ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
----------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าาาาา นิยาเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้ลงในโลกออนไลน์ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ
พูดคุยกันเพิ่มเติมได้ที่แฮชแท็ก #เราคงต้องเป็นแฟนกัน
"เขาว่ากันว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือมาขวาง แล้วการที่ผมจะจีบผู้หญิงสักคน ทำไมต้องมีมันมาวนเวียนอยู่ด้วยตลอดเลยวะ!?"
[/size]
FAHMUI
"กูจะจีบน้ำตาล!!"
"มึงมาทำไมเนี่ย! ไปไกลๆตีนกู๊ววว"
BEAM
"กูเพื่อนน้ำตาล"
"ติดรถไปด้วยดิ"
สารบัญ #เราคงต้องเป็นแฟนกัน
บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3806052#msg3806052)
ตอนที่ 1 พุดดิ้งกับเยลลี่หมี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3806450#msg3806450)
ตอนที่ 2 บีมบีม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3815468#msg3815468)
ตอนที่ 3 บีมบีมอะเกน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3826031#msg3826031)
ตอนที่ 4 คนไม่กากเป็นแบบนี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3836953#msg3836953)
ตอนที่ 5 พบปะพูดคุย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3859757#msg3859757)
ตอนที่ 6 แผนสำเร็จ(เหรอ?) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3882512#msg3882512)
ตอนที่ 7 แผนสำเร็จ(เหรอ)2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3884568#msg3884568)
ตอนที่ 8 ไม่ได้เมา แค่โลกมันดีเล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3897794#msg3897794)
ตอนที่ 9 ไม่เจ็บแล้วนะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3912421#msg3912421)
ตอนพิเศษ กระทงหลงทาง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3914555#msg3914555)
ตอนที่ 10 ทัวร์ติดชีวิตกากๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3918140#msg3918140)
ตอนที่ 11 เพราะคนอย่างเรามันเป็นแค่ที่ปรึกษา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3921634#msg3921634)
ตอนพิเศษ2 เค้ากับเตง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3924505#msg3924505)
ตอนที่ 12 เธอเป็นยังไง สบายดีไหมเธอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3934597#msg3934597)
ตอนที่ 13 ชอบครับ อยากได้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3936017#msg3936017)
ตอนที่ 14 เล่าระหว่างเรื่อง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3940990#msg3940990)
ตอนที่ 15 ตื่นๆมีเรื่องแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3946527#msg3946527)
ตอนที่ 16 ฝันดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3950391#msg3950391)
ตอนที่ 17 คิดอะไรอยู่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3961608#msg3961608)
ตอนพิเศษ3 ควันหลงสงกรานต์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3967173#msg3967173)
ตอนที่ 18 สับสน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3967448#msg3967448)
ตอนที่ 19 ทำไมต้องรู้สึก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3970393#msg3970393)
ตอนที่ 20 คนน่ารักมักใจร้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3982695#msg3982695)
ตอนที่ 21 โอ๋ รักกันๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3993235#msg3993235)
ตอนที่ 22 พักใจชั่วคราว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg3995844#msg3995844)
ตอนที่ 23 คิดถึงใครแปลว่ารัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4004070#msg4004070)
ตอนที่ 24 บีมของมุ่ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4005599#msg4005599)
ตอนที่ 25 เราคงต้องเป็นแฟนกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4010553#msg4010553)
ตอนที่ 26 ใจกาก อย่าปากเก่ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4015682#msg4015682)
ตอนที่ 27 เสือมุ่ยออกโรง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4022728#msg4022728)
ตอนที่ 28 เข้าใจความรักมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4028175#msg4028175)
ตอนที่ 29 HAPPY BEAM DAY (END) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66537.msg4029200#msg4029200)
ต่อตรงนี้จ้า
“เด็กๆ ใจเย็นๆ กันก่อนครับ!” เสียงเพื่อนบีมแทรกขึ้นมาก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม ผมเบ้ปากแล้วหันหน้าหนีมาอีกทาง ก็เห็นหน้าแป้นแล้นของบีมที่ส่งยิ้มแฉ่งมาให้ผม
“หึงเหรอ” เสียงกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาทำผมจักจี้ จนต้องระบายด้วยการตีไหล่หนาๆ นั่นหนึ่งป้าปแก้เขิน
“เดี๋ยวบีมก็จะโดนไม่ใช่น้อย” ผมแอบหยิกอีกหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้กับท่าทีของบีม ทำเป็นหัวเราะ เดี๋ยวมึงได้เคลียร์กับกูแน่
“อ่า วันนี้พวกพี่พาน้องมาเลี้ยงสายกันน้าน้องมุ่ย บรรยากาศกำลังสนุกเน้อ แหะๆ” คนหัวเทาพยายามหัวเราะเพื่อให้บรรยากาศคลายความตึงเครียดลง ผมเหล่มองเด็กสองคนนั้นก็เห็นว่าเพื่อนมันกำลังปลอบเด็กลูกเจี๊ยบอยู่ วุ้ย ขี้แยชิบเป๋ง
“ใช่ๆ ใจร่มๆ แล้วเรามาดื่มกันดีกว่าเนาะ มาๆ พี่ชงให้” พี่นิวโบกมือปัดๆ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักแล้วสะกิดพี่หน้าโหดอีกคนให้ชงเหล้าให้ผม
“น้องมุ่ยคงไม่เคยเจอน้องสองคนนี้ เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักกันก่อนนะครับ ก้อง มิน นี่น้องฟ้ามุ่ย อยู่ปีหนึ่ง คณะศิลปกรรม น้องมุ่ยครับ นี่ ก้อง น้องรหัสไอ้ปั้น กับมินน้องรหัสพี่เอง” ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งให้อย่างกวนๆ โดยมีไอ้ก้องส่งสายตาอัมหิตมาให้เหมือนกับพยายามระงับอารมณ์อยู่
“ค...คนนี้เหรอครับ ฟ้ามุ่ย” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางแอบเงยหน้าขึ้นมองผม แต่พอเห็นผมถลึงตาใส่ก็หดหัวกลับเหมือนเดิม
“เรียกชื่อกูทำไม ใครให้เรียก”
“พูดดีๆ ไม่เป็นรึไงวะ เห็นไหมว่ามินกลัว”
“เสือก กูไม่ได้พูดกับมึง”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” เด็กยักษ์หมดความอดทนซะแล้ว มันทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ผม แต่เด็กลูกเจี๊ยบรั้งแขนไว้ก่อน พร้อมกับบีมที่ดึงตัวผมเข้าหา
“อย่ายุ่งกับมุ่ย” บีมเอ่ยเตือนเสียงเข้มจัดพร้อมกับใบหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวที่ส่งออกมาผ่านแววตาคม
“ก้อง นั่งลง อย่ามีเรื่อง เราไม่ชอบ” พูดกับเพื่อนนะแต่สายตากลับมองมาที่บีม เหอะ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเด็กนี่ชอบบีม แววตาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ปากแดงๆ นั่นเบะลงอย่างน่าเอ็นดู ชวนให้นึกถึงตุ้กตานุ่มๆ น่าจับบีบ มันเขี้ยวเลยว่ะ
ผมสังเกตว่าไอ้เด็กคนนี้แม่งตัวขาวชิบ มึงจะเรืองแสงอยู่แล้วนะนั่น ขอยืมไปส่องตอนห้องไฟดับได้ไหมวะ คนอะไรจะขาวขนาดนั้น
“เราชื่อมินนะ เป็นน้องรหัสพี่ก้าน”
“กูชื่อมุ่ย”
“อืม เราพอจะรู้” น้ำเสียงเศร้าๆ ฟังแล้วหดหู่ชะมัด หน้าไอ้เด็กนีออนไม่เหมาะกับหน้าบู้บี้อย่างแรง ไม่สนุกเลยว่ะ มันอ่อนอะ เหมือนผมกำลังรังแกเด็กสองขวบอยู่เลย
“รู้จักกูด้วยรึไง”
“อึ้ม พี่บีมเล่าให้ฟังเมื่อกี๊” ผมหันขวับกลับไปมองบีมเอาแต่ยิ้มอย่างเดียวแถมยังวางคางลงกับบ่าผมอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“บีมอย่ามากระแซะได้ปะ ขนลุก” ลมหายใจของบีมคลอเคลียอยู่ข้างแก้มไปจนถึงบริเวณลำคอ ทำให้ใบหน้าผมร้อนวูบวาบขึ้นมา พยายามเบี่ยงหนีแต่คนตัวสูงก็ตามเบียดกันได้ตลอด จนผมเหนื่อยและปล่อยเลยตามเลย
“คิดถึง”
“นี่คิดถึงบีม ยังแค่จับมือเฉยๆ เลยอะ ไม่ได้วอแวสักนิด”
“อันนี้คิดถึงมาก”
“คิดถึงเท่าโลกยังไม่พูดเลย อย่ามาเกทับได้ไหมวะ”
“โอ๊ย! กูจะอ้วก” เสียงพี่นิวพูดแทรกดังขึ้นทำให้ผมผละจากบีมแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังต้องเคลียร์กับเด็กลูกเจี๊ยบอยู่นี่หว่า
“พวกมึงค่อยคิดถึงกันที่อื่นได้ไหมสัด กูละเบื่อ” พี่หน้าโหดยกแก้วขึ้นดื่มพลางทำหน้าเหม็นเบื่อจะแย่ ไม่มีคนให้คิดถึงอะดิ้ วุ้ยๆ
“มุ่ย...กับพี่บีมเป็นอะไรกันเหรอครับ” น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ เอ่ยออกมาแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยิน
เหี้ย...
“ผ่าน กูไม่ตอบ” เสียงจิ้จ้ะจากบีมดังขึ้นราวกับขัดใจในคำตอบ ผมต้องหันไปจุ๊ปากให้บีมอยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งกวน
“ส...แสดงว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน ร...เรายังมีสิทธิ์สินะ” เด็กนีออนพูดพึมพำกับตัวเองทำให้ผมได้ยินไม่ชัด แต่ดูจากสีหน้าที่เริ่มดีขึ้น และรอยยิ้มเล็กๆ นั่น สิ่งที่มันคิดอยู่ในหัวต้องเป็นสิ่งที่ผมไม่ปลื้มอย่างแน่นอน
“ไอ้เด็กหน้าวอก เมื่อกี๊มึงจับมือบีมทำไม” ผมตรงเข้าประเด็นทันที จนทำให้คนตรงหน้าสะดุ้งโหยงหันไปสะกิดเพื่อนพลางทำหน้าอ้อนให้ช่วยตอบ
“มันมืด”
“ตอบเหมือนกูโง่อะ มึงอ่อยบีมเหอะ ดูออก”
“ร...เราเปล่า! ไม่ใช่อย่างที่มุ่ยคิดนะ” มือไม้โบกปฏิเสธให้วุ่นไปหมด หน้าแดงแล้วแดงอีก แดงลามไปทั้งตัว
“อย่ามาอ่อย บีมมีคนที่ชอบแล้ว ใช่ไหม?” ผมถามแกมส่งสายตากดดัน แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อให้ผมใจเต้นเล่นๆ
“ไม่รู้สิ”
“อ้าว! บีม ต่อยกับกูเลยเถอะ พูดงี้” ผมกระชากมือตัวเองออกทันทีด้วยความไม่พอใจ แต่บีมก็ไม่สะทกสะท้านมองผมด้วยแววตาวาววับ ไอ้ตัวดี ไอ้บีม มึงแม่ง
“มึงไม่เคยพูดอะไรนี่น้องมุ่ย”
“มึงก็รู้อะ”
“ไม่รู้หรอกถ้าน้องมุ่ยไม่พูด”
“เดาเอาดิ ง่ายๆ”
“เดาไม่ได้เลย”
“คิดสิ เรียนวิศวะนี่”
“ต่อให้เรียนหมอก็คิดไม่ออกหรอกนะ”
“บีม!”
“ครับ” ผมบอกเลยว่าผมเกลียดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากบีมมาก แม่งเอ้ย กูแพ้มันอีกแล้ว ฮึ่ย
“ถ้าพี่บีม! ...” เสียงเด็กลูกเจี๊ยบแทรกเข้ามาทำให้ผมกับบีมหันไปมอง มือเล็กๆ กำแน่นเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างที่มันไม่ดีต่อใจกูแน่ๆ เวรเถอะ ไอ้เด็กเอสี่ อย่าพูดออกมาเชียวนะ
“ถ้าพี่บีมยังไม่มีใคร มิน...มิน...”
“พูดเลย” เสี้ยม ไอ้เหี้ยนี่ก็เสี้ยมจัง ไอ้ก้องต้องซักยกกับกูแล้วล่ะ
“มินขอจีบพี่บีมได้ไหมครับ” สิ้นเสียงคนตัวเล็กพูด
“เหี้ย!” เสียงอุทานประกอบฉากอันแสนน่ารักดังมาจากเพื่อนของบีม อืม ผมว่านาทีนี้ไม่มีคำไหนเหมาะเท่าคำนี้อีกแล้วล่ะ
...
เหี้ย!
“ไอ้เด็กลูกเจี๊ยบ...” เงียบไม่ถึงอึดใจ ผมก็กระเถิบตัวเองเข้าหาเด็กนั่นทีละนิด ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง
“...”
“ไอ้เด็กนีออน...” เข้าหาทีละนิด จนใบหน้าของผมกับมันห่างกันเพียงไม่กี่คืบ
“...”
“พูดออกมาแบบนั้น...” ผมใช้ปลายนิ้วเชยคางเด็กน้อยให้เงยหน้ามามองกัน แววตากลมโตสั่นระริกแต่ก็แฝงด้วยความใจสู้
ผมยกยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำเวลาเจอพวกศรันย์ แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้อีก จนเห็นทุกรายละเอียดบนใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ไม่เว้นแม้กระทั่งริ้วสีแดงระเรื่อที่พาดผ่านช่วงหน้าแก้มลามไปถึงใบหูน้อยๆ นั่น
หลงกูละสิ้ ฮิฮิ
มองหน้ากู นั่นแหละ ดี มองให้ชัดๆ
“ไม่ให้หรอกนะ” ผมเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปกระซิบติดชิดใบหูแดงก่ำ
“ม...มุ่ย” เสียงครางเครือเอ่ยออกมาเรียกร้องให้ผมออกห่าง แต่ผมไม่ทำ หางตาแอบเห็นหยาดน้ำร่วงล่นผ่านแก้มใสนั่น ทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แกล้งคนอ่อนแอกว่า สะใจจริงโว้ย!
“บีมน่ะ ของกู”
“ฮึก...”
“ฟังอีกครั้งนะครับ”
“ออกห่างจากเพื่อนกู!” เป็นไอ้เหี้ยก้องที่ผลักตัวผมออกอย่างแรงจนเซไปชนเข้ากับอกแกร่งของบีม ไอ้เด็กเหี้ย ผลักมาได้ เจ็บชิบ
“ฮึก! ฮือ” ปล่อยโฮออกมาจนได้ กูยังไม่ทันทำอะไรเลย แกล้งนิดเดียวเองอะ
“ก้อง” เสียงเรียกคำรามต่ำอยู่ในลำคอ ของคนที่เอาตัวเองรองรับผมไว้ แต่ผมเอื้อมมือตบเบาๆ ที่อกแกร่งเป็นเชิงว่าอย่าเพิ่งยุ่ง รู้ว่าอยากกระทืบไอ้เด็กห้าวตีนนี่แต่ยังไม่ถึงเวลาหรอกนะ
“ฟังไว้ ไอ้เด็กนีออน!” ผมลุกขึ้นยืนตะโกนเสียงกร้าว ซึ่งไม่รู้หรอกว่าดังแค่ไหน และไม่รู้ด้วยว่าคนอื่นๆ ในร้านจะได้ยินหรือเปล่า นาทีนี้ผมสนแค่ทำยังไงก็ได้ให้เด็กมินจำใส่ใจไว้ให้แม่นๆ
“ฮือ”
“บีมอะของกู!”
“...”
“ว้าว...”
“กูชอบบีม!”
“เชรด...”
“กูชอบมันมาตั้งนานแล้วเด็กโง่! กูกลับมาก็เพื่อจะบอกว่าชอบมันนี่แหละ!”
“...”
“ชิบหาย! กล้ามากนะ มาขอจีบบีมต่อหน้ากู หน๊อย! ฝันไปอีกสิบชาติ ไม่ให้จีบโว้ย!”
“...”
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงมาตามเจ๊าะแจ๊ะบีมนะ แค่วันนี้ก็เกินพอ กูหึงมาก! พูดเลย! ให้ตายดิวะ...”
“ฮือ...เราขอโทษ...ขอโทษที่ชอบพี่บีม”
“ขอโทษทำไม! อย่ามางอแงนะ! กูบอกเหรอว่าห้ามชอบบีม กูบอกว่าห้ามจีบ! บีมมีกูแล้ว”
“เราไม่เข้าใจ”
“ความชอบมันเลิกได้ง่ายๆ ที่ไหน กูเคยลองแล้ว อย่าโง่ ไอ้เด็กลูกเจี๊ยบ!”
“ฮึก...มุ่ยหมายความว่าไง”
“ไม่รู้! กลับไปคิดเอง พี่กูบอกมาแบบนี้! กูจำเขามา!”
“...”
“ถ้ากูยังเห็นมึงมากระแซะๆ เข้ามาสิกับบีมอีกนะ กูจะเอา...นี่!” ผมมองกวาดทั่วโต๊ะหวังหาอะไรมาขู่ สายตาก็เหลือบไปเจออาวุธลับ
“เห็นช้อนไหม กูจะใช้มันเคาะหัวมึงให้ร้องไห้แงๆ เหมือนวันนี้อีก จะลองไหม หา!” ผมถลึงตาชูช้อนขึ้นขู่ เอาดิมึง กล้าไหมล่ะ
ตุ้บ!
“เหี้ยๆ จะล้มๆ”
“ฮือ มุ่ย เราขอโทษ!” จู่ๆ ไอ้เด็กนีออนก็โผเข้ามากอดผมเข้าอย่างจังจนตัวเองเซล้มลงกับโซฟา เวร! ดีนะไม่กระแทกกับพื้น
“เห้ย!” เสียงอุทานดังขึ้นอีกระลอกจากเหล่าเพื่อนบีม อย่าว่าแต่พวกนั้น ผมก็เห้ยเหมือนกัน
เดี๋ยว...
มึงมากอดกูทำไมเนี่ย!?
“อะ...อะไรของมึงไอ้ลูกเจี๊ยบ” ผมเป็นงงหนักมากเมื่อมันเอาแต่ซุกแล้วก็ซุกกับอกผม ร้องไห้แงๆ จนสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณนั้น มือไม้ยกขึ้นเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก สมองคิดไม่ตกว่าจะปลอบหรือจะผลักเด็กนี่ออกดี
“ฟื้ด...เราไม่รู้ เราแค่ชอบพี่บีม เรา...ฮึก ไม่รู้ว่ามุ่ยกับพี่บีมคบกัน”
“ยัง! กูยังไม่ได้ขอเลย มั่ว!”
“น...นั่นแหละ มุ่ยไม่โกรธเรานะ ไม่โกรธเราได้ไหม เราไม่จีบพี่บีมแล้ว ฮือ” แรงรัดจากอ้อมแขนเด็กนีออนแน่นขึ้น ใบหน้าที่เลอะไปด้วยคราบน้ำหูน้ำตาผละออกมาแล้วช้อนตาขึ้นมองอย่างขอความเห็นใจ
ม...เหมือนแมวเลยว่ะ
“มุ่ยยก ฮึก ยกโทษให้เรานะ”
แมว แมวชัดๆ ผมใช้มือสองข้างของตัวเองประกบเข้าที่ข้างแก้มเด็กลูกเจี๊ยบ บีบเข้าหากันจนหน้ายู่ คิ้วขมวดกันแน่นอย่างใช้ความคิด
เออ หน้าบู้บี้ชิบหาย
“กู -” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรแขนผมก็ถูกดึงออกจากคนข้างหลัง ทำให้หลุดจากอ้อมกอดของเด็กแมว
“อะไรของบีมเนี่ย...” สีหน้าถมึงทึงบ่งบอกถึงความไม่พอใจออกมาชัดเจนจ้องมองมาที่ผมอย่างคาดโทษ แล้วหันไปพูดกับไอ้ก้องด้วยน้ำเสียงดุจัด
เหี้ย เสียงโหด เหมือนโกรธใครมา
มีแววว่าจะเป็นกู
“ดูแลเพื่อนมึงดีๆ ก้อง” ไอ้ก้องรับเพื่อนตัวเองที่เซเข้าหาไว้ได้ทัน แต่เหมือนเด็กแมวจะไม่ยอม พยายามสะบัดมือตัวเอง อ้าแขนจะวิ่งเข้ามาหาผม
กูถามจริง!?
เป็นอะไรของมึง!
“กลับกันได้แล้ว” บีมเปลี่ยนจากจับแขนมาโอบบ่าผมไว้หลวมๆ
“มุ่ย...ฮึก!” เรียกผมได้แอะเดียว ตาคู่สวยของบีมก็ตวัดมอง จนน้องมันถึงกับต้องฮึบไว้ด้วยความกลัวโดนดุ โดยที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองมาที่ผมตาละห้อย
“พาเพื่อนมึงกลับไปพักซะ กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ อย่าทำอีก” บีมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง สายตาทอดมองไปยังไอ้ก้องอย่างเฉยชาแต่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด และเป็นไอ้เด็กยักษ์ที่หลบตาบีมก่อน เอ๊ะ? แปลกๆ นะ
“อย่ายุ่งกับน้องมิน” บีมเอ่ยเสียงแข็ง จนผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับบีมอย่างไม่เข้าใจ เหมือนคนตัวสูงจะรับรู้ได้ถึงความงงงวยของผม แววตาคู่นั้นจึงกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง และกลายเป็นผมซะเองที่รู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆ จนต้องหันหน้าหนี
“อะไรของบีมอะ”
“อย่ามองให้มาก”
“หวง?”
“ใช่”
“หวงมิน?”
“ไม่...”
“แล้ว...หวงใครอ่า” อะ อะ แกล้งๆ ถาม
“หวงมึง”
ไอ้บ้า...
พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย บีม
บีม เนี่ยน้า
...เหี้ยเอ๊ย จะกลั้นยิ้มไม่ไหวแล้ว ฮุบ!
********************************************
หวีดเด็กๆและพูดคุยกันได้ที่ #เราคงต้องเป็นแฟนกัน
บีมของใครนะคะ?
มาแล้วค่ะทุกคนนน บทนี้สงสารน้องมินมาก แต่มุ่ยก็น่ารักมากๆเช่นกัน
ตอนต่อไปมาแอบดูพี่บีมน้องมุ่ยเค้าเคลียร์ใจกันนะคะ หุหุ
ฝุ่น PM 2.5 มาแล้ว อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านและดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
Follow me on twitter @chanadbears
ต่อสุดท้ายแล้วจ้า
พลั่ก!
“เสือ ม...มุ่ย ยังไม่ได้ออกโรงเลย ฮึบ” น้องมุ่ยอาศัยจังหวะที่ผมกำลังคุยกับตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง ผลักให้ผมนอนหงายลงกับเตียง ก่อนจะวาดขาขึ้นคร่อม เหตุการณ์คลับคล้ายคลับคลาจนต้องตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ
“ทำอะไร...ครับ”
“ถ..ถ้ากูขึ้นให้แบบนี้...อ้ะ! เจ็บ” ก้อนกลมกลึงเบียดทับกับส่วนที่ยังไม่สงบพลางขยับเบาๆ ผมรู้สึกราวกับกระแสความร้อนแล่นไปรวมกันอยู่จุดศูนย์กลางในขณะที่ตัวเองกำลังมึนเบลอกับแผ่นอกขาวๆ ล่อตาล่อใจตรงหน้า พอลากสายตามองขึ้นไปยังใบหน้าใส ก็ปรากฏรอยยิ้มอันแสนน่ารักที่ส่งมาให้ ซึ่งพุ่งตรงกระแทกเต็มแรงจนหัวใจเต้นกระหน่ำรัว
แม่งเล่นกูแล้ว
“มัน...จะเจ็บน้อยลงอย่างที่เขาว่าปะ?”
**************************************
ขออภัยนักอ่านทุกท่านที่หายไปน๊านนนนนนนนน นานนนนน
แต่เรากลับมาแล้วค่ะ
พาเสือมุ่ยมาด้วย โฮกปิ๊ป!
ฉากนี้เขียนนานมากค่ะ กับการเขียนฉาก nc ครั้งแรกอาจจะมีเว้าแหว่งไปบ้างในเรื่องสำนวนภาษา ต้องขออภัยด้วยนะคะ T^T
แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันด้วยนะค้า
พูดคุยกันได้ที่
TWITTER : @chanadbears
ต่อตรงนี้จ้า
“น้องมุ่ย”
“เย้ย! อ..อาม๊า”
“กลับมาได้ซักทีไอ้ตัวดี”
“อ..อาเตีย”
ผมยืนช็อคอยู่ตรงนั้น ตาเบิกกว้างจนแทบถลนที่เห็นเตียกับม๊ายืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่หน้าบ้านโดยมีเฮียคราม เจ้าใส และพี่นายยืนขนาบข้างทั้งสองฝั่ง สรุปรถคันไม่คุ้นตานั่นคือของเตียกับม๊าเหรอ!?
ชิบหายแล้ว
“ม...แหม๊ พร้อมหน้าพร้อมตาเชียวบ้านนี้ ฮะๆ” ผมยกยิ้มราวกับดีใจอย่างถึงที่สุดพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าลวกๆ รีบก้าวเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วสวมกอดหม่าม๊าที่รักก่อนคนแรก
“ใครว่าจะลงไปหาม๊าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน” ม๊าพูดเสียงเรียบนิ่งแต่ก็ยอมกอดตอบทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย จึงผละออกมาหอมแก้มนิ่มทั้งสองข้างดังฟอดอย่างเอาใจ แล้วเอ่ยตอบกลับไปเสียงหงอยๆ
“มุ่ยไม่ว่างเลยม๊า มุ่ยยุ๊งยุ่ง งานเยอะมากจนจะทับน้องตายอยู่แล้วอะ” ด้วยความเป็นผู้หญิงใจดีของม๊าจึงทำนิ่งขรึมได้ไม่นานก็หลุดยิ้มออกมา สองมือมุ่งตรงเข้ามาหยิกแก้มใสให้ยืดออกอย่างมันเขี้ยวในตัวลูกชายคนนี้
“เชื่อดีไหมเนี่ยเราน่ะ”
“เชื่อฉัน อย่าหลงไปเชื่อใคร ฉันนี้แหละห่วงใย รักแท้และแน่จริง” ผมแกล้งร้องเพลงหยอกทำสาวสวยตรงหน้าหัวเราะเบาๆ
“กะล่อนจริงๆ” ผมสวมกอดแน่นๆ อีกครั้งแล้วผละออกมาหาชายชาตรีอันดับหนึ่งในดวงใจของผมอีกคน
“คิดถึงเตียเหมือนกัน” ผมโผเข้ากอดทันทีไม่รอให้เตียพูดอะไรทั้งนั้นพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาเข้าให้อย่างเต็มฟอด
“ตัวดี ไม่ต้องมาอ้อน หึ” เตียสูงพอๆ กับเฮียคราม การที่อายุเยอะขึ้นไม่เคยทำลายความหล่อของผู้ชายคนนี้ได้ หน้าตาเหมือนผมอย่างกับแกะ! ให้ตายสิ ผมนี่มันหล่อได้พ่อจริงๆ
“อย่างอนน่า เตียต้องดีใจสิ การเรียนมหา’ ลัยของมุ่ยเป็นไปอย่างราบรื่นเลยนะ ไม่มีปัญหาสักกะแอะเดียว” ผมโม้เสียงดังอย่างภาคภูมิใจ หึๆ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ติดสินบนเจ้าใสไว้เยอะ เรื่องเลยไม่เคยถึงหูของเตียกับม๊า รอดตัวแล้วกู
“ไม่มี หรือเตียกับม๊าไม่รู้กันแน่ ฮึ”
“ไม่มี๊!”
“แล้วนั่นเพื่อนเรามาส่งหรือ ไม่เรียกเขาเข้ามาด้วยล่ะ ให้เพื่อนยืนรอได้ยังไงเด็กคนนี้” ม๊าถามพลางชะเง้อมองไปยังรถของบีม ผมจึงหันขวับกลับไปทันทีเมื่อเพิ่งนึกได้ ก็เห็นบีมยืนรออยู่ที่รถพลางส่งยิ้มมาให้
ชิบหายแล้วกู
บ้านถล่มแน่
“ใช่เพื่อนเร้อ”
“เฮียห้ามพูด!” ผมเอื้อมมือฟาดแขนเฮียครามดังเพียะโทษฐานที่พูดอะไรไม่รู้ออกมา แต่ด้วยความเป็นเฮีย สำนึกน่ะมีที่ไหน ยังลอยหน้าลอยตาพูดออกมาเฉย
“เฮียพูดได้ ไม่มีใครมาอุดปากไว้สักหน่อย อิอิ”
“อ้าว ไม่ใช่เพื่อนเราเรอะ” เตียถามอย่างสงสัย พอผมจะหันไปปฏิเสธ ม๊าก็อุทานออกมาก่อน
“หรือว่าเด็กคนนั้นคือพี่บีม พี่บีมใช่ไหมคะน้องนาย” ม๊าหันไปถามคนที่รู้เรื่องที่สุดในบ้านนี้ และคำตอบของพี่นายก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง
“ใช่ครับ”
ยกเว้นผม แง!
“น้องมุ่ย!” สองเสียงของสองบุคคลผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านร้องเรียกประสานกัน ผมหลับตาปี๋เตรียมตัวโดนด่า ปากก็เอ่ยคำขอโทษเสียงดัง
“อย่าด่าน้อง น้องขอโทษ!” ม๊าไม่อยู่รอฟัง กลับรีบเดินเข้าไปหาบีมแล้วร้องเรียกเสียงหวานยิ่งกว่าชื่อลูกตัวเอง
“พี่บีมลูก” บีมยกมือไหว้อย่างสวยงามพร้อมรอยยิ้มอันแสนหล่อเหลาประจำตัว แล้วประคองม๊าที่จูงมือพาบีมเดินเข้ามาหาพวกเรา
“สวัสดีครับคุณน้า คุณอา”
“มาคุณนงคุณน้าอะไรกัน เรียกม๊ากับเตียนะลูกนะ” ม๊ายิ้มใจดีก่อนจะสวมกอดหลวมๆ แล้วจึงผละออกมาทำหน้าเศร้า ทำเอาผมเป็นงง ม๊าเป็นอะไรอะ เกิดอะไรขึ้น?
“ม๊าเห็นใจพี่บีม เหนื่อยมากไหมลูก” คนสวยของผมยืนลูบผมบีมแล้วทำหน้าเศร้าอย่างเห็นใจ บีมมองมาที่ผมแล้วส่งสายตาถามนี่คืออะไร ผมส่ายหน้ายึกยักอย่างไม่รู้เหมือนกัน
“ม๊า?” ผมแตะแขนม๊ากำลังจะเอ่ยแต่ไม่ทันคนตรงหน้าซะก่อน
“กับน้องมุ่ยเขาน่ะ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าดื้อมากๆ ม๊าอนุญาตให้ดุได้เลยนะคะ”
“ม๊า! อะไรเนี่ย” เหวอเลยกู อยู่ๆ มาหาว่าผมดื้อได้ไงเนี่ยครับ คนดีกว่าผมก็นายกแล้ว
“ไม่ต้องพูดเลยเรา ทำพี่เขาเหนื่อยมากี่ครั้งแล้วอย่าคิดว่าม๊าไม่รู้นะ”
“ผมไม่เหนื่อยเลยครับ น้องมุ่ยน่ารักมาก”
“น่ารักกับผีน่ะสิเด็กคนนี้น่ะ”
“เตีย!” ผมหันไปแหวสุดหล่อที่ยืนข้างๆ กัน ทำหน้ามุ่ยบึนปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็โดนเขกหัวเข้าให้ดังป้อก แล้วเตียก็เอื้อมมือตบบ่าบีมสองสามครั้งพลางแสดงสีหน้าไม่ต่างกันกับม๊าเล่นเอาผมนี่ชอกช้ำระกำใจ นี่ลูกนะ นี่ลูกเอง แงงง
“เฮ้อ ไม่รู้หลงมาชอบเด็กดื้ออย่างนี้ได้ยังไง”
“เตีย! เตียหวงมุ่ยหน่อย นี่มุ่ยลูกชายเตียเอง!”
“อาบีม ถ้ามันดื้อนักนะ ก็เลิกไปเลย” เตียอย่ามาแช่งกันนะ!
“ไม่เลิก!” ผมตะโกนเสียงดัง เดินเข้าไปยืนข้างบีมแล้วคว้ามือใหญ่เข้ามาจับประสานแล้วชูขึ้นให้ทุกคนดู
“อะไร เตียไม่ได้คุยกับเรา”
“ไม่ให้เลิกหรอก ห้าม!” บีมบีบมือผมกลับราวกับจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ ไม่เย็นมันแล้วโว๊ย!
“แล้วเป็นอะไรกันถึงไปห้ามเขาน่ะ หือ”
“คนนี้ชื่อบีม บีมเป็นแฟนมุ่ย!”
“...”
“แฟนมุ่ยเอง เราคบกัน บีมแฟนมุ่ย มุ่ยแฟนบีม!”
“...”
“อ้อ”
อะ อ้าว ไม่ตกใจกันหน่อยเหรอ
เป็นการตอบรับที่สั้นมาก ผมคิดไว้ในหัวว่าทั้งสองคนจะต้องตาถลนแน่นอน แต่นี่มันอะไร ใบหน้านิ่งเฉยกับคำตอบสั้นๆ นั่น ไม่ตกใจกันเลยเหรอครับเนี่ย
“เข้าบ้านกันดีกว่าครับทุกคน ไปนั่งคุยกันสบายๆ ในบ้านดีกว่า ตรงนี้มันร้อนนะ” พี่นายเอ่ยขัดขึ้นแล้วผายมือให้ทุกคนเข้าบ้านก่อนที่แสงแดดกำลังจะไล่มาถึงตัว
“...” ง่ายๆ อย่างนี้เลย?
“มาๆ เข้าบ้านกันลูก ม๊ามีเรื่องจะคุยกับพี่บีมเยอะแยะเลย” ม๊ากอดแขนบีมแล้วพากันเดินคุยกระหนุงกระหนิงเข้าบ้านเป็นคู่แรก ตามด้วยเสียงตะโกนเรียกของผมที่ไม่หันกลับมามองกันเลยสักคน
“ม๊าๆ น..น้องมุ่ยอยู่นี่ ม๊า เดี๋ยว ม๊า!”
“หมาหัวเน่าโว๊ย! หมาหัวน่าวววว” นี่ไง มันมีตัวเสี้ยมอยู่นี่ไง!
“ไอ้เฮีย!”
“ว้าก! อย่ามากัดเฮียนะเว้ย! นายช่วยด้วย!”
หลังจากนั่งถามไถ่กันสักพัก ฟ้าใสก็ขอตัวไปทำกับข้าวโดยมีพี่นายเข้าไปช่วยด้วยอีกแรง ผมยังนั่งหน้าสลอนคอยเถียงเวลาที่ม๊ากับเฮียครามแฉวีรกรรมของผมตอนเด็กๆ ผลสุดท้ายก็โดนม๊าไล่มาสับหมูอยู่ในครัว ห่วงบีมก็ห่วง เขายังงงอยู่เลยว่าทำไมปฏิกิริยาของทั้งคู่ถึงได้นิ่งขนาดนั้น ต้องพูดตรงๆ ว่าการที่ผมมีแฟนก็ว่าช็อคแล้ว นี่ยังเป็นบีมที่เป็นผู้ชายอีก
โอเคที่เฮียก็มีพี่นาย แต่วันที่เฮียครามกับพี่นายมาหาที่บ้านแล้วบอกกับเตียและม๊าว่ากำลังคบกันอยู่ วันนั้นบ้านแตกแค่ไหนผมยังจำได้ไม่ลืม
อิหยังวะ?
“สับนิ้วตัวเข้าไปด้วยสิ เหม่อขนาดนั้น” ใสทัก ผมถึงได้หลุดออกจากภวังค์ ก็เห็นว่าหมูที่ผมกำลังสับนั้นละเอียดอยู่ข้างเดียวอีกข้างยังเป็นหมูชิ้นอยู่เลย
“ใส ใสไม่เข้าใจเฮีย” ผมลงแรงสับๆ แล้วตัดพ้อน้องตัวเองไปด้วย ปากคอเราะร้ายเหมือนพี่นายเข้าไปทุกวัน น้องสาวคนดีของเฮียไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฮืออ
“มีใครเข้าใจเฮียมั่ง อ่อ มีเฮียบีม”
“เอ๊ะ? หรือว่าเตียกับม๊ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเฮียคบกับบีมวะ” ผมฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วหันไปถามใสที่กำลังชิมน้ำแกงในหม้อ
“รู้ตั้งนานแล้วเหอะ”
“เห้ย ใครบอก” ผมหยุดสับแล้วหันมาถามอย่างตกใจ
“เฮียครามดิ”
“หนอย!” กำหมัดแล้วกู กำหมัดแล้ว!
“กูด้วย” พี่นายหันมาตอบผมอีกคนแล้วจับปลานิลตัวใหญ่ลงทอดจนได้ยินเสียงน้ำมันโดนน้ำดังฉ่า
“พี่นาย!”
“เตียกับม๊าเขาถาม กูก็ต้องบอกไหม”
“เนี่ย อย่าบอกนะว่าวันนี้ก็หลอกให้มาเจอกันอะ”
พี่นายยกยิ้มมุมปากแต่ไม่พูดอะไร ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ากูโดนหลอกอีกแล้ว โว๊ยยยย
“เขา รับได้กันไหม ในตอนแรก”
“ก็อึ้งนะ แล้วหลบไปคุยกันสองคน จากนั้นก็ให้กูกับครามคอยดูให้” พี่นายยืนทิ้งสะโพกพิงกับเคาเตอร์ครัวพลางแกะเปลือกกระเทียมไปด้วย
“ไม่มีโกรธเลยเหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่คงจะโกรธแน่ๆ ถ้าไม่ยอมพามาเจอสักที” ผมนิ่งให้กับคำตอบ แล้วหันมาสับหมูอีกครั้ง เห็นผมแบบนี้ผมก็กลัวนะ กลัวว่าความรักของผมกับบีมจะไม่ได้ไปต่อ ถึงไม่กล้าพามาเจอกันสักที ผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ ถ้าทั้งสองคนสั่งให้เลิก แน่นอนว่าผมคงดื้อที่จะยังคบกับบีมแต่เตียกับม๊าก็จะเสียใจเช่นกัน
ผมไม่ท้ออยู่แล้วถ้าวันหนึ่งจะต้องพิสูจน์ความรักให้เตียกับม๊าเห็น แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ยอมเลยล่ะ ผมจะทำยังไง ยังคิดไม่ออกเลย
“อย่าคิดมาก เขาคงเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมาตั้งแต่ตอนกูกับเฮียมึงแล้ว”
“ฮือ”
“ไม่ต้องมาเบะ กับตัวเองกูยังสู้ไม่ถอย กับน้องโง่อย่างมึงกูก็ต้องสู้ให้หน่อยสิวะ”
“รักพี่นาย”
“ไม่ต้องมากอด อี๋ น้ำลาย! แม่งเอ๊ย” ผมโผเข้ากอดพี่นายอย่างแรงจนเซด้วยกันทั้งคู่ โดนด่าเช็ดเพราะเกือบชนเข้ากับกระทะ ผมเขย่งตัวหอมแก้มพี่มันสองข้างแล้วกอดแน่นๆ อีกทีก่อนจะผละออกมาแล้ววิ่งไปกอดฟ้าใสน้องรักอีกคน
“ใสว่ากับข้าวจะไม่เสร็จเพราะเฮียมุ่ยอะ”
“รักใสด้วย ฮือ”
“ง่ะ น้ำลายอะเฮีย”
“กูเอากล้องมาแล้ว อยู่ในห้องมึงอะ ไปเลือกดูเลย อยู่ตรงนี้เกะกะชิบ”
“หึ้ย เกือบลืมเลยอะ เดี๋ยวมานะ!” ผมตาลุกวาว ปล่อยมือจากการสับหมูมาล้างมือแล้ววิ่งออกจากครัวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วโดยมีพี่นายตะโกนด่าตามหลังว่าห้ามวิ่งขึ้นบันได
มื้อเย็นของพวกเราผ่านไปได้ด้วยดี แต่ออกจะน่าหมั่นไส้นิดๆ ตรงที่ตอนนี้ผมคือหมาหัวเน่าตัวจริงเสียงจริง ส่วนบีมก็ขึ้นแท่นลูกรักของม๊าไปแล้ว ตักกับข้าวให้จนพูนไปหมด เฮอะ ก็แค่วันนี้วันเดียวแหละวะ
แต่ผมก็แอบดีใจนะที่ทุกคนดูชอบบีม ไม่เว้นแม้แต่กับเตียเองก็ดูชอบบีมมันเหมือนกัน ผมเห็นนั่งคุยเรื่องรถกันอย่างออกรสออกชาติ เฮ้อ โล่งเลยแฮะ
บีมต้องกลับไปนอนที่หอเพราะมีเรียนแต่เช้าในวันพรุ่งนี้เลยต้องกลับก่อนเพราะบ้านผมอยู่ไกลจากมหา’ ลัยค่อนข้างมาก ก่อนจะจากกันเตียกับม๊าก็ชวนให้ไปเที่ยวที่บ้านใหญ่ด้วย ผมก็ได้แต่ลอบยิ้มกึกๆ อยู่คนเดียว ทำไงดี ผมดีใจมากจนทนไม่ไหวแล้ว
“ขับรถกลับดีๆ นะลูก ถ้าง่วงก็จอดพักก่อน”
“ยังไม่สามทุ่มเลยม๊า”
“เอ๊ เด็กคนนี้ ก็ม๊าเป็นห่วงพี่เขา เราน่ะไม่ได้กลับไปด้วยยังจะมาขัดม๊าอีก” ผมทำปากขมุบขมิบล้อเลียนที่ม๊าพูด จนโดนพี่นายโบกเข้าให้ ความจริงแล้วก็จะกลับไปด้วยกันแหละครับแต่บีมก็ปฏิเสธ อยากให้ผมอยู่กับครอบครัวนานๆ ม๊าเลยยิ่งรักมันเข้าไปอีก
มุ่ยยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ม๊าบอกรักมุ่ยสักคำยังอะ แง
“กลับดีๆ ล่ะอาบีม ถ้าง่วงก็จอดพักอย่างที่ม๊าเขาบอก”
“ครับเตีย ผมไปแล้วนะครับม๊า”
“เดินทางปลอดภัยลูก” เป็นผมที่เดินออกมาส่งบีมคนเดียว ก่อนที่บีมจะเปิดประตูรถ คนตัวสูงก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ผมกะจะถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า แต่ก็ต้องกลืนมันไปพร้อมกับอ้อมกอดแข็งแรงของคนตรงหน้าอย่างงุนงง
“หือ?” ผมยอมกอดตอบแต่โดยดี นานเกือบนาทีบีมถึงผละออก ใบหน้าหล่อมองมาที่ผมโดยไม่แม้แต่จะละสายตาไปที่อื่นและจ้องค้างอยู่อย่างนั้น
“รักน้องมุ่ยนะเนี่ย รู้ใช่ไหม”
“ก็รักเหมือนกันป้ะ จะขิงว่ารักมากกว่าเหรอ”
“กูสัญญากับเตียกับม๊าว่าจะดูแลน้องมึงอย่างดีที่สุด”
“ทุกวันนี้ก็ดีมากแล้วนะ มากกว่านั้นคือกระเตงกูแบบเบบี๋แล้วอะ” บีมกดจูบบางเบากับหน้าผากผม แต่เนิ่นนานราวกับบีมต้องการให้ผมสัมผัสถึงความรู้สึกทั้งหมดของเขาที่มีให้กับผมคนนี้
“รักว่ะ หมามุ่ยเอ๊ย”
“รักว่ะ หมาบีมเอ๊ย”
ผมเข้าใจความรักมาอีกนิดหนึ่งแล้ว วันๆ หนึ่งมันจะเท่าไรกันเชียวกับการที่มีคนที่เรารักและรักเราอยู่ข้างๆ มันเพียงพอซะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แค่เรามองหน้าและยิ้มให้กันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำบอกรักหวานๆ อื่นใดออกมาหรือการกระทำที่มันไม่ใช่ตัวตนของเรา สุดท้ายแล้วเราทั้งคู่ก็ยังเข้าใจความหมายและความรู้สึกที่มีให้กัน
ว่ามันคือเรื่องจริง และชัดเจนที่สุดในใจของเราสองคนแล้ว
**************************
น่ารักกันเรื่อยๆ
คิดถึงนักอ่านทุกคนนะคะ
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีสำหรับทุกคน เป็นวันแห่งความรักที่ได้มอบให้กับคนที่เรารักและรักเรา
ใครที่ยังไม่เจอความชัดเจนหรือรอเวลานั้นมาถึง ขอให้อย่าลืมรีบแสดงความรักให้กันทันทีเลยนะ
อยู่เป็นเพื่อนน้องมุ่ยกับพี่บีมไปจนถึงตอนหน้าเลยนะคะ ตอนสุดท้ายแล้ว อีกนิดเดียววว
ขอบคุณที่ติดตามกัน
วันที่ 23 เดือน XX ปี XX
“บีม! เดี๋ยวกลับห้องมากินเค้กกันนะ กูสั่งไว้แล้ว ใหญ่เท่านี้เลย” น้องมุ่ยทำท่าทางโชว์ให้ผมดูถึงขนาดของเค้กที่น้องจะสั่งมาเซอไพรส์วันเกิดผม ตอนแรกก็วางแพลนไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวกันแต่ดันมาติดงานโอเพนเฮาส์ที่จะจัดในวันพรุ่งนี้พอดี ทั้งผมทั้งน้องก็โดนเรียกตัวให้ไปช่วยงาน ยิ่งชมรมน้องมุ่ยยิ่งวุ่นวาย เห็นว่างานบางคนที่จะจัดโชว์ยังไม่เสร็จเลยต้องรีบแก้งานกันใหม่ น้องเลยสั่งเค้กมาแทนและคิดว่าน่าจะซื้อข้าวเข้ามากินแล้วก็นอนดูหนังกัน
น้องไม่พอใจใหญ่เลยเพราะอยากพาผมไปเที่ยววันนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะต้องเอางานมหา’ ลัยให้เสร็จซะก่อน
ไอ้น้องบูก็ซื้อของขวัญมาให้วางอยู่ที่โซฟาก่อนจะออกจากห้องไปในช่วงเช้า ไม่นานก็มีสายเข้าจากที่บ้านซึ่งก็เป็นพ่อกับแม่ที่โทรมาอวยพรวันเกิด โทรมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เร่งให้พาน้องมุ่ยไปหาได้แล้วเพราะอยากเจอตัวจริงจะแย่
ผมบอกทั้งคู่ตั้งแต่ตอนที่มั่นใจแล้วว่าชอบน้องจริงๆ ส่งรูปน้องให้ที่บ้านดู พวกเขาตกใจนิดหน่อยแต่ก็พยายามที่จะเข้าใจเรา ผมเล่าเรื่องน้องให้ฟังจนแม่กับพ่ออยากเจอหน้า เร่งเร้าให้ผมพามาหาสักทีแต่ก็ยังไม่มีโอกาส ผมวางแผนไว้ว่าจะพาไปหาช่วงปิดเทอมนี้โดยที่น้องไม่รู้เรื่องนี้เลย อยากรู้ว่าจะทำหน้ายังไง
“บีมอยากได้อะไรอีกไหม พร้อมเปย์นะ” ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังกินข้าวเย็นอยู่ในห้องของผม น้องแวะมาเอาของที่ลืมไว้ ผมเลยถือโอกาสกักตัวให้น้องอยู่ด้วยกันก่อน และคิดว่าวันนี้น้องน่าจะอยู่ดึกแน่ๆ ผมเลยคิดว่าจะแวะซื้อขนมให้น้องถุงใหญ่เอาไว้กินแก้หิวระหว่างทำงานด้วย
“ซื้อบ้านให้หน่อย”
“อ๋อ บ้านกระดาษที่ติดอยู่กับซองขนมสมัยก่อนใช่ปะ เคๆ” น้องพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ไม่วายฟาดแขนผมหนึ่งทีที่กวนตีนน้องมัน
“ไม่อยากได้อะไรเลยอะ”
“ไอ้บูมันให้อะไร”
“รองเท้า”
“อ่อน จิ้บจ้อยมาก” ผมเหลือบมองกล่องรองเท้าบาเลนซิเอก้าที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแวบหนึ่ง แล้วคุยกับน้องต่อ
“แล้วน้องมุ่ยจะให้อะไร”
“ก็ถามอยู่นี่ไงว่าบีมอยากได้อะไร ไม่ฟังอะ”
“จริงๆ อยากได้แค่น้องมุ่ยคนเดียวเลย”
“...”
“ได้ไหมนะ คืนนี้”
“อิ่ม! อิ่มแล้ว จะไปทำงาน!” หน้าแดงหูแดง เขินเองอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย คนขี้อายลุกขึ้นแล้วคว้าจานตัวเองไปวางไว้ในอ่างล้างจาน จากนั้นก็เดินมาหยิบข้าวของใส่กระเป๋าผ้าตัวเองโดยไม่มองหน้าผมสักนิด
“รอกันก่อนดิ” เมื่อเห็นน้องมุ่ยทำท่าจะเดินออกจากห้อง ผมก็ร้องห้ามเขาไว้ก่อนแล้วเดินตามมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังน้องในระยะประชิด
“ไม่”
“ยังพูดไม่จบเลย”
“ไม่ต้องพูด!” น้องหันมายกมือปิดปากผมทันที คิ้วขมวดแน่น ปากเบะคว่ำอย่างไม่ชอบใจ แก้มขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อดูน่ารักเต็มไปหมด หูแดงๆ นั่นก็น่ากัดชะมัด มันเขี้ยวว่ะ
“จะบอกว่าอยากดูหนังกับน้องมึงคืนนี้ได้ไหม คิดไรอะ” ผมหยัดยิ้มแล้วเอ่ยแซว
“..อ..อะไร”
“หน้าแดงเชียว ทะลึ่งนะ”
“บีม!” โวยวายแล้วๆ ชอบชิบหายเลยโว๊ย
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องเลย กูเอารถมา บีมแม่ง นิสัยไม่ดีโคตรๆ เลยว่ะ จะฟ้องม๊านะ”
“น่าเอ็นดูๆ” ผมที่อดใจไม่ไหวกับความน่ารัก จึงรวบตัวคนตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขนอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว มือข้างหนึ่งกอดช่วงเอวไว้แน่นกันน้องดิ้นหลุด อีกข้างก็ยกขึ้นวางแนบข้างแก้มนุ่มที่มีไออุ่นร้อนจางๆ น่าฟัดเป็นที่สุด
“อย่ามายุ่งกับแก้มกู เอามือออกไปด้วย!” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ปลอดภัยจึงพยายามสะบัดให้หลุดจากอ้อมแขนผม แต่มันก็ยากเพราะผมไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก
“หอมๆ”
“ไม่โว้ย!”
“ชื่นใจ” ผมกดปลายจมูกแนบแก้มขาวหนักๆ ทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว น้องอึ้งเพียงครู่เดียวแล้วลงมือฟาดผมอย่างแรงทันที ขึ้นรอยแน่ๆ แขนกู
“ไอ้บีม! เอาหน้าออกไปห่างๆ เลยนะโว๊ย” มือเล็กพยายามดันใบหน้าของผมให้ห่างออกจากตัวเองแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของผมได้ ผมขยับอ้อมแขนให้เราสองคนแนบชิดมากกว่าเดิม แล้วฝังหน้าเข้าคลอเคลียอยู่กับลำคอขาวเนียน ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวของน้อง ผิวกายหอมๆ ทำผมมึนไปชั่วขณะ เผลอกดจูบทั่วบริเวณที่โผล่พ้นเสื้อผ้า รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนโดนฟาดเข้าให้ที่หลังดังป้าป ผมจึงต้องถอนใบหน้าออกมาก่อนอย่างเสียดาย แต่ยังคงกอดเอวน้องอยู่
“จุ๊บๆ กัน” ผมยิ้มกว้างเอ่ยขอจูบ ยิ่งทำให้น้องโมโหมากกว่าเดิม
“ไม่จุ๊บ! ม..เมื่อกี๊ยังไม่พออีกรึไง”
“กับน้องมุ่ยไม่มีคำว่าพอเลยครับ” ผมกดปากจูบน้องเร็วๆ หนึ่งครั้งแล้วผละออกมา มองผลงานของตัวเองที่ตอนนี้น้องแทบจะแดงไปทั้งตัว น่ารักชิบหาย อยากจับแดกเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้อง
เธอมันแน่ เธอแน่มาตลอดเลยน้องมุ่ย
“ไอ้คนชั่ว”
“ชื่นใจ”
“อยากตายใช่ไหม”
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ มีความสุขแล้ว”
“ฮึ่ย”
“:)”
“ห้าทุ่มแล้วไอ้เหี้ย เสร็จสักที” ไอ้ก้านร้องออกมาแล้วล้มตัวนอนแผ่ลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่มันหรอกที่หมดแรง ทั้งผมและทุกคนที่อยู่ช่วยกันทำต่างก็เหนื่อยไม่แพ้กัน อันที่จริงมันเหลือแค่ส่วนที่ตกแต่งอย่างที่เคยบอกไป แต่เมื่อเย็นอยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้งานบางส่วนเปียก ทีนี้ก็เลยต้องรีบแก้กันจนแทบไม่ได้พักเพราะกลัวงานเสร็จไม่ทัน
ผมคอยส่งข้อความหาน้องมาตั้งแต่ช่วงค่ำแล้ว แต่น้องไม่ทั้งไม่อ่านและก็ไม่ตอบทำให้ผมเริ่มเป็นห่วง แต่ก็คิดว่าคงทำงานหนักจนไม่มีเวลา ผมกะว่าหลังเสร็จงานก็จะแวะไปหาแต่ก็นานล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
แผนดูหนังน่าจะพัง กลับห้องไปก็น่าจะหมดแรงกันทั้งคู่ เจ้าตัวเขายิ่งดูตื่นเต้นอยากกินเค้กอยากทำนู่นทำนี่ด้วยกัน แต่พอเวลามันไม่เอื้ออำนวยก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องจะหัวเสียแค่ไหนถ้ากลับห้องไปแล้วเลยวันเกิดผม
“หือ? นั่นไอ้โป้ไม่ใช่เหรอ” ไอ้นิวขมวดคิ้วแล้วชี้ไปทางหนึ่ง ผมหันตามดูก็เห็นเป็นเพื่อนน้องมุ่ยวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“ไอ้บีม!” มันเรียกผมเสียงดังจากนั้นก็ค้อมตัวลงวางมือเท้าเข่าอย่างเหนื่อยหอบ
“มึงมีอะไร”
“ไอ้มุ่ย...ไอ้เด็กนั่นมัน..” โป้พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ทำใจผมกระตุกและเริ่มเต้นแรงขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับน้องวะ
“น้องมุ่ยทำไม”
“เพื่อนที่ชมรมมันโทรมาบอกกูเมื่อกี้ ว่าแม่งปีนขึ้นนั่งร้านจะติดป้ายห่าอะไรสักอย่างแล้ว --”
“เห้ยไอ้บีม!” ผมไม่รอฟังจนจบ คว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งไปทางรถตัวเองทันที หัวใจเต้นกระหน่ำจนเจ็บอกไปหมด ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากไหม เหี้ยแม่งเอ๊ย! น้องตกลงมาได้ยังไง? ตัวแม่งก็แค่นั้นยังจะปีนขึ้นไปทำอะไรอันตรายๆ อีก มันดื้อจังวะ
ผมขับรถมาถึงตึกชมรมถ่ายภาพของน้องแล้วรีบเดินไปทางห้องชมรมทันที หยิบโทรศัพท์โทรหาน้องแต่ก็ไม่มีใครรับสายจนผมแทบจะบ้า ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
“น้องมุ่ย” ผมเปิดประตูเข้าไปแล้วร้องเรียกชื่อน้อง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยความมืดราวกับไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว แล้วจู่ๆ ไฟก็สว่างวาบขึ้นมาตรงหน้า และแสงสีส้มส่องสว่างมากพอจะทำให้เห็นอะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่มันคือ..ผม?
ภาพถ่ายขนาดใหญ่ถูกวางไว้กับขาตั้งวาดรูป เป็นภาพที่ผมหันข้างกำลังยิ้มแล้วมองไปที่ดอกปีปที่ถืออยู่ในมือ ผมจำได้ว่านี่คือภาพที่น้องมุ่ยถ่ายให้เมื่อตอนที่ผมมาหาน้องแทนน้ำตาลและเขาบอกว่าชอบรูปนี้ที่สุด และเหนือภาพถ่ายมีกระดาษหลากสีถูกตัดขนาดเท่าฝ่ามือร้อยเข้ากับเชือกสีขาวแต่ละแผ่นมีตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ถูกเขียนเป็นคำว่า ‘HAPPY BEAM DAY’
ฝั่งซ้ายและขวามีตะแกรงสีขาวขนาดพอๆ กับรูป บนนั้นมีรูปถ่ายจำนวนมากที่ถูกไม้หนีบติดกับเส้นตะแกรง พอเขยิบเข้ามาดูใกล้ๆ ก็ปรากฏว่าทั้งหมดนั่นล้วนเป็นภาพถ่ายของผมที่อยู่ในอิริยาบถต่างๆ แต่ละภาพมีตัวหนังสือเขียนติดไว้ทุกภาพ
‘บีมหลับ ขี้เหร่จัง’
‘เล่นเกมแพ้ เลยต้องล้างจาน’
‘จับมือแหละ เราจับมือกัน’
‘หน้าตลกอะ 55555’
และอีกหลากหลายข้อความที่ติดอยู่กับภาพ ซึ่งเกี่ยวกับผมหมดเลย
หัวใจของผมเต้นกระหน่ำถี่รัว ความอัดอั้นบางอย่างที่ไม่ใช่ความกังวลหรือความโกรธเหมือนก่อนหน้าก่อตัวอยู่ข้างใน มันตื้อซะจนแทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกและได้ยินเพียงแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้น
พรึ่บ
แสงไฟจากด้านหลังสว่างขึ้นเรียกให้ผมต้องหันกลับไปดู แสงไฟสีส้มเช่นเดียวกันส่องสว่างให้เห็นกระดานไวท์บอร์ดสีขาวที่มีรูปวาดจากปากกาสีน้ำเงินแต้มอยู่ทั่วกระดาน
“อย่าเพิ่งหันมานะ” เสียงน้องมุ่ยดังอยู่ข้างหลัง
“นี่คือบันทึกการเดินทางของเรา” ผมเงียบและรอฟังน้อง ทั้งๆ ที่แทบจะอดกลั้นความรู้สึกไม่ไหวแต่ก็พยายามใจแข็งไม่ให้หันกลับไปคว้าตัวน้องมากอดให้จมอก
“ภาพแรก กูวาดเยลลี่หมี บีมคิดว่านี่จำไม่ได้อะดิ เสียใจด้วยที่ถึงแม้กูจะไม่ได้ใส่แว่นแต่ไอ้รอยยิ้มน่าหมั่นไส้ของบีมกูจำได้ไม่ลืม” เป็นภาพเยลลี่หมีกับคนสองคนที่ยืนอยู่ใต้เสาไฟข้างถนน ลายเส้นน่ารักที่ผมจำได้ขึ้นใจว่าเป็นของน้องมุ่ยแน่นอน
“อันที่สอง ตอนกูนัดเจอน้ำตาล แต่กลายเป็นบีมที่มาแทน น่าโมโหโคตร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดี” ภาพของคนสองคนยืนหันหลังกำลังมองดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ ในมือของคนหนึ่งถือกล้องขณะที่อีกคนถือดอกไม้
“สาม เป็นตอนที่บีมกำลังเครียดเรื่องน้องบู แล้วกูคืนคนที่นั่งโอ๋ๆ บีมในตอนนั้น คิก~” เป็นภาพหลังร้านแฟนเฮียตั้มที่คนหนึ่งนั่งอยู่กับม้านั่งจับมือของอีกคนที่ยืนอยู่ขึ้นมาจูบ
“สี่ อันนั้นคือตอนที่กูกำลังร้องเพลงอยู่กับเด็กที่ถนนคนเดินในเมือง” ผมมองน้องอย่างไม่คลาดสายตาเลยวันนั้น เป็นครั้งแรกที่ยอมรับกับบเพื่อนน้องว่าผมชอบเขาจริงๆ
“ห้า” แล้วน้องมุ่ยก็เงียบเสียงลงแค่นั้นพร้อมกับที่ไม่มีภาพต่อไป มีเพียงลูกศรที่ถูกขีดให้วนกลับมา หรือว่าหมายถึง
“สุขสันต์วันเกิด” เมื่อหันกลับมา ภาพที่เห็นคือเค้กลายมาเบิลสีฟ้าขาวถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้า มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘HAPPY BEAM DAY’ เช่นกันและปักเทียนเลขอายุของผมไว้ที่หน้าเค้ก
“รู้ไหมว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันบ่อยจนกูนึกช่วงเวลาที่ดีมากๆ ขึ้นมาเขียนไม่ได้แล้ว”
“...”
“ก็มันดีมากๆ ไปซะหมด ถ้าให้วาดก็คงต้องวาดไปตลอดอะ อีกอย่างคือวาดไม่ทันด้วยเพราะกว่าจะล้างรูปเสร็จแล้วกว่าจะมานั่งวาดก็ไม่ไหว กลัวบีมจับได้ด้วยถ้ากลับดึกเกิน”
“...”
“เซอไพรส์ยังอะ ครั้งนี้มุ่ยไม่โป๊ะนะ”
“...”
“ที่บอกว่าลองกล้องตอนนั้นก็คือนี่แหละ การจะเก็บความรู้สึกอะไรบางอย่างมันจะต้องมีสื่อกลางให้ได้ถ่ายทอดช่วงเวลานั้นๆ ลงไป สำหรับกูก็คือภาพถ่าย”
“...”
“บีม บีม บีม เต็มไปหมดเลย ในนี้ก็มี” น้องชี้เข้ากับหน้าอกข้างซ้ายที่ตัวน้องเองแล้วยกยิ้มกว้างจนตาเป็นเส้นโค้ง
“...”
“เหมือนกับว่ากูยังไม่ได้แสดงอะไรที่มันทำให้บีมรู้สึกมั่นใจกับความสัมพันธ์นี้ได้เลยสักที ก่อนหน้านั้นกูมีแค่คำพูดบอกกับบีมว่ารัก ในขณะที่บีมกำลังแสดงให้เห็นถึงความรักของตัวเองที่มีให้และกูก็รอรับอย่างเดียว เลยคิดว่ามันไม่แฟร์กับบีมเลยสักนิด”
“...”
“ปีนี้มีกูอยู่ฉลองวันเกิด ปีต่อๆ ไปก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะเว้ย ห้าม ห้ามเด็ดขาด” ผมมองหน้าน้องมุ่ยนานจนน้องเริ่มเขิน เร่งเร้าให้ผมเป่าเค้กเร็วๆ
“ไหนตกนั่งร้าน” ผมถาม เจ้าตัวสะดุ้งทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วตอบกลับมาแทบไม่มีพิรุจแถมยังทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนอีกด้วย
“อะไร้! ใครตก มั่วแล้วบีม แล้วถามอะไรเนี่ย ขัดจังวะโรแมนติกเลย บีมแม่ง”
“แล้วที่ไอ้โป้มันบอกล่ะ”
“ก็จะหลอกมาเซอไพรส์ไง ฮ่าๆ”
“อยากตีว่ะ กูตกใจจริงๆ ยังมาหัวเราะอีก”
“ไม่ตี~ ห้ามตี วันนี้วันเกิดบีมนะ เอ้า! เป่าดิ ถือจนเมื่อยแล้วเนี่ย” ผมยิ้ม แล้วหลับตาอธิษฐานอยู่ในใจจากนั้นก็เป่าเทียนเรียบร้อย น้องมุ่ยรีบวางเค้กลงกับโต๊ะแถวนั้น ทำตาโตด้วยความสงสัยใคร่รู้แล้วกระตุกแบนเสื้อให้ผมบอกว่าอธิษฐานอะไรไป
“ขอให้น้องมุ่ยอยู่กับพี่บีมไปนานๆ” ผมเขยิบเข้าหาน้องแล้วรวบตัวเขาเข้ามากอดแนบอก ใบหน้าเล็กฝังอยู่ที่ต้นคอของผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ทั้งของผมกับน้องมันก็เต้นเร็วไม่แพ้กันเลย
“เห้ย! บีมต้องขอให้ตัวเองดิ อันนี้ไว้รอวันเกิดกูอะ ไม่ได้ๆ ขอใหม่เลย” น้องผละออกมาโวยวายทันที ผมลูบศีรษะคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูแล้วประทับจูบแทนความรู้สึกทั้งหมดกับหน้าผากมน
“ยังพูดไม่จบ” ใบหน้าแดงๆ นั่นพยายามมองสบตาผม ไม่ถึงห้าวิก็ต้องหลบสายตากดใบหน้าพิงเข้ากับอกผมอีกครั้งแล้วถามกลับมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“แล้วไงต่อ”
“ขอให้น้องมุ่ยมีความสุข”
“...”
“หมดแล้ว”
“ไม่เห็นมีขอให้ตัวเองเลย” น้องผละใบหน้าออกมาอีกครั้ง ปากเบะคว่ำอย่างไม่พอใจเมื่อผมตอบไม่ถูกใจเขา พลางกระตุกแขนเสื้อของผมเป็นเชิงบอกว่าให้เลิกเล่นสักที
“ขอแล้วไง”
“ไหน!”
“ก็น้องมุ่ยเป็นความสุขของพี่บีม ถ้าน้องมุ่ยมีความสุขมันก็ดีแล้ว”
“...เลี่ยนว่ะ”
“แล้วชอบไหม”
“ก็...นิดนึง”
“ต้องทำยังไงถึงจะชอบมาก”
“ก็...”
“ครับ ฟังอยู่” คนในอ้อมแขนเงียบลงพร้อมกับก้มหน้าพึมพำอะไรบางอย่างที่ได้ยินไม่ถนัด พอพยายามจะเงี่ยหูฟัง น้องมุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี ดวงตาเรียวสวยเต็มไปด้วยความประหม่าและไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นใบหน้าเล็กก็เคลื่อนเข้ามาใกล้จนกลายเป็นภาพที่มองไม่ชัด มีเพียงสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากที่ทำให้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“แบบนี้...”
“...”
“แบบนี้ต่างหากถึงจะชอบมาก”
“อืม ชอบมากเหมือนกันครับ”
“แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ใจพี่จมแทบพสุธา
ดวงฤทัยหรือดวงแก้วตาดุจดวงดาราดวงดาวดวงไหน
วอนให้ชายทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจน้องไม่มีใคร
วอนให้ลมพัดพาหัวใจพี่ไปถึง”
(END)
****************************
จบแล้วนะคะ
เรื่องนี้เราเริ่มเขียนตั้งแต่ 19/03/2018 จนมาสิ้นสุดวันนี้คือ 21/03/2020
เป็นนิยายเรื่องยาวเรื่องเเรกที่เขียนจนจบ ในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะได้ทำอะไรที่ท้าทายกับทุกอย่างในชีวิตขนาดนี้
ระหว่างทางของการเขียนมีทั้งเหนื่อยและท้อ ซึ่งตัวนักเขียนเองก็คิดว่าใครหลายคนก็เป็น บางครั้งเวลาเราตั้งใจทำอะไรมากๆ พอมันไม่ได้อย่างที่หวังเลยทำให้รู้สึกมึนไปชั่วขณะ จนต้องขอเฟดตัวเองออกมาก่อน
นักเขียนรักเรื่องนี้มาก รักตัวละครทุกคน จนอยากจะทำให้ออกมาดีที่สุด ถึงแม้ว่าอาจจะมีความผิดพลาดที่ตัวนักเขียนเองก็อยากกลับไปแก้ไขบางส่วนที่มันไม่ค่อยเข้าที่ และพยายามจะเขียนออกมาให้ดีที่สุด
ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเขียนนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณตัวเราที่ไม่คิดจะท้อมันไปซะก่อน
ขอบคุณเพื่อนที่ช่วยเข็น ช่วยดัน เวลาที่ตัวนักเขียนรู้สึกตัน รู้สึกเหนื่อย
ขอบคุณเพลง บทความ ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจดีๆ
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อ่านและให้กระเเสตอบรับในทุกๆด้าน ตัวนักเขียนเองดีใจมากๆ แล้วก็รู้สึกขอบคุณอยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่มีทุกคน เราอาจจะไม่ได้มาถึงวันนี้ ทั้งคอมเม้น ไลค์ กดเฟบ หรืออื่นๆ เราขอขอบคุณมากๆ ขอบคุณทั้งหมดเลย
อาจจะมีสเปเชียลมาให้อ่านบ้างประปราย เพราะเรายังคงคิดถึงพี่บีมน้องมุ่ยอยู่เสมอ
จะมีรีไรท์อีกรอบนะคะ ปรับให้เข้าที่กันนิดนึง
ขอบคุณค่ะ