ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤
(¯―¯٥) ლ(´ڡ`ლ)
-^-^-^-^-^-^^-^-^^-^-
เรื่องราวของแวมไพร์ตัวน้อย ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกับรูมเมทที่เป็นมนุษย์
แต่เขาจะห้ามใจอย่างไร เมื่อเลือดของอีกฝ่ายช่างหอมหวานน่าอร่อย!
-^-^-^-^-^-^^-^-^^-^-
สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3775991#msg3775991) บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3776718#msg3776718) บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3775991#msg3775991) บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3779518#msg3779518)
อ่านต่อได้ใน E-BOOK
⚠️ Warning ⚠️
Blood - มีเลือด , Self-Harm - การทำร้ายตัวเอง
Kidnapping - การถูกลักพาตัว , Imprison - การกักขังหน่วงเหนี่ยว
Mind Control - การควบคุมจิตใจของอีกฝ่ายทั้งความคิดและการกระทำให้เป็นไปตามที่ต้องการ
บทที่ 2
มุกไม่ฮาพาเพื่อนห่วง
เมลทักทายเพื่อนร่วมเซคก่อนจะนั่งลงข้าง ‘พาย’ และ ‘นที’ เพื่อนใหม่ของเขา
พายเป็นเพื่อนที่เขารู้จักในวันรับน้อง จากนั้นก็ตัวติดกันตลอดเพราะมักจะโดนพวกพี่ๆ แกล้งแหย่เล่นเพื่อสร้างสีสันในแต่ละวัน ส่วนนทีเป็นเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันตั้งแต่วันสอบสัมภาษณ์ ได้เจอกันเฉพาะบางวิชาที่เรียนรวมเท่านั้น
และเขามั่นใจว่าไม่เคยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน จึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นพายที่ยิ้มและหัวเราะขณะฟังนทีเล่าเรื่องตลก ก่อนเรื่องที่เล่าจะหยุดลงเมื่อทั้งคู่สังเกตเห็นเมล
“เมล~” พายเป็นคนแรกที่ทักทายเพื่อนตัวขาวด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“หวัดดี” เมลยิ้มรับ “เล่าเรื่องอะไรกันอยู่ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”
“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ” นทีถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะเขาเพิ่งจะเผาเพื่อนอย่างเมลให้พายฟังเมื่อครู่นี้เอง
“ก็ต้องรู้จักสิ นี่ไงเพื่อนที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวาน คนที่ซุ่มซ่ามเหมือนเพื่อนนทีเลย” พายกอดแขนเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม
“หืม นายเอาเราไปเผาเหรอพาย”
“เอ่อ...นิดนึงเอง” พายยกบอกจำนวนว่าน้อยมาก เพราะความซุ่มซ่ามของเมลน่ะมีเยอะกว่าที่เขาเล่าอีก
“เฮ้อ มนุษย์ซุ่มซ่ามของแท้ งั้นเราขอแนะนำเพื่อนร่วมคณะที่เราพูดถึงนะพาย เขาคนนั้น...ก็คือเมลนี่ล่ะ”
นทีผายมือมาทางเมลที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ นี่เขากลายเป็นเรื่องเล่าสร้างสีสันของเพื่อนๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั้งคู่หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของเมล ซึ่งเมลก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบบรรยากาศที่ได้ฟังเสียงหัวเราะของเพื่อน เห็นสายตาและรอยยิ้มจริงใจที่ทั้งคู่มอบให้ สำหรับแวมไพร์ที่มีแต่ครอบครัวอย่างเขา การมีเพื่อนถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาหลงรักเลยทีเดียว
“อ้ะ อาจารย์มาแล้ว...” และเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องทุกคนก็เข้าสู่โหมดตั้งใจเรียนทันที
บ่ายวันนั้น เมลแยกกับพายและนที เพราะทั้งคู่มีวิชาเลือกที่ต้องเรียนร่วมกัน ขณะที่เมลเลือกลงอีกวิชาเพราะความชอบส่วนตัว
เขาชอบร่างกายมนุษย์
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาแค่ชอบศึกษาเพราะอยากรู้ว่าตัวเองต่างจากมนุษย์อย่างไร เพราะนอกจากชอบดื่มเลือดและไม่จำเป็นต้องนอนแล้ว ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไรนัก
เขาไม่ได้กลัวแสงแดดอย่างแวมไพร์ในหนังสือ แต่ออกแดดมันร้อนและแสบตาก็เลยต้องสวมแว่นกรองแสงและเสื้อคลุมเท่านั้น มนุษย์ขี้ร้อนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากเขา
ส่วนเรื่องกลิ่นกระเทียม เมลยอมรับก็ได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่เขาคิดว่ามนุษย์บางคนก็คงมีบ้างที่ไม่ชอบกระเทียม และบางคนก็แพ้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปกติ
เมลเดินเข้ามาในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยหุ่นจำลองกายวิภาคและโปสเตอร์อธิบายส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เมลอ่านจบไปแล้วหลายรอบ คงเพราะอยากจำให้ขึ้นใจ เขาจึงใช้เวลาทั้งคืนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีสองคนที่เขาคุ้นหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง คนหนึ่งคือรูมเมทของเขาที่กำลังคุยกับคนที่อุตรินอนนอกห้อง เมลสังเกตว่ามีเพียงโต๊ะที่ติดกับโต๊ะของสองคนนั้นยังว่างอยู่ จึงไม่ลังเล เลือกนั่งลงข้างไอซ์
“เมล!” เสียงเรียกดังลั่นจนคนเกือบทั้งห้องหันมามองทางเมล ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อคนที่นั่งติดหน้าต่างตวัดสายตามอง
ซึ่งความจริงแล้วไอซ์ก็แค่มองเฉยๆ เพราะเพิ่งสังเกตเห็นเมลนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตน
“ไง”
“ไง”
คำทักทายสั้นๆ ประจำตัวทั้งคู่ พอเอ่ยจบก็ถูกแทรกด้วยแดนที่รีบยื่นหน้าเข้ามามีส่วนร่วมทันที
“เราแดนนะ เพื่อนไอซ์รูมเมทนาย” แดนรีบแนะนำตัว ซึ่งเมลก็ไม่รังเกียจที่จะคบหาเพื่อนใหม่จึงส่งยิ้มเป็นมิตรให้เช่นเคย
“เราเมลนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“โอ๊ย...แดนตายแล้ว” แดนที่ถูกแอทแทคความน่ารักกระแทกใจ กุมหัวใจตัวเองไว้ด้วยสีหน้ามีความสุข ขณะที่เมลได้แต่ยิ้มค้างเพราะไม่รู้ว่าแดนเป็นอะไร ทำไมถึงทำท่าแบบนั้น
ผลัวะ
เสียงฟาดมือลงบนศีรษะอย่างไม่เบาแรงนั้น ทำเอาคนในห้องสะดุ้ง แต่คนถูกทำร้ายกลับแค่ลูบหัวตัวเองปอยๆ ก่อนจะเสียงดังใส่เพื่อนที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าหนุ่มน้อยที่ตนหมายปอง
“เล่นอะไรของแกเนี่ย! อุ๊ย ไม่มีอะไรครับเมล เพื่อนเล่นกันเฉยๆ ” แดนส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนที่ทำให้เขาหลุดคำพูดระคายหูคนน่ารัก
ไอซ์ลอยหน้าลอยตา ความจริงเขาก็แค่หมั่นไส้เพื่อนที่กล้าพูดกล้าทำไปเสียทุกเรื่อง ขณะที่ตัวเขากลับไม่มีความกล้าใดๆ
ขณะที่สายตาคมกริบเหลือบไปเห็นพายเดินคู่อยู่กับนที หัวใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที อยากละสายตาก็ทำไม่ได้
เพราะสายตาของเขามีไว้มองแค่พาย ที่กำลังยิ้มหัวเราะอยู่กับคนข้างกาย
“ฮ่าๆ”
เมลพยายามหัวเราะกับคำพูดที่เขาไม่เข้าใจนักของแดน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นรูมเมทตนมองออกไปนอกหน้าต่าง
ใบหน้าของไอซ์ดูเศร้าๆ เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เมลจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอซ์หัวเราะเหมือนที่นทีทำให้พายหัวเราะได้
“เอ่อ เรามีเรื่องเล่านะ” แค่เกริ่น เมลก็เห็นแดนก็กระดิกหูรอฟังเหมือนเจ้าตูบใต้หอ เขาแอบขำนิดๆ ก่อนจะกระแอมไอเรียกสติคนที่เหม่อมองออกไปข้างนอกให้หันกลับมามองเขา
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอ เรียกให้ไอซ์ต้องหันกลับมา ก่อนเมลจะเริ่มต้นเล่าเรื่อง “คือเมื่อเช้าอาจารย์บอกให้เราช่วยยกเอกสารไปไว้ที่ห้องเรียน แต่เราสะดุดล้ม กลิ้งตกบันไดไปเลย เอกสารกระจายเกลื่อนทางเดินเลยอะ ฮ่าๆ”
เมลหัวเราะเพื่อให้เรื่องดูน่าตลกสำหรับเพื่อนๆ แต่ว่าทั้งคู่กลับขำไม่ออก
"ลุก" พูดจบไอซ์ก็ลุกขึ้น เดินนำออกจากห้องไป
"หืม..." เมลเอียงคอสงสัย หันมองแดนเพื่อถามที่มาของคำพูดนั้นของรูมเมท แต่แดนกลับยิ้มเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนซี้จะทำอะไร
"ไอซ์มันบอกนายนั่นแหละ ตามไปสิเมล เดี๋ยวยักษ์ก็พิโรธหรอก"
"ฮะ" เมลยังคงไม่เข้าใจความหมายของแดน แต่ก็ลุกเดินตามไอซ์ออกไป ไอซ์หันมามองคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยบอกแดนข้ามหัวเมล
“ฝากบอกอาจารย์ให้ด้วย” แดนพยักหน้ารับคำเพื่อน มองไอซ์ที่เดินนำเมลไปยังห้องพยาบาลก่อนจะหลุดยิ้ม
“มีใครที่ไหนเขาขำเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บบ้างเนี่ย” แล้วดูทำหน้าเข้า เหมือนกำลังลุ้นให้เขากับไอซ์หัวเราะอีก
"แต่ก็...น่ารักดีแฮะ"
.................................................
“นายจะพาเราไปไหนน่ะ อีกแป๊บเดียวก็จะเริ่มคลาสแล้วนะ” เมลร้องบอก เพราะใจเขาตอนนี้อยู่ที่การเรียนการสอนเท่านั้น และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเรียนแล้วด้วย
ไอซ์ไม่ตอบ เขาเดินนำผ่านห้องเรียนไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเล็กๆ หัวมุมอาคาร
ห้องพยาบาล
ไอซ์เคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปท่ามกลางนักศึกษาที่รอรับยาจากอาจารย์ห้องพยาบาล
“เพื่อนผมตกบันได” ทันทีที่ร่างสูงเอ่ย ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้ไอซ์พาเมลไปนั่งที่เตียง พอดีกับอาจารย์ห้องพยาบาลเดินเข้ามาสอบถามอาการ
“ผมไม่เป็นไรมากครับอาจารย์” เมลยิ้มยืนยัน เพราะเขาไม่ได้เจ็บอะไร อีกอย่างเขาเป็นแวมไพร์ เรื่องแค่นี้ฟื้นตัวง่ายมาก ปัญหาที่น่ากลัวกว่า คือการตรวจร่างกาย ตัวเขาเย็นแบบนี้ คงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปอีก
“เอ่อ เพื่อนผมก็แค่กังวลเกินไปน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ผมไม่อยากขาดเรียนคาบนี้”
พูดจบเมลก็กระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เจ็บอะไร แล้วรีบเดินออกจากห้องพยาบาลไปทันที
“เพื่อนเราหน้าซีดๆ นะ” อาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยขึ้น ซึ่งไอซ์ก็พยักหน้ารับ ตอนที่จับแขนพาไปนั่งที่เตียง ตัวเมลเย็นเหมือนคนป่วย
เขาคิดว่าควรจะให้อาจารย์หมอตรวจสักหน่อยก็ยังดี แต่อีกฝ่ายกลับลุกหนีอย่างกับกระต่ายขี้กลัว
หรือจะกลัวหมอ
แต่เขาเรียนหมอไม่ใช่เหรอ
“ถ้าเขาอาการไม่ดีค่อยพามาอีกทีละกัน ตอนนี้รีบตามเพื่อนไปก่อน เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่”
ไอซ์พยักหน้ารับ รีบเดินตามเพื่อนตัวเล็กที่แม้จะเดินนำไปก่อน แต่ก็ยังช้ากว่าช่วงขายาวของเขาอยู่ดี
“เดินช้าๆ” ไอซ์พูดเสียงดุ
เมลหันมองนิดๆ อย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะลากเขากลับห้องพยาบาล เมลก็ผ่อนฝีเท้าลง เดินเคียงข้างกันกลับไปยังห้องเรียนที่อาจารย์กำลังสอนเรื่องทฤษฎีพอดี เมลกับไอซ์เอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปนั่งประจำที่
แดนยื่นหน้าเข้ามาถามว่าเมลอาการเป็นอย่างไร แต่เป็นอันต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นเมลตั้งท่าตั้งใจเรียน แม้แต่ไอซ์ที่นั่งข้างๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้
ปกติกว่าคนทั่วไปจะจูนสติให้จดจ่ออยู่กับการเรียนได้ก็ล่อเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง
แต่เมลกลับกลายเป็นข้อยกเว้น เพราะเขามีสมาธิดีเยี่ยม ตัดขาดจากสิ่งเร้ารอบข้างอย่างสิ้นเชิง สนใจเพียงเนื้อหาที่อาจารย์สอนเท่านั้น ไม่มีว่อกแว่ก ตาดูหูฟังมือจด
ทำเอาคนลอบมองทั้งสองรู้สึกอยากทำตามบ้าง ทั้งคู่จึงหันไปสนใจเนื้อหาที่ตอนแรกไม่ได้อยากเรียนเลยสักนิด
ไอซ์ถูกแดนลากมาเข้าเรียนด้วย เพราะสาวที่แดนแอบชอบเลือกเรียนวิชานี้ แต่ปรากฏว่าเธอคนนั้นถอนวิชาเรียนไปก่อน
เดิมทีทั้งคู่ตั้งใจจะขออาจารย์ถอนวิชาแล้วเดินออกไปชิลๆ คิดไม่ถึงว่าการนั่งข้างเมล จะทำให้ทั้งคู่จดจ่อกับการเรียนจนจบคาบได้โดยไม่แอบหลับเหมือนเพื่อนแถวหลัง
“คิดไม่ถึงเลยว่าวิชานี้ก็สนุกเหมือนกัน” แดนพูดขึ้นหลังอาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว “เมลมีเรียนอะไรต่อไหม”
คาบนี้เป็นวิชาสุดท้ายของแดนและไอซ์ เขาก็เลยลองถามคนตัวเล็ก เผื่อจะได้ชวนเมลไปหาอะไรอร่อยๆ กินด้วยกัน เขากินข้าวกับไอซ์จนเบื่อแล้ว แต่ถ้ามีเมลไปด้วยก็คงจะดีทีเดียว
“เรานัดเพื่อนไว้แล้วน่ะ” เมลตอบ ก้มนาฬิกาดูเวลานัดหมาย ดูเหมือนเขาจะเลิกช้ากว่าเพื่อนครึ่งชั่วโมง ป่านนี้พายกับนทีคงนั่งรอเขาอยู่ที่หน้าคณะ
“ว้า เสียดายจัง เราอยากกินข้าวกับเมลนะ” แดนหยอดเพิ่มอีกนิด แต่ดูเหมือนเมลจะเข้าใจไปคนละแบบ
“ไปกินด้วยกันก็ได้นะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเรื่องไปกินข้าวกับเพื่อนๆ
ดีซะอีก แดนจะได้ไม่น้อยใจที่ไม่ได้กินข้าวกับเขา
เพราะยังไงเขาก็กิน ‘ข้าว’ แบบที่เพื่อนๆ กินไม่ได้อยู่ดี
..................
น้องเมลเขาไม่รู้อะไรกับแกทั้งนั้นแหละคุณแดน ฮ่าๆ ส่วนคนในใจพายเป็นใครทุกคนคงรู้อยู่แล้วโน๊ะ ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไป :katai4:
บทที่ 4
ได้ลองชิม...แล้วติดใจ
ฮือ กินเพื่อนไปซะแล้ว
เมลนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มองเพื่อนร่วมห้องที่สลบไม่ได้สติมาชั่วโมงกว่าและไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นเร็วๆ นี้
เมลถอนหายใจอีกครั้งและอีกครั้ง เขากลัวว่าตัวเองอาจจะเผลอดูดเลือดเยอะจนเพื่อนเสียเลือดมากเกินไป ถึงได้หลับใหลไม่ตื่นแบบนี้ แต่จะให้พาเขาพาไอซ์ไปโรงพยาบาลก็ทำไม่ได้อยู่ดี
ก็น้ำลายของเขาน่ะสมานแผลให้อีกฝ่ายไปแล้วนี่สิ
สุดท้ายเมลก็ทำได้เพียงแบกเพื่อนตัวโตกลับมาที่ห้อง โชคดีที่เขามีมนตร์สะกด ก็เลยตะโกนลั่นว่า “อย่าเห็นฉันนะ” ซ้ำๆขณะเดินผ่านมนุษย์ให้มองไม่เห็นพวกเขา จนถึงห้องอย่างปลอดภัย
“แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นอะไร...มั้ง” เมลปลอบใจตัวเอง มนุษย์ยังทำเรื่องผิดพลาดกันได้ แล้วทำไมแวมไพร์จะเผลอดื่มเลือดเพื่อนไม่ได้ล่ะ
พอสรุปได้อย่างนั้น เมลก็ลงจากเตียงด้วยความรู้สึกแจ่มใส ลุกไปซักเสื้อนักศึกษาของตัวเองอย่างคล่องแคล่วตามประสาเด็กที่พ่อสอนให้หัดทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
เมลมองไปยังรูมเมทที่ยังคงสวมเสื้อตัวเดิมและมีรอยเลือด เขาจึงเดินเข้าไปใกล้หวังจะแอบเอาเสื้อไปซัก นิ้วเรียวจึงค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายออกด้วยมือสั่นเทา
ทะ...ทำไมมือของเราสั่นแบบนี้ล่ะ
ไม่ใช่แค่มือที่สั่น หัวใจของเมลก็สั่นด้วย เขารู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเปิดสาบเสื้อออกเผยให้เห็นซิกซ์แพ็กเรียงตัวสวยของคนชอบออกกำลังกาย และโดยไม่รู้ตัว เมลค่อยๆ แตะนิ้วลงที่ผิวเนื้อของคนใต้ร่าง
เขาได้ยินเสียงของเส้นเลือดทั้งหลายในกายของอีกฝ่ายกำลังเต้นตุ้บตั้บรอให้เขาฝังเขี้ยวลงไป...
ถ้าเขามีเขี้ยวละก็นะ
อาจจะฟังดูแปลกที่เขาไม่มีเขี้ยวยาวพร้อมดูดเลือดเหมือนแวมไพร์ในภาพยนตร์ เขามีเพียงฟันเขี้ยวเล็กๆ สองข้างเท่านั้น อาศัยการดื่มเลือดด้วยภาชนะอย่างแก้วหรือหลอดดูด และเขาเพิ่งจะได้ใช้ลิ้นตัวเองเลียอาหารเหมือนสุนัขก็เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง
“อ่า...เรียบร้อย”
ในที่สุดเมลก็ดึงเสื้อออกมาจากตัวไอซ์ได้สำเร็จ เขาต้องอดทนอย่างมากที่จะไม่โน้มตัวลงไปขบกัดอีกฝ่ายจนได้เลือด
ขอให้คืนนี้อย่าได้เกิดอะไรขึ้นอีกเลย
“อือ...”
เสียงครางแผ่วจากคนหลับใหลทำเอาเมลสะดุ้งเฮือกเพราะเขาถือเสื้อของอีกฝ่ายไว้อยู่ คนตัวเล็กรีบขยำเสื้อแล้วซ่อนไว้ข้างหลัง ขณะที่ไอซ์ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพงัวเงีย
“นายมายืนทำอะไรน่ะ”
“ฉะ...ฉันเหรอ” เมลก้าวถอยหลังเล็กน้อย พยายามเก็บให้เสื้อพ้นสายตาคนตัวสูงมากที่สุด ซึ่งดูเหมือนไอซ์จะไม่ได้เอะใจในท่าทีของเขา แต่กลับเป็นฝ่ายอ้าแขนกว้างพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ เหมือนเด็กๆ
“มาให้เรากอดเร็ว ‘ตัวเล็ก’”
“ตัวเล็ก?” เมลงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดที่อีกฝ่ายเรียกเขา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อย่างลังเล แต่เมื่อดูท่าทีของไอซ์แล้ว เขาก็ทำใจกล้าใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ที่หน้าผากของเพื่อน กระทั่งคนตัวโตเอนหลังลงไปนอนตามเดิมนั่นแหละ เขาถึงเข้าใจว่าตัวเองคิดถูก
ละเมอ...สินะ
“เฮ้อ เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ” เมลลูบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะถือเสื้อของไอซ์เดินกลับเข้าไปซักในห้องน้ำต่อจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย
“ฟู่ เสร็จไปอีกอย่าง ทีนี้มาทำรายงานต่อดีกว่า”
เมลกระตือรือร้นที่จะทำงานตามอาจารย์สั่งอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนให้การบ้านเขา นอกจากพ่อและพี่ชายทั้งสอง อีกทั้งเขามีเวลาหาข้อมูลทั้งคืน เขาจึงค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนรายงานเย็บเล่มพร้อมส่งเรียบร้อย
เมลมองรายงานชิ้นแรกของตัวเองด้วยความปลาบปลื้ม โชคดีได้เรียนรู้ความประณีตมาตั้งแต่ตอนที่ช่วยพี่ชายทำรายงานสมัยเรียน รายงานจึงออกมาสมบูรณ์เช่นนี้
ติ้ง
เมลเหลือบมองข้อความจากนทีที่ส่งถึงเขา เดาว่าอีกฝ่ายคงเพิ่งตื่นนอน เพราะตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้ว ปกตินทีจะชอบตื่นมาออกกำลังกายเวลานี้เสมอ และมักจะชวนเมลไปสูดอากาศยามเช้าด้วยกันทุกที
เมื่อคืนเมลโทรประชุมสายกับเพื่อนๆ แล้วร่ายมนตร์เปลี่ยนแปลงความทรงจำของทุกคนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือเขาและไอซ์ขอแยกกลับก่อนเพราะมีธุระ
รวมทั้งกระซิบข้างหูไอซ์ ว่าไอซ์น่ะปวดหัวมากก็เลยรีบกลับมานอนที่ห้อง และเปลี่ยนเสื้อด้วยตัวเอง
เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
เมลพิมพ์ข้อความตกลงส่งกลับไปให้นที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเพื่อให้วิ่งได้ถนัด แม้การวิ่งจะไม่มีผลต่อร่างกายแวมไพร์เท่าไรนัก แต่การได้สูดอากาศยามเช้าก็ทำให้สมองเขาปลอดโปร่งดี
“เมล~”
“พาย...” เมลหันมองนทีที่เกาหัวเขินอย่างคนทำตัวไม่ถูก และไม่มีคำตอบให้เขาว่าทำไมเช้านี้ถึงมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ไม่สิ มีอีกหนึ่งคนที่ซ่อนอยู่ตรงพุ่มไม้
“จ๊ะเอ๋!” แดนที่แอบหลบอยู่รีบพุ่งออกจากต้นไม้หวังให้เมลตกใจ แล้วเขาจะได้เนียนกอดปลอบ
แต่สำหรับเมลแล้ว ภาพที่เห็นไม่ได้น่ากลัว แต่กลับดูตลกจนเขาอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ ขณะที่เพื่อนอีกสองคนแม้จะรู้แผนการมาก่อนก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน
“ไงล่ะ ตั้งใจจะแกล้งเขา โดนหัวเราะใส่เฉยเลย” พายว่าก่อนจะเดินมากอดคอเมลอย่างเคยชิน
“โห่เมล เราอุตส่าห์หลอกให้เมลกลัวนะ ทำไมเมลมาขำเราล่ะ” แดนเบะปากงอนๆ จนนทีอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยตีปากเพื่อนไปหนึ่งที
“นายมาตีปากฉันทำไมเนี่ย!”
“พูดมาก เดี๋ยวก็ไม่ได้วิ่งกันพอดี” พูดจบนทีก็ชักชวนเพื่อนตัวเล็กทั้งสองให้ไปวิ่งพร้อมกันกับเขา ส่วนแดนน่ะเหรอ ปล่อยให้ยืนงอนอยู่ตรงนั้นต่อไปเถอะ
“เฮ้ยๆ รอฉันด้วย!” จากที่ยืนแอ็กท่างอนให้เพื่อนง้อกลายเป็นว่าต้องวิ่งตามเพื่อนๆ ที่วิ่งนำไปก่อนแล้ว
เฮ้อ เกิดมาเป็นแดน ทุกข์ใจจังครับ เพื่อนไม่แคร์เลยสักคน
.................................................
“เจอกัน 10 โมงนะเมล เราขอไปนอนก่อน ไม่ไหวแล้วววว” พายโอดครวญ เข้าเพิ่งเคยมาวิ่งกับเพื่อนๆ ครั้งแรก ก็รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะนทีชวนและมีเมลมาด้วย เขาจะไม่ยอมลุกจากเตียงเด็ดขาด
“เออ ไม่ไหวเหมือนกัน แต่มีเรียนว่ะ เฮ้อ” แดนบ่น เพราะเขามีเรียนตอนเก้าโมงเช้า แม้จะได้รับพลังงานด้านบวกจากเมลที่วันนี้แต่งตัวได้น่ารักถูกใจเขา แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขามีแรงไปตั้งใจเรียนในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า
ไม่เอาแล้ว ออกไปวิ่งตอนเช้าเนี่ย
“หึๆ คงเหลือแค่เราสองคนล่ะมั้งเมล ที่ยังวิ่งไหวอยู่”
นทีพูดยิ้มๆ ครั้งแรกที่ชวนเมลมาวิ่งก็แค่อยากหาเรื่องให้คนตัวเล็กออกกำลังให้เหงื่อออกจะได้แข็งแรง
แต่เมลกลับวิ่งได้เรื่อยๆ ดูไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นเขาเองที่หอบตั้งแต่วันแรกที่ชวนเพื่อนมาวิ่งด้วยกัน
คราวนี้ก็เลยชวนเพื่อนอีกสองคนมาวิ่งด้วยกันสบายๆ แต่เขาลืมไปว่าตัวเองกับเมลวิ่งมานานแล้ว ร่างกายย่อมแข็งแรงกว่า ต่างจากเพื่อนทั้งสองที่ยังไม่เคยวิ่งแล้วต้องมาวิ่งตามพวกเขาให้ทัน คงเหนื่อยไม่น้อยเลย
“พายอยู่หอเดียวกับเรา เดี๋ยวกลับด้วยกัน ส่วนแดน นายอยู่หอเดียวกับเมลก็ฝากด้วยแล้วกัน”
“โอ๊ย สบาย อยู่กับแดนหายห่วง”
“หมายถึงฝากนายให้เมลช่วยดูต่างหาก ขาสั่นพั่บๆ แบบนั้นเดินไหวแน่เหรอ”
“ไอ้นที!” พอรู้ความหมายที่นทีพูด แดนก็คาดโทษเพื่อนไว้ในใจ แต่ก็จริงอย่างที่นทีว่า ขาของเขาอ่อนแรงจนก้าวแทบไม่ไหวแล้ว
“มา เราช่วย” เมลอาสาเมื่อเห็นเพื่อนพยายามก้าวขาสั่นๆ ของตัวเอง เขายกแขนแดนขึ้นคล้องคอ สอดแขนโอบไหล่อีกฝ่ายที่สูงกว่าเขาเพื่อช่วยพยุงเดิน
“แหม่ ชีวิตดีจังเลยนะไอ้แดน” นทียิ้มกวน แต่วินาทีนั้นแดนไม่สนใจแล้ว หัวใจของเขากำลังเต้นแรงที่เมลเข้ามาช่วยเหลือเขาโดยไม่ต้องร้องขอ
“เดินไหวไหม”
“มะ...ไม่ค่อยไหว” เขายอมพูดความจริงก็ได้ ดูอ่อนแอก็ได้ หากทำแล้วได้รับความใส่ใจจากเมลเขาก็ยินดี
“งั้นเดี๋ยวเราพาแดนกลับห้องก่อน เจอกันที่ห้องเรียนนะพาย”
“อื้อ”
“ปะ เดี๋ยวเราพาไปส่งถึงห้องเลย” เมลพูดยิ้มๆ ประคองเพื่อนตัวโตเดินกลับไปยังหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกล โดยไม่เห็นสายตาของแดนที่มองเขาอย่างอบอุ่น
ได้แบบนี้ทุกวัน ให้วิ่งทุกเช้าก็ยอมวะ
หลังจากส่งแดนกลับห้องเรียบร้อย เมลเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง เขาเห็นรูมเมทห่มผ้าขนหนูผืนเดียว พลางขยี้ผมที่เปียกด้วยท่วงท่าเซ็กซี่น่ากิน
เอ๊ะ นี่เรามองว่าไอซ์น่ากินอย่างนั้นเหรอ
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” ไอซ์หยุดเช็ดผม ขมวดคิ้วอย่างสับสน ภาพที่ยังวนอยู่ในหัวตั้งแต่ตื่นนอน
เขาจำได้ว่าเมื่อวานพาเมลวิ่งหนีแก๊งอันธพาล เขาถูกตีหัว แต่ตอนนี้กลับไม่เจ็บเลยสักนิด แล้วรอดกลับมาที่ห้องได้อย่างไร ทำไมเขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง
“นายว่าไงนะ!” เมลเลิกสนใจความรู้สึกของตัวเองเมื่อครู่ แล้วเดินตรงดิ่งมาถามไอซ์อย่างไม่เข้าใจ “นาย...จำเรื่องเมื่อวานได้เหรอ”
“ก็ต้องจำได้สิ ฉันพานายวิ่งหนีคนพวกนั้น ก่อนจะโดน...ตีหัว” เขาเริ่มไม่แน่ใจในประโยคหลัง หรือว่าเขาแค่ฝันไปเอง
“นายฝันแล้ว!” เมลตะโกนขึ้นเพื่อทำลายทุกสิ่งที่จะทำให้ไอซ์ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมด “ฝันจริงๆ นะ เมื่อวานนายละเมอตะโกนลั่นห้องเลย บอกให้ฉันรีบตามนายไป”
ไอซ์ขมวดคิ้ว เรื่องละเมอเมื่อก่อนเขาก็เป็นบ่อย ช่วงนี้กลับมาเป็นซ้ำอีกแล้วเหรอเนี่ย
“แล้วเรากลับห้องมาตอนไหนล่ะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย” เขาถามต่อในเรื่องที่ยังติดค้างในใจ ความทรงจำสุดท้ายสิ้นสุดเมื่อเขาถูกตีหัว ข้อสันนิษฐานเดียวที่เป็นไปได้คือเมลแบกเขากลับ
แต่ดูจากขนาดตัวแล้ว...เหอะๆ เป็นไปไม่ได้
“นายบอกว่าปวดหัวอยากกลับมานอนน่ะ ตอนนั้นคงมึนๆ มั้งก็เลยจำไม่ค่อยได้”
“ทำไมไม่เห็นมีเรื่องที่นายพูดอยู่ในความทรงจำของฉันเลยล่ะ” ไอซ์ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“อย่าไปสนใจนักเลยน่า ลืมๆ ไปเถอะ”
“แล้วที่นายถามว่าฉันจำเรื่องเมื่อวานได้ไหม นั่นน่ะหมายถึงอะไร” ไอซ์ยังไม่ยอมจบง่ายๆ เขาต้องไขข้อข้องใจให้ได้ว่าสรุปแล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เอ่อ...” เมลพยายามควานหาคำตอบในสมองของเขา ถึงจะตอบโจทย์คณิตศาสตร์ไม่ผิดสักข้อ แต่กับการหาเหตุผลในสถานการณ์แบบนี้กลับยากพอตัว
เพราะต้องเป็นคำตอบที่เขาไม่อยากให้ไอซ์รู้ แต่ก็ต้องไม่ใช่ความจริงที่ยังไงก็บอกไม่ได้
“ว่าไงล่ะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานกันแน่ นายถึงอยากให้ฉันลืมๆ ไปซะ” ไอซ์ลุกจากเตียง ก้าวเข้าหาเมลที่หันรีหันขวางหาทางหนี
เมลก้าวเท้าถอยจนแผ่นหลังชิดผนัง ถูกกักอยู่ระหว่างแขนสองข้างของไอซ์ที่กำลังจ้องหน้าเขาเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“ฉันพูดไม่ได้” ไม่ใช่แค่พูดไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรจะพูดเลยต่างหาก
“บอกมา...”
ก็บอกว่าไม่มีไงเล่า! เมลตะโกนในใจ ก่อนความคิดดีๆ จะกลับเข้ามาในหัว นั่นสิ ฉันมีมนตร์สะกดใจนี่นา
“งั้นนายฟังฉันดีๆ นะ” เมลเริ่มร่ายมนตร์สะกดด้วยเสียงและจ้องตาไอซ์เพื่อให้ง่ายต่อการชักจูง “มันไม่มีอะไรจริงๆ นายแค่กลับมานอน เท่านั้นเอง”
เมลกลั้นใจ ภาวนาให้มนตร์ของเขาสัมฤทธิผล
“ฉันไม่เชื่อว่าแค่นี้ เล่ามา!” คนหน้าดุทำเสียงโหด เข้าไม่เข้าใจว่าเมลปิดบังอะไร ทำไมถึงบอกไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเขา
สมองเมลชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ชอบเสียงดัง แต่เสียงนั่นก็ดึงสติและทำให้เขาคิดบางอย่างที่ออกจะเพี้ยนๆ แต่น่าจะได้ผลดี
บางอย่างที่อาจทำให้ไอซ์รู้สึกแย่ก็ได้
แต่ก็เอาวะ มันเป็นทางเดียวที่จะยุติการคาดคั้นเอาคำตอบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเผลอ ‘กิน’ เพื่อนอีกก็ได้
“นายจูบฉัน!”
เมลหลับตาปี๋ ช่างมันทุกสิ่งอย่าง เพราะมันน่าอายมากที่มาพูดเรื่องแบบนี้กับเพศเดียวกัน แถมยังเสี่ยงที่ถูกต่อยหน้าอีกด้วย
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฮือ ต่อยมาเลย! ตะ...แต่ แค่ครั้งเดียวพอนะ
“...”
เมลลืมตาข้างเดียวเพื่อดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนสติไอซ์จะหลุดลอยไปไกลเสียแล้ว เมลลองแตะแขนเพื่อนตัวโตเพื่อเรียกสติ
ไอซ์สะดุ้งสุดตัวแล้วเผลอก้าวเท้าถอยหลังทันที เหมือนรับการกระทำของตัวเองไม่ได้
เมลถอนหายใจ เขาไม่น่าพูดเรื่องนี้เลยจริงๆ ตอนนี้ไอซ์คงจะรู้สึกแย่จนพูดไม่ออกแล้วล่ะมั้ง
“ขอโทษ” เสียงแผ่วเบาดังมาจากคนตรงหน้า เมลเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของไอซ์
“หืม...”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ร่างสูงขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดเพราะเขาจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
จะจำได้ไงเล่า! ทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องโกหก เมลคิดในใจ แต่ตบไหล่ปลอบใจเพื่อนตัวโต
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องแค่นี้”
เมลยักไหล่สบายๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
ไอซ์เครียดได้ไม่นาน เพราะพอเหลือบไปเห็นนาฬิกาแขวนผนังที่บอกว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เขาก็รีบแต่งตัวก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที
ปัง!
เมลชะโงกออกไปมองประตูที่เพิ่งปิดลง โชคดีที่เขาหาเรื่องโกหกได้ทัน ไม่อย่างนั้นความลับที่เขาซ่อนไว้จะต้องถูกเปิดเผยแน่นอน
หลังอาบน้ำเสร็จ แวมไพร์ตัวน้อยเดินไปเปิดเซฟตู้เย็นแล้วหยิบกล่องเลือดออกมาเจาะหลอดดูด พลางสงสัยว่าทำไมมนตร์สะกดของเขาถึงใช้กับไอซ์ไม่ได้ผล
“แคกๆ”
เมลสำลักเลือดหมูรสโปรดของตัวเอง
“นี่มันอะไรเนี่ย...”
ทำไมเลือดหมูของเขาถึงได้จืดสนิทแบบนี้ล่ะ!?
..................
โถ่เมล เลือดรสโปรดจืดไปแล้ว ทีนี้ทำยังไงดีล่ะจ๊ะ~
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เย้! มีคนอ่าน 555 :กอด1: :L2: :pig4:
บทที่ 2
มุกไม่ฮาพาเพื่อนห่วง
เมลทักทายเพื่อนร่วมเซคเช่นเคย ก่อนจะนั่งลงข้าง ‘พาย’ และ ‘นที’ เพื่อนใหม่ของเขา พายเป็นเพื่อนที่เขารู้จักในวันรับน้อง จากนั้นก็ตัวติดกันตลอดเพราะมักจะโดนพวกพี่ๆ แกล้งแหย่เล่นเพื่อสร้างสีสันในแต่ละวัน
ส่วนนทีเป็นเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันตั้งแต่วันสอบสัมภาษณ์ ได้เจอกันเฉพาะบางวิชาที่เรียนรวมเท่านั้น และเขามั่นใจว่าไม่เคยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน จึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นพายที่ยิ้มและหัวเราะขณะฟังนทีเล่าเรื่องตลก ก่อนเรื่องที่เล่าจะหยุดลงเมื่อทั้งคู่สังเกตเห็นเมล
“เมล~” พายเป็นคนแรกที่ทักทายเพื่อนตัวขาวด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“หวัดดี” เมลยิ้มรับ “เล่าเรื่องอะไรกันอยู่ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”
“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ” นทีถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะเขาเพิ่งจะเผาเพื่อนอย่างเมลให้พายฟังเมื่อครู่นี้เอง
“ก็ต้องรู้จักสิ นี่ไงเพื่อนที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวาน คนที่ซุ่มซ่ามเหมือนเพื่อนทีเลย” พายว่าพลางกอดแขนเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม
“หืม นายเอาเราไปเผาเหรอพาย”
“เอ่อ...นิดนึงเอง” พายยกนิ้วจีบ บอกจำนวนว่าน้อยมาก เพราะความซุ่มซ่ามของเมลน่ะมีเยอะกว่าที่เขาเล่าอีก
“เฮ้อ มนุษย์ซุ่มซ่ามของแท้ งั้นเราขอแนะนำเพื่อนร่วมคณะที่เราพูดถึงนะพาย เขาคนนั้นก็คือเมลนี่ล่ะ” นทีผายมือมาทางเมลที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ นี่เขากลายเป็นเรื่องเล่าสร้างสีสันของเพื่อนๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั้งคู่หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของเมล ซึ่งเมลก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบบรรยากาศที่ได้ฟังเสียงหัวเราะของเพื่อน เห็นสายตาและรอยยิ้มจริงใจที่ทั้งคู่มอบให้ สำหรับแวมไพร์ที่มีแต่ครอบครัวอย่างเขา การมีเพื่อนถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาหลงรักเลยทีเดียว
“อ้ะ อาจารย์มาแล้ว...” และเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องทุกคนก็เข้าสู่โหมดตั้งใจเรียนทันที
.......................................
บ่ายวันนั้น เมลแยกกับพายและนที เพราะทั้งคู่มีวิชาเลือกที่ต้องเรียนร่วมกัน ขณะที่เมลเลือกลงอีกวิชาเพราะความชอบส่วนตัว
เขาชอบร่างกายมนุษย์
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาแค่ชอบศึกษาเพราะอยากรู้ว่าตัวเองต่างจากมนุษย์อย่างไร เพราะนอกจากชอบกินเลือดและไม่จำเป็นต้องนอนแล้ว ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไรนัก
เขาไม่ได้กลัวแสงแดดอย่างแวมไพร์ในหนังสือ แต่ออกแดดมันร้อนและแสบตาก็เลยต้องสวมแว่นกรองแสงและเสื้อคลุมเท่านั้น มนุษย์ขี้ร้อนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากเขา ส่วนเรื่องกลิ่นกระเทียม เมลยอมรับก็ได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่ามนุษย์บางคนก็คงมีบ้างที่ไม่ชอบกระเทียม และบางคนก็แพ้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปกติ
สองเท้าเดินเข้ามาในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยหุ่นจำลองกายวิภาคและโปสเตอร์อธิบายส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เมลอ่านจบไปแล้วหลายรอบ คงเพราะอยากจำให้ขึ้นใจ เขาจึงใช้เวลาทั้งคืนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีสองคนที่เขาคุ้นหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง คนหนึ่งคือรูมเมทของเขาที่กำลังคุยกับคนที่อุตรินอนนอกห้อง เมลสังเกตว่ามีเพียงโต๊ะที่ติดกับสองคนนั้นที่ว่างอยู่จึงไม่ลังเลที่จะนั่งลงข้างไอซ์
“เมล!” เสียงเรียกดังลั่นจนคนเกือบทั้งห้องหันมามองทางเมล ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อคนที่นั่งติดหน้าต่างตวัดสายตามอง
ซึ่งความจริงแล้วไอซ์ก็แค่มองเฉยๆ เพราะเพิ่งสังเกตเห็นเมลนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตน
“ไง”
“ไง”
คำทักทายสั้นๆ ประจำตัวทั้งคู่เอ่ยขึ้นเพียงไม่นาน ก่อนจะถูกแทรกด้วยแดนที่รีบยื่นหน้าเข้ามามีส่วนร่วมทันที
“เราแดนนะ เพื่อนไอซ์รูมเมทนาย” แดนรีบแนะนำตัว ซึ่งเมลก็ไม่รังเกียจที่จะคบหาเพื่อนใหม่จึงส่งยิ้มเป็นมิตรให้เช่นเคย
“เราเมลนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“โอ้ย...แดนตายแล้ว” แดนที่ถูกแอทแทคความน่ารักกระแทกใจ กุมหัวใจตัวเองไว้ด้วยสีหน้ามีความสุข ขณะที่เมลได้แต่ยิ้มค้างเพราะไม่รู้ว่าแดนเป็นอะไร ทำไมถึงทำท่าแบบนั้น
ผลัวะ
เสียงฟาดมือลงบนศีรษะอย่างไม่เบาแรงนั้นทำเอาคนในห้องสะดุ้ง แต่คนถูกทำร้ายกลับแค่ลูบหัวตัวเองปอยๆ ก่อนจะเสียงดังใส่เพื่อนที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าหนุ่มน้อยที่หมายปอง
“เล่นอะไรของมึงเนี่ย! อุ้ย ไม่มีอะไรครับเมล เพื่อนเล่นกันเฉยๆ” แดนส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนที่ทำให้เขาหลุดคำหยาบให้ระคายหูคนน่ารัก
ไอซ์ลอยหน้าลอยตา ความจริงเขาก็แค่หมันไส้เพื่อนที่กล้าพูดกล้าทำไปเสียทุกเรื่อง ขณะที่ตัวเขากลับไม่มีความกล้าใด เช่นเดียวกับสายตาที่เหลือบไปเห็นพายเดินคู่อยู่กับ ‘เขา’ หัวใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที อยากละสายตาก็ทำไม่ได้ เพราะสายตาของเขามีไว้มองแค่พายที่กำลังยิ้มหัวเราะกับคนข้างกาย
“ฮ่าๆ”
เมลพยายามหัวเราะกับพูดที่เขาไม่เข้าใจนักของแดน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นไอซ์มองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าเศร้าๆ เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เขาจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอซ์หัวเราะเหมือนที่นทีทำให้พายหัวเราะได้
“เอ่อ เรามีเรื่องเล่าน่ะ” แค่เกริ่น เมลก็เห็นแดนก็กระดิกหางรอฟังเหมือนเจ้าตูบใต้หอ เขาแอบขำนิดๆ ก่อนจะกระแอมไอเรียกสติคนที่เหม่อมองไปข้างนอกให้หันกลับมามองเขา
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอ เรียกให้ไอซ์ต้องหันกลับมา ก่อนเมลจะเริ่มต้นเล่า “คือเมื่อเช้าอาจารย์บอกให้เราช่วยยกเอกสารไปไว้ที่ห้องเรียน แต่เราสะดุด กลิ้งตกบันไดไปเลย เอกสารงี้กระจายเกลื่อนทางเดินอะ ฮ่าๆ”
เมลหัวเราะเพื่อให้เรื่องดูน่าตลกสำหรับเพื่อนๆ แต่ว่าทั้งคู่กลับขำไม่ออก
"ลุก" พูดจบไอซ์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
"หืม..." เมลเอียงคอสงสัย หันมองแดนเพื่อถามที่มาของคำถาม แต่แดนกลับยิ้มเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนจะทำอะไร
"ไอซ์มันบอกนายนั่นแหละ ตามไปสิเมล เดี๋ยวยักษ์ก็พิโรธหรอก"
"ห้ะ" เมลยังคงไม่เข้าใจเนื้อหาที่เพื่อนสื่อความ แต่ก็ลุกเดินตามไอซ์ออกไป ไอซ์หนังมามองคนตัวเล็กก็จะเอ่ยบอกแดนข้ามหัวเมล
“ฝากบอกอาจารย์ให้ด้วย” แดนพยักหน้ารับคำเพื่อน มองไอซ์ที่เดินนำเมลไปยังห้องพยาบาลก่อนจะหลุดยิ้ม
“มีใครที่ไหนเขาขำเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บบ้างเนี่ย” แล้วดูทำหน้าเข้าเหมือนกำลังลุ้นให้เขากับไอซ์หัวเราะอีก
"แต่ก็...น่ารักดีแฮะ"
.......................................
“นายจะพาเราไปไหนน่ะ อีกแป๊บเดียวก็จะเริ่มคลาสแล้วนะ” เมลร้องบอก เพราะใจเขาตอนนี้อยู่ที่การเรียนการสอนเท่านั้น และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเรียนแล้วด้วย
ไอซ์ไม่ตอบ เขาเดินนำหน้าผ่านห้องแล้วห้องเล่า ไปจนถึงห้องเล็กที่อยู่หัวมุมอาคาร
ห้องพยาบาล
ไอซ์เคาะประตูอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปท่ามกลางนักศึกษาที่รอรับยาจากอาจารย์ห้องพยาบาล
“เพื่อนผมตกบันได” ทันทีที่ร่างสูงเอ่ย ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้ไอซ์พาเมลไปนั่งที่เตียง พอดีกับอาจารย์ห้องพยาบาลที่เดินเข้ามาสอบถามอาการ
“ผมไม่เป็นไรมากครับอาจารย์” เมลยิ้มยืนยัน เพราะเขาไม่ได้เจ็บอะไร อีกอย่างเขาเป็นแวมไพร์ เรื่องแค่นี้ฟื้นตัวง่ายมาก ปัญหาที่น่ากลัวกว่าก็คือการตรวจร่างกาย ตัวเขาเย็นแบบนี้ คงถูกส่งโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปอีก
“เอ่อ เพื่อนผมก็แค่กังวลเกินไป ผมไม่เป็นอะไรมากแล้ว งั้นขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ผมไม่อยากขาดคาบนี้”
พูดจบเมลก็กระโดดลงจากเตียงด้วยท่วงท่าที่แสดงได้อย่างดีว่าเขาไม่ได้เจ็บอะไร แล้วรีบเดินออกจากห้องพยาบาลไปทันที
“เพื่อนเราหน้าซีดๆ นะ” อาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยขึ้น ซึ่งไอซ์ก็พยักหน้ารับ ตอนที่จับแขนพาไปนั่งที่เตียง ตัวเมลเย็นเหมือนคนป่วยเขาคิดว่าควรจะให้อาจารย์หมอตรวจสักหน่อยก็ยังดี แต่อีกฝ่ายกลับลุกหนีอย่างกับกระต่ายขี้กลัว
หรือจะกลัวหมอ
แต่เขาเรียนหมอไม่ใช่เหรอ
“ถ้าเขาอาการไม่ดีค่อยพามาอีกทีละกัน ตอนนี้รีบตามเพื่อนไปก่อน เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่” ไอซ์พยักหน้ารับ เขารีบเดินตามเพื่อนตัวเล็กที่แม้จะเดินเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าช่วงขาของเขาอยู่ดี
“เดินช้าๆ” ไอซ์พูดเสียงดุ เมลหันมองนิดๆ อย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะลากเขากลับห้องพยาบาล เมลก็ผ่อนฝีเท้าลง เดินเคียงข้างกันกลับไปยังห้องเรียนที่อาจารย์กำลังสอนเรื่องทฤษฎีพอดี เมลและไอซ์เอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปนั่งประจำที่
แดนยื่นหน้าจะเข้ามาถามว่าเมลอาการเป็นอย่างไรเป็นอันต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นเมลตั้งท่าตั้งใจเรียน แม้แต่ไอซ์ที่นั่งข้างๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้ ปกติคนเราคงไม่ตั้งใจเรียนในทันทีหรอก กว่าจะจูนสติให้จดจ่ออยู่กับการเรียนได้ก็ล่อเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง
แต่กับเมลกลายเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาตัดขาดทุกอย่างโดยสิ้นเชิง สนใจเพียงเนื้อหาที่อาจารย์สอนเท่านั้น ไม่มีวอกแวก ตาดูหูฟังมือจด จนคนที่ลอบมองทั้งสองรู้สึกอยากทำตาม ต่างก็หันไปสนใจเนื้อหาที่ไม่ได้อยากเรียนมาตั้งแต่ต้น
ไอซ์ก็แค่ถูกแดนลากมาเข้าเรียนด้วยเนื่องจากสาวที่แดนแอบชอบเลือกเรียนวิชานี้ แต่ปรากฏว่าเธอคนนั้นถอนวิชาเรียนไปก่อนแล้ว เดิมทีก็ตั้งใจจะขออาจารย์ถอนวิชาแล้วเดินออกไปชิลๆ คิดไม่ถึงว่าการนั่งข้างเมล จะทำให้ทั้งคู่จดจ่อกับการเรียนจนจบคาบได้โดยไม่แอบหลับเหมือนเพื่อนแถวหลัง
“เฮ้ย ไม่คิดเลยว่าวิชานี้ก็สนุกเหมือนกัน” แดนพูดขึ้นหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องไป “เมลมีเรียนอะไรต่อไหม” เพราะคาบนี้เป็นวิชาสุดท้ายของแดนและไอซ์ เขาก็เลยลองถามเผื่อจะได้ชวนเมลไปหาอะไรอร่อยๆ กินด้วยกัน เขากินข้าวกับไอซ์จนเบื่อแล้ว แต่ถ้ามีเมลไปด้วยก็คงดีทีเดียว
“เรานัดเพื่อนไว้แล้วน่ะ” เมลตอบ ก้มนาฬิกาดูเวลานัดหมาย ดูเหมือนเขาจะเลิกช้ากว่าเพื่อนครึ่งชั่วโมง ป่านนี้พายกับนทีคงนั่งรอเขาอยู่ที่คณะ
“ว้า เสียดายจัง เราอยากกินข้าวกับเมลนะ” แดนหยอดเพิ่มอีกนิด แต่ดูเหมือนเมลจะเข้าใจคนละแบบ
“ไปกินด้วยกันก็ได้นะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเรื่องไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ดีซะอีก แดนจะได้ไม่น้อยใจที่ไม่ได้กินข้าวกับเขา
เพราะยังไงเขาก็กิน ‘ข้าว’ แบบที่เพื่อนๆ กินไม่ได้อยู่ดี
Tbc.
..................
น้องเมลเขาไม่รู้อะไรกับแกทั้งนั้นแหละคุณแดน ฮ่าๆ ส่วนคนในใจพายเป็นใครทุกคนคงรู้อยู่แล้วโน๊ะ ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไป
เม้นบอกเราหน่อยนะจ้ะว่าสนุกไหม เป็นกำลังใจให้กันเน้อ :mew2: