พิมพ์หน้านี้ - Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: janeta ที่ 21-01-2018 17:40:40

หัวข้อ: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 21-01-2018 17:40:40
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤

(¯―¯٥) ლ(´ڡ`ლ)

-^-^-^-^-^-^^-^-^^-^-
เรื่องราวของแวมไพร์ตัวน้อย ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกับรูมเมทที่เป็นมนุษย์
แต่เขาจะห้ามใจอย่างไร เมื่อเลือดของอีกฝ่ายช่างหอมหวานน่าอร่อย!
-^-^-^-^-^-^^-^-^^-^-

สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3775991#msg3775991) บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3776718#msg3776718) บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3775991#msg3775991) บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65583.msg3779518#msg3779518)
อ่านต่อได้ใน E-BOOK

⚠️ Warning ⚠️
Blood - มีเลือด  , Self-Harm - การทำร้ายตัวเอง
Kidnapping - การถูกลักพาตัว  ,  Imprison - การกักขังหน่วงเหนี่ยว
Mind Control - การควบคุมจิตใจของอีกฝ่ายทั้งความคิดและการกระทำให้เป็นไปตามที่ต้องการ

หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทนำ (21-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 21-01-2018 17:51:24
บทนำ

แวมไพร์ มีช่วงชีวิตยาวนานกว่ามนุษย์ เร้นกายแฝงอยู่ในเงามืดมาหลายร้อยปี

หลายคนรู้จักแวมไพร์ผ่านหนังสือ บ้างก็ว่าแวมไพร์โหดร้าย ดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร เป็นภัยร้ายต่อมวลมนุษยชาติ หากพบจะต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะฆ่าเรา

นั่นคือแวมไพร์ที่คุณรู้จักใช่ไหม

“เอ่อ ผมไม่มีเงินหรอกครับ” เด็กหนุ่มไร้เดียงสากอดกระเป๋าตัวเองไว้แน่น ขณะที่ชายร่างสูงสามคนรายล้อมดักทาง ไม่ให้เด็กหนุ่มหลบหนีไปได้ เพราะนานๆ ทีจะเห็นเด็กหน้าตาซื่อๆ ผ่านมาให้พวกเขาไถเงิน

“อย่ามาโกหก ดูท่าพ่อแม่เอ็งคงจะรวยไม่น้อย” ชายคนแรกสำรวจเสื้อผ้าที่เด็กหนุ่มสวมใส่ ถึงไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไรแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านเหมือนได้รับการซักรีดมาอย่างดี

ไหนจะนาฬิกาข้อมือที่เขาเห็นชื่อแวบๆ Patek Philippeแล้วแบบนี้ยังมาพูดว่าไม่มีเงินอีก เห็นทีหมาหมู่อย่างพวกเขาคงต้องแย่งมาอย่างเดียวเท่านั้น

“เฮ้ย จับตัวมันไว้”

สหายอีกสองคนรับคำก่อนจะก้าวเข้ามาเรื่อยๆ

เด็กหนุ่มอยากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ด้วยรู้ดีว่าจะต้องมีคนมาช่วยเขาอย่างแน่นอน

แต่ก่อนที่เสียงจะถูกเปล่งออกไปความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวทันที

ไม่ เราจะมาอ่อนแอแค่นี้ไม่ได้

เด็กหนุ่มฝืนทน กอดกระเป๋าตัวเองและพยายามก้มหน้าลงต่ำ ไม่ให้ ‘ความลับ’ ถูกเปิดเผย

“เฮ้ย! ทำอะไรวะ” เสียงทุ้มดังขึ้น นักเลงทั้งสามที่ยืนล้อมเด็กหนุ่มไว้จึงหันไปมองผู้มาใหม่ คนคนนั้นที่สูงกว่าพวกเขาแถมใบหน้ายังดูโหดเหี้ยมจนพวกเขาเริ่มตัวสั่น

“ยะ...ยุ่งอะไรด้วยวะ” หัวหน้าแก๊งไถเงินเอ่ยขึ้นอย่างใจกล้า ก่อนจะถูกสายตาคมกริบจ้องกลับ พร้อมกับเสียงตวาดที่ดังกว่า

“รังแกเด็กไม่มีทางสู้นึกว่าเท่เหรอวะ! ตัวก็โตกว่า หัดทำมาหากินเองได้แล้ว หรือว่าโง่เป็นควายเลยทำได้แค่ไถเงินคนอื่น!”

คนตัวสูงก้าวเข้ามายืนบังหน้าเด็กหนุ่มแล้วกล่าวต่อ “ถ้าอยากสู้นักก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัว”

ทั้งสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อผู้ชายตรงหน้าดูเหนือกว่าทั้งร่างกายและรัศมีข่มขู่ ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นของคนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก พวกเขาที่เอาแต่รีดไถเงินคนอื่นๆ จะไปสู้ได้อย่างไร

สุดท้ายทั้งสามก็พากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากปะทะคนที่แข็งแกร่งกว่า

“หึ ไม่แน่จริงนี่หว่า” ร่างสูงแสยะยิ้ม จากนั้นก็สวมเสื้อกลับตามเดิม ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา

หรือว่าหมอนี่จะกลัวเราไปอีกคน

ร่างสูงลอบถอนหายใจ เหอะๆ ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ เขาควรจะชินได้แล้ว ใบหน้าของเขาถอดแบบมาจากพ่อ มองอย่างไรก็เหมือนคนชอบหาเรื่องคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

ทั้งที่ตัวเขาเองออกจะรักสงบแท้ๆ แต่ก็ไม่วายถูกท้าดวลทุกที ถ้าไม่ฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งก็คงเป็นได้แค่เป้าซ้อมให้พวกคนที่ไม่ชอบหน้ารุมสกรัม

ขณะที่เขากำลังตัดสินใจจะเดินจากไปนั้น เด็กหนุ่มที่ยืนเงียบก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มที่เขาไม่เห็นใบหน้าพูดจบก็หันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปอีกทาง

แม้ชายหนุ่มจะแสดงสีหน้าเป็นมิตรไม่ค่อยเก่ง แต่รับรู้ถึงน้ำเสียงจริงใจของอีกฝ่ายได้ ใบหน้าเย็นชาของเขาจึงเผยรอยยิ้มอบอุ่น

“เอาล่ะ เลี่ยงทางหลักแล้วกลับบ้านดีกว่า จะได้ไม่เจอพวกเอซ” เขาถอนหายใจ ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ถูกท้าดวลตัวต่อตัว โดยเฉพาะพวกหัวหน้าแก๊งอย่าง ‘เอซ’ ที่ขยันมาหาเรื่องเขาทุกเช้าเย็น

ชายหนุ่มเดินจากไปในทิศทางตรงข้ามกับทางกลับบ้าน ขณะที่เด็กหนุ่มผู้ถูกช่วยชีวิตไว้ แอบอยู่หลังเสาไฟ มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยดวงตาสีแดงมรกต

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขา” เพราะถ้าช้ากว่านั้นอีกนิด เด็กหนุ่มก็ไม่รู้แล้วว่าชะตากรรมของทั้งสามคนนั้นจะเป็นอย่างไร

เขาผู้ซึ่งหิวกระหายมาตลอดทั้งวันอุตส่าห์เลี่ยงมาทางลัดเพื่อให้พบมนุษย์น้อยที่สุด เกือบจะเผลอฝังเขี้ยวงับคอมนุษย์พวกนั้นเสียแล้ว

“ใจเย็นไว้เมล” เขาปลอบใจตัวเอง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปยังบ้านของตนที่มีอาหารแสนอร่อยรออยู่

“กลับมาแล้วเหรอตัวแสบ”

“ครับ” เมลยิ้มกว้างไหว้สวัสดีคุณพ่ออย่างน่ารัก ก่อนจะเดินตัวปลิวไปยังตู้เย็นมินิของเขาที่เต็มเปี่ยมด้วยเลือดหลายถุง

เขาเลือกเลือดหมูแสนหวานเทใส่แก้วแล้วดื่มอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาของพ่อที่มองมาอย่างเป็นกังวลจนเมลรู้สึกได้

“มีอะไรเปล่าพ่อ” เมลวางแก้วลงแล้วหันไปหาพ่อของตน ที่กำลังเตรียมอาหารสำหรับพี่ชายทั้งสองของเขา ที่ยังไม่กลับจากที่ทำงาน

ก็พี่ชายของเขาเป็นมนุษย์นี่นา จะกินเลือดสดแบบเขาได้ยังไงกัน

มานพมองลูกชายบุญธรรมที่รับเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แล้วลอบถอนหายใจ เขารักเด็กคนนี้ไม่ต่างจากลูกชายทั้งสอง แต่เวลาเห็นเมลดื่มเลือดทีไร เขาก็อดกังวลไม่ได้ทุกที

“ไปมหาวิทยาลัยวันแรกเป็นไงบ้าง มีใครที่...” น่ากินไหม

มานพไม่กล้าเอ่ยประโยคในใจ แต่เมลเดาออกว่าพ่อหมายถึงอะไร เขาจึงตอบไปตามความจริง

“ก็มีครับ แต่ผมไม่จำเป็นต้องกินพวกเขานี่นา ผมมี ‘นี่’เป็นของโปรดอยู่แล้ว”

เมลชูแก้วใสที่ยังคงมีคราบเลือดหมูก่อนจะลงมือล้างทำความสะอาดด้วยตัวเอง เช็ดด้วยผ้าสะอาดแล้ววางเก็บไว้ข้างๆ แก้วของพ่อและพี่ชายทั้งสองที่มีลายสกรีนต่างกันไป

“พ่อไม่อยากให้ตัวตนของลูกถูกเปิดเผย เข้าใจพ่อใช่ไหม”

มานพวางมือลงบนไหล่ลูกชายที่เขาทั้งรักและเฝ้าทะนุถนอมอย่างดี จึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เมลเรียนร่วมกับเด็กคนอื่นมาสิบกว่าปีเพราะกลัวว่าเมลจะเผลอทำร้ายเด็กเหล่านั้น

และที่โหดร้ายที่สุดคือถ้ามีคนรู้ความลับของเมล เขาอาจสูญเสียลูกชายตัวน้อยคนนี้ไปตลอดกาล

จนถึงตอนนี้มานพก็ยังคงกังวล แม้เมลจะยืนกรานว่าเขาโตแล้ว และการเรียนมหาวิทยาลัยร่วมกับมนุษย์จะไม่เป็นปัญหาก็ตาม
“ผมรู้” เมลกอดพ่อแน่น แม้จะต่างสายพันธุ์กัน แต่เมลก็รักคนในอ้อมกอดมากกว่าสิ่งใด คนที่ให้ความรัก ความอบอุ่น ให้การศึกษาที่ดีแก่เขา จนกระทั่งวันที่เขาเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง พ่อของเขาก็ยังให้โอกาสในการตัดสินใจเสมอ

เมลอยู่กับพ่อและพี่ชายตลอดช่วงสุดสัปดาห์ พอถึงเย็นวันอาทิตย์ พี่ชายคนรองก็ขับรถมาส่งเมลกลับหอพักของมหาวิทยาลัย เพราะพี่ชายคนโตติดประชุมด่วน จึงทำได้แค่จุ๊บแก้มน้องชายคนเล็กก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ออกไปทันที

เมลเดินขึ้นบันไดพลางสำรวจหอใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ อันที่จริงพ่อของเขาเคยคัดค้านเรื่องที่ต้องมาอยู่หอพักไกลหูไกลตา
แต่เมลก็บอกว่าเขาอยู่ได้ เขาอยากเรียนรู้วิถีชีวิตแบบมนุษย์ทั่วไปจึงอยากลองอยู่ด้วยตัวเอง

พี่ชายคนโตจึงส่งตู้เย็นแบบตู้เซฟมาให้ พร้อมบรรจุเลือดหมูจากฟาร์มเกรดเอของตนซึ่งเป็นรสชาติที่ถูกใจเมลที่สุด โชคดีที่เมลอยู่คนเดียวจึงดื่มเลือดได้อย่างสบายใจ

แต่ขณะที่เมลกำลังหยิบกุญแจพลางคิดว่าจะกินเลือดหมูพร้อมดูภาพยนตร์สักเรื่องนั้น เสียงดนตรีก็ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องพักของเขา

เราลืมปิดทีวีเหรอ

เมลพยายามนึก แต่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เปิดทีวีเลยตั้งแต่ตอนเก็บกระเป๋ากลับบ้าน

เมลหมุนลูกบิดและพบว่ากลอนประตูไม่ได้ล็อก พร้อมกับประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นคนตัวสูงที่นอนราบเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงฝั่งขวา

สายตาคมกริบตวัดมามองเขา ทำเอาเมลขนลุกซู่ ก่อนเจ้าของสายตานั้นจะเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรผิดกับหน้าตา

“ไง”

นี่ใช่...คนที่ช่วยเราไว้เมื่อวันก่อนหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทนำ (21-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-01-2018 19:08:51
ติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทนำ (21-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-01-2018 22:12:54
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 1 (22-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 22-01-2018 21:08:53
บทที่ 1
รูมเมทที่น่าคบ

“ไง...” เมลทักตอบ คงไม่ต้องถามแล้วว่าอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนี้ได้อย่างไร เพราะรุ่นพี่หัวหน้าหอบอกไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าพักแล้วว่าหนึ่งห้องพักได้สองคน

เมลคิดว่าเขาอยู่มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่เห็นรูมเมทคนใหม่ ก็เข้าใจว่าห้องเขาคงไม่มีใครเข้ามาพักเพิ่มอีก

คิดไม่ถึงว่าพอมีรูมเมทเข้าจริงๆ จะเป็นคนที่เคยช่วยเมลไว้เมื่อวันก่อนนี่เอง

“เอ่อ นายชื่ออะไรเหรอ” เมลวางกระเป๋าลงพื้นแล้วนั่งลงบนเตียง ในเมื่อเป็นรูมเมทกันแล้ว เขาก็ควรรู้ชื่อของอีกฝ่าย จะได้เรียกชื่อถูก

“ไอซ์” ร่างสูงตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งดีๆ พลางมองคนผิวขาวที่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเจอกัน แต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป

“เราเมลนะ” เมลยิ้มให้เพื่อนใหม่

ไอซ์มองท่าทางเกาแก้มเก้อๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะหลุดพูดบางคำที่อยู่ในใจออกไป

“แมว”

“หืม...”

“เปล่า” ไอซ์สะบัดหัวไล่ความคิดประหลาดของตัวเอง กลัวจะหลุดพูดอะไรประหลาดๆ ออกมาอีก เขาเห็นผู้ชายตรงหน้าคล้ายลูกแมวไปได้ยังไงกันนะ

ติ้ง

เสียงข้อความในไลน์ขัดจังหวะความคิดของเขา

แดน คิวบ์ๆ : เมทนายหน้าตาเป็นยังไงอะ ฉันอยากรู้

แดน คิวบ์ๆ : ไม่สิ

แดน คิวบ์ๆ : ต้องถามว่านายกับเขาใครหน้าโหดกว่ากัน

ไอซ์ลอบมองรูมเมทที่กำลังหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วโยนใส่ตะกร้าผ้าที่อยู่ปลายเตียงอย่างแม่นยำ ไม่มีเค้าลางของผู้ชายนุ่มนิ่มเลยสักนิด ผิดกับขนาดตัวที่ดูบอบบางอย่างกับเด็กๆ

Ice Atipan : ก็ต้องฉันไหมล่ะ เขาก็ดูเป็นผู้ชายแมนๆ ปกติทั่วไป ไม่ได้กลัวฉันจนหัวหดเหมือนนาย

แดน คิวบ์ๆ : แหมๆ ได้เพื่อนใหม่ลืมเพื่อนเก่าเลยจ้า เออ งั้นเขาคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะขอเสนอหน้าไปนอนนายบ่อยๆ

แดน คิวบ์ๆ : จะมานอนห้องฉันทำไม นอนกับรูมเมทนายไปสิ

แดน คิวบ์ๆ : ก็รูมเมทมันมองฉันแปลกๆ น่ะ น่าขนลุก เอาเป็นว่าฉันจะไปนอนห้องพวกนาย หรือนายจะใจร้ายปล่อยให้ฉันนอนตากยุงอยู่นอกห้องทั้งคืน

Ice Atipan : เออ

กดส่งข้อความเสร็จเรียบร้อยไอซ์ก็กดปิดเครื่อง หยุดการติดต่อจากเพื่อนเจ้าปัญหาทันที เขารู้ว่าแดนไม่มีทางออกมาทนลำบากนอนนอกห้องแน่ๆ

และถึงจะออกมาจริงๆ เขาก็ไม่สนใจ เตียงของเขาก็เล็กนิดเดียว จะให้ผู้ชายตัวโตสองคนมานอนเบียดกันก็ใช่เรื่อง

ไอซ์ลอบมองเมลอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้คนตัวขาวกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่บนเตียง นิ่งสนิทเหมือนรูปปั้น มีเพียงการเปลี่ยนหน้ากระดาษเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่

กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา

ไอซ์อ่านทวนซ้ำในใจพลางจ้องมองปกหนังสือเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องจริง

หรือว่าเมลจะเรียนแพทย์วะ

ไอซ์คิดในใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป เพราะเขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะเรียนอะไร อ่านหนังสือเพื่ออะไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นน่ะ...

ครืดๆ

มาแล้ว...

ไอซ์ยิ้มเงียบๆ อยู่กับตัวเอง เมื่อโทรศัพท์สั่นพร้อมกับรูปเจ้าของเบอร์ที่โทรเข้ามา เขาไม่ลังเลเลยที่จะกดรับ ก่อนจะเดินไปยังระเบียงเพื่อไม่ให้เสียงของเขารบกวนคนอ่านหนังสือ

(นอนยัง)

“ฮื่อ ยังไม่นอนหรอก” ไอซ์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่หากใครได้เห็นก็คงตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพียงแต่ไอซ์ไม่ใช่คนชอบยิ้ม เขาจะยิ้มให้เฉพาะคนสำคัญเท่านั้น โดยเฉพาะคนปลายสายที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังเช่นเคย

(แล้วก็นะ...เขาน่ะ) แค่ได้ยินคำว่า ‘เขา’ รอยยิ้มของไอซ์ก็เลือนลง รู้ทั้งรู้ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโทรมา ก็คงไม่พ้นเล่าเรื่อง ‘เขาคนนั้น’ ให้ฟังอยู่เสมอ (...เฮ้ นายฟังอยู่หรือเปล่าน่ะ)

“อืม...” แค่เอ่ยตอบก็แทบไม่มีแรงแล้ว “แล้วเป็นไง เขาจำนายได้ไหม” แต่ก็ตอบไปให้อีกฝ่ายสบายใจว่าเขาโอเคเสมอ

(จำได้สิ...เขาบอกว่าดีใจที่ได้เจอเราด้วย นายว่า...เราจะพอมีหวังไหมนะ)

“ก็ต้องมีสิ นี่ใคร นี่พายนะ น่ารักๆ แบบพายยังไงก็ต้องมีคนชอบอยู่แล้ว” ใช่ น่ารักอย่างพาย ใครๆ ก็ต้องชอบ

ไม่เว้นแม้แต่เขา ที่แอบชอบพายมาหลายปี

(แต่เราเป็นผู้ชายนะไอซ์ เขาอาจจะ...อาจจะชอบผู้หญิงก็ได้) น้ำเสียงไม่มั่นใจดูไม่เข้ากับพายนัก พายเป็นคนมั่นใจเสมอ ทุกสิ่งที่เขาตั้งใจทำ เขาทำได้ทุกอย่าง

แต่ตอนนี้เขาอยากให้พายไม่มั่นใจแบบนี้ตลอดไป ให้พายไม่กล้าสารภาพรักและเลิกชอบคนคนนั้นไปซะ

“เชื่อในตัวเองสิพาย พายจะแอบมองเขาแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหนล่ะ อยากให้สาวๆ มาแย่งไปเหรอ” ไอซ์พูดติดหัวเราะ แต่หัวใจของเขาหัวเราะไม่ออก มันมีแต่น้ำตาที่ท่วมซึมจนล้นออกมา

(อื้ม! พายจะสู้ ขอกำลังใจหน่อยยยยยยยย)

“สู้ๆ นะ”

(อ่า ได้รับพลังจากเพื่อนซี้แบบนี้เราก็พร้อมสู้ล่ะ ฮ้าว ง่วงนอนชะมัด คุยกับนายทีไรเราหลับสบายทุกทีเลย ขอบใจน้า)

“อื้ม”

(ไว้ไอซ์มีความรักเมื่อไหร่เราช่วยเต็มที่แน่นอน สู้ๆ)

“อือ...”

ปลายสายตัดไปแล้ว แต่คนที่ควรจะนอนหลับอย่างเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาลง

ไม่อยาก...ให้พรุ่งนี้มาถึง

ไอซ์นั่งพิงประตูระเบียง กอดเข่าแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ

เมลละสายตาจากหนังสือ เขาค่อนข้างประสาทไวเรื่องกลิ่น โดยเฉพาะเวลากลางคืน แม้กลิ่นนั้นจะเบาบางแต่เขาก็รู้ว่าเป็นกลิ่นของน้ำตา

ดวงตากลมโตมองไปที่ระเบียง ที่ซึ่งรูมเมทตัวโตของเขานั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆ แต่เมลรู้ว่าไอซ์กำลังร้องไห้

เมลยืนชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบผ้าห่มของเตียงข้างๆ เดินไปยังประตูระเบียง

ไอซ์เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เมลยิ้มให้เขานิดๆ ก่อนจะยื่นผ้าห่มลายเกล็ดหิมะส่งให้แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป

ไม่มีคำถามว่าเขาเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม

แค่ปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเอง

มอบไออุ่นให้ ในยามที่เขาหนาวเหน็บ

ไอซ์คลี่ยิ้มนิดๆ เขาคิดว่ารูมเมทคนนี้นิสัยไม่เลวเลย แต่ไอซ์ก็ไม่ได้กลับเข้าห้องไปเพื่อขอบคุณ เขาแค่คลี่ผ้าห่มคลุมตัวเองไว้ พลางกระชับผ้าห่มผืนน้อยกันลมหนาว

ของขวัญจากพาย

ของขวัญ...ที่เขาห่มนอนทุกคืน
.............................................

เช้าวันใหม่มาเยือน เมลปิดหนังสือพลางมองเพื่อนร่วมห้องที่หลับพริ้มอยู่บนเตียง เมื่อคืนเขาอุ้มคนตัวโตกลับเข้ามานอนในห้องเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตากน้ำค้างจนไม่สบาย

ต้องขอบคุณกำลังเหนือมนุษย์ของเขาที่ช่วยให้การอุ้มง่ายขึ้นเยอะ หากเป็นเวลาปกติเขาคงไม่กล้าโชว์พรสวรรค์พิเศษนี้ ด้วยกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่มนุษย์

แม้ความจริงเขาจะไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เมลก็กดเปิดเซฟด้วยรหัสลับที่มีเพียงเขาและครอบครัวเท่านั้นที่รู้ หยิบเลือดบรรจุกล่องน้ำผลไม้ออกมาจากตู้เย็นแล้วเจาะหลอดดื่ม

ต้องขอบคุณพี่ชายคนโตของเขาที่สรรหาวิธีตบตามนุษย์ด้วยวิธีนี้ เขาจึงพกอาหารติดตัวไปได้ทุกที่โดยที่ไม่มีใครสงสัย อาจจะมองแปลกๆ บ้าง ที่เห็นเขากินน้ำสตรอว์เบอร์รี แต่เขาไม่สนใจหรอก ขอเพียงตัวตนของเขาไม่ถูกเปิดเผยก็พอแล้ว

“อือ”

มนุษย์ขี้เซาคงถึงเวลาตื่นแล้วสินะ

ไอซ์ลืมตาขึ้น เขารู้สึกปวดหน่วงในตาคงเพราะร้องไห้จนตาบวม พอลุกขึ้นนั่งเขาถึงรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง

เขาชะงักไปนิดเมื่อความคิดพิลึกพิลั่นแล่นวาบเข้ามาในหัว สายตาก็เบนไปหารูมเมทที่จัดหนังสือใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมไปเรียน

อ่า นั่นสิ วันนี้มีเรียนนี่หว่า

เขารีบวิ่งเข้าไปห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู อาบน้ำลวกๆ ให้พอสะอาดแล้ววิ่งออกมา พอดีกับที่เมลเดินสวนไปทางประตู

“ไปก่อนนะ ฉันมีทำกิจกรรมตอนเช้าก่อนเริ่มเรียนน่ะ”

เมลบอกเพื่อนร่วมห้องที่หันมามองเขาพร้อมกับเสื้อนิสิตที่ยังไม่ติดกระดุมสักเม็ด

“อืม”

เมลเปิดประตูเตรียมเดินออกไป แต่ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ด้วยประโยคสั้นๆ

“ขอบคุณ...สำหรับเรื่องเมื่อคืน”

แวมไพร์ตัวน้อยไม่ได้หันกลับไปมองว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร เมลแค่ยิ้มนิดๆ แล้วก้าวออกจากห้องไป

คนที่นอนอยู่หน้าห้องฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงเปิดประตูก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ลืมตางัวเงียมองเด็กหนุ่มที่ยืนสะพายกระเป๋าอยู่ตรงหน้า

ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ ก่อนเมลจะละสายตาแล้วเดินลงบันไดไป เขาก็แค่แปลกใจที่เห็นมนุษย์นอนอยู่นอกห้องเท่านั้น

ส่วนอีกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะเบนสายตาไปยังหมายเลขห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งเพื่อนสนิทของเขาอย่างไอซ์ซุกหัวนอนอยู่ พลางทวนคำพูดของเพื่อนที่กล่าวถึงรูมเมทเมื่อวาน

“เขาก็ดูเป็นผู้ชายแมนๆ ปกติทั่วไป ไม่ได้กลัวฉันจนหัวหดเหมือนนาย”

“ผู้ชายแมนๆ”

“แมนบ้าอะไร! โคตรน่ารักเลยต่างหาก” แดนจิ๊ปากอย่างขัดใจ รู้อย่างนี้เขายอมเคาะประตูห้องเพื่อนอย่างเสียมารยาทเลยดีกว่า จะได้นอนมองคนน่ารักหลับอยู่บนเตียงข้างๆ

แล้วก็เนียนละเมอไปนอนเตียงเดียวกัน

“แดน...”

“แดน!”

“ไอ้แดนโว้ย!”

เสียงกระโชกโฮกฮากตามนิสัยส่วนตัว เรียกให้แดนหลุดจากภวังค์

“นายนี่มัน!”

“อะไร ฉันทำไม” ไอซ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่กลับดูเหมือนกำลังข่มขู่แดน จนหลายคนที่เปิดประตูออกมาเพื่อจะไปเรียน ถึงกับรีบเข้าห้องปิดประตูทันทีเพราะกลัวโดนลูกหลง

“มีคนน่ารักเป็นรูมเมททำไมไม่บอกฉัน!”

“เมล...อะนะ”

“ชื่อเมลเหรอวะ โห ขนาดชื่อยังน่ารักเลย เรียนคณะอะไรอะ”

“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม” ไอซ์ยกนาฬิกาขึ้นดู ก่อนจะบอกข่าวร้ายแก่เพื่อน

“เหลืออีก 10 นาทีก่อนจะเข้าเรียนวิชาแรก” พูดจบก็ตบบ่าเพื่อนแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปทันที ไม่ทันฟังเสียงด่าไล่หลัง และเสียงปิดประตูลั่นของคนตื่นสาย

“แล้วฉันจะไปทันไหมเนี่ย!”



..................

มาเสิร์ฟตอนแรกค่ะ พระเอกของเราเขายังมีคนในใจอยู่โน๊ะ ส่วนน้องเมล ตอนนี้เขาก็มองไอซ์เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง ถึงจะเคยช่วยกันไว้ก่อนหน้าก็เป็นแค่ความประทับใจยังไม่ได้ชอบกันค่ะ แต่ดูเหมือนคุณแดนจะตกหลุมเมลไปเต็มๆ แล้วนี่สิ ฮ่าๆ เอาใจช่วยคุณแดน? เอ้ย พระเอกของเราด้วยนะคะ  :mew1:

 

 

 
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 1 (22-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-01-2018 21:53:46
พระเอกเรานิ่งจัง เดี่ยวก็เชียร์แดนซะเลย อ่ะล้นเล่น
รออออออ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 2 (23-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 23-01-2018 21:02:48
บทที่ 2
มุกไม่ฮาพาเพื่อนห่วง

เมลทักทายเพื่อนร่วมเซคก่อนจะนั่งลงข้าง ‘พาย’ และ ‘นที’ เพื่อนใหม่ของเขา

พายเป็นเพื่อนที่เขารู้จักในวันรับน้อง จากนั้นก็ตัวติดกันตลอดเพราะมักจะโดนพวกพี่ๆ แกล้งแหย่เล่นเพื่อสร้างสีสันในแต่ละวัน ส่วนนทีเป็นเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันตั้งแต่วันสอบสัมภาษณ์ ได้เจอกันเฉพาะบางวิชาที่เรียนรวมเท่านั้น

และเขามั่นใจว่าไม่เคยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน จึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นพายที่ยิ้มและหัวเราะขณะฟังนทีเล่าเรื่องตลก ก่อนเรื่องที่เล่าจะหยุดลงเมื่อทั้งคู่สังเกตเห็นเมล

“เมล~” พายเป็นคนแรกที่ทักทายเพื่อนตัวขาวด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

“หวัดดี” เมลยิ้มรับ “เล่าเรื่องอะไรกันอยู่ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”

“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ” นทีถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะเขาเพิ่งจะเผาเพื่อนอย่างเมลให้พายฟังเมื่อครู่นี้เอง

“ก็ต้องรู้จักสิ นี่ไงเพื่อนที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวาน คนที่ซุ่มซ่ามเหมือนเพื่อนนทีเลย” พายกอดแขนเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม

“หืม นายเอาเราไปเผาเหรอพาย”

“เอ่อ...นิดนึงเอง” พายยกบอกจำนวนว่าน้อยมาก เพราะความซุ่มซ่ามของเมลน่ะมีเยอะกว่าที่เขาเล่าอีก

“เฮ้อ มนุษย์ซุ่มซ่ามของแท้ งั้นเราขอแนะนำเพื่อนร่วมคณะที่เราพูดถึงนะพาย เขาคนนั้น...ก็คือเมลนี่ล่ะ”

นทีผายมือมาทางเมลที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ นี่เขากลายเป็นเรื่องเล่าสร้างสีสันของเพื่อนๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

ทั้งคู่หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของเมล ซึ่งเมลก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบบรรยากาศที่ได้ฟังเสียงหัวเราะของเพื่อน เห็นสายตาและรอยยิ้มจริงใจที่ทั้งคู่มอบให้ สำหรับแวมไพร์ที่มีแต่ครอบครัวอย่างเขา การมีเพื่อนถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาหลงรักเลยทีเดียว

“อ้ะ อาจารย์มาแล้ว...” และเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องทุกคนก็เข้าสู่โหมดตั้งใจเรียนทันที

บ่ายวันนั้น เมลแยกกับพายและนที เพราะทั้งคู่มีวิชาเลือกที่ต้องเรียนร่วมกัน ขณะที่เมลเลือกลงอีกวิชาเพราะความชอบส่วนตัว
เขาชอบร่างกายมนุษย์

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาแค่ชอบศึกษาเพราะอยากรู้ว่าตัวเองต่างจากมนุษย์อย่างไร เพราะนอกจากชอบดื่มเลือดและไม่จำเป็นต้องนอนแล้ว ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไรนัก

เขาไม่ได้กลัวแสงแดดอย่างแวมไพร์ในหนังสือ แต่ออกแดดมันร้อนและแสบตาก็เลยต้องสวมแว่นกรองแสงและเสื้อคลุมเท่านั้น มนุษย์ขี้ร้อนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากเขา

ส่วนเรื่องกลิ่นกระเทียม เมลยอมรับก็ได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่เขาคิดว่ามนุษย์บางคนก็คงมีบ้างที่ไม่ชอบกระเทียม และบางคนก็แพ้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปกติ

เมลเดินเข้ามาในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยหุ่นจำลองกายวิภาคและโปสเตอร์อธิบายส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เมลอ่านจบไปแล้วหลายรอบ คงเพราะอยากจำให้ขึ้นใจ เขาจึงใช้เวลาทั้งคืนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มีสองคนที่เขาคุ้นหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง คนหนึ่งคือรูมเมทของเขาที่กำลังคุยกับคนที่อุตรินอนนอกห้อง เมลสังเกตว่ามีเพียงโต๊ะที่ติดกับโต๊ะของสองคนนั้นยังว่างอยู่ จึงไม่ลังเล เลือกนั่งลงข้างไอซ์

“เมล!” เสียงเรียกดังลั่นจนคนเกือบทั้งห้องหันมามองทางเมล ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อคนที่นั่งติดหน้าต่างตวัดสายตามอง
ซึ่งความจริงแล้วไอซ์ก็แค่มองเฉยๆ เพราะเพิ่งสังเกตเห็นเมลนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตน

“ไง”

“ไง”

คำทักทายสั้นๆ ประจำตัวทั้งคู่ พอเอ่ยจบก็ถูกแทรกด้วยแดนที่รีบยื่นหน้าเข้ามามีส่วนร่วมทันที

“เราแดนนะ เพื่อนไอซ์รูมเมทนาย” แดนรีบแนะนำตัว ซึ่งเมลก็ไม่รังเกียจที่จะคบหาเพื่อนใหม่จึงส่งยิ้มเป็นมิตรให้เช่นเคย

“เราเมลนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“โอ๊ย...แดนตายแล้ว” แดนที่ถูกแอทแทคความน่ารักกระแทกใจ กุมหัวใจตัวเองไว้ด้วยสีหน้ามีความสุข ขณะที่เมลได้แต่ยิ้มค้างเพราะไม่รู้ว่าแดนเป็นอะไร ทำไมถึงทำท่าแบบนั้น

ผลัวะ

เสียงฟาดมือลงบนศีรษะอย่างไม่เบาแรงนั้น ทำเอาคนในห้องสะดุ้ง แต่คนถูกทำร้ายกลับแค่ลูบหัวตัวเองปอยๆ ก่อนจะเสียงดังใส่เพื่อนที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าหนุ่มน้อยที่ตนหมายปอง

“เล่นอะไรของแกเนี่ย! อุ๊ย ไม่มีอะไรครับเมล เพื่อนเล่นกันเฉยๆ ” แดนส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนที่ทำให้เขาหลุดคำพูดระคายหูคนน่ารัก

ไอซ์ลอยหน้าลอยตา ความจริงเขาก็แค่หมั่นไส้เพื่อนที่กล้าพูดกล้าทำไปเสียทุกเรื่อง ขณะที่ตัวเขากลับไม่มีความกล้าใดๆ

ขณะที่สายตาคมกริบเหลือบไปเห็นพายเดินคู่อยู่กับนที หัวใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที อยากละสายตาก็ทำไม่ได้

เพราะสายตาของเขามีไว้มองแค่พาย ที่กำลังยิ้มหัวเราะอยู่กับคนข้างกาย

“ฮ่าๆ”

เมลพยายามหัวเราะกับคำพูดที่เขาไม่เข้าใจนักของแดน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นรูมเมทตนมองออกไปนอกหน้าต่าง

ใบหน้าของไอซ์ดูเศร้าๆ เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เมลจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอซ์หัวเราะเหมือนที่นทีทำให้พายหัวเราะได้

“เอ่อ เรามีเรื่องเล่านะ” แค่เกริ่น เมลก็เห็นแดนก็กระดิกหูรอฟังเหมือนเจ้าตูบใต้หอ เขาแอบขำนิดๆ ก่อนจะกระแอมไอเรียกสติคนที่เหม่อมองออกไปข้างนอกให้หันกลับมามองเขา

“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอ เรียกให้ไอซ์ต้องหันกลับมา ก่อนเมลจะเริ่มต้นเล่าเรื่อง “คือเมื่อเช้าอาจารย์บอกให้เราช่วยยกเอกสารไปไว้ที่ห้องเรียน แต่เราสะดุดล้ม กลิ้งตกบันไดไปเลย เอกสารกระจายเกลื่อนทางเดินเลยอะ ฮ่าๆ”

เมลหัวเราะเพื่อให้เรื่องดูน่าตลกสำหรับเพื่อนๆ แต่ว่าทั้งคู่กลับขำไม่ออก

"ลุก" พูดจบไอซ์ก็ลุกขึ้น เดินนำออกจากห้องไป

"หืม..." เมลเอียงคอสงสัย หันมองแดนเพื่อถามที่มาของคำพูดนั้นของรูมเมท แต่แดนกลับยิ้มเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนซี้จะทำอะไร

"ไอซ์มันบอกนายนั่นแหละ ตามไปสิเมล เดี๋ยวยักษ์ก็พิโรธหรอก"

"ฮะ" เมลยังคงไม่เข้าใจความหมายของแดน แต่ก็ลุกเดินตามไอซ์ออกไป ไอซ์หันมามองคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยบอกแดนข้ามหัวเมล

“ฝากบอกอาจารย์ให้ด้วย” แดนพยักหน้ารับคำเพื่อน มองไอซ์ที่เดินนำเมลไปยังห้องพยาบาลก่อนจะหลุดยิ้ม

“มีใครที่ไหนเขาขำเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บบ้างเนี่ย” แล้วดูทำหน้าเข้า เหมือนกำลังลุ้นให้เขากับไอซ์หัวเราะอีก

"แต่ก็...น่ารักดีแฮะ"

.................................................

“นายจะพาเราไปไหนน่ะ อีกแป๊บเดียวก็จะเริ่มคลาสแล้วนะ” เมลร้องบอก เพราะใจเขาตอนนี้อยู่ที่การเรียนการสอนเท่านั้น และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเรียนแล้วด้วย

ไอซ์ไม่ตอบ เขาเดินนำผ่านห้องเรียนไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเล็กๆ หัวมุมอาคาร

ห้องพยาบาล

ไอซ์เคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปท่ามกลางนักศึกษาที่รอรับยาจากอาจารย์ห้องพยาบาล

“เพื่อนผมตกบันได” ทันทีที่ร่างสูงเอ่ย ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้ไอซ์พาเมลไปนั่งที่เตียง พอดีกับอาจารย์ห้องพยาบาลเดินเข้ามาสอบถามอาการ

“ผมไม่เป็นไรมากครับอาจารย์” เมลยิ้มยืนยัน เพราะเขาไม่ได้เจ็บอะไร อีกอย่างเขาเป็นแวมไพร์ เรื่องแค่นี้ฟื้นตัวง่ายมาก ปัญหาที่น่ากลัวกว่า คือการตรวจร่างกาย ตัวเขาเย็นแบบนี้ คงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปอีก

“เอ่อ เพื่อนผมก็แค่กังวลเกินไปน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ผมไม่อยากขาดเรียนคาบนี้”

พูดจบเมลก็กระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เจ็บอะไร แล้วรีบเดินออกจากห้องพยาบาลไปทันที

“เพื่อนเราหน้าซีดๆ นะ” อาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยขึ้น ซึ่งไอซ์ก็พยักหน้ารับ ตอนที่จับแขนพาไปนั่งที่เตียง ตัวเมลเย็นเหมือนคนป่วย

เขาคิดว่าควรจะให้อาจารย์หมอตรวจสักหน่อยก็ยังดี แต่อีกฝ่ายกลับลุกหนีอย่างกับกระต่ายขี้กลัว

หรือจะกลัวหมอ

แต่เขาเรียนหมอไม่ใช่เหรอ

“ถ้าเขาอาการไม่ดีค่อยพามาอีกทีละกัน ตอนนี้รีบตามเพื่อนไปก่อน เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่”

ไอซ์พยักหน้ารับ รีบเดินตามเพื่อนตัวเล็กที่แม้จะเดินนำไปก่อน แต่ก็ยังช้ากว่าช่วงขายาวของเขาอยู่ดี

“เดินช้าๆ” ไอซ์พูดเสียงดุ

เมลหันมองนิดๆ อย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะลากเขากลับห้องพยาบาล เมลก็ผ่อนฝีเท้าลง เดินเคียงข้างกันกลับไปยังห้องเรียนที่อาจารย์กำลังสอนเรื่องทฤษฎีพอดี เมลกับไอซ์เอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปนั่งประจำที่

แดนยื่นหน้าเข้ามาถามว่าเมลอาการเป็นอย่างไร แต่เป็นอันต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นเมลตั้งท่าตั้งใจเรียน แม้แต่ไอซ์ที่นั่งข้างๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้

ปกติกว่าคนทั่วไปจะจูนสติให้จดจ่ออยู่กับการเรียนได้ก็ล่อเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง

แต่เมลกลับกลายเป็นข้อยกเว้น เพราะเขามีสมาธิดีเยี่ยม ตัดขาดจากสิ่งเร้ารอบข้างอย่างสิ้นเชิง สนใจเพียงเนื้อหาที่อาจารย์สอนเท่านั้น ไม่มีว่อกแว่ก ตาดูหูฟังมือจด

ทำเอาคนลอบมองทั้งสองรู้สึกอยากทำตามบ้าง ทั้งคู่จึงหันไปสนใจเนื้อหาที่ตอนแรกไม่ได้อยากเรียนเลยสักนิด

ไอซ์ถูกแดนลากมาเข้าเรียนด้วย เพราะสาวที่แดนแอบชอบเลือกเรียนวิชานี้ แต่ปรากฏว่าเธอคนนั้นถอนวิชาเรียนไปก่อน

เดิมทีทั้งคู่ตั้งใจจะขออาจารย์ถอนวิชาแล้วเดินออกไปชิลๆ คิดไม่ถึงว่าการนั่งข้างเมล จะทำให้ทั้งคู่จดจ่อกับการเรียนจนจบคาบได้โดยไม่แอบหลับเหมือนเพื่อนแถวหลัง

“คิดไม่ถึงเลยว่าวิชานี้ก็สนุกเหมือนกัน” แดนพูดขึ้นหลังอาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว “เมลมีเรียนอะไรต่อไหม”

คาบนี้เป็นวิชาสุดท้ายของแดนและไอซ์ เขาก็เลยลองถามคนตัวเล็ก เผื่อจะได้ชวนเมลไปหาอะไรอร่อยๆ กินด้วยกัน เขากินข้าวกับไอซ์จนเบื่อแล้ว แต่ถ้ามีเมลไปด้วยก็คงจะดีทีเดียว

“เรานัดเพื่อนไว้แล้วน่ะ” เมลตอบ ก้มนาฬิกาดูเวลานัดหมาย ดูเหมือนเขาจะเลิกช้ากว่าเพื่อนครึ่งชั่วโมง ป่านนี้พายกับนทีคงนั่งรอเขาอยู่ที่หน้าคณะ

“ว้า เสียดายจัง เราอยากกินข้าวกับเมลนะ” แดนหยอดเพิ่มอีกนิด แต่ดูเหมือนเมลจะเข้าใจไปคนละแบบ

“ไปกินด้วยกันก็ได้นะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเรื่องไปกินข้าวกับเพื่อนๆ

ดีซะอีก แดนจะได้ไม่น้อยใจที่ไม่ได้กินข้าวกับเขา

เพราะยังไงเขาก็กิน ‘ข้าว’ แบบที่เพื่อนๆ กินไม่ได้อยู่ดี


 
..................
น้องเมลเขาไม่รู้อะไรกับแกทั้งนั้นแหละคุณแดน ฮ่าๆ ส่วนคนในใจพายเป็นใครทุกคนคงรู้อยู่แล้วโน๊ะ ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไป  :katai4:
 
 
 

หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 2 (23-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-01-2018 19:15:23
โลกมันกลม
ขนาดแดนหยอดไปแล้วเมลยังไม่รู้ตัว แล้วแบบนี้ถึวเวลาไอซ์จีบ เมลจะเจ้าใจไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 2 (23-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-01-2018 19:41:23
เมื่อไหร่จะได้ชิมเลือดหวานๆน๊า
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 3 (26-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 26-01-2018 00:40:43
บทที่ 3
ขอชิมหน่อยนะ

ไอซ์ไม่ได้เตรียมใจกับการพบกันอย่างกะทันหันนี้ เขาแค่ถูกแดนลากให้มาด้วยกันเพราะไม่อยากรู้สึกแปลกๆ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก

แต่กลับกลายเป็นว่าเราทุกคนรู้จักกันดี

“พาย!” คนที่บอกว่ากลัวอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้ากลับวิ่งเข้าไปหาเพื่อนเก่าทันที ซึ่งพายเองก็ไม่ถือเนื้อถือตัวยอมให้แดนกอดแน่นไม่บ่น

แม้จะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ก็ยากที่จะได้เจอเพื่อนเก่าเพราะเรียนต่างคณะ

“ไงเมล อนาโตมีสนุกไหม” นทีถามเมลที่พยักหน้ายิ้มๆ ถูกใจวิชาเรียนเสริมนี้มาก มืออุ่นจึงลูบผมอีกฝ่ายไปมาตามประสาคนชอบแกล้ง จนเมลร้องห้ามถึงได้ยอมหยุด

นทีหันไปมองคนที่ยืนนิ่งๆ ไม่ร่วมสังคมกับใครเหมือนสมัยมัธยมต้นไม่มีผิด

“ไอซ์”

“อืม” เสียงตอบแบบไม่ยินดียินร้ายที่ได้พบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นทีรู้สึกแย่ เพราะไอซ์ก็เป็นแบบนี้มาตลอด

“ไงแดนไม่เจอกันตั้งหลายปี ยังจำกันได้ไหมเนี่ย” นทีถามแดนที่ดูดีอกดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าอย่างพาย จนป่านนี้ก็ยังพูดไม่หยุดเลย

“เฮ้ย นายใช่นทีหรือเปล่าวะ”

 “อืม คนเดิม เพิ่มเติมคือหล่อมาก” นทียักคิ้วกวนๆ ขณะที่แดนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนที พลางสำรวจรอบตัวเพื่อนที่ไม่เจอกันตั้งสามปี

หลังจากเรียนจบมัธยมต้น นทีก็ตามครอบครัวไปต่างประเทศแล้วเรียนต่อที่นั่นเลย

และแดนก็จำวันนั้นได้ดี

วันที่พายร้องไห้ เพราะมาไม่ทันส่งนที

และเป็นวันที่ไอซ์ร้องไห้ เพราะได้รู้ความจริงว่าพายชอบใคร

พอนึกถึงวันนั้น คนกลางของทุกเรื่องอย่างแดนก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ได้แต่เหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งๆ เหมือนดูปกติ แต่แดนรู้ดีว่าเรื่องนี้คงสะเทือนใจไอซ์ไม่น้อย

“อ่า...รู้จักกันหมดเลยนะ” เสียงเมลทำลายเรื่องที่แดนกังวลไปจนหมดสิ้น นั่นสิ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องรักสามเส้านี่เลย สนใจคนน่ารักดีกว่า

“ครับ เป็นเพื่อนกันทั้งหมดเลยล่ะ” แดนตอบ ก่อนจะชวนเพื่อนๆ ไปกินอาหารด้วยกัน โดยมีเขาเดินนำหน้า ตามด้วยพายและนทีที่ผลัดกันคุยกับแดน ขณะที่ไอซ์เดินรั้งท้ายอยู่ข้างๆ เมล

แม้ไอซ์จะอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับพาย แต่ด้วยนิสัยของเขาแล้ว นอกจากพายและแดน เขาไม่ค่อยพูดมากกับใครนัก

โดยเฉพาะนที...คนที่พายแอบชอบ

เมลเองก็ไม่ได้พยายามหาเรื่องคุยกับไอซ์ เพราะผลจากการคุยกันเมื่อคาบที่แล้วก็เกือบทำความลับของเขาแตก เขาจึงเดินเงียบๆ ตามทุกคนไป

ส่วนเรื่องเมนูอาหารที่แดนหันมาถามแต่ละคนว่าอยากกินอะไร เขาพอจะรู้จักเมนูที่เพื่อนๆ เสนออยู่บ้าง เพราะเห็นพ่อทำให้พี่ๆ กินบ่อย

แต่สำหรับเขาแล้วอาหารพวกนั้นคงรสชาติเหมือนขี้เถ้า ไม่อร่อยสำหรับลิ้นของแวมไพร์

“อ้ะ เมลกินน้ำผลไม้อีกแล้วนะ เดี๋ยวก็อิ่มอีกน่ะสิ”

พายร้องขึ้นเมื่อเห็นเมลดูดน้ำผลไม้เอื้อกๆ เหมือนคนหิวโหย ซึ่งเขาก็หิวมากจริงๆ แถมจะให้กินอาหารที่เพื่อนๆ สั่งมาก็คงไม่ได้ เลยชิงกินน้ำผลไม้ก่อน จะได้เป็นข้ออ้างปฏิเสธอาหารจากเพื่อนๆ ได้

“อิ่มแล้ว”

“เดี๋ยวสิ” แดนเบรก “นายอิ่มแล้วเนี่ยนะ ได้ไงอะ อาหารยังไม่มาเลยสักอย่าง”

“คราวหน้าฉันจะยึดน้ำผลไม้ของนาย” นทีพูดต่อ ชี้กล่องน้ำผลไม้ที่เมลเก็บใส่ถุงเรียบร้อย

เมลตั้งใจจะเอากล่องไปล้างคราบเลือดก่อนแล้วค่อยทิ้ง ไม่อย่างนั้นน้ำสตรอว์เบอร์รีสดจากไร่ของพี่ชายอาจต้องเสียชื่อเพราะมีคราบเลือดปนอยู่ในกล่อง

เมลทำหน้าไม่รู้ไปชี้ ก่อนสายตาจะหยุดลงที่ไอซ์ คนที่ไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเลย กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ ก็ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือมาตักกับข้าวไปกิน กดโทรศัพท์เล่นไปมาอยู่อย่างนั้นจนเมลทนไม่ได้ เขาเตะขาอีกฝ่ายใต้โต๊ะจนไอซ์หันมามอง

เมลมองจานข้าวของไอซ์ที่เขาตักกับข้าวไว้ให้ แม้เขาจะกินไม่ได้เพราะเป็นแวมไพร์ แต่คนข้างตัวเขาน่ะเป็นมนุษย์ ต่อให้ไม่หิวก็ต้องกิน

“กินซะ” เพียงแค่เมลเปล่งเสียงพร้อมกับจ้องตา ร่างสูงก็คล้ายต้องมนตร์ ตักอาหารใส่ปากเหมือนคนที่หิวโหยมานาน

เมลลอบถอนหายใจ เขาไม่อยากใช้มนตร์สะกดรูมเมท แต่ตอนนี้จำเป็นต้องทำเพราะดูแล้วไอซ์คงไม่ยอมกินข้าวมื้อนี้แน่ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

ตั้งแต่ตอนที่ทุกคนพบกัน ไอซ์เงียบลงและทำสีหน้าเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่กล้าพูดออกมา

“เมลดูหน้าซีดๆ นะ อ้ะ ไก่ทอด” พายตักเนื้อไก่ใส่จานเมล แม้เมลจะสูงกว่าเขา แต่หุ่นก็ผอมบาง พายกลัวเพื่อนจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจึงรีบตักกับข้าวใส่จานอย่างรวดเร็ว

เมลได้แต่ร้องไห้ในใจ

ใครจะไปกินขี้เถ้าลง

ครืดๆ

โชคดีที่พี่ชายของเขาโทรเข้ามาพอดี เมลจึงขอตัวออกไปรับโทรศัพท์นอกร้าน

และเมื่อเมลอยู่ห่างออกไป ไอซ์ก็วางช้อนลงทันทีที่มนตร์เสื่อมคลาย เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงได้กินข้าวเข้าไปเยอะขนาดนั้น

“หิวรึไง” แดนถาม พลางหยิบทิชชูส่งให้เพื่อนเช็ดปาก

“เปล่า” ไอซ์พูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่น

และเหมือนโชคชะตาชอบกลั่นแกล้งเขาเหลือเกิน

“ฉันไปก่อนนะ” ไอซ์หยิบแบงค์ร้อยวางลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาให้ห่างจากโต๊ะของเพื่อนๆ

เวลาเดี๋ยวกับ ‘เฮซ’ ชายหนุ่มร่างสูงกำยำ หัวหน้าถิ่นแถวนี้กำลังเดินกร่างเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก 6 คน

“ไหนมึงว่าไอ้หน้าโหดอยู่แถวนี้ไง” เฮซถามพลางมองไปทั่วร้านอาหารที่เช่าที่ของพ่อเขาอยู่

เจ้าของร้านที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา หากแต่เป็นใครบางคนที่มีฝีมือมากพอให้เขาต่อสู้ด้วยอย่างเหมาะมือ

และเขาก็อยากได้เสือพยศตัวนั้นมาเป็นมือขวาของตัวเอง

“ผมเห็นมันเดินมากับไอ้เด็กที่ผมไถเงินเมื่อวันก่อนจริงๆ นะครับนาย”

สายตาล่อกแล่กกวาดมองไปรอบๆ ร้านเพื่อหาเป้าหมาย ก่อนจะเห็นเด็กหนุ่มบางยืนอยู่นอกร้านคนเดียว “อ้ะ นั่นไงครับ ไอ้เด็กนั่นมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกร้าน”

เฮซหันไปมองตาม วินาทีเดียวกับที่ไอซ์วิ่งตัดหน้าพร้อมกระชากแขนเมลให้วิ่งหนีตามกันไป

“เฮ้ย มันหนีไปแล้ว รีบตามมันไปเดี๋ยวนี้เลย!” เฮซสั่งลูกน้องให้วิ่งตาม ก่อนจะยกโขยงวิ่งออกไปจากร้านอาหาร

“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม...” แดนลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “นึกว่าจะตีกันในร้านซะแล้ว”

ภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่คือนักเลงหัวไม้กลุ่มหนึ่งเดินที่เข้ามาเหมือนจะถล่มร้าน แต่จู่ๆ ก็วิ่งกรูกันออกไป แดนจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ใช่ เขาใจเสาะ แค่เห็นคนท่าทางน่ากลัวเข้ามาใกล้ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว โชคดีที่เมลอยู่ข้างนอกก็เลยไม่ต้องทนเห็นสภาพขี้ขลาดตาขาวของเขา...

เดี๋ยวนะ

เมลอยู่ข้างนอกตอนที่พวกนั้นวิ่งออกไป!

แดนผุดลุกขึ้น มองไปยังทิศทางที่เมลเคยยืนอยู่ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา เขารีบเดินออกไปหน้าร้านท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนทั้งสองที่เดินตามกันออกมา

“มีอะไรเหรอแดน” พายถาม

“เมล...”

“เมลทำไม” คราวนี้เป็นนทีที่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเริ่มปะติดปะต่อได้อย่างรวดเร็ว เขาล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วต่อสายหาเพื่อนที่ควรจะอยู่หน้าร้านในตอนนี้

“เมลไม่รับสายเลย”

“พวกมันจับเมลไปหรือเปล่าวะ”

“อาจจะอยู่กับไอซ์ก็ได้นะ” พายพยายามมองโลกในแง่ดีแต่ก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนเพื่อนอีกสองคน ยิ่งไอซ์ไม่รับสายเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน

ขอให้ทั้งคู่อย่าเป็นอะไรไปเลย

.................................................

“แฮกๆ” ไอซ์ดึงแขนเมลให้วิ่งตามเข้ามาในซอกตึก ดันคนตัวเล็กกว่าเข้าไปหลบด้านใน แล้วใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบัง

ไอซ์เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งใกล้เข้ามา แล้วโอบเมลเข้ามาชิดตัวเพื่อหลบใต้เงาถึงขยะไม่ให้พวกนั้นสังเกตเห็น

“ตามหาให้ทั่ว!” เสียงสั่งการทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง เมลไม่ค่อยชอบเสียงดัง เขาจึงยกมือปิดหู

ไอซ์เห็นท่าทางตกใจของเพื่อนก็ลูบหลังปลอบประโลม เขาเพิ่งจำได้ว่าตนเคยช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้จากแก๊งรีดไถเงินเมื่อสัปดาห์ก่อน

คิดไม่ถึงว่าเมลกับคนคนนั้นจะเป็นคนเดียวกัน

“ฉันอยู่ด้วย นายไม่เป็นไรหรอก” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบ

เขาจะไม่ทำให้เพื่อนต้องเดือดร้อน

เมลเงยหน้ามองร่างสูงที่หันไปอีกทางแล้วกวาดสายตาไปทั่วเพื่อระวังภัย เขารู้อยู่แล้วว่าไอซ์ปกป้องเขาได้ และเขาก็เชื่อมั่นในตัวเพื่อนคนนี้

คนที่แม้หน้าตาจะดูหาเรื่องไปหน่อย แต่ก็จิตใจดี เชื่อถือได้ว่าอยู่ใกล้แล้วจะปลอดภัย

แต่ถ้าถึงขั้นวิกฤตอันตราย เมลก็พร้อมจะปกป้องเพื่อนมนุษย์คนนี้

ไอซ์ชะโงกหน้าออกไปดูลาดเลาข้างนอกตรอก เมื่อไม่เห็นใครและไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ก็รีบฉุดแขนเมลให้ลุกขึ้น

พวกเขาต้องรีบหนีในตอนที่ยังมีโอกาสจะได้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ แม้เขาสู้ตัวต่อตัวได้สบายๆ แต่ตอนนี้มีเมลอยู่ด้วย เขารับประกันไม่ได้เลยว่าเพื่อนจะไม่บาดเจ็บหรือโดนลูกหลง

“ไม่น่ามีใครตามมาแล้วมั้ง...”

ตุบ

“ไอซ์!” เมลร้องลั่น อ้าแขนรับเพื่อนตัวโตไว้ทั้งตัว ด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักยืนถือไม้หน้าสามพร้อมกับยิ้มแสยะ

“ฉันจะปล่อยแกไปก็ได้นะไอ้เด็กตุ๊ด ทิ้งไอ้หนุ่มนั่นไว้แล้วไปซะ” เขาตั้งใจจะปล่อยเมลไปอยู่แล้ว แต่ด้วยปากที่ไม่ดีนักจึงเติมคำที่ไม่เหมาะสมลงไป โดยไม่รู้ว่าคำคำนั้น กำลังจุดไฟหายนะแก่ตัวเอง

“หืม...” เมลส่งเสียงในลำคอด้วยอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เขาวางร่างไอซ์ลงพิงกำแพง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาชายแปลกหน้า

“เมื่อกี้นาย...ว่าใครตุ๊ดนะ”

ชายคนนั้นแกล้งมองซ้ายมองขวาอย่างยียวน ก่อนจะจ้องหน้าเมลแล้วฉีกยิ้ม

“ก็แกไงล่ะน้องหนู”

ผลัวะ!

เมลฉุนขาด จากที่ตั้งใจจะใช้มนตร์สะกดใจสงบศึกเงียบๆ เขาก็ยกหมัดชกหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง คนตรงหน้าคงอยากได้เลือดมากสินะถึงได้ยั่วโมโหเขาด้วยถ้อยคำต้องห้ามแบบนี้

‘ตุ๊ด’

เมลไม่ชอบคำนี้ เพราะเขาถูกตราหน้าด้วยคำนี้มาตั้งแต่จำความได้ เมื่อใดก็ตามที่ออกไปเล่นนอกบ้านกับพี่ๆ จะต้องเจอพวกเด็กเกเรล้อว่าเขาเป็นตุ๊ด ตอนแรกไม่รู้ความหมายก็เลยปล่อยผ่าน

จนกระทั่งหาความรู้ใส่หัวเอง ถึงได้เข้าใจว่าถูกล้อ หลังจากนั้นมาเขาก็พยายามฝึกฝนตัวเองให้ดูแมนขึ้น โชคดีที่เด็กพวกนั้นโตแล้วก็เลิกพูดไปเอง

ส่วนเด็กที่ยังไม่เลิกล้อน่ะเหรอ

“ไอ้เด็กตุ๊ด กล้าดียังไงมาต่อยกูฮะ!” ชายคนนั้นโวยวาย ก่อนจะคว้าไม้หน้าสามง้างขึ้น หมายจะทุบตีเมลให้หลาบจำที่บังอาจต่อยหน้าเขา

แต่ไม้กลับไม่ขยับตามใจคนสั่ง

เมลตรึงไม้นั้นด้วยพลังจิต ไม้นั้นก็ค่อยๆ ขยับจนพอดีกับ ‘เป้าหมาย’ ที่เขาอยากให้ตี

“เชี่ยอะไรวะเนี่ย” ชายคนนั้นตกตะลึงเมื่อไม้ของเขาขยับไปเอง แถมยังตั้งท่าพร้อมตี ‘ของสงวน’ ของเขาอีกต่างหาก

ฉับพลันสายตาคู่นั้นก็ตวัดมองเมลเหมือนตัวประหลาด “มึงเป็นตัวอะไรกันแน่! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”

เมลไม่สนใจคำต่อว่า เขาก้าวเท้าเข้าใกล้ชายคนนั้น แล้วหยิบยื่นข้อเสนอสงบศึกเป็นครั้งสุดท้าย

“สัญญากับฉัน”

แม้ใจอยากจะสั่งสอน แต่เขาก็คิดว่าการทำลายระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป

“สัญญา...อะไร” เมื่อเอ่ยปาก ดวงตาของชายคนนั้นค่อยๆ เลื่อนลอยไร้สติ เข้าสู่ภวังค์คำมั่นสัญญา

“เลิกเรียกคนอื่นว่าตุ๊ด หัดมีมารยาทซะบ้าง”

“จะเลิกเรียกคนอื่นว่าตุ๊ด...”

“แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา” เมลชี้ไปที่ไอซ์ “ถ้าเห็นก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็น”

“แต่ลูกพี่ฉันอยากได้มัน...”

“ก็ทำทุกวิถีทางให้ลูกพี่ของนายเปลี่ยนใจ ไม่อยากได้เขาอีกต่อไป”

“ก็ได้...ฉันจะทำ”

“ดีมาก เอาล่ะ ตอนนี้ก็หลับไปซะ แล้วก็ลืมว่าเคยเห็นพวกเรา ลืมว่าฉันทำอะไรได้ และนายก็แค่ดื่มมากไป ก็เลยนอนอยู่ตรงนี้”

“อืม...”

ไม่ถึงนาที ชายคนนั้นหลับตาลง ก่อนจะเอนตัวนอนราบไปกับพื้น หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไป เมลถอนใจอย่างโล่งอก หมดไปอีกหนึ่งปัญหา...

โครก~

อ่า ความหิวมาเยือนแล้วสินะ เราคงต้องรีบกลับไปเติมพลังงานที่ห้องแล้วล่ะ...

หืม...กลิ่นอะไรน่ะ

เมลสูดจมูกตามหากลิ่นที่หอมหวาน ที่น่าอร่อยยิ่งกว่าเลือดหมูรสโปรดของเขา ขาสองข้างจึงเดินตามกลิ่นที่ว่าไปจนถึงที่มาของกลิ่น

กลิ่นของไอซ์

เมลยื่นจมูกดมตัวเพื่อนอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสองวัน เขาไม่เคยได้กลิ่นนี้

จนกระทั่งเจอต้นตอของกลิ่นอยู่บริเวณท้ายทอย หัวใจของเมลเริ่มรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น

หอม...หอมจังเลย

จมูกเล็กค่อยๆ ยื่นเข้าไปใกล้แผลสดตรงท้ายทอยของร่างสูงอย่างเผลอไผล พลางสูดดมกลิ่นเลือดสดที่ค่อยๆ ไหลออกมา

“อึก”

เมลลอบกลืนน้ำลายอย่างสุดจะทน ความรู้สึกแรงกล้าบางอย่างกำลังเรียกร้องให้เขาก้มลงชิมเลือดของคนตรงหน้าเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป

ไม่ได้! เราจะกินเพื่อนตัวเองได้ยังไง

เมลสะบัดหัวไปมา หวังไล่ความกระหายออกไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าดวงตาสีดำของเขากำลังกลายเป็นสีแดงมรกต เช่นเดียวกับเส้นผมที่กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง

“นะ...นิดเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง”

“ขะ...ขอชิมหน่อยนะ”

เมลไม่รอคำตอบ เพราะปากเล็กของเขาค่อยๆ อ้าออกพร้อมกับลิ้นเล็กๆ ยื่นออกมา สายตาจับจ้องเพียงเลือดแสนหวานที่ไหลเอื่อยๆ เชิญชวนเขาให้ดื่มกิน...



..................
น้องเมลจะได้กินไหมน้า~  :hao7:
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ  :call: เย้! มีคนอ่าน 555  :pig4:  :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 3 (26-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 26-01-2018 08:02:43
ขอชิมนะ  :m20:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 3 (26-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-01-2018 20:16:11
ตะบะแตกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 4 (28-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 28-01-2018 18:16:43
บทที่ 4
ได้ลองชิม...แล้วติดใจ

ฮือ กินเพื่อนไปซะแล้ว

เมลนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มองเพื่อนร่วมห้องที่สลบไม่ได้สติมาชั่วโมงกว่าและไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นเร็วๆ นี้

เมลถอนหายใจอีกครั้งและอีกครั้ง เขากลัวว่าตัวเองอาจจะเผลอดูดเลือดเยอะจนเพื่อนเสียเลือดมากเกินไป ถึงได้หลับใหลไม่ตื่นแบบนี้ แต่จะให้พาเขาพาไอซ์ไปโรงพยาบาลก็ทำไม่ได้อยู่ดี

ก็น้ำลายของเขาน่ะสมานแผลให้อีกฝ่ายไปแล้วนี่สิ

สุดท้ายเมลก็ทำได้เพียงแบกเพื่อนตัวโตกลับมาที่ห้อง โชคดีที่เขามีมนตร์สะกด ก็เลยตะโกนลั่นว่า “อย่าเห็นฉันนะ” ซ้ำๆขณะเดินผ่านมนุษย์ให้มองไม่เห็นพวกเขา จนถึงห้องอย่างปลอดภัย

“แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นอะไร...มั้ง” เมลปลอบใจตัวเอง มนุษย์ยังทำเรื่องผิดพลาดกันได้ แล้วทำไมแวมไพร์จะเผลอดื่มเลือดเพื่อนไม่ได้ล่ะ

พอสรุปได้อย่างนั้น เมลก็ลงจากเตียงด้วยความรู้สึกแจ่มใส ลุกไปซักเสื้อนักศึกษาของตัวเองอย่างคล่องแคล่วตามประสาเด็กที่พ่อสอนให้หัดทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

เมลมองไปยังรูมเมทที่ยังคงสวมเสื้อตัวเดิมและมีรอยเลือด เขาจึงเดินเข้าไปใกล้หวังจะแอบเอาเสื้อไปซัก นิ้วเรียวจึงค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายออกด้วยมือสั่นเทา

ทะ...ทำไมมือของเราสั่นแบบนี้ล่ะ

ไม่ใช่แค่มือที่สั่น หัวใจของเมลก็สั่นด้วย เขารู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเปิดสาบเสื้อออกเผยให้เห็นซิกซ์แพ็กเรียงตัวสวยของคนชอบออกกำลังกาย และโดยไม่รู้ตัว เมลค่อยๆ แตะนิ้วลงที่ผิวเนื้อของคนใต้ร่าง

เขาได้ยินเสียงของเส้นเลือดทั้งหลายในกายของอีกฝ่ายกำลังเต้นตุ้บตั้บรอให้เขาฝังเขี้ยวลงไป...

ถ้าเขามีเขี้ยวละก็นะ

อาจจะฟังดูแปลกที่เขาไม่มีเขี้ยวยาวพร้อมดูดเลือดเหมือนแวมไพร์ในภาพยนตร์ เขามีเพียงฟันเขี้ยวเล็กๆ สองข้างเท่านั้น อาศัยการดื่มเลือดด้วยภาชนะอย่างแก้วหรือหลอดดูด และเขาเพิ่งจะได้ใช้ลิ้นตัวเองเลียอาหารเหมือนสุนัขก็เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง

“อ่า...เรียบร้อย”

ในที่สุดเมลก็ดึงเสื้อออกมาจากตัวไอซ์ได้สำเร็จ เขาต้องอดทนอย่างมากที่จะไม่โน้มตัวลงไปขบกัดอีกฝ่ายจนได้เลือด

ขอให้คืนนี้อย่าได้เกิดอะไรขึ้นอีกเลย

“อือ...”

เสียงครางแผ่วจากคนหลับใหลทำเอาเมลสะดุ้งเฮือกเพราะเขาถือเสื้อของอีกฝ่ายไว้อยู่ คนตัวเล็กรีบขยำเสื้อแล้วซ่อนไว้ข้างหลัง ขณะที่ไอซ์ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพงัวเงีย

“นายมายืนทำอะไรน่ะ”

“ฉะ...ฉันเหรอ” เมลก้าวถอยหลังเล็กน้อย พยายามเก็บให้เสื้อพ้นสายตาคนตัวสูงมากที่สุด ซึ่งดูเหมือนไอซ์จะไม่ได้เอะใจในท่าทีของเขา แต่กลับเป็นฝ่ายอ้าแขนกว้างพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ เหมือนเด็กๆ

“มาให้เรากอดเร็ว ‘ตัวเล็ก’”

“ตัวเล็ก?” เมลงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดที่อีกฝ่ายเรียกเขา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อย่างลังเล แต่เมื่อดูท่าทีของไอซ์แล้ว เขาก็ทำใจกล้าใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ที่หน้าผากของเพื่อน กระทั่งคนตัวโตเอนหลังลงไปนอนตามเดิมนั่นแหละ เขาถึงเข้าใจว่าตัวเองคิดถูก

ละเมอ...สินะ


“เฮ้อ เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ” เมลลูบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะถือเสื้อของไอซ์เดินกลับเข้าไปซักในห้องน้ำต่อจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย

“ฟู่ เสร็จไปอีกอย่าง ทีนี้มาทำรายงานต่อดีกว่า”

เมลกระตือรือร้นที่จะทำงานตามอาจารย์สั่งอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนให้การบ้านเขา นอกจากพ่อและพี่ชายทั้งสอง อีกทั้งเขามีเวลาหาข้อมูลทั้งคืน เขาจึงค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินจนรายงานเย็บเล่มพร้อมส่งเรียบร้อย

เมลมองรายงานชิ้นแรกของตัวเองด้วยความปลาบปลื้ม โชคดีได้เรียนรู้ความประณีตมาตั้งแต่ตอนที่ช่วยพี่ชายทำรายงานสมัยเรียน รายงานจึงออกมาสมบูรณ์เช่นนี้

ติ้ง

เมลเหลือบมองข้อความจากนทีที่ส่งถึงเขา เดาว่าอีกฝ่ายคงเพิ่งตื่นนอน เพราะตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งแล้ว ปกตินทีจะชอบตื่นมาออกกำลังกายเวลานี้เสมอ และมักจะชวนเมลไปสูดอากาศยามเช้าด้วยกันทุกที

เมื่อคืนเมลโทรประชุมสายกับเพื่อนๆ แล้วร่ายมนตร์เปลี่ยนแปลงความทรงจำของทุกคนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือเขาและไอซ์ขอแยกกลับก่อนเพราะมีธุระ

รวมทั้งกระซิบข้างหูไอซ์ ว่าไอซ์น่ะปวดหัวมากก็เลยรีบกลับมานอนที่ห้อง และเปลี่ยนเสื้อด้วยตัวเอง

เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว

เมลพิมพ์ข้อความตกลงส่งกลับไปให้นที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเพื่อให้วิ่งได้ถนัด แม้การวิ่งจะไม่มีผลต่อร่างกายแวมไพร์เท่าไรนัก แต่การได้สูดอากาศยามเช้าก็ทำให้สมองเขาปลอดโปร่งดี

“เมล~”

“พาย...” เมลหันมองนทีที่เกาหัวเขินอย่างคนทำตัวไม่ถูก และไม่มีคำตอบให้เขาว่าทำไมเช้านี้ถึงมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ไม่สิ มีอีกหนึ่งคนที่ซ่อนอยู่ตรงพุ่มไม้

“จ๊ะเอ๋!” แดนที่แอบหลบอยู่รีบพุ่งออกจากต้นไม้หวังให้เมลตกใจ แล้วเขาจะได้เนียนกอดปลอบ

แต่สำหรับเมลแล้ว ภาพที่เห็นไม่ได้น่ากลัว แต่กลับดูตลกจนเขาอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ ขณะที่เพื่อนอีกสองคนแม้จะรู้แผนการมาก่อนก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน

“ไงล่ะ ตั้งใจจะแกล้งเขา โดนหัวเราะใส่เฉยเลย” พายว่าก่อนจะเดินมากอดคอเมลอย่างเคยชิน

“โห่เมล เราอุตส่าห์หลอกให้เมลกลัวนะ ทำไมเมลมาขำเราล่ะ” แดนเบะปากงอนๆ จนนทีอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยตีปากเพื่อนไปหนึ่งที

“นายมาตีปากฉันทำไมเนี่ย!”

“พูดมาก เดี๋ยวก็ไม่ได้วิ่งกันพอดี” พูดจบนทีก็ชักชวนเพื่อนตัวเล็กทั้งสองให้ไปวิ่งพร้อมกันกับเขา ส่วนแดนน่ะเหรอ ปล่อยให้ยืนงอนอยู่ตรงนั้นต่อไปเถอะ

“เฮ้ยๆ รอฉันด้วย!” จากที่ยืนแอ็กท่างอนให้เพื่อนง้อกลายเป็นว่าต้องวิ่งตามเพื่อนๆ ที่วิ่งนำไปก่อนแล้ว

เฮ้อ เกิดมาเป็นแดน ทุกข์ใจจังครับ เพื่อนไม่แคร์เลยสักคน

.................................................

“เจอกัน 10 โมงนะเมล เราขอไปนอนก่อน ไม่ไหวแล้วววว” พายโอดครวญ เข้าเพิ่งเคยมาวิ่งกับเพื่อนๆ ครั้งแรก ก็รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะนทีชวนและมีเมลมาด้วย เขาจะไม่ยอมลุกจากเตียงเด็ดขาด

“เออ ไม่ไหวเหมือนกัน แต่มีเรียนว่ะ เฮ้อ” แดนบ่น เพราะเขามีเรียนตอนเก้าโมงเช้า แม้จะได้รับพลังงานด้านบวกจากเมลที่วันนี้แต่งตัวได้น่ารักถูกใจเขา แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขามีแรงไปตั้งใจเรียนในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า

ไม่เอาแล้ว ออกไปวิ่งตอนเช้าเนี่ย

“หึๆ คงเหลือแค่เราสองคนล่ะมั้งเมล ที่ยังวิ่งไหวอยู่”

นทีพูดยิ้มๆ ครั้งแรกที่ชวนเมลมาวิ่งก็แค่อยากหาเรื่องให้คนตัวเล็กออกกำลังให้เหงื่อออกจะได้แข็งแรง

แต่เมลกลับวิ่งได้เรื่อยๆ ดูไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นเขาเองที่หอบตั้งแต่วันแรกที่ชวนเพื่อนมาวิ่งด้วยกัน

คราวนี้ก็เลยชวนเพื่อนอีกสองคนมาวิ่งด้วยกันสบายๆ แต่เขาลืมไปว่าตัวเองกับเมลวิ่งมานานแล้ว ร่างกายย่อมแข็งแรงกว่า ต่างจากเพื่อนทั้งสองที่ยังไม่เคยวิ่งแล้วต้องมาวิ่งตามพวกเขาให้ทัน คงเหนื่อยไม่น้อยเลย

“พายอยู่หอเดียวกับเรา เดี๋ยวกลับด้วยกัน ส่วนแดน นายอยู่หอเดียวกับเมลก็ฝากด้วยแล้วกัน”

“โอ๊ย สบาย อยู่กับแดนหายห่วง”

“หมายถึงฝากนายให้เมลช่วยดูต่างหาก ขาสั่นพั่บๆ แบบนั้นเดินไหวแน่เหรอ”

“ไอ้นที!” พอรู้ความหมายที่นทีพูด แดนก็คาดโทษเพื่อนไว้ในใจ แต่ก็จริงอย่างที่นทีว่า ขาของเขาอ่อนแรงจนก้าวแทบไม่ไหวแล้ว

“มา เราช่วย” เมลอาสาเมื่อเห็นเพื่อนพยายามก้าวขาสั่นๆ ของตัวเอง เขายกแขนแดนขึ้นคล้องคอ สอดแขนโอบไหล่อีกฝ่ายที่สูงกว่าเขาเพื่อช่วยพยุงเดิน

“แหม่ ชีวิตดีจังเลยนะไอ้แดน” นทียิ้มกวน แต่วินาทีนั้นแดนไม่สนใจแล้ว หัวใจของเขากำลังเต้นแรงที่เมลเข้ามาช่วยเหลือเขาโดยไม่ต้องร้องขอ

“เดินไหวไหม”

“มะ...ไม่ค่อยไหว” เขายอมพูดความจริงก็ได้ ดูอ่อนแอก็ได้ หากทำแล้วได้รับความใส่ใจจากเมลเขาก็ยินดี

“งั้นเดี๋ยวเราพาแดนกลับห้องก่อน เจอกันที่ห้องเรียนนะพาย”

“อื้อ”

“ปะ เดี๋ยวเราพาไปส่งถึงห้องเลย” เมลพูดยิ้มๆ ประคองเพื่อนตัวโตเดินกลับไปยังหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกล โดยไม่เห็นสายตาของแดนที่มองเขาอย่างอบอุ่น

ได้แบบนี้ทุกวัน ให้วิ่งทุกเช้าก็ยอมวะ

หลังจากส่งแดนกลับห้องเรียบร้อย เมลเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง เขาเห็นรูมเมทห่มผ้าขนหนูผืนเดียว พลางขยี้ผมที่เปียกด้วยท่วงท่าเซ็กซี่น่ากิน

เอ๊ะ นี่เรามองว่าไอซ์น่ากินอย่างนั้นเหรอ

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” ไอซ์หยุดเช็ดผม ขมวดคิ้วอย่างสับสน ภาพที่ยังวนอยู่ในหัวตั้งแต่ตื่นนอน

เขาจำได้ว่าเมื่อวานพาเมลวิ่งหนีแก๊งอันธพาล เขาถูกตีหัว แต่ตอนนี้กลับไม่เจ็บเลยสักนิด แล้วรอดกลับมาที่ห้องได้อย่างไร ทำไมเขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง

“นายว่าไงนะ!” เมลเลิกสนใจความรู้สึกของตัวเองเมื่อครู่ แล้วเดินตรงดิ่งมาถามไอซ์อย่างไม่เข้าใจ “นาย...จำเรื่องเมื่อวานได้เหรอ”

“ก็ต้องจำได้สิ ฉันพานายวิ่งหนีคนพวกนั้น ก่อนจะโดน...ตีหัว” เขาเริ่มไม่แน่ใจในประโยคหลัง หรือว่าเขาแค่ฝันไปเอง

“นายฝันแล้ว!” เมลตะโกนขึ้นเพื่อทำลายทุกสิ่งที่จะทำให้ไอซ์ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมด “ฝันจริงๆ นะ เมื่อวานนายละเมอตะโกนลั่นห้องเลย บอกให้ฉันรีบตามนายไป”

ไอซ์ขมวดคิ้ว เรื่องละเมอเมื่อก่อนเขาก็เป็นบ่อย ช่วงนี้กลับมาเป็นซ้ำอีกแล้วเหรอเนี่ย

“แล้วเรากลับห้องมาตอนไหนล่ะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย” เขาถามต่อในเรื่องที่ยังติดค้างในใจ ความทรงจำสุดท้ายสิ้นสุดเมื่อเขาถูกตีหัว ข้อสันนิษฐานเดียวที่เป็นไปได้คือเมลแบกเขากลับ

แต่ดูจากขนาดตัวแล้ว...เหอะๆ เป็นไปไม่ได้

“นายบอกว่าปวดหัวอยากกลับมานอนน่ะ ตอนนั้นคงมึนๆ มั้งก็เลยจำไม่ค่อยได้”

“ทำไมไม่เห็นมีเรื่องที่นายพูดอยู่ในความทรงจำของฉันเลยล่ะ” ไอซ์ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

“อย่าไปสนใจนักเลยน่า ลืมๆ ไปเถอะ”

“แล้วที่นายถามว่าฉันจำเรื่องเมื่อวานได้ไหม นั่นน่ะหมายถึงอะไร” ไอซ์ยังไม่ยอมจบง่ายๆ เขาต้องไขข้อข้องใจให้ได้ว่าสรุปแล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“เอ่อ...” เมลพยายามควานหาคำตอบในสมองของเขา ถึงจะตอบโจทย์คณิตศาสตร์ไม่ผิดสักข้อ แต่กับการหาเหตุผลในสถานการณ์แบบนี้กลับยากพอตัว

เพราะต้องเป็นคำตอบที่เขาไม่อยากให้ไอซ์รู้ แต่ก็ต้องไม่ใช่ความจริงที่ยังไงก็บอกไม่ได้

“ว่าไงล่ะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานกันแน่ นายถึงอยากให้ฉันลืมๆ ไปซะ” ไอซ์ลุกจากเตียง ก้าวเข้าหาเมลที่หันรีหันขวางหาทางหนี

เมลก้าวเท้าถอยจนแผ่นหลังชิดผนัง ถูกกักอยู่ระหว่างแขนสองข้างของไอซ์ที่กำลังจ้องหน้าเขาเพื่อเค้นเอาคำตอบ

“ฉันพูดไม่ได้” ไม่ใช่แค่พูดไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรจะพูดเลยต่างหาก

“บอกมา...”

ก็บอกว่าไม่มีไงเล่า! เมลตะโกนในใจ ก่อนความคิดดีๆ จะกลับเข้ามาในหัว นั่นสิ ฉันมีมนตร์สะกดใจนี่นา

“งั้นนายฟังฉันดีๆ นะ” เมลเริ่มร่ายมนตร์สะกดด้วยเสียงและจ้องตาไอซ์เพื่อให้ง่ายต่อการชักจูง “มันไม่มีอะไรจริงๆ นายแค่กลับมานอน เท่านั้นเอง”

เมลกลั้นใจ ภาวนาให้มนตร์ของเขาสัมฤทธิผล

“ฉันไม่เชื่อว่าแค่นี้ เล่ามา!” คนหน้าดุทำเสียงโหด เข้าไม่เข้าใจว่าเมลปิดบังอะไร ทำไมถึงบอกไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเขา

สมองเมลชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่ชอบเสียงดัง แต่เสียงนั่นก็ดึงสติและทำให้เขาคิดบางอย่างที่ออกจะเพี้ยนๆ แต่น่าจะได้ผลดี

บางอย่างที่อาจทำให้ไอซ์รู้สึกแย่ก็ได้

แต่ก็เอาวะ มันเป็นทางเดียวที่จะยุติการคาดคั้นเอาคำตอบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเผลอ ‘กิน’ เพื่อนอีกก็ได้

“นายจูบฉัน!”

เมลหลับตาปี๋ ช่างมันทุกสิ่งอย่าง เพราะมันน่าอายมากที่มาพูดเรื่องแบบนี้กับเพศเดียวกัน แถมยังเสี่ยงที่ถูกต่อยหน้าอีกด้วย

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฮือ ต่อยมาเลย! ตะ...แต่ แค่ครั้งเดียวพอนะ

“...”

เมลลืมตาข้างเดียวเพื่อดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนสติไอซ์จะหลุดลอยไปไกลเสียแล้ว เมลลองแตะแขนเพื่อนตัวโตเพื่อเรียกสติ

ไอซ์สะดุ้งสุดตัวแล้วเผลอก้าวเท้าถอยหลังทันที เหมือนรับการกระทำของตัวเองไม่ได้

เมลถอนหายใจ เขาไม่น่าพูดเรื่องนี้เลยจริงๆ ตอนนี้ไอซ์คงจะรู้สึกแย่จนพูดไม่ออกแล้วล่ะมั้ง

“ขอโทษ” เสียงแผ่วเบาดังมาจากคนตรงหน้า เมลเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของไอซ์

“หืม...”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ร่างสูงขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดเพราะเขาจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

จะจำได้ไงเล่า! ทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องโกหก เมลคิดในใจ แต่ตบไหล่ปลอบใจเพื่อนตัวโต

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องแค่นี้”

เมลยักไหล่สบายๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป

ไอซ์เครียดได้ไม่นาน เพราะพอเหลือบไปเห็นนาฬิกาแขวนผนังที่บอกว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เขาก็รีบแต่งตัวก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที

ปัง!

เมลชะโงกออกไปมองประตูที่เพิ่งปิดลง โชคดีที่เขาหาเรื่องโกหกได้ทัน ไม่อย่างนั้นความลับที่เขาซ่อนไว้จะต้องถูกเปิดเผยแน่นอน

หลังอาบน้ำเสร็จ แวมไพร์ตัวน้อยเดินไปเปิดเซฟตู้เย็นแล้วหยิบกล่องเลือดออกมาเจาะหลอดดูด พลางสงสัยว่าทำไมมนตร์สะกดของเขาถึงใช้กับไอซ์ไม่ได้ผล

“แคกๆ”

เมลสำลักเลือดหมูรสโปรดของตัวเอง

“นี่มันอะไรเนี่ย...”

ทำไมเลือดหมูของเขาถึงได้จืดสนิทแบบนี้ล่ะ!?


..................
โถ่เมล เลือดรสโปรดจืดไปแล้ว ทีนี้ทำยังไงดีล่ะจ๊ะ~
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เย้! มีคนอ่าน 555  :กอด1: :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 4 (28-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูฟ่า ที่ 28-01-2018 19:21:05
มนต์สะกดไม่ได้ผลเสียแล้วเมล ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 4 (28-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 28-01-2018 19:51:06
เพราะกินเลือดไอซ์ เลยทำให้มนต์ไม่ได้ผลหรอ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 4 (28-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 28-01-2018 20:28:19
สนุกกกกกกมากกกกจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 5 (31-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 01-02-2018 01:03:38
กรี๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 5 (31-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-02-2018 22:06:21
กว่าไอซ์จะรู้ตัว สงสัยต้องมียาเร่งซะแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 5 (31-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-02-2018 16:03:07
นึกว่าเมลจะเผลอเลียปากไอซ์ซะแล้วววว
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 6 (06-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 06-02-2018 13:11:18
ทั้งดูดทั้งเลียขนาดนั้น ไอซ์รู้ตัวแล้วมั้งเมลจ๋า
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 7 (09-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-02-2018 19:43:48
แบบนี้จะหลงป่าไหมน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-02-2018 13:48:21
มันฮ่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 11-02-2018 13:50:12
เมล นั่นปฏิเสธ รึ สารภาพ จ้ะลูก
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-02-2018 11:58:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-02-2018 13:32:36
เลือดหมดตัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 15-02-2018 14:49:35
 o13
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 8 (11-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 15-02-2018 17:05:56
ตามมาจากเปลี่ยนยังไงค่ะ  :hao3:  การลุ้นโพสิชั่นก็ถือเป็นเรื่องสนุกอย่างนึงโนะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 9 (19-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-02-2018 02:32:24
มาแล้วว ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 10 (24-02-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-03-2018 20:49:25
เอาละ มีลุ้นว่าเมลจะตัวโตขึ้น จะโตจนใหญ่กว่าไอซ์เลยไหมนะ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 11 (04-03-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-03-2018 23:11:51
อยู่ๆ ดราม่าเฉย คิดว่าครอบครัวเมลที่หวังดี อาจไม่ได้หวังดีอย่างที่คิด
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 11 (04-03-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 04-03-2018 23:39:26
อ้าว งงเฉยเลย ดราม่ามาไง
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 12 (07-03-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 11-03-2018 17:07:56
เอ้า ดราม่าหายไปเฉย แต่แบบนี้ก็ดีนะคะ ชอบ เพลิน
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 14 (21-03-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-03-2018 10:09:28
รอเมลตัวโตอยู่นะ ถถถถ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 15 (04-04-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 06-04-2018 18:30:39
อ้าว เมลหลับได้เว้ย แค่ต้องเมาก่อน
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 16 (30-04-18)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 02-05-2018 21:50:59
หมายความว่าเขาตาย แปลว่าอะรายยยยยยยยยยย หือออออ ค้างคา อยากเผือกมาก รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 18 (10-06-18)
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 10-06-2018 11:50:42
มาเม้นให้กำลังใจคนเขียน   

ถามก่อนดราม่าหรือเปล่าเรากลัวม่า :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

เนื้อหาดีภาษาสวยนะ เราชอบ รออ่านตอนต่อไปเลย สู้ๆน๊า o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 18 (10-06-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Reddy ที่ 10-06-2018 14:13:52
เป็นนิยายที่ดี่มากเลยค่ะ จนเราต้องสมัครเพื่อมาเม้นเป็นคนอ่านเงานิสัยไม่ดีมานาน เราลุ้นตลอดเลยค่ะว่ามันจะเป็นยังไงอะไรแบบไหน ชอบมากนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 20 (20-07-18)
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 20-07-2018 16:19:02
มานั่งรอค่ะ อย่าม่าเยอะนะ เรากลัวมาม่า 55555


สงสารน้องเมลเนอะ สงสารพี่ไอซ์ สงสารลูซด้วยฮืออออ ทำไมเรื่องนี้มีแต่คนน่าสงสาร  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 14-08-2018 01:08:55




(คิดถึง มาหาหน่อยสิ)


“ตอนนี้เราพาคุณปู่มาตรวจสุขภาพน่ะ” เมลมองห้องพยาบาลที่ปู่ของเขาเข้าไปพลางนึกถึงคนเพิ่งสร่างไข้ที่กลับไปพักที่บ้านเรียบร้อยแล้ว


(งั้นเดี๋ยวไปหานะ)


“เอ่อ ไว้คราวหน้าได้ไหม เดี๋ยวคุณปู่ก็ออกมาแล้ว”


(นี่นายคราวหน้ามาสองอาทิตย์แล้วนะเมล อาทิตย์ที่แล้วนายก็ไปต่างประเทศกับครอบครัว วันก่อนก็เข้าไปโรงงานอะไรก็ไม่รู้กับพี่ชาย วันนี้ก็ไปกับคุณปู่อีก นายไม่มีเวลาให้ฉันเลยนะ)


“เอ่อ...”


(ไม่ชอบกันแล้วก็บอกมาดีๆ อย่ามาให้ความหวังกันแบบนี้สิ...ติ๊ด) ไอซ์พูดเสียงเหนื่อยๆ ก่อนสายจะตัดไป


“หืม” เมลกดโทรกลับไปหาไอซ์แต่กลับกลายเป็นระบบฝากข้อความแทน


“เมล ปู่ให้หมอตรวจเสร็จแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”


“เอ่อ...ครับ”


“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เป็นอะไรหรือเปล่า”


“ผม...” เมลก้มมองมือถือของเขาที่หน้าจอดับไปพอดี “อ้าว ดูเหมือนแบตจะหมดครับ”


“ยืมของปู่ก่อนไหม มีธุระด่วนหรือเปล่าปู่กลับเองได้นะ”


“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมไปส่งปู่ก่อนก็ได้” เมลพยักหน้ากับตัวเอง เดี๋ยวเขาค่อยไปง้อไอซ์ที่บ้านก็ได้นี่นา


เขาขับรถไปส่งปู่ที่บ้านก่อนจะขับออกไปยังเส้นทางที่จุดหมายเป็นบ้านไอซ์


“ไอซ์เหรอจ๊ะ เห็นรีบร้อนขับรถออกไปน่ะ ดูสิมือถือก็ไม่ได้เอาไป” เมลมองมือถือที่เสียบชาร์จอยู่ แต่เจ้าของกลับไม่อยู่บ้านก็เริ่มกังวลใจ


ไอซ์คงไม่โกรธที่เราไม่มีเวลาให้จนอยากเลิกกันหรอกนะ


“งั้นผมขอนั่งรอได้ไหมครับคุณแม่”


“ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวแม่ให้เด็กยกขนมมาให้นะ” แล้วพิสมัยก็เดินเข้าไปในครัว สั่งเด็กรับใช้ให้เตรียมขนมให้เมลก่อนจะขอตัวไปงานการกุศลช่วงเย็น และเนื่องจากสามีและลูกชายคนโตจะตามไปที่งานเลยจึงไม่มีใครกลับเข้าบ้าน รวมถึงเหล่าคนรับใช้ที่เมื่อเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปตามเวลา


ทั้งบ้านจึงตกอยู่ในความเงียบและความมืด คล้ายกับสถานการณ์ที่เมลเคยเผชิญเมื่อหลายปีก่อน เขาเฝ้ารอเด็กชายที่ได้ยินเสียงเขามาช่วยเหลือแต่เด็กคนนั้นกลับไม่เคยมา โชคดีที่ในครั้งสุดท้ายขณะที่เขาอยู่ท่ามกลางกองเพลิง ในที่สุดเด็กชายคนนั้นก็มาช่วยเขาจนได้


“นายจะต้องมา...ใช่ไหม”


แกรก


“เฮ้อ...ไปไหนของเขากันนะ มือถือก็ไม่ได้เอาไปอีก” เสียงทุ้มดังมาพร้อมฝีเท้าที่ก้าวเข้าใกล้ห้องนั่งเล่น พอสังเกตเห็นเงาตะคุ่มบนโซฟาเข้าพอดีก็นึกถึงพี่ชาย “พี่เอกไม่ได้ไปกับพ่อแม่เหรอ...เมล!”


ร่างสูงที่ออกกำลังกายอย่างหนักตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลดูแข็งแรงขึ้นกว่าที่เมลคาดไว้ แม้จะไม่ได้มีกล้ามเนื้อเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ถือว่าฟื้นตัวเร็ว เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเมล พอเห็นเขาก่อนจะถอนหายใจใส่


เมลไม่คิดว่าจะได้รับกิริยาเช่นนี้ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้


“ทำไมไม่พกมือถือ คนอื่นเขาเป็นห่วงรู้ไหม”


“...”


ไอซ์นั่งลงข้างเมล “ทีหลังจะไปไหนบอกคนที่บ้านนายด้วยสิ ฉันไปรอกับพวกเขาตั้งนานนายก็ไม่กลับมา พี่มัคเขาก็เลยเดาว่านายมาบ้านฉัน ดีนะที่ใช่ ไม่งั้น...”


หมับ


เมลโถมเข้ากอดไอซ์เต็มแรง ซึ่งพอคนหน้าโหดได้สติก็ยกแขนขึ้นโอบเมล เขาไม่รู้ว่าคนตัวขาวเป็นอะไร แต่คงต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาแน่ๆ อีกฝ่ายถึงมารออยู่ที่นี่แถมยังปิดไฟมืดอีก


“เป็นอะไรหรือเปล่า”


“ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้นะ”


เรื่องนี้เองหรอกเหรอ เขาเองก็อยากแกล้งงอนอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นท่าทางไม่คงที่ของเมลก็ยอมทิ้งเรื่องแกล้งแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแทน


“ช่างมันเถอะ ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมนายหลบหน้ากันแบบนั้น” ตั้งแต่พี่ชายเมลทิ้งระเบิดไว้ เมลก็ดูเหมือนจงใจหลีกเลี่ยงสถานการณ์หวานแหววระหว่างพวกเขา สร้างสถานการณ์ทีไรเป็นต้องถูกพังลงทุกที เขาเองก็จนใจจึงยอมอยู่ไปแบบขาดน้ำตาล เพราะสำหรับเขาการมีเมลอยู่ข้างๆ สำคัญกว่าเรื่องบนเตียง


แต่ดูเหมือนเมลจะฝังใจกับคำที่พี่ชายพูดไว้แล้วค่อยๆ หลบหน้าเขาไป ซึ่งหากเขายังปล่อยไว้ก็คงไม่ดีกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอย่างแน่นอน


“เรื่องนั้น...”


“นายคงรอฉันนานแล้ว เดี๋ยวฉันทำอาหารให้กินแล้วกัน” ไอซ์หลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้เขาสองคนต้องห่างเหินกันไปอีกแต่ชายเสื้อกลับถูกรั้งโดยคนที่อยู่ด้านหลัง


“ฉันยังพูดไม่จบ” เมลเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับกัดปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “เรามาทำเรื่องนั้นกันเถอะ”


“ห้ะ!”


“ฉันคิดทบทวนมาดีแล้ว...เรามาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเถอะนะ” เมลก้มหน้างุด เขาไม่รู้ว่าไอซ์เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อไหม แต่เขาคิดแบบนั้นจริงๆ ไม่สำคัญหรอกว่าสถานะของเราจะเป็นแบบไหน ขอแค่ไม่ต้องทะเลาะกันอีกก็พอ


“แน่ใจเหรอ” แม้จะถามเสียงเข้มแต่ในใจเขายิ้มกริ่ม นึกถึงของสารพัดอย่างที่เตรียมไว้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล แต่เพราะเมลเอาแต่บ่ายเบี่ยงไอซ์ก็เลยต้องเก็บมันไว้ต่อไปเงียบๆ


“อือ” เมลตอบเสียงเบา ก่อนแขนขาวจะถูกฉุดรั้งให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินตามขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ณ ห้องในสุดที่เก็บเสียงดียิ่งกว่าอะไร


ภายในห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่เมลคาด โดยเฉพาะกลองชุดที่มุมห้อง ซึ่งพอเมลหันมาถามทางสายตาไอซ์ก็เฉลยให้


“ฉันเคยเล่นกลองอยู่ช่วงหนึ่ง ที่บ้านหนวกหูก็เลยต้องรีโนเวทห้องใหม่ให้เก็บเสียงน่ะ” ไอซ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ซึ่งก็หมายความว่าต่อให้เราจะทำ ‘อะไรๆ’ ก็ไม่ต้องกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินหรอกนะ”


“นาย!”


จุ๊บ


ก่อนที่เมลจะโวยวายไปมากกว่านั้น คนหน้าโหดก็จัดการเรียกความปรารถนาของเมลผ่านรสจูบที่เร่าร่อน ฉีกกระชากเสื้อราคาแพงของเมลออกอย่างไม่ไยดี คนตัวขาวชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อลิ้นร้อนแทรกผ่านเขามา มืออุ่นไล่ไปตามผิวเนื้อของเขาอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวังไม่ให้ตื่นตกใจ


นิ้วเรียวสะกิดยอดอกเบาๆ ชวนหวามไหวจนต้องส่งเสียงออกมา


“อะ”


“ปล่อยไปตามสบาย ไม่ต้องกังวลนะ” ไอซ์จูบลงบนซอกคอหอมกรุ่น ใช้อีกมือลูบหลังปลอบประโลม ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ใช่ว่าเมลจะเคยมีประสบการณ์อย่างเขา อย่างมากก็คงแค่ช่วยตัวเอง


“ให้ฉันช่วยนะ” ไอซ์ไล้มือลงต่ำ รูดรั้งแก่นกายของเมลที่กำลังตื่นขึ้นตามจังหวะที่เขาเป็นคนกำหนด ไม่นานธารขาวขุ่นก็พุ่งพรวด ไอซ์ปาดน้ำนั้นแล้วค่อยๆ แทรกเข้าไปในกายเมล ซึ่งแน่นเกินกว่าจะเข้าไปได้


“เจ็บ”


“มันจะดีกว่านี้” ไอซ์จูบลงบนริมฝีปากนุ่ม “ฉันสัญญา” เขารอจนเมลพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปยังเก๊ะหัวเตียง หยิบขวดใสที่เตรียมมากว่าสัปดาห์เทลงที่ส่วนนั้นแล้วชำแรกนิ้วเขาไป ก่อนค่อยๆ เพิ่มจำนวนตามเวลา


“อึก มัน...” เมลจิกนิ้วลงบนหมอน


ไอซ์โน้มตัวลงมอบจุมพิตแสนหวานก่อนจะแทรกตัวตนเข้าไป แช่นิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะผละออกมาดูสีหน้าเมลที่แดงก่ำหลบตาเขา เขาแตะแก้มเมลให้หันมามองกัน อีกมือก็กุมมือเมลไว้แน่น


“จะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้วนะ” คำพูดนั้นสร้างความอบอุ่นไปทั้งใจ เมลเอียงหน้าซบมือข้างนั้นแล้วพยักหน้า


“ไม่ไปไหนอีกแล้วเหมือนกัน”


“ขอบคุณ” ไอซ์จูบลงบนผิวเนื้อเปล่าเปลือยเหนือหัวใจเมลก่อนจะเริ่มขยับเร่งอุณหภูมิภายในห้องให้พุ่งสูงยิ่งขึ้น เสียงหยาบโลนดังสะท้อนจนเมลอยากยกมือขึ้นปิดหู ติดที่ถูกกุมไว้อย่างแน่นหนาและคนที่อยู่บนตัวเขาก็คงไม่ยอมแน่ ถึงได้เร่งความเร็วขึ้นแบบนั้น


“ระ...เร็วไป”


“ยังไม่พอหรอกนะ”


พูดจบเมลความอุ่นร้อนด้านล่างหลุดออกไปจนกระทั่งไอซ์พลิกตัวเขาให้นอนคว่ำแล้วสานต่อบนรักร้อนแรงต่อเนื่องจนเมลหัวหมุน นอกจากต้องหันมารับจูบจากคนด้านหลังก็ทำได้เพียงร้องครางเสียงอู้อี้อยู่กับหมอนใบโต ทั้งตัวโยกคลอนไปตามแรงปรารถนาของคนรักที่ดูเหมือนจะสะสมมานานเกินไป จบลงเพียงสองครั้งเมลก็ขอหลับไปก่อน ส่วนหลังจากนั้นเมลปล่อยให้ไอซ์จัดการตัวเอง






เช้าวันต่อมา เมลสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ให้ไอซ์แตะต้องเขาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เขาหอบร่างอันเหนื่อยล้าใส่เสื้อผ้าแล้วรีบออกจากบ้านไอซ์ไปก่อนคนในบ้านจะตื่น ระหว่างขับรถก็ทรมานกับความระบมช่วงล่างแต่ก็ฝืนเดินทางมาจนถึงคอนโดหรูของพี่ชายคนโต


“ครับมาแล้วครับ” เสียงจากข้างในมาพร้อมกลับเสียงปลดล็อกประตู ทันทีที่เห็นว่าเป็นเลขาพี่ชายเมลก็ชะงักไป ส่วนไผ่พอเห็นเมลก็ส่งยิ้มใจดีให้แล้วเบี่ยงตัวให้เมลเข้าไปด้านใน


“คุณมอคยังไม่ตื่นครับ เอ่อ คุณเมลอย่าเข้าใจผิดครับ ผมมาช่วยคุณมอคเคลียร์เอกสารเมื่อคืน เขาเห็นว่าดึกแล้วก็เลยชวนผมค้าง เมื่อคืนผมนอนที่โซฟาตรงโน้นครับ”


“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรพี่ไผ่สักหน่อยครับ” เมลยิ้มบางก่อนจะลากสังขารตัวเองไปนั่งบนโซฟา สูดกลิ่นหอมของอาหารร้อนๆ ที่เพิ่งเทจากกระทะ “หิวจัง ผมขอกินมื้อเช้าด้วยนะครับ”


“ครับ เดี๋ยวผมเตรียมให้ทันที ดีใจที่คุณเมลเป็นมนุษย์แล้วนะครับ ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ก็ดีใจที่เวลาคุณมอคไปร้านอาหารจะได้ชวนคุณเมลไปได้”


เมลมองว่าที่พี่สะใภ้ทำงานคล่องแคล่วแล้วอมยิ้มน้อยๆ


“ทำไมเหรอครับ พี่มอคชอบไปกินข้าวคนเดียวเหรอ”


“เปล่าครับ แต่ชวนผมไปด้วยนี่สิ ยิ่งร้านขนมหวานตกแต่งน่ารักๆ คุณมอคเสียดายที่คุณเมลทานไม่ได้ก็เลยให้ผมช่วยชิมแล้วบอกว่าเป็นยังไงคุณมอคจะได้ไปเล่าให้คุณเมลฟังไงครับ”


“อ้อ เหรอครับ” เอาน้องบังหน้านี่นา เมลหัวเราะนิดๆ แต่สะเทือนไปถึงช่วงล่าง ยังไม่ทันลุกไปแกล้งปลุกพี่ชายก็ได้ยินเสียงร้องลั่นมาจากข้างใน


“อะไรนะ! เมลเป็นอะไร!” แล้วจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดพรวดออกมา มอคสังเกตเห็นเมลก่อนก็กดวางสายแล้วรีบเข้ามาจับตัวน้องพลางกวาดตาไปทั่ว


“นี่...ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดใช่ไหม” ใจปฏิเสธอย่างไร รอยรักบนซอกคอน้องก็ยืนยันแทนเรียบร้อยแล้ว มอคทิ้งแขนลงบนโซฟา เรื่องที่น้องชายคนรองว่าถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนเลย แถมไอ้เด็กนั่นยังไปรอเมลที่บ้านอีก


“ไม่ต้องกลับบ้านนะ อยู่กับพี่ที่นี่แหละ”


“ครับ?”


“คนที่ทำแบบนี้กับน้องรอเราอยู่ที่บ้าน อยากเจอหรือเปล่า”


ไอซ์เหรอ


“ยังไม่อยากเจอครับ” ขอเขาฟื้นตัวก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน มอคพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะต่อสายหาน้องชายคนรองเพื่อบอกเล่าแผนการของพวกเขา หลังจากนั้นก็มานั่งกินข้าวอย่างอารมณ์ดี แล้วออกไปทำงานพร้อมกับเลขาคนสำคัญ


ห้องว่างที่เงียบเหงาทำให้เขาหวนนึกถึงวันเก่าๆ ก่อนจะได้ออกไปเรียนมหาวิทยาลัย เขาต้องอยู่คนเดียวเพราะพ่อและพี่ๆ ไปทำงาน เวลานี้ก็ไม่ต่างกัน ทั้งที่รู้ดีแต่ก็อดเหงาไม่ได้


ถ้ามีไอซ์...เขารู้ว่าจะต้องไม่เหงาแน่นอน


อะไรกัน อุตส่าห์คิดว่าจะไม่เจอหน้าแล้วแท้ๆ


เมลถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยอมแพ้ ต่อสายโทรศัพท์ภายในห้องไปยังคนที่รออยู่


“มารับทีสิ”


เมลไม่ได้บอกที่อยู่คอนโดพี่ชาย แต่บอกที่ตั้งร้านกาแฟใกล้ๆ จากนั้นก็ลงไปข้างล่างโดยไม่ลืมทิ้งโน้ตไว้


‘ผมไปกับไอซ์นะ’


เมลยืนรออยู่หน้าร้านพร้อมกาแฟสองแก้ว เรียกความสนใจจากสาวๆ ที่เดินผ่านมา รวมทั้งแก๊งอันธพาลประจำซอยที่จำเขาได้


“นี่มันไอ้แหยที่เคยอยู่กับไอ้หน้าโหดนี่ เดี๋ยวนี้โตขึ้นเยอะเลยนะ”


“หึ ก็คงแหยเหมือนเดิมนั่นแหละวะ เอาไง ลุยเลยไหม ไอ้หน้าโหดนั่นสุดท้ายลูกพี่ก็ยอมปล่อยไปล่ะ เห็นสภาพแล้วรับเข้าแก๊งไม่ไหว แต่ไอ้นี่หน่วยก้านดี เอามาฝึกอีกหน่อยคงไม่แหยแล้ว”


“เออ ลากคอมันไปถวายลูกพี่ดีกว่า” คนที่สามพยักหน้าเห็นด้วย


คนตัวขาวดูดกาแฟอย่างอารมณ์ดีก่อนสายตาจะหันไปเห็นชายสามคนที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอมาก่อน พอนึกขึ้นได้ก็เท้าความนานถึงช่วงปีหนึ่งที่เขาถูกหาเรื่องในซอยใกล้บ้าน จะว่าไปก็กลุ่มคนเดิมนี่!


ยิ่งเห็นความคุกคามที่เพิ่มขึ้น เมลก็ค่อยๆ ถอยออกจากหน้าร้านกาแฟก่อนแผ่นหลังจะปะทะเข้ากับใครบางคน


“อ้ะ ขอโทษครับ”


“ไปยืนตรงโน้น” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยคือไอซ์ที่เขานัดมานั่นเอง เมลเดินหลบมุมไปอีกทาง เปิดฉากการปะทะกันของคู่กรณีเก่า ที่สามคนแรกวิ่งหนีไปอีกทางแทบในทันที


“เหอะๆ” ไอซ์หันหลังกลับมาหาเมล “เจอกันครั้งแรกก็คล้ายๆ แบบนี้นะ”


“อืม นึกถึงวันนั้นทีไรก็อดขอบใจนายไม่ได้ทุกที” เมลเริ่มออกเดิน เคียงข้างด้วยไอซ์ซึ่งรับกาแฟไปพอดี “ถ้าวันนั้นนายมาช้าฉันต้องเผลอฆ่าพวกเขา และถ้าฉันทำแบบนั้นคงถูกขังลืมแน่ๆ”


“งั้นก็ดีแล้ว” ไอซ์รั้งคอคนข้างๆ เข้าหาตัว “ดีที่ฉันไปทางนั้น ดีแล้วที่เราเจอกัน อย่างน้อยชีวิตต่อจากนั้นของฉันก็ดีกว่าที่เป็นอยู่”


“นายเกือบตายเพราะฉันเนี่ยนะดี”


“แค่เกือบ ผลลัพธ์มันคุ้มกว่านั้นมาก การมีนายอยู่ข้างๆ สำคัญมากเลยนะ” เขาหยุดเท้าแล้วจับมือเมลกุมไว้แนบอก “จากนี้เรามาอยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ ฉันไม่ใช่เลือดหวานของนายแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่านายจะรักฉันตลอดไป แต่ฉันจะทำมันให้ดี”


“...”


“นายพร้อมจะเป็นเลือดหวานของฉันไหม”


“ไอซ์...”


“เป็นเลือดหวานคนเดียวของกันและกัน เอ่อ ถึงเราจะกินเลือดกันไม่ได้ก็เถอะ” ไอซ์โขกหัวตัวเองเล็กน้อยที่พูดเรื่องไร้สาระออกมา เขากังวลคำตอบจากเมลเลยหวังคลายเครียดด้วยมุกตลกที่ตัวเองสร้างขึ้น


“เป็นสิ”


“!”


“ถึงฉันจะไม่ยึดติดนายเหมือนตอนเป็นแวมไพร์ แต่ความรู้สึกเดียวกันนั้นไม่เคยลดลงเลย นายยังคงเป็นเลือดหวานของฉัน ไม่สิ”


เมลขยับตัวเข้าใกล้ กระซิบชิดริมฝีปาก “คุณจะเป็นเลือดหวานของผมตลอดไป” เสียงนั้นจบลงเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่แนบชิดกัน


หลังผ่านจูบร้อนแรงขยี้สายตาคนรอบข้าง ทั้งสองก็จูงมือกันเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่ว่าใครมองเห็นก็รับรู้ถึงความรักของทั้งคู่









END





คำว่าเลือดหวาน อาจไม่ได้หมายถึงการเป็นอาหารที่แสนอร่อยสำหรับทั้งคู่ แต่คือการเป็นคนรักที่ผูกพันยิ่งกว่าสิ่งใด

ตอนนี้คงต้องบอกว่า “จบแล้วจ้า” กับการเขียนกว่า 6 เดือน ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตาม แวะเข้ามาอ่าน มาให้กำลังใจ มาคอมเม้นต์ให้ เราอ่านทุกข้อความ ล้วนเป็นกำลังใจให้เราได้เสมอ สำหรับเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่สามแล้วที่เขียน และยังต้องปรับปรุงพัฒนาอีกมาก หากมีข้อบกพร่องตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ หรือหากมีข้อเสนอแนะก็คอมเม้นต์บอกเราได้เลยค่ะ ยินดี

สุดท้ายนี้หวังว่าจะได้พบกันในเรื่องใหม่นะคะ  :bye2:

LOVE YOU MY READER  :mew1:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-08-2018 15:11:37
ขอบคุณครับ กด +1 แต้มนะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-10-2018 16:39:37
 :-[
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 12-04-2019 23:14:35
เป็นเรื่องเรื่อยๆดีค่ะ
มือใหม่แต่งได้ขนาดนี้
เก่งมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 14-04-2019 12:21:58
สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 23-04-2019 11:09:25
ขอบคุณครับ   สนุกมากเลย ชอบชอบ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 27-04-2019 19:07:57
สนุกมากอ่านรวดเดียวจบ o13
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-04-2019 19:23:24
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 26-06-2019 22:39:28
เป็นแวมไพร์ที่น่าเอ็นดูมากค่ะ รักน้อง
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 30-06-2019 19:20:54
 o13
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 16-07-2019 21:59:00
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
พัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-07-2019 22:04:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-07-2019 00:59:33
น่ารักมาก สุดท้ายทุกคนก็ปล่อยวาง ปรับปรุงตัว และอยู่กับอยาคต ขอบคุณคนเขียนมากเลย
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 2 (23-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: sunsatan ที่ 07-08-2019 16:38:05
บทที่ 2
มุกไม่ฮาพาเพื่อนห่วง

 
 
เมลทักทายเพื่อนร่วมเซคเช่นเคย ก่อนจะนั่งลงข้าง ‘พาย’ และ ‘นที’ เพื่อนใหม่ของเขา พายเป็นเพื่อนที่เขารู้จักในวันรับน้อง จากนั้นก็ตัวติดกันตลอดเพราะมักจะโดนพวกพี่ๆ แกล้งแหย่เล่นเพื่อสร้างสีสันในแต่ละวัน


ส่วนนทีเป็นเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันตั้งแต่วันสอบสัมภาษณ์ ได้เจอกันเฉพาะบางวิชาที่เรียนรวมเท่านั้น และเขามั่นใจว่าไม่เคยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน จึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นพายที่ยิ้มและหัวเราะขณะฟังนทีเล่าเรื่องตลก ก่อนเรื่องที่เล่าจะหยุดลงเมื่อทั้งคู่สังเกตเห็นเมล


“เมล~” พายเป็นคนแรกที่ทักทายเพื่อนตัวขาวด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง


“หวัดดี” เมลยิ้มรับ “เล่าเรื่องอะไรกันอยู่ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”


“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ” นทีถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะเขาเพิ่งจะเผาเพื่อนอย่างเมลให้พายฟังเมื่อครู่นี้เอง


“ก็ต้องรู้จักสิ นี่ไงเพื่อนที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวาน คนที่ซุ่มซ่ามเหมือนเพื่อนทีเลย” พายว่าพลางกอดแขนเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม


“หืม นายเอาเราไปเผาเหรอพาย”


“เอ่อ...นิดนึงเอง” พายยกนิ้วจีบ บอกจำนวนว่าน้อยมาก เพราะความซุ่มซ่ามของเมลน่ะมีเยอะกว่าที่เขาเล่าอีก


“เฮ้อ มนุษย์ซุ่มซ่ามของแท้ งั้นเราขอแนะนำเพื่อนร่วมคณะที่เราพูดถึงนะพาย เขาคนนั้นก็คือเมลนี่ล่ะ” นทีผายมือมาทางเมลที่ชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ นี่เขากลายเป็นเรื่องเล่าสร้างสีสันของเพื่อนๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่


ทั้งคู่หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของเมล ซึ่งเมลก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบบรรยากาศที่ได้ฟังเสียงหัวเราะของเพื่อน เห็นสายตาและรอยยิ้มจริงใจที่ทั้งคู่มอบให้ สำหรับแวมไพร์ที่มีแต่ครอบครัวอย่างเขา การมีเพื่อนถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาหลงรักเลยทีเดียว


“อ้ะ อาจารย์มาแล้ว...” และเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องทุกคนก็เข้าสู่โหมดตั้งใจเรียนทันที




.......................................

บ่ายวันนั้น เมลแยกกับพายและนที เพราะทั้งคู่มีวิชาเลือกที่ต้องเรียนร่วมกัน ขณะที่เมลเลือกลงอีกวิชาเพราะความชอบส่วนตัว


เขาชอบร่างกายมนุษย์


บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาแค่ชอบศึกษาเพราะอยากรู้ว่าตัวเองต่างจากมนุษย์อย่างไร เพราะนอกจากชอบกินเลือดและไม่จำเป็นต้องนอนแล้ว ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เท่าไรนัก


เขาไม่ได้กลัวแสงแดดอย่างแวมไพร์ในหนังสือ แต่ออกแดดมันร้อนและแสบตาก็เลยต้องสวมแว่นกรองแสงและเสื้อคลุมเท่านั้น มนุษย์ขี้ร้อนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากเขา ส่วนเรื่องกลิ่นกระเทียม เมลยอมรับก็ได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่ามนุษย์บางคนก็คงมีบ้างที่ไม่ชอบกระเทียม และบางคนก็แพ้ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ปกติ


สองเท้าเดินเข้ามาในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยหุ่นจำลองกายวิภาคและโปสเตอร์อธิบายส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เมลอ่านจบไปแล้วหลายรอบ คงเพราะอยากจำให้ขึ้นใจ เขาจึงใช้เวลาทั้งคืนอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า


มีสองคนที่เขาคุ้นหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง คนหนึ่งคือรูมเมทของเขาที่กำลังคุยกับคนที่อุตรินอนนอกห้อง เมลสังเกตว่ามีเพียงโต๊ะที่ติดกับสองคนนั้นที่ว่างอยู่จึงไม่ลังเลที่จะนั่งลงข้างไอซ์


“เมล!” เสียงเรียกดังลั่นจนคนเกือบทั้งห้องหันมามองทางเมล ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อคนที่นั่งติดหน้าต่างตวัดสายตามอง


ซึ่งความจริงแล้วไอซ์ก็แค่มองเฉยๆ เพราะเพิ่งสังเกตเห็นเมลนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตน


“ไง”


“ไง”


คำทักทายสั้นๆ ประจำตัวทั้งคู่เอ่ยขึ้นเพียงไม่นาน ก่อนจะถูกแทรกด้วยแดนที่รีบยื่นหน้าเข้ามามีส่วนร่วมทันที


“เราแดนนะ เพื่อนไอซ์รูมเมทนาย” แดนรีบแนะนำตัว ซึ่งเมลก็ไม่รังเกียจที่จะคบหาเพื่อนใหม่จึงส่งยิ้มเป็นมิตรให้เช่นเคย


“เราเมลนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”


“โอ้ย...แดนตายแล้ว” แดนที่ถูกแอทแทคความน่ารักกระแทกใจ กุมหัวใจตัวเองไว้ด้วยสีหน้ามีความสุข ขณะที่เมลได้แต่ยิ้มค้างเพราะไม่รู้ว่าแดนเป็นอะไร ทำไมถึงทำท่าแบบนั้น


ผลัวะ


เสียงฟาดมือลงบนศีรษะอย่างไม่เบาแรงนั้นทำเอาคนในห้องสะดุ้ง แต่คนถูกทำร้ายกลับแค่ลูบหัวตัวเองปอยๆ ก่อนจะเสียงดังใส่เพื่อนที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าหนุ่มน้อยที่หมายปอง


“เล่นอะไรของมึงเนี่ย! อุ้ย ไม่มีอะไรครับเมล เพื่อนเล่นกันเฉยๆ” แดนส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนที่ทำให้เขาหลุดคำหยาบให้ระคายหูคนน่ารัก


ไอซ์ลอยหน้าลอยตา ความจริงเขาก็แค่หมันไส้เพื่อนที่กล้าพูดกล้าทำไปเสียทุกเรื่อง ขณะที่ตัวเขากลับไม่มีความกล้าใด เช่นเดียวกับสายตาที่เหลือบไปเห็นพายเดินคู่อยู่กับ ‘เขา’ หัวใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที อยากละสายตาก็ทำไม่ได้ เพราะสายตาของเขามีไว้มองแค่พายที่กำลังยิ้มหัวเราะกับคนข้างกาย
 





“ฮ่าๆ”


เมลพยายามหัวเราะกับพูดที่เขาไม่เข้าใจนักของแดน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นไอซ์มองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าเศร้าๆ เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด เขาจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอซ์หัวเราะเหมือนที่นทีทำให้พายหัวเราะได้


“เอ่อ เรามีเรื่องเล่าน่ะ” แค่เกริ่น เมลก็เห็นแดนก็กระดิกหางรอฟังเหมือนเจ้าตูบใต้หอ เขาแอบขำนิดๆ ก่อนจะกระแอมไอเรียกสติคนที่เหม่อมองไปข้างนอกให้หันกลับมามองเขา


“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอ เรียกให้ไอซ์ต้องหันกลับมา ก่อนเมลจะเริ่มต้นเล่า “คือเมื่อเช้าอาจารย์บอกให้เราช่วยยกเอกสารไปไว้ที่ห้องเรียน แต่เราสะดุด กลิ้งตกบันไดไปเลย เอกสารงี้กระจายเกลื่อนทางเดินอะ ฮ่าๆ”


เมลหัวเราะเพื่อให้เรื่องดูน่าตลกสำหรับเพื่อนๆ แต่ว่าทั้งคู่กลับขำไม่ออก


"ลุก" พูดจบไอซ์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป


"หืม..." เมลเอียงคอสงสัย หันมองแดนเพื่อถามที่มาของคำถาม แต่แดนกลับยิ้มเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนจะทำอะไร


"ไอซ์มันบอกนายนั่นแหละ ตามไปสิเมล เดี๋ยวยักษ์ก็พิโรธหรอก"


"ห้ะ" เมลยังคงไม่เข้าใจเนื้อหาที่เพื่อนสื่อความ แต่ก็ลุกเดินตามไอซ์ออกไป ไอซ์หนังมามองคนตัวเล็กก็จะเอ่ยบอกแดนข้ามหัวเมล


“ฝากบอกอาจารย์ให้ด้วย” แดนพยักหน้ารับคำเพื่อน มองไอซ์ที่เดินนำเมลไปยังห้องพยาบาลก่อนจะหลุดยิ้ม


“มีใครที่ไหนเขาขำเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บบ้างเนี่ย” แล้วดูทำหน้าเข้าเหมือนกำลังลุ้นให้เขากับไอซ์หัวเราะอีก


"แต่ก็...น่ารักดีแฮะ"
 



.......................................

“นายจะพาเราไปไหนน่ะ อีกแป๊บเดียวก็จะเริ่มคลาสแล้วนะ” เมลร้องบอก เพราะใจเขาตอนนี้อยู่ที่การเรียนการสอนเท่านั้น และตอนนี้ก็ใกล้เวลาเรียนแล้วด้วย


ไอซ์ไม่ตอบ เขาเดินนำหน้าผ่านห้องแล้วห้องเล่า ไปจนถึงห้องเล็กที่อยู่หัวมุมอาคาร


ห้องพยาบาล


ไอซ์เคาะประตูอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปท่ามกลางนักศึกษาที่รอรับยาจากอาจารย์ห้องพยาบาล


“เพื่อนผมตกบันได” ทันทีที่ร่างสูงเอ่ย ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้ไอซ์พาเมลไปนั่งที่เตียง พอดีกับอาจารย์ห้องพยาบาลที่เดินเข้ามาสอบถามอาการ


“ผมไม่เป็นไรมากครับอาจารย์” เมลยิ้มยืนยัน เพราะเขาไม่ได้เจ็บอะไร อีกอย่างเขาเป็นแวมไพร์ เรื่องแค่นี้ฟื้นตัวง่ายมาก ปัญหาที่น่ากลัวกว่าก็คือการตรวจร่างกาย ตัวเขาเย็นแบบนี้ คงถูกส่งโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปอีก


“เอ่อ เพื่อนผมก็แค่กังวลเกินไป ผมไม่เป็นอะไรมากแล้ว งั้นขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ผมไม่อยากขาดคาบนี้”


พูดจบเมลก็กระโดดลงจากเตียงด้วยท่วงท่าที่แสดงได้อย่างดีว่าเขาไม่ได้เจ็บอะไร แล้วรีบเดินออกจากห้องพยาบาลไปทันที


“เพื่อนเราหน้าซีดๆ นะ” อาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยขึ้น ซึ่งไอซ์ก็พยักหน้ารับ ตอนที่จับแขนพาไปนั่งที่เตียง ตัวเมลเย็นเหมือนคนป่วยเขาคิดว่าควรจะให้อาจารย์หมอตรวจสักหน่อยก็ยังดี แต่อีกฝ่ายกลับลุกหนีอย่างกับกระต่ายขี้กลัว


หรือจะกลัวหมอ


แต่เขาเรียนหมอไม่ใช่เหรอ



“ถ้าเขาอาการไม่ดีค่อยพามาอีกทีละกัน ตอนนี้รีบตามเพื่อนไปก่อน เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่” ไอซ์พยักหน้ารับ เขารีบเดินตามเพื่อนตัวเล็กที่แม้จะเดินเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าช่วงขาของเขาอยู่ดี


“เดินช้าๆ” ไอซ์พูดเสียงดุ เมลหันมองนิดๆ อย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะลากเขากลับห้องพยาบาล เมลก็ผ่อนฝีเท้าลง เดินเคียงข้างกันกลับไปยังห้องเรียนที่อาจารย์กำลังสอนเรื่องทฤษฎีพอดี เมลและไอซ์เอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปนั่งประจำที่


แดนยื่นหน้าจะเข้ามาถามว่าเมลอาการเป็นอย่างไรเป็นอันต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นเมลตั้งท่าตั้งใจเรียน แม้แต่ไอซ์ที่นั่งข้างๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้ ปกติคนเราคงไม่ตั้งใจเรียนในทันทีหรอก กว่าจะจูนสติให้จดจ่ออยู่กับการเรียนได้ก็ล่อเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง


แต่กับเมลกลายเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาตัดขาดทุกอย่างโดยสิ้นเชิง สนใจเพียงเนื้อหาที่อาจารย์สอนเท่านั้น ไม่มีวอกแวก ตาดูหูฟังมือจด จนคนที่ลอบมองทั้งสองรู้สึกอยากทำตาม ต่างก็หันไปสนใจเนื้อหาที่ไม่ได้อยากเรียนมาตั้งแต่ต้น


ไอซ์ก็แค่ถูกแดนลากมาเข้าเรียนด้วยเนื่องจากสาวที่แดนแอบชอบเลือกเรียนวิชานี้ แต่ปรากฏว่าเธอคนนั้นถอนวิชาเรียนไปก่อนแล้ว เดิมทีก็ตั้งใจจะขออาจารย์ถอนวิชาแล้วเดินออกไปชิลๆ คิดไม่ถึงว่าการนั่งข้างเมล จะทำให้ทั้งคู่จดจ่อกับการเรียนจนจบคาบได้โดยไม่แอบหลับเหมือนเพื่อนแถวหลัง


“เฮ้ย ไม่คิดเลยว่าวิชานี้ก็สนุกเหมือนกัน” แดนพูดขึ้นหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องไป “เมลมีเรียนอะไรต่อไหม” เพราะคาบนี้เป็นวิชาสุดท้ายของแดนและไอซ์ เขาก็เลยลองถามเผื่อจะได้ชวนเมลไปหาอะไรอร่อยๆ กินด้วยกัน เขากินข้าวกับไอซ์จนเบื่อแล้ว แต่ถ้ามีเมลไปด้วยก็คงดีทีเดียว


“เรานัดเพื่อนไว้แล้วน่ะ” เมลตอบ ก้มนาฬิกาดูเวลานัดหมาย ดูเหมือนเขาจะเลิกช้ากว่าเพื่อนครึ่งชั่วโมง ป่านนี้พายกับนทีคงนั่งรอเขาอยู่ที่คณะ


“ว้า เสียดายจัง เราอยากกินข้าวกับเมลนะ” แดนหยอดเพิ่มอีกนิด แต่ดูเหมือนเมลจะเข้าใจคนละแบบ


“ไปกินด้วยกันก็ได้นะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเรื่องไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ดีซะอีก แดนจะได้ไม่น้อยใจที่ไม่ได้กินข้าวกับเขา


เพราะยังไงเขาก็กิน ‘ข้าว’ แบบที่เพื่อนๆ กินไม่ได้อยู่ดี
 
 
 
 



 
Tbc.
 
 
 
 
 
 
..................
น้องเมลเขาไม่รู้อะไรกับแกทั้งนั้นแหละคุณแดน ฮ่าๆ ส่วนคนในใจพายเป็นใครทุกคนคงรู้อยู่แล้วโน๊ะ ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไป
เม้นบอกเราหน่อยนะจ้ะว่าสนุกไหม เป็นกำลังใจให้กันเน้อ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 2 (23-01-18)
เริ่มหัวข้อโดย: sunsatan ที่ 07-08-2019 16:39:34
ฮืออออออ น่ารักมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 30-11-2019 11:58:38
เรื่องนี้น่ารักก ชอบตรงไม่ค่อยดราม่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-12-2019 16:26:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-12-2019 22:27:40
น่ารักดีครับ ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 23-12-2019 19:40:48
ปัก
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 11-03-2020 22:14:55
น่ารักมากๆๆๆ  :m1:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:52:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 21-06-2022 22:59:03
ตามอ่านจนมาถึงเรื่องนี้
สนุก น่ารักทุกเรื่องเลย
ขอบคุณสำหรัยนิยายน่ารักๆ สนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Tasty Blood เลือดหวานของผม ❤ บทที่ 22 (14-08-18)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 16-07-2022 20:43:56
 :pig4: