พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: asipas ที่ 12-12-2017 23:29:46

หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 12-12-2017 23:29:46
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

✹ Get stuck #ติดฝน
(http://1.bp.blogspot.com/-JbEr7XTlbEI/UIbKbmtd9lI/AAAAAAAACmw/x9SgEYh3r80/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A123.jpg)
Cr. http://siripreeya.blogspot.com/2012/10/blog-post_24.html

ผมเกลียดฝนตก…
เพราะฝนตกทำให้เปียก มันทั้งชื้นทั้งเฉอะแฉะ แถมขยะยังส่งกลิ่นเหม็นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
เพราะแบบนั้นเขาจึงเกลียดเดือนเมษาไปด้วย เป็นความพาลส่วนตัว
เดือนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ต่างกับเขาที่เกลียดความชื้นแฉะยิ่งกว่าอะไรดี
แต่พอเจอคนๆนั้นเข้า ใจเขามันกลับประท้วงขึ้นมา…
เมษาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

#ติดฝน
start 12/12/60

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 12-12-2017 23:35:39
INTRO

  ถ้าจะถามว่าจากทั้ง3ฤดูกาลที่มีอยู่ในประเทศไทยตอนนี้เกลียดฤดูไหนที่สุด ก็คงจะตอบได้ไม่ยากว่า…

         ผมโคตรจะเกลียดหน้าฝนเลย

          ทั้งท้องถนนที่เต็มไปด้วยขยะเฉอะแฉะ การจราจรที่ติดขัดไปตลอดทั้งสาย กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนขยะอืด ความชื้นจากเสื้อผ้า  ยังไม่นับรวมความลำบากของการเดินทางโดยที่ต้องพยายามระวังน้ำที่กระเซ็นจากล้อรถมาโดน กับการต้องพกร่มมาตลอดทั้งเดือนโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝนตกจริงรึเปล่า

          ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ผมโคตรเกลียดหน้าฝน

          แต่ถ้าถามว่าเกลียดเดือนไหนที่สุดล่ะก็…

          แน่นอนว่าต้องเป็นเมษายน

          เดือนที่เต็มไปด้วยความครื้นเครง สนุกสนานเฮฮา ทุกคนต่างก็เฝ้ารอการได้เล่นสาดน้ำสงกรานต์กับเพื่อน หรือการปาร์ตี้สังสรรค์กันตลอดทั้งคืน

          แต่ไม่ใช่กับผม

          การออกจากบ้านแต่ละทีแทบจะเป็นการเดินผ่านหน้าฝนทั้งเดือน ทั้งที่แดดก็ร้อนจนแทบจะเผาร่าง ผู้คนบนถนนก็ยังไม่มี ทีท่าว่าจะหยุดเล่น ระหว่างการเดินทางถ้าโชคดีก็จะเดินผ่านทางที่ไม่มีการเล่นสาดน้ำกันโครมๆ แต่ถ้าโชคร้าย…

          “เฮ้ยน้อง! ตัวไม่เปียกเลยได้ไง มา เดี๋ยวพี่สาดให้เอง”

          โครม!

          เออ คำว่าอย่าสาดนี่ไม่มีโอกาสได้ออกมาจากปากผมหรอก

          สาบานได้เลยว่าสมัยก่อนผมไม่ได้เกลียดเมษายนขนาดนี้หรอก เพราะช่วงวันหยุดสงกรานต์ก็นอนอยู่แต่ในบ้าน โชคดีที่ครอบครัวผมติดบ้านกันทุกคน จะได้ออกบ้านก็ตอนที่ไปไหว้พวกญาติผู้ใหญ่ เวลาส่วนที่เหลือก็เก็บไว้นอนตีพุงอยู่ที่บ้าน

          แต่พอเข้ามาเรียนในกรุงเทพ มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า…

          การอยู่หอในช่วงสงกรานต์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

          จะกลับบ้านก็ไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ไปเที่ยวฮันนีมูนกันแทบจะทั่วประเทศ ก็เลยจำใจต้องซื้อพวกของสดหรืออาหารแช่แข็งมาตุนไว้ในตู้เย็นจนแน่น แต่ก็ยังมีบางสถานการณ์ที่ทำให้ต้องออกจากหอแม่งอยู่ดี

          อย่างวันนี้ไง

          เหตุเกิดจากเมื่อเช้าตื่นขึ้นมาแล้วก็พบว่า ไอ้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใช้ประทังชีวิตช่วงนี้มันหมดตู้แล้ว

          ทั้งๆที่ปกติก่อนวันเล่นสาดน้ำนี่ จะต้องออกไปซื้อมาเก็บไว้เป็นแพคๆอยู่แล้ว แต่เพราะว่าเมื่อวาน เพิ่งจะส่งงานชิ้นใหญ่ที่แก้เป็นอาทิตย์ๆให้อาจารย์ไป จิตใจมันก็เลยเอาแต่คิดถึงเตียงที่หอ จนได้แต่คิดเอาเองว่า เออ มันก็คงหลงเหลืออยู่บ้างนั่นแหละ

          สุดท้ายแม่งก็ต้องออกไปเซเว่นหน้าซอยอยู่ดี

          ไม่ใช่หน้าซอยธรรมดา แต่เป็นหน้าซอยที่ต้องเดินฝ่าพวกที่เล่นสาดน้ำกันไปอีกประมาณ500เมตรได้

          คิดแล้วก็ได้แต่พ่นลมหายใจแก้อาการหงุดหงิดแล้วเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาคลุมกันแดดร้อนๆข้างนอกที่กำลังจะไปเผชิญ คว้ากระเป๋าตัง โทรศัพท์กับกุญแจห้องมาครบ ก็เดินออกไปคีบแตะพาสารร่างไปรับน้ำด้านนอก

 

ตื้อ ดึ่ง

          “เซเว่นอีเลฟเว่นยินดีต้อนรับค่า”

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละว่าผมเดินจากหน้าซอยมายังเซเว่นนี่ได้โดยไม่โดนสาดน้ำซักแหมะ

          ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮู้ดกันหนาวที่เอาคลุมหัวบอกชัดว่าไม่เล่นหรือเพราะหน้าตาเหมือนไม่เป็นมิตรต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกกันแน่

          ลูกค้าในร้านสะดวกซื้อตอนนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ต้องเดินตัวลีบไปหาของ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบรรดาผู้คนที่ออกมาเป็นตัวแทนหาซื้อกินเล่นไปฝากเพื่อนที่เล่นสาดน้ำกันอยู่ด้านนอก จะเว้นก็แต่…

          “ตกลงมึงจะกินอะไรวะ รีบๆเลือกเลย หนาวจะตายอยู่ละ”

          กลุ่มวัยรุ่นมหาลัยประมาณห้าหกคนยืนอยู่แถวบริเวณตู้กดน้ำ ก่อนที่จะโดนเพื่อนที่อยู่วงนอกบอกตัดรำคาญให้รีบเลือกของ

          จริงๆเสียงจากในร้านสะดวกซื้อมันก็ดังอยู่แล้วล่ะนะ แต่ไอ้เจ้าของเสียงข้างบนเนี่ยดันมาอยู่ข้างๆผมพอดี ก็เลยได้ยินชัดหน่อย แถมรูปร่างหน้าตาและส่วนสูงที่พอเหมาะพอเจาะก็เด่นกว่าคนอื่นๆอยู่แล้วด้วย

          เออ จะบอกว่าตรงสเปคก็ได้วะ

          แต่แหมไอ้ความที่ตัวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้ากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆนั่นคงอยู่ร่วมกับผมไม่ได้แน่ๆ ก็เลยรีบหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแพคหนึ่งแล้วเตรียมก้าวไปเคาเตอร์เพื่อจ่ายเงิน

          ปี๊ด

          “เฮ้ย เชี่ย มึงทำไรเนี่ยไอ้กาน!”

          ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนในกลุ่มของเจ้าตัวสูงนั่นเสนอหน้ามาฉีดน้ำใส่กางเกงผมอ่ะนะ

          จริงๆก็พอจะเดาได้อยู่ว่าคงตั้งใจจะฉีดใส่เจ้าตัวสูงนี่ที่เปียกน้ำไปแล้วทั้งตัว แต่เจ้านั่นก็ฉลาดหลบได้อีก วิถีน้ำก็เลยเบี่ยงมาทางกางเกงผมเต็มๆ

          แม่ง สุดท้ายก็เปียกจนได้ แถมตัวต้นเหตุยังเป็นคนที่เพิ่งจะชมในใจไปเมื่อไม่กี่วิที่แล้วด้วย

          ขอคำชมคืนจะได้ไหมเนี่ย?

          “เฮ้ยน้อง คือ--”

          “ไม่เป็นไรครับ ต่อไปก่อนจะฉีดน้ำใส่เพื่อนตัวเองก็รบกวนดูคนรอบข้างด้วยนะครับ”

          หนึ่งดอกตอกหน้าเขาไปเต็มๆเลย ดูจะสตั้นไปนานเลยรีบเดินออกไปพร้อมกับพึมพำหงุดหงิดที่กางเกงเปียกอยู่คนเดียว

          เออ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าเขาหรอก แต่แม่งพาลไง เลยหงุดหงิดใส่คนที่ใกล้ที่สุดไปเลย

          ไอ้นิสัยแบบนี้ของตัวเองนี่แม่งน่าหงุดหงิดชิบหาย!

 

@อีกด้าน

          “เชี่ย ต้องด่ากูขนาดนี้เลยหรอวะ เจ็บปวดโคตร”

         “…..”

          “คือจริงๆกูก็ผิดจริงๆแหละ แต่วันนี้แม่งก็วันสงกรานต์ป่ะวะ”

          “…..”

          “ไอ้เหี้ย มึงจะเงียบทำซากอะไร เจอเขาด่าแค่นั้นนี่กริบเลยหรอวะ”

          “…ไอ้กาน กูว่ากูเจอแล้วว่ะ”

          “ห๊ะ เจออะไรวะ”

          “…เจอแม่”

          “ห๊ะ! แม่มึงก็–”

          “หึ แม่ทูนหัว…”



หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน :: ครั้งที่1
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 13-12-2017 19:41:40
1

         
          วันนี้เป็นวันที่มหาลัยเปิดวันแรกหลังจากที่หยุดวันปีใหม่ไทยไปเกือบอาทิตย์ รู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกวันที่ผ่านๆมาเหมือนกัน

          ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะได้เจอเพื่อนเหมือนตอนสมัยมัธยมหรอก

          แต่เป็นตื่นเต้นที่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอ ‘เขา’คนนั้นอีกรอบต่างหาก

          ทั้งๆที่เริ่มเรียนวิชาแรกตอน9โมง แต่เพราะตื่นเต้นเกินเหตุ ทำให้ตื่นก่อนเวลาเกือบชั่วโมงเลยต้องบึ่งรถฝ่าการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัดไปมหาลัยตั้งแต่ไก่โห่ ถ้าไอ้พวกเพื่อนเขารู้มันคงหัวเราะจนลงไปนอนกุมท้องบนพื้น

          คิดแล้วก็เผลอแสยะยิ้มหัวเราะกับตัวเอง ขณะที่เดินผ่านร้านสะดวกซื้อ ถึงได้ตระหนักรู้ถึงเสียงครวญของกระเพาะที่ดังมาตั้งแต่อยู่บนรถ

          พอกระเพาะมันเริ่มร้องเตือนขึ้นอีก เลยรีบสาวเท้าเข้าร้านสะดวกซื้อที่คณะก่อนในหัวจะพานคิดถึงคนที่อยู่ในความคิดตลอดเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา

          เจ้าของใบหน้าเหวี่ยงๆไม่เป็นมิตร กับตาชั้นเดียวชี้ๆและริมฝีปากหยักที่บางจนแทบไม่เห็น จมูกโด่งๆกับผิวขาวเกือบซีด องค์ระกอบทั้งหมดพอมารวมกันอยู่ในตัวของคนๆนั้นแล้วไม่รู้ทำไมถึงน่ามอง

          แต่เหตุผลที่ทำให้คนๆนั้นเข้ามาอยู่ในความคิดไม่ใช่หน้าตาที่น่ามองนั่นหรอก

          เป็นคำพูดคำจาที่ออกมาจากปากสีสดนั่นต่างหาก

          คิดแล้วก็เสียดาย เพราะตอนนั้นมัวแต่อึ้งปนตื่นเต้นเลยไม่ได้รั้งเขาไว้ แถมเบาะแสที่ได้มาก็มีแค่รูปถ่ายเบลอๆที่เห็นแต่ใบหน้าด้านข้างของเขาที่กำลังจะเดินออกจากร้านไปเท่านั้น

          พอเอารูปลงในกรุ๊ป ไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปของไอ้พวกเพื่อนสนิทหรือแม้กระทั่งกรุ๊ปของบรรดาคนในคณะกลับไม่มีใครรู้จักคนๆนั้นเลยซะอย่างนั้น

          ไม่รู้ว่าเพราะฝีมือถ่ายรูปเขามันห่วยแตกหรือกล้องเบลอเพราะโดนน้ำกันแน่

          พอได้คิดมาถึงเรื่องนี้ ไอ้อาการหงุดหงิดตัวเองที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นอีก เลยเลือกที่จะหันไปสนใจกับชั้นวางขนมปังแทน

          เลือกขนมปังมาได้สองสามห่อก็เดินไปหยิบแซนด์วิชให้พนักงานที่เคาเตอร์นำไปอุ่น ก่อนจะยืนรออยู่แถวมุมวางหนังสือข้างกระจกร้าน ตอนแรกก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกก็แค่ยืนดูหนังสือที่วางคละขนาดและหมวดหมู่บนชั้นวางไปเรื่อย แต่พอไอ้สายตาตัวดีมันเหลือบขึ้นไปมองนอกกระจกเพียงแวบเดียวเท่านั้นแหละ…

          ดันสบกับร่างที่อยู่ในความคิดกำลังจะซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ชายอีกคนออกไป!

          พอเห็นรถกำลังจะเคลื่อนที่ออกก็รีบผละออกจากมุมหนังสือ แล้วตั้งใจจะรีบไปเรียกเขาไว้แบบที่คิดไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ถ้าไม่ติดว่า…

         “พี่ๆ! พี่ลืมแซนด์วิชครับ!”

          ไอ้น้องพนักงานนี่! เสนอหน้ามาเป็นคนดีอะไรตอนนี้โว้ย!!

 

         “แล้วมึงก็ตามเขาไปไม่ทันอ่ะนะ โหยไอ้เหี้ย โคตรกากเลย”

          เริ่มสงสัยขึ้นมานิดๆแล้วว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่เล่าเรื่องเมื่อตอนเช้าให้ไอ้พวกเพื่อนสนิทฟัง

          นอกจากมันจะถากถางแล้วยังเสือกมารุมหัวเราะใส่หน้าเขาอีก

          เรื่องตอนเช้าก็ว่าน่าหงุดหงิดพอแล้วที่เผลอชะงักตอนที่ไอ้น้องพนักงานมันเรียก พอหันไปอีกทีเพื่อนของเขาคนนั้นก็บิดออกไปไกลโขแล้ว

          ถ้าให้ตะโกนไปตอนนั้นก็คงต้องฝึกสกิลหน้าหนาไว้ให้มากกว่านี้

          “แล้วสรุปจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร เป็นใคร เรียนคณะอะไรจริงดิ?”

          “หน้ากูเหมือนคนที่ได้รับรู้แล้วมากมั้ง”

          เพราะยังคาใจเรื่องที่ไม่มีใครรู้จักเขาเลยทั้งๆที่เขาก็หน้าตาดีขนาดนั้น หลังเลิกเรียนตอนเช้าก็เลยลองไล่ถามเพื่อนในคลาสไปเกือบทุกคนอีกรอบ พร้อมอธิบายลักษณะของคนๆนั้นไปด้วย ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อยู่ดี

          หรือเพราะว่าคณะเขามันห่างไกลความเจริญจนไม่ได้คบเพื่อนต่างคณะกันแน่นะ

          “พี่ที สวัสดีพี่”

          “เออๆ หวัดดี ไงพวกมึง สาดน้ำดูนมสาวกันสนุกเลยดิ”

          นั่งรอข้าวย่อยกันอยู่สักพักพี่คณะปี3ก็เดินมาทักถึงที่โต๊ะด้วยวาจาเหน็บแนมประชดประชัน เพราะพวกปี3ต้องนั่งแก้งานที่ถูกตีกลับมาเกือบทั้งช่วงวันหยุด

          แหม น่าสงสารเขาเหมือนกันนะครับ

          “แน่นอนพี่ พวกผมไม่พลาดอยู่แล้ว แต่มันก็มีคนกากๆบางคนแถวนี้แหละที่ไปหลงอย่างอื่นเข้า”

          แหม จ้องกูขนาดนี้มันพูดชื่อกูเลยก็ได้มั้งครับ

          “เดี๋ยวนะ มีอะไรกันวะ ที่มึงทำหน้าบูดเป็นตูดลิงคอมึงไม่ได้แอ้มสาวหรอวะ ไอ้มีน”

          “เออดิพี่ ปกติมันทำหน้าอย่างนี้ที่ไหน ขนาดมันหงุดหงิดจะเป็นจะตายยังยิ้มโปรยเสน่ห์ให้สาวได้เลย”

          “เออกูเชื่อ แต่ที่กูอยากรู้คือ สาวคนไหนที่ไม่เอามึงวะ อยู่มหาลัยนี้ไหมวะ”

          “อยู่มหาลัยนี้แหละพี่ แต่เขาไม่ใช่สาวว่ะ…”

          “อ่าวไอ้เหี้ยมีน… มึงเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

          ปล่อยให้ไอ้พวกเพื่อนสนิทนินทาเขาระยะเผาขนกับพี่คณะที่ดูไม่มีอะไรทำอยู่นานสองนานก็โดนดึงเข้าไปร่วมในบทสนทนาอย่างช่วยไม่ได้

          เรื่องคนอื่นนี่ใส่ใจกันเร็วดีจริงๆ

          “พี่ก็พูดไป พี่เคยเห็นผมชอบผู้หญิงคนไหนด้วยรึไง”

          “เหยด คนจริง สรุปคือมึงชอบผู้ชายมาตลอดหรอวะ แล้วที่ยิ้มให้เขาไปทั่วนี่คืออะไร? เช็คเรตติ้ง?”

          “เปล่าอ่ะ ชอบเขาคนเดียว”

          “…..”

          “…..”

          “…..”

          “..เชี่ย คนๆนั้นของมันคือใครวะ กูเริ่มอยากรู้ละว่าคนที่ทำให้ไอ้หน้ายิ้มกลายเป็นอย่างนี้คือใคร”

          “ก็นี่แหละปัญหาพี่ คือไอ้หล่อนี้มันเสือกสตั้นนาน ก็เลยไม่ได้ถามชื่อถามเบอร์เขาซะงั้น”

          เงียบกันไปพักหนึ่งก็โพล่งขึ้นมาแบบอยากใส่ใจอีกรอบ คิดอยู่เหมือนกันว่ากับการเรียนพี่ทุ่มเทขนาดนี้ไหม

           “อ่าว…ซวยเลยน้องกู แล้วมีรูปหรือลักษณะอะไรของเขาไหมวะ เผื่อกูรู้จัก”

          “จะมีมันก็มีว่ะพี่ แต่แบบ…”

           “แบบอะไรวะ จะเว้นให้กูลุ้นเพื่อ?”

          “แหมพี่ คืองี้รูปมันก็มี แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะมันเบลอหรือเธอไม่ชัดเจนอ่ะ พอเอาไปถามคนอื่นๆก็ไม่มีใครรู้จักสักคนเลยอ่ะดิ”

           “ของแรร์หรอวะ แล้วมึงรู้ว่าเขาอยู่มหาลัยนี้ได้ไงวะ”

          “ก็ไอ้มีนอ่ะดิพี่ เสือกเจอเขาเมื่อเช้าที่เซเว่นคณะแท้ๆ มันดันเรียกเขาไม่ทันอีก เลยนั่งหน้าบูดอยู่นี่ไง”

          “โถ่ไอ้หล่อแต่หน้า… ไหนเอารูปมาดูดิ๊ เผื่อกูรู้จัก”

          ว่าจบก็ยื่นมือมาขอโทรศัพท์เขาโดยอัตโนมัติ จริงๆก็ไม่ได้อยากจะให้หรอกแต่อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกัน แถมมีเครือข่ายต่างคณะอยู่เยอะ อาจจะรู้ จักคนๆนั้นจริงๆก็ได้

          พอคำนวณความน่าจะเป็นและผลที่จะได้รับเสร็จสรรพก็จัดการล้วงเอาโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมาปลดล็อกแล้วกดเข้าไปที่แกลอรี่รูป เลือกรูปล่าสุดที่ดูกี่ทีก็ช้ำใจ พลางยื่นให้มือที่แบอยู่ตรงหน้า

          ถ้ารู้ว่าจะมีคนรู้จักน้อยขนาดนี้ จะตามถ่ายตั้งแต่หน้าเคาเตอร์จนถึงหอพักเลยคอยดู

          “เป็นไงพี่ ผมบอกแล้วว่ารูปแม่งโคตรเบลออ่ะ บอกตรงว่าอยู่ที่นี่มา2ปีแล้วยังไม่เคยเห็นหน้าคนนี้เลย”

          “…...”

          “ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนต่างมหาลัยด้วยซ้ำแหละ”

          “……”

          “เออ ตอนไอ้มีนเล่าว่าเจอเมื่อเช้ากูยังอึ้งอยู่เลยเนี่ย”

          “……”

          “พี่ทีเป็นไรไปวะ คนของแม่งน่ารักขนาดนั้นเลยหรอ”

          เพราะเห็นเงียบไปนาน ไอ้คนที่พูดจ้อที่สุดแห่งปี2017ก็เลยโพล่งถามออกไปแบบติดตลก

          แต่ไอ้ประโยคที่พี่เขาพูดแม่งไม่เห็นตลกเลยว่ะ

          “ไอ้เหี้ยมีน กูว่า… กูรู้จักคนของมึงว่ะ”

          “…..”

          “…..”

          “…..”

          “เฮ้ย!! จริงป่ะพี่ เอ้ยพี่รู้จักได้ไงวะ ไปรู้จักตอนไหน หรือเขาเป็นเพื่อนพี่อ่ะ เล่าเร็ว”

          ไอ้คนที่ตั้งสติได้แล้วถามออกไปก่อนใครเพื่อนไม่ใช่เขาหรอก แต่เป็นไอ้คนข้างๆที่นั่งเสือกเรื่องของเขามาเป็นอาทิตย์กว่าๆ ด้วยความตื่นเต้นแทนเพื่อนหรือความตื่นเต้นที่จะได้ใส่ใจเรื่องของเขาก็ไม่รู้ ทำให้มันลุกพรวดขึ้นไปจับไหล่ของรุ่นพี่ปี3ถามคำถามที่เขาอยากจะพูดออกไปรัวๆ

          ส่วนไอ้คนต้นเรื่องก็ตื่นเต้นจนหัวใจแทบทะลุออกมาข้างนอก พลางคิดไปอีกว่า

          ไอ้พี่ทีทำไมไม่มาเร็วกว่านี้วะ!?

          “เชี่ย มึงใจเย็นๆ กูตอบมึงแน่ แต่ปล่อยไหล่กูก๊อน”

          “อะ คำถามแรกเลยพี่ เขาชื่ออะไร อยู่คณะไหน ปีอะไร”

          “มันชื่อข้าว อยู่คณะอักษร ปีเดียวกับกู”

          “เฮ้ย รุ่นพี่หรอวะ”

          “เชี่ยแต่หน้าโคตรเด็กเลยนะเว้ย”

          “เออก็แน่นอนดิวะ นี่สมบัติปีกูเลยนะเว้ย”

          “แล้วทำไมไปถามคนอื่นๆเขาไม่รู้จักกันวะพี่ เนี่ย ไอ้มีนไปถามมาทั้งห้องยังไม่มีใครรู้จักเลย”

          “เออ แน่นอนถ้าพวกมันรู้จักสิถึงจะตกใจ ก็ข้าวมันเป็นพวกเก็บตัว แทบไม่ออกจากคณะไปทำอะไรที่ไหนเลย มาเรียนตรงเวลา เรียนเสร็จก็กลับหอ มีเพื่อนสนิทอยู่คนสองคนเองมั้ง คนที่เคยเห็นก็เลยเป็นพวกรุ่นพี่ปีสูงกับพวกกูที่อยู่ปีเดียวกับมันไง”

          “…..”

          “แต่ถ้าเรื่องหน้าตานี่กูบอกเลยว่าสมชื่อ สมบัติปีกูแน่นอน เนี่ย มันเคยโดนจับไปคัดหลีด คัดเดือนด้วยนะ แต่มันไม่ยอมเป็นสักอย่าง แถมหนีจากพวกรุ่นพี่ที่ไปคัดเฉย ไม่ได้หนีครั้งเดียวด้วย พวกรุ่นพี่เลยปลง ปล่อยมันไป”

          “เชรด ของยากโคตรๆเลยว่ะไอ้มีน”

          “ดีแล้ว…”

          “ห๊ะ? ดียังไงวะ แล้วอย่างนี้มึงไม่ตามเขายากขึ้นรึไง”

          “…ดีแล้ว เขาจะได้เป็นของกูคนเดียวไง”

 

          หลังจากที่บังคับขู่เข็ญขอช่องทางติดต่อของคนในใจจากพี่คณะอยู่นานสองนาน ก็ได้มาเพียงอินสตราแกรมที่ปิดเป็นไพรเวทกับรูปแมวอ้วนนอนอืดประดับอยู่บนรูปโปรไฟล์เหนือชื่อของคนๆนั้น

          เพราะพี่ทีบอกว่าไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัวจึงไม่มีช่องทางติดต่อจำพวกเฟซบุ๊คหรือไอดีไลน์ จะมีก็แต่อินสตราแกรมที่กดติดตามเจ้าตัวทันก่อนที่จะปิดเป็นไพรเวท

          เขานั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้ที่หน้าอินสตราแกรมของคนๆนั้นมาเป็นสิบกว่านาทีแล้ว หลังจากที่กดขอติดตามอย่างไม่ลังเลตั้งแต่ที่ปุ่มมันขึ้นมาให้เห็น

          อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้ดูรูปที่เขาเป็นคนเอาลง

          แต่ถ้าตอบรับคำขอติดตามเขาเมื่อไหร่ล่ะก็…

          “มีน กูพูดตรงๆเลยนะ”

          อยู่ๆไอ้ตัวพูดมากที่นั่งข้างๆก็เอ่ยปากขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

          “ว่า?”

          “คือกูก็รู้นะว่าเขาเป็นคนที่มึงชอบคนแรก แต่มึงช่วยหยุดจ้องจอโทรศัพท์ไปสั่นขาไป แล้วหันมาฟังอาจารย์ก่อนไหม ยังไง”

          “…มึงก็จดให้กูละนี่”

          “เออ กูรู้ว่ามึงเก่ง แต่อาจารย์ป้าหน้าห้องนั่นมองมึงมาตั้งแต่ต้นคาบละครับ จ้องไปก็ไม่ได้ช่วยให้พี่เขารับฟอลมึงเร็วขึ้นหรอก นี่ ช่วยกูนี่ เห็นผลชัดเจนเลยว่าที่จดจะเสร็จเร็วขึ้น”

          เพราะไอ้ตัวดีพูดออกมาซะยืดยาวก็เลยเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ในระหว่างคาบเรียนของอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งของคณะ จำใจต้องกดล็อกโทรศัพท์แล้วเก็บลงกระเป๋ากางเกงพลางหยิบปากกาขึ้นมาตั้งท่าจะจดตามสไลด์ที่จะเปิดต่อไป

          ได้แต่ภาวนาว่าหากเขากดเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งจะมีรูปที่คนๆนั้นลงไว้โผล่ขึ้นมาให้เห็นบ้างล่ะนะ

 

          จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้รับแจ้งเตือนจากคนๆนั้นเลยแม้แต่น้อย

          เพราะกลับมาถึงห้องนานแล้วถึงได้มีเวลานั่งจ้องนอนจ้องจอโทรศัพท์มาได้เป็นชั่วโมงโดยที่ไม่มีเสียงแซวหรือเสียงกระแหนะกระแหนของไอ้พวกเพื่อนสนิท แต่กลับไม่มีการแจ้งเตือนตอบกลับมาเลย ทั้งๆที่เขากดขอติดตามไปตั้งค่อนวัน

          หงุดหงิดยิ่งกว่าตอนที่มีคนมาตามเกาะแกะก็ตอนนี้แหละ

          หรือเขาจะไม่รับคนที่ไม่รู้จักกันนะ?

          เพราะเจ้าความคิดที่มันแวบขึ้นมากะทันหันทำให้ใบหน้าที่นอนเกยอยู่กับหมอนใบโตเริ่มฉายแววหงุดหงิดระคนคิดหนัก

          หงุดหงิดที่ตัวเองน่าจะกดติดตามเขาก่อนที่จะตั้งค่าให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว

          คิดหนักว่าควรจะทำอย่างไรดีถึงจะได้ติดตามความเป็นไปในโลกโซเชียลและตามหาเจ้าของบัญชีให้เจออีกครั้ง

          หรือว่าจะใช้เครื่องของพี่คณะส่องดี?

          ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหงุดหงิด จึงจัดการกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์หลังจากที่ตั้งนาฬิกาปลุกเสร็จ แล้วเดินไปปิดไฟห้องให้มืดสนิท จึงกลับมาล้มตัวนอน

          ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่เห็นแจ้งเตือนการตอบรับคำขอติดตาม เขาก็คงต้องชวนไอ้พวกเพื่อนสนิทไปบุกคณะอักษรแล้วล่ะ

 

@อีกด้าน

          ติ๊ง

          เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่โยนทิ้งไว้บนเตียงดังขึ้นทำให้คนที่กำลังต้องการจะพักผ่อนจากการนั่งทำรายงานมานานนับชั่วโมงเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแคบก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูการแจ้งเตือน

          “หืม?”

          เพราะระหว่างวันแทบจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย เขาจึงไม่ได้เปิดเน็ทไว้เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้ไม่เห็นแจ้งเตือนจากอินสตราแกรมว่ามีคนกดขอติดตามมาตั้งแต่หลังเที่ยง

          แถมยังเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาซะด้วย

          โปรไฟล์เป็นรูปของเด็กมหาลัยตัวสูงที่สวมชุดวิ่งกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ใต้รูปโปรไฟล์เป็นข้อความไว้แสดงชื่อเจ้าของบัญชี

Manatsanan  Chanaphatworachot

มนัสนันท์ ชนาภัทรวรโชติ

Faculty of Sports Science #2   PU

          พอได้มาอ่านข้อความที่แสดงขึ้นให้เห็นใต้รูปโปรไฟล์ถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวสูงที่เขาเพิ่งจะไปพาลใส่เมื่อตอนวันสาดน้ำ อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมเหมือนจะเป็นรุ่นน้องเขาอยู่ปีหนึ่งด้วย

          คิดว่าตัวสูงแล้วจะเรียกใครว่าน้องก็ได้รึไงกัน

          ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็อดเลื่อนลงไปดูรูปที่เขาโพสต์ลงไม่ได้

          ส่วนมากรูปที่เจ้าเด็กตัวสูงนำมาลงจะเป็นพวกรูปที่เจ้าตัวไปเล่นกีฬาชนิดต่างๆกับรูปวิวสถานที่ท่องเที่ยงซะเป็นส่วนใหญ่

          ส่องจนพอใจแล้วจึงกดกลับที่ไปหน้าแจ้งเตือนของตัวเอง



          …แล้วกดรับคำขอติดตามของเจ้าเด็กนั่น ทั้งๆที่มีเพื่อนร่วมชั้นปีอีกหลายชีวิตที่ยังไม่ได้แม้แต่จะกดเข้าไปรูปโปรไฟล์

         ไม่ได้ลำเอียงอะไรอะไรเลยสักหน่อย...

          เออ ก็บอกแล้วไงว่าตรงสเปค

          คิดเถียงตัวเองอยู่ในใจสักพักจึงค่อยลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

          อยากรีบอาบแล้วรีบนอน วันนี้มีเรื่องเปลืองพลังงานเขามามากพอแล้ว

          ค่อยดูเถอะถ้าปิดเทอมเมื่อไหร่อย่าหวังจะได้เห็นหน้าเขานอกจากที่หอกับร้านสะดวกซื้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-12-2017 21:57:40
กดติดตามรัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอตอนต่อไปจ้า  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 14-12-2017 08:07:15
กรี๊ดดดดดดดด ค้าง :katai1: มาอัพต่อเร็วๆทีค่า ฮืออออออออ สนุก ชอบบบบบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 15-12-2017 22:36:44
ปูเสื่อรอตอนต่อไปเลยยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: pwmd ที่ 16-12-2017 00:18:29
น่าติดตามมาก รอค่าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-12-2017 17:24:12
โอ้ยยยยยย จะบอกว่าเป็นนิยายที่ตรงสเป็คทั้งพล็อตทั้งภาษาเลยค่ะ ดีอะไรแบบนี้ ลุ้นว่าคนน้องจะเป็นยังไงพอเห็นเขากดรับแล้ว ฮื่อออ รออยู่นะคะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 16-12-2017 18:37:37
ชอบค่าาาาา ติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: พระจันทร์เต็มดวง ที่ 16-12-2017 23:16:54
 :-[อยากใหเค้าเจอกันอีก รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 17-12-2017 03:03:31
รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 17-12-2017 10:47:33
แงงง้น่าร้ากกกก อยากอ่านอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่ 2 [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 17-12-2017 12:31:07
2


         “กานๆ เราถามอะไรหน่อยดิ”
          “หืม? ว่า?”
          “ก็แบบ… ช่วงนี้มีนเขามีคนคุยหรือมีแฟนอะไรแบบนี้รึเปล่าอ่ะ?”
          “ห๊ะ…”
          “แหม ก็ช่วงนี้มีนเขาเอาแต่นั่งดูโทรศัพท์คนเดียวแล้วยิ้ม แถมพอเลิกเรียนเมื่อไหร่ก็รีบพุ่งออกห้องไปเลย ปกติต้องรอพวกกานก่อนแท้ๆ เนี้ย เราว่าเขามีแฟนแล้วแน่ๆเลยใช่ไหมล่ะ”
          อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงกับคำถามที่พวกสาวๆในคลาสถามถึงไอ้หน้าหล่อ ที่ป่านนี้คงรีบบิดรถไปให้ทันเจอคนๆนั้นของมันตามร้านคาเฟ่หรือร้านอาหารต่างๆ
          ผ่านมานับอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่ที่รุ่นพี่คณะอักษรศาสตร์กดรับคำขอติดตามของเจ้าเพื่อนสนิทตัวโตในอินสตราแกรม เขายังจำวันแรกที่มันเดินหน้าบานเข้าคณะหลังจากที่คนๆนั้นของมันยอมให้ติดตาม จากปกติที่ความเป็นมิตรของมันล่อลวงให้พวกผู้หญิงและสาวประเภทสองมาหวีดกันโครมๆ วันนั้นเลยกลายเป็นวันหายนะของมัน ที่การเดินยิ้มหน้าบานเข้าคณะทำให้พวกหล่อนๆยิ่งเข้าไปเกาะแกะกันมากกว่าเดิม
          อยากจะหมั่นไส้ให้สมกับความเสน่ห์แรงของไอ้เพื่อนสนิทเหมือนกัน แต่คิดอีกทีเปลี่ยนเป็นสมน้ำหน้าน่าจะเหมาะกว่า
          เพราะตั้งแต่ที่มันได้ติดตามพี่เขาทางอินสตราแกรมมันก็ยังไม่ได้เจอหน้าพี่เขาแบบตัวเป็นๆเลยด้วยซ้ำ
ไม่รู้เพราะดวงตกหรือโชคชะตากลั่นแกล้ง ทั้งๆที่พี่ทีหรือแม้แต่เพื่อนในกลุ่มต่างก็เจอหน้าพี่ข้าวของมันกันคนละรอบสองรอบแถมเป็นคนบอกให้มันตามมา แต่ไม่รู้ทำไมไอ้มีนถึงได้คลาดกับพี่เขาได้ตลอด
          อย่างเช่นว่า
กานกาน
ไอ้มีน  13.04
พิกัดร้านขนมชั้น3 ห้างU  13.05
Manat
     13.07  อะไรของมึง
13.07  มีคอนเสิร์ตบอดี้แสลมรึไง
Ramee
ไอ้โง่  13.09
พวกกูเจอพี่ข้าวของมึงง่ะ 13.09
ถ้ายังจะบอกว่าเป็นคอนเสิร์ตพี่ตูนก็แล้วแต่มึงเลยจ้า  13.10
ส่งรูปภาพ  13.10
Manat
13.10  อีก10นาทีเดี๋ยวกูไป
ไฟนอลอิสคัมมิ่ง
ให้ว่องไอ้สัส พี่เขาแดกขนมจะหมดจานที่3ละ  13.15
กานกาน
มึงขี่มาจากเชียงใหม่รึไง รีบบบบบบบบ  13.18
Manat
13.21  กำลังขึ้นไป
13.21  รั้งเขาไววววว้
ไฟนอลอิสคัมมิ่ง
รั้งพ่อมึงสิ  13.23
กานกาน
มึงกลับเลยก็ได้  13.23
Ramee
น่าสงสารเขานะครับ…  13.24
Manat
13.24  Wtf….
          หรือจะเป็น…
          (ฮัลโหล…)
          “ให้กูเดา คือมึงเพิ่งตื่น?”
          (เออ ก็เมื่อวานกูเพิ่งรู้ว่ามีควิซอ่ะ แม่งเลยต้องลุกขึ้นมาอ่านตอนสี่ทุ่มยันตีสี่ แล้วมึงโทรมาทำไมอ่ะกาน ถ้าไม่มีอะไรกูจะนอนต่อแล้วนะ)
          มันว่าด้วยน้ำเสียงงัวเงียเต็มขั้น พนันเลยว่ามันคงจะตื่นเต็มตาแล้ว แต่แค่ขี้เกียจคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง
          “อะ มึงตั้งสติแล้วฟังกู”
          (…..)
          “ตอนนี้กูเลี้งสายอยู่กับพวกสายรหัสกูที่ร้านหมูกระทะแถวมอ”
          (…..)
          “…พอดีโต๊ะข้างกูพี่ข้าวเขามาเลี้ยงส—”
          (กูกำลังจะไป!อีก5นาทีเจอกัน)
          ครับ เพื่อนสำหรับมันก็คงเป็นแค่นกพิราบส่งข่าว
          แต่แหมผมไม่ได้บอกนี่ว่าพี่เขากับพวกสายรหัสเริ่มกินก่อนสายผมตั้งเกือบชั่วโมง
          คราวนั้นคนนกเลยกลายเป็นไอ้มีนที่มาถึงหลังจากที่พี่ข้าวของมันขึ้นรถไปไม่กี่นาที
          นั่นละฮะ ท่านผู้ชม ความนกไม่เข้าใครออกใคร แต่เข้าไอ้มีนมาเป็นอาทิตย์ แถมไม่มีทีท่าว่าจะออกด้วย
          เคยถามมันเหมือนกันว่า ทำไมไม่ทักอินสตราแกรมเขาไป มันตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจว่า
          ‘กูจะรู้ได้ไงว่าเขาจะตอบมา แล้วถ้ากูรัวข้อความให้เขาตอบ แล้วเขารำคาญ ที่กูตามหามาเป็นอาทิตย์มันไม่สูญเปล่ารึไง’
          ถึงจะหมั่นไส้ในอาการเห่อของเจ้าตัวสูง แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าที่มันพูดมาก็จริง
          ก็ได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนเขามันจะได้เจอคนในใจมันในสักวันหนึ่ง

          อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้จะมีงานเปิดบ้านของทางมหาวิทยาลัย ทั้งงานจะเปิดให้คนนอกเข้ามาเยี่ยมชมภายในคณะและบูทเกี่ยวกับคณะต่างๆได้ตลอดทั้งวันเป็นเวลาสามวัน
          แน่นอนว่าเขาย่อมได้รับหน้าที่ในงานมาอย่างน้อยหน้าที่หนึ่งแล้วแน่ๆ
          เป็นคนที่ต้องปั้นหน้ายิ้มแนะนำคณะและคอยตอบคำถามจากคนภายนอกอยู่หน้าบูทไง
          แถมยังต้องมานั่งประชุมร่วมกับพวกปีสูงที่มีส่วนในการจัดงานทั้งในและนอกคณะด้วย โชคดีที่อย่างน้อยก็มีกานที่โดนโยนหน้าที่เดียวกันมานั่งเป็นเพื่อนด้วย
          รีบๆทำให้เสร็จ จะได้รีบไปตามหาคนๆนั้นอย่างทุกวันสักที
          “เฮ้ย พวกมึง เดี๋ยวรอเจอเพื่อนกูแป๊ปนะ มันจะเข้ามาคุยเรื่องวง”
          …อืม เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้าง
          หน้าที่อีกหนึ่งอย่างของเขาคือต้องไปเป็นมือกลองให้วงของรุ่นพี่ปี3ที่ มือกลองในวงเกิดอุบัติเหตุทำให้ตีกลองไม่ได้ไปเกือบเดือน
          ตอนพี่เขามาขอก็ไม่ได้คิดว่าต้องเสียเวลามานั่งรอเพื่อจะคุยเรื่องวงขนาดนี้หรอก
          ครืด
          “หือ? อะ มาพอดีเลย ไอ้ฉัตรมานี่ๆเดี๋ยวขอคุยเรื่องคิวแป๊ป”
          ไม่รู้ว่าพระเจ้าได้ยินเสียงที่เขาบ่นไปเมื่อกี้หรืออย่างไร ไม่กี่วิต่อจากนั้นบานประตูถึงได้เลื่อนออกให้ผู้ชายตัวสูงเดินนำเข้ามาก่อนตามด้วยคนที่สูงไล่ๆกัน ก่อนจะ…
          “เหี้ย!”
          เปล่า ไม่ใช่เขาหรอกที่อุทานออกมาแบบนั้น แต่เป็นเพื่อนเขาที่หันไปมองทางเดียวกันต่างหาก
          คนที่เขาหลงเสน่ห์ทุกๆอย่างในตัวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
          คนที่เขาเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์เกือบค่อนวันเพื่อรอการตอบกลับเล็กๆน้อยๆ
          คนๆนั้น คนที่เขาพยายามตามหามากว่าสองสัปดาห์
          อยู่ตรงหน้าเขาแค่ไม่กี่ช่วงตัว
          รู้สึกว่าการสนิทกับพวกปี3มีประโยชน์ก็วันนี้แหละ
          “โอ้โห ทีตอนร่อนหาเกือบทั่วทั้งจังหวัดนี่ไม่เจอ พอนั่งเฉยๆก็มาให้เจอเฉยเลย เสียดายค่าน้ำมันรถไหมมึง?”
          อยากจะตอกกลับหน้าไอ้คนปากเสียข้างๆนี่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ความสนใจของเขามันโดนคนตรงหน้านี่ดึงดูดไปจนหมด มันเหมือนกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
          “ไอ้ข้าวมานั่งนี่ เดี๋ยวกูคุยเรื่องคิววงแป๊ป”
          เพื่อนของพี่ข้าวตบลงบนเบาะเก้าอี้ข้างๆตัว  ให้คนที่เข้ามาทีหลังสุดเดินผ่านหน้าเขาไปนั่งกดโทรศัพท์เล่นฆ่าเวลารอเพื่อนคุยกับพวกรุ่นพี่ของเขา
          อยากจะเข้าไปทักเขาเหมือนกัน แต่ระยะห่างระหว่างเขากับคนๆนั้นกว้างเกินไป แถมยังมีเพื่อนเขากับพวกรุ่นพี่ที่ไม่รู้เรื่องอยู่เต็มห้อง จึงได้แต่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น จนคนตัวซีดเงยหน้าขึ้นมาสบกับตาเขาอย่างจัง
          สบตากัน!
          สบตากัน!!
          สบตากัน!!!
          เพราะกลัวว่าอีกคนจะคิดว่าเขาหาเรื่องด้วยพื้นฐานหน้าตาดูดุเมื่อทำหน้านิ่ง เลยฉีกยิ้มกว้างๆที่แถมจะไม่ปิดบังความดีใจส่งให้เขา พลางใจก็คิดไปว่า
          ยิ้มขนาดนี้จะคิดว่ากูเป็นบ้าไหมวะ?
          แต่ไม่ต้องรอให้สงสัยนาน ปฏิกิริยาของคนๆนั้นก็ส่งกลับมาให้เขาอย่างรวดเร็ว
          คนตัวซีดยิ้มบางๆให้เขาเป็นเชิงทักทายก่อนจะก้มหน้าลงจ้องจอสี่เหลี่ยมนั่นเหมือนเดิม
          เขายิ้มให้..
          รู้สึกดีใจยิ่งกว่าตอนแข่งบาสชนะก็ตอนนี้ ถึงแม้ยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้จะเป็นเพียงยิ้มตามมารยาทก็เถอะ
          ถ้าใจเราบอกว่ายิ้มหวาน มันก็คือยิ้มหวาน
          “สัสมีน เลิกจ้องหน้าพี่เขาแล้วยิ้มแบบนั้นสักที เห็นแล้วขนลุก”
          “เสือก นั่งอมน้ำลายไป มึงอ่ะ”
          “แหมจ้ะ กูจะรอดูคนโดนเพื่อนพี่เขางับหัวละกัน มึงดูๆ เพื่อนเขาจ้องมึงขนาดนั้นละนะ”
          เพราะไอ้เพื่อนสนิทมันท้วงขึ้นมา ถึงได้เบนสายตาก็ออกจากร่างสว่างเพื่อไปปะทะกับสายตาที่จ้องเขม็งมาจากคนที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
          จะบอกว่าไม่เป็นมิตรหรือสายตาสั้นดี?
          แต่แล้วไง ใครเขาสนกัน ถ้าจะให้เขาเลิกมองเพื่อนตัวเอง
          ก็บอกให้เพื่อนตัวเองเลิกทำตัวน่ารักซะ
          แต่ก็คงยากหน่อยสำหรับคนๆนั้นที่แค่นั่งอยู่เฉยๆเขายังคิดว่ามันเป็นการกระทำที่น่ารักยิ่งกว่าไอ้พวกเพื่อนสนิทเขามันทำหน้าอ้อนซะอีก

50 %

เดี๋ยวอีกครึ่งหนึ่งน่าจะตามมาเร็วๆนี้ค่ะ เพราะสัปดาห์หน้าเรามีสอบ เลยเอามาลงให้ก่อนครึ่งหนึ่ง
ขอบคุณทุกๆความเห็นเลยนะคะ เราลงนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถบอกกันได้เลยค่ะ


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-12-2017 13:00:03
ช่วยห้อยวันที่อัพหลังชื่อเรื่องให้โหน่ย..ยยยยยย ไม่อยากพลาดทุกความเคลื่อนไหว  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 17-12-2017 18:31:45
เจอกันแล้วววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: pwmd ที่ 17-12-2017 18:38:18
พี่ข้าวมาแล้ววววว เอาใจช่วยนังมีน ตามค่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 17-12-2017 20:12:46
โชคดีในการสอบนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 17-12-2017 22:55:42
น่ารักมากเลยค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-12-2017 23:02:02
ดีมากๆเลยค่ะ พระเอกเด๋อๆนกๆดี ตลกกก
เป็นกำลังใจให้ในการสอบนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 21-12-2017 22:44:43
นั่งจ้องหน้าคนตรงหน้าไปสักพัก เนื้อหาข้อความที่พวกรุ่นพี่คุยกันเรื่องวันงานไม่แม่แต่จะผ่านเข้ามาในโสตประสาทสักนิด แม้ว่าตัวเองจะเป็นคนที่ต้องรู้เรื่องนี้อีกคนก็เถอะ

เรื่องงานค่อยไปถามกานเอาทีหลัง แต่เรื่องของคนตรงหน้านี่แหละที่คิดหนัก

จะหาข้ออ้างอะไรทักเขาดีวะ?

“มึง เดี๋ยวกูไปก่อนนะ วันนี้พี่มารับ”

“ห๊ะ เออ โอเคๆ”

นั่งคิดไปแปดตลบเก้าตลบก็ยังหาข้อสรุปให้ตัวเองไม่ได้ จนกระทั่งพี่เขาเอ่ยกระซิบกับเพื่อนที่นั่งข้างๆกันเบาๆ พลางค่อยๆดันตัวเลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อจะยืนขึ้น แล้วเดินจากไป

ได้ไง!

ร้อนถึงคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องให้กระวนกระวายว่าควรจะวิ่งตามไปรั้งเขาไว้หรือกลับบ้านไปนั่งเหี่ยวเพื่อจะรอเจอเขาอีกรอบดี

“ไอ้มีน ตามพี่เขาไปดิวะ จะนั่งโง่งมจมความคิดตัวเองอีกนานไหม!”

แน่นอนว่าคำตอบของคำถามที่ตั้งกับตัวเองมันตะโกนออกมาก่อนที่เพื่อนจะเตือนซะอีก พอตระหนักได้ว่าตัวเองเสียเวลามากมากพอแล้วจึงได้รีบลุกพรวดขึ้นแล้วรีบวิ่งไปตามทางที่คนๆนั้นเพิ่งจะออกไป พลางร้องบอกพวกรุ่นพี่ในห้องที่กำลังงงงวย

“ผมไปห้องน้ำนะพี่!”

วินาทีนี้ก็คงได้แต่นึกถึงทฤษฎีการวิ่งทั้งหมดทั้งมวลที่เคยได้ศึกษาเท่านั้นแหละ

ขอให้ทันทีเถอะ!

 

@อีกด้าน

วันนี้เขาถูกนัดแนะกับครอบครัวไว้ว่าจะพากันไปทานอาหารนอกบ้านเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของคุณแม่ เขาจึงให้พี่ชายมารับที่มหาวิทยาลัยหลังจากที่เลิกงานแล้ว

ก่อนหน้านั้นเลยเข้าไปนั่งฆ่าเวลาฟังเจ้าพวกที่ขึ้นแสดงดนตรีในวันเปิดบ้านถกเถียงกันเรื่องคิววงที่จะแสดง

เพราะคณะของเขาที่มีจำนวนผู้ชายน้อยจนแทบนับได้ ทำให้เพื่อนเขาทั้งสองคนที่มักจะเข้าสังคมและทำกิจกรรมต่างๆของทางมหาวิทยาลัยมีแต่เพื่อนผู้ชายต่างคณะซะเป็นส่วนใหญ่

มีแต่เขานี่ล่ะที่มีเพื่อนแค่พวกมันสองคน

ไม่ได้นึกเอาเรื่องนี้มาให้คิดมาก เพราะเพื่อนเขาค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเพื่อนแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน และแบ่งเวลาได้ชัดเจนอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนเกินเมื่อต้องเข้าไปนั่งประชุมกับเพื่อนต่างคณะ

จะมีก็แต่เจ้าเด็กตัวสูงจากคณะวิทย์กีฬาที่เจอกันครั้งล่าสุดก็เมื่อตอนวันปีใหม่ไทยที่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว

ทั้งๆที่ติดตามอินสตราแกรมของเขาไว้แต่เหมือนเจ้าเด็กนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอย่างที่คิด

ติดอยู่ที่วันนี้รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุมของคณะวิทยาศาสตร์

รู้สึกเหมือนโดนจับจ้อง

พอเงยหน้าขึ้นถึงได้รู้ว่าเป็นคนแปลกหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยจากการที่นั่งส่องอินสตราแกรมของเขาเมื่อยามว่าง

ตลกดีเหมือนกันที่ช่วงนี้เหมือนเด็กนั้นจะพลาดอะไรบางอย่างถึงได้มาละเมอเพ้อพกลงในแอคเคาท์ของเจ้าตัว

พอสบตากันได้เสี้ยววิ คนตรงหน้าก็ส่งยิ้มกว้างมาให้

เป็นยิ้มที่ถ้าไม่ระวังคงตกหลุมยิ้มนั้นได้ไม่ยาก

ทั้งๆที่หน้าตาดูดุแต่พอยิ้มกลับดูเป็นมิตรขึ้นมาเท่าตัว เหมือนที่พวกเพื่อนเขามันเคยเผาเอาไว้

‘วันๆก็เห็นนั่งยิ้มเงียบๆ ไม่รู้เป็นอะไรสาวติดเยอะชิบ’

วันนี้ถึงได้รู้คำตอบของประโยคนั้น

และรู้อีกว่าเจ้าเด็กนั้นก็ต่างกับตัวเขาจริงๆนั่นแหละ

“พี่ครับ!”

ชะงักขาที่กำลังจะก้าวก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อพบกับบริเวณว่างเปล่า จึงได้หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับคนเจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกเหมือนเขาจะวิ่งหนีไปซะแบบนั้น

ถ้าเป็นผีค่อยว่ากันแล้วกัน

แฮ่ก

“พี่…คือ—”

ประหลาดใจเหมือนกันที่คนที่หยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้าคือเจ้าเด็กที่เพิ่งได้มาสบตากันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปเกือบเดือน

“ใจเย็นๆนะ ค่อยๆพูด ไม่ไปไหนหรอก”

พอบอกไปแบบนั้นน้องก็เลยยืดตัวขึ้นพยายามโกยอากาศเข้าสู่ปอดให้มากที่สุดก่อนจะยืนปรับการหายใจของตัวเองสักพัก แล้วหันกลับมาบอกว่า

“ผมชอบพี่นะ…”

“ขอคุยด้วยได้ไหมครับ?”

 

 

 

“มีน”

“ครับ”

“ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมานี่ มีแฟนรึยัง”

“ก็ยังไม่มีนะ”

“แล้วคนที่ชอบล่ะ”

“…ก็ไม่มีอ่ะ”

“มึงล้อกูเล่นใช่ไหม? จะบอกว่าวันๆมึงเอาแต่เล่นบาสรึไง”

“…ก็เปล่าอ่ะ ทำไมครับ อยากให้มีหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่ กูก็แค่คิดว่าวัยประมาณมึงมันเป็นวัยสำหรับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ถ้ามึงจะมีก็ไม่แปลกแต่ให้บอกกูกับแฟนกูด้วย เวลามีเรื่องอะไรกูจะได้ช่วยทัน ไม่ใช่มาอีกทีท้องป่องมาหาที่บ้าน แบบนั้นกูจะเฉดหัวมึงออกบ้านเลย เข้าใจไหม?”

“อ่าฮะ”

“แล้วตกลงคือยังไม่มีคนที่ชอบจริงหรอวะ”

“แล้วเวลาไปชอบคนอื่นนี่ต้องเป็นแบบไหนอ่ะ”

“ถ้าเอาตามประสบการณ์กูก็คง… สบตาแล้วโลกหยุดหมุน อยากใกล้ชิด อยากสนิทด้วย แล้วใจมันก็จะหวิวๆ อะไรทำนองนั้น แล้วไง เคยเจอไหมล่ะ”

“…ก็มีตอนเล่นบาสอ่ะ อยากเล่นต่อ แล้วใจก็เต้นแรงๆเลย”

“…กูหมายถึงคน”

“ไม่มีอ่ะ”

“เออ แล้วไป แต่ถ้ามีอย่าลืมมมาบอกกูกับแฟนกูด้วย”

“…พ่อ”

“ว่า?”

“แล้วถ้ามันเกิดกับผู้ชายอ่ะ?”

“…กูก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่ไม่สร้างปัญหาให้ตัวเองก็พอแล้ว ถามอย่างนี้คือมึงเคยเกิดกับผู้ชายว่างั้น”

“…เปล่า”

“แล้วทำไมถาม?”

“ก็มันไม่เคยเกิดกับผู้หญิงไง ก็เลยคิดว่าเป็นรึเปล่า”

“โถ่ ไอ้ลูกหมา แบบนั้นเขาเรียกตายด้านแล้วครับ”

“แล้วต้องเป็นแบบไหนถึงจะรู้สึกแบบนั้นอ่ะ?”

“เรื่องแบบนั้นมันแล้วแต่คนเว้ย แต่ถ้าเป็นไปได้…”

“…..”

“… เวลาจะหาคนที่มึงอยากอยู่ด้วยก็ดูคนที่คล้ายๆแฟนกูไว้”

“ทำไมอ่ะ”

“มึงก็ลองคิดดูนะมีน มึงอยู่กับแฟนกูมาเป็นสิบๆปี มีเรื่องให้ทะเลาะแทบนับครั้ง แถมยังดูแลมึงดีมาตลอด ถ้ามึงมีโอกาสเลือกคนที่มึงจะอยู่ด้วยก็เลือกคนที่คล้ายๆไม่ดีกว่ารึไง หรือถ้าไม่ได้ให้จำกูไว้อย่าง”

“…..”

“เลือกคนที่มึงอยากดูแลและคนที่เขาน่าจะดูแลมึงได้ ไม่ได้โอ๋ไม่ได้อวยมึงทุกอย่าง แบบที่แฟนกูเป็นอยู่นี่ไง”

“แล้วถ้าเจอต้องทำไงอ่ะ”

“ถ้าเจอแล้วก็ต้องเอาเขามาอยู่ข้างๆให้ได้สิวะ”

“…..”

“เหมือนกู ตอนแรกกูก็เข้าไปจีบทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวัน ทั้งเขียนจดหมายรักไปให้ หัดกีตาร์เพื่อไปเล่นโชว์ เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม ซื้อของให้ต่างๆนานา”

“แล้วก็ติด?”

“…แห้ว”

“อ้าว”

“มึงรู้ไหมพอกูไปถามว่าทำไมถึงไม่ยอมตกลงเป็นแฟนกู แม่มึงตอบว่ายังไง”

“?”

“เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการการเอาใจใส่แบบฉาบฉวยที่อาจจะหายไปในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้า ดังนั้นถ้าอยากจะเป็นแฟนกันก็ต้องค่อยๆมานั่งเรียนรู้นิสัยของกันและกันตั้งแต่แรก ถ้าหากว่าแค่ไม่กี่เดือนยังรับข้อเสียของอีกฝ่ายไม่ได้ชีวิตคู่ที่เหลือก็จบเห่”

“…..”

“หลังจากนั้นกูก็เลยเริ่มเปลี่ยนวิธีการเข้าหาใหม่ จากที่เอาจดหมายให้ ก็แค่คอยนั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิด จากตอนที่ซื้อของให้ ก็เปลี่ยนมาทำความเข้าใจในส่วนของนิสัยของเขา”

“…..”

“จำไว้นะมีน ถ้าเป็นไปได้ถ้ามึงเจอคนที่คล้ายกับแฟนกู ให้เริ่มเข้าไปคุย เข้าไปใกล้ชิด ไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่ แค่เข้าไปแทรกในชีวิตประจำวันของเขาทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดเขาก็จะรับมึงเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของเขาเอง”


ครบค่ะ
สารภาพว่าเราโดดอ่านหนังสือมาลง แง
ตอนนี้เสร็จต้องไปอ่านหนังสือจริงๆแล้ว คิดว่าตอนหน้าน่าจะหลังวันศุกร์หน้าค่ะ
และถ้าไม่มีอะไรผิดพลากคิดว่าน่าจะเป็นตอนสุดท้ายด้วย
สามารถติชมกันได้เลยนะคะ จะนำไปปรับปรุงค่ะ


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-12-2017 09:08:00
แฟนของพ่อนี่...คือแม่ใช่ไหม??? เรียกซะนึกว่าแม่เลี้ยงรึเปล่า 555 #มีนคนจริง2017  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 22-12-2017 09:37:01
 หูยย . คุณแม่เฉียบมากกก5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 22-12-2017 10:08:44
เอ้า อัพตอนไหนทำไมเพิ่งรู้  o22 รบกวนใส่วันที่อัพด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คุยกับคุณพ่อ นึกว่าเพื่อนคุยกันเด้อ 55555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 23-12-2017 17:22:24
คุณพ่อ 555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-12-2017 18:08:34
ตอนคุยกะพ่อเรานึกว่าเพื่อน ก็ว่าทำไมมีแฟนต้องบอกเพื่อนกับแฟนเพื่อนด้วยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: nuntharo ที่ 23-12-2017 21:26:04
เรื่องนี้น่ารักมากมากเลยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 24-12-2017 00:19:30
คุณพ่อดูห้าวๆดีอ่ะ ชอบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 25-12-2017 20:49:52
ชอบพ่อมีนจังเลยตอนแรกนึกว่าพี่ แลดูสนิทกับลูกมากเลย น่ารัก 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 30-12-2017 23:23:23
คุณพ่อน่าประทับใจจัง ชอบนะคะ 55555
ชอบเรื่องนี้ น่ารักๆๆๆๆ /////
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่2 (ครึ่งหลัง) [21/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: naitay ที่ 31-12-2017 09:18:25
มาต่อเร็วๆน้าาา จะรอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบจ้า) [1/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 03-01-2018 17:27:32
   3
   
 ตอนเด็กๆเขาเคยคิดว่าพ่อตัวเองเป็นพวกขี้หวงของที่โอเวอร์แอคติ้งที่สุดในสามโลก

          พ่อเขาหวงทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ที่เข้าใกล้แม่เขาในระยะสิบเมตร แถมทำตัวเป็นเด็กงอแงน้อยอกน้อยใจที่แม่เขาให้ความสนใจกับอย่างอื่นมากกว่าตัวเอง

          ถึงขนาดที่ว่าตอนที่เขาเริ่มอ่านออกเขียนได้ก็มาพูดกรอกหูว่าแม่เขาเป็นแฟนพ่อมาก่อนจะเป็นแม่เขาอีก

          เพราะแบบนั้นพอโตขึ้นมาหน่อยเขาจึงชอบแกล้งพ่อตัวเองด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจแม่มาจากพ่อ จากนั้นก็นั่งขำกับท่าทางของพ่ออยู่คนเดียว

          แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละที่ทำให้เขากับพ่อสนิทกันยิ่งกว่าพ่อลูกบ้านอื่นๆ

          ที่พล่ามมาก็ไม่ได้อยากมารำลึกความหลังอะไรแบบนี้หรอก แต่เขาแค่รู้สึกว่า…

          การหวงของพ่อเขาไม่ได้โอเวอร์แอคติ้งอย่างที่คิดตอนเด็กๆก็วันนี้

          วันที่เขาเริ่มคุยกับพี่ข้าว

          หลังจากที่วิ่งออกไปทันก่อนที่พี่เขาจะออกจากมหาลัยไป เขาก็เปิดปากบอกสิ่งที่มันค้างอยู่ในใจมาเป็นอาทิตย์ให้พี่เขารู้ แล้วถึงได้ทำแบบที่พ่อเคยบอกตอนสมัยเขาขึ้นม.ปลายใหม่ๆ

          แต่พ่อไม่เคยบอกว่าพี่ข้าวจะหัวเราะเขาแบบนี้!

          ไอ้ดีใจมันก็ดีใจนั่นแหละที่พี่เขาหัวเราะได้เพราะเขา แต่มองในมุนของไอ้คนที่กำลังจะกลายเป็นแฟนพี่เขาในอนาคตนี่ ความประทับใจโคตรติดลบเลยเถอะ!

          แถมคนตรงหน้าเขายังมีหน้ามาถามว่า จะคุยแบบไหน อีก ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเขาต้องการจะคุยกับอีกฝ่ายแบบไหนแท้ๆ

          รู้งี้ไม่เชื่อพ่อก็ดี…

          แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากนั้นทุกๆวันเขาก็จะพยายามยัดเยียดตัวเองลงไปในตารางเวลาของอีกฝ่ายเสมอ

          ไม่ว่าจะเป็นการทักไปถามเวลาว่างจากการเรียน ตามไปกินข้าวด้วยตอนพักเที่ยงที่คณะ หรือชวนอีกฝ่ายออกมากินมื้อเย็นตามร้านอาหารตามสั่งๆแถวๆหอของอีกคน แม้กระทั่งตามไปเฝ้าอีกฝ่ายถึงที่คณะเวลาที่มีงานด่วนต้องจัดการ

          ช่วงแรกบรรยากาศระหว่างคนสองคนที่เจอกันไม่กี่วันก็ออกจะอึมครึมไปสักหน่อย คุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็เกิดอาการเดดแอร์ขึ้นซะอย่างนั้น

          และก็เป็นเขาที่เริ่มหาเรื่องขึ้นมาชวนคุยอีกครั้ง

          เพราะไม่อยากให้พี่เขาอึดอัดเวลาอยู่กับเขา

          แต่หลังจากพ้นสัปดาห์ของงานเปิดบ้านของมหาลัยไป ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนดีขึ้นเรื่อยๆ

          ไม่อยากจะโม้ว่าพี่ข้าวเคยชวนเขาออกไปกินขนมร้านโปรดด้วย!

          แต่ด้วยเพราะพี่ข้าวค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว เวลาที่จะออกไปข้างนอกกับเขาส่วนใหญ่จึงเป็นตอนเย็นๆหรือตอนค่ำไปเลย

          อย่างตอนงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัยพี่เขายังไม่ได้อยู่ดูวงเขาด้วยซ้ำ

          ไม่ได้นึกน้อยใจหรืออะไรทั้งนั้น เพราะพี่ข้าวกลับไปตั้งแต่ช่วยงานที่คณะเสร็จเรียบร้อยด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากอยู่เบียดเสียดกับคนมากมายที่แห่เข้ามาร่วมกิจกรรม

          ขนาดวงของเพื่อนพี่เขายังไม่ได้อยู่ดูเลยด้วยซ้ำ

          เพราะแบบนั้นหลังจากที่ขึ้นแสดงเสร็จถึงได้รีบออกจากมหาลัยแล้วโทรไปชวนพี่ข้าวออกไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆหอเขาแทน

         
       
          (วันพุธผมมีแข่งบาส)

          ช่วงนี้ชีวิตประจำวันของเขามักจะมีอะไรแปลกใหม่แทรกเข้ามาเสมอ

          ทั้งการที่โต๊ะอาหารมีคนมาร่วมด้วยเพิ่มมาคนหนึ่ง มื้อเย็นที่มีคนโทรมาชวนลงไปกินด้วยกันที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ มีเสียงแปลกๆกับเบอร์แปลกๆที่โทรมาแทบทุกวันแบบไม่กลัวจะเปลืองเงินค่าโทรศัพท์

          แต่เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกๆที่ดีนะ

          “พี่คงไม่ไปเหมือนเดิมนะ”

          (ครับ รู้แล้ว แค่จะบอกว่าช่วงเที่ยงไม่ได้เข้าไปหาเพราะต้องคุยกันเรื่องที่จะแข่ง)

          “ครับๆ เข้าใจ สู้ๆนะ”

          (พี่ข้าว)

          “หืม? ว่าไง จะเอากำลังใจอีกหรอ”

          (ไม่ใช่ จะบอกว่า…)

          “…..”

          (แข่งเสร็จแล้วไปฉลองกันนะ)

          เกือบๆสามสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่เจ้าเด็กคณะวิทย์กีฬาวิ่งเข้าหาเขาตอนวันที่ไปประชุม หลังจากนั้นน้องก็เริ่มมาที่คณะเขาเป็นประจำ ชอบชวนออกไปกินมื้อเย็น และชอบไปนั่งเป็นเพื่อนเวลาไปร้านขนม

          ยิ่งได้คุยยิ่งได้รู้จักเขายิ่งรู้ว่าน้องเป็นคนดัง เวลาเดินไปกับน้องทีไรก็จะมีคนมองตามหน้ายิ้มๆของน้องตลอด โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด

          อย่างหนึ่งที่เขายอมรับว่าทำให้ใจอ่อนกับรุ่นน้องต่างคณะคนนี้มากๆคือการที่น้องต่างจากคนอื่นๆที่เข้ามา

          ไม่ใช่ว่าคนอย่างเขาไม่มีคนเข้าหา ถึงจะเป็นพวกเก็บตัวแต่ก็ต้องการเรื่องรักๆใคร่ๆเหมือนกัน

          แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาคุยมักจะเลิกคุยกับเขาหลังจากผ่านไปได้แค่อาทิตย์สองอาทิตย์

          เจ้าพวกเพื่อนสนิทบอกว่าเพราะเขาชอบเก็บตัวทำอะไรเรียบๆเงียบๆ มากกว่าการเข้าไปนั่งดูหนังในโรงที่คนแน่นเอี๊ยดแล้วต่อด้วยการไปเดินเที่ยวซื้อของไปจนหมดวัน

          และนั่นทำให้คนพวกนั้นบอกเขาว่า เราไปกันไม่ได้

          ตอนแรกก็มีเจ็บจี๊ดๆอยู่บ้าง แต่ความสงสัยมันมีมากกว่า

          ถ้าเกิดเขาไม่ได้ทำตัวอย่างที่เคยทำจะยังคุยกับเขาอยู่ไหม?

          หรือถ้าเขายังทำตัวแบบนี้ ชีวิตนี้จะมีคนทนอยู่กับเขาได้หรือเปล่า?

          แต่หลังจากเจอบ่อยครั้งเข้า ไอ้ความเจ็บจี๊ดๆมันถึงได้เปลี่ยนเป็นชินชา

          เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากจะสนใจใครมากเกินไป

          ไม่อยากจะคาดหวังว่าจะมีคนที่สามารถนั่งเงียบกับเขาอยู่ในห้องทั้งวันทั้งคืนได้อีก

          แต่น้องเป็นข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้

          ตอนแรกเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะคุยกับน้องได้เกินอาทิตย์

          ทุกครั้งที่น้องมาหา เขาแทบจะไม่ได้เป็นคนจุดประเด็นหาเรื่องมานั่งคุยด้วยซ้ำ กลายเป็นน้องแทนที่พยายามหาเรื่องมาคุยเพื่อกำจัดบรรยากาศน่าอึดอัดนี่ออกไป ทั้งๆที่ปกติจะต้องมีคนเข้ามาชวนน้องคุยอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว

          ตอนงานเปิดบ้านของทางมหาลัย น้องมาชวนเขาให้ไปดูการแสดงดนตรีที่น้องเล่น แต่เขาบอกว่าไม่ชอบอยู่ในที่ที่เหมือนกับตอนงานแสดงดนตรี คนเยอะทำให้น่าเวียนหัว

          เขาคิดว่าน้องคงจะรู้สึกแปลกๆกับนิสัยประหลาดๆของเขาขึ้นมาบ้าง เหมือนกับที่หลายๆคนที่ผ่านมารู้สึก

          และสุดท้ายก็ทนไม่ไหวไปตามๆกัน

          แต่น้องบอกว่า ไม่เป็นไร ให้กลับไปก่อนได้เลย

          คืนนั้นตอนเกือบสองทุ่ม น้องถึงได้โทรมาชวนออกไปกินมื้อดึกด้วยกัน



          “วันพุธวิทย์กีมีแข่งบาส”

          เหล่ตามองเพื่อนที่นั่งสวาปามเค้กตรงหน้านิดหน่อย ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่แสดงเนื้อหารายงานที่ต้องทำแทน

          เรียนเสร็จแต่ก็ต้องมีงานให้ทำต่ออยู่ดี

          “แล้วยังไงต่อ”

          “เด็กมึงไม่ได้บอกหรอ”

          “บอก”

          “แล้วจะยังไง ไม่ไป?”

          “…อือ”

          ได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจก็ได้แต่ถอนหายใจตามมันในใจ

          ใจเขามันก็อยากไปเหมือนกัน อยากเห็นน้องทำอย่างอื่นนอกจากนั่งคุยกับเขา หรือนั่งกินข้าวกับเหมือนทุกๆครั้ง

          แต่เพราะไอ้นิสัยเดิมๆและเรื่องบางอย่างมันทำเขาไม่กล้าจะทำอะไรแบบนั้น

          เกลียดที่สุดก็ตัวเองนี่ล่ะ

          “มึงจะกลัวอะไรนักหนาวะ มึงก็บอกตลอดไม่ใช่หรอว่าน้องมันไม่เหมือนคนอื่น”

          อีกคนที่นั่งเงียบหางานมาสักพักถึงขั้นเข้ามาร่วมวงด้วย เจ้าสองคนนี้ตอนแรกเป็นคนเตือนให้เขาระวังน้องเองแท้ๆ

          จริงๆก็อิจฉาน้องมากกว่ารึเปล่านะ

          “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไป”

          “แล้วยังไงวะ ก็แค่ไปดูมันเล่นแป๊ปเดียว ที่ก็มีเยอะแยะ หาที่ๆมันหลบคนเอาก็ได้”

          ก็นั่นแหละที่กังวล

          เพราะรู้ว่าน้องดัง น้องเป็นมิตร และทุกๆคนเหมือนจะเข้าหาน้องได้แบบสบายๆ

          น้องเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ๆที่คอยแผ่รอยยิ้มอุ่นๆให้คนรอบๆตัวเสมอ

          เพราะแบบนั้นถึงได้กลัว

          กลัวว่าสุดท้ายน้องก็คงไม่เห็นเขาที่หลบตัวอยู่คนเดียวเหมือนทุกครั้ง

          เพราะรอบๆตัวเต็มไปด้วยคนที่จะสามารถทำให้รู้สึกสนุกมากกว่าที่เขาจะสามารถทำให้ได้

          กลัวว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่ใช่แค่ความเจ็บจี๊ดๆอีกต่อไป




           “บ่นกลัวนั้นกลัวนี้ แต่ก็ยอมมาได้นะมึง”

          อยากจะตอบไอ้คนที่มันนั่งแซวคนอื่นเหมือนกันว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนลากเขามาในสนามแข่งบาสจนได้ แต่เพราะขี้คร้านจะนั่งนึกหาคำเถียงกับไอ้คนกวนประสาทถึงได้นั่งเงียบอยู่อย่างนี้

          อยากจะเอาหน้าที่มียิ้มกวนเบื้องล่างบี้กับเสาข้างๆมันจริงๆ

          หลังจากที่นั่งเรียนคาบเช้าเสร็จ ความตั้งใจที่จะรีบกลับหอไปปั่นงานก่อนที่น้องจะแข่งเสร็จก็ล่มไม่เป็นท่า เพราะไอ้พวกตัวดีมันรีบฉุดเขาขึ้นรถแล้วพามานั่งบนแสตนด์เชียร์กีฬาชั้นเกือบบนสุดที่มีเพื่อนจากคณะวิทย์กีฬาจองให้อีกที โดยให้เหตุผลว่า อยากจะดูการแข่งที่เป็นมืออาชีพบ้าง

          คิดคำด่าให้พวกมันไม่ออกจริงๆ

          “เฮ้ย เอาน่า นี่ได้มาดูมันแข่งบาสเลยนะเว้ย โคตรเท่”

          ไอ้การแข่งน่ะจะดูตอนไหนก็ได้เถอะ แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่ด้านหน้าเขาเต็มไปด้วยกลุ่มของสตรีเพศจากคณะต่างๆที่แห่กันมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันเกือบทั้งหมด

          จะบอกว่าพาลก็ได้ แต่ทำไมต้องให้เขามาดูคนพวกนี้กรี๊ดน้องด้วยเล่า!

          “ต่อไปจะไม่ให้ยืมสรุปแน่”

          “เชี่ยข้าว ไม่งอนดิ นั่นๆเด็กมึงมาละ”

          เพราะเพื่อนโพล่งปากเรื่องนั้นขึ้นมา ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นแล้วมองตามไปยังประตูเชื่อมจากด้านหลังโรงกีฬามายังสนาม

          วันนี้เป็นแค่การแข่งกีฬากระชับสัมพันธ์ที่จัดขึ้นโดยคณะวิทย์กีฬาและคณะศึกษาเท่านั้น บรรยากาศโดยรวมจึงไม่ได้เคร่งเครียดและเต็มไปด้วยเสียงเชียร์จากสองคณะมากนัก จะมีก็แต่…

          “กรี๊ดดดดด พี่เด็ด กล้ามแน่นมากค่า”

          “น้องโอ๊นนนนนน น่ารักจังเลยลู๊กกกกก”

          “โอ้ยยยย วิทย์กีงานดีทุกคนเล้ยยยยย”

          “พี่จักศึกษาปีสามขา! หนูรักเพ่!”

          “โอ้ยยยยย มีนยิ้มละลายมากลูกกกกก”

          ไม่ต้องบอกเลยว่าได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาเป็นประโยคประมาณด้านบนอีกกี่เสียง และได้ยินชื่อน้องจากปากของคนทั่วสารทิศอีกกี่คน

          โดยเฉพาะกลุ่มตรงหน้าเขาเนี่ย มากันเป็นแฟนไซต์น้องเลยเถอะ!

          “อื้อหือ ความดัง ความยิ้ม อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะมึง”

          ก่อนจะมาทำเสียงเป็นห่วงเป็นใยก็ช่วยสำเหนียกตัวเองด้วยว่าเป็นคนลากเขามา!

          เพราะหงุดหงิดเป็นทุนอยู่แล้ว จึงได้แต่หันไปมองค้อนให้ไอ้คนพูดหน้าเจื่อนเล่น แล้วกลับมาดูภายในสนามอีกรอบ

          พวกนักกีฬาเป็นพวกที่เขาไม่เข้าใจที่สุดแล้วสำหรับฐานันดรของคนพวกนี้ ก่อนการแข่งจะเริ่มมีการวอร์มร่างกายโดยการวิ่งแจกยิ้มไปรอบๆสนามโดยผ่านแสตนด์เชียร์ทุกๆด้าน

          เพื่ออะไรวะ? เช็คแรตติ้ง?

          แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในจุดนั้น ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็คงต้องเอาตามที่พวกนั้นสบายใจ

          ปกติก็คิดแบบนั้นได้อยู่ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

          ตอนที่วิ่งวนมาถึงแสตนด์ฝั่งเขา น้องถึงได้เงยหน้าขึ้นแจกยิ้มให้พวกที่นั่งอยู่ตรงหน้ากรี๊ดกันเล่นๆ ก่อนจะโบกมือทักทายคนทั้งแสตนด์ประหนึ่งเป็นพี่ตูนที่กำลังจะวิ่งช่วยโรงพยาบาลอะไรเทือกๆนั้น

          “ข้าว มันโบกให้มึง โบกตอบสิวะ”

          “…ก็โบกให้หมดนั่นแหละ”

          “เออถึงจะโบกให้หมดก็โบกกลับไปสิวะ มึงดูเจ๊ที่นั่งนู่น กูนึกว่าสวิงแขนออกกำลังกาย”

          ก่อนที่จะได้ฟังเพื่อนพล่ามไปมากกว่านั้น เลยจำใจยกมือขึ้นเตรียมโบกให้น้อง แต่ก็เพราะกลุ่มที่นั่งตรงหน้าอีกนั่นแหละ

          “น้องมีนนนน ยิ้มกว้างมากลูกกก”

          “เอมมึงได้ถ่ายไหมมม ชอตเมื่อกี้!”

          “โอ้ยใจกู มือไม้สั่น ไม่ถงไม่ถ่ายแล้วโว้ยย”

          และมืออีกหลายคู่ที่ต่างพากันยกขึ้นโบกจนสูงให้เจ้าเด็กตัวสูงที่ยิ้มกว้างโบกมือกลับมาอีกรอบ

          แน่สิ น้องจะไปเห็นเขาได้ยังไง ก็ที่ที่นั่งอยู่มันมืด แถมทั้งแสตนด์คนตั้งมาก จะให้มองมาทีเดียวแล้วเจอเห็นทีคงจะยาก

          คิดเพื่อปลอบใจตัวเอง

          ไม่ใช่เพราะเป็นเขาสักหน่อยน้องถึงไม่เห็น

          “อ้ะ อิเจ๊ ถึงเวลาเม้าแล้วจ้า ฝอยมาเดี๋ยวนี้”

          “จริง เรื่องคนคุยน้องมีนนี่ยังไง สงสัยใคร่รู้มากๆ”

          “เออ ก็เนี่ย มึงไม่เห็นไอจีน้องมีนช่วงนี้หรอวะ เนี่ยนางเอาแต่เพ้อๆหาใครเกือบทุกโพสต์เลยจ้า”

          “อ้าวก็ว่าอยู่ นี่คิดว่าน้องมีคนคุยรึเปล่า แต่ก็ไม่ค่อยเห็นออกไปเที่ยวกับใคร เลยไม่กล้าคอนเฟิร์มเนี่ย”

          “แต่ถ้าน้องมีคนคุยจริงกูว่าน่าจะเป็นฝ้ายวิทย์เคมีอ่ะ”

          “เออก็จริง คู่นี้คือแม่งดีว่ะ เวลาอยู่ด้วยกันคือออร่าโคตรได้”

          “เออเหมือนออร่าคนหล่อสวยเขามีกันงี้ โอ้ย กูอิจ”

          ตลอดเวลาระหว่างการแข่งไม่ได้อยู่ในการรับรู้ของเขาเท่าไหร่

          มีเพียงคำบอกเล่าจากพวกสาวๆกลุ่มข้างหน้าเขาเท่านั้นที่แว่วมาเข้าหู

          อยากสนใจในสนามมากกว่า อยากจะปิดหู ไม่อยากได้ยิน

          แต่เรื่องพวกนั้นมันดันลอยเข้ามาซะได้

          “อ้าว ไปไหนนะ ไม่รอน้องมันหรอ แข่งเสร็จแล้วนะ”

          “ห้องน้ำ”

          เปล่า

          แค่อยากไปอยู่สักที่

          ที่ที่เหมาะกับคนแบบเขา

 

 

          พี่ข้าวมาดูเขาแข่งบาส

          ก็ไม่ได้อยากจะอวดหรือมั่นหน้าอะไรมากมายนักหรอก แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าช่วงนี้คนทีสามารถทำให้พี่เขาเข้ามานั่งเชียร์ได้มีแค่เขา

          ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรมากมายกับการที่อีกฝ่ายไม่ได้มาดูการแข่งเขาหรอก

          เพราะเข้าใจและรู้ดีว่านิสัยพี่เขาเป็นอย่างไร

          อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นความหวงโดยส่วนตัวของเขาเอง

          ไม่รู้ว่าติดมาจากพ่อตั้งแต่ตอนไหน แต่แค่เห็นคนบางคนหรือคนบางกลุ่มเห็นพี่ข้าวแล้วทำท่าสนใจก็อยากจะเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของเสียเดียวนั้น

          เสียแต่ว่ายังไม่มีสิทธิ์นั้น

          ปกติแล้วถึงจะเป็นแค่การแข่งขันแบบกระชับมิตรทั่วไปหรือแม้แต่จับกลุ่มเล่นกันฆ่าเวลา เขาก็มักจะมีสมาธิอยู่กับเกมเสมอ

          แต่ดูเหมือนเกมนี้ทางฝั่งเพื่อนในทีมเขาเหมือนจะรับหน้าที่หนัก เพราะตัวชู้ตสามแต้มแบบเขากลับไปสนใจคนที่นั่งอยู่บนแสตนด์แทน

          อยากกลับแล้ว อยากเข้าไปคุยด้วย อยากไปกินข้าวด้วยกัน

          แค่สองคน

          เพราะแบบนั้นเมื่อเวลาหมดและสกอร์แสดงคะแนนว่าคณะเขาชนะไปแบบเฉียดฉิวเรียบร้อยแล้วถึงได้รีบวิ่งไปทางขึ้นแสตนด์เพื่อไปบอกพี่ข้าวที่ดูเหมือนอยากจะกลับแล้ว

          รอหน่อย เดี๋ยวไปฉลองด้วยกัน

          ถึงเกมนี้เขาจะแทบไม่ได้ช่วยทีมเลยก็เถอะ

          แต่เพราะพี่ทีรั้งเอาไว้แล้วเล่าสิ่งที่ได้ยินให้ฟังถึงได้เปลี่ยนแผนโดยการวิ่งไปหยิบกระเป๋าสะพาย ยัดเสื้อนักศึกษาใส่ลงไปแบบรีบๆ แล้วก้าวเท้ายาวๆเพื่อไปหาใครอีกคน

          เดินออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็เจอแผ่นหลังที่เขามักจะแอบมองขณะเดินไปส่งอีกฝ่ายที่หอเสมอ

          “พี่ข้าว…”

          นั่งลงไปข้างๆเกือบนาทีเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง แล้วถึงได้เรียกชื่ออีกคนขึ้นมา

          “ผมดีใจนะที่พี่มา”

          “เห็นด้วยหรอ”

          “แน่นอนสิ…”

          “…..”

          “พี่ไม่รู้หรอกว่าในสายตาผมพี่เด่นขนาดไหน”

          “ดีแล้วจริงหรอ”

          “หือ?”

          “ที่เป็นพี่…”

          “…..”

          “ยังมีคนอีกตั้งหลายคนเลยนะที่เขาอยากทำให้ให้มีนมีความสุข”

          “…..”

          “เขาไม่เหมือนพี่ ถ้ามีนอยากออกไปเที่ยว เขาก็พามีนไปได้”

          “…..”

          “แถมพี่ว่าเขายังเข้ากับกลุ่มเพื่อนมีนได้อีกนะ”

          “ไม่ได้หรอก..”

          “หือ?”

          “ถ้าไม่ใช่พี่ มีนก็ไม่พาไปหาพวกไอ้กานหรอก”

          “…..”

          “ถ้าไม่ใช่พี่ มีนก็ไม่ออกไปกินข้าวด้วยเหมือนกัน”

          “…..”

          “ใช่ว่าคนที่มีนอยากอยู่ด้วยจะเป็นคนที่ทำให้มีนมีความสุขสักหน่อย”

          “…..”

          “แต่เป็นคนที่มีนอยู่ด้วยแล้วมีความสุขแล้วก็สบายใจมากที่สุดต่างหาก”

          “…..”

          “แบบพี่ไง”

          “ถ้าพี่จะปฏิเสธแบบนี้ ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ”

          “หมายถึง…”

          “จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะขอวันนี้ แต่เห็นพี่คิดมากแบบนี้แล้วไม่ได้อ่ะ”

          “ห๊ะ…”

          “เป็นแฟนกันนะ”

          “…..”

          “ไม่ต้องเอาคนรอบข้างมาตัดสินใจ”

          “…..”

          “ตอนนี้คนที่ตัดสินใจได้มีแค่พี่”

          “…..”

          “นะครับ”

          “อืม..”

          “ห๊ะ…”

          “งงอะไร ก็ตกลงแล้วนี่ไง”

          “…..”

          “ถึงจะเปลี่ยนใจก็ไม่ได้แล้วนะ”

          หลายๆคนบอกเขาว่าเขาเป็นคนยิ้มเก่ง เป็นมิตร และดูใจดีเข้าถึงง่าย

          แต่หลายๆคนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาขี้หงุดหงิดและสันโดษขนาดไหน

          มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่ายิ้มจริงๆเป็นอย่างไร

          พี่ข้าวเป็นไม่กี่คนในนั้น

          พี่ข้าวที่สามารถแสดงตัวตนจริงๆออกมาแบบที่ไม่กลัวว่าจะมีคนว่าอย่างไร

          เป็นพี่ข้าวที่เขาชอบที่สุด

          พี่ทีเคยบอกว่าเขาคนนั้นเหมือนคนที่อยู่ท่ามกลางฝนตลอดเวลา

          ทั้งเงียบ อึมครึม เข้าถึงยาก และเอื่อยเฉื่อย เหมือนเวลาที่ฝนตก

          พี่ทีแปลกใจว่าคนอย่างเขาที่เพื่อนเยอะ คนรู้จักก็มากจะอยู่กับคนที่เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องแบบพี่ข้าวได้อย่างไร

          สำหรับเขา พี่ข้าวคือฝนที่ตกเบาๆยามที่นอนหลับอยู่ในห้อง

          คอยกล่อมให้นอน รู้สึกดีเวลาที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วค่อยฟังเสียงฝนตกไปเรื่อยๆตลอดทั้งวัน

          และเมื่อฝนหายไปเมื่อไหร่ถึงจะเป็นเวลาของทุกคนที่รอคอยที่จะได้ออกไปข้างนอก

          แต่ไม่ใช่เขา ที่อยากจะติดฝนอยู่ในห้องกับพี่ข้าวของเขาไปอีกนานๆ

          เพราะแบบนี้ เขาถึงชอบเวลาฝนตก

          และเพราะแบบนี้เขาถึงชอบพี่ข้าว

          ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่พี่ข้าวเหมือนกับแม่ผมหรืออย่างใด

          ชอบ… เพราะเขาคือเขา

          และต้องเป็นเขาเท่านั้น







END

03.01.61
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณที่เม้นให้กำลังใจตลอดเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้นำนิยายมาลง อาจจะมีจุดที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่จะนำไปปรับในเรื่องต่อไปค่ะ
สุขสันต์วันปีใหม่ย้อนหลังค่ะ : )

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: tuuili ที่ 03-01-2018 18:12:24
อัพแล้ววว ขอบคุณค่ะ :)
ปีใหม่ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 03-01-2018 19:28:28
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-01-2018 20:49:17
น่ารัก...อยากอ่านต่อ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-01-2018 21:12:18
 :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 03-01-2018 22:52:49
สวัสดีปีใหม่ค่าาาา อยากให้มีนช่วยดูแลพี่ข้าวให้ร่าเริงกว่านี้ เอาแบบแซ่บๆอะ (?) จะมีสเปไหมอะ อยากอ่านนนนนน :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 04-01-2018 19:41:38
น่ารักมากเลยยยยยย ขอตอนพิเศษค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-01-2018 20:53:49
พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วดีมากเลยอ่ะ ดีต่อใจ....ฮือออออ

ปล. สวัสดีปีใหม่ค่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-01-2018 21:41:46
น่ารักมากๆเลยค่ะ ตอนแรกก็แปลกใจว่าติดฝนตรงไหนยังไม่เห็นฝนตกเลย ตอนนี้เก็ทแล้ว ฮื่อ ชอบมากเลย อยากได้ตอนพิเศษที่เขาอยู่ในห้องด้วยกันจังค่ะ ถ้าคนเขียนจะกรุณา  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 05-01-2018 09:22:46
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 05-01-2018 21:48:44
ดีงามมากกกกกกก
ชอบจังเลยอ่าาาาาา
อ่านแล้วอินตามมีนเลย ฟินตามด้วย 5555+
จะมีตอนพิเศษหลังเป็นแฟนกันมั้ยคะ?
อยากอ่านอีกเรื่อยๆๆๆๆๆเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::ครั้งที่3 (จบ) [03/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 07-01-2018 14:40:29
นึกว่าจะนอยจนไม่ยอมเป็นแฟนซะแล้ว

อยากมีสิทธิ์หวงเหมือนกันสินะ กริ๊วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: asipas ที่ 08-01-2018 01:36:18
Special -1 ติดเป็นพิเศษ


สัปดาห์แห่งการสอบมิดเทอมเพิ่งจะผ่านไป

แต่หน้าที่ของการเป็นนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ยังไม่สิ้นสุด กำหนดการที่ต้องส่งงานที่กองเป็นตั้งๆในห้องเขาคือหลังจากสอบมิดเทอมเสร็จ

อาจารย์ไม่เคยคิดปรานีนักศึกษามหาวิทยาลัยตัวเล็กๆตาดำๆเลยแม้แต่น้อย

ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ วันเวลา ณ ตอนนี้ คือกลางเดือนมิถุนายน

และสิ่งที่ตามมากับเดือนมิถุนายนก็คือหน้าฝน

หน้าฝนก็ยังเป็นหน้าฝนเหมือนอย่างทุกที ทั้งเปียกแฉะ อับชื้น จะออกเดินทางไปไหนก็ลำบาก

โชคดีที่ครั้งนี้เขาค่อนข้างเตรียมพร้อม ทั้งของสดและอาการสำเร็จรูปชนิดต่างๆอัดแน่นเต็มห้องเล็กๆ

ในความโชคดีก็ยังมีความโชคร้ายตามมาเสมอ หลังจากที่เมื่อคืนเช็คพยากรณ์อากาศไว้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีฝนตก ถึงได้ตื่นเช้ามาหอบเสื้อกองโตลงมาซักใต้หอ กะไว้ว่าถ้าซักเสร็จเมื่อไหร่คงทันแดดตอนบ่ายพอดี

ใครจะไปคิดกันว่าพยากรณ์อากาศจะหักหลังกันได้ลงคอ

ฝนเม็ดใหญ่พากันกระหน่ำเทลงมาหลังจากที่เทเสื้อผ้ามีสีลงไปในเครื่องได้สักพัก

ต่อไปนี้คงเชื่ออะไรใครได้ยากแล้ว แม้แต่พยากรณ์อากาศก็เชื่อไม่ได้

บ่นไปก็เท่านั้น ฝนลงห่าใหญ่แบบนี้คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆแน่ คิดแล้วก็ปลงจึงเดินไปลากเก้าอี้พลาสติกสีฟ้ามานั่ง แล้วเปิดหนังสือที่หยิบติดมือออกอ่าน

อ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องซักผ้า แต่กลับมีเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นที่นองไปด้วยน้ำดังมาจากทางประตูเข้าหอแทน

ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นพวกคนที่อยู่ในหอกลับมา แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับต้องลุกพรวดแล้วเดินออกไปเปิดประตู แล้วสะกิดหลังคนที่เพิ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามาเบาๆ

“มีน ทำไมมาอยู่นี่อ่ะ”

น้องที่กำลังจัดเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางหันกลับมาพร้อมสีหน้าตกใจนิดหน่อยแล้วจึงเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มๆที่เห็นทุกครั้งที่เจอหน้าแทน

“พี่ข้าว ดีจังที่เจอ กำลังคิดเลยว่าจะเรียกยังไงดี”

“หือ เรียกทำไมหรอ หรือนี่มาชวนไปข้างนอก?”

“ใช่ครับ ก็เห็นพยากรณ์อากาศว่าวันนี้จะไม่มีฝนตก เลยกะจะชวนพี่ข้าวไปร้านขนมสักหน่อย แต่ฝนมัน…”

จากหน้ายิ้มๆตอนแรกกลายมาเป็นยิ้มบางๆกับหน้าหงอยๆแทนที่ เห็นแล้วรู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกหมาตัวใหญ่อยู่ก็ไม่ปาน

“แล้วนี่มายังไง เอารถมารึเปล่า”

“อ้ะ รถ…”

ก่อนที่น้องจะได้ตอบก็ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าดังขึ้นแจ้งเตือนซะก่อน เลยหันไปเปิดฝาแล้วขนผ้าที่เปียกหมาดๆออกมาใส่กลับเข้าตะกร้ารวมกับพวกชุดนักศึกษา

“พี่ข้าว เดี๋ยวผมถือให้”

กำลังจะหันไปเอาคำตอบก็เห็นน้องมายืนอยู่ข้างๆ แถมแย่งตะกร้าเสื้อผ้าไปถือเองอีกต่างหาก

ก็ดีอยู่หรอกที่มีคนชวนขนตะกร้าผ้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่ชั้นสาม

แต่เจ้าตัวที่ขนนี่ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่รึเปล่า

จากประสบการณ์ที่คบกันมาแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถสรุปได้แล้วว่าน้องเป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่ปกปิดความร้ายกาจเอาไว้ใต้ใบหน้ายิ้มๆและท่าทางเชื่องๆ

ทั้งเรื่องที่น้องไปเล่นเล่ห์กับคนอื่นหรือตอนที่มาใช้กับเขา เหตุการณ์ต่างๆระหว่างที่คบกันมาทำให้สรุปได้ง่ายๆเลย

เคยมีครั้งหนึ่งที่น้องบังเอิญมาเจอเขานั่งคุยกับเพื่อนร่วมคณะใต้ตึกเรียนรวม พอน้องเขามาทักเขากับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ตั้งใจจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ ถึงเพื่อนเขาเหมือนจะรู้จักอยู่แล้วก็เถอะ

แต่เจ้าตัวสูงที่มาทีหลังกลับพูดจาแสดงความเป็นเจ้าของแบบอ้อมๆแต่สามารถเดาได้ถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่ฟังครั้งแรก แล้วจากนั้นจึงจบด้วยการยกมือข้างขวาขึ้นมาทำรูปโทรศัพท์พลางว่า

‘เรียนเสร็จแล้วโทรมานะครับ เดี๋ยวมีนมารับ’

ทิ้งระเบิดให้กันเรียบร้อยก็เดินผิวปากอารมณ์ขึ้นอาคารไป

ไม่ได้รู้เลยว่าวันนั้นทั้งวันเพื่อนเขาคนนั้นจะซักเขาจนสะอาดขนาดไหน

“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ตอนลงมาขนได้ ตอนขึ้นก็ขนได้เหมือนกัน ว่าแต่ตกลงมายังไง”

พยายามจะเบี่ยงประเด็นออกเพื่อไล่อีกฝ่ายกลับหอตัวเอง

ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจอะไรน้องหรอกนะ

ก็แค่เขินเท่านั้นเอง

ถึงจะผ่านการมีแฟนหรือคนคุยมาพอสมควร แต่ก็ไม่มีใครได้เข้ามารุกล้ำภายในพื้นที่ส่วนตัวของเขาเลยแม้แต่คนเดียว

แล้วตอนนี้ ณ ขณะนี้ น้องกำลังจะทำทีเหมือนช่วยขนผ้าขึ้นไปให้บนห้อง

บนห้องเขาเชียวนะ!

“ผมกำลังจะบอกพอดีเลย..”

อย่ายิ้มกว้างแบบนั้นได้ไหม เห็นแบบนี้ทีไร

“พอดีผมเพิ่งกลับจากบ้านมา เลยให้พ่อมาส่งที่นี่เลยน่ะครับ”

นั่นปะไร



คนเราก็ต้องมีครั้งแรกในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว

ตอนเด็กพอได้ทำอะไรครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจไปต่างๆ นานา

แต่พอโตขึ้นความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรเป็นครั้งแรกก็ดูจะลดลงมาหน่อย

อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้โอเวอร์เหมือนสมัยเด็กๆ

แต่ตอนนี้เขายอมรับเลยว่าครั้งนี้ความรู้สึกนั้นได้กลับมาอีกครั้ง

ตอนที่เขามายินอยู่หน้าบานประตาสีขาว มีเลขกำกับเหนือประตูเป็นเลข 305

ห้องพี่ข้าว

“รกหน่อยนะ พอดีมีงานต้องส่ง ยังไม่ได้จัดห้องเลยตั้งแต่สอบเสร็จ”

อยากจะบอกพี่ข้าวเหมือนกันว่าห้องตัวเองแม้จะไม่มีสอบหรือมีงานก็ทำก็รกเป็นปกติอยู่แล้ว แถมดูเหมือนยังกว่าห้องนี้ซะด้วยซ้ำ

คิดแล้วก็อยากกลับไปทำความสะอาดห้องขึ้นมา

เผื่อวันไหนที่หลอกล่อ เอ้ย ชวนพี่ข้าวเข้าห้องได้จะได้ไม่อาย

หึ

“แล้วตะกร้าให้วางไว้ไหนครับ?”

ถามพลางชูตะกร้าใส่เสือผ้าให้ขึ้นสูงอีกนิด ขณะที่จ้องคนเจ้าของห้องที่ดูประหม่าไม่กล้าสบตา แถมเหมือนจะทำตัวไม่รถูกจนยืนพันมือพันแขนตัวเองอยู่กลางห้อง

ความน่ารักของวันนี้

“เอ้อ ใช่ๆ เอาไว้แถวๆกน้าห้องน้ำก็ได้ เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วค่อยตาก”

เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่ามีเขาที่ขนตะกร้าผ้าอยู่ เลยหันมาตอบพร้อมหน้าตื่นๆและชี้นิ้วไปทางอีกฟากของห้องที่มีประตูปิดอยู่

พอนำไปวางเสร็จหันกลับมาพี่ข้าวก็นั่งพื้นเปิดโน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อย เห็นแบบนั้นเลยเดินเข้าไปตั้งใจจะถือวิสาสะนั่งข้างๆ แต่ก็เปลี่ยนใจถามออกไปซะหน่อย

“แต่ดูเหมือนฝนจะตกหนักอยู่นะครับ พี่คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆหรอก”

“อืม นั่นสิ ตกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”

“แล้วผมก็คงไม่ได้กลับหอง่ายๆเหมือนกัน”

คนตรงหน้าชะงักไปทันที่หลังฟังเขาพูดจบประโยค พอพี่ข้าวหันหน้ามาจ้องแล้วหรี่ตาลงก็ยิ้มกว้างๆกับตาหยีๆส่งกลับไปให้
ใครบอกว่าผู้ชายตัวโตจะอ้อนไม่เป็น

นี่หัดมาจากพ่อล้วนๆเลย

จ้องได้สักพัก พี่ข้าวก็ถอนหายใจเหมือนจะยอมแพ้แล้วลุกขึ้นไปนั่งหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะกลับมาหาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นมาตรงหน้าพลางชี้ไปที่หัว แล้วว่าต่อ

“ห้องพี่ไม่มีอะไรทำหรอกนะ แล้วพี่ต้องทำงานด้วย”

“ไมเป็นไรครับ แต่หลังจากนั้นพี่ว่างใช่ไหมล่ะ”

“ครับๆ รอได้ก็รอไปเลย”

พอทำหน้ายุ่งๆขัดกับแก้มระเรื่อจนพอใจก็หันกลับไปนั่งจดจ่อกับหน้าโน้ตบุ๊คต่อ

ใครว่าต้องรอกัน เขาก็มีอะไรให้ต้องทำเหมือนกันนั่นแหละ

นั่งมองหน้าพี่ข้าวไง

งานถนัดเขาเลย


“เฮ้อ เสร็จสักที”

นั่งเงียบๆอ่านการ์ตูนที่เอามาจากที่บ้านไปได้เกือบสองชั่วโมง คนที่นั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอถึงได้ถอนหายใจแล้วยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาสักที

พอหันออกไปมองนอกหน้าต่างก็ยังเห็นเม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้หนักเท่าตอนแรก แต่ก็ยังออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่ดี

หันกลับมาก็พอดีกับที่พี่ข้าวหันมามองหน้าพอดี

“ฝนยังตกอยู่เลย มีนหิวรึยัง ฝนตกแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกไม่ได้ด้วย ร่มพี่ก็เพิ่งพังไป ทำไงดี”

เหมือนเจ้าตัวจะกังวลเรื่องปากท้องของเขาจนลืมนึกไปว่าในห้องก็พอมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่บ้างจากที่เขาสังเกตเห็นบนโต๊ะข้างเคาท์เตอร์เล็กๆ

พี่ข้าวชอบลืมอะไรแบบนี้ประจำ

เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่พวกเขาไปอ่านหนังสือกันที่ร้านขนมร้านประจำ พอกลับออกมาจากห้างได้สักพักพี่เขาก็โพล่งขึ้นมาพร้อมใบหน้าตกใจว่า ลืมชีทเรียนไว้บนโต๊ะที่ร้าน

ตอนนั้นก็รู้สึกงงนิดๆเหมือนกันเพราะชีทกับหนังสือเรียนทุกเล่มพี่ข้าวเอามาฝากไว้ในกระเป๋าเป้เขาเรียบร้อยแล้ว คิดทบทวนจนมั่นใจว่าไม่ได้ลืมชีทเรียนอีกฝ่ายไว้ที่ร้านแน่ๆเลยบอกออกไปว่า

‘ผมเก็บของพี่มาหมดแล้วนะ มีชีทห้าชุด กับหนังสือสามเล่ม พี่เอามาเท่าไหร่อ่ะ’

หลังจากนั้นสิ่งที่ได้กลับมาคือสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายแล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย แล้วยกมือขอโทษขอโพย

‘แหะ ลืมอ่ะว่าฝากไว้ที่มีนแล้ว’

สีหน้าตอนพูดแล้วยิ้มแหะๆก็มันเขี้ยวดีอยู่หรอก แต่เรื่องขี้ลืมนี่ดูท่าจะหนักเอาการ

พอคิดถึงตรงนี้ก็เตือนออกไปเหมือนรอบนั้น

“พี่ข้าวไม่มีพวกมาม่าหรือไข่ไก่หรอ”

“โอ๊ะ จริงด้วย! ลืมไปเลย”

และก็ได้เห็นสีหน้าเดิมเหมือนตอนนั้นด้วย

พอจะพูดดุสักหน่อยก็ไม่ทันอีกฝ่าย ที่รีบลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดไปที่โซนห้องครัว

น่ารักอีกแล้ว

หายไปสักพักอีกคนก็กลับมาพร้อมกับหม้อที่ต้มมาม่าจนสุก มีพรอพเป็นไข่ที่ไม่สุกมากสองลูกกับพวกไส้กรอกที่ทอดจนสุก

“ต้มใส่ในนี้มันสะดวกดี เดี๋ยวพี่ไปเอาถ้วยให้นะ”

ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็รีบหันหันเดินไปหยิบถ้วยกับช้อนส้อมออกมาสองชุด

ไม่รู้ว่ากลัวเขาหิวหรือตัวเองหิวแล้วกันแน่

พอเขากลับมานั่งลงตรงข้ามกันเรียบร้อย ก็รีบฉวยเอาถ้วยของอีกฝ่ายมาตักเส้นใส่ให้ทันที โทษฐานปล่อยให้นั่งรออยู่อย่างเดียว

ถึงจะเป็นแต่ก็เป็นแฟนเหมือนกันนะครับ

ตักแบ่งกันเสร็จสรรพก็นั่งกินไปคุยไปจนกระทั่งหมดหม้อ จนเขาล้างอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จสิ้น ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที หันไปมองนาฬิกาที่ติดบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆแล้ว

หันไปมองอีกทางก็เห็นเจ้าของห้องนั่งพิงหมอนใบโตนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พร้อมทั้งกางหนังสือการ์ตูนเขาออกอ่านอย่างสนใจ

“พี่ข้าวอ่านรู้เรื่องหรอ อันนี้มันเล่มห้านะ”

พอนั่งลงบนเตียงอีกฝั่งแล้ว อีกคนยังไม่ยอมหันมา เลยเปิดปากทักเรื่องที่พี่ข้าวกำลังให้ความสนใจอยู่ คนตัวเล็กถึงได้เงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมถาม

“หรอๆ แล้วมีเล่มแรกไหม สนุกดีอ่ะ อยากอ่าน”

พูดออกมาด้วยความสนใจยังไม่พอ หันกลับไปพลิกหนังสือที่อยู่ในมือสองสามที จนต้องเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาวางไว้ข้างๆเตียงแล้วขึ้นไปนั่งพิงหมอนใบเดียวกับเจ้าของเตียง

“จริงๆเรื่องนี้มันมีหลายเล่มแต่ผมเอามาแค่ห้าเล่มเพราะพวกไอ้กานมันอยากอ่าน”

พูดไปก็นั่งค้นหาหนังสือให้อีกคนไปพลาง พอเจอแล้วก็ยื่นให้เจ้าตัวที่จ้องมาด้วยตาชี้ๆน่ารักๆ เห็นแล้วอยากจะจับฟัดให้จมเขี้ยว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลยได้แต่ยื่นหนังสือให้ พลางลูบหัวพี่เขาไปมา

“มันจบรึยังอ่ะ พี่ไม่เคยอ่านพวกนี้ด้วยสิ”

นั่งพลิกแผ่นกระดาษของเล่มหนึ่งไปสักพักก็หันมาถามทั้งที่ตายังไม่ละจากตัวหนังสือ แถมไม่ได้รับรู้ด้วยว่าตอนนี้มือผมทั้งสองข้างวนๆเวียนๆเล่นผมบนหัวกลมๆของพี่เขามาได้สักพักแล้ว

“จบตั้งแต่ผมอยู่ม.ห้าแล้ว เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขาวิทย์กีฬาเลยน้า”

ตอบออกไปแถมลากเสียงเพิ่มความอ้อนไปอีกระดับ ให้คนที่นั่งอ่านเงยหน้าขึ้นมาสบตากันจนได้

“ทำไมอ่ะ ไม่ใช่ว่าเข้าเพราะชอบเล่นบาสหรอ”

“จริงๆตอนแรกมีนก็ลังเลคณะนี้อยู่แล้วน้า แต่พออ่านเรื่องนี้จบแล้วมันรู้สึกว่าพระเอกโคตรเท่เลย ก็เลยตัดสินใจได้ตอนนั้นเลย”

พูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคนตรงหน้าทำหน้าเอือมๆแต่ก็อมยิ้มซะน่ารัก เหมือนจะไม่รู้ตัวเองว่าเวลาคิดอะไรแล้วมันออกมาทางสีหน้าขนาดนี้

พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วกลับไปตั้งท่าอ่านการ์ตูนต่อ และดูท่าว่าติดลมลากยาวไปจนถึงมื้อเย็นเลยก็เป็นได้

เห็นแบบนั้นเลยหันไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนไร้ประโยชน์ขึ้นมา กดเข้าอินสตราแกรมแล้วกดถ่ายรูปผ้าห่มที่ติดมือที่พลิกหน้าหนังสือการ์ตูนมาด้วยนิดหน่อย ปรับสีอะไรเสร็จก็กดแชร์ออกไป พร้อมด้วยแคปชั่น

‘Bedtime , Good time’

โรแมนติกซะไม่มี

นั่งไถหน้าจอดูรูปที่พวกเพื่อนๆโพสต์พร้อมกับเล่นผมของพี่ข้าวไปได้สักพัก ก็มีแจ้งเตือนจากไอ้พวกตัวป่วนที่เข้ามาคอมเม้นป่วนในรูปที่เพิ่งโพสต์ลง

จริงๆก็มีหลายๆคนที่เข้ามาเม้นบ้างไลค์บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเห็นเป็นไอ้พวกนี้นี่ต้องรีบกดเข้าไปดูให้ไว

ชอบมาแซวพี่ข้าวอยู่เรื่อย

Kaarn.07 อู้ววววววว @Rammit @finalphitthipat
Rammit อยากจะแหมไปใหถึงดาวอังคาร อย่าคิดว่าไม่รู้ว่าไม่ใช่ผ้าห่มห้องมึง
finalphitthipat ไปตอแหลยังไงให้ได้เข้าห้องครับคุณมะระ /ยื่นไมค์
Manat.k เสือก @Kaarn.07 รู้ดี ไหนเห่าโฮ่งๆซิ @Rammit มะระโพ่ง กูชื่อมนัสนันท์ ไอ้ฟาย @finalphitthipat

หลังจากสู้รบกับไอ้พวกกวนส้นติงเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาดูพี่ข้าวอ่านหนังสือต่อ

แต่สิ่งที่ได้คือคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านการ์ตูนจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างตอนนั้นดูเหมือนจะเหนื่อยจากการทำงานหรือเพราะบรรยากาศภายนอกชวนให้ง่วงนอนก็ไม่รู้ ถึงได้เอียงคอซบลงกับอก โดยที่มือยังเปิดหนังสือคาไว้

เห็นแล้วก็เอ็นดู เลยจับๆบีบๆแก้มขาวไปสักพัก แล้วจัดท่าให้อีกคนมาซบให้สบายขึ้น ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง แล้วโน้มตัวกอดอีกฝ่ายไว้บ้าง



ว้า ร่มที่อยู่ในกระเป๋าเป็นหมันแล้วซี



เห็นมีบางคนบอกว่าอยากอ่านตอนพิเศษเราก็เลยจัดให้ และอาจจะได้อีกสัก2-3ตอนพิเศษไม่แน่ใจ
เพราะเป็นเรื่องแรกที่ลงก็เลยมีความในการเขียนด้วย
และเร็วๆนี้อาจจะมีการเปิดเรื่องใหม่ด้วยค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ : )

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 08-01-2018 01:55:06
น่ารักมากๆเลย  :o8:
อยากได้แบบมีนสักคน อิจฉาพี่ข้าวอ่ะค่ะ 555555
ขอบคุณนะคะ รอตอนพิเศษเพิ่มเติมค่ะ อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-01-2018 09:29:13
ชอบ..บบบบบ เป็นกำลังใจให้  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-01-2018 11:00:11
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 08-01-2018 13:08:57
น้องมีนเจ้าเล่ห์มาก 5555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 08-01-2018 15:11:16
วันสบายในบรรยากาศฝนตกไปอีกกกกกกกกกกกกกก  :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-01-2018 23:59:47
นังเด็กเจ้าเล่ห์  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-01-2018 03:17:25
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 09-01-2018 10:20:32
น่ารักว๊ากกก
น้องมีนเจ้าเล่ห์นะลูก

พี่ข้าวตามไม่ทันหรอก 5555

ชอบมากกกเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 09-01-2018 14:57:31
โอ๊ยน่ารักกกกกก เจ้าเล่ห์จังเลยน้ามีน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 10-01-2018 21:29:55
กรี๊ดดดดด
ตอนพิเศษก็มา น่ารักมากกกกก
มีนเจ้าเล่ห์จังเลยเนอะ พี่ข้าวก็ดูยอมน้องอยู่นะ
เราชอบๆๆๆๆๆๆ >< :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 10-01-2018 23:13:49
เพิ่งมาอ่าน น่าร้ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Jirat17b ที่ 11-01-2018 11:13:42
มาอ่านวันฝนตกแบบนี้ได้บรรยากาศสุดๆเลยค่าาา ส่วนพี่ข้าวก็น่ารักเหลือเกิน อยากบีบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 15-01-2018 07:51:39
น่ารัก แล้วก็ดูอบอุ่นมากเลยค่ะ
ชอบตอนน้องลูบหัวคนพี่ ดีกับใจมากเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 24-01-2018 23:06:02
น่าร้ากก อยากจะแหม bedtime, good time ไปถึงดาวอังคารเหมือนกัน หมันนนนไส้  :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 25-01-2018 07:36:16
 :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-01-2018 00:25:38
น่ารักจนอยากให้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ 5555
รู้สึกตกหลุมรักน้องมีนกับพี่ข้าว
โดยเฉพาะน้องมีนอะ เด็กอะไรรรเจ้าเล่ห์ได้น่ารักขนาดนี้
งืออออออออ
ของคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
รอตอนพิเศษและเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-03-2018 19:50:34
น่ารักมากๆๆๆๆเลยค่า ชอบมาก ละมุนละไมดีต้อใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 02-03-2018 23:48:57
น่ารักมากเลยค่า มีความละมุนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 03-03-2018 11:39:05
ขออีกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 03-03-2018 16:08:39
น่ารักมากกกกก  ขอตอนพิเศษอีกนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: renardette ที่ 03-03-2018 22:20:03
น่ารักมากเลยค่า ตอนพิเศษนี่ มีนเจ้าเล่ห์จิงๆ นี่เรียนวิทย์กีฬาหรือนักวางแผน อยากอ่านตอนพิเศษอีกค่าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-10-2018 22:50:51
น่ารักมากเลยค่า ขอตอนพิเศษเพิ่มอีกนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-10-2018 22:33:20
เนื้อเรื่องน่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 18-10-2018 10:21:21
ละมุน​แท้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-10-2018 14:34:22
ง่อวววว ชอบค่ะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-10-2018 14:39:02
 :katai2-1: สดใสเว่อร์ อ่านแล้วดี๊ด๊าตามเลยค่ะ ตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-10-2018 14:58:54
ละมุนมาก เจ้ามีนเจ้าเล่ห์มาก ชอบค่ะ ดีต่อใจที่สุด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-10-2018 23:54:11
เรื่องร่มนี่เนียนเลยนะ...เจ้าเล่ห์ตาใสนะมีน   :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 19-10-2018 06:25:15
เป็นคนติดห้องที่หน้าสนใจ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 20-10-2018 14:28:24
โอ๊ยเอ็นดูค่ะ น่ารักซะไม่มี :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 22-10-2018 19:55:11
มีนนนนน ทำไมเจ้าเล่ห์แบบนี้ พี่ข้าวก็น่ารักจัง
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 31-10-2018 15:15:56
น่ารักกกกกก อยากอ่านต่อๆ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 12-12-2018 05:19:54
เอาจะรอวันที่เขาได้กันค่ะ :hao7: :hao7: ตัดไปที่โคมไฟก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคเหมันต์ ที่ 13-12-2018 21:11:28
 :o8: :-[ น่าร๊ากแปะไว้เด่วมาอ่านต่อ ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 14-12-2018 00:41:48
อยากให้ติดฝนด้วยกันบ่อย ๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 14-12-2018 08:35:16
พี่ข้าวววว แงน่ารักก
เอ็นดูพี่เขา ดูตะเร้กตะน้อยยย
แล้วแบบความน้องมีน วิทย์กี ก็คือมโนไปแล้วว่าตัวใหญ่
นึกภาพตอนน้องกอดพี่แล้วน่ารักกกกกก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
 :mew1: