พิมพ์หน้านี้ - ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 13:39:10

หัวข้อ: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 13:39:10
ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี  :m13:


ได้รับการอนุญาตจากคุณ aoikyosuke เจ้้าของเรื่องอย่างเป็นทางการแล้ว


 :m4: :m13: :m1: :m4: :m13: :m1:


(http://image.ohozaa.com/ii/exton.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=d3fd613bfe270741455e83dcdebd7f2d)


โปรดจองบัตรด่วน



 :L2: :L1: :L2:


ที่นั่งเต็มเมื่อไหร่ลงโรงทันที

เปิดเพียง 10 ที่นั่งเท่านั้นนะหลานๆ




*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-09-2008 14:10:03
อุฮุฮุ อีกคู่เด่นแห่งซีรีส์ปรัชญาฯมาแล้น อยากรู้จริงจริ๊งว่าเวลาเขียนคุณเท็นเอาโรงเรียนช่างที่ไหนมาเป็นต้นแบบ อิชั้นจะส่งลูกส่งหลานไปเรียนมั่ง มีหลายแผนกแล้วก็คนหน้าตาดีเยอะเหลือเกิ๊น  :laugh:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 18-09-2008 14:14:31
 :m4: พี่ภีกะตันสนมาแล้ว อิอิ

ต้นเรื่องของปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง

+1 ให้ลุงสิงห์คนน่ารักอุสาไปเอามาลงให้อ่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 14:23:17
ที่นั่งเหลืออีก 8 แล้วนะหลานๆ รีบๆ กันหน่อย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: life_fracture ที่ 18-09-2008 14:24:59
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พี่คีๆ :oni2:
ชอบพี่คีที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 18-09-2008 14:26:15
มาจองคิวรับบัตรครับลุงสิงห์+1แล้วนะฮะ :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 18-09-2008 14:41:16
สนใจเจ้าค่า


อ่านๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 18-09-2008 15:11:07
ไม่จองแต่ซื้อเลยได้ป่าวค้าบลุงสิงห์

 :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 18-09-2008 16:12:05
 สนใจฮ้าบบบบบบบ
 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 16:22:55
มาจองคิวรับบัตรครับลุงสิงห์+1แล้วนะฮะ :L2:

ลุงก็ +1 คืนให้หลานแล้วนะครับ




ตอนนี้เหลืออีก 2 ที่นั่งแล้้วนะหลานๆ

เร็วๆ กันหน่อย จะลงโรงฉายแล้ว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 18-09-2008 16:41:45
มาแล้นๆๆๆ


จองด้วยๆๆๆ


หายไปนานนะลุงสิงห์


คิดถึงสุดๆอ่ะ



หุหุ


ด.ช.เบนซินค๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 16:52:44
+1 ให้หลานเบนซินก่อนที่ยังจำลุงแก่ๆ คนนี้ได้


หลานๆ จ๊ะ ที่นั่งเหลืออีกเพียงที่เดียวทำนั้น

ต้นสน - ภาคี จะลงโรงฉายแล้ว....
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-09-2008 17:01:18
มาให้ว่องเลยนะลุง

อยากอ่านใจจะขาด

+1 ให้ลุงนะค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 17:06:38
เตรียมกระดาษหนังสือพิมพ์มาปูนั่งกันยัง

จะลงโรงฉายแล้วนะ เพราะที่นั่งวีไอพีครบแล้ว 10 ที่นั่ง

พร้อมแล้ว ไปหาความสำราญกันได้เลยครับหลานๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 17:08:08

ปรัชญาช่างกล ยามศึกเรารบ ยามสงบเราซ้อมรักกันเอง
ตอน แล้วเราก็รักกัน 1

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะวะ
ว่าไอ้หน้ากระเทยแผนกสารพัดช่างมันจะไม่เคย

เห็นทั้งสถาบันเขาก็ลือกันไปทั่วแล้ว
ว่าถ้าเบื่อผู้หญิงให้ไปหาไอ้ สน แผนก สารพัดช่าง
ข่าวเขาก็ว่าไอ้หมอนั่นอ่ะ
เด็ดกว่าผู้หญิง คนที่ได้ลองแล้วต้องติดใจ
เพราะว่ามันยินดี เซอวิส ทุกขั้นตอน

ไอ้ตัวเขาเอง ก็ชักจะเบื่อ ๆ กับผู้หญิงที่เข้าหาเต็มทน
ทั้งให้ท่าทั้งอะไรสารพัดก็เจอมาหมดแล้ว

เสือกจะมาตายน้ำตื้น เพราะไอ้สน ซะได้
นี่ก็เดินหาจนจะทั่วโรงเรียนแล้ว
ไอ้บ้านั่นก็เอาแต่หนี หนี มาตลอดอาทิตย์นี้

ดักหน้าแผนกก็แล้ว ตามหามันตามตารางเรียนก็แล้ว
จนป่านนี้ยังไม่เจอตัวเลย
คิดแล้วอยากจะปล้ำให้หายดื้ออีกสักรอบ
นึกถึงหน้าหวาน ๆ ที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาแล้วร่างกายก็เหมือนจะตื่นตัวได้ตลอดเวลา
ไอ้บ้าเอ้ย ไม่เคยมีใครทำให้แทบคลั่งได้ขนาดนี้เลยนะ
แล้วหนีไปไหนเนี่ย
หนีไปไหน
อยากเห็นหน้าจะแย่แล้วนะ

*****************************

“ไอ้สน....กูโคตรเจ็บใจแทนมึงเลยว่ะ......กูไม่นึกเลยว่าไอ้หมาแผนกเครื่องกลมันจะไปปล่อยข่าวแบบนี้”

ร่างเล็กบางหันไปมองหน้าเพื่อน อย่างหมองเศร้า
เมื่อสองสามเดือนก่อน
ถูกเด็กแผนกเครื่องกลเรียกไปคุยด้วย

แต่ไป ๆ มา ๆ ไอ้หมานั่นกลับลากเข้าโรงฝึก ตอนไม่มีใครอยู่ แถมยังทำท่าหื่นจะปล้ำเขาให้ได้
โชคดีที่เอาไม้ตีหัวมัน แล้วหนีออกมาได้
แต่พอเช้าของอีกวัน
กลับปรากฏข่าวลือแปลก ๆ ว่า เขาไปมีสัมพันธ์สวาท กับ คนทั้งแผนกเครื่องกล
ลือกันไปปากต่อปาก
จนกลายเป็นว่า
เขาจะยอมนอนกับผู้ชายทุกคนที่เข้าหา

ถึงเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งแก้ตัวเรื่องมันก็ยิ่งไปกันใหญ่

“กูก็ทำอะไรไม่ได้หรอก...ทนจนกว่าจะเรียนจบนั่นแหละ...”
ร่างบางเครียดหนักขึ้นทุกวัน
บางครั้งเดินไปทางไหน
ไอ้พวกต่างแผนก ก็เข้ามาลวนลามบ้าง
บางคนผิวปากล้อเลียน ขอร่วมหลับนอนด้วยอีก
กลายเป็นตัวอะไรสักอย่างไปแล้ว
เพราะหน้าตาท่าทางบอบบางอ้อนแอ้น ที่เขาแสนจะเกลียดตัวเองแบบนี้
ทำให้ไอ้พวกหื่นกระหายแผนกอื่นมันอยากจะลิ้มลองเป็นที่สุด

“แม่ง...อยากจะไปเอาเลือดไอ้หมานั่นออกจริง ๆ ถ้ามึงไม่ห้ามกูไปแล้ว” ร่างแกร่งหนาของชายหนุ่มอีกคน
กำหมัดอย่างแค้นใจ
ไอ้สนมันเป็นคนดี ยิ่งเกิดเรื่องแบบนี้ยิ่งสงสารมัน
ความรู้สึกของเขานอกจากเพื่อนแล้ว
ก็ไม่เคยคิดเป็นอื่น

“ถ้ามึงไปอัดกับมัน...พรุ่งนี้กูก็ไม่รู้จะถูกลือว่าอะไรอีก” ร่างบางถอนหายใจ
ไม่อยากจะให้เพื่อนต้องไปหาเรื่องเจ็บตัว
เพราะตอนนี้ข่าวลือนั่นมันกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว
โดยที่เขาไม่มีทางปฏิเสธมันได้
ได้แต่เก็บความทุกข์ระทมใจไว้คนเดียวเงียบ ๆ

ความทุกข์ของ อัษฎา ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องถูกปล่อยข่าวลือ
แต่เป็นเพราะเขาไปพลาดท่าเสียทีให้กับหนุ่มแผนกโยธา คนนั้น
คนที่เขาจะไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต

ร่างบางหมองเศร้าลงทุกวัน
สิ่งที่ทำได้
ก็คือต้องหนีให้ห่างจากคน ๆ นั้นที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ ที่คอยตามราวีเขา
เหตุการณ์เย็นวันนั้นเขาไม่มีทางลืมได้เลย
มันกลายเป็นฝันร้ายคอยตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตาลง

*********************

“เฮ้ย....นายอ่ะ....ใช่สน..แผนกสารพัดช่างป่าว” ฝ่ามืออุ่นร้อน กระชากแขนบอบบางของคนที่เดินอยู่ให้หันมามองหน้าเขา
เพราะขี้เกียจกลับบ้าน
เลยนั่งสูบบุหรี่ข้างโรงฝึก เย็นป่านนี้แล้วคิดว่าไม่น่ามีใครแล้ว
แต่เหลือบไปเห็น ร่างเล็ก ๆ บาง ๆ ของใครสักคนเดินลิ่วอยู่
นั่นใช่ไอ้สน คนดังแห่งแผนก สารพัดช่าง แน่ ๆ
เบื่อเหมือนกัน ชวนมันมาทำอย่างว่าแก้เบื่อดีกว่า
ท่าจะไม่ปฏิเสธหรอก มันอาจอยากได้บรรยากาศตื่นเต้นบ้างแหละวะ
อยากลองกับผู้ชายดูเหมือนกัน ที่ว่าลีลาเด็ดเนี่ยมันจะสักแค่ไหนกัน

มีคนบอกว่า
ไอ้สนเนี่ย มันชอบแบบรุนแรง
ถ้าอยากได้
ให้ทำตัวหื่น ๆ หน่อย ทักดี ๆ มันไม่ค่อยชอบ
ก็เลยอยากเอาใจมันหน่อยตามข่าวที่เขาว่าไว้
และที่สำคัญถ้ามันแกล้งทำเป็นดิ้นรน ก็ให้ลากได้เลย มันจะชอบเป็นพิเศษ
เขาก็เลยต้องทำตามซะหน่อย

“ใช่แล้วจะทำไม....” ร่างบางสะบัดออก ตั้งท่าจะเดินหนี
ตัวแม่งใหญ่ยังกะตึก
ชกกับมันตัวต่อตัวสงสัยไม่รอด
โดนซ้อมแพ้หลุดลุ่ยแน่แบบนี้
เสือกลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะอีก
ซวยจริง ๆ เย็นป่านนี้แล้ว
นึกว่าจะไม่มีใครเหลืออยู่
ดันมาเจอไอ้หน้าหื่นนี่ได้

“อยากนอนด้วยอ่ะ....ไปด้วยกันหน่อยสิ....โรงฝึกไม่มีใครมาใช้หรอกป่านนี้แล้ว..ไปเหอะ”
คำพูดตรง ๆ แบบไร้เหตุผล เป็นคำพูดของชายหนุ่มร่างสูงที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปากคนนี้
เล่นเอา ร่างบางเลือดขึ้นหน้า

ไม่ใช่ไอ้ตัวนะเว้ย
ถึงจะมาพูดแบบนี้ด้วยได้

“ไปบอกพ่อมึงเหอะแบบนี้อ่ะ” มือเล็ก ๆ ปล่อยหมัดขวาตรงเข้าหาร่างสูงกว่านั้นทันที

“เฮ้ยอะไรวะ...ชวนแค่นี้เล่นถึงพ่อเลยเหรอ” ร่างสูงไม่ระบุชื่อ หลบได้ทัน
และชักมีดพกเล็ก ๆ ออกมา
ก่อนจะจ่อที่คอของอีกคน




ลุง ขอ 3 เม้นต์เด้อหลาน...

แล้วมาต่อให้ (แก่ยังไม่พอ ยังชอบต่อรองอีก)
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: piro ที่ 18-09-2008 17:22:34
มาเม้นต์ให้ลุงหน่อยดีกว่า ภาคนี้ยังไม่ได้อ่านเลย :a5:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: dear1127 ที่ 18-09-2008 17:25:21
m...2 รอค๊าบ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 18-09-2008 17:33:22
ชักมีดเลยเหรอค้าบ

ไม่เสียเลือดก้อไม่รู้จะเสียไรแล้วค้าบลุงสิงห์

 :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-09-2008 17:38:25

ว้าย กิต.ต้องนั่งเก้าอี้เสริม....... :m15:


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 17:42:21

“ไม่อยาก เล่นแรง ๆ นะ .... ไม่นึกว่าจะชอบแบบรุนแรงขนาดนี้” ชายหนุ่มที่ปกเสื้อชอร์ปปักสีเขียนอันเป็นสัญลักษณ์ของแผนกโยธาเอ่ยขึ้น แค่เอาไว้ขู่เท่านั้น
ไม่ได้กะจะเล่นบทโหดหรอก
แต่ขี้เกียจจะต้องชกกับไอ้หมอนี่ สงสัยจะโดนแบบแรง ๆ มาเยอะ วันนี้คงต้องทำแบบเบา ๆ
เผื่อมันจะได้ติดใจ

ร่างบางชะงักนิ่ง ไม่กล้าขัดขืน
ดวงตากลมโตแข็งกร้าว
ต้องจำใจเดินตาม
ที่ ๆ ร่างสูงพาไป
แม้จะฮึดฮัดพยายามจะสู้หลายครั้ง
แต่คมมีดที่กดเข้ามา ทำให้ไม่กล้าขยับ

“ห้องนี้ดีกว่า....ปัด ๆ หน่อยคงใช้ได้...ไม่มีใครเข้ามาใช้แล้วแหละ..ชอบมั้ย”
ร่างสูงหันไปขอความเห็นของอีกคน ที่จ้องมองเขานิ่ง
โหย...ทำไมต้องทำเหมือนแค้นขนาดนั้นด้วย
เอาน่ะ
ไหน ๆ ก็จะมาบริการเขาแล้ว
ผูกสัมพันธ์หน่อยก็ดี ถึงจะอยากสนุก แบบครั้งเดียวจบก็เถอะ

ชายหนุ่มใบหน้าคม ผู้ที่อยู่แผนกโยธา พาร่างบางมาห้องเก็บอุปกรณ์
ห้องนี้มีเบาะสำหรับใช้รองรับขนาดใหญ่
เมื่อถึงคราวที่มีกีฬาประจำโรงเรียน
และชั่วโมงพละศึกษา

เขาทรุดกายลงและบังคับให้ร่างบางนั่งลงตามด้วย

“ทำหน่อยสิ.....เก่งไม่ใช่เหรอ...” คำถามที่เป็นการเหยียดหยามร่างบางนั้น ทำให้
อัษฎาต้องกัดฟันแน่น
โดนดูถูกจากคนอื่นมาก็เยอะ
แต่ไม่ได้แย่ขนาดนี้
“ไม่..” ร่างบางสะบัดหน้าหนี

โหย .... มีแง่งอนด้วยเว้ย
สงสัยมีแต่คนมาง้อ
อยากได้แบบโหด ๆ ละมั้งนี่

อ๊ะ... เชือกไว้ใช้เวลากระโดดเชือกนี่หว่า
เอาแบบว่ามัดเชือกดีกว่าตื่นเต้นดี
ไอ้หน้าหวานนี่ท่าจะชอบ

“เอามือมาสิ....เร็ว ๆ จะมัดเชือกให้...ตื่นเต้นดี” ได้ฟังอย่างนั้นแล้วอัษฎาแทบบ้า
มองหาทางหนีทีไล่
รอดมาได้ตลอด
ไม่มีทางจะมาเสียท่าตอนนี้หรอก

“กูไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ.....ไปหาผู้หญิงดีกว่ามั้ย...ดูสิผอมก็ผอม..แห้งอย่างกับไม้เสียบผี
แบบนี้อ่ะ...ไม่สนุกตื่นเต้นหรอกนะ...ไปล่ะ”

อัษฏาลุกหนีดื้อ ๆ คิดว่าจะรอดออกมาได้
แต่ร่างสูงนั้น
ชักอารมณ์เสีย
ลีลาเหลือเกินจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ลีลาช้ามาก
รีบ ๆ มาทำให้มันจบ ๆ เลยดีกว่า

“ขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว....เร็ว..มา..ทำให้หน่อย..ถ้าไม่ทำจะทำเองแล้วนะ” ความอดทนสิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับชายหนุ่มแผนกโยธา

มันจะอะไรนักหนาวะ

ชอบเล่นบทโหดมากเหรอ เล่นก็ได้ เผื่อจะสนุกขึ้น

“มานี่เลย” ฝ่ามือแกร่งกระชากเอวบางเข้าหา ไม่ทันที่ร่างบางได้ทันดิ้นรน
ข้อมือเล็ก ก็ถูกสายเชือกพันไว้จนแน่น โดยฝีมือของร่างสูง
หมดหนทางจะดิ้น
เมื่อทำท่าจะวิ่งหนี
ก็ถูกผลักให้นอนลง ยิ่งดิ้นคนตรงหน้าก็ยิ่งรัด
ฝ่ามืออุ่นร้อนเปะป่ายไปเรื่อย
และรูดซิบปลดกางเกงของเขาออก
ไล้ฝ่ามือเข้าหา ก่อนจะเงยหน้าสบตาหวาดกลัวของอีกฝ่าย
ใช้ได้นี่นา ทำเหมือนคนไม่เคยโดน
ดิ้นกระแด่ว กระแด่ว แบบนี้
ลีลาใช้ได้เลย แต่เขาก็ขี้เกียจจะเล่นด้วย มันเสียเวลา
ทำให้จบ ๆ แล้วกลับบ้านนอน แบบเบาสบายตัวดีกว่า

“ไอ้บ้า...ไอ้โยธา...ไอ้บ้าปล่อยนะโว้ยยยยยย” เสียงหวานตะโกนก้อง
แล้วก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนของอีกฝ่ายที่กดลงมาอย่างรุนแรง
จนแทบจะเป็นการกระแทก
ทำให้เจ็บร้าวไปทั้งปาก
และร้องไม่ออก

“อื้อออออออ...” หลังจากพยายามหนีอยู่หลายตลบ แต่สุดท้ายก็ได้แต่นอนนิ่ง
ให้คนตัวโตอย่างกับตึกรุกรานได้ง่ายดาย
เพราะความอ่อนประสบการณ์ของตัวเองแท้ ๆ ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกัน
ป่านนี้มีผู้หญิงเป็นร้อยแล้ว
แต่เจ้าของร่างบางดันเก็บรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้อีก
โดยเพื่อน ๆ สัญญาไว้ว่าจะพาไปขึ้นครู
กับรุ่นพี่สาวสวยในภาควิชา การเลขานุการ
ซึ่ง หล่อนบอกว่าจะสอนให้ ไอ้ตัวเขาเองก็รอแล้วรอเล่า
หล่อนก็ไม่ยอมสอนซะที
นี่จะต้องมาเสร็จไอ้แผนกโยธา ที่เพิ่งเห็นหน้าไม่กี่ชั่วโมงงั้นเหรอ
ไม่เอาหรอกนะ

ความพยายามครั้งสุดท้ายของร่างบางไม่เป็นผล
เมื่อถูกปลดสิ่งห้อหุ้มร่างกายเบื้องล่างออกในขณะไม่ทันตั้งตัว

“นี่...ไอ้ตรงนั้นน่ะ...เอาไว้ทำเองได้มั้ย...ขอก่อนแล้วกัน...ทนไม่ไหวแล้วเนี่ย”
นั่นคงเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่อัษฎาเคยได้ยินมา

อยากจะลุกขึ้นชกหน้า ไอ้เด็กโยธา ตัวอย่างกับตึกแต่ก็ทำไม่ได้
แค้นแสนแค้น แต่ก็ทำได้แค่กัดปากตัวเองแน่น
และพยายามรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้าย



โปรดติดตามตอนต่อไป.......
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-09-2008 17:46:34

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 18:02:08
ดีใจที่หลานกิตมาเม้นต์ให้อย่างทันใจเชียว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: สมุนไพร ที่ 18-09-2008 18:47:44
โหยยยยยยยย....ลุงๆๆๆ


ค้างคาๆๆๆ :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 18-09-2008 18:58:29
อย่างแรงคุณลุง ค้างอะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 18-09-2008 19:22:09
 o12.............................................
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: osaru ที่ 18-09-2008 19:38:04
พี่คีมาแล้วววววว
ชอบพี่คีที่สู้ดเลย :oni2:

ถูกใจๆๆ +1 ให้คนโพสเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 19:47:57

ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง
ตอน แล้วเราก็รักกัน 2


“โธ่เว้ย....หยุดขัดขืนซะที..ไม่อยากกลายเป็นว่าต้องข่มขืนนะเว้ย” ร่างสูงในชุดชอร์ปปกสีเขียวแผนกโยธาสบถเสียงดัง

ได้กระเทยหน้าหวาน ทั้งดิ้นทั้งร้อง
จะตื่นเต้นก็ตื่นเต้นไม่ออก
ชักโมโหขึ้นมาจริง ๆ นี่มันเทคนิคการขายอะไรของมันกันวะ

“อยู่เฉย ๆ สักที...เสร็จแล้วเดี๋ยวให้ตังค์กินหนมด้วยน่ะ...ไม่ต้องกลัวหรอก”

เพราะไอ้คนตัวเล็กเอวบางมันร้องโวยวายเสียงดัง และเมื่อกี้ดูเหมือนมันจะลุกขึ้นมาชกเขาได้
เลยเอาผ้ามัดปากมันไว้อีกชั้นหนึ่ง

ให้มันร้องเบา ๆ หน่อย เดี๋ยวมันชอบสุด ๆ แล้วมาร้องเสียงดัง
ใครผ่านไปผ่านมาจะมาได้ยินเข้าเดี๋ยวจะยุ่ง
ยังไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเขากำลังลองของอยู่กับผู้ชาย
แต่ว่าท่าทางจะสนุกดีไปอีกแบบ

ไอ้บ้านี่ก็ดิ้นจริง
จะทำให้มีความสุขอยู่เนี่ย
มันจะอะไรนักหนาวะ
เดี๋ยวจะเอาให้ครางถึงสวรรค์เลยคอยดูสิ

ร่างสูงจับให้ร่างเล็กบอบบาง
คว่ำหน้าลง

ร่างสูงปลดเฉพาะซิปกางเกงออก เสื้อผ้ายังใส่อยู่ครบ
และล้วงมือเข้าไปเหนี่ยวรั้งร่างกายแข็งขืนเต็มที่ของตัวเองออกมา

จ่อเข้ากับช่องทางอุ่นร้อนของอีกฝ่าย
แต่มันก็เข้าไปไม่ได้เสียที

“อะไรวะ....เจนนักไม่ใช่เหรอ...ทำไมมันเข้ายากแบบนี้วะ”
ร่างสูงสบถเสียงดัง อะไรมันจะแน่นขนาดนี้
นี่มันเจนเรื่องแบบนี้แน่หรือวะเนี่ย แบบนี้มันไม่น่าจะใช่แล้วนะ

อัษฎาที่ทั้งดิ้นทั้งร้องจนเหนื่อยหอบ
รู้แน่ว่าต้องถูกทำอะไรบางอย่าง
และก็เป็นจริง เมื่อร่างกายของหนุ่มแผนกโยธา
กำลังพยายามจะสอดแทรกกายเข้ามาภายในตัวเขา

จะดิ้นก็เจ็บ จะร้องก็ร้องไม่ออก
ได้แต่ซุกหน้าลงกับฟูก ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา
ปลายนิ้วจิกลงบนมือของตัวเอง จนขึ้นห้อเลือด

เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ
จนเกินความรู้สึกเจ็บ

ปล่อยให้ร่างสูงกระชากสะโพกมนเข้าหาตัว
และพยายามยัดเยียดกายเข้ามาให้ได้
อย่างหมดทางสู้

“โอ้ย......” เสียงทุ้มต่ำแตกพร่า
เมื่อพยายามที่จะแทรกกายเข้าไป แต่ก็ได้แค่เพียงนิดเดียว
ส่วนนั้นของร่างเล็กนิ่งเงียบนี้
ก็บีบรัดรุนแรง ไม่ยินยอมรับบางอย่างของเขา
จนชายหนุ่มประหลาดใจ
ถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่คนโง่ จนไม่รู้ ว่าคนที่นอนนิ่งเงียบ
ให้เขากระทำหักหาญน้ำใจขนาดนี้ เคยผ่านอะไรหรือไม่เคยผ่านอะไรมาบ้าง

ให้ตายเถอะ
ถึงแม้จะรู้อย่างนั้น
แต่ตอนนี้ เขาก็หน้ามืดแล้ว
ถ้าไม่ทำ ก็เหมือนกับมันอะไร ๆ จะต้องระเบิดออกมาจนหมดสิ้นแน่

ร่างสูงพยายามยัดเยียดกายอีกครั้ง
และการกระแทกรุนแรงของเขาคราวนี้มันสำเร็จ
เขาเข้าไปอยู่ในร่างบางนั้นทั้งหมด มันทั้งแน่น ทั้งคับแคบ ทั้งแสบไปหมด
ขนาดเขายังรู้สึกถึงเพียงนี้

แล้วคนที่จิกนิ้วเข้ากับฝ่ามือที่นิ่งเงียบนี่หละ
มันจะขนาดไหน

“นี่...อย่าเกร็งได้มั้ย...ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ...”
อัษฎาเองก็คงไม่มีทางทำอะไรได้แล้วตอนนี้
นอกจากต้องเชื่อฟังคำพูดของคนที่กำลังรุกราญเขา

เสียงสะอื้นในลำคอ
ที่ถึงแม้ถูกผ้าปิดปากไว้ แต่ร่างสูงที่กำลังเร่งเร้ากระแทกกระทั้นนั้น
ก็รับรู้ได้
ว่าร่างเล็กบางนั้น เจ็บปวดมากมายแค่ไหนขนาดผ้าปิดปากไว้
มันยังร้องได้ขนาดนี้

ทำไงดีวะ

ร่างสูงอุ่นร้อนรีบเร่งการขยับกายให้เร็วขึ้น
และเพียงชั่วเวลา ไม่ถึง 10 นาที
เขาก็ปลดปล่อย
เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่เขาทำอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้

เมื่อถอนกายออกเขาก็พบทั้งบางส่วนของร่างกายตัวเอง
ที่ปะปนออกมากับหยดเลือดมากมายที่รินไหล
ไปตามเรียวขาเนียนขาวนั้น
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 19:48:45
พี่คีมาแล้วววววว
ชอบพี่คีที่สู้ดเลย :oni2:

ถูกใจๆๆ +1 ให้คนโพสเลย

+1 ให้ลุง

ลุงก็ +1คืนให้แล้วนะหลาน

ดีใจที่ประทัุบใจหลานคีเหมือนลุง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 18-09-2008 20:04:05
ชอบ  :m4: :m4:


+1 ให้ลุงสิงห์


หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 20:06:25
ชอบ  :m4: :m4:


+1 ให้ลุงสิงห์




เมื่อหลานแนนชอบ

ลุงก็ต้อง +1 ให้หลานแนนซิชิมิส์
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 18-09-2008 20:09:00
ลุงสิงห์หายไม่สบายหรือยังคะ


งานยุ่งไหม

แนนมาเป็นกำลังใจให้น๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 18-09-2008 20:12:08
แวะๆๆๆมาตามคุณลุง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 18-09-2008 20:39:57
ยังไม่หายอ่ะหลานแนน

ขอบใจนะหลานที่เป็นห่วงคนแก่อ่ะ

คงเป็นเพราะตกบันไดคราวก่อน

ทำไงระบบการทำงานของลุงมัน

ไม่เหมือนเดิม นิดนึงก็ไม่สบายแล้ว

นี่ก็พยายามรักษาตัวเองให้ดีที่สุดครับหลานแนน

ขอบใจอีกครั้งนะครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 18-09-2008 20:41:00
มาแอบติดตามเรื่องใหม่ครับ เริ่มเรื่องได้น่าสนใจจังเลย 555+  :m12:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 18-09-2008 20:46:56
ลุงสิงห์ตกบันได้ด้วยเหรอ

เดินดีๆจิคะ

อย่าให้ตกอีกนะเดี๋ยวจะแย่

ลุงสิงห์หายไม่สบายไวไวนะคะ

สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 18-09-2008 20:55:20
เป็น 1 ในไม่กี่เรื่องที่อ่านซ้ำ ขอบคุณฮับคุณลุง  :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 18-09-2008 21:04:31
 :m17: มาไม่ทัน 10 ที่นั่ง แต่ก็ขอเก้าอี้เสริมแล้วกันลุงสิงห์  ค่าเข้าชม +1 ให้ลุงแล้วนะ

มาตอนแรก นายเอกของเราก็โดนฉีกพรหมแล้วหรือครับ น่าสงสารนะครับ

มารอตอนต่อไป ครับ  :L2: :bye2:

ปล. รักษาสุขภาพด้วยได้ข่าวว่าป่วย  แล้วอะไรมันไม่ขึ้นอะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-09-2008 21:11:02

ต๊าย ต้นสน นี่คือการข่มขืน.......

ป่ะ กิต.จะพาไปหาปวีณา

คุณลุง. ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะ อิอิ


ป.ล. กิต.บวกหนึ่งให้คุณลุงแล้วนะคะ(เอาไว้จ่ายค่าปรับ เหอเหอ)


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: สมุนไพร ที่ 18-09-2008 22:11:14
+1ให้ลุงด้วยคนเด้อ o13 o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 18-09-2008 22:32:53
โอ้วววววว
ลุงสิงห์ จะมาต่อเมื่อไหร่ง่าาาาา
วันนี้ย้อนอ่านปรัชญา ภาคปูฝน
และก้อ เส่ง เปา ด้วย
หนุกจิงๆๆๆๆเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 18-09-2008 22:55:57
ผม+1.....ให้ด้วยล่ะกันน่ะคับ  จะรอติดตาม
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-09-2008 23:49:35
 :m3:  เรื่องนี้ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mcquack ที่ 19-09-2008 00:17:19
ภาคใหม่มาแล้วๆ มาต่อคิวรออ่านแล้วคับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-09-2008 00:46:15

ภาคใหม่ ^^

รออ่านต่อค่ะ

ชอบบบ

 :man1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: ผักกาด ที่ 19-09-2008 01:23:33
มารอลุงสิงห์ด้วยคนน้า


เม้นท์แรกเลยนะเนี่ย


 :mc4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 19-09-2008 05:42:58
มารอลุงสิงห์ด้วยคนน้า


เม้นท์แรกเลยนะเนี่ย


 :mc4:

ลุง +1 เปิดซิงให้หลานแล้วนะ


ที่มาเปิดบริสุทธิ๊ที่กระทู้ของลุง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 19-09-2008 05:56:03
มาแต่เช้าเลยลุงสิงห์ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 19-09-2008 06:14:10

“ชิบหายแล้ว..........ไม่เคยโดนนี่หว่า”
ชายหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ
ข่าวมันมั่วนี่หว่า
ตอนแรกที่ใส่เข้าไปก็ว่ามันแปลกทำไมมันแน่นขนาดนั้น
แต่พอถอนกายออกแล้วก็แน่ใจเลย

ร่างสูงรีบพลิกกายบอบบางเปลือยเปล่านั้นขึ้น
ก็พบว่าร่างบางสิ้นสติไปเสียแล้ว
หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มดวงหน้าหวาน
และเมื่อเหลือบมองที่มือเล็ก ๆ ก็พบว่ามันถูกจิกจากปลายนิ้ว
จนเลือดซึม
นี่ขนาดมัดมือไว้ ยังจิกเล็บเข้าเนื้อได้ลึกขนาดนี้เลย

ร่างสูงประคองร่างบางไร้สติให้ซบลงที่ไหล่ของตัวเอง
เกลี่ยน้ำตาที่รินไหลออกจากใบหน้าสวยหวาน
ปลดผ้าผูกปากออกให้

ข้อมือเล็ก ๆ ถูกปล่อยเป็นอิสระและปรากฎรอยช้ำจากการถูกมัดเป็นรอยสีเขียวเข้ม

“เวรแล้วกู....ข่มขืนผู้ชายด้วยกันไปแล้ว...ทำไงดีวะเนี่ย”

ความรู้สึกผิดเข้าครอบงำ
ตอนแรกคิดแค่จะเล่นสนุก แก้เบื่อ
แต่กลายเป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

ก็มันลือกันขนาดนั้น ลือจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงไปแล้ว ใครมันจะไปรู้วะ
ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าเนียนผ่อง ซูบซีดของร่างในอ้อมแขน
ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็จะขอชมว่ามันสวย หน้าหวานมาก
ผิวก็ขาวจั๊วะ เนียนไปทั้งตัว
อย่างกับกระเทยขนาดนี้ แล้วมันเสือกมาเรียนช่างทำไมกันวะ
ใครเขาก็คิดว่าเป็นกระเทยช่างกลทั้งนั้นแหละ โง่หรือเปล่าเนี่ย
ดวงตาคมทอดมองร่างเล็กแน่นิ่งในวงแขน
ก่อนจะจรดริมฝีปากแตะเบา ๆ
ที่ริมฝีปากเย็นชืดสีแดงสด และค่อยผละออกอย่างเชื่องช้า
พิศมองใบหน้าซีดขาวนั้นอยู่นาน เริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่กระทำลงไป
มันต้องมีผลกับร่างบางแน่ ๆ รอฟื้นก่อนแล้วค่อยคุยตกลงกันดีกว่า

**************************
“อือ....” ดวงตากลมโตกระพริบถี่ในความมืด เมื่อขยับกายก็พบกับความเจ็บร้าวไปหมดทั้งร่าง

ดวงตากลมทอดมองไปที่ร่างที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้าง ๆ

แล้วก็รู้แน่ ว่าเรื่องราวที่ผ่านพ้นไปไม่ใช่แค่ฝัน แต่มันเป็นเรื่องจริง

ร่างนั้นพยายามหยัดกายขึ้น แต่มันก็เจ็บไปหมดจนต้องทรุดลงอีกครั้ง
และค่อยลุกขึ้นใหม่ เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
หมอนี่คงจะจัดการให้สินะ

“ฟื้นแล้วเหรอ....ป่ะ...เดี๋ยวไปส่งบ้าน” ร่างสูงลุกขึ้นยืน
และดึงให้ร่างบางนั้นลุกขึ้นตาม

ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องเก็บอุปกรณ์นั้นเงียบ ๆ

อัษฎาไม่ได้พูดอะไร
ในขณะที่ร่างสูงจากแผนกโยธานั้นก็เอาแต่นิ่งเงียบ

และเหลือบตาหันมามองร่างบางนั้นบ่อยครั้ง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่แล้วก็นิ่งเงียบไป

ร่างบางกระชับเสื้อให้แนบเข้าหาตัวมากขึ้น เพราะรู้สึกหนาวไปทั้งร่าง
ริมฝีปากแห้งผากเหมือนจะมีไข้
แต่ก็ต้องกลั้นใจก้าวเดินต่อไป
ไม่อยากให้ต้องถูกหาว่าสำออย มีอะไรกันแค่นี้ถึงกับเดินไม่ไหว

จนก้าวพ้นประตูสถาบัน

ถึงป้ายรถเมล์

คนที่เขาคิดว่าอยู่แผนกโยธานั้น เรียกรถแท็กซี่ และดึงมือเขาให้ตามขึ้นมา

“บ้านอยู่ไหน.....” เสียงทุ้มนุ่มต่ำ เอ่ยถามร่างเล็กที่นิ่งเงียบมาตลอดทาง

ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหนนี่นา
จะให้พากลับบ้านเขาหรือไง

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวจอดข้างหน้าก็ได้.....เดี๋ยวเดินเข้าซอยนิดเดียวก็ถึงแล้ว” น้ำเสียงแหบแห้ง
ตอบกลับ
ไม่รู้จะแสดงความโกรธ หรือ จะโมโหโวยวายอะไรดี

ดังนั้นเมื่อร่างสูงนั้นถามก็ตอบกลับเสียงเบา

“เดี๋ยวเดินไปส่ง....” ร่างอุ่นร้อนที่นั่งเคียงข้างตอบกลับ

“ไม่ใช่ผู้หญิง....” ดวงตากลมโตนั้นมองมาอย่างเอาเรื่อง
โดนทำเหมือนเป็นผู้หญิงแต่เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิง ขอศักดิ์ศรีให้สักนิดเถอะ

“ก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิง....งั้นส่งแค่นี้แล้วกัน...” ฝ่ามือแกร่งเอื้อมเปิดประตูรถให้ร่างบางได้ก้าวออกจากรถ ไม่แม้แต่จะคิดเดินเข้าไปส่ง ก็ผู้ชายเหมือนกัน มันจะอะไรนักหนา
แค่พากลับมาส่งก็ถือว่าใจดีสุด ๆ แล้ว

“ค่าแท็กซี่เดี๋ยวจะเอามาจ่ายให้พรุ่งนี้...ลืมกระเป๋าตังค์ไว้ไม่ได้เอามา” เสียงที่ตอบกลับมาเบาหวิว
เมื่อหันหลังกลับมาบอกเขา
เล่นเอาหนุ่มแผนกโยธาถึงกับสะอึก

โดนทำไปขนาดนั้น ยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีก
ไม่โวยวาย ไม่ด่า แถมยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
มันน่าโมโหนัก
ดีเหมือนกัน ครั้งเดียวก็พอแล้ว สำหรับไอ้หน้ากระเทยนี่
อย่าเจอกันเลยดีกว่า

“ไปเลยครับพี่....” ร่างสูงเอ่ยบอกกับคนขับรถแท็กซี่ ปิดประตูรถและรถก็เคลื่อนออกไป

ไม่แม้แต่จะหันไปมองสักนิด ว่าร่างบางนั้น เดินเข้าไปในซอยด้วยสภาพแบบไหน

**************************



ติดตามกันต่อนะหลาน........ :oni1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 19-09-2008 07:29:45
เพิ่งได้เข้ามาเห็นอ่ะ

ว่าคุณลุงมีเรื่องใหม่แล้ว

ติดตามด้วยอีกคนนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 19-09-2008 08:59:18

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 19-09-2008 14:39:50
ขอโทษนะครับคุณลุงสิงห์ที่มาเม้นต์ช้าอ่ะครับขอโทษนะครับ+1ให้เป็นการขอโทษนะครับผม :m23:

อีตาคนนี้มันประสาทชัวว์ o12
ป.ล.ขอให้คุณลุงสิงห์สุขภาพแข็งแรงนะครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: life_fracture ที่ 19-09-2008 14:49:54
ต้นสนจ๋า :o12:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 19-09-2008 14:52:53
 :t2:......
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-09-2008 14:58:54
 :กอด1:

ชอบภาคนี้จริงจังอ่ะลุง

+1 ให้เลย


><
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: hipcy ที่ 19-09-2008 16:19:32
พี่คีร้ากกกกก

ลุงสิงห์ก็น่ารักนะเนี่ย

อิอิ

  :m1: :m1:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 19-09-2008 17:00:26
+1 ให้กำลังใจลุงสิงห์ค่ะ

ติดต่อคุณเท็นได้ ก็ฝากบอกด้วยว่าคิดถึงนะค่ะ

แล้วฝากถามด้วยค่ะ  ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเนี้ยปิดชั่วคราวรึค้างคืนค่ะ

นานมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 19-09-2008 17:28:06
ไมคีใจร้ายงี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 19-09-2008 17:40:15
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เข้ามาลงชื่ออ่านด้วยค้า ขอบคุณค่ะคุณลุง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 19-09-2008 19:21:38
อ๊ากกกกกกกกกก มาช้าไปติ๊ดนึง ลุงสิงห์จะโกรธไหมเนี่ย


ต้นสนน่าสงสารจังเลย แต่คนปล่อยข่าวน่ากระทืบสุด :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:


+1 ให้ลุงสิงห์ คร๊าบ~ แก้ตัวที่มอ่านช้า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 19-09-2008 19:51:42
ช่างทำกับ ต้นสนได้
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-09-2008 21:41:16
 :m22:



ลุงสิงห์



ยังไม่มาต่ออีกเหรอ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 19-09-2008 21:51:34

ร่างโปร่งบางเดินเข้าบ้าน ที่อยู่ถัดออกไปอีกหลายซอย จากที่ชายหนุ่มจากแผนกโยธามาส่ง

เขาไม่อาจจะทนเห็นหน้าคนคนนั้นได้อีกต่อไป

ทั้งอัปยศทั้งสมเพชตัวเอง

“น้าต้นสน....แม่ยังไม่กลับเลยอ่ะ...สายังไม่ได้กินข้าวเลย” เด็กหญิงอายุตัวเล็ก เดินเข้ามาเกาะขา
ของร่างบางนั้นไว้

นี่น้องสาวของเขาไปเที่ยวกลางคืนอีกแล้วหรือนี่
ทิ้งลูกไว้แบบนี้ได้ยังไง เด็กอายุแค่ 6 ขวบเองนะ
ทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพังคนเดียวได้ยังไงกัน

บ้านนี้เขาอยู่กับน้องสาวที่เอาแต่เที่ยวเล่น ไม่เคยสนใจ เรื่องรอบตัว
หล่อนเป็นเด็กสาวอายุเพียง 19 ปี แต่ตั้งครรภ์เมื่ออายุเพียง 13 ปี
ทำให้ไม่มีความรับผิดชอบ
แม่ของเขาเพิ่งเสียไปเมื่อปีก่อน
ทิ้งบ้านหลังเล็ก ๆ ไว้ให้เขาและน้องสาวได้อยู่
ไม่มีสมบัติพัสถานอื่น ๆ นอกจากสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น

“น้าต้นสน...หนูอยากกินไข่เจียวอ่ะ..น้าต้นสนทำให้หนูได้มั้ย” เด็กหญิงร่างเล็กร้องขอตาแป๋ว
แล้วเขาจะไม่ทำให้ได้ยังไงกัน

“กินข้าวเสร็จแล้วสาต้องอาบน้ำ...แล้วนอนเลยนะ...” เขาก็ทำได้แค่นี้
คนที่ไม่เคยมีความรู้ในการเลี้ยงเด็กเลย แต่ต้องมาแบกรับภาระจนหมดทุกอย่าง
ทั้งค่ากิน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
โชคดีที่พอมีเงินเก็บสำหรับเป็นค่าเทอมบ้าง
ส่วนค่าเล่าเรียนของเด็กหญิง เขาก็ต้องขวนขวายหามาจากการเป็นพนักงานกะดึก
ของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง

“จ๊ะ...หนูกินแล้วหนูจะรีบนอน” เด็กหญิงตัวเล็กเดินเข้าไปรอบนเก้าอี้ในครัว
ดวงตากลมโตใสแจ๋วจับจ้องอยู่กับการตีไข่และทอดลงในกระทะร้อน ๆ
ของผู้ที่เป็นน้าชาย

“น้าต้นสน....เมื่อไหร่แม่จะกลับมา” เสียงแหลมเล็กของเด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นน้า
และยกช้อนตักข้าวใส่ปากพร้อมกับไข่เจียว เมื่ออัษฏานำมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ


“น้าต้นสนก็ไม่รู้...เดี๋ยวสากินเสร็จแล้วเอาไว้นี่แหละ...เดี๋ยวน้าต้นสนไปอาบน้ำก่อนนะ”
ร่างโปร่งบาง เดินเข้าห้องเตรียมตัวอาบน้ำ
ก่อนจะก้าวไปยืนที่หน้ากระจก
เอ๊ะ...เสื้อไม่ใช่เสื้อชอร์ปของเขานี่
เป็นของหนุ่มจากแผนกโยธาคนนั้น

ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อก็พบกับ

กระดาษแผ่นเล็ก ๆ

บัตรเอทีเอ็มสองใบ
และเงินสดที่ขยำยู่ยี่อีก 7,000 บาท
เศษเงินเหรียญและแบงค์ย่อยอีก
เกือบ 300 บาท

ที่คอของเขายังมีสร้อยและพระเลี่ยมทองอีก 1 องค์
กระเป๋าข้างซ้ายมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก ๆ รุ่นล่าสุด
ที่ถูกถอดซิมออกแล้ว
ของทุกอย่างไม่ใช่ของเขาเลย
แต่เป็นของหมอนั่น

ร่างโปร่งบางรีบ แกะกระดาษแผ่นที่มีลายมือขยุกขยิกเขียนไว้

-----ให้สนหมดนั่นแหละ
รหัสบัตรเอทีเอ็มคือ 1234 ส่วนอีกใบคือ 2641
มีเงินอยู่ประมาณ 32,000 บาท
ส่วนโทรศัพท์ใส่ซิมแล้วก็ใช้ได้เลย
พระเอาเก็บไว้คุ้มครองตัวเอง อย่าขายนะ ----

มือเล็ก ๆ พลิกกลับไปกลับมาหลายตลบ
แต่ก็ไม่พบว่ามีข้อความอื่น ๆ

นี่มันทำบ้าอะไรของมัน
เอาของพวกนี้มาฟาดหัว เห็นเขาเป็นไอ้ตัวหรือไง

ชาตินี้ไม่อยากเจอคน ๆ นี้อีก
แต่ต้องเอาของพวกนี้กลับไปคืนหมอนั่นให้ได้
ไอ้แผนกโยธา นึกหรือไงว่าของพวกนี้จะทำให้เขาดีใจ
แล้วลืมเรื่องเลว ๆ ของมันซะ
ตอนแรกก็ไม่อยากให้อะไรมันไปกันใหญ่ อยากจะรีบ ๆ ลืม ๆ มันซะ
แต่ทำไมต้องดูถูกกันขนาดนี้ด้วย ทำไมกัน

*************************
“เมื่อกี้ลงตรงนี้นี่หว่า...แล้วไปไหนแล้ววะ...ตรงนี้มันมีซอยที่ไหนกัน” ร่างสูงของหนุ่มแผนกโยธา
เดินวนไปวนมา อยู่ตรงที่ ๆ ที่เขาส่งร่างบางลงจากรถ

นั่งรถไปตั้งไกลแล้ว ในสมองก็สั่งตัวเองว่า
ครั้งเดียวจบดีกว่า ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว
แต่ใจมันสั่งว่า กลับมาดูหน่อยก็ไม่เสียหาย
หน้ามันซีดขนาดนั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าแล้งน้ำใจ


เขาเองก็คิดว่าข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองที่ให้ไปมันก็ไม่ใช่น้อยหรอก
ถึงแม้มันไม่ได้มากมายสำหรับเขา แต่ก็ทำให้ความรู้สึกผิดของตัวเอง
ลดลงไปได้บ้างนิดหนึ่ง

ป่านนี้กลับถึงบ้านแล้วมั้ง
ไออุ่นที่ได้กกกอดยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำทุกขณะจิต
เขาเดินวนไปมาอีกหลายรอบ
ก่อนจะรู้แน่แล้วว่าคงไม่รู้ว่าร่างบางนั้นไปทางไหนแน่
จึงโบกแท็กซี่กลับบ้าน

คืนนั้นทั้งคืนเขาเอาแต่พลิกกายกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ
รู้สึกไม่สบายใจมากที่ทำแบบนั้นลงไป
ยิ่งไอ้สนแผนกสารพัดช่าง มันไม่เอาเรื่องไม่โวยวายก็ยิ่งรู้สึกผิด

เสื้อชอร์ปของแผนกสารพัดช่างของอัษฎา ถูกเขาเอามาคลุมหน้าไว้
ชายหนุ่มสูบบุหรี่ไปหมดทั้งซอง และ กำลังจะหมดซองที่สองจึงเข้ามานอน
แต่มันก็นอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าไอ้หน้าหวาน ๆ เปื้อนน้ำตา มันจะตามมาหลอกมาหลอนเขาไปถึงไหน
ผู้ชายเหมือนกัน แถมลีลาก็ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
แค่โดนทำไปครั้งแรกแค่นั้นเอง
เขาเองก็เอาแต่บอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า อย่าไปสนใจเลย
ครั้งเดียวแล้วก็จบ อย่าไปต่อความมากดีกว่า
มันไม่ทำให้ไอ้กระเทยหน้าหวานนั่นสึกหรออะไรสักเท่าไหร่หรอกน่ะ
แต่เขาก็หลับตาลงไม่ได้สักที
พลิกกายไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งคืน

***************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-09-2008 22:01:38
 ปะก้นลุงสิงห์  อะไรครั้งเดียวก็ลังเลแล้วหรือ  o12

มารอตอนต่อไปดีกว่า รักนะลุงสิงห์  :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-09-2008 22:07:24


พลิกกายไปมา มันช่วยมั๊ย   :m12:


ลุงสู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 19-09-2008 22:09:29
สับสนๆๆๆๆๆๆๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 19-09-2008 22:22:22
ภาคี~ เป็นเอามาก

ต้นสนน่าสงสารจัง  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-09-2008 22:29:48
 o9 o9


อยากอ่านต้นสน

ต่ออ่ะลุงสิงห์

มารอตอนต่อไป :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 19-09-2008 22:34:33
ไม่มาต่อสักตอนสองตอน
หรอค้าบบบลุงสิงห์
รักษาสุขภาพด้วยนะค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: สมุนไพร ที่ 19-09-2008 22:38:46
 :m13: :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 19-09-2008 22:50:27

วันนี้อัษฎารีบกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อกะดึก

หลังจากเด็กหญิงตัวน้อยหลับแล้ว โดยเขาบังคับให้น้องสาวห้ามออกไปไหนให้ดูแลลูกให้ดี
น้องสาวเขาก็พยักหน้ารับ แต่ไม่รู้จะทำตามหรือเปล่า

เขาเป็นลุงของเด็กหญิงแล้ว
แต่เขาก็ให้หลานเรียกเขาว่าน้าต้นสน น้าต้นสน
ก็ยังไม่อยากเป็นลุงนี่นา เขารู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่เลย

เรื่องนั้นผ่านมาเกือบเดือนแล้ว อัษฎาก็ทำเป็นลืม ๆ ไปบ้าง
แต่ที่น่าแปลกก็คือ พักนี้ไม่มีใครมารุ่มร่ามวุ่นวายกับเขาอีก
และดูเหมือนข่าวลือแปลก ๆ ก็จะหายไปด้วย

ร่างบางนั้น ฝากให้เพื่อนนำของหลายอย่างที่ไอ้คนจากแผนกโยธาให้มา
โดยการไปชี้ตัวให้เพื่อนรู้ว่าไอ้หมอนั่นหน้าตาเป็นยังไง
เพราะแม้แต่ชื่อเขาก็ยังไม่รู้จัก

และเขาก็ได้รู้ว่าหมอนั่น ชื่อภาคี อายุมากกว่าเขา ถึงจะเลวโคตรแต่ที่บ้านมีฐานะมาก
พ่อแม่เลี้ยงด้วยเงิน พ่อเป็นนายช่างโยธา แม่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
มิน่าล่ะ ถึงมีเงินใช้จ่ายขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ต้องการหรอก
ไม่เคยคิดจะอยากได้เลย อยากจะรีบลืม ๆ มันไปซะ

ไอ้หมอนั่นมันทำหน้างง และพยายามที่จะให้เพื่อนพามาเจอเขาให้ได้
แต่เขาก็กำชับไว้แล้วว่าอย่าให้เจอได้เด็ดขาด

หลังจากนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว เขายังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป
โดยพอจะรู้บ้างว่า ไอ้คนจากแผนกโยธามันเที่ยวไล่ตามเขาให้ควั่ก
แต่เขาก็หลบหลีกได้พ้นทุกที
และได้เห็นมันโมโหด้วยความหงุดหงิดหลายครั้ง

มันจะมาตามอะไรเขานักหนา หน้าอย่างมันคงหาสาวได้อีกเป็นโหล ๆ เขาไม่ได้พิศวาสผู้ชายด้วยกันสักนิดเลย

***********************
“รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยครับ” อัษฎาง่วนอยู่กับการคิดเงินหน้าเคาเตอร์จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครมายืนอยู่ตรงหน้า

“ไม่ครับ...ผมซื้อบุหรี่หนึ่งซอง” ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่เขาเอาแต่เวียนวน ตามหา
แค่คิดว่าขอเจอหน้าสักแว่บก็ยังดี แต่ก็พลาดโอกาสไปหลายครั้ง
แถมอัษฎาเป็นเด็กภาคบ่ายอีก
เลยสวนกันไปสวนกันมาตลอด
ของที่ให้ไปก็ถูกส่งกลับมาจนหมด ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นอีก

“ได้แล้วครับบุหรี่...นี่ครับเงินทอน...อ๊ะ” ร่างโปร่งบางแทบผงะ
เมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า
ทั้งที่พยายามจะลืมหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมได้สักที

ภาคียืนนิ่ง แล้วก็ก้าวออกจากร้านสะดวกซื้อไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ทั้งที่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่อัษฎาก็คาดผิดไปถนัด
ชายหนุ่มไม่ได้รบกวนการทำงานเขา เพียงแต่มองหน้าเขาแว่บเดียวแล้วก็เดินออกไปเงียบ ๆ

คงจะจำเขาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป แต่เขาน่ะ ไม่เคยลืมเลยทุกขณะจิต ไม่เคยลืมคนที่ทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้นกับเขาเลยสักนาทีเดียว
**********************
“พี่...เดี๋ยวสนกลับก่อนนะพี่..หวัดดีครับ” อัษฎาไหว้ลาคนที่เข้ากะต่อจากเขา เมื่อเกือบรุ่งสาง
เดินออกจากร้านสะดวกซื้อที่มาทำงานอยู่
แต่ก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็พบกับคนที่ยืนอยู่

ต้นสนทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
แต่ภาคีมาดักหน้าไว้
และเอื้อมมาดึงมือเขาให้เดินตาม

“ปล่อยเว้ย....ไม่ใช่ผู้หญิงนะ..มาจับมือถือแขนทำไม” มือเล็ก ๆ สะบัดหนีการเกาะกุม
แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
จับมือไม่ได้ก็ดึงแขนให้เดินตาม เวลาตี 5 กว่าแบบนี้ไม่มีใครผ่านมาเสียด้วย
เหนื่อยจากการทำงานแล้ว
แล้วยังต้องมาเหนื่อยกับการรบกับไอ้บ้านี่อีก
จะพาไปไหนของมันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 19-09-2008 22:53:13
จิ้มๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 19-09-2008 22:57:02

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 19-09-2008 23:11:10
มาติดตามต่อครับ อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 19-09-2008 23:14:39
ลุงสิงห์

วันนี้มีอีกรอบไหมคะ

แนนจะได้รอ

มันค้างในอารมณ์อ่ะ

อยากรู้ว่าภาคีจะทำยังงัยต่อ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: hipcy ที่ 19-09-2008 23:30:47
อ่านกี่รอบเรื่องนี้ก็ยังสนุก

น่ารักทั้งคู่เลย

 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 19-09-2008 23:40:00
สนุกๆ มาต่ออีกนะคับ

น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 20-09-2008 00:12:40
วาว..วาว..วาว..ว้าววววว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:21:53
และอัษฎากับภาคี ก็มานั่งอยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งร้านหนึ่ง

ภาคีสั่งนั่นสั่งนี่มาหลายอย่าง
และบอกให้เขากิน ๆ เข้าไป
จะได้รีบกลับบ้าน

ออกจะงงอยู่บ้างแต่ก็กินข้าวไปจนหมดจาน
หนุ่มจากแผนกโยธาไม่พูดอะไรอีก
นั่งเงียบแล้วก็กินข้าวในจานของตัวเองต่อไป
จนหมด

แล้วก็ลากให้เขาลุกขึ้นตาม
จ่ายเงินค่าอาหาร
และเดินมาเป็นเพื่อนเขาที่ปากซอยบ้าน
โดยไม่พูดอะไรสักคำ
จากนั้นก็โบกแท็กซี่กลับบ้าน
ปล่อยให้เขาเดินกลับเข้าบ้านอย่าง งง งง
ที่น่าแปลกไอ้บ้านั่นรู้ได้ไงว่าบ้านเขาอยู่ห่างจากร้านสะดวกซื้อไม่ไกล
และอยู่ซอยนี้

**********************
ถึงไม่ได้เจอกันที่โรงเรียน แต่แค่เจอกันแว่บเดียวตอนที่มาซื้อบุหรี่
และตอนกินข้าวก็ยังดี

ภาคีนิ่งคิดเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะเข้าไปหาเลยดีมั้ย
จะพูดอะไรดี

เขาเริ่มยอมรับกับตัวเองได้แล้ว ว่าเขาชอบต้นสน
แต่ไม่รู้จะจีบยังไงดี ตอนแรกก็แค่คิดว่าตัวเองแปลกไป ไม่แน่ใจว่าชอบหรือเปล่า
แต่ที่เขาเอาแต่ตามหาร่างบางอย่างกับคนบ้านั้น
เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี
เขาไม่เคยต้องตามใครมาก่อน
ทั้งที่สุดท้ายก็ได้เจอหน้าแล้ว
แต่เอาเข้าจริง ๆ เขากลับไม่กล้าพูดอะไรซะได้
วันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไป เขาต้องมาดักรอต้นสนอีก
บางคืนเขาเอาเสื้อชอร์ปของต้นสนมาห่มนอนด้วย ไม่งั้นเขาคงจะนอนไม่หลับ
ความรู้สึกแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่ารัก ไม่เรียกว่าชอบ จะเรียกว่าอะไร

เรื่องที่ว่าผู้ชายปกติถ้าลองได้รู้จักร่างกายผู้ชายด้วยกัน จะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น ท่าจะจริง
แต่เขาเป็นกับเฉพาะต้นสนเท่านั้น กับคนอื่นในสถาบัน
แค่คิดก็สยองขวัญแล้ว

***********************
“เฮ่ย...สน..ผู้ชายผิวเข้ม ๆ หน้าหล่อ ๆ อ่ะเพื่อนสนเหรอ...เห็นเข้ามาซื้อบุหรี่เวลานี้ทุกวันเลย”
หญิงสาวที่เข้ากะเดียวกันกับอัษฎาเอ่ยถาม ดวงตาพราวระยับ

“เปล่า....” ร่างบางตอบเสียงเบา

ไอ้ภาคีแผนกโยธา จะเข้ามาซื้อบุหรี่ตอนตี 2 ของทุกวัน และจะลากเขาไปกินข้าวด้วย ตอนตี 5 ครึ่ง
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านทางใครทางมัน
เป็นอย่างนี้มา สามสี่เดือนแล้ว
แต่แทบจะไม่ได้คุยกันเลย
นอกจากคำพูดที่หลุดออกจากมันว่า

“สนกินอะไรดีวันนี้”

โดยที่ไม่รอคำตอบ มันก็สั่งนั่นสั่งนี่มาจนเต็มโต๊ะ
แล้วก็กิน กิน กิน จนหมด
แล้วก็จ่ายตังค์ พอเขาเอาเงินวางให้
มันก็ทำหน้าตาหงุดหงิดใส่
แล้วก็เอาเงินมายัดคืนใส่มือ
ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านตอน 6 โมงเช้าทุกวัน
เป็นแบบนี้มาตลอด โดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร
ช่วงแรก ๆ เขาเกลียดมันมาก ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า
มันเองก็คงพอรู้ตัว ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่สั่งกับข้าว
มานั่งกิน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว

จนวันนี้มันผิดสังเกต ทำไมยังไม่มาอีก นี่มันจะตี 3 แล้วนะ
อัษฎารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ปกติป่านนี้ต้องโผล่หน้ามา
แล้วก็พูดว่า

“ซื้อบุหรี่หนึ่งซอง” แล้วก็จ่ายเงินแบงค์ร้อยหนึ่งไป แล้วก็เดินออกไปรอเขาที่เก้าอี้
ใต้ต้นไม้ด้านหน้าเพื่อจะไปกินข้าวพร้อมกันนี่นา

แต่วันนี้หายไปไหน วันนี้หายไปไหนกัน
หรือว่าเบื่อแล้ว
เบื่อแล้วแน่ ๆ เลย
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ
ยิ่งคิดต้นสนก็ยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้น
ตาคอยแต่จะเหลือมองที่หน้าประตูร้านอยู่บ่อย ๆ
แต่ไม่มีแม้แต่วี่แวว ของภาคี เลยสักนิดเดียว

*******************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:22:23
“ต้นสน....พี่ว่าต้นสน...พักบ้างเถอะนะ” ภาคี ซึ่งปัจจุบันเป็นนายช่างใหญ่ รับหน้าที่ดูแลงานต่อจากพ่อของตัวเอง

เอ่ยกับอัษฎาที่เตรียมตัวจะไปเฝ้าร้านสะดวกซื้อที่ตัวเองเป็นเจ้าของ สาขาที่สอง

ปีนี้เป็นปีที่ 7 ที่เขาและร่างโปร่งบางได้ใช้ชีวิตด้วยกัน

สมัยที่เรียน
เขาใช้ความพยายามมากมาย กว่าจะจีบต้นสนติด
เพราะช่วงแรกมีข่าวลือแปลก ๆ จนทำให้เขาและต้นสน
ต้องผิดใจกัน
แต่ก็ขอบคุณเรื่องนั้นที่ทำให้เขากับต้นสนได้มาเจอกัน
และก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป

ตั้งแต่เรื่องใช้เงินทองฟุ่มเฟือย ไม่เคยสนใจผู้อื่น
มีชีวิตอยู่แต่เพื่อตัวเอง
แต่ต้นสนเป็นคนสอนให้รู้จักความพยายาม กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทต้องลงทุนลงแรงไปมากขนาดไหน

ตอนนี้น้องสา หลานสาวของต้นสน ได้ทุนไปเรียนต่อไฮสคูลที่ต่างประเทศ
น้องสาเป็นคนเรียนเก่ง
และก็มีความพยายามเป็นเลิศ
ส่วนแม่ของสา น้องสาวของต้นสนนั้น
ได้แต่งงานกับชาวอังกฤษและก็รับสาไปเรียนต่อเลย

เหลือก็แต่ต้นสนที่ง่วนอยู่แต่การดูแลร้านสะดวกซื้อสองสาขา
ที่กว่าจะมีได้ขนาดนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามและบากบั่นน่าดู

ก่อนหน้าที่ต้นสนจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองนั้น
ก็นานจนเขาไม่ค่อยแน่ใจความรู้สึกของต้นสนเลย
จนวันที่เขาถูกพวกต่างสถาบันแทง แล้วต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นอาทิตย์
ใจเขาอยากจะไปหาร่างบางที่เห็นหน้ากันทุกวัน
แต่ร่างกายมันไปไม่ได้
ห่างหายกันไปเป็นอาทิตย์
แต่เมื่อเขาออกจากโรงพยาบาล
มาหาต้นสน
วันนั้นเขาถึงได้รู้ว่าต้นสนเองก็มีใจให้กับเขาบ้างแล้ว
เพราะหลังจากที่กินข้าวด้วยกันโดยไม่คุยกันเลยเกือบเดือน
ในวันนั้น
ต้นสนก็ถามเขาว่า หายไปไหนมา
ทำท่าเหมือนจะทะเลาะกัน
เขายังจำประโยคบอกรักบ้า ๆ พวกนั้นได้ดี
ถึงมันจะบ้าดีเดือดไปบ้าง
แต่มันก็ทำให้เขาและต้นสน เริ่มเข้าใจกัน มากขึ้น
และเริ่มเปิดใจให้กันและกัน

“ทำไมจะมาจะไปไม่รู้จักบอก...คิดอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไปงั้นเหรอ” ต้นสนนั่งหน้างอหงิก
รอมาเกือบสัปดาห์ พยายามจะเจอที่สถาบันก็ไม่รู้ว่าเรียนห้องไหน
และได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับภาคีเลย นอกจากเรียนแผนกโยธา ชื่อภาคีเท่านั้น

“เพิ่งออกจากโรงพยาบาล..โดนไอ้พวกเด็กไทยวิมันเล่น...แทงซะจมมีดเลย” คำบอกเล่าเรื่อย ๆ ทำให้อัษฎาสงบลง
ไม่เคยรู้ว่าเขาเจ็บขนาดนั้น แล้วยังไปโวยวายใส่อีก

“ต้นสนเป็นห่วงพี่เหรอ....” ภาคีทำหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“ใครห่วงวะ...ไม่มาแหละดีมาแล้วเกะกะลูกกะตา” อัษฎาก้มหน้าก้มตาตักข้าว

และภาคทเลยต้องใช้มารยาลองดูสักหน่อยอยากรู้ว่าจะใช้ได้หรือไม่

“แค่ก แค่ก แค่ก...” ภาคีแกล้งสำลักข้าว
แล้วเอามือกุมท้อง ข้างที่ถูกแทง
และซบหน้าลงกับโต๊ะ ทำท่าเหมือนเจ็บปวดทรมาน

“เฮ้ยยยยยยย เป็นไรวะ...เป็นอะไร” อัษฎาลุกขึ้นยืน จะประคองภาคีให้ลุกขึ้นนั่ง

แต่ร่างสูงนั้น ก็หายสำลักและทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
เล่นเอาอัษฎาหน้าเหวอ
ทำอะไรเล่นอะไรของมันกันเนี่ย

“แกล้งทำไม...” อัษฎาตะคอกถาม อยากมีเรื่องเหมือนกัน

“ไม่ได้แกล้ง...”

“ก็เห็นอยู่ว่าแกล้งอ่ะ” ร่างโปร่งนั้นไม่ยอมเลิกลา

“ถึงแกล้ง...สนก็ไม่ได้สนใจพี่หรอก...ไม่ได้เป็นห่วงแล้วจะมาสนใจทำไมว่าแกล้งหรือไม่แกล้ง”
นั่นคงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดแล้วของภาคี ตั้งแต่ได้คุยกับกันมา

“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ห่วง...ห๊า” ต้นสนตะคอกกลับ โดยไม่ทันได้นึกถึงคำพูดของตัวเอง

“ก็รู้ว่าไม่ห่วงเพราะว่าสนไม่ได้ชอบพี่นี่” ร่างสูงนั้นเคี้ยวข้าวต่อ ท่าทางยียวนไม่สนใจ

“ก็แล้วรู้ได้ไงว่าไม่..ช...อ...อุ๊บ..” มือเล็ก ๆ รีบปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน ก่อนจะหลุดพูดออกไป

ภาคีทำเป็นไม่ได้ยินไม่สนใจ
ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเรื่อย ๆ
และก็จ่ายตังค์เหมือนทุกวัน
โบกแท็กซี่กลับบ้านโดยไม่พูดอะไร ถ้าหากวันนั้น ร่างโปร่งบางนั้นอ่านใจคนได้
คงจะได้รู้ความรู้สึกของภาคีว่ามันรู้สึกดีมากขนาดไหน

เจ็บคราวนั้นไม่เสียเที่ยวเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:22:38
“จะไปแล้วสิ....เดี๋ยววันนี้พี่ไปไซด์งานอยุธยา กลับวันเสาร์นะ” ภาคีเอ่ยบอกกับร่างบางที่เตรียมตัวจะไปดูแลร้านแล้ว

ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเริ่มรู้ว่าต้นสนมีใจให้ ก็หมั่นไปเทียวรับเทียวส่งอยู่แบบนั้นเป็นปี
จนมาใจอ่อนกันตอนไหนไม่รู้
รู้ตัวอีกที
ก็มาอยู่ด้วยกันเสียแล้ว

“อือ.......เดี๋ยวก็อยู่ที่ร้านแหละต้องเช็คของก่อนโทรมาแล้วกันกว่าจะได้กลับสงสัยดึก ๆ”
อัษฎาตอบกลับ
เตรียมจะก้าวเดินออกจากบ้าน
อัษฎาถูกภาคีหาว่าบ้างานอยู่บ่อย ๆ
แต่เจ้าของร่างบาง ก็เอาแต่พูดว่า ต้องเก็บเงินเก็บทอง เวลาแต่ละนาทีมีค่า

มีค่าแน่ล่ะ
อัษฎาเอาเวลาไปทำแต่งานหมดเลย
เขาเองก็ต้องออกไซด์งานต่างจังหวัดบ่อย ๆ
นี่ถ้าไม่เข้าใจกันอย่างแรง
ป่านนี้คงไม่อยู่กันมา 7 ปี ขึ้นปี ที่ 8 หรอก
ช่วงแรกกว่าจะปรับตัวอยู่ด้วยกันได้
ก็ใช้เวลานาน ทะเลาะกันจะเลิกกันไป
ก็หลายครั้ง
แต่สุดท้ายก็กลับมาดีกัน

“วันเสาร์นี้สัญญาแล้วนะว่าจะอยู่ด้วยกัน” ร่างสูงโยนกล่องข้าวที่อัษฎาทำให้เข้าไปในรถและเรียกเจ้าของร่างโปร่งที่ กำลังจะเดินไปขึ้นรถอีกคัน

“รู้แล้วน่ะ..พี่คี...สนไม่ได้ความจำสั้นซะหน่อย”

วันเสาร์นี้ อัษฎาและภาคีตั้งใจจะไปรำลึกความหลังที่ร้านข้าวต้มร้านเดิม
ที่ทุกวันนี้ก็ยังเปิดขายอยู่
ร้านน่ะไม่ได้ไปไหนหรอก
แต่คนนี่สิไม่มีเวลาไปกินเลย
ไม่เคยกินข้าวพร้อมกันมานานแล้ว วันเสาร์นี้โดนบังคับจากภาคีให้ต้องไปกินข้าวด้วยกัน
ก็รู้หรอกว่าวันเสาร์นี้วันเกิดของตัวต้นสนเอง
และภาคีก็คงจะมีอะไรมาทำให้ประหลาดใจอีกแน่

เขาและภาคีอยู่ด้วยกัน
ไม่เคยสวีทกันหวานแหววเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา

ไม่เคยพูดกันหวาน ๆ
ไม่เคยกอดเคยหอมกัน ทำท่าทางจี๋จ๋ากันเหมือนคนอื่นเขาหรอก

ขนาดจะมีอะไรกัน
ยังชวนกันดื้อ ๆ เลย
ดูหนังก็ไปดูกันแต่หนังบู๊ล้างผลาญ
ดอกไม้วาเลนไทน์ไร้สาระ
ของขวัญปีใหม่น่ะเหรอ
ไม่ว่าจะวันสำคัญขนาดไหน ลืมไปได้เลย

ภาคีไม่เคยมีของขวัญให้ เขาก็ไม่เคยให้ภาคีเหมือนกัน
ช่างเป็นคู่รักที่ดูจืดชืดสิ้นดี
แต่ภาคีก็ไม่เคยนอกใจเขาแม้แต่ครั้งเดียว
และไม่เคยทำให้ต้องปวดหัวกับเรื่องความเจ้าชู้หรือเรื่องที่ทำให้เขาอึดอัดใจเลย

เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น
เขาเองก็ตอบแทนด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครให้ภาคีต้องปวดหัวเช่นกัน

“ไปแล้วต้นสน...เดี๋ยววันเสาร์เจอกัน” ภาคีขับรถออกไปแล้ว

และร่างโปร่งบางก็ตามออกไป
วันนี้ก็เหมือนทุก ๆ วันที่การใช้ชีวิตประจำวันเพิ่งเริ่มต้น

ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าวันต่อไปจะเป็นยังไง
รู้แค่เพียงวันนี้ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอ

************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:23:00
“ไอ้สนมึงกะพี่คีอ่ะ...อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ..กันจริงเหรอวะ”

ร่างสูงแกร่งเพื่อนสนิทของร่างบางเอ่ยถาม
อัษฎา เมื่อเห็นว่าพักนี้ ข่าวลือเรื่องต้นสนซา ๆ ลงไปแล้ว
แต่มีข่าวลือใหม่ว่า
ใครมาล้อเลียนต้นสน
วันถัดมาจะโดนลากไปซ้อมจนน่วม
เคยมีคนลองแล้ว
และวันถัดมาก็น่วมจริง ๆ ข่าวว่าหมอนั่นโดนลากไปซ้อมซะเละ

(แต่ไม่มีใครรู้ความจริงว่า ไอ้บ้านั่น ขับมอร์เตอร์ไซค์เสียหลัก คว่ำ
แต่กลัวเสียฟอร์ม เลยมาบอกว่าโดนลากไปซ้อม)
“อะไร..อ๊ะ..อ๊ะ..ของมึงมันอะไร” ต้นสนรู้สึกเขิน ๆ กับคำพูดแซวของเพื่อน
เข้าใจความหมายอยู่หรอก แต่ก็ไม่กระโตกกระตามมาก กลัวไปถึงหูพี่คี


“โอ้ย....กูไปถามพี่คีดีกว่า...แปลกว่ะ..พี่คีนี่มีหญิงติดเพียบ...ทั้งที่วัน ๆ แกไม่เคยคุยกะใคร
เห็นนั่งสูบบุหรี่ข้างโรงฝึกทุกวัน....แล้วอยู่กะมึงแกพูดมั่งป่าววะ....”

ไอ้ไก่เพื่อนคนละแผนกเอ่ยถาม ไอ้ไก่มันก็ไม่ค่อยกล้า
จะพูดอะไรมากความหรอก เพราะมันก็คั่วอยู่กะผู้ชายเหมือนกัน

“ก็พูด...ทำไมไม่พูดล่ะ...” อัษฎาหันหน้ามามองหน้าเพื่อน
ภาคีเรียนภาคเช้า แต่เขาเรียนภาคบ่าย
ช่วงพักกลางวัน
ภาคีจะซื้อขนมมาให้
และนั่งอยู่ด้วยตลอดพักกลางวัน

และเมื่อเขาไปเรียน
ร่างสูงนั้นก็กลับบ้าน
ไปนอน
เพื่อจะไปรับเขาไปกินข้าวเช้า
ตอน ตี 5 ครึ่ง
ของทุกวัน

เรื่องที่ห่วงก็เป็นเรื่องที่สูบบุหรี่จัดมาก
วันหนึ่งสูบสามสี่ซอง
เสียดายเงินจะแย่
แล้วก็เรื่องที่เวลาโมโห พี่แกจะโมโหร้ายมาก
ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ถูกใจอะไร
ก็เดินไปซัดกันซะดื้อ ๆ ไม่มีเหตุผล

แต่ช่วงนี้หลังจากที่พูดกันมากขึ้น ก็ปราม ๆ พี่คีไปบ้างแล้ว
แกก็ดูจ๋อย ๆ ลงไปบ้างนิดเดียว
“สน...ไปกินข้าวกัน...” หน้าตาบูดบึ้งสุด ๆ ของภาคีมาปรากฏตรงหน้า
ร่างบาง
ก่อนจะทั้งดึงทั้งลากให้ไปกินข้าวพร้อมกันที่โรงอาหาร
ทุกคนเห็นกันชินตา
แต่ไม่กล้าลือว่าไอ้สนเป็นเด็กของภาคี
กลัวจะโดนเหยียบเอา

หลัง ๆ มาก็ชักชิน
เลยพลอยให้คู่อื่น ๆ ที่ชอบ ๆ กัน กล้าเปิดตัวกันมากขึ้น

“สน...ขนมครกนะวันนี้...เห็นสนชอบกิน” ภาคีวางถุงก็อบแก็บลง
ก่อนจะจัดการกับอาหารจานเดียวที่อยู่ตรงหน้า


“กินแต่ผัดกระเพราไข่ดาว...ไม่เบื่อเหรอ” ต้นสนเอ่ยถามร่างสูงแผนกโยธาหน้าเฉยชานั้น
ที่ตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวกิน

“ไม่เบื่อหรอก...เพราะพี่ก็ไม่เคยเบื่อต้นสนเหมือนกัน”

ภาคีพูดแบบนี้เป็นครั้งที่ล้าน ไม่ว่าอะไรก็เอามาโยงกันจนได้
แต่ไม่เคยบอกว่ารัก
ไม่เคยบอกว่าชอบแม้แต่คำเดียว
แต่การกระทำต่าง ๆ ที่ทำให้ มันก็พอจะยืนยันให้มั่นใจได้หรอก
ว่าภาคีรักต้นสนมากขนาดไหน


“พี่คีสนเสียดายหนมครกนะ...ไม่อยากอ้วกออกมา” ภาคีตักข้าวเข้าปากเช่นกัน

เขินจนเลิกเขินไปแล้ว
มีอะไรกันตั้งขนาดนั้นแล้ว
จะมามัวเขินไปเขินมาก็กระไรอยู่

ทั้งที่ช่วงแรกเขากับภาคีแทบไม่แตะเนื้อตัวกัน
แต่ว่าอารมณ์มันพาไปก็เลยมีอะไรกันจนได้อีกรอบ
และอีกหลาย ๆ รอบ

เคยทะเลาะกันก็เคย ช่วงแรกที่เขาไม่อยากยอมรับว่าเขาก็เริ่มชอบภาคีเช่นกัน
แทบจะชกกันตาย
แต่ภาคีก็มาง้อ
ด้วยการทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม
มารับไปกินข้าวเช้าตอนตี 5 ครึ่งเหมือนเดิม
มันทำให้เขาไม่เขิน และภาคีก็ไม่เขินด้วย
ถ้าจะง้อกันแบบนี้
“สนบ้างานว่ะ.....หยุด ๆ มั่งเถอะไม่มีค่าเทอมพี่ออกให้ก็ได้..แฟนคนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้”
ภาคีบ่นเรื่องทำงานของเขาอีกแล้ว
แล้วจะให้ทำไงล่ะ
งอมืองอเท้า อยู่กับบ้านหรือไง ทำไม่ได้หรอก

“อย่าพูดมากเลย...สนไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนพี่นี่”
ใบหน้าหวานงอหงิกลง
ขยันบ่นจริง
ใครกันที่บอกว่าภาคีไม่ค่อยพูด โหยยย ขี้บ่นจะตาย เรื่องงานของเขาเนี่ย
บ่นเป็นที่หนึ่งเลย

“เห็นมั้ย...พี่ว่าแล้ว...สนต้องพูดแบบนี้...แล้วสร้อยพระอ่ะ...ถอดเก็บ ไว้อีกล่ะสิ..บอกให้ใส่ไม่รู้จักใส่” ภาคีเริ่มบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อ
เห็นว่าลำคอของร่างบางโล่ง ๆ ไม่ได้ใส่อะไร ก็บ่นอีก
พระองค์ที่เคยให้ไว้ไม่ยอมใส่ ซะที จะกลัวอะไรนักหนา
สร้อยทองเส้นเล็กแค่นั้น
ไม่ต้องกลัวจะโดนกระชากหรอกน่ะ เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ก็ได้

“เมื่อเช้าอาบน้ำเลยถอดเก็บไว้...เดี๋ยวตอนเย็นก็เอามาใส่เองแหละน่ะ”

“ก็อย่าถอดสิ...” น่านนนนนนนน...แล้วภาคีก็ยังไม่เลิกบ่น และทำท่าจะบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อ
ถ้าอัษฎาไม่รีบห้าม

“พอแล้วพี่คี...ขี้บ่นว่ะ...สนจะไปเรียนแล้ว...ไปแหละ” ต้นสนลุกขึ้นคว้ากระเป๋าจะออกจากโรงอาหาร

“แล้วอย่าลืมนะ....เรื่องดูหนังอ่ะ” ภาคีกำชับกับร่างบางที่ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป

“สนรู้แล้วน่ะ...ไม่ได้ความจำสั้นหรอก” คำพูดซ้ำ ๆ ของร่างบาง
ที่ไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าต้องติดไปพูดในอนาคต บอกกับร่างสูง
ก่อนจะส่งยิ้มให้กับภาคีแผนกโยธา ที่ถูกหาว่าเป็นคนแก่ขี้บ่นทุกวัน

“เดี๋ยว 2 ทุ่มโทรหานะ” ภาคีตะโกนไล่หลัง ร่างเล็กที่เดินลิ่วไปแล้ว

ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมกลับบ้านนอน

ภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงตอน ตี 5 ครึ่ง รออยู่
กลับบ้านนอนดีกว่า นะ

****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:23:27
“สนกินอะไรดี” คำพูดซ้ำ ๆ ประโยคเดิม ที่อัษฎาจำได้ขึ้นใจ
ไม่รู้ภาคีจะถามเขาทำไม ในเมื่อไม่เคยรอคำตอบจากเขา
พี่ท่านก็สั่งนั่นสั่งนี่มาจนเต็มโต๊ะ
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากิน กิน กิน โดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

แล้วมันจะลากเขามากินข้าวตอนตี 5 ครึ่งของทุกวันทำไม
แถมตี 2 เป๊ะ เดินมาซื้อบุหรี่ แล้วก็นั่งสูบอย่างเอาเป็นเอาตาย
รอจนเขาเลิกงาน แล้วค่อยลากเขาไปกินข้าวด้วยทุกวัน

สิ่งที่โมโหที่สุดคือ
นี่หรือคือวิธีการขอโทษของคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาน่ะ
ไม่มีการพูดว่าขอโทษสักคำ

ไม่เคยถามว่าเขารู้สึกยังไง
โกรธมั้ย
โมโหมั้ย
แล้วจะดีกันเมื่อไหร่
ก็ไม่เคยถาม

เอาแต่ลากเขามานั่งกินข้าวด้วย
แล้วก็เงียบ
ไอ้ตัวเขาเองนี่ก็คงบ้ายิ่งกว่า รู้ทั้งรู้ว่าไอ้แผนกโยธามันทำเลวไว้ขนาดไหน
ก็ยังมานั่งกินข้าวกับมันได้หน้าตาเฉย

อัษฎาเหลือบตามองร่างสูงหลายครั้ง และก็เหมือนเดิม
ภาคีไม่เคยสนใจจะพูดกับเขาสักคำ
จนเขาอยากจะบ้าตาย

“ไม่ขอโทษเรื่องนั้นหรือไง” หลังจากมากินข้าวกันเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ความจี๊ดในหัวของอัษฎาก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป
ต้องเอ่ยถามด้วยความโมโหเสียงดัง
ภาคีเพียงแค่ชะงักนิดเดียว
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาตักต้มยำรวมมิตรซดน้ำกินอย่างอร่อย
ทำเหมือนไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร
ยิ่งเพิ่มความโมโหให้กับอัษฎาทวีคูณขึ้นไปอีก

ร่างบางลุกพรวดพราดยืนขึ้น ด้วยความโมโห
ก่อนจะกระชากคอเสื้อของร่างสูงให้ตามขึ้นมา
ตะคอกถามเสียงดัง

“ถามว่าไม่ขอโทษหรือไง...เรื่องนั้นน่ะ” อัษฎาเลือดขึ้นหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดด้วยความโมโห

ไม่ตอบไม่ว่า แต่ทำเฉยนี่สิ ใครมันจะไม่โมโหกัน
ฝ่ามือแกร่งเพียงแต่จับมือเขาให้ผละออก และกดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม

น่าแปลกที่อัษฎายอมนั่งลงได้ตามที่ร่างสูงนั้นต้องการ
ยังโมโหฟึดฟัดอยู่ กำลังจะอ้าปากหาเรื่องอีกสักรอบ
ก็ปรากฏว่าภาคีตักปลาหมึกในจานผัดกระเพรามาใส่จานข้าวของเขาและพูดว่า

“พี่เห็นสนชอบกิน...สั่งกับข้าวทีไรสนก็กินแต่ปลาหมึกผัดกระเพราอย่างเดียวทุกที
แต่พี่ชอบกินผัดบวบ ขอโทษที่พี่สั่งผัดบวบ ทั้งที่สนไม่ชอบกิน”

ภาคีพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันสักนิดกับเรื่องที่อัษฎาโมโห
กลับไปพูดเรื่องอื่นหน้าตาเฉย เล่นเอาอัษฎาตามไม่ทัน

หมึกผัดกระเพรางั้นเหรอ
สังเกตอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอว่า เขากินอะไรแล้วไม่ชอบกินอะไร
ที่เห็นว่านั่งนิ่ง ๆ ไม่เคยพูดนั่น
ที่แท้ก็สังเกตเขาอยู่เหมือนกันหรอกเหรอ
แล้วเรื่องที่ขอโทษเรื่องผัดบวบ ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันสักนิด

ถ้าต้นสนได้ยินเสียงหัวใจของคนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงข้าม
ต้นสนคงจะได้รู้ว่า
ประโยคที่มาแทนการขอโทษเรื่องอาหารนั้น
ภาคีต้องการจะพูดว่า

ขอโทษที่ทำเรื่องที่ไม่ชอบ แต่พี่ทำไปแล้ว กลับไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้
พี่ก็เรียนรู้สิ่งที่ต้นสนชอบอยู่นี่ไงล่ะ


อัษฎานึกโมโหคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน
เป็นบ้าอะไรแทนที่จะขอโทษเรื่องนั้น
กลายเป็นว่าขอโทษเรื่องสั่งผัดบวบ

แต่เมื่อนึกทบทวนไปมา ถึงได้รู้ ว่านั่นเป็นการขอโทษของร่างสูงนิ่งเฉยนี้
“นายขอโทษแล้วใช่มั้ย...” อัษฎาเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
และพยายามคาดเดาความคิดของร่างสูงนี้

การพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ ทำให้อัษฎาดีใจ
แต่แล้วก็ชะงัก
เขาควรดีใจที่ภาคีขอโทษ หรือดีใจที่เริ่มอ่านความรู้สึกของภาคีออกกันแน่
ก่อนจะตักผัดปลาหมึกในจานเข้าปาก

ชอบกินผัดกระเพราปลาหมึกนะ
ไม่ได้ยกโทษให้ อย่าฝันไปหน่อยเลย

อัษฎายังคงก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยใบหน้าหงิกงอต่อไป
ไม่ได้ทันสังเกต นัยย์ตาคมที่ลอบยิ้มน้อย ๆ
ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้ววันนั้นก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม

สำหรับภาคี ไม่เปลี่ยนแปลงแน่ จีบได้แค่นี้แหละ
แต่สำหรับอัษฎา ภาคีก็ยังไม่รู้ว่าอัษฏาจะใจอ่อนเมื่อไหร่
ได้แต่หวังว่า ไอ้การมาให้เห็นหน้าเช้ามืด และดึกดื่นป่านนั้น
จะทำให้สักวัน ต้นสน ยอมยกโทษเรื่องนั้นให้สักที

*****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:23:46
"โหย ... ไอ้ห่าเอ้ย...เล่นโคตรเก่งเลยว่ะ" ต้นสนเดินออกจากโรงภาพยนต์พร้อมกับภาคี
เพราะหนังที่ไปดู พระเอกเก่งเกินคน สุดยอดของความเก่ง
คนร่างสูงโปร่งนั้นก็เลยชมไม่ขาดปาก รู้สึกชอบใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้
ว่าแต่ภาคีรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากดูหนังเรื่องนี้

อัษฎาปลายตามองร่างสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ
และก็เหมือนเดิม พี่แกก็ยังคงเงียบ แล้วก็เฉย เหมือนเดิม
จะไม่พูดอะไรเลยหรือไง วัน ๆ
พามาดูหนังแล้วก็ มาเดินเงียบ มันจะเอายังไงของมันกันวะ

"เฮ้ย..หนังไม่สนุกหรือไง......ไม่อยากดูแล้วชวนมาทำไมวะ" อัษฎา ใช้ข้อศอกกระทุ้ง
ไปที่แขนของร่างสูง นิ่งเงียบนั้น

ตอนตี 5 ครึ่ง ภาคีก็มารับเขาไปกินข้าวเหมือนทุกวัน
ก่อนจะกลับก็ยื่นตั๋วหนังให้
อัษฎารับมาถือไว้อย่าง งง ๆ

แล้วร่างสูงนั้นก็บอกว่า

"รอบบ่ายสาม...มาให้ทันล่ะ" ภาคีพูดแค่นั้นแล้วก็โบกรถแท็กซี่กลับบ้านไปเฉยเลย
ไม่สนใจสักนิดว่าเขาจะไปได้หรือไม่ได้ พี่แกไม่ถามอะไรเลย
จะบอกว่าชวน ก็ไม่เชิง
มันออกแนวเหมือน ---- ไม่ว่ายังไงมึงก็ต้องไป เพราะกูซื้อตั๋วให้มึงแล้ว----
ประมาณนั้นเลย

แล้วตอนนี้เขาก็มานั่งดูหนังกับภาคีจริง ๆ
หนังเหรอ ก็งั้น ๆ แหละ ธรรมดา แค่ต้นสนมาด้วยพี่ก็รู้สึกว่ามันสนุกแล้วล่ะ ต่อให้หนังมันน่าเบื่อกว่านี้ก็เถอะ

นั่นคือความคิดของภาคี แต่เขาก็ไม่ยอมพูดออกไป
ได้แต่พูดประโยคสั้น ๆตอบคำถามของต้นสนว่า

"ก็ดี"
ภาคีพูดแค่นั้นแล้วก็เดินเรื่อย ๆ ลงบันไดเลื่อน
พร้อมกับร่างโปร่งบาง ที่หันหน้ามามองเขา
เหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็เดินตามเขามาแต่โดยดี

ภาคีตรงไปร้านสุกี้ และเดินเข้าไปนั่ง
พนักงานเดินเข้ามาจดรายการอาหารที่เขาสั่ง
น่าแปลกที่ภาคีไม่ได้ถามอัษฎาสักนิดว่าจะกินอะไร จะเอาอะไร

ชายหนุ่มสั่งนั่นสังนี่ เต็มไปหมด
และที่แปลกกว่านั้นก็คือ รายการอาหารพวกนั้น
เป็นของที่ต้นสนชอบทั้งหมด

"แชร์...." ร่างโปร่งบางที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยกับร่างสูง ที่นั่งเฉยรออาหารที่จะนำมาเสริฟ
หนังก็ไม่ยอมให้เขาจ่ายค่าตั๋ว
ข้าวที่กินทุกวัน ก็ไม่ยอมให้เขาออกค่าข้าว
วันนี้แหละ ยังไงก็ไม่ยอมหรอก ให้เลี้ยงอยู่ฝ่ายเดียวได้ไง
เสียศักดิ์ศรี ไม่ได้เห็นแก่กิน เห็นแก่สบายนะ

ภาคีเงยหน้ามองเขาแว่บหนึ่ง แล้วก็ทำเหมือนไม่สนใจอีก
นั่งเงียบมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

"บอกว่าแชร์ค่าข้าว...ได้ยินมั้ย" อัษฎาถามย้ำอีกครั้ง ภาคีมันเป็นบ้า
ไม่เคยฟังที่เขาพูดเลยหรือไง โมโหจริง ๆ

"ทำไมต้องแชร์....." ภาคีถามกลับ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าเนียนขาวตรงหน้านิ่ง
เล่นเอาอัษฎาทำอะไรไม่ถูก อึกอัก คิดคำตอบไม่ทัน

"ผมไม่ใช่ผู้หญิงอีกล่ะสิ" ร่างสูงต่อให้

และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ อัษฎาตั้งใจจะพูดอย่างนั้นจริง ๆ พออ้าปากจะพูด
ภาคีก็ต่อให้เสร็จสรรพ
จนเขาต้องหุบปากเงียบลง

ตั้งท่าจะเถียงต่อ
แต่พนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟ จนเต็มไปหมดทั้งโต๊ะ

"ท้องอิ่มก่อนแล้วกัน...ค่อยรบกันต่อ" ร่างสูงหยิบผักในจานมาเทใส่หม้อน้ำที่เริ่มเดือด
หยิบนั่นหยิบนี่ใส่ จนเต็มไปหมด
แล้วก็ปิดฝาหม้อ
มือแกร่งเอื้อมหยิบถ้วยน้ำจิ้มเล็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งของอัษฎามาบีบมะนาว
แล้วก็เท พริกและกระเทียมลงไปผสม คน ๆ จนได้ที่แล้วก็ส่งกลับคืนให้กับร่างโปร่งบางตรงหน้าเขา
ก่อนจะแกะตะเกียบของตัวเองออก
และบีบมะนาวใส่ในน้ำจิ้มถ้วยของตัวเอง
และก็เช่นเคย พี่แกก็ยังเงียบอีกเหมือนเคย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:24:00
อัษฎารับถ้วยนั้นมาแล้วก็เริ่มลงมือตัก อาหารที่อยู่ในหม้อเดือด ๆ มาใส่ถ้วย
แล้วก็ราดด้วยน้ำจิ้ม ตักเข้าปาก
เพียงคำแรกที่สัมผัสปลายลิ้น
ต้นสนคิดว่าภาคีปรุงน้ำจิ้มให้เขาได้อร่อย แล้วก็ถูกใจมาก
รู้ได้ยังไงว่าเขาชอบกินรสนี้
ดวงตากลมทอดมองร่างสูงตรงหน้า
ที่ตั้งหน้าตั้งตาคีบอาหารใส่ปาก
มีบางครั้งที่ตัก ของชอบของเขาใส่จานให้
แล้วเขาก็รับมันมาใส่ปากเงียบ ๆ
ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ กินไปเงียบไป
สนใจอยู่แต่กับการกินเท่านั้น

ภาคีตื่นเต้นมากที่จะได้มากินข้าวกับอัษฎานอกเหนือจากกินข้าวต้มโต้รุ่ง
ที่กินด้วยกันอยู่ทุกวัน

เขาถือฤกษ์งามยามดี ที่รู้ว่าเป็นวันหยุดของต้นสน ไปซื้อตั๋วหนังมาให้
จะชวนก็ไม่รู้จะชวนยังไง เลยเอายัดใส่มือให้ต้นสน
ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าร่างบางนั้นจะมาหรือเปล่า
แต่พอเห็นต้นสนมาปรากฎตรงหน้า เขาก็ดีใจที่สุด แต่ต้องเก็บอาการ
เดี๋ยวจะหาว่าเวอร์

แล้วเขาก็คิดมาตลอดเลยระหว่างที่ดูหนังด้วยกัน
ถ้าแกล้งเผลอไปโดนมือ มันจะแปลกมั้ย
แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ กะจังหวะตอนที่มือเล็ก ๆ
เอื้อมมาหยิบข้าวโพด เขาก็เอื้อมไปหยิบบ้าง
มือแตะกันพอดี
แต่ก็แค่นิดเดียว
ต้นสนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เขาก็ทำเป็นเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ในใจนั้นเต้นระทึกไปถึงไหนแล้ว

หลังจากนั้นก็ออกมากินสุกี้ด้วยกัน
ซึ่งทั้งเขาแล้วก็ต้นสน ก็ตั้งหน้าตั้งตากินกัน
โดยไม่ได้พูดอะไรกัน
กินกันจนหมด

แล้วร่างบางนั้น ก็ยื่นแบงค์ให้เขา บอกว่าค่าข้าว แต่เขาก็ไม่ได้รับไว้
จ่ายเงินเสร็จก็ลุกออกมาเงียบ ๆ

ร่างบางนั้นคงจะหงุดหงิดไม่พอใจอยู่เหมือนเกิน
เดินมาพยายามจะยัดเยียดเงินใส่มือของภาคี
ร่างสูงก็เลยแกล้งดึงเงินไว้แล้วก็จับมือเล็ก ๆ นั้นซะเลย

เขาสังเกตเห็นต้นสนหน้าแดง ๆ แล้วก็สะบัดมือออกไปพร้อมกับเงินที่เอามายื่นให้เขา

"ดีเว้ย...กินแค่ไหนก็ไม่ต้องจ่าย....มากินข้าวกับคนรวยก็ดีอย่างงี้แหละ"
ร่างบางประชดเขาก่อนจะก้าวเดินฉับ ๆ ออกไป
ยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์

ภาคีมาส่งอัษฎาขึ้นรถ ไม่ได้ตามไปส่งถึงบ้านหรอก
เดี๋ยวจะมาตะโกนใส่หน้าเขาว่า

"ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ..." อีก
อัษฎาเดินขึ้นรถเมล์ ได้ที่นั่งข้างหน้าต่าง
ไม่ได้หันไปสนใจกับคนที่มาส่งเลย
นั่งคิดอะไรไปเรื่อย
ภาคีจะมาอะไรกับเขานักหนากัน
มารับไปกินข้าวได้ทุกวัน
แล้ววันนี้.....เขากับภาคี....เรียกว่ามาเดทกันหรือเปล่านะ

ร่างบางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันกลับมา
ก้มมองมือของตัวเอง
เผลอยิ้มออกมา
สัมผัสของร่างสูงที่เพิ่งลากันเมื่อครู่ยังหลงเหลือความอบอุ่นอยู่เลย

แล้วภาคีล่ะ จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่านะดวงตากลมเหม่อมองไปไกล

อัษฎาไม่มีทางรู้เลย
ว่าหลังจากที่เขาก้าวขึ้นรถเมล์ไปแล้ว

ภาคีเองก็ยิ้มร่าเหมือนกัน ยิ้มจนแทบหุบยิ้มไม่อยู่
แล้วก็ยืนมองมือของตัวเอง
เดินยิ้มไปเรื่อย
ก่อนจะโบกแท็กซี่ให้ไปส่งบ้าน
วันนี้ อะไร อะไร มันก็ดูดีไปหมดเลยสำหรับภาคี

************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:24:17
ปีใหม่น่ะเหรอ
สำหรับต้นสนแล้ว เขาเกือบลืมไปด้วยซ้ำเรื่องวันปีใหม่อะไรนั่นน่ะ
คืนนี้เขาก็ยังคงทำงานที่ร้านสะดวกซื้อกะดึกอยู่เช่นเดิม
และภาคีก็มาซื้อบุหรี่ ตอนตี 2 อีกเหมือนเดิม
แล้วก็ไปนั่งรอเขา
เพื่อไปกินข้าวเช้าตอนตีห้าครึ่งเหมือนเดิม

แต่มันจะต่างกันหน่อยก็ตรงที่ว่า วันนี้ลูกค้าเข้าร้านน้อยก็แค่นั้นเอง

"สน...ป่านนี้คนอื่นเขาคงฉลองปีใหม่กันแล้วเนอะ" หญิงสาวที่เข้างานกะดึกเหมือนกับเขา
และไม่ได้หยุด หันมาบอกกับร่างโปร่งบาง ที่หันมายิ้มตอบรับ

อัษฎาเหลือบสายตามอง ร่างสูงของคนที่นั่งมองไฟถนนไปเรื่อยเปื่อย
ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากจุดที่เขายืนอยู่

วันปีใหม่ทั้งที ทำไมยังจะมาตามเฝ้าเขาอีก
น่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่า
ร่างสูงนั้นไม่เคยบอกสักคำว่าชอบ ว่ารักเขาหรือเปล่า
แต่เอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มให้เขาหมด
ต้นสนไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนัก
ไปเที่ยวด้วยกันก็แล้ว แต่ไปดูหนังกับกินข้าว..ธรรมดาแบบนั้น
จะเรียกว่าไปเดทได้เหรอ
ภาคีอาจจะหาเพื่อนไปเที่ยว แก้เบื่อก็ได้

แล้วที่มาตามรอเขาทุกวันเนี่ย อาจจะแค่มาขอโทษเรื่องที่ทำเลว ๆ กับเขาไว้ก็ได้
แต่เรื่องนั้น หมอนั่นก็ขอโทษไปแล้ว
ที่มารับเขาไปกินข้าวทุกวัน จะแปลว่าภาคีชอบเขาบ้างได้หรือเปล่านะ
แต่ว่า.....แต่ว่า อัษฎาเองไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
เขากับภาคีเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แค่มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว
แบบที่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ประทับใจนักหรอก
แทนที่ภาคีจะถอยห่างจากเขา กลับเข้ามาใกล้
เขากับภาคีแทบไม่พูดกันเลยด้วยซ้ำ
แต่ภาคีก็รู้ทุกอย่างว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
แค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอหรอก ที่จะแปลว่าภาคีรักเขาน่ะ
ถ้าเวลานี้ มันยังคงเดินไปด้วยกันได้เรื่อย ๆ
โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่อึดอัดใจกับความสัมพันธ์แบบนี้
ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ทำไมเขาจะต้องคิดอะไรให้มากกัน

ต้นสนเหลือบมองร่างสูงที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ม้านั่งนอกร้านอีกครั้ง
ก่อนจะหันมาสนใจกับการคิดเงินหน้าเคาร์เตอร์เมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านต่อไป

******************
"กลับก่อนนะครับพี่...." ร่างโปร่งบางคว้ากระเป๋าเป้เดินออกนอกร้าน
เมื่อเวลาตีห้าครึ่งเหมือนเช่นทุกวัน
และคนที่นั่งอยู่ที่ม้านั่ง
ก็หันกลับมามองและเดินตามเขามา
แต่มีบางสิ่งที่ต่างออกไป

"ตักบาตรกัน.." ภาคีเดินนำเขาไปที่ร้านข้าวต้มร้านเดิม
และวางชุดอาหารตักบาตรลงบนโต๊ะ
สองชุด

ไปซื้อมาตอนไหนกัน เห็นนั่งอยู่ตลอดนี่นา

"กินข้าวก่อนแล้วไปตักบาตรปีใหม่กัน..." ภาคีรู้ว่าเขาและต้นสนไม่ได้มีโอกาสฉลองปีใหม่
เหมือนกับคนอื่นแน่นอน
เขาไม่คิดว่าปีใหม่จะต่างจากทุกวัน
ในเมื่อเขาก็ยังชอบต้นสนเหมือนทุกวัน ไม่ว่าปีไหน ๆ ก็เหมือนกัน

ร่างโปร่งบางเหลือบตามองเขาเหมือนไม่เข้าใจ
ก่อนจะสนใจกับการตักกับข้าวตรงหน้าใส่จานแล้วก็ลงมือเคี้ยวเหมือนทุกวัน
ต่างคนก็ต่างกิน ไม่มีใครชวนใครคุย
กินเสร็จจ่ายตังค์ และก็เดินออกจากร้านเหมือนเดิมทุกประการ
แต่วันนี้ต่างออกไป
"อ่ะ...ของสน.." ร่างสูงนั้นยื่นข้าวปลาอาหารที่จัดชุดมาเรียบร้อยให้กับอัษฎา
และตัวเองก็ถือไว้หนึ่งชุด
และนำให้ต้นสนเดินตามเขา
มาที่ทางเดินที่ภาคีสังเกตทุกวัน
ว่าจะมีพระมาเดินบิณฑบาตรในตอนเช้า

และในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน
พระหนึ่งรูปพร้อมกับเด็กวัดหนึ่งคน
ก็เดินผ่านมา

สองร่างย่อกายลง
และใส่อาหารในบาตรพระ
วางตามด้วยดอกไม้
และนั่งคุกเข่าลง
ไหว้รับศีลรับพรจากพระรูปนั้น
ในวันปีใหม่

เป็นอันเสร็จพิธี

"สน...กรวดน้ำด้วย.." ภาคีถือขวดน้ำเล็ก ๆ เดินมาที่ใต้ต้นไม้
และดึงให้มืออัษฎาจับขวดน้ำไว้

ก่อนจะเริ่มบทกรวดน้ำ

ร่างโปร่งหันมองคนที่นั่งเคียงข้าง เออเนอะ...เห็นโหด ๆ เถื่อน ๆ
ธรรมะธรรมโมเหมือนกันนี่หว่า

"มีสมาธีด้วย..." ภาคีเอ็ดร่างที่นั่งอยู่เคียงข้างเสียงเบา

ก่อนจะค่อยเทน้ำลงที่โคนต้นไม้ จนหมดขวด

แล้วต่างคนต่างก็ลุกขึ้นยืน

ไม่รู้จะคุยอะไรกันต่อเหมือนเดิม

"เอ่อ...ไม่ไปเที่ยวปีใหม่กับเพื่อนเหรอ..." ต้นสนเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
เมื่อเดินย้อนกลับมาในทางเดินกลับบ้านของเขา โดยมีภาคีเดินตาม

"ไม่.." นั่นก็เป็นคำตอบสั้น ๆ ของภาคี
ทั้งที่ในใจของเขาคิดว่า
---ไปเที่ยวไม่เห็นสนุกเลย...สู้อยู่ตักบาตรกับต้นสนแบบนี้ดีกว่า---
แต่ก็เหมือนเดิม ภาคีก็ไม่เคยพูดอะไรอีกเหมือนเดิม
นั่นเท่ากับเป็นการตัดบทสนทนา ได้อย่างดีเยี่ยม
ภาคีนี่มันเป็นอะไรของมัน จะพูดกับต้นสนเกินสองประโยคไม่ได้เลยหรือไง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:24:33
"เฮ้ย....ไม่อยากพูดด้วยก็บอกนะเว้ย....ไม่ได้อยากคุยเหมือนกัน" ปีใหม่ทั้งที
แต่ต้นสนต้องมาหงุดหงิดกับไอ้ท่าที นิ่งเฉยของอีกฝ่าย
ใจคอมันจะปล่อยให้เขาเอาแต่เดาความรู้สึกของมันโดยไม่พูดเลยหรือไงกัน

"อยาก...ก็เลยซื้อนี่มาด้วย" ร่างสูงหยุดชะงักเท้าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์บ้านแบบเติมเงิน
ที่มีโปรโมชั่น โทรหากันในโครงข่ายเดียวกันฟรี
แบบแพ็คคู่ออกมา
ลวดลายเหมือนกัน เป๊ะ
รุ่นเดียวกัน อีกต่างหาก แต่มันขายเป็นคู่แค่นั้นเอง

อัษฎารับมาถือไว้แบบงง ๆ
เขาก็มีโทรศัพท์อยู่แล้ว จะเอามาให้เขาทำไมกัน

"คือว่า....พี่...พูดไม่ค่อยเป็น...แต่ว่าพี่...ก็เอ่อ...อยากคุยกับต้นสนนะ...
แต่ว่าพี่ก็....เอ่อ...ไงดีล่ะ...คือว่านะ"

หลังจากร่ายไปยาวโดยไม่เป็นประโยคสักที แล้วร่างสูงนั้นก็หยุดพูดไปดื้อ ๆ
เมื่อไม่รู้จะเรียบเรียงประโยคต่อไปยังไง
เขาแค่อยากจะบอก
อยากคุยกับต้นสน ขอให้ต้นสนรับ โทรศัพท์ที่เขาให้
แล้วก็ได้โปรดคุยกับเขาด้วย
ถ้าเขาจะโทรไปหา ต้นสนก็จะต้องด่าเขา
หาว่าเขาไม่ประหยัด แล้วถ้าเขาโทรวันละหลาย ๆ รอบ
ต้นสนก็อาจจะยิ่งด่าเขาเรื่องสิ้นเปลือง
รอให้ต้นสนโทรมาหาเขา นั่นยิ่งไม่ต้องคิด
แต่ถ้า โทรหากันฟรีแบบนี้ ต้นสนก็จะได้โทรมาหาเขาบ้าง ก็เท่านั้นเอง
แต่ปัญหาก็คือ
เขาจะพูดมันออกมายังไงดี

"อ๋อ...เข้าใจแล้ว..." อัษฎา หันมามองหน้าร่างสูงนั้นแบบเซ็ง ๆ
รับโทรศัพท์มาแล้วก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

"อ่ะ...." มือเล็ก ๆ ยื่นเงินให้กับภาคี
ร่างสูงนั้นทำหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ต้นสนยื่นเงินให้
ก็แล้วมันเป็นบ้าอะไรถึงไม่ยอมรับเงินกันล่ะ
แฟนก็ไม่ใช่....

"ทำไมต้องให้...ผมไม่ใช่ผู้หญิงอีกล่ะสิ..." ภาคีขมวดคิ้วมุ่น ทำไมต้นสนต้อง
ใช้ประโยคนี้ตลอดเวลา
เขาก็ไม่ได้เห็นต้นสนเป็นผู้หญิงสักหน่อย คิดมากไปได้

"เราไม่ได้เป็นอะไรกัน...มาเลี้ยงข้าวซื้อนั่นซื้อนี่ให้...ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกนะ
ถึงจะรับนั่นรับนี่ฟรี ๆ ตลอดน่ะ" มือเล็ก ๆ บังคับยัดเยียดเงินใส่มือของภาคีอีกครั้ง
เมื่อร่างสูงนั้นยืนนิ่งเฉย
"เราเป็นแฟนกัน..." ฝ่ามืออุ่นร้อนรีบยัดเงินกลับคืนให้กับอัษฎา
พูดประโยคที่ทำให้ร่างโปร่งบาง อ้าปากค้าง
และไม่รอให้ตกใจ

ภาคีเดินลิ่ว ๆ ไป โดยไม่หันกลับมามองหน้าคนที่ยืนหน้าเอ๋ออีก
โบกแท็กซี่แล้วก็นั่งกลับบ้านไปต่อหน้าต่อตาต้นสน

ทิ้งให้ต้นสนยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
เราเป็นแฟนกัน
เราเป็นแฟนกัน
เราเป็นแฟนกัน
เราเป็นแฟนกันเนี่ยอะนะ ทั้งที่ไม่เคยบอกรักเขาเลยงั้นเหรอ
แล้วก็ไม่เคยตกลงกันด้วยว่าคบกัน
แล้วไปเป็นแฟนกันตอนไหนวะ

อัษฎาเดินกลับเข้าบ้านอย่างงง ๆ เขาไม่เข้าใจภาคีเลย
ทั้งที่พูดอย่างนั้นกับเขา แล้วก็ไม่ยอมรอคำตอบ
เดินลิ่วไปเฉยเลย

มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อพบว่ามีสายเรียกเข้า
และเมื่อเขากดรับสายที่โทรเข้ามา

เจ้าของปลายสายก็พูดกับเขาว่า

"เราเป็นแฟนกันนะต้นสน..." เสียงของภาคีนั่นเอง

อัษฎายืนอึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปดี
แต่ปากเจ้ากรรมก็ตอบรับไปแล้วก่อนที่สมองเขาจะคิดเสร็จ

"ครับ" นั่นคือคำตอบของเขา
ก่อนที่สายที่โทรมาจะกดวางไปเรียบร้อย
หลังจากได้ยินคำตอบของเขา

ร่างโปร่งบางยืนนิ่งอยู่กลางซอย มองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือตัวเอง

ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาด้วยความอาย

ไอ้สนเอ้ยไอ้สน...เอ็งตอบรับเขาไปแล้วนะเว้ย
เอ็งตอบรับเขาไปแล้ว ตอนนี้เป็นแฟนกับไอ้บ้าภาคีแล้วนะเว้ย

ใบหน้าสวยหวาน กัดริมฝีปากตัวเองแน่น
ก่อนจะหน้าแดงจัด
เดินเข้าบ้านแทบไม่ตรงทาง เนื่องจากอาการทั้งเขินทั้งอาย

ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากภาคีนักหรอก

เมื่อได้ยินประโยคตอบรับของอัษฎา เขาก็แทบจะตะโกนร้องออกมาเสียงดัง
แต่ก็รีบกดวางสาย
แล้วก็นั่งมองโทรศัพท์ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงรูหู

เหม่อมองข้างทางที่พระอาทิตย์กำลังจะจะขึ้น
สลับไปมาระหว่างข้างทาง
กับโทรศัพท์ในมือ

เขาเป็นแฟนกับต้นสนแล้ว เขาเป็นแฟนกับต้นสนแล้ว
เขาเป็นแฟนกับต้นสนแล้ว

ไชโย่

******************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 00:24:54
ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอนแล้วเราก็รักกัน (ภาคว่างแล้วช่วยโทรกลับ)

12.00 น. "ต้นสนกินข้าวยัง......." เสียงภาคีนั่นเอง
"เออ..." ต้นสนตอบ และโทรศัพท์ก็ถูกกดวาง


18.30 น. "ต้นสน....กินข้าวยัง" เสียงภาคีเหมือนเดิม
"เออ..." ต้นสนตอบ และโทรศัพท์ก็ถูกกดวาง

01.00 น. "ต้นสน...ถึงร้านยัง" เสียงไอ้ภาคีเหมือนเดิม
"เออ..." ไอ้สนตอบ เสียงเริ่มมีน้ำโหนิด ๆ

02.00 น. "ต้นสน..ง่วงหรือยัง" เสียงไอ้คีเจ้าเก่า
"เออ.." จากที่อารมณ์ดี ๆ ชักเริ่มโมโห

02.03 น. "ต้นสน.รักพี่หรือยัง" เสียงเดิม ไอ้คีคนเดิม
"เอ้ออออออ...อะไรของมึงเนี่ย...ถามอยู่ได้กูบอกว่าเออไงล่ะ"

ต้นสนเริ่มโมโห
โทรอยู่ได้อะไรของมันวะ
แต่แล้วเมื่อปลายสายหัวเราะเสียงเบา ถึงได้รู้สึกตัว
มันหัวเราะอะไรวะ -----ต้นสนรักพี่หรือยัง----
แล้วเขาก็ตอบว่า-----เออ------
อ้าวเวร
ชิบหายแล้วมั้ยล่ะ

ปลายสายถูกกดวางไปแล้ว
พร้อมกับคนที่เดินเข้ามาในร้าน

ภาคีมองใบหน้าเนียนขาวนั้น ยิ้ม ๆ
ก่อนจะเอ่ย กับคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตา
ที่หน้าเคาร์เตอร์
เห็นชัด ๆ ว่าต้นสนมันเขิน

"บุหรี่ซองหนึ่งครับ....." ดวงตาคมลอบมองใบหน้าเนียนหวานที่ก้มหน้าก้มตาหยิบซองบุหรี่
มาส่งให้ และก็คิดเงินทอนให้กับเขา

ภาคีรับเงินทอนมาถือไว้
แล้วก็ก้าวเดินออกจากร้าน
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อแน่ใจว่าคนมาซื้อบุหรี่ออกไปแล้ว
ไม่หันกลับมาแน่ อัษฎาจึงหันไปมองร่างสูง
ที่จุดบุหรี่สูบบนเก้าอี้ม้านั่งหน้าร้านสะดวกซื้อตรงป้ายรถเมล์

"ไอ้บ้าคี...." ร่างโปร่งบางบ่นงึมงำ จนคนหญิงสาวข้าง ๆ ต้องหันมาถาม

"อะไรนะสน..." เธอคนนั้นเอ่ยถามร่างโปร่งบาง ที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้าง ๆ

"ป่าวครับพี่...ไม่มีอะไร" ต้นสนรีบเดินไปอีกทาง หลบสายตาของคนที่มองอยู่

"คนนั้นอ่ะ....เขาชอบสนมากเลยนะ...รอสนทุกวันเลย" เธอเอ่ยกับร่างโปร่งบางที่เดิน
หน้าแดงไปอยู่อีกมุม ทำทีเป็นจัดของไปเรื่อย

ก่อนจะเม้มปากแน่น
ไอ้บ้าภาคี ชาวบ้านชาวเมืองเขารู้กันหมดแล้ว
อายเหมือนกันนะเว้ย
ว่างจัดไม่มีอะไรทำหรือไง มาตามอยู่ได้ทุกวัน
อัษฎาเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่นอกร้าน
แล้วก็หันกลับมายืนขมวดคิ้วมุ่น
เอาไงต่อไปดีล่ะเนี่ย

**************************
"ไปนะครับพี่...." ต้นสนก้าวเดินออกจากร้าน
และคนที่นั่งอยู่ก็เดินมาหา

เดินกันไปกินข้าวที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งเหมือนเดิม

นั่งที่เดิม
กินข้าวแบบเดิม ๆ

แต่ไอ้คนตรงหน้าต้นสนชักจะไม่เหมือนเดิม

ไอ้ภาคีมันเอาแต่ยิ้ม
ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม
สั่งกับข้าวมันก็ยิ้ม

กินข้าวมันก็ยิ้มกับถ้วยข้าว
เห็นปลาหมึกผัดกระเพรามันก็ยิ้ม

เทน้ำใส่แก้วมันก็ยิ้ม

สภาพเหมือนคนเมายา
ยิ้มจนตาเยิ้ม

แต่แปลก มันไม่ยอมมองหน้าต้นสนเลย
ต้นสนก็ไม่ได้มองมัน
มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

ภาคีมองปลาหมึกผัดกระเพรา
ต้นสนก็มองผัดบวบในจาน

แล้วก็ต่างคนต่างตักกิน
ร่างสูงนั่งยิ้ม ในขณะที่ต้นสน
มองไปอีกทาง

ไม่มีบทสนทนาอีกเช่นเดิม

กินเสร็จ

แล้วก็จ่ายค่าข้าว

เดินออกจากร้าน

ก่อนจะแยกจากกัน

ร่างสูงก็หันมายิ้มกับอัษฎาแล้วก็พูดว่า

"รอโทรศัพท์ใครบางคนอยู่เหมือนกัน.....ไม่รู้ว่าเขาจะโทรมาหาบ้างหรือเปล่า
ค่าโทรก็ฟรี....ถ้าเจอเขาบอกให้ด้วย...ว่าว่าง ๆ ก็โทรมาหากันบ้างก็ได้"

ร่างสูงเดินไปแล้ว
ทิ้งให้อัษฎายืนนิ่งอยู่

แล้วก็ค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของคนบอกให้โทรหา

"ครับ...ผม..พี่คีครับ..." ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใคร
แต่ภาคีก็อดตื่นเต้นดีใจไม่ได้

"แค่นี้แหละ..." แล้วต้นสนก็กดสายวางไป

เดินเข้าบ้าน

อายก็อาย แต่ก็โทรไปแล้ว

ส่วนภาคี

แค่ต้นสนโทรมาหา
เขาก็ดีใจนักหนาแล้ว ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

*******************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-09-2008 00:53:54
น่าร๊าาาากมากมาย  :m1:น่าร๊าาาาากกกที่สุด :m3:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 20-09-2008 00:56:52
มาดึกน่ะคับลุง

โชคดีที่ยังไม่นอน

...
...
...

ขอบคุงน่ะคับ

คืนนี้ นอนหลับฝานดีน่ะ

ราตรีสวัสดิ์คับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-09-2008 01:51:40
><

อ่านสะใจเลย
^^

ขอบคุณนะคะลุงสิงห์
 :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 20-09-2008 01:57:37
 :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 20-09-2008 04:28:18

Vote 1+

Thanks 999999


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 20-09-2008 07:21:45
 :m1: เป็นคู่รักที่แปลกมากกกกกก ถึงมากที่สุด

แต่อย่างว่า การกระทำมันดีกว่าคำพูดเป็นหมื่นเป็นแสน  :m11: :m9:

มารอตอนต่อไปนะครับ ลุงสิงห์ +1 เป็นค่าความขยัน ที่ลงให้อ่านจนจุใจ :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 07:38:23
"ไอ้สน...มึงจำพี่คีที่อยู่โยธาได้ป่าว...ที่หน้าโหด ๆ หล่อ ๆ อ่ะ" ไอ้ไก่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างต้นสน

ไอ้พวกนี้มันแปลกสูบให้เปลืองเงินกันดีจริง ๆ เผาเงินเล่นกัน ดีที่ต้นสนไม่บ้าสูบตามไม่งั้นต้องเสียเงิน
ค่าข้าวแล้วต้องเสียค่าบุหรี่อีก

"ทำไม...มีอะไร" แค่ได้ยินชื่อภาคีต้นสนก็ร้อนใจ เกิดอะไรกับภาคีกัน

"ป่าวววววววววว ไม่มีอะไร..เมื่อก่อนกูเห็นเขานั่งสูบบุหรี่ข้างโรงฝึกทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้กูเห็นเปลี่ยนไปหลับที่ข้างโรงฝึกแทน"
ไอ้ไก่ชี้แจงแถลงไข ให้ต้นสนได้เข้าใจ

นอนงั้นเหรอ...ทำไมภาคีมันต้องนอนด้วย
เท่าที่รู้
ภาคีมันเรียนภาคเช้า
แต่มันมาเฝ้าต้นสนตั้งแต่ตี 2
ตี 5 ครึ่งมันก็รับไปกินข้าว
แล้วมันก็นั่งรถแท็กซี่กลับตลอดเลย
เห็นบางทีมันก็พับเสื้อชอร์ปไว้
หรือว่ามันนั่งรถไปเรียนตอนเช้าเลย

ร่างบางนิ่งคิด ถ้าใช่ภาคีมันก็บ้าเต็มทีแล้ว
เท่ากับว่ามันนอนตั้งแต่บ่ายแล้วตื่นประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง
เวลาที่ไปทำอย่างอื่นก็หายไปงั้นสิ
ไอ้บ้าภาคี
มันมาหลอกให้ต้นสน พูดว่ารักมัน
มาตามเฝ้า
มาบังคับให้เป็นแฟนดื้อ ๆ
แถมยังมีอะไรกันไปแล้วซะอีก
แล้วภาคีมันก็บอกว่ามันไม่ใช่คนเบื่ออะไรง่าย ๆ ด้วย

"เฮ่อออออ" อัษฎาถอนหายใจ

"เป็นไรมึงวะไอ้สน...ง่วงเหรอมึง..." ไอ้ไก่หันหน้ามาถามด้วยความสงสัย

"เปล่า...ไม่มีอะไรว่ะ" ร่างโปร่งบางหันมาตอบเพื่อน

ไอ้บ้าภาคีเอ้ย
ก็รู้หรอกว่ามาจีบ แต่ก็ไม่เห็นต้องไปนั่งทรมานตัวเองแบบนั้นเลยนี่นา
ยังไงคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วแบบนี้

"เฮ้ย...ไอ้สน...ขึ้นเรียนเหอะมึง...กูไปก่อนนะ" ไอ้ไก่เดินลิ่วไปที่แผนกของตัวเอง
และต้นสนก็คว้าเป้ เดินไปที่แผนกสารพัดช่าง
ระหว่างเดินก็คิดหาวิธีไปพลางว่าจะคุยกับภาคีคืนนี้ยังไงดี

***********************
"ต้นสน..เลิกเรียนหรือยัง" เสียงภาคีนั่นเอง

"เออ.....เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งวาง...ตอนนี้อยู่ไหน..." อัษฎาเดินไปที่ป้ายรถเมล์
เรียนเสร็จต้นสนต้องรีบกลับบ้าน
ไปนอนพักผ่อนเพื่อจะได้เข้างานกะดึกต่อ
จึงจะได้นอนอีกครั้งตอน หกโมงครึ่ง จนถึงเที่ยง

ถ้าเขาคำนวณไม่ผิด
ภาคีเลิกเรียนเที่ยงถึงบ่าย
ช่วงเวลานั้นภาคีอาจจะกลับบ้านไปนอน
แล้วตื่นขึ้นมาช่วงประมาณหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม
เพราะภาคีจะโทรมาถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง เวลาประมาณ หกโมงครึ่งตอนเย็น
หลังจากนั้นเขาคิดว่าภาคีน่าจะนอนต่อไปจนถึง เวลาประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง
แล้วก็ออกจากบ้านมาซื้อบุหรี่ตอนตี 2 นั่งอยู่อย่างนั้นจนถึง เวลาไปกินข้าวพร้อมกัน
แล้วภาคีก็คงไปเรียนต่อในตอนเช้าแน่ ๆ
แต่ยังไงคนที่ไม่เคยตื่นนอนผิดเวลา ก็คงจะต้องเพลียกันบ้างล่ะ เพราะปรับเวลาไม่ถูก

"พี่อยู่บ้าน...กำลังจะไปเตะบอล" ภาคีตอบกลับ
นี่คงเป็นครั้งแรกล่ะมั้ง ที่ต้นสนเริ่มคุยกับเขาแบบยาว ๆ ทางโทรศัพท์

"ตั้งแต่เมื่อวานถึงวันนี้ทำอะไรบ้าง..." ต้นสนเอ่ยถามภาคี

"เมื่อวานก็ไปกินข้าวกับต้นสนแล้วพี่ก็ไปเรียน แล้วก็ไปซื้อของให้แม่ต่อ
แล้วก็โทรหาต้นสนตอนเย็น
แล้วก็ไปเตะบอลต่อ ....
กลับบ้านมาก็อาบน้ำ
แล้วก็เขียนแบบตอน 3 ทุ่ม
แล้วก็นอน.....ต้นสนมีอะไรเหรอ" ภาคตอบกลับ
"นายนอนวันละกี่ชั่วโมง....." อัษฎาเริ่มคำถามใหม่

"ทำไมเหรอ...มีอะไรหรือเปล่า" ภาคีเริ่มกังวล เขาไปทำอะไรไม่ดีไว้หรือยังไงกัน

"นายนอนวันละกี่ชั่วโมง...." ต้นสนถามย้ำอีกครั้ง

" 8 มั้ง คนเราต้องนอนวันละ 8-10 ชั่วโมงนะ..."

แค่ได้ฟังคำตอบต้นสนก็กดวางสายทันที
สร้างความงุนงงให้กับภาคีเป็นอย่างมาก
และเมื่อเขาโทรกลับ
ซ้ำหลายครั้ง
ต้นสนก็ไม่รับสายอีก
และในครั้งที่ 12 ต้นสนก็ปิดโทรศัพท์
นั่นยิ่งสร้างความกังวลให้กับภาคีเพิ่มขึ้น
ต้นสนโกรธเขาเรื่องอะไรกัน
เขาไม่เข้าใจ

***************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 20-09-2008 10:15:49
ลุงสิงห์มาต่อไวๆนะ


หลานเบนซินรออยู่
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 20-09-2008 10:33:44
 :o :o :o

ไม่เข้ามาอ่านแป๊บเดียวลุงมาต่อเต็มเลย

555  ต่อแบบว่าสะใจสุด ๆ เลย

แล้วจะเข้ามาอ่านอีกนะคะ  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-09-2008 10:44:56
หนุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: piro ที่ 20-09-2008 11:15:25
มาเมนต์ให้กะลังใจลุงแกหน่อย จะได้มาต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 20-09-2008 11:43:12
 :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-09-2008 12:17:44
ม่ายนะ

อย่าทำร้ายหัวใจกันเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 20-09-2008 12:59:53
หนุก :m4: :m4:

ลุงสิงห์ลงได้สะจัยมากกกก

ลงแบบ non stop เลย

แนนมาให้กำลังใจลุงสิงห์น๊า

แต่เสียดายจังเรื่องนี้ยังไม่ได้โหม่งๆๆลุงสิงห์เลย

+1 ให้ลุงสิงห์จ้า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 20-09-2008 14:09:56
ลุงสิงห์ฟิต ( เฮ้ยย!! ไรว่ะ) จริง

ลงให้อ่านกันจนตาแฉะเลย +1 ให้ค่ะ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 20-09-2008 14:51:53
มาไม่ทันลงชื่อ ขอเกาะเพดานห้องอ่านแล้วกันนะค่ะ.... :m23:
+1 ให้ลุงสิงห์ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มาตามอ่านแบบจุจใจเลย  :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 20-09-2008 15:09:31
ขอบคุณมากๆนะครับคุณลุงสิงห์ที่มาต่อให้อย่างจุใจเลยทีเดียว :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 20-09-2008 16:28:15
บะ บะ บวก 1  :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 20-09-2008 16:36:27
สนุกดีอ้าคับ


แต่ว่า...เนื้อเรื่องมานเอื่อยๆ ไงกะไม่ยู้


อาจเปนเพราะว่า มานไม่ค่อยคุยกานมากวก่ามั้ง ชิมิ


+ ให้ลุงงงสิง งับ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-09-2008 17:53:13
งะมาทีก็ยาวเลย  พอจะจบ ก็ค้างคา
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 18:37:10
เมื่อวานถึงวันนี้เต็มที่ก็นอน 2-3 ชั่วโมง
แล้วยังมีหน้ามาบอกว่านอนวันละ 8-9 ชั่วโมงอีก
โกหกชัด ๆ
ทำไมต้องโกหกด้วย
เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกหก
ต้องทำให้เขาเป็นห่วงด้วย
ต้นสนปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
ด้วยความโมโห
โทรมาอีกก็จะไม่รับ
จะไม่คุยด้วยอีก

ร่างโปร่งเดินลิ่วเข้าบ้าน
ก่อนจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
แล้วก็เข้านอน
ข่มตาให้หลับลงอย่างลำบาก
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องนอน
เขาก็ข่มตาให้หลับได้ไม่ยากนัก

************************
ภาคีแค่อยากจะถามว่า ต้นสนถึงร้านหรือยัง
แต่เขากดโทรศัพท์จนมือจะหักแล้ว
แต่ต้นสนไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาเลย
แถมปิดเครื่องไปเสียอีก

เขาจึงมาดักรอต้นสนที่หน้าร้าน ด้วยความกังวลใจ
และเมื่อเห็นต้นสนเดินมา

ร่างโปร่งบางไม่ยอมมองหน้าเขาเลยสักนิด
แค่เห็นเขายืนอยู่
ต้นสนก็เมินหน้าหนี
นี่เขาทำอะไรผิดกัน

อยากจะเข้าไปถามแต่ยังไม่ถึงเวลา
ต้นสนต้องไปเช็คของ
ต้องไปทำงาน
คนเข้าร้านหลายคน
เขาไม่กล้าไปรบกวนต้นสน
ต้องนั่งรอ จนกว่าคนในร้านจะซาลง

และเวลา
02.00 น. ภาคีก็เข้ามาในร้าน
และพูดประโยคเดิม ๆ

"บุหรี่หนึ่งซองครับ....."

"สูบทำไมนักหนาบุหรี่....พวกชอบเผาเงินเล่น...รวยนักหรือไง" ต้นสนพูดเสียงดังให้ภาคีได้รู้

ร่างสูงนั้นหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนจะเดินไปหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาหลายซองแล้วก็นำมาคิดเงินหน้าเคาร์เตอร์

"บุหรี่ไม่เอาแล้วครับ...หมากฝรั่งแล้วกัน" ต้นสนยืนคิดเงินใบหน้างอหงิก
อารมณ์โมโหยังไม่จาง

อยากจะกระชากคอเสื้อมาถาม
ว่าเป็นอะไรนักหนา
ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วย
แต่อยู่ระหว่างทำงาน ..... ทำให้ทำอย่างนั้นไม่ได้
รอให้เลิกงานก่อนเถอะ
คงต้องเจอกันหน่อยแล้วแบบนี้
ภาคีเดินหน้าเสียออกไปนั่งอยู่นอกร้าน
วันนี้เขาไม่ได้จุดบุหรี่สูบเหมือนทุกวัน
แต่เคี้ยวหมากฝรั่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

10 ซองก็เคี้ยวทั้ง 10 ซองเลย
เขาอยากสูบบุหรี่มาก
ทุกวันเวลานี้เขาต้องได้สูบ
แต่วันนี้เหมือนเขาฝืนตัวเอง
จะเดินเข้าไปซื้อหลายครั้ง
แต่ต้นสนต้องว่าเขาแน่ ๆ
แต่เขาอยากสูบมาก จะทำยังไงดี
ภาคีได้แต่เคี้ยว เคี้ยว เคี้ยว หมากฝรั่งจนครบ 10 ซอง
รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

***************************
ตีห้าครึ่งต้นสนก็เดินออกจากร้าน
และภาคีก็เดินนำให้มากินข้าวที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง


"ต้นสน...กินอะไรดี...." จากไม่เคยพูดเขาก็ต้องคิดหาเรื่องมาพูดให้ได้

ร่างโปร่งบางตรงหน้ากำลังโกรธเขาอยู่
โดยที่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร

"เอ่อ...ผัดกระเพราปลาหมึกก็อร่อยดีนะ...พี่กินแล้วก็อร่อยดี...เอ่อ..แล้วก็ต้นสนกินผัดบวบสิอร่อยดีนะ"

ภาคีคิดหาเรื่องที่จะพูด แต่เขากับต้นสนก็ไม่เคยคุยอะไรกัน
แล้วเขาจะคุยอะไรดี

"แล้วก็เอ่อ...โทรศัพท์เสียเหรอ..ต้องส่งร้านซ่อมหรือเปล่า...แล้ว.."

ยิ่งคิดจะพูดยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรไปกันใหญ่
จนที่สุดก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

ต่างคนต่างก็นั่งเงียบ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 18:37:38
"นอนวันละกี่ชั่วโมง...." ต้นสนถามคำถามเดิมที่ถามเมื่อช่วงเย็น

"ตั้งแต่เมื่อวานถึงตอนนี้ ได้นอนข้างโรงฝึกแป๊บหนึ่ง...แล้วก็ยังไม่ได้นอนเลย..."
ร่างสูงก้มหน้าถอนหายใจ
เรื่องนี้แน่ ๆ ที่ต้นสนโกรธเขา
ถ้าลองถามย้ำ หลายครั้งแบบนี้ก็ใช่แน่

"ไม่ต้องมาเฝ้าอีกแล้ว....เลิกมาเฝ้าผมได้แล้ว..." ต้นสนตักข้าวเข้าปาก พูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด

ภาคีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ
ต้นสนรำคาญเขางั้นเหรอ
"ทำไม..." ภาคีพูดเสียงเบา จนแทบไม่ได้ยิน
รู้สึกชาวูบไปถึงปลายเท้า
ต้นสนขอเลิกกับเขางั้นเหรอ

"แล้วเลิกได้มั้ยบุหรี่....ยิ่งสูบก็ยิ่งเปลืองเงิน...."
ต้นสนพูดโดยไม่มองหน้าของภาคีเลยสักนิด

"เลิกบุหรี่แล้ว...มารอสนได้อีกมั้ย...สนไม่ชอบพี่ไม่สูบก็ได้...แต่พี่ยังมากินข้าวกับสนได้มั้ย..."
ภาคีที่ไม่เคยพูด
กลับพูดได้น้ำไหลไฟดับในวันนี้เอง

"มากินข้าวด้วยได้....แต่ไม่ต้องมาเฝ้าอีก...ไม่ได้หายไปไหน..."

อะไร..ภาคีมันทำหน้าตาตื่นเพราะอะไร
ต้นสนแค่จะบอกว่า
ไม่ต้องมาซื้อบุหรี่ตอนตี 2 แล้ว
รีบ ๆ เลิกไปเลยก็ดีบุหรี่น่ะ มันเปลืองเงิน
....แล้วก็เอ่อ....สูบมาก ๆ มันก็ไม่ค่อยดีกับร่างกายด้วย
....แล้วยังอดนอนอีก...ร่างกายมันจะไม่ไหวเอาน่ะสิ....
ถ้าจะมาก็ให้มาตอนเช้า
แล้วไปกินข้าวพร้อมกันเลย
จะได้ไปเรียน
แล้วตอนกลางวันค่อยไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันก็ได้

แล้วมันเป็นอะไร
ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้
เขายังไม่ได้ด่าอะไรสักคำ
"โกรธพี่มากมั้ย....ต้นสนจะเลิกกับพี่เหรอ..." ภาคีก้มหน้านิ่ง
ต้นสนคงยังโกรธเรื่องที่เขาทำเลวไว้กับต้นสนอยู่
แล้วก็คงรำคาญที่เขามาตามตอแย

"อะไรนะ...พี่คีจะเลิกกับผมเหรอ..."

ต้นสนเงยหน้ามองร่างสูงนั้นอย่างเอาเรื่อง
แค่บอกว่าสูบบุหรี่แล้วเปลืองเงินมันถึงกับจะเลิกเลยเหรอ

"ต้นสนอ่ะดิ...จะเลิกกับพี่อ่ะ...พี่ขอโทษต้นสน..พี่ขอโทษ" จากหน้าซีด ๆ หน้าภาคีหมองลงไปถนัดตา

"พี่คีนั่นแหละจะเลิกกับผมใช่มั้ย....หาเรื่องเหรอวะ..."
ต้นสนเริ่มโมโห เขายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะเลิกแล้วนี่อะไรเนี่ย

"ทำไมต้องเลิก...." ต้นสนตะคอกถามร่างสูงเม้มปากแน่นอยู่ฝั่งตรงข้าม


"ต้นสนโกรธเรื่องที่พี่...ทำเรื่องนั้นไว้นะสิถึงจะเลิกกับพี่" "แค่บอกว่าสูบบุหรี่แล้วเปลืองตังค์เนี่ยนะจะเลิกเลยเหรอ"

ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

เรื่องวันนั้นงั้นเหรอ.....ภาคีพูดถึงเรื่องเมื่อวันนั้น
แค่คิดถึงเรื่องวันนั้นของเขาและภาคีในห้องเก็บอุปกรณ์ขึ้นมา ร่างบางก็หน้าร้อนผ่าว

เรื่องสูบบุหรี่แล้วเปลืองตังค์งั้นเหรอ
ภาคีนิ่งคิด ..... ต้นสนห่วงเขานี่นา .... ถึงจะบอกว่าเปลืองตังค์ก็เถอะ..
ร่างสูงยิ้มกว้างออกมา
ในขณะที่ต้นสนหน้าแดงจัด


แล้วเรื่องที่ห้องเก็บอุปกรณ์
ต้นสน.....ก้มหน้าหลบตาภาคีอยู่นี่นา
ต้นสนเขิน.....น่ารักเว้ย....น่ารัก

ภาคีได้แต่คิด แต่ไม่ได้มองหน้าร่างบาง
ต้นสนมองไปทางไหน
เขาก็มองสวนไปอีกทาง

ต่างคนต่างไม่เป็นอันตักกับข้าว
เหมือนใจจะตรงกันไปหมด

แม้กระทั่งกับข้าว
ก็จะตักจานเดียวกัน
แล้วก็เอาแต่นั่งเขินกันไปเขินกันมาแบบนั้น

ก่อนจะเข้าสู่สเต็ปเดิมคือจ่ายตังค์แล้วก็เดินกลับพร้อมกัน
"เอ่อสน...ถ้า..ถ้า..ไม่มาเฝ้าสน..แล้วพี่จะ...จะได้เจอสนตอนไหนล่ะ..." ภาคีเอ่ยถามระหว่างที่เดินเคียงข้างกันมาที่ทางเท้า

"กลางวัน..ไป..ไปกินข้าวด้วยกันก็ได้...แล้ว..แล้ว..ตอนเช้าค่อยมากินข้าวพร้อมกัน..จะได้ไม่ต้องเฝ้าอีก"
ต้นสนเกิดอาการพูดไม่คล่อง
ขึ้นมาพร้อมกันกับภาคีแบบกระทันหัน

แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ

จนเมื่อเดินข้างกัน
อะไร อะไร ก็ดูเป็นใจไปหมด

เมื่อปลายนิ้วของทั้งสองแตะกัน

แต่ไอ้ครั้นจะผละจากก็ใช่ที่

จึงได้แต่ใช้ปลายนิ้วคล้องกันไว้อย่างนั้น

ต่างคนก็ต่างมองไปคนละทางด้วยความเขิน

แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา

วันนี้ภาคีและต้นสน..............ก็พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 20-09-2008 19:06:19
โหม่งๆๆ :oni2: :oni2:


ลุงสิงห์



แนนไปอ่านก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 19:15:37
เอาตามสะดวกเลยหลานแนน

ลุงก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆ

แวะมาดูถ้าเม้นต์มีพอสมควรก็จะลงให้ต่อครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: piro ที่ 20-09-2008 19:31:30
ลงน้อยจังลุง  เนี่ยมาโพสต์ให้แต่เรื่องของลุงนะ คนอื่นไม่ได้แอ้มผมร้อก  :angry2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 20-09-2008 19:45:24
น่ารักอ่าลุง

เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 20-09-2008 19:49:45

มาให้กำลังใจลุงด้วยคนครับ


ฝากขอบคุณคนแต่งด้วยน๊า :oni1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mcquack ที่ 20-09-2008 19:53:24
แปลกๆแต่น่าร๊ากกกก  จังเลยย คับบบบ  :o8: :oni2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-09-2008 20:05:58
มาให้กำลังใจลุง :a2: มาลงบ่อยๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 20-09-2008 20:32:55
มาต่อไวๆนะน้า


ลุงสิงห์



เด๋วพรุ่งนี้


จะแหกตาอ่านแต่เช้า



555++
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 20:49:57
ต้นสนนั่งมองโทรศัพท์ในมือตั้งแต่เที่ยง
ไม่มีสายเรียกเข้ามาหาเลยสักครั้ง

จนตอนนี้เวลา เที่ยงคืน
ใกล้ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว

แต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แววของคนที่เคยโทรมาทุกวัน

ต้นสนยังคงมองโทรศัพท์ในมือ
และครุ่นคิด
เขาจะโทรไปดีมั้ย
โทรไปหาภาคีบ้างดีหรือเปล่า

รอหน่อยก็คงไม่เป็นไร เพราะยังไงภาคีก็ต้องมาซื้อบุหรี่ตอนตี 2

เมื่อเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง
มันก็ปาเข้าไปตี 4 แล้ว
แต่ไม่ปรากฎแม้แต่เงาของภาคี

************************
ต้นสนมองเก้าอี้หน้าร้านที่ภาคีเคยมานั่งทุกวัน
แต่วันนี้ภาคีไม่มา

เขาเดินไปกินข้าวที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง
ที่เดิม
สั่งผัดบวบมากินหนึ่งจาน
พร้อมกับผัดปลาหมึก

ข้าว.....ที่เคยกินทุกวันเริ่มไม่อร่อย

มือเล็ก ๆ ล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา.....เขาจะโทรไปดีมั้ย...

และต้นสนก็ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์เข้าในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม
ก้มหน้าก้มตากินข้าว พยายามทำใจให้ลืม ๆ เรื่องของภาคีไปซะ

***************************
"ต้นสน....กินข้าวหรือยัง..." สายที่เรียกเข้ามาในตอนเย็นของอีกวันคือภาคี
อัษฎายิ้มอย่างดีใจ

ก่อนจะตอบกลับไปเหมือนเดิมว่า

"เออ......" แล้วปลายสายก็กดวางไป
อัษฎาแค่อยากจะถามว่า ภาคีหายไปไหนมา แต่ก็ไม่ได้ถาม
ครุ่นคิดติดสินใจอยู่นาน

ก่อนจะกดโทรหาภาคี

"แค่ก...แค่ก..พี่คี...ครับ.." ภาคีลุกขึ้นนั่ง...รับสายที่เรียกเข้ามาเมื่อรับรู้ว่าเป็นใคร
ต้นสนนั่นเอง

โกรธหรือเปล่าที่เมื่อเช้าไม่ไปรับมากินข้าวด้วยกัน
เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
แค่พยายามจะเลิกบุหรี่ แต่ร่างกายมันเหมือนคนไม่มีแรง
แถมยังอดนอนมาหลายวันทำให้เมื่อเขาล้มตัวลงนอน
ก็หลับเป็นตาย
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ก็ไม่ยอมตื่น

"บ้านอยู่ไหน..." ต้นสนเอ่ยถาม ภาคีคงไม่ค่อยสบาย เขาก็ต้องไปเยี่ยมตามมารยาท
เดี๋ยวจะถูกหาว่าเป็นคนใจดำ

"ซอยถัดจากหน้าโรงเรียน....ซอยที่สาม..เข้าซอยมา
บ้านหลังคาสีฟ้า.."

ปลายสายถูกตัดไปแล้ว
ร่างสูงล้มตัวลงนอนที่โซฟาชั้นล่างของบ้าน
เกือบหนึ่งทุ่มแล้วเหรอเนี่ย เขาต้องรีบนอนแล้วมั้ง

ฝ่ามือแกร่งเอื้อมหยิบเสื้อชอร์ปที่ปักป้ายสีฟ้า บ่งบอกแผนกสารพัดช่าง
บนกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายปักชื่อว่า อัษฎา และป้ายนามสกุลถูกเลาะออก แต่ปักด้วยตัวอักษรสีเดียวกัน ต่อท้าย ว่า ภาคี
เขาหยิบมาคลุมหน้าตัวเอง
และล้มตัวลงนอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์

*****************************
เสียงรัวกริ่งที่หน้าประตูบ้านทำให้ภาคีต้องตื่นขึ้น
และออกไปเปิดประตู ให้คนที่กดกริ่งเข้ามา

"ต้นสน......" แค่ได้เห็นหน้าของคนตรงหน้า ภาคีก็ดีใจ
ต้นสนมาได้ยังไงกัน

และร่างโปร่งบางก็ยื่นมือส่งถุงพลาสติกที่มีนมบรรจุใส่กล่องครึ่งโหลให้กับร่างสูง
ก่อนจะเดินผละจาก

แต่......

ฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นรั้งเอาไว้
ดวงตาคมสบกับตากลมโตนิ่ง

ภาคีดึงแขนให้ต้นสนตามเข้ามาในบ้าน ......
และรินน้ำเย็นใส่แก้วส่งให้.....

ต้นสนรับมาถือไว้...และดื่มจนหมดแก้ว
ก่อนจะลุกขึ้นยืน
เตรียมจะกลับบ้าน โดยมีภาคีเดินนำไปส่ง
แต่ร่างโปร่งบางก็เหลือบไปเห็นของบางสิ่ง

เสื้อ.....ของใคร...ชอร์ปของใคร....ทำไมคุ้นตานัก

อัษฎา....นามสกุล...ภาคี

มีที่ไหนกัน เขาไม่ได้นามสกุลภาคีนะ

มือเล็ก ๆ เอื้อมลงไปหยิบเสื้อชอร์ปตัวดังกล่าวขึ้นมาดู

และ ภาคี .... ที่กำลังจะเดินออกไปส่ง ก็เหลือบเห็นพอดี

"เฮ้ยยยยยยยย " ร่างสูงรีบคว้าเสื้อตัวดังกล่าวเอาไว้
ก่อนจะเอาไปแอบไว้ด้านหลัง

".......เอามา.." ร่างโปร่งบางพยายามยื้อยุด ดึงเสื้อตัวดังกล่าวมาดูให้ได้

"กะ...ก็...เสื้อ...ชอร์ปธรรมดาไม่มีอะไรหรอก..สนอย่าใส่ใจเลย...กลับ บ้าน..เอ่อ..กะ..กลับบ้านนอนดีกว่านะ..." ภาคีไม่ยอมให้ต้นสนดูเสื้อตัวนั้น

เสื้อชอร์ปที่เขาเปลี่ยนกันกับต้นสน ในโรงเก็บอุปกรณ์ ของที่เป็นความทรงจำระหว่างเขาและต้นสน

"เหรอ..." ต้นสนเดินออกไปในทันที เมื่อภาคีไม่ยอมให้ดูเสื้อตัวดังกล่าว

ภาคีรู้ว่าต้นสนไม่พอใจมาก....เขาเดินตามออกมา ทันได้ลัดหน้าคนตัวเล็กกว่าไว้

ก่อนจะยอม...ยื่นเสื้อในมือส่งให้

อัษฎา......ภาคี
แผนกสารพัดช่าง.....
เสื้อของต้นสนนั่นเอง

แล้วไปเลาะนามสกุลออกทำไม.....ไอ้ภาคี...ไอ้บ้า.....มันทำเหมือน..
ป้ายวันแต่งงาน ที่ชื่อคนแต่งจะถูกเขียนด้วยกัน

มือเล็ก ๆ ยื่นเสื้อคืนให้กับภาคีแล้ว
ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากบ้าน
และก็เผลอยิ้มออกมา

พอกับที่ภาคีเมื่อปิดประตูเดินเข้าบ้านแล้ว
ก็เดินตาลอย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความอาย....ต้นสนจะว่าเขาต๊องมั้ย...ที่ทำแบบนี้

ภาคีเดินมาล้มตัวลงนอนที่โซฟา
คลุมหน้าด้วยเสื้อชอร์ปตัวนั้น

ตีห้าครึ่ง เขาต้องไปรับต้นสนมากินข้าวเช้า
ตอนนี้เขาคงต้องนอนหลับ.....ให้ลง
ต้องข่มหน้าให้หุบยิ้มให้ได้

แต่ยังไง ๆ คืนนั้นทั้งคืน
ภาคีก็เลิกหุบยิ้มไม่ได้เสียที

*****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 20-09-2008 20:53:29
:oni2: :oni2:


ไปอ่านก่อนน๊าลุงสิงห์


วันนี้ได้โหม่งสองรอบแย้ววว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-09-2008 20:56:41
มาลงอีกครับ มาลงอีก นะนะ :impress:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 20-09-2008 21:05:42
ลุงสงิห์สุดยอกมาก อ่านแทบไม่ทัน


คู้นี้น่ารักไปไหน  :o8: ชอบบบบบบบบบบบบ


+1 ให้ความสุดยอดของลุงสิงห์  o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 20-09-2008 21:36:25
ลุงสงิห์สุดยอกมาก อ่านแทบไม่ทัน


คู้นี้น่ารักไปไหน  :o8: ชอบบบบบบบบบบบบ


+1 ให้ความสุดยอดของลุงสิงห์  o13

หลาน +1 มาให้ลุง

ลุงก็ +1 ให้หลานเป็นการขอบคุณ

ที่ติดตามกระทู้นิยายของลุงด้วยดีตลอดมา
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 20-09-2008 21:50:47
 :jul3: ลุงสิงห์ รีบมาต่อด่วน เพราะต้องการรู้ว่า เวลาคนมันดีใจแล้ว อมยิ้มอยู่คนเดียว

ต่อไปจะเป็นยังไง  รีบมาลงต่อหน่อยนะครับ ลุง  :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: momo_2007 ที่ 20-09-2008 21:51:59
อ่าๆๆ เร่องนี้ตอนแรกผมนึกว่ามันจะยืดเยื้อนะเนี่ย แต่ไหง มันโดดๆๆ มาซะขนาดนี้แล้ว
แต่ก็น่ารักดีคับ ไม่หวานแหวน ไม่เลี่ยน แต่ก็น่ารักดี

แต่ว่า ลุงสิงค์ ขอไรอย่างได้ม้าาา ต่ออีกเรื่องด้วยจิ หัวใจเร้นรักอะ ศิลา วาทิน อ่าาาาาาา ผมอยากอ่านต่อแล้วน้าาาาา
กำลังรอด้วยความหวัง  o7
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-09-2008 22:07:43
น่ารัก  น่าหยิกจริงๆๆเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 20-09-2008 22:20:53
อย่างนี้ต้อง+1ให้ลุงสิงห์

น่ารักมากเรื่องนี้ แปลกๆดี555

ชอบบบบบบบบบบบบบบ
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ :oni2:



หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 20-09-2008 22:46:16
น่ารักซะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 20-09-2008 23:50:32
ปะะะะ.........ทับบบบ........ใจมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wattanai ที่ 21-09-2008 00:12:19
อิอิ...น่ารักอะ...อ่านวันเดียวเลยอะ...ประทับใจมาก...
 :oni2: :oni2: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 21-09-2008 00:47:05
 :man1: ชอบมากเลยครับลุงสิงห์
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-09-2008 01:43:23

ต๊าย กิต.ไปจ่ายตลาดแป๊บเดียว มีมาให้อ่านอีกตั้งหลายตอน(กิต./ ยิ้ม.......)


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 21-09-2008 07:48:53
"โหย...อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ..." ต้นสนอยากจะเอามือเขกหัวตัวเอง
เมื่อพบว่าลืมกุญแจบ้านไว้ภายในบ้าน
และวันนี้ ทรายน้องสาวของเขาก็พาน้องสาไปบ้านย่าที่ต่างจังหวัด
แล้วจะเข้าบ้านยังไงเนี่ยต้องนอนหน้าบ้านหรือไง
จะให้ทุบกุญแจงัดประตูบ้านก็ไม่คุ้มกันอีก ต้องไปซื้อแม่กุญแจใหม่สิ้นเปลืองกันพอดี
แล้วนี่จะเอาไงดี วันนี้เป็นวันหยุด
ขอแลกกะกับอีกคนหนึ่งเสียด้วย จะไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อทั้งอย่างนี้ดีหรือเปล่าเนี่ย ไม่แลกกะแล้ว
แล้วเมื่อเช้าแทนที่จะเอากระเป๋าตังค์ออกมา ดันหยิบตังค์มาแค่พอค่าข้าว กับค่ารถเมล์
คิดว่าจะซื้อข้าวมากินแล้วก็นอนให้ฉ่ำใจ
หลับให้พอเสียอีก
แต่เมื่อมายืนอยู่หน้าบ้านก็ปรากฎว่าลืมกุญแจบ้านเสียอีก
มันน่าฆ่าตัวตายจริง ๆ แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนดีละเนี่ย

"ต้นสน..กินข้าวยัง..." เสียงของภาคีนั่นเอง เวลา หกโมงเย็นต้องโทรมาหาต้นสนเพื่อถามว่ากินข้าวหรือยัง

"โอ้ย...จะกินได้ไงลืมกุญแจบ้านเนี่ย...เข้าบ้านไม่ได้..แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนวะเนี่ย.."
แทนที่ต้นสนจะบอกว่าเออเหมือนกับทุกครั้ง
คราวนี้กลับกลายเป็นการบ่นให้ภาคีฟังเสียยืดยาว

"มานอนบ้านพี่ก็ได้...แค่คืนเดียวเอง.." ภาคีตอบกลับอย่างมีน้ำใจ
ต้นสนกับเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

"จริงเด่ะ...ไปจริงนะเว้ย..." เหมือนสวรรค์มาโปรด
กำลังคิดว่าถ้าเกิดแบตโทรศัพท์หมดขึ้นมาจะทำยังไง โชคดีที่ภาคีโทรมาไม่อย่างนั้น
ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหนดีเหมือนกัน

"ครับ..." ภาคีตอบรับนึกขำกับต้นสนเหมือนกัน ทีเวลานี้คุยกับเขาคล่องเชียวนะ

"เอองั้นเดี๋ยวไป..." ต้นสนกดวางสายไปแล้ว และถือถุงข้าวผัดกระเพราปลาหมึกเดินออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปบ้านของภาคีต่อไป

***************************
ภาคียื่นแก้วน้ำให้กับต้นสน
ที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาเรียบร้อยแล้ว
หลังจากร่างโปร่งบางนั้นตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากจนหมดจาน
ไม่ได้สนใจว่าภาคีจะนั่งมองอยู่หรือไม่
คงจะหิวมากเลยนะเนี่ย

ภาคีเดินมายื่นเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำให้กับร่างโปร่งบางที่รับน้ำมาดื่มจนหมด
และลูบท้องของตัวเอง
ก่อนจะเอื้อมรับเสื้อผ้าสำหรับใส่ผลัดเปลี่ยนอาบน้ำ

ภาคีบอกว่าพ่อกับแม่ไปไซด์งานที่สกลนครทำให้เหลือภาคีอยู่บ้านคนเดียว
แต่ต้นสนก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่นั่นเอง

ร่างโปร่งนำจานไปล้างและจัดเก็บให้อย่างเรียบร้อย
ก่อนจะเดินถือผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อไป

แม้จะอยู่กันสองคน แต่ทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว

**************************
"อื้อ..." ต้นสนบิดกายไล่ความเมื่อยขบ เวลาเกือบสองทุ่มเป็นเวลาปกติที่จะต้องนอนก่อนไปทำงาน
ทำให้ตอนนี้ต้นสนง่วงอย่างเหลือทน
แต่ก็ไม่กล้าบอกกับภาคีว่าอยากจะนอนแล้ว ไม่อยากจะรบกวนให้มาก
ได้แต่นั่งตาปรือ

ในขณะที่อีกคนกำลังง่วนอยู่กับการเขียนแบบ

แค่เห็นร่างบางในสภาพเสื้อยืดตัวเล็กที่สุดของเขาและกางเกงขาสั้นธรรมดา
แต่ความคิดของภาคีก็เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
วันนี้ต้นสนน่ารักเหลือเกิน น่ารักจนแทบทนไม่ไหว
เขาจึงไม่พูดกับต้นสน เอาแต่อยู่อย่างเงียบ ๆ
ทำทีเป็นไม่สนใจร่างโปร่งบางที่นั่งห่างออกไปไม่ไกล
เขากำลังมีความรู้สึกบางอย่างกับต้นสน แต่เรื่องที่เคยทำไว้
ก็ทำให้ไม่กล้าแม้จะมองร่างโปร่งบางนั้นอีกเลย
ได้แต่ดึงความสนใจของตัวเองไปอยู่ที่งานเขียนแบบตรงหน้าให้หมด

*********************************
อ่ะ...โอยหัวจะติดพื้นอยู่แล้วเนี่ย
จะเขียนแบบอะไรนักหนาวะไม่นอนสักที
นี่มันจะเลยห้าทุ่มแล้วนะเนี่ย

ไม่ไหวแล้วโว้ย...ต้นสนแอบเอนศรีษะนอนลง
อย่างไม่นึกถึงความเกรงใจอีกแล้วตอนนี้
ง่วงจะตายแล้ว
นอนดีกว่า

ร่างโปร่งบางใช้แขนหนุนศรีษะและนอนลงบนพื้น
อากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้
กินข้าวอิ่มแล้วก็นอนดีกว่า
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแล้ว

***********************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-09-2008 07:55:29
 :m23:จิ้มลุงสิงห์อีกแล้ว ขอบคุณลุงสิงห์นะครับ ถ้าลงให้อีกสัก 2 - 3 ตอนคงจะดีไม่น้อย  :m22:

รอความใจดีของ ลุง +1 ให้น้า  :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 21-09-2008 08:14:33
:m23:จิ้มลุงสิงห์อีกแล้ว ขอบคุณลุงสิงห์นะครับ ถ้าลงให้อีกสัก 2 - 3 ตอนคงจะดีไม่น้อย  :m22:

รอความใจดีของ ลุง +1 ให้น้า  :L2: :bye2:

ดูซิดู ทำมาเป็นอ้อนคนแก่อ่ะ

เด๋วรอก่อน ขออีกสัก 2 - 5 เม้นต์

แล้วจะมาต่อให้อีก 2-3 ตอนอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 21-09-2008 08:18:56
 :m15:ขอโทษนะลุงสิงห์ อุสาเอาเรื่องที่อยากให้ลงมาลง

แต่กลับไม่มาเชียร์  :เตะ1: ข้าน้อยสมควรตาย

ไม่โกรธนะลุงสิงห์รูปหล่อ แล้วจะมาเชียร์ใหม่ อิอิ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 21-09-2008 08:51:57
รักลุง สุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-09-2008 09:57:55
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ลุงครับผม

อ่านถึงหน้า3อยู่เลยครับลุง

+1ในความขยันครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: k_aluvis ที่ 21-09-2008 10:17:43
 :m13: :m13: ขอที่นั่งเสริมยังทันมะอ่า เพิ่งเข้าเหนนน เสียดายมาช้าไปปป :m15: :m15:

ชอบเรื่องนี้มากๆๆ +1ให้เรยยย :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-09-2008 11:01:41
มาได้แล้วจ้าาาาาา ลุงจ๊า

อยากอ่านใจจะขาด
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 21-09-2008 11:42:25
แม้จะแอบเหลือบมองต้นสนที่นั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่
แต่เมื่อมีงานที่ต้องส่ง
จิตใจก็ไปจดจ่อกับการเขียนแบบเสียแล้ว
จนไม่ทันได้ดูเลยว่าต้นสนลงไปนอนกับพื้นโดยใช้แขนหนุนศรีษะหลับไปแล้ว

และเมื่อเสร็จจากงานตรงหน้าหันกลับไปมองต้นสนอีกครั้ง
ก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนและเดินไปหาต้นสนทันที
ทำไมเขาแย่อย่างนี้
ปล่อยให้ต้นสนต้องมานอนที่พื้นอย่างนี้ได้ยังไง
ทำไมไม่รู้จักถามว่าง่วงหรือยัง
เขาน่าจะรู้ว่าต้นสนชินกับการนอนในช่วงเวลานี้มากที่สุดนี่นา
ภาคีละจากงานที่ทำเสร็จแล้ว
และเหลือบมองนาฬิกา

ห้าทุ่มกว่าแล้วนี่นา

"สน...สน..ไปนอนเถอะ.." ภาคีปลุกร่างบางให้ตื่นจากการนอน

ต้นสนลุกขึ้นนั่งและยืนขึ้นทันที

ได้เวลาทำงานแล้วนี่หว่า กี่ทุ่มแล้วเนี่ย ต้องไปทำงานแล้ว
ต้นสนที่มีจิตใจพะวงอยู่กับการทำงานรีบลุกขึ้นยืนเหมือนคนละเมอ
โดยลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุด

"ไปไหนสน...ห้องนอนอยู่ทางนี้" เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเดินเซไปเซมา อย่างไม่รู้ทิศรู้ทางทั้งที่ตายังหลับอยู่
ภาคีก็หัวเราะชอบใจ
สนเวลาง่วงเป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ

"อ้าว...อะไรเนี่ย..อยู่ไหนวะเนี่ย.." ต้นสนหรี่ตาขึ้นดู และก็พบว่ามือของตัวเองถูกภาคีจับไว้แล้วก็จูงให้เดินตามเข้าห้องนอน

ร่างโปร่งบางก้มมองที่ข้อมือตัวเอง
สีผิวของภาคีเป็นสีเข้ม
ในขณะที่ผิวของต้นสนขาวเนียนตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
ผิวแบบนี้แหละที่อยากได้บ้าง
ไม่ใช่ขาวซีดเป็นไก่ต้มอย่างนี้

แต่....เฮ้ย..นี่โดนจูงแขนอยู่นี่หว่า

กว่าต้นสนจะรู้สึกตัว ก็ถูกจูงเข้ามาในห้องนอนเสียแล้ว

"นอนฝั่งนี้แล้วกัน...เดี๋ยวตกเตียง.." ภาคีเอื้อมหยิบหมอนส่งให้กับร่างโปร่งบาง

แต่ตอนนี้ต้นสนนอนไม่หลับเสียแล้ว เหมือนร่างกายมันสั่งให้ตื่น
ถึงเวลาตื่นก็ต้องตื่น ก็เท่านั้นเอง

ภาคีไม่ได้ปล่อยมือจากข้อมือเล็ก ๆ ของต้นสนเหมือนจับแล้วก็แกล้ง ๆ ลืมไปซะ
ขืนมาทักกันก็เขินตายกันพอดี

"เอ่อ..." จะทักก็ไม่กล้าในเมื่อภาคีจับแขนของต้นสนเดินไปเดินมาอย่างนี้แล้วจะทักยังไงดี
เดี๋ยวได้เขินกันตายพอดี
"ง่า..คือ..." ทั้งที่พยายามจะหาข้ออ้างแต่ก็คิดไม่ออกเสียทีว่าจะบอกกับภาคียังไงจึงจะยอมปล่อยแขนต้นสนซะที

"........." ภาคีแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจไปอย่างนั้นเอง เอียงคอมองร่างเล็ก ๆ นี้อย่างสงสัย

"ง่า..." ต้นสนไม่รู้จะพูดอะไรดี ยืนประจันหน้าอยู่กับร่างสูงที่สูงที่เลยหัวไปแล้ว และหน้าของอัษฎาก็มองเห็น
ไหล่กว้างของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเต็มตา

ภาคีเริ่มเขิน รู้ว่าต้นสนหมายถึงอะไรแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ
ยังคงหันหน้าไปอีกทางทำเหมือนไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น
และต้นสนก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อภาคีมองไปอีกทางต้นสนก็เลยมองสวนไปอีกทางทั้งที่แขนถูกจับอยู่อย่างนั้น
แต่ตอนนี้มือของภาคีเลื่อนมาจับที่มือเล็ก ๆ นั้นแล้ว และรับรู้ได้ว่ามือของต้นสนเย็นเฉียบแค่ไหน
ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย เพราะมือของภาคีก็เย็นไม่แพ้กัน
แต่ต่างคนก็ยังไม่มีใครเอ่ยอะไรกันออกมา
จนเมื่อภาคีลองเสี่ยงดึงร่างเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมแขนและกอดรัดเอาไว้
เขาถึงได้รู้ว่าต้นสนตัวสั่น
แต่ก็ยังยอมซบอยู่กับไหล่ของเขา ในขณะที่มือก็ยังจับกันอยู่

ต้นสนจะเข้าใจมั้ยถ้าภาคีจะพูดอะไรออกไป

"พี่....อยากกินผัดกระเพราปลาหมึกได้มั้ย..สนจะให้พี่กินมั้ย" เสียงกระซิบแผ่ว ๆ เป็นการชวนและขออนุญาต
ทำให้ต้นสนเข้าใจได้ในทันที

ทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ไม่สามารถทานทนต่อความรู้สึกของตัวเองได้

"ก็....ก็แล้ว...แล้วทำไม..ไม่กินล่ะ...ก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่" ต้นสนเข้าใจคำพูดของภาคีทันที แม้จะไม่กล้าตอบรับตรง ๆ
แต่ก็พอเดาความหมายได้
อายก็อายแต่ก็ยังแกล้งทำปากเก่งออกไป

"งั้นกินล่ะนะ..." ภาคีกดปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มของร่างในอ้อมแขน
ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่นี้เขาก็รู้แล้ว

ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและต้นสน

****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 21-09-2008 11:53:03
ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและต้นสน................



กรี๊ด แล้ว อะไร หละ คะ ที่ มันจะเกิด

มาต่อ ไวๆ เลย คะ..........
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 21-09-2008 12:00:48
เปรียบได้เนอะ


กะ  กะเพราปลาหมึก


555+



รักลุงอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-09-2008 13:16:39

ต๊าย

ฉุนเหมือนกะเพรา

เหนียวเหมือนปลาหมึก

เผ็ดเหมือนพริกแกง

..ยัยสน..

5555555


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 21-09-2008 13:25:56
:m31: :m31:

ค้างงง ลุงสิงห์

อยากรู้อะรัยมันจะเกิดขึ้น

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 21-09-2008 14:05:56

เอ่อ...

ลุงครับ..มันจะเกิดอะไรขึ้น..หรอครับ :oni2:

มาเฉลยด่วนนนนน o12
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-09-2008 19:56:09

กิต.มาแง้มฝากระทู้ดูคุณลุงค่ะ อิอิ


ก๊อกก๊อก อิ่มรึยังยะ นายภาคี

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 21-09-2008 20:17:27
แล้วไงต่อดี ในเมื่อต้นสนก็โอเคแล้ว จะรุกเร้าเลยดีมั้ย
หรือจะยังไงดี
ภาคียังคงกอดต้นสนอยู่อย่างนั้น
โดยไม่กล้าลงมือทำอะไรบุ่มบ่าม ก็ครั้งที่แล้วนั่น
มันเลวสุดขั้ว ชั่วสุดขีด
ทำให้ต้นสนต้องร้องไห้ คราวนี้ก็เลยรู้สึกเกร็ง ๆ กลัว ๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
ก็เลยได้แต่กอดต้นสนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ครั้นจะให้ต้นสนลงมือเองก็คงไม่ไหว เพราะต้นสนก็เพิ่งเคยมีอะไรกับเขาคนเดียว
แล้วครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกอีกต่างหาก
แล้วจะทำยังไงดี

ภาคีค่อยโอบแตะสัมผัสมือเข้าไปภายในเสื้อนอน
และก็พบว่าต้นสนของเขาถึงกับสะดุ้ง
เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนสัมผัสลูบไล้เข้าสัมผัสร่างกายเรียบลื่นนั้น

ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
ร่างโปร่งบางยังคงเอนซบอยู่กับร่างสูงอยู่

นี่เป็นครั้งที่สอง ที่ต้นสนกำลังจะทำอะไรแบบนี้
โดยที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยแน่ใจ ว่าที่ทำลงไปจะดีหรือเปล่า

ฝ่ามืออุ่นร้อนเอาแต่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนนั้นอยู่นาน
ไม่กล้าจะแตะต้องต้นสนสักที
น่าแปลก
สำหรับภาคีแล้ว
เขาก็เป็นคน ๆ หนึ่งที่เรียกได้ว่ามีคนมาพัวพันด้วยบ่อย ๆ จะด้วยอะไรเจ้าตัวเองก็ไม่ค่อยรู้นัก
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเหมือนกัน
และต้นสนก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ภาคีแตะต้อง แค่อยากลองอะไรแปลก ๆ เพราะความคิดเลว ๆ ของเขา
ตอนนั้น
จากนั้นมาเขาก็ไม่มีตาจะไปมองใครได้อีกเลย ฟ้าคงส่งต้นสนมาปราบภาคีคนนี้ล่ะมั้ง

ภาคีถอนหายใจหนัก ๆ ทั้งที่กำลังกอดต้นสนอยู่
แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ไอ้แต่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนบางคนร่างเล็กกว่าไปมาอยู่อย่างนั้นไม่ได้ลงมือทำอะไรสักที

***********************

ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน
แล้วภาคีก็เอาแต่ลูบหลังลูบไหล่ร่างบางอยู่อย่างนั้น
จนต้นสนแปลกใจ
ไม่ใช่ว่าจะกล้าหาญชาญชัยอะไรหรอก

แต่เริ่มเข้าใจความรู้สึกของภาคีหลังจากที่อยู่ด้วยกัน
เจอกันบ่อย ๆ ก็พอจะอ่านความรู้สึกของร่างสูงนั้นได้บ้าง

ไม่ใช่ว่าเฉพาะต้นสนหรอกที่กลัว
แต่ร่างสูงที่โอบกระชับร่างบางไว้แนบอกนี้
ก็คงกลัวเหมือนกัน
แม้จะไม่พูด แต่ต้นสนก็พอจะเข้าใจ

แล้วถ้าต้นสนไม่พูดอะไรออกไป ภาคีก็คงไม่กล้าจะทำอะไรไปมากกว่ายืนกอดอยู่อย่างนี้แน่ ๆ

“ถ้าจะต้องฝืนกินผัดกระเพราเพราะพยายามจะชอบ...ก็อย่ากินเลยดีกว่า...ผัดกระเพราปลาหมึกจานนี้อาจจะไม่ถูกใจก็ได้”

ต้นสนแกล้งพูดทีเล่นทีจริง
มันไม่ต่างอะไรกับคำพูดยั่วยวนให้อีกฝ่ายกระทำตามที่ใจต้องการเลยสักนิด

แค่ได้ยินคำพูดของร่างในอ้อมแขน
ภาคีก็ค่อยโล่งใจขึ้น
เขากลัว แล้วก็กังวลจนเกินไป ในขณะที่ต้นสน...ยอมเทใจโอนอ่อนให้เขาจนหมดแล้ว
แล้วอย่างนี้เขาจะปล่อยช่วงเวลานี้ให้ผ่านไปทำไงกันล่ะ

*************************

ภาคีจูงมือร่างโปร่งบางมานั่งลงบนเตียง
แล้วก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

จับมือเล็ก ๆ นั้นเอาไว้
และเงยหน้ามองร่างบาง

“ต้นสน...ถ้าเจ็บก็ต้องบอกว่าไม่เจ็บนะ” ภาคีเอ่ยบอกกับร่างบาง
แล้วต้นสนก็พยักหน้าอย่างอาย ๆ
ก็ดีเหมือนกัน
ไหน ๆ ก็จะเลยเถิดกันขนาดนี้แล้ว
ตกลงคุยกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้จะเขิน ๆ อาย ๆ ไปบ้างแต่
ถ้าคุยกันอย่างนี้ก็คงดี โชคดีที่เป็นผู้ชายเหมือนกันเลยคุยกันได้ง่ายหน่อย

“พี่พอจะมีของช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง...ใช้นะ..” ภาคีขออนุญาตร่างโปร่งบางที่นั่งหน้าแดงอยู่
เขากังวลใจมาก ยังไงถ้าจะทำอะไรอย่างนี้ก็น่าจะให้อีกฝ่ายไม่ต้องบาดเจ็บ
แล้วก็รู้สึกดีไปพร้อม ๆ กัน
ไม่อยากให้เหมือนข่มขืนต้นสนเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว ไม่อยากเห็นต้นสนร้องไห้อีก

“ถ้า...ถ้าต้นสนไม่ชอบอะไร...ไม่พอใจอะไรต้องบอกพี่ทันทีนะ..พี่จะไม่ ฝืนต้นสนเด็ดขาด...แล้วต้นสนก็อย่าฝืนรู้มั้ย” ภาคีนั่งคุยกับต้นสนอยู่อย่างนั้น

จากไม่เคยพูด
กลายเป็นว่าทั้งหลักการ ทฤษฎีต่าง ๆ ภาคีขุดยกมาจนหมด

และร่างโปร่งบางก็พยักหน้ารับอีกครั้ง
อย่างเขินอาย

ภาคีค่อยยิ้มได้
ภาคทฤษฎีคงจะหมดเพียงแค่นี้แล้ว
ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ภาคปฏิบัติเท่านั้นเอง

*************************



ลุงไปนอนก่อนนะครับ...พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-09-2008 20:28:05

116 + 1 = 117

วุ้ย หลับฝันดีนะคะ คุณลุง


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

• “ต้นสน...ถ้าเจ็บก็ต้องบอกว่าไม่เจ็บนะ” ภาคีเอ่ยบอกกับร่างบาง

ต๊าย แป็กกี้ มีแต่ได้ กับ ได้ ชิส์ 5555555

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 21-09-2008 20:30:06
ลุงสิงห์ หนุก :m4:



+ 1 หั้ยลุงสิงห์เป็น 118 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 21-09-2008 20:35:08
มาต่ออีกสักตอนมิได้เหรอคับ


บวก 1 ให้คับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: minkking ที่ 21-09-2008 20:39:09
นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องในซีรี่ย์ ปรัชญาช่างกลฯ ของคุณเท็น  อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่ประทับใจสุด ๆ
คนบ้าอะไรไม่ค่อยจะพูดกันแต่ดั๊นนน เข้าใจกันไปซะหมด ยังกับมีโทรจิต!!!!!

แต่ว่าลงถึงตอนนี้ก็ค้าง ๆ นะคะ อิอิ

ฉากต่อไปสำคัญด้วย 5555+

ว่าแร้นก้ไปขุดหามาอ่านจากบอร์ดเก่าของท่านเท็น

กรี๊ดดดดดดดดดดดด คิดถึงท่านภาคี อยากได้ผู้ชายแบบนี้จริงๆๆ :m1: :m1:

ปล. + 1 ให้แร้นนะเคอะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 21-09-2008 20:43:25

เอ่อ..ลุง...นอนเร็วไปป่าวครับ


มาต่ออีกหน่อยน๊า :o8:


+1 ให้แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 21-09-2008 20:56:31
เค้าขอกันอย่างนี้หรอ ผัดกระเพราปลาหมึก555

ช่างเปรียบเทียบดีจริงๆ น่าร้ากกกกก
ทฤษฎีจบต่อไปเก๊าะภาคปฏิบัติซินะ :o8:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: aspirinkub ที่ 21-09-2008 21:25:47
มารอภาคปฏิบัติคร้าบบบบบบบ

 :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 21-09-2008 21:28:08
อยากกินกระเพราะปลาหมึก :m25:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 21-09-2008 21:38:17
^
^
^

แต่ผมอยากกินผัดกระเพราปลา..บึก  มากกว่าง่ะ

เจอ :เตะ1: :เตะ1:ของพี่โจ๊กเต็มๆ...
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 21-09-2008 21:56:40
ลุงคร๊าบ บ บ

นอนเร็วไปมั้ย


อยากได้ภาคปฏิบัติอ่า
แหะๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 21-09-2008 21:59:18
 :t4:>>>อยากบอกว่าน่ารักครับ

ชอบอ่ะ..ขอบคุณน่ะครับที่เอาลงให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 21-09-2008 22:01:32
ปฏิบัติ ซะที่ดิ๊



5555


รออยุ่


 :jul3:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 21-09-2008 22:18:30
 :m25:

ล่วงหน้า

 :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 21-09-2008 23:21:57
ลุงสิงห์ค้างอ่ะครับ มาต่อไวๆๆน่ะครับ  :man1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 22-09-2008 01:03:37
 :a12:.....ลุงครับ ฝันดีน่ะ

ขอบคุณมาก ที่มาต่อให้เรื่อย ๆ

หนุกหนานจริง ๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 05:50:15
เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย ไม่ต้องเขินอายให้มากนักหรอกน่ะไอ้สนเอ๋ย
ต้นสนพยายามปลอบใจตัวเองและท่องเอาไว้ในใจว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไร
เรื่องนี้มันก็เรื่องธรรมดา
มันก็เหมือนกับกินข้าวอาบน้ำนั่นแหละ
ยังไงซะก็ต้องเรียนรู้เรื่องอย่างนี้เอาไว้ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ตามที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้กับร่างกายมนุษย์
ต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ดี เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
เรื่องแบบนี้มันก็เหมือนศักศรี
ถ้าลีลาไม่ดี ก็ถูกอีกฝ่ายข่มเอาได้ ต้นสนพยายามท่องคำพูดไว้ในใจซ้ำไปซ้ำมา


แต่เมื่อถูกสายตาคม ๆ ของอีกฝ่ายทอดมอง ก็ทำให้เริ่มคิดอย่างนั้นไม่ได้
ลมหายใจเริ่มติดขัด มือไม้พาลจะพันกันยุ่งไปหมด

ภาคีดึงมือเล็ก ๆ ที่เริ่มยุกยิก ไพล่กันไปไพล่กันมา นำมากุมเอาไว้
ก่อนจะยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเองจูบประทับอย่างแผ่วเบา

และเริ่มไล้เลียปลายลิ้นไปมาตาม นิ้วเรียวของร่างบาง
เริ่มดูดดุนด้วยปลายลิ้น
ตั้งแต่นิ้วหัวแม่มือไล่ระเรื่อยไป
จนถึงนิ้วก้อย

ต้นสนยิ่งอายหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเผลอไปสบตากับร่างตรงหน้าที่กำลังปฏิบัติบางอย่างอยู่

และเมื่อภาคียื่นมือมาแตะที่ริมฝีปากของร่างบางให้ปฏิบัติตาม

ต้นสนก็เริ่มลังเลใจ
ก่อนจะค่อยไล้ปลายลิ้นตามอย่างที่ภาคีทำ
ลิ้นเล็กร้อนรุ่มไล้เรื่อยไปตามข้อนิ้วแข็งแกร่ง
ทั้งที่เขินอายแต่ก็อดยินดีไม่ได้ เมื่อได้รับ การอ้อนวอนด้วยการที่ร่างสูงนั้นทอดสายลงมาออดอ้อน

ในขณะที่ปลายลิ้นเล็ก ๆ ไล้เลียไปที่ปลายนิ้วของร่างสูง
ภาคีก็ค่อย รุกไล่สัมผัสไปที่ข้อมือบาง
ขบกัดไม่แรงนักแต่ทำให้เกิดร่องรอยได้ไม่ยาก

"โอ้ย.." ต้นสนถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกกัดเข้าที่ข้อมือ
และทำท่าจะดึงแขนกลับ
แต่ร่างสูงก็ตามมาประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากแดงสดของร่างบางแทน
มือเล็ก ๆสองข้าง กำแน่นอยู่ระหว่างอก
และฝ่ามือแกร่งร้อนนั้นก็ดึงให้เปลี่ยนทิศทางให้กอดรัดที่เอวแกร่งเอาไว้

ผ่อนกายของร่างบางลงนอน

และเริ่มสัมผัสรุกไล่ไปที่ข้างแก้มเนียนใสและหน้าผากมน
นเวียนซ้ำกลับมาที่เรียวปากอิ่มงาม
เริ่มสอดปลายลิ้นเข้าหา

แม้ไม่เคยได้รู้ว่าการจูบต้องทำยังไง
แต่เมื่อร่างสูงสอนให้
ต้นสนก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งภาคีรุกไล้ปลายลิ้นดูดดุนพัวพัน
ร่างบางนั้นก็พยายามเรียนรู้การกระทำของอีกฝ่าย และปฏิบัติตาม

ส่วนแข็งขืนของสองร่างเสียดสีกัน
และเริ่มตื่นตัวขึ้นจนต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกได้

"อ๊ะ.." ต้นสนอุทานเสียงเบา เมื่อช่วงขาเรียวจับสัมผัสที่ตื่นตัวของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

ริมฝีปากร้อนรุ่ม ผละออกทันที
ร่างสูงยิ้มยั่วใส่ตาร่างบางเบื้องล่าง

บ่งบอกให้รู้ถึงความต้องการและความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นทุกที

ความเงียบงันเข้าครอบคลุม
จนแทบได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน

ฝ่ามือแกร่งลูบไล้เข้าหาผิวกายของร่างบางปลดเสื้อนอนออกให้
และปลดของตัวเองออกตาม

ต้นสนต้องรีบเบือนหน้าหนี
เมื่อสายตาประทะกับร่างแกร่งหนาตรงหน้า
และภาคีก็เข้าใจ ยิ่งต้นสนเขินอายเขาก็ยิ่งปรารถนาจะครอบครอง

ใบหน้าคมโน้มเข้าหาร่างกายของอีกฝ่ายอีกครั้ง
เริ่มระเรื่อยริมฝีปากไปตามซอกคอเนียน ฝากสัมผัสเอาไว้
และกลับไปหยุดที่เรียวปากอิ่มงามอีกครั้ง

ในขณะที่มือลากไล้ปลดพันธนาการเบื้องล่างของร่างบางออกจนหมด
และเริ่มกอบกุมส่วนกลางร่างกายที่แข็งขืนของร่างเล็กเอาไว้ในมือ

วนเวียนปลายนิ้วเข้าหา รับรู้ถึงแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นของต้นสนที่มีต่อเขาไม่ต่างกัน

"อื้อ..." ทั้งที่ริมฝีปากถูกประกบปิดไว้อย่างแนบแน่น
แต่เสียงหวาน ๆ เริ่มครางเครือเนื่องจากอารมณ์ความรู้สึกกำลังประทุขึ้นตามอารมณ์
ที่ร่างสูงปลุกปั่น

บรรยากาศช่างแสนเงียบสงบ ไม่มีเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
นอกจากเสียงของการดึงรั้งร่างกายที่ฝ่ามือแกร่งร้อนมอบให้กับร่างบาง
ไม่น่าเชื่อ ทำไม ทำไม มันถึงดังชัดเจน ได้ยินไปถึงไหนแล้ว
เสียงการเสียดสีระหว่างฝ่ามือของร่างสูงกับร่างกายของต้นสน

ใบหน้าเนียนขาว แดงซ่าน
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ยินชัดเจนไปเสียหมด
ไม่ว่าจะเป็นการแนบชิดกันระหว่างริมฝีปาก
และการกระทำต่อร่างกายเบื้องล่าง

ทำไมถึงได้น่าอายอย่างนี้

ไม่ต้องให้พูดอะไรออกมา
ภาคีก็รู้ว่าต้นสนพร้อมที่จะปฎิบัติในขั้นต่อไปแล้ว
เขาเอื้อมหยิบบางอย่างที่หัวเตียงเทชโลมลงบนฝ่ามือ
ก่อนจะเริ่มต้นการปฏิบัติอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 05:50:37
แม้จะไม่รู้อะไร แต่ต้นสนก็ลืมตาขึ้นมอง
นั่นคือของที่ว่า....สินะ
แล้ว...แล้วนั่นก็กำลังจะ...จะทำ...ทำ
โอ้ยยยยยยย ไม่อยากจะคิด แค่คิดก็อายจะตายแล้ววววววว

ภาคีเหลือบเห็นตากลมโตที่หรี่ขึ้นมอง และก็รีบเอามือปิดหน้าด้วยความอาย
ร่างสูงก็ยิ้มอย่างชอบใจ น่ารักดีนะ ต้นสนเป็นแบบนี้

แต่จะน่ารักกว่านี้ ถ้ายอมส่งเสียงออกมา ไม่ใช่เอาแต่กลั้นเสียงไว้แบบนี้

ร่างสูงแทรกสอดปลายนิ้วเข้าหาช่องทางเบื้องล่าง อย่างเชื่องช้า
คงไม่ดีแน่ ถ้าจะสุ่มสี่สุ่มห้าสอดแทรกร่างกายเข้าไป
เหมือนคราวก่อน

ก็มีเพียงวิธีนี้ ที่ต้องทำ
เขาไม่อยากให้ต้นสนต้องร้องว่าเจ็บ ว่าไม่ หรืออย่า
เพราะเขากลัว....กลัวว่าจะยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้

และก็ยิ่งทำให้ต้นสนต้องทรมาน
เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ทำต่อให้เรียบร้อยให้มีความรู้สึกดีที่สุดทั้งสองฝ่ายเห็นท่าจะไม่ดี

เรียวขาเนียนถูกถึงให้พาดอยู่ที่บ่าของร่างสูง
และช่องทางคับแคบเบื้องล่างกำลังถูกแทรกสอดด้วยปลายนิ้วแกร่ง

แม้จะไม่เจ็บมากนัก เหมือนคราวก่อน แต่มันก็ยังนับว่าเจ็บอยู่ดี
สำหรับต้นสนแล้ว เรื่องอย่างนี้ ร่างกายคงยังปรับตามสภาพให้เคยชินได้ยาก

"งือ..อืมมม" ร่างบางสะกดกลั้นเสียงร้องอย่างสุดความสามารถเมื่อร่างกายเบื้องล่างเริ่มรู้สึก
มันไม่เจ็บปวดอีกแล้ว
แต่กลายเป็นความรู้สึกที่น่าอาย เข้ามาแทนที่เมื่อปลายนิ้วแกร่ง ถูกแทรกเพิ่มขึ้น
วนเวียนจนทั่วภายในให้เปิดทางรับบางสิ่งที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเข้าไปแทนที่
อย่างรวดเร็ว

"ง้าาา อ๊ะ.." ร่างบางแอ่นกายขึ้นเมื่อเริ่มถูกรุกล้ำแทรกสอด
ปรือตาขึ้นมองการกระทำของร่างสูงเต็มตา

และก็ได้เห็น แม้ไม่ชัดนัก

ส่วนนั้นของภาคีกำลังจมหายเข้าไปในร่างกายของตัวเอง

ได้ไง......เข้าไปแล้ว.....เข้าไปได้ยังไง....แต่มันเข้าไปแล้ว

โอ้ยยยยยยยย อาย ชะมัด นี่ต้นสนกลายเป็นผู้หญิงของภาคีไปแล้วหรือไง

ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโตที่เหลือบมองเรื่องเหลือเชื่อนั้น
แล้วต้นสนก็เอนกายลงอีกครั้ง

อายจนไม่กล้ามองได้แต่ปล่อยให้ร่างสูงแทรกกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า
พร้อมกับความรู้สึกต่าง ๆ
ที่เริ่มโถมกระหน่ำเข้ามา
ภาคีนิ่งเงียบ กัดฟันแน่น เมื่อได้รับสัมผัสลึกล้ำจากร่างเล็กที่เกร็งกายแน่นอยู่เบื้องล่าง

ต้นสนไม่ยอมส่งเสียงออกมาให้เขาได้ยินเลยสักนิด
แขนสองข้างถูกไขว้กันปิดบังใบหน้าของร่างบางจนหมด
เหลือเพียงริมฝีปากที่ขบแน่นและภาคีพอจะเห็นได้

ต้นสนคงไม่อยากให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แสดงความรู้สึกออกมาจนหมดนั้น

แต่ถ้าไม่เห็นก็คงไม่ดี
เขาก็อยากเห็นใบหน้าสวยหวานของร่างที่กำลังครอบครองนี้แสดงความรู้สึกออกมาเหมือนกันนี่นา

ร่างสูงโน้มกายลง และช้อนแผ่นหลังเนียนขาวให้ตามขึ้นมาด้วย

"อ๊ะ...." เรียวแขนเล็กบาง เปลี่ยนมาโอบรอบคอร่างสูงอย่างอัตโนมัติ
และร่างกายก็ลอยขึ้นมาทาบทับร่างกายของอีกฝ่ายไว้แล้ว

ส่วนล่างตึงแน่นครอบครอบร่างสูงไว้จนหมด
ลึกล้ำมากกว่าเก่า

และภาคีก็ได้เห็นอย่างที่อยากเห็นจริง ๆ

ใบหน้าหวานซึ้ง ที่แดงซ่านและขบริมฝีปากระงับความรู้สึกซาบซ่านที่เขามอบให้
ทำให้ร่างสูงยิ่งนึกเอ็นดู
น่ารักจริง ๆ ต้นสนของพี่คี

จะกลั้นเสียงไปถึงไหนกัน
ร้องออกมาบ้างไม่ได้หรือไง หือ...

เสียงเนื้อกระทบกันจากการกระแทกกระทั้นร่างกายเข้าหากันด้วยความปราถนาของสองร่าง
ยิ่งสร้างความอายให้กับต้นสนเพิ่มขึ้น
เมื่อร่างสูงเร่งเร้าการแทรกกายขึ้น
และความรู้สึกเสียวซ่านก็ซึมอยู่ทุกอณูขุมขน
แม้จะพยายามกลั้นเสียงเอาไว้แค่ไหนแต่ก็เริ่มไม่เป็นผล
เนื่องจากต้นสนใกล้จะถึงที่สุดของความอดทนแล้ว

แทบจะกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไปถ้าไม่ได้รับการกระทำที่ร้อนแรงมากขึ้น

"พี่คี......อื้ออออออ" แม้ร่างกายเบื้องล่างจะปฏิบัติหน้าที่แทรกสอดอย่างชำนาญการณ์
แต่ร่างสูงนั้นกลับกระซิบด้วยน้ำเสียงแตกพร่าตามแรงอารมณ์ให้ร่างบางได้รับรู้

และเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

"เรียกพี่คีหน่อย...ได้มั้ย..." เพราะต้นสนเอาแต่สะกดกลั้นความรู้สึกไว้อย่างนี้
เขาก็มีวิธีนี้วิธีเดียวให้ต้นสนเรียกชื่อเขาให้ได้

ด้วยการพูดชื่อตัวเอง ซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่กับใบหูเล็ก ของร่างบางที่เอาแต่กัดปากแน่น
แม้ว่าเขาจะแทรกสอดรุนแรงลึกล้ำขึ้นเพียงใด แต่ต้นสนก็ไม่ยอมร้องออกมา

ไม่เอา...ไม่เอา..ไม่อยากทำเรื่องน่าอายอย่างนี้
แต่ร่างสูงนั้นก็ยิ่งกลั่นแกล้ง
เมื่ออารมณ์ความรู้สึกใกล้จะถึงที่สุด

ภาคีกลับหยุดการกระทำไปดื้อ ๆ
จนต้นสนแทบทนไม่ไหว

และเมื่อเสียงกระซิบแตกพร่านั้นเอ่ยย้ำซ้ำอีกครั้ง
"พี่คี...ครับ...ช่วยสนไหนได้มั้ย..." ร่างสูงเอ่ยนำแกล้งให้อีกฝ่ายที่หอบหายใจหนัก
ใกล้ปลดปล่อยได้ทำอย่างใจ

"พี่คีครับ....ช่วยสนหน่อยได้ไหมครับ..." ภาคีเอ่ยซ้ำและหยัดกายขึ้นให้กระแทกเข้าที่ช่องทางคับแคบบีบรัดนั้นอีกครั้ง

จนร่างบางสุดที่จะทานทนอีกต่อไปแล้ว

"พี่........คี.ครับ...ช่วย...ช่วย..ด้วย...ช่วยสนด้วย...สนไม่..ไม่อยากหยุดแล้ว..ฮะ..อ่ะ อึก" ร่างบางสะอื้นไห้ออกมา
หากภาคีหยุดตอนนี้
คงต้องตายแน่ ๆ
หากไม่ทำต่อต้องตายแน่ ๆ ร่างบางซบหน้าลงกับไหล่กว้างพร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความปรารถนา
หลั่งริน

นั่นทำให้ภาคีไม่อยากกลั่นแกล้งคนรักอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-09-2008 07:29:10

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 22-09-2008 07:38:00
ขอบคุณค๊าบบบบ
[/color]
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 08:07:53
เริ่มจังหวะการแทรกสอดกายครั้งใหม่ ที่รุนแรงกว่า
และร่างเล็กเบื้องบนก็กดร่างทาบทับลงมา ตอบสนองได้อย่างรุนแรงมากขึ้น

"อ้า...อืออออออออ งะ อ๊า...อ่ะ..." ต้นสนไม่ได้กลั้นเสียงเอาไว้อีกต่อไปแล้ว

ความรู้สึกลึกล้ำถูกถ่ายทอดมากแค่ไหน
ร่างบางก็ครวญครางร้องขอได้มากเท่านั้น

ต้นสนไม่อยากได้รับความทุกข์ทรมานแสนหวานนี้อีกแล้ว
อยากจะปลดปล่อยเต็มทน

และเมื่อฝ่ามือแกร่งยกสะโพกมนให้ลอยสูงขึ้น
ถอนกายออกจนสุด

และปล่อยสะโพกเนียนขาวนั้นกระแทกซ้ำลงมาอีกครั้ง
จนจมหายในคราวเดียว
เมื่อต่างฝ่ายต่างเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายของอารมณ์
ปลดปล่อยหยาดหยดที่ร่างกายกลั่นกรองออกมาจนหลั่งรินรดท่วมท้น
ไหลเอ่อปะปนกันไปหมด
ระหว่างสิ่งที่ร่างกายของร่างบางหลั่งทะลัก
และของร่างสูงที่เปรอะเปื้อนไปตามหน้าขาและท้องน้อย

ต่างคนต่างปลดปล่อยร่างกายออกมาไม่มีเหลือ

และซุกซบกันอยู่อย่างนั้น

มีเพียงเสียงหายใจหนัก ๆ ของสองร่าง
ที่หอบแข่งกัน
ทั้งมีความสุขอย่างลึกล้ำ
และทั้งอ่อนเพลียในเวลาเดียวกัน

ร่างบางเห็นจะแย่กว่าร่างสูงมากนัก
ซบหน้าลงกับไหล่กว้าง
หลับตานิ่ง
ยังหอบหายใจหนัก ๆ อยู่ เป็นนานกว่าจะปรับลมหายใจได้
"เรียกพี่คีนะ....ต่อไปนี้...เรียกพี่ว่าพี่คี...รู้มั้ย...ต้นสน" ร่างสูงกระซิบกับข้างหูของร่างบางเสียงแผ่วหวาน
และร่างบางก็พยักหน้ารับทั้งที่หลับตาอยู่

แม้ไม่ได้พูดกันสักคำในระหว่างการปฏิบัติเรื่องนั้น

แต่ความรู้สึกของสองร่างก็ถูกถ่ายทอดไปถึงกันได้
ร่างสูงผ่อนกายร่างบางลงนอน
และค่อยถอนกายออกอย่างเชื่องช้า

"อ่ะ...อือ.." เมื่อรู้ว่าสิ่งที่รุกล้ำได้ถูกถอนออกไปแล้ว
ร่างบางก็นิ่วหน้า

ริมฝีปากอุ่นร้อนแตะริมฝีปากเข้าหาเรียวปากอิ่มงามของร่างบางอีกครั้ง
และต้นสนก็ตอบสนองรับ

ทั้งที่ยังอ่อนเพลียจนแทบลืมตาไม่ขึ้น

และก็ต้องเบิ่งตากว้างทันที
เมื่อร่างสูงช้อนร่างกายโปร่งบางขึ้นไว้ในอ้อมแขนและอุ้มขึ้น

"ฮ่ะ...ไปไหน..ไม่เอา..ไม่เอาแล้วนะ" ร่างบางดิ้นรนจะลงเดินให้ได้
เมื่อร่างสูงแกร่งหน้านั้นพาเดินเข้าห้องน้ำ

"นอนไม่ได้รู้มั้ยต้นสน....คืนนี้ห้ามนอน" ใบหน้าคมยั่วเย้ากลั่นแกล้ง

และร่างโปร่งบางก็เบิ่งตากว้าง

"ทำไม..ไม่เอาแล้ว..ไม่เอา...ทำไมไม่ให้นอน..." ต้นสนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
แค่รอบเดียวก็เล่นเอาแทบลุกไม่ขึ้น แล้วนี่ยัง ยังจะ

"พี่ขอสั่งผัดกระเพราปลาหมึกจานที่สองแล้วกัน...จานเดียวไม่อิ่ม..พี่เป็นคนกินจุ" ภาคีเอ่ยยิ้ม ๆ
และไม่รอช้าให้ร่างบางต้องต่อล้อต่อเถียงอีก

เมื่อวางร่างเล็กให้ยืนได้ ก็เริ่มการ......กิน.......ผัดกระเพราปลาหมึกจานใหม่ทันที

*************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 08:08:17
“ต้นสน....ต้นสน...ต้นสน..ต้นสน...ต้นสน...” ภาคีเรียกต้นสนซ้ำ ๆ กัน

จนอีกคนมองหน้า

“เป็นไร...เรียกอยู่ได้” มันก็ผ่านมานานแล้วนะที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
แต่ภาคีนับวันจะต๊องหนักขึ้นทุกวัน
แล้วนี่ก็มานั่งเรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ แล้วก็มองหน้า ทำตาหวานซึ้งแบบนี้จะเอาอะไรล่ะเนี่ย

“อยากกินผัดกระเพราปลาหมึก...” ภาคีบอกกับร่างโปร่งบางและยิ้มกริ่ม

เมื่อหลายปีมาแล้ว
เขาเคยเล่นกับต้นสนด้วยประโยคบ้า ๆ พวกนี้
แล้วต้นสนก็จะอายทุกครั้ง ที่เขาพูด

หลายคนก็สงสัยว่าทำไม เขาเป็นคนไม่ช่างพูดช่างคุย แต่กับต้นสน กลับพูดได้พูดดีไม่มีหยุด

“บ้า.....” ต้นสนหลบหน้ามองไปอีกทาง

ก็ไม่เพราะไอ้เรื่องผัดกระเพราปลาหมึกนี่หรือไง ที่ทำให้เขาต้องเรียกภาคีว่าพี่คี
แล้วก็ไม่เพราะไอ้ผัดกระเพราปลาหมึกนี่หรือไง
ที่ทำให้เขาต้องทำเรื่องน่าอายขนาดนั้นไป จนท้ายที่สุด ก็มาได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับภาคีเนี่ย

แต่ก็ดีแล้ว....มันทำให้เขาและภาคีได้มีรหัสลับของกันและกัน
แค่คิดมันก็ตลกแล้วล่ะ

“อือ....อยากกินผัดกระเพราปลาหมึกจริง ๆ นะ...”

ภาคีเอนหัวซบกับไหล่ของคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
วันนี้ต้นสนไม่ต้องไปดูแลร้าน
และสัญญาว่าวันนี้จะอยู่ด้วยกัน
หลังจากที่เขากลับจากไซด์งานที่อยุธยา
จะไปกินข้าวรำลึกความหลังกันที่ร้านข้าวต้มร้านเดิม

“อาบน้ำแล้วก็ไปได้เลย...อยากกินก็ไป..เร็ว ๆ” ต้นสนลุกขึ้นยืน ดึงให้อีกคนลุกตาม

“ไม่เอาแล้ว...กินกระเพราปลาหมึกจานนี้หมดก่อน...แล้วค่อยไป...” ภาคีดึงมือเล็ก ๆ ของต้นสนเอาไว้

ไม่ยอมให้ออกเดิน

“บ้าแล้ว....พอเลย...จะไปไม่ไปล่ะ...อุตส่าห์หยุดงานนะ...ร้านตั้งสอง ร้านเงินทองหายหมด...ยังจะอ้อนอีก...จะกินมั้ย...ไม่กินจะได้ไปนอน..”

ก็ทำขู่ไปอย่างนั้นแหละต้นสนน่ะ
อันที่จริงก็รู้อยู่หรอก ว่าห่างเหินเรื่องอย่างนี้ไปนาน
หลังจากที่ต่างคนต่างยุ่ง แทบไม่มีเวลาได้เจอกัน
เรื่องอย่างนั้นลืมไปได้สนิทใจ ......

ภาคีทำหน้าเศร้า เดินตามต้นสนมาอย่างว่าง่าย
เฮ่อ.....

ต้นสนคงจะเหนื่อยล่ะนะ
ถึงไม่ค่อยอยากทำ ช่างมันเถอะ
ก็เขาน่ะ....ทำทีไรไม่เคยหยุดได้ง่าย ๆ สักที เล่นกันยันเช้า แล้วต้นสนก็มานั่งบ่นนั่นบ่นนี่
ว่าเสียเวลาทำงาน เงินทองหายหมด แล้วเขาจะทำยังไงได้ล่ะ
มีแฟนเป็นคนบ้างานนี่นะ ก็ต้องทำใจแหละงานนี้

น่านนนนนนนนนนน ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว พี่คี
ไม่รู้บ้างเล้ย
ว่าก็อยากทำเหมือนกัน แต่ว่า ขอกินข้าวให้อิ่มก่อนไม่ได้หรือไงกัน
ก็ทำทีมันถึงขนาดสว่างคาตาเลยนี่น่ะ
อย่างน้อยขอกินข้าวให้อิ่มจะได้มีแรงทำให้เยอะ ๆ ทำให้นาน ๆ สมกับที่ห่างเหินกันไม่ดีหรือไง

“งอนนะ...มีงอน..” ต้นสนพูดออกมายิ้ม ๆ เอ่ยแซวร่างสูงที่หยิบกุญแจรถแล้วเดินนำหน้า
แถมยังทำหน้าเศร้าอีก

“กินข้าวเสร็จก่อน...แล้วให้กิน......อย่างอื่น อีกหลาย ๆ จาน...เสริฟของหวานด้วย..จะเอาหรือเปล่า”
ต้นสนเอ่ยเสียงดัง
มองหน้าอีกคนอย่างท้าทาย

แค่ได้ยินภาคีก็ยิ้มได้ ของหวานเป็นต้นสนงั้นเหรอ.....
อ้าว..อย่างนี้เห็นต้องรีบกินข้าวให้อิ่มซะแล้ว

“ไปกันเร็วต้นสน...” ภาคีลากข้อมือเล็ก ๆ นั้นให้เดินลิ่วตาม

“อะไรเนี่ย...” ต้นสนตะโกนเสียงดัง เข้ามาอยู่ในรถกับภาคีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“พี่อยากกินของหวาน.....เร็ว ๆ” ภาคีกระซิบบอกกับร่างบางเสียงเบาแล้วก็หัวเราะออกมา

“โหยยยยยยย ไรว้า” ต้นสนก็ทำเป็นบ่นไปอย่างนั้นเอง

รู้อยู่หรอกว่างานนี้ ไม่มีรอดแน่ แต่ก็ยอมแล้วนี่ ทำไงได้ล่ะ

นอกจากต้องไปกินข้าวให้อิ่ม
แล้วก็มาให้อีกคนกินเป็นของหวานต่อ

เฮ่ออออออออออ
หยุดงานทั้งที เงินทองหายหมด
แต่ก็ต้องทำใจล่ะนะ เรื่องแบบนี้
ช่วยไม่ได้นี่ ก็รักไปแล้วอ่ะ
เนอะ..

*************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-09-2008 08:11:28

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 22-09-2008 08:13:29
รักสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 22-09-2008 08:28:46
น่าร๊ากกกสุดๆ เยย  :oni1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: life_fracture ที่ 22-09-2008 08:49:01
 :m25:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 22-09-2008 10:33:01
จะน่ารักกันไปไหนคับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-09-2008 10:59:07
น่ารักได้ใจป๋มจริงๆ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 22-09-2008 11:40:10
 :m25:  อ่านกี่ทีก้อ :m25:


ชอบค่ะ  ขอบคุณลุงสิงห์ค่า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 22-09-2008 12:17:47
 :m1:  :m1:

น่าร้ากกกกกกกกกกกกก

 :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-09-2008 12:33:14
+2ให้คุณลุงสิงห์เลยครับผมอ่านแล้วยิ้มแก้มป่องเลย :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-09-2008 14:00:25

เข้ามาทักทายและยืนยันว่าเรื่องนี้สนุกดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 16:00:11
ว้า...เม้นต์มีน้อยจัง

ไม่ได้ตามเป้าที่ลุงคาดไว้เลยอ่ะ

รอค่ำๆ ก็แล้วกันนะหลานๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 22-09-2008 16:40:28
มาอ่อยแล้วก็จากไปปปปปปปป  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: korn_ken ที่ 22-09-2008 17:00:27
สวัสดีค่ะ   ลุงสิงห์

คือว่ามาอ่านนานแล้ว ชอบมากเลย
แต่ยังไม่ได้มาทักทาย
วันนี้เลยมาทักทาย  +1 ให้กับที่ขยันลงเรื่อง

จะรออ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 17:23:46
สวัสดีค่ะ   ลุงสิงห์

คือว่ามาอ่านนานแล้ว ชอบมากเลย
แต่ยังไม่ได้มาทักทาย
วันนี้เลยมาทักทาย  +1 ให้กับที่ขยันลงเรื่อง

จะรออ่านนะค่ะ

+1 ให้ลุงมา

ลุงก็ +1 กลับไปให้หลานแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 22-09-2008 17:28:45
มาจิ้มลุงสิงห์ อิอิ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-09-2008 20:23:55

ต๊าย อันนี้ ตอนต้นเรื่องนี่คะ คุณลุง


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-09-2008 20:38:45
 

  ลุงสิงห์ครับ คนเมมน้อย ลุงเลยเบลอหรือครับ เอาตอนใหม่มาลงดีกว่าครับ  :m22: ก่อน :เตะ1: :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-09-2008 20:40:16
 :serius2: :serius2: ตอนนี้มันเคยลงแล้วอ่ะลุง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 20:54:21
"อืออออออออ...." ต้นสนพลิกร่างขยับตัวตื่นขึ้นในช่วงสายของอีกวัน
แล้วก็พบกับท่อนแขนที่พาดทับลำตัว
มิน่าล่ะ ทำไมมันรู้สึกหนัก ๆ จัง อึดอัดจะตาย ตอนแรกนึกว่าถูกผีอำซะอีก ที่แท้ก็แขนของคนที่นอนกอดเขาเอาไว้นี่เอง

"เฮ้ย...ตื่นเว้ย..." ทั้งที่รู้สึกว่าร่างกายมันร้าวไปหมด สะโพกก็เจ็บจนขยับตัวไม่ได้ เพราะไอ้ผู้ชายไม่ช่างพูดที่นอนข้าง ๆ เนี่ยแหละ

ไอ้บ้าภาคีเมื่อคืนจู่ ๆ ก็บังคับให้เรียกว่าพี่คี พี่คี
พูดแล้วแทนที่จะหยุด เลยเป็นการไปกระตุ้นเร่งเร้าไปกันใหญ่ ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน

แล้วดูสิ
ข้อมือ....เป็นรอยฟันของใครวะเนี่ย ไอ้บ้าภาคีกัดลงมาได้ ไม่นับรอยที่ทำไว้ตามตัวนะเนี่ย
แทบจะไม่มีตรงไหนไม่มีรอยเลย
แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะเนี่ย จะไปทำงานได้ยังไง คอเป็นรอยแบบนี้ เมื่อคืนมันเป็นครั้งที่สองนะเว้ยที่มีอะไรกันน่ะ
แต่ภาคีบอกจะสั่งผัดกระเพราจานที่สอง
แล้วพอยอมแล้วเป็นไงล่ะ จานสาม จานสี่ จานที่ห้า

โอยยยยยยยยยยยย ใครไม่ตายก็บ้าแล้วแบบนี้

"อืออออออออ จานต่อไปเลยนะ" ท่อนแขนหนัก ๆ กอดรัดร่างโปร่งบางที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลังจากรู้สึกตัวจากการถูกกรอกหูด้วยคำพูดที่ว่า

.................เฮ้ย...ตื่นเว้ย.............

ต้นสนนี่ยังไง เมื่อคืนยังเรียกพี่คีครับ พี่คีครับอยู่เลย แล้วตอนเช้า เรียกเขาว่า......เฮ้ย......อีกแล้ว

"ตื่นเว้ย...ไม่ไปเรียนหรือไงวะ..." ทั้งที่ร่างกายก็ระบมไปหมดทั้งตัว แต่เมื่อหันไปเห็นนาฬิกา บอกเวลา เกือบเที่ยง ต้นสนก็ต้องลากคนตัวสูงกว่าให้ตื่นขึ้น

"วันนี้วันเสาร์....อืออออ นอนต่อนะ..." ภาคีปรือตาตื่นขึ้นและกดให้คนตัวเล็กกว่านอนลงตามเดิม

ต้นสนอึดเกินไปแล้ว
ครั้งแรกที่โรงเก็บอุปกรณ์ก็ไม่ร้องสักแอะ แถมโดนลากให้เดินตาม ก็เดินตามออกมาได้ ไม่มีร้องไห้งอแงให้รำคาญใจ

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ทั้งที่เมื่อคืนโดนไปไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
ก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาลากเขาให้ตื่นนอนเพื่อไปเรียนได้
อย่างนี้คงต้องต่อแล้วมั้ง

"อ้าว...ผัดกระเพรายังไม่หมดจานนี่น่ะ...เสียดายของ...ต้องกินต่อให้หมดกินไม่หมดต้นสนจะบอกว่ากินเหลือเดี๋ยวโดนบ่น"
ภาคีพูดเสียงเบาทั้งที่ยังหลับตา
แล้วก็กดร่างโปร่งบางให้นอนลงเบื้องล่าง

ขึ้นทาบทับอีกครั้ง
"โว้ยยยยยยยยยยยยยยย จะตายอยู่แล้วนะเว้ยย....กินอะไรนักหนาวะ.." ร่างโปร่งบางดิ้นรนไปมา

แล้วหน้าขาก็ไปประทะเข้ากับบางสิ่ง ที่มากระทบ ภายใต้โปงผ้าห่ม ไอ้นั่นน่ะมัน....มัน...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอะไร

เฮ้ยยยยยยยย จริงดิ อีกแล้ว อีกแล้ว ตายแน่ ๆ แล้ววันนี้

แม้จะพยายามแล้ว

แต่เมื่อร่างสูงที่ทาบทับเริ่มปรือตาขึ้น ยิ่มยั่วท้าทาย
ก็ทำให้ต้นสนต้องรีบหลบสายตา หน้าร้อนวูบขึ้นมา

เมื่อคืนมันมืดมองไม่ค่อยเห็น แต่ตอนนี้มันสว่างจ้า อะไรอะไรก็เลยเห็นชัดเจนไปหมด

และก็ได้เห็นว่า หน้าผากทางด้านซ้ายที่มีผมปรกอยู่ของภาคีมีไฝเม็ดเล็ก ๆ ด้วย
มองได้เห็นในระยะ หน้าผากประชิดแบบนี้

แต่มันอายนะเว้ย เล่นจ้องเอาจ้องเอาแบบนี้
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 20:54:34
ใบหน้า เนียนขาวของร่างเบื้องล่าง ที่ไม่ยอมสบตาด้วย เอาแต่หลบตาไปทางอื่นทำให้ภาคีต้องแกล้งด้วยการฝังจมูกลงไปที่ข้างแก้มฝั่ง ที่หันหนี
พอต้นสนหันกลับมาก็สบตากับเขา
แล้วเจ้าตัวก็หันหนีอีก

ภาคีก็ฝังจมูกลงที่ข้างแก้มด้านที่คนตัวเล็กนอนหน้าแดงหันหนีนั้นอีก
วน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนานจนต้นสนทนไม่ไหว

"โว้ยยยยยยยยยย จะหอมอีกนานมั้ยวะเนี่ย หนวดทิ่มหมดแล้ว...มันเจ็บนะเว้ย..." คนที่แสนจะขี้อายที่ชื่อต้นสนนี่ก็แปลก
อายแทบตายแต่ชอบพูดประชดประชันนอกเรื่องไปเรื่อย

แล้วคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนมีหรือจะไม่รู้

ยิ่งประชดยิ่งอยากแกล้ง ผิวแก้มขาว ๆ แดงเรื่อเพราะความเขินอาย
ไม่นับรอยจ้ำ ๆ ตามคอ
ไล่ไปที่หน้าอก ต้นแขน หน้าท้อง แผ่นหลัง
ข้อมือ

ก็หมดทั้งตัวนั่นแหละ
ชนิดที่ว่า ช่วงนี้ห้ามถอดเสื้อต่อหน้าใคร ไม่งั้นรู้แน่ ว่าไปทำอะไรมา

"รำคาญโว้ยลุกไปซะทีสิวะ...." ต้นสนพยายามที่จะดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นหน้าก็ยิ่งแดง

ยิ่งหน้าแดงก็ยิ่งอยากจะดิ้น ก็ไอ้อะไร อะไร ของคนเบื้องบน มันชักจะยังไง ยังไง อีกแล้วน่ะสิ
"พี่คี......." ภาคีกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูคนที่ดิ้นรนอยู่

และกระซิบซ้ำ ๆ อีกหลายคำ

"พี่คี....พี่คี....พี่คี...พี่คี...." ยิ่งบอกให้เรียกคนตัวเล็กกว่ายิ่งไม่เรียก เม้มปากแน่น แล้วก็เบือนหน้าหนีซะอย่างนั้น

จนเมื่อริมฝีปากของร่างสูงแตะประทับที่ริมฝีปากของคนที่เม้มปากไว้
ประคองใบหน้าเนียนขาวให้รับจุมพิตที่มอบให้
และพยายามสอดแทรกปลายลิ้นเข้าหา ไม่นานก็เปิดทางเข้าไปสัมผัสปลายลิ้นเล็ก ๆ ร้อนรุ่ม ตวัดเกี่ยวรัดพัวพันกันไว้ได้

"อือออออออออ ฮะ..อืออออ" เสียงหวานใสครางเครือ ความรู้สึกเริ่มเตลิดเปิดเปิงอีกครั้ง

และร่างสูงก็แกล้งผละริมฝีปากออก

ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนที่นอนตาปรืออยู่
อารมณ์ความรู้สึกถูกปลุกได้ง่ายชะมัด เจ้าต้นสน

"พี่คี...ครับ...." ภาคีพูดซ้ำอีกครั้ง หยอกเย้า กลั่นแกล้งร่างบาง ที่ร่างสูงสัมผัสได้
ว่าเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาอีกครั้งแน่นนอนล่ะจะไม่รู้ได้ยังไง
ในเมื่อเขาสัมผัสได้จากปฏิกิริยาของร่างกายของร่างเบื้องล่าง ที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมา

"อือออออออ พี่....พี่คี....พี่คีครับ..." แม้ไม่อยากพูด ไม่อยากเรียก แต่ก็เรียกไปแล้ว
มือเล็ก ๆ ปิดที่ปากของตัวเอง
และเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

อายแสนอาย แต่ก็ไม่อยากให้ใครได้เห็น

"ครับ....ต้นสน...." ร่างสูงขานรับ ฝังปลายจมูกเข้าที่ซอกคอของร่างโปร่งบางอีกครั้ง

ไอ้สนเอ้ย ไอ้สน ไม่น่าเลยว่ะ ไม่น่าเลย
อยู่ดี ๆ ก็ดีอยู่แล้ว
เช้านี้กี่รอบวะเนี่ย กว่าจะได้ลุกไปหาข้าวกิน
โอยยยยยยยยยยยยยยย ตาย ตาย ไม่รอดแน่

งานนี้ไม่รอดอีกแล้วววววววววววววว โอยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตาย

ต้นสนได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
จะให้เอ่ยไอ้ยังไง ในเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองอยู่

แล้วร่างกายก็ถูกแตะต้องสัมผัสจากฝ่ามือร้อนรุ่มของร่างสูงที่เริ่มต้นปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ตื่นขึ้น
ต้อนรับการ.......กิน........อีกครั้ง

กว่าจะรู้ว่าทำผิดไป.....ก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ๆ แล้วล่ะ
ดีใจด้วยต้นสน
ท่าทางนายจะปรุงกระเพราปลาหมึกอร่อยมาก คนกินก็เลยติดอกติดใจ ไม่ยอมเลิกกินซะที

*****************************
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 20:54:49
ร่างบางหน้าแดงซ่านเมื่อลุกขึ้นจากเตียงแล้วเหมือนขามันอ่อนแรงจนยืนไม่ขึ้น
ต้องทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง

นั่นเลยทำให้คนตัวสูงกว่าต้องลุกขึ้นคว้าเอวบางเอาไว้
และหัวเราะเสียงเบา อย่างชอบอกชอบใจ

อื้อออออออออ ต้นสนเนี่ย ..... ไหนล่ะที่ทำเหมือนอึดนักหนา
แค่ไม่กี่สิบรอบเอง....ถึงกับยืนไม่ขึ้นเลยเหรอเนี่ย

“ฮื่ออออ” เสียงใสคำรามในลำคออย่างขัดใจ ผลักให้คนที่กอดเอวไว้ออกห่าง
ขืนอยู่ใกล้อีก เสร็จแน่ ปาเข้าไปบ่ายกว่าแล้ว
ยังไม่มีปัญญาลุกจากเตียงได้เลย หลับ ๆ ตื่น ๆ แล้วก็เอาอีกแล้ว
แล้วก็เข้าสู่อีหรอบเดิม ทำท่าจะเคลิ้มหลับได้หน่อย ก็...เหมือนเดิม

ใจคอมันจะให้ช้ำในตายไปเลยว่างั้นเถอะ

“นอนเนี่ยแหละ” ร่างสูงลุกพรวดพราดขึ้น
หยิบผ้าขนหนูที่ปลายเตียงมาพันไว้ลวก ๆ
ก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนตัวเล็กนอนมอง ตาขวางแต่แก้มแดงเรื่อ
ไอ้ภาคี
มันจะเป็นยอดคนเกินไป เล่นกับเขาแบบไม่มีพัก แต่ยังวิ่งได้สบาย ๆ
นอนกอดกันอยู่อย่างนั้น คนตัวสูงนั่นก็ไม่พูดสักคำ ลูบอย่างเดียวเลย มือ ไหล่ หลัง แขน ข้อมือ
ต้นขา ลูบมันเข้าไป กะจะลูบให้มันทะลุไปถึงเนื้อเลยว่างั้นเถอะ

ต้นสนคิดอย่างหมั่นไส้ อายก็อายอยู่หรอก แต่โดนทำไปขนาดนั้น หมดแล้ว เรื่องอาย
เพราะยิ่งเขาทำหน้าแดง ๆ กัดปากแน่น แบบว่าอายสุด ๆ ภาคีจะไม่เลิกเลย
ยิ่งอาย ยิ่งทำ ดีจริง ๆ เล้ย พ่อคุณ

ร่างบางทอดกายลงนอนหวังจะได้พัก แค่งีบหลับสักนิดก็ยังดี แต่พอจะเคลิ้ม ๆ หน่อย
ก็เห็นว่าใครชะโงกหน้าเข้ามาหา

เลยต้องรีบลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ด้วยความอ่อนเพลีย
“อือ....” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยกชามโจ๊กที่อุ่นร้อน ๆ
ยกป้อนให้กับคนที่ดูเหมือนหมดเรี่ยวหมดแรงนั้น

“เฮ้ย...ไม่ได้เป็นง่อย..” มือเล็ก ๆ ทำท่าจะหยิบช้อนมาตักใส่ปากเอง
แต่ก็พบกับสายตาดุ ๆ ที่ส่งมา
เลยต้องจำใจรับการปรนนิบัตินั้นแต่โดยดี

ร่างสูงเป่าให้ความร้อนนั้นจางหายไป
และส่งป้อนเข้าปากคนที่กลายเป็นมากกว่าคนรักของเขา
ที่ยอมอ้าปากรับมากินไว้อย่างง่าย ๆ

“ไม่กินมั่งเหรอ...” พอต้นสนพูดอย่างนั้น ภาคีก็ตักโจ๊กในชามที่เขาป้อนให้กับต้นสน
มาใส่ปากตัวเอง และส่งสายตาหวานซึ้งไปถึงคนตรงหน้า จนร่างบางต้องรีบหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมองมา

“อื้อ...” ช้อนที่ตักโจ๊กส่งป้อนเข้าปากต้นสนอีกรอบ แล้วก็สลับเข้าปากคนที่ป้อนด้วย

เออ อยากจะบ้าดีจริง ๆ ทำเหมือนแม่ป้อนข้าวเด็ก แม่กินคำลูกกินคำ ดีเหลือเกินนะแบบนี้เนี่ย
สลับกันกินอยู่แบบนั้นแหละ จนกระทั่งหมดชาม

และ......เมื่อชามโจ๊กถูกวางบนหัวเตียง ไม่ถึง ห้านาที

ร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน เอื้อมมือเข้ามาใกล้ ๆ กับร่างบาง

“เฮ้ยยยยยยยยยยยพอแล้วววววววว ไม่เอาแล้ววววววว”

มือเล็ก ๆ รีบกั้นตัวเองออกห่างจากร่างที่แกล้งทำท่าจะเอื้อมมือเข้าหา
หลับตาแน่น
แล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
และก็เห็นว่าคนเจ้าเล่ห์นั่นยืนอมยิ้ม มองมาอย่างนึกสนุก

ภาคี.....
ไอ้บ้าภาคี
มันแกล้งนี่หว่า หน้าแตกเลยแบบนี้ หน้าแตกไม่มีชิ้นดีแล้ว

คนที่ทำท่าจะเอื้อมมือเข้ามาหา เปลี่ยนทิศทางเป็นโต๊ะลิ้นชักเล็ก ๆ ที่หัวเตียงแทน
แล้วก็นั่งลงบนเตียง ค้นหากล่องอะไรเล็ก ๆ ที่แอบอยู่พักใหญ่
ก่อนจะนำมาเปิดออก
หันหน้าไปหาคนที่นอนหันหลังให้ด้วยอาการแง่งอน
เออ
แกล้งได้แกล้งไป อย่ามาคุยด้วยแล้วกัน โกรธเว้ย โกรธ

“ต้นสน...” ร่างสูงโน้มหน้าเข้าหาคนตัวเล็กร่างบาง ที่นอนหันหลังให้
แตะมือเข้ากับไหล่บางที่มีแต่ร่องรอยแดงช้ำชัดเจน
และร่างนั้นก็ทำเป็นนิ่งเฉย
ดีนะ
นาน ๆ ทีงอนมั่งก็ดีนะเนี่ย
หน้างอหงิกแบบนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 22-09-2008 21:08:05
กรี๊ดลุงสิงห์ลงหลายตอนจัง

เด๋วแนนไปอ่านก่อนนะ




อ่านแล้วหวานอ่ะ

จะน่ารักกันไปถึงหนายยย

มดจะขึ้นจอไหมเนี่ย

+1ให้ลุงสิงห์เลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-09-2008 21:15:53

ว้าย ไม่สร้อยก็แหวน อิอิ


ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-09-2008 21:19:19
น่ารักจริงๆ ภาคีกะต้นสน เนียะ :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 22-09-2008 22:11:08
จะน่ารักไปถึงไหน  :-[  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 22-09-2008 22:35:20
โหยลุง...

ได้ใจวัยรุ่นมากมายเลยอ่า

นายสองคนนี้ก็...ได้...ดีกันจริง ๆๆ

ฮ่า ๆๆๆๆ

หนุกหนาน หนุกหนาน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: k_aluvis ที่ 22-09-2008 22:48:02
 :m1: :m1: หวานได้จัยยยยย อิอิ  :m25: :m25: :m25: แถมเสียเลือดไปอีกหลายยย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 22-09-2008 22:50:08
สมชื่อลุงสิงห์จิงๆๆๆ :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 22-09-2008 22:55:48
สายสร้อยทองเส้นเล็ก ๆ มีพระเลี่ยมทององค์ขนาดไม่ใหญ่นักเข้ากันกับขนาดของสร้อย
ถูกคล้องเข้าที่ลำคอเนียนขาว และกลัดตะขอให้อย่างบรรจงด้วยฝีมือของร่างสูงเบื้องหลัง

ใบหน้าสวยหวานรีบหันกลับไปมองทันที
และก้มมองที่คอของตัวเอง
ก่อนจะเอ่ยถาม

“อะไร...” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น และก้มมองที่คอของตัวเอง แตะปลายนิ้วเข้าที่สายสร้อยเส้นนั้น

“ให้...” คำพูดสั้นกระชับเข้าใจง่ายนั้นยิ่งทำให้มือเล็ก ๆ ต้องรีบแกะสร้อยออกทันที

“เฮ้ยยยย ถอดออกทำไม...” ภาคีรีบยั้งมือเล็ก ๆ นั้นไว้ และดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดเอาไว้แนบอก

“ไม่ได้ให้เพราะคิดอย่างอื่น....ให้พระไว้คุ้มครองต้นสนของพี่...ทำไว้ให้นานแล้วแต่ไม่กล้าจะให้
กลัวสนจะคิดเป็นอื่น....อย่าถอดออกนะสน...ใส่ติดตัวไว้..พี่ให้แหวนไม่ได้...แต่พี่ให้สร้อยได้สนเข้าใจพี่มั้ย”

คำพูดยืดยาวที่อธิบายอย่างร้อนรนนั้น ทำให้ร่างบางแหงนใบหน้าขึ้นมอง
ภาคีไม่ได้จะดูถูกเขาด้วยการให้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้
แต่เขาก็กลัวจะโดนดูถูก....ว่ามีแต่รับอย่างเดียว ไม่เคยให้เลยสักครั้ง
แต่คำพูดจริงจัง และการที่คนอย่างภาคีต้องมานั่งอธิบายให้เขาฟังเสียยืดยาวแบบนี้
ก็ยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกตื้นตันใจ จนพาลจะน้ำตาไหลเอาได้ง่าย ๆ
“สนเป็นของพี่คนเดียวนะ....เข้าใจใช่มั้ย”

สายสร้อยที่ให้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากแหวนที่ใช้หมั้น
ร่างบางเข้าใจ เข้าใจดีทีเดียวล่ะ เข้าใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว

“อื้อ...” ฝ่ามือแกร่งยื่นสายสร้อยเส้นเล็กที่มีรูปแบบเหมือนกันให้กับร่างในอ้อมแขน
และต้นสนก็รู้หน้าที่ของตัวเอง มือเล็ก ๆ บรรจง สวมใส่ที่ลำคอแกร่งของร่างสูงตรงหน้า
เอื้อมมือกลัดตะขอให้เสร็จสรรพเรียบร้อย

และดวงตาคมที่ทอดมองใบหน้าของคนรักก็มีแววพราวระยับ
หลังจากก้มมองที่ลำคอของตนเอง
และมองที่คอของร่างบางตรงหน้า
เหมือนกันเลยนะ .......
ร่างสูงยิ้มกว้าง จ้องมองใบหน้าน่ารักที่ก้มหลบสายตาคม ๆ ที่ทอดมอง
กดปลายนิ้วของตัวเองเข้าหากันไปมาอย่างนึกเขิน

“คนนี้ใคร....” ปลายนิ้วแกร่งชี้เข้าหาที่ตัวเอง และเอ่ยถามกับร่างบางที่นั่งก้มหน้าเอียงอาย

“พี่.....พี่...พี่คี..” คำตอบตะกุกตะกักจากเสียงหวานใสนั้น ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาร่างบางและเอ่ยถาม

“นี่ล่ะ...” คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้ร่างบางยิ่งอายหนัก ภาคีจะให้เขาเรียกแทนชื่อตัวเอง เวลาคุยกัน
มัน มันตลกจะตายแบบนั้นน่ะ ....... แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว ยังจะให้แทนชื่อตัวเวลาพูดกับภาคีอีก

“นี่....คนนี้ใครนะ” คำถามซ้ำ ๆ แกล้งล้อเลียน พร้อมกับร่างที่ยิ้มกริ่ม ทำให้ร่างบางต้องพูดออกมา

“สน...โอ้ยยยยยย พอแล้วจะนอนแล้ว...ถามคำถามอะไรบ้า ๆ”
ร่างบางรีบผลุนผลันหันหน้าหนีร่างสูง
ล้มตัวลงนอนหันหลังให้และรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้

“ใครน๊า....คนนี้เป็นใครน๊า...ไม่เห็นรู้จักเลย....บอกอีกครั้งสิ...ใครกันน๊า”

ภาคีกอดรัดร่างบางที่เอาแต่หันหน้าหนีด้วยความอาย
แกล้งถามซ้ำอยู่อย่างนั้น หัวเราะดังลั่นอย่างดีใจ ที่ได้หยอกล้อกับคนรักของเขาได้
และแกล้งดึงให้คนรักที่เอาแต่หันหน้าหนี มาเผชิญหน้าให้ได้
เมื่อเจ้าตัวแข็งขืนด้วยการพยายามหันหน้าหนีไม่ยอมเผชิญหน้าด้วย
ผิวแก้มขาวเนียน แดงเรื่อ ลามไปถึงคอ ถึงหู ใบหน้าร้อนผ่าวชาวาบ
ดิ้นรนหนีการกอดรัดของร่างสูง

“พี่คีปล่อยยยยยย ปล่อยสนน๊า...พี่คี...ปล่อยสนเดี๋ยวนี้เลย..โอ้ยยยยย”
ร่างบางหัวเราะสียงดังลั่น เมื่อถูกจี้เข้าที่เอวให้หัวเราะไปด้วย
ยิ่งหนียิ่งโดนแกล้ง ..... หัวเราะจนเหนื่อยแล้ว
ภาคีมันขี้แกล้งอย่างนี้นี่เอง หัวเราะจนจะทนไม่ไหวแล้ว โอยยยยยยยยยย

ร่างที่เคยดิ้นรนหันหนี ค่อยหยุดการดิ้นรน ยอมนิ่งสงบลง
และก็ได้สบกับดวงตาคมที่ทอดมองมาอย่างรักใคร่
ซุกซบร่างกายให้ร่างสูงได้กอดรัดตามใจ

“พี่เป็นของสนนะ.....” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกกับร่างในอ้อมแขน
ที่กอดตอบรับอ้อมแขนของเขาซุกซบใบหน้าเข้าหาไออุ่นที่มอบให้

“สนก็เป็นของพี่คี..เหมือนกัน” เสียงใสบอกรับเสียงแผ่วเบา

ร่างสองร่าง ยิ้มรับคำพูดของอีกคนพร้อมกัน
แม้ไม่มีคำพูดบอกรักสักคำ
แต่หัวใจก็สัมผัสได้
ว่ามีความรู้สึกให้กันมากมายขนาดไหน
ทั้งความรัก ความห่วงใยที่จะมอบให้กัน
ความห่วงหา ความเอื้ออาทรที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้
จะคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป
นานเท่านาน

**************************

(End)
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: k_aluvis ที่ 22-09-2008 23:05:30
 :m1: :m1: :m1: ซึ้งอ่าาาู ^_^   :m17: :m17:

ปล+1 ให้เรยยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 22-09-2008 23:21:52
น่ารักมากมาย  o13

ขอบคุณลุงสิงห์ค้าบบบ

ที่เอาเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน

ว่าแต่เรื่องนี้จบแล้ว

แนนจะได้อ่านวาทินต่อใช่มั๊ยค่ะ :m13: :m13:

อยากบวกให้ลุงสิงห์อีก แต่กดไม่ได้แล้วอ่ะ

แนนเพิ่งกดให้ลุงสิงห์ไป

เดี๋ยวพรุ่งนี้แนนมากดให้น๊า


หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-09-2008 23:24:50
น่ารัก   บวก 1 ให้เลย น่ารักจริงๆๆๆๆๆ :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 22-09-2008 23:26:30
อ่าวจบแล้วหรอครับ เร็วจังเลยอิอิ

ขอบคุณมากครับที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่าน  :m4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: korn_ken ที่ 22-09-2008 23:29:24
 :m1: :m1:

    ชอบมากเลยค่ะลุงสิงห์

จะมีตอนพิเศษไหมค่ะ  ลุงสิงขยันจริงๆ +1 เอาไปเลย



 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 22-09-2008 23:44:37

129 + 1 = 130

ขอบคุณนะคะ คุณลุง sing

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: TARO ที่ 23-09-2008 00:34:39
 :m1: :m1: :m1: :m1:

น่าร้ากกกกกกกก

ชอบจังเลยค้าบ

ปล. บวกหนึ่งให้ค้าบลุงสิงห์

 :m13:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: The Lover ที่ 23-09-2008 00:49:11
+1 ให้ลุงเลยครับ

เรื่องนี้ชอบจัง หวานๆ มันๆ แมนๆ

ขอบคุณนะคับ แล้วจะติดตามเรื่องอื่นๆๆๆๆ ของลุง ต่อไป
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: i_o ที่ 23-09-2008 01:22:01
ชอบจังเลยค้าบ :m1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 23-09-2008 05:35:46
เรื่องนี้ไม่มีตอนพิเศษอ่ะครับเท่าที่ลุง

แต่ถ้าใครมีก็ช่วยเอามาลงให้หน่อยนะครับ




*******************************

หลังจากนี้จะเป็นเวลาของนิยายดองเอาไว้ของลุง

คือ  "หัวใจเร้นรัก" ศิลา - วาทิน แล้วนะครับหลานๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 23-09-2008 07:12:34
 :pig4: :pig4: :pig4:  ในที่สุดก็ลงเอยกันด้วยดี

กลับไปเรื่องที่ดองไว้ แล้วลงหลาย ๆ ตอนนะครับ ลุง  :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 23-09-2008 07:34:01
ประทับใจ แต่ครั้งหนึ่งสิบกว่ารอบเนี่ยไม่ไหวนะ :jul1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 23-09-2008 07:49:15
เห็นด้วย มาต่อซะที

ศิลา  วาทิน เนี้ย

ซิน รออ่านจะตายแล้วววว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 23-09-2008 08:22:41
อรายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  หวีดหวาน กันอะ  จบแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-09-2008 08:44:55
ขอบพระคุณมากๆนะครับคุณลุงสิงห์ :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 23-09-2008 09:31:45
ขอบคุณครับ สุงสิงห์ ยังเยี่ยมเหมือนเดิม o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 23-09-2008 09:46:55
ลุงจ้ะ เอาเรื่องของพัฒนากะกอล์ฟมาให้อ่านหน่อยได้ไหมจ้ะ
นู๋จะรออ่านนะจ้ะ
ทุกเรื่องสนุกมักๆ
 :a2:เย้ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 23-09-2008 13:17:00
ไม่โหวตในนะค่ะ

รอเรื่องใหม่ของลุง รึไม่ก็เรื่องเดิม
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 23-09-2008 14:41:32
ขอบคุณครับลุงสิงห์ จะรอเรื่องต่อไปน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 23-09-2008 14:50:19
 :jul1:

สำนวนลุงสิงห์นี่เข้าถึงจริงๆครับ ผมชอบ


หวานซะ :o8:

ติดตามผลงานนะครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 23-09-2008 15:27:04
หายไปหลายวันกลับมาอีกที โอ้ววว  o7
มันช่างน่ารักซะจริงๆ... :m1:
เสียดายที่เรื่องนี้สั้น แถมไม่มีตอนพิเศษ..
แต่..อินเลิฟฟ แบบนี้ชอบบบบบ  :m1: :m1:

ขอบคุณลุงสงห์มากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: singsayam ที่ 23-09-2008 17:36:56
ขอบคุณหลานๆ ทุกคน

ที่คอยตามเมันต์ให้กำลังคนแก่อ่ะครับ

ช่วงนี้คงต้องหายไปพักนึงละครับ

งานก็ยุ่ง แล้วเรื่องวาิทินก็ยังเขียนไม่เสร็จด้วย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 23-09-2008 17:41:30
^
^
^
จิ้มลุงสิง

ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านครับ

สู้ๆเรื่องงานนะครับ

รักษาสุขภาพด้วย o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 23-09-2008 18:18:50
โอยยยย น่ารักมากๆเลยเรื่องนี้ :m1:

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ

อย่างนี้ต้อง+1ให้เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 23-09-2008 21:10:32
ลุงสิงห์สู้ :a2:

ว่าแต่ลุงสิงห์หายป่วยหรือยังคะ :กอด1:

ส่วนวาทิน

แนนรอด้ายยค่ะ :m13:

ลงมาลงเมื่อไหร่

แนนก้อตามไปเกาะขอบจอเมื่อนั้น :laugh:

+1 ให้ลุงสิงห์จ้า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 24-09-2008 20:31:41
เข้ามาแสดงตัวจ้า +1 ให้ลุงสิงห์จ้า ขยันจิงๆ :t2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 24-09-2008 22:36:00
ขอบคุณมากคับ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณลุงสิงห์

เพราะโลกนี้ยังไม่สิ้นรัก....
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 25-09-2008 01:45:19
 :m1:

ขอบคุณมากๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: jb ที่ 25-09-2008 11:52:31
Thank na krubbbbbbbbbb


 :L1:

 :n1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-09-2008 12:41:31

เข้ามากดบวกให้ลุงสิงห์คนขยันเยๆ คะ

ตามประสาคนสวยและจิตใจดี

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/resize_147341__09062008103248.jpg)

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: jeawsakon ที่ 25-09-2008 16:54:24
ต่อไปก็ถึงเวลาที่ลุงต้อมมาต่อหัวใจเร้นรักซะแล้ว ฮ่าๆ :laugh: รออ่านตั้งนาน




หายแล้วเหรอคับ ดีใจด้วย อิอิ :a2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: sharp2 ที่ 25-09-2008 21:28:45
 :man1: :oni2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: R@!nY~==~N!GhT ที่ 26-09-2008 12:42:15
จบแล้ว  ไม่มีตอนพิเศษเหรอคับลุง

น้องสนกับพี่คี น่ารัก

ชอบจัง

ให้ + นะคับ เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 29-09-2008 13:11:44
มารายงานตัวคับว่าอ่านจบแล้ว
ให้กำลังจายยยยยคนโพสจ้า :L1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 29-09-2008 22:33:52
อ่านจบแล้วฮับบบบบ เรื่องนี้ฮากว่าเรื่องอื่นอีกอ่ะ ดูเอ๋อๆๆ ดี ตลกอ่ะ ไม่พูดกันแต่ก้อเข้าใจกันสะงั้น
อยากกินปลาหมึกผัดกระเพรา คิดได้ไงเนี่ย 5555 อย่างฮาอ่ะ
แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยโหดนะเนี้ยยยย แต่ก้อชอบฮับบบบ รออ่านเรื่องต่อไปอยู่ฮับ
คราวนี้จะมาภาคใครอีกนะ รออยู่นะฮับ

ขอบคุณลุงฮับบบบ ติดตามทุกเรื่องฮับ o13 o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 30-09-2008 15:48:17
ขอบคุณครับ ลุงสิงค์ ที่เอาผลงาน เท็น มาให้อ่านกัน
แถมลงให้อีกจุใจ จบอย่างเร็ว

ดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nbom_pkai ที่ 05-10-2008 20:56:47
สนุกมากๆๆๆๆเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบ o13



หวัดดีทุกคนคับผมน้องใหม่ :oni1:



อยากรุจักลุงสิงจางเลยคับ :m13:



ขอให้มีภาคต่อไปเร็วๆๆนะคับ :m1:


มีเรื่องอยากจะบอกหุหุ :m32:



ฉากNCถูกใจวัยโจ๋ฮ่าฮ่า  :m25:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 06-10-2008 21:19:07
 :serius2:

ทำไมตามไม่ทันเรยอ่ะ
ภาคเส่ง - เปา ก็ตามไม่ทัน จบก่อนซะละ

มาต้นสน - ภาคี ก็จบก่อนซะงั้น  o7

เรยไม่ได้เม้นให้ลุงสิงห์เรย

 :L2: :L2: :L2:

มะเป็นไร +1 ให้แล้วกันเนอะ อิอิ

 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 20-10-2008 23:03:01
 :m13: :m1: :m1:  เป็นคู่ที่น่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ  :m3:  อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน   :กอด1:

ท่าทางจะมีหลายภาคนะเนี่ย......... ต้องไปหาอ่านแล้วล่ะ  ^^ 

เห็นภาคล่าสุดแล้วแหละ ไปอ่านตอนล่าสุดมา (เพิ่งอ่านได้ตอนนั้นแหละตอนเดียว เด๋วว่าจะไปอ่านให้ครบอยู่) 

แต่..ไปๆมาๆ  มาอ่านภาคนี้จนจบได้ไงก้อไม่รุ ยังงงๆตัวเองอยู่   :m23:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 27-10-2008 22:30:37
 o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: LIZZ ที่ 01-11-2008 21:39:07
คู่นี้อ่านแล้วน่ารักกกกกกกก :oni2:


ถึงไม่ต้องพูดแต่ก็สื่อถึงกันได้ เข้าใจกันดี

น่าร้ากกกกกกกมากๆค้า

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: TgT ที่ 02-11-2008 09:30:22
ชอบคู่นี้อีกคู่ น่ารักมากกก ขอบคุณนะลุง มีภาคต่อก็ดีนะ อิอิ :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloud~ ที่ 24-11-2008 00:23:01
 :-[ ภาคี กะ ต้นสน

น่ารักมากเลยค่ะ   :pig4: มากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 24-11-2008 14:53:17
 o13 o13

ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่ะ....

อ่านมานานแล้ว....

ตอนแรก งง...

มาอ่านดีๆก่อที่นี่แหล่ะ.....

  :laugh:

มีความสุขจัง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 24-11-2008 22:56:15
น่ารักมากเลย 



อ่านแล้วก้อยากให้มีคนมาจีบเรามั่งจัง



หุหุ จะว่าไปก้มีนะ แต่ ปฏิเสธ เค้าไปแล้ว อิอิ




เรื่องสนุกดีถึงจา งงๆ เรื่องเวลาก้ตาม




อบอุ่นดีจัง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 27-11-2008 10:40:18
หวัดดีฮะคุณลุง  ป๋มไก่ฮะสมาชิกใหม่  :3123:
อ่านรวดเดียวจบ
อ่านแล้วไม่อยากหยุด   ชอบบบบบ  :z1:
ขอบคุณฮะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 04-12-2008 00:52:12
หนุกมาก ๆๆๆ เลย ชอบ ๆๆๆๆ ที่สุดเลย :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Yokung ที่ 04-12-2008 21:55:14
อ๋อยยยยยยยยยยยยยยย > <!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ชอบฮะ~~~~~~~~~~~~~~~~
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พี่ภาคีกับน้องต้นสน...
งี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักอย่างแรงเลยฮะ
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โรคหัวใจจะกำเริบ...
> <!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: sNow ที่ 06-01-2009 18:07:25
มาอ่านซีรีย์นี้แล้ว

ก่อนหน้านี้เคยตามอ่านเรื่องสั้นในบอร์ดพี่เท็น แต่ไม่เคยอ่านซีรีย์นี้เลย (ตอนนั้นมันสามภาคแล้วอ่ะ เริ่มไม่ถูก)

คุณภาพยังคับแก้วอยู่เหมือนเดิมเลยพี่

ชอบต้นสน กรี๊ดพี่ภาคี น่ารักมากๆ

ไม่ค่อยแน่ใจว่าภาคนี้ภาคแรกรึเปล่า แต่ลองๆเปิดมังคุด พันซ์ น่าจะอ่านได้ไม่มีปัญหา

จะไปอ่านมังคุด พันซ์ต่อแล้วค่า



หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 07-01-2009 00:57:25
 o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 21-01-2009 06:48:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: mkjan16 ที่ 21-01-2009 15:11:32
เรื่องนี้ เล่าเรื่องราว แปลกดี แบบ โดดไปตอนคบกันแล้ว แล้วก็กลับมาเล่าตอนมีเรื่องกันใหม่ๆอ่ะ ชอบๆ 55+ แล้วก็ชอบที่กัดๆกันอ่ะ แนวนี้เลย อิอิ

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 16-02-2009 22:12:01
ชอบคับ

ไม่ต้องพูดกัน ก็เข้าใจกันได้

 o13 o13 o13





หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 06-03-2009 21:45:00

เห็นชื่อแล้วนึกว่าจะเป็นแนวโหดเถือน

พอเค้ามาอ่านจิงๆ เรื่องนี้น่ารักมากเลยอ่า

ไม่พูดให้มากมาย แต่การกระทำนี่ชัดเจน

 o13 มากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-04-2009 00:01:08
อ่านจนจบไปอีกหนึ่งภาค
น่ารักมากมายความรักแบบภาคีกับต้นสน
ไม่กุ๊กกิ๊ก แต่หวานไม่น้อยเลย
ขอบคุณลุงสิงห์มากจ้า บวก 1 แต้มนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 15-04-2009 11:48:31
พี่คีกะต้นสนน่าร้ากกกจังเลย :m1:
อ่านจบแล้วอยากกินกระเพราปลาหมึกบ้างอ่ะ :m10:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: converseyut ที่ 15-04-2009 11:53:40
พึ่งอ่านเส่ง-เอาจบกำลังตามมาอ่านครับชอบมากเลย :o12:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kik_kak ที่ 17-04-2009 15:05:45
น่ารักที่สุดเลย>_<

แต่ความบ้ายังไม่เท่าเส่ง-เปา คู่นี้บ้ากว่า 55+

ชอบทุกคู่ แต่มาวัดกันที่ระดับความบ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 20-04-2009 11:35:05
อ๊ายยยยยยยยยยยย

ที่อ่านมา มีคู่นี้ที่น่ารักโค๊ดๆอ่ะ  :-[

แบบเขินไปตามๆกัน น่ารัก เอาใจใส่กันแต่

แต่บทจะหื่นก็เล่นซะข้ามวันเลย  o22
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: GABU ที่ 27-04-2009 00:04:37
ขอบคุณลุงสิงห์ที่สละเวลามาโพสเรื่องของ สนกับพี่คี มาให้อ่านค่ะ

ทั้งต้นสน และภาคีน่ารักมาก ๆ เลย ซีรีย์ของคุณเท็นโดนใจอีกแล้ว

ขอบคุณคุณเท็นมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-04-2009 02:06:49
โอ๊ย ๆๆ พี่คีกะสนจะน่ารักไปไหนคร๊า
น่ารักทั้งคู่เลยอ่า

ขอบคุณลุงสิงห์มาก ๆ เลยนะคะที่เอาเรื่องน่ารัก ๆ แบบเน้มาให้อ่านกัน

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 04-05-2009 21:41:54
ขอบคุณค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ


คู่นี้น่่ารักมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: hikariyuka ที่ 10-05-2009 19:27:17
น่ารักดีคะ แต่งได้เก่งมากเลย :pig4: :z2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: TinaJunior ที่ 12-05-2009 13:47:32
ชอบพี่ภาคี กับน้องต้นสนอ่ะ

น่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: TOPnaKrab ที่ 31-05-2009 14:35:29
โอ๊ยยย หวานมาก น่ารักมากเลย
คนอ่านจะเป็นเบาหวานตายอยู่แล้ว
ขอบคุณลุงสิงค์(เห็นคนอื่นเขาเรียกกัน)มากครับ
^___^ :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-05-2009 22:40:26
น่ารักสุดๆ ครับ

แต่ไม่ค่อยจะพูดกันเลยเนอะ

ก็จริงที่ว่า

"คำพูดไม่เท่ากับการกระทำ"

พี่คีก็เลยกระทำต้นสนซะจนเช้าทุกที

อิอิ

แสดงว่ามันจริงสิเนี่ย

หุหุ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: LEKU_W ที่ 24-06-2009 22:13:13
 :impress2: :impress2:

น่ารักไปแล้วคู่นี้ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ภาคี ต้นสน นายน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: SongjiGun ที่ 13-07-2009 17:19:14
 :man1: สุดยอดครับ อ่านแล้วซึ้งสุดๆ ชอบบบบบครับ
จะติดตามผลงานนะครับ สู้ๆๆๆๆ :L1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Pi_neko ที่ 19-07-2009 00:24:35
ซีรีย์นี้น่ะนะ ปลื้มภาคนี้มากเป็นที่สุด

อ่านแล้ว กริ้ดดดดดดดดดดดด

อยากได้ แบบพี่คีซักคน 5555

มันน่าคิดนะ

ไม่มีคำพูดแต่เข้าใจกัน

อะไรมันจะหวานกันได้ขนาดนี้

เป็นอีก ภาค ที่อ่านไปยิ้มไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pimparapim ที่ 20-07-2009 03:13:51
เฮ้อ จะมีใครเข้าใจเราได้อย่าง พี่คีเข้าใจสน หรือว่าสนเข้าใจพี่คีมั้ยเนี่ย



.
.
.
.
น่ารักเกินไปแล้ว อ่านไปยิ้มไป อบอุ่นจังเลย


ขอบคุณนะคร้า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 25-07-2009 21:30:15
มาอ่านอีกรอบเเร่ะ....

ไม่เบื่อเลย.... o13 o13

ขออนุญาติเก็บเอาไปอ่านน่ะ....

สัญญาว่าจะไม่เอาไป post ที่อื่น

เราชอบอ่านแต่ไม่ชอบแต่ง อิอิ.....

หวังว่าคงไม่ว่ากันน่ะ..

ขอบคุน.......

 o18
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: shampoo ที่ 26-07-2009 01:50:52
น่่ารักอะ

สนุกมาก ๆ ค่ะ

 o13 :m27: :a14:

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 01-08-2009 01:51:25
อ่านกี่ทีๆก็ไม่เบื่อซักที
ชอบจริงๆง่ะ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 15-08-2009 16:57:54
น่ารักมากครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: breath ที่ 20-08-2009 22:54:04
น่ารักเวอร์ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
> <

พี่คี
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย ย ย
ผู้ชาย ขี้อาย พูดน้อย แบบนี้
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ด ด
น่ารักเวอร์!!!

ต้นสนก็น่ารัก
เขินแล้วโวยวายกลบเกลือน
กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซ

คู่นี้น่ารักไม่ไหวจะเคลียร์!!!
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: crazy ที่ 23-08-2009 15:18:36
น่ารักจริง ๆ ครับ ขอบคุณที่เอาเรื่องดี ๆ มาลงให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: FunnYtooN ที่ 23-08-2009 16:40:11
เรื่องนี้น่ารักดีอ่า  o13

ชอบมากเลย ขอบคุณมากค้า

ที่เอามาให้อ่าน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 01-09-2009 21:44:40
น่ารักมากอะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 03-09-2009 23:13:04
เป็นเรื่องที่เรื่อยๆมาเรียงๆ แต่น่ารักดีคับ

อ่านแล้วเสียว เอ๊ย หิวอยากกินผัดกระเพราปลาหมึก อิอิ :z1:

ขอบคุณลุงสิงห์คนโพส คุณเท็นคนแต่งคับ :L1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: subzilly ที่ 12-09-2009 21:50:13
ชอบเรื่องนี้ม๊ากมากเลยค่ะ :กอด1:


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะค่ะ  :L2:


^^


หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 20-09-2009 02:42:24
น่ารักๆๆๆๆๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะ  อ่านไปอมยิ้มไป หวานนนนนน  :-[

ขอบคุณคนโพสต์นะคะ
ขอบคุณคนแต่งมากๆเลยค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 30-10-2009 02:41:52
 :-[ :-[ เพิ่งเข้ามาอ่าน
น่ารักมากมาย อิอิ พูดน้อยต่อยหนัก
อ๊างงง อยากได้บ้างเนอะอิอิ

สนุกมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Natjy012 ที่ 30-10-2009 23:22:44
สนุกมาก ๆ  ๆ เลยค่ะ

แล้วจะตามอ่านให้ครบทุกเรื่องนะค่ะอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 10-11-2009 15:47:42
น่ารักจังเลย

อิจฉามากมาย :serius2:

ทำไมเขียนได้น่ารักอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 15-11-2009 15:08:06
เรื่องนี้ก็น่าร๊ากกกก :m1: :m1: :m1:
ขอบคุณลุงสิงห์ กะ คุณเท็นค้าบบบ o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 30-11-2009 18:53:36
 :-[ น่ารักมากมายคับ ประทับใจ

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสนะค้าบบ

กดบวก1  ให้กำลังใจด้วยคับผม
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 16-12-2009 16:58:15
เยี่ยมมาก

คนเขียนมีมุกมากมาย

ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: PeeraDHa ที่ 28-12-2009 14:17:11
หวานไปป่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 29-12-2009 00:25:48
ภาคนี้สนุกไม่แพ้ภาคอื่นเลย
เพิ่งอ่านมาได้เป็นภาคที่ 2ค่ะ
พี่คีเป็นคนพูดน้อยมั่กๆ
ถ้าเป็นคนอื่น คงจะไม่เข้าใจการสื่อความหมายของพี่แกแน่เลย
จะขอโทษก้อไม่พูดมาตรงๆ ไรงี้
ชอบตอนที่จะขอกินกระเพราปลาหมึกอ่ะ อิอิ
อ่านไปก้อยิ้มไป น่ารักดีคู่นี้
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสมากๆนะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: sundaysundae ที่ 31-12-2009 19:30:23
อ่าน ปรัชญาช่างกล ฯ มาหลายภาคแล้ว
ยังไม่เบื่อเลยอ่า แต่ยังอ่านไม่ครบอ่ะ เยอะมากๆ
เรื่องนี้แอบแวกแนวเล่าเรื่องปัจจุบันกับอดีตตัดไปตัดมาก
ตอนแรกยอมรับว่างง แบบว่าตูอ่านข้ามป่าวว่ะ
แต่ก็ถือว่าแปลกแต่ลงตัวดีอ่ะ
วางคาเร็คเตอร์ได้ลงตัวดีอ่ะคะ
เป็นอีกภาคที่ควรอ่านมากๆ
ยิ่งตอนขอโทษเรื่องผักบวบอ่ะ
ซึ้งมากเลยอ่ะ จะจำเอาไว้ใช้
ขอบคุณลุงสิงห์และคนแต่งมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 01-01-2010 00:23:47
Happy New Year 2010  :mc4: :mc4: :mc4:
อ่านฉลองปีใหม่

 :L2:   :กอด1:

ชอบมากมายภาคนี้ เป็นหนึ่งในสามเรื่องที่ชอบที่สุดของชุดนี้
อ่านเป็นรอบที่ 5 แล้ว

ข้างล่างเป็น link รวมตอนพิเศษ ของคู่นี้มีเยอะดี

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8500.0

ขอบคุณ writer และคนโพสท์ทุกตอนด้วย  :L1:

ลืมว่ามีอีกหนึ่ง

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9135.0
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Momoro ที่ 04-01-2010 12:03:25
ต้นสนกับคีน่ารักกันมากเลย
ชอบการแสดงออกของทั้งสองคน
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากแค่การกระทำก็สื่อความในใจของกันและกันแล้ว
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ramika ที่ 08-01-2010 20:33:21
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: leknalak ที่ 08-01-2010 21:39:19
สุนกมากๆเรยฮะ
ขอคุงนะฮะที่เอานิยายดีเช่นนี้มาหั้ยอ่านกาน
แระขอบคุนคุงเท็นด้วยนะฮะที่เขียนนิยายดีอย่างนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: srikoon ที่ 10-01-2010 10:02:50
อ่านกี่ครั้งก็ประทับใจ

ในความอดทน ภาษาอื่นๆบอกจากคำพูด

ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Overdose ที่ 30-01-2010 17:20:23
เปนเรื่องที่ 2 ของปรัชญาช่างกลที่ได้อ่าน อยากบอกว่าน่ารักมาก

แอบไปเหนชื่อจาก เส่งเปา เรยตามมาอ่าน

น่ารัก

แต่งเรื่อดีๆมาอีกนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: N19T ที่ 06-02-2010 01:14:09
ในหมวดของซีรีย์ชุด ปรัชญญาช่างกล ... เรื่องของ ต้นสน - ภาคี เป็นเรื่องที่เราอ่านบ่อยที่สุดค่ะ
ชอบที่ทั้ง 2 คน ต่างไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะแยะ แต่สามารถเข้าใจกันได้มากมายอย่างประหลาด
คงจะเหมือนกับที่เค้าบอกกันว่า ...
" การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด " และ " ความรัก ควรตั้งอยู่บน ความเข้าใจ การให้อภัย "
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 06-02-2010 08:37:52
 :z2:

น่ารักมากๆๆๆ

แค่มองตาก็รู้ใจ o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-02-2010 07:51:33
ต้นสนกับภาคี

ขอกรี๊ดให้ยาวๆเลยค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อยากมีความรักแบบนี้บ้าง แบบรักมากมาย สม่ำเสมอ นานแค่ไหนก็ไม่เปลี่ยน มีแต่จะเข้าใจกันมากขึ้น
โอ๋ย....ปลาบปลื้มค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 17-02-2010 14:28:30
ได้เวลาไล่อ่านปรัชญาซีรีย์แล้ว หุหุ

จริงๆอ่านไปจนเกือบหมดทุกเรื่องแล้วหล่ะ แต่ไม่ได้เม้นซักที

เลยถือโอกาศอ่านอีกรอบแล้วเม้นซะเลย 55+

ชอบเรื่องนี้จัง พี่คีนี่ปากหนักแต่น่ารักมาก  :-[
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 18-03-2010 17:33:24
พี่คีน่ารักมากๆ เลยเนอะ รักกันงึมงัมๆ
ภาคนี้น่ารักมากมายเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: p.w. ที่ 19-03-2010 18:30:56
ต้นสนกับภาคีน่ารักจังเลย
 :o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 20-03-2010 15:22:46
เข้ามาอ่านเป็นรอบที่ 2
คิดถึงน้องสน กับพี่คีมากๆ
น่ารักทั้งคู่เลย
อ่านกี่ทีก็มีความสุข
ขอบคุณลุงสิงห์และคนแต่งอีกทีนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 21-03-2010 12:18:15
น่ารัก น่ารัก ต้นสน ภาคี

อ้า ก  ก ก ก ก


 :-[ :-[

คลั่งไคล้ อย่างรุนแรง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: dekba428 ที่ 21-03-2010 13:05:22
น่าร้ากกกกก

 :-[ :-[ :-[

เขินแทนเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-03-2010 16:50:52
พี่คี...น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 02-04-2010 17:33:16
ตอนแรกนั่งอ่านกว่าจะพูดกันได้แต่ละคำ เหนื่อยแทน
แต่อ่านไปก็นั่งเขินไป เออ บ้าดีตรูข้า
คู่นี้ก็น่ารักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 03-04-2010 15:05:58
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ เรื่องน่ารักมากเลยอะ เริ่มต้นไม่ดีเท่าไหร่เเต่สุดท้ายก็ รักกัน น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 04-05-2010 11:25:32
น่ารักแบบว่าสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 04-05-2010 13:24:27
หวานๆอีกแล้วเรื่องนี้ :o8:
ตอนแรกสงสารต้นสนมากเลยอะ
แต่ภาคีก็พยายามน่าดู
ต้นสนของพี่คี....ช๊อบ ชอบให้พระเป็นของหมั่น :-[

อยากกินผัดกระเพราปลาหมึก...อ๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-05-2010 13:47:37
อ๊ายยยยยยย....คู่นี้เป็นอะไรที่พูดน้อยแต่หวานกันได้อีกอะค่ะ
อ่านไปก็อยากกินกะเพราปลาหมึกชะมัด 5555555

น่ารักมากมายยยยยยยย
เท่าที่อ่านๆมา ส่วนตัวรู้สึกชอบคู่นี้สุดแล้วอะค่ะ  o13

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสด้วยนะค้าาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 23-05-2010 05:18:04
ชอบที่สุดดดดดดดดดดดดด

^____^
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 30-05-2010 00:06:16
ขอบคุณที่เอามาลงนะคะ
เรื่องอบอุ่น โรแมนติกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: vutloor ที่ 30-05-2010 01:35:34
 o13 o13 o1 เป็นเรื่องที่แปลก แต่ก็น่ารักและชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: angelzlover ที่ 07-06-2010 14:34:09
sanook ((:
narak mak mai 
+  :pighaun: :z1: :m25:
hahaha
thank you very much
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: april@tbl ที่ 31-07-2010 14:57:38
เริ่มต้นร้าย สุดท้ายหวานซะเขินกันไปเลย
น่ารักมากคู่นี้ พี่คี ต้นสน
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 31-07-2010 20:36:32
 :-[ :-[ อ่านไปยิ้มไป  มดเข้าห้องเต็มเลย 555
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 05-08-2010 17:25:49
คู่นี้เค้าน่ารักนะคะ
อยู่กันแบบความเข้าใจ
ไม่หวือหวามากมาย
แต่เข้าใจกันเสมอ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 06-08-2010 19:50:27
หวานมากๆคู่นี้ ดูเฉยแต่แอบหวานนะเนี่ย
พี่คีกับน้องสน 5555+
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Wr@iTh ที่ 09-08-2010 12:55:28
คู่นี้---น่ารักเป็นบ้าเลย!
เงียบๆ ขรึมๆ แต่รู้ใจกันไปซะทุกเรื่องเลยง่า  :m3: :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: MaZeltoV ที่ 11-08-2010 09:18:30
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ชอบเรื่องนี้ที่สุด ชอบมาก รองจาก เส่ง-เปาเลย
เป็นอะไรที่แบบว่า พี่ภาคีโดนใจมากอ่ะ ไม่ค่อยพูดแต่จริงใจ :o8:

ปล.ขอบคุณทั้งคนโพสต์และคนแต่งเลย
อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อออ o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 14-08-2010 03:21:29
โอ้ว ววว อ่านจบแระ
กว่าจะพูดกันได้นะสองคนนี้
เล่นเอาคนอ่านลุ้นหัวใจจิวาย ย

แต่แบบพออารัยๆมันลงตัวแล้ว
กริ๊ด ดด น่ารักอ่า
ไม่หวือหวา ทุกอย่างมันแบบโรแม๊น
อบอุ่น แอร๊ย ยย มีความสุจ o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 16-08-2010 19:04:02
น่ารักจังเลยอ่ะ คงคิดถึง กระเพราปลาหมึกไปอีกนาน 5555
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Minkero ที่ 02-09-2010 20:18:36
ชอบคู่นี้ที่สุดเลยค่ะ

ไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ก็เข้าใจกัน

โอ้ยยยยย น่ารักเกินไปแล้ว

ขอบคุณมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: phoeniix ที่ 04-09-2010 12:30:58
น่ารักจังคู่นี้ ขอบคุณไรท์เตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี (จบแล้วครับหลานๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: FunnYtooN ที่ 05-09-2010 16:09:30
โอ๊ย ไม่ไหวแล้วหวานมาก
ชอบมากๆ อ่า ขอบคุณมากๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 18-09-2010 02:08:01
เรียบง่ายแต่มีความสุขดี  :music:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: darkeyes1 ที่ 20-09-2010 05:42:01
อู้  ดูๆไปแล้ว  ภาคนี้เหมือนภาคต้นเลยแฮะ  รักกันแบบเงียบๆ  เป็นผู้นำการเปิดเผยตัวของชายรักชาย  เหอๆๆ รักเงียบๆแต่ปกป้องกันดีจังเลยน้อ  ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-09-2010 12:17:57
อ่านเรื่องนี้มาเป็นรอบที่10แล้วมั้ง ชอบอย่าุงรุนแรง
ขอบคุณท่านเท็นผู้เขียน และลุงสิงห์คนโพสด้วยเจาค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: arewhy ที่ 24-09-2010 22:43:51
ชอบเรื่องนี้มากที่สุด เท่าที่เคยอ่านมาเลย

ไม่รู้ำทำไม ชอบมากๆ บอกไม่ถูก
ไม่ต้องมีคำพูดการกระทำหวานๆ
แต่รู้ได้ว่ารักกันนะ ชอบมากกๆเลย

แต่งเก่งมากๆเลยครับ

ชอบๆ ขอบคุณทั้งคนโพสและคนแต่งครับ
ขอบคุณ

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Mafia Mania ที่ 25-09-2010 00:10:26
 o13 เยี่ยมมากครับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 30-09-2010 22:30:17
อ่านปรัชญาช่างกลฯ ภาคนี้เป็นภาคแรก ผมอยากบอกว่าลักษณะแบบในเรื่องนี้แหล่ะคือสิ่งที่ผมชอบ หลงไหล
นายภาคีหยุดการใช้รูปกาย ทรัพย์สินสิ่งของเพื่อไปหาความสุขเรื่อยไปเหมือนแต่ก่อน แต่กลับเอาเวลาทั้งหมด
ไปทุ่มเทให้กับคนที่เขาเคยทำผิดต่อกัน จุดที่ทำให้เกิดรักกันคือความดีลึกๆ ของแต่ละฝ่ายที่มีอยู่ มันแสดง
ออกมาอย่างชัดเจน และมั่นคง นายต้นสนก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ชีวิตแม้จะลำบาก แต่สามารถกัดฟันสู้ด้วยขา
ตัวเอง และด้วยไม่มีที่พึ่งใดๆแต่ต้องสู้ชีวิตขนาดนั้นเดาได้เลยว่าในใจเขาคงจะหนาวเหน็บมาก ดังนั้นการเข้ามา
มีตัวตนอยู่ในชีวิตประจำวันของภาคี เขาจึงไม่อาจปฏิเสธไปได้ และเมื่อความพยายามต่างๆ มันค่อนข้างชัดว่า
มาขอโทษแบบไม่รุกเร้าเกินไปและเหตุการณ์วนเวียนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแปลได้ว่านั่นคือคำขอโทษที่สูงกว่า
คำพูดปากเปล่าและมากกว่าคำว่ารับผิดชอบไปซะแล้ว ในตอนที่ผมอ่านช่วงนี้ของเรื่องบอกตามตรงว่าอ่านแล้ว
อบอุ่นใจมาก และด้วยการเขียนที่มีการบอกถึงความคิดในใจของแต่ละคนส่งต่อกันไปมาราวกับคุยกันทางคำพูด
มันก็ทำให้เข้าใจสาเหตุที่ความผิดของภาคีครั้งนั้นต้องได้รับการให้อภัยอย่างเข้าใจได้ดี และโชคดีอย่างยิ่งที่เกิด
ความรักขึ้นทั้งสองฝ่าย จึงทำให้การดูแลที่วิเศษเหมือนในฝันอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องจบลงยามเมื่ออีกฝ่ายให้อภัย
แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ ของรากฐานความรักของคู่ชีวิตหนึ่งคู่ที่ลงเอยกันด้วยดี

เป็นเรื่องราวที่มันเหมือนไม่หวาน แต่ก็หวานจับใจ มันเหมือนจะเต็มไปด้วยความไม่มั่นคงเพราะฐานะและเพศ
แต่ก็กลับกลายเป็นความมั่นใจ สรุปได้เลยว่ามันจะเป็นไปอย่างนั้นเรื่อยไป ไม่ต้องมานั่งพิสูจน์อีกต่อไป
ในเวลาที่อีกฝ่ายมีความผิดปกติใดๆ ก็ไม่ต้องมากังวลว่าจะไปมีใครอื่น แต่สามารถมอบให้แต่ความรัก การดูแล
กันได้อย่างสนิทใจ พูดคุยกันว่ามีเรื่องหนักใจอะไรมากกว่าที่จะมาถามว่าไปมีใครอื่นรึเปล่า เพราะมันข้าม
เรื่องนั้นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในหลายๆ คู่ไปแล้ว เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่อีกความรักหนึ่งเลยครับในความคิดของผม

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ เรื่องนี้ครับ เป็นธรรมชาติมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-10-2010 17:35:16
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ด้วยค่า
ชอบมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 02-12-2010 09:45:41
รักกันแบบไม่ต้องสื่อสารอะไรมากมาย
การกระทำเท่านั้น ที่บอกทุกๆอย่าง
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก :impress3:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: snowice ที่ 06-12-2010 19:42:51
 :-[

น่ารักมากๆเลยค่ะ รักกันแบบ ไม่ต้องพูดกันมากก็เข้าใจกัน ดูหวานแบบไม่มากแต่อ่านแล้วสุขใจ

อ่านไปอมยิ้มไป >_< ที่ตัวละครคุยกันก็ไม่มีคำหวาน บรรยากาศก็ทั่วไป แต่ไม่รู้ทำไมอ่านแล้ว

รู้สึกว่ามันโรแมนติกมากๆ  เป็นอะไรที่ดูหวานมากๆ อ่านแล้วอมยิ้มในความน่ารักของต้นสนแล้วก็พี่คีมากๆ

พึ่งเข้ามาอ่านภาคนี้เป็นภาคแรก ลองไปหาๆดู โอ๊ะ มีอีกหลายภาคเลย = =

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วประทับใจมากๆ เดี๋ยวจะตามไปอ่านภาคอื่นๆ แล้วก็จะรอผลงานใหม่ๆ

อย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:44:59
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 04-01-2011 00:58:03
ชอบคู่นี้มากมายเลยค่ะ
พี่คีกับน้องต้นสน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: angelTT ที่ 24-02-2011 12:44:39
อ่านเรื่องนี้ 2 รอบแล้วค่ะ เป็นเรื่องที่สนุก เป็นธรรมชาติมาก เริ่มต้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่จบลงด้วยความรักที่มั่นคง ขอบคุณนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 24-02-2011 15:26:50
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Melany ที่ 19-03-2011 00:38:09
 :impress2: น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆคู่นี้ที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด



55555++ เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะค่ะ สู้ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 19-03-2011 18:04:20
รักแบบแมนๆ
ชอบจัง
ประโยคที่ว่า อยากกินกระเพราผัดปลาหมึก
โค๊ดลับ ระหว่างพี่คีกับต้นสน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: erng ที่ 09-04-2011 00:44:51
น่ารัก พูดได้คำเดียวว่าน่ารักมากกกกกก
ไม่พูดกไม่ใช่ไม่รู้สึก
เฮ้ออออออออออ ชอบอ่ะ

มองเห็นกันไปถึงตับไตไส้พุง
อิอิ

กลายเป็นคนพูดมากไปซะงั้น พี่คีอ่ะ
สนก็นะ เรียกอทนตัวเองนั้นแหละ
น่ารักมากกกกกกก

ชอบบบบบบบบบบบบบบ

ขอบคุณมากนะค่า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: ✥Gryffindor✥ ที่ 28-04-2011 14:07:04
น่ารัก :o8:

น่ารักจริงๆ นะ :-[

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :serius2:

ต้นสนของพี่คี


 :o8: :-[ :impress2:






หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 28-04-2011 16:27:11
โอ๊ยยยอ่านกี่ทีก็ประทับใจหลาย สำหรับซีรีย์ปรัชญาช่างกล
เฝ้ารอคนแต่งมาต่อเรื่องที่ค้าง คิดถึงสุด ๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: princessl ที่ 26-06-2011 00:09:35
อ๊ากกกก  อยากกินกระเพราปลาหมึก :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 28-06-2011 20:04:06
ทำไมน่ารักอย่างนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 05-07-2011 14:03:18
 :o8: น่ารักกันจังค่ะ
ถึงจะเริ่มแบบไม่สวยเท่าไหร่  o18
แต่พี่คีก็ยังดีที่ง้อน้องสนได้  :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: crazythe ที่ 05-07-2011 19:07:56
ถึงจะไม่หวานจนมดขึ้นแต่ก็ซึ้งดีค่ะ น่ารักมากเลย แต่พี่คีช่างหื่นนัก :pighaun:

น่ารักดีค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 07-07-2011 10:10:01
อ่านไปอมยิ้มไปทั้งเรื่องเลย

น่ารักมากๆๆ ทั้งพี่คีทั้งต้นสนเลย


ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับเรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 11-07-2011 19:28:43
อ่านจบแล้วชอบมากค๊า
ชอบการแสดงออกของภาคี ไม่ต้องใช้คำพูด ใช้การแสดงออกล้วนๆ
ความจริงใจมันต้องแบบนี้แหละ  การแสดงออกสำคัญกว่าคำพูด    o18
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 14-07-2011 19:45:59
สนุกมากเลย

ต้นสนน่ารัก

อยากมีเเบบนี้บ้างอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wisky ที่ 15-07-2011 12:03:01
คู่เปา&เส่งเขาใช้มือใช้เท้าคุยกันแต่สน&ภาคีเขาใช้สายตาคุยกันมันช่างอบอุ่นอ่อนโยนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 21-07-2011 21:04:40
น่ารักจังเลยย >< กำลังตอมอ่านภาคอื่นด้วยค่ะ 55
คุณเท็นแต่งเก่งมาก^^
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Chubby ที่ 22-08-2011 14:48:44
แอบไปเห็น โมฯหนึ่งบอกว่าอ่านเรื่องนี้หลายรอบ
ตามมาอ่านบ้าง อิอิ
น่ารักอ่ะ!
:o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: loveyy ที่ 23-08-2011 11:31:33
น่ารักดี  อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 25-08-2011 15:32:14
thank you
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 25-08-2011 21:25:13
ชอบค่ะ บอกได้คำเดียว  ไม่หวานไม่เลี่ยนค่ะ

แล้วก็จบได้ดีมากกกๆๆๆด้วย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 01-09-2011 00:17:41
อ่านซ่ำไปซ่ำมา
อ่านกี่ครั้ง
ก้อชอบทุกครั้ง

ชอบซีรี่เรื่องนี้มากมายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 08-11-2011 13:08:24
เรื่องนี้น่ารักมาก ๆ ค่ะ
เดี๋ยวจะไปอ่านเรื่องอื่น
ต่อ :bye2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 08-11-2011 20:01:16
คีสนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก !!! >/////<
ชอบตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเลยค่ะ ^^
พี่คีหวานมากอ่า อบอุ่นมากเลยค่ะพี่ ทุกๆอย่างชัดในการกระทำเสมอ จริงใจที่สุด!!
น้องสนก็น่าร๊ากก ประเภทปากไม่ตรงกับใจเหมือนกันนะ แต่แบบนี้คนอ่านช๊อบชอบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 08-11-2011 20:23:57
อ่านกี่รอบ ก็เขิลอ่ะ ><
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: White ที่ 09-11-2011 20:14:39
พี่คี น่ารักมากๆ เลยยยยยย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 10-11-2011 01:02:02
 :L2: :L2:
ตั้งแต่ต้นจนจบมันเป็นอะไรที่...ประทับใจอ่ะ
ชอบ! ! พี่ภาคีน่ารักมาก สุดยอด ><
อยากโดนจีบแบบนี้บ้างอ่ะคะ ^///^
พี่คีแมนมากเลยที่อดทนตามพี่สนได้นานขนาดนั้น..
สุดยอดค่ะ นับถือๆ! !~
**ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ..
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 19-11-2011 16:49:08
มีครบทุกอารมณ์เลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: wanmai ที่ 02-02-2012 22:06:02
ชอบพี่คีมากกกกก จะมีใครมั่นคงเท่าพี่ไม่มีอีกแล้ว

เขาอยากได้ผู้ชายแบบนี้ เขาจะเอา(ต้นสน:งั้นเหรอ o18)

เคยเพ้อกับน้องแล้วน้องมันบอก...

"มันหาได้แต่ในนิยายเท่านั้นแหละ" แง่งงง

เรื่องนี้ดีนะคะออกแนวเรื่อยๆมาเรียงๆ อ่านไป ยิ้มไป เขินไป :-[

ขอคุณผู้แต่ง ผูัโพส และเล้าเป็ด สำหรับนิยายดีๆที่เราชอบมาก จนเก็บไปฝันหวานได้เป็นตุเป็นตะ คึคึ :z1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 04-02-2012 12:49:56
ชอบภาคี มีความอดทนและมั่นคงสูงมาก
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 05-02-2012 11:59:30
ชอบ ๆ พูดน้อยต่อยหนัก
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: coatmax22 ที่ 16-02-2012 12:57:24
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วใจเต้นมากกกกกก เพราะทั้่งพระเอกและนายเอกไม่ค่อยพูด มีแต่การกระทำ ซึ่งมันน่ารักมาก ทำให้อิจฉาความรักของคนทั้งคู่จริง ๆ อ่านจบแล้วใจเต้นแรง อยากจะมีใครซักที่ทำให้เราได้ขนาดนี้  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Godgorge ที่ 29-02-2012 21:36:25
ชอบ คู่นี้สุดและ ในปรัชญา  o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 05-03-2012 22:25:43

ชอบต้นสนเวอร์อ่ะ...อ่านกี่รอบก็สนุกอิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Oilsaoo ที่ 03-04-2012 21:54:26
อ๊ายยย ชอบภาคนี้น่ารักมากกกก
พี่คีกับต้นสน น่ารักเว่อร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: PiaShaRe ^^ ที่ 27-04-2012 21:41:41
น่ารักมว๊วก กกก ก กอ่า ยิ้มตลอดเรย มีค.สุขอ่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: jack_chan_1979 ที่ 28-04-2012 14:06:09
น่ารักดีแหะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: chochang99 ที่ 30-04-2012 07:01:57
ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆๆ  ไม่มีชะนี มากวนใจดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: runma ที่ 11-05-2012 14:06:54
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้
น่ารักดีครับ ชอบๆ ต้นสนกับภาคีก็รักกันแมนๆ ดี
ไม่ต้องหวานกันตลอดก็น่ารักได้   o13

หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: dizzalz ที่ 20-09-2012 04:28:08
ภาคนี้น่าร๊ากกกก   :-[

รักกันเงียบๆ ไม่ต้องพูด ก็รู้ว่ารัก  :กอด1:

ชอบมากค่า
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆนะ
ติดตามภาคต่อไป สู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: monsterkim ที่ 13-03-2013 00:22:14
เขิลจัง อ่านไปยิ้มไปหน้าคอม ต้นสนกับน่ารัก ภาคีก็เท่ห์อะ ชอบมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 14-03-2013 12:23:41
พี่คี กินแต่ต้นสน :z3:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 05-04-2013 17:03:28
น่ารักทั้งต้นสนและพี่คี

ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: babimild1985 ที่ 22-07-2013 06:20:40
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:  อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากมีแฟนเฟ้ยยยย
น่ารักไปไหนกันอ่ะ พี่คี น้องสน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-07-2013 16:28:28
เรื่องนี้ก็น่ารักอีกแล้ว

ขอบคุณมากมายค่ะ :pig4:

 :L2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 23-07-2013 23:12:00
เรื่องน่าัรักดีครับ เล่าเรื่องแปลกดี มีข้ามไป ย้อนมา สนุกดี
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 24-07-2013 02:52:47
นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่น่าจะเกิน 7 ปีมั้งนะ จำได้แค่ว่าตอนนั้นเราอยู่มัธยมอะ
แล้วตอนนี้เราทำงานละ แก่ - -"

ตอนนั้นเราอยู่บอร์ดวาย ที่มีแต่นิยายวายแบบเดิม ๆ คือบรรยายยาว ๆ
คาแรคเตอร์เดิม ๆ พระเอก นายเอก พล็อตเรื่อง สเตอริโอไทป์
แล้ววันหนึ่ง คุณ aoikyosuke ก็มาลงนิยาย
ที่วิธีการเขียนแปลกมาก การบรรยาย พล็อต คาแรคเตอร์ ทุกอย่าง แปลกหมด
แต่มันเป็นความแปลกที่น่ารัก ติดใจ แทบทุกเรื่อง จนจำชื่อคนเขียนคนนี่ได้

ขอบคุณคนแต่ง คนเอามาลง
รู้สึกเหมือนกลับไปอยู่มัธยม อ่านงานเก่า ๆ คิดถึงวันเก่า ๆ สมัยเพิ่งวายใหม่ ๆ
อ่านเมื่อไหร่ก็ยังน่ารักมีเสน่ห์เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 01-08-2013 04:56:31
น่ารักอีกแล้วนะ !!!!!! ถึงจะไม่ค่อยพูดกันแต่เข้าใจกัน ดีจังเลยนะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: หยกกลม ที่ 26-11-2013 07:36:40
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: TeuyHom ที่ 28-11-2013 22:16:53
อร๊ายยยย!!!!  จบแล้ว น่ารักจังเรยอ่ะ อ่านไปยิ้มไป เขินๆๆแทนสนจัง อิอิ!!!
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 14-04-2014 19:49:11
เอ้ยยยย น่ารักขาดใจอ่ะเรื่องนี้ จริงๆ เพราะความบังเอิญ เพราะความอยากรู้อยากลองแท้ๆ พี่คี ต้นสน น่ารักสุดๆอ่ะเจงงงงงง คิคิ

ขอบคุณมากๆเลยค่า

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 23-09-2014 16:02:27
 :hao6: :jul1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 22-11-2014 18:02:49
น่ารักมาก ๆ ครับเรื่องนี้

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: skynotebook ที่ 28-12-2014 08:15:33
คู่นี้ก็น่ารักอีกคู่หนึ่งเลย แค่มองตาก็เขาใจ ไม่ต้องสื่อสารอธิบายให้มากมาย
พี่คีก็น่ารัก ทุ่มเทเพื่อต้นสนมากเลย
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 09-03-2015 19:30:19
ต้นสนน่ารักที่สุด
พี่ภาคีก็จีบได้น่ารักมาก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-03-2015 20:43:37
 :impress3:
พี่คีกะน้องสนน่ารักอ่า
อ่านไปอมยิ้มไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 11-03-2015 15:33:18
 :pig4: คู่นี้น่ารักจริงๆ เหมือนอ่านชีวิตประจำวันหวานแหวว ขอบคุณที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 13-03-2015 00:56:15
คือดี เคยเห็นปรัชญาช่างกลคู่อื่นมาสักพักแล้ว
แต่เพิ่งได้อ่านคู่นี้เป็นเรื่องแรก รู้สึกประทับใจ ไว้จะหาคู่อื่นอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: INSOMEDAYS ที่ 23-03-2015 01:48:32
อ่านกี่รอบกี่รอบก็ยังน่ารักเหมือนเดิม :impress2: :impress2: :impress2: o13 o13
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 28-03-2015 10:35:25
น่ารักอ่ะ ภาคีกินผัดกะเพราปลาหมึกเยอะไปปะเนี่ย สงสารน้องน้า อิอิ ไม่พูดเยอะแต่เข้าใจทุกความรู้สึกของกันและกัน
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-03-2015 19:17:42
ต้นสนกับภาคี ยังทำให้เราใจสั่นได้เหมือนเดิม ^^
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 10-07-2015 00:54:40
น่ารักกกก อ่านกี่รอบก้ใจสั่น
อ่านแล้วก้ยิ้มมมมตาม
ขอบคุณมากค่าาา (: 
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 08-05-2016 10:25:04
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนที่พี่คีอยากกินผัดกระเพรา ฟินนนนนนง่าาาาาา  :oo1: 55555555555 ต้นสนน่ารัก :o8: รักพี่คีและต้นสน :-[ :กอด1:
#คีสน              FOREVERLONGTIME ....
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-05-2016 15:11:39
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 09-05-2016 08:45:53
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ   มีหลากหลายอารมณ์...จบแบบหวานๆจนมดขึ้นเลย  ชอบพี่คีมากค่ะ  มีความพยายามดีจริงๆ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 14-06-2016 16:51:35
รักต้นสน รักภาคี
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-04-2018 22:48:24
เป็นนิยายที่ประทับใจไม่รู้ลืม ^^
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 01-05-2019 04:02:54
 :katai2-1 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-05-2019 12:43:41
พี่คีน่ารัก  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 16-10-2019 22:18:55
เรื่องนี้อ่านแบบงงๆ 55555 น่าจะมีเขียนบอกหน่อยค่า ว่าตอนไหนปัจจุบันตอนไหนอดีต  :a11:
ขอตัวว๊าปไปอ่านเรื่องอื่นต่อไม่รอแล้วน้าาาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-11-2019 04:22:43
มาอ่านอีกแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 15-02-2022 19:44:39
พรหมลิขิต....ชัดๆ
หัวข้อ: Re: ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ต้นสน - ภาคี
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 12-02-2023 23:02:10
ในความโชคร้าย คงมีความโชคดี