-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
***************************************************
COFFEE SHOP '
ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ร้านกาแฟ
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน..
ร้านกาแฟพี่กัลป์
ไม่ใช่ชื่อเรียก แต่ เป็นชื่อร้านจริงๆ
ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย A เป็นร้านกาแฟขนาดใหญ่ที่ตกแต่งแนววินเทจและเจ้าของร้านก็เป็นศิษย์เก่าของคณะนิเทศที่ชื่อกัลป์ตั้งแต่เรียนจบก็ไปทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิงอยู่เกือบสามปีแต่พอถึงจุดอิ่มตัวก็หอบเงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานมาเปิดร้านกาแฟซึ่งเจ้าของเดิมยกเลิกกิจการไปเนื่องจากจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศถาวร
บอกได้เลยว่ากว่าจะลงตัวก็นานอยู่ หลากหลายปัญหาที่ต้องเจอตัวกัลป์เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านกาแฟมันจะยากขนาดนี้ แต่ตอนนี้เรียกว่าทุกอย่างมันเริ่มเข้าที่เข้าทางร้านกาแฟพี่กัลป์เปิดมาได้ 5 ปีแล้ว บรรดาลูกค้าส่วนมากก็เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย น้อยครั้งที่จะเป็นลูกค้าขาจรไปมา ลูกค้าบางคนนี่เขาสนิทจนแทบจะมาให้ชงกาแฟเองได้แล้ว
นอกจากรสชาติกาแฟและขนมแล้วยังมีบรรยากาศในร้านที่กัลป์พยายามจะแต่งให้มันรู้สึกสบายๆ มากกว่าที่จะเป็นร้านกาแฟปกติทั่วไปรวมทั้งยังมีการแบ่งโซนให้ติวหนังสืออีกด้วยเพราะเคยเป็นนักศึกษาที่นี่มาก่อนถึงได้รู้ว่าเวลานักศึกษาที่ต้องสอบกลางภาคและปลายภาคทุกคนมีสภาพเหมือนซอมบี้ขนาดไหน
เพราะใช้เวลาที่ร้านแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะชอบสังเกตพฤติกรรมคนในร้าน กัลป์ไม่อยากจะบอกว่ามีหลายคู่เหลือเกินที่มาพบรักที่ร้านกาแฟร้านนี้ แถมบางครั้งเขายังเป็นกามเทพให้อีกด้วยก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว
และตอนนี้มีหลายคู่ที่กัลป์กำลังแอบมองความเป็นไปอยู่
ก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะลงเอยกันเมื่อไหร่
-
01: MILK
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน...
ตะวัน –เมษา
“อ้าว มึงยังไม่เลิกเหรอวะไอ้เมษา เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว”
“..........................................................................”
“ให้กูฝากพี่เขาไว้พี่เจ้าของร้าน? พี่ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์อ่ะนะ”
“..........................................................................”
“เออโอเคๆ ”
“พี่ครับ ฝากชีทไว้ให้เพื่อนหน่อยได้ไหมครับชื่อเมษาอยู่นิเทศปีหนึ่งเดี๋ยวเย็นๆ มันเข้ามามันมากินนมที่นี่ทุกวัน”
กัลป์พยักหน้าพร้อมกับรับชีทมาไว้ในมือก่อนจะวางมันตรงชั้นด้านหลัง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มักจะมีนักศึกษามาฝากของให้เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะร้านกาแฟที่นี่เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยและเขาเองก็เป็นที่ไว้ใจนักศึกษาเลยไม่แปลกที่จะมีคนมาฝากของอยู่เป็นประจำ
วันนี้ตอนเย็นที่ร้านกาแฟก็ยังมีนักศึกษาเข้ามาอุดหนุนจนเต็มร้านเหมือนเดิม กัลป์ยืนพิงเคาน์เตอร์ก่อนจะโบกมือลานักศึกษาผู้หญิงที่ชอบแกล้งเข้ามาแซวเขา กัลป์เองยังหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของรุ่นน้องที่บอกว่าจะเข้ามาจีบจนกว่าเขาจะใจอ่อน รู้อยู่หรอกว่าแค่แซวเล่นเพราะเห็นวันต่อมาทุกคนก็ไปกรี๊ดรุ่นพี่ผู้ชายหล่อๆ คนอื่น จังหวะที่กำลังจะผละตัวไปอีกด้านแขนกลับไปโดนแผ่นชีทตกลงมาที่พื้นทำให้นึกขึ้นได้
คนที่ชื่อเมษานิเทศยังไม่มาเอาชีทอีกรึไง
กัลป์รวบรวมแผ่นชีทที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ พยายามมองหากลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่ ชื่อเมษาก็คงจะเป็นชื่อผู้หญิงสักคนพอมองอยู่นานก็คิดว่าควรจะบอกให้มาเอาเพราะกลัวว่าคนที่ชื่อเมษาอาจจะลืมเรื่องชีทนี้ไปแล้วเหมือนกัน
“ขอโทษนะครับ น้องผู้หญิงคนไหนชื่อเมษาครับ”
“......................................................................”
“น้องเมษาที่อยู่นิเทศปีหนึ่งเพื่อนน้องฝากชีทไว้ที่พี่นะครับ”
“......................................................................”
กัลป์โบกชีทในมือไปมาสายตาก็มองไปทั่วร้านเพื่อดูว่าน้องผู้หญิงคนไหนจะลุกขึ้นมาเอา แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ในร้านก็แค่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อหรือไม่ก็อ่านหนังสือตามเดิม ไม่เห็นมีใครลุกขึ้นมาที่เคาน์เตอร์เลยสักคน สงสัยน้องเมษาคงจะไม่ได้มากินนมที่นี่วันนี้
“เอ่อ ขอโทษครับ”
กัลป์หันไปตามเสียงเรียกเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาวยังกับแสงไฟนีออนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ กัลป์หันมายิ้มให้พร้อมกับตั้งใจฟังคนตรงหน้าเพราะนึกว่าลูกค้าจะสั่งเครื่องดื่ม
“รับอะไรดีครับ”
“ผมมาเอาชีทครับ”
“เพื่อนเราเหรอน้องเมษา”
“เปล่าครับผมเอง เมษา”
กัลป์ยืนมองคนตรงหน้าที่ดูจะทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาในร้านมองมาที่หน้าเคาน์เตอร์เป็นจุดเดียว คงเพราะเขาถามน้องเสียงดังไปหน่อย กัลป์หัวเราะตัวเองเมื่อเผลอคิดว่าเมษาจะเป็นชื่อของผู้หญิงซะอีก กลับกลายเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักยังกะตัวการ์ตูนญี่ปุ่น น้องเมษาคงกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อถึงได้พยายามจะหยิบบัตรนักศึกษามาให้เขาดูซึ่งเขาก็รับมันมา
เมษา วรโชติธนัน
แปลกดี ชื่อจริงกับชื่อเล่นชื่อเดียวกัน
“เกิดเดือนเมษาสินะเราถึงชื่อนี้ พี่นึกว่าเราเป็นผู้หญิงซะอีก”
“จริงๆ มีคนแย่งชื่ออีกชื่อไปครับ
กัลป์ไม่ได้ถามอะไรต่อก่อนจะยื่นชีทให้เมษา
พอรับมาก็เอ่ยขอบคุณแล้วรีบเดินกลับมาที่โต๊ะ
“เพิ่งเคยเจอผู้ชายชื่อเมษา”
“หน้าตาก็ดูเหมาะกับชื่อดีนี่หว่าแล้วมึงไปยุ่งอะไรกับชื่อเขาวะ ไอ้ตะวัน”
กลุ่มเด็กวิศวะที่นั่งอยู่อีกฟากมองตามผู้ชายตัวเล็กที่ชื่อเมษาเดินกลับไปที่โต๊ะ ตะวันรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินผู้ชายชื่อเหมือนผุ้หญิง เห็นตั้งแต่เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ตอนแรกนึกว่าลูกค้าทั่วไปแต่เห็นว่าคุยกับพี่เจ้าของร้านที่ประกาศหาเจ้าของชีท ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าไอ้คนที่ยืนตาแป๋วอยู่ตรงนั้นเป็นคนชื่อ เมษา ตะวันมองตามคนตัวเล็กที่นั่งดื่มนมจนเลอะปากบางๆ นั่น อยู่ตรงโต๊ะของกลุ่มนิเทศแล้วยิ้มออกมา
เมษา
วันที่1
“รู้จักเมษานิเทศไหมวะที่หน้าตาน่ารักๆ หน่อย ”
“ใครวะ ไม่เคยได้ยินผู้หญิงชื่อเมษามาก่อน”
“ผู้ชายเว้ยน่ารักดี กูใจเต้นกับผู้ชายเป็นไรป่าววะ สาดดดดด”
ตะวันก็หันไปมองคนที่พูดกันอยู่ตรงหน้าร้านขายน้ำ รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของคนทั้งคู่ ปกติตะวันไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมพอได้ยินชื่อเมษาร่างกายมันถึงเป็นไปเองไปตามอัตโนมัติ
วันที่2
“คนนั้นน่ารักว่ะอยู่นิเทศป่ะ”
“แฝดไอ้เมษไงพี่มันหวงยังกะมีน้องสาว”
“หน้าแบบนี้กูก็หวงวะ”
“เออ กูก็หวง” ตะวันมองตามคนที่นักศึกษากำลังนั่งกินข้าวพูดถึง ก่อนจะตอบตัวเองในใจ พอรู้สึกตัวก็ได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง
วันที่ 3
“เมื่อกี้เจอเมษาแฝดเมษบริหารโคตรน่ารักเลยว่ะ เพิ่งเคยเห็นตัวจริง”
“อยู่ไหนวะอยากเห็นบ้างได้ยินแต่ชื่อมาตั้งแต่รับน้อง”
“ตรงนู้นนนน ตรงร้านป้าเพ็ญฐา”
“ตะวันมองหาอะไรวะ”
เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชะเง้อซะจนคอยืดคอยาว เดือนวิศวะชะงักไปนิดนึงก่อนจะส่ายหน้าแต่ก็ยังไม่วายหันไปมองตรงร้านป้าเพ็ญฐาอีกรอบ
วันที่4
“มีใครว่างป่ะวะฝากเอาหนังสือไปให้ไอ้ปาล์มหน่อย มันไปหาอาจารย์ที่นิเทศเรื่องแข่งบาส”
“กูว่าง!”
“เฮ้ยตะวันรายงานกูล่ะไปไหนวะ! กลับมาก่อน”
วันที่ 5
“ไอจีเมษาเหรอวะนานๆ จะลงหน้าตัวเองถ่ายแต่แก้วนมร้านพี่กัลป์หมาแมวและไอ้เมษ”
“คนน่ารักเขาก็ต้องเล่นตัวหน่อยสิวะลงบ่อยๆ คนเบื่อหมดแล้วดูมัดจุกแบบนี้โคตรเด็กญี่ปุ่น”
ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเข้าแอพที่ทุกวันเขาก็เข้าเป็นปกติอยู่แล้ว มือนี่พิมพ์ชื่อไอจีของบางคนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเขาไม่ได้กดติดตามเลยนะไม่ได้อะไรขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่เห็นว่าน่ารักดี (พิมพ์ชื่อไอจีแม่นและเร็วมาก)
วันที่ 6
“เฮ้ย เมษา”
หันขวับ!
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันที่ 7
วันนี้ตะวันมีเรียนที่ตึกเรียนรวม เขาสายมาเกือบสิบนาทีแล้วดีที่เป็นวิชาที่ไม่เช็คชื่ออาจารย์เลยไม่ค่อยเข้มงวด ตะวันเดินเข้าไปในลิฟท์นักศึกษาบางคนยิ้มให้เขาเขินๆ เพราะจำได้ว่าเขาเป็นเดือนคณะวิศวะที่เพิ่งได้รับตำแหน่งมาหมาดๆ จังหวะที่เอื้อมมือไปกดปุ่มปิดกลับมีมือของใครสักคนมากั้นไว้
“ไปด้วยครับ”
ตะวันกดเปิดประตูลิฟท์อีกครั้งก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อเห็นว่าเป็นใครยืนอยู่ตรงหน้าลิฟท์ท่าทางหอบน้อยๆ คงเพราะวิ่งมาจากที่ไหนสักที่สองแก้มนี่แดงเหมือนมะเขือเทศ ตะวันยอมรับเลยว่า ผู้ชายที่ชื่อเมษาขาวซะจนแสบตา เพราะพื้นที่ในลิฟท์ค่อนข้างมีจำกัดทำให้เมษาต้องพยายามยืนตัวลีบกลัวว่าจะไปโดนตัวใครเข้า แต่เมื่อมีคนเข้ามาในลิฟท์อีกเมษาก็ขยับตัวมาใกล้ตะวันมากขึ้น
เดือนคณะวิศวะเอาแต่มองคนที่สูงแค่ไหล่เขาขนาดมองด้านข้างยังเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายซะอีก ตะวันพยายามยืนนิ่งๆเมื่ออีกฝ่ายโดนเบียดจนแทบจะชิดกับอกเขาอยู่รอมร่อ จนถึงชั้นสามทุกคนในลิทฟ์ค่อยๆ ทยอยออกจนกระทั่งคนตัวเล็กที่ยืนเบียดเขาอยู่กำลังเดินออกเป็นคนสุดท้าย
“เมษา”
ตะวันเผลอเรียกชื่ออีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจคนตัวเล็กที่ออกจากลิฟท์ไปแล้วหันกลับมามองพร้อมกับประตูลิฟท์ที่ปิดพอดี ตะวันยืนพิงผนังลิฟท์อยู่อย่างนั้น เขารู้สึกว่าความรู้สึกเขามันไม่ธรรมดาซะแล้ว นี่รู้สึกว่าผู้ชายที่ชื่อเมษาทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด
“เอาแล้วไงไอ้ตะวันเกิดมาแพ้ผู้ชายน่ารักที่ชื่อเหมือนผู้หญิงเหรอวะ”
MILK
“ใครๆ ก็รู้จักน้องเมษาทั้งนั้นแหละ”
“เมื่อเช้ามีคนเรียกชื่อกูจากในลิฟท์กูมองไม่ทัน”
“แฟนคลับมึงเปล่า”
“แฟนคลับอะไรของมึงแล้วนั่นเขามุงอะไรกันวะ”
“เดือนวิศวะมากินข้าวที่โรงอาหารคณะเรา ตะวัน นายหนึ่งตะวัน มึงไม่รู้จักอีกล่ะสิ ”
กลุ่มเมษาเดินแหวกฝูงชนที่กำลังมุงดูอะไรสักอย่างอยู่ตรงกลางโรงอาหารมาที่โต๊ะนั่งประจำ เมษามองไปยังผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงสวยสองคน ด้วยบรรดาไทยมุงที่ยืนอยู่เต็มโรงอาหารทำให้เด็กนิเทศไม่กล้าที่จะลุกไปสั่งอาหารเลยนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปพร้อมคนอื่นด้วย เมษานั่งกินไอศครีมที่ซื้อตรงร้านค้าแถวคณะก่อนจะมองไปยังรักสามเศร้า? ที่อยู่ตรงหน้า
“ตะวัน ไม่รับโทรศัพท์ฝนเลยนะคะ”
“นี่น้อยๆ หน่อยตะวันเขาคุยกับฉันอยู่ ยัยหน้าเทา!”
เสียงถกเถียงกันไปมาของทั้งคู่ทำให้ตะวันต้องถอนหายใจเพราะผู้หญิงทั้งสองคนนี้คิดเองเออเอง เขาไม่เคยให้เบอร์ใครและไม่เคยคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักนิด มีแต่คนที่ไปหาเบอร์เขามาเองหรือไม่ก็แอดไลน์มาคุยด้วย ตอนนี้บรรดานักศึกษามุงเพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ตะวันไม่ได้สนใจใครที่ไหนหรอก
ยกเว้น
คนที่นั่งกินไอศกรีมตาแป๋วอยู่ตรงโต๊ะตัวนั้น
“ขอโทษนะครับผมไม่ได้เป็นแฟนใครและก็ไม่ได้คุยกับใครที่ไหนสักคน”
“แต่ตะวันคะ..”
“ผมมีคนที่ชอบแล้วครับและกำลังคิดว่าจะจีบเขายังไงดี”
ตะวันพูดเสียงนิ่งๆ แต่สะกดให้ทุกคนที่กำลังมุงอยู่เงียบสนิทได้ สายตามองไปยังคนที่ตักไอศครีมค้างไว้และเหมือนเมษาเองก็รู้ตัวเพราะทุกสายตาของบรรดานักศึกษาที่ยืนอยู่มองมาที่จุดเดียวจนเจ้าตัวกับกลุ่มเพื่อนรีบสุมหัวเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“ทำไมไอ้เดือนวิศวะมองหน้าไอ้เมษาแบบนั้นวะ”
“นั่นดิหรือว่าที่มันพูดจะหมายถึงมึงวะ เมษา”
“กูยังไม่รู้จักเขาเลย เพิ่งเห็นหน้าก็วันนี้”
“โดนแน่ๆ เพื่อนเขยกูเป็นถึงเดือนวิศวะกูไปฟ้องไอ้เมษดีกว่า”
เมษาขมวดคิ้วมื่อฟังสิ่งที่เพื่อนพูดก่อนจะหันไปมองคนที่โดนผู้หญิงสองคนฟาดใส่แขนคนละทีก่อนจะเดินสวยๆ ออกไปจากโรงอาหาร ส่วนเดือนวิศวะก็กลับไปนั่งที่กลุ่มเพื่อนตามเดิม เมษาไม่ได้คิดไปเองว่านายตะวันคนนั้นกำลังยิ้มให้พร้อมกับผองเพื่อนกลุ่มวิศวะต่างพร้อมใจกันหันมามองเขากันทั้งกลุ่ม ตามด้วยเสียงไชโยโห่หิ้ว เมษาเลยรีบหันกลับมาที่โต๊ะตามเดิม
ทำไมมันรู้สึกแปลกๆวะ
“จะกลับก็โทรมาบอกแล้วกัน เดี๋ยวกูมารับ”
เมษาพยักหน้าหงึกหงักใส่ฝาแฝดที่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด เมษเรียนอยู่บริหารรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้น่ารักบ๊องแบ๊วเหมือนเมษาแถมร่างกายก็สูงใหญ่จนความสูงเกือบถึง 183 ชอบมีคนมาเข้าใจผิดว่าเขาเป็นแฟนกับแฝดตัวเองไม่ก็บอกว่าเขาเป็นน้องสาว
นี่กระโดดถีบเป็นนะเว้ย
เรียนเทคควอนโดมา สายดำด้วย
เมษาสั่งนมร้อนแบบเดิมที่กินทุกวันก่อนจะจัดแจงเอารายงานออกมาทำ ตอนนี้มีควิซเกือบทุกวันแล้วรายงานที่อาจารย์สั่งก็ยังไม่เสร็จหนังสือก็ต้องอ่านอีก เมษาก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงานจนเวลาผ่านเลยไปเกือบสามชั่วโมงพอรู้สึกว่าดวงตาเหนื่อยล้าเกินจะทนไหวก็เลยฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนแรกตั้งใจจะแค่พักสายตาแต่ไปๆ มาๆ ก็หลับคากองหนังสือ
กลิ่นนมที่ลอยเข้ามาทำให้เมษาเริ่มรู้สึกตัวเด็กนิเทศผงกหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแก้วสีขาวมีควันลอยขึ้นมา นมสดร้อนๆ อีกแก้วนึงวางอยู่ตรงข้างๆ แก้วที่เขาดื่มหมดไปแล้ว เมษาหันไปมองรอบๆ ตัวแต่ก็ไม่เห็นใครที่มีท่าทางผิดสังเกตทุกคนก็ยังคงนั่งคุยหรือไม่ก็อ่านหนังสือตามปกติ
“ใครวะ ใส่อะไรลงไปป่ะเนี่ย”
เมษาพูดเบาๆ เมื่อยกแก้วนมขึ้นมามองใกล้ๆ เสียงหัวเราะจากด้านหลังทำให้เมษาหันไปมองแต่ก็มองได้ไม่เต็มตาเพราะกลัวว่าจะเสียมารยาทเลยเห็นแต่กลุ่มผมสีดำเท่านั้น พอสำรวจแก้วนมตรงหน้าอย่างจริงจังก็เห็นว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ก็จัดการดื่มนมในแก้ว
อย่างน้อยก็ฟรีไม่เสียตังค์
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เมษารีบรับเพราะเห็นว่าชื่อที่ขึ้นนี่เป็นฝาแฝดตัวเอง ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีมากถึงได้พูดเสียงห้วนๆว่าให้เขาเก็บของแล้วมารอตรงหน้าร้านได้แล้ว นี่โมโหอะไรมาอีกแล้วล่ะสิ ประสาทแดก เมษากวาดของลงกระเป๋าพร้อมกับหนีบโทรศัพท์ไปด้วย ท่าทางเหมือนตัวการ์ตูนตัวจิ๋วแบกของทุกลักทุเลมันดูน่ารักสำหรับหลายคนรวมทั้งเดือนวิศวะที่นั่งยิ้มอยู่
“ตะวัน มึงเอาจริงเหรอวะเรื่องเมษา”
“ทำไม”
“ถามจริงๆ มึงเป็นเกย์เหรอวะคือกูไม่อะไรนะกูก็เห็นมึงมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะกูก็เพิ่งเคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
“ถ้าจะจีบก็ลุยเลยดิมัวแต่หลบเดี๋ยวก็มีคนมาแย่งไปกูว่าไม่ใช่แค่มึงแน่ๆ ที่ชอบน้องเมษาคนน่ารัก”
ตะวันหัวเราะเพื่อนในกลุ่มที่ทำมือสู้ๆ แบ๊วๆขัดกับหน้าตา เขาก็บอกไม่ถูกว่าทำไมพอเป็นเมษาเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปหาเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยจีบ คงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยจะเข้าไปทำความรู้จักมันก็แปลกๆ อยู่เหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่ชอบผู้ชายด้วยกันยิ่งแล้วใหญ่ เขาควรจะทำยังไงดี
จีบผู้ชายน่ารักมันยากกว่าจีบผู้หญิงสวยสิบคนซะอีก!
หนึ่งอาทิตย์
หนึ่งอาทิตย์ที่เมษาหอบเอารายงานมาที่ร้านกาแฟพี่กัลป์
เพราะทั้งรายงานและการสอบย่อยยุบยิบไหนจะกิจกรรมของคณะอีก เมษาเลยหอบเอารายงานมาที่ร้านกาแฟกว่าจะกลับบ้านก็ดึกมากแล้วคงสลบคาเตียง และที่สำคัญทุกครั้งที่เขามานั่งทำรายงานที่นี่เวลาที่เขาฟุบหลับหรือลุกออกไปเข้าห้องน้ำ มักจะมีนมร้อนๆ มาวางไว้ให้ที่โต๊ะทุกครั้ง
นี่ไม่ใช่เด็กๆ หรอกนะ รู้อยู่หรอกว่าถูกจีบ
แต่ใครวะ! จะมาซื้อนมให้กินฟรีๆแบบนี้ไม่ได้เว้ย
เกรงใจ (แต่ก็กิน)
“เขาหลับแล้วว่ะ”
ตะวันหันไปมองคนที่นอนฟุบหน้าก่อนจะวางนมอุ่นไว้บนโต๊ะ ตะวันยิ้มนิดๆ เมื่อได้เห็นคนที่นอนหลับสนิทใกล้ๆ จังหวะที่กำลังชักมือกลับอยู่ดีๆ คนที่นอนอยู่ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับแขนเขาไว้
“นายนั่นเองเดือนวิศวะ”
ตะวันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนักเรียนที่ทำอะไรผิดแล้วโดนจับได้ เมษาคนน่ารักกำลังกอดอกจ้องเขาไม่วางตา ทำท่าทางขึงขังจริงจังคล้ายจะขู่ให้เขากลัวแต่ตะวันไม่อยากจะบอกว่ามันดูน่ารักมากกว่าอีก แถมไอ้กลุ่มเพื่อนเขาข้างหลังก็ชูไม้ชูมือพร้อมกับบอกว่า สู้ๆ แบบไม่มีเสียงแต่พอเมษาหันไปมองกลุ่มลิงวิศวะก็ทำเป็นอ่านหนังสือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มีอะไรจะพูดไหม”
“ผมจะจีบคุณ”
“เฮ้ย ไม่ใช่อย่างงี้ดิ”
“แล้วแบบไหน”
“เราเป็นผู้ชาย”
“แล้วไง”
เมษาถอนหายใจอย่างปลงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนผู้ชายจีบแต่ก็เป็นครั้งแรกที่คนตรงหน้าเป็นถึงเดือนวิศวะคนดังในมหา’ลัย แล้วดูทำท่าทางกอดอกยักไหล่เหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาๆ และก็คงไม่แปลกอะไรถ้าไอ้คนหล่อลากดินแห่งวิศวะจะจีบใครสักคน แต่ดันเป็นเขาที่เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ดาวคณะสักคณะ
“นี่แกล้งเล่นป่ะไม่สนุกเลยนะ”
“จริงจังที่สุดในชีวิตแล้วเนี่ย”
“โว้ย! อย่าตอบแต่อะไรแบบนี้สิวะ”
ตะวันนึกขำคนตรงหน้าก็เขาเล่นหยอดมุขจีบให้เขินเล่นแต่อีกคนกลับเหมือนลูกแมวตัวจิ๋วที่พร้อมจะกางเล็บข่วนเขา เมษาเด็กนิเทศจ้องเขาไม่วางตาก่อนจะถอนหายใจคล้ายจะปลงตกกับเหตุการณ์ตรงหน้า พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ก็ลุกขึ้นเก็บของลงกระเป๋าซะดื้อๆ จังหวะที่กำลังลุกดินผ่านเขาไปตะวันตัดสินใจคว้าข้อมือเมษาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว
“ต่อจากนี้ ผมจะจีบคุณอย่างเปิดเผยแล้วนะ เมษา”
ตะวันตั้งใจพูดเสียงดังให้คนอื่นที่อยู่ในร้านได้ยินแน่นอนว่ามันได้ผลเพราะทุกคนในร้านจากที่คุยกันเสียงดังเจี้ยวจ้าวเงียบลงทันควันก่อนจะตามด้วยเสียงโห่ร้องพร้อมคำแซวที่ดังลั่นจนเมษาที่มองไปรอบๆ ร้านรีบกระตุกๆ ข้อมือให้อีกฝ่ายปล่อยออก ตอนแรกตะวันก็ไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายหรอกแต่พอเห็นแก้มที่แดงแจ๋คงเพราะเขินเสียงที่ยังแซวอย่างต่อเนื่องเลยตัดสินใจปล่อยมือ คราวนี้เมษาเลยรีบวิ่งออกจากร้านท่ามกลางเสียงหัวเราะของตะวันรวมทั้งเจ้าของร้านอย่างกัลป์ที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงหลังเคาน์เตอร์
-
:: MILK ::
“เฮ้ย! มึงนั่นไงคนที่ชื่อเมษาที่ตะวันเดือนวิศวะจีบอยู่”
“นั่นเหรอเมษาน่ารักนี่หว่า”
“เป็นฝาแฝดที่โคตรไม่เหมือนกันเลยว่ะเมษาแบ๊วจังวะ”
เสียงพูดคุยในร้านอาหารที่ดังขึ้นตั้งแต่เมษาเดินเข้ามาในทำให้คนตัวเล็กต้องหลบอยู่หลังเพื่อนที่พยายามกลั้นหัวเราะ พร้อมกับแกล้งเดินหนีให้ไอ้คนที่โดนซุบซิบยืนเอ๋ออยู่ตรงกลางร้าน พอเห็นเพื่อนทิ้งเลยรีบเดินตามเลยไปชนกับใครคนนึงเข้ากระดาษวาดรูปรวมทั้งไม้ไอศรีมหล่นลงพื้นเมษาเอ่ยขอโทษแต่พี่ (คิดว่าน่าจะเรียนสถาปัตย์) บอกว่าไม่เป็นไรแถมยังยิ้มให้อีกด้วยเมษาเผลอมองดวงตาสีเขียวนั่นจนอีกฝ่ายยังแอบหัวเราะ ยังไม่ทันจะได้สั่งอาหารเสียงกระดิ่งหน้าประตูทำให้เมษาหยุดชะงักพร้อมกับเสียงซุบซิบดังขึ้นมาอีกรอบ
“อ้าว ตะวันมาว่ะ”
“นี่ไงมึงคนที่จีบเมษาเดือนวิศวะ”
“เขาดูเหมาะสมกันนะ ฉันยอมแพ้เมษาก็ได้”
ตะวันได้ยินเสียงซุบซิบที่ดังอยู่ใกล้ๆ เลยหันไปมองรอบๆ ร้านเห็นคนตัวเล็กที่หยิบเอาเมนูของร้านอาหารขึ้นมาบังหน้าเหลือแต่ลูกตากลมๆ แต่พอเขาหันไปมองเจ้าตัวก็หันไปมองทางอื่น ก่อนที่เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อนของเมษาที่พยายามจะดึงเมนูที่บังหน้าให้พ้นทาง ตะวันส่ายหน้าอย่างขำๆ เลยตัดสินใจเดินเลี้ยวไปอีกโต๊ะเพราะเขาก็กลัวว่าเมษาจะโดนคนทั้งร้านแซวจนไม่ได้กินข้าวกินปลา
ตั้งแต่เขาประกาศจีบเมษาคณะนิเทศกลางร้านกาแฟ
เวลาก็ล่วงเลยมาสองสามอาทิตย์แล้ว เขาได้ทั้งเบอร์ทั้งไลน์ของเมษาในวันต่อมา รวมถึงไอจี เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ด้วย อันนี้ต้องขอขอบคุณบรรดาแฟนคลับ?ของเขา บางทีตะวันก็รู้สึกว่าแฟนคลับเขานี่อาจจะเก่งกว่าโคนัน
ยอมรับเลยว่าตัวเองป๊อดมากแค่กดเบอร์โทรศัพท์ยังไม่กล้าแต่พอฮึบสุดท้ายในการกดโทรออกคนที่รับกลับไม่ใช่เมษา แต่บอกว่าชื่อเมษเป็นพี่ชายฝาแฝด โอ้โห..ใจนี่ตกไปอยู่ตาตุ่มเรียบร้อยเพราะคิดว่าฝาแฝดจะไม่ชอบขี้หน้าเขา ก็เลยเงียบไปกว่าอึดใจพูดตะกุกตะกักว่าขอสายเมษาครับ
ฝาแฝดที่ชื่อเมษหัวเราะออกมาก่อนจะบอกว่า มันไม่ยอมรับนั่งกอดอกส่ายหน้าอยู่นี่ พอได้ยินแบบนั้นตะวันก็ใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที จนเขาได้ยินเมษบอกว่า ไลน์ๆ มันไม่ชอบพูด ตะวันเอ่ยขอบคุณนี่ถ้าเขากระโดดออกจากโทรศัพท์ไปกอดเมษได้คงทำไปแล้ว ได้ยินเสียงฝาแฝดเมษาบ่นเบาๆ ว่า นี่กูไม่เคยคิดจะช่วยใครมาจีบ น้องชายตัวเองเลยนะเว้ย
ตะวันมารู้ทีหลังว่าเมษให้คนมาสืบประวัติเขาซะละเอียดยิบแทบจะย้อนกลับไปสมัยอนุบาล (ก็ยังคงสงสัยว่าทำไมคนรอบข้างถึงได้มีแต่คนตามสืบเรื่องของเขาได้อย่างง่ายดาย ) ยังดีหน่อยที่เขายังเข้าข่ายเป็นผู้ชายแสนดี(ในระดับนึง)ประวัติถึงไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่นอกจาก ตำแหน่งเกี่ยวกับหน้าตาที่เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนผลักดันตัวเองก็มีแต่คนรอบข้างที่ขอให้ช่วย เขาก็ปฏิเสธคนไม่เป็นเท่าไหร่ ก็เลยตอบตกลงไป
ตอนแรกตะวันลองส่งสติกเกอร์ไปทักทายเมษาก่อน มุ้งมิ้งกุ๊กกิ๊กจนตัวเองยังคิดว่าจีบผู้ชายนี่มันจะน่ารักไปป่ะวะ สารภาพเลยว่าเขานั่งจ้องหน้าจอค้างอยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาทีหลังจากที่มันขึ้นว่า read แล้วแต่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรตอบกลับมา นอนจ้องต่ออีกห้านาทีก็ว่างเปล่าก็เลยจะตัดใจ เอาวะ ..พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ จังหวะที่กำลังจะกดออกอยู่ดีๆ ก็มีข้อความเด้งกลับมา
“อะไร”
ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เมษาตอบกลับมาแค่นั้นจริงๆ สิบห้านาทีที่รอคอย แต่ตะวันก็คิดว่ามันก็ดีกว่าที่เมษาจะไม่สนใจ หลังจากนั้นเขาก็เนียนคุยต่อไปเรื่อยๆ ถามเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย แต่พอหยอดอะไรไป เมษาจะหายไปแป๊บนึงและกลับมาพร้อมกับสติกเกอร์เตะกระเด็น ต่อยคว่ำ ไม่ก็สติกเกอร์หน้าตาไร้อารมณ์
ในฐานะที่เป็นคนหยอดจะขอเดาว่านั่นคือ อาการเขินแล้วกัน
กลับมาปัจจุบัน
ตะวันเหลือบมองไปยังโต๊ะข้างๆ ที่ทำเป็นไม่สนใจเขาแต่พอหันไปก็เห็นอยู่ว่าแอบมองอยู่เหมือนกัน ตะวันรู้สึกดีที่ความสัมพันธ์ของเราค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ตะวันยังคงเอานมไปให้เมษาที่มานั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟเหมือนเดิม ถึงตอนนี้จะกล้าเอามาให้ต่อหน้าต่อตาก็ตามเถอะ พอเขาวางแก้วนมเมษาก็จะไลน์มาทันที
“เมื่อไหร่จะเลิกซื้อนมมาให้”
“เมษาจะได้สูงๆ ไง”
“นี่นายด่าเราเตี้ยอยู่”
“หมายถึงตัวเล็ก น่ารัก”
“บายนะ”
เป็นการตัดบทที่ดูตลกดี แต่ถึงอย่างนั้นตะวันก็เห็นว่าเมษาก็ยังคงดื่มนมที่เขาซื้อให้จนหมดแก้ว ขนาดพี่กัลป์ยังเคยแซวเมษาว่าไม่ต้องซื้อนมแล้วเดี๋ยวก็มีคนเอามาให้ จำได้ว่าเมษาหน้าแดงแปร๊ดก่อนจะบอกพี่กัลป์ว่าห้ามแซว ตะวันไม่รู้นะว่าเขาจะคิดเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่าว่าเมษาก็ไม่ได้เฉยชาอะไรกับเขามากนัก เพราะคนรอบตัวมักจะบอกว่าเขาได้สิทธิ์เข้าใกล้เมษามากกว่าคนอื่นที่เข้ามาจีบ เพราะเห็นว่าบางคนนี่โดนเมษาเมินเหมือนไม่มีตัวตน แต่ถ้าตื้อหนักเข้าก็โดนเมษมาจัดการให้ นี่เขาเรียกว่า ผ่านด่านพี่ชายฝาแฝดแล้วใช่ไหมวะ ถึงไม่โดนด่าเปิงเหมือนคนอื่น
“จีบติดยัง”
เพื่อนในกลุ่มถามเดือนคณะที่เอาแต่มองเด็กนิเทศข้ามโต๊ะพอส่ายหัวก็โดนโห่พร้อมกับเสียงแซวว่า อ่อนว่ะ ไม่ได้เรื่อง แน่นอนว่าโต๊ะอีกฝั่งก็คงได้ยินเหมือนกันถึงได้หันไปมองเมษาที่กำลังตั้งใจม้วนเส้นสปาเก็ตตี้หยุดชะงักก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเพื่อนแซว
“กลับบ้านเลยป่าววะ”
“เออ กูโคตรอยากนอน ง่วงตั้งแต่เก้าโมงเช้าแล้วกูเนี่ย”
“กูว่าจะไปร้านกาแฟพี่กัลป์”
“จ้า พ่อหนูติดนม”
คนถูกหาว่าติดนมยกมือต่อยแขนเพื่อนทันที จะให้ทำไงล่ะก็ตั้งแต่เด็กเขาตัวเล็กกว่าฝาแฝดตัวเองมาโดยตลอด แถมหน้าตาก็แตกต่างกับเมษราวกับไม่ใช่ฝาแฝดกันเลยโดนแกล้งตั้งแต่เข้าโรงเรียน ยิ่งตอนเด็กแม่จับมัดจุกเหมือนเด็กผู้หญิงเลยโดนเพื่อนผู้ชายในห้องดึงจุกอยู่บ่อยๆ ตัวก็เล็กกว่าเมษตั้งครึ่งนึงพ่อก็เลยบอกว่าเมษาต้องกินนมเยอะๆ ถึงจะตัวสูงทันเมษ นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เมษาดื่มนมทุกวัน ถึงแม่ว่าตอนนี้ความสูงเขาจะหยุดไปนานแล้วก็ตาม
“เดี๋ยวกูวนไปส่งไอ้เตี้ยที่ร้านพี่กัลป์ก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยวกูไปเองมึงไม่ต้องวนไปหรอกเสียเวลา”
“อย่าลีลาเดี๋ยวน้องเมษาก็โดนเต๊าะอีก”
“เดี๋ยวกูเตะ..”
“เดี๋ยวเราไปส่งให้เอง”
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันไปมองคนที่อยู่ดีๆ ก็โผล่เข้ามาใหม่ ยืนเงียบกันอยู่สองสามนาทีก่อนที่กลุ่มเพื่อนต่างบอกให้ทุกคนแยกย้ายเพราะเห็นว่ามีคนไปส่งไอ้เตี้ยแล้ว พอทุกคนในกลุ่มทำท่าจะขึ้นรถหนีไปซะดื้อๆ เมษาเลยทำท่าจะคว้าเสื้อคนที่ใกล้ที่สุดไว้แต่ไม่วายหลบทันวิ่งขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
“ไรวะ”
“โดนทิ้งแล้ว”
“เพราะใครล่ะ”
พอโดนทิ้งเมษาก็หันมาเอาเรื่องกับคนที่ยืนเป็นแป๊ะยิ้มอยู่ พอจะเดินหนีไปทางอื่น ข้อมือก็ถูกจับไว้พร้อมกับโดนลากมายังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล เมษาขืนตัวไว้สุดกำลังตะวันก็พยายามรั้งไว้ท่าทางมันดูตลกจนคนที่เดินผ่านไปมายังหัวเราะขำกับท่าทางของคนทั้งคู่
“แค่ไปส่งเองกลัวไรเนี่ย”
แล้วก็กลับมายื้อยุดฉุดกระชากกันอีกรอบจนตะวันต้องบอกว่ายังไงเขาก็ไปร้านกาแฟของพี่กัลปเป็นเรื่องปกติทุกวันอยู่แล้ว ทางเดียวกันไปด้วยกันช่วยชาติประหยัดพลังงาน ข้ออ้างประมาณแปดร้อยเหตุผลถูกยกขึ้นมาอ้างจนคนฟังตอนแรกทำหน้าบูดยังหลุดขำออกมา
“ใช้มุขนี้บ่อยป่ะผู้หญิงเชื่อได้ไง”
“เชื่อเถอะ ยังไม่เคยตื้อใครเท่านี้เลย”
“เลิกพูดอะไรแบบนี้เลยนะ”
เมษาตัดบทเมื่อเห็นสายตาวิบวับนั่นเลยตัดสินใจเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ตะวันยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเดินควงกุญแจรถไปยังที่นั่งคนขับ พอเมษาเห็นเขายิ้มหน้าตาประหลาดๆ ก็ทำเป็นกระเถิบหนีไปติดประตูรถวันนี้ตะวันตั้งใจจะขับรถช้าๆ เอาให้สัก 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“นี่ถามจริงชอบเราตรงไหน”
“อย่างแรก น่ารัก อย่าทำหน้างั้นดิ”
เมษาทำหน้าตาเบื่อโลกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินจนตะวันหัวเราะพร้อมกับบอกว่าตอนแรกที่เห็นคือน่ารักจริงๆ ก็ไม่ใช่น่ารักแบบที่ผู้หญิงอะไรแบบนั้น จะมองว่าหล่อก็หล่อแบบจะเรียกว่าอะไรแบบผู้ชายญี่ปุ่นละมั้งก็น่ารักเหมือนตัวการ์ตูน
“ตอนแรกก็คิดว่าน่ารักเฉยๆ ตั้งแต่วันที่เจอเมษาที่ร้านกาแฟพี่กัลป์วันนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากเจออีก”
“.....................................................................................”
“คิดว่าเดี๋ยวสักพักก็หาย แต่มันก็ไม่หายว่ะยิ่งเห็นหน้านี่ยิ่งไปกันใหญ่”
“.....................................................................................”
“ยิ่งเจอกันที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ทุกวัน คิดว่า เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน นี่คิดอยู่นานนะเว้ยไม่ใช่วันสองวันแล้วจีบ”
“....................................................................................”
“ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน นี่พูดจริงๆ ตอนรับน้องไปอยู่ไหนมาทำไม่เจอกันเร็วกว่านี้”
“......................................................................................”
เมษารู้สึกว่าแก้มตัวเองมันจะต้องแดงมากแน่ๆ ไม่ก็แดงมันไปทั้งหน้าแล้วตอนนี้ เดือนวิศวะหันมามองแถมยังยิ้มปิดท้าย ยอมรับเลยว่าใจเต้นแรงมาก ตั้งแต่มีผู้ชายมาจีบทุกคนที่ผ่านมาก็แค่บอกว่าเขาน่ารักดี แต่ก็ไม่เคยมีเหตุผลอื่นพอเขาไม่คุยด้วยอีกฝ่ายก็เบื่อและก็หายไปเองง่ายๆ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น...
“นี่เขิน?”
“ร้อนเฉยๆ เร่งแอร์หน่อยก็ดี”
ตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้าตามเดิมแต่ก็ยังไม่วายเห็นเมษาอมยิ้ม แต่พอโดนเขาจ้องก็กลับไปนั่งหน้านิ่งตามเดิม เขาอยากจะนั่งมองหน้าเมษาทั้งวันเป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าได้น่ารักดี เหมือนมีหลายล้านอารมณ์ภายในไม่กี่นาที
“เราไม่ได้เป็นคนน่าสนใจเท่าไหร่หรอกเอาจริงๆ ถ้านายไม่เบื่อเราไปซะก่อน ก็คง.. ”
“เป็นแฟนกัน”
“ยังไม่ได้พูดสักคำ”
ตะวันยิ้มจนแก้มแทบแตกก่อนจะคว้ามือเมษาที่วางอยู่บนตักขึ้นมาจับไว้พอจับนานไปหน่อยก็โดนมองตาขวางจนต้องยอมปล่อย ท่าทางเหมือนลูกแมวเลยต้องยอมเขาหน่อย จริงๆ นี่เขาสามารถขับรถมือเดียวได้อย่างสบายๆ เลยนะเพราะฉะนั้นจะจับมือเมษาไว้ก็ยังได้
(แต่เมษาไม่ยอม)
เมษาหันมามองหน้าเดือนวิศวะ ผู้ชายหน้าตาดีที่โผล่เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตเขา ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผู้ชายที่โคตรป๊อปในมหา’ลัยมาสนใจผู้ชายอย่างเขากัน หน้าตาระดับเดือนคณะขนาดนึ้ควรจะไปสนใจดาวคณะสวยๆ ไม่ใช่ผู้ชายแบบเขา ตอนแรกเมษาคิดว่านายตะวันอะไรนี่แค่เข้ามาจีบเล่นๆ ผ่านไปสองสามวันก็คงจะเบื่อไปเอง
แต่ไม่ใช่
ผ่านไปเดือนนึง
ก็ยังเห็นหน้าตะวันเกือบ 24 ชั่วโมง
และยังทำตัวเหมือนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย
ปกติเวลามีผู้ชายเข้ามาจีบเมษจะช่วยกันให้มีระดับตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงสิบ แต่ครั้งนี้ไม่ได้จัดการเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และเหมือนจะสนับสนุนด้วยซ้ำ (มารู้ทีหลังว่าตะวันแทบจะก้มหัวคุกเข่าขอจีบเป็นตายร้ายดีก็จะไม่ลุกขึ้น) ไอ้เมษถึงกับยอมแพ้กุมขมับด่าตะวันว่ามึงเป็นพระเอกหลุดออกมาจากละครเหรอวะ
เมษาก็เคยถามเมษเหมือนกันนะว่าทำไม
“แววตา”
“……………………………………”
“แววตาของตะวันโคตรจริงใจและจริงจัง ถ้ามันยกขันหมากมาขอมึงได้คงทำไปแล้ว”
ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกนะ
ผู้ชายอย่างหนึ่งตะวันเนี่ยนะจะมาจริงจังขนาดนี้ แต่วันนั้น..
“ตะวัน มึงยังไม่เบื่อเมษาอีกเหรอวะจีบยังกับเด็กประถมเอานมไปให้โคตรแบ๊ว”
ปลายเท้าที่กำลังจะเหยียบเข้าห้องน้ำหยุดชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนา เมษาไม่ได้ชะโงกหน้าไปดูว่าใครกันที่พูดอยู่แต่ก็พอรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือตะวันเดือนวิศวะ
“ทำไมกูต้องเบื่อด้วย”
“เห็นมึงจีบมานานแล้วมีอะไรคืบหน้าบ้างไหมวะ คนอื่นน่ารักกว่าเมษาเยอะแยะ”
“ก็จริงอย่างที่มึงพูดคนน่ารักกว่าเมษาเยอะแยะ”
คนที่ยืนพิงผนังอยู่ด้านนอกได้แต่ถอนหายใจบอกแล้วว่านายหนึ่งตะวันจะมาจริงจังอะไรกับผู้ชายคนนึงก็คงแค่หลงชั่วครั้งชั่วคราว ยังไงก็มีสาวสวยวนเวียนอยู่รอบตัวอยู่แล้วเมษากำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้แต่คำพูดต่อมาทำให้ต้องยืนอยู่ที่เดิม
“กูรู้ว่ามีคนน่ารักกว่าเมษาแต่สำหรับกูยังไงเมษาก็น่ารักที่สุดอยู่ดี”
“……………………………………………………………………..”
“และกูจะไม่มีวันเบื่อเขาด้วยคนนี้กูจริงจังถวายหัวเลยอ่ะ ยกให้ทั้งเกียร์ ทั้งตัว ทั้งใจ”
“ไอ้ตะวันมึงนี่มัน..กูยอมแพ้เลยว่ะสู้ๆ แล้วกันขอให้เมษาใจอ่อนเร็วๆ ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นความรู้สึกมันคืออะไรแต่เมษายอมรับว่าเขารู้สึกดีกับคำพูดของเดือนวิศวะ น้ำเสียงที่ได้ยินมันฟังดูจริงใจกว่าครั้งไหนๆ แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคำพูดในวันนี้จะเชื่อได้แค่ไหนก็คงต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์
แล้วเราจะคอยดู นายหนึ่งตะวัน
-
:: MILK ::
“จีบมาจะสองเดือนยังซื้อนมให้อยู่เหรอ อ่อนจังวะ”
กัลป์วางนมร้อนลงบนถาดให้เดือนวิศวะที่บอกว่าไม่ดีเหรอไงร้านพี่จะได้รวยๆ เพราะค่านมร้อนที่เขาจ่ายให้พี่กัลป์ตั้งแต่จีบเมษานี่ไม่ใช่น้อยๆ กัลป์ได้แต่บอกว่าดีๆ ทำดีแล้วขอให้เสียตังค์ต่อไปเรื่อยๆ สักปีนึงแล้วกัน พอโดนแซวแบบนั้นก็ทำท่ายกมือบอกว่าจีบปีนึงนี่ท้อแท้มากนะ
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยจีบใครเกินสามเดือนเลย
นับว่านานที่สุดในประวัติศาสตร์การจีบคน
นี่เขาคุยกับเมษาทุกวันเลยนะเว้ยมีหยอดบ้างตามปกติคนจีบกัน แต่เดี๋ยวนี้เมษามีลูกเล่นขึ้นเยอะสามารถตบมุขเขาเวลาที่เขาหยอดได้หมดแล้วไม่ใช่แค่การส่งสติกเกอร์ เตะต่อยหรืออะไรก็ตาม
แถมเดี๋ยวนี้มีการทักมาก่อนด้วยเห็นครั้งแรกน้ำตาแทบไหล เมื่อวันก่อนเขามีติวจนเลยเวลาและไม่ได้บอกเมษาว่าหายไปไหนเพราะรุ่นพี่ค่อนข้างเข้มงวดจะหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาก็ยังไม่กล้า จนต้องรอรุ่นพี่ติวเสร็จถึงได้แตะโทรศัพท์ในรอบห้าชั่วโมงโอ้โห..จากที่ตาปรือแทบจะหลับในตอนแรกตอนนี้ตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อเห็นว่าชื่อใครที่โชว์เด่นหราบนหน้าจอ
m.sa : นายตะวันป่วยเหรอไง หรือไปไหน? ทำอะไรอยู่อ่ะ นี่ถามเฉยๆ นะ
ประโยคมีแค่นั้นแหละแต่รัวสติกเกอร์บ่งบอกอารมณ์ตั้งแต่ตัวที่ทำหน้า งง ยันหน้าโมโหมาเกือบยี่สิบตัว นั่งมองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรไปหาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรับรึเปล่าแต่ดังอยู่สองสามทีอีกฝ่ายก็รับแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร
“เมษา พอดีเพิ่งติวเสร็จรุ่นพี่โหดมากไม่ยอมให้แตะโทรศัพท์เลยไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ไปหาใครเลยนะ สาบานได้ ไม่ได้โกหก”
ตะวันเงียบบ้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไมได้พูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าเมษาโกรธรึเปล่าหรือเกิดอะไรขึ้น แต่อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากในสายจนตะวันขมวดคิ้ว
“ตลกว่ะเรายังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ พูดไม่หยุดเลย”
“นี่แกล้งเหรอกลัวโดนงอนจริงๆ นะเนี่ย”
“งอนเงินอะไรวะแล้วนี่กินข้าวกินปลายัง เลิกดึกขนาดนี้จะเอา 4.00 ว่างั้น”
“ผ่านโปรก็หรูหราแล้ว เมษาอยากเจอว่ะ”
“ตอนนี้? กี่โมงแล้วครับคุณ”
“เดี๋ยวเลี้ยงน้ำเต้าหู้ มาให้เห็นหน้าหน่อย”
เมษาโวยวายหาว่าเขาประสาทนี่มันกี่โมงกี่ยามแต่พอขับรถมาที่หน้าบ้านก็เจอเมษาที่ใส่ชุดอยู่บ้านยืนรออยู่แล้วแถมยังมีฝาแฝดอย่างเมษที่ยืนกอดอกทำหน้ายักษ์อยู่ข้างๆ กำชับว่าต้องพากลับมาก่อนเวลาที่กำหนด ห้ามให้เมษามีแม้แต่รอยขีดข่วน ห้ามทำอะไรเกินเลยอย่างที่คิด ตะวันเห็นเมษาถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกพร้อมกับบอกเมษว่า
นี่กูเป็นผู้ชายนะ ผู้ชาย !
ตะวันที่พยายามกลั้นหัวเราะแต่ก็ยังพยักหน้ารับคำกับเมษที่ผลักเมษาให้มาขึ้นรถก่อนที่ตัวเองจะโบกมือลาแล้วเดินเข้าบ้านไป วันนั้นบอกเลยโคตรดีใจ เอาแต่ยิ้มจนเมษาบอกว่ายังกะคนบ้า น้ำเต้าหู้แถวๆ นั้นก็อร่อยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่ทุกวันรสชาติเหมือนกินน้ำเปล่า ตอนที่มาส่งต่างคนต่างนั่งเงียบกันอยู่บนรถไม่มีใครพูดอะไรจนเมษาเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นมาก่อนแล้วบอก
“ไปละ กลับบ้านไปนอนไป”
พอเมษาทำท่าจะเปิดประตูรถลงไปอยู่ดีๆ ตะวันก็เอื้อมมือไปคว้าต้นแขนไว้ก่อนจะรั้งเข้ามากอด คนโดนกอดตัวแข็งทื่อขึ้นมาก่อนจะยกมือขึ้นมาวางลงบนหลังตบเบาๆ สองสามทีแล้วผละออก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็รีบเปิดประตูรถเดินฉับๆ ผ่านเมษที่กำลังยกมือเรียก ตะวันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาคนที่เพิ่งเดินเข้าบ้านไป
TAWAN: เมษาโกรธเราป่ะวะ เฮ้ย! ขอโทษ
M.S.A : ไม่ได้โกรธเว้ย
TAWAN: เราอยากกอดเมษาจริงๆ ว่ะ
M.S.A : เออ อยู่ดีๆ ก็มากอด นี่ก็เขินเป็นนะเว้ย
TAWAN: งั้นพรุ่งนี้กอดใหม่อีกรอบ
M.S.A : ไอ้เลวววววววววววววว! เลิกคุย
เขานั่งหัวเราะอยู่ในรถจนเมษเดินเข้ามาเคาะกระจกพร้อมกับชี้นิ้วขู่เพราะคงเห็นฉากที่เขาดึงเมษาเข้ามากอด ตะวันเลยได้แต่ทำท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมก่อนจะขับรถกลับบ้าน วันนั้นอารมณ์โคตรดีเดินเข้าบ้านนี่แทบหมุนตัวแบบเต้นบัลเลต์ แม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ยังมองอย่างกลัวๆ
“ตะวัน ตะวัน เฮ้! ตะวัน ”
เมษาพยายามเรียกคนที่ยืนถือแก้วนมและเอาแต่ยิ้มอยู่ ตะวันรู้สึกตัวเพราะเผลอคิดอะไรนานไปหน่อย พอก้มลงมองเมษาที่ตอนนี้กำลังเงยหน้าขึ้นมามอง ตาแป๋วๆ กับท่าทางสงสัยแบบนั้นตะวันอยากจะตะโกนให้ดังลั่นร้าน
น่ารักฉิบ-หาย
แต่ก็กลัวว่าคนในร้านจะตกใจตะวันเลยตัดสินใจวางแก้วนมร้อนไว้ตรงหน้าเมษาตั้งใจจะผละออกไปนั่งที่โต๊ะตามเดิมแต่อยู่ดีๆเมษาก็เอื้อมมือไปจับข้อมือเดือนวิศวะที่หยุดเพื่อรอฟังว่าเมษาจะพูดอะไร แต่พอได้ยินประโยคสั้นๆ นั้นตะวันยิ้มแก้มแทบปริจัดแจงหอบของจากโต๊ะของกลุ่มตัวเองก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เมษาจนกลุ่มเด็กวิศวะที่นั่งอยู่ส่งเสียงโห่แซวกันดังลั่นขนาดกัลป์ที่ยืนมองอยู่ยังอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้
“นั่งด้วยกันได้แล้ว”
TBC** 02 GREEN TEA
ขออนุญาตรวมทุกคณะอยู่ในมหา'ลัยเดียว
แล้วก็ทุกคู่เป็นฝาแฝด และทุกเรื่องเกิดที่ร้านกาแฟค่ะ ^^ #นิยายร้านกาแฟ
twitter : @ribbinbo
-
02: GREEN TEA
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน...
เมษ – กรีน
“เหลือชาเขียวแค่แก้วเดียว ต้องมีคนที่เสียสละแล้วล่ะ”
“ผมมาก่อน!”
“มือผมแตะเคาน์เตอร์ก่อน”
“ขาผมก้าวเข้ามาในร้านก่อน”
กัลป์มองสลับไปสลับมาระหว่างคนสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ คนนึงด้านซ้ายเขาจำได้ว่าเป็นฝาแฝดของเจ้าเด็กเมษาที่เดือนวิศวะตามจีบ ส่วนข้างขวานี่คือใครเขาก็ยังไม่รู้จักชื่อแต่ก็เห็นมาซื้อชาเขียวที่ร้านอยู่บ่อยๆ ท่าทางจะมีเชื้อสายจีนอยู่ในตัวเพราะตานี่เล็กเป็นอาตี๋เลย ตอนนี้พยายามเบิ่งตาทะเลาะกับเมษที่เหมือนทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคนที่เตี้ยกว่า มือใหญ่ผลักหัวอีกคนไปให้พ้นทางก่อนจะสั่งเครื่องดื่มต่อ
“พี่กัลป์ผมมาก่อน! ผมมาก่อน ”
กัลป์เองก็ยังไม่กล้าที่จะยกชาเขียวแก้วสุดท้ายให้กับเมษเพราะน้องตี๋ตรงหน้าก็ทำท่าไม่ยอม และเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่มาก่อน ถกเถียงกันแล้วอีกเกือบห้านาทีสุดท้ายกัลป์ก็ให้ทั้งคู่เป่ายิ้งฉุบ วิธีปัญญาอ่อนแต่ก็คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออก เด็กมหาลัยปีหนึ่ง มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น กัลป์นึกว่าทั้งคู่จะต่อยกันแย่งชาเขียวซะอีกเพราะทั้งคู่ถกแขนเสื้อขึ้นมาก่อนจะ..
เป่า
ยิ้ง
ฉุบ!
“ช้าไปไอ้น้องกรีน กินอย่างอื่นไปก่อนแล้วกัน”
เมษหัวเราะใส่คนที่ออกค้อนแต่เขาออกกระดาษ คนที่กำลังโมโหได้แต่ยืนด่าสาปแช่งเขาไม่เลิกไอ้เขียวหน้าตี๋ที่เขาชอบเรียกเอ่ยขอโทษพี่กัลป์พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้ต้องได้กินชาเขียวคนแรกของร้านไม่งั้นไม่ยอม พี่กัลป์ก็ได้แต่เอออกห่อหมกเพราะกลัวจะเสียลูกค้า แต่จริงๆก็คงจะขำกับความบ้าของมัน
“ทำไมไปแกล้งเขาแบบนั้น”
“มันตลกดี ตอนไอ้เขียวโกรธพยายามลืมตาให้โตๆ แต่ได้แค่นี้ ตี๋เอ๊ย”
“ถ้าน้องเขาเป็นผู้หญิง พี่จะคิดว่าเราชอบเขาอยู่”
“มั่วแล้วพี่”
“เอ๊า! เด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งไง”
เมษส่ายหน้ากับคำพูดของพี่กัลป์แล้วมองตามหลังคนที่เดินออกนอกร้านไป ท่าทางจะโมโหมากมีการชี้เข้ามาในร้านกาแฟนี่ก็คงด่าให้เพื่อนฟังอยู่ แต่ท่าทางเพื่อนคงเห็นเป็นเรื่องตลก เพราะเห็นทุกคนเดินหนีไปคนละทาง เมษสั่งเครื่องดื่มกับกัลป์เรียบร้อยก่อนจะเดินไปหาเมษาฝาแฝดตัวเองที่กำลังนั่งทำงาน มองเลยไปโต๊ะด้านหลังก็เห็นท่าทางแปลกๆ ของเดือนวิศวะที่เมษเองก็รู้จัก ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนจะกล้าๆ กลัวๆ ทำให้เมษนึกตลก
รู้หรอกว่าจีบไอ้เมษาอยู่
“นี่มึงไปแกล้งกรีนอีกแล้วล่ะสิ เป็นอะไรกะเขานักหนา”
“ก็แค่แกล้งแล้วสนุกดี”
“มึงมันนิสัยไม่ดี เลววว”
พอโดนฝาแฝดด่าแบบนั้นก็เลยเอื้อมมือไปขยี้ผมให้ฟูฟ่องจนเมษาร้องโวยวาย เมษนั่งลงดื่มชาเขียวที่ได้ตัดหน้าจากใครสักคนขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจ นึกถึงตรงนี้แล้วตลกเมษรู้จักกรีนมาตั้งแต่เปิดเทอมปีหนึ่ง จริงๆ ก็เห็นตั้งแต่รับน้องแล้ว คนหน้าตี๋ดัดฟันยืนกลางแดดกำลังส่ายหน้าปฏิเสธรุนพี่ที่พยายามชวนให้ตกลงมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ
ตอนนั้นเขากอดอกมองไอ้ตี๋ที่ห้อยป้ายชื่อว่า “กรีน” ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายมองซ้ายมองขวาพยายามหาเพื่อนช่วย ท่าทางจะไม่ชอบอะไรแบบนี้ จนรุ่นพี่ยกมือยอมแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้คนที่เดินไปแล้วก็ยังวกกลับมาพร้อมกับบอกว่าเปลี่ยนใจได้เสมอ เมษไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ารุ่นพี่คนนั้นสายตามันมากกว่าการชวนไปเป็นลีดคณะธรรมทั่วๆ ไป แต่ก็นะมันจะต้องมีซัมติงละว้า เขาคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี ไอ้แฝดเมษาเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ขึ้น ม.3
หลังจากนั้นเขาก็ร่วมกิจกรรมรับน้องตามปกติ จนถึงตอนเย็นเมษเดินมาที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ ร้านกาแฟที่เมษาบอกว่าร้านน่ารักและนมสดอร่อยมาก เขาเคยมาครั้งนึงก่อนหน้านี้จำได้ว่าชาเขียวที่นี่รสชาติกลมกล่อมเลยทีเดียว
“เมษ!”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เมษหันไปมองก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าฝาแฝด เมษรู้มาตลอดว่าเมษาหน้าตาค่อนข้างไปทางแม่ มีแต่คนบอกว่าเราเป็นฝาแฝดที่หน้าตาแตกต่างกันมากแต่ไม่คิดว่าคนอื่นจะแกล้งคนที่หน้าตาน่ารักได้ขนาดนี้ เมษาถูกมัดจุกเป็นน้ำพุแก้มสองข้างเป็นหนวดแมวตรงจมูกมีจุดหนึ่งจุด แถมยังยืนทำหน้ายุ่งเป็นแมวพร้อมขู่อีก
“ตลกว่ะใครทำกับมึงได้ลงคอ”
“กูจะกินนมแล้วกลับบ้านแล้ว!”
“โถ น้องเมษา”
เมษหัวเราะก่อนจะคว้าคอฝาแฝดที่กำลังยกมือบังหน้าตัวเองเพราะหนวดแมวที่รุ่นพี่วาดไว้มันเช็ดไม่ออก ไม่รู้ว่าใช้หมึกอะไรนี่ก็เดินปิดหน้ามาตลอดทางที่ออกจากมหา’ลัย เพราะเอาแต่เอามือบังหน้าเลยไม่มองไม่เห็นว่าใครที่เดินสวนมา
“ขอโทษครับ”
เมษาเอ่ยขอโทษก่อนจะเดินต่อคนที่ถูกชนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่หันไปหยิบนมร้อนตรงเคาน์เตอร์แล้วรีบเดินออกจากร้าน เพราะกลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่ด้านหน้า
“ตะวัน เสร็จยังวะไอ้โอ๊ตรออยู่ที่ร้านข้าวแล้ว”
ร้านกาแฟตอนเย็นดูครึกครื้นมากคงเพราะบรรยากาศและรสชาติที่อร่อยถูกใจ ตอนแรกเมษและเมษาตั้งใจจะซื้อนมแล้วกลับบ้านแต่เพราะทำกิจกรรมมาทั้งวันเลยเลือกที่จะนั่งพักที่ร้าน เมษรู้สึกว่าคนในร้านหันมามองที่โต๊ะเขาแล้วก็หันไปอมยิ้ม นี่เขาก็ไม่รู้ว่าทุกคนเห็นไอ้หน้าแมวที่นั่งดื่มนมอยู่มันน่ารักดี หรือคิดว่าเขากับไอ้เมษาเป็นแฟนกัน เมษเลยเงยหน้ามองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหยุดมองโต๊ะด้านหน้า
กรีน ไอ้ตี๋คนนั้น
“เฮ้ย ไอ้เมษ” คนที่นั่งอยู่ในโต๊ะกวักมือเรียก เมษเห็นว่าเป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันแต่เรียนคนละคณะเมษเลยลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินมาหา เมษเห็นไอ้คนหน้าตี๋ดื่มชาเขียวอย่างเอร็ดอร่อยแต่พอเห็นเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เหลือบตาเล็กๆนั่นขึ้นมามอง
“เออ รู้จักกันยังวะมึงเรียนคณะเดียวกันนิ ไอ้กรีนนี่ไอ้เมษเรียนบริหารเหมือนมึงอ่ะ”
“หวัดดี”
“มองเห็นเหรอวะ”
“ อะไรนะ”
“ตาตี่ขนาดนี้มองเห็นด้วยเหรอวะ”
นั่นคือครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน เมษไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนแต่พอเห็นหน้าไอ้ตี๋กรีนมันอดที่จะแหย่ไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่วันนั้นเวลาเจอหน้ากันทีไรเมษกับกรีนก็เถียงกันตลอด ไม่มีสักครั้งที่จะพูดดีๆ เรื่องที่เถียงกันบ่อยสุดคือเรื่องชาเขียวร้านพี่กัลป์ทั้งสองคนชอบมาที่ร้านพร้อมกัน สั่งเครื่องดื่มเหมือนกัน และก็แย่งกันตลอด ขนาดพี่กัลป์ยังเคยบอก
“ทะเลาะกันแบบนี้อย่าให้เห็นว่าเป็นแฟนกันนะ”
: :Green tea ::
“พิมพ์หัวข้อนี้แล้วกัน”
“เอาอันนี้เพิ่มเข้าไปด้วยมันน้อยไป”
“นี่ก็เยอะแล้วเว้ย”
“คะแนนจะเอาไหมนี่เวรกรรมอะไรกูเนี่ย”
“ใครควรเป็นคนพูดประโยคนนั้นกันแน่วะ”
เพื่อนในกลุ่มเมษพยายามจะแยกทั้งคู่ออกจากกันเพราะการทำรายงานคู่ดูโอ้จะวางมวยกันอยู่รอมร่อ พอเห็นว่าท่าจะไม่ดีกรีนก็หยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่มอึกๆ ระงับอารมณ์ กลัวว่าจะเป็นสงครามในร้านกาแฟของพี่กัลป์ เพราะวันนั้นดันป่วยหยุดเรียนไปแค่วันเดียวแต่เปลี่ยนชีวิต อาจารย์ที่อยู่ดีๆ ก็สั่งงานให้จับคู่กันซะดื้อๆ แถมบังคับให้จับคู่กันเดี๋ยวนั้น ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าหรือลา ให้มาจับคู่กันเอง แต่วันนั้นดันมีแค่กรีนกับเมษที่ไม่ได้เข้าเรียน
นั่นแหล่ะถึงได้เถียงกันอยู่นี่..
“พวกกูกลับก่อนนะเว้ยพวกมึงก็ค่อยๆ ทำอย่าเพิ่งฆ่ากันตาย”
บรรดากลุ่มเพื่อนโบกมือลาทั้งคู่ก่อนที่สองคนจะหันมามองหน้ากันแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน กว่าจะตกลงกันได้ก็แทบจะต่อยกันพอเห็นว่าโอเคแล้วก็ตกลงแยกย้ายแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานกันต่อ เมษหยิบกุญแจรถก่อนจะรับโทรศัพท์จากเมษาว่ากำลังจะกลับ กรีนยกมือพร้อมกับบอกว่า บาย~ แต่อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงคนนึงตัวเปียกฝนเล็กน้อยวิ่งเข้ามาหากรีนที่ยังคงนั่งอยู่
“ตี๋ ทำอะไรอ่ะ”
เพราะเสียงเรียกชื่อที่รู้ว่าใคร น้ำตาลดาวคณะอักษรที่เคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกรีนชวนอีกฝ่ายนั่งลง น้ำตาลบอกรอเพื่อนสั่งเครื่องดื่มอยู่เห็นกรีนอยู่ในร้านเลยแวะเข้ามาทัก กรีนรู้สึกว่าไอ้คนที่บอกลาเมื่อสามนาทีที่แล้วก็ยังอยืนอยู่ที่เดิม จนกรีนต้องเงยหน้าขึ้นมามองรวมทั้งน้ำตาลที่นั่งอยู่ด้วย
“เมษ เมษ!”
กรีนลองเรียกคนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้รู้สึกตัวคนที่ยืนอยู่เลยนั่งลงอีกครั้ง สายตาที่เอาแต่มองน้ำตาลอยู่อย่างนั้น ทำให้กรีนต้องมองสลับกันไปมาระหว่างทั้งคู่
“นี่เมษเพื่อนในคณะ”
“แฝดเมษานี่เดือนวิศวะจีบอยู่ใช่ป่ะ”
ทั้งสองคนคุยกันโดยที่กรีนเองไม่ต้องแนะนำอะไรต่อ เลยต้องหยิบชาเขียวขึ้นมาดูดแก้เก้อท่าทางเขินๆ อายๆ ของไอ้แฝดเมษที่ไม่เคยจะเห็นมาก่อนทำให้กรีนต้องขมวดคิ้วก่อนที่น้ำตาลจะลุกขึ้นโบกมือลาเมื่อเพื่อนได้เครื่องดื่มครบแล้วกรีนยกมือโบกตอบสาวสวยแล้วหันมามองหน้าเมษที่มองตามน้ำตาลไปด้วย
“ไม่กลับบ้านเหรอวะ”
“มึงเป็นเพื่อนกับน้ำตาลอักษร?”
กรีนพยักหน้าก่อนจะเขยิบตัวหนีจนแทบจะตกเก้าอี้เมื่อเมษโน้มตัวเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าจะไปส่งที่บ้านให้ท่าทางฝนจะยังไม่เลิกตกง่ายๆ ตั้งใจจะส่ายหน้าปฏิเสธเพราะท่าทางไม่น่าไว้ใจนั่นแต่พอมองออกไปนอกร้านสายฝนยังคงเทลงมาไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิดแถมข้อมือก็ยังถูกจับไว้แน่นคล้ายจะบอกว่า
มึงต้องไปกับกูเดี๋ยวนี้!
-
พอขึ้นมาบนรถแทนที่เมษจะขับรถไปตามทางที่กรีนบอกแต่กลับเลี้ยวไปทางลัดโผล่มาหน้าร้านโจ๊กที่ตอนนี้คนในร้านไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่คงเพราะว่าฝนที่กำลังตกอยู่ เอาเหอะมาถึงร้านโจ๊กแบบนี้ก็คงต้องลงไปกินแน่นอนว่าจะต้องให้มันเลี้ยงด้วยจะไม่จ่ายสักบาทเดียว
“นี่มึงแปลกๆ นะ”
“กูปกติ”
“ปกติอะไรปกติมึงเอาแต่แกล้งกูทั้งวี่ทั้งวัน”
“วันนี้กูหล่อและใจดีมาก”
ท่าทางประหลาดๆ ของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้กรีนทำหน้าไม่ไว้วางใจก่อนจะเลิกสนใจเมื่อพนักงานเอาโจ๊กมาเสิร์ฟ กรีนกินโจ๊กไปมองหน้าไอ้แฝดเมษไปด้วยพอเห็นเขามองแบบนั้นอีกฝ่ายก็จับช้อนที่เขาถือค้างไว้ใส่ปาก พอกินจนอิ่มหนำสำราญเมษก็บอกว่าจะไปส่งให้ถึงที่ ทันทีที่รถจอดอยู่หน้าบ้านเมษก็ชะเง้อมองเข้าไปท่าทางจะเป็นเด็กอนามัยกันทั้งบ้านเพราะว่าตอนนี้ก็ยังไม่ดึกเท่าไหร่แต่ไฟกลับปิดจนมืดสนิท
“ไปนะ ขอบใจที่มาส่ง”
“เดี๋ยวดิจริงๆ มีเรื่องให้ช่วย”
“กูว่าแล้วว่ามึงต้องมีอะไรไม่งั้นไม่มาทำดีกับกูแบบนี้หรอก เอาอะไรว่ามาให้กูทำรายงานคนเดียวใช่ไหม หรืออะไร”
“กูชอบน้ำตาล”
“................................................”
“มึงช่วยกูหน่อยดิ”
“................................................”
“แบบช่วยให้กูได้คุยกับเขาหน่อย อะไรแบบนี้”
“................................................”
“กรีน กรีน เฮ้ย ไอ้ตี๋ ตี๋เว้ย”
“................................................”
อาการนั่งนิ่งจนไม่ขยับของอีกคนทำให้เมษต้องเอื้อมมือไปเขย่าแขนเบาๆ กรีนถึงได้รู้สึกตัวก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหูคล้ายจะบอกให้เมษพูดเรื่องเมื่อกี้อีกรอบ เมษเลยคว้าคอคนที่นั่งอยู่ให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง
“กูชอบน้ำตาล! น้ำตาลเพื่อนมึงอ่ะช่วยกูหน่อย”
เมษไม่รู้ว่าอีกคนจะช็อคเพราะเขาพูดใกล้หูมากหรือว่าอะไรถึงเอาแต่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นแถมเสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็โดนขยำซะจนยับยู่ยี่ ท่าทางแปลกๆ ของคนตรงหน้าทำให้เมษต้องยกมือตบแก้มเบาๆ
“กรีน...”
“ได้ยินแล้ว”
กรีนเป็นฝ่ายดันให้เมษออกห่างก่อนจะหันหน้าออกไปที่หน้าต่างรถเมษพยายามจะถามซ้ำๆ ว่าช่วยไหม จะช่วยไหมเห็นแก่ที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่รับน้องเป็นเพื่อนที่ทะเลาะตบตีกันมาตั้งแต่เจอหน้ากัน เมษพยายามชะโงกหน้าไปดูคนที่ไม่ยอมหันมาสักที
“ชอบน้ำตาลจริงๆ ใช่ไหม”
“จริง”
“’งั้นก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนว่ะ”
“อะไร”
“เลี้ยงชาเขียวร้านพี่กัลป์กูเลย”
“ทุกวันเลยก็ได้”
“งั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ จะจับตาดูเผื่อมึงทำตัวไม่ดีอย่าหวังว่าจะได้คุยกับน้ำตาลยัยนั่นคนจีบเยอะมากนะอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
เมษขยี้ผมคนข้างๆ พร้อมกับบอกเห็นแก่กินจริงๆ ดีที่มันเป็นชาเขียวไม่ได้ราคาแพงอะไรมากมาย เขาเลี้ยงไปจนเรียนจบเลยก็ได้ กรีนได้แต่ร้องโวยวายเพราะผมยุ่งเหยิงเพราะตอนนี้ผมชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง เมษหัวเราะกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะเหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอนไม่มีผิด กรีนได้แต่มองคนที่เอาแต่หัวเราะอยู่อย่างนั้นก่อนจะบอกดึกแล้วควรไปนอน เมษเลยนึกขึ้นได้ว่าจอดรถอยู่หน้าบ้านมานานมากแล้ว
“เจอกันพรุ่งนี้ กูเตรียมเลี้ยงชาเขียวมึงเต็มที่”
กรีนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นทันทีที่ท้ายรถพ้นสายตาไปแล้ว กรีนได้แต่ถอนหายใจเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้หลังจากฝนหยุดตกก็มืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น
มันมืดจนอึดอัดไปหมด
เหมือนกับใจเขาตอนนี้
Green Tea
“วันนี้ไม่ต่อยแย่งชาเขียวกันเหรอ”
“ต่อยแย่งอะไรกันพี่วันนี้ผมป๋าสุดๆ ”
กัลป์เห็นว่าเมษยื่นเงินสำหรับชาเขียวสองแก้วพร้อมกับหยิบแก้วชาเขียวแก้วนึงยื่นให้คนหน้าตี๋ที่ยืนยิ้มเป็นอาแป๊ะอยู่ด้านหลัง กัลป์มองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าเด็กบริหารที่เคยทะเลาะตบตีแย่งชาเขียวกันทุกวันแต่วันนี้จับมือสามัคคีกันมากๆ เมษดึงแขนเสื้อให้กรีนเดินมานั่งลงที่โต๊ะก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
“ไหนมึงบอกเรื่องน้ำตาลให้กูฟังเลย”
“ไม่ กูต้องแน่ใจว่ามึงจริงจังกับเพื่อนกูจริงๆ”
“เฮ้ย ลีลาว่ะ”
“งั้นเชิญมึงช่วยตัวเอง”
กรีนทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้แต่เมษคว้าข้อมือไว้ทันพร้อมกับบอกยอมแล้วนี่ยอมให้ทำอะไรก็ยอม มีการเอาหัวมาดันไหล่ท่าทางแอ๊บแบ๊วที่ขัดกับใบหน้าและท่าทางทำให้กรีนต้องหัวเราะออกมา หัวเราะจนตาตี่ๆ หยีลงไปอีก เมษตั้งใจจะหันมาเล่นงานคนที่เอาแต่หัวเราะไม่เลิก แต่พอเงยหน้าขึ้นมามองไอ้ตี๋ที่เขาเห็นมาตั้งนานแล้วหัวเราะจนตายิบหยีแบบนี้ อยู่ดีๆ คำๆ นึงก็ผุดขึ้นมาในหัว
น่ารัก...
“มึงเป็นไรวะ”
“อ้อ เปล่าทำงานกันเถอะ”
เมษเปิดคอมขึ้นมาก่อนจะหยิบเอกสารที่รวบรวมไว้ขึ้นมาพิมพ์ต่อ กรีนหยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดูดพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังใส่แว่นสายตาท่าทางเอาจริงเอาจังทำให้กรีนมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น
“เมษ มึงชอบน้ำตาลมานานยังวะ”
“จะเริ่มสัมภาษณ์กูแล้วเหรอ”
“ตอบมาดิ”
“ก็เห็นมานาน น่ารักดี”
“จริงจังมากป่ะ”
“ก็ตอนนี้กูชอบเขา”
“ไม่หวั่นไหวกับใครเลยเหรอคนเข้ามาจีบมึงนี่ระดับคนสวยเน็ตไอดอล”
“กูไม่ได้เจ้าชู้ขนาดนั้น ไม่เหมือนมึงหรอก”
“กูออกจะรักเดียวใจเดียว”
“มึงชอบใครอยู่เหรอไง”
เมษเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังถามเขาอยู่ ต่างคนต่างนิ่งอยู่อย่างนั้นเมษเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะถามคำถามแบบนี้กับไอ้ตี๋ตรงหน้าไปทำไมแต่ปากมันดันถามไปก่อน กรีนแค่ก้มลงดูดชาเขียวตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ
“มันก็ต้องมีป่ะวะคนที่ชอบ”
“เฮ้ยใครวะ ให้กูช่วยไหมแลกกันไง”
กรีนมองหน้าเมษที่ถามเขายิ้มๆ ท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเรื่องเขามันน่าสนใจมากนักทำให้กรีนส่ายหน้าจนเมษต้องตื้อแล้วตื้ออีกแต่กรีนก็ยังไม่ยอมบอกก่อนจะตัดบทด้วยประโยคที่ทำให้เมษต้องขมวดคิ้ว
“มึงช่วยไม่ได้หรอกกูว่ากูอกหักแล้ว”
“น้ำหนักมึงขึ้นบ้างไหมเนี่ย กินชาเขียวทุกวันแบบนี้”
กรีนส่ายหน้าไปมาพร้อมกับบอกว่าต่อให้กินสิบแก้วต่อวันก็ไม่มีทางที่น้ำหนักจะขึ้นเพราะน้ำหนักเท่าเดิมมาตั้งแต่อายุ18 เมษได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อเพราะไม่คิดว่าคนที่กินเยอะขนาดนี้จะไม่มีทางที่จะน้ำหนักจะคงที่ได้ เพราะตั้งแตไอ้ข้อตกลงชาเขียวนั่น เมษก็ตัวติดกับไอ้ตี๋กรีนนี่ตลอดเวลาบวกเรื่องรายงานที่จะต้องทำร่วมกันอีก
กรีนเป็นคนที่เอนจอยอีทติ้งมากทั้งๆ ที่ตัวก็พอๆ กับไอ้เมษา (ดีที่ยังสูงกว่าไอ้แฝดเตี้ยของเขา) วันๆ เมษเห็นกรีนเสริชหาร้านอาหารอร่อยๆ แคปร้านแล้วก็ไลน์มาหาเขาบอกว่าร้านนี้ต้องไปกิน ตอนแรกเมษก็คิดว่า ใครจะไปกินได้หมดทุกร้านได้วะ เยอะขนาดนี้ แต่ไปๆ มาๆ เมษก็กินได้หมดทุกร้านตามที่กรีนแคปมาให้ดู จนมันเป็นเรื่องปกติในทุกๆวันที่เราจะคุยกันเรื่องแบบนี้
“มึง น้ำตาลชอบช็อกโกแลตไหมวะ”
“ผู้หญิงก็ชอบขนมทุกอย่างแหละ”
“มึงเป็นผู้ชายมึงก็แดกทุกอย่าง”
“ก็กูชอบ”
“มึงชอบรสไหน”
“ดาร์กช็อกโกแลตถามไมวะจะซื้อให้น้ำตาลไม่ใช่เหรอ ”
เมษไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่หยิบช็อกโกแลตออกมาสองรสแล้วเดินไปจ่ายเงิน
มันเป็นเรื่องปกติที่เมษจะถามเกี่ยวกับน้ำตาล
“น้ำตาลชอบอะไรวะ”
“น้ำตาลเกิดวันไหน”
“ตอนอยู่โรงเรียนน้ำตาลเป็นไงบ้าง”
“มึงรู้จักแฟนเก่าน้ำตาลป่ะ”
“ตอนนี้มีใครจีบน้ำตาลบ้างมึงรายงานมาให้หมดเลย”
กรีนก็ตอบบ้างไม่ได้ตอบบ้างเพราะบางคำถามเขาก็ไม่รู้จริงๆ ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายเรื่องบางเรื่องผู้หญิงใช่ว่าจะบอกหมด อย่าง
น้อยเขาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่น้ำตาลมาสนิทถึงขนาดเล่นหัวตบหลังอะไรแบบนี้ได้ น้ำตาลชอบบอกว่ากรีนเหมือนเด็กประถมแม้อายุและความสูงจะเลยวัยนั้นมานานมากแล้วก็ตาม
“มึงได้เกริ่นๆ เรื่องกูกับน้ำตาลบ้างยัง”
กรีนหยุดเดินเมื่อถึงหน้าบ้าน คำถามง่ายๆ ที่เมษถามขึ้นมาแต่กรีนกลับเงียบไป ร่างสูงที่ยืนทำหน้าคิ้วขมวดอยู่ทำให้กรีนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาหน้าตาของเมษไม่ได้มีแววล้อเล่นเหมือนอย่างที่เคยเป็น กรีนเองก็รู้ว่ามันก็นานเกือบเดือนแล้วที่เมษมาบอกให้เขาช่วยเรื่องน้ำตาล
เขาเข้าใจดี
แต่..
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรเสียงโทรศัพท์ของเมษก็ดังขึ้น กรีนคิดว่าน่าจะเป็นฝาแฝดเมษา เพราะได้ยินเสียงแง๊วๆ นั่นดังออกมาจากสายท่าทางจะมีเรื่องเดือดร้อนอะไรสักอย่างทำให้เมษเอ่ยขอตัวพร้อมกับบอกเจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านพี่กัลป์ที่เดิม กรีนยกแก้วชาเขียวในมือขึ้นมามองใกล้ๆ พร้อมกับถอนหายใจ
“กรีน เดี๋ยวนี้กินขนมเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เดี๋ยวก็อ้วนตาย”
พี่บลูพี่สาวของกรีนถามถึงขนมในตู้เย็นเมื่อเห็นว่าน้องชายคนเล็กเปิดตู้เย็นแล้วโยนช็อกโกแลตสองอันที่ได้มาจากเมษเข้าไป ขนมทุกอย่างมีสองอันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต คุกกี้ เค้กหรือแม้แต่ขนมทั่วๆ ไป เมษใจดี กรีนรู้ว่าขนมทั้งหมดเมษฝากเขาให้น้ำตาล แต่ก็ซื้ออีกอันให้กรีนด้วย มันก็เหมือนน้ำใจที่กรีนทำตัวเป็นบุรุษไปรษณีย์คอยส่งของ แต่เขาก็นิสัยแย่เกินไป ของทุกอย่างที่เมษฝากให้น้ำตาลแต่กรีนก็ไม่ได้เอาไปให้….เลยสักชิ้น
เขาแค่กลัว
ไม่สิ เขาก็แค่อยากจะต่อเวลาระหว่างเขากับเมษ
ไว้ให้นานที่สุดก็เท่านั้น
“เฮ้ย ตี๋ไม่เจอกันเลยวะนี่เราอยู่มหา’ลัยเดียวกันป่ะเนี่ย”
กรีนสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆ แทมเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่ใกล้กันเรียกว่าเพื่อนกันตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ เสียดายที่เรียนกันคนละคณะไม่งั้นกรีนเองก็คิดว่าเขาคงจะทำตัวติดกับแทมไปจนจบปีสี่เพราะเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาล ท่าทางสะดุ้งจนตัวโยนทำให้แทมยกมือขยี้หัวเพื่อนไปมาพลางถามว่านั่งรอใคร
“รอเพื่อน มึงมาทำอะไรวะปกติไม่เห็นจะมาที่ร้านนี้ทุกทีเจอมึงร้านเหล้าตลอด”
“กูสนใจกาฟงกาแฟบ้างไม่ได้เหรอไง”
“หน้าอย่างมึงสนใจคนกินกาแฟมากกว่า”
“รู้ทันจังเลยครับเพื่อน มึงดูคนข้างล่างที่นั่งอยู่ตรงเสานู้นน่ารักฉิบหาย”
“ท่าทางติ๋มๆ แบบนั้นมึงอย่าไปหลอกฟันเขาล่ะ เขาไม่เหมาะกับมึงเลย”
“แล้วว่าที่แฟนกูควรเป็นคนแบบไหน”
“ร้ายๆ แสบๆ จัดการคนกะล่อนแบบมึงให้อยู่หมัด”
“โห กูปวดหัวตายว่าแต่มึงเถอะเป็นไงบ้างวะกับคนนั้น…..ยังเหมือนเดิม”
กรีนหุบยิ้มแล้วส่ายหน้าดีที่วันนี้เขาเลือกที่จะนั่งชั้นบนที่เป็นโซนอ่านหนังสือ คนเลยไม่ค่อยมีเท่าไหร่มีแค่รุ่นพี่วิศวะใส่เสื้อช็อปนั่งวาดรูปอยู่ไกลๆ ตรงชั้นหนังสือพอเห็นท่าทางแบบนั้นแทมเลยนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างเพื่อนสมัยเด็กที่รู้เรื่องทุกอย่างได้แต่บอกให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องให้ฟัง กรีนพยักหน้ายอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ยังไงความลับนี้แทมก็เป็นคนเดียวที่รู้มาโดยตลอด
“กูว่ามันไม่แฟร์สำหรับมึงเลยว่ะ”
“กูถึงบอกว่าตัวเองนิสัยแย่กูยังไม่เคยพูดเรื่องเมษกับน้ำตาลเลย ขนมทุกชิ้นกูก็ไม่เคยเอาไปให้ มึงเข้าใจกูป่ะวะ กูจะเริ่มพูดทีไร กูก็…”
“กูเข้าใจเว้ย ก็มึงชอบไอ้เมษมาตั้งนานแล้วจะให้หน้าชื่นตาบานช่วยคนที่ตัวเองชอบให้ได้กับคนอื่นง่ายๆ ได้ไงวะ คนนะไม่ใช่ก้อนหิน”
“มันเหมือนกับว่ากูหลอกเมษอยู่เลยว่ะทั้งๆ ที่กูชอบมันมาโดยตลอด”
“ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง”
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับร่างสูงของเมษยืนถือชาเขียวสองแก้วอยู่ในมือ ใบหน้าที่นิ่งสนิทและประโยคเมื่อกี้ที่ได้ยินทำให้รู้ว่าเมษได้ยินทั้งหมดแล้ว กรีนกับแทมลุกขึ้นยืนดีที่ตอนนี้บริเวณชั้นอ่านหนังสือนี้ไม่มีใครอยู่พี่วิศวะที่นั่งก่อนหน้านี้ลุกไปตอนไหนไม่รู้
“สรุปที่ผ่านมาคือมึงไม่ได้ช่วยเรื่องน้ำตาลคือมึงชอบ….โธ่เว้ย!”
“………………………………………………………………………………..”
“กรีน กูไม่คิดว่ามึงจะทำแบบนี้”
“………………………………………………………………………………..”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาคืออะไรวะมึงแม่ง!”
“แล้วจะให้ทำยังไง”
กรีนเงยหน้าขึ้นมามองเมษ ยังไงวันนี้มันก็มาถึงแล้วจะหาข้อแก้ตัวไปอีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อ แทมถอนหายใจก่อนจะค่อยๆเดินเลี่ยงออกไปรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้คนนอกอย่างเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้ ดวงตาเล็กๆ ที่เมษเคยถามว่ามันมองอะไรเห็นด้วยเหรอตอนนี้กลับสะท้อนภาพเมษเต็มๆ ตา
“เคยคิดว่าจะเก็บมันเป็นความลับไปจนจบเรียนจบ เพราะไม่ว่ายังไงกูก็เป็นผู้ชายมึงก็เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ก็เลยคิดว่าเป็นเพื่อนกันไปอย่างนี้ก็ได้”
“……………………………………………………………………………………….”
“แต่ลืมนึกถึงตอนที่มึงชอบคนอื่นเลยว่ะแล้วยังเป็นน้ำตาลเพื่อนตัวเอง”
“……………………………………………………………………………………….”
“บอกว่าชอบมึงก็ไม่ได้แถมยังต้องช่วยเรื่องน้ำตาลอีกตอนนี้ก็อยู่ข้างๆ มึงไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้วกูต้องทำยังไงวะ”
“……………………………………………………………………………………….”
กรีนพยายามกลั้นน้ำตาทุกทีก็ไม่ได้เป็นคนร้องไห้ง่ายหรอก เขาก็ผู้ชายคนนึงตั้งแต่เกิดเรื่องแบบนี้มาเขาไม่ร้องไห้เลยสักครั้งคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอ แต่วันนี้มันสุดจะทนจริงๆ กรีนเดินมาหาเมษพร้อมกับมองชาเขียวสองแก้วก่อนจะดึงเอาแก้วนึงออกมา
“ขอนะไหนๆ ก็เป็นแก้วสุดท้ายมึงเป็นคนดีเดินเข้าไปจีบน้ำตาลเลยกูคงช่วยอะไรมึงไม่ได้แล้ว”
ชาเขียวในมือกรีนเอาไปแล้วพร้อมกับเดินออกจากร้านไปด้วย ภาพสุดท้ายที่เมษได้เห็นคือน้ำใสๆ ที่คลออยู่ตรงดวงตาเรียวเล็ก เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่แพ้น้ำตาอะไรเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้บอกตรงๆ ว่ารู้สึกแปลกๆ มันเหมือนมีเข็มมาทิ่ม บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ผิดหวัง? เสียใจ? เสียความรู้สึก? ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อยู่ด้วยกันกับกรีนไม่เคยรู้เลยว่ากรีนคิดยังไงกับเขา
โง่จนมองไม่เห็น
หรือ เป็นอีกฝ่ายที่เก็บความรู้สึกเก่งกันแน่
เขาชอบน้ำตาล
เขาคิดมาตลอดว่า เขาชอบน้ำตาล
:: GREEN TEA ::
“กรีนมึงไม่ได้ทะเลาะกับไอ้เมษใช่ป่ะวะ”
“ก็...ไม่ได้ทะเลาะถามไม”
“ก็ตอนนี้พวกมึงสองคนแปลกๆ ก่อนหน้านี้ตัวติดกันยังกะปาท่องโก๋ เห็นไอ้เมษที่ไหนเห็นมึงที่นั่น ตอนแรกกูยังนึกว่ามึงสองคนกำลังจีบกันอยู่ซะอีก เห็นท่าทางแฮปปี้ปรีดาทั้งคู่”
“ก็ตอนนั้นมันต้องทำรายงานด้วยกัน มันก็ต้องคุยกันเป็นเรื่องปกติป่ะวะ”
“ไม่ว่ะ ผิดปกติพวกมึงดูมีความสุขยังกะแฟนมากกว่าคู่หูทำรายงาน”
กรีนได้แต่ส่ายหัวกับความคิดของเพื่อนในกลุ่ม หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว เราไมได้เจอกันอีกตั้งแต่วันนั้น ดีที่รายงานมันเหลือแค่ตรวจคำผิดแล้วเย็บเล่มแค่นั้นไม่งั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน กรีนยืนมองโทรศัพท์อยู่นานกว่าจะกดส่งข้อความไปในไลน์ว่ารายงานเสร็จแล้วเดี๋ยวเอาไปส่งอาจารย์ให้เอง ทั้งๆ ที่มันเป็นข้อความปกติแต่กรีนกลับจ้องหน้าจออยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ละสายตาไปไหน เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอะไร
สุดท้ายข้อความที่ส่งไป
มันก็แค่ขึ้นว่า read แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
ทั้งที่ในใจก็คิดว่ามันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่พอมาเจอจริงๆ ในใจกลับรู้สึกเจ็บมากกว่าที่คิด
ไม่มีเรื่องราวก่อนนอนที่คุยกันทุกวัน
ไม่มีร้านอาหารอร่อยๆ ที่ต้องไปด้วยกัน
ไม่มีชาเขียวร้านพี่กัลป์
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
“ตี๋ เดี๋ยวนี้ไม่เจอกันเลย คิดถึง”
น้ำตาลสาวสวยอารมณ์ดีวิ่งเข้ามาหาแล้วเข้ามากอดจากด้านหลัง มันเป็นเรื่องปกติทุกทีที่เจอกันน้ำตาลชอบที่จะทักทายแบบนี้ เสียงงุ้งงิ้งบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ของน้ำตาลทำให้กรีนต้องหัวเราะไปด้วย น้ำตาลน่ารักเป็นดาวคณะที่ร่าเริงจนเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
ไม่แปลกเลยที่คนนั้นจะชอบด้วย
“เฮ้ย ไอ้เมษ”
เสียงเรียกชื่อคนที่กำลังเดินเข้ามายังโต๊ะที่นั่งกันอยู่ทำให้กรีนหยุดชะงักพร้อมกับมองคนที่พยายามหลบหน้าหลบตามาทั้งอาทิตย์ เขาคิดเองว่าถ้าเราไม่เจอกันหน้ากัน ไม่ได้คุยกันเหมือนที่ผ่านมา มันก็คงจะตัดใจกันได้ง่าย แต่วันนี้ทันทีที่เจอหน้ากันกรีนรู้เลยว่า
เขายังชอบเมษอยู่
ท่าทางปกติของอีกฝ่ายทำให้กรีนต้องแกล้งกลบเกลื่อนหัวเราะไปกับมุขเพื่อนที่ถกเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง น้ำตาลยังคงกอดคอเขาหัวเราะไปประโยคบ้าๆ บอๆ ของไอ้มอสที่แกล้งเลียนแบบอาจารย์
“เออ เมษขอบใจเรื่องคุกกี้นะอร่อยดี”
“อ๊ะแหมๆๆๆ คุกกี้อะไรกันวะคู่นี้นี่ยังไง”
“เฮ้ย เมษมึงจีบดาวเลยเหรอวะน้ำตาลนี่คู่แข่งมึงยาวเป็นหางว่าวเลยนะเว้ย”
เสียงแซวของเพื่อนดังยิ่งกว่าเดิมทันทีที่น้ำตาลพูดประโยคนั้นจบ มันดังจนทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองเป็นจุดเดียว กรีนเงยหน้ามองเมษที่ทำหน้าเขินๆ เมื่อเพื่อนเอาแต่แซวไม่หยุด กรีนพยายามยิ้มไปกับเพื่อนก่อนจะค่อยๆ ยกมือของน้ำตาลที่ยังคงกอดคอเขาอยู่ให้ยกออก ก่อนจะบอกเบาๆ ว่า หัวเราะเหนื่อยขอไปซื้อน้ำหน่อย
กรีนคิดว่าคงไม่มีใครมาสนใจอะไรเขาเท่าไหร่แต่พอลุกขึ้นสายตาก็เจอกับเมษที่กำลังมองเขาอยู่ กรีนคิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่เขากำลังลุกขึ้นพอดี กรีนไม่ได้หลบสายตาไปไหนแต่กลับเป็นเมษที่เมินหน้าหนีไปก่อนกรีนเลยได้แต่บอกเพื่อนว่าไปซื้อน้ำเดี๋ยวกลับมา ดีที่ทุกคนมัวแต่สนใจเรื่องเมษกับน้ำตาลอยู่เลยไม่มีใครติดใจถามอะไร
กรีนเดินย้อนไปยังสวนด้านหลังคณะนั่งลงตรงม้านั่งแล้วหลับตาลงเงยหน้าพิงกำแพง เขารู้ว่าจะลืมเรื่องอะไรแบบนี้มันไม่ง่ายเลยสักนิดมันต้องใช้เวลา และถ้าเขาเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ก็ต้องรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ได้ ต่อให้เมษและน้ำตาลจับมือกันอยู่ตรงหน้าเขาก็ต้องรับให้ได้
ต้องทนให้ได้
ต้องผ่านมันไป
ก็ดีแล้วนี่ที่เป็นแบบนี้
“ก็มันเป็นแบบนั้นล่ะมึง เมษ.. เมษ ไอ้เมษ ฟังกูพูดอยู่ป่ะเนี่ย”
เมษาชะโงกหน้าลงมาจากเตียงชั้นบนเมื่อเห็นว่าคนที่เล่าเรื่องให้ฟังเป็นชั่วโมงอยู่ดีๆ ก็เงียบไปซะเฉยๆ เอาแต่นอนเอามือท้าวศีรษะทำหน้าเคร่งเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจทำให้เมษาต้องปีนลงมาจากเตียงชั้นบนมุดเข้ามานั่งประจันหน้ากับฝาแฝดตัวเอง
“เป็นไรวะพักนี้มึงแปลกๆ ”
“สบายดี”
“กรีนอ่ะ”
“ถามไมวะ”
“อยู่ดีๆ เขาก็หายไปทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมึงยังพาเขามาที่บ้านเกือบทุกวัน”
เมษาใช้ตาโตๆ จ้องเมษเขม็งเมื่อเห็นว่าไอ้ฝาแฝดที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตมีอาการผิดปกติเมื่อพูดถึงกรีนเพื่อนร่วมคณะ ท่าทางเหมือนลูกแมวขู่แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเมษต้องดันหน้าให้หงายไปด้านหลัง
“เมษา ... กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่ะ”
เมษรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเมื่อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เมษาฟัง เมษเองก็ไม่เคยมีความลับกับฝาแฝดตัวเองอยู่แล้ว เพียงแค่จะเล่าเมื่อไหร่ก็เท่านั้น ตอนนี้กลายเป็นเมษาที่นั่งหน้าเครียดแทนจนเมษต้องเอ่ยเรียก
“มึงแม่งใจร้าย”
“อ้าว ไอ้แฝดเตี้ยนี่”
“ที่มึงไม่สบายใจอยู่ตอนนี้ มึงอาจจะแค่รู้สึกผิดก็ได้ว่ะ”
“................................................................”
“หรือ..อาจจะมากกว่ารู้สึกผิดถ้ารู้สึกผิดก็ไปคุยกับเขาดีๆ จบแบบนี้ไม่โอเคเลย”
“มากกว่ารู้สึกผิดคืออะไรวะ”
“แบบมึงอาจจะไม่รู้ตัวว่าจริงๆ แล้วมึงก็ชอบกรีนแต่โง่ไงเลยไม่รู้”
“กูชอบน้ำตาล”
“มึงคิดว่ามึงชอบน้ำตาลต่างหาก กูแค่เดานะ...มึงอยู่กับกรีนแล้วมีความสุขดีออก มึงโคตรเป็นธรรมชาติเลยรู้ป่ะ ตอนมึงสองคนคุยกัน ถามจริงๆ มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ แบบอยู่กับคนนี้แล้วสบายใจจังอยากอยู่ด้วยกันนานๆ”
เมษไม่อยากจะยอมรับว่าที่เมษาบอกมันตรงทุกอย่างกับที่เขาเป็น เขาชอบที่อจะยู่ใกล้ๆ กรีน เวลาไอ้ตี๋นั่นยิ้มหรือหัวเราะเขาเองก็เผลอมองบ่อยๆ เพราะกรีนตาตี่อยู่แล้วพอยิ้มหรือหัวเราะมันก็เลยหยีลงไปอีกจนเป็นเส้นขีดๆ ตอนได้กินอาหารหรือขนมอร่อยๆ ก็ดีใจเหมือนเด็กๆ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราสนิทกันเพราะเขาเองอยากให้ช่วยเรื่องน้ำตาล
แต่เมษเพิ่งจะรู้ว่าเขาแทบจะไม่ได้คุยเรื่องน้ำตาลเวลาที่อยู่กับกรีนเลย
เราคุยกันเรื่องอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นวิชาที่เรียน เพลง อาหาร หรือ เกมคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เขาควรจะสืบเรื่องน้ำตาลให้มากที่สุด แต่กลายเป็นว่า เขาไม่อยากเริ่ม อยากจะคุยเรื่องอะไรเรื่อยเปื่อยกับกรีนมากกว่า กรีนเคยบอกให้เขาแกล้งนัดน้ำตาลมาที่ร้านกาแฟของพี่กัลป์ให้ไหมจะได้คุยกันแบบจริงจังสักที ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่ดีๆความคิดมันก็แวบขึ้นมาในหัวว่า
ไม่อยาก..
เขาอยากมาร้านพี่กัลป์แล้วกินชาเขียวกับกรีนแค่สองคน
ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความคิดแบบนี้
“เมษ ..ไอ้เมษ”
เสียงเรียกของเมษาทำให้เมษรู้สึกตัวอีกรอบ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เมษต้องเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นว่าชื่อที่โทรเข้ามาเป็นเดือนวิศวะที่กำลังตามจีบไอ้แฝดเตี้ยของเขาอยู่ แต่ท่าทางจะมาวินชนะทุกคนที่เคยมาจีบเพราะเห็นว่าเมษาแทบจะกดรับทันทีที่ตะวันโทรเข้ามาแต่เพราะว่ากำลังคุยกับเขาอยู่ถึงได้ถึงได้ออกอาการลังเลแบบนี้ จนเขาต้องบอกว่า ไปคุยกับผัวเถอะ ถึงได้โดนถีบเต็มแรงพร้อมกับหนีขึ้นบนเตียงชั้นบน ก่อนจะไปเมษายังชะโงกหน้ามาบอกบางอย่างที่ทำให้เมษต้องหลับตาลง
“ถ้ากรีนชอบมึงมาตั้งนานแล้วตอนที่มึงบอกให้เขาช่วยเรื่องน้ำตาลนี่เขาต้องอดทนแค่ไหนวะ”
:: GREEN TEA ::
วันนี้เลี้ยงสายรหัส ปกติก็แค่นัดกินข้าวกันตามร้านอาหารแต่บางครั้งที่มีวันหยุดยาวติดกันหรือพี่ที่จบไปแล้วเกิดรวยอยากจะเลี้ยงแอลกอฮอล์ขึ้นมา อย่างเช่นวันนี้
เมษคิดว่ารุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วทุกคนคงจะว่างมากถึงได้รวมตัวนัดกันเลี้ยงรวมหลายสายรหัสขนาดนี้ มันก็สนุกครื้นเครงดีถ้าไม่นับว่ารุ่นพี่สายรหัสเขากับไอ้ตี๋กรีนจะสนิทกันปานจะกลืนกิน ถึงได้นัดมาเลี้ยงพร้อมกัน ทั้งๆ ที่บรรดารุ่นพี่ก็สนิทสนมกันดีกอดคอดื่มเหล้าจนหัวแทบจะทิ่มอยู่แล้ว แต่สายรหัสรุ่นเฟรชชี่ปีหนึ่งอย่างเขากับกรีนได้แต่นั่งตรงข้ามกันแบบเงียบๆ บางทีก็ต้องแกล้งหัวเราะไปกับมุขฝืดๆ ของรุ่นพี่บ้างแก้เก้อ
เมษสังเกคว่าไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามหลบตาไม่มองหน้าเขา บางครั้งที่เผลอสบตากันกรีนจะแกล้งทำเป็นมองผ่านไปรอบๆ หรือไม่ก็ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาดื่ม เมษเดาได้เลยว่าอีกไม่นานกรีนจะต้องเมาแบบสุดๆ แน่ๆ เพราะเห็นเอาแต่ดื่มเหล้าไม่หยุดพอหมดแก้วรุ่นพี่ก็เติมให้อีกเรื่อยๆ
“ไอ้กรีนได้ข่าวว่าไอ้เบสปีสี่ที่เคยตื้อมึงให้ไปเป็นลีด มันกลับมาตื้อมึงอีกแล้วเหรอวะ”
ทันทีที่รุ่นพี่ที่จบไปแล้วเอ่ยถามขึ้นทุกคนที่ตรงนั้นก็เลยหยุดบทสนทนาที่คุยค้างไว้แล้วมาคุยกันเรื่องนี้แทน พี่ผู้หญิงบางคนที่เพิ่งเคยรู้เรื่องก็ร้องว๊าวออกมา เพราะพี่เบสที่เป็นลีดคณะก็หน้าตาระดับคิวท์บอยของมหาลัยอยู่เหมือนกัน เมษแกล้งหยิบเครื่องดื่มในมือขึ้นมาแต่สายตาก็มองไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินประโยคเมื่อกี้
“ก็ไม่มีอะไรหรอกพี่เขาก็คุยเล่นๆ”
“ไม่เล่นแล้วมั้งกูเห็นทั้งในเฟสในทวิตเพ้อถึงมึงยังกะอะไร”
“พี่อย่าพูดแบบนั้นดิ”
“มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรลองคุยกับมันไปก่อนก็ได้มึงก็ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอวะ หรือมึงมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?”
ทันทีที่จบประโยคกรีนก็เงยหน้าขึ้นมามองเมษที่ยังจ้องตาไม่ได้หลบสายตาไปที่ไหน ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่แบบนั้นจนเมษเป็นฝ่ายที่หลบตาไปก่อน
“บางทีผมก็คิดแบบนั้น พี่เขาก็โอเค”
ปัง!
เสียงกระแทกแก้วดังลั่นจนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันมามองอย่างพร้อมเพรียง เมษเอาแต่จ้องคนที่นั่งทำหน้า งงๆ เพราะท่าทางปึงปังก่อนที่เสียงผิวปากพร้อมกับแซวดังลั่นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังพูดถึงเดินเข้ามาในร้านพอดี มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรผับที่นี่ส่วนมากก็เป็นนักศึกษามหาลัยนี้อยู่แล้ว พี่เบสเดินเข้ามาหาพร้อมกับนั่งข้างกรีนที่ตอนนี้เริ่มมึนเล็กน้อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“เมาแล้วเราหน้าแดงแจ๋เลย”
“ห้ามจีบกันที่นี่ถอยเลยไอ้กรีนเวลาเมานี่น่ารักดีเหมือนกันว่ะ”
-
รุ่นพี่เข้ามาขยี้ผมบ้างดึงแก้มรุ่นน้องตาตี่ที่ตอนนี้ตรงแก้มเป็นสีแดง โดยเจ้าตัวที่เริ่มไม่ได้สติหัวเราะใส่คนนนู้นคนนี้อย่างไม่รู้เรื่องแถมยังยกเครื่องดื่มในมือซดเอาๆ ไม่เลิก เมษนั่งมองคนที่เอาแต่ยิ้มอะไรไม่รู้เมื่อไอ้รุ่นพี่ลีดยื่นบางอย่างในโทรศัพท์ให้ดูก่อนที่จะมีใครไม่รู้อีกโต๊ะมาเรียกพี่เบสไป ท่าทางโอเวอร์ของไอ้พี่เบสนี่ทำให้เมษอยากจะหัวเราะให้ตายแต่เดินไปคุยกับคนอื่นแปบเดียว แต่ทำท่างเหมือนจะเป็นจะตายซะให้ได้
ทันทีที่รุ่นพี่ลุกไป ไอ้คนที่นั่งตัวโงนเงนก็เริ่มยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ พอเห็นท่าทางที่จะล้มฟุบไปกับโซฟาเมษเลยเลือกที่จะลุกไปนั่งลงข้างๆ พอเขานั่งลงไอ้คนที่กำลังเมาได้ที่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง เมษไม่รู้ว่ากรีนมองเห็นหน้าเขาเป็นไอ้รุ่นพี่คนนั้นรึเปล่าเพราะเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น
“หน้าเหมือน..”
“เหมือน?”
“เหมือนไอ้คนเฮงซวย ไอ้แฝดไม่ได้เรื่อง”
“....................................................”
รู้แล้วว่าด่าใครอยู่ …. แต่เมษกลับเห็นเรื่องตลกซะมากกว่าเมื่อเห็นไอ้คนตาตี่พยายามจะลืมตาขึ้นมามองเต็มๆ ตาแต่ท่าทางจะเป็นเรื่องยากเกินไป ตัวผอมๆ นั่นก็เอนไปเอนมาจนเมษต้องเอื้อมือไปจับไว้เพราะว่าหน้าหัวจะทิ่มลงพื้น แต่ท่าทางกรีนเองก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ถึงได้เอนตัวมาซบคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ปวดหัวว่ะ”
เมษเหลือบมองคนที่กำลังนอนซบอยู่ยกมือขึ้นมาบีบขมับตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เบสเดินกลับมาพอดี พอเห็นท่าทางเมาของกรีนก็เอื้อมมือมาหาแต่อยู่ดีๆ ข้อมือก็ถูกจับไว้แน่นก่อนที่รุ่นน้องปีหนึ่งซึ่งเขาเองก็พอรู้จักเพราะว่าดังพอตัว เบสมองไปยังข้อมือตัวเองที่ถูกจับไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองรุ่นน้องคล้ายจะถามว่า มีอะไร?
“ผมว่ากรีนเมามากแล้วผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน แล้วเจอกันครับพี่ๆ”
เมษค่อยๆประคองคนที่เมาไม่รู้เรื่องขึ้นมา รุ่นพี่บางคนจะเอ่ยรั้งไว้แต่สายตาของเมษกับเบสที่ต่างคนต่างมองกันอย่างไม่ยอมแพ้โดยมีร่างของคนเมาไมได้สติอยู่ตรงกลาง พี่รหัสเมษมองภาพนั้นก่อนจะหัวเราะเพราะดูยังไงก็เหมือนผู้ชายสองคนกำลังจะต่อยแย่งผู้หญิงคนที่ตัวเองชอบเพราะท่าทางจ้องตากันจนอยากจะใส่เอฟเฟคประกายไฟให้ทั้งคู่
“พี่ว่าพี่พากรีนกลับเองดีกว่า เราอยู่สนุกต่อเถอะ”
“ผมพากลับเองดีกว่าครับนี่เพื่อนผม ผมดูแลเอง”
“เพื่อนงั้นเหรอ”
“…………………………………………………………….”
“เมษ”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อคนที่เมษประคองอยู่ก็เอ่ยชื่อออกมาทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย แน่นอนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่กวนบาทารุ่นพี่มากกว่ายิ้มธรรมดาทั่วไป เมษเอ่ยขอตัวอีกรอบมือก็กอดเอวคนที่เมาไม่รู้เรื่องไว้แน่น พาเดินออกจากวงของสายรหัสที่ต่างพากันตะโกนบอกลารุ่นน้อง
“ทำใจเถอะว่ะ ท่าทางครั้งนี้มึงคงจะแห้วของจริง”
เบสได้แต่มองทั้งคู่ที่พากันประคองออกไปนอกร้านพร้อมกับโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดจนกดวางสายที่โทรเข้ามาไม่ว่าอีกฝ่ายจะโทรมาอีกสักกี่ครั้งก็ตาม
GREEN TEA
เหนื่อยฉิบหาย..
เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน
ตอนแรกเมษตั้งใจจะพาไอ้ตี๋ไปส่งที่บ้านแต่ก็กลัวปะป๊ามะม๊าตกใจกับสถาพลูกชายที่เมาจนไม่ได้สติ จะพากลับบ้านตัวเองก็มีไอ้แฝดเตี้ยเมษาอยู่อีก เขาก็ไม่เข้าใจหรอกทำไมจะพากรีนไปที่บ้านตัวเองไม่ได้เขาแค่รู้สึกว่าอยากจะเคลียร์อะไรกับคนเมาสักหน่อย หลอกคุยตอนเมาๆ นี่แหละ จริงใจดีเขาบอกคนเมาจะไม่โกหก
สุดท้ายก็ต้องพามาที่คอนโดที่พ่อกับแม่ซื้อไว้ให้นานแล้ว
นานๆ ทีที่เขากับเมษาจะมาอยู่เพราะตอนจะสอบเข้ามหาลัยเรียนเลิกดึกกันทั้งคู่และบ้านก็อยู่ไกลจากที่เรียนพิเศษมาก
เมษมองคนที่ขยับตัวไปมาอยู่ตรงโซฟาคงเพราะไม่สบายตัวคิดว่ายังมีสติอยู่ยังพอส่งเสียงโต้ตอบเขาได้บ้างแต่คงไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเมษเลยรับโทรศัพท์จากพี่บลูพี่สาวของกรีนที่โทรมาถามเพราะเห็นว่าดึกแล้วแต่น้องชายก็ยังไม่กลับสักที เมษเลยบอกว่ากรีนอยู่กับเขาเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปส่งที่บ้านให้
“ร้อนอ่ะ”
“ก็มึงกินเหล้าเข้าไปขนาดนั้น”
“กูไม่ไหวแล้วว่ะ”
“มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะอ้ว…”
“กูคิดถึงเมษไม่ไหวแล้วว่ะ”
คนที่กำลังมองหาภาชนะเตรียมพร้อมสำหรับคนเมาหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคต่อมา กรีนไม่ได้ลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเขาหรือรู้สึกตัวอะไรก็ยังนอนพิงโซฟาตาตี่ๆ นั่นก็ยังหลับเหมือนเดิม เมษแค่นั่งลงบนโซฟาหันมามองคนเมาที่เงียบลงอีกครั้ง
“กูคิดว่า…กูจะทนได้ตอนเห็นเมษกับน้ำตาล แต่มึงรู้ป่ะกูโคตรเจ็บเลยว่ะ ตอนนี้กูยังอดทนได้และถ้าต่อไปกูทนไม่ได้ กูจะทำยังไงวะ”
“……………………………………………………………………………….”
“ไม่น่าเลย….มันไม่น่ารู้เลยว่ากูชอบมันมาตั้งนานแล้วน่าจะเก็บเป็นความลับไปตลอด”
“……………………………………………………………………………….”
“ไอ้เมษดันฉลาดขึ้นมาอีกโง่มาตั้งนาน …เสือกมารู้ทำไมวะ”
“……………………………………………………………………………….”
ทั้งๆ ที่มันเป็นคำพูดตัดพ้อแต่เมษกลับยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้คนเมาที่พูดอะไรงึมงำไม่เลิกคาดว่าคงจะด่าเขาอยู่ แค่เพียงไม่นานกรีนที่นอนเอียงไปเอียงมาก็เอนมาซบไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นว่าสบายก็ค้างไว้อย่างนั้น เมษหันมามองกลุ่มผมนั่นทีนึงก่อนจะปล่อยให้คนเมาซบไหล่ต่อ
“ทำไมกูต้องมาชอบคนเฮงซวยแบบนี้ด้วยวะคนอื่นมีตั้งเยอะกูจะไปชอบคนอื่น!”
เมษเผลอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายอยากจะจับไอ้คนเมาขึ้นมาเขย่าๆ แล้วให้พูดใหม่อีกรอบ แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับบอกตัวเองว่าอย่าถือสาคนเมา
“แต่ก็ทำไม่ได้ว่ะรู้ป่ะตอนอยู่กับมันกูโคตรมีความสุข ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้กูจะอยู่กับมัน24ชั่วโมงเลยแถมตอนนี้มันเกลียดกูไปแล้วด้วยทำไมวะกูก็แค่ชอบ”
“……………………………………………….”
“กูชอบเมษจริงๆว่ะ”
“……………………………………………….”
“กูชอบเมษ”
“……………………………………………….”
“ชอบเมษ”
“……………………………………………….”
“ชอบ”
เสียงเงียบลงไปแล้วคาดว่าคนที่เมาคงจะหลับไมได้สติของจริงเมษยกไหล่ดันๆ แต่พอดันแรงไปหน่อยอีกคนก็ทำท่าจะเอนไปอีกด้านเมษเลยต้องรีบคว้าตัวอีกคนเข้ามาอีกรอบ คราวนี้เมษจับหัวกลมๆ ของอีกคนให้ซบลงมาตรงอก เมษนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอกับกรีน
วันที่เราอยู่ด้วยกัน ทุกที่ ทุกความทรงจำ จนถึงวันนี้
เมษเองก็เริ่มรู้ตัวเองว่าเขาไม่ชอบใจไอ้รุ่นพี่เบสเพราะอะไร ไม่ใช่ที่พี่เขากวนตีน หรืออะไรทำนองนั้น
แต่เขาไม่ชอบที่พี่เบสคนนั้นมายุ่งวุ่นวายกับคนที่นอนซบเขาอยู่ตอนนี้ เรียกง่ายๆ แบบไม่โง่ ก็คือ หวงนั่นแหละวะ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาชอบให้มีไอ้ตี๋ตัวขาววนเวียนอยู่ใกล้ๆ อยากให้อยู่ด้วยตลอดเวลา อยากให้ยิ้มจนตานั่นหยีๆ อยากให้หัวเราะ ไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆ หรือร้องไห้สักครั้งเดียว เขาคิดว่าควรามรู้สึกของเขากับน้ำตาลมันเหมือนความประทับใจแรก แต่พอใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วเมษกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่…
เขาโคตรฝืนตัวเอง เวลาจะคุยจะทำอะไรเขาต้องคิดและวางตัวให้ดีอยู่ตลอดเวลา
มันกลายเป็นต่างคนต่างเกร็งจนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ขนาดน้ำตาลสาวสวยยังหัวเราะพร้อมกับบอกว่า
เป็นเพื่อนกันดีกว่าเนอะ ..
ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ แต่เมษเองกลับรู้สึกโล่งใจตอนนั้นยังจับมือตกลงกับน้ำตาลเป็นที่เรียบร้อยและเหมือนสาวสวยจะรู้เรื่องระหว่างเขากับกรีนอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะสัญชาติญาณผู้หญิงอะไรสักอย่าง น้ำตาลเลยบอกเขาว่า กรีนน่ารักจะตายถ้าหลุดมือนี่มีคนมาจีบเยอะแน่ๆ
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมษก็อยากจะขอบคุณน้ำตาลสักครั้งเพราะไม่งั้นตอนนี้เขาคงไม่ได้กอดไอ้คนที่เรียกว่าสารภาพรักจนสลบไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ พอกอดไว้แบบนี้เมษก็เพิ่งรู้ว่ากรีนเองตัวผอมมากแค่ไหน เมษหันมามองคนที่ยังนอนหลับสนิทรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองก้มลงไปจูบหน้าผากขาวๆ ที่อยู่ตรงหน้านั่น
“ตื่นมาช็อคตายแน่ๆ ไอ้ตี๋”
:: GREEN TEA::
แสงแดดที่ลอดเข้ามาตรงรอยแยกของผ้าม่านทำให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงค่อยๆ รู้สึกตัว ถึงแม้ว่าหัวยังจะมึนๆ จนไม่อยากจะลุกแต่อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า ภาพสุดท้ายที่จำได้คือรุ่นพี่พามาเลี้ยงเหล้าแต่หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก
แล้วตอนนี้กูอยู่ที่ไหนวะ?
“เฮ้ย!” เสียงร้องดังลั่นพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียงสายตาก็มองไปรอบๆ ห้องที่รู้สึกว่าไม่คุ้นเลยสักนิด เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้คนที่ทำอะไรอยู่ในห้องครัวต้องรีบวิ่งเข้ามาดู แต่พอคนบนเตียงเห็นหน้าเขาเต็มๆ ตา กรีนก็นั่งนิ่งตาค้างมากกว่าเดิม
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เมษ..”
“ไง ปวดหัวไหม”
“เมษ”
เมษหัวเราะกับท่าทางของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเพราะไม่ว่าจะถามอะไร ไอ้ตี๋ก็เอาแต่เรียกชื่อเขาไม่ยอมหยุดจนเมษต้องยื่นผ้าเช็ดตัวให้พร้อมกับบอกว่าให้ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน กรีนรับผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเมื่อเมษบอกว่าให้เลือกเสื้อผ้าได้ตามสบายแต่มีไม่ค่อยเยอะเพราะไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว
บนโต๊ะอาหารกรีนเอาแต่นั่งเงียบไม่ได้พูดอะไรเมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามบอกว่าเมื่อคืนเขาเมามากเลยขอตัวพากลับบ้านมาก่อนแต่กลัวพากลับบ้านป๊ากับม๊าจะตกใจเอาเลยพามาที่นี่แทน เมษพยายามกลั้นยิ้มเมื่อกรีนทำหน้าคล้ายจะบอกกับตัวเองว่า ไม่น่าดื่มเยอะเลย
“เมื่อคืนตอนที่กูเมากูไม่ได้ทำหรือพูดอะไรแปลกๆ ใช่ป่ะ”
“หืม? จะเรียกว่าทำก็ได้นะ”
“จริงอ่ะกูทำมึงลำบากป่ะ”
“อืมมมมมม”
เมษแกล้งลากเสียงคล้ายจะแกล้งอีกฝ่าย กรีนหน้าตาตื่นเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบเขามากกว่าเดิม ตอนนี้ก็ งง จะตายอยู่แล้วว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ ถึงเขาเมามากยังไงพี่รหัสเขาก็อยู่ ไม่น่าเป็นเมษที่มาต้องมาดูแลเขาแบบนี้ กรีนจ้องหน้าเมษเขม็งตั้งใจฟังเต็มที่ว่าเขาทำอะไรไว้ท่าทางเหมือนลูกแมวแต่ตาตี่ไปหน่อยทำให้เมษต้องหัวเราะออกมา
“เมษนี่กูเครียดนะเนี่ย”
“ก็มึงเมามากไม่ได้สติ แล้วก็พูดไม่หยุด”
“พูดว่าไรบ้างวะ”
“บอกว่ามึงชอบกู บอกว่าชอบเมษ ชอบ ชอบ พูดอยู่แบบนี้”
“..........................................................................”
“กรีน”
“กูกลับล่ะขอบคุณมาก”
กรีนที่นั่งตะลึงอยู่อย่างนั้นพอรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นแบบรวดเร็วท่าทางหันซ้ายหันขวาเหมือนกับว่าทำอะไรไม่ถูกก็เอ่ยขอลาซะดื้อๆ ดีที่เมษเอื้อมือมาจับข้อมือนั่นไว้ทันพร้อมกับบอกว่าให้นั่งลงก่อน กรีนหันมามองคนที่จับเขนเขาไว้นึกว่าจะเจอกับสีหน้าและท่าทางแบบที่เคยเจอมาแล้ว แต่กลับเป็นว่าเมษกำลังยิ้มอยู่ไมได้มีท่าทีเหมือนในตอนนั้น
“ไม่โกรธกูเหรอ”
“เรื่อง?”
“ก็เรื่องที่กูเมาแล้วบอก...”
“กูเหมือนโกรธอยู่เหรอไง”
“มึงยิ้มอยู่แล้วก็ทำท่าแปลกๆ ด้วย”
เมษรั้งให้กรีนนั่งลงตรงเก้าอี้ส่วนตัวเองก็ลากเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงหน้ากลัวว่าอีกคนจะวิ่งหนีออกจากห้องไปอีก กรีนมองข้อมือตัวเองที่ถูกจับไว้แน่นพอจะบิดออกเมษก็จับเอาไว้ทั้งสองข้างแถมยังมองหน้าไม่เลิก
“กรีน”
“อะไร”
“กูคิดว่า...กูชอบมึงแล้วว่ะ”
เป็นอย่างที่คิดไอ้ตี๋กรีนตาโต(มากกว่าเดิม)ขึ้นมานิดนึงมือที่เขาจับอยู่เหงื่ออกจนเขาต้องจับเอาไว้หลวมๆ แทน เมษรู้ดีว่าถ้าบอกแบบนี้เป็นใครก็งงทั้งนั้น และเขาก็พูดไม่ค่อยเก่งด้วยจะให้อธิบายทั้งหมดมันก็เขินจนเกินไป สุดท้ายก็บอกเท่าที่อยากจะบอก แต่เมษก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีเพราะเห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงมาตรงแก้ม
“ไม่แกล้งกูแบบนี้นะเรื่องนี้กูไม่เล่น”
“กูไม่ได้แกล้ง”
“เมษกูไม่ไหวกับเรื่องนี้นี่กูร้องไห้จริงๆ แล้วด้วย”
สงสารก็สงสารจะตลกก็ตลกไม่ว่าจะทำยังไงกรีนก็ดูไม่เชื่อเขาเลยสักนิด เมษเลยกระเถิบเข้าใกล้มากกว่าเดิมแก้มขาวตรงหน้านี่ก็ล่อตาล่อใจเขาดีเหลือเกินใช้ภาษาพูดก็ดูไม่เชื่องั้นขอใช้ภาษากายเลยแล้วกัน เมษก้มหน้าลงไปหอมแก้มกรีนข้างไว้ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“เชื่อเถอะนะเรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้ไหม ให้โอกาสกูหน่อยอย่าไปชอบคนอื่นเลยนะ”
เมษเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออก ไม่รู้ว่ากรีนรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังร้องไห้อยู่เพราะมองหน้าเขาไปก็น้ำตาไหลไป พอหนักเข้าเมษก็คว้าคนตรงหน้ามากอดไว้พร้อมกับลูบหลังเบาๆ รู้สึกว่ามันเป็นการสารภาพรักที่ตลกดี ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ แต่เมษคิดว่ามันก็โอเคแล้ว เมื่อสองมือของกรีนที่ตอนแรกดูกล้าๆกลัวๆ เลือกที่จะยกขึ้นมากอดเอวเมษไว้แน่นเช่นกันและเมษยิ้มกว้างมากกว้าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่กรีนบอก
“ไม่เคยคิดจะไปชอบคนอื่นเลย”
“ว่าไง หายไปนานทั้งคู่เลยนะพอมาพร้อมกันก็เหลือชาเขียวแก้วเดียวทุกที”
กัลป์เอ่ยทักกรีนและเมษที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟพร้อมๆ กัน กัลป์นึกว่าทั้งคู่จะเถียงกันแย่งชาเขียวอย่างที่เคยเป็น แต่กลับเป็นว่าเมษเดินมาสั่งชาเขียวที่เหลือแค่แก้วเดียวแก้วนั้น กัลป์หันไปมองหน้ากรีนที่ยืนรออยู่ข้างๆ โดยที่ไม่เถียงไม่โวยวายอะไร พอเมษเห็นท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะดึงข้อศอกกรีนให้มายืนข้างๆ
“เหลือแก้วเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เรากินด้วยกันก็ได้”
กัลป์เงียบไปแปบนึงก่อนจะมองสลับไปสลับมาระหว่างทั้งคู่พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ส่ายหน้าอย่างเอ็นดูพลางบอกเห็นไหมว่าเดาผิดซะที่ไหน สุดท้ายก็ลงเอยกันจนได้ กรีนได้แต่ยิ้มให้กัลป์ที่หันไปสั่งออเดอร์กับลูกน้องที่ทำเครื่องดื่มยังมีแกล้งบอกอีกว่า ไม่ต้องหวานมากลูกค้าหวานจะตายอยู่แล้ว
กรีนหันไปมองรอบๆ ร้านก่อนจะหันมามองหน้าเมษ มองค้างอยู่อย่างนั้นจนเมษต้องถามว่าเอาอะไรเพิ่มไหม กรีนส่ายหน้าก่อนที่เมษจะรับเครื่องดื่มจากกัลป์พร้อมกับคว้าข้อมือกรีนให้เดินตามมา กรีนมองข้อมือตัวเองที่ถูกจับไว้แน่นเลยเปลี่ยนมาเป็นจับมืออีกฝ่ายไว้แทน กรีนยิ้มนิดๆ เมื่อเมษกระชับมือให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม
ไม่คิดว่าว่าจะมีวันนี้
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี
Flash back
“ร้านอะไรของมึงวะเมษา”
เมษที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายบอกให้ฝาแฝดตัวเองที่อยู่ในชุดเดียวกันรีบเข้าไปในร้านกาแฟที่ตั้งอยู่หน้ามหาลัย วันนี้เขาทั้งคู่มีสัมภาษณ์ที่มหา'ลัยนี้ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เที่ยงกว่าไปแล้วเมษางองแง อยากจะกินนมร้านที่มันตั้งอยู่หน้ามหาลัย การยืนเถียงเรื่องนมแก้วเดียวอยู่หน้าร้านทำให้ผู้คนต่างพากันมองอย่างสนใจ
เสียงที่ดังขึ้นทำให้คนที่ยืนถ่ายรูปดอกไม้แห้งที่วางอยู่หน้าร้านหันมามองก่อนจะเบนกล้องในมือมาที่ทั้งคู่ คงไม่ใช่คู่รักอาจจะเป็นพี่น้องไม่ก็ฝาแฝด พอเห็นว่าทุกอย่างลงตัวก็เลยกดปุ่มซัตเตอร์
“เมษ ให้กูไปซื้อแปบเดียวนะเดี๋ยวกูเลี้ยงนมมึงด้วยก็ได้”
“กูสูงจะชนเพดานอยู่แล้วให้เตี้ยๆ อย่างมึงกินไปคนเดียวเถอะ”
เมษาต่อยลงไปบนแขนฝาแฝดตัวเองชกต่อยตบตีกันอยู่อย่างนั้น จนเมษเห็นว่ามันเลยเวลามานานมากแล้วก็เลยตัดสินใจลากคอไอ้แฝดน้องที่เตี้ยกว่าหลายเซนให้เข้ามาในร้าน ทันทีที่เห็นหน้าคนที่รับออเดอร์อยู่ตรงเคาน์เตอร์เมษได้แต่คิดในใจว่าคงจะเป็นเจ้าของร้านด้วย
“รับอะไรดีครับ”
“นมสดแก้วนึงครับ”
“แล้วก็ชาเขียวแก้วนึงครับ”
“ไหนมึงบอกไม่กินไง”
“กูบอกกุไม่กินนมแต่กูจะกินอย่างอื่นมึงจ่ายเลย”
ท่าทางของทั้งคู่ทำให้กัลป์ต้องกลั้นยิ้มไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่เป็นอะไรกันแต่มันก็ดูน่ารักดี นอกจากกัลป์ที่เห็นว่าภาพตรงหน้าน่ารักแล้วยังมีอีกคนที่ใส่ชุดนักเรียนถือแก้วชาเขียวยืนค้างอยู่ตรงหน้าประตูร้าน กรีนมองคนที่ตัวสูงกว่ากำลังแกล้งแหย่คนตัวเล็กที่โมโหฟึดฟัด ทั้งรอยยิ้มและท่าทางทั้งหมดนั่นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหยุดมองไม่ได้
และก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่หัวใจเต้นขนาดนี้
ทันทีที่มือใหญ่จับลงบนกลุ่มผมของคนตัวเล็กพร้อมกับขยี้เบาๆ อย่างเอ็นดู กรีนก็ได้แต่มองภาพนั้นก่อนจะยอมตัดใจเดินออกไปนอกร้านเพราะเพื่อนเรียก คนน่ารักที่ยืนอยู่ตรงนั้นกรีนก็ไม่รู้ว่าจะใช่แฟนเขารึเปล่าแต่มันก็คงไม่แปลกอะไรที่เขาจะมีแฟนแล้วก็หน้าตาดีขนาดนั้น
ก็ได้แต่หวังว่า
เราคงจะได้เจอกันอีกสักครั้งนึง
#นิยายร้านกาแฟ
TBC* 03 AMERICANO เบส - โฟกัส
Twitter : @ribbinbo
ขอบคุณค่ะ ^^
-
สนุกๆ
รอตอนต่อไปนะครับ :3123: :pig4:
-
03:AMERICANO
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน...
เบส – โฟกัส
“พี่เบส!”
“เฮ้ย! กูไปก่อนนะ”
เบสเก็บหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงเรียกก่อนที่ตัวจะมาถึง รุ่นพี่ปีสี่สุดฮ็อตของคณะบริหารรวบของไว้ในอ้อมแขนแต่ยังไม่ทันที่จะออกตัววิ่งไปไหนคนตัวเล็กที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วกระโดดมาจับแขนเบสไว้ได้อย่างแม่นยำ
“จะไปไหนอ่ะ กินข้าวยัง”
“จะไปเรียนกินแล้ว”
“พี่ไม่มีเรียนตอนเช้านี่ กัสจำได้”
“มีเรียนเพิ่มไม่อยู่ตารางปล่อยได้แล้ว”
บรรดาเพื่อนเบสที่นั่งอยู่พยายามกลั้นหัวเราะกับภาพตรงหน้าเบสพยายามจะแกะมือที่จับเขนไว้ไม่ปล่อยพอแกะได้ก็จับใหม่แกะๆ จับๆ จนสุดท้ายคนที่ยอมแพ้ก็คือแบสที่ต้องปล่อยให้อีกคนจับอยู่อย่างนั้น เพราะไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีทางที่จะปล่อยง่ายๆ เบสได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินไปตามแรงลากของรุ่นน้องปีสอง
“โฟกัสโคตรอึดอ่ะ โดนไอ้เบสเมินมาตั้งนานยังไม่ยอมแพ้”
“เบสมันชอบคนตี๋ๆ ไงลูกครึ่งฝรั่งมันไม่ใช่สเป็ค”
“แล้วน้องเขาจะชอบไอ้เบสไปจนถึงเมื่อไหร่วะสงสารเหมือนกันนะ”
“คนเรามันก็คงมีวันที่ทนไม่ไหวเหมือนกันละวะ”
กลุ่มเพื่อนมองตามหลังไปยังภาพที่เห็นจนเคยชินเด็กสถาปัตย์ลูกครึ่งตาโตสีเขียวกำลังเดินวนไปวนมารอบตัวพี่เบสบริหารปีสี่ มันเป็นภาพเดิมๆ ที่ทุกคนเห็นกันทุกวัน บางคนก็เห็นมันเป็นเรื่องสนุกเพราะคุ้นเคยกับสองคนนี้ดี บางคนก็ได้แต่เห็นใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิดที่จะต้องมาเดินตามตื้อคนที่ตัวเองรักแต่โดนเมินทุกวัน
“แล้วไงวะสรุปว่าน้องกรีนมีแฟนแล้วคือไอ้เมษแฝดน้องเมษาอ่ะนะ”
“เออ มึงก็แห้วอ่ะดิ เฮ้ยไม่เป็นไรเว้ยมึงยังมีน้องโฟกัสอยู่ทั้งคน”
“มึงอย่าพูดได้ไหม เดี๋ยวก็โผล่มา”
“พี่เบส”
นั่นไง เบสส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นหน้าเด็กสถาปัตย์ที่แบกหนังสือและอุปกรณ์มาเต็มสองแขน เพื่อนในกลุ่มเบสได้แต่หัวเราะออกมามันเหมือนกดปุ่มเรียกปุ๊บโฟกัสก็จะโผล่มาปั๊บโดยที่ไม่ต้องรอเวลา ทุกคนต่างขยับพื้นที่ให้โฟกัสได้นั่งลงข้างๆเบสและเมื่อได้ที่นั่งเจ้าตัวก็ยิ้มเผล่ออกมาอย่างดีใจ ยกเว้นร่างสูงของลีดบริหารที่ยกมือขึ้นมากุมขมับ แก้วกาแฟร้อนๆ ถูกวางไว้ตรงหน้าเขาหนึ่งแก้วแล้วก็ตรงหน้าตัวเองหนึ่งแก้ว
“อันนี้อเมริกาโน่ของพี่เบส อันนี้อเมริกาโน่ของกัส”
“แล้วของพี่ปอนด์ไม่มีเหรอครับ”
“พี่ปอนด์ต้องซื้อเอง”
เสียงโหยหวยพร้อมกับอาการแอบงอนของปอนด์ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะรวมถึงเบสที่นั่งอยู่ด้วยแต่พอโฟกัสหันกลับมามองเบสก็นั่งนิ่งตามเดิม กลิ่นกาแฟหอมๆ ทำให้เขาพอจะผ่อนคลายได้บ้างเมื่อกี้ที่เข้ามาในร้านของพี่กัลป์เขายังไม่ได้สั่งกาแฟเพราะเห็นคนต่อคิวค่อนข้างเยอะ
เบสยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มพลางเหล่มองเด็กสถาปัตย์ที่หยิบกาแฟสีดำขึ้นมาดื่มก่อนจะหลับตาปี๋แล้วแลบลิ้นแผลบๆ ท่าทางตลกๆ ของโฟกัสทำให้เบสเผลออมยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว ก็พอรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบอเมริกาโน่มันทั้งขมทั้งเฝื่อนแถมไอ้เด็กลูกครึ่งตาสีเขียวนี่ก็ไม่ได้ชอบดื่มหรอก พอเห็นว่าเขาสั่งก็เลยสั่งตามบ้างแต่ตอนนี้ก็คงชินแล้วเห็นครั้งแรกตอนดื่มทำหน้าเบ้ตลอด
“ปอนด์มึงคุยกับใครวะ”
“กลุ่มน้องลีดอ่ะมึง เออไอ้น้องที่ชื่อวินถามถึงมึงด้วยเบสคนที่ตาตี่ๆ อ่ะ ตี่เหมือนน้องกรีน”
“ตี่อีกแล้วเหรอวะสเป็คมึงเลยนะไหนๆ ก็อกหักละหาเด็กตี๋มาดามใจใหม่เร็ว”
อาจเป็นเพราะทุกคนคุยกันเป็นเรื่องปกติถึงได้ลืมว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ในกลุ่มด้วย โฟกัสไม่ได้โวยวายหรือพูดแทรกพี่ทุกคนที่ยังคงแซวเพื่อนตัวเองอยู่ กาแฟดำที่วางอยู่ตรงหน้าถูกหยิบขึ้นมาดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้จักน้องวินที่ทุกคนพูดถึงลีดบริหารปีหนึ่งที่มีเชื้อสายจีนและนั่นมันเป็นสเป็คที่เบสชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โฟกัสรู้ตั้งแต่เรื่องน้องกรีนที่ตอนนี้เหมือนจะเป็นแฟนคนชื่อเมษ
ทั้งๆ ที่รู้ทุกอย่างแต่โฟกัสก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ไม่เคยไปไหนสักที
“มึงก็..น้องเขาก็ดูจะชอบไอ้เบ..ไรวะ”
ปอนด์ทำท่าจะพูดต่อแต่เพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆ สะกิดให้เงียบลงเมื่อเห็นว่าโฟกัสเอาแต่ก้มหน้าดื่มกาแฟเงียบๆ เบสเองก็หันไปมองบ้างก่อนจะถอนหายใจท่าทางแบบนั้นทำให้โฟกัสต้องเงยหน้าขึ้นมาทั้งๆ ที่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำด้วยซ้ำ เบสมองน้องปีสองที่เอาแต่ตามจีบเขาต้อยๆ มานาน ยอมรับเลยว่าคนตรงหน้าไม่ใช่สเป็ค เขาไม่ชอบพวกฝรั่งลูกครึ่งตาสีฟ้าสีเขียว ไม่ใช่ถึงขนาดไม่ชอบหน้าอะไรแบบนั้นแต่ถ้าเป็นเรื่องความรักเขาก็เฉยๆ กับคนที่หน้าตาลูกครึ่งอะไรแบบนี้ มันเหมือนกับก็ไม่ชอบก็ไม่คิดจะสานอะไรต่อ
“พรุ่งนี้ว่างเปล่าไปดูหนังเป็นเพื่อนกัสหน่อย”
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่โดนชวนด้วยประโยคนี้โฟกัสเคยชวนเขาแบบนี้หลายรอบแล้วก็มีบ้างที่เขาตอบตกลงหรือบางครั้งก็ปฏิเสธ ถึงแม้ว่าเขาจะรำคาญเจ้าเด็กฝรั่งนี่แต่ก็ยอมรับว่าพอเห็นเจ้าตัวทำหน้าหงอยๆ มันก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะไปเที่ยวกับน้องคนนึง
ถึงแม้ว่าคนรอบข้างชอบบอกว่า
มันเป็นเหมือนการให้ความหวัง...
“เย็นๆ แล้วกันพี่มีเรียนถึงบ่ายสาม”
“โอเคครับ! กัสจะรอ ”
เบสเผลอยิ้มออกมาเมื่อโฟกัสยกมือตะเบ๊ะรับคำเหมือนทหารแถมยังยิ้มแป้นเหมือนถูกรางวัลอะไรใหญ่โต เด็กนี่แสดงความรู้สึกออกมาง่ายๆ ดีใจก็ยิ้ม งอนก็หน้าบึ้ง พอโดนเขาเมินขึ้นมาหน่อยก็เบะหน้าเบะตาเห็นแล้วรู้สึกเหมือนตัวการ์ตูน
19.45
“ฝนตกว่ะ หนักขนาดนี้กลับหอยังไงวะ”
“ไอ้เบสไม่กลับง่ายๆ หรอกมั้ง ฝนตกทั้งคืนยังได้”
“น้องวินรอพี่เบสไปส่งก็ได้ไม่ต้องรีบกลับติดฝนแบบในซีรี..มึงน้องกัสมาว่ะ”
เสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายตัวเล็กที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจนไม่กล้าเดินเข้ามาในร้าน ถึงแม้พี่กัลป์จะบอกว่าไม่เป็นไรให้เข้ามาได้แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าเพราะกลัวว่าจะทำเลอะพื้นจนพี่กัลป์เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่แล้วนำมาคลุมตัวโฟกัสก่อนจะดันตัวให้ไปนั่งรอที่โต๊ะ
โฟกัสก้มหน้ามองพื้นเพราะตอนนี้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใคร
ก็เล่นตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนี้ พอถึงโต๊ะที่ว่างก็เลยเงยหน้าขึ้นมา…
แต่ภาพที่เห็นทำให้มือที่กำลังเลื่อนเก้าอี้หยุดชะงัก
พี่เบส
กับ
วิน
ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมามองแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา โฟกัสยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ได้ขยับตัวไปไหน บรรดาเพื่อนของเบสต่างหันมามองหน้ากันว่าควรจะทำยังไงกับสถานการ์ณแบบนี้ดีปอนด์เห็นทุกคนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยอาสาเป็นหน่วยกล้าตายทักน้องโฟกัสที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“น้องกัส ไปไหนมาตัวเปียกเชียวแล้วมาหาเบสเหรอ”
กัสหันหน้าไปมองพี่คณะบริหารปีสี่ที่กำลังสบตาเขาอยู่เช่นกัน
“เย็นๆ แล้วกันพี่มีเรียนถึงบ่ายสาม”
“โอเคครับ! กัสจะรอ ”
กัสยิ้มให้พี่ปอนด์ด้วยใบหน้าที่อ่อนล้าใบหน้าน่ารักส่ายหน้าไปมาก่อนจะบอก..
“มารอโฟโต้ครับ”
โกหก..
เบสรู้ว่าเจ้าเด็กโฟกัสโกหกเดาได้เลยว่าโฟกัสต้องนั่งรอเขาอยู่ใต้ตึกคณะแน่ๆ
พอเห็นเขาคงไม่มาแล้วคงวิ่งตากฝนมาที่นี่ ..
พนักงานในร้านนำกาแฟอเมริกาโน่มาเสิร์ฟโฟกัสยิ้มให้บรรดาให้พี่ปีสี่ของบริหารอีกทีก่อนจะขอตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้า ผิวขาวตรงท้ายทอยนี่ดูจะซีดเซียวกว่าทุกครั้งที่เจอทำให้ทุกคนตรงนั้นได้แต่หันหน้ามามองเบสที่นั่งอยู่ริมสุด ต้นแขนยังมีมือของวินที่ที่ยังกอดไว้แน่น เบสก้มลงมองก่อนจะขยับตัวให้หลุดจากการเกาะกุมนั่น
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่แค่รู้สึกไม่ดี
“กลับหอ รอนานเกินไปแล้วนะ”
เสียงที่ดังขึ้นอีกรอบทำให้เด็กบริหารเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนในร้านกาแฟเองต่างหันมามองเป็นจุดเดียวเพราะนานๆ ทีจะเห็นฝาแฝดลูกครึ่งแห่งสถาปัตย์อยู่พร้อมกันทั้งสองคน คนตรงหน้าตาสีเขียวผิวขาวผมสีน้ำตาลทองสะพายกระเป๋าใส่กล้องไว้ที่ไหล่กอดอกมองคนที่นั่งดื่มกาแฟเงียบๆ พอเห็นแฝดพี่ไม่หือไม่อือก็ผลักหัวเบาๆ ก่อนจะดึงข้อมือโฟกัสให้ลุกขึ้น
“หนาวจนสั่นขนาดนี้ยังจะรออีกเหรอ”
“......................................................”
“รู้จักเหนื่อยบ้างนะ”
“..........................................................”
“เห็นแล้..”
“โต้ พอเถอะกลับหอกัน”
โฟกัสวางแก้วกาแฟแล้วลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนแฝดตัวเองที่กำลังมองไปทางด้านหลัง โฟกัสมองไปยังอเมริกาโน่ของร้านพี่กัลป์กลิ่นหอมและรสชาติอร่อยเหมือนเดิม เขาไมได้ชอบ...มันเป็นเครื่องดื่มที่พี่เบสชอบและเขาก็แค่อยากรู้ว่าทำไมพี่เบสถึงได้ชอบดื่มมันนักก็เลยลองสั่งตาม
ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ดื่มกาแฟแท้ๆ
ช่วยแรกเขาฝืนกินเพราะรสชาติที่ไม่คุ้นเคยและขมจนติดลิ้น
จนวันนี้มันกลายเป็นเครื่องดื่มที่เขาต้องดื่มทุกวัน
เขาชินกับรสชาติของมันแต่ก็ลืมไป...ว่าเขาเองไม่ได้ชอบตั้งแต่แรก
เหมือนฝืนดื่มเพื่อใครสักคน
“เพิ่งเคยเจอน้องโฟโต้ใกล้ๆ น่ากลัวกว่าโฟกัสเยอะเลยว่ะสายตาเหมือนอยากกระโดดถีบไอ้เบสให้ตายคาที่”
“มีแต่คนบอกโฟโต้ตรงกันข้ามกับโฟกัสกูเชื่อก็วันนี้”
เสียงพูดคุยของเพื่อนที่ดังขึ้นทำให้เบสขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เคยเจอโฟกัสในเวอร์ชั่นแบบนี้มาก่อน ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกผิดที่ปล่อยให้กัสรอโดยที่ไม่ได้บอก เบสได้แต่ส่ายหน้าไปมาเพราะคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าเด็กลูกครึ่งนั้นก็กลับมาร่าเริงแล้วตามตื้อเขาเหมือนเดิม
: AMERICANO
“พี่เบส!”
นั่นไง... เจ้าเด็กตาสีเขียววิ่งมาหาชนิดสี่คูณร้อยเรียกว่าวิ่งหน้าตั้งมาหาเขาที่โต๊ะมือก็ดึงแขนเสื้อเหมือนกลัวว่าจะเขาจะหนีหายไปไหน ครั้งนี้เบสไม่ได้วิ่งหนีเหมือนทุกครั้งทุกคนในกลุ่มกำลังคุยกันเรื่องเรียนเรื่อยเปื่อยก่อนที่ใครสักคนจะพูดถึงวันเกิดของเบสในวันมะรืนขึ้นมา
“จัดงานป่ะวะ ต้องจัดนะเว้ยปีสุดท้ายแล้วที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”
“ชวนแฟนคลับมึงมาให้หมดเลยเชิญน้องโฟกัสด้วยนะครับแฟนคลับนัมเบอร์วันขนาดนี้”
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของวันเกิดเขาอยากให้มาหรือเปล่า”
“เดี๋ยวให้มันสับรางรถไฟก่อนนะจะได้ไม่ชนกัน”
โฟกัสได้แต่ยิ้มให้เพราะรู้ดีว่าเพื่อนพี่เบสแค่พูดเล่นๆ ส่วนเจ้าของวันเกิดก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่มองตามมือของเจ้าเด็กลูกครึ่งที่ค่อยๆ ละมือจากแขนของเขามาวางบนตักตัวเอง
……..
………………………………………..
วันนี้วันเกิดพี่เบสและฝนกำลังตกอย่างหนัก
อากาศเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยดี เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก
โฟกัสกอดอกยืนมองสายฝนที่กำลังเทลงมาอย่างหนักตอนนี้ตรงหน้ามีกล่องสีน้ำเงินเรียบๆ ที่ข้างในใส่ของอะไรหลายอย่างเอาไว้ มันเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาเตรียมไว้ให้พี่เบส
ตอนแรกตั้งใจจะวาดการ์ดให้พี่เบสเองแต่โฟกัสก็คิดว่าอยากได้แบบแปลกใหม่มากกว่าเลยตั้งใจไปซื้อร้านประจำของโฟโต้ ร้านโปสการ์ดจากรูปถ่ายมีให้เลือกเยอะมาก เดินเลือกจนตาลายไปหมดเห็นว่ามีรูปถ่ายของโฟโต้วางอยู่อีกด้าน มีบางอันที่พี่เจ้าของร้านบอกว่ามีคนจองแล้ว พอตอนจะจ่ายเงินโฟกัสยังแอบหัวเราะกับสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแต่คงไม่ใช่แฟนเพราะหน้าตาดูคล้ายกันมากหมือนพี่น้องมากกว่า สุดท้ายก็เห็นว่าทั้งคู่หยิบโปสการ์ดรูปท้องฟ้ากับทะเลคนละใบ
โฟกัสเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
แต่เจ้าของวันเกิดกลับหายเงียบไปซะเฉยๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่เบสเลยสักนิด เขาไม่ใช่คนที่พี่เบสจะต้องไลน์มาบอกว่าวันนี้พี่จัดงานวันเกิดกัสมาให้ได้นะ ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย กลุ่มพี่ๆ บริหารปีสี่ก็หายเงียบไปทั้งกลุ่มคงกลัวว่าเขาจะไปโผล่กลางงานแล้วทำให้งานกร่อยแน่ๆ แต่โฟกัสก็ยังอยากเจอพี่เบสพร้อมกับบอก Happy Birthday
วันนี้มันเป็นวันของพี่เขา
โฟกัสก็แค่อยากให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข
“วันนี้ไม่ไปร้านพี่กัลป์เหรอวะ กัส”
“ร้านปิดว่ะ เห็นเพื่อนบอกว่าวันนี้มีคนเหมาร้านจนถึงเที่ยงคืน”
เพื่อนในคณะพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าฝนซาแล้วให้รีบกลับบ้านเดี๋ยวฝนก็เทลงมาอีก โฟกัสพยักหน้าก่อนจะยกกล่องสีน้ำเงินขึ้นมากอดไว้ ตลอดทางกลับบ้านเอาแต่กดโทรออกเบอร์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่มันก็เหมือนเดิมติดแต่ไม่มีคนรับสายไม่รู้ว่าพี่เบสไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าหรือ
จงใจไม่รับโทรศัพท์เขากันแน่
เดินอยู่หน้ามหา’ลัยดีๆ เม็ดฝนก็หล่นลงมาตรงแก้มและท่าทางคงจะตกหนักเพราะเสียงฟ้าร้อง โฟกัสก้มลงมองกล่องของขวัญที่กอดอยู่ก่อนจะร้องเฮ้ย!ออกมาดังลั่นเพราะกลัวว่าของขวัญที่ถือไว้จะเปียก เพราะคิดอยู่เรื่องเดียวสายตาเลยมองไปยังร้านกาแฟของพี่กัลป์ที่อยู่ไม่ไกล เอาเถอะ..ไปขอหลบฝนหน่อยเขาจัดงานอะไรอยู่คงไม่ว่าหรอกมั้ง
มันช่วยไม่ได้จริงๆ
โฟกัสกอดกล่องของขวัญไว้แนบอกก่อนจะวิ่งไปที่ร้านกาแฟพอถึงหน้าร้านก็รีบผลักประตูเข้าไปเมื่อฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น
“พี่กัลป์ ผมขอหลบฝน….”
ทุกคนในร้านหยุดนิ่งเมื่อเห็นใครเปิดประตูเข้ามา ขนาดกัลป์ที่เพิ่งเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ยังหยุดชะงัก โฟกัสไม่ได้ก้าวขาเข้ามาในร้านอย่างที่ตั้งใจมันหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ภาพตรงหน้าทำให้โฟกัสก้าวขาไม่ออก
พี่เบส..
โฟกัสพอจะเข้าใจแล้วว่าที่ร้านพี่กัลป์ปิดเพราะมีงานเลี้ยง
ไม่ได้โกรธพี่เบสเลยนะที่ไม่ได้ชวนหรือแม้แต่ส่งข้อความมาบอก มันก็เป็นสิทธิ์ของพี่เขา
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกอยากร้องไห้ในตอนนี้คือ …
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่เบส คือ วิน ลีดหน้าตี๋คนนั้นที่โฟกัสเคยเจอมาแล้ว
ตรงหน้าพี่เบสมีเค้กที่กำลังจะเป่าแถมวินก็ยังถือโทรศัพท์เตรียมพร้อมถ่าย
“โฟกัส…”
ส่วนเกิน..
คนไม่สำคัญ
“ขอโทษครับผมแค่จะเข้ามาหลบฝน…ขอโทษด้วยครับ”
โฟกัสค่อย ๆ ถอยหลังออกจากร้านก่อนจะเปิดประตูร้านแล้ววิ่งออกไปทั้งๆ ที่ฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทาง ทุกคนในร้านเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรออกมาเบสคือคนแรกที่ได้สติแล้ววิ่งออกมาตรงประตูหน้าร้าน
เขาไม่รู้ว่าโฟกัสวิ่งไปทางไหนเพราะเขาไม่เห็นน้องแล้วและฝนก็ตกหนักมากด้วย กำลังจะก้าวขารู้สึกว่ามีบางอย่างตกอยู่ที่พื้นพอก้มลงมองก็เห็นว่ามีกล่องสีน้ำเงินตกอยู่ ฝากล่องที่เปิดออกทำให้เห็นขวดน้ำหอม นอกจากนั้นยังมีสมุดหนาๆ เล่มนึงที่อยู่ในกล่อง เบสก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ การ์ดสีขาวที่อยู่ในกล่องมีลายมือที่เขียนไว้ให้เห็นเด่นชัด เป็นครั้งแรกที่เบสรู้สึกว่าหัวใจเขามันถึงเจ็บขนาดนี้
Happy Birthday
FOCUS
ว่างเปล่า
ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ยังไง
โฟกัสเดินตากฝนมาตั้งแต่ร้านกาแฟ มันนานเท่าไหร่แล้วนะเขาชอบพี่เบสมานานเท่าไหร่แล้ว ชอบทั้งๆ ที่พี่เบสก็บอกตั้งแต่แรกแล้วนะว่าไม่ชอบลูกครึ่ง สเป็คพี่เบสคือคนตี๋ๆ ตาตี่ๆมองแล้วน่ารักกว่าแต่เขาก็พยายามมองข้ามเรื่องนั้นมาโดยตลอดแต่..
ท่าทางครั้งนี้
มันอาจจะถึงเวลาสักที
โฟกัสหยุดเดินแล้วยิ้มออกมาเมื่อถึงหน้าหอตัวเอง เจ้าแฝดหน้าตายโฟโต้ยืนกางร่มเหมือนรอเขาอยู่ เขาว่ากันว่าฝาแฝดอาจจะมีเซนส์อะไรสักอย่างที่สื่อถึงกัน โฟกัสเดินมาหาโฟโต้ที่พอเห็นเขาเปียกฝนจนตัวเปียกชุ่มก็เอียงร่มมาบังให้จนหลังตัวเองเปียกฝนแทน
“เหนื่อยมากเลยอ่ะโต้เราไม่ไหวแล้วว่ะ”
โฟกัสเดินไปเข้าไปซบหน้าลงกับไหล่ฝาแฝดตัวเองปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ร่มในมือถูกปล่อยให้ร่วงลงพื้นก่อนที่โฟโต้จะยกมือขึ้นมากอดโฟกัสไว้แน่นๆ ใครๆ ก็บอกว่าโฟโต้เป็นเจ้าชายน้ำแข็ง เย็นชาจนไม่อยากเข้าใกล้แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด
อบอุ่นขนาดนี้จะเป็นเจ้าชายน้ำแข็งได้ยังไง
americano
ป่วยหนัก
ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ ไม่มีเสียง หายใจไม่ออก
“ดีนะวันนี้วันเสาร์พอดี อ่อนแอจังเลยวะ”
คนที่ไม่มีเสียงจะพูดได้แต่จ้องเขม็งไปยังฝาแฝดตัวเองที่ตอนนี้กำลังแปะแผ่นลดไข้ลงบนหน้าผากเหม่งๆ มีการย้ำด้วยฝ่ามือจนหัวสั่นหัวคลอน พอเห็นผมข้างหน้าตกลงมาปรกหน้าก็จับมามัดจุกเป็นน้ำพุ โฟกัสตอนป่วยหน้าตาดูน่าสงสารมากๆ ผิวที่ขาวอยู่แล้วตอนที่ซีดเหมือนกระดาษน้ำตาก็คลออยู่ตลอดเวลา
“นอน กูจะออกไปถ่ายรูปแล้วไอ้เบียร์รออยู่”
“โต้..แอ้วอูอะอู่อังไอ”
“นอนไง”
ฝาแฝดหน้าตายจับยัดยาอมแก้เจ็บคอใส่ปากก่อนที่โฟกัสจะพูดจบแถมยังกำชับว่าห้ามพูดห้ามใช้เสียงก่อนจะเดินไปหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมาเช็ค รูปถ่ายที่ร่วงลงมาจากโต๊ะเขียนหนังสือทำให้โฟโต้ก้มลงไปหยิบขึ้นมาดูแล้วมองไปยังโฟกัสที่ตอนนี้ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์ทั้งๆ ที่บอกให้นอนพักแล้วแท้ ๆ โฟโต้เปิดลิ้นชักแล้ววางรูปลงไป
ถ้าเขามีความกล้าสักครึ่งนึงของโฟกัสก็คงจะดี
นอนไม่หลับ
ขนาดกินยาไปแล้วก็ไม่ง่วง ทุกอย่างเหมือนเดิม เงียบสนิท ไม่มีการติดต่อจากพี่เบส
โฟกัสถอนหายใจเมื่อเผลอนึกถึงพี่เบสอีกแล้วเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นหน้าห้องทำให้โฟกัสหันไปมอง ใครมาหาเขากัน? ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีใครมาหาเขาที่หอหรือว่าเป็นเพื่อนโฟโต้ พอคิดได้อย่างนั้นโฟกัสก็เดินโซซัดโซเซไปที่หน้าประตูพอเสียงเคาะดังขึ้นอีกรอบก็เลยรีบเปิด
คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้
พี่เบส
แก้วกาแฟสองแก้วที่มีตราของร้านพี่กัลป์วางไว้ตรงพื้นระเบียงด้านนอก
โฟกัสได้แต่นั่งกอดเข่าไม่มีเสียงพูดคุยมีเพียงความเงียบเท่านั้น
“ไม่สบายหนักเหรอ”
“ก็แค่ไข้หวัดนิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“โฟกัส เรื่องเมื่…”
“ผมขอโทษครับ”
“……………………………………………………”
“ทั้งเรื่องที่เปิดประตูเข้าไปแล้วก็ทุกเรื่องที่ผ่านมา ผมคงทำให้พี่รำคาญมากแน่ๆ พอมาคิดดูแล้วผมทำอะไรแย่ๆ กับพี่ไปตั้งเยอะ ผมเป็นเด็กไม่ดี เอาแต่ใจ เอาแต่ตามตื้อพี่”
“……………………………………………………”
“ทั้งๆ ที่พี่ก็บอกผมตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไม่ใช่สเป็คและพี่ก็ไม่มีวันที่พี่จะชอบผมบางทีเรื่องเมื่อวานก็ทำให้ผมรู้ตัวว่าต่อจากนี้ผมควรทำตัวแบบไหน”
“……………………………………………………”
“ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะครับและก็…ตั้งแต่วันนี้ผมคงไม่ไปยุ่งกับชีวิตพี่ให้พี่รำคาญอีกแล้วผมขอโทษอีกครั้งครับ”
“……………………………………………………”
ตัวชาเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
เบสยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อน้องถึงกับยกมือขึ้นมาไหว้เหมือนทำความผิดร้ายแรง โฟกัสไม่ได้ร้องไห้แต่ก็ดูรู้ว่าฝืนตัวเองมากแค่ไหนแถมน้ำเสียงที่แหบแห้งจนดูน่าสงสาร มันจุกจนพูดอะไรไม่ออกเบสไม่ได้คิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้เขาตั้งใจจะมาขอโทษน้องที่ไม่ได้บอกเรื่องวันเกิด ตามที่เขาคิดโฟกัสก็คงเข้าใจเขาเจอหน้าก็ยิ้มแฉ่งให้เหมือนทุกวัน
ดวงตาสีเขียวว่างเปล่าจนน่าใจหายมันไม่ได้สะท้อนภาพเขาเหมือนที่ผ่านมา
แก้วกาแฟที่วางอยู่ถูกดันกลับคืนมาเหมือนกับว่าโฟกัสไม่ได้ต้องการมันอีก
“อเมริกาโน่นี่พี่เบสเอากลับไปเถอะครับ ผมคงไม่ดื่มแล้ว”
americano
“เบส”
“………………………”
“เบส”
“………………………”
“ไอ้เบสโว้ยยยยยยยยย”
“อะไรวะ”
“กูเรียกมึงสามสี่รอบแล้วไม่ได้ยินเหรองไง ฝ่ายเสื้อผ้าอีเจ๊ปลามาตามมึงให้ไปแก้ชุดต้องเอาเข้าฝากถามมึงด้วยผอมลงขนาดนี้ตรอมใจอกหักเมียทิ้งหรือไง”
“เออ เดี๋ยวกูไป”
“กูถามเรื่องน้องโฟกัสได้ไหมวะ”
“เรื่องอะไร”
“อยู่ดีๆ น้องเขาก็หายไปแล้วมึงก็มีอาการแบบนี้ ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนสนิทมึงมาสี่ปีกูไม่เคยเห็นมึงเซื่องซึมขนาดนี้มาก่อนขนาดตอนเรื่องกรีนมึงยังโอเคกว่าตอนนี้เลยกูถามจริงๆ นะ มึงชอบโฟกัสแล้วใช่ไหม”
“กูก็ไม่รู้จะบอกมึงยังไง กูเคยคิดว่าถ้าวันนึงโฟกัสเลิกยุ่งกับกูก็คงจะดีแต่มาถึงวันนี้….”
“แล้วตอนนี้มึงรู้สึกยังไงวะ”
“…………………………………………………..”
ปอนด์เห็นเพื่อนยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นเลยตบไหล่เพื่อนตัวเองเบาๆ พร้อมกับบอกให้ไปแก้ชุดก่อนที่เจ๊ปลาจะแดกหัวเอา เบสพยักหน้าแล้วมองไปยังแก้วกาแฟอเมริกาโน่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ โฟกัสหายไป ไม่มาหาที่คณะ ไม่ไปที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ ไม่ไลน์มาหา ไม่ติดต่อ เหมือนอยู่ดีๆ ก็หายไปจากโลกซะเฉยๆ
“แล้วมึงรู้สึกยังไงวะตอนนี้”
คิดถึง
บอกได้คำเดียวว่า คิดถึง เป็นคำเดียวที่เขาคิดออกตอนนี้
งานมหา’ลัยวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะเชียร์ลีดเดอร์ของคณะบริหาร เบสบูมคณะก่อนที่คณะกรรมการจะประกาศให้บริหารเป็นฝ่ายได้ถ้วยรางวัลเบสไม่ได้สนใจรางวัลอะไรนี่เท่าไหร่เขาแค่คิดว่าแสดงให้เต็มที่ก็พอ พอมองไปที่คณะสถาปัตย์ก็ไม่เห็นโฟกัสจะอยู่แถวนั้นเห็นแต่โฟโต้ฝาแฝดที่เดินถ่ายรูปอยู่
เบสยอมรับว่ารู้สึกไม่ชินเลยทุกครั้งที่คณะมีงานและเขาต้องแสดงลีด โฟกัสจะมานั่งดูพร้อมกับขวดน้ำเย็นเจี๊ยบเตรียมพร้อมไม่พลาดสักงาน จังหวะที่กำลังหมุนตัวกลับสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ไกลๆ จากสนาม ตัวเล็กๆ นั่นพยายามชะเง้อมองหาใครสักคนอยู่
โฟกัส..
ทันทีที่สายตานั่นมองมาที่เขาน้องก็สะดุ้งเหมือนโดนจับได้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้เบสตั้งใจจะเดินเข้าไปหาแต่โฟกัสกลับหันหลังแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้น เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมคณะที่ตะโกนเรียกให้เข้าไปถ่ายรูปเบสเลยต้องเดินกลับไปที่สแตนด์ของคณะ
เกือบไปแล้ว…
ไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่เบสเห็นเลยก็แค่อยากเห็นหน้า ดีนะที่พี่เขาไม่ได้วิ่งตามมาด่า โฟกัสเดินไปใต้ตึกของคณะบริหารตรงกำแพงมีบอร์ดให้เขียนข้อความถึงพี่ลีดปีสี่ที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนี้ โฟกัสหยุดอยู่ตรงหน้าบอร์ดที่มีรูปแปะไว้ตรงกลาง
บัญญวัต อชิระวรกุล (เบส)
เด็กสถาปัตย์มองซ้ายมองขวา
ก่อนจะหยิบโพสท์อิทออกมาเขียนแล้วติดลงบนบอร์ดนั่น
ยินดีด้วยนะครับสำหรับรางวัลวันนี้
เป็นแค่ข้อความสั้นๆ เหมือนที่ทุกคนเขียนไม่มีคำพูดสวยหรู
ไม่มีถ้อยคำพิเศษและไม่มีการลงชื่อ
ก็ทำได้เท่านี้
................................
........................................................
-
............................
........................................................
AMERICANO
“มึงเป็นไรวะเบสทำท่ายังกะต้นไม้ตายมาหลายวันแล้ว”
เบสส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนว่าอะไรเหมือนกันนี่ก็มานั่งร้านกาแฟพี่กัลป์คนเดียวมาเป็นอาทิตย์เขาคิดว่าน่าจะได้เจอโฟกัสที่นี่บ้างแต่ไม่เลย…นั่งมันตั้งแต่เช้าจนถึงหกโมงเย็นก็ไม่เคยได้เจอ อย่างวันนี้ขนาดเจ้าของร้านอย่างพี่กัลป์ยังถามว่าทำไมเขาถึงมานั่งที่ร้านคนเดียวทุกวันตัดสินใจอยู่นานว่าถามเรื่องโฟกัสดีไหมแรกๆ ก็ฟอร์มจัดแต่พอนานเข้ามันก็เริ่มทนไม่ไหว
“พี่กัลป์รู้จักน้องที่อยู่สถาปัตย์ไหมที่เป็นลูกครึ่งมีฝาแฝด”
“โฟกัส? หรือ โฟโต้?”
“กัส....”
“ถามไมวะ เมื่อก่อนเห็นเอาแต่หนีน้องเขา”
“รู้ด้วยเหรอพี่”
“พี่อยู่หลังเคาน์เตอร์ตรงนี้มันก็ทำให้พี่มองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้าน ไม่เชื่อวันนี้เราลองมาอยู่จนถึงสามทุ่ม”
“ทำไมต้องสามทุ่ม?”
“เอาน่าเดี๋ยวให้เป็นเจ้าของร้านวันนึง”
สรุปวันนี้พี่กัลป์ก็ให้เขาลองเป็นเจ้าของร้าน บอกตามตรงว่าไม่เคยรู้เลยการเป็นเจ้าของร้านยืนกอดอกเท่ๆ จะเหนื่อยมากขนาดนี้ด้านหลังเคาน์เตอร์มีคนเรียกพี่กัลป์ทุกๆ ห้านาที
น้ำไม่ร้อน
กาแฟหมด
นมข้นไม่พอ
นมสดไม่มี
เครื่องชงกาแฟเสีย
ปัญหาอีกประมาณล้านแปดที่พี่กัลป์ต้องเป็นคนจัดการทั้งหมด
โห...ซุปเปอร์ฮีโร่ยิ่งกว่าเอ็กซ์เมน
“เป็นไง อยากเปิดร้านกาแฟไหม”
“เหนื่อยกว่าที่คิดนี่พี่ไม่หัวหมุนบ้างเหรอเป็นผมนี่เป็นลมแล้วเฮ้ย!”
เบสร้องอย่างตกใจอยู่ดีๆ พี่กัลป์ก็บอกให้เขานั่งลงตรงพื้นเอามือมากดหัวให้มุดไปอยู่ข้างใต้เคาน์เตอร์แถมยังบอกว่าอย่าส่งเสียงอะไรอีก เบสรู้สึกงง ๆ กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังขึ้น
“วันนี้มาเร็วจังนะโฟกัสยังไม่สามทุ่มเลย”
โฟกัส...
“ผมเขียนแบบไม่ค่อยออกเลยว่าจะมาซื้อกาแฟสักหน่อย”
“กินกาแฟเวลาแบบนี้ทุกวันนี่นอนหลับได้ไงกัน อเมริกาโน่ด้วยนะ”
“ผมชินแล้วล่ะถ้าไม่ได้ดื่มนะหลับแน่นอน”
“เดี๋ยวนี้ทำงานหนักไปไหมผอมจะแย่อยู่แล้ว”
“ก็อยู่ว่างๆ แล้วมันจะฟุ้งซ่าน พี่กัลป์ก็รู้ว่าที่ผ่านมาผมเอาแต่..”
“ตามจีบเบสบริหาร”
คนที่นั่งอยู่ตรงพื้นด้านล่างรู้สึว่าพี่กัลป์พยายามจะบอกให้โฟกัสพูดอะไรบางอย่าง
ถึงได้ส่งสัญญาณให้เขาตั้งใจฟัง
“พี่กัลป์ว่าพี่เบสจะรำคาญผมมากไหมผมตามตื้อเกาะพี่เขาเป็นปลิงเลย”
“แล้วตอนนี้โฟกัสไม่จีบเบสแล้วเหรอพี่ไม่เห็นเรามาหาเบสเลยจะเลิกชอบเแล้วสินะ”
เบสไม่เคยรู้ว่าเขากลัวคำพูดของโฟกัสมากขนาดนี้ทั้งๆ ที่เขาเคยอยากให้น้องมองเขาเป็นแค่พี่ชายคนนึงมาโดยตลอด แต่ถ้าตอนนี้โฟกัสตอบออกมาว่าไม่ได้ชอบเขาแล้วหรือพยายามที่จะตัดใจจากเขาอยู่เขาจะทำยังไง ความรู้สึกกลัวมันตีตื้นขึ้นมาจนเผลอกำมือแน่น
“ผมชอบพี่เบส ชอบจนมันกลายเป็นความรักไปแล้วผมตัดใจจากพี่เขาไม่ได้หรอกครับ ก็คงชอบต่อไปเรื่อยๆ จะทำยังไงได้ผมรักของผมไปแล้ว”
ปึก!
“โอ๊ย!”
เสียงกระแทกที่ดังขึ้นมาทำให้โฟกัสจะชะโงกมาดูแต่กัลป์รีบบอกว่าไม่มีอะไรของใต้เคาน์เตอร์อาจจะหล่นลงมา ดีที่เจ้าแฝดลูกครึ่งไม่ได้สนใจอะไรมากรับกาแฟจากพนักงานแล้วเดินออกไปจากร้าน พอพ้นหลังไปแล้วกัลป์ย่อตัวลงมาคุยกับคนที่เอามือจับศีรษะตัวเองอยู่จากเสียงที่ได้ยินก็น่าจะกระแทกแรงอยู่เหมือนกันแต่ใบหน้าของเบสก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไรยิ้มอยู่ด้วยซ้ำ
“ไง”
“พี่กัลป์นี่ร้ายเหมือนกันนะเนี่ยแต่ก็ขอบคุณพี่มากว่ะ รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ”
“จากนี้ก็เรื่องของเราละพี่ช่วยได้เท่านี้”
กัลป์ดึงมือเบสให้ลุกขึ้นมายืนดีๆ ก่อนจะยื่นแก้วกาแฟอเมริกาโน่หอมฉุยมาให้
รสชาติกาแฟที่คุ้นเคยทำให้เบสยิ้มออกมาก่อนจะนึกถึงคำพูดที่ได้ยินจากโฟกัส
ทำยังไงได้ผมรักของผมไปแล้ว
americano
“ถามให้กูหน่อยพรุ่งนี้สถาปัตย์ปีสองเรียนอะไรบ้าง เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงสามมื้อเลยไปถามจากรุ่นน้องมึงมาให้กูเดี๋ยวนี้”
“..........................................................................”
“ เออ..ถามมากจริงเว้ยไปง้อเด็กแฝดอ่ะ เออโว้ยโฟกัสไงกูบอกหมดแล้วมึงไปสืบมาให้กูเลยว่าตอนเย็นโฟกัสอยู่ที่ไหน ”
“..........................................................................”
เบสวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือเสียงของหล่นทำให้ก้มลงมองไปที่พื้นก็เห็นว่ามีสมุดเล่มนึงตกอยู่ มันเป็นสมุดที่อยู่ในกล่องของขวัญวันเกิดของโฟกัสตอนแรกนึกว่าเป็นสมุดโน๊ตเปล่าๆ ธรรมดาไม่ได้มีอะไรเขียนไว้
แต่มันไม่ใช่..
เบสเพิ่งเห็นว่ามันเป็นเหมือนรูปวาดเลยเลือกที่จะหยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมาแล้วเดินมาที่เตียง เบสพอรู้ว่าโฟกัสวาดรูปเก่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเก่งถึงขนาดที่จะวาดเป็นการ์ตูนได้ หน้าแรกของสมุดโน๊ตเป็นรูปเด็กผู้ชายตาโตนั่งอยู่ในร้านกาแฟของพี่กัลป์ บนโต๊ะมีแก้วกาแฟตั้งอยู่แต่ตัวการ์ตูนเด็กผู้ชายกลับมีเครื่องหมายคำถามอยู่บนศีรษะแถมรูปต่อมายังเป็นรูปเด็กผู้ชายหันซ้ายหันขวาทำท่าทาง งงๆ
สองสามหน้าแรกๆ เบสไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับอะไรเพราะโฟกัสไม่ได้เขียนคำพูดหรือตัวอักษรอะไรไว้เลย แต่พอหลังจากนั้นสองสามหน้าเบสก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องระหว่างเขากับโฟกัส ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เหตุการณ์ หรือสิ่งของ โฟกัสถ่ายทอดออกมาเป็นรูปภาพ เบสยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่ามีรูปที่เขานอนหลับตรงโต๊ะใต้ตึกบริหาร
เด็กนี่วาดเขาซะหล่อเวอร์เหมือนพระเอกการ์ตูน
ทั้งๆ ที่เวลาเขานอนหลับหน้าตาเขาน่าเกลียดจะตาย
เบสยังจำวันแรกที่เจอโฟกัสได้ ก็เจอที่ร้านกาแฟพี่กัลป์เจ้าเด็กนี่ถือแก้วกาแฟอเมริกาโน่มานั่งที่โต๊ะข้างๆ วันต่อมาจากโต๊ะข้างๆ ก็กระเถิบมานั่งโต๊ะเดียวกัน พอถัดมาอีกวันก็ชวนเขาคุยดูก็รู้ว่าคงอยากรู้จักเขาง่ายๆ ก็เข้ามาจีบนั่นแหละเจ้าเด็กลูกครึ่งตื่นเต้นใหญ่ตอนที่เขาคุยด้วยครั้งแรก
หน้าสุดท้าย...
เป็นรูปกล่องของขวัญที่ตอนนี้มันตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเบส
เป็นหน้าเดียวที่มีข้อความเขียนไว้
HAPPY BIRTHDAY
และหน้าต่อไปเป็นกระดาษเปล่าจนจบเล่ม
ไม่รู้ว่าน้องตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นหรือหลังจากวันเกิดของเขา น้องจะกลับมาวาดอีก
แต่ความรู้สึกเบสในตอนนี้เขาอยากให้น้องวาดรูปเรื่องของเราต่อไปเรื่อยๆ
เบสปิดสมุดโน้ตในมือแล้วยิ้มออกมา สงสัยต้องเริ่มปฏิบัติการง้อเด็กให้เร็วที่สุดแล้ว
เพิ่งเคยมาคณะสถาปัตย์ครั้งแรก
เวลามาคณะอื่นที่ไม่ใช่คณะตัวเองก็รู้สึกแปลกมากอยู่แล้วแถมวันนี้มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่มันเลยรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม จะเดินจะเลี้ยวไปทางไหนก็เหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลา เบสเดินขึ้นไปชั้นสองที่เป็นห้องทำงานของชั้นปีสอง เพราะว่าเย็นมากแล้วเลยไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่พอลองชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องก็เห็นโฟกัสที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเขียนแบบ เพื่อนในห้องสองสามคนเก็บของลงกระเป๋าแล้วโบกมือลาโฟกัส
เบสยืนชิดติดกำแพงเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นว่าเขามาทำท่าทางแปลกๆ พอลองชะโงกหน้าเข้าไปห้องอีกครั้งก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่เหลือโฟกัสแค่คนเดียว เลยหลับตาเรียกกำลังใจแต่พอลืมตาขึ้นมาก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าใครมายืนอยู่ตรงหน้า
โฟโต้..
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่มาทำอะไรแต่ถ้าทำกัสร้องไห้อีกผมไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”
“พี่ไม่ได้มาทำให้แฝดเราร้องไห้รับประกันได้เลย”
“แล้วผมจะคอยดู”
โฟโต้ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากเดินเลี้ยวไปอีกทางเบสมองตามหลังเด็กที่มีฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็ง เพราะบุคลิกที่ดูนิ่งๆ และเย็นชาต่างจากโฟกัสโดยสิ้นเชิงทำให้ใครๆ มอบฉายานี้ให้แต่ดูจากวันนี้ก็ดูน่ารักดีก็แค่ไม่ค่อยยิ้มเท่านั้น
แต่ก็รู้สึกเย็นๆ นิดนึง -*-
“เฮ้ย ใครอ่ะมาอยู่เป็นเพื่อนหน่อยดิวันนี้ทำไมใครๆ ก็กลับเร็ววะเงียบจนผีจะออกมาหลอกกูแล้วเนี่ย”
เพราะเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นโฟกัสเลยเอ่ยทักโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากงานที่ทำเลยสักนิด เบสหยุดชะงักไปเพียงนิดนึงก่อนจะเดินมาตรงหน้าโต๊ะเขียนแบบตัวใหญ่พร้อมกับวางแก้วกาแฟอเมริกาโน่หอมฉุยไว้ที่โต๊ะข้างๆ คนที่ก้มหน้าก้มตาได้กลิ่นกาแฟที่คุ้นเคยเลยเงยหน้าขึ้นมามอง
พี่เบส..
พี่ปี่สี่จากบริหารลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ทั้งๆ ที่เตรียมคำพูดมาเยอะมากแต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ โฟกัสเองก็หยุดวาดแบบแปลนตรงหน้าแล้วนั่งหมุนดินสอในมือไปมาคล้ายกับว่าทำอะไรไม่ถูก พอต่างคนต่างเงียบโฟกัสเลยเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
“พี่เบส..มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะเดือนกว่าแล้วมั้ง”
“ก็….ครับ”
“เราไม่คิดถึงพี่เลยเหรอ โฟกัส”
“……………………………………………………………”
โฟกัสหยุดหมุนดินสอในมือแล้วหันมามองตรงๆ สายตาของพี่เบสไม่ได้ฉายแววล้อเล่นเลยสักนิด พอเห็นน้องเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้นเลยขยับตัวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมโฟกัสเป็นคนหน้าตาน่ารักใครๆ ก็บอกจริงๆ นี่เขาไม่เคยปฏิเสธเลยนะแต่อาจเป็นเพราะอคติหรือความคิดตอนนั้นมันต่อต้านถึงได้เอาแต่บอกน้องว่าไม่ชอบลูกครึ่ง
“เรื่องวันเกิดพี่ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เราเสียใจนะงานวันเกิดเพื่อนเป็นคนจัดให้ตัวพี่เองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เลิกเรียกแก้โปรเจคจบก็ดึกมากคิดด้วยซ้ำว่าเป็นวันเกิดที่โคตรเฮงซวยเพราะวันทั้งวันยังไม่ได้ทำอะไรก็หมดวันแล้ว อยู่ดีๆ ก็โดนลากมาที่ร้านพี่กัลป์อย่าง งงๆ มาถึงก็ตัดเค้กไม่มีเวลาโทรไปบอกใครที่ไหนเลย”
“……………………………………………………………”
“ส่วนเรื่องวิน เพราะเขาเป็นน้องในคณะแถมยังสนิทกับกลุ่มลีดเขาก็มาด้วย พี่ไม่ได้ชอบเขา พี่เองก็เห็นเขาเป็นน้องคนนึง ไม่ได้พิเศษไปกว่าใครเลย ตอนที่เราวิ่งออกไปพี่ก็ตามเราไปนะแต่ก็หาไม่เจอวันนั้นพี่ทำให้เราเสียใจมากใช่ไหม”
“……………………………………………………………”
“มากจนเราไม่ชอบพี่แล้วใช่ไหม”
“ผมไม่เคยคิดจะเลิกชอบพี่เลย ต่อให้พี่ทำผมเสียใจมากขนาดไหนผมก็ยังจะชอบพี่อยู่แต่ผมก็รู้ตัวเหมือนกันว่าที่ผมเอาแต่ตามตื้อพี่มาตลอดมันก็ไม่ดีเหมือนกัน”
เบสรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยนี่เขาก็กลัวว่าโฟกัสจะไม่ฟังที่เขาพูด
กลัวว่าน้องจะบอกให้เขากลับไปแล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก
“พี่ยอมรับว่าเมื่อก่อนพี่ไม่คิดจะชอบเราเลย…ฟังพี่ก่อน”
“………………………………………………………………………”
“หลังจากเรื่องกรีนพี่ก็ไม่ได้สนใจใครที่ไหนอีก จริงๆ พี่ก็อาจจะแค่ปลื้มๆ น้องเขาก็ได้ ตอนที่รู้เรื่องเมษพี่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมาย ไม่เท่ากับที่เป็นอยู่ตอนนี้”
“………………………………………………………………………”
“วันนั้นที่เราพูดกับพี่ที่หอ พี่คิดว่านี่คือสิ่งที่พี่รอมาตลอดแต่มันไม่ใช่…ช่วงที่เราหายไปพี่เหมือนคนไม่มีสติเลยตอนแรกแค่คิดว่าพี่อาจจะไม่ชินเฉยๆ เพราะเห็นหน้ามาเราทุกวัน แต่พอนานเข้าความรู้สึกของพี่ก็ชัดเจนมากขึ้น”
“……………………………………………………………”
“มันไม่ใช่แค่ไม่ชิน พี่ทั้งคิดถึง ทั้งเป็นห่วง อยากเจอหน้า อยากกอด อยากพูดอะไรกับเราตั้งมากมาย นั่นคือเหตุผลที่วันนี้พี่มานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะพี่รอไม่ได้ มันนานเกินไปแล้ว”
“พี่บอกว่าพี่คิดถึงผม”
“ใช่”
“เป็นห่วง”
“ก็ใช่นะ”
“อยากเจอหน้า”
“อาฮะ”
“อยากกอดด้วย”
เบสไม่ได้ตอบรับคำพูดของโฟกัสเพียงแค่กางแขนออกทั้งสองข้างแต่ท่าทางจะยังคงช็อคอยู่เลยนั่งนิ่งเป็นหุ่นมีแค่ตาที่กะพริบปริบๆ พอเห็นท่าทางแบบนั้นเบสเลยเป็นฝ่ายรั้งน้องเข้ามากอดไว้เองคนโดนกอดตัวแข็งทื่อจนเบสนึกขำเลยยกมือขึ้นมาลูบหลังเบาๆ เบสกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเมื่อโฟกัสยกมือขึ้นมากอดเขาตอบแล้วซบหน้าลงตรงอกเสื้อนักศึกษา
“เหมือนฝันเลย ผมคิดว่าต่อให้พี่เรียนจบไปแล้วผมก็ยังคงจะเป็นแค่คนที่ชอบพี่ข้างเดียวต่อไปเรื่อยๆ”
โฟกัสผละตัวออกมาแล้วลองตบแก้มตัวเองเหมือนเรียกสติ เบสเลยยกมือขึ้นมาจัดผมให้เข้าที่เข้าทางโฟกัสถามว่าผมต้องเริ่มจีบพี่ใหม่รึเปล่าจะได้เตรียมตัวแน่นอนว่าเขาเองหัวเราะดังลั่นขยี้ผมน้องจนยุ่งเหยิง
“เราคุยกันแบบนี้ไปก่อนก็ได้สาบานว่าพี่จะไม่คุยกับใครที่ไหนอีก ถ้าวันไหนอยากเป็นแฟนพี่เบสลีดบริหารปีสี่ก็บอกมาเลย แต่เร็วหน่อยก็ดีเดี๋ยวปีหน้ารับปริญญาจะได้แนะนำตัวกับพ่อแม่ถูก อีกอย่างพี่หล่อมากขนาดนี้คนให้ของรับปริญญาเยอะแน่ๆ ต้องการแฟนช่วยถือของด้วย”
แล้วโฟกัสก็ช็อคไปอีกรอบคราวนี้มีการเอามือจับที่หัวใจตัวเองพร้อมกับบอกว่าหัวใจเต้นเร็วแบบไม่เคยเป็นมาก่อนท่าทางตลกๆ ของโฟกัสทำให้เบสต้องคว้าตัวมากอดอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ทำให้คนที่อยู่ตรงประตูหน้าห้องถอยหลังมายืนพิงกำแพงแล้วยิ้มออกมา
โฟโต้ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไป
ก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว
americano
“รับอะไรดีครับ”
“อเมริกาโน่สองแก้วครับ”
กัลป์เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นว่าเป็นลีดบริหารคนดังข้างๆ มีเด็กสถาปัตย์ลูกครึ่งยืนยิ้มแฉ่งกัลป์หัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่ามือทั้งสองคนจับกันไว้แน่นคงจะรักกันแล้วถึงได้มาด้วยกันแบบนี้ เบสเลยให้โฟกัสไปจองโต๊ะก่อน ที่เบสจะเอ่ยขอบคุณพี่กัลป์ที่เคยช่วยเมื่อวันนั้นกัลป์ก็แค่ตบไหล่เบาๆ คล้ายจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย
“อยากรู้มานานแล้วว่าหน้าแรกของสมุดนื่คืออะไร”
เบสยกกาแฟมาวางบนโต๊ะแล้วหยิบสมุดโน้ตที่โฟกัสให้ไว้ตอนวันเกิดมาวางไว้บนโต๊ะ โฟกัสเลยหยิบมาเปิดหน้าแรกภาพตัวการ์ตูนที่เห็นทำให้หัวเราะออกมาก่อนจะบอก
“วันแรกที่ผมเจอพี่ที่ร้านกาแฟพี่กัลป์”
Flash back
“โต้ เราอยู่ที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ถ่ายรูปเสร็จโทรมาแล้วกัน”
โฟกัสกดวางโทรศัพท์แล้วสั่งเครื่องดื่มตรงเคาน์เตอร์ พนักงานแจ้งว่าเดี๋ยวจะเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมขนมให้ที่โต๊ะเลยหอบของพะรุงพะรังมานั่งที่โต๊ะทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดเทอมปีสองวันแรกแต่งานที่ต้องทำยาวไปถึงสามปีข้างหน้าแล้ว แค่เพียงไม่นานพนักงานก็ยกเครื่องดื่มมาให้ กัสเงยหน้าขึ้นมามองถาดที่วางอยู่ขนมที่เขาสั่งน่ะใช่แต่เครื่องดื่มน่ะผิด
“พี่ครับ ผมไม่ได้สั่งอเมริกาโน่”
“อ้อ ขอโทษด้วยนะคะของโต๊ะนู้นเดี๋ยวพี่เอาเครื่องดื่มของน้องมาให้ใหม่”
โฟกัสหันไปมองโต๊ะข้างหลังตามที่พนักงานบอก กลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่กำลังนั่งเหมือนประชุมอะไรกันอยู่มือไม้ขยับไปมาคงจะเป็นกลุ่มลีด เด็กสถาปัตย์เห็นว่าพี่คนเสิร์ฟเอาแก้วกาแฟอเมริกาโน่วางตรงหน้านักศึกษาคนนึงที่ขยับตัวออกมารับแก้วพอดื่มกาแฟอเมริกาโน่ก็ยิ้มออกมาทั้งๆ ที่รสชาติของอเมริกาโน่น่าจะขมฝาดลิ้นมากกว่า
ไม่รู้ว่าทำไมโฟกัสที่มองอยู่ถึงยิ้มตาม
แค่รู้สึกว่าเจ้าของกาแฟแก้วนั้นน่ารักดี
ลองดื่มอเมริกาโน่ดูบ้างดีไหมนะ
..................
.........................................................
*TBC 04:LATTE
ps.ทุกตอนมีตัวละครซ่อนอยู่เสมอ 55 โฟกัสเคยโผล่มาแล้ว
#นิยายร้านกาแฟ
twitter @ribbinbo
-
สนุกมากค่ะะะ o13 ฟีลกู้ดมากๆๆ น่ารกทุกคู่เลย.... :hao7:
จะมีตอนต่อไปไหมอะ ขอคู่ของโฟโต้ :call: :call: :call:
พี่กัลป์นี่อยู่เบื้องหลังของทุกคู่เลยนะ อยากอ่านเรื่องของพี่กัลป์มั่งๆๆๆ :katai1:
-
สนุกมากๆ ค่ะ
-
04: LATTE
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน..
แก๊ป –โฟโต้
~ กลัวจะมีอาการให้เธอรู้แค่เจอก็ยังสั่น~
~ ทำได้เพียงหลบตาเธอเท่านั้น กลัวจะมีอาการให้เธอเห็นแล้วเธอนั้นรู้ทัน~
กัลป์อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเพลงในร้านวันนี้ไอ้แพทผู้ช่วยชงกาแฟย้อนวัยไปฟังเพลงสมัยมัธยมขาสั้นคอซองมากๆ พอได้ยินเพลงก็รู้สึกตัวเองแก่ขึ้นมาทันทีเขาเลยวัยแอบรักรุ่นพี่ รุ่นเพื่อนมานานมากแล้วแต่ฟังไปฟังมามันก็น่ารักดีเหมือนดูหนังสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นทำให้กัลป์เงยหน้าขึ้นมามองภาพที่เห็นจนชินตาคือผู้ชายที่ตัวไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ผมสีน้ำตาลสว่างตาสีเขียวสะพายกระเป๋าใส่กล้องไม่ก็กระบอกใส่แบบอยู่เป็นประจำ
โฟโต้ สถาปัตย์ปีสอง
ฝาแฝดโฟกัสทั้งๆ ที่เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ แต่บุคลิกต่างกันชนิดตรงข้าม
ใครๆ ก็รู้ว่าโฟกัสเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง
แต่โฟโต้เป็นเด็กเงียบๆ หน้าไม่ค่อยยิ้มสายตานิ่งๆ คนในสถาปัตย์เลยมอบฉายาให้ตั้งแต่ปีหนึ่ง
เจ้าชายน้ำแข็งแห่งสถาปัตย์
แต่ทุกคนในสถาปัตย์พร้อมใจกันยืนยันว่า โฟโต้นิสัยดี ไม่ได้มีนิสัยแปลกประหลาดอย่างที่ทุกคนเข้าใจอาจจะแค่ยิ้มยาก ไม่ก็แสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่งเท่านั้น แถมฝืมิอถ่ายรูปนี่ระดับมืออาชีพรูปภาพของโฟโต้ได้รับรางวัลจากชมรมถ่ายภาพครั้งแล้วครั้งเล่า แน่นอนหน้าตาลูกครึ่งฝรั่งแบบนี้คนมาชอบโฟโต้มีแทบทุกคณะ แต่ส่วนมากก็จะล่าถอยกลับไปเองประโยคที่ทุกคนได้รับเหมือนกันหมดคือ
เราไม่คิดจะชอบใครเลย ขอโทษนะ
ใส่อารมณ์เย็นชาหน้านิ่งเข้าไปด้วย = กูไม่ชอบมึงหรอกนะ ขอโทษ
กลับมาที่ร้านกาแฟพี่กัลป์
“ลาเต้เหมือนเดิมใช่ไหม”
“ครับ”
“ไม่ลองอย่างอื่นบ้างเหรอ”
“ผมชอบลาเต้ครับ”
เด็กตรงหน้าพูดน้อยแต่สายตาบอกว่าชอบเจ้ากาแฟลาเต้นี่จริงๆ เพราะไม่เคยเห็นสั่งเมนูอื่นเลย โฟกัสกับโฟโต้เรียนสถาปัตย์แต่คนละสาขา ตอนอยู่ที่มหา’ลัยนานๆ ครั้งถึงจะเห็นทั้งคู่เดินด้วยกัน เวลามาที่ร้านกาแฟก็สลับกันมาน้อยครั้งที่จะเห็นทั้งคู่นั่งดื่มกาแฟพร้อมหน้าพร้อมตา
โฟโต้รับแก้วกาแฟมาจากพนักงานแล้วมองหาที่นั่ง
ดีที่ตอนนี้นักศึกษาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ สุดท้ายโต๊ะริมกระจกก็เป็นโต๊ะที่โฟโต้จับจอง
“งานนี้อาจารย์สั่งตั้งนานแล้วโว้ย”
“ทำไมกูเพิ่งรู้มึงมั่วป่ะวะไอ้โอม”
“งั้นมึงก็ไม่ต้องทำให้อาจารย์เพ็ญศรีแจกเอฟมึงไปเลย”
“ไอ้เพื่อนชั่ว! ห้ามพูดตัวอักษรนี้ออกมาเออ..ไอ้แก๊ปไปไหนวะ”
“นั่นไงมาพอดี”
บทสนทนาที่ได้ยินทำให้โฟโต้เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ผู้ชายตัวสูงกำลังเอาชีทในมือตีลงบนหัวเพื่อนทั้งสองคนแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างน้องผู้หญิงโต๊ะข้างๆ โบกมือให้รุ่นพี่ปีสามคงจะเป็นรุ่นน้องในคณะรัฐศาสตร์
“ได้รูปมาอีกแล้วเหรอวะ”
โอมทักขึ้นเมื่อเห็นว่านอกจากชีทเรียนที่เจ้าตัวถือมายังมีรูปถ่ายวิวที่แก๊ปได้มันมาตั้งแต่เปิดเทอม ส่วนวิธีที่ได้ก็มีคนเอามาเสียบไว้ตรงล็อคเกอร์ของนักกีฬาบาส มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะแก๊ปมักจะได้พวกของขวัญ ขนม อยู่เป็นประจำถ้าไม่ให้ต่อหน้าก็จะเอามาวางไว้ในล็อคเกอร์นักกีฬา
ไม่เคยล็อคหรอก
ถึงล็อคก็มีคนเปิดได้อยู่ดี เลยเลือกที่จะไม่ใส่ของมีค่าเอาไว้
“รูปก็ยังสวยเหมือนเดิมโคตรอยากรู้เลยว่ะใครเป็นคนส่งให้มึง”
“จีบไอ้แก๊ปมาเป็นเดือนแล้วไม่เปิดเผยตัวสักที มึงสงสัยใครบ้างป่ะวะ”
มือที่จับโทรศัพท์กำแน่นเพราะกลัวคำตอบที่ได้ยิน
โฟโต้รู้สึกว่าหัวใจเขาจะหยุดเต้นได้เลย
“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่เขาจะแสดงตัวสักที”
“รูปนี่ถ่ายเองป่ะสวยขนาดนี้กูว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมากแน่ๆ”
“ต้องน่ารักและโรแมนติกด้วยจีบด้วยรูปถ่ายแบบนี้”
แก๊ปนั่งมองเพื่อนที่ทำท่าประหลาดๆ มีการเอามือมากุมตรงหน้าอกคล้ายกับผู้หญิงเฟ้อฝัน ทั้งกลุ่มยังคงบรรยายถึงคนที่เอารูปมาจีบเพื่อนตัวเองไปเรื่อยๆ มีการวาดใส่ชีทอีกต่างหากว่าหน้าตาจะเป็นแบบไหนแก๊ปส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นว่าทุกคนวาดรูปผู้หญิงตาโตสวยผมยาวเป็นลอนแถมยังบอกอาจจะเป็นดาวคณะสักคน
“โต้….โฟโต้ครับ”
เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งเหม่อหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะน่าจะเป็นรุ่นพี่สักคณะคงจะวิทยาไม่ก็วิศวะถึงมีเสื้อช็อปสวมอยู่ โฟโต้ไม่ได้ตอบรับหรือยิ้มให้คนที่ฉีกยิ้มจนแทบเห็นฟันครบ 32 ซี่เพียงแค่ใช้สายตาถามว่ามีอะไร?
“พี่ขอไลน์โฟโต้หน่อยได้ไหมครับ”
“……………………………………………………”
ทุกอย่างรอบตัวเงียบลงอัตโนมัติ
ทุกโต๊ะที่รายล้อมอยู่ต่างพากันลุ้นว่าเจ้าชายน้ำแข็งแห่งสถาปัตย์จะตอบว่าอะไร
“ขอโทษครับคงไม่ได้ขอตัวก่อนนะครับ”
รุ่นพี่ตรงหน้าดูจะเก้อๆ ไปสักหน่อยกว่าจะรู้สึกตัวก็ผ่านไปประมาณสองสามนาทีเลยได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรแล้วเดินกลับโต๊ะไปด้วยท่าทางเซ็งๆ โฟโต้รู้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้านเลยค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดีที่ให้พี่กัลป์ใส่แก้วพลาสติกไว้ให้จังหวะที่กำลังเดินผ่านโต๊ะของพี่ๆ รัฐศาสตร์กลับมีคำพูดที่ดังขึ้นมาทำให้โฟโต้ต้องหยุดเดิน
“หยิ่งเย็นชาสมคำร่ำลือโฟโต้สถาปัตย์”
“ไอ้โอมเบาๆ ดิวะน้องเขาได้ยินนะเว้ย”
โฟโต้หันไปมองบรรดาพี่รัฐศาสตร์โต๊ะนั้นอีกครั้งสายตาหยุดอยู่ที่คนที่นั่งเคาะนิ้วอยู่ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่าที่พี่แก๊ปก็สบตาเขาอยู่เหมือนกัน และแน่นอนว่าคนที่หลบสายตาก่อนคือเขาเองใครจะสบตากับคนที่….
ตัวเองแอบชอบได้นาน
แค่หนึ่งวิก็ทนไม่ได้แล้ว
พอออกจากร้านกาแฟพี่กัลป์ โฟโต้ก็ยืนพิงกำแพงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้ารูปถ่ายรูปเดียวกับที่ให้พี่แก๊ปยังอยู่ในมือต่างกันแค่ข้างหลังรูปมีลายเซ็นและวันที่เขียนกำกับไว้ ถูกแล้วล่ะ..เขาเองที่เป็นคนเอารูปไปใส่ไว้ในล็อคเกอร์พี่แก๊ปประมาณสองสามเดือนแล้วมั้งตั้งแต่เปิดเทอมปีสองอย่าถามเลยว่าเมื่อไหร่เขาจะแสดงตัว
“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่เขาจะแสดงตัวสักที”
“รูปนี่ถ่ายเองป่ะวะสวยขนาดนี้กูว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากแน่ๆ”
“ต้องน่ารักและโรแมนติคด้วย จีบด้วยรูปถ่ายแบบนี้”
“หยิ่งเย็นชาสมคำร่ำลือ โฟโต้สถาปัตย์”
แล้วอย่างนี้จะให้เขาบอกความจริงกับพี่แก๊ปได้ยังไง
ถ้าพี่เขารู้ว่าเจ้าของรูปคือเด็กผู้ชายหน้าตายนิสัยก็ไม่ได้น่ารักเหมือนคนอื่น
ถ้าเขามีความกล้าสักครึ่งนึงของโฟกัสบ้างก็คงจะดี
:: LATTE ::
เพราะสาขาที่โฟโต้เรียนมีกิจกรรมที่ต้องออกไปถ่ายรูปข้างนอกอยู่บ่อยๆ และปีนี้ได้ไปต่างจังหวัด แต่อาจารย์ประจำวิชาก็บอกว่า เนื่องจากคณะรัฐศาสตร์ก็มีวิชาที่ต้องออกนอกสถานที่เหมือนกันเรียกว่าซ้อมปกครองดูแลประชาชนก่อนเรียนจบเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปีให้คนนอกคณะไปได้แต่จำกัดจำนวน
เหตุผลจริงๆ ก็คือ ไปพร้อมกันทั้งสองคณะซะจะได้ประหยัดงบ
ถือว่ามีแต่ได้กับได้ นอกจากจะได้ไปถ่ายรูปฝึกฝีมือแล้ว
ยังได้ช่วยเหลือสังคมอีกต่างหากหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว (อันนี้อาจารย์บอกมา)
“มึงดูผู้ชายคณะอื่นที่จะไปพร้อมกับเรา โต้เตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งให้กูเลยนะ”
โฟโต้มองยูกิที่ตอนนี้กำลังแอบมองผู้ชายคณะวิศวะ ขนาดนั่งกันอยู่คนละฟากขนาดนั้นยังจะมองเห็นคนหล่อได้ ยูกิกรี๊ดกร๊าดน้องเดือนปีหนึ่งของวิศวะมากๆ จำได้ว่าชื่อหนึ่งตะวันแต่ก็เหมือนจะอกหักภายในสองวันหลังจากเห็นตะวันวิศวะนั่งอยู่กับน้องเมษานิเทศปีหนึ่งที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ท่าทางสวีทวี๊ดวิ้วของทั้งคู่ทำให้ยูกิถึงกับน้ำตาตก
“มึงให้กูเตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว กูว่าปีสี่กูก็ยังคงได้ยินประโยคนี้อยู่”
“นานๆ จะพูดอะไรยาวๆ แต่พูดทีเจ็บมากๆ เบียร์ดูเพื่อนมึงเลย”
คนที่นั่งอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมครั้งนี้อยู่ยกมือขึ้นมาดันหัวยูกิไว้เมื่อเห็นเจ้าเพื่อนกำลังจะถกกระโปรงพลีทกระโดดบีบคอโฟโต้เพราะเจ้าตัวกำลังโชว์รูปยูกิตอนนอนน้ำลายยืด เสียงปรบมือเรียกให้ทุกคณะที่มารวมตัวกันหันมาฟังรุ่นพี่ที่อยู่บนเวทีก่อนที่ทุกสายตาจะมองไปยังประตูที่เปิดออก
“รัฐศาสตร์ปีสามเร็วๆ หน่อยลูกเขารอกันนานสามชาติจะเป็นคุณอุบลรอผัวแล้วค่า”
พี่กุ๊กไก่ประกาศใส่ไมค์เมื่อเห็นว่านักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ยังเดินกันเข้ามาในห้องไม่ครบ โฟโต้เลยหันไปมองที่ประตูคิดไว้แล้วว่าจะต้องมีพี่แก๊ปอยู่ในกลุ่มนั้นเพราะมีเสียงแซวออกไมค์ว่ากิจกรรมปีนี้เรามีคนหล่อเยอะมาก ถึงแม้พี่แก๊ปไม่ใช่เดือนคณะรัฐศาสตร์แต่ก็ดังพอตัว
เพจคิวท์บอยของมหา’ลัยชอบลงรูปอยู่บ่อยๆ
“เดี๋ยวกูไปถ่ายรูปก่อนนะ พี่ขวัญบอกให้ช่วยถ่าย”
โฟโต้ถือกล้องคลานออกไปจากตรงที่นั่งรวม พี่ขวัญเป็นพี่ที่เรียนรัฐศาสตร์และเป็นพี่ห้องตรงข้ามที่หอ อดีตดาวรัฐศาสตร์ปีสามสวยสดงดงามถึงขนาดมีคนมาจีบไม่เว้นวันแถมยังนิสัยดีที่หนึ่งชอบเอาขนมมาให้เขากับโฟกัสอยู่บ่อยๆ พี่ขวัญพอเห็นเขาถือกล้องเดินมาหาก็โบกมือเรียก
“นี่น้องโฟโต้สถาปัตย์ ขวัญให้น้องเขามาช่วยถ่ายรูปให้รับรองกิจกรรมเราปีนี้รูปสวยจนอาจารย์ต้องตะลึง”
“เวอร์แล้วพี่ขวัญ”
“ไม่เชื่อพวกแกดู ถ่ายฉันสวยยังกะนางสาวไทย”
พี่ขวัญเปิดโทรศัพท์ให้เพื่อนดูกลัวเพื่อนไม่เชื่อว่าโฟโต้ถ่ายสวยจริงๆ แต่พอทุกคนเห็นรูปถ่ายก็ร้องกันอย่างตื่นเต้นแถมยังโพสท่ากันตลกๆ จนพี่ขวัญต้องไล่ให้ไปทำงานโฟโต้เลยเดินถ่ายรูปไปรอบๆ จนสุดท้ายเดิยมาถึงตรงเวทีพอเงยหน้าขึ้นไปมองตัวแทนคณะรัฐศาสตร์กำลังพูดอยู่และจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก
พี่แก๊ป กวินท์ เดชาหิรัญ
ตอบคำถามทีนึงคนก็แซ็วทีนึง
คนโดนแซ็วก็เขินได้แต่ยืนหัวเราะ
โฟโต้เดินขึ้นไปอยู่ตรงริมเวทีแล้วยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายไว้ เพราะอยากจะหามุมให้เหมาะมากที่สุดเลยขยับตัวเปลี่ยนตำแหน่งไปมาเลยไม่รู้เลยว่าถอยหลังมาจนสุดเวทีกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถอยหลังแต่พบว่ากำลังจะตกลงไปบนพื้นด้านล่าง โฟโต้หลับตาปี๋มือกอดกล้องมือไว้แน่นคิดว่ายังไงจะต้องกระแทกกับพื้นแน่ๆ แต่อยู่ดีๆ กลับมีใครสักคนคว้าเอวไว้แล้วดึงกลับขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับอ้อมแขนกอดรัดช่วงเอวไว้แน่น
ไม่เจ็บ
ไม่กระแทก
หัวไม่แตก
กล้องไม่เป็นอะไร
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้โฟโต้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง
ใกล้…ใกล้เกินไป
คนตรงหน้าคือพี่แก็ปไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้คิดว่าพี่เขาคงหันมาเห็นพอดีจังหวะเดียวกับที่กำลังจะตกเวทีถึงได้ช่วยไว้ทัน โฟโต้ขยับตัวไปมาเมื่อรู้สึกว่าพี่แก๊ปยังไม่ปล่อยแขนออกก็แค่กลัวพี่เขาเห็นอาการมีพิรุธไปมากกว่านี้ดีที่ตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจคนอื่นพูดอยู่ไม่งั้นจะต้องโดนแซ็วแน่ๆ
“คือ..”
“ตาสีเขียวด้วยโคตรเท่เลย”
นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังมีการกอดให้แน่นขึ้นชะโงกหน้ามาดูสีตาชัดๆ อีกต่างหากตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้พี่แก๊ปได้ยินเสียงหัวใจเต้นเลยใจจริงก็ดีใจอยู่ลึกๆ นะที่พี่เขากอดอยู่อย่างนี้ชาตินี้คงหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้แล้วแต่เข้าใจความรู้สึกไหม ตอนนี้กลัวเขาจะรู้มากกว่าว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา
“พี่ปล่อยผมก่อนก็ได้ครับ หายใจไม่ออก”
“โอเค เมื่อกี้อีกก้าวเดียวนี่เราตกลงไปข้างล่างเลยนะ”
เด็กสถาปัตย์เอ่ยขอบคุณเบาๆ ตั้งใจจะเดินลงไปจากเวทีไปถ่ายที่อื่นแต่จริงๆ ก็หนีพี่เขานี่แหละ
แต่อยู่ดีๆ กลับมีมือที่วางลงบนกลุ่มผมทำให้เท้าที่กำลังก้าวลงบันไดหยุดชะงัก
“ระวังหน่อยถ่ายรูปก็ต้องมองทางด้วย โฟโต้”
รู้สึกได้ว่าพี่เขาลูบผมเบาๆ ก่อนจะผละออกไป
เหมือนสติหลุดกระจาย…
โครม!
“เฮ้ย น้องโฟโต้เป็นอะไรไหมเดินชนเสาเต็มๆ เลยเจ็บเปล่า”
ฝนฟ้าอากาศตอนนี้นี่มันอะไรกัน
เดินอยู่ดีๆ ฝนก็เทลงมาจนต้องวิ่งหาที่หลบฝน ร้านกาแฟพี่กัลป์เลยคึกคักเป็นพิเศษเพราะทุกคนติดฝนอยู่ที่นี่ ลาเต้ร้อนๆ ยังคงวางอยู่บนโต๊ะส่วนเจ้าของก็นั่งเช็ครูปในกล้องไปเรื่อยๆ โฟกัสโทรมาหารอบที่สามถามเป็นร้อยครั้งว่าให้ไปรับไหมแต่ไม่อยากจะให้ไอ้แฝดออกมาตากฝนเท่าไหร่มันป่วยง่ายเลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวฝนก็คงหยุด
แต่ท่าทางจะคิดผิด
ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ฝนก็ตกหนักมากขึ้นจนตอนนี้ในร้านพี่กัลป์แทบไม่มีที่นั่งแล้ว
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับโต๊ะมันเต็มแล้ว”
โต๊ะที่โฟโต้นั่งอยู่เป็นที่นั่งสำหรับสองคนเลยมีคนมาขอนั่งด้วยเพราะมัวแต่ดูรูปในกล้องเลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็พยักหน้าตอบคนที่มาขอแล้ว มือละจากกล้องตัวโปรดจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแต่ก็จับผิดจับถูกจนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลื่อนแก้วให้ตรงกับมือเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยทำให้โฟโต้เงยหน้าขึ้นมามอง
“พี่แก๊ป”
“รู้จักพี่ด้วยเหรอ”
“ก็……รู้จักครับ”
“รู้จักได้ไง”
“ใครๆ ก็รู้จักครับพี่ก็เป็นคนดังในมหา’ลัยคนนึงเหมือนพี่เบสบริหาร พี่ไฟวิศวะ พี่..”
“โอเคๆ นี่พี่หล่อเท่าคิวท์บอยเลยเหรอเนี่ยเพิ่งรู้”
โฟโต้ไม่ได้ตอบกลับเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นจากนั้นบรรยากาศก็กลับมาเงียบสนิทตามเดิม เขารู้ว่าเขาคุยไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่แต่ระหว่างเขากับพี่แก๊ปตามความเป็นจริงก็ไม่ได้รู้จักกันถึงขนาดมานั่งคุยเรื่องอะไรเรื่อยเปื่อยได้ คิดว่าพี่แก๊ปก็คงรู้จักชื่อเขาเหมือนกันแล้วก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรหรอกเรื่องชื่อ
ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นที่รู้จักในมหา’ลัย
แต่อาจจะในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ (มั้ง)
“ท่าทางเราจะชอบถ่ายรูปมากเลยนะ”
“ผมเรียนสาขานี้โดยตรง”
“ก็ต้องชอบใช่ไหมล่ะถึงเลือกเรียน”
“พ่อของผมเป็นช่างภาพอาชีพครับผมก็เลยคุ้นเคยกับกล้องมาตั้งแต่เด็กโตมาก็เลยชอบ”
“นี่จะต้องเป็นที่มาของชื่อโฟกัสกับโฟโต้แน่ๆ”
“ครับ”
“นอกจากโฟกัสกับโฟโต้มีอีกไหม”
“ฟิมล์”
“น้องคนเล็ก?”
“หมา”
แก๊ปหัวเราะเพราะเขาคิดเองว่าอาจจะเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวเห็นชื่อคล้องกัน โฟโต้ไม่ได้ยิ้มหรือเอ่ยแก้อะไรที่เขาเข้าใจผิดมีแค่มุมปากที่ยกขึ้นมานิดนึงเพียงเท่านั้นไม่รู้ว่าเส้นอารมณ์มันลึกมากหรือเป็นคนหน้านิ่งแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็อยากเห็นหน้าในแบบอื่นๆ เหมือนกันนะ
แก๊ปเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนอีกคนก็กระเถิบถอยเช่นกันพอเห็นว่าอีกฝ่ายถอยจนจะชิดกำแพงก็เลยเลิกแกล้งแล้วกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวตามเดิม เพิ่งเห็นว่าน้องเจ้าชายน้ำแข็งของสถาปัตย์ดื่มกาแฟแบบเดียวกับเขา
ลาเต้
จากบุคลิกก็ไม่น่าจะชอบกาแฟใส่นม
“โฟโต้ชอบถ่ายรูปแบบไหนเหรอ”
“ชอบถ่ายรูปวิวครับ”
กึก..
มือที่กำลังกดปุ่มเลื่อนดูรูปหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตอบพี่เขาไปว่าอะไร โฟโต้เลยเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเพราะเห็นว่าเงียบไปเหมือนกันตั้งแต่เขาตอบคำถาม พี่แก๊ปยิ้มนิดๆ แล้วหยิบกาแฟลาเต้ขึ้นมาดื่มก่อนจะบอก
“พี่ก็ชอบรูปวิวนะชอบทุกรูปเลย”
ก็รู้ว่าพี่เขาหมายถึงรูปวิวทั่วๆ ไปไม่ใช่รูปวิวที่เขาเอาไปใส่ในลอคเกอร์สักหน่อยแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดีใจอย่างบอกไม่ถูกอย่างน้อยวันนี้ก็ได้คุยกับพี่เขาแล้วไม่เหมือนทุกวันที่เราสองคนเป็นแค่คนไม่รู้จักเจอพี่แก๊ปที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ทีไรเขาก็ทำได้แค่แอบมองเท่านั้น
:: LATTE ::
“อยากไปด้วยอ่ะ”
“ตัดโมเดลไปเถอะ”
“ซื้อขนมมาฝากด้วยนะโต้”
“เอาตังค์มาดิ”
บทสนทนาของฝาแฝดสถาปัตย์ทำให้คนยืนอยู่รอบๆ รสบัสพากันอมยิ้มเพราะหลายคนไม่เคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพิ่งเคยเห็นชัดๆ ก็วันนี้ โฟกัสยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงนอนเดาว่าคงมาส่งโฟโต้ไปทำกิจกรรม แค่เพียงไม่นานก็เห็นพี่เบสลีดบริหารปีสี่เดินมาหาก่อนที่โฟกัสจะเอียงตัวเข้าหาพี่เบสแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น
โฟโต้ยกมือไหว้พี่เบสพร้อมกับยกขาเตะฝาแฝดตัวเองอย่างหมั่นไส้คนโดนเตะโวยวายแต่ก็ยกมือโบกหยอยๆ มองโฟโต้จนลับตาทำท่าเหมือนจะจากกันไปนานสักสิบปี
โฟกัสต้องอยู่ทำโมเดลถ้าไปด้วยกลัวว่าจะทำไม่ทัน
เดาได้เลยว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่หอรกยิ่งกว่ารังหนูแน่ๆ
“มึงไปนั่งกับยูกิเถอะเดี๋ยวกูจะถ่ายรูป”
โฟโต้ดันเบียร์ให้ไปนั่งกับยูกิที่ตอนนี้หลับคอพับคออ่อนไปกับเบาะทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังแอบกรี๊ดน้องตะวันเดือนวิศวะปีหนึ่ง วันนี้น้องตะวันหล่อมากเพราะไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนทุกวันและ....แฟนเขาน่ารักมากเช่นกันทุกคนได้แต่เช็ดน้ำตากระซิกๆ เมื่อเห็นว่าน้องตะวันแบกประเป๋ามาสองใบและคนที่วิ่งตามมาทีหลังคือ น้องเมษานิเทศ
จบลงที่น้องเมษาป้อนนมร้อนให้ตะวันดื่ม
แล้วทั้งคู่ก็คุยเล่นกันอยู่สองคน อกหักกันทั้งค่าย สงสาร
เพราะเริ่มออกต่างจังหวัดวิวข้างทางเลยเปลี่ยนไปเป็นทุ่งหญ้าโฟโต้เลยหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ พอจะรู้สึกตัวว่าเบาะข้างๆ มีคนมานั่งด้วยจากที่ตอนแรกเบาะมันว่างแต่คนที่กำลังจับโฟกัสรูปไม่ได้สนใจเท่าไหร่จนกระทั่งได้กลิ่นหอมๆ ของกาแฟเลยหันตัวกลับไปมอง
“ลาเต้ร้านพี่กัลป์” พี่แก๊ปคนดังของรัฐศาสตร์ชูแก้วกาแฟสองแก้วขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้
“วันนี้พี่กัลป์เปิดร้านเร็วเหรอครับทุกทีเห็นเปิดเจ็ดโมงตลอด”
“ก็...วันนี้พี่กัลป์เขาเปิดเช้าพี่ก็เลยสั่งกาแฟซะเลย”
“พี่แก๊ปกินกาแฟสองแก้วอย่างนี้จะนอนหลับเหรอครับ”
แก๊ปชะงักไปนิดนึงเด็กที่ถือกล้องตรงหน้าก็ยังหน้าทำหน้านิ่งตามสไตล์ตามเดิมดวงตาสีเขียวใส่แจ๋วไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร อาจจะดูเย็นชาไปบ้างแต่เอาจริงๆ ก็ใกล้เคียงกับคำว่าซื่อๆ ละมั้งพอเขาหัวเราะออกมาโฟโต้ก็ทำหน้า งง หนักเข้าไปอีก
“งั้นพี่ให้เราแก้วนึงแล้วกัน”
โฟโต้ก็ยังทำท่างงๆ อยู่เอาแต่ก้มลงมองแก้วกาแฟในมือแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองแก๊ปที่ยื่นแก้วกาแฟมาตรงหน้า กว่าเด็กสถาปัตย์จะรับแก้วกาแฟก็เกือบหลายนาทีพอดื่มกาแฟรสชาติที่ชื่นชอบก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวดวงตายิบหยีลงเหมือนเจอของที่ถูกใจ
“เวลายิ้ม..”
“ครับ?”
“เวลาโฟโต้ยิ้มก็น่ารักนิหน่า”
ทันทีที่จบประโยคคนที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง แก๊ปยังไม่ได้ลุกไปไหนแถมยังมองอีกฝ่ายยิ้มๆ อีกต่างหากเดาได้เลยว่าโฟโต้กำลังเขินมากๆ ตอนนี้แก้มแดงแจ๋จนแทบจะแดงไปทั้งหน้าแล้วพอหนักเข้าก็หันหน้าหนีออกไปมองวิวที่กระจกแต่คงเพราะมัวแต่เขินหัวเลยโขกกระจกดังโป๊ก! แก๊ปหัวเราะกับท่าทางนั่นเลยยกมือขยี้ผมน้องทีนึง
เด็กตลก
กิจกรรมที่มาในปีนี้ค่อนข้างไกลพอสมควร ชนิดที่ว่าก้าวขาไปอีกก้าวนึงนี่ไปโผล่ประเทศเพื่อนบ้านได้แล้วมองรอบตัวก็ งง อยู่ว่าอาจารย์จะให้ถ่ายรูปอะไรนอกจากต้นไม้ใบหญ้าหุบเขา
บรรดานักศึกษาต่างสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพ โฟโต้ลูบหน้าลูบตาหลังจากที่เพิ่งตื่นนอนแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนซบไหล่พี่แก๊ปอยู่ ไม่รู้ว่าเขานอนท่านี้มานานเท่าไหร่แล้วแต่เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะเขานึกว่าพี่แก๊ปจะลุกออกไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนรัฐศาสตร์ที่อยู่ด้านหน้าแต่พอถึงค่ายรู้สึกตัวตื่นก็เห็นว่าพี่เขายังนั่งอยู่ที่เดิม พอเดินผ่านกลุ่มพี่รัฐศาสตร์ปีสามบรรดาเพื่อนพี่แก๊ปก็มองหน้าเขากับเพื่อนตัวเองสลับไปมาเหมือนจะ งง ๆ
“มึงหายไปนั่งไหนมาวะแก๊ป”
“แถวๆ นี้แหละกูเห็นไอ้โมมันหลับอยู่เลยขี้เกียจปลุก”
“แน่ใจว่าแค่นั้น?”
พอเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยปกติโฟโต้เลยเอ่ยขอทางกับพี่ๆ รัฐศาสตร์แล้วรีบวิ่งลงไปจากรถ จากนั้นได้ยินเสียงโวยวายของพี่แก๊ปและบรรดารุ่นพี่ปีสามรัฐศาสตร์ส่งเสียงโห่ดังลั่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่นี่เป็นโรงเรียนมีพี่ทหารชายแดนคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ปีนี้รัฐศาสตร์จะมาสร้างห้องสมุดและซ่อมแซมโรงเรียนที่มีแค่ไม่กี่ห้องให้น้องๆ พี่ทหารบอกว่าโรงเรียนมีนักเรียนแค่ไม่กี่คนครูที่ประจำอยู่ก็มีแค่สองสามคนเท่านั้น บางครั้งพี่ทหารก็มาช่วยสอนบ้าง
นานๆ ครั้งถึงจะมีใครมาช่วยปรับปรุงอาคารเรียน
และของบริจาคส่วนมากก็มีมาแค่เดือนละครั้ง
โฟโต้ยกกล้องในมือถ่ายรูปบรรดาเด็กๆ ที่เอาแต่วิ่งรายล้อมรอบตัว ถึงแม้เสื้อผ้าจะเก่ามอมแมมไปบ้างแต่ใบหน้าทุกคนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม โฟโต้ยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่ายูกิเปิดกล่องอุปกรณ์ทำผมแล้วเปิดร้านเสริมสวยย่อมๆ ให้บรรดาเด็กผู้หญิงที่กรี๊ดกร๊าดเมื่อได้ทำทรงผมน่ารักๆ
“ทำไมพี่ตาสีเขียว”
“เพราะพี่เป็นลูกครึ่งพ่อพี่เป็นฝรั่งตัวโตๆ ตาสีนี้เหมือนกัน แล้วพ่อของพี่ก็ให้พี่มา”
โฟโต้เลือกที่จะใช้คำง่ายๆ ให้เด็กเข้าใจถ้าจะให้อธิบายเรื่องพันธุกรรมเชื้อชาติมันก็คงจะยากไปหน่อย เด็กผู้ชายตรงหน้าพยักหน้าตามประสาเด็ก ขวดน้ำเย็นเจี๊ยบแตะลงบนข้างแก้มทำให้โฟโต้สะดุ้งพอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นพี่แก๊ปที่ถือขวดน้ำอยู่เหมือนกัน
“คุยอะไรกันอยู่ครับ”
“คุยเรื่องพี่คนนี้ตาสีเขียวครับ”
“เท่เนอะตาสีเขียวไม่เหมือนใครดี”
“พี่ชายตัวโตก็แต่งงานกับพี่คนนี้สิครับ ลูกพี่ก็จะได้ตาสีเขียว”
เอ่อ….ท่าทางจะไปกันใหญ่
โฟโต้เริ่มอยากจะอธิบายถึงโครโมโซมเลยคราวนี้ ไม่รู้ว่าน้องผู้ชายตรงหน้าไม่รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชาย……มีลูกไม่ได้หรือคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงนี่ก็กลัวว่าพี่แก๊ปจะโกรธแต่พอหันไปก็เห็นว่าพี่เขาหัวเราะเสียงดังมีการยกมือขึ้นมาแทกมือกับน้องผู้ชายอีกต่างหาก
“คือพี่..”
“ก็ดีเหมือนกันเนอะแม่ตาสีเขียวลูกก็ตาสีเขียว”
โฟโต้นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่พี่แก๊ปกับน้องผู้ชายเดินจูงมือไปเตะบอลกันตั้งนานแล้วแต่เขายังได้ยินประโยคของพี่แก๊ปวิ่งวนอยู่ในหัวไม่รู้จบ กว่าจะรู้ตัวอีกทีตอนที่ไอ้เบียร์เตะบอลใส่หัวเขาเต็มๆ
.............................
.....................................................................
-
............................
.....................................................................
“เนื่องจากวันนี้เราเพิ่งมาถึงกันเหนื่อยๆ เราเลยจะเริ่มทำงานกันในวันพรุ่งนี้ แล้วก็พี่จะจับฉลากเตนท์นอน”
“จับฉลาก?”
“อ้าว พี่ลืมบอกว่าปีนี้เราจะไม่ได้นอนตามใจฉันนะจ๊ะ เราจะจับฉลากให้ทุกคนกระจัดกระจายไปตามเตนท์ ห้ามแลกเบอร์ห้ามแอบหนีไปนอนกันเองตามใจชอบ จับได้พี่จะทำโทษ ไหนๆ สถาปัตย์ก็มาด้วยแล้วเลยรวมหมดทุกคณะเลยแล้วกันสนุกสนานฮาเฮ”
เสียงร้องดังลั่นตรงลานกว้างแน่นอนว่าทุกคนไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พวกผู้หญิงรีบยกมือถามว่าแยกชายหญิงไหมคะแน่นอนว่าพี่กุ๊กไก่ประธานค่ายประกาศดังลั่นว่าแยกแน่นอนอย่าหวังว่าจะได้มาแต๊ะอั๋งคนหล่อ โฟโต้ยู่หน้านิดหน่อยเพราะคิดว่ายังไงเขาก็คงนอนกับเบียร์แต่พอเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้นอนกับใคร
เขายิ่งเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์แย่อยู่ด้วย
คนอื่นก็คงไม่อยากจะอยู่ใกล้เท่าไหร่
“มึงได้เบอร์อะไรวะโต้”
“10 มึงอ่ะ”
“5 เฮ้ยไม่ต้องเบะ”
เบียร์หัวเราะพร้อมกับจับแก้มเพื่อนตัวเองให้ยืดออกเมื่อเห็นว่าทำท่าจะเบะปากร้องไห้ ตอนนี้ทุกคนได้เวลาฟรีสไตล์หลังช่วงอาหารเย็น ต่างจังหวัดมืดเร็วเป็นเรื่องปกติพี่ๆ ทหารเลยพาทุกคนมานั่งตรงลานพร้อมกับบอกว่าตรงนี้จะเห็นท้องฟ้าชัดทันทีที่ทุกคนเงยหน้าต่างก็ร้องโอ้โหกันไม่หยุด
เพราะว่าท้องฟ้าชัดมากจริงๆ มีดวงดาวระยิบระยับ โฟโต้ยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูปใจจริงอยากจะอัดรูปนี้แล้วให้พี่แก๊ปแต่เขาก็คงรู้แน่ๆ ว่าคนที่ให้รูปก็มาที่นี่ด้วย
“ตะวัน มองไม่เห็นเลย”
เสียงแง๊วๆ ของเมษาที่เอาแต่กระโดดโหยงเหยงทำให้ทุกคนหันไปมอง พอเห็นท่าทางเหมือนเด็กตัวเล็กๆ กระโดดโลดเต้นไปมาก็พากันอมยิ้มแต่แค่เพียงไม่นานก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นเสียงโห่แซ็วเมื่อตะวันย่อตัวให้เมษาขี่หลังจะได้เห็นท้องฟ้าชัดๆ พี่กุ๊กไก่นี่ถึงกับตะโกนบอกว่าคู่ไหนสวีทเกินหน้าเกินตาจะไล่ให้ไปนอนในป่า
โฟโต้หันมามาถ่ายรูปตะวันกับเมษาไว้ภาพที่ทั้งคู่เงยหน้ามองท้องฟ้าจากนั้นก็หันมามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาทำให้โฟโต้ลดกล้องในมือลงโฟโต้เลยหันไปมองพี่แก๊ปที่เงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่อีกด้าน
ถ้าเขากับพี่แก๊ปเป็นแบบตะวันกับเมษาบ้างก็คงจะดี
ไม่รู้เลยว่าจะมีวันนั้นไหม
ตอนนี้โฟโต้กำลังนั่งอยู่ในเตนท์เบอร์สิบตามกฎคือนอนเตนท์ละสองคน ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมากไม่รู้ว่าใครที่จะโผล่หน้าเข้ามาในเตนท์เลยได้แต่นั่งดูรูปในกล้องไปเรื่อยเปื่อยอยากโทรมาโฟกัสมากแต่สัญญาณที่นี่ไม่ดีเลยไม่รู้ว่าป่านนี้ หอจะรกขนาดไหนไลน์ที่คุยกันครั้งสุดท้ายคือรูปที่โฟกัสส่งมาเป็นรูปพี่เบสที่นั่งหน้ายุ่งคิ้วขมวดทั้งๆ ที่แค่ตัดกระดาษเท่านั้น
ท่าทางพี่บริหารจะไม่เข้าใจศิลปะเท่าไหร่
ตุบ!
กระเป๋าที่โยนเข้ามาในเตนท์ก่อนจะเห็นตัวทำให้โฟโต้เงยหน้าขึ้นมามอง
หัวใจเต้นเร็วมากเมื่อเห็นคนที่แหวกเตนท์แล้วโผล่หน้าเข้ามา
พี่แก๊ป..
ไอ้เบียร์! ช่วยด้วย!!!!
เวลาที่อยู่กับคนที่ตัวเองแอบชอบนี่มันใช้พละกำลังมากทีเดียว
โฟโต้รู้สึกเหนื่อยมากทั้งๆ พี่แก๊ปไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เขาก็ทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องตามราวหลังจากไปอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็นั่งๆ นอนๆ กันอยู่ในเตนท์ มีชวนคุยบ้างกันตามประสาแต่ก็ไม่ได้ยืดยาวอะไร
คงเพราะต่างคนต่างเหนื่อยแถมพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีกเลยล้มตัวลงนอน
แต่โฟกัสก็ยังลืมตาแป๋วใครมันจะไปหลับลงวะ
“ถ่ายรูปเยอะเลยสิวันนี้”
“ก็เยอะครับนานๆ จะได้มาที่แบบนี้ทุกปีคณะเราจะไปพวกวัด ไม่ก็สิ่งก่อสร้างสวยๆ ตลอดเลย”
“เราถ่ายรูปเก่งแบบนี้มีคนมาจ้างไปถ่ายรูปบ้างไหม”
“ยังไม่เคยโดนจ้างแบบจริงจังหรอกครับส่วนมากก็ถ่ายให้แต่รุ่นพี่ที่รู้จัก แล้วก็มาขอให้ไปถ่ายอะไรแปลกๆ”
“ที่ว่าแปลกๆ นี่มันแบบไหน”
“ก็จ้างให้ไปถ่ายคนที่เขาแอบชอบ”
พี่แก๊ปหัวเราะทันทีที่ได้ฟังประโยคนั้นจบ โฟโต้เองก็เงียบลงเช่นกันเสียงขยับตัวจากคนข้างๆ ทำให้โฟโต้หันมามองคนดังของรัฐศาสตร์ตะแคงตัวหันหน้ามามองแต่เพราะมันมืดมากโฟโต้เลยมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ เห็นเป็นแค่เงาลางๆ เพียงเท่านั้น
“แล้วเราล่ะ…เคยถ่ายรูปคนที่แอบชอบรึเปล่า”
เพียงแค่คำถามเดียวแต่โฟโต้กลับไม่สามารถตอบได้จะให้เขาตอบคนตรงหน้าว่ายังไง ถ้าบอกว่าไม่เคยมันก็พูดได้ไม่เต็มปากจะให้บอกว่าเคยมันก็เหมือนยอมรับว่าเขามีคนที่ชอบ กลัวว่าอีกฝ่ายจะถามไปจนถึงว่าใครคือคนที่เขาแอบชอบ โฟโต้เลยเลือกที่จะเงียบแล้วหลับตาลงแกล้งหลับคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
พอเห็นน้องเงียบไปนานแก๊ปก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆ เพราะมันมืดมากเจ้าเด็กลูกครึ่งสถาปัตย์หลับปุ๋ยไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยมากหรือไม่อยากตอบคำถามเขากันแน่ แก๊ปกระเถิบหมอนเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมมือใหญ่ยกขึ้นมาทำท่าจะลูบแก้มเบาๆ แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจตื่นเลยได้แต่นอนมองคนที่หลับตาอยู่อย่างนั้น
:: LATTE ::
“ทำไมพี่โฟกัสไม่มาด้วยล่ะครับ”
“ต้องทำงานตัดโมเดลเป็นร้อยๆ ชิ้นเลยแล้วแฝดเราล่ะไม่มาด้วยเหรอ”
“เมษบอกว่ามีสอบครับแต่จริงๆ อยากอยู่กับแฟนมากกว่า”
เมษาที่นั่งวาดรูปอยู่ข้างๆ ทำหน้าตาเบื่อโลกขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงแฝดตัวเอง วันนี้ทุกคนเริ่มทำงานกันอย่างจริงๆ จังๆ พวกผู้ชายตัวโตๆ ก็ไปทำงานที่ใช้แรงงานส่วนที่เหลือก็ไปรับผิดชอบตามงานที่ได้รับมอบหมาย
โฟโต้หลังจากไปถ่ายรูปมาครึ่งวันอาจารย์ก็ให้มาช่วยค่ายของรัฐศาสตร์ เลยมาช่วยน้องเมษานั่งวาดรูปอยู่ตรงกำแพงด้านนอก เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้เมษาแก้มแดงแจ๋เหมือนเด็กๆ ขนาดโฟโต้ยังมองว่าน่ารักเลยไม่แปลกที่น้องตะวันเดือนวิศวะจะหลงหัวปลักหัวปำขนาดนี้
“แก้มแดงเป็นมะเชือเทศ”
พอพูดถึงก็มาพอดีตะวันโผล่เข้ามาพร้อมกับจิ้มแก้มแดงๆ นั่น แทนที่เมษาจะโกรธกลับยิ้มแฉ่งใส่สดใสเจิดจ้าจนบรรดาผู้ชายที่เดินตามมาเอาน้ำเปล่าส่งเสียงร้องวี๊ดวิ้ว ตะวันดึงหนังยางตรงข้อมือเมษาออกมาก่อนจะจัดแจงมัดจุกให้เพราะผมตกลงมาคราวนี้เป็นมะเขือเทศของจริงเพราะเหมือนมีก้านอยู่บนหัว
คนน่ารักนี่มันทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
“นี่มันกิจกรรมของคณะกูนะไม่ใช่ที่ฮันนีมูน หมั่นไส้”
เสียงแซ็วของรุ่นพี่รัฐศาสตร์ทำให้บรรดาเด็กวิศวะพากันสมทบร่วมกันด่าเพื่อนตัวเอง กลายเป็นทั้งวิศวะและรัฐศาสตร์รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ โฟโต้ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นว่าน้องเมษาโดนแซวจนหน้าแดงตัวแดงไปหมด เพราะเหงื่อที่เข้าตาแถมผมข้างหน้าก็ตกลงมาตรงหน้าผากทำให้โฟโต้เริ่มรำคาญพยายามจะสะบัดผมไปมาแต่มือก็เลอะสีอีก แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรกลับมีมือใครสักคนรวบผมข้างหน้าขึ้นมาพร้อมกับจับมัดให้เป็นทรงจุกน้ำพุ
โฟโต้มองค้างเมื่อเห็นว่าใครที่มัดผมให้
รวมถึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นนิ่งค้างเหมือนกดปุ่มหยุดเวลาไว้
“เอามาจากเพื่อนผู้หญิงอีกทีมันมีแต่อันนี้ใช้ไปก่อนแล้วกัน”
แก๊ปจับจุกคนตรงหน้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ให้โฟโต้ดูถ้ามันเป็นจุกผมแบบน้องเมษามันก็คงจะไม่แปลกอะไรแต่ไอ้ยางรัดผมที่มัดอยู่ตอนนี้มันเป็นรูปตัวการ์ตูนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก
“คิตตี้?”
“น่ารักออก”
เด็กสถาปัตย์จุกคิตตี้เงยหน้ามองคนพูดรวมทั้งทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ทั้งรัฐศาสตร์และวิศวะหันมามองแก๊ปกันอย่างพร้อมเพรียง
“หมายถึงคิตตี้มันน่ารักออก”
อ้อ….
โฟโต้เอาแต่จับผมจุกของตัวเองอยู่แบบนั้นเจ้าคิตตี้เบี้ยวไปมาพอจับให้มันตรงได้ก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รุ่นพี่ที่ยืนรายล้อมอยู่ถึงกับยิ้มตามเพราะว่านานๆ ทีเจ้าชายน้ำแข็งแห่งสถาปัตย์จะยิ้มให้เห็นทุกทีเห็นเอาแต่ทำหน้าตายไร้อารมณ์ถึงตอนนี้จะยิ้มแค่นิดเดียวก็ตามเถอะ
“กูเหนื่อย กูไม่ไปไหนละกูจะอยู่ตรงนี้ ตรงนี้สดชื่นรื่นรมย์กว่าเยอะ”
“น้องโฟโต้มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ เอาแค่ป้ายๆ สีลงพื้นอะไรแบบนี้”
“ไอ้โมมึงนี่เนียนมากมึงถอยออกมาจากน้องคิตตี้ของกูเดี๋ยวนี้”
เกิดการแย่งแปรงทาสีกันเกิดขึ้นพอรุ่นพี่ถามว่าทาตรงไหนได้บ้างโฟโต้ก็ชี้ไปตรงพื้นที่ว่างๆ ท่าทาง งงๆ กับจุกน้ำพุคิตตี้ทำให้ดูน่ารักมากกว่าเดิมดวงตากลมโตสีเขียวกะพริบปริบๆ หันหน้าไปมาเมื่อรุ่นพี่รัฐศาสตร์เอาแต่เรียกชื่อรอบตัว ตะวันกับเมษาส่ายหน้าอย่างขำๆ เมื่ออยู่ดีๆ พี่โฟโต้ก็ฮอตขึ้นมาซะดื้อๆ
แต่ยังไม่ทันจะร่วมด้วยช่วยแซ็ว
พี่แก๊ปสถาปัตย์ก็ยกมือขึ้นมาทำท่าคล้ายจะบอกว่าอย่าส่งเสียง
เมษากับตะวันเลยพยักหน้าอย่าง งง ๆ เพราะไม่รู้ว่าพี่แก๊ปจะทำอะไร
แต่ก็ต้องอมยิ้มเมื่อพี่แก๊ปเอื้อมมือมาจับต้นแขนพี่โฟโต้พร้อมกับบอกให้ลุกออกมา โฟโต้ค่อยๆ กระเถิบตัวออกมาจากกลุ่มก้อนรัฐศาสตร์ที่ยังคงแย่งกันทาสี เมษามองตามมือของพี่แก๊ปที่ละจากต้นแขนพี่โฟโต้มาที่มือแล้วจับอยู่อย่างนั้น เมษาหันมามองหน้าตะวันแล้วเอ่ยถาม
“เขาจีบกันอยู่เหรอ”
ตะวันส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือขึ้นมาจุกบนหัวของเมษาเบาๆ
:: LATTE ::
กิจกรรมทุกอย่างผ่านไปด้วยดีคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ได้อยู่ที่นี่
พี่กุ๊กไก่เลยจัดกิจกรรมรอบกองไฟให้ก็เหมือนเลี้ยงฉลองปาร์ตี้ย่อมๆ แบบไร้แอลกอฮออล์
มีแค่น้ำผลไม้เพียงเท่านั้น
“ความลับที่ผมอยากจะบอกคือ ผมเคยจีบน้องเมษานิเทศแต่โดนไอ้เมษแฝดน้องเขาเล่นงานจนยอมแพ้ ที่สงสัยคือทำไมไอ้ตะวันมันอยู่รอดจนครบ 32 ประการมามีชีวิตได้ถึงทุกวันนี้ มึงมีของดีอะไรวะบอกกูหน่อย”
ทุกคนในค่ายหัวเราะออกมาเมื่อพี่จากคณะศิลปกรรมปีสองพูดออกมาขนาดตะวันหัวเราะจนตัวงอแถมเมษายังบอกอีกว่าจำพี่ศิลปกรรมคนนี้ได้เพราะเอาแต่เล่นมุขเสี่ยวๆ จนอยากจะอ้วกทุกคนในค่ายเลยหัวเราะกันไม่หยุด แน่นอนว่าพี่ศิลปกรรมคนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้วมีการงอนเล็กน้อยเพราะมุขเสี่ยวนี่คิดมาเป็นเดือน
ตอนนี้พี่กุ๊กไก่ให้เล่นเกม
ซึ่งมันก็คือเกม ความลับในใจ
กติกาก็แค่ง่ายๆ ให้คนที่โดนจับชื่อออกมาพูดสิ่งที่อยู่ในใจและไม่มีใครรู้มาก่อนแต่ทุกคนก็เล่นเอาฮาๆ ขนาดพี่กุ๊กไก่ยังแกล้งทำท่าเขินอายแล้วบอกว่า ชอบน้องเบียร์สถาปัตย์ปีสองมานานแล้วไอ้เบียร์ถึงกับชูท่าหัวใจ ให้พี่กุ๊กไก่แน่นอนว่าพี่กุ๊กไก้ร้องกรี๊ดแล้วทำท่าหัวใจกลับมาไม่หยุด
“มาแล้วค่าคนนี้ที่เรารอคอย น้องแก๊ปรัฐศาสตร์ปีสาม”
เสียงกรี๊ดของผู้หญิงดังลั่น
พร้อมกับเสียงเป่าปากดังไปทั่ว โฟโต้นั่งเท้าคางมองคนดังของรัฐศาสตร์ที่ไปยืนอยู่กลางวง
“ถ้าความลับของน้องแก๊ปคือแอบชอบพี่กุ๊กไก่ พี่ขอบอกก่อนว่าพี่ไม่ปฏิเสธ”
“โอ๊ย อีกัมปนาถอย่าละเมอให้มันมากนัก”
“อีพวกบ้าบอกว่ากูเปลี่ยนชื่อเป็น กวินตาแล้วอย่ามาเรียกชื่อนี้”
ทุกคนหัวเราะเมื่อเห็นพี่กุ๊กไก่ทำท่ารับไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเก่า พี่แก๊ปเองได้แต่ยืนนิ่งเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดหรือไม่พูดเรื่องนี้ดี ทุกคนในค่ายเงียบกริบเมื่อเห็นว่าแก๊ปยังคงเงียบอยู่แบบนั้น โฟโต้เองก็มองคนที่ยืนอยู่ไม่วางตาอยากรู้เหมือนกันว่าพี่แก๊ปจะพูดเรื่องอะไร
“จริงๆ เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เป็นความลับเท่าไหร่ เพื่อนผมทุกคนก็รู้แต่ที่มันเป็นความลับเพราะคนที่ส่งรูปให้ผมเขาไม่ยอมบอกสักทีว่าเขาเป็นใคร”
โฟโต้เผลอกำมือแน่นเมื่อได้ยินที่พี่แก๊ปบอก
ทุกคนในค่ายเองก็เงียบกริบตั้งใจฟังเรื่องราวที่คนดังของรัฐศาสตร์กำลังจะเล่า
“ผมได้รูปวิวมาประมาณสองสามเดือนแล้วตั้งแต่เปิดเทอม ทุกครั้งที่ผมเปิดล็อคเกอร์จะมีรูปวิววางไว้หนึ่งรูปทุกวัน”
“……………………………………………………………………………………………..”
“ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นแค่ของแฟนคลับทั่วๆ ไปอาจจะซื้อมาจากสักที่หรือไม่ก็เซฟมาจากอินเตอร์เน็ต”
“……………………………………………………………………………………………..”
“แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ รูปวิวที่ผมได้มาผมมั่นใจว่าเขาเป็นคนถ่ายเองทุกรูป จากที่ตอนแรกผมไม่ได้สนใจอะไรแต่พอหลังๆ ผมกลับรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นรูปวิวทุกวัน ผมจะรออยู่เสมอว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นรูปอะไรแบบไหน”
“……………………………………………………………………………………………..”
“ผมได้รูปทุกวันแบบนี้ผมก็คิดว่ามันดีมากแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะให้รูปผมไปจนถึงเมื่อไหร่ เขาไม่เคยแสดงตัว ไม่เคยทำอะไรนอกจากแอบชอบผมเงียบๆ”
“แล้วพี่แก๊ปคิดว่าคนที่ส่งรูปให้พี่แก๊ปเป็นคนแบบไหนคะ”
โฟโต้ใจเต้นเร็วเมื่อได้ยินคำถาม
ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าสายตาพี่แก๊ปตั้งใจมองมาที่เขา
“พี่รู้แค่ว่าเขาต้องเป็นคนที่น่ารักมากๆ และที่สำคัญต้องเป็นคนอ่อนโยนถึงได้ถ่ายรูปวิวธรรมชาติได้สวยขนาดนี้”
โฟโต้ก้มหน้าลงเมื่อได้ยินในสิ่งที่พี่แก๊ปบอก…….
เขาไม่ได้เป็นแบบที่พี่แก๊ปพูดเลยสักนิดเขาไม่ได้น่ารักและไม่ได้อ่อนโยนด้วยไม่งั้นคงไม่ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งแห่งสถาปัตย์มาหรอก เขาเย็นชาจนไม่อยากจะมีใครเข้าใกล้ขนาดนี้ เขาจะเป็นคนที่แก๊ปชอบได้ยังไงกัน
โฟโต้บอกเบียร์ว่าจะไปห้องน้ำ
เพราะเขาเองไม่อยากจะอยู่ตรงนี้แล้ว
โฟโต้เดินเลี่ยงมาทางเนินเขาแล้วนั่งเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่แบบนั้น สมุดเล่มเล็กที่ติดตัวอยู่เสมอวางอยู่บนตักก่อนที่โฟโต้จะเปิดมันออกหน้าแรกคือรูปครอบครัวของเขา เพราะพ่อชาวอิตาเลียนของเขาเป็นช่างภาพเลยต้องเดินทางรอบโลกเพื่อไปทำงานและแม่ก็ไปกับพ่อด้วย ตอนนี้น่าจะอยู่ประเทศแถบอเมริกาใต้ เขาชินซะแล้วแหละเพราะพ่อกับแม่ก็โทรหาส่งเสียงส่งรูปที่พ่อถ่ายมาให้ดูบ่อยๆ
พอเปิดไปถึงหน้าที่ต้องการ
รูปถ่ายโพลารอยด์ที่เสียบไว้ทำให้โฟโต้หยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ
รูปพี่แก๊ป..และมันคือจุดเริ่มต้น
ร้านกาแฟพี่กัลป์
อาจเป็นเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมขึ้นปีสองนักศึกษาเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ โฟโต้ไม่ได้กลับบ้านเพราะพ่อกับแม่ยังเดินทางรอบโลกอยู่เลย คิดว่าปิดเทอมก็อยู่หอมันนี่แหละขี้เกียจกลับ พอเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ก็สั่งเครื่องดื่มกับพี่กัลป์ที่ยังทำหน้าที่เจ้าของร้านไม่ขาดตกบกพร่อง
โฟโต้ประคองแก้วลาเต้มาวางลงบนโต๊ะแล้วหยิบกล้องโพลารอยด์ออกมา กล้องนี้เป็นของโฟกัสแต่ก็ไม่ได้ใช้มานานแล้วเมื่อกี้ถือออกมาลองถ่ายเด็กฝาแฝดชายหญิงหน้าร้านกาแฟพี่กัลป์ไปสองสามรูปมันก็ยังโอเคอยู่ เพราะไม่ได้ใช้งานนานมากโฟโต้เลยหยิบกระดาษมาเช็ดกล้องไปมา ลองเอาตาส่องเช็คจุดโฟกัสดูอีกรอบก่อนที่มือจะเผลอกดถ่ายโดยไม่รู้ตัว
รูปถ่ายค่อยๆ เลื่อนออกมา
โฟโต้คิดเองว่ามันคงจะเป็นรูปบรรยากาศในร้านทั่วๆ ไป..แต่ไม่ใช่
มันเป็นรูปผู้ชายคนนึงที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้า กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม ภาพที่เห็นเหมือนรูปวาด เพราะทุกอย่างในรูปลงตัวไม่ว่าจะแสงหรือสิ่งรอบข้าง โฟโต้มองรูปในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายคนนั้นที่ยังคงนั่งดื่มกาแฟอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกที่ตกหลุมรักใครสักคนจากรูปถ่ายทั้งๆ ที่ตัวจริงนั่งอยู่ตรงหน้า
และผู้ชายคนนั้นคือ พี่แก๊ปรัฐศาสตร์
เพราะตอนนี้ความรู้สึกมันอ่อนไหวจนอยากจะร้องไห้โฟโต้เลยนั่งชันเข่าฟุบหน้าลงไปแต่อยู่ดีๆ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็สั่นชื่อที่โชว์บนหน้าจอคือโฟกัส โฟโต้ปาดน้ำตาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติพร้อมกับกดรับ
“ว่าไง”
“……………………………....................”
“กัส ได้ยินไหมทำไมเงียบวะ”
“โต้..ร้องไห้เหรอ”
“……………………………....................”
“ร้องไห้ทำไม”
“ไม่ได้ร้องเว้ย!”
“ร้องอยู่แน่ๆ ไม่ร้องดิ”
“ก็บอกว่าไม่ได้ร้องไง ฮึก..”
คนที่บอกว่าไม่ได้ร้องกลับปล่อยโฮออกมาซะดื้อๆ มือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดปากก็บอกคนในสายว่าไม่ได้ร้อง ไม่ได้ร้องโฟกัสเงียบไปแป๊บนึงก่อนจะหัวเราะเสียงดังเลยโดนโฟโต้ด่าว่าคนร้องไห้อยู่หัวเราะทำไม สรุปกว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็เถียงกันเรื่องร้องไม่ร้องกันอยู่นาน
“แล้วโทรมามีอะไร”
“ไม่รู้แค่รู้สึกว่าอยากโทรมาตอนนี้ก็เท่านั้น”
“เพราะเราเป็นฝาแฝดกันแน่ๆ ถึงมีเซนส์อะไรแบบนี้”
“ใช่ แต่กูน่ารักกว่าไปละงานยังไม่เสร็จเลยไม่ต้องร้องล่ะแล้วก็…จีบๆ พี่แก๊ปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดิกลัวไรวะ”
“โฟกัส!”
เขาคิดอยู่แล้วว่ายังไงโฟกัสต้องรู้เรื่องพี่แก๊ป แค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น วันนี้ไม่รู้เลยว่าเจอหน้าพี่แก๊ปจะต้องทำหน้าแบบไหนแถมตอนนี้ร้องไห้ซะตาบวมขนาดนี้พี่เขาต้องสงสัยแน่ๆ วันนี้ไปขอนอนกับเบียร์น่าจะดีกว่ายังไงก็คืนสุดท้ายแล้วพี่เขาคงไม่ลงโทษแล้ว
LATTE
“ทำไมเป็นมึงวะ ไอ้โม”
“อ้าว เป็นกูแล้วทำไม”
“โฟโต้ไปไหน”
“เบียร์สถาปัตย์บอกว่าน้องโฟโต้ไม่ค่อยสบายเลยต้องดูแลเพื่อน ขอสลับเตนท์กับกู”
“เป็นไรมากเปล่าวะ”
“ไม่รู้ว่ะก็เห็นนิ่งๆ ปกติน้องเขานิ่งๆ อยู่แล้วเลยดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ท่าทางซึมๆไปนิดนึงอาจจะแพ้อากาศ”
แก๊ปยังคงนั่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่โมโผล่หน้าเข้ามาในเตนท์แทนที่จะเป็นโฟโต้ ไอ้คนที่เข้ามานอนแทนจัดแจงผ้าห่มตบหมอนให้เข้าที่เข้าทางพลางถามเพื่อนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมว่าไม่นอนหรือไง แก๊ปได้แต่ถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนบ้างยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันอยู่ดีเพราะเป็นวันเดินทางกลับแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด
โฟโต้หลับพิงไหล่เพื่อนสนิทบนหน้าผากมีแผ่นแปะลดไข้ แก๊ปได้แต่ยืนมองอยู่นานเพราะนึกว่าน้องจะนั่งคนเดียวเหมือนตอนขามาสรุปแล้วเขาก็เดินกลับไปนั่งตรงกลุ่มรัฐศาสตร์ตามเดิมหลังจากวันที่เล่าเรื่องความลับในวันนั้นเขาก็ยังไม่ได้คุยกับโฟโต้อีกเลยไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนน้องจงใจหลบหน้าเขา
“มหา’ลัยที่รักกลับมาแล้วโว้ยยยยย”
ทันทีที่ทุกคนลงจากรถก็ขยับตัวไปมาเพราะนั่งรถนานหลายชั่วโมง โฟโต้รู้สึกว่าคราวนี้เขาคงจะไม่สบายหนักอาจเพราะนั่งตากน้ำค้างนานไปหน่อยตอนนี้หัวหมุนติ้วๆ พอลงมาจากรถก็เห็นโฟกัสยืนโบกมือเรียก พอเดินเข้าไปหาพี่เบสผู้ชายที่เคยใจร้ายอันดับหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้วตอนนี้กลายมาเป็นแฟนดีเด่นเลิศเลอของเจ้าแฝดก็ช่วยถือกระเป๋าให้
“โต้ไปหาหมอไหมหน้าแดงมากเลยนะ พี่จะได้แวะก่อนกลับหอ”
“ไม่เป็นไรครับแค่กินยาเดี๋ยวก็หาย”
“ไปเลย ไปหาหมอเลยโดนจับฉีดยาแน่”
“ฉีดยาแล้วไง ไม่ใช่เอ็งนะที่โดนฉีดยาแล้วร้องแหกปากลั่นโรงพยาบาล”
เบสหัวเราะแล้วจับฝาแฝดให้อยู่กันคนละฝั่งซ้ายขวาสองคนนี้เถียงกันได้ทุกเรื่อง
และส่วนใหญ่โฟโต้จะชนะหลังจากนั้นโฟกัสก็จะไม่ยอมแล้วก็จะเถียงแง๊วๆ ไม่หยุด
แก๊ปยืนกอดอกมองเจ้าชายน้ำแข็งสถาปัตย์ขึ้นรถพี่เบสลีดบริหารปีสี่ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะคุยกับโฟโต้สักหน่อยกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกันอีกจนได้ แต่ถึงยังไงเดี๋ยววันจันทร์ก็คงเจอกันตอนนี้น้องไม่สบายก็คงอยากจะพักผ่อน
…………..
………………………………………….
“ครั้งนี้มึงไม่ค่อยถ่ายรูปเลยนะเบียร์”
“ก็มันมีแต่ภูเขาต้นไม้ใบหญ้าเลยไม่ค่อยได้ถ่ายเท่าไหร่”
“ไม่ชอบเหรอไง”
“กูชอบทะเลมากกว่า”
“.......................................................”
ทั้งยูกิและโฟโต้กำลังหนีบรูปกับแนวเชือกหันมามองคนที่ก้มหน้าล้างรูปอยู่ พอเห็นเพื่อนเงียบไปเบียร์ก็เงยหน้าขึ้นมามองสายตาล้อเลียนพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนรู้ทันทำให้เบียร์ต้องเอ่ยถามเพื่อน
“อะไรของพวกมึง”
“ยังไม่ลืมน้องเขาอีกเหรอวะ”
“กูหมายถึงทะเล ทะเลที่มีคลื่น ซีอ่ะ เอสอีเอ”
“พวกกูยังไม่ได้พูดอะไรสักคำมึงอ่ะร้อนตัว”
พอเถียงสู้เพื่อนไม่ได้ก็เลยหันหนีไปทำงานทางอื่นโฟโต้เลยดึงรูปวิวออกมาหนึ่งใบมันเป็นรูปพระอาทิตย์ตกดินแสงสีส้มสวยดีเขาเลยถ่ายมันไว้ตั้งใจจะเอาไปให้พี่แก๊ปและเขาก็จะไม่แสดงตัวด้วยจะเอาไปไว้ในล็อคเกอร์ตามเดิม
จนกว่าพี่แก็ปจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
เขาถึงจะเลิกทำพอคิดแบบนี้ใจก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นเขาจะทนได้แค่ไหน
“โฟโต้ พี่ขวัญโทรมาบอกว่าเอารูปค่ายรัฐศาสตร์ไปให้พี่ขวัญด้วยเดี๋ยวพี่เขาจะเอาไปติดบอร์ด”
โฟโต้พยักหน้าพร้อมกับเอารูปใส่ซองให้เรียบร้อยมีอีกซองเป็นรูปที่เขาถ่ายไว้เพื่อส่งให้กับร้านโปสการ์ดเจ้าประจำตอนแรกเขาแค่ลองส่งเล่นๆ แต่รูปกลับขายได้พี่เจ้าของร้านบอกว่ามีคุณหมอกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาเป็นลูกค้าประจำร้านชอบโปสการ์ดของโฟโต้ทุกรูป เวลาลงของทีไรคุณหมอก็ขอจองก่อนทุกครั้ง ส่วนกล่องกระดาษที่วางข้างๆ คือกล่องที่ใส่รูปวิวที่ให้พี่แก๊ปพอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้วเลยเอ่ยลาเพื่อนทั้งสองคนมือก็หยิบของทั้งหมดหอบพะรุงพะรังไปด้วย
“น้องโฟโต้มายังวะ อาจารย์โทรจิกกูทุกสามวิอยากดูรูปกูไปโม้ไว้เยอะว่าน้องเขาถ่ายรูปสวย”
“ขวัญโทรไปบอกเพื่อนน้องเขาไว้แล้วนะโทรไปน้องไม่รับสายน่าจะไม่ว่าง”
ห้องเรียนรัฐศาสตร์ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอน้องโฟโต้อย่างใจจดใจจ่อ เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาทำให้ทุกคนชะเง้อมองแต่ก็ต้องโห่ร้องเมื่อเห็นว่าเป็นแก๊ปที่ถือรูปใบนึงเดินเข้ามาในห้อง
“นี่เหรอรูปที่บอกว่าได้ทุกวัน ขอดูบ้างดิแสงอาทิตย์โคตรสวยเลยว่ะถ่ายยังไงให้ได้แบบนี้วะ”
“เขาอาจจะให้คนหล่อทุกคณะก็ได้มึงอย่ามาหลงตัวเอง ไอ้แก๊ป”
“กูมั่นใจว่ากูได้คนเดียว”
พอเห็นเพื่อนเริ่มจะตีกันโอมเลยบอกให้พอก่อนจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง โฟโต้หอบหายใจเมื่อเขาสายมากแล้วนี่ก็วิ่งมาจากตึกสถาปัตย์จริงๆ แวะไปวางรูปในล็อคเกอร์พี่แก๊ปก่อน เพราะวิ่งไปวิ่งมาเลยทำให้มาสาย พี่ขวัญรีบเดินเข้ามายกมือพัดให้หายเหนื่อย
“ขอโทษครับนี่รูป”
รุ่นพี่เห็นน้องสถาปัตย์หน้าแดงแก้มแดงท่าทางจะเหนื่อยมากจริงๆ เลยบอกให้ไปนั่งพักก่อน โฟโต้เหลือบมองพี่แก๊ปที่ถือรูปถ่ายไว้ในมือ จังหวะที่กำลังหันหลังโอมเอื้อมมือไปจับแขนโฟโต้ไว้เพื่อจะถามเกี่ยวกับรูปในซองแต่อาจจะเผลอจับแรงไปหน่อยทำให้กล่องในมือของโฟโต้หล่นลงพื้นพร้อมกับ..
รูปถ่ายนับสิบใบกระจายอยู่รอบตัว
“เฮ้ย โฟโต้พี่ขอโทษเดี๋ยวพี่ช่ว..”
รูปถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่เพื่อนสาบานได้เลยว่าเพิ่งเห็นจากแก๊ปเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ต่างกันแค่รูปในมือโอมตอนนี้มีลายเซ็นและวันที่เขียนกำกับไว้หลังรูป ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชะงักค้างอยู่กับที่โดยเฉพาะกลุ่มรัฐศาสตร์ที่มองรูปถ่ายบนพื้นทีละรูป
สาบานได้เลยว่ามันคือรูปเดียวกับที่แก๊ปได้ทุกวัน
“โฟโต้..รูปวิว”
“……………………………………………”
“ทั้งหมดนี่เป็นของโฟโต้เหรอ”
“ขอโทษครับ”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรโฟโต้ก็วิ่งออกจากห้องไปแล้ว
ทุกคนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะหันไปมองแก๊ปที่ก้มลงเก็บรูปบนพื้นใส่กล่องตามเดิม
“แก๊ปรูปวิวที่มึงได้ทุกวันนี่น้องโฟโต้เป็นคน..”
“กูรู้”
“..........................”
“กู้รู้ตั้งนานแล้วว่าโฟโต้เป็นเจ้าของรูปวิวทั้งหมดที่กูได้”
แก๊ปถือกล่องใส่รูปแล้ววิ่งตามหลังโฟโต้ไปทิ้งทุกคนมองตากันปริบๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจน งง กันไปหมดขวัญยกมือจับแก้มตัวเองทั้งสองข้างพลางบอกน่ารักมากคู่นี้ จีบกันด้วยรูปถ่าย กลุ่มรัฐศาสตร์เองก็พยักน้าอย่างเห็นด้วย
เจ้าชายน้ำแข็งสถาปัตย์ก็โรแมนติกเหมือนกันนิหน่า
...............
................................................................
-
.....................
..........................................................
“โฟโต้!”
“…………………………………….”
“โฟโต้! หยุดก่อน”
“…………………………………….”
“โฟโต้ถ้าเราไม่หยุดเมื่อไหร่เราจะได้คุยกันสักทีหยุดเดี๋ยวนี้เลย! โอ๊ย”
แก๊ปร้องลั่นเมื่อเขาเอามือไปกั้นประตูห้องเรียนสถาปัตย์ไว้จังหวะเดียวกับที่โฟโต้รีบปิดประตูพอดี แต่คิดว่าก็ดีเหมือนกันเพราะโฟโต้เปิดประตูดึงมือเขาไปดูทันทีโอเค..เพิ่มสกิลแอคติ้งเข้าไปหน่อยกว่าโฟโต้จะรู้ตัวก็ตอนได้ยินเสียงปิดประตูอีกครั้ง
“พี่ว่า..”
“พี่ผิดหวังใช่ไหมที่เป็นผม”
“เป็นเราแล้วมันทำไม”
“พี่ก็รู้ผมไม่ได้น่ารักไม่ได้อ่อนโยนด้วยผมเย็นชาจะตายเหมือน..”
“เจ้าชายน้ำแข็ง”
แก๊ปเป็นคนพูดต่อเองสายตาเหลือบมองไปยังรูปถ่ายโพลาลอยด์ในมือของโฟโต้ พอเห็นว่าเขามองน้องก็เอารูปไปซ่อนไว้ด้านหลังแต่ว่าเขาก็เร็วกว่าดึงรูปมาไว้กับตัวได้ รูปถ่ายโพลารอยด์มันเป็นรูปตัวเขาเองก็พอรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันเป็นรูปใคร
“ผมเจอพี่ที่นี่…ที่ร้านกาแฟพี่กัลป์”
“พี่ก็เจอเราที่นี่ที่ร้านกาแฟพี่กัลป์คือครั้งแรกที่พี่เริ่มสนใจคนที่ชื่อโฟโต้”
คนที่กำลังก้มหน้ามองพื้นรีบเงยหน้าขึ้นมามอง
แก๊ปเอารูปโพลารอยด์ในมือเคาะหน้าผากเจ้าเด็กสถาปัตย์เบาๆ ก่อนจะเล่า
วันนั้นเพิ่งสอบเสร็จและเขาก็บอกกับแม่ไว้ว่าจะกลับบ้านอาทิตย์หน้า พอตื่นมาก็บ่ายแล้วหลังจากที่นอนหลับไปเกือบสิบชั่วโมง พอเดินมาถึงหน้าร้านกาแฟพี่กัลป์ก็เห็นผู้ชายคนนึงกำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างกับสิ่งที่อยู่ในมือคงไม่รู้ตัวว่ากำลังยืนขวางประตูหน้าร้าน ข้างๆ มีเด็กประมาณสามขวบคาดว่าจะเป็นฝาแฝดชายหญิงยืนเงยหน้ามองท่าทางเดียวกันเด๊ะๆ
“ถ่ายแย้วรูปออกมา ออกมา”
“ใช่ครับ ถ้ากดปุ่มตรงนี้รูปก็ออกมาทันทีเลยไหนๆ ยืนชิดๆ กันหน่อย”
เจ้าเด็กฝาแฝดยืนตัวตรงเหมือเคารพธงชาติแต่ก็ฉีกยิ้มแต็มที่ แก๊ปกอดอกยืนมองคนต่างวัยสามคนมะรุมมะตุ้มกับกล้องโพลารอด์กันอยู่สักพักก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะยื่นรูปให้เด็กแฝดคนละใบ เจ้าเด็กยกมือไหว้แล้ววิ่งไปตามเสียงเรียกของแม่ แก๊ปมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นาน
และเขาก็รู้ด้วยว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร
โฟโต้ สถาปัตย์ปีสองฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง
โฟโต้ยกมือโบกลาเจ้าเด็กแฝดทั้งสองคน
แล้วยิ้มจนตาหยีเมื่อเด็กแฝดส่งจุ๊บคืนมาให้
แก๊ปยังคงยื่นนิ่งอยู่อย่างนั้นเท่าที่ได้ยินมาโฟโต้สถาปัตย์ หน้านิ่ง หยิ่ง เย็นชา ไร้อารมณ์ ตายด้านถึงได้ตำแหน่งเจ้าชายน้ำแข็งแห่งสถาปัตย์ แก๊ปรู้แค่ว่าคนนี้ชื่อโฟโต้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เวลาบังเอิญเจอกันในมหา’ลัยโฟโต้เดินอยู่กับกลุ่มเพื่อนสองสามคน แต่หน้าจะนิ่งๆ หน่อยแต่ก็ยอมรับนะว่า
โฟโต้หน้าตาน่ารัก
แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคงเป็นสีตาที่เป็นสีเขียว
“ก็ไม่ได้เป็นน้ำแข็งอย่างที่คนอื่นเขาบอกนิอ่อนโยนจะตาย”
แก๊ปเดินเข้าไปในร้านกาแฟพี่กัลป์สั่งกาแฟลาเต้ที่ชอบแล้วมานั่งที่โต๊ะแค่เพียงไม่นานโฟโต้ก็เดินมานั่งตรงโต๊ะข้างหน้าเช็ดๆ ถูๆ กล้องในมือไม่รู้ว่าตกอกตกใจอะไรถึงได้มองรูปที่เพิ่งออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขาทำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
เจ้าเด็กตลก
กลับมาปัจจุบัน
“พี่แก๊ป..”
“ไง....เราเจอกันตั้งนานแล้วนะ”
“แล้วพี่แก๊ปรู้ได้ยังไงครับว่าผมคือคนที่ส่งรูปให้พี่”
โฟโต้ยืนพิงโต๊ะถามขึ้นแก๊ปยิ้มออกมาก่อนจะพลิกตัวมายืนคร่อมโฟโต้ไว้ เด็กสถาปัตย์สะดุ้งสุดตัวเมื่อแก๊ปยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แถมตอนนี้ก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“เวลาที่เราสนใจใครคนนั้นก็จะอยู่ในสายตาเราตลอดเวลาใช่ไหม”
ทันทีที่เขาบอกโฟโต้ก็เงยหน้าขึ้นมามองทันทีสายตาที่คาดไม่ถึง
ทำให้แก๊ปยิ้มอย่างเอ็นดูเลยก้มหัวชนหน้าผากเหม่งๆ เบาๆ
“ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่วันนั้นพี่ถึงเอาแต่มองหาเรา พี่เจอเราบ่อยมากเจอกันกี่ครั้งก็เห็นเอาแต่ถ่ายรูป”
“.............................................................”
“มีครั้งนึงพี่เห็นเราเอาแต่ถ่ายรูปต้นไม้หลังคณะสถาปัตย์อยูนานสองนาน นั่งมองเกือบสิบนาทีเราไม่ขยับเขยื้อนยังกะตุ๊กตา แล้วพอวันต่อมาพี่ก็ได้รูปต้นไม้ต้นเดียวกันมาวางไว้ในล๊อคเกอร์”
“.............................................................”
“ตอนแรกพี่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญแต่ในวันต่อมาไม่ว่าพี่เจอเราที่ไหนวันต่อมาพี่ก็จะได้รูปวิวจากที่นั่น”
“.............................................................”
“เซนส์มันบอกว่าเราแน่ๆ ที่ส่งรูปให้พี่ทุกวัน พี่คิดว่าเราจะส่งรูปให้พี่แค่สองสามอาทิตย์แต่กลับเป็นเดือนเลย พี่ก็รออยู่ว่าเราจะเริ่มจีบพี่วิธีอื่นไหมนอกจากเอารูปมาให้แต่ก็ไม่มี”
“ผมไม่ได้จีบสักหน่อย”
“อ้าว..อย่าบอกนะว่าชอบพี่แบบพี่ชายนี่พี่ไม่ยอมจริงๆ นะเว้ย”
“ผมไม่ได้ชอบพี่แก๊ปแบบพี่ชายแล้วก็ไม่ได้อยากเป็นน้องชายด้วย!”
โฟโต้เงยหน้าขึ้นมาเถียงทันควันหน้าตาจริงจังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่พอเห็นหน้าพี่แก๊ปที่ตอนนี้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เลยรู้ว่ากำลังถูกหลอกให้พูด
“พี่ถามจริงว่าเราไม่คิดจะเปิดตัวเลยเหรอ จะให้รูปพี่จนพี่เรียนจบเลยเหรอไง”
“เพราะผมไม่น่ารักนิสัยก็ไม่ค่อยจะดีทุกคนบอกว่าผมหยิ่ง”
แก๊ปเลยกมือทั้งสองข้างแนบแก้มป่องๆ นั่น
คนโดยจับแก้มตัวแข็งทื่อกะพริบตาปริบๆ
“ก็ไม่เห็นจะเย็นตรงไหน แล้วก็เราน่ะน่ารักจะตายไม่ได้หยิ่งด้วยก็แค่ไม่ค่อยพูดเวลายิ้มก็ดูอ่อนโยน แต่อย่างน้อยตอนที่เรากำลังจะเป็นแฟนกันก็ควรจะยิ้มและยื่นแก้มมาให้พี่หอมสักทีก็ดี”
“พี่แก๊ป! อืออออออออออออ เอ็บๆๆๆๆ”
โฟโต้ยกมือตีมือคนที่ดึงแก้มจนยืดออกทั้งสองข้างแก๊ปหัวเราะเพราะมันเหมือนตัวการ์ตูนร้องแง๊วๆ กว่าจะยอมปล่อยออกแก้มก็เป็นรอยแดงทั้งสองข้างเลยเปลี่ยนมาเป็นลูบแก้มเบาๆ แทน
“แล้วตอนนี้..”
“ถ้าพี่แก๊ปว่างเราไปถ่ายรูปด้วยกันนะครับ”
ดูเป็นคำพูดที่น่าพอใจแก๊ปก็ยิ้มกว้างก่อนจะคว้าตัวน้องเข้ามากอด ที่จริงแล้วคนที่ไม่กล้าก็คือตัวเขาเองนั่นแหละอย่างน้อยโฟโต้ก็ยังเลือกที่จะเอารูปวิวมาให้เขา แต่เขาเองกลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ก็ชอบน้องเหมือนกัน แต่มันก็คงไม่เป็นไรเพราะไม่ว่ายังไงมันก็ลงเอยแบบนี้อยู่ดี
ไว้ชดเชยให้โฟโต้หลังจากวันนี้แล้วกัน
:: LATTE ::
“ลาเต้สองแก้วครับพี่กัลป์”
กัลป์เงยหน้าขึ้นมามองลูกค้าที่รู้จักเป็นอย่างดีดื่มมันอยู่เมนูเดียวตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามพอมองไปข้างๆ ก็เจอเจ้าเด็กลูกครึ่งเจ้าชายน้ำแข็งของสถาปัตย์ยืมก้มหน้าก้มตาดูรูปในกล้องอยู่ กัลป์เหล่มองน้องที่ยืนอยู่ด้วยทำให้แก๊ปยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าแถมยังมีการยกมือลูบหัวคนที่อยู่ข้างๆ โชว์อีกต่างหาก เจ้าเด็กโฟโต้ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขามีการเงยหน้าขึ้นมามองด้วยท่าทาง งงๆ กัลป์ได้แต่ทำท่าทางหมั่นไส้รีบไล่ให้ทั้งคู่ไปนั่งรอที่โต๊ะ
“มาแล้วจ้าคู่รักภาพถ่าย”
เสียงเพื่อนกลุ่มรัฐศาสตร์ที่นั่งกันครบทั่งกลุ่มส่งเสียงดังจนคนในร้านต่างหันมามองกันหมด โฟโต้ยังคงหน้านิ่งตามสไตล์ ถึงแม้ว่าโฟโต้จะคุ้นเคยกับเพื่อนของแก๊ปบ้างแล้วโฟโต้ก็ยังคงเขินและพูดน้อยเหมือนเดิม แต่ทุกคนก็เข้าใจดีแถมตอนนี้มีตำแหน่งเป็นแฟนกับแก๊ปคนดังรัฐศาสตร์ก็คงทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
“พี่ขอโทษนะที่เคยว่าเราวันนั้นเราได้ยินใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่โอม ผมไม่ได้โกรธ”
“เอางี้เพื่อเป็นการไถ่โทษ พี่จะให้ดูคลิปไอ้แก๊ปใส่กระโปรงสีบานเย็นเต้นเพลงเมียงูตอนปีหนึ่ง”
“เฮ้ย! ไอ้โอมทำไมมึงยังมีคลิปนี้อยู่อีกวะเดี๋ยวๆๆ โฟโต้หยุดๆ ”
แก๊ปโวยวายดังลั่นพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของโอมแต่ก็ช้าไปเมื่อโมที่นั่งข้างๆ ล็อคตัวแก๊ปไว้ทัน เสียงเพลงที่ยังจำได้ไม่มีวันลืมถูกเปิดอีกครั้ง เพื่อนในกลุ่มพากันรำลึกความหลังกันอย่างสนุกสนาน โฟโต้ที่กำลังดูคลิปอยู่ค่อยๆ ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาจนตายิบหยี ทุกคนในโต๊ะหยุดชะงักขนาดกัลป์ที่เดินเอากาแฟลาเต้มาเสิร์ฟเองยังหยุดค้างไปกับเขาด้วย แก๊ปมองไปยังโฟโต้แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทีละคน
“กูรู้นะว่าพวกมึงคิดอะไรอยู่หยุดเดี๋ยวนี้!”
โฟโต้ยังคงดูคลิปตามเดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรู้สึกว่ามันเงียบๆ ไปสายตาทุกคนที่มองอยู่ทำให้โฟโต้หันมามองหน้าแก๊ปเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แก๊ปยังไม่ทันจะได้พูด..
“พี่แก๊ปตลกอ่ะพี่เต้นแบบนี้เป็นด้วย”
แล้วโฟโต้ก็หัวเราะตาหยีอีกรอบ
“น่ารัก น่ารัก น่ารัก ”
“เข้าใจละว่าทำไมไม่ค่อยยิ้มยิ้มแล้วทำลายล้างโลกแบบนี้นี่เอง”
“นอกจากโฟกัสโฟโต้แล้วมีโฟอะไรอีกป่ะ ขอพี่คนนึง”
“พี่โอมผิดไปแล้วที่เคยบอกว่าน้องหยิ่ง”
แก๊ปรีบคว้าตัวโฟโต้เข้ามากอดไว้เอามือจับหัวน้องให้ซบลงตรงอกพร้อมกับโวยวายว่าอย่ามายุ่ง โฟโต้เองก็ยกมือขึ้นมาตบๆ หลังแก๊ปเบาๆพร้อมกับหัวเราะไปด้วยเมื่อเพื่อนในกลุ่มแกล้งเอื้อมมือจะมาจับตัว
กัลป์อมยิ้มแล้ววางแก้วกาแฟลาเต้สองแก้วไว้คู่กัน
พร้อมกับนึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยพูดไว้กับแก๊ปคิดว่าเจ้าตัวก็อาจจะลืมไปแล้ว
“รู้ไหมแก๊ป พี่คิดว่ามีแค่เราที่สั่งแต่ลาเต้ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ แต่ว่าพี่เจอน้องคนนึงสั่งลาเต้เหมือนเราเลยสั่งอยู่เมนูเดียวเชียร์ให้ลองชิมเมนูอื่นก็ไม่ยอมเปลี่ยนจะกินแต่ลาเต้”
ตอนนั้นจำได้ว่า
แก๊ปยังหัวเราะไปตามประสาก่อนจะบอก
“ไม่แน่สักวันผมอาจจะมานั่งกินกาแฟลาเต้พร้อมน้องเขาก็ได้นะ”
*TBC 05 CAPUCHINO
#นิยายร้านกาแฟ
ps, ยาวจัง 55555
Twitter @ribbinbo
-
:katai1: :katai1: :katai1: พี่แก๊ปไม่บอกน้องงงงง
.....นึกว่าโฟโต้เป็นเมะ 55555555555 รอตอนจบค่า
-
โอ๊ยยยย สนุก สนุกทุกตอนเลยค่ะ
-
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
แต่ละเรื่องน่ารักอ่ะ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:: 05 : CAPUCHINO ::
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน..
เบียร์ – อันดา
ฟองนมสีขาวนุ่มฟูถูกเทลงบนแก้วกาแฟอย่างปราณีต บุคลิกท่าทางที่ดูคล่องแคล่วทำให้บรรดานักศึกษาผู้หญิงที่รุมกันอยู่หน้าเคาน์เคอร์เอาแต่มองด้วยความชื่นชมบางคนส่งเสียงแซ็วจนกัลป์ต้องหลุดยิ้มแต่ก็ยังรักษามาดไว้อยู่ แต่สุดท้ายเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็เรียกความสนใจจากบรรดานักศึกษาที่มุงอยู่ไปจนได้ ภาพที่เห็นคือนักศึกษาที่หน้าตาอิดโรยแต่ก็ยังคงความหล่อไว้อยู่เดินโซซัดโซเซเข้ามาในร้าน
“ตาเป็นหมีแพนด้ามาเชียว ทำงานหนักสินะ”
“อีกยี่สิบนาทีจะครบ 45 ชั่วโมงที่ผมไม่ได้นอน”
“เฮ้ย ไหวป่ะเนี่ย”
“เดี๋ยวส่งงานนี่ก็เสร็จแล้วครับ แต่ตอนนี้ขอคาปูแก้วนึงก่อนตาจะปิด”
กัลป์ถามย้ำแน่ใจว่าต้องการกาแฟแค่หนึ่งแก้วเพราะสภาพใกล้เคียงกับซอมบี้ในซีรีส์ที่เคยดู แต่ก็ยอมรับว่าเด็กตรงหน้าที่ไม่ได้นอนมาเกือบสองวันยังหน้าตาดีอยู่มีแค่ท่าทางที่ดูอ่อนล้าไปบ้าง กัลป์รู้จักเบียร์ตั้งแต่เจ้าสุดหล่อนี่อยู่ปีหนึ่งสถาปัตย์ ปีที่แล้วก็ยังเห็นว่ารับติวน้องอยู่เหมือนกัน
“น้องเบียร์ของเจ๊ คิดถึงจังเลยค่า”
เบียร์แกล้งส่งจูบไปให้เจ๊กุ๊กไก่ที่ถลาเข้ามาหาพอเห็นสภาพน้องรัก? ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้แต่ก็รู้ดีว่าสถาปัตย์เรียนหนักขนาดไหนเคยเจอเพื่อนสลบไปสามวันหลังจากส่งโปรเจคเสร็จเลยไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ โต๊ะทุกโต๊ะถูกจับจองจนไม่เหลือโต๊ะว่างและบรรดานักศึกษาเลยเยอะเป็นพิเศษคนเข้าออกร้านกาแฟเป็นว่าเล่น
ปึก!
“เฮ้ย!”
เบียร์ร้องลั่นเมื่อแก้วคาปูชิโน่ที่ถืออยู่ถูกชนจนหกใส่เสื้อนักศึกษาเป็นคราบสีน้ำตาล เจ๊กุ๊กไก่ก็ร้องกรี๊ดตามจนกัลป์เองต้องเดินมาดูตรงหน้าเคาน์เตอร์อีกรอบ เบียร์ถอนหายใจเพราะคราบที่เลอะนี่มันไม่ใช่น้อยๆ มันแทบจะทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจจะหันไปมองหน้าคนที่เดินชนให้เห็นเต็มๆตาแต่พอหันไปมองก็ต้องหยุดชะงัก
“คือขอโท..”
อีกฝ่ายก็หยุดค้างตกตะลึงไม่แพ้กันท่าทางของทั้งคู่ทำให้เจ๊กุ๊กไก่กับกัลป์กระเถิบตัวเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ยิ่งตอนนี้น้องนักศึกษาอีกคนเดาว่าปีหนึ่งเพราะแต่งตัวเรียบร้อยแม้กระทั่งผูกไทด์ กำลังยืนนิ่งเหมือนถูกสาปเมื่อเห็นหน้าน้องเบียร์สถาปัตย์
“เอ่อ…รู้จักกันเหรอ”
เจ๊กุ๊กไก่เป็นหน่วยกล้าตายยกมือถาม
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังคงยืนอยู่ท่าเดิมๆ จ้องหน้ากันเกือบสิบวิ
“แฟนเก่า” / “ไม่รู้จัก”
ยิ่งได้ฟังคำตอบกุ๊กไก่กับกัลป์ก็ตาโตหูผึ่งมากกว่าเดิมน้องเบียร์บอกเต็มปากเต็มคำว่าแฟนเก่า แต่น้องปีหนึ่งก็บอกน้ำเสียงหนักแน่นว่าไม่รู้จัก เบียร์ที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมาจับข้อมือแล้วลากมายืนตรงหน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง
“เราทำกาแฟหกใส่พี่ซื้อให้พี่ใหม่เลย”
“ก็ยืนเกะกะขวางทางคนอื่นทำไมนี่มันทางเดิน”
“อันดา!”
ท่าทางจะกลายเป็นเรื่องใหญ่กัลป์เลยตัดบทว่าเดี๋ยวทำคาปูชิโน่ให้ใหม่แก้วนึงเดี๋ยวคิดครึ่งราคาก็ได้ เพราะตอนนี้ลูกค้าในร้านก็เริ่มจะตาโตหูผึ่งตามเขากับเจ๊กุ๊กไก่คงอยากจะรู้เรื่องกันทั้งร้านแล้ว พอตกลงกันได้เบียร์ก็ยืนซับเสื้อที่กาแฟหกใส่สายตาก็เหลือบมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ
อันดาโตขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอาจจะไม่ได้สูงมากแต่ก็ผอมลงเยอะเหมือนกัน
ผิวสีแทนเป็นเอกลักษณ์เขาไม่มีทางที่จะลืมได้ง่ายๆ เขาจะลืมมันได้ยังไงกัน
“ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าเรียนที่นี่เหมือนกัน”
“พี่เป็นใครทำไมผมต้องบอกพี่ด้วย”
“เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม”
“เราไม่มีความจำเป็นต้องคุยกันด้วยซ้ำ”
อันดาวางเงินบนเคาน์เตอร์เมื่อกัลป์ยื่นคาปูชิโน่แก้วใหม่ให้ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่ออันดาก็เดินออกไปจากร้านแล้ว ทั้งเจ๊กุ๊กไก่และกัลป์หันมามองหน้าเบียร์ที่มองตามน้องปีหนึ่งจนลับตา แววตาที่ดูเจ็บปวดทำให้ทุกคนเงียบกริบ
“ท่าทางจะจบไม่สวยนะ”
กัลป์ตบไหล่เบียร์เบาๆ เรียกขวัญกำลังใจสักหน่อยเพราะเบียร์เองก็เงียบไปนานเหมือนกัน
“ผมมันโคตรแย่เลยพี่”
:: CAPUCHINO ::
“อันดา!”
“น้องอันดา!”
“มึงเจอน้องอันดาที่นี่!”
“น้องอันดาเรียนที่นี่!”
เบียร์พยักหน้าตอบรับทุกคำถามเมื่อโฟโต้และยูกิถามกันคนละที โฟกัสที่นั่งอยู่ด้วยแต่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยชะโงกหน้ามาถามว่าใครคืออันดา โฟโต้เลยรวบรัดเล่าย่อๆ ให้แฝดตัวเองฟังโฟกัสหน้ายุ่งขึ้นมาทันทีเมื่อฟังจบ
“เบียร์นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ”
“อ้าว! ไอ้โต้มึงเล่าอะไรให้กัสฟังวะ”
“ก็เล่าตามความจริงทุกประการ”
“กูเบื่อฝาแฝดจริงๆ ให้ตาย”
“กูขอให้ฝาแฝดอันดาตามมาฆ่ามึงถึงคณะ ชื่ออะไรวะอะไรฟ้าๆ ”
“ฟ้าคราม”
เบียร์จำได้อยู่แล้ว อันดามีฝาแฝดชื่อฟ้าครามตอนอีกฝ่ายเป็นเด็กม.6 เห็นหน้าอยู่บ่อยๆ ฟ้าครามตัวสูงกว่าอันดาเยอะเหมือนกันแต่ทรงผมสีผิวนี่เหมือนกันมากและตัวก็ไม่ได้ผอมเหมือนอันดามีกล้ามพอประมาณเมื่อเทียบกับผู้ชายทั่วไป
“แล้วนี่มึงไปอยู่ไหนมาวะถึงเพิ่งรู้ว่าน้องเขาเรียนที่นี่เปิดเทอมมาจะสามเดือนแล้วนะ”
“ไอ้เบียร์มันจะไปไหนนอกจากคณะ หอ แล้วก็ร้านกาแฟพี่กัลป์ไม่งั้นจะได้ฉายานี้มาเหรอ”
“เออ..มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้เล่นพวก เฟส ทวิตเตอร์ ไอจี ขนาดไลน์กูยังไม่ค่อยตอบเลยกูว่าน้องเองก็กันกูทุกวิถีทาง”
“โคตรประหลาดไม่เคยบังเอิญเจอกันจนถึงวันนี้ ร้านกาแฟพี่กัลป์ที่โคตรอาถรรพ์พบรักกันที่นั่นทุกคู่”
ยูกิเป็นจริงเป็นจังได้แค่แป๊บเดียวก่อนจะบอกว่าไม่ได้การจะต้องไปกินกาแฟร้านพี่กัลป์บ่อยๆ ซะแล้ว ทุกคนเลยส่ายหน้าโฟโต้ตบๆ ลงบนหัวเพื่อนตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นเบียร์เองก็ดูจะคิดมากเรื่องนี้อยู่เหมือนกันไม่งั้นคงจะนั่งกังวลขนาดนี้หรอก โฟโต้เหลือบมองโทรศัพท์ที่เบียร์เปิดค้างไว้มันเป็นรูปคู่ที่เขาเองก็ไม่เคยเห็น น้องอันดายิ้มมีความสุขข้างๆคือเบียร์ที่ยื่นหน้ามาจนชิดแก้มแนบแก้ม
“เบียร์ มึงยังชอบน้องเขาอยู่เหรอวะ”
“………………………………………………………..”
“แต่กูมั่นใจว่ามึงไม่เคยลืมน้องเขาเลย ไม่งั้นป่านนี้มึงมีแฟนใหม่ไปนานแล้ว”
“………………………………………………………..”
“ถ้าไม่อะไรกับน้องเขาก็ปล่อยน้องเขาไปเถอะ มันคงต้องใช้เวลากันบ้างเดี๋ยวน้องเขาก็คงมีแฟน หน้าตาดีแบบนี้โดนจีบแน่นอน”
เหมือนคำพูดของโฟโต้สะกิดต่อมอะไรสักอย่างทำให้เบียร์เงยหน้าขึ้นมามองจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง คิ้วก็ขมวดแล้วขมวดอีก ท่าทางดูเคร่งเครียดมากกว่าเมื่อกี้อีก
“อันดาแม่งจะมีคนจีบเยอะป่ะวะ”
“แล้ว?”
“แฟนกูไหม”
“แฟนเก่าเว้ยตอนนี้ มึง ไม่ ได้ เป็น อะ ไร กับ น้อง เขา!”
โฟโต้ย้ำทีละคำก่อนจะโดนเบียร์จิ้มหน้าผากจนแทบหงายหลัง ท่าทางยอมไม่ได้ของเพื่อนทำให้โฟโต้ต้องแอบอมยิ้ม ดูก็รู้ว่ายังรักน้องอันดาอยู่พูดกระตุ้นนิดหน่อยก็ไฟติดขึ้นมาเลย เบียร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังจากที่นั่งหมดอาลัยตายอยากมาเป็นชั่วโมง ท่าทางมุ่งมั่นผิดกับเมื่อกี้ลิบลับก่อนจะขอตัวจากเพื่อนไปนอนชาร์ตพลัง
พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่
“เรื่องคนอื่นนี่เก่งเชียวนะของตัวเองนี่ไม่เอาไหนเลย”
โฟกัสยิ้มแฉ่งใส่โฟโต้เมื่อพูดจบเลยโดนสมุดในมือตีหัวเข้าให้ เกิดการต่อสู้ระหว่างฝาแฝดและคนห้ามก็คือยูกิที่ต้องจับทั้งคู่แยกออกจากกันพอเห็นว่าไม่มีทางจะหยุดง่ายๆ เลยกรี๊ดใส่ไอ้แฝดจนโฟโต้และโฟกัสกลายเป็นจูงมือวิ่งหนีคนบ้าแทน
คณะเศรษฐศาสตร์
มิน่าล่ะถึงไม่เคยเจอกันตึกคณะอยู่คนละฟากโลกขนาดนี้ ฝั่งนี้เป็นของคณะที่เกี่ยวกับวิทย์ทั้งหมดนี่คงมีแค่วิศวะเท่านั้นที่กระเด็นไปอยู่ฝั่งนู้น เบียร์รู้สึก งงๆ มองซ้ายมองขวาก็พอมีเพื่อนเรียนคณะนี้บ้างแต่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อย เดินวนอยู่นานสองนานก็เห็นตรงลานกว้างใต้ตึกมีน้องนักศึกษาคิดว่าปีหนึ่งนั่งกันอยู่เต็มลานก็คงจะประชุมอะไรสักอย่าง
“เบียร์! เบียร์! ไอ้เด็กสถาปัตย์คนนั้น”
ตอนแรกก็คิดว่าเขาเรียกคนอื่นแต่พอได้ยินคำว่าสถาปัตย์เท้าก็หยุดเดินโดยอัตโนมัติ แต่เหมือนคิดผิดเพราะทันทีที่หันหน้าไปบรรดาน้องเศรษฐศาสตร์ปีหนึ่งก็หันมามองกันทั้งชั้นปีก่อนที่ผู้ชายคนนึงจะกวักมือเรียกให้เดินเข้ามาหา
“มึงมาทำไรที่คณะกูวะร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นหน้ามาก่อน”
“กูก็…มาหาน้อง”
“น้อง?”
“ก็น้อง”
“เออไหนๆ มึงก็มาแล้วมานี่เลย น้องเศรษฐศาสตร์ทุกคนพี่จะขอพราวลี่พรีเซนต์ฉายาหนุ่มหล่อลึกลับแห่งสถาปัตย์ พี่เบียร์ จิรันดน์ เมธาดนัยพัฒน์ หน้าตาดีแต่ไม่ยอมเป็นเดือน หาตัวไม่ค่อยเจอวันๆ เอาแต่อยู่ที่คณะ วันนี้เราได้เห็นหน้าเขาถือเป็นบุญยิ่งนัก”
“ไอ้นิว มึงก็เวอร์กูก็อยู่ในมหา’ลัยนี่แหละแค่ไม่ค่อยเดินออกไปไหน”
“คณะมึงมีแต่ฉายาแปลกๆ เจ้าชายน้ำแข็งงี้ หลุ่มหล่อลึกลับงี้”
“เออ คณะกูคนปกติเขาไม่เรียนกันไง”
“กูก็ว่าจริงแล้วเมื่อกี้มึงบอกกูว่ามาหาน้อง น้องไหน? น้องใครวะ?”
เบียร์ไม่ได้ตอบแต่พยายามมองหาคนที่เขาต้องการเจอหน้าในวันนี้ บรรดาเด็กปีหนึ่งเศรษฐศาสตร์ต่างพากันซุบซิบก่อนที่สายตาเบียร์จะหยุดอยู่ที่คนๆ นึงที่กำลังจ้องตาเขาอยู่
“อันดามัน”
ทันทีที่เบียร์พูดจบทุกคนที่นั่งอยู่ก็หันหน้ามามองอันดาที่ตอนนี้ทำหน้าตาเหลอหลาเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะเรียกชื่อเขาออกมาดังขนาดนั้นขนาดนิวยังถามซ้ำๆ ว่าคือมึงมาหาน้องอันดาเหรอวะนิวถามย้ำแล้วย้ำอีกจนเบียร์เป็นฝ่ายถามกลับว่าตอนนี้มึงทำกิจกรรมอะไรอยู่สำคัญมากไหม
“ก็ไม่เท่าไหร่แค่บอกเรื่องงานในคณะท่านั้น”
“งั้นขอยืมตัวน้องในคณะหน่อยแล้วกัน”
นิวยังไม่ทันตอบรับเบียร์ก็เดินตรงไปยังแถวที่อันดานั่งอยู่ก่อนจะคว้าข้อมือให้น้องลุกขึ้นแต่มันก็คงไม่ง่ายที่อยู่ดีๆ จะมาดักฉุดเด็กคณะอื่นอันดาเองก็ยื้อแขนไว้เต็มที่ดึงกันไปดึงกันมาอยู่สักพักสุดท้ายอันดาก็ร้องลั่นเมื่อเบียร์ตัดสินใจอุ้มอีกฝ่ายพาดบ่าเดินออกไปจากตรงนี้
“เฮ้ยๆ ไอ้เบียร์! เดี๋ยวนะนี่มันอะไรกันวะเนี่ย”
นิวมองซ้ายมองขวาทำอะไรไม่ถูกร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นไอ้เบียร์ทำอะไรแบบนี้มาก่อน จะเรียกว่าเป็นพวกติสท์ๆ หน่อยมันไม่ค่อยยุ่งกับใครทำตัวลึกลับซับซ้อนเหมือนฉายาที่มันได้มาแล้ววันนี้นี่มันคืออะไร เพื่อนอันดาที่นั่งตะลึงอยู่กระเถิบตัวเข้ามาหาเพื่อนอีกคนที่กำลังนั่งนิ่งช็อคไม่ต่างกัน
“กูควรโทรบอกไอ้ฟ้าไหมวะ”
:: CAPUCHINO ::
“ทำอะไรวะ! ปล่อย!”
“เดี๋ยวนี้พูดกับพี่แบบนี้เหรอ”
“ไม่นับถือไม่รู้จักปล่อย!”
“ถ้าเราบอกว่าไม่รู้จักพี่เป็นครั้งที่สามพี่จะโยนเราลงพื้นตรงนี้เลยนะ”
พอโดนขู่เวอร์ชั่นจริงจังอันดาก็หยุดดิ้นแต่มือก็ยังคงกำเสื้อนักศึกษาของอีกคนไว้แน่น เบียร์อมยิ้มที่จริงก็คงจะกลัวเหมือนกันพอเห็นเขานิ่งไปอันดาก็ดิ้นใหม่อีกรอบพอเขาทำท่าจะโยนลงพื้นอีกครั้งคราวนี้อันดาเลยรีบตะโกน
“พี่เบียร์!”
“ก็ยังจำกันได้นิ”
เบียร์วางน้องลงกับพื้นที่จริงอันดาก็หนักเหมือนกันไม่ใช่ตัวเล็กๆ เหมือนไอ้โฟโต้แถมตอนนี้ยังดิ้นไม่เลิกแขนก็เริ่มล้า ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นอันดาก็ถอนกรูดไปติดเสา
“ต้องการอะไร”
“พี่แค่อยากคุย”
“เรามีอะไรต้องคุยกันอีกเหรอในเมื่อวันนั้นพี่เป็นคนบอกเองว่าพี่เหนื่อย…พี่ขอเวลา”
“อันดา ฟังพี่ก่อนได้ไหม”
“ผมไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว”
ทั้งที่อยากจะดึงดันพูดทุกอย่างให้มันเคลียร์วันนี้แต่พอเห็นอันดาปฏิเสธที่จะฟังเขาทุกวิถีทางเบียร์ก็เลือกที่จะเงียบลงคำพูดที่เตรียมมากลับไม่ได้ใช้สักประโยค เบียร์เอื้อมไปจับมือมากุมไว้แต่อันดาทำท่าจะสะบัดหนีแต่พอเห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากกุมมือไว้เฉยๆ ก็ยอมให้เขาจับ
“พี่ขอโทษทุกเรื่องที่ผ่านมา”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนเดียวแน่ๆ และก็เป็นอย่างที่คิดพอหันไปมองก็เจอทั้งไอ้นิวและเพื่อนของอันดาที่เห็นมาตั้งแต่สมัยตอนอยู่ม.6 และที่สำคัญ..
“อันดา”
ฟ้าคราม…ตัวโตขึ้นเยอะแถมหล่อขึ้นด้วยแต่ท่าทางกวนตีนเหมือนเดิมทันทีที่ได้ยินเสียงฝาแฝดตัวเองอันดาก็สะบัดมือแล้วรีบวิ่งไปหลบด้านหลัง เบียร์ถอนหายใจเพราะคิดว่ายังไงวันนี้ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องยิ่งมากันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้รู้เลยว่าวันนี้คงต้องถอยไปก่อน ฟ้าครามหันมามองหน้าเบียร์ก่อนจะกอดคออันดาเดินกลับไปด้วยกันแต่เสียงเรียกชื่อทำให้ทั้งสองคนหันกลับมามอง
“อันดา พี่จะไม่ยอมให้เรื่องของเรามันจบลงแบบนี้หรอกนะ”
น้ำเสียงหนักแน่นและท่าทางเอาจริงเอาจังของเบียร์ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบกริบ ก่อนที่ฟ้าจะดึงมืออันดาให้เดินออกไปจากตรงนี้นิวผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้นได้แต่ยืนบีบไหล่เพื่อนตัวเองเบาๆ เพราะตอนนี้ทำหน้าตาหมดอาลัยตายอยาก
ฟ้าครามหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าคณะมือใหญ่ยกขึ้นวางลงบนกลุ่มผมฝาแฝดตัวเองก็พอรู้ว่าตอนนี้อันดารู้สึกยังไงดีแค่ไหนที่ไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าพี่เบียร์นี่ก็คงกลั้นไว้เต็มที่แล้ว
“กูเข้าใจนะว่าเจ็บแล้วจำมันก็ดี แต่ถ้าให้โอกาสพี่เขาอธิบายสักนิดกูก็คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรแค่รอให้มึงพร้อม”
“กูแค่กลัว..”
“กูถึงบอกว่าให้มึงพร้อมมากกว่านี้ค่อยฟังพี่เขาอธิบายไม่งั้นกูไม่ลากมึงออกมาหรอก”
“กูไม่อยากเสียใจอีก”
“แต่มึงยังรักเขาอยู่”
“………………………………………………….”
เพียงประโยคเดียวเป็นบทสรุปทุกอย่างน้ำตาที่กลั้นไว้มานานไหลลงมาตรงแก้มแต่ฟ้าครามไม่ได้ตกอกตกใจอะไรหรอกเห็น อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดขี้แยขนาดไหนเขารู้ ไม่ได้ปลอบไม่เช็ดน้ำตาให้ด้วยได้แต่ปล่อยให้อันดาร้องไห้เงียบๆ มือก็ยกปาดน้ำตาไปพอสะอึกสะอื้นฟ้าครามก็หัวเราะคว้าหัวโตๆ นั่นมาซบตรงอก
ขี้แยตั้งแต่เด็กยันโต
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“ถึงทุกคนจะบอกให้มึงสู้แต่ไม่ใช่ให้มึงบุกไปถึงคณะเขาแบบนี้นะเว้ยปวดกบาลทำไมมึงเกิดมาเป็นคนหล่อที่โง่”
ยูกิแทบจะเอาสตอเบอรี่ปั่นราดหัวเพื่อนตัวเองเมื่อเล่าให้ฟังว่าสองวันที่แล้วไปทำอะไรมา เบียร์ยกมือยอมแพ้ยอมให้เพื่อนด่าจนหนำใจก็ตอนนั้นมันคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องคุยกับอันดาให้รู้เรื่องเอาเข้าจริงก็ยังไม่ทันจะได้เริ่มพูดกันสักประโยคและดูเหมือนจะแย่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“แล้วไงต่อไม่ใช่ว่าบุกไปคณะเขาอีกนะ”
“ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ก็ต้องไปคณะไกลฉิบหาย”
“แค่นี้ท้อเหรอ”
“ไม่ได้ท้อกูแค่บ่นที่เศรษฐศาสตร์มันอยู่ไกลทำไมไม่มาสร้างข้างๆ สถาปัตย์นี่”
แก๊ปที่นั่งฟังเรื่องราวของเด็กสถาปัตย์อยู่ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็พอประติดประต่อได้สรุปสั้นๆ ได้ไจความว่าน้องเบียร์หนุ่มหล่อลึกลับแห่งสถาปัตย์กำลังปฏิบัติการณ์
ขอแฟนเก่าคืนดี
“พี่ว่าเราค่อยๆ คุยจะดีกว่าถึงพี่ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากแต่ถ้าเราทำผิดกับอีกฝ่ายไว้ มันก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่ยอมเราง่ายๆ และที่สำคัญเราต้องไม่ใช้กำลังด้วย”
ยูกิยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างพร้อมกับบอกว่าดีเลิศนี่แหละตัวอย่างของคนหล่อและมีสมอง แก๊ปถึงกับหลุดขำออกมา นั่งคุยกันอยู่สักพักก็ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือแต่เบียร์ที่นานๆ ทีจะนั่งดื่มกาแฟที่ร้านพี่กัลป์เพราะทุกทีจะแวะมาซื้อคาปูชิโน่แก้วโปรดแล้วก็กลับคณะไม่ก็ไปถ่ายรูปที่อื่น
ไม่ค่อยมีใครเจอเขาข้างนอกเท่าไหร่
นี่แหละที่มาของฉายา
เวลาใกล้ๆ หกโมงเย็บรรดานักศึกษาที่เลิกเรียนต่างทยอยเดินเข้ามาในร้านกาแฟพี่กัลป์ เบียร์ก็พอรู้อยู่บ้างว่าร้านกาแฟพี่กัลป์ลูกค้าเยอะขนาดไหน อย่างน้อยในตอนปีหนึ่งเขาก็เคยมานั่งติวให้น้องมัธยมที่อยากจะเข้าสถาปัตย์
และนั่น
ทำให้เขาได้เจอกับอันดา
เหมือนฟ้าประทานสวรรค์ได้ยินพอนึกถึงเบียร์ก็เห็นว่ามีนักศึกษาเข้ามาในร้านสองสามคนหนึ่งในนั้นมีอันดาที่หอบชีทกองใหญ่โบกมือลาเพื่อนแล้วเดินไปสั่งกาแฟที่หน้าเคาน์เตอร์ เบียร์ไม่ได้ลุกไปหาเขาก็แค่อยากจะมองอยู่อย่างนี้
“คาปูชิโน่ครับ”
กัลป์ยิ้มรับลูกค้านักศึกษาปีหนึ่งเขาจำได้นะว่าเด็กตรงหน้าคือคนที่เบียร์สถาปัตยบอกว่าแฟนเก่า..แฟนเก่า..แฟนเก่ามันเหมือนกับม้วนหนังที่ฉายย้อนขึ้นมากัลป์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อันดาที่มองหน้า งงๆ ไม่รู้ว่าพี่กัลป์เจ้าของร้านกาแฟอยู่ดีๆ ทำไมถึงมาจ้องหน้ากันแบบนี้ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามกัลป์ก็ดีดนิ้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“พี่ว่าพี่จำเราได้ปีที่แล้วเราใส่ชุดนักเรียนสาธิตที่นี่ใช่ไหม”
“ครับ ผมชื่ออันดามันเรียกว่าอันดาก็ได้ผมจบสาธิตที่นี่”
“ยินดีด้วยนะตอนนี้เป็นเฟรชชี่แล้วก็…ปีที่แล้วเรา…เรา…เราพี่ว่าพี่เห็นเราชอบมาที่นี่กับนักศึกษาสักคนที่หน้าตาดีๆ”
“ผมว่าพี่กัลป์คงรู้จักพี่เบียร์”
“เออใช่! เบียร์สถาปัตย์ปีสอง”
กัลป์รู้สึกว่าเขาจบนิเทศโฆษณามาแต่แอคติ้งตอนนี้เขาชนะเลิศเอกการแสดงแน่นอน โอเคยอมรับว่าอยากรู้เรื่องชาวบ้านแต่จากเหตุการณ์วันนั้นที่เกิดขึ้นที่ร้านมันทำให้กัลป์ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าพอจะมองออกว่าทั้งคู่คงเลิกลากันไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ลึกไปกว่านั้นเขาดูรู้ว่า
ทั้งคู่ยังรักกันอยู่
“ไม่ได้คุยกันแล้วครับ”
พอเห็นน้ำเสียงเศร้าๆ กับรอยยิ้มฝืนๆ กัลป์เลยยื่นคุกกี้สไมล์ลี่ที่เอาไว้ตกแต่งน้ำแข็งใส่ให้คนตรงหน้า อันดารับคุกกี้มาถือไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกัลป์ที่เรียกชื่อเบาๆ
“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราทั้งสองคน แต่ถ้ายังมีโอกาสอย่าปล่อยความรักไปง่ายๆ เลยนะ”
อันดาไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแววตาพี่กัลป์ดูเจ็บปวดเหมือนมีอะไรในใจแต่มันก็เป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่พี่กัลป์จะกลับมายิ้มให้ตามเดิม
“คาปูชิโน่มีแก้วนี้มีคนจ่ายให้แล้ว”
กัลป์ยื่นกาแฟแก้วโปรดให้ อันดาเลยหันไปมองข้างหลังก็เห็นว่าเบียร์ยืนถือแก้วคาปูชิโน่อยู่พอหันกลับมาที่เคาน์เตอร์พี่กัลป์ก็เดินหนีไปที่อื่นและคนในร้านก็เยอะเกินกว่าจะโวยวายออกมา อันดาเลยคว้าแก้วคาปูชิโน่บนเคาน์เตอร์แล้วเดินออกมาหน้าร้านพอหยุดเดินก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินตามมาจริงๆ
“เดี๋ยวพี่ช่วยถือชีท”
“ไม่ต้อ…”
ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธชีทในมือก็ทำท่าจะร่วงลงพื้นแต่เบียร์คว้าไว้ทันก็เลยถือให้ซะเลยมีการแย่งที่เหลือไปถือให้อีก ปีหนึ่งก็ชีทเยอะอย่างนี้แหละทั้งจากอาจารย์ทั้งจากรุ่นพี่ อันดาเองได้แต่ปล่อยเลยตามเลยขี้เกียจจะพูดอะไรมาก
“เรียนหนักไหม”
“ก็หนักกว่าที่คิด”
“ท่าทางเราดูเหนื่อยๆ”
ตอนแรกอันดาเลือกที่จะไม่สนใจจะยืนรอฟ้าเงียบๆ แต่เพราะพี่เบียร์ดูท่าทางอ่อนลงกว่าเมื่อวันนั้นและดูตอนนี้ยืนห่างซะจนจะต้องตะโกนคุยกันไอ้โกรธมันก็โกรธนะแต่ตลกมันก็ตลก พอเขาเดินหนีก้าวนึงพี่เบียร์ก็กระเถิ บเข้ามาก้าวนึงแต่พอเขาลองกระเถิบเข้าไปหาพี่เบียร์ก็จะถอยออกไปอีกยึกๆ ยือๆ ยังกะหนังอินเดีย
“ชอบกินคาปูชิโน่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ปีที่แล้วเรายังไม่กินกาแฟเลย”
“ก็ปีนี้จะกินคาปูชิโน่มันผิดกฎหมายข้อไหนเหรอ”
โอเค..
เบียร์คิดว่าคงผิดเองที่ไปถามแต่ขอคิดเข้าข้างตัวเองนิดนึงว่าอันดาก็คงคิดถึงเขาบ้างแหละ คาปูชิโน่นี่เครื่องดื่มสุดโปรดของเขาเลยนะไม่ได้กินนี่นอนไม่หลับ ตอนที่เป็นแฟนกันก็เคยบอกอันดาว่ารอให้เข้ามหา’ลัยถึงจะให้กินกาแฟได้
“ผมถามจริงๆ นะว่าพี่เบียร์ต้องการอะไรจากผม”
“ขอโอกาสให้พี่อีกครั้งได้ไหม”
“ถ้าพี่ไม่บังเอิญเจอผมที่ร้านกาแฟพี่ก็จะไม่คิดจะตามหาผมอยู่แล้ว”
“เพราะพี่ไม่กล้าจะเจอหน้าเรา....อยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ในทุกๆ เรื่องตอนเป็นแฟนเราพี่คงเป็นแฟนที่แย่มากจริงๆ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”
เบียร์คิดว่าตัวเองหูฝาดหรือฟังผิดก็นะ…ตอนนี้ก็ยืนอยู่ไกลจากอันดาพอสมควรก็ทุกคนเอาแต่บอกว่าให้คุยกับน้องดีๆ ไม่ใช้กำลังแล้วนี่ก็ไม่อยากทำให้น้องลำบากใจด้วยกลัวใกล้เกินไปจนอึดอัด เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้อันดาเห็นฟ้าขี่จักรยานมาแต่ไกลมองอยู่นานว่าใช่รึเปล่าแล้วไปเอาจักรยานใครเขามาพอเห็นชัดๆ มันก็ดูตลก
“ตอนที่มึงบอกจะมารับกูไม่นึกว่าเป็นจักรยานนะของใครวะ”
“ของพี่ในคณะ เดี๋ยววนไปคืนเขาในมอก่อนกูขี่ออกมาซื้อของให้พี่เขาเลยมารับมึงทีเดียว”
ฟ้าครามมองเลยไปยังคนที่หอบชีทอยู่ด้านหลังพอหันมามองแฝดตัวเอง
อันดาก็ยักไหล่ขี้เกียจตอบคำถามก่อนจะเดินเข้าไปหาเบียร์ที่ยืนกองชีทมาให้
“พักผ่อนบ้างนะปีหนึ่งมันหนักทั้งกิจกรรมไหนจะสอบอีก”
เบียร์ไม่ได้คาดหวังว่าอันดาจะตอบรับอะไรเขานี่ก็แย่งชีทไปถือไว้มือเดียวเพราะอีกมือก็ยังถือแก้วกาแฟอยู่ อันดาหันหลังจะเดินไปหาฟ้าครามที่ยังคงรออยู่แต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับมาผลักไหล่เบียร์เบาๆ
“บอกตัวเองเถอะใต้ตายังกะคนอดนอนมาเป็นเดือนเดี๋ยวก็ป่วยหรอก”
เบียร์ยิ้มกว้างคราวนี้เขาได้ยินไม่ผิดแน่นอนมันดีใจจนคว้ามืออันดามาจับไว้ทันแต่พอเขาจับไว้นานอันดาก็บิดมือหนี แถมยังหอบชีทเดินฉับๆ ไปหาฟ้าครามที่กอดอกมองอยู่คิดว่าโดยแฝดล้ออะไรสักอย่างเห็นอันดาทุบหลังฟ้าครามดังปั๊ก! วันนี้ก็ถือว่าก้าวหน้าขึ้นมานิดนึงละว้า
“ขอโทษนะครับ ร้านกาแฟร้านนี้เจ้าของยังชื่อกัลป์หรือเปล่า”
เบียร์หันไปตามเสียงเรียกเห็นว่าเป็นพนักงานออฟฟิต? คิดว่าอย่างนั้นนะคนตรงหน้าใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังมันแวบแต่หน้าตาก็ไม่ได้แก่อะไรยังดูวัยรุ่นอยู่ อยู่พอเห็นเขาเงียบไปอีกฝ่ายก็ถามย้ำอีกรอบเบียร์เลยพยักหน้ารับพร้อมกับบอกว่าพี่กัลป์ก็อยู่ในร้าน
“ขอบคุณครับ”
พี่พนักงานออฟฟิตยิ้มรับแต่ไม่ได้เดินเข้าไปในร้าน
แต่กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“อีกสองเดือนกูจะย้ายมาสาขาตรงข้ามมหา’ลัยร้านกาแฟก็ยังอยู่ที่เดิมมึงเถอะรีบกลับมาสักที”
เบียร์เดินกลับเข้ามาในร้านกาแฟพี่กัลป์อีกครั้ง
ท่าทางที่ผิดกลับเมื่อกี้ลิบลับทำให้กัลป์ที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ต้องเอ่ยถาม
“น้องเขายอมคุยด้วยแล้วเหรอไง”
“ก็ทั้งคุยทั้งด่าไปด้วยก็ถือว่าดีแล้วนะพี่เมื่อวันก่อนยังบอกว่าไม่รู้จักผมอยู่เลย”
“ปีที่แล้วตอนเราอยู่ปีหนึ่งพี่เพิ่งนึกออกว่าเรากับเขาก็รักกันดีนี่”
“ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนบอกให้เราห่างๆ กัน ”
ปีที่แล้ว..
เบียร์สอบติดสถาปัตย์ตามที่ตั้งใจได้สำเร็จ ตอนแรกเกือบจะได้เป็นเดือนคณะแต่ขอพี่ๆ ในสถาปัตย์ว่าไม่ไหวจริงๆ เลยรอดตัวไปยอมรับว่ามีคนมาจีบเยอะพอสมควรแต่ตอนนั้นมันไม่ได้สนใจใครเลยอยากจะเรียนอย่างเดียว พออะไรมันเข้าที่เข้าทางก็เลยรับติวให้น้องที่อยากเข้าสถาปัตย์
คิดว่าอันดาคือน้องที่จะมาติวใช่ไหม
ไม่ใช่เลยล่ะรายนั้นน่ะสายวิทย์จ๋าไม่สนอะไรทั้งนั้น
“มานั่งติวกับพี่เบียร์ทีไรเพื่อนผึ้งนะอิจฉาผึ้งทุกคนเลย”
“หมดคอร์สนี้พี่เบียร์ก็ไม่อยากติวให้มึงละมึงเอาแต่นั่งมองหน้าพี่เขาทั้งวันเปลืองตัว”
“ให้มันน้อยๆ หน่อยบาสพี่เบียร์คือกำลังใจของผึ้งนะคะ”
“พี่เบียร์เบื่อมันบ้างไหม อันดา!อันดา! อันดามัน ทางนี้ๆๆ”
เพราะเบียร์ติวน้องอยู่ที่ชั้นสองของร้านกาแฟพี่กัลป์เวลาที่ใครเดินขึ้นมาตรงบันไดก็จะเห็นตอนแรกเบียร์ไม่ได้สนใจที่น้องๆ คุยกันมากนักแค่ขำๆ ซะมากกว่าแต่ชื่อของคนที่น้องบาสเรียกมันน่าสนใจจนต้องหันไปมอง
อันดามัน..
ชื่อแปลกดีเพื่งเคยได้ยิน
น้องที่ชื่ออันดามันใส่ชุดนักเรียนสาธิตที่เขาเองก็คุ้นเคยดีผมซอยสั้นผิวสีแทนตาโตหน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้นแต่ก็เรียกว่าหน้าตาดี
“ทำอะไรกันวะ”
“ติวไงนี่ๆ พี่เบียร์ที่เคยเล่าให้ฟังหล่อใช่ไหม”
ผึ้งผายมือไปยังพี่ปีหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยอันดายกมือไหว้ได้ยินมานานเหมือนกันไอ้ผึ้งชอบมาเล่าให้ฟังว่าพี่ที่ติวเข้าสถาปัตย์หล่อมากกกกกลาก ก ยาวไปอีกสามบรรทัดอยากให้ไปเห็นกับตาพอเจอจริงๆ ก็คิดว่าเออ ก็หล่อดีแค่นั้น
ตอนเจอกันครั้งแรกไม่ได้คุยอะไรกันสักคำต่างคนต่างแยกย้าย
พอวันต่อมาก็เจอกันอีก
....................
...............................................................................
-
......................................
..........................................................................
“นั่งด้วยได้ไหมพอดีโต๊ะเต็ม”
อันดาเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าคนที่มาขอนั่งด้วยคือพี่เบียร์ที่เจอเมื่อวานพอพยักหน้าพี่เบียร์ก็ยิ้มแฉ่งวางแก้วกาแฟคาปูชิโน่แล้วหยิบกล้องขึ้นมาดูรูป อันดาคิดว่าพี่เบียร์ก็คงดังพอสมควรเขาแอบเห็นบรรดาคนที่นั่งติวหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมามองหลายรอบมีแอบถ่ายรูปด้วยนะไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้หรือเปล่าเห็นเอาแต่ดูรูปในกล้อง
“ไม่อยากเข้าสถาปัตย์เหรอ”
“ผมเหรอ?”
“เรานั่นแหละอยากเข้าคณะอะไร”
“ไม่บริหารก็เศรษฐศาสตร์ครับ”
“สายบริหารวิเคราะห์นี่เองชื่อเราแปลกดีนะ”
“อันดา? แปลกเหรอครับ”
“ก็แปลกนะชื่อจริงก็แปลกอันดามันเกิดที่ใต้แน่ๆ”
เบียร์มองไปที่เสื้อนักเรียนที่ปักชื่อเอาไว้อันดาก้มมองชื่อตัวเองแล้วพยักหน้าตอบคำถามพร้อมกับบอกว่าบ้านเกิดจริงๆ อยู่ทีใต้และพ่อแม่ก็ทำธุรกิจรีสอร์ทที่นั่นตอนนี้อยู่กรุงเทพกับฝาแฝด
“มีฝาแฝดด้วย? ชื่ออะไร ทะเล เหรอ”
“ชื่อฟ้าครับ ฟ้าคราม”
จากตอนแรกที่นั่งโต๊ะเดียวกันแต่ไม่พูดอะไรกันสักคำเดียว กลายเป็นตอนนี้ต่างคนต่างเล่าเรื่องกันไม่หยุด เบียร์ลองให้อันดาลองถ่ายบ้าง รูปแรกที่อันดาถ่ายเลยเป็นรูปเบียร์ครึ่งหน้ากับแก้วกาแฟคาปูชิโน่
ตั้งแต่วันนั้น
ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นอันดาคิดว่าระหว่างเขากับพี่เบียร์คงสนิทกันในแบบพี่น้องแต่พอนานเข้าเป็นเขาเองที่แปลกไป มันจะเขินๆ ทุกครั้งที่พี่เบียร์จับมือหรือแตะต้องตัว ดีใจและก็ยิ้มจนปากแทบฉีกตอนพี่เขาตอบไลน์ก็พี่เบียร์เป็นมนุษย์ประเภทไม่สนใจโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขนาดเฟสหรืออินสตาแกรมยังก็มีไว้เฉยๆ ไม่ได้อัพหรือลงรูปอะไร
ก็ยอมรับว่าคงชอบพี่เขาแล้ว
อันดาคิดว่าคงไม่ไปบอกพี่เบียร์หรอกอยู่ไปอย่างนี้แหละ…จนมีวันนึงมีผู้หญิงสวย(มาก)เดินเข้ามาหาพี่เบียร์ที่นั่งกินกาแฟอยู่ด้วยกันจริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติพี่เบียร์โดนจีบทุกที่ทุกเวลาแต่ครั้งนี้พี่เบียร์กลับทำท่าเขินจนดูออกมือไม้นี่เลิกลักไม่รู้จะวางตรงไหนพอเห็นแบบนั้นอันดาเลยลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวพี่นั่งนี่ก็ได้ครับเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว”
ตอนนั้นยอมรับเลยว่าสติกระเจิงตั้งใจจะเก็บอาการแต่มันทำไม่ได้คิดว่าทุกคนก็คงเป็น อันดาเก็บหนังสือการบ้านที่ทำอยู่ลงกระเป๋ายกมือไหว้เบียร์กับพี่ผู้หญิงสวย แล้วเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็วพอเดินออกมานอกร้านกาแฟพี่กัลป์อันดาก็เพิ่งคิดได้ว่าทำแบบนี้พี่เบียร์ต้องสงสัยแน่ๆ เลยนั่งลงหลับตาตั้งสติแต่พอลืมตาก็เห็นเบียร์ยืนกอดอกอยู่ตรงเสา
“อันดาพี่ขอถามอะไรหน่อย”
“ไว้วันหลังแล้วกันพี่ตอนนี้ผมรีบมาก นัด นัด นัดฟ้าไว้เดี๋ยวมันรอ”
“อันดา”
“เอ้ยพี่ถึงเวลานัดแล้วต้องไปแล้..”
“เราชอบพี่ใช่ไหม”
แฟ้มที่ใส่ชีทอยู่ตกลงบนพื้นชีทการบ้านต่างๆ กระจายรอบตัวอันดาไม่ได้ตอบคำถามเบียร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยเอาแต่ก้มลงเก็บชีทที่ตกอยู่เบียร์กลั้นยิ้มก่อนจะนั่งลงช่วยเก็บชีททีละแผ่นแต่พออันดาเอื้อมมือมารับเบียร์กลับจับข้อมือไว้แน่นแอบขำเมื่ออันดาสะดุ้งสุดตัวแถมยังหลบตาไม่ยอมมองหน้ากันตรงๆ
“ถ้าเราชอบพี่ก็มีอะไรจะบอกเราเหมือนกัน”
“………………………………………………………”
“ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ากำลังโดนจีบอยู่หรือว่าพี่จีบคนไม่เป็นวะ เราถึงไม่รู้อะไรเลยเนี่ย”
“พี่เบียร์”
“เจ้าเด็กซื่อบื้อ”
เบียร์หยิบชีทในมือตีลงบนหัวอันดาเบาๆ ยิ่งเห็นอันดาไม่กระดุกกระดิกมีแค่ตาที่กะพริบปริบๆ เลยยื่นหน้าเข้าไปหาใกล้ๆ พร้อมกับพูดชัดๆ ให้น้องได้ยินว่าเขาเองก็ชอบอันดาเหมือนกันนั่นแหละถึงได้รู้เรื่องกันสักที
ตอนนั้นทุกอย่างมันดีไปหมดบอกได้เลยว่าช่วงเวลาโคตรมีความสุข จนกระทั่งเบียร์เริ่มเรียนหนักขึ้นและอันดาเองก็เครียดเรื่องเข้ามหา’ลัยเวลาของทั้งเราไม่ค่อยตรงกันพี่เบียร์ทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอันดาก็ติวหนักแต่ก็ยังโทรหาเบียร์อยู่ตลอด เราทะเลาะกันบ่อยขึ้นเจอหน้ากันน้อยลงหลายต่อหลายครั้งที่นัดกันแล้วแต่พี่เบียร์ไม่มาเพราะต้องแก้งาน
จนครั้งสุดท้าย..
“พี่เบียร์..เราไม่เจอกันเกือบเดือนแล้วนะเจอกันบ่อยกว่านี้หน่อยมหา’ลยพี่อยู่แค่นี้เองผมคิดถึง”
“งานพี่เยอะมากแก้แล้วก็แก้อีก นี่ยังแก้ไม่เสร็จเลย”
“อย่าบอกนะว่าพี่จะต้องไปแล้วเรายังเจอกันไม่ถึงห้านาทีเลยนะ”
“งานพี่รีบจริงๆ ”
“ถ้าพี่ไปตอนนี้ เราคงไม่ต้องเจอกันอีกจะดีกว่า”
“อันดา”
“เหมือนมีผมคนเดียวเลยที่อยากจะเจอพี่”
“มันไม่ใช่..”
“ผมเป็นภาระให้พี่หรือเปล่าถ้างานมันสำคัญมากก็ไม่จำเป็นต้องมีผมก็ได้”
“อันดาเราควรโตได้แล้วนะ พี่เหนื่อยมากพออยู่แล้วถ้าเราอยากได้เวลามากนักก็ไปหาจากคนอื่น พี่คงให้เราตามที่ต้องการไม่ได้จริงๆ ถ้ามันเป็นแบบนี้ยิ่งคุยยิ่งทะเลาะกันเปล่าๆ”
“………………………………………………………………………………………”
“เราเองก็จะเข้ามหา’ลัยแล้วเอาเวลาที่ตามพี่ไปอ่านหนังสือเถอะ”
อันดาไม่ได้เงยหน้ามองเบียร์เลยสักนิดขอบตาร้อนจนรู้สึกว่าอีกไม่นานน้ำตาก็คงไหล น้ำแข็งในแก้วคาปูชิโน่ของพี่เบียร์ละลายเดาได้ว่ารสชาติคงจืดจนพี่เบียร์ไม่อยากกินมันแล้ว
“นี่เราจะเลิกกันเหรอ ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย”
“พี่ขอเวลาหน่อยแล้วกันตอนนี้พี่เหนื่อยมากจริงๆ”
อันดาคว้าข้อมือคนตรงหน้าไว้ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นอันดาไม่ได้ร้องไห้แต่ก็พยายามกลั้นไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย ถุงผ้าในมือที่อันดานั่งกอดมาตลอดถูกยัดใส่มืออีกฝ่ายก่อนที่อันดาจะยอมแพ้กับทุกอย่างตรงหน้าและมันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้นที่จะพูดต่อ หยดน้ำตาที่หยดลงบนหลังมือเบียร์ทำให้เพิ่งรู้สึกตัว อันดาพูดแค่ว่าขอบคุณที่วันนี้ยอมมาเจอแล้วก็เดินออกจากร้านกาแฟพี่กัลป์โดยไม่ได้หันหลังกลับมามองอีก
เบียร์นั่งลงตรงที่เดิมถุงผ้าที่อยู่ในมือเต็มไปด้วยขนมที่เขาชอบและขวดวิตามินบำรุงร่างกายหลายอย่างมีโพส์ทอิทแปะไว้ว่าให้เขาดูแลตัวเองอย่าทำงานหนักมากนักจบลงด้วยคำว่าสู้ๆ เหมือนเดิม เบียร์ยกมือขึ้นมาบีบตรงขมับเหมือนเขาทำเรื่องที่ผิดที่สุดในชีวิตไปแล้ว
ตั้งแต่นั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปขนาดบาสกับผึ้งก็ไม่กล้าเอ่ยถามเรื่องพี่เบียร์กับอันดาที่อยู่ดีๆ ก็หันมาตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังแถมไม่ยอมไปนั่งติวที่ร้านกาแฟพี่กัลป์อีกต่างหากก็พอรู้ว่าทั้งคู่คงเลิกกันแล้วเพราะอันดาเองก็ซึมลงไปมากบางครั้งก็นั่งเหม่อจนต้องสะกิดเรียก วันๆ เอาแต่นั่งมองรูปพี่เบียร์ในโทรศัพท์ ตอนนี้ทั้งคู่ทั้งบาสและผึ้งก็เลิกติวกับพี่เบียร์ไปนานมากแล้วเพราะพี่เขางานเยอะขึ้นจนไม่มีเวลาก็เดาได้อยู่หรอกว่าเลิกกันเพราะอะไร
ปัญหาอันดับหนึ่งของคนเรียนสถาปัตย์
กลับมาปัจจุบัน
“แล้วตอนนี้เรามั่นใจแล้วเหรอไงว่าจะไม่กลับไปเป็นแบบเดิมยิ่งเรียนสูงขึ้นงานมันก็เยอะขึ้นไม่ใช่เหรอเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก”
“มันแย่มากนะพี่กัลป์ช่วงเวลาที่ไม่มีอันดา ผมอาจจะไม่แสดงออกให้ใครรู้แต่ผมไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเห็นหน้าน้องผมก็ได้แต่คิดว่าตอนนั้นผมทำให้อันดาร้องไห้ได้ยังไง”
“ถ้ารู้สึกผิดก็ขอโทษน้องเขาแต่เราก็ปรับตัวด้วยนะ คนรักกันเขาก็ต้องอยากอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วทำงานหนักก็เข้าใจแต่ก็ต้องเอาใจใส่แฟนด้วย”
“ครับ ผมสัญญาเลยว่าจะไม่ให้เป็นแบบเดิมอีกพี่กัลป์นี่หล่อ รวย แสนดีเลิศเลอขนาดนี้โสดได้ไงเนี่ย”
กัลป์ได้แต่หัวเราะพร้อมกับบอกว่าว่าที่คุณนายเจ้าของร้านกาแฟอาจจะไม่มีเพราะเอาเวลามาฟังนักศึกษาบ๊องๆ ปรึกษาความรัก เบียร์โบกมือลาพี่กัลป์ที่อวยพรขอให้เขาโชคดีมีชัย พอพ้นหลังเจ้าเด็กสถาปัตย์ไปแล้วกัลป์ก็ยกนาฬิกาที่ใส่ติดตัวมาตลอดขึ้นมาดูใกล้ๆ
ก็ไม่ได้อยากจะโสดหรอกนะ
แต่ความรักใช่ว่าจะสมหวังกันทุกคนนี่
:: CAPUCHINO ::
“อันดาพี่ที่อยู่สถาปัตย์มาอีกแล้วอ่ะ”
เพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่สะกิดแขนอันดาให้มองรุ่นพี่ที่เคยได้ยินว่ามีฉายา คนหล่อลึกลับแห่งสถาปัตย์ แต่ตอนนี้คงจะไม่ลึกลับอีกต่อไปเพราะเดี๋ยวนี้เบียร์เดินเข้าออกเศรษฐศาสตร์เป็นว่าเล่น ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองดังในมหา’ลัยพอสมควรตอนที่เพจของมหา’ลัยลงรูปเขากับอันดาติดกันสองสามวันแถมไอ้ข้อความที่บอกว่าเขากำลังตามจีบน้องเฟรชชี่เศรษฐศาสตร์ทำให้คนสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
น้องเบียร์สมบัติของสถาปัตย์ที่เมื่อก่อนต้องรอให้คณะมีงานน่ะเหนอถึงจะโผล่หน้ามาให้เห็น
ฉันเห็นเขามาเศรษฐศาสตร์ทุกวันเลยเคยได้ยินแต่ฉายาตัวจริงหล่อฉิบหาย
น้องอันดานี่แฟนเก่าพี่เบียร์! ไปสืบมาแล้ว! ชัวร์! ไม่มั่วนิ่ม!
ก็ดูน่ารักดีทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้ว สิบ สิบ สิบไปเลยจ้า!
พี่เบียร์ไม่ได้มาจีบอันดาเขามาง้อโว้ย! มาง้อ! มาขอคืนดีเขาเคยเป็นแฟนกันนี่วงในสุดๆ
เดาว่าข้อความล่าสุดคือน้องผึ้งที่ในที่สุดก็สอบเข้าสถาปัตย์อย่างที่หวังแถมยังได้เป็นดาวคณะด้วย เบียร์เองก็เคยแอบถามเรื่องอันดาจากน้องผึ้งอยู่เหมือนกันแต่ตอนนั้นน้องผึ้งคงโกรธเขาหนักมากมีเมินแถมยังบอกว่าสบายดีดีสุดๆ อันดาอาจจะมีแฟนใหม่ไปแล้ว เขาเลยต้องรับน้องผึ้งเป็นน้องเทคขนมนมเนยขนมาแทบหมดห้างน้องผึ้งก็เลยยอมบอกเรื่องอันดาให้ฟังบ้าง
ตอนนี้ก็ง้อน้องมาเกือบเดือนแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องจะใจอ่อนบ้างรึยัง
เอาหน้ามาให้เห็นทุกวัน ทำงานดึกแค่ไหนก็ยังส่งไลน์ไปหาจริงๆ อยากโทรแต่น้องไม่ค่อยรับสาย ก็ถือว่าก้าวหน้าในระดับนึงตอนนี้อันดายอมให้เขาไปรับไปส่งที่คอนโดได้แล้วแต่ไปกินข้าวด้วยกันทีไรต้องมีฟ้าครามไปด้วยทุกครั้งกลายเป็นเราสองสามคนตลอด
เงียบ..วันนี้เงียบมาก
ทุกทีต้องมีคาปูชิโน่ร้านพี่กัลป์มาวางพร้อมกับรอยยิ้มพี่เบียร์แล้วแต่วันนี้ไม่มีแม้แต่ข้อความหรืออะไรทั้งนั้น อันดาพลิกโทรศัพท์ไปมาเพราะไม่รู้จะทำอะไรยอมรับเลยว่าใจอ่อนเพราะเขาเองก็ยังรักพี่เบียร์อยู่ตั้งแต่เลิกกันก็ไม่เคยลืมได้เลย เขาหมดหวังเรื่องที่เราจะกลับมาคบกันแล้วด้วยซ้ำแต่สุดท้าย
พี่เบียร์ก็กลับมา
ใจนึงยอมรับว่าเขาก็กลัวกลัวว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกแต่อีกใจก็บอกว่า มันก็ต้องยอมเสี่ยง
“อันดา! น้องอันดา!”
คิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้งเมื่อพี่ยูกิเพื่อนพี่เบียร์วิ่งมาหาหน้าตาตื่นพอมาถึงก็ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่พยายามลากให้เขาเดินตามมา พี่ยูกิไม่ได้อธิบายอะไรมากมายแค่บอกว่าช่วยเบียร์หน่อย ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงพอได้ยินแบบนั้นก็ยอมวิ่งตามพี่ยูกิมาจนถึงหน้าห้องนอนของพี่เบียร์ที่มีคนอยู่เต็มไปหมด
“ไม่ยอมออกมาเลยเหรอครับ”
“ก็ตั้งแต่ไปพบอาจารย์ก็ไม่ออกมาอีกเลย”
“ไอ้เบียร์ เป็นอะไรมากไหมวะมึงเปิดประตูออกมาคุยกับกูหน่อย”
“……………………………………………………….”
“พวกกูเป็นห่วงมึงนะมึงไม่กินข้าวกินปลาตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ”
“กูไม่เป็นไรพวกมึงกลับไปเถอะ”
ถึงเบียร์จะตะโกนออกมาอย่างนั้นแต่ทุกคนก็มองหน้าว่าจะเอายังไงกันดี
อันดาเลยตัดสินใจเคาะประตูอีกครั้ง
“พี่เบียร์ครับ เปิดประตูให้ผมหน่อย”
“……………………………………………………….”
ทุกคนถอยจากหน้าประตูห้องนอนมายืนรอตรงด้านหลังเหลือแต่อันดาที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูคนเดียวไม่มีเสียงตอบรับเหมือนครั้งที่แล้วมีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้นอันดาตั้งใจจะลองเคาะอีกรอบแต่ประตูตรงหน้าเปิดออกก่อนอันดาเลยเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูให้
ทันทีที่เข้ามาสายตาก็มองไปยังพื้น มีรูปถ่ายวางอยู่กระจัดกระจายบางรูปมันยับเหมือนโดนขยำทิ้ง แถมยังมีใบงานที่มีลายมืออาจารย์เขียนไว้จนดูยุ่งเหยิงก็เริ่มจะเดาได้แล้วว่าเรื่องอะไร
“ขอโทษที่วันนี้ไม่ได้ไปหาทั้งๆ ที่พี่บอกไว้เองว่าจะไปหาทุกวัน”
อันดามองไปยังเบียร์ที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงสองมือเอาแต่บีบกันแน่น ท่าทางที่ดูอ่อนแอมันทำให้อันดารู้สึกไม่ดีเลยเดินเข้าไปหาแล้วจับมือเอาไว้ก่อนที่เบียร์จะซบลงตรงหน้าท้องอันดาที่ยืนอยู่
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่โดนด่าว่างานไม่ได้เรื่องเหมือนถ่ายรูปไปงั้นๆ คะแนนมันน้อยจนอาจารย์เองก็ไม่คิดว่าพี่จะได้ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองห่วยขนาดนี้เลยว่ะ”
“……………………………………………………………………..”
“เพราะผมรึเปล่า”
อันดากลัว..กลัวว่ามันเป็นเพราะเขาพี่เบียร์บอกว่าจะปรับตัวและที่ผ่านมาพี่เบียร์ก็เอาแต่มาง้อเขาตลอดไม่รู้ว่าที่งานออกมาไม่ดีมันอาจจะเป็นเพราะพี่เบียร์ไม่มีเวลาทำมันอย่างเต็มที่
เบียร์ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกระชับกอดอันดาให้แน่นขึ้นอาจารย์ให้หัวข้อมาแค่คำเดียวแต่เป็นเขาเองที่ตีโจทย์ไม่แตกขนาดตอนส่งงานตัวเองก็ยังไม่มีความมั่นใจอย่าพูดถึงตอนพรีเซนท์ในหัวมันโล่งไปหมดมันแย่ถึงขนาดอาจารย์เรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว
“คนเรามันก็ต้องมีบ้างใครมันจะไปเก่งหมดทุกเรื่อง”
“แต่มันรู้สึกแย่ไม่มีแรงจะทำอะไรเลย”
“ไม่เป็นไรนะคราวหน้าพี่อาจจะได้เอบวกๆๆๆเลยก็ได้”
ก็ไม่รู้ว่าคำปลอบใจจะได้ผลหรือเปล่าแต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่ซบหน้าอยู่ เบียร์เงยหน้าขึ้นมามองอันดายังเป็นคนเดียวที่เห็นเขาเวลาร้องไห้ตอนที่เป็นแฟนกันและเขาเคยทะเลาะกับพ่อและนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้คนปลอบก็คืออันดาตอนนั้นร้องหนักกว่านี้ร้องเป็นเด็กๆ สะอึกสะอื้นจนอันดาต้องกอดเอาไว้
“ถ้ารู้สึกดีขึ้นก็ปล่อยมือด้วยอย่ามาเนียนนะเว้ย”
“ไม่ปล่อยนี่เศร้าอยู่”
“แล้วอยู่ห้องแบบไหนเนี่ยรกขนาดนี้ไม่มีหนูออกมาหรือไ..”
อันดาชะงักไปเมื่อมองไปรอบๆ ห้องฝาผนังตรงมุมโต๊ะเขียนหนังสือมีกระดานไม้วางไว้มันมีโพทส์อิทที่มีลายมือคุ้นตาแปะอยู่แต่ที่ทำให้อันดาละสายตาไปไม่ได้คือรูปทะเลนับสิบรูปที่แปะอยู่ตรงฝาผนัง อันดาผละจากเบียร์แล้วเดินมายืนมองรูปทะเลและรูปที่อยู่ตรงกลางคือรูปพี่เบียร์ครึ่งหน้ากับแก้วกาแฟคาปูชิโน่ร้านพี่กัลป์จำได้ว่ามันคือรูปแรกที่อันดาได้ลองถ่าย
“พี่ไม่เคยลืมเด็กใส่ชุดนักเรียนชื่อแปลกๆ อันดามัน”
“...................................................”
“จริงๆ รูปทะเลมีเป็นร้อยๆ ใบเลยถ้าเราอยากจะเห็น”
“ผมคิดถึงพี่..คิดถึงมาตลอดตั้งแต่วันที่เราเลิกกัน ผมเลิกชอบพี่ไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าจะมาหาผมกลัวว่าพี่ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“.............................................................”
“ผมกลัวว่าพี่จะเจอคนที่ดีกว่าผม คนที่เข้าใจพี่ คนที่ไม่งี่เง่าเอาแต่ใจ”
อ้อมกอดจากด้านหลังพร้อมกับเสียงกระซิบข้างหูเบียร์ว่าเขาไม่มีใครเลยที่ผ่านมาถึงจะมีคนเข้ามาจีบแต่เขาไม่ได้สนใจใครทั้งนั้นวันๆ ก็เอาแต่ถ่ายรูปว่างๆ ก็ไปทะเลคนเดียวนั่งถ่ายรูปมันทั้งวัน เบียร์หัวเราะเมื่ออันดาจะร้องไห้แต่ก็ฮึบไว้เพราะบอกว่าโตแล้วจะไม่ร้องไห้แต่พอหันมากอดเขาไว้ซบหน้าลงตรงไหล่ก็ร้องไห้อีก
“โตแล้วก็ดีจะได้ทำอะไรที่ผู้ใหญ่เขาทำกันสักที”
“อะไร”
“ปีที่แล้วเรายังใส่ชุดนักเรียนจะทำอะไรทีนึงก็รู้สึกผิด”
“ทำไมเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย”
อ้อมแขนเริ่มรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ท่าทางซังกะตายเป็นหมาหงอยเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง สองมือนี่กอดแน่นจนอันดาแทบจะหายใจไม่ออกแววาเจ้าเล่ห์แถมตอนนี้ยังก้มหน้ามาเรื่อยๆ อีกต่างหากอันดาหลับตาปี๋ก่อนที่จมูกจะชนแก้ม..
“ก่อนที่พวกมึงสองคนจะทำอะไรกันช่วยตอบกูหน่อยว่าสบายดี หรือว่าฆ่ากันตายไปแล้ว แต่ถ้าถอดเสื้อผ้าอยู่แล้วกูขัดจังหวะไม่ขอโทษหรอกนะ หมั่นไส้”
เสียงยูกิที่ตะโกนเข้ามาทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักพอจังหวะที่เผลออันดาเลยมุดใต้วงแขนแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู ทันทีที่เปิดออกก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าประชากรทิ่อยู่หน้าห้องมันเยอะจนยืนล้นไปหน้าห้องอื่นแล้ว เบียร์ที่เดินตามมาทีหลังเองยังหยุดชะงัก
“คนเป็นห่วงมึงกันทั้งเอกแล้ว ไอ้เบียร์”
“เบียร์มึงโดนอาจารย์บุญสมด่าใช่ป่ะ ไม่ต้องขวัญเสียมึงไม่ใช่คนแรกกูเคยโดนด่าแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดมาแล้ว”
เพื่อนในเอกเดินเข้ามาตบหัวคนละทีสองที อันดาเลยกระเถิบตัวออกแต่เบียร์ก็ดึงมือไว้แถมยังจับไว้น่นไม่ยอมปล่อย ถึงแม้ว่าเพื่อนจะอิจฉาจนอยากจะถีบตกตึกแต่เห็นเพื่อนเพิ่งผ่านเรื่องจิตใจอ่อนไหวมาเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“คาปูชิโน่สองแก้วครับ”
กัลป์เงยหน้าขึ้นมาจากเคาน์เตอร์เมื่อเห็นว่าลูกค้าสองคนตรงหน้าคือคนที่เคยเถียงกันว่าไม่รู้จักกันแล้วดูตอนนี้..เจ้าของร้านรับออเดอร์ลูกค้าเสร็จสรรพก่อนจะหันไปหยิบรูปถ่ายโพลาลอย์ที่วางเกลื่อนอยู่ตรงโต๊ะด้านหลังยื่นให้ทั้งคู่
“เมื่อวานเก็บของแล้วเจอรูปพวกนี้ในกล่อง คงเป็นช่วงปีที่แล้วที่ร้านให้แปะรูปตรงกระดาน”
อันดาเป็นคนรับรูปมาดูใกล้ๆ พอเห็นตัวเองในชุดนักเรียนหน้าตาเด๋อด๋าก็รับไม่ได้แต่ที่ต้องอมยิ้มเพราะคนที่อยู่ข้างๆ ก็คือพี่เบียร์ที่ยื่นหน้ามาจนแก้มแนบแก้มเบียร์ชะโงกหน้ามาดูแล้วเปิดโทรศัพท์ตัวเองให้ดูว่ามันเป็นรูปเดียวกัน
“พี่กัลป์ผมหารูปจริงตั้งนานว่ามันอยู่ไหนมิน่าถึงหาไม่เจอผมถ่ายมาจากร้านพี่นี่เอง”
“อันดาโตขึ้นเยอะเหมือนกันเนอะปีที่แล้วยังดูเด็กๆ”
“ไม่อยากให้โตเลย”
“เอ๊า ทำไม?”
“โตแล้วน่ารักขึ้นอ่ะ”
“โอ๊ย...เสี่ยวว่ะ”
อันดาทำท่าอ้วกใส่ก่อนจะขอตัวไปหาโต๊ะนั่งเดาได้ว่าก็คงเขินอยู่เหมือนกันเพราะเห็นว่าหูนี่แดงแจ๋ กัลป์วางแก้วคาปูชิโน่สองแก้วให้เบียร์ที่ยิ้มกว้าง คงเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขในรอบหลายเดือน กัลป์ยืนกอดอกมองเด็กสองคนกินกาแฟคาปูชิโน่แล้วหยอกล้อไปตลอดทาง และยิ่งขำมากขึ้นเมื่ออันดาเจอเจ้าแฝดตัวเองฟ้าครามเดินสวนลงมาจากชั้นสอง ฟ้าครามคงหมั่นไส้เลยแกล้งผลักอันดาซะจนแทบตกบันไดก่อนที่จะวิ่งหนีลงมาทันเมื่ออันดาโมโหแทบจะยกขาถีบ
เบียร์มาเล่าทีหลังว่าเห็นฟ้าครามเป็นผู้ชายอารมณ์ดี เฟรนลี่
มนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนี้ก็มีมุมที่น่ากลัวเหมือนกัน..
“ในฐานะที่ผมเป็นน้องชายอันดาหนึ่งนาทีสองวินาทีผมเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำให้อันดาร้องไห้ได้ และถ้าพี่ทำให้อันดาร้องไห้อีกเป็นครั้งที่สอง....”
โอเค..ไอ้แฝดฟ้าครามพูดไม่จบประโยคแต่เบียร์ก็พอรู้ว่าต้องเจอกับอะไรตอนนั้นตกปากรับคำอย่างดีโคตรแมนมีจับไม้จับมือกันด้วยแต่ยอมรับว่าในใจก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน (พระเอกก็กลัวได้ป่ะวะ..ดูมันขู่)
“พี่กัลป์ครับ มีโพท์สอิทไหมขอผมยืมหน่อย”
กัลป์หันไปหยิบโพท์สอิทสีฟ้ามาให้เจ้าฝาแฝดของอันดาพร้อมกับบอกว่าเอาไปเลยก็ได้ยังไงที่ร้านก็มีเยอะอยู่แล้ว ฟ้าครามเอ่ยขอบคุณก่อนจะบอกว่าจะมาซื้อคาราเมลแมคมัคคิอาโต้ทุกวันเพราะชอบมาก แล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนชั้นสองของร้านเห็นหัวแวบๆ อยู่ตรงชั้นหนังสือกัลป์ยกนาฬิกาข้อมือที่ใส่ติดตัวอยู่ขึ้นมาดูใกล้ๆ
พวกฝาแฝดนี่ตลกดี
*TBC 06 CARAMEL MACCHIATO
#นิยายร้านกาแฟ
ps,ขอบคุณค่ะ
Twitter @ribbinbo
-
โอยย น่ารักทุกเรืองเลยค่ะ ตอนจบจะมีตอนของพี่กัลป์บ้างมั้ยน้าา
-
พี่กัลป์เคยอกหักแหงๆ
หาคู่ให้พี่กัลป์ด้วยนะคะ
งวดหน้า ต้องฟ้าคราม ชัวร์
ว่าแต่หนุ่มออฟฟิตปริศนานั่นใครคะ
สนุกดีค่ะ
-
พี่กัลป์ดูเหมือนมีอะไรในใจ แต่เดี๋ยวต้องมีคนมาจีบพี่กัลป์แน่เลย พี่กัลป์ก็เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่
-
ร้านกาแฟพี่กัลป์ทำคนสมหวังมาหลายคู่ แต่ที่รอลุ้นอยู่คือคู่ของพี่กัลป์เนี่ยแหละ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ร้านกาแฟพี่กัลป์ ทำคู่รักสมหวังหลายคู่และ :o8:
คู่แฝดก็มีถึงสามคู่ที่มาร้านนี้ เมษ-เมษา,โฟโต้-โฟกัส,อันดา-ฟ้าคราม
มีคนน่ารักเมษา , กรีน , อันดา คนหล่อตะวันเดือนวิศวะ พี่เบสคนดังบริหาร
พี่แก๊ปคนดังรัฐศาสตร์ เบียร์หนุ่มหล่อลึกลับฐาปัตย์
รอหนุ่มออฟฟิซ มาง้อเจ้าของร้านกาแฟ
พี่กัลป์ & ____ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอคู่ฟ้าคราม & ____ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:hao5: ชอบบบบบบ ทุกเรื่องเลยยย
แต่ที่ชอบสุดก็เป็นน้องกัสส ฮือ มีความหน่วง สงน้องงง
-
น่ารักทุกเรื่องเลยค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ
-
น่ารักมากกก ชอบทุกตอนเลย รอคู่ต่อไปอยู่นะ :mew1:
-
อ่าวววว เราเพิ่งรู้ว่าคนแต่งลงนิยายในนี้ด้วย
ไปเห็นในทวิตมาค่ะ5555555
เดี๋ยวเราจะมาอ่านในนี้ดีกว่า
ปกติมักสิงที่นี่ เป็นกำลังใจให้นะคะะะ
:กอด1:
-
มันดีมากค่ะ ฟินจริง ละมุนมากกกกกกกกก o13 o13
ชอบทุกคู่เลย อยากทำงานร้านพี่กัลป์จังเจอแต่คนหล่อ :z2:
-
0ุ6::CARAMEL MACCHIATO ::
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน..
ฟ้าคราม –สตางค์
เคยได้ยินคณะที่ไม่ถูกกันในมหาวิทยาลัยมาก็เยอะอยู่นะ
ส่วนมากก็จะเป็น วิศวะ – สถาปัตย์ ไม่ก็วิศวะ – วิทยาแต่มหา’ลัยที่เรียนอนยู่ตอนนี้มีสองคณะที่ไม่ถูกกันคือ..
บริหารคณะตัวเอง และ คณะที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายปีคือ คณะวิศวะ..
ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ กูงง..
ตั้งแต่วันรับน้อง
ฟ้าครามกับเมษที่บังเอิญรหัสนักศึกษาติดกันเลยตกลงปักหลักเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายในมหา’ลัยนี้ ไอ้เมษมีฝาแฝดคือน้องเมษาคนน่ารักแห่งนิเทศ ก็รู้นะว่าอายุเท่ากันแต่ทุกคนจะเรียกเมษาว่าน้องเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูตัวเล็กๆ นุ่มๆ น้องเมษาน่ารักมากกกกกยังกะตัวการ์ตูนญี่ปุ่นถ้าไอ้อันดาน่ารักอย่างเมษาเขาคงหวงมากยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม และดูไอ้อันดา...ดื้อ กวนตีน และยุ่งวุ่นวายที่หนึ่ง(แต่ก็รักมัน)
เพราะสายรหัสเขากับเมษค่อนข้างที่จะสนิทกันตั้งแต่สายรหัสปีสี่ยันปีหนึ่งเวลาที่นัดกันเลี้ยงสายก็นัดพร้อมกันตลอด ถ้านัดกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสุขภาพก็จะนัดกันที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ และครั้งนี้ที่นัดกันแล้วบังเอิญเจอกลุ่มวิศวะนั่งอยู่บริเวณชั้นสองแต่อยู่กันคนละฝั่งตอนแรกฟ้าครามไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอกปีหนึ่งใสใสก็เดินตามพวกพี่ๆ แต่แอบเห็นเหมือนกันว่าพี่ตั้งแต่ปีสี่จนถึงปีสองชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นกลุ่มวิศวะนั่งกันอยู่อีกด้าน
โดยเฉพาะพี่ปีสี่ท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋เจอคู่อริ
“โอ๊ะโอ พวกคุณชายมาว่ะ”
ไม่แน่ใจว่าใครพูดแต่มั่นใจว่ามาจากสักคนที่ใส่เสื้อช็อปสีเทาตรงกลุ่มที่นั่งกันอยู่ เมษบอกว่าพวกวิศวะเรียกบริหารว่าคุณชายมันก็ไม่ได้แย่ฟังดูดีอยู่นะ พี่นทเป็นพี่รหัสปีสามของเมษบอกว่าวันนี้ไม่อยากมีเรื่องให้นั่งห่างๆ กันไว้ฟ้าครามเองก็ไม่รู้ว่าปกตินี่เขามีเรื่องกันยังไงแต่ก็คงไม่ถึงกับเอาไม้ทีฟาดใส่กันหรอกนะ
“ผมขอถามได้ไหมทำไมเราถึงไม่ค่อยถูกกับวิศวะ”
พี่นทเขยิบตัวเข้ามาในวงพร้อมกับบอกว่าไม่เคยมีใครรู้ต้นเหตุที่แท้จริงแต่เห็นฟาดฟันกันมาหลายรุ่นไม่ใช่ต่อยกันในแบบนักเลงที่ยกพวกมากระทืบอะไรแบบนั้น แต่เวลาที่มหา’ลัยมีการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา วิชาการ หรือแค่ชิงตำแหน่งถือธง ถือป้ายวิศวะเวียนมาเจอกับบริหารทีไรกลายเป็นสงครามกลางมหา’ลัยทุกที
“แต่มีข่าวลือที่เขาเล่ากันมานานแสนนานว่าเพราะรุ่นพี่วิศวะกับรุ่นพี่บริหารเคยแย่งกันจีบผู้หญิงคนเดียวกัน”
“แล้ว?”
“ผู้หญิงคนนั้นเรียนอยู่วิศวะแต่คนที่จีบชนะคือ รุ่นพี่บริหารคราวนี้เลยกลายเป็นความแค้นฝังหุ่นตั้งแต่นั้นมา”
“ไร้สาระว่ะอย่างนี้ถ้าชอบผู้หญิงวิศวะทำไงอ่ะ”
“ชอบไปเหอะมึงถ้ามึงไม่ได้เล่นตัวท็อปก็คงไม่เป็นปัญหา อย่างกลุ่มนั้นอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วยมันบ้า”
ฟ้าครามมองไปยังกลุ่มวิศวะที่นั่งอยู่อีกด้านยอมรับว่าทุกคนในกลุ่มนั้นหน้าตาดีเหมือนผ่านการคัดสรรกันมาแล้วยิ่งหัวหน้ากลุ่ม (?) ที่ชื่อพี่ไฟนี่ดูดียังกะพระเอกละครใส่เสื้อช็อปเซ็ทผมเท่ๆ ยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่แต่ท่าทางจะไม่ถูกกับพี่นทสายรหัสปีสามของเมษเห็นสายตาที่มองกันเหมือนโกรธกันมาร้อยล้านปี
ยิ่งฟังแล้วยิ่งปวดหัว
ฟ้าครามเลยหยิบคาราเมลมัคคิอาโต้ขึ้นมาดื่ม
นั่งคุยเล่นกันอยู่สักพักฟ้าครามเห็นว่าชั้นสองของร้านกาแฟพี่กัลป์มีหนังสือเยอะมากเหมือนเป็นห้องสมุดย่อมๆ เลยลุกจากที่นั่งเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ มีเขียนไว้ว่าหนังสือทั้งหมดนี่สามารถยืมกลับบ้านได้ร้านกาแฟพี่กัลป์นี่มีทุกอย่างครบครัน จังหวะที่ฟ้ากำลังจะเดินเลี้ยวไปอีกช่องกลับมีคนตัวเล็กผมสีน้ำตาลโผล่พรวดออกมาดีที่เขาจับแขนอีกฝ่ายไว้ทันไม่งั้นหน้าคว่ำลงกับพื้นไปแล้ว
“เป็นอะไรไหมครับ”
ฟ้าครามรั้งแขนให้คนตัวเล็กกว่ายืนทรงตัวดีๆ แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก็นิ่งไปเหมือนกัน น่ารัก น่ารักว่ะ! เป็นผู้ชายที่หน้าตาจิ้มลิ้มมากปากนิดจมูกหน่อยแขนก็เล็กนิดเดียวแต่พอฟ้าครามเห็นชุดที่คนตรงหน้าใส่อยู่ก็ขมวดคิ้ว
“สตางค์ เป็นอะไรวะ”
พี่ไฟแห่งวิศวะเดินเข้ามาดึงแขนคนตัวเล็กให้มายืนอยู่ฝั่งตัวเองคราวนี้มากันหมดทั้งวิศวะบริหารเหมือนกำลังจะมีเรื่องกันจริงๆ พี่วีพี่รหัสปีสามเลยดึงเขาให้มายืนฝั่งบริหารทุกคนลุกจากที่นั่งเตรียมพร้อมกันเต็มที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจน งง ไปหมด
“เฮ้ย ไม่มีอะไรกูแค่จะล้มแล้วเขาก็แค่จับไว้มามุงกันทำไมวะแยกย้ายๆ”
ขนาดเสียงยังน่ารักเลย
“อย่าให้รู้ว่ามันทำอะไรมึงนะสตางค์”
“ใครจะทำอะไรกูวะไอ้ไฟนี่ก็..ป่ะๆ แดกข้าวกันกูหิวแล้ว”
สลายโต๋
ทุกคนแยกย้ายเมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง ฟ้าครามกอดอกมองพี่ที่ชื่อสตางค์เดินไปหยิบกระเป๋าหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม มีแวบนึงที่พี่สตางค์หันมามองก่อนจะเดินลงบันไดไปฟ้าครามยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหันหน้ามาทางขวาเจอเมษที่มองเหมือนรู้ทันพอหันหน้ามาทางซ้ายก็เจอพี่นทที่จ้องเขม็ง
“กูบอกไว้ก่อนว่ามึงจะชอบใครในวิศวะก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ไอ้สตางค์”
“คือผม”
“มึงตายแน่ๆ ถ้ามึงคิดจะจีบสตางค์นั่นลูกรักของคณะหวงกันทั้งวิศวะโดยเฉพาะไอ้ไฟ”
“แฟน?”
“เพื่อนสนิท”
“ค่อยยังชั่ว”
“ไอ้น้องเวรนี่มึงคิดจะจีบสตางค์จริงๆ เหรอวะ!กูเพิ่งบอกมึงหยกๆ ว่าอย่าเล่นตัวท็อปนี่มึงเล่นอันดับหนึ่งของวิศวะเลย โอ๊ยน้องกู!”
พี่นทโวยวายเหมือนคนสติแตกก่อนจะเดินไปดูดชาเย็นที่สั่งไว้อึกใหญ่ดับอารมณ์ บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้กลัวพี่ไฟอะไรนั่นหรอกไม่สนเรื่องที่สองคณะไม่ถูกกันด้วยถ้าเขาจะชอบเขาก็จะชอบต่อให้โดนกระทืบตายก็ยอม ฟ้าครามเดินไปตรงชั้นหนังสือเอามือไล่ดูก็เห็นหนังสือไปเรื่อยๆ เล่มนึงที่สันหนังสือเด่นกว่าเล่มอื่นฟ้าครามเลยดึงออกมาดู
เจ้าชายน้อย..
เคยเห็นอันดาอ่านอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่เคยสนใจพอเปิดไล่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่ามีหน้านึงที่มีโพสต์อิทแปะอยู่
คาราเมลมัคคิอาโต้ร้านพี่กัลป์อร่อยมาก
แล้วก็ขี้เกียจอ่านหนังสือโว้ย!
ฟ้าครามหัวเราะออกมาใครมาเขียนระบายความเครียดไว้ในหนังสือเจ้าชายน้อยวะ อ่านแล้วก็ตลกตอบเขาหน่อยแล้วกันอย่างน้อยเขาจะได้มีเพื่อนคุยพอคิดอย่างนั้นก็หยิบปากกามาเขียนลงไปบนโพสต์อิท
ผมก็ชอบคาราเมลมัคคิอาโต้ร้านกาแฟพี่กัลป์เหมือนกัน
ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ สู้ๆ
รู้สึกเหมือนมีเพื่อนทางจดหมาย
ย้อนวัยดีวันนี้นี่มันมีแต่เรื่องดีๆ เจอคนน่ารักแห่งวิศวะและใครก็ไม่รู้ในหนังสือเจ้าชายน้อย
CARAMEL MACCHIATO
“สตางค์มีคนฝากให้”
“พี่กัลป์ไม่เห็นจะต้องรับฝากอะไรแบบนี้เลยเกรงใจพี่”
“ก็เขาไม่กล้าเข้าไปจีบตรงๆ น่ะสิเพื่อนเราน่ากลัวจะตาย”
กัลป์หยิบเอาบรรดาขนมที่มีรุ่นพี่รุ่นน้องฝากไว้ให้สตางค์วิศวะปีสามเพราะไม่เคยมีใครกล้าเอาไปให้กับตัว นี่ก็คงไปสืบกันมาว่าสตางค์มาซื้อคาราเมลมัคคิอาโต้ที่ร้านเขาทุกวันถึงได้ฝากของไว้ กัลป์เองก็เห็นสตางค์อยู่บ่อยๆ เป็นเด็กวิศวะที่หน้าตาน่ารักเห็นคนรุมจีบมานานเหมือนกันแต่แน่แหละ สตางค์อยู่ในกลุ่มตัวท็อปวิศวะที่ใครๆ ต่างก็รู้จักยิ่งมีเพื่อนสนิทอย่างไฟเฮดว๊ากปีสามที่หวงเพื่อนขนาดนี้บอกเลยว่าจีบสตางค์มันไม่ง่าย และยังไม่มีใครกล้าเลยสักคน
“ปีสามแล้วมีแฟนได้แล้วมั้ง”
“ผมจะรอพี่กัลป์เปิดตัวแฟนก่อนแล้วค่อยมี”
กัลป์ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่าเราอาจขึ้นคานถ้ารอพี่มีแฟน เจ้าเด็กวิศวะเดินหอบขนมกับกาแฟออกไปแล้วกัลป์เลยก้มหน้าเช็คบัญชีตัวเลขต่อแต่อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึงโผล่พรวดมาตรงเคาน์เตอร์กัลป์เองก็ตกใจสะดุ้งโหยงจำได้ว่าเจ้าเด็กตัวสูงผิวสีแทนคือฟ้าครามฝาแฝดของอันดา
“พี่กัลป์พี่สตางค์เขามาซื้อกาแฟพี่ทุกวันเลยเหรอครับ”
“ก็ทุกวันนะบางวันก็มาแต่เช้าบางวันก็มาตอนสายบางทีก็ขึ้นไปอยู่ตรงชั้นหนังสือเดี๋ยวนะ..นี่เราถาม”
“แล้วมีคนฝากของให้พี่เขาเยอะอย่างนี้ทุกวันเหรอครับ”
“บางวันเยอะกว่านี้อีกเดี๋ยวๆ นี่เราถามทำไม?”
“เป็นผมจีบใครสักคนก็เดินเข้าไปหาเขาเลยสิวะกลัวอะไรนักหนา ขอบคุณมากครับพี่กัลป์”
กัลป์รับไหว้เจ้าเด็กฟ้าครามที่โผล่เข้ามาถามแถมยังพูดเองเออเองอยู่คนเดียว พอพ้นหลังไปแล้วกัลป์ได้แต่ยืนหัวเราะเออเว้ย เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าให้เจ้าสตางค์หาแฟนไม่คิดว่าจะได้เจอคนจีบสายฟ้าแลบขนาดนี้
“พี่ พี่สตางค์”
สตางค์หยุดเดินเมื่อได้ยินชื่อตัวเองพอหันหลังไปมองก็เห็นเด็กบริหารจำได้ก็เพิ่งเจอเมื่อวานวิ่งมาหา วิ่งมาขนาดนี้ก็พอรู้นะว่าจะทำอะไรนี่เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วยแค่มองก็รู้จุดประสงค์ไอ้คนตรงหน้า สตางค์ถอนหายใจแล้วหันกลับไปเดินต่อแต่ไอ้เด็กบริหารปีหนึ่งก็วิ่งมาดักอีก
“ถอยไป”
“จำผมได้ไหม”
“จำไม่ได้”
“ลืมง่ายขนาดนี้ได้ไง”
“จะเอาอะไร”
ฟ้าครามยิ้มให้พี่วิศวะปีสามที่ตอนนี้ดูก็รู้ว่าหงุดหงิดน่าดูแต่ดูท่าทางแล้วคงรู้แล้วสินะว่าเขาต้องการอะไร พี่สตางค์ไม่ได้ใส่เสื้อช็อปเหมือนเมื่อวานใส่แต่ชุดนักศึกษาปกติแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ดูน่ารักดี
“ผมชื่อฟ้าคราม อยู่บริหารปีหนึ่ง”
“บอกทำไมวะ”
ฟ้าครามเดินเข้ามาหาสตางค์ที่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กบริหารเดินเข้ามาใกล้จนเกินไป สตางค์เพิ่งเห็นว่าบรรดานักศึกษาที่เดินไปมาแถวหน้ามหา’ลัยเริ่มมองมาที่เขาและจำนวนไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว ฟ้าครามหยุดเดินก่อนจะบอกเสียงดังฟังชัดให้ได้ยินกันทุกคน
“เพราะว่าผมจะจีบพี่ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
แน่นอนว่าข่าวนี้
ดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยภายในสิบวินาที
“ตาย! ตายแน่ๆ มึงตายแน่ๆ ไอ้ไฟฆ่ามึงตายแน่ๆ”
รู้สึกเหมือนเป็นนักโทษกำลังโดนสอบสวนถ้ามัดมือไพล่หลังนี่ใช่เลยไม่รู้ว่าทุกคนมารวมตัวกันได้ยังไง ไอ้อันดาคือคนแรกที่โทรมาแหกปากตามด้วยพี่นทพี่รหัสปีสามของไอ้เมษพอวางสายปุ๊ปพี่วีพี่รหัสปีสามของตัวเองก็โทรมาบอกให้มาเจอกันเดี๋ยวนี้ พี่วีเป็นคนนิ่งๆ ท่าทางดุนิดๆ แต่หน้าตาน่ารักนะใส่แว่นด้วยฉายานี่เทวดาประจำบริหารพี่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ถึงกับโทรมาหาด้วยตัวเองแบบนี้
คาดว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร
“แล้วทุกคนมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
นอกจากอันดาฝาแฝดสุดที่รัก ไอ้เมษ กรีน (ที่ตัวติดกับไอ้เมษตลอดเวลา) พี่นท พี่วี ยังมีน้องเมษาและข้างๆ น้องเมษายังมีเดือนวิศวะที่ชื่อตะวัน ฟ้าครามหันไปมองหน้าตะวันที่ยิ้มให้แถมยังชูนิ้วโป้งบอกว่าประกาศจีบคนได้ยอดเยี่ยมมาก น้องเมษาดึงแขนเสื้อตะวันให้ตอบคำถามที่ถามค้างไว้
“ตะวันรู้จักพี่สตางค์ใช่ไหม”
“รู้แค่ว่าอยู่ปีสามสาขาโยธากลุ่มเขาดังในวิศวะ มีคนแต่หล่อๆ แต่พี่สตางค์น่ารักมาก น่ารักกว่าดาวคณะอีก น่ารักจนไม่คิดว่าพี่เขาจะเรียนวิศวะ ตัวเล็กหน้าก็เล็กตาก็สว….แต่เมษาน่ารักกว่านะครับ”
ไอ้ตะวันหยุดการพรรณนาถึงพี่สตางค์เมื่อเห็นเมษากอดอกจ้องตาไม่กะพริบคิ้วก็เริ่มขมวดท่าทางโคตรน่ารักและแน่นอนว่าเดือนวิศวะก็คิดเหมือนกันถึงได้ก้มลงมาจุ๊บเหม่งเร็วๆ ไอ้เมษแทบจะถีบเก้าอี้ที่ตะวันนั่งอยู่กระเด็นติดกำแพงดีที่กรีนจับแขนเมษไว้ทัน
“นี่มึงเอาจริงเหรอวะฟ้า”
“กูประกาศไปซะขนาดนั้นล้อเล่นมั้ง”
อันดาถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกพี่วีที่ยืนกอดอกหน้านิ่งเลยลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าพอพี่วีทำท่าจะเริ่มพูดทุกอย่างรอบตัวก็ดูเป็นงานเป็นการขึ้นมาทุกคนเงียบสนิทพี่วีขยับแว่นที่ใส่อยู่เล็กน้อยก่อนจะมองหน้าเขาตรงๆ
“บริหารกับวิศวะไม่ถูกกันมานานมึงรู้ใช่ไหม แต่กูก็เข้าใจคนมันจะชอบห้ามกันได้ที่ไหน”
“ครับ”
“บอกไว้ก่อนนะถ้ามึงเล่นๆ กับสตางค์ไอ้ไฟเอามึงตายแน่”
“พี่หมายถึง”
“ถ้ามึงไม่โง่ก็คงจะดูออกว่าไอ้ไฟคิดยังไงกับสตางค์”
“ดูจากท่าทางผมก็พอรู้นะ”
“กูถึงเป็นห่วงมึง มันไม่ใช่แค่คณะเราไม่ถูกกันแต่นี่มันเป็นความรู้สึกล้วนๆ ถ้ามึงยังไม่จริงจังก็พอแค่นี้”
“………………………………………………………………………………”
พี่วีพูดเสร็จลุกขึ้นกำลังจะเดินไปที่ประตู
แต่ประโยคที่ได้ยินจากน้องรหัสปีหนึ่งทำให้มือที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูหยุดชะงัก
“อาจจะเรียกว่าบ้าก็ได้ที่ผมอยากจีบคนที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวแต่พี่เชื่อไหมตั้งแต่ผมเจอพี่สตางค์ผมยังไม่ลืมหน้าพี่เขาเลยจนถึงตอนนี้ ”
“………………………………………………………………………………”
“บอกไม่ถูกว่าชอบเขามากหรือเปล่าแต่เมื่อเช้าเห็นหน้าพี่เขาอีกทีก็อยากจะเจอพี่เขาอีก ตอนนี้โคตรอยากจะบุกไปวิศวะให้มันรู้แล้วรู้รอด”
“มึงนี่มันคนบ้าของแท้เอาเถอะไม่เคยเจอคนแบบนี้เท่ดีว่ะ ไอ้ไฟทำอะไรมึงบอกไอ้นทแล้วกันกูเอาใจช่วย”
พี่วีหัวเราะแล้วโบกมือลาขอตัวไปเรียนทิ้งพี่นทวิ่งตามไปร้องโวยวายว่าอย่าให้กูไปยุ่งกับไอ้ไฟแค่เจอหน้าก็ไม่อยากจะเจอ ดีที่พี่ปีสี่กับสองติดเรียนไม่งั้นคงยุ่งวุ่นวายกันทั้งสายรหัส พอรุ่นพี่ไปแล้วคราวนี้ก็เหลือแต่รุ่นเดียวกันทุกคนเอาแต่จ้องเขาเป็นจุดเดียวเหมือนเจอเรื่องประหลาด
“เคยคิดว่ากูมีฝาแฝดเป็นคนสติไม่ดีแต่เพิ่งรู้สึกจริงๆ ก็วันนี้”
“แค่กูชอบพี่สตางค์มันจะอะไรขนาดนี้วะ”
ทุกคนถอนหายใจท่าทางเครียดยิ่งกว่าเขาซะอีก ฟ้าครามยังคงทำท่าทางสบายๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนปวดหัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว เมษกับตะวันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟ้าครามแล้วพูดประโยคเดียวกัน
“มึงกำลังเล่นอยู่กับไฟนะ ฟ้าคราม”
CARAMEL MACCHIATO
“มันเป็นใคร”
“ไม่รู้จัก”
“แล้วที่มันพูดหมายความว่าไง”
“ก็บอกว่าไม่รู้จักไงไฟอย่ามาถามเซ้าซี้ได้ป่ะวะ”
กลุ่มวิศวะเริ่มเห็นท่าไม่ดีเลยจับไฟให้แยกออกมาจากสตางค์ พีคือคนที่บอกให้ไฟใจเย็นกว่านี้อย่าเพิ่งโวยวายไปไอ้เด็กบริหานั่นอาจเป็นแค่คนที่เข้ามาเต๊าะสตางค์เล่นๆ ก็ได้ไม่ได้เอาจริงเอาจังพอเห็นเหตุการณ์สงบลงก็เลยพากันไปที่โรงอาหาร โรงอาหารมหา’ลัยคนเยอะวุ่นวายเหมือนเดิม
แต่พอเดินมาถึงร้านน้ำทั้งกลุ่มก็ต้องหยุดเมื่อเห็นเด็กบริหารยืนกันอยู่
“พี่สตางค์”
ฟ้าครามคือคนแรกที่เดินออกมาจากกลุ่มผู้คนรอบข้างต่างพากันถอยออกไปยืนดูอยู่ไกลๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อคนที่เดินมาเผชิญหน้ากับฟ้าครามคือ ไฟ มือใหญ่ยกขึ้นมาดันหน้าอกเด็กปีหนึ่งไว้
“กูจะบอกว่ามึงให้รู้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายอย่ายุ่งกับสตางค์”
“พี่มีสิทธิ์อะไรเหรอครับ”
“ไอ้..”
ฟ้าครามไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวพี่ไฟเฮดว๊ากผู้โด่งดังเลยสักนิด ขนาดกรีนยังบีบแขนเมษไว้แน่นเพราะกลัวว่าฟ้าครามจะโดนทุ่มลงกับพื้น สตางค์เองยังขมวดคิ้วกับท่าทีของไอ้เด็กกล้าบ้าบิ่นทุกทีไม่ว่าใครเจอกับไฟในแบบนี้ก็กลัวหัวหดวิ่งหางจุกตูดกันทั้งนั้น ฟ้าครามกระเถิบเข้าใกล้พี่ไฟมากกว่าเดิมตั้งใจจะพูดให้ได้ยินแค่สองคน
“ผมพอจะมองออกนะผู้ชายเหมือนกันแล้วก็ท่าทางเราจะชอบผู้ชายคนเดียวกันซะด้วย”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะมึง!”
ไฟกระชากคอเสื้อนักศึกษาฟ้าครามจนคนรอบข้างเริ่มส่งเสียงกรี๊ดเพราะว่ากลัวว่าจะมีเรื่องหลังจากที่ไม่ได้เห็นวิศวะกับบริหารต่อสู้กันแบบจริงๆ จังๆ กันมานานแล้วพี่วีกับพี่นทเดินเข้ามาแทรกกลางวงตามด้วยรุ่นพี่บริหารอีกสามสี่คน เพราะผู้คนเริ่มมุงกันเยอะขึ้นไฟเลยตัดสินใจปล่อยคอเสื้อไอ้เด็กปีหนึ่งก่อนจะผลักให้ถอยออกไป
“ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะต่อให้ใครจะมาพูดอะไรก็ตาม ผมชอบพี่สตางค์ผมรู้แค่ว่าผมชอบพี่สตางค์”
กลุ่มวิศวะที่เดินหันหลังไปแล้วหยุดชะงักพร้อมกับทุกคนที่มุงกันอยู่ช็อคตาค้าง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสตางค์แค่หันมามองเด็กบริหารปีหนึ่งที่ประกาศดังลั่นกลางโรงอาหารก่อนจะก้าวท้าวเดินออกไปพีคือคนแรกที่เดินตามมาก่อนจะเอามือพาดลงมาบนไหล่เพื่อนตัวเล็ก
“กูเห็นมึงยิ้มนะ”
คนที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
เพียงแค่เดินต่อไปเรื่อยๆ
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“วันนี้ได้ข่าวว่าเป็นพระเอกกลางโรงอาหาร”
“พี่กัลป์ก็รู้เรื่องกับเขาด้วยเหรอเนี่ย”
“ทุกเรื่องในมหา’ลัยพี่รู้หมดแหละแล้วเราว่าไงเอาจริงเหรอวะเรื่องสตางค์”
“เอาหน้าหล่อๆ ไปเสี่ยงหมัดพี่ไฟขนาดนั้นยังไม่เรียกว่าจริงจังอีกเหรอพี่”
กัลป์หัวเราะกับประโยคนั่น เด็กฟ้าครามเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่นิสัยกวนๆ แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบได้ข่าวว่านี่ก็ฮ็อตพอตัว ทันทีที่พนักงานเอาคาราเมล มัคคิอาโต้มาวางตรงเคาน์เตอร์แต่พอฟ้าจะเอื้อมมือมาหยิบกัลป์กลับคว้าแก้วเอาไว้แล้วชี้มือไปยังชั้นสองของร้านที่เป็นโซนอ่านหนังสือ เด็กบริหารฉลาดดีเข้าใจที่เขาต้องการจะสื่อฟ้าครามเอ่ยขอบคุณเจ้าของร้านคว้าแก้วกาแฟแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง
โซนอ่านหนังสือเงียบดีวันนี้ไม่ค่อยมีใครใช้บริการเท่าไหร่มองหาอยู่นานไม่เห็นจะมีพี่สตางค์ นี่พี่กัลป์หลอกเขาป่ะวะ ตรงที่นั่งไม่เห็นจะมีใครอยู่เลยแต่พอฟ้าครามหันกลับไปมองตรงช่องหนังสือก็เห็นคนใส่เสื้อช็อปนั่งจุ้มปุ๊กอ่านหนังสือนิทาน? สำหรับเด็กหกขวบอยู่บนพื้น ข้างๆ มีแก้วกาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้วางอยู่ใกล้ๆ
ฟ้าครามไม่ได้เดินเข้าไปหาแค่ลากเก้าอี้มานั่งมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่เดินเข้าไปมันก็ดูเป็นภาพที่แปลกตาดีนึกว่าจะห้าวกว่านี้ซะอีก นี่นั่งอ่านนิทานเหมือนมันสนุกอะไรมากมายอยู่ปีสามจริงป่ะวะ มองจากมุมนี้พี่สตางค์โคตรน่ารักผมปรกหน้าหน่อยๆ แก้มขาวๆ ก็ดูนุ่มนิ่มเหมือขนมมาร์ชเมลโล่พอรู้สึกตัวว่าเขาจะแค่มานั่งมองแบบนี้ไม่ได้มันเสียเวลา ฟ้าครามเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ
ทันทีที่เขานั่งลงพี่สตางค์ก็หันมามอง
ฟ้าเพิ่งเห็นว่าพี่สตางค์กำลังวาดรูปตัวการ์ตูนนิทานลงสมุดเล่มเล็กๆ อยู่
“มึงอีกแล้วเหรอ”
“อยู่คนเดียวป่ะเนี่ยไม่ใช่พี่ไฟซ่อนอยู่มุมกำแพงนะ”
“กลัว?”
“เปล่า จะได้เขยิบไปนั่งใกล้พี่มากกว่านี้”
พูดจริงและทำจริงฟ้าครามเขยิบเข้ามาใกล้หันหน้าฝั่งตรงข้ามหลังพิงชั้นหนังสือเพื่อที่จะเห็นหน้าพี่สตางค์ชัดๆ สตางค์หยุดดินสอที่ขีดๆ เขียนๆ แล้วเหลือบตามองเด็กบริหารที่ทำท่าทางสบายๆ นับเป็นคนแรกเลยนะที่เจอไอ้ไฟแล้วยังมานั่งเสนอหน้าอยู่นี่
“ไม่กลัวไอ้ไฟเหรอไง”
“ทำไมต้องกลัวถ้ามัวแต่กลัวแล้วเมื่อไหร่จะจีบพี่ติด”
“คิดดีแล้วเหรอไงจะจีบกู”
“จะบอกว่าผมคิดผิด?”
“มาก”
“พี่ยังไม่มีแฟนใช่ไหม”
“มึงควรจะถามคำถามนี้ก่อนจะมาประกาศจีบใครตรงหน้ามหา’ลัย”
ฟ้าครามไม่ได้ตอบอะไรแต่เดาว่าพี่สตางค์ยังไม่มีแฟนแน่ๆ เพื่อนหวงกันทั้งชั้นปีขนาดนี้
แล้วก็ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อทุกอย่างเงียบสนิท
“มึงจีบคนด้วยการนั่งเงียบๆ เหรอวะ”
“ตอนที่พี่วาดรูปพี่ดูมีความสุขยิ้มด้วยอ่ะ น่ารัก”
ปลายดินสอที่กำลังลากเส้นชุดชะงักสตางค์เงยหน้าขึ้นมามองเด็กปีหนึ่งที่ชะโงกหน้ามาดูรูปที่เขาวาด พอเห็นว่าเขาจ้องหน้านานไปหน่อยก็เลยเอ่ยถามว่าเป็นอะไร
“มึงไม่คิดว่ามันไร้สาระเหรอ”
“วาดรูปนี่มันไร้สาระตรงไหน พี่วาดสวยออกไม่บอกว่าเรียนวิศวะจะคิดว่าเรียนนิเทศศิลป์”
“คนเราบางทีมันก็เลือกไม่ได้ป่ะวะ”
น้ำเสียงและท่าทางที่ดูฝืนยิ้ม ฟ้าครามคิดว่าพี่สตางค์คงมีอะไรฝังใจเกี่ยวกับการวาดรูปไม่ก็เกี่ยวกับเลือกเรียนวิศวะแต่เขาก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะไปถามไถ่หรือปลอบใจอะไรขืนพูดจาอะไรไม่เข้าหูคะแนนอาจติดลบ
“พี่วาดรูปสวยนะผมชอบ วาดให้ผมก็ได้”
พี่สตางค์ยิ้มมุมปากนิดนึงก่อนจะก้มหน้าก้มตาวาดรูปมีการหลบไม่ให้เขาเห็นแค่เพียงสักพักก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับฉีกกระดาษที่มีรูปวาดเด็กผู้ชายวาดเขาใส่หางเหมือนตัวเดวิลยื่นให้เขา ท่าทางพี่สตางค์จะชอบอกชอบใจมากมีการยิ้มตบท้ายพร้อมกับบอกเหมือนมึงสุดๆ พอเห็นเขาไม่หือไม่อือพี่สตางค์เลยเขิน? คิดเองเพราะเห็นทำตาหลุกหลิกลุกหนีไปเลย
“ลืมกาแฟ ..พี่ชอบกินเหมือนผมเลย”
“พรุ่งนี้กูจะสั่งอย่างอื่น”
สตางค์รับแก้วกาแฟจากฟ้าครามมั่นใจได้เลยว่าพี่สตางค์ไม่มีทางสั่งเมนูอื่นแน่นอนเพราะพี่กัลป์ย้ำรอบที่ห้าร้อยว่าสตางค์วิศวะปีสามสั่งคาราเมลมัคคิอาโต้ทุกวัน เด็กวิศวะตัวเล็กเดินไปสองก้าวแต่ก็หยุดหันมามองแป๊บนึงฟ้าครามนึกว่าพี่สตางค์ลืมของแต่พี่สตางค์กลับยิ้มให้หนึ่งทีแล้วเดินควงกุญแจรถลงบันไดไป
“อยู่รอดแบบไม่มีแฟนมาได้ไงวะน่ารักขนาดนี้”
ฟ้าครามนั่งพิงชั้นหนังสืออยู่อย่างนั้นพอมองหนังสือไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ ก็นึกถึงหนังสือเจ้าชายน้อยเลยลุกขึ้นเดินไปยังชั้นหนังสือช่องถัดไปหนังสือเจ้าชายน้อยยังอยู่ที่เดิมและข้างในมันมีโพสต์อิทสีฟ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งแผ่น
ไม่คิดว่าจะมีคนมาตอบยินดีที่ได้รู้จัก
PS.วันนี้มีคนบ้ามาจีบด้วยว่ะ ตลก
ฟ้าครามอ่านจบแล้วต้องพยายามกลั้นขำเพราะเริ่มมีคนมาใช้บริการชั้นนี้เยอะพอสมควรมองซ้ายมองขวาก่อนจะเขียนข้อความลงในโพสต์อิทสีฟ้าอันเดิมเพราะเห็นมีที่ว่างเหลืออยู่
ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณโพสต์อิทสีฟ้า
PS.วันนี้เพิ่งเป็นคนบ้าไปจีบคนน่ารักมาเหมือนกัน
ก็ไม่คิดนะว่าตัวเองจะมาคุยกับคนที่ไม่รู้จักเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้อีกหน่อยคงต้องสอดสมุดโน๊ตไว้คุยกันท่าทางโพสต์อิทจะไม่พอฟ้าครามเก็บหนังสือเจ้าชายน้อยไว้ตามเดิม ขออย่าให้คนอื่นมาเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้เลยเขาอยากจะให้มีแค่เขากับคุณโพสต์อิทสีฟ้าคุยกันแค่สองคน
CARAMEL MACCHIATO
“ฟ้า...ถ้ามึงโดนกระทืบกูจะบอกพ่อแม่ให้ว่ามรดกในส่วนของมึงมึงยกให้กูแล้ว”
อันดากระซิบบอกฟ้าครามเมื่อเห็นว่ามีใครยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าคอนโด รูปร่างสูงโปร่งเสื้อช็อปบวกกับหน้าตาโคตรหล่อเขาจำไม่ผิดแน่นอน พี่ไฟวิศวะเฮดว๊ากปีสามไอ้อันดากระตุกแขนเสื้อเขายิกๆ เลยไล่ให้ไปยืนรอไกลๆ เพราะคิดว่าพี่ไฟคงอยากคุยกับเขาแค่สองคน
“มีอะไรกับผม”
“กูมาคุยเรื่องสตางค์”
“ถ้าพี่จะมาห้ามเรื่องผมจีบพี่สตางค์ ผมขอไม่ฟัง”
“กูจะไม่ห้ามมึงแต่กูก็จะไม่สนับสนุนมึงเหมือนกัน มึงมันดูไม่น่าไว้ใจถ้ามึงมาจีบสตางค์เล่นๆ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”
“ถ้าผมต้องแข่งกับพี่ไม่ใช่ผมเหรอที่น่าจะแพ้”
ถ้ากูชนะคงชนะไปตั้งนานแล้ว......ไฟคิดในใจไม่ได้พูดออกไปแต่จับมือทำข้อตกลงเรียบร้อยฟ้าครามก็คิดว่าแมนๆ ดีจะได้ไม่มีการขัดขากันภายหลังรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในหนังที่คู่อริปรองดองกัน ไอ้อันดารีบปรี่เข้ามาหาคงอยากรู้เรื่องแต่ฟ้าครามแกล้งไม่บอกพยายามเดินหนีไปทางอื่น ไฟหันไปมองคู่ฝาแฝดที่ดูไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่อันดาเศรษฐศาสตร์ดูตัวเตี้ยกว่าไอ้ฟ้าครามหลายเซ็น ท่าทางตบตีของฝาแฝดมันดูน่ารักดีแต่พอเดินมาถึงมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของตัวเองก็หันไปเห็นคนที่เพิ่งเดินออกมาจากคอนโดข้างๆ
“นี่มึงมาทำอะไรน้องในคณะกูป่ะเนี่ย!”
นท บริหาร
“ไอ้เปี๊ยกไปด้วยกันไหม”
“มึงจะแกล้งกู กูรู้ทัน”
“เร็ว! ขาสั้นขนาดนี้เดินไปเมื่อไหร่จะถึง”
“ไม่ไปโว้ยยย”
เห็นนทแล้วมันน่าแหย่คนบ้าอะไรเวลาเจอหน้าชอบทำหน้าเหมือนโกรธกันมาร้อยปี ก็พอรู้ว่าวิศวะกับบริหารไม่ค่อยถูกกันแต่เขาก็แยกแยะออกว่าใครเป็นใครไม่ใช่ว่าจะต้องเกลียดคนที่เรียนบริหารไปหมดทุกคน แล้วดูไอ้เตี้ยลักยิ้มนี่ทำ…อยากจะให้สะดุดหน้าคว่ำตกท่อจริงๆ
“อย่าเล่นตัวขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ไป! ก็บอกว่าไม่ไปไงวะ ยุ่งจริง”
“ขี้โวยวายจังวะ”
“เรื่องของกูมึงไปไกลๆ กูเลย”
นี่ปี 3 หรือ ป.3
………………………………….
………………………………………………………………………….
-
………………………………….
………………………………………………………………………….
“คาราเมลมัคคิอาโต้ร้านพี่กัลป์มาแล้วครับ”
“มึงนี่ซื้อกาแฟให้เพื่อนกูทุกวันไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะ”
“หายไปวันนึงเดี๋ยวพี่สตางค์คิดถึงผมแย่”
สตางค์ทำท่าจะอ้วกเมื่อรุ่นน้องบริหารหยอดมุขจีบไม่เลิกไม่รู้ว่ามันไปสรรหาคำพูดแบบนี้มาจากไหนนี่จีบมาสองสามอาทิตย์คำพูดเลี่ยนๆ ยังไม่ซ้ำกันเลยแน่นอนว่าไฟที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยถึงกับวางช้อนเบือนหน้าหนี อย่าคิดว่าหลังจากจับมือตกลงกันเรียบร้อยในวันนั้นสองคนนี้จะกอดคอปรองดอง เรียกว่าต่างคนต่างเลี่ยงไม่เจอกันจะถูกกว่า
แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อสตางค์ก็เป็นเพื่อนไฟมาตั้งแต่ปีหนึ่งจะให้เดินหนีเวลาฟ้าครามมาหาก็ใช่เรื่อง ก็ถือว่าทนได้ทนไปอาทิตย์ที่แล้วกวนตีนกันไปมาเลยต่อยกันคนละหมัด โอ้โห..คราวนี้มากันทั้งคณะบริหารวิศวะทุกคนเลยรู้เรื่องที่ฟ้าครามบริหารปีหนึ่งตามจีบสตางค์วิศวะปีสามกันถ้วนหน้า รุ่นพี่ปี่สี่ปี่สามวิศวะมากันเกือบหมดก็ไอ้ฟ้าเล่นไปจีบลูกรักสุดหวงของคณะเขาเขาประคบประหงมมาตั้งแต่ไอ้สตางค์อยู่ปีหนึ่ง ดีที่ยังปิดข่าวเงียบเรื่องไม่ถึงหูอาจารย์
และแน่นอนว่าคนที่สงบศึกได้คือ สตางค์ ที่ลั่นวาจาไว้ว่าถ้าต่อยกันอีกจะเป็นคนกระทืบทั้งสองคนเอง
ประกาศิตยิ่งกว่าอธิการบดีไฟกับฟ้าครามจากที่เหมือนเสือกับสิงห์ทะเลาะกันอยู่ดีๆ ก็กลายร่างทำท่าหงอยเป็นลูกแมว
คนน่ารักเวลาโมโหน่ากลัวฉิบหาย
แต่ก็คงเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย พอทะเลาะกันเสร็จก็มานั่งทำแผลฟ้าครามได้ทีอ้อนสตางค์ให้ทำแผลที่มุมปากให้เพราะไฟเป็นคนนเริ่มก่อนสตางค์ก็เลยต้องรับผิดชอบในฐานะรุ่นพี่วิศวะ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ไฟได้เห็นอะไรหลายอย่างฟ้าครามเป็นผู้ชายขี้เล่น อารมณ์ดีกวนๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ
และจริงจัง
ที่โดนเด็กปีหนึ่งต่อยกลับมาหนึ่งหมัดเพียงเพราะเขาพูดว่า
“มึงชอบสตางค์จริงเหรอวะมึงอยู่แค่ปีหนึ่งไม่ใช่เจอใครน่ารักกว่ามึงก็จะไปจีบเขา”
หมัดหนักๆ ที่ต่อยลงบนมุมปาก
พร้อมกับมือที่กระชากเสื้อช็อปให้เงยหน้าขึ้นมา
“อย่าดูถูกความรักของผม”
เด็กสมัยนี้กล้าบ้าบิ่นดีและเขาก็ดูออกว่าสตางค์เองก็เปิดใจกับฟ้าคราม รอยยิ้มที่เขาเองไม่เคยได้แต่ฟ้าครามเป็นคนได้มันไป อย่างตอนที่ไอ้เด็กนั่นแกล้งร้องโอดครวญทำยังกับเจ็บแผลซะมากมายทั้งๆ ที่มันต่อยกลับมานี่แรงกว่าที่เขาต่อยมันอีก ดูก็รู้ว่าแกล้งแต่สตางค์กลับหัวเราะชอบใจมีการเทแอลกอฮอล์ใส่สำลีซะชุ่มแล้วป้ายๆ ลงบนแผลแน่นอนว่าไอ้ฟ้าครามแหกปากดังลั่นแต่สุดท้ายสตางค์ก็ทายาให้ฟ้าครามอยู่ดี
ส่วนเขาน่ะเหรอ
แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย
“นี่”
ก้อนสำลีพร้อมกับยาทาแผลถูกยื่นมาให้พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เจอไอ้เตี้ยนทบริหารที่มีลักยิ้มสองข้างเป็นเอกลักษณ์ แต่ไฟก็ส่ายหน้าไปมาแถมยังดันออกให้ห่างตัว
“เดี๋ยวก็ตายหรอก”
“แผลแค่นี้จะตายได้ไง”
“หนักอยู่นะ”
จะว่าไปก็เจ็บอยู่เหมือนกันยิ่งตอนพูดนี่เจ็บจี๊ดขนาดไฟเดินหนีเตี้ยนี่ก็ยังเดินตามมา เลยยืนพิงมอเตอร์ไซค์ตัวเองยกมือยอมแพ้เพราะเสียงที่เอาแต่โวยวายไม่หยุดแน่นอนว่าแผลแบบนี้เขาเองก็คงมองไม่เห็นเลยให้นทใส่ให้ตอนแรกไม่คิดอะไรหรอกแค่ใส่ๆ ให้มันจบคงเพราะความสูงกับเขากับนทต่างกันมากไอ้เตี้ยเลยกระเถิบเข้ามาหาแถมยังยื่นหน้ามาจนชิด
ได้ยินมาเยอะว่าผู้ชายบริหารน่ารัก
หน้างี้ใสกิ๊กฉายา คุณชาย ทีได้มาก็ดูเหมาะสมดี
“มึงจะกินข้าวได้เหรอวะปากแต..”
คงไม่รู้ตัวว่าหน้าเราอยู่ใกล้กันขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ไฟคิดว่าไอ้เตี้ยลักยิ้มจอมโวยวายนี่น่ารักดีดูก็รู้ว่าตอนนี้เขินแก้มแดงหูแดงไปหมด พอรู้สึกตัวก็เลยยัดสำลีใส่มือเขาแล้วทำท่าจะเดินหนีไปซะดื้อๆ ไฟเลยต้องคว้าข้อมือไว้
“ขอบใจ”
นทพยักหน้าส่งๆ พอจะเดินหนีไปทางอื่นไฟก็ไม่ยอมปล่อยท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นตูมของนทมันดูตลกทั้งๆ ที่เราไม่เคยจะพูดกันดีๆ เลยสักครั้งแต่ก็พอรู้ว่าคนอย่างนทไม่ได้มีอะไรหรอกโวยวายไปงั้นแต่การกระทำนี่ตรงข้ามเลย คำพูดของสตางค์ที่เคยบอกในวันที่เขาสารภาพความรู้สึกย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง
อย่ายึดติดกับกูเลยไฟกูอยากให้มึงได้เจอคนที่ทำให้มึงมีความสุขสักวันมึงก็จะเจอ
กูเชื่อนะว่าอีกไม่นานมึงจะเจอเขา
กลับมาที่โรงอาหาร
“มึงทะเลาะกับพ่ออีกแล้วเหรอวะสตางค์ พี่เหรียญโทรมาหากูบอกมึงไม่รับโทรศํพท์”
“เรื่องเดิมๆ”
“พ่อมึงนี่ทำไมไม่ชอบให้มึงวาดรูปขนาดนี้วะไอ้สตางค์นี่จิตรกรมาเกิดชัดๆ”
ฟ้าครามนั่งฟังเงียบๆ แต่สายตามองไปยังพี่สตางค์ที่เอาแต่ถอนหายใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นสตางค์เลยขอตัวออกไปคุยอีกทาง พีเลยตบลงบนไหล่รุ่นน้องเบาๆ พร้อมกับบอกคร่าวๆ ว่าพ่อสตางค์ไม่ชอบให้สตางค์วาดรูปอยากให้เรียนทางด้านวิทย์ๆ มากกว่าตอนเลือกคณะสตางค์เลยต้องตัดคณะศิลปกรรม สถาปัตย์ ออกทั้งหมด
มิน่าล่ะ
ถึงต้องแอบมาวาดรูปที่ร้านพี่กัลป์บ่อยๆ
พี่สตางค์หายไป
หายไปหลังจากที่คุยโทรศํพท์ พี่ไฟบอกว่าสตางค์ไม่ได้กลับไปเรียนแค่ส่งไลน์มาบอกว่า ไม่เข้า
“ร้านพี่กัลป์”
เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นหน้าร้านทำให้กัลป์เงยหน้าขึ้นมามองท่าทางเหนื่อยหอบของฟ้าครามทำให้กัลป์เอ่ยถามว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรือเปล่าเด็กบริหารส่ายหน้าก่อนจะถามถึงพี่สตางค์
“มาตั้งแต่บ่ายแล้วเห็นเงียบๆ เลยไม่ได้ถามอะไรแต่ยังไม่ลงมาเลย ที่เดิมชั้นสอง”
อยู่นี่จริงๆ ด้วย
ที่เดิมท่าเดิมสมุดวาดรูปเล่มเดิมฟ้าครามเดินมานั่งลงข้างๆ พี่สตางค์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหรือหยุดวาดรูปคงรู้ว่าเขาเป็นใคร ต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟ้าครามวางมือบนเข่าของอีกฝ่ายเบาๆ พี่สตางค์ถึงได้หยุดเพิ่งเห็นว่ามือแดงไปหมดไม่รู้ว่าวาดมามานานเท่าไหร่แล้ว
“พี่อยากวาดรูปจริงๆ ไหมแบบเอาสีระบายๆ ในกระดาษ”
สตางค์เองก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรแต่เห็นว่าฟ้าครามโทรหาอันดาฝาแฝดพูดเรื่องอะไรเขาก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เจ้าเด็กปีหนึ่งตัวสูงรั้งแขนให้เขาลุกขึ้นตามแต่สิ่งที่ร่วงลงมาตรงพื้นทำให้ฟ้าครามหยุดชะงัก
โพสต์อิทสีฟ้า…
“อันนี้ของพี่เหรอ”
“ใช่..ทำไมวะ”
“เอามาทำอะไร”
“มันติดมากับสมุดวาดรูปกูก็ใช้ทุกวัน”
“ตอนที่พี่นั่งอยู่มีคนมาอ่านหนังสือบ้างไหมมีคนมาหยิบหนังสือตรงล๊อคถัดไปหรือเปล่า”
ฟ้าครามก้มลงเก็บโพสต์อิทแล้วคืนให้
แต่พอสตางค์หยิบมันไว้กลายเป็นฟ้าที่ไม่ยอมปล่อยเหมือนว่ารอเขาตอบคำถามก่อน
“คนเดินไปเดินมาเยอะแยะกูไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร ”
อาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักฟ้าครามเลยไม่ได้ถามอะไรต่อเลือกที่จะเดินลงไปข้างล่าง ไม่มีคำถามจากพี่สตางค์ว่าเขาจะพาไปไหนทำอะไรจนมาถึงหน้าตึกที่สตางค์เองก็ไม่เคยมาเลยสักครั้ง
คณะสถาปัตย์
พอขึ้นบันไดมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียนสตางค์เห็นอันดาฝาแฝดของฟ้าครามยืนรออยู่แล้ว นอกจากอันดาแล้วยังมีเบียร์สถาปัตย์ปีสอง กำลังจะอ้าปากถามแต่ฟ้าครามก็พาเข้ามาในห้องก่อนเบียร์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นเลยอธิบายว่ามันเป็นห้องทำงานของสถาปัตย์บางทีคณะศิลปกรรมก็มาใช้บ้างแต่ไม่ค่อยมีใครมาใช้แล้วแต่ก็พอมีอุปกรณ์อยู่บ้างใช้ได้ตามใจชอบ
ยืนเหม่ออยู่นานจนฟ้าครามพามานั่งตรงหน้ากระดานวาดรูป เด็กบริหารเลยหยิบพู่กันมาจุ่มสีแล้ววาดลงบนกระดาษสีขาวสกิลเรื่องศิลปะทิ่ติดลบทำให้รูปที่วาดออกมาหน้าตาประหลาดจนสตางค์เองยังแอบหัวเราะก่อนที่ตัวเองจะหยิบพู่กันมาวาดบ้าง
“แม่บอกผมว่าตอนที่ผมยังเด็กอันดาแม่งแหกปากร้องไห้ตลอดเวลา แต่ผมกลับไม่ร้องสักแอะเอาแต่ยิ้มทั้งวัน พ่อบอกว่าโตขึ้นผมจะต้องเป็นผู้ชายที่อารมณ์ดีใครอยู่ใกล้ผมก็จะมีความสุข”
“……………………………………………………………..”
“พ่อผมถึงตั้งชื่อผมว่าฟ้าคราม เหมือนสีของท้องฟ้าที่เวลามองแล้วสบายใจ”
“……………………………………………………………..”
สตางค์มองไปยังสีฟ้าที่เจ้าตัวกำลังระบายอยู่สตางค์รู้ว่าเจ้าเด็กบริหารนี่เป็นผู้ชายสบายๆ เจอกันกี่ทีก็เอาแต่ยิ้มทั้งวันเหมือนคนบ้า ทุกอย่างมันไม่ใช่สิ่งที่ปั้นแต่งขึ้นมามันเป็นตัวตนของผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามาบอกชื่อและคณะตามด้วยถ้อยคำที่ประกาศต่อหน้าไฟว่าหมายมั่นจะจีบเขาให้ได้ ยอมรับว่าตอนแรกไม่เชื่อหรอกคิดว่าสองสามวันก็หายไปเอง (ยังคิดอยู่เลยว่าอาจโดนพี่ในคณะสั่งมาให้ทำ ) แต่วันนี้วันที่เจอเรื่องแย่ๆ กลับกลายเป็นเจ้าเด็กคนเดิมที่ยังอยู่ข้างๆ จนถึงตอนนี้
สตางค์สะดุ้งเมื่อคนที่นั่งวาดระบายสีอยู่เอาพู่กันมาป้ายตรงแก้ม
“ผมไม่อยากให้พี่เลิกวาดรูปนะ ผมรู้ว่าบางทีเราก็เลือกไม่ได้พี่ยังคงต้องเรียนวิศวะแต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ทิ้งสิ่งที่พี่ชอบทำให้ครอบครัวพี่เห็นว่าพี่ทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันได้พี่จะเป็นวิศวกรที่วาดรูปเก่งที่สุดในประเทศ”
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอยากจะยิ้มไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
สตางค์ค่อยๆ ยิ้มออกมาก่อนจะซบหน้าลงกับอกกว้างของเด็กบริหาร
“ฟ้าคราม”
“ครับ”
“อยู่ใกล้แล้วมีความสุขจริงๆ ด้วย”
พู่กันในมือตกลงบนพื้นเมื่อฟ้าครามยกมือขึ้นมากอดสตางค์ไว้เต็มอ้อมแขนมันไม่มีคำพูดอะไรต่อ สตางค์หัวเราะออกมาเมื่อมองไปยังกระดานวาดรูปของฟ้าครามถ้าใครเห็นคงจะบอกว่านี่ผลงานของเด็กอนุบาลหรือเปล่า บ้านหนึ่งหลังเบี้ยวๆ ต้นไม้หนึ่งต้นพระอาทิตย์หนึ่งดวงมีนกขีดๆ สามตัว
แต่สิ่งที่สวยที่สุดในรูปคือสีของ
ท้องฟ้า.........ฟ้าคราม
“ทำไมมันเงียบๆ วะหรือเขากลับกันแล้ว”
อันดากับเบียร์พยายามเปิดประตูให้เบาที่สุดเมื่อเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแต่ฟ้าก็ยังไม่เห็นติดต่อกลับมา ตอนแรกที่ไอ้ฟ้าโทรมาหาให้บอกพี่เบียร์ว่าขอยืมห้องที่วาดรูปได้หน่อย งง อยู่หลายนาทีกว่ารู้เรื่องทั้งหมด ไม่รู้ป่านนี้พี่สตางค์จะอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง เสียงกระแอมจากข้างหลังทำให้อันดายิ้มแหยๆ
เด็กวิศวะบริหารปีสามมากันครบยืนกอดอกหน้านิ่งเลยต้องรีบเปิดประตู
เพราะกลัวว่าจะโดนพี่ๆ กระทืบตายคาตีน
ทุกคนที่เดินเข้ามาในห้องหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าสตางค์นอนซบไหล่ฟ้าครามอยู่ตรงพื้นที่แก้มของทั้งสองคนมีแถบสีฟ้าเหมือนเด็กประถมที่ไปเข้าค่ายแล้วเอาสีมาทาหน้าแต่สิ่งที่ทุกคนยิ้มคือมือของทั้งคู่ที่เลอะไปด้วยสียังคงจับกันไว้แน่นข้างๆ มีพู่กันและภาพวาดที่ดูไม่ค่อยเป็นรูปวางอยู่ใกล้ๆ
“กลับเถอะ ปล่อยมันไว้งี้แหละ”
ไฟคือคนแรกที่เดินออกจากห้องพร้อมกับลากเอานทมาด้วย เด็กวิศวะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปพร้อมกับบอกว่าเก็บเอาไว้แกล้งไอ้สตางค์เด็กแสบเวลามันงอแงจะได้มีอะไรไว้จัดการมันไม่ต้องเป็นทาสมันแล้ว มันโดนรุ่นพี่รุ่นเพื่อนโอ๋ตั้งแต่ปีหนึ่งจนเคยตัวต้องมีอะไรไปต่อรองมันบ้าง พี่วีส่ายหน้าอย่างขำๆ เมื่อเห็นแกงค์วิศวะที่ท่าทางเถื่อนๆ ทำท่าทางปัญญาอ่อนก่อนจะโบกมือลาเพราะต้องไปทำเรื่องฝึกงานในเทอมหน้า
อันดากับเบียร์เลยปิดประตูไว้ตามเดิม
เมื่อเห็นว่าทุกคนออกจากห้องจนหมดแล้ว
สุดท้ายแล้ววิศวะกับบริหารก็ลงเอยแฮปปี้เอนดิ้งกันสักที
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“คาราเมลมัคคิอาโต้สองแก้วเครื่องดื่มแห่งการปรองดองสองคณะ”
กัลป์ยื่นเครื่องดื่มให้ทั้งสองคนที่วันนี้หน้าตาสดใสกันทั้งคู่มีการแซ็วสตางค์ว่าเพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าให้หาแฟนมาดูแลแต่ไม่คิดว่าจะได้เร็วขนาดนี้สตางค์รีบส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่ายังไม่ใช่แฟนต้องใช้เวลาดูก่อนเผื่อยังไม่ออกลายตอนนี้เลยเห็นฟ้าครามทำหน้าตาน่าสงสารเพราะทุ่มเทขนาดนี้ยังไม่ยอมเรียกว่าแฟนสักที
ฟ้าครามกับสตางค์เดินขึ้นมาบนชั้นสอง วันนี้ฟ้าครามตั้งใจจะมาบอกคุณเจ้าชายน้อยสักหน่อยว่าตอนนี้เขาโคตรมีความสุขที่ผ่านนี่เขาคุยกับเจ้าชายน้อยอยู่บ่อยๆ ถามเรื่องทั่วไปกินข้าวยังเรียนหนักไหมบางวันก็แค่วาดอีโมชั่นระบายความรู้สึก พวกเรื่องประวัติส่วนตัวเรียนคณะไหนชั้นปีอะไรเขาไม่คิดจะถามคุยกันแบบนี้ก็สนุกดี
“เดี๋ยวผมมาพี่ดูหนังสือไปก่อน”
ฟ้าครามบอกสตางค์ที่พยักหน้ารับแต่สตางค์ก็หยิบโพสต์อิทสีฟ้ากับปากกาขึ้นมาแล้วเดินเลี้ยวไปตรงช่องหนังสืออีกด้านเดินไล่ดูชื่อหนังสือก่อนจะเจอเล่มที่ต้องการพร้อมกับอีกคนที่หยิบหนังสือออกมาจากชั้น สตางค์หันมามองตั้งใจจะเอ่ยปากขอหนังสือคืนแต่ก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ฟ้าคราม
“เจ้าชายน้อยไม่สิพี่คือคุณโพสต์อิทสีฟ้า?”
“อย่าบอกนะว่านายคือคนที่เขียนตอบ”
สตางค์เองก็ไม่เชื่อว่าเรื่องตรงหน้าคือเรื่องจริงแต่ฟ้าครามกลับหัวเราะออกมาพร้อมกับคว้าคนที่ยืนทำหน้าตาช็อคสุดขีดเข้ามากอดไว้ สตางค์ทุบหลังเด็กปีหนึ่งเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ฟ้าครามเลยก้มหน้าลงมาจนหน้าผากชิดกัน
“ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“โคตรดีใจที่เป็นพี่”
“ไม่คิดว่าจะมีคนตอบด้วยซ้ำ”
“ห้ามไปเล่นอย่างนี้ที่อื่นแล้วนะ”
ฟ้าครามเปิดหนังสือเจ้าชายน้อยที่ถืออยู่ก่อนจะเขียนบางอย่างลงบนโพสต์อิทสีฟ้า เบี่ยงตัวหลบพี่สตางค์ที่พยายามจะมุดหน้าเข้ามาดูแต่เรื่องอะไรที่จะให้ดูง่ายๆ เด็กวิศวะเลยนั่งลงกับพื้นรอจนฟ้าครามเขียนเสร็จแล้วยื่นให้คนที่นั่งอยู่บนพื้นอ่าน
คุณโพสต์อิทสีฟ้าผมชอบพี่วิศวะปีสามที่ชื่อสตางค์มากครับ
เขาจะชอบผมบ้างไหม เป็นแฟนกับผมได้รึยัง ช่วยตอบผมหน่อย
Ps.ยินดีจะเลี้ยงคาราเมลมัคคิอาโต้ร้านพี่กัลป์ตลอดชีวิต
ฟ้าคราม ปิยภูวดล บริหารปีหนึ่ง
สตางค์หัวเราะก่อนจะก้มหน้าก้มตาเขียนลงบนโพสต์อิทสีฟ้าอีกแผ่น ฟ้าครามรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยวันแรกแย้มที่เพิ่งสารภาพรักและกำลังรอคอยคำตอบถ้ายืนบิดมือเขินนี่ใช่เลย ทันทีที่หนังสือเจ้าชายน้อยถูกยื่นกลับมาฟ้าครามก็ยิ้มแป้นเมื่ออ่านข้อความในโพสต์อิทแล้ววิ่งไปชะโงกหน้าตรงระเบียงเรียกพี่กัลป์เสียงดังลั่นพร้อมกับทำท่าโอเค กัลป์กระแอมเสียงเล็กน้อยก่อนจะตะโกนลั่นร้าน
“น้องคนไหนที่ฝากของให้สตางค์วิศวะปีสามตอนนี้พี่ไม่รับฝากแล้วนะครับเพราะสตางค์มีแฟนแล้วเกรงใจแฟนเขาหน่อย”
คำตอบข้ามไป PS เลยแล้วกัน
Ps. เตรียมเงินไว้เลี้ยงคาราเมลมัคคิอาโต้
ร้านพี่กัลป์ตลอดชีวิตเลย
คุณาสิน อัครโชติ
วิศวะโยธาปีสาม
*TBC 07 MOCHA
#นิยายร้านกาแฟ
ps,ขอบคุณค่ะ
Twitter @ribbinbo
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณค่ะ ละมุนเหมือนเดิมม ^^
-
น่ารักทุกคู่เลย
-
รอคู่พี่กัลป์ ^^
-
ไฟกับนท ยังไงนะ
-
เจอเรื่องนี้ในทู้นิยายแนะนำ อ่านรวดเดียวจบ น่ารักมาค่ะแต่ละคู่ ความยาวและเนื้อเรื่องไม่สั้นไป อ่านจบแบบไม่ค้างคาทั้งที่เป็นตอนเดียวจบ ติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ
-
:-[
-
ชอบที่มาของชื่อฟ้าครามมากเลย
คุณพ่อน่ารักมาก เข้าใจตั้งชื่อ
ลงเอยกันอีกคู่ อยากรู้มากว่าคู่ต่อไปคือใคร
ตอนนี้เชียร์ ไฟกับนทอยู่555
-
โอ๊ยยยยยยย อ่านเรื่องนี้แล้วเบาหวานจะขึ้นเอา ทั้งกลิ่นกาแฟ #ข้าคือทาสร้านกาแฟ ทั้งกลิ่นความหวานของแต่ละคู่ อบอวลไปหมด ฟีลกู้ดมากกก ส่วนตัวชอบตอน americano เบส-โฟกัส ที่สุด มีหน่วงนำมาก่อนค่อยหวานตาม กลมกล่อมดีแท้ :o8:
ลุ้นพี่กัลป์ด้วยคน เป็นคิวปิดให้หลายคู่แล้ว จะมีคิวตัวเองมั่งไหมน้าา??
-
งื้อออ คือชอบมากกกกกกก น่ารักมากกกกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบทุกคู่ ทุกตอนเลยอ่าาา
รอติดตามตอนต่อๆ ไปนะคะ
^___________________^
-
ปกติเราไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องสั้น เพราะรู้สึกว่าไม่จุใจ
แต่เรื่องนี้เป็นอะไรที่กลมกล่อม พอดี
ละมุนน
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีผลงานอะไรให้เราติดตามอีกไหม
สมัครตัวเป็น FC นะ
-
โอ๊ย อ่านรวดเดียวจบ น่ารักมาก ชอบมากเลยค่าาาาา
ขอมอบตัวและหัวใจให้เลย
-
SPECIAL DRINKS : SODA VS ICED TEA
โซดากับชาเย็น
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
ไฟ – นท
“บอกวาอย่าขยี้หัวไงวะ มากับมึงทีไรผมยุ่งตลอด”
“กูบอกว่าจะพาไปซื้อหมวกกันน็อคให้ใหม่ไง อันนี้ของเพื่อนกูมันไม่พอดีกับหัวมึงเนี่ย”
“อันไหนก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ”
“มึงอยากได้แบบที่มีหูแมวเหรอ”
“ไอ้เวรไฟแบ๊วสัสกูไม่ใส่”
“โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอาเรื่องมากจังวะ”
กัลป์ยืนรอทั้งคู่เถียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์นี่ยืนมองอยู่นานเกือบห้านาที แต่ถึงจะเถียงกันทุกประโยคแต่มือไฟก็ยกขึ้นช่วยนทจัดผมให้เข้าที่เข้าทางมีลูบหัวตบท้ายอีกต่างหาก นี่แหละคู่รักเฮดว๊ากวิศวะปีสี่และหนุ่มน้อยลักยิ้มบริหารในตำนาน?ก็คงเรียกว่าคู่รักอ่ะนะทั้งๆ ที่กัลป์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่หลังจากที่ไปฝึกงานที่เดียวกันเมื่อตอนปีสามเทอมสองพอขึ้นปีสี่ก็เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น
เรียกว่าดีขึ้น (มั้ง)
ปีที่แล้วยังมีเรื่องดราม่าน้ำตานองหน้าอยู่เลย
หมายถึง ไฟนะ ที่น้ำตานองหน้าไม่ใช่นท
“พี่กัลป์”
“เอาแบบเดิมใช่ไหมทั้งคู่เลย”
“ครับ แบบเดิม”
“ไปจองโต๊ะนะ”
“เดี๋ยวตามไป”
พอไม่เถียงกันก็ดูรักกันดีกัลป์สังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้รุ่นน้องคณะวิศวะเริ่มจะสนิทและทักทายไฟก่อน ทุกทีนี่น้องผู้ชายในวิศวะแทบจะก้มลงไปกราบเบญจางคประดิษฐ์เวลาที่เจอหน้าพี่ไฟเฮดว๊ากสุดโหด
“ดูเป็นที่รักของรุ่นน้องนะเดี๋ยวนี้”
“เพราะใครล่ะพี่”
“น้องไฟแพ้น้ำตาแฟน”
“ถ้าไม่ใช่พี่กัลป์นี่ผมจับทุ่มแล้วเนี่ย”
กัลป์หัวเราะชอบใจเมื่อสามารถแกล้งไฟได้สำเร็จ
ตอนนี้เขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด รู้จักกันมาสามสี่ปีนี่ไม่เคยจะเห็นไฟในมุมแบบนี้เลยสักครั้ง
“คิดแล้วก็แปลกไฟกับนททำไมมาลงเอยกันได้”
ไฟหันไปมองคนที่กำลังพูดถึงเพราะต้องทำโปรเจคจบนทเลยเอางานมาทำที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ทุกวัน ตอนนี้ก็ยุ่งวุ่นวายกับการเรียงชีทเห็นท่าทางแบบนั้นมันก็ดูน่ารักดีเหมือนเด็กๆ เฟรชชี่ทั้งๆ ที่เรียนอยู่ปีสี่แล้วแท้ๆ ไฟหันกลับมาตรงเคาน์เตอร์อีกครั้ง
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นแบบนี้”
Flashback
“นี่สรุปมึงฝึกงานที่นี่เหรอวะ นท”
“เออ ที่นี่แหละกูมั่นใจมากว่าที่นี่ดีที่สุดในแปดบริษัทที่กูตัดทิ้ง”
“เออ ไอ้คนเก่งเจออะไรมาอย่าวิ่งร้องไห้มาหากูนะแล้วนี่ไอ้ไฟรู้ยังว่ามึงเลือกบริษัทนี้”
“ทำไมกูต้องบอกมันวะ”
“อ้าว ก็มึงกับมันดูมีซัมติงเห็นมันมาหามึงบ่อยๆ กูก็นึกว่ามึงกิ๊กกั๊กกับเฮดว๊ากสุดโหด”
“ซัมติงบ้านมึงสิ กูก็แค่ไม่อยากจะซ้ำเติมคนอกหักทั้งๆ ที่ใจจริงกูอยากจะสมน้ำหน้ามันใจจะขาด”
“ระวังเถอะ”
“อ้าว เพื่อนวี”
วียกมือขึ้นมารับหมัดจากไว้ทันก่อนที่นทจะต่อยลงมาเลยผลักหัวเพื่อนตัวเองออกไป นทเป็นพวกปากแข็งแต่ไม่ยอมรับ ขี้โวยวายแต่ใจอ่อน ส่วนไอ้ไฟไอ้โหดวิศวะคนนั้นก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมถึงเอาแต่ตาม นท แบบนี้ ก็พอรู้ว่านทมันเป็นคนน่ารัก ง๊องแง๊ง งอแงเหมือนเด็กไม่รู้จักโตที่สำคัญใจดีที่หนึ่ง ใครมาขออะไรก็ช่วยหมด
อย่างตอนไฟมีเรื่องกับฟ้าคราม
ก็ยังเห็นว่าเอาสำลีชุบยาไปทำแผลให้ไฟ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปหาไฟเลยสักคน
แต่ที่ทุกคนรู้ไฟชอบสตางค์…ชอบมานานถึงจะไม่เคยมีใครพูด
รู้ว่าการตัดใจสักคนมันไม่ง่ายถ้าไฟแค่ต้องการใครสักคนคอยปลอบใจในช่วงเวลาที่แย่ เขาก็เป็นห่วงนทอยู่เหมือนกัน
นทกำลังตื่นเต้น..
มือไม้นี่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ทั้งๆ ที่ตอนจะก้าวขาเข้ามาที่บริษัทนี่เตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างดีแล้วแท้ๆ ถึงแม้ว่าพี่ๆ ในบริษัทจะส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรแต่ในใจมันก็กลัวอยู่ดี เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นนทเลยลุกขึ้นมานั่งหลังตรงตัวตรงเพราะพี่ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องแล้ว
“คุณนวันธรใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับเรียกผมว่า นท ก็ได้ครับ”
“แล้วนักศึกษาอีกคนล่ะมาพร้อมกันไหม”
“ครับ?”
นทเองก็ไม่เข้าใจคำถามสักเท่าไหร่หรือว่าจะมีนักศึกษาจากมหา’ลัยอื่นมาฝึกงานที่นี่ด้วย แต่เพื่อนร่วมคณะมหา’ลัยเดียวกันนี่ไม่มีแน่นอนเขามั่นใจเช็คมาแล้วยังไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพี่พนักงานคนนึงแต่คนที่เดินตามมาด้านหลังทำให้นทต้องนั่งนิ่ง..
“ผมพาน้องนักศึกษาฝึกงานไปฝ่ายวิศวะมาครับ นี่อัคนี”
ตัวจริงเสียงจริง
นทรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวที่จะชื่ออัคนีแต่ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดนักศึกษาเรียบร้อยในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังยืนมองเขายิ้มๆ และไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจที่เห็นเขานั่งหัวโด่อยู่นี่ เป็นคนเดียวกับที่กวนประสาทเขามาตลอดสามปี
ไฟ เฮดว๊ากวิศวะปีสาม
“คุณอยู่มหา’ลัยเดียวกันรู้จักกันไหม”
“ก็พอรู้จักครับ”
“เอาเป็นว่าชื่อแซ่ก็คงรู้จักกันแล้วสินะ เออ..เดี๋ยวอาร์ตามภาคย์ให้พี่หน่อย”
พี่ผู้จัดการอธิบายเกี่ยวกับบริษัทคร่าวๆ ดีที่บริษัทไม่ได้เคร่งครัดอะไรนี่ก็บอกให้เขากับไฟทำตัวสบายๆ โดยเฉพาะไฟที่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ให้แต่งตัวอะไรมาก็ได้ ยังไงฝ่ายวิศวะก็ไม่ได้แต่งตัวแบบพนักงานออฟฟิตยู่แล้ว แค่เพียงไม่นานคิดว่าพี่ตัวสูงคงเป็นพี่ภาคย์ก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
ไม่แก่อย่างที่คิด
หน้าตารูปร่างยังกะนายแบบสูงจนหัวเกือบชนโคมไฟ
“นี่ภาคย์เขาจะดูแล นท ส่วนอัคนี ชื่อไฟใช่ไหมเดี๋ยวไปกับอาร์นะมีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจดูท่าทางนทจะตื่นเต้น”
พี่ผู้จัดการตบๆ ไหล่ให้กำลังใจนทที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้มีการร้องโอ๊ะ..บอกว่าเขามีลักยิ้มสองข้างน่ารักดี พี่อาร์พี่ภาคย์ก็เลยชะโงกหน้ามาดูกันใหญ่ทำเหมือนไม่เคยเจอใครที่มีลักยิ้มมาก่อนพี่ภาคย์เจ้านาย(ในตอนนี้) ไม่ดุด้วยท่าทางใจดี ทุกคนที่นี่อารมณ์ดีไม่เครียดอย่างที่คิดยกเว้น....นักศึกษาฝึกงานจากวิศวะที่นั่งหน้านิ่งทำท่าทางเหมือนกำลังว๊ากน้องที่คณะอยู่
น่ากลัว (เล็กน้อย)
“นท”
“ทำไมมึงฝึกงานที่นี่วะ กูเห็นวิศวะเพื่อนมึงไปต่างจังหวัดกันหมด”
“กูไม่บอกมึงหรอกไอ้เด็กหัวสมองช้า”
“นี่กูคุยกับมึงดีๆ นะรู้งี้กูจะบอกพี่ภาคย์ว่าไม่รู้จักมึงน่าจะดีกว่า”
“ก็มึงเป็นซะแบบนี้ แล้วก็ไอ้พี่ภาคย์อะไรนั่น...”
“พี่ภาคย์ห้ามไอ้”
“เออ..พี่ภาคย์”
“พี่ภาคย์ทำไมวะ”
“เคยรู้อะไรบ้างไหมวะเนี่ย ช่างเหอะยังไงกูก็อยู่กับมึงอยู่แล้วมันไม่ง่ายหรอกกูบอกไว้ตรงนี้”
ไฟถอนหายใจเมื่อไอ้เตี้ยลักยิ้มทำหน้า งง ระดับสิบคูณแปดล้านและเขาก็จะไม่อธิบายอะไรด้วยให้มันบื้อๆ ไปอย่างนี้แหละ จะบอกไว้ก่อนแล้วกันว่าที่เขามาฝึกงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเขาตั้งใจ..ตอนแรกจะขึ้นเหนืองลงใต้ออกตกแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจอยู่กรุงเทพตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ว่าทำไมทันทีที่เห็นชื่อ นท ในรายชื่อนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทนี้
เขาถึงเลือกโดยไม่ลังเล
นท บริหาร
จะเรียกว่าเพื่อนใหม่ก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิง สถานะตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันไม่เรียกว่าคนคุยกันเรียกว่าคนตีกันซะมากกว่า ไม่เคยจะได้คุยกันดีๆ เจอหน้าก็ทะเลาะกันทุกประโยคคุยในไลน์ก็เถียงกันจนพิมพ์แทบไม่ทัน
หลังจากเรื่องสตางค์กับไอ้เด็กฟ้าครามจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเป็นที่เรียบร้อย เขาเองก็ไม่ใช่พวกแพ้แล้วพาล เขารู้ตัวว่าควรอยู่ตรงไหน ทำตัวยังไง เขายังคุยกับฟ้าครามเลยว่าเขาเข้าใจและจะไม่เข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ถ้าวันไหนเขาทำอะไรที่มันเกินเลยหรือทำอะไรที่มันไม่เหมาะสมให้ฟ้าครามเตือนสติเขาได้เลย
มันต้องใช้เวลาเขาเองก็รู้ไฟยอมรับว่าชอบสตางค์มานาน และเขาก็เริ่มทำใจ
ตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจบอกความรู้สึกกับสตางค์บางทีมันก็คงต้องถึงเวลาที่...ต้องเริ่มใหม่กับใครสักคนบ้างเหมือนกัน
“น้องนท”
สงสัยคงเพราะทั้งคู่หายตัวนานไปหน่อยภาคย์เลยเดินมาตามถึงหน้าห้องน้ำ นทเลยผละตัวออกมาแต่ข้อมือกลับถูกไฟจับไว้แน่นเลยเงยหน้าขึ้นมาจะถามว่ามีอะไรแต่สายตาไฟไม่ได้มองหน้าเขาเลยมันเลยไปมองที่พี่ภาคย์ ส่วนพี่ภาคย์ก็มองกลับมายิ้มๆ ก็ไม่ได้มีอะไรนะ
“ไฟ”
“ไม่มีไร”
…………….
……………………………………………
“เลี้ยวซ้ายไปจะเป็นฝ่ายบัญชี ส่วนตรงนั้นฝ่ายคอมมีปัญหาอะไรก็ไปเรียกพี่เขาได้”
“แล้วฝ่ายวิศวกรนี่อยู่ไกลจากตึกเราไหมครับ”
“ติดเพื่อนเหรอเรา”
ภาคย์ถามเล่นๆ นึกว่าน้องฝึกงานจะแก้ตัวแต่อีกฝ่ายเล่นไม่ตอบ นทเองก็หัวเราะตามมันก็ต้องป้องกันไว้ก่อนเผื่อเขาทำตัวเซ่อๆ ซ่าๆ ทำอะไรพังขึ้นมาหรือทำงานพลาดจนหัวหน้าอยากฆ่าเขาตายเขาจะได้วิ่งไปหาไอ้ไฟทันอย่างน้อยก็เป็นคนเดียวที่รู้จักในเวลานี้ พี่ภาคย์ชี้ไปตรงตึกถัดไปพร้อมกับบอกว่านั่นล่ะเพื่อนเราอยู่นั่น
โอเคค่อยสบายใจ
หมายถึงก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งไปที่ไหน
การทำงานนี่มันไม่ง่าย
แตกต่างจากตอนเรียนราวฟ้ากับดินคิดถึงเพื่อนเทวดาวีขึ้นมาทันทีคิดว่ารายนั้นคงไปฝึกงานแบบสบายๆ เอฟวี่ติงไอแคนแน่นอน เลยเวลาพักเที่ยงมาเกือบสิบนาทีแล้วเพราะพี่ภาคย์ติดลูกค้าและเขาก็ไม่กล้าจะลุกไปกินข้าวคนเดียวแคนทีนของบริษัทอยู่ชั้นล่างสุดของตึกเดินไม่ไกลมากเลยคิดว่าไปกินข้าวพร้อมพี่ภาคย์น่าจะดีกว่า
สรุปได้กินข้าวเที่ยงครึ่งดีที่พี่ภาคย์บอกว่าไม่ต้องซีเรียสเข้าเลทได้นิดหน่อย พอมาถึงแคนทีนพี่อาร์คนที่เจอเมื่อเช้าก็เรียกให้มานั่งด้วยกัน แน่นอนว่าไฟก็นั่งอยู่ด้วย บรรดาพวกพี่ๆ มองหน้าพี่ภาคย์แล้วยิ้มยิ่งตอนที่พี่ภาคย์แตะข้อศอกให้เขาเดินมาที่โต๊ะนี้ทุกคนก็ส่งเสียงฮิ้วๆ เหมือนอยู่สมัยประถมที่ชอบส่งเสียงแซ็วเพื่อน
ก็พอรู้นะว่าเรื่องอะไรแต่เขาไม่ได้คิดจริงจัง
คิดว่าพวกพี่เขาคงแค่เล่นๆ
“น้องนทพี่ภาคย์ดูแลดีไหมครับ”
“ครับ ดูแลดีครับ”
“อ้าวไอ้ภาคย์กูฟ้องแฟ…”
“พวกมึงนี่ก็....แกล้งกูตลอดนทอย่าไปฟังพวกมันมาก”
“ขอกูนำเสนอน้องไฟว่าที่วิศวกรของกู มาวันแรกสาวๆ ที่บริษัทเราจ้องตาเป็นมัน”
ไฟยกมือพร้อมกับบอกว่าเวอร์ไปพี่อาร์แต่ก็ดูท่าจะจริงอย่างที่อาร์บอกนทเงยหน้าขึ้นมามองๆ รอบแคนทีนมีพนักงานผู้หญิงบางคนมองมาทางนี้มีการยิ้มกรุ้มกริ่มอีกต่างหาก นี่เขากับไฟก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันสักคำยังไม่ทันจะได้เริ่มพูดไฟก็ลุกขึ้นหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสองแก้ว
“มองอะไรชอบไม่ใช่เหรอ อาจจะไม่อร่อยเท่าร้านพี่กัลป์กินไปก่อนแล้วกัน”
นทมองชาเย็นที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะคว้ามาดูดอึกใหญ่พอได้กินเครื่องดื่มสุดโปรดก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไฟอมยิ้มก่อนจะหยิบมะนาวโซดาของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง
“รู้ป่ะมึง ไอ้วีเพื่อนเทวดากูฝึกงานบริษัทที่อยู่ตรงข้ามมหา’ลัยมันเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านพี่กัลป์ได้ทุกวันเหมือนเดิม”
“เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับไปกินร้านพี่กัลป์ก็ได้พี่เขาไม่ได้ย้ายร้านหนีไปไหนมึงก็เวอร์”
“กูกินชาเย็นสองแก้วกูอ้วนตายพอดี”
“ตอนอยู่มหา’ลัยมึงกินวันละสามแก้วด้วยซ้ำ ไอ้อ้วน”
“มึงจะตีกับกูทุกประโยคเลยใช่ไหมวะ”
“นี่กูกับมึงไม่ได้คุยกันปกติเหรอ”
“กวนตีน”
ไฟเลิกเถียงเพราะเห็นว่าถ้ามัวแต่คุยกันอยู่แบบนี้ข้าวปลาไม่ได้กินกันพอดี เลยพักยกแล้วก้มหน้ากินข้าว อาร์กับภาคย์หันมามองหน้าทั้งสองคนที่ตอนนี้เลิกเถียงแล้วต่างคนต่างกินข้าวมันก็เป็นบทสนทนาธรรมดาทั่วๆ ไปแต่ฟังไปฟังมาก็เหมือนว่าทั้งคู่คุ้นเคยกันมานานทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังทำท่าไม่รู้จักกันแท้ๆ
SODA & ICED TEA
“เหนื่อยไหมวันนี้”
“ไม่เหนื่อยครับ ผมยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย”
“เดี๋ยวอยู่ไปจะให้ทำงานจนหัวหมุนแล้วเรากลับไงพี่ไปส่งไหม”
“เกรงใจครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้”
ภาคย์กำลังจะเอ่ยบอกว่าไม่ต้องเกรงใจแต่แต่อยู่ดีๆ ไฟนักศึกษาฝึกงานฝั่งวิศวะก็เดินเข้ามาหายกมือไหว้ยืนถามไถ่เกี่ยวกับงานวันนี้อยู่สักพักก่อนที่ไฟจะขอตัวกลับภาคย์ยืนมองทั้งคู่เถียงอะไรกันอยู่ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างได้ยินแต่คำว่าพี่กัลป์ๆ แล้วทั้งคู่ก็ขอตัวกลับ เป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยที่ดู งงๆ
“กูไม่นั่งมอเตอร์ไซค์มึงนะ หัวฟู”
“ขามึงเหยียบไม่ถึงมากกว่า”
“ทำไมกูถึงต้องมาเจอกับมึงที่นี่ด้วยวะ”
“แต่กูดีใจนะ”
คนที่กำลังเดินเลี้ยวไปอีกทางหยุดชะงักมีการเหล่มองคงรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร นทบริหารเก่งเรื่องแกล้งทำเป็นไม่รู้เวลาที่เขาพูดอะไรทำนองนี้เก่งที่สุด บางครั้งก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยพออีกฝ่ายหยุดเดินไฟก็จัดการลากให้ตามมารถยนต์สีดำที่จอดอยู่
“หัวมึงไม่ฟูแน่นอน”
“กูบอกเหรอว่าจะกลับกับมึง”
“อย่าเล่นตัวแก่แล้ว”
“กูไม่อยากไปกับมึงเพราะแบบนี้แหละ กูกลับเอง”
“กูบอกแล้วไงว่าจะแวะไปร้านพี่กัลป์..”
ยังไม่ทันจะพูดจบไอ้คนที่ตอนแรกไม่ยอมขึ้นก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเรียบร้อย ซื้อได้ด้วยของกินจริงๆ ตอนแรกก็แกล้งพูดไปงั้นแต่มาแบบนี้สงสัยคงต้องแวะไปที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ก่อนกลับบ้านพอขึ้นมาบนรถไฟเลยต้องหาเรื่องคุยสักหน่อยเดี๋ยวมันจะเงียบเกินไป
“ฝึกงานเป็นไง”
“ก็ดี ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรมึงอ่ะโดนพี่ผู้หญิงจีบไปกี่คน”
“คิดแต่เรื่องนี้นะมึงกูไม่สนใจใครทั้งนั้น”
“เพราะสตางค์เหรอ”
“..............................................................”
“ไม่ขอโทษหรอกนะ ตั้งใจถาม”
ถามตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดไฟยอมรับว่าสตางค์เป็นแค่ส่วนนึงจะให้ปุบปับแล้วลืมไปเลยมันก็คงไม่ได้ ระดับไฟวิศวะเฮดว๊ากสุดโหดแต่หล่อมากหน้าตาดีขนาดนี้มีคนเข้ามาหาไม่เว้นวันอยู่แล้วหลังจากเรื่องสตางค์กับฟ้าครามเขาไม่ได้คุยกับใครที่ไหนอีกมีอยู่คนเดียวที่เขาเป็นฝ่ายชวนคุย
ไอ้คนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตอนนี้
“นี่จะกินชาเย็นร้านพี่กัลป์อีกแก้วจริงดิ”
“มึงเปลี่ยนเรื่อง”
“มึงทำออกจะบ่อย”
“กูจะกินถึงอ้วนกูก็จะกิน”
“นท ตอนนี้กูมีแค่มึงนะ”
“ชาเย็นร้านพี่กัลป์อร่อยที่สุดในโลกแล้วเว้ย เหมือนกูกับมึงคุยกันคนละเรื่องแต่เสือกเข้าใจ”
ไฟแค่อมยิ้มไม่ได้ตอบรับอะไรต่อแต่คิดว่ามันก็ดีมากแล้ว เขาจะรอให้มันค่อยเป็นค่อยไปไฟบอกตัวเองไว้ตลอดว่าเขาจะไม่เอานทเข้ามาเพื่อลืมสตางค์เราจะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ถึงการคุยของเรานั่นคือการเถียงทุกประโยคก็ตามแต่คิดว่ามันก็มีความสุขดี คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเวลาเราสองคนพูดกันเพราะๆ มันเป็นแบบไหนคงตลกน่าดู
ฝึกงานมาสองสามอาทิตย์...
รู้สึกตัวเองเติบโตขึ้นเยอะ นทได้เรียนรู้จากพี่ๆ ที่บริษัทหลายอย่างโดยพาะพี่ภาคย์ พี่ภาคย์ทำงานเก่งมากเก่งจนเขาเองยังยกให้เป็นไอดอล อาทิตย์ก่อนมีปัญหาใหญ่แต่พี่ภาคย์สามารถแก้ปัญหาได้หมดทุกอย่างแทบจะเอาพวงมาลัยไปถวายเก่งกว่าอเวนเจอร์อีกแน่นอนยืนยัน..ส่วนเรื่องไฟพี่ภาคย์เคยถามตรงๆ ว่าเขากับไฟเป็นอะไรกัน
“เพื่อนที่มหา’ลัยครับ”
“เพื่อนที่คุยกันอยู่ทำนองนั้น พี่พูดถูกใช่ไหม”
คิดว่าพี่ภาคย์รู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามไปงั้นจำได้ว่าพี่ภาคย์หัวเราะเสียงดังพร้อมกับบอกว่าเพื่อนเราโคตรโหดเวลาที่มองพี่ทีเหมือนจะเข้ามากระชากคอเสื้อให้มันรู้แล้วรู้รอด พอได้ยินแบบนั้น นท ก็เลยไม่กล้าแก้ตัวอะไรพี่ภาคย์เลยบอกอีกอย่างที่เขาแซ็วๆ กันก็อย่าไปสนใจมันแซ็วอย่างนี้กับทุกคนที่เข้ามาใหม่ในบริษัท
แถมพี่ภาคย์บอกว่าตัวเองมีแฟนแล้วเป็นคุณหมอ
มิน่าล่ะ พี่เขาถึงไปโรงพยาบาลบ่อยๆ นึกว่าป่วย
ส่วนไฟ...เจอบ้างไม่ค่อยได้เจอบ้างไฟต้องออกไปทำงานข้างนอกตลอด กลับมาทีก็มอมแมมคงไปกลิ้งวัดพื้นวัดถนนมาแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเจอกันที่ร้านกาแฟพี่กัลป์เหมือนเดิมทุกวัน มันคงเป็นความเคยชินไปแล้วถ้าไม่ได้กินชาเย็นร้านพี่กัลป์เขาคงนอนไม่หลับ บอกตามตรงสถานะระหว่างเขากับไฟมันเรียกว่าอะไร ยัง งง ตัวเองไม่คิดไอ้คนที่ไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่ปีหนึ่งจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ พอได้คุยกันใช้เวลาอยู่ด้วยกันมันทำให้เห็นอะไรหลายๆ อย่างไฟไม่ได้มีแค่ความโหดอย่างเดียว มีมุมหลายมุมที่เขาเพิ่งเคยเห็น อย่างน้อยก็ชอบดูแลคนอื่นอยู่กับมันเหมือนคุณชายเลยทำให้ทุกอย่างไม่ต้องกระดิกตัวไปไหนมันคงไม่แปลกที่เขาจะหวั่นไหวเหมือนกัน
แต่มันก็ยังมีเรื่องที่เขายังไม่แน่ใจ
แน่นอนว่ามันก็คงไม่พ้นเรื่องสตางค์...เป็นใครก็คงคาใจเรื่องนี้
เขาชอบของเขามาตั้งนานมันก็กลัวว่าเขาจะไม่ยอมลืม
“ติดต่อไฟไม่ได้เหรอ นท”
กัลป์เห็นนทกดโทรศัพท์ย้ำๆ อยู่อย่างนั้นตอนแรกเห็น นท มานั่งที่ร้านเป็นเรื่องปกติเพราะเห็นมาทุกเย็น แต่วันนี้ท่าทางจะเกิดเรื่องขึ้นเพราะทุกทีจะเห็นไฟตามมาทีหลังแต่ตอนนี้ใกล้จะปิดร้านแล้วก็ยังไม่เห็นไฟเดินเข้ามาในร้านสักที ฝนก็ตกหนักด้วย นทเองก็ส่ายหน้าเพราะในไลน์ไฟก็ไม่ได้ตอบ โทรไปก็เหมือนปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นรึเปล่า
“พี่กัลป์จะปิดร้านหรือยังครับ”
นทถามขึ้นเพราะเห็นว่าพี่กัลป์เริ่มเก็ของที่ร้านแล้ว แต่พี่กัลป์ก็บอกให้นั่งรอได้ยังไงฝนตกหนักขนาดนี้คงกลับบ้านลำบาก ชาเย็นและน้ำมะนาวโซดาตรงหน้าละลายจนหยดน้ำหยดลงบนพื้น นทนั่งมองมันอยู่อย่างนั้นเพราะเขาไม่รู้จะทำอะไรได้อีกเสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นทำให้นทหันไปมอง
ไฟ ในชุดที่เปื้อนไปด้วยคราบดำๆ ผมเปียกจนแนบไปกับใบหน้า
หยดน้ำฝนหยดลงพื้นจนกัลป์ต้องยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้ซับ
“นท”
“..........................................................”
“ขอโทษที่ไม่ได้ตอบไลน์ โทรศัพท์แบตหมดพอดีสตางค์โทรมาบอกว่ารถเสีย ฟ้าครามติดเรียนกูเลยไปดูให้ซ่อมอยู่นานสุดท้ายก็ซ่อมไม่ได้ ต้องรอช่างมาลากแล้วตรงนั้นมันเปลี่ยวก็เลยยืนรอเป็นเพื่อนฝนตกหนักอีกนี่รีบไปส่งสตางค์ที่บ้านแล้วรีบมาที่นี่เลย รอนานมากไหม”
“..........................................................”
ไฟตั้งใจจะยื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่ายไว้
แต่นทเป็นฝ่ายที่ก้าวถอยหลังหนีจากการสัมผัส
“กูนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง มึงหายไปเลยกลัวว่ามึงจะขับรถชนหรือเกิดอะไรขึ้นตอนมึงไปทำงานข้างนอก กูเกือบจะโทรหาพี่อาร์แล้วด้วยซ้ำว่ามึงเป็นอะไรรึเปล่า”
“นท คือสตางค์โทรหากูกูคิดว่ามันซ่อมแปบเดียว รถสตางค์มันเป็นแบบนี้บ่อย”
“..........................................................”
“นท”
“..........................................................”
“ไฟถ้ามึงยังชอบสตางค์หรือมึงยังลืมเขาไม่ได้มึงทำกับกูเหมือนเพื่อนคนนึงหรือแค่คนรู้จักกันก็พอ”
“..........................................................”
นทกลับบ้านไปแล้ววีเป็นคนมารับใจจริงอยากจะคุยกับนทให้มันรู้เรื่องแต่เขารู้อารมณ์ตัวเองดี
เขาเป็นคนใจร้อน กลัวว่าถ้ายิ่งคุยจะกลายเป็นการทะเลาะกันมากกว่านี้
“ตอนนี้นทอาจจะโกรธพี่เห็นมานั่งรอเราตั้งแต่เย็นแล้ว รอให้อารมณ์ดีกว่านี้หน่อยแล้วค่อยไปคุย”
กัลป์บอกให้ไฟนั่งอยู่ที่ร้านก่อนเพราะเห็นว่าทำท่าลังเลว่าจะวิ่งตามนทไปดีไหม สุดท้ายไฟก็นั่งลงพร้อมกับถอนหายใจเขารู้เขาเองก็ทำไม่ถูกอย่างน้อยเขาควรจะบอกให้ นท รู้ไม่ใช่ปล่อยให้รอจนถึงป่านนี้
“พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ครับ”
“เรายังชอบสตางค์อยู่เหรอ”
“ผมยอมรับนะพี่มันก็มีบ้างที่คิดถึง แต่ไม่เท่าเมื่อก่อนตอนนี้ผมกับสตางค์เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นท เป็นคนเดียวที่ผมคุยด้วย ผมไม่มีใครคนอื่นเลย ยิ่งเราอยู่ด้วยกันทุกวันคุยกันทุกวันมันยิ่งใช่ว่ะพี่”
“..........................................................”
“แม่งเป็นคนเดียวที่กวนตีนผมแล้วผมมองว่ามันน่ารัก”
“เราก็มุมมนี้เหมือนกันเนอะเห็นโหดๆ มาตั้งแต่ปีหนึ่ง”
“เรื่องความรักผมอ่อนแอนะจะร้องไห้แล้วเนี่ย”
กัลป์หัวเราะเพราะท่าทางหงอยๆ มันไม่เข้ากับไฟเลยสักนิดกะจะปล่อยให้นั่งสงบสติอารมณ์สักพักแต่ตาก็เหลือบไปเห็นว่ามือซ้ายของไฟมีแผลถลอกอยู่เลยลุกขึ้นไปหยิบพลาสเตอร์มาให้ปิดแผลชั่วคราวไว้ก่อน แต่พอกัลป์ยื่นพลาสเตอร์ให้ ไฟกลับหยุดชะงักแล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกัลป์ต้องถามว่าเป็นอะไร
“พี่กัลป์รู้ไหมผมเจอนทไอ้เตี้ยที่มีลักยิ้มสองข้างที่นี่”
“ร้านกาแฟพี่? ”
“ร้านกาแฟพี่กัลป์นี่แหละครับ”
ไฟจำได้เพราะว่าวันนั้นตอนอยู่ปีหนึ่งเป็นวันที่เขาเองก็ลืมไม่ลงเช่นกันที่จำได้ไม่ใช่เพราะนทหรอกแต่เป็นวันแรกที่โดนรุ่นพี่ต่อยเหตุผลน่ะเหรอรุ่นพี่บอกว่าเขาหน้าตากวนตีนเวลาถามอะไรก็ตอบแบบไม่เต็มใจเลยโดนซัดมาสองหมัด ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหรุ่นพี่เลยสักนิดแต่บุคลิกเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
เขาไม่ได้โกรธรุ่นพี่
คิดว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปอธิบายแล้วขอโทษ
วันนั้นยังไม่อยากกลับบ้านเพราะกลัวว่าแม่จะเห็นแผลเลยมานั่งที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ พยายามก้มหน้าหลบบรรดานักศึกษาในร้านพอนั่งลงที่โต๊ะไม่ถึงสิบนาทีก็มีบางอย่างยื่นมาตรงหน้าพอหันไปมองก็เห็นเป็นคนตัวเล็ก (เตี้ยเลยล่ะ) จริงๆ ก็คงไม่เตี้ยแต่สำหรับเขาที่สูง183 ต่ำกว่า 180 ก็ถือว่าเตี้ยหมด คนตัวเล็กยื่นพาสเตอร์ลายเบนเทนสีเขียวมาให้พร้อมกับชี้ที่มุมปาก
ตอนนี้ไฟบอกได้เลยว่า หน้าเขานิ่งมาก นิ่งชนิดที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วยแน่นอนแต่ไอ้เตี้ยนี่ดูจะไม่กลัวเขาเลยสักนิดแถมยังใจดีให้พลาสเตอร์ลายตัวการ์ตูนเขียวอี๋นี่อีกต่างหาก ไฟไม่ได้พูดอะไรแค่เอื้อมมือไปรับมาถือไว้เขาไม่คิดจะติดหรอกนะลายเด็กอนุบาลขนาดนี้
ตั้งใจจะเอ่ยขอบใจใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก
แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้าง ไฟก็เลือกที่จะเงียบ ไอ้เตี้ยมีลักยิ้มสองข้าง..
“ทำไมตอนนั้นไม่ตกหลุมรัก นท ล่ะซีนนิยายมาก”
“มันเป็นแค่ความประทับใจเองพี่ ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำนึกขึ้นได้ตอนที่นทมาทำแผลให้ผมตอนมีเรื่องกับฟ้าคราม ไอ้พลาสเตอร์เบนเทนยังอยู่ในลิ้นชักที่บ้านผมอยู่เลย โยนไว้ตั้งแต่ตอนนั้น”
ลายมันเด็กเกินไปใครจะไปกล้าติดเขียวอี๋ซะจนน่ากลัว เสียงไอ้แพทผู้ช่วยตะโกนถามว่าจะทำอะไรอีกไหมเพราะจะเก็บของแล้วกัลป์มองไปยังมะนาวโซดาที่วางอยู่ตรงหน้าไฟพร้อมกับถามว่าจะให้ทำให้ใหม่รึเปล่าเพราะแก้วนี้ นท สั่งไว้ให้นานแล้วแต่ไฟส่ายหน้าพร้อมกับหยิบแก้วมะนาวโซดาที่คิดว่าตอนนี้คงจะจืดเหมือนน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“ผมจะกินแก้วนี้แหละ พี่กัลป์ไม่ต้องชงใหม่แล้ว”
กัลป์ไม่รู้ว่าเฮดว๊ากวิศวะสุดโหดตั้งใจจะสื่ออะไร
แต่คิดว่าต่อให้น้ำมะนาวโซดาแก้วนี้น้ำแข็งละลายจนแทบไม่มีรสชาติไฟก็ยังคงจะดื่มมัน
SODA & ICED TEA
นทใจแข็งมาก
ไลน์ไปไม่ตอบ โทรไปไม่รับ ไปหาที่หน้าบ้านก็ไม่ยอมลงมาหา เจอที่บริษัทก็เอาแต่เดินหนี ดีที่วันนี้ไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอกขนาดพี่อาร์ยังถามว่าเล่นไล่จับกันเหรอไงหนีกันข้ามตึกเป็นหนังอินเดียเลย ตอนพักกลางวันนั่งโต๊ะเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำนทเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน
“ไฟ ว่างเปล่าวะไปช่วยเช็คของในโรงงานหน่อย”
“ได้ครับ”
อย่างน้อยมีอะไรให้ทำบ้างก็ดีไม่งั้นฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แน่ๆ
.....................................
.....................................................................
..............................................................................................
-
.............................
..............................................
.......................................................................
“เกิดอะไรขึ้นวะเสียงโวยวายดังมาถึงนี่”
“ได้ยินว่าตรงโรงงานของที่วางบนชั้นอยู่ดีๆ ก็หล่นลงมาเห็นว่าหล่นใส่น้องนักศึกษาฝึกงานด้วยไอ้อาร์เรียกหมอบีมาแล้ว”
“นท!”
ภาคย์ตะโกนเรียกชื่อคนที่วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
เลยต้องโทรไปถามที่มาที่ไปก่อนจะบอกให้เพื่อนในแผนกไปดูนทก่อน
ไฟบาดเจ็บตรงแขนด้านซ้ายมีรอยแผลถลอกเลือดซึมตอนนี้หมอกำลังทำแผลให้อยู่ ตรงข้างศีรษะก็มีรอยกระแทกเป็นรอยแดงไม่รู้ว่าตรงอื่นมีอีกรึเปล่าแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ร้องหรือทำหน้าเจ็บปวดเท่าไหร่ยังบอกคนอื่นว่าไม่ได้เจ็บอะไรมากแค่แสบๆ เท่านั้นแต่พอไฟหันมาเจอหน้านทก็เงียบลง ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนที่อยู่ในห้องพยาบาลของบริษัทพากันถอยออกไปเหลือแค่คุณหมอที่กำลังทำแผลให้อยู่
“ตรงแขนอาจะลำบากหน่อย แผลมันจะตึงทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
หมอแอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าคนไข้ที่เพิ่งทำแผลให้ไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูดเลยสักนิด ตาเอาแต่มองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างเตียงส่วนน้องคนนั้นก็เอาแต่ยืนจ้องแผลแล้วขมวดคิ้วสังเกตว่าพอเขาใส่ยาคิ้วก็ขมวดหน้าตาดูเจ็บปวดกว่าคนที่บาดเจ็บซะอีก น่ารักชะมัด
“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่ถ้าอยากอ้อนแฟนก็แกล้งทำเป็นเจ็บมากๆ หน่อย”
ประโยคหลังหมอก้มลงมากระซิบเบาๆ แน่นอนว่าไฟเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว แกล้งร้องเมื่อทำเป็นขยับแขนไม่ถนัด และมันก็ได้ผลเพราะนทรีบก้มลงมาดูมือก็จับแขนเสื้อไฟไว้
เออมุขแกล้งเจ็บนี่มันได้ผลตลอดกาล
คุณหมอเอ่ยขอตัวเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
“เสร็จแล้วพี่ภาคย์ น้องที่ชื่อไฟไม่เป็นอะไรมากน้องลักยิ้มก็อยู่ด้วย เดี๋ยวบีต้องกลับไปที่โรงพยาบาลจะต้องไปย้ายห้องพักเดี๋ยวเขาจะรีโนเวทเห็นพยาบาลบอกว่าจะมีหมอคนใหม่อิมพอร์ตจากอเมริกามาประจำที่โรงพยาบาลอยู่ตรงไหนเดี๋ยวบีเดินไปหา”
เงียบสนิท...
รู้สึกแปลกมากทุกทีเถียงกันตายไปข้าง
“ไปข้างนอกไหมกูไม่ชอบห้องพยาบาลเท่าไหร่”
สุดท้ายก็มานั่งม้านั่งตรงด้านหน้าบริษัทดีที่ตอนนี้ไม่มีแดดลมพัดเย็นสบาย แต่ก็ไร้ซึ่งบทสนทนาอยู่ดี ไฟขยับแขนไปมาเพราะเริ่มรู้สึกตึงๆ พอขยับทีก็ร้องทีเห็นว่านทเหล่มองอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
“เรื่องเมื่อวานกูขอโทษ นท ”
“จริงๆ กูงี่เง่าเอง”
“ไม่เว้ย กูผิดเองที่ไม่ได้โทรบอกมึงก่อนปล่อยให้คอยมึงไม่ได้งี่เง่า”
“กูจะงี่เง่ากับคนที่กูแคร์มากๆ”
“เออ มึงนี่งี่เง่ากูอธิบายเป็นฉากๆ ยังจะโกรธกูอีก”
สงสัยจะกวนมากไปนทเลยหันมามองตาขวางเลยเอื้อมมือไปขยี้ผมสักหน่อย แต่ไอ้เตี้ยก็ขยับหนีไปอีกเลยต้องดึงให้กลับมานั่งที่เดิมพอได้จับก็เลยถือโอกาสคว้าข้อมือไว้กลัวว่านทจะลุกหนีไปไหนเขาจะต้องเคลียร์ทุกอย่างให้จบวันนี้
“นท กูยอมรับว่าบางครั้งกูยังคิดถึงสตางค์อยู่บ้างแต่มันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน กูคิดกับสตางค์แค่เพื่อนคนนึงเท่านั้น มึงเป็นคนเดียวที่ตอนนี้กูโคตรแคร์ โคตรเป็นห่วง อยากอยู่ด้วย อยากคุย อยากกวนโมโห อยากแกล้งทุกวัน”
“………………………………………………………………………………”
“อย่าเพิ่งเบื่อกูเลยนะเวลากูรักใครกูทุ่มสุดตัวจริงๆ ไม่เหลืออะไรไว้เลย”
“ขอโทษเรื่องเมื่อวานขาดสติไปหน่อยก็อย่างที่บอก งี่เง่ากับคนที่แคร์”
“มึงแม่งเวลาจะพูดตรงๆ ก็ตรงซะ..เวลาจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยนหน้าตาเฉยเอาจริงมึงก็แปลกตั้งแต่ยื่นพลาสเตอร์ลายเบนเทนให้กูแล้ว ลืมเรื่องนี้ไปแล้วสินะ”
“พลาสเตอร์มันของน้องกูเว้ยเห็นคนปากแตกหน้าช้ำกูก็สงสาร”
“นี่มึงจำกูได้ด้วยเหรอวะ”
“คนหน้าโหดแต่ปากแตกแก้มก็ช้ำแต่ดันมานั่งกินมะนาวโซดาร้านพี่กัลป์หน้าตาเฉยกูไม่ลืมมึงหรอกไฟ”
“เสียดายว่ะน่าจะจีบมึงตั้งแต่ตอนนั้น”
“มึงมันหัวสมองช้าตาไม่ดีไงกูหล่อกว่าไอ้สตางค์ตั้งเยอะ”
ไฟหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเขาจะไม่เถียงเรื่องใครหน้าตาใครดีกว่าหรอกนะ มันเป็นเรื่องอ่อนไหว ตอนนี้บรรยากาศดีกว่าเมื่อเช้าเยอะโคตรรู้สึกแย่ที่นทไม่ยอมคุยด้วยกระวนกระวายจนแทบไม่มีสมาธิ ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไงเวลาที่ไม่มีนททั้งๆ ที่เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
เรียกว่าโชคดีในโชคร้ายแล้วกัน
เจ็บตัวแต่สบายใจ
“นท อยู่กับกูได้ไหมเราไม่ต้องพูดเพราะๆ เถียงกันทุกวันก็ได้ถ้ามึงอยากเถียงชนะกูจะยอมแพ้ให้ ขอแค่มีมึงแค่มึงคนเดียว”
“……………………………………………………………….”
“ตอบตกลงกูหน่อย อย่าเขินจนไม่ตอบอะไรเลยดิมองหน้ากูด้วยมองไปที่ไหนวะ”
“ไม่ได้เขิน กูมองโตเกียวที่มาจอดขายหน้าบริษัทน่าจะอร่อยคนลงมาซื้อเต็มเลย”
ไฟยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองไอ้คนที่บอกไม่ได้เขินแต่หน้าแดงหูแดงไปหมด แล้วไอ้นิสัยชอบเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยนี่รู้เลยว่ากำลังทำตัวไม่ถูกพอเห็นแบบนั้นไฟเลยยกมือขึ้นมาดึงแก้มจนยืด
“มึงแม่งน่ารักจังวะ ตอบกูก่อนถ้ามึงบอกว่าอยากอยู่กับกูเดี๋ยวกูเลี้ยงโตเกียวมึงเลย”
“…………………………………………………………………”
“ไฟ”
“…………………………………………………………………”
“ไส้กรอกสองไส้ไข่สามไส้ครีมหก”
วิศวะกับบริหารก็ลงเอยแฮปปี้เอนดิ้งไปอีกคู่
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เฮดว๊ากวิศวะเป็นตำนานเท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนัดประชุมรวมพลของวิศวะ
เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ฝึกงานเสร็จแล้วคิดว่าบรรดานักศึกษาในมหา’ลัยยังไม่มีใครรู้เรื่องไฟกับนทเท่าไหร่ และทั้งคู่ก็ไม่ได้เปิดตัวว่าเป็นแฟนกันแบบยิ่งใหญ่อลังการ หลายคนเลยเข้าใจว่าพี่ไฟเฮดว๊ากวิศวะปีสามยังโสดและโคตรโหดมากเหมือนเดิม รุ่นน้องต่างกลัวกันหัวหดเวลาที่เข้าประชุมซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของเฮดว๊ากอยู่แล้วที่จะมีภาพลักษณ์น่าเกรงขาม
แต่สุดท้าย…
วันนั้นเป็นวันประชุมของวิศวะก็มีปีหนึ่งปีสองเป็นเรื่องปกติ และพี่ปีสามก็มาคุมน้องเหมือนเดิมแต่วันนี้มีพี่ปีสี่มายืนคุมด้วยไฟยืนกอดอกอยู่ตรงด้านหน้า ถึงแม้ว่าหน้าตาไฟจะหล่อแค่ไหนแต่ความโหดที่ได้ยินกันมาเป็นรุ่นๆ ก็ทำให้บรรดาน้องๆต่างนั่งนิ่งๆ เหมือนรูปปั้นไม่มีใครกล้าขยับตัว ไฟรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ไอ้พีกับไอ้โซ่รับโทรศัพท์แล้วลุกลี้ลุกลนเหมือนเกิดเรื่องร้ายแรงแล้วก็รีบวิ่งออกไปทั้งคู่ เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่กลับมา
แค่เพียงไม่นานประตูก็เปิดออกแต่คนที่เดินตามมาท้ายสุดกลับเป็น นท ที่ก้มหน้าก้มตาเดินไม่เงยหน้าขึ้นมามองใครทั้งนั้นไฟขมวดคิ้วกำลังจะเอ่ยถามแต่ก็อยู่ในช่วงคุมน้องแล้วพี่ปี่สี่ก็อยู่ด้วยเลยทำอะไรไม่ได้ พีกับโซ่บอกแค่ว่าให้นทมานั่งรอที่นี่..
โคตรแปลกใจปกตินทไม่เคยมาที่วิศวะเลยสักครั้ง
ยิ่งตอนนี้มีนัดประชุม นท ไม่มาหาเวลาแบบนี้อยู่แล้ว
“ไอ้พีถ้านทร้องไห้น้ำตาหยดลงมาแม้แต่หยดเดียวมึงปิดตำนานเฮดว๊ากสุดโหดรุ่นเราได้เลยนะ”
“กูบอกไอ้นทแล้วว่าให้ฮึบไว้สุดความสามารถ”
“แต่ก็สงสารกลั้นน้ำตาหน้าแดงหูแดงไปหมดผู้ชายมีลักยิ้มนี่มันน่ารักดีว่ะ”
“นั่นเมียเพื่อนไหมไอ้โซ่”
“นอกจากไอ้สตางค์ที่หน้าตาน่ารักแต่นิสัยเด็กเปรตแล้วกูก็ไม่เคยชมผู้ชายคนไหนอีกเลยนะเว้ย มึงถ้าไอ้ไฟรู้เรื่องมันไม่โมโหตายเหรอวะ”
พีได้แต่ยกมือขึ้นมากุมขมับชั่วโมงที่แล้วเพิ่งรับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เรียนวิศวะบอกว่าไปกินข้าวแล้วกลับทางลัดที่เป็นซอยเล็กๆ ปกติซอยนี้จะค่อนข้างเปลี่ยวไม่ค่อยมีใครผ่านเท่าไหร่เพราะมีคดีเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เพื่อนบอกว่าเห็นรถสีขาวจอดอยู่ริมถนนตอนแรกจะไม่สนใจอยู่แล้ว แต่สายตาเหลือบไปเห็นคนใส่ชุดนักศึกษากำลังโดนแกงค์มอเตอร์ไซค์ยืนล้อมอยู่ เดาว่ารถน่าจะเสียแต่ท่าทางมันไม่เหมือนผู้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่เหมือนกำลังโดนรุมมากกว่า
พอขับเข้าไปใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเป็น นท บริหาร แฟนไอ้ไฟเลยโทรมาหาพีเพราะโทรหาไอ้ไฟแล้วแต่มันไม่รับสาย ให้เรียกตำรวจมาด้วย ดีที่ไปทันเวลา นท ไม่โดนทำอะไรพวกนั้นเอาเงินสดไปจำนวนนึงแต่คงขวัญเสียน่าดูสรุปคือ นท รถเสียเลยลงมาดูจะเรียกช่างแต่เจอพวกแกงค์มอเตอร์ไซค์มารีดไถซะก่อน ถนนก็เปลี่ยวแล้วยังมาเจออะไรแบบนี้อีก
ตอนนี้จิตใจคงแย่
“กูว่านทมันไม่ไหวแล้วว่ะไอ้ไฟก็หันไปมองบ่อยขนาดนี้พี่ปีสี่เริ่มคุยกันแล้วมึงสายตาไอ้ไฟห่วงซะขนาดนั้น”
“มึงนับหนึ่งถึงสามเลยนะถ้าไอ้ไฟเรียกชื่อคำเดียว จบสิ้นเฮดว๊ากสุดโหดรุ่นเรา”
1
2
3
“นท”
จบสิ้นจริงๆ ทั้งรุ่นน้องปีหนึ่งและปีสองแถมรุ่นพี่ปีสี่ที่มองกันตาค้างเหมือนเจอสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก ไฟยื่นมือมาดึงนทที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับร้องไห้ นทคงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เรื่องที่เพิ่งเจอมาก็เรื่องใหญ่พอสมควร พอเจอหน้าไฟก็เลยปล่อยหมดทุกอย่างไฟกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมือก็ลูบหลังคนที่ซบหน้าลงกับอกพร้อมกับบอก
“ไม่มีอะไรแล้วไฟอยู่นี่แล้วไงเกิดอะไรขึ้นร้องไห้ทำไม”
รุ่นน้องผู้หญิงที่นั่งอยู่ถึงกับเอามือกุมแก้มบางคนหันไปทุบเพื่อนข้างๆ เสียงดังปั๊ก!
ส่วนผู้ชายได้แต่นั่งมองตาไม่กะพริบอยู่อย่างนั้นสายตาทุกคนแทบไม่เชื่อว่าพี่ไฟที่เคยว๊ากในวันนั้นจะอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้
นั่นแหละไฟกับนทถึงเป็นตำนานวิศวะ-บริหาร
ปิดตำนานเฮดว๊ากวิศวะสุดโหด แต่เปิดตำนานเฮดว๊ากวิศวะสุดอ่อนโยนแทน
กลับมาปัจจุบันร้านกาแฟพี่กัลป์
“พี่กัลป์ครับผมกลับแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่”
“แล้วเจอกันครับ”
กัลป์โบกมือให้ไฟกับนทหลังจากทั้งคู่นั่งทำงานอยู่นาน เพิ่งรู้สึกตัวเหมือนกันว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้วเวลาคิดอะไรเพลินๆ เวลาผ่านไปเร็วดีเสียงถกเถียงดังขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเคาน์เตอร์คู่นี้นี่มัน..
“ไฟวันนี้กินซูชินะ”
“นี่มึงแดกซูชิทุกวันจนหน้ากูจะเป็นแซลมอนอยู่แล้ว”
“จะไม่กินเหรอวะ”
“เออๆ เลือกร้านมาแล้วกันเอาที่มีชาบูด้วยก็ดี”
“ไฟพรุ่งนี้ก็กินซูชินะ”
“พรุ่งนี้ก็ส่วนพรุ่งนี้ พรุ่งนี้มึงมาอ้อนกูใหม่”
“กูพูดปกติอ้อนตรงไหน”
“มึงพูดเพราะเสมอเวลามึงอยากแดกอะไร”
กัลป์ได้ยินเสียงทั้งคู่เถียงกันไม่หยุดถึงแม้จะเดินออกนอกร้านไปแล้ว ก็คงจะเป็นสไตล์ของคู่นี้ละมั้ง กัลป์กำลังจะเดินไปที่อื่นแต่เสียงเรียกตรงหน้าเคาน์เตอร์ทำให้กัลป์ต้องเดินกลับมาอีกรอบเพราะบรรดาน้องนักศึกษาผู้หญิงต่างรุมถามว่าพี่ไฟกับพี่นทสั่งเครื่องดื่มอะไรอยากจะรู้เพราะเป็นแฟนคลับของทั้งคู่ กัลป์อมยิ้มก่อนจะบอก
“มะนาวโซดากับชาเย็นสองคนนั้นไม่เคยสั่งอย่างอื่นเลยครับ”
THE END SPECIAL PART
SODA VS ICED TEA
TBC * MOCHA
ps,ขอบคุณค่ะ
Twitter @ribbinbo
สวัสดีค่ะ คู่นี้เป็นคู่พิเศษนอกรอบแต่เขาเจอที่ร้านกาแฟพี่กัลป์เหมือนกัน 5555
ตอนนี้นิยายร้านกาแฟเหลืออีกแค่ 2 เครื่องดื่มก็จะจบแล้วนะคะ
แน่นอนว่าตอนสุดท้ายเราต้องให้ซีนเจ้าของร้าน พี่กัลป์มีคู่นะคะทุกคนนนนนนน เขามีคู่
และก็ขอแจ้งข่าวหน่อยค่า นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ รักคุณนะคะ ฝากไว้ด้วยนะคะ ^^ โค้ง
:impress2:
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
อยากให้มีอีก เครื่องดื่มเหลืออีก 2 มีขนมหวานหรืออาหารอะไรมาแทนไหม
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
โง้ยยยยยย เบาหวานจะขึ้นทุกคู่เลย อ่านแล้วชื่นนนนใจดีจัง :mew1:
-
ไม่อยากให้จบเลยค่า ละมุนมากกกก
-
โอ๊ย.........น่ารักมาก ไฟ เฮดว้ากสุดโหด
เจอนท บริหาร ลักยิ้มสองข้าง
ไฟ ก็อ่อนแสงละมุนตา ไม่ลุกโชนเหมือนเคย
ไฟ นท :กอด1: :กอด1: :กอด1:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ชอบมากๆค่ะ
มีเรื่องอื่นที่แต่งไว้ก่อนหน้านี้บ้างไหมคะ
จะตามไปอ่านให้หมดเลยย :z3: :z13:
-
:-[
-
ฮื่อออ เขินไฟตอนปลอบนทมากเลย
ไฟอยู่นี่แล้วไง .. นี่เขิลตัวม้วน :hao5:
นทน่ารักมากเลย เราแพ้คนมีลักยิ้มเป็นพิเศษ55
เหลืออีกสองตอนจริงหรอคะ
เสียดายจัง อยากอ่านอีกเยอะๆเลย
รออ่านตอนต่อไปค่าาา
สู้ๆน้า เป็นกำลังใจให้ค่า
ปล.คุณหมอที่เพิ่งมาใหม่นี่ขอเดาไว้ว่าคู่พี่กัลป์รึเปล่าคะ555555 ถ้าไม่ใช่ก็จะเขินๆหน่อย55
-
น่ารักจริงงงงง
-
ไฟอ่อนโยน นทน่ารักกก
-
กับคนอื่นอย่างโหด กับแฟนล่ะตามใจกันสุด
คุณหมอคนนั้นกับพี่กัลป์คนนี้หรือเปล่านะ
-
สนุกมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวขอย้อนอ่านแบบละเมียดละไมอีกรอบ รอคู่พี่กัลป์อยู่น้า
-
:L2: :pig4: :L2:
-
เข้ามาอ่านครั้งแรกเลยค่ะ น่ารักทุกคู่เลย
อยากรู้พิกัดร้านพี่กัลป์จังหนอ จะแอบไปส่องคู่รัก ฮา
ว่าแต่คุณหมออิมพอร์ตจากต่างประเทศคนนั้นจะมาแนวน่ารักหรือหล่อเหลาตัวโตกันหนอ
-
07 :MOCHA
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
เวลา – วี
“พี่กัลป์ปิดเทอมไปคิดถึงพี่กัลป์มากเลยค่ะ กาแฟร้านไหนก็ไม่อร่อยเท่าร้านพี่กัลป์”
“ไม่ใช่ว่าไปเจอเจ้าของร้านกาแฟหล่อๆ ที่อื่นแล้วเหรอครับ”
“ไม่มีใครหล่อเท่าพี่กัลป์หรอกค่ะอ้าว..พี่วีสวัสดีค่ะ”
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับนักศึกษาคนนึงที่เดินเข้ามาพอเห็นรุ้นน้องยกมือไหว้ก็ยกมือรับไหว้ก่อนที่จะมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ท่าทางที่ดูซีเรียสมากกว่าทุกวันที่เคยเจอกัลป์เลยเดินมาเข้าหาขนาดเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่ขยับเขยื้อนนั่งนิ่งเป็นหุ่นจนต้องเอามือไปโบกผ่านหน้าไปมา
“ทำหน้าตาเครียดเชียวเรียนหนักเหรอ”
“ก็ไม่หนักเท่าไหร่ครับอาทิตย์หน้าต้องไปฝึกงานแล้ว รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแต่ก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน”
“ที่ไหนล่ะเราเก่งจะตายไม่ต้องกลัว”
“บริษัทเฟอร์นิเจอร์อยู่ตรงข้ามมหา’ลัยนี่เองผมยังมากินมอคค่าร้านพี่กัลป์ได้เหมือนเดิม”
กัลป์ชูนิ้วโป้งกับเด็กที่เห็นมาตั้งแต่ปีหนึ่งชื่อของนักศึกษาคณะบริหาร วิวิศน์ เดชะไพศาลกุล เป็นที่รู้จักเพราะคะแนนสอบเข้าวิชาคณิตศาสตร์เกือบเต็มร้อยเรียกว่าเด็กเรียนเต็มขั้น ผิวขาว ใส่แว่น พูดน้อย วันๆ เอาแต่อ่านหนังสือนิสัยดีใครให้ช่วยติวอะไรก็ช่วยไม่มีปฏิเสธไม่หวงวิชาความรู้ ค่อนข้างเคร่งครัดเรียกว่าเจ้าระเบียบนิดนึง
ฉายา เทวดาประจำคณะบริหาร
กัลปจำวีได้เพราะเป็นเด็กปีหนึ่งที่สั่งแต่มอคค่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินเข้ามาในร้านทั้งๆ ที่บุคลิกไม่น่าจะชอบเครื่องดื่มแบบนี้หลังจากนั้นก็มาซื้อมอคค่ามาตลอดสามปี พอขึ้นปีสองปีสามก็มีน้องๆ ผู้หญิงมาเต๊าะๆ จีบๆ บ้างแต่ก็เห็นว่าวีไม่ได้สานต่ออะไรอยู่มาสามปีก็ยังไม่เห็นจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเห็นจะมีแต่ ณัฐ ที่อยู่เภสัชปีสี่คอยเทียวไล้เทียวขื่ออยู่
เห็นว่าจบมาจากโรเงรียนเดียวกันวีก็คงเกรงใจตามพี่น้องร่วมสถาบัน
วีสั่งมอคค่าเหมือนที่สั่งทุกวันแต่กัลป์บอกว่าวันนี้รอคิวนานหน่อยเพราะว่ามีพนักงานออฟฟิตโทรมาสั่งกาแฟหลายแก้ว คาดว่าอาจจะเลี้ยงทั้งแผนก วีพยักหน้ารับยังไงวันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วกัลป์เลยหันไปช่วยพนักงานชงกาแฟต่อ เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีออเดอร์เครื่องดื่มครบตามจำนวนที่สั่ง กัลป์บอกตามตรงเป็นยี่สิบนาทีที่หัวหมุน
ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงทั้งบริษัทรึเปล่าสั่งเยอะขนาดนี้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกัลป์เลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาหาแต่พอเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่ก็แปลกใจเพราะเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักมันไม่ขึ้นชื่อ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นลูกค้าถึงจะไม่เคยให้เบอร์ส่วนตัวใครก็ตามเถอะ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับเจ้าของร้านกาแฟ”
กัลป์ขมวดคิ้วเพราะเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์เหมือนมันดังอยู่ใกล้ๆ เลยหันหลังกลับไปมองตรงหน้าเคาน์เตอร์ มือที่ถือโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อภาพตรงหน้าคือสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน
“ไง มารับกาแฟที่สั่งไว้”
เวลา ....ไม่ได้ถามว่ากี่โมงแล้ว
แต่คนที่ใส่ชุดทำงานผูกไทด์สีน้ำเงินเข้มตรงหน้าชื่อเวลา เวลา ภัทรนิติกุล
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“สี่ห้าเดือนแล้วแต่เพิ่งย้ายมาสาขามาตรงข้ามร้านกาแฟมึงนี่เมื่ออาทิตย์ก่อน”
กัลป์มองไปยังตึกออฟฟิตที่สูงเสียดฟ้าบริษัทนำเข้าส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศ ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนเขาจะมีโอกาสได้ทำงานที่นั่นผลการเรียนที่ได้เกีรยตินิยมแถมตอนนี้จบจากมหาลัยชื่อดังจากอเมริกาอีกต่างหาก กัลป์รู้จักกับเวลาตอนเรียนปีสี่ก็เหมือนทั่วๆ ไปเป็นเพื่อนของเพื่อนพอเจอกันในร้านเหล้าคุยกันคลิกก็ติดต่อกันเรื่อยมาแต่ที่เขาสนิทกับเวลาก็เพราะ
“กัลป์ ทีจะกลับมาแล้วนะ”
เจ้าของร้านกาแฟเพียงแค่ยิ้มให้บางๆ เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง เวเห็นเพื่อนเงียบไปก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุยพลางถามกิจการร้านกาแฟว่าเป็นยังไงแน่นอนว่าจากที่เห็นไปได้ดีเลยทีเดียวกัลป์พยักหน้าพร้อมกับบอกว่าก็พอไปได้ลูกค้าส่วนมากก็เป็นนักศึกษามือก็ชงกาแฟไปด้วยทันทีที่วางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์
เวลาเอื้อมมือมาหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้พร้อมกับอีกคนที่เอื้อมมือมาหยิบเช่นกัน
ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมปล่อยแก้ว
“กัลป์”
“พี่กัลป์ครับ”
เวลาหันมามองเด็กนักศึกษาที่กำลังแย่งแก้วกาแฟมอคค่าที่กัลป์วางลงบนเคาน์เตอร์ ไม่รู้ว่าอยู่ปีอะไรหน้าเด็กอยู่เหมือนกันแต่คงไม่ใช่ปีหนึ่งหรอกดูจากการแต่งตัวที่ไม่ได้ผูกไทด์ดวงตาโตๆ หลังแว่นกลมๆ นั่นจ้องเขาเขม็งถึงจะทำหน้านิ่งมากก็ตามเถอะนี่คงด่าเขาอยู่ในใจแน่ๆ
“แย่งกันเป็นเด็กๆ เดี๋ยวชงให้ใหม่ดื่มมอคค่าเหมือนกันใช่ไหม เวมึงให้น้องไปก่อน”
พอกัลป์บอกแบบนั้นเวแอบเห็นเด็กแว่นยิ้มมุมปากแบบผู้ชนะ แต่พอเขาแกล้งไม่ยอมปล่อยมือก็หันมามองเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่ามีอะไร? ท่าทางจะเป็นคนที่ไม่ชอบพูดถึงชอบสื่อสารทางหน้าตาและแววตามากกว่า เอาเถอะไม่อยากจะแกล้งเด็กไปมากกว่านี้เลยยอมปล่อย
“พี่กัลป์ สวัสดีครับ”
เด็กในชุดนักศึกษายกมือไหว้เจ้าของร้านกาแฟ
ก่อนจะเหลือบมองเขานิดนึงแล้วเดินออกไปจากร้าน
“เด็กสมัยนี้….”
“ก็มึงไปแย่งกาแฟน้องเขาไหม”
“ก็กูเห็นมึงชงมอคค่าของโปรดกูก็คิดว่าของกูสิ ใครจะรู้ว่าเจ้าเด็กแว่นนั่นรออยู่”
“ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไงน้องวีน่ารักจะตาย”
“น้องวี? ”
เวลากอดอกท่าทางขึงขังจริงจังขึ้นมากจนกัลป์ต้องถามว่ามึงเป็นอะไร
แต่ใบหน้าหล่อนั่นไม่ได้เล่นตามไปด้วยเลยถามซ้ำอยู่สองสามรอบ
“กูจะฟ้องทีว่ามึงนอกใจ”
“ห๊ะ?”
“น้องวีอะไรนั่นไม่เห็นน่ารักตรงไหน หน้าตาจืดชืดยังกะน้ำเปล่า”
“ไปกันใหญ่แล้ว”
กัลป์ส่ายหัวพร้อมกับบอกว่ามึงเพ้อเจ้อก่อนจะช่วยเวลาถือกาแฟที่สั่งไว้เกินสิบแก้ว ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นป๋าเลี้ยงเครื่องดื่มพนักงานทั้งแผนกแต่แค่นี้เงินในกระเป๋าป๋าเวไม่สะเทือนหรอก กัลป์โบกมือไล่เพื่อนตัวเองขนาดเดินออกไปนอกร้านยังมีการทำท่าขู่ไม่เลิกพอพ้นหลังแล้วกัลป์เลยยกนาฬิกาที่ใส่อยู่ขึ้นมาดู
“กูจะฟ้องทีว่ามึงนอกใจ”
นอกใจอะไรวะ แฟนยังไม่ได้เป็นเลย
MOCHA
เมื่อก่อนไม่ค่อยเชื่อเรื่องทฤษฏีโลกกลมสักเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องแว่นมอคค่าที่นี่ในฐานะ..
นักศึกษาฝึกงาน
มาฝึกถูกแผนกซะด้วยพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิตตอนนี้วางมาดเจ้านายอยู่จะหลุดหัวเราะออกไปไม่ได้ ก็ตั้งแต่เลขาสาวสวยอย่างคุณปิ่นมุกพานักศึกษาสองคนจากคณะบริหารมหา’ลัยชื่อดังมาแนะนำตัว ตอนแรกเขายังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มที่วางกองท่วมหัวเลยด้วยซ้ำจนกระทั่งได้ยินเสียงของเลขา
“น้องฝัน น้องวีทางนี้เลยค่ะ”
น้องวี? ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงฝังใจกับชื่อน้องวีนี่นักหนามือที่กำลังเซ็นชื่อหยุดชะงักพอเงยหน้าขึ้นมามองนักศึกษาสองคนที่ยืนเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า เจ้าเด็กแว่นตาโตขึ้นมาทันทีคงช็อคอยู่เหมือนกันที่เห็นว่าไอ้คนที่แย่งแก้วกาแฟในวันนั้นกลายมาเป็นเจ้านายในวันนี้
“พี่ชื่อเวลาเรียกพี่เวเฉยๆ ก็ได้งานที่นี่มันค่อนข้างยุ่งพี่อาจจะไม่ค่อยมีเวลาสอนงานเราเท่าไหร่แต่พี่ก็จะพยายามให้เราเรียนรู้งานจากที่นี่ให้มากที่สุด พี่ก็จบเศรษฐศาสตร์มหา’ลัยเดียวกับเรานับว่าเป็นรุ่นพี่พวกเราแต่ก็หลายปีอยู่จบมานานแล้ว”
ก็เหมือนด็กฝึกงานทั่วๆ ไปเรียบร้อยสงบเสงี่ยมรับคำเสร็จก็เดินตามเลขาคุณปิ่น เวคิดอะไรขึ้นมาได้เลยเรียกทั้งสามคนไว้ก่อน คุณปิ่นทำหน้าสงสัยเล็กน้อยแถมยังมองด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจอีกต่างหาก
“คุณพาฝันเดี๋ยวให้นั่งกับขวัญการตลาดนะครับส่วนน้องวี ผมอยากให้เข้ามาช่วยผมในห้องทำงานนี่ตอนนี้มีโปรเจคจากสิงคโปร์เข้ามาพอดีจะให้เรียนรู้งานตรงนี้เลย เป็นผู้ชายทั้งคู่จะได้ดูไม่น่าเกลียด”
คุณพาฝัน กับ น้องวี?
ทั้งสามคนเงียบกริบคุณปิ่นเลขารับคำสั่งจากเจ้านายอย่าง งงๆ เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ทราบว่าจะมีนักศึกษามาฝึกงานก็ไม่เห็นคุณเวจะให้จัดการอะไรก็แค่ อือๆ ตอบรับไปตามเรื่องตามราวและปกติก็มีโต๊ะสำหรับเด็กฝึกงานอยู่แล้วไม่ก็ให้พนักงานคนอื่นดูแลถ้าระดับคุณเวออกปากเองแบบนี้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่….พาฝันกับเลขาเลยหันไปมองหน้าวีที่ตอนนี้เองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
มาฝึกงานวันแรกก็ตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว
และยังต้องมานั่งในห้องเจ้านายอีก โอ้โหขอให้พระคุ้มครอง
“คุณชื่อน้องวี?”
“เรียกผมว่าวีเฉยๆ ก็ได้ครับ”
พอพ้นหลังสองสาวไปแล้วเวลาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่มากอดอกยืนพิงโต๊ะสัมภาษณ์เด็กแว่นตรงหน้าอีกรอบ คราวนี้ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไปส่วนมากก็เกี่ยวกับการเรียนการใช้ชีวิตในมหา’ลัยแต่วีรู้ดีว่าเจ้านาย(ในตอนนี้)ถามไปตามมารยาทมากกว่าเรื่องที่อยากถามคงไม่ใช่ชีวิตประจำวันเขาหรอก
“คุณรู้จักกัลป์ใช่ไหม”
นั่นไง…
“พี่กัลป์..เจ้าของร้านกาแฟตรงหน้ามหา’ลัย? ก็รู้จักครับ”
“สนิทกันระดับไหน”
คำถามนี้มันอะไรวะ? วีรู้สึก งงๆ กับท่าทีของคนตรงหน้าไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้ไม่พอใจนักหนาถ้าเรื่องที่แย่งกาแฟเขาเองก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำมานึกได้ก็ตอนที่เห็นหน้านี่แหละ และดูยืนกอดอกจ้องเขาเขม็งเหมือนทำอะไรผิดร้ายแรงแล้วสรุปต้องตอบว่าอะไรถึงจะเรียกว่าเป็นคำตอบที่ดี
“ก็รู้จักพี่กัลป์ตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่งไปซื้อมอคค่าที่ร้านพี่เขาทุกวัน”
เหมือนตอบผิด..
วีก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อเวลาเดินเข้ามาหาแถมคิ้วก็ยังขมวดขึงขัง
“คุณรู้ไหมว่ากัลป์มีคนที่ชอบแล้ว”
“ไม่ทราบครับคือผม..”
“กัลป์กับนาที เขาชอบกันมาตั้งนานแล้วผมจะบอกให้คุณรู้เอาไว้”
ใครคือนาทีวะ? เหมือนมีคำถามล้านคำถามวิ่งวนไม่รู้จบในฐานะเด็กฝึกงานที่อยากจะผ่านมิชชั่นนี้ไปด้วยดีเลยพยักหน้าตอบรับไปก่อน พอเห็นท่าทางแบบนั้นเวลาก็ยักไหล่ก็ถือว่าบอกแล้วล่ะวะก่อนจะปล่อยตัวให้วีไปนั่งที่โต๊ะงานตัวเล็กที่ตั้งอยู่ วีถอนหายใจท่าทางการฝึกงานครั้งนี้จะไม่ง่ายซะแล้วทำเจ้านายไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกแบบนี้
โครม!
เสียงโยนโทรศํพท์ที่กระแทกกับโต๊ะทำให้วีหันไปมองแต่พอเห็นสายตาที่จ้องเขม็งกลับมามาก็เลยหันหน้ามาหน้าจอคอมตรงหน้าตามเดิม เวยอมรบว่าโคตรหงุดหงิดหลังจากที่เขาไลน์หาไอ้กัลป์บอกเรื่องน้องวีสุดน่ารักของมันว่าตอนนี้มาเป็นเด็กฝึกงานกับเขาที่นี่
น้องวีเด็กแว่นของมึงเป็นเด็กฝึกงานบริษัทกู
จริงดิ! น้องวีน่ารักเก่งด้วยมึงดูแลน้องเขาดีๆ
ประโยคแรกก็คิ้วกระตุกนิดนึง
น้องวีแว่นมอคค่านี่เลิศเลอมาจากไหนวะ
ดูมึงอวยน้องเขาจังนะ
อ้าว! คนน่ารักและฝีมือดีก็ต้องสนับสนุนมาหากูที่ร้านเลยเดี๋ยวกูเลี้ยงมอคค่าคนละแก้ว
กูประชุมละเดี๋ยวค่อยคุยกัน
อยากรู้เหมือนกันว่าน้องวีของไอ้กัลป์จะเก่งสักแค่ไหน!
วิวิศน์ เดชะไพศาลกุล คณะบริหารธุรกิจปี 3 ชื่อเล่น วี
มีพี่น้องสี่คนเป็นคนที่สาม
สีที่ชอบ : สีขาว
สัตว์เลี้ยง : แมว (สีขาวชื่อแว่น)
เครื่องดื่ม : มอคค่า
ความรัก : ไม่มีแฟนแต่คิดว่าความรักคือการดูแลซึ่งกันและกัน
ตลกว่ะเพิ่งรู้บริษัทให้เขียนประวัติส่วนตัวอนุบาลแบบนี้ด้วย (จริงๆ มีแบบทางการอีกแผ่นฉบับนี้เฉพาะ HR อ่านเล่นๆ ) เวพยายามกลั้นขำกับคำตอบที่บอกว่าแมวชื่อแว่นแต่ก็แอบร้องหูวเบาๆ ตรงหัวข้อความรักไม่รู้ว่าไอ้คำตอบที่บอกว่าไม่มีแฟนนี่เรื่องจริงหรือตอบไปตามมารยาท เลขาคุณปิ่นคนสวยทำหน้า งงๆ เมื่อเห็นว่าเขาขอดูประวัติเด็กฝึกงานทั้งสองคนมีการปิดท้ายว่าห้ามจีบน้องพาฝันเขานี่หัวเราะออกมาเลย โอเค น้องฝันนี่สวยเลยแหละแต่เขาสนใจอีกคนมากกว่า น้องวี
พออ่านประวัติส่วนตัวเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่หายไปกับกองเอกสารที่เขายกออกมาให้ จากที่อ่านมาก็คงเป็นเด็กเรียนพอสมควรตั้งหน้าตั้งตาอ่านเคร่งเครียดเหมือนสรุปงานประจำปีทั้งๆ ที่เขาเองก็สั่งให้อ่านเฉยๆ ไม่ได้แกล้งนะก็แค่อยากให้เข้าใจงานของบริษัท
“วี”
“ครับ”
“ช่วยไปซื้อมอคค่าร้านกัลป์ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ครับ”
เด็กแว่นว่าง่ายดีก็นะเด็กฝึกงานจะมีอำนาจไปหือไปอืออะไร
และแน่นอนไหนๆ ก็เดินแล้วเลยฝากงานนิดหน่อย
“ผมฝากเอกสารให้ฝ่ายบัญชีหน่อยนะ”
โดนแกล้ง...นี่เขากำลังโดนแกล้งอยู่แน่ๆ เจ้านายฝากเอกสารถึงฝ่ายบัญชีก็นึกว่าแฟ้มสองแฟ้มแต่นี่มันกองแทบจะท่วมหัว กลัวว่าเอกสารมันจะหล่นตลอดเวลาประคับประคองมาอย่างสุดความสามารถ ทันทีที่ถึงแผนกบัญชีพี่สาวคนนึงก็ร้องลั่นเมื่อเห็นเขาแบกเอกสารมาด้วยท่าทางทุลักทุเล
“ทำไมคุณเวให้น้องเอามาให้เองล่ะทุกทีก็มีพนักงานมาส่งอยู่แล้วนิคะ”
จะให้เขาตอบอะไรได้ทำได้แต่ยิ้มไปตามเรื่องตามราว
ตอนนี้ปวดแขนมากด้วยเกร็งมาตลอดทางโดนเจ้านายแกล้งนี่ทำอะไรได้บ้างวะ!
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“งานหนักเหรอ”
กัลป์ทักรุ่นน้องบริหารที่ตอนนี้สลบสไลไปกับเคาน์เตอร์ท่าทางอ่อนล้าหมดอาลัยตายอยากจนต้องเอ่ยถามอีกรอบวีเลยฮึบเอาแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมากำลังจะอ้าปากเล่าชีวิตฝึกงานที่พบเจอมาแต่พอนึกขึ้นได้ว่าพี่กัลป์กับเจ้านายหน้ายักษ์เป็นเพื่อนกันเลยได้แต่บอกว่าไม่มีอะไรแค่ยังไม่ชินกับชีวิตฝึกงานก็เท่านั้น
เจ้าของร้านกาแฟเลยได้แต่บอกโถๆ ตอนทำงานมันก็เป็นแบบนี้แหละมันไม่เหมือนกับตอนเรียนหรอกนะ กัลป์หัวเราะเมื่อเห็นว่าเทวดาของบริหารยังไม่ยอมยิ้มเลยยกมือลูบหัวให้กำลังใจรุ่นน้องที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูหน้าร้านกาแฟเปิดอีกครั้ง
“ก็ว่าหายไปนานไอ้เราก็นึกว่าเป็นอะไรที่แท้…”
ทั้งสองคนหยุดค้างท่าเดิมมองเวลาที่เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาในร้าน กัลป์เอ่ยทักเพื่อนด้วยความเคยชินก่อนขยี้ผมสีดำของวีให้ยุ่งเหยิงพร้อมกับบอกให้สู้ๆ วีได้แต่ดันแว่นที่ร่วงลงมากลับเข้าที่เดิมก่อนจะยิ้มให้พี่กัลป์แต่ในใจคิดว่าตอนนี้จ้านายเขาคงคิดอะไรแปลกๆ อีกแน่ๆ เขาไม่ใช่เด็กอายุ14-15 ที่ไม่รู้ว่าคุณเวเข้าใจผิดเรื่องเขากับพี่กัลป์เดาได้จากคำถามที่เคยถามเมื่อตอนเช้าแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง
ก็อยากเข้าใจผิดเอง…
“กัลป์กูเอาเครื่องดื่มเพิ่มว่าจะเลี้ยงฝ่ายการตลาดสักหน่อย”
“ว่ามาเลยครับคุณลูกค้าวีไอพี”
“ชาเขียว 5 ชานม 4 เพิ่มชามะนาวอีก 2 แล้วก็น้องวี…ถือไปหมดนี่ได้ไหมครับผมต้องมีประชุมต่อ”
โดนแกล้ง
วีรู้แล้วว่ากำลังโดนแกล้งแต่ในฐานะเด็กฝึกงานเขาจะตอบอะไรได้นอกจาก…
“ได้ครับคุณเวลา”
MOCHA
NANOTE :วี มึงรู้ป่ะว่ากูฝึกงานบริษัทเดียวกับใคร
VEE :ใคร?
NANOTE :ไฟ วิศวะ
VEE :โคตรพรหมลิขิต แล้วเป็นไงมึงเจอมันไหม
NANOTE :มันอยู่ฝั่งวิศวกรคนละแผนกมันบอกว่าห้ามกูไปกินข้าวกับพี่ภาคย์พี่ที่ดูแลกูด้วย เป็นบ้าอะไรของมัน
VEE :ไอ้ไฟมันชอบมึงไง
NANOTE :มันจะแกล้งกูต่างหาก
VEE :คอยดูเถอะมึงเสร็จมันแน่ไอ้ไฟหล่อซะขนาดนั้น
NANOTE :พี่ผู้หญิงในบริษัทจะงาบมันก่อนน่ะสิแล้วมึงเป็นไงวะเจ้านายโอเคป่ะ
VEE :ก็โอเค…
นี่คือสิ่งที่พิมพ์แต่ในใจนี่อยากตอบไอ้นทว่ามันไม่โอเคเลยเว้ย! วีมั่นใจในตัวเองระดับนึงไม่ว่างานจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนเขาจะต้องทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยชนิดที่เรียกว่าเพอเฟ็คแต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาโดนคุณเวสั่งให้แก้งานแล้วแก้งานอีกและงานที่สั่งแต่ละอย่าง
รื้อแฟ้มเอกสารตั้งแต่ปี 2010 ออกมาเรียงใหม่
ทำลายเอกสารที่ไม่ได้ใช้ประมาณ 20 ลัง
หอบเอกสารกองเท่าบ้านไปส่งตามแผนกต่างๆ
รวมไปถึงซื้อกาแฟมอคค่าร้านพี่กัลป์ทุกวัน
ขนาดเลขาพี่ปิ่นคนสวยยังบอกว่า “คุณเวลาให้น้องวีทำงานแปลกๆ นะคะ”
อย่างตอนนี้คุณเวให้เขานั่งตัดกล่องกระดาษพร้อมกับห่อของขวัญไปให้ลูกค้าซึ่งจำนวนมันไม่น้อยเลยไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมงอุปกรณ์มีแค่กล่องสีน้ำตาล กระดาษห่อของขวัญ คัตเตอร์ และแก้วกาแฟหรูหราที่มีตราบริษัทพาฝันจะขอมาช่วยแต่เจ้านายก็บอกให้ฝันไปช่วยคุณปิ่นเรื่องเอกสารประชุม
ตั้งแต่มาที่นี่เขายังไม่เคยได้เรียนรู้งานอะไรของบริษัทสักอย่าง..
นี่โกรธเกลียดเขามาตั้งแต่ชาติปางไหนกัน
น้องวีของไอ้กัลป์อดทนเก่งกว่าที่คิด นึกว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาจะขอย้ายบริษัทไปฝึกงานที่อื่นแต่วันนี้ก็ยังอยู่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตามักจะมองไปยังเด็กแว่นฝึกงานที่นั่งอยู่ไม่ไกล ท่าทางจริงจังเวลาตั้งใจทำงานมันก็น่ารักดีหน้าดูเด็กกว่าอายุจริงเยอะเหมือนกันแถมตอนนี้ใส่ชุดนักศึกษาผูกไทด์เป๊ะนึกว่าน้องเฟรชชี่ปีหนึ่ง
“โอ๊ย..”
เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้เวลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมาหาคนที่นั่งตัดกล่องกระดาษอยู่พื้นหน้าโซฟายืนมองอยู่นานเห็นเจ้าเด็กแว่นก้มหน้ามองนิ้วตัวเองจนหน้าแทบจะชิดกับนิ้วนั่น
“เป็นอะไรไหม”
“เปล่าครับ”
ดูมีพิรุธยิ่งพอเขาถามวีก็เอามือไปซ่อนเหมือนกลัวเขาเห็นพอเห็นท่าทางแบบนั้น เวเลยนั่งลงแล้วดึงมือเด็กแว่นตรงหน้าให้หยุดทำงานพอเผลอบีบแรงก็ร้องอีกพอดึงมือมาดูใกล้ๆ ก็เห็นบาดแผลที่โดนคัตเตอร์บาดถึงจะไม่ลึกมากแต่เลือดก็ยังไหลอยู่ เวผ่อนแรงที่บีบมืออีกฝ่ายไว้ให้เบาลง เหมือนสติกลับมาอยู่กับตัวหลังจากทำอะไรบ้าๆ มาตั้งนานที่ผ่านมาเขาทำอะไรอยู่วะมือของวีที่จับอยู่มีรอยถลอกและแดงก่ำคงเพราะนั่งตัดกล่องตัดกระดาษเป็นเวลานาน
วีพยายามดึงมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่เป็นผล เวลาเป็นฝ่ายกระชับจับให้แน่นขึ้นพร้อมกับมองหน้าเด็กแว่นที่โดนเขาแกล้งสารพัด จากประวัติที่เขาได้อ่านวีเป็นเด็กเรียนเก่งระดับเกียรตินิยมรออยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่วิชาการแต่กิจกรรมในมหา’ลัยก็เข้าร่วมเรียกว่าเรียนเด่นกิจกรรมได้ รางวัลจากการแข่งขันก็มากมายจนนับไม่ถ้วนไม่แปลกเลยที่ได้มาฝึกงานที่นี่ บริษัทที่มีมาตรฐานสูงขนาดนี้
ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้วะ
ถ้าไอ้นาทีรู้นี่โดนจับสั่งสอนเป็นชั่วโมงแน่ๆ ที่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันแบบนี้
“พี่ขอโทษนะครับ”
เพียงประโยคเดียวทำให้วีที่นั่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง เขาไม่รู้ว่าเจ้านายขอโทษเรื่องอะไรแต่แววตาที่มองมายอมรับมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องตอบรับคำขอโทษไหมตอนนี้สมองเขามึนงงไปหมดแถมยังเจ็บแผลมากกว่าเดิมอีกต่างหากพอเห็นเด็กฝึกงานนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเวเลยลุกขึ้นพร้อมกับดึงมือให้วีลุกตามมาด้วย
“แต่..”
“ไม่ต้องทำแล้ว”
เห็นคนมือเจ็บยังคงห่วงงานที่กองอยู่เลยส่ายหน้าแล้วย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องทำสุดท้ายเวก็ลากเก้าอี้มาวางไว้ตรงข้างๆ โต๊ะทำงานตัวเองกำชับให้วีนั่งรอ ทุกอย่างมันลำบากนิดหน่อยเพราะว่าเวเองก็ยังไม่ยอมปล่อยมือวีที่โดนคัตเตอร์บาดพอขยับมืออกก็โดนสายตาปรามว่าให้หยุด
แค่เพียงไม่นานวีก็เห็นเลขาคนสวยถือกล่องยาเดินเข้ามาในห้อง พี่ปิ่นร้องลั่นเมื่อเห็นแผลบนนิ้วเลยจะเข้ามาช่วยทำแผลให้แต่เวกลับเป็นคนบอกว่าจะทำเองคราวนี้ งง กันทั้งเลขาและเด็กฝึกงาน ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันเหมือนเจอตัวประหลาดแต่พอเจ้านายเรียกชื่อคุณปิ่นก็รับคำแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาล้อเลียนก่อนจะเดินยิ้มๆ ออกไป คราวนี้ก็ถึงเวลาทำแผลกันจริงๆ จังๆ สักที
“เจ็บไหม”
“ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับจริงๆ คุณเวผมทำเองก็ได้”
“พี่เว”
“หืม?”
“เรียกผมว่าพี่เวก็ได้”
“ครับ”
ถึงวีจะขอทำแผลเองแต่เจ้านายอารมณ์แปรปรวนก็ทำแผลเสร็จเรียบร้อยมีการแปะพาสเตอร์ให้เสร็จสรรพ วียกมือตัวเองขึ้นมาดูใกล้ๆ เป็นคนที่ทำแผลได้เรียบร้อยมากคนปกติก็แค่ใส่ยาแปะๆ ให้มันเสร็จๆ นี่ประณีตเหมือนไปโรงพยาบาลเวเห็นคนหมุนนิ้วดูแผลอยู่อย่างนั้นก็คิดว่าคงสงสัยเรื่องที่เขาทำแผลให้
“พี่มีฝาแฝดชื่อนาที ทีเป็นหมอพี่ก็เลยคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้”
นาที…คนที่เคยสงสัยว่าเป็นใคร
เจ้านายขยับเก้าอี้พร้อมกับขยับแมคบุ๊คบนโต๊ะทำงานให้วีได้มองเห็นงานในจอด้วย เป็นครั้งแรกที่วีได้เห็นงานกะเขาสักที เวเห็นเด็กแว่นตาเป็นประกายเมื่อเขาค่อยๆ อธิบายงานตรงหน้าให้ฟังรวมทั้งลูกค้าที่ดูแลอยู่ การเซ็นสัญญา ข้อตกลง รวมทั้งปัญหาที่เคยเกิดขึ้น วิธีการแก้ไข ท่าทางกระตือลือร้นของวีทำให้เวยิ้มนิดๆ วีเป็นคนหัวไวเรียนรู้ก็ไวนี่ขนาดให้ลองคิดงานเล่นๆ ยังคิดได้เร็วขนาดนี้ทั้งๆ ที่เขาอธิบายงานไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำน้องวีเก่งสมคำร่ำลือ
เท่มาก
รู้อยู่แล้วว่าเจ้านายเป็นคนเก่งแต่พอได้เจอกับตัวแบบนี้มันเลยปลื้มมากกว่าเดิม เห็นพนักงานในบริษัทเอาแต่ชมคุณเวลาอยู่บ่อยๆ แถมตอนนั้นเขาโดนแกล้งเลยไม่ได้เห็นในมุมทำงานแบบนี้สักเท่าไหร่เห็นแต่คนทำหน้ายักษ์สั่งให้เขาทำอะไรแปลกๆ มาทั้งอาทิตย์ วีหันไปมองเจ้านายที่ยังคงอธิบายงานตรงหน้าก่อนจะหันมายิ้มให้เขาพร้อมกับถามว่ามันไม่ยากไปใช่ไหม
“พี่เวครับ”
“ครับ”
“ผมกับพี่กัลป์เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“……………………………………………………………….”
“แค่รู้จักกันเฉยๆ เป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟกับนักศึกษาทั่วๆ ไปคนนึง”
“……………………………………………………………….”
วีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้ออกมาแต่ก็คิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาโดนเจ้านายไม่ชอบหน้า จากสัญชาตญาณเดาได้ว่าฝาแฝดพี่เวคุณนาทีคงเกี่ยวข้องกับพี่กัลป์แน่ๆ ไม่งั้นเจ้านายไม่ระแวงเขาแบบนี้หรอก วีเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าคนที่อธิบายงานให้ฟังเงียบไปเฉยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่าแต่เขาก็พูดความจริงไปหมดแล้วก็แล้วแต่อีกฝ่ายว่าจะคิดยังไง
“พี่เชื่อ…..ไว้ตอนบ่ายเราไปซื้อมอคค่าร้านกัลป์ด้วยกันนะ”
วีเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้ารับแถมตบท้ายด้วยการยิ้มเต็มแก้มเพราะมันเหมือนยกภูเขาออกจากอก ชีวิตการฝึกงานจะได้ราบรื่นสักทีแต่พอนานเข้าก็เริ่มเขินเหมือนกันเมื่อสายตาของเจ้านายเอาแต่มองหน้าอยู่อย่างนั้นเลยชี้ไปที่หน้าจองานพี่เวถึงรู้สึกตัวกระแอมสองสามทีกลับมาเป็นงานเป็นการเหมือนเดิม
“เขาดีกันแล้วเหรอคะพี่ปิ่น”
“คงไม่ตีกันแล้วมั้งคะ”
ปิ่นมุกร้องกรี๊ดเบาๆ เอามือจับแก้มทั้งสองข้างพาฝันเลยเป็นกับเขาด้วยตอนแรกก็เป็นห่วงน้องวีเห็นบอสให้เอากล่องยามาให้นึกว่าจะตีกันจนเลือดตกยางออกเลยลากน้องพาฝันมาแอบดูเพราะกลัวว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้เข้าไปช่วยห้ามทัน แต่สงสัยจะคิดผิด
บรรยากาศมันแปลกๆ มันเหมือนคู่รักมากกว่าเจ้านายและเด็กฝึกงาน มีการหัวเราะคิกคักกันสองคนทั้งๆ ที่ปกติเวลาคุณเวทำงานนี่บรรยากาศเหมือนอยู่ในห้องสอบพอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
…
…………………………………………
“รักกันแล้วเหรอ”
กัลป์เอ่ยทักเพื่อนตัวเองและรุ่นน้องแต่ไม่รู้ว่าตัวเองถามอะไรผิดรึเปล่าเพราะเห็นว่าต่างคนต่างสำลักกาแฟมอคค่าที่เพิ่งกินเข้าไปแถมยังมองกันไปคนละทางแก้เก้ออีกต่างหากแต่สังเกตเห็นว่าที่แก้มของน้องวีกับใบหูของเพื่อนนี่แดงแจ๋เหมือนโดนจับได้ กัลป์อมยิ้มที่จริงเขาไม่ได้หมายถึงอะไรทำนองนั้นเลยนะ เขาหมายถึงรักกันแบบเจ้านายและลูกน้องเพราะเห็นก่อนหน้านี้เกือบเดือนไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่
ช่วงแรกๆ เขาเห็นน้องวีโดนไอ้กัลป์สั่งให้มาซื้อกาแฟวันละหลายๆ แก้วบางวันก็โดนให้มาซื้อกาแฟเช้าสายกลางวันเย็น ตอนแรกเขาก็อยากจะช่วยวีอยู่เหมือนกันไอ้เวอายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังจะมาแกล้งเด็กอายุยี่สิบต้นๆ แบบนี้อีกยังกับเด็กประถม แถมยังชอบพูดจาประชดประชันหมือนน้องวีไปทำอะไรให้มันโกรธสักร้อยชาติ แต่น้องวีก็เทวดามาเกิดบอกว่าไม่อยากให้มีปัญหาเพราะฝึกงานอยู่กลัวว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โต ตอนนั้นก็ได้แต่ภาวนาให้ทั้งคู่ฝึกงานให้จบครบหลักสูตรอย่างราบรื่นโดยที่ไม่ตีกันตายไปซะก่อน
แต่อยู่ดีๆ ก็กลับมาดีกันแฮปปี้ปรีดา กัลป์เองยัง งง ไปหมดวันที่น้องวีมีพลาสเตอร์แปะที่นิ้วและเดินมาซื้อมอคค่าพร้อมกับไอ้เว วันนั้นนั่นแหละเขารู้สึกแปลกๆ ทุกทีจะเห็นเวบอสใหญ่ยืนกอดอกนิ่งๆ ส่วนน้องวีก็จะยืนกุมมืออยู่ด้านหลังแต่วันนั้นมีการเดินข้างๆ กันหัวเราะคิกคักแถมวันนี้ยั่งนั่งดื่มกาแฟมอคค่าที่ร้านก็นั่งคุยกันปกติแต่บรรยากาศมันดูไม่เหมือนเจ้านายลูกน้องเท่าไหร่
โดยเฉพาะสายตาไอ้เว..
เกินเลยไปมาก
.....................
................................................
-
.............................
.............................................................
“กัลป์มึงเหม่ออะไรเนี่ยลูกค้าสั่งมอคค่าไปสองแก้วรับออเดอร์หน่อยครับ”
“ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนเก่าแก่กูนะกูไล่มึงออกจากร้านไปนานละ”
“นอกจากกูเป็นเพื่อนแล้วกูยังเป็นพี่เขยมึงด้วย อย่าหือกับพี่เดี๋ยวไม่ยกน้องหมอให้”
“กูเกลียดมึงก็ตรงนี้ว่าแต่…กินเด็กเหรอน้องวีนี่ห่างกับพวกเราเจ็ดแปดปีเลยนะ”
กัลป์ชะโงกหน้าไปกระซิบบอกเพื่อนตัวเองเลยโดนตบหัวเข้าให้ โทรศัพท์เวดังขึ้นมาพอดีเลยขอตัวไปคุยทางอื่นคาดว่าคงเป็นเรื่องงาน พอกัลป์หันไปสบตากับรุ่นน้อง วีก็แกล้งหมุนเก้าอี้ตรงบาร์หันหลังมองไปยังรูปที่ติดอยู่บอร์ดแทน ยังไม่ทันจะถามอะไรต่อคนที่เดินเข้ามาในร้านทำให้กัลป์ต้องเรียกวีให้หันกลับมามอง
“ฝึกงานเป็นไงบ้างวียุ่งมากเหรอไม่ตอบไลน์พี่เลย”
พี่ณัฐ..
“ไอ้หน้าเต้าหู้นั่นคือใครวะ”
“เขาชื่อณัฐอยู่เภสัชเห็นว่าตามจีบน้องวีมานานแล้วเหลือกัน”
“เขาเป็นแฟนกัน?”
“กูบอกว่าเขาตามจีบน้องวีอยู่เว้ยมึงนี่ แล้วเป็นแค่เจ้านายนี่ต้องลุกลี้ลุลนขนาดนี้เลยเหรอวะ”
เวไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนแต่สายตากลับจ้องไปยังสองคนที่นั่งคุยกันอยู่อีกด้านไอ้หน้าเต้าหู้นั่นพยายามชวนวีคุยแต่ท่าทางวีดูอึดอัดยังไงชอบกลเอาแต่มองซ้ายมองขวาเหมือนหาตัวช่วยพอหันมาสบตาเขาที่มองอยู่ก่อนแล้วเลยลุกออกมาจากเก้าอี้
“พี่เวช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ไม่อยากคุยกับเขาเหรอไง”
“ถ้าคุยในฐานะพี่น้องมันก็โอเคแต่นี่ไม่ใช่เลย”
“ไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม”
“ไม่ครับ พี่เวช่วยบอกว่ามีประชุมนัดลูกค้าด่วนหรืออะไรก็ได้นะครับนะช่วยผมหน่อย”
เวพยายามปั้นหน้านิ่งทั้งๆ ที่อยากจะฉีกยิ้มให้มันรู้แล้วรู้รอดก็นะ..เขาแก่จะตายอยู่แล้วไอ้เรื่องมาปิดบังความรู้สึกตัวเองก็ไม่ใช่แนวเขารู้ตัวเองว่าเขาชอบน้องวี เจ้าเด็กแว่นที่เคยบอกว่าหน้าตาจืดชืดยังกะน้ำเปล่าแต่สุดท้ายเขาก็แพ้น้ำเปล่าจนได้ ท่าทางอ้อนๆ ในแบบไม่เคยเห็นก็ยิ่งทำให้เด็กแว่นดูน่ารักพอเห็นเขาไม่ตอบรับวีเลยพูดซ้ำอีกรอบเวเลยพยักหน้าสองสามทีพร้อมกับบอกให้วีกลับไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวเขาจัดการให้เอง
“วีรีบเหรอเห็นดูนาฬิกาตลอดเลย”
“ก็..”
“รอนานไหมวี”
วีเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เดินล้วงกระเป๋ามาที่โต๊ะทั้งส่วนสูงและหน้าตาทำให้ณัฐเองที่นั่งฝั่งตรงข้ามเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เวนั่งลงตรงที่ว่างก่อนจะพาดมือไปบนพนักโซฟาคล้ายจะโอบไหล่ วีกะพริบตาปริบๆ มึนงงไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ทันจะเอ่ยถามพี่เวก็กระชับไหล่ให้เขยิบเข้ามาใกล้จนแทบจะนั่งตักกัน
“ทำอะไรครับ”
“ช่วยอยู่ไง”
“ช่วยแบบไหนครับเนี่ย”
“แบบไอ้หน้าเต้าหู้นี่จะไม่ยุ่งกับวีอีก”
“หน้าเต้าหู้?”
“ชู่ววว”
คงเพราะวีเริ่มเสียงดังเวเลยบอกให้เงียบลงก่อนแถมยังเบียดตัวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม พี่ณัฐเภสัชกระแอมเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งเบียดกันเกินความจำเป็น พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางวีเลยแนะนำเจ้านายให้รู้จัก เวลารับไหว้เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยเจ้าเด็กณัฐนี่ยังมีมารยาท
“เวลาอยู่ข้างนอกไม่ต้องแนะนำว่าพี่เป็นเจ้านายก็ได้”
“แล้ว..”
“เป็นแฟนกันก็บอกว่าพี่เป็นแฟนไปเลย”
วีตาโตขึ้นมาทันทีอยากจะถอดแว่นออกมาเช็ดแล้วใส่เข้าไปใหม่คนที่บอกเป็นแฟนยิ้มร่าเหมือนดีใจอะไรนักหนาก่อนรั้งคนที่นั่งช็อคอยู่ข้างๆ เข้ามาใกล้มากกว่าเดิมคราวนี้เลยโดยศอกตรงช่วงเอวใจจริงก็เจ็บอยู่นะแต่รักษาฟอร์มอยู่เลยได้แต่คว้ามือวีมาจับไว้แน่น พอมองไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามคนนี่รียกว่าสติหลุดออกจากร่างของจริงนั่งนิ่งยังกะรูปปั้นจนวีต้องเรียกชื่ออยู่สองสามรอบ
“นี่วีมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนนี้วีเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทผมมันคงไม่ค่อยดีถ้ามีข่าวอะไรทำนองนี้ออกไป เราก็เลยไม่ได้เปิดเผยเท่าไหร่ แต่ผมเห็นว่าคุณเป็นพี่ชายที่ค่อนข้างสนิทกับวี ผมก็เลยบอกให้คุณรู้”
“พี่ณัฐคือวี…”
“พี่นัดลูกค้าไว้ตอนสี่โมงเดี๋ยววีไปกับพี่เลยนะ”
เวลุกขึ้นพร้อมกับรั้งให้วีเดินตามมาด้วยเอ่ยลาคนที่นั่งสติหลุดอยู่ตรงนั้นไม่แน่ใจว่ายังรับรู้บ้างรึเปล่า กัลป์โบกมือลาเพื่อนที่บอกว่าเดี๋ยวเจอกันพอเห็นแบบนี้แล้วก็ตลกไอ้เวครองตัวโสดมาตั้งนานดันมาแพ้เด็กแว่นอายุห่างกันเจ็ดแปดปีซะได้ นึกว่าคนที่มาเป็นแฟนไอ้เวนี่จะประมาณเปรี้ยวๆ เซ็กซี่ๆ หน่อยแต่ผิดคาดเพราะเห็นว่าตอนที่เรียนอยู่ควงแต่คนหุ่นเอ็กซ์ๆ ทั้งนั้น
“ทำท่าดุก็เป็นนะเรา”
“พี่เวนี่ไม่ตลกเลยนะผมไม่ได้ให้พี่ช่วยแบบนี้สักหน่อย”
“แบบนี้ก็ดีแล้วเขาจะได้ไม่กลับมายุ่งกับเราอีก”
“วีกลัวว่าพี่ณัฐจะเอาพี่เวไปพูดในทางไม่ดีน่ะสิ”
เด็กแว่นคิ้วขมวดยืนกอดอกพิงรถเวที่จอดอยู่แถมยังบ่นงึมงัมๆ อะไรฟังไม่รู้เรื่องแต่สิ่งที่เวสนใจคือเมื่อกี้เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเผลอเรียกตัวเองว่าวีแทนคำว่าผมตอนที่ได้ยินรู้สึกใจเต้นเหมือนกันยังกับสาวน้อยวัยแรกแย้มเพิ่งรู้ว่าแค่ชื่อแค่นี้เขาจะรู้สึกแบบนี้เป็นด้วยคงเพราะเขาเองก็เงียบไปวีเลยถามว่ามีอะไรเพราะเห็นเขาเอาแต่จ้องหน้า
“หน้าผมมีอะไรรึเปล่าครับ”
“เมื่อกี้วีแทนตัวเองว่าวีไม่ใช่ผม”
“อ้อ..ขอโทษครับผมลืมตัว”
“น่ารักดี”
“………………………………………………..”
“อยู่กับพี่สองคนเรียกแทนตัวเองว่าวีก็ได้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
เด็กแว่นนี่ชอบทำร้ายร่างกายพูดจบเลยโดนทุบเข้าให้มีการมองค้อนอีกต่างหากอย่าคิดว่าใส่แว่นแล้วจะไม่เห็นสายตาแบบนั้นเลยดีดหน้าผากเหม่งๆนั่นทีนึง พอสู้ไม่ได้ก็เปิดประตูรถหนีเข้าไปนั่งซะดื้อๆ เวลาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีมือก็หยิบโทรศัพท์พิมพ์ข้อความที่คุยค้างไว้ในไลน์
TIME.V : นาทีกลับมาเร็วๆ กูจะแนะนำเด็กแว่นให้รู้จัก
T. : ใครวะเด็กแว่น?
TIME.V : แฟนกูไง น่ารักน่ารักขนาดไอ้กัลป์ยังชมแล้วชมอีกเรียกน้องทุกคำ
T. : น่ารักกว่ากูเหรอ..
TIME.V : ใครๆ ก็น่ารักกว่ามึงทั้งนั้นแหละหมอ รีบกลับมาได้แล้วไอ้กัลป์โดนนักศึกษาจีบทุกวันกลัวมันใจอ่อน
T. :เรื่องของเขาดิ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
TIME.V :เล่นตัวมากขึ้นคานไปคนเดียวเลยนะกูไม่อยู่กับมึงหรอก
T. : ถ้ามึงป่วยกูจะไม่รักษา ไอ้แฝดชั่ว!
เวลาหัวเราะเมื่อเห็นว่านาทียังส่งสติกเกอร์กวนตีนมาอีกสองสามตัว
หมออะไรวะยังกะเด็กสามขวบทั้งๆ ที่อายุจะ 30แล้วแท้ๆ
MOCHA
“กลับก่อนก็ได้นะคะน้องวีคุณเวคงกลับดึก เป็นเรื่องปกติค่ะเวลามีโปรเจคเร่งด่วน”
พี่ปิ่นเลขาคนสวยคนเดิมเดินมาบอกที่โต๊ะทำงานหลังจากวางกล่องอาหารเย็นให้เจ้านายแต่พี่เวก็แค่หยิบไปวางไว้ตรงชั้นด้านหลังแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อตอนนี้ห้องทำงานเต็มไปด้วยแบบเฟอร์เนิเจอร์เกลื่อนเต็มพื้น ไม่กล้าไปเข้าไปเก็บไม่รู้ว่าแผ่นไหนใช้ไม่ใช้
ถึงแม้ว่าวีจะพยักหน้าตอบรับพี่ปิ่นไปแล้วแต่ก็ยังมองไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่คงเพราะเขาเผลอมองนานไปหน่อยคนที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้หนึ่งทีพร้อมกับบอกให้เขากลับบ้านดีๆ วันนี้งานคงจะเร่งด่วนกว่าทุกวันทุกทีเวลาที่ต้องกลับบ้านเจ้านายตัวโตจะทำหน้าตางอแงไม่ยอมให้กลับไม่ก็ให้รอแล้วกลับบ้านพร้อมกัน วีเลยยกมือไหว้ก่อนจะขอตัวกลับก่อน
21.30 น.
“น้องวีนัดใครไว้เหรอ”
กัลป์ที่เช็ดพื้นอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเด็กแว่น (เรียกตามไอ้เว) หลังจากเลิกงานก็มานั่งที่ร้านตั้งแต่เย็น ทุกทีประมาณหกโมงถึงทุ่มก็จะกลับแต่วันนี้เห็นเอาแต่นั่งมองนาฬิกาไม่ก็ชะเง้อมองไปยังตึกออฟฟิตฝั่งตรงข้าม พอโดนทักก็ส่ายหน้าไปมาจริงๆ ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่ารออะไรอยู่
แค่รู้สึกเป็นห่วง
ยอมรับก็ได้ว่าเป็นห่วงเจ้านายตัวโตๆ นั่นไม่รู้ว่าดึกป่านนี้จะกินข้าวเย็นแล้วหรือยังงานจะเสร็จไหมลูกค้าจะโทรตามงานหรือเปล่าหลากหลายคำถามที่วิ่งวนอยู่ในหัวมันทำให้เขาสับสนจนหัวแทบระเบิดพอไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตก็เลยขอตัวกลับ กัลป์โบกมือลาเด็กแว่นที่วันนี้ดูสติไม่ค่อยจะอยู่กับตัวเท่าไหร่
สงสัยไอ้เวใช้งานหนัก
ไม่ก็จีบน้องเขาหนักไปหน่อย ดูเบลอๆ ชอบกล
สุดท้ายก็มาจนได้…
ตอนแรกว่าขาก้าวไปทางรถไฟฟ้าแล้วนะแต่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนทิศทางขึ้นมาซะเฉยๆ ยามหน้าตึกตะเบ๊ะให้เขาเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้าพอถามว่าเขาลืมของไว้ข้างบนเหรอวีก็ได้แต่พยักหน้าเอออห่อหมกไปก่อน พอขึ้นมาถึงห้องทำงานที่คุ้นเคยก็ยังเห็นไฟในห้องเปิดอยู่ยืนอยู่หน้าห้องเกือบสิบนาทีไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่าพอตัดสินใจได้จังหวะที่กำลังจะจับที่ลูกบิด ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกวีเลยเสียหลักหน้าคว่ำดีที่เวคว้าแขนเอาไว้ทัน
“มาทำอะไรดึกขนาดนี้”
“......................................................”
วีเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดีตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลย เห็นท่าทางแบบนั้นเวก็พอรู้นี่เขาโตจนอายุจะ30อยู่แล้วมือใหญ่เลยวางลงบนกลุ่มผมสีดำก่อนจะบอกให้เข้ามารอในห้อง
“มาช่วยพี่ทำงานใช่ไหม”
“ผมยังไม่เห็นพี่เวทานข้าวตั้งแต่เที่ยงเลย”
วีมองไปยังกล่องข้าวที่พี่ปิ่นเอามาให้ตั้งตอนเย็นจนถึงตอนนี้มันก็ยังวางอยู่ที่เดิมและมั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องวางอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ เจ้านายที่ตอนนี้กลายร่างเป็นลูกแมวหง๋อๆ เมื่อเห็นสายตาของนักศึกษาฝึกงานจะอ้าปากแก้ตัวก็โดนกอดอกใส่คล้ายจะบอกว่าให้ไปกินข้าวเดี๋ยวนี้
ตอนแรกก็คิดว่าไม่หิวนะ
แต่พอกินเข้าไปหนึ่งคำก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองท้องว่างขนาดไหน
มันเป็นภาพที่ตลกดีตอนนี้เวกำลังนั่งกินข้าวกล่องอยู่บนพื้นเพราะบนโต๊ะทำงานมีกองงานที่ไม่สามารถจะเคลียร์ได้ภายในสามนาที ส่วนนักศึกษาฝึกงานกำลังตามเก็บเศษกระดาษที่เกลื่อนตามพื้นห้องมีการเอาม้วนกระดาษมาตีให้เขาเขยิบไปทางอื่นอีกต่างหาก
“รู้ไว้ชีวิตตอนเรียนกับตอนทำงานต่างกันขนาดไหน”
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นผู้บริหารเงินร้อยล้านนั่งกินข้าวกล่องบนพื้น”
“ไม่เห็นจะแปลกเมื่อวันก่อนพี่ยังนั่งกินมาม่าตรงชั้นวางของ”
น้องนักศึกษาฝึกงานทำหน้าไม่เชื่อว่าเขาพูดเรื่องจริงสงสัยแกล้งไว้เยอะ แต่พอเขาย้ำวีถึงจะยอมเชื่อนี่ถ้าไม่เชื่อว่าจะไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานให้ดูว่ามีมาม่ากระป๋องอยู่จริงๆ พอกินอิ่มแต่งานก็ยังไม่เสร็จเวเลยกลับมานั่งเครียดที่โต๊ะทำงานตามเดิมเพิ่มเติมคือนักศึกษาฝึกงานที่คอยเรียงเอกสารให้อยู่ตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง เวไม่รู้ตัวว่าเขาเลิกสนใจงานตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนนี้สายตาเขาเอาแต่จ้องไปยังวีที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน
ตั้งแต่กลับมาทำงานที่ไทยหลังจากเรียนจบเขาเองก็คิดเรื่องการมีครอบครัวบ้างเหมือนกันวาดฝันไว้เยอะว่าอาจจะเจอกับผู้บริหารสาวสวยหรือไม่ก็ลูกค้าไฮโซที่เปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ตอนนี้เขาบอกเลยว่าภาพเหล่านั้นหายวับไปตาไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตกหลุมรักผู้ชายที่อ่อนกว่าตั้งเจ็ดแปดปีแถมตอนเริ่มต้นมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เพิ่งรู้ว่ามีคนคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ใกล้ๆ
มันดีกว่านั่งทำงานคนเดียวเป็นไหนๆ
จะเที่ยงคืนแล้ว
เวเงยหน้าขึ้นมาจากงานเห็นว่านึกศึกษาฝึกงานยังคงนั่งพิมพ์งานช่วยเขาอยู่พอเห็นแบบนั้นก็เลยลุกไปหาพร้อมกับบอกว่าให้กลับบ้านนี่มันดึกมากแล้วที่บ้านจะเป็นห่วงแต่พอเขาบอกแบบนั้นวีก็ขยับแว่นที่ใส่อยู่ก่อนจะตอบกลับมาว่าบอกที่บ้านเรียบร้อยว่ากลับดึกมีการหัวเราะหาว่าเขาพูดเวอร์ทำยังกับวีเป็นสาวน้อยวัยใสนี่ก็เป็นผู้ชายคนนึง
“พี่ก็จะกลับแล้ว”
“กลับไปทำงานต่อแน่ๆ ”
และก็เป็นอย่างที่วีคิดเวหอบงานกลับบ้านเพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องเสร็จให้ทันคืนนี้เขาเป็นประเภทไม่ชอบให้ค้างคา ภายในรถสีขาวเบาะข้างหลังเต็มไปด้วยกองเอกสารจนแทบจะไม่มีที่นั่ง แถมตอนนี้ก็ยังถือไอแพดเช็คอีเมลล์ที่ลูกค้าส่งมาไหล่ก็หนีบโทรศัพท์คุยกับลูกค้าอีกคน ท่าทางยุ่งวุ่นวายจนวีต้องช่วยถือของ
เจ้านายบอกว่าจะไปส่งที่บ้าน
แต่ตอนนี้ก็จอดรถส่งเมลอยู่ตรงริมฟุตบาท วีเองก็รู้สึกเหนื่อยตั้งใจจะหลับตาพักสักสิบนาที..
“ตื่นแล้วเหรอ”
วีลุกขึ้นมามองบรรยากาศรอบๆ ตัวเพราะท่าท่างที่ดูงัวเงียเหมือนเด็กๆ ทำให้คนที่นั่งมองอยู่หัวเราะ พอได้ยินเสียงคนที่ยังสะลือสะลือเลยตื่นเต็มตาพอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็ร้องเสียงหลงจนเวตกใจไปด้วยรู้ว่ามันดึกมากแล้วแต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงตอนที่เขากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานหันมาอีกทีก็เห็นว่านักศึกษาฝึกงานหลับคอพับคออ่อนไปแล้วจะปลุกขึ้นมาบอกทางกลับบ้านก็เกรงใจเพราะเห็นว่าหลับสนิทแถมวันนี้มาช่วยงานเขาอีกคงจะเหนื่อย
“นี่คอนโดพี่ไหนๆ ก็ค้างที่นี่เลยได้ไหมพี่ขี้เกียจขับรถแล้วหมดแรง”
คนที่บอกให้ค้างก็ไม่รู้ว่าเหนื่อยจริงหรือไม่จริงแต่ทำท่าสลบนอนซบไปกับพวงมาลัยรถเป็นที่เรียบร้อย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ววีเลยพยักหน้าก่อนจะเดินตามเจ้านายมเข้ามาในคอนโด
ห้องกว้างกว่าที่คิด
วีเดินไปหยุดดูกรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่ชือว่า นาที ภัทรนิติกุล เพิ่งเคยเจ้านายในมุมแบบนี้รูปที่ตั้งโชว์มีตั้งแต่วัยเด็กอนุบาล ชั้นประถม มัธยมจนถึงวันรับปริญญาตรีและรูปสุดท้ายที่วีเห็นน่าจะเป็นรูปรับปริญญาโทที่อเมริกาคนที่ชื่อนาทีกระโดดขี่หลังพี่เวทั้งตัวดูอย่างนี้พี่เวดูตัวใหญ่ไปเลยฝาแฝดนาทีตัวผอมกว่ามาก
“ทีเป็นหมอได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาเดี๋ยวก็จะกลับมาแล้ว”
“พี่นาทีเป็นแฟนพี่กัลป์เหรอครับ”
วีถามในสิ่งที่สงสัยมานาน.. เวเดินมามองรูปที่วางไว้ก่อนจะสายหน้าเพราะระหว่างสองคนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงคาราคาซังมาหลายปีไอ้นาทีเขารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ชอบกัลป์แต่ส่วนกัลป์เขาไม่แน่ใจเลย
“ก็อยากให้ทั้งสองคนคุยให้มันรู้เรื่องเอาแต่หนีไปหนีมาอยู่ได้นี่ก็หนีไปครึ่งโลกแล้วไม่รู้กลับมาคราวนี้จะเป็นยังไง”
“พี่กัลป์นิสัยดีนะครับ...อย่ามาคิดอะไรแปลกๆ เมื่อไหร่จะเลิกคิดเรื่องนี้สักที”
พอพูดเรื่องเดิมๆ เจ้านายก็หันมาทำหน้าบึ้งไม่รู้ว่าติดใจอะไรนักหนา พี่กัลป์ก็ใจดีกับทุกคนนั่นแหละไม่ใช่แค่เขาคนเดียวสักหน่อยนี่ก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าพี่กัลป์มีแฟนอะไรอย่างนี้ด้วยเห็นโสดมาตั้งนานโดนนักศึกษาจีบมาไม่รู้ตั้งกี่คณะ พอเลิกคุยเรื่องพี่กัลป์เจ้านายก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนออกมาในชุดอยู่บ้านดูแปลกตาดีพอเสร็จแล้วก็ไล่เขาให้ไปอาบน้ำอาบท่าบ้าง
เจ้านายทำงานหนักมาก
จะให้เขาที่เป็นเด็กฝึกงานอนก่อนก็รู้สึกผิดเลยมานั่งช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ แบบเฟอร์นิเจอร์กระจัดกระจายเต็มพื้นห้องนั่งเล่นเหมือนตอนอยู่ในห้องทำงานไม่มีผิด ตอนแรกวีก็ยังขยันขันแข็งคอยช่วยสรุปงานที่ต้องแก้ มีช่วยเสนอไอเดียเล็กน้อยเวยังชมว่าเรียนแค่ปีสามแต่ก็เก่งมากแล้ว แต่พอเวลาเกือบถึงตีสองวีก็คอพับคออ่อนไปกับโซฟา เวลาเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นว่าในมือวียังถือปากกาอยู่เลยคงหลับไปแบบไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าจะปลุกหรือปล่อยให้นอนตรงนี้ดี เห็นหลับลึกขนาดนี้ก็ไม่อยากจะปลุกสักเท่าไหร่
สุดท้ายก็เอาหมอนมาวางตรงพื้นแล้วขยับตัวให้วีนอนดีๆ เส้นผมที่ปรกหน้าทำให้เวต้องเอื้อมมือไปปัดออกเบาๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเขามันเปลี่ยนไปจากเด็กฝึกงานที่ไม่ชอบหน้าคิดหาวิธีแกล้งสารพัดแล้วดูตอนนี้…เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าวีจะย้อนกลับมาช่วยเขาทำงานเขาแก่จนอายุป่านนี้แล้วก็พอรู้ว่าเจ้านักศึกษาฝึกงานรู้สึกยังไง
ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาเขาก็เอาแต่ทำงานทำงานและทำงาน
เรื่องความรักก็ไม่ได้สนใจแต่ตอนนี้เพิ่งรู้สึกว่าการมีใครสักคนอยู่ข้างกายก็ดีเหมือนกัน
MOCHA
เสียงกุกกักๆ ที่ดังมาจากข้างนอกทำให้เวรู้สึกตัวตื่น อาจเป็นเพราะว่าเขาอยู่คนเดียวมานานพอมีเสียงรบกวนอะไรก็เลยตื่นง่าย เวเลยลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะยืนกอดอกอยู่ตรงประตูห้องเมื่อภาพตรงหน้ามันเป็นภาพที่เขาเคยวาดฝันไว้แต่วันนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ เจ้านักศึกษาฝึกงานยังอยู่ในชุดนอน ผมยุ่งนิดๆ กำลังยืนทำอะไรสักอย่างคิดว่าน่าจะเป็นอาหารเช้าอยู่ตรงห้องครัวพอหันมาเห็นเขาก็ยิ้มให้
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
เวเดินเข้ามามองไข่ดาว ไส้กรอกเดาว่าคงไปซื้อมาจากเซเว่นข้างล่างแถมยังมีขนมปังปิ้งทาเนยที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่ จริงๆ มันก็ไม่ใช่อาหารเลิศหรูอะไรแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงดีใจจนยิ้มแป้นอยู่ตอนนี้ แผ่นหลังของคนที่กำลังตั้งใจทาเนยอยู่ตรงหน้าทำให้เวเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะวางมือกันตัวไว้แล้ววางคางตัวเองลงบนไหล่เล็กๆ นั่นรู้สึกได้ว่าวีชะงักไปเหมือนกันมีหันมามองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรพอเห็นแบบนั้นเวเลยละมือข้างนึงมากอดเอวไว้
“…………………………………………………………………….”
“ฝึกงานเสร็จเมื่อไหร่”
“อีกสองอาทิตย์ครับ”
“นานจัง”
“เบื่อหน้าผมแล้วเหรอไง”
คนที่ทาเนยอยู่วางขนมปังลงบนจานแล้วหันมาจ้องคนที่กอดอยู่ท่าทางโกรธจริงแต่เวกลับมองว่ามันน่ารักดี เลยขยับตัวให้ใกล้น้องมากกว่านี้แต่พอกอดแน่นไปหน่อยก็โดนศอกใส่
“หมายถึงพี่จะได้จีบเราได้เต็มที่สักที เข้าใจใช่ไหมตอนนี้เราเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทพี่มันก็รู้สึกนิดนึง..จะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกยิ่งเราใส่ชุดนักศึกษายิ่งรู้สึกผิดเหมือนลุงแก่ๆ แกล้งเด็กเลย”
วีอ้าปากค้างเมื่อได้ฟังเหตุผลนี่ก็ไม่รู้ว่าจะเขินจะขำหรือจะเอาที่ทาเนยฟาดใส่ดีเจ้านายมีการยิ้มปิดท้ายเหมือนเรื่องยินดีซะเต็มประดามีการบอกอีกว่าวันนี้ไม่ใส่ชุดนักศึกษาก็เลยไม่ค่อยรู้สึกผิดเท่าไหร่ วีรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปลอดภัยเลยหันมาเอาที่ทาเนยมาขู่
“ทำไมเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย”
วีแกล้งถอนหายใจทำหน้าตาเหนื่อยหน่ายก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้านายทำหน้าตาหงอย ทั้งๆ ที่เวลาทำงานเป็นคนจริงจังเคร่งเครียดไม่เคยนึกเลยว่าจะมีมุมนี้กับเขาด้วยเวยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดีก่อนจะก้มหน้าลงมาจุ๊บหน้าผากขาวๆ นั่นทีนึงพร้อมกับบอกมอร์นิ่งคิสคนโดนจุ๊บตัวแข็งทื่อเลยจุ๊บอีกรอบก่อนจะปล่อยให้วีทำอาหารเช้าตามเดิมเพราะกลัวว่าจะไม่เสร็จสักทีมีการไล่ให้เขาไปไกลๆ จากห้องครัวอีกต่างหาก วีเลยเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนที่ทำอาหารเช้าอยู่
TIME.V : ชีวิตกูไม่อดตายแล้วนะหมอ* แนบรูป
T. ถึงมึงจะมีเมียมึงก็ต้องเลี้ยงกูม๊าบอกห้ามมึงทิ้งกู!
TIME.V : ให้เจ้าของร้านกาแฟเลี้ยงเถอะหมอ บาย~
ร้านกาแฟพี่กัลป์
“มอคค่า 2 แก้วครับเพื่อนรัก”
“ทำไมมึงเป็นนักธุรกิจที่ดูว่างจังวะตามรับส่งน้องวีเช้าเย็น”
กัลป์แกล้งถามเพื่อนตัวเองที่มีการยักคิ้วใส่อีกต่างหากไม่มีการปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้นแค่เพียงไม่นานคนที่เพิ่งโดนพูดถึงก็เปิดประตูเข้ามาตอนนี้เพิ่งเปิดเทอมใหม่และวีก็อยู่ปีสี่แล้วอีกไม่นานก็จะเรียนจบ แต่คนที่ดีใจกว่าเจ้าตัวก็คืออดีตเจ้านายนี่เฝ้านับวันเรียนจบยิ่งกว่าวีซะอีก
“ไอ้เวนี่มึงรู้ไหมเนี่ยว่ามึงคว้าเทวดาของบริหารไปครองเลยนะ”
“เทวดา? ใครวะ? นี่เหรอเทวดา”
“เออ ฉายาน้องวีเลยเทวดาประจำบริหาร”
“กูว่าเดวิลมากกว่า โอ๊ย!”
ไม่ทันขาดคำก็โดนต่อยแขนเต็มแรงกัลป์หยิบมอคค่าสองแก้วมาวางไว้ตรงเคาน์เตอร์ นึกแล้วก็ตลกดีจากวันแรกที่คิดว่าคู่นี้จะเป็นเจ้านายกับนักศึกษาฝึกงานที่ต้องคอยลุ้นว่าจะไปด้วยดีไปตลอดรอดฝั่งไหม แล้วดูตอนนี้กลายมาเป็นคู่รักที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงหลังจากที่น้องวีฝึกงานเสร็จไอ้เวก็จีบน้องเขาหนักมากเอาอกเอาใจสารพัดเทคแคร์ดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมงตั้งแต่รู้จักกันมาเพิ่งเคยเพื่อนตัวเองในมุมนี้เหมือนกัน
“แล้วทำไมวันนี้น้องวีไม่ใส่แว่น ใส่คอนแทคเลนส์เหรอ”
วีหันมามองเจ้าตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาต้องใส่คอนแทคเลนส์ในวันนี้
เวลาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสะกิดให้กัลป์เขยิบเข้ามาใกล้ๆ
“เวลาจูบมันเกะกะกูเลยถอดแล้วโยนทิ้งไปเลยไม่คิดว่ามันจะหัก”
กัลป์ได้แต่ส่ายหน้าแล้วไล่เพื่อนให้ออกจากร้านพลางบอกขวางทางร้านเกะกะคนโสดเจ้าเด็กตาตี่ที่ยืนดูดชาเขียวอยู่กับเมษบริหารกลับหัวเราะดังลั่นเมื่อกัลป์แกล้งพูดประโยคเมื่อกี้เสียงดังแต่ดันมีเสียงตะโกนกลับมาจากชั้นสองคิดว่าคงเป็นเจ้าฟ้าครามน้องรหัสของวีเพราะเห็นสตางค์โผล่มาโบกมือทักทาย
“โสดอยู่คนเดียวก็เจ้าของร้านแหละครับ ลูกค้าเขามีแฟนกันหมดแล้ว”
พอกลับเข้าสู่เหตุการ์ณปกติหลังจากโดนลูกค้าแซวเรื่องคนโสดกัลป์เลยเข้ามาในห้องพักตรงด้านหลังร้าน อาจเป็นเพราะเพิ่งเปิดเทอมลูกค้าเลยเยอะเป็นพิเศษกัลป์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอะไรเรื่อยเปื่อยเห็นเฟสบุ๊คไอ้เวลาลงรูปน้องวีที่กำลังลองแว่นแล้วคิดว่าน้องวีคงต้องซื้อแว่นใหม่ไปตลอดชีวิตแน่ๆ ถ้าไอ้เวยังทำตัวแบบนี้นิ้วมือที่กำลังเลื่อนเฟสบุ๊คไปมาหยุดลงตรงข้อความของคนๆ นึงกัลป์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเจ้าของเฟสบุ๊คอันนี้ไม่ได้เล่นมานานแล้วแต่ทำไมวันนี้ถึงมาอัพสเตตัสได้
NATEE PTK
จะได้กลับไทยแล้วโว้ยยยยยยย คิดถึงโกโก้ที่ไทยใจจะขาด!
กัลป์ไม่ได้กดไลค์หรือแสดงความคิดเห็น
แต่สายตากลับมองไปยังโกโก้ร้อนที่เขาชงเองกับมือแล้วยิ้มออกมา
กลับมาสักที นาที ภัทรนิติกุล
TBC* เครื่องดื่มสุดท้ายจากร้านกาแฟพี่กัลป์
COCOA
ps,ขอบคุณค่ะ
Twitter @ribbinbo
ตอนสุดท้ายแบคทูเบสิคค่ะ โกโก้ 555555555 ทำไมเจ้าของร้านได้เครื่องดื่มเด็กน้อยเช่นนี้
เดี๋ยวตอนจบจะมาเฉลยใครโผล่มาตอนไหนของเรื่องบ้าง^^
นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ รักคุณนะคะ ฝากไว้ด้วยนะคะ ^^ โค้ง
-
:pig4:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
โหยยยยยยย ดีจัง หวานทุกแก้วเลย ฟีลกู้ดมากกก :กอด1: :pig4:
-
พี่กัลป์นี่เคะหรือเมะคะ?
-
ดีงามทุกคู่ :o8: ฟินจนไม่อยากให้จบเลยค่ะ
รอโกโก้นะคะ เราก็ชอบกินโกโก้เหมือนค่ะกินทุกวัน 555
ปล.อยากไปกินร้านพี่กัลป์บ้างเผื่อจะเจอเนื้อคู่ :laugh:
-
:pig4: :L2:
-
คู่นี้ก็น่ารักอีกแล้ว
พี่กัลป์กำลังจะไม่โสดแล้วนะ
-
ดีต่อใจ :heaven
-
08: COCOA
[เครื่องดื่มสุดท้ายจากร้านกาแฟพี่กัลป์]
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
กัลป์ – นาที
วันนี้บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังผีทั้งๆ ที่เวลาแค่ตีหนึ่งเท่านั้น แต่ท้องฟ้าข้างนอกหลังฝนตกกลับมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไร ที่จริงเวลาที่ร้านไม่ได้เปิดบริการ 24 ชั่วโมงกัลป์เองก็อยู่ทำงานจนดึกดื่นเป็นประจำอยู่แล้วบางวันก็เช็คบัญชี เช็คของในร้านจนถึงตีหนึ่งตีสองแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ เหมือนวันนี้
หรือว่าวันนี้จะเหนื่อยเกินไป..
ตอนนี้กัลป์มีแพลนจะปรับปรุงห้องว่างด้านหลังเป็นห้องนอนเพราะบางวันก็เหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับคอนโด ทุกวันนี้มันเป็นห้องโล่งๆ เขาเอาที่นอนมาวางไว้เวลาร้านเปิด 24 ชั่วโมงเท่านั้นคิดว่าอาทิตย์นี้จะติดต่อช่างและสถาปนิกจริงๆ จังๆ สักที แต่วันนี้ทำไมมันถึงเงียบแปลกๆ นี่ก็เงยหน้ามองรอบๆ ร้านหลายครั้งแล้วกัลป์เลยคิดว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าควรกลับบ้านพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าให้มันสดชื่น
บรรยากาศข้างนอกก็ดูเงียบทั้งๆ ที่ถนนหน้าร้านปกติก็มีคนพลุกพล่านทำไมวันนี้มันน่ากลัวจังวะมือไม้สั่นไปหมด กัลป์ล็อคกุญแจหน้าร้านเป็นที่เรียบร้อยมีมองซ้ายมองขวาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลาเลยรีบๆ จะล็อคกุญแจอีกชั้นให้มันเสร็จๆ พอกดล็อคสำเร็จจังหวะที่หันหลังกลับนาฬิกาเลยไปเกี่ยวกับโซ่ที่คล้องทำให้หลุดออกจากข้อมือก่อนที่นาฬิกาจะหล่นลงบนพื้นกลับมีอีกคนที่เอื้อมมือมารับไว้ทัน
“ปิดร้านแล้วเหรอครับ”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้กัลป์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นคนตรงหน้าคว้าเอานาฬิกาขึ้นมาถือไว้แล้วยิ้มให้ เสื้อผ้าหน้าผมเหมือนเพิ่งออกมาจากบ้านเสื้อยืดกางเกงขาสั้นผมก็ปล่อยสบายเป็นหน้าม้าไม่ได้เซ็ทเป็นทรงอะไรกัลป์ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมา
“กัลป์”
พอเห็นอีกคนเอาแต่เงียบเลยยื่นนาฬิกาให้ก่อนจะหันหลังกลับแต่ข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้คนถูกจับพยายามจะบิดข้อมือหนีแต่อีกฝ่ายก็จับไว้แน่นแต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำท่าทางฟึดฟัดเหมือนเด็กโดนขัดใจของคนที่จับไว้ขัดกับหน้าที่การงานที่เป็นนายแพทย์
“กินโกโก้ไหม นาที”
สุดท้ายก็ต้องเปิดร้านอีกรอบ
ดีที่เป็นแค่การชงโกโก้ง่ายๆ กัลป์เอาอุปกรณ์มาชงตรงหน้าเคาน์เตอร์คุณหมอเอาแต่นั่งเท้าคางมองตาไม่กะพริบ ถึงมันจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ได้ชงยากมากมายแต่มันเป็นเมนูแรกที่กัลป์ชงเป็นพันๆ รอบกว่าจะได้รสชาติที่กลมกล่อมทันทีที่เขาเทนมปิดท้ายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ก็ยิ้มออกมา
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าคนเราจะใส่ใจกันบ้างก็น่าจะรู้”
“จะดราม่าเหรอ”
“ไลน์ไม่ตอบ เฟสไม่เล่น ทวิตเตอร์ไม่มี ไอจีไม่อัพ อ้อ..ลืมไปเราไม่ได้เป็นอะไรกันไม่จำเป็นจะต้องติดต่อ”
“นาที..”
พอกัลป์ทำเสียงดุคุณหมอก็ก้มหน้าดื่มโกโก้ตามเดิมเหมือนไม่กล้าสู้หน้าเขาเท่าไหร่ พอเงียบก็เงียบกันไปหมดนาทีไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาถามอะไรเอาแต่ดื่มโกโก้อย่างเดียว กัลป์เลยเดินออกมาจากเคาน์เตอน์แล้วมายืนข้างๆ เสียงวางแก้วดังปึก! พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้เอ่ยขอบคุณเบาๆ ตั้งใจจะเดินออกจากร้านดีที่กัลป์ดึงเสื้อไว้ทัน
“ไม่จ่ายตังค์เหรอไง โกโก้นี่อย่างดีเลยนะ”
“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม”
นาทีพยายามล้วงหาเงินในกระเป๋ากางเกงให้ครบตามราคาที่เจ้าของร้านกาแฟบอกทั้งควักทั้งค้นทุกกระเป๋าก็ได้มาแค่สิบบาท กัลป์ยืนกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหาเงินไม่เจอแล้ว นาทีเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะพลางถามว่าโอนได้ไหมมีระบบออนไลน์หรือเปล่าอ้าปากโวยวายไม่เลิก
“ถ้ากัลป์จะเป็นคนแบบนี้นี่จะไม่มาให้เสี....”
“ผอมลงเยอะเลยเรียนหนักมากใช่ไหม”
ปลายนิ้วมือที่ไล้ไปตามแนวแก้มที่กัลป์คิดว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกับนาทีมันมีเนื้อมากกว่านี้ คนที่กำลังจะเถียงถึงกับเงียบลงทันควันสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้นาทีต้องเอียงแก้มเข้าหา พอนานเข้าก็เลยเดินเข้ามาซบหน้าตรงอกกว้าง กัลป์ชะงักค้างไปเหมือนกันมือก็ยกค้างกลางอากาศในหัวมันตีกันวุ่นวายว่าจะกอดดีไหม..
“ครั้งนี้เราจะไม่ยอม”
“พูดว่าอะไรนะ”
“เราจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ถ้าเรากับกัลป์ไม่คุยกันให้รู้เรื่องครั้งนี้เราจะไป..ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยคอยดู”
เป็นคำพูดของคุณหมอที่ฟังดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ พูดจบก็ผละออกเดินปึงปังออกไปจากร้านมีทิ้งท้ายว่า ย้ายมาประจำที่ไทยถาวรแล้วจะมากินโกโก้ทุกวัน
พรุ่งนี้ก็จะมาใหม่!เตรียมตัวไว้เลย!
กัลป์ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์แล้วหัวเราะรู้สึกชีวิตมึนงงไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนเขาตามไม่ทันเหมือนเมื่อวานเขาเพิ่งจะขีดปฏิทินไว้ว่าวันนี้คือวันที่นาทีจะกลับมาจากอเมริกาตามที่ไอ้เวลาบอก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอปุบปับขนาดนี้แล้วยังไม่ทันจะพูดจาให้รู้เรื่องก็หายตัวไปอีกแล้ว
ใช้ผ้าคลุมล่องหนหรือยังไงกัน
ถ้าจะให้เล่าระหว่างเขากับนาที…มันก็เป็นเรื่องที่คาราคาซังมานานเหมือนกัน
อย่างที่เขาบอกเขารู้จักกับเวลาที่มหา’ลัยนี้เจอกันตอนปีสี่ มันก็เคยบอกว่ามันมีฝาแฝดเรียนหมอชื่อนาทีแต่อยู่คนละมหา’ลัยตอนนั้นเขาก็แค่รับรู้ลืมชื่อไปแล้วด้วยซ้ำเพราะเวบอกตลอดว่าฝาแฝดมันเรียนหนักมากนานๆ ครั้งถึงจะได้เห็นหน้า กัลป์เองก็รู้ดีพวกหมอๆ ก็เรียนหนักแบบนี้อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ วันรับปริญญาก็ยุ่งวุ่นวายถ่ายรูปกับรุ่นพี่รุ่นเพื่อนรุ่นน้อง กัลป์เองเห็นเวอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ได้เรียกให้มาถ่ายรูปด้วยเพราะเห็นว่าอยู่กับครอบครัว มีพี่ชายคนโตพี่ทามที่เคยเรียนที่นี่แต่จบไปนานแล้วและอีกคนที่คิดว่าน่าจะเป็นฝาแฝดของเวแต่กัลป์เห็นแค่ด้านหลังเท่านั้น..
หลังจากนั้นเขาก็ลืมคนที่ชื่อ นาทีฝาแฝดเวลาเรียนหมอคนละมหา’ลัยไปแล้ว
จนกระทั่ง
เขามาเปิดร้านกาแฟหน้ามหา’ลัยที่นี่ยังจำวันแรกที่เจอกับนาทีได้บรรยากาศมันเหมือนกับวันนี้…ตอนนั้นเขากำลังจะปิดร้านท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนใกล้จะตก ตอนที่กำลังล็อคกุญแจอยู่ดีๆ ก็มีคนโผล่พรวดเข้ามาหน้าตาดูอ่อนล้ามากเหมือนจะเป็นลมไปต่อหน้าต่อมาดีที่เขาคว้าแขนเอาไว้ทันไม่งั้นล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว
“ปิดร้านแล้วเหรอครับ”
ประโยคเดียวกันเป๊ะ
หน้าตาที่ดูอิดโรยของคนตรงหน้าทำให้กัลป์ต้องพยุงให้ลุกขึ้นมายืนดีๆ แต่ท่าทางจะไม่ไหวเพราะถึงกับต้องยืนพิงประตูไว้พอเห็นแบบนั้นกัลป์เลยตัดสินใจเปิดร้านอีกรอบแล้วพาคนที่อ่อนแรงให้มานั่งในร้าน พอถามว่าจะชงอะไรให้ดื่มคนที่นอนฟุบกับโต๊ะก็เด้งตัวขึ้นมาตอบว่า โกโก้! แล้วก็นอนฟุบลงไปกับโต๊ะตามเดิม
นี่คนทำงานหนักหรือคนบ้ากันแน่วะเริ่มกลัว
“ค่อยยังชั่วนึกว่าจะตายแล้ว”
กัลป์ยกเอาแก้วโกโก้ขึ้นมาดื่มบ้างจากการพูดคุยก็รู้แล้วว่าคนที่นั่งดื่มโกโก้อึกๆ ชื่อทีคิดว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายกัลป์บอกตามตรงว่าเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ว่าที่คุณหมอกำลังระบายให้ฟังเท่าไหร่ศัพท์หมออะไรก็ไม่รู้ไม่เข้าใจแปลไม่ออก แต่คิดว่าคงทำอะไรพลาดไปนิดนึงเลยโดนอาจารย์หมอด่ามา (คิดว่างั้นนะ) เล่าไปร้องไห้ไปด้วยเลยประติดประต่อได้เท่านี้
“เข้มแข็งหน่อยสิเดี๋ยวคุณก็จะเป็นหมอแล้วนะ คุณต้องเจอที่หนักกว่านี้อีก”
พอเขาบอกแบบนั้นก็หยุดสะอื้นพยักหน้าเป็นเด็กๆ จะว่าไปหน้าก็ดูเด็กคิดว่าเรียนปีหนึ่งปีสองกัลป์นั่งมองคนที่ยกมือปาดน้ำตาแล้วรับโทรศัพท์คุยกับใครสักคนพอคุยโทรศัพท์ก็เบะปากร้องไห้อีกรอบ กัลป์เลยลุกขึ้นเอาแก้วโกโก้ไปเก็บ พอเดินกลับมาคนที่แหกปากร้องไห้ก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ คราวนี้หลับของจริงเอามือแตะแขนก็ไม่ขยับท่าทางวันนี้คงเหนื่อยมาก พอลูกค้าวีไอพีตอนเที่ยงคืนหลับสนิทเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง จะปลุกให้ตื่นก็ไม่กล้าอีกเลยปล่อยให้นอนไปก่อน สายตาเหลือบไปเห็นข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะเลยจะเก็บให้เป็นระเบียบ ป้ายห้อยคอที่วางคว่ำอยู่ทำให้กัลป์หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ
EXTERN
นาที ภัทรนิติกุล
COCOA
“กัลป์!”
จากคนที่มาแหกปากร้องไห้ใส่เจ้าของร้านในวันนั้น กลายมาเป็นลูกค้าวีไอพีในวันนี้ พอได้ยินเสียงเรียกก็รู้หน้าที่แก้วโกโก้ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์พร้อมกับมือที่เอื้อมมือขยี้ผมให้ยุ่งเหยิง นาทีมากินโกโก้ที่ร้านทุกวันเคยไล่ให้ไปลองร้านอื่นบ้างก็ไม่ยอม มีการบอกร้านนี้อร่อยที่สุดมีการการันตีด้วยว่าเวลาก็บอกว่ามอคค่าร้านกัลป์อร่อยที่หนึ่งเหมือนกัน
พอไม่ร้องไห้ก็เป็นคนที่สดใสดีมีเรื่องมาเล่าให้ฟังทุกวัน (แม้ว่ากัลป์จะไม่เข้าใจศัพท์หมอก็ตาม) บอกตามตรงเขาไม่ได้คิดไปเองว่านาทีคิดยังไงกับเขา สัญชาตญาณเขามันบอกคนบ้าที่ไหนจะมากินโกโก้ร้านเดิมทุกวันถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น ขนาดไอ้แพทผู้ช่วยชงกาแฟยังชอบแซ็วอยู่บ่อยๆ
“ว่าที่คุณหมอจะอ้วนตายเพราะโกโก้ก่อนจะได้เป็นแฟนเจ้าของร้านรึเปล่า”
กัลป์เองยอมรับว่าในตอนนี้นาทีเป็นเดียวที่เขารู้สึกพิเศษด้วยก็รู้จักกันมาเป็นปีแล้ว แต่เพราะตอนนั้นอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตมันยังไม่ลงตัวทั้งเรื่องร้านและเรื่องความรักกัลป์เองก็เป็นผู้ชายคนนึงเขาเคยมีแฟน มีคนรัก แก้ว..สาวที่เคยเรียนสถาปัตย์เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ตอนนั้นเขาคบอยู่ แต่พอเรียนจบก็ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองแก้วไปเจออะไรใหม่ๆ งานของกัลป์ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาเลยตัดสินใจจบความสัมพันธ์เหลือแค่เพียงเพื่อน
แต่เพราะตอนนั้นต่างคนยังไม่มีใครใหม่
กัลป์กับแก้วก็เลยยังคุยกันอยู่ในฐานะเพื่อน
จนถึงวันนึงกัลป์กำลังจะปิดร้านตามปกติ เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้กัลป์ยิ้มออกมารู้อยู่แล้วแหละว่าคงเป็นนาทีเพราะมาเป็นคนสุดท้ายประจำ แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นแก้วที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าร้าน
“เราก็เป็นซะแบบนี้อย่าใช้อารมณ์สิแก้ว นี่เอาสเกลปาใส่หัวเขารึเปล่าเนี่ย”
“ไอ้บ้าใครจะทำ จริงๆ อยากเอาโต๊ะดราฟทุ่มใส่มากกว่า”
กัลป์ทำท่ากลัวตัวสั่นเมื่อเห็นแก้วทำท่าทุ่มใส่จริงๆ ดีหน่อยที่ไม่ร้องไห้เหมือนเมื่อกี้กัลป์คิดว่าร้านเขาอาจจะมีอะไรทำไมถึงมีคนมาร้องไห้ตอนเวลาเที่ยงคืนตลอด ดีที่แก้วอารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่ทะเลาะกับแฟนใหม่มาพอเย็นลงก็คุยกันรู้เรื่อง
“ขอบใจกัลป์นะ กัลป์ยังเป็นคนดีอยู่เสมอ”
“เรื่องเล็กน้อยน่า”
แก้วเอื้อมมาจับมือขอบคุณกัลป์เองก็ตบหลังมือให้กำลังใจ มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูร้านเปิดออกอีกครั้ง นาทียืนค้างอยู่หน้าร้านเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเขาไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยว่าอะไรต้องขอโทษไหมหรือว่าเดินออกไปจากตรงนี้ดี พอยืนนิ่งอยู่นานกัลป์เลยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา
“วันนี้คงชงโกโก้ให้ไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไร…แค่มีเรื่องจะบอก”
“สำคัญรึเปล่าพรุ่งนี้ได้ไหม”
นาทีเงียบไปเมื่อกัลป์ถาม สายตาเหลือบมองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ในร้านกัลป์เลยหันไปมองตามตั้งใจจะอธิบายแต่นาทีกลับเป็นฝ่ายถอยออกไปจากร้านเอง
“ไม่สำคัญหรอก”
จากวันนั้นนาทีก็หายไป…ตอนแรกคิดแค่ว่างานคงยุ่งมากจนไมมีเวลามาแต่พอเกินอาทิตย์สองอาทิตย์ กัลป์ก็เริ่มสงสัยไลน์ไปหาก็เหมือนว่าปิดเครื่องหรือเปลี่ยนเบอร์เพราะไม่ขึ้นแม้กระทั่งว่าอ่านแล้ว จนกระทั่งเขาตัดสินใจโทรหาเวลาเพียงแค่ประโยคเดียวทำให้กัลป์ต้องยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง
“ทีไป INTERN แล้วกูคิดว่ามันบอกมึงแล้วนะกัลป์วันนั้นเห็นบอกว่าจะไปหามึง”
“ไม่เป็นไร…แค่มีเรื่องจะบอก”
“สำคัญรึเปล่าพรุ่งนี้ได้ไหม”
“ไม่สำคัญหรอก”
“ขอโทษนะเว้ยกัลป์ทีมันไม่ให้บอกว่ามันอยู่จังหวัดอะไร”
กัลป์เข้าใจ…คิดว่าเวคงโทรไปถามทีให้กัลป์เลยเอ่ยขอบคุณเวลาก่อนจะวางสายทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยชินกับการที่ได้เห็นนาทีมาดื่มโกโก้ทุกวันเขาไม่เคยรู้เลยว่าในวันที่ไม่ได้เจอมันจะทำให้เขารู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ สองสามวันต่อมาเขาได้รับโปสการ์ดที่สอดไว้ตรงประตูร้านเป็นรูปแก้วโกโก้สองแก้ว
ไม่มีข้อความ
ไม่มีการลงชื่อ
แต่ก็รู้ว่าใคร
นั่นคือการจากกันครั้งแรกที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลาหรือสัญญาอะไร เป็นเวลานานเหมือนกันที่กัลป์ได้เพียงโปสการ์ดที่ไม่มีลงชื่อเคยคิดที่จะหาที่มาที่ไปว่ามันถูกส่งมาจากที่ไหนแต่ก็คิดว่าเจ้าของคงอยากให้เป็นแบบนี้มากกว่า จนครั้งล่าสุดมันไม่มีโปสการ์ดมาสอดไว้ตรงประตูเหมือนทุกครั้ง วันนั้นกัลป์กำลังก้มหน้าเช็คของอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ามีคนยื่นโปสการ์ดมาตรงหน้า กัลป์ยิ้มให้พร้อมกับเอื้อมมือมารับโปสการ์ดไปจากมือ
นายแพทย์นาที ภัทรนิติกุล
“ร้านนี้เหรอที่ทีบอกว่าโกโก้อร่อยที่สุดในโลก”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้ชายที่ดูหน้าตาดีและดูภูมิฐานท่าทางสนิทสนมกับนาทีมากถึงขึ้นลูบหัวโอบไหล่ นาทีแนะนำว่าเขาคือพี่ธัญ เป็นที่เจอกันตอน INTERN กัลป์ทำได้แต่ยิ้มรับพร้อมกับชงเอสเปรสโซให้อีกฝ่ายเพราะอยากกินกาแฟมากกว่า กัลป์ยอมรับว่าเขาจุกๆ ไปเหมือนกันตอนที่เห็นหมอธัญขยี้ผมของนาทีแบบที่เขาชอบทำ เขาไม่รู้ว่าระหว่างทีกับหมอธัญเป็นอะไรกันแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมีสิทธิ์ไปถาม เขาถึงได้เงียบอยู่อย่างนี้
ใช่…เขาไม่มีสิทธิ์
นาทียังคงมาดื่มโกโก้ถึงแม้ว่าร้านจะไกลจากโรงพยาบาลที่ประจำอยู่พอสมควรหมอธัญแรกๆ ก็มาบ้างแต่ก็เห็นว่าหลังๆ ก็หายหน้าไปแต่กัลป์ก็ไม่ได้ถาม เหมือนต่างคนต่างใช้ชีวิตเหมือนเดิม
“กัลป์ เรามีเรื่องจะบอก”
กัลป์เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ท่าทางแววตาไม่ได้ล้อเล่นเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ เพิ่งเห็นว่าในมือของนาทีมีกล่องกระดาษสีน้ำตาล
“เราได้ทุนไปอเมริกาสองปี”
“…………………………………………………………..”
ต่างคนต่างเงียบกัลป์เองยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน มันไม่เหมือนกับการไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัด แต่มันไกลคนละทวีปพอเห็นเขาเงียบไป นาทีพยายามฝืนยิ้มพร้อมกับบอกว่าบอกเฉยๆ นะคงไม่ได้กินโกโก้ร้านกัลป์อีกคิดถึงแย่ทีพยายามพูดไปหัวเราะไปให้เหมือนเป็นเรื่องตลกทั้งๆ ที่ตากะพริบถี่ๆ พยายามกลั้นน้ำตาอยู่
“ที่เมกาจะมีโก..”
กัลป์รั้งอีกคนเข้ามากอดไว้สองแขนกอดรัดคุณหมอตัวเล็กไว้แน่น นาทีซบหน้าลงตรงไหล่ก่อนจะร้องไห้เป็นเด็กๆ เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด มือใหญ่คอยลูบหลังปลอบหมอขี้แยที่เอาแต่ร้องไห้พอผละออกมาก็หยิบเอาของที่อยู่ในกล่องกระดาษขึ้นมา
มันเป็นนาฬิกาแค่มองก็รู้ว่าสั่งทำแบบพิเศษบนหน้าปัดมีอักษร T ตัวเดียว
“เราไม่รู้ว่าสองปีที่เราไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นบ้างและเราก็รู้ด้วยว่าคนอย่างกัลป์ก็คงไม่มีคำพูดหรือคำสัญญาอะไรทั้งหมดที่ผ่านมาอาจจะเป็นเราที่คิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าในสองปีนี้กัลป์เจอใครที่กัลป์รักก็ถอดนาฬิกาออกได้เลยนะ”
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นการสารภาพรักได้รึเปล่า
แต่ทันทีที่นาทีสวมนาฬิกาให้กัลป์ก็ก้มลงมาหาพร้อมกับนาทีที่หลับตาลง จูบรสโกโก้เป็นจูบที่หวานที่สุดกัลป์ไม่ได้ตอบรับคำพูดของนาที กัลป์รู้ดีว่านาทีจะต้องเจออะไรอีกมากมายในชีวิตสองปีที่อเมริกาอาจจะได้เจอใครที่ดีกว่า เขายอมรับว่าเขาคิดเรื่องนี้มาโดยตลอด ชีวิตกัลป์มีแค่ร้านกาแฟร้านนี้แต่ระดับนายแพทย์นาที คงมีโอกาสได้เจอคนที่ดีและเหมาะสมกว่าเขา
กัลป์ไม่อยากเห็นแก่ตัว
ด้วยคำสัญญา หรือข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เขายอมรับตรงนี้ว่า คนธรรมดาที่มีแค่ร้านกาแฟก็รักผู้ชายคนนึงไม่น้อยกว่าใครเหมือนกัน
และนั่นก็เป็นการจากกันครั้งที่สองมันก็เหมือนครั้งแรก ไม่มีคำสัญญา มีแค่นาฬิกาอักษร T เรือนเดียว
COCOA
“ไม่คิดว่าจะเป็นแก้ว เห็นย้ายบริษัทไปแล้ว”
“สวยไงเก่งด้วยโดนซื้อตัวกลับมาราคาแพงกว่าค่าตัวนักบอลอีกแล้วกัลป์ล่ะจะสร้างเรือนหอรึเปล่า คุณหมอนาฬิกายอมตกลงปลงใจแล้วสินะ”
“เขาชื่อนาที”
“ก็เจ้าของนาฬิกาที่กัลป์ใส่อยู่ไม่ใช่เหรอไง หวงกว่าร้านกาแฟก็นาฬิกาเรือนนี้นี่แหละ”
“แค่จะสร้างห้องข้างหลังใหม่เอง เลิกดึกจะได้นอนที่นี่ไปเลย”
“โอ๊ยเซ็ง! ทำแต่งานเมื่อไหร่จะมีเมียนอนพื้นไปนั่นแหละ”
ถึงแก้วจะบ่นแบบนั้นแต่พอทำงานก็มืออาชีพมากจนกัลป์ที่บอกแบบคร่าวๆ ยังตกใจเพราะจากห้องโล่งๆ มีแค่ที่นอนวางอยู่กลายเป็นห้องที่ดูสวยงามจนคาดไม่ถึง เพราะงานทีร้านกาแฟค่อนข้างยุ่งลูกค้าเต็มร้านกัลป์เลยคุยงานตรงหน้าเคาน์เตอร์มีบ้างที่นักศึกษาเข้ามาแซ็วเรื่องแก้ว คงเพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงมาก่อน
“เผื่อพื้นที่ไว้มะ”
“เผื่อไว้ทำไม”
“เผื่อมีคนมาอยู่ด้วยไง”
“ไม่มีใครอยากมาอยู่ห้องเล็กๆ แบบนี้หรอก”
“เคยถามเขารึยังล่ะ...”
ดูเป็นคำถามที่โคตรจี้ใจจำ...กัลป์เงียบไปความจริงคือเถียงไม่ออกเลยตัดบทกลับมาเรื่องแบบห้องต่อ กำลังจะขีดดินสอวาดแบบบอกสถาปนิกแต่กลับมีเสียงสั่งเครื่องดื่มตรงหน้าเคาน์เตอร์ดังขึ้นมาก่อน
“โกโก้แก้วนึงครับ”
แน่นอนว่ากัลป์จำเสียงได้แม่นยำจะมีใครน้ำเสียงแบบนี้ได้อีกเป็นการสั่งเครื่องดื่มที่แข็งกระด้างระดับสิบ ทันทีที่กัลป์หันไปมองตรงหน้าเคาน์เตอร์กลับเป็นไอ้เวลาที่ยกมือมาเซย์ฮัลโหลแทน เวพูดไม่มีเสียงว่าตายแน่ๆ มึงโดนงอนตายแน่ๆ เลยโดนน้องวีที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟาดแขนทีนึงแล้วกลับมาทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมตามเดิม กัลป์เลยเดินมาที่เคาน์เตอร์พร้อมกับบอกแพทว่าเดี๋ยวจะชงโกโก้แก้วนี้เอง
นายแพทย์นาที...วันนี้ดูภูมิฐานขึ้นมาหน่อยใส่ชุดทำงานเต็มยศผมเผ้าก็เซ็ทซะเข้าที่เข้าทางเปิดหน้าผากเหม่งๆ ผิดกับเมื่อวานยังกะคนละคน แต่ไอ้อาการหน้าบึ้งตาขวางนี่คนเดิมไม่ผิดแน่
“ถ้าไม่ว่างชงก็ไม่เป็นไรนะ ไม่กินก็ได้”
“แล้วไม่ทราบว่าคุณหมอจะมาร้านกาแฟทำไมถ้าไม่กิน”
“อย่าคิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วเราจะไม่กล้านะ”
“น่ากลัวเนอะ”
ทั้งๆ ที่บทสนทนาเหมือนจะตีกันอยู่ร่อมร่อแต่บรรยากาศมันดูมุ้งมิ้งมากกว่านั้น โฟโต้ที่ต่อแถวซื้อกาแฟเอียงหน้ามามองทั้งคู่ พี่กัลป์เจ้าของร้านเท้าคางกับเคาน์เตอน์ดวงตาระยิบระยับดูก็รู้ว่ามีความสุข ส่วนอีกคนก็จ้องหน้าพี่กัลป์อย่างไม่ยอมแพ้แต่พอพี่กัลป์เอื้อมมาจับมือดูก็รู้ว่าเขินเพราะหูแดงแจ๋ โฟโต้ค่อยๆ ยกกล้องในมือขึ้นมาก่อนจะกดชัตเตอร์
“ไปแอบถ่ายเขาได้ยังไง”
แก๊ปที่ยืนอยู่ข้างๆ แกล้งเอามือปิดตาคนที่กดชัตเตอร์ไม่หยุดโฟโต้เลยยื่นรูปในกล้องให้ดูแก๊ปกระซิบเบาๆ ว่ารูปยังกะพรีเวดดิ้ง นี่ก็ไม่คิดว่าพี่กัลป์จะมีแฟนกับเขาเหมือนกันและมั่นใจมากว่าไม่ใช่เขาแค่คนเดียวที่สงสัยเพราะตอนนี้ลูกค้าต่างก็มองมาที่เคาน์เตอร์กันทั้งร้านแต่พอนาทีหันหลังกลับไปมองทุกคนก็ทำเป็นสนใจเครื่องดื่มตรงหน้าตามเดิม
“กัลป์ ตกลงแบบตามนี้นะเดี๋ยวแก้วต้องไปหาลูกค้าต่อแล้ว”
พอกัลป์พยักหน้าตกลง
แก้วก็เลยแกล้งเดินเข้ามาหาพร้อมกับเอนตัวมากระซิบเบาๆ
“คุณหมอนาฬิกากลับมาจากเมกาแล้วเหรอ น่ารักขึ้นเยอะเลย”
“โหดขึ้นด้วยนะ”
ท่าทางจะจริงเพราะผึ้งแอบขำตอนที่เดินเข้ามาใกล้กัลป์คุณหมอนาทีมองไม่วางตาเลย พอแกล้งเพื่อนจนหนำใจแล้วเลยโบกมือลาขอตัวไปทำงานต่อ บรรดานักศึกษาที่ยืนรอสั่งเครื่องดื่มตรงหน้าเคาน์เตอร์ส่งเสียงแซวเจ้าร้านกันดังลั่นเอาแต่แย่งกันถามว่าผู้หญิงสวยๆ ใช่แฟนพี่กัลป์รึเปล่า กัลป์ได้แต่แกล้งยืนอมยิ้มไม่ตอบคำถามแต่สายตาเหลือบมองไปยังหมอนาทีที่ยืนเคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์
...............
............................
.....................................................
-
................
......................................................
“แฟนพี่กัลป์โคตรเช้งกะเด๊ะอ่ะ”
“คนนี้ก็น่ารักมาก เป็นเพื่อนพี่กัลป์เหรอครับ”
กลุ่มวิศวะปีสี่กระเถิบตัวเข้าหานาทีที่ยืนอยู่ ส่งยิ้มหวานสุดใจกะให้คุณหมอใจอ่อนแต่สิ่งที่ได้มาคือซองคุ้กกี้ที่กระแทกตรงกลางหน้าผาก ไฟกับสตางค์ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อพี่กัลป์ปาโดนหน้าไอ้พีได้อย่างแม่นยำ พีถึงกับเอามือกุมหน้าผากพูดเสียงเบาๆ ว่าคนนี้น่าจะตัวจริงดีที่พี่กัลป์ไม่ปาเครื่องชงกาแฟมาด้วย
“นี่มึงรู้ป่ะกัลป์ เวลาพักของหมอนี่หาได้ยากแล้วแต่หมอบางคนนี่เอาเวลาพักแค่หนึ่งชั่วโมงมานั่งเฝ้าเจ้าของร้านกาแฟ”
“มึงมีหน้ามาพูดแบบนี้เหรอไอ้เว อีกนิดเดียวมึงจะเข้าไปนั่งเรียนกับน้องวีแล้ว”
ไม่เห็นสองคนนี้เถียงกันมานานเชื่อแล้วว่าต่อให้อายุมากขึ้นมากแค่ไหนฝาแฝดก็ยังเป็นฝาแฝดเถียงกันเป็นเด็กๆ ไม่มีผิด กัลป์ดึงแขนให้นาทีเดินเข้ามาตรงหลังเคาน์เตอร์เจ้าเด็กวิศวะที่ยังยืนอยู่ร้องหูว..กันอย่างพร้อมเพรียงจนเขาต้องไล่ให้นั่งรอที่โต๊ะก่อนไปยังมียื่นหน้ามาส่งเสียงกิ้วๆ ว่าคุณนายร้านกาแฟเป็นถึงคุณหมอหน้าตาใสกิ๊ง
“ต้องกลับไปทำงานกี่โมง”
“อีกครึ่งชั่วโมง”
“ไม่เหนื่อยหรือไงโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ”
“ตอนตั้งใจจะมาไม่เหนื่อยแต่พอมาถึงแล้วเหนื่อย”
กัลป์หลุดขำเดี๋ยวนี้คุณหมอนาทีประชดประชันเก่งก็พอรู้ว่าเรื่องอะไร กัลป์เลยหยิบโกโก้มาชงให้ไม่รู้เขาคิดไปเองรึเปล่าเขารู้ว่าโกโก้รสชาติแบบไหนใส่โกโก้แค่ไหนนมข้นเท่าไหร่และมันก็เป็นโกโก้สูตรเฉพาะสำหรับนาที กัลป์โรยผงโกโก้เป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วยื่นให้
“นี่มาเพราะอยากเห็นหน้า?”
สงสัยกัลป์จะถามตรงไปหน่อย
คนที่กำลังดูดโกโก้อึกๆ สำลักซะหน้าแดงไปหมด
“อยากกินโกโก้เฉยๆ”
“ถ้าแค่อยากกินทำไมไม่ซื้อร้านแถวโรง’บาล”
“กัลป์จะให้พูดตรงๆ ใช่ไหม”
“เอาแบบตรงที่สุด”
“มีคนไข้ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงบ่ายสามยังไม่ได้พักสักวินาทีพอพักปุ๊บก็เลยขับรถมาที่นี่อยากกินโกโก้แล้วแต่พอมาถึงก็เจอเจ้าของร้านอยู่กับแฟ...ผู้หญิงสวยคนนึงก็เลยคิดว่าควรจะกลับไปทำงานต่อดีกว่า”
ตรงและละเอียดยิบคุณหมอนาทีจะยกโกโก้ในมือขึ้นมาดื่มต่อแต่กัลป์ก็ดึงข้อมือไว้ก่อน นี่ยอมรับตรงๆ ว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้านี่มันบังคับไม่ได้เลยว่ะโคตรอยากจะยิ้มค้างมันไว้อย่างนั้น กัลป์รู้สึกว่านาทีแสดงออกมากขึ้นถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมาอาจจะหนีกลับไปแล้วด้วยซ้ำ
“ผู้หญิงสวยที่ว่าคือสถาปนิกที่เจ้าของร้านจ้างมาให้ออกแบบห้องด้านหลังให้เป็นห้องพักเพราะบางวันก็ขี้เกียจขับรถกลับคอนโด”
“อยู่คนเดียว?”
“ก็คิดอยู่ว่า...”
กัลป์แกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ มือที่จับข้อมือนาทีไว้รั้งอีกคนให้เข้ามาหา คณหมอเลยเอนตัวหลบแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของนาทีก็ดังขึ้นมาแน่นอนว่ามีคนไข้เคสด่วนแน่ๆ ท่าทางรีบร้อนทำให้กัลป์ปล่อยให้คุยโทรศัพท์ดีๆ ก่อนจะหันมาบอกว่าต้องรีบไปแล้ว กัลป์เลยพยักหน้ารับอีกฝ่ายเลยรีบออกจากร้านแต่ยังไม่ถึงห้านาทีคุณหมอก็วิ่งกลับมาอีกรอบท่าทางอึกอักๆ ทำให้กัลป์ต้องเอ่ยถามว่ามีอะไร
“จริงๆ แล้วที่เรามาที่นี่เพราะคิดว่าอยากเจอหน้ากัลป์แค่ห้านาทีก็ยังดี”
“..........................................................”
“ไปก่อนนะ”
“นาที”
คุณหมอทำท่าจะรีบวิ่งออกไปอีกรอบแต่กัลป์กลับคว้าแขนไว้ทันแล้วดึงเข้าหาตัว อ้อมแขนกอดรัดจนนาทีซบหน้าลงกับอกกว้างทั้งร้านกาแฟเงียบกริบเมื่ออยู่ดีๆ เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อก็กอดใครไม่รู้หน้าตาเฉย นาทีตัวแข็งทื่อไม่กระดุกไม่กระดิกจนกัลป์กระชับกอดให้แน่นขึ้นถึงได้หันมาสบตา
“เจอหน้าห้านาทีมันน้อยไปแถมกอดอีกสามนาทีแล้วกัน”
คุณหมอนาทีหน้าแดงแปร๊ดแต่ยังไม่ทันได้เขินนานกว่านี้เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ชีวิตคุณหมอไม่มีเวลาส่วนตัวนานเลยต้องรีบวิ่งออกจากร้านได้ยินเสียงไอ้เวนำแซ็วคนแรกตามด้วยบรรดาลูกค้าในร้านที่ส่งเสียงฮิ้วๆ กิ้วๆ กันไม่เลิกเห็นไกลๆ ว่าโฟโต้สถาปัตย์ชูกล้องในมือขึ้นมาแน่นอนว่าคงถ่ายฉากกอดได้ทัน ดีที่นาทีออกจากร้านไปแล้วไม่งั้นคงได้เขินมากกว่านี้แน่
“เป็นไงพี่อยากมีชีวิตคู่แล้วสิ”
“ก็แก่แล้วป่ะวะวันๆ กูเจอแต่มึงเนี่ยแพทแต่งงานกับกูไหม”
“ผมโคตร งง กับชีวิตรักพี่เลยหมอนาทีก็เดี๋ยวมาเดี๋ยวหายส่วนพี่ก็ไม่เคยชัดเจนปวดกบาล”
“กูเคยบอกมึงไปแล้ว..แพท”
“ผมรู้..แต่ที่พี่บอกผมมันเมื่อสองสามปีที่แล้วตอนนั้นพี่บอกเองว่าพี่ยังไม่มีอะไรสักอย่างที่เหมาะสมกับนายแพทย์นาที แต่ตอนนี้มันก็โอเคแล้วนะ ร้านพี่กำไรร้อยล้านแล้วมั้งมั่นคงยิ่งกว่ารากต้นไทร”
ดูมันเปรียบเทียบ ..กัลป์ยอมรับว่าทุกอย่างในชีวิตตอนนี้เขาก็คิดว่ามันลงตัวแล้ว เขามีงาน มีธุรกิจ มีเงินที่คิดว่ามันก็มากพอที่จะไม่อดตาย เขาเองก็คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนนาทีจะกลับมาจากอเมริกาด้วยซ้ำแต่พอเอาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะเริ่มคุยเป็นเรื่องเป็นราวสักทีเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงแพทเลยยื่นแก้วโกโก้ที่นาทีวางทิ้งไว้ก่อนจะบอก
“บางทีหมอนาทีก็อาจจะไม่ได้ต้องการผู้ชายเพียบพร้อมอะไรขนาดนั้นก็ได้นะพี่ เขาอาจะต้องการแค่เจ้าของร้านกาแฟที่ชงโกโก้ให้เขากินไปตลอดชีวิต”
“............................................................................”
“เรื่องความรักเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้นะพี่กัลป์”
กัลป์เดินเข้ามาในห้องพักแล้วหยิบกุญแจมาไขลิ้นชักที่เขาล๊อคกุญแจไว้
ซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนสุดทำให้กัลป์หลับตาลงเหมือนใช้ความคิด ..บางทีมันก็คงต้องถึงเวลา
COCOA
“ของๆ ใครใครก็ต้องห่วงของใครๆ ก็ต้องหวงห่วงใยรักใครถนอม ~ ”
เหมือนจ้างสถาปนิกบ้าๆ บอๆ มาทำงานให้ แก้วสาวสวยคนเดิมกำลังถือแบบแปลนห้องพักพร้อมกับเต้นยึกๆ ยือๆ ไปมาตาก็แอบเหล่ไปยังด้านนอกที่มีหมอนาทีนั่งทำงานอยู่ เมื่อวันก่อนหลังจากที่กัลป์บอกว่าจะปรับปรุงห้องพักด้านหลังร้านคงมีสถาปนิกมาที่ร้านตอนเย็นทุกวัน ตอนแรกก็ไม่เห็นนาทีจะตอบรับอะไรก็แค่พยักหน้ารับรู้ แต่ตอนเย็นนาทีจะโผล่มาที่ร้านตลอดถ้าไม่ติดคนไข้ก็จะมานั่งดื่มโกโก้รอจนเขาปิดร้าน แต่ถ้าเข้าเวรพักชั่วโมงนึงก็มาก่อนเข้าเวรตอนเช้าก็มา ออกเวรเช้าก็มา
ขนาดไอ้เวยังบอก
“กูว่ากูติดน้องวีหนักแล้วนะมีคนหนักกว่ากูอีก”
อย่างวันนี้คุณหมอนาทีหอบงานมาด้วย หนีบมาทั้งเอกสารและแม๊คบุ๊คสีขาว นั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะแต่ก็แอบขำเพราะเห็นเงยหน้าขึ้นมามองเขาทุกห้านาทีไม่รู้งานวันนี้จะเสร็จรึเปล่า แต่หลายวันมานี้เหมือนนาทีมีเรื่องเครียด เห็นนั่งมองเอกสารแล้วขมวดคิ้วอยู่นานสองนาน พอเดินเข้าไปใกล้ก็จะรีบเอาเอกสารไปซ่อนเหมือนไม่ต้องการที่จะให้เขาเห็น
“เสร็จเร็วกว่าที่คิด”
“แหม..มันจะอะไรมากมายละจ๊ะแค่ห้องนอนคนบ้างานไม่ได้สร้างเรือนหอสักหน่อย”
“วกมาเรื่องนี้ตลอด”
“เราพูดจริงๆ นะกัลป์ไม่มีใครอยากอยู่กับความไม่ชัดเจนไปตลอดชีวิตหรอก ถ้าวันนี้คุณหมอนาฬิกายังทนไหว แต่ถ้าวันนึงเขาไปจากกัลป์แล้วไม่กลับมาอีกเลยกัลป์จะทำยังไง”
“............................................................................”
“แก้วไม่อยากให้มีคำว่าสายเกินไปทั้งๆ ที่คนที่รักอยู่ตรงหน้า”
“รู้ไหมตั้งแต่นาทีกลับมาโดนสั่งสอนไม่หยุดเลยทั้งไอ้แพททั้งแก้ว”
“ก็กัลป์ไม่ได้เรื่องเลย อยากจะเดินไปบอกหมอนาฬิกาว่าให้ไปหาผัวใหม่”
“ปวดหัวกับผู้หญิงสมัยนี้ที่จริงแล้วกัลป์มีเรื่องให้แก้วช่วยอีกเรื่องนึง”
กัลป์เดินไปหยิบซองสีน้ำตาลพร้อมกับยื่นให้แก้ว ทันทีที่สาวสวยสถาปนิกเห็นเอกสารทั้งหมดก็ยืนช็อคตาค้าง เอาแต่ก้มลงมองเอกสารในมือสลับกับมองหน้ากัลป์อยู่อย่างนั้น
“เป็นไง ได้เรื่องยัง”
“สุดๆ อ่ะโหยกัลป์โคตรเท่พระเอกมาก เออแต่แก้วติดโปรเจคลูกค้ารายอื่นเดี๋ยวแนะนำเพื่อนให้รับรองเก่ง อีกอย่างเรื่องนี้สำคัญคุณหมอนาฬิกาคงรู้สึกไม่ดีถ้าให้แฟนเก่าแบบเรา...”
“ไม่เป็นไรเข้าใจ”
“เจ๋งว่ะ รีบๆ บอกเขาล่ะ”
แก้วกลับไปแล้วก่อนกลับมีการไปทำหน้าตาปลื้มปิติกับไอ้แพทที่ทำหน้า งงๆ เพราะมันไม่รู้เรื่องด้วยกัลป์เลยไล่ให้กลับบ้านกลับช่องกันไปทั้งคู่ พอสถาปนิกจอมวุ่นวายกลับไปกัลป์เลยเดินมาหาคุณหมอนาทีที่นั่งเท้าคางอยู่ตรงโต๊ะ ตอนแรกนึกว่าทำงานเคร่งเครียดแต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นเป็นรูปน้องหมาคอร์กี้ตัวป้อมๆ สั้นๆ
“อยากเลี้ยงเหรอ”
“อยาก แต่ที่คอนโดไม่ให้”
“รออีกหน่อยแล้วกัน”
“จะให้เอามาเลี้ยงที่นี่เหรอ”
“เรื่อง..ร้านพังพอดี”
กัลป์เห็นว่าวันนี้ดึกมากแล้วเลยบอกให้นาทีรีบกลับเดี๋ยวไปส่งที่คอนโดเพราะรู้ว่าเดี๋ยวนี้วันหยุดนาทีไม่ค่อยได้ขับรถ คุณหมอว่าง่ายคงเหนื่อยอยู่เหมือนกันเห็นนั่งทำงานตั้งแต่บ่าย กัลป์หยิบชองทั้งหมดมาถือไว้เองเมื่อเดินมาถึงหน้าร้านกำลังจะกดล็อคกุญแจ
“ที ถ้าวันไหนเหนื่อยก็นอนพักเถอะไม่ต้องมาทุกวันก็ได้”
“ใครจะปล่อยให้กัลป์อยู่กับแฟนเก่าสองต่อสองล่ะ...............ขอโทษทั้งๆ ที่เราไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้”
“ที่อยากบอกคือถ้าวันไหนเหนื่อยไม่ต้องมาก็ได้เดี๋ยวเอาโกโก้ไปให้ที่คอนโด หรือถ้าวันไหนติดคนไข้พักแค่ไม่กี่นาทีกัลป์ไปหาที่โรงพยาบาลเอง ขับรถไปๆ มาๆ แบบนี้ไม่ดีเลย”
คุณหมอนาทียิ้มแฉ่งเป็นเด็กๆ จากที่หน้าตาเหนื่อยล้าก็กลายเป็นแป๊ะยิ้มเห็นอย่างนั้นมันน่าหมั่นเขี้ยวเลยเอื้อมมือไปหยิกแก้มแรงๆ มีการทำหน้าบึ้งแต่บอกว่าวันนี้อารมณ์ดีจะไม่โกรธ ท่าทางน่ารักๆ ที่นาทีแสดงออกมันหมือนกับที่ไอ้เวบอกนาทีดูเป็นเด็กวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นนายแพทย์ เคยมีการมากระซิบบอกว่ามีทั้งหมอและคนไข้ที่ตามจีบ บางวันหอบตะกร้ายังกะกระเช้าปีใหม่มาให้ มีชวนไปกินข้าวดูหนังฟังเพลงแต่นาทีก็ปฏิเสธหมด
ลึกๆ เขายอมรับเลยว่าหวง..นี่ก็ว่าจะไปหานาทีที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เหตุผลรองคือไม่อยากให้ทีขับรถไปมากลัวว่าจะหลับในระหว่างทาง แต่เหตุผลหลักคือต้องไปประกาศความเป็นเจ้าของซะบ้างเดี๋ยวจะมีคนมาจีบเยอะไปกว่านี้
แต่มันก็มีบางเรื่องที่ยังคาใจอยู่
“นาที มีเรื่องอะไรจะบอกกัลป์ไหม”
แวบนึงที่เขาเห็นแววตาของคนตรงหน้าวูบไหว
แต่คุณหมอนาทีก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธ อยู่ดีๆ คำพูดของแก้วมันวนเวียนอยู่ในหัวจนกัลป์นึกกลัว
“แก้วไม่อยากให้มีคำว่าสายเกินไปทั้งๆ ที่คนที่รักอยู่ตรงหน้า”
COCOA
“พี่เป็นแฟนพี่กัลป์เหรอครับ”
“เป็นหมอ”
“หมอหน้าตาแบบนี้ผมก็อยากจะป่วยทุกวันเหมือนกันนะ”
“พี่คิดว่าน้องเองก็ใกล้จะป่วยแล้ว”
“ไข้ไจเหรอครับ”
“โดนแฟนกระทืบ”
ฟ้าครามหันไปมองข้างหลังทันทีที่จบประโยคแน่นอนว่าสตางค์เองก็ยืนกอดอกมองอยู่นาน กัลป์เดาได้เลยว่าคู่นี้เดี๋ยวก็ตีกันอีก เป็นคู่ที่สามวันดีสี่วันไข้งอนกันบ่อยที่สุด แต่มันก็เป็นไปตามประสาคู่รักฟ้าครามขี้เล่นชอบแหย่ให้สตางค์โกรธแต่สุดท้ายก็เห็นไปง้อจนสตางค์ใจอ่อน แต่ถึงแบบนั้นกัลป์ก็รู้ว่าฟ้าครามน่ะรักแค่สตางค์เท่านั้น เห็นครั้งล่าสุดทะเลาะกันเรื่องที่ฝึกงานของสตางค์ แน่ล่ะหน้าตาระดับสตางค์ก็คงมีพี่ที่ไปฝึกงานมาหยอดมาจีบเดือดร้อนถึงฟ้าครามที่รู้เรื่อง
เห็นว่าทะเลาะกันแรงอยู่เหมือนกันสตางค์ร้องไห้ด้วยแต่ก็จบลงด้วยดีรักกันเหมือนเดิมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำและเป็นครั้งแรกที่กัลป์เห็นฟ้าครามเอาจริงเอาจังไม่ใช่ผู้ชายขี้เล่น เหมือนที่เคยเห็นทุกวัน คุณหมอนาทีโบกมือลาเจ้าเด็กกวนตีนเมื่อเห็นว่าท่าทางขี้เล่นหายวับเอาแต่เดินตามแฟนต้อยๆ กัลป์เลยเดินเข้ามาหามือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมสีดำนั่น
“วันนี้จะปิดร้านเร็วหน่อยว่าจะจัดของในห้อง”
“ให้ช่วยไหม”
“นั่งรอเฉยๆ ก็ได้มันไม่มีอะไรมากหรอกแต่เดี๋ยวแก้วจะเข้ามาเก็บงานนะ”
แค่เพียงไม่นานหลังจากที่กัลป์ปิดร้านสถาปนิกคนสวยก็เข้ามาหา แก้วทักคุณหมอนาทีที่เงยหน้าขึ้นมาจากคอมแล้วยิ้มให้ กัลป์เลือกที่จะเปิดประตูห้องทิ้งไว้เพื่อความสบายใจของนาทีและมันก็คงไม่ดีด้วยถ้าอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองโดยเฉพาะผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่า
“โอเคแล้วนะ”
“โอเค ขอบใจมากแก้ว”
“แล้วเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะแก้วบอกเพื่อนไว้แล้ว แล้วก็…เซอไพร์ส!!!!!”
แก้วหยิบการ์ดสีขาวขึ้นมาชูตรงหน้ากัลป์นิ่งไปสักพักก่อนจะรับมันมาเปิดดู พอเห็นชื่อที่เขียนไว้ก็ยิ้มออกมาแน่นนอนล่ะมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการ์ดแต่งงาน แก้วมีการบอกว่าเขามัวแต่ชักช้ายืดยาดขออนุญาตแซงหน้าไปก่อนมีการย้ำว่าให้เขาพานาทีไปด้วย กัลป์ยิ้มรับพร้อมกับมองผู้หญิงที่เคยห้าวจนแทบจะกระทืบผู้ชายตายแต่อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นเจ้าสาวแล้ว
“ยินดีด้วยนะ”
“จ่ะ! ตัวเองเถอะรีบๆ เข้าไม่งั้นจะให้หมอนาฬิกาไปหาแฟนในงานแต่งแก้ว”
“ไม่มีใครหล่อเท่ากัลป์หรอก”
แก้วถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้ามากอดแสดงความยินดีตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
“กัลป์ขอยืมที่ชาร์ต….”
ทั้งสองคนชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าประตู แก้วผละออกมาก่อนจะเอนตัวมากระชิบบอกกัลป์ว่าแก้ตัวเอาเองนะขอตัวกลับก่อนกลัวตายก่อนจะได้แต่งงาน สถาปนิกคนสวยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เจ้าของร้านกาแฟที่พยักหน้าอย่างเข้าใจ คุณหมอนาทีไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเพียงแค่ยืนนิ่งๆ อยู่หน้าประตูกัลป์เลยเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหา
“ที..คือแก้ว อืออออ!”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบนาทีกลับเป็นฝ่ายกระชากกัลป์เข้ามาจูบ สองมือของนาทีกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของกัลป์ไว้แน่นท่าทางที่เหมือนทั้งกลัวทั้งโกรธทำให้กัลป์ยกมือกอดเอวอีกฝ่ายไว้มันเหมือนว่านาทีขาดสติแต่พอนึกขึ้นได้ก็จะผละออกแต่กัลป์กลับไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากที่เฉียดกันไปมาทำให้กัลป์ค่อยๆ แต้มจูบเบาๆ คอยดูท่าทีของนาทีว่าเป็นยังไงแต่พอคุณหมอไม่ได้หันหน้าหนีกัลป์เลยตัดสินใจแนบจูบลงไปอีกครั้ง
มันไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งแรก กัลป์ค่อยๆ แต้มจูบให้นาทีผ่อนคลายไม่ได้รีบเร่งให้จูบตอบ สองมือของนาทีที่กำเสือเชิ๊ตไว้ค่อยคลายออกก่อนจะเลื่อนมาวางบนไหล่กว้างกัลป์ยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่านาทีเริ่มจูบตอบเขาบ้างแล้วปลายลิ้นที่สัมผัสกันทำให้ทั้งสองคนต่างกระชับกอดให้แน่นขึ้น เมื่อเห็นว่านาทีเริ่มหายใจไม่ทันกัลป์เลยต้องปล่อยให้คุณหมอได้พักหายใจแต่ก็ยังไม่วายแต้มจูบไปเรื่อยๆ
“กัลป์…เรามีเรื่องจะบอก”
“ไม่ชอบประโยคนี้เลย”
กัลป์หยุดจูบแล้วมองหน้านาทีชัดๆ เขารู้อยู่แล้วว่านาทีต้องมีเรื่องอะไรที่เก็บไว้ในใจ พอเห็นท่าทางไม่สบายใจของคุณหมอทำให้กัลป์ต้องคอยลูบแก้มเบา ๆ พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องกลัว
“ที่โรงพยาบาลจะส่งให้ไปเยอรมันแล้วหนึ่งในนั้นมี…”
“กี่ปี”
“หก”
“…………………………….....................”
“กัลป์เราอยากได้ยินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คำว่า ยินดีหรือดีใจด้วย”
นาทีช้อนตามองกัลป์ที่เงียบไปเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดไม่มีคำพูดอะไรอีกหลังจากนั้น ต่างคนต่างใช้ความคิด นาทีคิดว่าสุดท้ายมันก็เป็นเหมือนเดิมระหว่างเราไม่มีอะไรที่ชัดเจนไปกว่าห้าปีที่แล้วเลย นาทีค่อยๆ ละมือที่กอดเอวกัลป์แต่อยู่ดีๆ กัลป์กลับเป็นฝ่ายรั้งให้เข้ามากอดอีกครั้งอ้อมกอดครั้งนี้มันแน่นซะจนนาทีเองยังตกใจ
“อย่าไป…อย่าไปไหนอีกเลยนะอยู่กับกัลป์ที่นี่ นาที”
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นาทีร้องไห้หยดน้ำตาไหลลงซึมเสื้อเชิ้ตทำให้กัลป์ต้องยกมือขึ้นมาจับแก้มแล้วเช็ดน้ำตาให้คุณหมอเอียงแก้มเข้าหามือใหญ่แล้วยิ้มให้ทั้งน้ำตาท่าทางอ้อนๆ ที่ไม่เคยได้เห็นกัลป์เลยก้มลงมาจูบตรงหน้าผากขาวค้างไว้ก่อนที่จะเลื่อนมากระซิบบางอย่าง
“ถอดเสื้อให้หน่อยคุณหมอ”
ถึงแม้จะโดนต่อยแต่นาทีก็ยกมือที่สั่นน้อยๆ ขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อให้กัลป์อยู่ดี อายุจะสามสิบอยู่แล้วแต่นาทีก็ยังเขินเหมือนเด็กๆ เจ้าของร้านกาแฟเองก็ถอดเสื้อให้คนตรงหน้าแน่นอนว่านาทีแกล้งมองไปทางอื่นแก้เก้อเมื่อเขาปลดกระดุมออกหมดแล้วกว่าจะหันกลับมามองหน้ากันตรงๆ ก็ตอนที่เขาก้มลงมาหอมแก้มแรงๆ
มันเหมือนกับเราสองคนรอเวลานี้มานาน
ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติกัลป์หยุดขยับตัวเพราะอยากจะเห็นหน้านาทีชัดๆ มือใหญ่ไล้ไปตามช่วงขาก่อนจะเลื่อนมาที่ท่อนแขนนาทีเองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาของกัลป์มือที่วางข้างลำตัวยกขึ้นมาวางลงบนไหล่กว้างก่อนจะรั้งให้เข้ามาใกล้ๆ
“กัลป์ เราอยากบอก..”
“กัลป์รักทีนะ ขอโทษที่ผ่านมาไม่เคยชัดเจนเลย”
“ทีก็รั…อืออออ”
“ถ้าพูดตอนนี้กัลป์ไม่หยุดแค่รอบเดียวแน่”
กัลป์หัวเราะเมื่อเห็นว่านาทีเม้มปากแน่นแต่จะให้เชื่อฟังง่ายๆ คงไม่ใช่คุณหมอนาทีแน่ๆ เพราะกัลป์เห็นว่าเพียงแค่แป๊บเดียวนาทีก็กลับมาทำหน้าเจ้าเล่ห์แถมยังรั้งให้เขาเข้ามาใกล้กว่าเดิมก่อนจะกระซิบบอกรักเขาไม่หยุด แน่ละเขาก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกันเพราะคุณหมอตั้งใจยั่วเขาขนาดนี้เลยพลิกตัวให้นาทีขึ้นมาอยู่ด้านบน
“กัลป์!”
เอาซิ…ใครจะไปยอมแพ้ง่ายๆ
“ง่วงไหม”
“ไม่ง่วง”
นาทีพลิกตัวมาหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ เนื้อตัวนาทีแดงก่ำจนกัลป์ต้องดึงเอาผ้าห่มมาห่มให้ กัลป์ก้มลงมองคุณหมอที่ไม่ยอมละสายตาไปไหนจากเขาสักวินาทีเลยก้มลงมาจูบเบาๆ นาทียิ้มหวานเงยหน้ารับจูบก่อนที่กัลป์จะเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง
“อะไร”
“คีย์การ์ดคอนโดกัลป์ มันใกล้กว่าที่ร้านวันไหนออกเวรไปรอที่คอนโดก็ได้จะได้ไม่ต้องขับรถมาที่นี่ ที่คอนโดกัลป์ก็ชงโกโก้ได้เหมือนกัน”
“เราอยากกินโกโก้ที่ร้านกาแฟมากกว่าแต่ก็ถ้ากัลป์ให้เราก็เอาไว้ก่อนนะ”
นาทีมองคีย์การ์ดไม่วางตาเผลอตัวลุกขึ้นมานั่งแต่คงลุกเร็วไปหน่อยเลยเบ้หน้ากัลป์เลยลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงไว้ คุณหมอยิ้มแก้มปริจังหวะที่เอื้อมมือจะมาหยิบคีย์การ์ดแต่กัลป์กลับยกมือหนี
“แค่ชั่วคราวนะ”
“………………………………………”
หน้านาทีโคตรตลกเหมือนกดปุ่มหยุดเวลาไว้มือที่จะเอื้อมมาหยิบคีย์การ์ดค้างอยู่กลางอากาศ พอเห็นแบบนั้นก็เลยหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลให้ดู ทันทีที่คุณหมอเปิดดูก็เหมือนจะช็อคมากกว่าเดิม
“บ้านมันยังไม่เสร็จดี ห้องทำงานของทีกัลป์ให้สถาปนิกออกแบบให้อยู่มีห้องนอนห้องเดียว แล้วก็สวนหน้าบ้านก็ว่าจะจัดการเรื่องต้นไม้ใหม่อีกรอบ เจ้าคอร์กี้ของทีจะได้มีที่วิ่งเล่น”
“……………………………………………………………………………”
“ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ”
คิดว่ามันเป็นคำพูดที่บอกทุกอย่างไว้หมดแล้ว แบบแปลนบ้านที่นาทีเอาแต่ดูไม่เลิกคือสิ่งที่เขาทำงานมาตลอดห้าปีเขาทุ่มเทรองลงมาจากร้านกาแฟ มันไม่ใช่แค่บ้านของเขาคนเดียวแต่มันจะเป็นบ้านของเขากับนาที
บ้านของเรา
นาทีโถมตัวมากอดกัลป์ไว้นแน่นเขาไม่เคยคิดว่ามันจะมีวันนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านเขาขอแค่ให้กัลป์รู้สึกแบบเดียวกันก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นเขาจะไม่เคยคาดหวังบอกตรงๆ ว่าเขาเคยอิจฉาคนอื่นที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนรักได้เจอกันทุกวันตอนเช้า กลับบ้านพร้อมกัน ได้นอนกอดกันตอนนอนไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีวันนี้เหมือนกับคนอื่น
แต่มีอีกเรื่องที่เขาต้องบอกให้กัลป์รู้..
“คือจริงๆ แล้วเรามีเรื่องจะสารภาพกับกัลป์”
คุณหมอนาทีทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมจนกัลป์ต้องยกมือขึ้นมากอดเอวคนตรงหน้าไว้กันหนี เพราะกลัวว่าสารภาพเสร็จจะวิ่งหนีหายไปไหน ท่าทางอึกอักๆ ยิ่งทำให้กัลป์ต้องกระชับกอดแน่นจนนาทีต้องหัวเราะแหะๆ
“เรื่องเยอรมันที่เราบอกกัลป์ว่ามีชื่อเราอยู่ในนั้น..”
“แล้ว?”
“คือชื่อเราติดหนึ่งในสามก็จริง แต่คนที่ได้ไปมีคนเดียว”
“ขอสรุป”
“มันเป็นสาขาที่เราไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่คือเราคิดว่าเราสนใจสาขาอื่นมากกว่าก็เลยสละสิทธิ์ไปแล้วหมอบีคือคนที่ได้ไปเยอรมัน”
“นาที”
“เราไม่ได้หลอกกัลป์นะ”
“แค่บอกไม่หมด”
“ก็ตอนนั้นมันกลัวนี่อยู่ดีๆ กัลป์ไปกอดแฟนเก่าได้ยังไงกันก็เลย..”
กัลป์ไม่ได้โกรธหรอกแต่ขอแกล้งหน่อยเถอะใครให้เอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกัน คุณหมอนาทีพยายามอธิบายให้ฟังไม่หยุดแต่กัลป์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าลึกๆ รู้สึกโล่งใจแต่ถึงนาทีได้ไปเยอรมันแต่เอาเข้าจริงเขาก็คงไม่ขวางอะไรต่อให้เขาบอกไปแล้วว่าไม่อยากให้ทีไปไหนอีกแต่พอถึงเวลามันก็จะไปขัดขวางความก้าวหน้าอาชีพการงานใครไม่ได้
“ไม่โกรธนะ”
มีการถามซ้ำแล้วซ้ำอีกกัลป์เลยส่ายหน้าไปมาคุณหมอเลยยิ้มแฉ่งจนตาหยีก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อกัลป์พลิกตัวให้คนที่นั่งอยู่นอนลงบนเตียงตามเดิม นาทียกมือขึ้นมาดันไหล่กัลป์ที่กำลังก้มหน้าลงมาหาพลางถามว่าอีกรอบเหรอพอกัลป์พยักหน้าก็ยังไม่เอามือออกไปอยู่ดี
“เหมือนฝันเลยเนอะ”
กัลป์หัวเราะแล้วจับมือนาทีที่ดันไหล่ขึ้นมาจูบเบาๆ
“เรื่องจริงเลยล่ะคุณหมอถ้าไม่เชื่อทำถึงเช้าก็ได้นะ”
.................
............................................
-
.................
...................................
COCOA
“ตั้งแต่มีพี่หมอนาทีกาแฟร้านพี่กัลป์หวานขึ้นเป็นกอง”
มีลูกค้าคนเดิมและคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้และแน่นอนว่านาทีก็สวนกลับไปได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ กัลป์กับสตางค์แรกๆ ก็ต้องคอยห้ามแต่หลังๆ ก็ปล่อยเลยตามเลยถึงจะเถียงกันทุกวันแต่ก็นับว่าสร้างสีสันให้ร้านกาแฟได้ดี กัลป์ยังหัวเราะตอนที่นาทีถามว่าเขาทำไมไอ้เด็กกวนตีนอย่างฟ้าครามถึงมีแฟนหน้าตาน่ารักอย่างสตางค์ได้
ดูคำถาม...ตอบไม่ถูกเลย
ลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาในร้านจะแอบมองมองนาทีที่ตอนนี้กำลังปีนเก้าอี้เอารูปเจ้าวินาทีมาติดตรงบอร์ดของร้าน อย่าสงสัยว่ามันคือตัวอะไรมันคือเจ้าหมาคอร์กี้ของคุณหมอเขาได้ยินชื่อครั้งแรกนี่ปวดหัวจี๊ด หมาอะไรวะชื่อวินาทีชื่อยาวกว่าชื่อคนอีกแต่เจ้าของก็บอกว่าอยากให้เจ้าคอร์กี้มาเป็นครอบครัวด้วยก็เลยตั้งชื่อคล้ายกัน
อ้อจ่ะ...ตามสบาย
ขัดใจไม่ได้เดี๋ยวหมอจะโกรธ
วันนี้ที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ครึกครื้นมากเหมือนทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมด กัลป์ถอยหลังมายืนกอดอกมองบรรยากาศในร้านโต๊ะในสุดมีตะวันกับเมษานั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่เป็นคู่รักหน้าตาดีทุกตำแหน่งที่เกี่ยวกับหน้าตาสองคนนี้มีรายชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ ของมหา’ลัย แน่นอนว่าหน้าตาดีขนาดนี้เรื่องที่ทะเลาะกันก็คงไม่พ้นมีคนเข้ามาจีบ กัลป์เพิ่งรู้ว่าน้องเมษาหน้าตาน่ารักคิกขุเวลาหึงทีก็ทำอะไรเกินคาดอยู่เหมือนกัน
ตะวันเคยแอบมาปรึกษากัลป์อยู่บ่อยๆ คงเพราะเพิ่งเคยคบผู้ชายครั้งแรกก็เลยมาถามว่าผู้ชายนี่เขาไม่หึงกันเลยเหรอมีการถามเขาว่าหมอนาทีเวลาหึงแสดงออกยังไงเพราะเมษาไม่เคยแสดงอาการใดๆ ทั้งสิ้นเห็นเฉยๆ ตลอด จนเมื่อน้องดาววิศวะเฟรชชี่ปีหนึ่งเข้ามาจีบตะวันคงเพราะน้องเขาสวยมากหน้าตาระดับนางเอกช่องสาม นั่นแหละจากคนที่ไม่แสดงออกถึงกับมานั่งเฝ้าตะวันที่คณะวิศวะ เด็ดสุดคือลงรูปคู่ในไอจีรูปก็ไม่มีอะไรหรอกแค่ถ่ายตอนทั้งคู่ดื่มนมและฟองนมเลอะปากแก้มแนบแก้มหัวติดกันด้วยนะ จำได้เพราะว่ากัลป์เป็นคนถ่ายให้เอง
ไอ้ตะวันเห็นครั้งแรกหัวใจเกือบวายตาย
เพระตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเมษายังไม่เคยลงรูปคู่เลยสักครั้งเดียว
“แย่งกูกินนี่มันอร่อยตรงไหน”
คู่นี้ก็ยังแย่งชาเขียวกันเหมือนเดิมเป็นคู่รักที่อยู่ระหว่างกึ่งเพื่อนกึ่งแฟนซึ่งกัลป์เองก็คิดว่าทั้งสองคนคงพอใจในสถานะนี้ เคยลองถามว่าตกลงเป็นอะไรกันแต่เมษกับกรีนก็ไม่เคยตอบคำถามถามกี่ครั้งก็บอกว่า
“ก็เป็นแบบนี้แหละ”
ก็รักกันแต่ก็อาจจะยังไม่ถึงเวลาคงอยากจะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ แต่เชื่อเลยว่าก็คงหนีกันไม่พ้นตัวติดกันยังกะปาท่องโก๋ อยู่ด้วยกันทุกวันไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกผู้ชายแบบเมษ…ผู้ชายในสเป็คในฝันของผู้หญิงหลายๆ คนแน่ล่ะระดับนี้ต้องมีผู้หญิงสวยๆ มาจีบอยู่แล้วแต่ทุกคนที่เข้ามาหาก็จะเจอประโยคเหมือนกันทุกคน
“ผมมีคนที่คุยด้วยแล้วและก็ไม่อยากจะคุยกับคนอื่นที่ไหนอีก”
ถึงแม้เมษจะไม่เคยบอกชื่อ
แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าคนคุยคนนั้นคือใคร
ส่วนกรีนกัลป์เองก็เคยคุยด้วยอาจเพราะความสัมพันธ์ของคู่นี้มันคล้ายๆ เขากับนาทีเมื่อหลายปีก่อน ทั้งไม่ชัดเจน สถานะไม่แน่ชัดไม่เคยบอกใครว่าเป็นอะไรกัน เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ากรีนจะรู้สึกยังไงแต่คำตอบที่ได้มากัลป์รู้ทันทีว่าทั้งคู่คงไม่มีใครเข้ามาแทรกได้ง่ายๆ
“ผมก็เคยคิดมากนะพี่กัลป์ยิ่งผมเป็นฝ่ายที่ชอบเมษฝ่ายเดียวก่อนถึงเราจะไม่เคยพูดกันจริงจัง แต่การกระทำเมษมันก็ทำให้ผมเชื่อใจได้ พี่กัลป์เชื่อไหมเมษบอกชอบผมแค่ครั้งเดียวและก็ไม่เคยบอกอีกเลย”
“เฮ้ย..แบบนี้ดีแล้วเหรอ”
“แต่ผมโดนจุ๊บที่หน้าผากทุกวันนะ เมษบอกว่าจะทำแบบนี้แทนให้พูดมันเขินเกินไป”
“เป็นพวกชอบปฏิบัติมากกว่าพูดสินะ”
เจ้าเด็กตาตี่ไม่ได้ตอบอะไรแต่สายตากัลป์เหลือบไปเห็นแหวนสีเงินที่นิ้วนางข้างขวาที่กรีนใส่อยู่ แน่นอนว่าที่นิ้วนางข้างขวาเมษเองก็มีแหวนแบบเดียวกัน
“อเมริกาโน่แก้วนึงครับพี่กัลป์”
“วันนี้เรากินกี่แก้วแล้ว”
“หนึ่ง”
“พี่ไม่เชื่อ”
“หนึ่งครึ่ง”
“หนึ่งครึ่งนี่มันเป็นแบบไหน”
กัลป์บอกแพทว่าเดี๋ยวเขาชงกาแฟให้เองเจ้าเด็กสถาปัตย์งานเยอะกองท่วมหัวเป็นเรื่องปกติของคนที่เรียนคณะนี้อยู่แล้ว โฟกัสเลยมาซื้อกาแฟอเมริกาโน่ทุกวันบางวันก็ดื่มวันละสองแก้ว เขาเคยบอกเหมือนกันว่าให้ระวังสุขภาพบ้างกินเยอะเกินไปก็ไม่ดี บอกตามตรงคู่นี้เป็นคู่ที่กัลป์ห่วงมากที่สุดเพราะทั้งคู่เริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่าตอนนี้คงเป็นคู่ที่ใครต่อใครก็ต้องอิจฉา
เบสเรียนจบไปเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ก็ดูแลธุรกิจของครอบครัวอยู่ ตอนแรกนึกว่าทั้งคู่จะมีปัญหาเรื่องเวลาเพราะต่างคนก็งานยุ่งกันทั้งคู่แต่กลับไม่ใช่เลย มันเหมือนภาพกลับกันจากที่เคยเห็นโฟกัสวิ่งไล่ตามเบสต้อยๆ แต่มาวันนี้กลายเป็นเบสในชุดทำงานช่วยโฟกัสเถือโมเดลสิ่งก่อสร้าง บางวันก็จะขับรถมาหาเอากาแฟอเมริกาโน่ที่ซื้อจากร้านเขาไปให้ถึงคณะ
ล่าสุดในเพจคิวท์บอยที่ลงรูปล่าสุดของเบสบรรดาพวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ปกติแพจนี้ก็ลงรูปเบสมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วพอเรียนจบแล้วก็ยังเอารูปมาลงเผื่อใครคิดถึง รูปพี่เบสอดีตลีดบริหารในวัยทำงานแฟนคลับชื่นชอบกันใหญ่แต่สิ่งที่แถมมาคือวิดีโอในไอจีสตอรี่ของเบส
ภาพที่ทุกคนเห็นคือโฟกัสกำลังนอนหลับท่ามกลางโมเดลบ้านหรือแบบร้านอะไรสักอย่างดูจากสถานที่น่าจะเป็นห้องทำงานของเบส รอบตัวเต็มไปด้วยกระดาษและอุปกรณ์เครื่องเขียนมากมายซากเศษกระดาษที่ใช้ทำโมเดลปลิวว่อนบางส่วนยังติดตามผมตามตัวโฟกัส ได้ยินเสียงเบสหัวเราะก่อนที่เบสจะแกล้งคนหลับด้วยการดึงดินสอในมือโฟกัสออกแต่ปรากฏว่าดึงยังไงโฟกัสก็ไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่หลับสนิทจนไม่รู้เรื่อง
เบสเขียนกำกับวิดีโอไว้ว่า ไม่ยอมปล่อยดินสอออกสักทีพยายามดึงมาหลายรอบแล้ว
ทั้งๆ ที่เป็นวิดีโอธรรมดาแต่ทุกคนที่ดูกลับบอกว่า เขิน..
“รูปนี้ผมถ่าย”
กัลป์มองไปยังบอร์ดติดรูปของร้านที่ตอนนี้นาทีกำลังปีนเก้าอี้ติดรูปเจ้าวินาทีอยู่ ข้างๆ มีโฟโต้กับแก๊ปทียืนถือแก้วลาเต้เงยหน้ามองรูปถ่ายที่ติดอยู่ นอกจากจะมีรูปเจ้าคอร์กี้ตัวป้อมขาสั้นนั่นแล้วยังมีบรรดาโปสการ์ดที่นาทีสั่งซื้อไว้ตอนอยู่ที่อเมริกา นี่ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าโปสการ์ดที่นาทีสั่งซื้อออนไลน์จากร้านประจำที่ไทยทุกรูปเป็นฝีมือของโฟโต้ทั้งหมด
คู่รักเจ้าชายน้ำแข็งกับหนุ่มป๊อปรัฐศาสตร์ก็ยังรักกันดี ที่จริงทั้งสองคนคบกันมานานแล้วแต่ก็ไม่ค่อยออกสื่อเท่าไหร่คนอื่นเลยไม่ค่อยรู้ โฟโต้ก็ยังคงทำตัวไม่ถูกคงเพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แต่คิดว่าทุกคนในมหา’ลัยก็รู้เรื่องทั้งคู่คบกันอยู่แล้วและจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันหรืออัพรูปในไอจี(ซึ่งสามเดือนครั้งถึงจะมีรูปคู่โผล่มา)
ล่าสุดแก๊ปเป็นตัวแทนจากคณะรัฐศาสตร์สัมภาษณ์ลงหนังสือของมหา’ลัย
และแน่นอนว่าต้องโดนถามเรื่องความรัก
Q: ได้ข่าวว่าแฟนแก๊ปไม่ค่อยยิ้ม
GAP : เขาจะยิ้มหัวเราะเวลาที่ผมทำอะไรตลกๆ เท่านั้นครับ แต่เขาไม่ได้หยิ่งนะแค่หน้านิ่งกับเส้นลึกไปหน่อย จริงๆ ก็เป็นคนซื่อๆ เวลาพูดอะไรตลก ๆ หรือเล่นมุขที่เขาไม่ขำด้วยคือจริงๆ แล้วเขาแค่ไม่เข้าใจ น่ารัก (ยิ้ม)
Q: เป็นคำตอบที่น่าเอ็นดูมาก ไม่คิดว่าแก๊ป กวินท์แห่งรัฐศาสตร์จะดูรักดูหลงแฟนมากขนาดนี้
GAP : ผมเป็นมากกว่านี้อีกติดแฟนในแบบที่ใครก็คาดไม่ถึงอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา
หูววว.....นี่ก็เอาหนังสือมาวางที่ร้านด้วยลูกค้าแย่งกันอ่านทุกวัน
“คาปูชิโน่สองแก้วครับ แล้วก็นี่ของฝากให้พี่กัลป์กับพี่หมอ”
กัลป์เอ่ยขอบคุณอันดากับเบียร์ที่เอาขนมหม้อแกงชื่อดังมาฝาก นี่เขาได้ของฝากจากสองคนนี้เกือบทุกอาทิตย์เป็นคู่ที่เที่ยวทะเลทุกที่ในประเทศไทยนาทียังเคยบอกว่า ทำไมเราไม่ไปทะเลทุกอาทิตย์แบบคู่นี้บ้างก็อยากจะไปอยู่นะแต่พอเอาเข้าจริงทั้งงานของนาทีทั้งร้านกาแฟมันยากที่จะหยุดยาวๆ เลยได้ไปแค่พัทยาไม่ก็หัวหิน
เมื่อเทอมที่แล้วรูปถ่ายของเบียร์ชนะการะประกวดของชมรมถ่ายภาพ ถึงจะได้ที่สามแต่ทุกคนก็บอกว่ามันเป็นภาพที่สวยงามมันเป็นรูปที่อันดาหันหลังยืนมองทะเลถึงกัลป์จะไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพแบบลงลึกเท่าไหร่แต่ก็บอกได้ว่าแสงและทุกอย่างในภาพเรียกว่าลงตัว
ชื่อภาพ : อันดามัน
จะมีสักกี่คนที่รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่ชื่อทะเลแต่เป็นชื่อคนในภาพด้วย
ส่วนเจ้าแฝดของอันดา....ก็อย่างที่บอกไปแล้วฟ้าครามกับสตางค์ทั้งรักทั้งตีกัน แต่ก็ไม่เคยโกรธกันจริง มีเรื่องที่น่ายินดีคือคุณพ่อสตางค์ยอมให้สตางค์วาดรูปได้แล้วแต่ก็ยังต้องรับผิดชอบเรื่องการเรียนวิศวะให้ดีควบคู่ไปด้วย ฟ้าครามมากระซิบบอกว่าพ่อของสตางค์เอารูปที่สตางค์วาดไปใส่กรอบเห็นพี่เหรียญพี่ชายสตางค์ไปแอบถามมาได้คำตอบว่า
“ก็ว่างๆ....ไม่มีอะไรทำเลยหาอะไรทำแก้เบื่อ...มันก็สวยดี”
ฟอร์มจัดมากแต่คุณพ่อเขาก็น่ารักอ่ะนะ...ส่วนเรื่องฟ้าครามคิดว่าครอบครัวสตางค์ก็คงพอรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามหรือขัดขวางอะไร ปิดเทอมที่แล้วยังเห็นสตางค์พาครอบครัวไปเที่ยวรีสอร์ทของฟ้าครามที่ใต้ก็ดูสนิทสนมรักใคร่กันดี
“ไฟทำไมมึงชอบห้ามกูไปหาตอนมึงว๊ากน้องอยู่”
“วันนั้นมึงมากอดกูร้องไห้ต่อหน้าทุกคนตอนนี้ไม่มีน้องเชื่อฟังกูแล้วห้ามมึงโผล่หน้ามาเลยนะนท”
“กูจะไปจะไปแหกปากร้องไห้ให้มึงปลอบอีก”
“เอาสิ คราวนี้กูจูบปลอบมึงเลยถ้ากล้าก็มา”
“ไอ้คนนิสัยไม่ดี ดูดิพี่กัลป์หัวเราะเลยชาเย็นกับมะนาวโซดาอย่างละแก้วครับ”
ไม่เคยเปลี่ยน…คบกันจนจะเรียนจบแล้วยังคงเถียงกันไม่เลิกแต่ก็เป็นคู่ที่บรรดาผู้หญิงทุกคนในมหาลัยต่างบอกกันว่าเป็นคู่รักในอุดมคติ ไฟที่ใจร้อนพูดจาโผงผางท่าทางยังกะนักเลงแต่กลับอ่อนโยนกับนทแค่คนเดียว บรรดาแฟนคลับพี่ไฟเฮดว๊ากต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่า
“พี่ไฟหล่อสุดตอนอยู่กับพี่นทค่ะตอนว๊ากยังหล่อไม่เท่าตอนอยู่กับแฟน”
ก็เห็นว่าเพิ่งครบรอบที่คบกันเห็นลงรูปในไอจีแต่แทนที่จะได้เห็นรูปคู่หวานๆ แต่กลับเป็นรูปขนมโตเกียวสามสี่ชิ้นวางคู่กับชาเย็นและมะนาวโซดาไอจีนทไม่เท่าไหร่หรอกเพราะลงรูปเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วแต่แปลกตรงที่ไอจีไฟที่คุมโทนความดาร์กก็ลงรูปนี้กับเขาด้วยพอมีเพื่อนพี่น้องในวิศวะไปเม้นถามว่ามันคืออะไรคงไม่เคยเห็นลูกพี่ลงรูปแบบนี้มาก่อนแล้วไฟก็มาตอบ
FIRE.A : ขนมโตเกียวไงพวกมึงไม่รู้จักเหรออย่าให้กูต้องว๊ากเรื่องที่พวกมึงไม่รู้จักขนมโตเกียว
เอาจริงกัลป์ก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันคืออะไรแต่ก็น่าจะมีความหมายสำหรับทั้งคู่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาจะไปถามตรงๆก็นะเกรงใจนิดนึง (จริงๆ ก็กลัวโดนไฟว๊ากใส่เด็กมันโหดจะตาย)
“มอคค่าสองแก้วครับกัลป์เพื่อนรักและน้องเขย”
และนี่ก็เป็นนักธุรกิจที่ว่างที่สุดในประเทศ น้องวีใกล้จะเรียนจบไอ้เวลานี่ตามติดชีวิตน้องเขาทุกฝีก้าวแต่ก็ดูเป็นคู่รักที่ดูเป็นผู้ใหญ่เวลาทั้งคู่ทำงานหรือคุยกันเรื่องที่เป็นจริงเป็นจังก็ดูเป็นคู่รักนักธุรกิจขึ้นมาทันทีมีข่าวที่น่ายินดีคือบริษัทที่น้องวีไปฝึกงาน (ก็บริษัทเดียวกับที่ไอ้เวทำงานนั่นแหละ) ติดต่อมาหาวีเลยว่าถ้าเรียนจบแล้วสนใจให้มาสมัครงานที่นี่ได้เลย เรียกว่าจองตัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ทุกอย่างดีหมดยกเว้นในห้องประชุมที่ไอ้เวลายกมือขึ้นมาถาม
“ผมขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
บอร์ดกรรมการทุกคนตั้งใจฟังเรื่องที่เวจะบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอาจจะเกี่ยวกับตัวนักศึกษาที่เคยมาฝึกงานเพราะในตอนนั้นเวลาก็เป็นเจ้านายของเด็กฝึกงานคนนั้นแต่สิ่งที่ทุกคนได้ยินกลับทำให้ทั้งห้องเงียบสนิทก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุม
“บริษัทเราไม่มีกฏห้ามพนักงานเป็นแฟนกันใช่ไหมครับ”
“ไม่มีนะ....แล้วที่คุณถาม”
“ถ้าไม่มีกฏเรื่องนี้ผมก็ไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องจะรับเด็กนักศึกษาที่เคยฝึกงานมาเป็นพนักงานของเรา แล้วก็ถ้าใครจีบน้องที่ชื่อวีวิศ มาคุยกับผมตัวต่อตัวเลยนะครับ”
นี่มันทำตัวยิ่งกว่าเจ้าของบริษัท
สมควรโดนไล่ออกมาก
ส่วนน้องวี...ก็ยังเปนเทวดาของน้องๆ บริหารเหมือนเดิมรุ่นน้องปีหนึ่งต่างบอกว่าสายรหัสของวีเป็นสายรหัสเทวดา เพราะหน้าตาดีทุกคนตั้งแต่วีจนถึงฟ้าครามรวมไปถึงน้องปีหนึ่งที่เข้าใหม่ด้วย จะว่าไปน้องวียังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าไอ้เวเยอะรายนั้นทำท่าทางยังกะพวกเพิ่งเคยมีแฟนคนแรกห่างจากน้องวีทีก็ท่าจะเป็นจะตายส่วนน้องวีก็ทำหน้าตาเอือมระอาใส่เคยบ่นมันเรื่องนี้แต่ก็โดนตอกกลับมา
“ก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันเหมือนใครแถวนี้”
เลิกแซ็วมัน..
“โฟโต้ถ่ายรูปสวยเนอะไว้วันหลังให้น้องไปถ่ายเจ้าวินาทีดีกว่า”
หลังจากปีนเก้าอี้ติดรูปที่บอร์ดอยู่นานก็เสร็จสักที นาทีเงยหน้ามองคนที่เอาแต่กอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองบรรยากาศในร้านกาแฟเห็นเหม่อๆ เลยลองเอามือโบกไปมาตรงหน้านึกว่ากัลป์จะเหม่อจนมองไม่เห็นกลายเป็นว่ามือที่โบกไปมาถูกจับไว้แน่นก่อนที่กัลป์จะกุมมือนั้นไว้หลวมๆ
“ภูมิใจล่ะสิร้านกาแฟกำไรร้อยล้านแล้ว”
“ก็นิดนึงตอนแรกที่เปิดมีลูกค้าแค่ไม่กี่คนเอง”
“เพราะว่ากัลป์ชงเครื่องดื่มอร่อย”
“และเจ้าของร้านหล่อมาก”
“ขอเถียง”
“ก็หล่อจนมีหมอบางคนเดินร้องไห้มาขอกินโกโก้ตอนเที่ยงคืน”
กัลป์หัวเราะเมื่อเห็นว่านาทีมองไปทางอื่นแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยคว้าตัวให้มายืนใกล้ๆ ลูกค้าในร้านคงจะเคยชินเลยเลิกส่งเสียงไชโยโห่ฮิ้วแล้วแต่ก็ยังมีส่งสายตาล้อๆ มาแทน บรรยากาศในร้านกาแฟวันนี้มันทำให้กัลป์ยิ้มได้อย่างภูมิใจ จากร้านกาแฟที่มีลูกค้าเพียงแค่สองสามคน แต่ตอนนี้ลูกค้าแน่นเต็มร้าน กาแฟที่ขายได้วันละแค่สิบแก้วแต่ตอนนี้กลับขายจนนับแก้วไม่ทัน
“กัลป์เรามีอะไรจะบอก”
“ประโยคนี้ได้ยินทีไรกลัวทุกที จะไปไหนอีกได้ทุนอะไรจะเก่งไปถึงไหนคราวนี้จะไปกี่ปี นี่กัลป์ต้องเตียมใจอีกแล้วสินะ ไม่ใช่ว่าบินพรุ่งนี้แล้วเพิ่งมาบอกจะฟาดให้ก้นลายเลย”
นาทีถือแก้วโกโก้ค้างไว้ตากะพริบปริบๆ
มองกัลป์ที่กำลังโมโหคิ้วขมวดแล้วขมวดอีก
“แค่จะบอกว่าแชมพูที่บ้านกับอาหารเจ้าวินาทีหมดแล้ว วันนี้ปิดร้านแล้วแวะซูเปอร์มาร์เก็ตกันนะ”
“...........................................................................................”
รู้สึกได้ยินเสียงอะไรแตกดังเพล้งเห็นนกส่งเสียงร้อง กา...กาบินผ่านกัลป์กระแอมเบาๆ แก้เก้อแต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของนาทีอยู่ดี นาทีวางแก้วโกโก้ลงบนชั้นด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นมาล้อกัลป์ไม่เลิก
~ โอ๋เอ๋ ไม่หนีไปไหนหรอกน่า ไม่ต้องกลัวนะครับน้องกัลป์ ~
กัลป์เลยจับมือนาทีให้หยุดแต่ท่าทางนานๆ จะได้เห็นจากกัลป์คุณหมอเลยสนุกแกล้งส่งเสียงแปลก ๆ ไม่เลิกจนสุดท้ายกัลป์เลยจับมือนาทีไว้แน่นก่อนจะจูบลงไปบนหลังมือ นาทีหยุดชะงักพร้อมกับลูกค้าในร้านที่หยุดค้างไปกับฉากจุ๊บมือด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าจะต้องตามด้วยเสียงโห่ร้องไปทั่วทั้งร้านคิดว่าตอนนี้นาทีก็คงเริ่มอายแล้วเหมือนกันเพราะทุกสายตาในร้านมองมาทางหน้าเคาน์เตอร์เลยผละตัวไปช่วยแพทรับออเดอร์ตรงด้านหน้า กัลป์เลยยืนกอดอดมองอยู่ด้านหลัง
กัลป์มีแค่ร้านกาแฟ
กัลป์มีแค่ร้านกาแฟที่นี่ที่เดียว ที่เป็นทุกอย่างในชีวิต
“กัลป์ กินโกโก้ไหมเราชงให้เอง”
กัลป์หัวเราะเพราะประโยคคำถามของคุณหมอมันเหมือนประโยคคำสั่งซะมากกว่า เจ้าของร้านกาแฟเลยพยักหน้าตอบรับคุณหมอที่ตอนนี้เริ่มชงเครื่องดื่มเป็นบ้างแล้ว นาทียิ้มแฉ่งแล้วตั้งใจชงโกโก้ตามที่เพิ่งเรียนมาอย่างตั้งใจ
กัลป์มีแค่ร้านกาแฟที่นี่ที่เดียว ที่เป็นทุกอย่างในชีวิต
แล้วตอนนี้เขามี
“กัลป์..”
คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน
THE END
ร้านกาแฟพี่กัลป์ยังไม่ปิดค่ะ
ทะด้า...ตอนนี้เครื่องดื่มหลักก็เสิร์ฟจนครบแล้วนะคะตอนนี้ขอเอ่ยคำว่า ขอบคุณ ทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ
ทุกวันนี้เรายังก็เขียนนิยายที่ร้านกาแฟอยู่เหมือนเดิม 555 อยากให้ทุกคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายที่เราเขียนนะคะ
ปล.ขอสารภาพว่าก่อนจะเป็นร้านกาแฟมันจะเป็นนิยายเรื่องร้านถ่ายเอกสารมาก่อน
เพราะคิดว่านอกจากร้านกาแฟแล้วร้านถ่ายเอกสารนี่แหละที่เป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแต่สุดท้ายร้านกาแฟก็ชนะ
ไว้เอาไปแต่งนิยายเรื่องหน้า (ถ้าคิดพลอตจนจบได้) 555555 ฝากติดตามนิยายเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ รักคุณ นะคะฝากไว้ด้วยนะคะ ^^ โค้ง
คาดว่าจะเป็นปีหน้าเลยน้า อย่าเพิ่งลืมกัน
ขอบคุณค่ะ ^____________^
TBC * SP COCOA ADD WHIPPED CREAM
พิเศษเฉพาะพี่กัลป์
-
พี่กัลป์เป็นเมะหรอเนี่ยยย นี่เข้าใจผิดมาตลอดเลย 555555 นาทีบุคลิคน่ารักก 555
นิยายสนุกมากๆค่ะ ชอบทุกคู่เลย อ่านง่ายด้วย อยากให้เขียนอีกนะคะ อิอิ
-
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ รออ่านตอนพิเศษ รออ่านร้านถ่ายเอกสารด้วยค่ะ :3123: :pig4:
-
จบได้กลมกล่อมมากเลยฮะ
-
หุยย น่ารักก
-
รอเล่มๆๆ
เป็นนิยายที่ดีกับใจมากๆ
พอรวมตัวแล้วเป็นร้านกาแฟที่...คึกครื้นมากค่ะ 555
ชอบทุกตอนทุกคู่...แล้วจะเก็บเล่มน้าาาา ^^
-
อ่านทีไรอบอุ่นใจได้ตลอด
เก๊าขอโต๊ดดด เก๊าเข้าใจผิดว่าพี่กัลป์เป็นเคะมาตลอดออ :o12:
งื้อออ ชอบบ ละมุน จะอุดหนุนนะ
^^ นี่ไปโหวตมาให้ด้วยแหละ
-
ชอบทุกคู่เลย น่ารักมาก
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
:pig4:
-
หื้อออออ น่ารัก
คุณหมอนาทีน่ารักมากๆเลย
เขินฉากจุ๊บหลังมือเหมือนคนในร้าน555
กว่ารักจะลงตัว ผ่านไปตั้งหลายปีแหนะ
พี่กัลป์กับคุณหมอเก่งมากๆ อดทนรอกันเก่งมากๆ
แต่ก็คงเพราะว่ารักไปแล้วนี่เนาะ
ที่บอกจบถ้วยหลัก
แสดงว่ามีตอนพิเศษรึป่าวคะ 55
คึคึ เราจะได้รออ่าน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆน้าา
เป็นกำลังใจให้นะคะ
/กระซิบ
เราเคยบอกไปแล้วเนาะว่าตอนแรกอ่านเรื่องนี้จากเด็กดี เราทัน#ฟิคสิบวิธีนะคะ555
คุณหมอไคก็ด้วย5555
จะฟิคหรือนิยายเราก็ชอบหมดเลยยย
จะตั้งตารองานใหม่ของตัวเองน้าา
-
น่ารักมากกก อ่านแล้วใจฟูฟ่องมากเลย ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ ดีต่อใจช่วงนี้เหลือเกิน / รอพิเศษเพิ่มวิปของพี่กัลป์ คงจะละมุน หอมมัน น่าดูววววว แอร๊ยยยยยย :o8: / โกโก้ คิดถึงไหน?
-
เหมือนโดนพายุถล่ม มาครบทุกคู่ เป็นตอนที่คุ้มมาก
ชอบคู่พี่กัลป์กับหมอนาที รักต้องรอ นานแค่ไหนก็ไม่เปลี่ยนใจ ไม่พูดกันมากด้วย ลุ้นดี
-
พล๊อตเรื่องน่ารัก ใสๆ. อ่านแล้วเพลิน อยากแจกอมยิ้ม
ชอบทุกคู่เลย. คู่พี่ใหญ่อย่างพี่กัลป์ก็มีความสัมพันธ์ตามวัย คู่เด็กก็กุ๊กกิ๊กน่ารัก
:กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
•••••
-
ตอนรวมตัวกันแต่ละคู่ อยากจะเข้าไปนั่งในร้านด้วย :-[ :-[ :-[
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เขิน ยิ้มแก้มแทบแตก
-
น่ารักมากกกกก ชอบทุกคู่เลย
-
โอ้ยสนุกมาก
อ่านซ้ำ อ่านวน ของทุกเครื่องดื่มเลยค่ะ
มาพี่กัลป์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฟินไปอีกกกกก :-[ :-[ :-[
มีเรื่องแต่งก่อนหน้านี้ไหมคะ อยากอ่านหมดเลยยย
-
น่ารักดี :mew3: :mew3: :mew1:
-
อ่านแล้ว ดีต่อใจ สุดๆ :mew1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เป็น coffee shop the series สามารถต่อยอดไปได้เรื่องๆ (คล้ายๆเรื่อง มหา’ลัย เดอะซีรีส์)
เรื่องนี้ ฝาแฝดเยอะคู่มาก
-
เป็นเเต่ละเรื่องที่อบอุ่นมากก ชอบทุกคู่เลย :o8: :o8:
-
น่ารักทุกคู่เลยยยยย
-
อ่านรวดเดียวถึงตอนจบเลย น่ารักทุกคู่เลยค่ะ ฟินมากกกกก :o8:
-
COCOA ADD WHIPPED CREAM
พิเศษเฉพาะพี่กัลป์
วันนี้ร้านกาแฟพี่กัลป์มีอะไรแปลกใหม่..
ไม่ใช่เครื่องดื่มไม่ใช่เมนูของหวานไม่ใช่การตกแต่งของร้านแต่เป็น..
กลุ่มหมอ..ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรกลุ่มก้อนบรรดาคุณหมอที่อยู่ดีๆ ก็ยกโขยงกันมาทั้งโรง’บาลมานั่งประชุมดื่มกาแฟกันอยู่ที่นี่ ตอนนี้บรรดานักศึกษาต่างหันไปมองโต๊ะกลางร้านกันเป็นจุดเดียวปกติหมอเขาก็มีห้องประชุมอะไรของเขาที่โรงพยาบาลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะแล้วทำไมวันนี้ถึงมานั่งประชุมท่ามกลางเด็กมหา’ลัยแบบนี้
“กัลป์..เราไปโม้ไว้เยอะเลยว่าเครื่องดื่มร้านกัลป์อร่อยมากหมอก็เลยมาลองชิมกันทั้งโรง’บาล ดีเนอะวันนี้เราจะรวย”
อ้อ..ตัวต้นเหตุอยู่นี่เองคุณหมอนาทีคงอยากให้ร้านเขามีลูกค้าระดับนายแพทย์หน้าตาดีสินะ เออทำไมหมอโรง’บาลนี้หน้าตาดีเหมือนพระเอกขนาดนี้วะมีแสงออร่าตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาในร้านแล้วขนาดไอ้ฟ้าครามยังบอกว่าวันนี้เหมือนโดนกลบความหล่อด้วยแสงรัศมีจากเพื่อนพี่หมอนาทีของดกวนตีนหนึ่งวันสู้ไม่ได้ถอยทัพออกจากร้านไปแล้ว
จริงๆ กัลป์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณหมอหรอกใครมาอุดหนุนร้านกาแฟก็ยินดีแต่มีหมอคนนึง…ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามีอะไรแปลกๆ หมอแทนไท…กัลป์รู้สึกว่าหมอแทนจะต้องมีอะไรสักอย่างในใจแน่ๆ ตั้งแต่เจอกันที่โรงพยาบาลแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเองจะไปหานาทีที่โรงพยาบาล ยอมรับว่าตอนแรกโคตรจะเกร็งคิดทั้งคืนด้วยนะว่าจะใส่ชุดอะไรไปพอแต่งตัวหล่อกว่าวันอื่นคุณหมอจอมยุ่งก็ขมวดคิ้วแถมยังทักว่า
“กัลป์จะไปไหนมีธุระต่อเหรอแต่งตัวเหมือนจะไปถ่ายแบบ”
ถ้าไม่ใช่แฟนนี่บางทีอาจโดนเขาต่อยคว่ำไปแล้ว…ตอนแรกก็จะไม่บอกความจริงแต่พอคุณหมอถามไม่หยุดก็เลยต้องบอกก็นะพอรู้เหตุผลจริงๆ ก็หัวเราะไม่หยุดว่าจะแกล้งโกรธแต่นาทีก็เดินเข้ามากอดเอวไว้ทำหน้าอ้อนๆ ที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น
“กัลป์เป็นตัวของตัวเองเถอะ จะใส่อะไรมาตามสบายเลยแค่มาหากันทีก็ดีใจมากแล้ว”
เจออย่างนี้ใครจะไปโกรธลงวันต่อมาเลยมาทั้งผ้ากันเปื้อนที่ร้านกาแฟเลยเกือบโดนพยาบาลเรียกตัวไว้เพราะอยู่ดีๆ เขาเองที่ไปเปิดประตูห้องพักแพทย์หน้าตาเฉยดีที่นาทีออกเวรพอดีนึกว่าจะโดน รปภ กักตัวไว้ซะแล้ว นาทีไม่ได้แนะนำตัวว่าเขาเป็นใครเพียงแต่บอกว่าชื่อ กัลป์ แต่คิดว่าพอเขามาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ พยาบาลที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็คงรู้อะไรขึ้นมาบ้างชอบทำหน้าตากรุ้มกริ่มแถมยังบอกว่า
“มิน่าหมอนาทีถึงไม่ยอมใจอ่อนกับหมอแทน”
นั่นคือครั้งแรกที่ได้ยินชื่อหมอแทน? แต่ไม่เคยเห็นหน้าหรอกนะเห็นทีบอกอยู่เหมือนกันว่ามีหมอคนใหม่ย้ายมากจากโรงพยาบาลอื่น จนวันนึงที่กัลป์กำลังนั่งรอนาทีอยู่ในห้องพัก นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ดีๆ ประตูก็เปิดออกคิดว่าเป็นนาทีกำลังจะเอ่ยปากทักแล้วแต่คนที่เดินเข้ามาเป็นหมอหน้าตาก็หล่อละมั้ง? หล่อแบบไทยๆ ผิวสีแทนหน้าตาเหมือนพวกพระเอกละครจักรๆ วงศ์ ๆ คมเข้มทีเดียวนี่ก็ยืนมองหน้ากันอยู่นานเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทักยังไง
“แทน”
นี่น่ะเหรอหมอแทนในตำนาน นาทีโผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้วทักคนทื่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแต่พอเห็นเขายืนอยู่กลางห้องพักก็รีบเดินเข้ามาหากัลป์เองก็ไม่รู้ว่านาทีเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเรามากแค่ไหน แต่กัลป์ไม่โกรธหรอกนะถ้านาทีจะไม่บอกใครว่ามีแฟนแล้วแต่ถ้ามีหมอหล่อๆ เข้ามาจีบนี่เขาก็เริ่มหวั่นๆ เหมือนกัน
กัลป์ยืนมองทั้งคู่ที่ยืนคุยเรื่องชาร์ตคนไข้ภาษาหมอเขาคงเข้าใจกันสองคน จนกระทั่งหมอแทนต้องไปตรวจคนไข้ต่อว่ากัลป์ว่าจะไม่สนใจแล้วนะแต่อยู่ดีๆ หมอแทนก็เงยหน้าขึ้นมามองเขามีการยิ้มมุมปากกวนส้นตีนมากๆ แต่มันก็เพียงแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้น
ในฐานะผู้ชาย...ประกาศเป็นศัตรูใช่ไหม ได้!
“กัลป์”
“หมอแทนนี่...”
“หมอแทนทำไมเหรอ”
“ช่างเถอะ วันนี้ลูกค้าเยอะมากโคตรเหนื่อยเลยขอกอดหน่อย”
คุณหมอนาทีทำหน้า งงๆ แต่ก็เดินเข้ามาหายกมือขึ้นมากอดเอวเจ้าของร้านกาแฟไว้หลวมมีการตบหลังเบาๆ ให้หายเหนื่อยถ้าไอ้แพทมาเห็นมันต้องด่าว่าตอแหลแน่ ๆ พอคุณหมอปลอบด้วยท่าทางน่ารักกัลป์เลยถือโอกาสซบหน้าลงตรงไหล่คุณหมอแต่สายตาเหลือบมองไปยังประตูที่ยังปิดไม่สนิทกัลป์รู้ว่าหมอแทนยังยืนอยู่หน้าห้องเลยยิ้มให้หนึ่งที
ยิ้มมายิ้มกลับไม่โกง!
กลับมาที่ร้านกาแฟ
“คู่แข่งพี่โคตรหล่อเลย อีกนิดนึงจะคิดว่าหมอแทนคือเกรท วรินทร”
“คู่แข่งบ้านมึงสิแพท ระดับหมอแทนเรียกว่าคนแอบชอบแฟนชาวบ้านเท่านั้นเว้ย”
“มั่นใจมาก หลายปีก่อนยังทำได้แค่ชงโกโก้หลังเคาน์เตอร์ไม่แสดงตัวอะไรเลย”
“กูยังเป็นคนจ่ายเงินเดือนมึงอยู่นะถ้ามึงจะลืม”
“พี่กัลป์หล่อที่สุด ใครจะสู้บอสของผมได้ไม่มี”
กัลป์อยากจะตัดเงินเดือนไอ้แพทมากดี๋ยวนี้เหิมเกริมใหญ่เลยไล่ให้มันไปทำงานทำการ บรรดาคุณหมอยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะใหญ่กลางร้าน ในบรรดาเพื่อนหมอของนาทีกัลป์รู้จักแค่ไม่กี่คนที่สนิทถึงขั้นไปกินข้าวด้วยกันก็มีหมอบี หมอที่กำลังไปเยอรมันในปีหน้าคิดว่าหมอบีก็น่าจะรู้ว่าระหว่างเขากับทีเป็นอะไรกัน ส่วนหมอคนอื่นก็รู้จักกันผิวเผิน
“ขอน้ำเปล่าแก้วนึงครับ”
กัลป์หันหลังกลับมาที่เคาน์เตอร์เจอหมอแทนยืนยิ้มมาแต่ไกล พอมองอย่างนี้เขาก็รู้สึกว่าคุณหมอหน้าตาดีคนนี้ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเห็นบรรดานักศึกษาผู้หญิงแอบมองอยู่เหมือนกัน กัลป์ตอบรับก่อนจะยื่นน้ำเปล่าให้
“ร้านสวยดีนะครับ ผมชอบรูปถ่ายที่ติดอยู่ตรงบอร์ด”
“ขอบคุณมากครับ ฝีมือถ่ายรูปของนักศึกษาที่นี่จ้างไปถ่ายงานได้นะถ้าคุณหมอสนใจ”
“ผมจะไปถ่ายใครล่ะครับๆ วันๆ ผมก็เจอแต่คนไข้ไม่ก็หมอนาทีจ้างไปถ่ายหมอนาทีดีไหมครับ”
อื้อหือ...นี่พูดตามความจริงหรือกวนตีนกูอยู่วะกัลป์พยายามใจเย็นให้มากที่สุดนี่นับหนึ่งถึงสามสิบแล้วโอเค..ยังไงเขาก็ไม่อยากมีเรื่องยิ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของทีด้วยแล้วเขาไม่อยากมีปัญหา
“นาทีชอบรูปถ่ายพวกโปสการ์ดแต่ก็ไม่ชอบถ่ายรูปเท่าไหร่”
“ดูคุณสนิทกับหมอนาทีรู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ”
“อืม….ก็นานแล้วครับ”
“อย่างนี้ผมขอถามได้ไหมครับผมอยากรู้ว่าหมอนาทีมีแฟ.. ”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาถูกจังหวะกัลป์เลยเอ่ยขอตัวจากหมอแทนที่ยังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ กัลป์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นว่ายังไง ดีที่เพื่อนโทรมาถามเรื่องงานโฆษณาที่เขาเองรับปากจะช่วย ตอนแรกก็พอช่วยเล็กๆ น้อยๆ ความรู้ตอนเป็นเด็กนิเทศยังไม่ตายจากไปไหนหลังๆ เลยรับทำฟรีแลนซ์เกี่ยวกับงานโฆษณาบ้างเพราะมีงานที่ต้องแก้กัลป์เลยชงโกโก้แล้วเดินไปยังห้องพักด้านหลัง
เสียงเปิดประตูห้องพักดังขึ้นแต่กัลป์ไม่ได้หันหลังกลับไปมองก็พอรู้ว่าใคร แค่เพียงไม่นานก็มีอ้อมกอดจากด้านหลังแถมยังโถมตัวยื่นหน้ามามองงานที่ทำอยู่ คุณหมอนาทีมีการบอกว่าเขาทำงานเยอะเกินไปไม่รู้จะเอาตังค์ไปทำอะไรนักหนา
“เอาตังค์มาซื้อข้าวให้เจ้าวินาทีไงหมาทีกินเยอะจะตาย”
“เวอร์แล้ว..กัลป์ก่อนหน้านี้ยืนคุยอะไรกับหมอแทนเหรอ”
กัลป์ปิดงานที่เปิดค้างไว้ท่าทางจะไม่ได้แก้เพราะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ เจ้าของร้านกาแฟจับมือคุณหมอที่กอดอยู่ออกก่อนจะรั้งตัวนาทีให้นั่งลงบนตักสองมือกอดเอวไว้แน่นท่าทางคุณหมอจะเขินอยู่หน่อยๆ บอกตามตรงว่ากัลป์เองก็ไม่ได้เป็นคนหวานแหววโรแมนติกอะไรเท่าไหร่ แต่คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้กันบ้างต้องสวีทสวีตตี้กันหน่อยเดี๋ยวมีใครไม่รู้เข้ามาแทรกแซง
“ทีรู้ใช่ไหมว่าหมอแทนจีบ”
“ก็พอรู้”
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็ไม่ได้เล่นด้วย”
“แล้วถ้าเขาไม่เลิกยุ่ง”
“ให้กัลป์ช่วย”
“ให้ช่วยยังไง”
“แฟนโดนจีบนี่เขาต้องทำแบบไหนล่ะครับ”
เออ..เริ่มสงสารหมอแทนขึ้นมาบ้างแล้วกัลป์รู้ว่านาทีฉลาดแถมยังเจ้าเล่ห์ที่หนึ่ง เชื่อได้เลยว่าในหัวนี่มีแผนอยู่แล้วแน่ๆ แต่กัลป์ยอมรับเลยว่ามันไม่ทันใจจากวันนี้ที่หมอแทนเข้ามาถามเรื่องทีกับเขานี่รู้อยู่หรอกว่าจงใจอย่างน้อยก็ต้องสงสัยความสัมพันธ์ของเขากับทีบ้างไม่งั้นไม่เจาะจงเดินเข้ามาถามแบบนี้หรอก
เอาเถอะ..เขารู้แล้วกันว่าถ้ามีคนมาจีบแฟนตัวเองต้องทำยังไง
“วันนี้โกโก้มีวิปครีมด้วย”
“อยากกินก็เลยบีบใส่มา”
นาทียิ้มตาหยีแล้วยื่นแก้วโกโก้มาตรงหน้าแต่พอกัลป์จะก้มลงมาดื่ม คุณหมอกลับยกแก้วดื่มซะเองจนวิปครีมเลอะขอบปากกัลป์ที่มองอยู่อมยิ้มอย่างรู้ทันสองมือกระชับคนที่นั่งอยู่บนตักให้เข้ามาใกล้มากขึ้น
“เดี๋ยวนี้ร้ายจังนะ”
“อ้าว..ก็แก่แล้วป่ะทำตัวจืดชืดทุกวันเดี๋ยวกัลป์เบื่อทำไง”
“คุณหมอนี่ผมหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้แล้ว”
“ไม่เชื่อ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังยิ้มให้กัลป์เลยก้มลงมาหาคนที่(ตั้งใจ)ทำวิปครีมเลอะปาก จูบรสโกโก้ผสมวิปครีมหวานมาก กว่าจะชิมหมดคุณหมอก็หมดแรงหอบหายใจจนต้องก้มหน้าลงมาพิงกับอกกว้างไว้เลยโดนล้อว่า อ่อน~ แน่นอนว่ากำปั้นหนักๆ ทุบดังปั๊ก! นั่งเล่นกันอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจออกมาข้างนอกเพราะหายไปนานอยู่เหมือนกัน นาทีเดินมาตรงหลังเคาน์เตอร์ว่าจะช่วยกัลป์เก็บของนี่ก็ดึกมากแล้วในร้านเหลือแค่โต๊ะของบรรดาหมอเพียงเท่านั้น นักศึกษาโต๊ะอื่นกลับไปหมดแล้ว
“ทีอะไรติดอยู่ตรงปากอ่ะขาวๆ”
หมอแทนเป็นคนทักขึ้นมา นาทีคิดว่ามันก็คงเป็นวิปครีมตั้งใจจะหยิบกระดาษมาเช็ดแต่อยู่ดีๆ กัลป์กลับคว้าแขนคุณหมอไว้แล้วก้มหน้าลงมาเช็ดวิปครีมที่เลอะอยู่ด้วยปากของตัวเองมีการยักคิ้วใส่นาทีที่ยังคงยืนช็อคค้างพอเห็นท่าทางแบบนั้นก็เลยแนบจูบไปอีกหนึ่งที หลังจากนั้นเสียงแซ็วจากเพื่อนหมอก็ดังลั่นไปทั่วร้าน
“ก็ว่าอยู่พามาร้านกาแฟนี่จะเปิดตัวแฟนใช่ไหม”
“คนนี้เองเหรอที่มึงเพ้อตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา”
“เดี๋ยวๆ กูไปเพ้อตอนไหนไอ้หมอเมฆ”
“เอ๊า..ใครไลน์มาหากูวะมึงว่าเขาจะมีแฟนรึยัง จะมีคนมาจีบเยอะไหม ถ้าเขาไม่รอกูทำไง เขาจะลืมกูไปแล้วรึเปล่ารู้งี้กูจับปล้ำก่อนมาเมกาก็ดีอีกล้านอย่างที่มึงพรรณนากับกู”
“กัลป์อย่าไปฟังนะ”
คุณหมอนาทีพอสู้ไม่ได้เลยหันไปปิดหูคนที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง กัลป์ไม่เคยรู้เลยว่านาทีก็มีมุมแบบนี้กับเขาด้วยเคยคิดเหมือนกันว่าตอนอยู่ที่อเมริกานาทีจะคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่าหรือเรียนหนักจนไม่ได้นึกถึงกันพอมาได้ยินแบบนี้หัวใจมันก็พองโตขึ้นมาทันที คุณหมอทุกคนหัวเราะชอบใจเมื่อสามารถเอาคืนนาทีสุดแสบได้ คุณหมอนาทีเลยขอตัวไปจัดการเพื่อนที่เอาแต่ล้อไม่หยุดแต่เหลือคนนึงที่ยังยืนหน้านิ่งไม่ยิ้มไม่พูดไม่จาอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“แพท บางทีร้านเราก็น่าจะมีน้ำสมุนไพรขายบ้าง”
“น้ำอะไรดีล่ะพี่ต้องน้ำไทยๆ นะรับรองเด็ด” กัลป์เดินมาตรงหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะยิ้มให้หมอแทนที่ยังคงยืนกำหมัดแน่นไม่ขยับไปไหน
“น้ำใบบัวบกก็น่าสนใจนะแก้ช้ำใน หมอแทนคิดว่ายังไงครับ”
คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเองนะ บาย..
THE END
หายไปนาน..5555 #นิยายร้านกาแฟ
นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ รักคุณ นะคะฝากไว้ด้วยค่ะ^^ โค้ง
ตอนนี้เรามีหน้าปกเรียบร้อยแล้วไว้รออะไรเสร็จสมบูรณ์จะมาแจ้งข่าวอีกรอบจ้า
อยากให้ทุกคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายที่เราเขียนนะคะ
ps,ขอบคุณค่ะ
Twitter @ribbinbo
-
ฮืออออ คิดถึงทุกคู่ในนี้เลย :mew1:
นาทีใจกล้าไม่เบา แต่กว่าจะได้นี่เนอะ o13
เป็นกำลังใจให้ค่ะ รักกกก
-
ขอบคุณค่ะ เผ็ดทั้งคู่ สงสารหมอแทน
-
พี่กัลป์ร้ายย 555 หมอแทนมากินบ่อยๆสิเผื่อจะได้คู่ อิอิ
คิดถึงเรื่องนี้จัง
-
พี่กัลป์แอบร้าย
แล้วหมอแทน จะมีกาแฟเป็นของตัวเองมั้ยค่าาาาาา
-
เป็นซีรี่ย์ที่น่ารักมากๆเลยชอบทุกคู่เลยค่ัะ อ่านไปยิ้มไปสนุกมากๆเลยค่ะ แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ :mew1:
-
น่ารักมาก ฮือออออ อ่านแลเวมีความสุขมากเลยค่ะ :heaven
-
ชอบทุกคู่เลยยย น่ารักมากๆเลยค่ะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
น่ารักมากค่ะ น่ารักทุกคู่ อ่านได้แบบต่อเนื่อง ไม่ติดขัด
ร้านกาแฟพี่กัลป์คือแหล่งเพาะรัก จัดรวมพลคนตามหารัก
และสุดท้ายพี่กัลป์ก็ยอมรับรัก นาทีไม่รอเก้อแล้วนะ
แต่ละคู่มีความแตกต่าง มีสไตล์ของตัวเอง
และชอบฟีลที่พระเอกดูแลนายเอกเราดีมาก
มีความยอมหนักมาก ออกแนวตามใจด้วย
ชอบเรื่องรางมากเลยค่ะ ร้อยเรียงได้น่าอ่าน สนุกมากค่ะ
ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ
-
#แทนแพท :o8: :o8: :o8:
ออกเรือค่ะ :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
-
อ่านแล้วอบอุ่นจัง ขอเพิ่มคู่แทนแพทด้วยได้ม่ะ Please :mew1:
ชอบคู่โฟโต้แก๊ป
-
จริงๆแอบอยากให้คู่กัลป์กับนาทีดราม่ากว่านี้นิดนึง 555 ชอบที่คู่นี้เป็นคู่เดียวที่มีฉากลึกซึ้ง เราชอบเพราะรู้สึกว่าเป็นคู่ที่พร้อมที่สุด มีทั้งความผูกพันและความสามารถในการดูแลตัวเอง อ้อๆ ชอบที่พี่กัลป์เลือกไม่ขัดขวางอนาคตของนาทีด้วย สมัยนี้มันติดต่อกันง่ายแล้ว คิดถึงมากๆก็บินไปหาได้ ถ้ารักกันจริง ไม่เลิกกันหรอกค่ะ
เราชอบฝาแฝดด้วย มันฟินดี แปลกใจนิดหน่อยที่ไม่เล่นพล็อตแฝดเหมือนและจีบผิดคน สงสัยเกร่อแล้ว อิอิ
อ่าน talk แล้วนั่งนึก ร้านถ่ายเอกสารมันไม่น่ามีที่นั่งนะคะ แล้วเขาจะจีบกันยังง้ายยยยย 555 แต่จริงๆก็น่าลองเขียนเนอะ แหวกแนวดี
-
สนุกเวอร์!!!!!!!!! เป็นนิยายที่อ่านแล้วไม่เครียดจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
-
ทั้วเจ้าของร้านกาแฟและลูกค้าต้องไปตรวจเบาหวานกันบ้างนะ หว๊านหวาน :mew1:
-
พึ่งได้มาอ่าน อ่านรวดเดียวจนจบเลย สนุกมากๆเลยค่ะ ทุกตัวละครน่ารักกก ชอบที่มีแฝดเยอะๆน่ารักกกก ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆนะคะ o13 :3123: :pig4:
-
พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ สนุกมากกกกกก ก.ร้อยบรรทัดก็ไม่พอ อ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ น่ารักทุกคู่เลย น่ารักมากๆ อย่างคู่นมสดนี่เค้าหวานสมชื่อมาก มดมาเป็นรังเลยค่ะ คู่ชาเขียวนี่ทำเราแอบเศร้านะคะ มม.คนแอบรักมันเจ็บมากๆ แต่คู่อเมริกาโน่ทำใจเราพัง ร้องเหมือนคนอกหักเองล่ะค่ะ555 คู่ลาเต้นี่มีแต่ความเอ็นดูน้องโต้ อยากได้น้อง น้องน่ารักสุดใจ คู่คาปูนี่ให้ครส.เรียลไลฟ์มากค่ะ การไม่มีเวลาให้กันเหมือนเป็นปัญหาโลกแตก คู่คาราเมลนี่อยากจะแหมไปสุดขอบจักรวาล น้องฟ้าเค้าไม่ธรรมดาจริงๆนะคะ ส่วนคู่โซดาชาเย็นทีแรกก็เจ็บไม่เบาเลยถ้ามองมุมน้องนท แต่สุดท้ายเค้าก็รักกัน คู่ลาเต้นี่ก็ละมุนไม่เบานะคะ พี่เวคนร้ายๆที่ชอบแกล้งเค้า ส่วนคู่โกโก้เป็นอะไรที่โกโก้มากๆ มีทั้งหวานมีทั้งขมแต่สุดท้ายก็กลมกล่อม//คิดว่าน่าจะอวยครบทุกคู่นะคะ5555 อยากบอกว่าชอบทุกคู่มากๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ด้วยรักสุดใจเลยค่ะ :-[ :L1:
-
ชอบมากกกกกก สนุกดีค่ะ แต่ละตอนก็ความยาวกำลังดี จบในตอน ไม่ต้องลุ้นนาน ชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะคู่น้องโฟโต้กับพี่แก๊ป ละมุนละมัยดี ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
-
คู่พี่กัลป์กับหมอนาที คือดีต่อใจมากๆ ครับ
-
แจ้งข่าวค่ะ
ตอนนี้นิยายเรื่อง ร้านกาแฟ COFFEE SHOP ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ รักคุณ
จะมีการเปิดPre-sale ในวันที่ 5-15 พ.ค.2561 ที่ Pre-sale ร้านกาแฟ COFFEE SHOP (http://https://www.facebook.com/RakKunPublishing/)
และมีวางขายในงาน จำหน่ายในงาน Fiction Market วันที่ 26 พ.ค.2561
บูท A1-A2 เวลา 11.30 - 16.30 น. ณ ห้องประชุมเพียรจิตเพียงธรม ชั้น 11 โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์
มีตอนพิเศษ กัลป์ - นาทีเพิ่ม 1 ตอน
และตอนพิเศษที่มีครบทุกคู่อีก 1 ตอนค่ะ
^______________^
ว่างๆ แวะมาอ่านนิยายร้านกาแฟกันได้เสมอนะคะ
-
น่ารักทุกคู่...หวานจนน้ำตาลเรียกพี่ :m4: :m4:
ฟิน :m3: :m1: :m3:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เรื่องน่ารักดี เป็นตอนสั้นๆแต่ต่อเนื่องกัน ชอบค่ะ
+1 ^^
-
สนุกมากค่ะ
ชอบทุกคู่
:L2: :L2:
-
สนุกมากค่ะ เขียนได้ละมุนละไมมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
-
ละมุนมากกกก พี่่กัลป์ :mew1:
-
:pig4:
-
สนุกมากๆ ชอบทุกคู่เลย :pig4: :pig4:
-
:pig4:
-
เป็นหนึ่งในนิยายฟีลกู้ดที่อยากแนะนำและคุ้มค่าแก่การบอกต่อมากเลยค่ะ อ่านไป ยิ้มไป หน่วงบ้าง อะไรบ้าง ชอบที่แต่ละคู่ให้ฟีลที่ต่างกัน ทำให้เห็นมุมมองความรักต่างๆกันไป ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีให้อ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนน้า
-
สนุกทุกคู๋ คิดถึงสมัยตอนอ่านฟิคเลย
ที่เป็นบทสัมภาษณ์หนุ่มฮอตมหาลัย 5555
ส่วนตัวชอบเรื่องของน้องกัส ชอบความเจ็บปวดแบบนี้
การไม่สำคัญ การไม่มีตัวตน
อ่านหปร้องไห้สะอื้นไป><
-
สนุกทุกคู่เลยถ้ามีเรื่องยาวคงน่าอ่านมาก ไรต์เขียนได้ดีเลยครับอ่านได้ไม่สะดุดเลย ส่วนตัวชอบเรื่องของ โฟกัสมากจะร้องไห้ตามตลอดเลย o13 o13 o13
-
ขอบคุณค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกมากค่ะ :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
-
ละมุนมากกกกก
:กอด1:
-
ชอบทุกคู่เลย มีความมุ้งมิ้งๆให้ใจหวั่นไหวได้ดีจริงๆ
-
แง้ เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยค่ะ o13
-
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ ขอบคุณมากค่าา :pig4:
-
:pig4:
-
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
ดีงามมากเลยค่ะ ติดตามผลงานอยู่นะคะ
-
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ