พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 10-06-2017 23:04:10

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-06-2017 23:04:10
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook

ติดตามผลงานอื่นๆ ได้ที่...

(https://uppic.cc/d/K2KH) (https://uppic.cc/v/K2KH)

twitter : https://twitter.com/foggytimenaja
FB : https://www.facebook.com/FoggyTime/

#มิสเตอร์ต้นโซคูล
[/size]
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-06-2017 23:08:28

"ถามจริง? มิสเตอร์ต้นนักเรียนทุนคนนั้นน่ะ ปั่นจักรยานพังๆ นั่นมาเรียนจริงดิ โอมายก็อด" ภาษาไทยติดสำเนียงบริติชจ๋าพูดด้วยน้ำเสียงสูงบ่งบอกถึงความประหลาดใจขั้นสูงสุดของเจ้าตัว 

ซึ่งนั่นเป็นเสียงของ 'ทอม' หรือหนุ่มนักเรียนนานาชาติที่มีสายเลือดผู้ดีชาวอังกฤษอยู่ในตัวแต่มาอยู่ที่ไทยเพราะธุรกิจครอบครัวที่มาลงทุนในไทยซะส่วนใหญ่ ทอมมีภาพลักษณ์แบบชาวอังกฤษนั่นก็คือผมสีทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว เพียงแต่ว่าทอมอาจจะได้ความสูงมาไม่ครบ ความสูงเลยต่ำกว่าเกณฑ์ชาวยุโรปและชาวเอเชียแต่ก็ไม่ได้เตี้ยจนน่าเกลียดอะไร 

"เชื่อไม่เชื่อ ยูก็รอดู เชื่อไอ ไม่ถึงนาทีฮีจะมาด้วยจักรยานกรังๆ นั่น" 

ทอมหลุดขำพรืดส่ายหัวไม่เห็นด้วยพลางหยิบแซนด์วิชแฮมที่ทำจากเชฟชื่อดังเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยมาเคี้ยวกินด้วยความรู้สึกหิวนิดๆ เพราะไข่ปลาคาเวียร์ที่กินคู่กับขนมปังตอนเช้านั้นไม่ค่อยจะอยู่ท้องสักเท่าไหร่ซึ่งนมวัวจากฮอกไกโดที่กินตอนท้ายก็เริ่มทำปฎิกิริยาแปลกๆ ในท้องเขาแล้ว 

"ไม่จริงหรอกน่า จักรยานนั้นอาจจะยืมการ์เดนเนอร์มาก็ได้นะ สมิท มิสเตอร์ต้นอาจจะอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตดูบ้าง พวกชีวิตของสามัญชนน่ะ" 

หลังจากกินไปคำนึงทอมก็หน้าบึ้งเพราะในแซนด์วิชมีมะเขือเทศที่เขาเกลียด รสชาติแบบนี้บ่งบอกชัดๆ ว่าเป็นมะเขือเทศชั้นเลวที่ไม่ใช่จากฟาร์มออร์แกนิกแน่ๆ 

ทอมทนกลืนมันลงคอแล้วโยนแซนด์วิชที่เหลือครึ่งอันลงถังขยะอย่างแม่นยำแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์หาพ่อเพื่อเอาเรื่องกับเชฟที่อาจจะทำทุจริตอะไรลับหลังพ่อเขาเรื่องวัตถุดิบอาหาร หึ ไม่รู้อะไรซะแล้ว ว่าลิ้นเขาไวกับสิ่งที่เป็นของสามัญชนยังกับอะไร! 

"เฮ้ยๆ นั่นเหลือต้องครึ่งอันเลยนะ!" สมิทโวยวายเมื่อแซนด์วิชที่ทอมสาธยายประมาณสิบนาทีถึงความเลิศเลอในวัตถุดิบและคนทำถูกโยนลงถังขยะอย่างไม่ไยดี แต่ที่สมิทโวยวายไม่ใช่เพราะว่าเสียดายแต่เป็นเพราะใบหน้าของคุณหนูมากกว่าที่ตูมมาก 

"มันเอามะเขือเทศจากสวนห่วยๆ หลังบ้าน มาให้ฉันกิน" ทอมหน้ามุ่ยพิมพ์ยิกๆ ส่งหาพ่อแต่พ่อก็ยังไม่อ่านเพราะอยู่ในเวลางานแล้ว ถึงเขาจะรู้ก็เถอะว่าพ่อทำงานอยู่แต่มันก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี ไม่รู้ว่าเชฟนั่นไม่รู้รึไงว่าเชฟคนเก่าๆ โดนไล่ออกไปเป็นสิบคนเพราะเรื่องอะไร 

เพราะความเรื่องเยอะของเขายังไงล่ะ! 

"มิสเตอร์ต้นมาแล้ว! ดูนั่นเร็ว" 

ทอมเงยหน้าขวับแล้วอ้าปากค้าง 

"โอ้พระเจ้า.." 

สิ่งที่ทอมเห็นนั้นคือร่างสูงใหญ่เกินคนไทยของมิสเตอร์ต้นที่กำลังปั่นจักรยานคันเก่ากึกส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกการถีบเข้ามาในโรงเรียนโดยที่ซีเคียวริตี้ของโรงเรียนไม่แม้แต่จะกั้นโดยสักนิด ทั้งๆ ที่โรงเรียนนี้น่ะ ถ้าไม่ใช่ซุปเปอร์คาร์หรือมอเตอร์ไซต์ยี่ห้อดังก็อย่าหวังว่าจะผ่านเข้ามาได้! 

แต่นี่มิสเตอร์ต้นทำได้..? 

ทอมจ้องหน้ามิสเตอร์ต้นที่เตะขาตั้งจักรยานลงอยู่ซึ่งพอจอดเสร็จ อีกฝ่ายก็เงยขึ้นมาสบตาพอดีด้วยสีหน้านิ่งงันและไร้อารมณ์ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาตื่นเต้นได้ 

"โอ ก็อด.." 

คำอุทานสำเนียงแท้หลุดจากปากทอมอีกรอบเมื่อโดนมิสเตอร์ต้นเห็นชัดๆ ว่าเสื้อผ้าของมิสเตอร์ต้นนั้นเต็มไปด้วยรอยเย็บและรองเท้าที่เปื่อยแล้วเปื่อยอีก 

"น่าสงสารจัง" ทอมพูดเสียงเครือมองมิสเตอร์ต้นเศร้าๆ และหันไปมองเพื่อนสนิทชาวอังกฤษแท้เหมือนตัวเอง "เราพอจะช่วยอะไร มิสเตอร์ต้นได้ไหม? ฉันว่าถ้าฉันใส่เสื้อนั้นคงจะคันมากแน่ๆ ฮึก มิสเตอร์ต้นทนใส่มันไปได้ยังไงกัน" 

ทอมฟูมฟายเพราะสงสารเพื่อนร่วมโรงเรียนของตัวเองมากด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ สาบานด้วยสัตย์จริงเลยว่าแค่เขาไม่กล้าแม้แต่จะแตะเสื้อเก่าๆ เหลืองๆ นั่นด้วยซ้ำ 

แต่ แต่มิสเตอร์ต้น.. กล้าใส่มันมาโรงเรียน ช่างน่าสรรเสริญอะไรขนาดนี้ 

"ฉันว่าเราเลี้ยงข้าวเช้าเขาสักมื้อก็น่าจะดีนะ" สมิทออกความเห็นด้วยความรู้สึกสงสารไม่ต่างกัน ข่าวลือที่ว่าด้วยเรื่องของมิสเตอร์ต้นดังทั่วโรงเรียนเขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นจริงเหมือนกัน แต่มันเป็นไปแล้วและแย่กว่าที่คิดมาก 

ทอมหันไปสบตากับสมิทแล้วพยักหน้าเป็นอันดีล 

"เราจะไปช่วยให้มิสเตอร์ต้นกัน!" 

"ถ้ามิสเตอร์ต้นที่คุณพูดถึงหมายถึงผม ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ต้องการ" 

เสียงที่สามนอกเหนือบทสนทนาทำเอาคนที่กำลังดีลกันสะดุ้งเฮือกผวาออกคนละทาง 

"มิสเตอร์ต้น!" ทอมอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อคนที่แสนจะน่าสงสารมาปรากฎต่อหน้าตัวเอง "คุณหิวหรือเปล่า? ให้ผมเลี้ยงข้าวเช้าคุณไหม ผมจะโทรให้คนของพ่อเอาอาหารเช้ามาให้คุณ อเมริกันเบรคฟาสต์ไหมจะได้ไว คุณดูเหนื่อยมากเลย ผมไม่รู้ว่าคุณต้องเหนื่อยขนาดไหนกับเศษเหล็กวิ่งได้นั่น" 

"ใช่ยูไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวเช้านะ มิสเตอร์ต้น" สมิทพูดด้วยสีหน้าสงสารพอๆ กับทอม "ไอมีน้ำแร่จากบ่อใต้ดินแถบอลาสก้าอยู่ที่กระเป๋า ถ้ายูหิวน้ำบอกไอ ไอจะวิ่งไปเอาน้ำให้" 

ใบหน้าคมคายที่นิ่งสนิทมาตลอดเริ่มขมวดคิ้วไม่พอใจ 

"ผมไม่ต้องการ" 

ทอมดึงมือข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋าของมิสเตอร์ต้นมาจับ สีหน้าเศร้าหมองที่ถูกปฏิเสธน้ำใจ "ไม่ต้องเกรงใจน่า มิสเตอร์ต้น คุณน่าสงสารมากเลย ก็อด.. พวกเรามองข้ามคุณไปตั้งนานได้ยังไงกัน ผมควรจะเจอคุณไวกว่านี้" 

คนที่ถูกตั้งฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็งเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ กระชากมือทอมออกแล้วตะคอก 

"หุบปาก!! ผมไม่ได้ต้องการความสงสารจากใคร ถ้าพวกคุณรวยกันมากก็เก็บรักษามันไว้ดีๆ ไม่ต้องมาหว่านแจกให้ผม!" 

ทอมนิ่งค้างเหม่อมองมิสเตอร์ที่กราดด่าด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันแท้ไม่ผิดเพี้ยนราวกับว่าเป็นเจ้าของภาษายังไงยังงั้น 

"แต่อย่างน้อยยู ก็ไม่ควรกินน้ำถูกๆ นั่นนะ" สมิทที่หน้าหดเหลือสองนิ้วพูดเสียงอ้อมแอ้มแล้วยื่นน้ำแร่จากบ่อใต้ดินอลาสก้าให้ "มันสกปรกเกินไป" 

"โว้ย!!!" 

มิสเตอร์ต้นคำรามใส่ทอมและสมิทก่อนที่จะกระแทกเดินจากไปด้วยความฉุนเฉียว 

ทิ้งให้สองเพื่อนรักมองหน้ากันงงๆ 

"พวกเราทำอะไรผิดงั้นเหรอ..?" 

ซึ่งถ้ามิสเตอร์ต้นอยู่ตรงนั้นพอดีคงไม่วายตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย 
 



ปรี๊ดดดด

เสียงนกหวีดดังลั่นเป็นสัญญาณเริ่มของเกม ลูกบาสถูกโยนขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่ร่างนักกีฬาบาสที่สวมด้วยชุดกีฬาแบรนด์เนมทั้งตัวจะกระโดดขึ้นไปแย่งลูกกับชายร่างใหญ่อีกคนที่ไม่ได้สวมเสื้อกีฬาหรือเสื้ออะไรทั้งนั้นด้วยเหตุผลที่ว่า 'เปลืองเงินเกินไป' แน่นอนว่าบัญญัตินี้หรือคำๆ นี้ไม่มีวันอยู่ในหัวสมองของทอมแน่นอน

ทำเอาคนใจบุญที่มายืนเปลี่ยวๆ คนเดียวแทบจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาแห่งความสงสาร

"โฮ มิสเตอร์ต้น แม้แต่กางเกงสีดำนั่นยังขาดเลย มันจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว"

ทอมที่โดดคาบพละห้องตัวเองมาส่องมิสเตอร์ต้นถึงกับฟูมฟายออกมา ผิดกับผู้หญิงบางคนที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดให้ต้นเวลาที่สามารถแย่งลูกมาถือและส่งต่อได้

"อ้าว ทอม มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ยูเรียนว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ?"

รุ่นพี่คนนึงที่ถูกเป็นตัวสำรองเดินเข้ามาทักทอมที่ทำท่าทางแปลกๆ เหมือนจะร้องไห้

ทอมหันไปยิ้มให้แล้วพยักเพยิดไปที่สนาม "คือผมมารอเลี้ยงข้าวเที่ยง มิสเตอร์ต้นน่ะ"

เล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับหันไปมองคนที่เล่นอยู่ในสนามด้วยความกราดเกรี้ยวกว่าทุกวัน เสียงรองเท้าผ้าใบคู่เก่าบดกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าดไม่หยุดและหันมามองหน้าทอมใหม่อีกรอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่

"มิสเตอร์ต้นคนนั้นน่ะนะ?"

ทอมพยักหน้าหงึกหงักกลอกตามองตามลูกบาสที่แทบจะถูกมิสเตอร์ต้นบีบแตกคามือ  "ช่ายยย คนที่กำลังชู้ตบาสนั่นแหละ"

เฮ!!!!

เสียงเฮดังลั่นเมื่อต้นกระโดดชู้ตสามแต้มจากกลางสนามลงห่วงได้อย่างแม่นยำ ต้นยิ้มนิดๆ รู้สึกพอใจในการเล่นบาสของตัวเองวันนี้แต่พอหันไปเห็นคนเรียกที่พยายามเรียกตัวเองด้วยสำเนียงไทยแปร่งๆ ก็หุบยิ้มฉับและแทนที่ด้วยสีหน้าถมึงทึง

"มิสเตอร์ต้น! สุดยอดไปเลย! โซคูล!! เชื่อผมเถอะถ้าคุณได้รองเท้าแบรนด์ที่ผมใช้อยู่ด้วยนะ  คุณจะเล่นได้ดีกว่านี้อีก!"

ทอมตะโกนแล้วฉีกยิ้มกว้างโบกไม้โบกมือให้มิสเตอร์ต้น แต่ผลที่ได้คือโดนเมินเฉยและมิสเตอร์ต้นก็เข้าไปแย่งลูกบาสต่อทันทีราวกับว่าทอมนั้นเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีค่าพอให้แม้แต่จะเสียเวลามอง

และเจ้าตัวก็คิดอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย

พอเห็นว่ามิสเตอร์ต้นไม่สนใจตัวเองเลยสักนิด ทอมก็ลดมือลงหงอยๆ 

คนเป็นรุ่นพี่หัวเราะในลำคอ "มิสเตอร์ต้นของยูเป็นนักเรียนทุนน่ะ เห็นว่าพ่อแม่รู้จักกับผอ. โรงเรียนเรา เขาเลยได้เรียนฟรี จริงๆ ผอ. ก็พยายามจะให้อะไรอย่างๆ กับมิสเตอร์ต้นนะ แต่เขาไม่เอาเพราะเกรงใจ"   

"เพราะเกรงใจหรอกเหรอ!"

จากแห้งเหี่ยวเหมือนพืชขาดน้ำใกล้ตายทอมก็กลับมาเป็นดอก Kadupul Flower (ดอกไม้ที่แพงที่สุดในโลกจนประเมินค่าไม่ได้เพราะมันจะอยู่ได้ไม่นานหลังจากถูกเก็บเกี่ยว) ที่เบ่งบานเต็มที่ ทำเอารุ่นพี่แทบตาพร่าจากออร่ามีความสุขมากของทอม

"อีกอย่างเขาเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบพวกคนรวยแล้วแบบยูสักเท่าไหร่" รุ่นพี่หนุ่มพยายามพูดถนอมน้ำใจกับทอมมากที่สุดด้วยการไม่พูดคำว่าอวดรวยด้วย ถึงแม้ว่าโรงเรียนนี้จะเป็นแบบทอมไปครึ่งโรงเรียนแล้วก็เถอะ ลองคิดดูสิว่าจะโรงเรียนเอกชนแบบไหนกันที่นักเรียนเสพติดของแบรนด์เนมเข้าขั้นบ้าคลั่ง ทุกอย่างต้องแบรนด์เนมแม้กระทั่งหมาประจำโรงเรียนที่ชอบเดินเชิดไปมายังเป็นพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์

"ขอบคุณมากๆ นะครับ พี่ทีม" ทอมหัวเราะฮ่าๆ อารมณ์ดีและมองมิสเตอร์ต้นที่กำลังเล่นบาสอย่างดุดันด้วยความเพลิดเพลิน "เป็นคนดีจริงๆ เลยน้า มิสเตอร์ต้น"

"…"

รุ่นพี่หนุ่มหัวเราะแห้งๆ เพราะดูท่าทางของมิสเตอร์ต้นที่อยู่ในสนามแล้วคงจะเกลียดทอมเอามากเนื่องจากมีคุณสมบัติที่เจ้าตัวเกลียดไว้ครบครันเลยทีเดียว ทั้งเรื่องเด็กเส้น รวย ขี้อวด เสพแบรนด์หรือสารพัด แต่ที่แน่ๆ ทอมคงจะโดนมิสเตอร์ต้นแบนออกจากชีวิตอย่างแน่นอน

"ทีม! มาเปลี่ยนตัว!"

"ครับ!"

ทีมรับคำแล้ววิ่งกลับเข้าไปข้างสนามรอเปลี่ยนตัว แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องรุ่นน้องตัวเองไม่หยุด จะว่ายังไงดีเขาค่อนข้างจะเอ็นดูน้องทอมน่ะ ถึงจะขี้อวดไปบ้างแต่ก็น่ารักดี เหมือนเด็กที่ยังไม่โตสักทีชวนให้อยากเอามือไปบีบแก้มแล้วขยี้จนขึ้นเป็นรอยแดง

เฮ!

ลูกสามแต้มถูกชูทลงห่วงอีกครั้งทำเอาทอมตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุข

"โซคูล!!! สุดยอดไปเลย มิสเตอร์ต้น!"

ทอมป้องปากตะโกนอีกรอบโบกไม้โบกมือยิ้มกว้างรอบสองแต่กลับโดนเมินแบบจริงจัง มิสเตอร์ต้นของทอมไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ทำให้ทอมใจแป้วสักนิด หนำซ้ำยังฮึกเหิมมากกว่าเดิม เดินเข้าไปหามิสเตอร์ต้นที่ถูกเปลี่ยนตัวกับรุ่นพี่เขาด้วยรอยยิ้มกว้าง

"มิสเตอร์ต้น!"

เจ้าของชื่อถึงกับถอนหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิดกระทืบเท้าหนีเด็กน่ารำคาญไปอีกฝั่งแต่จนแล้วจนรอดก็ถูกวิ่งมาดักข้างหน้าอยู่ดี

ไม่แน่ใจว่าตาลายหรือเปล่า เขาถึงเหมือนเห็นรุ่นน้องน่ารำคาญนี่เหมือนลูกหมาสักตัว ที่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากอ้อนเจ้าของไปวันๆ แต่ดีหน่อยที่เจ้าลูกหมานี่รวย มีชุดหมาดีๆ ใส่ แต่ละมื้อเป็นเนื้อสเต็กจากออสเตรเลียและถูกย่างในระดับมีเดียมแรร์

"มีอะไร?" ต้นถามเสียงเข้มส่อเค้าถึงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ ไม่แน่ใจว่าไอ้เด็กเวรนี่มันผุดมาจากนรกขุมไหน มันถึงได้น่ารำคาญและรังควานชีวิตเขาขนาดนี้ เขารู้ว่าเขาไม่เหมาะกับโรงเรียนนี้ แต่ใครสนล่ะ ในเมื่อมันเป็นชีวิตเขา! 

"ไปกินข้าวกับผมไหม ผมอยากเลี้ยงข้าวเที่ยงคุณ มิสเตอร์ต้น" ทอมอยากรวบมือมิสเตอร์ต้นมาจับอีกแต่กลัวโดนสลัดออกจึงทำแค่มองมือเท่านั้น "คุณไม่ต้องเกรงใจผมนะ! ผมเต็มใจเลี้ยงคุณ"

น่าแปลกที่ยิ่งฟังยิ่งทำให้คนกำลังถูกเปย์หงุดหงิด

"ผมมีสวัสดิการกินอาหารเที่ยงที่นี่ฟรี คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาแส่" 

เพื่อเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูด ต้นกระแทกไหล่ทอมจนเซแล้วเดินผ่านไปทันที ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการกระทำที่หยาบคายต่ำช้าแต่เขาก็เลือกที่จะทำมัน เด็กเวรนี่จะได้รู้ตัวสักทีว่าเขามันไม่น่าคบและไม่สมควรเข้ามายุ่งด้วยตั้งแต่แรก

เมื่อเดินหนีมาได้สักพักต้นก็คลายหลังที่เหยียดตรงกลับมาเดินสบายๆ แบบเดิมและถอนหายใจเหนื่อยๆ ออกมา เอาเข้าจริงการใช้ชีวิตในโรงเรียนนานาชาตินี่มันก็เป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนสำหรับเขาเหมือนกันนั่นแหละ ถึงจะไม่มีใครกล้าวิจารณ์เขาตรงๆ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่านี่ไม่ใช่ทีสำหรับเขา

"มิสเตอร์ต้น ถ้าเป็นดินเนอร์ล่ะ? คุณว่างไหม ถ้าว่างก็มากินที่บ้านผมสิ บ้านผมเป็นมีเชฟดังที่สามารถทำอาหารได้แทบทุกประเทศ แต่ที่ผมชอบจริงๆ แอดดิคสุดๆ เป็นแฮมเบอร์เกอร์ล่ะ อร่อยมากเลย ผมอยากให้คุณกินมันหรือถ้าคุณอยากกินอาหารประเทศไหนก็รีเควส์มาได้ ผมสั่งได้หมด"

ต้นสูดหายใจครั้งนึงและค่อยๆ หันไปมองคนที่เพิ่งโดนทำร้ายจิตใจมาแหม๊บๆ แต่กลับวิ่งกลับมาเดินข้างๆ ด้วยสีหน้าชื่นมื่นเหมือนไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อกี้

"ไม่" ต้นหยุดเดินกดเสียงต่ำ "ไสหัวไป!"

ทอมหดคอหนีนิดๆ "ไม่เอาน่า มิสเตอร์ต้น แค่ดินเนอร์เอง คุณจะชวนแฟมิลี่คุณมาแจมด้วยก็ได้เพราะผมกินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว เหงามากเลย"

"ฟัค" ต้นสบถใส่ตรงๆ มองทอมตาขวาง "ผมจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น"

ทอมยิ้มใส่ "แต่มันอร่อยมากนะ ถ้ายูมาด้วย ผมรับประกันเลยว่ามันจะอร่อยขึ้นมากกกก เรื่องเมื่อเช้าผมไม่รู้หรอกนะว่าผมทำอะไรผิดแต่ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจ ผมก็ขอโทษนะ มิสเตอร์ต้น"

ทอมทำหน้าหงอยในประโยคหลังในแบบที่น่าสงสารมาก เป็นระดับเดียวกับที่ใช้อ้อนพ่อเวลาที่พ่อโกรธเขามากๆ ซึ่งพอเจอท่านี้เข้าไปถึงกับมือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูก

และมันต้องได้ผลกับมิสเตอร์ต้นแน่ๆ! เพราะเขาทั้งเล่นใหญ่และใส่ความจริงใจลงไปอีก

ทอมแอบลอบมองสีหน้ามิสเตอร์ต้นพบว่าอีกฝ่ายลดการ์ดลงมากโข จากที่จะกินหัวเหลือแค่จ้องเฉยๆ ไม่พูดอะไร

"ฮื่อออออ"

ต้นถอนหายใจยาวๆ หงุดหงิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่พอเห็นลูกหมาทำหน้าเหมือนจะตาย ใจก็อ่อนยวบ   

"พรุ่งนี้เช้า"

"เจ็ดโมง? จริงเหรอครับ ตอนนั้นผมเพิ่งจะกระดิกตัวจากเบดเองนะ" ทอมโอดครวญเพราะเวลาที่เจอมิสเตอร์ต้นตอนเช้าคือเจ็ดโมงเช้าตรง เขาถูกสมิทชวนให้มาพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับข่าวลือเลยยอมตื่นเช้ามาด้วยและแน่นอนมันจะเป็นวันเดียวเพราะทอมรักเตียงมาก

"งั้นก็จบ อย่ามายุ่งกับผมอีก" ต้นถลึงตามองทอมที่ค่อนข้างดังในหมู่นักเรียน เรื่องหน้าตาและความรวยที่ไม่รู้จะรวยไปถึงไหน
ทอมหงอยลงทันที "ก็ได้ โอเคๆ ดีลนะ มิสเตอร์ต้น พรุ่งนี้เจ็ดโมงเจอกัน ผมจะให้คนของพ่อเตรียมอาหารเช้าให้คุณ รับรองว่า

คุณต้องชอบมันมากแน่ๆ" 

หากแต่เมื่อพูดถึงอาหาร ทอมก็เพิ่งนึกเรื่องเมื่อเช้าได้จึงหยุดยิ้มเรี่ยราดให้มิสเตอร์ต้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัพเดตความก้าวหน้าของเรื่องร้องเรียนว่าไปถึงไหนแล้วและพบว่าพ่อยังไม่อ่านเลย!

"โถ่!" ทอมบ่นอุบ เขาชอบรสมือของเชฟคนนี้ก็จริงแต่กับการกินนอกกินในนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ พ่อเกลียดเรื่องนี้มากและมันก็ถ่ายทอดทางสายเลือดมาสู่เขา 

"คุณจะไปไหนก็ไป" ต้นพูดหน่ายๆ เพราะนี่ก็เดินมาถึงห้องแต่งตัวแล้วแต่เจ้าลูกหมาโง่นี่มันยังไม่รู้ตัว เดินตามต้อยๆ บ่นงุ้งงิ้งกับโทรศัพท์

"เปลี่ยนไปเถอะน่า ยังไงผมก็ผู้ชายเหมือนคุณ" ทอมเก็บโทรศัพท์แล้วนั่งม้านั่งยาวในห้อง มองหุ่นมิสเตอร์ต้นอย่างโจ่งแจ้ง เอาเข้าจริงเหตุผลที่เขาตามติดชีวิตมิสเตอร์ต้นขนาดนี้ก็เพราะเรื่องหุ่นด้วยแหละส่วนนึง แต่หลายๆ ส่วนคือสนใจและสงสารมากกว่า

"คุณเล่นฟิสเนสเหรอ? ถึงได้มีซิกแพ็กขนาดนี้"
ทอมพูดหงอยๆ ก้มมองพุงตัวเองที่คงจะแตกสักวัน 

"หึ" ต้นหลุดขำนิดๆ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่คุยกับทอมแต่เจ้าตัวกลับไม่เห็นเสียอย่างงั้นเพราะกำลังคิดคำนวณหาทางผลาญแคลลอลียังไงที่จะทำให้พุงหายไป 

"ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะอาบน้ำ คุณรีบๆ ไปกินข้าวเที่ยงไป" ร่างสูงพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดไหล่

"ก็จริงของคุณ" ทอมก้มมองนาฬิกาแบรนด์ดังบนข้อมือตัวเองและพยักหน้าหงึกหงัก ผลุดลุกขึ้นยืน "แต่มิสเตอร์ต้นห้ามลืมนะว่านัดกับผมไว้! เพราะเวลานอนสำคัญกับผมมาก ถ้าคุณลืมนัดผม" ทอมแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าไม่ยี่หระของมิสเตอร์ต้น "ผมจะฟ้องพ่อว่าคุณทำมิดีมิร้ายผม!"

เดิมทีต้นกะจะตัดบทเบื่อๆ อย่างคำว่าอืมแต่พอได้ฟังชัดๆ ก็สะดุ้งหันไปถลึงตาใส่ทอม แทบจะเผาอีกฝ่ายทั้งเป็นด้วยแววตาดุร้าย

ไอ้ลูกหมานี่ก็ทำน่าโมโหจริง!

"ใครมันจะไปอยากทำเรื่องบ้าๆ นั่นกับลูกหมาอย่างแกวะะ!"

ต้นพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดคำหยาบใส่รุ่นน้องหน้าซื่อนี่ เห็นมันเอ๋อแบบนี้แต่เขาจำได้ขึ้นใจทีเดียวว่ามันเป็นรวยมากและอำนาจเงินก็น่ากลัวมากพอที่จะสามารถดีดเขาออกจากโรงเรียนนี้ได้!

ทอมหัวเราะฮ่าๆ ขยิบตาให้มิสเตอร์ต้นแล้วเดินผิวปากออกจากห้องแต่งตัวแต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายให้มิสเตอร์ต้นเก็บไปคิด

"มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณรักษาสัญญา"

"เออ!!"

ต้นคำรามอย่างเดือดดาลกระแทกเท้าหนีเข้าห้องน้ำ เขาเปิดน้ำที่แรงที่สุดแล้วปล่อยให้น้ำเย็นๆ ราดหัว ให้อารมณ์เย็นลงมาบ้าง
ไม่อย่างนั้นเขาต้องเผลอวิ่งไปบีบคอไอ้เด็กรวยนั่นแน่ๆ!!!

----------------------------

ช่วงนี้ยุ้งยุ่งงง และคาดว่าจะยุ่งอีกนาน :z10:
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-06-2017 23:39:24
น้องทอมน่าย๊าก..กกกกกกกกก   :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 11-06-2017 10:24:53
คุณต้นนนนนนนนนน โอ๊ยยย สงสารรร น้องทอมคะ อยากเปย์ขนาดนั้นมาเปย์เราก็ได้นะคะ คือเราไม่เหมือนคุณต้นเลยค่ะ เราเต็มใจรับมาก 5555555555 แต่เอาจริงน้องทอมก็ดูน่ารักนะคะ เป็นไทป์น่าปกป้องอ่ะค่ะ แรกๆคุณต้นอาจจะรำคาญนะคะ แต่เราเชื่อว่าหลังๆคุณต้นก็จะคิดแบบเราค่ะ น้องไม่ได้แค่บ้านะคะ น้องเป็นคนจิตใจดีต่างหาก! 555555 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 11-06-2017 13:08:59
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 11-06-2017 20:50:24
ลูกหมาสายเปย์  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: joyly ที่ 11-06-2017 21:13:56
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-06-2017 15:38:59
น้องทอมน่ารักน่าแกล้งจริงๆ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-06-2017 18:11:42
ทำไมขำ 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 14-06-2017 18:29:30
โอ๊ยน่ารักหมาน้อยสายเปย์ ไม่นานคงโดนจับกด :impress2:  :impress2:
 :pig4:

PersephoNE.
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 19-06-2017 19:54:55
อยากจะปล้ำพี่ต้นแท้ อุ๊ฟ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: morningpaper ที่ 24-07-2017 12:59:42
55555555ตลกความมิสเตอร์ต้นมาก มาต่อเถอะนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: เขียวไข่กา ที่ 24-07-2017 15:40:00
อ่านแล้วเหมือนได้ยินเสียงน้องทอมเรียกมิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้น อยู่ในหัว 5555 เอ็นดูน้องทอม :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: mutyamania ที่ 27-08-2017 13:07:47
มาต่อเถอะคุณ มันสนุกมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-08-2017 00:31:05
รวยมากกกก แล้วคือเปย์อะไรขนาดนั้นลูกกก เอ็นดู  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-10-2017 23:44:10
ตอนที่ 2
 
6:53 AM
 
ร่างสูงในชุดพละลายสก็อตยืนพิงต้นไม้แล้วจดจ้องหน้าประตูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ท้องไส้พากันร้องโครกครากจนน่ารำคาญเพราะเลยเวลากินข้าวเขามานานมากแล้ว

สาเหตุที่อดข้าวน่ะเหรอ? ไอ้เด็กบัดซบพูดมากนั่นไง! ก่อนกลับบ้านไอ้เด็กเวรนั่นมางุ้งงิ้งบอกว่าอย่ากินอะไรมานะ ไม่งั้นลิ้นจะสูญเสียความสามารถในการรับรสไป  เหมือนเวลาเรากินของเปรี้ยวๆ แล้วไปกินของหวานแล้วรสชาติไม่เหมือนเดิมอะไรทำนองนั้นแต่ไอ้เด็กเวรนั่นเปรียบกับอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จัก แต่ที่แน่ๆ งอแงจนเขาต้องรับปากว่าจะไม่กิน มันถึงจะยอมกลับบ้าน คิดดูสิ คนขับรถของพ่อเด็กเวรนี่มายืนกดดันเขาตั้งสามคน! ใครไม่รับปากก็บ้าแล้ว ใครจะไปรู้ว่าถ้าเขาทำเด็กเวรนี่ร้องไห้ พ่อเจ้าเด็กนี่ไม่เอาเขาตายเลยเรอะ

ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ต้นก็ยิ่งหงุดหงิด ส่งรังสีออร่าความไม่เป็นมิตรรอบๆ จนนักเรียนคนอื่นๆ ที่มาเช้าเหมือนกันพากันหลบทางให้หวาดๆ 
 

6:57 AM
 

"ไปมุดหัวอยู่ไหนวะเนี่ย!" ต้นคำรามอย่างกราดเกรี้ยว ปกติเขากินข้าวประมาณหกโมงกว่าๆ นี่จะเจ็ดโมงแล้วไอ้ทอมนั่นยังไม่โผล่หัวออกมาเลย รู้อย่างนี้เขาน่าจะกินขนมปังรองท้องมาสักหน่อย ไม่น่าทำตามที่รับปากไว้เลย คิดดูสิ ร่างกายเขากับไอ้เด็กนั้นมันไม่เหมือนกันนะ เขาเป็นวัยรุ่น เป็นวัยกำลังโตและโตกว่าไอ้เด็กงี่เง่านั่นด้วย ไม่แน่ใจว่าโตแต่ตัวหรือเปล่า ถึงได้ดูเป็นเด็กน้อยซะเหลือเกิน
 


7:00 AM

รถยนต์หรูที่มีเพียงไม่กี่คันในประเทศไทยค่อยๆ มาจอดเทียบท่าหน้ามิสเตอร์ต้นอย่างช้าๆ ราวกับภาพสโลวโมชั่น บอดีการ์ดร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำลงมาจากรถก่อนที่จะเดินมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นนายของตัวเองอย่างนอบน้อม 
และในที่สุดปลายรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังราคาแพงกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมิสเตอร์ต้นก็ค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถ
 

"…"

ต้นมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาด

กับแค่ลงจากรถมันต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ
 

เมื่อเท้าเหยียบดินทอมก็หันไปขอบคุณบอดี้การ์ดอย่างมีมารยาทตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษที่มิสซิสแมรี่พร่ำสอนเขามาแต่เด็กในการวางกิริยามารยาทที่ผู้ดีพึงมี ทอมคลี่ยิ้มกว้างเมื่อ (เพิ่ง) เห็นมิสเตอร์ต้นยืนรอตัวเองตรงต้นไม้

"มิสเตอร์ต้น!"

ทอมเรียกอย่างดีอกดีใจ "คุณรักษาสัญญา! ก็อด! ผมดีใจมากๆ เลยล่ะ"

เจ้าของชื่อกลอกตาหน่ายๆ แล้วเหลือบมองถุงเป็นสิบถุงที่ทอมหิ้วลงมาด้วย "แล้วนั่น? อย่าบอกว่าข้าวเช้า?"

"ใช่!" ทอมยิ้มจนตาหยี "ผมไม่รู้มิสเตอร์ต้นชอบกินแบบไหน เลยเอาแบบที่ผมชอบมาหมดเลย!"

ซึ่งมิสเตอร์ต้นอยากจะบอกทอมเหลือเกินว่าแค่หมูปิ้งข้าวเหนียวห้าบาทตอนเช้าเขาก็พอใจแล้ว แต่เห็นแก่ความกระตือรือร้นล้านแปดของทอม ต้นจึงยอมเก็บปากร้ายๆ ของตัวเองเข้ากรุ อย่างน้อยเจ้าเด็กเวรนี่ก็เลี้ยงข้าวเขามื้อนี้

"...เฮ้อ"

แต่ยังไงก็อดถอนหายใจไม่ได้อยู่ดี การกระจายรายได้ของประเทศนี้ช่างโหดร้ายกับครอบครัวเขาซะเหลือเกิน

"ไปนั่งโต๊ะนั้น ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว"

ร่างสูงสาวเท้าอาดๆ ไปนั่งโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆ พร้อมกับกุมท้องที่คำรามไม่หยุด นี่ถ้าทอมมาช้ากว่านี้ ไม่วายเขาจะจับตัวต้นเหตุนั้นแหละต้มกินกลางสนามไปเลย 

ทอมระริกระรี้เดินตามหลัง เรียกได้ว่าร่าเริงและดีใจสุดๆ เพราะไปเล่าเรื่องที่เขามีความตั้งใจอันดีที่จะช่วยเหลือมิสเตอร์ต้นให้พ่อฟังและพ่อที่ปกติยิ้มยากสุดๆ ยังยิ้มมุมปากเอ่ยชมเขาด้วย! ไหนจะบอกให้ถ่ายตอนที่มิสเตอร์ต้นกำลังกินด้วยสีหน้ามีความสุขอีก
เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ดีมากๆ สำหรับทอม

"นั่งเลยมิสเตอร์ต้น เดี๋ยวมิสเตอร์ทอมจะจัดการให้คุณเอง!" ทอมพูดอย่างฮึกเหิมเอามือปัดฝุ่นออกจากโต๊ะลวกๆ แล้วดึงผ้าปูโต๊ะสีขาวมาปูก่อนจะตายด้วยจาน ช้อน ส้อม มีด แก้ว ทีละอย่างด้วยท่าทีละเอียดบรรจงราวกับเป็นพ่อบ้านมากประสบการณ์ในวัง

"...บ้าเอ้ย" ต้นรู้สึกอยากยกมือนวดขมับ ไส้เขาจะขาดแล้ว แต่ต้องมานั่งดูเด็กเวรนี่บรรจงวางช้อนส้อมบ้าบอคอแตก นี่ถ้าแบกโต๊ะแบกเก้าอี้มาได้ คงจะแบกมาแล้ว

"อยู่นิ่งๆ นะ มิสเตอร์ต้น ผมรู้ว่าคุณน่าจะไม่คุ้นเคยกับการกินแบบผมซะเท่าไหร่" ทอมจัดแจงเสื้อที่ยับเยินนิดหน่อยของมิสเตอร์ต้นให้รีบตึงดูสวยงามก่อนที่ตัวเองจะนั่งตรงข้ามมิสเตอร์ต้นและค่อยๆ จัดเรียงกล่องอาหารทั้งสิบประเทศที่เตรียมมา โดยวางเรียงจากตัวอักษรชื่อประเทศที่ขึ้นก่อนและวางในระดับมุมเดียวกัน ไม่มีเอียงหรือเขเลยสักนิด

"เริ่มต้นจากเมนูแรกนะครับ อเมริกันเบรคฟาสท์ นี่เป็นไข่ดาวจากฟาร์มออแกนิก แม่ไก่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและได้รับสารอาหารดีๆ จนร่างกายอวบอ้วน" 

"ทอม"

"..อะไรเหรอ มิสเตอร์ต้น!" ทอมยิ้มโดยไม่ดูสีหน้าคนเรียกเลยแม้แต่นิดว่าตูมขนาดไหน เพราะมัวแต่ดีใจที่มิสเตอร์ต้นสนใจและอาจจะมีคำถามในสิ่งที่เขาพูด ให้ตายสิ เมื่อคืนเขาน่าจะเตรียมตัวเรื่องคำถามของมิสเตอร์ต้นมาด้วย ถ้าเกิดตอบไม่ได้ คงขายหน้าแย่แน่ๆ

"ข้ามบรรยายไปได้ไหม" 

"แต่" ทอมหงอยลงจนน่าสงสาร ราวกับดอกไม้บอบบางที่ถูกแดดเผาจนเหี่ยว "ผมท่องมาทั้งคืนเลยนะ"

"... เฮ้อ พูดต่อแล้วกัน"

ร่างสูงอยากยกมือกุมขมับใจจะขาด ทำไมไอ้เด็กเวรนี่มันว่างจังวะ

"งือ" ทอมครางในลำคอ "แต่ผมก็จำไม่ค่อยได้อ่ะ งั้นกินเลยก็ได้" หรือว่ากันตามตรงแล้ว ทอมก็หิวๆ เบลอๆเหมือนกัน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนเพราะมัวแต่เลือกเมนูให้มิสเตอร์ต้นและจำบทจนดึกดื่น 

"สรุปคือ กินได้แล้วใช่ไหม" ต้นหน้าหงิก ตอนนี้เขาหิวจนแทบกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว 

"อื้อ! กินเลยๆ ไม่ต้องพิธีรีตองหรอก" 

เมื่อได้รับคำอนุญาตต้นก็จัดการเปิดฝากล่องทุกฝาและพบว่าโคตรสมราคาคุย อาหารแต่ละอย่างหน้าตาสวยงามยังกับหลุดมาจากนิตรสารอาหารชื่อดัง ขนาดข้าวผัดหมูธรรมดาของประเทศไทยยังดูน่ากินมากๆ 

ทอมยิ้มนิดๆ แล้วตักไส้กรอกเยอรมันใส่จานมิสเตอร์ต้น "ไส้กรอกนี่อร่อยมากๆๆ  ผมการันตีเลยว่า มิสเตอร์ต้นต้องชอบ"

แน่นอนว่าคนหิวย่อมไม่ปฏิเสธ มิสเตอร์ต้นจัดการสวาปามไส้กรอกและอะไรอื่นๆ ลงท้องอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร เพียงไม่นานอาหารหลายกล่องที่ทอมเตรียมมาก็เหลือเพียงแค่กล่องเปล่าเหลือเพียงซอสที่ติดอยู่ก้นกล่องประปราย

"มิสเตอร์ต้น คุณชอบมันมากไหม" ทอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโหมดถ่ายภาพเตรียมถ่ายรูปอวดพ่อ

"...จะถ่ายรูป?" ต้นเลิกคิ้วขณะที่ในปากเคี้ยวขนมปังอะไรสักอย่างที่อร่อยมากตุ่ยๆ 

"อื้อ! ขอผมเทคโฟโต้นะ" 

ไม่รอคำตอบ ทอมก็ถ่ายและได้รูปมิสเตอร์ต้นทำหน้างงใส่กล้อง

"ได้แล้วๆ ขอบคุณมากนะ มิสเตอร์ต้น" ทอมระริกระรี้ วาดภาพในใจว่าพ่อต้องชมเขาอีกแน่ๆ คืนนี้

"ห้ะ ถ่ายแล้ว" ต้นขมวดคิ้ว  "ไหนเอามาดู" และพอได้ดูก็ต้องโวยวาย นี่มันรูปทีเผลอชัดๆ

"ถ่ายใหม่เลย รูปบ้าอะไร ทุเรศ"

หน้าเขาโคตรทุเรศ เศษขนมปังติดขอบปากไหนจะหน้าตาดูที่ไม่เป็นมิตรอีก

"น่ารักดีออก" ทอมบ่นงึมงำ "แต่ผมส่งให้แด๊ดดูแล้ว มิสเตอร์ต้นกินต่อเถอะๆ "

"...นายก็กินบ้างเถอะ ตัวเท่าลูกหมา" ต้นดันกล่องข้าวผัดที่ยังไม่ถูกแตะต้องใดๆ จากตัวเองให้ทอมที่เพิ่งกินขนมปังไปชิ้นสองชิ้นเท่านั้น 

"ให้ผมเหรอ!" 

ทอมน้ำตาแทบไหล ถึงมันจะเป็นของเขาแต่แรกก็เถอะ แต่มิสเตอร์ต้นช่างมีน้ำใจจริงๆ นี่เขาเลือกคนช่วยไม่ผิดจริงๆ สินะ แด๊ดต้องดีใจมากแน่ๆ ที่เขาสามารถหาเพื่อนสามัญชนที่นิสัยดีขนาดนี้ได้

"..."

ท่าทางกินไปซาบซึ้งไปของทอมเล่นเอาต้นพูดอะไรไม่ออกและเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเด็กเวรนี่เต็มหรือเปล่า ดูจะร่าเริงเกินไปและบ้าเกินไปจริงๆ

แต่คิดไปก็ปวดหัว ต้นจึงกินเมนูอื่นต่อเงียบๆ และตักให้เด็กเวรที่ดูจะมีน้ำใจกับเขามากเกินไปเป็นครั้งคราว อย่างน้อยๆ เด็กนี้ก็น่าจะมีจิตใจที่ดีไม่เหมือนในข่าวลือของโรงเรียนที่ลือกันว่าหยิ่งมาก รวยมาก แต่เขาว่าปัญญาอ่อนมากน่าจะเป็นนิยามที่ตรงกว่าสำหรับเจ้าเด็กนี่

ใช้เวลาเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงอาหารทุกกล่องก็หมดเกลี้ยง โดยอาหารส่วนใหญ่เกือบเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นนั้นอยู่ในท้องของมิสเตอร์ต้นและอีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นอยู่ในพุงน้อยๆ ของทอม

ทอมจัดการเก็บกวาดข้าวของบนโต๊ะใส่ถุงจนได้โต๊ะหินอ่อนที่สะอาดตามเดิม ไม่มีรอยเปื้อนของการรับประทานอาหารเลยสักนิด

"ทอม" ต้นเรียกร่างเล็กที่ง่วนอยู่กับการจัดเสื้อตัวเองจนเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองงๆ จึงพูด "ขอบคุณสำหรับมื้อนี้"

ทอมกระพริบตาปริบงุนงงสักพักแต่พอเข้าใจก็ยิ้มกว้าง "ด้วยความยินดีเลยล่ะ มิสเตอร์ต้น!"

รอยยิ้มซื่อๆ ของทอมเล่นเอามิสเตอร์ต้นกลืนน้ำลายเอือก

'น่ารักว่ะ'

อยู่ดีๆ ประโยคนี้ก็ปรากฎขึ้นในหัวจนต้นต้องนวดขมับตัวเอง ไล่ความคิดแปลกๆ ออกไป ที่ผ่านมาเขาไม่เคยจะตั้งใจมองเด็กนี้สักนิดแต่ใครจะไปรู้พอมองชัดๆ แล้วจะเห็นว่าน่ารักไปได้

แล้วยิ่งในชุดพละลายสก็อตอีก...

"พรุ่งนี้กินอีกไหม ผมยอมทิ้งเบดเพื่อยูเลยน้า มิสเตอร์ต้นนน" 

ทำไมโลกดูสว่างกว่าเดิมวะ

ต้นคิดอย่างระเหี่ยใจ เด็กทอมนี่เป็นพวกยิ้มแล้วโลกสว่างสไวไปหมด อีกไม่นานบริษัทขายหลอดไฟคงเจ๊งเพราะเจ้าเด็กนี่แน่ๆ

"ไม่"

เขาไม่ได้แร้นแค้นขนาดนั้น ไม่สิ ต่อให้เขาแร้นแค้น เขาก็ไม่คิดจะเกาะใครกินหรอก

"แล้วลั้นช์ล่ะ โต๊ะผมว่างน้า"

"ไม่"

ต้นกลอกตาหน่ายๆ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่า ทอมอยู่กลุ่มไหน กลุ่มเด็กที่รวยที่สุดในโรงเรียนไงล่ะ ขืนเอาเขาในสภาพโทรมๆ ไปนั่งร่วมด้วย ไอ้พวกนั้นไม่เหยียบเขาเละเลยเรอะ

"ดินเนอ--"

"ไม่"

ต่อให้ทำหน้าหมาทำจานข้าวหมาหายก็ไม่สะเทือนหรอก ไอ้เด็กเวร

"วันนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะกินข้าวกับนาย" ต้นพูดเสียงกร้าวและจริงจัง หวังว่าทอมจะไม่มายุ่งกับตัวเองอีก

"ทำไมล่ะ มิสเตอร์ต้นไม่ชอบผมเหรอ"

ความดีใจที่ลากยาวมาตั้งแต่เมื่อวานหายไปในพริบตา ทอมมองมิสเตอร์ต้นเศร้าๆ ทำไมกันนะ เขานึกว่าตัวเองและมิสเตอร์ต้นเป็นเพื่อนกันแล้วแท้ๆ 

"..โว้ย"

ต้นสบถแล้วนวดขมับตัวเอง ทำไมทอมมันถึงไม่เคยเข้าใจอะไรเลยวะ เพื่อนรวยๆ ตั้งเยอะตั้งแยะก็คบไปสิ จะมาสนใจอะไรเขานักหนา

"เปล่า"

"แล้วชอบไหมผม ฮึก"

ต้นสะดุ้งเมื่อหันไปอีกทีเห็นเด็กฝรั่งบ่อน้ำตาแตกใส่ตัวเอง

ตาย ไอ้ต้น มึงตายแน่!!

ร่างสูงหันซ้ายหันขวาพบว่าไม่มีใครจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ขืนบอดี้การ์ดพวกนั้นรู้ว่าเขาทำคุณชายสุดรักสุดหวงร้องไห้ เขาคงจะไม่มีชีวิตกลับบ้าน

"โฮ ผมแย่มากเลยเหรอ มิสเตอร์ต้น ฮึก ผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณก็เท่านั้นเอง"

ทอมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงร้องไห้ เพียงแต่หัวใจของเขาเศร้าเอามากๆ จนเผลอระบายออกเท่านั้น ก็เหมือนตอนที่ดูหนังเศร้าแล้วมีใครสักคนตาย เขาก็มักจะร้องไห้เป็นเผาเต่า ขนาดล่าสุดเขาดูนีโม่ 2 แล้วดอรี่หลงทางยังร้องไห้เลย มันน่าเศร้ามากๆ เลยนะ ทำไมทุกคนถึงเอาแต่ผลิตนั้นที่ทำให้เขาอยากร้องไห้ก็ไม่รู็ 

"...เด็กเวรเอ๊ย"

ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลูบหัวทอมที่เอาแต่ปาดน้ำตาด้วยสีหน้าน่าสงสาร ไม่รู้ทำไมรอบนี้ถึงใจอ่อนยวบไปหมดตั้งแต่เห็นน้ำตาใสๆ ของทอม 

"กับเรื่องไร้สาระแค่นี้มันต้องถึงกับร้องไห้เลยรึไง"

ต้นไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทอมจะให้ความสำคัญกับตัวเองทำไมนัก อย่าลืมสิว่าเพิ่งจะเคยคุยกันครั้งแรกเมื่อวานด้วยซ้ำไป

"...สำคัญสิ" ทอมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง "มิสเตอร์ต้นเป็นเพื่อนของผมนะและมิสเตอร์ต้นกำลังลำบาก ผมก็ต้องช่วยมิสเตอร์ต้นสิ"

“...”

ถึงแม้นี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนยื่นมาเข้าช่วยเหลือต้นแต่ต้นกลับรู้สึกว่าครั้งนี้กลับเป็นครั้งที่รู้สึกสะท้านใจที่สุด ปกติแล้วเวลาที่เขาเจอคนพวกนี้เขามักจะปฏิเสธไปเพราะเกรงใจและรับน้ำใจเอาไว้เพียงบางส่วน แต่สำหรับทอมนั้นต่างออกไป เด็กนี่ดูถ้าจะอยากช่วยเขาจริงๆ

แต่ก็นะ เขารู้ทิฐิมันกินไม่ได้แต่เขาก็อยากมีมันไว้อยู่ดี

"จะเอาอะไร"

แปลกที่ต้นรู้สึกว่าผมของทอมนุ่มมาก ยิ่งลูบยิ่งเพลินมือ ให้อารมณ์เหมือนลูบขนเจ้าเซบาสเตียน (หมาพันธุ์โกลเด้นประจำโรงเรียน) 

"มาอยู่กลุ่มผมสิ" ทอมมองมิสเตอร์ต้นหงอยๆ "ปกติมิสเตอร์ต้นชอบบอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ มาอยู่กับผมสิ จะได้ไม่เหงา"

"ขอเรื่องอื่นไม่ได้เหรอ หืม?" 

ต้นยังเพลิดเพลินกับหัวของทอม

"ผมรู้นะว่าการต้องอยู่คนเดียว มันโลนลี่มากๆ อืมม ภาษาไทยอะไรนะ แดดเดียว? ใช่ มันจะทำให้มิสเตอร์ต้นรู้สึกแดดเดียวมากๆ"

"โดดเดี่ยว" ต้นย้ำเสียงหนักพร้อมดีดหน้าผากทอมทีนึงจนเจ้าตัวร้องโอ๊ย

"นั่นแหละ" ทอมลูบหน้าผากป้อยๆ "ก็ผมไม่เก่งภาษาไทยนี่นา" 

♪~~~

"เพลงเข้าแถว! รีบไปกันเถอะ มิสเตอร์ต้น" ทอมตาเหลือกลืมทุกอย่างรีบลนลานหยิบรวบถุงขึ้นมาถือทั้งหมด สาเหตุที่ลนลานเพราะเมื่อเร็วๆ นี้ มิสซิสสมศรี ครูฝ่ายปกครองเพิ่งหมายหัวเขาเรื่องมาโรงเรียนสายเกิน 20 ครั้งในเดือนที่แล้ว ขืนเรื่องนี้รู้ถึงหูแด๊ด เขาต้องถูกงดเล่นโทรศัพท์แน่ๆ แน่นอนว่าแค่วันเดียวก็สามารถทำให้เขาขาดใจตายได้

ต้นหยิบกระเป๋านักเรียนทั้งของตัวเองและของทอมที่ลืมเอาไว้บนเก้าอี้แล้วรีบสาวเท้าช้าๆ ตามทอมที่วิ่งปรู๊ดไปเข้าแถวแล้วราวกับว่ากลัวเสาธงหาย

ไม่รู้จะรีบทำไมนัก กับแค่การเข้าแถว 

ต้นฮัมเผลอเพลงในลำคอ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอารมณ์ดีเรื่องอะไร

แต่ที่แน่ๆ เขาอิ่มเป็นบ้า
 
 -----------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-10-2017 23:52:06
หึหึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-10-2017 01:37:06
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 18-10-2017 01:57:24
ตลกจัง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 18-10-2017 01:59:25
ตลก 5555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-10-2017 08:51:10
น้องทอมน่าเอ็นดู(ปนน่าปวดหัว) กลับมาต่อแล้ว ดีใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-10-2017 22:49:48
มิสเตอร์ต้นต้องเผลอเอ็นดูทอมแบบไม่รู้ตัวบ้างแน่ๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Meercorn ที่ 19-10-2017 23:14:51
โอ้ยย คุณน้องทอม หมาน้อยจริงๆ เหนื่อยแทนมิสเตอร์ต้น เหมือนมีลูก(หมา)เพิ่มมา1ea 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 21-10-2017 14:27:18
เอาใจช่วยน้องทอมค่า  :hao7: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: galeiiue ที่ 21-10-2017 19:38:22
ตลกมากค่ะ ชอบมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-10-2017 20:42:40
เอ็นดูทอม เจอแบบนี้จะใจแข็งไหวหรอมิสเตอร์ต้น :o8: :m16:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 2 17 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 23-10-2017 10:05:31
เอ็นดู55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-10-2017 17:04:18
ตอนที่ 3

ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงอีกทั้งยังเป็นกลางวันที่ร้อนระอุจนแทบสามารถทอดไข่ดาวบนพื้นได้ แต่น่าเสียดายที่อากาศอันโหดร้ายของประเทศไทยนั้นไม่สามารถทำร้ายเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ได้ เพราะทั่วอาณาบริเวณนั้นถูกปกคลุมด้วยร่มใหญ่จากต้นไม้ใหญ่ ไหนจะแอร์คอนดิชั่นเย็นเฉียบเหมือนอาศัยอยู่ในอลาสก้าจนนักเรียนบางส่วนต้องเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ตอนที่อยู่ใต้อาคาร

หากแต่มิสเตอร์ต้นก็ไม่ใช่หนึ่งในนักเรียนพวกนั้น จึงได้แต่ทนหนาวนั่งหั่นสเต็กฟรีจากสวัสดิการฟันกระทบกันกึกๆ และสาปส่งผอ. ในใจถึงแอร์ที่เย็นเกินเบอร์ไปมาก

"ร้อนชะมัดมากเลย! ปรับแอร์ลงอีกหน่อยสิ เสื้อกันหนาวที่ฉันซื้อมาจะได้ทำหน้าที่ของมันบ้าง"

หรือสิ่งที่เขาต้องทำจริงๆ คือหักคอให้นักเรียนรวยเวอร์พวกนี้ก่อนดี

ต้นกลอกตาหน่ายๆ เหลือบมองกลุ่มนักเรียนที่ไปรุมกันตรงรีโมตแอร์ด้วยหางตา เด็กม. ต้นพวกนั้นมีคนนึงที่พ่อแม่เป็นผู้สนับสนุนหลักของโรงเรียน ภารโรงผู้ควบคุมรีโมตแอร์โรงอาหารเลยไม่กล้าทำอะไรมากนอกจากยื่นรีโมตให้เด็กพวกนั้นอย่างว่าง่ายถ้าเด็กพวกนั้นต้องการ

ช่วยไม่ได้โรงเรียนนี้มันปกครองด้วยอำนาจเงินอยู่แล้ว ใครมีมากก็ยิ่งมีสิทธิ์มากในโรงเรียนนี้ ไอ้คนที่เป็นเด็กทุนเรียนฟรีกินฟรีอย่างเขาก็ได้แต่นั่งเงียบๆ รับสภาพตัวเองอย่างจำยอม

"..หนาวว่ะ" 

ต้นขมวดคิ้วมุ่นหงุดหงิดแผ่ออร่าสีดำไม่เป็นมิตรรอบๆ จนไอ้ตัวต้นเหตุสะดุ้งแล้วหันมามองมิสเตอร์ต้นด้วยสายตาเหยียดหยาม เอาเข้าจริงการเร่งแอร์นี้ก็เป็นความจงใจเหมือนกัน

"นี่ปรับแล้วเหรอ ฉันยังร้อนอยู่เลย"  คราวนี้จงใจพูดเสียงดังราวกับต้องการให้คนทีนั่งหนาวตัวสั่นกึกๆ ได้ยินชัดๆ

คิ้วของมิสเตอร์ต้นกระตุกและขบกรามอย่างฉุนเฉียว กำหมัดแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ 

เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกกลั่นแกล้งจากพวกเด็กรวยพวกนี้ ไม่รู้ว่ามันเห็นเขาเป็นตัวอะไรเหมือนกันถึงได้ทำตัวสวะๆ แบบนี้ใส่เขาอยู่ได้ ถึงมันจะไม่ได้เจ็บแสบอะไรแต่มันสามารถกระตุ้นอารมณ์โกรธได้มากเลยทีเดียว แล้วเชื่อเถอะถ้าเขาเผลอลงมือไปจริงๆ เด็กพวกนี้คงจะให้พ่อแม่มาเอาเรื่องเขาจนถึงที่สุดแน่

"เฮ้ ลดอีกหน่อยสิ ฉันจะละลายแล้ว"

อุณหภูมิในโรงอาหารดูจะเย็นเฉียบลงเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครใส่ใจเท่าไหร่นักเพราะคุ้นชินกับอากาศที่เย็นสบายอยู่แล้ว มีบางส่วนที่มองมาทางมิสเตอร์ต้นกับกลุ่มเด็กอย่างใคร่รู้และสนอกสนใจ ไม่มีอะไรเพลิดเพลินไปกว่าการดูคนเล่นสงครามประสาทกันตอนเที่ยงอีกแล้ว

เคราะห์ดีของมิสเตอร์ต้นที่วันนี้เป็นชุดพละเป็นกางเกงขายาวจึงไม่หนาวขาเท่าไหร่นักแต่ช่วงบนนี้แทบถูกแช่แข็ง เย็นไปทั้งร่างเพราะไปนั่งตรงที่ที่แอร์ตกพอดี

"..เด็กเวรเอ้ย" ต้นคำรามในลำคอแล้วถลึงตาใส่เด็กประสาทที่นั่งกินเบอร์เกอร์อย่างสบายอกสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอได้สักพักเจ้าเด็กประสาทนั้นหันมาเจอเขาก็หน้าซีดเผือด

เพราะสายตาของต้นนั้นราวจะฆ่าอีกฝ่ายทั้งเป็น!

ตอนนี้ต้นอยู่ในอารมณ์ที่หงุดหงิดเอามากๆ สิ่งที่ต้นเกลียดที่สุดในชีวิตก็คืออากาศหนาวเนี่ยแหละ ถึงแม้ร่างกายจะออกกำลังกายเป็นประจำจนแข็งแรงก็เถอะ แต่เกลียดก็คือเกลียด เขาชอบอากาศเย็นปกติแบบหลังฝนตกมากกกว่า

"เฮ้ เดม่อน เป็นอะไรน่ะ" เพื่อนสนิทของตัวต้นเหตุถามด้วยน้ำเสียงงงๆ เพราะเมื่อกี้เจ้าตัวเพิ่งจะหัวเราะอยู่เลย ตอนนี้กลับทำหน้าซีดเผือดแถมยังตัวสั่นน้อยๆ ด้วย "นายหนาวเหรอ? เมื่อกี้ยังบ่นร้อนอยู่เลย"

"ปะ เปล่า" เดม่อนลูบอกตัวเองที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาและรีบหันหลังกลับมานั่งกินดีๆ ไม่กล้าหันไปมองนักเรียนทุนอีก   

นักเรียนทุกวันนี้น่ากลัวเป็นบ้า! ปกติเวลาที่โดนกลั่นแกล้งสีหน้านิ่งๆ นั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนสักนิดแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงทำท่าจะมาฆ่าเขาซะอย่างงั้น ซึ่งมันก็น่ากลัวมากๆๆ เหมือนฆาตกรโรคจิตที่เขาดูในซี่รีย์เมื่อคืนเลยทีเดียว ไม่แน่นะ นักเรียนคนนั้นอาจจะเคยฆ่าคนมาแล้วก็ได้! 

คิดถึงเรื่องนี้หน้าเดม่อนก็ซีดลงไปอีก

"เดม่อน เอ่อ นายอยากไปห้องพยาบาลไหม" เพื่อนสนิทคนเดิมถามอย่างตกใจ 

"ไม่ต้อง รีบกินกันเถอะ ฉันอยากจะไปเข้าห้องชมรมสักหน่อย" เดม่อนส่ายหัวแล้วรีบยัดเบอร์เกอร์เข้าปาก เชื่อไหม ตอนนี้เขายังรู้สึกถึงสายตาของนักเรียนทุนจนๆ นั่นอยู่เลย นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว

“หนาวโว้ย!” ต้นบ่นอย่างหงุดหงิด สเต็กเขาเหลืออีกตั้งสองชิ้น เขาต้องนั่งกินทั้งๆ ที่หนาวจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งอย่างนี้เรอะ

ระหว่างที่มิสเตอร์ต้นกำลังกินอยู่นั้นทอมที่เพิ่งเลิกคลาสก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นมิสเตอร์ต้นอยู่ในครรลองสายตาก็หยุดกึกแล้วยิ้มดีใจ 

ตึก ตึก

เสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะเบาๆ ของทอมคล้ายกับเป็นสัญญาณเริ่มของอะไรบางอย่าง



"เหี้ยอะไรวะเนี่ย" ต้นสบถหยาบคายเมื่ออยู่ดีๆ โรงอาหารก็มีเสียงไวโอลินหวานๆ ออกมาขัดกับเสียงจอแจในโรงอาหารแต่พอหันไปมาก็ชะงักกับภาพตรงหน้า

ภาพที่ทอมกำลังสีไวโอลินพร้อมกับเดินมาทางเขาด้วยท่าทางสง่างาม เสียงหวานคล้อยแว่วเข้ากับชุดสูทดำที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวดีนี่ไปยืมมาจากไหน ทอมค่อยๆ สีอย่างตั้งใจเดินวนรอบโต๊ะเขาราวกับกำลังร่ายรำ

"..."

นี่มันบ้าอะไรวะ

ต้นพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าทอมสีเพราะและน่ารั-- แค่ก ไม่ใช่ ดูดีในระดับหนึ่ง ทุกการขยับตัวเหมือนถูกขบคิดมาอย่างหนักเพื่อให้ได้ท่าที่สวยงามจนละสายตาไม่ได้  ปลายสูทสีดำที่เลยสะโพกแกว่งไปมาตามจังหวะการลงเท้าของร่างทอม ดูไปดูมาก็คล้ายกับการตีปีกของผีเสื้อที่ทั้งละมุนละไมและงดงาม ยิ่งรวมเข้ากับเสียงดนตรีที่เอื้อนเอ่ยจากไวโอลีนนั้นยิ่งทำให้ผีเสื้อตัวนี้บินอย่างอิสระเสรีท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

"..พระเจ้า" 

สติของมิสเตอร์ต้นถูกทำลายโดยสมบูณรณ์แบบ จ้องทอมตาค้าง นี่มันการแสดงระดับโปรเฟสชั่นนอลชัดๆ

ทางด้านทอมนั้นพยายามตีหน้ายิ้มน้อยๆ ตลอดการแสดงที่ตั้งชื่อชุดเองว่า 'ผีเสื้อร่ายรำ' ทั้งๆ ที่ในใจนี้ดีใจมากๆๆ ที่มิสเตอร์ต้นประทับใจจนมองเขาตาลอย แค่คิดก็อยากถ่ายหน้ามิสเตอร์ต้นตอนนี้ไปอวดพ่อจะเป็นบ้าแล้ว! แต่ถึงแม้ในใจจะระริกระรี้เกินงามขนาดไหน ท่วงท่าของทอมก็ยังสมบูรณ์แบบจนกระทั่งเพลงจบลงและทอมโค้งตัวให้มิสเตอร์ต้น

แปะๆๆๆ

เสียงปรบมือจากนักเรียนในโรงอาหารดังเกรียวกราว บางคนถึงกับเป่าปากวี้ดวิ้วเพราะทอมในลุคสูทดำกับไวโอลีนนั้นดูไม่จืดจริงๆ ทอมโค้งตัวขอบคุณให้ทุกคนอย่างนอบน้อมตามแบบฉบับที่มิสเตอร์แฮร์รี่สอนมา เขาต้องทำตัวแบบผู้ดีอังกฤษที่สุดเพื่อที่มิสเตอร์ต้นจะได้ประทับใจมากๆ ที่มีเขาเป็นเพื่อน!

"กู๊ดอาฟเตอร์นูน มิสเตอร์ต้น ผมหวังว่าคุณจะชอบการแสดงของผม" ทอมยิ้มน้อยๆ และยังยืนอยู่ข้างโต๊ะมิสเตอร์ต้น สายตาหลุบมองสเต็กสองชิ้นในจานแล้วทำหน้ายุ่งยาก "ดูเหมือนว่าคุณจะยังทานไม่หมด งั้นผมจะเล่นเพลงให้คุณฟังอีกเพลงแล้วกัน มิสเตอร์ต้น จากผลจากวิจัยของมิสเตอร์ทอม การฟังเพลงระหว่างที่แฮฟลั้นช์ทำให้อาหารอร่อยขึ้นหนึ่งพันเท่า"

"พอ!" 

ต้นรีบยกมือห้ามและดึงไหล่ให้ทอมมานั่งข้างๆ ตัวเอง ไม่รู้เมื่อไหร่เด็กนี่จะเลิกทำตัวโดดเด่นเหมือนถูกสปอรต์ไลท์สาดสักที

"...เอ๋?"

ทอมหน้าเหวอเมื่อถูกขึ้นเสียงใส่ก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนอย่างช้าๆ

ผีเสื้อที่โบยบินอย่างร่าเริงตอนนี้ค่อยๆ บินช้าลง

"เดี๋ยว" ต้นสะดุ้ง "เป็นอะไร ทอม"

และในที่สุดมันก็ไปนอนแผละอยู่บนพื้นราวกับเศษใบไม้กรอบไร้ค่าใบหนึ่ง

"...คุณไม่ชอบมันเหรอ"

สีหน้าของทอมตอนนี้แทบจะร้องไห้เพราะการแสดงเมื่อกี้เขามั่นใจแบบมั่นใจมากๆ ว่ามันเพอร์เฟค มันเป็นการแสดงที่ครูสอนของเขาต้องร้องว้าวๆ ไม่หยุดเลยนะ พ่อเขาก็ชมด้วยว่าเขาทำได้ดีมากๆ ไหนจะเพื่อนๆ ญาติๆ มิสเตอร์แฮร์รี่ มิสซิสแม่รี่ บอดี้การ์ด คนขับรถ แม่บ้าน ทุกคนบอกกับเขาว่ามันเพอร์เฟคมากจนหาที่ติไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่ามิสเตอร์ต้นไม่ชอบมัน..

"ฉันว่าแถวนี้มีคนเข้าใจผิด" 

ต้นกุมขมับ ไอ้เด็กทอมนี่จิตใจมันบอบบางมาก นี่ถ้าเขาต่อยมันไม่ร้องไห้บ้านแตกเลยเหรอ

"..ผมไม่เป็นไร มิสเตอร์ต้น" ทอมฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ในใจแตกร้าว หัวใจแตกเป็นเสี่ยง อย่างว่าล่ะนะ เหมือนอย่างที่มิสซิสแมรี่บอก ทุกคนมีเทสต์ที่ไม่เหมือนกัน มิสเตอร์ต้นอาจจะชอบแบบอื่นก็ได้ "เดี๋ยวผมจะไปฝึกดนตรีไทย ผมพอจะเป่า อืมม คุ้ย ได้อยู่ คุณอาจจะชอบมันมากกว่าไวโอลีน"   

"ขลุ่ย" ต้นแก้ให้และถอนหายใจหน่ายๆ "นายเล่นดีแล้ว ทอม แล้วก็หยุดทำหน้าเหมือนหมาจะถูกเจ้าของดุซะ ฉันไม่ได้จะฆ่านายสักหน่อย จะกลัวอะไรนักหนา"

"ผมไม่ได้กลัว" ทอมสูดน้ำมูกน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมา "แต่.. แต่มิสเตอร์ต้นไม่ชอบการแสดงของผม มันทำให้ผมแซดมากๆ โอ้ ก็อด ผมกำลังผิดหวัง หัวใจของผมมันกำลังจะพัง เหมือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผมดูดอรี่เลย ฮึก ดอรี่รู้สึกอย่างนี้เองสินะ ผมเข้าใจแล้วว่ามันเจ็บปวดมากขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ นะมิสเตอร์ต้นที่ทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของดอรี่"

"ชักจะไปกันใหญ่แล้ว" ต้นพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ดูนุ่มนวลที่สุด ไอ้เด็กหัวใจดอรี่จะได้เลิกงอแงสักที "นายเล่นเพราะมาก พอใจยัง?"

"มิสเตอร์ต้นประชด" ทอมหน้ายู่ "ผมรู้นะว่าคุณไม่ชอบมัน แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมมีการแสดงอื่นที่คุณต้องประทับใจมากแน่ๆ"

"..."

แม้แต่ถอนหายใจต้นยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเกรงว่าเด็กนี่จะร้องไห้อีกเลยได้แต่ทำใจและปลงตกกับชีวิตตัวเองที่นอกจากจะต้องมานั่งทนหนาวแล้วยังต้องมันทนคุยกับดอรี่อีก

แต่จะว่าไป..

"ทอม" มิสเตอร์ต้นยิ้มนุ่มพยายามหลอกล่อดอรี่หลงฝูงกลับมา "อยากทำให้ฉันรู้สึกชอบนายมากๆ ไหม"

"อยากสิ! ผมอยากให้มิสเตอร์ต้นชอบที่มีผมเป็นเพื่อน"

และมันก็สำเร็จ ทอมลืมเศร้าแล้วกลับมาดี้ด้าเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"นายไปปิดแอร์ซะ ฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว" 

ทอมกำลังจะรับคำแข่งขันแต่เมื่อฟังตามที่มิสเตอร์ต้นพูดดีๆ ก็ทำหน้าเศร้าระคนกังวล 

"มิสเตอร์ต้น ผมขี้ร้อนน่ะ"

"แต่-ฉัน-หนาว!"

ต้นตอกคำแน่นๆ อย่างอดไม่ได้ ใช้มือข้างที่ว่างบีบนวดมือตัวเองที่ชาจนจะแข็งไปแล้ว

"...ฮือ มิสเตอร์ต้นน่าสงสารจัง" ทอมทำหน้าเศร้ามากๆ เศร้ายิ่งกว่าตอนที่บ็อบบี้หมาตัวแรกตายซะอีก ไม่ต้องใช้สมองกลั่นกรองมาก ทอมก็ถอดเสื้อสูทตัวเองให้มิสเตอร์ต้นทันทีจนตัวเองเหลือแค่เสื้อเชิตสีขาวบางๆ ติดตัว "ใช้นี่ซะ มิสเตอร์ต้น! ทำไมผมเป็นคนที่แบดขนาดนี้นะ! ผมลืมไปเลยว่ามิสเตอร์ต้นไม่ได้เข้าร่วมโครงการ วันโค้ทวันแคนทีน (เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวกับโรงอาหารหนึ่งโรง) ที่ทางสภานักเรียนรณรงค์ให้ทำ ไม่เป็นไรนะ มิสเตอร์ต้น ผมจะให้คนของผมไปซื้อชุดกันหนาวให้คุณเอง"

"งั้นนายปรับแอร์ลงมาเป็นอุณภูมิปกติก็พอ 25 องศา คงไม่ได้ทำให้นายร้อนมาก" ต้นรับเสื้อของทอมมาอย่างไม่เต็มใจนัก ไม่รู้ว่าเด็กนี่มันคิดไหมว่ามันตัวเล็กกว่าเขาฉะนั้นเสื้อคลุมนี่พอเขาใส่มันก็คงไม่ต่างอะไรไปกับเสื้อกั๊กเลยสักนิด ต้นจึงทำเพียงพาดมันไว้บนไหล่

"โอเค เพื่อมิสเตอร์ต้นแล้วต่อให้ผมต้องเปลือยทั้งร่าง! ผมก็ยอม" ทอมรับคำอย่างมุ่งมั่นแล้วเดินแถดๆ ไปหารีโมตแอร์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะของกลุ่มนักเรียนม. ต้นเมื่อกี้ซึ่งตอนนี้เด็กพวกนั้นก็ทำการหลบหนีไปห้องชมรมกันหมดแล้ว

"บ้าเอ้ย ทอม ไอ้เด็กประสาท" เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็งกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทำลายสมองอย่างช้าๆ ทุกครั้งที่คุยกับทอมเขารู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นบ้า ไม่รู้ว่าเขากับทอมคุยภาษาเดียวกันรึเปล่า เด็กนี่ที่ได้คิดฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะไปทั่ว ทั้งๆ ที่เขาพูดไปแค่ประโยคเดียว

ต้นเท้าคางมองทอมที่ดูจะร่าเริงล้านแปดมากกับแค่การปรับแอร์ลงมาที่อุณหภูมิประหยัดไฟช่วยโลก แต่ดูเหมือนมันจะไม่หมดแค่นั้น... เมื่อแก๊งค์ของทอมเดินมากันครบองค์ประชุมและกรูกันไปหาทอมที่คล้ายกลับเป็นหัวหน้ากลุ่มอยู่กลายๆ (เพราะรวยที่สุดในกลุ่ม)

"เฮ้ ทอม นายรีบมาที่นี่ทำไมน่ะ" แซม เพื่อนร่วมห้องของทอมที่รู้จักกันตั้งแต่เกรด1 ถามอย่างงุนงง ยิ่งเห็นเพื่อนรักตัวเองในชุดสูทยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะเมื่อกี้ตอนออกจากห้องยังเห็นทอมอยู่ในชุดพละอยู่เลย

"นั่นสิ วันนี้ไม่ได้มีงานอะไรต้องเชิญนายแสดงนี่นา" สาวสวยสะพรั่งเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มบ่นอุบ เธออยู่ในชุดพละก็จริงแต่รองเท้าและกระเป๋าของเธอนั้นเป็นของแบรนด์เนมที่เพิ่งออกคอลเลคชั่นใหม่เมื่อต้นเดือน ทำเอาสาวๆ คนอื่นที่นั่งกินข้าวกันอยู่ในโรงอาหารจ้องกันตาเป็นมัน เธอมองทอมแล้วยิ้มหวาน "แต่นายในชุดสูทนี่ดูกี่ทีก็ดูดีจริงๆ นะ" ถึงจะเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตขาวด้านในก็เถอะแต่ทอมก็ยังดูดีอยู่ดี

"ขอบคุณนะ เจนนี่" ทอมยิ้มเมื่อปรับแอร์เสร็จก็แล้วผายมือไปทางมิสเตอร์ต้น "ผมรีบมาหาเพื่อนใหม่ล่ะ! เป็นคนสามัญชนที่นิสัยดีที่สุดที่ผมเคยเจอเลยล่ะ!!"

"…"

ต้นไม่รู้ว่าตัวเองควรจะกุมขมับอีกกี่รอบดีหรือว่าตัวเองควรจะยัดสเต็กทั้งสองอันนี่ใส่ปากแล้วเดินออกจากโรงอาหารดี 
ถึงทอมจะยอมรับเขาแต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะยอมรับ ดูจากสีหน้ารังเกียจและไม่เป็นมิตรนั่นก็พอจะรู้แล้ว กลุ่มของทอมก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กเมื่อกี้นั่นแหละ เพียงแต่ว่าไอ้ตัวหน้ากลุ่มมันเอ๋อที่สุดก็เท่านั้น

แต่คิดอะไรไปก็มากความ ต้นจึงนั่งหั่นสเต็กแล้วกินต่อ พยายามเคี้ยวให้พอละเอียดแล้วกลืนไวๆ เพื่อที่จะได้ออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดที่กำลังจะเกิดขึ้น

"นาย..เป็นเพื่อนกับเด็กทุนนั่น?" เสียงถามเหมือนไม่แน่ใจเป็นของหนุ่มแว่นลูกครึ่งเกาหลีร่างใหญ่ซึ่งมีพ่อรวยติดเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย วินดันแว่นที่ตกลงมาขึ้นแล้วถามย้ำอีกครั้ง "เป็นเรื่องจริงเหรอ ทอม ที่ว่านายไปกินข้าวเช้ากับเขาเมื่อเช้า" นัยน์ตาสีดำคมกริบเบื้องหลังแว่นมองทอมอย่างคาดคั้น

ทอมยืดอกพยักหน้าหงึกๆ ยิ้มภูมิใจที่มีเพื่อนฉลาดขนาดนี้ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่วินช่วยติวสอบปลายภาคทุกเทอม "ใช่ ยูตาแหลมมากวิน! ตาของนายน่ะ เหมือนพวกอีเกิ้ลหรือนกพิราบเลยล่ะ!"

"..นกอินทรีย์" วินตอบเสียงเรียบๆ เหลือบมองทอม "นายเล่นอะไรอยู่รึเปล่า?"

ทอมกระพริบตาปริบ "ก็เปล่า.. ฉันก็แค่มาปรับแอร์คอนดิชั่นให้มิสเตอร์ต้นเฉยๆ" รู้สึกงุนงงและเสียใจเล็กๆ ที่ไม่มีใครดูจะดีใจกับเขาเลยที่ได้เพื่อนที่นิสัยดีมากๆๆ ขนาดนี้ "แล้วสมิทล่ะ?"

"อยู่กับแฟนที่สนามฟุตบอล รู้สึกว่าจะไปกินลั้นช์กันแบบสองต่อสองน่ะ" เจนนี่ตอบ "แล้วนี่นายกินอะไรรึยัง? ช่วงบ่ายมีประชุมกันเรื่องวันฮาโลวีนนะ เผลอๆ นายอาจจะได้ซ้อมแสดงด้วย คงจะหาทางปลีกตัวไปกินขนมยาก"

"แย่จัง" ทอมบ่นอุบหน้าตูม การไม่ได้กินขนมช่วงบ่ายนี่ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากสำหรับทอม "ฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย กะว่าจะมาแฮฟลั้นช์กับมิสเตอร์ต้นน่ะ!"

"น่าเสียดายที่มิสเตอร์ต้นกินเสร็จแล้วล่ะ ทอม" แซมพยักเพยิดไปทางร่างสูงที่ตอนนี้เดินออกจากโรงอาหารไปแล้วโดยทิ้งเสื้อสูทที่ทอมให้ทั้งความรักและความจริงจังไว้บนโต๊ะ

"...อือ"

ทอมไหล่ลู่ลงอย่างผิดหวัง ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจจะชวนมิสเตอร์ต้นมาร่วมโต๊ะกับเขาแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในกลุ่มจะไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ แปลกนะ ที่ทุกคนไม่ชอบมิสเตอร์ต้นแต่เขากลับรู้สึกชอบและดีใจมากๆ ที่ได้เป็นเพื่อนด้วย

"เอาล่ะ งั้นก็นั่งกันสักที ฉันหิวจนจะตายอยู่แล้ว" วินหาวหวอดแล้วไปนั่งที่โต๊ะประจำกลุ่มซึ่งเป็นโต๊ะจากไม้สักแท้และมีผ้าปูโต๊ะสีสะอาดปูเอาไว้ แน่นอนว่านอกจากกลุ่มของทอมแล้วก็ไม่มีใครมากล้ามาแย่งนั่ง

ทอมลากขาหนักๆ มานั่งที่โต๊ะ วางไวโอลีนไว้ข้างกายและฟุบลงด้วยหัวใจอันรวดร้าว

เขามันแย่ แย่มากๆๆ สุภาพบุรุษที่ไม่สามารถรักษาคำพูดของตัวเองไม่ได้อย่างเขามันสมควรตาย! ทั้งๆ ที่รับปากไว้แล้วว่าจะให้มิสเตอร์ต้นมานั่งด้วยแต่กลับทำไม่ได้

ทอมเงยหน้ายกมือกุมอก รู้สึกเจ็บและชา 

"ไอฟีลฮาร์ตเบรก" ทอมครวญครางอย่างเจ็บช้ำแล้วหันไปหาแจนนี่ที่เพิ่งไปหยิบจานสเต็กปลาดอลลี่ซอสมะนาว เมนูพิเศษสำหรับวันนี้  "แจนนี่ ถ้าผมตาย ฝากบอกมิสเตอร์ต้นด้วยว่าผมดีใจที่ได้เขาเป็นเพื่อน"

"...นายจะไม่ตายเพราะความผิดหวังหรอก มิสเตอร์ต้น" หญิงสาวหัวเราะร่วนแล้ววางจานตรงหน้าทอม "เอ้า! ปลาดอรี่ของโปรดของนาย  รีบๆ กินจะได้ไปกินของหวาน คุณชาย"

"ดอลลี่ต่างหาก! ฉันไม่ใช่คนใจร้ายกินดอรี่ลงหรอกนะ" ทอมหน้ายู่แล้วหั่นกินอย่างว่าง่าย อย่างไรก็ตามการแสดงผีเสื้อร่ายรำนี่กินแรงมากจริงๆ "แจน คุณก็ไม่ชอบมิสเตอร์ต้นเหมือนกันเหรอ" ทอมถามเสียงหงอยๆ ขณะเดียวกันสายตาก็แช่อยู่ที่วินที่กำลังตักสลัดอยู่ที่สลัดบาร์ ใบหน้านิ่งงันที่ซุกซ่อนความเฉลียวฉลาดเอาไว้มากดูจะอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ ถ้าให้เดาก็คงเป็นเรื่องมิสเตอร์ต้น

"ทอม ถ้านายยังไม่ลืม กลุ่มของเราเกิดขึ้นตอนที่เราขึ้นม. ต้น" 

"ใช่ๆ ตอนนั้นฉันชอบใส่เสื้อฮู้ดดี้กระต่ายสีดำมากเลย โซคิวท์สุดๆ ถ้าแด๊ดไม่บอกว่ามันปัญญาอ่อน ฉันก็คงไม่เลิกใส่หรอก ทำไมกัน ทำไมแด๊ด ถึงไม่เห็นความคิวท์ของกระต่าย มันน่ารักมากๆ เลยนะ"

"นั่น ไม่ใช่ประเด็นเว้ย ทอม" แจนกดเสียงเข้ม เธอก็จริงจังเรื่องนี้เหมือนกัน "เพราะเราเป็นท็อปไฟว์ที่รวยที่สุดในโรงเรียนต่างหาก ครูใหญ่ประกาศชื่อพวกเราแล้วยกโต๊ะนี้ให้เราไง! นั่นแหละจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเรา แล้วนายคิดยังไงจะเอานักเรียนทุนคนนั้นมานั่งกลุ่มเรา รู้ไหมพวกชมรมหนังสือพิมพ์นั้นไปสืบมาแล้วว่าต้นน่ะ จนมาก ไม่เคยจ่ายค่าเทอมหรือค่าอะไรสักอย่างของโรงเรียนเราเลย!" 

ทอมทำหน้าช็อคและนั่นก็คือสิ่งที่แจนนี่ต้องการ แจนนี่กำลังจะยิ้มและเกลี้ยกล่อมทอมให้เลิกยุ่งกับต้นซะก็ต้องสะดุ้งหน้าซีดเผือด

"ฮึก.. โซแซด โอ้ ก้อดดดด ฮือออ"

"ทอม นายร้องไห้ทำไม หยุดร้องสิ" หญิงสาวผวาเฮือกรีบปลอบอันดับหนึ่งของโรงเรียนนี้ ไม่เช่นนั้นถ้ามีใครไปฟ้องแด๊ดของเจ้าตัว ชีวิตของหล่อนนี่คงไม่สนุกเท่าไหร่แน่

วินที่กำลังตักสลัดบาร์รีบยกสลัดกับมาที่โต๊ะด้วยความเร็วแสง

"เฮ้ ทอมร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรนาย!" ถึงแม้วินจะมีท่าทีค่อนข้างเย็นชากับคนอื่นแต่ลึกๆ แล้วเป็นห่วงทอมไม่น้อย ออกจะเอ็นดูเหมือนลูกมากกว่า ถ้าใครสนิทกับทอมจะรู้ดีว่าเจ้าตัวนั้นมองโลกในแง่ประหลาดมากจนน่าปวดหัว ถ้าทอมชอบใครก็จะเข้าไปตีสนิทด้วยแต่ถ้าไม่ชอบใครก็จะไม่คุยด้วยเลยเหมือนไม่เห็นอีกฝ่ายบนโลกใบนี้ เรียกได้ว่าย้อนแย้งแบบสุดๆ จนเจ้าพวกชมรมหนังสือพิมพ์ใส่ฉายาเล่นๆ ว่าจอมหยิ่งในฉบับนึง

"ฮึก ผมกำลังรู้สึกแย่มากๆ ถ้าขืนผมยังนั่งมีความสุขแบบนี้ต่อ ผมคงต้องรู้สึกแย่ไปจนตายแน่ๆ" ทอมฟูมฟาย "ผมจะช่วยมิสเตอร์ต้นเอง! ต่อให้ทุกคนจะเกลียดผม ผมก็ช่วยมิสเตอร์ต้น!"

ทอมผลุดลุกขึ้นยืนหยิบไวโอลีนกับจานตัวเองวิ่งแถ่ดๆ ออกจากโรงอาหารไป

"…"

"เอาไง?" แซมที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยถามเสียงกวนๆ "บอกเลยนะว่าฉันยังไงก็ได้แล้วแต่ทอม พวกนายก็รู้ว่าหมอนั่นเวลาถูกใจใครแล้วเปย์ขนาดไหน  อีกอย่างฉันก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรถ้ามิสเตอร์ต้นอะไรนั่น มานั่งกินข้าวด้วย"

หญิงสาวเริ่มหน้าบึ้ง"แต่นายก็รู้นี่ว่ากลุ่มเรามีคอนเซ็ปต์ตลอดกาลว่าอะไร"

"รวยไม่เลิกอะไรนั่นน่ะนะ ไร้สาระสิ้นดี ทอมบอกให้เปลี่ยนเป็นรวยแล้วรักดอรี่ไม่ใช่เหรอ" แซมตอบเบื่อๆ

วินกระแอมเสียงแข็งดันกรอบแว่นขึ้นอย่างหงุดหงิด "แต่ยังไงฉันก็ไม่โอเคว่ะ" มือที่กำส้อมกำแน่นจนข้อมือปูดเห็นเส้นเลือด
"ใครจะไปรู้ มิสเตอร์ต้นนั่นอาจจะตั้งใจจะหลอกเอาเงินทอมก็ได้! พวกนายไม่เห็นภาพในไลน์รุ่นรึไง มิสเตอร์ต้นบ้าอะไรนั่น จ้อง
ทอมเหมือนคิดอะไรไม่ซื่อเลย อีกอย่างนะ ฉันเคยได้ยินว่าถ้าคนเราเข้าตาจนจริงๆ อาจจะทำเรื่องบ้าๆ ก็ได้!"

ปัง!

มือหนาทุบโต๊ะเสียงดังลั่น 

"และฉันในฐานะพ่อของทอม ฉันจะไม่ให้ไอ้มิสเตอร์ต้นบ้านั่นทำอะไรทอมเด็ดขาด!!"
 


ฮัดชิ้ว!

ทอมจามเสียงดังแล้วสะบัดหัวเล็กๆ ไปมา

"ต้องเป็นมิสเตอร์ต้นแน่ๆ เลย ที่คิดถึงผม!"

พูดเองเออเองก่อนที่จะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหามิสเตอร์ต้นที่นั่งหลับตาอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้

กึก

ทอมวางจานกับไวโอลีนแล้วนั่งตรงข้ามมิสเตอร์ต้น

"มิสเตอร์ต้น!"

ทอมยิ้มกว้าง "ผมมาหาคุณแล้ว! คุณจะไม่รู้สึกแดดเดียวอีกแล้ว!"

"…"

ร่างหนาค่อยๆ ลืมตาตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ เอาเข้าจริงไม่ต้องลืมก็รู้ว่าใครนั่ง พอเห็นสีหน้าระริกระรี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวแล้วหลับตาต่อ

"..เฮ้ออออ"

"ถอนหายใจมากไม่ดีนะมิสเตอร์ต้น! มันทำให้อายุสั้น ตายไวเหมือนแมงหวี่เลยล่ะ"

ว่าแต่เมื่อไหร่เขาจะสลัดหมาน้อยตัวนี้หลุดสักที!
 
-----------

มาแล้ววว รอบนี้ไม่ดองยาว  :katai5: น้องทอมน่ารักน่าหยิกมาก  :katai1: อยากบี้ๆๆ น้องมากเลย 555
 
 
 
 
 
 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 23-10-2017 19:20:17
มิสเตอร์ต้นผู้น่าสงสาร 55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-10-2017 20:25:20
ทอม น่ารัก โซคิวท์  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-10-2017 21:18:37
สงสารมิสเตอร์ต้น ลาก่อนค่ะชีวิตที่แสนสงบสุข  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-10-2017 21:33:09
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-10-2017 23:19:23
 :angellaugh2: :วู้วว1: :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 24-10-2017 12:18:10
ทอมลูกหนูดูอารมณ์มิสเตอร์ต้นด้วย55555 :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 3 23 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 24-10-2017 16:18:01
"รวยแล้วรักดอรี่" 555555555555555555555555
น้องทอมลูกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 31-10-2017 22:39:12
ตอนที่ 4
 
"อืม สรุปคือนายจะมาอยู่กับฉันตั้งแต่วันพรุ่งนี้?" 

"ใช่ๆ มิสเตอร์ต้นจะได้ไม่เหงาไงล่ะ"

ทอมยิ้มละมุนขณะเดียวกันก็ตักไอศครีมเจ้าดังเข้าปากโดยไม่ลืมเผื่อแผ่ความใจดีให้มิสเตอร์ต้นด้วยการตักอีกคำนึงแล้วป้อนให้ถึงปาก

แน่นอนว่ามิสเตอร์ต้นเบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าเย็นชา

"ฉันไม่ชอบกินของหวาน นายกินไปเถอะ"

"อะไรกัน! นี่มันอร่อยมากๆ เลยนะ มิสเตอร์ต้น!" ทอมเผยสีหน้าประหลาดใจแล้วทำหน้าอ้อนๆ แบบเดียวกับที่ใช้ล่อลวงให้เซบาสเตียนกินขนมขบเคี้ยวสำหรับสุนัขและหลังจากนั้นมันก็ติดทอมมากๆ จนถ้าทอมเดินผ่าน เซบาสเตียนก็จะวิ่งสี่คูณร้อยมาหา 
ซึ่งทอมก็หวังให้มิสเตอร์ต้นเป็นอย่างนั้นบ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่ให้วิ่งมาหาแบบนั้น แต่เป็นแบบสนิทใจมากๆ ให้ทั้งหัวใจของมิสเตอร์ต้นกับทอม

"ไม่ลองหน่อยเหรอ ผมว่าคุณต้องชอบน้า"

"ไม่"

สุดท้ายไอติมก็ต้องเข้าปากตัวเอง ทอมมองมิสเตอร์แบบตัดพ้อ "ทำไมมิสเตอร์ต้นถึงดูไม่ดีใจเลยล่ะ"

ต้นเหลือบมองทอม

"..ดีใจมาก"

น้ำเสียงเรียบนิ่ง ไร้ความจริงใจสุดๆ แต่ก็นะสำหรับคนบางคนก็ดูไม่ออกหรอก

ทอมยิ้มกว้าง "งั้นเย็นนี้ไปดินเนอร์ที่บ้านผมไหม มิสเตอร์ต้น! มาฉลองความเป็นเพื่อนกันเถอะ!"

"..เฮ้อ ไม่ว่าง ฉันต้องไปทำงานหลังเลิกเรียนทุกวัน ถ้านายอยากกินข้าวกับฉันจริงๆ ก็ตอนเช้า ประมาณเจ็ดโมงเหมือนเดิม"  ต้นก้มมองนาฬิกาข้อมือ รู้สึกหนักใจเหลือเกิน ที่ทอมฉลาดเป็นช่วงๆ "ส่วนตอนนี้นายก็ไสหัวไปเข้าชมรมได้แล้ว"

"แต่ผมอยากไปดูมิสเตอร์ต้นเล่นบาส! มิสเตอร์ต้นเวลาเล่น โซคูลมากๆๆ เท่แบบตูมๆๆ เลย"

"เท่ระเบิด?"

"ใช่ๆ อันนั่นแหละ แต่ว่าเจ็ดโมงไม่เช้าไปหน่อยเหรอ มิสเตอร์ต้น" ทอมพูดเสียงเบาประโยคหลัง ถึงจะรู้สึกเกรงใจมิสเตอร์ต้นแต่ทอมก็ไม่สามารถลากร่างกายตัวเองออกจากเตียงได้ทุกวันหรอก ที่วันนี้ตื่นได้ก็เพราะมิสซิสแมรี่ใช้คนสนิทเขามาอุ้มเขาไปแช่ในอ่างที่เปิดน้ำเย็นพร้อมน้ำแข็ง แน่นอนว่าทอมร้องลั่นตื่นเต็มตา กระปี้กระเปร่าสุดๆ

"เจ็ดครึ่งก็ได้" ต้นถอนหายใจ "ฉันนั่งแถวสนามบาส ไปเจอกันตรงนั้น ถ้าตื่นไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน" 

"ผมตื่นได้! เพื่อเฟรนด์ชิพของผมกับมิสเตอร์ต้น ผมทำได้!"

นัยน์ตาสีฟ้าของทอมลุกโชติช่วงอย่างมุ่งมั่นสุดๆ หมายมาดกับตัวเองว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่นอนเกินห้าทุ่มอีกแล้วเพื่อที่จะตื่นมากินข้าวกับมิสเตอร์ต้นได้ทุกวัน

ครืด

ทอมก้มลงอ่านโทรศัพท์ตัวเองและเผลออุทาน

"วอท! ทำไมปีนี้ผมถึงไม่ได้เลือกบทล่ะ!!!" 

ทอมโวยวายและพิมพ์ตอบกลับยิกๆ

"ก้อดด" 

"มีอะไรหรือเปล่า?" 

ต้นถามอย่างอดไม่ได้ เพราะไอ้เด็กเจ้าปัญหาทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ยิ่งทักเจ้าตัวก็ผวามาเกาะแล้วทำท่าจะร้องห่มร้องไห้

"โฮ ปีนี้ผมไม่ได้เลือกบทล่ะ มิสเตอร์ต้น" ทอมตีโพยตีพาย "ผมน่ะ เป็นถึงประธานชมรมการแสดงเลยนะ ฮึก ให้ผมเป็นพวกเดินพาเหรดมันใช้ได้ที่ไหนกัน ผมอุตส่าห์จ้างมิสเตอร์แพทริกให้เขียนบทละครเวทีเอาไว้แล้วแท้ๆ โฮ"

ต้นจนคำพูดกับคนที่ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาสักเม็ด

"นายก็ไปแย้งสิ เป็นประธานไม่ใช่เหรอ"

ทอมส่ายหน้าดิกแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเหมือนพยายามซ่อนน้ำตาไม่ให้มิสเตอร์ต้นเห็น "ประชาธิปไตย มิสเตอร์ต้น แด๊ดบอกว่าผมต้องเห็นแก่ส่วนรวมและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถึงผมจะเป็นประธานแต่ทุกคนต้องการแบบนั้นผมก็ต้องทำ"

แต่เอาเข้าจริงทอมก็ไม่ได้เสียใจอะไรนักหรอก

เบื้องหลังมือบางจึงปรากฎรอยยิ้มนิดๆ เมื่อมิสเตอร์ต้นดูสลดลง

"แล้วนายได้เป็นตัวอะไรล่ะปีนี้?"

คนเป็นนักเรียนทุนถามอย่างไม่จริงจังนัก ทุกปีโรงเรียนนี้จะจัดวันโฮลาวีนช่วงเช้าลากยาวไปถึงสามทุ่ม เป็นอีเวนท์พิเศษสนุกๆ ตามประสาเด็กรวยและเขาก็ไม่เคยคิดจะร่วมสักครั้ง จึงใส่ชุดนักเรียนปกติต่างจากคนอื่นที่แต่งตัวเป็นผีประหลาดๆ กันมา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผีฝรั่งยอดฮิต อย่างแวมไพร์ แฟรงเกนสไตน์ เอลฟ์ แวร์วูฟอะไรทำนองนั้น

และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกปีที่แล้วทอมจะได้เป็นแวมไพร์รูปงามที่หลงรักมนุษย์แต่สุดท้ายก็โดนพวกบาทหลวงไล่ฆ่าจนตาย หลังจากนั้นมีอะไรต่อ เขาไม่รู้เพราะรีบไปทำงานต่อ

"...คนเลี้ยงแวร์วูฟ"

"...หือ"

"ผมได้เป็นคนเลี้ยงแวร์วูฟ!" ทอมทำหน้าเศร้า พยายามนึกถึงภาพดอรี่ตายในหัว น้ำตาก็เริ่มปริ่ม "นอกจากมันจะดูน่าเบื่อแล้ว ยังไม่มีใครยอมเป็นมนุษย์หมาป่าให้ผมเลย! ทุกคนในชมรมเอาบทดีๆ ไปหมดแล้ว เหลือแต่อะไรไม่รู้ให้ประธานอย่างผม ฮึก มิสเตอร์ต้น ผมจะไปหาคนสูงเท่ามิสเตอร์ต้นจากไหนกัน! ไหนจะหน้าตาดุๆ เหมือนแวร์วูฟของมิสเตอร์ต้นอีก ผมจะไปหาที่ไหนได้ โฮฮฮฮ"

ถ้านี่เป็นการเล่นละครแล้วต้นเป็นกรรมการ ต้นคงจะให้การแสดงของทอมติดลบเทียบกับการแสดงเป็นแวมไพร์ของปีที่แล้วไม่ติด ปีที่แล้วทอมเล่นดีมากแต่กับตอนนี้กลับแสดงได้ห่วยแตกสิ้นดี ดูออกได้ง่ายๆ เลยว่าเจ้าเด็กนี่อยากให้เขาเป็นหมาป่าให้ใจจะขาด

ต้นพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วหน้าหงิกใส่ทอมที่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาตัวเองด้วยท่าทางประหลาดที่คิดเองเออเองว่ามันดูสง่างามแบบผู้ดีอังกฤษ

"สรุปคืออยากให้ฉันมาเล่นเป็นแวร์วูฟให้นายจูง?"

"อื้อ! ผมอยากให้มิสเตอร์ต้นมาเล่นอีเวนท์นี้ด้วย มันสนุกมากๆ" ทอมหลุดยิ้มแต่เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเผลอหลุดปากก็ส่ายหน้าดิก "เปล่านะ! ผมก็แค่บอกมิสเตอร์ต้นเฉยๆ ว่าผมอยากได้แวร์วูฟคล้ายๆ มิสเตอร์ต้น"

จากที่ไปสืบๆ มาจากพวกชมรมนักข่าว ทอมพอจะรู้มานิดหน่อยว่ามิสเตอร์ต้นไม่ค่อยอยู่ร่วมกับพวกงานเทศกาลอีเวนต์เจ๋งๆ ของโรงเรียนเท่าไหร่ เลยไม่กล้าจะชวนตรงๆ

แต่ก็อยากให้มิสเตอร์ต้นร่วมงามนี้อยู่ดี

ทอมพยายามส่งสายตาให้มิสเตอร์ต้น

"แต่ถ้ามิสเตอร์ต้นยอมเป็น ผมจะดีใจมากๆ นะ ผมกินโรตีเลยว่า มันต้องสนุกมากๆ โซคูล แฟนแทสติก แน่นอน"
ต้นมองหน้าทอมแล้วชั่งน้ำหนักของเหตุผลในหัว จากใจจริงเลยเขารู้สึกว่ามันไร้สาระมากแต่ก็เห็นแก่ทอมอยู่ดี เขารู้ดีว่าทอมหวังดีและอยากเขาสนุกกับอะไรพวกนี้บ้าง

"...ฉันไม่มีคอสตูมหรอกนะ"

ต้นถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

เขาแพ้สายตาออดอ้อนของทอมอย่างราบคาบ จริงๆ ก็อยากแก้ภาษาไทยให้ทอมอยู่ แต่ก็ปลงว่าทอมคงจำไม่ได้อยู่ดี พอๆ กับกรณีแดดเดียวของเขา

และคำตอบของมิสเตอร์ต้นคล้ายกับไปกดสวิตท์อะไรสักอย่างของทอม

"ไม่มีปัญหามิสเตอร์ต้น!!!" ทอมดีใจมากจนรู้สึกอยากกอดมิสเตอร์ต้นแน่นๆ เพื่อแสดงความดีใจของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ทำได้แค่คิดเลยได้แต่ยืนคันไม้คันมือมองมิสเตอร์ต้น "แวร์วูฟปกติก็เปลือยอกอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนต้องอิจฉาซิกแพ็กมิสเตอร์ต้นแน่ๆ! ส่วนกางเกงก็ใส่กางเกงนักเรียนขาดๆ ของมิสเตอร์ต้นก็ได้หรือไม่ก็ขอยืมผมก็ได้ พวกหางพวงปลอมกับหูหมาป่า ผมจะจัดการให้เอง! ผมซื้อไว้แล้วมีสามสี มิสเตอร์ต้นอยากได้สีไหนเหรอ"

ไม่ว่าเปล่าหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดภาพให้มิสเตอร์ต้นเลือกอย่างกระตือรือร้น

"…"

สรุปคือไอ้เด็กเวรนี่มันวางแผนไว้แล้วสินะ..

ต้นมองทอมอย่างเหนื่อยใจแต่กลับเผลอยิ้มมุมปากอย่างควบคุมไม่ได้

่เอาเถอะ ไหนๆ ก็ยอมมาเล่นสนุกกับคนน่าเบื่ออย่างเขาแล้ว จะเล่นนานกว่านี้จะเป็นอะไรไป
 
 


เสียงฝีเท้าเอี๊ยดอ๊าดดังเป็นจังหวะรุนแรงพอๆ กับอารมณ์กราดเกรี้ยวของคนในสนาม แต่ละคนในสนามล้วนแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดและมีเหงื่อท่วมราวกับว่านี้เป็นศึกตัดสินครั้งสุดท้ายของชีวิต ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่การฝึกซ้อมเพื่อเตรียมไปฟัดกับโรงเรียนอื่นที่ท้ามาเท่านั้น

ปัง!

ลูกบาสถูกยัดลงห่วงเมื่อมันหลุดจากห่วง ทีมฝั่งศัตรูก็แย่งลูกแล้วอาศัยจังหวะโยนส่งให้ทีมตัวเองที่โบกมือขอ ทีมฝั่งที่โดนแย่งลูกกรูกันไปแย่งพยายามขัดขวางไม่ให้อีกฝั่งทำแต้มเพิ่มได้

แต่น่าเสียดายที่ลูกบาสลูกนี้อยู่ในมือของ 'มิสเตอร์ต้น' พอดี ความฝันของพวกเขาจึงดับสลาย

สวบ!

ต้นชูทบาทสามแต้มจากระยะกลางสนามส่งผลให้ลูกบาสลงห่วงอย่างสวยงาม

"เฮ! ลูกโครตสวยเลย ต้น"

เหล่าคนในทีมพากันเฮยกใหญ่และไปแท็กมือกับต้นที่ยิ้มนิดๆ กับคำชมก่อนที่จะวิ่งตามลูกบาสต่อ เวลาในเกมยังไม่หมด ต่อให้พวกเขาดีใจกันแค่ไหนก็ยังไม่ใช่เวลาที่ควรจะมาฉลอง ไม่ต้องเชื่อก็ต้องเชื่อ พวกเขาเคยชะล่าใจในสามสิบวิสุดท้ายแล้วโดนสวนกลับจากโรงเรียนอื่นเล่นเอาแพ้ย่อยยับและน่าอับอาย

ซึ่งมันก็เป็นโรงเรียนเดียวกับที่มาท้าเนี่ยแหละ ทุกคนถึงเอาเป็นเอาตายกับมันมากถึงขนาดนั้น การแข่งครั้งนี้ก็เหมือนล้างยางอายของรอบที่แล้ว ยิ่งมีมิสเตอร์ต้นที่เพิ่งเข้ามาแล้วฝีมือดีมากอยู่ในทีม ทุกคนก็ยิ่งฮึกเหิม เดิมพันกับการแข่งครั้งนี้เอาไว้มากว่าต้องชนะแน่ๆ

"โซคูล! มิสเตอร์ต้น! ลูกเมื่อกี้สวยสุดๆ ไปเลย"

เสียงโหวกเหวกของทอมเรียกความสนใจของคนทั้งนอกและในสนามไม่น้อย ส่วนเจ้าของชื่อที่โดนเรียกเหลือบมองด้วยหางตาและถอนหายใจยาวๆ ออกมา เมื่อถึงเวลาพักก็วิ่งเหยาะๆ มาหาทอมที่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ตัวสำรอง

ต้นทรุดตัวนั่งข้างๆ ทอม ลอบมองโทรศัพท์ของทอมอย่างใคร่รู้ว่าเด็กปัญญาอ่อนนี่จะมีอะไรในโทรศัพท์บ้าง

"…"

ใบหน้าที่มีเค้าคมคายของมิสเตอร์ต้นขึ้นริ้วแดงนิดๆ เมื่อทอมถ่ายรูปตัวเองที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามให้ใครสักคนด้วยรอยยิ้มเหมือนภูมิใจในตัวเขามาก

"อ้ะ" ทอมสะดุ้งนิดๆ เมื่อพบว่ามิสเตอร์ต้นมานั่งข้างตัวเองแต่ก็รีบระบายยิ้มทันที "ผมส่งรูปมิสเตอร์ต้นให้แด๊ดดูด้วยล่ะ"

ต้นครางอืมแล้วมองชุดของทอมใหม่อีกครั้ง

"ชุด?"

เมื่อกี้ทอมยังอยู่ในชุดพละโรงเรียนแต่ตอนนี้กลับเป็นเสื้อนักบาสสีดำขับให้ผิวขาวๆ ของทอมสว่างจนน่าแสบตาอีกทั้งยังสวมรองเท้ากีฬาแบรนด์เนมสีดำเข้ากับชุด

ทอมยิ้มแล้วหัวเราะ

"ผมอยากเล่นกับมิสเตอร์ต้น สักห้านาทีก็ได้"

"นายแน่ใจ?" ต้นถามย้ำเสียงเข้มเพราะสนามบาสไม่ใช่สนามเด็กเล่น เมื่อกี้มีหลายครั้งที่เขาโดนเบียดจนเซ ขืนทอมลงสนามคงไม่วายคงล้มแล้วโดนเหยียบแบนคาสนาม

"แน่ใจสิ" ทอมยืดอกแล้วตบอกตัวเอง "ผมน่ะ เพื่อมิสเตอร์ต้นผมทำได้ทุกอย่างเลยล่ะ แค่เล่นบาสเอง อีกอย่างนะรองเท้าที่ผมใส่อยู่มันดีมากๆ เชื่อผมสิ ถ้ามิสเตอร์ต้นใส่มันนะ จะเล่นได้ดีกว่าเดิมแน่ๆ! ถ้ามิสเตอร์ต้นอยากได้บอกผม ผมจะซื้อให้มิสเตอร์ต้นเอง"

"ไม่เป็นไร" ต้นปฏิเสธแต่กลับไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนักเพราะรู้ว่าทอมหวังดีกับตัวเองจริงๆ ไม่ได้คิดจะอวดรวยเหมือนคนอื่นๆ "จะเล่นก็ตามมา เดี๋ยวจะขอโค้ชให้"

ทอมทำหน้าปลื้มปิติ "ฮึก ผมดีใจมากเลย มิสเตอร์ต้นเป็นคนดีมากๆๆ แด๊ดบอกว่ามิสเตอร์ต้นน่ะ เป็นคนดีศรี เอ่อ สี สี" 

"สังคม" ต้นต่อให้แล้วเดินนำทอมเข้าสนามที่เริ่มมีคนลงเพราะหมดเวลาพักแล้ว ทอมวิ่งดุ๊กดิ๊กตามมิสเตอร์ต้นและอดสะพรึงกับขนาดตัวของนักบาสแต่ละคนไม่ได้ 

"นี่มันทีมยีราฟชัดๆ!" ทอมอุทานเมื่อพบว่าตัวเองต้องเงยหน้าคุยและสูงแค่คางของคนในทีม กับมิสเตอร์ต้นยิ่งแล้วใหญ่เขาสูงเท่าไหล่มิสเตอร์ต้นเท่านั้น

"ไม่ยีราฟหรอกแต่นายเตี้ยเอง"

คนหนึ่งในทีมซึ่งอยู่ห้องเดียวกับทอมเอ่ยแซวอย่างไม่ไว้หน้าเพราะค่อนของสนิทพอสมควร

ทอมหัวเราะ "ยังสูงได้อีกน่า ดีไม่ดี ผมอาจจะสูงกว่ามิสเตอร์ต้นก็ได้"

"ฝัน" ต้นที่เดินกลับมาพอดีพูดขัดแล้วผลักเพื่อนร่วมห้องของทอมออก "เดย์ ออกไปพักก่อน ขอเกมนี้ให้เด็กเพิ่งหย่านมวิ่งเล่นบ้าง"

"คร้าบๆ" เดย์ยิ้มแล้วเดินไปแตะไหล่ของทอม "ระวังโดนเหยียบตายนะ"

ทอมไหวไหล่ไม่ตอบก่อนที่จะไปประจำที่ตัวเองซึ่งก็คือกลางสนาม 

ปี๊ด!

นกหวีดกรีดเสียงและครึ่งหลังก็เริ่มต้น อย่างที่คาดมิสเตอร์ต้นแย่งลูกมาได้แต่กลับส่งไม่ได้เพราะถูกล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด

"มิสเตอร์ต้น!" ทอมโบกมือขอลูก (จำมาจากในหนัง) 

และต้นก็เผลอส่งตามสัญชาตญาณเพราะเห็นเป็นทีมเดียวกันและตอนนั้นก็โล่งพอดีเหมือนทุกคนคิดว่ายังไงๆ ทอมก็ไม่มีวันได้ลูกแน่ๆ 

"หวา!" ทอมร้องลั่นรับลูกทันก็จริงแต่ปวดข้อมือไปหมด ลูกบาสที่มิสเตอร์ต้นส่งมาแรงมากๆ จนทอมคิดว่าถ้าตัวเองโดนมิสเตอร์ต้นต่อยคงหน้าบวมไปสามวัน แต่ถือได้ไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกปัดลูกออกและถูกแย่งลูกไปเล่นต่อ

"…"

ต้นยืนนิ่งไปครู่หนึ่งมองทอมที่หัวเราะแหะๆ ก่อนที่จะกระโดดรับลูกที่ถูกส่งข้ามหัวและเหตุการณ์เดิมก็ปรากฎซ้ำอีกครั้ง คนบังเต็มไปหมด ต้นพยายามแกล้งเบี่ยงลูกไปทางซ้ายขวาแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีช่องว่างส่งให้ทีมตัวเองสักนิด นอกจากจะส่งให้คนเดิมที่ยังถูกเมินในสนามเช่นเดิม

"โว้ย!" ร่างสูงสบถแต่ก็ส่งให้ทอมอยู่ดี 

"อึก!"

ลูกบาสกระแทกอกทอมอย่างแรงจนจุกถึงแม้ว่าทอมจะสามารถรับมันได้ทันก็ตาม หากแต่ในสายตาคนอื่นกลับไม่ได้มองละเอียดมากนัก จึงไม่มีใครเห็นว่าทอมโดนลูกบาสอัด ครั้งนี้ทอมไม่ปล่อยให้จังหวะหลุดอีก ส่งลูกบาสต่อให้เพื่อนร่วมทีมใกล้ๆ ทันที

"แรงเยอะจัง" ทอมบ่นพึมพำไม่จริงจังนัก ลอบลูกอกตัวเองที่เจ็บไปหมด ถ้าถอดเสื้อออกตอนนี้คงไม่วายขึ้นเป็นรอยช้ำแดงรูปลูกบาส 

"เจ็บรึเปล่า!" 

ทอมถูกเขย่าจนตาลาย พอเงยหน้าเห็นมิสเตอร์ต้นมองตัวเองตื่นๆ ก็ยิ้ม

"นิดหน่อย มดกัดๆ"

"ไหนเอามาดู" ไม่รอคำตอบต้นเลิกเสื้อทอมขึ้นจนเห็นหน้าอกขาวที่ขึ้นรอยสีแดงช้ำๆ ก็ขมวดคิ้วมุ่น "ไปห้องพยาบาล"

"ไม่ต้องๆ" ทอมรีบดึงลงแต่ก็ไม่เป็นผล มิสเตอร์ต้นขมวดคิ้วแน่นจนทอมเผลอกลืนน้ำลายเอือก "ผมไม่เป็นไรน่า ทายาเดี๋ยวก็หาย" ทอมหน้าแดง  "มิสเตอร์ต้น เอาเสื้อผมลงเถอะ"

ต้นพ่นลมหายใจแรงๆ ยอมดึงลง

"ไม่ต้องเล่นแล้ว อันตราย"

ทอมส่ายหน้าดิก "ไม่เอาน่า แค่นี้เอง ผมเล่นต่อได้" 

"ไม่!"

ทอมสะดุ้งสุดตัวหดคอหวาดๆ เมื่อถูกมิสเตอร์ต้นคำรามใส่

่ "ก็ได้ๆ "

ทอมหงอยลงสิบระดับ

"แต่พรุ่งนี้มิสเตอร์ต้นต้องกินข้าวเที่ยงพร้อมกับผมนะ"

ต้นพยักหน้าอย่างขอไปที ตัดสินใจลากทอมออกจากสนามบาสโดยไม่ลืมขออนุญาตโค้ชโดดวันนึง ซึ่งโค้ชก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะต้นถือเป็นนักกีฬาดีเด่นของชมรมอยู่แล้ว ไม่เคยขาดโดยไม่จำเป็น มาตรงเวลา ขยันฝึกซ้อม ไม่บ่น ไม่ขี้อวด มีน้ำใจนักกีฬา เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ จนคนในชมรมแซวมิสเตอร์ต้นว่าจะเป็นทีมชาติได้อยู่แล้ว 
ระหว่างทางทอมก็ชมนกชมไม้เอ่ยทักทายคนนู้นคนนี้ไปทั่วราวกับว่าตัวเองกำลังเดินเล่น ทั้งๆ ที่ถูกมิสเตอร์ต้นลากแขนพาไปห้องพยาบาล

"อ้ะ หยุดก่อนๆ มิสเตอร์ต้น" ทอมดึงเสื้อมิสเตอร์ต้นเมื่อเดินเห็นหัวพวกชมรมช่างภาพอยู่ไวๆ แน่นอนว่าการเห็นหัวคนพวกนี้ไม่ใช่เรื่องดีเพราะบ่อยครั้งที่รูปทีเผลอมักจะถูกจัดพิมพ์ในวารสารประจำเดือนของโรงเรียนไม่ก็โพสลงในเพจหรือกลุ่มไลน์ ให้อารมณ์คล้ายพวกปาปารัซซี่เพียงแต่ว่าเจ้าพวกนี้เป็นพวกชมรมวารสารเฉยๆ

"อะไร" 

"ผมว่าผมเหมือนเห็นพวกชมรมข้าวสาร"

"…"

ต้นงุนงงไปสักพักก่อนที่จะเหลือบไปเห็นหัวพวกชมรมวารสารก็เข้าใจ "พวกชมรมวารสาร? ช่างพวกนั้นเถอะ คงจะหาเก็บรูปหลุดคนไปลงในเพจเรียกเรตติ้ง"

"ช่างไม่ได้ มิสเตอร์ต้น" ทอมชี้ไปมุมนึงของอาคารซึ่งมีมนุษย์เกาะอยู่ตามมุมแบบไม่เนียน "มากันตั้งสี่ห้าคน ผมว่ามีอะไรแปลกๆ มิสเตอร์ต้นไปทำอะไรให้พวกชมรมนี้ไม่พอใจรึเปล่า"

ต้นกลอกตา

คงจะเป็นเจ้าพวกตอนกลางวันสินะ

"งั้นก็ช่างมันเถอะ ไปทายาดีกว่า ขืนแด๊ดของนายรู้ คงจะฆ่าฉันตาย"

ทอมยิ้มนึกเสียใจที่ไม่พกผ้าเช็ดหน้ามาด้วย

"มิสเตอร์ต้นเป็นห่วงผม! ผมดีใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว!"

"...จะเอารางวัลออสการ์รึไง" ต้นค่อนแคะในความเล่นใหญ่ของทอม ไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา

"ผมดีใจจริงๆ นะ"

ทอมยิ้มและรีบสาวเท้าตามมิสเตอร์ต้นที่เดินลิ่วๆ ไปแล้ว

ถ้าโดนลูกบาสของมิสเตอร์ต้นอัดแล้วมิสเตอร์ต้นใจดีขนาดนี้ เขายอมโดนเป็นร้อยลูกเลยเอ้า!
 
 
------------------------------

ตอนแรกคิดว่าจะทันฮาโลวีน ไม่ทันซะงั้น ขอทบไปตอนหน้านะคะ อีเวนต์ฮาโลวีน  :a12:

มิสเตอร์ต้นเป็นแวร์วูฟโชว์ซิกแพ็ก ส่วนน้องทอม  :z1:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า  :กอด1:
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-10-2017 23:23:01
น้องน่าเอ็นดู   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 31-10-2017 23:53:45
ชมรมวารสารต้องนำความวุ่นวายมาให้แน่ๆเลย :hao7:
เป็วห่วงแค่ไหนอะมิสเตอร์ต้นลากทอมมาห้องพยาบาลด้วย :hao3: :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-11-2017 04:11:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-11-2017 17:57:26
มีรูปหลุดจากชมรมวารสารแน่นอนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-11-2017 23:47:04
มีความฮา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 4 31 ต.ค 60
เริ่มหัวข้อโดย: yanaanay ที่ 03-11-2017 00:01:43
เอ็นดูน้องทอมละเกินนน  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-11-2017 23:37:45
ตอนที่ 5

"กรี๊ด นี่มันซิกแพ็กในตำนาน!"

"อร๊าย มิสเตอร์ต้นหล่อมากๆๆ"

"มิสเตอร์ต้น!! มองทางนี้หน่อยค่า"

"มิสเตอร์ต้น ถ้าหิวข้าวมาทางนี้ได้นะคะ!"

"…"
 


นี่นับเป็นสถานการณ์สุดท้ายที่มิสเตอร์ต้นจะจินตนาการถึงในชีวิต ความรู้สึกที่เหมือนกับพวกดาราเซเลบในแมกกาซีน ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงนักเรียนม. ปลาย ที่โดนพวกชมรมวารสารเขียนข่าวฉาวว่าเขาไปข่มขู่ทำร้ายจิตใจทอมให้เป็นเพื่อนของตัวเองเพราะรู้สึกจนและเหงามากเกินไป ซึ่งรูปประกอบหลักคือภาพที่เขาลากทอมไปห้องพยาบาล แต่ที่เหลือกลับเป็นภาพหลุดโปกฮาชวนให้รู้สึกอยากไปไล่เผาบ้านพวกช่างภาพซะมากกว่า

มีตั้งแต่รูปทุเรศๆ ตั้งแต่ภาพที่เขาเล่นบาสแล้วล้มหน้าแหกยันรูปถอดชุดเปลี่ยนเสื้อ นี่มันเข้าข่ายคุกคามทางเพศชัดๆ ! เขาจะฟ้องไอ้พวกเวรนี้!!!

"โว้ย!"

 ต้นคำรามยีหัวตัวเองอย่างเคร่งเครียด

ทุกคนมองเขาเป็นผู้ชายขี้เหงาเอาแต่ใจไปแล้ว! นี่มันบ้า บ้าชัดๆ ไอ้ชมรมวารสารบัดซบ พวกสาวๆ ที่เคยกรี๊ดเขาตอนเล่นบาสก็ชักจะเอาใหญ่ตะโกนเรียกเขาไปกินข้าวเช้า ไหนจะสายตามากมายที่มองมาทางเขาอย่างเห็นใจ (แต่บางส่วนก็มีแววสมเพชซึ่งนั่นก็เป็นปกติจนมิสเตอร์ต้นชินมากๆ แล้ว) 

โดยเฉพาะป้าแม่บ้านวันนี้ที่นึกครึ้มอะไรไม่รู้ซื้อน้ำให้มิสเตอร์ต้นด้วยสีหน้าสงสารมากๆ แถมไม่วายยังกล่าวกำชับว่ามิสเตอร์ต้นต้องพูดให้เยอะๆ จะได้มีเพื่อนมากๆ

เรียกได้ว่าอับอายขายขี้หน้าสุดๆ สำหรับเช้านี้

มิสเตอร์ต้นกระแทกเท้าเข้าสนามบาส หยิบลูกบาสที่ใช้เงินส่วนตัวซื้อซึ่งซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ออกมาเดาะสองสามครั้งลองมือ ก่อนจะวิ่งเดาะลูกเร็วๆ แล้วโผตัวยัดเข้าห่วงบาสอย่างเกรี้ยวกราด

"โว้ย!"

คำรามอีกครั้งแล้วคว้าลูกบาสไปยัดห่วงอีกราวกับสัตว์ป่าที่คลุ้มคลั่ง นี่ถ้าพวกชมรมวารสารเป็นลูกบาสลูกนี้คงจะถูกมิสเตอร์ต้นขย้ำตายซะตรงนี้ 

"มิสเตอร์ต้น!"

เสียงร่าเริงล้านแปดขัดอารมณ์ฉุนเฉียวในสนามทำให้มิสเตอร์ต้นชะงักพอหันไปมองก็พ่นลมหายใจแรงๆ พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้พาลไปใส่เด็กน้อยหัวใจดอรี่

"ตื่นเช้าเป็นด้วยเหรอ" แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บอยู่ดี ร่างสูงก้าวอาดๆ มานั่งม้าหินอ่อนใต้ร่มใหญ่ซึ่งทอมก็ทิ้งตัวนั่งข้างๆ กัน

ทอมหัวเราะรับ "แน่นอน ผมบอกแล้วเพื่อมิสเตอร์ต้น ผมทำได้!" ซะที่ไหนล่ะ เขาตั้งนาฬิกาปลุกตั้งสิบอันโดยกำชับไม่ให้พวกพ่อบ้านมาปิดให้ เช้านี้เขาเลยต้องมานั่งปิดเอง สิบกว่าอัน เรียกได้ว่าต่อให้ไม่อยากตื่นก็ต้องตื่นอยู่ดี แต่เพราะอย่างนี้แหละ
เขาถึงสามารถทำเวลาในการมาโรงเรียนได้อย่างดีเยี่ยมที่ 7:29 !!!

"ผมมาก่อนตั้งนาทีนึง!" 

"…"

ต้นพยายามไม่หลุดขำเมื่อทอมทำหน้าเหมือนหมาน้อยที่ทำตามคำสั่งเจ้าของแล้วต้องการคำชม 'ชมผมสิ! ชมผมสิ!'

"เก่งมาก"

"อื้อ! ผมก็ว่างั้นแหละ" ทอมยิ้มจนตาหยีแล้วชูกล่องข้าวขึ้นอวด "วันนี้เป็นเมนูเบสิกธรรมดาๆ แหละ มิสเตอร์ต้น เชฟคนใหม่ของ
ผมบอกว่ามิสเตอร์ต้นน่าจะชอบเมนูนี้"  ไม่ว่าเปล่าหยิบมันออกมาวางด้วยสีหน้าภูมิใจมากๆ

"หมูปิ้ง?"

ต้นถามเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่อยู่ในกล่องนัก 

มันเป็นหมูปิ้งเสียบไม้ก็จริง แต่กลับดูหรูหรากว่าหมูปิ้งนมสดไม้ละสิบบาทมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของพริกไทยคลุกเคล้ากับกลิ่นเครื่องเทศอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จักแต่แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าแพงและมันก็ถูกย่างจนสุกในระดับพอดี มีรอยไหม้เกรียมนิดๆ ตามเนื้อ ข้างๆ กันนั้นมีข้าวเหนียวสี่ห่อที่ถูกพับถุงอย่างประณีต

"ใช่! ผมบอกเชฟว่ามิสเตอร์ต้นเป็นคนไทย ชอบอะไรไทยๆ เขาก็เลยเสนอหมูปิ้งให้ผม มิสเตอร์ต้นเชื่อไหมว่าเกิดมาผมยังไม่เคยกินหมูปิ้งนมสดเลยนะ!"

"…"

คนกินหมูปิ้งนมสดตั้งแต่จำความได้ทำหน้าตายและไม่แน่ใจว่าทอมอยู่จนอายุปูนนี้ได้ไง เมนูนี้มันเป็นเมนูเบสิกและอร่อย แต่ก็อย่างว่าทอมกับเขาโตไม่เหมือนกัน

"กินซะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว" ไม่รอให้ทอมยื่นให้ต้นก็หยิบออกมาเคี้ยวกินไม้นึงและชะงัก

"อร่อยใช่ไหมล่ะ" ทอมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้วหยิบมากินบ้าง "เนี่ยน่ะ เป็นเชฟอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยน้า"
นี่มันไม่ใช่แค่อร่อยแล้ว!! กลิ่นพริกไทยเข้ากับหมูมาก ไหนจะข้าวเหนียวที่นึ่งแบบพอดีอีก รสชาตินี้นอกจากในภัตตาคารหรูชื่อดังเขาก็ไม่รู้จะไปหากินจากไหนแล้ว ต้นพยักหน้ารับเร็วๆ ไม่ถึงห้านาทีหมูปิ้งไม้ที่สองที่สามก็หมดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับข้าวเหนียวที่เหลือเพียงห่อเดียวเพราะต้นเหลือไว้ให้ทอม

"..มองอะไร"

ต้นถามทอมงงๆ เพราะเจ้าตัวทำเอาแต่ยิ้มอยู่คนเดียวขณะที่เคี้ยวหมูอย่างมีมาดผู้ดีอังกฤษ

ทอมยังคงยิ้ม "ผมกำลังคิดเรื่องฮาโลวีนน่ะ มิสเตอร์ต้น" และรอยยิ้มค่อยๆ หุบลงเมื่อเห็นเหงื่อที่ท่วมตัวของมิสเตอร์ต้น "อาบน้ำด้วยนะ มิสเตอร์ต้น"

ต้นพยักหน้ารับและถอนหายใจหน่ายๆ

เขาลืมไปซะสนิทเลยว่าทอมกำชับให้เขาทำตัวแห้งๆ หอมๆ ไว้ตอนเช้า ช่วยไม่ได้สิ่งที่เจ้าพวกชมรมวารสารทำมันทำให้เขาหงุดหงิดจนนึกอะไรไม่ออกเลยทีเดียว 

ยิ่งเห็นสีหน้าทอมผิดหวังของทอมก็รู้สึกผิดเล็กๆ ในใจ เหมือนกับว่าตัวเองเผลอไปทำร้ายสัตว์เล็กๆ เข้าจนมันซึมและหลังจากนั้นมันก็จะอดอาหารประท้วงจนหิวตาย

ทอมสูดหายใจพยายามไม่เศร้าที่มิสเตอร์ต้นเล่นบาสจนเหงื่อท่วมผิดสัญญาตัวเอง ทำเอาแแผนที่วางไว้พังไม่เป็นท่า ความจริงทอมตั้งใจจะช่วยมิสเตอร์ต้นแต่งตัวช่วงเช้าแต่ถ้าหากต้องรอมิสเตอร์ต้นอาบน้ำก็คงรอไม่ได้ เพราะต้องเข้าไปช่วยซ้อมการแสดงให้น้องๆ ในชมรมที่กำลังจะเริ่มในช่วงบ่าย ช่วงเช้าจึงเป็นแค่การเซ็ตของหรือซักซ้อมของเหล่าบรรดาคณะนักเรียนเท่านั้น

"..ผมว่านะ มิสเตอร์ต้นน่ะ เหมาะกับหูสีดำสุดแล้ว หมาป่าสีดำเท่สุดๆ" ทอมเปลี่ยนเรื่องคุย หยิบหูหมาป่าสีดำออกมาและใส่มิสเตอร์ต้นทันที ซึ่งต้นก็ยอมอย่างว่าง่าย หนำซ้ำยังก้มหัวลงให้ทอมใส่ได้ถนัดขึ้นอีกพอเงยหน้าขึ้นนั่งหลังตรงทอมก็อุทานไม่หยุด

 "แฟนแทสติก! มิสเตอร์โซคูลสุดๆ ไปเลยกับสีดำ! เชื่อผมสิ ถ้ามีสไตล์ลิสอย่างมิสเตอร์ทอม ฮัลโลวีนปีนี้มิสเตอร์ต้นต้องได้อันดับหนึ่งในงานประกวดชุดแน่นอน!!" ทอมปรบมือให้กับตัวเอง ตาของเขาดูไม่ผิดจริงๆ มิสเตอร์ต้นเหมาะกับธีมหมาป่าตัวร้ายที่สุดแล้ว!

"...อืม"

นอกจากครางตอบ เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็งควบขี้เหงาและเอาแต่ใจก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบว่าอะไรดีสารภาพจากใจจริงเลยว่าเขาก็ไม่ได้อยากร่วมงานฮาโลวีนอะไรนี่หรอกถ้าทอมไม่ลากเข้า ถ้าปีนี้ทอมไม่มายุ่งกับเขา เขาก็คงไม่วายลาโรงเรียนไปทำงานทั้งวันเพราะดูจะทำให้เขามีอะไรกินมากกว่ามาร่วมงานแบบนี้ตั้งเยอะ
แต่การมาร่วมงานก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนัก ดูน่าสนุกดีด้วยซ้ำ

ต้นมองไปตามทางเดินที่เริ่มมีนักเรียนสวมชุดแฟนซีด้วยความรู้สึกสนใจ ทุกปีเขามักจะมองเมินอย่างขอไปทีแต่ใครจะไปรู้ พอตั้งใจมองกลับพบว่างานฮาโลวีนของโรงเรียนนี้ดูจะมีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดมาก พวกชุดของแต่ละคนโคตรประหลาด ไหนจะพวกป้ายโฆษณากิจกรรมที่ปักตามทางอีก เรียกได้ว่ามีแต่ของน่าสนุกสุดๆ

ช่วยไม่ได้นี้คือโรงเรียนนานาชาติที่มีประชากรส่วนใหญ่รวยกว่าปกติ กิจกรรมทุกอย่างจึงอลังการงานสร้างราวกับช่างแต่งหน้าฮอลลีวูดมาช่วยแต่งหน้าให้พวกนักเรียน มีบางคนแต่งเป็นซอมบี้แล้วเดินท่าซอมบี้เข้ามาในโรงเรียน ห้องกิจกรรมถูกเนรมิตเป็นบ้านผีสิงด้วยฝีมือของพวกสภานักเรียน ห้องสำหรับปาร์ตี้ของพวกครูแนะแนวที่มีแต่พวกน้ำผลไม้ไร้สาระและเปิดเพลงป็อปเบาๆ ทำให้นอกจากพวกครูด้วยกันเองก็ไม่ค่อยมีใครเข้าไปแจมนัก แต่ก็มีพวกหนีโลกภายนอกชอบเข้าไปสิงสถิตอยู่ในนั้น

"แล้วนายแต่งเป็นอะไร?" 

ทอมที่กำลังเหม่อกระพริบตาปริบใช้เวลาตีความสิ่งที่มิสเตอร์ต้นพูดประมาณสามวินาทีจึงตอบ "เดาสิ มิสเตอร์ต้น ถ้าทายถูก ผมจะให้ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของผมกับมิสเตอร์ต้นเลย!" 

ที่ทอมเหม่อเมื่อกี้เพราะมัวแต่นึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนบ่ายแบบคร่าวๆ อย่างไรก็ตาม ความจริงที่เขาเป็นประธานชมรมการแสดงก็ยังคงอยู่ ถึงจะทำตัวไร้สาระแค่ไหน ทอมก็ยังดำรงตำแหน่งประธานชมรมการแสดงอยู่ดี ซึ่งการแสดงของชมรมการแสดงปีนี้คือ 'หมาป่าเดียวดาย' ซึ่งเขาก็รับบทเป็นคนจับหมาป่าเดียวดายตัวนั้น (และไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลยนอกจากมิสเตอร์ต้น) เนื้อเรื่องโดยรวมเกี่ยวกับอาณาจักรปีศาจที่มีปีศาจอาศัยอยู่มากมาย มีทั้งพวกเอลฟ์ คนแคระ แวมไพร์อะไรทำนองนั้น ส่วนทอมที่รับบทเป็นคนจับนั้นก็ทำแค่จูงมิสเตอร์ต้นไปมาในโรงเรียนโดยที่คนอื่นต้องทำท่าเหมือนหวั่นเกรงและเคารพเขามากเพราะหมาป่าเดียวหรือมิสเตอร์ต้นนั้นถือว่าเป็นแวร์วูฟที่เกิดมาพร้อมกับความชั่วร้าย ใครเข้าใกล้จะประสบแต่ความเลวร้ายในชีวิต ถ้าหมาป่าเดียวดายไปกัดใครเข้า จากเศรษฐีก็สามารถกลายเป็นขอทานได้ในพริบตา 

เรียกได้ว่าน่ากลัวสุดๆ สำหรับโรงเรียนคนรวยแบบนี้

ส่วนคนอื่นในชมรมนั้นมีหน้าที่แสดงเนื้อเรื่องส่วนอื่นๆ ตามทางเดินของโรงเรียน ซึ่งปีนี้จะต่างจากทุกปีที่ชมรมการแสดงไม่แสดงเนื้อเรื่องแบบโดดๆ แต่ให้คนทั่วไปมีส่วนร่วมในการแสดงเอง

ทุกคนในชมรมจะได้รับบทบาทต่างๆ ของเนื้อเรื่องทั้งหมด เหล่าพ่อมดจะเกลียดชังในตัวทอมเมื่อมีคนเดินผ่านก็จะก้าวพรวดๆ เข้าใส่และพล่ามความเลวร้ายของทอมที่ชั่วมากจนหมาป่าเดียวดายไม่สามารถทำอะไรทอมได้ แต่พวกเอลฟ์จะสรรเสริญทอมที่เป็นผู้กล้าหาญ ยอมเข้าไปกำราบสัตว์ร้ายเพื่อไม่ให้ทำอันตรายต่อทุกคน ทำให้เอลฟ์ที่ได้ยินพ่อมดว่าร้ายทอมก็จะเดินเข้าไปหาเรื่องจนเกิดเรื่องบานปลายอะไรทำนองนั้น แต่ก็มีคนบางส่วนที่รับบทอย่างอื่นคอยปะติดปะต่อเนื้อเรื่องให้กับนักเรียนที่อาจจะไม่เก็ตกับการกระทำของชมรมการแสดงปีนี้

ส่วนพวกนักเรียนทั่วไปนอกชมรมมีหน้าที่ไขปริศนาที่ชมรมการแสดงวางไว้ ว่าใครกันแน่ที่เป็นหมาป่าเดียวดายตัวจริงที่กำลังหลบหนีอยู่ สิ่งที่ทอมกับมิสเตอร์ต้นทำอยู่นั้นก็คือกลลวงเพื่อที่จะล่อให้หมาป่าเดียวดายตายใจและเผยตัวออกมาอย่างชะล่าใจนั้นเอง

ซึ่งไอเดียนี้ทอมเพิ่งคิดได้เมื่อตอนเที่ยงคืน ทำเอาชมรมการแสดงบ่นโอดครวญกันใหญ่แต่ก็ยอมตกลงทำเพราะมันดูน่าสนุกดี ส่วนเรื่องบทก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักเพราะอิงจากบทละครที่ใช้ในปีนี้อยู่แล้ว ที่พวกเขาต้องทำเพิ่มก็แค่สวมบทบาทเป็นตัวละครนั้นตลอดทั้งวันนี้เท่านั้น

สรุปเรื่องที่เดินขบวนพาเหรดอะไรเมื่อวาน ทอมก็แค่โม้และโอเวอร์ไปงั้นเพราะอยากได้มิสเตอร์ต้นเข้ามาร่วมแสดงด้วย แต่การเดินพาเหรดก็ใช่จะไม่มี มีแค่ตอนเปิดงานช่วงเที่ยงหลังจากนั้นก็เป็นช่วงออนแอร์ของเหล่าชมรมการแสดง

"..."

ต้นขมวดคิ้วคิดหนักไปพักนึง พอนึกออกตัวนึงก็ลังเลที่จะพูดออกไปแต่จนแล้วจนรอดก็ยอมพูดออกมา

"ดอรี่"

กับทอมตรรกะอะไรก็ใช้ไม่ได้ผลทั้งนั้น การที่เจ้าเด็กนี้แต่งตัวเป็นดอรี่แล้วว่ายดุ้กดิ้กๆ ทั้งวันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

"ไม่ใช่!" ทอมพูดเสียงสูงปรี๊ดแล้วมองมิสเตอร์ต้นแบบเทิดทูน "มิสเตอร์ต้นคิดเหมือนผมเลย! ผมอยากแต่งเป็นดอรี่มากเลย แต่ทุกคนในชมรมไม่ยอม โซแซด ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นในความสวยงามของดอรี่นะ"

"แวร์วูฟ?"

"ไม่ใช่เลย มิสเตอร์ต้น ผมจะเป็นหมาที่จูงหมาทำไมเล่า"

"คนแคระ"

"ผมไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นซะหน่อย!"

"ลูกหมา"

"...ผมในสายตามิสเตอร์ต้นเป็นยังไงกันแน่เนี่ย"

ทอมตัดพ้อ เริ่มรู้สึกเศร้าจริงๆ จังๆ

"ผมให้โอกาสทายอีกครั้งเดียวนะ ไม่งั้นมิสเตอร์ต้นจะอดของรางวัญที่ดีที่สุดในชีวิตมิสเตอร์ต้นไป"

"ของรางวัลอะไร"

"ทายก่อนๆ" ทอมยิ้มแล้วหัวเราะ "มิสเตอร์ต้นต้องดีใจมากแน่ ถ้าได้มันไป"

ต้นขมวดคิ้วมุ่นมองทอม นึกถึงสิ่งที่พอเป็นไปได้ที่สุด

"แวมไพร์?"

"โฮ มิสเตอร์ต้นอดได้ผมเป็นของรางวัลแล้ว" ทอมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่รื้นนิดๆ เพราะเสียใจแทนมิสเตอร์ต้นที่ไม่ได้ตัวเองไป "ผมได้เป็นเอลฟ์ต่างหากล่ะ"

"…"

ต้นจนคำพูดกับของรางวัลที่ตัวเองเกือบได้รับ 

ลองพิจารณาเล่นๆ ถ้าตีมูลค่าของทอมแบบราคาประเมินก็เกินร้อยล้านเพราะเป็นลูกเจ้าของธุรกิจดัง แต่ถ้าประเมินตามสติปัญญาทั่วไปคงได้แค่เด็กอนุบาลสอง

ทอมก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเองเมื่อพบว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว จึงเก็บหมูปิ้งที่เหลือเพียงแค่ไม้กับซองข้าวเหนียวเปล่าเข้ากล่องก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเตรียมตัวไปซักซ้อมให้น้องๆ ในชมรม

"เอาล่ะ มิสเตอร์ต้น เจอกันตอนเก้าโมงครึ่งที่ห้องชมรมการแสดงนะ"

ทอมมองเสื้อมิสเตอร์ต้นด้วยหัวใจห่อเหี่ยวนิดๆ

"พวกคอสตูมอย่างอื่นผมเอาไว้ที่ห้องชมรม ถ้าอาบน้ำเสร็จก็มาเลยก็ได้"

"ได้"

ต้นพยักหน้าแล้วดึงแขนทอมที่กำลังจะเดินไปให้กลับมานั่งข้างที่เดิมและใส่หูหมาป่าให้ทอมโดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนของทอม พอใส่เสร็จมิสเตอร์ต้นก็พิจารณาผลงานตัวเองและพบว่าเด็กดอรี่ทำหน้าตูม

"มิสเตอร์ต้น!!!" ทอมหน้ายู่งอนมากๆๆ "ผมไม่ใช่หมาป่าตัวร้ายอย่างมิสเตอร์ต้นนะ!"

น่าแปลกที่ทอมทำหน้าตูมยังไง ต้นก็ยังรู้สึกว่าทอมดูน่ารักมาก รู้สึกหมั่นเขี้ยวจนรู้สึกอยากดึงแก้มขาวๆ นั่นให้แดงกันไปข้าง น่าเสียดายที่ทำได้แค่คิดเพราะขืนทำจริง เขาคงโดนพ่อทอมสั่งตัดมือทิ้ง

"งอนอะไร"

ตัวเปียกเหงื่อไม่งอนแต่พอโดนใส่หูหมาป่างอน 

"ผมไม่ชอบสีดำ! มันดูไม่สดใส" 

ทอมดึงหูหมาป่าเก็บเข้ากระเป๋าด้วยหน้าบึ้งๆ อ้างไปเรื่อยเปื่อย 

เอาเข้าจริงลึกๆ ในใจทอมก็เคืองมิสเตอร์ต้นเรื่องเล่นบาสนิดหน่อยนั่นแหละ ก็มิสเตอร์ต้นทำแผนที่เขาเตรียมมาล่มนี่นา เขาก็ต้องผิดหวังเป็นธรรมดา ถ้ามิสเตอร์ต้นตัวแห้งๆ หอมๆ ตอนนี้นะ เขาก็พาไปแต่งตัวด้วยได้เลย แต่ถ้ามิสเตอร์ต้นตามไปทีหลังถึงตอนนั้นก็คงปลีกตัวออกมาจากรุ่นน้องยากเพราะเขาให้ความสำคัญกับงานชมรมพอๆ กับมิสเตอร์ต้นเลยทีเดียว 
แต่ไม่เป็นไร! เรื่องแค่นี้เขาต้องทนให้ได้ มิสเตอร์ต้นจะได้มีความสุข!

"ไม่เป็นไร มิสเตอร์ต้น" ทอมสะบัดตัวเองไล่ความขุ่นเคืองในใจแล้วหันไปยิ้มให้มิสเตอร์ต้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ผมไปละ มิสเตอร์ต้นรีบมานะ! ผมจะให้คนในชมรมช่วยแต่งหน้าให้ด้วย"

ยังไม่ทันได้ตอบ ร่างประธานชมรมการแสดงก็หายไปจากครรลองจักษุ ต้นเกาหัวแกรกๆ งุนงงนิดหน่อยกับอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของทอม

"แต่ยังไม่ตอบเลยว่างอนอะไร"

ต้นบ่นงึมงำกับตัวเองแล้วลากเท้าไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ระหว่างที่อาบน้ำก็ยังคิดไม่ตกเรื่องของทอมเพราะปกติทอมแทบจะไม่หน้าบึ้งหรืออารมณ์เสียเลยสักนิด ทั้งตอนอยู่กับเขาและคนอื่น ราวกับว่าบุคลิกพื้นฐานของทอมที่อยู่ในท่าทางเป็นมิตรตลอดเวลา (ยกเว้นตอนเจอคนที่ไม่ชอบ ทอมจะแสดงท่าทางหลีกเลี่ยงอย่างเห็นได้ชัดด้วยหน้าที่ยังคงยิ้มอยู่ ซึ่งไอ้พวกนั้นก็ซวยสุดๆ เพราะทอมเกลียดใครเกลียดจริง ถามว่าเขารู้ได้ไง เพราะตอนนั้นเขานั่งเบื่อๆ ช่วงเที่ยงแล้วได้ยินพวกดีเจสัมภาษณ์ทอมพอดี) 
ใช้เวลาพักนึงมิสเตอร์ต้นก็เดินตัวหอมฉุยออกจากห้องน้ำ (ซึ่งก็ต้องขอบคุณสวัสดิการของพวกสภานักเรียนที่เจียดเงินมาซื้อพวกสบู่ แชมพู ให้ชมรมบาส) 

และพบกับกองทัพของอะไรบางอย่าง..

"มิสเตอร์ต้นคะ! ถ้าเหงามาเดินกับพวกเราได้นะคะ"

แก๊งค์เด็กสาววัยม. ต้นซึ่งยืนหน้าสุดของกลุ่มนักเรียนหญิงตะโกนออกมาก่อน ใบหน้าที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางตามธีมฮัลโลวีนขับให้ใบหน้าของพวกเธอดูน่ามองแบบแปลกๆ 

"ไม่! เป็นน้องก็ให้พี่ก่อนสิ!"

"มิสเตอร์ต้น มากับพวกเราดีกว่า มีขนมเลี้ยงด้วยนะคะ"

"มิสเตอร์ต้นคะ"

"…"

เหี้ยอะไรวะเนี่ย!

ต้นอยากคำรามคำนี้ออกมามากแต่ทำไม่ได้เลยได้แต่กลืนมันลงไปและมองกลุ่มก้อนมนุษย์ที่มายืนออกันโดยไม่ได้นัดหมาย และยืนงงนานมากจนสาวๆ ที่ทะเลาะกันส่งเสียงดังกันเจี๊ยวจ๊าวค่อยๆ เงียบลงเอง

"…"

เหล่าเอฟซีเจ้าชายน้ำแข็งขี้เหงาเอาแต่ใจมองมิสเตอร์ต้นด้วยสายตาเพ้อฝัน ความจริงแล้วพวกเธอนั้นชอบมิสเตอร์ต้นมากันตั้งนานแล้วแต่ก็ได้แต่ติดตามเงียบๆ กรี๊ดตามสนามบาสเป็นครั้งคราวด้วยความเกรงใจ เพราะคิดว่ามิสเตอร์ต้นเป็นคนโลกส่วนตัวสูง น่าจะชอบอะไรเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่พออ่านโพสในเพจโรงเรียนก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ 
รูปที่ทางทีมวารสารไปถ่ายมิสเตอร์ต้นมานั้น เป็นรูปที่มิสเตอร์ต้นดูน่าสงสารสุดๆ ! สีหน้าท่าทางแววตาที่ลากทอมนั้นดูเป็นทุกข์จนแทบหลั่งน้ำตา พวกเธอที่อยากเป็นเพื่อนสนิทกับมิสเตอร์ต้นมานานแล้วจึงได้โอกาสสานต่อความสัมพันธ์สักที!

"..ขอทางหน่อยครับ"

ต้นพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบด้วยสีหน้านิ่งสนิท คงคอนเซ็ปเจ้าชายน้ำแข็งเหมือนเดิม และเดินผ่าตรงกลางโดยไม่สนใจใครสักคนซึ่งพวกผู้หญิงก็ต้องผงะถอยให้อย่างจำยอม ถึงแม้จะอยากพูดนู้นพูดนี้แต่สีหน้าของมิสเตอร์ต้นนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่จะทักเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และเดินตามหลังมิสเตอร์ต้นไปเงียบๆ ราวกับเป็นขบวนอะไรสักอย่างที่มีมิสเตอร์ต้นเป็นผู้นำ
พวกนักเรียนที่ยืนตามรายทางมองมิสเตอร์ต้นด้วยสายตาแปลกๆ ไปจากเดิมแต่ก็ไม่มีใครกล้าทักด้วยเหตุผลเดิม 

ใบหน้านิ่งสนิทเหมือนต่อให้โลกถล่มวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่สามารถทำให้มิสเตอร์ต้นเปลี่ยนสีหน้าได้ มีอันธพาลบางคนเคยเข้าไปลองดีกับมิสเตอร์ต้นตอนมิสเตอร์ต้นเข้ามาใหม่ๆ และผลสรุปของอันธพาลคนนึงก็คือเละ ถึงจะมีแผลแค่กรามแค่จุดเดียวก็จริงแต่นั่นก็เพราะหมัดเพียงหมัดเดียวของมิสเตอร์ต้น ดีที่การต่อยครั้งนี้อันธพาลท้ามิสเตอร์ต้นต่อหน้าผู้คนนับร้อย มิสเตอร์ต้นจึงไม่ถูกเอาเรื่องจากผู้ปกครองของอันธพาล เพราะมันคงจะเป็นเรื่องที่น่าอายมาก ที่พอเกลียดหน้าใครก็วิ่งร้องไห้ไปฟ้องพ่อแม่มาจัดการ
จากที่ดังเพราะเป็นเด็กใหม่อยู่แล้วยิ่งดังกว่าเดิมกลายเป็นคนดังในโรงเรียนช่วงนึงเรื่องความโหดเหี้ยม เย็นชา และที่ดังสุดๆ ก็คือความจน ที่ดังจนไปเข้าหูทอมและก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อย่างว่า ทอมเป็นพวกสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองสนใจ เลยรู้แค่เรื่องมิสเตอร์ต้นจนมากส่วนเรืองโหดร้ายกลับไม่รู้สักอย่าง 

แต่ต่อให้ทอมรู้ก็เถอะ ต่อมขี้สงสารก็ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิมอยู่ดี
 

กึก

ปลายเท้ามิสเตอร์ต้นหยุดอยู่ที่หน้าประตูชมรมการแสดง มันเป็นประตูไม้สักแท้และมีป้ายที่ทำจากสแตนเลสสีเงินแปะอยู่เขียนว่า 'ชมรมการแสดง' โดยข้างๆ ป้ายนั้นมีรูปปลาดอรี่ตอนเด็กติดอยู่หนึ่งรูปเล็กๆ ติดอยู่รูปนึง ขัดกับบรรยากาศอันน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากประตู
 
 ##### 50 % #####

ตอนนี้ค่อดยาวว  :z13:
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-11-2017 00:13:32
มาแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2017 05:30:35
ต้น  รู้สึกเอ็นดูทอมแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
เห็นความน่ารัก ความเจ้าเล่ห์ของทอม
หมั่นเขี้ยวทอมจนรู้สึกอยากดึงแก้มขาวๆ นั่นให้แดงกันไปข้าง  อะจ๊ากกกกก

นี่นะต้นที่นิสัยเย็นชา สันโดษ โลกส่วนตัวสูง
ไหนจะสายตาที่ดูเป็นทุกข์เป็นห่วงทอม ตอนพาทอมไปห้องพยาบาล
ทอม ปลาดอรี่น้อย ว่ายดุ๊กดิ๊ก ทะลุเข้าไปในใจของต้นแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 19-11-2017 22:12:20
เอ็นดูน้องจริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-11-2017 02:35:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-11-2017 06:28:01
ปลาดอรี่อีกแล้ว55
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: papa_prasy ที่ 16-12-2017 21:00:52
ยังรอเสมอ เอ็นดูน้องทอมมมมม  :z13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-12-2017 22:53:07
เจ้าชายยยยย ไม่รู้จะสงสารหรือขำความทอมๆ ดี ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 17 พ.ย 60 # ครึีงแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Khunkwanz ที่ 19-12-2017 07:18:44
เอ็นดูน้องทอม 55555 ตลก น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-01-2018 23:12:30
"..เฮ้อ"

ต้นถอนหายใจกับความบ้าดอรี่ของทอมแล้วเปิดเข้าไป

"ทุกคนอย่าลืมนะ ถ้าออกจากห้องนี้ไปแล้ว ทุกคนไม่ใช่ตัวเองอีกแล้วแต่เป็นเอลฟ์ เป็นพ่อมด เป็นแวร์วูฟ เราต้องสวมบทบาทของตัวละครนั้นทุกลมหายใจในวันนี้ ต่อให้เจอเพื่อนก็ต้องคุยเกี่ยวกับบทละครนะ"

เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังพูดเจื้อยแจ้วบนเวทีเป็นของร่างเล็กๆ คุ้นตาของมิสเตอร์ต้น ทอมอยู่ในชุดที่มีเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่ผมสีบรอนด์ทองถูกถักเป็นเปียเล็กๆ ข้างนึงทิ้งไว้บนไหล่ ใบหน้าถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจนทำให้ใบหน้าที่ปกติมักจะดูหมดจดดูมีสเน่ห์น่ามองเป็นพิเศษ สิ่งที่เตะตาที่สุดคงจะเป็นใบหูที่แหลมขึ้นอย่างพวกเอลฟ์และเขากวางสีขาวสั้นๆ ที่พาดอยู่บนหัว

กล่าวได้ว่าทอมดูดีสุดๆ สำหรับวันนี้

ต้นมองทอมนิ่งรู้สึกไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่เพราะทอมที่เขาเห็นตอนนี้ราวกับคนละคน ไม่ใช่ทอมที่บ้าบอง้องแง้งไปวันๆ เมื่อกี้ ทอมดูเหมือนคนที่เป็นประธานชมรมจริงๆ ดูน่าเกรงขามแต่ก็เข้าถึงได้ง่าย เอาเข้าจริงเขาเคยได้ยินแว่วๆ มาด้วยว่ามีคนนอกมาทาบทามตัวทอมไปคัดตัวนักแสดงแต่ทอมไม่ไปด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครรู้

แต่เขาก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าทอมพูดเก่งมาก ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างตั้งใจฟังทอมไม่มีใครสังเกตถึงการบุกรุกของเขาแม้แต่คนเดียว

"เอาล่ะ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้เพราะเราก็ซ้อมกันมาทั้งเดือนแล้ว โอเค ผมขอพูดเพียงเท่านี้ในฐานะประธานชมรม ขอบคุณครับ"

ทอมโค้งน้อยๆ ตามมารยาทที่ฝึกมาจากมิสซิสแมรี่ก่อนที่จะได้รับเสียงปรบมือดังเกรียวกราว ทอมก้าวลงจากกล่องลังที่ก่อขึ้นเป็นเวทีปราศรัยชั่วคราวแล้วกวาดตามองความเรียบร้อยในชมรม ทุกคนแต่งตัวใกล้จะเสร็จหมดแล้วเพราะบางคนก็มากันตั้งแต่ตีสาม  (เป็นเวลาที่ทอมยังนอนแอ่กอยู่บนเตียง) ซึ่งทอมก็ไม่แน่ใจนักว่ารีบมาทำไมแต่ถ้าซิเคียวริตี้ยอมเปิดให้เข้า เขาก็ไม่มีปัญหา   

สายตายังคงกวาดไปเรื่อยๆ ทอมพยายามกำลังพยายามมองหาคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ถ้ามีใครสักคนส่งสายตามาหรือเอ่ยชื่อ เขาก็พร้อมที่จะวิ่งดุ๊กๆ ไปช่วยทันทีในฐานะประธานชมรมอันทรงเกียรติ์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในปีนี้จากรุ่นพี่ปีที่แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เขาเป็นเด็กม.5 คนแรกที่เป็นประธานชมรมการแสดง!

นึกถึงเรื่องนี้ทอมก็ยิ้มหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี เขาดีใจมากๆ เลยตอนนั้น ต้องขอบคุณการแสดง 'ผีเสื้อร่ายรำ' ที่ไปเตะตารุ่นพี่ปีที่แล้วเข้า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวันนี้แน่ๆ

 "..มิสเตอร์ต้น!"

ทอมตาโตแล้วยิ้มกว้าง ความคิดช่วยเหลือคนในชมรมหายวับ วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหามิสเตอร์ต้นด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ 

"จะดีใจอะไรนักหนา" 

มิสเตอร์ต้นก้มมองทอมหน่ายๆ ทอมคนเมื่อกี้หายไปแล้วเหลือแต่ไอ้ลูกหมาขนสีทองท้ายซอยที่ขาดความรัก ไม่มีบ้านอยู่ ตากฝนกินอาหารที่คนเทให้ไปวันๆ

"ดีใจสิ!" ทอมหัวเราะ "ป่ะ มิสเตอร์ต้น ไปห้องแต่งตัว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง" ว่าจบก็ลากแขกมิสเตอร์ต้นไปห้องแต่งตัวและพบว่าล็อกทุกห้อง   

ทอมหน้ามุ่ยสักพักแล้วใช้สิทธิ์ความเป็นประธานอย่างไร้ความยุติธรรม เลือกห้องนึงที่จำได้ว่าผู้ชายเข้าไปใช้เคาะปั่กๆๆ อย่างคุกคาม

"เฮ้! ออกมาก่อน"

"แต่ผมเพิ่งถอดกางเกงนะ!"  เสียงข้างในตะโกนออกมาอย่างลนลาน 

"งั้นก็รีบๆ หน่อย ฉันมีความจำเป็นต้องใช้!"  ทอมตะโกนต่อถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ใช่สิ่งที่ดีนักแต่เพราะมิสเตอร์ต้นสำคัญมากจึงยอมทำตัวแบบไม่สุภาพบุรุษสักครั้ง ไว้วันหลังเขาค่อยไปขอโทษคนข้างในก็ยังไม่สาย

"..ครับ" คนข้างในตอบเสียงอ่อย รีบสวมกางเกงลวกๆ แล้วเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรกับประธานที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน รีบเดินหลบฉากออกไปเมื่อโดนทอมมองนิ่งๆ

"เอาล่ะ ได้ห้องแล้ว"

ทอมยิ้มแป้นผายมือให้มิสเตอร์ต้นเข้าไป

ต้นหัวแกรกๆ ขมวดคิ้ว "เอาจริงๆ ฉันไม่ต้องใช้ห้องก็ได้มั้ง" ไม่ว่าเปล่า มิสเตอร์ต้นถอดเสื้อตัวเองออกทันทีเผยหน้าอกเปลือยเปล่ากับสิ่งที่ทอมอิจฉาที่สุดในร่างกายของมิสเตอร์ต้นเล่นเอาสาวๆ ในชมรมที่ยืนเนียนทำเป็นคุยกันมองตาค้าง

"กรี๊ดดด!! ซิกแพค"

สาวๆ หลายคนหลุดเสียงกรี๊ด

"มิสเตอร์ต้น!" ทอมหน้าตูมลูบพุงน้อยๆ ของตัวเองด้วยความไม่พอใจนัก "นี่มันไม่แฟร์เลย! ทำไมตอนผมถอดเสื้อไม่เห็นมีใครกรี๊ดสักคน"

มิสเตอร์ต้นหลุดขำเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อทอมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ "เอากางเกงมา"

ทอมพ่นลมหายใจพรืดปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเดินไปหยิบถุงที่สุมไว้ตรงลังกลับมาให้มิสเตอร์ต้น

ต้นมองใบหน้าที่เหมือนจะไม่พอใจนิดๆ ของทอมแล้วรู้สึกอยากหยิกแก้มเป็นบ้าแต่เพราะเครื่องสำอางที่เติมจัด ทำให้ต้นต้องเก็บความหมั่นเขี้ยวของตัวเอง เดินเข้าห้องแต่งตัวไม่อย่างงั้นคงจะขย้ำทอมจนเปื่อย

"..นี่ทอม"

สาวสวยประจำชมรมที่เพิ่งได้ตำแหน่งดาวประจำม.ปลาย เดินเข้ามาหาทอม เธอเอ่ยเรียกทอมก็จริงแต่สายตากลับไปหยุดที่ประตูห้องที่ใครบางคนเพิ่งเข้าไปแต่งตัว

"นายสนิทกับมิสเตอร์ต้นเหรอ"

"อื้อ!" ทอมยิ้มจนตาหยีเมื่อได้คุยเรื่องมิสเตอร์ต้น "สนิทมากๆ แบบเบสเฟรนด์เลยล่ะ"

"แล้วมีไลน์มิสเตอร์ต้นรึเปล่า" เธอถามต่อตาวาวเพราะข้อมูลส่วนตัวของมิสเตอร์ต้นนั้นดูจะเป็นความลับมากๆ ทุกคนมีเฟสมิสเตอร์ต้นก็จริงแต่มีก็เหมือนไม่มีเพราะมิสเตอร์ต้นไม่รับใครเป็นเพื่อนเลย

ทอมชะงัก

จะว่าไปเขาก็ไม่มีไลน์มิสเตอร์ต้นจริงๆ ด้วย

โลกอันสดใสไปด้วยสีสันของทอมค่อยๆ หม่นลง

ทำไมเขาที่เป็นถึงเบสเฟรนด์ของมิสเตอร์ต้นถึงไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่างของมิสเตอร์ต้นเลยนะ! 

ทอมพยายามสกัดกั้นความเศร้าสลดที่พุ่งขึ้นมาในอก

"..นี่ สรุปมีรึเปล่า" เธอถามซ้ำเมื่อเห็นทอมนิ่งไปนาน

ทอมกลับมาได้สติสูดหายใจฟึดๆ กลืนน้ำตาลง "ไม่มี"

ฮึก ทำไมคำพูดแค่นี้ถึงทำให้เขาเจ็บปวดนะ 

"..อ้าว" ดาวประจำปีทำหน้าเจื่อนแกมเสียดายแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ประตูที่เธอจ้องอยู่กับเปิดออกพร้อมกับการปรากฎกายของ 'หมาป่าเดียวดาย' ตัวปลอม

เสียงกรี๊ดเป็นเอฟเฟคแรกและตามด้วยเสียงเป่าปากของทอม

มิสเตอร์ต้นตอนนี้นอกจากจะเปลือยอกโชว์ท่อนบนแล้วยังสวมกางเกงยีนส์ขาดๆ เพิ่มความดิบเถื่อน ยิ่งใบหูกับพวงหางสีดำช่วยขับให้ใบหน้าของมิสเตอร์ต้นดูคล้ายกับหมาป่าจริงๆ 

"เป็นยังไงบ้าง ทอม" ต้นปัดผมของตัวเองอย่างไม่มั่นใจนัก นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาแต่งตัวแฟนซีเข้ากับเทศกาล

"ดีมาก มิสเตอร์ต้น"

ทอมยกนิ้วโป้งให้

ต้นขมวดคิ้วมุ่น "เป็นอะไร โดนใครแกล้งรึไง ทำหน้าแบบนั้น" สีหน้าของทอมตอนนี้เหมือนลูกหมาโดนเหยียบหางครางหงิงๆ

"เปล่าหรอก" ทอมส่ายหน้าดิก "ผมก็แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้จักมิสเตอร์ต้นจริงๆ ก็เท่านั้น"

"ดราม่าอะไรอีก" ต้นถอนหายใจแล้วลูบหัวทอมเบาอย่างอดไม่ได้จริงๆ เจ้าลูกหมากำลังต้องการความรัก ถ้าเขาไม่ให้เกรงว่ามันจะตรอมใจไปซะก่อน

"มิสเตอร์ต้น" 

"ว่า"

มิสเตอร์ต้นก้มมองทอมที่ทำหน้าจริงจัง 

"สำหรับมิสเตอร์ต้นน่ะ ผมเป็นเบสเฟรนด์ของมิสเตอร์ต้นใช่ไหม"

"…"

ถ้าทอมยังไม่ลืม พวกเขาเพิ่งเคยคุยกันได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ! 

"..ใช่"

ต้นตอบไปก่อนถึงแม้จะขัดกับสิ่งที่อยู่ในใจสุดๆ มีเพื่อนสนิทเป็นทอมเด็กรวยที่สุดในโรงเรียนหัวใจบอบบางสติปัญญาอนุบาลสอง อื้อหือ มันทำให้เขาดีใจมากจริงๆ

แต่พอเห็นรอยยิ้มกว้างเหมือนมีความสุขมากของทอม

อะไรสักอย่างในใจมันก็ยวบแปลกๆ 

โอเค เขายอมรับว่าทอม 'น่ารัก' มากจริงๆ   

"ผมก็คิดเหมือนกัน!" ทอมโผกอดมิสเตอร์ต้น "มิสเตอร์ต้นมีปัญหาอะไรต้องบอกผมนะ ผมยินดีรับฟังทุกเรื่อง เอวี่ติงอินมิสเตอร์ต้นไลฟ์ มิสเตอร์ต้นสามารถโทรมาได้เลยยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมยอมคุยกับมิสเตอร์ต้นทั้งคืนเลย ถ้ามิสเตอร์ต้นอยากคุย"

"ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีเรื่องคุยขนาดนั้นหรอก"

ต้นหัวเราะในลำคอแล้วดึงทอมออกจากตัว

"และเราก็ควรไปร่วมพิธีเปิดสักที นี่ก็จะสิบโมงแล้ว"

ทอมทำหน้างงสักพักก็ระลึกได้ว่าวันนี้ต้องทำอะไร ช่วยไม่ได้มีเรื่องของมิสเตอร์ต้นอยู่ในหัวทีไร เขาคิดอะไรไม่ออกทุกที ในหัวมีแต่เรื่องของมิสเตอร์ต้นเต็มไปหมดจนเรียนแทบไม่รู้เรือง คิดดูสิ เขาเกือบโดนมิสเตอร์เป๊กด่าเพราะเผลอพูดว่ามิสเตอร์ต้นตอนกำลังพรีเซนต์เกี่ยวกับฟิสิกส์ในชีวิตประจำวัน

"เอาล่ะ ทุกคน อย่าลืมที่ผมพูดล่ะ!" 

ทอมปล่อยมือจากมิสเตอร์ต้นกลับมามาดประธานอีกครั้ง ตะโกนไล่คนในชมรมที่เหมือนจะสงสัยในความสนิทสนมของเขากับมิสเตอร์ต้นซะเหลือเกิน เอาแต่มองมาไม่หยุด

"มิสเตอร์ต้น ผมลืมเอานี่ให้" 

ปลอกคอสุนัขสีแดงพร้อมสายจูงถูกยื่นให้ร่างสูง 

"อย่าบอกว่าฉันต้องใส่ไอ้นี่ที่คอ"

ต้นมองมันแหยงๆ คนที่สมควรใส่มากกว่าคือลูกหมาที่ชื่อว่าทอมต่างหาก

"ใช่ เพราะผมต้องเป็นคนจูงมิสเตอร์ต้น!"

 

 

และก็เป็นอย่างที่ทอมว่า..

"กรี๊ดด เอลฟ์พาแวร์วูฟมาเดินเล่น"

"มิสเตอร์ต้นหล่อมากค่า ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ"

"…"

หลังจากสิ้นพิธีเปิดที่ทอมยืนหลับสัปหงกจนเกือบล้มก็เป็นเวลาที่ชมรมการแสดงออนแอร์พร้อมๆ กับซุ้มของชมรมต่างๆ ในโรงเรียนที่ถูกเปิดให้ทั้งคนนอกและคนในเดินเข้าออกกันอย่างอิสระโดยมีครูและซีเคียวริตี้ที่แต่งเป็นธีมยมทูตเดินตรวจตราเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย

ซึ่งทอมก็พามิสเตอร์เดินเฉิดฉายเปิดตัวไปทั่วเหมือนเจ้าของพาหมาไปเดินเล่น ต้นอยากจะบี้ทอมมากแต่ก็รู้ว่าทอมทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจหัวใจดอรี่เลยได้แต่ทำใจ เพราะต่อให้เอาเรื่องหรือดุทอมยังไง ทอมก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี

"เฮ้ พวกเจ้าน่ะ อย่าเข้ามาใกล้นะ!" ทอมชี้กลุ่มแวมไพร์สาวรุ่นน้องม. ต้นตามบทบาทที่ได้รับ เอลฟ์จอมหยิ่งที่ไม่เป็นมิตรกับใครนอกจากแวร์วูฟที่ตัวเองจับมา

"…"

ส่วนมิสเตอร์ต้นนั้นไม่มีบท มีหน้าที่เดียวคือดึงดูดความสนใจเฉยๆ

ตอนนี้มิสเตอร์ก็เลยได้แต่ทนและทนต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเดินไปทั่วแวะเข้าซุ้มนู้นทักทายซุ้มนี้ก็สนุกไม่น้อย โดยเฉพาะซุ้มบ้านผีสิง..

"มะ มิสเตอร์ต้น"

"…"

ต้นจับเอวทอมที่ตัวสั่นเทาหลวมๆ ซึ่งทอมก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการการมิสเตอร์ต้นแน่นเหมือนลูกโคอาล่ากับแม่โคอาล่า

"ทอม นี่เรายังไม่ได้เข้าไปข้างในเลยนะ"

เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็งพูดด้วยสีหน้านิ่งสนิท มองหัวกะโหลกปลอมที่ถูกวางเรียงบนโต๊ะซึ่งพวกมันก็ถูกขับกล่อมให้ด้วยน่ากลัวด้วยไฟสีแดงมัวๆ ให้บรรยากาศขนลุก

หมายถึงมีแต่เด็กที่ขนลุกนะ

"กลัวบ้าอะไรเนี่ย"

ต้นเอ็ดทอมที่เกาะแน่นไม่ยอมก้าวเดินสักที

"นะ น่ากลัว โซสแครี่! โฮ วันนี้ผมต้องฝันร้ายแน่"  ไม่ว่าเปล่าซุกหน้าลงกับตัวของมิสเตอร์ต้น ตอนนี้ทอมกลัวมากจนไม่กล้าลืมตาด้วยซ้ำ

"..เฮ้อ"

ทอมร้องว้ากเมื่อมิสเตอร์ต้นรวบเอวขึ้นมาอุ้มด้วยมือเดียวแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไป เพราะความตกใจเลยเผลอลืมตาขึ้นมา

"ว้ากกก!!!"

เผลอร้องลั่นอีกเมื่อเจอหุ่นมัมมี่เปื้อนเลือดที่ทำโคตรไม่เหมือน แต่ในสายตาของทอมนั้นน่ากลัวมากเหมือนในหนังเรื่องมัมมี่รีเทริน์ที่ดูตอนเด็กๆ ทอมหน้าซีดเผือดผิดกับหน้ามิสเตอร์ต้นก็ยังคงนิ่งสงบเสมอต้นเสมอปลาย

ทอมยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง รู้สึกกลัวจนแทบร้องไห้

"ไม่ไหวแล้ว มิสเตอร์ต้น ..เราออกกันเถอะ"

ทอมตัวสั่นหงึกๆ จนน่าสงสาร

"แล้วทำไมร้องอยากมาล่ะเนี่ย"

ต้นถามเซ็งๆ ลูบหัวลูบหางทอมเมื่ออกมาจากบ้านผีสิงได้ เอลฟ์ที่แสนสง่างามตอนนี้มีน้ำตารื้นเหมือนจะร้องไห้ ดีหน่อยที่ไม่มีพวกชมรมวารสารแถวนี้ไม่อย่างงั้นก็คงจะแอบถ่ายรูปแล้วไปเขียนข่าวบ้าๆ อีก

"ก็ผมอยากให้มิสเตอร์ต้นได้เที่ยวทุกซุ้มนี่นา"

ทอมยิ้มให้มิสเตอร์ต้นทั้งๆ ยังจับแขนมิสเตอร์ต้นแน่นเพราะยังกลัวไม่หาย

"...ขอบใจ"

ต้นลูบหัวทอมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว

 

เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานก็เริ่มมีคนเดาทางเนื้อเรื่องออกและสามารถทายตัวจริงของหมาป่าเดียวดายได้ถูก ซึ่งก็คือหนึ่งในพวกพ่อมดนั้นเอง คนที่ทายถูกเป็นรุ่นพี่ม.6 ได้รางวัลกินข้าวกับใครก็ได้ในชมรมไปหนึ่งรางวัล แต่ก็เพราะเวลาที่ล่วงเลยไปเกือบสองทุ่มแล้วทุกคนจึงพากันทยอยกันกลับบ้าน

"มิสเตอร์ต้น!"

ทอมซึ่งลอกคราบเอลฟ์ออกเป็นชุดไปรเวทธรรมดาแล้ววิ่งแจ้นไปหามิสเตอร์ต้นที่กำลังจะปั่นจักรยานกลับบ้าน

"มีอะไร" ร่างสูงไม่แม้แต่เหลือบมองเพราะมีอยู่คนเดียวที่เรียกด้วยเสียงเอิร์ตขนาดนี้ 

"วันนี้ผมขอไปนอนด้วยนะ"

ต้นสะดุ้งหันขวับมองทอม

"พูดเป็นเล่น"

ทอมทำหน้าน่าสงสารและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ยังไม่ทันไหลสักหยด

"วันนี้แด๊ดไม่อยู่บ้าน ผมเหงามากๆ เลยมิสเตอร์ต้น การกินข้าวคนเดียวกับโต๊ะที่ยาวเกือบห้าเมตรไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขจริงๆ นะ ผมโซแซด แดดเดียวมากๆ เลย"

ทอมตีโพยตีพายด้วยสีหน้าเศร้าจัด

"สงสารผมเถอะน้า"

"ทอม อย่าลืมว่าฐานะบ้านฉันเป็นยังไง" ต้นพ่นลมหายใจ "ฉันไม่มีปัญหากับการที่มีเพื่อนจะมานอนบ้านหรอก แต่ปัญหาอยู่ที่นายจะรับได้รึเปล่าต่างหาก บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าบ้านฉันไม่ได้มีอะไรน่าสนุก ถ้านายอยากเจออะไรสนุกๆ ก็เชิญบ้านของกลุ่มนายซะ"

ทอมทำตาวิบวับ

"มิสเตอร์ต้นอนุญาตใช่ไหม" ถามด้วยเสียงมีความหวังสุดๆ

มิสเตอร์ต้นถอนหายใจจนแทบหมดปอด "แล้วบอกคนที่บ้านรึยัง บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันยังไม่อยากโดนจับเข้าคุกเพราะเปิดบ้านให้เป็นที่กบดานของนาย"

"บอกแล้ว!" ทอมดีใจจนเนื้อเต้นโชว์กระเป๋าเป้สีดำแบรนด์หรูซึ่งห้อยตุ๊กตาดอรี่ไว้ให้มิสเตอร์ต้นดู "นี่ผมก็เตรียมเสื้อผ้าแปรงสีฟันมาหมดแล้วด้วย"

"สรุปคือนายกะอยู่แล้วว่าจะมานอนบ้านฉันคืนนี้?"

"อื้อ!"

ทอมพยักหน้าและย้ายตัวเองไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของมิสเตอร์ต้นโดยไม่รอคำอนุญาต 

"โอ้ก็อด!"

ทอมอุทานอย่างตื่นเต้น

"อะไรอีก"

เสียงของต้นเหนื่อยหน่ายเต็มทน

"ผมกำลังนั่งอยู่บนเศษเหล็กวิ่งได้! นี่มันอเมซิ่งมากๆ เลย มิสเตอร์ต้นที่มันยังสามารถวิ่งได้!"

เส้นเลือดที่ขมับมิสเตอร์ต้นปูดขึ้นอย่างเดือดดาล

เดี๋ยวไอ้ลูกหมาเวรนี่จะไม่ถึงบ้าน!!

 

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-01-2018 23:26:02
มิสเตอร์ต้นเริ่มหวั่นไหวกะหนูทอมแล้วไช่ม๊า  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2018 00:00:22
 :m19: :m19:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-01-2018 22:06:21
เอ็นดูหนักมากกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-01-2018 22:25:43
เอ็นดูน้องมากกก เหนื่อยแทนมิสเตอร์ต้น  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 5 15 ม.ค 61 # ครึ่งหลัง p.2
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 17-01-2018 08:08:38
เอ็นดูน้องสุดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-01-2018 21:54:44
 ตอนที่ 6

 
"มิสเตอร์ต้น! นี่มันอเมซิ่งมากๆ ที่เศษเหล็กของมิสเตอร์ต้นพามาถึงบ้านมิสเตอร์ต้นได้!"

ทอมร้องว้าวๆ ไม่หยุดเมื่อสามารถเดินทางมาถึงบ้านของมิสเตอร์ต้นโดยที่มันไม่แยกเป็นชิ้นๆ ซะก่อน นัยน์ตาสีฟ้าซุกซนกวาดตามองบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวธรรมดาๆ ของมิสเตอร์ต้นอย่างสนอกสนใจถึงขีดสุด เลือดในกายร้อนฉ่า อย่างตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาค้างบ้านของสามัญชน!

"มิสเตอร์ต้น ผมดีใจมากเลย"

ทอมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหางตา ถ้าไม่ได้มิสเตอร์นะ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสแบบนี้อีกครั้งเมื่อไหร่ 

"อย่าเวอร์ให้มันมากนัก ทอม" ต้นหน้าบึ้งทำหน้าละเหี่ยใจแล้วผลักหัวทอมให้เดินเข้าไปในบ้านของเขาสักที "แน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีใครตามมา"

ทอมพยักหน้าแรงๆ "อื้อ! แด๊ดบอกว่าผมควรจะเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองซะบ้าง เหมือนสิงโตตัวผู้ที่พอโตเต็มวัยที่ออกไปจากฝูงเก่าไปสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเอง"

"บอกฉันทีว่า ฉันไม่ใช่ครอบครัวใหม่ของนาย"

สีหน้าของต้นละเหี่ยหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนลูกหมาของทอม

"มิสเตอร์ต้นฉลาดที่สุดเลย เฮ้อ ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกมิสเตอร์ต้นเป็นเบสเฟรนด์ เชื่อไหมว่าผมกรอกลงไปในประวัติส่วนตัวของโรงเรียนด้วยว่ามิสเตอร์ต้นเป็นเพื่อนสนิทของผม"

ทอมมีสีหน้าซาบซึ้งมากกว่าเก่า 

"เฮ้อ"

ต้นถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ไอ้ลูกหมาตัวนี้มันน่ารักก็จริงแต่โคตรไร้ประโยชน์เลย หลังจากที่ล็อคประตูบ้านเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวอาดๆ เข้าไปในบ้านโดยมีทอมวิ่งดุ๊กดิ๊กตามมาด้วยอินเนอร์เหมือนถูกพาไปดิสนีย์แลนด์

"ว้าว มิสเตอร์ต้น! บ้านมิสเตอร์ต้นไม่มีทีวี!"

ทอมยกมือขึ้นปิดปากขณะที่ชี้ไปยังโต๊ะห้องรับแขกที่ปกติมักจะเป็นที่วางทีวีแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า

"เออ ขายไปแล้ว"

ต้นกลอกตาหน่ายๆ แล้ววางกระเป๋านักเรียนลงบนโซฟาก่อนจะถอดเสื้อนักเรียนออกมาพาดบนไหล่ตามความเคยชิน และพอหันมามองทอมก็พบว่าร่างเล็กถอดเสื้อนักเรียนตามตัวเองอย่างกระตือรือร้นโชว์ผิวขาวๆ ตามเชื้อสายผู้ดีอังกฤษที่คนในโรงเรียนเล่าลือกันมาว่าขาวมาก

ร่างเจ้าของบ้านกลืนน้ำลายเอือกเมื่อทอมเลียนแบบตัวเองด้วยการพาดเสื้อไว้บนไหล่ด้วยท่าทีมุ่งมั่นสุดๆ

"นี่เป็นธรรมเนียมของพวกสามัญชนเหรอ มิสเตอร์ต้น" 

ทอมเอียงคอถามซื่อๆ รู้สึกประหลาดใจมากเพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นแม้แต่ในหนังเลยด้วยซ้ำ

"ฉันร้อนเฉยๆ โว้ย"

ต้นยกมือกุมขมับ ทอมมันมีสมองเท่าเด็กอนุบาลสองจริงๆ ด้วย "แล้วหิวข้าวไหม"

"มิสเตอร์ต้นจะทำให้ผมกินเหรอ!" ทอมตาวาววับมองมิสเตอร์ต้น 

"อืม คงจะอะไรง่ายๆ อย่างไข่เจียวไม่ก็กะเพรามั้ง"

"ผมหิวมากเลย มิสเตอร์ต้น"

ทอมตาแดงรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ "ผมจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลย ถ้ามิสเตอร์ต้นมีปัญหาอะไรบอกผมได้ทุกอย่างเลยนะ ผมยินดีจะช่วยเสมอ"

"..ขอบใจ" 

เอาอีกแล้ว ไอ้ลูกหมาทำตัวน่ารักอีกแล้ว

ต้นยีตัวเองสลัดความคิดประหลาดๆ ออกจากหัว "งั้นนายไปอาบน้ำก่อนไป ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ไม่มีน้ำอุ่น"

ทอมตะเบ๊ะรับ "รับทราบ ผมจะรีบอาบน้ำจะได้มากินข้าวกับมิสเตอร์ต้นไวๆ " แล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กไปทางห้องน้ำที่มิสเตอร์ต้นชี้อย่างตื่นเต้น

เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทอมใฝ่ฝันอยากจะใช้ที่สุดแล้ว!

ประตูไม้บานเก่าค่อยๆ ถูกเปิด เมื่อทอมเปิดไฟก็คาดหวังว่าจะเจอสิ่งของที่ทอมคิดว่ามีเพียงในหนังสือเท่านั้น

"มิสเตอร์ต้น!!!" ทอมร้องว้ากน้ำตาคลอเบ้า "ทำไมบ้านมิสเตอร์ต้นไม่มีจาร์ล่ะ!!! โด่งอ่ะ ทำไมบ้านมิสเตอร์ต้นไม่มีโด่ง!!"

"โอ่งโว้ย!!! ถ้าอยากเห็นมากนักก็ไปราชบุรี!!"

ความผิดหวังขนาดใหญ่เกาะกุมจิตใจทอม จนหัวใจทอมเหี่ยวเฉา ทอมพยายามกลั้นน้ำตากลืนก้อนความผิดหวังลงคอและถอดเสื้อตัวเองออกวางบนอ่างล้างหน้า   

"ฮึก มันเป็นซิกเนเจอร์ของบ้านพวกสามัญชนเลยนะ"

ทอมเสียใจมากเพราะคาดหวังว่าตัวเองจะมาแช่น้ำในโด่งเหมือนตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น แบบแช่ออนเซ็นอะไรทำนองนั้น ถ้าเขาได้แช่เขากะจะว่าจะถ่ายให้แด๊ดดูด้วยว่าเขานั้นเป็นสิงโตตัวผู้ที่ปรับตัวได้เก่งเอามากๆ

แต่เพราะไม่มีเขาเลยได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจและปล่อยให้น้ำจากฝักบัวราดตัวเองไป

น้ำเย็นเฉียบที่โดนผิวเล่นเอาทอมสั่นกึกๆ เพราะนี่ก็เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเย็นเยียบไหลผ่านตามหน้าต่างเข้ามาแทะเล็มผิวอ่อนๆ ของทอม

"อ้ะ สบู่ไพรอต!" ทอมอุทานเมื่อเห็นสบู่นกแก้วซองเขียวที่มีนกแก้วตีปีกคู่กันเด่นหราวางอยู่บนที่วางสบู่ ไม่รอช้าทิ้งสบู่บำรุงผิวกลิ่นกุหลาบที่เพิ่งให้มิสซิสแมรี่สั่งให้ นำมันมาถูตัวทันที กลิ่นหอมของมันนั้นทำเอาทอมประทับใจจนอยากถ่ายตอนอาบน้ำไปอวดแด๊ดให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ระหว่างที่ทอมกำลังเพลิดเพลินกับการถูตัว

สิ่งมีชีวิตที่รอดพ้นจากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ยุคไดโนเสาร์ก็ค่อยๆ คืบคลานไปตามกำแพงอย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบ มันกระดิกหนวดดุ๊กดิ๊กก่อนที่จะตีปีกโผเข้าใส่ทอมที่หันหลังให้กับมัน

แปะ

มันเกาะบนไหล่ทอมและวิ่งลงมาที่แขน

"เอ๋"

ทอมค่อยๆ ไล่สายตามองตามมองแขนตัวเอง

ตาเล็กๆ ค่อยๆ เบิกตากว้างราวกับภาพสโลวโมชั่น

"มิสเตอร์ต้น!!!!!!!!!" 

ทอมร้องลั่นสลัดแขนแรงๆ จนมันหลุดแล้วก็วิ่งสี่คูณร้อยแบบไม่สนอะไรทั้งนั้น ทอมวิ่งหน้าตั้งไปหามิสเตอร์ต้นในครัวที่กำลังอยู่ผัดกะเพราดังฉ่าๆๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย

"มีอะไรทอม"

ต้นถามทั้งๆ ที่กำลังเทซอสปรุงรสกะเพราหมูที่วันนี้เผ็ดจางหน่อยเพราะเกรงว่าเด็กอนุบาลสองจะกินไม่ได้ถ้าเผ็ดเกิน

"ค็อกโรท มิสเตอร์ต้น ค็อกโรท!"

ทอมตัวสั่นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"แมลงสาบน่ะนะ" ต้นกลอกตาหน่ายๆ เพราะความกลัวในสัตว์แต่ละชนิดของเขานั้นเป็นศูนย์ จับงูให้เทศกิจก็ทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับแมลงที่พบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านแบบนี้

"อือ มันอยู่ในห้องน้ำ" ทอมถูแขนตัวเอง "โซสแครี่ มิสเตอร์ต้น โฮ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเจอมันเลยนะ!"

"มันฆ่านายไม่ได้หรอกน่า"

ร่างสูงพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยใจ เทกะเพราใส่จานที่เตรียมไว้ก่อนที่จะหันมามองทอมเพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกแตกอย่างแมลงสาบให้กับเด็กที่รวยที่สุดในโรงเรียนแต่จิตใจบอบบางยิ่งกว่าแก้วใสบางๆ

"…"

มิสเตอร์ต้นยืนนิ่งงันเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน

"มิสเตอร์ต้น?" ทอมเรียกเสียงสูงด้วยสีหน้ากลัวๆ "เป็นอะไรน่ะ"

"..ทอม" ต้นพยายามอย่างยิ่งที่จะย้ายสายตาตัวเองไปที่อื่นแต่ก็พบว่าทำไม่ได้เลยได้แต่มองทอมอยู่อย่างงั้น

ทำไมไอ้เด็กอนุบาลมันขาวจังวะ

"มิสเตอร์ต้นจะไปกำจัดมันให้ผมใช่ไหม" ทอมมองมิสเตอร์ต้นอย่างมีความหวัง

"ไปใส่เสื้อผ้า!"

ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับว่าทอมหุ่นน่าขย้ำมาก หนำซ้ำยังมายืนเปลือยโชว์หุ่นให้เขาดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นคนอื่นที่มีใจอกุศลคงจับทอมกินไปแล้ว 

"อ้ะ จริงด้วย" ทอมกระพริบตาปริบเพิ่งนึกขึ้นได้แต่พอรู้ว่าถ้ากลับไปใส่ชุดคงไม่วายเจอมิสเตอร์ปีเตอร์รออยู่ในห้องน้ำ "มิสเตอร์ต้น ผมกลัวค็อกโรท" 

สีหน้าของทอมนั้นสีหน้าเผือดจนน่าสงสาร

"…"

ต้นกลืนน้ำลายเอือก

รู้สึกอยากขย้ำทอมแต่พอนึกถึงหน้าบอดี้การ์ด หน้าพ่อทอม ความรู้สึกก็หายไป ขืนทอมไปฟ้องพ่อเชื่อได้เลยว่าสภาพศพของเขาคงไม่สวยแน่ๆ

"โอเค เดี๋ยวฉันจัดการให้ พอฉันจัดการเสร็จนายก็รีบอาบน้ำต่อแล้วมากินข้าวซะ"

ทอมพยักหน้าเร็วๆ "มีออมเลทไหมมิสเตอร์ต้น? หรือไข่ดาว ผมจำได้ว่ากะเพราต้องกินคู่กับไข่ดาว"

"มี"

ต้นยิ้มนิดๆ กับท่าทีตื่นเต้นของทอมแต่พอมองไปต่ำกว่านั้นเห็นหน้าอกก็ชะงักกึกอีกรอบ

สีชมพู...

ตายต้น มึงตาย

ต้นสะบัดหัวแรงๆ แล้วรีบจ้ำไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการมิสเตอร์ปีเตอร์ให้ทอม ไม่อยากคงเป็นเขาเองที่ถูกทอมจัดการแน่ๆ 

"ดูนี่"

"โว้ว แฟนแทสติก!"

ทอมตบมือแปะๆ เมื่อเห็นมิสเตอร์ต้นเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับถุงพลาสติกใส่ในมือ เจ้าปีเตอร์เจ้ากรรมยังคงเกาะบนกำแพงโชว์ตัวราวกับพริตตี้ร้อยล้าน มันวิ่งดุ๊กดิ๊กหนีมิสเตอร์ต้นอย่างคล่องแคล่ว

"มิสเตอร์ต้น!!!"

ทอมร้องลั่นเมื่อมิสเตอร์ปีเตอร์ทำท่าจะบินออกมาทางประตูซึ่งมีทอมยืนให้กำลังใจอยู่

หมับ!

เจ้าแมลงสาบดวงซวยดิ้นขลุกขลักสุดชีวิตในถุงพลาสติกที่สามารถโฉบมันได้ในพริบตา 

ต้นหัวเราะอย่างย่ามใจ จัดการมัดถุงอย่างแน่นหนา

"เป็นไง"

นี่ถือเป็นสกิลที่เขาภูมิใจอีกสกิลนึง จับแมลงสาบด้วยถุงพลาสติก ไม่มีการเละคาบ้านให้รำคาญใจ ที่เขาต้องทำต่อไปก็คือโยนถุงนี้ทิ้งไกลๆ ซะ

แปะๆ

ทอมตบมือเกรียวกราว

"มิสเตอร์ต้นโซคูล! เท่ตูมๆๆ ไปเลย" 

นัยน์ตาสีฟ้าของทอมสะท้านภาพของมิสเตอร์ต้นอย่างเทิดทูน

"มิสเตอร์ต้น! ผมน่ะชอบมิสเตอร์ต้นรองจากดอรี่เลยน้า"

"รีบอาบน้ำต่อได้แล้วไป"

ต้นตัดบทกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง มีไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีคนมาชื่นชมเขาแบบนี้ พวกสาวๆ อย่างมากก็กรี๊ดเขาตอนเล่นบาสเท่านั้นเวลาอื่นก็กรี๊ดตามเรื่องตามราวซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองมีอะไรที่น่ากรี๊ด กรี๊ดเพราะความจนของเขาเหรอ ก็คงไม่ใช่อีก

"อื้อ ผมน่ะอยากกินกะเพราของมิสเตอร์ต้นมากๆ เลย"

ทอมยิ้มจนตาหยีและนั่นก็ทำเจ้าของบ้านตบะแตก

ฟอด

"…"

"…"

ทอมอ้าปากค้างจ้องมิสเตอร์ต้นหน้าแดงก่ำ "มิสเตอร์ต้น"

"..หยุดทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวสักที" ต้นขู่แง่งหงุดหงิด เขาทำแค่หอมก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว ไอ้เด็กอนุบาล

"ผม ผมกับมิสเตอร์ไม่ใช่บอยเฟรนด์กันนะ จะคิสกันได้ไง"

ทอมอ้ำๆ อึ้งๆ รู้สึกช็อคเอามากๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในที่ถูกหอมแก้มจากคนนอก (ไม่นับตอนอนุบาลสองที่โดนครูหอมแก้มและพ่อเขามาโวยวายบ้านแตกด้วยความหวงลูก)

"คิสบ้าอะไรแค่หอมแก้ม"

ต้นขมวดคิ้วรู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาตงิดๆ

"แต่ แต่ผมกับมิสเตอร์ต้นเป็นเบสเฟรนด์กันนะ เบสเฟรนด์เขาไม่คิสกัน"

"อยากโดนคิสจริงๆ ไหมล่ะ ทอม"

ต้นมองทอมอย่างคุกคามด้วยท่าทางราวกับสัตว์ป่า เหมือนกับสิงโตตัวผู้ที่กำลังยืนข่มลูกแมวที่ตัวสั่นหงึกๆ

ทอมรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก

"ไม่เอาในหนัง โซสแครี่ พวกเขาเหมือนจะกินปากกันเลย"

คำเปรียบเปรยของทอมเล่นเอามิสเตอร์ต้นหลุดขำพรืด

"มันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอกน่า"

ต้นยักคิ้วกวนๆ ใส่ทอมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองส่วนอื่นนอกจากหน้าของทอมไม่เช่นนั้นมันคงจะไม่จบแค่การหอมแก้มและคิส เขาคงจะจับทอมกินครบสูตรเลยทีเดียว

และเพื่อป้องกันเหตุการณ์นั้นที่อาจจะเกิดขึ้น

"รีบอาบน้ำแล้วตามมาแล้วกัน"

ร่างสูงจึงรีบเดินหนีออกมาทันที

 

"โอย ต้นเอ้ย"

มือหนานวดขมับตัวเอง พยายามสลัดความรู้สึกถลำลึกของตัวเองออกจากหัว

แก้มของทอมนุ่มเป็นบ้า...

ไม่อยากจะคิดเลยว่าส่วนอื่นจะนุ่มขนาดไหน

"พอๆ "

ต้นสะบัดหัวแรงๆ ไล่ความคิดอกุศลออกจากหัว

เขายังอยากเป็นสภาพศพที่สวยอยู่

 

 

"มิสเตอร์ต้น แด๊ดบอกว่าน่ากินมากเลยด้วย!"

ทอมยิ้มแป้นยื่นให้มิสเตอร์ต้นดูที่แด๊ดตอบมาว่าน่ากินอย่างภูมิใจ เขาดีใจมากๆ เลยทีแด๊ดชอบมิสเตอร์ต้นเหมือนที่เขาชอบ

"กินสักที น่าทอม มัวแต่ถ่ายรูปอยู่ได้"

ต้นเอ็ดเสียงดุเพราะข้าวของจานเขาพร่องไปครึ่งจานแล้วแต่ทอมยังเท่าเดิมไม่มีการแตะต้องใดๆ เพราะมัวแต่ถ่ายรูปตัวเองในชุดนอนลายดอรี่ที่บอกว่าแอบสั่งมาใส่กับกะเพราที่เขาทำ

"อื้อ ต่อให้ยังไม่กินผมก็รู้สึกได้ว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ "

ทอมใช้ช้อนตักกะเพราขึ้นมากินอย่างกระตือรือร้น พอใส่ปากแล้วเคี้ยวได้..

"เป็นไง?" 

ต้นถามลุ้นๆ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นทอมกินอาหารไทยสักเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่ากะเพราที่เขาทำจะถูกปากรึเปล่า

"อร่อยมากเลย มิสเตอร์ต้น!" ทอมชูนิ้วโป้งให้มิสเตอร์ต้น "เชื่อผมสิ ฝีมือของมิสเตอร์ต้นพอๆ กับสามดาวของมิชชิลินเลย"

"เวอร์ไปแล้ว ทอม" 

"มันอร่อยจริงๆ นะ"

ต้นหัวเราะ เอื้อมแขนไปยีหัวทอมอย่างเอ็นดู

ทำไมมันน่ารักอย่างงี้วะ 

 

หลังจากกินข้าวล้างจานเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม ต้นซึ่งอาบน้ำเสร็จนอนทิ้งตัวบนเตียงข้างๆ ทอมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในผ้าห่ม

"นอนได้รึเปล่า?"

ต้นถามทอมอย่างเป็นห่วงเพราะบ้านเขามีแค่พัดลม ถึงตอนนี้อากาศจะเย็นๆ แต่ก็อดเป็นห่วงทอมที่เกิดมาบนกองเงินกองทองไม่ได้อยู่ดี

"ได้สิ!" 

ทอมพยักหน้าหงึกๆ โยนผ้าห่มออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า 

"ถอดเสื้อทำไม"

ต้นกุมขมับทันที 

ทอมยิ้มอย่างภูมิใจ "ปรับตัวไงมิสเตอร์ต้น! ผมเป็นสุดยอดสิงโตที่ปรับตัวได้เก่งกาจ ถ้าบ้านมิสเตอร์ต้นร้อน ผมก็จะถอดเสื้อแบบที่มิสเตอร์ต้นถอด ผมจะได้ไม่ร้อน"

"มันก็ใช่"

มิสเตอร์ต้นถอนหายใจเซ็งๆ ตอนนี้เขาก็สวมแค่กางเกงเหมือนกับทอมนั่นแหละ

แต่สิ่งที่ทอมควรกลัวมากกว่ากลัวร้อนคือกลัวโดนมิสเตอร์ต้นโซคูลอะไรนั่นจับกินมากกว่าไหม!

"ฮ้าว ง่วงจัง"

ทอมหาวหวอดวางโทรศัพท์คู่ใจไว้บนหัวเตียงแล้วขยับตัวมาจับจองบริเวณมุมเตียงที่โดนพัดลมตั้งเต็มๆ

"กู๊ดไนท์ มิสเตอร์ต้น ผมขอให้มิสเตอร์ต้นฝันดีนะ"

พูดจบก็เหมือนปิดสวิตช์ตัวเอง ทอมหลับคร่อกในพริบตา 

ทิ้งให้มิสเตอร์ต้นยืนหน้าดำเคร่งเครียดอยู่หน้าเตียง

"เฮ้อ"

ต้นมองน้องชายตัวเองอย่างหนักใจ

"จับลูกเขากิน ตายอย่างเดียวว่ะ ต้น"

 
---------------------------------

สกิลจับแมลงสาบด้วยถุงพลาสติกนี่เป็นของพี่ชายค่ะ ประทับใจมาก 555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-01-2018 22:36:16
กินเลย กินเลย กินเลย  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-01-2018 00:15:47
สงสารต้น 655
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-01-2018 20:44:29
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: hikawa ที่ 22-01-2018 21:21:38
 :-[ :-[ :-[ น่ารักมากกกก สงสารมิสเตอร์ต้น555555555 อัดอั้นตันใจ อยากขย้ำก็ไม่ได้ขย้ำ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 22-01-2018 22:02:11
อดทนไว้มิสเตอร์ต้นนน :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nkl31 ที่ 22-01-2018 23:54:15
มิสเตอต้นต้องใจเย็นๆ ใจร่มๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 23-01-2018 11:28:59
ขยำเลยมิสเตอร์ต้น เดี๋ยวเรากันพ่อทอมให้เอง  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 07-02-2018 21:21:46
ต้นเอ๋ย....ชีวิตจะหาความสงบยากแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 07-02-2018 22:28:06
สวสารมิสเตอร์ต้นจังเลย 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 6 20 ม.ค 61 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: dracoismine ที่ 20-03-2018 11:14:44
ทอมน้อยน่ารักมากกกกกกกกกกกก คือเป็นเด็กที่มีระบบความคิดน่าฟัดมาก เห็นภาพหมาน้อยทับน้อยอยู่เลยจริงๆ
เดินเล่นกับโพนี่และนีโม่ไรแบบนี้ 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-09-2018 00:01:04
ตอนที่ 7
   
“อรุณสวัสดิ์มิสเตอร์ต้น! วันนี้คงเป็นเช้าที่สดใสสำหรับมิสเตอร์ต้นมากๆ เพราะตื่นมาเจอเบสเฟรนด์อย่างผม”
   
ทอมเอ่ยทักมิสเตอร์ต้นอย่างสดใสและแน่นอนว่ายังอยู่ในชุดนอนดอรี่ที่ทอมรักมาก ในมือถือชุดนักเรียนเพื่อที่จะได้อาบน้ำและเปลี่ยนชุดเลย
   
“…อืม”
   
มิสเตอร์ต้นที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จพยักหน้าหงึกหงักด้วยสีหน้าซังกะตายบวกกับพักผ่อนไม่พอ ถามว่าทำไมพักผ่อนไม่พอ เพราะไอ้เด็กอนุบาลมันมันขยับตัวมากอดแล้วงุ้งงิ้งๆ ทั้งคืน! ทำเอาต้นเข้าใจคำว่าสัจธรรมเพราะนอนแผ่เมตตาให้ตัวเองทั้งคืน ไอ้ที่เพิ่งแข็งไปก็ทำท่าจะแข็งอีกตอนที่ทอมมาซุกที่ท้อง สิ่งที่ทำให้ต้นไม่จับทอมกินคือภาพศพของตัวเองตอนเช้า
   
ศพเขาต้องไม่สวยแน่ๆ และเขาก็คงไม่มีเงินจัดงานศพตัวเองด้วย
   
“ทำไมมิสเตอร์ต้นถึงดูสลีปปี้อย่างงั้นล่ะ ผมนี่นะ หลับสบายสุดๆ ถึงเตียงมิสเตอร์ต้นจะไม่ค่อยนุ่มแต่หมอนข้างมิสเตอร์ต้นนุ่มสุดๆ ไปเลย!”
   
“เตียงฉันไม่มีหมอนข้าง”
   
ต้นพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ เหนื่อยมากกับลูกหมาตัวนี้
   
“ไม่จริง มิสเตอร์ต้นไม่ต้องโกหกผมหรอก” ทอมหัวเราะคิกคัก “มันต้องเป็นหมอนข้างหมาแน่ๆ เพราะเมื่อวานผมจับหางมันด้วย”
   
ต้นหน้าแดงเพราะรู้ว่าไอ้หางของทอมมันคืออะไรจึงกระแอมหนักๆ เปลี่ยนเรื่อง “เออ ฉันเอาไปเก็บแล้ว ฉันซื้อมาให้นายใช้โดยเฉพาะ พอใจรึยัง”
   
ถ้าคนทั่วไปฟังดูจะรู้ว่ามันคือการประชดแต่สำหรับเด็กอนุบาลสองผู้ไม่เคยมีวิจารณญาณกับอะไรในชีวิตเลยนั้น..
   
“ฮึก มิสเตอร์ต้น! ผมรักมิสเตอร์ต้นที่สุดเลย” ทอมถึงกับน้ำตาแตกแต่เช้าด้วยความซาบซึ้ง “ฮึก ขนาดมิสเตอร์ต้นรู้จักผมได้ไม่นาน มิสเตอร์ต้นยังรู้เลยว่าผมติดหมอนข้าง โฮ ผมดีใจมากๆ เลยที่ได้มิสเตอร์ต้นเป็นเบสเฟรนด์”
   
“งั้นฉันขอรางวัลหน่อย”
   
“เอ๋” ทอมเอียงคอตาแป๋วงุนงง นัยน์ตาสีฟ้าดูใสซื่อจนต้นรู้สึกผิดแต่ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเอง
   
เอาวะ.. ทนมาทั้งคืนก็ขอกำไรนิดๆ หน่อยๆ หน่อยเถอะ
   
ฟอด
   
“มิสเตอร์ต้น!”
   
ฟอด
   
“ฮื่ออ มิสเตอร์ต้น หอมแก้มผมทำไม”
   
ทอมถอยกรูดตัวสั่นระริกเมื่อโดนหอมแก้มทั้งสองข้างจนรู้สึกเจ็บ ตัวสั่นหงึกๆ จนคนมองรู้สึกสงสาร
   
“มันเป็นธรรมเนียมของบ้านฉัน” ต้นโกหกหน้าตาย “ตื่นมาต้องหอมแก้มก็เหมือนแทนคำว่าอรุณสวัสดิ์นั่นแหละ สนใจหอมฉันคืนไหมล่ะทอม”
   
ทอมส่ายหัวดิก “มันแปลกมากๆ เลย มิสเตอร์ต้น ธรรมเนียมบ้านมิสเตอร์ต้นแปลกจัง ผม ผมไม่หอมคืนหรอก แด๊ดสอนผมว่าห้ามผมหอมแก้มใครนอกจากแด๊ดกับมัม”
   
“แต่ฉันเป็นเบสเฟรนด์ของนายนะทอม”
   
“ฮื่อ ผมไม่รู้แต่มิสเตอร์น่ากลัวมากเลย โซสแครี่”
   
“เฮ้ๆ ใจเย็นน่าแค่หอมแก้มเอง” ต้นเดินไปหาทอมช้าๆ พยายามไม่ให้ลูกหมาแตกตื่นจนกระทั่งเข้าใกล้ได้ก็ลูบหัวปลอบ
   
“ใช้คำว่าแค่ไม่ได้นะมิสเตอร์ต้น ผมรู้นะว่าคนที่เป็นบอยเฟรนด์กันเขาหอมแก้มกัน”
   
ต้นจ้องตาทอมที่ตอนนี้ดูสับสนจนน่าสงสาร
   
“โอเคๆ ครั้งหน้าฉันจะขออนุญาตนายกันแล้วกัน ถ้าฉันอยากหอมแก้มนาย”
   
“ไว้ถ้ามิสเตอร์ต้นเป็นบอยเฟรนด์ผม ผมจะให้หอมแล้วกันนะ แต่มิสเตอร์ต้นตอนนี้ไม่ใช่ มิสเตอร์ต้นตอนนี้ยังเป็นแค่เบสเฟรนด์ของผม”
   
ทอมพูดอย่างจริงจังเงยหน้ามองมิสเตอร์ต้น “มิสเตอร์ต้นเข้าใจผมใช่ไหม”
   
“เข้าใจครับ”
   
ต้นเออออห่อหมกตามก่อนจะดันหลังทอมเข้าไปในห้องน้ำให้รีบอาบเพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วแต่น้องทอมยังอยู่ในสภาพดอรี่เหมือนเดิม
   
“รีบๆ อาบน้ำหน่อยละกันนะ ฉันจะพาแวะไปซื้อหมูปิ้งด้วย”
   
“อื้อ! ผมจะรีบสุดๆ ไปเลย” ทอมตะเบ๊ะอย่างจริงจังก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตัวเองเกือบร้องไห้เพราะโดนหอมแก้ม
   
ซึ่งต้นก็ได้แต่มองตามอย่างระอาใจ
   
ทอมมันเป็นเด็กอนุบาลปลอมตัวมาจริงๆ ใช่ไหม

   

“มิสเตอร์ต้นๆ มิสเตอร์ต้นกินหมูปิ้งทุกวันเลยเหรอ”
   
ทอมที่กำลังพิจารณาหมูปิ้งถามออกมาอย่างเซอร์ไพรส์
   
“ก็ไม่ ทำไมเหรอ”
   
ต้นที่กินหมดไปตั้งนานแล้วถามออกมาด้วยสีหน้าง่วงงุน เท้าคางมองทอมที่กินไปได้คำนึงก็ถามคำนึง
   
“ผมว่ามันอร่อยมากเลยล่ะ ถ้าเทียบกับราคาที่ถูกมากๆ ของมัน” ทอมยิ้มจนตาหยี “ให้ผมเลี้ยงมิสเตอร์ต้นทุกวันดีไหม มิสเตอร์ต้นจะได้กินข้าวเช้าทุกวัน”
   
“ขอบใจแต่ไม่เป็นไร” ต้นยิ้ม “เป็นห่วงตัวนายเถอะ รวยจะตายแต่ตัวเท่าลูกหมา”
   
“ผมไม่ได้ตัวเท่าพัพพี่ สักหน่อย มิสเตอร์ต้น” ทอมหน้ามุ่ย “ผมน่ะนะ เป็นลูกสิงโตที่กำลังโต แด๊ดบอกว่าอีกสองสามปีผมก็จะเป็นสุดยอดสิงโตที่อบอาบแบบพี่ผมแน่ๆ”
   
“อะไรอบอาบนะ”
   
ต้นคิ้วกระตุก
   
“ก็อบอาบไง มิสเตอร์ต้น”
   
ต้นนั่งขมวดคิ้วคิดสักพักกว่าจะแกะได้ว่าทอมพูดว่าอะไรกันแน่ “องอาจ! ทอมฉันว่าภาษาไทยนายนี่ชักจะไม่ไหวแล้วนะ”
   
ยังดีที่คำยังไปไม่ถึงคำว่าอาบอบนวด ไม่เช่นนั้นต้นคงจะหาเวลามาทำคอร์สสอนภาษาไทยในชีวิตประจำวันให้กับทอมอย่างจริงจัง
   
“ผมก็บอกมิสเตอร์ต้นแล้วไง ว่าภาษาไทยผมไม่แข็งแกร่ง”
   
“แข็งแรง!”
   
ต้นกุมขมับรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งกับตลกคาเฟ่และเขาเป็นคนตบมุก มันคงจะตลกดีถ้าไอ้คนที่เล่นมุกไม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่
   
“ผมจะงอนมิสเตอร์ต้นแล้วนะ!” ทอมหน้ายู่เหมือนจะร้องไห้ “ผมได้ภาษาไทยเกรดหนึ่งทุกเทอม ฮึก มิสเตอร์ต้นจะให้ผมทำยังไงเล่า มิสซิสสมศรีจะฆ่าผมทุกรอบเวลาผมอ่านกลอน”
   
“แล้วภาษาอังกฤษนายล่ะ เป็นยังไง”
   
พอถามคำถามนี้ออกไป ต้นก็แทบขยี้ตาตัวเองใหม่เพราะไอ้ลูกหมาที่งอแงตอนนี้เชิดคอและแทบมีประกายวิ๊งวับรอบตัวด้วยความภูมิใจแบบสุดๆ
   
“ผมได้ท็อปห้องตั้งแต่เกรดหนึ่ง”
   
“เออ เก่งๆ นายเก่งมากทอม”
   
ต้นเอ่ยชมเมื่อโดนถามช้อนตามองมาเหมือนกับลูกหมาที่ทำตามคำสั่งแล้วต้องการได้รับคำชม
   
“แล้วมิสเตอร์ต้นล่ะ เก่งอะไรบ้าง”
   
“เกรดฉันก็ไม่เท่าไหร่หรอกที่ฉันทำได้ดีจริงๆ ก็มีแค่เล่นบาส”
   
“ใช่ๆ ผมเห็นด้วย มิสเตอร์ต้นเวลาเล่นบาสนะ เท่แบบตู้มๆๆ ซุปเปอร์คูลสุดๆ ผมชอบมิสเตอร์ต้นเล่นบาสมากเลย”
   
คำพูดของทอมทำให้ต้นอดยีหัวทอมไม่ได้
   
เขาใจไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมคำพูดแต่ละคำที่ทอมพูดถึงน่ารักนัก ยิ่งรวมกับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนใสซื่อที่มองมาที่เขาอย่างเทิดทูนแล้ว มันชวนให้เอ็นดูสุดๆ
   
“งั้นอาทิตย์หน้าไปเชียร์ฉันแข่งบาสไหมล่ะ ทอม”
   
“อื้อ ผมไปด้วย!”
   
ทอมพูดอย่างตื่นเต้นตาเป็นประกาย
   
“แต่ฉันแข่งกับโรงเรียน XXX นะ ได้ข่าวว่านายเคยมีเรื่องกับโรงเรียนนั้นไม่ใช่เหรอ” ต้นถามอย่างระมัดระวังเพราะข่าวนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ข่าวที่ว่าทอมถูกพวกโรงเรียนนานาชาติชื่อดังคู่อาฆาตแกล้งจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โตเพราะพ่อทอมมาเอาเรื่อง แต่เพราะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันจึงต้องจำยอมถอยคนละก้าว
   
รอยยิ้มของทอมหายวับกลายเป็นสีหน้าบูดบึ้ง
   
“อื้อ ผมจะไปแต่ทำไมมิสเตอร์ต้นต้องไปแข่งกับพวกป่าเถื่อนพวกนั้นด้วย”
   
“ก็ปีที่แล้วตอนที่ฉันยังไม่เข้า ทีมโรงเรียนเราโดนพวกนั้นถล่มเละเลยนะสิ”
   
สำหรับมิสเตอร์ต้นที่เพิ่งเข้ามาปีนี้จึงไม่ค่อยอินกับการแก้แค้นสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในทีม ที่นอกจากโดนถล่มแล้วยังโดนพูดถากถางไม่หยุดจนแทบจะต่อยกันคาสนาม
   
นี่จึงนับได้ว่าเป็นศึกล้างตาและแน่นอนว่าต้องชนะเท่านั้น
   
“มิสเตอร์ต้นต้องชนะนะเพราะผมจะไปเชียร์มิสเตอร์ต้นด้วย! ”
   
ทอมพูดด้วยความสีหน้ากระตือรือร้นจนต้นรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรนัก

และแน่นอนว่าถ้ามิสเตอร์ต้นรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะต้องเบรกทอมไม่ให้ไปเชียร์อย่างแน่นอน!



[ เอาล่ะครับทุกท่าน นี่เป็นศึกประชันระหว่างโรงเรียนนานาชาติชื่อดังติดอันดับต้นๆ ของประเทศครับ ผมขอบอกเลยนะครับว่าศึกครั้งนี้ไม่ดูไม่ได้แล้วเพราะนี่จะเป็นนัดล้างตาของโรงเรียน YYY ครับ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่พ่ายแพ้ให้กับโรงเรียนของเราไปอย่างฉิวเฉียดในปีที่แล้วครับ ครั้งนี้ผมแอบได้ยินมาว่าได้ม้ามืดใหม่มาเก่งมากๆ ครับ แต่เก่งขนาดไหนก็ไม่ทราบเหมือนกัน เอาล่ะครับ โรงเรียน YYY มีอะไรจะพูดไหมครับ ]

แม้แต่พิธีกรดำเนินการแข่งขันทั้งสองโรงเรียนก็ส่งของตัวเองมาฟาดฟันกัน ถึงแม้การแข่งขันจะมีขึ้นมาเพื่อกระชับมิตรไม่มีรางวัลแต่นักเรียนทั้งสองโรงเรียนก็แข่งขันกันลืมตายทุกปี

โดยเฉพาะกับปีนี้ที่เข้มข้นเป็นพิเศษเพราะการแพ้คาบ้านของโรงเรียนYYY

โฆษกซึ่งเป็นคนของชมรมวารสารถลึงตามองพิธีกรดำเนินรายการที่เป็นของโรงเรียนคู่อริอย่างไม่เป็นมิตร มือกระชับไมค์แน่นและพูดเมื่อเห็นนักบาสทีมตัวเองลงไปวอร์มร่างกายในสนามแล้ว

[ ผมก็ต้องขอบอกเลยเหมือนกันครับว่าม้ามืดปีนี้ของผมไม่ธรรมดาจริงๆ ผมแน่ใจมากๆ ว่าถ้าคุณได้เห็นการเล่นของม้ามืดเราแล้วพวกคุณจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน ]

[ โหๆ ผมชักจะอยากเห็นแล้วสิว่าจะขนาดไหน แต่ก็อย่าลืมนะครับว่าทีมของผมทั้งทีมก็เป็นม้ามืดทั้งหมดเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ว่าเก่งขนาดไหนก็คงต้องไปดูการเล่นปีที่แล้วครับ ผมนี่ดูซ้ำๆ เป็นสิบรอบ ทีมอะไรก็ไม่รู้ ทั้งเก่งทั้งหล่อเลย ]

ระหว่างที่โฆษกที่แบกชื่อเสียงของโรงเรียนไว้กับตัวเองฟาดฟันกัน นักกีฬาที่อยู่บนสนามก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองทีมจ้องกันเขม็งอย่างไม่เป็นมิตร ระหว่างที่วอร์มก็ต่างพากันโชว์ออฟด้วยการดังก์ลูกบาสโชว์หรือชู๊ตสามแต้มจากกลางสนาม เรียกได้ว่าอวดเบ่งใส่กันสุดๆ

ส่วนเหล่ากองเชียร์ที่ขนกันมาแทบทั้งโรงเรียนซึ่งส่วนใหญ่ที่ครองพื้นที่อัฒจรรย์ก็จะเป็นโรงเรียน XXX ซะเกือบครึ่งเพราะเป็นโรงเรียนของตัวเอง ส่วนอีกประมาณสองส่วนเป็นโรงเรียน YYY ที่ขนกันมาได้แค่นั้นเพราะโควตาที่นั่งไม่พอ

แน่นอนว่าสภาพบรรยากาศของโรงเรียน YYY ดูเป็นรองอย่างได้ชัดทั้งจากจำนวนคนและการพ่ายแพ้ปีที่แล้วซึ่งมันก็อาจจะสามารถทำให้เหล่ากองเชียร์ที่มาจากโรงเรียน YYY เคร่งเครียด

แต่สำหรับคนบางคำๆ นั้นก็อาจจะไม่มีอยู่จริง

 “มิสเตอร์ต้น! มิสเตอร์ต้น! ”

ทอมพยายามตะโกนเรียกมิสเตอร์ต้นให้หันมามองตัวเองหลังจากหายตัวไปเตรียมตัวเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าทอมนั้นพราวด์กับตัวเองสุดๆ และมั่นอกมั่นใจมากว่ามิสเตอร์ต้นต้องชอบและมีกำลังใจมากแน่ๆ

“ทอม นี่นายเอาจริงใช่ไหมเนี่ย”  เกรย์หรือเพื่อนร่วมห้องของทอมที่เป็นผู้โชคดีในการมานั่งเชียร์นักกีฬาถามทอมด้วยสีหน้าแปลกๆ จดจ้องชุดของทอมก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีอย่างไม่รู้ตัว

 “จริงสิ ผมรู้ว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ผมที่เป็นเบสเฟรนด์ของมิสเตอร์ต้นถึงต้องมาด้วยตัวเองในวันนี้ยังไงล่ะ! ”

ทอมพูดด้วยสีหน้ามีความสุขโดยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปของมิสเตอร์ต้นที่กำลังนั่งหอบด้วยหน้าประหลาดให้แด๊ดดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขานั้นมาเชียร์มิสเตอร์ต้นจริงๆ

“...แต่ว่า” เกรย์พูดในลำคอก่อนจะพยายามเรียบเรียงเป็นประโยคออกมา “นายไม่เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์มาก่อนนะ”

“อย่าลืมสิว่าผมอยู่ชมรมการแสดงและผมก็เป็นคนคิดโชว์เต้นคริสต์มาสทุกปีด้วย”

ทอมหัวเราะและมองชุดเชียร์ลีดเดอร์สีดำทองของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ถึงแม้ชมรมเชียร์ลีดเดอร์จะไม่ได้มาในวันนี้เพราะติดแข่งกับที่อื่น แต่ทุกคนที่ชมรมนั้นก็ได้ฝากกำลังใจมากับเขาด้วย

“ทุกคนที่ชมรมเชียร์ลีดเดอร์ใจดีกับผมมากๆ เลยล่ะ มิสเตอร์เกรย์ พวกเขาสอนท่าเต้นผมแล้วยังสั่งตัดชุดใหม่ให้ผมด้วย! “ ไม่ว่าเปล่าทอมยืดอกให้สูงขึ้นพยายามทำให้ตัวเองดูสง่างามมากที่สุดอย่างที่ทุกคนในชมรมเชียร์ลีดเดอร์ชอบบอกให้เขาทำ
ใบหน้าที่ติดจะเนิร์ดของเกรย์แดงเถือกจนถึงลำคอเมื่อเห็นชุดของทอมชัดๆ ถึงแม้ว่ามันจะเหมือนชุดเชียร์ลีดเดอร์ธรรมดาๆ ทั่วไปของโรงเรียนแต่เมื่ออยู่บนตัวทอมกลับน่ามองเป็นพิเศษ

น่าแปลกที่อยู่ร่วมห้องกันมาตั้งแต่เกรดสามครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกรย์รู้สึกว่าทอมน่ารัก

ชุดสีดำทองดีไซน์ทันสมัยรัดรูปไปกับร่างทำให้ทอมดูตัวเล็กกว่าเดิมขึ้นไปอีกซึ่งแน่นอนว่ากางเกงที่ทอมสวมอยู่นั้นก็สั้นเอามากๆ เช่นกัน อวดขาขาวที่ซุกซ่อนอยู่ใต้กางเกงลายสก็อตมาตลอดหลายปี

ปรี๊ดดดด

เสียงนกหวีดกรีดเสียงเป็นสัญญาณให้เกมเริ่มเล่นเอาทอมสะดุ้งสุดตัว

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ มิสเตอร์เกรย์ ถ้าไม่ได้กำลังใจจากผม มิสเตอร์ต้นคงจะเล่นไม่ได้แน่ๆ เลย”

ทอมวิ่งมายืนข้างสนามแสตนด์บายหน้าอัฒจรรย์ของโรงเรียนตัวเองก่อนจะป้องปากตะโกนเชียร์มิสเตอร์ต้นที่กำลังพยายามเอาตัวบล็อกทีมคู่แข่งขันอย่างดุดัน ใบหน้าคมคายที่ทอมคุ้นเคยแสดงสีหน้าน่ากลัวคล้ายกับสัตว์ร้ายที่หลุดจากกรงเล่นเอาทอมกลืนน้ำลายเอือก

โรงเรียน XXX ส่งเสียงเฮดังลั่นเมื่อมิสเตอร์ต้นบล็อกพลาดจนทีมของตัวเองสามารถทำแต้มแรกนำไปก่อนได้ เสียงเฮที่มาจากคนจำนวนมากในโถงดังกึงก้องจนทำให้เหล่านักบาสจากโรงเรียนอริเริ่มหน้าเสียนิดๆ แต่ก็ไม่ได้เสียกำลังใจกันมากนัก และพยายามเล่นกันต่อจนสามารถทำแต้มไล่ตามได้

[ อีกแล้วครับ เบอร์สิบ ดังก์อีกแล้ว! ]

เบอร์สิบหรือมิสเตอร์ต้นที่ถูกขนานนามว่าเป็นม้ามืดในสนาม ตอนนี้กำลังดุเดือดได้ที่ มัดกล้ามในร่างกายแทบทุกส่วนแข็งเกร็งเมื่อต้องชนหรือบล็อกเพื่อแย่งลูก พยายามครองบอลเพื่อส่งต่อให้เพื่อนสลับกับทำแต้มเอง

ซึ่งสีหน้าของมิสเตอร์ต้นก็ไม่ดีนักเพราะเริ่มรู้สึกอะไรแปลกๆ ในสนามหลังจากเล่นไปครึ่งเกม

ฝั่งนั้นกำลังเล่นสกปรกโดยใช้จังหวะชุลมุนในการทำร้ายผู้เล่นฝั่งของเขา! จะทักท้วงก็ไม่ได้ผลเพราะกรรมการก็เป็นอาจารย์พละของโรงเรียน XXX รุ่นพี่ของเขาบางคนเริ่มบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนเอาตัวสำรองมาเล่น

ซึ่งแม้แต่เขาที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดกรามเช่นกัน…

ต้นมองทีมคู่แข่งซึ่งสวมชุดสีขาวล้วนด้วยสีหน้าหงุดหงิด ศอกที่ชนหน้าเขาระหว่างที่กระโดดบล็อกนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ

[ เอาแล้วครับ ชู๊ตสามแต้ม! ฟอร์มดีมากๆ เลยครับสำหรับพี่แบล็ควันนี้ ผมว่านะ ถ้าถ้าทีมคุณเป็นม้ามืด พี่แบล็คของผมนี่คงเป็นม้ามืดชุบแป้งทอดแน่ๆ ]

เหล่านักเรียนที่นั่งอยู่ฮาครืนรับมุกซึ่งมันก็ดังพอๆ กับเสียงกรี๊ดเพราะพี่แบล็คที่ว่านั้นเป็นหนึ่งในหนุ่มฮอตประจำโรงเรียน ล็อคเกอร์ในวันวาเลนไทน์ที่จงใจไม่ล็อคทิ้งไว้นั้นจะถูกยัดด้วยกุหลาบและช็อคโกแลตจนแทบล้นออกมา สาเหตุที่แบล็คดังนั้นส่วนนึงก็มาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแนวจะมาดคุณชายดิบๆ เซอร์ๆ ดูเร่าร้อนและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน

และอีกเหตุผลก็คือความขี้อ่อยของเจ้าตัว

“กรี๊ดดด”

คนที่เพิ่งถูกกล่าวถึงในสนามตัดสินใจถอดเสื้อที่ชุ่มเหงื่อของตัวเองออกและโยนมันไปไว้ข้างสนาม อวดมัดกล้ามที่ดูแข็งแรงราวกับนักกีฬาทีมชาติ

แบล็คไม่สนใจเสียงกรี๊ดแต่ผุดรอยยิ้มนิ่มๆ บนใบหน้าเย็นชาเรียกเสียงกรี๊ดได้อีกระดับ

“หึ”

ต้นแค่นเสียงในลำคอเพราะไอ้คนที่คนกรี๊ดๆ กันอยู่คือคนเดียวกับที่จงใจศอกใส่กรามเขาและทำรุ่นพี่ของเขาขาพลิกจนเล่นต่อไม่ได้ด้วย

เวลาครึ่งแรกที่เหลือเพียงไม่ถึงห้านาทีทำให้มิสเตอร์ต้นรู้สึกเครียดเพราะถูกนำไปสิบแต้ม เดิมทีอีกทีมก็เล่นดีอยู่แล้วเมื่อรวมกับการเล่นด้วยวิธีสกปรกยิ่งทำให้เขาเอาชนะยากมากขึ้นไปอีก

ให้ตาย...

ระหว่างที่เผลอหงุดหงิดช่วงเวลานั้นก็ถูกช่วงชิงอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ถูกคนอื่นบล็อกไม่ให้เข้าไปขัดขวางการส่งลูกก่อนที่ลูกจะเข้าห่วงในวินาทีต่อมา

“!!!”

ต้นเบิกตากว้างก่อนที่ความโกรธจะพวยพุ่งขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเยาะเย้ยของแบล็คซึ่งเป็นคนทำแต้มหลักของอีกทีม การเล่นสกปรกไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายละอายใจเลยสักนิดหนำซ้ำยังภูมิใจกับมันอีกด้วย!

โดยที่ไม่รู้ต้นเผลอกระแทกเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายเตรียมจะกระชากคอเสื้อเพื่อเอาเรื่อง

และมันก็คงจะเป็นลูปซ้ำกับปีที่แล้วหากไม่ถูกขัดซะก่อน

“มิสเตอร์ต้นสู้ๆ มิสเตอร์ต้นสู้ตาย มิสเตอร์ต้นม้าลาย ม้าลายสู้ๆ ”

บทเพลงประหลาดกับเสียงร้องแปร่งๆ เป็นชื่อตัวเองเล่นเอามิสเตอร์ต้นชะงักขาแบบงุนงงจนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนร้องที่เพิ่งจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายมาเชียร์ตัวเองด้วย

“…”

อารมณ์หงุดหงิดทั้งหมดทั้งมวลหายไปหมดแทบจะทันที

ในหัวของต้นตอนนี้ว่างเปล่า จดจ้องทอมที่กำลังเล่นเต้นเชียร์เขาอยู่กระตือรือร้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร่างที่เขามักจะมองว่าเหมือนเด็กอนุบาลวันนี้ดูเหมือนเด็กมัธยมปลายจริงๆ

ซึ่งทอมก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองได้ดึงสายตาคนอื่นๆ จนเขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

สีหน้าของต้นเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง

ทำไมทอมถึงได้ใส่ขาสั้นนักนะ.. ถึงมันจะดูน่ารักมากๆ ก็เถอะ

และที่สะดุดตาสุดๆ อีกอย่างคือพู่สีรุ้งของทอมที่ดูแพรวพรวมาก

“มิสเตอร์ต้นต้องม้าลายนะ!”

ทอมยิ้มให้มิสเตอร์ต้นแม้ว่าจะถูกนำไปหลายแต้มก็ตาม

“ผมเชื่อว่ามิสเตอร์ต้นต้องทำได้”

ต้นที่กำลังประมวลผลว่าม้าลายคืออะไรอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่ทอมพูดเพราะถูกเสียงอื่นกลบหมดแต่กะพอจะอ่านปากทอมออก

ทำไมทอมมันถึงน่ารักนักวะ

ในที่สุดอารมณ์โกรธก็ถูกดับไปและแทนที่ด้วยแรงฮึดอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สมาธิของต้นก็มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทันทีที่ลูกบาสถูกส่งมาที่ตัวเองก็พุ่งตัวเข้าไปหาแป้นอีกฝั่งและทำตามแผนที่เคยซักซ้อมไว้ทันที

สวบ!

ลูกบาสถูกโยนเข้าห่วงในช่วงที่ไม่มีใครคิดว่าจะชู๊ตเพราะมัวแต่ยื้อแย่งกันอย่างดุเดือดอีกทั้งมันยังเป็นมุมที่ชู๊ตได้ยากเอามากๆ แต่นักกีฬาเบอร์สิบหรือม้ามืดของโรงเรียน YYY ก็สามารถทำได้

เฮ!

ชนกลุ่มน้อยจากโรงเรียน YYY จึงได้มีโอกาสออกหน้าออกตากันบ้าง พยายามส่งเสียงเฮและร้องเพลงประจำโรงเรียนสลับกับเพลงสันทนาการตามที่ทอมลิสต์มาให้ซึ่งทอมที่ต้องเต้นประกอบตอนนี้ก็มานั่งหอบแฮ่กอยู่บนอัฒจรรย์บ้างแล้วเพราะเต้นไม่ไหวจริงๆ

“ผมไม่เคยเต้นแล้วเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย มิสเตอร์เกรย์”

ทอมหอบขณะที่กระดกน้ำดื่มและจ้องมิสเตอร์ต้นที่เล่นได้ดีกว่าเดิมไม่วางตา

“แน่สิ ก็นายเล่นเต้นแบบไม่พักเลยนี่นา”

เกรย์ถอนหายใจอดรู้สึกสงสารทอมไม่น้อยที่ต้องเต้นอยู่คนเดียวผิดกับทีมเจ้าถิ่นที่เอาชมรมเชียร์ลีดเดอร์มาเต้นแบบจัดเต็ม มีการต่อตัวกระโดดอลังการงานสร้างจนคนที่ผู้ชมมานั่งอดที่จะเปรียบเทียบกับทอมไม่ได้

แต่ทอมก็คือทอม เจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าตัวเองน่าสงสารหรือถูกเปรียบเทียบเพราะวัตถุประสงค์ของการเต้นของทอมคือเต้นเชียร์มิสเตอร์ต้น แค่มิสเตอร์ต้นชอบเขาก็ดีใจมากๆ แล้ว

นัยน์ตาสีฟ้าของทอมเปล่งประกายระยับเมื่อมิสเตอร์ต้นดังก์ลูกที่สอง

“มิสเตอร์เกรย์! มิสเตอร์ต้นเท่ตูมๆๆๆ มากเลย ฮือ มิสเตอร์ต้นม้าลายนะ! “

เกรย์กระพริบตาปริบงุนงงกับภาษาของทอม เอาเข้าจริงเขาชินกับการพูดภาษาอังกฤษของทอมมากกว่า ซึ่งช่วงนี้ก็แปลกนิดหน่อยที่อยู่ๆ ทอมก็พยายามหัดพูดภาษาไทยทั้งๆ ที่เจ้าตัวเกลียดนักหนาเพราะถูกคำสาปเกรดหนึ่งภาษาไทยมาทุกเทอม

“มิสเตอร์เกรย์! มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นเก่งมากเลย”

ทอมพูดอย่างดีใจเมื่อเห็นมิสเตอร์ต้นบล็อกลูกบาสและส่งให้คนอื่นเล่นต่อได้ ทอมแทบอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นคะแนนไล่ตามขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็นำไปสองแต้มก่อนที่จะเป็นพักครึ่งแรก

แน่นอนว่าลูกหมาน้อยอย่างทอมไม่พลาดที่จะวิ่งไปหามิสเตอร์ต้นที่กำลังจะเดินมาหาตัวเองเหมือนกัน

ทอมยิ้มกว้าง

“มิสเตอร์ต้—“

ผลั่ก

ก่อนที่จะโดนชนโดยใครบางคนจนล้มไปกับพื้น

ทอมร้องโอยโอยลูบสะโพกตัวเองและเมื่อเงยหน้ามองตัวต้นเหตุก็หน้าซีดลงถนัดตา

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทอม”

เพราะไอ้คนชนก็คือคนที่ไม่อยากเจอที่สุดนั่นเอง


=========

คนเขียนยังม่ายตาย 5555555  :call:


   
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-09-2018 00:20:56
ทอม มา แล้วววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-09-2018 01:31:46
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-09-2018 21:46:51
ใครทำน้องงงง !!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-10-2018 23:18:44
คุณ foggy time พานุ้งทอมกะมิสเตอร์ต้นมาหาเราอีกน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-10-2018 23:39:20
รออออออออออออว์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-10-2018 10:48:43
จัดการมันเลยมิสเตอร์ต้นนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-10-2018 17:39:26
ยังรอมาต่ออยู่นะคะ สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 7 4 ก.ย 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 11-10-2018 12:18:12
น้องทอมมมม น้องงงง น่ารักมากเลยลูก เด็กอะไรน่าเอ็นดู อยากหอมแจ้มน้องง เอนดูความคิดอ่ะ ถึงจะทำให้มิสเตอร์ต้นปวดหัวก็เถอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 21-10-2018 21:15:12
ตอนที่ 8

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทอม”
   
ร่างสูงกล่าวด้วยรอยยิ้มและยื่นมือให้ทอมจับเพื่อช่วยพยุงตัว ทั้งๆ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ทอมล้ม
   
“..อย่ามายุ่ง”
   
ทอมปัดมือทิ้งและลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าบึ้งตึง มองคนตรงหน้าที่มีเชื้อสายเยอรมันทำให้มีร่างที่ค่อนข้างใหญ่โตผิดกับตัวเองที่ตัวเล็กนิดเดียว ซึ่งใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นก็เห็นสันกรามชัดอย่างพวกชนชาติแถบยุโรปและยังมีผมสีบรอนด์ซีดที่ตัดทรงไถข้างที่ทำให้คนมองใจสั่นไหวอีก
   
แน่นอนว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นกับทอมเพราะทอมเกลียดคนตรงหน้าเข้าไส้!
   
“เราออกจะสนิทกันนะทอม ลืมไปแล้วเหรอว่านายเคยชวนฉันไปแฮงก์เอาท์ด้วย”

“ผมไม่เคยสนิทกับคนอย่างคุณ เกวิน” ทอมพูดอย่างเย็นชาด้วยอังกฤษสำเนียงบริติชและเดินหนีไปหามิสเตอร์ต้นที่ทำหน้าไม่พอใจสลับกับงุนงงกับสถานการณ์ที่มาคุอย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องเก่าๆ ก็ลืมไปบ้างเถอะน่า”

เกวินโต้กลับด้วยสำเนียงอเมริกันอย่างหยอกเย้าหากแต่นัยน์ตาสีเขียวนั้นไม่ได้มีความล้อเล่นแฝงอยู่สักนิด เอาเข้าจริงเกวินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่เห็นทอมมาอยู่ในโรงเรียนตัวเอง

กับแค่แกล้งผลักจนล้มหัวแตกนิดเดียว เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นพ่อสั่งกักบริเวณเขาไปหลายเดือนเพราะเกือบเสียคู่ค้าทางธุรกิจซึ่งเป็นพ่อของทอม
   
เอาเข้าจริง เขาก็ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างถูกใจทอมเพราะอีกฝ่ายนั้นดูราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ใครจะไปรู้เมื่อเขาลองหยอดแกล้งนิดแกล้งหน่อยก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในชั่วพริบตา
   
มันทำให้เขาโกรธและเกลียดทอมมากจนอยากบดขยี้อีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ ให้ร้องไห้จนกว่าเขาจะพอใจ

“ว่างๆ คุณก็ลองไปทำให้ตัวเองหัวแตกบ้างแล้วกัน!”

ขณะที่เกวินกำลังมองทอมด้วยความเคียดแค้นก็พบว่าถูกบดบังด้วยร่างที่ใหญ่พอๆ กับตัวเองและเมื่อไล่ระดับสายตาขึ้นมาก็พบว่าเป็น ‘ม้ามืด’ ที่ทางโรงเรียนของเขากำลังสาปส่งระคนชื่นชม

“มีอะไรหรือเปล่า” ต้นมองอีกฝ่ายด้วยความเย็นชาและดันทอมไปไว้ด้านหลังตัวเอง เอาเข้าจริงเขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะต่อยอีกฝ่ายด้วยซ้ำแม้ว่าจะไม่รู้ก็ตามว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรทอมไว้

“ก็มีนะแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของนาย”  เกวินตอบเสียงเรียบเรื่อยก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของต้นที่มีมูลค่ารวมแล้วไม่เกินราคาน้ำเปล่าของเขาด้วยซ้ำ “โว้วๆ ทอม นี่นายไปคุ้ยหมอนี่มาจากไหนเนี่ย”

ต้นคิ้วกระตุกขบกรามกรอดเกือบจะเข้าไปกระชากคอเสื้อถ้าทอมไม่รั้งเสื้อเอาไว้ก่อน

“อย่าไปยุ่งเลยมิสเตอร์ต้น ไปนั่งพักดีกว่า”

ทอมดันหลังมิสเตอร์ต้นไปยังอัฒจรรย์เพราะไม่ค่อยอยากมีเรื่องกับอีกฝ่ายนัก ถึงแม้แด๊ดจะบอกว่าถ้าโดนเกวินแกล้งอีกให้บอกเพราะคราวนี้จะตัดขาดธุรกิจไปเลย ซึ่งก็ไม่ใช่แด๊ดคนเดียวที่จริงจังกับเรื่องนี้ พี่ชายของเขาก็โวยวายบ้านแทบแตกตอนที่รู้ว่าเขาโดนแกล้ง

แน่นอนว่าทอมไม่ใช่เด็กขี้ฟ้องและลูกแหง่ จึงพยายามเลี่ยงปัญหาอย่างที่สิงโตหนุ่มควรจะทำ
               
แต่น่าเสียดายที่ในสายตาของคนอื่นก็เป็นแค่ลูกหมาที่น่ารักไปวันๆ เท่านั้น
   
“ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน ทอม!”
   
เกวินตะโกนไล่หลังก่อนที่จะกลับไปรวมกลุ่มกับทีมบาสตัวเองซึ่งเมื่อคนในทีมเห็นเกวินก็รีบไหว้รีบทักทายกันทีเพราะมีศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม และวันนี้เกวินก็จงใจมาสายเพื่อปั่นอารมณ์ทีมตรงข้ามให้หงุดหงิดมากกว่าเดิม
   
ใช่… คนที่เป็นต้นเหตุให้ทีมของโรงเรียน YYY แพ้คาบ้านคือ ‘เกวิน’ นั่นเอง ด้วยเทคนิคการโกงที่แพรวพราวทำเอาทีมฝั่งตรงข้ามเจ็บกันระนาวแต่คณะกรรมการกลับจับผิดไม่ได้สักทีเพราะทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมาด้วยลักษณะที่คล้ายกับอุบัติเหตุ ทำให้ทีมโรงเรียน YYY หงุดหงิดจนเล่นได้ไม่ดีเท่าเดิมและแพ้ในที่สุด
   
ซึ่งถ้าจะให้เปรียบ ‘แบล็ก’ กับ ‘เกวิน’ การโกงของแบล็กก็แค่ของเด็กๆ เท่านั้น!
   
มิสเตอร์ต้นซึ่งไม่เคยแข่งกับเกวินมาก่อนจึงไม่ได้สนใจอะไรนักเมื่อเห็นฝ่ายใส่เสื้อบาสฝั่งตรงข้ามและดูเหมือนจะลงแข่งในช่วงครึ่งหลัง สิ่งที่มิสเตอร์ต้นสนใจเพียงอย่างเดียวคือทำไมมันถึงมายุ่งกับทอมเท่านั้น
   
“ไอ้เวรนั่นเคยทำอะไรนาย”
   
ต้นยังคงจริงจังกับเรื่องนี้ราวกับเป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตาย ใบหน้าคมคายนั้นขมวดคิ้วมุ่นจนน่ากลัวสมกับฉายาเจ้าชายเย็นชาในอดีต (เพราะตอนนี้ชมรมวารสารเปลี่ยนเป็นเจ้าชายขี้เหงาไปแล้ว)
   
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่น่า มิสเตอร์ต้น” ทอมพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยและเอื้อมมือไปหยิบกระบอกน้ำเกลือแร่ที่บรรจงชงมาให้มิสเตอร์ต้นกินด้วยตัวเอง “กินน้ำสิมิสเตอร์ต้น ผมรู้ว่ามิสเตอร์ต้นกำลังคอแหกอยู่”
   
“หะ?”
   
ต้นกระพริบตาปริบ
   
“มิสเตอร์ต้นทำไมนะ”
   
ทอมหน้ายู่ “เทิรส์ตี้อ่ะ มิสเตอร์ต้น”
   
“คอแห้ง!” ต้นหลุดหัวเราะแต่ก็ยอมรับมาดื่มเพราะโดนลูกหมางอนอีกแล้ว “เอาล่ะ บอกฉันมาได้แล้วว่าหมอนั่นเคยทำอะไรนาย”
   
“ก็ผมบอกว่าผมไม่อยากเล่าไง มิสเตอร์ต้น” ทอมงอแงทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ “ที่มิสเตอร์ควรสนใจมากกว่าคือผมเต้นเชียร์มิสเตอร์ต้นไปกี่เพลง มิสเตอร์ต้นรู้ไหมว่ากว่าผมจะร้องเพลงเพลงโด่งใส่น้ำได้นี่มันยากขนาดไหน! แล้วทำไมดุ่มกับโด่งไม่เหมือนกันอ่ะ มิสเตอร์ต้น ผมไม่เข้าใจเลย ไหนจะเพลงเมียงูอีก ทำไมผมต้องอยากแหย่รูด้วย”
   
“…”
   
ต้นพยายามอย่างยิ่งในการไม่แก้ภาษาไทยให้ทอมพร้อมกับกลั้นขำไปพร้อมๆ กัน สีหน้าของทอมตอนนี้น่ารักจนรู้สึกอยากหอมแก้มนุ่มๆ นั่นให้ช้ำไปข้างแต่ก็ทำได้เพียงอดใจไว้เพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะและทอมก็คงจะงอแงเหมือนเมื่อเช้าอีก
   
“เฮ้ ทอม ฉันชอบพู่สีรุ้งนายว่ะ เห็นตั้งแต่เดินเข้าปากซอยเลยมั้ง” เดย์หนึ่งในทีมนักบาสประจำโรงเรียน YYY หรือเพื่อนร่วมห้องของทอมสมัยอนุบาลเดินมาพาดแขนบนไหล่เล็กๆ อย่างถือวิสาสะตามความเคยชินโดยไม่ลืมที่จะยีหัวทอมอย่างหมั่นเขี้ยว
   
“มันแน่นอนอยู่แล้วที่มิสเตอร์เดย์จะชอบเพราะผมเป็นคนเลือกเอง” ทอมยืดอกรับอย่างภาคภูมิใจก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อโดนมิสเตอร์ต้นลากไปกอดคอ
   
ซึ่งตัวขนาดตัวที่เล็กกว่าเป็นเท่าตัวทำให้ทอมถูกมิสเตอร์ต้นหนีบเอาไว้เหมือนผ้าที่โดนตาก
   
“มิสเตอร์ต้น! ปล่อยผมนะ”
   
ทอมโวยวายพยายามแกะแขนมิสเตอร์ต้นออก
   
“ฉันไม่ปล่อยจนกว่าจะรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันทำอะไรนาย”
   
ถึงปากจะพูดอย่างแต่สายตาของต้นกลับจับจ้องที่เดย์ แสดงให้เห็นชัดๆ ว่าทอมไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครจะมาจับต้องก็ได้นอกจากตัวเขาเองที่มีสิทธิ์ สิทธิ์อะไร?  ก็สิทธิ์ในความเป็นเบสเฟรนด์ไง
   
ไม่สิ.. อีกไม่นานก็คงจะเป็นอย่างอื่น
   
ต้นหลุดยิ้มมุมปากไปนิดๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
   
“…นี่ฉันพลาดข่าวอะไรไปรึเปล่า” เดย์กระพริบตาปริบงุนงงในทีแรกก่อนจะยิ้มมีเลศนัยใส่ทอมและมองมิสเตอร์ต้นที่แสดงท่าทีแสดงความเป็นเจ้าของทอมอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าสำหรับเดย์ที่อยู่กับมิสเตอร์ต้นมาได้สักพักต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่แปลกตามากเพราะปกติเวลาที่ซ้อมด้วยกันนอกจากสีหน้าไร้อารมณ์ มิสเตอร์ต้นก็ไม่เคยทำอะไรที่น่าสนใจสักนิด ทำตัวน่าเบื่อยิ่งกว่าปุถุชนคนทั่วไปซะอีก
   
“ไม่มีข่าวอะไรทั้งนั้นแหละ เดย์” ทอมซบหน้าลงกับแขนมิสเตอร์อย่างยอมแพ้หลังจากพยายามแกะมานาน
   
“ฉันอยากรู้ว่าทอมกับเบอร์หนึ่งเมื่อกี้เคยมีเรื่องอะไรกัน” ต้นเข้าประเด็นทันทีและก็รู้สึกถึงตัวของทอมที่สั่นขึ้นมานิดๆจนถ้าไม่สังเกตคงไม่รู้สึกและแน่นอนว่ามันทำให้ต้นไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
   
ไอ้หมอนั่นทำอะไรทอมของเขากันแน่?
   
ใบหน้าคมคายขมวดมุ่นหนักกว่าเดิมอย่างหงุดหงิด
   
คนโดนถามหน้าซีดเมื่อโดนถามเรื่องที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อปีก่อน “ฉันเล่าได้ไหม ทอม?” เดย์เอ่ยถามทอมอย่างเกรงใจเพราะทอมเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้เต็มๆ
   
“ก็ได้” ทอมพูดเสียงเบาซุกหน้ากับแขนมิสเตอร์ต้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนถามด้วยซ้ำ “ถ้ามิสเตอร์ต้นอยากรู้ขนาดนั้น เดย์ก็เล่าเถอะ”
   
“งั้นฉันเล่าเลยนะ” ทั้งๆ ที่สนิทกับทอมมากแต่เดย์ก็พยายามระมัดระวังคำพูดสุดฤทธิ์ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรนักเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับทอมปีที่แล้ว นับเป็นครั้งแรกจริงๆ ของทอมที่ถูกคนอื่นแกล้งอย่างจริงจัง ถึงแม้เขาจะเห็นว่าทอมแค่หัวแตกแต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ได้มีแค่นั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเรื่องๆ นี้คงจะไม่บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนั้น

“ก็อย่างที่รู้นะ มิสเตอร์ต้นว่าปีที่แล้วโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพจัดงานให้โรงเรียนนี้มาเยือน ใช่พวกนั้นมาจริงและไอ้เบอร์หนึ่งนั่นก็มาด้วย” เดย์พยายามพูดอย่างนุ่มนวลที่สุดเพราะรู้ดีว่านี่น่าจะเป็นแผลใหญ่แผลหนึ่งของทอมเลยที่พยายามกลบเกลื่อนและลืมๆ มันไป “พอแข่งจบจะมีช่วงที่โคตรวุ่นวายเพราะเราแพ้คาบ้าน ทุกคนหัวเสียกันมากจนไม่ได้สนใจทีมฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เพราะรู้ว่ายังไงก็แก้ผลอะไรไม่ได้อยู่ดี”

ต้นลูบหัวทอมที่ตอนนี้เกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าเบอร์หนึ่งนั้นแสดงออกว่าถูกใจทอมตั้งแต่เล่นแล้วแหละ พอพักครึ่งก็เดินมาหาทอมชวนทอมคุยแต่พอทอมไม่คุยด้วยมันก็หัวเสียแล้วตอนจบเกมมันก็ออกมาหาทอม ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่ามันลากทอมไปคุยในห้องแต่งตัวแล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าในนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เดย์มีสีหน้าสลดลงอย่างเสียใจที่ตัวเองไม่รู้ตัวไวมากกว่านี้ “รู้อีกทีก็ตอนที่ได้ยินของตกแตกกับเสียงร้องของทอม โค้ชที่อยู่ตรงนั้นพอดีได้ยินก็พังประตูเข้าไปเห็นทอมเสื้อหลุดรุ่ยนอนตัวสั่นอยู่พื้น”

“..เกวินแกล้งผม มิสเตอร์ต้น ฮึก”

สุดท้ายทอมก็สะอื้นออกมายอมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะมีแต่ตัวเองที่รู้ดีที่สุดว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง “ผมไม่ชอบมิสเตอร์เกวินเพราะมิสเตอร์เกวินไม่มีมารยาท ฮึก ผมเห็นเขาผลักรุ่นน้องด้วย ผมพยายามเลี่ยงมิสเตอร์เกวินแต่เขาก็ลากผมไปคุยในห้อง”
พูดถึงตอนนี้นัยน์ตาสีฟ้าของทอมก็คลอไปด้วยน้ำตาจนต้นต้องรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดออก ดูน่าสงสารจนต้นอยากเลิกแข่งบาสแล้วพาทอมไปทำอะไรก็ได้ให้กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมเพราะเขาไม่ชินกับน้ำตาของทอมสักนิด

“เกวินพยายามขอไลน์ผมแต่ผมไม่ให้ ฮึก” ทอมสูดน้ำมูกพยายามฮึบไม่ให้ตัวเองร้อง “ผมพยายามจะหนีออกจากห้องแต่มิสเตอร์เกวินก็ผลักผมแล้วพยายามแกะเสื้อผมออกด้วย ฮึก ถ้าตอนนั้นผมไม่ทำแก้วแตกพอดี คงไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ในห้อง”
บาดแผลที่หัวเทียบไม่ได้เลยกับแผลที่ใจของทอมเพราะทอมโตมากับชีวิตที่ค่อนดีและสมบูรณ์แบบมาก ทุกคนให้เกียรติ์กันอย่างผู้ดีอังกฤษ คุยและแก้ปัญหากันอย่างปัญญาชนหรือปากเสียงกันมากสุดก็แต่ทะเลาะกัน ไม่เคยมีใครที่กล้าลงไม้ลงมือกับทอมมาก่อน

เฮนรี่พี่ของทอมและพ่อทอมจึงโกรธเอามากๆ เพราะทอมเป็นน้องคนเล็กของบ้านที่ถูกเลี้ยงประคบประหงมอย่างดี ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำให้ทอมร้องไห้ทั้งนั้น!

“ไอ้เวรนั่น..” ต้นขบเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิดแต่ก็มีสติมากพอที่จะเอาอารมณ์โกรธไปลงกับเกมแทนการใช้กำลังเพราะรู้ว่ามันจะทำให้ปัญหาคาราคาซังมากกว่าเดิม “ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ ฉันไม่ยอมให้นายมาหรอก ทอม” ต้นลูบหัวทอมด้วยความรู้สึกผิด

“ผมเป็นสิงโตที่อบอาบนะ มิสเตอร์ต้น” ทอมเช็ดน้ำตาตัวเองออกมาแล้วยิ้มจนตาหยี “เพื่อเบสเฟรนด์อย่างมิสเตอร์ต้นแล้ว เรื่องแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมอยากมาเชียร์มิสเตอร์ต้นมากกว่า”

“…อืม”

น่ารักชะมัด ทอมของเขาน่ารักเป็นบ้าเลย

ต้นพยายามคิดด้วยสีหน้าปกติแม้ว่าจะอดใจแทบไม่ไหว

ปรี๊ดดด

นกหวีดกรีดเสียงเมื่อหมดช่วงเวลาพักทำเอาเหล่านักกีฬาที่ยังไม่หายเหนื่อยโอดครวญ น่าแปลกที่พวกเขายิ่งแข่งกันก็ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลืมไปว่านี่เป็นแค่การแข่งขันกระชับมิตร (ซึ่งก็เหมือนจะทำให้เกลียดกันมากกว่าเดิม)

“เอาล่ะๆ ปัญหาครอบครัวไว้ก่อนนะ มิสเตอร์ต้น ถึงเวลาที่เราต้องล้างแค้นแล้ว” เดย์พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับชกหมัดเข้ากับมือดังปั่กๆ “อย่าลืมนะที่โค้ชพูดนะ มิสเตอร์ต้น เลือดต้องล้างด้วยเลือด”

“ทำไมไม่ล้างด้วยน้ำล่ะ เดย์” ทอมถามงงๆ “ผมว่ามันสะอาดกว่าน้า”

“…อืม ฉันก็ว่างั้น”

เดย์อับจนคำพูดรู้สึกสิ้นหวังในภาษาไทยของทอมพอๆ กับทุกคนในห้อง น่าแปลกใจเหมือนกันที่ทอมสามารถรักษามาตราฐานภาษาไทยของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งที่ทอมทำได้ดีที่สุดในคาบภาษาไทยคือการตั้งใจเรียนแต่ไม่เข้าใจที่ครูสอนสักนิดว่าคืออะไร

“มิสเตอร์ต้นม้าลายนะ!” ทอมยิ้มจนตาหยีพร้อมกับชูพู่สีรุ้งของตัวเองออกมาเขย่า ถึงแม้จะยังไม่หายเหนื่อยเท่าไหร่แต่พอเห็นมิสเตอร์ต้นจะลงแข่ง ทอมก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาทันทีและพร้อมที่จะเต้นเพลงเชียร์อีกหลายเพลงที่ตัวเองไม่สามารถร้องได้

“ฉันจะพยายามแล้วกัน”

ต้นยีหัวทอมอย่างเอ็นดูและวิ่งลงไปในสนามเพื่อประจำตำแหน่งของตัวเอง

“นายเป็นเพื่อนใหม่ทอมงั้นเหรอ”

อารมณ์ดีของต้นหายวับเหลือเพียงอารมณ์ที่เริ่มกลับมากรุ่นโกรธอีกครั้ง เมื่อพบว่าคนที่มารอแย่งลูกคราวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็น ‘เกวิน’ คนเดิมนั่นเอง

“ไม่รู้สิ”

ต้นไหวไหล่กวนๆ ขณะเดียวกันก็พุ่งสมาธิไปที่ลูกบาสในมือของกรรมการ เตรียมตัวกระโดดแย่งลูกกับอีกฝ่าย

“ระวังเพื่อนหายแล้วกัน”

เกวินแสยะยิ้มและนั่นก็ทำให้สมาธิของต้นหลุดไปจังหวะหนึ่งซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กรรมการเป่านกหวีด ทำให้การกระโดดของต้นช้าไปกว่าหลายวินาที

ผลั่ก!!

เกิดเสียงดังลั่นเมื่อคนที่ถือเป็นม้ามืดของทั้งสองทีมแย่งลูกกันอย่างรุนแรงจนฝ่ายหนึ่งโดนชนและเซออกมา
แน่นอนว่าคนๆ นั้นไม่ใช่มิสเตอร์ต้นอย่างแน่นอน!

เฮ!

เหล่าชนกลุ่มน้อยโรงเรียน YYY ร้องกันเกรียวกราวเมื่อฝั่งตัวเองได้ลูกก่อนซึ่งคนที่ดีใจที่สุดก็คงจะเป็นทอมที่ตอนนี้กระโดดโลดเต้นหรือไปซะสนิทว่าตัวเองกำลังเต้นเชียร์มิสเตอร์ต้นอยู่

“!!”

หากแต่ถือครองลูกบาสได้เพียงไม่ถึงสามวินาที ร่างใหญ่ๆ ของต้นก็ล้มไปกองกับพื้นทันทีซึ่งต้นก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มนานหนักรีบตะเกียกตะกายขึ้นมาแข่งบาสต่ออย่างดุร้าย

“เหนื่อยก็พักนะ มิสเตอร์ต้น”

เกวินแสร้งเลียนเสียงทอมและหัวเราะในลำคอก่อนที่จะส่งลูกต่อให้กับคนในทีมเพื่อทำคะแนนต่อ

“ชนะแบบนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรวะ!”

ต้นพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง เมื่อกี้ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุแต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะขาที่ยื่นมาสกัดเขานั้นเกินกว่าจะเป็นความบังเอิญ

มันทำให้เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมทุกคนถึงได้หงุดหงิดนักหนา

เพราะการแพ้แบบสกปรกนี่มันเจ็บกว่าแพ้ย่อยยับซะอีก!!

“ชนะก็คือชนะ อย่าพาลครับ มิสเตอร์ต้น” เกวินตอกกลับด้วยสำเนียงอเมริกันด้วยความมั่นอกมั่นใจว่ามิสเตอร์ต้นจะฟังไม่ออก

“หน้าไม่อายว่ะ”

มิสเตอร์ต้นตอบกลับด้วยสำเนียงแบบเดียวกันก่อนที่จะพุ่งตัวไปแย่งลูกบาสที่ถูกส่งมาแบบสูงมากๆ เพื่อให้เกวินรับ แน่นอนว่าด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่อยู่แล้วทำให้มิสเตอร์ต้นสามารถแย่งมันมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งด้วยความหงุดหงิดมิสเตอร์ต้นจึงชู้ตทันทีเพื่อเป็นการหักหน้าอีกฝ่ายไปในตัว

สวบ!

และมันก็ได้ผล.. เกวินขมวดคิ้วทันที

เฮ!!!

คะแนนแรกของครึ่งหลังจึงเป็นของโรงเรียน YYY ไปโดยปริยาย แต่ดีใจได้ไม่นานก็ถูกตีตื้นคะแนนกลับจนกลายเป็นแมตช์ที่ดุเดือดกว่าปีที่แล้วซะอีก กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายเชียร์กันคอแหบแห้งเพราะทั้งสองทีมสูสีกันมากจริงๆ
ก็มีแต่คนหนึ่งที่พอเห็นมิสเตอร์ต้นชู้ตแบบเท่ๆ ทีก็มีแรงเต้นทั้งวี่ทั้งวัน

“มิสเตอร์ต้นโซคูล!! เท่สุดๆ ไปเลย”

ทอมป้องปากตะโกนเชียร์มิสเตอร์ต้นด้วยความตื้นตัน วันนี้มิสเตอร์ต้นของเขาเท่มากจนเขาถ่ายรูปมิสเตอร์ต้นให้แด๊ดดูไปหลายสิบรูปเพราะอยากอวดว่าต้นแบบสิงโตที่เขาอยากจะเป็นนั้นเท่ขนาดไหน!

“ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังก้า…”

รุ่นน้องคนหนึ่งที่กำลังเมามันส์ไปกับแมตช์เผลอร้องเพลงเชียร์ที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ทอมจดให้โดยไม่รู้ตัว
ทอมหันไปมองทันทีเพราะเต้นไม่เป็นจนรุ่นน้องรู้ตัวและรีบขอโทษขอโพย

“ขอโทษนะคะ พี่ทอม หนูลืมว่าพี่ไม่ได้ซ้อมเพลงนี้”

“สอนผมร้องได้ไหม” ทอมยิ้มและพูดอย่างตื่นเต้น “ผมชอบเพลงนี้! เพราะมิสเตอร์ต้นเซ็กซี่สุดๆ ไปเลย!”

รุ่นน้องที่ตอนแรกหน้าเสียตอนนี้ยิ้มหวานจนน่าประหลาดใจซึ่งแน่นอนว่าเด็กอนุบาลหัวใจดอรี่อย่างทอมไม่มีวันสังเกตเห็นเพราะในหัวมีแต่คำว่า ‘มิสเตอร์ต้นเซ็กซี่ ซู่ซ่าและเขาก็เป็นกองเชียร์ที่ดี้ดีด้วย!’

ผ่านไปได้ห้านาทีทอมก็ได้เพลงใหม่มาร้องและแน่นอนตามสไตล์ของทอม

“มิสเตอร์ต้นเซ็กซี่ กองเชียร์ดี้ดี เซ็กซี่ ซู่ซ่า!”

“…”

ต้นที่กำลังหอบแฮ่กเลิกคิ้วเมื่อหันมามองทอมและได้ยินเสียงร้องเพลงแปร่งๆ พอดี

“มิสเตอร์ต้นมองผมด้วยล่ะ สงสัยเพราะชอบเพลงใหม่ของผมแน่ๆ เลย” ทอมพูดอย่างตื่นเต้นพลางเขย่าพู่สีรุ้งของตัวเองสุดฤทธิ์

ท่ามกลางความตึงเครียดในสนาม ต้นหลุดหัวเราะออกมา

คนในสนามจะฆ่ากันอยู่แล้วโดยเฉพาะเกวินที่หมายหัวเขาตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงตอนนี้มันก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะทันทีที่เกวินเข้ามาใกล้เขา เขาก็พยายามเลี่ยงไม่ก็เผชิญหน้ามันตรงๆ ไม่อย่างนั้นห้านาทีแรกเขาก็คงลงไปกองกับพื้นด้วยอุบัติเหตุบางอย่างแล้ว

ซึ่งเอาเข้าจริงก็ต้องยอมรับว่าอีกทีมเก่งมากทีเดียว ถ้าสู้กันแบบใสสะอาดก็คงเป็นการแข่งขันที่สูสีและสนุกพอตัวแต่ก็เพราะนโยบายโกงได้ก็ควรโกงของอีกฝ่ายทำให้เกมที่ควรกระชับมิตรกลายเป็นการเติมเชื้อไฟความเกลียดชังเสียได้

แต่ถึงแม้จะเล่นสกปรกในเกมแต่มุกเดิมๆ ก็ไม่ได้สามารถใช้ได้ตลอดไป เพียงไม่นานทีมของโรงเรียน YYY ก็เริ่มจับทางการโกงได้และหลบเลี่ยงได้แทบทุกครั้ง ทำให้ไม่มีใครเจ็บเพิ่มและคนเจ็บที่เป็นมือดีก็กำลังจะกลับมาลงสนามอีกครั้ง

สถานการณ์ของโรงเรียน YYY จึงดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มสามารถทำแต้มทิ้งห่างไปได้มากขึ้นจากการชู้ตของมิสเตอร์ต้นและการประสานงานกันในทีมที่ค่อนข้างรู้จักใจกันดี

“..เอาไงดี เกวิน”

แบล็กซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่จะรับไม้ต่อเป็นหัวหน้าทีมต่อจากเกวินที่จะจบในปีนี้กระซิบถามเสียงเครียด การแพ้คาบ้านไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนในที่นี้ต้องการเลยสักนิด
   
“..ก็ทำตามแผนที่ฉันบอกไง” เกวินพูดเสียงแข็ง “ทำให้มันออกจากเกมไปซะ”
   
แบล็กหน้าเสียทันทีเพราะแผนของเกวินคือให้เขาฟาวล์ออกจากเกมไปเลยด้วยการทำร้ายมิสเตอร์ต้นให้เล่นต่อไม่ได้ “ผม ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้ไหม”
   
ถึงแม้แผนที่ว่าจะฟังดูง่ายแต่เอาเข้าจริงมันก็ทำได้ยากมากเพราะแบล็กก็ไม่รู้ว่ามิสเตอร์ต้นอึดแค่ไหน เผลอๆ ต่อให้โดนรุมกระทืบจนเยินก็อาจจะลุกขึ้นมาวิ่งต่อได้สบายๆ ก็เป็นได้
   
“ทำๆ ไปเถอะน่า หรือจะปล่อยให้ทีมพวกเราแพ้วะ!”
   
เกวินคำรามใส่ขณะที่วิ่งไปแย่งลูกที่เพื่อนส่งให้แบล็ก พยายามจะยัดลูกลงห่วงแต่ก็โดนต้นรีบาวด์แย่งลูกจนลูกหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
   
“…”
   
แบล็กหรือม้ามืดของทีมโรงเรียน XXX ชั่งใจได้ไม่นานก็ถูกความคิดฝ่ายชั่วในหัวกระตุ้นให้โผเข้าไปหามิสเตอร์ต้นทันทีเพื่อรีบาวด์ ซึ่งการกระทำทั้งหมดเหล่านี้ก็เป็นแค่การแสร้งทำเพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือการศอกยังไงก็ได้ให้โดนหน้ามิสเตอร์ต้นเต็มๆ
   
“กระจอกว่ะ”
   
ต้นหัวเราะเยาะเพราะสามารถหลบได้อย่างทันท่วงทีซึ่งก็เป็นผลมาจากคำตักเตือนของรุ่นพี่ที่บอกให้เขาระมัดระวังในช่วงครึ่งหลังใกล้จบเกม
   
“แม่ง!!”
   
แบล็กแทบจะถลาเข้าไปต่อยถ้าไม่ถูกคนในทีมรั้งเอาไว้ซะก่อนซึ่งก็เคราะห์ดีที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วไม่เช่นนั้นกรรมการอาจจะสั่งยกเลิกการแข่งขันให้เป็นโมฆะหรือไม่ก็ฝั่งทีมโรงเรียน YYY ชนะทันที
   
เกมยังคงดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจบเกมและในที่สุดโรงเรียน YYY ก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้อย่างสวยงาม ใสสะอาด และใช้เลือดล้างเลือดได้อย่างหมดจด
   
หากแต่คนที่ดีใจที่สุดกลับไม่ใช่คนในทีม
   
“โซคูล!!! มิสเตอร์ต้นโซคูล เก่งสุดๆ ไปเลย”
   
ทอมดีใจและมีความสุขมากจนแทบจะมีออร่าวิ้งๆ สีทองรอบตัวตลอดเวลาซึ่งต้นก็คล้ายกับจะเห็นหูหางของทอมส่ายไปมาไม่หยุดด้วย
   
ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าที่พิธีมอบเหรียญและกล่าวปิดการแข่งขันจะเสร็จ ซึ่งเมื่อเสร็จมิสเตอร์ต้นก็เดินไปหาทอมที่ดีใจเหมือนตัวเองเป็นคนแข่งชนะเอง
   
“มิสเตอร์ต้น ฮึก ผมพราวด์ในตัวมิสเตอร์ต้นมากๆ เลย”
   
ทอมพยายามที่กลั้นสะอื้นแต่ก็ทำไม่ได้ เขาดีใจ ดีใจมากๆ ที่มิสเตอร์ต้นสามารถเอาชนะพวกขี้โกงพวกนั้นได้โดยเฉพาะกับเจ้าเกวินนั่น!
   
“แล้วร้องไห้ทำไมเนี่ย”
   
ต้นหัวเราะแล้วถอดเหรียญทองของตัวเองออกมาสวมให้ทอม
   
และแน่นอนว่าเด็กอนุบาลงง
   
“เอ๋ ให้ผมทำไมเหรอ มิสเตอร์ต้น”
   
ทอมกระพริบตาปริบๆ งุนงงซึ่งทอมก็ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางของตัวเองนั้นน่าเอ็นดูขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ มันทำให้มิสเตอร์ต้นต้องหายใจลึกๆ พยายามอย่างยิ่งในการไม่หอมแก้มทอมหรือเจ้าลูกสิงโตวัยละอ่อนที่ทำตัวน่ารักไปวันๆ
   
“รางวัลของนายไง ทอม” ต้นยิ้ม “ถ้าไม่ได้นายเต้นเชียร์ ฉันคงไม่ชนะหรอก”
   
“!!!”
   
ทอมนิ่งอึ้งก่อนที่จะโผกอดมิสเตอร์ต้นอย่างอดไม่ได้
   
“ฮืออ ผมดีใจจัง ที่ได้รู้จักมิสเตอร์ต้น”
   
“ฉันก็ดีใจที่ได้รู้จักนายเหมือนกัน ทอม”
   
ต้นระบายยิ้มกว้างออกมา
   
เขาชอบเจ้าลูกสิงโตนี่จนแทบจะบ้าอยู่แล้ว!
   
============

แหม มิสเตอร์ต้น ตัดภาพไปที่ตอนแรกนะคะ 555555555 เอาจริงๆ การแข่งขันกับการโกงนี่โคตรเป็นของคู่กัน  :mew5:

ตอนอยู่โรงเรียนก็มีแข่งกันระหว่างเครือโรงเรียน เพื่อนไปแข่งก็โดนโกงทุกปี  :katai1: เป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากจริงๆ

ps to คุงหมีเฟิร์น  ::::    ทอม : ไม่เป็นไรนะ! ทอมจะช่วยคุณหมีแก้ปัญหาเอง!! //กอด


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 22-10-2018 04:56:08
นี่ใช่มิสเตอร์ต้นคนเดียวกันกับตอนแรกรึป่าว555555555
ืทอมน่ารักขึ้นทุกตอนเลย :impress2:  :m3: :ped149:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2018 07:12:45
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 22-10-2018 07:16:23
มิสเตอร์ต้นสู้ๆรอวันพิชิตนว้องทอมนะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2018 11:50:21
โอยๆ........ทอม น่ารัก สุดๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

ฮามาก เพลงเชียร์  ของทอม ขำก๊ากกกกก เลย
“มิสเตอร์ต้นสู้ๆ มิสเตอร์ต้นสู้ตาย มิสเตอร์ต้นม้าลาย ม้าลายสู้ๆ ”

มิสเตอร์ต้นต้องม้าลายนะ
มร.ต้นหลงเด็กอนุบาลไปเต็มๆแล้ว

ต้น  ทอม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-10-2018 11:52:58
เป็นนิยายที่รอนานมากกกก แต่ก็ยังติดตาม 5555

ปล. มิสเตอร์ต้นยาวใหญ่ใช่ไหม เลยเรียกมิสเตอร์ต้นว่าม้า อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-10-2018 15:03:53
ทอมน่ารักมาก มิสเตอร์ต้นหลงใจละลาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 02-11-2018 21:01:31
เอ็นดูน้องทอมมาก หอมหัว5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: sharay029 ที่ 03-11-2018 16:56:40
 :katai2-1: ทอมน่ารักสุดๆ อยากฟัดแก้มสิงโตวัยละอ่อน คริคริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 8 21 ต.ค 61 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 12-11-2018 16:00:28
รอฉันรอเธออยู่~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-12-2018 22:55:51
ตอนที่ 9
   
“เฮ้ ทอม”
   
“มีอะไรงั้นเหรอ วิน”
   
ทอมตอบทั้งๆ ที่ไม่ละสายตาจากหน้าจากกระดาษวาดรูป ซึ่งรูปที่เขากำลังวาดอยู่นั้นคือรูปมิสเตอร์ต้นที่กำลังชู๊ตบาสอยู่ แน่นอนว่าในสายตาทอมมิสเตอร์ต้นนั้นโซคูล ทำให้รอบๆ ตัวมิสเตอร์ต้นนั้นมีออร่าสีเหลืองแสบตาจากไฮไลท์และที่โดดเด่นที่สุดในรูปคือตัวทอมเองที่กำลังเชียร์มิสเตอร์ต้นอยู่ข้างสนามด้วยชุดเชียร์ลีดเดอร์กับพู่สีรุ้ง
   
“นายกับมิสเตอร์ต้นนี่ยังไง”
   
วินถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด ตาตี่ๆ ที่อยู่หลังเลนส์ใสแทบจะแผดเผาอาจารย์ฟิสิกส์ที่กำลังอธิบายเรื่องหลักการเคลื่อนที่ ทั้งๆ ที่วิชาฟิสิกส์คือวิชาที่วินชอบมากที่สุด
   
“ก็เป็นเบสเฟรนด์กันยังไงล่ะ”
   
ทอมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
   
“แล้วฉันล่ะ ทอม นายเคยบอกว่าฉันเป็นเบสเฟรนด์นายไม่ใช่เหรอ”
   
วินถามอย่างรวดร้าว มือซ้ายที่จับปากกาสั่นระริก ยอมเลิกทำตัวเป็นนักเรียนดีเด่นของห้องมาจ้องทอมที่นั่งข้างตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะทำสีหน้าเย็นชาวันนี้ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
   
“วิน ก็ยังเป็นเบสเฟรนด์ของผมนะ”
   
แน่นอนทอมก็คือทอม ไม่เคยรับรู้ความเป็นไปอะไรของโลกทั้งนั้น ถ้าไม่ได้สนใจ ยังคงง่วนอยู่กับการวาดรูปมิสเตอร์ต้นบนชีทฟิสิกส์ที่ทอมไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร
   
สีหน้าของวินมีสีขึ้นได้ไม่ถึงสามวิ ประโยคต่อมาก็ทำเอาหน้าทะมึนไปทันที
   
“แต่ตอนนี้ผมชอบมิสเตอร์ต้นมากๆ เลย วิน มิสเตอร์ต้นโซคูลมากจนผมอยากให้มิสเตอร์ต้นมาเข้ากลุ่มเราเลยล่ะ ผมมั่นใจมากเลยว่าถ้ามิสเตอร์ต้นได้มาอยู่กับผม วิน และทุกๆ คน มิสเตอร์ต้นจะไม่รู้สึกแดดเดียวอีกต่อไป”
   
ทอมพูดด้วยสีหน้าชื่นบาน
   
“แล้วผมก็จะเปลี่ยนชื่อกลุ่มเราเป็นชื่อกลุ่มดอรี่รักมิสเตอร์ต้นด้วย”
   
“ทอม”
   
วินพูดเสียงแข็งจนทอมเงยหน้ามามองอย่างงุนงง
   
“อะไรเหรอ วิน หรือผมควรจะใช้ชื่อกลุ่มเป็นมิสเตอร์ต้นโซคูลแทน”
   
“นายไม่กลัวมิสเตอร์ต้นอะไรนั่นหลอกนายรึไง”
   
วินถามด้วยสีหน้าจริงจัง สถานะพ่อของทอมในโรงเรียนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะวินนั้นได้ถูกพ่อของทอมฝากฝังให้ดูแล แน่นอนว่าด้วยลักษณะนิสัยของวิน วินทำมันอย่างเคร่งครัดมาตลอด ไม่ให้ทอมออกนอกลู่นอกทางอีกทั้งยังคอยรักษาเกรดของทอมไม่ให้ห่วยจนเกินไป (ยกเว้นวิชาภาษาไทยที่ทอมห่วยแตกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย)
   
“มิสเตอร์ต้นไม่ทำแบบนั้นหรอก วิน”
   
ทอมพูดอย่างมั่นใจ
   
“เพราะมิสเตอร์เป็นคนดีมาก”
   
“ดีอะไรของนาย ทอม นายรู้ไหมว่านายรู้จักมิสเตอร์ต้นไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำ” ถ้าวินเป็นพ่อของทอมจริงๆ วินมั่นใจมากว่าตัวเองจะต้องเผลอตีทอมจนก้นลายแน่ๆ  “นายเชื่อใจมิสเตอร์ต้นไม่ได้”
   
“ทำไมล่ะ”
   
ทอมหน้ายู่
   
“เพราะฉันไม่ไว้ใจเขาไง ทอม เมื่อไหร่นายจะเข้าใจความเป็นห่วงของฉันสักที” วินหน้าบูดพอๆ กับทอม “ฉันเข้าใจว่านายกำลังเห่อของใหม่ นายไม่เคยเจอใครจนเท่ามิสเตอร์ต้นมาก่อนใช่ไหมล่ะ เอาล่ะ ทอม ฉันว่ามันถึงเวลาที่นายควรจะเลิกเล่นสนุกแล้วกลับมาอยู่กับพวกเราสักที ก่อนที่มันจะเกิดอะไรขึ้นกับนาย”
   
“มันจะไม่มีเกิดอะไรขึ้นหรอก!”
   
ทอมหน้ายับกว่าเดิมรู้สึกไม่พอใจมากๆ ที่มิสเตอร์ต้นโซคูลถูกกล่าวหาจากหนึ่งในเบสเฟรนด์ของตัวเอง เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไม ทุกคนถึงเอาแต่มองว่ามิสเตอร์ต้นนิสัยไม่ได้อย่างงู้นอย่างงี้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมิสเตอร์ต้นนิสัยดีมาก ไม่เคยทำอะไรที่เข้าข่ายว่า ‘ไม่ดี’ สักอย่าง
   
“เฮ้ๆ ใจเย็นน่าทอม นายจำไม่ได้รึไงว่าใครเป็นคนคอยปลอบนายตอนนายร้องไห้”
   
“ก็วินกำลังว่ามิสเตอร์ต้นเป็นคนไม่ดีนี่นา”
   
ทอมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิมเพราะถูกมิสเตอร์เป๊กหรือครูฟิสิกส์มองมาที่ตัวเองอย่างตำหนิ
   
“สรุปนะทอม ถ้านายยังขืนดึงดันจะคบกับมิสเตอร์ต้นเป็นเพื่อน ฉันไม่ยอม”
   
วินจ้องตาทอมนิ่งแสดงถึงความจริงจังแบบเดียวที่ใช้ขู่ทอมให้ตั้งใจอ่านหนังสือสอบแทนที่จะไปนั่งดูดอรี่ครั้งที่ร้อย
   
“วิน ยูไม่มีเหตุผลเลย”
   
“ฉันก็เพิ่งไปไงทอมว่ามิสเตอร์ต้นไว้ใจไม่ได้”
   
“… ก็ได้ วิน” ทอมมองวินด้วยสายตาผิดหวัง รู้สึกเสียใจมากที่วินไม่แม้แต่จะเปิดใจด้วยซ้ำ “งั้นผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเองว่ามิสเตอร์ต้นเป็นคนดีขนาดไหน”
   
พูดจบทอมก็เดินออกจากห้องทันทีเพราะเป็นเวลาพักเที่ยงพอดี ซึ่งระหว่างทางทอมก็โดนคนทักเป็นสิบแต่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนักทำให้ทอมไม่ได้ทักกลับอย่างปกติและพุ่งไปหามิสเตอร์ต้นที่กำลังนั่งกินเบอร์เกอร์อยู่
   
“กู๊ดอาฟเตอร์นูน มิสเตอร์ต้น”
   
ทอมนั่งลงข้างมิสเตอร์ต้นและเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วทอมจะต้องเรียกชื่อมิสเตอร์ต้นด้วยความกระตือรือร้นล้านแปดเสมอ
   
“เป็นอะไร”
   
แน่นอนว่าต้นดูออกว่าทอมผิดไปจากเดิม ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มอยู่แต่ออร่าลูกหมาหงอยนั้นแรงมาก
   
“ผมกำลังใจแตก มิสเตอร์ต้น”
   
ทอมฟูมฟาย
   
“ใจแตกอะไร”
   
จากที่งงอยู่แล้วต้นงงกว่าเดิม เขางงมากว่าเด็กอนุบาลอย่างทอมมันจะใจแตกได้ยังไง แค่เขาหอมแก้มก็จะร้องไห้แล้ว หรืออาจจะมีคนทำให้ทอมของเขาใจแตก?
   
เมื่อนึกถึงตรงนี้สีหน้าของมิสเตอร์ก็หงุดหงิดทันที
   
“ใครทำอะไรนาย ทอม บอกฉันมา”
   
“ไม่มีอะไร มิสเตอร์ต้น ผมแค่ฟีลฮาร์ตเบรกที่ทุกคนไม่เข้าใจผมเลย” 
   
ทอมพูดเศร้าๆ ทำไมมิตรภาพอันดีงามระหว่างเขากับมิสเตอร์ต้นถึงไม่ได้รับการยอมรับกันนะ ทั้งๆ ที่ทั้งแด๊ดและพี่ชายของเขาสนับสนุนให้เขาเป็นเพื่อนกับมิสเตอร์ต้นมาก เพราะอยากให้เขามีเพื่อนเยอะๆ และสามารถเป็นสิงโตตัวผู้ที่สง่างามที่สุดในอนาคต
   
“…”
   
อารมณ์ไม่พอใจของต้นถึงกับชะงักทันทีเมื่อรู้ว่าไอ้เด็กอนุบาลมันพูดผิดอีกแล้ว ซึ่งถ้าเป็นตอนปกติต้นคงไม่ลังเลที่จะแก้ภาษาไทยให้ทอม แต่เพราะตอนนี้ลูกหมาของเขากำลังเศร้าอยู่ เขาเลยพูดอะไรมากไม่ได้
   
“มิสเตอร์ต้นเป็นคนดีใช่ไหม”
   
“…เอ่อ ดีมั้ง”
   
ต้นกระพริบตาปริบรู้สึกงงกับคำถามของทอมแต่ก็เออออห่อหมกไป และลูบหัวทอมอย่างอดไม่ได้ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทอมเศร้าเรื่องอะไรแต่เขาไม่อยากให้เด็กอนุบาลนี่ร้องไห้สักนิด
   
ซึ่งในเวลาอีกไม่ถึงนาที ต้นก็จะได้รู้ถึงเหตุผลอย่างชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
   
“ทอม!!!”
   
เสียงตะโกนเรียกดังมาแต่ไกลและมาพร้อมกับกลุ่มของทอม แน่นอนว่าเสียงตะโกนที่ดังขนาดนี้สามารถเรียกความสนใจจากคนทั้งโรงอาหารอย่างอยู่หมัด เหล่าชมรมวารสารเตรียมกล้องกันวุ่นวายเมื่อสัมผัสได้ถึงประเด็นร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
   
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้นายเลิกยุ่งกับมิสเตอร์ต้นสักที! ”
   
วินพูดเสียงกร้าวขณะเดียวกันก็มองต้นอย่างไม่พอใจ
   
“ไม่! ผมจะไม่ยอมให้มิสเตอร์ต้นต้องรู้สึกแดดเดียวในโรงเรียนนี้หรอกนะ”
   
ทอมที่ปกติไม่เคยขึ้นเสียงกับใครมาก่อนตะโกนกลับด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถลาเข้าไปยืนขวางมิสเตอร์ต้นราวกับว่าตัวเองตัวใหญ่นักหนาและสามารถปกป้องมิสเตอร์ต้นได้
   
“ทอม นายก็รู้ว่าฉันหวังดี นายไม่รู้รึไงว่าตอนมิสเตอร์ต้นเข้ามาใหม่ๆ มันมีข่าวของหายด้วย”
   
สิ่งที่วินกำลังพูดถึงนั้นคือคดีของหายในห้องเรียนของต้น ซึ่งสิ่งที่หายนั้นคือกระเป๋าตังค์ของคนที่นั่งใกล้กับมิสเตอร์ต้น แน่นอนว่าเจ้าของกระเป๋าตังค์ก็โวยวายใส่มิสเตอร์ต้นอย่างใหญ่โตแต่ก็ไม่สามารถเอาผิดมิสเตอร์ต้นได้เพราะไม่มีหลักฐาน และไม่รู้ซวยซ้ำซวยซ้อนหรืออะไรที่กล้องวงจรปิดในห้องก็เสียเป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีอีก ทำให้จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวคนกระทำผิดไม่ได้
   
แต่ตามวิสัยปกติของคนคือต้องการคนผิด ต้นจึงโดนสงสัยและไม่มีใครไว้ใจมาโดยตลอด ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมามิสเตอร์ต้นต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่เพราะไม่มีใครกล้าคบ
   
“มิสเตอร์ต้นไม่ทำแบบนั้นหรอก! “
   
ทอมเถียงเสียงแข็งลืมไปหมดสิ้นถึงสิ่งที่มิสซิสแมรี่พร่ำสอนเกี่ยวกับมารยาทผู้ดีอังกฤษที่ดี นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนสั่นระริกจนแทบจะกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
   
“ทำไมทุกคนต้องให้มิสเตอร์ต้นผิดเพราะมิสเตอร์ต้นจนด้วยล่ะ วินก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคนที่รวยก็โกงก็ขโมยกันเองได้เหมือนกัน ขนาดเพื่อนแด๊ดที่ว่ารวยมากยังโกงแด๊ดผมเลย”
   
เอาเข้าจริงทุกคนรู้สึกตกใจมากที่เห็นทอมปกป้องใครมากขนาดนี้ โดยเฉพาะวินที่อยู่กับทอมมาตลอด
   
“บอกตามตรงนะทอม ฉันไม่สนใจว่ามิสเตอร์ต้นอะไรนี่ของนายจะขโมยหรือไม่ขโมย เพราะกระเป๋านั้นไม่ใช่กระเป๋าฉัน” วินจ้องทอมอย่างตำหนิ เขาปล่อยให้ทอมเล่นมามากพอแล้ว “แต่ที่ฉันสนคือนาย นายควรจะออกห่างจากมิสเตอร์ต้นซะ การคบกับมิสเตอร์ต้นไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้นายเลยสักนิด”
   
ทอมแค่นยิ้ม
   
“ผมก็ไม่ได้ต้องการประโยชน์อะไรจากมิสเตอร์ต้นอยู่แล้ว ผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับมิสเตอร์ต้น มันก็แค่นั้น”
   
“อย่าดื้อให้มันมากนัก ทอม”
   
วินพูดเสียงเย็นกำลังจะกระชากแขนทอมกลับเข้ากลุ่มก่อนที่จะต้องชะงัก เมื่อทอมถูกดึงไปไว้ข้างหลังคนที่เป็น ‘ต้นเหตุ’ ของความวุ่นวายทั้งหมด
   
วินแค่นเสียงขึ้นจมูกมองหน้าคนที่ตัวใหญ่และสูงพอๆ กับตัวเองอย่างไม่เป็นมิตร
   
“มีปัญหาอะไร”
   
หลังจากที่ปล่อยให้เด็กอนุบาลปกป้องตัวเองมานาน ในที่สุดต้นก็ตัดสินใจออกโรงเพราะทนเห็นแผ่นหลังเล็กๆ นั่นสั่นไม่ได้ มันดูน่าสงสารเกินไปและทอมก็ไม่ควรจะมามีปัญหากับคนอื่นเพราะมีเขาเป็นตัวต้นเหตุด้วย
   
“ฉันอยากให้นายเลิกยุ่งกับทอมสักที”
   
วินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งต้นก็อยากจะตอบกลับเหลือเกินว่าคนที่มายุ่งกับเขาทุกวันก็คือทอมนั่นแหละ พอมาถึงโรงเรียนก็เหมือนไม่มีอะไรทำวิ่งแถ่ดๆ มาหามาออดอ้อนเขาตลอดจนเขาอยากขย้ำให้รู้แล้วรู้รอดเลยทีเดียว
   
สำหรับเขาแล้วทอมน่ารักมาก
   
มากจนไม่อยากให้มาเจออะไรแย่ๆ เพราะเขา
   
“ได้”
   
ต้นตอบง่ายๆ แล้วดึงทอมที่อยู่ข้างหลังคืนตัวเองให้วิน ซึ่งมองเผินๆ ก็ให้อารมณ์คล้ายกับคืนลูกหมาให้กับเจ้าของ
   
“เอ๋”
   
ทอมที่กลับคืนสู่คุณพ่อในโรงเรียนแสดงสีหน้างุนงงออกมาเช่นเดียวกับวินที่งงมากกว่า
   
“ต่อไปฉันจะเลิกยุ่งกับทอม”
   
ต้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ไม่เหลือบมองทอมแม้แต่นิด เพราะรู้ดีว่าถ้าเผลอมองต้องใจอ่อนยวบแน่ๆ ไม่มีใครสามารถทนสายตาลูกหมาหิวข้าวของทอมได้หรอก
   
“…งั้นก็ดี”
   
วินใช้เวลาสักพักกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ ก่อนที่จะกอดทอมไว้แน่นเพราะทอมพยายามตะเกียกตะกายไปหามิสเตอร์ต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
   
“..มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นเป็นเบสเฟรนด์ของผมนะ ทำไมถึงยอมง่ายๆ แบบนี้กันล่ะ”
   
ทอมพูดเสียงสั่นรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังจะสลายของตัวเอง รู้สึกเจ็บปวดเอามากๆ จนอยากร้องไห้ออกมา ทำไมมิสเตอร์ต้นถึงไม่ยอมพูดล่ะว่าไม่ได้ทำ
   
“หลังจากนี้ก็อย่าให้ทอมมายุ่งกับฉันแล้วกัน”
   
ต้นพยายามรักษาสีหน้าเย็นชาเอาไว้ พยายามทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงทอมที่เรียกร้องหาเขาอย่างน่าสงสาร เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำเรื่องโหดร้ายกับทอม แต่แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อทางออกนี่เป็นทางออกที่ดีต่อทอมและตัวเขาที่สุด
   
เขากับทอมไม่ควรเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ
   
พูดจบต้นก็หยิบข้าวของตัวเองและเดินเลี่ยงออกมา ก่อนที่จะไปยังสนามบาสประจำของตัวเองด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ เมื่อถึงสนามก็โยนข้าวของตัวเองทิ้งไว้บนโต๊ะและวิ่งเข้าสนามทันที
   
ร่างสูงก้มหยิบบาสที่วางทิ้งไว้ข้างสนามก่อนที่จะเริ่มเล่นคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน
   
“..เวรเอ๊ย”
   
ต้นสบถเมื่อเขาไม่สามารถชู๊ตลูกบาสเข้าห่วงได้สักลูก เพราะในหัวเอาแต่คิดถึงใบหน้าของเจ้าเด็กอนุบาลที่เหมือนจะร้องไห้ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเขาโคตรอยากเข้าไปปลอบทอมสุดๆ เอาเข้าจริงเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นหรอก แต่เขาไม่อยากทอมไม่มีเพื่อนคบเพราะเขา
   
“เป็นผู้ใหญ่หน่อยดิวะ ต้น”
   
ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก้มมองลูกบาสในมือที่ไม่รู้ว่าทอมแอบมาแปะสติกเกอร์รูปดอรี่ตอนไหน
   
หลังจากนี้เขาคงจะคิดถึงชีวิตที่มีลูกหมามาป้วนเปี้ยนน่าดู

   

“ทอม กินข้าวหน่อยสิ นายไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วนะ”
   
แจนนี่หรือสาวสวยประจำกลุ่มพยายามพูดเกลี้ยกล่อมทอมที่ซึมตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุดซึม หนำซ้ำยังงอนวินมากไม่มองหน้าวินด้วยซ้ำเพราะทุกครั้งที่ทอมจะไปหามิสเตอร์ต้นมักจะถูกวินรั้งไว้เสมอ
   
“ขอโทษนะ แจน ผมไม่อยากกินน่ะ”
   
ถึงแม้เมนูที่แจนยกมาให้เขานั้นคือสเต็กปลาดอลลี่ซอสมะนาวเมนูโปรดเขา แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์กินมันสักนิด เขาเป็นห่วงและคิดถึงมิสเตอร์ต้นมากๆ เขาไม่อยากมิสเตอร์ต้นอยู่คนเดียวเลย เพราะเขารู้ว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นเหงาเอามากๆ
   
และที่สำคัญที่สุดคือเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับมิสเตอร์ต้น
   
ทอมแอบเหลือบมองมิสเตอร์ต้นที่นั่งกินข้าวคนเดียวบริเวณมุมห้องด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ก่อนที่จะถูกวินจับได้แทบจะทันที
   
“ทอม”
   
วินพูดเสียงดุๆ และขยับตัวมาบังจนทอมมองไม่เห็นมิสเตอร์ต้นอีกต่อไป
   
“…”
   
ทอมขมวดคิ้วหันหนีไปทางอื่นอย่างรำคาญ
   
“ทอม นายก็รู้ว่าฉันหวังดี”
   
“…”
   
“ยังไงมิสเตอร์ต้นของนายก็อยู่คนเดียวได้อยู่แล้ว เมื่อก่อนไม่มีใครคบก็ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไร”
   
“อย่าเรียกมิสเตอร์ต้นว่ามันนะ วิน!”
   
สุดท้ายทอมก็ทนไม่ไหวและพูดใส่วินอย่างหงุดหงิด
   
“วินรู้ไหมว่า แด๊ด ไม่เคยว่าอะไรเลยที่ผมคบกับมิสเตอร์ต้นเป็นเฟรนด์ แด๊ดไม่เคยว่า ไม่เคยห้าม แล้วยังอนุญาตให้ผมไปนอนบ้านมิสเตอร์ต้นด้วย แล้ววินมีสิทธิ์อะไรถึงมาห้ามผมยุ่งกับมิสเตอร์ต้นล่ะ!”
   
ไม่ใช่ทอมคนเดียวที่หมดความอดทน วินก็เช่นกัน
   
“ทอม ฉันเป็นห่วงนาย เข้าใจไหม ฉันรู้ว่านายจำอะไรไม่ค่อยเก่ง แต่นายจะลืมไม่ได้ว่านายเคยโดนหลอกเอาเงินเพราะความสงสารบ้าๆ นี่แล้วรอบนึงและฉันก็จะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นอีก ฉันไม่สนว่านายจะเกลียดฉันไหม แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนฉันต้องร้องไห้แบบนั้นแล้ว!!!”
   
อารมณ์โกรธของวินรุนแรงจนทั้งสมิทและแซมต้องรั้งตัวไว้ไม่ให้วินกระชากคอเสื้อทอมขึ้นมาด่า
   
ทอมแค่นยิ้มให้วินซึ่งนั่นก็เป็นรอยยิ้มที่วินไม่เคยเห็นมาก่อน
   
“ใครบอกว่าผมจำไม่ได้ละ วิน”
   
คนที่ถูกมองว่าเป็นเด็กในสายตาคนส่วนใหญ่ในเวลานี้กลับมีสีหน้าแข็งกร้าวอย่างประหลาด
   
“ผมไม่สนหรอกว่าตัวเองจะโดนมิสเตอร์ต้นหลอกไหม ผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับมิสเตอร์ต้นเท่านั้นเอง”
   
“….”
   
“ผมโตแล้ว วิน ผมดูแลตัวเองได้”
   
ทอมเงยหน้ามองวินหรือคนที่แด๊ดฝากฝังให้ดูแลเขามาตั้งแต่ตอนเข้าโรงเรียน จนถึงตอนนี้วินก็ยังไม่เคยลืมและทำมันอย่างเคร่งครัดมาตลอด ซึ่งมันก็ควรจะหยุดได้แล้ว
   
“ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอดนะ”
   
“…”
   
เป็นวินที่เป็นฝ่ายพูดอะไรไม่ออก รู้สึกตัวชาวาบไปทั้งตัวและอดรู้สึกใจหายไม่ได้เมื่อเห็นทอมเดินไปหามิสเตอร์ต้น
   
“เอาไง วิน”
   
แซมซึ่งเป็นคนกลางมาตลอดเท้าคางมองทอมที่ไปนั่งข้างต้นด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้น
   
“ก็ไม่ไง ลูกโตแล้ว”
   
วินถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและดึงจานสเต็กของทอมมากินต่อเซ็งๆ
   
“ถ้าร้องไห้กลับมา กูจะตีมันจริงๆ ด้วย”
   
   

“มิสเตอร์ต้นผมกลับมาแล้ววววว ”
   
ทอมถลาเข้าไปกอดมิสเตอร์ต้นและงอแงออกมาด้วยความคิดถึงอย่างสุดซึ้ง
   
ต้นสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจก่อนที่จะพบว่าเป็นเด็กอนุบาลเลยปล่อยเลยตามเลย
   
“ทำไมหมอนั่นปล่อยให้นายกลับมายุ่งกับฉันล่ะ ทอม”
   
ไม่ว่าเปล่าต้นลูบหัวทอมและพยายามข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้เผลอหอมแก้มทอมกลางโรงอาหาร เพราะทอมยิ้มออกมาอย่างน่ารักมากจนเขาอดใจแทบไม่ไหว
   
ทำไมเด็กอนุบาลมันน่ารักได้ขนาดนี้วะ
   
“เพราะผมโตแล้วไง มิสเตอร์ต้น ผมเป็นสิงโตตัวผู้ที่แสนอบอาบแล้ว”
   
ทอมปล่อยแขนออกจากตัวมิสเตอร์ต้นและยิ้มกว้างกว่าเดิม
   
“และผมก็จะไม่ให้มิสเตอร์ต้นต้องรู้สึกแดดเดียวอีกต่อไป!”
   
“…”
   
ต้นรู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกซาบซึ้งในความกระตือรือร้นของทอม แต่พอฟังที่ทอมพูดบ่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมูแดดเดียวมากกว่าเป็นคนโดดเดี่ยว
   
อย่างไรก็ตามนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ต้นสามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างได้หลังจากใช้เวลาคิดไตร่ตรองมาหลายวัน
   
“ทอม”
   
“อะไรเหรอ มิสเตอร์ต้น”
   
“นายอยากทำให้ฉันรู้สึกแดดเดียวน้อยลงไหม”
   
ต้นพูดด้วยสีหน้าจริงจังขณะที่จ้องหน้าเด็กอนุบาลที่ยังไม่รับรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง
   
“อื้อ! อยากสิ เพื่อมิสเตอร์ต้น ไม่ว่าอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้น”
   
ทอมตาโตรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ
   
“ทุกอย่างเลยใช่ไหม”
   
“อื้อ! ทุกอย่างเลย”
   
“งั้นนายต้องเป็นบอยเฟรนด์ฉัน”
   
“!!!!!!!!”
   
ทอมตาโตกว่าเดิมประมาณร้อยเท่าก่อนที่หน้าจะแดงเถือก
   
“มิสเตอร์ต้นพูดเล่นใช่ไหม”
   
ทอมพูดเสียงสั่นเอามือปิดปากทันทีเพราะเคยดูหนังแล้วคนที่เป็นบอยเฟรนด์ชอบกินปากกัน และเขาก็ยังไม่พร้อมให้มิสเตอร์กินปากเพราะมันโซสแครี่มาก
   
“ไม่ ฉันพูดจริง ทอม”
   
ต้นลูบหัวทอมอย่างเอ็นดูถึงแม้จะไม่เข้าใจนักว่าทอมมันปิดปากตัวเองทำไม
   
“แต่ แต่แด๊ดบอกว่าผมต้องชอบคนๆ นั้นมากๆ ก่อนถึงจะ..”
   
“แล้วนายชอบฉันไหมล่ะ ทอม”
   
“…”
   
ทอมหน้าแดงกว่าเดิมก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ
   
ซึ่งนั่นก็ทำให้มิสเตอร์ต้นยิ้มออกมาอย่างพอใจ
   
“งั้นก็ดีเพราะฉันก็ชอบนายเหมือนกัน”

===========

อยากเขียนตอนมิสเตอร์ต้นจุ๊บน้องแล้วอ่ะ มันต้องน่ารักมากแน่ๆ 55555555555

ปล. ไปเล่นแท็ก #มิสเตอร์ต้นโซคูล ในทวิตได้นะคะ  :mew1:

ไปทวงนิยายกันในนั้นได้นะคะ ก่อนที่น้องทอมจะโดนดองเค็มอีก  :z10:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-12-2018 07:33:04
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-12-2018 08:45:51
กินปากเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-12-2018 21:46:38
อย่าดองน้องเลยนะคะผิวน้องทอมจะเสียหมด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-12-2018 23:51:20
โหหหห มิสเตอร์ต้นฉวยโอกาสทำประตู โซคูลมากๆ ค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 12-12-2018 04:57:56
มิสเตอร์ต้นเป็นหมูแดดเดียวไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 26-01-2019 01:25:06
หืมมมม มิสเตอร์ต้น รีบจองเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 9 : บอยเฟรนด์ p.3 {3 ธ.ค 61 p.3}
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 28-01-2019 07:39:01
ได้โอกาสสสส  ขอเป็นบอยเฟรนแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนพิเศษสั้นๆ : ธนาคารปูม้ากับน้ำตาของทอม
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-02-2019 14:58:26
ตอนพิเศษ : นั้มตาของน้องทอม


 “ฮึก มิสเตอร์ต้น ผมไม่อยากสอบแกทไทยเลย!”

ทอมซึ่งหลบมุมมานั่งงอแงกับมิสเตอร์ต้นกันสองคน งอแงออกมาอย่างน่าสงสาร รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ไปรับปากแด๊ดว่าจะมาสอบแกทไทยให้ได้คะแนนเกินครึ่งแลกกับการที่มิสเตอร์ต้นจะไปทริปในวันหยุดด้วย

“ผม ผมลองฝึกทำมาเป็นเดือนแล้ว ผมยังทำไม่ได้เลย ฮืออ มิสเตอร์ต้นต้องอดไปทริปกับผมแน่เลย ผมขอโทษนะมิสเตอร์ต้น ฮึก ทั้งๆ ที่ผมวางแผนไว้แล้วแท้ๆ ”

“เฮ้ๆ ต่อให้ไม่ได้ไปทริปกับแด๊ดนาย เราก็ยังไปเที่ยวกันเองได้นะ ทอม”

ต้นลูบหัวทอมด้วยความสงสาร กับคนที่พูดยังพูดผิดๆ ถูกๆ ยังจะเอาปัญญาไหนไปทำแกทไทยเชื่อมโยงที่มีภาษาทางการยากๆ เต็มไปหมด ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงจะอ่านผ่านๆ แล้ววิเคราะห์เอาเพลินๆ แต่คงไม่ใช่กับทอมที่เวลาเจอภาษาไทยที่ไม่เคยเห็นยังต้องมานั่งสะกดทีละคำ ไหนจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ตัวเองเข้าใจมากกว่าเดิมอีก

เรียกได้ว่าการตัดสินใจลงสอบแกทของทอมครั้งนี้เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

“ฮึก แต่ว่าครั้งนี้แด๊ดบอกว่าจะพาไปอังกฤษ”

ทอมเงยหน้ามองมิสเตอร์ต้นทั้งน้ำตา

“ผมอยากพามิสเตอร์ต้นไปหาครอบครัวของผม”

ต้นชะงักมือที่ลูบหัวทอมและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่จับทอมกินซะตอนนี้ เพราะไอ้ลูกหมาแม่งโคตรน่ารักเลย

“นายทำได้อยู่แล้ว ทอม”

สุดท้ายต้นอดไม่ได้ที่จูบหน้าผากเด็กอนุบาลเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

“ขอบคุณที่เชื่อใจผมนะ มิสเตอร์ต้น”

ทอมยิ้มจนตาหยี รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที

“ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย!”




“……”

ทั้งๆ ที่ตอนยืนหน้าห้องสอบนั้น ทอมยังยืนอยู่อย่างมั่นใจด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมและเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมชั้นบางคนที่มาสอบเหมือนกันด้วยความกระตือรือร้นล้านแปด

หากแต่เมื่อได้ลองเปิดชุดข้อสอบดู ทอมก็เริ่มหน้าซีดเหมือนกับทุกครั้งที่ต้องอ่านข้อความภาษาไทยยาวๆ และมีศัพท์ทางการและอะไรไม่รู้ยากๆ เต็มไปหมด

การรณรงค์ลดการกินเค็ม..? การบริโภคอาหารเค็ม???

เพียงแค่ข้อความแรกๆ น้ำตาของทอมก็แทบจะแตกอีกรอบ เหมือนกับตอนอ่านกลอนคาบมิสซิสสมศรีที่ทอมไม่เคยอ่านได้คล่องสักที กระตุกทุกคำคล้ายกับพวกแผ่นเล่นเพลงตกร่อง

แต่พอนึกถึงหน้ามิสเตอร์ต้นทอมก็มีกำลังใจในการทำมากขึ้นก็เลยสามารถประคับประคองตัวเองให้อ่านข้อความต่อไปได้ ก่อนที่จะมาสะดุดกับเหล่าบรรดาโรคในข้อความ

มือขาวของทอมที่จับดินสอสำหรับร่างแผนภาพสั่นระริกไม่หยุด

มีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ทอมรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่ยากและหนักหนาสาหัสเหลือเกิน

ซึ่งนี่ก็คือช่วงเวลานั้นของทอม

ทอมพยายามอย่างยิ่งในการค้นหาศัพท์ภาษาไทยในหัวว่ารณรงค์กับบริโภคคืออะไร ไหนจะไตอีก แน่นอนว่าทอมนึกไม่ออกเลยมองข้ามความหมายของมันไปและลองวาดแผนตารางภาพคร่าวๆ ดู ตามที่มิสเตอร์ต้นเคยสอน

“…….”

ทอมมองสิ่งที่ตัวเองวาดด้วยความห่อเหี่ยวเพราะมันเชื่อมโยงกันน้อยมาก ทั้งๆ เป็นเรื่องเดียวกันเขากลับสามารถแตกออกมาได้ไม่กี่เส้นและยังไม่สามารถเชื่อมกลับไปได้ด้วย

ซึ่งทอมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักเนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำและเขาอ่านบทความไม่แตก เขามักจะพลาดอะไรบางอย่างในบทความเสมอเพราะแปลไม่ออก

ทอมจึงได้แต่ปลงและฟุ้งซ่านพักสมองสักพักไว้อาลัยให้กับคะแนนของตัวเอง

ทำไมถึงไม่มีให้สอบเขียนชื่อจริงมิสเตอร์ต้นนะ ถ้ามีเขาคงจะเต็มไปแล้ว!

ทอมแอบยิ้มในใจเพราะอย่างน้อยๆ ถึงแม้ภาษาไทยของเขาจะห่วยแตกแต่เขาก็สามารถเขียนชื่อมิสเตอร์ต้นที่สะกดยากๆ ได้ครบทุกคำและไม่ผิดสักตัว

ฟุ้งซ่านได้สักพักทอมก็กลับมาสู่โลกความจริงเพื่อที่จะพบกับสิ่งที่น่ากลัวกว่าเดิม

“!!!!!!”

กิจกรรมของธนาคารปูม้า????

ทอมตาโตกับคำว่าปูม้าเพราะไม่รู้จัก เดามั่วในใจว่าอาจจะเป็นปูที่หน้าตาเหมือนม้าแล้วธนาคารก็จับมาขายให้กับคนที่มาธนาคารเพื่อฝากเงิน

ป่าชายเลน?  ศูนย์การศึกษาพัฒนา?????

“ก็อด”

ทอมสบถกับตัวเองเสียงเบาซบหน้ากับฝ่ามือ น้ำตาคลออย่างท้อแท้ใจ

มิสเตอร์ต้นคงไม่ได้อังกฤษกับเขาแล้วจริงๆ


=========================

เห็นมีสอบแกทเชื่อมโยงแล้วอดแกล้งน้องทอมไม่ได้จริงๆ ค่ะ 555555555555

เอาจริงน้องคงไม่สอบเพราะเรียนภาคอินเตอร์รอดกว่าไทย Xd

สามารถไปเล่นแท็ก #มิสเตอร์ต้นโซคูล กันได้นะคะ  :กอด1:

ปล ตอนนี้มาให้อ่านขำๆ ก่อนตอนหน้าที่น่าจะ  :o8:








   




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนพิเศษสั้นๆ : ธนาคารปูม้ากับน้ำตาของทอม
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 24-02-2019 19:49:39
อยากหอมหัวน้องทอม คิดถึงเรื่องนี้มากๆนะคะ xoxo
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนพิเศษสั้นๆ : ธนาคารปูม้ากับน้ำตาของทอม
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-02-2019 20:24:38
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-02-2019 01:56:31
ตอนที่ 10

   
“วิน นายว่าช่วงนี้ทอมทำตัวแปลกๆ ไหม”
   
แจนนี่ป้องปากกระซิบกับวินซึ่งกำลังนั่งทำการบ้านคณิตในช่วงเวลาพักเบรก ขณะเดียวกันก็แอบมองทอมที่ตอนนี้นั่งทำหน้าประหลาดกับโทรศัพท์ของเจ้าตัว
   
แน่นอนว่าด้วยความที่ทอมก็คือทอม ไม่ว่าใครก็สามารถอ่านสิ่งที่ทอมคิดจากสีหน้าของทอมได้ ( ซึ่งก็มีกรณียกเว้นเฉพาะช่วงที่ทอมต้องแสดงอะไรสักอย่างซึ่งทอมก็มักจะแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ) แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติแล้วการอ่านความคิดทอมสำหรับทุกคนในกลุ่ม ‘รวยแล้วรักดอรี่’ ถือเป็นเรื่องง่ายมากเพราะรู้จักกันมานานพอสมควร แค่ทอมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกคนก็พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
   
“แปลกยังไง”
   
วินวางมือจากดินสอกดทันทีเมื่อได้ยินชื่อทอม
   
“ช่วงนี้ทอมตื่นเช้ากว่าปกติ”
   
“ก็ทอมมันจะมาหามิสเตอร์ต้นไง” วินหน้าหงิก “เด็กทุนนั่นมาโรงเรียนเช้าจะตาย ไม่รู้ว่ากลัวโรงเรียนหายหรืออะไร”
   
“นั่นแหละ ที่ฉันว่าแปลก” แจนนี่ยิ้มมีเลศนัยใส่วินที่ยังอารมณ์บูดและช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย “แล้วช่วงนี้ทอมยิ่งผิดสังเกตตอนที่เล่นโทรศัพท์แล้วหน้าแดงมาก ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทอมดูอะไรอยู่ แต่ฉันก็มั่นใจว่าคนอย่างทอมคนไม่ดูอะไรลามกแน่ๆ ”
   
วินดันแว่นที่ตกลงจากสันจมูกขึ้นและมองแจนด้วยความหงุดหงิดมากขึ้น
   
“เธออยากบอกอะไรฉันกันแน่ แจน”
   
“นายคิดว่าไงล่ะ ช่วงนี้ทอมมาโรงเรียนเช้าทุกวันแล้วก็ไปอยู่กับมิสเตอร์ต้นอะไรนั่นทั้งวัน เวลาอยู่กับพวกเราก็พูดถึงแต่มิสเตอร์ต้น กลัวมิสเตอร์ต้นแดดเดียว คือบอกตามตรงว่าฉันรู้สึกว่ามันมีซัมติงระหว่างสองคนนี้ว่ะ วิน”
    
“เธอกำลังจะบอกว่าทอมกับไอ้เด็กทุนนั่น…?”
   
วินค่อยๆ คิดตามก่อนจะเบิกตากว้าง
   
“นายเชื่อเซนส์ผู้หญิงไหมล่ะ วิน”
   
“เรื่องนี้เรื่องใหญ่เลยนะ! ทำไมทอมถึงไม่ยอมบอกฉันวะ!” วินแทบจะโยนโจทย์คณิตในมือทิ้ง และลากเก้าอี้ตัวเองไปนั่งข้างทอมที่ตอนนี้อ้าปากค้างเพราะตกใจกับอะไรในโทรศัพท์สักอย่าง
   
“โอมายก็อด ผม ผมกับมิสเตอร์ต้นต้อง ต้องแบบนั้นเหรอ!!”
   
ทอมพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นตระหนกเมื่ออ่านกระทู้พันทิป และมีคนพิมพ์ถึงเรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด แน่นอนว่าถึงแม้ทอมจะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการดูดอรี่และหนังที่ตัวเองชอบ แต่ทอมก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขั้นไม่รู้ว่าที่คนพิมพ์คุยกันหมายถึงอะไร
   
“แต่ผมกับมิสเตอร์ต้นเคยนอนด้วยกันแล้วนะ มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่นา”
   
ทอมยังคงคุยกับตัวเองเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
   
สำหรับทอมแล้วการที่ได้เป็นบอยเฟรนด์กับมิสเตอร์ต้นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญพอๆ กับการที่ดอรี่ได้ออกเป็นภาคแยกของตัวเองเลยทีเดียว
   
“อะไรนะ!!” วินกระชากไหล่ของทอมให้หันมาหาตัวเองทันที “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ ทอม”
   
“วิน! ผมกำลังใช้เวลาส่วนตัวของผมอยู่นะ!!”
   
ทอมขมวดคิ้วใส่วินอย่างไม่พอใจ
   
“เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ ทอม”
   
วินยังคงถามด้วยสีหน้าร้อนรน เพราะนี่มันข้ามขั้นเกินไปมากๆ เขาเพิ่งรู้ว่าทอมอาจจะเป็นแฟนกับมิสเตอร์ต้นเมื่อนาทีที่แล้ว และนาทีถัดมาคือรู้ว่าสองคนนี้นอนด้วยกันแล้ว!
   
ใบหน้าของวินซีดเผือด เมื่อนึกถึงหน้าพ่อของทอมที่หวงลูกชายตัวเองมาก เขาไม่อยากจะคิดเลยสักนิดว่าถ้าพ่อของทอมลูกว่าไอ้เด็กทุนนั่นงาบตัวเองแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
   
แย่ มันต้องแย่มากแน่ๆ !!!
   
“ผมจำไม่ได้แล้ว ก็วินมาขัดผมนี่นา” ทอมบ่นและหน้าบูดกว่าเดิมเมื่อถูกวินแย่งมือถือไปอ่านอย่างไร้มารยาท “วิน! ทำไมถึงทำตัวไร้มายาแบบนี้! ผมจะโกรธวินจริงๆ แล้วนะ!”
   
“ใจเย็นๆ นะทอม อีกอย่างนะนายด่าผิด ต้องด่าวินว่ามันไร้มารยาท”
   
แจนนี่รีบเข้ามาหาศึกทันที ดึงโทรศัพท์ทอมจากวินคืนให้ทอมและลูบหัวลูบหางทอม ที่ถ้ามองว่าเป็นลูกหมาโกลเด้นตอนนี้คงโกรธจนเห่าบ็อกๆ ไม่หยุด
   
“วินไร้มารยาท!”
   
คราวนี้ทอมสามารถพูดได้อย่างชัดเจน
   
“เออ ฉันขอโทษๆ ฉันตกใจมากไปหน่อย”
   
วินกระพริบตาปริบเหมือนเพิ่งได้สติ และพยายามง้อทอมที่ขึ้นชื่อว่าถ้างอนแล้วจะง้อยากมาก ซึ่งวินก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและการง้อแต่ละครั้งล้วนแต่ใช้เวลาหลายอาทิตย์
   
แน่นอนว่าปกติแล้ววินจะหลีกเลี่ยงการทำให้ทอมงอนแบบสุดๆ แต่นี่มันเหตุสุดวิสัยจริงๆ ยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าทอมได้เป็นตัวแทนขับเสภาให้ห้องอีก
   
“ทอมคือตอนนี้นาย.. นายเป็นแฟนกับมิสเตอร์ต้นแล้วใช่ไหม”
   
“ใช่ ผมกับมิสเตอร์ต้นเป็นบอยเฟรนด์กันแล้ว” ทอมหน้ายังคงหน้าบูด “แล้ววินก็อย่าเพิ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกใครด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธวินมากๆ ”
   
สาเหตุที่ทอมยังคงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะมิสเตอร์ต้นขอเอาไว้ เอาเข้าจริงแล้วทอมมองว่าการได้เป็นบอยเฟรนด์กันแบบลับๆ ก็ดูน่าสนุกดีเหมือนกัน
   
ใบหน้าของทอมขึ้นสีนิดๆ เมื่อนึกถึงตอนที่มิสเตอร์ต้นพยายามกินปากตัวเองในห้องสมุด ตอนที่ไม่มีใครมองและมืดมากๆ  ( ปกติแล้วทอมจะไม่เข้าห้องสมุดตรงมืดๆ เด็ดขาดเพราะกลัวผี )
   
“เออฉันไม่บอกใครหรอก ที่ฉันอยากรู้คือนายกับมิสเตอร์ต้น.. นอนด้วยกันแล้วงันเหรอ”
   
วินถามเสียงเบาในประโยคหลัง

“ใช่”
   
ทอมพยักหน้ายอมรับง่ายๆ แล้วยิ้มจนตาหยี
   
“เตียงมิสเตอร์ต้นไม่ค่อยนุ่มมากเท่าไหร่ แต่หมอนข้างมิสเตอร์ต้นอุ่นสุดๆ ไปเลย!”
   
ได้ยินทอมตอบแบบนั้นสีหน้าของวินก็ดีขึ้นมาทันตาเห็น เพราะพอจะสรุปได้ว่ามันยังไม่เกิดอะไรขึ้นกับทอมน้อยๆ ที่น่ารักของเขา
   
ซึ่งมันก็คงแค่ตอนนี้น่ะนะ
   
วินคิดด้วยความหดหู่ เพราะเขาพอจะมองมิสเตอร์ต้นอะไรนั่นออก มันต้องจับทอมกินสักวันเนี่ยแหละ ขนาดเขาที่พยายามจะเป็นพ่อทอม ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมทอมมันถึงได้น่ารักขนาดนี้ ถึงทอมจะพูดภาษาไทยได้ห่วยแตก ความคิดตรรกะดูประหลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทอมโคตรจะน่ารัก
   
บางทีนั่งๆ อยู่เขายังอยากเอามือไปขยำแก้มทอมเลย
   
“แล้วเมื่อกี้นายเข้าไปอ่านกระทู้ดันทิปทำไม”
   
วินถามอย่างสงสัย เพราะปกติทอมไม่ค่อยอ่านอะไรที่เป็นเว็ปบอร์ดภาษาไทยเท่าไหร่ ล่าสุดที่มิสซิสสมศรีให้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับกลอนแปดในกูเกิ้ล ก็โทรมาร้องไห้ใส่เขาเพราะแปลภาษาไทยเป็นไทยไม่ได้
   
“อ๋อ ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นแฟนกันน่ะ” ทอมตอบด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ “ผมแอบได้ยินพวกชมรมข้าวสารคุยกันว่าถ้าอยากรู้อะไรให้ถามดันทิป ผมก็เลยไปลองหาดู ซึ่งมันก็เวิร์คสุดๆ ไปเลย!”
   
“ทอม นายต้องอ่านดีๆ นะ เพราะในดันทิปน่ะ ชอบมีคำตอบแปลกๆ ด้วย”
   
หน้าวินเริ่มกลับมาซีดอีกรอบเพราะจำได้ว่าเมื่อกี้หัวข้อกระทู้ดันทิปชื่อว่า ‘เป็นแฟนกันนี่ต้องทำอะไรบ้างครับ ถามผู้ชาย 18+’
   
“แปลกตรงไหน ผมว่าคำตอบดีจะตายนะ วิน” ทอมพูดอย่างตื่นเต้น “ผมกับมิสเตอร์ต้นน่ะ ทำเกือบครบหมดแล้ว ทั้งจับมือ หอมแก้ม จูบ เหลืออันสุดท้ายคือผมกับมิสเตอร์ต้นต้องนอนโป๊ด้วยกัน”
   
ทั้งวินทั้งแจนนี่ตาโตก่อนที่แจนจะรีบล้วงเอายาดมยี่ห้อดังมาแบ่งให้ทั้งตัวเองและวินดมเป็นการด่วน
   
เพราะนี่เป็นวาระสำคัญของกลุ่ม ‘รวยแล้วรักดอรี่’ มากจริงๆ
   
“นาย นายแน่ใจเหรอ ทอมว่าอ่านถูกแล้ว”
   
แจนนี่เป็นคนคุยต่อเพราะวินทำท่าจะเป็นลมไปแล้ว เนื่องจากเรื่องในวันนี้มันถาโถมใส่วินมากเกินไป วินคนที่เคยเป็นหัวหน้าห้องคนคูลตอนนี้เลยมีสภาพไม่ต่างจากปลาตากแห้งย่านบางแสน
   
“ถูกสิ แจนนี่” ทอมพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “ผมรู้นะว่าจุดจุดจุดที่ทุกคนพิมพ์ในกระทะหมายถึงอะไร”
   
“กระทู้ ทอม กระทู้”
   
หนึ่งในหน้าที่สำคัญของสมาชิกกลุ่มนี้คือต้องคอยแก้ภาษาไทยให้ทอมที่ไม่เคยดีขึ้นสักที
   
“นั่นแหละ” ทอมรับคำเขินๆ “แต่ผมแอบไม่เข้าใจนะแจนนี่ ว่าทำไมทุกคนถึงบอกให้ไปเตะบอลก่อนที่เราจะโป๊ด้วย”
   
หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มกระแอมหนักๆ ด้วยความเขินที่ต้องมาเป็นคนอธิบายเรื่องนี้ให้ทอมฟัง “ไอ้เรื่องเตะบอลน่ะ ช่างมันเถอะ ทอม แต่ทำไมนายถึงคิดว่าไอ้จุดจุดจุดเนี่ยถึงหมายถึงนอนโป๊ด้วยกัน”
   
“ก็ผมดูหนังรักแล้วมันชอบมีฉากแบบนั้นนี่นา” ทอมหน้าแดง “พวกเขากินปากกันเสร็จแล้วภาพก็ตัดมาที่โป๊เลย”
   
“…”
   
อยู่ๆ แจนนี่ก็รู้สึกอิจฉาวินเหลือเกินที่กลายเป็นของดีบางแสนไปแล้ว ซึ่งเธอก็ต้องยอมรับว่าตอนแรกเธอก็ไม่ได้ชอบมิสเตอร์ต้นอะไรมากมาย ออกจะอคติด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตามเธอก็รักทอมของเธอมากกว่า
   
ฉะนั้นถ้าทอมชอบมิสเตอร์ต้นอะไรนั่นมาก เธอก็จะพยายามทำใจยอมรับมิสเตอร์ต้นเหมือนกัน แม้ว่ามิสเตอร์ต้นจะไม่มีอะไรเข้าข่ายคอนเซ็ปต์กลุ่มตลอดกาลอย่าง ‘รวยไม่เลิก’ เลยก็ตาม
   
“แล้วนายอยากจะจุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้นไหมทอม”
   
ถ้านี่เป็นการ์ตูน แจนนี่ค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้จะมีขีดสามขีดประดับอยู่บนหัวเพราะเธอไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมตัวเองต้องมาเป็นที่ปรึกษาด้านเพศให้กับทอมด้วย!
   
“แจนนี่! ถามแบบนี้กับผมไม่ได้นะ” ทอมตาโตหน้าแดงเถือก “ผมไม่บอกหรอก”
   
“อยากสินะ” แจนพยักหน้าง่ายๆ ด้วยสีหน้าปลงตก “แต่ฉันอยากจะเตือนนายหน่อยนะว่าอย่าให้แด๊ดนายรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
   
“เรื่องที่ผมอยากจุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้นน่ะเหรอ”
   
“ไม่ใช่! ฉันหมายถึงเรื่องที่นายเป็นบอยเฟรนด์กับมิสเตอร์ต้นต่างหากล่ะ”
   
แจนนี่กุมขมับ พยายามดมยาดมที่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักนิดเพราะเรื่องนี้มันเกินเบอร์ที่เธอรับได้ไปมากจริงๆ ถึงเธอจะพอเดาได้ก็เถอะว่าทอมกับมิสเตอร์ต้นเป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าทอมก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน  เห็นน่ารักไปวันๆ แบบนี้ก็รู้จักทำอะไรแบบนั้นด้วย
   
“พ่อนายรู้ มิสเตอร์ต้นตายแน่ทอม”
   
แจนนี่จับไหล่ทอมและพูดช้าๆ ชัดๆ พยายามย้ำเตือนคนที่ให้ความสำคัญกับดอรี่แทบจะมากที่สุดในชีวิตให้ใส่ใจชีวิตของนักเรียนทุนที่น่าสงสารนั่นด้วย
   
“ผมรู้หรอกน่า” ทอมหน้ายู่ เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าเขาไม่รู้นิสัยแด๊ดตัวเอง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วของรู้จักแด๊ดของตัวเองเป็นอย่างดี อย่างแรกเลยคือแด๊ดของเขาเป็นคนหวงลูกมากโดยเฉพาะกับเขาที่เป็นลูกคนสุดท้อง แด๊ดกับพี่ชายแย่งกันตามใจเขาเพราะอยากให้เขาโตมามีความสุขที่สุด
   
ซึ่งทอมก็ยอมรับว่าตัวเองโตมาด้วยความสุขดีและความรักที่ล้นเหลือ จนทอมรู้สึกว่าตัวเองนั้นสมควรที่จะส่งมอบความรักของตัวเองให้กับคนอื่นบ้าง แต่น่าเสียดายที่แด๊ดของทอมนั้นไม่ใจดีขนาดนั้น เพราะทุกครั้งที่รู้ว่าทอมมีคนที่ชอบหรือจะมีแฟนก็จะเรียกไปรับประทานอาหารดินเนอร์สุดหรูกับครอบครัว
   
แต่สำหรับคนทั่วไปก็รู้กันดีว่ามันคือการเรียกไปเชือดที่คฤหาสน์หลังงาม
   
แน่นอนว่าไม่มีใครหน้าไหนทนแรงกดดันจากนักธุรกิจหมื่นล้านกับนักศึกษาปริญญาโทได้ ทำให้ทอมถึงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที
   
“ยังไงซะ ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้แด๊ดกับพี่มารังแคมิสเตอร์ต้นแน่!”
   
“แต่ฉันจะรังแกเธอแน่ ทอม ถ้าเธอกับเพื่อนๆ ของเธอยังไม่เลิกคุยกัน”
   
น้ำเสียงเย็นเยือกเอ่ยที่แสนคุ้ยเคยทำเอาทอมที่นั่งดี้ด้าเผลอสะดุ้งสุดตัวและนั่งหลังตรงตามสัญชาตญาณ ใบหน้าค่อยๆ ซีดเผือดลงอย่างน่าสงสาร
   
เพราะคนที่พูดภาษาไทยด้วยอักขระชัดเจนราวกับหลุดมาจากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานในชีวิตทอมนั้นมีอยู่ไม่กี่คนหรอก!
   
“ขอโทษครับ อาจารย์สมศรี”
   
ทอมนวดมือตัวเองด้วยความกลัวและประหม่า สำหรับทอมแล้ววิชาภาษาไทยนั้นเป็นวิชาที่น่ากลัวยิ่งกว่าหนังผีเรื่องดังซะอีก ซึ่งด้วยความที่ทอมค่อนข้างวิตกวิชานี้มากทำให้ทอมมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตก่อนที่จะมาเรียนวิชานี้ในการเตรียมตัวภาษาไทย
   
แต่แน่ล่ะ วิชาที่ทอมไม่ถนัดก็คือวิชาที่ทอมไม่ถนัด
   
นอกจากคำว่าอาจารย์สมศรีที่ทอมใช้เวลาจำเป็นอาทิตย์ ทอมก็ไม่สามารถจำอะไรได้แล้ว
   
ส่วนวินและแจนนี่ก็รีบพากันเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างไปนั่งที่ตัวเอง ซึ่งทั้งสามคนก็เพิ่งรู้ตัวว่าหมดเวลาเบรกไปได้สักพักแล้ว ฉะนั้นการนั่งคุยเล่นเกินเวลาเมื่อกี้จึงถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก
   
เพราะมิสซิสสมศรีนั้นเป็นคนที่เจ้าระเบียบและเคร่งครัดเรื่องเวลาที่สุด!
   
“ทอม ในเมื่อเธอคุยเล่นจนไม่รู้เวลา อาจารย์ก็คงต้องทำโทษเธอตามบทลงโทษที่อาจารย์เคยพูดไว้นะคะ”
   
มิสซิสสมศรีดันแว่นขึ้นและใช้สายตาคมกริบมองทอม
   
“เริ่มท่องได้ค่ะ”
   
“..ครับ”
   
ถ้าหากมิสเตอร์ต้นมาเห็นทอมตอนนี้ก็คงจะจำไม่ได้ เพราะทอมที่มักจะดี้ด้าล้านแปดนั้นตอนนี้คือซีดมาก กลายเป็นลูกหมาที่หมดอาลัยตายอยากและใกล้ตายเต็มทน
   
“..ว่าพลางทางชมคะน้านก”
   
“คณาค่ะ ทอม อาจารย์ว่าอาจารย์กำชับให้ทอมกลับไปท่องมาแล้วนะคะ” แน่นอนว่ามิสซิสสมศรีไม่ค่อยพอใจกับผลการเรียนภาษาไทยของทอม เพราะมันแย่และต่ำกว่าเกณฑ์ไปมาก เธอจึงพยายามเร่งรัดให้ลูกศิษย์คนนี้ตั้งใจอ่านหนังสือวิชานี้มากขึ้นเพื่อที่เกรดเทอมนี้จะไม่แย่เกินไปนัก
   
“ครับ ขอโทษครับ”
   
ทอมสะดุ้งและพยายามท่องใหม่อีกสองสามรอบ ซึ่งก็ยังผิดอยู่ดีจนมิสซิสเริ่มสมศรีสงสารและยอมปล่อยไปเพื่อที่จะได้เริ่มต้นเรียนบทใหม่ที่มีความยากมากกว่าเดิม
   
“..วิน”
   
หลังจากเริ่มเรียนไปได้ไม่ถึงสิบนาที ทอมก็เอ่ยเรียกเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
   
“ถ้าผมตาย.. ฝากบอกมิสเตอร์ต้นด้วยว่าผมอยากเป็นสมานของมิสเตอร์ต้น”
   
“สมร ทอม สมร”
   
วินที่นั่งเหม่อมาได้สักพักถึงกับหลุดขำออกมา
   
“นายอยากเป็นนางอันเป็นที่รักว่างั้น”
   
“ผมจะตายแล้ว วิน ฮึก ผมจริงจังนะ ถ้าผมตายช่วยบอกมิสเตอร์ต้นด้วยว่าผมชอบมิสเตอร์ต้นมาก”
   
“ทอม ดูเหมือนว่าคุณจะสามารถตอบคำถามนี้ได้นะคะ เดี๋ยวอาจารย์รบกวนลุกขึ้นตอบด้วยค่ะ”

   
ใบหน้าน่ารักของทอมซีดกว่าเดิมจนวินแทบจะมองทอมผิดว่าเป็นวิญญาณมาเรียน เพราะกายหยาบของทอมนั้นได้ตายไปตั้งแต่ที่อาจารย์สมศรีเข้ามาในห้องแล้ว
   
“ครับ”
   
ทอมรับคำเสียงแผ่ว
   
มั่นใจว่าถ้าคาบหน้ายังต้องเรียนภาษาไทยอีกต้องเผลอร้องไห้ออกมาแน่ๆ


   

“เอ่อ ทอม ไปทำอะไรมาน่ะ”
   
ต้นถามทอมที่ตอนนี้ยังนั่งซึมไม่หาย ทั้งๆ ที่เขานั้นลุกไปหยิบเอาไอศครีมรสช็อกโกแลตที่ทอมชอบมาแล้ว ทอมก็ยังไม่ยอมกิน ดูน่าสงสารจนต้นทนแทบไม่ได้
   
ใครมันทำอะไรเด็กอนุบาลของเขาวะเนี่ย
   
“..ฮึก มิสเตอร์ต้น ผมว่าผมกำลังจะตาย”
   
ทอมฟูมฟายออกมาอย่างน่าสงสาร แต่ก็ยอมตักไอศกรีมเจ้าดังยี่ห้อโปรดของตัวเองเข้าปากโดยหวังเล็กๆ ว่าความหวานจะช่วยให้อารมณ์ที่เศร้านี้ดีขึ้นได้บ้าง
   
แต่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด
   
เพราะหัวใจน้อยๆ ของทอมก็ยังเศร้ามากๆ อยู่
   
“เป็นอะไร” ต้นขมวดคิ้วเริ่มรู้สึกเป็นห่วงลูกหมาของตัวเองอย่างจริงจัง “อย่าบอกนะว่านายไปใจแตกอะไรมาอีก”
   
“ผมไม่ได้ใจแตก มิสเตอร์ต้น” ทอมสูดหายใจฟึดฟัด นัยน์ตาสีฟ้าสดใสแดงก่ำอย่างน่าสงสาร “อาทิตย์หน้ามีสอบภาษาไทยอีกแล้ว แต่ผมไม่เข้าใจมันเลย”
   
เห็นสีหน้าลูกหมาหาแม่ไม่เจอของทอม ต้นก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวทุยๆ ไม่ได้
   
“งั้นให้ฉันติวให้ไหม”
   
“จริงเหรอมิสเตอร์ต้น!”
   
ทอมเงยหน้ามองมิสเตอร์ต้นอย่างมีความหวังทันทีด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ ดีใจมากที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับมิสเตอร์ต้นจนลืมไปแล้วว่าตัวเองเพิ่งเศร้ามากเมื่อกี้
   
“จริงสิ เกรดฉันมันก็ไม่ได้แย่ทุกวิชาหรอกน่า ทอม”
   
ต้นหลุดยิ้มเมื่อทอมกลับมาดี้ด้าเหมือนเดิม
   
“งั้นผมไปติวที่บ้านมิสเตอร์ต้นได้ไหม ผมอยากไปเที่ยวบ้านมิสเตอร์ต้นอีก”   
   
“ติวน่ะติวได้ แต่นายต้องไปขอพ่อนายก่อนที่จะมาบ้านฉัน”
   
สุดท้ายต้นก็อดไม่ได้ที่จะดึงแก้มทอมเบาๆ
   
น่ารักว่ะ..
   
ทำไมเด็กอนุบาลมันน่ารักได้ขนาดนี้วะ
   
“ผมเป็นลูกสิงโตที่โตแล้วนะ มิสเตอร์ต้น ผมสามารถออกจากฝูงของผมมาใช้ชีวิตอย่างสันดารได้แล้ว!”
   
“สันโดษ ทอม สันโดษ”
   
ต้นหลุดหัวเราะ รู้สึกหมั่นเขี้ยวทอมมาก นึกเสียใจที่ตัวเองพาทอมมานั่งไอติมซะกลางโรงอาหาร ไม่อย่างนั้นคงจะได้ ‘กิน’ ปากทอมแน่นอน
   
“นั่นแหละ” ทอมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ แดงเถือก เมื่อนึกถึงกระทู้ที่ตัวเองเพิ่งอ่านไปตอนเช้า “มิสเตอร์ต้น”
   
“ครับ”
   
“ถ้าผมไปบ้านมิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นจะจุดจุดจุดกับผมไหม”   
   
“…”

ต้นกระพริบตาปริบ ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปรึเปล่า

“อะไรนะ ทอม”

“ผมถามว่ามิสเตอร์ต้นจะจุดจุดจุดกับผมไหม”

ต้นขมวดคิ้วมุ่น

“จุดจุดจุดของนายนี่หมายถึงอะไร”

ทอมหน้าบูด เพราะเขาเขินจะตายอยู่แล้ว แต่มิสเตอร์ต้นกลับไม่ยอมเข้าใจสักทีว่าเขาหมายถึงอะไร!

“ก็นอนโป๊กับผมไง! ผมไปอ่านมาในกระทะ เขาบอกว่าถ้าเป็นบอยเฟรนด์กันแล้วต้องจุดจุดจุดกัน”

“นอนโป๊?” ต้นทวนคำพูดทอมก่อนจะพยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองหลุดขำออกมา เนื่องจากสิ่งที่ทอมเข้าใจกับความเป็นจริงนั้นคนละเรื่องกันเลย

“แล้วนายอยากจุดจุดจุดกับฉันไหมล่ะ ทอม”

ต้นเลือกที่จะถามเด็กอนุบาลกลับ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองกำลังล่อลวงทอมอยู่ อย่างไรก็ตามต้นก็ยังจำได้ว่าล่าสุดตัวเองต้องสวดมนต์ทั้งคืน เพราะมือของทอมนั้นซนมากเกินไปจริงๆ

“ฮื่อ ถึงมันจะน่าอาย แต่ถ้าเป็นมิสเตอร์ต้น ผมยอมก็ได้”

ทอมหน้าแดงก่ำขณะที่พูดโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองนั้นได้ก้าวเข้าถ้ำเสือเข้าไปครึ่งก้าวแล้ว

“งั้นวันศุกร์นี้ก็ไปค้างที่บ้านฉันแล้วกัน”

ต้นคลี่ยิ้มออกมาขณะที่วางแผนลางานพิเศษวันศุกร์และเสาร์ในใจ

“อย่าลืมขอแด๊ดของนายด้วยล่ะ”

“ผมบอกแล้วไง มิสเตอร์ต้น ว่าผมเป็นลูกสิงโตที่แสนอบอาบ” ทอมยิ้มจนตาหยี “ผมโตแล้วมิสเตอร์ต้น และผมก็ไปบ้านมิสเตอร์ต้นเพื่อติวภาษาไทยของมิสซิสสมศรีด้วย แด๊ดต้องภูมิใจในตัวผมมากแน่ๆ ที่ผมรักในการเรียนภาษาไทยขนาดนี้”

“ใช่ แด๊ดต้องภูมิใจในตัวนายมากแน่นอน”

ต้นลูบหัวทอมอย่างเอ็นดู

ยังไงซะต่อให้วันศุกร์ที่จะถึงนี้ไม่เกิดอะไรขึ้น

ขอแค่เขาได้ ‘กิน’ ปากทอมมากปกติหน่อย

เขาก็พอใจมากๆ แล้ว!


======

แอบมาอัพ  :m7:

ตอนนี้มีแท็ก #มิสเตอร์ต้นโซคูล  แล้ว สามารถไปคุยเล่นกันที่นั่นได้นะคะ  :z10:
   

   

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-02-2019 06:23:15
กรี๊ดดดด มาในสัปดาห์เดียวกันสองตอน พร้อมระเบิด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: นลิน ที่ 28-02-2019 07:12:49
 :hao3:มิสเตอร์ต้นชัดเจนมากนะคะ ชอบน้องก็ต้องรีบเนอะ อยากจะคีสบอยเฟรนด์ คนมองน้องเยอะแต่น้องไม่รู้แค่นั้นเอ้งงงง ดีที่พ่อวินไม่ม่านานนะคะ พ่อหวงลูกแต่ทนเห็นลูกไม่กินข้าวไม่ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-03-2019 03:39:19
เธอมันร้ายมิสเตอร์ต้น  ล่อลวงเก่งงงมากคุณแม่หวงน้องจังเลยค่ะโดนหลอกกินปากไปกี่ครั้งแล้วลูกกกกกก :ซูโม่: : :hao3::
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-03-2019 21:52:18
มิสเตอร์ต้นทำไมต้องหลอกล่อน้องด้วย
ไปนอนรอบนี้จะได้ติวจริงไหมล่ะนั่น

ทอมน่ารักจริงเลย ทำไมซื่อแบบนี้นะ
ชอบความคิดซื่อๆ เด๋อๆ ที่บ้านก็สอนโอเคเลยค่ะ
แล้วเป็นคุณหนูน่าถนอมด้วยไง อยากจะจับฟัด

ทอมไปชวนต้นจุดจุดจุด ไปจุดประกายเค้าทำไม คนเรา

ชอบที่เพื่อนในกลุ่มเอ็นดู และเข้าใจความเป็นทอม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 07-03-2019 17:02:23
ชั้นหลงรักน้องทอมมากๆๆ

 :o8: ถ้าชั้นเป็นมิสเตอร์ต้น

จะไม่แค่กินปากน้องหรอกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 01-05-2019 22:39:17
มิสเตอร์ต้นไปวิ่งเล่นที่ไหนน้าพาทอมกลับมาเร้ววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-05-2019 22:51:58
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-05-2019 21:28:18
คิดถึงทอมน้อยละะะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 08-05-2019 22:26:24
น้องทอมลูกกกกกกกก คือหลังจากตัดฉากเข้าโคมไฟ และก่อนฉากนอนโป๊ด้วยกัน

มันมีช่วงเวลามิติลี้ลับอยู่ลูกกกกกก :z3:

ไม่ชวนผู้ชายจุดจุดจุดนะลูก  :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-05-2019 18:20:45
นานจนเผลอคิดไปว่า ทอมกับต้นเรียนจบมหาลัยไปแล้ว 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 10 : จุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้น? p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2019 00:28:53
นอนโป๊อย่างเดียวเนี่ยนะทอมมมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-05-2019 00:01:36
ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทยกับมิสเตอร์ต้น


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเพราะเพียงแค่ชั่วพริบตาก็เป็นวันศุกร์ซะแล้ว หนำซ้ำทอมยังมาถึงบ้านมิสเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
   
“นี่เป็นครั้งที่สองแล้วสินะ ที่ผมได้มาบ้านมิสเตอร์ต้น!”
   
ทอมเคยตื่นเต้นยังไงตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นยังงั้น ดีใจสุดๆ ที่ได้มาเยี่ยมเยียนบ้านมิสเตอร์ต้นอีกแม้ว่าจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้จะคือการติววิชาที่ทอมเกลียดที่สุดก็ตาม
   
และแน่นอนว่าการมาครั้งนี้ทอมมาด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป
   
จากเบสเฟรนด์เป็นบอยเฟรนด์…
   
ทำให้มิสเตอร์ต้นได้ตระเตรียมอะไรบางอย่างไว้ให้ทอมด้วย
   
“โด่ง!! บ้านมิสเตอร์ต้นมีโด่งแล้ว!!” ทอมตาโตพูดออกมาด้วยความดีอกดีใจ “ผมจะได้แช่โด่งแล้ว!”
   
“โอ่ง ทอม อีกอย่างเขาไม่ได้ให้แช่ เขาให้ตักอาบ”
   
ต้นแก้ให้ทอมยิ้มๆ รู้สึกหายเหนื่อยที่อุตส่าห์ไปขอมาจากลุงข้างบ้านที่รู้จัก ซึ่งมันก็หนักมากแต่ก็ช่วยไม่ได้ อยากเอาใจเด็กอนุบาลก็เลยยอมทนเหนื่อยดู ดีหน่อยที่โอ่งอันนี้ไม่ใหญ่มาก
   
“งั้นอันนี้ก็คือคันใช่ไหมมิสเตอร์ต้น!”
   
ทอมหยิบขันสีฟ้าขุ่นๆ ขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
   
“ขัน” ต้นพยายามแก้ให้แต่ทอมก็ไม่สนใจอยู่ดี ถ่ายรูปโอ่งไปอวดพ่อไม่หยุดราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่โอ่งที่เคยใช้เลี้ยงปลาหางนกยูงเท่านั้น
   
“มิสเตอร์ต้น ผมดีใจมากๆ เลยที่มิสเตอร์ต้นใจดีกับผมขนาดนี้”
   
ทอมน้ำตารื้นถลาวิ่งเข้ากอดมิสเตอร์ต้น รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตัวเองได้รู้จักกับมิสเตอร์ต้น ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสามัญชนทั่วไป เขาคงจะหาจากที่ไหนไม่ได้แล้วจริงๆ !
   
“อย่าเวอร์น่า ไปเปลี่ยนชุดไป เดี๋ยวพาไปกินขนม”
   
ต้นหัวเราะแล้วแย่งกระเป๋านักเรียนทอมมาถือ และลากเด็กอนุบาลไปปล่อยไว้ในห้องน้ำให้เปลี่ยนชุด ส่วนตัวเองก็มาเปลี่ยนข้างนอกโดยหยิบเสื้อสีดำที่ตากๆ ไว้มาใส่
   
รออยู่สักพัก ทอมก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จ เป็นชุดเสื้อกางเกงขาสั้นที่แค่เห็น ต้นก็เผลอกลืนน้ำลายเอือก
   
เด็กอนุบาลนี่แต่งตัวเก่งเป็นบ้า
   
“ไปกันเถอะ มิสเตอร์ต้น! ผมพร้อมจะผจญภัยแล้ว!”
   
ทอมตอนนี้แทบอยู่ไม่สุข ตื่นเต้นขั้นสุดที่จะได้ไปเที่ยวกับมิสเตอร์ต้น ถึงจะไม่รู้ว่าที่ไหนก็เถอะ แต่เขาก็สัมผัสได้ว่ามันต้องสนุกและน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ
   
“ทอม”
   
“อะไรเหรอ มิสเตอร์ต้น” ทอมเอียงคอเดินไปหามิสเตอร์ต้นงงๆ ก่อนที่จะหน้าแดงเถือก ตอนที่มิสเตอร์ต้นก้มลงมาหาตัวเอง และ ‘กินปาก’ อีกแล้ว!
   
“อื้อ”
   
ทอมหลับตาหยีไม่กล้าลืมตามองมิสเตอร์ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิสเตอร์ต้นทำ และมันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกมากๆ ด้วย
   
“..มิสเตอร์ต้น”
   
ทอมที่โดนมิสเตอร์ต้นกินปากจนแข้งขาอ่อน พึมพำเรียกมิสเตอร์ต้นเสียงแผ่ว
   
“ว่า”
   
ต้นตอบ ทั้งๆ ที่ยังคลอเคลียอยู่ซอกคอทอม ยังคงติดใจสัมผัสนุ่มนิ่มของเด็กอนุบาลที่โคตรจะเชิญชวนให้เขาลองชิมทอมทั้งตัว แต่ติดที่ว่าเขากลัวจะทำเด็กอนุบาลร้องไห้ตอนช่วงหลังนอนโป๊เนี่ยแหละ
   
เพราะเขาโคตรจะมั่นใจเลยว่าทอมมันต้องตกใจมากแน่ๆ
   
“คราวหลังถ้ามิสเตอร์ต้นจะคิสผม มิสเตอร์ต้นต้องขออนุญาตผมก่อนนะ”
   
ทอมก้มหน้างุดหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับมิสเตอร์ต้นด้วยความขวยเขิน
   
ทั้งๆ ที่เคยคิดว่าการกินปากนั้นจะน่ากลัวมาก แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด  หนำซ้ำมันยังทำให้หัวใจเขาเต้นแรงมากๆ ด้วย
   
“ทำไม?”
   
ต้นถามด้วยความงุนงง เพราะปกติทอมก็ยอมง่ายๆ ทุกครั้ง ถึงจะขัดขืนนิดๆ ก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่นับว่าเป็นการขัดขืนหรอก ในเมื่อสุดท้ายทอมก็ดูจะแฮปปี้กับมันอยู่ดี
   
“มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ”
   
“ปกติน่า นายก็แค่เขิน”
   
“แต่ แต่ผมรู้สึกแปลกมากเลยนะ มิสเตอร์ต้น” ทอมพยายามอธิบายอาการแปลกๆ ของตัวเองให้มิสเตอร์ต้นฟังด้วยความจริงจัง ราวกับว่ามิสเตอร์ต้นนั้นเป็นแพทย์สักคนที่สามารถวินิจฉัยอาการของตัวเองได้  “ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย! มันหวิวๆ แปลกๆ เหมือนกับตอนที่ผมเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์เลย แล้วหัวใจผมก็เต้นแรงมากๆ ด้วย ผม ผมไม่สบายรึเปล่า มิสเตอร์ต้น”
   
หลังจากพูดจบทอมก็พยายามเค้นข้อมูลทุกอย่างในหัวออกมา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เพราะในหัวทอมช่วงนี้ก็มีแต่เรื่องมิสเตอร์ต้นกับภาษาไทยของมิสซิสสมศรีเท่านั้น ทอมจึงคิดอะไรไม่ออก แล้วคิดเองเออเองว่าตัวเองอาจจะไม่สบาย แล้วที่สำคัญคือตรงนั้นของเขาก็รู้สึกแปลกๆ ด้วย!
   
แน่นอนว่าทอมไม่ได้บอกอาการทั้งหมดของตัวเองออกไป เพราะยังรู้สึกเขินมิสเตอร์ต้นอยู่ ถึงจะได้เป็นบอยเฟรนด์กันแล้วก็เถอะ แต่เขาก็ไม่กล้าบอกทุกเรื่องกับมิสเตอร์ต้นหรอก
   
“..ฉันว่าฉันรู้นะ”
   
ต้นกระพริบตาปริบงุนงงอยู่สักพักก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ของทอมอย่างรวดเร็ว ว่าทอมนั้นเป็นอะไรกันแน่ และมันก็ยังเป็นอาการเดียวกับเขาซะด้วย
   
“จริงเหรอ มิสเตอร์ต้น! ผมเป็นอะไรเหรอ”
   
“…เดี๋ยวฉันบอกตอนดึกๆ แล้วกัน”
   
เห็นหน้าซื่อๆ ของทอม ต้นก็พูดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องที่โคตรธรรมชาติเลย แล้วเขากับทอมยิ่งเป็นวัยกลัดมันด้วย นิดๆ หน่อยก็ขึ้นแล้ว แต่ทอมมันเด็กอนุบาลไง จะให้เขาพูดตรงๆ ก็กระดากปาก
   
ให้รู้ทีเดียวตอนดึกเลยดีกว่า
   
“แต่ผมอยากรู้เลยนี่นา”

ทอมบ่นอุบ

“ถ้าบอกตอนนี้ ไม่พาไปกินขนมนะ”

แน่นอนว่าพอมาคบกันได้สักพัก ต้นก็เริ่มจับทางทอมได้ว่าทอมชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งของหวานก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทอมที่จะขาดไปไม่ได้เลย จนเขาแอบกลัวว่าทอมอาจจะได้ตัดขาก่อนเรียนจบม.ปลาย เพราะกินหวานมากเกินไป

“มิสเตอร์ต้นขี้โกง!”

ทอมโวยวายหน้ายู่

“เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้เองน่า ทอม เชื่อฉันเถอะว่านายยังไม่อยากรู้ตอนนี้หรอก”

ต้นพยายามตะล่อมทอมให้ออกไปกินข้าวกินขนมก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าคืนนี้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ แล้วทอมร้องไห้ เขาจะได้ไม่รู้สึกผิดเกินไปนัก

“ยิ่งพูดอย่างนี้ ผมก็ยิ่งอยากรู้สิ”

ทอมบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมเดินแถ่ดๆ ตามหลังมิสเตอร์ต้นไปซ้อนบนเศษเหล็กวิ่งได้ที่ทอมตื่นเต้นจนเลิกตื่นเต้นแล้ว เพราะมันเป็นเศษเหล็กที่สามารถปั่นได้จริงๆ

“มิสเตอร์ต้นๆ ”

“อะไร”

“ผมซื้อจักรยานให้ใหม่เอาไหม”

“มันยังปั่นได้น่า” ต้นขมวดคิ้วมุ่น อย่างไรก็ตามถึงแม้ไอ้จักรยานนี่จะกรังไปหน่อย แต่มันก็เป็นจักรยานคู่บุญเขามาได้สองสามปีแล้ว ก็ต้องผูกพันก็เป็นธรรมดา

“แต่มันใกล้จะเป็นเศษเหล็กแล้วนะ มิสเตอร์ต้น” ทอมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะจักรยานของมิสเตอร์ต้นนั้นส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดน่าขนลุกไม่หยุดเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังส่งเสียงน่ากลัวอยู่ “ผมยังไม่อยากให้มิสเตอร์ต้นได้รับเอ่อ.. อุบาสิกา? ใช่ อุบาสิกา!”

ทอมพูดเสียงดังลั่นด้วยความมั่นใจ เพราะคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินแม่ตัวเองพูดมาก่อน

ต้นที่ปั่นๆ อยู่แทบจะชนกับต้นไม้ข้างทาง

“อุบัติเหตุก็พอ ทอม ตอนนี้ฉันจะได้ตายเพราะนายแทนเนี่ยแหละ” ต้นหลุดขำพรืดใหญ่ออกมา เพราะรอบนี้คำผิดของทอมคือไปไกลมาก แล้วเป็นคำผิดที่อาจจะทำให้เขาไม่ได้ขึ้นสวรรค์ซะด้วย

“มิสเตอร์ต้น! ไม่ตลกเลยนะ ผมพูดเพราะเป็นห่วงมิสเตอร์ต้นนะ”

คนโดนขำหน้าเสียและน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ

“โอเคๆ เดี๋ยวเงินเดือนออกรอบหน้า ฉันไปซื้อใหม่ก็ได้ พอใจนายไหม ทอม”

“ให้ผมซื้อให้ใหม่ให้ก็ได้ ผมอยากซื้อทุกๆ อย่างให้มิสเตอร์ต้นเลย ทั้งจักรยาน ทั้งชุดนักเรียน ถ้ามิสเตอร์ต้นอยากได้อะไร มิสเตอร์ต้นบอกผมได้นะ”

แน่นอนว่าทอมไม่เข้าใจความลำบาก เพราะไม่เคยสัมผัสความลำบากมาก่อน ตลอดชีวิตอยู่แต่ในสังคมที่ร่ำรวย พ่อแม่เลี้ยงดูด้วยความพรั่งพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะสามารถปรนเปรอให้กับทอมได้ หนำซ้ำยังเป็นลูกคนเล็กอีก ทอมจึงโดนโอ๋สุดๆ เมื่อเทียบกับพี่ชายคนโตที่ถูกเลี้ยงอย่างเคี่ยวเข็ญเพื่อที่จะประธานบริษัทต่อจากพ่อในอนาคต

การที่ได้มารู้จักมิสเตอร์ต้นสำหรับทอมก็เหมือนกับการเรียนรู้โลกใบใหม่อีกใบ ที่ทอมคงไม่มีวันได้โอกาสลงมาสัมผัสมันง่ายๆ
ทอมจึงพยายามอย่างที่สุดเท่าที่ตัวเองจะคิดออก ใจจริงแล้วเขาอยากให้แบ่งเงินค่าขนมของตัวเองให้มิสเตอร์ต้นด้วยซ้ำ มิสเตอร์ต้นจะได้ไม่ต้องมาทำงานเหนื่อยๆ ทุกวัน

“ขอบใจนะ ทอม” ต้นเว้นจังหวะไปสักพักเพื่อควบคุมอารมณ์และพูดประโยคต่อไป “แต่ไม่เป็นไร”

“ทำไมล่ะ มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นไม่ต้องเกรงใจนะ เพราะผมเต็มใจให้ ผมมีเงินเก็บเยอะแยะเลยที่ไม่ได้ใช้ ผมสามารถแบ่งมันให้กับมิสเตอร์ต้นได้นะ! ถ้ามิสเตอร์ต้นต้องการ”

“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง ทอม”

ต้นพยายามอย่างยิ่งที่ในการตอบทอมด้วยน้ำเสียงปกติ ซึ่งก็โชคดีที่ถึงร้านนมปั่นหน้าปากซอยพอดี ต้นจึงพา ทอมมานั่งโต๊ะว่างที่เหลืออยู่โต๊ะนึงพอดีโดยไม่ลืมที่จะสั่งเมนูหวานๆ ที่ทอมน่าจะชอบสักสองสามเมนูกับป้าเจ้าของร้าน

“ทำไมถึงไม่เป็นไรล่ะ มิสเตอร์ต้น”

ทอมเท้าคางบนโต๊ะพับสีแดงสดขณะเดียวกันก็มองทิชชู่สีชมพูที่อยู่บนโต๊ะอย่างสนใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนและอดใจไม่ได้ที่จะหยิบมาเล่น

“ฉันไม่ใช่ขอทาน”

“ผมก็ไม่ได้มองว่ามิสเตอร์ต้นเป็นขอทานซะหน่อย” ทอมละสายตาจากกระดาษมามองมิสเตอร์ต้นทันที ก่อนที่จะพบว่ามิสเตอร์โซคูลของตัวเองนั้นมีสีหน้าไม่ปกติอย่างเห็นได้ชัด

มิสเตอร์ต้นกำลังโกรธ..

ทอมกระพริบตาปริบไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่

“แต่ที่นายกำลังทำอยู่คือทำเหมือนกับฉันเป็นขอทาน”

ต้นรู้ว่าตัวเองกำลังพาลใส่ทอม แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องนี้ก็เหมือนแผลในใจมาตลอด ไม่ว่าใครมาสะกิดมันก็ทำให้เขาโกรธทั้งนั้น ต่างกันแค่โกรธมากโกรธน้อยก็เท่านั้น

“ผม ผมขอโทษ มิสเตอร์ต้น ผมไม่ได้ตั้งใจ”

ทอมลนลานพูดก้มหน้างุด เผลอขยำทิชชู่สีชมพูในมือจนยับยู่ยี่โดยไม่รู้ตัว

“ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวพ่อนายก็ส่งคนมาฆ่าฉันหรอก”

“..ฮึก ก็ผมทำมิสเตอร์ต้นโกรธ”

ทั้งๆ ที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดแล้วทอมก็กลั้นไม่ได้อยู่ดี เมื่อมิสเตอร์ต้นแย่งทิชชู่ในมือมาซับน้ำตาให้กับตัวเอง

“ผมขอโทษนะที่ทำให้มิสเตอร์ต้นคิดแบบนั้น แต่ผมหวังดีกับมิสเตอร์ต้นจริงๆ นะ”

ทอมฟูมฟาย เพราะเขาก็แค่อยากให้มิสเตอร์ต้นมีเหมือนที่ตัวเองมีก็เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากอวดรวยหรือเห็นมิสเตอร์ต้นเป็นอะไรทั้งนั้น

“ฉันรู้น่า ทอม เด็กอนุบาลหัวใจดอรี่อย่างนาย คิดร้ายกับใครไม่เป็นหรอก”

ต้นลูบหัวทอม และถอนหายใจเหนื่อยๆ ก่อนที่จะหันไปรับนมชมพูสีหวานจ๋อยที่เดาเอาเองว่าทอมน่าจะไม่เคยกินมายัดปากทอม
“กินซะ สั่งมาให้”

“ฮื้อ อร่อยจัง มันคืออะไรเหรอ มิสเตอร์ต้น”

ทอมที่เป็นคอของหวานถึงกับลืมไปสักพักว่าตัวเองเพิ่งร้องไห้ไปเมื่อกี้ เมื่อค้นพบว่าตัวเองได้เจอของหวานชนิดใหม่ที่อร่อยมากๆ แล้ว

“นมเย็นไง”

ต้นบอกยิ้มๆ ไม่แปลกใจนักที่ทอมไม่รู้จัก ขนาดหมูปิ้งห้าบาทข้างทางทอมยังไม่รู้จักเลย นับประสาอะไรกับเครื่องดื่มสีหวานแบบนี้

“ทอม”

“อะไรเหรอ มิสเตอร์ต้น”

ทอมถามด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อย เพราะนมชมพูหวานมาก

“นายอยากรู้เรื่องครอบครัวฉันรึเปล่า”

“ถ้ามิสเตอร์ต้นไม่สบายใจที่จะเล่า ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ ผมเข้าใจ”

นัยน์ตาสีฟ้าสดใสของทอมหม่นลงนิดๆ

“ผมไม่อยากทำให้มิสเตอร์ต้นโกรธอีก”

“ใครจะไปโกรธเด็กอย่างนายลงวะ ทอม” ต้นหยิบนมปั่นตัวเองมาดูดบ้าง และตัดสินใจเล่าเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครมาฟังมาก่อนให้กับทอมฟัง

เอย่างน้อยๆ เขากับทอมก็เป็นแฟนกัน และเขาก็อยากให้ทอมรู้จักตัวเองมากกว่านี้ด้วย ไม่ใช่รู้แค่ว่าบ้านเขาจนที่สุดในโรงเรียนไฮโซนี่

“จริงๆ บ้านฉันก็ไม่ได้จนมาตั้งแต่แรกหรอกนะ ทอม”

ทอมตาโตด้วยความตื่นตระหนก

“แต่ชมรมข้าวสารเขียนว่าบ้านมิสเตอร์ต้นจนมาเป็นร้อยปีแล้วนะ!”

“แล้วนายก็ไปเชื่อไอ้ชมรมบ้านั่นเนี่ยนะ ไอ้เรื่องล่าสุดที่เขียนว่าฉันเป็นเจ้าชายขี้เหงาเอาแต่ใจแม่งก็โคตรไม่จริงเลย!”

ต้นขบกรามกรอดๆ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่ทอมไปเชื่อไอ้ชมรมบ้าๆ ที่ชอบทำตัวเป็นปาปารัซซีนี่

“ตอนแรกผมก็นึกว่ามิสเตอร์ต้นโดนคำสาปความจนซะอีก”

ทอมพูดงึมงำคนเดียว แต่ต้นก็ไม่วายแอบได้ยินอยู่ดี ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นอะไรทอมต่อ เพราะรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ ที่จะไปเอาอะไรกับเด็ก ม.5 ที่ยังร้องไห้จะเป็นจะตายตอนดอรี่หลงทาง

“เอาเป็นว่าไอ้เรื่องเกี่ยวกับฉันที่นายเคยได้ยินมา ก็โยนๆ มันทิ้งไปก่อนแล้วกัน”

ต้นรู้ดีว่าในโรงเรียนชอบมีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับเขา จึงดักทางทอมไว้ก่อน พอเห็นทอมพยักหน้าด้วยความเชื่อฟังจึงพูดต่อ “เมื่อก่อนบ้านฉันก็พอมีเงินบ้างแหละทอม ฉันก็พอได้เรียนโรงเรียนดีๆ บ้าง จนสองสามปีที่แล้วพ่อฉันเผลอไปค้ำประกันเพื่อนแล้วเขาหนีไม่ยอมจ่าย หนี้พวกนั้นก็ตกลงมาที่พ่อฉันแทน”

ถึงแม้จะเล่าถึงเรื่องที่น่าคับแค้นใจจนน่าร้องไห้ แต่ต้นก็สามารถเล่าด้วยสีหน้าปกติจนต้นก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ตัวเองสามารถใจเย็นได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ปกติจะหงุดหงิดแทบตายเมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้

“เรื่องหลังจากนี้นายก็คงจะพอเดาได้”

ต้นหัวเราะเสียงแผ่ว

“เจ้าหนี้พวกนั้นมายึดทรัพย์สินบ้านฉันหมดเลย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพ่อสนิทกับไอ้เพื่อนบ้านั่นขนาดไหน แต่มันไล่ยึดจนฉันแทบจะไม่มีบ้านอยู่ด้วยซ้ำ จนพ่อกับฉันต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินคนอื่นมาโปะ แล้วบางคนนอกจากจะไม่ให้ยืมเงินแล้วยังด่าฉันว่าขอทานอีก”

“..มิสเตอร์ต้น”

“ฉันโอเค ทอม มันผ่านมาสักพักแล้ว”

ต้นยิ้มจางๆ ให้ทอมที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซ้ำอีกรอบ

“ตอนนี้ไอ้หนี้พวกนั้นก็หมดแล้วล่ะ แต่พ่อฉันไม่เหลืออะไรแล้ว พวกบ้านที่ซื้อไว้ให้เช่าก็โดนยึดไปหมดแล้ว เหลือแต่บ้านหลังนี้แหละที่ยังพอเหลือให้ฉันซุกหัวนอนบ้าง”

“แล้วตอนนี้แด๊ดของมิสเตอร์ต้นอยู่ไหนเหรอ ผมไม่เคยเจอเลย”

“ไม่รู้สิ คงจะหางานทำอยู่มั้ง” ต้นใช้หลอดคนนมปั่นในแก้วเล่น เมื่อทอมพูดถึงคนที่หายหน้าหายตาไปเลยตั้งแต่ที่ใช้หนี้หมด “แต่ก็ยังส่งเงินมาให้ฉันใช้เรื่อยๆ ”

เอาเข้าจริง แค่พ่อของเขายังไม่เป็นบ้าเพราะเรื่องนี้ไปซะก่อน เขาก็พอใจมากๆ แล้ว เพราะคนที่สูญเสียและเจ็บปวดกับเรื่องบ้านี่ที่สุดก็คือพ่อ

จากที่เคยมีทุกอย่างกลายเป็นสูญเสียทุกอย่างในระยะเวลาไม่กี่ปี มันก็นับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างรุนแรงจริงๆ ไหนจะพิษเศรษฐกิจที่กำลังดาวน์ในช่วงห้าปีนี้อีก ทำให้การใช้จ่ายทุกอย่างนั้นต้องคิดแล้วคิดอีก

แต่อย่างไรข้อตามข้อดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือทำให้เด็กม.ปลาย อย่างเขาต้องโตขึ้นภายในชั่วพริบตา ไม่มีเวลามาเรียนๆ เล่นๆ ในแต่ละวันอีกต่อไป

วันเวลาในแต่ละวันเขาจึงพยายามใช้ให้คุ้มค่าที่สุดไปกับการทำงานพิเศษ เพื่อเก็บเงินไว้เป็นทุนในการเรียนในอนาคต และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขา ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย ค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร

“มิสเตอร์ต้น ผมพูดจริงๆ นะ”

ทอมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าปากตัวเองจะเลอะสังขยาที่มิสเตอร์ต้นป้อนให้กินเมื่อกี้

“ถ้ามิสเตอร์ต้นมีปัญหาเรื่องเงินให้บอกผม ผมพร้อมที่จะช่วยจริงๆ นะ”

“รู้แล้วน่า ไอ้เด็กบ้านรวย” ต้นหัวเราะและหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ทอมอย่างเอ็นดู “แค่ที่นายทำให้ฉันตอนนี้ มันก็มากพอแล้วจริงๆ ”

สารภาพตามตรงว่าที่ผ่านมาเขาแทบลืมวิธีการยิ้มด้วยซ้ำ เพราะเรื่องทุกอย่างประดังประเดมาหาเขาเต็มไปหมด จนเขาไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปทำอะไรทั้งนั้น นอกจากตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดจากเรื่องบ้าๆ พวกนั้นให้ได้

ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งของเขาก็อาจจะได้มาช่วงนั้น แต่แย่หน่อยที่เจ้าชายอย่างเขาปล่อยน้ำแข็งแบบเอลซ่าอย่างที่ทอมหวังไว้ไม่ได้

หลังจากที่น้ำตาแตกไปหลายรอบ พอได้รับคำชมบ้างทอมก็ยิ้มกว้าง ซึ่งต้นก็คล้ายกับเห็นหูกับหางน้อยๆ ของทอมที่กระดิกไม่หยุด และยิ่งไปกว่านั้นคือทอมกำลังทำหน้าเหมือนลูกหมาที่ชอบทำหน้าทำนองว่า ‘ชมผมอีกสิ เจ้านาย ชมผมอีก!’

“ผมเป็นบอยเฟรนด์ที่ดีใช่ไหมล่ะ มิสเตอร์ต้น!”

“ดีที่สุดในโลกเลย ทอม ฉันมั่นใจว่ามีการจัดอันดับนายต้องได้ที่หนึ่งแน่”

ต้นยอทอมโดยพยายามที่จะไม่หลุดขำ และแน่นอนเด็กวิจารณญาณน้อยอย่างทอม ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจจนแทบจะร้องไห้อีกรอบ

“มิสเตอร์ต้น ผมอยากพามิสเตอร์ต้นไปรู้จักกับแด๊ดผมจัง”

ทอมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหางตาตัวเอง

“แน่ใจเหรอว่า ฉันจะไม่ตาย”

ต้นถามหวั่นๆ เพราะหลังจากคบกับทอม ก็ไปสืบๆ มาบ้าง และพบว่าไอ้คนที่มาเจ๊าะแจ๊ะกับทอมมากๆ มักจะถูก ‘เชิญ’ ไปดินเนอร์ที่คฤหาสน์ราคาร้อยล้านนั่น

แน่นอนถึงจะกลับครบสามสอง แต่สภาพจิตใจคือคาดการณ์ไม่ได้ พวกนั้นคือเลิกคุยกับทอมไปเลยแถมยังเข็ดขยาด ถึงขนาดขั้นที่ว่าย้ายโรงเรียนหนีเลยทีเดียว

“ไม่ตายหรอก มิสเตอร์ต้น แด๊ดใจดีจะตาย!” ทอมประท้วง

“ฉันไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมโรงเรียนอื่นหรอกนะ”

“มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก รอบนี้ผมจะเป็นคนปกป้องมิสเตอร์ต้นเอง! ” ทอมยืดตัวและแตะอกตัวเองด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจราวกับว่ามาตราการที่ตัวเองจะเอามาช่วยมิสเตอร์ต้นนั้นสามารถไปช่วยกลุ่มแอดเวนเจอร์กู้โลกได้  “ถ้าแด๊ดกล้าว่าอะไรมิสเตอร์ต้น ผมก็จะงอนแด๊ด!”

“…”

ต้นขมวดคิ้ว เพราะการช่วยของทอม มันดูเหมือนจะช่วยอะไรเขาไม่ได้สักนิด หนำซ้ำยังทำให้แอบรู้สึกไว้อาลัยตัวเองด้วย

ถ้าพ่อทอมรู้เรื่องที่เขาจะทำ ‘จุดจุดจุด’ กับทอม เขาไม่โดนบอดี้การ์ดพวกนั้นจับไปถ่วงน้ำเลยเรอะ จะจับไปเรียกค่าไถ่ พ่อเขาก็คงจะจ่ายได้โทรมาอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตเขาอีก

ทำไมชีวิตถึงได้เศร้าแบบนี้วะ

ร่างสูงคิดอย่างหดหู่แล้วเรียกให้ป้ามาเก็บเงิน เนื่องจากบนโต๊ะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว

“ผมจ่ายเอง มิสเตอร์ต้น”

ทอมปัดมือที่ต้นพยายามจะจ่ายเงิน และยื่นเงินตัวเองให้ป้าไป ซึ่งต้นก็ยอมเพราะเห็นแก่ทอมที่ดูอยากจะเปย์เขาเหลือเกิน จนอดคิดไม่ได้ว่าทอมนั้นโคตรเหมือนพวกเด็กแก่แดดที่พยายามเลี้ยงผู้ชายไว้เลย

ซึ่งผู้ชายที่ว่าก็คือเขานะ

ต้นคิดเรื่อยเปื่อย และขึ้นขี่จักรยานที่คงได้ฤกษ์เปลี่ยนเร็วๆ นี้

“รีบกลับกันเถอะ มิสเตอร์ต้น ผมอยากรู้จะแย่แล้ว!”

ทอมไปซ้อนท้ายจักรยานของมิสเตอร์ต้นอย่างรู้งาน และกอดเอวมิสเตอร์ต้นหมับ

“นายมาให้ฉันติวภาษาไทยไม่ใช่เหรอ ทอม”

ต้นพยายามชวนคุย เพราะมือเล็กๆ ของทอมนั้นวางในตำแหน่งที่ซุกซนซะเหลือเกิน หนำซ้ำยังวนกลับไปคุยเรื่องนั้นอีก ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าทอมนั้นลืมไปแล้ว

“ยังไงผมก็เกรดหนึ่งอยู่แล้ว มิสเตอร์ต้น ไม่ต้องติวหรอก”

ทอมที่นั่งซ้อนหลังมิสเตอร์ต้นอยู่นั้นหน้าแดงก่ำ

“ที่ผมมาวันนี้ก็จะมาจุดจุดจุดกับมิสเตอร์ต้นนั่นแหละ!”

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-05-2019 00:02:44
“มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้น!”

ทอมป้องปากตะโกนเรียกมิสเตอร์ต้นที่ตั้งแต่มาถึงบ้าน ก็เอาแต่นั่งหน้าเครียดอยู่บนเตียงในห้อง ไม่รู้ว่าตกใจอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็แค่บอกมิสเตอร์ต้นว่านอนโป๊กับมิสเตอร์ต้นแค่นั้นเอง

ถึงมันจะอายมากๆ ก็เถอะ แต่เพื่อมิสเตอร์ต้นแล้ว สุภาพบุรุษอย่างมิสเตอร์ทอมทำได้เสมอ!

“..ทอม”

“มิสเตอร์ต้นพูดแล้ว! มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นเป็นอะไร ต้องการพยายมไหม เดี๋ยวผมเรียกให้!”

ทอมลนลานพูดแตกตื่น

“พยาบาลก็พอทอม ฉันยังไม่อยากตาย”

ต้นลูบหน้าตัวเองพยายามสงบสติอารมณ์ที่ตอนนี้คือแตกซ่านมาก ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองพาทอมกลับถึงบ้านได้ยังไงโดยที่ไม่เผลอกินปากทอมไปก่อน

ไอ้เด็กอนุบาลนี่น่ารักก็จริง แต่ก็โคตรน่าตีเลย

ถ้าเกิดคนที่ฟังไม่ใช่เขา ทอมก็คงจะโดนจับไปจุดจุดจุดตามที่เจ้าตัวต้องการตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะเด็กนี่มันยั่วมาก ถึงจะยั่วด้วยสีหน้าเหมือนลูกหมาหิวนมก็เถอะ

“ก็มิสเตอร์ต้นทำตัวแปลกๆ นี่นา” ทอมบ่นอุบ “ผมก็แค่อยากนอนโป๊กับมิสเตอร์ต้นเหมือนคนที่เป็นบอยเฟรนด์ทำกันเท่านั้นเอง”

“ทอม” ต้นจับไหล่ทอมจนเด็กอนุบาลสะดุ้ง และมองหน้ามิสเตอร์ต้นงงๆ “ห้ามไปคุยเรื่องแบบนี้กับคนอื่น นอกจากฉันนะ”

ทอมเอียงคอ “พิมพ์ถามในดันทิปก็ไม่ได้เหรอ มิสเตอร์ต้น”

“ไม่ได้ ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น เรื่องจุดจุดจุดนี่นายคุยกับฉันคนเดียวก็พอ แค่ฉันนายก็น่าจะเข้าใจแล้วล่ะว่ามันคืออะไร”

“ก็นอนโป๊ไง มิสเตอร์ต้น มันแปลกตรงไหน” ทอมหน้าแดง เมื่อลองคิดดูดีๆ ถึงการมาเที่ยวบ้านมิสเตอร์ต้นรอบก่อน “แล้วผมก็เคยโป๊ให้มิสเตอร์ต้นเห็นไปแล้วด้วย”

“ก็มันไม่ใช่แค่นอนโป๊ไง”

ในที่สุดต้นก็อดใจไม่ไหวก้มลงไปจูบทอมอีก และอุ้มทอมมานั่งบนตักตัวเอง

ทอมตัวโคตรเล็กเลย..

ต้นขมวดคิ้วเพราะเพิ่งจะรู้สึกชัดๆ ว่าทอมตัวเล็กและผอมกว่าตัวเองมาก ไหนจะเอวบางๆ นี่อีก โอบแค่มือเดียวก็รอบแล้ว หรืออาจจะเป็นเขาเองที่ตัวใหญ่เกินไป

“กินนมบ้างรึเปล่า ทอม”

เจ้าของส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบอดไม่ได้ที่จะถามทอม ตอนที่ปล่อยให้ทอมพักหายใจเข้าใจปอด นัยน์ตาสีฟ้าที่ปกติมักจะสดใสเสมอตอนนี้ฉ่ำคลอด้วยน้ำตา ผิวสีขาวซีดขึ้นสีแดงก่ำ

“ฮื่อ กินสิ มิสเตอร์ต้น อย่าเพิ่งชวนผมคุย ผม ผมจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว”

“นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเองทอม จุดจุดจุดของนายน่ะ”

ต้นหัวเราะเบาๆ แล้วถอดเสื้อตัวเองออก อวดแผงกล้ามซิกแพคที่แม้แต่ตอนนี้ทอมก็ยังมองมันด้วยความอิจฉา

“ผมก็อยากมีบ้างนะ”

ทอมบ่นอุบก่อนจะขยับตัวให้มิสเตอร์ต้นถอดเสื้อตัวเองออกอย่างว่าง่าย และแน่นอนว่าเมื่อถอดเสร็จทอมก็เปรียบเทียบพุงตัวเองกับซิกแพคสุดเท่ของมิสเตอร์ต้นทันที

“เท่จัง” ทอมพูดหงอยๆ ก่อนจะร้องหวาตอนที่มิสเตอร์ต้นจับมือตัวเองให้ไปลูบซิกแพคนั่น

ใบหน้าของทอมแดงก่ำกว่าเดิม เมื่อมิสเตอร์ต้นจงใจบังคับให้มือของตัวเองล้วงเข้าไปในกางเกงบอลของมิสเตอร์ต้น และไปแตะโดนอะไรสักอย่างที่แข็งมากๆ เข้า

“มิส มิสเตอร์ต้น!”

ทอมหน้าแดงเถือกแทบจะลืมวิธีพูดไปด้วยซ้ำ

“ตกใจอะไรนักหนา ทอม ไอ้ที่นายโดนมันก็ไอ้หางหมาที่นายพูดถึงวันนั้นนั่นแหละ”

ทอมทำหน้าตกใจกว่าเดิมจนต้นเริ่มงงว่าทอมมันตกใจอะไรกันแน่

“มิสเตอร์ต้น โกหก! ที่ผมมาวันนี้ ผมตั้งใจจะมานอนกอดหมอนข้างมิสเตอร์ต้นเลยนะ!”

“บอกไม่มีก็ไม่สิ ทอม” ต้นหัวเราะแล้วก้มลงไปกอดทอม ปล่อยเด็กอนุบาลจมไปกับตัวแข็งๆ ของตัวเองที่ไม่รู้ว่าวันนั้นทอมมันเอาอะไรมานุ่ม

“ไม่นุ่มเลย! ปล่อยผมนะ” ทอมบ่นเสียงอู้อี้พยายามดันอกมิสเตอร์ต้นออก สีหน้าผิดหวังสุดๆ พอๆ กับตอนที่รู้ว่าชมรมข้าวสารไม่มีรูปหลุดมิสเตอร์ต้นที่เท่ๆ บ้างเลย

“คนที่นุ่มจริงๆ ก็คือนายต่างหากล่ะ ทอม”

ไม่ว่าเปล่าต้นฉวยโอกาสที่ทอมเผลอ ชิมยอดอกสีชมพูของทอมที่เตะตาเขามาตั้งแต่ครั้งที่แล้วด้วยความตะกละตะกลามอย่างอดไม่ได้

“อื้อ! มิส มิสเตอร์ต้น ทำอะไร”

ความรู้สึกประหลาดๆ จู่โจมทอมอีกครั้งจนทอมรู้สึกตกใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความเสียวซ่านที่ทำเอาสมองน้อยๆ ของทอมคิดอะไรไม่ออก และมือขาวก็เผลอขยำหัวมิสเตอร์ต้นโดยไม่รู้ตัวตอนที่มิสเตอร์ต้นล้วงเข้าไปเล่นกับทอมน้อยของตัวเอง จนในที่สุดทอมก็เผลอปลดปล่อยออกมา

“พอ พอแล้ว มิสเตอร์ต้น ไม่เอาแล้ว”

ทอมหอบหายใจหน้าแดงก่ำ สภาพดูไม่ได้เท่าไหร่เมื่อเทียบกับตอนปกติ เนื้อขาวซีดแดงก่ำไปทั้งตัวอย่างน่าสงสารโดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่เป็นรอยฟันอย่างเห็นได้ชัดเจน จนมิสเตอร์ต้นมั่นใจว่าถ้าพ่อทอมเปิดเจอ ตัวเองคงโดนยิงตายตั้งแต่ตอนนั้น
“แน่ใจเหรอทอม”

ต้นหัวเราะ จัดท่าทางทอมใหม่ให้นอนราบไปกับเตียง และถอดปราการสองชั้นสุดท้ายของทอมออกให้เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าให้เขาฟัดได้ถนัดกว่าเดิม

“มิสเตอร์ต้น จุดจุดจุดมันแค่นอนโป๊ไม่ใช่เหรอ”

ทอมถามเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง ยกมือปิดหน้าด้วยความขวยเขิน เพราะเพิ่งจะถูกมิสเตอร์ต้นทำอะไรที่ลามกมากๆ ให้

“ก็บอกแล้วไง ทอม ว่านายเข้าใจผิด”

ต้นว่าขณะที่ปลดกางเกงของตัวเองออกบ้าง ปล่อยให้ ‘หางหมา’ ที่ทอมจับเล่นวันนั้นได้ออกมาทักทายที่ทอมที่ตอนนี้ยังบ่นหงุงหงิงอะไรกับตัวเองไม่หยุด

“มิส มิสเตอร์ต้น โซสแครี่!”

ทอมสะดุ้งเมื่อเห็นสิ่งนั้นของมิสเตอร์ต้นชี้หน้าตัวเอง จากที่คิดว่าตัวเองเขินไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้คือเขินกว่าเดิม จนทอมหยิบหมอนมาปิดหน้าตัวเอง

“ฮึก ผม ผมไม่อยากจุดจุดจุดแล้ว มิสเตอร์ต้น มัน มันน่าอายมากเลย”

“ไม่น่าอายหรอกน่า”

ต้นหยิบขาเล็กๆ ของทอมมาไล่พรมจูบอย่างเอ็นดู โดยพยายามอย่างยิ่งในการหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอเคี้ยวทอมแล้วกลืนลงท้องไปซะก่อน

เด็กอนุบาลมันน่ารักเป็นบ้าเลย

“มิส มิสเตอร์ต้นจะทำมิดิมิร้ายผมใช่ไหม”

ทอมยกหมอนออกช้อนตามองมิสเตอร์ต้นตาแป๋ว

“นายรู้เหรอทอมว่ามิดิมิร้ายคืออะไร”

ต้นถามเสียงพร่า และนึกตอนที่เจอทอมช่วงแรกๆ ที่ทอมเคยโวยวายว่าเขาจะทำมิดิมิร้ายตัวเอง แล้วเขาก็ตะโกนตอบไปอย่างโคตรมั่นใจเลยว่าไม่มีวันทำแบบนั้น

ตอนพอตัดภาพมาวันนี้คือเขาเป็นหมาเลย

อยากทำเรื่องบ้าๆ กับทอมใจแทบขาด

“ไม่รู้หรอก แต่ผมเคยได้ยินนางเอกในละครชอบโวยวาย ผมก็เลยลองอยากพูดบ้าง” ทอมจ้อขณะเดียวกันก็ขยับเนื้อตัวอย่างไม่สบายใจตัว เพราะอารมณ์ที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ที่มิสเตอร์ต้นจะทำผมตอนนี้คือมิดิมิร้ายใช่ไหม”

ทอมถามด้วยความอยากรู้ ทั้งๆ ที่โคตรผิดเวลา และนี่ก็ไม่ใช่ช่วงติววิชาภาษาไทยภาคปฏิบัติซะด้วย

“ใช่”

ต้นยอมรับง่ายๆ

“แล้วนายยอมรึเปล่าล่ะ ทอม”

ทอมหน้าแดงแจ๋กว่าเดิม พยายามไม่สบตากับมิสเตอร์ต้นก็ไปเจอมิสเตอร์ต้นที่คุยยากกว่าเดิมแทน จนได้แต่ยกมือปิดหน้าไม่กล้ามองอะไรอีก

“อื้อ ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าเพื่อมิสเตอร์ต้น ผมทำได้ทั้งนั้น”

“นายแน่ใจนะ ทอม เพราะมันอาจจะเจ็บ”

ต้นถามแต่มือก็เอื้อมไปหยิบถุงยางกับเจลที่เพิ่งซื้อไปเมื่อวานมาเตรียมรอไว้จัดการเด็กอนุบาลแล้ว

“มันจะเจ็บมากไหม มิสเตอร์ต้น”

ทอมน้ำตาคลอเริ่มกลัว ตอนที่มิสเตอร์ต้นแทรกตัวไปอยู่ระหว่างขาให้กางขาออก

“ไม่มากหรอก”

ต้นพูดเสียงเรียบเรื่อยขณะเดียวกันก็เทเจลหล่อลื่นใส่นิ้ว และลองสอดเข้าไปในช่องคับแคบของทอม

“!!!”

ทอมสะดุ้งสุดตัวกับสัมผัสแปลกปลอมที่รุกรานเข้ามาในร่างกายตัวเอง และขยำผ้าปูที่นอนแน่นตอนที่มิสเตอร์ต้นสอดมันเข้ามาลึกขึ้นจนหลุดครางออกมา

“ตรงนี้เหรอ?”

ต้นถามและแกล้งกดย้ำๆ

“ฮึก มิส มิสเตอร์ต้นพอแล้ว ไม่เอาแล้ว”

ทอมหอบหายใจจนตัวโยน น้ำตาคลอเบ้าจนน่าสงสารเมื่อตกอยู่ในการควบคุมของมิสเตอร์ต้น ในหัวว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออกนอกจากครางเสียงน่าอายออกมา

“ฮื่อ แด๊ดต้องว่าแน่ๆ เลย”

“ถ้าแด๊ดนายไม่รู้ เขาก็ไม่ว่านายไง ทอม”
   
ต้นจูบหน้าผากทอมอย่างเอ็นดู และแอบรู้สึกผิดนิดๆ ตอนที่ดันเข้าไปในตัวทอมแค่นิดเดียวแล้วทอมรีบผลักอกเขาให้หยุดทันทีด้วยสีหน้าเจ็บปวด
   
“มิสเตอร์ต้น ฮึก มันเจ็บมากๆ เลย”
   
“ผ่อนคลายหน่อย ทอม”
   
ต้นจูบซับน้ำตาทอม ไม่ได้ขยับเพราะกลัวว่าจะทำเด็กอนุบาลที่ใจแตกไปแล้วเจ็บกว่าเดิม
   
“..มิสเตอร์ต้นชวนผมคุยหน่อย”
   
ทอมขยับตัวอย่างอึดอัดขณะที่หอบหายใจจนตัวโยน นัยน์ตาสีฟ้าปรือปรอยมองมิสเตอร์ต้น เส้นผมสีบรอนด์ทองเปียกชื้นจนแนบไปกับลำคอขาว
   
ซึ่งมันก็น่าหลงใหลจนมิสเตอร์ต้นแทบทนไม่ไหวเลยทีเดียว
   
“..ติวภาษาไทยไหม?”
   
ต้นหัวเราะหึๆ ตอนที่เห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของทอม
   
“ไม่เอา คิดเรื่องมิสซิสสมศรีตอนนี้ทำให้ผมเครียดกว่าเดิมอีก” ทอมบ่น “เดี๋ยวผมชวนคุยเองก็ได้”
   
“ขอเรื่องที่คุยแล้วไม่ทำให้ฉันหมดอารมณ์นะ”
   
ต้นดักคอไว้ทันที ในขณะที่ก็เริ่มช่วยทอมอีกทางด้วยการเข้าไปคลอเคลียกับของหวานสีชมพูน่ากัดที่สีหวานพอๆ กับนมเย็นที่เพิ่งกินเมื่อกี้ไปเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้มันก็น่าสงสารนิดหน่อยเพราะมันเป็นสีแดงก่ำและบวมเป่งนิดๆ เนื่องจากถูกมิสเตอร์ต้นรังแกด้วยการกัดและเลียไม่หยุด
   
“..มิสเตอร์ต้นชอบผมไหม”
   
ทอมที่คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ถามไปมั่วซั่ว
   
“ชอบสิ ถ้าไม่ชอบ ฉันตัดหางปล่อยลูกหมาหัวใจดอรี่อย่างน้อยไปตั้งนานแล้ว ทอม”
   
“ผม ผมไม่ใช่ลูกหมาซะหน่อย! ผมเป็นสิงโตต่างหาก”
   
ทอมเถียงอย่างจริงจัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญกับทอมมาก จะเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของทอมเลยก็ว่าได้
   
“สิงโตจุดจุดจุดบ่อยนะ ทอม นายไหวเหรอ?”
   
ต้นถามยิ้มๆ และแทรกตัวเข้าไปได้ลึกขึ้นตอนที่ทอมเผลอคิดตาม
   
“อ๊ะ มิส มิสเตอร์ต้นฉวยโอกาสนี่นา!”
   
ทอมโวยวายพยายามผลักอกมิสเตอร์ต้นออก แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะคราวนี้มิสเตอร์ต้นเข้ามาลึกมาก จนมันเข้าไปโดนจุดอะไรสักอย่างในร่างกายเขา ทำให้เรี่ยวแรงหายไปหมด
   
ทำได้เพียงกุมผ้าปูที่แน่นตอนที่มิสเตอร์ต้นกระแทกเข้ามาจนตัวโคลง
   
“ฮึก มิสเตอร์ต้นเบาๆ หน่อย ผม ผมเป็นผู้เสียดายนะ”
   
“เสียหาย”
   
ต้นหัวเราะแล้วจูบปิดปากทอมไม่ให้พูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีก


==============


แอบมาลง 55555555 เขิน  :o8:

ปล ตอนนี้มีแต่มุกบาปๆ  :mew5:

#มิสเตอร์ต้นโซคูล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 26-05-2019 01:23:16
โอ๊ยค้างงงงงง นุ้งทอมโดนมิสเตอร์ต้นทำมิดีมิร้ายเข้าให้แล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-05-2019 06:10:50
ค้างงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-05-2019 14:44:35
นุ้งทอมลูกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-05-2019 22:21:39
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 27-05-2019 16:31:04
 :jul1:  คะ คะ ค้างงงงงง   จุดจุดจุด ยังไม่ถึงไหนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 29-05-2019 11:59:17
เด็กพวกนี้ไวไฟกันจริงๆ อิอิ น้องทอมหนูโดนกินแล้วน้าาาร
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 25/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-06-2019 10:00:27
หมาน้อยโดนกินแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-06-2019 17:32:11
วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ 12
   
“มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้น”
   
“…”
   
“มิสเตอร์ต้น!”
   
“..อะไร ทอม”
   
ต้นค่อยๆ ปรือตามองทอมง่วงๆ เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง จัดการเจ้าลูกหมานี่ไปสองรอบ แต่ดูเหมือนว่าคนที่โดนเขาทำ ‘มิดีมิร้าย’ จะไม่ค่อยเพลียเท่าไหร่ ดีดเหมือนเดิม แถมยังตื่นก่อนเขาด้วย
   
เจ้าของบ้านหลุดยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นหน้าน่ารักๆ ของทอม ที่จ้องเขาตาแป๋ว ดูไม่ต่างอะไรจากลูกหมาแถวบ้านสักนิด
   
“ผมเจ็บก้นมากเลย”
   
ทอมทำหน้าเศร้าใส่มิสเตอร์ต้น แถมยังแย่งผ้าห่มมิสเตอร์ต้นไปม้วนตัวเองให้กลายเป็นแยมโรล เพราะเขาตอนนี้เขาโป๊มากๆ ไม่ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงในตัวเดียวที่เป็นลายดอรี่ (แน่นอนว่าทอมแอบพ่อซื้อมาใส่)
   
“ปกติน่า เดี๋ยวก็หาย”
   
ต้นลูบหัวทอมอย่างเอ็นดู จะให้เขายั้งแรงยังไง ในเมื่อไอ้ลูกหมามันน่ารักขนาดนี้วะ
   
“แล้วผมก็ปวดเอวด้วย ไม่สิ ผมปวดไปทุกที่เลยมิสเตอร์ต้น ผมจะตายไหม มิสเตอร์ต้น มันเจ็บมากๆ เลย”
   
ทอมงอแงไม่หยุด
   
“แล้วผมจะท้องไหม มิสเตอร์ต้น ถึงผมจะชอบมิสเตอร์ต้นมากๆ แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะมีเบบี้กับมิสเตอร์ต้นนะ แด๊ดต้องโกรธมากแน่ๆ เลย”
   
ต้นที่กำลังจะหลับอีกรอบสะดุ้งทันที และตั้งคำถามในใจว่าทอมมันเรียนสุขศึกษามายังไง
   
“ทอม นายจะท้องได้ไง นายเป็นผู้ชาย”
   
“ก็ผมเคยอ่านเจอในนิยายนี่นา”
   
ทอมทำหน้าจริงจัง
   
“เขาบอกว่าผู้ชายก็ท้องได้ ถ้าผมท้องได้จริงๆ มิสเตอร์ต้นต้องรับผิดชอบนะ!”
   
“…”
   
ต้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก และคิดในใจจริงๆ ว่าทอมมันเป็นเด็กอนุบาลปลอมตัวมาเรียนจริงๆ ใช่ไหม และอีกอย่างที่สำคัญคือเมื่อวานเขาใส่ถุงยางทุกรอบ แล้วทอมมันจะเอาอะไรมาท้องวะ
   
“อืม นายคิดชื่อลูกนายรอเลยแล้วกัน”
   
ต้นเออออห่อหมกตามอย่างละเหี่ยใจ
   
ทอมหัวเราะคิกแล้วขยับตัวเข้ามาซุกตัวมิสเตอร์ต้นอย่างออดอ้อน อย่างไรก็ตามถึงตัวมิสเตอร์ต้นจะไม่นุ่ม แต่ตัวมิสเตอร์ต้นก็อุ่นมาก
   
“มิสเตอร์ต้น”
   
“ว่า”
   
ต้นก้มมองทอมที่ช้อนตามองขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั้นดูใสซื่อจนต้นอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มทอมอีกรอบอย่างมันเขี้ยว
   
“อาทิตย์หน้าไปดินเนอร์กับผมที่บ้านนะ”
   
“..ฉันจะไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม”
   
ถึงต้นจะไม่ค่อยอยากไปนัก แต่ก็จัดการกินลูกเขาไปแล้ว จะไม่ไปก็ยังไงอยู่
   
“ไม่ตายหรอก ผมจะปกป้องมิสเตอร์ต้นเอง!”
   
“…อืม”
   
ต้นครางตอบอย่างสิ้นหวัง
   
เขาตายคาบ้านทอมแน่ๆ

   

หลังจากนั้นต้นก็ติวภาษาไทยให้ทอมนิดๆ หน่อยๆ และปล่อยนอนทั้งวัน เพราะเด็กอนุบาลงอแงแทบจะตลอดเวลาว่าเหนื่อย ไม่อยากติวภาษาไทย แล้วก็นอนดูการ์ตูนแทน ซึ่งต้นก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างไรก็ตามระหว่างที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างเรียบง่าย
   
อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องที่มิสเตอร์ต้นกลัวที่สุดขึ้น
   
กริ๊งๆ
   
“มิสเตอร์ต้นๆ มีคนมา”
   
ทอมที่นอนตักมิสเตอร์ต้นอยู่ เงยหน้ามองมิสเตอร์ต้นที่กำลังนั่งอ่านชีทสรุปวิชาชีวะง่วงๆ
   
“โอเค เดี๋ยวฉันลงไปเอง นายนอนนี่แหละ”
   
ต้นขยับหัวทอมลงจากตักแล้วเปลี่ยนเป็นหมอนให้อย่างเบามือ ก่อนที่จะลงบันไดไปแบบงงๆ เพราะไม่คิดว่ากระดิ่งหน้าบ้านจะยังสามารถใช้ได้อยู่ ล่าสุดที่มีคนกดกริ่งนี้คือนานมากจนเขาจำแทบไม่ได้แล้ว
   
และอีกอย่างนี่ก็เย็นแล้วด้วย เขาไม่คิดว่าจะมีแขกที่ไหนมาเยี่ยมบ้านเขาเย็นขนาดนี้หรอกนะ
   
ต้นคิดอย่างสงสัย ก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่า ‘ใคร’ มาเยี่ยม
   
“สวัสดีครับ มิสเตอร์ต้น”
   
เจ้าของชื่อถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเห็นบอดี้การ์ดในชุดสูทเรียบร้อยที่เคยเห็นเปิดประตูให้ทอมลงจากรถ ตอนนี้มายืนกันสามคนพร้อมหน้า ดูยังไงก็ไม่รู้สึกว่ามาอย่างสันติสักนิด
   
ต้นพยายามปั้นยิ้ม แม้ในใจจะสบถด่าไม่หยุด
   
ไหนบอกว่ามาได้ไงวะ ทอม!
   
“พวกผมได้รับคำสั่งจากนายท่านให้มารับตัวคุณหนูกลับ แล้วก็ขอเชิญมิสเตอร์ต้นไปค้างคืนด้วยครับ”
   
บอดี้การ์ดวัยกลางคนฉีกยิ้มนิดๆ ให้กับมิสเตอร์ต้นอย่างเป็นมิตร  แต่ต้นกลับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง ยิ่งเหลือบหันไปเห็นอีกสองคนยิ้มให้เหมือนกัน ต้นก็ยิ่งยิ้มแห้ง
   
เขาชักจะเข้าใจความรู้สึกพวกพระเอกละครบ้านจนที่ไปฉุดลูกสาวกำนัลมาทำเมียแล้ว แต่ทอมนี่น่าจะเป็นลูกสาวนายกเลย เพราะคงไม่มีลูกสาวกำนัลที่ไหนบ้านรวยและบอดี้การ์ดครบเครื่องขนาดนี้!
   
“ครับ เดี๋ยวผมไปตามทอมให้นะครับ”
   
ต้นก้มหัวปลกๆ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันได พอเปิดไปเจอทอมที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงก็โวยวายทันที
   
“ทอม! ไหนนายบอกว่าพ่ออนุญาตแล้วไง”
   
ต้นลดระดับเสียงลง เพราะกลัวจะดังไปถึงข้างล่างแล้วพวกนั้นแห่ขึ้นมาปาดคอเขา แน่นอนว่าศพเขาไม่สวยแน่ ถ้าเกิดพ่อทอมเห็นสภาพลูกชายตัวเองตอนนี้
   
“ก็แด๊ดอนุญาตแล้วจริงๆ นี่นา”
   
ทอมกระพริบตาปริบมองมิสเตอร์ต้นงงๆ เพราะเมื่อตอนกลางวัน เขาก็รายงานพ่อไปแล้วว่ามิสเตอร์ต้นพาไปกินข้าวแถวบ้านแล้วมันอร่อยมาก
   
“ทำไมเหรอ มิสเตอร์ต้น ใครมาเหรอ”
   
“บอดี้การ์ดนายไง”
   
ต้นทิ้งตัวข้างๆ ทอมแล้วถอนหายใจ และช่วยติดกระดุมเสื้อให้ทอมที่เปิดจนเห็นหน้าอกที่เป็นรอยจ้ำๆ หลายจุด แน่นอนว่าถ้าพวกบอดี้การ์ดพวกนั้นไม่มา ต้นอาจจะฟัดทอมอีกสักรอบ แต่เพราะมาแล้วเนี่ยแหละ ทำให้เขาต้องรีบหาทางปกปิดร่องรอยพวกนี้ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากโบกปูนทับด้วยซ้ำ
   
“อะไรกัน ผมว่าผมบอกแด๊ดแล้วนะ! ว่าผมกลับพรุ่งนี้!”
   
ทอมโวยวายแล้วทำท่าจะโทรไป จนต้นต้องรีบเบรกไว้ก่อน
   
“นายห้ามเฟสไทม์นะ ทอม ห้ามพ่อนายเห็นสภาพนายตอนนี้เด็ดขาด”
   
อาจจะเพราะยังติดกระดุมไม่ครบด้วย ต้นถึงได้รู้สึกว่าทอมโป๊มาก แล้วเจ้าเด็กอนุบาลบ้านี้ก็ขี้ร้อนมาก ใส่แต่เสื้อ ไม่ใส่กางเกง จนเขาต้องไปหยิบกางเกงในกระเป๋ามาใส่ให้
   
“ผมรู้น่า มิสเตอร์ต้น” ทอมหน้าแดง “ผมไม่มีทางให้แด๊ดรู้หรอกว่ามิสเตอร์ต้นทำมิดิมิร้ายผม เพราะถ้าแด๊ดรู้ แด๊ดต้องส่งมิสเตอร์ต้นไปหาพยายมแน่ๆ เลย”
   
คราวนี้ทอมสามารถใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องจนน่าประทับใจ แต่มิสเตอร์ต้นกลับไม่ได้รู้สึกประทับใจนัก และแอบไว้อาลัยให้กับชะตากรรมชีวิตตัวเองด้วย
   
เขาจะรอดจากบ้านทอมจริงๆ ใช่ไหม
   
“…ไหนนายบอกจะปกป้องฉันไง ทอม”
   
ต้นถามอย่างละเหี่ยใจ เขาไม่ได้เตรียมใจมาเลยสักนิดว่าจะเจอพ่อทอมไวขนาดนี้ แล้วอีกอย่างเขาควรจะแนะนำตัวเองว่าอะไร บอยเฟรนด์ทอมเหรอ? จากที่เขาได้ยินมาคือขนาดแค่คนที่มาเจ๊าะแจ๊ะกับทอมนิดหน่อย ก็โดนเก็บแทบทั้งหมด ไม่ย้ายโรงเรียนก็เลิกยุ่งกับทอมไปเลย
   
“แน่นอนสิ มิสเตอร์ต้น ยังไงผมก็ปกป้องมิสเตอร์ต้นอยู่แล้ว เพราะมิสเตอร์ต้นเป็นบอยเฟรนด์ผม ผมจะไม่ยอมให้แด๊ดมาแยกผมออกจากมิสเตอร์ต้นเด็ดขาด!”
   
“นายจะบอกพ่อนายเหรอว่าฉันเป็นบอยเฟรนด์นาย”
   
ต้นกลืนน้ำลายเอือก เพราะคนที่ฆ่าเขาจริงๆ อาจจะไม่ใช่พ่อทอม แต่เป็นทอมเนี่ยแหละ!
   
“อื้อ บอกสิ ยังไงสักวันแด๊ดก็ต้องรู้อยู่ดีว่ามิสเตอร์ต้นเป็นบอยเฟรนด์ผม ผมว่าบอกไปเลยดีกว่า แด๊ดจะได้รู้ว่าผมจริงจังกับมิสเตอร์ต้นจริงๆ ”
   
ทอมยิ้มจนตาหยีให้กับต้น และดึงมือมิสเตอร์ต้นไปแนบแก้มตัวเอง
   
“เชื่อผมสิ มิสเตอร์ต้น แด๊ดต้องชอบมิสเตอร์ต้น เหมือนที่ผมชอบมิสเตอร์ต้นแน่ๆ ”
   
“…เป็นงั้นจริงๆ ก็ดีสิ ทอม”
   
ต้นตอบอย่างอ่อนใจ เพราะพ่อทอมอาจจะชอบเขาจริงๆ ก็ได้ แต่คงไม่ใช่หลังจากที่เพิ่งจับลูกเขากินไปแน่ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเด็กอนุบาลมันน่ารักขนาดนี้ จะให้เขาแค่กินปาก ก็ทนไม่ไหวหรอก
   
“มิสเตอร์ต้น ผมพูดจริงๆ มิสเตอร์ต้นไม่ต้องกลัวแด๊ดหรอก ผมว่าแด๊ดต้องเข้าใจ”
   
“จะพยายามแล้วกัน” ต้นถอนหายใจรอบที่ร้อย แล้วหยิบกระเป๋าของทอมบนพื้นมายัดใส่มือทอม “งั้นนายเก็บของเลย ทอม บอดี้การ์ดนายคงไม่ยอมกลับไปหรอก ถ้านายไม่ยอมกลับ”
   
“แล้วมิสเตอร์ต้นล่ะ” ทอมเอียงคอถาม
   
“ก็ไปกับนายนั่นแหละ”
   
“ดีจัง”
   
ทอมยิ้มแล้วลงจากเตียงไปเก็บข้าวของตัวเอง อย่างน้อยๆ ถึงแด๊ดจะตามเขากลับบ้าน แต่ถ้ามิสเตอร์ไปด้วย เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร จริงๆ ที่เขาจะโทรบ่นแด๊ด ก็แค่ไม่พอใจที่มาแยกเขากับมิสเตอร์ต้นเท่านั้นแหละ
   
ทอมเหลือบมองมิสเตอร์ต้นที่วุ่นอยู่กับการหาเสื้อผ้าดีๆ ในตู้มาใส่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะในตู้เสื้อผ้าของมิสเตอร์ต้นนั้นส่วนใหญ่แล้วก็มีเสื้อยืดกางเกงธรรมดาๆ ไม่มีอันไหนที่ดูสุภาพพอที่จะเข้าหาพ่อของเขาสักนิด
   
“มิสเตอร์ต้นใส่ชุดนี้ไปเลยก็ได้ แด๊ดไม่ว่าหรอก”
   
ต้นหันขวับมองทอม
   
“ขืนฉันใส่ชุดนี้ไป พ่อนายคงได้เอาน้ำสาดฉันแน่”
   
เพราะที่เขาใส่อยู่ก็คือเสื้อบอลกางเกงบอลย้วยๆ ที่ใส่แล้วสบายมาก แต่ไม่สบายตาพ่อทอมแน่ๆ เพราะนอกจากมันจะย้วยแล้วสภาพมันยังน่าเกลียดสุดๆ ด้วย
   
แน่นอนว่าถ้าเขาเป็นพ่อทอม เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูกชายสุดรักสุดหวงตกเป็นของไอ้บ้านี่แน่ๆ
   
เขาถึงได้เครียดไง ไม่รู้ว่าใส่ชุดอะไรดี เป็นไปได้อยากใส่สูทไปเลยด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ในตู้เขาไม่มี ที่แพงที่สุดของตู้ก็คือตู้เสื้อผ้าเองเนี่ยแหละ

สุดท้ายเขาก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำที่ดูสุภาพที่สุดมาใส่กับกางเกงสีดำ ส่วนอีกชุดเขาก็เลือกแบบคล้ายๆ กันมายัดใส่กระเป๋าเป้ไว้ใส่ตอนกลับ
   
“เสร็จยัง ทอม ไปกัน ก่อนที่บอดี้การ์ดนายจะขึ้นมายิงฉันบนห้อง”
   
แน่นอนว่าหลังจากผ่านพ้นเมื่อคืนมา ต้นยังไม่ได้ทำลายหลักฐาน เพราะกะจะเอาไปทิ้งทีเดียวตอนทอมกลับไปแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนมาเยี่ยมถึงที่
   
“เสร็จแล้ว แต่ผมยังเจ็บอยู่เลย”
   
ทอมบ่นหงุงหงิงจนต้นอดสงสารไม่ได้
   
“เจ็บมากเลยเหรอ ทอม”
   
“อื้อ มิสเตอร์กัดผม มันเจ็บมากเลย” ทอมลูบหน้าอกตัวเองที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังแสบๆ อยู่ “มิสเตอร์ต้นห้ามกัดผมอีกนะ ผมไม่ใช่กระดาษซะหน่อย”
   
“กระดูก”
   
ทั้งๆ ที่โดนห้าม แต่ต้นกลับรู้สึกมันเขี้ยวอยากกัดอีกรอบมาก เพราะทอมเวลาที่โดนเขาแกล้งนั้นน่ารักมากจริงๆ ถึงเวลาปกติจะน่ารักอยู่แล้วก็เถอะ แต่เวลาที่ไม่พูดอะไรแปลกๆ ออกมานั้น น่ารักกว่าเยอะ
   
“นั่นแหละ”
   
ทอมบ่นอุบ ก่อนที่จะวิ่งแถ่ดๆ ไปหาบอดี้การ์ดตัวเองที่ยังยืนกันเป็นยักษ์ปักหลั่นหน้าบ้าน ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
   
“มิสเตอร์ใหญ่! ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมารับผม!”
   
ทอมพูดด้วยสีหน้างอนมาก ถึงแม้จะรู้ว่าคำสั่งของแด๊ดคือคำขาด แต่ทอมก็อดโวยวายไม่ได้อยู่ดี เพราะมิสเตอร์ใหญ่สัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่มารับเขาก่อนจะถึงเวลา
   
“..ครับ ผมทราบดีครับ คุณหนู แต่นายท่า—“
   
ต้นที่เดินตามมาทีหลังมองภาพเหตุการณ์ข้างหน้าอึ้งๆ เพราะคนที่ดูเหมือนจะเอาปืนยิงเขาตายตั้งแต่หน้าบ้านเมื่อกี้ ตอนนี้คือก้มหัวปลกๆ ให้กับเด็กอนุบาลที่โวยวายไม่หยุด หมดสภาพบอดี้การ์ดเท่ๆ ไปเลย
   
“ฮื่อ ผมจะไม่โกรธมิสเตอร์ใหญ่ก็ได้ แต่มิสเตอร์ใหญ่ต้องสัญญากับผมนะ ว่าจะไม่ทำตัวไม่ดีกับมิสเตอร์ต้น”
   
แน่นอนว่านอกจากทอมจะรู้จักแด๊ดเป็นอย่างดีแล้ว ทอมก็รู้จักคนรอบตัวๆ เป็นอย่างดีเหมือนกัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามิสเตอร์ใหญ่ และบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ของเขานั้นจะหวงเขาขนาดไหน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกคนที่อยู่รอบตัวเขานั้นส่วนใหญ่ก็ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กจนมาถึงตอนนี้
   
“ครับ คุณหนู”
   
ใหญ่และคนอื่นๆ ตอบทอมด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก
   
“งั้นไปกันเถอะ มิสเตอร์ต้น ไปบ้านผมกัน! ผมกำลังคิดอยู่พอดีเลยว่าอยากให้มิสเตอร์ต้นมาชิมฝีมือเชฟคนใหม่ของผม”
   
หลังจากโวยวายจนพอใจ ทอมก็ลากมิสเตอร์ต้นขึ้นรถยนต์คันหรูของตัวเองอย่างกระตือรือร้น อย่างไรก็ตามถึงทอมจะสนใจวิถีชีวิตของสามัญชน แต่ชีวิตจริงๆ ของทอมที่ทอมคุ้นชินก็คือวิถีชีวิตแบบนี้อยู่ดี
   
“…”
   
ต้นกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ถูกยัดเข้ามาในรถ แล้วรอบด้านถูกประกบด้วยบอดี้การ์ดของทอม ทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง จนต้นไม่แน่ใจว่าไอ้เด็กอนุบาลนี่มันเป็นลูกประธานธิบดีหรือเปล่า ถึงได้มีการป้องกันขนาดนี้
   
“มิสเตอร์ต้น มิสเตอร์ต้นอยากดูอะไร ดูดอรี่ไหม”
   
ทอมตอนนี้คือหันไปวุ่นวายกับรีโมท ก่อนจะล้วงหยิบเยลลี่ที่ซื้อมาตุนไว้หลังเบาะขึ้นมาเคี้ยวกินอย่างมีความสุข โดยไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่มิสเตอร์ต้นด้วยการป้อน
   
“..ทอม”
   
ต้นเรียกทอมเสียงแผ่ว รู้สึกเย็นวาบๆ ไปทั้งหลัง
   
“กินสิ มิสเตอร์ต้น ไม่กินผมจะกินแล้วน้า”
   
แน่นอนว่าทอมอ่านสถานการณ์ไม่ออก จึงยังดึงดันที่จะป้อนมิสเตอร์ต้นต่อ
   
“…”
   
สุดท้ายต้นก็ยอมงับกิน แต่ก็แลกกับการที่ถูกพวกบอดี้การ์ดของทอมเขม่นมากกว่าเดิม จนเขาอดคิดไม่ได้เลยว่าพ่อกับพี่ทอมจะขนาดไหน เพราะแค่นี้เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตแล้ว
   
ดีไม่ดี กลับบ้านไปรอบนี้ บ้านเขาอาจจะถูกพ่อทอมยึดไปแล้วก็ได้!
   
ต้นคิดอย่างหดหู่ ชีวิตเขาถึงคราวจบสิ้นจริงๆ แล้วสินะ
   
หากแต่ในระหว่างที่ต้นกำลังจะปลดปลงกับชีวิต มือเล็กๆ ของทอมก็แอบสอดเข้ามาจับแบบเนียนๆ โดยซ่อนอยู่แต่ผ้าห่มที่ทอมเอามาห่มกันหนาว
   
ซึ่งพอต้นหันไปมองทอม เจ้าเด็กอนุบาลก็ยิ้มให้ แล้วดูดอรี่ที่กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ในจอต่อ
   
“…”
   
ต้นเผลอยิ้มออกมา และกระชับมือทอมกลับให้แน่นกว่าเดิม
   
อย่างว่าล่ะนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
   
ถ้าผ่านมันไปได้ เขาจะฟัดทอมให้หนำใจเลย!

==================

 :z10: ตอนนี้สั้นไปนิดนึง น่าจะหนักตอนหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-06-2019 23:42:57
ลุ้นระทวยจังลุย
มาดูกันว่า ผู้เสียดายจะปกปิดผู้กำลังจะเสียชีวิตได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-06-2019 02:06:15
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 26-06-2019 01:41:20
น้องทอมน่าเอ็นดูมากๆ เจ้าเด็กอนุบาล
รอตอนต่อไปนะคะ มิสเตอร์ต้นต้องถูกจัดการแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 26-06-2019 14:32:04
มิสเตอร์ต้น จะมีชีวิตรอดกลับมามั้ยเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 19-07-2019 22:25:39
รอนะ เมื่อไหร่จะมาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-07-2019 09:33:39
มิสเตอร์ต้นไปบ้านทอมจะเดือนนึงแระนะ
โดนโบกปูนถ่วงน้ำไปแล้วหราาา 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: night-nnc ที่ 13-10-2019 21:29:35
ขอให้รอด ไม่ต้องไปหาพยายมนะมิสเตอร์ต้น
 :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-10-2019 22:11:29
เหมือนจะครบ 100 วันมิสเตอร์ต้นแล้วนะ เผาเลย หรือว่า เก็บไว้ก่อนดี?  :sad11: :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 17-10-2019 11:17:43
มิสเตอร์ต้น โดนเชือดแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-11-2019 15:45:32
5 เดือนผ่านไป วิญญาณมิสเตอร์ต้น ยังไม่อาจออกมาจากถังโบกปูนหลังโดนนั่งยางได้ใช่ไหม 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] วิถีคนรวยกับนิสัยรวยๆ (?) ตอนที่ 11 : คอร์สติวภาษาไทย p.4 24/6/62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-03-2020 07:49:55
9 เดือนผ่านไป มิสเตอร์ต้นเกิดใหม่รึยัง 555