พิมพ์หน้านี้ - ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Chiffon_cake ที่ 17-04-2017 00:16:21

หัวข้อ: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 17-04-2017 00:16:21
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








สิบสองเศร้า

(I) บัลลังก์ปักษา

คำแนะนำ
หากต้องการอรรถรสในการอ่านมากขึ้น
ควรอ่านเรียงลำดับดังนี้
1. สิบสองเศร้า : (I) บัลลังก์ปักษา
2. สิบสองเศร้า : (II) ราชาวิหค
3. สิบสองเศร้า : (III) ดุจนกในกรงขัง

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3617292%3Btopicseen#msg3617292)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3618716;topicseen#msg3618716)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3622201;topicseen#msg3622201)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3623988%3Btopicseen#msg3623988)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3626744;topicseen#msg3626744http://)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3628872#msg3628872http://)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3631264%3Btopicseen#msg3631264http://)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3633072#msg3633072)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3640763#msg3640763)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3641719#msg3641719)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3653240#msg3653240)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3653944#msg3653944)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3657810#msg3657810)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3681920#msg3681920)
ตอนที่ 14 พาร์ตของอาสา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3682142;topicseen#msg3682142)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3682152;topicseen#msg3682152)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3687819;topicseen#msg3687819)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3688256#msg3688256)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3688261#msg3688261)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3688261#msg3688261)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3688270#msg3688270)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3690989#msg3690989)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3690990#msg3690990)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3690993#msg3690993)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3690998#msg3690998)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3690999#msg3690999)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691042#msg3691042)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691044#msg3691044)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691045#msg3691045)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691046#msg3691046)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691050#msg3691050)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691051#msg3691051)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691053#msg3691053)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691056#msg3691056)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691058#msg3691058)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59462.msg3691062#msg3691062)






คำเตือน
บุคคล เหตุการณ์ และสถานที่ในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติและไม่มีอยู่จริง
ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 17-04-2017 00:17:04
บัลลังก์ปักษา

คนบางคนเอาแต่คิดว่าตัวเองนก
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขานั้นเป็นผู้ครอบครองหัวใจของใครอีกหลายๆ คน...


บทนำ




   [เชี่ยทนาย นี่มึงซิ่วมามอกูจริงๆ เหรอวะเนี่ย แม่งเป็นเรื่องที่อะเมซิ่งมากอ่ะ]

   ผมใช้มือหนึ่งคุยโทรศัพท์ ส่วนอีกมือหนึ่งใช้ลากกระเป๋า ตอนนี้ผมอยู่ในสนามบินประจำจังหวัดแห่งหนึ่งและกำลังจะมุ่งตรงไปยังมหา’ลัย ซึ่งเป็นมหา’ลัยแห่งใหม่ของผม สถานที่ที่ผมคิดว่าจะได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนอย่างแท้จริง

   อ้อ ผมมีชื่อเล่นว่าทนาย และมีชื่อจริงว่านายนิติครับ คนที่พูดกับผมก็คือไอ้เชี่ยป๊อบ มันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมและกำลังเรียนอยู่ที่มอนี้

   “ตอนนี้กูอยู่สนามบินในจังหวัดมึง และกูก็โทรหามึงทันทีที่กูถึง มึงคิดว่ามันจริงมั้ยล่ะ”

   [เฮ้ย คนหล่อๆ หน้าตาเด็กกรุ๊งเด็กกรุงอย่างมึงจะมาติดแหงกที่บ้านนอกทำไม กูก็นึกว่าที่ผ่านมามึงพูดเล่นมาโดยตลอด]
 
   “ไอ้สัด จะให้กูเซลฟี่กับสนามบินไปให้มึงดูเลยมั้ย”

   [เอาเถอะ กูเชื่อแล้วก็ได้ ว่าแต่มึงจะอยู่หอไหนอ่ะ]

   “ก็หอในที่เป็นหอชายล้วนไง คนในมอมึงส่วนใหญ่ก็อยู่หอในกันไม่ใช่เหรอ” ผมมองซ้ายมองขวาอย่างไม่คุ้นตา สนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ค่อนข้างเล็ก ในร้านขายของอยู่ไม่กี่ร้าน มองแป๊บเดียวก็มองได้ทั่วแล้ว

   [มอกูไม่ได้มีแค่นั้นอ่ะดิ เรื่องหอที่นี่เค้าจริงจังกัน]

   “จริงจังยังไง”

   [หอในชายล้วนมีหอหนึ่งถึงหอหก แล้วเค้าก็แบ่งกันเป็นพรรคเป็นพวก]

   ผมถึงกับเลิกคิ้ว จริงๆ ก็เผื่อใจมาแล้วนั่นแหละว่ายังไงมหา’ลัยทุกมหา’ลัยก็ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง สงสัยมอนี้จะเป็นเรื่องหอล่ะมั้งครับ

   “มันเลือกได้เหรอวะ ไม่บังคับเหรอ”

   [ก็เลือกได้นะ แต่เลือกให้ตรงกับตัวมึงมากที่สุด ตอนมึงใช้ชีวิตในมหา’ลัยมึงจะได้มีความสุข]

   อะไรจะขนาดนั้นวะ นี่ถ้ากูเลือกไม่ได้ให้กูให้หมวกคัดสรรจากแฮร์รี่ พอตเตอร์มาช่วยได้มั้ย

   “แล้วมึงอยู่หอไหนอ่ะ” ผมลากกระเป๋าออกไปข้างนอก เพื่อรอคนของแม่ขับรถมารับผมไปส่งที่มอ

   [หอหนึ่ง]

   “งั้นกูอยู่กับมึง” ผมพูดอย่างไม่ต้องคิด ผมสนิทกับเชี่ยป๊อบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เพราะงั้นมันคงจะดีถ้าได้อยู่หอเดียวกันกับเพื่อนที่รู้จักกันมานานแล้ว

   [เฮ้ย มึงต้องนั่งคิดดีๆ ว่ามึงอยากมาอยู่หอกูจริงๆ หรือเปล่า ทุกหอคนในหอจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปนะ]

   เอ่อ...เริ่มสัมผัสได้นิดๆ แล้วล่ะว่าแม่งต้องเรื่องเยอะ ผมเลือกสอบเข้าที่นี่ก็เพราะมันตั้งอยู่ไกลปืนเที่ยงครับ จะเข้ามาในตัวจังหวัดทีก็เรียกได้ว่าต้องมีรถยนต์ขับหรือไม่ก็โทรเรียกแท็กซี่ไปรับเอา ผมซึ่งทะเลาะกับพ่อแม่มาทั้งปีกระหายที่จะมาพิสูจน์ตัวเองกับทางที่ผมเลือก ทางที่ไม่ใช่แพทยศาสตร์ที่พ่อแม่ผมชอบกัน เพราะงั้นผมจึงเลือกมอที่จะทำให้ผมมีสมาธิกับการเรียนมากที่สุด

   เอาเป็นว่าถ้าเรื่องมันจะเยอะ ผมก็พร้อมที่จะปรับเข้าหาละกัน ผมไม่อยากเปลี่ยนมหา’ลัยอีกแล้ว ผมเสียเวลาไปหนึ่งปี ซึ่งมันเป็นเวลาที่สามารถทำอะไรต่างๆ ได้มากมาย

   “มันต่างกันยังไง” ผมถามเผื่อจะได้รู้เอาไว้

   “เชี่ยเต มึงว่าสัดไมล์แม่งตื่นยังวะ” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นข้างตัว มันทำให้ผมหันไปมองโดยอัตโนมัติ คนพูดคือคนที่หันหลังให้ผม ส่วนคนที่ผมเห็นหน้า หน้าตามันค่อนข้างหล่อเหลาเลยทีเดียว มันสองคนขาวผ่องส่องสว่าง ดูโดดเด่นกว่าคนที่ยืนอยู่แถวนั้น เรียกได้ว่าโคตรจะสะดุดตา

   “เงียบแบบนี้กูว่ายังแน่ๆ”

   “โทรตามเลย”

   “เออ แป๊บหนึ่ง”

   [ฮัลโหล มึงฟังกูอยู่หรือเปล่า] ไอ้ป๊อบซึ่งอยู่ปลายสายส่งเสียงดัง

   “เออ ฟังอยู่” ผมตอบไปอย่างนั้นแต่ผมก็ไม่ได้ฟังอย่างที่ผมพูด เพราะคนที่หันหลังให้ผมจู่ๆ ก็หันมามองผมด้วยนัยน์ตากลมๆ ของมัน

   อื้อหือ ขาวสะท้อนดวงตากูจริงๆ

   ชาติที่แล้วแม่งต้องทำบุญด้วยสำลีหนัก 30 ตันแหงมๆ เพื่อนมันที่ว่าขาวแล้วยังสู้มันไม่ได้ครับ คนๆ นี้ขาวจนใกล้เคียงคำว่าซีด แต่ทว่ากลับดูดีและก็เหมาะกับตัวมันมาก

   [ที่มอนี้เขาจริงจังเรื่องคนในหอมากกว่าคนในคณะตัวเอง ตอนที่อยู่หอจะอยู่กันแบบครอบครัวและก็พี่น้อง เพราะมันมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน มันก็เลยเข้ากันได้และก็ผูกพันกันมาก]

   “มึงเวิ่นอะไรของมึงเนี่ยเชี่ยป๊อบ กูขอเนื้อๆ เน้นๆ ไม่เอาน้ำ” ผมยังคงมองดูไอ้สำลีที่ถอนสายตาออกไปจากผมแล้ว มันเป็นผู้ชายประเภทที่ผู้ชายด้วยกันยังมองน่ะครับ แม่ง น่าดึงดูดฉิบหาย

   [มึงไปสั่งก๋วยเตี๋ยวไปสัด]

   “กูตั้งใจฟังอยู่”

   [อย่างกูที่อยู่หอหนึ่ง มันจะมีแต่พวกเด็กเรียน อ่านแต่หนังสือ เน้นเรียนอย่างเดียวอ่ะ]

   ผมชะงัก “สัด นั่นมันมึงเลยนี่หว่า” ไอ้เชี่ยป๊อบคือเด็กที่ตั้งใจเรียนอย่างแท้จริงครับ ผมจำภาพมันสมัยเรียนมัธยมได้ เวลามีสอบหรือทำการบ้าน เพื่อนหลายคนต้องวิ่งมาขอความช่วยเหลือกับมันตลอด รวมถึงผมด้วย

   [แล้วมันใช่ตัวมึงมั้ย มึงเรียนเก่งนะ แต่เท่าที่จำได้ มึงไม่ได้ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือขนาดนั้นอ่ะ]

   “ก็จริงของมึง”

   “ไมล์มันไม่รับสายว่ะ” ไอ้หน้าหล่อพูดกับไอ้สำลี “เอาไงดี”

   “สาด งั้นก็ยืนรอต่อไปดิ”

   [เพราะงั้นกูถึงบอกไงว่ามึงจะเลือกหอแบบเดาสุ่มไม่ได้]

   “แล้วหอที่เหลือมันมีอะไรอีก” ผมมองไปที่ไอ้สำลีที่เป็นเจ้าของดวงตาตากลมต่อ มันทำหน้าเซ็งพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น

   [หอสอง หอพวกนักกีฬา]

   “กูชอบเล่นกีฬานะ แต่ก็ไม่ได้เล่นเป็นหลักว่ะ”

   [สิ่งที่มึงควรรู้อีกอย่างก็คือความสนใจของมึงต้องสุดๆ ไปทางนั้นจริงๆ เช่นหอหนึ่ง มันจะมีแต่พวกที่เอาแต่อ่านหนังสือจริงๆ หอสองก็มีแต่พวกที่เอาแต่เล่นกีฬาจริงๆ]

   “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมอึ้ง ไอ้สำลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำของตกตรงหน้าผม มันเดินเข้ามาใกล้พร้อมๆ กับก้มลงไปหยิบ กลิ่นหอมๆ ของมันโชยเข้าจมูกของผมจนผมถึงกับต้องกระพริบตาปริบๆ

   [ใช่]

   “งั้นมึงเล่าหอที่เหลือมา เอาแบบคร่าวๆ” รู้เอาไว้จะได้ไม่เอ๋อเมื่อไปถึงครับ

   [หอสามคือพวกหน้าตาดี หอสี่คือพวกคนรวย หอห้าคือพวกเนิร์ดกับโอตาคุ หอหกคือพวกอินดี้]

   ผมอ้าปากค้าง ลืมกลิ่นหอมของคนที่อยู่ใกล้ๆ ไปซะฉิบ

   “มันแบ่งกันแบบนี้จริงๆ เหรอวะ”

   รู้สึกอึ้งมากกกกกกกกก มีอะไรแบบนี้อยู่ในประเทศไทยด้วยเหรอ

   [จริงสิ]

   “เหี้ย” แล้วกูเหมาะกับอะไรล่ะวะเนี่ย

   [มึงไม่ต้องเลือกเองก็ได้ พอมึงมาถึงตรงนี้มึงอาจจะได้คุยกับประธานหอ ถ้าประธานหอรู้ว่ามึงไม่ได้เป็นแบบคนในหอเขา เขาก็จะโยนมึงไปในที่ของมึงเอง]

   “อึ้งเหี้ยๆ ทุกหอไม่มีคนแบบอื่นผสมด้วยเหรอวะ”

   [มี แต่ท้ายที่สุดก็ต้องย้ายไปที่ของตัวเองอยู่ดี เขาจริงจังกันมากนะ มึงรู้ไว้ก็ดี]

   “ทางผู้ใหญ่ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยเหรอ” ผมว่าการจัดแบ่งแยกประเภทคนแบบนี้ออกจะแปลกๆ สักหน่อยนะ

   [ก็อยู่กันเองแบบนี้มาหลายรุ่นแล้ว]

   “ดีนะที่มึงเล่าให้ฟังก่อน แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูควรไปอยู่ตรงไหนว่ะ” ผมจนปัญญาจริงๆ ครับ ผมไม่รู้ว่าตัวผมน่ะมีด้านไหนที่โดดเด่นที่สุด เรื่องเรียนก็ไม่ใช่ เรื่องกีฬาก็ไม่เชิง

   คนอย่างกูควรไปอยู่ตรงไหนดีวะสาดดดดด #เกาหัวแรงๆ

   [จากใจคนที่เป็นเพื่อนมึงมานานอย่างกู สิ่งที่กูเห็นได้ชัดจากตัวมึง มันเป็นสิ่งที่สามารถข่มการเรียนเก่งของมึง ข่มการชอบเล่นกีฬาของมึง และก็ข่มความรวยของมึง...]

   “...”

   [สิ่งนั้นก็คือมึงหล่อไงไอ้สัด มึงไปอยู่หอสามไป]

   “หอสาม!” ผมร้องเสียงดัง ไอ้หน้าหล่อกับไอ้สำลีหันขวับมามองที่ผมทันทีโดยที่พวกมันไม่ได้นัดกัน ผมรีบมองไปทางอื่น ขยับตัวอยู่ให้ห่างจากพวกมัน เมื่อตะกี้สายตาไอ้สองคนนี้มันแปลกจนผมรู้สึกหวาดระแวง “เชี่ยป๊อบ กูอาจจะเด่นเรื่องกีฬามากกว่าหล่อก็ได้ มันน่าขนลุกสัดๆ เลยนะที่กูต้องเข้าไปอยู่หอที่มีแต่คนหล่ออ่ะ”   

   [โอย ยังไงมึงก็ได้ไปอยู่หอสาม กูวางเงินพนันไว้สามพันเลย กูเชื่อว่าประธานแทบจะทุกหอต้องถีบหอส่งมึงไปหาพี่อ้าย ประธานหอสามอ่ะ]

   “เขาเลือกกันแบบนี้เหรอ”

   [เขาดูออกหมดแหละว่ามึงเหมาะจะอยู่กับเขามั้ย]

   “แต่หอสามมัน...” ผมไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำว่าหอสามที่รวมคนหน้าตาดีเอาไว้เลยครับ หลายคน (โดยเฉพาะสาวๆ) อาจจะมองว่าดีจะตาย จะได้มีแต่เพื่อนร่วมหอหล่อๆ แต่สำหรับผม ผมมองว่ามันจะมีแต่ความฉิบหายและก็ความไม่สุขกายสบายใจน่ะสิ

   ฟังดูแล้วแม่งน่าจะมีแต่ปัญหา

   [มึงอย่าเพิ่งพูด มึงต้องลองเห็นของดีประจำหอสามก่อน]

   “ของดี?”

   [โคตรน่ารักอ่ะ มันเป็นนางฟ้าประจำหอชายล้วนเลยนะ]

   “สัด มีด้วยเหรอ” คำว่านางฟ้าทำให้ผมนึกไปถึงเพื่อนสมัยเรียนที่แม่งชอบใส่วิกผมอ่ะ ปัญหาคือมันเป็นผู้ชายหัวเกรียนๆ นี่แหละ ไอ้นางฟ้านี่จะเป็นอย่างนั้นป่ะวะ

   [มีดิ กูเป็นผู้ชายกูยังมองว่าเขาน่ารักเลย เขาโดนแซวทุกเช้าเลยแม่ง เดินผ่านหออื่นแทบไม่ได้เลยคนนี้อ่ะ]

   “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมเกาหัวแกรกๆ เริ่มอยากรู้ไอ้นางฟ้าคนนั้นมันหน้าตาแบบไหนถึงได้ทำให้ผู้ชายในมอที่มีอัตราส่วนนักศึกษาเพศหญิงมากกว่าเพศผู้ 3 : 1 หันมาสนใจและแซวผู้ชายด้วยกัน “มันหน้าตาเป็นยังไง”

   [ขาวนำมาก่อนเลย]

   คำว่าขาวของไอ้ป๊อบทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้สำลีที่ยังคงมองผมอยู่ มันเริ่มซุบซิบกันกับเพื่อนหน้าหล่อของมันอย่างสงสัย ดูเหมือนทั้งคู่จะพูดถึงผม

   นินทากูทั้งๆ ที่กูยืนอยู่ตรงนี้ กูแนะนำให้มึงมากระซิบข้างหูกูเลยจะเหมาะกว่า

   “แล้วไงต่อ”

   [ตาโตๆ กลมๆ]

   ดวงตากลมโตของไอ้สำลีมองผมกับเพื่อนตัวเองสลับกัน

   [สูงสัก 175 มั้ง]

   ไอ้นี่มันน่าจะสูงประมาณนั้นนะ

   [ผมดูนิ่มๆ น่าจับ]

   นี่ก็ใช่มันอีก

   [เวลายิ้มเหมือนทำให้โลกใบนี้สดใส]

   มันหัวเราะกับเพื่อนมันด้วยท่าทางอารมณ์ดี ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อย สะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องที่ไอ้สำลีมันจะเป็นคนเดียวกันกับนางฟ้าที่ไอ้ป๊อบเอ่ยถึง มันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้น

   “นั่นมันคนหรือตัวเหี้ยอะไร ทำไมฟังดูดีไปหมด มีด้วยเหรอคนแบบนั้นอ่ะ”

   [มีเยอะแยะที่หอสาม แต่คนนี้สุดจริงๆ ว่ะ]

   “ชักจะอยากเห็นแล้วสิ” ผมพูดไปอย่างนั้นเพียงเพราะอยากรู้ว่าจะใช่คนเดียวกันกับคนที่ผมมองตอนนี้มั้ย

   [เดี๋ยวก็ได้เห็น เพราะยังไงมึงก็ได้อยู่หอสามแน่นอน]

   “มึงปักใจเชื่อแล้วใช่ป่ะว่ายังไงกูก็ต้องได้อยู่หอนี้”

   [ล้านเปอร์เซ็นต์ ใครจะหล่อสู้เพื่อนกูได้ ไอ้เตก็ไอ้เต พี่อ้ายก็พี่อ้ายเถอะ]

   “ไอ้นางฟ้าคนนั้นมันชื่อว่าอะไร”

   [อาสา]

   “มันเป็นน้องพ่อมึงเหรอ”

   [สาด มันชื่ออาสาจริงๆ]

   “อืม”

   [ชื่อมันดูน่ารักคิขุอาโนเนะมั้ย]

   “เหี้ยไรของมึงสัดป๊อบ”

   [กูปลื้มเขาไงสาด ฮ่าๆๆ]

   “งั้นกูต้องไปพิสูจน์แล้วล่ะว่าดูดีสมกับคำว่านางฟ้าจริงมั้ย”

   [เออ แล้วเดี๋ยวมึงจะเพ้อเหมือนกู ว่าแต่มึงมีคนมารับยังวะ]

   “มาแล้ว แค่นี้นะ ไว้เจอกัน” คนของแม่มาพอดีเลยครับ

   [โอเค ตอนมึงเข้ามาโซนหอพัก มึงเดินผ่านหอหนึ่งไปเลยนะ ยังไงก็ไม่ใช่มึง]

   “กูรู้แล้ว”

   [ไม่ต้องเดินไปคุยกับหอสองด้วย พี่สงครามน่ากลัว]

   “ไอ้สัด แค่นี้นะ” เพราะเป็นการจอดรถรับส่งแบบชั่วคราวน่ะ ผมก็เลยต้องรีบ

   [มึงเดินไปหอสามเลย]

   ผมกดตัดสายไอ้เพื่อนตัวดีที่เชียร์ให้ผมไปอยู่หอสาม คนของแม่รับกระเป๋าของผมไปเก็บไว้หลังรถให้ ผมเดินตามหลังของเขาไป ขึ้นไปนั่งบนรถ จากนั้นก็มองไปที่คู่เพื่อนหน้าตาดีคู่นั้นอย่างไม่มีอะไรจะมอง สองคนนั้นมันเลิกจ้องผมนานแล้ว

   “เดี๋ยวจะขับรถไปข้างในมหา’ลัยเลยนะครับ”

   “ขอบคุณครับ”

   สายตาของผมประสานกับสายตาไอ้สำลีอีกครั้งด้วยความบังเอิญ ราวกับมันต้องการตอกย้ำให้ผมจำมันได้ยังไงยังงั้น
ตอนที่รถเคลื่อนที่ผ่านมันไป ผมได้แต่คิดในใจกับตัวเอง

   ถ้านางฟ้าประจำหอชายล้วนหน้าตาแบบมันก็คงโอเคอ่ะ มันจะทำให้ผมเข้าใจในทันทีว่าทำไมผู้ชายด้วยกันแท้ๆ ถึงได้ปลื้มมันขนาดนั้น ผมไม่มีอะไรจะเถียงเลยสักคำครับ ถ้าสองคนนั้นจะเป็นคนเดียวกัน

   ...ก็ไอ้นี่มันน่ารักสัดๆ

   ได้แต่บอกกับใจตัวเองว่าสัดทนาย มึงมาเรียนนะมึง มึงไม่ได้มาหาแฟน








TBC*



สิบสองเศร้า ภาคแรก บัลลังก์ปักษามาแล้วค่ะ
เรื่องนี้มีสามภาคยาวๆ อ่านไปหาวไปกันได้ 555
เนื้อเรื่องค่อนข้างเบาค่ะ แม้ชื่อจะฟังดูดราม่าไปนิด
แต่เบามากจริงๆ 555

ฝากพระนายคู่แรก #ทนายอาสา ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
จริงๆ ภาคนี้คือสี่เศร้าแรก เดี๋ยวจะมีคู่รองโผล่มาค่ะ : )
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Athikarn23 ที่ 17-04-2017 00:40:37
โอย...อาสาไปทอดสะพานให้ทนายแทนได้ไหมมมมมม :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-04-2017 00:52:08
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: I C H A ที่ 17-04-2017 01:21:59
ติดตามค่า อยากไปส่องหอสามกันเลยทีเดียว555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 17-04-2017 01:46:20
อยากปีนหอสาม!!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 17-04-2017 02:05:30
กรี้ดดดดดดดด ดีใจมากกกก
สำลีก้อนนุ่มๆ ติดตามน้าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-04-2017 02:19:23
อ่านไปตลกเรื่องหอไป ม.นี้เขาจริงจังกันจริ้งจริงงง รอติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 17-04-2017 05:29:44
รอติดตามคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-04-2017 06:09:54
กลัวดราม่าาา แต่ก็อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 17-04-2017 07:28:48
ตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-04-2017 07:32:31
 :z13: :z13:

รออ่านตอนต่อไป  :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: TK323 ที่ 17-04-2017 07:51:25
อย่างกะดูซีรีส์ไปเลยตอนนี้ รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่ ที่ 17-04-2017 08:51:13
เข้ามามุงผู้ชายคุณพี่ชิฟฟ่อนค่ะ ขอเข้าหอด้วยคน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Orangeship ที่ 17-04-2017 10:23:27
ตามมมาอ่านค่าาาาา :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-04-2017 10:24:25
คนเขียนหมายถึง เส้า แบบนี้หรือเปล่าคะ (ตอนนี้ยังมองแนวของเรื่องนี้ไม่ออก ต้องรอดูกันต่อไป)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 17-04-2017 10:43:01
 :catrun: :catrun: :catrun:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 17-04-2017 10:49:45
น่าสนใจอ่ะ ชอบๆ มาต่อเร็วๆเด้อ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-04-2017 11:14:02
แอบงงชื่อเรื่องนิดหน่อย สิบสองเศร้านี้หมายถึงอะไรอะคะ แล้วบัลลังก์ปักษาคืออายายยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-04-2017 11:32:02
เรื่องนี้มาแนวไหนเนี่ยยย รอติดตามต่อปายยย :katai5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-04-2017 11:32:33
เราโดน Chiffon_cake หลอกด้วยชื่อเรื่องงงงง งืออออ  :ling1:  อะไรคือสิบสองเศร้า?? อะไรคือบัลลังก์ปักษา??  นึกถึงดราม่า นึกถึงแฟนซี ไปโน่นนนนน พอฮึบกดเข้ามาอ่าน นี่มันวัยใสมหาลัยแสนสุขสันต์ (ใช่ ใช่ไหม?) ของโปรดนี่นาาาาา  :m3:  อ่านไปชอบไป โหหหหห เลือกหอยังกะกริฟฟินดอร์จริงด้วย 555555 สนุกอ่ะ คนขาวโอโมนางฟ้าหอชาย กับ สุดหล่อเด็กใหม่ซิ่วมา แคนดิเดต นิวเมมเบอร์หอสาม ชอบๆๆๆ เกาะหน้าจอ รีเฟรชรัวๆๆ ติดตามไปด้วยกันอีกเนอะ  o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 17-04-2017 14:27:07
ติดตามตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: HuskyLover ที่ 17-04-2017 16:52:32
เคยเห็นแต่รักสามเส้า แต่เรื่องนี้ซัดไปสิบสองเศร้าเลยเหรอครับ แม่เจ้า!
แต่อ่านดูแล้วไม่เศร้าซักกะนิด
สงสัยน้องสำลีกับน้องนางฟ้าต้องเป็นคนเดียวกันแหงๆ
ขาวโอโม่จนน้องทนายไม่มีสมาธิคุยโทรศัพท์เลย :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 17-04-2017 17:15:26
โง้ยยยยยยยยยยยยย
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!
เจ้รอมานานพอกับน้องอาสารอคนมาสอยลงคานเลย(ใช่หรอ?)

พี่ทนายนี่มาไกลเพื่อเด็ดดอกฟ้าเลยใช่ไหมคะ
ท่าทางน้องอาสาจะแสบไม่เบา ชอบเลยแบบนี้

และกำลังตื่นเต้นกับคู่รอง
ลุ้นประธานหอสักคนนะเนี่ย พี่อ้ายก็ดีนะเออออ

เป็นกำลังใจให้เสมอนะจะ
#ทีมชิฟฟ่อนเค้ก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 17-04-2017 17:56:57
น่าติดตามมากๆค่ะ หอสามดีต่อใจ 
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 17-04-2017 18:12:17
ทำไมกรี๊ดพี่สงคราม พี่เขาออกมาแค่ชื่อเองนะ!! บ้าจริง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-04-2017 18:17:44
แค่ได้ยินชื่อหอก็อยากพังกำแพงเข้าไปส่องแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ   :m20:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-04-2017 19:08:18
ขอไปหอสามด้วยคนนนนนน :oni1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 17-04-2017 19:31:06
ขอเกาะขอบรั้วที่หอสามชายด้วยคนค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 17-04-2017 20:11:01
เข้ามารอ  มาเชียร์ ทนายอาสาด้วยคน
ขอเสื้อคลุมล่องหนเข้าหอในตัวนึง 555555
 :o8:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 17-04-2017 20:46:42
หอสามไปทางไหนคะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-04-2017 09:28:06
สิบสองเศร้า คืออะไร บัลลังก์ปักษา คืออะไร
ทำไมมีแต่คำว่าชื่อเขาเหมาะกันจังเลย ทนายอาสา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-04-2017 09:44:40
รอติดตามค่ะ #ทนายอาสา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 18-04-2017 13:37:56
มันยังไงละเนี้ย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-04-2017 13:59:10
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-04-2017 14:35:26
หืมม ตามดูๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-04-2017 19:44:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-04-2017 21:42:53



บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 1




   โซนหอพักชาย

   ผมที่เป็นคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิดอดที่จะอ้าปากค้างเมื่อเห็นหอพักที่นี่ไม่ได้ ภาพที่ผมคิดไว้ก็คือมันจะต้องเป็นหอพักหกหลังที่แออัดยัดเยียดมากแน่ๆ แต่เปล่าเลยครับ หอหนึ่งถึงหอหกถูกแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วน มีลานจอดรถประจำอยู่ทุกหอ นั่นหมายความว่าโซนหอพักชายเป็นอะไรที่กว้างขวางมากมายจริงๆ

   ผมยืนอยู่หน้าประตูรั้วที่แบ่งกั้นระหว่างโลกของหอพักและก็โลกภายนอก รู้สึกตื่นตาตื่นใจแบบแปลกๆ เพราะเท่าที่ฟังจากไอ้เชี่ยป๊อบมา ดูเหมือนที่นี่จะเคร่งเรื่องหอกับคนในหอมากๆ ซึ่งผมสัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มายืนอยู่ตรงนี้แล้วล่ะ

   คนที่เหมือนกันแม่งจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนจริงๆ ครับ

    ผมจะยึดว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่ว่าผมจะถูกส่งไปอยู่หอไหนผมก็จะไม่โวยวายอะไรอีกต่อไป ถ้าประธานหอเลือกคนเข้าหอกันจริงๆ ก็ต้องมีคนรู้แหละว่าผมต้องอยู่หอที่เท่าไหร่

   มีเด็กปีหนึ่งมาใหม่หลายคนทยอยเดินเข้าไปข้างใน ผมเดินตามคนเหล่านั้นไป ก่อนจะมองดูหอแต่ละหอที่ผมเดินผ่านเพื่อเป็นการสำรวจและพิสูจน์ว่าจริงอย่างที่ไอ้เชี่ยป๊อบมันเล่ามั้ย

   หอแรกที่ผมเดินผ่านก็คือหอหนึ่ง หอเด็กเรียน

   ลักษณะของหอค่อนข้างเรียบง่ายและโคตรสงบ คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าหอนี้และพร้อมจะเข้าไปพักอาศัยได้ทันทีมีแต่คนที่น่าจะมาจากคณะที่เรียนหนัก พวกหมอ ทันตะ เภสัช วิทยาศาสตร์ อะไรประมาณนั้น ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้ป๊อบมันถึงบอกว่าหอหนึ่งไม่เหมาะกับผม เพราะผมอยู่ในที่ๆ มีแต่คนเอาแต่เรียนอย่างบ้าคลั่งแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

   เพราะฉะนั้นผมจะตัดหอหนึ่งออกไปจากตัวเลือกของผม

   หอต่อมาคือหอสอง หอนักกีฬา

   “ไอ้สัด ชักช้า ไวๆ เลย” ตอนที่ผมเดินผ่าน ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย ข้างหน้าหอสองมีพวกนักศึกษาชายหุ่นกำยำยืนรอต้อนรับเด็กปีหนึ่งอยู่ ความรู้สึกของผมคือเหมือนแม่งไม่ได้มาต้อนรับ แต่มาแกล้งเด็กมากกว่า

   “เอากระเป๋าไปเก็บแล้วรีบลงมาส่วนกลางด้วย ประธานหอมีเรื่องจะคุยด้วย ให้ไวๆ”

   “ไอ้คนนั้นไม่รีบยกกระเป๋าขึ้นไปล่ะวะ มัวแต่คุยห่าคุยเหวอะไร มันขวางทางคนอื่นเขา”

   “ช่วยเพื่อนด้วย อย่าช่วยแต่ตัวเอง”

   หอสองแม่งเถื่อนว่ะ จริงๆ ผมอยู่กับไอ้พวกนี้ได้นะครับ เพียงแต่ว่าผมคงทนให้พวกแม่งข่มผมเพราะผมเป็นปีหนึ่งทั้งปีไม่ไหวแน่ๆ ผมรีบขยับหน้าหนีจากพวกหอสอง จากนั้นผมก็เจอะเข้าอย่างจังกับกองทัพมนุษย์เสื้อสีน้ำเงินเข้ม

   “นิติ บุญญวาณิชย์ ทายาทคุณโสภาพรรณ บุญญวาณิชย์ อยู่ปีหนึ่ง คณะบัญชี” หนึ่งในนั้นพูดชื่อแม่ผมด้วยเสียงอันดังกึกก้อง ไอ้สัด มึงเป็นใครเนี่ยยยยย

   คนพูดเดินเข้ามาใกล้ผม มองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “เสื้อ ผ่าน”

   หา อะไรของแม่ง

   “กางเกง ผ่าน”

   เชี่ยอะไรของมึง

   “รองเท้า ผ่าน นาฬิกา TAG Heuer โคตรจะผ่าน!” ดูมันชอบนาฬิกายี่ห้อเดียวกันกับผมนะครับเนี่ย “คนนี้ผ่านครับพี่ตั้ม ดูรวยตั้งแต่นามสกุล หนังหน้ารวมไปถึงของใช้”

   ผมยืนเอ๋ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้อย่างงงๆ จู่ๆ แม่งก็มามองและก็มาพูดชื่อผม ชื่อแม่ผม และก็พูดสิ่งที่อยู่บนตัวผมออกมาหมดว่าผ่านหรือเปล่าอย่างหน้าตาเฉยชาพร้อมกับการมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

   ได้แต่นึกสงสัยในใจว่าพวกมึงกำลังทำห่าอะไรกันอยู่

   “กูคิดว่ามึงคงต้องมาอยู่หอสี่แล้วล่ะ มึงเดินตามหลังไอ้นี่ไปก็แล้วกัน” ไอ้พี่ตั้ม ดูจากป้ายชื่อแล้วพี่มันคงเป็นประธานหอสี่พูดกับผมเสียงแข็งเหมือนเป็นคำสั่ง จากนั้นก็ตั้งท่าจะเดินหนี

   ผมแม่งไม่ถูกชะตากับหอสี่ซึ่งเป็นหอคนรวยตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว ถ้าจะให้อยู่ทั้งสี่ปีโดยมีคนมาให้ความสนใจเสื้อผ้าหน้าผมและฐานะการเงินของที่บ้านตลอดแบบนี้ ผมอึดอัดตายห่า

   “เชี่ยตั้ม” มีคนมาขวางทางพี่ตั้มไว้ ผมอ้าปากค้างเติ่งเพราะคนที่มาใหม่หน้าตาหล่อแบบโคตรไร้ที่ติ งดงาม สง่างาม อะไรเทือกๆ นั้นเลย ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ แม่งเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดการ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะ

   “สัดอ้าย มีอะไร” ไอ้พี่ตั้มแม่งไม่ให้เกียรติความงดงามของพี่มันเลย

   “ไอ้นี่มันต้องอยู่หอสาม” คนจากหอสามเหรอวะ ผมมองดูป้ายชื่อ เฮ้ย นี่มันพี่อ้ายที่ไอ้เชี่ยป๊อบมันพูดถึงนี่หว่า คนนี้ต้องเป็นประธานหอสามแน่ๆ เพราะท่าทางพี่มันกล้าไฟต์กับไอ้พี่ตั้มมากๆ  พี่ตั้มดูเหมือนจะชินกับหน้าตาของพวกหอสามเป็นอย่างดี ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

   “มันรวยนะ”

   “แต่น้องมันดูหล่อมากกว่ามันดูรวย”

   แม่งต้องวุ่นวายอะไรกันขนาดนี้เลยเหรอวะ พี่ตั้มกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า “มึงรู้ตัวป่ะว่ากูหมั่นไส้มึงกับคนในหอมึงฉิบหาย เอะอะอะไรก็หล่อ เอะอะอะไรก็หน้าตาดี มีดีแค่อย่างเดียวทำไมเอามาโม้จังวะ”

   แม่ง บรรยากาศมาคุว่ะ จะต่อยกันมั้ยเนี่ย ผมมองประธานหอสองคนสลับกัน

   “กูรู้ บางทีกูก็หมั่นไส้ตัวเองเหมือนกัน”

   เหยดเข้ แบบนี้เรียกว่าพี่มันหล่อแบบที่รู้ตัวว่าหล่อแถมยังกวนประสาท พี่อ้ายไม่ได้สนใจว่าใครจะเหน็บแนมเรื่องนี้ สงสัยคงโดนมาทั้งชีวิตจนเคยชิน ผมมองพี่อ้ายอย่างทึ่งๆ และก็ลุ้นอยู่ในใจว่าพี่มันจะสามารถเอาชนะพวกคนรวยพวกนี้ได้มั้ย

   “ให้เด็กมันเลือกละกัน” พี่ตั้มหันมาถามผมอย่างเบื่อๆ ผมถึงกับสะดุ้ง “กูรู้มึงหล่อ แต่มึงใช้ชีวิตอย่างคนรวยจะเหมาะกับมึงมากกว่าเชื่อกูดิ เรามีปาร์ตี้ริมสระน้ำทุกวันเสาร์ เหมาร้านเหล้าทุกวันศุกร์ มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดห้องให้ มียามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มี...”

   “ผมอยู่หอสามดีกว่าครับ” ผมพูดตัดประโยคไอ้พี่ตั้ม เพราะกลัวพี่มันจะสาธยายอะไรเว่อร์ๆ ออกมามากกว่านี้ เพราะผมกะจะมาอยู่หอในมหา’ลัยนะ ไม่ได้มาอยู่ในเพนเฮาส์

   พี่ตั้มส่ายหน้าใส่ผม แต่ไม่ได้มีสีหน้าว่าจะตำหนิผมอะไรขนาดนั้น พวกชุดดำทุกคนเดินผ่านหน้าผมไป ผมหันมาหาพี่อ้ายที่มองผมเหมือนผมทำถูกแล้ว

   มอนี้มันเลือกหอตามความสมัครใจได้เหมือนที่ไอ้เชี่ยป๊อบพูดไว้จริงๆ นี่หว่า ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่อ้ายมากกว่าพี่ตั้ม ไม่ใช่เพราะพี่มันหล่อหรือมีความมั่นใจ แต่ดูคุยด้วยง่ายมากกว่าไอ้พี่ตั้ม พวกหอสอง และก็พวกหอหนึ่ง

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าหอห้ากับหอหกเป็นพวกไหน แต่ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงผมก็คงต้องอยู่หอสามแล้วล่ะครับ
 
   “มึงเข้าไปนั่งรอตรงส่วนกลางก่อน หิวก็ไปหาอะไรแดกที่โรงอาหารกับซูเปอร์มาร์เก็ตได้ เดี๋ยวกูได้เด็กครบแล้วจะเข้าไปจัดห้องให้” พี่อ้ายพูดอย่างง่ายๆ น้ำเสียงช่างแตกต่างกับใบหน้าและก็ท่าทางอันโคตรสง่างาม จะว่าไปพี่มันก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนี่แหละนะ

   “โอเคครับ”   

   “มึงชื่ออะไร เรียนคณะอะไร”

   “ทนายครับ อยู่บัญชี”

   “หา ชื่ออะไรนะ”

   “ทนาย”

   “ถ้ามึงชื่อทนาย งั้นกูก็ชื่อนายแบบแล้ว”

   นั่นมุขเหรอ ผมเลิกคิ้วใส่ประธานหอสาม “ผมชื่อทนายจริงๆ ชื่อจริงผมชื่อนิติ”

   “เฮ้อ ลูกใครหนอพ่อแม่ช่างตั้งชื่อ”

   “ผมเข้าไปในหอแล้วนะ”

   “เออ”

   แม่งไม่ได้คุยยากหรือผมเหมาะที่จะอยู่ในหอสามภายในการดูแลของไอ้พี่อ้ายนี้จริงๆ วะครับ ผมหันไปมองดูพวกปีหนึ่งที่เริ่มขนของตัวเองเข้าไปยังโซนส่วนกลางของตึกหอสามที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่ง

   ไอ้สาดดดดดดดดด นี่มันอะไรกัน

   ไอ้นี่ก็หล่อ ไอ้นั่นก็หล่อ ไอ้ห่าที่อยู่ตรงโน้นก็หล่อ!

   แม่งเป็นหอที่คัดหน้าตาคนที่จะเข้ามาอยู่จริงๆ เหรอวะ ฟังดูน่าหมั่นไส้แต่แม่งจริงฉิบหาย เพราะหล่อกันทุกคนเลยครับ หล่อกันไปคนละแบบ แต่ก็หล่อกันจริงๆ

   “แดกเกาเหลาร้านเจ๊ฝ้ายกัน”

   “สั่งเผื่อกูด้วย กูไปหาน้องกูก่อน”

   “ทำไมคนมันดูเยอะๆ จังวะ”

   “วันนี้วันเข้าหอของพวกปีหนึ่งไง”

   รุ่นพี่ที่อยู่หอมาก่อนหลายคนเดินลงบันไดพร้อมกับพูดคุยกัน ผมขยับตัวออกเพื่อหลีกทางให้ มองดูคนเหล่านั้นด้วยสายตาอึ้งจนไม่รู้จะอึ้งยังไง นี่วงบอยแบนด์ป่ะวะ หรือว่าที่นี่เขามีจัดประกวดชายงาม ทำไมถึงได้หน้าตาดีอะไรขนาดนี้  ปกติแล้วผมไม่ค่อยสนเรื่องผู้ชายที่หน้าตาดีหรอกนะครับ แต่ในเมื่อมันมารวมกันอยู่ในที่เดียวแบบนี้ผมอดที่จะตกตะลึงไม่ได้จริงๆ

   “กูจะด่าไอ้ไมล์ให้ยับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจนผมต้องหันไปมอง

   นางฟ้าที่ผมเรียกว่าไอ้สำลีในสนามบินที่ผมเจอนี่หว่า แม่งมาได้ไงวะ มันกับเพื่อนหน้าหล่อกำลังเดินเข้ามาในตึก ซึ่งพร้อมๆ กับพวกปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่คนอื่นๆ

   “มันต้องโดนไม่ใช่น้อย”

   “เฮ้ย” ไอ้สำลีอ้าปากค้างเมื่อเห็นผม “ไอ้เต ไอ้นี่ไง คนที่เจอในสนามบิน”

   “...”

   “กะแล้วว่าต้องเป็นเด็กมอเรา”

   “และกูก็กะแล้วว่าแม่งต้องหนีหอนี้ไม่พ้น” ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าไอ้เตคนนี้มันดูไม่ค่อยชอบผม มันชักสีหน้าใส่ผมทันทีหลังจากที่เห็น

   เออ กูก็ไม่ถูกชะตากับมึงเหมือนกันล่ะวะ

   “ก็น้องมันเล็งหอสามไว้อยู่แล้ว”

   กูไม่ได้เล็งเว้ย แค่ไหลมาตามน้ำเอง นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่พวกมึงนินทากูเหมือนกูไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ ไอ้พวกเหี้ย

   “อาสา มึงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวกูหาซื้ออะไรก่อน”

   “โอเค”

   เมื่อตะกี้ไอ้คนที่ชื่อเตมันพูดว่าอะไรนะ

   อาสา

   อาสาเหรอ

   อาสางั้นเหรอวะ!

   ชัดเจนแจ่มแจ้ง นางฟ้าประจำสนามบินคือคนเดียวกันกับนางฟ้าประจำหอพักชายล้วน

   ไม่มีอะไรจะเถียงเลยสักคำครับ เพราะหลักฐานมันเห็นอยู่ทนโท่จนแทบจะตำตาผม เข้าใจแล้วว่าทำไมแม้กระทั่งผู้ชายด้วยกันยังปลื้ม ก็มันเล่นมีดีตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้ใครบ้างที่จะไม่ชอบ ผมเห็นเด็กหอสามใหม่หลายคนหันมาเหลียวมองไอ้อาสาอะไรนี่กันตาเป็นมัน

   ...แต่มันกลับเลือกที่จะมองมาที่ผมแทน

   “มองไรวะ”

   คำพูดอาจจะฟังดูโหด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด มันเหมือนหมาตัวเล็กๆ มาขู่ผมอ่ะ

   “กูไม่ได้มอง” กูแค่เหลือบมองมึงนิดหน่อย ไม่ได้มองเต็มๆ ตา เพราะงั้นมันจะเรียกว่ามองไม่ได้เว้ย

   “เฮ้ย กูอยู่ปีสองนะ กูเป็นรุ่นพี่มึง มึงพูดดีๆ”

   “กูอายุเท่ามึง กูซิ่วมา”

   “ซิ่วมายังไงก็ต้องเป็นน้อง”

   “กูไม่เป็น”

   อาสาอ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าผมจะกล้าต่อปากต่อคำด้วย ก็ผมคิดงั้นจริงๆ นะ ถึงมันจะดูว่าผมไม่เคารพรุ่นพี่ ไม่เคารพในกฎที่ว่าเข้าเรียนก่อนคือพี่ เข้าเรียนพร้อมกันคือเพื่อน เข้าเรียนทีหลังคือน้องก็เถอะ ไม่รู้ล่ะ ผมมาเรียน ผมไม่ได้มาเคารพกฎนี่

   ผมล้อเล่น

   จริงๆ แล้วผมเคารพคนที่ผมอยากเคารพน่ะครับ (แล้วจะร่ายทำไมตั้งยาว) กับไอ้นี่ผมไม่คิดจะเคารพอะไรมันอยู่แล้วเพราะมันนินทาผมที่สนามบินแล้วหัวเราะคิกคัก ผมไม่ชอบคนนินทาระยะเผาขน และถ้าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายเหมือนกันผมยิ่งไม่ชอบใหญ่

   ถ้ามันไม่ทำแบบนั้นผมอาจจะเรียกมันว่าพี่อาสาไปนานแล้วครับ

   “พี่อ้าย พี่รับเด็กผีที่ไหนมาเนี่ย” อาสาหันไปพูดกับพี่อ้ายที่เดินเพิ่งเข้ามาในตึก

   “มันเชียร์ลิเวอร์พูล มันเด็กหงส์” พี่อ้ายชี้ไปไปที่สติกเกอร์ทีมที่แปะอยู่บนกระเป๋าของผม พี่แม่งใช่ว่ะ กวนประสาทได้ใจผมจริงๆ

   “เฮ้ยพี่ อย่าเพิ่งตลกตอนนี้”

   “มีอะไรอาสา”

   ไหนดูซิ มึงจะขี้ฟ้องมั้ย ผมหรี่ตามองมันเล็กน้อย อาสามองผมอยู่นานจากนั้นมันก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร

   “ไม่มีอะไรแล้วพี่ ผมขึ้นห้องก่อนนะ” มันไม่ได้ขี้ฟ้องแฮะ

   “อะไรของมึงวะ คราวหลังก่อนคุยกับกู มึงควรประชุมกับตัวเองก่อนแล้วค่อยมาคุย”

   อาสาเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ส่วนพี่อ้ายส่ายหน้าอย่างระอาตาม เป็นความสัมพันธ์ที่ดูตลกแต่ก็ดูแน่นแฟ้นสนิทชิดเชื้อกันดี ผมมองตามไอ้อาสาไปแบบไม่รู้ตัว

   “เห็นนางฟ้าวันนี้ มึงจะโชคดีไปทั้งวันนะ” พี่อ้ายพูดกลั้วหัวเราะ คำว่านางฟ้าสำหรับไอ้อาสาคงเป็นอะไรที่ติดตัวมันจนแงะไม่ออก เพราะพี่อ้ายพูดเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รู้กันไปทั่ว

   “มันแม่งเป็นนางฟ้าจริงๆ เหรอวะพี่”

   “แล้วมึงคิดว่าใช่มั้ยล่ะ”

   ผมมองดูคนรอบข้างใต้ตึกหอสามแห่งนี้ มันมีแต่คนหน้าตาดีจริงๆ แต่ไม่มีใครเป็นแบบอาสาเลยสักคน ไม่มีใครดึงดูดให้ผู้ชายอย่างผมต้องมองอ่ะ

   “ก็คงใช่แหละ” ผมรับคำอย่างเสียไม่ได้

   “ลองดูว่าตลอดทั้งวันนี้มึงจะโชคดีมั้ย”

   “พี่เจอมันบ่อยป่ะ”

   “กูเป็นประธานหอนี้ กูเจอมันทุกวัน”

   “แล้วพี่โชคดีมั้ยครับ”

   “ก็ดีนะ กูเรียนเก่งได้เกรดเอตลอด แต่กูเสือกหล่อ ก็เลยมาติดแหงกกับพวกมึงที่หอสามนี่ไง”

   มันเกี่ยวกับโชคมั้ยวะนั่นน่ะ ไหงกลายเป็นบ่นปัญหาชีวิตไปซะฉิบ

   “อาสามันก็ดีนะ แต่ไม่ดีตรงที่กูต้องมาคอยกันท่าพวกหออื่นที่จะเข้ามาหามันนี่แหละ แม่งเหนื่อยฉิบหาย เดี๋ยวกูจะไปพูดให้พวกปีหนึ่งอย่างมึงฟัง ว่าที่พวกมึงได้มาอยู่หอนี้เพราะพวกมึงหน้าตาดีและดูเข้ากับพวกกูรุ่นพี่หอสามได้ก็จริง แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำ และมันเป็นการทำเพื่อหออย่างหนึ่ง”

   “ทำอะไรวะพี่” ฟังดูยิ่งใหญ่เหมือนเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องปกปักษ์รักษาชีวิตของผู้คนบนโลก

   “เป็นหูเป็นตา อย่าให้พวกหออื่นมายุ่งกับอาสา”

   ถ้านั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่ก็คงจะหงายเงิบตกเก้าอี้ไปแล้ว...ไอ้อาสามันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เข้าใจ

   “คงไม่มีใครยุ่งกับมันขนาดนั้นหรอกมั้ง” ปากกล้าออกอย่างนั้น น่ารักก็จริงแต่ไม่น่าเข้าใกล้สักนิด

   “สาด ไม่รู้อะไรซะแล้ว นอกจากมันจะเป็นนางฟ้าประจำหอชาย ไอ้อาสามันยังเป็นเหมือนอะไรสักอย่างที่แม่งนั่งอยู่บนบัลลังก์” ผมทำสีหน้างงใส่ “กูพูดแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่ากูพูดเยอะ”

   พูดมาซะขนาดนี้แต่ก็ตัดบทเฉย อะไรของพี่อ้ายวะครับ

   “มึงไปนั่งรวมกับพวกปีหนึ่งตรงนู้นไป เดี๋ยวกูจัดห้องให้”

   ผมพยักหน้า แม้จะมีเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกตั้งมากตั้งมาย แต่ผมก็จะไม่ขอเซ้าซี้ให้เยอะไปมากกว่านี้ เพราะถ้าอะไรหลายๆ อย่างมันชัดเจนตายตัวขนาดนี้ สักวันผมคงต้องรู้เอง

   เช่นเรื่องไอ้อาสา อยากรู้จริงๆ ว่าแม่งจะฮอตสมกับคำว่านางฟ้าหรือเปล่า






   20 นาทีต่อมา

   สาดดดดดดดด เกิดมาก็เพิ่งเคยอัปยศอดสูแบบนี้

   ตอนที่จับกลุ่มเพื่อหารูมเมต 4 คน ผมกลายเป็นเศษที่เหลือจากกลุ่มเด็กปีหนึ่งใหม่ของหอสามทั้งหมด

   ว็อทเดอะฟ๊าคคคคคคคคคคคค

   “ตอนจับกลุ่มสี่คนทำไมมีแต่คนกระโดดหนีผมล่ะ” ผมรู้สึกว่าจะคุยเหี้ยอะไรกับพี่อ้ายก็ได้ เพราะงั้นผมก็เลยโวยวายเหมือนน้องชายกำลังบ่นให้พี่ชายฟัง “ผมมีอะไรผิดปกติเหรอพี่”

   “กูก็ไม่อยากพูดหรอก เดี๋ยวจะหาว่ากูอวยมึง”

   “พูดมาเหอะ”

   “มึงหล่อเกินไป”

   “เฮ้ย อะไรนะ”

   “หล่อจนข่มคนอื่นไปหมด”

   “ผมน่ะเหรอ เมื่อกี้มีคนหล่อกว่าผมตั้งเยอะนะ”   

   “นั่นความคิดมึงไง ไม่ใช่ความคิดคนอื่น” พี่อ้ายทอดถอนใจ “ตอนนี้มึงไม่ใช่เดือนหอ มึงเลือกอยู่คนเดียวหรือเลือกอยู่กับใครไม่ได้ เพราะงั้นเป็นหน้าที่ของกูที่จะจับมึงโยนเข้าใส่ห้องที่กำลังว่าง” ผมมึนไปหมดแล้ว รู้สึกเซ็งปนหงุดหงิดเพราะโดนเด็กปีหนึ่งเหมือนกันวิ่งหนีผมราวกับผมเป็นตัวประหลาด

   ผมอยู่ในห้องที่พี่อ้ายเรียกมันว่าออฟฟิศประธานหอ เป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่มีแต่โต๊ะกับเก้าอี้ประธานแค่นั้นเองครับ พี่อ้ายกดโทรศัพท์ประจำโต๊ะของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งมีป้ายชื่อว่านายอัจฉริยะ ประธานหอสามวางอยู่ด้วย

   “ฮัลโหล ใครพูดวะ อืม มีเด็กปีหนึ่งมาใหม่แล้วเศษคนหนึ่งว่ะ หาห้องลงไม่ได้ ห้องมึงเตียงว่างเตียงหนึ่งใช่มั้ย”

   ผมขยับตัวไปมาด้วยความเซ็งสุดกู่

   “งั้นเอาเด็กคนนี้ไปอยู่หน่อยนะ มันเรียนบัญชีเหมือนมึงกับไอ้ไมล์อ่ะ น่าจะเข้ากับมึงได้”

   ห้องนี้มีรุ่นพี่คณะเหรอ แถมยังมีตั้งสองคน เฮ้ย ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้ว เผื่อจะได้ปล้นชีทปีที่แล้วมาอ่านบ้าง

   “ห้องอื่นเต็มหมดแล้ว มึงก็รู้นี่” พี่อ้ายมองมาที่ผม “มีเชี่ยไรสัดเต หน้าตาเหรอ ก็เหมือนคนในหอเราอ่ะ”

   ผมขมวดคิ้ว

   “มึงถามเยอะจังวะ เซ้าซี้ฉิบหาย อะไรนะ ใช่คนที่ตัวสูงๆ มั้ยเหรอ มันก็สูงนะ”

   นอกจากหอนี้จะคัดคนเข้ามาอยู่ที่หน้าตาแล้ว ตอนเลือกคนเข้าห้องก็ยังต้องเลือกที่หน้าตาอีกเหรอวะ เชื่อแม่งเลย

   “สาดดดดดด ถามเยอะกูไม่ตอบแล้ว กูให้เวลาพวกมึงเคลียร์ห้องให้เด็กใหม่สิบนาที เดี๋ยวกูจะพามันขึ้นไป แค่นี้แหละ” พี่อ้ายวางหูอย่างกระแทกกระทั้น “งานกูก็เยอะตายห่าอยู่แล้ว สัดเตยังจะมาเรื่องเยอะอีก เดี๋ยวแม่งโดนแน่” ท่าทางพี่มันพูดไปงั้น คงไม่ทำจริงๆ หรอก แต่ถ้าเป็นพวกหอสองพูดล่ะก็ไม่แน่ “ห้องที่มึงจะได้ไปอยู่คือห้อง 204 นะ ห้องไอ้อาสามัน”

   “หา” ผมร้องเสียงหลง จะเป็นห้องใครก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นห้องไอ้นั่น!

   “เป็นไงล่ะ โชคดีมั้ย เจอนางฟ้าประทานพรเข้าไป”

   “ผมไม่ได้อยากอยู่เลยเหอะ” ถ้าไอ้อาสามันคือนางฟ้าและก็มีคนจากหออื่นมายุ่งกับมันเหมือนที่เขาร่ำลือกัน มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายอย่างแท้จริง

   ผมอยากมาเรียน ไม่ได้อยากมาเจอความวุ่นวายนะครับ

   “ไอ้สัด คนอยากอยู่ห้องเดียวกับอาสาเยอะจะตายห่า แต่ไม่มีใครได้อยู่เลยสักคน มึงมามอนี้แค่แป๊บเดียวและมึงก็ได้อยู่ห้องของอาสาทันทีทันใด มึงควรจะดีใจนะ”

   “ผมไม่...”

   “การจัดแบ่งห้องของกูถือเป็นเด็ดขาด นอกเสียจากมึงจะถูกโหวตให้เป็นเดือนหอ มึงถึงจะมีสิทธิ์เลือกห้องของตัวเอง”

   โวะ ผมทำหน้าอารมณ์เสียใส่พี่อ้ายที่ไม่ได้ถือสาอะไรผมเลยแม้แต่น้อย

   นางฟ้าบ้าอะไรวะ ประทานความซวยมาให้กูเนี่ย

   แม่งน่ารักก็จริง แต่ช่วยไปน่ารักไกลๆ กูได้ป่ะวะ กูไม่สะดวกให้มึงมาน่ารักใกล้ๆ จริงๆ สาดดดดดด






   
   หน้าห้อง 204

   โคตรไม่อยากมา โคตรอยากหันหลังกลับไป แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ขัดพี่อ้ายไม่ได้ เพราะพี่มันดูเป็นใหญ่ที่สุดในหอนี้แล้วอ่ะ อีกอย่างผมไม่อยากทำตัวมีปัญหาด้วย เพราะกลัวว่าพี่อ้ายจะส่งผมไปอยู่กับพวกหอสอง ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่ผมได้อยู่ห้องเดียวกับอาสาก็ได้

   คิดไปคิดมา กูยอมก็ได้วะ

    หลังจากที่พี่อ้ายเคาะประตูสามที ประตูก็ถูกเปิดออก คนที่เปิดประตูคืออาสา มันมองพี่อ้าย จากนั้นก็มองมาที่ผม มันชักสีหน้าทันทีที่เห็นว่าผมคือคนที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมห้องของมันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

   “คนอื่นไม่ได้เหรอพี่”

   กูก็ไม่ได้อยากอยู่กับมึงเท่าไหร่หรอก ผมแสดงสีหน้าว่าเซ็งออกไปอย่างเต็มที่

   “อย่ามาเรื่องมาก”

   บอกแล้วว่าพี่อ้ายมีอำนาจสูงสุด อาสาจำใจต้องเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้น ภาพที่ผมเห็นก็คือผู้ชายตัวสูงสองคนยืนจ้องเขม็งมาที่ผม คนหนึ่งก็คือไอ้เต ไอ้หน้าหล่อผู้ที่ผมเจอมาก่อนหน้านี้และเป็นคนไม่น่าจะชอบผมเท่าไหร่ ส่วนอีกคนก็คือใครไม่รู้แต่ก็ดูหล่อสมกับคำว่าเป็นเด็กหอสามครับ

   ไอ้เตดูหล่อแบบเย็นชา ส่วนอีกคนดูหล่อแบบอบอุ่น

   แม่งช่างบาลานซ์อะไรขนาดนั้น

   “พี่อ้าย หวัดดีพี่” คนที่หล่ออบอุ่นไหว้พี่อ้าย พี่มันรับไหว้ก่อนจะช่วยผมลากกระเป๋าเข้าไป

   ในห้องมีเตียงสองชั้น 2 หลัง และมีโต๊ะ 4 ตัวเรียงกันระหว่างเตียงทั้งสอง สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะก็คือตู้เสื้อผ้าทั้งหมด 4 ตู้เรียงกัน มันคือภาพที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นหอพักของมหา’ลัยอย่างแท้จริง (ไม่มียามและก็ไม่มีแม่บ้าน #แซะหอสี่ทำไม)

   “เห็นมันหล่อแบบนี้แต่มันเป็นเด็กที่คุยง่าย” พี่อ้ายพูด “และอย่าให้กูรู้ว่ามึงรวมหัวกันแกล้งมันนะ”

   ประธานหอสามออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมอยู่กับเพื่อนร่วมห้องใหม่ทั้ง 3 คน ผมมองจ้องเขม็งไปที่ทุกคน แต่ละคนดูไม่มีใครอยากให้ผมมาอยู่กับพวกมันเลยแม้แต่คนเดียว

   กูก็รู้สึกเหมือนพวกมึงอ่ะ
   “มึงชื่ออะไร” ไอ้เตถามออกมา

   “ทนาย” ผมตอบแข็งๆ

   พวกมันมองหน้ากัน ชื่อผมแปลกผมรู้ แต่ไม่ได้แปลกขนาดที่จะต้องมองหน้าและประชุมผ่านโทรจิตกันแบบนั้น

   “คณะล่ะ”

   “บัญชี”

   “เฮ้ย ทำไมพูดไม่มีหางเสียงวะ” อีกคนที่ผมยังไม่รู้ชื่อโวยวายเสียงดัง ลบล้างคำพูดที่ว่าเป็นคนหล่ออบอุ่นไปซะฉิบ

   “มันซิ่วมาว่ะไมล์ มันอายุเท่าพวกเรา” อาสาช่วยตอบแทนผม อ๋อ ไอ้นี่ที่แท้ก็ชื่อว่าไมล์นี่เอง มันคือคนที่ตื่นสายและไม่ได้ไปรับไอ้เตกับไอ้อาสาที่สนามบิน

   “มึงรู้ได้ไง” ไอ้ไมล์ขมวดคิ้ว   

   “ก็คุยกับมันก่อนขึ้นห้องมาอ่ะ”

   ไอ้เตกับไอ้ไมล์จ้องผมเขม็งอีกครั้ง ผมรู้สึกได้ว่าที่พวกมันสองคนจ้องมานั้นเป็นเพราะคำพูดของไอ้อาสาที่ว่ามันคุยกับผมมาก่อนหน้านี้แล้ว

   เดี๋ยวนะ กูสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ ทำไมพวกมันถึงได้ทำท่าเหมือนจะฆ่าจะแกงผมผ่านสายตาแบบนั้น

   “แต่ยังไงมันก็โดนคัดมาอยู่หอนี้ คงไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก มันเป็นเรื่องของโชคชะตา” อาสาพูดต่อไป ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติอะไร มันหันมาพูดกับผมอย่างคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก “ตู้มึงอยู่ทางโน้น โต๊ะมึงอยู่ทางนั้น และก็เตียงมึงอยู่ทางนี้” อาสาตบเตียงที่อยู่ชั้นสอง “กูนอนเตียงข้างล่างไปแล้ว”

   ผมไม่ได้ติดใจอะไรตรงนั้นมากมาย เพราะผมนอนตรงไหนก็ได้

   “คนนี้ชื่อเต เรียนอยู่มนุษยศาสตร์ คนนี้ชื่อไมล์ เรียนบัญชีเหมือนกันกับกู”

   ผมพยักหน้าทักทาย แต่ไม่มีใครพยักหน้าตอบผมเลยสักคน สัด นี่กูต้องรู้สึกอัปยศอดสูอีกแล้วเหรอ

   “ได้ข่าวว่ามึงเรียนบัญชีเหมือนกัน แต่มึงอยู่ปีหนึ่ง ยังไงตอนอยู่ที่คณะมึงก็ทำท่าเคารพกูกับไมล์หน่อยแล้วกัน จะได้ไม่มีเรื่องเอาทีหลัง แต่อตตอนยู่ที่หอ มึงทำตัวตามสบายได้” เสียงของอาสาที่ฟังดูสบายๆ ไม่ได้ช่วยให้สายตาของไอ้เตกับไอ้ไมล์ที่มองมาทางผมดีขึ้นได้

   มึงจะจ้องอะไรกูขนาดนั้น กูนั่งทับหัวมึงเหรออออออ ผมอยากจะถามพวกแม่งใจจะขาด

   คำว่า ‘เซ้นส์’ มันมีอยู่จริงนะครับ ไอ้อาสาอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ผมที่มาใหม่แม่งรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องของมันอีกสองคนกำลังสื่อออกมา สายตาแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ ดูก็รู้ว่าพวกมันเขม่นผมไม่มากก็น้อย

   ตอนที่พวกมันมองอาสาสลับกับมองผม แม่งโคตรต่างกันฉิบหาย เวลามองมาที่ผม พวกมันมองเหมือนผมเป็นคนไปเผาบ้านของพวกมัน แต่เวลาที่มองอาสา กลับมองเหมือนอาสาเป็นคนที่อยู่ในบ้านซึ่งผมเป็นคนเผาและก็เป็นคนที่พวกมันแคร์โคตรๆ คนหนึ่ง

   ผมเข้าใจอะไรบางอย่างแทบจะในทันที

   พี่อ้ายเอาแต่บอกว่าต้องคอยเป็นหูเป็นตา คอยระวังไม่ให้พวกหออื่นเข้าใกล้ไอ้อาสา แต่กลับไม่รู้เลยว่าคนที่ควรระวังมากที่สุดคือคนจากหอสามด้วยกันเอง

   และที่สำคัญก็คือควรระวังคนที่อยู่ห้องเดียวกันกับไอ้อาสานี่แหละครับ

   ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ผมคิด นางฟ้ามันจะทำหน้ายังไงเมื่อได้รู้ล่ะครับเนี่ย

   อาสา มึงรู้อะไรมั้ยเนี่ยว่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนของมึงชอบมึงอ่ะ ฟายยยยยยยย





TBC*




น่าจะเห็นเงาบัลลังก์นิดๆ แล้วเนอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 18-04-2017 22:08:39
อาสาาาา สเน่ห์แรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: s_aoy ที่ 18-04-2017 22:08:59
สนุกกกกค่าา รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 18-04-2017 22:33:40
โหหหหหห อาสา โคตรสุดยอดอ่ะ เห็นเงาบัลลังค์แล้ว 555
นางฟ้าประจำมหาลัย
น่าติดตามมากๆค่ะ ^^
เป็นกำลังใจ และรอติดตามยาวๆเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-04-2017 22:35:15
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 18-04-2017 22:55:50
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: yaoi_y ที่ 18-04-2017 23:02:51
มาขนาดนี้ เห็นชะตาพี่ทนายแวบๆ ไม่ใช่ว่าจะมีแบบ เพื่อนรักเพื่อนงี้นะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 18-04-2017 23:23:37
 :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Smilesdr ที่ 18-04-2017 23:40:21
ฮึก พี่อ้ายเป็นของเรา เขาคือของเรา เราจอง!!!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-04-2017 00:13:08
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-04-2017 00:24:19
โอ้ยตายแล้ว!อยากว้าปไปหอสามจริงๆ >0<
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 19-04-2017 00:52:25
ติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: plafishy ที่ 19-04-2017 01:01:37
ชอบแนวนี้มาก ติดตามค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 19-04-2017 01:26:40
อ่านชื่อเรื่องตอนแรกนึกว่าเป็นนิยายจักรๆวงศ์ๆเลยปล่อยผ่าน
สักพักพอเหลือบเห็นชื่อคนแต่งเลยรีบกดเข้ามาดู 
เหยดดดดดด คนละเรื่องกับชื่อเรื่องเลย 555555
ติดใจอีกแล้ว เหมือนโดนชิฟฟ่อนเค้กป้ายยา 555555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-04-2017 01:48:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 19-04-2017 01:50:38
จะเอาๆ พี่อ้ายยยยย  :hao7:
คนอะไรไม่รู้ หล่อจนรู้สึกหมั่นไส้ตัวเอง 5555   
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-04-2017 05:42:18
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-04-2017 05:54:13
อาสานี่ ราชินี สินะ 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 19-04-2017 06:22:29
ทนายตายแน่ มาวันแรกก็โดนเขม่นซะละ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-04-2017 09:43:44
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: minomi1300 ที่ 19-04-2017 10:32:17
เลือกไม่ถูกเลยอ่าาาาาาาา :hao5: :hao5: ทำไม่มันดีงามไปหมดแบบนี่ โอ้ยยยยยยยยยย หัวจัยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 19-04-2017 11:53:54
อาสาไม่รู้ว่ามีเพื่อนแอบรัก แต่ทนายรู้ งั้นทนายก็ตัดหน้า คว้าอาสาไปเลย....อย่าช้านะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-04-2017 13:02:35
ขอแชร์โล หอสาม หน่อยเร้ววว ด่วนๆๆๆๆ  :m5:

อ่อออออ บัลลังก์ปักษา คือ นุ้งอาสานางฟ้านั่งบัลลังก์นี่เอง ถถถถถถถ  :m4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: AmiTiel ที่ 19-04-2017 14:02:30
ขอทั้งหมดเลยได้ไหม 55555555 จะอาสา จะทนาย จะพี่อ้าย จะเต จะไมล์ ขอหมดเลยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 19-04-2017 14:27:57
แหมมม ทนายคือไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับอาสาเลย (เสียงสูง)
รู้สึกว่าไมล์กับเตประหนึ่งองครักษ์พิทักษ์หนูอาสา
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: milxxd_ ที่ 19-04-2017 16:18:28
ขอจองพี่อ้ายได้มั้ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-04-2017 16:36:45
งื้อออ!! นางดูฮอตไปอีก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 19-04-2017 17:25:10
บัลลังก์ปักษา<<<<< นึกว่าพี่เค้กเขียนแนวแฟนซี :o8: 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-04-2017 18:12:06
ก็ยังงงกะชื่อเรื่องอยู่ดีอ่านะ 555555
แต่ไม่สนใจชื่อเรื่องละ เนื้อหาหนุกหนาน เราโอเค  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 19-04-2017 22:04:51
กรี๊ดพี่อ้าย  :mew1: นางกวนแบบซึนๆดี  ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Mayenine ที่ 19-04-2017 23:26:32
ในใจไม่ได้คิดว่าทนายจะคู่กับอาสาอะ ไม่เตก็ไมล์ป่ะ นี่คิดไปไกลมากอ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 20-04-2017 00:05:47
อาสานี่ราชินีที่แท้จริง มีแต่คนหมายปองครองใคร่รัก :m1:
รู้เลยทนายเด็กใคร เด็กพี่อ้ายเองจะใครล่ะ เป็นแบ็คให้ซะขนาดนี้ 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 20-04-2017 10:31:19
ทนายขอให้ได้เป็นเดือนหอนะ แล้วแยกไปอยุ่กับอาสางี้ ได้ป่าวอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-04-2017 11:25:14
คนนอกมั้งดูออก กับอะไรแนวนี้อยุ่ละ

อยู่ด้วยกันตลอดไง เคยชิน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 20-04-2017 12:17:43
ถ้าตัดทนายออกนี่มีโอกาส3pนะ555555 อิเพื่อนร่สมห้อง2คนมันคงตกลงอะไรกันไว้บ้างแหละน่าาาา //ตบโต๊ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 20-04-2017 21:38:47
ดีใจที่ได้อ่านฟิคน้องนุ่นอีกครั้ง
เจ้เม้นใน้ฟสไปแล้วแต่มาอ่านอีกรอบเลยขอเม้นอีกที55

เตกับไมล์เป็นองครักษ์พิทักษ์อาสาที่คานอำนาจกันอยู่ใช่มะ กูไม่ได้ มึงไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกันงี้

สู้เค้านะลูกคุณทนายยยยยยย
เจ้ #ทีมพี่อ้าย นะ! 555555555

ปล.อาสาดูเป็นผู้ใหญ่ดีนะ มีเหตุผลดี บวกแต้ม
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-04-2017 18:19:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-04-2017 18:34:41
ก่อนมาไม่ถามเพื่อนก่อนล่ะ มาเจอแบบนี้ ทนายถึงกับเหวอ
แถมมาอยู่ห้องเดียวกับนางฟ้าอีก คราวนี้ได้เป็นปักษาคอยไล่จิกแน่

อ้ายแน่มากค่ะ ไม่งั้นเป็นประธานหอไม่ได้หรอกเนาะ ไม่หล่ออย่างเดียวนะ คุยรู้เรื่องอยู่ 55555

อาสาดูโอเคกับทนายนะ แต่คงเพราะใกล้ไป เลยไม่ทันคิดว่าคนใกล้ตัวหวงเวอร์ คิดดีก็แบบเพื่อนไง

ทนายจะรอดไหม รอตอนต่อไปค่ะ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 24-04-2017 14:18:08

บัลลังก์ปักษา


ตอนที่ 2





   ห้อง 204

   ผมบอกตามตรงว่าผมอึดอัดฉิบหาย เหตุผมที่รู้สึกแบบนั้นไม่ใช่เพราะอาสาที่ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้าแล้วล่ะครับ แต่เป็นเพราะสายตาของไอ้เตกับไอ้ไมล์นั่นต่างหาก ไม่รู้ว่าพวกแม่งจะเขม่นผมไปถึงไหน

   “กูลงไปข้างล่างนะ” อาสาลุกขึ้นจากเตียงตัวเอง ไม่ได้รอให้ใครอนุญาต จากนั้นมันก็เดินออกไปเลย สงสัยคงรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ ล่ะมั้ง

   ในห้องจึงเหลือแต่ผม ไอ้เต และก็ไอ้ไมล์ ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมาสบตากับอีกสองคนที่จ้องมองมาพอดี

   “พวกมึงชอบไอ้อาสามันใช่ป่ะ”

   สิ้นเสียงของผม พวกมันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นตกใจทันที

   “ไม่ใช่”

   “ไม่ได้ชอบ”

   ใครจะไปเชื่อวะ หรือว่าที่ผ่านมาแม่งเนียนจนไม่มีใครสังเกตอะไรเลย

    “ให้กูเดานะ อาสามันไม่รู้เรื่องนี้” ผมคิดว่าถ้ามันรู้เข้าล่ะก็มันคงย้ายห้องไปนอนที่อื่นแล้วล่ะ เพราะนี่มันเพื่อนร่วมห้องชอบมันเหมือนกันทั้งสองคนเลยนะครับ เป็นผมนี่อึดอัดใจตายห่า

   “สัด มึงรู้ได้ไงวะ” ท่าทางของไมล์ดูผ่อนคลายมากขึ้น “ก่อนหน้าที่จะรู้จากปากของไอ้เต กูไม่เคยดูมันออกเลย”

   “กูก็ดูไอ้ไมล์ไม่ออก”

   “พวกมึงเล่นมองเหมือนกูจะคาบอาสามันไปแดกขนาดนั้น กูมองกูก็รู้ดิ” ผมพูดตามสิ่งที่ผมรู้สึก

   “มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เตชักหวาดระแวง หันไปมองไอ้ไมล์ “สัดไมล์ มึงนั่นแหละผิด มึงแสดงออกมากเกินไป”

   “มึงต่างหาก มึงก็ผิดเหอะ”

   แม่งก็เหมือนกันทั้งคู่ป่ะวะ

   “แล้วมึงจะคาบไปแดกป่ะ” เตยิงคำถามใส่ผมต่อ

   “บ้าเหรอ กูไม่ได้ชอบมัน และก็ไม่ได้คิดที่จะชอบด้วย เรื่องนี้พวกมึงสบายใจได้”  ผู้ชายทุกคนบนโลกจะมาชอบไอ้อาสาหมดได้ไง เป็นไปไม่ได้หรอก

   แปลกแต่จริงครับ เตกับไมล์เปลี่ยนสายตาที่มองผมจากเขม่นกลายเป็นเริ่มเป็นมิตรมากขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดที่สุดแสนจะธรรมดาของผมถึงได้สามารถเปลี่ยนสายตาของคนสองคนจากหลังตีนเป็นหน้ามือได้

   ในเมื่อความรู้สึกของพวกมึงมากมายขนาดนี้ จะปิดบังทำซากมะเขืออะไร ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะวะ ไอ้พวกบ้าเอ๊ย

   “พวกมึงอดทนเก็บความรู้สึกไหวได้ยังไง” ผมมองมันสองคนสลับกัน หลังจากที่ได้ยินทั้งคู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “เหตผุลข้อที่หนึ่ง กูเป็นเพื่อนกับไอ้อาสาตั้งแต่มัธยม” คำพูดนี้เป็นของไอ้เต

   เหยดเข้ แค่ข้อแรกก็เด็ดแล้ว

   “เหตุผลข้อที่สอง กูเป็นเพื่อนร่วมคณะของอาสาตั้งแต่ปีหนึ่ง” คำพูดของไอ้ไมล์ก็ตามมาติดๆ

   แม่เจ้า นี่ก็ใช่ย่อย

   “เหตุผลข้อที่สาม พวกกูเป็นเพื่อนร่วมห้องของมัน”

   ผมค่อยๆ อ้าปากค้างกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

   “เหตุผลข้อที่สี่ พวกกูชอบมันเหมือนกัน”   

   “เหตุผลข้อที่ห้า ขืนบอกไปอาสามันได้กัดลิ้นตัวเองตายห่า ที่มอนี้มันไม่มีเพื่อนเลยนอกจากกูกับไอ้ไมล์”

   “เหตุผลข้อที่หก ถ้าเพื่อนร่วมห้องและก็เพื่อนของมึงมาชอบมึง ทุกอย่างแม่งต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ”

   ไอ้เหี้ย กูอึ้งมากกกกกกกกกกก

   ผมตอบอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งจริงๆ ครับ ไอ้สองคนนี้มันต้องจริงจังกับอาสามากแน่ๆ เพราะสามารถคิดเหตุและผลได้ละเอียดชัดเจนขนาดนี้มันต้องแคร์อาสามากชัวร์ๆ มันสองคนมีความรักก็จริง แต่สิ่งที่พวกมันหวงแหนมากกว่าการเนหน้าจีบเพื่อนก็คือมิตรภาพ

   อาจเป็นเพราะพวกมันกลัวที่จะเสียอาสาไป กลัวจะเสียไปตลอดกาล ความสัมพันธ์ของแต่ละคนกับอาสาไม่มีใครธรรมดาเลยครับ อย่างที่พวกมันบอก ถ้าขืนพวกมันบอกชอบไอ้อาสา ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปแน่ พวกมันเป็นเพื่อนอาสาอีกทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมห้อง บอกไปก็มีแต่พัง และดีไม่ดีอาจจะต้องมาเขม่นกันเองเพราะชอบคนเดียวกัน

   โอ้โห อาสา มึงคือนางฟ้าที่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายจริงๆ นะนี่

   เอ่อ ผมแซวเล่นนะ...เท่าที่ฟังๆ ดู ตอนนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือไอ้อาสาครับ ถ้ามันรู้ความจริงขึ้นมาล่ะก็ มันจะรู้สึกยังไงที่ทั้งเพื่อนเก่าสมัยมัธยมกับเพื่อนใหม่ที่คณะมันมาชอบมัน แค่คิดก็ปวดหัวแทน

   “เอาเป็นว่าพวกกูขอโทษละกันที่เข้าใจมึงผิด” เตเปลี่ยนน้ำเสียงตอนที่พูดกับผมแล้ว

   “ก็มึงเล่นหล่อซะขนาดนี้” ไมล์เสริม “ถ้ามึงชอบอาสา กูว่าร้อยทั้งร้อยยังไงมันก็เลือกมึง”

   กูควรจะดีใจดีมั้ย “สบายใจได้ กูมาที่นี่เพื่อมาเรียน กูไม่คิดอะไรกับอาสามันแน่นอน”

   เตกับไมล์มีสีหน้าโล่งใจมากยิ่งขึ้น

   “อย่างน้อยตอนนี้มึงก็ช่วยเก็บความลับของพวกกูไปก่อนก็แล้วกัน” เตพูดเบาๆ

   “เรื่องของพวกมึง กูไม่ยุ่งอยู่แล้ว”

   ขอให้อนาคตมันมีเรื่องวุ่นวายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็แล้วกัน เพราะถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาล่ะก็...เรื่องราวต่างๆ มากมายคงตามมาเป็นพรวน ผมเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ห้องนี้ ยังไงผมก็ต้องมีส่วนรับรู้หรือมีส่วนเอี่ยวไม่มากก็น้อย

   กูขอเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งเลยว่ากูเข้ามอนี้เพื่อมาเรียนจริงๆ นะ ได้โปรดอย่าสร้างความวุ่นวายอะไรเลย กูกราบโดยเฉพาะไอ้คนที่...

   “กลับมาแล้ว” อาสาเปิดประตูเข้ามา ราวกับว่ามันรู้คิวตัวเองว่าผมกำลังนึกถึงมันอยู่ มันมองดูบรรยากาศในห้องด้วยดวงตากลมๆ ของมัน “เกิดอะไรขึ้นป่ะวะ”

   “ไม่มีอะไร”

   “ไม่มี”

   “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”

   ผู้ชายสามคนพากันแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับอย่างอื่น อาสาแม่งก็บื้อ คิดว่าทุกอย่างปกติ จึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

   ผมสวดมนต์ภาวนาในใจ ขอให้การอยู่หอของผมผ่านไปได้ด้วยดี รูมเมตของผมทุกคนก็ดูนิสัยง่ายๆ แม้จะกวนตีนไปสักนิด (กูพูดถึงมึงไอ้อาสา) แต่ก็น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีตลอดชีวิตการเรียนของผมได้

   ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าสองในสามคนมันแห่ไปแอบชอบเพื่อนตัวเองกันล่ะก็...ทุกอย่างก็คงจะดีกว่านี้เยอะเลย







   ตอนบ่าย

   เมื่อไอ้เตกับไอ้ไมล์คิดกับผมในแง่ที่ดีมากขึ้น พวกมันก็เลยเสนอตัวจะพาผมไปเยี่ยมชมมอ ไอ้อาสาที่กระตือรือร้นอยู่แล้วก็ยกมือบอกว่าจะไปด้วย เมื่อได้เห็นท่าทางของมัน ผมก็เริ่มเข้าใจนิดๆ แล้วว่าทำไมเพื่อนมันแท้ๆ ถึงได้หลงเสน่ห์มันเข้า

   แม่ง...ผู้ชายน่าฟัดมีอยู่จริงบนโลกใบนี้

   “กูชอบที่สุดเลยตอนที่ได้เห็นหน้าเด็กใหม่หลังจากเห็นมอพวกเรา” อาสาพูดยิ้มๆ “ยิ่งหน้าของไอ้นี่กูยิ่งอยากเห็น”

   มันยังไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่ ผมก็เหมือนกับมันนั่นแหละ ถึงผมจะชมมันว่าน่ารักนู่นนี่ แต่ผมก็ไม่ได้อยากที่จะอยู่ใกล้ๆ มันเท่าไหร่หรอกนะ เหมือนผมชมพี่อั้ม พัชราภาอ่ะ ผมชอบ ผมปลื้ม แต่ผมก็ไม่คิดจะจีบพี่เขานะ (เพราะจีบไปก็คงแดกแห้ว)

   “จะมีอะไรให้กูแปลกใจมากไปกว่าเรื่องหออีกล่ะ” แบ่งส่วนกันอย่างกับกริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัฟ และก็โน่นนี่นั่นขนาดนี้ คงไม่มีอะไรที่น่าตกตะลึงมากไปกว่าเรื่องนี้อีกมั้ง

   “มันมีอะไรมากกว่านั้นเว้ย” เตเอ่ย “เย็นนี้จะพาไปสำรวจร้านเหล้าที่พวกกูชอบไปแดก”

   กูมาถึงวันแรกก็จับกูทำบาปเลยนะ

   “ถือเป็นการรับน้องใหม่” ไมล์พูดบ้าง

   “ใครเลี้ยง” อาสามองเพื่อนไปมาสลับกัน

   “ออกเงินช่วยกันดิวะ”

   สาด พูดแบบนี้ก็นึกว่าไอ้สัดเตจะโชว์ป๋า ผมอดส่ายหน้าขำๆ ไม่ได้ พวกเราเดินลงมาจากหอสามเป็นที่เรียบร้อย พวกเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่เริ่มบางตาลง หอพักดูเป็นหอพักมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือต่างคนต่างอยู่ ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ภายในหอของตัวเอง
แต่ว่าคำนี้ใช้กับพวกหอสองไม่ได้ครับ

   พวกมันกำลังเดินสวนมาและมากันกลุ่มใหญ่เบ้อเร่อ ขนาดตัวพวกมันแต่ละคนคงไม่ต้องให้ผมอธิบายว่าแม่งใหญ่บิ๊กไซส์จัมโบ้ขนาดไหน ไอ้เตกับไอ้ไมล์หุบปากฉับทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้กำลังโม้กันอย่างออกรสแท้ๆ ดูก็รู้ว่าจู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียด
คนที่ผิดปกติมากที่สุดเห็นจะเป็นไอ้อาสาครับ มันเดินก้มหน้าก้มตาอยู่หลังเพื่อน ผมเป็นคนที่อยู่ใกล้มันที่สุดก็เลยเห็นชัด

   “อาสา ของขาวของพี่ เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ยจ๊ะ”
   “พี่เห็นน้องออกมาตากผ้าด้วย”
   “ตะล๊ากกกก”
   “วันนี้แม่งก็ยังน่ารักเหมือนเดิมว่ะ”
   “ไปไหนเหรอ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย”
   “อย่าไปกับพวกนั้นเลย ไปกับพวกพี่เถอะ”

   โอ้โห พวกมึงแซวกันอย่างไม่แคร์โลกใบนี้เลยนี่หว่า นอกจากพูดเสียงดังกันมากจนคนอยู่หอหกตรงสุดนู่นยังได้ยินแล้ว ยังไม่มีความเกรงใจไอ้อาสาหรือแม้กระทั่งเพื่อนมันอย่างพวกผมทั้งสิ้น

   ผมชักสีหน้า แม้จะไม่ค่อยเกี่ยวกับผมโดยตรงแต่รู้สึกว่าที่พวกมันทำแบบนี้คือการข้ามหน้าข้ามตาอย่างแรง ผมหันหลังกลับ กำลังจะปรับความเข้าใจกับพวกแม่ง แต่มีมือหนึ่งมายึดแขนผมเอาไว้

   เจ้าของมือนั้นก็คืออาสานั่นเอง

   “เดินต่อไป อย่าไปสนใจ”

   “หา คืออะไรวะ ยอมพวกแม่งทำไม” ผมงงมาก

   “เชื่อกู รีบเดินไป”

   ผมไม่เข้าใจเลยว่ะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เดินตามหลังคนอื่นๆ จนกระทั่งหลุดออกมาจากโซนหอพัก อาสาดูมีสีหน้าโล่งใจมากขึ้น ขณะที่อีกสองคนสีหน้าดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

   “เล่ามา” ผมพูดอย่างเอาเรื่อง

   “อาสามันโดนแบบนั้นประจำ” ไมล์ตอบผม “โดนแม้กระทั่งตอนที่มันอยู่กับพี่อ้าย”

   “อ้าว แล้วพี่อ้ายไม่ทำอะไรเลยเหรอวะ” ผมร้อง “พวกนั้นพูดเหมือนใครๆ ก็ต้องยอมหรือเกรงใจพวกมัน กูคนหนึ่งแหละที่ไม่ยอม”

   “เชี่ยทนาย มึงต้องเข้าใจด้วยว่าถ้าคนในหอคนหนึ่งมีเรื่อง แม่งก็จะมีเรื่องกันหมด”

   ผมชะงัก กำลังจะเถียงแต่รู้ว่าไม่มีอะไรมาเถียงได้

   “มันเป็นเรื่องของการให้เกียรติและก็ศักดิ์ศรี” เตเสริม

   “ให้เกียรติบ้าไรวะ มีการส่องตอนที่เชี่ยอาสาตากผ้าด้วยเนี่ยนะ อย่างงี้ตอนมันฉี่ ตอนมันอาบน้ำ พวกมันก็จะดูเหมือนกันใช่ป่ะ”

   ทั้งสองคนยกเว้นอาสาดูอึ้งกับคำพูดผมมาก จากนั้นพวกแม่งก็พากันหัวเราะ

   “ไอ้นี่มันเลือดหอสามแท้เลยนี่หว่า” เตหัวเราะ

   ผมสะอึกเล็กน้อย “อะไรของมึง”

   “ใครๆ ในหอสามหวงเชี่ยอาสากันทั้งนั้น เป็นกันหมดทุกคน ตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นน้อง”

   “ตลกแล้ว” ผมไม่ได้หวงสักหน่อย ผมก็แค่ไม่ยอมใครง่ายๆ ก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชายไงไอ้สาด “ไอ้เหี้ยนี่มีอะไรให้น่าหวงตรงไหน”

   อาสาทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ใส่ผม แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย

   “เพราะแม่งโดนพวกหออื่นชอบมาแซวนี่ไง คนในหอก็เลยหวง”   

   “มันเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า”

   “ประมาณว่าคนของหอข้า พวกมึงห้ามแตะ”

   “พอเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆ เข้า ความหวงแม่งก็ฝังเข้าไปในเลือดเนื้อเอง”

   “เดี๋ยว” ผมเอ่ยแทรก “ถ้าพวกมึงหวงแม่งจริง แล้วพวกมึงปล่อยให้พวกหอสองแซวมันตามอำเภอใจได้ไง”

   ไอ้เตกับไอ้ไมล์ทำหน้าสลด ส่วนไอ้อาสาหันไปเดินเขี่ยดินทางอื่นแล้ว ท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากฟังเพื่อนพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่

   “อย่างที่บอก คนในหอมีเรื่องหนึ่งคนต่อไปก็จะมีเรื่องกันหมดทั้งหอ”

   “ถ้าอยากอยู่อย่างสงบสุข ยังไงก็ต้องห้ามมีเรื่อง ไม่ว่ากับหอไหนทั้งสิ้น”

   “มึงเพิ่งมาใหม่ อาจจะยังงง และก็ไม่ผูกพันกับคนในหอสามเท่าไหร่”

   “แต่ถ้ามึงเกิดมาเพื่ออยู่หอสามจริงๆ สักวันมึงก็ต้องเข้าใจ”

   ผมถอนหายใจ สัมผัสถึงความแปลกใหม่เรื่องที่เท่าไหร่ไม่รู้ของมหา’ลัยแห่งนี้  สายตาของผมมองไปยังอาสาที่น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญหากหอสามกับหอสองจะมีเรื่องกันเข้าสักวัน เข้าใจถึงสาเหตุที่มันไม่ค่อยอยากฟังแล้ว

   ตัวมันเองก็คงไม่ชอบที่จะต้องมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน    

   ตลอดการทัวร์มหา’ลัยใหม่ผมไม่รู้สึกว้าวเท่าไหร่ ที่นี่มันก็เหมือนมหา’ลัยทั่วไป เพียงแต่ว่าอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างขวางและแต่ละคณะตั้งอยู่ไกลห่างกัน ความจำเป็นอันดับแรกสำหรับการมาเรียนที่นี่ก็คือรถ ผมจับคางตัวเองอย่างครุ่นคิด คงจะต้องโทรบอกแม่ให้ส่งรถมาให้ผมใช้แล้ว

   ฉะนั้นเรื่องแปลกประหลาดทั้งหมดของมอนี้ผมยกให้ความเฉพาะตัวของหอชายและก็ขอยกให้...

   ไอ้อาสาครับ

   เพราะตลอดทั้งบ่ายที่ผมอยู่กับมัน มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอาสามันฮอตกับเพศผู้เหมือนกันขนาดไหน

   “อาสามาว่ะ”
   “ไหนๆๆ”

   ผมได้ยินอะไรทำนองนี้มาตลอดทั้งวัน เวลาเพื่อนถูกมองเราจะเป็นคนที่รู้เห็นมากกว่าตัวเพื่อนเองครับ ผมนี่เห็นจนเริ่มชิน จากที่ชินก็เริ่มรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปหรือเปล่าวะ (นี่พวกมึงที่มองๆ อยู่เนี่ยยังชอบผู้หญิงกันอยู่ป่ะ) เอาเป็นว่าผมเข้าใจพวกมัน ตอนที่ผมเจออาสาครั้งแรกผมยังมองมันตาค้างเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังคงมองว่ามันคือนางฟ้าแห่งความฉิบหายอยู่ดี
 
   แค่วันแรกที่อยู่กับมึงเสน่ห์มึงก็สำแดงเดชออกมาอย่างเหลือร้าย กูไม่อยากจะจินตนาการถึงวันต่อๆ ไปที่อยู่กับมึงเลย

   โทรศัพท์ของอาสาดังขึ้น มันหันมาพูดกับเพื่อนอย่างตกใจเล็กน้อย “พี่อ้ายโทรมาว่ะ” ประธานหอสามคงสนิทกับลูกหอไปทั่วสินะ

   “ต้องตามหาไอ้สัดทนายแน่เลย”

   “ไม่ต้องรับๆ”

   ผมมองไอ้เตกับไอ้ไมล์ที่มีสีหน้าแตกตื่น ส่งสายตามคำถามไปให้อาสา มันก็เลยตอบให้ “ก็วันแรกจะมีประชุมพวกเด็กใหม่ปีหนึ่งที่ส่วนกลางอ่ะ มีทำความรู้จัก แจกของ บอกกฎกันนิดๆหน่อยๆ”

   “กฎไม่มีเหี้ยอะไรเลย แค่อย่าไปกวนตีนหออื่น” ไอ้ไมล์พูด

   “ส่วนของก็พวกผ้าเช็ดหนู สบู่ ยาสีฟัน ของๆ สปอนเซอร์มหา’ลัย” ไอ้เตเสริม

   “สปอนเซอร์ของหอสามด้วย”

   “มีบางคนถูกจับเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าอ่ะ”

   ฟังดูน่าเบื่อเป็นบ้า ผมแสดงออกทางสีหน้าทันที ไอ้เตกับไอ้ไมล์ยิ้มกริ่ม

   “มันไม่อยากประชุมแล้ว เห็นมั้ย”

   “ไปแดกเหล้ากันดีกว่า”

   ที่แท้พวกแม่งก็อยากแดกเหล้ากับผมนี่เอง ผมหัวเราะเล็กน้อยอย่างถูกใจ เพราะผมจำได้ดีทีเดียวว่าไอ้พวกหอสามที่อยู่ปีหนึ่งด้วยกันมันทำกับผมยังไง

   พวกมันเทผม ตอนจับกลุ่ม 4 คนเพื่อเลือกห้องไง

   ไอ้พวกบ้า...กูแค้นฉิบหาย อย่าให้กูเจอพวกมึงตามทางเดินนะ

   วันนี้ผมขอเลือกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนร่วมห้องก็แล้วกัน








   ร้านเหล้าน้อย

   ร้านบ้าอะไรวะชื่อร้านเหล้าน้อย ชื่อร้านไม่เป็นมงคลฉิบ ให้เหล้าน้อยแล้วใครจะกล้าเข้าร้านวะ ผมคิดเล่นๆ ในใจ แต่แล้วก็อึ้งตอนที่พวกเพื่อนร่วมห้องสามคนมันยกมือไหว้พี่น้อย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเหล้าแห่งนี้ อายุอานามพี่มันก็คงจะประมาณ 35 ท่าทางเซอร์ๆ ไปทางสายเพื่อชีวิต แต่เพลงในร้านดันเป็นเพลงตลาดทั่วไป แม่งสวนทางกันโคตรๆ

   “โต๊ะประจำใช่ป่ะ”

   “ครับพี่น้อย ขอบคุณมากครับ”

   ดูก็รู้ว่าสัดเตกับสัดไมล์มาบ่อย คนที่มาไม่บ่อยก็คือไอ้อาสา ท่าทางของมันดูตื่นไปหมด มันอยากมากับเพื่อนก็จริง แต่คงไม่ชอบเวลาที่คนหลายคนมองมาที่มัน ผมเองยังรู้สึกได้เลยว่าคนมองมันเยอะเกินไป

   “เชี่ย พวกหอสองอยู่มุมนั้นว่ะ”

   ไอ้ไมล์ทำหน้าหงุดหงิด พวกหอสองมองมาที่พวกเราและก็มองแบบอยากแดกเชี่ยอาสาอย่างโคตรเปิดเผย ความอัศจรรย์มันอยู่ตรงที่ว่าไม่ใช่กลุ่มที่พวกผมเจอเมื่อตอนบ่าย

   สัดอาสา มึงนี่แม่งโคตรฮอต

   “ไม่ได้แดกนานแล้ว” อาสานั่งก่อนมองผม “มึงอยากแดกอะไรมึงสั่งเลย พวกกูเลี้ยงเอง”

   “จ่ายไหวเหรอ”

   “ไหวดิถ้าหารกัน”

   มีคนเลี้ยงทั้งที มีหรือที่ผมจะไม่ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ ผมสั่งอาหารไปพร้อมๆ กับสั่งเหล้ากับมิกซ์ชุดใหญ่ หลังจากที่สิ่งเหล่านั้นมาเสิร์ฟ ผมกับคนอื่นๆ ก็คุยกันเพื่อทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น

   คนแรกก็คือไอ้เต เจ้าของใบหน้าที่ทำหน้านิ่งทีไรต้องรู้สึกได้ความเย็นชา มันเป็นเพื่อนกับอาสามาตั้งแต่เรียนมอปลาย เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ไม่ได้สนิทกันในแบบของคู่หู แต่มาเริ่มสนิทกันในช่วงที่เข้ามาเรียนมอนี้เหมือนกัน เตมันเรียนเอกภาษาอังกฤษ ดูไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกมันเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นคนชอบภาษาอังกฤษมากก็เลยเลือกที่จะเรียนเอกนี้ สถานะของมันตอนนี้คือโสดมาตั้งแต่อยู่ม.5 และตอนนี้ก็ยังไม่มีแฟนครับ

   จะมีได้ไงล่ะ ก็ในเมื่อคนที่มันแอบชอบนั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่

   คนที่สองคือไอ้ไมล์ ผู้ที่มีรอยยิ้มอบอุ่นก็จริงแต่เวลาโหดแม่งก็โหดเหลือหลาย มันเป็นเพื่อนร่วมคณะกับอาสา รู้จักกันตอนเรียนมหา’ลัยและสนิทกันเพราะอยู่นอนห้องเดียวกัน (อาสาบอกว่าโชคชะตานำพาให้มันมาอยู่ด้วยกัน เรื่องหอสามอาสาแม่งอ้างโชคชะตาตลอด อันนี้เพื่อนบอก) ไอ้เตเล่าว่าที่คณะไอ้ไมล์มันฮอตมากชนิดที่ว่าสาวๆ เคยมีเรื่องกันเพราะแย่งมัน มันรำคาญก็เลยบอกคนอื่นไปว่ามันเป็นเกย์ ทั้งๆ ที่มันก็ได้หมดไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย แต่นับจากวันที่มันพูดแบบนั้น ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้มันอีกต่อไป มันบอกว่าชอบชีวิตช่วงนี้มากเพราะรู้สึกเป็นอิสระดี

   แถมมันยังชอบเพื่อนร่วมห้องคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้

   และคนสุดท้ายคือไอ้อาสา ตัวพีคของโลกใบนี้ #ประชด ผู้ซึ่งเป็นนางฟ้าแห่งหอพักชาย มันเรียนคณะบัญชีปีสองเหมือนกันกับไอ้ไมล์ ไม่ค่อยมีใครเล่าเรื่องอะไรของมันให้ผมฟังมากนัก ผมจึงได้แต่ลอบสังเกตเอา อาสามันไม่ค่อยชอบผมแต่ก็ไม่ได้รังเกียจผม เหมือนมันเอ็นจอยได้หมด ยิ่งจะได้อยู่ในห้องเดียวกันมันก็ยิ่งบอกว่าต้องปรับตัวเข้าหา (แน่นอนครับว่ามันต้องพูดถีงเรื่องโชคชะตา) ผมเองก็ต้องทำแบบมัน มันไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย เพียงแต่ที่ผมตั้งแง่กับมันอาจเป็นเพราะผมกลัวความวุ่นวายจะบังเกิดเพราะคนอย่างมันเป็นต้นเหตุ

   จากการอยู่กับมันมาทั้งวัน ผมรู้เลยว่ายังไงซะชีวิตตลอดสี่ปีของผมคงไม่มีวันได้สงบสุขแน่ๆ ถ้ามีเพื่อนร่วมห้องที่โซแดมฮอตขนาดนี้

   สำหรับอาสาแล้วมองเผินๆ มันเหมือนผู้ชายหน้าหวานและเหมือนเป็นเกย์ แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ๆ นิสัยมันก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เพียงแต่หน้าตาของมันเป็นที่ดึงดูดคนอื่นก็เท่านั้น

   ดึงดูดเพศผู้ด้วยกันเนี่ย

   “มึงสนิทกับเตหรือไมล์มากกว่ากันวะ” ผมดื่มไปถามไป อาสาหัวเราะ มองดูเพื่อนมันสลับกัน

   “ก็สนิทหมดอ่ะ”

   มันรู้จักตอบแฮะ ถ้าตอบใครคนใดคนหนึ่งต้องมีใครสักคนในนี้เก็บเอาไปคิดมากแน่

   “ในเมื่อมึงฮอตขนาดนี้ ทำไมมึงยังไม่มีแฟน”

   “สาด ถามเรื่องนี้มึงเอามีดมาแทงคอกูเลยดีกว่า”

   กูถามอะไรผิดวะ เตกับไมล์ลอบหัวเราะนิดหน่อย ขณะที่มองไอ้อาสาผู้ที่เริ่มดื่มหนักมากขึ้น เฮ้ย นี่ผมไปสะกิดต่อมดราม่าอะไรของมันเข้าหรือเปล่าวะ

   “มันเพิ่งนกมา” เตเล่า

   “จากใคร”

   “ผู้หญิงที่เรียนวิศวะ”

   ผมแทบจะพ่นเหล้าออกมาใส่หน้าไอ้เตเลยทีเดียว ฮอตในหมู่เพศผู้ขนาดนี้แต่ชอบผู้หญิง

    เชี่ยอาสา มึงเลือกเป้าหมายผิดแล้วโว้ย!

   “เสียใจว่ะ” อาสาถึงกับซึมไปเลย “กูคุยกับเขามาตั้งสองเดือน จู่ๆ เขาก็เทกูเฉย”

   “...”

   “เขาบอกเขาอึดอัด เพราะกูสวยกว่าเขา”

   แบบนี้ก็มีเหรอวะ เอาเป็นว่าเรื่องประหลาดของมอนี้ผมยกให้ไอ้อาสาชนะเลิศไปเลยครับ

   เอาถ้วยรางวัลไปเลย ไม่มีใครแปลกเท่ามึงอีกแล้ว

   “กูแม่งโคตรไม่เข้าใจ” มันดื่มหนักขึ้น ไอ้เตกับไอ้ไมล์ได้แต่มองตามอย่างปลงๆ อีกสาเหตุหนึ่งที่พวกมันไม่บอกชอบเพื่อนตัวเอง ก็คงเป็นเพราะเหตุนี้สินะ

   นางฟ้าแม่งชอบผู้หญิงว่ะครับ

   “ความรักก็งี้ อย่าคิดมากเลย” ผมไม่อยากให้มันจมกับเรื่องที่มันเจ็บปวด

   “แล้วมึงล่ะ โสดป่ะวะ” อาสาถามผมบ้าง

   “โสด” ผมตอบ

   “ไม่น่าเชื่อ”

   “กูพูดจริงๆ”

   “เลิกกันเพราะอะไร”

   “มันหมดรักไปเอง”

   “มึงน่ะเหรอ”

   “ไม่ เขาต่างหาก” ผมเลิกกับแฟนเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ความเจ็บปวดมันมลายหายไปหมดสิ้นแล้วครับ ผมไม่ค่อยอยากกล่าวถึงเท่าไหร่ แต่ถ้าเพื่อนใหม่มันถามผมก็ยินดีที่จะเล่าให้พวกแม่งฟัง

   “แด่ความนก” เชี่ยเตชูแก้วขึ้น

   “แด่ความเศร้า” ไอ้ไมล์ชูแก้วบ้าง

   “ไอ้สองตัวนี้ทำเหมือนพวกมันเศร้าเหมือนพวกเราเนอะ” อาสายกแก้วขึ้นมาชนแล้วหัวเราะเบาๆ แต่ผมนี่แหละที่หัวเราะในใจดังกว่ามัน ถึงจะเป็นการหัวเราะแบบแห้งๆ ก็เถอะ

   มึงมันไม่รู้อะไรซะแล้ว

   ตอนที่มึงเศร้าบางทีเพื่อนมึงทั้งสองคนอาจจะเศร้าหนักกว่ามึงหลายเท่าก็เป็นได้ 




[ มีต่อนะคะ ]


หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 1 P.2 18/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 24-04-2017 14:18:31
   




   พวกเรากลับมาที่หอพักตอนเกือบเที่ยงคืน

   จริงๆ แล้วโซนหอพักมีเวลาเปิดปิด แต่เพราะเป็นหอชายล้วนที่แต่ละหอแม่งมีความเฉพาะตัวขนาดนี้ ยามหน้าหอดูไม่มีความจำเป็นไปเลยครับ ได้ข่าวจากเพื่อนสามคนบอกว่าที่กฎมันหละหลวมขนาดนี้เป็นเพราะหยวนๆ ให้ไอ้พวกหอสี่ (ผู้ซึ่งเป็นบ่อเงินบ่อทองของมอ) แต่จะหยวนให้เด็กหอสี่หอเดียวก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยกลายเป็นว่าหยวนๆ กันหมด ทุกคนจะเข้าหอตอนไหนก็ได้

   แปลกแต่จริงที่อยู่กันได้อย่างสงบและไม่ค่อยมีปัญหา เพื่อนใหม่ของผมเล่าว่าส่วนใหญ่เพราะทุกคนเคารพเรื่องต่างคนต่างอยู่แบบแยกกันเป็นหอ และก็เกรงใจประธานหอผู้ที่เปรียบเสมือนพ่อ

   เพราะงั้นสิ่งที่พวกเรากลัวตอนนี้ไม่ใช่ยาม ไม่ใช่พวกหอสอง แต่เป็น...พี่อ้าย

   พวกเพื่อนมันเล่าว่าพี่อ้ายตอนโกรธแม่งน่ากลัวพอๆ กับพี่สงคราม ผู้เป็นประธานหอสองซึ่งชื่อแม่งโหดเหี้ยๆ (ผมนึกภาพชายร่างหมีขนาดยักษ์ พี่สงครามก็คงจะเป็นไปตามที่ผมคิดล่ะมั้ง) ถ้าพี่อ้ายไม่โหด ยังไงก็คงจะคุมพวกเด็กในหอไม่ได้ และถ้าพี่อ้ายมาเห็นเพื่อนสามคนพาผมหลบประชุมครั้งแรก ยังไงก็ต้องโดนด่าจนหูชาแน่ๆ เอาเป็นว่าเลี่ยงไว้ก่อนน่าจะดีกว่า

    นอกจากผมจะหวงไอ้อาสาตามพวกเด็กหอสามแล้ว ผมยังต้องเกรงใจพี่อ้ายตามพวกมันไปอีก นี่โชคชะตานำพาให้กูเกิดมาเพื่ออยู่หอสามจริงๆ ป่ะวะ (เริ่มบ้าตามไอ้อาสาแล้ว)

   ผมได้หารู้ไม่ว่าการที่จะหลบพี่อ้ายนั้นทำได้ยากยิ่งกว่าข้อสอบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเสียอีก

   “ไอ้พวกห้อง 204 กูเห็นมึงทุกคน อย่ามาทำเป็นหลบ”

   เสียงโหดๆ ของพี่อ้ายเหมือนเสียงฟ้าผ่า จากที่จะซุ่มๆ กันเข้าไปตอนนี้คงหลบพี่มันไม่พ้นแล้ว ทุกคนยืนตัวแข็งทื่อ ผมลอบสังเกตมองเพื่อนที่อยู่มาก่อน ทุกคนหน้าซีดเผือด

   “เหี้ยจริง กูไม่น่าส่งเด็กปีหนึ่งไปอยู่กับพวกมึงเลย” พี่อ้ายร้องด่า พี่มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ทุกคนเกรงใจโดยอัตโนมัติ

   “มันอายุเท่าพวกเราครับ มันซิ่วมา” ไอ้เตกล่าว

   มึงพูดออกไปตอนนี้มีแต่จะงานเข้า ไอ้สัด ผมเตะเท้ามันหลังมันพูดจบ

   “มึงไม่ต้องพูดห่าอะไรทั้งนั้นอ่ะ”    

   “...”

   “คืนนี้พวกมึงไม่ต้องนอนที่ห้อง นอนตรงส่วนกลางชั้นล่างนี่แหละ ขึ้นไปอาบน้ำและก็เอาเครื่องนอนตัวเองลงมา”

   “พี่” อาสาร้อง “ข้างล่างยุงมันเยอะ”

   “มึงเป็นคนผิด มึงไม่ต้องพูดมาก”

   ทุกคนคอตกรวมถึงผมด้วย แต่ไม่มีใครกล้าขัดใจท่านประธานหอสามเลยสักคน ผิดก็ว่าไปตามผิดนั่นแหละ ผมกับคนอื่นๆ ใช้เวลาอาบน้ำกันไม่นาน พยายามอ้อยอิ่งกันอยู่ในห้อง 204 ของตัวเองให้มากที่สุด แต่ไม่ว่าจะยังไงความจริงก็คือความจริง คืนนี้พวกเราแม่งต้องนอนข้างล่าง ห้องส่วนกลางที่ถ้ามีคนมานอนก็คงจะนอนกันได้เป็นร้อยๆ คน

   สิ่งที่ผมตกใจก็คือมีคนถูกสั่งให้มานอนข้างล่างนี่เหมือนกัน ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือเด็กปีหนึ่งหน้าใหม่ของหอสามทั้งหมด

   “พี่อ้าย พวกมันทำผิดอะไร” ผมกอดหมอนตัวเอง ถามประธานหอที่ยืนกอดอกคุมเชิงอยู่ประตูทางเข้าห้องส่วนกลาง

   “พวกมันเทเพื่อน แสดงออกว่าไม่อยากอยู่กับเพื่อนอย่างมึงอย่างเห็นได้ชัด”

   “เฮ้ย ผมไม่ได้ติดใจอะไร” ถึงจะโกรธแต่ผมก็ทำเป็นโกรธเล่นๆ เหอะ

   “แต่กูติดว่ะ”

   “พี่ คือว่า...”

   “มันจะอยู่หอสามของกูไม่ได้ถ้ามันไม่รักคนในหอ”

   ไอ้เตกับไอ้ไมล์ยักคิ้วให้ผมก่อนเดินผ่านผมไป ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่านอกจากการคัดหน้าตาแล้ว หอสามยังมีเรื่องราวอะไรให้น่าตื่นตาตื่นใจอีก

   ผมทิ้งตัวลงข้างๆ ไอ้อาสาที่เล่นโทรศัพท์อยู่ มองดูเพื่อนปีหนึ่งอย่างรู้สึกผิด พวกมันก็มองมาที่ผมอย่างรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน

   โดนเล่นกันตั้งแต่วันแรกเพราะกู กูขอโทษ

   “ทนาย เล่นไพ่ป่ะ” ปีหนึ่งคนหนึ่งร้องชวนผม

   ผมมองอย่างลังเล อาสามันรีบพยักเพยิดให้ผมรีบไปเล่นกับเพื่อน

   “ไปหาเพื่อนไป”

   “...”

   “ไม่แน่ในอนาคตพวกนี้จะกลายเป็นเพื่อนตายของมึง”

   “มอเราเป็นกันมาหลายสิบรุ่นแล้ว” ไมล์ที่อยู่อีกฝั่งของอาสากล่าวเสริม

   เข้าใจแล้วว่าทำไมคำว่าเพื่อนร่วมหอของมอนี้ถึงยิ่งใหญ่กว่าคำว่าเพื่อนร่วมคณะ เพราะคนที่เหมือนกัน ศีลเท่ากัน เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกันมาอยู่ด้วยกันนี่เอง พวกนี้หน้าตาดีเหมือนกัน แต่มีความกวนประสาท ไม่ได้ต่างอะไรจากพี่อ้าย ไอ้เต ไอ้ไมล์ ไอ้อาสา หรือแม้กระทั่งผม

   ผมอาจจะไม่ได้คิดผิดที่เลือกมาเรียนมอนี้ก็ได้









   กลางดึกคืนนั้น

   ผมนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะมันต่างที่และที่นอนของผมก็มีคนนอนด้วยตั้งหลายสิบคน ผมขยับตัวไปมาอย่างไม่ค่อยสบายตัว ถึงดวงตาจะหลับแต่มันก็ไม่ได้หลับจริงๆ ครับ

   ผมลองพลิกตัวตะแคงข้างและลืมตามาดูคนที่นอนอยู่ข้างๆ อาสายังเล่นโทรศัพท์อยู่เลย มันกำลังจะหันมา ผมก็เลยต้องแกล้งทำเป็นหลับ

    รู้สึกได้ว่าผ้าห่มที่อยู่กลางลำตัวของผมถูกเลื่อนขึ้นมาคลุมไหล่ คนที่ขยับผ้าห่มให้ผมก็คืออาสา มันทำอย่างนั้นเสร็จมันก็ล็อคจอโทรศัพท์จากนั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะนอน ผมลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกได้ถึงความคิดบางอย่างภายในใจ

   เพราะหน้าอย่างงี้และก็แสนดีอย่างงี้ไง เพื่อนมันเองถึงหวั่นไหวกับมันอ่ะ

   แสงไฟสว่างวาบ มีคนทักเข้ามาหาอาสาแต่อาสาไม่ได้คิดจะตอบอะไรอีกแล้ว ผมลืมตาขึ้นมา มองเห็นข้อความบนจอพอดีอย่างไม่ได้ตั้งใจ

  KORTOEY : อาสา เตยขอโทษ
   KORTOEY : เรากลับมาคุยกันใหม่เถอะนะ






TBC*




อาสาผู้เลือกผิดทาร์เก็ต 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-04-2017 15:25:56
อาสา ชอบ เตย
เต ชอบ อาสา
ไมล์ ชอบ อาสา
ทนาย ก็เริ่มหวั่นไหวกับ อาสา
5 เศร้าแล้วซินะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-04-2017 15:31:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 24-04-2017 15:33:40

   “เขาบอกเขาอึดอัด เพราะกูสวยกว่าเขา” ลั่นประโยคนี้มาก แม่ง555555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 24-04-2017 15:36:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 24-04-2017 15:44:32
เหาว ชอบกันเยอะแต้ว่า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-04-2017 15:46:39
ความโชคร้ายของคนหน้าตาดี (อย่างอาสา)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-04-2017 15:55:21
มาฮาเอาบรรทัดสุดท้าย writer talk "อาสาผู้เลือกผิดทาร์เกต"  55555555  :jul3:  เออๆๆๆๆ มันใช่อ่ะ อิหนูเอ้ยยย เขาเทเพราะหนูสวยกว่าเขา แล้วถ้ากลับมาคบกับชะนีตนนั้นอีก หนูก็ยังคงสวยกว่านางอีกอยู่ดีป่ะ เด่วชะนีก็นอยด์อีกอ่ะ ปัญหาที่คนขี้เหร่ไม่เคยเข้าใจ  #ถูก! 555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 24-04-2017 15:58:31
หักมุมไปอี๊กกกกก

อาสาผู้เป็นนางฟ้าหอสาม แต่ชอบผู้หญิง :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 24-04-2017 16:29:58
ว้อยย นี่หอสามห้อง204 หรือรวมพลคนเศร้า + นก คะ 555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 24-04-2017 16:44:18
โดยชื่อเรื่องหลอกเหมือนกัน  แต่แวบเข้ามาเพราะคนแต่ง   รอนะคะ  อย่าทำคนอ่านดราม่านะ   :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-04-2017 17:54:34
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-04-2017 17:58:21
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 24-04-2017 18:11:54
ชอบพี่อ้ายมาก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-04-2017 19:04:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 24-04-2017 19:34:38
หลายเศร้าเกินล่ะ :m29:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 24-04-2017 20:53:54
 :z13:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 24-04-2017 21:32:37
อ่านแบบเต็มอิ่มเลยยยย ขอบคุณนะคะ  :pig4:
ฮา เต กับ ไมล์ ชัดเจนขนาดนั้น คิดว่าปิดมิดแล้วววว ทนายมาเจอวันเดียว ชัดเลยยยย 555
รักเพื่อนแบบนี้ มีแต่เจ็บกับเจ็บ  :o12: กลัวความเป็นเพื่อนจะหายไป เลยเลือกจะอยู่ข้างๆแบบนี้
ทนายเอ้ยยย พูดไว้ว่า ไม่ชอบอาสา แต่อาสา หน้าตาก็ดี นิสัยด็แสนดีแบบนี้ โอ๊ยๆๆ รอดูเลย
อาสา ก็... หักมุมเชียว ชอบผู้หญิงคณะวิศวะ

รออ่านค่าาาา ~~~
หายไวๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: miejhx_ ที่ 24-04-2017 21:56:12
เตกับไมล์จะมีคู่มั้ยคะ อยากให้ป๊อบมีบท55555555555
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-04-2017 23:22:18
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-04-2017 23:34:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-04-2017 23:44:55
ทนายอย่าพึ่งลั่นดิว่าจะไม่ชอบอาสาน่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-04-2017 23:46:54
อาสาจะกลายเป็นสะพานให้เตยเพื่อจีบทนาย 55555555 (มั้ง?)

แต่เสียใจเธอจะนกกก 555555

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-04-2017 01:05:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-04-2017 02:43:19
อาสา กอเตย คู่กันซินะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Smilesdr ที่ 25-04-2017 03:58:05
ทำหวงขนาดนั้นใครเขาก็ดูออกค่ะคู๊ณ แต่พี่อ้ายนี่ได้ใจมาก #โยนเข้าคอแล็คชั่นสามี อิอิ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-04-2017 06:13:57
นู๋ไปผิดทางนะลูก 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 25-04-2017 09:23:45
ชะนีเตยหลบไปค่ะ  :m16:

นึกว่าเราคิดคนเดียว นี่คิดว่าเตยชอบทนาย เดาล้วนๆ5555  :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-04-2017 10:35:10
ก็เพราะแบบนี้ เลยมีแต่คนชอบ

หน้าตาดี ใจดี แล้วยังเอ๋ออีก

55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 25-04-2017 14:22:47
อยากผ่านหอสามบ้าง :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 25-04-2017 23:54:35
เอฟซีพี่อ้าย พี่อ้ายมีคู่มั้ยอ่ะ จองสงครามให้พี่อ้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-04-2017 07:24:31
น่ออออ ทำไมฮอตขนาดนี้ล่ะคะ อาสา กับเพื่อนยังหลงอะ
สงสารอาสา นางฟ้าหอสาม

ตลกทนาย คิดซะนะว่ามันเป็นโชคชะตา

อยากเห็นพี่สงครามคะ ทนายคิดไปละว่าตัวเบ้งมาก

พี่อ้ายคนดีของน้องหอสาม ทำโทษน้องยกแผงเลยจ้า ดีงาม แถมปี 2 โดนพ่วงด้วยเลย สมควร 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 26-04-2017 17:49:28
สนุกมากเลยติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 26-04-2017 19:07:10
ตอนแรกเห็นคนบรรยายส่วนมากเป็นเคะใช่ป่ะ แล้วพอรู้ว่าทนายที่เป็นคนบรรยายหล่อ เรานี่โห่ร้องด้วยความดีใจ? นึกว่าเคะเรื่องนี้หล่อ แหมแต่มีที่สวยกว่านี้อีก ถถถ ไม่เป็นไรยังไงก็ติดตามเรื่องนี้ พล๊อตเรื่องน่าสนใจดี ลองมาอ่านในมุมมองของเมะก็ดีเหมือนกัน :hao3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 27-04-2017 00:17:33


บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 3




   การตื่นเช้าและอาบน้ำในหอที่มีคนอยู่ด้วยกัน 4 คนเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดๆ

   ผมตื่นเพราะเสียงปีหนึ่งที่นอนอยู่ส่วนกลางด้วยกันเป็นคนปลุก หลังจากที่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกและผมก็มีเรียนเช้า ผมก็เลยสะกิดเพื่อนในห้องทุกคนให้ตื่นกันหมด

   พวกแม่งดันมีเรียนเช้าเหมือนกันไปอีก

   “กูอาบก่อน!”
   “เชี่ยไมล์ คณะมึงอยู่ใกล้กว่ากู!”
   “ยังไงทุกคนก็ต้องรอมึงอยู่แล้ว ทุกคนไปรถมึง!”
   “กูอาบก่อนเว้ย ถอย!”

   ฟ๊าคคคคค ผมกับอาสามองดูคู่คนละขั้วเถียงกันแล้วเหนื่อยใจ (เพราะคนหนึ่งดูเย็นๆ คนหนึ่งดูอบอุ่น) เราสองคนจึงนั่งอยู่บนเตียงของอาสาและก็รอจนกว่าจะถึงคิวพวกเรา

   ไอ้ไมล์ได้อาบก่อน จากนั้นก็ตามด้วยเต และกว่าเตมันจะอาบเสร็จ แม่งเป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้ว!

   กูเรียนแปดโมงไอ้สาดดดดดดด

   “อาสากูขอก่อนนะ” ผมพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ

   “ได้ไง กูก็เรียนแปดโมง” มันโวยวายแล้วตามผมเข้ามา แต่ผมชิงถอดเสื้อถอดกางเกงก่อน มันก็ไม่ยอม ถอดเสื้อถอดกางเกงแล้วเหมือนกัน

   ผมหันหน้ากลับเข้าหาผนังแทบจะในทันทีหลังจากเห็นภาพนั้น รู้สึกว่าไม่ควรมองเนื้อใต้ร่มผ้าของไอ้นี่ทั้งๆ ที่มันก็มีทุกอย่างเหมือนกันกับผม ก่อนจะหันหน้ามาผมจำภาพได้ลางๆ ว่าตัวมันเป็นยังไง

   ขาวมากกกกกกกกกกกกกและก็เอ่อ...งานดีระดับโคตรพรีเมี่ยม

   แม่งทำผมสตันไปเลย!

   ผมพูดได้แค่นี้ครับ เพราะผมรีบอยู่

   “มึงอยู่ใต้ฝักบัว มึงก็เปิดน้ำดิ” ไอ้อาสาแม่งก็รีบเหมือนกัน

   “มึงได้ใส่อะไรอยู่ป่ะ ข้างล่าง”

   “ถามทำเหี้ยอะไร”

   นั่นสิ ผมล่อนจ้อน มันเองก็คงล่อนจ้อน แล้วผมจะถามทำไม ผมรีบเปิดน้ำฝักบัวที่เป็นแบบฝักบัวใหญ่เหนือศีรษะ มันถอยหลังเข้ามา หลังของมันกับผมชนกัน

   เชี่ยยยยยยยยย มึงไม่ควรล้อกูเล่นแบบนี้นะ ภาพความขาวของมึงยังติดตาอยู่ กูยังไม่กล้าหันไปมองเลยจนกระทั่งตอนนี้!

   “สบู่ล่ะ”

   “นี่มึงไม่มีมือหรือไงวะอาสา”

   “ก็มึงอยู่ใกล้กว่ากูป่ะ”

   เพราะมีแต่คนรีบๆ สภาพก็เลยเละเทะมากๆ ผมรีบส่งสบู่ให้มัน โชคดีที่มีสองก้อน จะได้ไม่ต้องมีใครมารอใคร ผมถูสบู่อย่างรวดเร็ว มีบางครั้งที่แขนของผมไปโดนตัวไอ้อาสาเข้า ผมขนลุกซู่แต่อาสาแม่งไม่ได้ถือสาอะไร

   คนตื่นเต้นมีแค่ผมว่ะ และผมก็ไม่โทษตัวเองด้วย ในเมื่อของขาวมา Naked ใกล้ๆ ซะขนาดนี้

   “เปิดฝักบัวเลย”

   “...”

   “ทนาย เร็ว เดี๋ยวไม่ทัน”

   ผมรีบเปิดทันที จะล้างหน้าหรือแปรงฟันอะไรผมก็ไม่รู้ตัวแล้ว อาสาอาบน้ำไวมากแต่กลิ่นก็ยอมหอมติดตัวจนฟุ้ง มันรีบเกินไปเลยทำให้มันเสียหลัก ลื่นในห้องน้ำจนผมต้องใช้มือประคองเอวมันไว้

   ผมมองขึ้นไปบนเพดานโดยอัตโนมัติระหว่างที่จับตัวมัน ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เห็นแต่ตัวขาวๆ แวบๆ แค่นั้น

   “เชี่ย ขอบใจนะ” อาสากล่าวส่งๆ พันผ้าเช็ดตัวแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องน้ำ ผมดึงสติกลับมาอาบน้ำต่อ รู้สึกจิตใจว้าวุ่นเป็นบ้า

   อาสาแม่งอ่อยในแบบที่มันไม่รู้ตัว คนที่โดนอ่อยอย่างผมคือจะเป็นจะตาย

   ผู้ชายบ้าอะไรทั้งขาวทั้งเนียนโคตรๆ




   ลานจอดรถ

   บริเวณนี้ตั้งอยู่ในจุดเดียวกันทั้ง 6 หอที่ด้านหน้าของตึกใหญ่ 6 ตึก มันมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองรถของพวกหอหนึ่งกับพวกหอสี่

   หอหนึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจักรยานชิลๆ ผิดกับหอสี่อย่างลิบลับที่มีตั้งแต่สปอร์ตคาร์ราคาจิ๊บๆ ลามไปถึงราคาที่ซื้อบ้านได้หลายหลัง ส่วนรถของพวกเราชาวหอสามจะมีทั้งแบบกลางๆ และก็หรูปะปนกันไป (เจ้าของรถหรูคงเป็นพวกหน้าดีด้วยและก็รวยด้วย) เราสี่คนรีบมาที่รถของไอ้เต แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับต้องผงะ

   มีคนมาจอดรถขวางเอาไว้ แถมจอดได้แบบกวนตีนโคตรๆ ไม่ยอมปลดเบรกมืออีกนะ

   “เหี้ย” เตถึงกับเตะล้อรถคันนั้นทันที “รถใครวะ ไม่ใช่หอสามชัวร์”

   มึงจอดได้กวนตีนมาก กูขอเตะบ้าง คนแม่งกำลังรีบๆ

   “ทำไงดี ไปรถมอตอนนี้ยังไงแม่งก็ไม่ทัน” ไมล์มองไปที่หน้าโซนหอพักที่มีคนรอขึ้นรถมอเต็มไปหมด เริ่มเห็นพวกผู้หญิงแล้วครับหลังจากที่เห็นแต่ผู้ชายมานาน

   มีรถยนต์สีขาวคันหนึ่งมาจอดใกล้ๆ บริเวณที่ผมยืนอยู่

   “เชี่ยทนาย หวัดดีตอนเช้า” คนที่ทักทายผมก็คือไอ้ป๊อบเพื่อนผมเอง มันคงเห็นผมโดยบังเอิญก็เลยจอดทัก

   แม่ง มึงมาได้ถูกจังหวะมากเชี่ยป๊อบ!

   “ใส่ชุดมอกูแล้วเท่ดีนี่หว่า” มันคงยังไม่เห็นนางฟ้าที่มันปลื้มก็เลยพูดกับผมอย่างมั่นอกมั่นใจ

   “เชี่ยป๊อบ ช่วยชีวิตพวกกูด้วย” ผมร้อง

   “หา”

   “ไปส่งที่คณะหน่อย”

   “...”

   “หมดนี่เลย” ผมชี้มือไปที่ผู้ชายตัวควายๆ สามคนและผู้ชายตัวเล็กที่สุดหนึ่งคน คนที่ผมกล่าวถึงหลังสุดทำเอาเพื่อนผมถึงกับตาค้าง ผมรีบคว้าร่างของอาสาเข้ามาใกล้ๆ พร้อมโอบเป็นการล่อซื้อน้ำใจของไอ้ป๊อบ จำได้มั้ยครับว่ามันปลื้มอาสามาก  “พลีส จะไปเรียนไม่ทันกันอยู่แล้ว”

   ผมบีบไหล่อาสาส่งสัญญาณให้มันทำหน้าน่าสงสาร แต่มันแม่งควายเหลือเกิน เอาแต่ทำหน้างงใส่ผม แทนที่จะใช้เสน่ห์ขอร้องไอ้ป๊อบ
   “ได้นะ แต่ว่าเพื่อนคณะกูนั่งอยู่ข้างหน้านี่”

   “เรานั่งหลังกันหมดได้ครับ” เตรีบพูด ไมล์กับผมเริ่มมองหน้ากันทันที แต่ละคนก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ กันนะ

   ช่างแม่งแล้ว “เออ พวกกูนั่งได้”

   “งั้นขึ้นมาเลยครับ”

   ไอ้เตขึ้นไปนั่งก่อน ตามด้วยไอ้ไมล์ จากนั้นก็ผม ไม่ว่าจะพยายามหดขาหดแขนยังไงก็ไม่สามารถรับไอ้อาสาเข้ามาได้ด้วยเลยจริงๆ

   “เดี๋ยวกูหาทางไปเอง” มันพูด

   “สาด มึงเข้ามา” ผมพูด

   “เฮ้ย”

   “นั่งตักกูได้อยู่แล้วมึงอ่ะ ตัวแม่งอย่างกับมด”

   ผมดึงแขนมันเข้ามา ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ครับ อาสาแม่งนั่งตักผมได้สบายมาก ผมเองก็ไม่ได้อึดอัดอะไร อดทนสักสี่ห้านาทีก็น่าจะถึงคณะบัญชีได้อย่างรอดปลอดภัยแล้ว

   “ขอบใจนะเว้ยเชี่ยป๊อบ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวตอบแทน” ผมร้องบอกเพื่อนผ่านแผ่นหลังของอาสา

   “อาสาครับ ผมป๊อบ ทันตะปีสองนะครับ”

   ขอเบ้ปากใส่ความจัญไรนี้...เชี่ยป๊อบนี่กูเพื่อนมึงไง มึงจำไม่ได้เหรอ กูเพิ่งพูดกับมึงไป สนใจกูด้วยสาดดดด

   “หวัดดีครับป๊อบ” อาสาพูดอย่างง่ายๆ ก่อนจะหันมาหาผมเล็กน้อย “กูหนักป่ะวะ” มันพูดอย่างกังวล

   “ไม่ เบาฉิบหาย” ผมพูดความจริง “ตูดก็ไม่ค่อยมีเนื้อ กระดูกมึงแม่งบาดขากูไปหมดแล้วเนี่ย”

   “ขอโทษๆ”

   ผมหันไปมองเตกับไมล์ที่กำลังมองมาที่ผม ผมทำไม้ทำมือลับหลังไอ้อาสาว่าจะมีใครสักคนในนี้รับอาสาไปนั่งตักต่อหรือเปล่า ที่ผมทำไปไม่ได้คิดอยากจะฉวยโอกาสอะไร แต่สถานการณ์แม่งโคตรหน้าสิ่วหน้าขวานเลยนี่ครับ จะไม่ให้ผมดึงมันมานั่งตักผมได้ไง

   สิ้นสัญญาณของผม เตกับไมล์โบกไม้โบกมือปฏิเสธใหญ่ สงสัยกลัวตัวเองเผลอไปแต๊ะอั๋งไอ้คนที่อยู่บนตักของผมตอนนี้ล่ะมั้ง




 

   คณะบัญชี
   ผมอยู่ปี 1 ผมจึงต้องแยกมาเรียนกับพวกปี 1 ส่วนไอ้ไมล์กับอาสาไปเรียนที่ชั้นเรียนของปี 2 ครับ ถึงผมจะอายุเท่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคน แต่ผมต้องไม่ลืมว่าผมนั้นอยู่ปี 1 ในคาบเรียนแรกที่ไม่มีใครมีชีทเลยสักคน ผมได้ทำการสังเกตไปรอบๆ ห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วน

   แม่งจับกลุ่มแบบหอใครหอมันจริงๆ ว่ะครับ

   เราทำความรู้จักกันหมดก็จริง แต่ก็แบบผิวเผินและระมัดระวัง มันน่าตลกตรงที่ทุกคนไว้ใจคนในหอเดียวกันมากกว่าคณะเดียวกัน ซึ่งทุกคนก็ดูแฮปปี้กับเรื่องนี้ดีนะครับ เพราะผมเห็นรุ่นพี่ปีอื่นก็เป็นเหมือนกัน

   ผมได้เห็นเด็กบัญชีปีหนึ่งซึ่งเป็นพวกหอห้ากับหอหกแวบๆ ไอ้พวกหอห้าแม่งเล่นแต่เกมและก็คุยกันแต่เรื่องเกม พอเปลี่ยนเรื่องแม่งก็เป็นเรื่องการ์ตูนห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ที่ผมฟังไม่เข้าใจ ตามสไตล์หอห้าบ้าเกมเป๊ะๆ อย่างที่ไม่มีใครลบล้างความจริงได้ ส่วนพวกหอหกผมเห็นแม่งนั่งกระจายๆ กัน ดูอินดี้ไม่ยึดติดกับสังคมภายนอกใดๆ

   ช่างต่างจากบัญชีปี 1 ที่มาจากหอสองอย่างเหลือหลาย ระหว่างพักเบรกพวกมันเสียงดังกันมาตั้งแต่อยู่หน้าห้อง

   “กูสวนกับพี่อาสาเมื่อตะกี้เว้ย น่ารักสัดๆ”
   “น่ารักกว่าพี่ผู้หญิงที่มากับพี่เขาอีก”
   “พี่อาสาอยู่กับผู้หญิงเหรอวะ”
   “ใครอ่ะ”

   ผมกับไอ้โอ๊ค เพื่อนใหม่ปีหนึ่งที่มาจากหอสามเหมือนกันถึงกับหูผึ่ง

   “ไม่รู้ว่ะ แต่เห็นใส่ช็อปกับกระโปรงสั้นๆ”
   “อ๋อ” โอ๊คมันกระซิบกับผม “กูก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน”
   “ข่าวว่า?”
   “กิ๊กพี่อาสาอยู่วิศวะไง ชื่อพี่กอเตย”

   แม่ง ข่าวเป๊ะอะไรขนาดนั้นวะ ผมนึกถึงไลน์ที่ทักมาหาอาสาเมื่อคืนแล้วผมดันไปเจอพอดี ถ้ามีคนเห็นอาสาอยู่กับคนๆ นั้นแบบนี้แสดงว่าแม่งตัดสินใจกลับมาคุยกับคนที่เทมันแล้วนั่นแหละ ผมไม่แปลกใจอะไรเลยครับ อาสามันมีสิทธิ์เลือกในทางเดินชีวิตของมัน

   แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจมีอยู่อย่างเดียวนั่นก็คือไอ้อาสาแม่งจะเลือกทางสายชอบผู้หญิงจริงๆ เหรอวะ

   ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของมัน ผมหันไปมองจอสไลด์ที่อาจารย์จะเริ่มสอนต่อ ในเมื่อผมมาเรียน ผมก็ควรจะโฟกัสแต่กับเรื่องเรียน เพราะพ่อแม่รอดูเกรดของผมอยู่ ถ้าผมไม่ได้เอล้วนๆ ล่ะก็...

   มันมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่พวกท่านจะส่งผมไปเรียนมอเอกชน

   พวกท่านชอบตอกย้ำกับผมเสมอว่าไม่เรียนหมอ ก็ต้องเรียนมอที่พ่อแม่ยอมรับ ไม่ใช่มาเรียนที่มอซึ่งอยู่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ ได้ข่าวว่ามอที่พ่อแม่ผมจะส่งไปเป็นมอเอกชนที่บริหารโดยคนที่อายุยังน้อย

   ชื่อทัพไทย ไทยทัพ อะไรสักอย่างนี่แหละ

   ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเครียดของตัวเอง ขอตัดเรื่องนี้ทิ้งไปก่อนละกัน นี่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกผมไม่ควรเครียดกับเรื่องเรียนให้มาก

   หลังจากเรียนเสร็จผมคิดว่าจะออกไปหาอะไรกินกับเพื่อนใหม่คณะผม (และแน่นอนว่าทุกคนอยู่หอสาม) แต่ดูเหมือนแผนนั้นจะล่มไปเมื่อผมได้เห็นสีหน้าแตกตื่นของไอ้ไมล์ที่หยุดวิ่งและหยุดยืนตรงหน้าผม เหงื่อของมันยังเกาะพราวอยู่ตามใบหน้า ท่าทางมีเรื่องร้อนใจมาก

   “พี่ไมล์หวัดดีครับ”
   “พี่ไมล์หวัดดีพี่”

   ไมล์รับไหว้รุ่นน้องหอตัวเอง รอจนพวกนั้นเดินหนีไปจนหมดและก็หันมาทางผม ไม่มีเพื่อนใหม่คนไหนอยู่รอผม เพราะรู้ดีว่ายังไงผมก็ต้องคุยกับไอ้เชี่ยไมล์ยาวมากแน่ๆ

   “มีอะไรวะ” ผมชักหวาดระแวง
   “กอเตยมาว่ะ”

   มันหมายถึงกิ๊กไอ้อาสาใช่ป่ะ

   “กูไม่คิดว่าเขาจะตามมาง้ออาสามันถึงนี่”

   ผมกระพริบตาปริบๆ รู้สึกเห็นใจไอ้ไมล์แทบจะในทันที ผมเข้าใจถึงความเจ็บปวดของมันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะต้องเก็บความลับที่เป็นความรู้สึกของตัวเองแล้ว มันยังต้องทนมองดูไอ้อาสามีพัฒนาการด้านความรักอีก

   “เจ็บจี๊ดเลย” มันนั่งลงตรงบริเวณระเบียงหน้าห้องเล็กเชอร์ของผม ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “กูรู้ว่ากูต้องเจ็บซ้ำๆ นะ แต่บางทีมันก็ทนไม่ได้”

   “...”

   “ไหนอาสาบอกว่าโดนเทมาไง กูนึกว่าจะพอกับคนนี้แล้ว แต่ไหงยังกลับมาคุยกันได้”

   “มึงใจเย็นๆ ก่อนดิ” ผมนั่งลงข้างๆ “อาจจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้”

   “แต่ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้น คนอย่างกูจะทำอะไรได้วะ นอกจากมองมันอยู่ในมุมของกูต่อไป” ไมล์ถอนหายใจ “บางทีกูก็อิจฉามึงนะ มึงอาบน้ำห้องเดียวกับอาสาได้ มึงให้มันนั่งตักได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะรู้เรื่องที่มึงชอบมันมั้ย”

   “เอ่อ...” กูควรตอบว่าไงดีวะ แม่งร่ายยาวมาขนาดนี้แปลว่าอัดอั้นมาตลอดทั้งเช้าชัวร์ๆ

   “กูหนีมันมาเนี่ย”

   ผมนึกไปถึงการแบ่งพรรคแบ่งพวกสไตล์เด็กมหา’ลัยนี้ ก่อนเอ่ยปากถามอีกฝ่าย “บัญชีปีสองมีเด็กหอสามกี่คนวะ”

   “มีกู อาสา เชี่ยบอมบ์ ไอ้กล้า ไอ้เชี่ยบอมบ์ยังอยู่ต่างประเทศ เดี๋ยวกลับ ส่วนไอ้กล้ายังไม่ลงมาจากเชียงใหม่” ไมล์หันมาสบตาผมก่อนจะทำหน้าตื่นๆ เหมือนมันเพิ่งคิดอะไรออกว่าอาสาไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยเลยในขณะนี้ “เวรแล้วไง ตอนนี้อาสามันอยู่คนเดียว”

   “สาด ทิ้งใครไม่ทิ้ง ดันทิ้งนางฟ้า” ผมหัวเราะ

   “กูไม่รู้นี่ มันหายไปทั้งคาบ กูเรียนเสร็จกูก็รีบวิ่งมาหามึงเนี่ย”

   “ไปหามันกันเหอะ ไม่รู้ป่านนี้จะร้องไห้หรือยัง”

   “นั่นดิ”

   ผมส่ายหัวใส่ไอ้ไมล์ที่ทึ้งหัวตัวเอง ก่อนจะตามมันไปเพื่อไปหาอาสา ผมคิดในใจเล่นๆ ว่าผมอาจจะเป็นปีหนึ่งที่อาจจะต้องคลุกคลีกับปีสองมากกว่าปีหนึ่งด้วยกันก็เป็นได้






   [มีต่อนะคะ]


หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 2 P.3 24/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 27-04-2017 00:18:09



   โรงอาหารคณะบัญชี

   “มันอยู่ไหนวะ” ไมล์มองหาอย่างร้อนรน “ปกติก็แดกข้าวเที่ยงกันที่นี่”

   ผมมองซ้ายมองขวาอย่างช่วยตามหา จนสายตาไปสะดุดกับสาวใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงินที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับอาสาที่มุมลับตาของโรงอาหาร

   กูควรจะบอกไอ้ไมล์ดีมั้ยวะเนี่ย

   ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ยากเลยครับ เพราะไมล์มันเห็นเองแล้ว ทันทีที่มันเห็นภาพนั้นมันก็ทำสีหน้าเซ็งขั้นสุด

   “เฮ้อ” มันถอนหายใจ “มึงไปหาอะไรแดกเถอะ เดี๋ยวกูนั่งจองที่ให้”

   “มึงเอาอะไรมั้ย” ผมวางกระเป๋าลง

   “อะไรก็ได้ มึงซื้อมากูก็แดกหมด”

   “ไหวป่ะวะ”

   “ก็ต้องทำเป็นไหวแหละ”

   ดราม่าตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลยเหรอเนี่ย ผมทำสีหน้ารับรู้พลางเดินไปซื้อข้าวราดแกงมาสองจาน บอกป้าราดกับข้าวให้สามอย่าง จากนั้นก็วางข้าวจานนั้นลงตรงหน้าไอ้ไมล์

   มันยังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่

   “รู้มั้ยว่ากูอยากตัดใจฉิบหาย แต่พอเห็นหน้าแม่งทุกอย่างก็กลับมาใหม่หมด” มันพรั่งพรูความในใจ ผมปล่อยให้มันทำแบบนั้นตามแต่ใจของมันเลยครับ เรื่องนี้มันคงพูดกับใครไม่ได้ แม้กระทั่งคนที่สนิทกับมันอย่างไอ้เต

   ก็พวกแม่งชอบคนเดียวกัน...

   “ทำไมถึงชอบมันวะ”

   “มันนิสัยดี น่ารัก อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจ ไอ้เตก็มันก็คงคิดเหมือนกู มันเริ่มชอบอาสาตอนเรียนมหา’ลัยนี่แหละ เพราะแต่ก่อนมันไม่ได้อยู่ใกล้ๆ อาสาเหมือนตอนนี้” ไมล์ทำสีหน้าหนักอกหนักใจ “เฮ้อ ชอบคนเดียวกัน แถมยังชอบคนที่ไม่น่าจะสมหวังอีก กูกับไอ้สัดเตควรไปทำบุญป่ะวะ”

   ผมเอาแต่กินข้าว แต่ก็ฟังมันทุกคำ

   “เวลามึงชอบคนที่เขาไม่ชอบมึง มึงทำไงวะไอ้หล่อ หรือมึงไม่เคยมีประสบการณ์นี้”

   “ไม่เคยว่ะ” ผมส่ายหน้าตอบ “ที่เพิ่งเลิกไปคือแฟนคนที่สี่ในชีวิต”

   “จะบอกกูว่ามึงชอบใครก็สมหวังหมดว่างั้น”

   “ประมาณนั้นแหละ ส่วนใหญ่เขามาจีบก่อน”

   “มึงมันหล่อไง”

   “อยากหาอะไรมาเถียงความจริงเรื่องนี้เหมือนกัน” ผมยิ้ม “แต่ไม่มีว่ะ”

   “สาดดดดดดดดด”

   อย่างน้อยอาการหลงตัวเองของผมก็ทำให้เพื่อนอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แม้จะนิดหน่อยก็ตาม ผมกับไอ้ไมล์นั่งกินข้าวกันต่อไป จนกระทั่งมีคนมาวางจานข้าวใบหนึ่งลงข้างๆ ผม

   ไอ้อาสา

   “เชี่ย” มันสบถทันทีก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียด “เตยชวนไปงานวันเกิดเพื่อนคืนนี้ กูควรไปมั้ยวะ”

   ผมมองไปที่ไอ้ไมล์ ก่อนจะมองไปทางอื่น มึงโอเคมั้ยวะนั่นน่ะ

   “ว่าไงทนาย”

   อ้าว กูเหรอที่ต้องตอบมึง กูเหรออออ “มึงถามกู?”

   “ใช่ มึงชื่อทนาย กูก็เลยมาปรึกษาทนาย”

   “ไหนล่ะเงินค่าปรึกษา” ผมแบมือ

   “ไอ้สาดดดดด”

   มึงสิสาดดด มึงปรึกษาได้ถูกช่วงมาก ต่อหน้าไอ้ไมล์เนี่ยนะ มึงจะให้กูพูดยังไงวะ แม่งเอ๊ย

   นี่มันคือวังวนแห่งความเศร้าชัดๆ คนทุกข์ใจที่สุดควรเป็นใครดีครับ ผมหรือเปล่า...

   “มึงกลับมาคุยกับเตยแล้วเหรอ” ไมล์ถามเสียงเย็น

   “เขามาขอคืนดีอ่ะ เขาบอกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาชอบกู”

   อื้อหือ เอาส้อมที่มึงกำลังถืออยู่แทงไปที่ใจไอ้ไมล์เลยน่าจะดีกว่า ผมก้มหน้าก้มตา อยากล่องหนหายไปจากตรงนี้เหลือเกิน

   “กูควรทำไงดีวะ”

   ถ้าไม่มีไมล์อยู่ตรงนี้ผมคงกล้าพูดมากกว่านี้ ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแต่แสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์มาเล่น

   “มึงชอบเค้าป่ะล่ะ” คนถามไม่ใช่ผมครับแต่เป็นไมล์ ไอ้สัด มึงกล้าหาญมากเพื่อนนนนนนนนนนนน “ถ้ามึงชอบเค้า มึงก็ไปตามที่เค้าชวนเลย แต่ถ้าไม่ชอบแล้วก็ควรหยุด ไม่ต้องไปไหนมาไหนกับเค้าแล้ว”

   นับถือใจแม่งมาก ความเป็นเพื่อนมาก่อนความรัก ผมลอบส่งยิ้มมุมปากให้ไอ้ไมล์อย่างชื่นชม

   “อย่างที่กูเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว สำหรับคนนี้กูไม่อยากนกแล้วว่ะ” อาสาทำสีหน้าเคร่งเครียด “กูผิดหวังมามากแล้วกับความรัก กูอยากสมหวังบ้าง”

   เป็นอีกครั้งที่ผมอยากหายตัวไปจากตรงนี้ ไอ้ไมล์พยักหน้าเบาๆ อย่างรับรู้

   ไอ้เตกับไอ้ไมล์ มันสองคนทนมาถึงวันนี้ได้ยังไง

   คนที่ทุกข์ใจที่สุดคือมันสองคนครับ ไม่ใช่ผมหรอก...

   ในวังวนแห่งความเศร้านี้ มีเพียงผมที่ลอยตัวเพราะเป็นคนนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความรักของเพื่อนสามคนทั้งสิ้น ผมเพียงแค่รับฟังและก็คอยให้คำปรึกษาเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้น

   เพิ่งรู้จักกันได้สองวันแต่พวกมึงทำให้กูอินกับเรื่องราวของพวกมึงมาก

   กูยอมใจในโชคชะตาที่นำพาให้กูมาอยู่หอสามจริงๆ








   ห้อง 204 เวลา 17.43 น.

   ผมเพิ่งกลับมาจากทานอาหารเย็นกับพวกไอ้โอ๊คที่โรงอาหารใต้หอ รู้สึกตกใจที่สมาชิกห้องเหลือเพียงแต่ไอ้อาสาคนเดียว อีกสองคนหายไปไหน

   “ไอ้เตพาไอ้ไมล์ไปเอารถออกจากอู่” อาสาตอบสายตาที่มีคำถามของผม

   “แล้วมึงล่ะ ไม่ไปกับสาวแล้วเหรอ”

   “งานเริ่มสองทุ่มอ่ะ”

   “เออ โอเค”

   ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบขนมออกมาจากถุงที่ซื้อติดมือมาด้วย จากนั้นก็เริ่มแทะขนมอย่างเอร็ดอร่อย

   “เชี่ยทนาย!” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้อาสาก็ส่งเสียงดัง

   “ไอ้สัด เรียกทำไม เรียกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วย”

   “กูปรึกษาหน่อยยยย”

   กูอีกแล้วเหรอ ตอนกลางวันก็ไมล์ ตอนเย็นก็มึง หน้ากูเหมือนคนช่ำชองเรื่องความรักขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   “ปรึกษาอะไรอีก” ถามอย่างหวาดระแวง

   “ก็เรื่องเตยอ่ะ กูไม่สบายใจเลย”

   ผมเลิกคิ้ว “ไม่สบายใจเรื่อง?”

   “มันแปลกๆ ว่ะ เขาเทกูชนิดที่ว่าตัดการติดต่อกูทุกทาง แต่จู่ๆ ก็กลับมาเฉย กูแม่งโคตรงงเลย”

   “มันก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกมึงอ่ะ นี่มันเรื่องของมึงล้วนๆ เลยนะ”

   “พูดมาตามความคิดของมึง”

   “กูเพิ่งรู้จักมึงได้สองวันนะ” ผมเตือนความจำมัน

   “แต่หน้ามึงเหมือนคนที่ผ่านผู้หญิงมาเป็นล้าน” นั่นมันเป็นคำด่าหรือคำชม? “มึงต้องเก่งเรื่องนี้ดิ”

   “ดูมึงจริงจังกับกอเตยอะไรนี่มากเลยเนอะ”

   “กูบอกแล้วไงว่าไม่อยากนกแล้วอ่ะ”

   “ในอดีตมึงเคยนกมามากงั้นเหรอวะ”

   “ใช่ นกจนไม่กล้ามีความรักเลย จนกอเตยเขาทักกูมา กูก็เลยกล้าขึ้นมาหน่อยหนึ่ง”

   ที่แท้แม่นางกอเตยก็มาในวันที่ไอ้อาสาไร้ซึ่งความหวัง มาแบบถูกจังหวะและก็ถูกช่วง อาสามันก็เลยชอบมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกังวลมากเพราะกลัวผิดหวังอยู่ดี

   ความรักนี่หนอ...ช่างยุ่งยากแท้

   “มึงคิดว่าไง” อาสายังคงรบเร้าเอาคำตอบต่อไป

   “ถ้าคนมันใช่จริงๆ มึงจะไม่ลังเลเลย” คำพูดของผมทำเอาอาสาสะอึก “กูตอบได้แค่นี้แหละ”

   “หรือคนนี้มึงไม่สนับสนุน?”

   “กูรู้จักมึง แต่กูไม่รู้จักเขา กูแค่พูดตามความคิดกูอ่ะ”

   “มึงไปกับกูหน่อย” อาสาสะกิดแขนผมพร้อมกับอ้อนด้วยดวงตากลมๆ

   “เฮ้ยยยย” ผมตกใจทั้งคำพูดและก็การออดอ้อนของมันนี่แหละ

   “ไปกับกู”

   “กูมีควิซพรุ่งนี้” ผมแถ

   “ควิซบ้าอะไร พรุ่งนี้มึงเรียนอังกฤษพื้นฐานครั้งแรก ปีก่อนกูเรียนแล้วมันไม่มี”

   แม่งเสือกมองเห็นตารางเรียนกูไปอีกกกกกก (มันเหลือบไปมองบนโต๊ะปราดเดียวก็เห็นชัดเจน) ผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี เพราะสายตาไอ้อาสาแม่งทำลายล้างพวกใจแข็งได้เป็นอย่างดี

   นางฟ้าแม่งก็คือนางฟ้านั่นแหละ หน้าตาเหมือนหมาตัวเล็กๆ ที่อ้อนคุณแล้วคุณคงให้อาหารมันหมดทั้งกระสอบ ผมไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะปฏิเสธ

   “ไปก็ได้” อาสาร้องไชโยออกมาหลังจากผมพูดจบ “แต่กูไม่รู้จักใครสักคนเลยนะ อย่าทิ้งกูล่ะ”

   “กูไม่ทิ้งมึงหรอก”

   “อย่าให้เห็นว่าติดสาวจนลืมกูละกัน”

   “กูจะตัวติดกับมึงทั้งงานเลยเพื่อน”

   “แต่เขาอุตส่าห์ชวนมึงนะ และก็ชวนแค่มึงด้วย” ผมลองพูดเผื่อมันจะเปลี่ยนใจ

   “กูยังไม่แน่ใจในตัวเขาไง”

   เรื่องของมึงก็แล้วกัน...ผมคิดอย่างปลงๆ ก่อนจะเริ่มคิดว่าเรื่องนี้ผมควรบอกเตกับไมล์ดีหรือไม่

   เอ๊ะ ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้ว หรือผมกำลังจะถูกลากเข้าไปในวังวนของพวกมันโดยที่ผมไม่รู้ตัว






   ร้าน HH BAR

   ร้านบาร์หิ่งห้อยเป็นบาร์ไฮโซของมหา’ลัยแห่งนี้ พวกที่มีระดับและก็มีฐานะมักจะเลือกมาเหมาร้านนี้เพื่อทำการฉลองอะไรบางอย่าง อย่างเช่นวันนี้ สาวนิเทศปีสองนามว่าคุกกี้ เพื่อนของกอเตยก็เหมาร้านแห่งนี้เพื่อฉลองวันเกิดเหมือนกัน

   อาสาเล่าว่าสาวๆ พวกนี้เป็นเด็กของพวกหอสี่ (ยกเว้นกอเตย ที่อาจจะเป็นเด็กของมัน) ในงานจึงเต็มไปด้วยพวกหอสี่ที่ผมไม่รู้สึกอยากจะเข้าไปคุยด้วยเลย 

   ผมกับไอ้อาสาอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ แต่ผู้คนในงานพากันยิ้มรับก็เลยเบาใจขึ้นมาหน่อย อาจเป็นเพราะผมมากับนางฟ้า ใครๆ ก็พากันต้อนรับ โดยเฉพาะพวกหอสี่นี่ยิ้มพราวเชียวครับเมื่อเห็นหน้าอาสา ไม่มีใครมาเขม่นผมกับมันทั้งสิ้น แต่ก็มีสาวๆ หลายคนเข้ามาทำความรู้จักกับผมจนผมรู้สึกตาลายไปหมด อาจเป็นเพราะเพชรที่พวกเธอสวมใส่ส่องประกายวูบวาบจนผมมึนมั้ง

   เวลาเดียวกันนั้นอาสากำลังคุยกับกอเตยพอดี ผมมองดูตามประสาคนนอก ดูเหมือนคนคู่นี้น่าจะเข้ากันได้ดี ไม่รู้ว่าอาสามันจะกังวลไปทไม แต่ผมจะรู้สึกขัดๆ หน่อยก็ตรงที่ว่าอาสาเตะตาผมมากกว่ากอเตยครับ เพราะผมมองไปทีไรผมแม่งมองเห็นแต่อาสาอ่ะ

   “ไม่คิดเลยว่าอาสาจะมีน้องหอที่หล่อขนาดนี้” คุกกี้เดินเข้ามาคุยกับผมด้วยท่าทางเซ็กซี่ๆ “พวกหอสามก็หล่อกันทุกคนนะ แต่ไม่เคยเห็นใครหล่อขนาดนี้”

   “ชมขนาดนี้อยากได้น้องเขาเป็นของขวัญวันเกิดเหรอจ๊ะ” เพื่อนๆ ของคุกกี้แซวใหญ่ ทุกคนหัวเราะคิกคัก

   ทำไมสาวๆ น่ากลัวอย่างงี้วะ “ไม่ต้องเรียกน้องก็ได้ เราอายุเท่าๆ กับเธอ เราซิ่วมา”

   “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนเคยเห็นจากแฟ้มประวัติที่พี่ตั้มเคยรวบรวมไว้” คุกกี้ทำท่านึก หันไปมองเพื่อนสาวอย่างตื่นเต้น “คนที่ซิ่วมาจากหมอไง”

   “ทายาทโสภาพรรณป่ะ”

   นั่นแม่กูครับ โธ่ เรียกชื่อธุรกิจอะไรก็เรียกให้มันเต็มๆ หน่อย โสภาพรรณกรุ๊ปงี้

   “นิติ บุญญวาณิชย์”

   คำพูดของเธอเหล่านี้ทำให้ผมนึกถึงพี่ตั้มกับพรรคพวกที่ผมเจอ แม่งไม่มีอะไรต่างกันเลย เด็กหอเขาก็คงจะเป็นเขานั่นแหละ ผมว่านะ

   “ตื่นเต้นเลยอ่ะ” คุกกี้มองผมยิ้มๆ “เห็นทีเราต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้นะคะ”

   “มีอะไรเหรอ” อาสาเดินเข้ามาหา มองดูผมกับคนอื่นๆ อย่างงงๆ

   “อาสามีเพื่อนหล่อ ทำไมเพิ่งพามาแนะนำ” คุกกี้ตีแขนอาสาอย่างสนิทสนม

   “กูคอแห้งว่ะ ไปหาไรดื่มกันเถอะ” ผมลากเพื่อนให้ออกมาจากวงสาวๆ ที่มีเพชรส่องแสวแวววาวพวกนั้น พอเดินออกมาไกลๆ ผมจึงหายใจหายคอได้โล่งหน่อย

   อาสามองดูผมอย่างยิ้มๆ  “ทำอย่างกับไม่เคยออกงานสังคม มึงรวยมากไม่ใช่เหรอ น่าจะเคยชินกับงานแบบนี้นะ”

   “กูออกงานบ่อย แต่ไม่เคยชอบเลย” ผมทำหน้าเซ็ง ก่อนจะหันไปมองอาสาอย่างจริงจัง “กลับกันได้ยัง”

   “คุกกี้ยังไม่เป่าเค้กเลยนะ”

   ผมกลอกตา “กูอยากกลับแล้วว่ะ”

   “งั้นเดี๋ยวกูไปบอกเขา...”

   “ไม่ต้องไปบอกแล้ว หนีออกไปเลย” ผมพูดอย่างจริงจัง “เว้นเสียแต่ว่ามึงอยากอยู่ต่อ”

   “กูเฉยๆ ว่ะ”

   “อาสา” มีคนเรียก อาสามันก็เลยบอกขอตัวแป๊บหนึ่ง ผมพยักหน้ารับรู้และก็ยืนอยู่ที่เดิม ไม่คิดจะเข้าไปทำความรู้จักอะไรกับใครทั้งสิ้น ปล่อยให้อาสามันได้พูดคุยกับคนอื่นๆ เพราะมันเป็นคนที่ถูกชวนมางานนี้ ไม่ใช่ผม

   ผมมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย จนสายตาของผมไปสะดุดกับภาพของกอเตยที่กำลังนัวเนียกับคนจากหอสี่อยู่บนรถยนต์คันหนึ่ง ถ้าจะบอกว่าพลอดรักก็คงจะน้อยไปเพราะอีกนิดคงลากกันขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง ผมรีบหันไปมองอาสาทันทีเพื่อดูว่ามันเห็นในสิ่งที่ผมเห็นมั้ย

   มันกำลังยิ้มแย้มกับคนที่มาคุยกับมัน ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องราวที่กำลังเกิด

   แม่งจะไปรู้สึกได้ไง ก็ในเมื่อมันไม่รู้!

   ผมรู้สึกโกรธผู้หญิงที่ชื่อกอเตยทันที ผมอาจจะเพิ่งรู้จักอาสา แต่เธอทำแบบนี้แม่งโคตรไม่ถูกต้อง ผมนึกถึงสีหน้าเวลาที่อาสาเป็นกังวลตอนที่มาปรึกษาผม ถ้ามันรู้ มันก็จะต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ

   และถ้ามันเจ็บปวด ก็ยังมีคนอีกสองคนที่เจ็บปวดมากกว่าไอ้อาสาหลายเท่านัก

   กอเตยเหมือนกำลังเหยียบย่ำความรู้สึกของสมาชิกห้อง 204 ให้เละอย่างไม่มีชิ้นดี

   ใช่ครับ มันรวมถึงความรู้สึกของผมด้วย





TBC*




ชะนี ทำไมเธอทำอย่างนั้นล่ะชะนี
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 27-04-2017 00:34:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: AmiTiel ที่ 27-04-2017 00:50:59
เอาแล้วว ทนายย ไหนว่าตัวเองไม่อยู่ในวังวนไง 5555 สุดท้ายเราว่านายก็ไม่รอดด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Smilesdr ที่ 27-04-2017 00:52:03
ลั่นกับประโยคสุดท้าย อิชะนีเอ้ยย เธอไม่ได้แค่เหยียบย่ำแค่หัวใจห้อง 204 แต่เธอกำลังเหยียบย่ำหัวใจชั้นด้วย! /กำมีดแน่นมาก :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-04-2017 01:13:27
แย่มากกก แล้วมาหลอกอาสาทำไม
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 27-04-2017 01:47:49
ชะนีกอเตยนี่กำลังเล่นอะไรกับชีวิตอ่ะ งง เก็บแต้มหรอ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 26/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 27-04-2017 02:07:34
ทนายจะทำไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 27-04-2017 03:32:18
อิชะนี นู้น!!!! กลับป่ากลับหลุมมึงไป แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นอีกนะ นิสัยแย่มาก  :fcuk:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-04-2017 07:42:45
ยัยกอเตย ทำงี้ได้ไง ตบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 27-04-2017 08:54:59
อ้าวชะนีทำไมแรด :katai1: :angry2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 27-04-2017 09:18:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-04-2017 09:50:50
ทนาย ถ่ายคลิปไว้ให้อาสาดูเป็นหลักฐานของชะนีกอเตยเลย อย่าให้นางลอยนวล นางฟ้ายังต้องเป็นนางฟ้าของหนุ่มๆต่อปายยย  กลับมายังทางของหนูเถอะลูก อาสา... :hao6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-04-2017 10:07:22
อุ้ ร้ายย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-04-2017 11:11:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-04-2017 11:22:56
นังชะนีนี้มันร้ายยิ่งนัก :beat:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-04-2017 12:10:05
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-04-2017 14:36:56
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-04-2017 14:56:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-04-2017 16:29:43
ต้องมีแผนการณ์อะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2017 16:32:34
นกกับชะนีก็ถูกแล้วหนิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 27-04-2017 18:30:08
ทหายจีบอาสาเลยเอาให้นังกอเตยมันเจ็บใจเล่นน!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 27-04-2017 20:55:48
 :impress2: :impress2: :impress2:
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ มันดีต่อใจเรา
เรามีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณนะคะ รอคอยเรื่องนี้ทุกวันเลยล่ะ

ทนายอยู่กับอาสา แน่นอนอ่ะเนอะว่าต้องเจอดาเมรุนแรงแบบไม่ตั้งใจ 555
ทนายจะได้เอทุกตัวไหม รอดูต่อไป
กอเตย เธอ!!! มาทำแบบนี้กับอาสาได้ยังไง
#เลือดหอสามต้องมา 555
รออ่านตอนต่อไปน้า ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-04-2017 21:24:06
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 28-04-2017 00:24:21
ต้องปกป้องอาสา!!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-04-2017 13:03:09
กำลังคิดว่าชะนีมีแผน


หลอกอาสา มาให้ใครหรือเปล่า

นี่ทีมห้อง 204 นะ จะปกป้องอาสาเอง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-04-2017 19:50:16
ติดใจเรื่องนี้   อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-04-2017 20:21:30
เตยมีแผนร้ายแน่ ๆ  เป็นห่วงอาสา  รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 01-05-2017 14:36:32
นี่กอเตยหรือกอตมคะลูก
ทำไมผีแบบนี้ กลับมาคุยกับอาสานี่มีแผนอะไรไม่ดีรึป่าว ชักไม่วางใจ

ทนายคีปโกอิ้งลูกกกกกก

ปล.ทำไมรู้สึกอยากให้สงครามคู่พี่อ้าย เรือเจ้จะได้เป็นเพียงเรือผีหรือไม่น้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 01-05-2017 14:51:15

บัลลังก์ปักษา


ตอนที่ 4



   สองสามวันถัดมาผมใช้ชีวิตอยู่บนความกระอักกระอ่วน

   บางอย่างที่เป็นไปได้สวยก็สวยงามจริงๆ จนไม่มีอะไรมาขัด เช่น ความสัมพันธ์ของผมกับผู้คนรอบข้างดีขึ้นทุกวัน ทั้งเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมคณะ และก็ชาวหอสาม ผมเริ่มรู้จักคนนั้นคนนี้ไปทั่ว (ถึงแม้จะรู้จักกันดีแค่ในหอสามก็เถอะ) มีแก๊งเล่นบาสเก็ตบอลตอนเย็นและก็แก๊งเข้าฟิตเนส เรียกได้ว่าผมสามารถปรับตัวให้เข้ากับหอสามที่มีแต่มนุษย์ที่หน้าตาดีได้แล้วครับ พวกนี้แม่งหล่อ แต่ก็มีความกวนประสาทคล้ายกับผมดี ผมจึงเข้ากันได้กับทุกคน

   ส่วนบางอย่างแม่งไม่ได้ดีขึ้นเลยครับ มีแต่จะทิ้งดิ่งลง และคงจะแย่อย่างนั้นต่อไป สิ่งนั้นก็คือความลับของห้อง 204 ที่ผมเป็นผู้กุมเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของเตกับไมล์ และก็เรื่องที่กิ๊กไอ้อาสาดันเป็นกิ๊กของคนจากหอสี่อีกทีหนึ่ง บอกตามตรงว่าทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องของผมครับ ผมไม่ได้อยากยุ่งเลย แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อชีวิตเพื่อนร่วมห้องของผม

   ผมไม่รู้จะบอกพวกแม่งยังไง ไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน ยิ่งได้เห็นไอ้อาสาออกไปเดตกับกอเตยบ่อยสลับกับเห็นสายตาเศร้าๆ ของไอ้เตกับไอ้ไมล์ ผมยิ่งรู้สึกอัดอั้นจนตัวแทบระเบิด

   โชคชะตาแม่งเล่นตลกกับกูป่ะวะ ท่านส่งผมมาอยู่หอนี้และก็ห้อง 204 นี้ แต่ทำไมท่านไม่ส่งคู่มือการวางตัวสำหรับการอยู่ที่นี่ให้ผมล่ะ

   ทำไมวะ ทำไม...

   วันนี้เป็นวันหยุดวันแรกของสัปดาห์แรก ผมเพิ่งกลับมาจากรับรถยนต์ที่แม่ส่งมาให้มองดูคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง 204 ด้วยสายตางุนงง คนๆ นั้นก็คือพี่อ้าย พี่มันกำลังจะเคาะประตูพอดี

   “มึงมาก็ดีแล้ว” เมื่อเห็นผม พี่อ้ายก็หันมาหาพร้อมยัดกระดาษ 7-8 แผ่นใส่มือผม

   “อะไรครับ”

   “โหวตเดือนหอกับดาวหอ”

   ผมมองพี่อ้ายพร้อมด้วยใบหน้าตึงๆ “มันมีอะไรพรรค์นี้ด้วยเหรอพี่”

   “มีดิ กูจำได้ว่ากูเคยพูดกับมึงไปแล้วนะ”

   ผมจำไม่ได้แฮะ ผมรับกระดาษมา มองดูกระดาษสีฟ้าและสีชมพูที่อยู่ในมือผมอย่างละสี่แผ่น

   “หมดเขตโหวตคืนนี้ตอนสี่ทุ่ม ห้องอื่นเขาโหวตกันหมดแล้ว เหลือแต่ห้องมึงอ่ะ แม่งไม่เคยอยู่กันสักที กูมาหาทีไรก็ไม่เคยเจอ”

   “ผมอยู่ตลอด”

   “กูเห็นมึงออกไปเล่นบาสบ่อย อย่ามาพูด” พี่อ้ายจ้องมองมาที่ผม “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ ทำไมช่วงนี้แม่งไม่ยอมจับกลุ่มกันเป็นก้อนเหมือนเดิม แตกกระจายกันไปคนละทิศคนละทางอย่างกับผู้หญิงงอนกัน”

   พี่อ้ายสังเกตเห็นด้วยเหรอวะ ไอ้เตกับไอ้ไมล์มันชอบชวนกันไปแดกเหล้าย้อมใจครับ ส่วนไอ้อาสาแม่งก็ตัวติดกับกอเตย ผมอยู่แต่กับพวกหอสามที่ชอบเล่นกีฬา เพราะงั้นห้อง 204 ก็เลยไม่ได้จับกลุ่มกันเหมือนแต่ก่อน

   “แหะ ตามประสาคนหน้าตาดีมั้งพี่ ไปเที่ยวงี้ มีกิ๊กงี้” ผมตอบเลี่ยงๆ

   “เฮ้อ พวกบ้า” พี่อ้ายดูปลงๆ คงจะเคยชินกับเรื่องอะไรแบบนี้ของคนในหอ “รีบโหวตนะ กูรอ 8 คะแนนสุดท้ายอยู่”

   พี่อ้ายเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนงงว่าเรื่องเดือนหอดาวหอจะสำคัญอะไรขนาดนั้น

   โชคดีที่วันนี้มีคนอยู่ในห้องเพื่อให้คำตอบผมพอดี คนๆ นั้นก็คือไอ้เต มีมันคนเดียวที่อยู่ในห้องเวลานี้ครับ ผมก็เลยยิงคำถามใส่มัน ดูมันกระตือรือร้นมากจนผมสงสัย

   “เชี่ย ลืมนึกไปเลยว่าต้องโหวต” ไอ้เตรับกระดาษมาแล้วรีบเขียนทันที “สำหรับเดือนหอ ขอโหวตให้ไอ้เหี้ยทนาย”

   มันเขียนคำว่า ‘ไอ้เหี้ยทนาย’ ตัวใหญ่มากลงบนกระดาษสีฟ้า จากนั้นก็พับครึ่ง

   “เฮ้ย โหวตให้กูเป็นเดือนเหรอ”

   “เออ ก็มึงหล่อที่สุด”

   “มีคนหล่อกว่ากูตั้งเยอะ”

   “มึงหล่อสุดๆ แล้ว”

   “พี่อ้ายงี้ ไอ้ไมล์งี้”

   “ความคิดกูคือมึงหล่อสุดไง”

   ผมไม่เถียงแม่งแล้ว ย้ำอยู่นั่นว่าผมหล่อ ผมลอบมองดูมันที่เริ่มเขียนชื่อดาวหอที่มันโหวตคะแนนให้

   ‘มีน’

   “ใครวะ”

   “สุดๆ ไปเลยคนนี้ พี่มีน วิศวะปีสี่มาสายเดียวกันกับไอ้อาสาเลย แต่หวานกว่าเยอะ”

   “สายเดียวกันกับอาสา?” มันเหมือนสายรถเมล์มั้ยวะ

   “ก็หน้าตาค่อนไปทางสวยมากกว่าหล่ออ่ะ”

   “นึกว่ามึงจะเขียนชื่ออาสาซะอีก”

   เตยักไหล่ จากนั้นก็พับครึ่งกระดาษสีชมพู “มึงโหวตเร็วๆ จะได้ไปส่งพร้อมกัน”

   “ต้องจริงจังอะไรขนาดนั้น” ผมยังไม่เห็นถึงความจำเป็นในการโหวตอะไรนี่เลยครับ

   “มันสนุกดี”

   ผมโหวตบ้าง โหวตให้คนที่ผมคิดว่าตรงใจผมที่สุด เดือนหอก็คือไอ้เชี่ยเต ถึงแม้ว่าในหอสามจะมีคนหน้าตาดีเดินไปเดินมาจนผมชินตา แต่เพื่อนร่วมห้องของผมคนนี้แม่งดูดีที่สุดในสายตาของผม

   ส่วนดาวหอ...ผมโหวตให้อาสา

   ก็สำหรับผมมันน่ารักที่สุดในหอนี้แล้วนี่หว่า    

   “ช่วงนี้เชี่ยไมล์แม่งแปลกๆ ไปว่ะ” หลังจากที่หย่อนกระดาษโหวตลงกล่องที่หน้าออฟฟิศประธานหอเสร็จ ไอ้เตก็โพล่งคำนี้กับผม “ปกติมันไม่ได้เป็นแบบนี้นะ”

   “มันแปลกยังไง” ผมไม่รู้จะใช้คำพูดไหนกับไอ้เตดี

   “ดูมันเฮิร์ต เศร้า และก็เก็บตัว ปกติมันชอบเถียงกูจะตาย แต่อยู่ดีๆ แม่งก็เงียบ กูด่าอะไรแม่งก็ไม่สวนกลับ”

   “มึงไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพราะอะไร” ผมถามลองเชิง ส่วนไอ้เตเลิกคิ้วสูง

   ไม่นานนักคำตอบของคำถามทุกอย่างก็มาถึง อาสาเดินเข้ามาในตึก ท่าทางเหมือนเพิ่งกลับมาจากเดต มันยิ้มแห้งๆ ให้ผมกับเต

   “พวกมึงแดกข้าวเย็นหรือยัง”

   ผมกับเตส่ายหน้า อาสาก็เลยพยักเพยิดชวนไปยังโรงอาหารหอสาม ผมกับเตเดินตามหลังมันไป พลางคิดสงสัยในใจว่าเชี่ยอาสามันทำหน้าเซ็งเพราะอะไร

   ถ้าให้ผมเดานะ คงหนีไม่พ้นเรื่องของกอเตยชัวร์ๆ

   โว้ยยยยย พอนึกถึงผู้หญิงคนนี้แล้วผมทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆ

   “มึงไปไหนมาวะ” หลังจากทุกคนได้ข้าวกันหมดแล้ว เตก็เอ่ยถามคนที่มันแอบชอบ

   “ไปห้างมากับเตย”

   “ทำไมมึงดูไม่มีความสุขเลย”

   “ไม่รู้ว่ะ ถามไอ้ทนายดูสิ”

   อ้าว เรื่องของมึงแท้ๆ โยนมาให้กูทำไม ไอ้เตหันมามองหน้าผม ผมจึงต้องตอบคำถามแบบขอไปที

   “มันกลัวมันอกหักเพราะมันไม่อยากอกหักอีกแล้ว กอเตยอะไรนี่มีอะไรบางอย่างที่เชี่ยอาสาคิดว่าแม่งไม่ชัดเจน”

   “ใครจะไปอยากอกหักวะ” เตหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม “คนมีความรักแม่งก็ต้องเสี่ยงกันทุกคนทั้งนั้น”

   เช้ดดดด คำคมก็มาว่ะ แม่งคมสัดจนบาดแขนกูเลยเนี่ย

   ผมลอบมองดูไอ้เต ผู้ที่ให้คำปรึกษาเรื่องความรักกับคนที่มันมอบความรักให้ ภาพนี้แม่งเหมือนเดจาวูตอนที่ผมมองไอ้ไมล์เมื่อไม่กี่วันก่อน อาสาพูดเรื่องกอเตยที่โรงอาหารคณะบัญชี ไอ้ไมล์ก็ให้คำแนะนำเหมือนที่ไอ้เตกำลังทำเด๊ะๆ

   พวกแม่งเหมือนกันทั้งคู่ ให้ความสำคัญกับคำว่ามิตรภาพมากกว่าความรัก

   กูขอซูฮก

   “เฮ้อออออ” อาสาคอตก “กูไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจอะไรกับเขาเลยสักอย่าง”

   “เกิดอะไรขึ้น” เตถามต่อ

   “ตลอดเวลาที่อยู่กับกู เขาเอาแต่เล่นโทรศัพท์”

   “เอ่อ...”

   “เขายิ้มและหัวเราะเวลาพิมพ์ มีความสุขกับตอนที่คุยกับกูเยอะ”

   ผมถึงกับอึ้งไปเลย

   “ถ้าเขามีความสุขกับคนอื่นมากกว่ากู เขาจะเก็บกูไว้ทำไมวะ”

   “มึงยอมให้เขาทำแบบนั้นเองหรือเปล่า” เสียงของผมชักแข็งมากขึ้น อาสาถึงกับสะอึกกับคำพูดผม

   “กูไม่...”

   “กูว่ามึงยอมว่ะ มึงไปกับเขามากี่ครั้งกี่หนแล้ว ทุกครั้งที่มึงกลับมา กูไม่เห็นว่ามึงจะแฮปปี้มีความสุข มึงเอาแต่ทำหน้าเครียด จะนอนก็นอนไม่ค่อยหลับ”

   ไอ้เตมองผมอย่างตื่นตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะสังเกตอาสามันขนาดนี้ แน่นอนผมต้องสังเกตสิ ก็มันนอนอยู่ชั้นล่างของเตียงผมนี่

   “คนที่มึงให้ความรักควรเป็นคนที่ทำให้มึงแฮปปี้ดิ ไม่ใช่คนที่ทำให้มึงต้องคิดมากขนาดนี้ มึงคิดดูดีๆ นะ” ผมลุกขึ้นพร้อมกับจานอาหาร ไอ้เตกับอาสาดูงงมากๆ ที่อยู่ดีๆ ผมก็ไม่สบอารมณ์ นี่ถือว่าผมเก็บอาการได้มากที่สุดแล้วนะ ปกติผมโวยวายจะตายห่า

   “ทนาย มึงเป็นอะไร” อาสาลุกขึ้นมาพร้อมกับวิ่งตามผม “ทำไมต้องโกรธ”

   “กูแค่...” ผมหันมาสบตานัยน์ตากลมๆ ของอีกฝ่าย ผมเห็นแค่นั้นผมก็ไม่อยากที่จะทำร้ายมันแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้แต่กล้ำกลืนความจริงเกี่ยวกับกอเตยกลับลงไปในคอ ไม่ยอมพูดมันออกมา   

   ควบคุมอารมณ์ไว้สัดทนาย ควบคุมมันไว้

   “แค่อะไร กูรอฟังอยู่” อาสากอดอก “กูรู้สึกจริงๆ นะว่ามึงไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ของกู”

   “ไม่ได้ไม่ชอบ” กูแค่ไม่เห็นด้วยโว้ย

   “ถ้าเพื่อนไม่ชอบ กูคิดใหม่เรื่องเขาก็ได้”

   “กูไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”

   “สำคัญดิวะ ถึงตอนแรกกูจะไม่ค่อยชอบมึง แต่ตอนนี้มึงก็เป็นเพื่อนกูไปแล้ว”

   ผมมองอาสาอย่างช่ั่งใจ สลับกับมองไอ้เตที่กำลังมองมา รู้สึกงงไปหมดว่าควรทำยังไงต่อไป

   โว้ยยย นี่กูมาที่นี่เพื่อมาเรียนจริงๆ นะ ทำไมกูต้องมาอึดอัดใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยวะ

   “มีอะไรก็พูดมาเหอะ”

   “ขอเวลากูสักชั่วโมง” ผมสรุปในที่สุด

   “หา”

   “กูขอเวลาเรียบเรียงคำพูดในหัว”

   “มึงจะไปกล่าวสุนทรพจน์ที่ไหนหรือไง มึงก็แค่คุยกับกูป่ะวะ”

   “เชื่อเถอะ” ผมแตะไหล่อาสาเบาๆ “เรื่องของมึงยังไงก็ต้องใช้เวลาคิดคำพูดว่ะ”

   “อะไรของมึง”

   “อ้อ มึงอย่าลืมโหวตดาวเดือนหอด้วยนะ” ผมจงใจเปลี่ยนเรื่อง เดินหนีไอ้อาสาให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกแปลกใหม่กำลังสิ่งที่ผมกำลังเจอ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาพูดถึงผู้หญิงในแง่ร้าย ไม่เคยเลยครับ แต่เพื่อความสุขของเพื่อนในอนาคต ผมจำเป็นต้องจำใจทำ ปล่อยให้แม่งเจ็บไปเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องเจ็บซ้ำๆ นานๆ

   หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผม อาสา และก็เตกำลังนั่งประจันหน้ากันในห้อง 204 คนที่เครียดที่สุดก็คือผม ผมหยุดสั่นขาไม่ได้จนไอ้เตต้องเตะหน้าแข้งให้ผมหยุดสั่นขา

   “เอาล่ะ มีอะไรพูดมา กูรู้ว่ามึงมีอะไรในใจ” อาสามองผมด้วยสายตาอยากรู้

   “คือว่า...”

   เสียงโทรศัพท์ไอ้เตดังขัดคำพูดผมซะก่อน ไอ้เตบอกให้ผมอย่าเพิ่งพูดก่อนที่มันจะกดรับสาย

   “ฮัลโหล” มันนิ่งไปสักพักก่อนจะทำหน้าตื่นตกใจ “เฮ้ยยย จริงดิ มันอยู่ไหน อืม อืม โอเค เดี๋ยวกูออกไปรับ” เตกดวางสายแล้วหันมาคุยกับผมและอาสา “เพื่อนคณะกูที่อยู่หอสองโทรมา เชี่ยไมล์แม่งเมาอย่างหมา ตอนนี้อยู่ในร้านที่เป็นถิ่นของหอสองว่ะ”

   ผมที่อยู่ที่นี่มาเกือบอาทิตย์ รู้ดีว่าสถานการณ์ที่ไมล์กำลังเผชิญอยู่แม่งอันตรายขนาดไหน ดีไม่ดีอาจจะอันตรายถึงชีวิตของมัน

   ไอ้สาดดดดดด มึงไปเมาร้านที่เป็นถิ่นของหออื่นไม่ได้เหรอ หอหนึ่ง หอห้า หอหก หอเหี้ยอะไรก็ได้ทำไมต้องเป็นหอสอง!
 
   “เชี่ยแม่งเมาแล้วชอบปากเสียด้วย”

   ผมกับอาสาตื่นตัวทันที “ไปรถกู” ผมพูด ลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถ

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปแบกมันกลับคนเดียว” เตบอก

   “สัด ถิ่นหอสองนะเว้ย” ผมพูดอย่างหนักแน่น “อาสามึงไม่ต้องไป”

   “อ้าว ได้ไง”

   “เดี๋ยวพวกแม่งลากมึงไปปล้ำ”

   “แต่กูไปกับพวกมึงนะ” อาสาทำหน้าไม่เข้าใจ

   “โอ้ย กูกับไอ้เชี่ยเตน่ากลัวจะตายห่าเลยมั้ง” ผมประชดประชัน ถึงผมกับเตจะตัวใหญ่ก็จริง แต่คงสู้อะไรพวกหอสองไม่ได้ ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชาย

   แต่ถ้าจะให้สู้ ก็จะสู้ครับ

   “สาด เพื่อนเมาจะให้กูไม่ไปช่วยอะไรเลยงั้นเหรอ”

   “นี่กูกำลังห่วงสวัสดิภาพมึงนะ”

   “มึงห่วงเกินไป มึงเว่อร์มากสาด”

   “ไอ้...”

   “พอ เลิกเถียงกัน” เตห้ามศึกระหว่างผมกับอาสา “ไปกันให้หมดนี่แหละ รีบไป”

   ผมจิ๊ปากใส่อาสา มันทำหน้าบึ้งใส่ผม เราสองคนกลับมาไม่ชอบขี้หน้ากันอีกรอบ ผมเทเรื่องมันทิ้งไปก่อน ตอนนี้ผมควรโฟกัสกับการไปหิ้วคนเมาอย่างไอ้ไมล์ให้กลับมาที่หอสามอย่างปลอดภัย




[ มีต่อนะคะ ]


   



หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 3 P.4 27/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 01-05-2017 14:51:39




   ร้านเหม่อมองฟ้า

   ชื่อร้านนี่แม่งก็นะ...ผมส่ายหน้าใส่ป้ายของร้านก่อนจะเดินเข้าไป ในร้านมีแต่พวกหอสองครับ ฟังจากเสียงและก็ดูขนาดตัวก็รู้ เชี่ยไมล์เลือกมาดื่มร้านนี้ทำไม แม่งอยากจะฆ่าตัวตายป่ะวะ

   “แม่งๆๆ” เตสบถซ้ำไปมา “อยู่ไหนวะ”

   ผมสังเกตว่ากลุ่มผมกำลังถูกทุกสายตามองมา และคนที่ถูกมองมากที่สุดก็คืออาสา มันก้มหน้างุด เอามือสองมือปิดหน้า เหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่ามันมาที่นี่

   “เห็นมั้ย รู้ว่าลำบากก็ยังจะดื้อด้านมา” ผมตะโกนด่าแข่งกับเสียงเพลง

   “มึงหาไอ้ไมล์ให้เจอเถอะ”

   เอาไว้เถียงกับแม่งทีหลัง ผมมองซ้ายมองขวาจนคอแทบหัก พยายามหลีกเลี่ยงสายตาเอาเรื่องของพวกหอสองที่คงอยากจะใช้กำลังเต็มที่ ไอ้เตที่เดินไปมุมร้านโบกมือร้องเรียกผมกับอาสา ท่าทางมันจะหาตัวไอ้ไมล์เจอแล้ว เราสองคนจึงเดินไปหามันทันที

   ผมกับอาสาทักเพื่อนของเตที่เป็นคนโทรมาหา มันรีบเฟดตัวออกไปจากจุดที่มันอยู่ทันที อาจเป็นเพราะกลัวว่าคนทั้งร้านจะมองว่ามันแปรพักตร์ ผมบอกขอบใจมัน ก่อนจะเร่งรุดเข้าไปดูไอ้ไมล์

   สภาพไอ้ไมล์ตอนนี้เหมือนกระดาษทิชชูเปียกๆ ที่แตะนิดเดียวก็ขาด

   “แม่ง” อาสาเอ่ย “มึงไหวป่ะไมล์”

   ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ จากไอ้ขี้เมา ผมกับอาสามองหน้ากันแล้วถอนใจ

   “กลับกันเหอะ” ไอ้เตทำท่าจะแบกตัวเพื่อน แต่ไมล์แม่งดื้อ ไม่ตอบอะไรและก็ไม่ขยับ “ไอ้เหี้ย นี่มันร้านถิ่นหอสองนะเว้ย ถ้าอยากแดกต่อกูจะพามึงไปร้านพี่น้อย”

   อ้าว ซะงั้นน่ะ ไอ้เตมองหน้าผมเหมือนให้ผมเออออกับมันไปก่อน

   “กูจะอยู่นี่!” ไอ้ไมล์สะบัดมือของเต “ขอเหล้าอีก เหล้าเยอะๆ!”

   “ตายๆ” อาสาทำท่านวดขมับ “ตีสองแน่แบบนี้ ตีสองแน่ๆ”

   “มันเป็นคนได้แดกแล้วแดกไม่หยุดเหรอ” ผมกระซิบถาม

   “ใช่”

   “...”

   “ทำได้อย่างเดียวคือมอมให้แม่งนอนล้มพับไปเลย”

   “กูกับไอ้เตคงแบกมันไหวมั้ง” ผมลองเสนอทางเลือกดู

   “เชื่อเถอะ มันฤทธิ์เยอะ มึงพามันเดินไปได้ไม่เกินสามก้าวแน่นอน”

   ผมเชื่อเพื่อนก็ได้ครับ ยกมือสั่งเหล้ากับมิกซ์มาเพิ่ม ระหว่างที่สั่งผมเห็นสายตาหลายคู่ของหอสองมองมาด้วย นอกจากพวกมันจะมองว่าพวกหอสามอย่างผมกับเพื่อนมาเหยียบถึงถิ่นมันแล้ว พวกมันยังมองอาสาที่วันนี้น่าจะเป็นอาหารตาที่ดีที่สุดในร้านนี้อีกด้วย

   นางฟ้าแม่งเหมือนกำลังถูกแดกลงท้องคนอื่นๆ ผ่านสายตา ผ่านไวไฟ และผ่านบลูทูธอ่ะ

   “มึงเปลี่ยนที่นั่ง” ผมที่สังเกตอยู่นานพูดกับอาสา ที่ๆ มันนั่งอยู่ตรงนี้ยังไงคนทั้งร้านก็มองเห็น “สลับที่กัน มานั่งข้างสัดไมล์นี่”

   มันทำหน้าเอ๋อ ผมลุกขึ้นและก็ดันตัวมันให้เข้าไปใกล้ไอ้เหี้ยไมล์ คนเมาที่สุดหันมามองอาสาด้วยตาปรือๆ

   ฉิบหายละ ผมส่งตัวต้นเหตุที่ไอ้สัดไมล์เมาไปให้มันเฉย...นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย

   “แดกเยอะไปแล้ว” อาสาพึมพำ มันไม่รู้อะไรเลยว่าเพื่อนแม่งเมาเพราะมัน คนเมามองอาสา สายตาเต็มไปด้วยอะไรที่หลากหลายจนผมเองก็อธิบายไม่ถูก

   “เฮ้ย พี่สงคราม!” จู่ๆ ไอ้ไมล์ก็ร้องลั่น ไอ้เตกับอาสาทำหน้าตื่นตระหนกที่สุดในชีวิต ส่วนผมสะดุ้ง เพราะเมื่อกี้ผมยังมองมันอยู่ครับ “พี่คิดว่าพี่เก่งที่สุดในมอเหรอ!” ไอ้เตตะครุบปากไอ้ไมล์เอาไว้ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมที่ไอ้เตมันกระวนกระวายขนาดนี้  ปกติมาดมันคูลๆ จะตายไป

   คนจากโต๊ะใกล้ๆ หันหน้ามามองโต๊ะเรากันหมดอย่างสโลว์โมชั่น

   ผมพอจะเดาออกแล้วว่าคนไหนคือพี่สงคราม ประธานหอสอง

   จินตนาการของผมก่อนที่ผมจะมาเจอก็คือต้องตัวใหญ่เหมือนหมีและก็หนวดดกเฟิ้ม แต่เปล่าเลยครับ พี่สงครามทั้งสูงและก็หุ่นพอดีตัวมาก ใบหน้าหล่อคมคาย ผิวขาวเหลือง และจุดเด่นก็คือที่แขนมีรอยสักโผล่พ้นเสื้อยืดสีขาวออกมา

   แม่งคือคนที่เป็นศูนย์รวมแห่งความเท่อย่างแท้จริง

   พี่สงครามไม่ต้องทำอะไรมากเลยครับ แค่มองมาอย่างนิ่งๆ ก็ทำคนอย่างผมขนลุกไปทั้งตัวแล้ว ปกติผมไม่กลัวคนจากหอสองนะ แต่สำหรับพี่คนนี้ผมยอมว่ะ แม่งจะน่ากลัวอะไรปานนั้น เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่รอบตัวตลอดเวลา

   “มึงเรียกกูเหรอ” พี่สงครามลุกขึ้น เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามไอ้ไมล์ เพื่อนพี่มันพากันลุกตามมาหมด ทุกคนแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าพร้อมมีเรื่องได้ทุกเมื่อ ภายในร้านเริ่มเงียบ เพลงเริ่มเบาลงอย่างที่ผมสังเกตได้ (ดีเจมึงก็รู้งานดีจริงๆ) “เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ กูไม่ได้ยิน”

   คนทั้งร้านเริ่มหันมามอง บางส่วนเริ่มลุกตามคนอื่นๆ และมายืนอยู่ข้างหลังพี่สงคราม ตอนนี้คนทั้งร้านหันมามองข่มขู่โต๊ะหอสามของพวกผมทั้งหมด

   กูเข้าใจแล้ววววว กูเข้าใจพวกมึงแล้วววววววว รู้แล้วว่าทำไมถึงไม่ควรหาเรื่องคนจากหอสอง กูรู้แล้ววววว

   “พี่ครับ คือเพื่อนผมมันเมา” ผมพูดกับพี่มันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามแสดงออกอย่างสุดฤทธิ์ว่าไม่ได้หวาดกลัวอะไรขนาดนั้น
ถึงแม้ว่าจะกลัวอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนใหม่มันมองว่าผมกระจอก อีกอย่างหนึ่งไอ้อาสาแม่งก็อยู่ด้วย ถ้าไม่มีใครกล้าไฟต์ ไอ้พวกนี้ต้องคิดวางแผนแบกอาสาไปที่ไหนสักที่แน่ๆ

   ก็ดูสายตาพวกแม่งสิ...หื่นกามน้อยซะที่ไหนกันล่ะ

   “เมาแต่ก็จำกูได้” ประธานหอสองนวดนิ้วมือไปมา “มึงข้องใจอะไร พูดกับกูมาตรงๆ”

   “เอ่อ...ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ” อาสายกมือไหว้ “ปล่อยผมกับเพื่อนไปเถอะ”

   โอ้โห นางฟ้าแสดงอิทธิฤทธิ์ เพื่อนพี่สงครามหลายคนมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง มีคนเข้ามากระซิบข้างหูพี่มันว่าปล่อยเด็กหอสามพวกนี้ไปเถอะ

   กูยอมใจเลย อาสาพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้เฉย คำว่านางฟ้าประจำหอชายล้วนมีอยู่จริงครับ   

   “กูไม่ปล่อย วันนี้กูหงุดหงิด” พี่สงครามตวาดเพื่อน

   อ้าววววววว แบบนี้คนซวยก็คือพวกกูงั้นสิ มันใช่มั้ยเล่า

   “คนที่ไม่เกี่ยวก็หลบไป กูจะขอเคลียร์กับคนที่พูดชื่อกูเมื่อตะกี้”

   “มันเมานะครับ อย่าไปถือสามันเลย” เตพูดบ้าง

   “กูก็เมา”

   โลกนี้แม่งต้องหมุนรอบตัวพี่สงครามป่ะวะ ผมมองดูไอ้ไมล์ที่ยังคงคอตกและก็เอียงโงนเงนไปมา ท่าทางของมันน่าสงสารมาก ตอนนี้มันเจ็บที่ใจและไม่แน่ว่าอาจจะเจ็บที่ร่างกายในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

   ผมไม่ยอมให้เป็นงั้นหรอกนะ

   “คนนี้หรือเปล่าที่พวกหอเราชอบมาก” พี่สงครามหรี่ตามองดูไอ้อาสา คนทั้งร้านส่งเสียงตอบรับอย่างเห็นด้วยด้วยน้ำเสียงถูกอกถูกใจพร้อมกับสายตาหยาบโลน อาสาเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเองเอาไว้

   ผมรู้สึกสติขาดผึงแทบจะในทันที

   “ผมขอเคลียร์แทนเพื่อนเอง” ผมนั่งลงประจันหน้ากับพี่สงคราม “พี่บอกมา พี่จะเคลียร์ยังไง”

   เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวผมกับพี่สงคราม ไอ้เตกับอาสาพยายามดึงตัวผมกลับไปสุดฤทธิ์ แต่ผมดื้อ ผมตัดสินใจไปแล้ว ผมต้องสานต่อให้จบดิ

   ถ้าโลกหมุนรอบตัวพี่สงคราม ผมก็อยากจะให้โลกหมุนรอบตัวผมบ้าง

   อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าโหดสัดรัสเซียที่สุดในมหา’ลัยแห่งนี้จะโหดแค่ไหน

   “มึงกล้ามากนะ” พี่สงครามยิ้มมุมปาก กระดกเหล้าลงคอด้วยท่าทางเท่ๆ

   “ถ้ามันชดเชยในสิ่งที่เพื่อนผมผิดได้ ผมยอมทำทุกอย่าง”

   “มึงชื่ออะไร”

   “ทนาย”

   “ทนาย?”

   “ครับ ทนาย”

   “คนบ้าอะไรชื่อทนาย”   

   “พี่อยากถามพ่อแม่ผมเรื่องนี้มั้ยครับ”

   “เชี่ยยยย” อาสาร้องลั่นเมื่อเห็นว่าคำพูดผมชวนเรียกให้เท้าอีกฝ่ายมาอยู่บนใบหน้าของผมขนาดไหน “สัดทนาย อย่า!”

   “มึงกวนตีนกูนี่” พี่สงครามหัวเราะ “เด็กนี่แม่งกล้าดี นานๆ ทีเจอคนกล้าต่อปากต่อคำกับกู”

   พี่มันไม่ได้โกรธอะไรแฮะ ในใจผมโล่งไปเปลาะหนึ่ง ตอนนี้ขาผมเริ่มจะสั่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะตื่นเต้น ไม่รู้ว่าพี่สงครามแม่งจะมาในอารมณ์ไหน จะลากคอผมไปซัดให้หน้าทิ่มเลยมั้ย หรือว่าอยากจะลากให้ผมไปเป็นศูนย์รวมบาทาของคนทั้งร้าน

   ดูจากอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เพียงแค่พี่มันสั่งคำเดียว ใครหลายคนก็คงทำตามแบบไร้ข้อกังขา

   “ถอย” เสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนแหวกทางให้ผู้มาใหม่ คนๆ นั้นก็คือพี่อ้าย ท่าทางบึ่งมาที่นี่คนเดียวอย่างรีบเร่ง ดูจากเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวตามใบหน้าก็รู้แล้วครับ “สงคราม ปล่อยน้องกูไป”

   “โวะ เบื่อมึงสัดๆ” พี่สงครามดื่มเหล้าแก้วที่มีคนเพิ่งชงมาให้ “กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

   “เหรอ มึงแทบจะยกพวกรุมตีน้องกูอยู่แล้ว”

   “น้องมึงมาเหยียบถิ่นพวกกูก่อนนะ”

   “จะไปถือสาพวกแม่งทำไมวะ” พี่อ้ายเดือดปุดๆ “มึงควรเอาเวลาถือสาเด็กหอกูไปดูแลลูกหอมึงดีกว่า ทำไมลูกหอมึงถึงชอบปีนหอกูนัก กูอยากรู้”

   สิ้นเสียงพี่อ้าย ในร้านถึงกับเงียบไปเลยครับ (ดนตรีหยุดได้ถูกจังหวะอีกตามเคย) มีใครหลายคนที่ร้อนตัวเริ่มขยับออกห่างจากพี่สงคราม หลายคนก็เริ่มกลับไปสนใจการดื่มต่อด้วยการไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง

   พี่อ้ายแม่งก็มีอิทธิฤทธิ์เหมือนกันว่ะ

   “อะไรอีกล่ะ” พี่สงครามเริ่มโมโห พี่มันลุกขึ้นก่อนที่จะตะโกนลั่นร้าน “กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปปีนหออื่น โดยเฉพาะหอสาม!”

   แม่เจ้า ตอนนี้คนในร้านนัดกันคอตกหมด เป้าหมายของพี่สงครามเปลี่ยนจากผมไปเป็นลูกหอของตัวเอง

   “หลงของขาวกันนักเหรอ ดี คืนนี้ก็นอนแม่งอยู่ร้านนี่แหละ นอนที่นี่ให้หมด!”

   “ไม่นะพี่”
   “ไอ้สงคราม ไม่นะ”
   “พี่สงงงงงงงงงง”

   คำโอดครวญอันสุดท้ายนี่อย่างกับพากย์หนังจีน นี่ถ้าเป็นเสียงของพันธมิตรนี่ใช่เลยครับ

   “อย่าให้กูเห็นว่าใครกลับหอนะ” พี่สงครามเดินไปทั่ว เคาะหัวไปทีละคน ทุกคนยอมพี่มันหมดเลย

   พี่อ้ายเหลือบมองดูพี่สงคราม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าตอนที่หันมามองพวกผม

   “ไอ้พวกรนหาที่เอ๊ย” พี่อ้ายกัดฟัน “ทนาย เมื่อกี้ไอ้สงครามอาจจับมึงยัดโถส้วมก็ได้”

   “ผมแค่ช่วยเพื่อน” ผมพูด “ถ้าผมไม่ช่วย ใครจะช่วยล่ะพี่ ไอ้พี่สงครามเหี้ยนั่นแม่งหาเรื่องได้แม้กระทั่งคนเมา”

   “หอสองมันก็งี้ แม่งโกรธคนอื่นได้โดยไม่มีเหตุผล ชอบหาเรื่องไปทั่วอยู่แล้ว” พี่อ้ายเรียกพนักงานร้านมาเก็บตังค์ “แบกศพเพื่อนมึงแล้วตามกูมา ส่วนอาสา มึงก้มหน้าไว้ อย่าไปสบตากับตัวผู้คนไหน กูไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม”

   “ผมไม่ได้จะสบตา” อาสาพูดเสียงอ่อย

   “อย่ายั่วโมโหกู”

   พี่อ้ายเองก็โกรธนี่หว่า ผมทอดถอนใจ ก่อนจะทำตามคำสั่งประธานหอ ช่วยไอ้เตหิ้วปีกของไอ้ไมล์ด้วยท่าทางทุลักทุเล

   “เชี่ยอ้าย” ระหว่างที่กำลังเดินออกจากร้าน มีคนมาขวางทางพวกเราเอาไว้ คนนั้นก็คือพี่สงคราม ทุกคนชะงักกึกยกเว้นพี่อ้าย 

   “เหี้ยอะไรอีก ถอยไป” พี่อ้ายคนดีของหอสาม ไม่กลัวอะไรพี่สงครามเลยแม้แต่น้อย ติดจะรำคาญด้วยซ้ำไป

   “บอกเด็กหอมึงว่าอย่ามาร้านนี้อีก”

   ได้ ผมจะจำไว้อย่างขึ้นใจเลยครับ

   “และก็...ขอโทษ”

   คำว่าขอโทษที่ออกมาจากพี่สงครามทำเอาผมอ้าปากค้าง เป็นคนโหดที่ขอโทษได้เท่มากเลยสาด

   “ขอโทษอะไรวะ”

   “เรื่องที่กูคุมลูกหอกูไม่ได้” เป็นคำพูดที่เรียบไปหน่อยแต่ก็ดูจริงใจดี

   “ลูกหอกูอาจจะไปอ่อยลูกหอมึงเอง” พี่อ้ายตอบส่งๆ “ถอยไป อย่าขวางทาง”

   พี่อ้ายแม่งไม่ได้กลัวพี่สงครามเลยสักนิดนี่หว่า ผมมองอย่างทึ่งๆ จนกระทั่งพี่สงครามหันมามองผม “กูจับตามองมึงอยู่”

   เหี้ยยยยยย จับตาดูผมทำซากมะเขืออะไรครับพี่ ผมตื่นตระหนกอยู่ในใจ แต่ภายนอกผมแสดงออกว่าผมนิ่ง ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรกับคำพูดนั้น

   “อยากสู้กับกูเมื่อไหร่ก็บอก”






   ห้อง 204 เวลา 22.12 น.

   “เหี้ยมาก” อาสามีสีหน้าเคร่งเครียด “แบบนี้มึงห้ามเดินไปไหนคนเดียวเลยนะ พี่สงครามอาจจะเข้ามาหามึงเมื่อไหร่ก็ได้”

   ผมพยายามปล่อยวางเรื่องนี้ สิ่งที่ผมสังเกตได้จากตัวพี่สงครามก็คือพี่มันแม่งโหดจริง ควบคุมคนอื่นได้จริง แต่ผมยังจำตอนที่พี่มันขอโทษพี่อ้ายได้ เซ้นส์ของผมบอกว่าพี่สงครามไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนอื่นกลัว
   ...แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เกรงใจอยู่ดีนั่นแหละวะ

   “ไอ้พวกเหี้ย แบกกูกลับมาทำไม กูจะไปสู้กับพี่สงคราม!” ไมล์อาละวาดแบบนี้มาหลายนาทีแล้วตั้งแต่กลับมา มันนั่งอยู่กลางห้อง ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนเด็กงอแงไม่ได้ของเล่น ทุกคนปล่อยให้มันดิ้นตามสบาย “กูสู้พี่สงครามได้!”

   “สู้ในโลกความฝันของมึงน่ะสิ” ไอ้เตส่ายหน้าใส่เพื่อนขี้เมา แล้วหันมามองผม “เชี่ยทนาย มึงกล้ามากเลยว่ะ”

   “มันยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวของพี่สงครามไง” อาสาเอ่ย

   “กูรู้ แต่ต้องมีสักคนที่ลุกขึ้นสู้ป่ะวะ”

   เตกับอาสามองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆ

   “ขนาดไอ้เตยังกลัว อาสาไม่ต้องพูดถึง” อาสาทำหน้าบึ้งใส่ผมหลังจากที่ผมพูด “ถ้าไม่ใช่กูแล้วจะเป็นใคร”

   “เอาเถอะ ต่อไปมึงต้องระวังตัวนะ อยู่ให้ห่างจากพวกหอสองเข้าไว้”

   “กูก็ไม่เคยอยากใกล้พวกมันอยู่แล้ว” ผมหยิบหนังสือขึ้นมาเปิด เผื่อจะลืมเรื่องราวที่น่าปวดหัวทั้งหมด

   “อาสา!” คนเมาเริ่มร้องตะโกนอีกรอบ เชี่ยไมล์ มึงจะตะโกนให้คนทั้งตึกได้ยินมึงใช่มั้ย ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้น

   “มีอะไร” อาสาตอบรับคนเมาขำๆ

   “ทำไมมึงต้องน่ารัก!”

   เหี้ยแล้วไง ผมกับเตมองหน้ากัน ก่อนจะรีบเข้าไปเขย่าตัวเรียกสติไอ้สัดไมล์แบบด่วนๆ

   “มึงน่ารักมาก มึงรู้ตัวป่ะ!”

   “ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงชมกูล่ะ” อาสางงมาก

   “มึงนิสัยดี มึงเป็นคนดี!”

   “เชี่ยไมล์แม่งเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ” ไอ้เตพยายามแก้ไขสถานการณ์ แต่อาสาหันมาสนใจไอ้ไมล์อย่างเต็มที่เป็นที่เรียบร้อย

   ผมตะครุบปากไอ้ไมล์ มันปัดมือของผมออก

   ไอ้สาดดดด นี่กูกำลังช่วยชีวิตมึงอยู่นะ

   “เพราะงี้ไงกูถึง...ชอบมึง!”

   ฉิบ หาย แล้ว

   ไม่ทันแล้วครับ ไม่ทันแล้วจริงๆ

   “กูชอบมึงมาก! กูไม่อยากให้มึงคบกับใครนอกจากกู!”

   ไม่ว่าผมจะปิดปากมันยังไงในตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

   “ผู้หญิงที่มึงชอบมีกิ๊กไปทั่ว กูไม่อยากให้มึงคบกับผู้หญิงแบบนั้น มึงมาคบกับกูเถอะ กูชอบมึงมานานมากแล้วจริงๆ!”

   อาสาเดินจากห้องไปแล้ว ผมกับไอ้เตทรุดตัวนั่งลงข้างๆ คนเมาอย่างหมดแรง

   “เอิ๊กกกกกกกกก” ไอ้ไมล์ทิ้งตัวลงนอนกลางห้อง

   หลังจากวินาทีนี้เป็นต้นไป บรรยากาศในห้อง 204 ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างตลอดกาล...







tbc*



มีตอนไหนที่ไม่วุ่นวายบ้างมั้ยเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 01-05-2017 15:41:12
เอาแล้วไงทีนี้ ห้อง 204 จะเป็นยังไงต่อเนี้ยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 01-05-2017 15:41:28
อ่านจบแบบรีบๆ เดี๋ยวเจ้มาใหม่นะ
ตอนนี้บอกได้เพียงว่า....

เรือเจ้ต้องไม่ใช่เรือผี #สงครามพี่อ้าย ต้องมา!!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 01-05-2017 15:42:49
นี่เป็นทนายคงประสาทแดก 555555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Sowa_apple ที่ 01-05-2017 15:59:40
หู้ยยย มันส์แน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 01-05-2017 16:00:55
สนุกดี  :mew1:
สงครามก็น่าสนใจนะ มีแวว มีแวว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-05-2017 16:04:24
ตายหมู่คะงานนี้ 5555 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 01-05-2017 16:04:54
อาสาทำเราหงุดหงิดอะ รู้ว่าตัวเองล่อผช.หอสองก็ระวังตัวเซ่ แบบ ทำไมอาสาใสซื่อเว่อๆ ขัดใจ  :katai1: เลิกหลงอิผญ.ชั่วๆได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-05-2017 16:05:03
งานงอกเพราะเหล้าแท้ๆ ถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 01-05-2017 16:20:24
สงครามกับอ้าย นี่มีแวว :z1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 01-05-2017 17:36:36
โอ๊ยใจพรี่ รักพี่สงครามมากกกกกกกกก
ต้องขอโทษน้องไมล์ด้วยที่เจ้ไม่พีคหนูเลย
เจ้หวีดพี่สงครามจะแย่แล้วเนี่ย ฮืออออออ

#สงอ้าย #ครามอ้าย #สงครามอ้าย จะยังไงก็เอา
น้องนุ่นจะแต่งใครเป็นนายเอกภาคสองเจ้ไม่รู้
เจ้รู้แต่เรือเจ้ต้องแล่นนะฮือออออออ

ปล.ทนายเลิศนะ เป็นพระเอกที่ดีค่ะ มีสติและมีความแมนแบบที่หาตัวจับยาก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-05-2017 17:45:24
เอาแล้วไง ยังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 01-05-2017 18:11:00
ทีมพี่สงครามเลยค่ะ เราชอบผู้ชายมีรอยสัก 5555555555 ทนายคือใคร ไม่เห็นรู้จัก อาสาคือใคร ตอนนี้ไม่รู้ 555 สงครามอ้าย อย่างเดียวเลย โอ๊ยยยยย 5555 ขอผู้ชายแบบพี่สงครามสักโหลได้มั้ยค่ะ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-05-2017 18:41:03
ทำไมเราอยากให้ทนายได้กับพี่สงครามล่ะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 01-05-2017 18:53:27
พี่สงครามเท่ห์อ่าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 01-05-2017 18:57:40
โอ๊ยๆ จบตอนแบบนี้ ดีดดิ้น
 :ling1: :ling1: :ling1:
ทนายทั้งหล่อ ทั้งเท่ หล่อทั้งหน้าตาและความคิด
ทีมทนายค่ะ ถึงแม้พี่สงครามจะเท่ แต่ตอนนี้ทีมทนาย 55
พี่สงความโหดจริงอะไรจริง ใครจะมาคุมพี่ได้ รอภาคสอง อิอิ
อาสา ก็คงความดี ความไม่คิดอะไร
แต่ไมล์เอ้ย เพราะเหล้าเลย ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป รอติดตามค่ะ
รักเรื่องนี้ รอเรื่องนี้มาต่อทุกวัน
 :impress2: :impress2: :impress2:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 01-05-2017 19:09:02
สมกับที่แอบกรี๊ดพี่สงคราม ออกมาฉากเดียว เอาใจไปเลยค่าาาาาาา
สงครามกับอ้ายมีเคมีบางอย่าง ไม่ชัดเจนแต่ชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-05-2017 19:22:54
เป็นทนายต้องอดทน เรื่องวุ่นวายมาได้ทุกวัน  :mew5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-05-2017 19:26:52
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-05-2017 21:03:57
ตอนแรกอยากได้พี่อ้าย แต่ตอนนี้อยากให้พี่สงครามได้พี่อ้ายมากกว่า 55555555555
ห้อง204ไม่มีวันไม่วุ่นวายแน่นอน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-05-2017 21:17:19
งานงอก :mew5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-05-2017 21:44:08
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 01-05-2017 22:24:15
งานเข้าแล้วววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 02-05-2017 00:01:38
น่าติดตามมาก  เชียร์สงครามอ้ายด้วยคน 
อาสาชอบผู้หญิงดีแล้ว  หาคู่ใหม่ให้ทนายดีกว่า ไม่ปลื้มกับอาสา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 02-05-2017 00:40:04
สงครามอ้าย  สัมผัสได้กัปตันสงครามเหมือนจะนำเรือออกแล้ว  โดดขึ้นแทบไม่ทันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 02-05-2017 00:52:46
เอาแล้วไงไมล์พูดจนได้5555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 02-05-2017 02:08:03
พี่อ้ายพี่สงครามงานดีมากเลยค่ะ!!!!  ถ้าเขาไม่ได้กัน เราจะไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนได้ไป!!!!
ส่วนตอนนี้ป่วงทุกอย่างๆพังพินาศเบิ๊ดดดดดดด
แต่ใจจริงไม่อยากให้เด็กห้อง204คบกันเลยค่ะ
อยากให้แยกกันไปมีคู่ใครคู่มัน  แบบอาสาพี่สงครามไรงี้555555
นี่แอบเบื่อๆอาสานิดหน่อยสงสัยเพราะมีคนอวยความงามมากเกินไปเลยเอียน
ขอรอดูพี่คนสวยที่ยังไม่กลับมาจากต่างประเทศอีกคน
อาจจะคู่กับทนายก็ได้ขอจิ้นล่วงหน้าก่อนนะ555555
ป.ล.อันนี้สงสัยจริงค่ะปกติคนเราเจอคนที่เกือบเรียกได้ว่าเป็นแฟนเพื่อนไปนัวเนียกับคนอื่นนี่
เค้าจะบอกกันอีกทีตอนไหน  คือถ้าเราเจอนี่ไม่ถ่ายรูปถ่ายคลิปก็โทรบอกแล้วนะ
ไม่รอข้ามวันอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 02-05-2017 02:12:35
 นั่นไง งานงอกมั้ยล่ะไมล์
ตูล่ะเหนื่อยแทนทนาย
ชีวิตมันดูวุ่นวาย แต่เราฮามากเลย 55555555555
ฮาตั้งแต่พี่สงครามกับลูกหอปีนหอแล้ว
สารภาพว่าแอบปลื้มพี่สง 
ขอฝากตัวเป็นติ่งพี่สงตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป  กรี๊ดๆ >/////////<
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2017 02:53:06
ทนายผู้กล้าหาญ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-05-2017 08:50:39
วุ่นวายมากเลยค่ะ~
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-05-2017 09:20:29
omg ทนาย ไม่ต้องฑูดไรแล้วละ ไมล์มันพูดแทนหมดละ

ขอบใจมาก เอิ่มม
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 02-05-2017 09:25:29
อึกคู่นึงคือคู่ไหน ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-05-2017 09:49:56
อุ้ มีเรื่องล้าววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-05-2017 10:47:53
 :เฮ้อ:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 02-05-2017 11:09:35
 :ling2:ดีงามเลย ตอนหน้าคงมีเคลียร์กันยาว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 4 P.5 01/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 04-05-2017 20:22:51



บัลลังก์ปักษา


ตอนที่ 5






   เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย

   อาสาไม่ได้กลับห้อง ไอ้เตเข้าไปอาบน้ำก่อนเพื่อนอย่างเงียบๆ ผมมองดูสภาพไอ้ไมล์ที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่างอีกฝั่งอย่างกังวลใจ ไม่นานนักมันก็ขยับตัวตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก

   “ปวดหัวสัด” ไมล์ทำหน้าเหยเก สภาพแย่มากถึงมากที่สุด “ทำไมกูมาอยู่ตรงนี้ได้วะ ใครแบกกูกลับมา”

   ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบมันดีหรือเปล่า “ไปเรียนไหวมั้ย เมื่อคืนมึงเมาอย่างกับหมาเลยว่ะ”

   “ก็คงต้องไหว ถ้ากูไม่ไปแล้วอาสาจะมีเพื่อนเรียนได้ไง”

   “สัดไมล์” ไอ้เตที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ มีน้ำหยดติ๋งๆ ที่ลำตัวและก็กำลังสวมผ้าขนหนูตัวเดียว ใบหน้ามันเครียดมากถึงมากที่สุด “เมื่อคืนมึงสารภาพรักกับอาสา”

   ไมล์ลุกขึ้นนั่งทันที “อะไรนะ”

   “มึงบอกชอบมันตอนมึงเมา”

   “เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย”

   ไมล์อ้าปากค้างพร้อมกับทำตาถลน

   “พวกมึงพูดจริงเหรอ ไม่ได้โกหกกูใช่มั้ย!”

   เตส่ายหน้า ส่วนผมทำหน้าสลด

   “ทำไมไม่มีใครปิดปากกูเอาไว้ล่ะ” ไมล์โอดครวญ สีหน้ามันรับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

   “กูทำแล้วแต่มึงปัดออก” ผมตอบ

   “เฮ้ย เหี้ยแล้ว เหี้ยแล้ว เหี้ยแล้วจริงๆ!” ไมล์กังวลใจอย่างแรง สติสตังค์หลุดไปไกลและยังคงทึ้งหัวตัวเองอย่างต่อเนื่อง “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนอ่ะ”

   “ยังไม่กลับห้องตั้งแต่เมื่อคืน”

   “มันจะไปนอนกับใครได้วะ” ไมล์ถามเต

   “มันไปนอนส่วนกลางมั้ง”

   เตมีสีหน้ากังวลพอๆ กับไมล์ ผมถอนหายใจ เมื่อคืนผมทำดีที่สุดแล้วจริงๆ นะครับ แต่ผลมันก็ออกมาเป็นแบบนี้ ผมไม่สามารถยั้งปากไอ้ไมล์ไว้ได้ทันจริงๆ

   “จิตใต้สำนึกมึงคงไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอีกแล้ว” ผมปลอบ “ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงวันนี้แม่งก็ต้องมาถึง”

   “อย่างน้อยกูก็ควรได้เตรียมตัวเตรียมใจป่ะ”

   เสียงประตูดังขึ้น คนที่เดินเข้ามาก็คืออาสา มันทำหน้านิ่งเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำ

   “โอย ฆ่ากูเถอะ” ไมล์ทิ้งตัวลงนอน เอามือปิดใบหน้าของตัวเองอย่างจนตรอก “เห็นมันมั้ย มันไม่มองหน้าใครเลย”

   บรรยากาศเปลี่ยนไปและไม่มีใครสามารถดึงบรรยากาศเดิมๆ กลับมาได้แล้วครับ

   “เชี่ยเต ต่อยหน้ากูที แรงๆ เลย”

   “สาด บ้าไปแล้วเหรอ”

   “เร็วเลย เดี๋ยวนี้ กูสมควรโดนแล้ว”

   สภาพไมล์แย่จนไอ้เตหันมากระซิบกับผม “มึงไปอยู่กับอาสา กูจะอยู่กับไอ้เหี้ยไมล์เอง”

   “แต่...” ผมพยายามพูด

   “อาสามันก็มีแต่พวกกู”      

   “แล้วมึงล่ะ มึงไหวป่ะ” อย่าลืมนะครับว่าเตมันก็ชอบอาสาอยู่ ผมไม่รู้เลยว่าก้นบึ้งจิตใจของมันกำลังรู้สึกยังไง

   “ยังไงตอนนี้ก็ต้องดูไอ้เชี่ยไมล์ก่อน”

   “เออ เอางั้นเหรอ”

   “ช่วยอยู่กับมัน ในวันที่พวกกูไม่ได้อยู่กับมันหน่อยเหอะ” เตตบไหล่ผม

   ผมอ้าปากพะงาบๆ เตรียมจะพูด แต่ไอ้เตก็หันไปสนใจไอ้ไมล์ต่อเป็นที่เรียบร้อย (ผ้าขนหนูมึงจะหลุดตูดอยู่แล้วสัด) ผมมองไปที่ประตูห้องน้ำ คนที่อาบน้ำอยู่คงไม่ได้ขยับตัวอะไรเลย เพราะเสียงน้ำจากฝักบัวดูเรียบนิ่งเอามากๆ

   ถึงไอ้เตมันไม่ได้ขอ ผมก็คงต้องไปดูอาสามันอยู่ดี

   มันคงกำลังทั้งทุกข์ใจและก็ช็อกมากจนปรับตัวไม่ทัน









   คณะบัญชี

   ผมกับเพื่อนปีหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ใต้ตึกเพื่อที่จะรอเรียนตอนบ่ายอีกทีหนึ่ง พวกมันกำลังคุยเรื่องปกิณกะกัน ขณะที่ผมนั้นกลับเงียบเพราะเครียดเรื่องเพื่อนร่วมห้องของผมอยู่

   “เมื่อคืนพี่อาสานอนอยู่ส่วนกลางคนเดียว” ไอ้โอ๊คหันมาจิกสายตาใส่ผม “มึงทำแบบนี้กับดาวหอปีนี้ได้ไง มึงยังเป็นคนอยู่มั้ย!”

   ผมปล่อยให้เพื่อนมันเขย่าตัวผมได้ตามสบาย ก่อนจะชะงักค้างเมื่อได้สติ “อะไรนะ ใครคือดาวหอ”

   “พี่อาสาไง พี่อ้ายติดประกาศบอกเมื่อเช้า”

   ผมหัวเราะในลำคอ อย่างน้อยคนที่ผมโหวตให้ก็ได้เป็น มันปลื้มใจอยู่หน่อยๆ นะครับ

   “มันยังไม่รู้ตัวว่ะ” เพื่อนคนอื่นพูดเสียงขำๆ ใส่

   “รู้ตัวอะไร” ผมถาม

   “มึงเป็นเดือนหอปีนี้ไอ้สาดดดดด”

   “หา กูเหรอ” ผมมองดูเพื่อนหลายคนสลับไปมา

   “เออ มึงนั่นแหละ”
   “ใครจะหล่อเกินมึง”
   “ไอ้เตก็ไอ้เตเถอะ”
   “กูโหวตให้มึงนะ”

   ผมไม่รู้ว่าผมควรดีใจหรือเปล่า จริงๆ แล้วผมเฉยๆ มากกว่า ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นเดือนหอมันดียังไง เพราะงั้นผมจึงไม่ได้ใส่ใจมาก

   ระหว่างที่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นนั่นเอง ไอ้โอ๊คก็กระทุ้งสีข้างผม

   “พี่อาสามา” อาสากำลังเดินออกมาจากตึกเรียนโดยที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ แม่งล่อเสือล่อตะเข้ฉิบ

   “เดี๋ยวกูมานะ” ผมพูดกับเพื่อนก่อนจะเดินไปหาอาสาทันที

   “ทำไมอยู่คนเดียวล่ะวันนี้”
   “เพื่อนไปไหนซะแล้วล่ะ”
   “กลับกับพี่มั้ยน้อง”

   มันอยู่ใต้ถุนตึกได้ไม่เท่าไหร่ มันก็โดนพวกคณะบัญชีจากหอสองแซวซะแล้ว ผมรีบเข้าไปหามัน ถลึงตาใส่ไอ้คนพวกนั้นอย่างไม่ได้ควบคุมตัวเอง ผมพาตัวอาสามาคุยเงียบๆ กันสองคน

   “ทนาย” อาสาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่มีเรียนเหรอ”

   “อีก 20 นาที” ผมมองดูสภาพมัน “มึงโอเคป่ะเนี่ย”

   “ไม่เลยว่ะ”

   “...”

   “กูไม่เคยนั่งเรียนแยกกับไอ้ไมล์เลย แต่ครั้งนี้ต้องแยกกับมันจริงๆ” ท่าทางของอาสาเหนื่อยมาก “กูเหี้ยมากมั้ย”

   “ไม่หรอก ตอนบ่ายมึงมีเรียนเปล่า”

   อาสาส่ายหน้า

   “แล้วมึงจะไปไหน”

   “ไม่รู้ว่ะ ที่ไหนสักที่มั้ง”

   ผมอยากไปเป็นเพื่อนมันใจจะขาด แต่ในอีก 20 นาทีผมต้องขึ้นไปเรียนแล้ว

   “ที่ไหนสักที่ที่มึงว่า คือห้องเรียนของกูได้ป่ะวะ”

   “มึงว่าไงนะ” อาสาถึงกับทำหน้างง

   “ไปเรียนกับกู”

   “บ้าเหรอ”

   “กูปล่อยให้มึงละสายตาไปไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะมึงดูแย่มากจริงๆ”

   “กูจะไปเข้าชั้นเรียนของปีหนึ่งเพื่ออะไร”

   “เพื่อให้กูดูแลไง” สภาพนี้แม่งไม่ควรอยู่คนเดียวเป็นอย่างยิ่ง

   “มึงมันบ้า” อาสาทำหน้าระอาใส่ผม

   “ตอนนี้มึงมีใครให้อยู่ด้วยงั้นเหรอ” ผมยิงคำถามใส่ “ตอนนี้มึงมีแค่กูนะ และกูก็ไม่อยากมองไม่เห็นมึง”

   อาสามองผมอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก “มึงอย่าบังคับกูเลยว่ะ”

   “บังคับแล้วได้ผลมั้ย”

   “ไม่” มันทำหน้าเหมือนผมถามทำด๋อยอะไรอีก

   “งั้นก็จะบังคับ”

   “ไอ้เหี้ย”

   “ตามกูมานี่ เร็ว”

   “ในห้องเรียนมันน่าเบื่อโว้ยยยย”

   “เดี๋ยวซื้อขนมให้แดก” ผมลากอาสาไปหาผองเพื่อนปีหนึ่งที่มองผมอย่างอึ้งๆ อาสารับไหว้เพื่อนผมก่อนจะมองผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ผมบอกเพื่อนว่าจะไปหาซื้อขนมกินก่อนขึ้นเรียน พวกมันฝากผมซื้อใหญ่ ผมก็เลยลากอาสาไปหอบขนมเป็นเพื่อนผมด้วย

   “กูต้องบริการพวกปีหนึ่งไปอีกกกก” อาสาแกล้งบ่น

   “ดีไง จะได้มีอะไรทำ”

   “จริงๆ แล้วกู...”

   “มึงไม่ต้องพูด” ผมเอ่ย “มึงอยู่กับกูตอนนี้ ดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะ”

   “กูอยากอยู่กับหมาตัวนั้นมากกว่ามึงอีก” มันชี้นิ้วไปที่หมาอ้วน หมาที่แดกไม่เลือกซึ่งกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่หน้าร้านขายขนม

   “กวนตีน” ผมอดด่ามันไม่ได้ “อยากแดกไรเลือกเลย”

   “สาด เป็นป๋าทนายเหรอวันนี้”

   “ป๋าไรล่ะ มึงต้องจ่ายเอง”

   “ไอ้เหี้ย”

   ผมล้อเล่นน่ะ...ขนมทั้งหมดนั่นผมเป็นคนจ่ายให้มัน ยอมเป็นป๋าทนายสักวัน







   ห้องเรียนปีหนึ่ง

   “สำหรับธุรกิจนั้น แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท มีพ่อแม่ของนักศึกษาคนไหนในนี้เป็นนักธุรกิจมั้ยครับ”

   ผมยกมือตอบอาจารย์ จากนั้นก็เอามือลง อาจารย์โฟ่เรื่องบทเรียนเรื่องธุรกิจต่อไป หางตาของผมมองไปเห็นไอ้อาสาพอดี มันกำลังนั่งฟุบเก้าอี้บนพื้นใกล้ๆ กับขาของผมอยู่ครับ

   ทุกคนไม่ได้อ่านผิด มันกำลังนั่งฟุบเก้าอี้อยู่จริงๆ เมื่อเห็นว่าอาจารย์ที่มาสอนวิชาบัญชีเบื้องต้นของผม เป็นคนเดียวกันกับที่สอนมันเมื่อเช้า มันก็เลยไม่อยากให้อาจารย์มาเห็น มันใช้โต๊ะที่เป็นโต๊ะยาวๆ เป็นที่กำบัง จากนั้นก็นั่งลงบนพื้น และก็ฟุบกับเก้าอี้แทน ท่าทางตลกฉิบหาย

   มันไม่ได้แสดงท่าทีเบื่อหน่ายอะไร แต่มันดูเศร้ามากกว่า คงจะกำลังคิดเรื่องไอ้ไมล์และก็เรื่องกอเตยวนไปวนมา ผมรู้สึกดีที่พามันมาอยู่ในสายตา ถึงแม้ว่ามองภายนอกจะดูน่าสมเพชไปสักนิด แต่ผมไม่ได้ทิ้งขว้างไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ขาผมตอนนี้นะครับ
ผมคอยให้อาหารมันอยู่เรื่อยๆ

   ไอ้โอ๊คมันชอบป๊อกกี้มาก มันดันมีรสนิยมเดียวกันกับไอ้อาสา ผมยื่นป๊อกกี้ให้ไอ้โอ๊ค สลับกับยื่นให้ไอ้คนที่นั่งบนพื้น พอหมดผมก็เปิดกล่องใหม่ ไอ้โอ๊คบอกไม่เอาอีกแล้ว แต่อาสาแม่งยังอยากแดกต่อ ไม่ยอมที่จะหยุด

   มันคงจะเบื่อที่ไม่มีอะไรทำ ก็เลือกที่จะแดกแทนการนั่งอยู่เฉยๆ นั่นเอง

   ผมลอบสังเกตมันเป็นระยะๆ เห็นมันกินขนมก็จริง แต่ก็มีบ่อยครั้งที่มันเอาแต่ถอนหายใจ ผมแอบเห็นมันกดเข้าไปส่องดูไอจี หรี่ตามองดูแป๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นไอจีของกอเตย

   เมื่อคืนที่ไอ้ไมล์ปูดเรื่องความรู้สึกของตัวเอง มันยังได้ปูดเรื่องของกอเตยออกมาด้วยครับ

   “ยืมเครื่องคิดเลขหน่อย” ผมทำมึนแย่งโทรศัพท์ในมือมัน

   “เชี่ย เรียนบัญชียังไงไม่มีเครื่องคิดเลข”

   “ลืมหยิบออกมา”

   “โทรศัพท์มึงล่ะ”

   “กูอยากคิดเลขในโทรศัพท์มึง”

   อาสาชกหน้าแข้งผม ผมทำหน้าเบ้เล็กน้อยก่อนจะล็อคจอโทรศัพท์ของมันแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะ ไม่ได้คิดเลขจริงๆ อย่างที่บอกอาสาเอาไว้ ยิ่งผมทำแบบนั้น มันก็ยิ่งหยิกขาผมจนมันต้องเป็นรอยแหงๆ

   ผมนั่งบิดตัวไปมา ถ้าอาจารย์ที่อยู่ข้างล่างมองเห็นท่าทางของผมล่ะก็...คงจะสงสัยแน่ๆ ว่าผมเป็นอะไร เป็นสังคังแบบกะทันหันหรือเปล่า

   อาสาถึงกับเซ็งที่ไม่มีโทรศัพท์ บทเรียนในห้องเรียนของผมก็สุดแสนที่จะน่าเบื่อ ผมรู้สึกอยากหาอะไรทำจนกระทั่งมองเห็นว่าที่ๆ อาสาอยู่ตอนนี้แม่งโคตรเป็นอิสระจากสายตาอาจารย์

   ผมมองอาจารย์ ก่อนที่จะทำเป็นปากกาหล่น ผมก้มลงไปเก็บหลังจากนั้นก็ไถลตัวลงมานั่งกับอาสา

   “สาด ไปนั่งเรียน” ไอ้คนที่นั่งอยู่ก่อนเอ่ยปากไล่ผม

   “เบื่อ อยากนอน” ผมแกล้งเอนตัวไปพิงมัน มันดันตัวผมออก “เห็นมึงนั่งเฉยๆ แล้วอิจฉา”

   “เข้าเรียนแถมยังลากกูมาเรียนด้วยแบบนี้ ถ้ามึงจะไม่เรียนทำไมมึงไม่โดดไปเลยวะ”

   “โดดแล้วรู้สึกผิดอ่ะ”

   “เกรงใจกูบ้าง”   

   “เกรงใจมึงทำไม”

   “อ้าวไอ้เหี้ยนี่”

   “เพราะเกรงใจนี่ไงถึงได้ลงมานั่งเป็นเพื่อน”

   “มึงขี้เกียจเรียนต่างหาก”

   “อากาศข้างล่างนี่เป็นอย่างงี้นี่เอง” ผมมองไปรอบๆ “เห็นแต่โต๊ะ ดีๆๆ โลเกชันเหมาะกับการนอน”

   “มึงจะนอนจริงๆ เหรอ” อาสามองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

   ผมหัวเราะ “เปล่า มาอยู่เป็นเพื่อนมึง”

   “ไปนั่งเรียน”

   “โผล่หัวขึ้นไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยวอาจารย์เห็น”

   “แม่งเอ๊ยยยย นี่มึงเป็นคนแบบนี้นี่เองเหรอ”

   “คนยังไง”

   “ดื้อ”

   “ใช่ นั่นกูเลยล่ะ”

   อาสาทำท่ากำหมัด อยากที่จะชกผมแต่ก็ไม่ชก ผมส่ายหน้าใส่มันก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเล่น มันสะกิดให้ผมเอาโทรศัพท์มาคืนมัน เพื่อที่มันจะได้เล่นบ้าง ไอ้โอ๊คที่สังเกตเห็นท่าทางของอาสากำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นให้ แต่ผมถลึงตาใส่มัน ไอ้โอ๊คจึงอยู่เฉยๆ

   “อะไร” อาสาโวย

   “เอามาเล่นเดี๋ยวมึงก็ส่อง”

   “กูแค่...”

   “กูเห็นทุกอย่าง”

   “ขี้เสือกจริง”

   “ไม่ได้เสือก มันเข้ามาในตาเอง”

   “ทนาย”

   “ว่าไง”

   “วันนั้นก่อนที่เราจะไปพาตัวไอ้ไมล์กลับมา มึงจะพูดเรื่องเตยกับกูใช่มั้ย”

   ผมชะงัก แสร้งทำเป็นมองโทรศัพท์ต่อ

   “มึงรู้เรื่องเตยมานานแล้วงั้นสิ”

   ผมจะตอบมันว่าไงดี

   “บางอย่างก็จริงอย่างที่มึงพูดว่ะ” อาสากระซิบ

   “อะไรวะ”

   “ถ้าคนมันใช่จริงๆ กูก็ไม่ควรลังเล”

   “...”

   “แต่นี่กูลังเลหนักมาก แถมพักหลังๆ กูยังไม่ค่อยมีความสุขอีก” มันถอนหายใจ “เตยอาจจะไม่ใช่สำหรับกูจริงๆ ก็ได้”

   ผมแอบมองมันอย่างเห็นใจ แต่พอมันมองมา ผมเปลี่ยนสายตาเป็นนิ่งเฉยแทน แม่งเป็นเพื่อนที่ผมชอบแกล้ง รู้สึกว่าแกล้งมันแล้วสนุกดี ชอบตอนที่มันทำหน้าบูดเวลาด่าผมน่ะครับ ผมรู้สึกว่าแม่งเป็นหน้าตาที่น่ารักโคตรๆ

   ผมเพิ่งรู้ตัวเลยว่าผมชอบทำตัวเองโดนไอ้อาสาด่าก็ตอนนี้

   “และก็มีเรื่องไอ้ไมล์อีก” อาสาห่อเหี่ยว “กูไม่เคยรู้เลย ไม่เคยจริงๆ”

   “มันคงไม่ได้อยากให้มึงรู้”

   “ขนาดมึงมาทีหลังยังรู้เลย” อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ

   “มันบอกกูตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”

   “เฮ้ย” อาสาถึงกับหันมามองตาค้าง

   “เอ่อ...กูว่ากูไม่ควรพูดเรื่องนี้ว่ะ”

   “สาด มึงพูดมาซะขนาดนี้แล้ว”

   “จู่ๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาซะเฉยๆ” ผมแกล้งหาว

   “ทนาย” อาสากล่าวเสียงเขียว

   “โว้ย” ผมขยับตัวไปมาอย่างขัดใจ “มันเขม่นกู มันคิดว่ากูจะชอบมึงก็เลยเคลียร์ เป็นเรื่องที่ผู้ชายเขาคุยกัน มึงอย่าสนใจเลย”

   “กูไม่ใช่ผู้ชายเหรอ” อาสาทำหน้างง

   “มึงไม่ใช่”

   “ฟาย!” มันร้องลั่นจนผมต้องเอามือตะครุบปากมัน “มึงตาย!”

   “ไว้มึงค่อยฆ่ากูทีหลัง โอ้ย!” ผมโดนอาสาตีหัวเบาๆ จนผมต้องปล่อยมัน “กูจะบอกว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย แต่มึงเป็นนางฟ้า”

   โป๊ก! ผมโดนตีหัวอีกรอบ

   “กูไม่ใช่นางฟ้า”

   “สรุปมึงอยากเป็นอะไร” ผมคลำหัวป้อย

   “อะไรก็ได้ที่เท่ๆ หน่อย แบบพี่สงคราม”

   ผมแกล้งมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า “กูให้โอกาสมึงคิดใหม่”

   “กวนตีนเอ๊ย!” มันทำท่าจะตีหัวผมอีกรอบ ผมคว้ามือมันไว้แล้วจ้องหน้าขู่

   “ตีมากูตีกลับนะ”

   “ไอ้...”

   ผมกับมันเถียงกันไปจนหมดคาบ...ไม่รู้ตัวว่าภาพนั้นอยู่ในสายตาของเพื่อนปีหนึ่งหอสามของผมทุกคน

   “เดือนหอกับดาวหอเราว่ะ” โอ๊คกระซิบกับเพื่อน “มีได้เสีย ได้เสียกันแน่นอน”





   
   ตอนเย็นหลังเลิกเรียน

   ผมส่องกระจกบนรถตัวเองพลางบ่น “ตีหัวกูจนแดงไปหมด แม่กูยังไม่ทำกับกูขนาดนี้เลยเหอะ”

   “สมน้ำหน้าไอ้สาด ความหล่อจะได้ลดลงมาบ้าง” อาสาที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมอย่างสะใจ

   “มึงด่าหรือมึงชมกูเนี่ย ทำไมกูรู้สึกปลื้ม”

   “เฮ้ย กูด่ามึงสิ”

   ผมหัวเราะในลำคอ ระหว่างมีเสียงเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นข้อความที่มาจากไลน์ของไอ้เต

   TAECHIT : อย่าเพิ่งพาอาสากลับหอ

   “ใครทักมาวะ ทำไมมึงช็อกขนาดนั้น” อาสาถาม

   “เพื่อน” ผมตอบส่งๆ “จู่ๆ ก็อยากไปห้างในเมืองว่ะ ยังไม่เคยไปเลย”

   “ไปทำไม ไปตอนนี้รถเยอะมากนะ”

   “เผื่อมึงอยากไปช้อปปิ้ง”

   “มึงอยากไปเองหรือเปล่า”

   “จะไปมั้ย”

   “ไป!” อาสาตอบเสียงดังลั่น มันทำให้ผมหัวเราะอีกครั้งก่อนที่ผมจะออกรถไป ระหว่างนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้ารถผม ผมเบรกดังเอี๊ยดจนหน้าอาสาแทบทิ่มไปโดนคอนโซลรถ

   ใครแม่งขับรถได้กวนประสาทขนาดนี้ ผมรีบปลดเข็มขัด เตรียมจะเข้าไปไฟต์ แต่เมื่อเห็นร่างสวยๆ ในชุดเสื้อช็อปของกอเตย การกระทำของผมก็หยุดไปทันที

   เธอก้าวฉับๆ มาที่ฝั่งที่นั่งของอาสา จากนั้นก็เคาะกระจก

   “เปิดมั้ย” ผมถามอาสา

   มันเป็นคนเปิดเอง กอเตยงอตัวลงมาเพื่อที่จะมองให้เห็นใบหน้าของอาสา

   “ทำไมไม่รับโทรศัพท์เตยเลย”

   “เตยจอดรถขวางทางอยู่นะ”

   “อาสาอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”

   “เมื่อเช้าเตยอยู่กับใคร” ผมไม่เคยเห็นอาสาทำหน้านิ่งขณะที่พูดแบบนี้มาก่อน

   กอเตยชะงัก ใบหน้าเริ่มซีด “อะไรนะ”

   “เราเพิ่งเห็นทุกอย่าง เราก็เลยไม่รับสายเตย เตยเข้าใจเรานะ”

   “อาสา”

   “เราสองคนคงต้องเลิกคุยกันจริงๆ แล้วล่ะ”

   มันทำให้ผู้หญิงเขาต้องเลิกเกาะรถผม ผมกดปิดกระจก มองหน้าเพื่อนด้วยสายตาอึ้งๆ กอเตยนิ่งอยู่นานมากจนเธอตัดสินใจที่จะกลับไปขึ้นรถของตัวเองและก็ขับหนีไป

   “มึงเห็น?” ผมรำพึง

   “ใช่ แต่เช้าเลย”

   “...”

   “เตยอยู่กับเด็กหอสี่”

   “วันนี้มึงต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย” ผมเกาหัวแกรกๆ รู้สึกสงสารคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จับใจ แต่แสดงออกได้แค่นั้น

   มันยักไหล่ เหมือนต้องการเก็บความเจ็บปวดนี้เอาไว้คนเดียว ไม่อยากพูดถึงมาก “อย่างน้อยก็มีเรื่องดีเรื่องหนึ่งคือกูได้ตีหัวมึง”

   “สาดดดด” ผมขยี้ผมมันเบาๆ

   “มึงช่วยพากูไปที่ไหนสักที่ตอนนี้ ได้ป่ะ”   

   “ที่ไหนล่ะ” ไม่กล้าพาแม่งไปห้างแล้วล่ะ

   “ที่ไหนสักที่ก็ได้ที่มึงพากูไป”

   “...”

   “แล้วกูจะขอบใจมึงมากๆ เลย”

   ผมมองมันอย่างสลดใจ ก่อนที่จะตัดสินใจออกรถไปข้างหน้า ผมไม่รู้หรอกว่าที่ๆ มันจะสบายใจขึ้นได้คือที่ไหน ผมทำได้แค่พามันไปอย่างที่มันต้องการ

   และก็ดูมันอยู่ข้างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่เป็นอะไร






TBC*







นี่แหละข้อเสียของคนมีเสน่ห์มากเกินไป
แต่ข้อดีคือมีคนหล่อมาอยู่เคียงข้าง #มองแรงไปที่นายเอก
บางตอนสั้น บางตอนยาว คนเขียนเองก็งงเหมือนกันค่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-05-2017 20:53:21
ทนายก็จีบอาสาซะทีสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 04-05-2017 20:55:02
ไม่เป็นไรนะหนูนุ่น
สั้นไปนิด แต่คุณภาพคับแก้ว

ประโยค "กูก็ไม่อยากมองไม่เห็นมึง" น็อคเจ้เลยค่ะ

ทนายอาสานี่เคมีเข้ากันโดยไม่รู้ตัวสินะ
เวลาอยู่ด้วยกันคือดูบรรยากาศชิลมาก

จบๆไปสักทีนะชะนี บายนะน้องกอเตย
เหลือคิวไมล์นี่ล่ะจะยังไง

เคยคิดเล่นๆตอนอ่านตอนแรกๆว่าทนายคงได้เป็นเดือนหอและได้อยู่กับอาสาสองคนแน่

ตอนนี้ได้เป็นเดือนหอแล้ว เหลือแค่รูมเมทแล้วล่ะว่าจะเลือกเป็นอาสารึป่าวววว

ปล.อาสา...หนูจะเท่เหมือนพี่สงครามไม่ได้ลูก ให้พี่เค้าไว้คนนะคะ รักกกกกกก

ปล2 สงครามอ้ายของเจ้ต้องไม่ใช่เรือผี หุหุ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-05-2017 21:15:23
โอ๋ๆนางฟ้าอย่าเศร้าไปเลยเดี๋ยวให้เดือนหอช่วยให้มีความสุขอีกครั้งงง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-05-2017 21:27:19
อาสาอยู่กับทนายอุ่นใจที่สุดแล้ววววว :o8:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 04-05-2017 21:36:46
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2017 21:51:40
นี่มันเดือนเคียงดาวชัดๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-05-2017 21:59:47
เค้าจีบกันไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-05-2017 22:27:55
ดาวเดือนหอสามเน้นๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-05-2017 22:29:31
เอ้าา เอ้าาาา เอ้าาาา ไอ่คอยดูแลกันวันหัวใจอ่อนแอนี่หล่ะ สปาร์คกันมานักต่อนักแล้ว คริคริ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-05-2017 22:30:30
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-05-2017 22:39:19
ดาวหอเดือนหอยังไม่รู้เรื่อง แต่คนอื่นเขารู้เลยว่ามีได้เสีย  5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 04-05-2017 22:41:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-05-2017 22:51:01
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 04-05-2017 23:09:37
ผช.ดีๆอยู่ข้างๆก็อย่าไปใส่ใจผญ.เลวๆเลยข่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2017 23:36:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 04-05-2017 23:42:38
เริ่มขยับเข้าไปใกล้กันทีละนิดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 04-05-2017 23:46:35
เป็นผู้ชายน่าตาดีที่เล่นกัน แล้วทำให้ชาวบ้านเค้าคิดไปนู่นนี่นั่นโน่นได้โดยไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2017 23:50:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 05-05-2017 00:15:48
ชอบตอนทนายกับอาสาเถียงกันน่ารัก555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-05-2017 00:41:09
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-05-2017 07:36:58
เตกะไมล์จีบกันเองเลยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-05-2017 08:56:07
ตอนนี้ทนายยังหวั่นไหวนิดหน่อย แต่ยังไม่คิดไกล
อาสาสมควรช็อค เพื่อนสนิทด้วย อยู่ด้วยกันมาตลอดอีก ไม่สะกิดเลย

เตปกติสุดละ สำหรับคนชอบอาสา
ไมล์คนบ้า สมควรเจอเมิน ทำคนเค้าสับสน

อ้ายอย่างเท่ สงครามอย่างยอม

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-05-2017 09:29:20
รู้สึกอยากจะเป้นเด็กให้ห้องมาก นั้งมองนางฟ้ากับเทวดาคุยกัน และตีกัน

คงแฮปปี้หน้าดู ไม่ต้องรงไม่ต้องเรียนแล้วแล้ว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 05-05-2017 13:25:45
ต่อไป น่าจะต้องมีการย้ายห้องออกมาแน่นอนนน
เดือน-ดาวหอ มีสิทธิได้พักเดี่ยวรึเปล่าคะ?ถ้าเราจำไม่ผิด ตามที่พี่อ้ายเคยบอกไว้ตอนแรกๆ 
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-05-2017 15:23:22
เค้าตีกันน่ารักดีอ่ะ จะตกหลุมรักกันตอนไหนนะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-05-2017 01:21:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-05-2017 10:31:09
ตามนั้นเลยค่ะ มีได้เสียกันแน่นอน  o18
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 06-05-2017 20:27:17
   “อะไรก็ได้ที่เท่ๆ หน่อย แบบพี่สงคราม”
555555555 อันนี้ฮาจริงๆ ชอบๆ ชอบที่ทนายมองหัวจรดเท้า
 :laugh: :laugh: :laugh:

ทนายเป็นเพื่อนที่ดีมากเลย แบบโคตรเข้าใจ แต่ไม่พูดอะไรมาก
แต่คอยอยู่ใกล้ๆ อยู่ข้างๆ :)

รักเรื่องนี้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 5 P.6 04/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 08-05-2017 19:36:23



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 6



   วันต่อมา

   ห้อง 204 เวลา 18.32 น.

   เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ มั้ยครับ ผมกำลังทำอย่างนั้นกับเพื่อนร่วมห้องของผมสองคนอยู่

   คนแรกก็คือไอ้ไมล์ ถ้าผมเป็นมันตอนนี้ผมควรจะรู้สึกยังไง คำตอบก็คือผมคงจะรู้สึกแย่ที่สารภาพรักกับเพื่อนสนิทในคณะของตัวเองจนทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมคงไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า และอาจจะต้องหลบหน้าไปสักพัก ระหว่างที่คิด ผมกำลังมองดูไอ้ไมล์ที่ยังไม่ยอมเปิดปากพูดกับอาสาสักคำ ทั้งๆ ที่อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ

   และคนที่สองก็คืออาสา ถ้าผมเป็นอาสาแล้วโดนเพื่อนร่วมห้องและก็เพื่อนร่วมคณะมาสารภาพรัก ผมจะต้องรู้สึกยังไง คำตอบคือถ้าเป็นผมผมคงวางตัวไม่ถูก อึดอัดมากถึงมากที่สุด และก็คงยังไม่พร้อมที่จะเปิดปากพูดคุย ตอนนี้อาสากำลังนอนอยู่ที่เตียงชั้นล่าง อ่านหนังสือเรียน และก็ไม่พูดกับไอ้ไมล์เลยแม้แต่น้อย

   คนที่ใกล้จะอกแตกตายที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นผมหรือไม่ก็ไอ้เต บรรยากาศในห้องแม่งกระอักกระอ่วนมากๆ จนถ้ามันพุ่งสูงขึ้นมาอีกนิด คงมีใครสักคนสำลักอากาศตาย

   “กูว่ามึงสองคนควรคุยกัน” ไอ้เตผู้กล้าหาญเปิดปากพูดเพื่อทำลายความเงียบ “กูกับไอ้ทนายจะไปรอข้างนอก”

   “เฮ้ยยยย” มันสองคนร้องพร้อมกัน ก่อนที่ไมล์จะพูดด้วยน้ำเสียงอันดัง “อย่าเพิ่ง กูยังไม่...”

   “กูก็เหมือนกัน”

   “สาด แมนๆ กันหน่อย” ไอ้เตชักอดรนทนไม่ไหว “มีห่าอะไรก็คุยกัน อมพะนำทำไมให้ยืดเยื้อ ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว”

   “มึงก็พูดได้ไง” ไมล์เริ่มตวาด มันคงเครียดจนต้องระบายออก “มึงไม่ได้ทำในสิ่งที่กูเพิ่งทำ”

   อย่าวอร์กันนะไอ้สาด...ผมตาเขียวใส่เพื่อนทั้งสองคนที่ไม่ได้สนใจผมเลย

   “อย่ากวนประสาทกู”

   “กูพูดความจริง”

   “วันนั้นมึงเมาทำไมล่ะ”

   “กูจะรู้มั้ยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้”

   อาสายกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ผมเอามือขวดขมับ รู้สึกอยากคอสเพลย์เป็นน้ำแข็งและก็ละลายเป็นน้ำหายลงไปทางท่อระบายน้ำจริงๆ

   “มึงมันโง่ไง มึงทำทุกอย่างพัง”

   “แล้วทำไมมึงต้องตอกย้ำกูด้วยวะ”

   ให้ตายเถอะ นี่มันยังตึงเครียดไม่พอใช่มั้ย พวกมึงถึงสุมไฟให้แรงขึ้นโดยที่ไม่คิดจะหาน้ำมาสาดเพื่อดับไฟเลย ผมมองสบตาอาสาที่สบตาผม สายตาของมันดูเจ็บปวดและก็สิ้นหวัง

   “อย่าเถียงกันเลยว่ะ” ผมห้ามเสียงเย็น “อย่าเถียงกันเลย”

   เตดูหงุดหงิด ขณะที่ไมล์เองนั้นก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน ในที่สุดห้องก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกครั้ง แม้ว่าบรรยากาศในห้องจะไม่ได้ดีขึ้นเลยก็ตาม

   “กูออกไปข้างนอกนะ” ผมพูดทำลายความเงียบ ถอดเสื้อออกเตรียมเปลี่ยนชุด

   “จะไปไหน” คนถามก็คืออาสา

   “เล่นบาส”

   “ไปด้วย”

   “มึงไม่ได้เล่นนี่”

   “แต่กูไปนั่งดูได้”

   ผมมองไปที่เตกับไมล์เพื่อหยั่งเชิง สองคนนั้นไม่ได้มีท่าทีอะไรเรื่องที่อาสาจะไปกับผม นางฟ้าทำสีหน้าเว้าวอน จนในที่สุดผมก็ยอมใจอ่อนจนได้

   “ไปเปลี่ยนกางเกงก่อนไป” ผมพูดหลังจากที่เห็นไอ้อาสาลุกขึ้นยืน

   “กูเหรอ”

   “เออ”

   “ทำไม”

   “มันสั้น”   

   “ก็อากาศมันร้อน”

   “ถ้าไม่เปลี่ยน กูไม่ให้ไปด้วย”

   “อะไรของมึงวะ” อาสาเดินไปหยิบกางเกงตัวใหม่มาเปลี่ยนจนได้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่ผมทำไปน่ะเพื่อสวัสดิภาพและก็ความปลอดภัยของอาสามันล้วนๆ สนามบาสน่ะเป็นสนามที่มีคนจากหลายหอมาเล่น ไม่ได้มีเฉพาะหอสาม

   ผมอยู่มาถึงตอนนี้ ผมรู้ดีว่าอาสามันฮอตต่อเพศผู้จากหออื่นมากขนาดไหน เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธไม่ได้ และเจ้าตัวก็ดูไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอาซะเลย ผมจึงต้องมาคอยระวังให้

   เลือดหอสามของผมคงจะอยู่ในตัวผมมากจนเกินไปกระมัง






   สนามบาสเก็ตบอล โซนหอพักชาย

   คิดถูกคิดผิดที่พาแม่งมา ดาวหอสามอย่างอาสานั่งขัดสมาธิอยู่พื้นสนามโชว์ขาอ่อนที่ขาวเจิดจรัส (ทั้งๆ ที่กางเกงก็ยาวขึ้นกว่าตัวเดิมมากแล้ว) ที่นี่ไม่มีแสงไฟช่วยเพิ่มออร่าให้ แต่มันเป็นคนที่ขาวมากอยู่แล้วก็เลยเหมือนติดหลอดไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งร่าง

   พวกหออื่นมองมันกันให้รึ่ม มองจนไม่โฟกัสกับการเล่นบาสเลย

   ผมชู้ตเข้าไปลูกที่สิบสอง ไม่มีใครโวยที่หอสามทำคะแนนนำสูงลิ่ว (แข่งแบบแบ่งเป็นหอตามสไตล์ของมอนี้) นี่ถ้ามีการแข่งกีฬาระหว่างหออย่างจริงจัง ผมลากเชี่ยอาสาไปนั่งข้างสนามด้วยเลยดีมั้ย ถ้าขืนเป็นแบบนี้เชื่อเถอะว่าหอสามชนะทุกเกม และก็คงชนะแม้กระทั่งหอสองที่โคตรคลั่งกีฬา

   ผมเล่นจนเหงื่อท่วมตัว เล่นจนคนเริ่มถอนตัวไปทีละคนๆ กลายเป็นเหลือแค่ผมที่ชู้ตบาสลงห่วงอยู่คนเดียว คนที่นั่งอยู่ที่เดิมก็คืออาสา มันเท้าคางเอาแขนวางบนหน้าขาพลางมองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

   แม่งคิดอะไรอยู่ในหัวชัวร์ๆ

   ผมกะจะเดินเข้าไปหามันเพื่อที่จะคุยด้วย แต่มีลูกบาสลูกหนึ่งเด้งกระดอนเข้ามาโดนตัวผมแบบเบาๆ แทน ผมหันไปมองที่มา รู้สึกตกใจจนแทบจะผงะ

   พี่สงครามมมมมมมมมมมมมมมม

   ตัวอันตรายมาทำไมตอนนี้ ผมไม่เข้าใจ พี่แม่งอยากมีซีนเหรอ อยากมีบทเหรอออออออออ

   “หวัดดีครับ” ผมไหว้อย่างง่ายๆ ส่วนอาสาลุกขึ้นยืนเป็นที่เรียบร้อย สติของมันคงกลับมาแทบในทันทีเมื่อได้เห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

   “ปกติสนามบาสเวลานี้เป็นของกูนะ”

   เอาอีกแล้ว...โลกแม่งต้องหมุนรอบพี่สงครามอีกแล้ว ผมอ้าปากจะเถียง แต่อาสาสะกิดแขนผม

   “ขอโทษครับพี่ พวกเรากำลังจะออกไป” อาสาก้มหน้าก้มตา

   “ไม่ต้อง” พี่สงครามจ้องผมเขม็ง “กูกับมึงยังไม่ได้มีโอกาสสู้กันเลย”

   “พี่จะทำอะไร” ผมขยับแขนหลบอาสาที่พยายามคว้าตัวผมเอาไว้ไม่ให้ไปเผชิญหน้ากับพี่สงคราม “จะท้าผมต่อยเหรอ”

   อีกฝ่ายพ่นลมอย่างเบื่อหน่าย “ต่อยไปมึงก็แพ้”

   หวะ ว่าไงนะ ผมรู้สึกเสียเซลฟ์เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ วัน โอเค โอกาสที่ผมจะแพ้ประธานหอสองคนนี้มันมีสูง แต่ผมก็ไม่คิดที่จะจะยอมแพ้หรอกนะ

   “ลองดูก็ได้ครับ”

   “ไอ้เหี้ย” อาสาร้องลั่น “ตั้งสติหน่อย นั่นพี่สงครามนะเว้ยยย”

   ผมลอบมองดูคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่โหดที่สุดในมอผม ตอนแรกผมอาจจะกลัวและก็หวั่นเกรงพี่มัน แต่เมื่อได้สัมผัสสีหน้ากับสายตาดูดีๆ พี่สงครามดูไม่ได้โกรธอะไรผมจากเรื่องที่ร้านเหม่อมองฟ้าเลย

   เอาจริงๆ นะ ผมคิดว่าพี่มันแม่งถูกใจผมว่ะ

   ...แต่ไม่ใช่ในทางนั้นนะ

   “มึงควรมาเป็นน้องกูแทนน้องไอ้อ้าย” อาสาชะงัก อ้าปากค้างเติ่งหลังจากที่ฟังคำพูดของฝ่ายตรงข้าม

   เห็นมั้ยผมบอกแล้ว จริงๆ แล้วพี่สงครามคนนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยครับ

   “ถ้าเล่นบาสดวลกัน มึงคิดว่ามันจะยุติธรรมสำหรับมึงมั้ย” ประธานหอสองหมุนควงลูกบาสเล่น

   “พี่คิดว่าตัวเองเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมเลิกคิ้ว

   “ถามไอ้ของขาวนี่ดูได้”

   “ผมคือของขาว?” อาสาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

   “พวกหอสองเรียกมึงว่าแบบนี้กันทั้งนั้น”

   เพื่อนผมดูไม่สบอารมณ์นิดๆ

   “พี่สงครามเก่งมั้ยวะ” ผมถามอาสา

   “มึงกำลังพูดถึงประธานหอสอง หอที่มีแต่นักกีฬาอยู่นะ”

   “ผมเข้าใจแล้ว” ผมหรี่ตามองฝ่ายตรงข้าม “งั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอยากสู้พี่จนสุดตัว”

   หมับ...พี่สงครามลากตัวไอ้อาสาไปยืนใกล้ๆ พร้อมๆ กับโอบไหล่

   “อย่างของขาวนี่เป็นไง”

   “เฮ้ย” ผมร้องลั่น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะลงเอยแบบนี้

   “ถ้ามึงชนะ มึงได้มันกลับ แต่ถ้ามึงแพ้ มันจะต้องไปนอนหอสองคืนหนึ่ง”

   นรกชัดๆ อาสาทำหน้าช็อกมาก มันส่ายหัวรัวๆ พยายามบอกผมสุดฤทธิ์ว่าไม่อยากไปนอนหอสองเลยแม้แต่น้อย ตัวของมันดิ้นพล่าน แต่ไซส์ร่างกายของมันมันก็เหมือนผู้หญิงเมื่อเทียบกับพี่สงคราม เพราะพี่มันตัวใหญ่มาก ฉะนั้นไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด

   “ไม่” ผมกัดฟัน “พี่ต้องมีอะไรมาแลก และต้องเป็นคนจากหอสอง มันถึงจะยุติธรรม”

   “เพื่อนมึงเจ๋งดีนะ” พี่สงครามพูดกับอาสา ก่อนจะหันมามองผม “มึงอยากได้ใครจากหอกูล่ะ”

   เอ่อ...คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออกหรอก

   “พี่อ้าย” ผมพูดออกมาเฉยๆ

   บรรยากาศรอบตัวผมเงียบจนได้ยินเสียงใบไม้หล่น

   “อะไรของมึงวะทนาย” อาสาชักสีหน้า

   “เออ อะไรของมึง อ้ายมันประธานหอมึง”

   “วันนั้นผมเห็นพี่ขอโทษพี่อ้าย พี่คงจะแคร์ประธานหอผมอยู่ไม่มากก็น้อย”

   “มันเป็นเพื่อนคณะกู”

   “ถ้าพี่ชนะ ผมยกพี่อ้ายให้พี่ แต่ถ้าผมชนะ อาสาต้องกลับไปกับผม”

   “กูไม่ได้อยากได้เชี่ยอ้าย” พี่สงครามร้องเหมือนผมโง่มาก

   “ผมก็ไม่ได้อยากได้คนในหอสองอ่ะ”

   “เอาเป็นว่าไม่ว่าจะยังไงกูก็จะไม่แพ้มึง” อาสาถูกผลักออกไปให้พ้นทาง นี่คือสิ่งที่พี่สงครามทำกับดาวหอของหอสามเหรอ แม่งหยามกันเกินไปแล้ว! #พยายามหาเรื่องให้ตัวเองหัวร้อน #จะได้สู้อีกฝ่ายไหว “มาสิไอ้หน้าหล่อคนกล้า มาดวลกัน”

   “ใครชู้ตลงสิบลูกก่อนชนะ” ผมพูดกับพี่สงคราม

   “ตามนั้น”

   มันเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีกับศึกเพื่อเพื่อนโดยแท้ จะใช้คำว่าชิงนายไม่ได้ครับ เพราะพี่สงครามดูไม่ได้ปลื้มไอ้อาสาเหมือนคนอื่นๆ ตลอดระยะเวลาที่แข่งพี่สงครามดูชิลมาก แต่ผมหอบจับ นอกจากจะมีทักษะไม่ดีเท่าพี่สงครามแล้ว ผมยังเหลือแรงน้อยมากเพราะเพิ่งสู้กับคนจากหออื่นก่อนที่จะมาเจอพี่สงคราม

   ผมกำลังจะแพ้

   “ทนาย” อาสาร้อง “อย่านะ อย่าแพ้นะ”

   ผมทำเพื่อมันไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงผมก็สู้พี่สงครามไม่ได้

   ในที่สุดผมก็แพ้...

   “เหอะ” พี่สงครามส่งเสียงในลำคอ “รักเพื่อนแค่นี้เหรอ มึงทำเพื่อเพื่อนร่วมหอของมึงได้แค่นี้เองเหรอ”   

   อาสาโดนลากคอไปด้วยฝีมือของพี่สงคราม “ไอ้ทนาย” นัยน์ตานางฟ้าเศร้าหมองเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของมัจจุราช

   “อาสา”

   “...”

   “กูขอโทษ”







   ห้อง 101

   ปังๆๆ! ปังๆๆ!

   “เชี่ยไหนมาเคาะห้องกูวะ” พี่อ้ายเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางหัวเสีย เมื่อเห็นว่าเป็นผม พี่อ้ายก็ยิ่งทำหน้าเบื่อหน่าย “มีเรื่องอะไรอีกล่ะไอ้เดือนหอ”

   “ผมแข่งบาสแพ้พี่สงคราม พี่สงครามเอาตัวอาสาไปแล้ว” ผมทำหน้าเซ็งอย่างหาที่สุดไม่ได้

   “เหี้ยยยยยยยย” พี่อ้ายร้องลั่น

   “ผมขอโทษ”

   “มึงไปรับคำท้าแม่งทำไม แข่งไปก็มีแต่แพ้” พี่อ้ายออกมาจากห้องทันที ท่าทางของประธานหอผมดูซีเรียสมาก   

   “ก็พี่มันท้ามาอ่ะ”

   “สาดเอ๊ย ตอนนี้กี่โมง”

   “จะสามทุ่มแล้ว”

   “เวลาพีค” พี่อ้ายทำสีหน้าเคร่งเครียด “พวกหอสองคงอยู่ส่วนกลางกันเต็มไปหมด”

   ผมนึกภาพเวลาที่พวกมันเห็นว่าอาสาไปเยือน คงจะฟินกันระเบิดระเบ้อแน่ๆ อาสาคงจะถูกโยนไปมา คนนั้นแต๊ะอั๋งที คนนี้แต๊ะอั๋งที

   โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

  กูพลาดแล้ว กูพลาดเอง กูพลาดที่สุดดดดดด

   “ผมจะไปเอาเพื่อนผมคืน” ผมกลับหลังหัน คิดว่าจะไปบุกหอสองแบบฉายเดี่ยว

   “ไอ้สาด นั่นหอสองนะ”

   “อาสามันกำลังแย่เพราะผมแพ้นะ”

   “แต่ว่ามึงบุกไปตอนนี้มึงก็...”

   “ผมพร้อมรับทุกอย่าง ผมปล่อยให้มันไปอยู่คนเดียวท่ามกลางไอ้พวกบ้านั่นไม่ได้จริงๆ แค่คิดผมก็รู้สึกแย่แล้วว่ะ”

   “ไอ้ทนาย”

   “โทรเรียกรถพยาบาลไว้รอผมเลย”

   พี่อ้ายอ้าปากพะงาบๆ ร้องเรียกผม แต่ไม่ว่าจะเอาอะไรมาลากผมไว้ก็ไม่มีทางเอาผมอยู่แล้ว

   เอาไงก็เอาวะ เจ็บจนร่างพังก็ยอม








   หอสอง

   ผมอยู่หน้าหอที่เคยเดินผ่านและก็ไม่คิดจะผ่านอีก มีคนจากหอสองหลายคนมองผมด้วยสายตามุ่งร้าย แต่ผมไม่สนใจสายตาเหล่านั้น

   “มาหาใครวะ” เพราะเป็นคนจากหออื่นเดินมาถึงหน้าหอ พวกหอสองที่อยู่แถวนั้นจึงคิดไปแล้วว่าผมไม่ได้มาดี

   “พี่สงคราม”

   “เหยดเข้” หลายเสียงที่อยู่เบื้องหลังคนที่มาถามส่งเสียงร้อง

   “พี่มันขโมยเพื่อนผมมา”

   “อย่ามาล้อกูเล่นแถวนี้ สงครามไม่เคยยุ่งกับเด็กหออื่น”

   เหรออออออออออออ แม่งลากเพื่อนกูไปขนาดนี้ยังเรียกว่าไม่ยุ่งอีกเหรออออออ

   “ถ้าจะมาเพื่อก่อกวนก็ถอยหลังไป และกูจะไม่เตือนเป็นครั้งที่สอง”

   “ผมไม่ได้มาเพื่อก่อกวน ผมมาเอาเพื่อนผมคืน”

   คนที่อยู่ตรงหน้าผมกัดฟันกรอด ผมจ้องเขม็งไปที่มันด้วยสายตามุ่งมั่น พร้อมที่จะสู้หากอีกฝ่ายมันเริ่ม แต่แล้วเสียงของพี่สงครามก็หยุดทุกอย่างเอาไว้

   ไม่มีพวกหอสองคนไหนกล้าทำเกินหน้าเกินตาผู้ชายคนนี้สักคน ทุกคนแหวกทางให้พี่มันหมด สายตาที่พี่สงครามมองมาที่ผมเหมือนพี่ชายกำลังมองดูน้องชาย

   เดี๋ยวก่อนนะ แม่งเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มั้ยเนี่ย

   “อย่างมึงเหมาะกับการเป็นน้องกูมากกว่าน้องไอ้อ้ายจริงๆ”

   “เพื่อนผมอยู่ไหน”

   “อยู่ในห้องกู”

   ผมเข้าไปคว้าคอเสื้อพี่สงครามเอาไว้ ผมเงื้อมกำปั้นเตรียมต่อย คนรอบข้างเริ่มลุกฮือ พร้อมเข้ามาจัดการผมให้กลายเป็นศูนย์รวมส้นตีนของพวกหอสองทุกเมื่อ

   หัวใจของผมเต้นแรงอย่างตื่นเต้นและกำปั้นของผมก็สั่นไปหมด สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าจะยังไงผมก็แพ้ ผมไม่ใช่กัปตันอเมริกาและผมไม่ใช่ธอร์ นี่มันคือศึกหนึ่งต่อคนเกือบร้อยคนชัดๆ

   ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว

   “ปล่อยมันซะ”

   พี่สงครามออกแรงนิดหน่อยก็สะบัดมือกับตัวผมหลุด โอ้โห นี่แรงคนหรือแรงช้างวะ ผมชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายทันที

   “ถ้าผ่านพวกกูไปได้ มึงก็เข้าไปเลย”

   ว่าไงนะ...ผมมองดูคนเบื้องหลังพี่สงคราม เหมือนแม่งจะลงอยู่ตรงนี้กันหมดทั้งหอเลยว่ะ งั้นนี่ก็ไม่ใช่แค่ร้อยแล้ว อาจจะสองร้อย หรือไม่ก็สามร้อย ตอนนี้ตาผมลายไปหมดแล้วครับ

   เหี้ย กูคงตายวันนี้แล้วว่ะ

   เอาเถอะ ตายวันนี้กับตายวันไหนก็ตายเหมือนกัน ผมกำหมัดแน่น เดินไปข้างหน้าเตรียมพร้อมที่จะสู้

   “ถ้ามึงต่อยน้องกู กูจะต่อยมึงให้ตาย” เสียงหนึ่งดังขัดผมจนผมต้องหันกลับไปมอง

   กูจะเป็นลม

   ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือคนจากหอสามหลายสิบคนกำลังยืนเผชิญหน้ากับพวกหอสอง นี่มันสงครามขนาดย่อมชัดๆ ทุกคนยืนแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายออกเป็นสอง แสดงออกว่าพร้อมที่จะตะลุมบอนกันได้ทุกเมื่อ ไอ้เตกับไอ้ไมล์ก็มา มันสองคนมองไปที่พี่สงครามด้วยสายตาโมโหโกรธาเป็นอย่างมาก

   สาเหตุที่กำลังจะเกิดสงครามระหว่างหออันสุดจะยิ่งใหญ่นี้มาจากการที่ผมเล่นบาสแพ้จริงๆ เหรอวะ

   คนหลายคนมายืนมองหน้ากันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้พวกหออื่นเป็นอย่างมาก ผู้คนจากหออื่นเริ่มให้ความสนใจและก็ชี้ชวนกันให้ดูจากชั้นสูงๆ ของหอตัวเอง

   “เชี่ยอ้าย” พี่สงครามรำพึงก่อนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “มึงเอาคนมาทำไมเยอะแยะ”

   “มึงทำน้องกูไง”

   “กูทำอะไร”

   “มึงส่งตัวอาสามาเดี๋ยวนี้”

   “ก็จะส่งคืนให้อยู่แล้ว” พี่สงครามโวยวายเหมือนคนที่โวยวายใส่เพื่อน ไม่มีมาดประธานหอสองเหลืออยู่ “กูแค่อยากดูสปิริตเด็กหอมึงคนนี้ นานๆ ทีหอมึงจะมีคนกล้าแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

   พี่มันว่าไงนะ ที่ทำทุกอย่างขนาดนี้เพียงเพราะอยากที่จะดูความกล้าของผมงั้นเหรอ

   มึงบ้าป่ะเนี่ยไอ้พี่สงห่าสงเหวววววววววววววววว

   “แต่มึงทำตัวเหมือนพร้อมเหยียบน้องกูคาตีน”

   “มึงก็รู้ว่ากูไม่ทำ ไอ้สัด  กูไม่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”

   คำพูดของพี่สงครามทำเอาพี่อ้ายถึงกับคิ้วกระตุก ดูเผินๆ เหมือนไม่ชอบกันแต่เบื้องลึกเบื้องหลังประธานหอสามกับประธานหอสองคงสนิทกันมากเลยสินะ

   จะยังไงก็ช่าง ตอนนี้ส่งตัวไอ้อาสามาก่อนเถอะ

   “เพื่อนผมอยู่ไหน” ผมถามพี่สงคราม ถ้าอาสามันปลอดภัยดีผมก็ไม่คงไม่มีเรื่องจะโกรธอะไรพี่มันหรอกครับ จบอย่างสันติมันก็โอเคไม่ใช่เหรอ

   “ในห้องกู”

   “พี่บอกพวกหอสองให้อยู่ห่างๆ เพื่อนผมเลยนะตอนนี้” ผมโวย

   “ทำไงดี พวกหอกูแม่งชอบเพื่อนมึงจริงๆ มันอาจจะโดนรุมทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้วมั้งตอนนี้”

   “...” ผมเปลี่ยนสีหน้าเป็นฆาตกรทันที

   “สัด” พี่สงครามทำหน้าเซ็งเพราะผมไม่ขำด้วย “ไม่มีใครเข้าใกล้ กูเป็นคนพาเข้าห้อง ใครมันจะกล้าแตะเด็กกู”

   “น้องกูไม่ใช่เด็กมึง” พี่อ้ายพูดแทรก

   “เชี่ยอ้าย กูก็แค่พูดเฉยๆ” พี่สงครามทำสีหน้าปวดหัว ก่อนจะหลีกทางให้ผม “ไปรับตัวเอาเองเลยไป เบื่อว่ะ ไม่เห็นจะสนุกเลย”

   ไปสนุกกับเรื่องอื่นเถอะ ผมทำหน้าตำหนิใส่พี่สงครามก่อนเดินเข้าไปในหอสอง ผ่านคนหลายคนที่เปิดทางให้ ท้ายที่สุดแล้วพี่สงครามก็มีอำนาจสูงสุดจริงๆ เพียงแค่คำพูดของพี่มันไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้คนเชื่อฟังและทำตามได้ถึงขนาดนี้
พี่มันโหดก็จริง แต่อาจจะไม่ได้ใช้ความโหดนั้นกับผม

   “พาคนมาทำไมเยอะแยะ” ผมได้ยินเสียงบ่นของพี่สงครามที่บ่นกับพี่อ้ายตามหลังมา ผู้คนเริ่มกระจัดกระจายกลับไปยังหอพักของตัวเอง ไม่มีสงครามบังเกิด เพราะคนที่ชื่อสงครามคืนสันติให้กับประชาชนชาวหอพักชาย

   “เรื่องอาสาคนในหอกูทุกคนพร้อมวอร์เสมอ มึงไปแตะต้องหัวใจของหอกู มึงรู้มั้ยเนี่ย”

   “ไอ้พวกเว่อร์เอ๊ย หัวใจห่าอะไร หน้าตาก็งั้นๆ ก็แค่ขาวเฉยๆ ป่ะ”

   “ปกติมึงเคยเห็นหอสามกล้าสู้กับหอมึงมั้ยล่ะ”

   “ไม่”

   “มึงเข้าใจหรือยัง”

   “ยังไงเชี่ยทนายก็แข่งบาสแพ้ ต้องมีเด็กหอมึงคนหนึ่งมาเซ่นกู”

   “กูไม่ให้สักคน”

   “งั้นเอามึงมาก็ได้ มาทำการบ้านให้กูที”

   “ฟายยยยยยย ไปไกลๆ ตีน”






   ห้องพี่สงคราม

   ผมแง้มประตูเปิดออกเบาๆ ภาพที่ผมเห็นด้านในคืออาสานั่งหลบอยู่ที่มุมห้อง แม่งกลัวจนตัวสั่นอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

   ผมจำได้ว่ามันเกลียดและกลัวพวกหอสองขนาดไหน เดินผ่านพวกนี้ทีไรเป็นต้องหลบ ก้มหน้า อดทนฟังเสียงแซวอย่างไม่กล้าทำอะไรมาโดยตลอด พอมาถึงแหล่งขนาดนี้คงคิดว่านี่เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตแล้วล่ะมั้ง

   “อาสา” ผมค่อยๆ เรียก มันหันหน้ามา เมื่อเห็นผมมันก็เข้ามากอดผมไว้อย่างหลวมๆ ทันที

   “สาด นึกว่าจะทิ้งกูแล้ว” มันปล่อยพร้อมกับทำหน้าซึ้งในน้ำใจ

   ผมกลืนน้ำลายลงคอนิดหน่อย เมื่อตะกี้กลิ่นหอมของอีกฝ่ายลองเข้าจมูกของผมเต็มๆ “ใครจะไปทิ้งวะ”

   “กูกลัวแทบตาย นี่หอสองนะเว้ย หอสอง” มันพยายามรวบรวมสติตัวเอง

   “กูรู้ๆ”

   “...”

   “กลับกันเหอะ”

   อาสามองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่ได้สู้กับใครเลยเหรอ”

   “มึงอยากให้กูเจ็บตัวหรือไง” ผมชักสีหน้า

   “ก็นี่มันหอสอง”

   “โทษที แต่กูไม่เจ็บว่ะ”

   “...”   

   “กูดันมีนิสัยถูกใจประธานหอสองเข้า ป่านนี้คงยกให้กูเป็นทายาทแล้วมั้ง”

   “โม้สาด”

   ผมหัวเราะแห้งๆ เหลือบมองดูหน้าหอสองที่ตอนนี้กลับกันไปหมดแล้ว ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติ พวกหอสองก็ยังคงเสียงดังตั้งแต่ชั้นหกลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง

   “อาสา” ผมนึกอะไรบางอย่างได้จึงพูดออกมา

   “หืม”

   “กูขอโทษนะที่กูแพ้”

   “...”

   “กูทำเต็มที่แล้วจริงๆ”

   “นั่นพี่สงครามนะ ไม่แพ้สิแปลก”

   “...”

   “แค่มึงทำเต็มที่ กูก็ดีใจแล้ว”

   ผมยิ้มแห้งๆ ดันหลังอาสาให้เดินนำหน้า มันมองไปรอบข้างอย่างหวาดระแวง เพราะพวกหอสองที่เดินผ่านมาก็ยังคงมองอาสาเหมือนจะแดกลงท้องตามเคย

   “ไม่คิดว่ามึงกับกูจะได้เดินอยู่ในหอสองเหมือนหอสองเป็นทุ่งดอกไม้แบบนี้” อาสาก้มหน้าพึมพำอย่างหวาดๆ

   “ยกความดีความชอบให้กูซะ”

   “เหอะ”

   “...”

   “ขอบใจมากนะ มึงทำกูปลื้มมึงมากจริงๆ วันนี้”

   แปลกแต่จริงที่ผมรู้สึกภูมิใจกับคำพูดนั้นของมัน...ภูมิใจจนถึงกับต้องโทรไปเล่าให้คุณโสภาพรรณเลยครับว่าวันนี้ผมไปช่วยเพื่อนมาจากเงื้อมมือของคนที่อันตรายที่สุดในมอ

   ผลสุดท้ายคือแม่ด่า แม่บอกว่าผมควรเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องเรียน เรื่องมาเรียนต่อที่มอเอกชนซึ่งแม่วางแผนให้ และก็บลาๆๆ
กลางดึกคืนนั้นผมขยับตัวไปมองอาสาที่นอนอยู่เตียงชั้นล่าง มันหลับสนิทและก็หัวใจอย่างสม่ำเสมอ ผมมองภาพนั้นพลางคิดในใจว่าไอ้นี่คือคนที่เป็นหัวใจของหอสาม คือคนที่พวกหอสามพร้อมมีเรื่องเพราะมันเป็นเหตุทุกเมื่อ ดูจากวันนี้ที่ใครหลายคนพร้อมใจกันบุกไปยังหอสองเพื่อเอาตัวมันคืนทั้งๆ ที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องไปก็ได้

   คนที่เกิดมาเพื่ออยู่หอสามจริงๆ ต้องเป็นห่วงมันและก็ดูแลมัน แต่ตอนนี้ผมชักสับสน...ว่าที่ผมสู้เพื่อมันขนาดนั้นเพราะผมเกิดมาเพื่อเป็นคนของหอสามจริงๆ หรือว่าเพราะผมอยากช่วยมันจากหัวใจของผมกันแน่

   อิทธิฤทธิ์นางฟ้า...พากูนอนไม่หลับไปทั้งคืน






TBC*




วอร์กันแบบน่ารักๆ 555
ความรักมันเริ่มขึ้นแล้วค่ะคุณผู้ชม เอ๊ะ หรือเริ่มนานแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-05-2017 19:49:10
สงครามอปป้าอ่าาา #ทีมพี่สงคราม
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 08-05-2017 20:00:56
รุ่นใหญ่มีไรกันไหมคะ เหมือนมีกลิ่นความรัก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-05-2017 20:22:49
พี่สงครามดูจะยอมๆพี่อ้ายนะ 5555555 มันดูมีความอ่อนโยน  :hao7:
ส่วนทนายเริ่มตกหลุมรักอาสาแล้วแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-05-2017 20:29:43
ชอบอาสานะ แต่ไม่อยากให้ทนายคู่อาสาอ่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 08-05-2017 20:31:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-05-2017 20:43:39
ทนายน่ารักอะมีการโทรหาแม่ด้วยอะน่ารักตะมุตะมิ. พี่สงครามพี่อ้ายมีซัมติงแน่นอน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 08-05-2017 20:48:48
เชียร์มวยรุ่นใหญ่ สงครามอ้าย แอร๊ยยย ดี๊ดี 
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-05-2017 20:59:09
อิทธิฤทธิ์นางฟ้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-05-2017 21:25:19
เอาแล้วทนายย ศรนางฟ้าปักใจแล้วอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : บทนำ P.1 17/04/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nutty_FanFan13 ที่ 08-05-2017 21:53:28
พึ่งได้อ่านไปแค่สองตอน ก็รู้สึกมีใจให้คุณทนาย  :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 08-05-2017 21:59:55
น่าร้ากกกกกก
ฮา ของขาว 55555555555
พี่สงครามเป็นคนเดียวที่เฉยๆกับอาสาป่ะ บอกก็แค่ขาว ต้องพี่อ้าย ถึงพิเศษ ใช่ไหม อิอิ
ทนายเนี่ย เท่จริงๆ ทั้งพี่สงคราม ทั้งทนาย ดีต่อใจค่ะ เท่มากกกกก
ทนายเอ๊ยยยย เริ่มหวั่นไหวซะแล้ววววว
รักเรื่องนี้ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2017 22:03:03
 o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-05-2017 22:04:25
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 08-05-2017 22:08:31
ถ้าทีม #สงครามทนาย จะผิดไหมมม เค้าชอบคู่นี้  :hao7:
จิ้นมากค่ะ พี่สงครามก็ถูกใจน้องทนายใช่มะ 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 08-05-2017 22:41:04
ได้กลิ่นสงครามอ้ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 08-05-2017 22:46:24
พี่สงคราม พี่อ้าย เป็นคู่ต่อจากทนายอาสาเลยได้ไหม ท่าจะแซ่บ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 08-05-2017 23:00:03
ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องอ่านบทของพี่สงครามวนไปมา หลงรักพี่เขามากไม่ไหวแล้วววว
ยิ่งตอนที่พี่อ้ายปรากฎตัวนะ โอ้ยยยยย อินี่ฟินสงครามอ้ายมาก ชอบมากกกก #ทีมสงคราม
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 09-05-2017 00:37:17
ไม่ชอบเลยที่เอาเพื่อนมาเป็นตัวพนัน  แย่มากและแข่งไม่ชนะยังไปรับคำท้า 
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-05-2017 00:53:52
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 09-05-2017 03:43:40
พี่สงครามกับพี่อ้ายมีซัมติงอะไรกันหรือไม่
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 09-05-2017 07:44:23
เนื้อเรื่องน่ารักมากมากคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2017 09:09:18
เท่อะไรเบอร์นั้นทนาย!!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-05-2017 09:37:33
ข้ามคู่หลักไป เราชอบโมโม้ พี่สงครามพี่อ้ายจัง อร๊ายยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 09-05-2017 09:50:21
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ถูกใจคุณเจ้สุด!

ทนาย...แน่มากจริงๆลูก
เกิดมาเพื่อเป็นน้องพี่สงครามจริงๆ

อ่านเรื่องในมุมมองของทนายนี่สนุกนะ
คือเป็นคนที้คิดอะไรได้เพลินมาก

"ตัวอันตรายมาทำไมตอนนี้ ผมไม่เข้าใจ พี่แม่งอยากมีซีนเหรอ อยากมีบทเหรอออออออออ"
ประโยคข้างบนทำเจ้ขำนานมาก
ทนายอย่าบ่นพี่ลูก พี่เค้าแค่ถูกใจเฉยๆ

ตอนนี้เกิดความประทับใจขึ้นแล้วนะ
เอ้าอาสาเปิดใจ ทนายสู้เค้าาาา

ปล สงครามของเจ้ไม่ใช่เรือผีจริงด้วย หุหุ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 09-05-2017 11:21:47
ใกล้กันเข้าไปอีกนิด  :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-05-2017 12:09:48
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-05-2017 19:13:16
เอาจริงๆเลยนะ สงครามอ้ายนี่มาแรงแซงคู่หลักไปแล้วอ่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nutty_FanFan13 ที่ 09-05-2017 21:18:50
ไม่รู้จะใจสั่นกับคู่ทนายอาสาหรือจะใจสั่นกับคู่สงครามอ้ายดี  ฮืออออออ
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 11-05-2017 13:39:36




บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 7




   วันนี้เป็นวันหยุด ผมตื่นก่อนเพื่อนทุกคนในห้องก็เลยได้เดินลงมากินข้าวที่โรงอาหารหอสามคนเดียว ระหว่างที่กินอยู่มีคนมาทักเยอะมาก บอกว่าภูมิใจในตัวผมมากเรื่องที่ผมสู้เพื่ออาสา สู้เพื่อคนในหอของเราขนาดนี้ แม่งยกย่องให้ผมเป็นวีรบุรุษซะงั้น และก็ไม่มีใครบอกว่าผมคือสาเหตุที่ทำให้คนอื่นต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมดเพื่อไปบุกหอสองเลย ไม่มีเลย

   มีคนบอกว่าขี้อยู่ก็ต้องเลิกขี้กลางคันเพื่อไปรักษาศักดิ์ศรีของหอ!

   จ้ะ แล้วแต่มึงเลยก็แล้วกัน ผมส่ายหน้าเบาๆ กับตัวเองพลางยิ้มน้อยๆ มันเป็นโชคดีของผมนั่นแหละที่พี่สงครามเมตตา ถ้าพี่มันไม่ถูกชะตาผมเขาล่ะก็...ป่านนี้ผมคงอยู่ไอซียูไปแล้ว หรือไม่ก็คงมีญาติพี่น้องโทรจองเมรุที่วัดให้

   มีคนมานั่งกินข้าวฝั่งตรงข้ามกับผม คนๆ นั้นก็คือพี่อ้าย หน้าตาพี่มันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

   “เป็นอะไรแต่เช้าพี่” ผมทัก

   “มีเรื่องสองครั้งแล้วนะมึงอ่ะ” พี่อ้ายกัดฟันพูดกับผม “และแต่ละครั้งคนที่มึงมีเรื่องด้วยก็คือไอ้สงคราม”

   “ทำไมเหรอ”

   “มันอาจจะดีกับมึง แต่มันก็ไม่ได้ดีตลอด ถ้ามันเอาจริงขึ้นมา หอเราแย่แน่ๆ”

   “ผมขอโทษ”

   “...”

   “พี่สงครามออกจะเกรงใจพี่อ้าย คงไม่กล้าทำอะไรหรอกมั้ง”

   “มันเกรงใจเพราะกูเคยเช็กชื่อให้มันบ่อยตอนเรียนต่างหาก อีกอย่างนะไอ้ทนาย กูออกหน้าให้มึงไม่ได้ตลอดไปด้วย ทุกอย่างมันมีขีดจำกัด” พี่อ้ายเตือนด้วยความหวังดี “กูรู้มึงต่างจากคนในหอสามนี้ มึงหน้าดีก็จริงแต่มึงก็มีเลือดนักสู้อยู่ในตัวของมึงสูงอย่างกับเป็นพวกหอสอง แต่ก็เอาเถอะว่ะ กูมาบอกแค่ให้มึงทำตัวดีๆ ทำตัวธรรมดาๆ บ้าง ไม่ต้องไปหาเรื่องคนอื่น”

   “ผมไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะ” ผมโอดครวญ ทำไมต้องคิดว่าผมเป็นคนอย่างงั้นหว่า “ที่มีเรื่องวันนั้นสาเหตุเพราะไอ้เชี่ยไมล์ ส่วนเมื่อวานสาเหตุก็เพราะไอ้พี่สงคราม อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาท้าผมเฉย”

   “พอแล้ว กูไม่อยากฟัง” พี่อ้ายทำหน้าบึ้งใส่ผม “ว่าแต่คนในห้อง 204 ของมึงเป็นห่าอะไรกัน นี่แตกคอกันจริงๆ แล้วใช่มั้ย”
พี่มันสังเกตเห็นด้วยเหรอวะ “เอ่อ...”

   “มีอะไรก็รีบเคลียร์ๆ กันซะ”

   “ไม่เกี่ยวกับผมเลยเหอะ” ทำไมต้องโยนความผิดให้ผมตลอด

   “กูไม่อยากเห็นพวกมึงไปกันคนละทิศคนละทางแบบนี้ มันไม่ใช่ป่ะวะ ห้องอื่นเขาออกจะสามัคคีกัน”

   “ผมพยายามแล้ว”

   “มึงต้องพยายามกว่านี้”

   “...”

   “วันนี้วันหยุด พาเพื่อนไปเที่ยวกระชับมิตรหน่อยเป็นไง”

   “ผมเคยได้ยินแต่เตะบอลกระชับมิตร”

   “จะเหี้ยอะไรก็เถอะ”

   ไอเดียของพี่อ้ายเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด บางทีออกไปนอกสถานที่บ้างบรรยากาศในห้องอาจจะดีขึ้นมาบ้างก็ได้นะ เพราะตอนนี้แม่งเงียบอย่างกับป่าช้า และก็อาจจะเป็นแบบนั้นต่อไปถ้าผมไม่ทำอะไรเลย






   “กูไม่อยากดูหนัง”

   “ไปดูหนังทำเหี้ยอะไร”

   ประโยคแรกเป็นของไอ้ไมล์ ประโยคที่สองเป็นของไอ้อาสา ผมไม่สนใจว่าสถานที่ที่พวกมันไปจะถูกใจพวกมันมั้ย แต่ที่แน่ๆ พวกมันแม่งก็นั่งอยู่ในรถของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไอ้เตก็เป็นคนช่วยผมลากมันสองคนให้ออกมาจากหอเอง

   “เรื่องนี้สนุกนะ คำวิจารณ์ก็โอเคมากๆ ด้วย” ไอ้เตโน้มน้าว มันนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับในตอนนี้ครับ ผมกับเตเปิดโอกาสให้ไมล์กับอาสาได้คุยกันเต็มที่ แต่มันสองคนยังไม่คุยกันเลย

   มึงคุยแบบเพื่อนกันก็ไม่ได้เหรอวะ

   “แค่ไปหาอะไรแดกได้มั้ย” อาสาถาม

   “เดี๋ยวกูพาไปแดกก่อนดูหนัง” ผมตอบ

   “ยังไงก็ต้องดูให้ได้เหรอวะ”

   “ช่าย”

   อาสาเสมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนไมล์ก็คอยเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มันเรื่อยๆ นี่ผมคิดถูกคิดผิดที่จับมันสองคนนั่งด้วยกัน ทำไมทุกอย่างมันดูแย่ลง แทนที่จะดีขึ้น

   ผมขับรถพาทุกคนมายังห้างภารกร ห้างที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดแห่งนี้ แต่ถ้าเทียบกับห้างในกรุงเทพฯ ก็เหมือนห้างเซ็นทรัลทั่วไปนั่นแหละครับ วันนี้เป็นวันเสาร์ คนก็เลยมาห้างกันค่อนข้างเยอะ ผมกับไอ้เตดูอารมณ์ดีกันอยู่สองคน ส่วนคนที่เหลือหน้าแม่งอย่างกับเพิ่งไปแดกโจ๊กบูดมา

   ผมเห็นไอ้ไมล์กับอาสาชะงักตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อน มันต่างฝ่ายต่างก็รอให้อีกฝ่ายเป็นคนขึ้นก่อน ในที่สุดอาสามันก็ขึ้น ตามหลังด้วยไอ้ไมล์ที่มองตามอย่างตาละห้อย

   ไอ้เตทอดถอนใจพร้อมกระซิบกับผม “จะเวิร์กเหรอวะ”

   “มันเงียบใส่กันมานานแล้วนะ ถึงเวลาคุยกันสักที”

   “เชี่ยไมล์สภาพแย่มาก มึงเห็นใต้ตามันมั้ย”

   “เห็นอาสามันดูไม่เป็นอะไรแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วมันก็เครียดมากเหมือนกัน”

   “ทำไงกันดีวะ”

   “ไม่รู้ว่ะ”

   ร้านที่อาสาอยากกินมากเป็นพิเศษในวันนี้คือบาร์บีคิวพลาซ่า นางฟ้าบัญชามีหรือที่ใครจะกล้าขัด จริงๆ แล้ววันนี้ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น แต่ในเมื่อไอ้ไมล์ก็ชอบอาสา ไอ้เตก็ชอบอาสา ทุกคนเลยตามใจแม่งหมดเลย

   บรรยากาศระหว่างที่กินกันอยู่ก็เหมือนกับตอนที่อยู่ในหอนั่นแหละครับ ผมกับไอ้เตคอยชวนคนนั้นคนนี้คุยเผื่อจะมีอะไรดีขึ้น แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไอ้ไมล์ยังคงไม่กล้าที่จะคุยกับอาสา ส่วนไอ้อาสาก็อึดอัดและวางตัวไม่ถูก

   โทรศัพท์ของอาสาสั่น ผมทันเห็นหน้าจออยู่แวบหนึ่ง คนที่โทรเข้ามาก็คือกอเตย ไอ้ไมล์ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เห็น มันทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

   อาสาไม่ได้รับสาย พยายามให้ความสนใจในของกินตรงหน้า แต่ทว่าผมรู้สึกถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมัน

   มันแม่งก็คงเก็บเอาไว้ในใจอีกตามเคย

   “มึงยังคุยกับเตยอยู่เหรอวะ”

   คนถามไม่ใช่ผม ไม่ใช่ไอ้เต แต่เป็นไอ้ไมล์!

   ผมกับเตสบตากันทำสีหน้าเลิ่กลั่ก บทมึงจะพูดกับไอ้อาสาทีทำไมมึงต้องพูดเรื่องนี้วะสาดดดด

   “มีบ้าง” อาสาตอบสั้นๆ

   “ทั้งๆ ที่มึงก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงน่ะนะ” ดูเหมือนเรื่องที่อาสาจะคุยเตยต่อคงเป็นเรื่องที่สะกิดหัวใจของไมล์มากกว่าทุกเรื่อง เพราะเรื่องนี้สามารถทำให้ไมล์เปิดปากพูดกับอาสาได้ ผมว่ามันคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มากจริงๆ ครับ

   “เขายังตามง้อกูอยู่”

   “ไม่มีใครคิดว่ากอเตยจะโอเคกับมึงสักคนเลยนะ” ไมล์หันมาหาผมกับเต “ไอ้สองคนนี้ก็คิดเหมือนกัน”

   อ้าว โยนงานมาให้กูทำไมเนี่ยยยยย

   “กูก็ไม่ค่อยได้คุยแล้ว” อาสาขมวดคิ้วพร้อมทำคอตก “อย่าพูดเรื่องนี้ได้มั้ย”

   “กู...ขอโทษ”

   “...”

   “จริงๆ กูอยากขอโทษทุกเรื่องเลย”

   ไมล์มันจะเปิดประเด็นนี้ต่อหน้ากระทะบาร์บีคิวจริงๆ เหรอวะ แม่งใช่เหรอ มึงควรหาที่เงียบๆ แล้วก็คุยกันดีๆ สิ

   “อืม” อาสาตอบรับ “กูก็ขอโทษที่กูยังคุยกับมึงไม่ได้”

   ผมกับไอ้เตมองหน้ากัน มันคงจะคิดอยู่ในใจเหมือนกันกับผมว่าเราควรหายไปจากตรงนี้ดีมั้ย แต่หลังจากคำพูดของอาสา ไอ้ไมล์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศที่โคตรเครียดบนโต๊ะปิ้งย่างก็จบลงแต่เพียงเท่านั้น







   หลังจากที่ดูหนังเสร็จ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไหร่ การออกมาเที่ยวกระชับมิตรครั้งนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าทั้งสิ้น เพื่อนๆ ในห้อง 204 ทั้งสองคนของผมก็ยังคงปั้นปึ่งใส่กันต่อไปอย่างไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงที่ตรงไหน ผมเซ็งถึงขนาดที่ว่าไม่พูดอะไรออกมาสักคำ จนไอ้อาสาต้องสะกิดว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า

   “เมื่อเช้ากูไม่ได้ขี้” ผมตอบเลี่ยงๆ ทำหน้าเบื่อหน่ายโลกใบนี้

   “ไม่กี่นาทีก่อนยังหลั่นล้าอยู่เลย”

   “ก็หนังที่ดูเมื่อกี้มันเป็นหนังตลกไงสาด”

   “มึงเครียดเรื่องกูกับไมล์ใช่ป่ะ”

   ผมหยุดเดิน อาสาก็เลยหยุดบ้าง ปล่อยให้เตกับไมล์ล่วงหน้ากันไปยังรถของผมที่จอดอยู่ในลานจอดรถ

   “กูยังคุยกับแม่งไม่ได้จริงๆ นะ”

   “มันนานไปแล้วว่ะ” ผมพูดออกมาจากใจ “มึงกับมันเป็นเพื่อนกันมาก็ปีกว่าแล้ว มึงจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ”

   “กูรู้ว่ามันผิดอ่ะ แต่กูคิดกับมันแค่เพื่อนมาโดยตลอด มึงจะให้กูบอกมันยังไง หรือจะให้กูพูดว่าโทษทีนะไมล์ กูไม่ได้ชอบมึง มึงอย่าชอบกูเลย ถ้ากูบอกไปแบบนี้ไอ้ไมล์มันจะรู้สึกยังไงวะ”

   ผมอ้าปากค้างเติ่ง เป็นครั้งแรกที่อาสาพูดกับผมอย่างตรงๆ ว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรกับไมล์เลย

   “มึงเป็นห่วงความรู้สึกมัน แต่ให้มันเจ็บครั้งเดียวดีกว่าปล่อยให้มันเจ็บนานๆ นะ”

   “กูรู้ แต่ว่าตอนนี้เรื่องเตยกูก็เครียดมากพอแล้วไง แล้วถ้ากูบอกไอ้ไมล์ไปตรงๆ กูก็ต้องมาเครียดเรื่องไอ้ไมล์อีก เรื่องที่ทำให้กูคิดมากมาพร้อมกันสองเรื่องกูไม่ไหวว่ะ กูไม่ใช่มึงนะ”

   โดนพาดพิงเฉยเลยกู...

   “ตอนนี้สิ่งที่กูต้องการก็คือมึง”

   เหี้ยอะไรนะ แม่งพูดผิดป่ะวะ ผมถึงกับตาโตจนแทบถลนออกมาจากเบ้า

   “อะไรของมึงวะ”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นไอ้สาด กูต้องการความเป็นเพื่อนของมึง”

   “หมายความว่าไง”

   “ไอ้เตสนิทกับไมล์มากกว่ากู” มันจับคอผมให้หันไปดูไอ้เตกับไอ้ไมล์ที่เดินไปคุยไปอยู่ “ไมล์มันเครียดยังไงเตก็ไม่ทิ้งมันแน่ แต่กู...ไม่มีใครเลย”

   มึงก็มีกูไง...

   “เพราะงั้นมึงต้องอยู่กับกู”

   “แล้วตอนนี้กูอยู่นราธิวาสหรือไงเล่า” ผมสะบัดตัวไอ้อาสาออกไป

  “มันไม่ใช่แค่นั้น”

   “อะไรของมึงอีก”

   “กูจะย้ายออก”

   ผ่าง! เสียงฉาบที่ผมมโนเองดังขึ้นเต็มสองรูหูของผม

   “กูจะย้ายออกจากห้อง 204 แบบที่ใช้สิทธิ์ดาวหอ มึงต้องช่วยกูคุยกับเพื่อนอีกสองคนนะ”

   “อาสา มึงคิดดีแล้วเหรอ” แม่งเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ ไอ้ห้องที่เรากำลังอยู่ตอนนี้คือห้องที่จะต้องอยู่ไปจนกว่าจะเรียนจบ ถ้าอาสาย้ายออก ก็แสดงว่าตลอดชีวิตการเรียนมหา’ลัยของมันในอนาคตมันจะไม่สามารถย้ายกลับเข้ามาอยู่ห้อง 204 อีกต่อไป

   เว้นเสียแต่ว่าปีหน้ามันเปลี่ยนใจ ชนะโหวตกลายเป็นดาวหออีกที และก็ใช้สิทธิ์ดาวหอครั้งใหม่

   “กูคิดมานานหลายวันแล้ว” อาสาทำสีหน้าปวดหัว “มึงไม่รู้หรอกว่ากูทำใจลำบากแค่ไหน กูอยากคุยเรื่องเหี้ยอะไรก็ได้กับพวกมึงเหมือนเดิม อยากชวนพวกมึงไปนั่นไปนี่เหมือนเดิม แต่กูทำไม่ได้ กูไม่รู้ต้องทำแบบไหนถึงจะไม่ใช่การให้ความหวังไอ้ไมล์ กูงงไปหมดแล้ว”

   “มันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีหวังอะไรขนาดนั้น อาสา กูอยากให้มึงลองคิดดูอีกที” ผมลองเสี่ยงให้มันเปลี่ยนใจ

   “ห้องนั้นเคยเป็นที่ปลอดภัยสำหรับกูนะ ไม่มีสายตาคอยจับจ้องเวลาจะเดินไปไหนหรือทำอะไร ที่ผ่านมาแค่กูเปิดประตูออกมาจากห้อง ก็มีคนจ้องกูแล้วถึงแม้ว่ากูจะยังอยู่ในหอสามก็ตาม มันเปลี่ยนไปแล้วว่ะ ตอนนี้กูรู้สึกว่ากูไม่ได้เป็นตัวเองเลย และกูก็อึดอัดฉิบหาย กูแค่อยากมีพื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ที่ให้กูได้เป็นตัวเอง ได้หัวเราะอย่างเต็มที่”

   “เพื่อนชอบมึงเอง มึงเป็นตัวเองไปเลย มึงไม่ต้องอึดอัด”

   “มันไม่ได้แล้วว่ะ”

   อาสาคงรู้ว่ามันเป็นคนที่ถูกจับจ้อง (ด้วยคนเพศผู้) มาโดยตลอด สถานที่ที่มันสบายใจก็คือห้อง 204 มันสามารถยิ้ม หัวเราะ และทำอะไรหลุดโลกได้โดยที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของใคร ทว่าเมื่อความลับของเพื่อนคนหนึ่งปรากฏ ความสบายใจของอาสานั้นก็หายไป กลายเป็นความกระอักกระอ่วนในใจเข้ามาแทนที่

   ผมถอนหายใจ รู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย แม้จะไม่อยากให้มันลงเอยแบบนี้ แต่ยังไงอาสามันก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจอีกแล้ว

   “ถึงยังไงก็ยังอยู่หอเดียวกันเหมือนเดิม” อาสารำพึง






   ห้อง 204

   “มึงย้ายไม่ได้นะ” ไมล์ร้องลั่นหลังจากที่อาสาพูดจบ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รอคอยพายุดราม่าที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่วินาทีข้างหน้า “ถ้าเป็นเพราะกู กูควรจะเป็นคนที่ย้ายออกไปป่ะวะ”

   “มึงอยู่ที่เดิมนี่แหละ กูย้ายเอง” อาสากล่าวเสียงเบา

   “คิดดีแล้วเหรอวะ” เตพูดบ้าง “มันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ แค่มันจะใช้เวลาหน่อย”

   “ให้กูย้ายเถอะ อย่างน้อยไมล์มันก็จะไม่ได้อึดอัด”

   “กูไม่ได้อึดอัดขนาดนั้น” ไมล์รีบพูด

   “มึงแน่ใจเหรอ”

   “...”

   “มึงไม่ได้หัวเราะเหมือนเดิมอีกเลยตั้งแต่มึงบอกคำนั้นกับกูอ่ะ มันดูไม่ใช่ตัวมึงเลยนะ”

   “มึงก็เหมือนกันอ่ะ มึงเปลี่ยนไปเหมือนกัน”

   “ยังไงมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

   “อาสา กูขอโทษ” ไมล์ทำสีหน้าเศร้า “กูขอโทษจริงๆ”

   “มึงไม่ผิดเลย กูแค่...อยากมีที่กูไม่ต้องรู้สึกคิดอะไรกับมันมาก”

   “จริงๆ แล้วกูควรจะเป็นคนย้ายออกไปเองมากกว่า” ไมล์ยังคงยืนยัน

   “กูย้ายเอง มึงอยู่กับไอ้เตและก็ไอ้ทนายที่นี่เถอะ”

   แม่งเศร้าว่ะ ผมที่มาทีหลังยังรู้สึกเศร้าเลย เพราะงั้นจึงไม่ต้องถามว่าเตกับไมล์รู้สึกยังไงในตอนนี้ อาสาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และก็เตรียมเก็บข้าวเก็บของ

   “เดี๋ยวกูจะลงไปบอกพี่อ้าย”

   ผมกับอีกสองคนสบตากันอย่างหม่นหมอง ตอนนี้เอาอะไรมารั้งไอ้อาสาเอาไว้ก็รั้งไม่ได้อีกแล้วครับ มันจะย้ายออกไปแล้วจริงๆ และมันก็คงคิดมาดีแล้ว เพราะผมไม่เห็นแววลังเลอะไรออกมาจากตัวของมันเลยแม้แต่นิดเดียว

   ผิดกับที่ผมเคยพูดไว้ที่ไหน หลังจากที่ไอ้ไมล์บอกความรู้สึกกับอาสาไป ห้อง 204 ของผมจะเปลี่ยนไปตลอดกาล และมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ

   ผมมองดูหลังเศร้าๆ ของอาสาที่เดินออกไปจากห้องเพื่อไปคุยกับพี่อ้าย นึกถึงคำพูดที่มันร้องขอผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คำพูดที่ว่าไอ้ไมล์มีไอ้เต แต่มันไม่มีใครเลย

   ผิดแล้วล่ะ...มันยังมีผมต่างหาก

   มันใช้สิทธิ์ดาวหอได้ ผมก็ใช้สิทธิ์เดือนหอได้นี่หว่า







   เช้าวันต่อมาผม ไอ้เต และก็ไอ้ไมล์ช่วยกันขนของช่วยอาสาขึ้นไปยังชั้น 5 ซึ่งจะกลายเป็นห้องพักห้องใหม่ของมันต่อจากนี้ไป สีหน้ามันเศร้านิดหน่อยที่ห้องดูกว้างมากแต่มันต้องมาอยู่คนเดียว

   มึงเป็นคนเลือกเองนะเว้ยสัด

   เตวางของเสร็จมันก็เดินหนีไปเลย ส่วนไอ้ไมล์ยังคงมองอาสาอย่างรู้สึกผิด คนถูกมองส่งสายตาบอกว่าไม่เป็นไรไปให้ จากนั้นไมล์ก็เดินตามหลังเตเพื่อกลับห้องของตัวเอง

   ไม่เคยคิดเลยว่าบทมันจะแยกจากกันมันก็ทำได้ได้ง่ายดายปานนี้

   “มึงเอาของวางไว้ตรงนั้นแหละ”

   ผมวางของตามที่มันบอก มองซ้ายมองขวาดูห้องใหม่ เป็นห้องที่ไม่ได้ต่างจากห้อง 204 เลยเพียงแต่มีเตียงเดี่ยว 2 หลัง ตู้ 2 ตู้ และก็โต๊ะ 2 ตัว ห้องนี้จึงมีพื้นที่เหลือใช้เยอะกว่าห้องที่อาสาจากมามาก

   อ๋อใช่ และนั่นก็เป็นห้องที่ผมจากมาด้วยเหมือนกัน

   “กลับห้องไปได้แล้ว เดี๋ยวกูจัดของ”

   “กลับไปทำไม นี่ก็ห้องกู” ผมแกล้งนอนลงบนเตียงอย่างกวนบาทา

   “มึงอย่ามาตลก รีบๆ ออกไปเลย” อาสาเอ่ยปากไล่ มันดูสบอารมณ์ไม่น้อย อาจเป็นเพราะมันเองก็แย่ที่ต้องจากเพื่อนออกมาอยู่ตัวคนเดียว

   ผมจ้องหน้ามันเขม็ง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ม “กูเป็นเดือนหอ มึงอย่าลืม”

   อาสาชะงักค้าง ก่อนจะชี้มือมาทางผม “นี่อย่าบอกนะว่า...”

   “กูไปคุยกับพี่อ้ายมาเหมือนกัน ขอใช้สิทธิ์เดือนหอ แล้วก็เลือกที่จะมาอยู่ห้องเดียวกับมึง”

   “เฮ้ยยยยย”

   “ถึงมึงจะบอกพี่เขาว่าจะออกมาอยู่คนเดียว แต่กูใช้สิทธิ์ของกูทีหลังมึง ยังไงมึงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เสียใจด้วยนะ” ผมแกล้งหลับตาพริ้มทำเป็นยิ้มกริ่ม รอไอ้อาสาด่าผม แต่เปล่าเลยครับ มันไม่ได้ด่า

   ผมลืมตาขึ้นมา เห็นมันกำลังทำหน้าดีใจโคตรๆ อยู่

   “ใครบอกว่ากูเสียใจวะ!” อาสาล้มตัวลงมานอนทับผมแนวขวาง

   ไอ้เหี้ย ท้องกู

   “กูนึกว่ากูจะได้อยู่เหงาๆ คนเดียวซะอีก”

   “ออกไปไอ้สัด กระดูกมึงทิ่มกู” ผมดันตัวมันออกไป

   “ขอบใจนะเว้ย ขอบใจมากๆ”

   “รู้แล้ว”

   “ให้กูหอมแก้มมึงตอนนี้ก็ยังได้ กูดีใจฉิบหายอ่ะ!”

   “ไม่ต้อง!” ผมทั้งถีบทั้งดันตัวมันออกไป จนในที่สุดอาสามันก็ยืนอยู่ห่างจากร่างของผมที่นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว การกระทำของมันช่างไม่มีการคิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดถึงรูปร่างหน้าตาตัวเอง และก็ไม่คิดถึงใจของฝ่ายตรงข้าม

   “ขอบคุณมึงมากจริงๆ นะ” อาสามองผมอย่างซึ้งใจ

   “เดี๋ยวกูจะลงไปเก็บของแล้วจะขึ้นมาใหม่” ผมลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับทำสีหน้าเก้อๆ

   “โอเค กูรอนะ”

   แม่งคิดถูกคิดผิดวะที่เลือกจะมาอยู่กับมันสองต่อสอง ตั้งแต่แรกที่ผมเห็นอาสาผมมองว่ามันน่ารัก หลังจากนั้นถึงผมจะเถียงมัน ชอบกวนประสาทมัน และก็ชอบหาเรื่องให้มันด่า แต่ก็ไม่เคยมีวินาทีไหนเลยที่ผมจะมองว่ามันไม่น่ารัก

   เชี่ยทนาย มึงมามอนี้เพื่อมาเรียนนะเว้ย ท่องไว้ไอ้สัดท่องไว้







   หน้าห้อง 204

   ผมมองห้องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไอ้เตกับไอ้ไมล์โบกมือลาผมอย่างง่ายๆ

   “แม้ว่ามันเป็นช่วงระยะเวลาที่โคตรสั้น แต่กูโอเคกับพวกมึงมากเลยนะ” ผมพูดอย่างจริงใจ

   “กูขอโทษที่วันแรกมองมึงอย่างนั้นด้วยละกัน” เตเอ่ย สีหน้าของมันดูเศร้าๆ

   “...”

   “ฝากมันด้วยนะ”

   “ฝากดูแลมันด้วย” ไมล์กล่าวเสริม

   เป็นอีกครั้งที่ผมคิดในใจว่าเพื่อนทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องฝากมันไว้กับผมก็ได้ เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่าผมควรอยู่เคียงข้างไอ้อาสา

   เพราะถ้าไม่มีผม มันก็ไม่มีใครเลยจริงๆ

   “ถ้าไม่ใช่มึง กูคงไม่ไว้ใจให้มันไปอยู่กับใคร” เตพูดต่อไป

   คำพูดนั้นทำเอาผมสะอึกไปเล็กน้อย แต่ก็พยายามสลัดมันทิ้งไป

   “ไว้เจอกัน”

   “เออ ไว้เจอกัน”

   ผมนึกถึงวันแรกที่ผมเจอมันสองคน นึกถึงสายตาขู่อาฆาตตอนที่มันเข้าใจผิดคิดว่าผมจะคิดอะไรถลำลึกกับไอ้อาสา พอคิดไปถึงตอนนั้น...ใจผมก็เริ่มหน่วงขึ้นมาแบบแปลกๆ

   ไม่หรอก มันจะต้องไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ดิวะ อาสามันน่ารัก แต่มันก็ไม่ได้น่ารักขนาดที่จะทำใจผมสั่นสักหน่อย

   เหรอวะ

   ฉิบหายแล้ว เมื่อตะกี้ใจผมก็เพิ่งสั่นเพราะมันอยู่หยกๆ!

   ท่องไว้มึงไอ้ทนาย มึงต้องท่องไว้

   ห้ามชอบอาสา ห้ามชอบอาสา ห้ามชอบอาสา







TBC*





หัวใจไม่น่าจะห้ามได้ง่ายๆ นะลูก ยิ่งอยู่ใกล้ๆ ของขาวอย่างอาสาด้วยแล้ว...555

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-05-2017 13:53:14
เอาล่ะสิไปอยู่ด้วยกันสองคนแล้ววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-05-2017 13:53:51
ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว...
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-05-2017 14:12:46
เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 11-05-2017 14:46:32
เจอชื่อเรื่องเลยไม่กล้ากดเข้ามา กลัวเรื่องเศร้า  :mew2:
แล้วก็ดีใจที่ลองเสี่ยงดู สนุกมากฮะ น่าติดตาม
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้ได้อ่านคร้าบบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 6 P.7 08/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-05-2017 15:12:48
ง่อววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 11-05-2017 15:14:18
โคตรหงุดหงิดอาสาเลย  :katai1: :katai1: เครียดเรื่องไรค่าาา เรื่องกอเตย มันควรเป็นเรื่องแรกที่ตักฝดให้ขาด  จะเก็บเอามาเครียดเพื่อ หรือแม่งชอบให้คนอื่นสวมเขาให้หรอฮะ ถึงได้กลับไปคุยกันอีก บ้าบอ ตอนนี้บอกเลยโครตสงสารไมล์กับเต อาสาเหมือนคนแก้ปัญหาไม่เป็น ถ้าแม่งรู้ว่าทนายรู้สึกดีด้วยอีกคนนะ แนะนำค่ะลาออกจากมหาลัยเหอะ ฟัค เคลียร์กันให้จบซะก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เอาแต่อมพะนำไว้ คราวนี้แหละมึงเอ้ยยยย ยิ่งออกไปอยู่สองต่อสอง อาสายังไงก็ไม่รอดจากเส้นทางสายสีรุ้งหรอก โคตรเปิดโอกาส
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: __mxsae ที่ 11-05-2017 15:18:54
ยิ่งมาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้
ทนายเราว่านายไม่น่าจะห้ามใจอยู่นะ555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-05-2017 16:32:55
สงสารไมล์อ่ะ แอบหงุดหงิดอาสานิดหน่อย แค่เพื่อนนี่ก็เป็นให้ไมล์ไม่ได้เลยหรอ มันอะไรขนาดน้านนน
แต่ก็นะ ไม่เคยโดนเพื่อนชอบ เลยอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกเท่าไหร่  :hao4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-05-2017 16:43:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-05-2017 17:43:15
ไม่ค่อยเข้าใจอาสาเท่าไหร่ แต่ก็...รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 11-05-2017 19:11:29
เจ้เครียดล่วงหน้าเลยได้ไหม
หวั่นใจคู่หูรูมเมทจริงๆ

ถ้าอาสาไม่ได้เป็นฝ่ายสารภาพว่าชอบทนายก่อน
เจ้ว่าก่อนฟ้าจะสดใสคงต้องคำรามใหญ่อ่ะ

เอาน่ะให้กำลังใจกันไป

ปล พี่อ้านโผล่มานิดเดียวแต่ถูกใจเจ้ยิ่งนักกก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-05-2017 19:38:04
เดือนหอดาวหอย้ายเข้าห้องหอ   :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-05-2017 20:04:29
แอบสงสารไมล์อ่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 11-05-2017 20:10:05
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Zemerlight ที่ 11-05-2017 20:20:04
โฮยยยยยย พี่สงครามทำไมมุ้งมิ้งกับพี่อ้าย//////
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-05-2017 20:26:00
ไปอยู่ด้วยกันสองคนมันก็ยากที่จะห้ามใจแล้วล่ะน้องทนาย 55555555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 11-05-2017 20:52:18
อ้างถึง
อย่างกับเพิ่งไปแดกโจ๊กบูดมา
เห็นภาพเลย  :oak:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-05-2017 21:02:52
สงสารไมค์  ทนายย้ายไปอยู่กับอาสาสองคนจะไหวรึท่าน
จะโดนฤทธิ์ของขาวเข้าไปด้วยอีกคนนึงอ่ะซิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-05-2017 21:19:34
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดอาสาว่ะ เรื่องมากเกิน คิดแต่เรื่อตนเองไม่เคยจริงๆที่จะคิดถึงใจเพื่อน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2017 21:48:22
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 11-05-2017 22:06:18
   อั๊ยย่ะ!!! ยังกะที่เราเดาไว้เลยเรื่องแยกห้องอ่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 11-05-2017 22:54:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 11-05-2017 23:20:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-05-2017 23:38:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 11-05-2017 23:43:58
หงุดหงิดกับอาสา เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-05-2017 01:59:56
#ทีมเมียพี่สงคราม :impress2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-05-2017 21:35:41
55555 สงครามคนบ้า หาทายาทหรอ

อาสาน่าสงสาร โดนกลั่นแกล้ง
ทนายตลก บ้าจี้ ยุขึ้นด้วย .. ว้ายยยย ทนายอาสา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-05-2017 22:14:15
เอาใจช่วยทนายออิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 13-05-2017 21:06:40
รอค่ะรอ   เห็นชื่อเรื่องแล้วนึกว่าแฟนตาซี พออ่านไปเฮ้ย ไม่ใช่ แต่ก็สนุกดีนะ ชอบนิสัยทนายมากๆ  อยากให้พี่มีนที่ใครๆชมว่าหวาน มาชอบทนายแล้วน้องอาสาหึงคงจะมันส์น่าดู สงสารเตกับไมล์จัง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 14-05-2017 00:24:21
เตกับไมล์กินกันเองแมร่ง  :hao7:

นี่ไม่อยากให้ทนายชอบอาสาก่อน แต่อยากให้อาสาชอบทนายก่อนจะได้รู้ว่าแอบรักเพื่อนมันเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-05-2017 15:09:01
อยู่ด้วยกันสองคน...
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-05-2017 11:52:58
มันจะหนักกว่าเดิมหรือเปล่า สองคนนะสองคน แล้วยิ่งมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา อาสาน่าจะเกาะหนักเลย

ที่นี่ละเว้ยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 21-05-2017 19:58:46
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Athikarn23 ที่ 23-05-2017 17:43:46
 :jul1: ทนาย  นายไม่รอดไปแลล้วล่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 23-05-2017 23:16:52
รอดูเหตุการณ์กันต่อไปครับ หุหุ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 7 P.8 11/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 24-05-2017 16:20:31





บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 8






   ห้อง 503

   ไม่ชินกับการบอกเลขห้องซึ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้วจากเลขเดิมจริงๆ ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ บิดขี้เกียจไปมาด้วยท่าทางเมื่อยล้า อยากนอนต่อขนาดหนัก ปกติตอนอยู่ห้องเดิมซึ่งผมนอนเตียงชั้นที่สองผมจะระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปยังข้างล่าง แต่เตียงในห้องนี้เป็นเตียงเดี่ยวแบบใหม่แล้ว ผมต้องกังวลอยู่เรื่องเดียวว่ามีสิ่งลี้ลับมานอนใต้เตียงผมมั้ย

   หรือไม่ก็ขาผมจะก่ายไปโดนตัวไอ้อาสาหรือเปล่า

   คืองี้ครับ ตอนแรกห้องจัดแยกฝั่งอย่างชัดเจน แต่เชี่ยอาสามันไม่ยอม มันบอกห้องแม่งกว้างเกินไป ให้ผมขยับเตียงเข้าไปอยู่คู่มัน ขยับโต๊ะให้มาอยู่คู่กัน และก็ขยับตู้ให้มาอยู่ชิดกัน ไอ้โต๊ะกับตู้ไม่เท่าไหร่ แต่เตียงเนี่ยสิผมเถียงมันยังไงมันก็ไม่ยอม

   สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมมัน ยอมลากเตียงเดี่ยวของตัวเองมาติดกับเตียงไอ้อาสา เตียงนี้แม่งก็เล็กเหลือเกิน ขาผมขยับนิดเดียวก็ไปถึงตัวไอ้อาสาที่กำลังหลับปุ๋ยแล้ว

   ผมลุกขึ้นมานั่ง ปรับสภาพตัวเองให้หายจากอาการสะลึมสะลือ มองไปที่รูมเมตห้อง 503 ของตัวเองที่ได้มาเพราะตำแหน่งดาวเดือนหอซึ่งเคยมองว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็น

   “เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมเคยชินกับการที่จะได้เห็นเพื่อนอีกสองคนอยู่ร่วมห้อง ทว่าตอนนี้มีแค่ผมกับอาสาที่อยู่ห้องเดียวกัน มันรู้สึกแปลกๆ โหวงๆ อยู่บ้าง แต่ก็นะไหนๆ โชคชะตามันก็นำพาให้ผมย้ายห้องมาตามไอ้ดาวหอเรื่องเยอะคนนี้มาแล้วนี่

   ผมล้อเล่น...อาสามันอาจจะไม่ได้เรื่องเยอะ แต่คนอื่นต่างหากที่มาเยอะกับมันจนมันทนไม่ไหว
 
   ผมตรวจเช็กดูโทรศัพท์ รู้สึกว่ากรุ๊ปไลน์บัญชีปีหนึ่งของหอสามจะมีข้อความเด้งขึ้นมาหลายร้อย มีดราม่าห่าเหวอะไรหรือเปล่าวะเนี่ย ผมลองกดเข้าไปอ่านดู ก่อนจะทำหน้าไร้อารมณ์เมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ข้อความเยอะขนาดนี้คืออะไร

   เชี่ยโอ๊คเพื่อนผมทะเลาะกับเด็กบัญชีปีหนึ่งจากหอหนึ่งนามว่าโจ้

   ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้าไอ้คนที่มันทะเลาะด้วยจะมาจากหอสองผมจะเสียเวลาทำหน้าอย่างงี้เลย มันทะเลาะด้วยเรื่องปัญญาอ่อนมากๆ ครับ เมื่อวานไอ้โอ๊คไปร้านเกม แล้วไอ้คนนี้มันมาเดินตัดหน้าแย่งเครื่องคอมฯ ที่ไอ้โอ๊คเล็งเอาไว้เฉย มันก็เลยแค้น และคิดเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่ามิดเทอมที่กำลังจะมาถึงนี้มันจะต้องมีคะแนนสูงกว่าไอ้โจ้นี่ให้ได้

   กูให้โอกาสมึงคิดใหม่ นั่นมันเด็กหอหนึ่ง เด็กหอหนึ่งเว้ยไอ้สัด! พวกมันหายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่เรื่องเรียน หอสามอย่างเราจะเอาอะไรไปสู้ได้

   ผลสุดท้ายก็คือเชี่ยโอ๊คเรียกประชุมพล ขอติวอย่างเคร่งเครียดตั้งแต่วันนี้จนกว่าจะถึงมิดเทอมซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีกหลายอาทิตย์อยู่ แม้จะดูเป็นศึกที่เด็กน้อยไปสักนิดแต่มันกลับเข้าทางของผม

   ผมมาที่นี่มาเพื่อมาเรียน (ย้ำเป็นรอบที่ล้านจนน่าหมั่นไส้) ในที่สุดผมก็จะได้ทำตัวสมกับสิ่งที่ผมตั้งใจเอาสักที

   “ตื่นแล้วเหรอวะ” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะจู่ๆ ไอ้อาสาแม่งก็ส่งเสียง มันบิดตัวไปมา ท่าทางเหมือนอยากนอนต่อ

   “เดี๋ยวจะออกไปติวกับเพื่อนนะ”

   “ที่ไหน”

   “หอสมุด”

   “ไปด้วยดิ”

   “จะไปเหรอ มีแต่เด็กปีหนึ่งนะ”

   “ตอนนี้กูมีแค่มึงเป็นเพื่อนแล้ว มึงอย่าลืมสิ”

   กลายเป็นละครดราม่าสุดโศกไปซะฉิบ...จริงๆ มันก็ยังคบไอ้เตกับไอ้ไมล์ต่ออยู่นั่นแหละครับ เพียงแต่ช่วงนี้มันก็มีแต่ผมอ่ะ มันเกิดมาเพื่อดึงดูดคนเพศเดียวกันทั้งทีแต่ก็อาภัพยิ่ง แทนที่อาสาจะมีเพื่อนมากมายแบบนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ดันมีแค่ผม ผู้ที่เพิ่งเข้ามาเรียนในมอได้แค่ไม่กี่อาทิตย์

   “จะออกไปกี่โมง”

   “ตอนสายๆ นี่แหละ มึงนอนต่อก็ได้นะ”

   “ไม่แล้วล่ะ” มันลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมขยี้ตา “เออนี่ เมื่อคืนมึงละเมอ”

   ฉิบหายแล้ว “กูเหรอ”

   “ช่าย”

   “ละเมอว่าอะไรวะ” ขอให้ไม่เป็นอะไรที่เกี่ยวกับมันนะ

   “มึงเรียกคนชื่อแอล” ผมชะงัก จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปทำอะไรอย่างอื่น “แอลนี่ใคร ใช่คนที่มาจัดการกับคิระที่ถือสมุดเดดโน้ตมั้ย”

   ผมขำกับมุขของมันเล็กน้อย กูจะฝันถึงเรื่องเดดโน้ตทำขนแมวอะไร

   “แฟนเก่ากู”

   “คิดถึงแฟนเก่าเหรอวะ” มันแซวแบบไม่เป็นจริงเป็นจัง

   “ไม่รู้ว่ะ กูจำความฝันไม่ได้”

   “...”

   “กูแค่เรียกชื่อมันเฉยๆ ใช่มั้ย”

   “อืม กูได้ยินแค่ว่าแอล อย่าแดกเยอะสิ”

   นั่นคือสิ่งที่ผมละเมอเรอะ!

   “แฟนเก่ามึงคงเป็นสายแดก”

   แม้ว่าผมจะเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับแอลอีกต่อไปแล้ว แต่พอได้ยินว่าตัวเองแอบละเมอถึงชื่อเขานี่ก็ทำเอาผมชักจะสับสน แอลคือคนที่ผมคบตั้งแต่เรียนอยู่ม.5 จนกระทั่งมาเลิกกันเมื่อหกเดือนก่อน ตอนที่ผมยังเรียนปีหนึ่งอยู่ที่มหา’ลัยเดิม
    
   อย่างที่ผมเคยบอก สาเหตุของการเลิกกันเป็นเพราะเขาหมดรัก ไม่ใช่ผม ป่านนี้คงจะมีแฟนใหม่ไปแล้วล่ะมั้ง ผมไม่ได้ติดต่ออะไรเขาเลยตั้งแต่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์กัน

   “ถ้ายังรักอยู่ก็ตามไปง้อสิ”

   “ลืมแล้วเหรอว่าเขาหมดรักกู” ผมพูด ยิ้มน้อยๆ ในแบบที่คนอื่นมองก็รู้ว่าไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ “ไปง้อคนที่หมดรักไปแล้ว ง้อให้ตายยังไงก็ไม่มีประโยชน์”

   “กูควรเปลี่ยนเรื่องพูด กูขอโทษ”

   “เฮ้ย พูดได้” ผมโบกมือปัดเลี่ยงๆ “เมื่อคืนกูก็ได้ยินนะ มีคนทักไลน์มึงมาเยอะแยะเหมือนกัน”

   กว่าจะเคลียร์เรื่องเตียงกันได้ มันก็ทำให้ผมหมดความง่วงนอนไปแล้ว ผมก็เลยนอนเล่นโทรศัพท์ต่อก่อนนอน มีคนทักไลน์อาสามาเยอะมากๆ ครับ ไม่รู้ว่ามีดราม่าเหมือนพวกบัญชีปีหนึ่งหรือเปล่า

   “อ๋อ คนเดิมว่ะ เตยนั่นแหละ” นัยน์ตาของมันเศร้าลง

   “เขายังไม่เลิกติดต่อมึงอีกเหรอ”

   “กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

   “มึงทำใจได้หรือยัง”

   “จะทำใจไม่ได้เพราะเขามาง้อนี่แหละ”

   ผมหยิบผ้าเช็ดตัว มองดูเพื่อนร่วมห้องซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวในตอนนี้อย่างประเมิน

   “มึงคงหลงใหลเขามากเลย”

   “ทำไมวะ”

   “ดูสิ แค่จะตัดมึงยังตัดยาก”

   “แต่กูก็ไม่ได้รับสายเขาแล้วนะ”

   “...”

   “สักวันเขาคงจะเลิกโทรเลิกส่งข้อความมาเองนั่นแหละ พอถึงตอนนั้น...พาไปกูร้านพี่น้อยด้วยนะ”

   ถ้ามึงเปลี่ยนสายมาเป็นชอบผู้ชายเหมือนกัน กูว่ามึงอาจจะรุ่งก็ได้นะอาสา ดีไม่ดีจะมีผู้ชายมาให้มึงเลือกเป็นสิบเป็นร้อยเลยก็ได้

   ผมได้แต่คิดในใจครับ ไม่กล้าพูดออกไปหรอก อย่างที่รู้ๆ กันอยู่อาสามันก็ใช่ว่ามันจะชอบตัวเองที่ฮอตในหมู่เพศเดียวกันขนาดนี้ อีกทั้งมันเพิ่งโดนเพื่อนมันมาสารภาพรักอีก

   แทนที่มันจะเปลี่ยนสาย ผมคิดว่ามันอาจจะหลีกเลี่ยงทางสายนี้ตลอดไปเลยก็ได้

   ทำไมผมรู้สึกว่าใจผมวูบวะ

   เอ่อ...แล้วกูจะมาเพ้ออะไรแต่เช้า!

   ผมรีบตัดสินใจอาบน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อาบเสร็จผมคิดว่าควรลงไปหาซื้ออาหารเช้าจากโรงอาหารด้านล่างระหว่างรออาสามันอาบน้ำ ผมเปิดประตูออกไปจากห้อง ภาพแรกที่ผมเห็นทำเอาผมตกใจเล็กน้อย

   คนจากหอสอง!

   ผมชี้นิ้วใส่มันทันที ผู้มาเยือนเอามือจุ๊ปากพร้อมส่งยิ้มให้ มันโบกมือลาคนที่อยู่ในห้องก่อนที่ห้องนั้นจะปิดประตูเบาๆ

   เฮ้ย เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะว้อยยยยย ผมปิดประตูห้องตัวเอง มองดูผู้ที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาหาเรื่อง

   “มึงมาใหม่เหรอ ปกติห้องนั้นว่างนี่”

   ไอ้สัด รู้อีก มึงอยู่หอสองไม่ใช่เหรอ

   “มึงไม่ควรมาอยู่ตรงนี้นะ”

   “ก็มาออกจะบ่อยไป”

   “เฮ้ย” ผมผลักไหล่มันอย่างโมโห

   “ไอ้นี่ ใจเย็นๆ ดิ”

   “...”

   “คนในห้องเมื่อกี้คือกิ๊กกู จะไม่ให้กูมาหากิ๊กเลยหรือไง”

   ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่มันมีกิ๊กเป็นผู้ชายเหมือนกันและมันมีกิ๊กเป็นคนจากหอสาม แต่สิ่งที่มันทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ยังไงผมก็ไม่ปล่อยง่ายๆ แน่

   “สาด พวกมึงก็ออกไปโรงแรมข้างนอกกันดิ”

   “ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนะกูชักคุ้นหน้ามึงแล้ว มึงคือเด็กที่สงครามมันถูกใจใช่ป่ะ” มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับทำหน้าแหยงๆ ผมด “สเปกสงครามเป็นแบบนี้เหรอวะ”

   แม่ง  รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผมผลักมันอีกครั้งพร้อมเงื้อมมือเตรียมจะต่อย แต่อาสาที่อยู่ด้านหลังผมดันเปิดประตูออกมา สภาพของมันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวและผมก็ยังมีน้ำหยดติ๋งๆ

   มึงจะอยากได้ซีนทำไมตอนนี้วะครับ!

   ผมปล่อยคนจากหอสอง เดินไปถีบอาสาให้เข้าไปในห้องพร้อมปิดประตู

   ไม่ทันแล้ว ไอ้เชี่ยนั่นแม่งเห็นเพื่อนร่วมห้องผมแล้ว

   “ห้องนี้ห้องน้องอาสาเหรอ” มันทำตาลุกวาว “เหอะ กูได้มาบ่อยขึ้นแน่”

   “ฟวยเอ๊ย” ผมทำท่าจะชกมันอีกรอบ มีเสียงเปิดประตูจากห้องอื่น ทำให้ผมหันไปสนใจชั่วขณะ และพอหันกลับมาอีกที ไอ้คนแปลกหน้าจากหออื่นคนนั้นแม่งก็อันตรธานหายไปแล้ว

   ไวมาก มึงหายตัวได้ไวมาก

   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเองอีกรอบ เห็นอาสามันยืนทำหน้าโมโหผมอยู่

   “มึงถีบกูทำไมวะ!”

   “มึงโผล่หน้าออกไปทำไม”

   “ก็เสียงมึงดัง กูก็เลยเปิดออกไปดู”

   “มึงไม่เห็นเหรอว่าใครเห็นมึงแล้ว”

   “เห็นก็แย่แล้ว ก็มึงถีบกูกลับเข้ามาอ่ะ”

   “...”

   “กูเจ็บโว้ยยย”

   มันเอามือกุมท้อง ผมเริ่มรู้สึกผิดเล็กๆ ตัวขาวๆ ของมันจะเป็นรอยแดงเพราะรอยตีนของผมมั้ยนะ

   “ขอโทษ” ผมพูดอย่างประดักประเดิด

   “ตีนหนักฉิบหาย”

   “ขอโทษแล้วไง”

   “เฮ้อ กูแต่งตัวแล้ว”

   ผมมองหลังขาวๆ ของมันที่เดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะทอดถอนใจ แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับความขาวเกินมนุษย์ของมันแต่ความกังวลมันมีมากกว่า ผมยังจำที่พี่อ้ายพูดกับพี่สงครามเรื่องที่เด็กหอสองปีนขึ้นมาที่หอสามบ่อยๆ วันนี้ผมได้เห็นกับตาแล้ว ปกติอาสามันจะปลอดภัยดีอยู่ที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นที่มีประชากรหนาแน่น ไม่มีใครกล้าเข้ามาเดินเชิด แต่ตอนนี้มันย้ายห้องใหม่ และเด็กหอสองที่ท่าทางเกเรคนนี้มันก็รู้พิกัดห้องของอาสาเป็นที่เรียบร้อย

   ต่อไปนี้กูจะปล่อยให้มึงอยู่ห้องคนเดียวได้ไงวะเนี่ย...







   หอสมุด

   เชี่ยโอ๊คแม่งเอาจริงว่ะครับ ถึงผมจะพาดาวหอขวัญใจมหาชนอย่างไอ้อาสามา แต่สมาธิของมันไม่มีแกว่งเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นตัวตั้งตัวตีในการติวครั้งนี้ อีกทั้งมันยังเพิ่งแสดงออกให้เป็นที่ประจักษ์ว่ามันน่ะเรียนเก่ง เพียงแต่หนังหน้ามันเด่นกว่าเรื่องเรียน มันก็เลยมาลงเอยที่หอสาม

   โชคดีจริงๆ ที่มีมันเป็นเพื่อน ผมตั้งใจฟังมันติวสุดฤทธิ์ อาสาที่เรียนผ่านบทเรียนนี้ไปแล้วขอตัวแยกไปนั่งอีกโต๊ะ จากนั้นก็หยิบหนังสือเรียนของมันขึ้นมาอ่าน

   ผมลอบมองไปที่มันบ่อยๆ พามันมาหอสมุดทั้งๆ ที่ไม่ใช่เป้าหมายของมันโดยตรงแบบนี้ ผมรู้สึกเกรงใจมันนิดๆ น่ะ แต่ท่าทางของอาสาผ่อนคลายมาก มันดูสนุกกับการอ่านหนังสือสลับกับการเล่นเกมในโทรศัพท์

   แต่ความสนุกของมันมีเวลาจำกัด สีหน้าของอาสาเปลี่ยนไปเมื่อคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในหอสมุดชั้นนี้เป็นไอ้เตกับไอ้ไมล์ ผมทักพวกมัน สลับกับมองอาการของอาสา อาสาโบกมือทัก จากนั้นแม่งก็ไม่ยิ้มอีกเลย

   “กูพักนะ เดี๋ยวจะไปหาอะไรแดก” ผมลุกขึ้น เดินไปสะกิดไอ้ดาวหอที่สะดุ้ง “ออกไปหาอะไรแดกข้างล่างกัน”   

   “โอเค”

   อาสาแสดงสีหน้าขอบคุณผมอย่างจริงใจ ผมส่ายหน้าเบาๆ ให้มัน สบตากับอดีตเพื่อนร่วมห้องอย่างช่วยอะไรไม่ได้

   จะว่าไป...ผมห่วงความรู้สึกของอาสามากกว่าคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่

   บริเวณหอสมุดด้านล่างมีร้านกาแฟและขนมขนาดเล็กอยู่ เมื่อสั่งเสร็จผมกับอาสาก็มานั่ง อีกฝ่ายทำสีหน้าปวดหัวสุดฤทธิ์
 
   “ไม่คิดว่าจะเจอว่ะ อุตส่าห์มาในที่ๆ พวกแม่งไม่ค่อยมาแล้วนะ”

   “ใครๆ ก็มาหอสมุดกันได้”

   “มึงชวนกูออกมาตอนที่พวกนั้นมา”

   “กูรู้ไง”

   “...”

   “สำหรับกูตอนนี้กูแค่อยากเห็นมึงสบายใจอ่ะ”

   อาสามองผมอย่างซึ้งใจ “ขอบคุณที่เข้าใจนะ”

   “คนอย่างมึงเหมือนจะโชคดีนะ แต่ก็ไม่”

   “ยังไง”

   “ปัญหาเยอะฉิบหาย”

   “ไม่ได้เยอะสักหน่อย”

   “เหรอ จะให้กูพูดมั้ยว่ามึงมีปัญหาอะไรบ้าง”

   ผมโบกมือปัดเลี่ยงๆ หัวเราะในลำคอก่อนที่รับเครื่องดื่มกับขนมที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้ ระหว่างที่มองอาสากิน สายตาของผมเหลือบไปเห็นไอ้เตกับไอ้ไมล์ที่โบกมือเรียกผมยิกๆ อยู่ที่หลังเสา

   “เอ่อ เดี๋ยวมานะ” ผมบอกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “อืม”

   ผมเดินไปหาอดีตเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตาย

   “มันโอเคมั้ย” คำถามแรกที่ไอ้เตมันถามผมกลับเป็นคำถามที่เกี่ยวกับอาสา

   “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ผมพูด “แล้วพวกมึงอ่ะ”

   “เฮ้อออ ทำใจว่ะ” ไมล์ส่ายหน้าเบาอย่างปลงๆ “ตอนนี้กูกำลังคิดเรื่องรุกจะจีบมัน”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองไมล์สลับกับมองเต ไอ้เตหันไปทางอื่น ดูมันก็กำลังลังเลกับเรื่องนี้

   “ไหนๆ ตอนนี้กูก็มาไกลเกินกว่าสถานะเพื่อนแล้ว...”

   “แล้วไอ้เชี่ยเตล่ะ” ผมผายมือไปยังคนที่ชอบอาสาอีกคน “กูจำได้ว่าพวกมึงสองคนไม่มีใครกล้ารุกเพราะต่างคนต่างก็ชอบอาสาเหมือนกัน”

   “ก็คงต้องรุกเหมือนกัน”

   “...”

   “เพราะกูไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องมันแล้ว ไม่ต้องกลัวมองหน้ากันไม่ติดมากขนาดนั้นอีกแล้ว”

   ผมยืนตกตะลึงอยู่ตรงหน้าพวกมัน

   “กูจำคำพูดมึงได้นะทนาย คำพูดที่มึงพูดกับไอ้ไมล์อ่ะ อาสาไม่รู้วันนี้ยังไงมันก็ต้องรู้วันอื่น กูจะยึดตามนั้นก็แล้วกัน”

   เราสามคนมองไปที่อาสาพร้อมกัน ผมเริ่มคิดในใจว่าที่อาสามันแยกตัวออกมาจากเพื่อนคนอื่นขนาดนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนมีความกล้ามากยิ่งขึ้นกับระยะห่างระหว่างพวกมันชัดๆ ยิ่งไม่ได้ใกล้ชิดคนที่ชอบมันมากมายมหาศาลอย่างเพื่อนมันทั้งสองคนเหล่านี้ก็กล้าที่จะเผชิญหน้าและก็กล้าที่จะเจ็บปวด  หากผลลัพธ์ไม่ใช่ในสิ่งที่ทั้งสองคนคาดหวัง

   เสียดายที่มันไม่รู้ความจริงในข้อนี้

   “มึงจะช่วยกูมั้ย” เตเลิกคิ้วถามผม

   ผมมองเพื่อนทั้งสองคนไปมา “กูคงจะงงว่ากูควรช่วยใคร ยังไงตอนนี้พวกมึงก็พึ่งตัวเองไปก่อนละกัน”

   เตกับไมล์พยักหน้า จากนั้นก็ตบบ่าของผมเบาๆ แล้วเดินจากไป ผมกลืนน้ำลายมองไปที่อาสาอีกครั้ง ความรู้สึกของผมหนักอึ้งกว่าเมื่อเช้ามาก นี่มันหนักหนาสาหัสกว่าเรื่องที่คนจากหอสองมาเดินเพ่นพ่านที่บริเวณชั้นห้าของหอสามอีกนะ

   ปวดหัวจริงๆ เลย...อาสา ทำไมมึงต้องเกิดมาน่ารักวะสาด






   “มันมีร้านกาแฟร้านใหม่ร้านหนี่ง น่านั่งดี เดี๋ยวกูจะพามึงไป”

   “...”

   “ทนาย”

   “...”

   “ไอ้ทนาย ระวังมอเตอร์ไซค์!”

   ผมที่ใจลอยไปชั่วขณะรีบขยับพวงมาลัยให้ไปทางขวาเพื่อหลบมอเตอร์ไซค์ที่ขับแซงซ้าย ใจเต้นตุบๆ อย่างลุ้นระทึก อาสามองมาที่ผมเป็นเชิงตำหนิเล็กน้อย

   “เป็นเหี้ยอะไร ใจลอยขนาดนี้เดี๋ยวกูขับให้ก็ได้นะ”

   “คนที่ไม่ได้ขับรถมานานหลายปีอย่างมึงนั่งนิ่งๆ ไว้เถอะ”

   “ไม่ไว้ใจกูเหรอ”

   “เปล่า กูเป็นห่วงหมาแถวนี้”

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย”

   อาสาขับรถเป็นตั้งแต่อยู่ม.6 แต่มันไม่กล้าขับอีกเลยหลังจากที่ขับรถไปเหยียบตีนหมาจนหมาเข้าโรงพยาบาล มันรู้สึกผิดจนถึงวันนี้ แต่ก็สามารถแหย่มันได้ เพราะมันไม่โกรธครับ

   “ตอนนี้มึงเป็นไงบ้าง” เมื่อยังไม่ถึงที่หมาย ผมจึงยิงคำถามใส่อีกฝ่าย

   “อะไรเป็นไง”

   “เรื่องไมล์”

   ผมทำหน้าสลดลง “เรื่อยๆ ว่ะ”

   “ไหนๆ มึงก็รู้ความรู้สึกมันแล้ว...” ผมมองไปยังท้องถนน “มันก็เลยบอกกูว่ามันจะรุกจีบมึง”

   “หา!” อาสาอ้าปากค้าง “ฉิบหายแล้ว”

   “เหอะๆ” ผมหัวเราะในลำคอ

   “โอ้ย กูปวดหัวเลย”

   “มันชอบมึง มันจะจีบมึงก็ถูกแล้วนี่”

   “กูรู้ แต่กูวางตัวไม่ถูกอ่ะ” มันหันมามองผมด้วยสายตาตื่นๆ “มึงห้ามทิ้งกูนะ”

   เชี่ย คำพูดแบบนั้นกับสายตาที่สั่นระริกแบบนั้นทำเอาผมมองถนนไม่เป็นถนนแล้ว

   “อะไรของมึงวะ”

   “ไอ้เตก็ไม่ได้อยู่กับกู กูมีแค่มึงเป็นเพื่อน”

   ถ้ามันรู้ความจริงเรื่องไอ้เตอีกมันจะเป็นไงบ้างเนี่ย

   “เพราะงั้นมึงห้ามทิ้งกูเด็ดขาด”

   “นี่บังคับป่ะเนี่ย”

   “กูขอร้อง”

   “นั่นคือเสียงของคนที่ขอร้องคนอื่นเหรอ”

   “สัดทนาย กูไม่ได้หล่อจนมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังแบบมึงนะ” อาสาทำเสียงโอดครวญ “วันนี้กูเห็นมึงกับเพื่อนปีหนึ่งแล้วกูรู้สึกอิจฉา ถ้ากูมีเพื่อนเยอะแบบนั้นกูคงไม่ต้องมารบกวนมึงหรอก แต่นี่กู...”

   “เอาล่ะๆ” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ “ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน มึงเห็นกูแยกกับมึงหรือยังล่ะ”

   อาสายิ้มแห้งๆ “ยัง”

   “เพราะงั้นไม่ต้องมาขอร้อง ไม่ต้องมาบังคับ ยังไงกูก็อยู่ข้างมึง กูไม่ทิ้งมึง”

   คำพูดเสียงเรียบง่ายของผมทำเอาอาสามองอย่างซึ้งใจ แต่มันก็ซึ้งใจได้แป๊บเดียวเพราะมันต้องร้องตะโกนเรื่องที่ผมเกือบชนมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งที่สอง






   ร้านกาแฟ Pink Chiffon

   “ร้านเหี้ยไรเนี่ย” ผมอดบ่นไม่ได้ “ชื่อแม่งตุ๊ดสาด กูกลับแล้วนะ”

   “แต่ขนมอร่อยนะ” อาสาจับคอเสื้อผมไว้ “สาวๆ ที่นี่ก็น่ารักด้วย”

   มึงยังจะมีหน้ามามองสาวอีกเหรอ ผมมองอาสาด้วยสายตาเอือมระอา จนกระทั่งผมสะดุดเข้ากับคนๆ หนึ่งที่นั่งอยู่มุมร้าน คนๆ นั้นก็คือพี่อ้าย

   มีเรื่องจะคุยด้วยพอดี!

   “มึงไปสั่งก่อน หาที่นั่งก่อน” ผมบอกเพื่อน “กูมีเรื่องจะคุยกับพี่อ้าย”

   “อ๋อเหรอ ฝากทักพี่มันด้วยนะ”

   พี่อ้ายกำลังอ่านชีทเรียนอยู่ ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับนั่งฝั่งตรงกันข้ามทันที

   “ไอ้สัด กูตกใจหมด” พี่อ้ายอุทาน

   “อ่านหนังสือเรียนเหรอพี่”

   “เปล่า กูอ่านคู่มือทำหมันแมวอยู่”

   “...” ผมขมวดคิ้ว ผมจำได้ลางๆ ว่าพี่อ้ายเรียนวิศวะนี่หว่า แล้วพี่มันจะอ่านคู่มือทำหมันแมวทำไม

   “กูประชด!” พี่อ้ายร้องอย่างเหลืออด “มีอะไรอีก เดี๋ยวๆ กูขอเดาเองก่อน”

   “...”

   “มึงมาคุยเรื่องอาสาชัวร์ๆ”

   ผมกระพริบตาปริบๆ “รู้ได้ไง”

   “ถึงตัวมึงเองจะมีปัญหา แต่ส่วนใหญ่ต้นเหตุก็มาจากอาสา เพราะงั้นปัญหามึงคราวนี้ยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องนางฟ้าคนนี้ชัวร์ๆ”

   รู้สึกพูดไม่ออก แต่ยังไงก็ต้องพูด “ชั้นห้าแม่งเปิดขายตั๋วเข้าหอฟรีให้พวกหอสองเหรอ” ผมโวย “เมื่อเช้าเจอคนหนึ่ง”

   “อีกแล้วเหรอ!” พี่อ้ายเอามือนวดขมับ “กูจัดการยังไงแม่งก็ลอบเข้ามาได้อยู่ดี และพวกหอเราด้วยนี่แหละที่อ่อยเอง ยอมเอง”

   “ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก แต่คนที่ผมเห็นเมื่อเช้ามันรู้แล้วนะว่าอาสาอยู่ห้องไหน”

   “...”   

   “มันจะไม่เป็นไรเหรอ ไอ้คนนั้นจะไม่พาใครมาบุกห้องผมเพราะอาสาใช่มั้ย”

   พี่อ้ายจ้องมองมาที่ผมก่อนยิ้มมุมปาก ระหว่างนั้นก็มีคนบางคนเดินเข้ามา เป็นคนที่ทำให้ผมอ้าปากค้าง ต้องมองบรรยากาศรอบร้านกับมองคนๆ นี้อีกทีหนึ่ง

   ร้านนี้เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยธีมสีชมพูแทบทั้งหมด แต่คนอย่างพี่สงคราม ประธานหอสองกลับมาอยู่ในที่แบบนี้ซะได้ พี่รู้สึกอายลูกหอตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย

   ผมหัวเราะออกมานิดหน่อย การหัวเราะของผมทำเอาพี่สงครามถึงกับหลุดเก๊กไปเลย

   “กูกลับนะ” พี่สงครามขอตัวทันที

   “ไอ้สาด ไม่มีเหี้ยไรต้องคิดมากหรอก นั่งๆ” พี่อ้ายตบมือที่นั่งข้างตัวเอง “เด็กมันมีเรื่องคุยด้วยพอดี”

   พี่สงครามนั่งลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “มึงมีอะไร”

   “เด็กหอมึงปีนหอกูอีกแล้ว”

   “ใคร” ประธานหอสองทำเสียงโหดขึ้นมาอย่างฉับพลัน รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัว “มันเป็นใคร”

   “ผมไม่รู้” ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องนะเว้ย ถึงจะรู้ผมก็ไม่เอ่ยชื่อหรอก “ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เหี้ยนั่นรู้ห้องอาสาแล้ว พี่จะรับประกันได้มั้ยว่าเด็กหอพี่จะไม่บุกมาหาเพื่อนผม”

   “เดี๋ยวๆๆ” พี่สงครามยกมือห้ามผมไม่ให้พูดต่อ “อาสาอีกแล้วเหรอ ทำไมมึงสนใจเพื่อนคนนี้จังวะ”

   สายตาพี่อ้ายกับสายตาพี่สงครามแทบจะเป็นสายตาเดียวกัน นั่นคือสายตาจับผิดกึ่งหยอกล้อ

   “มาเดตกันด้วยนะ” พี่อ้ายกระซิบ ส่งยิ้มให้อาสาที่มองมาอย่างเก้อกระดาก มันคงหวาดๆ พี่สงคราม

   “ไม่ใช่ครับ” ผมโบกไม้โบกมือ “กลายมาเป็นเรื่องนี้ได้ไง”

   “ไม่ผิดหรอกที่มึงจะชอบมัน ใครๆ ก็ชอบมันนี่” พี่อ้ายยักไหล่

   “กลับมาเรื่องคนปีนหอได้แล้ว”

   “กูกับอ้ายพยายามดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ลำพังประธานหอสองคนคงทำอะไรได้ไม่มากถ้าลูกหอมันไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งส่วนใหญ่ไอ้พวกหอกูมันก็ไม่คิดจะไปหาเรื่องทำอะไรร้ายแรงกับพวกหอสามอยู่แล้ว เพราะมีแต่กิ๊กไม่ก็แฟนมันที่อยู่หอสาม”
 
   “พี่จะพูดอะไรกันแน่วะ”

   “กูจะบอกมึงว่าลำพังตัวกูกับอ้ายคงทำอะไรมากไม่ได้ มึงต้องดูแลเพื่อนมึง และเพื่อนมึงต้องดูแลตัวเอง เป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน”

   “แล้วเรื่องศักดิ์ศรีหออะไรพวกนี้ล่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้ปล่อยให้ไปมาหาสู่กันได้ง่ายโคตรๆ แบบนี้”

   “ก็พวกแม่งชอบกัน อยากเอากัน สมัครใจทั้งคู่กูจะห้ามได้ไงวะ” พี่สงครามเริ่มเหลืออดกับผม “ถ้ากูรู้ว่าใครกูก็ลงโทษ ไอ้อ้ายรู้ว่าใครเป็นคนเรียกคนจากหออื่นมาหาก็จะลงโทษ กูกับมันทำได้เท่าที่ทำได้ เพราะบางครั้งแม่งก็เกินจะควบคุม”

   “มึงห่วงอาสาจนเกินความเป็นเด็กหอสามแล้วนะเนี่ย” พี่อ้ายยิ้มมุมปาก

   “ผม...เปล่า”

   “กูเชื่อว่ามึงดูแลมันได้” พี่สงครามเอ่ย “มึงชอบมันมากนี่ หอโหดๆ อย่างหอกูมึงก็บุกมาแล้ว”

   “ผมไม่ได้...”

   ผมไม่รู้จะเถียงยังไง ในเมื่อประธานหอทั้งสองคนคิดไปแล้วว่าผมคิดไม่ซื่อกับอาสา ผมพ่นลมก่อนจะไหว้ทั้งสองคนและก็กลับไปหาอาสาที่กำลังรออยู่

   “พี่สงครามมาร้านแบบนี้ด้วยเหรอ” อาสาตกตะลึง “ไม่เข้ากับหน้าพี่มันเลย”

   ผมยิ้มเบาๆ ส่งให้มัน จากนั้นก็นั่งจมจ่อมอยู่ในความคิดของตัวเอง

   ผมไม่ได้ชอบอาสาหรือผมชอบมันไม่ได้กันแน่วะครับ...ผมเองก็เริ่มคิดแล้วแหละว่าที่ผมทำขนาดนี้มันเกินกว่าคำว่าเป็นห่วง เกินกว่าคำว่าดูแลเพื่อน เกินกว่าคำว่าเสือก เกินกว่าทุกๆ คำและก็ทุกๆ คนที่ผมเคยปฏิบัติด้วย

   ทนาย มึงบอกว่ามึงมาที่นี่เพื่อมาเรียนไม่ใช่เหรออออออ

   ยังหรอก ต้องยังไม่ใช่สิ ยังไงก็ยังไม่ใช่ อย่าลืมนะว่าผมเคยบอกเพื่อนอีกสองคนว่าไง

   ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องไม่ชอบมัน แม้ว่าหัวใจเริ่มที่จะสวนทางกับความคิดก็ตาม แต่ผมก็พยายามจะสลัดมันทิ้งไป







tbc*







ห่วงเขาตลอด แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่หลงเสน่ห์เขาอีก  :katai5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-05-2017 16:58:25
อาสาก็อ้อยจัง รู้ตัวมั้ย ถามจริง 555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 24-05-2017 17:22:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 24-05-2017 17:30:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 24-05-2017 18:25:31
  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-05-2017 19:29:24
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-05-2017 20:26:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 24-05-2017 20:27:41
บางทีก็อดสงสารทนายนะคนไหนๆก็เพื่อน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-05-2017 20:48:46
หอสามปีนง่ายขนาดนี้เลยเหรอ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 24-05-2017 21:23:35
สนุกมากกกก ตอนแรกนึกว่ารักหลายเศร้า
ที่แท้ก็เป็นเรื่องๆไป
คู่รองของเรื่องนี้คือ พี่สงครามกับพี่อ้าย หรือว่าเพื่อเตเพื่อนไมล์อ่ะ
ออกบ่อยสุดก็สองคู่นะละ
เชียร์ๆ


อาสาลูกกก ไม่น่าจะไปทางสาวได้แล้วละนะ
ทนายอย่าปิดใจตัวเองสิ ห่วง หวงเค้าขนาดนี้
รักไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 24-05-2017 21:31:24
เหมือนจะงงๆกับการแทนตัวบางช่วงนะคะ
อย่างที่ทนายถามอาสาว่า ช่วงนี้เป็นไงบ้าง เรื่องไมล์ ละต่อด้วย ผมทำหน้าสลดลง จริงๆมันต้องเป็น อาสาทำหน้าสลดลงรึป่าวอะคะ หรือผมทำหน้าสลดลงถูกแล้ว เราก็งงๆอะเน้อะ 555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: minomi1300 ที่ 24-05-2017 22:19:24
ทนายกับอาสามาเดตกัน แล้วพี่อ้ายกับพี่สงครามล่ะคะ คุคุคุคุคุ  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-05-2017 22:41:03
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2017 23:10:12
หึหึ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-05-2017 02:07:36
โอ้โน เรื่องเยอะจริงๆเลยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-05-2017 23:42:06
55555 ตลกทนาย ทนายมาเรียนนะ พยายามบอกตัวเอง แต่ดูแล้วคงต้องท่องเรื่องอาสาไปด้วย

อาสาน่ารักนะ คงเคว้งน่าดู แถมยังมาบอก มีแค่ทนายคนเดียว ไหนเลยจะไม่เคลิ้มไหว

อ้ายกับสงครามไม่มีซัมติงเนาะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2017 01:21:28
ท่องไว้นะทนายว่า มาเรียน มาเรียน มาเรียน มาเรียน 5555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 26-05-2017 01:38:53
เข้ามารอด้วยใจจดจ่อ 5555  สนุกมากครับ พี่สงครามกับพี่อ้ายอะไรยังไง!!! :z1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 8 P.9 24/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 26-05-2017 05:56:53



บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 9



   
   “เฮ้ย” อาสาที่ตื่นก่อนในเช้าวันจันทร์ตกใจกับสิ่งที่อยู่หน้าประตูห้อง “มีข้าวกล่องส่งมา มึงสั่งเหรอวะทนาย”

   “กูเปล่า แล้วมันมีกี่กล่องวะ” ผมที่แต่งตัวอยู่หันไปมอง

   “สอง บนกล่องเขียนว่าให้อาสากับไอ้สัดทนาย จากไมล์” อาสาถึงกับอึ้งไปเลย “เชี่ยแม่งเอาจริงว่ะ”

   “ก็คนมันชอบมึงอ่ะ”

   “กูจะกล้าแดกมั้ย”

   “ยังไงมันก็ซื้อมาแล้ว”

   “เอาไงดี”

   “...”

   “งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”

   อาสาหยิบถุงใส่อาหารกล่องเข้ามา จากนั้นก็เริ่มวางมันลงบนโต๊ะแล้วก็แกะทาน ผมที่ติดกระดุมเสื้ออยู่มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

   “มีคนซื้อข้าวมาให้มันดีมั้ย”

   “แต่ก่อนพวกกูก็ซื้อมาให้กันแบบนี้”

   “ครั้งนี้มันต่างออกไป”

   “...”

   “มึงชอบมั้ย”

   “กูแปลกๆ มากกว่าว่ะ” อาสาทำหน้าปั้นยาก

   “อนาคตมึงอาจจะต้องเจอหนักกว่านี้อ่ะ”

   “กูจะไม่เป็นไร เพราะกูมีมึงเว้ย”

   ผมควรจะดีใจดีมั้ยเนี่ย เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะผมมัวแต่กังวลเกี่ยวกับคำพูดของพี่สงครามกับพี่อ้าย ผมพยายามนำความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปด้วยการเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ชอบไอ้อาสา เพราะถ้าชอบจริงผมคงรุกเข้าไปจีบมันแล้ว แต่นี่ผมยังรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับมันเฉยๆ อยู่เลย

   ...รึเปล่าวะ

   เอาเป็นว่าปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน ผมนั่งลงข้างๆ อาสา จากนั้นก็ลงมือทานอาหารเช้าที่ไอ้ไมล์ส่งมาให้ วิธีการจีบของแม่งนี่ก็นะ เรียบง่ายดี อย่างน้อยไอ้อาสาแม่งก็ไม่รังเกียจล่ะวะ

   ถ้าเป็นผมนะ ผมจะทำให้มากกว่านี้

   “มึงเรียนถึงบ่ายสามนี่วันนี้” ผมมองดูตารางเรียนแล้วคุยกับอีกฝ่าย

   “ช่าย”

   “ไปเที่ยวกันมั้ย”

   “ไปไหนวะ”

   “ไม่รู้ มึงไม่เบื่อเหรออยู่แต่ในมออ่ะ”

   “ชินแล้ว แต่ถ้ามึงจะพาไปกูไปก็ได้นะ”

   “มึงอยากไปไหนล่ะ”

   “มึงอยากพาไปไหนล่ะ”

   “ไอ้นี่ กูอุตส่าห์ให้มึงคิด เพราะกูจะตามใจ”

   “กูแล้วแต่มึงอ่ะ”

   แม่งไม่เวิร์คว่ะ อาสามันเป็นคนชิลๆ เกินไป ไม่ได้สังเกตเลยว่าผมอยากเอาใจมัน

   เดี๋ยว...ผมเอาใจมันทำไม

   อะไรของกูเนี่ยยยยยยย

   “กูไปเรียนก่อนนะ” ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน

   “ไอ้สาด ข้าวยังไม่หมดเลย”

   “ฝากเก็บด้วย”

   “มีเรื่องอะไรป่ะเนี่ย”

   “เชี่ยโอ๊ค มันนัดติวก่อนควิซตอนเช้า”

   “อ๋อ เออๆ”

   อ้างเรื่องควิซ ทั้งๆ ที่อาจารย์ไม่ได้บอกว่าจะมี ผมรีบออกมาจากห้อง 503 จากนั้นก็ปิดประตู ผมพิงประตูห้องก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สิ่งที่ผมทำไปเมื่อตะกี้แม่งโคตรไม่ใช่ตัวผมเลย    

   ต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมขาดสติ

   ก็ไอ้อาสานั่นไงจะใครล่ะ!

   อยู่ใกล้มันแบบนี้แม่งเสี่ยงสัดๆ ผมเดินลงบันไดไปพลางคิดไปว่าถ้าผมปล่อยให้ตัวเองยังเป็นอย่างนี้ต่อไปแม่งต้องแย่แน่ๆ ระหว่างที่ผมคิดอยู่นั่นเอง ผมก็เจอเข้ากับไอ้เตกับไอ้ไมล์ที่กำลังจะไปเรียนพอดี

   “อาสาล่ะ” มันถามผมพร้อมกันจนกลายเป็นเสียงเดียว พวกมันมองหน้ากันนิดหน่อยก่อนหันมามองผมอย่างรอคอยคำตอบ
    
   “เอ่อ ยังอยู่บนห้อง”

   จู่ๆ เชี่ยเตกับเชี่ยไมล์ก็เป่ายิ้งฉุบกัน คนที่ชนะก็คือไอ้เต

   “เยส ทีกูแล้ว” มันร้องเสียงดังก่อนจะรีบขึ้นไปชั้นห้า ผมอ้าปากค้างมองอย่างตกตะลึงงึน ส่วนไอ้ไมล์ก็ทำหน้าเซ็งเล็กน้อย

   “อย่างน้อยมึงก็ยังไม่ได้บอกความในใจโว้ยสัดเต”

   บรรยากาศแบบนี้มันเรียกว่าอะไรวะ การแข่งขันเหรอ ผมกระพริบตาปริบๆ มองดูไอ้ไมล์ที่ยืนอยู่กับผมสองคน

   “พวกกูคุยกันเมื่อคืน” มันอธิบาย “ถ้ารุกพร้อมกันก็คงจะแปลกไปหน่อย ต้องเข้าไปหาทีละคน ไม่งั้นทะเลาะกันตาย”

   “...”

   “จริงๆ แล้วกูกับมันแม่งก็ชอบทะเลาะกันอยู่แล้วอ่ะนะ”

   ผมหลุบสายตาลงต่ำอย่างคิดหนัก

   “เชี่ยเตแม่งต้องได้เปรียบแน่เลยว่ะ แม่งต้องอาศัยความเป็นเพื่อนเข้าไปใกล้ชิด”

   “กูไปเรียนก่อนนะ” ผมขอตัว

   “กูติดรถไปด้วยสิ ไหนๆ ก็ทางเดียวกัน”

   “ได้ๆ”

   ตอนนี้ผมชักจะสับสนแล้วว่าผมควรใส่ใจความรู้สึกใคร ผมหรือว่าไอ้อาสา สำหรับผมแล้วที่ผมถอยห่างออกมาในเช้าวันนี้ก็เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้ทำอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ แต่พอนึกถึงความรู้สึกของอาสา ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าสิ่งที่ผมเพิ่งทำมันอาจจะผิด

   ไหนผมบอกว่าผมจะอยู่ข้างๆ มัน ไม่ทิ้งมัน

   โอ้ยยย ไอ้สัด กูสับสนฉิบหายว่ากูควรทำยังไง







   
   คณะบัญชี

   วันนี้ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช้เวลาตลอดครึ่งเช้าหมดไปกับการไถจอโทรศัพท์เล่นๆ สีหน้าของผมแสดงออกถึงอาการเซ็งจนไอ้โอ๊คกับคนอื่นๆ ถึงขนาดตั้งข้อสังเกต ตอนที่พวกมันถาม ผมก็ตอบแบบขอไปทีว่าเมื่อเช้าขี้ไม่ค่อยออก จากนั้นมันก็ไม่ถามอะไรเกี่ยวกับตัวผมอีก

   ...แต่เสือกถามเกี่ยวกับอาสาแทน

   “อยู่ห้องกับพี่มันสองคนเป็นยังไงบ้าง”
   “มีอะไรคืบหน้ามั้ย”
   “กูไว้ใจฝีมือมึงนะสัดทนาย”
   “เล่ามานิดหน่อยก็พอ ถ้ามึงเขิน”

   ไอ้พวกเหี้ย มันถามอะไรทำนองนี้ทั้งวันจนผมต้องเอ่ยตัดบทตัดความฟินของพวกแม่งไป

   “คนที่อยู่ห้องกับไอ้อาสาจะต้องได้กับมันหมดทุกคนหรือไง”

   พูดไปขนาดนั้นยังทำอะไรพวกแม่งไม่ได้!

   “มึงดูเข้าเค้าที่สุดแล้วไง”
   “พี่อาสาหวั่นไหวชัวร์ๆ”
   “หล่อจนผู้ชายด้วยกันยังยอม”
   “หล่อจนหอสามทุกคนยอมยกพี่อาสาให้”
   “สู้ๆ นะเพื่อน มึงต้องได้พี่มันสักวันโว้ย”

   แทนที่ผมจะได้สบายใจ ได้พักจากการคิดเรื่องของอาสา แต่เพื่อนผมกลับเอาแต่พูดชื่อนี้ให้ฟังตลอดทุกห้านาที บอกเลยว่าหนีแม่งยังไงก็หนีไม่พ้น

   ดูเหมือนคนถูกพาดพิงตลอดเช้าจะไม่รู้ตัว ทันทีที่อาจารย์สั่งเลิก พี่ปีสองอย่างอาสาก็เดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องเรียนของปีหนึ่ง ท่าทางเหมือนอยากคุยกับผมมาก

   เป็นอีกครั้งที่มันเป็นเป้าสายตา ดึงความสนใจจากทุกคนในห้องได้หมดจนมันต้องเผลอบ่นพึมพำกับตัวเอง

   “มองเหี้ยไรนักหนา”

   แม่งไปแดกรังแตนมาชัวร์ๆ ที่อาสามันกล้าด่าเพราะเด็กในห้องนี้เป็นน้องคณะของมันครับ ถึงแม้ว่าพวกเด็กปีหนึ่งหอสองมันจะไม่ค่อยกลัว(อีกทั้งยังอยากจับอาสาแดกลงท้อง) แต่มันก็เกรงใจ อาสารอให้เด็กคนอื่นๆ ทยอยออกไปจากห้องเรียนจนหมด

   เหลือแค่ผมกับมันสองคน

   ผมทำเป็นนั่งเล่นโทรศัพท์ อาสาทุบโต๊ะตรงหน้าเพื่อเรียกความสนใจจากผม

   “กูมีเรื่องแปลกอีกแล้วว่ะ” อาสาร้อง สีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าที่จะโกรธ เดี๋ยวก่อนนะ ผมนึกว่ามันจะมาด่าเรื่องที่ผมทิ้งมันให้อยู่กับไอ้เตเมื่อเช้าซะอีก

   “มีอะไรวะ”

   “เชี่ยเต...แม่งแปลก”

   “ยังไง” ผมถามทั้งๆ ที่น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

   “มันทำเหมือนจีบกูเลย” อาสาเดินไปเดินมาตรงหน้าโต๊ะของผม “เมื่อเช้านอกจากมาส่งที่คณะนะ ยังเดินมาส่งถึงหน้าห้องเรียนด้วย แถมยังซื้อขนมให้กินอีก ปกติเชี่ยเตมันส่งกูปุ๊บมันหนีไปคณะมันเลยนะ”

   อย่างน้อยเชี่ยอาสามันก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนล่ะวะ

   “มันจะไม่มีอะไรใช่มั้ยมึง” อีกฝ่ายเริ่มเป็นกังวล “ถ้าเชี่ยเตแม่งคิดกับกูเหมือนเชี่ยไมล์ล่ะ...”

   ผมอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ทั้งสิ้น ทำได้แค่ทำหน้านิ่งๆ ใส่มัน

   “เหี้ย กูตายเลยนะ”

   มึงเตรียมเครื่องช่วยหายใจไว้เลยเพื่อน...มึงเตรียมไว้เลย

   “มึงไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

   “อยากฟังกูพูดว่าอะไรล่ะ”

   “ความเห็นไง”

   โอ้ย จะให้ผมพูดว่าไงอ่ะ จริงๆ แล้วผมเคยบอกคิดตั้งหลายครั้งหลายหนว่าเรื่องของสามคนนี้ผมแม่งคือคนนอก ถ้าออกความเห็นไป แล้วมันเละกว่าเดิมแทนที่จะดีขึ้นล่ะ

   เหมือนผมแบกความไว้เนื้อเชื่อใจของคนทั้งสามคนเอาไว้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

   “เอาที่มึงสบายใจเลย” ผมสรุปในที่สุดพร้อมกับลุกขึ้นเอื้อมมือไปตบบ่าไอ้อาสา “มึงสบายใจที่จะคิดอะไรหรืออยู่ตรงไหน มึงก็เอาตามนั้น”

   “กูสบายใจตอนกูอยู่กับมึงนั่นแหละ”

   “...”

   “ถ้าแห่มาชอบกูหมดแบบนี้แล้วกูจะเหลือใครไว้เป็นเพื่อนวะ”

   ผมรู้สึกวูบไหวเล็กน้อยกับคำพูดนั้น แต่ก็แสร้งทำเป็นรับรู้เฉยๆ

   “มึงกินข้าวยังวะ” ผมเปลี่ยนประเด็น

   “กำลังจะชวนมึงเนี่ย”

   “งั้นไปกัน”

   “อืม”

   ผมไม่รู้หรอกว่าในใจมันคิดอะไรอยู่ แต่การที่มันบอกว่ามันอยู่กับผมแล้วสบายใจที่สุด ผมก็ไม่อยากทำให้มันผิดหวังหรือเครียดไปมากกว่านี้แล้ว

   ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ขอทำในส่วนของผมให้ดีที่สุดแล้วกัน...









   โรงอาหารกลาง

   แทนที่จะกินข้าวอยู่โรงอาหารที่คณะ ผมกับอาสาเปลี่ยนบรรยากาศมากินโรงอาหารที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ใจกลางมอแทน อาสาเป็นคนบอกว่ามันอยากกินที่นี่ แต่ผมคิดว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น

   เพราะมันเห็นไอ้ไมล์นั่งอยู่กับเพื่อนปีสองของมันคนอื่นๆ อยู่โรงอาหารคณะก่อนแล้ว มันก็เลยไม่อยากไปเผชิญหน้าตอนนี้ ผมส่ายหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจมัน มีคนชอบมาเยอะใครว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะแม่งอยู่ยากเหมือนกันนะครับ

   โรงอาหารที่นี่ใหญ่มากและก็ได้เจอคนจากหลากหลายคณะด้วย ผมจะได้เห็นผู้หญิงจากคณะอื่นๆ มากขึ้นก็คราวนี้

   “เขามองอะไรกัน” อาสาพึมพำ ก่อนจะหันมามองผม “อ๋อ มึงสินะ”

   “มองห่าไรกันนักหนา” ผมเห็นไอ้พวกผู้ชายหลายคนที่จับจ้องมาที่เพื่อนผม “มึงนี่เอง”

   “ที่นี่ผัดไทยอร่อยนะ ร้านนั้นน่ะ” อาสาชี้นิ้วก่อนทิ้งตัวนั่ง

   “ลงพุงสาด กูไม่แดก”

   “งั้นจะแดกอะไร”

   “ข้าวมันไก่ไม่เอาหนัง แดกแต่ส่วนอกด้วย”

   “เรื่องเยอะจริงๆ”

   “มึงคิดว่าหุ่นจะดีได้เพราะเทวดาเมตตาแล้วฟ้าจะประทานเหรอ มันก็ต้องรักษาเองสิ”

   “งั้นกูเอาแบบมึงด้วย” อาสาพึมพำเก้อๆ ผมอดยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ก่อนจะพยักหน้า

   “กลัวอ้วนเหรอ”

   “เห็นผู้หญิงมองมึงเยอะดี เลยอยากทำตาม จะได้หล่อแบบมึง”

   ผมทำหน้าเบื่อใส่มัน เป็นอีกครั้งที่อยากจับมันเขย่าหัวซะเหลือเกินว่ามึงไปทางสายสตรียังไงมึงก็ไม่รุ่ง มึงต้องไปทางสายบุรุษ! แต่ผมก็ไม่พูดออกไปครับเพราะขี้เกียจฟังแม่งโวยวาย ผมลุกขึ้นเดินไปสั่งร้านข้าวมันไก่ใกล้ๆ หันกลับมาอีก ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับไอ้อาสาแล้ว

   ไอ้สัด กูปล่อยให้คลาดสายตาไม่ถึงนาที มึงโดนเลยเหรอ!

   เชี่ยนั่นมันต้องเล็งอาสาไว้นานแล้วแน่เลยแต่ไม่มีโอกาสได้ขอ ผมมองจ้องเขม็งจนกระทั่งได้จานอาหารครบ ผมเดินยกไปวางบนโต๊ะระหว่างที่อาสากับไอ้นั่นกำลังคุยกันอยู่

   “ได้แล้ว” ผมพูดเสียงแข็งๆ

   “ขอบใจมาก” อาสาดูดีใจมากที่ผมมา

   “งั้นเดี๋ยวไว้คุยกันนะ”

   “เอ่อ อืมๆ”

   คนแปลกหน้าเดินจากไปแล้ว ทันทีที่มันไปไกลผมก็หันมาหาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที

   “มันมาทำไม”

   “ขอไลน์”

   “แล้วมึงให้มันเหรอ”

   “ให้ไง ก็มันเป็นเพื่อนไอ้เต บอกว่าอยากถามการบ้านเชี่ยเตแต่ติดต่อไอ้เตไม่ได้ อะไรประมาณนั้น”

   “เป็นเพื่อนเหี้ยเตแต่ไม่มีไลน์เหี้ยเตเนี่ยนะ” ผมร้อง “มึงบ้าเปล่าที่เชื่อมัน”

   “คนนี้กูเคยเห็น”

   “ห่า” ผมอดบ่นงึมงำไม่ได้ “ไหนบอกตอนนี้มึงคิดว่าไอ้เตมันชอบมึงไง แล้วมึงจะได้ไปคุยกับไอ้เชี่ยเตแทนไอ้นั่นตอนไหน มึงกำลังกังวลว่าเพื่อนมึงคนนี้จะชอบมึงอีกคนไม่ใช่เหรอ นี่มึงโง่หรือมึงโคตรโง่ ทำไมไม่คิดให้มันเยอะๆ ก่อนให้”

   “บ่นจังเลย ให้ก็ให้ไปแล้ว จะให้ทำไงวะ”

   “เอามือถือมา” ผมแบมือ

   “เอาไปทำไม”

   “เอามาวางช้อนมั้งสัด เอามา”

   อาสาดูแปลกใจมากที่จู่ๆ ผมก็หงุดหงิดงุ่นง่าน มันส่งโทรศัพท์มา

   “ปลดล็อกหน้าจอด้วยดิ”

   “สาด” อาสากดรหัสปลดล็อกให้ ผมเข้าแอพไลน์ทันที ไอ้ห่านั้นมันแอดมาหาอาสาไวมาก แต่เชื่อป่ะผมกดบล็อกมันไวกว่าตอนที่มันแอดมาอีก

   เรียบร้อยโรงเรียนทนาย...

   “บล็อกแม่งทำไม” อาสาร้องเบาๆ

   ผมยักไหล่เป็นการตอบ

   “เชี่ยทนาย อะไรของมึง”

   “ชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นมึงไม่ต้องไปให้ท่าผู้ชายเพิ่ม”

   “เฮ้ย มันมาขอไลน์เรื่องงาน”

   “ยังไงกูก็ไม่ให้”

   “มันมาขอไลน์กู”

   “กูไม่ให้ไง”

   “นี่ไลน์กูนะ”

   “ไม่ให้”

   อาสายอมจำนนกับความดื้อด้านของผม มันส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะบ่นพึมพำ “โหดยิ่งกว่าพ่อกูอีก”

   ผมมีสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อยแล้วหันมาสนใจข้าวมันไก่ ระหว่างทีมองดูไก่ในจานผมก็พลันนึกอะไรออกขึ้นมาได้

   ไอ้สัดดดดด เมื่อตะกี้ผมหน้ามืดอะไรหรือเปล่า ผมทำเกินไปมั้ยเนี่ย ผมมองอาสาอย่างหวาดๆ มันก็ไม่ได้จะ้สังเกตสังกาอะไรผมเพิ่มเติมนะ

   “มึงว่าที่กูทำเมื่อกี้กูทำไปเพราะอะไรวะ” ผมถามเหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

   “มึงคงคิดว่ามีผู้ชายมาชอบกูเยอะแล้วมั้ง กูไม่ควรเพิ่มงานให้มึง”

   “งานกูคืออะไร”

   “อยู่กับกูไง”

   “เพื่ออะไร”

   “เพื่อให้กูสบายใจ สิ่งที่มึงทำเมื่อตะกี้มึงก็คงจะหวังดีกับกูนั่นแหละ” อาสาตอบซื่อๆ ดูมันเอร็ดอร่อยกับข้าวมันไก่มากเกินกว่าที่จะคิดว่าสิ่งที่ผมถามมันมีความนัยอะไรมั้ย ผมนี่ก็ซักไซ้แม่งจัง แต่แม่งก็ให้คำตอบผมอย่างชัดเจนจนผมรู้สึกโล่งไปหมด

   หารู้ไม่ว่านอกจากจะทำเพื่อความสบายใจของมันแล้ว ผมยังทำเพื่อความสบายใจของตัวเองอีกต่างหาก

   เพราะแค่เพื่อนมึงสองคนกูก็ปวดหัวจะแย่แล้วสาดดดดดดดดดดดดด
   







   หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดจะหนีไอ้อาสาไปไหนอีก ผมได้รับบทเรียนแล้ว เพราะผมทิ้งมันไว้แค่ไม่ถึงนาทีก็มีผู้ชายเข้ามาขอไลน์มันแล้ว นี่ถ้าทิ้งไว้เป็นวันๆ ผมคิดว่าแม่งต้องมีอะไรมากกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่าแน่ เพราะงั้นผมจะอยู่ตัวติดกับมันไว้นี่แหละ
 
   เพื่อความสบายใจของตัวผมเอง

   ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าผมคิดยังไงกับมันถึงขั้นไหนแล้ว ผมหวงมันเกินกว่าคำว่าเด็กหอสามและก็เพื่อนไปแล้ว คำว่าหวงมันเกิดจากความรู้สึกอะไรกันแน่ครับ

   ชอบเหรอ นี่ผมชอบมันเหรอ

   ใช่เหรอครับ...

   คนอ่านคงอยากไล่ผมให้มานั่งคุยกับตัวเองก่อนแล้วค่อยมาถาม เฮ้ออออออ ที่ผมสับสนในตอนนี้อาจเป็นเพราะหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อนสองคนที่มาชอบอาสาเป็นเพื่อนผม อาสาก็เป็นเพื่อนผม อีกทั้งผมยังเคยลั่นวาจาไว้ด้วยว่ายังไงผมก็ไม่มีวันชอบอาสาแน่ๆ เพราะคำนั้นเลยนะครับที่ทำให้ไอ้เตกับไอ้ไมล์ปล่อยผมให้อยู่ห้องเดียวกับอาสา ถ้ามันรู้ว่าใจผมเริ่มแกว่งไปทางอาสาแล้ว ปัญหาแม่งต้องเกิดชัวร์ๆ

   ผมลอบมองเพื่อนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ มันบอกว่าอยากซื้อของกินจากเซเว่นให้ผมจอดรถแวะให้หน่อย ผมทำตามนั้น ระหว่างที่รอมันผมก็เล่นโทรศัพท์รอ

   เชี่ยไมล์ทักผมมา
   
   MILE : กูมีดีวีดีหนังที่อาสามันอยากดู
   MILE : ยังไงเย็นนี้มึงก็ช่วยทำตัวยุ่งๆ แล้วอย่าเพิ่งกลับห้องได้มั้ยวะ
   MILE : เชี่ยเตแม่งทำคะแนนไปแล้ว กูไม่อยากแพ้อ่ะ
   MILE : กูจะแก้ตัวทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น และกูทำไม่ได้ด้วยถ้ากูไม่มีเวลากับโอกาส
   MILE : ช่วยกูหน่อยนะ
   MILE : *สติกเกอร์หมียกมือไหว้ขอร้องพร้อมคำว่า Please*


   โอ้โห...ผมถึงกับต้องเอามือปาดเหงื่อตัวเองเลยครับตอนที่อ่านจบ สิ่งที่ไอ้ไมล์ขอร้องมันขัดกับความตั้งใจและความปรารถนาของผมลิบลับ ผมอ่านข้อความหลายบรรทัดนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ นึกให้ตายยังไงก็นึกวิธีแก้ปัญหาไม่ออก

   ทำไงดีครับ ผมควรทำยังไง

   “ออกรถ!” อาสาร้องลั่นหลังจากที่เปิดประตูมานั่งที่เดิม “ออกรถเลย”

   “เกิดอะไรขึ้น”

   “เจอเชี่ยเต”

   “...”

   “แม่งจะเปย์ให้กูอีกแล้ว”

   เปย์อะไรวะ ผมทำหน้างงๆ

   “รีบขับไปก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”

   ผมทำตามที่มันบอก ระหว่างนั้นอาสาก็เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่ามันกะจะไปซื้อขนมเพื่อตุนเอาไว้ที่ห้อง ดันเจอเข้ากับเชี่ยเตที่มาซื้อขนมเหมือนกัน ไอ้เตเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าจะเลี้ยงทุกอย่าง รวมแม้กระทั่งลูกชิ้นจากรถเข็นที่จอดอยู่หน้ารถผมด้วย

   เข้าใจแม่งแล้วว่าทำไมแม่งรีบหนี ไอ้เชี่ยเตเป็นแม่งสายเปย์ก็จริงแต่มึงก็เปลี่ยนแปลงกะทันหันจนผิดสังเกตเกิ๊น ใครจะไม่ตกใจวะ

   แต่ผมมีเรื่องตกใจมากกว่านั้น...

   “อาสา เย็นนี้เชี่ยโอ๊คนัดไปแดกนะ” ผมพูด

   “ไปด้วยดิ”

   “มีแต่เพื่อนปีหนึ่งนะ”

   “จะเป็นไรวะ ก็อยู่หอเดียวกัน”

   ผมควรจะอ้างอะไรดี อะไรที่อาสาทั้งเกลียดทั้งกลัว

   “แล้วก็มีพวกหอสอง...มาแดกด้วย”

   ช่างเป็นคำโกหกที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย แต่อาสาแม่งเสือกจะเชื่อ! พวกหอสองคงเป็นอะไรที่มันไม่ชอบจริงๆ ครับ ไม่งั้นมันจะทำหน้าแหยงขนาดนั้นเหรอ

   “งั้นเหรอ”

   “อาจารย์จะเลี้ยงเฉพาะเซคชั่นอ่ะ” แถเพิ่มเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือ

   “อย่ากลับดึกละกันนะ”

   “โอเค”

   แม่งรู้สึกผิดฉิบหาย สีหน้าผมไม่ดีเท่าไหร่นักหลังจากนั้น แต่อาสาไม่ได้สังเกต มันดูปกติและไม่รู้ว่าควรเตรียมตัวเตรียมใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับมัน

   กูขอโทษจริงๆ นะ






   ห้อง 503

   ผมเดินไปเดินมาอย่างลนลาน จากเวลาเย็นย่ำกลายเป็นเวลาหัวค่ำ ไอ้ไมล์ไม่ได้บอกว่าจะมาตอนไหน แต่ผมคิดว่าอีกสักพักมันคงมาแล้วล่ะ ผมมองไปที่อาสาที่กำลังอ่านหนังสือไปด้วยกินขนมไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแย่

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   หัวใจของผมเต้นแรงทันที ไอ้ไมล์มาแล้ว

   “ใครวะ มึงไปเปิดประตูดิ๊”

   ผมเดินไปเปิดประตูตามคำพูดของอาสา ไอ้ไมล์ยืนอยู่หลังประตู ท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หนีจากความเป็นธรรมชาติของมันมากนัก

   “กูมาชวนพวกมึงดูหนังว่ะ” มันเดินเข้ามาในห้อง ทำสีหน้าอารมณ์ดี แม่งเนียนสัดๆ จนผมอยากถวายออสการ์ให้

   “กูต้องออกไปแดกกับเพื่อน” เสียงผมไร้รสชาติมาก

   อาสาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ ผมหลุบสายตาลงต่ำ พยายามเลี่ยงที่จะสบตามัน

   “อ้าว กูอุตส่าห์ขึ้นมา”

   “พวกมึงดูกันสองคนเลย” ผมพูดพร้อมๆ กับเดินไปที่ประตู

   “ทนาย” อาสารำพึง แสดงความวิงวอนผ่านทางสายตาจนผมใจสั่นไปหมด

   “กูไปก่อนนะ เดี๋ยวดึกๆ จะกลับ”

   ผมออกไปจากห้องพร้อมปิดประตู ความรู้สึกผิดถ่าโถมเข้ามาหาผมจนผมรับไว้แทบไม่ทัน อาสาต้องโกรธผมแน่ๆ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือผมทำให้คนอีกคนต้องมาโกรธผมด้วย

   คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง

   ทนาย ไหนมึงบอกว่ามึงจะทำให้อาสาสบายใจไง...







tbc*





ไม่รู้ควรเอาใจช่วยทนายเรื่องไหนก่อนดี เป็นพระเอกชฟค.นี่เหนื่อยเนอะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-05-2017 06:10:39
อาสาเสียงอ่อยเลย ทนายกล้าให้อยู่กะไมล์สองคนได้ไง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-05-2017 08:09:50
อืมมมมม เข้าใจหัวอกคนหน้าตาดี (เกินไป) อย่างอาสา ก็วันนี้นี่เอง อยู่ยากเนอะ ป้าแนะนำให้หนูรีบๆมีแฟนไปซะ แล้วเลิกคิดได้แล้วนะคะลูกสาวที่จะมีแฟนเป็นชะนี มันไม่ใช่ทางของหนูแน่นวลลลล ค่ะลูก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-05-2017 09:05:12
มึนตึบๆ 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2017 09:56:39
ทนายรู้ใจตัวเองเร็วๆสิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-05-2017 10:05:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-05-2017 10:45:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 26-05-2017 12:24:36
เห็นใจทนายเหมือนกันนะ
อยากทำความรู้สึกตัวเองก็ทำไม่ได้เต็มที่
ด้วยคำที่เคยประกาศออกไป
ด้วยความสบายใจของอาสา
ไหนจะความเชื่อใจของไมล์และเต
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ตบบ่าทนายเบาๆ
รออ่านตอนต่อไปฮะ ^^
ปล.ชอบตอนไม่ให้ไลน์มากๆ 55555 ทนายหัวร้อนเลย อาสาก็ช่างไม่คิดอะไรบ้างเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-05-2017 12:51:05
เอาทนายเป็นแฟนเลยอาสา
เราว่าแบบนี้เวิค ไม่ต้องกลัวใครมาจีบ
แถมได้อยู่กับทนายตลอดแน่ๆ

ทนายยยยยย สิ่งที่แกทำนะ ชอบเค้าทั้งน้านนนนน
ยังไม่รู้ตัวอีก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-05-2017 13:28:50
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-05-2017 13:37:06
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-05-2017 16:20:19
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2017 16:43:15
ทนายสงสัยว่าจะตกหลุมรักนางฟ้าของหอแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-05-2017 19:03:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2017 19:48:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-05-2017 08:03:14
อาสาเอ้ยยย จะฮอตไปไหน ขนาดทนายที่ว่าน่าไว้ใจยังเป๋
ทนายสมควรไปเคลียร์กับตัวเองก่อนจริงๆ

เอิ่มมม แต่ละคนทั้งไมล์และเต รุกไวมาก กะไม่ให้เสียแต้มกันเลย
แต่สงสารอาสาบ้างเหอะ คิดแค่เพื่อน จะเป็นอะไรที่รับมือยากมาก

อาสาเสียงอ่อยเลย ทนายจะทิ้งไปจริงหรอ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 27-05-2017 08:58:19
ทนายเอ้ยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 27-05-2017 09:12:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Zamii ที่ 30-05-2017 12:26:32
รออยู่หน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 30-05-2017 15:33:12
สงสารทนายเหลือเกิน อาสานี่ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-05-2017 16:45:21
โอ๊ยยคนกลางโคตรแย่ทำตัวไม่ถูกเลย

ไปชวนเต อีกคนไป แล้วบอกยกเลิกนัดแล้ว

เข้าใจไมล์นะ อยากจีบอะ แต่แมร่งรุกเกิ้น

สงสารอาสาเลย

โดนโกธรแน่ ไหนบอกจะอยุ่ข้างๆกันไง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 31-05-2017 07:12:33
เกิดเป้นทนายแท้จริงแสนรำบาก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 31-05-2017 12:50:06
ทนายอาสา ชื่อเหมาะเป็นคู่กันมากๆๆ  ทนายน่าจะรุกจีบอาสาไปเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-06-2017 17:57:56
เป็นเรื่องที่ความสัมพันธ์วุ่นวายมากจริงๆ 55555
ถ้านี่เป็นทนายก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันนะ ชวนอึดอัดไปหมดเลยอ่ะ เลือกข้างก็ไม่ได้ :katai1:
สงสัยว่าเตจะคู่กะไมล์มั้ย ก๊ากกกก ยังไม่รู้ว่าคู่รองที่ชฟค.บอกคือคู่ไหน แต่เดาว่าคู่นี้..มั้ง =0=;; จะได้ตัดปัญหาพวกนี้ไปได้เลยไง
ปล.แอบกรี๊ดพี่สงครามมมม >///< และก็ชอบทนายด้วย ฮาา
รอตอนหน้านะคะ มาต่อไวๆ น้า มันค้างงงง ตอนหน้าจะหน่วงมั้ยเนี่ย ถ้าอาสารู้ว่าทนายเปิดทางให้ไมล์งี้ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ เลย T^T
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-06-2017 22:09:53
สิบสองเศร้า  นี่หมายถึง  สิบสองเส้า?  โอ้  ถ้าเป็นเยี่ยงนั้น  อีรุงตุงนัง จริงๆ

 :really2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 07-06-2017 01:57:51
เพิ่งเห็นว่ามีเรื่องใหม่ ดีจัยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-06-2017 06:57:22
 o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-06-2017 14:57:53
ทนาย ใจเทให้อาสาเกินแปดสิบละม้าง  :z3: :z3: :z3:

พี่สงคราม ไม่มีคู่เหรอ  :hao3:
ดูเคมี พี่สงคราม เข้ากับทนายนะ
อยากเชียร์ พี่สงคราม ทนาย  :กอด1: นะ

อาสา มีคนชอบเยอะมากกกกกกกกกก  :ling1: :ling1: :ling1:
จะ 3p ไมล์ เต อาสา ดีมั้ย
แต่ใจทนาย เกินเลยผู้พิทักษ์อาสา ไปแล้ว  :hao5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nutty_FanFan13 ที่ 12-06-2017 21:59:00
สงสารทนาย  สับสนน่าดูเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 9 P.10 26/05/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 14-06-2017 01:51:03



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 10


   
   กลางดึกคืนนั้น

   ผมอยู่ห้องไอ้โอ๊ค ไม่ได้ออกไปไหนและก็นิ่งเพื่อรอเวลา ท่าทางของผมเหมือนคนอกหักจนไอ้โอ๊คแม่งเดาไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วว่าผมโดนพี่อาสาของมันหักอก

   ไม่ใช่แค่สุ่มสี่สุ่มห้าแล้วไอ้สัด นี่มันสุ่มไก่เหอะ แม่งมั่วฉิบหาย

   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะโกรธมัน สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดตอนนี้ก็คืออาสาครับ ไม่ว่ามันจะแสดงออกกับผมยังไงผมก็กลัวมันไปหมดแล้วตอนนี้ เชื่อป่ะ ผมอยากให้มันด่ามากกว่าตัดพ้อ สำหรับผมแล้วเวลาแฟนด่าคือแฟนโกรธเฉยๆ แต่ถ้าแฟนตัดพ้อคือแฟนทั้งเสียใจและก็น้อยใจ ซึ่งมันหนักหนาสาหัสกว่าโกรธเฉยๆ อีกนะผมว่า

   ทฤษฎีนี้จะใช้กับอาสาได้มั้ย...   

   แล้วมันใช่แฟนมึงมั้ยล่ะทนาย

   หลังจากที่ซึมกะทืออยู่ห้องเพื่อนนานจนเพื่อนมันเริ่มง่วง ผมก็ขอตัวกลับห้องตัวเองสักที ผมคิดว่าหนังที่พวกมันดูน่าจะจบไปแล้วล่ะตอนนี้ ผมเดินขึ้นมาจากชั้นสองเพื่อที่จะมายังชั้นห้าซึ่งเป็นห้องของผมเอง รู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ หนักกว่าตอนที่สอบเข้ามาในมอนี้อีก

   ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเคาะประตู

   ไม่นานนักอาสาก็เข้ามาเปิดให้ ไฟในห้องยังสว่างจ้า และตอนนี้มีแค่มันคนเดียวที่อยู่ในห้อง ที่สำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั่นก็คืออาสาแม่งไม่มองหน้าผมเลย

   “คือว่า...”

   อาสาตวัดสายตามามองผม เหี้ย น่ากลัวมาก ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรต่อดี

   “พูดมา” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบมากจนผมรู้สึกกระวายกระวายไปหมด

   “หนังหนุกมั้ย”

   สิ้นเสียงของผม อาสาถึงกับขมวดคิ้วใส่ผมทันที มันหันไปสนใจสิ่งที่อยู่บนโต๊ะแทน

   “กูขอโทษ”

   “ที่กูโกรธที่สุดคืออะไรรู้ป่ะ” เสียงของมันสั่นเล็กน้อยจนผมใจสั่นตาม “มึงโกหก มึงไม่ได้ไปงานเลี้ยงเซคชั่นห่าเหวอะไรนั่นของมึง มึงไปอยู่ในห้องกับไอ้โอ๊คเพื่อนมึง”

   พระเจ้าฆ่าผมเลย ฆ่าผมให้ตายเดี๋ยวนี้เลย

   “ทำไมวะ มึงก็รู้ว่ากูมีแค่มึงอ่ะ แต่มึงกลับเปิดโอกาสให้ไมล์มันเข้ามาหากู”

   “ก็มันขอร้อง” ผมโอดครวญ

   “เมื่อเช้าก็ไอ้เต ตอนเย็นก็ไอ้ไมล์”

   “ไม่ใช่แล้ว” อย่างน้อยเรื่องไอ้เตก็เป็นเหตุสุดวิสัย

   “กูแม่งโคตรเสียใจเลย” อาสาเอาหน้าฟุบโต๊ะ “ตอนนี้มึงคือความสบายใจเดียวของกู แล้วดูสิ่งที่มึงทำกับกูสิ”

   พระเจ้าคงไม่เมตตาผมกระมัง ถึงไม่ได้สนใจคำวิงวอนของผม ผมรู้สึกเจ็บปวดไปหมดตอนที่อาสาพูดกับนั้น เจ็บยิ่งกว่าโดนมีดกรีดหัวใจอีก ทำไมผมเหี้ยขนาดนี้วะ

   ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ได้แต่เลื่อนเก้าอี้ตัวเองไปใกล้ๆ มัน จากนั้นก็สะกิดเบาๆ

   “อาสา”

   “...”

   “เฮ้ย กูขอโทษ”

   ถ้ามันรู้ว่าใจผมไม่ได้อยากทำแบบนั้น มันจะรู้สึกดีขึ้นมั้ย

   “ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วได้ป่ะ” อาสาเงยหน้าขึ้นมา มันตกใจเล็กน้อยที่ใบหน้าของผมใกล้มันเกินไป จนมันต้องเขยิบใบหน้าออกห่าง “อย่างน้อยมึงก็ควรอยู่ทีมกูอ่ะ”

   “ทีม?”

   “ใช่ ทีมกู ทีมอาสา”

   “นี่มึงแข่งห่าอะไรกันอยู่”

   “กูไม่ได้แข่ง แต่กูอยากเลี่ยง” อาสาคอตก “ถ้ามึงกลายเป็นทีมไอ้เตหรือไม่ก็ทีมไอ้ไมล์ กูตายจริงๆ นะเพื่อน”

   กูก็อาจจะตาย...

   “ขอร้อง มึงอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

   ผมเอื้อมมือไปจับมือของมันเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว “ถ้ากูจะบอกมึงว่าสิ่งที่กูเพิ่งทำ มันไม่ได้มาจากความต้องการจากใจกูจริงๆ มึงจะรู้สึกดีขึ้นป่ะ”

   อาสามองหน้าผม มันกลืนน้ำลายเล็กน้อย “หา”

   “แค่อยากให้มึงรู้ไว้”

   ผมบีบมือมันเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือ อาสากำมือของตัวเองไปมาพร้อมกับจดจ้อง อาจจะงงว่าผมจับมือมันทำไม

   “แล้วเป็นไง ดูหนังกับไอ้ไมล์”

   “เหี้ย อึดอัดดิ”

   “ได้คุยอะไรกันบ้างป่ะ”

   “มันบอกว่ายังไงมันก็จะไม่เปลี่ยน” อาสาถอนหายใจ “ไม่ว่ากูจะเลือกมันเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน มันก็จะไม่เปลี่ยนความรู้สึกของมันที่มีต่อกู”

   ผมพยักหน้ารับรู้

   “กูปฏิเสธมันไปแล้วนะ” คำพูดของอาสาทำเอาผมต้องมองหน้ามันอีกที “ตอนแรกมันก็คิดว่าเป็นเพราะกอเตย แต่กูบอกว่าถึงไม่มีกอเตยยังไงเรื่องของมันกับกูก็เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็อยากลองขอโอกาสกูดู”

   “...”   

   “กูปวดหัวสัดๆ เลยว่ะ”

   อาสาเอนตัวมาพิงผมราวกับหาที่พึ่ง มันยังคงจ้องมือตัวเองและก็กำมือสลับกับแบมืออยู่อย่างนั้น ผมปล่อยให้มันพิงผมได้ตามอำเภอใจ อันที่จริงตอนนี้ถ้ามันจะเตะหรือจะต่อยผมก็ยอมหมด อะไรก็ได้ที่ทำให้มันรู้สึกดีขึ้น

   “อย่างที่กูบอก อะไรที่มึงสบายใจ มึงทำเลย” ผมพูดหลังจากที่เงียบไปนาน

   “...”

   “แล้วมึงเงียบทำไม”

   “อย่าขัดดิ”

   อะไรของมันวะ ผมชะงักเล็กน้อย ขยับศีรษะไปมองหน้าคนที่เอนหัวมาซบกับตัวผม

   “กูกำลังสบายใจอยู่เนี่ย...”






   เช้าวันต่อมา


   “ไม่เอาอีกแล้วนะ” ปากที่คาบขนมปังแผ่นของอาสาพูดเสียงบังคับ

   “โอ้ย เหี้ย บ่นจังวะ” ผมโอดครวญ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแม่งเอาแต่พูดคำนี้ ผมมองดูอาสาที่แต่งตัวอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นพุงขาวๆ ของมันโผล่พ้นเสื้อ ผมก็หันกลับมามองตัวเองในกระจกอย่างรวดเร็ว

   “กูต้องย้ำ คนอย่างมึงแม่งชอบให้ย้ำซ้ำๆ”

   “กูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “กูคิดอยู่ว่าบางทีกูอาจจะให้อภัยง่ายเกินไป”

    ผมเดินเข้าไปกระชากตัวของอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนด้วยใช้มือเพียงข้างเดียว หลังจากเมื่อคืนดูเหมือนผมกับมันจะใกล้ชิดกันมากขึ้นนะครับ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็กล้าถึงเนื้อถึงตัวกับมัน

   “เห็นกูยอมแล้วข่มกูจัง” รู้สึกหมั่นไส้แม่งฉิบหาย

   ใบหน้าของมันในกระจกดูขัดๆ เขินๆ แปลกๆ จนมันต้องกระทุ้งสีข้างผมเพื่อเอาตัวรอด

   อย่างน้อยแม่งก็ไม่โกรธที่ผมจับตัวมันล่ะวะ

   “ต้องย้ำไง มึงแม่งชอบไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง”

   “กูน่ะเหรอ” ผมชี้นิ้วใส่ตัวผม

   “ใช่”

   “...”

   “แม่งไม่เคยมองตัวเองเลยว่าตอนนี้มึงคือที่พึ่งเดียวของกู ซึ่งสำหรับกูมันสำคัญฉิบหายเลยนะ”

   “เอาล่ะ” ผมตัดบท เพราะอีกฝ่ายแม่งเริ่มสวดผมอีกแล้ว “กูไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว สบายใจเหอะ กูกราบบบบบบบบบ”

   “กูบ่นเยอะเหรอ”

   “เออ”

   “กูแค่...”

   “เนี่ย เห็นมั้ย เดี๋ยวแม่งก็วกมาเรื่องเดิมอีก”

   “กูเจ็บไง กูอุตส่าห์เชื่อใจ วางใจมึง”

   ไม่จบชัวร์ ผมที่แต่งตัวเสร็จแล้วเลื่อนเก้าอี้มากลางห้อง จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกอดอก

   “อะไรของมึงวะ” อาสาดูงงๆ กับพฤติกรรมของผม

   “บ่นมาเลย ด่ามาเลย พูดมาเลย เอาออกมาให้หมด และต้องจบภายในอีกยี่สิบนาทีนี้ด้วยนะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

   ไอ้อาสาทำสีหน้าโมโหเล็กๆ ใส่ผม “กวนตีนสาด”

   “ว่ามา รอฟัง”

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   อาสาพยักเพยิดไปที่ประตู “บททดสอบมาแล้ว”

   ผมรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เบื้องหลังประตูบานนั้นอาจจะเป็นไอ้เตและก็ไอ้ไมล์ก็ได้ ผมสบตากับอาสาก่อนจะเปิดประตู คนที่อยู่หลังประตูก็คือไอ้เต

   อาสาแม่งฮอตจริงๆ มีผู้ชายมาหาแต่เช้าตลอด #ประชดประชัน

   “มีรถไปเรียนกันยังวะ” ไอ้เตเนียนมากครับ มันวางท่าชิลๆ ซึ่งถ้าไม่คิดมากก็เหมือนเพื่อนทั่วไปเขาถามกันนั่นแหละ

   อาสายิ้มน้อยๆ แล้วก็เงียบ รอให้ผมเป็นคนตอบ โอ้ยยยย แสบสัดๆ นี่น่ะเหรอนางฟ้าของใครหลายคน กัดไม่ปล่อยจริงๆ
 
   “มีแล้ว เดี๋ยวอาสาจะไปกับกูว่ะ” ผมตอบ

   “งั้นเหรอ ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

   “กูกับมันกินของในห้องแล้วว่ะ โทษที”

   “เออ งั้นไว้เดี๋ยวเจอกัน”

   เต กูขอโทษจริงๆ ผมปิดประตูก่อนจะหันหน้ามามองอาสาที่ดูพอใจในตัวผม

   “ต้องอย่างงี้ดิ”

   “เห็นหน้าเชี่ยเตมั้ย” ผมถาม

   “จะให้กูทำไงล่ะ” มันเกาหัวตัวเองแรงๆ “สุดท้ายแล้วคนเราแม่งก็ต้องแคร์ตัวเองมากที่สุดป่ะวะ กูแคร์คนทั้งโลกไม่ได้หรอกนะ”

   อาสาพูดไปเก็บของไป ผมถอนหายใจมองตามมันก่อนจะคิดอะไรบางอย่างในใจ สิ่งที่อาสาต้องการให้ผมทำนั้นมันง่ายสำหรับผมมาก แต่อาสาไม่รู้ครับ มันคิดว่าผมฝืน มันก็เลยทดสอบผม

   มึงได้หารู้ไม่ว่า...สิ่งที่กูทำนั้นมันล้วนออกมาจากใจทั้งสิ้น และมันก็ง่ายสำหรับกูมาก

   อีกไม่นานคงจะมีวันนั้นใช่มั้ยครับ วันที่ผมเลิกแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง วันที่ผมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเพื่อนทั้งสองคน และเป็นวันที่ผมจะได้กลืนน้ำลายตัวเองอย่างชัดเจนที่สุด

   ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะสมหวังอยู่ดี

   อาสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากกอเตย ใบหน้าของมันก็ไม่สบอารมณ์ไปเลย

   อย่าลืมนะครับว่าไอ้เหี้ยที่เป็นเจ้าของหัวใจของชายหลายคน...แม่งชอบผู้หญิง

   ที่สำคัญมากไปกว่านั้นอีกก็คือจุดที่ผมยืนอยู่คือจุดที่อาสามอบคำว่าเพื่อนให้ผมอย่างเต็มร้อย แม้ปากมันจะบอกว่าผมคือความสบายใจของมัน คือที่พึ่งเดียวของมัน แต่มันก็ย้ำหลายครั้งว่าตอนนี้มันเหลือผมเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว คล้ายกับมันขีดวงกลมล้อมรอบผมไม่ให้ผมหลุดออกจากคำว่าเพื่อน ถ้าหลุดออกจากนี้คือผมทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของมัน เดินตามรอยเพื่อนมันสองคนที่มันพยายามเลี่ยงทันที

   เพราะงั้นถึงใจอยากจะชอบ แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่แม่งไม่ยอมให้ผมชอบมันง่ายๆ อยู่ดี

   การจะชอบใครสักคนแม่งต้องคิดเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ

   นางฟ้าพากูคิดหนักอีกแล้วมั้ยล่ะ!






   คณะบัญชี

   “กูชอบดีมั้ย”

   “...”

   “หรือกูไม่ชอบดี”

   ตอนนี้ปีหนึ่งเรียนกันเสร็จหมดแล้ว ผมกับเพื่อนๆ กำลังนั่งอ้อยอิ่งกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะ ทุกคนดูชิลๆ กันหมด ยกเว้นผมที่เริ่มเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที

   “หุ้นตกเหรอเพื่อน” ไอ้โอ๊คยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมๆ กับเอ่ยถาม ผมตกใจจนต้องดันหน้ามันออกไป “บ่นห่าอะไรกับตัวเองตั้งแต่มาถึงแล้วเนี่ย”

   “เรื่องของกูน่า”

   “พี่อาสามา!” เพื่อนในกลุ่มของคนหนึ่งร้องลั่น ผมหันไปมองคอแทบหัก สรุปก็คือมันล้อเล่น อาสาขึ้นไปเรียนตั้งแต่บ่ายนานแล้ว และผมก็เสือกจะเชื่อมันไปอีก

   “ตลกมากมั้ยสัด” ผมด่าเพื่อน

   “คิดมากเรื่องพี่อาสาชัวร์ๆ”

   “กูเห็นด้วย แม่งหันไปซะคอแทบเคล็ดขนาดนี้” โอ๊คพยักเพยิดกับเพื่อน “มีปัญหาอะไร ไหนเล่าซิ”

   เล่าไปก็มีแต่จะพัง ถ้าพวกมันรู้ คนทั้งหอก็จะรู้ ซึ่งคนทั้งหอที่ว่าแม่งรวมตัวละครสำคัญเอาไว้หมด อาทิเช่นไอ้เต ไอ้ไมล์ และก็ที่สำคัญที่สุดก็คือไอ้อาสา

   ผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

   “กูไม่เล่า”

   “พวกกูไม่ได้เสือกนะ พวกกูแค่อยากให้คำปรึกษา”

   เหรออออ ใครจะไปเชื่อ ไอ้พวกบ้า

   “กูถามหน่อย” ผมพูดอย่างจริงจัง “ทำไมพวกมึงต้องคิดว่ากูคิดมากเรื่องอาสาวะ” ถึงแม้ว่าพวกแม่งจะเดาถูก แต่ผมก็ขอรู้หน่อยเหอะว่ามันคิดกันได้ยังไง

   “มึงเอ๊ย” ไอ้โอ๊คหัวเราะ “แค่พี่อาสาเดินผ่านนะชาวบ้านชาวช่องเขาก็พากันหวั่นไหวจะตายห่า แล้วนี่มึงอยู่ใกล้ชิดพี่เขาที่สุดนะ ถ้ามึงจะไม่หวั่นไหวมึงก็เป็นพระพุทธรูปแล้ว”

   มั่นใจในการใช้คำพูดมาก...แต่แม่งจริงว่ะ

   “เฮ้อ” ผมถอนหายใจ “กูเองก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย”

   “กูว่ามึงมีคำตอบแล้วล่ะ” ไอ้โอ๊คหยิบขนมของเพื่อนคนอื่นมาแดกเฉย “คำตอบของมึงมันมีอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่มึงเริ่มสงสัยในตัวเอง”

   “ถ้าไม่คิดอะไร จะหวั่นไหวได้ไง”

   “ถ้าไม่คิดอะไร จะสนใจทำไมว่าเขาอยู่แถวนี้มั้ย”

   “แม่งหันคอหักอ่ะ ตอนกูแกล้ง”

   “ฉายาใหม่ต่อจากทนาย เดือนหอ เป็นทนาย หันจนคอหัก ฮ่าๆๆๆ”

   ตลกตรงไหนวะ ผมปล่อยให้พวกแม่งรื่นเริงบันเทิงใจกันต่อไป จนกระทั่งเพื่อนมันเหนื่อยที่จะหัวเราะและก็หยุดไปเอง
 
   “เพื่อนแม่งเครียดว่ะ” โอ๊คปรามทุกคนให้หยุดขำ ก่อนหันมาผม “มีห่าอะไรพูดมา”

   “กูไม่มี”

   “ไม่มีหรือพูดไม่ได้”

   “พวกเหี้ย” ผมพึมพำอย่างขุ่นมัว บทมึงจะรู้ทันมึงก็รู้ทันจังเลย

   “เอางี้ กูรู้นะว่ามึงสนิทกับพี่อาสา และพี่อาสาก็รู้จักพวกกูทุกคน แต่สิ่งที่มึงพูด มันจะหยุดอยู่แค่นี้ ตรงนี้ พวกกูจะไม่พูดถึงอีกตอนอยู่ที่อื่นถ้ามึงไม่เป็นฝ่ายพูดเอง” โอ๊คตบไปที่อกตัวเอง “ด้วยเกียรติของเด็กหอสาม”

   เพื่อนทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก จากที่คบๆ มาไอ้พวกนี้ไม่มีใครปากสว่างสักคนครับ ส่วนใหญ่จะบ้าๆ บอๆ ไม่ก็กวนประสาทมากกว่า (อีกทั้งยังหน้าตาดีสมกับเป็นเด็กหอสามอีกด้วย)

   ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองตาพวกมันแกมข่มขู่ว่า ‘ถ้าพวกมึงเอาไปปูดที่ไหน กูตามไปกระทืบไข่แน่’ กิตติศัพท์ตอนไปบุกหอสองของผมก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องขี้ๆ เพราะงั้นถึงไอ้พวกนี้มันจะเป็นเพื่อนผม แต่มันก็ยังมีความเกรงอกเกรงใจอยู่

   ผมเล่าให้พวกมันฟังคร่าวๆ เรื่องที่อาสามีคนมีเพื่อนตัวเองมารุมชอบ เรื่องที่มันจำเป็นต้องขอร้องให้ผมคอยอยู่เป็นเพื่อนมันเพราะมันแทบไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย เรื่องที่ผมวางตัวลำบากว่าจะอยู่ทีมใครดีระหว่างทีมอาสาหรือเพื่อนอีกสองคน และก็เรื่องสุดท้ายนั่นก็คือเรื่องที่ผมเริ่มสับสนเล็กๆ ในหัวใจ แต่ก็ไม่กล้าตามใจตัวเอง เพราะเหตุผลแปดล้านประการซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าผมไม่สามารถชอบอาสาได้

   หลังจากที่ฟัง เพื่อนแม่งอ้าปากค้างปล่อยให้แมลงวันบินเข้าปากหมด

   “มึงทนมีชีวิตมาอยู่ถึงตอนนี้ได้ไง”

   “เป็นกูนี่กูอึดอัดตายห่า”

   “เอาไงดีล่ะเพื่อนกู นี่เรื่องมันยากกว่าวิชาที่เพิ่งเรียนไปอีกมั้งเนี่ย”

   ผมยักไหล่พร้อมคิดในใจว่า ‘เป็นไงล่ะ เข้าใจกูหรือยัง’

   “จริงๆ มันก็ไม่ยากนะ” ไอ้โอ๊คคอสเพลย์เป็นกุนซือด้านความรัก ด้วยความพึมพำคล้ายกับคนรู้เยอะ พร้อมกับทำท่าครุ่นคิดด้วยการเอามือแตะคางตัวเอง “มึงชอบพี่อาสาหรือเปล่าล่ะ”

   ไอ้ห่า มึงถามในสิ่งที่กูกำลังสับสน!

   “เอางี้ กูเปลี่ยนคำถามก็ได้” ไอ้โอ๊คทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นสีหน้าของผม “มึงชอบพี่อาสามากแค่ไหน”

   “คำถามห่าอะไรเนี่ย” ผมโวยวายเสียงดังทันที

   “โห คิดเรื่องเขาขนาดนี้ต้องชอบบ้างนิดๆ แหละวะ” เพื่อนในกลุ่มเริ่มออกความเห็น

   “กูไม่ได้...”

   “มันไม่ได้ชอบนิดๆ หรอกมั้งกูว่า” เพื่อนคนอื่นพูดบ้า “อาจจะเป็นช่วงเริ่มต้นก็ได้นะ”

   “จริงๆ ก็ชอบนั่นแหละ แต่หาเหตุเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมากกว่า” เป็นอีกครั้งที่คำพูดของไอ้โอ๊คแทงใจดำผมอย่างจัง “มึงก็แค่รู้สึกผิดกับเพื่อนอีกสองคน และก็รวมกับที่มึงรู้สึกไม่กล้าชอบอาสาเพราะคำว่าเพื่อนค้ำคอด้วย นั่นแหละสิ่งที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้”

   ผมนิ่งชะงักค้าง ช็อกไปเป็นที่เรียบร้อย

   “จริงๆ แล้วอ่ะ มันไม่มีอะไรยากเลยนะ ถ้ามึงชอบพี่เขาจริง มึงก็จีบเลย แต่อาจจะไม่ต้องรุกหนักเหมือนพี่สองคนนั้น กูวิเคราะห์ดูแล้วนะ พี่อาสาเป็นคนที่มีเสน่ห์ แต่พี่มันไม่เคยใช้เสน่ห์อันมากมายมหาศาลนี้กับคนอื่นเลย เพราะงั้นก็เหมือนกับคนอินโนเซนต์คนหนึ่งและก็เป็นพวกไก่ตื่นด้วย ถ้ามึงชอบพี่เขาจริง มึงต้องคอยตะล่อมๆ ทีละนิด ค่อยๆ จีบอย่างเนียนๆ อย่าใจร้อน ใช้ความใกล้ชิดที่สุดของมึงเป็นจุดแข็ง เดี๋ยวพี่อาสาก็เปิดใจให้มึงเอง”

   “เดี๋ยวๆ” ผมรีบหยุดไอ้โอ๊คก่อนที่มันจะเล็กเชอร์ให้ผมฟังยาวไปมากกว่านี้ “กูยังไม่ได้ตอบมันเลยว่ากูชอบมันหรือเปล่า”
   
   สิ้นเสียงของผม เพื่อนๆ ต่างก็พากันส่งเสียงร้องโอดครวญกันใหญ่ อ้าว กูพูดไรผิดวะ

   “เอางี้ละกัน มึงไปนั่งคิดดีๆ ว่ามึงจะเอาไงกับพี่เขา ถ้ามึงชอบ มึงก็ลุยเลย”

   “แต่ว่า...”

   “เรื่องพี่เตกับพี่ไมล์กูเข้าใจมึงนะ แต่นี่คือความรักว่ะ ถ้ามึงรักจริงมึงก็ต้องทรยศคนอื่นบ้าง”

   “แต่...”   

   “พี่อาสาหวัดดีครับ” เพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมยกมือไหว้ใครก็ไม่รู้ อีกหลายๆ คนก็เริ่มพากันไหว้ตาม

   “อย่ามาอำกู คราวนี้ไม่ได้แดกกูหรอก”

   “แดกไรกัน” เป็นครั้งแรกที่เสียงของอาสาทำเอาผมรู้สึกขนหัวแทบลุก มันหันไปมองเห็นมันมองกลับมาด้วยสีหน้างงๆ
 
   เวรตะไลแล้วมั้ยล่ะ...มันจะได้ยินที่สิ่งที่ผมเพิ่งพูดกับเพื่อนๆ มั้ย!

   “คุยไรกันอยู่” อาสาหันซ้ายหันขวา จากสีหน้าและก็ท่าทางของมันทำเอาผมเบาใจไปเยอะ เพราะมันยังคงดูใสๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวตามสไตล์ของมันอยู่

   “คุยเรื่องพี่นี่แหละ” ไอ้โอ๊คส่งยิ้มให้อาสาจนตาเยิ้ม ไอ้เหี้ย! พูดออกไปแบบนั้นได้ไง

   “หา นินทากูเหรอ”

   แม่งต้องรีบลากต้นเหตุของเรื่องทุกอย่างออกไปจากตรงนี้

   “มาหากู อยากให้กูพาไปไหนเหรอ” ผมลุกขึ้นพร้อมดึงแขนอาสาให้ออกมาจากสถานการณ์ที่โคตรเสี่ยง 

    หลังจากที่ยืนอยู่กันแค่สองคน ผมก็รู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น

   “เมื่อกี้พูดถึงกูจริงหรือเปล่าวะ”

   “เชี่ยโอ๊คมันพูดเล่น”

   “เหรอ” อาสายักไหล่ เลิกใส่ใจประเด็นนี้ “จะกลับยัง”

   “หา”

   “ถ้ากลับก็กลับพร้อมกันไง”

   “...”

   “มึงตกใจอะไร เมื่อเช้ากูก็มากับมึง ตอนเย็นกูก็ต้องกลับกับมึงดิ”

   นั่นสิ ผมจะตกใจทำไมวะ นี่เป็นสิ่งสามัญธรรมดาที่เพื่อนเขาทำกัน แล้วผมจะคิดมากทำไม ผมมองไปที่กลุ่มเพื่อนซึ่งกำลังมองมาด้วยสายตาล้อเลียนพร้อมกับเอ่ยซุบซิบ

   สัดเอ๊ย

   “กลับกันเหอะ กูหมดธุระพอดี”

   “ไม่คุยกับเพื่อนต่อเหรอ”   

   “ไม่แล้ว”

   อาสาดูงงนิดหน่อย แต่ก็ยอมปล่อยให้ผมดันตัวมันเดินไปข้างหน้าทันที พวกเพื่อนส่งเสียงแซวในแบบที่ผมเห็นและได้ยินคนเดียว จนผมต้องชูนิ้วกลางใส่พวกมัน






   “ปากบอกไม่ชอบๆ แต่ก็กลัวเขารู้”

   “สมกันดีนะกูว่า”

   “ฮือ พี่อาสาของกูกำลังจะมีเจ้าของ”

   “พี่อาสาของมึงอะไรล่ะ พี่อาสาของกู”

   “ของไอ้ทนายมันว้อย เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”

   “เชี่ย อย่าพูดดัง พี่ไมล์อยู่แถวนี้นี่คือฉิบหายเลยนะ”

   “เออ ลืมไป”

   “สรุปตอนนี้พี่อาสาก็ยังเป็นของกูอยู่”

   “ยังไม่หยุดเพ้อเจ้ออีก!”







   รถของผมจอดอยู่ด้านหลังตึกคณะ หลังจากที่ได้คุยกับเพื่อนผมก็รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนที่จะต้องมาคอยคิดมากเรื่องความรู้สึกนะ ปกติแล้วผมชอบใครผมจะไม่ระมัดระวังและก็สงสัยในตัวเองขนาดนี้

   ...แต่สำหรับไอ้นี่ ไอ้คนที่กำลังเดินนำหน้าผมตอนนี้ ผมยกให้เป็นกรณีพิเศษของโคตรพิเศษ!

   นึกไปถึงคำพูดของไอ้โอ๊คกับเพื่อนๆ เมื่อไม่กี่นาทีก่อน

   “คำตอบของมึงมันมีอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่มึงเริ่มสงสัยในตัวเอง”
   “ถ้าไม่คิดอะไร จะหวั่นไหวได้ไง”
   “ถ้าไม่คิดอะไร จะสนใจทำไมว่าเขาอยู่แถวนี้มั้ย”


   นี่ผมตกหลุมรักนางฟ้าของหอสามแล้วใช่มั้ยครับ

   “เตย” อาสาพึมพำหลังจากที่ผมคิดจบพอดี ผมหันไปมองสาเหตุที่มันพูดชื่อนี้ กอเตยกำลังยืนรออยู่ที่รถผม ท่าทางของเธอเศร้าสร้อยราวกับต้องการมาง้ออาสาให้ถึงที่สุด

   เธอมาในช่วงที่ผมเพิ่งยอมรับกับตัวเองพอดี โห...นี่ผมซวยหรือผมดวงกุดเรื่องความรักวะครับ ดูสายตาไอ้อาสาสิ แม่งดูเจ็บปวดรวดร้าวขนาดนี้ แสดงว่ายังไงก็ยังแคร์อีกฝ่ายมากอยู่ดี

   “เรามาคุยกันให้รู้เรื่องเถอะ อาสาอย่าเลี่ยงเตยอีกเลย”

   “เพราะเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วไง”

   “ถ้าอาสารำคาญเตย ทำไมไม่บล็อกไปเลย ทำไมยังเปิดให้เตยติดต่ออาสาได้ทุกช่องทาง”

   “...”

   “แสดงว่าอาสาก็ยังแคร์เตยอยู่”

   ผมยืนนิ่ง มองดูสถานการณ์ตรงหน้าว่าควรจะไปเสือกดีหรือไม่ ในใจของผมอ่ะอยากเสือกแน่แท้อยู่แล้ว เพราะผมไม่เคยรู้สึกดีกับกอเตยอีกเลยหลังจากที่รู้ว่าเธอไม่ได้มีแค่อาสา

   เพียงแค่อาสามันมองมา...ส่งสายตาเว้าวอนให้ผมช่วยเหลือเหมือนเมื่อวาน ตอนที่ไอ้ไมล์มาหาเพื่อจะดูหนังด้วย ผมก็คงจะไม่ลังเลที่จะเข้าไป

   ขึ้นอยู่กับมัน...ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของมัน

   หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที อาสาก็หันมาพร้อมๆ กับส่งสายตาแบบเมื่อวานเด๊ะๆ

   ไอ้เหี้ย กูถูกหวย!

   คราวนี้กูจะไม่ปล่อยมึงเอาไว้ให้อยู่กับใครที่ไม่ใช่กูอีกแล้ว...ผมเดินเข้าไปหาอาสาพร้อมกับเกาะไหล่ อีกทั้งยังเอียงหน้าเข้าไปใกล้ “มีอะไรกันเหรอ”

   อาสาดูตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ทำเนียนๆ ไป “เอ่อ ตะ เตยมีเรื่องจะพูดกับกูว่ะ”

   “ถ้ากูไม่ให้คุยจะเป็นไรป่ะ”

   กอเตยหน้าซีดเผือดเป็นที่เรียบร้อย ผมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้อาสาจนมันถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก

   “มึงไม่ให้คุย...ก็ไม่คุยไง”

   “ดี” ผมหันไปมองกอเตย “อะไรที่มันไม่ใช่ก็ควรหยุดนะ เสียเวลาเปล่าๆ”

   ฝ่ายหญิงเสียหน้าจนต้องเดินหนีไปในที่สุด ผมมองตามก่อนจะทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยใจ หวังว่าคราวนี้เธอจะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับไอ้อาสาอีก

   ตอนที่อาสากระทุ้งสีข้างผม ผมถึงได้รู้สึกตัว

   “เนียนสัด” มันยิ้มน้อยๆ

   “ไม่กลัวเป็นข่าวกับกูหรือไงวะ ถึงได้ยอม” ผมเลิกคิ้วแล้วยิ้มตอบ

   “อะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้กูทนไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้เขาเลิกติดต่อมาได้แล้ว”

   “ทำไมมึงยังดูเศร้าๆ”

   “สาด ก็กูบอกว่ากับคนนี้กูจริงจัง”

   “แต่มึงก็ปฏิเสธเขาเอง”

   “คนปฏิเสธใช่ว่าจะไม่เจ็บนะเว้ยยย”

   แล้วแต่มึงละกัน ผมเดินไปเปิดประตูให้อาสาเพราะต้องการให้มันรีบขึ้นรถผมเร็วๆ จากนั้นเราสองคนก็อยู่ในรถเป็นที่เรียบร้อย ผมมองอาสาที่นั่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกใจสั่นผิดปกติ อาจเป็นเพราะผมรู้แล้วมั้งว่าผมจะไม่ปิดกั้นความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป

   ถ้ามันเป็นความรู้สึกที่เพิ่งเริ่ม ผมก็อยากจะเพิ่มให้มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าเดิม

   “ทีนี้มึงก็โสดสนิทดิ” ผมพึมพำพร้อมออกรถ

   “ช่าย”

   “แต่คนชอบมึงเยอะมากนะ”

   “ไอ้เตก็ด้วยเหรอ ใช่จริงๆ ใช่มั้ย” อาสายังคงสับสนเรื่องของเตอยู่

   “เอ่อ...” ผมให้มันคิดเองดีกว่า

   “เฮ้อ”

   “...”

   “มีคนชอบเยอะแล้วไงวะ กูไม่ได้ชอบคนพวกนั้นนี่”

   “งั้นมึงก็โสดสนิทสินะ”

   “มึงจะย้ำทำไมเนี่ยทนาย ตอกย้ำในความนกของกูเหรอ”

   “เปล่า”

   กูย้ำเพื่อให้กำลังใจตัวเองในการจีบมึงต่างหาก






TBC*





น้องหันหัวเรือพร้อมเป็นกัปตันแล้วค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 14-06-2017 02:22:31
วั้ยตั่ยแล้ววววววววววววว

ทนายจะเป็นพระเอกแล้วใช่ไหมลูก
งั้นเจ้พักจากทีมพี่สงครามมาอยู่ทีมทนายชั่วคราวแล้วกันนะ

ตอนนี้หนูทำดีมาก
หนูต้องขึ้นหลังเสือเสียที
อีกไม่นานอาสาต้องรักทนายในแบบคนรัก

เอ้าทนายสู้ววววววววววววว

ปล.น้องนุ่นก็สู้ๆเน้อ เจ้คิดถึงเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-06-2017 07:37:18
งืออ ขอให้ทนายโชคดี จีบนางฟ้าติดดด
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 14-06-2017 07:39:20
 :L2:  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-06-2017 08:39:41
ทนาย สู้ๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-06-2017 08:53:09
จากที่อาสาเขินๆ ตอนหน้ากระจกนี่ก็พอให้ทนายเรามีความหวังอยู่นาา   :hao3:
เอาใจช่วยทนายให้จีบอาสาติดเร็วๆ หุหุ
รักเรื่องเน้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-06-2017 08:53:47
ทนายสู้ๆ~
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: แพรพลอย ที่ 14-06-2017 09:04:29
เป็นรักสี่เศร้าที่ชวนอึดอัดเป็นที่สุดเลย นั่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อนแถมยังหลงชอบเพื่อนที่เพื่อนอีกสองคนก็ชอบด้วยอีก คือชีวิตวกวนวุ่นวายเหลือเกิน ถ้าทนายลงเอยกับอาสาแล้วแอบกลัวว่าจะเกิดการแตกหักกับเตและไมล์ แต่จะทางไหนก็ดูจะร้าวฉานทั้งนั้น เอาใจช่วยทั้งสี่คนนะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-06-2017 09:24:09
เรื่องของความรัก เรื่องของหัวใจ มันต้องมีเห็นแก่ตัวกันมั่งแกละ ลุยทนาย เอ้าาา แจวค่ะแจว ฮึบๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-06-2017 09:25:08
เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของก่อนจีบ 55
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-06-2017 09:31:29
ปวดหัวแทนทนาย อาสานี่เอาแต่ใจตัวเองอยู่หน่อยๆแฮะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 14-06-2017 09:55:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 14-06-2017 09:58:34
หึหึหึ
ต้องให้ถึงมือเพื่อน
ต้องการกำลังสนับสนุนใช่มั้ยล่าาา
ทนายจะเลิกอ้างนู้นนี่ละเนอะ จีบเลยลูก ลุยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 14-06-2017 11:24:50
อาสานี่เห็นแก่ตัวจัง ดูเอาแต่ใจมากๆด้วย ดูแคร์แต่ตัวเองมากๆแบบไม่สนใจคนอื่นเลย น่าจะคิดว่าให้ทนายทำแบบนั้นน่าจะมีปัญหาตามมาบ้างและทุกปัญหาน่าจะลงที่ทนายหมดเลย ทำไมเป็นคนแบบนี้หละเธออออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-06-2017 12:07:42
ค่อยๆเนียนๆจีบไปนะทนาย สู้ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-06-2017 12:10:13
อาสานี่กะไม่ทำอะไรด้วยตัวเองเลยว่างั้น น่าสงสารทนายที่หลงชอบคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-06-2017 14:21:13
ตอนนี้ไม่สงสารทนายได้ไหม


สงสารอาสาอย่างบอกไม่ถูก


ความเศร้าของคนหน้าตาดีสินะ ไม่เข้าใจจริงๆ


555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 14-06-2017 15:58:54
ไม่อยากให้ทนายชอบอาสาเลยอ่า
อาสาเอาแต่ใจมาก นิสัยไม่ดีเลย
ไม่เข้าใจว่ามาโกรธทนายทำไม นั่นก็เพื่อนทนายนะ
ตัวเองเอาแต่ใจเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงชอบอาสา
นอกจากเรื่องหน้าตาแล้ว ค่อนข้างเอาแต่ใจมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-06-2017 18:50:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-06-2017 19:36:19
รุกเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-06-2017 20:26:38
เกิดเป็นทนาย ลำบากใจต่อไปเถิด  :laugh:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-06-2017 21:04:50
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: nookie ที่ 14-06-2017 21:50:12
ตะมุตะมิ :mew2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 14-06-2017 22:00:46
ทนาย ใส่เกียร์เดินหน้า เลยคร๊าบ  สนุกมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-06-2017 23:51:12
จะเนียนสินะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 15-06-2017 11:22:27
   “ถ้ากูไม่ให้คุยจะเป็นไรป่ะ”

กรี๊ดดดด ดีดดิ้นนนนนนน

โอ๊ย หัวใจจจจจ
ทนายจะเดินหน้าจีบอาสาแล้วค่ะ
ยกป้ายไฟ #ทีมทนาย อิอิ
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 10 P.11 14/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 15-06-2017 11:59:52



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 11



   หลังจากที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองชอบอาสาแน่ๆ ผมก็รุกจีบมันอย่างเต็มที่จนมันหวั่นไหวใกล้จะตอบตกลงคบเป็นแฟนกับผมแล้วครับ

   ถุย!

   มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ผมอยู่ห้องเดียวกันกับมันแถมยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของมันในตอนนี้อีก จะให้ผมกระทำการรุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมันก็กระไรๆ อยู่ อย่างที่ไอ้โอ๊คมันเคยบอก อาสาน่ะน่าจะไม่ใช่พวกที่ชอบคนรุกหนักๆ เพราะตัวอย่างมีให้เห็นจากเพื่อนสองคนนั้นแล้ว

   มันตกใจจนถึงขนาดต้องย้ายห้องเลยนะ

   แล้วผมควรจะทำยังไงล่ะ ต้องทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ต้องไม่ชัดเจนแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอะไรที่อาสาเดาไม่ออก

   ยากเลยเนี่ย ปกติผมจีบคนอื่นก่อนซะที่ไหนกัน

   วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมอยู่ในห้อง 503 กับอาสา มันกำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่ ผมเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีสมาธิมากเท่าไหร่เนื่องจากอาสามันนั่งอยู่ข้างๆ มันตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ

   “คืนนี้ไอ้เตชวนไปดื่มว่ะ” มันโพล่งขึ้น ทำเอาผมมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย

   “มึงจะไปป่ะ”

   “มึงไป กูก็ไป”

   “อ้าว ทำไมขึ้นอยู่กับกูล่ะ”

   “กูจะไปคนเดียวได้ไงล่ะวะ”

   ผมมองกองชีทเรียนที่อยู่ตรงหน้า อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบมิดเทอมแล้ว แม้ว่าตอนนี้ยังมีเวลาพอสำหรับเรื่องไร้สาระ แต่ผมก็ไม่อยากไปดื่มในวันนี้อยู่ดี มันไม่มีอารมณ์น่ะครับ

   “กูอ่านหนังสือดีกว่า”

   “อืม งั้นกูก็อ่านหนังสือ”

   ว่าง่ายดีแฮะ นี่ผมอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่าคนอื่นมากจริงๆ อย่างที่ไอ้โอ๊คบอก แต่ผมเสือกโง่ ไม่รู้ว่าจะใช้โอกาสนี้ทำคะแนนให้ตัวเองได้ยังไง

   เหลือบมองดูคนนั่งข้างๆ ขนตายาวของมันกระพริบอย่างเชื่องช้าระหว่างที่สายตาไล่ไปตามตัวหนังสือ รู้สึกละมุนไปหมดในทุกการกระทำ แต่เชี่ยแม่งไม่รู้ตัวว่ากำลังทำคนอื่นเขาใจสั่น

   “มองห่าไร” อาสารู้สึกตัวในที่สุด “มีอะไรวะ”

   “ขนตามึงหลุด” ผมเฉไฉ

   “ไหน” มันทำท่าจะไปส่องกระจก แต่ผมจับตัวมันให้นั่งอยู่นิ่งๆ

   “เดี๋ยวเอาออกให้”

   มันหลับตา ปล่อยให้ผมหยิบขนตาออกให้ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แอบจ้องมองมันในระยะประชิด รู้สึกมีความสุขจนอยากเก็บภาพที่อยู่ตรงหน้านี้เอาไว้นานๆ

   “มึงเอาออกยัง” จู่ๆ อาสาก็ลืมตาขึ้นมา มันตกใจที่เห็นใบหน้าผมอยู่ใกล้มันมาก ผมรีบทำเป็นหยิบออกแล้วโยนทิ้ง

   “ขนตาเยอะสัด”

   “ได้แม่มา”

   “...”

   “เออ เกือบลืมไปแน่ะ” อาสาเอ่ย “ช่วงหลังสอบมิดเทอมคณะจะไปรับน้องนอกสถานที่”

   “รับทำไมอ่ะ” ผมโวยวาย “ยังไงหอก็มาก่อนคณะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ทำไปงั้นๆ เพื่อให้เป็นธรรมเนียม”

   แบบนี้ก็มีด้วย... “มึงไปป่ะ”

   “ไม่ได้ไปอ่ะ”

   “อ้าว ทำไมล่ะ”

   “งานแบบนี้เพื่อนไม่ให้กูไปอยู่แล้ว” แปลว่าอะไรวะ ทำไมกิจกรรมแบบนี้ถึงไม่ให้อาสาซึ่งเป็นคนที่อยู่คณะไปด้วย ผมถึงกับงงเลยทีเดียว “อยู่ดีๆ สาวๆ ก็ลงชื่อเพียบจนคนเต็ม เขาว่ากันว่าเป็นเพราะมึง”

   ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “กูน่ะเหรอ”

   “ช่าย”

   “มึงไม่ไปกูก็ไม่ไปอ่ะ” ผมพูดเสียงแข็ง “ไปร้านเหล้ามึงยังขึ้นอยู่กับกูเลย เพราะงั้นไปรับน้องกูก็ต้องขึ้นอยู่กับมึง”

   “ได้ไงวะ เขาให้ปีหนึ่งไปทุกคนนะ”

   “กูไม่ไปซะอย่าง เพื่อนปีหนึ่งกูก็มีแล้ว เยอะด้วย” ผมหมายถึงไอ้โอ๊คกับคนอื่นๆ

   “เขาจัดเพื่อให้มึงสนิทกับพวกหออื่น”

   “กูไม่อยากสนิท” นึกถึงพวกหอสองปีหนึ่งแล้วผมเซ็ง

   “ดื้อจริงๆ” อาสามองผมอย่างทึ่งๆ

   “มึงไป กูถึงจะไป”

   ประเด็นนี้เป็นอันต้องตกไปเพราะผมสรุปไว้แบบนี้ อาสาส่ายหน้าเบาๆ ให้ผม ขณะที่ผมนั้นหน้าตาบึ้งตึง รู้สึกได้เลยว่าการไปรับน้องนอกสถานที่ครั้งนี้ผมต้องไปเพราะถูกบังคับ และอาสาก็คงจะไม่ได้ไปกับผมแน่ๆ

   “กูนึกว่ามีแต่กูที่ติดมึงซะอีก” อาสาหัวเราะ

   “กูไม่ได้...ติดมึง” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว

   “รู้สึกดีนะเนี่ย” มันยิ้มจนตาหยี หัวใจผมเต้นแรงตึกตักจนทำให้ผมต้องหยิบชีทอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาแล้วเดินหนีไปอ่านบนเตียง
 
   มันช่างอ่อยคนอื่นอย่างไม่รู้ตัวได้เก่งจริงๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่อยู่ใกล้ๆ มันถึงได้หวั่นไหวหมดทุกคน เพราะไอ้อาสามันเป็นอย่างนี้ไง

   โทรศัพท์ผมสั่น คนที่โทรมาก็คือไอ้ป๊อบ ผมกดรับสายอย่างงุนงงว่ามันจะโทรมาทำไมตอนนี้

   “ฮัลโหล”

   [นอนยังวะ]

   “ไอ้สัด ยังไม่ถึงสองทุ่มเลย”

   [พวกเพื่อนโรงเรียนมันนัดดื่มอ่ะ มึงมาได้ป่ะวันนี้]

   “หา จริงดิ” พวกเพื่อนโรงเรียนที่ว่าคือเพื่อนโรงเรียนเก่าสมัยมัธยมครับ สำหรับเพื่อนห้องเก่าของผมมีประมาณ 4-5 คนมั้งที่มาเรียนที่นี่ ไอ้ป๊อบก็เป็นหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าทุกคนอยู่ปีสองหมดเลย ยกเว้นผมคนเดียว

   [จู่ๆ มันก็นัดว่ะ แม่งโคตรกะทันหัน]

   “เอาไงดี” นานๆ ทีเพื่อนเก่ามันจะนัดรวมตัวกันได้ เพราะได้ข่าวว่าต่างคนต่างอยู่หอกระจัดกระจาย อย่างไอ้ป๊อบอยู่หอหนึ่ง ผมอยู่หอสาม เพื่อนที่เหลือมีหอสี่สามคน หอหกสองคน

   [เพื่อนแม่งอยากเจอมึงมาก]   

   “โอเค งั้นไว้เจอกัน”

   ผมกดวางสาย สบสายตากับอาสาที่มองมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ

   “จะไปไหน” มันหรี่ตาถาม

   “เพื่อนโรงเรียนเก่าเขานัดกันว่ะ”

   “ดื่มเหรอ”

   “เออ”

   “อืม”

   ผมลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า การกระทำของผมเป็นไปอย่างเชื่องช้า ราวกับผมลังเลอะไรบางอย่างอยู่

   “มึงจะไปด้วยป่ะ” ผมทำเป็นถามลอยๆ

   “เพื่อนโรงเรียนเก่ามึงทั้งนั้น กูจะไปทำไมล่ะ” อาสาตอบทั้งๆ ที่เล่นโทรศัพท์อยู่

   “แต่กู...อยากให้มึงไปด้วยนะ” เสียงผมเบามากอย่างกับบ่นให้ตัวเองฟัง

   “กูเพิ่งปฏิเสธเชี่ยเตกับเชี่ยไมล์ไป”

   “ก็ไปอีกงานกับกูแทนไง”

   “เฮ้ย ถ้าพวกแม่งเห็นล่ะ”

   “เดี๋ยวกูเอาตัวบังให้”

   “ทนาย”

   “ไปกับกู”

   “แบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ติดกูอีกนะ” อาสาหัวเราะ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมลอยหน้าลอยตา พลางคิดในใจเล่นๆ ว่าดีแล้วล่ะที่มันมองว่าผมติดมัน มันจะได้รู้ไงว่ามันสำคัญสำหรับผม

   “มึงก็ติดกูเหมือนกันแหละวะ”

   “กูไม่เถียงสักคำอ่ะ”

   โอ้ยยย มึงทำอะไรกับใจกูเนี่ย อาสา พูดแบบนี้กูฟินนะ

   “ถ้ากูเงียบๆ ก็อย่าแปลกใจนะ แหะ ไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่”

   “กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง” ผมพูดให้มันสบายใจ “กูจะอยู่ตัวติดกับมึงตลอดเวลาเลย มึงไม่ต้องกังวล”






   ร้าน HH BAR หรือร้านบาร์หิ่งห้อย

   นานๆ ทีจะนัดเจอกันพวกมึงก็พากันร้านซะหรูเลยนะ ไอ้ป๊อบมันเป็นคนเลือกร้านนี้ครับ มันบอกว่าถ้าไปร้านเหล้าธรรมดาๆ ร้านอื่นมันจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะแต่ละร้านเปิดเพลงเสียงดังฉิบหาย ก็จริงของมันนะ อีกอย่างร้านนี้มีแต่พวกคนรวยจึงไม่ค่อยมีใครโฟกัสเรื่องใครมากับหออื่นไม่ใช่หอตัวเอง ยังไงก็ไม่มีการปะทะกันอย่างแน่นอน

   การที่ผมพาอาสามาด้วยเป็นการเซอร์ไพรส์ไอ้เชี่ยป๊อบเป็นอย่างมาก แม่งยิ้มไม่หุบเลยครับ ดูก็รู้ว่าดีใจมากที่ได้เจอกับอาสาระยะประชิด ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็จับตัวอาสาให้นั่งข้างๆ ผม แนะนำตัวมันกับเพื่อนทีละคนๆ ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ได้มีสีหน้าต่างจากไอ้ป๊อบเท่าไหร่ โชคดีที่ไม่ได้หื่นกระหายอยากจับมันแดกเหมือนพวกหอสอง อาสาก็เลยไม่ได้อึดอัดอะไรมากนัก

   ผมกับเพื่อนคุยกันเสียงดังมากเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ แต่ละคนก็เล่าด้านมืดของหอตัวเองให้ฟังอยากออกรสอย่างไม่กลัวว่าหอตัวเองจะเสียหายมั้ย อย่างพวกหอสี่ เพื่อนผมที่มาจากหอนี้มันเซ็งมาก วันๆ คนในหอนี้จัดแต่ปาร์ตี้ริมสระน้ำหรือไม่ก็เปลี่ยนส่วนกลางเป็นผับขนาดย่อมๆ แล้วชวนพวกผู้หญิงเข้ามา (ไอ้สัดดด หอสี่พาผู้หญิงเข้ามาในโซนหอพักชายได้ แม่งต้องเป็นอภิสิทธิ์ชนขนาดไหนวะ!) ส่วนคนที่มาจากหอหกมันบอกว่าหอมันมีแต่พวกติสต์ แต่ก็มีบางคนที่เข้าขั้นใกล้บ้า เดินอยู่เฉยๆ ก็ตะโกนออกมาก็มี แรกๆ ก็ปรับตัวยากเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชักชินแล้ว

   เพราะแม่งก็ทำแบบเขาเหมือนกัน

   “ได้ข่าวมาว่ามึงบุกเดี่ยวไปที่หอสองมาเหรอวะ”

   “เออ เป็นไงไหนเล่ามา”

   “มึงรอดมาถึงวันนี้ได้วะเพื่อน”

   “สมัยก่อนแม่งก็ไม่ใช่พวกนักเลงโตนี่หว่า”

   ผมกับอาสามองหน้ากัน อาสายิ้มมุมปากนิดหน่อย ส่วนผมก็พยายามเล่าแบบเลี่ยงๆ

   “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก กูโชคดีที่ประธานหอไม่เอาเรื่องเฉยๆ” คิดแล้วก็เซ็ง ไอ้พี่สงครามต่างหากที่มาหาเรื่องผมก่อน แต่ผมก็ต้องพูดทำนองนี้เพื่อป้องกันเรื่องต่อความยาวสาวความยืด

   “โชคดีจริงๆ ปกติพี่สงครามทำคนอื่นพังยับเลยนะ”

   “หลังๆ พี่มันใจเย็นลง”

   “ได้ข่าวว่าอินเลิฟ”

   นึกภาพคนห่ามๆ อย่างพี่สงครามอินเลิฟไม่ออกเลยว่ะ

   “หอสามมีอะไรจะเล่าป่ะวะ”

   “เออ กูก็อยากรู้ชีวิตของพวกหน้าตาดีเหมือนกัน”

   “ให้อาสาเป็นคนเล่าได้ป่ะ” ไอ้ป๊อบยิ้มให้คนที่นั่งข้างๆ ผม ผมรู้สึกหมั่นไส้มันเล็กน้อยก็เลยเตะขามัน “เตะขากูทำไม”

   “กูอยากเตะ” ผมตอบสั้นๆ

   อาสาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษนะ”

   “กูว่ากูเล่าดีกว่า” ผมพูด รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเมื่อได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนเก่าที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมานาน “มันนี่แหละคือความพิเศษของหอกู” ผมพยักเพยิดไปทางอาสาที่นั่งอยู่ข้างๆ

   ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ทุกคนทำสีหน้าเห็นด้วยกันหมด

   “ทุกคนที่อยู่หอสามต้องหวงมันหมด ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อนะ แต่ตอนนี้กูเริ่มจะเป็นแบบนั้นแล้วว่ะ”

   “เป็นแบบไหน”

   “หวงมันไง”   

   สิ้นเสียงของผม เพื่อนมันก็เริ่มเอ่ยปากแซวทันที อาสายกแก้วขึ้นดื่ม ขณะที่ผมนั้นใจกล้าหน้าด้านต่อสู้ต่อไป ไม่มีทางแพ้เสียงแซวพวกนั้นอย่างเด็ดขาด

   แพ้ก็ซวยสิครับ ในเมื่ออาสามันนั่งอยู่ใกล้ๆ นี่ ถ้าเผลอแสดงออกไปมากในตอนนี้ มันจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีนะ

   “มิน่า กูพูดกับอาสาไม่ได้เลย” ไอ้ป๊อบท้วง

   “นั่งก็นั่งติดกัน”

   “มึงหวงเพราะอยู่หอสาม หรือหวงเพราะมึงหวงเองวะสัดทนาย”

   เกลียดที่พวกเหี้ยนี่แม่งรู้ ถึงแม้สมัยก่อนจะไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน (ยกเว้นผมกับป๊อบ) แต่เพราะอยู่ห้องเดียวกันมานานอีกทั้งยังมีวีรกรรมร้อยแปดพันเก้าที่ทำร่วมกันมาอีก พวกมันถึงรู้ใจผมซะขนาดนี้

   “อย่าไปแซวแม่งให้มากดีกว่า” ไอ้ป๊อบเอ่ย “เดี๋ยวเดือนหอสามจะโดนคนในหอสามกระทืบซะเอง”

   “โทษฐานที่คิดจะสอยนางฟ้า”

   “สมบัติของหอเขา”

   “เอาล่ะๆๆ” ผมปรามพวกมัน “แซวอะไรเกรงใจมันด้วย”

   อาสามีสีหน้ายิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือแปลกๆ อะไร ทำให้ผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยที่มันโดนแซวกับผม มันก็ไม่มีท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์

   “เออ มีอีกสาเหตุหนึ่งที่กูนัดมึงมาว่ะ” ไอ้ป๊อบเปลี่ยนประเด็น “เมื่อกี้แอลทักกูมา”

   คำพูดของป๊อบทำเอาเพื่อนพากันเงียบกริบ ผมรู้สึกคิ้วกระตุกนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อนั้นหลังจากไม่ได้ยินมานาน

   แอลคือแฟนเก่าของผมไงครับ

   “เขามาถามกูว่ามึงเป็นไงบ้าง หลังจากที่ได้เห็นภาพที่ถ่ายกันวันนี้ว่ะ” ไอ้ป๊อบเขย่าจอโทรศัพท์มันให้ผมดู ภาพที่มันเพิ่งโพสต์วันนี้ก็คือภาพที่พวกเรานั่งแดกกันวันนี้นั่นแหละครับ ในภาพนั้นมีอาสาด้วย ซึ่งอาสาบอกว่าอย่าแท็กมัน เพราะเดี๋ยวไอ้เตกับไอ้ไมล์จะมาเห็น

   “เหรอ” ผมไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไง

   “และก็ยังถามกูอีกด้วยว่ามึงมีแฟนใหม่หรือยัง”

   “ถามเยอะจังวะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะอย่างขื่นๆ

   “เพราะเห็นรูปมันกับอาสาแน่เลยว่ะ” เพื่อนผมจากหอสี่พูดอย่างตื่นเต้น “ได้เวลาเอาคืนแล้วสัดทนาย”

   “เออ ได้เวลาเอาคืนแล้ว”

   อย่าทำให้เด็กนักเรียนโรงเรียนชายล้วนแค้นเชียว ทำเพื่อนมันเจ็บ ก็เหมือนทำมันเจ็บ ทุกคนรู้ดีว่าแอลกับผมเลิกกันเพราะอะไร และพวกมันก็ไม่ชอบใจอย่างมากด้วย

   เพื่อนผมส่วนใหญ่ก็อยู่ทีมผมนั่นแหละ ไม่มีใครทีมแอลเลยสักคน ส่วนเพื่อนแอลที่อยู่ห้องอื่นก็อยู่ทีมแอลครับ ตามประสาคนที่จบมาจากห้องเดียวกัน

   ผมมองไปที่อาสาที่ไร้ความเห็นในเรื่องนี้ ดูมันสนใจนิดๆ ตามประสาเพื่อนปกติ

   “บอกไปละกันว่ากำลังจีบคนใหม่อยู่”

   ตอนที่ผมพูด ผมไม่ได้มองหน้าเพื่อนเลยครับ แต่ผมมองอาสานั่นแหละ

   ไม่รู้มันเขินหรือมันคิดว่าผมพูดเล่น มันดันใบหน้าของผมให้หันไปทางอื่นด้วยมือของมันอย่างแรง จนหัวผมเอียงไปหาไอ้ป๊อบ ทั้งโต๊ะหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ

   “ต้องอย่างงี้สิ” ไอ้ป๊อบยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบแอล





   ลานจอดรถ

   “เพื่อนมึงตลกดีอ่ะ” อาสาพูด “ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละหอก็เถอะ”

   “เดี๋ยวจะนัดพวกแม่งอีก” ผมพูดอย่างหมายมั่น

   “คนชื่อป๊อบนี่เป็นอะไรกับกูมากมั้ยวะ” อาสาถามขำๆ “ชอบแซวกูอ่ะ”

   “มันปลื้มมึงไง ตอนกูมามอนี้ใหม่ๆ ก็พูดถึงแต่มึง บอกว่ามึงเป็นนางฟ้าอย่างงั้นอย่างงี้”

   อาสาหยุดเดินกะทันหัน จนผมที่เดินอยู่ชนเข้ากับหลังของมัน

   “กูไม่ชอบเลยเนี่ย ไอ้คำว่านางฟ้าห่าเหว” มันร้อง “ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ทุกคนพากันเรียกกูแบบนี้หมด”

   “ก็ดีแล้วนี่ ถูกเขาเรียกว่านางฟ้าดีกว่าถูกเรียกว่าซาตานป่ะวะ”

   “กูอยากเป็นเทวดา”

   “ไม่ได้หรอก”

   “...”

   “เพราะกูเป็นเทวดาแล้ว”

   “ถุย” อาสาทำท่าจะไล่เตะผม ผมวิ่งหนีอยู่นานหลายวินาทีจนกระทั่งเห็นรถยนต์คุ้นตากำลังขับเข้ามา ผมรีบคว้าตัวอาสามาหลบหลังรถใครก็ไม่รู้

   รถคันนั้นคือรถของไอ้เต

   อาสาก็เห็นแล้วเหมือนกัน มันมุดหลบหลังผมใหญ่เลยเพราะกลัวเพื่อนจะมาเห็น อย่างน้อยมันก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนมากไปกว่านี้ ถ้าเพื่อนรู้ว่ามันบอกปัดเพื่อจะมาดื่มกับกลุ่มอื่น สองคนนั้นก็คงรู้สึกแย่อยู่นะครับ

   ผมมองอาสาด้วยดวงตาที่เบลอๆ เล็กน้อย อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้ผมกล้ามองหน้ามันยาวนานขนาดนี้ อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกมองเลย เพราะมันมัวแต่ร้อนใจเรื่องที่เห็นรถของไอ้เตอยู่

   “มันเห็นกูมั้ยเนี่ยเมื่อตะกี้”

   “...”

   “นิสัยไอ้เตนะ ถ้ารู้ว่ากูทำแบบนี้แม่งมีโวยอ่ะ”

   อาสาหันมาสบตาผม มันกระพริบตาปริบๆ มองหน้าผมอย่างงุนงงว่าผมมองมันทำไมขนาดนั้น

   “มีอะไรวะ”

   “...”

   “ขนตากูหลุดอีกเหรอ”

   ใจผมแม่งอยากทำทุกอย่างที่เรียกว่าแต๊ะอั๋ง แต่ในเมื่อมันมีคำว่าเพื่อนคั่นอยู่ตรงกลาง ทำให้ผมไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่าการจ้องมองมันอยู่แบบนี้

   “เชี่ย อะไรของมึง” อาสาเริ่มตกใจ ตบหน้าผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ

   “มึงรังเกียจกูป่ะวะ”

   “ถามอะไรตอนนี้”

   “มึงรังเกียจกูหรือเปล่า”

   “ถ้ารังเกียจป่านนี้กูถีบมึงไปแล้ว”

   “ถ้ามึงไม่รังเกียจกู แสดงว่ามึงก็ชอบกูได้สิ”

   “เชี่ยยยยย” อาสาผลักผม “เอากุญแจรถมา เดี๋ยวกูขับเอง”

   “ชอบ...ในฐานะเพื่อนงี้”

   “หา”

   “มึงชอบกูในฐานะเพื่อนมั้ย”

   “สัดทนาย”

   “ตอบมา”

   อาสาทำหน้าเหมือนจำใจที่จะต้องตอบ “เออ ชอบบบบบบ ถ้ากูไม่ชอบมึง กูไม่ทำตัวติดกับมึงหรอก”

   นางฟ้าทำให้ผมฟินเป็นครั้งที่สองในวันนี้...แม้ว่าคำถามของผมจะเป็นการบังคับให้แม่งตอบก็ตาม อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าปลายทางผมไม่ใช่ว่าจะไม่สมหวังซะทีเดียว

   คนเราแม่งต้องทำทุกอย่างเพื่อความฟินของตัวเองสิครับ







TBC*




ถ้าได้รุกแล้วก็รุกหนักดีจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-06-2017 12:11:33
แหมมมมม ได้จังหวะก็เนียนเลยนะทนาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 15-06-2017 12:59:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 15-06-2017 13:16:27
 :-[ เมื่อไหร่อาสาจะหวั่นไหวอะเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 15-06-2017 13:17:05
โอ๊ยยยยย ฟินนนนนนนนนน ไปกับทนายด้วย
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-06-2017 13:41:10
สนุก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขำเพื่อน รร.เก่าทนาย ที่แค้นแอล
"ได้เวลาเอาคืน" อะจ๊ากกกกก ชอบบบบบบ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-06-2017 13:41:43
ทนายก็เศร้าไปนะ 555 แววนกมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-06-2017 14:40:11
ทนายดูเบลอๆเพ้อๆนะ55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-06-2017 15:48:07
แหนะเอาใหญ่ละ

เขิลทำไมเนี่ยย เขิลตามคู่พระนางเค้า มั่นไส้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-06-2017 16:06:27
หยอดเอง ฟินเอง แล้วอาสาเขารู้เรื่องด้วยไหมคุณทนายยยย? 5555555  เขายังคิดว่าคุณมองเพราะขนตาเขาหลุดอยู่เลย ถถถถถถ 555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2017 16:11:47
ทำไม  รู้สึกว่าอยากเชียร์  สงคราม+ทนาย  หว่า?
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: minomi1300 ที่ 15-06-2017 17:13:24
 ทนายเป็นคนแบบนี้หรอออออออออ อย่ารุกหนักสิ เราเขินแทนอาสานะ งื้ออออออออ เขิน เขิน เขิน เขิน เขิน เขิน เขิน เขิน >< >< >< ><  :hao7: :hao7: :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-06-2017 19:13:48
ทนายกำลังพยายามตะล่อมๆ อยู่สินะ 5555555  :hao7:
เนียนเว่อร์ หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 15-06-2017 19:26:09
ทนาย หยอดทีละนิดๆ อาสาเป็นแบบรักซึมลึก ไม่รู้ตัวว่ารัก ทีมทนาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-06-2017 19:43:35
ปรบมือให้ทนาย รู้จักจังหวะรุก จังหวะถอย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nutty_FanFan13 ที่ 15-06-2017 21:26:06
รุกหนักๆเลยค่ะ คุณทนาย  :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-06-2017 21:54:22
การที่เราพาคนที่เราไปหาเพื่อนนี่มันหมายถึงการรุกจีบแบบไม่ต้องรุกเองแต่ใช้ความเนียนใช่ปะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-06-2017 22:32:56
55555 ทนายควรเปลี่ยนไปเรียนเอกมโน โทความเนียนนะ
ทนายยอมรับได้แล้วว่าชอบ จะคืบหน้าขนาดไหนน้า ลุยเดี่ยวแบบหลอนๆซะด้วย

อาสาน่ารัก มีความหลอนระดับสูง เพราะขนาดเพื่อนสนิทยังดาหน้าเข้าหา
อาสาอย่าพึ่งหลอนทนายนะ ปล่อยให้ทนายไเ้จีบก่อน 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-06-2017 00:00:16
นี่ทนายหรืออะไร ทำไมเนียนขนาดนี้
มีการพาไปเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนด้วย
รุกเข้าไป รุกเข้าไป

อยากอ่านพาร์ทอาสาบ้าง
บาวอย่างทำให้เรารู้สึกว่าอาสาต้องหวั่นไหวกับทนายบ้างละ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 16-06-2017 03:14:39
บางทีอาสาอาจจะจำใจตอบว่า ชอบ ก็ได้นะคำถามนี้  ทยานเล่นถามไปว่าชอบในฐานะเพื่อนรึเปล่า??   อาสาหนูจะไม่หวั่นไหวเลยเหรอคะลูก   ไม่จริงน่าาา???   จริงแล้วชอบในฐานะอื่นด้วยใช่มั้ยล่าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-06-2017 08:06:21
เนียนมากอ่ะทนาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Tsurara27 ที่ 16-06-2017 12:36:06
ทนายฟิน เราก็ฟิน  :pighaun: 5555 นางฟ้าจะโดนสอยไหม รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 17-06-2017 00:27:17
ขำทนายยยยย อาสาก็ซื่อเกิ๊นนนนนน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 18-06-2017 01:37:15
เรื่องสนุกมากเลยค่ะ ชอบบ ติดตามนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 21-06-2017 04:34:59
รู้สึกเหมือนอาสาชอบทนายแล้วนะ  ทนายก็ทำเอง  ชงเอง ฟินเอง  5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: lollionlypop ที่ 21-06-2017 18:55:12
เขินเลยอะทนาย เขินแทนอาสาเลยเนี่ย .////.
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-06-2017 20:49:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 11 P.12 15/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 21-06-2017 21:05:18


บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 12



   คนเราต้องทำทุกอย่างเพื่อความฟินของตัวเอง และผมจะสืบทอดเจตนารมณ์นั้นต่อไป

   “อาสา” ผมลากเสียงยานคางอย่างน่ารำคาญ วันนี้เป็นวันที่ผมกับอาสาไม่มีเรียนตอนบ่ายเหมือนกัน วันนี้อาจารย์ทั้งคณะเขาขอยกเลิกคลาสเพื่อไปประชุมงบประมาณอะไรก็ไม่รู้ ผมกับอาสาก็เลยได้อยู่ในห้องด้วยกันตลอดทั้งบ่าย

   “มีอะไร” มันไม่สนใจผมแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่เล่นเกมในแล็ปท็อปอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ขณะที่ผมนั้นนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง

   “ไปดูหนังกัน” ผมพูดเป็นครั้งที่ห้า

   “ไม่ไป” มันก็ปฏิเสธเป็นครั้งที่ห้าเช่นเดียวกัน ไอ้สาด มึงนี่ก็ไม่เข้าใจในการทำทุกอย่างเพื่อความฟินของกูเลย

   “ทำไมอ่ะ”

   “ก็เล่นเกมอยู่ไง กำลังติดเลยเนี่ย”

   ถ้าผมเป็นแฟนมันผมคงน้อยใจตายห่า แต่นี่ผมไม่ใช่ไง ผมก็เลยได้แต่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว นานๆ ทีจะไม่มีเรียนตรงกัน มึงก็น่าจะเอาเวลาไปเที่ยว ไม่ใช่เอามาเล่นเกมแบบนี้

    จริงๆ ไม่ใช่ความผิดของมันเลยสักนิดครับ แต่เป็นความผิดผมเองนี่แหละ ตั้งแต่กลับจากร้านเหล้าเมื่อคืนวาน ผมก็เอาแต่เป็นบ้าเป็นบอเพราะอาสา ผมอยู่ใกล้มันมากจริงๆ แต่ก็เหมือนอยู่ไกลฉิบหาย ทำห่าอะไรกับมันไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นผมจึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างเซ็งๆ และก็แอบมองแผ่นหลังของอาสาที่เล่นเกมของมันต่อไปด้วยสายตาละห้อย

   มึงไม่ได้แอบรักคนอื่น มึงไม่รู้หรอกโว้ยยยยย

   “แพ้อีกแล้วว่ะ” อาสาทุบโต๊ะ “พวกหอห้าแม่งเก่งฉิบ ตอนเด็กๆ แม่งแดกเมาส์กับคีย์บอร์ดเป็นอาหารหรือไงวะ”

   “แข่งกับใครไม่แข่ง แข่งกับพวกหอห้าเนี่ยนะ”

   “แข่งกับหอนี้สนุกสุดแล้ว” อาสาได้ฤกษ์หันมาหาผมสักที “มึงนอนอืดอย่างกับเป็นพะยูน วันนี้ไม่มีอะไรทำเหรอ”

   “กูเพิ่งชวนคนบางคนไปดูหนัง ชวนตั้งหลายรอบ แต่แม่งก็ปฏิเสธอยู่ได้”

   อาสาแกล้งขมวดคิ้ว “ชวนใครว้า”

   “หมาน้อย”

   “หมาน้อยบ้านมึงสิ”

   “เร็ว” ผมขยับขาไปมา “เรื่องนี้กูอยากดูมาตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว”

   “เอะอะก็ดูหนัง เอะอะก็ไปห้าง”

   “กูเด็กกรุงเทพฯ นะ มึงอย่าลืม”

   “จริงๆ วันนี้กูขี้เกียจหน่อยๆ นะ” พอรู้ว่าถือไพ่เหนือกว่าก็เอาใหญ่ ใครแม่งพาเรียกมันว่านางฟ้าวะครับ นี่มันงูพิษชัดๆ เล่ห์เหลี่ยมเยอะฉิบหาย

   แต่เพราะน่ารักผมเลยให้อภัยก็ได้

   “มึงต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนแล้วล่ะ”

   “กูเลี้ยง” ผมยื่นข้อเสนอไปหนึ่งข้อ

   “ไม่พอว่ะ”

   ไอ้งูพิษเหี้ยเอ๊ย เยอะไปแล้วนะมึงง่ะ มึงเยอะไปแล้ว

   “มึงต้องเลี้ยงป๊อบคอร์นถังใหญ่ที่ใหญ่เหมือนโอ่งน้อยด้วย” ดูแม่งเปรียบเทียบเข้า

   “สาด ไปกันสองคน ยังไงก็แดกไม่หมด”

   “ก็กูจะแดกกกก”

   รู้สึกแค้นใจฉิบแต่ก็กล้ำกลืนฝืนทน ต้องปล่อยแม่งไปก่อน เพราะตอนนี้ผมชอบมันแล้ว ยังไงผมก็ต้องยอมมัน ผมกัดฟันพยักหน้า ในที่สุดอาสาก็ยอมลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่าทางของมันอารมณ์ดีจัด นี่มึงอยากแดกป๊อบคอร์นยักษ์ขนาดนั้นเลยเหรอ

   แต่ก็เอาเถอะ ยังไงตอนนี้มันก็ยอมไปเดตกับผมแล้ว!

   วันนี้อย่างน้อยก็ต้องมีโมเมนต์ให้ผมทำคะแนนเพิ่มล่ะวะ






   ห้างภารกร

   ยังไงผมก็ต้องดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ครับ ถึงแม้ว่าผมจะบอกกับทุกคนไปว่าผมชวนอาสาออกเดตเพื่ออยากสร้างความฟินให้กับตัวเอง แต่บางทีคนเราก็จำเป็นที่จะต้องยิงปืนนัดเดียวเพื่อได้นกสองตัว ผมต้องได้ทำคะแนนกับอาสาและผมก็ต้องได้ดูหนังด้วย เห็นมั้ย วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย

   เอ่อ ผมวินฝ่ายเดียวก็ได้

   “อยากดูอะไรขนาดนั้นวะ” ผมดูรีบมากจนอาสาอดหัวเราะไม่ได้

   “เมื่อกี้กูเปิดแอปมา เหลือรอบฉายแค่รอบเดียวว่ะ”

   “อ้าว ที่มึงอยากดูไม่ใช่หนังตลาดเหรอ” หนังตลาดทั่วไปจะมีรอบฉายเยอะครับ

   “ไม่ใช่” ผมรีบตอบ “เป็นหนังอาร์ตๆ ที่ฉายเฉพาะบางโรง และก็ใกล้ลาโรงแล้วด้วย”

   “แล้วมึงก็เพิ่งมาดูเนี่ยนะ”

   “ก็มันฉายแค่บางวัน”

   “เอาเถอะ”

   “ว่าแต่มึงพากูมาดูทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะได้ดูเรื่องอะไรเนี่ยนะ”

   อาสาพ่นลมใส่หน้าผม มันอยู่สูงกว่าเพราะมันยืนอยู่ขั้นบันไดเลื่อนมากกว่าผมหนึ่งขั้นครับ

   “ก็เชี่ยไหนแม่งอยากดูจนดิ้นแด่วๆ อยู่บนเตียงล่ะ”

   เหี้ย ดูแม่งพูด ดิ้นแด่วๆ เนี่ยนะ หมดความเท่ไปเลยกู คนนะเว้ยไม่ใช่หนอน

   “รับรองมึงจะไม่ผิดหวังกับเรื่องนี้เลยเว้ย เป็นหนังที่ดีมาก และก็น่าจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ด้วย” ผมพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “กูดีใจฉิบหายที่จังหวัดนี้เอาเข้ามาฉายอ่ะ กูแทบกราบโรงหนังเลยรู้ป่ะ”

   “พอไปถึงแล้วอย่าลืมกราบนะ”

   “ไม่”

   “ไม่ลืมเหรอ”

   “ไม่กราบดิวะไอ้สัด”

   อาสาหัวเราะตาหยี ดวงตาของมันกลายเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว อื้อหือ...มันมีความชาร์มมิ่งแผ่ออกมาเหลือล้นจนผมถึงกับมองตาค้างไปเลยครับ แต่มันไม่รู้ว่าผมมองมันอยู่

   กำไรอีกแล้วกู

   ในที่สุดก็ถึงโรงหนัง ผมสัมผัสได้ว่ามีคนมาดูมากผิดปกติ เอ๊ะ ช่วงนี้มีหนังซุปเปอร์ฮีโร่เข้าหรือเปล่าวะ ทำไมคนเยอะเหมือนทางโรงหนังแจกตั๋วฟรี เท่าที่ผมจำได้ มันไม่มีหนังฟอร์มยักษ์เข้าในสัปดาห์นี้นี่หว่า

   หรือพวกนี้จะมาดูหนังอาร์ตรอบเดียวกันกับผม

   บ้าน่า คงไม่หรอกมั้ง หนังที่ผมจะดูเป็นหนังที่โคตรไม่ใช่หนังตลาดอ่ะ มันต้องไม่ฮอตฮิตถึงขนาดคนรอดูเป็นสิบเป็นร้อยหรอก ผมกับอาสาเดินไปต่อแถว คนเยอะก็จริงแต่ใช้เวลาต่อแถวไม่นานเลยครับ ไม่ถึงห้านาทีเลยมั้ง

   “โสดเหงาเป็นนกฟลามิงโก้ รอบบ่ายสามสี่สิบครับ” ผมบอกพนักงานขายตั๋วอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับควักตังค์ออกมาเตรียมจ่ายอย่างเต็มที่

   “เอ่อ...ขอโทษนะคะ เรื่องนี้รอบบ่ายสามสี่สิบมีคนเหมาโรงไปแล้วค่ะ”

   อะ อะไรนะ

   “ว่าไงนะครับ”

   “ลูกชายเจ้าของห้างเพิ่งมาเหมาไปน่ะค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ คุณลูกค้าสนใจจะดูเรื่องอื่นรอบอื่นมั้ยคะ”

   “ใครครับลูกชายเจ้าของห้าง ใช่เพื่อนผมเปล่า” ผมรีบถามอย่างร้อนรน อาสาที่อยู่ข้างๆ สะกิดผมใหญ่เลย

   “ลูกค้ามาจากมอ B หรือเปล่าคะ”

   “ครับ”

   “ลูกชายเจ้าของห้างก็มาจากมอ B นะคะ”

   พนักงานคนนี้ก็ซื่อเกิน มีอะไรก็ตอบหมด แต่คำตอบของเธอกลับไม่เป็นประโยชน์ให้ผมเลย ผมอ้าปากพะงาบๆ เตรียมจะซักต่อ แต่อาสากลับดึงแขนผมให้ออกห่างจากเคาน์เตอร์ขายตั๋ว

   “ไม่เอา กูจะดูให้ได้” ผมโวยวายลั่น “ในกรุ๊ปไลน์โรงเรียนเก่ากูแม่งสปอยล์เรื่องนี้ฉิบหาย กูไม่ยอมมมมม”

   “ใจเย็นๆ ดิวะ” อาสาทั้งปลอบทั้งขำ “มึงเป็นห่าอะไรกับเรื่องนี้มากป่ะเนี่ย ไม่ได้ดูก็คือไม่ได้ดูสิ”

   “แต่มันกำลังจะลาโรงแล้วนะเว้ย”

   “เอาน่า” อาสาจับไหล่ผมพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดูเรื่องอื่นกันนะ อาจจะสนุกกว่าเรื่องนี้ก็ได้”

   “โอเค” นั่นยังไงล่ะ ผมต้องมนตร์เสน่ห์ของนางฟ้าไปซะฉิบ ยอมอย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่วินาที “แต่กูสงสัยว่าใครคือลูกเจ้าของห้าง แล้วแม่งก็เสือกจะมาเหมาโรงวันนี้เพื่ออะไร”

   “จริงๆ พนักงานก็ไม่น่าเปิดเผยเนอะ” อาสาพึมพำ

   “เปิดเผยอ่ะดีแล้ว กูจะได้โกรธถูกคน มึงรู้จักมันป่ะ”

   “กูว่ากูรู้นะ เป็นรุ่นพี่ อยู่หอสี่อ่ะ”

   ผมไม่สงสัยเรื่องหอพักของมันเลยสักนิด เป็นลูกเจ้าของห้าง อีกทั้งยังเหมาโรงหนังเว่อร์วังอลังการต้องเป็นไลฟ์สไตล์ของคนจากหอนี้แน่นอน ผมมองไปรอบๆ เพื่อตามหาไอ้คนที่ทำให้ผมพลาดจากการดูหนังเรื่องนี้  “ไหนขอดูหนังหน้าหน่อยซิ”

   “ไอ้สาด ไปหาเรื่องอื่นดูกัน”

   อาสาลากผมไปดูรอบหนัง มันตั้งใจดูรอบหนังที่อยู่บนจอเป็นอย่างมาก ขณะที่ผมซึ่งไม่มีหนังที่อยากดูก็ได้แต่มองซ้ายมองขวาหาไอ้ลูกเจ้าของห้างอย่างเดียว

   กูจะสาปแช่งให้แม่งขี้ไม่ออกในเช้าวันพรุ่งนี้ แค้นฉิบหาย 

   “เฮ้ยคีน น้องอาสามาว่ะ”
   “จริงป่ะ”
   “เหยดเข้ อาสามาว้อย”

   ผมหันขวับไปมองต้นเสียง เป็นผู้ชายสองคนที่ดูรวยตั้งแต่ใบหน้าลามไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับ มีคนหนึ่งที่สะดุดตาผม เพราะมันหล่อแบบมีเอกลักษณ์ดี มองหน้ามันแป๊บเดียวก็จำได้เลย

   ไอ้นี่สินะลูกเจ้าของห้าง

   “มาดูหนังเหรอครับ” ไอ้พี่คีนเข้าไปทักอาสาด้วยรอยยิ้ม ข้ามหน้าข้ามตาผมเฉย เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมพี่แม่งทำงี้วะ ผมอาจจะเป็นผัวมันไม่ใช่เพื่อนมันก็ได้ ทำไมทำเหมือนมองไม่เห็นผม
   ไม่รู้ตอนนี้ผมโกรธอะไรพี่คีนบ้าง ผมเอามาปนกันหมดแล้วครับ

   “เอ่อ ครับ” อาสาตอบรับอย่างงงๆ มันมองผมสลับกับมองไอ้พี่คีน

   “พี่เพิ่งเหมาโรงไป ดูเรื่องนี้กับพวกพี่มั้ย”

   หลายคนอาจมองว่าพี่มันมีน้ำใจ แต่ผมมองว่าพี่มันอวดรวย อวดไม่พอแถมส่งสายตามาเกี้ยวอาสาอีก ผมรู้สึกหัวมันร้อนๆ ทั้งๆ ที่ตรงนี้แอร์ก็ตกลงมาใส่หัวผม

   “ผมว่าจะดูเรื่องนี้ครับ ไม่ดูเรื่องนั้น” อาสาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม

   “ว้า เสียดายจัง เอาไว้โอกาสหน้าเนอะ เผื่อเราได้ดูด้วยกัน”

   มากเกินไปแล้วไอ้สัด คิดว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ!

   “พี่อย่าลืมชวนผมนะครับ” ผมแกล้งยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปกอดไหล่อาสา แกล้งเอาจมูกไปฝังที่แก้มมัน

   พวกหอสี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงกับอึ้งกิมกี่ แต่คนที่อึ้งกว่าเห็นจะเป็น...ไอ้อาสานี่แหละ

   กูไม่รู้เรื่องนะ สถานการณ์มันพาไป กูไม่ได้ตั้งใจ

   พี่คีนยังยิ้มมุมปากรักษามาด แต่ก็เดินจากไปโดยดีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง อาสาผลักตัวผมออก ก่อนจะถูแก้มตัวเองแรงๆ
 
   “แต๊ะอั๋งแก้มกูเหรอ ไอ้เหี้ยยยยย”

   “ก็รอทำมากกว่านี้อยู่”

   “ฟาย ไปซื้อตั๋วเลย” อาสาชี้มือ ใบหน้าของมันเป็นสีชมพูหน่อยๆ แต่ก็ทำเหมือนไม่อยากให้ผมทักท้วง

   “มึงรู้จักไอ้รวยนั่นด้วยเหรอ” ผมถามอย่างอยากรู้

   “เอาตรงๆ มั้ย”

   “...”

   “ไม่รู้จักว่ะ”

   “อ้าว” รู้สึกอยากหงายเงิบมาก “แล้วทำไมคุยกันเหมือนรู้จักกัน”

   “ทุกวันนี้กูก็จำไม่ได้แล้วว่ากูรู้จักใครบ้าง แม่งเข้ามาทักกูกันเยอะเหลือเกิน”

   ผมมองมันเหมือนมันเป็นแมลงน่ารำคาญตัวหนึ่ง ใช่ครับ แม่งน่ารักจนน่ารำคาญ ที่ผ่านมาผมค่อนข้างรู้ตัวนะว่าผมหน้าตาไม่ใช่ขี้ๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเนียนมาทักบ่อยอย่างไอ้อาสานี่เลย

   นี่มันคือวิถีชีวิตของคนเป็นนางฟ้าเหรอวะเนี่ย

   “เลือกได้แล้วเหรอว่าเรื่องอะไร” ผมถามเพื่อเปลี่ยนประเด็น ไม่ให้ตัวเองหัวร้อนไปมากกว่านี้

   “เรื่องนี้”

   ผมมองตามก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ “ไม่เอา กูไม่ดูเจ้าหญิงดิสนีย์ ดูแล้วหลับ เพราะแม่งร้องเเพลงทั้งเรื่อง และกูดูกับแม่บ่อยแล้วด้วย” ความฝันตอนเด็กๆ ของแม่ผมคืออยากเป็นเจ้าหญิงออโรร่าครับ เพราะงั้นทุกวันนี้แม่ผมก็ยังบ้าดิสนีย์อยู่ ครอบครัวเราไปดิสนีย์แลนด์กันทุกปี ไปจนผมเอียนมิกกี้เมาส์แล้วเนี่ย

   “แต่กูชอบนางเอก กูอยากดูเขา” กลายเป็นอาสาที่เป็นคนอยากดูหนังไปแล้ว “ดูเรื่องนี้ นะๆๆ”

   คิดว่าผมยอมมั้ยครับ ถ้าคิดว่าผมยอมกด 1 ถ้าคิดว่าผมไม่ยอมกด 2

   ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก

   เฉลย! มีคนกด 2 กันมั้ย คุณกดผิดครับ ผมต้องยอมมันอยู่แล้วเพราะผมชอบมัน อาสาดูกระตือรือร้นขึ้นมากระหว่างที่ดันหลังผมเข้าไปต่อแถวใหม่อีกรอบ มันดูมีความสุขจนลืมไปเลยว่าผมเพิ่งขโมยหอมแก้มมันเมื่อสักครู่

   นอกจากจะดีใจที่ผมได้แต๊ะอั๋งมันฟรีๆ แล้ว ผมยังดีใจที่มันไม่รังเกียจผมอีกต่างหาก

   งั้นก็แปลว่าอนาคตผมทำได้มากกว่านี้งั้นสิ #ครุ่นคิด






   “ตกลงจะซื้อป่ะ ป๊อบคอร์นโอ่งน้อยของมึงอ่ะ”
   “กูพูดเล่น มึงไม่ต้องซื้อนะ”
   “ก็นึกว่าอยากแดกจริงๆ กูจะได้ซื้อให้”
   “ไม่เอา ซื้อมายังไงก็แดกไม่หมด”
   “ขนกลับไปแดกที่หอก็ได้ ดึกๆ จะได้มีไรกิน”
   “มึงไม่กลัวอ้วนเหรอ”
   “กูหมายถึงมึงต่างหากที่จะแดก กูไม่แดกตอนดึกอยู่แล้ว”
   “กูไม่เคยแดกตอนดึกๆ”
   “เหรอออออ ให้กูกลับไปค้นถังขยะดูเศษถุงขนมของมึงเมื่อคืนมั้ย”
   “สัดทนายยยยย”
   “ตกลงจะแดกมั้ย”
   “แดกกกกกกกกก”

   ตอนอยู่บนรถอาสามันเล่าว่ามันเคยเห็นคนอื่นถือถังป๊อบคอร์นยักษ์บ่อยๆ แต่มันไม่เคยได้ลองกินสักที ไม่ว่ามันจะลองชวนใครซื้อมากินก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับมันสักคน ส่วนใหญ่มักจะบอกว่ามันใหญ่เกินไป ยังไงก็กินไม่หมด แต่สำหรับคราวนี้ผมจะเป็นคนสานฝันให้กับมันเอง ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วผมกับอาสาจะไม่มีใครกินป๊อบคอร์นในถังยักษ์นี้หมดก็ตาม

   หลังจากที่เราสองคนไปซื้อเสร็จ อาสาก็ดูภูมิอกภูมิใจกับถังป๊อบคอร์นขนาดยักษ์นี้มาก มันถึงขนาดถ่ายรูปอัพลงไอจีกันเลยทีเดียว ผมแอบมองด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยวันนี้ผมก็ทำให้มันมีความสุขได้

   แต่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ผมคิดว่าผมน่าจะไม่มีความสุขแล้วว่ะ

   หนังดิสนีย์เป็นหนังที่ดีครับ ผมไม่มีอะไรจะเถียงสักคำ แต่หน้าอย่างผมกับหนังเจ้าหญิง ขอโทษทีเหอะ มันเข้ากันตรงไหน ผมบอกอาสาให้รอจนกว่าคนเข้าโรงไปให้หมดก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไป อารมณ์คงเหมือนกับพี่สงคราม ตอนที่ไม่อยากให้คนอื่นจับได้ว่ามากินขนมร้านสีชมพูหวานแหววน่ะครับ

   เรื่องนี้ใครไม่ถือ แต่ผมถืออ่ะ

   หลังจากที่เข้าไปในโรง ผมก็กระซิบข้างหูอาสาที่อยู่ทางซ้ายมือว่า “กูขอหลับนะ”

   “สาด แล้วจะซื้อตั๋วเข้ามาทำไม”

   “ซื้อมานั่งเป็นเพื่อนมึงไง”

   ตอนที่หนังเริ่ม ผมก็ขยับตัวให้หลังเคลื่อนที่ลงต่ำมากยิ่งขึ้นจะได้หลับสบาย แม้ว่าขาผมจะยาวจนเกือบจะชนเบาะที่อยู่ข้างหน้าก็ตาม แต่ผมไม่สน ผมรู้ว่าหนังดิสนีย์เป็นยังไง และผมจะนอนอย่างพอใจจนกว่าหนังเรื่องนี้จะจบ

   ผมเอียงคอไปซบกับไหล่ของอาสาซึ่งคอยเหลือบมองมาทางผมตลอด บางครั้งมันก็พ่นลมใส่ บางครั้งมันก็ส่ายหน้า หรือบางครั้งมันก็คอยดูว่าผมหลับอยู่หรือเปล่า

   ตลอดทั้งเรื่องผมหลับบ้างไม่หลับบ้าง แต่ที่ผมทำอยู่ตลอดก็คือซบไหล่มัน...และก็แอบเอาแขนซ้ายของผมไปประสานกับแขนขวาของมันระหว่างนอนด้วยนี่แหละ

   อาสาแม่งไม่ด่าผมสักคำ มิหนำซ้ำยังไม่อึดอัดไม่อะไรด้วย มันปล่อยให้ผมทำตัวเหมือนแฟนมันต่อไปเฉย จนผมคิดในใจว่าไม่ใช่มันหรอกที่จะแย่

   แต่เป็นผมเองนี่แหละที่หวั่นไหวจนไม่รู้จะหวั่นไหวยังไงแล้ว








   ร้านอาหาร

   ผมหาวเป็นครั้งที่สามหลังจากที่มานั่งร้านนี้ อาสาที่นั่งข้างๆ ถังป๊อบคอร์นโอ่งน้อยกำลังอิ่มอร่อยกับอาหาร ส่วนผมทานเสร็จตั้งแต่ห้านาทีแรกที่อาหารถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ มันจึงส่งผลให้ผมเริ่มง่วงนอนเล็กน้อย ถึงจะเป็นอย่างนั้น หางตาของผมก็เหลือบไปมองเห็นพนักงานชายสองสามคนที่จ้องมองอาสาตาเป็นมันพร้อมกับซุบซิบ

   แม้แต่พนักงานร้านอาหาร...ความฮอตของแม่งก็ยังไม่ยกเว้น   

   “นางเอกโคตรสวยอ่ะ ใจกูละลายเลย” อาสาพูดในสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับทำหน้าเซ็ง

   มึงสวยกว่าอีกไอ้ห่า...

   “แต่มึงคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก เพราะมึงหลับ”

   “กูรู้ กูรู้ว่ามีคนสวย”

   “รู้ห่าอะไร กูไม่เห็นมึงมองจอเลย”

   “กูมองแต่มึงไง” ผมยักคิ้วพร้อมส่งยิ้มให้

   “เป็นไรมากมั้ยวันนี้ ตั้งแต่มึงหอมแก้มกูแล้วนะมึงอ่ะ”

   “นี่ยังจะต้องสืบอีกเหรอ” ผมรุกหนักเกินไปเปล่าวะ ชักสงสัยแล้ว แต่ปากมันก็พูดไปแล้วอ่ะ

   “อาหารที่สั่งได้ครบนะครับ” พนักงานชายคนที่น่าจะชอบอาสาที่สุดเดินเข้ามาใกล้โต๊ะพร้อมกับรอยยิ้ม มันช่างเป็นมนุษย์ที่ตาตี่จริงๆ เหมือนดวงตาของมันมีแค่ขีดเดียวน่ะครับ

   พวกกูแดกจนใกล้จะหมดแล้วทำไมมึงเพิ่งมาถาม ถามไม่พอยังมาขัดบรรยากาศสุดโรแมนติกด้วย

   อาสาพยักหน้าและส่งรอยยิ้มให้ ผมชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็น

   “รับอะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ” ไอ้ตาขีดให้ไปถามอาสา จงใจจะพูดกับอาสาคนเดียวชัดๆ ให้ตายเถอะ นี่กูพามันมาเดตหรือพามันมาบริหารเสน่ห์กันแน่ ทำไมมีแต่เพศผู้รุมตอม

   “เอาอะไรมั้ย” อาสาถามผม

   “ที่รักอยากแดกอะไร ที่รักเลือกเลย”

   เงิบมั้ยล่ะมึงไอ้ตาขีด ผมมองมันด้วยสายตาบึ้งตึง จนในที่สุดมันก็ยอมแพ้และก็ชะล่าถอยไป ผมยิ้มกริ่มอย่างถูกอกถูกใจ แต่เมื่อสบสายตากับอาสา ผมก็เป็นอันต้องหุบยิ้ม

   “กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ” ผมออกตัวไว้ก่อน “มึงก็น่าจะรู้ว่ามันกะจะมาเต๊าะมึงชัดๆ กูก็ต้องปกป้องมึงหรือเปล่าวะ”

   อาสายิ้ม “ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

   แค่คำพูดไม่กี่คำ การกระทำไม่กี่อย่างของมันก็ทำเอาผมถึงกับไปต่อไม่เป็น ไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรต่อไป

   “มึงไม่ใสใช่ป่ะ” หลังจากเงียบกันอยู่นาน ผมจึงโพล่งประโยคนี้ออกไป

   “หมายความว่าไง”

   “ก็นึกว่าจะยอมไปหมดทุกคน”

   อาสาชักสีหน้า “สาดดดดด อย่าให้กูต้องเล่าเลย”

   “พูดถึงขนาดนี้มึงก็เล่ามาเหอะ” จริงๆ แล้วผมเองอยากรู้น่ะ

   “ถ้าไม่ปฏิเสธเลยมันก็จะแปลกๆ ป่ะ ในเมื่อไม่ว่าจะไปไหนยังไงก็ต้องโดนอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ถูกมองอ่ะ” แม้จะฟังดูน่าหมั่นไส้...แต่สิ่งที่มันพูดแม่งก็จริงทุกคำ “อย่างมึงกูว่ามีประสบการณ์เยอะกว่ากูอีกมั้ง ทำผู้หญิงที่เข้ามาหาหน้าแตกไปกี่คนแล้วล่ะ”

   “ก็เยอะอยู่” ผมยักไหล่ “สมัยอยู่ม.ปลายเคยเกือบลากเข้าห้องน้ำด้วยนะ”

   “เฮ้ย ใครลาก ตุ๊ดเหรอ”

   “เปล่า ผู้หญิงนี่แหละ ผู้หญิงเมาด้วย เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที” ผมหัวเราะเมื่อนึกถึงวันวาน “แม่งโคตรจี้ พวกเพื่อนกูต้องมาช่วยกันกูออกจากผู้หญิงพวกนั้นกันใหญ่ แทนที่ผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายถูกป้องกัน นึกแล้วก็ขำ”

   “มึงสมัยม.ปลายกับตอนนี้ตอนไหนหล่อกว่ากัน”

   “พูดยาก เพราะกูมันหล่อตลอดกาล”

   อาสากระแอมพร้อมยกมือเตรียมเรียกพนักงาน แต่ผมร้องห้าม “ไม่ต้องเดี๋ยวกูพูดกับแม่งเอง คิดเงินด้วยครับ”

   ใช้เวลาประมาณสองสามนาทีพนักงานก็มาเก็บตังค์ เป็นไอ้ตาขีดคนเดิมด้วย แม้ว่ามันทำท่าจะมาเก็บเงินที่ผม แต่สายตาของมันก็ยังมองไปที่อาสาอยู่ดี

   นี่ถ้าผมเป็นแฟนอาสาจริงๆ ผมไม่ยอมแล้วนะเนี่ย

   ราคาอาหาร 314 บาท ผมจ่ายแบงก์ 500 บาทพร้อมเหรียญบาทอีก 4 เหรียญที่ผมมีติดกระเป๋าตังค์พอดี ผมใช้กระเป๋าตังค์แบบหนึ่งพับ ทั้งบางและก็จุน้อยเพราะงั้นจึงไม่ชอบพกเหรียญเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่งผมจะได้รับตังค์ทอนกลับมาแบบที่ไม่ต้องมีเหรียญ หรือไม่ก็เป็นเหรียญสิบบาทซึ่งก็โอเค

   ไอ้ตาขีดกลับมาพร้อมกับเงินทอน 190 บาท แต่ช้าแต่ 180 บาทเป็นแบงก์หมดยกเว้น 10 บาทที่เป็นเงินเหรียญบาททั้งดุ้น

   มึงจงใจกวนตีนแล้วแบบนี้!

   “เฮ้ย นี่อะไรของมึงวะ” อาสารีบย้ายมานั่งข้างๆ ผมพร้อมยกมือปิดปากผมเอาไว้ พนักงานเดินจากไปแล้วแต่ผมยังคงโมโหอยู่ “มันกวนตีนกู”

   “เขาคงอยากได้ทิป” อาสาหยิบเงินของตัวเองใส่เข้าไปเพิ่มด้วย “กลับกัน” มันลากผมให้ออกไปจากร้าน ตัวผมอ่อนไปตามแรงของมัน แต่อารมณ์ของผมเดือดพล่านมาก ใกล้จะล้มเคาน์เตอร์เก็บเงินอยู่แล้ว

   “เฮ้ย ไปให้แม่งเพิ่มทำไม”

   “เอาน่า”

   “มึงถูกใจแม่งเหรอ”

   “จะบ้าเหรอ”

   “เอาคืนมาให้หมด เหรียญบาทกูก็เอา”

   “พอแล้วทนาย พอ”

   “เหรียญห้า เหรียญสิบกูจะไม่ว่าเลย นี่เหรียญบาทนะ เหรียญบาท!”

   “อะไรจะแค้นฝังหุ่นปานนั้น”

   “มันจงใจกวนตีนอ่ะ กูรู้สึกว่ามันลองใจกู กูไม่อยากแพ้” ผมคงเหมือนเด็กน้อยอย่างที่อาสาเคยทักไว้เมื่อครั้งกระโน้น ตอนนี้มันก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกันเพราะมันเอาแต่หัวเราะ ไม่ถือสาความโกรธของผมแม้แต่น้อย

   “มึงชนะแล้ว”

   “กูแพ้”

   “ทนาย มึงชนะ สำหรับกูมึงชนะเสมอ โอเคป่ะ”

   ชะงักเลยกู...เหมือนความโกรธของผมถูกแช่แข็งอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ละลายหายไปหมดในชั่วพริบตา นางฟ้าสำแดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว

   เหี้ย ผมเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะว่าชีวิตผมต่อจากนี้ไปมีจุดอ่อนเพิ่มขึ้นมาหนึ่ง พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์อาจจะมีจุดอ่อนที่หัวใจ...แต่ผมมีจุดอ่อนอยู่ที่อาสา

   “ชนะอะไร ชนะใจหรือเปล่า” ขอหยอดไปหนึ่งดอก

   “ยังจะเล่น” อาสาคิดว่าผมเล่นมุขไปซะฉิบ

   “ไม่ได้เล่น นี่จริงจัง”

   “ทั้งวันเลยนะมึง ทั้งวันเลยนะวันนี้อ่ะ”

   “คนบ้าอะไรจะเล่นได้ทั้งวัน มีแต่คนจริงจังเขาทำงี้กัน” แม้ผมจะยังไม่พูดตรงๆ แต่อย่างน้อยช่วยรับช่วยรู้สักนิดหนึ่งเถอะ
ช่วยเขินกูบ้างก็ได้ นิดหน่อยก็ยังดี ให้กูได้มีกำลังใจจีบมึงต่อหน่อยเถอะ

   “มึงนี่นะ” อาสาเดินเลี่ยงผมไป ผมพยายามเร่งฝีเท้าตามมันให้ทัน แต่มันก็เดินไวมากเหลือเกิน ผมจึงไม่เห็นสีหน้ามันว่ามันเป็นยังไง

   แต่ท่าทางของมันกำลังบอกว่ามันกำลังเขินผม

  เรื่องพนักงานต้องการทิปกูอาจจะแพ้ แต่เรื่องมึงกูไม่ยอมแพ้จริงๆ นะอาสา




TBC*




อีกไม่นานก็คงตกร่องปล่องชิ้น 555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-06-2017 21:16:33
กว่าจะได้จีบเป็นแฟนกัน ถถถถถ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2017 21:38:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-06-2017 21:43:27
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-06-2017 21:48:06
ทนาย อาสา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อาสา ฮ็อตสุดๆ
ไปไหนก็มีแต่คนชอบ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 21-06-2017 22:03:12
สัมผัสได้ถึงความหวั่นไหวของอาสา  หมาหยอกไก่ทีเล่นทีจริงแบบนี้ ถ้าเราเป็นอาสานะ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางได้เป็น ... งือออ) เราคงลังเลอ่ะ ทนายมันเอาจริงป่าวเนี่ย?? อะไรงั้น
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 21-06-2017 22:23:35
ขอบคุณค่ะ มีความน่ารักมุ้งมิ้ง ทนายเนียนๆต่อไป ชอบป๊อบคอร์นโอ่งน้อยของอาสา ความฝันเป็นจริงแล้วนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 21-06-2017 22:33:54
ทนายอาสา จะลงเอยแล้วเหรอ ยังคิดถึงอยู่เลย ตอนนี้ก็ยังติด ตอนใหม่ก็อยากอ่าน โทษใครดีล่ะ
คุณ Chiffon_cake เขียนเก่งเกินไปแล้ว สนุกทุกเรื่องเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-06-2017 00:15:17
หยอดบ่อยยังกับพ่อค้าขนมครก หยอดจริงหยอดจัง หยอดทุกครั้งที่มีโอกาส 555555 เราว่าอาสาก็ต้องมีอานรมณ์หวั่นไหวกับทนายบ้างแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-06-2017 01:03:38
ตอนนี้คือทนายแบบมโนเพ้อพกหนักมากก อาการหนักนะเราน่ะ5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 22-06-2017 05:13:55
ทนาย คนเนียน 2017
55555555555555555
นางเคลมเร็วเว่อร์  :hao7:
อาสาก็ดูท่าจะเขินใช่ย่อยนะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 22-06-2017 07:02:10
 :o8:  ดูน่ารักมุ้งมิ้งกันจัง #ทนายอาสา 
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 22-06-2017 07:25:28
เจอทนายหยอดขนาดนี้ อาสาก็เขินด้วย มันยังไงกันล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-06-2017 08:29:50
หยอดวันล่ะนิดก็ฟิน~
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-06-2017 10:56:10
สุดยอดแห่งความเนียน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: maii ที่ 22-06-2017 11:37:38
อยากอ่านพาร์ทอาสา อย่ารู้ความคิดน้อง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 22-06-2017 23:44:46
555 ทนายก็แอบไบโพลาร์นะ
แต่ความอยากฟินของทนายช่างรุนแรง
อาสาไม่รู้จริงเรอะ ว่าทนายกำลังจีบอ่ะ
เราว่าน่าจะรู้น่าาาาา มีขงมีเขิน
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-06-2017 00:00:03
จ้าา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 23-06-2017 07:15:20
ได้ทีก็เนียนเลยนะทนาย 555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-06-2017 10:03:52
เราตลกอะ

เราไม่รู้สึกว่าทนายจีบเลยอะ มันไม่มีความรู้สึกว่าถูกคุกครามมั้ง


มันเหมือนเพื่อนที่มีนิสัยจี้ กวนทีนเล่นด้วยอะ


ไอ้เขิลมันก็ต้องมีบ้างแหละ แต่มันตลกมากกว่า 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-06-2017 09:07:19
55555 ความเนียนนี้ ได้แต่ใดมา จัดไปรัว ๆ ค่ะ

ทนายแพ้ทางอาสาหนักมาก มีความอ้อน งอแง ง้องอน 55555
อาสาก็น่ารัก แอบเกรียน แถมเอาอยู่

จัดหนักจัดเต็มกันไปเลยจ้า อยากรู้ว่าอาสาจะคิดว่าเล่นไหม หรือรู้ว่าจริงจัง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-06-2017 16:36:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Pipetalala ที่ 25-06-2017 15:01:39
พี่สงงงงงง เท่จุงเบรยน้องชอบบบบ :impress2:
มันมีซัมซุง เอ้ย! ซัมติงค์นะคะขุนพี่สงกับขุนพี่อ้ายยยยย >///<

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 02-07-2017 14:39:48
โอยยย ทนายตอนแรกกะตอนนี้ช่างแตกต่าง ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้นะ 555555  ขำำำ
ปล.หนูสงสัยคู่ใหญ่ค่ะเจ้ พี่สงครามมีความรักนี่กะใครร หอสามป่าววว วร้ายยย อยากรู้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-07-2017 01:26:30
next episode please!

 :call:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-07-2017 03:58:41
 :katai3:  รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Iamex ที่ 17-07-2017 21:46:10
เมื่อไหร่จะมาซักทีน๊า....  :hao5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 21-07-2017 14:00:06
เมื่อไหร่จะมาอะคร้าาาาาาาาา  เค้ารออยู่อ่ะ  นะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ   :call: :call: :call:   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Iamex ที่ 24-07-2017 06:22:07
เมื่อไหร่จะมาน๊าาาาา :sad11:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : ตอนที่ 12 P.13 21/06/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 01-08-2017 13:14:36





บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 13


นับตั้งแต่วันนั้นลองทายดูสิครับว่าเรื่องของผมกับอาสามีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า

กด 1 คืบหน้าโคตรๆ
กด 2 คืบหน้าทีละนิดแบบกระดึ๊บๆ
กด 3 ไม่คืบหน้าเลย
กด 4 มึงจะให้กูกดทำเชี่ยอะไรนักหนา

โอเค ทุกคนกด 4 กันหมดผมรู้ แต่คำตอบที่ถูกต้องจริงๆ ก็คือ 3 ครับ ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ไม่มีเลย! ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามนะ แต่สถานการณ์แม่งไม่เอื้ออำนวยต่างหาก ซึ่งมันมีสาเหตุมาจากหลายเหตุผลด้วยกัน นั่นก็คือหนึ่งเพราะอาสามีงานเข้าเรื่องที่ต้องทำการบ้านส่งอาจารย์ และสองคือผมถูกพี่อ้ายสั่งให้ไปเดินแบบเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ที่ในเมือง

บอกตามตรงนะ ผมไม่รู้ว่างานนี้เกี่ยวเหี้ยอะไรกับผม แต่พี่อ้ายบอกว่าผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้เป็นสปอนเซอร์ให้ทางมหา’ลัยมาเนิ่นนาน และเขาต้องการคนที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้สินค้ากับมหา’ลัยได้ ซึ่งพี่อ้ายบอกว่าตอนนี้ผมเป็นเด็กหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ ยอดไลค์ในเพจคิวต์บอยพุ่งพรวดทั้งๆ ที่แอดมินโพสต์แค่รูปผมหันใบหน้าด้านข้างและตัวผมมีขนาดเท่ามด ดังนั้นพี่อ้ายก็เลยขอร้องกึ่งบังคับให้ผมไปเดินแบบให้วันเสาร์นี้

ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่พี่อ้ายแอบมากระซิบใกล้ๆ ว่าพวกหออื่นก็ส่งคนหน้าดีที่สุดให้ไปเดินด้วย และแต่ละคนที่ถูกส่งมาก็ไม่ใช่ขี้ๆ หอสามซึ่งเป็นหอที่ได้เปรียบที่สุดจะประมาทไม่ได้ ต้องส่งตัวท็อปอย่างผมกับไอ้เชี่ยเตไป

ว่าแต่...พี่ถามผมหรือยังก่อนที่พี่คิดจะทำอะไรอ่ะ โธ่

เย็นวันศุกร์ผมมีนัดซ้อมเดินแบบเล็กน้อย ผมกำลังนั่งอยู่ในห้อง 503 มองดูอาสาที่ทึ้งหัวตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน มันกำลังทำการบ้านของอาจารย์สุดโหดคนหนึ่งอยู่ ซึ่งเป็นงานที่อยู่ดีๆ มันก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำ อาสาบอกผมว่าช่วงที่อาจารย์สั่งมันต้องเผลองีบหลับไปอย่างแน่นอน

คนที่จะช่วยเหลือมันได้มีเพียงไม่กี่คน นั่นก็คือเด็กหอสามที่เรียนอยู่บัญชีปีสองทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้ไมล์ด้วย และตอนนี้มันกับคนอื่นๆ ก็กำลังเดินเข้ามาในห้องของผมกับอาสาเพื่อมาช่วยเหลือ

ดูจากสายตาและการกระทำ อาสากับไมล์ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมาเครียดเรื่องดราม่าระหว่างมันทั้งสองคน ตรงกันข้ามพวกมันกลับเอาแต่คุยเรื่องงาน ช่วยกันคิด ช่วยกันคำนวณ จนผมที่นั่งมองอยู่รู้สึกราวกับว่าสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอึดอัดใจต่อกัน

มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะครับหากตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอาสา เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมชอบอาสาไปแล้วไง
เพราะงั้นผมจึงต้องมานั่งหัวร้อนอยู่ในซอกมุมเล็กๆ แบบนี้

“ตรงนี้มันผิดหรือเปล่าวะ” ไมล์ขยับตัวเข้าไปใกล้อาสา เอื้อมมือไปวางชีทเรียนข้างๆ ดูกลายๆ เหมือนกำลังโอบอาสาที่นั่งอยู่
ผมกำโทรศัพท์แน่น ตอนนี้ผมเข้าแอพฯ อะไรอยู่ก็ไม่รู้ สติสตังหายไปหมดแล้ว

“เชี่ย ผิดจริงด้วย” อาสาโวย “โอ๊้ย กูจะบ้าตาย”

“อย่าเครียด ไม่ยากโว้ย” ไมล์ตบไหล่อีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ไม่หวังสิ่งใด

“ถ้าไม่มีมึงกูตายแน่เลย”

เย็นไว้ทนาย มึงเย็นไว้ เขาแค่ทำงานทำการบ้าน เขาไม่ได้จีบกัน...

“เดี๋ยวกูช่วยจนกว่ามึงจะเสร็จ”

“เออ ขอบใจมากนะ”

ทำไมต้องมีงานเดินแบบห่าเหวอะไรตอนนี้ด้วยวะ ผมกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า นึกโทษโชคชะตาที่กำหนดให้ผมต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ ไมล์เห็นว่าผมเงียบไปก็เลยหันมาคุยด้วย

“พรุ่งนี้มึงกับเตเดินบ่ายสองใช่ป่ะ”

ผมพยักหน้า

“เดี๋ยวกูกับเชี่ยอาสาจะไปดูนะ”

“แต๊งกิ้วมาก”

“สู้ๆ นะมึง ปีก่อนกูก็โดน” ไอ้ไมล์เล่าด้วยท่าทางสบายๆ “คนที่จะทำให้มึงเครียดไม่ใช่คนจากหออื่น แต่เป็นพี่อ้าย”

“ทำไมวะ” ผมชักจะหวาดระแวง

“พี่มันแม่งกลัวมึงจะทำเสียชื่อหอสามไง ฮ่าๆๆ”

“มันไม่ทำเสียชื่อหรอก” อาสาหันมาพูดบ้าง “มันหล่อสุดๆ แล้ว พี่สงครามที่ว่าโคตรเท่ยังสู้มันไม่ได้เลย”

คำพูดที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรของอาสากลับทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากรับงานเดินแบบไปอีกห้าร้อยงานโดยไม่คิดค่าตัว

“อวยสัดๆ”

“ให้กำลังใจมันหน่อย มันเครียดจนหน้าเสียไปหมดแล้ว”

กูหวงมึงต่างหากล่ะไอ้บ้า...ผมลุกจากเตียงอย่างเซ็งๆ เพราะถึงเวลาที่ต้องไปซ้อมแล้ว

“เฮ้ย รอแป๊บเดี๋ยวลงไปด้วย” อาสาลุกบ้าง “พวกมึงจะกินอะไร เดี๋ยวซื้อมาให้” ที่แท้มันก็อยากเลี้ยงของกินเพื่อนที่มาช่วยมันนี่เอง ผมรออาสาครู่หนึ่ง จากนั้นเราก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน

“เป็นอะไรไป” อาสาเอ่ยท้วงทันทีที่เราสองคนอยู่ตามลำพัง “มึงเครียดเรื่องงานเดินแบบเหรอ”

“เปล่า”

“แล้วมึงเครียดเรื่องอะไรวะ”

“คือ...” ผมมองอาสาอย่างลังเล ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาเลยดีกว่า “มึงอยู่ตามลำพังกับคนพวกนั้นได้แน่นะ”

อาสาอึ้งไปเล็กน้อย “ได้สิวะ”

“ไม่อึดอัดแล้วใช่ป่ะ”

“ตอนนี้กลัวเรื่องงานไม่เสร็จมากกว่า”

“อืม” แทนที่จะเบาใจ ผมกลับหนักใจมากกว่าเดิม ผมพาอาสาไปยังร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใต้หอ รอมันเลี้ยงขนมจนพอใจ จากนั้นก็เดินขึ้นไปส่งมันอีกรอบ

“ทำไมยังไม่ไปอีก”

“เออน่า ไปส่งมึงก่อน”

“เป็นห่วงกูเหรอ” อาสาพูดยิ้มๆ “มึงไม่ค่อยทิ้งให้กูอยู่คนเดียวแล้ว พอจะทิ้งให้อยู่กับคนอื่นมึงก็เลยเป็นห่วงกูใช่มั้ยล่ะ”

“เออ” ผมยอมรับอย่างไม่อ้อมค้อม อาสาถึงกับพูดไม่ออก “ตอบไลน์กูบ่อยๆ ได้ป่ะ”

“อย่าห่วงเลยน่า พวกนั้นเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา”

“อย่าลืมนะว่ามีไอ้ไมล์”

“...”

“ไม่รู้ล่ะ กูหวง เอ๊ย ห่วง” เกือบหลุดแล้วมั้ยล่ะไอ้ทนาย!

“ถ้ามันจะทำให้มึงรู้สึกดีขึ้นกูจะตอบไลน์มึงบ่อยๆ ก็ได้” อาสายิ้มอีกรอบ เป็นรอยยิ้มที่หวานกว่าเดิมจนใจผมแทบละลาย นี่มันกำลังอ่อยผมอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย

งูพิษตัวนี้น่ารักขึ้นเรื่อยๆ แฮะ

“พรุ่งนี้เดี๋ยวกูจะไปดู ยังไงวันนี้มึงก็ตั้งใจซ้อมนะ”

“อยากให้กูหล่อที่สุดป่ะ” ผมถามมันต่ออย่างอ้อยอิ่ง

“ถามห่าไรของมึง”

“เออน่า ตอบมาเถอะน่า”

“มึงหล่อที่สุดอยู่แล้ว ยังจะถามกูอีกทำไม”

ผมเก่งด้านหาเรื่องฟินให้ตัวเองจริงๆ ครับ ผมยิ้มกริ่มถูกใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไอ้อาสาเบาๆ แล้วก็ขอตัวไปซ้อมเดินแบบสักที

โดยไม่รู้เลยว่าลับหลังผม อาสามันมองตามและก็บ่นพึมพำ

“อะไรของแม่ง เดี๋ยวก็หน้าบึ้งเดี๋ยวก็ยิ้ม”







LAWYER : เสร็จยัง
ARSA : ยัง
ARSA : นี่มึงพิมพ์คำเดิมเป็นครั้งที่สี่แล้วนะ
LAWYER : เหรอ ไม่รู้ตัวเลย
ARSA : เลื่อนขึ้นไปดูก็เห็น ไอ้สัด


มันเป็นแผนของผมเองแหละ ผมต้องทักอาสาบ่อยๆ ไอ้ไมล์จะได้ไม่มีโอกาสในการทำคะแนน ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในตึกอเนกประสงค์ซึ่งเป็นที่สำหรับซ้อมเดินแบบในครั้งนี้ ตัวแทนแต่ละหอที่ถูกส่งมามีบางคนซึ่งผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีอย่างพี่สงคราม ไอ้เต และก็ไอ้พี่คีน

คนที่มากับผมและไอ้เตคือพี่อ้าย เป็นจริงอย่างที่ไอ้ไมล์บอก พี่อ้ายจะเข้ามากดดันแทนที่จะอยู่เฉยๆ พี่มันเอาแต่ขยับปากขมุบขมิบบอกผมกับไอ้เตว่า ‘หล่อๆ นะมึง’ ‘หอเราหล่อสุดอยู่แล้ว’ ‘อย่าให้เห็นนะว่าพวกมึงหลังค่อม’ ‘หออื่นก็งั้นๆ แหละ’

เอาเป็นว่าเรื่องงานที่ต้องใช้หน้าตา พี่อ้ายจะขอสู้ขาดใจ พี่มันสารภาพให้ผมฟังว่าพวกหอสามมีคนจับตามองเยอะก็จริง แต่ก็เหมือนดาบสองคม มีคนชอบเยอะก็มีคนหมั่นไส้เยอะ ถึงคนอื่นจะมองว่ามีดีแต่หน้าตา พี่มันก็ขอใช้จุดนี้เป็นจุดเด่นเพื่อลบคำสบประมาท

ได้ฟังแล้วก็รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมา ตัวแทนจากหออื่นที่ถูกส่งมาแต่ละคนก็ไม่ได้ไก่กาเลยครับ อย่างพี่คีนซึ่งน่าจะเป็นคนที่รวยที่สุดในนี้ อาศัยออร่าที่มีอยู่ดึงเสน่ห์ของตัวเองออกมาในตอนซ้อม ผมสังเกตได้ว่าพวกออร์แกไนเซอร์ที่มาดูพากันปรบมือให้ไอ้พี่คีนกันกราวๆ อย่างกับพี่มันเป็นนายแบบระดับโลก

ไอ้เตช่วยไขข้อสงสัยให้ผม บริษัทที่นำเข้ามอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้มาขายในตัวจังหวัดเป็นของที่บ้านไอ้พี่คีน มิน่าล่ะ มีแต่คนเอาอกเอาใจตั้งแต่พี่มันเดินเข้ามาในห้องนี้แล้ว

ส่วนคนที่น่าจับตามองอีกคนคือพี่สงคราม พี่มันใช้รอยสักในการดึงดูดสายตาของคนอื่น รู้ว่าตัวเองแข็งแรงก็โชว์กล้ามเนื้อใหญ่จนผมอดที่จะมองอย่างทึ่งๆ ไม่ได้ อยากรู้จังว่าพี่มันจะสามารถยกตัวใครสักคนได้ด้วยมือเดียวหรือเปล่า ดูจากกล้ามเนื้อที่โผล่พ้นแขนแล้วผมคิดว่าน่าจะทำได้มั้งครับนั่น

ผมกับไอ้เตซ้อมเสร็จแล้ว มองดูตัวแทนหอห้ากับหอหกถูกสั่งให้เดินใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงรู้สึกเบื่อ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาอาสาอีกรอบ ระหว่างนั้นเตก็ชวนผมคุยพอดี

“อาสาเป็นไงบ้าง” ดูมันชิลๆ กว่าที่ผมคิดไว้

“ก็เหมือนเดิมแหละ”

“ไอ้ไมล์มันตื่นเต้นใหญ่เรื่องช่วยอาสาทำการบ้าน”

“เหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “แล้วมึงไม่ทำอะไรเลยเหรอ”

“กูลองแล้ว แต่มันไม่เวิร์ก” เตถอนหายใจ “กูเลยถอยออกมา ปล่อยให้เชี่ยไมล์มันทำคะแนนไปก่อน”

ผมถอนหายใจบ้าง ไม่รู้ว่าการที่ผมคุยกับไอ้เตตอนนี้มันเหมือนกับผมใส่หน้ากากเข้าหามันมั้ย ถ้ามันรู้ว่าผมเองก็เหมือนกับมัน มันจะรู้สึกยังไง

“กูรู้แค่ว่าช่วงนี้อาสาไม่ได้ติดต่อกับเตยแล้ว สัดไมล์มันบอกกู”

“อืม”

“มันกำลังว่าง ไร้คนคุย”

“งั้นมั้ง”

“เฮ้อ ถึงจะเป็นงั้นกูก็ไม่รู้ว่าต้องทำไงอยู่ดี”

“แต่มึงก็ใจกว้างนะ ปล่อยไอ้เชี่ยไมล์นำไปก่อนซะได้”

“ไม่ปล่อยแม่งได้ไง วันๆ มีแต่เพ้อให้กูฟังอยู่ได้ ไม่ได้เกรงใจกูเลยว่ากูก็คิดเหมือนกันกับมัน” เตสบโอกาสในการบ่นพอดีเลยบ่นยาว “กูเดาได้เลยนะว่าถ้าเกิดอาสามันเลือกใครขึ้นมา กูคงจะทำใจได้ก่อนไอ้ไมล์"

ทำไมฟังแล้วรู้สึกหดหู่วะ ผมเองก็อยู่ในสถานะรอว่าอาสาจะเป็นคนเลือกหรือเปล่า บอกตามตรงว่าผมยังไม่ได้คิดถึงตอนที่มันไม่ได้เลือกผม ในหัวคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าในเมื่อหัวใจมันรู้สึกไปแล้ว

ไม่เคยคิดเรื่องรับมือจากการอกหักมาก่อนเลย






หลังจากที่พี่อ้ายนัดแนะเรื่องการแต่งหน้าทำผม พี่มันก็ปล่อยให้ผมกับเตกลับหอได้ ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องตัวเอง อาจเป็นเพราะรีบด้วยมั้ง ถึงได้ถึงที่หมายได้ไวปานนี้

ผมรีบจนเผลอลืมเคาะประตูห้องอ่ะคิดดู

ในห้องตอนนี้มีแค่อาสาอยู่คนเดียว หัวใจผมชื้นขึ้นทันที ในที่สุดไมล์ก็กลับไปแล้ว

“มาแล้วเหรอ” อาสายังคงนั่งอยู่หน้าคอมฯ “เป็นไงบ้างวะ”

“กูเดินไม่ได้เลยว่ะ โดนพี่อ้ายสวดจนหูชาหมดแล้ว กูท้อฉิบหาย”

“หา! อย่างมึงเนี่ยนะเดินไม่ได้”

“ใช่”

ผมแกล้งคอตก เดินไปนั่งที่เตียงตัวเองพร้อมๆ กับถอดถุงเท้าช้าๆ ด้วย อาสาหลงเชื่อผม มันเดินมานั่งข้างๆ พร้อมกับแตะไหล่เป็นเชิงปลอบ

“ใจเย็นดิวะ คืนนี้มึงซ้อมทั้งคืนก็ได้”

“กูเดินไม่ได้จริงๆ”

“ยากตรงไหน แค่เดินเอง”

ช่างเป็นคำพูดที่ดูถูกการเป็นนายแบบ (จำเป็น) ของผมมาก

“มันมีอะไรมากกว่านั้น ต้องเป็นการเดินอย่างมั่นใจ”

“คนอย่างมึงเคยไม่มั่นใจด้วยเหรอ” มันมองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เฮ้ยยยย” ผมเนียนเอียงศีรษะไปซบไหล่มัน “กูไม่มั่นใจจริงๆ”

แม้อาสาจะทำงานหน้าคอมฯ มาหลายชั่วโมงแต่ตัวมันก็ยังคงหอมอยู่ มันนั่งนิ่งๆ ให้ผมซบระหว่างที่มันก็เอาแต่พูดว่าไม่เชื่อที่ผมจะเดินไม่ได้

ผมไม่ได้ฟังที่มันพูดเลย ใจนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับไอ้เต ผมชอบอาสาโดยที่ยังไม่ได้คิดถึงตอนที่มันไม่ได้เลือกผม ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น ผมจะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหนนะ จะเจ็บมากกว่าไอ้เตกับไอ้ไมล์หรือเปล่า

“แสดงว่ามึงคงเดินไม่ได้จริงๆ” อาสาเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยอ่อนของผมจึงปักใจเชื่อไปแล้วว่าผมเครียดเรื่องเดินแบบจริงๆ “มึงทำได้ กูเชื่อในตัวมึง”

ผมอดยิ้มเล็กๆ กับตัวเองไม่ได้ ผละศีรษะออกมาจากไหล่ของอาสา จากนั้นก็ถามถึงเรื่องของอีกฝ่ายบ้าง

“การบ้านเป็นไงบ้าง”

“ใกล้เสร็จแล้ว อีกนิดนึง แต่คืนนี้ไม่น่าจะได้นอน”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“...”

“งั้นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”

“สาด นอนเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่หล่อ”

“กูหล่ออยู่แล้ว มึงเป็นคนพูดเองว่ากูหล่อ เพราะงั้นกูจะยึดตามนั้น”

อาสาส่ายหน้าเบาๆ ส่งให้ผม เดินหนีไปยังแล็ปท็อปของมัน จากนั้นก็ชี้มือไปที่ถุงอาหารที่มันซื้อมา “กูซื้อมาเผื่อมึง เพราะกูรู้ว่ามึงยังไม่ได้แดกอะไรมา”

“เฮ้ย รู้ได้ไง”

“เรากินข้าวด้วยกันมากี่วันแล้วล่ะวะ” อาสาพูดโดยไม่มองมาที่ผม “กูเดาไปเองว่ามึงคงไม่ชินที่จะต้องไปแดกกับคนอื่น”

ผมมองอย่างทึ่งๆ อาสาไม่รู้หรอกว่าในใจของผมตอนนี้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขนาดไหน

“เพราะกูแดกกับเพื่อนเมื่อกี้ไม่ค่อยจะลงเลย”

มันใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานนี่เอง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็เดินไปขโมยหอมแก้มไอ้อาสาซะแล้ว มันเอามือลูบแก้มพร้อมๆ กับทำหน้าโมโหใหญ่

“อีกแล้วเหรอ!”

“ช่วยไม่ได้โว้ย อยากน่ารักเองทำไมล่ะ” ผมยักไหล่พร้อมมองมันอย่างเจ้าชู้ประตูดิน อาสาทำปากขมุบขมิบ แต่ก็เลือกที่จะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่ออย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน

ผมรู้ว่าเพื่อนกันไม่ทำกันอย่างงี้หรอก และอาสาเองก็ควรจะรู้เหมือนผม

“ชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” อาสาพึมพำ

“กูได้ยินนะ”

“กูบ่นของกูเองนะ”

“ก็กูได้ยินไง”

“มึงนี่แม่ง...”

“มีเสน่ห์ใช่ป่ะ”

“ฟวยไรล่ะ”

“ฮ่าๆๆ กูก็ไม่ได้ทำอย่างงี้กับทุกคนนะ อยากให้มึงรู้”

“พอ เปลี่ยนเรื่องพูด เดี๋ยวงานกูจะไม่เสร็จ”

“เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนเอง”

“มึงหลับไปก่อนได้เลย”

“ไม่ กูปล่อยไอ้ไมล์ให้อยู่กับมึงนานแล้ว กูอยากอยู่กับมึงบ้าง”

“ทนาย!”

“จ๋า”

“กวนตีนนนน”

“พูดเพราะๆ ไม่ชอบเหรอวะ”

“กูไม่คุยกับมึงแล้ว”

ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงยอมผมง่ายๆ เรื่องนี้ให้มันไปคิดทบทวนเองก็แล้วกัน มันจะได้คิดแต่เรื่องของผม ไม่คิดถึงเรื่องของคนอื่น






วันต่อมาผมต้องรีบไปแต่งตัวก่อนเวลาเดินแบบจริงสี่ชั่วโมง

ใครจะไปรู้ว่างานนี้จะต้องตัดผมด้วย ไอ้เตที่มากับผมมันยังไม่รู้เลยครับ เราสองคนนั่งให้ช่างตัดผมเขาหั่นผมให้ ทุกคนโดนกันหมดแม้กระทั่งพี่สงคราม พี่มันเอาแต่บ่นเรื่องนี้อยู่ทุกสามวินาทีกันเลยทีเดียว

‘มันจะได้ค่าตัวสักเท่าไหร่กันเชียว ให้กูตัดผมขนาดนี้’
‘ทรงเหี้ยไรเนี่ย’
‘กูจะเอาผมเก่ากูคืน’

แม้จะบ่นแต่พอตัดออกมาแล้วพี่สงครามก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาอีกสิบระดับ หลังจากที่พี่อ้ายเห็นสภาพที่หล่อขึ้นเป็นกองของพี่สงคราม พี่อ้ายก็เดินเข้ามากำชับผมกับไอ้เตเป็นสิบเป็นร้อยรอบว่าอย่าทำเสียชื่อ

‘ถ้าพวกมึงเดินดีกูจะเลี้ยงหมูกระทะ’
‘เชี่ยเตถ้ามึงอยากแดกหมูกระทะ มึงต้องหล่อที่สุด’
‘มึงอย่าไปทำหน้าอย่างนั้นบนเวทีนะทนาย’

ผมชักจะสงสัยแล้วว่าทำไมคนรอบตัวจริงจังกับงานนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีเวลาที่จะคิดใส่ใจว่าเพราะอะไร ตอนนี้ผมถูกจับแปลงโฉมทั้งตัว สวมชุดแบรนด์อะไรไม่รู้ที่มีสีสันฉูดฉาดและก็แพงหูฉี่ เป็นเสื้อคลุมตัวยาวที่ไม่คลุมพุงเหี้ยไรเลย ต้องเปิดโชว์ชาวบ้านชาวช่อง ส่วนเรื่องผมนั้นนอกจากจะโดนลากไปตัดอย่างไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำแล้ว ยังมีการฉีดสเปรย์สีๆ ใส่จนหัวนี่แทบกลายเป็นสีสายรุ้ง คือถ้าจะเปลี่ยนสีผมซะขนาดนี้ จะให้ตัดมันทำไมวะ ไม่เข้าใจ

บ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ ตอนนี้ความรู้สึกของผมเหลือแค่เดินๆๆ ให้มันจบไป ผมเล่นโทรศัพท์ พยายามถามไอ้อาสาว่ามาถึงหรือยัง มันบอกอาจจะมาถึงช้าหน่อยเพราะต้องรอไอ้ไมล์

อย่าหึงนะทนาย อย่าหึงนะมึง ถ้าหน้าบึ้งบนเวทีคนที่จะต้องมารับกรรมฟังคำบ่นจากพี่อ้ายก็คือมึง

“เมื่อไหร่จะบ่ายสอง” ผมหันไปบ่นกับไอ้เตที่วันนี้หล่อมากจนผิดหูผิดตา

“นั่นดิ” ไอ้เตก็คงอยากให้ผ่านๆ ไปเหมือนกันกับผม “อาสามายังวะ”

“ยัง มันรอไมล์อยู่”

“เหี้ยนี่แม่งช้าตลอด”

ระหว่างนั้นไอ้ป๊อบก็โทรเข้ามาหา บอกว่ามันขนเพื่อนโรงเรียนมาดูด้วยหมดทุกคน ผมอดที่จะรู้สึกปลื้มใจไม่ได้ อย่างน้อยเพื่อนเก่าก็ยังมีแก่ใจที่จะมาดูผม เมื่อก่อนเวลาผมมีงานเล็กๆ น้อยๆ สมัยที่อยู่กรุงเทพฯ ไอ้พวกห่านี่ไม่เคยจะมาหรอกครับ ส่วนใหญ่ติดเกมไม่ก็ติดสาว

เชี่ยป๊อบแม่งบอกมีเซอร์ไพรส์ แต่เป็นเซอร์ไพรส์ที่ผมอาจจะไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อะไรของมันวะ มันจะทำป้ายไฟมาเชียร์ผมเหรอ

ผมกับไอ้เตนั่งคุยกันอยู่ข้างหลังเวทีสักพัก จู่ๆ อาสาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเราเฉยเลย เราสองคนทำหน้าเหมือนเห็นผี

“เฮ้ยยยย!”

“มึงหายตัวเข้ามาเหรอ”

ประโยคหลังเป็นของผม อาสายิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปหาต้นตอที่ทำให้มันได้มายืนอยู่ตรงนี้

ไอ้พี่คีนนี่เอง

ผมมองไอ้พี่คีนซึ่งหล่อผิดหูผิดตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อย่าบอกนะว่าพี่มันก็ชอบอาสาอีกคน

“เป็นไง ตื่นเต้นมั้ย” อาสาถาม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้า

กูเพิ่งมาตื่นเต้นตอนที่มึงมานี่แหละ

“ไอ้เชี่ยไมล์ล่ะ” เตเอ่ย

“อยู่ข้างนอกว่ะ พี่คีนปล่อยกูเข้ามาคนเดียว”

“สาด ทิ้งมันได้ไง”

“เดี๋ยวกูก็ออกไปแล้ว” อาสาพูด “ข้างนอกคนเยอะมาก กูนึกว่าณเดชน์มา”

“มันเป็นเพราะกูเองแหละ” ผมพูดยิ้มๆ

“มึงก็ช่วยถ่อมตัวหน่อยก็ได้”

“วันนี้กูเป็นไงบ้าง” ผมขยับชุดให้อาสาดู มันมองอยู่หนึ่งวินาทีถ้วน ขอย้ำ ‘หนึ่งวินาที’ “น่าเกลียดเหรอ” ความมั่นใจของผมตกฮวบ จากที่มีทะลุล้านตอนนี้เหลือเพียงศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง สายตานางฟ้ามีอิทธิพลต่อผมมากครับ

“ก็โอเค” มันตอบส่งๆ “แต่ไอ้เตหล่อมากเลยวันนี้”

อะไรกันวะ สองมาตรฐานสัดๆ โอเคกับหล่อมันต่างกันมากเลยนะเว้ย ผมกะพริบตาตัดพ้อใส่อาสา ขณะที่เตหัวเราะร่วน

“กูไปดูไอ้ไมล์ก่อน ป่านนี้แม่งสาปแช่งพี่คีนแย่แล้วมั้ง” คู่หูไอ้ไมล์อย่างไอ้เตรีบขอตัวออกจากหลังเวที จึงเหลือแค่ผมกับอาสาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“กูไม่หล่อจริงเหรอ” ผมยังติดใจกับเรื่องนี้อยู่

“อย่างกับความเห็นกูจะสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญกูไม่ถามบ่อยขนาดนี้หรอกนะ” ผมรีบเก๊กให้มันดู “หล่อเปล่า”

“โอ๊ย มึงคิดว่ามึงหล่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“กูอยากฟังจากปากมึงไงสาด”

“เออ หล่ออออออ” อาสาหลับหูหลับตาพูด “แต่วันนี้กูชอบพี่สงครามที่สุดแล้วว่ะ ไม่คิดว่าพี่มันจะแต่งตัวขึ้นขนาดนี้”

เป็นการยอมรับในความหล่อของผมที่ผมโคตรจะไม่ฟิน

“ชอบคนมีรอยสักเหรอ”

“อะไรนะ”

“มึงชอบคนมีรอยสักใช่มั้ย”

“ไอ้สัด มึงจะบ้าเหรอ”

“กูจะไปสักมั่ง!”

“ทนาย มึงเมาสเปรย์เปลี่ยนสีผมมาใช่ป่ะ” อาสามองหน้าผมอย่างแหยงๆ “ตั้งสติ”

“สักลายอะไรดี”

“...”

“ลายมังกรแบบพี่สงครามดีมั้ย”

“ไม่ต้องสัก ไม่ชอบบบบ” อาสาดันไหล่ผมแรงๆ

สรุปคือแม่งไม่ชอบให้ผมมีรอยสัก แต่ชมผู้ชายที่มีรอยสักต่อหน้าผม ผมมองอาสาอย่างจับผิด แต่พอจับได้ถึงน้ำเสียงกระเง้ากระงอดตอนที่มันขอให้ผมไม่สัก ผมก็รู้สึกได้เลยว่ามันคงชอบผมที่เป็นแบบนี้

เดี๋ยวๆ นี่มึงชอบกูแล้วเหรอว้า ผมยิ้มคนเดียวจนอาสาสังเกตได้

“ยิ้มไร”

“มึงชอบกูที่กูเป็นกูตอนนี้ใช่ป่ะ”

“ไอ้สัด ใครชอบมึง”

“มึงไง”

“กูพูดตอนไหน”

“กูคิดไปเองก็ได้”

การที่ผมยอมรับตรงๆ ทำเอาอาสาถึงกับไปต่อไม่เป็น มันลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนี

“เดี๋ยวๆ ให้กำลังใจกูก่อน”

“มึงนี่ชักจะเยอะเกินไปแล้วนะ”

“มึงสำคัญไงสาด มึงสำคัญกับกู”

ผมมึนไปหมดแล้วครับว่าใช้ความเป็นเพื่อนในการเนียนจีบมัน หรือจีบมันโต้งๆ โดยเอาความเป็นเพื่อนไว้ทีหลัง ไม่รู้แหละ ปกติผมไม่ได้จีบใครก่อนแบบนี้ ขอใช้วิธีมึนๆ ของผมไปนี่แหละ

“เออ สู้ๆ มึงหล่อที่สุด”

“นี่แหละที่อยากได้ยิน”

“ฟวยจริงๆ” อาสาเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งยิ้มอยู่ตามลำพัง









การเดินแบบของผมเกือบจะผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว

อาสาคอยเชียร์และมองผมซึ่งเป็นอะไรที่ดีกับใจผมมากๆ แต่ทุกอย่างต้องมาสะดุดเมื่อผมได้พบกับเซอร์ไพรส์ของไอ้เชี่ยป๊อบ

คนที่ยืนอยู่ข้างมันตอนผมเดินแบบอยู่คือแอล แฟนเก่าที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามานานมากแล้ว ถ้ามีคนสังเกตดีๆ จะเห็นว่าก่อนเดินลงเวทีใบหน้าของผมเจื่อนลงไปนิดหน่อย เป็นผลกระทบหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของคนที่ถือว่าเป็นบาดแผลทางความรักของผมคนหนึ่ง

แอลมาเพื่ออะไรและมาทำไมในตอนนี้

หลังจากรับเงินค่าตัว (ซึ่งเป็นเงินตั้งห้าพันบาทเลยทีเดียว แต่ได้ข่าวมาว่าพี่คีนเป็นคนสั่งให้เพิ่ม เพราะถ้าเป็นราคาเดิมซึ่งก็คือหนึ่งพันบาท มันจะดูเป็นการดูถูกเด็กมหา’ลัย B มากเกินไป) ผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเอง นั่นคือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีทึมๆ มันดูไม่ค่อยเข้ากับผมสีสายรุ้งตอนนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าชุดโชว์พุงล่ะวะ

อาสาเดินมาหาผมพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย ดูก็รู้ว่ามันจะกลับพร้อมผม ผมมองภาพนั้นด้วยความสบายใจ แต่ก็มีความหนักใจมารบกวนอยู่ดี

ไอ้ป๊อบไลน์มาสลับกับโทรเข้า มันบอกว่าแอลต้องการเจอผมมาก ซึ่งผมก็เข้าใจได้ทันที เพียงแต่ว่า...ตอนนี้ผมอยู่กับอาสา และผมก็เกรงใจแม่งฉิบหาย เกรงใจทั้งๆ ที่ตอนนี้มันเป็นเพื่อน ไม่ใช่เมีย

“เป็นไรหรือเปล่าวะ” อาสาเริ่มสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของผม “เพื่อนโรงเรียนมึงมาเต็มเลย มึงไปทักยัง”

อื้อหือ แม่งถามในสิ่งที่ผมกำลังอยากหลีกเลี่ยง

“ต้องรอเตกับไมล์ป่ะ” ผมตอบมันด้วยคำถาม

“ไม่รู้พวกแม่งหายไปไหน”

“งั้นกลับกันเถอะ” ผมรีบบอกอาสา

“อ้าว ไม่ไปทักเพื่อนโรงเรียนเหรอ”

ผมควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี หรือแนะนำให้อาสารู้จักกับแอลไปเลยให้จบๆ ไป ผมชักจะสงสัยในตัวเองแล้วนะว่าผมกลัวอาสาเจอแอล หรือกลัวว่าตัวผมเองจะเจอแอลแล้วรู้สึกแปลกๆ

เกิดอะไรขึ้นกับผมวะ

ในที่สุดอาสาก็เดินเข้าไปทักทายเพื่อนโรงเรียนผม หลังจากไปดื่มด้วยกันวันนั้น มันกับเพื่อนผมก็กลายเป็นสนิทกันไปเลย ซึ่งเป็นอะไรที่ถูกอกถูกใจเพื่อนซี้ผมอย่างไอ้เชี่ยป๊อบ เพราะมันปลื้มอาสาอยู่แล้ว

ผมมองดูแอลอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าสบตา แอลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ปล่อยให้อาสาคุยกับเพื่อนไป

ไม่ได้เจอแอลมานานมากแล้ว ดูเหมือนจะดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

“สบายดีป่ะ” แอลทักผม

“ก็...ตามที่เห็นน่ะ” ผมตอบง่ายๆ

“คนนั้น...เพื่อนเหรอ” แอลมองไปที่อาสาซึ่งกำลังมองมาที่ผมกับแอลพอดี “หวัดดีครับ เราชื่อแอลนะ”

อาสาอ้าปากค้าง ดูตกตะลึงมากจนผมประหลาดใจ

“แอลเหรอ” มันขยับปากเพื่อถามผม

ผมพยักหน้า อาสามันอึ้งจนทำสีหน้าไม่ค่อยถูกแต่ก็ทักทายแอลอย่างมีมารยาท

ผมมองคนทั้งสองสลับกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แอลไม่ได้น่ารักเหมือนอาสา แต่อาสาก็ไม่ได้มีเซ็กส์แอพพีลสูงแม้จะเป็นเพศชายเหมือนแอล

ไม่คิดว่าจะมีวันที่ผมได้มายืนตรงกลางระหว่างสองคนนี้







ระหว่างทางกลับบ้าน

อาสาไม่ได้พูดกับผมนานมากแล้วแม้ว่าเราสองคนจะอยู่บนรถกันตามลำพัง เมื่ออดรนทนในความเงียบไม่ไหวผมจึงต้องเอ่ยถามว่ามันเป็นอะไร

“ทำไมเงียบอ่ะ”

“...”

“มีไรป่ะวะ”

มันพ่นลมก่อนจะตอบ “กูอึ้งว่ะ”

“อึ้งไร”

“กูคิดมาตลอดว่าแอลแฟนเก่ามึงเป็นผู้หญิง”

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าไงดี

“กูอึ้งสัดๆ อ่ะ ตอนนี้ยังไม่หายอึ้งเลย”

“หายได้แล้วน่า ไม่มีอะไรหรอก”

“กูคิดมาตลอดจริงๆ นะว่าหน้าอย่างมึงแม่งต้องชอบผู้หญิงชัวร์ๆ”

“ก็ชอบนะ ไม่เคยพูดเลยว่าไม่ชอบ”

“แต่ทำไม...”

“กูรู้สึกชอบใครกูก็คบหมดแหละ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” ผมพูด “ตอนกูคบแอล กูก็มีความสุขดีนะ ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไร”

อาสากะพริบตาปริบๆ มองผม มันทำหน้าเหมือนสับสนอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง

“เขาตามมาง้อมึงรึเปล่าวะ” เหมือนมันไม่ได้ถามผม แต่พึมพำกับตัวเองมากกว่า

“ไม่รู้ว่ะ”

“ถ้ามาง้อ มึงจะเอายังไง”

“ก็ไม่เอา”

“เฮ้ย ตอบเร็วไปป่ะ”

“สาด เค้าทิ้งกูนะ”

“ตอนนี้เค้าอาจจะดีขึ้นแล้วก็ได้”

กูชอบมึง มึงยังมีหน้ามาเชียร์คนอื่นให้กูอีกนะ ผมคิดแล้วก็ทำหน้าบึ้ง

“ไม่ก็คือไม่ไง”

ถ้าไม่ใช่มึง จะเป็นใครกูก็ไม่เอาแล้ว...




POP : อาสาทักผมมามีอะไรเหรอ
POP : *สติ๊กเกอร์เจ๊เป่าบางพลัดพร้อมข้อความ ‘ต๊ะเอ๋’*
ARSA : แหะๆ ไม่มีอะไร
ARSA : แฟนเก่าทนายดูดีเนอะ
POP : ...
ARSA : เฮ้ย อย่าถือสา ไม่มีอะไร!







tbc*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-08-2017 13:48:10
อาสาหวั่นไหวเรอะๆ
มีไลน์หาป๊อบด้วยยยย
ทำคะแนนเรื่อยๆสิทนาย
อาสาน่าจะใจอ่อนบ้างละ
หอมแก้มได้ด้วยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-08-2017 15:24:39
แหนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พออ่านจบคำนี่ออกมาเลยยย

คิดมากอะดิ


เอาตรงๆนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟนเก่าเป็นผู้ชาย 55555555


รู้สึกช็อกพร้อม อาสา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 01-08-2017 15:58:35
เย้ เย้ เย้  มาสักทีหลังจากที่รอมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  5555 เค้าล้อเล้นนะ  ชอบอ่ะ  อย่าว่าแต่อาสาอึ้งเลย  คนอ่านก็อึ้งคร่าาาา  เราก็นึกว่าแอลเป็นผู้หญิงอ่ะ  ตอนอ่านที่แอลบอก "หวัดดีครับ" ก็ หือ  เราอ่านผิด รึว่าผญ.บางคนก็ชอบพูดว่าครับวะ  พออ่านมาเรื่อยๆ ก็ อือออออออออออออออออออออออ อ่ออออออออออออออออออออออ "ผู้ชายยยยยยยยยยย"

อาสา คู่แข่งเจ้ามาแล้วนะ  อย่าปล่อยทนายหลุดมือนะจ๊ะ  ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-08-2017 16:13:18
 :a5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 01-08-2017 16:28:21
เอ๋าาาา มีไลน์ถามป๊อปด้วยอ่ะ
อยากอ่านพาร์ทอาสาจัง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-08-2017 16:29:38
อะหืออออออ นานๆมาที คู่นี้ทำเอาหัวใจคนอ่านพองฟูววววววว ... อาการแบบนี้เขาเรียกหึงเบาๆ หวงหน่อยๆ งอนนิดๆ ใช่ไหมนะอาสา? อะยะ!!  555555 แอบลุ้น ดีใจแทนทนาย มีหวังแล้ว แสงมาแล้วทนาย ลุยเลยๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-08-2017 17:33:49
อุ อุ อาสาถึงกับอึ้งเมื่อเจอแอล  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-08-2017 18:04:39
เอ๋าาาา มีไลน์ถามป๊อปด้วยอ่ะ
อยากอ่านพาร์ทอาสาจัง

คิดเหมือน
ทนาย เนียนถึงเนื้อถึงตัวอาสาตลอด มีหอมแก้มซะด้วย
พอเห็นแฟนเก่าทนายเป็นชาย
อาสาคงนึกถึงทีท่าที่ทนายมีต่อตัวเองเลยแหล่ะ

อาสา น่าจะคิดไรๆกับทนายเมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 01-08-2017 21:48:04





บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 14


พาร์ตของอาสา





ผมไม่เคยเข้าใจในชีวิตของตัวเองเลย

คนที่ผมชอบส่วนใหญ่จะปฏิเสธผมทุกคน เธอเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงครับ

‘อาสา อาสาก็ดีนะ แต่เราว่าอาสาไม่เหมาะกับฟ่างหรอก’
‘คุยกับเธอก็สนุกดี แต่มิลค์ไม่ได้คิดกับเธอแบบแฟน’
‘หวังว่าอาสาจะเจอคนที่ดีกว่าอรนะ’

ส่วนคนที่ผมไม่ได้ชอบก็มักจะเข้ามาสารภาพรักกับผม ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และที่สำคัญพวกนั้นเป็นเพื่อนของผมเอง

‘ถ้ามึงไม่ชอบกู ไม่นอนข้างกู กูจะฉี่รดที่นอนมึง!’ อันนี้สมัยอนุบาล
‘ลอกการบ้านกู อย่าลืมให้หัวใจกูด้วยนะ’ อันนี้สมัย ม.ต้น
‘กูขอโทษที่ชอบมึง กูพยายามห้ามหัวใจตัวเองแล้ว’ อันนี้สมัย ม.ปลาย
‘กูชอบมึงมาก! กูไม่อยากให้มึงคบกับใครนอกจากกู!’ และนี่คือเพิ่งโดนสดๆ ร้อนๆ จากปากไอ้ไมล์

ถ้าจะบอกว่าโชคดีก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ถ้าจะบอกว่าโชคร้ายก็คงจะไม่มีใครเชื่อ ตั้งแต่เด็กจนโตผมถูกคนใกล้ชิดแปรเปลี่ยนความรู้สึกจากความเป็นเพื่อนมาเป็นความรักตลอด ผมหนีความรู้สึกทุกข์ใจนั้นด้วยการพยายามเข้าหาผู้หญิงทุกคนที่ผมรู้สึกพอใจ แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับไม่เคยสมหวังเลย

ไม่เคยมีแฟนและก็ไม่เคยมีความสุขกับความรักแม้แต่น้อย

กอเตยคือคนที่ผมมีความสุขที่จะคุยด้วยมากที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเธอกลับทำลายความรู้สึกดีๆ ของผมด้วยการคุยกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว หลังจากผิดหวังกับกอเตยและทุกข์ทนกับความรู้สึกที่เพิ่งได้รับรู้จากปากเพื่อนของผม ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหันไปพึ่งใครได้อีก

และผมก็คิดผิดถนัด เพราะผมมีไอ้ทนายอยู่

ความประทับใจแรกตอนที่ผมเจอมันน่ะเหรอ มันเป็นคนหล่อสะดุดตา ผมจำมันได้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่สนามบินแล้ว คนเหี้ยอะไรไม่รู้หล่อฉิบหาย ผมกับไอ้เตซึ่งอยู่ในหอที่มีแต่คนหน้าตาดี เห็นคนหล่อหลากหลายแบบมาเกือบสองปีก็ยังยอมรับตั้งแต่อยู่ตรงนั้นว่าคนคนนี้แม่งหล่อจริงๆ ติดอยู่อย่างเดียวก็คือทำตัวสนิทกับคนอื่นง่ายเกินไป

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่นี่ก็กลายเป็นข้อดีของมัน ผมสนิทกับมันอย่างง่ายดายเพราะบทสนทนาที่ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ตอนแรกผมมักจะเถียงกับมันบ่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างใครจะอาบน้ำก่อนหรือวันนี้ใครจะเป็นคนเอาเสื้อผ้าไปซักในตู้หยอดเหรียญ ไม่รู้ว่าผมสนิทกับมันเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคู่หูกับมันตอนไหน

ผมไม่กล้าพูดว่าคู่หูอย่างเต็มปาก เพราะผมกับมันตัวติดกันเนื่องจากไอ้เตกับไอ้ไมล์นั้นสนิทกันและอยู่ด้วยกันมากกว่าเราสองคน ผมเคยพูดเรื่องเชื่อในโชคชะตา ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้ผมสนิทกับทนาย ทำให้ผมต้องหันมาพึ่งมันในวันที่เพื่อนสารภาพความรู้สึกกับผมอย่างกับเดจาวู

ผมรู้สึกดีที่มีทนายคอยอยู่ข้างๆ ความรู้สึกดีแปรเปลี่ยนเป็นความเคยชิน ความเคยชินแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้ ผมต้องกินข้าวกับทนายทุกวัน กลับบ้านกับมันตลอด ใช้เรื่องอยู่ห้องเดียวกันมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วเป็นผมเองต่างหากที่ตัวติดกับมัน

มันเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต้องหวาดระแวงว่าเพื่อนคนนี้จะชอบผมอีกคนมั้ย ไม่ต้องกลัวว่าจะอึดอัดหรือลำบากใจอะไร เพราะทนายเป็นคนที่แค่มันกวนประสาท ผมก็สามารถอารมณ์ดีขึ้นมาได้แล้ว...

พักหลังๆ ทนายแม่งเปลี่ยนไป

ไม่ใช่ในแง่ลบ แต่เป็นในแง่ที่ว่าจู่ๆ มันก็เข้าถึงเนื้อถึงตัวผม แกล้งดมซอกคอและก็หอมแก้ม!

ทนายอาจจะแปลกๆ ไป แต่ผมนี่แหละที่แปลกกว่า แปลกตรงไหนรู้มั้ยครับ แปลกที่ผมเองก็เสือกยอมมันง่ายๆ นี่แหละ!

หลายครั้งหลายคราวที่ผมสงสัยว่าทำไมกูต้องมาใจเต้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ทำห่าอะไรมากมายด้วย แค่มันทำการบ้าน เดินไปเข้าห้องน้ำ แกะถุงขนมจากเซเว่นขึ้นมากิน วิดพื้นกลางห้อง โกนหนวด แกะสิว ทุกอย่างที่เอ่ยมาไม่ควรมีเหตุการณ์ไหนที่ผมหวั่นไหวเลย

แต่เอ๊ะ นี่ผมลืมอะไรไปหรือเปล่า

วันที่ผมค้นพบว่าไมล์มันชอบผม ทนายเป็นคนลากผมไปเรียนกับมันด้วย เพราะมันบอกว่ามันไม่อยากให้ผมคลาดสายตา มันคอยปกป้องและกันท่าผู้ชายทุกคนที่จะเข้ามาหาผม มันเข้าไปดูหนังเป็นเพื่อนผม ทั้งๆ ที่มันไม่ได้อยากดูเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว มันคอยตามใจผมทุกอย่าง แม้ว่าปากมันจะบอกว่าอยากกินอย่างหนึ่ง แต่ผมอยากกินอย่างหนึ่ง มันก็เลือกที่จะทำตามความต้องการของผม

ตั้งแต่วันที่ทนายบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยผมให้อยู่คนเดียว มันก็ทำตามคำพูดโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องร้องขอหรือเซ้าซี้อะไรให้มากความอีก มันคอยอยู่ข้างๆ ผมตลอดและเคยฉายเดี่ยวบุกไปช่วยผมถึงหอสองด้วย หากวันไหนที่มันติดธุระ มันก็จะคอยทักไลน์หาผมตลอด อย่างเช่นเมื่อวานที่มันทักไลน์มาหาผมแทบจะทุกสองสามนาที ตอนที่ผมต้องอยู่ในห้องกับเพื่อนคนอื่นๆ

มันดีกับผมมากจนผมคิดว่าถ้าผมไม่หวั่นไหว ผมก็คือพระอิฐพระปูนแล้ว!

มันมีบางทีที่ผมกลัวตัวเองจะผิดหวังเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็เลยต้องพยายามกั๊กความวูบไหวในหัวใจเอาไว้ ทนายหล่อขนาดนี้ ยังไงมันก็ต้องชอบผู้หญิง ในบางคืนมันยังละเมอชื่อแฟนเก่าซึ่งผมคิดว่าน่าจะสวยหยาดเยิ้ม และผมก็ไม่ควรที่จะหาเรื่องทำให้ตัวเองผิดหวังหรือเสียใจอีก แต่ว่า...ความรู้สึกทั้งหมดของผมนั้นกลับเสียศูนย์เมื่อรู้ว่าแฟนเก่ามันเป็นผู้ชาย

และทนายเองก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์คนที่จะมาชอบมัน แม้คนคนนั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม

ผมใจเต้นไปหมด รู้สึกดีใจระคนหนักใจ ผมไม่รู้ว่ากับเพื่อนคนอื่น ทนายมันได้ปฏิบัติตัวแบบนี้หรือไม่ ผมคิดอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวตัวเองจะเสียใจ และยิ่งผมไปเจอแฟนเก่าของมันมาซึ่งเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก สไตล์ของแอลเหมือนสไตล์ของพี่อ้าย สง่างาม ดูหรู ดูแพง และดูผู้ดีไปหมด ยิ้มทีไรก็ทำให้รู้สึกถึงคำว่า ‘น่ามอง’

ผมจะมีอะไรไปสู้ได้...

ไอ้ทนายที่นอนอยู่ข้างๆ หลับไปแล้ว ผมทักป๊อบไปกลางดึกเพราะไม่รู้จะคุยกับใครดี ป๊อบตอบผมมาอย่างรวดเร็ว สงสัยจะอ่านหนังสือทั้งคืนอีกตามเคย ความกังวลใจทำให้ผมเผลอพิมพ์แชตที่ไม่น่าพิมพ์ออกไปและก็กดส่ง

ARSA : แฟนเก่าทนายดูดีเนอะ

โชคดีที่ป๊อบไม่ได้ติดใจถามอะไรมากมาย ผมกดปิดโทรศัพท์มองดูเพื่อนที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจในขณะนี้ มันกำลังหลับปุ๋ยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแค้นใจเบาๆ

มึงทำคนอื่นนอนไม่หลับ แต่มึงเสือกหลับสบายเนี่ยนะ

“ยังไม่นอนเหรอ”

เชี่ย จู่ๆ ทนายก็ลืมตาและเอ่ยคำพูดออกมา ผมแกล้งหลับตาปี๋ทันที

“ไม่ทันแล้วมั้ง”

ผมจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นอะไรวะ แปลกๆ ตั้งแต่เย็นแล้ว”

“กูกำลังคิด...”

“คิดว่า?”

“พรุ่งนี้จะแดกอะไรดี”

ทนายถอนหายใจใส่ผม

“นี่คือสาเหตุที่มึงนอนไม่หลับเหรอ บ้าป่ะเนี่ย หิวก็ไปเปิดตู้เย็นหาอะไรแดกสิ”

“ไม่ได้หิวเว้ย กูคิดถึงของกินวันพรุ่งนี้เฉยๆ” ผมแถไปเรื่อย

“ให้กูช่วยคิดป่ะ”

“มึงไม่นอนต่อเหรอ”

“นอนไม่ค่อยหลับเหมือนกันว่ะ”

ผมกับทนายนอนมองเพดานท่ามกลางความมืดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าในหัวของมันตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ มันเอาแต่เงียบ จมจ่อมอยู่ในความคิด ขณะที่ผมนั้นรอคอยว่ามันจะพูดอะไรออกมาหรือเปล่า

ในเมื่อมันไม่พูดสักที ผมพูดเองก็ได้

“วันนี้มึงเดินดีนะ”

“อะไรเข้าสิง อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาชมกูเนี่ย”

“กูก็ชมมึงตลอด”

“ปกติกูต้องถามก่อนไง”

“กูชมแล้วยังจะคิดเยอะอีก”

“อะไรที่เกี่ยวกับมึงแม่งต้องคิดเยอะไว้ก่อน กูพูดเลย” ทนายถอนหายใจอย่างช้าๆ “นี่กูไม่เคยต้องมาคิดอะไรขนาดนี้เลยนะ”

“เพราะกูเหรอ”

“เออ” มันยอมรับอย่างรวดเร็วจนผมถึงกับตะลึง

“มึงคิดอะไรอยู่ล่ะ”

“กูพูดได้เหรอ”

“กูถามมึงเพราะอยากรู้คำตอบ มึงก็ต้องพูดได้อยู่แล้ว” จะมีสักวันมั้ยที่ผมไม่ต้องเถียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับมัน

“กูสงสัยเล่นๆ เตกับไมล์มึงจะเลือกใคร”

แม่งมาคิดห่าคิดเหวอะไรในเรื่องนี้วะ ผมอดรู้สึกปวดแปลบในใจไม่ได้ อาจเป็นเพราะผมยังไม่ลืมว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนผมอยู่ และคำถามนั้นออกมาจากปากของทนาย คนที่ผมหวั่นไหวด้วยมากที่สุดในตอนนี้

ไม่มีตัวเลือกไหนที่ชื่อว่าทนายเลยเหรอวะ

“คงไม่เลือกว่ะ” ผมตอบหลังจากไตร่ตรองดูดีๆ “เพราะกูมีคนในใจอยู่แล้ว”

สติสตังผมคงไปหมดแล้ว ตั้งแต่ทักไลน์หาป๊อบลามมาจนถึงการรำพึงในตอนนี้ คำพูดของผมทำเอาทนายหันขวับ มันยกศีรษะตัวเองขึ้นมาจากหมอน จ้องมองใบหน้าของผมผ่านความมืด ดูก็รู้ว่าแม่งอยากรู้จนต้องให้ความสนใจขนาดนี้

ผมวางยาพิษฆ่าตัวเองตายชัดๆ

“ใคร”

กะแล้วว่ามันต้องถาม

“ใครวะ คนในใจมึง”

“ไม่บอกไม่ได้เหรอวะ” ผมกลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเหมือนตอนที่ไมล์บอกชอบผม ถ้าเป็นวันอื่นก่อนที่ผมจะมาเจอแอล ผมคงกล้าอ้อมๆ แอ้มๆ บอกทนายไปแล้วว่าผมเองก็มองๆ มันอยู่ แต่นี่ผมเพิ่งไปเจอแอลมาแถมยังได้ยินทนายละเมอถึงชื่อแอลบ่อยๆ อีก จะให้ผมเอาความมั่นใจมาจากไหนกันล่ะ

แทนที่ทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ด้วยดีหลังจากที่ผมรู้ว่าทนายก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชายด้วยกันแท้ๆ

“ไม่ได้” มันดื้อสุดๆ เป็นที่หนึ่ง ผมลืมความจริงข้อนี้ไปได้ยังไง “ถ้ามึงไม่บอกมึงไม่ต้องนอน”

ฉิบหายแล้วกู

“กูรู้จักมั้ย”

“อืม”

“สาด มึงไปชอบใครมาวะ ใช่พวกไอ้เชี่ยป๊อบ เพื่อนโรงเรียนเก่ากูป่ะ”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ไอ้ทนายมันก็อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้นี่

“อะไรนะ!” มันร้องลั่น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง ไอ้สัด นั่งทำไมเนี่ย “ใครวะ พวกหอสี่ใช่มั้ย นี่มึงชอบคนรวยเหรอ”

ผมส่ายหน้า

“งั้นก็พวกหอหก มึงชอบคนติสต์เหรอวะ”

ผมส่ายหน้าอีก

“มึงบอกชื่อมาเลยเหอะ กูขี้เกียจทายแล้ว” ทนายบ่น แต่มันก็ยังคงหมกมุ่นกับเรื่องนี้อยู่ดี “ลืมไป มึงชอบผู้หญิงนี่หว่า”

เป็นงั้นไป ผมเอาผ้าห่มมาปิดหน้า พยายามคิดอย่างรวดเร็วว่าควรทำไงต่อไป บอกดีมั้ยหรือไม่บอกดี ถ้าบอกออกไปแล้ว ข้อดีคืออะไร ข้อเสียคืออะไร

การคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดให้ว่องไวนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะคุยกับคนอย่างทนายครับ มันดื้อ มันอยากฟังอะไรมันต้องได้ฟัง
 
“บอกกูมาเดี๋ยวนี้” มันเขย่าตัวผมอย่างรุนแรง “เร็วเข้า กูจะได้รู้ว่ากูควรเอาไงต่อ”

“เหี้ย เป็นไงเป็นกัน” ผมลุกขึ้นนั่งบ้าง ตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับบุคคลที่ทำให้ผมหวั่นไหวที่สุดในสามโลก ผมกำลังจะบอกมัน และผมก็ไม่สนแล้วด้วยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป

ทนายตกใจเล็กน้อย แต่มันก็รอฟังอยู่ พอได้เห็นหน้ามันแล้วผมก็ชักอยากจะเปลี่ยนใจขึ้นมา

“ไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวแม่งได้ใจ” ผมกับมันชอบข่มกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงมีประโยคนี้หลุดออกมาจากปากผม

“นี่กูต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยมั้ย”

“ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะบอก”

“เลิกลีลาเถอะไอ้สัด ลีลาก็ใช่ว่าจะดี”

ไอ้เหี้ย ขึ้นมาก มึงพูดห่าอะไรของมึงเนี่ย

“เคยลองแล้วเหรอ”

“ลองเลยมั้ยล่ะ”

กลายเป็นเรื่องนี้ไปได้ยังไงวะ...ผมเขย่าสติตัวเองก่อนที่จะบอกทุกอย่างเพื่อตัดปัญหาทั้งหมดทิ้ง

“มึงนั่นแหละ” ผมพูดอย่างก้มหน้าก้มตา “มึงแม่ง...”

“อะไรนะ! กูเหรอ” ทนายตกตะลึงงัน

“เออออ” ทำไมผมต้องพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยวะ “แม่งมาหอมมาแต๊ะอั๋งกูอยู่นั่น ใจกูสั่น ไอ้สัด”

ผลตอบรับจากทนายเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดไว้ มันทิ้งตัวนอนบนเตียง จากนั้นก็ดิ้นแด่วๆ เหมือนที่มันชอบทำบ่อยๆ

“สาดดดดดดด ดีใจโคตร!”

“หา?”

มันดึงตัวผมให้ลงไปทับตัวมัน จากนั้นก็โอบกอดเอาไว้แน่นจนผมหายใจไม่ออก

“ไอ้เหี้ยยยย”

“โอ๊ย กูมีแรงหายใจต่อได้ไปอีกร้อยปี กูไม่เคยลุ้นห่าอะไรกับใครขนาดนี้!”

ใบหน้าของผมที่ซุกบริเวณอกของมันถึงกับต้องขมวดคิ้ว

“ยังไง”

“มึงคิดว่ากูทำแบบนั้นกับทุกคนเหรอวะ กูไม่เคยไปหอมแก้มเพื่อนคนอื่นแบบหน้าด้านๆ นะ”

“...”

“กูชอบมึงอ่ะ”

การยอมรับง่ายๆ ของทนายทำเอาจิตใจของผมพองโตอย่างรวดเร็ว ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่มันทำให้ผมสับสนและก็หวั่นไหวแท้จริงแล้วแม่งมีมูลเหตุสินะ

ทนายจับผมให้ไปนอนที่เดิม เราสองคนหันหน้าคุยกันในบรรยากาศที่เงียบและก็มืดมิด ทว่ากลับไม่ได้เปลี่ยวเหงาเหมือนที่ควรจะเป็น

“มึงก็ชอบกูใช่ป่ะ”

“สาด กูพูดออกไปตั้งขนาดนั้นแล้ว” ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาเผื่อจะช่วยปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ได้

“กูอึ้งมากอ่ะ” ทนายเอาแต่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข สีหน้าแบบนั้นจะพานทำผมนอนไม่หลับ “เริ่มจากตอนไหนวะ”

“ถามจังไอ้เหี้ย”

“ก็อยากรู้นี่หว่า รู้แล้วมันฟิน”

“สาด” ผมพ่นลม “ก็เพราะมึงอ่ะ เพราะมึงนั่นแหละ”

“ยังไง”

“มาทำดีกับกูไง ห่วงกู หวงกูงี้”

“ไม่ใช่เพราะกูหล่อเหรอ”

ยังจะพูดแบบนี้อีก...

“ไม่ใช่โว้ย”

“นึกว่าจะชอบผู้หญิง”

“ก็ชอบ แต่ไม่เคยได้ไง”

“เปลี่ยนมาชอบผู้ชายอ่ะถูกแล้ว หน้าอย่างมึงควรมาชอบคนอย่างกูนี่”

“ก็ชอบไปแล้วป่ะวะ”

ทนายส่งเสียงร้องอย่างดีใจพร้อมๆ กับฝังจมูกลงบนหน้าผากของผม

“ตายห่าแล้วกู” อะไรคือการที่หอมหน้าผากผมเสร็จแล้วสบถวะ อะไรของมึง สัดทนาย! “กลัวใจตัวเองฉิบหาย นี่ถ้ามึงน่ารักแบบนี้ต่อไปนะ กูตายแน่เลย”

“จะตายไวอะไรขนาดนั้น”

“ตายเพราะหลงมึง”

“...”

“แน่นอน ชัวร์ๆ”

มันเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย จากนั้นก็มองเพดานอย่างครุ่นคิดและเคร่งเครียด ผมขำกับใบหน้าแบบนั้นของมันมาก แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นความจริงจังในการกระทำนั้น

มันคิดเรื่องผมหนักขนาดนั้นเชียว

ผมเอียงศีรษะไปซบกับไหล่ของทนาย มันหันมามองหน้าผมเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ

“เหมือนจะหาง่าย แต่ก็ไม่ง่ายเลยว่ะ” ผมพึมพำ

“อะไรวะ”

“คนที่คิดเหมือนกัน”

“ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายจริงๆ” ทนายรีบพูด “นี่อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นของกูกับมึงก็ได้”

“นั่นสิ”

“แต่กูดีใจนะ ดีใจโคตรๆ”

“เหมือนกัน”

“...”

“กูมีอะไรที่อยากจะขอ เหมือนที่กูเคยขอมึงบ่อยๆ”

“มึงขอมาเหอะ กูทำหมดแหละ”

“อย่าทิ้งกูนะเว้ย” ผมใช้กำปั้นทุบไปที่ตัวของมันอย่างขู่ๆ

“จูบกูสิ”

“...”

“ถ้าจูบกูแล้วมึงขออะไร กูจะให้หมดเลย”

ผมยิ้มก่อนจะขยับศีรษะ ทนายเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน ก่อนที่จะรู้ตัว ใบหน้าของทนายก็มาอยู่ใกล้ผมจนเกินไปแล้ว

หลังจากนั้นผมก็มองไม่เห็นอะไรอีก สัมผัสหวานๆ ทำเอาผมสติกระเจิงไปหมด ดูเหมือนทนายจะต้องการตักตวงความสุขในช่วงเวลานี้เอาไว้ เพราะแม่งไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระเลย

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ทนายแม่งก็...ฮอตสัด แม่งทำผมสั่นสะท้านไปหมดทั้งตัวเพียงเพราะการขยับปากของมันแค่อย่างเดียว ขอย้ำอย่างเดียว ไม่รู้ไปหัดมาจากไหน ทำไมถึงทำผมอ่อนยวบยาบได้ขนาดนี้ มือไม้ของผมแตะตัวมันอย่างสะเปะสะปะ ขณะที่มันนั้นใช้เพียงแค่มือข้างเดียวประคองศีรษะผมไว้เท่านั้น

มึงทำแค่นั้น แต่มึงก็ได้คะแนนลีลาการจูบจากกูไปเต็มๆ

จูบครั้งแรกของมึงกับกู มึงใช้ลิ้นเลยเหรอวะ






“ทีนี้จะเอาไงต่อ” ทนายโพล่งขึ้น คืนนี้ของผมกับทนายคงยังอีกยาวไกล อย่าเพิ่งคิดไปถึงเรื่องสิบแปดบวกนะครับ หลังจากจูบเราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ตอนนี้นอนอยู่เฉยๆ และทนายก็ดึงมือผมไปบีบเหมือนมือของผมเป็นของเล่น มีการมองอย่างสำรวจด้วยนะ

มือกูมีอะไรผิดปกติเหรอวะ

“อะไรยังไง”

“จะบอกทุกคนมั้ย หรือว่าปิดไปก่อน”

“มึงอยากได้แบบไหนล่ะ” ไหนๆ ก็ใจตรงกันแล้ว ทุกอย่างต้องห้าสิบ-ห้าสิบสิครับ มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียวอีกต่อไป

“สำหรับคนอื่น...มันก็อาจจะไวไป” เหมือนทนายจะคิดมากเรื่องเตกับไมล์อยู่ แม้มันจะมาใหม่ทีหลังสุด แต่ผมค้นพบว่ามันเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นค่อนข้างมากเหมือนกันนะครับ

“อืม คิดเหมือนกัน”

“แต่กูก็อยากให้คนอื่นรู้ว่ามึงมีเจ้าของว่ะ กูขี้หวงมึงก็รู้” มันบีบมือผมแน่นขึ้นอีก ไอ้นี่เป็นอะไรกับมือผมมากป่ะเนี่ย

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ

“อะไร หัวเราะไร ขำมากเหรอ”

“มึงหวงกูตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นไรกันแล้ว”

“กูเป็นเด็กหอสามไง” ทนายเสียงดังมากขึ้นคล้ายกับกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง “หอสามทุกคนต้องหวงมึง พี่อ้ายแทบจะทำไวนิลแปะไว้ที่ส่วนกลางอยู่แล้ว”

“ว้า ถ้างั้นก็เซ็งเลย” ผมแกล้งทำหน้าเซ็ง

“...”

“กูอุตส่าห์เริ่มสนใจมึงเพราะมึงหวงกูมากกว่าคนอื่นแท้ๆ” อันนี้ไม่ได้พูดโกหกนะ ผมจำได้ว่าตัวเองแอบดีใจขนาดไหนตอนที่ทนายแสดงอาการทั้งหวงทั้งห่วงผม แม้กระทั่งเรื่องไปร้านเหล้าถิ่นหอสองกับใส่กางเกงสั้นเกินไป ทนายมันก็ใส่ใจ

“เหรอ” มันเริ่มเปลี่ยนสีหน้า “เออ ก็ได้ ยอมรับก็ได้ กูเองก็ตงิดในใจตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละว่ากูเยอะเกินไปหรือเปล่า”

“ไม่นะ ยังน้อยไป”

“อื้อหืออออ” มันมองผมพร้อมยิ้มมุมปาก “อ่อยเก่งนะเราอ่ะ ทำให้หลงเก่งจังเลย คนอะไรวะ”

“หลงกูเถอะ” ผมพูดเสียงเบา “กับมึงกูจริงจังมาก มึงคือผู้ชายคนแรกที่กูชอบ”

“บทจะตรงมึงก็ตรงเนอะ” ทนายหัวเราะก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผม “แต่ดี กูชอบ มีอะไรไม่ต้องกั๊กหรอก บอกๆ กันมาเลย”

“ตามนั้นนะ สัญญาแล้วนะ”

“ครับผม”

“เรื่องแอลทำกูอึ้งมากจริงๆ” ผมขอพูดหน่อยเถอะ “กูนึกว่าแฟนเก่ามึงเป็นผู้หญิงมาตลอดอ่ะ พอมาเจอวันนี้แม่งถึงกับ...”

“รู้ใจตัวเองเลยทีเดียว” ทนายหัวเราะ

“ไม่ใช่ป่ะวะ” ผมเถียงเสียงแผ่ว

“เหรออออออ”

“เออก็ได้ ยอมรับว่ามีส่วน”

“มึงไม่กล้าบอกเพราะคิดว่ากูชอบผู้หญิงใช่ป่ะ”

“จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะบอกมึงตั้งแต่แรกอยู่แล้วเฟ้ย”

“กูก็ไม่กล้า คิดว่ามึงชอบผู้หญิงเหมือนกัน ทั้งๆ ที่หน้าอย่างมึงควรจะชอบผู้ชายด้วยกันแท้ๆ”

ผมชักสีหน้า “หมายความว่าไง”

“ลืมสิ่งที่กูพูดเถอะครับ” ทนายใช้มือข้างเดียวของมันทำท่าพนมมือ

“มึงมีแฟนเก่ามาแล้วกี่คนนะ”

“สี่” สัด โคตรเยอะ กูนี่มีมึงเป็นแฟนคนแรก ความยุติธรรมของกามเทพอยู่ที่ไหน!

“ผู้ชายหมดป่ะ”

“แอลเป็นแฟนผู้ชายคนเดียวของกู”

จู่ๆ ผมก็รู้สึกใจวูบขึ้นมาซะอย่างนั้น ความรู้สึกอิจฉานิดๆ เริ่มเกาะกุมหัวใจ แอลคือแฟนผู้ชายคนแรกของไอ้ทนาย ได้ข่าวว่าคบตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนปีหนึ่ง ไม่รู้ผ่านอะไรด้วยกันมาบ้าง นี่ถ้าแอลไม่ดูดีจนผมเก็บใบหน้าเขามานึกถึงทั้งๆ ที่ผมไม่ค่อยมองผู้ชายด้วยกัน ผมคงไม่หนักใจขนาดนี้

“เดี๋ยว ทำไมเงียบ”

“เปล่า”

“คิดมากเรื่องแอลเหรอ”

“ก็...มีบ้าง”

“เพิ่งพูดกันไปเองว่ามีอะไรให้บอกกัน อย่าดราม่าตั้งแต่คบกันวันแรกสิครับ”

จริงของแม่ง “แอลแม่งโคตรดูดีอ่ะ”

“ชมแบบนี้คิดไรกับแอลป่ะวะ” ทนายขมวดคิ้ว

“ไอ้บ้า ไม่ใช่ว้อย” มันคิดได้ไง

“ก็ดี ทุกอย่างดี นิสัยดี หน้าดี หุ่นดี”

ทนายกะยั่วให้ผมหึงป่ะเนี่ย

“ทำไมทำหน้างั้น กูหาเรื่องมาคุยกับมึงนะเนี่ย”

“ก็เพราะเขาดูดีมากนี่แหละ กูถึงได้...”

“สาด” ทนายนอนคว่ำลง ร่างกายของมันส่วนหนึ่งทับร่างผมที่นอนหงายอยู่ ใบหน้าของมันที่ฝังอยู่บนหมอนอยู่ชิดติดกับใบหน้าของผม ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่อมือข้างหนึ่งของมันสัมผัสศีรษะของผมเอาไว้ “บอกแล้วไงว่าไม่เอาแล้ว เขาทิ้งกูไปนะ อีกอย่างมึงเป็นดาวหอ มึงเป็นนางฟ้าของหอพักชาย และที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือมึงเป็นแฟนกู มึงดูดีกว่าเขาเยอะอาสา”

ผมไม่ควรคิดมากใช่ไหม...ในเมื่อทนายพยายามพูดให้ผมสบายใจขนาดนี้แล้ว ผมก็ควรที่จะปล่อยวาง

“มึงอยากเปิดเผยเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ป่ะ” ผมถาม

“ให้เขารู้กันเองเถอะ กูก็จะเป็นตามธรรมชาติของกูนี่แหละ” เสียงทนายเริ่มส่อแววง่วง “นอนกันมั้ย”

“ก่อนนอนขอจูบอีกที”

“สาด มึงนี่ไม่เบาเหมือนกันนะ”

“รู้กันแค่สองคนได้ป่ะล่ะ”

ทนายยิ้ม ขยับศีรษะออกมาจากหมอนแล้วจูบผมอย่างที่ผมเรียกร้อง

มันบอกว่ามันกลัวตัวเองจะหลงใหลผมมากเกินไป ผมก็เริ่มกลัวตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย กลัวจะติดจูบมัน แล้ววันๆ ผมจะไม่ทำห่าอะไรเลยนอกจากขอให้มันมาจูบ

แต่อย่าไปบอกแม่งเชียว เดี๋ยวจะได้ใจ...





tbc*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-08-2017 21:51:43
ตอนท้าย เหมือนอาสาจะหวั่นไหวนิดๆ อ่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 01-08-2017 22:00:57



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 15


ผมมีแฟนแล้วครับ สดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนนี้เลย

บอกตามตรงว่าโคตรเซอร์ไพรส์ ผมไม่รู้ว่าอาสาจะเก็บเอาเรื่องผมไปคิดเยอะถึงขนาดนั้น แต่ก็ดี มันเป็นผลดีต่อผมที่ชอบมัน เพราะฉะนั้นไหนๆ ตอนนี้ก็ใจตรงกันแล้ว ที่ผ่านมาผมจะปล่อยให้เป็นอดีต ผมจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

อาสาไว้ใจที่จะมอบความรักให้ผมแล้ว ผมไม่อยากทำให้มันต้องผิดหวัง

อาจเป็นเพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง บรรยากาศเป็นใจ และยังมีอะไรทำร่วมกันอีกมาก ทุกอย่างมันเลยจูนกันติดและเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกันได้ง่าย สำหรับผมแล้วจะง่ายจะยากก็ไม่สำคัญ เพราะผมได้ใจมันมาแล้ว ไม่อยากจะสนใจเรื่องห่าเรื่องเหวอะไรอีก สิ่งที่ผมควรคิดให้หนักก็คือผมควรดูแลอาสาให้ดี อย่างน้อยก็ต้องตื่นก่อนมันเพื่อที่จะปลุกให้มันตื่น...

“สัดทนาย ลุกขึ้นมาจากเตียง!” เสียงดังเหมือนฟ้าผ่านี่มันอะไรกัน “สายแล้ว เจ็ดโมงยี่สิบแล้ว!”

“เหี้ยยยยยยย” ผมรีบลุกขึ้นมาจากเตียง มองเห็นอาสากำลังใส่ชุดนักศึกษาด้วยสภาพรีบเร่ง ความขาวสะท้อนแสงของมันทำเอาผมตื่นเต็มตา ขาข้างหนึ่งของมันใกล้จะถีบผมให้หล่นลงจากเตียงอยู่รอมร่อ

แสดงความรักต่อกูด้วยลำแข้งเหรอวะ

“อรุณสวัสดิ์” ผมทัก จูบแก้มอาสาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งไปอาบน้ำ

“ยังมีเวลามาทำแบบนี้อีก” อาสาจับแก้มตัวเองเหมือนทุกทีหลังจากที่ผมหอมมัน

“กูอยากทำมานานแล้ว”

ผมใช้เวลาอาบน้ำไวโคตรๆ เพราะสายมากแล้ว วันนี้ผมคงไม่หล่อเหมือนทุกวันแน่ๆ ไม่มีเวลาแต่งองค์ทรงเครื่องใดๆ ทั้งสิ้น ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีน้ำหยดติ๋งๆ มีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผมมากห้อยอยู่บริเวณตู้เสื้อผ้า

อาสาจัดเสื้อผ้าให้ผมเหรอ

“เร็วเข้า” มันพุ่งเข้ามาทำท่าจะช่วยแต่งตัว ผมไม่มีเวลาตัดสินใจอะไรทั้งนั้น รีบจัดการทาแป้งทาโรลออนอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองอาสา มันหยิบเสื้อมาให้ผมแล้ว “ใส่เสื้อเลย”

“ปกติกูใส่กางเกงก่อน”

“จะอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ เร็วๆ”

ผมใส่เสื้อกล้ามจากนั้นก็ใส่เสื้อนักศึกษา “ติดกระดุมให้หน่อย” ผมร้องขอ

“อะไรนะ”

“เลือกเอา จะติดกระดุมให้ หรือจะใส่กางเกงให้กู”

“ไอ้เหี้ย ได้ทีแล้วใช้ใหญ่”

ผมหยิบกางเกงมาใส่ อาสารอให้ผมยืนตรงตอนที่ผมเริ่มสวมเข็มขัด จากนั้นก็เริ่มติดกระดุมให้อย่างรวดเร็ว มันมองตัวมองหน้าผมใหญ่ ไม่ยอมมองลงไปเบื้องล่าง ผมลอบยิ้มมุมปาก

“เขินเหรอ”

“เขินอะไร มองตามึงอยู่เนี่ย” มันใช้ตาโตๆ ของมันจ้องผมอย่างไม่ยอมแพ้

“แน่จริงมองลงไปข้างล่างสิ เช้าๆ แบบนี้ยิ่งน่ามองนะ”

“ฟวย จัญไรแต่เช้าเลยนะ” ในที่สุดมันก็แพ้จนได้ ผมชอบใบหน้าตอนที่มันจำยอมแบบนี้จริงๆ มันน่าหอมฉิบ

“หอมหน่อย”

“ผักชีด้วยมั้ย” อาสาเอียงหน้าเข้ามาใกล้ให้ผมหอมหน้าผากมันได้ตามอำเภอใจ ชื่นใจทนายจริงๆ “เสร็จแล้ว เร็วๆ รีบๆ”

“สาด ไม่ได้เซ็ตผมเลยวันนี้” ผมอดบ่นไม่ได้เมื่อส่องกระจกดูสภาพตัวเอง อีกมือหนึ่งรีบทาครีมกันแดดอย่างว่องไว

“เอาผมลงแบบนี้ก็ดี ใสดี เหมือนเป็นปีหนึ่ง”

“ปกติกูเหมือนปีสี่หรือไงเล่า”

“ใช่”

“อาสา” ผมหันไปด่า “จะดีจะเลวยังไงก็เป็นแฟนมึงแล้วป่ะวะ”

“สาด เสียเซลฟ์เหรอ” อาสายิ้มน้อยๆ

“คำพูดมึงมีอิทธิพลกับกูเสมอ”

“มิน่าถึงชอบถามบ่อยๆ ว่าหล่อหรือเปล่า”

“วันนี้ขอถามอีกสักครั้งละกัน” ผมตรวจความเรียบร้อยอีกนิดหน่อยก่อนจะหันมามองอาสาซึ่งยืนรอพร้อมยื่นกระเป๋ามาให้ผมแล้ว

“เฮ้ย ขอบคุณครับ” ดูแลดีจังเลยวะไอ้สัด ขยันทำกูหลงมึงจริงๆ “วันนี้กูหล่อมั้ย”

“หล่อ พอใจยัง ไปได้แล้ว”

“ไหนบอกหน้าแก่เหมือนปีสี่” ผมดันหลังอาสาให้เดินออกไปจากห้องเพราะผมจะเป็นคนล็อกประตูเอง

“หน้าแก่แต่ก็หล่อ”

“รู้จักพูด”

“กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้วไง กูอยากไปเรียนนนนนน”

“จ้า เสร็จแล้วเนี่ย”









เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ได้ไง นี่มันใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ววววววววววว

จำได้มั้ยครับว่าผมอยากมาเรียนที่นี่เพราะอยากโฟกัสเรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ไหงดันได้แฟนซะงั้น! แม้จะผิดแผนไปสักหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี มันเป็นเรื่องที่ดีสุดๆ ไปเลยต่างหาก เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมต้องทำให้ได้ดีทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักหรือเรื่องเรียน

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะคุณโสภาพรรณจ้องจะจับผมเข้ามหา’ลัยทัพไทยตลอดเวลา ไอ้มหา’ลัยบ้านี่ก็เป็นอะไรไม่รู้นะ ถ้ามีเส้นใหญ่หน่อยก็สามารถเดินเข้าไปได้เลยไม่ต้องสอบให้ยุ่งยากมากความ เพียงแต่ว่าผู้บริหารคนใหม่เขาคัดคนเข้าไปเรียน (รู้สึกจะชื่อคุณทัพ คุณแทน หรือคุณแทนทัพ* อะไรนี่แหละ ผมชอบสับสนกับชื่อนี้) คัดแบบคัดฉิบหาย ดูตั้งแต่โคตรเหง้าต้นตระกูลลามมาจนถึงเส้นขนแขนของผม

( * ติดตามจากนิยาย #แทนทัพ ได้นะจ๊ะ )

แม่ผมทำธุรกิจกับคนบ้านนี้มาช้านาน เขาจึงไม่รังเกียจหากผมจะเข้าไปเรียนที่นั่นเพื่อจะได้รู้จักและต่อยอดความสัมพันธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก แต่ช้าแต่...ตอนนี้ผมรักมหา’ลัยนี้ไปแล้ว รักสไตล์การใช้ชีวิต การแบ่งแยกหอเป็นสัดเป็นส่วน และที่สำคัญแฟนผมก็อยู่ที่นี่ เพราะงั้นไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องคว้าเกรดเอล้วนในเทอมหนึ่งมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณโสภาพรรณจับผมเข้ามหา’ลัยทัพไทยแน่ ดีไม่ดีอาจจะส่งคนมาขนของออกไปทันทีที่รู้เกรดกันเลยทีเดียว

“ตามนี้ใช่ป่ะ” ผมยื่นมือไปรับกระดาษจากไอ้โอ๊ค มันกำลังลิสต์รายชื่อเนื้อหาที่ผมจำเป็นจะต้องอ่านให้จบก่อนสอบมิดเทอม รวมทุกวิชาเสร็จสรรพ “สัดดดดด เยอะมาก”

“มอเราคณะบัญชีเด่น มึงต้องเข้าใจในเรื่องนี้” ไอ้โอ๊ควางท่าเป็นกุนซือรู้ทุกเรื่องตามเคย “แต่ก็ไม่ยากสำหรับมึงอยู่แล้วนี่ ในเมื่อมึงอยู่ห้องเดียวกันกับพี่ปีสอง”

“มีคนติวให้”

“จะติวกันท่าไหนก็ไม่รู้”

“ท่าเก้าสิบหก”

“หกสิบเก้ามั้งไอ้สัด”

“ท่าเหี้ยอะไรไม่มีหรอก” ผมด่า เรื่องของผมกับอาสาผมยังไม่ได้เปิดเผยให้ใครทราบครับ อย่างที่บอกว่าผมรอให้คนเหล่านั้นรู้กันเอง อีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องด่าก็เป็นเพราะผมจำเป็นจะต้องปกป้องแฟนบังเกิดเกล้า จำได้ว่าแค่มันเดินเหินธรรมดา ก็ถูกนำไปคิดในแง่นั้นตลอด (พวกหอสองอยากแดกอาสามาก) สำหรับผมอาสาเลอค่าและอยู่บนหิ้งเสมอ ผมต้องรักษาภาพลักษณ์ของมันเอาไว้ครับ

ถึงแม้ว่าอนาคตผมอาจจะกระทำการบางอย่างก็ตาม (ซึ่งมันเป็นการแสดงความรัก) แต่ผมจะไม่บอกเพื่อนผมหรอกนะ

“พี่อาสาเรียนเก่งมากเลยนะ ติดอันดับท็อปเท็นของปีสอง”

“มึงรู้ได้ไงวะ” ผมถามเพื่อนคนที่พูด

“กูไปฟังคนอื่นเค้ามา”

รู้สึกภูมิใจในตัวแฟนหมาดๆ ของตัวเองนิดๆ

“เก่งกว่าพวกหอหนึ่งอีกเหรอ”

“เหอะ อันดับหนึ่งถึงเก้าคือพวกหอหนึ่งหมดอ่ะ”

กำลังจะดีอยู่แล้วเชียวแต่โดนเบรกซะงั้น ผมนึกสงสัยในตัวคนที่เรียนคณะบัญชีเก่งที่สุดในหอสาม เมื่อไม่กี่วันก่อนยังต้องเรียกเพื่อนมาช่วยทำการบ้านอยู่เลย แต่พอนึกลงไปให้ลึกกว่านั้น อาสาอ่านหนังสือเรียนอย่างสม่ำเสมอตลอด มีแต่ผมนี่แหละที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง

ถึงเวลาสนใจเรื่องเรียนแล้วครับ

“พูดถึงนางฟ้า นางฟ้าก็มา” ไอ้โอ๊คเปิดประเด็น ผมหันไปมองตาม กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งโต๊ะจับจ้องไปที่พวกปีสองซึ่งกำลังเดินลงมาจากตึกเรียน อาสาอยู่ท่ามกลางเพื่อนคนอื่นๆ และก็โดดเด่นที่สุดอีกตามเคย ข้างๆ นั่นก็คือไอ้ไมล์ ผู้ซึ่งไม่ว่าจะยังไงก็ยังคงรักในตัวของอาสาเสมอ

อาสาที่เป็นแฟนผมตอนนี้

ใจผมอยากจะเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ แต่คำว่าห่วงความรู้สึกเพื่อนมันค้ำคอ เลยได้แต่ทำท่าลุกแต่ก็ไม่ลุก ไอ้โอ๊คหันมาเห็นการกระทำของผมทุกอย่าง แม่งหัวเราะลั่นเหมือนผมเล่นตลกให้มันดู

“อยากพุ่งก็พุ่งไปเลย กลัวอะไร”

มึงไม่เข้าใจเว้ย มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ

ผมเห็นว่าอาสากำลังจะเดินเข้ามาหา จึงพร้อมเตรียมต้อนรับเต็มที่ แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันโคตรๆ
แอลเดินตัดหน้าอาสาอย่างช้าๆ ราวกับละครฉากหนึ่ง แม่งเป็นความบังเอิญที่ควรเกิดกับพระเอกคนอื่น ไม่ใช่ผม

แฟนเก่าของผมมากับไอ้เชี่ยป๊อบและก็เพื่อนโรงเรียนเก่าคนอื่นๆ ผมอึ้งมาก ไม่คิดว่าจะยกขบวนมาหาผมกันทุกคนขนาดนี้

“สัดแอลจะกลับกรุงเทพฯ เย็นนี้แล้ว มันบังคับให้กูพามาหามึง” ไอ้ป๊อบอธิบาย “เมื่อวานมึงไม่ได้อยู่คุยกับเพื่อนเลยไม่ใช่เหรอ”

ผมมองไปที่อาสา มันเดินตามหลังเพื่อนของมันไปโรงอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉิบหาย จะดราม่ามั้ยวะ นี่คบกันวันแรกเองนะ
 
“ไปหาอะไรกินกัน” แอลส่งยิ้มให้ผม

เพื่อนคณะผมที่นั่งโต๊ะเดียวกันพากันอ้าปากค้าง ก่อนจะกระทุ้งสีข้างของผมใหญ่ หาว่าชีวิตผมมีแต่ของดีเข้ามาพัวพัน อาสาก็คนหนึ่ง แอลก็คนหนึ่ง มีแต่ผู้ชายน่ารักๆ และก็เด็ดๆ ทั้งนั้น

สัด กูจะโดนอาสางอนอยู่แล้วเนี่ยยยยย

“ไหนๆ ก็จะไม่ได้เจอกันอีกนาน ไปด้วยกันเถอะนะ”

ผมชั่งใจนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า บอกกับเพื่อนที่ยังคงมองแอลไม่วางตาว่าอาจจะขึ้นไปเรียนตอนบ่ายสายหน่อย จากนั้นก็เดินตามกลุ่มเพื่อนโรงเรียนไป มือของผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยอัตโนมัติแล้วทักไปหาอาสา

LAWYER : จะไปกินข้าวกับเพื่อน มีแอลด้วย อย่าคิดมากนะ

ผมลุ้นคำตอบของอาสามาก มันอ่านแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็ตอบกลับมา

ARSA : อย่านั่งข้างแอลก็พอ

อื้อหือ ใจผมถึงกับพองโตภายในเสี้ยววินาที ประโยคนี้จากอาสาทำให้ผมเลิกกังวลไปเลย นอกจากจะบ่งบอกว่ามันไม่ได้โกรธหรืองอนแล้ว ยังมีความหึงหวงเล็กๆ แฝงอยู่ด้วย

อาสาแม่งเด็ดจริงๆ ว่ะ เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าเก่งจริงๆ เรื่องที่ทำให้ผมหลงใหล

เรื่องนี้กูขอยอมแค่มึงคนเดียวเลย







สวนอาหาร

ผมมองซ้ายมองขวา รู้สึกว่าร้านอาหารแห่งนี้มีความคุ้นตาเหมือนร้านอาหารของที่บ้านแอลในกรุงเทพฯ เมื่อเห็นป้ายชื่อของร้าน ผมก็ถึงกับบางอ้อ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งสาขาของที่บ้านแอลครับ

“เฮ้ย มีตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมอดที่จะถามแฟนเก่าไม่ได้ ช่วงที่เป็นแฟนกันเราคุยกันเรื่องที่บ้านน้อยมากครับ ส่วนใหญ่ผมกับมันมีแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ มากกว่า เพราะตอนนั้นเราเรียนอยู่ใกล้กันและอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ แต่ก็นะ ใกล้กันขนาดนั้นมันยังเปลี่ยนใจไปจากผมอ่ะ #ไม่เอาอย่าไปขุด

“ประมาณเดือนสองเดือนก่อนอ่ะ เพิ่งเปิดได้ไม่เท่าไหร่” พนักงานดูคุ้นหน้าคุ้นตาแอลมาก ทุกคนให้การต้อนรับลูกเจ้าของร้านเป็นอย่างดี

“งั้นก็เป็นช่วงที่เรา...เลิกกัน”

“นั่นแหละ” แอลยิ้มแห้งๆ

“มีอะไรเกิดขึ้นเยอะเนอะ”

“ใช่”

“...”

“หกเดือนมันมากเกินไปจริงๆ”

แอลเดินไปจัดการเรื่องโต๊ะกับอาหารให้เพื่อน ระหว่างนั้นไอ้ป๊อบก็สบโอกาสได้คุยกับผมตามลำพังพอดี

“กูปวดหัวสัด” มันทำหน้าเครียดใส่ผม “กูเป็นเด็กหอหนึ่งนะ ปกติกูต้องอ่านหนังสือแบบอ่านฉิบหาย อ่านจนเลือดตากระเด็น อ่านจนตาหลุด แต่นี่กูต้องมานั่งเครียดเพราะมึง ไอ้หล่อเอ๊ยยย”

“เดี๋ยว เป็นไรสาด เก็บกดห่าไรเนี่ย” ป๊อบมันใส่มาเป็นชุดจนผมต้องรีบปราม กลัวมันหายใจไม่ทัน

“มึงจะเอาไง อาสาหรือแอล ตอบ!”

“หา?”

“แอลแม่งเหมือนยังมีเยื่อใยอยู่ว่ะ มันปรึกษากูตั้งแต่เมื่อคืน แล้วรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น”

“อะไรวะ” ผมกะพริบตาถี่ๆ ฟังในสิ่งที่เพื่อนเล่าด้วยความมึนงง

“อาสาทักมาชมแอลว่าดูดีเฉยเลย”

ผมหลุดขำออกมาหลังจากที่ได้ยิน

“ไม่ขำนะสัด มึงกำลังปั่นหัวเด็กมึงทั้งสองคนนะเว้ย” ไอ้ป๊อบยังคงจริงจังต่อไป “แอลก็เหมือนจะยังรักมึง ส่วนอาสาก็เหมือนชอบมึงเข้าไปแล้ว ตกลงมึงจะเอาไง มึงจะเลือกใคร แม่งเอ๊ย อยากเกิดมาหล่อจริงๆ คนหนึ่งก็โคตรน่าลากขึ้นห้อง ส่วนอีกคนก็น่ารักจนอยากจับฟัด”

น่าลากขึ้นห้องกับน่ารักจนอยากจับฟัดนั่นมันอาสาหมดเลยไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ หรือผมหลงแฟนหมาดๆ ของตัวเองมากจนเกินไป

“มึงก็น่าจะรู้แล้ว” ผมตอบแค่นั้น

ไอ้ป๊อบถอนหายใจ “เออ พอจะเข้าใจอยู่”

“ทีแรกมึงไม่ได้เชียร์แอลเลยนี่”

“ก็ตอนนั้นมันทำมึงเจ็บ”

“และตอนนี้กูก็มีหัวใจดวงใหม่ไปแล้ว”

แอลเดินมาเรียกพอดี ผมกับป๊อบจึงไม่ได้คุยอะไรกันอีก ตอนแรกแอลทำท่าจะนั่งข้างผม แต่แล้วมันก็เปลี่ยนใจไปนั่งข้างเชี่ยป๊อบแทน ผมก็เลยได้ทำตามในเรื่องที่อาสาร้องขอ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมสบายใจอย่างยิ่ง

วันนี้ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน แต่ผมก็นึกถึงมันตลอดการกินข้าวของผมเลยครับ







กว่าจะกินข้าวเสร็จ ถ้าจะไปเรียนตอนบ่ายก็เลตมากแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสโดดเรียนซะเลย

ขอแวบไปดูคนที่ผมเพิ่งรู้ว่าเรียนเก่งสักหน่อยว่าจะตั้งใจเรียนแค่ไหน ผมพอจะทราบว่าพวกปีสองเรียนอยู่ห้องอะไร จึงไปหาอาสาได้ไม่ยาก ทันทีที่ผมมองส่องเข้าไปก็ถึงกับสติขาดผึง

หัวอาสากับหัวไอ้ไมล์จะติดกันอยู่แล้ว!

ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องเนื้อหาในชีทอยู่ ผมรู้ว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่แต่ก็เดือดปุดๆ อย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มและการหัวเราะของอาสา มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนเป็นไฟ อยากจะหาอะไรบางอย่างมาดับอาการหัวร้อนของตัวเองฉิบหาย

คบกันวันแรก มึงท่องไว้ทนาย คบกันวันแรก อย่าดึงดราม่าดิวะสาดดดด

“อ้าวทนาย มาหาอาสาเหรอ” ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนอาสาซึ่งเคยมาแนะนำตัวกับผมแต่ผมจำชื่อไม่ได้เดินออกมาจากห้องพอดี

“เข้าไปได้นะ อาจารย์ปล่อยพอดี”

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวยืนรอตรงนี้แหละ” ผมยังไม่แน่ใจว่าควรสุภาพกับเธอดีหรือไม่ ก็เลยพูดแบบกลางๆ ไว้ก่อน

“คงอีกนานเลยนะ มีแต่คนไปขอให้อาสาช่วย”

ผมรู้แล้วล่ะ #กัดฟันพูด “งั้นเดี๋ยวไปรอที่อื่นก็ได้”

“จ้า”

ผมเดินออกมาให้ห่างจากห้องเรียนของอาสา รู้สึกว่าตัวเองกำโทรศัพท์แน่นมากระหว่างที่พิมพ์ข้อความอย่างรัวเร็ว

LAWYER : กูไม่นั่งข้างแอล แต่มึงนั่งข้างไอ้ไมล์เนี่ยนะ!







บนรถ

เพราะไม่รู้ว่าควรไปรอที่ไหน ผมจึงมารอบนรถแทน อาสาโทรเข้ามาหาผมหลังจากที่ผมส่งข้อความไปทางไลน์ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้

แหม ติวกันนานนักนะ

“ฮัลโหล”

[อยู่ไหน]

“บนรถ”

[งอนเหรอ]

สัดทนาย เงียบทำไมล่ะ เขาถามมึงก็ตอบไปสิว่างอนอ่ะ

“เปล่า” โถ ไอ้พ่อบ้าน นึกว่าจะแน่ ไม่ต้องใช้ใครมาด่าผมให้เมื่อยหรอกครับ ผมนี่แหละด่าตัวเองดีกว่า มันรวดเร็วทันใจที่สุดแล้ว
 
[มึงมาเห็นฉากตอนที่กูอยู่กับไมล์พอดีใช่ป่ะ]

“ก็...อืม”

[หูย งอนจริงว่ะ ฟังเสียงสิ]

“กลับได้ยังเนี่ย รีบๆ ลงมาที่รถได้แล้ว”

[แป๊บนะ กำลังเก็บของ รอก่อน]

“เร็วๆ อยากคุยด้วย”

[คิดถึงหรือว่าอยากจะเคลียร์]

“คิดถึง” โอเค แพ้ ผมแพ้ ผมจะงอนอะไรมันได้นานเหรอครับ ในเมื่อมันน่ารักน่าฟัดซะขนาดนี้อ่ะ

[...] ผมได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะถูกใจนิดหน่อย

“ถึงไหนแล้ว”

[เดี๋ยวสิ ยังออกไปไม่พ้นห้องเลย]

“ให้ไวเลย ให้ไว”

[กูจะบอกมึงว่าถึงมึงจะมาเห็นกูกับไมล์ในฉากแบบนั้น แต่ไมล์ก็ไม่ใช่พระเอกสำหรับกูนะ]

“...”

[มึงคือพระเอกของกู]

ผมควรใช้คำว่าอะไรกับอาสาดี แค่น่ารักน่าฟัดมากยังน้อยไป

[เปิดประตูให้หน่อย]

ผมตกใจ ไม่คิดว่ามันจะมาถึงไวขนาดนี้ เอ๊ะ หรือว่ามันมาถึงนานแล้ววะ ผมรีบกดเปิดประตูให้อาสาเข้ามานั่งบนรถพร้อมรอยยิ้ม

“ยิ้มใหญ่เชียว หายงอนแล้วใช่ป่ะ” อาสากดวางสาย ส่วนผมที่เพิ่งทำตามมันก็เอื้อมมือไปขยี้ผมมันอย่างมันเขี้ยว ผมนิ่มดีจริงๆ สมคำเล่าลือ

ว่าแต่ไอ้คนที่เล่าลือแม่งเคยจับผมของอาสาตอนไหนวะ บอกกูมา! #อย่าเพิ่งหึงเรื่องอื่นเพิ่มสิ

“กูงอนอยู่ แต่กูหายก็ได้”

“ง่ายเนอะ”

“ก็มึงง้อได้ถูกจุดอ่ะ”

อาสายักไหล่อย่างภูมิใจ

“หน้าใกล้กันจนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว” ผมรำพึงรำพัน

“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย” อาสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมขยายรูปให้ดู “มึงก็ใช่ย่อย นานๆ ทีจะเห็นมึงยิ้มได้ถึงขนาดนั้น”

มันเป็นภาพที่ผมกำลังยิ้มอยู่แล้วหันไปมองแอลพอดี ใครวะแม่งถ่ายรูปได้ถูกจังหวะโคตรๆ แต่อาจจะทำให้กูถูกอาสาถีบ ใครวะ ใคร!

“เชี่ยป๊อบส่งให้เหรอ”

“ช่าย”

“สัดเอ๊ย” ผมรีบมองอาสาว่ามันทำหน้ายังไง โชคดีที่มันมองเรื่องนี้เป็นเรื่องขำๆ “ป๊อบคงอยากให้กูมีปัญหากับมึงอ่ะ เมื่อคืนมันเครียดเรื่องกูมาก มันก็เลยแค้น”

“เป็นวิธีการแก้แค้นที่แปลกดีจริงๆ”

“กูมีเรื่องสงสัยเรื่องหนึ่ง” ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้ถึงได้สะกิดใจผมนัก “ตอนที่มึงลืมทำการบ้านอ่ะจำได้ป่ะ ก่อนหน้ากูมีงานเดินแบบวันหนึ่ง”

“จำได้สิ มันเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง กูจะลืมได้ไง”

“เพื่อนกูบอกว่ามึงเรียนเก่งมาก”

“ใครเอามาพูด กูอยู่หอสามนะ กูจะสู้พวกหอหนึ่งได้ไง”

“เก่งที่สุดในเอกบัญชีปีสองของหอสาม”

“ก็...” อาสาไม่พูดต่อแต่ยักไหล่แทนว่ามันคือความจริง

“เรียนเก่งแต่ทำไมลืมทำการบ้านวะ”

“โอ๊ย ทำไมมึงมาสงสัยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” อาสาทำเป็นสนใจข้าวของของตัวเองในมือแทน “จำไม่ได้เหรอว่ากูเผลอหลับตอนอาจารย์สั่งการบ้านอ่ะ”

“กูว่ามันทะแม่งๆ” ผมยังคงพูดต่อไป “นี่ถ้าเพื่อนไม่บอกว่ามึงเรียนเก่ง กูก็คงไม่สงสัยหรอก วันนั้นที่ทำการบ้านกันมึงดูดร็อปที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมคณะของมึงเลยนะ”

“สาดดดดดดดด” อาสาโอดครวญ “ก็ได้ ถ้าอยากรู้นักจะบอกให้ก็ได้”

“...”

“กูใจลอยเรื่องมึง จนฟังไม่ทันว่าอาจารย์สั่งการบ้านอะไรไงสัด พอใจหรือยัง”

นั่นยังไงล่ะ! #ตบเข่าฉาด กะแล้วเชียวว่าเรื่องนี้มันต้องส่งกลิ่นผิดปกติ แล้วผมก็ได้รับคะแนนเต็มไปจากเรื่องนี้เพราะผมคิดถูก (ใครเป็นคนให้วะ) ตอนนั้นอาสายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบผม นั่นหมายความว่าผมก็มีอิทธิพลต่อจิตใจของมันค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้

ฟินสัดๆ โลกนี้ช่างสวยงาม ปั๊บปาดั๊บปา

“เกลียดตอนมึงทำหน้างี้จริงๆ”

“คนบ้าอะไรเกลียดตอนแฟนตัวเองทำหน้ามีความสุข”

“มึงมีความสุขเพราะความทุกข์ของกู”

“ทุกข์อะไรวะ”

“ไม่ยอมให้กูกั๊กห่ากั๊กเหวอะไรไว้เลย อยากรู้อะไรก็ถาม ถามแล้วตัวเองก็มีความสุข เคยเห็นใจกูบ้างมั้ยว่ากูอยากจะปิดบังหรืออยากจะเก็บเอาไว้ยิ้มๆ กับตัวเองคนเดียว”

“โอ๋ๆๆ” ผมเอื้อมมือไปลูบผมอาสาอีกครั้งก่อนจะสตาร์ตรถเตรียมออกตัว “มึงก็ถามกูบ้างสิ จะได้หายกัน”

“ตอบไหวเหรอ คำถามกูเหี้ยมกว่าของมึงเยอะนะ”

ลืมไปว่ามันเป็นงูพิษ...งูพิษตัวน้อยๆ แต่แม่งก็มีพิษ!

“จัดมาสักหนึ่งแซมเปิ้ลดิ๊”

“รักกูป่ะ”

เหยดแม่ม กูให้ถ้วยรางวัลมึงไปเลย เต็มสิบกูให้ร้อย อาสาเอ๊ย เรื่องเอาชนะกูมึงทำได้เก่งมาก กูยอม กูยอมมมม

นี่สินะคำถามที่ถามเพื่อให้คนถามฟินอย่างแท้จริง ทนายเอ๊ย มึงควรเรียนรู้เอาไว้นะ

“โคตรรักเลย”

วันนี้ผมซึ่งเป็นคนตอบขอพลิกเกมสักหน่อยละกัน อยากเห็นคนถามเขินอ่ะ...ซึ่งแม่งก็เขินผมจริงๆ ด้วย





tbc*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-08-2017 22:05:23
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-08-2017 22:10:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 01-08-2017 23:50:33
หูยยยยยยย ทำไมคนอ่านฟินพอๆกับทนายเลยอ่ะ อ๊ายยยยย :hao7: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-08-2017 23:52:38
คิดเหมือนอาสาเลยว่าแอลเป็นผู้หญิงอ่ะ อึ้ง O_O
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-08-2017 00:12:51
โอ้โหหหหหหห มาแบบจุใจเลย ในที่สุดแผนการเต๊าะเนียนๆของทนายก็ได้ผลแถมได้เป็นแฟนกับอาสาอีก ดีจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2017 00:51:32
 :o8: :-[ :impress2:

ฟิน  จุใจ  คุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: plafishy ที่ 02-08-2017 01:51:50
ฟินมาก ในที่สุดเค้าก็ใจตรงกัน
และอึ้งเหมือนกัน นึกว่าแอลเป็นผู้หญิง 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-08-2017 05:50:27
นึกว่าแอลเป็นผู้หญิงเหมือนกันอ่ะ 555
แต่ก็ดีที่ทำให้อาสากล้ายอมรับตัวเองมากขึ้น
อิทนายได้แฟนแล้วจ้าาา ฮิ้ววว
หวานๆ แบบนี้ชอบบบ  :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-08-2017 06:05:44
พอใจตรงกัน ก็ ฟินเลยยย โอยยยยย ป๊าดดดดดด
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 02-08-2017 10:24:22
คืออะไรอ่ะ  โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  5555 ขอไปตายแปบนึงก่อนนะ ^^   :impress2: :-[ :mew1: :impress2: o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 02-08-2017 10:25:59
มาแบบจุใจมาก ทนายฟิน คนอ่านก็ฟินค่ะ หูยยยยย  :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-08-2017 10:58:28
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 02-08-2017 13:09:17
สนุกจัง
อาสาทนาย
พี่สงครามอ้าย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 15:25:05
โอย.......อ่านไปก็ยิ้มไม่หุบเลย หน้างี้บานทะโล่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ดีต่อใจ จริง...จริ๊ง
อาสา หึงทนาย มีห้ามทนายนั่งข้างแอล
ทนาย ก็หึงอาสา ส่วนใหญ่ทนายหึงอาสาแหล่ะ

แอล ยังไง เกิดหวนมาหาทนาย ยังรักทนาย ทั้งที่ทิ้งทนายไปนี้นะ
เข้าใจป๊อบเลย เป็นคนกลาง รู้ว่าทนายชอบอาสาแล้วด้วย

ทนาย อาสา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 02-08-2017 17:59:07
เป็นคู่ที่คุยกันแบบโต้ๆที่ชัดเจน แมนๆและเขินมากกกกกกก     2 คนนี้รู้นะว่าที่ทำไปมันจะเขินขนาดไหนแต่ก็ยังทำเพราะสนองความฟินของตัวเอง  อาสาคนจริงมากนะ  โอ้ยยยยยสมแล้วที่ทนายมันจะชักดิ้นชักงอกระเด่วๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 03-08-2017 10:18:04
ชักดิ้นชักงอฟินนนนนนนเหมือนทนาย อาสาคนจริง เอาเข้าไปหยอดกันเข้าไป คนอ่านหมอนขาดหมดแร๊ะ
ฝากบอกคนเขียน เราได้ตัดน้ำตัดไฟ กระโดดถีบหม้อและกระทะ พร้อมทั้งแอบซ่อนห่อมาม่าไว้หมดแล้ว คุณไม่มีสิทธิต้มน้ำใส่มาม่าให้เรากิน 555555555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-08-2017 16:11:44
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 03-08-2017 22:54:46
บัดจะง่ายก็เอาฉันตามไม่ทันเลยพี่บัวลอยย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: K.PanPan ที่ 03-08-2017 23:01:22
มีความฟิน อ่านไปจิกหมอนไป อ่านไปดึงขนหน้าแข้งไป
ฟินนนนน  :katai5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 05-08-2017 08:29:31
ชอบ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-08-2017 12:56:17
น่ารักจริงๆคู่นี้
สรุปอาสาต้องบอกก่อน
ทนายแม่งป๊อด 5555
คราวนี้หวังว่าทนายจะไม่ละเมอ แอลๆๆอีกนะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-08-2017 17:57:21
ว้าววว ทนายอาสา คือความดีงาม
อาสายอมรับแล้ว เปิดใจแล้ว

มีความหวานนิดๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 08-08-2017 22:22:34
ยังไม่จบใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Nutty_FanFan13 ที่ 09-08-2017 01:18:19
ใจบางกับคู่นี้ ฮืออออออ :mew3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2017 02:44:54
หัวใจคนแก่ระทวยไปหมดเลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 11-08-2017 15:53:00
เข้าโหมด  รอออออออออออออออออออออออออออออออออ   :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 01/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 12-08-2017 21:23:07



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 16



สวัสดีครับคนอ่านทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวการเป็นแฟนกับนางฟ้าแห่งหอพักชายภายใต้เหตุการณ์ทั้งหมดหนึ่งเหตุการณ์ถ้วนในเวลาไม่ถึงห้านาที เหตุเกิด ณ ร้านข้าวติดแอร์หน้ามหา’ลัย เชิญรับฟังและรับชมกันได้เลยครับ

“อาสามาว่ะ”
“เหยดดด วันนี้กูเลือกแดกร้านถูก”

หนึ่ง คนเป็นแฟนอาสาจะต้องอดทนต่อสายตาของพวกเพศผู้ที่มองอาสาตาเป็นมันให้ได้ เจ้าตัวเคยชินกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่คนเป็นแฟนจำใจที่จะต้องเคยชิน และต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปต่อยไอ้พวกที่คอยมองดูอยู่

“รับอะไรดีครับ”
“แป๊บนะครับ ขอดูเมนูก่อน” อาสายิ้มพร้อมเปิดเมนู

สอง คนเป็นแฟนอาสาต้องรับให้ได้เวลาที่มันส่งยิ้มให้คนอื่น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเด็ก คนชรา สิงสาราสัตว์ หรือแม้กระทั่งพนักงานชายในร้านอาหาร คนเป็นแฟนจะต้องท่องเอาไว้ในใจว่าที่อาสายิ้มให้คนอื่นไม่ใช่เพราะอ่อย แต่มันเป็นคนนิสัยดี เพียงแต่คนที่มันส่งยิ้มให้เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ก็เท่านั้นเอง

ดูจากตาเยิ้มๆ ของแม่งก็รู้

ศอกของอาสาเผลอชนช้อนส้อมจนหล่น อาสาก้มลงไปหยิบ พนักงานชายแบมือขอคืนเพื่อที่จะนำไปเปลี่ยนคู่ใหม่มาให้ ระหว่างที่รับส่งกัน มือของมันเหมือนกำลังจะพยายามแต๊ะอั๋งอาสาอยู่ไม่มากก็น้อย

สาม คนเป็นแฟนอาสาจะต้องรู้เท่าทันคนรอบข้างว่าจะมาไม้ไหน จะพยายามมาเอากำไรชีวิตด้วยการตอดเล็กตอดน้อยหรือไม่
 
ผมเอื้อมมือไปหยิบช้อนส้อมจากมืออาสาก่อนจะส่งต่อให้พนักงานชาย ซึ่งมันคงจะงงว่าผมจะเข้ามาขัดความฟินในแผนลอบสัมผัสมือของอาสาทำไม

สาด เพราะกูเป็นแฟนไอ้เหี้ยนี่ไง

“กินอะไรดี” อาสาถามผม

“สั่งเลย กูแดกหมด”

“...”

“มึงลืมติดกระดุมเสื้อป่ะวะ”

“หา?” อาสาก้มหน้าก้มตาสำรวจสภาพตัวเอง มันไม่ได้ติดกระดุมสามเม็ดบนครับ อ่อยโคตรๆ อ่อยใครไม่รู้แต่ขอคิดว่าอ่อยผมก็แล้วกัน “ไม่ได้ลืม กูร้อน”

“ร้านนี้ติดแอร์นะ”

“...”

“ถ้าเย็นแล้วก็ติดกระดุมซะ” ผมเปลี่ยนใจดีกว่า “ไม่ มึงติดเดี๋ยวนี้เลย”

“เฮ้ย”

“กลับห้องค่อยปลด จะปลดเสื้อผ้าหรือปลดกางเกงด้วยก็ได้ ยิ่งดีใหญ่เลย”

“ทนาย เคยตายมั้ยวะ” ด่าผมทั้งๆ ที่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

สี่ อาสาไม่ระมัดระวังตัวเองเลยแม้แต่น้อย คนเป็นแฟนจะต้องคอยระมัดระวังให้ จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกติมากมาย เพียงแต่ในสายตาของคนอื่นนั้นกลับไม่ได้คิดเช่นมัน เช่น มันปลดกระดุมสามเม็ดบนออกเพราะร้อน แต่คนหื่นกามสามารถคิดไปได้อื่นไกลว่ามันปลดกระดุมออกเพราะต้องการอ่อย คนมันหื่นก็จะคิดเรื่องหื่นตลอด ซึ่งผมไม่ชอบเวลาที่จะมีใครมาคิดกับแฟนผมในแง่นั้น

ผมคิดได้คนเดียว

“เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำ”

“อื้ม เดี๋ยวจะสั่งเผื่อ” อาสาตั้งใจดูเมนูมาก

ผมลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินห่างออกไปเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อหันกลับไปมองอีกที ผมเห็นความเคลื่อนไหวรอบตัวอาสา รู้เลยว่าแม่งต้องมีคนพุ่งเข้ามาหามัน ไม่ขอเบอร์ก็ขอไลน์

พวกมึงหยุดความคิดนั้นได้เลย เพราะกูไม่ปล่อยมันให้คลาดสายตาอีกแล้ว กูจำได้ กูแค่ไปซื้อข้าวมันไก่ยังมีคนมาขอไลน์อาสา!
ผมเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมๆ กับกระตุกแขนอาสาให้ยืนขึ้น

“อะไรวะ”

“พาไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

“บ้าเหรอ”

“ทางมันเปลี่ยว ไม่กล้าเดินคนเดียว”

“ไม่ใช่แล้วมั้ง ห้องน้ำก็อยู่ในร้าน” มันโวยวายไปก็เท่านั้น เพราะผมลากมันออกมาแล้ว

และห้า คนเป็นแฟนอาสาจะต้องอย่าปล่อยให้อาสาคลาดสายตาเด็ดขาด อาสาก็คืออาสา มันเป็นนางฟ้าที่พวกเพศผู้หมายปองและจ้องจะแดก ไม่ว่ายังไงความจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยน ไม่มีสิ่งใดมาลบล้างได้ คนเป็นแฟนมันจะต้องแอ็กทีฟตลอดเวลา ห้ามเผลอและปล่อยปละละเลยเด็ดขาด มิเช่นนั้นเรื่องปวดหัวอาจจะตามมาได้

ไม่ใช่เพราะอาสา แต่เป็นเพราะไอ้พวกที่คอยจังหวะจะเข้ามารุมตอมนั่นแหละ

นี่แค่รีวิวในส่วนของความฮอตต่อเพศเดียวกันของอาสานะครับ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของมันที่ไม่รู้ว่ามีแปดสิบแปดมิติหรือเปล่า บางครั้งก็หวานแต่บางครั้งก็โหด บางครั้งก็โคตรอ่อย (ผม) แต่บางครั้งก็โคตรหวงตัวเอง (กับผม) บางครั้งก็ดูใสๆ ไร้พิษภัย แต่บางครั้งก็เล่ห์เหลี่ยมจัดดุจดั่งงูพิษ นี่คือยกตัวอย่างเท่านั้นนะ เรื่องเกี่ยวกับอาสายังมีมากกว่านี้เยอะเลยครับ

สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดก็คืออาสาน่ารักขึ้นทุกวัน มันเริ่มทำตัวเป็นเพื่อนกับผมน้อยลงและทำตัวเป็นแฟนกับผมมากยิ่งขึ้น แม้จะทำเฉพาะตอนอยู่กับผมสองต่อสองก็ตามทีเถอะ แต่นั่นก็ถือว่าเด็ดมากแล้ว เด็ดจนไม่รู้ว่าผมจะทนเรื่องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ฟัดอาสาได้มั้ย

เดี๋ยวพวกท่านจะได้รู้ในลำดับถัดไปครับ

ตอนนี้ผมฉี่เสร็จแล้วและกำลังหิวโคตรๆ เราสองคนกลับมานั่งที่เดิม จากนั้นผมกับอาสาก็พากันสั่งอาหารรัวๆ อย่างไม่แคร์ว่ามันจะราคาเท่าไหร่ เพราะหิวกันมากจริงๆ

“เออนี่” อาสาเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เรากินกันไปได้สักพักแล้ว “ไมล์มันถามว่ามึงจะเอาชีทเก่ามันไปอ่านหรือเปล่า มันจะให้มึงก่อนให้น้องรหัสมันที่อยู่หออื่น”

เรื่องหอมาก่อนสายรหัสอีกเหรอครับเนี่ย

“ไม่เป็นไร กูอ่านแค่ของมึงก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ

“ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าชีทตอนปีหนึ่งของกูอยู่บ้าน ไม่ได้อยู่หอว่ะ” อาสาทำหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร งั้นพี่รหัสกูคือใครเหรอ” ขอพึ่งพี่รหัสก่อนที่จะพึ่งไอ้ไมล์ก็แล้วกัน

“ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเป็นไอ้เก้นที่อยู่หอสองนะ”

จบกัน ผมไม่มีวันที่จะไปขอชีทเก่าของไอ้พวกหอสองแน่ๆ ฝันไปเหอะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอ่านตามพวกไอ้โอ๊คก็ได้”

“โอ๊คมันดูขยันดีนะ”

“มีเด็กหอหนึ่งคนหนึ่งแย่งเครื่องคอมฯ มันในร้านเกมแล้วมันไม่ชอบอ่ะ มันก็เลยชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่ตอนนั้น”

“แบบนี้ก็มีด้วย”

“ช่าย”

“แล้วก็สู้กับพวกหอหนึ่งเนี่ยนะ เชื่อแม่งเลย”

“หอสามเรามีดีกว่าหน้าตาเว้ย มึงต้องมีศรัทธา”

บทสนทนาระหว่างเราสองคนเป็นไปอย่างไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าผมจะเคยบอกว่าเราสองคนทำตัวเป็นแฟนกันมากขึ้น แต่ก็ทำในช่วงที่เราอยู่กันสองคน ถ้าเป็นที่สาธารณะ แค่ตักอาหารให้ก็ถือว่าหวานมากแล้วล่ะครับ ใจผมอยากทำมากกว่านั้น แต่อาสาเป็นเป้าสายตามากจนเกินไปจริงๆ ผมไม่อยากให้มันถูกนินทาในแง่เสียๆ หายๆ เพราะผม

เอ...แต่เป็นข่าวกับผมก็ดีกว่าเป็นข่าวกับคนอื่นป่ะวะ ทุกคนจะได้รู้ไงว่าอาสาเป็นของผม ผมกับมันเป็นแฟนกัน

“คิดอะไรอยู่วะ” อาสาเลิกคิ้ว เริ่มกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าช้าลงเนื่องจากใกล้จะอิ่ม

“ก่อนหน้านี้ตอนที่คิดในใจกูกำลังรีวิวเรื่องการเป็นแฟนมึงอยู่”

“รีวิวเนี่ยนะ มึงรีวิวให้ใครฟัง”

“ให้ตัวกูฟังนี่แหละ”

อาสาทำหน้าเหมือนจะทักท้วงผมว่า ‘มึงมีมุมพิลึกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ’

“ไหนลองรีวิวให้กูฟังดูซิ” ผมชอบที่มันเอาใจใส่ผมถึงแม้ว่าผมจะแปลกๆ ไปบ้างก็ตาม

“จากที่คบกับมึงมาตลอดสองสามวัน...”

“ฟังดูเหมือนนานเนอะ”

“ถ้าจะคบมึงให้รอด ต้องทำใจเรื่องความโซแดมฮอตของมึง”

อาสาดูอึ้งเล็กๆ “หา?”

“แต่ก่อนกูเคยเถียงพี่อ้ายในใจเรื่องความฮอตของมึงนะ แต่พอได้มาอยู่กับมึง นานวันเข้ากูรู้เลยว่าแม่งเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง”

“เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว”

“ถ้ามีบัลลังก์มึงคงได้นั่งไปแล้ว”

“บัลลังก์แห่งความนกน่ะสิวะ จะอวยอะไรกันขนาดนั้น” อาสาส่ายหน้า มองว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องไร้สาระ

“ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อมึงลองหันไปมองโต๊ะนั้นสิ” ผมพยักพเยิดไปทางโต๊ะที่มีผู้ชายคณะไหนไม่รู้นั่งกันอยู่สามคน ผมมองมานานแล้ว สามคนนี้ดูเหมือนจะสนใจอาสามากกว่าโต๊ะอื่น “ถ้ามึงมองไปแล้วพวกนั้นไม่มองมึงกลับมาทั้งสามคน แสดงว่าสิ่งที่กูพูดเป็นเรื่องโกหก”

อาสายอมทำตาม มันหันไปมองโต๊ะนั้นด้วยสายตาแบบไม่ได้ตั้งใจจะมอง พวกนั้นหันกลับมาสบตาอาสาอย่างรวดเร็วจนอาสาหันกลับมาหาผมแทบไม่ทัน

มันกลืนน้ำลายใหญ่ สงสัยจะอึ้งในความฮอตของตัวเอง

“กูก็พอรู้สึกได้บ้างอ่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะอะไรขนาดนี้”

“แสดงว่ากูุโชคดีแล้วที่ได้มึงมา” ผมยิ้มกริ่ม ก่อนจะหุบยิ้มฉับทันควัน “แต่ก็ต้องทนให้ไอ้พวกนั้นมองมึงด้วยสายตาเจ้าชู้แบบนั้นต่อไป บอกตรงๆ หัวกูนี่ร้อนไปหมดแล้ว นี่กูต้องทนเห็นอะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ งั้นเหรอ”

“คนอื่นมองมาแล้วไงวะ กูไม่ได้มองตอบเขานี่หว่า”

เออว่ะ

“สิ่งสำคัญคือกูเล่นหูเล่นตาตอบเขาไปหรือเปล่า กูโดนมาเยอะแล้ว กูมีภูมิคุ้มกัน เชื่อใจกูนะทนาย”

มันพูดเรียบง่ายเหมือนสิ่งที่มันเพิ่งพูดไปไม่ใช่สิ่งที่สะกิดหัวใจของคนฟัง แต่เปล่าเลยครับ แม่งทำผมประทับใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ คนมองอาสาเยอะ แต่ถ้าอาสาไม่มองกลับหรือเล่นไปกับคนพวกนั้นก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ไม่มีอะไรที่ผมต้องกังวล

เพราะงั้นขอรีวิวการเป็นแฟนอาสาในแบบสั้นๆ ง่ายๆ ทิ้งท้าย...คนที่ได้เป็นแฟนอาสา คนคนนั้นโชคดีฉิบหายเลยครับ







หอสาม

เราสามคนกลับมาที่หออีกครั้ง รู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนไปของหอจนอดที่จะอึ้งไม่ได้ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงฤดูแห่งการเตรียมสอบมิดเทอมเป็นที่เรียบร้อย โซนส่วนกลางถูกจับจองด้วยไอ้พวกหน้าดีที่มาจากคณะหินๆ อย่างเช่นแพทยฯ ทันตฯ เป็นต้น ไอ้พวกนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เรียนเก่งก็จริงแต่หน้าตาเสือกเด่นกว่าความสามารถ แทนที่พวกมันจะได้ไปกองอยู่รวมๆ กันกับพวกคณะเดียวกันที่หอหนึ่ง แต่กลับได้มาอยู่หอสามแทนซึ่งมีพวกคณะเดียวกันอยู่แค่กระจึ๋งเดียว

ช่วงนี้ผมจะเห็นโมเมนต์สนิทกันข้ามห้องบ่อยครับเพราะคนอยู่ห้องเดียวกันใช่ว่าจะอยู่คณะเดียวกันทุกคน ความสามัคคีเป็นปึกแผ่นเริ่มแสดงออกให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีปมในใจ ทุกคนอยากจะลบล้างคำสบประมาทที่ว่ามีดีแค่หน้าตาแต่เรื่องอื่นไม่มีห่าไรใช้ได้ บอกเลยว่าคำนี้โดนกันมาทั้งหอครับ และมันก็สร้างแผลในใจให้พวกเราค่อนข้างมากเลยทีเดียว

นอกจากผมจะมีแผลเพราะคำนั้นแล้ว ผมยังต้องทำเพื่อให้ตัวเองได้อยู่มหา’ลัยนี้ต่อไปอีกด้วยการได้เกรดเอล้วนในเทอมนี้ เรื่องนี้อาสายังไม่รู้ครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างเล็กน่ะ อีกอย่างวิชาในเทอมหนึ่งก็ไม่ค่อยมีวิชาไหนยากเท่าไหร่ เพียงแต่ต้องขยันอ่านและฝึกฝนทำข้อสอบให้มากหน่อยก็เท่านั้นเอง

อาสาเองก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่อยู่แต่ในห้องก็เริ่มจะไปหาเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันแล้ว หนึ่งในนั้นก็มีไอ้ไมล์นี่แหละ
ระหว่างที่อาสาเตรียมตัวออกไปหาเพื่อน เสียงเคาะประตูก็ดังพอดี ผมเดินไปเปิดประตู คนที่มาคือไอ้ไมล์ มันส่งชีทเก่าสมัยปีหนึ่งของมันถุงเบ้อเร่อให้ผม

“สายรหัสกูจดชีทดี อ่านแล้วเข้าใจ ถ้ามึงอ่านได้ตามนี้ เกรดมึงดีมากชัวร์ๆ”

ไมล์ใจดีจนผมรู้สึกประทับใจ ผมบอกขอบคุณมัน มองอาสาที่เดินออกจากห้องและกำลังจะไปหาเพื่อนพร้อมๆ กับไมล์

“นอนเลยไม่ต้องรอนะ ท่าทางคืนนี้เสร็จดึกแน่นอน” อาสาพูด

“จะไปไหนก็บอกด้วยนะ”

“ครับ”

ไมล์ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของผมกับอาสาว่าเปลี่ยนไปถึงขั้นไหน มันยังมองอาสาด้วยดวงตาหวานฉ่ำอยู่เลย ผมพยายามลบภาพนั้นออกไปจากสมองระหว่างที่ปิดประตู พร้อมกับเตือนตัวเองในใจว่าอย่าเพิ่งปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรมากในตอนนี้ เพราะเรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญ

แม่ผมไม่เคยเงียบใส่ผมนานขนาดนี้ ผมรู้นิสัยของแม่ดี ยิ่งแม่เงียบก็ยิ่งแปลว่าแม่ยังจับตามอง บางทีแม่อาจจะรอหัวเราะเยาะผมด้วยซ้ำตอนที่ผมไม่ได้เกรดเอทุกตัว

ผมนึกถึงเสียงหัวเราะของแม่แล้วฮึดสู้ เปิดชีทขึ้นมาแล้วก็อ่านอย่างตั้งใจ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมอ่านหนัึ่งสือมาหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดูว่าอาสาทักอะไรมาหรือเปล่า ปรากฏว่าเงียบ ในเมื่อมันไม่ทักมา ผมก็ต้องทักไปครับ เป็นแฟนกันแล้วไยต้องมาเกรงใจเวลาทักแชทด้วย

LAWYER : ติวกับเพื่อนอยู่ใช่ป่ะ

ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ จากคนที่ผมทักแชทไป ผมหันมาสนใจชีทต่อ แต่คราวนี้สมาธิสั้นลงไปเยอะ เพราะผมกำลังรอว่าอาสาจะตอบกลับมาเมื่อไหร่

มันไม่ตอบเลยแฮะ นี่ผ่านมาตั้งยี่สิบนาทีแล้วนะ ผมลองทักไปหาไอ้เต เผื่ออาสาจะอยู่ที่ห้อง 204 ทว่าเตตอบกลับมาว่าเห็นอาสาอยู่ที่ส่วนกลางกับพวกบัญชี ผมจึงได้เบาใจว่ามันคงกำลังติวกับเพื่อนอย่างมีสมาธิจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์

ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอกครับ นานๆ ทีมันจะมีโอกาสได้ติวกับเพื่อนบ้าง ผมควรปล่อยให้อาสาได้ทบทวนตำราเรียน เวลาสอบจะได้คะแนนดีๆ เกรดสวยๆ ผมจะได้ภาคภูมิใจ

ว่าแต่ทำไมตู้เย็นห้องผมไม่มีขนมอะไรเลยเนี่ย สงสัยต้องลงไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างละ ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ทันทีที่คิดได้ จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ก็ได้ ยอมรับก็ได้ว่าห่วงและหวง อย่างน้อยก็อยากไปเห็นว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ

ผมมาถึงส่วนกลางอย่างรวดเร็ว ไล่สายตามองดูกลุ่มติวหนังสือทีละกลุ่ม จนในที่สุดผมก็เห็นกลุ่มของบัญชีปีสอง แต่ผมมองไม่เห็นอาสา ไอ้บอมบ์กับไอ้กล้าเห็นผมก็เลยสะกิดคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ผ้าห่มให้หันมา อาสาคือคนคนนั้นครับ เพียงแต่ว่าคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ได้มีแค่มันคนเดียว

มีไอ้ไมล์ด้วย...

สาด ที่ก็กว้าง ผ้าห่มกับหมอนก็มีกันเป็นสิบเป็นร้อยผืน (ถ้าเดินไปหยิบที่ห้อง) ทำไมต้องทำเหมือนโลกนี้มีพื้นที่แค่นั้นและก็มีหมอนกับผ้าห่มแค่นั้นด้วยล่ะ

หึงเลยผม...หึงแบบยอมรับตรงๆ นี่แหละ

“มีอะไรเหรอ” อาสาถาม

“กูลงมายืมลิควิด” ผมคิดได้แค่นี้

“แป๊บหนึ่งนะ” อาสาหยิบออกมาและก็ส่งให้ ผมเดินหน้าตึงๆ กลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ลงไปใหม่พร้อมกับหอบชีทของวิชาเรียนปีหนึ่ง อีกทั้งยังมีทั้งหมอนและก็ผ้าห่มของอาสาอีกหนึ่งชุด พวกบัญชีปีสองดูอึ้งกันมาก คงไม่คิดว่าผมจะขึ้นลงบันไดห้าชั้นเพื่อที่จะเอาเครื่องนอนมาให้อาสามั้ง

“เอ่อ...” อาสาถึงกับอึ้ง

“นอนของตัวเองดีกว่า” ผมบอกแค่นั้น “อ่านด้วยดิ กูอ่านคนเดียวแล้วเหงาฉิบหายเลย” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อาสาที่ลุกขึ้นนั่งแล้ว มันกำลังหยิบจับผ้าห่มของตัวเองด้วยสายตาที่มึนงง แต่มันก็คงจะไม่กล้านอนคว่ำกับใครแล้วล่ะ เพราะสีหน้าของผมตึงมากจริงๆ อีกทั้งการกระทำของผมก็เหมือนเก็บอารมณ์โมโหโทโสเอาไว้อยู่ ซึ่งอาสาคงสัมผัสได้เป็นอย่างดี

ทุกคนปล่อยให้ผมอ่านชีทด้วยอย่างว่าง่าย อาสาเอาผ้าห่มมาคลุมขาเพราะแอร์ในห้องส่วนกลางหนาวมาก มันลอบมองผมอยู่บ่อยๆ ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบายใจ

“ไม่ต้องถาม เดี๋ยวกูตอบเอง กูหึง แค่นั้น” ผมพูดลอดไรฟัน

อาสาถึงกับพูดต่อไม่ถูก “เอ่อ...ขอโทษ”

“ห่มด้วยดิ แอร์เหี้ยไรวะหนาวฉิบหาย” ผมจะไปยื่นเรื่องนี้กับพี่อ้าย แอร์ส่วนกลางหนาวอย่างกับขั้วโลกเหนือ นี่พี่อ้ายหวังดีต่อเด็กหรือแกล้งเด็กวะ ทำไมลดแอร์ให้หนาวอย่างสุดขั้วถึงขนาดนี้

อาสาส่งผ้าห่มของมันมาให้ เราสองคนใช้ผ้าห่มคลุมขาผืนเดียวกัน อาสาเอาหมอนมาวางบนตักและยังคงอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องโดยเอาชีทมาวางบนหมอน แต่แล้วจู่ๆ ผมก็สัมผัสได้ว่ามีมือมือหนึ่งมาสะกิดต้นขาของผม

มือของอาสา

ผมสอดมือลงไปใต้ผ้าห่มบ้าง ก่อนที่จะลอบกุมมือของอาสาเอาไว้ มันบีบมือผมเสียแน่น ดูก็รู้ว่าอยากง้อแต่ยังทำไม่ได้ ผมแอบดีใจกับท่าทางของมัน

เราสองคนแอบกุมมือกันใต้ผ้าห่ม ท่ามกลางชาวหอสามในโซนส่วนกลางหลายสิบ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครสนใจ

“ขอโทษ” อาสายังคงพึมพำให้ผมได้ยินคนเดียว

“มึงไม่ผิดหรอก กูผิดที่กูหึง” ผมเองก็พูดเสียงเบาให้อาสาฟังคนเดียวเหมือนกัน

“กูก็ผิด กูผิดที่ทำให้หึง”

ในเมื่อนักโทษยอมรับความผิดขนาดนี้ผมจะทำอะไรต่อได้ ที่จริงมันไม่จำเป็นต้องมาขอโทษผมด้วยซ้ำ มันทำให้ผมหึง แต่แค่ผมลงมาอยู่ด้วยกันกับมัน ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยมันก็อยู่ในสายตาผมตลอดเวลา

“กลับขึ้นห้องไปต้องโดนจูบหนักๆ แล้วล่ะ” ผมแกล้ง สายตายังคงมองชีทอยู่ แต่ตอนนี้มองตัวเลขก็ไม่เป็นตัวเลขแล้วล่ะครับ

“ลงโทษกูเหรอ”

“ใช่”

“ทำไงดี แบบนั้นก็ยิ่งชอบ”

มือผมที่จับมือมันอยู่ถึงกับกระตุก

“ลงโทษอย่างอื่นดีกว่านะ” นี่มึงอยากรับโทษจนต้องบอกว่าอะไรที่มึงสมควรโดนหรือไม่ควรโดนเหรอวะ

“อืม อย่างอื่นเหรอ” ผมทำท่านึก จากนั้นก็ประกาศโพล่ง “อาสา พาไปห้องน้ำหน่อยดิ ปวดฉี่ว่ะ”

อาสาที่ยังงงๆ อยู่ถูกผมดึงแขนให้ยืนขึ้น แล้วมันก็เดินตามผมมา

“อะไรของมึง”

“ไม่ต้องกลับห้องแล้ว ในห้องน้ำนี่แหละ”

“หา! ห้องน้ำส่วนกลางคนเดินเข้าออกอย่างกับห้าง”

โชคดีที่ตอนโผล่เข้าไปไม่มีใครใช้ห้องน้ำอยู่สักคน ผมรีบจับอาสาเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด จากนั้นผมก็พาตัวเองเข้าไปด้วยพร้อมปิดประตูล็อก

อาสากลืนน้ำลาย มันเลียริมฝีปากเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ให้ตายเถอะ แบบนั้นยิ่งทำผมสติขาดกระเจิงนะ

“มึงจะทำอะไรวะ” เสียงอาสาดูตื่นกลัว เดี๋ยวนะ นี่มันคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ผมแค่หาที่ลับหูลับตาคนเพื่อที่จะจูบมันนะ ไม่ได้ทำอย่างอื่นสักหน่อย

“ลงโทษไง”

“ทำอะไร”

“จะกลัวอะไรขนาดนั้น นี่แฟนมึงนะ”

“ท่าทางมึงตอนนี้น่ากลัวมากอ่ะ”

ผมเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้ แผ่นหลังของอาสาแนบชิดติดกับผนังของห้องน้ำ มันสบตาผมอย่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่ในหัว

“แค่จูบเอง” ผมเชยใบหน้ามันขึ้นมา จากนั้นก็ประทับรอยจูบอย่างดูดดื่มในแบบที่มันลงไป

เมื่อได้ชิมรสริมฝีปากของอาสาจนพอใจ ผมก็กระซิบออกไปอีกประโยคให้อีกฝ่ายสั่นยิ่งกว่าตอนที่ผมยังไม่ได้จูบ

“แต่ไม่ได้แค่ที่ปากนะ”

พูดจบผมก็ทำตามที่พูดทันทีอย่างไม่ยอมเสียเวลา ในเมื่ออยากโดนผมลงโทษนักก็ต้องโดนแบบนี้

“คนจะได้ยิน”

“...”

“ทนาย มึงอย่า...”

“...”

“อื้อออ”

“...”

“ดูดเบาๆ ดิ อย่าให้มีเสียง”

ริมฝีปาก จมูก หน้าผาก พวงแก้ม ใบหู ซอกคอ และไหปลาร้า

ทุกอย่างในนี้ของอาสาเป็นของผมหมดแล้ว





tbc*



หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 12-08-2017 22:04:26
อาสา ทำไมน่าเอ็นดูอย่างนี้นะ ลงโทษอะไรดันชอบซะด้วย ฮ่าๆๆ เหมือนจะยั่วให้ทนายตบะแตกเลย ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-08-2017 23:08:11
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 12-08-2017 23:44:04
 :o8:  :-[   :impress2:   o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 12-08-2017 23:56:15
เง้อออออออออออออออ อิ อิ ทนาย ลงโทษอะไรอ่ะ  อาสาชอบ  คนอ่านก็ชอบบบบบบบบบบ
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-08-2017 00:01:55
หวานๆ ใส่กัน  :mew1:
ทนาย หึง อาสา  :hao3:
จับมือกัน จูบกัน  :hao5: :sad4: :heaven
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-08-2017 01:26:39
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-08-2017 08:38:35
อยากจะแหมมมมมมมมมมมมมมม ให้ถึงดาวเสาร์
ร้ายทั้งคู่เนี่ยละ
เป็นแฟนกันแล้วน่าหมั้นไส้ทั้งคู่เลย

ใจตรงกันมันดีอย่างงี้นี่เอง
อาสาคนจริง ลงโทษก็บอกชอบ
หลังสอบต้องจัดให้หนักๆแล้วละทนาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 13-08-2017 11:23:13
ทนายเราขออาสาเถอะ น่ารักกก
พอใจตรงกันนี่อะไรๆก็ฟิน
ชอบมาก :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-08-2017 12:31:04
ง้อกันน่ารักดี
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-08-2017 13:23:12
อาสาาาาา น่ารักจริงๆ ทนายไม่หลงก็ไม่รู้จะว่าไงอ่ะเนอะ / เวลาเขาอยู่กัน 2 คน เขาดูเป็นธรรมชาติกันเนอะะ คนอ่านฟินมากกกก  :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-08-2017 17:29:37
ทนายมันร้าย  :z1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 13-08-2017 20:53:17




ตอนที่ 17



ช่วงนี้ผมพูดได้คำเดียวว่าชีวิตของผมมีแต่การเตรียมสอบเท่านั้น เอ๊ะ ไม่สิ ผมมีอาสาด้วย #ขออวดแฟนหน่อย ผมคบกับมันมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงการสอบมิดเทอมสักที อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการเตรียมตัวสอบ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่อ่านหนังสือและก็ไม่มีวันไหนที่อาสาไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้ผม

คืออย่างงี้ครับ อาสาก็เป็นอาสานั่นแหละ และผมก็ยังคงเป็นผม เพียงแต่ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อมันมากขึ้นทุกวัน เพราะงั้นความหวงของผมก็ต้องมีเพิ่มมากขึ้นไปด้วย อาสาก็นะ ไม่เคยลดดีกรีความฮอตลงมาสักที นี่ผมชักจะไม่เข้าใจแล้วนะว่าทำไมมันถึงฮอตกับเพศผู้เหมือนกันอยู่ได้ ทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจที่จะมามองมันเลย

อ๋อ มีมามองอยู่บ้างครับ แต่ไม่ได้มองเหมือนจะเข้ามาจีบ เขามองว่ามันน่ารัก มันสวยอย่างงั้นอย่างงี้ ไอ้โอ๊คกระซิบข้างหูผมบ่อยๆ ว่าสาวที่มากรี๊ดอาสาแบบนี้เป็นสาววาย ซึ่งก็คือผู้หญิงที่ชอบผู้ชายรักกัน

โลกใบนี้มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ

จะอะไรก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี พวกเธอสนับสนุนความรักในแบบของผม และที่สำคัญพวกเธอไม่ได้จะมาทำตัวเป็นคู่แข่งอะไรกับผมด้วย เพราะงั้นผมออกจะชอบพวกเธอด้วยซ้ำนะ

ตัดกลับเข้ามาสู่เรื่องผู้ชายที่ชอบอาสา คือผมขอพูดหน่อยเหอะว่าพวกมึงจะมีเยอะไปไหน มีหลายครั้งนะที่ผมนั่งจ้องอาสาว่าทำไมถึงฮอตกับเพศเดียวกันขนาดนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักและสะดุดตามากคนหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมีแรงดึงดูดมากมายถึงเพียงนี้

นี่แหละครับคือเรื่องปวดหัวของผม ผมต้องทนกัดฟันขู่ฟ่อใส่ไอ้พวกที่มองอาสา อยากแดกอาสาจนออกนอกหน้า ยิ่งทำก็ยิ่งมากขึ้นเท่าทวีคูณ จนกระแสข่าวเริ่มถูกพัดโหมกระหน่ำว่าอาสามีเพื่อนซึ่งหวงมันมากๆ คนหนึ่ง ไอ้บ้านั่นหน้าหล่อพิมพ์นิยมแต่มีชื่อที่โคตรแปลกว่าทนาย

ไม่ใช่เพื่อนเว้ย แฟนโว้ยแฟน!

ถึงจะต้องต่อสู้กับเรื่องนี้มากขนาดไหน ผมก็ต้องจำใจเก็บมันเอาไว้ในซอกหลืบของสมอง พยายามใช้พื้นที่ของสมองให้เป็นประโยชน์มากที่สุดด้วยการยัดเนื้อหาที่เคยเรียนเข้าไป อย่าลืมนะครับว่าผมกำลังแข่งขันกับแม่ของผมอยู่ ผมจะไม่ยอมให้ท่านจับผมยัดเข้ามหา’ลัยที่ท่านพอใจหรอก

หลังจากที่เรียนมาทั้งวันและอ่านหนังสือตลอดตอนเย็น ผมก็สัมผัสได้ว่าตัวเองไม่สามารถอ่านมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ก่อนจะเลื้อยไปหาอาสาที่นอนคว่ำอ่านชีทอยู่บนเตียง

เสร็จผมล่ะ นอนคว่ำนี่รวบกอดได้ทั้งตัวสบายๆ เลยนะ

“เหนื่อยจัง” ขออ้อนแฟนสักหน่อย

“อืม” แฟนผมก็น่ารักเกิน มันกำลังเครียดกับชีทตรงหน้ามากกว่าที่จะสนใจผม


ฟอด


ผมหอมแก้มมัน มันก็ยังคงนิ่งอยู่

ฟอด

ลองหอมอีกที แม่งก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม

คิดว่าผมจะงอนมันล่ะสิ ใช่ที่ไหนกันล่ะ นิ่งๆ แบบนี้แหละดีงามยิ่งนัก ผมจะได้ฟัดแก้มมันได้ตามอำเภอใจ ผมกระทำการอุกอาจทันทีที่คิดเสร็จ ใช้จมูกของตัวเองฝังลงบนแก้มของอาสาจนพอใจ แก้มมันมีกลิ่นครีมบำรุงจางๆ ซึ่งเป็นอะไรที่หอมโคตร!

ฟินฉิบหาย นางฟ้าที่คนอื่นเขาได้แต่มอง สำหรับผมคือคนที่สามารถทำให้ผ่อนคลายความเครียดได้ดีๆ นี่เอง #รู้สึกชนะ

จริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้หรอก ถ้าไม่อดทนกับเรื่องที่มันถูกมองมาทั้งอาทิตย์ ผมก็คงไม่คิดแบบนี้

“เยอะปายยย” อาสาขยับใบหน้าหนีผม เหยื่อรู้ตัวแล้ว แผนการต้องหยุดชะงักแป๊บ “กูไม่มีสมาธิ”

“งั้นถ้าทีละนิดก็ได้งั้นสิ”

“อืม”

แค่คำว่าอืมสั้นๆ รู้มั้ยว่ามันก๊าวใจผมแค่ไหน จากที่ฟัดแก้มมันถี่ๆ คราวนี้ผมฟัดเป็นระยะๆ แทน แบบนี้ก็ฟินไปอีกแบบ

“แดกกูเลยเถอะทนาย” อาสาประชดประชัน

“อนุญาตเหรอ กูพร้อมทุกเวลานะ”

มันหันหน้ามาสนใจผมอย่างเต็มๆ สักที มือซ้ายของมันจับใบหน้าของผมแล้วแกล้งบีบจนปากผมจู๋ จากนั้นมันก็ฝังริมฝีปากของตัวเองเข้ามา เป็นการจุ๊บแบบที่ผมตื่นเต้นเป็นบ้า

มึงอ่อยกูอีกแล้วเหรอ!

“แค่นี้ก่อน” อาสายิ้มน้อยๆ จากนั้นก็อ่านชีทต่อ

ยั่วให้อยากแล้วจากไปมีอยู่จริงว่ะ ผมทำหน้าเซ็งเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจมันเป็นอย่างยิ่ง ผมเพิ่งคบกับมันได้อาทิตย์กว่าๆ เอง อาสาคงจะยอมผมง่ายๆ อยู่หรอกนะ เพราะงั้นตอนนี้ขอมีความสุขกับการตอดเล็กตอดน้อยไปก่อนละกัน

“ไม่อ่านหนังสือแล้วเหรอ” มันหลบผมพลางทำตาหยี

“ฟัดมึงมีความสุขกว่าเยอะ”

“มึงมีความสุข กูนี่จะตาย”

“ทำไม”

“กูเขินนนนน”

อยู่กันสองต่อสองมาตั้งนานมึงเขินด้วยเหรอเนี่ย ผมผละใบหน้าตัวเองออกมามองอาสาห่างๆ เฮ้ย เขินจริงนี่หว่า หน้ามันแดงคล้ายกับจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา

เหี้ย น่ารักสัดๆ

“พอแล้ว ไม่ต้องอ่านแล้ว” ผมจับชีทของอาสาไปวางไว้ที่อื่น ก่อนจะตั้งใจดึงตัวมันเข้ามากอดอย่างเต็มที่ด้วยการให้มันขึ้นมานอนทับผมซึ่งนอนหงายอยู่ “กอดหน่อยยย”

“อ้อนจัง ไอ้สัด”

“กูเหนื่อย”

“กูก็เหนื่อย”

“ไปไหนกันดี ไปห้างไอ้พี่คีนดีมั้ย” หลังจากที่ได้รู้ว่าพี่คีนหอสี่คือลูกเจ้าของห้าง ผมก็เปลี่ยนจากการเรียกชื่อห้างภารกรเป็นห้างไอ้พี่คีนแบบประชดประชัน (อย่าลืมว่าพี่มันเหมาโรงหนังตัดหน้าผมนะ)

“ไม่มีอารมณ์ไปแล้ว ใกล้สอบแล้ว” มันพูดแต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ บนตัวของผม แก้มขวาของมันซบอยู่ที่อกทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยตอนมันขยับปาก

“ตอนอยู่กรุงเทพฯ มีสอบหรือไม่มีสอบกูก็อยู่ห้าง”

“นั่นมันสมัยก่อนไง มึงนี่ก็นะ คนบ้าอะไรติดห้างฉิบหาย”

“ตอนนี้กูติดมึงแทนแล้วเนี่ย” ผมพูดอย่างยอมแพ้ “งั้นไม่ไปห้างก็ได้ แต่ไปที่ไหนก็ได้ที่มีมึงไปด้วย”

“เดี๋ยวเพื่อนจะเรียกให้ไปติวให้อีกน่ะสิ”

ผมจับใบหน้าของอาสาให้มันมองลงมาสบตากับผม

“มึงไปติวให้เพื่อนทั้งอาทิตย์แล้วนะ” เป็นความจริงตามที่ผมพูดครับ ทุกวันมันจะกลับดึกตลอดเพราะลงไปติวให้เพื่อนที่ส่วนกลาง หลังจากวันที่ผมหึงอย่างหน้ามืดและก็ไปปล้ำดูด เอ๊ย จูบอาสาในห้องน้ำ มันก็ต้องไปที่ส่วนกลางทุกวัน ผมไม่ได้ไปนั่งกับมันอีกเลย เพราะมันสัญญากับผมว่าจะไม่ไปนอนใต้ผ้าห่มกับใครอีก ผมก็เลยเชื่อใจปล่อยให้มันไป และมันก็กลับห้องตีหนึ่งตีสองทุกวัน “กูเหงานะเนี่ย”

“ไปอ่านหนังสือกับโอ๊คดิ” อาสาจำชื่อเพื่อนผมได้หมดทุกคน

“ไอ้โอ๊คมันระห่ำ มันจะเอาชนะพวกหอหนึ่ง กูไม่อยากอ่านอย่างบ้าระห่ำแบบนั้น” ผมดึงใบหน้าอาสาลงมาเนียร์คิสใกล้ๆ ริมฝีปาก “อ้อนแล้วเนี่ย คืนนี้กูขอไม่ได้เหรอวะ”

หน้าอาสาขึ้นสีชมพู มันดูลำบากใจเล็กน้อย

“กูสัญญากับเพื่อนไปแล้วอ่ะ”

ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หึงจนงี่เง่า ทั้งอาทิตย์ผมต้องทนกับเรื่องที่อาสาเป็นเป้าสายตาและก็ต้องมาทนกับเรื่องที่อาสาเป็นติวเตอร์ให้ไมล์อีก อดรู้สึกโหวงๆ ในใจไม่ได้แฮะ

“งอนอีกแล้วเหรอ” อาสาเอียงหน้าผากของมันให้มาแนบกับแก้มผม อ้อนแบบนี้เหมือนแมวเลย โอ้โห ยอมเลยผม ยอมอย่างง่ายดายมากด้วย มือของผมลูบผมนุ่มๆ ของอาสาทันที “ขี้หึงจริงๆ”

“มาก” ไม่รู้จะเถียงเรื่องจริงเรื่องนี้ทำไม “ถ้ามึงมีสักสิบคนบนโลก กูคงไม่หึงขนาดนี้หรอก”

อาสาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหรี่ตามองผม

“แปลว่าถ้ามีกูอีกเก้าคนมึงจะไม่สนใจกู?”

ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ

“ไม่ต้องมีแล้ว กูจะไปตามฆ่าให้หมด”

กูกลัวแล้วจ้า...แม้อาสาจะขู่แบบหมาน้อยเห่าซึ่งไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลย แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเป็นเมียอย่างเต็มเปี่ยม

“ออร่าเมียขี้หวงแผ่ออกมาเลย” ผมกลืนน้ำลายพร้อมกับพึมพำ

“มึงว่าไงนะ”

“ลืมสิ่งที่กูพูดไปเถอะ” กลัวจะเป็นเรื่องเป็นราวให้เถียงกันอีก เลยชิงหยุดไปก่อน

“ทำยังไงให้มึงสบายใจวะ กูจะได้ไปติวให้เพื่อนแบบไม่ต้องห่วงอะไร”

“ไม่รู้ว่ะ กูหวงมึงตลอดเวลานั่นแหละ ไม่รู้จะลดความหวงนี้ลงไปยังไง ยิ่งคบก็ยิ่งหวง”

อาสาดูปลื้มปริ่มกับคำพูดของผมมาก มันให้รางวัลผมด้วยการจูบอย่างดูดดื่ม ตอนที่มันผละออกไป ผมเผลอเลียริมฝีปากตัวเองอย่างเสียดาย

กำลังเคลิ้มๆ เลย

“ไม่ได้” มันพูดเหมือนจะรู้ว่าผมอยากจูบต่อ “กูติดจูบมึงแล้วเนี่ย เดี๋ยวไม่เป็นอันทำห่าอะไร”

อาสาชอบจูบผมมากครับ ถ้าวันไหนผมไม่จูบมันนะ มันจะแสดงท่าทีหงุดหงิดในแบบของมัน (‘ทำไมมึงไปยอมไปอาบน้ำก่อนล่ะ’ ‘ขนมในตู้เย็นของกู มึงเอาไปกินใช่ป่ะ’ ‘นอนดึกทำไม ปิดไฟได้แล้ว’) ผมเองก็ชอบจูบมันเหมือนกันนะ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมไม่ต้องขอมันจูบแล้ว อยากจูบเมื่อไหร่จูบเลย อาสาพร้อมรับความหวานจากปากของผมเต็มที่

เพียงแต่เมื่อกี้แม่งสั้นไปหน่อย

“สอบเสร็จจูบกับกูทั้งวันเลยได้ป่ะ” ผมลองขอดู

“กูว่ามึงจะไม่ทำแค่จูบอ่ะ”

“...”

“เพราะแค่เมื่อตะกี้มึงก็ทำกูขึ้นไปทั้งตัวแล้ว ถ้าเป็นงั้นทั้งวันกูกลัวกูยอมมึงจัง” อาสาบ่นอย่างซื่อๆ ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูมากจนต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงมันบนเตียงจนมันร้องโอดโอย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


มีคนมาขัดจังหวะช่วงเวลาสวีตของผมกับอาสาจนได้ ผมคิดว่าคนเคาะประตูน่าจะเป็นไมล์ ช่วงนี้มันมาเคาะประตูห้องผมบ่อยเหลือเกิน ตอนที่ผมไปเปิด ไอ้ไมล์ก็ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่แล้ว

“กูซื้อขนมมาฝาก” มันส่งขนมจากห้างไอ้พี่คีนมาให้ ราคาแพงน่าดู

“เอ่อ ขอบใจมากนะ” ผมรับมาอย่างเก้อๆ รู้สึกผิดที่รับของมันมายังไงก็ไม่รู้ ไมล์ยังไม่รู้เรื่องผมกับอาสาเลย เพราะงั้นผมถึงรู้สึกแย่เวลาที่มันทำดีกับผม ทั้งๆ ที่ผมกำลังทำร้ายมันอยู่

อาสาเก็บของเสร็จแล้ว ไมล์แย่งหนังสือในมือของอาสาไปถือต่อหน้าต่อตาผม ผมรู้สึกชาที่หน้ายังไงก็ไม่รู้

“วันนี้กลับดึกอีกใช่ป่ะ...มึง” ผมถามอาสา ต้องเติมคำว่ามึงลงไปเพื่อลดความมุ้งมิ้งของประโยค เนื่องจากโทนเสียงตอนเริ่มแม่งโคตรหวาน

อาสาจับได้ ก็เลยหลุดหัวเราะออกมานิดนึง

“ใช่ กูเอากุญแจไปด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นมาเปิดประตูให้กูนะ” ผมกังวลเรื่องนั้นซะที่ไหนล่ะ ผมแกล้งพยักหน้าน้อยๆ รับคำพูดมัน จากนั้นก็มองดูอาสาเดินออกไปจากห้องพร้อมกันกับไมล์

ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าพวกมันสองคนไม่ได้มีออร่าสีชมพูแผ่ออกมา มองเผินๆ นึกว่าแฟนกันไอ้ห่า

สูดลมหายใจลึกๆ เข้าไว้ เมื่อกี้อาสายังจูบกับผมอยู่เลย เพราะงั้นถึงไมล์จะมีอะไรในกอไผ่ก็ตาม อาสาไม่มีทางมีแน่นอน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้ผมลดความหวาดกลัวอนาคตลงไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว







22.02 น.

เวลานี้อาสาก็ยังไม่กลับ ไอ้โอ๊คมันขึ้นมาหาผมที่ห้องเพื่อมาอ่านหนังสือด้วยกันและมันก็กลับไปแล้ว ผมกลิ้งไปมา ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆ แล้วก็ยังไร้วี่แววว่าแฟนผมจะกลับมา

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่ชอบเล่นเฟซบุ๊กนะครับ ผมมีมันก็จริงแต่ประมาณแปดล้านปีแสงผ่านไปถึงจะเข้าไปดูทีหนึ่ง วันนี้เนื่องจากผมทำทุกอย่างมาหมดแล้วและผมก็เบื่อมากด้วย เพราะงั้นวันนี้ผมจะลองเข้าไปดูว่ามีอะไรที่ผมต้องอัพเดตหรือเปล่า

การแจ้งเตือนแสดงตัวเลขสีแดงอันน่าสะพรึง แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ ผมไล่มองดูหน้าฟีด มองดูชีวิตของเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วยสายตาเฉยชา ขนาดเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมันมีแฟน ผมยังกดไลค์ด้วยความรู้สึกที่นิ่งๆ เลยครับ

อิจฉาแม่งที่สามารถคบอย่างเปิดเผยได้

เอ๊ะ แล้วผมจะดึงดราม่าเข้ามาหาตัวเองทำไม

ผมกดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่เฟซบุ๊กของอาสา มันอัพเดตเฟซบุ๊กล่าสุดเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เป็นรูปกองชีทขนาดมหึมา ผมนั่งอยู่ข้างๆ มันเองในตอนนั้น แต่มันก็ไม่ได้ถ่ายรูปผมลง ผมไม่ได้น้อยใจนะ วันนั้นผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปอาสาลงเหมือนกัน ผมจะน้อยใจมันทำไม

สักพักหนึ่งการอัพเดตใหม่ของอาสาเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วก็เข้ามาสู่สายตาของผม เป็นรูปมันเซลฟี่กับไมล์ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แคปชั่นไม่มีอะไรมาก เป็นแค่รูปอีโมจิยิ้มเบาๆ ตัวหนึ่ง แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ผมยิ้มตาม

ตอนนี้อยู่กันสองต่อสองเหรอวะ

เย็นไว้ทนาย แฟนมึงอ่านหนังสือเรียน แฟนมึงไม่ได้ทำอะไรผิดผีกับใคร เย็นไว้สิเย็นไว้

เย็นก็เหี้ยแล้วโว้ย! ผมนึกภาพอาสานั่งอยู่กับเพื่อนหลายคนมาโดยตลอด แต่ความจริงกลับมีแค่มันกับไอ้ไมล์ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมนึกภาพเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเดือดปุดๆ ขึ้นมา

ผมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อทักไปหาแฟน ทว่าข้อความจากอาสาดันขึ้นมาซะก่อน

ARSA : กำลังจะย้ายไปร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงนะ
ARSA : อ่านแล้วติดลมอ่ะ รู้สึกยังไม่อยากหยุดอ่าน
ARSA : นอนไวๆ นะมึง


ช็อกแป๊บ...นอกจากจะอยู่กับไมล์แค่สองคนแล้ว มึงยังจะมาขยายเวลาขึ้นไปอีก จิตใจมึงทำอะไรด้วยอะไรวะเนี่ยอาสา คิดถึงใจแฟนมึงบ้างดิ กูหลับก่อนมึงทุกคืนมานานหลายวันแล้วนะเว้ย

ไม่ไหวแล้ว ผมหยิบกุญแจรถพร้อมกับชีทที่อ่านค้างไว้ขึ้นมา เตรียมจะไปหาอาสาที่ร้านที่มันกำลังจะไปกับไมล์ ผมรู้ว่าคือร้านไหน แถวมหา’ลัยมีร้านคาเฟ่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่กี่ร้านหรอกครับ

ทว่าสายตาของผมดันไปเจอโพสต์อิตที่แปะอยู่บนถุงขนมซึ่งไมล์เป็นคนซื้อมาให้

กูขอใช้เวลาอยู่กับอาสาหน่อยนะเว้ย
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ – ไมล์


ผมรู้สึกช็อกหนักมากกว่าตอนที่เห็นไลน์จากอาสาอีกครับ มันทำให้ความตั้งใจของผมที่จะไปหาพวกมันสองคนถึงกับเปลี่ยนไป
ให้ตาย ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนเป็นบ้า ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปแล้ว







00.30 น.

LAWYER : กลับได้ยังวะ
LAWYER : กลับมานอนเหอะ จะไม่นอนเลยหรือไง
ARSA : อีกแป๊บหนึ่ง
ARSA : ตรงนี้ไมล์มันยังไม่เข้าใจ
ARSA : มึงนอนก่อนได้เลย
LAWYER: กูจะหลับลงได้ไง
ARSA : มึงไม่ต้องเป็นห่วง
ARSA : เดี๋ยวก็กลับแล้ว


ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องอาสาอยู่กับไมล์แล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว จะมาห้ามผมไม่ให้รู้สึกเป็นห่วงมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมชักจะทนเก็บความรู้สึกที่แสนร้อนรนนี้ไม่ไหวแล้ว

ผมหยิบกุญแจรถ เตรียมออกไปหาอาสาที่ร้านคาเฟ่ยี่สิบสี่ชั่วโมง

หลังจากผมออกรถไปได้สักพัก ไมล์ได้ตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า

อยากหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้...

ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้อีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ผมต้องยอมเห็นแก่ตัวและแตกหักกับไอ้เชี่ยไมล์ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมเองก็ใจจะขาดเหมือนกัน

หวังว่าสักวันแม่งจะเข้าใจผม





TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 13-08-2017 20:55:26
ตอนที่ 18
พาร์ตของอาสา


“กูต้องกลับแล้วว่ะ”

“รอแป๊บดิ”

“มีอะไรอีกวะ”

“กูก็แค่...ชอบบรรยากาศในร้าน”

“สัดไมล์ กูง่วงแล้ว”

“กูเพิ่งสั่งขนมไป”

“สั่งมาทำเหี้ยไรตอนเที่ยงคืนวะ”

“ก็กูหิว”

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไมล์ก็ยังนิสัยเหมือนเดิม มันเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อดูใจดี แต่หารู้ไม่ว่าใต้ความใจดีนั้นมีความเอาแต่ใจหน่อยๆ แฝงเอาไว้ ไอ้เตมักพูดกับผมลับหลังเชี่ยไมล์เสมอว่ามันโตมาอย่างเพอร์เฟ็กต์ ที่บ้านมันมีทุกอย่างโคตรสมบูรณ์แบบ มันอยากได้อะไรก็ต้องได้

อย่างเช่นวันนี้ ผมขอมันกลับหอตั้งแต่สี่ทุ่ม เชี่ยไมล์ก็คอยหาโอกาสต่อเวลาอยู่เรื่อยๆ ผมร้อนใจขึ้นทุกขณะ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่ใช่กลัวการอยู่กับไมล์ แต่ผมกลัวว่าทนายจะงอนผมต่างหาก

ผมโคตรแคร์มันเลยครับ แคร์มันฉิบหาย แต่ในบางสถานการณ์ผมก็เลือกยาก ไอ้ไมล์ชอบผมก็จริง แต่ผมก็ไม่อยากเสียมันไป ผมพยายามวางตัวดีทุกอย่าง แม้กระทั่งการนั่งร้านกาแฟด้วยกันผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ห่างๆ เวลาพูดคุยผมก็พูดจาธรรมดา ไม่ใส่คำที่ชวนคิดไปอื่นไกล ผมทำเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่มันก็มีความรู้สึกตงิดๆ ในใจว่าเชี่ยไมล์มันจะไม่ได้คิดแบบผม

ขนมถูกเสิร์ฟตอนเวลาเกือบตีหนึ่ง ผมมองดูฮันนี่โทสต์ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย

“ร้านนี้อร่อยนะ” ไมล์หว่านล้อม

“มึงแดกไปคนเดียวเลย”

“เฮ้ย กูแดกไม่หมด”

“แล้วมึงสั่งมาทำไมวะ มึงต้องถามกูก่อนดิ”

ไมล์ดูอึ้งกับคำพูดผม “โกรธเหรอวะ”

“บ้า แค่เรื่องขนมป่ะ”

“งั้นก็กินด้วยกัน”

“กินเสร็จกลับเลยนะ”

“โอเค”

ขอให้จริงเถอะ ผมหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมกินขนมบ้าๆ นี่ให้หมดซะ พอตักเข้าปากไปคำแรก สีหน้าของผมเริ่มเปลี่ยน


เออเว้ย อร่อยจริง


“อืม” ผมส่งเสียงพึงพอใจ “ใช้ได้นี่”

“เห็นมั้ย กูบอกแล้ว”

มีคำแรกก็ต้องมีคำต่อไป ผมตักคำต่อไปเข้าปากโดยมีไอ้ไมล์มองอย่างสุขใจ และตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นทนายกำลังยืนมองอยู่นอกร้าน

สายตาแบบนี้ไม่ใช่สายตาที่ดีเลย

ผมลุกขึ้นยืนกะทันหันจนไมล์ผงะด้วยความตกใจ ผมเดินออกไปจากร้านทันทีโดยไม่ตอบคำถามของไมล์ที่ถามว่าจะไปไหน
ตอนอยู่หน้าร้าน ผมไม่เคยเห็นทนายทำสีหน้าข่มอารมณ์โกรธขนาดนี้มาก่อน มันยกมือขึ้นสองข้างเหมือนกำลังรอฟังในสิ่งที่ผมจะพูด

“อะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

“มีอะไรจะพูด พูดมาเลย กูจะไม่ถาม”

ผมถอนหายใจ รู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆ เพราะกลัวว่าทนายจะโกรธผมไปมากกว่านี้แล้วผมจะง้อมันไม่ได้ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน

“กูจะกลับตั้งนานแล้ว แต่ไอ้ไมล์มันยื้อไว้”

“ดูมีความสุขกันมากนี่ แดกขนมกันสบายใจ ปล่อยให้กูคิดมากอยู่คนเดียว”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย”

ทนายแม่งโมโหจริงว่ะครับ สีหน้าของผมตอนนี้ทั้งกังวลและก็เครียด นี่ผมเกรงใจทนายมันจริงๆ นะเนี่ย

“มีอะไรกันวะ” ไมล์เดินออกมาหน้าร้าน ทนายหันหน้าไปทางอื่นทันทีคล้ายกับว่ายังไม่ทันจะเคลียร์กันได้จบ ไมล์ก็ออกมาแล้ว แปลว่าผมกับมันไม่สามารถพูดอะไรทำนองนั้นต่อไปได้อีก “ทนายมึงเป็นไร” ไมล์ถามซ้ำเมื่อเห็นสีหน้าของทนาย

“กู...ไม่มีอะไร” มันแค่นเสียงตอบ

“เข้าไปในร้านก่อนมั้ย มีขนมนะ”

“กูไม่มีอารมณ์แดกตอนนี้ว่ะ”

“...”

“มึงเข้าไปแดกกันสองคนเลย เดี๋ยวกูรอข้างนอก”

ไมล์สบตาผมอย่างงงๆ คงจะคิดว่าผมงงเหมือนมันมั้ง แต่ผมไม่ได้งง ผมรู้ดีว่าทนายกำลังรู้สึกยังไงอยู่

“ไมล์เดี๋ยวกูกลับพร้อมทนายมันเลยนะ” ผมพูด “มึงก็เห็นหน้ามัน มันคงมีเรื่องจะพูดกับกูอ่ะ”

“เอางั้นเหรอวะ” ไมล์พยักหน้าเข้าใจ “เดี๋ยวกูไปหยิบของมาให้ละกัน”

“กูไปหยิบให้เอง” ทนายเดินชนไหล่ผมกับไมล์แล้วก็เข้าไปในร้านทันที ผมมองตามด้วยสายตากังวล เห็นทีคืนนี้ผมคงต้องง้อมันอีกยาววววววววววว

“มันเป็นไรวะ” ไมล์ดูงงมาก “เพราะกูขโมยมึงมาจากมันป่ะเนี่ย”

มึงอาจจะพูดเล่น แต่เสือกเป็นความจริงไง

“งงกับแม่งเหมือนกัน” ผมต้องตอบไปแบบนั้น ทนายออกมาพร้อมของของผมพอดี หลังจากนั้นเราสองคนก็บอกลาไอ้ไมล์






บนรถของทนาย

บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างมาคุสุดๆ ผมนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ข้างๆ คนขับอย่างทนาย ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลงขนาดนี้มาก่อน

“มึงรู้เหตุผลที่กูโกรธป่ะ” ทนายโพล่งขึ้นมา

ผมพยักหน้าน้อยๆ

“ไหนลองพูดมาดูซิ”

นี่กูเป็นเด็กสำหรับมึงป่ะเนี่ย

“มึงด่ากูมาเลยไม่ได้เหรอ”

“กูไม่ด่าหรอก ต้องให้มึงรู้เองว่ามึงผิดอะไร มึงจะได้รู้เหตุผลว่าทำไมกูถึงโกรธ ไม่ดิ ต้องพูดว่าทำไมกูถึง...งอนมึง”

“ทำไมไม่ใช้คำว่าโกรธล่ะ”

“โกรธต้องใช้กับเรื่องที่ง้อยากๆ สิ”

“งั้นแสดงว่าตอนนี้กูก็ง้อมึงง่ายอ่ะดิ” ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

ทนายทำหน้าหงิกก่อนตอบว่า “ลองง้อมาก่อน”

แฟนคนแรกของผมไม่ใช่คนที่งี่เง่าไร้เหตุผลแฮะ ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาซาบซึ้งก่อนจะค่อยๆ พูด ผมคิดว่าผมน่าจะคิดถูกว่าทำไมทนายถึงเป็นแบบนี้

“มึงงอนกูเพราะกู...กลับดึก”

“ถูก”

“กูอยู่กับไมล์”

“อันนี้ก็ถูก”

“กูอยู่นานเกินไปด้วย”

“อันนี้ก็ใช่”

“หมดแล้ว”

“ยังไอ้สัด”

ผมสะดุ้ง ทนายไม่ได้พูดเสียงดังครับ แต่ผมสะดุ้งเพราะความผิดของผมมันควรจะมีเท่านี้ มันมีห่าอะไรอีกวะเนี่ย

“มึงยิ้มให้ไอ้เชี่ยไมล์...ต่อหน้ากู”

ตอนไหนวะ ผมรีบเค้นสมองหาชนวนเหตุนี้ทันที คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก

“ตอนไหน” ผมถามออกมาจนได้

“ก็ตอนที่แดกขนมอ้วนๆ นั่นไง”

ผมยิ้มเหรอตอนนั้น “กูว่ากูไม่ได้ยิ้มให้ไมล์มันหรอก”

“แล้วมึงยิ้มให้อะไร”

“ขนมมันอร่อยมากนะ”

“เฮ้ย มึงยิ้มให้สัดไมล์ ถ้ามึงยิ้มให้ขนมกูคงไม่เป็นแบบนี้หรอก กูไม่หึงขนม”

“กูยิ้มเพราะขนมอร่อยจริงๆ นะตอนนั้นอ่ะ” ผมยืนยันความบริสุทธิ์

“อย่าพูดแบบนั้น กูจะดูเป็นไอ้โง่ กูหึงขนมเนี่ยนะ”

ผมหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย “มีกูรู้อยู่คนเดียวกลัวอะไร”

“ไม่รู้ล่ะ” ฟอร์มไอ้ทนายเริ่มหลุด “ตอนที่พวกมึงสองคนอยู่ด้วยกันในร้านบ้านั่น อาจจะยิ้มให้กันเป็นสิบๆ ครั้งก็ได้”

เถียงไม่ออกเลยแฮะ “โอเค กูผิดเองงงงงงงง” ผมขยับหัวไปไถกับแขนอันบึกบึนของทนาย “กูขอโทษ กูต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”

“กูไม่ให้มึงออกมาติวดึกๆ แบบนี้กับเชี่ยไมล์สองต่อสองอีกแล้ว”

“เด็ดขาดฉิบ”

“กูคิดมานานแล้ว”

“...”

“ถ้าจะติวกับเชี่ยไมล์ ต้องมีกูอยู่ด้วย”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก “โอเค”

“แล้วก็ต้องเริ่มคิดเรื่องที่จะบอกความจริงมันได้แล้ว” ทนายดูจริงจังมาก “กูเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วว่ะ”

ผมทำสีหน้าเข้าใจมัน ตอนที่อยู่กับไมล์ในร้านผมก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน บางทีอาจจะถึงเวลาบอกความจริงมันแล้วก็ได้
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“แต่อาจจะต้องผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน” ทนายถอนหายใจ ดูเป็นผู้นำมากจนผมอดประทับใจไม่ได้

“ทำไมล่ะ”

“ช่วงนี้มีสอบ อย่าลืมสิ”

ยอมใจในความใจกว้างของมัน ถึงจะอยากบอกความจริงไอ้ไมล์แต่ความรู้สึกและอนาคตของไมล์ต้องมาก่อน ผมหอมต้นแขนไอ้ทนายเป็นรางวัล มันใส่เสื้อแขนกุดมา แขนมันก็เลยน่าเล่นมากครับ

“ปากอยู่นี่ นั่นแขน”

“ก็จะจุ๊บแขน”

“เฮ้อ กลับกันเถอะ ง่วงแล้วว่ะ”

“หายงอนแล้วแน่นะ”

“อืม”

“...”

“มึงเป็นแฟนคนแรกที่เข้าใจในความหึงของกู ขอบคุณนะ”

ผมยิ้มให้มันน้อยๆ รู้สึกดีที่คืนนี้ไม่ต้องง้อมันยาวกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ก็มีบางอย่างที่สะกิดในหัวใจ

“นี่มึงคิดถึงแฟนเก่ามึงอยู่เหรอ”

“อะไรเนี่ย”

“ก็มึงเอากูไปเปรียบเทียบ”

“อาสา ดึกแล้วเนอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

“อย่าให้กูขยี้นะ” ผมเองก็เหนื่อยๆ อยากนอนแล้วเหมือนกัน

“อย่าใช้คำพูดขยี้กูเลย ใช้ปากมึงมาขยี้กูดีกว่า”

ผมหุบปากฉับทันที อยู่ดีๆ แม่งมาถึงเรื่องนี้ได้ไงวะเนี่ย...






หลังจากวันนั้นไม่ว่าไอ้ไมล์จะพยายามสร้างโมเมนต์กับผมยังไง ก็จะมีไอ้ทนายมาเป็นมารขวางเอาไว้

ตอนเช้าของวันต่อมา ทนายมีเรียน แต่ผมไม่มี ไมล์ก็เลยจะเข้ามาอยู่กับผมตั้งแต่เช้า

“อาสาอยากไปคณะกับกูว่ะ เห็นว่าอยากคุยกับเพื่อนกู คุยเรื่องอะไรไม่รู้”

มึงก็สรรหาคำพูดมาพูดเนอะ กูไม่มีอะไรจะพูดกับเพื่อนมึง

ไมล์ยอมแพ้และก็กลับเข้าไปในห้อง ผมต้องมาคณะกับไอ้ทนายจริงๆ ครับ เพราะผมไม่อยากโกหกเพื่อน ทนายเข้าไปเรียนแต่ผมมานั่งรอมันที่ห้องสมุดคณะแทน ผ่านไปสักพักไมล์ก็ส่งข้อความมา

MILE : เที่ยงนี้หาไรกินป่ะ

ผมกำลังจะตอบ แต่ทนายก็แย่งโทรศัพท์ในมือของผมไปพิมพ์แล้ว ไม่รู้มันโผล่มาอยู่ข้างหลังผมตอนไหน

ARSA : ต้องแดกกับทนายว่ะ โทษที
MILE : พามันไปแดกด้วยกันเลยสิ


“มันสู้ว่ะ” ทนายชักสีหน้า

มึงจริงจังเกินไปป่ะเนี่ย

“ไมล์มันไม่แดกอะไรวะ”

“พวกอาหารทะเลมั้งนะ”

“งั้นเหรอ” มันพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างกระแทกกระทั้น

ARSA : วันนี้จะกินอาหารทะเล

ผมอ่านแล้วมองหน้าทนาย

“อาหารทะเลตอนเที่ยงเนี่ยนะ”

มันยักไหล่ “ยังไงก็ต้องปฏิเสธไอ้เชี่ยไมล์ให้ได้”

“กูเริ่มสงสารมันแล้วนะเนี่ย ไม่ใช่ในฐานะที่มันชอบกูนะ อย่าเพิ่งทำหน้างั้น” ผมต้องรีบพูดเพราะทนายชิงเลิกคิ้วไปก่อนแล้ว “แต่ในฐานะเพื่อน กูไม่เคยปฏิเสธมันขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องเจอแบบนี้” ทนายถอนหายใจ “นี่มึงคิดว่ากูไม่รู้สึกผิดหรือไง”

“เฮ้อ”

“กูกำลังคิดเล่นๆ” จู่ๆ มันก็ทำสีหน้าจริงจัง

“อะไรของมึง”

“หรือกูจะหาคู่ให้มันดี”

“โอ๊ย ไอ้บ้า มึงว่างเหรอ”

“ก็มันจะได้เลิกมายุ่งกับแฟนกูไง”

“เพื่อนมันไม่ชอบให้ถูกจับคู่หรอก ยิ่งคนอย่างไอ้ไมล์ยิ่งไม่ชอบถูกใครบังคับ” คนที่ไม่ค่อยเจอเรื่องแย่ๆ อย่างไมล์จะชอบให้ใครมาบังคับมันเหรอครับ ผมขอถามสักนิดเถอะ

“อืม จะหานางฟ้าจากไหนอีกคนหนึ่งดีนะ” มันทำท่าครุ่นคิด “หายากนะคนอย่างมึงอ่ะ แม่งโคตรลิมิเต็ด เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงไม่ชอบเลย”

“กูได้ยินคำพูดมึงทุกคำนะ” ผมกัดฟัน มันตอกย้ำความนกของผมอยู่เหรอ

“ทำไงดีวะ” มันสนใจคำพูดของผมบ้างมั้ยเนี่ย

เสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขัดผมกับทนายเสียก่อน

MILE : อาสามึงเป็นไรวะ
MILE : มึงหลบหน้ากูจัง
MILE : นี่กูเยอะเกินไปใช่ป่ะ


“เชี่ย เห็นมั้ย ดราม่าเลย” ผมร้อง

“ก็มันมากไปจริงๆ ไง” ทนายยังคงใจแข็งอยู่

“ไม่ต้องพิมพ์อะไรตอบไปนะ ไม่ต้องไปขยี้อะไรอีก”

“นั่นสิ” ตอนนี้ทนายเริ่มมีสีหน้าเครียดมากกว่าผมไปแล้ว “นี่กูทำร้ายแม่งมากไปมั้ยวะ”

ผมกับมันไม่มีใครใจแข็งกับเพื่อนได้เลยสักคน ในที่สุดเราก็ตัดสินใจไม่ตอบข้อความตัดพ้อของไมล์ ถึงแม้ว่าข้อความนั้นจะขึ้นว่าผมอ่านแล้วก็ตาม

ไม่ว่าจะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้น ทนายก็ขอให้ไมล์มันผ่านพ้นช่วงสอบไปก่อน






หอสาม

ในเย็นวันนั้น อยู่ดีๆ พี่อ้ายก็เรียกคนทั้งหอมาประชุมเฉยเลย ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมพี่อ้ายต้องมาเรียกประชุมในช่วงโค้งสุดท้ายของการอ่านหนังสือสอบมิดเทอมด้วย คิดว่าพี่อ้ายจะแคร์เสียงโอดครวญเหล่านั้นมั้ยครับ

พี่มันไม่แคร์เลยสักนิด แถมยังมีการด่าสวนกลับมาอีกว่า ‘กูก็ต้องอ่านเหมือนกัน พวกมึงอย่าบ่นให้มาก’

“วันนี้มีอะไรเหรอวะสัดอ้าย” พี่ปีสี่จากคณะเศรษฐศาสตร์ยกมือขึ้นถาม

“เอาล่ะ พวกมึงทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ” พี่อ้ายกระแอม “ห้ามพูดแข่งตอนที่กูพูด หุบปากให้หมด”

ประธานหอผมรอจนเสียงคุยกันเงียบลงแล้วจึงค่อยพูดต่อ

“เทศกาลแข่งโดเนทกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว”

สิ้นเสียงของพี่อ้าย เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที ทนายที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาหาผมอย่างงงๆ ผมจึงอธิบายให้มันฟังคร่าวๆ

“ทุกปีหอพักชายจะมีการแข่งเรี่ยไรเงินเพื่อเอาไปทำบุญว่ะ ปีที่แล้วทำบุญช่วยเด็กดอยผู้ยากไร้ แต่ปีนี้กูไม่รู้”

“แข่งกับใคร” ทนายถามต่อ

“พวกหออื่นไง”

“แข่งกันหาเงินเนี่ยนะ”

“ใช่”

“สนุกเหรอวะ”

“สนุกสิ ได้เงินไปทำบุญด้วย ได้ทำเพื่อศักดิ์ศรีหอด้วย”

ทนายขมวดคิ้ว บางครั้งมันก็อินกับเรื่องหอแต่บางครั้งมันก็ไม่อิน เรื่องนี้ทำให้มันมีเสน่ห์มากสำหรับผม เพราะมันดูแตกต่างดีครับ ส่วนใหญ่คนทั้งหอเชื่อเรื่องศักดิ์ศรีหอพักกันหมด ผมก็เหมือนกัน

“ปีนี้จะแข่งโดเนทเพื่อช่วยมูลนิธิเพื่อนช้าง อธิการบดีประกาศในที่ประชุมแล้วว่าปีนี้ร่วมโดเนทช่วยช้างน่าจะเหมาะที่สุด” พี่อ้ายพูด มองหน้าทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีการเขินอายใดๆ

“แข่งกันหาเงินไปทำบุญ งั้นพวกหอสี่ก็ชนะตลอดสิวะ” ทนายพึมพำ “พวกมันก็แค่บริจาคเงินให้มากกว่าหออื่น”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก “ทุกปีหอสี่ก็ชนะเพราะเงินพวกมันเองตลอด แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นไง เราแข่งเรื่องวิธีการหาเงินและก็จำนวนคนที่เข้ามารุมที่เต็นท์ว่าจะมีเยอะหรือเปล่า”

“หอสามของเราไม่เคยเสียหน้าเลย” พี่อ้ายพูดต่อในส่วนของผมพอดี “ในที่สุดก็จะได้ใช้ความหน้าตาดีของเราเป็นประโยชน์อีกครั้งหนึ่งแล้ว ไปคิดกันมาก็แล้วกันว่าจะทำยังไงให้เต็นท์ของเรามีสีสันมากที่สุด ทนาย อาสา” ผมสะดุ้งเมื่อถูกพี่อ้ายพาดพิง ส่วนไอ้ทนายทำสีหน้าเบื่อขึ้นมาทันที “มึงสองคนอ่ะตัวเรียกแขกเลย วันนั้นพวกมึงต้องช่วยกันทั้งวัน เข้าใจมั้ย”

ปีก่อนผมก็เป็นตัวเรียกแขก ปีนี้ผมก็ต้องเป็นอีกเหรอเนี่ย ไอ้คำว่าตัวเรียกแขกมันไม่ได้สวยหรูอะไรเลยครับ มันคือทาสดีๆ นี่เอง ผมจะต้องเฝ้าเต็นท์ทั้งวัน คอยทำทุกอย่างที่คนบริจาคเขามาขอ ส่วนใหญ่ก็มักจะมาขอถ่ายรูปทั้งนั้น

ยิ้มสู้กล้องทั้งวันมันเหนื่อยนะครับ

“งานแข่งโดเนทจะถูกจัดหลังสอบมิดเทอมพอดี เป็นวันโอเพนเฮ้าส์ของมหา’ลัยด้วย”

ผมโอดครวญทันที แปลว่าคนที่จะมางานนี้ไม่ใช่แค่คนในมหา’ลัย แต่เป็นแขกที่มาชมมหา’ลัยด้วย บอกเลยว่าวันนั้นคงต้องเหนื่อยกันแบบยกกำลังสิบ

“กูมีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ หวังว่าพวกมึงจะจริงจังกับการแข่งเพื่อศักดิ์ศรีของหอครั้งนี้ เรื่องเรียกแขกหอสามของเราไม่เคยแพ้ใคร พวกมึงจงใช้สิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ได้ช่วยน้องช้างด้วยและได้ช่วยรักษาหน้าตาของหอด้วย มีใครสงสัยอะไรมั้ย”

ไอ้ทนายยกมือโดยที่ไม่ถามความเห็นของผมสักคำ

“มีไรทนาย”

“ปีนี้หอเราไม่อยากชนะเรื่องเงินด้วยเหรอครับ”

พี่อ้ายเลิกคิ้ว “มึงเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย รุ่นพี่มึงพยายามกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วยังไงก็ไม่มีทางสู้พวกหอสี่ได้”

หอคนรวย ถ้าเป็นแข่งเรื่องเงินยังไงพวกแม่งก็ไม่มีวันยอม

“น่าจะเปลี่ยนกฎใหม่” ทนายบ่นอุบ “อย่าใช้เงินตัวเอง ใช้เงินของคนที่เข้ามาบริจาคก็พอ”

“มึงใจเย็นๆ นะ” พี่อ้ายปราม “ถ้าเป็นงั้นไอ้พวกหอสี่มันก็จะไม่ลงเงินตัวเองเยอะๆ น่ะสิ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรา ที่เราแข่งโดเนทเพราะเราต้องทำเพื่อน้องช้าง”

แหม ช่างย้อนแย้ง เชื่อมั้ยครับว่าพี่มันจริงจังเรื่องศักดิ์ศรีหอของคนหน้าตาดีมากกว่าเรื่องโดเนท ผมรู้ดี ปีที่แล้วพี่อ้ายก็เป็นแบบที่ผมพูด พี่มันเรียกมาประชุมล่วงหน้าก่อนงานเริ่มตั้งหลายอาทิตย์แน่ะ

เมื่อไม่มีใครสงสัยอะไรใดๆ แล้ว พี่อ้ายก็ปล่อยให้ทุกคนไปอ่านหนังสือกันต่อ และไม่ลืมที่จะอวยพรทิ้งท้ายว่าขอให้โชคดี ได้เกรดดีๆ กันทุกคน

ผมกับทนายแยกกับไอ้เตไอ้ไมล์แล้วขึ้นมาบนห้อง ใบหน้าของทนายเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดเรื่องงานแข่งโดเนทอะไรนี่อยู่ ผมจึงต้องเอ่ยถามออกไป เพราะหน้าตาของมันตอนนี้ดูตลกมากจริงๆ ไม่รู้มันเครียดอะไรอยู่

“มีอะไรพูดมา”

“งานนี้เมื่อปีที่แล้ว...สภาพมึงเป็นไง”

มันกำลังคิดไปถึงไหน “กูก็ถือกล่องรับบริจาคปกติ”

“แค่นั้นแน่นะ”

“มีคนมาขอถ่ายรูปเยอะหน่อย แต่พวกหอสามก็โดนกันหมดทุกคน”

“มึงแน่ใจนะว่าไม่มีอะไรนอกเหนือจากการขอถ่ายรูป”

ผมพยายามนึกๆ ดู ปีที่แล้วผมค่อนข้างใหม่ เขาขอให้ทำอะไรผมก็ทำให้หมด เขาขอถ่ายรูปด้วย ผมก็ทำให้ เขามาขอเฟซบุ๊ก ผมก็ให้

“มีคนมาขอเฟซบุ๊ก”

“แล้วมึงก็ให้เนี่ยนะ”

“ก็เขาจะบริจาคแบงก์พันอ่ะ”

“ใครขอ ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ให้ทาย” ผมลองแกล้งมันดู

“สัด หน้าอย่างมึงต้องผู้ชายอยู่แล้วป่ะ”

“ถูก”

“โอ๊ยยยยย” ทนายถึงกับเขย่าหัวของผมเบาๆ “มึงก็ซื่อเกิ๊น ให้ไปทำไม”

“เรื่องมันผ่านมานานเป็นปีแล้วนะ ตอนนั้นมึงคงสวีตกับแอลอยู่มั้ง” ทำไมผมต้องพูดถึงแฟนเก่าของทนายอีกล่ะเนี่ย

“ปีนี้ห้ามเลยนะ ห้าม กูจะตามคุมมึงแจเลย กูขอบอกไว้ก่อน”

“มึงคงโดนหนักกว่ากูอ่ะ” ทนายมันป็อปในหมู่ผู้หญิงจะตาย ถ้ามันไม่ตัวติดกับผม ป่านนี้มีกิ๊กมากกว่าสิบคนไปแล้วมั้ง “เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ เอาเรื่องสอบก่อนเนี่ย จะไม่รอดอยู่แล้ว”

“ขอหอมก่อน” มันไม่รอฟังคำอนุญาตจากผม แต่มันหอมแก้มเลยครับ ผมปล่อยให้แม่งทำตามอำเภอใจจนพอใจ จากนั้นทนายก็แยกตัวไปอ่านหนังสือแต่โดยดี

ตอนนั้นไมล์มันส่งข้อความมาหาผมพอดี

MILE : วันแข่งโดเนทมีอะไรจะให้ด้วยนะ
MILE : รอรับด้วย
MILE : มึงต้องชอบแน่ๆ


“ยอมใจแม่ง” ทนายแอบอ่านจากด้านหลังของผม “วันนั้นสอบเสร็จแล้วใช่ป่ะ กูขอบอกวันนั้นเลยนะ”

ผมเอามือนวดขมับ “กูต้องไปทำบุญวัดไหนวะ เรื่องนี้มันถึงจะผ่านไปได้ด้วยดี”

“กูไปทำด้วยได้มั้ย” ทนายพูดบ้าง “ใจกูไม่แข็งเลย เห็นหน้าสัดไมล์แล้วกูพูดไม่ออก เป็นไรไม่รู้”

“...”

“แต่กูก็อาจจะต้องพูดว่ะ”

“...”

“เพื่อเราสองคน”

ผมเอื้อมมือไปจับมือของทนายเอาไว้ จากนั้นเราสองคนก็ยิ้มแห้งๆ ให้กัน

ถ้าผลลัพธ์ของมันจะเลวร้าย ก็ขอให้มันเลวร้ายน้อยที่สุดทีเถอะ






TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 13-08-2017 20:57:53




ตอนที่ 19



ผมผ่านช่วงสอบไปได้อย่างยากลำบาก

ผมมีสอบทั้งหมดสี่วัน บางวันมีสอบครึ่งวัน บางวันก็มีสอบทั้งวัน เป็นสัปดาห์อภิมหานรกแตกที่ผมคุยกับอาสาน้อยมาก ทั้งๆ ที่เราสองคนอยู่ห้องเดียวกัน ต่างคนต่างก็จริงจังในการสอบของตัวเองมาก จนลืมที่จะสวีตกันไปชั่วขณะ

ระหว่างนั้นผมสังเกตว่าไมล์ยังคงพยายามเรื่องอาสาอยู่ แม้ว่าจะน้อยลงไปมากแล้วก็ตาม นี่ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่ามันเริ่มจะทำใจได้แล้ว เอ๊ะ หรือมันกำลังถอยไปตั้งหลัก ผมเองก็เดาไม่ถูก ที่แน่ๆ ผมต้องเตรียมคำพูด เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับตั้งรับความรู้สึกของไอ้ไมล์หลังจากที่ผมบอกความจริงกับมันไป...

ผมไม่ควรจะลืมความรู้สึกของไอ้เตด้วย

พักหลังๆ เตเงียบมากจนผิดปกติ มันเป็นหนุ่มลุคเย็นชาก็จริงแต่มันให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก สมัยที่ผมอยู่ห้อง 204 มันชอบชวนออกไปดื่ม ร้านเหล้าน้อยคือร้านประจำของมัน แต่หลังจากที่ผมแยกห้องออกมาอยู่กับอาสา เตก็เริ่มคุยกับผมน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้มันก็ไม่คุยกับผมอีกแล้ว

ทักไปก็ไม่ตอบ คุยต่อหน้าก็เป็นลักษณะถามคำตอบคำ

บอกตามตรงว่าผมอึดอัดในความสัมพันธ์นี้มาก แต่ผมไม่มีเวลาที่จะแก้ปัญหา ผมเอาเวลาทั้งหมดเทลงไปกับการเตรียมสอบ แม้กระทั่งจะสวีตกับอาสาผมยังไม่มีเวลาเลย เพราะงั้นหวังว่าหลังสอบผมจะมีเวลาเคลียร์ทุกอย่าง

แต่โชคชะตาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นได้ง่าย

สอบเสร็จปุ๊บ งานก็เข้าผมปั๊บ

“ทนาย อาสา มานี่ดิ๊” พี่อ้ายกวักมือเรียกผมกับอาสายิกๆ “มึงสองคนไปเตรียมตัวถ่ายรูปทำสแตนดี้เรียกแขกนะ เย็นนี้เลย กูนัดช่างภาพไว้แล้ว”

เย็นนี้! ใครบ้างวะที่จะไม่สตัน

“กะทันหันไปป่ะ” ผมโวยทันที “หาคนอื่นได้มั้ย ผมจะไปดูหนัง”

พี่อ้ายทำหน้าโหด “ไม่ใช่เดือนหอแล้วจะเป็นใคร อย่ามาเรื่องมากได้ป่ะ นี่เป็นคำสั่ง อาสามันยังไม่อิดออดเลย”

“ไม่จริง” ผมหันไปมองหน้าแฟนตัวเอง มันนิ่งจริงๆ ด้วย “นี่จะไม่โวยวายสักหน่อยเหรอ”

“ทำไงได้ล่ะ เพื่อหอ ยังไงก็ต้องทำ”

แม่งคงรู้ตัวสินะว่าตัวเองคือนางฟ้า ผมอดคิดอย่างเซ็งๆ ไม่ได้ ไอ้งานแบบนี้ใจจริงผมก็ไม่อยากปฏิเสธหรอกครับ แต่จู่ๆ ภาพที่ผมเคยวางแผนเอาไว้ว่าหลังสอบเสร็จจะไปเดตกับอาสามาพังป่นปี้ จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ยังไง

“ก็ได้ๆ ยอมก็ได้”

“นางฟ้าสวยสั่งได้ว่ะ” พี่อ้ายทึ่งในตัวของอาสา ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ทำอะไรมากเลย

“สวยอะไรล่ะพี่ เลิกใช้สักทีคำนี้อ่ะ”

“ไม่เคยจะยอมรับห่าไรหรอก”

พี่อ้ายเดินจากไปแล้ว ผมทำหน้าเซ็งอยู่ต่อหน้าอาสา มันส่งสายตาปลอบโยนมาให้

“ยังไงคืนนี้กูก็อยู่กับมึงทั้งคืนนี่”

มันอ่อยผมอีกแล้วเหรอ มันรู้ตัวมั้ยว่ากำลังใช้คำไหนอยู่ แม่งเป็นอะไรที่ล่อเป้ามากเลยนะ ผมกำลังจะอ้าปากพะงาบๆ พูดต่อ แต่ก็มีคนคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะพอดี

ไอ้ไมล์นั่นเอง ทันทีที่ผมมองเห็นมัน ผมก็ก้าวถอยหลัง เพราะรู้ดีว่ามันมาคุยกับอาสา ไม่ได้มาคุยกับผม แต่แล้วไมล์กลับร้องเรียกผมไว้

“มึงนั่นแหละ ไม่ใช่อาสา”

อาสาปล่อยให้ผมได้คุยกับไมล์เพียงลำพัง มันเดินเข้าไปยังส่วนกลาง ส่วนผมยืนอยู่กับไมล์แถวๆ บันไดขึ้นไปยังห้องต่างๆ ผมลอบสังเกตสีหน้าของไมล์ ดูเครียดๆ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้น

ผมเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาแล้ว

“กูจะขออาสาคบวันแข่งโดเนทว่ะ”

เหมือนมีปืนใหญ่ยิงเข้าตรงกลางที่กบาลของผม ไมล์ไม่ได้คิดแค่จะให้ของอาสา แต่มันจะขอคบเลย มันเกินไปแล้วหรือเปล่าวะ
 
“มึง...” ผมอึ้งจนพูดไม่ออก

“มึงคงเริ่มสนิทกับอาสาจนห่วงมันมากแล้วใช่ป่ะ กูสังเกตได้จากวันที่มึงมารับอาสาที่ร้านคาเฟ่อ่ะ”

มันไม่ใช่แค่สนิทน่ะสิวะ “ไมล์ ฟังกูนะ...”

“กูว่าอาสาแม่งมีใจให้กูว่ะ”

หา? ผมอ้าปากค้าง หันไปมองอาสาซึ่งกำลังยืนคุยกับคนในหอคนอื่นๆ

“ยังไงกูก็จะไม่รบกวนมึงแล้วล่ะ แต่กูขอมาบอกมึงไว้ก่อน”

ไมล์ตบไหล่ผม ผมพยายามร้องเรียกมันเอาไว้แต่มันก็วิ่งหายไปไหนไม่รู้อย่างรวดเร็ว อาสาเดินเข้ามาหาผม มันไม่ถามว่าไมล์พูดอะไร แต่ผมนี่แหละจะบอกมันเอง

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“ทนาย อาสา พวกมึงตามกูมานี่” พี่อ้ายเรียกเราสองคน

ผมกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า ไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาถึงปล่อยให้เรื่องของผมกับอาสาวุ่นวายถึงเพียงนี้







หลังจากตอนนั้นผมก็ไม่มีจังหวะคุยกับอาสาอีกเลย เพราะเราสองคนมัวแต่ยุ่งเรื่องถ่ายรูปทำสแตนดี้ ผมก็นึกว่าจะได้ถ่ายแบบแชะสองแชะ ที่ไหนได้แม่งถ่ายเป็นสิบๆ พี่อ้ายดูเหมือนจะเซียนในเรื่องนี้ มีการเตรียมคอสตูมชุดอื่นนอกจากชุดนักศึกษามาให้ถ่ายด้วย

“นานๆ ทีจะได้ถ่ายก็ควรถ่ายเก็บไว้ เผื่อเอาไปลงโปสเตอร์โปรโมตหอ” พี่อ้ายชี้แจง ส่วนผมยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ก็เลยไม่ได้พูดจาอะไร มีแต่ถ่ายๆ ให้มันเสร็จๆ ไป

อาสาสังเกตได้ถึงพฤติกรรมของผม ดูเหมือนมันจะรอให้มีจังหวะที่พอจะคุยกับผมได้ แต่นั่นก็คงจะเป็นหลังงานเสร็จ หลังจากเก๊กท่าจนเมื่อยไปทั้งตัวแล้ว เราสองคนก็เสร็จงานพอดี ภาพที่ออกมาค่อนข้างเป็นที่ถูกอกถูกใจของพี่อ้าย พี่มันจึงไม่ได้รั้งตัวเราสองคนไว้ทำอะไรอีก แต่บอกว่าถ้ามีโอกาสจะพาไปเลี้ยงข้าวแทน

ผมกับอาสาอยู่บนรถ รู้สึกว่าช่วงนี้เราจะได้คุยกันบนรถบ่อยมากเลยแฮะ อาจเป็นเพราะตอนอยู่ข้างนอกมีสายตาที่มองมาค่อนข้างเยอะกระมัง ผมกับมันก็เลยไม่กล้าที่จะพูด เพราะบางคำพูดก็สื่อได้เลยว่าผมกับอาสาเป็นอะไรกัน

“เป็นอะไร” เสียงอาสาอ่อนโยนมากตอนที่ถามผม มันดึงมือผมไปกุม จากนั้นก็บีบเสียแน่น

“เรื่องไมล์อีกแล้วว่ะ” ผมตัดสินใจพูดกับอาสาตรงๆ

“เกิดอะไรขึ้น”

“มันจะขอมึงคบ”

“หา!” อาสาร้องเสียงดัง “ได้ไง”

“ไม่รู้ มันคิดว่ามึงชอบมันเหมือนกัน”

อาสาปล่อยมือผม เพราะจะเอามือนั้นไปนวดขมับของตัวเองแทน ระดับความตึงเครียดจากเลเวลห้าสิบ ตอนนี้พุ่งทะยานไปเลเวลเก้าสิบเก้าแล้วครับ

“กูทำให้มันคิดแบบนั้นเหรอ สาบานได้ กูไม่ได้ทำห่าอะไรเลยนะ” อาสาเหลือบมองผม “มึงโมโหเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

“กูไว้ใจมึง” ผมพูดตรงๆ

“จริงนะ?” นัยน์ตาของอาสาสั่นอย่างที่ผมรู้สึกได้

“จริงสิ”

“เฮ้ออออ” มันถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้ามึงคิดแบบนี้กูก็โอเค พร้อมจะสู้ต่อแล้ว”

“เราควรจะทำยังไงกันดี”

“คงต้องบอกมัน”

“บอกวันไหน”

“วันนี้เลยมั้ยล่ะ”

อาสาใจร้อนกว่าผมอีก ผมมองแฟนตัวเองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“มึงพร้อมเหรอ”

“พร้อมดิ มันจะขอกูคบแล้วนะ มึงยอมเหรอวะ”

“ยอมก็บ้า” คราวนี้เป็นทีของผมที่จะดึงมืออาสามากุมเอาไว้ “สู้มั้ย”

“สู้ดิวะ”






หน้าห้อง 204

ผมกับอาสาอยู่ไม่สุข เราสองคนเดินไปเดินมาอย่างบ้าคลั่งระหว่างที่กำลังจะเคาะประตูห้อง ยังไงวันนี้ไมล์มันต้องรู้เรื่องของผมกับอาสา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ทุกอย่างต้องจบที่วันนี้

อาสาพยักหน้าส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้ว ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเคาะประตูอดีตห้องเก่าของตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

รออยู่ประมาณหนึ่งนาทีก็ไม่มีใครมาเปิดให้ ผมจึงลองเคาะดูอีกที

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ไม่มีคนมาเปิดประตูจริงๆ

“เต ไมล์ อยู่ในห้องมั้ยวะ” ผมลองส่งเสียงถามดู

“ไฟก็เปิดอยู่นะ”

“ลองโทรหามั้ย”

อาสาพยักหน้า มันกดโทรออกหาไมล์ ไม่นานไมล์ก็กดรับสาย

“อยู่ไหนวะ”

“...”

“หา! จริงเหรอ! ไอ้สัด โรง’บาลอะไร!”

ผมช็อก ใบหน้าอาสาดูตกใจมาก เกิดอะไรขึ้น

“ฉิบหาย เออๆๆ เดี๋ยวกูรีบไป”

“มีอะไร” ผมเริ่มร้อนใจ

“เชี่ยเตมอเตอร์ไซค์ล้ม และก็โดนพวกหอสองรุมกระทืบซ้ำ ไมล์อยู่โรง’บาลกับมันตอนนี้”

เหี้ยอะไรเนี่ยยยยยยยยยยย

ผมรู้สึกเหมือนมีค้อนหนักๆ ทุบหัวผมหลายๆ ที เพื่อนโดนหนักขนาดนี้ผมยังมีเวลามาคิดทำเรื่องนี้อยู่อีก ผมด่าตัวเองระหว่างที่วิ่งไปยังรถพร้อมกันกับอาสา มันเองก็คงจะคิดเหมือนผม สีหน้าของมันดูไม่ดีเอาเสียเลย

ก่อนถึงรถผมเหลือบมองไปที่หอสอง พวกมันยังใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้แคร์เลยว่าเพิ่งทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของการอยู่ในโซนหอพักชายลงไป...

และผมจะไม่มีวันปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน








โรงพยาบาลประจำจังหวัด

สิ่งที่ผมเซอร์ไพรส์ก็คือหน้าห้องฉุกเฉินมีพวกหอสามอยู่เต็มไปหมด มีพวกที่เป็นเพื่อนคณะของไอ้เต ไอ้ไมล์ และก็พี่อ้าย ประธานหอของผมกำลังเดือดปุดๆ พร้อมชกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ทุกเมื่อ

อาสาพุ่งตัวไปหาไอ้ไมล์ทันที มันกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ ม้านั่งซึ่งมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด

“มันเป็นไง”

“เลือดเต็มตัวมันเลย” ไมล์มือสั่นมาก เสื้อผ้าของมันยังมีเลือดของไอ้เตติดอยู่ “มันโทรมาหากู แทนที่มันจะโทรไปเบอร์ฉุกเฉิน กูจะ...กูจะช่วยอะไรมันได้”

“มึงก็ช่วยพามันมาโรง’บาลแล้วนี่ไง” ผมพูดปลอบ สายตาของผมเต็มไปด้วยความกังวลใจ ตอนนี้สติของไมล์เหมือนจะหลุด ไม่สามารถคิดวิเคราะห์อะไรได้อีกต่อไป

“กู...ไม่เคยเห็นใครเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน” ไมล์มองมือของตัวเองที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง “แม่งเลวร้ายมาก เลวร้ายมากๆ”

“เชี่ยเตจะต้องไม่เป็นไรดิวะ” อาสาบีบมือเพื่อน มือของมันเองก็สั่นเหมือนกับมือของอีกฝ่ายนั่นแหละ “มันไม่เป็นไรแน่นอน มันเก่ง ไม่งั้นมันจะดูแลมึงกับกูสองคนมาตั้งนานได้ไง”

ผมมองความผูกพันของอดีตเพื่อนร่วมห้องก่อนจะถอนใจ ทำไมเหตุการณ์บ้าบอคอแตกนี่ต้องเกิดขึ้นด้วยวะ ผมขยี้ผมตัวเองอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นยืน รู้สึกอยากระบายอารมณ์กับทุกสิ่ง อยากเตะทุกอย่าง

ผมทำอะไรอยู่ตอนที่เพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม

ผมทำอะไรอยู่ตอนที่เพื่อนโดนพวกหอสองรุมกระทืบ

ผมคิดจะทำร้ายจิตใจเพื่อนอีกคน ขณะที่อีกคนกำลังโดนทำร้ายอย่างจะเป็นจะตาย

ทำไมผมมันเหี้ยได้ถึงขนาดนี้วะ

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดกำลังเดินมาหาพวกเรา พี่สงครามพร้อมพวกหอสองอีกนิดหน่อยตรงมายังที่ที่พวกเรายืนอยู่ ผมพุ่งออกไป กะจะไปเคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่าง ทว่ามีคนที่ไวกว่าผม

พี่อ้ายเดินเข้าไปต่อยหน้าพี่สงครามอย่างแรงหนึ่งทีจนหน้าหัน

แทนที่ผมจะได้ไปเคลียร์ ผมกับต้องเดินไปจับตัวพี่อ้ายเอาไว้แทนโดยมีเพื่อนคณะไอ้เตซึ่งอยู่หอเดียวกันมาช่วย ทางฝั่งพี่สงครามก็มีพวกหอสองจับตัวเอาไว้เหมือนกัน แต่เป็นการพยุงมากกว่า

ผมไม่เคยเห็นพี่อ้ายเดือดขนาดนี้มาก่อน

“มึงดูลูกหอมึงยังไงสงคราม ต้องให้น้องกูโดนแบบนี้อีกสักกี่คน!”

“น้องมึงพูดจาดูถูกเด็กหอกูก่อนนะ”

“มันรถล้มก่อนไอ้สัด! ลูกหอมึงรุมคนรถล้มด้วยเหรอ ทำไมใจหมาแบบนี้วะ”

พี่สงครามอ้าปากค้าง ดูเหมือนจะเป็นความจริงที่พี่มันเพิ่งรู้

“จริงเหรอ”

“เออ!” พี่อ้ายร้อง

พี่อ้ายเผยแพร่ความเดือดไปสู่พี่สงครามเป็นที่เรียบร้อย รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวชายที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุดในมหา’ลัยของผม

“พวกมันตาย!”

พี่สงครามหันไปพูดกับคนในหอตัวเอง จากนั้นก็เดินกลับไปโดยที่ไม่เหลียวหลังกลับมาอีก

ผมปล่อยพี่อ้าย พี่มันหันมาด่าผม “กูควรจะได้ชกมันอีกหมัด!”

“แค่คุยๆ กันก็ได้มั้งพี่ อีกอย่างพี่สงครามเองก็ไม่ได้เป็นคนลงมือ”

“มันบอกกูว่ามันจะคุมเด็กหอของตัวเองให้อยู่”

“มันคุมยาก พี่ก็รู้ว่าหอสองมันเป็นคนยังไงกัน”

“นี่มึงอยู่หอไหนกันแน่ทนาย หอสองหรือว่าหอสาม”

“ผมอยู่หอสามดิ”

“แล้วมึงไปเข้าข้างพวกหอสองทำไม”

พี่อ้ายคงโมโหมากจริงๆ ผมปล่อยให้พี่มันอยู่กับพวกหอสามคนอื่นๆ จากนั้นก็เดินกลับไปหาไมล์กับอาสา มันสองคนนั่งพิงผนังของโรง’บาล ยังไม่มีสีหน้าดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ อาสา เอื้อมมือออกไปคิดจะกุมมือมันเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้ จึงมีแค่นิ้วก้อยของผมกับมันที่ชนกันอยู่แค่นั้น อาสาเหลือบมามอง มันขยับมือเข้ามาใกล้ผมอีกนิดหน่อย กลายเป็นว่านิ้วก้อยของมันเกี่ยวนิ้วก้อยของผมเอาไว้อยู่

ราวกับว่าเราให้คำสัญญาต่อกันว่าเราจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้...








เวลาผ่านไปราวๆ เกือบสองชั่วโมงได้ ผมเห็นพวกหอสองกำลังเดินมาที่นี่ คราวนี้ไม่มีพี่สงครามมาด้วย สภาพของพวกมันสะบักสะบอมมากเสียจนผมกับพี่อ้ายไม่กล้าพุ่งเข้าไปทำอะไร

พวกมันเหล่านั้นไม่ยอมมองหน้าพวกเราเลย แต่เดินผ่านไปหาพยาบาลแทน คล้ายกับจะมาทำแผลที่เพิ่งถูกทำร้ายมา

“ฝีมือพี่สงคราม” อาสาพึมพำด้วยสายตาว่างเปล่า “คงสั่งให้พวกนั้นมาขอโทษ แต่พวกมันยังไม่ทำ”

“พวกนี้โดนฝ่าตีนพี่สงครามมาเหรอ”

“ใช่”

“...”

“แค่พี่สงครามคนเดียวด้วย?”

ดูท่าคนพวกนี้จะกลายเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของพี่สงคราม พวกมันบาดเจ็บหนักจนแทบจะยืนไม่อยู่

“แล้วแบบนี้พวกมันจะไม่เกลียดพี่สงครามเหรอวะ”

“กูว่าไม่” อาสาพูด “ถ้าไม่ผิดจริงๆ พี่สงครามก็ไม่ลงมือทำร้ายเด็กหอตัวเองหรอก มึงดูอย่างพี่อ้ายดิ พี่อ้ายเคยตบหัวกูกับมึงมั้ยล่ะ” คำตอบก็คือไม่เคย

ผมเคยได้ยินมาว่าพวกหอสองมีพละกำลังที่สูงส่งและก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นมีแรงมากกว่าคนอื่น น้อยครั้งที่ผมจะได้ยินว่าพวกมันทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจายียวนกวนส้นตีน จากที่ฟังๆ ดู ผมคิดว่าพวกนี้อาจจะไม่รู้ว่าเตเพิ่งรถล้มมา ส่วนเตก็อาจจะไปพูดจาผิดหูพวกมันจริงๆ ก่อนรถจะล้ม ถึงได้โดนหนักขนาดนี้

ระหว่างที่ผมคิดวิเคราะห์อยู่นั่นเอง หมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เขาบอกว่าให้ทุกคนสบายใจได้ เตไม่เป็นอะไรมาก มีซี่โครงหักธรรมดากับมีบาดแผลฟกช้ำตามตัวที่อาจจะมากหน่อย หมอเอ่ยชมว่าคนไข้มีร่างกายที่แข็งแรงมาก ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเจ็บหนักกว่านี้ เมื่อได้ฟังแล้วผมก็สบายใจขึ้น

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นปล่อยให้ผม อาสา และก็ไอ้ไมล์เข้าไปหาไอ้เตแค่สามคน

มันนอนอยู่บนเตียง สภาพของมันเหมือนผ่านสงครามมาอย่างหนัก และมันยังคงหลับอยู่

“ปล่อยให้มันนอนดีกว่า” อาสาเอ่ย

“คืนนี้เดี๋ยวกูอยู่เฝ้ามันเอง” ไมล์พูด “มึงสองคนช่วยไปเอาเสื้อผ้าของกูกับมันมาให้หน่อยนะ”

“ได้” ผมรับคำ “งั้นพวกกูไปเอามาเลยนะ”

“รบกวนด้วยนะ”






ทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังบนรถ มีครั้งไหนที่ผมกับอาสาไม่มีเรื่องเครียดให้ถกกันมั้ยนะ

ผมขับรถกลับมหา’ลัยด้วยความรู้สึกจืดชืด ไร้รสชาติของชีวิต นึกถึงสภาพไอ้เตกับไอ้ไมล์ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดไปหมด ผมรู้สึกว่าผมมีความสุข ขณะที่เพื่อนกำลังเดือดร้อน มันไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นเลยสักนิด

“เราสองคนทำผิดอยู่มั้ยวะ” อาสาเอ่ย “กูอดคิดมากไม่ได้เลยว่าถ้าไมล์มันอยู่ในห้อง แล้วเราสองคนบอกเรื่องเรากับมัน แล้วมันมารู้ทีหลังว่าเตเจ็บหนัก มันจะแย่กว่านี้มากแค่ไหน”

ผมเอื้อมมือไปลูบหัวอาสา “ยังดีที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

“เตไม่เคยพูดจาดูถูกคนอื่นมาก่อนเลยนะ มันมีอะไรผิดปกติป่ะวะ”

ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาสา แม้ว่าไมล์จะแสดงออกมากกว่าเต แต่เตก็ยังเป็นอีกคนที่ชอบอาสาอยู่

“เพราะกูหรือเปล่า” อาสาพึมพำ “มันมาๆ หายๆ พักหลังๆ นี่มันหายไปเลย กูไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่”

ผมก็ไม่รู้ จริงๆ ผมมัวแต่เอาใจใส่กับเรื่องอาสาและก็เรื่องเรียนจนบางครั้งก็ลืมนึกถึงเพื่อนสองคนนี้ไปชั่วขณะ

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด ทำไมผมมันเหี้ยได้ถึงขนาดนี้วะ

ผมจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ตอนเดินลงมาจากรถ ผมถึงกับต้องตกตะลึงเพราะเห็นว่ามีพี่สงครามกับพรรคพวกหอสองยืนรออยู่

กูช็อก

“เพื่อนมึงเป็นไง” พี่สงครามดูโหดขึ้นกว่าครั้งไหนๆ

“ไม่ได้หนักอะไรครับ” ผมตอบ

“ดี”

“...”

“พวกเหี้ยนั่นขอโทษเพื่อนมึงกับไอ้อ้ายหรือยัง”

ผมกับอาสาส่ายหน้า พี่สงครามกำหมัด จากนั้นก็พูดด้วยคำพูดเดิมๆ ที่เคยพูด

“พวกมันตาย!” ประธานหอสองหันไปหาพวกของตัวเอง “ไปลากพวกแม่งกลับมา กูจะสั่งสอนมันอีก”

อาสาเตรียมยกมือห้าม แต่ไม่ทัน พวกหอสองกระจายกันไปหมดแล้ว นี่อาจจะเป็นสไตล์ของหอสองก็เป็นได้ ผมกับอาสาไม่ควรไปยุ่ง

เราสองคนเดินเข้าไปในหอ ช่วงระยะเวลาที่ลับหูลับตาคน อาสาจับตัวผมให้หยุดนิ่งอยู่กับที่

“มีอะไรเหรอ” ผมถาม

“จูบหน่อย”

มันไม่รอฟังคำอนุญาตจากปากผม แต่ดึงศีรษะของผมให้โน้มลงไปหาเป็นที่เรียบร้อย อาสาก็ยังเหมือนเดิม ชอบจูบกับผมเหมือนเดิม

“โอเค กูดีขึ้นแล้ว”

“อะไรของมึงวะ” ผมเขินนิดหน่อย เราสองคนออกเดินกันต่อ

“มึงคือความสบายใจของกูนะ มึงอย่าลืม”

มันเคยพูดคำนี้กับผมตั้งแต่ตอนที่เราสองคนยังไม่ได้คบกัน ผมยิ้มนิดหน่อย ก่อนจะลอบจูงมืออาสาแล้วเดินไปข้างหน้า






โรงพยาบาล

ผมกับอาสาได้แต่ยืนอึ้งอยู่หน้าห้องพักพิเศษของเต ไมล์มีสีหน้าสลดใจที่ต้องแจ้งเราสองคน

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เตบอกยังไม่อยากเจอพวกมึงสองคนในตอนนี้ว่ะ โทษทีนะ”

ไมล์รับเสื้อผ้าแล้วกลับเข้าไปในห้อง ผมกับอาสามองหน้ากัน พอจะรู้ว่าทำไมเตถึงไม่อยากเจอเรา

“มันชอบกูใช่มั้ย” อาสาถามผม

ผมพยักหน้า ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอาสาอีกต่อไปแล้ว

“แล้วมึงก็รู้ว่ามันชอบกู”

ผมพยักหน้าอีกครั้ง

“ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่า...” อาสาเอ่ยเสียงสั่น หันมามองผมด้วยใบหน้าซีดเผือด

“เตมันรู้เรื่องของเราแล้ว” ผมพูดออกมาได้แค่นั้น






TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 12/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 13-08-2017 20:59:22




ตอนที่ 20
พาร์ตของเต



‘มึงจะทำอะไรวะ’

‘ลงโทษไง’

‘ทำอะไร’

‘จะกลัวอะไรขนาดนั้น นี่แฟนมึงนะ’

‘ท่าทางมึงตอนนี้น่ากลัวมากอ่ะ’

ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ลบบทสนทนานั้นออกไปจากหัวไม่ได้ บทสนทนาที่ดังขึ้นในห้องน้ำ โดยมีผมยืนฟังอยู่ด้านนอก

‘อาสาแม่งชอบกูแล้วแน่เลยว่ะ กูจะขอคบมันเป็นแฟน’

‘...’

‘กูขอโทษนะเต’

และผมก็ลบคำพูดที่โคตรคิดไปเองของไอ้เชี่ยไมล์ไม่ได้ด้วย มันแม่งยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังนก มันเสียอาสาไปแล้ว และมันก็เสียให้กับคนที่เคยพูดว่าจะไม่มีวันจะชอบนางฟ้าคนนี้ คนที่ผมกับไมล์เคยไว้ใจให้อยู่ห้องเดียวกันกับอาสา

ทุกอย่างมันพังไปหมดแล้วโว้ยยยยยย!

“เต ตื่นแล้วเหรอวะ” ผมลืมตาหนักๆ ของตัวเองขึ้นมา รู้สึกปวดไปหมดทั้งร่าง คนที่กุลีกุจอวิ่งเข้ามาหาผมอยู่ข้างเตียงก็คือไอ้ไมล์

ผมพ่นลมใส่มันแทนคำตอบ

“ทนายกับอาสากลับไปแล้วนะ”

ผมมองไปทางอื่น

“กูถามได้มั้ยว่ามึงโกรธอะไรพวกมัน มันสองคนเป็นห่วงมึงมากเลยนะเว้ย”

ผมไม่ได้โกรธ แค่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้า หลังจากวันที่ผมเห็นพวกมันสองคนลากกันไปกอดจูบดูดดื่มในห้องน้ำ ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าพวกแม่งเลยสักนิด แม้กระทั่งตอนประชุมหอเรื่องแข่งโดเนท ผมก็ยังไม่มองหน้าพวกมันสองคนเลย

ความรักไม่ใช่เรื่องผิด ผมกลัวความอ่อนแอและความเห็นแก่ตัวของผมจะนำพาอารมณ์มาใส่เพื่อนที่รักกันไปแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พวกมันสองคนใจตรงกันไม่ใช่ความผิดของพวกมันแม้แต่น้อย เพียงแต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง กลัวจะด่าทนาย กลัวจะตัดพ้ออาสา กลัวว่าตัวเองจะเผยความไร้เหตุผลของผมให้เพื่อนได้เห็น

ผมจำเป็นต้องเข้มแข็ง เพราะมีคนอ่อนแอหนึ่งคนที่ผมต้องดูแลมันอยู่อย่างช่วยไม่ได้ คนคนนั้นก็คือไอ้ไมล์ ผู้ซึ่งไม่รู้ห่ารู้เหวอะไรเลยว่าโลกใบนี้เขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว

อีกหนึ่งเหตุผลที่ผมไม่สามารถเหวี่ยงอารมณ์ใส่ทนายกับอาสาได้ก็คือเชี่ยไมล์นี่แหละครับ ถ้าผมเหวี่ยง มันก็จะรู้ทันทีว่าสองคนนั้นแม่งเป็นแฟนกันแล้ว ผมพอจะเดาการแสดงออกของมันได้ ไมล์จะไม่เงียบและหลบหน้าหลบตาเพื่อนทั้งสองคนแบบผม แต่มันจะโวยวาย จะด่า และจะตัดพ้อต่อว่า ตามสไตล์คุณชายโลกสวยที่ไม่เคยได้พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายใดๆ ในชีวิต

เพราะงั้นผมถึงแสดงออกมากไม่ได้ ได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว เก็บจนเครียดต้องไปหาเหล้าแดก จากนั้นก็เมาจนรถล้ม พวกที่ผมด่าเพราะเมาในร้านเหล้าก็ตามมารุมกระทืบ

ทำไมกูต้องพาชีวิตตัวเองให้มาเจออะไรแบบนี้วะ

“ตอบกูมาดิ เงียบทำไมวะ” ไอ้นี่แหละครับที่ทำให้ผมปวดหัวสุดๆ แล้ว เห็นหน้าจืดๆ ดูเป็นคนดีแบบนี้นี่แม่งโคตรรับมือยาก ผมขอบอกเลย

“กูง่วง ดึกแล้วกูขอนอนได้มั้ย” ผมตอบส่งๆ “มึงกลับไปนอนที่ห้องก็ได้นะ เดี๋ยวก็แข่งโดเนทแล้ว ไปช่วยงานพี่อ้ายไป”

“ไอ้สัด กูกลับแล้วใครจะเฝ้ามึง” มันเดินมาห่มผ้าห่มให้ผมอย่างลวกๆ “กูก็มีแค่มึง มึงก็มีแค่กู อย่ามากเรื่องได้ป่ะวะ”

“วันนั้นมึงมีของให้อาสาไม่ใช่เหรอ” แล้วมึงก็จะไปขอคนที่มีแฟนแล้วมาคบกับมึงด้วย กูไม่อยากจะนึกภาพเลย

“มึงเป็นอย่างนี้กูจะไปมีอารมณ์ให้ได้ไง”

มันแคร์ผมด้วยเหรอ ปกติเห็นแม่งพูดแต่เรื่องตัวเองไม่ก็เรื่องของอาสา

“หายเจ็บบ้างมั้ยวะ” มันถาม

“ก็โอเค”

“หมอบอกมึงแข็งแรงมาก”

เรื่องร่างกายผมไม่สงสัยในตัวเองหรอก แต่เรื่องใจเนี่ยสิที่ผมอยากจะรู้นักว่าผมอดทนมาได้ยังไง ผมอกหักแต่ผมก็ต้องมานั่งทนฟังเพื่อนละเมอเพ้อพกหาคนที่มีเจ้าของแล้วทุกวัน แถมคนมีเจ้าของนั่นยังเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำผมใจร้าวอีก

ชีวิตกูนี่มันน่าเอาไปเขียนอัตชีวประวัติฉิบหาย

“จะนอนแล้วเหรอ”

“อืม”

“อยากได้อะไรบอกนะ”

“ดูแลคนอื่นเป็นด้วยเหรอมึงน่ะ”

“ก็มึงนี่แหละเป็นคนแรก”

“...”

“อาสายังไม่เคยป่วยให้กูดูแลไง”

เชี่ยไมล์มันก็งี้แหละครับ เอะอะอะไรก็อาสา อาสาอยู่นั่น ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะพลิกตัวหันไปอีกทาง

“พักเยอะๆ นะ หมอบอกว่าถ้ามึงฟื้นตัวได้ไว อีกไม่เกินอาทิตย์ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ โชคดีนะที่มึงมาเจ็บหลังสอบเสร็จแล้วอ่ะ”

“อืม”

“แอร์ห้องนี้หนาวมาก กูปรับลดลงแล้วล่ะ”

“อืม”

“ห่มผ้าอีกมั้ย ทนายกับอาสาเอาผ้าห่มจากที่ห้องมาให้มึงด้วยนะ”

“มึงหยุดพูดสักทีได้ป่ะ กูจะนอน” เสียงของผมแข็งขึ้นมาเล็กน้อย ความหงุดหงิดพุ่งทะยาน อาจเป็นเพราะได้ยินชื่อคู่รักซึ่งผมพยายามจะลืม

ไมล์เงียบกริบทันที ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย จนกระทั่งเสียงยุบตัวของโซฟาข้างเตียงของผมดังขึ้น ไมล์คงขยับไปนอนตรงนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เฮ้ออออ ผมเผลอหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล แถมยังลงกับไอ้ไมล์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรอีก

ผมผิดเองนั่นแหละ

“ไมล์”

“...”

“หลับแล้วเหรอ”

“...”

“กูขอโทษ”

ผมกับมันก็อย่างงี้ เวลาอยู่ในห้องชอบเถียงกันไปมา คนที่งอนผมบ่อยสุดก็คือไอ้ไมล์ ส่วนผมไม่เคยงอนมันเลย อาจเป็นเพราะผมเข้าใจว่าไมล์มันโตมาแบบไหน และผมก็เสือกยอมมันมาตั้งแต่แรก ทำให้ทุกวันนี้ผมจำเป็นที่จะต้องยอมมันต่อไป

ไอ้คุณชายไม่ขยับตัวเลยสักนิด ผมก็เลยต้องแกล้งพูดว่า “กูหิวน้ำ”

ได้ผลแฮะ มันขยับไปเอาน้ำมาให้ผมดื่ม มันเดินอ้อมมาส่งให้ผมต่อหน้าเลยนะ เชี่ย นี่ผมต้องใช้การบาดเจ็บเป็นข้ออ้างในการง้อแล้วเหรอวะ

“แดกแล้วก็นอนซะ” แม่งงอนจริงว่ะ

“ไอ้สัด กูขอโทษ กูเจ็บตัวอยู่ไง”

“มึงไม่รู้หรอกว่ากูห่วงมึงแค่ไหน แล้วมึงยังจะมาด่ากูอีก”

“กูไม่ได้ด่า กูแค่ขอนอนเฉยๆ”

“มึงตอบแทนคนที่ตัวสั่นเพราะมึงด้วยคำพูดแบบนั้นเนี่ยนะ ไอ้เหี้ยยยย” มันตีแขนผมจนผมร้องโอดโอย

“สัด แล้วมึงจะตัวสั่นทำไม กลัวกูเหรอ”

“กลัวดิ กลัวมึงเป็นอะไร”

“...”

“กูมัวแต่สนใจเรื่องของตัวเองจนไม่ได้สนใจมึงเลย กูรู้สึกผิดแค่ไหนมึงไม่รู้หรอก” ไมล์พูดอย่างอัดอั้นก่อนจะเดินหนีไปเป็นที่เรียบร้อย ผมเอื้อมมือจะไปคว้าแขนมันไว้แต่ไม่ทัน มันชิงเดินออกไปก่อนแล้วครับ

“ไมล์มานี่”

“เหี้ยอะไร”

“มานี่ดิ๊ไอ้สัด กูมีอะไรจะคุยด้วย”

“...”

“กูเจ็บตัวอยู่นะ”

มันมาจริงๆ ด้วย นี่ผมต้องใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างจริงๆ เหรอเนี่ย อย่าไปเล่าให้ใครฟังก็แล้วกันนะครับ ผมอายเขาน่ะ

ไมล์ทิ้งตัวนั่งลง สายตาของมันอยู่ระดับเดียวกันกับผมที่นอนตะแคงข้างอยู่พอดี

“มีอะไรวะ ไหนบอกจะรีบนอน” ชินซะแล้วกับการค่อนขอดของมันแบบนี้

“ตอนนี้กูเจ็บ”

“มึงย้ำหลายรอบแล้ว”

“กูคงอยู่กับมึงอย่างเต็มที่ไม่ได้นะ”

ไมล์ชะงัก จ้องหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามสื่อ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงอย่าอ่อนแอ และห้ามคิดว่ามึงไม่มีใคร เพราะมึงมีกูอยู่”

“เต”

“...”

“นี่มึงสั่งเสียเหรอ!”

ไอ้ห่า นี่มึงแช่งกูป่ะวะ “จะบ้าเหรอ”

“ก็ดูพูดเข้า”

“กูนอนพักอยู่นี่ แต่กูรู้ว่าอนาคตข้างหน้าอาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น และมันก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงหวัง” ผมพูดอย่างจริงจัง “มึงต้องเข้มแข็ง มีอะไรก็มาหากูละกัน”

“สิ่งที่กูไม่เคยหวังก็คือมึงเจ็บนี่แหละ ไอ้สัด กูใจหายใจคว่ำมากนะ” สีหน้าของผมอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “เพื่อนแบบมึงกูหาไม่ได้อีกแล้ว”

เออ ใครมันจะไปยอมมึงเท่ากู ไอ้ฟาย

“กูได้พูดแล้ว กูโล่งแล้ว ขอนอนนะ”

“อืม อยากได้เหี้ยไรก็บอก”

“แล้วเรื่องให้ของอาสา...”

“กูยังไม่มีความคิดเรื่องนั้นเลยว่ะ กูต้องเห็นมึงดีขึ้นก่อน”

รู้สึกดีใจที่มีมันเป็นเพื่อนก็คราวนี้ แม้ว่าผมกับมันจะเพิ่งมารู้จักกันก็ตอนที่อยู่หอสามด้วยกันก็ตาม นานๆ ทีไอ้ไมล์มันจะทำให้ผมประทับใจ เพราะสิ่งที่มันถนัดคือการทำให้ผมปวดหัวมากกว่า






เช้าวันถัดมา ผมตื่นตอนที่หมอกับพยาบาลเข้ามาเช็กอาการของผม หมอบอกว่าผมแข็งแรงมาก ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเจ็บหนักมากกว่านี้ ให้พักอยู่ที่โรงพยาบาลสักหนึ่งอาทิตย์ อย่าขยับตัวให้มากเพราะได้ใส่เฝือกบริเวณซี่โครงที่หัก และก็ทานอาหารอ่อนๆ
ไอ้เชี่ยไมล์ยังไม่ตื่นเลย มันยังคงทำหน้าที่เฝ้าไข้ด้วยการนอนเฉยๆ ต่อไป เมื่อคืนผมค่อนข้างหลับสนิท จึงไม่รู้ว่าไมล์มันได้ทำอย่างอื่นนอกจากนอนหรือไม่ หลังจากที่คุยกันเรื่องให้ของอาสา เราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

ผมกำลังจะร้องเรียกเชี่ยไมล์ให้ตื่น แต่มีคนสองคนเดินเข้ามาในห้องซะก่อน สองคนนั้นคือคนที่ผมอยากจะหลบหน้ามากที่สุดในตอนนี้ แต่นี่คือผมอยู่บนเตียง แถมยังบาดเจ็บและถูกให้น้ำเกลือ ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้จริงๆ

สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแต่ทำใบหน้าไม่รับแขกก็เท่านั้น

“เต” อาสาก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผม “มึงเป็นไงบ้าง”

มันก็ยังเป็นคนที่ผมแคร์มากที่สุดคนเดิม มันเป็นเจ้าของใบหน้าโดดเด่นน่ารักแต่การกระทำกลับดูแมนๆ สวนทางกับใบหน้า ทั้งเสียงและบุคลิกภาพดูยังไงก็โคตรมีเสน่ห์ ผมไม่แปลกใจที่ผมกับไมล์จะหลงเสน่ห์นี้เข้าไปเต็มๆ หลังจากที่ได้ใกล้ชิดกับอาสา
แน่นอน ไอ้ทนายเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน

มันคงรู้ว่าผมรู้เรื่องของมันกับอาสาแล้ว เพราะมันเอาแต่ทำหน้านิ่งๆ ปล่อยให้อาสาเป็นคนพูดต่อไป

“ใครมาวะ” ไอ้เชี่ยไมล์ตื่นแล้ว มันตกใจที่เห็นทนายกับอาสายืนอยู่ในห้อง “อ้าว มาแต่เช้าเลยเหรอ”

“อยากมาดูมันอ่ะ สีหน้ามันยังดูไม่ดีเลย” อาสาเป็นคนตอบ

“เมื่อคืนกูตื่นมาดูมันทุกชั่วโมงเลยนะ” ไมล์เริ่มเป็นกังวล เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับมองอย่างสำรวจ ตอนนี้เพื่อนทั้งสามคนกำลังมองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ราวกับแต่ละคนเป็นหมอ ไม่ใช่นักศึกษา “มึงอาการแย่ลงเหรอวะเต”

ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ที่ผมทำหน้าแบบนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับร่างกายเลยสักนิด แต่เกี่ยวกับเพื่อนสองคนผู้มาใหม่นี้ ผมยังไม่อยากเจอพวกมัน ผมยังไม่พร้อม ยังทำใจไม่ได้ และที่สำคัญผมไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวกับพวกมันยังไงดี

ขอเวลาผมหน่อยเถอะ

“ตามหมอมั้ย” ทนายพูดอย่างเครียดๆ

“นั่นสิ กดปุ่มเลยนะ” ไอ้ไมล์จะเอื้อมมือไปกดจริงๆ

“สัด” ผมต้องร้องห้ามพวกมันเอาไว้ “อาสามึงช่วยพาเชี่ยไมล์ไปแดกข้าวเช้าหน่อย กูมีเรื่องจะคุยกับทนาย”

อาสามีสีหน้างงๆ นิดหน่อย มันมองสบตากับทนายราวกับต้องการถามเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทนายพยักหน้า จากนั้นอาสาก็เดินนำเชี่ยไมล์ออกไปจากห้อง

ทนายรอจนเสียงประตูปิด มันช่วยผมให้ลุกขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ พร้อมจะถกปัญหากับผมทุกประเด็น

ผมจ้องหน้ามัน มันจ้องหน้าผม ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดออกมาก่อน

“กูรู้เรื่องของมึงกับอาสาแล้ว”

ริมฝีปากของมันกระตุกนิดหน่อย แต่มันก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายฟังมากกว่า

“กูยินดีด้วยนะ”

ทนายขมวดคิ้ว “อยากด่าอะไรก็ด่ากูมาเถอะ”

“กูรู้ อยู่ใกล้อาสาใครจะไปอดใจไหว อีกอย่างมึงเองก็หล่อฉิบหายวายป่วง อาสาไม่ชอบมึงก็ให้มันรู้ไป” ผมพูดเหมือนพูดคุยกับเพื่อนธรรมดา ทนายมีสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังดูไม่ไว้วางใจกับสถานการณ์นี้อยู่ดี

มึงกลัวกูเอาเข็มน้ำเกลือจิ้มหน้ามึงหรือยังไง

“กูก็ไม่เคยคิดว่ามันจะลงเอยแบบนี้ว่ะ” ทนายเอ่ยตรงๆ “กูยอมรับว่ากูมองมันน่ารักตลอด แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะตกหลุมงูพิษน้อยอย่างมัน”

มันเรียกอาสาว่าอะไรนะ “งูพิษเหรอ”

“เออ เห็นใสๆ อย่างนั้นแม่งร้ายใช่ย่อยเลยนะนั่น”

ผมหลุดหัวเราะนิดหน่อย “โดนมาเยอะเหรอ”

“อย่าให้กูเล่าเลย มันเจ้าเล่ห์เหี้ยๆ” แม้ปากจะด่า แต่สีหน้ามันก็ดูมีความสุขดี นี่สินะคนมีแฟน “กูไม่ได้นึกภาพเอาไว้ว่ามึงจะยอมเรื่องกูกับอาสาง่ายๆ แบบนี้อ่ะ เกิดอะไรขึ้นวะ”

“กูไม่ได้ยอม แต่กูก็ไม่ได้คิดจะขวาง”

“มึงต้องมีเหตุผลดิ”

“เพราะมึงกับอาสาเป็นเพื่อนกูไง จะให้กูทำไงล่ะ”

ทนายดูอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดของผม “เหรอวะ”

“...”

“กูขอโทษนะ”

“ถ้าอาสาชอบกู กูก็พร้อมจะเห็นแก่ตัวเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ชอบกูเลยนี่ไง”

“นี่กูรู้สึกผิดกับมึงจริงๆ นะ ทั้งๆ ที่กูรู้ความรู้สึกของมึงแท้ๆ แต่กูก็ดันไป...ชอบคนเดียวกันกับมึง”

“สัด นี่มึงกำลังพูดถึงนางฟ้าอยู่นะ”

“นั่นสิเนอะ”

“เรื่องมึงกับอาสา คนที่มึงควรคิดให้หนักๆ ไม่ใช่กู แต่เป็นสัดไมล์” ผมพูดจากใจ “อย่างน้อยก็อย่าให้มันช็อกมากจนเกินไป กูขอล่ะ กูขี้เกียจปลอบมัน”

ทนายกลับมาทำสีหน้ากังวลอีกครั้ง “กูรู้สึกว่ากูเหี้ยมากเลย”

“ความรักแม่งก็ทำให้คนเราเหี้ยได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”

“ขอบคุณมึงจริงๆ นะที่เข้าใจ”

“ดูแลอาสาให้ดีก็แล้วกัน” ผมพูด “กูรู้ว่ามึงเป็นคนจริงจัง กูดูมึงออกตั้งแต่วันที่มึงแสดงอาการหวงอาสาแล้ว มึงไม่เหมือนคนอื่น”

“กูก็แค่...”

“ความรู้สึกมึงเริ่มตอนนั้นเหรอวะ”

“ไม่รู้ว่ะ แค่เป็นห่วงมันมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย”

“เฮ้อ” ผมจะถามให้ตัวเองปวดใจทำไม “ตอนนี้กูอาจจะสู้หน้าอาสาไม่ค่อยได้ ยิ่งตอนที่อาสาอยู่กับมึง กูยิ่งสู้หน้าไม่ได้ใหญ่เลย หวังว่าจะเข้าใจกูนะ”

“...”

“กูอยากทำใจเงียบๆ ว่ะ”

“กูขอโทษ” ทนายพูดคำนี้อีกครั้ง

“ถ้ามึงรักและดูแลอาสาจนมันลืมความนกของมันไปตลอดกาล กูจะไม่โกรธมึงเลยสักนิด” ผมชูกำปั้นขึ้นมา ทนายยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะยกกำปั้นตัวเองขึ้นมาชนกับผม

“อาสาเป็นห่วงมึงนะ”

“มันก็ห่วงเพื่อนทุกคนนั่นแหละ” ผมพูดอย่างขมขื่น

“มันเป็นห่วงมึงเรื่องกูกับมัน กลัวมึงคิดมาก”

“อืม”

“...”

“ปล่อยให้กูทำใจไปเถอะ เดี๋ยวกูก็ต้องมาดูแลสัดไมล์อีก อีกไม่นานมันก็คงรู้แล้วนี่”

ทนายถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ แม้ว่ามันจะสมหวังในความรัก แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าตลอดเวลาที่มันอยู่กับอาสา มันคงคิดหนักเรื่องผมกับไมล์ตลอดเวลา ทนายไม่ใช่คนไม่ห่วงความรู้สึกคนอื่น ไม่ใช่คนคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ เรื่องของอาสามันคงไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว

ที่สำคัญมันคงรักอาสามากพอจนถึงกับต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งตั้งแต่ที่ผมสัมผัสไอ้เชี่ยทนายมา มันไม่ใช่คนที่จะยอมกลืนน้ำลายตัวเองง่ายๆ เพราะงั้นมันคงให้ความรู้สึกกับอาสาไปมากจริงๆ

ผมเข้าใจมันเป็นอย่างดี เข้าใจอย่างที่สุด คนอย่างอาสาเกิดมาเพื่อให้คนอื่นรุมรัก แม้ว่าตัวมันเองจะคิดว่าตัวเองนกแล้วนกอีกก็ตาม

“กูไม่อยากจะคิดภาพนั้นเลย” ทนายบอกความรู้สึกที่อยู่ลึกเข้าไปในใจให้ผมฟัง “กูกับอาสาเห็นใจเชี่ยไมล์มากนะ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้มันออกมาดูแย่น้อยที่สุดดี”

“เข้มแข็งไว้ มึงต้องแข็งแกร่งเพื่ออาสา”

“...”

“เพราะถ้าไมล์มันรู้ คงไม่ได้มีแค่ไมล์ที่สะเทือนใจว่ะ”

“ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ” ทนายหัวเราะเบาๆ “กูอยู่กับอาสา มึงอยู่กับเชี่ยไมล์”

“มึงควรขอบใจกูนะ ที่กูปล่อยให้มึงอยู่กับอาสาอ่ะ ไม่งั้นมึงคงไม่ได้แฟนหรอก”

“กูขอบใจมาก อยากแดกไรล่ะ”

“เบียร์สิงห์”

“สัด มึงเจ็บอยู่”

“ก็หลังจากหายแล้วนี่ไง”

“เออ กูจะจำไว้”

“...”

“ขอบใจมากนะเว้ย”

“กูรู้แล้ว ไอ้สัด เดี๋ยวก็ขอบคุณ เดี๋ยวก็ขอโทษอยู่นั่น”

“ก็กูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”

“พาอาสาออกไปไกลๆ กูได้แล้วไป ถ้ารู้สึกขอบคุณกูจริงๆ ปล่อยให้กูอยู่กับไอ้เชี่ยไมล์เถอะ”

“กูสองคนเป็นห่วงมึงมากนะ”

“รู้แล้ว”

“...”

“ไว้เจอกันนะเพื่อน”






ไมล์กลับมาอีกทีตอนสายๆ

ทนายกับอาสากลับไปแล้ว ผมคิดในใจว่าทนายคงจะนำเรื่องที่ผมพูดกับมันไปเล่าให้อาสาฟัง ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ อยากละลายกลายเป็นน้ำแล้วไหลไปสู่คลองแสนแสบที่กรุงเทพฯ ตอนคุยกับทนายทุกอย่างดูดี เหมือนผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากมาย แต่ไม่เลยครับ ผมเจ็บปวด ผมอยากดึงหัวใจของตัวเองออกมาแล้วก็หาพลาสเตอร์ยามาติด อยากแสดงออกให้โลกรู้ว่าผมอกหัก แต่ผมก็ทำอย่างนั้นไม่ได้

เพราะผมมีไอ้เชี่ยไมล์อยู่ด้วย

มันอาบน้ำเสร็จก็มานั่งส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่ข้างๆ ผม

“อาสาเลี้ยงข้าวกูด้วยแหละ” มันยักคิ้วทักทายผมราวกับต้องการแข่งขัน ผมแค่นหัวเราะตอบมันกลับไป “เป็นไรวะ เถียงกูกลับมาสิ”

“ไม่มีแรง” ผมพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็หลับตา

“มึงไม่ได้ดีขึ้นเลยใช่มั้ยเนี่ย”

“กูดีขึ้น”

“แต่สีหน้ามึง...”

“มึงกลับไปช่วยงานพี่อ้ายไป ใกล้จะแข่งโดเนทแล้ว พี่อ้ายคงต้องการคน”

“ทนายกับอาสาจะไปช่วยวันนี้ กูฝากพวกมันไปบอกพี่อ้ายแล้ว”

“เดี๋ยวพ่อแม่กูจะมา” ผมโกหก ใครจะไปกล้าบอกว่าลูกชายเมาแล้วขับ จากนั้นก็ถูกพวกที่เคยพูดจาหมาๆ ใส่ตอนเมามารุมกระทืบ พ่อแม่คงจะภูมิใจตายห่า

“เหรอวะ” จุดอ่อนของไอ้เชี่ยไมล์คืออาสาและก็พวกผู้ใหญ่ครับ มันเข้าหาผู้ใหญ่ไม่ค่อยเป็น “งั้นกูกลับมอนะ” เห็นมั้ย ได้ผลชะงัดนัก “มึงจะเอาอะไรป่ะวะ”

“กูมีครบแล้ว ไม่เป็นไร”

“มีไรโทรหานะเว้ย”

“รู้แล้ว”

“ดีเลย กูจะไปดูของที่สั่งพอดี ของที่กูจะให้อาสาอ่ะ” มันยักคิ้วท้าทายผมอีกรอบ แต่ผมไม่เล่นด้วย

“...”

“สัดเต ที่มึงดูไม่มีความสุขเพราะว่ากูกำลังจะไปขออาสาคบใช่มั้ยวะ”

“...”

“ใช่แน่ๆ แต่ไหนมึงบอกว่ามึงถอยให้กูแล้วไง”

ผมเคยพูดอย่างนั้นจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากทราบความจริงเรื่องทนายกับอาสาผมก็ลั่นวาจาบอกกับไอ้ไมล์ว่าเรื่องอาสา ผมขอยอมแพ้ มันก็เลยคิดว่าผมไฟเขียวให้มันทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ ซึ่งมันจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด

“กลับไปได้แล้วไป” ผมยังไม่มีอารมณ์อยากคิดอะไรซับซ้อนทั้งนั้นในตอนนี้

ไมล์มองดูผมอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่มันก็ยอมกลับมหา’ลัยแต่โดยดี ผมนอนเซ็งๆ อยู่ในห้องต่อไป พยายามทำให้ความเจ็บปวดในหัวใจมันน้อยลง

ไม่นานนักผมก็รู้สึกเหงาเป็นบ้า

หรือว่าห้องนี้ควรจะมีสัดไมล์อยู่ในห้องด้วย








ตอนบ่ายผมนอนดูทีวีเซ็งๆ อยู่คนเดียว จู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นเฉย เมื่อเช้าผมคุยกับพ่อแม่แล้ว บอกพวกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉะนั้นคนที่โทรมาสายนี้ต้องไม่ใช่คนในครอบครัวของผม เป็นเพื่อนผมคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ทนาย

มันโทรมาทำไมวะ ผมกดรับสายด้วยความงุนงง

“ฮัลโหล”

[เอามันกลับไป]

“หา”

[เอาไอ้เชี่ยไมล์กลับไป]

เสียงปลายสายดูแข็งมาก ฟังก็รู้ว่ามันสุดทนแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น”

[กูทนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้แล้วนะ และอาสาก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว เชี่ยไมล์แม่งรุกหนัก ข้ามหน้าข้ามตากูไปหมดแล้วตอนนี้]

ผมกลืนน้ำลาย เข้าใจไอ้เชี่ยทนายเป็นอย่างดี ใจหนึ่งมันคงอยากบอกความจริง แต่ใจหนึ่งก็คงอยากจะรอให้ผมดีขึ้นกว่านี้ก่อน ดราม่าสำหรับไอ้ไมล์ควรมีทีละเรื่อง ไม่ใช่ปาใส่หน้ามันตู้มเดียว คนโลกสวยอย่างมันไม่ควรมาเจอดราม่าหนักๆ ในเวลาเดียวกันครับ

[กูขอโทษที่โทรมารบกวนมึง แต่กูไม่ไหวแล้วจริงๆ ว่ะ]

“กูเข้าใจ”

[...]

“ทนมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

[สำหรับเรื่องไอ้ไมล์ก็พักใหญ่ๆ แล้ว]

“อาสาสนิทกับมันมากนี่”

[ช่วงก่อนสอบ อย่าให้กูพูด]

“เฮ้อ”

[...]

“เดี๋ยวกูจัดการเอง”

[กูจะเลี้ยงเบียร์สิงห์มึงสักสิบลัง]

“กูอัดเสียงไว้แล้วนะเว้ย”

ทนายวางสายไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ผมคิดไม่ใช่เรื่องความเจ็บปวดที่ปล่อยอาสาไป แต่เป็นความคิดเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้ไมล์เจ็บปวดน้อยที่สุดดี ไม่ช้าก็เร็วยังไงไอ้ไมล์ก็ต้องรู้ และยิ่งทนายโทรมาหาผมทั้งๆ ที่มันเกรงอกเกรงใจผมจะตายห่าก่อนหน้านี้ แสดงว่าช่วงระหว่างเตรียมงานคงมีโมเมนต์ของไมล์กับอาสาซึ่งมันอดรนทนไม่ไหว

ยังไงเรื่องช่วยเพื่อนก็ต้องมาก่อนเรื่องหัวใจใช่มั้ย

กูทำเพื่อความรักของมึงเลยนะเนี่ยอาสา

ผมกดโทรออกหาไอ้ไมล์ พยายามกระแอมเสียงให้แหบที่สุดในสามโลก

[เต ว่าไงวะ]

“กูไข้ขึ้น”

[หา!]

“ไม่มีแรงเลย มาอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย”

[ได้ เดี๋ยวกูรีบไป]

เอาเป็นว่าช่วงนี้ยังไงผมก็ต้องใช้เรื่องเจ็บตัวของผมเป็นข้ออ้าง เพราะได้ผลกับไอ้เชี่ยไมล์มากที่สุดแล้ว เชื่อมั้ยครับว่าไอ้ไมล์มันบึ่งรถมาหาผมไวมาก ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีมันก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องของผมแล้ว แสดงว่าแม่งเหยียบคันเร่งมาจนสุดจริงๆ
แกล้งทำหน้าซีดไม่ทันเลยกู

“ไหน” ไอ้ไมล์พุ่งเข้ามาจับหน้าผากผม “เชี่ย ตัวร้อนอยู่นะ บอกหมอยัง”

อ้าว ตัวผมร้อนเหรอ โชคดีไป

“บอกไปแล้ว หมอจัดยามาให้แล้วด้วย” ผมแถ

“สาด ทำไมปล่อยให้ตัวเองไข้ขึ้นวะ”

“สงสัยเครียดมั้ง”

“แล้วนี่พ่อแม่อยู่ไหน”

“กลับไปแล้ว” ทำไมผมกลายเป็นคนโกหกเก่งแบบนี้วะ

“มึงไม่ควรอยู่คนเดียวนะ” ไอ้ไมล์ดูเครียดมาก “ไหนหมอบอกมึงแข็งแรงไง นี่มึงอ่อนแอชัดๆ อยู่ดีๆ ก็ไข้ขึ้น”

ทำไมรู้สึกเหมือนถูกมันสบประมาทวะ

“กูแข็งแรง” ผมกัดฟัน

“มึงอ่อนแอ”

“สัด”

“นอนได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆ” มันเดินมาห่มผ้าห่มให้ผม ผมจ้องหน้ามันด้วยสายตาสำรวจ “มองอะไร”

“มึงจะอยู่กับกูตลอดใช่ป่ะ”

“แหงดิ”

“กูลืมตาขึ้นมากูต้องเห็นมึงนะ”

“เออ ไอ้สัด นอนไปเถอะ”

“อย่าไปไหนนะเว้ย”

“เอออออออ”

ผมพลิกตัวนอนหลังจากที่ได้รับคำยืนยันจากมัน ที่ผมทำสิ่งนี้ก็เพื่อไอ้ทนายกับอาสา และก็เพื่อตัวไอ้ไมล์เองด้วย ยิ่งไมล์มันถลำลึก มันก็จะยิ่งเจ็บปวด เพราะงั้นมันต้องอยู่ห่างๆ เพื่อนอีกสองคนนั่นแหละถูกแล้ว

แปลกแต่จริงที่ความเหงาของผมมันลดลงไปหลังจากที่ไมล์กลับมาอยู่ในห้องพักแห่งนี้







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-08-2017 21:09:21
 :m25: :m25: :m25: เบาหวานกำเริบ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 13-08-2017 22:45:45
 :pig4: :pig4: :pig4: เย้ เย้ ดีใจอ่ะ  มาทีเดียว 2 ตอนเลย  ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 13-08-2017 23:14:16
เย้ เย้ อีกรอบ  5555 เพิ่งจะเม้นไปว่ามาทีเดียว 2 ตอน  เม้นเสร็จ โผล่มาอีก 2 อิ อิ  อย่างนี้จะไม่ให้รักคนเขียนยังไงไหว   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ttke72 ที่ 13-08-2017 23:33:35
ว้าวว เตไมล์ก็มาาา เชียร์คู่นี้
 :hao7:  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-08-2017 02:08:19
 :hao7: o13 :hao7:



 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 14-08-2017 04:54:22
ทนายอาสา
เตไมล์
โอเคครบจบปิ๊ง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 14-08-2017 07:16:39
ทนาย-อาสา
เต-ไมค์
พี่สงคราม-พี่อ้าย ได้มั้ยคู่นี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2017 07:31:01
เต รู้เรื่อง ทนาย อาสาแล้ว
แต่เต ไม่โวยวาย อยู่นิ่งๆ ทำใจได้ แม้จะปวดรวดร้าว
เพราะความรักที่ตรงกันของทนาย อาสา

ทั้งเต ทนาย อาสา ห่วงความรู้สึกของไมล์
ความเป็นเพื่อนรักของทั้งสี่คนสูงมาก
เชียร์ เต ไมล์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่สงคราม พี่อ้าย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทนาย อาสา :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-08-2017 07:46:03
แล้วทำไมอาสาไม่ปฏิเสธอ่าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-08-2017 08:45:47
คู่นี้เขาเหมาะกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 14-08-2017 12:03:52
เตไมล์ก็ดีน่าาาา
คนอกหักมารักกัน ฟินไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-08-2017 13:09:59
เตคู่กับไมค์ดีแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 14-08-2017 13:32:01
เตไมค์เด้อจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: wichta ที่ 14-08-2017 13:33:58
ดีใจมาอย่างจุใจแต่ก็อ่านจบรวดเดียวและรวดเร็ว ยิ้มไป ฟินไป ขำไป หน่วงไป ลุ้นไป มโนไป และสุดท้ายก็รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 14-08-2017 15:56:54
ลุ้นคู่เตไมล์ เอาคุ่นี้อีกคู่น้าาาา  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 14-08-2017 16:48:05
เตไมล์ช่วยกันปลอบใจกันและกันไปนะจ๊ะ ส่วนอาสาทนายจะดูแลเอง หิ้ววววว
ปล. พี่สงครามและพี่อ้ายเป็นของนุ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-08-2017 18:47:35
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-08-2017 01:34:49
อื้อหืออออ เตไมล์แน่ๆเลยอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-08-2017 14:24:22
โอ๊ยไม่เชียร์ไอ้คู่นู้นแล้ว เหม็นความรัก


555555 น่ามั่นไส้จริงๆ อิจฉาเว้ยยยยย



ลุ้นคู่นี้ดีกว่า ตลกดี พึ่งเห็นไมล์น่ารักก็ตอนห่วงเพื่อนนี่แหละ รู้สึกมุ้งมิ้งขึ้น 10 ระดับ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-08-2017 23:15:24





ตอนที่ 21



เมื่อวานอาสาทำผมปวดหัวแทบบ้า

จุดเด่นของมันคือน่ารักสะดุดตา แต่จุดด้อยของมันก็คือใจดีครับ ถ้าหากถามผมว่าทำไมความใจดีของมันถึงเป็นจุดด้อยน่ะเหรอ ก็เพราะมันใจดีกับคนอื่นไปทั่วถึงขั้นทำให้แฟนมันหึงจนเลือดขึ้นหน้าน่ะสิ!

ที่สำคัญไปกว่านั้นคนที่มันใจดีด้วยมากที่สุดก็คือไอ้ไมล์ ตอนช่วยกันจัดเต็นท์งานแข่งโดเนทของหอสาม อาสาใช้เวลาอยู่กับผมห้าเปอร์เซ็นต์ อยู่กับคนอื่นอีกห้าเปอร์เซ็นต์ และอยู่กับไอ้ไมล์ทั้งสิ้นเก้าสิบเปอร์เซ็นต์!!!

กูเข้าใจแล้วว่าทำไมสัดไมล์มันถึงคิดไปเอง กูเข้าใจแล้ววววววววววววว

ผมมองเจ้าตัวดีที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบโดยไม่รู้ตัวว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามันจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเคลียร์กับผม แม้ว่าวันนี้จะมีงานแข่งโดเนทและก็งานโอเพนเฮ้าส์ของมหา’ลัยเราก็ตาม

“อาสา ตื่น” ผมส่งเสียงก่อน อาสาไม่ขยับตัวเลยสักนิด เมื่อวานมันกับผมถูกใช้งานอย่างกับกรรมกรครับ สภาพของอาสาก็เลยเป็นอย่างที่เห็น “ตื่นโว้ย!”

“อืออออ” มันตอบผมกลับมาแค่เสียงสะลึมสะลือ

“เดี๋ยวก็ถึงเวลานัดของพี่อ้ายแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” และมันก็ต้องมาเคลียร์กับผมก่อนด้วย เมื่อคืนเหนื่อยกันมากจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งพูดคุยกันก่อนนอน

“...”

“ไม่ตื่นกูจูบนะ” ผมทิ้งตัวลงไปนั่ง อาสาขยับหัวของมันมาซบตักผม พร้อมกับยื่นมือสองข้างมาโน้มคอผมลงไป

“มาเลยยยยย”

ผมขยับศีรษะออกจากมือของมัน แม้ว่าใจจะหวิวไปหลายสิบระดับกับคำเชิญชวนนี้ ถ้าเป็นเรื่องจูบ อาสาไม่เคยปฏิเสธเลยครับ มันบอกว่ามันเสพติดการจูบผมไปแล้ว

ถึงจะเป็นอย่างนั้น...ยังไงตอนนี้มึงก็ต้องตื่นมาเคลียร์กับกูก่อนนนน

มันยังคงส่งเสียงสะลึมสะลือและก็ใช้ตักผมเป็นหมอนอันแสนล้ำค่า

“อาสา ก่อนไปงานเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”

“...”

“เมื่อวานกูงอนมึงนะโว้ย”

อาสาลืมตาแทบจะในทันที มันหันมามองผมด้วยดวงตาที่ยังตื่นไม่เต็มที่ของมัน ที่จริงผมไม่ได้งอน ผมพูดแบบนั้นเพียงเพราะต้องการคุยด้วยเท่านั้นเอง

“ทำไม” มันลุกขึ้นนั่ง ผมของมันยุ่งเหยิงไปหมด อยากถ่ายรูปตอนนี้แล้วส่งไปหาแฟนคลับทั้งหลายของมันจริงๆ “งอนกูเรื่องอะไร”

“เมื่อวานมึงทำตัวเหมือนไม่เห็นหัวกูเลย”

อาสาอ้าปากค้าง ใบหน้าของมันดูตกใจมาก “จริงเหรอ”

“มึงตัวติดอยู่แต่กับไอ้ไมล์”

“ไม่จริงเลย”

“อาสา ปกติกูเป็นคนมีความอดทนและไม่คิดมากนะ แต่เมื่อวานมึงทำเกินไปจริงๆ”

มันช็อกแดก คงไม่คิดว่าผมจะตัดพ้อต่อว่ามันขนาดนี้มั้ง อาจเป็นเพราะตอนนี้สถานการณ์ระหว่างไมล์กับอาสาค่อนข้างสุ่มเสี่ยง แถมไมล์ยังวางแผนที่จะขออาสาคบอีก จะไม่ให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจได้ยังไง ผมต้องทำใจแทบตายก่อนโทรไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่นอนอยู่โรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากจะรบกวนอีกฝ่าย

ถ้าผมไม่สุดทนจริงๆ คงไม่ทำแบบนั้นหรอก

“ทนาย” มันพึมพำน้ำเสียงอ่อน

“กูต้องโทรไปหาไอ้เตเพื่อให้ไอ้เตเรียกตัวไมล์กลับไป เพราะมึงมัวแต่อยู่กับไอ้ไมล์ มึงกำลังทำร้ายทั้งมันทั้งกูอยู่มึงรู้ป่ะ”

“ความคิดกูก็แค่อยากอยู่เป็นเพื่อนไมล์เท่านั้นเอง ปกติมันก็อยู่แต่กับเชี่ยเต...”

“แต่มันไม่คิดแบบนั้นไง”

อาสายอมอ่อนให้ผมชนิดที่ว่าไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่เคยเห็นสีหน้ามันเป็นกังวลขนาดนี้ นี่มันระดับเดียวกันกับตอนที่รอฟังอาการเจ็บของไอ้เตเลยนะ ดีไม่ดีอาจจะมากกว่านิดหนึ่งด้วยซ้ำ

มันห่วงความรู้สึกของผมมาก แค่ได้เห็นหน้าแบบนั้นผมก็หายคิดมากแล้ว เพียงแต่ผมต้องทำให้ไอ้คนอัธยาศัยดีไปทั่วคนนี้มันได้หลาบได้จำซะบ้าง เพราะผมหึงทีละหลายๆ เรื่องไม่ได้ครับ แค่เรื่องที่มันฮอตในหมู่เพศผู้ผมก็ปวดหัวจะแย่ นี่ต้องมาหึงเรื่องที่มันใจดีกับคนอื่นไปทั่วอีก ฆ่าผมให้ตายดีกว่า

“มึงรู้บ้างมั้ยว่ากูหายออกไปจากเต็นท์ตั้งเป็นชั่วโมง”

“...”

“ตอนนั้นมึงอยู่แต่กับสัดไมล์ไง”

“...”

“กูหายไปช่วยพวกหอหกยกเครื่องดนตรี มึงก็ยังไม่รู้ เพราะมึงอยู่แต่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กู”

นัยน์ตาของอาสากำลังสั่นระริก ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไป

“กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

ผมแค่อยากให้มันจำว่าอย่าทำแบบนี้บ่อยๆ เพราะผมคงทนไม่ได้แน่ๆ แม้เราสองคนจะยังไม่ได้เปิดตัวกับคนอื่น อย่างน้อยมันก็ควรเกรงใจผมบ้าง

ใครๆ ก็รู้ว่าผมทั้งหวงทั้งห่วงมันขนาดไหน เรื่องแบบนี้มันต้องช่วยกันสิ ผมขี้หึง มันก็ไม่ควรทำให้ผมหึง อย่างน้อยก็อย่าไปยิ้มกับคนที่ชอบมันต่อหน้าผม ผมทนไม่ไหว

“แค่อย่าทำอีกก็พอ”

อาสาพุ่งตัวมาสวมกอดผมในแบบที่ผมตั้งรับไม่ทัน ทำให้เราทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง ขาขาวๆ ที่โผล่พ้นกางเกงนอนของมันทำเอาผมสติขาดกระเจิง ลำตัวนุ่มๆ ของมันอิงแอบแนบชิดไปกับตัวของผมที่กำลังนั่งอยู่ มันเบียดผมมากเพราะมันกอดผมแน่น มันคงรู้สึกผิดมากจริงๆ

“ขอโทษ”

“...”

“กูขอโทษนะทนาย อย่าโกรธกูเลย”

จริงๆ หายโกรธตั้งนานแล้วล่ะ เพียงแต่แอ็กติ้งเล่นใหญ่ไปเท่านั้นเอง ผมแกล้งปั้นสีหน้าถมึงทึงใส่มัน มันขยับตัวมามองหน้าผมโดยที่มือยังโอบรอบคอผมอยู่

จากนั้นมันก็ลุกหนีไป

อะไรวะ อย่างน้อยมันก็ควรจะจูบ หอม หรืออ้อนอะไรผมสักหน่อยสิ มันต้องทำตัวตามสไตล์ของงูพิษ ไม่ใช่ตัดอารมณ์ฉับทิ้งกันไปแบบนี้

ผมทำหน้าเซ็งอยู่ตอนที่มันกลับมากอดคอผมอีกรอบ มันปาดน้ำซึ่งติดอยู่บนปากของมันนิดหน่อย

“อะไรของมึง” ขอพื้นที่ในการนั่งทำหน้างง

“ไปแปรงฟันมา”

“...”

“มึงจะจูบกับกูตอนเพิ่งตื่นนอนไม่ได้ กูไม่ยอม”

“ไอ้เหี้ย กูไม่ได้...” ผมจะบอกว่าผมไม่ได้รังเกียจ แต่อาสาก็ยึดริมฝีปากผมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่แหละครับงูพิษสไตล์ ชอบทำให้คิดมาก ชอบทำให้งอน แต่สุดท้ายก็มักจะมีวิธีทำให้ผมใจระทวยได้เสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน มันจูบแบบคุกเข่าบนเตียง กลายเป็นว่าใบหน้าผมต้องเงยสูง ขณะที่มันก้มหน้าลงมาต่ำ แขนทั้งสองของผมสามารถกอดเอวของมันได้แน่นตามที่ใจปรารถนา

มันไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างชุ่มฉ่ำด้วยลิ้นซึ่งสุดแสนจะเร่าร้อนของมันแบบนี้ ไม่ควรเลยจริงๆ เพราะผมจะปรารถนาให้มันมีตอนต่อไป ไม่ใช่จบลงที่จูบและก็นอนเบียดแนบกายกันเหมือนทุกครั้ง

เช้านี้เหมาะจะเป็นครั้งแรกของผมกับอาสามั้ยนะ

“ใช้จูบชดเชยความผิดเหรอ” ผมกระซิบเสียงกระเส่า ตอนที่อาสาพักหายใจและเอาหน้าผากมันมาชิดติดกับหน้าผากผม

“ได้ผลป่ะวะ”

“ยังว่ะ”

มันยิ้มก่อนจะจู่โจมจูบผมอีกรอบ

ไอ้สัด ตัวมึงตอนตื่นนอนก็เซ็กซี่โคตรๆ อยู่แล้ว ยังจะมาอ่อยกูแบบนี้อีก

ผมชักทนไม่ไหว จับตัวมันให้ลงไปนอนตรงกลางเตียง กลายเป็นผมที่ขึ้นคร่อมมันและก็ก้มหน้าลงไปเป็นผู้นำในการจูบแทน อาสาเองก็ว่าง่าย ไม่อิดออดขัดขืนอะไรสักคำ อีกทั้งยังประคองศีรษะของผมไม่ให้ผมจากไปไหนง่ายๆ อีกต่างหาก

งูพิษน้อยเสพติดการจูบ โดยเฉพาะจูบที่มาจากผม...ผมรู้สึกภูมิใจที่สามารถครอบครองริมฝีปากบางๆ เล็กๆ นั่นได้ตามอำเภอใจและนานเท่าไหร่ก็ได้ ในเมื่อเจ้าตัวชอบและก็ชื่นชอบการจูบกับผมยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

แต่มันไม่ได้น่ะสิ ความสุขที่แท้จริงมันไม่ได้มีแค่การจูบนะ ผมจำเป็นต้องสอนเขา ไม่ก็ทำให้เขาเห็น เราสองคนจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น และไม่แน่อาสาอาจจะชอบอย่างอื่นมากกว่าจูบก็ได้

ผมอยากรู้จังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นมั้ย

“อืมมม” มันเคลิ้มกับจูบของผมจนหลับตาพริ้ม

“กูซื้อถุงยางมาแล้วนะรู้เปล่า”

อาสาลืมตามองผมด้วยสายตาที่ทำให้อกผมแทบระเบิด

“และตอนนี้ถุงยางในลิ้นชักมันก็สั่นไปหมดแล้ว ทำไงดี”

อาสาหน้าแดงก่ำ ผมเลียริมฝีปากขณะรอฟังว่าอีกฝ่ายจะให้คำตอบว่ายังไง ริมฝีปากของผมคลอเคลียตามดวงหน้าขาวๆ ของมันไปเรื่อยๆ ด้วยใจปรารถนา

“ซื้อมาแล้วเหรอ” มันถามย้ำ

“ใช่ ดูมั้ย” ผมทำท่าจะขยับไปหยิบให้มันดู แต่อาสาจับแขนผมเพื่อห้าม

สัญญาณแดกแห้วของผมมาแล้ว

“กู...” มันไม่กล้าสบตาผม อีกทั้งยังเอามือมาบีบเสื้อยืดของผมจนยับ “กลัวว่ะ”

“ทำไม”

“กูไม่เคย”

หลังจากที่ได้ยิน ผมคิดว่าใจของผมระเบิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ ผมหลุบสายตาลงต่ำสำรวจไปทั่วร่างของอาสาอย่างรวดเร็วด้วยความไวแสง

“อะไร”

“ทั้งหมดนี่...จะกลายเป็นของกูเหรอ”

อาสาหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก

“ของกูคนเดียวเหรอ”

“ไอ้เหี้ย” อาสาเอียงหน้าไปทางอื่น คล้ายๆ กับเขินอายเกินกว่าจะสบตาผม

“มึงไม่เคยกับผู้หญิงเหรอวะ”

มันส่ายหน้า “กูเป็นนกนะสัด”

“ดีแล้วที่นก” ผมกอดมันอย่างหวงแหน “กูดีใจที่จะได้เป็นคนแรกของมึง ดีใจมากกกก”

“กูยังไม่ยอมมึงเลย”

ผมยิ้มกริ่มก่อนจะจูบแก้มมันอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ “เดี๋ยวก็ยอม”

ผมกับมันจูบกันอย่างดูดดื่มอีกรอบ คราวนี้มือของผมเริ่มอยู่ไม่สุข ผมลูบไปทั่วร่างกายของอาสา ยิ่งได้สัมผัสความนวลเนียนผมก็ยิ่งรู้สึกปรารถนาอยากจะครอบครอง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี

เช้านี้เลยมั้ย หรือยังไง

ถุงยางในลิ้นชักมันสั่นไปหมดแล้วจริงๆ นะ

“ทนาย” อาสาพึมพำชื่อผม มันดันตัวผมให้ออกห่าง “เอาจริงเหรอวะ”

“อืม” เอาสิ ขอตอนนี้เลยด้วย ผมยอมรับว่าผมหื่นแล้ว

“ให้กูไปอาบน้ำก่อนมั้ย”

มันยอมผม มันยอมผมมมมมมมมมมมมม มันยอมผมครับทุกคน!

“ไม่ต้องอาบ” แค่นี้ก็หอมชื่นใจแล้วเหอะ

“แต่วันนี้มีงาน...”

“แป๊บเดียว”

“...”

“ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”

“แต่...”

เสียงของอาสาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู ผมรู้สึกเกลียดเสียงเคาะประตูทุกครั้ง เพราะมันมักดังขัดเวลาที่ผมกับอาสากำลังสวีตกัน

“ทนาย อาสา อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันข้างล่างนะเว้ย” คนพูดก็คือพี่อ้าย พี่มันร้องตะโกน จากนั้นก็เดินหนีไป

ผมทำหน้าเซ็งที่สุดในโลก อาสาหัวเราะนิดหน่อย

“กูรอด”

“ไม่” ผมยืนกราน

“ทนาย” มันส่งเสียงอ้อน

“...”

“ครั้งแรกกูขอนานๆ”

ผมชะงักกึก

“ครั้งนี้มันเร่งด่วนเกินไป มันไม่น่าจดจำ”

ผมให้ความปรารถนาของตัวเองมาครอบงำเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย ผมยอมแพ้ในที่สุด เข้าอกเข้าใจอย่างแรงว่าทำไมอาสาถึงได้พูดแบบนี้

“ขอโทษ” ผมจุมพิตขมับของมัน “แต่ขอแหย่นิ้วจองได้ป่ะวะ”

“เฮ้ยยย”

“ไม่เจ็บหรอก”

“มัน...สกปรกป่ะวะ”

“ไม่”

“มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ”

“ไม่ใช่ แค่อยากจองเอาไว้”

“...” อาสาทำสีหน้าไม่ถูก ทั้งเขินทั้งไม่แน่ใจปะปนกันไป

“อีกอย่างมึงจะได้รู้ว่ากูรอให้มึงมาเป็นของกูอยู่”

“...”

“และกูก็รอจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

ผมโน้มตัวไปประทับริมฝีปากบนริมฝีปากบางของอาสาอีกรอบ ดูเหมือนมันคล้อยตามและสั่นไปหมดเพราะคำพูดของผม คำพูดที่แฝงไปด้วยความปรารถนาและก็ความจริงใจ

ผมต้องช่วยอาสาให้ลืมสัมผัสแปลกใหม่ด้วยการแลกลิ้นไม่มีหยุดยั้ง คนรักของผมหลับตาปี๋แถมยังตัวสั่น ระหว่างที่ผมมอบการตีตราจองให้มันอย่างเชื่องช้าและค่อยเป็นค่อยไป

มันไม่รู้ว่าผมตื่นเต้น มันไม่รู้ว่าผมต้องฝืนอดทนอดกลั้นแค่ไหนเพื่ออยากให้เรื่องราวในเช้าวันนี้มีตอนต่อไป

ตอนที่แยกจากกัน ผมมองอาสาซึ่งกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเสียดาย ก้มลงมองน้องชายตัวเองที่พร้อมใช้งานแต่ก็ไม่ได้ใช้
อย่างน้อยมึงก็ควรมารับผิดชอบนะ

อาสามองเห็นผมมองน้องชายตัวเองพอดี มันยิ้มกว้างก่อนจะกวักมือเรียกผมเข้าไปข้างใน

“เดี๋ยวช่วย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ผมรีบเข้าไปหามันอย่างกระตือรือร้นเหมือนหมาดีใจที่ได้ของกิน อาสาหัวเราะกับท่าทางของผม ก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองเพื่ออาบน้ำ

“เอ่อ...”

“อาบด้วยกัน”

“กูอาบแล้วนะ”

“อาบอีกรอบสิ”

ผมทำตามที่มันพูดทันทีด้วยการถอดเสื้อผ้าออก

ตอนนี้มึงชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้แล้วล่ะตอนนี้ สั่งกูมาเลย อยากได้อะไรขอแค่ให้บอก ถ้ามึงช่วยกูปลดปล่อยความอัดอั้นของกูได้ จะเอาบ้านหรือเอารถกูก็ให้หมด

ผมมองความขาวของอาสาอย่างเพ้อๆ มันจับใบหน้าของผมให้ตั้งตรงไม่ให้มองลงไปยังส่วนล่างของมัน แม่เจ้า แค่หุ่นท่อนบนของมันก็สิบผ่านแล้ว แถมมันยังไม่เคยผ่านมือของใครมาอีก โชคดีอะไรของผมขนาดนั้นวะ

“อย่าขี้โกงดิวะ กูยังไม่มองของมึงเลย”

“มึงจะช่วยกูยังไง” ผมถามเสียงกระเส่า ตอนนี้สถานการณ์ของผมกับอาสาโคตรเสี่ยง พร้อมเลยเถิดไปไกลถึงจุดสูงสุด

อาสาพูดด้วยใบหน้าแดงๆ พร้อมกับกางแขนออก

“จะทำอะไรกับกูก็ได้ เต็มที่เลย ยกเว้นสอดใส่”

แค่นี้ก็ดีมากแล้วป่ะวะ ถือว่าแก้ขัดไอ้หื่นที่น้องชายพองตัวใกล้จะระเบิดได้เป็นอย่างดี

หื่นเพราะอาสา ได้ปลดปล่อยก็เพราะอาสา

ไม่ต้องเสียเวลาสืบเลยครับว่าผมพุ่งเข้าไปนัวเนียอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแค่ไหน มันก็ยอมผมทุกอย่าง คล้อยตาม ไม่มีขัดขืน

“อีกแล้วเหรอ”

“ก็มึงขาว”

“มันเป็นรอยไอ้สัด”

“ใครจะเห็นนอกจากกูล่ะ”

“...”

“ยอมให้กูจูบมึงทุกที่เถอะ”

“...”

“มึงจะเซ็กซี่ จะฮอตไปถึงไหน กูใกล้จะบ้าเพราะมึงอยู่แล้วเนี่ย”






ณ เต็นท์หอสาม งานแข่งโดเนท

ผมอยู่ในสภาพสดชื่นแต่ก็สดชื่นไม่สุด ส่วนอาสาดูไม่ค่อยสบายตัวเพราะผมรุกเร้ามันจนร่างช้ำไปหมด สายตาของผมมองไปหามันอย่างเกรงใจหน่อยๆ ขณะที่มันนั้นเริ่มปั้นปึ่งใส่ผม หาว่าผมทำมันช้ำไปทั้งตัว

นี่ขนาดพี่ทนายยังไม่จริงจังนะเนี่ยเบบี๋้...

ในงานมีบรรยากาศที่สนุกสนานแม้แดดจะร้อน สีสันของงานก็คือแต่ละหอต่างก็งัดจุดเด่นของตัวเองมาขายอย่างเต็มที่เพื่อให้คนเข้ามารุมเต็นท์และบริจาคเงินเพื่อช่วยน้องช้าง เป็นอย่างที่ผมแอบคาดการณ์เอาไว้ในใจ เต็นท์หอสามมีผู้หญิงมารุมเยอะมาก แปลกแต่จริงที่มีแต่เด็ก ม.ต้น ไม่ก็เด็ก ม.ปลาย ทั้งนั้น

ส่วนเต็นท์หอสอง คนรุมเห็นจะเป็นนักศึกษาหญิงจากมหา’ลัยเดียวกัน สาวๆ ที่นี่เขาคงจะชอบผู้ชายหุ่นดีๆ มีพละกำลังมั้ง ฮอตสุดในเต็นท์นั้นเห็นจะเป็นพี่สงคราม เพราะผมได้ยินเสียงเรียกชื่อพี่สงครามดังมาถึงข้างในเต็นท์ของผมเลยทีเดียว

พี่อ้ายยังไม่หายโกรธพี่สงครามเลยครับ ดูเหมือนเรื่องเด็กหอสองมารุมทำร้ายไอ้เตจะกลายเป็นเรื่องแตกหักระหว่างพี่ๆ สองคน คนที่ได้รับกรรมเห็นจะเป็นเด็กหอสามนี่แหละ พี่อ้ายแม่งดันหนักมาก ทำยังไงก็ได้ให้คนมารุมเต็นท์เราเยอะๆ เยอะกว่าเต็นท์หอสองได้ยิ่งดี

ไม่มีเต็นท์ไหนเงียบเหงาแม้กระทั่งเต็นท์ของพวกหอห้า พวกมันฉลาด เอาใจเนิร์ดวัยเยาว์ด้วยการแต่งตัวเป็นตัวละครจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มีเด็กๆ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนพวกหอหกหนีไม่พ้นวาดภาพเหมือนและก็เล่นดนตรีขับกล่อม หอเหล่านี้ก็มีคนน่าดึงดูดอยู่เหมือนกันนะครับ

พวกหอหนึ่งไม่มีอะไรแปลกใหม่ ใช้วิธีชี้แจ้งเป็นทฤษฎีพร้อมป้ายให้ความรู้แน่นปึ้กว่าช่วยเหลือช้างมีข้อดีอย่างไร ไอ้พวกนี้มันฮอตกับสาวๆ ที่มาจากคณะเด็กเรียนทั้งหลายและก็พวกหนูๆ ที่อยากจะเรียนหมอ ผมแอบเห็นว่าไอ้ป๊อบเพื่อนผมวิ่งรับแขกจนเหนื่อยเลยแหละ

หอที่น่าหมั่นไส้แต่ก็น่าอิจฉาที่สุดก็คือหอสี่ พวกมันปล่อยให้เต็นท์เป็นเต็นท์ร้าง จ้างแม่บ้านกับยามจากหอของมันมานั่งเฝ้าเต็นท์เฉยๆ เพื่อป้องกันคำครหาว่าหอสี่ไม่ยอมให้ความร่วมมือเรื่องการจัดงานระดมทุนครั้งนี้ พวกมันเลยแปะป้ายใหญ่เบ้อเร่อว่า

‘บริจาคไปแล้วกว่าหนึ่งล้านบาท ถ้าไม่เชื่อ ลองโทรไปถามอธิการบดีได้’

แม่งกวนส้นตีนสัดๆ

ปล่อยให้พวกมันชนะไปเถอะครับ หออื่นจะต้องไปหาเงินให้ถึงหนึ่งล้านภายในวันนี้ถ้าอยากเอาชนะ ว่าแต่ใครมันจะกล้าเปย์ได้เท่าพวกหอสี่ ยังไงก็ไม่มีหรอกครับ เพราะฉะนั้นงานนี้พวกมันชนะเลิศไปเลยไม่ต้องไปแข่งด้วยหรอก

“ถ้าพี่ให้ถ่ายรูปพี่คนนั้นหนูให้สองร้อยเลย”

“ไม่ได้จริงๆ ต้องไปถามมันก่อน”

“หนูแค่แอบถ่ายเองนะ”

“พี่ไม่ให้แอบ”

“หวงจัง”

อาสาถือกล่องรับบริจาคอยู่และกำลังต่อสู้กับเด็กสาว ม.ต้น ที่เข้ามาคุยด้วยตั้งแต่เมื่อกี้ ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยเข้าไปดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่ผมเดินเข้าไป เด็กๆ พวกนั้นก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปผมอย่างรวดเร็ว

ผมกะพริบตาหลบแสงแฟลชแทบไม่ทัน

“อย่าถ่ายเยอะสิ” อาสาร้อง

“มีไรกัน”

“พี่คนนี้เขาหวงพี่สุดหล่ออ่ะ เขาไม่ให้พวกหนูถ่ายรูป” ช่างเป็นกลุ่มเด็กสาวที่พูดตรงดีจริงๆ

“หวงทำไมล่ะ” ผมถามอาสายิ้มๆ มันเอาแต่ทำหน้าบึ้ง

“บรรยากาศสีชมพูนี่มาเลยค่ะ” สาวๆ เหล่านั้นยกกล้องขึ้นมาอีก

“เอาล่ะๆ ถ้าจะถ่ายรูปคู่ต้องช่วยน้องช้างเยอะๆ นะ อย่าลืมเข้าไปแชร์ให้คนอื่นรู้ด้วยว่าช้างไทยกำลังลำบาก” ผมพูดไปกอดไหล่ของอาสาไป ดูมันขัดขืนยังไงชอบกล

“ได้เลยค่า ได้เลย”

นี่ผมกำลังคิดจะเอาเปรียบเด็กอยู่ป่ะวะ บอกให้เด็กไปบริจาคเยอะๆ เนี่ยนะ ระหว่างที่ผมกำลังคิดในใจ อาสาก็กระตุกแขนให้ผมกลับเข้าไปในเต็นท์ เราสองคนมานั่งพักกันตรงหน้าสแตนดี้เสี่ยวๆ ของผมกับมัน

ผมหาผ้ามาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ มันรู้สึกแปลกๆ นะที่จะต้องเห็นตัวเองยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“เป็นไรเปล่า” ผมถามแฟนตัวเอง สภาพมันตอนนี้ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่

“ร้อน” มันไม่สบายตัวตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว สาเหตุก็เป็นเพราะผมนี่แหละ

“พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูไปช่วยพวกนั้นเอง” หอผมโชคดีที่ยืนเฉยๆ ให้ถ่ายรูปก็ได้เงินไปช่วยน้องช้างแล้ว นอกจากจะได้รักษาศักดิ์ศรีหอที่หน้าตาดีที่สุดแล้ว ยังได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมอีกต่างหาก

“กูไม่อยากให้มึงโดนถ่ายรูปเยอะๆ เลย” อาสาทำหน้าเซ็ง

“ทำไมล่ะ”

มันชูโทรศัพท์ที่กำลังเป็นแอพฯ เฟซบุ๊กอยู่

มาส่องของดีต่างจังหวัด น้องทนาย ปีหนึ่ง คณะบัญชี การันตีความแซ่บเพราะน้องอยู่หอสาม มอ B หอสุดโด่งดังที่รวมผู้ชายหน้าตาดีที่สุดเอาไว้!

“หา!” ผมอ้าปากค้าง

“แค่มีคนถ่ายรูปมึงไปหนึ่งคนเอง จากนั้นก็มีมาอีกเป็นสิบๆ รูป”

“ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย”

“ดังใหญ่แล้ว”

“เปล่าสักหน่อย”

“หวงอ่ะ” อาสาบ่นอุบ

งูพิษของผมได้ใช้ความน่ารักของมันอีกแล้ว มันทำให้ผมหลงมันหัวปักหัวปำเลยนะแบบนี้

“หวงอะไรล่ะ เมื่อเช้ากูยังคลั่งมึงอยู่เลย”

“ไม่รู้ มันหวง” อาสาขยับโทรศัพท์ให้ดู “มึงดูคอมเมนต์ดิ น่าจับทำผัวบ้างล่ะ ครางชื่อพี่ทีบ้างล่ะ ช่วยมาว่าความที่ห้องพี่ทีบ้างล่ะ” อาสาทำหน้าบูดอย่างจริงจังมาก “ว่าความไรวะ ชื่อทนาย แต่ไม่ได้เรียนนิติสักหน่อย”

ผมไม่เคยเห็นอาสาออกอาการขนาดนี้ ปกติมีแต่ผมที่เป็นฝ่ายหึงมากกว่า ผมจึงได้แต่มองอย่างสนอกสนใจว่ามันจะทำยังไงต่อไป
 
“นี่แค่ภาพนิ่งของมึงเองนะ”

“ใจเย็น” ผมรีบปราม “เรื่องที่มึงหึงกูที่สุดคือเรื่องกูอาจจะดังในโซเชียลใช่ป่ะ”

“ใช่” แม่งก็ยอมรับโคตรไว “เรื่องอื่นกูโอเค กูไว้ใจมึง แต่เรื่องนี้กู...ไม่รู้ว่ะ”

อาสาอาจจะหึงหวงผมแค่เรื่องนี้ แต่ผมน่ะเหรอ...หึงทุกเรื่องครับ

“เหมือนเค้าผ่านมาแซวนั่นแหละน่า”

“ไม่ชอบโดนแซวไง ก็เลยไม่อยากให้มึงโดน”

“ใจเย็นอาสา ใจเย็น” ผมเอียงคอเข้าไปกระซิบ “กูรอเป็นของมึงอยู่เนี่ย มึงจะกังวลอะไร”

มันผลักหน้าผมออกไปพร้อมใบหน้าสีชมพูระเรื่อ “ไอ้สัด เดี๋ยวคนเห็น”

“ฮ่าๆๆ นั่งอยู่ตรงนี้แหละนะ” ผมรีบลุกพลางร้องเรียกไอ้โอ๊ค “โอ๊คมึงช่วยดูอาสาให้หน่อยนะ”

“ได้ จะจับตาดู จะไม่เลิกจ้อง” ไอ้โอ๊คเดินมาใกล้ๆ ก่อนจะทำอย่างที่มันพูดจริงๆ แม่งโคตรกวนตีน มันหัวเราะลั่นตอนที่ผมทำหน้าถมึงทึง ก่อนจะเดินไปทำอย่างอื่นซึ่งมันทำค้างไว้ แต่ดึงมาทำใกล้ๆ อาสาแทน

มีเพื่อนดี มันดีตรงนี้นี่แหละ

อาสาเอื้อมมือมาคว้าแขนผมก่อนพูดอย่างกังวล “ยังไม่เจอไมล์เลย”

“ดีแล้ว” ผมพูดเสียงเรียบ “มึงก็รู้ว่าถ้าเจอจะเป็นยังไง”

ในใจของผมภาวนาให้เตเห็นข้อความที่ผมส่งไป ภาวนาให้มันใจดีช่วยผมกับอาสาให้ผ่านวิกฤตเรื่องไมล์ไปได้ด้วยดี

ถ้ามันทำได้ ผมจะเพิ่มเบียร์ให้มันอีกสิบลังเป็นยี่สิบลังเลย

LAWYER : กูจะขอเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย
LAWYER : มึงรู้ว่ากูพูดถึงเรื่องอะไร
LAWYER : กูยอมหน้าด้านให้มึงด่ากูว่ากูไม่เห็นใจมึง
LAWYER : เพราะกูรักอาสาจริงๆ







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-08-2017 23:17:35





ตอนที่ 22
พาร์ตของเต




เพราะกูรักอาสาจริงๆ
เพราะกูรักอาสาจริงๆ
เพราะกูรักอาสาจริงๆ


เชี่ยทนายแม่งคนจริงนี่หว่า มันกล้าส่งข้อความมาหาผมแบบนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงเวลาทำใจ มันกล้าเสี่ยงโดนผมเกลียดเพื่อความรักของมัน แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่โกรธมันหรอก ถ้าผมเป็นมัน ผมก็ต้องหาที่พึ่งเหมือนกัน

ความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แต่สำหรับบางคู่ถ้าไม่มีคนช่วยเหลือเลยยังไงก็ไม่มีวันมาเจอกัน มีความสุขกัน ปรับความเข้าใจกัน หรือคืนดีกัน

ทีนี้งานหนักก็ตกมาอยู่กับผมแล้วสินะ ทนายนะทนาย แทนที่มึงจะมาใช้งานกูในช่วงที่สภาพร่างกายกูดีๆ มึงมาให้กูช่วยตอนที่กูนอนเป็นผักเปียกๆ อยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเนี่ยนะ กูจะทำห่าอะไรได้บ้างวะ

“วันนี้แข่งโดเนทแล้วนี่หว่า” ไอ้ไมล์ซึ่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาพึมพำ มันกำลังดูโซเชียลอยู่ เห็นได้ชัดว่าวันนี้คนทั้งมหา’ลัยกระตือรือร้นกับเรื่องที่พวกหอพักชายจะแสดงศักยภาพมาก คงจะเต็มโซเชียลไปหมด “รูปทนายเต็มเลย”

“เซเลบไง”

“กูตื่นเต้นแล้วนะเนี่ย” มันวางโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับผมตรงๆ “ว่าจะไปตอนงานใกล้เลิก”

สำหรับผมนะ ผมไม่อยากให้มันโผล่หน้าไปด้วยซ้ำ ผมรู้ดีว่าไมล์จะเป็นยังไงเมื่อถูกอาสาปฏิเสธ มันคงจะด่าผมเลยแหละว่าทำไมผมถึงไม่ห้ามมัน

เพราะงั้นผมคงต้องชิงห้ามมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการตัดปัญหาตั้งแต่ต้น

“เหมือนกูจะไข้ขึ้นอีกแล้วว่ะ” ผมต้องได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในปีนี้อย่างแน่นอน

“จริงเหรอ ยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอวะ โรง’บาลห่าไรเนี่ย ย้ายมั้ย”

“มึงต้องอยู่เป็นเพื่อนกูก่อนนะ”

“ป่วยแล้วอ้อนเหรอวะ”

“เสียงกูอ้อนมั้ยล่ะ”

“ก็ไม่”

“งั้นกูไม่อยู่”

สัด มันแกล้งผมเหรอ “เหี้ย กูอยากให้มึงอยู่”

“อ้อนดิวะ อ้อน อ้อนนนนนน”

ชายชาตรีอย่างผมจะไปทำเสียงอ้อนทำแมวอะไรล่ะครับ แม่งเสียเชิงชาย ผมไม่ทำ

“อยู่กับกูหน่อยนะ”

ท้ายที่สุดแล้วผมก็ยอมพูดเสียงอ่อนลงไปอีกสิบระดับ ไอ้ไมล์หัวเราะชอบใจที่แกล้งผมได้

“ห่า กูไม่ไปไหนหรอก”

ขอให้จริงเถอะ เรื่องเอาของไปให้อาสามึงก็ไม่ต้องไป มึงอยู่กับกูนี่แหละ

คนนกๆ ต้องอยู่กับคนนกๆ สิวะ






เวลาผ่านไป ไอ้ไมล์เริ่มจะอยู่ไม่สุข มันมองดูนาฬิกา สลับกับมองผมซึ่งแกล้งทำหน้าป่วยอยู่ เพราะผมมันก็เลยไปหาอาสาไม่ได้ ที่จริงผมก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ แต่สักวันหนึ่งผมเชื่อว่ามันจะขอบคุณผม

“น้องอิ๊งเขาทักมาถามอ่ะว่ามึงเป็นไงบ้าง” ไมล์หาอะไรทำด้วยการเล่นโซเชียลไปเรื่อยๆ “น้องมันเคยกิ๊กกับมึงด้วยเหรอ”

“สามวันมั้ง”

“เฮ้ย” ไมล์ดูตกใจมาก

“เพิ่งรู้เหรอ”

“ใช่ เรื่องนี้ทำไมกูไม่รู้วะ”

“ตอนนั้นมึงยุ่งแต่กับเรื่องอาสาอ่ะ” ผมตอบพลางดูทีวีด้วยสีหน้าเฉยชา

“มึงตัดใจจากอาสาได้ไวจังวะ”

เพราะกูมีเพื่อนอย่างมึงนี่ไง กูถึงต้องรีบตัดใจ ผมลองนั่งนึกนอนนึกดูดีๆ แล้วนะ สิ่งที่ทำให้ผมจำเป็นจะต้องลืมอาสาให้ไวที่สุดไม่ใช่เพราะทนายหรือเพราะอาสา แต่เป็นเพราะไอ้หน้าจืดโลกสวยนี่ ในช่วงเวลาที่มันเดินหน้าจีบอาสา ผมเองก็ลองไปจีบๆ ดูบ้าง ผลปรากฏว่าผมดูออกว่าอาสาแม่งไม่มีใจ ช่วงนั้นจึงมีบ้างที่ผมเบนเข็มไปหาผู้หญิง หาคู่นอนไปเรื่อยเพื่อแก้เหงาไปวันๆ  น้องอิ๊งเป็นหนึ่งในนั้น เธอเป็นน้องที่รู้จักกับไอ้ไมล์มาตั้งแต่มัธยม เห็นว่าจบมาจากโรงเรียนเดียวกัน

ผมยักไหล่แทนคำตอบ

“ถ้ากูได้คบกับมัน มึงจะโกรธกูมั้ยเนี่ย”

“ไม่” เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่ทนายคบกับอาสา ผมไม่โกรธ โกรธไปก็ใช่ว่าอาสาจะมาชอบผมนี่หว่า

“ใจกว้างจังไอ้สัด”

“ถ้ากูคบกับอาสา มึงโกรธหรือไง” ผมย้อนถาม

“โกรธ”

“...”

“และก็อิจฉาด้วย”

“มึงชอบอาสาขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ก็ชอบไง กูถึงลงทุนทำทุกอย่างขนาดนี้” ไมล์มองหน้าผมเหมือนผมถามอะไรแปลกๆ ที่ไร้สาระ ผมถอนหายใจยาว คิดอย่างปลงๆ ว่าถ้ามันรู้ความจริงสภาพมันคงจะแย่มากๆ คนอย่างมันเติบโตมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ หน้าตาก็ดี บ้านก็รวย อยากได้อะไรก็ได้ และมีเพื่อนผู้ยอมมันทุกอย่างหนึ่งคนถ้วน ชีวิตแม่งจะดีไปไหน

บางทีแค่นั้นสำหรับไมล์อาจจะดีพอแล้วก็ได้ ไม่ต้องสมหวังเรื่องความรักอะไรนี่หรอก ปล่อยอาสาให้มันมีความสุขไปเถอะ

“ทำไมถึงชอบวะ” ผมถาม

“ก็มันน่ารัก”

“แค่นั้นน่ะนะ”

“อยู่ด้วยแล้วได้หัวเราะ”

“แล้วไงอีก”

“มองไม่เบื่อดี”

“เหตุผลแต่ละข้อของมึงนี่นะ” ผมส่ายศีรษะ เมื่อเทียบกับทนาย ความรักของไอ้ไมล์ดูเด็กน้อยไปเลยครับ ไอ้ทนายเคยบุกเดี่ยวไปช่วยอาสาที่หอสองเลยนะ มันมีความกล้ามากกว่าเด็กหอสามทุกคนรวมกัน

ผมจะพูดยังไงดีให้เพื่อนผมคนนี้มันตัดใจ

“กูว่ามึงปล่อยเรื่องให้ของอาสาไว้ก่อนดีมั้ย” ผมลองเกริ่นดู

“ทำไมวะ ฤกษ์งามยามดีมันคือวันนี้”

“ช่างหัวแม่งเถอะ เชื่อกู กูว่าอย่าดีกว่า”

“กูคิดไว้แล้ว อีกอย่างถึงมึงจะไข้ขึ้น แต่มึงก็ดูดีขึ้นมาก กูสบายใจที่จะทำเรื่องนี้แล้วล่ะ”

“ไมล์” ผมพูดอย่างจริงจัง “กูไม่รู้ว่ากูควรเป็นคนพูดกับมึงหรือเปล่า แต่กูว่ามึงลองคิดใหม่อีกทีดิ๊”

“เต วันนี้มึงเป็นไรเนี่ย ขัดกูจังเลย”

“...”

“ตอบน้องอิ๊งด้วย แม่งทักกูใหญ่แล้วเนี่ย น้องเขาคงคิดถึงมึง”

ผมจิ๊ปาก รู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสีย ใจอยากจะบอกไอ้ไมล์ตรงๆ ว่าอาสามันมีแฟนแล้ว แต่จะให้พูดยังไง เพราะอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าผมจะปลอบไอ้เชี่ยไมล์ไม่ไหว สภาพผมไม่พร้อม พูดแป๊บเดียวผมก็เหนื่อยแล้ว อีกอย่างหนึ่งการนอนเป็นผักเปียกๆ อยู่บนเตียงตรงนี้ผมไม่สามารถจับตัวไอ้ไมล์เอาไว้ได้เลย ไม่รู้ว่าหลังจากที่มันฟังจากปากผม มันจะทำอะไรผิดๆ หรือเปล่า

“ไม่ตอบน้องอิ๊งเหรอ”

“ไม่” ผมตอบสั้นๆ “เบื่อแล้ว”

“สาด น้องโรงเรียนกู”

“นมใหญ่แต่ตื๊อฉิบหาย กูไม่โอเค”

“เลือกได้เหรอมึงน่ะ”

“กูอยู่หอสามเพราะกูหล่อนะครับ”

ไมล์พ่นลม ในที่สุดมันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำหน้ายิ้มแป้นใส่ผม

“อะไรวะ” ผมชักหวาดระแวง

“กูเรียกน้องอิ๊งให้มาอยู่เป็นเพื่อนมึงแล้วล่ะ”

“ว่าไงนะ!”

“กูจะไปหาอาสาแล้ว ไว้ค่อยคุยกันตอนที่กูกลับมานะ”

“ไมล์”

มันพุ่งตัวออกไปแล้ว ผมรีบกดโทรศัพท์โทรออกหามันแทบจะในทันที แต่มันรู้แกว มันกดตัดสายทิ้งภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที
ถ้าผมไม่ติดอยู่กับเตียง ป่านนี้ผมคงลากมันกลับมาแล้ว

ทนายเอ๊ย กูช่วยได้แค่นี้จริงๆ ว่ะ






“พี่เตทานผลไม้มั้ยคะ เดี๋ยวอิ๊งหั่นให้”

“...”

“หรือว่าพี่เตอยากดื่มน้ำคะ”

“...”

“อิ๊งเปลี่ยนช่องเป็นช่องที่ฉายหนังบู๊แล้วน้า อิ๊งจำได้ว่าพี่เตชอบ”

ผมง่วนแต่กับโทรศัพท์ ไม่ได้สนใจเลยว่าน้องอิ๊งจะพูดอะไรกับผมบ้าง น้องเขาก็มีความพยายามนะครับ เห็นผมไม่สนใจก็พยายามทำทุกอย่างให้ผมสนใจ

เธอยังไม่รู้ว่าผมเทเธอไปแล้ว หรือเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่เนี่ย

ผมพยายามแชตไปหาไอ้ทนาย ดูเหมือนมันจะยุ่งอยู่กับการเรียกแขกซะจนลืมไปเลยว่าปัญหากำลังจะไปถึงตัวมันแล้ว ผมลองกดโทรออกหาอาสาดู มันไม่รับสายประมาณสองครั้งเห็นจะได้ จากนั้นมันถึงกดรับ

[ฮัลโหล ว่าไงเต]

ยอมรับว่าใจสั่น แต่ผมขอลืมความรู้สึกนี้ไปชั่วขณะ

“อาสา มึงเห็นไอ้ไมล์มั้ย”

[กูยังไม่เห็นมันเลยนะ]

ไอ้ไมล์ออกไปจากห้องพักผมเมื่อเกือบสามชั่วโมงที่แล้ว สมมติว่ามันขับรถอย่างเต่าคลานมากที่สุด ยังไงป่านนี้ก็น่าจะถึงมหา’ลัยแล้วนี่

“ยังไม่เห็นจริงๆ เหรอ”

[ใช่ มีอะไรหรือเปล่าวะ]

“งานแข่งโดเนทจะเสร็จหรือยัง”

[เนี่ย กำลังเก็บของกัน]

“อยู่ใกล้ทนายป่ะ”

[เดินไปหาได้]

“เรียกมันมาคุยหน่อย”

ผมชอบที่อาสาไม่เซ้าซี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอยากคุยกับทนาย มันก็ส่งโทรศัพท์ไปให้คุย ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนถึงขนาดต้องลุกขึ้นมานั่งโดยมีน้องอิ๊งเป็นผู้ช่วยเหลือ ผมมองหน้าเธออย่างรู้สึกผิด แต่แค่ผมมองเธอ น้องอิ๊งก็ทำหน้าดีใจเหมือนผมให้รางวัลชิ้นใหญ่กับเธอไปแล้ว

ค่อยมาเคลียร์กับเธอทีหลังก็แล้วกัน

[ว่าไง]

เสียงแม่งทุ้มดีจริงๆ คนอะไรหล่อทั้งหน้าและก็เสียง

“ไมล์มันไปหาอาสาแล้วนะ”

[เฮ้ย เหรอวะ แต่ทำไมไม่เห็นเลย]

“มันออกไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว”

[กูไม่เห็นจริงๆ อาสา เห็นไมล์ป่ะ (ไม่เลย) อาสาก็ไม่เห็น]

ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะ ผมลองคิดไปถึงจำนวนมิสคอลล์ที่ผมฝากเอาไว้ในมือถือไอ้ไมล์ ผมโทรไปแรกๆ มันกดตัดสาย แต่หลังๆ มันไม่รับสายผมเลย

“ทนาย”

[อะไรวะ]

“เมื่อตะกี้มึงได้สวีตกับอาสาบ้างมั้ย” ผมกลั้นใจถาม

[ถามห่าอะไรเนี่ย]

“เออ ตอบมาเถอะน่า” ผมคิดไปก่อนว่าบางทีไมล์อาจจะแอบเห็นภาพที่มันสองคนสวีตกันเหมือนกับผมก็ได้

[กู...ตอบได้เหรอ] รู้กันซะขนาดนี้แล้วมึงก็ตอบๆ มาเหอะ

“เออ”

[แต่มึงจะ...]

“สัด ตอบมา”

[ก็ได้ ก่อนกูออกมาเรียกแขกรอบสุดท้าย กูให้อาสาพากูไปฉี่]

แม่ง ภาพที่ผมเคยเห็นมันเล่นซ้ำเหมือนกับเดจาวู

[มันหวงกูเพราะกูให้คนถ่ายรูปเยอะ]

“...”

[มันน่ารักกูก็เลยอดใจไม่ไหว]

“...”

[จูบ ในห้องน้ำ นั่นแหละ]

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ทำไมมึงสองคนต้องทำในห้องน้ำตลอด ไม่เข้าใจ”

[ยังไม่ได้ทำอย่างนั้น อย่าเพิ่งคิดลึกดิ] ตัดเรื่องนี้ทิ้งไปก่อนได้มั้ยวะ

“มึงต้องพูดประโยคอะไรบางอย่างกับอาสาแน่ๆ” ประโยคที่ทำให้คนอื่นรู้เลยว่ามันสองคนเป็นอะไรกัน

[ก็...]

“...”

[ก็บอกรักมันอ่ะ]

หมั่นไส้แม่งฉิบหายเลยโว้ยยยยยย ผมพยายามตัดความร้อนรุ่มปนอิจฉาออกไป ก่อนจะเริ่มพูดถึงประเด็นหลักที่ผมโทรมาหา

“กูว่าไมล์มันเห็นมึงสองคนว่ะ”

[อะไรนะ]

“เหมือนกับที่กูเคยเห็น”

[พูดเป็นเล่น]

“ไม่งั้นมันจะหนีหน้ากูแบบนี้ทำไม”

[อาสา ฉิบหายแล้ว] มันไม่ได้พูดกับผมครับประโยคนี้ [ไมล์รู้แล้ว มันแอบเห็นพวกเรา (เหี้ยยยยยยยยยยยย แล้วมันอยู่ไหน) ไม่รู้ (ฉิบหาย กูตายแน่ กูตายแน่ๆ)]

ใครบอกว่านางฟ้าประจำหอพักชายคืออาสาครับ ไม่จริงแล้วล่ะ คนที่ทำให้นางฟ้ายอมจริงๆ ต่างหากคือนางฟ้าที่แท้จริง คนคนนั้นก็คือไอ้สัดไมล์นี่แหละ

ตอนนี้เพื่อนทุกคนปวดหัวเพราะมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ออกไปตามหามันทีดิ๊”

[ต้องไปตามที่ไหนวะ]

“ไม่รู้ว่ะ ตามร้านเหล้า ร้านพี่น้อยไรงี้”

[เออๆ]

“...”

[กูขอโทษนะเต]

“สัด เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องไอ้ไมล์ก่อน”

[อืม]

“ได้เรื่องยังไงโทรมาบอกด้วยนะ”

[ได้]

“ไม่ต้องให้เรื่องถึงพี่อ้ายนะเว้ย”

[กูรู้น่าว่าต้องทำไง]

ผมกดวางสายไปแล้ว รู้สึกอยากถอดสายน้ำเกลือและก็เดินออกไปตามหาไอ้ไมล์ด้วยตัวเอง แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้

สัดไมล์มึงไปอยู่ที่ไหนของมึงวะ







18.36 น.

น้องอิ๊งกลับไปแล้วครับ หลังจากใช้ความพยายามเรียกร้องความสนใจจากผม ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และหันหลังกลับไป มีการพูดกับผมทิ้งท้ายด้วยนะว่าโทรมาหาเธอได้เสมอเวลาเหงา นี่เธอถูกใจอะไรในตัวผมหรือเปล่าครับนี่

ทนายยังตามหาตัวไอ้ไมล์ไม่เจอ ไม่มีความคืบหน้า ผมกดโทรออกหาไอ้ไมล์เป็นรอบที่ล้าน ไม่ว่าจะยังไงมันก็ยังไม่ยอมรับสาย ผมกระหน่ำไลน์ไปหามันด้วย แต่มันก็ไม่อ่าน

ผมบอกทุกคนแล้วว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมกลัว ผมกลัวว่าผมจะรับมือคนโลกสวยอย่างไมล์ตอนเจอเรื่องผิดหวังไม่ได้ พอคิดไปต่างๆ นานาผมก็อดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ ไมล์มันหลงใหลอาสามาก ยิ่งมีช่วงที่มันคิดว่าอาสามีใจยิ่งแล้วใหญ่ ผมกลัวว่ามันจะทำร้ายตัวเอง
 
เสียงโทรศัพท์ของผมดัง คนที่โทรเข้ามาก็คือทนาย

[สัดเต ไม่เจอว่ะ]

“เหี้ย” ผมแทบจะเอาตีนมาก่ายหน้าผาก

[มึงต้องรู้สิว่ามันอยู่ไหน]

“คราวนี้กูไม่รู้จริงๆ ว่ะ”

[กูกับอาสาตามหาทั่วมอแล้ว]

“...”

[มันจะร้องไห้แล้วเนี่ย (เปล่าสักหน่อย)]

เสียงปลายสายของอาสาดูแฝงไปด้วยความกังวล

“มึงอย่าปล่อยให้มันร้องไห้”

[แม่ง เครียดว่ะ]

“...”

[กูทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างพวกมึงพัง]

คนที่ทำพังคือกูกับไมล์ต่างหาก ไม่ใช่มึง

“ไว้ค่อยมาคุยเรื่องนี้ทีหลัง”

[...]

“ลองพยายามหาตัวมันอีกทีนะ”

[อืม]




20.14 น.

[เตไหน เตเพื่อนไมล์เหรอ]

“ครับพี่เมษ ไอ้ไมล์มันได้โทรหาพี่บ้างป่ะ”

[มันไม่โทรหากูมานานแล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า]

“เปล่าครับพี่”

[เงินมันหมดเหรอ]

“ไม่ใช่ครับ”

[อะไร เกิดอะไรขึ้น]

“แค่นี้ก่อนนะครับ”







[ฮัลโหล]

“มอส นี่พี่เต เพื่อนไอ้ไมล์นะ”

[อ้าวพี่เต โทรมามีอะไร]

“เดี๋ยว เรียนพิเศษอยู่เหรอ”

[ช่าย]

“โทษที พี่ไม่กวนแล้ว”

[คุยได้พี่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า]

“ไอ้ไมล์ได้ติดต่อมอสไปบ้างป่ะ”

[คุยกันสองสามวันก่อน พี่ไมล์บอกว่าให้ผมเตรียมรับพี่สะใภ้]

“งั้นแปลว่าไม่ได้คุยกันวันนี้”

[ครับ มีไรป่ะเนี่ย ผมตกใจนะ]

“ไม่มีอะไร ตั้งใจเรียนพิเศษไป”

[ครับๆ]







“ฮัลโหลแม่ครับ ผมเต เพื่อนไมล์ที่มหา’ลัยนะครับ”

[เตเหรอ เอ๊ะ คนไหนนะ คนที่หล่อๆ หรือว่าคนที่ตัวขาวๆ]

“คนที่เอ่อ...”

[อ๋อ คนหล่อๆ ตัวสูงๆ หน้าดุๆ หน่อยใช่เปล่า]

“ครับ”

[มีอะไรหรือเปล่าคะลูก]

“ไมล์ได้กลับบ้านวันนี้หรือเปล่าครับ”

[เจ้าไมล์ไม่ได้กลับมาหรอก ลูกที่อยู่บ้านกับแม่ตอนนี้มีแต่เจ้ามอสคนเดียว นี่อย่าลืมบอกไมล์ให้กลับบ้านมาหาแม่บ้างนะ แม่คิดถึง]

“เฮ้อออออ”

[เอ๊ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย]

“เอ่อ ไม่มีครับ ขอบคุณมากนะครับแม่”

[ฝากทักทายคนตัวขาวๆ ด้วยนะ เอ๊ะ ชื่ออะไรนะ]

“อาสาครับ”

[ไมล์ชอบเพื่อนคนนี้มากเลย]

“ได้ครับแม่”







21.48 น.

ผมรู้สึกปวดหัวจนใกล้จะบ้า ผมใช้งานโทรศัพท์หนักมากจนต้องชาร์จไปใช้ไป อาสาเพิ่งโทรมาหาผมหลังจากที่ผมพยายามติดต่อครอบครัวไอ้ไมล์ มันบอกว่าหายังไงก็หาไม่เจอ และยังบอกด้วยว่าฝากความหวังเอาไว้ที่ผม ถ้าผมไม่รู้ก็ไม่มีใครรู้ เพียงแค่ผมบอกมา มันจะเป็นคนไปตามตัวไมล์ให้เอง

แปลกแต่จริงที่ผมไม่รู้ว่ะ

TAECHIT : ไมล์ อย่าหนีปัญหาเหมือนเด็ก
TAECHIT : มีไรมาคุยกัน


ผมด่าในสิ่งที่มันเกลียดที่สุด แต่มันก็ยังไม่อ่านข้อความของผมอยู่ดี ผมเครียดจนขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง ไมล์มันควรจะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ผมห่วงมันจนคิดไปไกลแล้วว่าตอนนี้สภาพมันคงแย่มาก

อย่างน้อยมันก็ต้องมีเพื่อนอยู่ด้วยสักคนสิ

ผมส่องไอจีและเฟซบุ๊กของมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ วันนี้ยังไม่มีการอัพเดตเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมไม่สงสัยเลย แต่เอ๊ะ...ผมเห็นรูปหนึ่งรูปซึ่งอาสาเป็นคนแท็กมันมา

รูปตอนที่พวกมันสองคนติวกันอยู่ที่ร้านคาเฟ่ยี่สิบสี่ชั่วโมง

ผมจำได้ว่าตอนผมเห็นรูป ผมบีบโทรศัพท์แน่น ความรู้สึกในตอนนั้นมีทั้งปลง ทั้งอิจฉาปนๆ กันไป แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกรักรูปนี้ขึ้นมา

ไมล์เล่าว่ามันรักช่วงเวลาที่ได้อยู่กับอาสาในร้านนั้นมาก มันพยายามถ่วงเวลาทุกวิถีทาง หน้าด้านให้อาสาอยู่ต่อทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายง่วง อยากกลับห้อง

ถ้าไม่ใช่ที่นี่ก็คงไม่มีที่อื่นแล้วล่ะ

ผมเตรียมจะกดโทรออกหาทนายหรือไม่ก็อาสาเรื่องให้มันไปตามไอ้ไมล์ที่ร้านนี้ แต่แล้วผมก็ชะงัก เพราะลองนึกภาพไอ้ไมล์มันเหวี่ยงต่อหน้าเพื่อนทั้งสองคน ยังไงมันก็คงไม่มีทางใจเย็นง่ายๆ แน่ เพราะงั้น...ผมนี่แหละต้องเป็นคนไปหามัน

แต่จะไปยังไงดีล่ะ...






22.53 น.

กว่าผมจะออกมาจากโรงพยาบาลได้ก็เสียเวลาไปมาก ไหนจะต้องหลบหมอ หลบพยาบาล และก็หลบยาม บอกได้เลยว่าเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม ผมพยายามรื้อค้นหาชุดของตัวเองในห้องพัก แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงได้แต่สวมแจ็กเก็ตทับชุดผู้ป่วย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้สะดุดตาพลเมืองดีที่ไหนทั้งนั้น เพราะกลัวเขาจะจับผมกลับไปยังโรงพยาบาลที่ผมหนีออกมา
ผมขอตามหาเพื่อนก่อนก็แล้วกันครับ

ไอ้ฝนเหี้ยนี่ก็ตกได้ถูกเวลาเหลือเกิน ตัวของผมเปียกอย่างกับลูกหมา รู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวจนแทบขาดใจ ตอนที่เดินเข้าไปในร้านนั้น ผมตัวสั่นงันงกเพราะทั้งหนาวและก็เหนื่อย

ไมล์นั่งอยู่ตรงนั้น ในที่ที่มันกับอาสาเคยนั่ง ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ มันตกใจใหญ่ที่เห็นผม และตกใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสภาพผม

“เต!”

“อืม” ผมรับคำพูดของมันได้แค่นั้น

“เหี้ย ทำไมมึงถึงได้...”

“บ้าระห่ำเหรอ” ผมแกล้งหัวเราะ แม้สภาพผมใกล้จะเดี้ยงแล้ว

“สัดเอ๊ย!” ไมล์ถอดเสื้อนอกของตัวเองมาคลุมตัวผมเอาไว้

“กูต่างหากที่ต้องด่ามึง เป็นฟวยไร”

“ก็กู...” มันทำหน้ายากเกินกว่าผมจะเข้าใจ “กูโมโห กูหงุดหงิด กูผิดหวัง กูเสียใจ กูอับอาย กู...”

“พอ” ผมหอบหายใจ เอื้อมมือไปแตะไหล่ของมัน “บอกแล้วไงว่ากูอยู่นี่”

“มึงรู้มาก่อนแล้วใช่ป่ะ” นัยน์ตาของไมล์ดูสลดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “แล้วมึงก็พยายามห้ามกูด้วย”

“อืม”

“แต่กูก็ไม่ฟังมึง”

“อืม”

“กูเป็นห่วงมึงว่ะ กลับโรง’บาลกันเหอะ”

ผมจับแขนของมันเอาไว้ตอนที่มันทำท่าจะลุก “อยู่จนกว่ามึงจะรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยกลับ”

“เต ถ้ามึงเป็นไรเพิ่ม กูจะรู้สึกผิดฉิบหายเลยนะ”

“มึงควรรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนที่มึงไม่รับสายกูแล้ว”

“...”

“กูบอกแล้วไงว่ามึงยังมีกูอยู่ อีกอย่างมึงอาจจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่มึงก็ต้องเข้มแข็งด้วย มึงดูสภาพกูดิ” ผมขยับตัวให้มันเห็นถึงความพังของร่างกายผม “หมอต้องฆ่ากูแน่ๆ”

“สาดดดด” ตอนนี้ไมล์มันรู้สึกผิดกับผมมากกว่าโกรธเรื่องทนายกับอาสาแล้วล่ะครับ “ไป กลับโรง’บาลกัน”

“มึงรู้สึกดีขึ้นยังล่ะ”

“ก็ยัง”

“งั้นอยู่ต่อ”

“มึงจะบ้าเหรอ”

“มึงชอบที่นี่ไม่ใช่เหรอ” ผมพูด “คนเราควรอยู่ในที่ที่เราสบายใจ”

“กูแค่มาระลึกถึงความทรงจำเฉยๆ”

“...”

“ไหนๆ ก็มีแต่กูที่จำอยู่คนเดียว”

“...”

“กูอายมากเลยว่ะเต ถ้าอาสาบอกปัดกู กูคง...อาย”

“จริงๆ มึงควรเจ็บปวดหรือผิดหวังนะ ทำไมมึงอายล่ะ”

ไมล์มองหน้าผมก่อนจะกะพริบตาปริบๆ “นั่นสิ”

“มึงชอบอาสาจริงหรือเปล่าเนี่ย”

“ก็...ชอบสิวะ”

“แป๊บนะ” ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาไอ้ทนาย ระหว่างนั้นไอ้ไมล์ก็ยกมือเรียกพนักงานของร้านให้หาผ้าขนหนูสะอาดมาให้ผม ที่พนักงานบริการดีขนาดนี้อาจเป็นเพราะตกใจกับสภาพผมด้วยล่ะมั้ง ไมล์บอกให้เธอสบายใจว่าผมกับมันจะอยู่กันอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้น

ทนายรับสายแล้ว ผมจึงกดเปิดลำโพง

[ฮัลโหล เจอไมล์แล้วเหรอ]

ไมล์ทำหน้าถมึงทึงพลางจะลุกหนี แต่ผมพยายามจับมือมันเอาไว้ให้นั่งอยู่ต่อ

“ยัง” ผมโกหก

[มีไรป่ะวะ นี่กูกับอาสากำลังจะขับรถออกไปนอกตัวจังหวัดแล้ว ไว้ค่อยคุยกันได้ป่ะ]

ไมล์อ้าปากค้าง ผมจ้องหน้ามันอย่างจริงจังพร้อมขยับปากว่า ‘พวกมันเป็นห่วงมึง’

“มีเรื่องจะถามนิดหน่อยว่ะ”

[ตอนนี้เหรอ]

“เออ”

[อาสาครับ ถือโทรศัพท์ให้หน่อย]

เสียงกุกกักดังขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้กลายเป็นว่าเราทั้งสี่คนกำลังอยู่ในสายเดียวกัน

[ว่ามา]

“มึงชอบอาสาเพราะอะไรวะ”

[คำถามอะไรของมึงอีกแล้วเนี่ย]

“ตอบๆ กูมาเหอะ”

[มันนั่งอยู่ข้างๆ จะให้กูตอบไง]

“ทำเหมือนมันไม่ได้ยินสิ”

[ก็เอ่อ...กูอยากปกป้องมัน] ผมมองหน้าไมล์ตอนที่ทนายมันตอบ

“เพราะอะไรล่ะ”

[มันดูน่าปกป้องอ่ะ]

“ไม่ใช่เพราะมันหน้าตาน่ารักเหรอ”

[ก็ส่วนหนึ่ง เดี๋ยว นี่มึงถามกูเรื่องนี้ทำไม จะเอาไปเขียนคอลัมน์เหรอ]

“ตอบกูก็พอ อย่าบ่นนักเลยน่า”

[กูเขินนะ มันอยู่ข้างๆ กูเนี่ย ไอ้สัด]

“อาสา มึงปิดหูแป๊บดิ๊”

[...] อาสาไม่ตอบ นี่อย่าบอกนะว่านั่งเขินอยู่เหมือนกัน ไมล์กลืนน้ำลาย แม้ว่าสีหน้ามันจะดูไม่ดีแต่มันก็ตั้งใจฟัง

“แล้วไงอีก”

[กูชอบที่จะได้ดูแลมัน มันเป็นคนฮอตมาก มีคนชอบเยอะมากก็จริง แต่สำหรับกู กูไม่ได้ชอบมันที่ตรงนั้น]

“...”

[กูมองว่ามันน่าสงสาร]

“...”

[คนอื่นมองว่ามันเป็นนางฟ้า สำหรับกูมันก็เป็นนางฟ้าแหละ มีคนมองมันชื่นชมมันมากมาย แต่ไม่เห็นจะมีใครกล้าเข้ามาปกป้องดูแลมันสักคน]

ไมล์ทำสีหน้าสลด ผมเองก็สะอึก ผมกับมันชอบอาสาก่อนทนายแท้ๆ แต่ปล่อยปละละเลยให้มันนกกับคนนั้นคนนี้ ไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกยังไง

เราสองคนไม่ได้ทำห่าอะไรเลยตอนที่อาสาเจ็บใจ เพราะมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่อยู่ได้ แต่ทนายมันไม่กลัว มันกล้าที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง กล้าทรยศพวกผม และกล้าทำในสิ่งที่พวกผมต้องด่ามันแน่ๆ มันกล้าเสียสละตรงนั้นเพื่อให้ได้ดูแลและปกป้องอาสา
มันมีสิ่งที่ผมกับไมล์ไม่มี

“มึงพร้อมที่จะปกป้องอาสาทุกสถานการณ์ว่างั้น”

[พร้อมดิ]

“มึงคิดว่ากู ไอ้ไมล์ และก็มึง ใครรักอาสามากที่สุด” ไอ้ไมล์อ้าปากพะงาบๆ พร้อมชี้หน้าด่าผม หาว่าผมถามอะไรที่โคตรไม่สร้างสรรค์

ทนายเงียบไปพักหนึ่ง ผมได้ยินเพียงเสียงเคลื่อนตัวของรถจนกระทั่งมันตอบกลับมาอีกครั้ง

[กูไม่แน่ใจในเรื่องนี้นะ แต่ถ้าจะให้แข่งกูก็พร้อมจะสู้]

“...”

[แฟนกู กูก็รักของกูมากป่ะวะ]

ไมล์กดวางสาย มันฟุบหน้าลงกับโต๊ะคล้ายกับคนสิ้นหวัง ฝั่งนู้นคงจะงงแหละว่าโทรมาถามอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ตัดสายไปซะดื้อๆ
 
“มึงไม่เจ็บเหรอ” ไมล์รำพึง

“เจ็บ” ผมตอบ “แต่มึงเจ็บกว่า...กูต้องทำเป็นไม่เจ็บ”

มันหันมามองหน้าผมพร้อมทำสีหน้าใกล้จะร้องไห้ แต่ไม่ร้อง

“กูผิดเอง”

“...”

“จริงๆ ไม่มีใครมาแทรกกลางเรื่องของกูกับอาสา กูต่างหากที่ไปแทรกกลางเรื่องของคนอื่นเอง”

“ทำใจเถอะนะ” ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองจับมือไอ้ไมล์เอาไว้ตลอด มันบีบมือผมแน่นขึ้นก่อนจะฟุบหน้าลงไปอีกครั้ง

เดี๋ยว ไอ้สัด มือกู...

ผมปล่อยมันไปดีกว่า อยากจับมือผมก็จับไป เพราะผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกดี ความรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างๆ ในเวลาที่เราเจ็บใจ เจ็บกาย และก็เปียกฝนอย่างกับลูกหมา

“ไปกันเถอะ” มันกระตุกมือผมให้ลุกขึ้นยืน

“ไปไหน”

“กลับโรง’บาล”

“แต่...”

“มึงจะตายอยู่แล้ว กูไม่ยอมให้มึงตายหรอกนะ”

ผมยังไม่ได้ป่วยถึงขั้นนั้นสักหน่อย แต่ก็ยอมๆ มันไปเพราะในที่สุดไอ้ไมล์ก็ใจเย็นลง ตอนอยู่ที่หน้าร้าน ผมกับมันมองหน้ากันว่าจะเอายังไง เพราะฝนยังไม่ยอมหยุดตกเลย

“เดี๋ยวกูวิ่งไปเอาร่มที่รถ”

“สัด ไม่เอา กลับเข้าร้านดีกว่า” ฝนตกหนักขนาดนี้ มันออกไปไม่ถึงสองวิก็คงเปียกไปทั้งตัวแน่ๆ

“มึงต้องกลับโรง’บาล”

มันวิ่งฉิวออกไปแล้ว ผมได้แต่มองตามด้วยสายตาละห้อย ปกติแล้วควรจะสลับกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงต้องเป็นฝ่ายวิ่งไปเอาร่มมารับคุณชายแน่ๆ แต่วันนี้คุณชายได้เปลี่ยนไปแล้ว

ตั้งแต่ที่ผมเจ็บตัว มันก็เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ

ผมว่ามัน...น่ารักขึ้นนะ







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-08-2017 23:18:59





ตอนที่ 23



วันต่อมา

“เอาไงดี” อาสากับผมเดินไปเดินมาหน้าห้องพักของไอ้เตในโรงพยาบาล ตอนนี้เราสองคนรู้แล้วว่าเตตามหาไมล์จนเจอด้วยการออกไปทั้งๆ ที่ใส่ชุดผู้ป่วยอยู่ มันสองคนต้องอยู่ข้างในห้องแน่ๆ

“ถ้ามึงไม่พร้อม เดี๋ยวกูเข้าไปคนเดียวก็ได้นะ” ผมพูด

“ถ้าพวกมันรุมต่อยมึงล่ะ”

“ก็ยอมให้แม่งต่อย”

“เฮ้ย”

“ทำไงได้ล่ะวะ ถ้าพวกมันจะโกรธก็ไม่ผิดอ่ะ”

ผมเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วล่ะ จะรักอาสาก็ต้องยอมเจออะไรแบบนี้ มันสองคนชอบอาสามาก่อน และผมก็เป็นคนมาทีหลังแถมยังฉกไปเฉย มันไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะกระไรอยู่

“ไปด้วยกันนี่แหละ” อาสาเอ่ยในที่สุด “กูจะไม่หนีพวกมันอีกแล้ว”

ผมสบตากับอาสา ปล่อยให้อาสาได้สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สักครู่ ไม่นานนักผมก็เคาะประตูห้องพักไอ้เต ได้ยินเสียงคนร้องบอกให้เข้าไปได้ เราทั้งสองคนจึงเดินเข้าไป

ในห้องมีไอ้เตกับไอ้ไมล์อยู่กันสองคน สภาพเตไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันขมวดคิ้วขณะที่หลับอยู่ แสดงว่าคนที่เรียกเราสองคนเข้าไปก็คือไอ้ไมล์

“มันหลับว่ะ” ไมล์พูด ยังดูไม่ค่อยกล้าสู้หน้าพวกผมสองคน “นั่งก่อนมั้ย”

ผมกับอาสาเดินไปนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ไมล์หันหลังให้เราสองคนอยู่พักใหญ่ จากนั้นมันก็หันมาหาอย่างกะทันหัน
อาสาสะดุ้ง ส่วนผมกระแอมนิดหน่อย

“กูขอโทษ” ไมล์เอ่ย

“กูขอโทษ” ผมเอ่ยบ้าง

“กู...ขอโทษ” อาสาเอ่ยตามๆ มา

เราสามคนมองหน้ากัน แล้วก็พากันถอนหายใจกันหมด

“กูผิดเองอ่ะ” ไมล์เริ่มกลับมาเป็นตัวเอง “กูไม่รู้เรื่องรู้ราวห่าอะไรเลย”

“กูต่างหากที่ผิดอ่ะ”

“กูเองก็ผิด”

“พอเลยมึงสองคน” ไมล์พ่นลม “เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรามาเริ่มต้นกันใหม่ ที่ผ่านมาถ้ากูทำอะไรผิดหรือทำให้พวกมึงผิดใจกัน ทะเลาะกัน กูขอโทษจริงๆ นะเว้ย”

อาสาสะกิดสีข้างของผม ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เพราะกูไม่รู้เรื่องของพวกมึงสองคนอ่ะ กูไม่รู้จริงๆ”

“ไม่เป็นไร” ผมพูดบ้าง “กูเองก็...คาบคนที่มึงชอบมาแดกอย่างหน้าด้านๆ”

“อย่าพูดอย่างนั้นดิวะ อาสาก็ชอบมึงนะ”

“ไม่รู้ว่ะ กูรู้สึกผิดนะ แต่กูก็ชอบมันอ่ะ จะให้กูทำไง”

“ไม่เป็นไร”

“มึงสองคนพูดเหมือนกูไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เลยเนอะ” อาสาค่อยๆ เอ่ย

“มึงนั่งเงียบๆ ไป” ไมล์กล่าว ก่อนจะหันมาหาผม “ไม่เป็นไร เริ่มใหม่กัน”

ผมรู้ว่าไมล์ไม่ได้ทำใจได้ง่ายอย่างเช่นคำที่มันพูด สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือมันคงไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ผมยังคงรู้สึกผิดอยู่ ไม่ว่าจะยังไงก็ยังไม่สามารถลบความรู้สึกผิดนี้ออกไปจากใจได้ แต่ก็ถือว่าผมโชคดี อย่างน้อยเพื่อนสองคนนี้ก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังผม พวกมันยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และผมเองก็ควรจะดูแลอาสาให้สมกับการที่พวกมันปล่อยให้ผมกับอาสาได้รักกัน

อาสามองผมพร้อมกับส่งรอยยิ้มแห้งๆ มาให้ ถึงไมล์จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่มันก็ยังไม่สามารถสบายใจได้อย่างเต็มที่อยู่ดี มันก็คงรู้สึกเหมือนผมอ่ะ

เราสองคนจึงได้แต่นั่งเงียบๆ มองดูไมล์ผู้ซึ่งมองดูเตอีกทีหนึ่ง

“ถ้าเตมันไม่ออกไปหากูทั้งๆ ที่ใส่ชุดคนป่วยแถมยังตากฝน กูอาจจะแผลงฤทธิ์มากกว่านี้”

“มันเป็นห่วงมึงมากนะ” ผมพูด “กูไม่เคยต้องรับสายมันมากขนาดนี้มาก่อน”

“กูรู้สึกผิดเลย”

“มึงไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ เตมันคงสบายใจ” อาสาพูดบ้าง

“แต่มันเป็นหนักขึ้นนะ หมอบ่นมันแทบตาย” ไมล์เอามือนวดขมับ “เพราะกูแท้ๆ”

“มันเป็นไงบ้าง”

“ไข้ขึ้น และก็เปลี่ยนเฝือกอันใหม่อ่ะ อาจจะต้องนอนพักไปยาวๆ”

ผมมองไอ้เตอย่างสลดใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเลย ผมควรจะเปลี่ยนเวรกับไมล์มาเฝ้ามันบ้างนะ

“วันนี้มึงจะไปทำอะไรที่ไหนหรือเปล่า เดี๋ยวกูกับอาสาอยู่เฝ้าให้” วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ โชคดีไป

“กูเฝ้าเอง ไม่เป็นไร” ไมล์คงคิดไปแล้วว่าเตเป็นหนักขึ้นเพราะมันจริงๆ “มึงสองคนอ่ะ จะไปสวีตที่ไหนก็ไปๆ”

“สาด ใครจะกล้าไป” อาสาโวยวาย

“มึงจะอยู่เฝ้าเชี่ยเตกับกูทั้งวันหรือไง”

“แน่นอนสิ” อาสาหันมาหาผม “ทนายมันก็จะเฝ้าเหมือนกัน”

ในเมื่อไล่ไปไหนก็ไม่ไป ไมล์ก็เลยยอมแพ้ ผมกับอาสานั่งเฝ้าไอ้เชี่ยเตอยู่แบบนั้น จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง

บรรยากาศเดิมๆ ของพวกเราเริ่มกลับมาเหมือนตอนที่ผมเข้ามาอยู่ห้อง 204 ใหม่ๆ ไอ้ไมล์กับอาสาเริ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พวกมันห่างๆ กันไป ผมมองดูมิตรภาพระหว่างคนสองคน ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจางลงไปได้ง่ายๆ แม้จะมีเรื่องความรักมาแทรกกลาง แต่สองคนนี้ยังไงก็ไม่มีวันเลิกเป็นเพื่อนกัน

ผมดีใจที่เตกับไมล์ไฟเขียวให้ผมกับอาสา ผมไม่ลืมเบียร์ยี่สิบลังสำหรับเต ดีไม่ดีอาจจะเพิ่มเป็นสามสิบลังเพราะจะได้เผื่อไอ้ไมล์ด้วย ต้องรอให้เตหายซะก่อน

ตอนบ่ายมีเหตุการณ์น่าลุ้นระทึกเกิดขึ้น แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พวกหอสองบุกเข้ามาหาไอ้เตเกือบสิบคนจนพี่พยาบาลปวดหัว แกนนำก็คือพี่สงคราม พี่มันสั่งให้พวกที่รุมทำร้ายไอ้เตวันนั้นมากล่าวขอโทษ ไอ้เตมึนมาก มันบอกว่าไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรมาก เพราะมันเองก็ด่าหอสองไปเยอะเหมือนกัน สรุปก็คือเรื่องนี้จบลงได้ในที่สุด แต่พี่สงครามไม่วายหันมาบ่นกับผม

“กูทำขนาดนี้เชี่ยอ้ายแม่งก็ยังไม่หายโกรธกู”

พี่สงครามกับพี่อ้ายนี่ยังไง แม้คนหนึ่งจะเป็นประธานหอสองและอีกคนเป็นประธานหอสาม แต่ก็ดูแคร์กันมากเกินกว่าจะเป็นหอที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน

ถ้ามากกว่านี้อีกนิดผมจะจิ้นแล้วนะ...

“เอาน้ำมั้ย” ไมล์ถามเต

“เอา ขอเย็นๆ” เตพูดเสียงแหบ

“ไม่ได้ ต้องแดกน้ำอุณหภูมิห้อง”

“กูจะแดกน้ำเย็น”

“ไม่ได้โว้ย”

ไอ้คู่นี้ก็น่าจิ้นเหมือนกันแฮะ...






คะแนนสอบมิดเทอมวิชาแรกประกาศแล้ว

ผมผ่านมีนมาเยอะมาก แต่ไม่ได้ท็อปครับ คนที่ได้ท็อปวิชานี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้โจ้จากหอหนึ่ง คู่ปรับตลอดกาลของไอ้โอ๊ค มันบ่นเรื่องนี้หนักมาก บ่นเช้าบ่นเย็น แถมยังพูดกับผมอีกด้วยว่าวิชานี้ปล่อยแม่งชนะไปก่อน วิชาอื่นก็คอยดูกันต่อไป

แม่งยังไม่สำนึกอีกว่าคนที่มึงแข่งด้วยมาจากหอหนึ่ง กูขอย้ำว่าหอหนึ่ง หอหนึ่งในตำนานนะเว้ย

ผมเข้าใจคำว่า ‘หอหนึ่งเรียนเก่งเหี้ยๆ’ แล้วในที่สุด เพราะตอนคะแนนประกาศ ไอ้พวกหอหนึ่งแม่งก็ชิงระดับท็อปไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกปีสองจากหอหนึ่ง อาสาถึงกับหลุดอันดับไปเยอะแต่ก็ถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งของหอสามอยู่ดี มันเรียนเก่งจริงๆ สมคำเล่าลือ

“กูจำได้ว่ามึงซิ่วมาจากหมอ” อาสาพูดขึ้นมาตอนที่เราอยู่ในห้อง 503 ด้วยกันตามลำพัง “มึงควรจะได้คะแนนเยอะกว่านี้ป่ะวะ”

อื้อหือ แบบนี้เรียกว่าดูถูกหรือเปล่าครับเนี่ย

“สาด”

“ล้อเล่นน้า” อาสาเอื้อมมือมาบีบแก้มผม

“พวกหอหนึ่งมอมึงอ่ะแม่งน่ากลัวเหี้ยๆ คนหรือยอดมนุษย์”

“ก็วันๆ พวกมันเอาแต่อ่านหนังสืออ่ะ มึงก็มีเพื่อนอยู่หอหนึ่งไม่ใช่เหรอ”

“มึงพูดแบบนี้ทำกูขึ้นเลยนะเนี่ย กูอยากเอาชนะพวกนั้น”

“เดี๋ยว กูแค่แซวเล่นเองว่ามึงซิ่วมาจากหมอ ควรทำคะแนนให้ได้มากกว่านี้ ไม่ใช่ให้มึงไปแข่งกับคนพวกนั้น”

“จะได้วัดไงว่ากูเองก็มีดี”

“...”

“แต่พวกหอหนึ่งมันไม่น่าวัดด้วยเลยว่ะ กูขอยอมเรื่องเรียนพวกแม่งจริงๆ”

พูดถึงเรื่องเรียน มันทำให้ผมพานนึกไปถึงเรื่องที่ตกลงกับแม่เอาไว้ ผมยังไม่ได้เล่าให้อาสาฟังเลย และตอนนี้ผมควรจะเล่าได้แล้ว

“มึง”

“ว่าไง”

“จริงๆ แล้วกูมีข้อตกลงกับแม่ว่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา

“ข้อตกลงอะไรวะ”

“เกรดเทอมนี้กูต้องได้เอทุกตัว ไม่งั้นแม่จะจับกูเข้าไปเรียนมอทัพไทย”

อาสาหันมาถลึงตาใส่ผม “อะไรนะ”

“ตามนั้นเลย”

“เฮ้ย นี่มันเรื่องใหญ่มากนะเว้ย” ฉิบหายแล้วกู ผมกลืนน้ำลายตอนที่ใบหน้าของอาสาเริ่มบึ้งตึงขึ้นมาเรื่อยๆ “มึงจะเรียนปีหนึ่งอีกครั้งหนึ่งหรือไง”

“สัด ไม่เชื่อใจกูเลยเหรอ”

“เกรดเอทุกตัวมันยากนะ เทอมที่แล้วกูยังมีเกรดบี บีบวกเลย”

ผมถึงกับอึ้งกิมกี่

“พวกหอหนึ่งดึงมีนน่ะ แล้วอาจารย์เขาใช้คะแนนอิงกลุ่ม พวกหออื่นตายเรียบ รวมถึงกูด้วย”

ชักจะหมั่นไส้ไอ้หอบ้านี่ขึ้นมาแล้วนะ แต่ผมก็ไม่ควรจะสร้างศัตรูเพิ่ม อีกอย่างไอ้เชี่ยป๊อบเพื่อนผมมันก็อยู่หอนี้ ไม่รู้ล่ะ ผมแค่หมั่นไส้ เพราะถ้าไม่ได้เกรดเอทุกตัวขึ้นมา ผมต้องไปทักทายเซย์ไฮพี่ทัพ ผู้บริหารของมหา’ลัยทัพไทยแน่ๆ (จำชื่อได้แล้วในที่สุด)
 
ตอนที่ผมยังอึ้งอยู่ อาสาก็ลุกขึ้นเดินไปไหนไม่รู้ จากนั้นมันก็วางชีทกองเบ้อเริ่มเอาไว้ตรงหน้าผม
 
“อ่านทุกวัน อ่านให้ตายไปข้าง” อาสาพูดเสียงดังลั่น “ไม่อ่านไม่ต้องจูบ”

“มึงจะทนไหวเหรอ” ผมแกล้งเย้า อีกฝ่ายทำเป็นเชิดหน้า

“ไหว”

“...”

“ไม่ได้นะ มึงต้องอยู่กับกูนะ” อาสาเริ่มขาดสติ มันเขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง “กูไม่ยอมให้มึงไปไหนทั้งนั้นโว้ย”

คิดถูกหรือคิดผิดที่บอกมันเนี่ย แต่ตอนมันกังวลก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ

“เชื่อใจกูสิ” ผมยักคิ้ว “กูซิ่วมาจากหมอนะ”

“ให้มันจริง”

“กูจะอ่านหนังสือทุกวันเลย”

“อยากได้เกรดเอทุกตัวใช่มั้ยล่ะ”

“เปล่า กูอยากจูบมึง” พูดจบผมก็ดึงตัวอาสามานั่งบนตัก จากนั้นก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของมันแรงๆ หนึ่งที

ชื่นใจฉิบหาย

“จูบก่อนอ่านได้ไง” มันแกล้งโวย เตรียมพร้อมจะลุกหนี แต่ผมไม่ให้มันไปไหนง่ายๆ “อาสา จำเรื่องนั้นได้ป่ะ”

“เรื่องไหน”

“เรื่อง...อย่างว่าไง” ผมทำหน้ากรุ้มกริ่ม ขณะที่อาสาไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับผมเลย มันทำหน้าบึ้งตึงขึ้นมาซะอย่างงั้น

งูพิษของกูจะมาไม้ไหนอีกวะ

“กูไม่ยอมแล้ว”

เหมือนมีเสียงฟ้าร้องดังครืนๆ ทั้งๆ ที่ข้างนอกฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตก ผมแม่งช็อกเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ทำไมจู่ๆ ก็ไม่ยอมผมเฉยเลยล่ะ ทำไมล่ะทำไม

น้องชายผมจะต้องโวยวายหนักมากแน่ๆ ผมรู้สึกได้เลย

“ทำไมอ่ะ” เสียงของผมโอดครวญเกินกว่าจะให้เพื่อนหน้าไหนมาฟังทั้งนั้น ไม่งั้นโดนล้อยันเกษียณแน่ๆ

“กูไม่อยากพูดถึง” อาสาลุกหนีจากผมแล้ว

งูพิษเอ๊ย เรื่องนี้อย่าแกล้งเชียวนะ มันเรื่องใหญ่มากนะเว้ย

“อาสา บอกมาสิว่าทำไมอ่ะ” ผมต้องเดินตามเพื่อไปจับมือจับไม้ของมัน

“กูไม่อยากพูดถึงจริงๆ”

“...”

“เดี๋ยวจะทะเลาะกัน”

เหี้ย ผมทำอะไรผิดป่ะวะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาสาไม่ยอมผมแล้วล่ะ ผมต้องมีความผิดบางอย่างที่ทำให้อาสาไม่สบายใจ ว่าแต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ

“บอกกูมาเถอะ กูจะได้รู้ว่ากูผิดอะไร”

“...”

“อย่าลืมนะว่าเราเคยคุยกันไว้ว่ามีอะไรให้บอกกันตรงๆ”

อาสาถอนหายใจ มันมองหน้าผมด้วยสีหน้าเหงาหงอย
 
“มึงยังละเมอถึงชื่อแฟนเก่าอยู่เลย”








ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เชี่ยป๊อบ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เปิดประตูโว้ย”

ไม่ใช่ไอ้ป๊อบที่เป็นคนมาเปิดประตู แต่เป็นรูมเมตของมัน คนมาเปิดประตูให้มองหน้าผมเหมือนผมไปฆ่าคนในครอบครัวของมันมา ซึ่งผมก็เข้าใจมันเป็นอย่างดี ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า ผมซึ่งอยู่หอสามแต่มาเดินเล่นอยู่ที่หอหนึ่ง อีกทั้งยังมากวนเวลาอ่านหนังสือของมันอีก จะไม่ให้มันมองจิกผมได้ยังไง

“คุณหล่อก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะทำอะไรก็ได้นะครับ”

ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ทนการมองจิกของคนคนนั้นอยู่อีกประมาณสองถึงสามนาที ไอ้ป๊อบมันก็เดินออกมา

“โทษทีกูไปอาบน้ำมา” ไอ้ป๊อบเอ่ย มันแทรกตัวออกมาจากห้อง ดันตัวรูมเมตของมันเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ปิดประตู “มึงนี่ก็มาหอกูเหมือนไม่มีกฎมีเกณฑ์อะไรเลยเนอะ”

“กูรู้ว่าพวกหอหนึ่งไม่มีเวลามาหาเรื่องกูหรอก”

“เออ จริงว่ะ” ไอ้ป๊อบกอดอก “มึงมีไร”

“มีที่นั่งมั้ย”

“สุดทางเดินมี”

ไอ้ป๊อบเดินนำผมไป มันไล่เด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่ก่อนแล้วออกไป เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันเป็นขาใหญ่ของหอนี้

“กูเป็นเดือนหอปีนี้” มันยักไหล่ราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร

“เดือนหอหนึ่งนี่่้ได้อะไร ของหอสามกูได้เลือกอยู่ห้องตามอำเภอใจ”

“เดือนหอกูน่ะเหรอ เลือกที่อ่านหนังสือได้ทุกที่”

“แต่ครั้งนี้มึงไม่ได้อ่านหนังสือนี่”

“มึงจะคุยกับกูมั้ยสัดทนาย”

ขอจบการอยากรู้เรื่องหอคนอื่นแต่เพียงเท่านี้

“มึงจะฟังเรื่องแบบสั้นๆ หรือมึงจะฟังแบบยาวๆ กูรู้ว่ามึงไม่ค่อยมีเวลา” ผมรู้ใจเพื่อนดีจึงได้ถามคำถามแบบนี้ออกไป
 
“สั้นๆ สิ เวลาเป็นเงินเป็นทอง”

“ได้”

“...”

“อาสาไม่ให้กูเอา เพราะกูละเมอชื่อแฟนเก่า”

สิ้นคำพูดผม ไอ้ป๊อบถึงกับต้องอ้าปากค้าง

“มึงคบกับอาสาแล้วหรือว่าจะนอนกันเฉยๆ วะ!”

“ไอ้สัด คบแล้วดิ”

“กูเพิ่งรู้!”

“นึกว่ามึงเดาได้แล้ว”

“กูเดาออกที่ไหนกันเล่า กูรู้แค่ว่ามึงชอบ แต่ก็...” มันทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้ “เออว่ะ อาสาก็ชอบมึงเหมือนกันนี่หว่า คบกันก็ถูกแล้วป่ะวะ”

“มึงรู้ได้ไง”

“ก็ตอนที่แอลมา เขาไลน์มาคุยกับกูเรื่องแอล บอกว่าแอลมันดูดีโน่นนี่ เขาคงกลัวมึงรีเทิร์นนั่นแหละ”

“กูเพิ่งรู้นะเนี่ย” ถ้าตาผมเป็นรูปหัวใจได้ มันคงเป็นไปแล้ว “ที่กูบอกมึงว่ากูเครียดไง เรื่องนี้แหละที่กูจะเป็นบ้าตาย จำไม่ได้เหรอ”

“เริ่มจำได้แล้ว สรุปคือมึงคบกับอาสาแล้ว?”

“ใช่” ผมไม่รู้จะปิดไอ้ป๊อบไปทำไม ในตอนแรกคนที่ผมไม่อยากให้รู้เรื่องผมกับอาสามากที่สุดก็คือไอ้เตกับไอ้ไมล์ ตอนนี้พวกมันสองคนรู้แล้ว เพราะงั้นผมไม่จำเป็นต้องปิดบังใครอีก

“แล้ว...เขาไม่ให้มึงเอา?”

“เออ กูกลุ้มอยู่เนี่ย”

“มึงไปละเมอชื่อแอลทำไมล่ะ”

“นั่นแหละปัญหา” ผมทึ้งหัว “อาสาคงคิดว่ากูมีเยื่อใยกับแอลอยู่”

“แล้วมึงมีมั้ยล่ะ”

“ไม่มี” ผมตอบทันที “หัวกูนี่มีแต่อาสา อาสา และก็อาสา ไม่เชื่อมึงลองมาแงะดูสิ”

“สัด กูเรียนแต่การแงะขากรรไกรคน กูไม่ได้เรียนการแงะสมองคน”

“มึงได้เรียนการแงะหัวใจมั้ย อาสาก็อยู่ในนี้นะ”

“มึงจะมาเสี่ยวกับกูให้ได้อะไรครับเพื่อน ไปเสี่ยวกับอาสาโน่น”

“จะอะไรก็ช่าง มึงต้องเชื่อใจเพื่อนมึง”

“อืมมมม” ป๊อบมองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ “ถ้าจะให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องที่มึงละเมอเป็นชื่อแฟนเก่านะ...กูไม่รู้ว่ะ” แรกๆ เหมือนจะดูดี แต่ทำไมถึงกลับลำทำให้หงายเงิบขนาดนั้น “แต่ถ้าจะให้กูเดาตามประสาบ้านๆ จิตใต้สำนึกของมึงยังไม่ลืมแอล และแน่นอนว่าอาสาก็คงจะคิดว่ามึงไม่ลืมแอลเช่นเดียวกัน”

“กูลืมแล้วจริงๆ นะ” ผมร้องลั่น “ฉิบหายแล้ว ทำไงดีวะ”

“มึงอยากเอาเขาขนาดนั้นเลยหรือไง” ป๊อบเลิกคิ้วจับผิดผม

“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นดิวะสัด”

“...”

“อาสามันจะเชื่อใจกูน้อยลง”

“แล้วมึงไปละเมอทำไมเล่า”

“กูจะไปรู้มั้ย” ผมกังวลมาก “อาจจะแค่ครั้งสองครั้งมั้ง”

“ครั้งสองครั้งก็ทำเขาจำได้ไปจนตายเลยนะ”

“ป๊อบ มึงทีมกูมั้ยเนี่ย”

“กูย้ายทีม กูจะอยู่ทีมอาสา”

“กูเพื่อนมึงตั้งแต่ ม.ปลาย”

“อาสาน่ารัก ถ้าจะให้เลือกระหว่างมึงกับอาสา กูเลือกอาสา”

ไอ้ฟาย แฟนมันนั่งหัวโด่อยู่นี่ เดี๋ยวปั๊ด...

“กูไม่รู้จริงๆ ว่ะว่าควรทำไง มึงต้องทำให้อาสาเชื่อใจด้วยตัวของมึงเอง และก็...เลิกละเมอชื่อแฟนเก่าได้แล้ว”

“กูจะเลิกยังไงดี”

“หลังจากเลิกกัน มึงได้เคลียร์กับแอลบ้างหรือยัง” ป๊อบยิงคำถามใส่ผม

“เขามีคนใหม่แล้วเขาก็บอกเลิกกู เลิกปุ๊บ จบปั๊บ ไม่ได้คุยกันอีกเลย”

“ลองคุยบ้างอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ” ป๊อบลองเสนอแนวทาง “ที่มึงยังเพ้อถึงชื่อแอลอยู่อาจเป็นเพราะมันยังคาราคาซัง”

“ไม่นะ” ผมขอทะเลาะกับจิตใต้สำนึกของตัวเองหน่อยเหอะ “กูคลั่งอาสาจะตายห่า กูไม่ได้คิดถึงแอลเลย”

“ผิดกับเชี่ยแอลนะ”

“ทำไม”

“มันยังคิดถึงมึง”

ผมอ้าปากค้างหน่อยๆ “โม้”

“จริงๆ มันบอกกูว่าที่มันเลิกกับมึงเพราะว่าที่บ้านสั่งให้เลิก”

“บ้านใคร”

“บ้านมัน”

“หา?” เป็นความจริงที่ผมเพิ่งรู้ “พูดจริงป่ะวะ ตอนนั้นมันควงคนใหม่เย้ยกูนะ”

“แอลจะควงใครก็ได้ป่ะวะ หน้าอย่างมันแค่ยืมตัวมาควงหลอกๆ ใครๆ เขาก็ยินดีมาทำให้”

ผมพูดอะไรไม่ออก ไอ้เชี่ยป๊อบไม่มีวันโกหกผมแน่ๆ เพราะงั้นเรื่องนี้คงมีส่วนจริงอยู่ค่อนข้างมาก และผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแอลถึงยอมเลิกกับผมง่ายๆ ถ้าเป็นเพียงเพราะที่บ้านสั่งให้เลิก

ทำไมแอลไม่สู้

“บ้านมันไม่ถูกกับโสภาพรรณ...กรุ๊ป” ยังดีนะที่มันพูดถึงชื่อบริษัท ไม่ได้พูดถึงชื่อแม่ผมเฉยๆ “ช่วงนั้นเหมือนจะมีปัญหากันเพราะทำธุรกิจเหมือนกันและก็แข่งกัน แม่ไอ้แอลเป็นพวกหัวดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง ก็เลยบังคับลูกชายให้เลิกกับมึงนี่ไง”

“กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“ตอนนั้นมึงทะเลาะกับพ่อแม่เรื่องจะซิ่วออกจากหมออยู่ไง”

ผมอดที่จะรู้สึกหัวใจวูบไหวไม่ได้ นึกไปถึงสายตาของแอลก่อนเราจะแยกกันที่สวนอาหารของบ้านมัน มันมองเหมือนยังชอบผมอยู่เลย

“สายเกินไปแล้วว่ะ” ผมพูดตรงๆ “ตอนนี้กูเป็นแฟนอาสาแล้ว”

“เรื่องนั้นมันก็รู้” ไอ้ป๊อบหัวเราะหึๆ “แค่มันเห็นมึงมองอาสา มันก็ยอมแพ้แล้ว”

ผมนั่งคอตก รู้สึกอยากถอนหายใจยาวๆ

“เห็นทีคงต้องหาเวลาโทรไปเคลียร์”

“เกิดมาหล่อก็ต้องทนหน่อยนะ” ป๊อบตบไหล่ผม

“แต่ต้องเคลียร์กับอาสาก่อน แฟนปัจจุบันต้องมาก่อน”

“คือมึงอยากเอาเขาไง”

“สัด ให้เกียรติแฟนกูด้วย”

“ขอโทษครับ”

“ขอบใจมากนะ ไว้วันหลังนัดกันกับไอ้พวกนั้น”

“โอเค โชคดีนะมึง”

“...”

“ถ้ามึงทำอาสาเจ็บ กูเสียบต่ออย่างรวดเร็วแน่ๆ กูขอรับรอง”

“เอาตีนกูไปแดกไป”









ห้อง 503

ผมคิดไม่ตกจนนอนไม่หลับ ตอนนี้คนอยู่ข้างๆ ผมนอนหลับปุ๋ยอย่างสงบเป็นที่เรียบร้อย มีแต่ผมที่ยังคงตื่น แถมยังพลิกตัวไปมาและก็ตาสว่างมาก

เรื่องของแอลรบกวนจิตใจของผม รู้สึกเหมือนผมติดค้างคำขอโทษของมันอยู่ เราเลิกกันทั้งๆ ที่ไม่ใช่เหตุผลเรื่องแอลมีคนใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น...ผมกับแอลก็จบกันไปแล้ว

“เชี่ยเอ๊ย สัดแอล”

ผมอดบ่นพึมพำออกมาไม่ได้จริงๆ

ตอนนั้นอาสาดันลืมตาตื่น ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินในสิ่งที่ผมเพิ่งจะรำพึงออกไป

ปัญหาเล็กๆ เริ่มก่อตัว โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจ







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-08-2017 23:23:01




ตอนที่ 24
พาร์ตของไมล์






‘สัดไมล์ อย่าถ่ายได้ป่ะ’
‘ขอถ่ายหน่อย มึงก็ออกจะดูดี’
‘ดูดีเหี้ยอะไรล่ะ กูเป็นสิวโว้ย’
‘เห็นไม่ชัดหรอก’
‘ไอ้เหี้ยไมล์’

“ยังไม่เลิกเพ้ออีกเหรอ” ผมสะดุ้งสุดตัวตอนที่คนป่วยส่งเสียงดัง “อ่อนแอสัดๆ”

พูดแบบนี้แม่งขึ้นเลยนะเนี่ย

“อ่อนแอห่าไรล่ะวะ กูก็แค่ดูคลิปเก่าๆ ก่อนที่จะลบทิ้ง”

“อาสามันไปสู่ประตูสวรรค์กับทนายแล้ว”

“มึงพูดเตือนตัวเองอยู่เหรอวะ”

“ขอด่ามึงเป็นตัวพยัญชนะย่อของคำว่าคิด วิเคราะห์ แยกแยะ”

“มึงด่าสั้นๆ ก็ได้มั้ง จะพูดยาวๆ ทำไม”

“-วย”

ไอ้เตด่าผมได้แสดงว่ามันดีขึ้นมากแล้ว ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาผมอยู่กับมันตลอดเลยครับ ถ้าไม่ใช่เวลาเรียน สถานที่ที่ผมอยู่ก็คือห้องพักในโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งนี้นี่แหละ

ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ สภาพจิตใจผมดีขึ้นมากตามลำดับ ตั้งแต่ตอนที่ผมได้รับรู้ว่าทนายมันรักอาสาในแบบที่ผมไม่สามารถรักได้ ผมก็เริ่มยอมแพ้ สมมติถ้าอาสาถูกพี่สงครามลากตัวไปอีกหน ผมคงไม่กล้าบ้าบิ่นไปบุกหอสองคนเดียวแบบที่ทนายเคยทำ
อย่างน้อยผมก็จะเรียกไอ้เตไปเป็นเพื่อน

ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วที่ชีวิตผมมีแต่ไอ้เต ตอนที่ห้อง 204 ยังมีกันแค่สามคนซึ่งก็คือผม ไอ้เต และก็อาสา ผมก็เริ่มสนิทกับเตมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แม้จะมารู้ทีหลังว่ามันเองก็ชอบอาสาเหมือนกันกับผม แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้มิตรภาพระหว่างเราสองคนเปลี่ยนไปเลยสักนิด ตรงกันข้ามเรากลับสนิทกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้ความลับของกันและกัน

เตมันแตกต่างจากผม มันเป็นคนที่ชอบแต่ไม่แสดงออก ผมรู้ว่าผมต้องเป็นคนหลุดปากบอกอาสาก่อนมัน ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตผมอยากได้อะไรก็ต้องได้ตลอด บางทีจิตใต้สำนึกของผมคงอดรนทนไม่ไหวกับการเก็บความลับเรื่องความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออาสา จึงได้เอ่ยปากบอกอาสาว่าผมชอบมันตอนที่ผมเมา

ใครจะรู้ว่านั่นจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด ช่วงแรกไอ้เตก่นด่าผมใหญ่ หาว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้อาสาต้องออกจากห้องไป ไม่ต่างอะไรจากการขับไล่เพื่อนทางอ้อม ผมก็สวนมันกลับว่าผมเองก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ อีกอย่างจะให้เก็บความลับต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ทนไม่ไหวอีก ตอนนั้นอาสากับกอเตยก็เหมือนจะลงเอยกันแล้วด้วย นั่นยิ่งเป็นชนวนที่ทำให้ผมร้อนรุ่มอยู่ในใจ

แม้เราจะทะเลาะและเถียงกันเรื่องอาสาต้องย้ายออกจากห้อง แต่กลายเป็นว่าผมเคยชินที่จะต้องมีมัน ถ้าวันไหนไม่ได้เถียงมัน ผมคงนอนไม่หลับ ที่สำคัญไปกว่านั้นไอ้เตเป็นเพื่อนประเภทที่ยอมผมมากกกก มันยอมผมยิ่งกว่ายอมอาสาอีก ช่วงระหว่างที่อาสาหลบหน้าผม (และแน่นอนว่ามันไปตัวติดกับทนาย) ตอนนั้นไอ้เตได้อยู่ใกล้ชิดผมมากที่สุด ผมเพิ่งรู้ว่ามันยอมผมโคตรๆ ผมอยากได้อะไรมันก็พาไปหา ผมรู้สึกแย่มันก็ช่วยปลอบให้ผมดีขึ้น การที่มีมันอยู่ทำให้ผมลืมเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับอาสาไปชั่วขณะ

ตอนที่มันเจ็บตัว ผมก็ลืมเรื่องอาสาไปชั่วขณะเช่นเดียวกัน

ใจหนึ่งผมก็เจ็บปวดนะตอนที่รู้ความจริงเรื่องทนายกับอาสา แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้สึกโล่งอก เหมือนได้ตัดเอาความอึดอัดในหัวใจออกไป ไม่มีใครต้องมาคอยกังวลว่าผมจะไปอยู่ใกล้ใครหรือแสดงออกว่าชอบกับใคร ผมก็แค่เป็นผม

จริงๆ แล้วไม่เคยรู้สึกสบายตัวและสบายใจขนาดนี้มาก่อน

ระหว่างที่กดลบคลิปของอาสา ผมได้คิดถึงคำพูดของไอ้เตไปด้วย ตอนที่มันถามว่าผมชอบอาสาเพราะอะไร เหตุผลของผมช่างเบาบางเสียเหลือเกิน ผิดกับทนาย เหตุผลของมันหนักแน่นมากอีกทั้งยังจริงใจอย่างเต็มเปี่ยมทุกคำ

มันคงเกิดมาเพื่อเป็นพระเอกของอาสาจริงๆ

แล้วผมล่ะ ผมควรจะได้เป็นพระเอกของใครดี

“ไร้สาระว่ะ” ไอ้เตพูดหลังจากที่ผมคิดจบพอดี ผมสะดุ้งฉิบหาย เพราะแม่งพูดได้ถูกช่วงมากจนเหมือนมีการนัดคิว “การ์ตูนห่าไรเนี่ย”

มันดูทีวีอยู่ ที่จริงมันควรจะได้ออกจากโรงพยาบาลไวกว่านี้ แต่ด้วยความซ่าส์และบ้าพลังของมัน (มันใส่ชุดคนป่วยออกไปตามหาผม) หมอก็เลยอยากจะขอดูอาการของมันต่ออีกสักสองสามวัน การอยู่โรงพยาบาลนานเกินไปทำให้ไอ้เตกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด
และผมนี่แหละต้องเป็นคนรองรับอารมณ์มัน

ช่วงเวลาที่ผมพร่ำเพ้อ ไอ้เตเป็นคนรับฟังผมอยู่คนเดียว เพราะงั้นเวรกรรมได้ตามสนองผมแล้วล่ะครับ

“โยนรีโมตใส่ทีวีเลย” ผมแกล้งแหย่มัน

“กูจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร”

“...”

“อยากกินไอติมว่ะ”

“กินไม่ได้”

“กูไม่ได้เป็นหวัดนะ”

“กูไม่ให้แดกเฉยๆ เนี่ยแหละ”

“ไมล์ กวนตีนกูเหรอ”

“เปล่า แค่อยากให้มึงรักษาสุขภาพ”

ไอ้เตเลิกคิ้ว “ให้กูออกจากโรง’บาลให้ได้ก่อนเถอะ”

“มึงจะทำไร”

“กูจะเตะมึงก่อนเป็นอันดับแรก”

ผมหัวเราะที่ยั่วให้คนเจ็บตัวโมโหได้สำเร็จ จะว่าไปมันนี่แหละเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวของผมในตอนนี้ ไม่สิ มันเป็นความบันเทิงตลอดกาลของผม

มีวันไหนบ้างมั้ยเนี่ยที่ผมไม่มีมันอยู่ด้วย...ไอ้สัด ไม่มีเลยนี่หว่า อย่างน้อยผมต้องได้คุยกับมันหนึ่งประโยคทุกวันอ่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่เตพี่ไมล์ น้องอิ๊งเองค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงใสแจ๋วของน้องโรงเรียนเก่าของผม แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เอ่อ...แรงๆ ไปสักหน่อย (ก็แค่ขึ้นห้องกับไอ้เตน่ะครับ) แต่ก็ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้ายอะไร

ไอ้เตถึงกับดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าเลยทีเดียว

“เข้าไปแล้วนะคะ”

น้องอิ๊งไหว้ผมกับเตก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ซึ่งเอามาเยี่ยมไอ้เตโดยเฉพาะ

“ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว เดี๋ยวอิ๊งช่วยดูพี่เตต่อให้เอง พี่ไมล์ไปหาอะไรทานได้เลยนะคะ”

ผมอ้าปากเตรียมเอ่ยแย้ง ทว่าอิ๊งกลับเดินไปหาไอ้เตพร้อมๆ กับเตรียมป้อนอาหารกลางวันที่พยาบาลจัดมาให้เป็นที่เรียบร้อย อื้อหือ นี่อิ๊งพร้อมเป็นเมียไอ้เตเลยป่ะเนี่ย ทำไมดูกระฉับกระเฉงว่องไวขนาดนี้

ผมนี่ยืนทื่อคู่กันกับเสาน้ำเกลือเลยฮะ

ระหว่างนั้นเตส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาทางผมพอดี ผมเองก็ไม่มีอารมณ์อยากออกไปกินข้าวข้างนอกเหมือนกัน เพราะงั้นเห็นทีผมจะต้องช่วยเพื่อนก่อน อีกอย่างหนึ่งผมก็ไม่ได้เชียร์น้องอิ๊งให้ได้กับไอ้เตอะไรขนาดนั้น

“พอดีพี่ทานมาแล้วน่ะ” ผมโกหก “พี่ยืนดูอิ๊งป้อนอาหารเพื่อนพี่ได้”

“ติดเพื่อน น่ารักเชียว” อิ๊งเอ่ยแซว แต่เธอเอามือป้องปากพร้อมกับพูดอย่างไร้เสียงกับผมว่า ‘พี่ไมล์ออกไปเถอะค่ะ อิ๊งอยากอยู่กับพี่เตสองคน’

ฉิบหายแล้วไงกู อีกคนก็ขอให้ช่วย อีกคนก็ขอให้สนับสนุน

ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่สักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจทำมึนอยู่ในห้องต่อไป แกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์ ขณะที่น้องอิ๊งเริ่มป้อนข้าวไอ้เตอย่างจริงจัง

TAECHIT : พาน้องเขาออกไป

เตทักไลน์ผมมา ผมหันไปสบตากับมัน มันก็ส่งสายตาขู่

MILE : ให้กูพาน้องอิ๊งไปไหน
TAECHIT : มึงไม่ต้องไป แต่น้องอิ๊งต้องออกไป
TAECHIT : กูนึกว่าน้องเขายอมแพ้เรื่องกูแล้วนะ
MILE : มึงอาจจะมีดีก็ได้ น้องอิ๊งอาจจะชอบผู้ชายหล่อ
TAECHIT : ผู้ชายหล่อหาที่ไหนก็ได้ป่ะวะ ทำไมต้องเป็นกู


“พี่เตอย่าเพิ่งเล่นโทรศัพท์สิคะ ตั้งใจทานอาหารก่อน” อิ๊งแกล้งทำเสียงดุ คิดว่าไอ้เตมันจะกลัวมั้ยครับ มันก็เล่นโทรศัพท์คุยกับผมต่อเฉยน่ะสิ

MILE : ให้กูถามให้มั้ย
TAECHIT : เออ อยากรู้เหมือนกัน


ผมเตรียมอ้าปากถาม แต่ไอ้เตส่งสัญญาณมือบอกผมว่า ‘ไม่ใช่ตอนนี้ ไอ้สัด’

TAECHIT : กวนตีน
MILE : กลัวมึงแดกข้าวไม่อร่อยไง เห็นทำหน้าเครียด
TAECHIT : กูอยากอยู่เงียบๆ
TAECHIT : ห้องนี้มีแค่มึงมันก็ดีอยู่แล้วป่ะวะ


โอ้โห กูซึ้งใจได้มั้ยวะเพื่อน ผมไม่คิดว่ามันจะพูดแบบนี้ และนั่นเป็นคำพูดที่ถูกอกถูกใจผมมากเลยทีเดียว

“น้องอิ๊ง จริงๆ แล้วหมอสั่งให้เตมันนอนพักผ่อนเลยอ่ะ” ผมแถอีกแล้วครับ “เดี๋ยวกินคำนี้เสร็จมันต้องกินยาและก็นอนเลย โอเคนะ”

“ได้ค่ะพี่ไมล์” น้องแม่งจริงจัง สงสัยอยากเป็นเมียไอ้เตจริงๆ

อิ๊งช่วยดูแลตามที่ผมบอก ไม่นานนักเตก็แกล้งทำเป็นนอนหลับ น้องอิ๊งทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะลุกหนีออกไปไหนทั้งสิ้น

“อิ๊งไม่กลับเหรอ”

“วันนี้อิ๊งว่างค่ะ อิ๊งช่วยดูแลพี่เตได้”

“อิ๊งเป็นไรกับมันอ่ะ” ผมถามตรงๆ สาเหตุที่ผมถามเพราะอยากให้น้องเขาคิดทบทวนว่าตัวเองเป็นอะไรสำหรับไอ้เต ที่กำลังทำอยู่นี่มันเกินหน้าที่ไปหรือเปล่า อะไรเทือกๆ นั้น ไม่ใช่เพราะผมอยากสอใส่เกือกนะครับ

น้องโรงเรียนเก่าผมทำท่าเขิน “อิ๊งชอบพี่เต อยากเป็นแฟนพี่เตค่ะ ไม่อยากเป็นแค่กิ๊ก”

ได้ยินมั้ยวะไอ้หนุ่มฮอตของหอสาม ผมสังเกตเห็นว่าหน้าไอ้เตกระตุกนิดหน่อย มันคงได้ยินสิ่งที่น้องอิ๊งพูดเต็มๆ

“งั้นเหรอ” ผมรำพึง “งั้นวันนี้อิ๊งกลับก่อนดีมั้ย ยังไงเตมันก็นอนยาวอยู่แล้ว มันตื่นอีกทีคงจะค่ำเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ อิ๊งชอบตอนพี่เตหลับ พี่เตหล่อเหมือนตอนตื่น”

เชี่ยเต กูเริ่มไม่มีอะไรจะมาช่วยมึงแล้วนะ

“งั้นก็ตามใจอิ๊งเลย”

“ขอบคุณค่ะพี่ไมล์”

“...”

“พี่ไมล์จะออกไปไหนก็ได้นะคะ เดี๋ยวอิ๊งอยู่เอง”

พี่จะทิ้งเพื่อนพี่ได้ไงล่ะครับน้อง! ผมชักจะปวดหัวกับน้องอิ๊งแล้วนะครับ ตอนแรกเธอก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่หลังจากที่เธอเอาแต่ย้ำๆๆ ให้ผมออกไปจากห้อง ผมก็ชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ปกติอิ๊งไม่เคยอยากได้ใครขนาดนี้นี่นา” ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กัดฟันขณะพูด

“บ้าน่า พี่ไมล์ อย่าเอ็ดไป” อีกฝ่ายทำท่าเขินอย่างมีจริตจะก้าน พร้อมๆ กับตีแขนผมเบาๆ ผมบอกแล้วไงครับว่าเธอเป็นคนแรง เรื่องคำพูดแค่นี้เธอรับได้ สบายมาก
 
“บอกเหตุผลได้ป่ะ” ผมแกล้งกระเซ้า

“พี่เตหลับแล้วแน่นะคะ”

“ใช่สิ อีกนิดมันก็จะกรนแล้วมั้ง” ลับหลังน้องอิ๊ง ไอ้เชี่ยเตชูนิ้วกลางใส่ผมทั้งๆ ที่หลับอยู่ ไอ้ฟายเอ๊ย

“อิ๊งไม่กล้าพูดอ่ะ”

น้องยังจะเขินอีกเหรอครับเนี่ย “บอกมาเหอะ เตมันไม่ได้ยินหรอก”

“ก็แหม...”

“...”

“อันนั้นของพี่เตใหญ่มากกกกกเลยค่ะ”

สิ้นเสียงของน้องอิ๊ง ไอ้เตถึงกับไอเสียงดังเลยครับ ส่วนผมอ้าปากค้าง หันไปมองตรงส่วนนั้นของไอ้เตโดยอัตโนมัติ ดีนะที่ผ้าห่มปิดไว้อยู่ ไม่งั้นผมได้พิสูจน์ตามคำพูดน้องอิ๊งแน่ๆ ว่าจริงหรือเปล่า

เป็นเพื่อนกับมันมาสองปี ผมไม่เคยสังเกตตรงนั้นเลยครับ

“พี่เตตื่นแล้วเหรอคะ”

“มัน...ละเมอไอน่ะ”

“มีด้วยเหรอ”

“มีสิ”

ผมไม่รู้ว่าควรจะขำดีมั้ย ตอนนี้หน้าไอ้เตเริ่มหงิกขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งน้องอิ๊งอยู่นาน มันก็ยิ่งทรมาน รู้สึกสงสารมันเหมือนกันนะครับ




 

ในที่สุดน้องอิ๊งก็กลับ ไอ้เตแกล้งหลับจนหลับจริง ผมเล่นโทรศัพท์จนแบตฯ หมด เริ่มรู้สึกหิวจึงคุ้ยหาของกินในตู้เย็น

“กลับไปแล้วเหรอ” ไอ้เตตื่นแล้ว ทันทีที่มันตื่นก็ถามถึงน้องอิ๊งเลยทีเดียว

“ไอ้ไข่ใหญ่ ตื่นแล้วเหรอ” ผมแซวยิ้มๆ

“สัด อย่ามาล้อดิ”

“...”

“เอ๊ะ หรือกูควรภูมิใจ?” มันทำหน้าสับสนก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ผมรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย “รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะเลย”'

“เป็นคนป่วยก็ต้องหลับ มึงทำถูกแล้ว” ผมกลับไปหานมเปรี้ยวในตู้เย็นมาแกะแล้วดื่ม “กูขอโทษนะที่ไล่น้องออกไปไม่ได้”

“ไม่เป็นไร กูได้หลับพอดี”

“...”

“แต่กูตกใจฉิบหาย น้องชอบกูเพราะไอ้นี่ของกูเนี่ยนะ” มันขยับผ้าห่มออก พร้อมๆ กับมองจ้องเขม็งไปที่น้องชายของตัวเอง

“มึงมองทุกวันไม่รู้เหรอว่ามันเป็นไง”

“ก็กูเห็นทุกวันไง เลยไม่รู้สึกว่ามันใหญ่อะไร” ให้ตายเถอะ นี่ผมกำลังคุยเหี้ยอะไรกับมันอยู่เนี่ย “มึงลองดูซิ แล้วเทียบกับของมึง ของใครใหญ่กว่ากัน”

“สัดเต จัญไรโคตรๆ”

“กูพูดจริงนะ” มันสงสัยจริงๆ แต่ผมไม่มีวันจะแก้ความสงสัยของมันอย่างเด็ดขาด มีอย่างที่ไหน ให้ไปส่องไอ้จ้อนเพื่อน มันบ้าป่ะวะ “มาดูซิ”

“ให้พ่อมึงมาดูสิ” ผมเดินไปที่ระเบียง ไม่สนใจจะหันกลับมามองอีก

แม้กระทั่งของอาสากูยังไม่เคยส่องเลย จะให้กูมาส่องของมึง มึงคิดอะไรอยู่

“ก็ไม่เห็นใหญ่ไรขนาดนั้น” เชี่ยเตบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ยัง ยังไม่เลิกหมกมุ่นอีก “ไมล์ มาช่วยกูหน่อย กูปวดฉี่”

“เออ”

ผมโยนนมเปรี้ยวทิ้ง เดินไปพยุงไอ้เตให้ขยับตัวลงมาจากเตียง ระหว่างนั้นผมสะดุดเท้าตัวเองนิดหน่อย ทำให้ผมทิ้งตัวลงไปกองกับพื้น ตอนลุกขึ้นนั่ง อะไรบางอย่างของไอ้เตก็ปรากฏสู่สายตาของผมเต็มๆ

เชี่ย...ที่น้องอิ๊งพูดเป็นความจริงว่ะ

“มึงเล่นตลกให้กูดูอยู่เหรอ” ไอ้เตยังขำที่ผมล้ม “เจ็บป่ะวะ” มันยื่นมือมาให้ผมจับ ผมจับมือมันก่อนจะลุกขึ้นยืน

ฉิบหาย ผมให้คนป่วยช่วยผมได้ไง

“ขอโทษนะสัด”

“ขอโทษไรวะ”

“ที่มึงต้องมาดึงกูขึ้นไปเนี่ย”

“อะไรของมึง เล็กน้อยจะตาย” เตมันลุกได้แล้ว มันเดินลากสายน้ำเกลือตัวเองไปยังห้องน้ำ “ตอนเข้าห้องน้ำกูจะดูของตัวเองอีกทีว่าใหญ่จริงเปล่า”

“มึงอยากทำเหี้ยอะไรก็เรื่องของมึง”

“ไมล์”

“มีไร”

“ทำไมหน้ามึงแดงวะ”

“อะไร...ของมึง”

“หน้ามึงแดงฉิบหาย แดงแบบ...โคตรแดงอ่ะ ไปดูในห้องน้ำดิ”

ผมรีบวิ่งไปดูกระจกในห้องน้ำตามคำพูดของมัน แม่งใช่จริงๆ ด้วย หน้าผมแดงทำมะเขือเปาะแปะอะไร นี่มันเรื่องอะไรกัน!

“มึงไปเขินห่าไรมา สีหน้าแบบนี้แม่งกำลังเขินอยู่ชัดๆ”

“กูไม่ได้เขิน” ผมบอกปัด

“จริงนะ”

“จริงสิวะ”

“แน่นะ”

“มึงถามเอาโล่หรือไง”

“ก็นึกว่ามึงจะเขินของของกู” ไอ้เตเดินชนไหล่ผมเข้าไปในห้องน้ำ “ถ้าเป็นงั้นกูคงภูมิใจตายห่า”

“เชี่ยเต จัญไรสัด”

“จัญไรห่าไร ของกูใหญ่ กูจะอวด”

“พ่อมึง เข้าไปฉี่ได้แล้วไป”

“มาดูมั้ย”

“กูจะดูทำเหี้ยอะไรล่ะ!”

“แล้วจะเสียงดังทำไมล่ะเนี่ย”

ประตูห้องน้ำถูกปิดไปแล้ว ผมเผลอเอาหลังพิงประตูพลางคิดอย่างหนักหน่วงว่าผมเขินอะไร

เหี้ย...

ผมเขินไอ้นั่นของเชี่ยเตจริงๆ








21.02 น.

ฉิบหายแล้วผม ฉิบหายแน่ๆ แม้กระทั่งอาสาก็ไม่สามารถทำให้ผมมีอาการอย่างนี้ได้ ผมควรทำไง ผมควรปรึกษาใคร นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ถ้าไอ้เตรู้ผมคงโดนล้อยันลูกบวชแน่ๆ

ผมควรทำไงดี ควรลบความรู้สึกบ้าๆ นี้ออกไปยังไงดี

โชคดีที่ไอ้เตไม่ได้ติดใจอะไรอีกแล้ว มันเลิกดูทีวีและหันมาสนใจหนังสือวรรณกรรมคลาสสิกซึ่งมันเป็นคนสั่งให้ผมหยิบออกมาจากห้อง 204 มันบอกว่าอาจารย์สั่งงานให้วิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นโปรเจ็กต์หลังสอบมิดเทอม และมันก็ยังไม่ได้เริ่มทำเลย
เพราะมันมีหนังสือ มันก็เลยไม่ได้สนใจผม ผมฉวยโอกาสนั้นนั่งคิดนอนคิดเรื่องที่ผมเขิน แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโยงไปหาตรงส่วนนั้นของไอ้เชี่ยเตทุกที

ตอนนี้ผมชักจะอยากโทษน้องอิ๊งแล้วนะ ทำไมต้องให้ผมรับรู้เรื่องนี้ด้วย นี่ผมเอาตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ไม่ได้เลยนะเนี่ย แต่ผมก็เป็นคนถามน้องเขาเองนี่หว่า สรุปก็คือทุกอย่างมันเริ่มมาจากผม จากผมคนเดียว

“โว้ย!” จู่ๆ ผมก็ร้องออกไปสั้นๆ

“เป็นบ้าอะไรของมึง” ไอ้เตถึงกับสะดุ้ง

“อย่ามายุ่งกับกู”

“อกหักแล้วไร้สติงี้เหรอวะ”

“-วย”

“ดุดันฉิบ” ไอ้เตหัวเราะอย่างไม่ถือสา “หงุดหงิดไรมา ไหนเล่าซิ”

เสียงที่ดูเป็นห่วงของมันทำเอาอวัยวะภายในผมสั่น ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ

“มีควายตัวหนึ่ง”

“แล้ว?”

“มันไปไถนา”

“...”

“จบ”

“เอาห้าวิของกูคืนมา” ไอ้เตวางหนังสือลง “เอาดีๆ ดิ มึงเป็นอะไร”

“...”

“ปกติเวลามึงเพ้อถึงอาสา มึงไม่กั๊กกับกูเลยนะ ถึงแม้ว่ามึงจะรู้ว่ากูก็ชอบอาสาอ่ะ” พูดแบบนี้แสดงว่ามันคงต้องการให้ผมเปิดเผยกับมันเหมือนแต่ก่อน ประเด็นอยู่ที่ว่าตอนนี้เรื่องปวดหัวของผมเป็นเรื่องของมันล้วนๆ ผมจะพูดกับมันได้ยังไง

ก็ได้ ผมยอมแพ้

“มีควายตัวหนึ่ง”

“ยัง ยังไม่จบอีก”

“จู่ๆ มันก็เขิน...เพื่อนมัน” ผมพูดเสียงเบาจนเตต้องเอียงหน้าเข้ามาฟังใกล้ๆ “จบแล้ว”

ไอ้เตเลิกคิ้ว “เรื่องเหี้ยไรของมึงเนี่ย”

“เห็นมั้ย มันไม่มีอะไรสักหน่อย”

“ควายตัวนั้นชื่อไรล่ะ” สีหน้าของไอ้เตเปลี่ยนไป ทำไมกลายเป็นเจ้าชู้ขึ้นมาซะงั้น เฮ้ย มันทำหน้าเจ้าชู้ใส่ผมจริงๆ นะครับ สัดเต นี่กูเพื่อนมึงไง กูเพื่อนมึงงงงงงงง

“สุชาติ”

“นั่นวินมอเตอร์ไซค์ในหนังฟรีแลนซ์ป่ะวะ”

“...”

“ชื่อมารุตหรือเปล่า”

“ไอ้สัด นั่นพ่อกู” ผมเอื้อมมือไปตีแขนมัน

“ฮ่าๆๆ”

“...”

“ชื่อมนต์ธัชอ่ะดิ”

มนต์ธัชนั่นชื่อผม แม้ว่ามันจะถามว่าควายตัวนั้นชื่อนี้หรือเปล่า แต่ทำไมผมถึงเริ่มทำสีหน้าไม่ถูก

“แต่กูว่าไม่ใช่ว่ะ” เตมันเป็นคนพูดคำนี้เอง ผมยังไม่โล่งอกเพราะรู้ว่ามันคงไม่จบคำพูดแค่นี้แน่

“...”

“ควายตัวนั้นต้องชื่อเตชิต” มันหันมามองหน้าผมยิ้มๆ “เพราะกูเริ่มเขินเพื่อนตัวเองแล้วเนี่ย”

สัดเต...มึงเล่นอะไรของมึง มึงทำอะไรกูวะ มึงทำอะไร!

ไอ้อวัยวะที่สั่นอยู่ข้างในไม่ใช่ตับไตไส้พุง ลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่...แต่เป็นหัวใจ







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-08-2017 23:24:35





ตอนที่ 25





ผมนึกว่าทางคณะจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก เรื่องไปเที่ยวกระชับความสัมพันธ์ห่าเหวอะไรนั่น ผมไม่อยากไปเลยสักนิด เพราะอะไรรู้มั้ยครับ

เพราะอาสาไม่ได้ไปด้วย

“กูไม่ไป” ผมพูดกับไอ้โอ๊ค หลังเสร็จสิ้นการประชุมระหว่างพี่ปีสองกับน้องปีหนึ่ง อาสากับไมล์ไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย เห็นว่าต้องไปรับไอ้เต วันนี้มันออกจากโรง’บาลได้แล้วครับ #เย้

“มึงไม่ไปไม่ได้นะ รุ่นพี่บังคับมาว่ามึงต้องไป” โอ๊คเอ่ยอย่างจริงจัง

“ทำไมต้องเป็นกูวะ”

“มึงหล่อ”

มันใช่เหตุผลเหรอ... “มึงก็หล่อ”

“แต่หล่อไม่สู้มึงไง มึงไม่ไป สาวๆ เขาก็ไม่ไปนะ”

“เกี่ยวกับกูที่ไหน” ยังไงผมก็จะไม่ยอมในเรื่องนี้

“นี่มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามึงฮอตกับสาวๆ มากเลยนะ”

“ไม่รู้” ผมตอบอย่างไม่สนใจ

“เพราะมึงมัวแต่ขลุกอยู่แต่กับพี่อาสาไง”

“กูสบายใจที่จะทำงั้น”

“ถ้ามึงออกจากโลกของพี่อาสามานิดนึง มึงจะรู้เลยว่าสาวๆ เขาอยากได้มึงกันมากแค่ไหน” ไอ้โอ๊คมองซ้ายมองขวา “วันนี้พี่อาสาไม่อยู่นี่ มาลองพิสูจน์สักนิดสักหน่อยดูมั้ยล่ะ”

“ฟาย” ผมด่ามันทันที “คดีเก่ากูยังเคลียร์ไม่ได้เลย มึงจะหาคดีใหม่ให้กูทำไม” ไอ้โอ๊คกับเพื่อนคนอื่นๆ รู้แล้วครับว่าผมกับอาสาคบกันอยู่ ข่าวมันเริ่มกระจายไปอย่างเงียบๆ อาสาต้องการแบบนี้ เพราะไม่อยากเป็นที่สนใจมากไปกว่านี้

จริงๆ แล้วมันนั่งหายใจเฉยๆ คนเขาก็สนใจมันอยู่แล้วนะ แต่ผมไม่พูด ผมยอมมันทุกอย่างครับ

“คดีเก่านี่อะไรวะ ไม่เห็นมึงเล่าให้ฟังเลย”

จะให้กูเล่าจริงๆ เหรอว่าอาสาไม่ให้กูเอา เพราะกูละเมอชื่อแฟนเก่า จะให้กูเล่าจริงๆ น่ะเหรอออออ

“เฮ้อ ช่างแม่งเหอะ”

“มึงห้ามทำพี่อาสากูเจ็บเชียวนะ” ไอ้โอ๊คบีบไหล่ผมเป็นเชิงขู่

“พี่อาสามึงอะไร นั่นแฟนกู ของกูโว้ย”

“พี่อาสาเป็นของเด็กหอสามทุกคน”

“หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้”

“ทนาย” เสียงผู้หญิงดังขึ้น เธอชื่อปังครับ และหุ่นเธอก็ปังมากด้วย เป็นเพื่อนในคณะของผมเอง “ไปเที่ยวด้วยใช่ป่ะ”

ผมกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เชี่ยโอ๊คเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน “มันจะไปอยู่”

“ดีเลย ไว้เจอกันนะ” ปังส่งยิ้มให้ผมแล้วเดินจากไป

ไอ้โอ๊คหันมายักคิ้วใส่ผม “กูบอกแล้ว”

“ไร้สาระ” ผมกลอกตา

“ที่มึงหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่เนี่ยเพราะคดีเก่าของมึงใช่ป่ะ” ไอ้โอ๊คทำตัวเป็นกูรูผู้รู้ทุกเรื่องอีกแล้ว “ทำไมไม่เคลียร์ล่ะวะ คนอย่างมึงแคร์พี่อาสาจะตาย มึงปล่อยให้พี่เขาคิดมากทำไม”

“ประเด็นคือกูไม่รู้จะเคลียร์ยังไงเนี่ยสิ”

“กูมีวิธีเหี้ยๆ วิธีหนึ่ง มึงอาจจะไม่ชอบนะ แต่มึงลองฟังกูก่อนก็ได้”

“อะไรวะ” ผมเริ่มสนใจขึ้นมา

“ทำให้พี่เขาหึง”

“ไอ้สัด นั่นมันเพิ่มคดีใหม่ชัดๆ!”

“มึงนี่มันมีความเป็นพ่อบ้านจริงๆ” ไอ้โอ๊คหัวเราะ “พี่อาสาเขารักมึงอยู่แล้วใช่ป่ะ การที่มึงทำให้พี่เขาหึงเนี่ย มันจะทำให้พี่เขารักมึงมากขึ้นไปอีก”

“มันเป็นทฤษฎีของใครวะ ทำไมฟังดูเหี้ยจัง”

“อาจารย์โอ๊ค”

“เออ เหี้ยจริง”

“สาด ไม่ลองไม่รู้นะเว้ย”

“เฮ้ออออ” ผมทอดถอนใจ

“เจอตัวแล้ว” ผมได้ยินเสียงผู้หญิงจึงหันไปดู ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือผู้หญิงจากคณะไหนไม่รู้กำลังมารุมล้อมผม ทุกคนมีกล้องอยู่กับตัวอย่างกับเป็นนักข่าว

ว็อทเดอะฟัค

“ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยจ๊ะน้องทนาย”

“พี่สัญญาจะทำรูปน้องออกมาให้ดูดีมากที่สุด”

“ตอนนี้น้องทนายเริ่มมีแฟนคลับแล้วน้า”

ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงดันตัวไอ้โอ๊คออกมาแล้วก็ไปหลบหลังมัน

“ทำห่าอะไรของมึงเนี่ย”

“อาสาไม่ชอบให้กูดังในโซเชียล”

“มีใครห้ามโซเชียลได้ด้วยเหรอ”

เสียงชัตเตอร์ดังระงมสลับกับแฟลชที่มีมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะยังไงผมก็ห้ามเธอเหล่านั้นไม่ทัน

คดีใหม่ของผมได้มาถึงแล้ว ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ทำห่าอะไรเลยด้วยซ้ำ








ห้อง 503

“กูหาเนื้อคู่ของกูเจอแล้ว แท็กวิชุดา สุดศรีสว่าง”

“...”

“ช่วยไลฟ์แล้วครางชื่อแอปเปิ้ลข้างๆ หูพี่ที”

“...”

“สาธุ ขอให้ยังโสด”

ผมหลับตาปี๋ จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้ เพราะอาสาอ่านคอมเมนต์เสียงดังลั่นห้อง มันตวัดสายตามามองผมที่อ่านหนังสืออยู่บนเตียง ดูท่าคืนนี้ระหว่างผมกับมันคงจะยังอีกยาวไกล

“เตเป็นไงบ้าง” ผมเฉไฉอย่างหน้าด้านๆ

“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”

“เฮ้ย กูขอโทษ กูห้ามเขาไม่ได้จริงๆ”

“มึงจะถ่ายรูปขึ้นไปไหน แบบนี้คนก็ยิ่งให้ความสนใจมึงเยอะสิ”

ความผิดกูใช่มั้ยนั่น “อาสา กูรักแต่มึงคนเดียวนะ”

“เรื่องนี้แม่งเป็นจุดอ่อนในการหึงของกูจริงๆ” มันยอมรับตรงๆ เลยแฮะ น่ารักว่ะ “ของมึงนี่เรื่องไหนวะ”

“ทุกเรื่องอ่ะ”

อาสาเลิกคิ้ว สีหน้าของมันดูดีขึ้นเล็กน้อย ผมดีใจที่เป็นอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยมันก็รู้สึกดีขึ้นเพราะสิ่งที่ผมเป็น ไม่ใช่สิ่งที่ผมเสแสร้งจะเป็น

กูนี่ขี้หึงตัวพ่อเลยนะ บอกไว้ก่อน

“จำไม่ได้เหรอ ตอนมึงไปอ่านหนังสือกับไมล์ กูก็หึง ตอนมึงใส่ขาสั้นแล้วหมามันมามอง กูก็หึง ตอนที่มึงเดินอยู่ข้างนอกแล้วมีแต่ผู้ชายด้วยกันมาจ้อง กูก็หึง”

“...”

“สรุปคือกูหึงและหวงมึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ต่อมความหึงของกูทำงานตลอดเวลาอย่างกับเซเว่น”

อาสาหรี่ตามองผม แกล้งมองผมอย่างจับผิด ถ้ามันเริ่มเล่นหูเล่นตาขนาดนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วล่ะครับ ทันทีที่เป็นแบบนั้นผมก็ดึงตัวมันลงมาบนเตียง จากนั้นก็สวมกอดพร้อมยกขากอดก่าย ทำเหมือนมันเป็นหมอนข้างของผมอีกใบหนึ่ง

เราสองคนนิ่งกันไปสักพัก จากนั้นผมจึงได้เอ่ยเรื่องที่ยังไม่สบายใจออกไปตรงๆ

“เรื่องกูละเมอชื่อแอล กูไม่รู้ว่าเพราะอะไรจริงๆ มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”

อาสาที่อยู่ในอ้อมกอดผมนอนตะแคงนิ่ง มันคงตั้งใจฟังและก็ครุ่นคิดอยู่

“กูรักมึงจะตาย กูหลงมึงจะแย่”

“พูดงี้เพราะอยากให้กูยอมป่ะวะ”

ทำไมคนรอบตัวชอบคิดว่าผมหื่น แม้กระทั่งแฟนของผม

“บ้า กูแค่อยากให้มึงสบายใจ”

“กู...ไม่รู้ว่ะ”

“มึงได้ยินบ่อยมั้ย”

“สองสามครั้ง ไม่สิ สามสี่ครั้ง”

“...”

“มันไม่เยอะ แต่กูก็ไม่สบายใจอยู่ดี”

“...”

“เวลาคนเราจะฝันถึงอะไรบางอย่าง เพราะเรากำลังคิดถึงหรือไม่ก็กำลังนึกถึงสิ่งนั้นอย่างบ้าคลั่ง กูเชื่อเรื่องนี้อยู่นะ”

“อาสา” ผมฝังใบหน้าของตัวเองลงกับต้นคอขาวของอีกฝ่าย “กูต้องทำไงว้า”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“...”

“ยังไงกูก็ไม่หายกังวลว่ะ”

“มึงเชื่อใจกูดิ”

“แอลก็ดูดีออกอย่างนั้น”

“แต่มึงน่ารักกว่าเยอะนะ”

“...”

“นี่กูต้องคุยกับแอลต่อหน้ามึงใช่ป่ะ มึงถึงจะสบายใจ”

“จริงๆ แล้ว...”

“แป๊บ เดี๋ยวกูโทรหาแอลเดี๋ยวนี้”

อาสาคว้าหมับที่ข้อมือผม มันห้ามไม่ให้ผมทำอย่างที่พูด

“ถ้างั้นต้องทำยังไงอ่ะ มึงถึงจะเลิกคิดมาก”

“กูไม่คิดอะไรแล้วล่ะ”

เป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดเดียว ผมกอดมันแน่นอีกรอบ ขณะที่มันเองก็ปล่อยให้ผมกอดไปอย่างง่ายๆ

“เรื่องไปเที่ยวกับคณะอ่ะ กูไปด้วยไม่ได้จริงๆ นะ ปีที่แล้วมันมีปัญหา”

“ปัญหาอะไร”

“พวกหอสองมันรุมแกล้งกู หลังจากนั้นเพื่อนในคณะก็ไม่ให้กูไปค้างคืนนอกสถานที่กับพวกมันอีกเลย”

“หอสองปีสองเหรอวะ”

“ใช่”

“แกล้งอะไร”

“มันจะแกล้งถอดเสื้อผ้ากูให้ล่อนจ้อนทั้งตัวก่อนอาบน้ำอ่ะ”

ฟิวส์ผมขาดอย่างกะทันหันราวกับมีคนมากระชาก

“โอเค มึงไม่ต้องไปก็ได้ มึงอยู่นี่แหละ และกูก็จะไม่ไปด้วย”

“ไม่ได้ มึงต้องไป ปีหนึ่งเขาให้ไปกันทุกคน” ทำไมอาสาต้องมีเงาของรุ่นพี่คณะสิงอยู่ในตอนนี้วะ

“แต่จริงๆ กูอยู่ปีสองแล้วนะ”

“ไม่นับสิวะ ตอนนี้มึงอยู่ปีหนึ่ง คณะบัญชี”

ผมดิ้นพล่าน ทำให้ตัวของอาสาที่ผมกอดอยู่ดิ้นไปด้วย

“กูไม่เคยห่างจากมึงเลย ทำไงดี กูไม่อยากห่างอ่ะ”

“สองคืนเอง”

“มึงพูดเหมือนมึงไม่รู้สึกอะไรเลย”

“ทำไมกูจะไม่รู้สึกล่ะ” อาสาหันหน้ากลับมาหาผม ตอนนี้เราสองคนมองหน้ากันโดยที่ผมยังกอดอาสาอยู่ “กูคงนอนไม่หลับแน่ๆ”

“งั้นก็อย่าปล่อยให้กูไปสิ”

“ได้ไงวะ ปีหนึ่งยังไงก็ต้องไป”

“อย่าทำตัวเป็นพี่ปีสองตอนนี้ได้ป่ะวะ”

“ยังไงกูก็เป็นรุ่นพี่มึง มึงไปเหอะ ใครๆ เขาก็อยากให้มึงไปทั้งนั้นอ่ะ”

ผมพ่นลมใส่อาสาจนผมหน้าม้าของมันปลิว “กูจะไปได้ไงวะ เรื่องแอลกูยังเคลียร์กับมึงไม่ได้เลย ยังไงกูก็ยังไม่สบายใจอ่ะ”

“ไม่มีห่าไรหรอก ปล่อยกูกังวลไปนี่แหละ”

“มันได้ที่ไหนกันล่ะวะ คนรักกันที่ไหนเขาปล่อยให้แฟนตัวเองเป็นกังวล”

“...”

“กูว่ากูคงต้องหาเวลาคุยกับแอลต่อหน้ามึงจริงๆ ว่ะ”

อาสาไม่ได้ทำสีหน้าดีขึ้นเท่าไหร่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ผมปวดใจ ไอ้จิตใต้สำนึกห่าเหวเอ๊ย ทำไมมึงทำงานตรงข้ามกับความคิดความรู้สึกกูขนาดนี้วะ

กูมีปัญหากับแฟนกูเลยเนี่ย มึงเห็นม้ายยยยย






ผมยังคงหน้าบูดหน้าบึ้งตลอดสองสามวันหลังจากนั้น เพราะใกล้วันไปเที่ยวกับคณะมากขึ้นทุกที ผลการสอบที่ผมทำคะแนนผ่านมีนมาได้เยอะทุกตัวไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมจะนอนหลับได้ไงถ้าไม่มีอาสานอนอยู่ข้างๆ และที่สำคัญผมจะทำยังไงดีถ้าไอ้ตัวล่อเสือล่อตะเข้อย่างอาสาต้องเดินไปนั่นไปนี่ตามลำพัง

แค่คิดว่ามันจะไม่ได้อยู่ในสายตาของผม ผมก็อารมณ์ขึ้นแล้ว! มีแฟนฮอตต้องเข้าใจ ถ้ามันฮอตในหมู่ผู้หญิงผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันฮอตในหมู่เพศเดียวกัน ซึ่งอันตรายกว่าเยอะ ไม่รู้พวกแม่งจะเข้ามาหาแฟนผมไม้ไหน

หนึ่งวันก่อนที่ผมจะไป ผมพาอาสามานั่งร้านกาแฟ (ไม่ใช่ร้าน Pink Chiffon บ้าบอที่มีแต่สีชมพูอีกแล้วครับ) เป็นร้านเงียบๆ ในห้องคูหาเดียวและมีเพียงไม่กี่โต๊ะ แต่ทันทีที่ผมกับอาสามานั่ง ภายหลังโต๊ะก็เต็มเฉยเลย

ผู้ชายสองคนกำลังนั่งกินขนมหวาน ไม่สิ ต้องเรียกว่ากินคนเดียวดีกว่า ขนมที่อาสาสั่งมาผมยกให้มันกินคนเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่กินหรอก เหตุผลเดิมๆ เกี่ยวกับเรื่องซิกซ์แพ็กส์น่ะครับ

“ไม่อยากไปเลย” ผมพูดเสียงออดอ้อน ใครจะได้ยินก็ช่างหัวแม่งแล้วครับ ผมไม่อยากห่างจากแฟนผมอ่ะ

อาสาตักไอติมวานิลลายัดเข้าปากผม ผมต้องฝืนกลืนมันลงไปในคอ

“กูบอกไม่แดกไง ถ้าซิกซ์แพ็กส์กูพัง กูมีพุงแล้วมึงหนีกูไปทำไงอ่ะ”

อาสาหัวเราะ “ไอ้ห่า คิดได้ยังไง”

“...”

“กูไม่ได้ชอบมึงเพราะมึงหล่อนะทนาย”

“ดีเลย เปิดประเด็นมาแบบนี้งั้นกูถามต่อเลย มึงชอบกูเพราะอะไร”

“ก็...” อาสายิ้ม หลุบสายตาลงต่ำอย่างเขินๆ อื้อหือ ช่วยผมด้วย แม่งโคตรน่ารักอ่ะ “มึงอยู่ด้วยแล้วสบายใจดี”

“มีอีกมั้ย อยากฟัง”

“กูชอบที่มึงปกป้องดูแลกูด้วย”

“...”

“ตอนยิ้มมึงน่ามองดี”

“...”

“ภูมิใจเวลาเดินด้วย”

“เดี๋ยว หลังๆ มันเพราะกูหล่อหรือเปล่าวะ” ผมหัวเราะเบาๆ

“ไม่รู้ว่ะ มาถามแบบนี้จะให้ตอบไงอ่ะ ก็มันชอบไปแล้ว”

ผมยิ้มกริ่ม “กูไม่อยู่มึงจะทำไงเนี่ย ไม่มีใครดูแลมึงได้ดีเท่ากูอีกแล้วนะ”

“กูก็ดูแลตัวเองไง กูไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขานะเว้ย”

สายตาของผมจ้องมองไปที่อาสาซึ่งยังคงเอร็ดอร่อยกับขนมตรงหน้าอยู่ หน้าตากับท่าทางน่ารักๆ แบบนี้ไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตาจริงๆ ผมหันไปมองรอบๆ โต๊ะ สาวๆ ส่วนใหญ่สะดุ้งเมื่อเห็นผมมองไปที่พวกเธอ

“เขามองมึงอ่ะ” อาสาพูด

“กูว่าเขามองมึงมากกว่า” ผมตอบกลับ

“ถามเลยป่ะ ขอโทษนะครับ คุณมองใครครับ มองผมหรือมันงี้”

ผมกับอาสาหัวเราะพร้อมกัน คงไม่มีใครกล้าไปถามหรอกมั้ง ผมมองรอยยิ้มอาสาด้วยสายตาอ่อนโยน

นี่จะต้องห่างกันไปจริงๆ เหรอวะ สองสามวันนี่มันนานมากเลยนะเว้ยยยยย

“สบายใจเถอะ ไม่ต้องห่วงกู กูจะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่กระโตกกระตาก ทำเหมือนกูไม่มีตัวตนในโลก”

“สัด เป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์เหรอ” ผมจำได้ คำพูดนี้แฮร์รี่พูดไว้ในหนังภาคสอง

“ก็อยากให้อยู่เงียบๆ ไม่ใช่หรือไง”

“พูดเองแล้วนะ” ผมถือโอกาสเลยละกัน “หนึ่ง ถ้าจะออกไปข้างนอกให้ชวนไอ้เตกับไอ้ไมล์ไปด้วย สมมติเตมันไม่ไหวก็ให้ชวนไมล์ไป อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว”

“ไม่หวงกูกับไอ้ไมล์แล้วเหรอ”

“ไม่แล้ว” ผมยักไหล่ “สอง ห้ามตอบไลน์กูช้าเกินห้านาที”

“สัด กูอาบน้ำอยู่ทำไง”

“เอาโทรศัพท์ไปเข้าห้องน้ำด้วย”

“ให้ตายเถอะ”

“สาม บอกรักกูบ่อยๆ”

“ทนาย เกี่ยวมั้ยเนี่ย” อาสาโวยวาย แต่มุมปากกลับยกยิ้ม ผมทำมันเขินอีกแล้ว

“ไม่เกี่ยวหรอก แต่กูชอบฟัง”

มันส่ายหน้าใส่ผม ขณะที่ผมทำหน้าภูมิอกภูมิใจกับคำพูดของตัวเอง ถ้ามันทำได้ตามนี้ผมก็เบาใจแล้ว อย่างน้อยผมก็สบายใจและอุ่นใจที่แฟนยังรักและเอาใจใส่

แค่สองคืนเอง ผมต้องทำได้สิ







ห้อง 503 คืนก่อนที่เราสองคนจะแยกจากกัน

ผมเริ่มทำใจได้แล้วนิดหน่อย ด้วยการใช้วิธีปล่อยวางและก็ปลง ระหว่างกำลังคิดอาสานั่งพิงผม มันกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ส่วนผมกำลังเหม่อลอยโดยมีมือหนึ่งจับผมอาสาเล่น ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว ผมควรจะเข้านอนเร็วเพราะพรุ่งนี้ล้อหมุนตีห้าครึ่ง

หมุนเหี้ยไรเช้าจังเลยวะ

“ทำไมเข้าเฟซบุ๊กทีไรต้องเจอแต่รูปมึง” อาสาพึมพำ “กูเจอทุกครั้งเลยว่ะ”

“คนมันหน้าตาดีอ่ะนะ ต้องเข้าใจ” เสียงของผมเรียบง่าย ไม่ได้แฝงความกวนประสาทแต่อย่างใด เพราะผมใจลอยอยู่

“สมมติถ้ามึงไม่อยู่แล้วกูเข้าเฟซบุ๊ก กูก็ต้องเห็นมึงน่ะสิ”

“ถ้าเขายังแชร์กันอยู่ก็ยังเห็นนั่นแหละ”

“คนในคณะเรานี่แชร์จังเลย”

“...”

“แต่ก็ดี ได้เห็นรูปมึงบ่อยๆ ก็ดี ในเมื่อมึงจะไม่อยู่แล้วนี่” ประโยคท้ายของอาสาแผ่วลงไป ผิดกับตอนกลางวันลิบลับ ตอนนั้นมันยังดูไม่เป็นอะไรเลยนี่

“ไม่หวงแล้วเหรอ”

“กูทำใจได้แล้วล่ะ หน้าอย่างมึงถ้าไม่ดังก็คงจะไม่ใช่ป่ะ”

“ที่มึงต้องแคร์คือกูต่างหาก ไม่ใช่คนอื่น เขาแชร์ เขาผ่านมาเมนต์ แล้วไงวะ กูนั่งกอดมึงอยู่เนี่ย กูไม่ได้ไปไหน”

“รู้แล้วล่ะน่า”

“...”

“แต่ก็...หึง”

“...”

“แต่ก็น้อยลงแหละ”

มันควรไปคุยกับตัวเองก่อนคุยกับผมมั้ยเนี่ย ผมคิดขำๆ ในใจ อาสาเอื้อมมือไปปิดไฟบนเพดาน ทำให้ทั้งห้องมีแต่แสงสีส้มจากโคมไฟตรงหัวเตียง

โรแมนติกสัดๆ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเราสองคนไม่ต้องแยกจากกัน

ผมเพ้อมากเลยใช่มั้ยเนี่ย ใช่สิ ผมต้องเพ้อ นี่ผมไม่เคยแยกจากมันเลยนะ ตลอดสองเดือนที่รู้จักกันมา แทบจะไม่มีวันไหนที่ผมต้องนอนแยกห้องกับมันเลย

จู่ๆ มันก็ดึงใบหน้าของผมให้โน้มไปหามันเพื่อจูบ เป็นการจูบหวานๆ ที่ไม่ได้ดูดดื่มเร่าร้อนอะไร แต่นั่นก็ทำให้ผมสัมผัสอะไรบางอย่างได้

กลิ่นงูพิษน้อยนี่ลอยมาเลยครับ

“เปลี่ยนใจได้มั้ย มึงไม่ต้องไปแล้ว” นั่นไง ผมบอกแล้ว ฮ่าๆๆ ตอนกลางวันกับตอนกลางคืนนี่ต่างกันลิบเลยนะ พอใกล้เวลาที่ผมจะไปจริงๆ กลายเป็นอาสาที่เริ่มโอดครวญแทนที่จะเป็นผม

ผมมองไปที่กระเป๋าเป้ซึ่งวางอยู่ติดประตูห้อง “ทันมั้ยล่ะ บอกคนอื่นเขาไปแล้วว่าจะไป”

“ไม่ต้องไป”

“มึงก็ไปด้วยกันสิ”

“เพื่อนไม่ให้ไปไง ลืมแล้วเหรอ” เพราะความมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันของมันทำให้มันไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ ไม่รู้เรียกว่าเกิดมาโชคดีหรือเกิดมามีกรรม

“งั้นกูไม่ไปนะ”

“แต่มึงก็บอกคนอื่นไปแล้วไง”

นี่เราสองคนจะคุยเรื่องนี้กันทั้งคืนมั้ยครับเนี่ย ผมดึงตัวอาสาเข้ามากอด ใบหน้าของมันฝังอยู่ตรงไหล่ของผม มันเอาหัวชนไหล่ผมย้ำๆ เหมือนเวลาแมวอ้อน

“นี่ถ้าคิดได้ไวกว่านี้กูคงไม่ได้ไปอ่ะ” ผมพูดเสียงอ่อนโยน

“กูบ่นไปงั้นแหละ ยังไงมึงก็ต้องไป”

“...”

“อยู่กับโอ๊ค อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวนะเว้ย”

“กลัวกูไม่ปลอดภัยเหรอ”

“กลัวมึงโดนลากเข้าห้อง”

ผมหลุดขำพรืด “เดี๋ยวนะ กูมั้ยวะที่จะต้องเป็นคนไปลากคนอื่นเข้าห้อง”

“กูว่ามึงไม่ทำ”

“เออ นั่นก็จริง”

“ทักไลน์กูมาบ่อยๆ ด้วย”

“เอ๊ะ เดี๋ยว ชักจะคุ้นๆ แล้ว”

“และก็...”

ผมไม่ปล่อยให้มันพูดบางอย่างออกมาก่อนหรอก

“กูรักมึง”

อาสาหุบปากฉับ จากนั้นก็ยิ่งซบใบหน้าเข้ากับไหล่ผมใหญ่ งูพิษเขินอายม้วนต้วน นี่ถ้ามีหางคงบิดไปมาจนรัดตัวเองไปแล้วมั้งน่ะ

“เขินเหรอ”

“เออ”

“นึกว่าชินแล้ว”

“ไม่เคยชินหรอก”

“...”

“กูแพ้เสียงมึงตอนที่คุยกับกูสองคนอ่ะ”

ผมเลิกคิ้ว “แปลว่าไรวะ”

“คือตอนที่มึงอยู่ต่อหน้าเพื่อน เวลาคุยกับกูเสียงมึงไม่อ่อนหวานแบบนี้อ่ะ”

“เหรอ”

“เจอมึงบอกรักเสียงแบบนี้ทีไร กู...เขินทุกที”

“บอกหมดไม่มีกั๊กเลย ฮ่าๆๆ”

“จะกั๊กทำไมล่ะ”

“รักมึงนะ” ผมพูดกรอกหูมันเบาๆ

“...”

“รักมึงจัง”

“พอ”

“รักโคตรๆ เลย”

“ไอ้สัด”

“ฮ่าๆๆ ต้องย้ำเดี๋ยวลืม”

“ช่วยโทรมาย้ำอีกหลายๆ รอบด้วย”

“ฮ่าๆๆ ครับ” อาสาทำผมอารมณ์ดีก่อนนอนจนได้ “นอนป่ะ”

“อืม”

เราสองคนปิดสวิตซ์โคมไฟ ในห้องมืดสนิท ผมนอนอยู่บนเตียงตัวเอง ส่วนอาสานอนอยู่อีกเตียงหนึ่ง แม้เตียงจะมีสองหลัง แต่เราก็ขยับมาติดกัน จึงไม่ได้ห่างกันมากมายเท่าไหร่

“อาสา เรื่องแอล...” ผมค่อยๆ พูด

“...”

“ก่อนกลับมากูจะเคลียร์ให้ได้นะ”

“บ้า มึงจะเอาเวลาที่ไหนไปเคลียร์”

“กูสัญญาว่าจะไม่ละเมอชื่อมันอีก”

“จริงๆ แล้วก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง”

“แต่มึงก็กังวลไง”

“ให้กูบอกความลับป่ะ” อาสานอนตะแคงหันมาคุยกับผม สรุปคืนนี้เราจะได้นอนกันตอนไหนครับเนี่ย

“ความลับอะไร”

“มึงละเมอชื่อแอลสามสี่ครั้ง แต่นอกนั้น...”

“...”

“เป็นชื่อกูหมดเลย”

“หา!”

“ก็ตั้งแต่คบกัน มึงก็ละเมอชื่อกูตลอด กูต้องตื่นมาขานบ่อยมาก มึงรู้ป่ะ”

งูพิษ...ไอ้งูพิษเอ๊ยยยยย

“เป็นอีกหนึ่งเรื่องโปรดเกี่ยวกับมึงที่กูโคตรชอบ”

“อาสา มึงนี่นะ” ผมกัดฟัน “กูละเมอว่าอะไรบ้าง”

“อาสา วันนี้ไปห้างไอ้พี่คีนกันเถอะงี้ ไม่ก็อาสา มึงอย่าออกไปเดินข้างนอกคนเดียวนะ พวกหออื่นมาปีนหอเราเยอะ ประมาณนี้แหละ”

“กูละเมอถึงมึงแต่มึงก็ยังคิดมากเรื่องแอลอีกเนอะ”

“ก็มึงยังละเมอถึงเขาอ่ะ”

“โอเค กูผิดทุกอย่าง” ยอมแล้วจ้า “ต่อไปอัตราการละเมอถึงแอลจะเป็นศูนย์ อัตราการละเมอถึงอาสาจะเป็นร้อย ไม่สิ เป็นล้าน”

“...”

“สบายใจรอได้เลยนะ”

“กูขอโทษที่คิดมากนะ”

“ถ้ามึงละเมอถึงชื่อคนอื่นกูก็คิดมากเหมือนกัน”

“...”

“ดีไม่ดีกูอาจจะไปเผาบ้านมันให้วอดทั้งหลัง”

“...”

“กูกลับมามึงต้องโดนกูจัดหนักแน่ หึๆ”

“จัดหนักอะไรวะ”

ผมยิ้มกริ่มโดยที่คิดว่าอาสาจะต้องเห็นแน่ๆ “ยัง ยังทำเป็นไม่รู้อีก”

“กูว่ากูนอนดีกว่า” อาสาพลิกตัวไปนอนหงายแล้วหลับตา

“กูจองอีกทีได้มั้ยคืนนี้” ผมพูดอย่างไม่หวัง แต่ถ้าได้ก็ดี

“สัด เที่ยงคืนกว่าแล้ว”

“...”

“กูกลัวไม่จบ”

“...”

“ขนาดจบในห้องน้ำตัวกูยังระบมเลยสาด มึงนัวเนียกูหนักมากรู้ป่ะ”

นี่ขนาดยังไม่โดนนะเนี่ยยังบ่นขนาดนี้ ถ้าโดนจะบ่นแค่ไหน แต่ผมชอบนะ เหมือนเป็นฟีดแบ็กตอบรับความร้อนแรงของผม หึๆ

“งั้นคืนนี้นอนกอดก็พอ” ผมไม่รอมันอนุญาตพร้อมพุ่งเข้าไปกอด กลายเป็นว่าร่างของผมอยู่บนเตียงของมัน

“นอนได้แล้วเดี๋ยวมึงตื่นไม่ทัน”

“อาสา”

“หืม”

“รักนะ”

“จะพูดอีกทำไมเนี่ยยยยย”

“ช่วยเขินหน่อย”

“ง่วงแล้วสาดดด นอนๆๆ”

“มึงเขินนี่ ฮ่าๆๆ”

“...”

“ฝันดีนะครับ”

“กูรักมึงเหมือนกันนะทนาย”






TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-08-2017 00:07:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:40:23




ตอนที่ 26
พาร์ตของเต




LAWYER : พรุ่งนี้กูไม่อยู่ ไปเที่ยวห่าเหวไรไม่รู้สามวันสองคืน
LAWYER : กูฝากอาสาไว้กับมึงทีได้ป่ะ
LAWYER : เดี๋ยวเพิ่มเบียร์สิงห์ให้มึงเป็นสามสิบลังเลยเอ้า


มึงไม่เหมาทั้งโรงหมักเบียร์มาให้กูเลยล่ะวะสาดดดดดดดดดด

ตั้งแต่ขอความช่วยเหลือหนึ่งครั้ง ไอ้ทนายก็มาขอความช่วยเหลือผมอีกเป็นสองครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว บางครั้งก็รู้สึกหมั่นไส้ แต่บางครั้งก็รู้สึกเข้าใจ ถ้าผมเป็นแฟนอาสาก็คงกังวลเหมือนกัน อาสาเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ใช่ว่ามันมีสี่ขาหรือมีหางแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมันมีฟีโรโมนต่อเพศเดียวกันมากเกินไปหน่อย

เหมือนเทพเจ้าผู้สร้างมันใส่ส่วนผสมในการผลิตผู้ชายที่ชื่ออาสาผิดน่ะครับ แทนที่จะใส่ฟีโรโมนต่อเพศหญิงมาแต่กลับใส่ฟีโรโมนต่อเพศชายซะงั้น และไม่ได้ใส่น้อยๆ ด้วยนะ น่าจะใส่เป็นแกลลอนเลยล่ะ รู้สึกปวดหัวแทนไอ้ทนายอยู่เหมือนกัน

“ใครเช็กรถน้อง มึงหรือเปล่าวะไมล์” ไอ้กล้า เพื่อนคณะไอ้ไมล์ซึ่งอยู่หอสามกำลังพูดกับเจ้าตัว ตอนนี้กล้ากับบอมบ์มาหาไมล์ที่ห้อง 204 ไมล์ดูใจลอยยังไงก็ไม่รู้ “สัดไมล์ กูถามมึงอยู่นะ”

“ถามว่าไรวะ”

“มึงเป็นคนเช็กรถน้องหรือเปล่า”

“กูเหรอ ไม่น่าใช่นะ”

“งั้นใครวะ” กล้าหันไปหาบอมบ์

“ไม่รู้แต่ไม่ใช่ไอ้ไมล์ ช่วงประชุมงานกันไมล์มันอยู่เฝ้าไอ้เตที่โรง’บาล” บอมบ์ตอบ

พวกคณะบัญชีเขาคุยงานกัน ผมไม่ควรไปยุ่งด้วยสินะ หลังจากวันที่ผมออกมาจากโรงพยาบาล ไอ้ไมล์ก็ดูสติหลุดๆ ถามอะไรก็สะดุ้งตลอดไม่รู้เป็นไร พอมีเพื่อนมันมาหาที่ห้อง ผมก็นึกว่ามันจะเป็นงานเป็นการขึ้นมาบ้าง มันอยู่ปีสองและมีหน้าที่ในการดูแลปีหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นงั้น ไมล์ก็ยังดูเหมือนคนสติไม่เต็มร้อยอยู่ดี

เพื่อนมันยังมองว่ามันแปลกเลย

“กูว่าไม่ต้องคุยเหี้ยอะไรกับมันแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็รู้งานเองนั่นแหละ” บอมบ์กับกล้าลุกขึ้นยืน “พวกกูไปนอนละ ขอให้หายไวๆ นะสัดเต”

“ขอบใจ” ผมโบกมือลา

ตอนที่สองคนนั้นเดินจากไป ไมล์หลุบสายตาลงต่ำพร้อมๆ กับใช้เท้าเขี่ยขี้ยางลบบนพื้น เมื่อกี้มันกับเพื่อนใช้ดินสอเขียนแผนงานอยู่น่ะครับ

“ไมล์”

“...”

“เพื่อนนัดกี่โมงนะ”

“...”

ตายห่าละ มันเป็นอะไรของมันทำไมถึงได้เอาแต่เงียบ ผิดปกติโคตรๆ เลยนะแบบนี้ ผมขยับร่างของตัวเองไปหามันอย่างช้าๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปสะกิด

“เฮ้ย!” มันสะดุ้งโหยง

“มึงเป็นไรเนี่ย ไหวมั้ย มึงเอาสติทิ้งไว้ที่โรง’บาลเหรอวะ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้” ผมสงสัยมานานจึงโพล่งถามออกไป

“อะไรนะ”

ผมรู้สึกอยากเอานิ้วเท้ามานวดขมับ ปกติแล้วไอ้ไมล์มันไม่ใช่คนแบบนี้นะครับ หรือเพราะมันอกหักจากอาสาก็เลยช็อก แต่เรื่องก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วนะ

ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง พร้อมๆ กับหมุนเก้าอี้ของมันให้หันมาหา เพื่อที่ผมจะได้สบตากับมันโดยตรง

“เป็นห่าอะไร พูดมา”

มันไม่กล้าสบตาผมเลย ชักจะยังไงๆ แล้วนะ ผมเริ่มใจคอไม่ดี

“ไมล์”

“มีไรวะ”

“เป็นไรเนี่ย มึงเป็นไร”

“กูไม่ได้เป็นอะไร” ดูเหมือนจู่ๆ สติมันก็กลับมา “อะไรของมึง มาถามมาจ้องหน้าทำไม”

“ก็มึงเหมือนเป็นบ้าไปแล้วอ่ะ”

“กูไม่ได้เป็น”

“มึงดูหลุดๆ”

“เปล่า”

“สัด กูเพื่อนมึงนะ”

“ก็ได้ๆ” เออดี ยอมง่ายๆ แบบนี้แหละดี เรื่องจะได้ไม่ยาว “กูแค่คิดว่ามึงจะอยู่คนเดียวสามวันสองคืนได้หรือเปล่า”

เรื่องของผมทำมันสติหลุดได้ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ “กูอยู่ได้”

“แต่มึงยังเจ็บอยู่ไง”

“ก็แค่ต้องระวังตอนขยับตัวป่ะวะ แผลฟกช้ำตามตัวก็โอเคขึ้นมากแล้ว”

“...”

“นี่มึงเป็นห่วงกูเหรอเนี่ย” ผมแกล้งกระเซ้า

“ก็ใช่ไง”

อ้าว ยอมรับมาตรงๆ แบบนี้ผมไปต่อไม่เป็นเลยสิครับเนี่ย ผมมองไอ้ไมล์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะรู้ดีว่าความรู้สึกของผมน่ะเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างที่ผมเคยบอก...ไมล์มันน่ารักขึ้นมาก ถึงแม้ว่ามันจะยังมีมุมเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าลดลงไปมากแล้ว
หน้าตาที่ดูเป็นคนดีและอบอุ่น รวมทั้งหน้ามันเวลาเขินเป็นอะไรที่น่ามองฉิบหาย

สารภาพตามตรงเลยนะครับ ตอนแกล้งแหย่ไอ้ไมล์ให้มันเขินเล่นๆ ผมมีความสุขกว่าตอนที่เปย์ไอ้อาสาเยอะ ไม่ใช่เพราะอาสาไม่ดี (มันดีจะตายเพื่อนผมอ่ะ) เพียงแต่ว่าผมไม่เห็นวี่แววว่าผมจะสุขสมหวังเลยต่างหาก (จีบยังไงก็นก) ผิดกับไมล์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพื่อนผม แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไร เช่น ถาม จ้องมอง แกล้ง กวนประสาท หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเขินผมทุกการกระทำของผมทั้งหมด

มันเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่การพูดคุยกับน้องอิ๊งในวันนั้น

“กูไม่เป็นไร” ผมพูดให้มันเบาใจ “มึงไปดูแลน้องๆ เถอะ อาสามันไม่ได้ไปช่วย ขาดแรงงานไปคนหนึ่งนี่”

“ไม่มีใครให้แม่งไปหรอก ดูแลยาก”

“เออจริง”

“...”

“ทนายมันฝากกูดูไอ้อาสาด้วย สงสัยจะห่วง”

“กูกลัวอาสาจะได้มาดูมึงแทนมากกว่า ดูสภาพสิ”

“เชี่ย จะต้องให้กูย้ำอีกกี่ครั้งว่ากูโอเค”

“ไม่รู้ว่ะ กูยังไม่อยากปล่อยมึงเอาไว้คนเดียว”

“งั้นมึงก็ไลน์ไปฝากกูไว้กับอาสาสิ เหมือนที่ทนายทำกับแฟนมัน”

“นั่นสิเนอะ”

“ให้มันรู้ไปเลยว่าเราสองคนเหมือนเป็นแฟนกันแล้ว” ยั้งปากตัวเองไว้ไม่ทัน เหมือนไหลไปตามสถานการณ์

“เชี่ยเต ใช่เวลาพูดเล่นมั้ยเนี่ย” ไมล์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพิมพ์ไลน์ยิกๆ “พูดออกมาอย่างหน้ามึนๆ เลยเนอะ”

“มึงก็มึนๆ ตอบรับกูไปสิว่าใช่ เรื่องของเราจะได้ง่ายๆ” ยัง ผมยังไม่หยุดอีก

“ไอ้เหี้ยยย” ไมล์ผลักตัวผมเบา ผมแกล้งร้องโอดโอย “เฮ้ย ขอโทษ”

“เขินรุนแรงจังวะ”

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“เออ”

“กูคุยไลน์กับอาสาก่อน”

มันคิดจะฝากผมกับอาสาอย่างจริงจังเหรอวะเนี่ย ผมมองดูไมล์ซึ่งก้มหน้าก้มตามองจอโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียด มองไปมองมาก็รู้สึกเพลินดี เพราะสิ่งที่มันกำลังจริงจังอยู่คือเรื่องของผมทั้งนั้น น้อยครั้งนะครับที่มันจะมีมุมแบบนี้

“มันไม่ตอบอ่ะ”

“มันคงสวีตอยู่กับทนาย”

“ทิ้งข้อความไว้อย่างงี้แหละเนอะ”

แผลใจของผมกับมันถูกฮีลไวดีจัง “มึงไม่รู้สึกอะไรแล้วเหรอ”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องสองคนนั้น”

“สัด เพื่อนมันมีความสุข กูอกหักสองสามวันก็หาย”

ผมเลิกคิ้ว มองดูไอ้ไมล์อย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ปกติคนอย่างมันต้องคร่ำครวญพร่ำเพ้อถึงจะถูก แต่ไหงทุกอย่างกลับง่ายขึ้นมาแบบนี้ จะว่าไปผมก็ทำใจเรื่องอาสาได้เร็วเหมือนกัน สงสัยจริงๆ ว่าเพราะอะไร

เพราะไอ้เชี่ยไมล์หรือเปล่า

“กินยาแล้วใช่มั้ย”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก ยาที่ผมกินคือยาบำรุงกระดูกครับ

“ล้างหน้า แปรงฟันหรือยัง”

ผมพยักหน้าอีก

“นอนได้แล้ว เดี๋ยวกูปิดไฟให้”

ผมทิ้งตัวลงไปนอน มองดูไมล์ที่เดินไปนอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แม้ว่าสมาชิกในห้อง 204 จะขาดไปสองคน แต่เตียงก็ยังเป็นเตียงสองชั้นตามเดิม ผมเปลี่ยนจากนอนเตียงชั้นบนหลังเดียวกับไมล์ มานอนแทนที่อาสาซึ่งอยู่เตียงชั้นล่างอีกหลังแทน

เพราะห้องกว้าง ผมกับมันจึงอยู่ห่างกันมาก

นึกไปถึงห้องไอ้ทนายกับอาสา พวกมันเลื่อนเตียงมาติดกันตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ห้อง 503 แล้วนี่หว่า ผมเคยไปห้องพวกมันบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยสะกิดใจสักทีว่ามันสองคนต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ผมก็แค่...อยากให้ระยะห่างระหว่างผมกับไมล์แคบลงก็เท่านั้นเอง

มันจะไม่อยู่ตั้งหลายวันนะ

ไอ้คณะนี้แม่งจัดไปเที่ยวอะไรช่วงนี้วะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

ผมนอนพลิกตัวไปมาแม้จะพลิกได้เบาๆ ก็ตามที กว่าจะหลับก็คงตอนที่ไอ้ไมล์ตื่นพอดีล่ะมั้ง ผมนึกไปถึงตอนมันดูแลผมในโรงพยาบาล แม้ว่าผมจะเจ็บตัวและก็นอนพักรักษาอยู่บนเตียง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นความทรงจำที่ดี ไมล์มันไม่เคยต้องดูแลผมตลอดเวลาและทำทุกอย่างขนาดนั้น เพราะปกติแล้วเวลาผมไม่สบาย มันทำมากสุดก็แค่ซื้อยาพาราฯ มาให้ แต่หลังจากที่ผมเจ็บตัวพร้อมกับตอนที่มันรู้เรื่องอาสา มันก็เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน

บอกตามตรงผมแพ้มันว่ะ...ไม่ใช่มันอยู่ใกล้ๆ แล้วผมจะคันยุบยิบนะ ผมแพ้เพราะว่าผมชอบเห็นตอนที่มันกระตือรือร้นใส่ใจเรื่องของผม

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญแบบนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาผมจะมีไปนอนกับคนนั้นคนนี้บ้างตามประสา แต่เธอเหล่านั้นก็ไม่สามารถเติมเต็มความอ้างว้างในใจของผมได้ แต่สำหรับไอ้ไมล์ เพียงแค่มันมาดูแลเอาใจใส่ผมแค่นี้ ผมก็ใจเต้นอย่างรุนแรงแล้ว

มันช่วยผมทั้งเรื่องดูแลกายและหัวใจ แล้วผมล่ะ สามารถช่วยอะไรมันได้มั้ย มันก็เพิ่งอกหักมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ

ผมนอนคิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ ไอ้ไมล์ก็เดินขึ้นมานอนบนเตียงผม

“เขยิบ”

“อะไรของมึงวะ”

“เขยิบ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องล้อ ไม่ต้องแซวอะไรทั้งนั้น”

แม้จะงงแดก แต่ผมก็เขยิบให้มันอยู่ดี เตียงนี้ไม่ค่อยกว้างจึงทำให้ผู้ชายร่างค่อนข้างควายสองคนต้องนอนเบียดกัน

อืม ถ้าแซวแล้วมันลุกหนี ผมไม่แซวดีกว่า กลิ่นหอมจากแชมพูผสมกับครีมอาบน้ำสูตรสดชื่นแบบนี้ ผมสามารถสูดกลิ่นตลอดคืนได้เลยนะเนี่ย

“ไม่ร้อนเหรอ” ผมถามเสียงเบา

“บอกว่าอย่าพูดไง”

“ก็...ไม่ได้พูด กูถาม”

“กวนตีนละ”

มันนอนอยู่บนเตียงกับผมก็จริงแต่หันหลังให้ผม ผมลังเลอยู่นานว่าจะสวมกอดมันดีหรือเปล่า กอดแล้วจะเป็นยังไง มันจะร้องด่าผมมั้ย มันจะคิดอะไรมากหรือเปล่า ผมกำลังคิดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการกอดครั้งนี้อยู่

ช่างหัวแม่งแล้ว มันจะไม่อยู่ตั้งหลายวันนี่

ผมเอื้อมมือไปกอดเอวมันไว้อย่างหลวมๆ เพราะใจยังไม่กล้าพอ (นี่ไม่กล้าแล้ว?) ไมล์เกร็งจนตัวแข็งไปหมด มันไม่ยอมพูดอะไรเลย

“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องล้อ ไม่ต้องแซวอะไรทั้งนั้น” ผมกระซิบเลียนแบบเชี่ยไมล์ ก่อนจะฝังใบหน้าลงไปที่ต้นคอของมัน ทำให้ผมกับไมล์ตัวแนบชิดติดกันมากขึ้น

ไมล์ตัวงอ แม้จะยอมผมโดยง่ายแต่ตัวมันก็เกร็งอยู่ดี

“ไม่ต้องเกร็ง” พูดจบผมก็หยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคนเอาไว้ก่อนจะกอดมันต่อ ผมปล่อยให้ความเงียบไหลผ่านระหว่างเราสองคนไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ “เรื่องนี้กูจะไม่บอกใคร”

“ห้ามบอกเชียว โดยเฉพาะอาสา”

“ทำไม”

“กูอายมัน”

“เออ”

“...”

“กูก็อาย”

ถ้าเพื่อนสองคนเริ่มมีซัมธิง มีหรือที่อาสาจะไม่ล้อ แต่อาสาอาจจะไม่เท่าไหร่ ไอ้ทนายเนี่ยสิตัวดี

“ไม่หันมาหน่อยเหรอวะ” ผมลองถามดู

“ไม่อ่ะ แค่นี้ก็เยอะไปแล้ว” เสียงมันเบามากจนผมต้องขยับหูเข้าใกล้มันไปอีก เพิ่งรู้ว่าตัวเชี่ยไมล์มันหอมได้ถึงขนาดนี้ ดมแล้วตื่นอ่ะ เอ่อ หมายถึงดมแล้วสดชื่นไม่ง่วงเหงาเศร้าซึม ไม่ใช่อะไรบางอย่างตื่นนะครับ ขอชี้แจงแถลงไข

“เยอะอะไรวะ”

“กูไม่เคยแสดงออกแบบนี้กับมึงอ่ะ”

“...”

“มันเยอะไป”

“...”

“แต่กูก็อยากแสดงออกอยู่ดี”

โหย น่ารักว่ะ ผมแกล้งหอมต้นคอของมันไปทีหนึ่ง

“เชี่ย”

“กูไม่บอกใคร” ผมรีบพูด

“ไม่ต้องบอกนะ”

“งั้นถ้ากูไม่บอกใคร กูทำมากกว่านี้ได้งั้นสิ” นานๆ ทีเชี่ยไมล์มันจะยอมผม เพราะงั้นผมขอฉวยโอกาสนี้หน่อยเหอะ รู้สึกถือไพ่เหนือกว่ายังไงก็ไม่รู้ เหมือนผมต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าหามันอ่ะ และผมก็ทำได้ดีมากซะด้วย เพราะมันขยับตัวอย่างเอียงอายกับเกร็งตัวแข็งขืนตอนที่ผมสัมผัส

ถ้ากูรุก มึงรับใช่ป่ะเพื่อน

“กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ” มันไม่ตอบแต่พูดระบายออกมาแทน ตอนที่มันเผลอ ผมก็ฉวยโอกาสสูดกลิ่นที่ต้นคอมันอีกครั้ง “กูไม่เคยรู้สึกกับมึงแบบนี้นะ มันเปลี่ยนไป”

“กูรู้”

“มึงว่ามันเร็วไปมั้ย”

“จะเร็วกว่านี้ก็ได้นะ” นี่ผมเมากลิ่นมันไปแล้วเหรอเนี่ย จมูกกับปากผมอยู่ไม่ห่างคอมันเลยนะครับ

“สาด พอ” มันพยายามหลบ แต่ก็ทำได้ยากเพราะพื้นที่มีจำกัด “หื่นกามเหรอมึง เจ็บตัวก็ยังไม่เจียม”

“อย่าดูถูกนะครับ ปากกับอย่างอื่นยังใช้การได้อยู่”

“มึงกับกูนี่ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเลยนะเนี่ย แม่งเยอะเกินเพื่อนไปแล้วอ่ะ”

“ไมล์”

“...”

“หันมา”

“ไม่”

“หันมา”

“มึงจะทำอะไร”

“ถ้ามึงหันมา กูสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเลย”

มันพลิกตัวหันมาหาผมอย่างช้าๆ ผมมองเห็นสีหน้าของมันไม่ค่อยชัด แต่ที่แน่ๆ มันไม่กล้าสบตาผมเลย กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีมุมตะมุตะมิน่าฟัดแบบนี้

“กูพร้อมจะทำทุกอย่างที่เกินเพื่อนกับมึงนะ” ผมพูดอย่างจริงจัง อีกฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลายไปเลย “บอกตามตรงตอนอยู่กับอาสากูไม่ได้สบายใจเหมือนตอนอยู่กับมึง แม้ว่ามึงจะเอาแต่ใจไปนิดก็เถอะ แต่กูรู้ รู้ว่ากูอยากอยู่กับมึงมากกว่า”

“จริงเหรอวะ” ไมล์กระซิบถามย้ำ

“โคตรจริง” ผมเอียงหน้าผากไปติดกับหน้าผากของมัน “เพราะงั้นถ้ามึงคิดเหมือนกันกับกู มึงไม่ต้องกลัวว่ามันจะเร็วไปช้าไป มึงอยากทำอะไรกับกูมึงทำเลย กูยอม เพราะที่ผ่านมากูก็ยอมมึงอยู่แล้ว”

“...”

“ดีไม่ดีนานวันเข้า กูอาจจะยอมมึงมากกว่านี้”

“...”

“กูคงเกิดมาเพื่อยอมมึงมั้ง”

ไมล์เงียบไป เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ผมจ้องมองดวงตาของเพื่อนที่เพิ่งเคยใกล้ชิดมากขนาดนี้ ขนตามันยาวอย่างอลังการงานสร้างมากครับ

“ถ้าไม่มีมึง กูคงแย่กว่านี้” ไมล์ค่อยๆ เอ่ยในที่สุด “คงแบกรับความอับอายเรื่องทนายกับอาสาไม่ไหว”

“ฟาย สองคนนั้นมันไม่เห็นจะล้อห่าอะไรมึงเลย พวกมันแคร์มึงมากเหมือนที่พวกมันแคร์กูอ่ะ”

“ไม่รู้ว่ะ”

“สัด” ผมจุมพิตที่หน้าผากของมัน “เรื่องมันผ่านไปแล้ว และตอนนี้มึงมีกู”

“...”

“สำหรับกู แค่มีมึงกูก็พอใจมากแล้ว”

เป็นทีของไมล์ที่เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ชิดกับผมแทน

“เหมือนเจ็บกันสองคน และต่างฝ่ายต่างก็ช่วยกันรักษาแผลใจไรงี้เลยว่ะ”

“แผลใจห่าไรนั่นกูลืมไปแล้ว”

“...”

“กูอยากเริ่มต้นใหม่กับมึง” ผมบีบแก้มของไมล์เบาๆ “กูยอมมึงมาหลายเรื่องแล้ว เรื่องนี้มึงยอมกูได้ป่ะวะ”

“เฮ้อออออ” ไมล์ถอนหายใจ “ก็หน้าด้านมานอนข้างๆ แถมยังยอมให้กอดให้หอมตามอำเภอใจขนาดนี้ กูคงไม่ยอมมึงมั้งสัด”

“หึ” ผมพอใจกับคำตอบของมัน “งั้นขอทำมากกว่านี้นะ ตอนนี้เลย”

“ไอ้เหี้ย ไหนบอกว่ากูหันมาแล้วจะไม่ทำอะไรไง!” มันเสียงดังขึ้นมากจนผมอดตกใจไม่ได้

“มึงคิดไปถึงไหนเนี่ย”

“ผิดคำพูดสัดๆ อ่ะ” แม้จะโวยวายแต่หน้ามันก็ดูเขินอายโคตรๆ

“ก็แค่จูบเอง”

“...”

“ไม่ทำก็ได้” ผมไม่ขอมากกว่านี้ดีกว่า เดี๋ยวแม่งกลับไปนอนที่เดิมผมทำไง ผมตายเลยนะ

“จูบเหรอ” มันถามอย่างลังเล

“เออสิ ถ้ากูกับมึงได้กันตอนนี้ก็คงไม่ฟินอ่ะ เพราะกูทำอะไรให้มึงมากไม่ได้ กูมีเฝือก”

ยิ่งผมพูดแบบนี้มันก็ยิ่งเขินหนักไปอีก นี่มันนึกภาพไปถึงไหนแล้วเนี่ย

“มึงรุก กูรับงั้นสิ” ไมล์เอ่ยเสียงแผ่ว

“ยังจะต้องสืบอีกเหรอ”

“...”

“มึงเคยเอากับผู้หญิงป่ะ”

ไมล์ส่ายหน้า

“เคยได้กับผู้ชายป่ะ”

มันส่ายหน้าอีก

“กูผ่านมาเยอะแล้ว มึงคิดว่ากูจะยอมเป็นคนโดนมึงกระทำเหรอวะไมล์”

“มึงเคยได้กับผู้ชายด้วยเหรอ” จู่ๆ เสียงมันก็เข้มขึ้น

“เปล่า กูแค่ถามมึงเฉยๆ”

“นอนกันเหอะ ดึกมากแล้ว”

“สาด ยังไม่จูบเลย”

“ก็จูบสิวะ จะรอไรล่ะ”

แม่ง ที่แท้ก็ชอบให้ทำเลย ไม่ชอบให้ลีลานี่เอง

จูบแรกของผมกับมันผ่านไปได้ด้วยดี มันสมัครใจ ผมเองก็สมัครใจ ผมกับมันสบายใจที่จะได้อยู่ด้วยกัน ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ และผมคิดว่าอีกไม่นานผมคงต้องจับมันรวบหัวรวบหางไว้แล้วล่ะ

ตอนนี้เราสองคนอาจจะยังไม่กล้าบอกใคร แต่ถ้าคบกันเมื่อไหร่ผมแกรนด์โอเพนนิ่งชัวร์ๆ

อย่าลืมนะครับว่าไมล์มันอยู่หอสาม แม้ว่ามันจะฮอตไม่สู้อาสา แต่มันก็ฮอตในแบบของมันอ่ะ

ผมรู้ ผมอยู่กับมันมาเยอะ และผมจะอยู่กับมันต่อไป







05.03 น.

“ไปแล้วนะ” เสียงกระซิบของไมล์เหมือนลอยมาจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลแสนไกล “เต กูไปนะ อย่าลืมกินยา ดูแลตัวเองนะเว้ย”

ผมซึ่งยังตื่นไม่เต็มตาเอื้อมมือไปข้างหน้า จับนั่นจับนี่ไปทั่ว ในที่สุดก็เจอตัว ผมล็อกเป้าหมาย ดึงตัวมันลงมาหาแล้วกอดแน่นๆ

“สัด” อีกฝ่ายดิ้นพล่าน “กอดทั้งคืนยังไม่พออีกเหรอ”

“หื่อออ” ผมส่งเสียงตอบเป็นเชิงปฏิเสธ

“สายแล้ว กูจะไปแล้ว ต้องไปดูน้อง”

“หื่่ออออออ”

“สาบานดิ๊ว่าตอนนี้ไม่มีสติจริงๆ”

ผมใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากไอ้ไมล์

“อะไรของมึง” ไมล์สงสัยกับการกระทำของผม

“ของ...กู”

“หา?”

“มึง เป็น ของ กู”

“หลับต่อเหอะกูว่า มึงดูไม่ไหวแล้ว” ไมล์ขยับตัวออกไป จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้ผม “มีไรด่วนๆ โทรหานะเว้ย”

ผมสะลึมสะลือเกินกว่าจะลืมตามาดูไมล์ได้ไหว ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอ ก่อนที่ผมจะได้รับสัมผัสเบาๆ ที่หน้าผาก

แค่นั้นมันไม่พอเว้ย ผมดึงตัวมันเอาไว้ ชี้นิ้วไปแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง

“เรื่องมากสาด”

แต่มึงก็ยอมใช่มั้ยล่ะ เพราะเห็นจูบกูใหญ่เลยนี่หว่า








10.32 น.

TAECHIT : จะลงมาหรือจะให้กูขึ้นไป
ARSA : เฮ้ย เดี๋ยวกูลงไป
ARSA : ทนายคุยกับมึงใช่มั้ย
TAECHIT : เออ โคตรขี้หวงคนเหี้ยอะไร


ไม่นานนักตัวขาวๆ ของอาสาก็มาโลดแล่นอยู่ในห้องห้องเดิมของมัน มันสำรวจตรงนั้นตรงนี้ใหญ่ ขณะที่ผมขมวดคิ้ว เล่นโทรศัพท์อย่างตึงเครียดอยู่บนเตียง

“เล่นเกมอยู่เหรอวะ”

“เปล่า”

“...”

“รอคนตอบไลน์อยู่”

เพราะเห็นเป็นเพื่อนมานานล่ะมั้งผมเลยกล้าพูดกับมันไปตรงๆ แม้จะรู้ว่าตัวเองต้องเขินแน่ๆ ถ้าอาสารู้เรื่องไมล์กับผม แต่ก็ช่างเหอะ มันล้อได้ไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็ลืม

“ฉิบหายละ” อาสารีบเช็กโทรศัพท์ตัวเอง “นั่นไง บ่นกูใหญ่แล้ว”

“ทนายเหรอ”

“เออดิ มันห้ามกูตอบไลน์มันช้าเกินห้านาที เรื่องเยอะสัด” แม้ปากจะบ่นแต่มึงก็ดูมีความสุขดีนี่

ผมมองมันก่อนจะหันมามองโทรศัพท์ตัวเองบ้าง ผมทักไมล์ไปตั้งแต่ผมอาบน้ำเสร็จตอนเก้าโมง มันยังไม่ตอบผมเลย

“เชี่ยไมล์ลืมโทรศัพท์เหรอวะ” อาสาชี้มือไปที่โต๊ะ ผมอ้าปากค้าง โทรศัพท์เชี่ยไมล์วางอยู่นี่ แปลว่าเจ้าของมันไม่ได้เอาไปด้วย

ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยย แล้วกูจะติดต่อมึงยังไงว้า

“สาดดดดดดดด” ผมร้องโอดครวญอย่างหมดหวัง “พวกมันไปไกลกันยังวะ”

“กูว่าใกล้ถึงแล้วมั้ง ผ่านมาหลายชั่วโมงขนาดนี้แล้ว”

“ฟาย ฟาย ฟายยยย”

“ใจเย็นเชี่ยเต มึงใจเย็น” อาสาดูงงงันไม่น้อย แต่ก็ปลอบโยนผม

สัดทนาย มึงขอความช่วยเหลือจากกู เพราะงั้นกูจะขอความช่วยเหลือจากมึงบ้าง

ผมกดโทรออกหาทนาย ไม่นานมันก็รับสาย ไอ้เชี่ยนี่ต้องเล่นโทรศัพท์คุยกับแฟนมันตลอดเวลาแหง ซึ่งก็ใช่จริงๆ เพราะอาสาไม่เคยอยู่ห่างจากโทรศัพท์เลย

[ไงสัดเต] เสียงดูเงียบมากคล้ายกับไม่ได้อยู่บนรถบัส

“เรียกเชี่ยไมล์มาให้กูคุย”

[ทำไมอ่ะ]

“มันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องเนี่ย โง่ฉิบบบบ”

[โวยวายจังวะ เป็นห่าไรของมึง]

“เร็วๆ อย่าพูดมาก”

[...]

“ไม่งั้นกูจะจับอาสาโยนเข้าหอสอง” คนถูกพาดพิงหันมามองผมอย่างงงๆ

ทนายเงียบไปครู่หนึ่ง [งั้นกูจับไอ้ไมล์โยนเข้ากลางวงของพวกหอสองหอสี่หอห้าหอหกของคณะบัญชีบ้าง]

มันรู้ เชี่ยทนายมันรู้ และไม่ยอมผมง่ายๆ ด้วย รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าที่กลางใจเลย

[กูพูดเล่น มึงห้ามทำงั้นกับอาสานะ กูใจขาดแน่เลยว่ะ]

“มึงก็ห้ามเหมือนกันไอ้ฟาย”

ผมกับมันกำลังเล่นอะไรกันอยู่เหรอครับ ทนายบ่นอุบเล็กน้อยเพราะไมล์อยู่ไกลจากจุดที่มันยืนอยู่มาก ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงไมล์

[เตเหรอ]

“มึงลืมโทรศัพท์”

[หา! เออว่ะ จริงด้วย]

“มึงแกล้งกูเหรอไมล์”

[แกล้งห่าไร กูอยากคุยกับมึงจะตาย! ทำไงดีเนี่ย]

“ไม่รู้ว่ะ นี่กูต้องติดต่อมึงผ่านทนาย ผ่านเชี่ยบอมบ์และก็เชี่ยกล้าใช่ป่ะ”

[...]

“เพิ่งวันแรกๆ มึงก็ทดสอบกูเลยนะ หึๆ” เพราะเมื่อคืนเราสองคนเพิ่งเปิดใจกันไป แทนที่ผมจะได้ติดต่อมันอย่างสบายใจเฉิบ แต่นี่กลับมีอุปสรรคมาคั่นกลาง ผมขอบ่นหน่อยเหอะ

[(ไมล์ บอมบ์ กล้ามาช่วยยกของหน่อย) กูต้องไปแล้วนะเต]

“เหี้ยยยยยยยยยยยย” ผมโหยหวน

[กูนึกถึงแต่มึง คิดถึงแต่มึง แค่นี้นะ]

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด สายถูกตัดไปแล้ว ผมมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างสิ้นหวัง อาสาซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างค่อยๆ เลิกคิ้วมองผม สายตาของมันดูทะเล้น

“กูจะถามดีมั้ยน้า”

“อยู่กับกูทั้งวันเดี๋ยวมึงก็รู้ มึงไม่ต้องเหนื่อยถามเลย”

“ตอนอยู่โรง’บาลคงมีอะไรเกิดขึ้นเยอะเนอะ”

“อืม เยอะดิ เมื่อคืนก็เยอะ”

“หา!”

“กูถึงเป็นบ้าเป็นบออยู่นี่ไง”

“...”

“โอยยยย คิดถึงมันอ่ะ”







อีกฟากหนึ่ง

“บอมบ์ พากูเข้าเมืองหน่อยดิ๊ ไปห้างของที่นี่”

“อะไรวะไมล์”

“มีของต้องซื้อว่ะ”

“อะไรเหรอ”

“โทรศัพท์”

“อ้าว แล้วเครื่องนั้นของมึงล่ะ”

“ลืมเอามา”

“แค่ลืมเอามาถึงกับต้องซื้อใหม่เลยเหรอ”

“เออน่า พาแวบไปหน่อย แป๊บเดียว”






TBC*

หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:42:25





ตอนที่ 27
พาร์ตของเต





[ฮัลโหล]

“ครับ นั่นใครพูดครับ”

[กูเอง]

“หา?”

[ซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้วนะ และนี่ก็เบอร์ใหม่]

“เฮ้ยยยย”

[เพราะมึงอ่ะสาด กูถึงต้องเสียตังค์หลายหมื่น]

“ไมล์ นี่มึงถึงขนาดต้อง...”

[แค่นี้นะ แจกข้าวน้องก่อน]

ไมล์กดวางสายทั้งๆ ที่ผมยังอ้าปากพะงาบๆ อยู่เลย ผมไม่คิดว่ามันจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ถ้าไม่มีเงินทำไม่ได้นะเนี่ย

“ทนายเล่าให้ฟังแล้ว” อาสาซึ่งนอนเล่นอยู่กลางห้องพึมพำขึ้นมา “ไมล์ลงทุนไปซื้อโทรศัพท์ใหม่เพราะทนคิดถึงมึงไม่ไหว”

“เดี๋ยว” ผมท้วงเก้อๆ “พวกมึงสองคนผูกเรื่องได้ไวดีจัง รู้เหรอว่ามันถูก”

“ก็ไม่น่าจะผิดนะ” อาสาเอ่ยยิ้มๆ มันนอนไปเล่นโทรศัพท์ไป

ผมเริ่มสัมผัสได้ตงิดๆ แล้วว่าอาสามันไม่ธรรมดา ทนายเคยบอกผมว่าอาสาเป็นคนเจ้าเล่ห์ เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยรู้สึกหรอก แต่หลังจากที่มันมีแฟนเนี่ยสิ ทำไมถึงดูมีฤทธิ์เดชแฝงอยู่ข้างใน

แทนที่มันจะกลายเป็นแง่ลบ แต่มันเสือกโอเคดูเข้ากับอาสาซะงั้น นี่ผมมองว่ามันมีหลายมิติมากขึ้นตั้งแต่คบกับทนายนะเนี่ย ทนายแม่งทำเพื่อนผมเปลี่ยนไป

“ทนายเคยบอกกูว่ามันเคยจิ้นมึงสองคน”

“...”

“ใช่จริงๆ ด้วย”

“จิ้นห่าไรของแม่ง” ผมโวยวาย ไอ้คำว่าจิ้นนี่ผมเคยได้ยินนะ แต่ไม่รู้มันใช้ยังไง

“มันว่ามึงกับไมล์ดูเข้ากันดี”

“...”

“จริงๆ มันรู้สึกนานแล้ว มึงดูห่วงไมล์มากกว่าห่วงกูอีก”

ผมกะพริบตาปริบๆ กะจะเถียงมันสักเล็กน้อย ทว่ายิ่งคิดคำพูดของไอ้ทนายก็ยิ่งถูก เวลามีเรื่องทีไรผมให้ทนายอยู่กับอาสา ส่วนตัวเองขอไปอยู่กับไมล์ทุกที มันทำให้ผมนึกไปถึงคำพูดของทนายซึ่งพูดทำนองว่าอาสามีคนมารุมชอบเยอะ แต่ไม่ยักมีใครเข้ามาปกป้องมัน อยู่เคียงข้างมันสักคน

เออ กูยอมแพ้มึงก็ได้สัดทนาย แต่เอ๊ะ ผมแพ้มันไปแล้วนี่หว่า

“แล้วมึงคิดว่าไง” ผมถามอาสาที่รู้จักผมกับไมล์ดีกว่าทนาย

“ก็ไม่ว่าไรนะ เพื่อนมีความสุขกูก็โอเค”

“เออ คิดเหมือนกูเลย” ผมยิ้มน้อยๆ “มึงกับทนายไม่ค่อยทะเลาะกันใช่ป่ะวะ กูเคยเป็นสาเหตุป่ะ” ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นชนวนให้ความรักของคนอื่นเขามีปัญหา

“ไม่ค่อยนะ แต่ทนายมันจะมีปัญหาเวลาที่กูอยู่กับไมล์มากกว่า”

“อืม เข้าใจมัน”

“ไมล์มันแสดงออกไง”

“กูก็แสดงออก”

“สาด เกทับอะไร มันไม่ได้อยู่นี่”

“นั่นสิ อีกอย่างมันผ่านไปแล้วนี่หว่า”

“จริงๆ แล้วกูกับทนายมีปัญหากันอยู่เรื่องหนึ่ง” อาสาค่อยๆ เอ่ย สีหน้าของมันดูตึงเครียดมากขึ้น ผมเดาไปเองว่าเรื่องนี้มันไม่เคยบ่นให้ใครฟังนอกจากทนาย ตั้งแต่พวกมันคบกันก็ไม่เห็นว่าจะเปิดเผยห่าอะไรมากมาย คนนอกที่มองมาก็พากันนึกว่าพวกมันสนิทกันเพราะอยู่ห้องเดียวกันเฉยๆ

ก็พวกแม่งเล่นมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันอยู่ในห้องสองคน ใครเขาจะไปรู้ล่ะวะว่ามีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง

“ว่ามา ไหนๆ กูก็ว่างแล้ว” สัดไมล์ถึงจะถอยโทรศัพท์มาใหม่ แต่ก็เป็นพี่ปีสองอยู่ดี เพราะงั้นมันคงไม่ค่อยว่างคุยไลน์กับผมหรอกครับ

“กูว่าทนายยังไม่ลืมแฟนเก่า”

เชี่ย...ดราม่านี่หว่า ดราม่าเบอร์ใหญ่ด้วยนะ

“บ้า มึงคิดมากไปเปล่า”

“ถ้ามันลืมแล้วจะละเมอชื่อแฟนเก่าทำไมวะ” อาสาพลิกตัวไปมา คล้ายกับเรื่องนี้ทำมันเครียดสะสมมาหลายวัน

“เอ่อ...” ตายห่า ผมควรจะพูดกับเพื่อนผมยังไงดี “แล้วมันละเมอชื่อมึงป่ะ”

“ละเมอ”

“มากกว่าแฟนเก่ามันใช่มั้ย”

“ก็มากกว่าอ่ะ แต่...”

“มึงอย่าคิดมากเลย” เข้าใจแล้วว่าทำไมทนายถึงหลงเพื่อนผมนัก ดูดิ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บเอามาใส่ใจ อาสาคงรักทนายมากแล้วจริงๆ “คุยเรื่องนี้กับทนายแล้วใช่ป่ะ”

“ใช่ มันบอกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ให้ได้ก่อนมันกลับมา”

“มันจะเคลียร์ยังไงของมัน”

“ไม่รู้ว่ะ”

“เออ พวกมึงสองคนนี่ตลกดีนะ” ดราม่าเพราะการนอนละเมอ เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน “แฟนเก่ามันสวยมากเหรอ มึงถึงคิดมากได้ถึงขนาดนี้”

“เหมือนไมล์อ่ะ”

ผมชะงักค้าง “เหมือนเชี่ยไมล์?”

“ใช่ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ผอมบางเอวคอด ผู้ชายด้วยกันมองยังต้องกลืนน้ำลายอ่ะ”

ผมลองนึกภาพตาม ลองคิดว่าไอ้ไมล์มันผอมลง ตัวบางลง และเอวก็คอดกิ่ว อื้อหืออออ ผมอดกลืนน้ำลายไม่ได้จริงๆ ว่ะ (ถ้ามันอยู่แถวนี้คงโบกกบาลผม) ว่าแต่...เฮ้ยยยยย

“แฟนเก่าเชี่ยทนายเป็นผู้ชายเหรอ!”

อาสาพยักหน้าเบาๆ

“ห่านเป็ด กูนึกว่าแม่งเป็นสายหญิงมาตลอด” ผมอึ้งมากจริงๆ

“มันบอกว่ามันได้หมดอ่ะ ชอบใครมันก็คบ”

“สมมติถ้าแฟนเก่าทนายไม่ใช่ผู้ชาย มึงจะคิดมากขนาดนี้ป่ะเนี่ย”

อาสายิ้มแหยๆ ส่งให้ผม “ไม่ว่ะ”

“เคยเห็นเหรอ”

“เออ”

“...”

“กูยังมองตาค้างเลย”

ชักรู้สึกปวดหัวแทนเชี่ยอาสาแล้วไง ผมมองอย่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมมันถึงอดคิดมากไม่ได้ ถ้าไมล์มันละเมอถึงชื่ออาสาหรือคนอื่น ผมก็อดคิดมากไม่ได้เหมือนกัน

เดี๋ยว ผมยังไม่ได้คบกับเชี่ยนั่นสักหน่อย

“มึงต้องเชื่อใจมัน” ผมกล่าวในที่สุด “มันรักมึง อยากปกป้องมึง มันคงไม่อยากทำมึงเจ็บหรอก ที่มันบอกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ก่อนกลับอ่ะ มึงก็รอมันหน่อยแล้วกัน”

“กูงี่เง่าป่ะวะ”

“งี่เง่าห่าไรวะ ถ้ามึงงี่เง่า ทนายมันจะทักไลน์มึงถี่ขนาดนี้ป่ะ”

“เหรอวะ”

“เออ สบายใจเหอะ”

ผมมองดูอาสาซึ่งมีท่าทีผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นหลังจากได้ระบายกับผม ก่อนที่ตัวเองจะหันมาสนใจโทรศัพท์ เชี่ยไมล์แม่งก็ยังเหมือนเดิม ไม่ตอบไลน์ผมเหมือนเดิม กูถามจริงเหอะไมล์ นี่มึงซื้อโทรศัพท์ใหม่มาเป็นพร็อพเสื้อผ้าของมึงเฉยๆ หรือไง

ทันใดนั้นโทรศัพท์ผมก็แผดเสียงดังลั่น คนที่โทรมาคือเพื่อนโรงเรียนสมัย ม.ปลาย โน่น มันอยู่หอสี่ นานๆ ทีพวกเราจะนัดไปสังสรรค์กัน ดูจากทรงแล้วผมคิดว่าครั้งนี้มันคงจะโทรมานัดผมแล้วล่ะ

“เชี่ยตุ้ยโทรมาป่ะ” อาสาถาม “มันทักกูมาอยู่เนี่ยว่าคืนนี้เอาไง”

แสดงว่ามันวางแผนกันไว้แล้ว ผมกดรับสาย ไอ้ตุ้ยชวนไปดื่มกันสักหน่อย วันนี้มันนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะเลี้ยง (เชี่ยแม่งก็เลี้ยงมาโดยตลอด) ผมมองไปที่อาสา ให้การตัดสินใจของผมทั้งหมดอยู่กับมัน เพราะถึงผมจะไปหรือไม่ไป ผมก็ดื่มไม่ได้อยู่ดี

ถ้าไมล์รู้คงด่าผมตาย เพราะมันเป็นคนช่วยดูแลผมให้ดีขึ้น แต่ผมกลับทำตัวเองแย่ลง ผมรู้เลยว่ามันจะทำหน้าบึ้งตึงขนาดไหนถ้ามันรู้เข้า

“กูขอทนายก่อนได้ป่ะ”

งานเกรงใจแฟนก็มา...ผมพยักหน้ารออาสาคุยกับทนาย

“มันไม่ตอบอ่ะ”

“รอแป๊บ มันอาจจะทำกิจกรรมอยู่มั้ง”

ผมบอกเชี่ยตุ้ยว่าเดี๋ยวจะทักไป ปล่อยให้อาสาคุยกับทนายเรื่องนี้ได้นานตามต้องการ

“แปลก เมื่อตะกี้มันยังคุยกับกูอยู่เลย”

“ทำกิจกรรมแหละ”

อาสาแม่งติดแฟนนี่หว่า นี่มันรู้ตัวมั้ยเนี่ยยยย

“ถ้าจะไปคงไม่ยากแหละเนอะ รอมันตอบกลับมาก็แล้วกัน”

“อืม”









20.25 น.

“โทรหาก็ไม่รับ”

“...”

“ไลน์ก็ไม่ตอบ”

“อาสาใจเย็น” ผมพูดคำนี้มากกว่ายี่สิบครั้งแล้วครับ “กูถามไมล์ให้แล้ว มันบอกว่าทนายโดดกิจกรรมไปนอนอยู่ห้อง มันอาจจะหลับอยู่ก็ได้” คณะนี้มันก็ดี๊ดี ทนายมันโดดไปนอนก็ไม่คิดจะลากตัวมันกลับไปทำกิจกรรม มันเป็นอภิสิทธิ์ชนของคณะบัญชีเหรอครับเนี่ย

อาสาดูเซ็งไปเลย ตลอดทั้งบ่ายมันเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนแบตฯ หมดเพราะรอทนายตอบกลับ ผมพยายามปลอบใจมันว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง ทนายอาจจะยุ่ง แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นอาสาก็ยิ้มไม่ออกสักที ถ้าให้ผมเดานะ มันคงตกลงกันว่าต้องคุยไลน์กันตลอด แต่ตอนนี้ทนายกลับไม่ได้ทำตามที่ตกลงกัน

เป็นคู่ที่น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ผมอดชมไม่ได้จริงๆ แม้ว่าเพื่อนผมจะทำสีหน้าไม่ดีอยู่ ผมรู้เลยว่ามันรักกันมากอ่ะ ไม่ต้องเสียเวลาสืบห่าไรเลย

ใกล้ถึงเวลานัดเข้าไปทุกที อาสาตัดสินใจบอกกับผมว่าเราสองคนควรไปหาเชี่ยตุ้ยกัน อาสาไม่ได้ดื่มกับเพื่อนโรงเรียนเก่ามานานแล้ว มันอยากพบปะพูดคุยกัน ผมตามใจมันแต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกมันว่าผมคงดื่มด้วยไม่ได้นะ ซึ่งคิดไปคิดมามันก็ควรจะเป็นอย่างนี้นั่นแหละถูกแล้ว เพราะทันทีที่มาถึงร้านบาร์หิ่งห้อย ผมก็เห็นเลยว่าอาสามันฮอตมาก นี่ผมลืมความจริงข้อนี้ไปได้ยังไง

ฮอตไม่ฮอตก็ดูสายตาเพื่อนๆ ที่มองอาสาได้ ขนาดเพื่อนกันแท้ๆ แม่งยังมองกันตาวาว

“มันดูดีขึ้นว่ะ” เพื่อนโรงเรียนเก่าคนหนึ่งกระซิบกับผม มองดูอาสาที่ยังคงง่วนอยู่กับโทรศัพท์

“มันก็งี้แหละ” ไอ้บ้านี่ไม่เคยน่ารักน่ามองน้อยลงหรอก

“ช่วงนี้ไม่ได้ยินข่าวเรื่องมันเลย คราวนี้มันจีบใครอยู่วะ” เพื่อนเหล่านี้รู้ดีว่าอาสาเคยชอบผู้หญิง จีบแต่ผู้หญิง

“ไม่แล้วล่ะ” ผมตอบ ไอ้พวกนี้ไม่ใช่พวกปากมากเพราะงั้นผมจึงเปรยๆ ให้พวกมันได้รู้แบบเป็นน้ำจิ้มก่อน “มันมีคนรู้ใจแล้ว”

“สาด ใครวะ”

“ให้แม่งบอกเองละกัน”

อาสาไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับผมหรือคนอื่นๆ ดูมันกังวลเรื่องทนายไม่ตอบไลน์มันมากซะจนเพื่อนถามคำมันก็ตอบคำ ผมคอยดูมันอยู่ใกล้ๆ พยายามช่วยมันอีกแรงด้วยการทักไปหาเชี่ยไมล์ รายนี้แม่งก็ยุ้งยุ่ง อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่ปีสองเตรียมงานกัน มันเอาเวลามาเทให้กับการดูแลผมหมดเลย มันอาจจะรู้สึกผิดก็ได้ครับที่ไม่ได้ช่วยเพื่อน

“อะไรเนี่ย” อาสามองจอโทรศัพท์ของมันที่กำลังเปิดแอพฯ เฟซบุ๊กอยู่ เป็นรูปของไอ้ทนายที่ถูกถ่ายติดโดยเพื่อนของมันซึ่งถ่ายแบบเซลฟี่บนรถ “ทำไมมันอยู่กับป๊อบ”

เชี่ยทนาย อะไรของมึงวะเนี่ย ผมมองดูอาสากดทักหาคนที่ชื่อป๊อบอย่างรวดเร็ว ดูมันร้อนอกร้อนใจมาก ผมนี่ก็เห็นทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไปอีก

ARSA : ทำไมอยู่กับทนายล่ะ

ไม่นานนักเบอร์คนที่ชื่อป๊อบก็โทรมา ผมนั่งอยู่ข้างๆ อาสาจึงได้ยินทุกคำพูดของมัน

“ทนายเหรอ ทำไมอยู่กับป๊อบ จะไปกรุงเทพฯ เฮ้ย ทำไมเร่งด่วนแบบนี้”

“...”

“แม่แอลเสียเหรอ”

ผมกะพริบตาปริบๆ เพื่อนผมดูอึ้งจนทำสีหน้าไม่ถูก

“อื้ม โทรศัพท์แบตฯ หมดด้วยเหรอวะ”

“...”

“รีบชาร์จแล้วติดต่อมาด้วยนะ”

อาสาวางสายไปแล้ว มันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทันที และเลิกให้ความสนใจเจ้าเครื่องนี้ในที่สุด

“แอลนี่คือ...” ผมกระซิบ

“แฟนเก่าทนาย” มันตอบ

เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะกันดูเหมือนจะไม่รู้ว่าอาสาเปลี่ยนไป ผมไม่แน่ใจว่ามันกำลังรู้สึกอะไรอยู่ในตอนนี้ พยายามลองคิดดูว่าถ้าเป็นผม ผมจะคิดมากดีหรือไม่

นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาสามันกังวลเรื่องแฟนเก่าของทนายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ว่าสถานการณ์สำหรับคนชื่อแอลในตอนนี้ค่อนข้างหนัก อาสาคงไม่นำประเด็นนี้มาทะเลาะกับทนาย แต่จะให้ห้ามความคิดไม่ให้กังวล มันก็คงทำไม่ได้

“ชงให้หน่อย” มันบอกผมพร้อมส่งแก้วให้ “มึงไม่ดื่มเลยนี่”

“เหตุผลด้านสุขภาพ” ผมยักไหล่ ชงเหล้าใส่แก้วให้ตามที่มันต้องการ

“ไมล์สั่งไว้เหรอวะ”

“มันไม่ได้สั่งหรอก”

“...”

“แต่ก็อยากทำเพื่อมัน มันไม่เคยดูแลกูดีขนาดนี้ไง”

อาสายิ้มน้อยๆ ขยับแก้วของมันที่เพิ่งได้รับจากผมมาชนกับแก้วน้ำเปล่าของผม มันดูเศร้าๆ นอยด์ๆ สติหลุดไปเลย

“อย่าคิดมากดิวะ”

“กูไม่ได้คิด”

เหรอ ไม่ได้คิดจริงๆ น่ะเหรอ ผมส่ายหน้าใส่คนที่พยายามกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง

“กูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่ ม.ปลาย และกูก็เคยชอบมึงด้วย ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงรู้สึกอะไรอยู่” ผมกับมันคุยกันอยู่สองคน เพื่อนคนอื่นแม่งหาเรื่องไปแซวสาวโต๊ะนั้นโต๊ะนี้หมดแล้ว นี่แหละครับ สไตล์ของหอสี่ “มีอะไรก็เล่าให้กูฟังได้”

“โอเค กูคิดมาก” อาสาโพล่งออกมาในที่สุด “กูคิดว่ามันยังไม่ลืมแฟนเก่า ทีนี้พอเขามีเรื่อง ทนายมันรีบไปหาเขาเลยนะเว้ย จากที่คุยกับกูทั้งวันอ่ะ มันหายไปเลย กูต้องไปเห็นมันในเฟซของเพื่อนมัน แบบนี้คืออะไรวะ”

มาเต็ม...ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ พูด “แบตฯ โทรศัพท์มันหมดไง”

“มันใช้ของเชี่ยป๊อบโทรมาหากูก็ได้ ทำไมต้องให้กูทักไปแล้วค่อยโทรมา”

“...”

“ไอ้เชี่ยไมล์มันถึงกับซื้อเครื่องใหม่เพื่อติดต่อกับมึงเลยนะเว้ย”

“ทนายมันจะเอาเวลาที่ไหนไปซื้อ”

“ไม่รู้ ในหัวกูมันตีกันไปหมดแล้วเนี่ย” อาสาทึ้งหัวตัวเอง ก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่มหนักๆ ไปอีกหลายอึก เมาชัวร์แบบนี้ คืนนี้มันต้องเมาให้ผมตามเก็บร่างมันแหง “กูไม่อยากคิดมากนะ แต่มันก็คิดไปแล้วว่ะ”

“...”

“ไมล์โทรมา” อาสามองโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเอ่ย

“มึงโอเคนะ เดี๋ยวกูรับสายเชี่ยไมล์ก่อน”

“อืม”

ผมมองดูอาสาเพื่อให้แน่ใจว่ามันมีสติมากพอที่จะไม่โดนหนุ่มๆ โต๊ะไหนลากไป ก่อนเดินไปยังหน้าร้านเพื่อคุยกับไมล์ ตอนนี้มันคงว่างคุยกับผมแล้วล่ะ

[ทนายหายไป!]

ผมซึ่งอยู่หน้าร้านแล้วไม่รู้สึกตกใจเลยสักนิด

“มันไปกรุงเทพฯ”

[หา!]

“แม่แฟนเก่ามันเสียอ่ะ”

[...]

“อาสารู้แล้วด้วย”

[นี่กูพลาดไปทั้งหมดกี่เรื่องวะ แค่กูไปช่วยเพื่อนทำกิจกรรมเนี่ยนะ]

“จริงๆ แล้วอาสามันก็คิดมากเรื่องแฟนเก่าของทนายมาก่อนหน้านี้แล้ว และยิ่งพอทนายรู้ว่าเขามีปัญหาก็วิ่งแจ้นไปหาเขาอย่างไวว่อง มันก็เลยยิ่งคิดหนักอ่ะ”

[มันปรึกษามึงเหรอ]

“ใช่ ทั้งวันเลยวันนี้ เนี่ย มันกำลังดื่มอยู่ เมาแน่เลยคืนนี้”

[เชี่ยเต]

“ไรวะ”

[กูเชื่อใจมึงได้ใช่มั้ย]

“สาดดดด” ขอโวยวายหน่อยเถอะ “กูจะไปทำอะไรมัน มันเพื่อนกู และมันก็เป็นแฟนเพื่อนอีกคนของกูไปแล้ว”

[ก็มึงบอกตลอดว่าตอนอาสาเมามันน่ารักกว่าปกติ]

“กูเคยพูดเฉยๆ”

[...]

“ไมล์ จะหึงก็ดูสถานการณ์หน่อย”

[หึงเหี้ยไร]

“กูอยากเริ่มต้นอย่างจริงจังกับมึงนะ ถ้ากูตัดเรื่องอาสาไม่ได้ กูจะกอดจะหอมมึงทำไม”

[...]

“กูจะทำให้มิตรภาพของเราเปลี่ยนไปทำไม”

[ขอโทษ]

“...”

[กูไม่เคยให้ใครมาอยู่ในหัวของกูทั้งวันแบบนี้ แม้กระทั่งอาสาก็เถอะ ตอนกูทำกิจกรรม กูนึกถึงมึงแล้วกูมีความสุขอ่ะ พอมาได้ยินอะไรแบบนี้กูก็เผลอคิดไปเรื่อยเหมือนกัน ขอโทษนะ]

“ไม่เป็นไร” ผมรู้สึกดีหลังจากได้ยินประโยคเหล่านั้น

[มึงจะช่วยดูแลอาสาใช่ป่ะ]

“อืม”

[เอาจริงๆ กูเริ่มเป็นห่วงมันแล้วเนี่ย]

“มึงโวยวายเรื่องกูก่อนเป็นห่วงอาสา มึงเป็นเพื่อนประเภทไหนเนี่ย”

[ก็กูเห่อมึงอ่ะสัด!]

ไมล์เป็นผู้ชายประเภทมีแต่ศูนย์กับร้อย ถ้ามันให้ใครศูนย์คนคนนั้นจะไม่ได้รับการเหลียวแลจากมันเลย แต่ถ้ามันให้ใครเต็มร้อย แม่งจะได้รับเต็มๆ เหมือนที่ผมกำลังได้อยู่ในตอนนี้

“คิดถึงมึงนะ” ผมพูดออกมาจากหัวใจ

[...]

“คิดถึงจริงๆ”

[...]

“รีบกลับมาสานต่อเรื่องของเรากันได้แล้ว”

[กูก็รีบฉิบหายอยู่เนี่ย]







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:43:46




ตอนที่ 28
[/b]




ผมรู้สึกมึนและก็อึนไปหมดหลังจากที่รู้ข่าว

ป้านลคือแม่นมของแอลและเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวาน คนที่บอกข่าวผมก็คือไอ้ป๊อบ ผมขอร้องให้มันมารับถึงจังหวัดที่คณะผมมาทำกิจกรรมกัน ก่อนที่เราสองคนจะมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ เหตุผลที่ผมรีบเป็นเพราะอยากให้กำลังใจแอล และสองก็คือไปไว้อาลัยป้านล ผู้ที่ทำให้ผมกับแอลสามารถรักกันได้

จริงๆ แล้วครอบครัวของแอลไม่ได้สนับสนุนให้แอลเป็นเกย์เท่าไหร่นัก พ่อกับแม่ของแอลเป็นหนุ่มสาวนักธุรกิจที่มีลูกตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เวลาหล่อหลอมให้ท่านทั้งสองมีความคิดที่โตเกินอายุไปมากและหลงรักในความสมบูรณ์แบบ พี่สาวและพี่ชายของแอลเป็นหนุ่มสาวในอุดมคติที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเรียน แต่แอลก็ไม่ได้ด้อยในด้านนั้น เพียงแต่ว่าแอลมีจิตใจหลงรักคนเพศเดียวกันเท่านั้นเอง

ผมคือแฟนคนแรกของมัน และผมจะรักกับมันไม่ได้เลยถ้าไม่มีป้านลคนนี้คอยช่วยเหลือ

ระหว่างทางป๊อบเล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่แอลเลิกกับผม เพราะพ่อแม่ไม่เห็นด้วย อ้างเรื่องธุรกิจโน่นนี่นั่น และอีกหนึ่งเหตุผลหลักก็คือพ่อแม่ขู่มันว่าถ้าไม่เลิก จะไม่ให้เงินช่วยรักษาป้านล

ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์ทางฝั่งของแอลจะแย่ขนาดนี้ สำหรับผม เพียงแค่แอลบอกว่ามันไม่รักผมและมันก็มีคนใหม่ไปแล้ว ผมก็ไม่คิดจะยื้อหรือรั้งอะไรมันเอาไว้อีก ผมชักรู้สึกผิดที่ปล่อยให้แอลเผชิญเรื่องแบบนี้คนเดียวมานานตั้งหกเดือน แต่ว่า...ยังไงตอนนี้ผมก็รักอาสาไปแล้ว

พูดถึงอาสา...มันจะต้องคิดมากเรื่องผมอยู่แน่ๆ ผมมันเป็นไอ้โง่ที่ไม่เคยพบกับความสูญเสีย ที่บ้านผมปู่ย่าตายายยังอยู่ครบ ผมจึงไม่คุ้นชินกับการสูญเสียญาติผู้ใหญ่ พอได้ยินว่าป้านลท่านไปแล้ว ผมก็เลยไม่รู้จะทำใจยังไง

ผมนับถือท่านเหมือนเป็นป้าแท้ๆ ของผมคนหนึ่ง ช่วงนั้นท่านต่อสู้เรื่องความรักของผมกับแอลมาก ยอมมีปากมีเสียงกับแม่ของแอลเพียงเพราะต้องการให้แอลมีความสุข ผมกับท่านสนิทกันมาก แต่ห่างเหินกันไปช่วงที่ผมเลิกกันกับแอล เมื่อได้รู้ว่าท่านเป็นโรคร้าย ผมก็รู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา

“กูยุ่งเรื่องของมึงกับแอลมากไปมั้ยเนี่ย” ไอ้ป๊อบที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆ ผมเริ่มพึมพำ เรากับเพื่อนอีกสองสามคนตัดสินใจขับรถไปกรุงเทพฯ เพื่อให้กำลังใจแอลโดยเฉพาะ “แล้วอาสาจะคิดมากเพราะกูมั้ยวะ”

“ไม่เป็นไร เรื่องของกูสองคนเดี๋ยวกูเคลียร์เอง” ผมพูด “มึงก็นะ ลงทุนขับรถมารับกูเลย ไกลมากเลยนะเว้ย”

“ก็มึงน่าจะเป็นคนที่ให้กำลังใจแอลได้ดีที่สุดป่ะ”

ป๊อบกับคนอื่นๆ สนิทกับแอลมาตั้งแต่สมัยประถม ส่วนผมเพิ่งได้มารู้จักพวกมันทั้งหมดก็ตอนมัธยม เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่ว่าแอลมีเรื่องให้ช่วยเหลืออะไร พวกมันก็มักจะยกโขยงกันไปช่วยทุกที จำตอนที่แอลอยากกินข้าวกับผมมั้ยครับ ไอ้พวกนี้แม่งยกกลุ่มมารับผมถึงที่คณะกันเลยทีเดียว

ตอนนั้นอาสาก็ถึงกับหน้าตึงไปอยู่เหมือนกัน

“ไม่มีใครพกพาวเวอร์แบงก์มาเลยเหรอวะ” ผมถาม

“มีแต่คนรีบๆ ไม่มีใครเอามาหรอก”

แบตฯ โทรศัพท์ผมหมดตั้งแต่ตอนผมแอบไปงีบในห้องพักระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังทำกิจกรรม เมื่อตะกี้ผมเพิ่งคุยกับอาสาผ่านทางโทรศัพท์เสร็จ และผมก็ค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าอาสาไม่ได้วางใจเรื่องผมกับแอลเลยแม้แต่น้อย

แทนที่ผมจะเคลียร์ แต่ผมกลับทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้นไปอีก

ผมทอดถอนใจ ไอ้ป๊อบมันได้ยินพอดี

“ทุกอย่างจะต้องโอเค”

“ในหัวกูมันตีกันไปหมดแล้วตอนนี้”

“กูเข้าใจ”

“แต่มึงรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้กูรักอาสา”

“...”

“หลังงานศพกูคงต้องเคลียร์กับแอลทุกอย่าง”







งานศพป้านลจะจัดสวดอภิธรรมทั้งหมดเจ็ดวันก่อนฌาปนกิจ ที่จัดหลายวันเพราะป้านลเคยเป็นครูมาก่อน มีลูกศิษย์มากมายหลายคนแวะเวียนมาทำความเคารพศพป้านลกันอย่างไม่ขาดสาย

ตอนที่ผมกับคนอื่นๆ ไปถึงก็ดึกมากแล้ว งานสวดอภิธรรมในคืนนี้ผ่านพ้นไปแล้ว ผมกับเพื่อนๆ เดินไปหาแอลที่นั่งอยู่ในศาลา สภาพแอลเหมือนคนไร้วิญญาณ ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของมัน มันรักและผูกพันกับป้านลมากกว่าพ่อแม่ของมันอีกมั้ง

ป๊อบกับคนอื่นๆ เข้าไปใกล้ชิดแอลก่อน ส่วนผมได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ เพราะคิดว่าผมคงไม่มีสถานะที่จะเข้าไปใกล้ชิดมันได้ถึงขนาดนั้นอีกแล้ว

“มาด้วยเหรอ” แอลเอ่ยทัก หันไปมองเพื่อนทุกคนอย่างตกใจระคนซาบซึ้งใจ

“คนนี้ก็มานะ” ป๊อบพยักพเยิดมาทางผม แอลหันหน้ามาก่อนจะอ้าปากค้าง

“ทนาย”

“ไง”

“มันรู้ข่าวมันก็มาด้วยเลย” ป๊อบพยายามพูดให้เพื่อนรู้สึกดี

“ขอบคุณทุกคนนะ” การที่ผมมาไม่ได้ช่วยทำให้แอลหายเศร้าจากการสูญเสียป้านลหรอก แอลสั่งให้เด็กแถวนั้นหาน้ำหาท่ามารับรองพวกผม ก่อนจะเล่าเรื่องการป่วยและก็เรื่องอื่นๆ ของมันให้ฟัง

จากที่ฟังๆ ดูแอลไม่ได้คบคนอื่นตลอดช่วงเวลาที่คบกับผมเลยครับ

แอลหลอกให้เพื่อนคนที่ใกล้ชิดผมตายใจว่ามันมีคนใหม่ เนียนไปหมดจนพลอยทำให้ไอ้ป๊อบเกลียดขี้หน้ามันไปด้วย แม้ว่ามีบางครั้งที่ป๊อบจะก่นด่าและมันก็ไม่ได้โกรธอะไร อาจเป็นเพราะมันมีเหตุผลของมันที่ไม่สามารถบอกใครได้

ผมเริ่มคิดหนักขึ้นมา ตอนที่คบกับมัน ผมรักมันจริงๆ หรือเปล่า ทำไมผมถึงได้ปล่อยให้มันเผชิญหน้ากับปัญหาครอบครัวหนักขนาดนี้

“แท้จริงแล้วแม่กูก็แค่ขู่ แม่ไม่เคยเลิกจ่ายเงินค่ารักษาป้านลเลย” แอลถอนหายใจ “กูดูโง่ฉิบหาย”

มันโง่ แต่ผมโง่กว่า...ผมรู้สึกผิดจนแค่จะนั่งอยู่ตรงนั้นให้นานขึ้นก็ทำได้ยากแล้ว

“แอลมึงมีพาวเวอร์แบงก์ป่ะ”

“มี อยู่บนรถ” แอลพูด “ตามมาสิ”

ผมกับแอลเดินไปที่รถด้วยกัน แม้จะดึกแล้วแต่ในวัดก็ยังมีคนอยู่มาก งานศพป้าแอลจัดค่อนข้างใหญ่ จึงยังมีคนอยู่เต็มไปหมด
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมกับแอลได้อยู่กันตามลำพัง

“กูเสียใจด้วยนะ”

“กูรู้”

“...”

“ก่อนเสียป้านลพูดถึงมึงด้วยนะ”

ผมรู้สึกใจคอห่อเหี่ยว “เหรอ”

“เพื่อความสบายใจของป้า กูเลยบอกว่ากูยังคบกับมึงอยู่”

“...”

“กูมันไร้สาระเนอะ”

แอลกดปลดล็อกรถ เข้าไปหยิบพาวเวอร์แบงก์ออกมาให้ผม ผมเพิ่งได้จ้องมองหน้ามันใกล้ๆ ก็คราวนี้ เหมือนมันไม่ได้นอนมาหลายวัน

“แอล กูขอโทษ กูมันเหี้ยมากเลย”

“มึงไม่เหี้ยหรอก” แอลไม่กล้าสบตาผม “กูนี่แหละเป็นคนผลักไสไล่ส่งมึงเอง มึงจะไปมึงก็ไม่ผิดป่ะวะ”

“แต่ว่า...”

“กูยังรักมึงอยู่”

ผมถึงกับยืนอึ้ง ไม่คิดว่าแอลจะสารภาพตรงๆ กับผมแบบนี้

“แต่กูรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นมึงอย่ามาทำสีหน้าแบบนี้ใส่กู อย่าขอโทษกู มันจะทำให้กูตั้งความหวังทั้งๆ ที่กูรู้ว่ามันไม่มี”
ผมดึงตัวมันเข้ามากอดไว้อย่างหลวมๆ นี่อาจจะเป็นสัมผัสสุดท้ายที่ผมให้มันได้

มันร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น

“กูรู้ว่ามึงอยากร้องไห้ แต่มึงร้องไม่ได้”

“...”

“อยู่ต่อหน้ากูมึงร้องได้เลย ไม่ต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง”

“...”

“กูขอโทษนะ แต่กูคงทำให้มึงได้แค่นี้”

แอลร้องไห้ไร้เสียงสะอื้น ผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่เปียกชื้นอยู่บนไหล่ของผม ผมปล่อยให้มันร้องไห้อยู่กับไหล่ผมแบบนั้นจนกระทั่งมันพอใจ

“ป้านล...ไปแล้ว”

“...”

“ป้าไปแล้วจริงๆ ว่ะ” แอลแสดงความอ่อนแอให้ผมได้เห็นอย่างไม่มีกั๊ก ผมรู้สึกเสียใจร่วมไปกับมัน สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น แค่กอดและปลอบมันในเวลาที่มันเสียใจมากที่สุด

“กูจะอยู่ช่วยจนงานศพเสร็จสิ้นนะ”







ตอนกลับผมขอให้ป๊อบไปส่งที่บ้านแทนที่จะเช่าโรงแรมอยู่กัน โชคดีที่บ้านของผมอยู่ไม่ไกลจากวัดที่จัดงานศพของป้านล เพื่อนผมทุกคนก็เลยได้อาศัยใบบุญในการพักบ้านผมกันใหญ่

โทรศัพท์ของผมมีแบตฯ แล้ว ทันทีที่ผมถึงห้องนอนของตัวเอง ผมก็กดโทรออกหาอาสาทันที

“เชี่ยทนาย” คนกดรับสายคือไอ้เต

“เกิดอะไรขึ้น อาสาไปไหน”

“เมาเละ”

“หา!” ผมอ้าปากค้าง “มึงอยู่กับมันป่ะ มันอยู่ไหน มันเป็นไงบ้าง”

“หลับไปแล้ว นอนอยู่เตียงเก่ามันที่ห้อง 204 อ่ะ”

หัวใจของผมกระตุกวูบ “เพราะกูเหรอวะ”

“เพราะหมามั้ง”

“เต นี่มึงอย่า...”

“กูรู้ กูขอโทษ มึงคงมีเหตุจำเป็น แต่มึงช่วยเคลียร์เรื่องแฟนเก่าอะไรของมึงนี่เร็วๆ สักที อาสามันคิดมากเรื่องนี้จนใกล้จะบ้าอยู่แล้ว มันติดอยู่เรื่องเดียวเนี่ย”

“กูรักมันคนเดียวนะ”

“รักแต่ก็ช่วยทำให้มันมั่นใจหน่อย”

“...”

“ช่วงนี้ฝั่งนู้นเขาเศร้าอยู่ แต่มึงก็อย่าปลอบฝั่งนู้นจนลืมนึกถึงใจฝั่งนี้นะเว้ย มึงมีแฟนแล้ว เวลามึงทำอะไรมึงต้องคิดดีๆ”

“เข้าใจแล้ว”

“มันรักมึงมากไปแล้ว แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันก็คิดมาก มึงอย่าลืมนะว่ามันนกมาทั้งชีวิตแล้วอ่ะ มึงอย่ามาทำให้มันรู้สึกว่ามันจะนกอีก”

“นี่มึงเก็บกดมานานใช่มั้ย”

“ใช่ อาสาเมาไม่ใช่เรื่องรับมือง่าย”

“กูอยากไปรับมือแทน”

“ได้โปรดช่วยกลับมาไวๆ” ผมอุ่นใจที่เตไม่ได้คิดอะไรกับอาสาในแง่นั้นอีกแล้ว จากที่ฟังๆ ดูเหมือนมันจะห่วงอาสาในฐานะเพื่อนมากกว่าอะไรทั้งหมด

“อาจจะอีกสี่ห้าวันว่ะ”

“...”

“กูจะอยู่ช่วยงานศพจนเสร็จ”

“เคลียร์กับแฟนมึงเองละกัน”

“...”

“แต่กูขอบอกไว้ก่อนว่ามึงอย่าให้อาสามันถึงขั้นต้องประชดประชัน” เตพูดเสียงแข็ง “เพราะใจมึงขาดแน่กูบอกไว้ก่อน”

“หา?”

“มึงอย่าลืมนะว่าอาสามันฮอตขนาดไหน ถ้ามันใช้จุดนี้ในการเอาคืนมึง”

“...”

“มึงตายแน่เพื่อน”








ตลอดหลายวันหลังจากนั้นผมเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

แม้แอลจะเอ่ยปากหลายครั้งว่าไม่ต้องอยู่ช่วยทุกวันก็ได้ แต่ผมก็ได้ให้คำมั่นกับมันไปแล้วผมจึงต้องทำตามนั้น ป๊อบเป็นคนอยู่ช่วยผม มันให้เพื่อนที่อยู่หอหนึ่งจัดการเรื่องเรียนให้ ส่วนผมมีไอ้โอ๊คคอยช่วยเก็บชีทให้ผม ทั้งยังบอกอีกด้วยว่าจะช่วยดูอาสาให้อยู่ห่างๆ ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่ผมต้องการเอามากๆ

เพราะอาสาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

LAWYER : วันนี้มาช่วยงานแต่เช้านะ
ARSA : อืม
LAWYER : ตื่นไปเรียนหรือยัง
ARSA : อยู่มอแล้ว กำลังเรียนอยู่
LAWYER : คิดถึงมากๆ เลยนะ
ARSA : โอเค


ดูก็รู้ว่ามันเปลี่ยนไปไม่เหมือนปกติ นอกจากการพิมพ์ตอบไลน์ผมจะห่างเหินมากมายแล้ว ตอนที่ผมโทรไปแล้วมันรับสายก็ยังถามคำตอบคำอีกต่างหาก

[ฮัลโหล]

“ทำอะไรอยู่ อยู่ไหน”

[คณะ เรียนหนังสือ]

“เหรอ”

[อืม]

“ไม่ถามกูหน่อยเหรอว่ากูอยู่ไหน หรือทำอะไร”

[กูรู้ว่ามึงอยู่ไหนหรือทำอะไร]

“อาสา คุยกันดีๆ สิ”

[ขอโทษนะ ต้องไปเรียนแล้ว]

ตอนที่มันวางสาย ผมรู้เลยว่ามันกำลังงอนผมเบอร์ใหญ่มาก มันไม่เคยทำกับผมแบบนี้ และคนที่จะแก้ปัญหาได้มีแต่ผมคนเดียวเท่านั้น ผมใช้เวลาว่างจากการช่วยงานศพพยายามติดต่ออาสาทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ แม้อาสาจะให้ความร่วมมือผมในบางครั้ง แต่มันก็ห่างเหินกับผมมากขึ้นทุกที ผมร้อนใจจนแทบบ้า แต่งานทางนี้ผมก็ยังทิ้งไม่ได้เพราะผมสัญญากับแอลไว้แล้ว

ผมต้องใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุด เตกับไมล์บอกผมอยู่หลายครั้งว่าอาสาออกไปข้างนอกบ่อย พอผมถาม อาสาก็ไม่ยอมบอก ผมคิดมากแทบตายแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะสำหรับแอล ผมก็มีส่วนผิดอยู่ ผมอยากทำให้ความผิดของผมมันน้อยลง เนื่องด้วยผมรู้แน่ๆ ว่าไม่ว่าจะยังไงความผิดของผมมันก็ไม่มีวันที่จะหายไป

ผมแค่อยากทำอะไรสักอย่างให้แอลเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อชดเชยความผิดที่ผมเคยทำ ที่ผมปล่อยมือแอลไปอย่างง่ายดายโดยไม่พยายามสืบเสาะหาความจริง ทิ้งให้แอลเผชิญหน้ากับปัญหาคนเดียวตลอดหลายเดือน

หวังว่าอาสาจะอยู่รอผม และหวังว่าความผิดของผมจะไม่ใหญ่พอจนอาสาไม่ให้อภัย

และในที่สุดก็ถึงวันที่ผมจะได้กลับมหา’ลัยสักที

ผมกราบลาป้านล ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เคยทำไว้ให้ผมกับแอล มองดูควันที่ลอยออกมาจากปล่องไฟ เป็นความรู้สึกที่หดหู่เกินบรรยาย แอลนั่งคอตกอยู่ตรงโซฟา มันไม่กล้าแม้แต่จะมองดูควันซึ่งลอยโขมงอยู่เหนือเมรุ

คนในครอบครัวปล่อยให้มันนั่งอยู่ตามลำพัง ผิดกับผมที่เดินไปนั่งอยู่ข้างๆ ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้แอลจมจ่อมอยู่ในความเศร้า

“ต้องมีสักวันกูจะเข้มแข็งขึ้นว่ะ”

“...”

“แต่วันนี้กูทำไม่ได้จริงๆ”

ผมเอื้อมมือไปบีบไหล่ของมันเป็นเชิงปลอบ “เพื่อนทุกคนจะคอยอยู่เคียงข้างมึง”

“กูขอโทษนะ”

“ขอโทษไรวะ”

“ที่ทำให้มึงมีปัญหากับแฟน”

ผมคิดว่าแอลรู้ก็เพราะไอ้เชี่ยป๊อบ มันยืนอยู่ไกลๆ คอยมองดูผมกับแอลอยู่

“เขาน่ารักฉิบหายเลย มึงอย่ายอมเสียเขาไปง่ายๆ ล่ะ”

“แน่อยู่แล้ว” ผมยิ้มน้อยๆ ให้แอลมันสบายใจ “ขอให้มึงเจอคนที่ดูแลมึงได้ไวๆ นะ กูไม่อยากให้มึงเศร้านาน”

“หายากนะ” แอลแกล้งหัวเราะ

“มองเชี่ยป๊อบบ้างดิ” ผมพูดเล่นๆ แอลหุบยิ้มแล้วเลิกคิ้วมองผม

“อะไรของมึง”

“กูก็พูดไปอย่างนั้นเอง”

ผมไม่รู้หรอกว่าแอลมันจะถือสาในสิ่งที่ผมพูดมั้ย ไม่รู้หรอกว่าคู่ไอ้ป๊อบกับไอ้แอลจะมีการพัฒนาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เคยโล่งใจเรื่องแอลเท่านี้มาก่อนตั้งแต่หลังจากที่เลิกกัน ผมรู้ความจริงทุกอย่าง อีกทั้งยังได้อยู่ช่วยแอลจนสุดความสามารถ ทำทุกอย่างเท่าที่คนอย่างผมจะช่วยได้และผมก็รู้สึกดีขึ้น

เหมือนสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ได้ถูกผมจัดการไปจนหมดสิ้น เคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่คาราคาซัง และจบกับแอลด้วยดี ไม่มีการโกรธเกลียด ไม่มีการต่อว่าเรื่องที่แอลมีคนใหม่

และผมก็คิดว่า...ผมคงไม่น่าละเมอชื่อแอลอีกต่อไปแล้ว







ห้อง 503

กว่าผมจะมาถึงห้องก็ดึกมากแล้ว ผมไม่อยู่หลายวันสภาพห้องดูแย่กว่าเดิมนิดหน่อย ผมไม่เห็นว่าอาสาไม่ได้อยู่ในห้อง มันหายไปไหนวะ

ผมกดโทรหาอาสาแต่มันไม่รับสาย ไม่นานนักผมจึงตัดสินใจโทรหาเต

[กูเห็นมึงกลับมาแล้ว]

มันรับสายผมด้วยคำนี้เหรอ

“อาสาอยู่ไหน”

[กูไม่รู้ ร้านที่ไหนสักร้านมั้ง]

“...”

[อยู่ดีๆ มันก็ทำตัวเละเทะ ไปเที่ยวทุกวัน กูไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันไม่ยอมบอกอะไรกูเลย]

“เหี้ย”

[มึงมาก็ดี เมียใครก็ไปเคลียร์เอง]

“...”

[รีบเคลียร์ด้วยนะ กูกับไมล์เป็นห่วงมันจะแย่อยู่แล้ว มันไม่เคยเป็นแบบนี้]

“กูรู้แล้ว เริ่มร้อนใจละสัด”

ผมเกาหัวอย่างแรง ไม่คิดว่าอาสาจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ผมจำได้ถึงสิ่งที่เตเคยเตือนผมเอาไว้เมื่อหลายวันก่อนว่าถ้าอาสามันประชดประชันผมขึ้นมา ใจผมขาดแน่นอน

ขอร้องว่าอย่าให้มันทำอะไรถึงขั้นนั้น

ผมตามหาร้านที่น่าจะเจออาสา ผ่านไปสองสามร้านผมก็เริ่มหงุดหงิด ดูเหมือนคราวนี้อาสาจะซ่อนตัวกับผมได้เก่งกว่าที่ผมคิด
จะบ้าตาย งูพิษของผมคงใช้ท่าไม้ตายกับผมแล้วล่ะ

ไอ้เตโทรเข้ามา ผมกดรับสายอย่างรีบร้อน

[เจอตัวละสัด อยู่บาร์หิ่งห้อย เพื่อนกูบอกมา]

ผมรีบเลี้ยวรถกลับเพื่อจะไปรับตัวอาสาทันที







บาร์หิ่งห้อย

ผมชอบร้านนี้เพราะว่ามันเงียบดีนี่แหละ ผมเดินเข้าไปด้วยสภาพที่เหนื่อยไปทั้งตัวแต่ก็สู้ หันซ้ายหันขวาไม่นานในที่สุดก็เจอตัว
เข้าใจแล้วว่าทำไมใจผมขาดชัวร์ๆ ถ้าอาสาจะประชดประชัน ผมเข้าใจแล้ว

มันนั่งอยู่ท่ามกลางไอ้พวกหอสี่หน้าตาหื่นกาม ชนแก้วกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว สภาพมันดูแย่มาก ผมก็ยุ่ง ใบหน้ามีไรหนวดสีเขียวขึ้นมาเล็กน้อยแถมยังแดงก่ำด้วยความเมา

“อาสา” ผมรีบเข้าไปหาพร้อมๆ กับทุบโต๊ะให้มันหันมา ผมเข้าถึงตัวมันไม่ได้ เพราะไอ้พวกบ้านี่รุมรายล้อมมันเต็มไปหมด

“ใครวะ” เสียงแบบนี้รู้เลยว่าเมามากแล้วชัวร์ๆ “ใช่แฟนเก่ากูป่ะ แฟนเก่ากูแน่ๆ เลย”

มึงฆ่ากูดีกว่านะถ้าจะพูดแบบนี้

“ไอ้พวกคนรวยทั้งหลาย ถ้ามึงไม่ลุก กูจะคว่ำโต๊ะนี้ในอีกไม่ช้า” ผมกัดฟันพูด มองหน้าคนอื่นๆ ด้วยสายตาข่มขู่ พวกมันเริ่มลังเล เนื่องด้วยรู้ดีว่าผมเคยบุกเดี่ยวไปที่หอสองคนเดียวมาก่อน (เรื่องนี้ค่อนข้างดังในหมู่หอพักชายน่ะครับ)

หลายคนเริ่มลุกไปจากโต๊ะ เหลืออยู่คนเดียวที่ยังไม่ยอมลุก

“อาสาอยากกลับไปกับมันหรือเปล่า” มันยังมีหน้ามาถามแฟนผมอีกว่าต้องการอะไร

อาสามองผมด้วยนัยน์ตาฉ่ำๆ ปนความตัดพ้อต่อว่า

“ไม่”

“...”

“กูอยากอยู่กับมึง”

เหมือนมีดาบหลายพันเล่มแทงใจผมทีละเล่มๆ ผมไม่เคยเห็นอาสาอ่อยผู้ชายคนอื่นแบบนี้ต่อหน้าผม นั่นทำให้สติของผมขาดผึง
 
“ได้” ผมพูดอย่างคับแค้นใจ “มึงอยากอยู่กับมัน กูก็จะให้อยู่”

“...”

“แต่ต้องรอให้กูเป็นศพก่อน!”

ผมลงมือรุนแรงไปหน่อย ไอ้เด็กหอสี่คนนั้นเจ็บจนหน้าเละไปหมดโดยที่ผมไม่ได้ถูกตอบโต้อะไรมากมาย ผมรีบดึงตัวอาสาให้ตามผมออกมา มันดิ้นพล่านขัดขืนผมมาก

เรากำลังเข้าสู่ช่วงทะเลาะกันอย่างรุนแรงแล้วเหรอ

“ไอ้สัด ปล่อย!” อาสาสะบัดมือผมออกอย่างแรงตอนที่เราทั้งคู่อยู่ลานจอดรถแล้ว

“กลับห้อง”

“กูไม่ได้นอนห้องนั้นนานแล้ว”

เหี้ย ว่าไงนะ “แล้วมึงไปนอนห้องไหนวะ”

“ห้องไหนก็ได้ที่กูพอใจ”

“อาสา” ผมเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา “มึงจะมาประชดประชันกูแบบนี้ไม่ได้นะ มึงก็รู้ว่ากูหวงมึงมากอ่ะ”

“มึงไม่เอาเวลาไปอยู่กับแฟนเก่ามึงแล้วเหรอ”

“ว่าไงนะ”

“เห็นปลอบใจกันดีนักนี่”

“มึงเมาแล้ว กลับห้องกัน”

“กูไม่กลับ”

“...”

“ตอนที่มึงอยู่ลับหลังกู มึงทำอะไรบ้างทนาย”

“อย่าใช้อารมณ์ดิ”

“มึงบอกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ให้กู แต่มึงก็ทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิงมากขึ้น”

“...”

“มึงอาจจะไม่ได้แคร์กูถึงขนาดที่ว่าอยากทำเพื่อกูขนาดนั้น”

“อาสา!” ผมร้องลั่น ไม่คิดว่ามันจะคิดเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ “ฟังกูก่อน”

อาสาเดินหนีผมไปแล้ว ผมปวดหัว หงุดหงิด และก็อารมณ์เสีย จึงระบายอารมณ์ด้วยการเตะอะไรบางอย่างที่อยู่แถวนั้น

ผมต้องทำยังไงมันถึงจะหายโกรธผม...







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:45:13





ตอนที่ 29





มหาวิทยาลัยทัพไทย มหาวิทยาลัยเอกชนระดับต้นๆ ของประเทศ...

“โบรชัวร์ไรวะเนี่ย มาอยู่ในกระเป๋ามึงได้ไง” ไอ้โอ๊คที่อยู่ใกล้ๆ ดึงโบรชัวร์มหา’ลัยทัพไทยออกมาจากกระเป๋าของผม ตอนนี้สติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อคืนผมนอนอยู่ที่ห้อง 503 คนเดียว และผมก็ไม่รู้เลยว่าอาสามันไปนอนที่ไหน

“แม่กูคงยัดเข้ามาตอนกูกลับบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน” แม่ผู้ยังไม่ค่อยมีบทบาทของผมไม่ธรรมดาเสมอ ที่ท่านทำแบบนี้คงเป็นเพราะอยากจะย้ำเตือนให้ผมรู้ว่าท่านยังไม่ลืมเรื่องนี้

“แปลว่าไรวะ”

“ถ้ากูไม่ได้เอทุกตัวเทอมนี้ กูต้องไปเรียนในที่ที่แม่กูชอบ”

โอ๊คดูอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่ายหน้าเพื่อเรียกสติ

“อาทิตย์ที่แล้วที่มึงไม่มา ไม่มีควิซสักตัว มึงโชคดีมากเลย แต่เนื้อหาแม่งยากขึ้นมาก มึงต้องไปอ่านเรื่องนี้นะ เรื่องธุรกิจ...”

ผมไม่ได้ฟังว่าโอ๊คมันพูดถึงเรื่องเรียนว่ายังไง สายตาของผมจับจ้องไปที่บันไดของคณะ อีกไม่นานพวกปีสองก็จะเดินลงมา ผมภาวนาให้ได้เจอกับอาสา

เพราะมันไม่รับสายผมเลย

ผมไม่เคยคิดว่าเวลาอาสาโกรธจะเป็นอะไรที่หนักขนาดนี้ ผมพยายามทำทุกวิถีทาง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมเลย ผมส่งข้อความไปต่างๆ นานาทั้งยังโทรหาจนสายจะไหม้ ยังไงอาสาก็ยังไม่ยอมใจอ่อนสักที

แต่ผมจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ

“ทนาย มึงฟังกูอยู่ป่ะเนี่ย”

“มึงว่าไงนะ”

“เชี่ย ถ้ามึงไม่ได้เอมึงก็จะไม่ได้อยู่มอนี้ต่อนะ”

“...”

“กูอยากอยู่กับมึงนะเว้ย”

ผมเลิกคิ้วมองหน้าไอ้โอ๊ค “กูชักจะขนลุกแล้ว”

“สัด ไม่ใช่ในแง่นั้นดิ กูรู้ว่ามึงมีพี่อาสาแล้ว เพียงแต่ว่าถ้ามึงไม่อยู่ กลุ่มบัญชีจากหอสามก็ไม่มีหนุ่มฮอตน่ะสิ”

“ไอ้ห่านเป็ด กูมีประโยชน์แค่นั้นเหรอ”

“เออ ไม่ได้ว่านะ แต่แม่งจริงว่ะ”

“ฟาย”

มันหัวเราะร่วน และก็พูดถึงบทเรียนต่อ แม้ว่ามันจะพูดเล่นกับผมแต่ดูเหมือนไอ้เชี่ยโอ๊คจะอยากให้ผมอยู่มหา’ลัยนี้ต่อมากๆ เลยนะครับเนี่ย ผมเองก็อยากอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ

ขาดอาสา ชีวิตผมมันก็เหมือนขาด Passion

“เจอตัวแล้ว” เสียงโหดๆ ของใครบางคนดังขึ้นเหนือหัวผม ไอ้โอ๊คกับเพื่อนคนอื่นๆ ยกมือไหว้กันใหญ่ ผมหันไปมอง เห็นไอ้ไมล์กำลังหน้าบึ้งมองผมอยู่ “มานี่ดิ๊ มีเรื่องจะคุยด้วย”

ผมรีบลุกทันที เพราะถ้าเกี่ยวกับอาสาล่ะก็ ผมพร้อมที่จะคุยทุกเมื่อนั่นแหละ

“ว่าไง” น้ำเสียงผมไม่สู้ดีเท่าไหร่เพราะความกังวล แต่ไอ้ไมล์มันไม่สนใจ

“มึงทำไรกับเพื่อนกู”

“หา?”

“มันไม่เคยเป็นแบบนี้”

“กูรู้ แต่มันไม่ยอมคุยกับกู”

ไมล์อ้าปากพะงาบๆ คล้ายต้องการจะต่อว่าผม แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ทอดถอนใจ ยอมใจเย็นกับผมขึ้นมา

“กูว่าที่อาสาแม่งโกรธขนาดนี้เป็นเพราะรูปนี้ว่ะ” ไมล์ชูรูปในจอโทรศัพท์ของมันให้ผมดู เป็นรูปเซลฟี่ของไอ้เชี่ยป๊อบกับคนอื่นๆ ที่งานศพของป้านลในคืนวันที่เราเพิ่งไปถึง

“โกรธเพราะรูปเซลฟี่เชี่ยป๊อบเนี่ยนะ”

“ไอ้เหี้ย ดูตรงมุมสิ” ผมตั้งใจมองดูตรงมุมรูป

เข้าใจแล้ว เข้าใจในทันทีว่าทำไมอาสาถึงโกรธ ก็ตอนที่ป๊อบมันเซลฟี่เพื่อบอกข่าวสารเพื่อนเก่าในเฟซ มันถ่ายติดผมตอนกำลังกอดปลอบแอลอยู่ แม้จะถ่ายติดแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็พอจะเดาออกว่าเป็นผมกับแอล!

เวร เวรแล้ว ไอ้ป๊อบมึง!

“กูได้ข่าวมาว่าเชี่ยอาสามันคิดมากเรื่องมึงไม่เคยลืมแฟนเก่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังมาเจอรูปแบบนี้อีก เป็นใครใครก็คิดมากป่ะ” ไมล์โวยวาย “มึงรักเพื่อนกูจริงป่ะเนี่ย”

“ฟวย รักจริงดิวะ” ผมเริ่มหลุดอารมณ์โมโหบ้าง ตอนนี้ผมพาลไปหมดแล้ว “กูกอดมันเป็นครั้งสุดท้าย”

“ยังไงมึงก็ต้องไปเคลียร์กับอาสาเอง”

“มันยอมเคลียร์กับกูมั้ยล่ะ มันเอาแต่หนีกู”

“แต่กูรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ไหน”

ผมชะงัก ก่อนจะมองไอ้ไมล์อย่างเว้าวอน

“งั้นมึงก็บอกกูเถอะ กูอยากให้ดราม่าเรื่องนี้ผ่านไปไวๆ กูคิดถึงมัน กูไม่ได้คุยกับมันมานานมากแล้ว”

ไมล์มองผมอย่างประเมิน “กูเชื่อใจมึงนะ กูถึงยอมหลีกทางให้มึง”

“ได้โปรดเชื่อใจกูต่อไป”

“งั้นมึงก็ช่วยทำให้มันกลับมาเป็นคนเดิมสักที”








ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคณะผมจะมีห้องแบบนี้

มันเป็นห้องที่เอาไว้เก็บของโดยเฉพาะ แม้จะมีโต๊ะเลกเชอร์พร้อมใช้งานเหมือนห้องเรียนทั่วๆ ไป แต่สภาพมันก็เก่าเกินจะเปิดใช้ ที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คืออาสาใช้ห้องนี้ในการนอนแก้อาการแฮงก์ มันขอแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพื่อจะมานอนที่นี่ ผมเห็นร่างของมันกำลังหลับฟุบโต๊ะทันทีที่เปิดประตูเข้าไป

ผมเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งอยู่ใกล้ๆ อาสาก่อนจะจ้องมอง มองดูคนน่ารักที่ตอนนี้พยายามทำตัวเถื่อนดิบในแบบที่ไม่ใช่ตัวมัน ไรหนวดสีเขียวที่เริ่มขึ้น ทรงผมที่ยุ่งเหยิง บวกกับใบหน้าอิดโรยที่ดูก็รู้ว่าดื่มหนัก แม้จะโทรมจัดจนเรียกได้ว่าน่าจะเป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตของอาสา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มันดูน่ามองน้อยลงไปอยู่ดี

ผมทำให้มันเปลี่ยนไป ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ผมตัดสินใจปล่อยให้อาสาได้หลับตามอำเภอใจ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้เบื่อ ไมล์เล่าให้ฟังว่ามันนอนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนคาบสิบโมงเช้า จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว อาสาก็ยังไม่ขยับตัว
ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวผมจะมานั่งจ้องใครได้นานขนาดนี้

ในที่สุดอาสาก็ขยับตัว ดวงตาของมันสะลึมสะลือก่อนจะกลายเป็นเบิกโพลงเมื่อได้เห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่

“เหี้ย!” มันโวยลั่น

“มึงหนีกูไม่พ้นแล้วล่ะ” ผมกอดอก เหยียดขาไปที่เก้าอี้ซึ่งมันใช้หลับ อาสาจะได้หมดทางหนีเอาตัวรอด

“กูไม่มีอะไรจะคุยด้วย”

“อาสา” ผมโอดครวญ “ถ้าไม่คุยกันก็ไม่ดีกันสักทีนะ มึงชอบเหรอที่ต้องทะเลาะกับกูอ่ะ”

“...”

“หรือมึงชอบที่จะทำตัวแบบนี้ กูจะได้ไม่ต้องง้อ”

อาสามีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ฉิบหายแล้วไง ผมยั้งปากตัวเองเอาไว้ไม่ทัน

“ไม่อยากง้อก็ไม่ต้องง้อดิวะ”

“กูอยากง้อนี่ไง กูถึงได้นั่งรอมึงตื่น”

“นานหรือยัง”

“เกือบชั่วโมงมั้ง”

“เหี้ย” อาสาเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกครั้ง “ถอยไป”

หมับ ผมคว้ามืออาสาเอาไว้แม้ว่าเจ้าของมือจะดิ้นพล่านไม่ยอมให้จับ

“เป็นไรเนี่ย ทำไมถึงโกรธขนาดนี้หา บอกกูมาหน่อย” เสียงของผมอ่อนลงไปมาก ไม่สิ ผมยังไม่ได้เสียงแข็งใส่มันเลย

“จะให้กูพูดจริงๆ น่ะเหรอ”

“ใช่สิ”

“มึง...ยังรักแอลอยู่”

“มั่วฉิบหาย”

คำพูดของผมขัดคำพูดอาสาจึงทำให้บรรยากาศเริ่มแย่ลงไปอีก

“กูพูดจริง มึงยังรักเขาอยู่ ไม่งั้นมึงคงไม่กอดปลอบเขา ไม่อยู่ช่วยงานเขาขนาดนี้”

“อาสา คนที่เสียคือแม่นมของแอล เขาเคยช่วยกูกับแอลหลายเรื่อง”

“กูรู้ว่ากูไม่ควรโมโห หรือถ้าโมโหก็ควรโมโหน้อยๆ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ กูโมโหไปแล้ว”

“มึงฟังกูดิ” ผมพยายามพูดทุกวิถีทาง

“ไม่รู้ว่ะ เรื่องแอลมึงเคยทำให้กูมั่นใจได้สักกี่อย่างวะ”

“กูจบกับเขาแล้ว กูเคลียร์กับเขาทุกอย่างแล้ว”

“...”

“มานอนกับกูสิ จะได้รู้ว่ากูละเมอถึงชื่อเขาอีกหรือเปล่า”

“ไม่” อาสาไม่ติดกับผมง่ายๆ “เรื่องนี้กูเครียดจริงๆ”

“งั้นกูต้องทำไงอ่ะ มึงถึงจะรู้สึกดีขึ้น มึงถึงจะหายโกรธกู”

“กู...ไม่รู้”

“มึงชอบที่จะอยู่ห่างกับกูเหรออาสา”

“ก็กูโกรธ กูจะอยู่ใกล้มึงได้ไง”

“ถามจริง นี่เมนส์มาหรือไงวะ กูพูดอะไรมึงก็ไม่ฟัง ไม่สนใจเลย”

“เหี้ยเอ๊ย!” อาสาตวาดลั่น “ถอยไปเดี๋ยวนี้เลยนะ คุยกันตอนนี้ยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

เสียงโทรศัพท์ดังลั่นขัดจังหวะที่ผมจะพูดกับอาสา ผมหยิบขึ้นมาดูก่อนจะรู้ว่าผมเพิ่งทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป

คนที่โทรมาก็คือแอล อาสาเห็นชื่อนั้นเต็มสองตา มันไม่พูดอะไรกับผมทั้งนั้น แต่เดินออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย ทิ้งให้ผมนั่งคอตกอยู่แบบนั้น

ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะพังลงไปแล้วจริงๆ เหรอวะ

[ฮัลโหลทนาย]

“ว่าไง”

[มึงลืมของ]

“หา?”

[บัตรนักศึกษาอ่ะ สงสัยหล่นจากกระเป๋าตังค์มึง]

“เหรอวะ”

[จำเป็นต้องรีบใช้มั้ย]

“ไม่ว่ะ”

[งั้นกูเก็บไว้ให้ก่อนนะ]

“โอเค ขอบใจมาก”

[อืม]

สิ่งที่ผมคุยกับแอลมีเพียงเท่านี้ แต่อาสาคงคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว ผมขึ้นไปเรียนต่อด้วยสภาพซังกะตาย อาจารย์สอนอะไรมา ผมก็ไม่คิดที่จะเก็บมันเอาไว้ในหัวสมอง ไอ้โอ๊คกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่เห็นอกเห็นใจผม แม้พวกมันจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นสภาพผมก็คงเดากันได้เองว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเล่า

หลังจากเรียนเสร็จ ผมรีบบึ่งไปยังห้องเรียนของอาสาทันที แต่เมื่อเห็นสีหน้าของไมล์ซึ่งส่ายหน้าเบาๆ ใส่ผมพร้อมกับยักไหล่ ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าอาสามันโดดเรียน

โว้ยยย มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

ผมกดโทรออกหาเต เพราะรู้ว่าโทรหาอาสายังไงมันก็ไม่รับ เตกลับไม่รู้ว่าอาสาอยู่ไหน สรุปก็คืออาสาหลบหน้าผมอีกครั้ง และผมก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นหามันจากตรงไหนดี

ผมขับรถออกจากคณะอย่างไร้จุดหมาย พยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาอาสา ไม่นานนักผมก็เจอ แต่เป็นภาพที่ผมไม่ควรมาเจออย่างยิ่ง

อาสาขึ้นรถไปกับคนอื่น ดูจากรถแล้วไอ้คนอื่นที่ว่านี่น่าจะอยู่หอสี่

โว้ยยยย มึงจะอะไรนักหนากับไอ้เด็กหอนี้นักวะ

ผมขับรถไปจอดตัดหน้ารถที่อาสาเพิ่งขึ้น ตอนนี้ผมพังได้ทุกอย่างแม้กระทั่งรถของไอ้บ้าห่าเหวที่ไหนก็ไม่รู้นี่ ทันทีที่เดินไปถึงที่นั่งข้างคนขับ ผมก็เคาะกระจกอย่างบ้าคลั่งทันที

เอาให้พังไปข้าง

“ลงมา!”

รถเหี้ยนี่ติดฟิล์มสีดำรอบคัน แต่ผมเชื่อว่าอาสาเห็นผมและได้ยินเสียงผมอย่างชัดเจน

“ลงมา เรามีเรื่องต้องพูดกัน!”

“...”

“ถ้ามึงไม่ลงมา กูจะถือว่ามึงไม่อยากคบกับกูต่อนะ อาสา”

ความหึงหวงทำให้ผมพูดคำนั้นออกไปด้วยอารมณ์ รถบ้าคันนั้นขับออกไปโดยที่ไม่มีใครคนไหนลงมาจากรถเพื่อที่จะคุยกับผม
ไม่ใช่ทุกอย่างมันกำลังจะพัง แต่มันพังลงไปแล้วต่างหาก





[พาร์ตของเต]



ก๊อก ก๊อก ก๊อก




“อ้าวอาสา มีไรวะ เชี่ยไมล์ล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” ผมถามทันทีเมื่อเห็นคนเคาะประตูห้องผม

“...” อาสาร้องไห้ครับท่านผู้ชม ผมตกใจจนลนลานไปหมด เกิดอะไรขึ้นวะ

“เฮ้ยยย มึงเป็นไรวะ ร้องไห้ทำไม”

“ทนาย มัน ฮึก มัน...”

“มันทำไม”

“มันเลิกกับกูแล้ว”

โชคดีที่ไมล์ตามมาสมทบพอดีหลังจากที่อาสาพูดคำสุดสะเทือนใจนั้นออกมา เพราะผมคิดว่าผมไม่สามารถปลอบใจมันได้เพียงคนเดียวแน่ๆ เรื่องแบบนี้ต้องช่วยกันฟัง ช่วยกันปลอบสิครับ เราสองคนปล่อยให้มันร้องไห้จนดีขึ้น ก่อนจะส่งทิชชูไปให้มันซับน้ำตา

“มันยังไม่ได้บอกเลิกมึงสักหน่อย อย่าเพิ่งคิดมากดิ” ไมล์พูด “เมื่อตอนกลางวันมันยังวิ่งตามจะไปง้อมึงอยู่เลย”

“ดูมันยอมแพ้เรื่องกูง่ายมาก”

“...”

“ตอนมาง้อก็ไม่รู้ว่ามาง้อหรือมาด่าอ่ะ”

ผมกับเตมองหน้ากัน ไม่รู้จะขำหรือจะอะไรดี ไอ้สองคนนี้มันทะเลาะกันหนักมากก็จริง แต่ดูก็รู้ว่าแม่งยังรักกันมากอยู่ดี

“คือมึงโกรธมัน?” ผมถาม

“ใช่”

“แล้วทนายมันก็มาง้อ”

“ใช่”

“มันง้อผิดวิธีว่างั้น”

อาสาเอาหมอนมาปิดหน้า “มั้ง แทนที่จะมาทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แม่งเอาแต่ว่ากูอ่ะ”

“เอางี้ มึงลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนนะ” ไมล์พูดบ้าง “ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่ มึงรู้มั้ยว่ามึงเปลี่ยนไปมากแค่ไหน”

“ให้กูสองคนพูดมั้ย” ผมช่วยอีกแรง

อาสาไม่ยอมตอบ เพราะงั้นไมล์จึงต้องพยายามต้อนมันจนมุมอีกที

“ทนายมันเป็นคนขี้หึงนะ และสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่คือทำในสิ่งที่มันไม่ชอบ มันก็ไม่แปลกป่ะวะที่มันจะโกรธมึงบ้าง”

“กูไม่ได้ทำอะไรขนาดนั้นนะ”

“เหรอ แค่ไปกินเหล้ากับคนนั้นคนนี้บ่อยๆ เนี่ยนะไม่ได้ทำอะไร” ผมพูดต่อ “อาสา มึงก็รู้ว่าทนายมันเริ่มชอบมึงเพราะอะไร มันอยากดูแลมึงปกป้องมึง แต่ดูสิ่งที่มึงทำกับมันดิ”

“เดี๋ยว มึงสองคนไม่ได้อยู่ทีมกูแต่อยู่ทีมทนายเหรอ!”

“อาสา ตั้งสติหน่อยไอ้สัด โกรธมันเรื่องแฟนเก่าจนลามไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย”

“นี่มึงรักมันมากจนลืมเหตุลืมผลไปแล้วเหรอวะ”

อาสากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ อีกหลายๆ ที

“กูบ้าไปแล้วว่ะ” มันยอมรับ “แต่จะให้ทำไง มันคือแฟนคนแรกของกู แล้วดูมันทำกับกูสิ”

“มันทำอะไร มันพยายามง้อมึง แต่มึงไม่สนใจมันเลย” ไมล์เอ่ย

“มันมาด่ากูนะ มันไม่ได้ง้อ”

“สัดเอ๊ย” ผมชักทนไม่ไหว “กูว่าเรามาหาทางจับพวกแม่งขังไว้ในห้องไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันดีกว่า ให้พวกมันได้กัน เดี๋ยวก็ดีกันเอง ชักรำคาญแล้วเนี่ย”

สิ้นเสียงของผม อาสากับไมล์ถึงกับอ้าปากค้าง

“กูพูดอะไรผิดอ่ะ ไอ้นี่ก็ไม่ฟัง ไอ้บ้านั่นก็ง้อแต่ง้อไม่ได้เรื่อง กูไม่ไหวแล้ว ไมล์ โทรตามทนายมานี่ดิ๊”

“เฮ้ย!” อาสาร้อง “มึงอย่าเพิ่ง ไอ้สัด”

“กูโทรออกเดี๋ยวนี้แหละ” ไมล์เองก็เล่นไปกับผมด้วย

“โอเค กูยอมแพ้แล้ว” อาสายกสองมือขึ้นมา “กูผิดเองที่ไม่รับฟังมันเลย”

“มึงเอาความรักมาบังตาไอ้สัด”

“ไม่ กูว่ามันใช้อารมณ์มากกว่า” ไมล์กอดอก จ้องอาสาเขม็ง

“โหดอ่ะ” อาสาโอดครวญเสียงอ่อย “พวกมึงโหดกับกูมากเกินไปแล้วรู้ป่ะ”

“มึงทำเกินไปไง ออกไปกับคนนั้นคนนี้ เวลานอนก็มานอนอยู่ห้องกู จนเรื่องกูกับเชี่ยไมล์ไม่มีห่าไรคืบหน้าเลย” นี่มันเป็นช่วงระบายอารมณ์ของผมเหรอครับ ทำไมผมโพล่งออกมาแบบไม่มียั้งปาก จนทำให้อีกสองคนที่เหลือมองหน้าเหมือนผมผิดปกติ
ก็ผิดจากที่ผมพูดที่ไหน ตั้งแต่ไมล์กลับมาจากทำกิจกรรม อาสาก็มีปัญหากับทนายพอดี ตอนนี้ห้อง 204 กลับมามีสมาชิกเหมือนก่อนที่ทนายจะมาอาศัยอยู่อีกครั้ง ตั้งแต่ทนายไปช่วยงานศพคนที่เกี่ยวข้องกับแฟนเก่าของมัน อาสาก็ไม่เคยไปนอนที่ห้อง 503 อีกเลย

เรื่องของผมกับไมล์จึงไม่มีอะไรคืบหน้า นอกจากพูดจาทักทายกันและก็ราตรีสวัสดิ์กันก่อนนอน จะกอดก็ไม่ได้ จะหอมจะจูบก็ไม่ได้ เพราะมีอาสาอยู่ในห้องด้วย

อาสาคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก แต่ผมเนี่ยสิใจจะขาดอยู่แล้ว ผมอยากให้มันกับทนายคืนดีกันไวๆ ทุกฝ่ายจะได้แฮปปี้มีความสุขสักที

ไมล์กลืนน้ำลาย ดูมันเก้อเขินยังไงชอบกล ส่วนอาสาตอนนี้มีสีหน้ารู้สึกผิดไปแล้ว

“ตอนนี้มันคงคิดไปแล้วล่ะว่ากูกับมันเลิกกัน” อาสาเปรย

“ไปง้อดิสัด อย่าเรื่องมาก” ผมพูด

“กูเหรอที่ต้องง้อ”

“มันเห็นภาพมึงไปกับเหี้ยไหนก็ไม่รู้นะ”

“นั่นรถสัดตุ้ย กูแค่ติดรถมันกลับมา”

“...”

“พอมันเห็นไอ้ทนายเคาะกระจกรถ มันก็ขับหนีไปเลย”

“มึงเอาไปเล่าให้ทนายฟัง ไม่ต้องเล่าให้กูฟัง”

“แฟนเก่ามันยังโทรหามันอยู่เลย”

“ไปคุยกับมัน กูกับไมล์ไม่ใช่คนที่มึงจะต้องเคลียร์ด้วย”

อาสาอ้าปากจะพูดต่อแต่ผมขอเอ่ยขัด

“อาสา จะแฟนคนแรกหรือแฟนคนที่ร้อยมันก็ไม่สำคัญหรอกนะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรักของมึงทั้งคู่ ถ้ามึงสองคนยังรักกันอยู่ก็รีบๆ ดีกันเถอะ กูไม่รู้ว่าพวกมึงจะทะเลาะกันไปทำไมทั้งๆ ที่ยังแคร์กันฉิบหายแบบนี้ ช่วยกันประคับประคองความรัก อยู่ด้วยกัน มีความสุขกันไม่ดีกว่าเหรอวะ ทำไมต้องทะเลาะกัน แล้วถ้าทะเลาะทำไมไม่รีบเคลียร์ๆ กัน”

“...”

“เชื่อกูเถอะนะ อาสา ไปคุยกับมันดีๆ เถอะ เลิกใช้อารมณ์ ลองคุยกันด้วยเหตุผลดู”

“ทิฐิอ่ะลดลงมาบ้าง คนรักกันทำไมต้องวางฟอร์มใส่กันด้วยวะ” ไมล์ช่วยผมพูดด้วย

อาสานั่งคอตก ดูอับจนหนทางและไร้ทางออกอื่นนอกเสียจากต้องไปคุยกับทนาย

“คืนนี้กูขอรบกวนพวกมึงอีกสักคืนได้ป่ะ พรุ่งนี้กูจะกลับห้องตัวเองแล้ว”

ผมกับไมล์พยักหน้า โล่งใจที่ได้พูดทุกอย่างที่อยากจะพูดออกไป ตอนอาสาอยู่ห้องนี้ วิญญาณมันเหมือนหลุดออกจากร่าง แม้จะออกไปสังสรรค์บ่อยแต่ก็ใช่ว่ามันจะแฮปปี้ดี๊ด๊า ดูก็รู้ว่าประชดประชันเชี่ยทนาย พอผมเห็นว่ามันกำลังคิดจะไปเคลียร์ก็เริ่มอุ่นใจมากขึ้น อย่างน้อยเพื่อนผมก็ตัดสินใจถูก ไม่เอาอารมณ์มาเป็นที่หนึ่ง เพราะถ้ามันปล่อยให้ทุกอย่างเละเทะไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะสายเกินไป

คนรักกัน ดีกันนั่นแหละถูกแล้ว

ตอนอาสาอาบน้ำ ผมกระซิบกระซาบกับไมล์อยู่ในห้อง

“ออกไปนอนข้างนอกกัน” ผมพูด

“หา?”

“โทรเรียกทนายมันลงมา แล้วเราก็ไปที่อื่นกัน”

“เอาจริงเหรอ อาสามันจะไม่โกรธเราเหรอ”

“มันจะขอบคุณเราทีหลัง”

[จบพาร์ตของเต]







“ฮัลโหล เชี่ยไมล์มีไรวะ”

[ลงมาที่ห้อง 204 ดิ๊ กูมีเรื่องจะคุยด้วย]

“เรื่องอาสาเหรอ”

[เออ]

“กูไม่รู้ว่ากูกับมันจะเป็นยังไงต่อ”

[อยากรู้ก็ลงมาดิวะไอ้สัด]







TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:47:04






ตอนที่ 30




ห้อง 204

ไมล์มันเรียกผมให้ลงมาห้องเก่าทำไมวะ แต่ก็ดีเหมือนกันครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับมันพอดี ตอนนี้หัวผมตื้อไปหมดตั้งแต่เห็นฉากที่อาสานั่งรถใครไม่รู้แล้วจากผมไป ทั้งๆ ที่ผมพูดออกไปถึงขนาดนั้นแท้ๆ มันยังบอกคนขับให้ออกรถ นั่นยิ่งทำให้ผมสับสนใหญ่ว่าอาสาจะเอาไงต่อเรื่องของเรา

ผมทำท่าจะเคาะประตูแต่ก็เห็นว่าประตูมันเปิดแง้มเอาไว้แล้ว เชี่ย เปิดไว้อย่างงี้ใช้ได้ที่ไหน แม้หอสามจะไม่มีข่าวว่ามีคนขโมยของแต่พวกแม่งก็ควรต้องระวังๆ ไว้ไม่ใช่เหรอวะ เห็นทีผมจะต้องเตือนเตกับไมล์ซะแล้ว ผมเข้ามาในห้องแล้วก็ปิดประตูให้
ห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่สักคน

ไมล์มึงจะเซอร์ไพรส์อะไรกูหรือเปล่าวะ วันเกิดกูยังมาไม่ถึงนะ

“เชี่ยเต โฟมล้างหน้าห้องมึงจะหมดแล้วนะ” จู่ๆ อาสาก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยท่อนบน มีผ้าเช็ดตัวพันเอวหลวมๆ มันหุบปากฉับเมื่อเห็นผม ดูอึ้งมากเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาทั้งนั้น

ผมช็อกแดก เราเพิ่งปั้นปึ่งใส่กันมาแต่กลับมาเจอกันในสภาพนี้เนี่ยนะ

“เชี่ย” อาสาสบถก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำ

ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อย บรรยากาศเดิมๆ ของเราเริ่มกลับมาอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครตั้งใจ ผมมองไปรอบห้องอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมไมล์ถึงบอกให้ผมลงมาที่นี่

เพื่อปรับความเข้าใจกับเจ้าตัวดีที่อยู่ในห้องน้ำตอนนี้นี่ไง

ผมนั่งรอบนเตียง ในห้องน้ำไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาอีกนอกจากเสียงน้ำหยดติ๋งๆ ผมคิดว่าอาสาน่าจะทำธุระในนั้นเสร็จแล้ว เพียงแต่ยังไม่กล้าออกมา

“ให้หยิบเสื้อให้เปล่า” ผมลองร้องตะโกนหยั่งเชิงดู

“ไม่ต้อง” อาสาร้องตอบกลับจากในห้องน้ำ

“จะนั่งอยู่ในนั้นทั้งคืนหรือไง”

“มึงจะอยู่ข้างนอกนั่นทั้งคืนหรือเปล่าล่ะ”

“ก็ไม่นะ”

“งั้นกูก็ไม่อยู่ในนี้ทั้งคืน”

ยอมใจ...คนเราจะงอนอะไรได้ถึงขนาดนั้นกันนะ ผมคว้าเสื้อผ้าอาสาที่ห้อยอยู่ในตู้ของเตกับไมล์ ดูจากสภาพแล้ว ผมคิดว่ามันน่าจะนอนอยู่ห้องนี้ตลอดช่วงที่ผมอยู่ช่วยงานศพป้านล

“เปิดประตูดิ ด้วยส่งเสื้อผ้าเข้าไปให้”

“ไม่”

“...”

“กูยังไม่พร้อม”

“ไม่พร้อมอะไรวะ”

“ไม่พร้อมที่จะคุยกับมึงไง”

ผมเลิกคิ้ว มองดูประตูห้องน้ำเหมือนมันเป็นใบหน้าของอาสา ก่อนจะทอดถอนใจ

“มึงออกมาเหอะ กูไม่คุยกับมึงก็ได้”

“...”

“อย่างน้อยก็ออกมาให้กูมองหน้ามึงหน่อย กูคิดถึงมึงโคตรๆ เลย”

ไม่มีสัญญาณตอบรับแม้กระทั่งเสียงน้ำหยด สักพักอาสาก็แง้มประตูห้องน้ำออกมาพร้อมยื่นมือขาวๆ รอรับเสื้อผ้า ผมพ่นลม ส่งเสื้อผ้าให้เจ้าตัวโดยที่ไม่คิดจะโกงอะไร

ผมกลับมานั่งที่เตียง สักพักหนึ่งอาสาก็เดินออกมาพร้อมกลิ่นหอม ผมชอบกลิ่นตอนอาสาอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะนอกจากจะน่าดอมดมไปทั้งตัวแล้ว มันยังทำให้ผมสดชื่นขึ้นมาอีกต่างหาก

อาสาเอาผ้าเช็ดตัวไปตาก การกระทำของมันดูเก้อกระดากไปหมดเพราะผมมองตามมันทุกฝีก้าว ตอนนี้มันคงรู้แล้วล่ะว่าเตกับไมล์เรียกผมลงมาคุยกับมันเพื่อปรับความเข้าใจ เพราะไม่เห็นมันจะโวยวายอะไร อีกอย่างถึงโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ไอ้สองตัวนั่นไปอยู่ส่วนไหนบนโลกแล้วก็ไม่รู้

อาสาเดินไปยังหน้าตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เริ่มละเลงครีมบำรุงประจำตัวของมัน มันขนของพวกนั้นลงมาไว้ข้างล่างนี่หมดเลย ผมก็ว่าทำไมของของอาสาที่อยู่ห้อง 503 ถึงหายไปตั้งหลายชิ้น

ผมจ้องเขม็งดูดีๆ ก็พบว่าคนน่ารักของผมกลับมาแล้วครับ อาสาโกนหนวดแล้วเป็นที่เรียบร้อย

“มองเหี้ยไรนักหนา” เห็นผมจ้องนานมันก็เลยเขิน

“คิดถึง” ผมพูดจากใจจริง

อาสาดูอึกอัก ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ผมปล่อยให้มันประทินโฉมไปเรื่อยๆ เห็นแล้วเพลินตาดีครับ

“มึงจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ” อาสาเอ่ยทำลายความเงียบ

“ก็กูบอกมึงไปแล้วว่าจะไม่พูดอะไร จะจ้องหน้ามึงอย่างเดียว”

“มันก็เกินไป” อาสาทำหน้าแปลกๆ จนผมหลุดยิ้ม “หัวเราะอะไรเล่า”

“เย็นลงหรือยัง”

“ว่าไงนะ”

“พร้อมคุยกับกูดีๆ หรือยัง กูสัญญาว่าครั้งนี้กูจะง้อมึงอย่างเต็มที่ ถ้ามึงไม่หายงอน กูจะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด”

“เพราะกูจะออกไปเอง”

“กูไม่ให้มึงออก”

อาสาขมวดคิ้วใส่ผมผ่านกระจก มันพูดทีเล่นทีจริงกับผมแล้ว แสดงว่าสัญญาณแห่งการคืนดีกันเริ่มโผล่มาให้ผมเห็นแล้วล่ะครับ
 
“เสร็จยัง” ผมถาม

“เสร็จแล้ว” อาสาวางครีมบำรุงของมันลง

ตอนนั้นผมกดโทรศัพท์โทรออกหาแอล อาสามองผมอย่างงงๆ ว่าผมทำอะไร มันยังไม่รู้ว่าผมกดโทรหาใคร

[ฮัลโหล ว่าไงวะทนาย]

“แอลเหรอ” สิ้นเสียงของผม อาสาถึงกับอ้าปากค้าง มันพยายามมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผม พยายามขัดขวางการโทรของผมในครั้งนี้ ผมจับมือมันเอาไว้ เอียงหน้าหลบสุดชีวิต ผมคิดนานแล้วครับเรื่องนี้ ยังไงมันก็ห้ามผมไม่ได้

[อื้ม มีไรหรือเปล่าวะ]

“คุยกับอาสาให้หน่อยดิ มันไม่ยอมหายคิดมากเรื่องกูกับมึงอ่ะ”

“เชี่ยทนาย!” อาสาร้องอย่างเหลืออด

[หา! จริงเหรอวะ]

“ใช่ ง้อยังไงก็ไม่ยอมหายงอนเนี่ย”

[จะไม่เป็นไรแน่เหรอ]

“มึงก็เคยเห็นมันแล้วนี่ อีกอย่างหนึ่งถือซะว่าช่วยเพื่อนตาดำๆ คนนี้หน่อย” ผมมองตาอาสาที่ทำหน้าใกล้จะร้องไห้ “กูอยากคืนดีกับแฟนกูจะแย่อยู่แล้ว”

[เอาสิ]

ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู อาสายังคงต่อสู้กับผมอยู่ ผมขู่บังคับมันด้วยสายตาและการกระทำ จนในที่สุดมันก็ยอมผม ดูเหมือนว่ามันเขินแอลอยู่นิดๆ นะครับ แปลกดีเหมือนกัน

“ฮัลโหล สวัสดีครับแอล”

งานสุภาพก็มา...ผมมองอาสายิ้มๆ ปล่อยให้มันจมจ่อมไปกับบทสนทนาระหว่างมันกับแอล ส่วนผมน่ะเหรอ ก็คลอเคลียอาสาตามประสาคนที่ห่างเหินไปนานน่ะสิ

“จริงๆ แล้วเราก็ไม่อยากคิดมากอ่ะ แต่เราก็เผลอคิดไปแล้ว แหะๆ” อาสาทำสีหน้าตำหนิผม เพราะเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้แอลช่วยพูดก็ได้ ผมยักไหล่ไม่สนใจ ขณะที่เริ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้พวงแก้มของมัน มันหลบผมใหญ่ “อืม ครับ ครับ ครับ”

แม้ใจจะแอบกังวลนิดหน่อยว่าแอลจะพูดให้อาสาคิดมากเพิ่มขึ้นหรือเปล่า แต่ดูจากสีหน้าที่อ่อนลงบวกกับท่าทีที่เลิกขัดขืนผม ผมก็สัมผัสได้ทันทีว่าแอลนั้นพูดเพื่อผมมากแค่ไหน

บุญคุณในครั้งนี้ผมจะไม่ลืมเลย...

อาสามองหน้าผมระหว่างที่ฟังไปด้วย ผมไม่รู้ว่าแอลพูดอะไรบ้าง แต่ผมก็ทำได้แค่มองตาอาสาอย่างยืนยันในความจริงใจของตัวเอง

“จริงเหรอ”

อาสาทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“คนอย่างมันน่ะเหรอ”

เดี๋ยวก่อนนะ กลายเป็นนินทากูไปซะฉิบ

“แหะๆ ครับ ขอบคุณนะแอล”

“...”

“ได้”

“...”

“ผมสัญญา”

อาสาวางสายไปแล้ว มันคืนโทรศัพท์ให้ผมก่อนจะร้องด่าผมใหญ่

“ฟวยอะไรของมึง กูไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยไอ้ห่า แล้วเนี่ยไปดึงเขามายุ่งด้วยทำไม ทำไมมึงไม่พูดเคลียร์กับกูเอง ไอ้สัด”

“กูพูดแล้วมึงฟังกูมั้ยล่ะ กูต้องให้เชี่ยแอลมาช่วยยืนยันสิว่ากูกับมันไม่มีอะไรกันแล้วจริงๆ”

อาสาทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม แม้จะเป็นสีหน้าที่ไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หน้าแบบนี้นี่แหละครับที่แปลว่าเดี๋ยวก็หายงอน

“มันบอกว่าไงบ้าง” ผมลองถามดู

“เขาบอกว่าที่มึงอยู่ช่วยงานส่วนหนึ่งเป็นเพราะมึงรู้สึกผิดที่มึงทิ้งเขาให้เผชิญปัญหาตามลำพัง และมึงก็ผูกพันกับป้านล แม่นมของเขา”

“...”

“ตอนมึงอยู่ในงานศพ มึงแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย เอาแต่เล่นโทรศัพท์”

“กูพยายามติดต่อมึงนี่ไง”

“เวลาอยู่กับเพื่อนก็ชอบพูดชื่อกูให้ฟัง”

“ก็กูรักมึงป่ะ กูก็ต้องพูดถึงแต่ชื่อคนที่กูรัก เพราะกูคิดถึงมันตลอดเวลา”

อาสาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ “ได้ทีแล้วเอาดีเข้าตัวใหญ่”

“ก็เรื่องจริงอ่ะ” ผมโวยวาย “ถามเชี่ยป๊อบดูมั้ยล่ะ ให้โทรไปหาอีกคนมั้ย”

อาสายกมือห้าม “ไม่ต้องแล้ว เชื่อแล้ว”

“...”

“กูก็ผิดด้วยแหละที่กูใช้แต่อารมณ์”

แฟนผมดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มันเลิกทำตัวแข็งขืนก่อนจะเอียงตัวเข้าหาผม

เหยดดดดดดด แฟนกูกลับมาแล้วโว้ยยยยยยยยยยยย

ผมรีบคว้าตัวอาสามากอดหมับเอาไว้ทันที สูดดมซอกคอกับแก้มหอมๆ ของมันอย่างเต็มที่เพราะอยากทำมาหลายวันแล้ว

“ไม่ใช่แต่มึงที่ขี้หึงแล้วล่ะ” อาสาเปรย ปล่อยให้ผมแต๊ะอั๋งได้ตามสบาย บางครั้งมันก็เอียงหลบเพราะจั๊กจี้ แต่ส่วนใหญ่จะยอมให้ผมดอมดมได้ตามต้องการ “กูก็ขี้หึง”

“แต่มึงหึงรุนแรงมากนะ”

“...”

“หึงทีนี่ประชดประชันกูใหญ่ ทำตัวเสเพลจนกูใกล้จะบ้า” ผมเลิกคิ้ว “พูดถึงเรื่องนี้ บอกกูมานะว่ามึงทำอะไรลงไปบ้าง”

อาสากะพริบตาปริบๆ ดูหวาดๆ ผมยังไงชอบกล

“ก็สังสรรค์”

“กับไอ้พวกหอสี่นั่นน่ะเหรอ”

“ช่าย”

“...”

“พวกวิศวะของหอสามด้วย”

ใจเย็นๆ ทนาย มึงใจเย็น

“ทันตะหอหนึ่ง”

ว่าไงนะ

“สถาปัตย์หอหก”

นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ

“และก็...”

“พอ” ผมปั้นหน้าโหด คว้าข้อมือของอาสามาบีบแน่นแล้วกระชากตัวมันให้ออกไปจากห้อง 204 ซะ

“เชี่ยทนาย อะไรวะ” อาสาร้อง “หัวกูจะทิ่ม”

ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้คนในหอสามที่เดินสวนมาต่างก็ตื่นตกใจกับความโหดของผม ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ทนายตอนที่โกรธที่สุด แม้กระทั่งอาสาคนที่ผมแคร์ที่สุดยังแสดงสีหน้าตื่นตกใจ

ใช่ ผมโกรธ ผมไม่คิดว่าอาสาจะออกไปกับคนมากมายขนาดนั้น!

ตอนที่ผมไม่อยู่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มันไปดื่มไปกินกับคนอื่นแล้วมันทำอะไรอีก แน่นอนว่าผมไม่รู้ เพราะเตกับไมล์ไม่ได้ไปกับอาสาด้วย นั่นก็แปลว่ากลุ่มคนที่มันไปด้วยทั้งหมดนั่นอาจจะทำอะไรกับมันบ้าง ผมก็ไม่สามารถตอบได้ แต่แค่นึกภาพ สติผมก็แตกกระเจิงแล้ว

ผมโมโหจนหน้าดำหน้าแดง

ประตูห้อง 503 ถูกเปิดออก อาสาถูกผมผลักให้เข้าไปข้างในก่อนที่ผมจะปิดประตูลงกลอน

“ทนาย” อาสากลืนน้ำลาย “มึงเป็นอะไร”

ผมพยายามควบคุมอารมณ์อย่างที่สุด เราสองคนเพิ่งจะดีกันได้ไม่เท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ลมเพชรหึงของตัวเองทำทุกอย่างพังลงไปอีกครั้ง

“กูเคลียร์ความผิดของกูไปแล้ว”

“หา?”

“ถึงเวลาที่มึงต้องเคลียร์ความผิดของมึงบ้าง”

อาสาทำสีหน้านึกไม่ถึง ขณะที่ผมพ่นลมหายใจฟึดฟัด ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปบางเม็ดเพื่อคลายร้อนระหว่างรอฟังว่าอาสาจะแก้ตัวยังไง

“มึงรู้ว่ากูเป็นคนขี้หึง”

“ใช่”

“มึงรู้ว่ากูหวงมึงมาก”

“ก็...ใช่”

“เพราะงั้นมึงต้องเข้าใจว่าทำไมกูถึงได้โมโหขนาดนี้” ผมไม่ได้เสียงดังใส่อาสา แต่เสียงของผมแข็งมากจนนัยน์ตาของอาสาสั่นระริก

“นอกจากดื่ม...มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ” อาสาแก้ตัว “กูแค่ออกไปดื่ม”

“มึงรู้จักคนมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็...ไม่อ่ะ”

“แล้วออกไปกับคนพวกนั้นทำไม”

“...”

“มึงกล้าไปทั้งๆ ที่ไม่มีไอ้เตกับไอ้ไมล์ได้ยังไง”

“กูอยากประชดมึง”

ผมพยายามควบคุมสติให้ถึงที่สุด ผมรู้ว่าที่อาสาทำไปทั้งหมดเพราะมันอยากประชดผม แต่ผมไม่คิดว่ามันจะทำขนาดนี้ เล่นใหญ่เกินไปขนาดนี้ มันทำให้ผมโกรธจนคลั่ง

“ถุงยางจะพร้อมไม่พร้อมกูไม่รู้ แต่มึงต้องพร้อม”

อาสาอ้าปากหวอ ก่อนที่ผมจะกระชากตัวมันให้ลงไปนอนบนเตียง

“คืนนี้มึงต้องเป็นของกู”

“ทนาย” กลิ่นหอมของอาสาช่างยั่วยวนกว่าเสียงอุทธรณ์ของมัน ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเต็มไปด้วยโทสะ แต่สติของผมก็ยังพอมีอยู่ สิ่งที่ผมกำลังจะทำ ไม่ใช่ผมต้องการจะกระทำการรุนแรงต่อคนที่ผมรัก แต่มันเป็นการ...ตีตราจอง

คนฮอตอย่างมัน คนที่เพิ่งออกไปกับคนนั้นคนนี้อย่างมันทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่คนอื่นๆ ปรารถนา ต้องโดนอะไรแบบนี้ถึงจะหายซ่าส์!

ริมฝีปากของผมคลอเคลียไปที่ซอกคอขาว ยิ่งมันเอียงตัวหลบ ผมก็ยิ่งอยากที่จะสัมผัสมันให้ได้มากขึ้น เหมือนเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผม มันขัดขืนผมแบบนี้ ผมก็ยิ่งต้องทำให้มันอ่อนลง และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันคล้อยตามผม นั่นก็แสดงว่าผมนั้น...อร่อยพอ

“ทนาย มึงใจเย็น” มือไม้ของอาสาเริ่มพยายามผลักดันอกผม ผมเบี่ยงตัวหลบก่อนจะรวบจับมือคู่นั้นไปวางไว้เหนือศีรษะของอีกฝ่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว “เฮ้ย”

มันคงไม่คิดว่าผมจะโหดขนาดนี้สินะ

โทษทีนะ มึงทำให้กูอดทนมานานมากแล้ว อีกทั้งเมื่อกี้มึงยังยั่วโมโหกูได้ถูกจุดอีก ยังไงคืนนี้มึงก็รอดยากว่ะ

มันกะพริบตามองผมอย่างเว้าวอน ขณะที่ดวงตาของผมนั้นเริ่มฉ่ำเยิ้ม มองอาสาที่อยู่ใต้ร่างเป็นขนมหวาน พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง ฉกชิมทุกอย่างที่อยู่บนตัวของมันทุกซอกทุกมุม ไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ไม่ได้จูบกันนานแล้วนี่” เสียงของผมทั้งโหดทั้งหื่นปะปนกันไป “มึงคิดถึงจูบกูมั้ยอาสา”

“ทนาย คือ...”

ริมฝีปากของผมเข้าไปประสานแนบชิดกับริมฝีปากของอาสา คำพูดของมันถูกกลืนกลับลงไปในคอเพราะลิ้นของผมเกี่ยวกระหวัดและผลักดันมัน อาสาไอค่อกแค่กเพราะผมจู่โจมไวเกินไป แต่นั่นก็ใช่ว่ามันจะไม่ชอบ

เพราะลิ้นของมันก็เกี่ยวลิ้นของผมอยู่

แบบนี้แปลว่าไม่ใช่แค่ผมที่ต้องการ มันเองก็ต้องการมากมายเหมือนกัน

ผมเอื้อมมือไปปิดไฟในห้องให้มืดสนิท ก่อนจะใช้มือนั้นถอดเสื้อผ้าของอาสาออกอย่างรวดเร็ว ปากของผมยังทำงานอย่างเต็มที่ไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของอาสาให้เป็นอิสระ แฟนของผมส่งเสียงครางอืออาเบาๆ เพราะเมื่อบรรยากาศเริ่มเป็นใจ เราสองคนก็เริ่มมีอารมณ์โรแมนติกร่วมกันมากยิ่งขึ้น

อาสาลุกขึ้นนั่งตอนที่ผมปลดเสื้อของมันทิ้งไป มือเล็กๆ ของมันช่วยผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เหลืออยู่ทีละเม็ดๆ ปากผมยิ้มกริ่มระหว่างที่กำลังจูบมันอยู่

“เริ่มโกรธน้อยลงแล้วเหรอ” แม้อาสาจะพูด แต่ปากของมันก็ยังติดกับปากของผม

“ก็ขึ้นอยู่กับว่า...มึงจะทำตัวถูกใจกูมั้ย”

เมื่อกระดุมถูกปลดจนหมดและเสื้อเชิ้ตก็ถูกโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี อาสาก็คุกเข่ายืดตัวขึ้น ทำให้ร่างขาวๆ ของมันอยู่ระดับเดียวกับศีรษะของผม นั่นแปลว่าผมจะทำอะไรกับร่างนั้นได้ตามอำเภอใจ จะจูบ จะหอม จะกัด หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมทำได้ทุกอย่าง
อีกฝ่ายอนุญาตแล้ว และเป็นการอนุญาตที่...เซ็กซี่มากๆ ด้วย

ผมเพิ่งรู้ว่าอาสาหุ่นเซ็กซี่มากก็วันนี้ ตัวมันขาวนวลเนียนไร้สิวไร้ที่ติไม่พอ มันยังดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินอีกต่างหาก แม้จะยอมตัวอ่อนกับผมด้วยแรงอารมณ์ปรารถนา แต่เรือนร่างที่สั่นงันงกของมันบางจังหวะก็เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าอาสายังไม่เคยผ่านเรื่องนี้ ยังไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน และที่สำคัญ...มันพร้อมจะให้ผมเป็นคนสอนความรู้สึกดีๆ นี้แก่มัน

ผมตื่นเต้นจวนเจียนจะคลั่ง อยากฝากร่องรอยของผมเอาไว้บนตัวของอาสาไว้ทุกที่ ความร้อนแรงนั้นไม่ได้ออกมาจากลีลาที่ไร้เดียงสา แต่มาจากตัวของอาสาเลยต่างหาก

รู้สึกโชคดีที่ผมจะได้รับสิ่งนั้นมาเต็มๆ และนั่นก็ทำให้ผมใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

ผมผลักอาสาลงไปนอนกับเตียง จากนั้นก็ขยับศีรษะไปตามเรือนร่างของอาสา สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายด้วยใจปรารถนา สร้างความเขินอายและเก้อกระดากให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีวี่แววที่จะลดละ อาสายังใหม่กับอะไรแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เปิดใจ มันพร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผมเป็นผู้นำให้ มันเขินอายในสิ่งที่ควรอาย และเอียงตัวรับในสิ่งที่ควรรับ

มันเก่ง ถือว่ามันเก่งมาก เพราะสามารถทำให้ผมจะเป็นบ้าตายเพราะมัน

“หายโกรธกูยัง” เสียงไต่ถามของอีกฝ่ายเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบา ผมเลื่อนใบหน้าขึ้นไปใกล้ๆ ใบหน้าของอาสาพร้อมๆ กับกระซิบตอบ

“ยังเลย ทำไงดี”

อาสายื่นแขนมากอดรอบคอผม ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบ ระหว่างนั้นมือของผมก็อยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของอาสาอย่างปรารถนาที่จะสัมผัสทุกซอกทุกมุม ในใจยังเผลอคิดอย่างตื่นเต้นว่าความนวลเนียนบนร่างกายนี้กำลังจะเป็นของผม ยิ่งคิดแบบนั้นผมก็ยิ่งส่งผ่านความหวานผ่านลิ้นไปให้อาสาอย่างร้อนแรงจนมันอดที่จะส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ไม่ได้
 
“ยังอีกเหรอ” งูพิษของผมเริ่มทำสีหน้าหยอกเย้า “ต้องทำอะไรอีกอ่ะ”

ใจผมสั่นระรัวไปหมด สายตาของอาสากำลังจะพิฆาตผม อารมณ์ของผมถูกปลุกจนกลายเป็นอารมณ์รุนแรงคล้ายกับเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ

เกิดมาก็เพิ่งเคยมีเหยื่อเป็นงูพิษที่น่าฟัด เซ็กซี่ และก็อ่อยผมได้อย่างที่ผมแพ้ราบคาบ

“นั่นสิ ต้องทำอะไรอีกนะ” ผมกระซิบ ค่อยๆ ปลดกางเกงของอีกฝ่ายออกอย่างชำนิชำนาญโดยไม่มองลงไปแม้แต่น้อย เพราะตาของผมไม่ว่าง กำลังจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งที่สุด อาสาเอียงตัวเข้ามาหาผม ดูเหมือนร่างมันจะอ่อนไปหมดตั้งแต่มือผมไปใกล้ส่วนนั้นของมันแล้ว

อืม...ไม่เบาเหมือนกันแฮะ นี่ขนาดผมยังไม่ได้ถอดอันเดอร์แวร์ของมันเลยนะ

“อย่ามอง” อาสาเอ่ย “อย่าเพิ่ง”

“ทำไมล่ะ” ผมเลิกคิ้ว ลูบไล้ไปทั่วต้นขาของอาสา “กูจำได้ว่ากูเคยจับแถวนี้นะ”

อาสาเอียงศีรษะมากระทบกับศีรษะผม คล้ายกับพยายามปกปิดใบหน้าแดงระเรื่อของตัวเอง

“มึงจับ...ข้างหลังไง”

ผมยิ้มกริ่ม “วันนี้จะจับข้างหน้า”

“ทนาย” อาสายังคงเขินอาย

“อาสา...มึงเป็นคนผิดอยู่นะ”

มันกลืนน้ำลาย จริงๆ แล้วตอนนี้ความโกรธของผมถูกความปรารถนาครอบงำไปหมดแล้วล่ะ เพียงแต่ว่าผมสามารถใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างได้

เพราะตอนมันยอมผม...แม่งโคตรฮอตอ่ะ ฮอตกว่าตอนไหนๆ ที่ผมเคยเจอซะอีก

“กูจะหายโกรธก็ต่อเมื่อมึงทำตัวดีๆ”

“ขี้บังคับ”

ผมแกล้งปล่อยมือจากขานวลเนียนของมัน “หรือวันนี้จะพอแค่นี้”

อารมณ์ของอาสาถูกปลุกแล้ว ผมพูดเพราะรู้ดีว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่ มันเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะดึงลงไปแตะที่ต้นขาของมันตามเดิม

สิ่งนั้นว่าพีคแล้ว ยังมีที่พีคกว่า...

มันไม่ได้เลื่อนมือผมไปแตะที่แค่ต้นขาของมัน แต่มันเลื่อนมือผมไปแตะ...ข้างหลังของมันก่อนจะปล่อยมือ

อาสาจ้องมองผมอย่างเขินอายอย่างที่สุด ผมซึ่งสบตามันอยู่ถึงกับกลืนน้ำลาย นี่ช่างเป็นการยั่วยวนขั้นสุดยอด มันไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ขยับตัวนิด สบตาผมหน่อย ก็ทำผมเป็นบ้าได้แล้วอ่ะ

ผมก้มลงจูบมันอีกครั้ง ก่อนจะกระซิบข้างหู

“พร้อมเป็นของกูแล้วใช่มั้ย”

อาสาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า

“ในลิ้นชักมีถุงยางสั่นและก็เจลสั่น แต่รู้มั้ยว่าอะไรสั่นที่สุด” ผมพูดไปนัวเนียอาสาไป

“มีเจลด้วยเหรอ”

“มีดิ”

“...”

“มึงจะได้เจ็บน้อยที่สุดไง”

“แล้วอะไรที่สั่นที่สุดล่ะ กูหรือเปล่า” เสียงของมันสั่น ตัวของมันก็สั่น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งเหล่านี้หรอกที่สั่นที่สุด

“กูต่างหาก”

คำพูดของผมกระตุ้นอารมณ์ของเราทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี ใช่ ผมกำลังรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ การแสดงออกของผมอาจจะดูเชี่ยวชาญกว่าคนที่อยู่ใต้ร่าง แต่ทว่าความตื่นเต้นของผมกลับทำให้ตัวเองสั่นเทิ้ม คิดจินตนาการไปไกลลิบว่าหากทั้งหมดของอาสาเป็นของผมแล้ว ผมจะมีความสุขมากแค่ไหน

เหตุผลที่สั่น บางทีอาจเพราะมีความต้องการอย่างเอ่อล้นมากด้วยก็ได้

“อืมมม” ผมไม่หยุดปรนนิบัติอาสาอย่างอ่อนโยน ไล้ริมฝีปากไปตามเรือนร่างของมัน นุ่มนวลกว่าคู่นอนของผมคนไหนๆ จนผมนึกสงสัยในตัวเองว่าผมกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ปากของผมทำงานของมันไป ขณะที่อีกมือเริ่มคว้าของที่อยู่ในลิ้นชักซึ่งผมซื้อเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้ว

วันนี้ถึงคราวจะได้ใช้มันสักที

ความโกรธและความหึงหวงของผมแปรเปลี่ยนเป็นความปรารถนาอยากจับจองตีตรา

“พร้อมยัง”

“...”

“ชิ้นสุดท้ายนี่ต้องถอดแล้วนะ” ผมกระซิบอีกฝ่ายเสียงพร่า อาสาหลับตาพริ้มเอียงอาย ไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ ผมกลืนน้ำลายมองดูร่างบางเอวคอดกิ่วที่ทำใจผมเต้นแทบบ้า มือของผมขยับลงไปยันบั้นท้ายของอาสาที่ไม่ค่อยมีเนื้อหนังสักเท่าไหร่ นี่มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผมยิ่งกว่าตอนที่อาสาดึงมือของผมมาจับตรงนี้เอาไว้เองซะอีก

ผมทำสีหน้าพ่ายแพ้ หลงใหลอีกฝ่ายจนโงหัวไม่ขึ้น งูพิษตัวนี้คงเป็นงูพิษที่มีเสน่ห์ที่สุดในชีวิตของผม ความยั่วยวนที่ไม่ได้ตั้งใจแสดงออกของมันเป็นอะไรที่ผมหวงแหน ต้องการเก็บไว้ดูเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ขอทีได้ป่ะ” ผมพูดระหว่างที่ค่อยๆ ดึงเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของอาสาออกไปจากตัว “มึงอย่าไปทำแบบนี้กับใครได้มั้ย”

เมื่อมันล่อนจ้อนต่อหน้าผม มันสะดุ้งตกใจไปหมด ทั้งเขินอาย ทั้งตกใจกับคำพูดของผม

“กูทำอะไรผิดหรือเปล่า” อาสามีสีหน้าไม่สบายใจ

“ไม่”

“...”

“มึงเซ็กซี่เกินไป”

“...”

“มึงต้องเป็นของกูคนเดียว”

ผมลูบไล้สัมผัสตรงกลางหว่างขาของอาสา มันหลับตาพริ้ม ขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางสั่นเทิ้มกับมือไม้ที่จับตัวผมอย่างสะเปะสะปะเป็นหลักฐานชี้วัดได้อย่างดีว่าตรงส่วนนี้ของมันไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน

จะยกเว้นก็แต่มือของเจ้าตัวเองนั่นแหละ

“ทนาย กู...”

“ไม่ต้องเขินแล้ว” ผมส่งเสียงยั่วเย้า “คืนนี้ในห้องนี้มีแค่เรา”

“...”

“ที่รัก” อาสาตื่นเต้นจนขนลุกชูชัน ผมค้นพบจุดอ่อนของอาสาในที่สุด คำว่า ‘ที่รัก’ สร้างความสั่นสะท้านให้มันอย่างยากที่จะมีคำพูดไหนทำได้

สาบานได้ว่าผมไม่เคยตื่นเต้นกับการนอนกับใครขนาดนี้มาก่อน อาสาผิดคาดไปมากสำหรับผม แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกของมันก็ตาม แต่มันก็เก่งมากที่ทำให้ผมจะคลั่งตายในช่วงตลอดระยะเวลาที่ร่างของเราทั้งคู่เกี่ยวประสานและการขยับกายเป็นจังหวะอย่างสุขสม ผมไม่เคยถึงจุดสูงสุดของความปรารถนาขนาดนี้ ไม่เคยคิดอยากกลืนกินใครสักคนมากมายขนาดนี้ คิดอยากจับจองทุกสิ่งทุกอย่างบนตัวของอาสาให้เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ไม่ให้ใครได้สัมผัสอีก

และผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าอาสาเซ็กซี่และทำให้คนอื่นคลั่งตายได้

ลีลาของอาสาอาจจะอนุบาล แต่ความฮอตของมันพุ่งทะลุปรอทจนเกินมหา’ลัย

“ที่รัก เซ็กซี่ได้มากกว่านี้อีกใช่ป่ะ” เมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ คำพูดของผมก็ยิ่งส่อแววลามกมากขึ้นเท่านั้น “แสดงออกให้ผมเห็นหน่อย”

“ทนาย มึง...อย่า...”

“...”

“พอ...แล้ว”

ผม...พยายามหักห้ามใจของตัวเองที่สุดแล้วครับ แต่ผมก็ทำไม่ได้

มันโดนซะอ่วม แต่ก็โทษผมคนเดียวไม่ได้นะ

ก็งูพิษอย่างมัน...อยากเซ็กซี่เกินไปทำไมล่ะ








“ไง”

“อะไรไง ไม่ต้องถามเหี้ยไรทั้งนั้น จะนอนต่อ”

“กูอยากรู้ลีลากูอ่ะ”

“ห่าไรทนาย”

“ตอบมา ลีลาให้เท่าไหร่”

“สาด ใช่เรื่องมั้ยเนี่ย”

“ตอบมา นะๆๆ”

“เต็มร้อยเหรอ”

“เออ”

“เก้าสิบเก้ามั้ง”

“ทำไมไม่ให้เต็มไปเลยล่ะวะ”

“เดี๋ยวมึงได้ใจ”

“ฮ่าๆๆ”

“...”

“กูเชื่อ มึงครางเสียงดังดี”

“ไอ้ฟายยยยยยยยย”

“ตอนมึงครางนี่สุดยอดมากอ่ะ อยากฟังอีกทำไงดี”

“กูนอนละ”

“อาสา”

“อะไร”

“วันหลังทำกูโกรธบ่อยๆ นะ”

“ฟวยอะไรทนาย”

“ฮ่าๆๆ”

“...”

“กูรักมึง”

“...”

“หลับเหรอ”

“อืม”

“...”

“รักเหมือนกัน แต่ไว้ค่อยคุยกัน กูง่วงมาก แรงมึงอย่างกับควาย”

“ฮ่าๆๆ”







TBC*





หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:49:35





ตอนที่ 31
พาร์ตของเต




หลังจากผมกับไมล์ปล่อยให้ทนายเคลียร์กับอาสาที่ห้อง เราทั้งสองก็มานั่งตบยุงอยู่ที่หน้าหอสาม เนื่องด้วยไม่มีใครอยากออกไปไกลจากหอเท่าไหร่ อีกทั้งเราก็กลัวว่าพวกมันจะไม่คืนดีกัน จึงต้องยังอยู่ใกล้ๆ เผื่อจะช่วยอะไรได้

อาสากับทนายเงียบมาก ผมกับไมล์เอาแต่มองหน้าและคุยกันว่าป่านนี้พวกมันจะดีกันหรือยัง

“มันรักกันมาก เดี๋ยวก็คงดีกันนั่นแหละ” ผมพูดให้ไมล์สบายใจ

“ถ้ามีเหี้ยอะไรแปลกๆ ทนายมันจะโทรหาเราเองใช่ป่ะวะ”

“ใช่”

ผมลอบแตะแก้มของไมล์แบบยิ้มๆ มันปัดมือของผมออก

“สัด นี่หน้าหอ เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

ผมแบมืออย่างงงงัน “มึงกลัวใครมาเห็น”

“คนอื่นๆ ไง”

“กูนึกว่ามึงกลัวแค่อาสากับทนาย เพราะมึงกลัวพวกมันจะล้อ”

“...”

“แต่นี่มึงกลัวสายตาทุกคนเลยเหรอ”

ไมล์ยักไหล่ ก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่รู้อะไรเลยว่าผมกำลังคิดมากกับสิ่งที่มันเพิ่งทำ ใช่ครับ แค่มันปัดมือผมออกนั่นแหละที่ทำผมคิดหนัก

ผมถึงกับซึมไปเลย แต่ไมล์มันไม่รู้

เราสองคนปล่อยให้เวลาผ่านไป เมื่อหน้าหอเริ่มมียุงเยอะ พวกเราก็ย้ายกันไปนั่งบริเวณใต้ถุนที่มีเพียงซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดอยู่ ไมล์ยังไม่รู้ว่าภายในใจของผมกำลังมีความตึงเครียด เพราะมันมัวแต่เล่นเกม ที่ผ่านมาแม้ว่าเรื่องราวระหว่างผมกับมันจะไม่ได้ก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าจูบในคืนนั้น แต่ผมก็ไม่คิดว่าไมล์มันจะตัดฉับด้วยการบอกผ่านการยักไหล่ว่าเรื่องราวของเราไม่ควรเปิดเผยให้ใครได้รู้

แปลว่ามีแต่ผมที่จริงจังคนเดียว และมันก็แค่เล่นๆ ไปกับผมเพราะเพิ่งอกหักจากอาสางี้เหรอ

ระหว่างนั้นผมทักไปหาทนาย เพื่อที่จะบอกมันว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกพวกผมกลับเข้าไปได้ มันไม่อ่านและก็ไม่ตอบ บางทีมันอาจจะกำลังตั้งใจง้ออาสาอยู่ก็ได้

“น้องอิ๊งเขาถามมาว่าทำไมมึงไม่ตอบไลน์เขาเลย” ไมล์พึมพำ

“อืม กูจะตอบเขาเดี๋ยวนี้แหละ”

อาสามันไม่ได้ประชดเป็นคนเดียวหรอก ผมก็ประชดเป็นเหมือนกัน ผมกดเข้าแอพฯ สนทนาระหว่างผมกับน้องอิ๊งทันที บนจอเป็นอะไรที่แชตหนักไปทางซ้ายมากครับ เพราะน้องอิ๊งเป็นฝ่ายทักผมมาอย่างเดียว ส่วนแชตทางฝั่งขวาซึ่งเป็นฝั่งของผมแทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย

ที่ผมทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ความหวังเธอ แต่ในเมื่อไอ้ไมล์มันต้องการทำตัวเป็นพ่อสื่อนัก ผมก็จะลองทำตามสิ่งที่มันต้องการดูก็ได้

“ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ” จู่ๆ ไมล์ก็พูดขึ้นมา

“ทำไมอ่ะ”

“โทรหาเพื่อนแป๊บหนึ่ง”

“โทรศัพท์ของมึงเป็นไร”

“โทรออกไม่ได้ เป็นไรไม่รู้”

ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน ผมยังตอบน้องอิ๊งได้ไม่ถึงสองประโยคเลย ไอ้ไมล์ก็แย่งโทรศัพท์ของผมไปซะแล้ว

“พี่เตพี่ไมล์หวัดดีครับ” คนที่มาทักเราสองคนก็คือไอ้โอ๊ค เด็กปีหนึ่งคณะเดียวกันกับเชี่ยทนาย “เห็นทนายมันมั้ยพี่ พอดีผมซีรอกซ์สรุปบทเรียนมาให้”

“เห็นนะ มันอยู่...” ไมล์กำลังจะพูด แต่ผมตะครุบปากมันเอาไว้ได้ทัน

“มันเคลียร์กับอาสาอยู่ ยังไม่ว่าง”

“อ๋อเหรอครับ โอเคครับ”

โอ๊คเดินผ่านไป ไมล์หันมามองผมด้วยสายตางงงัน

“มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันเคลียร์กันถึงขั้นไหน ยังไงก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน”

จู่ๆ ไมล์ก็ทำสีหน้าเก้อกระดากขึ้นมา ผมหันไปทางอื่นทันที ระหว่างเราเกิดเดดแอร์ขึ้นมาซะเฉยๆ

“ผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ววะ” ไมล์ถาม

“สามมั้ง”

“ทนายยังไม่ตอบอีกเหรอ”

“ใช่”

ไมล์ตบยุงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมรู้สึกสงสารมันขึ้นมา ควรพามันไปไหนสักที่ดีมั้ยเนี่ย ถ้ายุงกัดมันจนเลือดหมดตัวนี่ผมควรทำยังไง

“มึงไม่โทรหาเพื่อนแล้วเหรอ” ไมล์กำโทรศัพท์ในมือผมแน่น ไม่ยอมยกขึ้นมาโทรสักที ผมก็เลยถามอย่างสงสัย

“เอ่อ...”

ผมฉวยโทรศัพท์ของตัวเองคืนมาก่อนจะเลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย

“หวงกูก็บอก ไม่เห็นต้องทำให้มันยุ่งยากมากเรื่อง”

“กูไม่ได้...”

สายตาโหดๆ ของผมปรามคำพูดแก้ตัวของไมล์อย่างได้ผลชะงัดนัก ไมล์คอตก ทำสีหน้าเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าขโมยของเล่น

“กูงอนมึงอยู่นะ” ผมเปรย

“ว่าไงนะ”

“ทำไมมึงต้องสนใจสิ่งที่คนอื่นคิดด้วย”

“...”

“ทนายกับอาสาที่มึงควรแคร์มากที่สุด มึงยังไม่แคร์อะไรขนาดนั้นเลย อีกอย่างตอนที่พวกแม่งรู้ว่าเราสองคนเริ่มแปลกๆ กัน มันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”

“...”

“นี่มึงเป็นอะไรของมึงวะ”

ได้ทีพูดแล้วผมก็ขอพูดหน่อยเหอะ ตั้งแต่มันกลับมาจากงานกิจกรรมของคณะ ไมล์มันก็แสดงออกครึ่งๆ กลางๆ กับผม เรื่องนี้โทษอาสาที่มาอาศัยอยู่ในห้อง 204 ของเราคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้าไมล์มันเล่นไปกับผมด้วย จะเร็วจะช้ายังไงมันก็ต้องคืบหน้า แต่นี่เหมือนกับมันออกตัวแรงแต่เบรกเองอย่างกะทันหัน ผมกับมันจึงไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่าจูบและบทสนทนาซึ่งมีคำว่าคิดถึงในช่วงที่เราสองคนห่างกัน

แทนที่จะมีคำพูดของไมล์มาช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับมีเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นแทน ผมมองดูว่าใครทักมา และทันทีที่อ่านก็แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยความอิจฉา

LAWYER : ครั้งแรก 3-0 ว่ะ อาสายังใหม่อยู่
LAWYER : ทำกันที่ห้องกูนะ มึงกลับมาห้องมึงได้แล้ว


ไมล์ยื่นหน้ามาอ่าน แต่มันทันเห็นแค่ผลสกอร์

“คืนนี้มีแข่งเหรอวะ” ไมล์ทำสีหน้างง “ใครชนะอ่ะ ตั้งสามประตูแน่ะ”

แม้ว่ามันจะเคยหลงอาสาเข้าขั้นหัวปักหัวปำ แต่เรื่องนี้สำหรับไอ้ไมล์ยังเป็นอะไรที่ใสและบริสุทธิ์โคตรๆ มันไม่เคยทั้งข้างหน้าและก็ข้างหลัง เรื่องนี้ผมรู้ดี

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหัวร้อน ทั้งอิจฉาไอ้ทนายและก็เป็นห่วงอาสา กลัวว่ามันจะน็อค ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเชี่ยทนายแม่งกระหน่ำเพื่อนผมติดกันขนาดนั้นเลยเหรอ

สาดดดดดดดดดดดดดด กูรู้สึกแพ้เลยเนี่ย

“มึงจะกลับห้องมั้ย ทนายมันพาอาสากลับห้องตัวเองแล้ว” แถมยังขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกันไปแล้วด้วย

“เอาสิ ง่วงจะตายห่าอยู่แล้ว”

“แต่เดี๋ยวกูออกไปข้างนอกนะ”

“มึงจะไปไหน”

“ร้านพี่น้อย”

“สัด ดึกแล้วนะ”

“กูเศร้า”

ผมโบกมือใส่ไมล์ไปแบบเลี่ยงๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนี ทิ้งให้มันนั่งงงอยู่ตรงนั้นคนเดียว ผมคิดว่าอีกสักพักยังไงมันก็คงกลับขึ้นไปบนห้อง ผมยังไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับมัน เพราะงั้นร้านเหล้านี่แหละคือคำตอบของผมในเวลานี้







ร้านเหล้าน้อย

คนในร้านเห็นหน้าผมจนชิน แทบจะยกเครื่องดื่มแบบเดิมมาเสิร์ฟให้ด้วยซ้ำ ผมเบรกๆ พนักงานเอาไว้ บอกว่าคืนนี้ขอลดปริมาณลง ขอดื่มแค่พอให้หลับสบาย อีกอย่างช่วงนี้ใกล้จะสอบไฟนอลแล้วด้วย มีงานหลายอย่างที่ผมยังเคลียร์ไม่เสร็จ

ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ขอมานั่งเป็นพระเอกเอ็มวีสักหน่อย ตั้งแต่อกหักจากอาสา ร้านพี่น้อยก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม นี่ถ้าผมอกหักจากไอ้เชี่ยไมล์อีก ผมจะสถาปนาร้านนี้เป็นบ้านหลังแรก และจะไม่ยอมกลับไปที่ห้อง 204 อีก

แปลกแต่จริงที่ความรักทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมห้องเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้

“พี่น้อยห้องนั้นยังว่างใช่ป่ะ” ผมพูดกับเจ้าของร้านซึ่งเดินผ่านมาพอดี

“สัด ยังจะถามอีกเหรอ ห้องนั้นเป็นห้องของมึงไปแล้วมั้ง”

“คืนนี้ขอนอนที่นี่อีกได้เปล่า”

“จะทำเหี้ยไรก็ทำ”

“...”

“ยังไงก็ใกล้จะสอบแล้ว ควบคุมตัวเองบ้างนะไอ้หนุ่มนักรัก”

“เข้าใจแล้วครับ”

ถ้าผมมีเงินคงมาขอเป็นหุ้นส่วนกับร้านนี้แล้วล่ะ พี่น้อยเปรียบเสมือนพี่ชายคนสนิทของผม เวลาผมมีปัญหาทีไร พี่มันก็มักจะให้ที่พักพิงแก่ผมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีมาเติมไม่อั้นและก็ที่นอน ซึ่งบ่อยครั้งที่ผมดื่มจนเมาหัวราน้ำ แต่ผมก็ไม่เป็นไรเพราะพี่น้อยมีที่นอนให้ผมตลอด

ในหัวของผมตอนนี้มีแต่ไอ้เชี่ยไมล์ล้วนๆ ยิ่งผมรู้ใจตัวเองว่าชอบมัน ผมก็ยิ่งเอามันออกไปจากหัวไม่ได้ มันมากกว่าตอนที่ผมชอบอาสาหลายสิบหลายพันเท่า ความทรงจำระหว่างผมกับไมล์มีมากกว่าความทรงจำของผมกับอาสา ผมแคร์มันมากเกินไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และยิ่งพอผมเริ่มเปิดใจที่จะรับมันเข้ามา ใจของผมก็ยกให้มันไปหมดทั้งดวงอย่างไม่ได้คิดจะเผื่อใจอะไรเอาไว้

ถ้าไม่ใช่ไอ้ไมล์ผมก็คงไม่รู้สึกแบบนี้

‘เต อยากแดกเหล้าปั่นหลังมอว่ะ พาไปหน่อยดิ๊’

‘กูเศร้านะ แต่กูเศร้าน้อยลงเพราะกูมีมึง’

‘มึงไม่จีบอาสาเหรอวะ ทำไมถึงเอาแต่มาอยู่กับกูล่ะ’

‘จะมีใครยอมกูเท่ามึงอีก กูว่าไม่มีหรอก เพราะงี้ไงมึงถึงเป็นเพื่อนรักของกู ไอ้เชี่ยเต’

หลายประโยคจากคำพูดของไอ้ไมล์เริ่มลอยเข้ามาในหูของผม มันเป็นคำพูดในช่วงระยะเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ช่วงที่ไมล์เพิ่งสารภาพรักกับอาสาไป ผมก็ตัวติดกับมันเป็นตังเม ตอนนั้นผมรู้สึกเป็นห่วง กลัวมันทำอะไรบ้าๆ และที่สำคัญไมล์มันไม่เหมือนผม มันควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ เพราะมันเกิดมาท่ามกลางความเพอร์เฟ็กต์ไปทุกสิ่งอย่าง ผมจึงต้องตามคุมมันแจ

ตามจนลืมไปบางขณะว่าตัวเองก็ชอบอาสาเหมือนกัน

หรือผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมตอนที่รู้ว่าทนายกับอาสาคบกันผมถึงยอมได้ง่ายๆ ไม่โมโห ไม่โวยวาย เข้าใจทุกอย่างโดยที่พวกมันสองคนไม่จำเป็นต้องมาขอโทษหรืออธิบายให้มากความ

เพราะลึกๆ ในใจแล้วผมไม่ได้ชอบอาสาขนาดนั้นหรือเปล่าวะ

หรือเพราะลึกๆ ในใจผมชอบใครอีกคนมานานมากแล้ว แต่ผมไม่รู้ตัว

แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับผม ที่มันยอมให้ผมจูบ ยอมซื้อโทรศัพท์ใหม่มาคุยกับผม ก็เป็นเพียงแค่ความหวั่นไหวชั่วครู่ ผมซวยที่ดันเข้าไปถูกจังหวะเอง และซวยที่เผลอรู้ตัวว่าชอบไอ้เหี้ยนี่มากไปแล้ว แต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ถ้าไม่ใช่ไมล์ ผมก็ไม่รู้สึกแบบนี้กับใครอีกแล้ว

บทคนมันจะนก ก็นกซ้ำนกซ้อนเลยเว้ยยยย

ผมยกแก้วขึ้นดื่มหนักๆ อีกหลายอึก เห็นทีดวงความรักของผมคงจะกุด บาปกรรมที่เคยล้อเลียนอาสาเอาไว้คงเริ่มเล่นงานผม ผมคงเป็นฝ่ายนกแทนมันไปแล้ว เพราะอาสามีคนมาหักปีกของมันเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมกลับเป็นคนที่เพิ่งถูกใส่ปีกเข้ามา
ปีกสองชั้นในระยะเวลาอันสั้น

ผมดื่มจนคอพับคออ่อน เริ่มรู้สึกว่ามันมากไปจึงขอพี่น้อยไปอาศัยห้องหลังร้านนอน ห้องนี้ไม่ใช่ห้องธรรมดาๆ นะครับ เป็นห้องพักที่สะอาด พี่น้อยทำเอาไว้เผื่อคนอย่างผมนี่แหละ เมาแต่กลับหอไม่ไหวก็มานอนในนี้

ผมทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาเผื่อจะลืมใบหน้าของไอ้เชี่ยเตได้บ้าง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาการกระทำของมันทำเอาผมไม่แน่ใจอยู่หลายอย่าง พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างคงชัดเจนแล้วสินะ จูบในคืนนั้นก็แค่เรื่องหวานๆ ประเดี๋ยวประด๋าว สำหรับไมล์อีกเดี๋ยวก็คงผ่านไป แต่สำหรับผมคงจะจำไปอีกนาน

“เฮ้ออออ” ผมนอนเอาแขนมาปิดหน้า สักพักก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา คนคนนั้นก็คือน้องอิ๊ง!

ผมสะดุ้ง ตกใจอย่างแรงตอนที่เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง น้องอิ๊งเธอดูเมาๆ ผมรีบผลักตัวเธอออกตอนที่เธอเอียงร่างเข้ามาหา

“พี่เต อิ๊งบังเอิญมาดื่มร้านเดียวกันกับพี่เตค่ะ”

“...”

“อิ๊งบังเอิญมานอนห้องเดียวกันกับพี่เตอีกได้มั้ยคะ”

“ไม่ได้ครับอิ๊ง” ผมรีบปฏิเสธ “พี่เมาอยู่ตอนนี้ มันไม่ดีกับตัวอิ๊งนะ”

วันนี้เธอแต่งตัวโป๊มากจนสัญชาตญาณดิบเถื่อนของผมมันต่อต้านเหตุผล ผมพยายามไม่มองและดันตัวเธอออกไปห่างๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงโดนผมจัดหนักไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่

แค่คิดถึงหน้าไอ้ไมล์ ผมก็ไม่กล้าทำอะไรอิ๊งอีกแล้ว

“พี่เต อิ๊งต้องการพี่เต” เธอเมามาก มือของเธอเริ่มโอบรอบคอผม เตรียมพร้อมจะจูบแลกเอ็นไซม์กับผมทุกเมื่อ “อิ๊งคิดถึงพี่เตมาก คิดถึงไม่ไหวแล้วค่ะ”

“แต่พี่มีเจ้าของแล้วครับ”

“ไม่จริง พี่เตยังไม่มีแฟน”

“พี่ให้มันเป็นเจ้าของพี่ ทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นี่แหละ”

“ไร้สาระ!” น้องอิ๊งโวยวายอย่างเมาๆ “ความรักมันไร้สาระ เรามาสนุกกันชั่วข้ามคืนเถอะค่ะพี่เต”

ผมคิดว่าเธอไม่ได้ชอบผมหรอกครับ แต่เธอหลงใหลสิ่งที่อยู่บนร่างกายของผมมากกว่า ผมคงเป็นวัตถุทางเพศของเธอ สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้อย่างตรงใจ ทว่าวันนี้ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของเธอได้

แค่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ผมต้องห่างจากไอ้ไมล์ไปอีกหลายร้อยโยชน์ ใจผมก็จะขาดแล้ว

ตอนนี้เรื่องระหว่างผมกับมันไม่ได้ใกล้ชิดจนใกล้จะคบกันเลยด้วยซ้ำ

“อิ๊ง” เสียงที่สามดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“ไมล์” ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่ามันจะโผล่มาอยู่ที่นี่ตอนนี้

“เดี๋ยวพี่พาอิ๊งไปหาเพื่อนนะ”

“พี่ไมล์!”

“...”

“มาขัดจังหวะทำไม อิ๊งกำลังจะได้กันกับพี่เต!”

คำพูดนั้นกระแทกหน้าผมเต็มๆ ผมกลืนน้ำลายก่อนจะรวบรวมสติช่วยไมล์ลากตัวน้องอิ๊งออกไป

“มึงอยู่นี่แหละ” ไมล์เอ่ยเสียงเข้มกับผม

ผมทรุดตัวนั่งลงนิ่งๆ ไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิดเดียว

ไมล์พาอิ๊งออกไปจากห้อง ความวุ่นวายที่อยู่หน้าห้องทำให้ผมรู้ว่าอิ๊งเมามายเพียงใด เธอเริ่มโอดครวญและก็สะอึกสะอื้น ผมได้ยินเสียงเธอร้องตะโกน

“พี่ไมล์หักหลังอิ๊งแบบนี้ได้ไง! พี่ไมล์ก็ชอบพี่เตเหรอ! ชอบไอ้นั่นพี่เตเหมือนอิ๊งเหรอ!”

วะ...ว่าไงนะ ระหว่างที่ผมงงงัน ไมล์ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูพอดี สีหน้าของมันดูปั้นยาก อาจเป็นเพราะอิ๊งเพิ่งตะโกนประโยคสุดท้ายไล่หลังมาพอดี

ไอ้นั่นของผมคือ...ไอ้นี่หรือเปล่าวะ ผมมองลงไปที่หว่างขาของตัวเอง

“สัด” ไมล์ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ผม “กูถามได้มั้ย นี่ถ้ากูมาไม่ทัน มึงจะทำอะไรน้องโรงเรียนกูคนนี้หรือเปล่า”

ผมส่ายหน้า “ไม่ทำอ่ะ”

มันทำสีหน้าไม่เชื่อ “เสือเตน่ะเหรอจะไม่ทำ”

“กูทำไม่ได้จริงๆ”

“...”

“ตอนนี้กูอยากทำแต่มึง กูไม่อยากทำคนอื่น”

ไมล์มีทีท่าเหมือนอยากจะสำลักอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่มีให้สำลัก

“ฟวยไร เชี่ยเต”

“กูพูดจริง”

“...”

“กูชอบมึงไปแล้ว กูก็อยากทำเรื่องนั้นกับมึงดิ”

คำสารภาพตรงๆ ของผมทำเอาไมล์ถึงกับมีสีหน้าเก้อเขินเล็กๆ

“กูมารับมึงกลับ”

“กูเอารถมา”

“ฝากรถมึงไว้ที่นี่แหละ พี่น้อยคือพ่อมึงนี่ เขาดูแลรถมึงให้อยู่แล้ว”

แค่มันมารับผมก็ดีใจแล้วล่ะ เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ผมเดินตามหลังมันต้อยๆ เอื้อมมือไปจับมือของมันเอาไว้ตลอดช่วงระยะเวลาที่เดินออกจากร้าน

แปลกแต่จริง...มันไม่ยอมสะบัดมือผมออกเลย







“กูขับเองก็ได้นะ”

“มึงเมาอยู่”

“เปล่าสักหน่อย”

“...”

“ถ้ากูเมาคงหน้ามืดปล้ำน้องอิ๊งไปแล้ว”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด

จู่ๆ คนขับอย่างไมล์ก็เหยียบเบรกกะทันหันจนหัวผมแทบจะทิ่มกับคอนโซลรถ ผมหันไปมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้

ผมไม่เคยเห็นมันในมุมนี้มาก่อน

“มึง...” ไมล์มีทีท่าว่าจะด่าผม แต่ก็ไม่ด่า มันกลืนคำพูดลงคอไปซะงั้น

“มีไรล่ะ กูรอฟังอยู่”

“...”

“จริงๆ เรื่องเราสองคนเคลียร์ให้มันชัดๆ ไปเลยก็ได้นะ กูไม่...”

ผมยังไม่ทันพูดจบประโยค เชี่ยไมล์ก็จู่โจมด้วยการประทับริมฝีปากของมันลงบนริมฝีปากผมเป็นที่เรียบร้อย ผมลืมตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่ามันจะจูบแบบนี้และจูบตรงนี้!

มันผละออกพร้อมๆ กับกะพริบตาปริบๆ มองหน้าผม

“กูพอแล้ว ช่างหัวแม่งทุกอย่างแล้ว”

“...”

“เต มาเป็นแฟนกูเถอะ”

ผมอ้าปากค้าง เมื่อกี้ผมยังดื่มเหล้าเพราะเศร้าเรื่องมันอยู่เลย จู่ๆ มันมาขอผมคบได้ยังไง

“เรื่องอื่นค่อยคิด แต่ตอนนี้กูอยากให้มึงมาเป็นแฟนกูแล้ว” ไมล์กลืนน้ำลาย แกล้งทำหน้าเย่อหยิ่ง “นะ” แต่ทำไมประโยคดูอ้อนๆ ซะอย่างนั้น

“เกิดอะไรขึ้น” ขอผมถามหน่อยเหอะ “ทำไมกะทันหัน”

“ไม่รู้” ไมล์เอามือทึ้งหัว “ที่กูไม่ชัดเจนมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะกูกลัวผิดหวัง”

“...”

“เรื่องระหว่างเรามันไวเกินไป”

ผมปลดเข็มขัดนิรภัยของมันก่อนจะดึงตัวมันเข้ามากอด ริมฝีปากของผมฝังตรงขมับของไมล์

“มันไม่ได้ไว แต่มันเริ่มนานแล้ว”

“...”

“กูนี่แหละเริ่มเอง ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งตัวกู”

ไมล์หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“เชื่อกูเถอะ กูพร้อมที่จะอยู่กับมึง กูพร้อมจะดูแลมึงขนาดนี้ ยังไงกูก็หนีมึงไม่พ้น” ผมพูดให้มันเข้าถึงความรู้สึกที่อยู่เบื้องลึกในจิตใจของผม

ไมล์จ้องตาผมอย่างสุดซึ้ง เหมือนเรื่องกังวลที่มันเคยแบกเอาไว้เริ่มทยอยหายไปทีละนิดๆ ผมลูบหัวมันอย่างปลอบประโลม ก่อนหน้านี้ผมเองก็คิดมากและคิดไปเองก่อนเหมือนกัน รู้สึกแปลกๆ ที่ไมล์มันคิดได้และเป็นฝ่ายเข้ามาหาผม แต่ก็ยังดีกว่าการที่มันจะปล่อยผมหรือเทผมทิ้งไป

ผมไม่ลืมจูบในคืนนั้นง่ายๆ และจูบเมื่อกี้ผมก็จะไม่ลืมด้วย

“อยู่กันสองคนแค่นี้ จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากมายไปทำไมวะ” ผมเปรยเบาๆ “เราอยู่ด้วยกันมามาก เรารู้กันอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง”

“...”

“ขอร้องนะไมล์ อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากมากไปกว่านี้อีกเลย ใจกูมันจะไม่ไหวเอา”

“ใจกูเนี่ยจะไม่ไหว” ไมล์เอ่ยบ้าง “เพราะมึงยังไม่ได้ตอบตกลงคบกับกูเลย”

เออว่ะ “คบครับ คบ” ผมรีบตอบ

ไมล์เอียงคอมาซบกับไหล่ของผม “กูขอโทษนะ กูกลัวผิดหวังจริงๆ เพราะความรู้สึกเวลานกนี่มันไม่ได้หายง่ายๆ นะ”

“มึงจะนกเรื่องกูได้ไงวะ ในเมื่อกูยอมมึงขนาดนี้”

“...”

“ก่อนหน้านี้ถ้ามึงสั่งให้กูคบกับมึง กูคงคบอ่ะ”

“โม้สัด” ไมล์ตีแขนผม ก่อนจะผละออกไป มันจ้องมองผมเนิ่นนานอย่างผิดปกติจนผมต้องเอ่ยท้วง

“มีอะไรเหรอ”

ไมล์กลืนน้ำลาย มันดูเก้อกระดากกับคำพูดต่อไปของมันมาก อะไรวะ นี่มันชักจะทำให้ผมตื่นเต้นแล้วนะ

“กูเพิ่งรู้ว่ากูหวงมึงมากนะเต”

“หา?”

“เพราะงั้น...” ไมล์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ มือของมันเริ่มจับไปที่เป้ากางเกงของผม

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มึงหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายเมาเอง ไอ้เชี่ยไมล์


“ไมล์ มึง...” แม้ผมจะต้องการ แต่ผมก็ต้องร้องเพื่อเรียกสติของอีกฝ่าย “มัน...ไม่ไวไปเหรอ”

“มึงบอกว่าเรื่องระหว่างเราสองคนมันเริ่มนานแล้วไม่ใช่เหรอ”

เหี้ย...แซ่บว่ะ ใจผมระทวยไปหมดตอนที่มือของมันเริ่มปลดซิปกางเกงของผม ผมขยับริมฝีปากเข้าไปจูบแลกลิ้นกับริมฝีปากบางนั้นอย่างเร่าร้อนระคนตื่นเต้น

บนรถเลยเหรอวะ...เอาจริงดิ มึงจะไม่สบายตัวนะไมล์

แม้ผมจะคิดแบบนั้นแต่มือของผมก็เริ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของไมล์เอาไว้ เตรียมพลิกให้มันไปอยู่อีกเบาะเพื่อผมจะได้เป็นฝ่ายกระทำ แต่มันกลับจับแขนให้ผมหยุด

“อะไร” ผมอดพึมพำอย่างงงงันไม่ได้

“ใจเย็น ไอ้เสือ” ไมล์ยิ้มมุมปากอย่างเขินอาย “วันนี้แค่มือกูก็พอ”

เซอร์ไพรส์สัดอ่ะ นี่มันเซอร์ไพรส์ผมไปกี่เรื่องแล้ววะวันนี้ เอาเป็นว่าผมไม่สนใจหรอกครับว่ามันจะเร็วไปหรือจะอะไรก็ตามแต่ แค่ผมกับไมล์คิดเหมือนกันแค่นั้นผมก็พอใจมากแล้ว

เพราะยังไงเราทั้งคู่ก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน...

เราเกิดมาเพื่ออยู่ห้อง 204 ของหอสามและตัวติดกัน...

“เฮ้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อศีรษะของไมล์เริ่มก้มลงต่ำไปยังหว่างขาของผม

“กูขอโทษนะที่ทำมึงคิดมาก”

“...”

“หวังว่าสิ่งที่กูทำ จะทำให้มึงให้อภัยกู”

ถ้ามึงแซ่บขนาดนี้กูคงไม่ให้อภัยอย่างเดียวแล้วล่ะ กูคงยอมมึงทุกอย่างจริงๆ

ริมฝีปากของผมที่อ้าเผยอ เสียงครางที่แผ่วเบาแต่ทว่ามีความสุขถึงขีดสุด และมือของผมที่กอบกุมเส้นผมของไมล์จนยุ่งเหยิงไปหมดเพื่อระบายความสราญทางอารมณ์

ไมล์หยิบทิชชูมาเช็ดตรงนั้นให้ผมหลังจากเสร็จสิ้น ส่วนผมก็หยิบทิชชูมาเช็ดปากของไมล์สลับกันไป อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

“อย่ามองแบบนั้นดิวะ”

“มึงคงหวงกูมากจริงๆ”

“หุบปากไปเลย”

“หวงแล้วทำไมยังบอกให้กูตอบไลน์น้องอีก”

“กูถึงกับยึดโทรศัพท์มึง มึงไม่เห็นเหรอ”

“คนอะไรปากไม่ตรงกับใจ”

“นี่ก็ตรงแล้วไง”

ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะจูบอย่างดูดดื่มเพื่อให้รางวัลมัน

“เก่งมากอ่ะ” ผมกระซิบข้างหูไมล์ มันหน้าแดงก่ำ

“หุบปาก”

“...”

“อย่าไปบอกใครได้มั้ย”

“ฮ่าๆๆ” รู้สึกดีที่มันเขินอายเรื่องนี้ “กูไม่บอกใครหรอกว่าแฟนกูแซ่บ”

“...”

“เดี๋ยวแม่งฮอตเหมือนอาสาขึ้นมา กูนี่ตายห่าเลยนะ”

ผมเลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างหูมันอีกครั้ง

“แซ่บกับกูคนเดียวก็พอนะไมล์ อยากทำอะไรกูมึงทำเต็มที่ได้เลย ไม่ต้องเขิน ไม่มีใครรู้นอกจากกู”

มันดันหน้าของผมออกไป ผมเลื่อนตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้มัน

ระหว่างที่ใบหูของผมอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของมัน เชี่ยไมล์ก็กระซิบแผ่วให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว

“ไอ้นั่นมึง...เป็นของกูคนเดียวแล้วนะ”

“...”

“มึงห้ามให้มันไปยุ่งกับคนอื่นเชียว”

“ให้กูสั่งมันเหรอ” ผมยิ้ม

“ใช่ มันเป็นของมึงนี่”

“มึงต่างหากที่เป็นคนสั่งมัน”

“...”

“ตอนนี้มันจะตื่นหรือมันจะหลับ ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วไมล์”

“กูว่ากูออกรถดีกว่า”

“ดูเหมือนมันจะตื่นขึ้นมาอีกแล้วนะ”

“...”

“ไปต่อที่ห้องดีมั้ย”

“ฟาย ไม่เอา”

ก่อนรุ่งสางทนายได้รับข้อความไลน์จากผม

TAECHIT : ยังไม่ 1-0 แต่ก็คืบหน้ามากแล้ว
TAECHIT : กูต่อให้มึงก่อนไอ้สัด
TAECHIT : ป.ล. คะแนนความแซ่บของไมล์ เต็มสิบกูให้ล้านไปเลย
TAECHIT : หลงหัวปักหัวปำ ขอเข้าสู่สมาคมพ่อบ้านรักเมียหลงเมียอย่างเต็มตัว






TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:52:57




ตอนที่ 32




ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมสดชื่นมาก

อาสายอมผมทุกอย่าง ตอนนี้มันไม่ได้เสพติดแค่จูบผมอย่างเดียวแล้วล่ะ แต่มันเสพติดเรื่องนั้นที่ทำกับผมด้วย แม่งโคตรร้อนแรงจนผมทั้งรักทั้งหลง ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะคิดเรื่องอื่นเลย

เช้าวันนี้ก่อนที่ผมจะไปเรียน ผมกำลังคลอเคลียนัวเนียอาสาเผื่อจะมีลุ้นอีกสักรอบ (ยอมรับว่าหื่น ก็อาสามันขาวน่าฟัดอ่ะ) ทว่าจู่ๆ อาสาก็จับศีรษะผมให้หยุดการกระทำ มันหยิบโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังลั่นของผมขึ้นมา หน้าจอโชว์เบอร์แม่หรา

ผมถอนหายใจ ทิ้งตัวลงไปนอนหงายตรงอีกฝั่งของเตียงทันที

“ทำไมไม่รับสายแม่เลย” อาสาถาม

“เพราะยิ่งรับก็จะยิ่งทำให้กูเครียด” ผมตอบ

“เรื่องต้องสอบทุกตัวให้ได้เอใช่ป่ะ”

“ใช่” ผมพ่นลม “แม่กูเอาจริง”


อาสากะพริบตามองผม ก่อนจะตัดสินใจฉุดตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง “งั้นเราก็ต้องจริงจังเหมือนกัน”

“อย่าเพิ่งดิ กูหมกมุ่นอยู่กับการทำกับมึงอยู่เนี่ย”

ผมถูกอาสาตีแขนดังเพียะ

“มันไม่เท่เลยนะเว้ย เอาเรื่องเรียนให้รอดก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง” อาสาจับเสื้อผ้าของผมโยนมาให้ “รีบไปอาบน้ำซะ ไปตั้งใจเรียนกัน หลังจากวันนี้เป็นต้นไป มึงกับกูต้องอ่านหนังสือกันทุกวัน”

“แต่ว่า...”

“เราเสียเวลากันมามากแล้วนะ อีกอย่าง มึงก็ได้กูไปแล้วสามวันติด มึงอย่ามาโลภ”

อาสาลงจากเตียงไปแล้ว ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจู่ๆ ความสุขของผมจะถูกทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าผมยังอยากอยู่ใกล้ๆ ร่างขาวๆ บางๆ นั่นไปอีกหลายปี ผมจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยอมให้ผมได้เรียนอยู่มหา’ลัยที่อยู่บ้านนอกบ้านนาแห่งนี้ต่อ

ถึงจะอยู่บ้านนอก แต่คนในมหา’ลัยก็แซ่บมากนะแม่ โดยเฉพาะแฟนผมเนี่ย...

นอกจากผมจะต้องได้เกรดเอทุกตัว ผมยังต้องให้แม่ยอมรับในตัวแฟนผมคนนี้ให้ได้อีก ซึ่งมันไม่ยากหรอก อาสามีเสน่ห์และน่ารักมาก ยังไงแม่ก็ต้องหลงมัน เหมือนที่แม่เคยหลงแอล

ผมขอให้เป็นแบบนั้น







คณะบัญชี

“เหยดเข้ สีหน้าท่าทางสดใสนะครับ” ไอ้โอ๊คเอ่ยแซวเมื่อเห็นผมโผล่มาเรียน

“ทำไมยังไม่ขึ้นไปเรียนอีกล่ะ” ผมถามมันกับเพื่อนคนอื่นๆ

“รอมึงอยู่เนี่ย”

“...”

“รอดูพี่อาสาด้วย ทำไมช่วงนี้ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวล”

ผมตบกบาลมันเบาๆ จนขนมที่มันเคี้ยวอยู่แทบพุ่ง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่คอยแอบมองอาสาไปซะฉิบ
จากวันนั้นถึงวันนี้ อาสาก็ยังคงฮอตเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ทุกสายตาของชายชาตรีต่างก็จับจ้องไปที่มันเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของโลกเช่นเรื่องพระอาทิตย์ต้องตกทางทิศตะวันตกและก็ขึ้นในทิศตะวันออก

“มันเปลี่ยนไปจริงๆ เหรอ” ผมลอบถามความเห็น

“เปลี่ยนดิ ดูมีออร่าแห่งความสุขอ่ะ” เพื่อนอีกคนเอ่ย

“น่ารักขึ้นมาก”

“ดูอารมณ์ดีด้วย”

“มึงทำไรพี่เขาวะทนาย”

“ใครขออะไรพี่อาสาก็ให้”

ผมชะงักกึก หันไปมองไอ้คนพูดประโยคท้ายสุดซึ่งก็คือไอ้โอ๊ค

“มึงหมายความว่าไง”

“คนอื่นๆ เรียกมันว่าช่วงใจดีของอาสา” โอ๊คอธิบาย “ขอเบอร์ ขอเฟซบุ๊ก ขอไลน์ ได้หมดอ่ะตอนนี้”

ว็อทเดอะ...ผมสบถได้ไม่เต็มคำเพราะผมพุ่งตัวไปหาอาสาเป็นที่เรียบร้อยเพื่อไขข้อข้องใจ






ลับหลังของทนาย โอ๊คแบมือเพื่อรับเงินจากเพื่อนไปทั่ว

“จ่ายมา”

“...”

“กูบอกแล้วไงว่าทนายมันได้พี่เขาแล้ว”

“...”

“ยิ่งได้มามันก็ยิ่งหวงมากจนหน้ามืด คิกๆ นี่แหละทนายสไตล์”

“...”

“พี่อาสา ผมขอโทษที่ทำให้พี่มีปัญหานะครับ ผมร้อนเงิน ค่าชีทช่วงนี้แพงเหลือเกิน”








ผมเดินตามอาสาทันตอนที่มันเกือบเดินเข้าห้องเรียนไปแล้ว ผมคว้ามือของอาสาเอาไว้ มันทำหน้ายิ้มๆ ราวกับไม่รู้ว่าผมมีปัญหาที่จะมาเคลียร์

“มีอะไรเหรอ” เสียงหวานเชียวนะ ไอ้งูพิษ!

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“หา?” อาสามองเชี่ยไมล์อย่างงงๆ ไมล์ยักไหล่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ปล่อยให้ผมลากอาสาไปที่ไหนก็ได้ตามใจ
สถานที่ที่ผมพาอาสามาก็คือห้องเรียนที่เลิกใช้งานไปแล้วนั่นเอง อาสาเคยมาหลับแก้แฮงก์อยู่ในห้องนี้ ผมดันตัวอาสาเข้าไปข้างในห้องก่อนที่จะปิดประตูและก็ล็อกอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น”

“มึงเก่งอีกแล้วนะ”

อาสางงมาก “กูเก่งอะไร”

“มึงทำกูหึงจนเลือดขึ้นหน้าอีกแล้ว”

“กูทำอะไรวะ” อาสาดูไม่เข้าใจ

“สายสืบกูบอกมา...มันว่ามึงให้เบอร์ ให้เฟซ ให้ไลน์ทุกคนที่มาขอ”

อาสาทำหน้าเหมือนมีจุดจุดจุดเต็มหัวไปหมด

“จะบ้าเหรอ!” มันร้อง “มีคนมาขอก็จริง แต่กูไม่ได้ให้เลย”

ยังไงผมก็ห้ามเรื่องคนมาขอไลน์อาสาไม่ได้ เพราะงั้นผมจึงโฟกัสไปที่ประเด็นความประพฤติของอาสาแทน

“แล้วทำไมคนที่มาบอกกูถึงพูดแบบนี้ล่ะ”

“กูไม่รู้ มันใส่ร้ายกู”

“...”

“นี่กูนอนกับมึงทุกวัน แก้ผ้าให้มึงดูทุกวัน มึงยังกล้าคิดว่ากูไปทำแบบนั้นกับคนอื่นอีกเหรอวะ”

“...”

“กูเป็นแฟนมึงนะทนาย”

ผมเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่อาสาพูดมันเป็นความจริงผมก็ยิ่งรู้สึกอยากตีอกชกหัวตัวเองที่โมโหโดยไม่มีเหตุผลเลย อาสาทำหน้างอน ผมรีบจับมือมันเอาไว้อย่างง้อๆ

“ขอโทษ” ผมพูดออกมาจากใจ “ตั้งแต่กูได้มึง กูก็หวงมึงเพิ่มขึ้นมาแบบยกกำลังล้านอ่ะ”

“มึงก็มีสติหน่อยได้มั้ยวะ”

“มึงก็เลิกทำตัวฮอตสิ”

“อะไรคือการทำตัวฮอต กูไม่ได้ทำห่าอะไรเลยนะ”

“โอเค” ผมรีบพูดเอาใจก่อนที่เรื่องมันจะใหญ่ไปมากกว่านี้ “กูเชื่อใจมึง”

“มึงนี่นะ”

“...”

“กูหลงมึงจะตายห่า มึงก็ยังจะ...”

“อะไรนะ”

“เปล่า”

ผมเลิกคิ้ว นึกไปถึงฉากบนเตียงระหว่างผมกับอาสา เออจริงว่ะ ตอนที่มันครางนั้นมันเผยอะไรหลายอย่างออกมาให้ผมรู้ ซึ่งดูก็รู้ว่ามันพูดจริงๆ ไม่ได้พูดเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผม

‘กูรักมึงนะ’
‘มึง...สุดยอดอ่ะ’
‘อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะทนาย’
‘มึงทำแบบนี้กับกูคนเดียวได้มั้ย’

เอาล่ะ ตัดกลับเข้ามาสู่สถานการณ์ปัจจุบันก่อนที่ทุกอย่างจะสิบแปดบวกไปมากกว่านี้

“ที่รัก ผมผิดเองครับ ผมผิดเอง” เมื่ออยู่กันสองคน สรรพนามของผมก็เปลี่ยนไปบ้างตามจังหวะและโอกาสเพื่อเอาใจแฟน

“กูไปเรียนได้หรือยัง”

“หายงอนแล้วใช่มั้ย”

“งอนอะไรไร้สาระ”

“...”

“เออ หายงอนแล้วววว” อาสาเขย่ามือผมให้ผมสบายใจ

“โอเค เดี๋ยวไปส่ง”
มันคว้ามือผมไว้ให้หยุดขยับ

“อะไรอ่ะ”

“จูบก่อน” อาสาพูดกับผมยิ้มๆ

ยังไงเจ้างูพิษตัวนี้ก็เสพติดการจูบของผมอยู่ดี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง









ร้าน Pink Chiffon

ผมเกลียดร้านนี้จริงๆ นะ แต่ไอ้เชี่ยโอ๊คมันไม่รู้ไงว่าผมเกลียด หลังจากที่ถูกผมสวดยับเรื่องที่มันเอาเรื่องของผมกับอาสาไปพนัน ผมก็บอกให้มันเอาเงินที่ได้จากเพื่อนทั้งหมดมาเลี้ยงขนมเพื่อน ซึ่งไอ้ร้านสีชมพูทั้งร้านเนี่ยเป็นร้านโปรดของไอ้เชี่ยโอ๊ค มันพาสาวมาร้านนี้บ่อยจนมีคูปองส่วนลดเยอะแยะไปหมด ทันทีที่ได้รับการร้องขอให้เลี้ยง มันก็ลากตัวเพื่อนทุกคนมาร้านนี้ เพราะเสียตังค์ทั้งทีก็อยากเสียน้อยๆ ช่วงนี้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องการเรียนสูงมากเหลือเกิน

ไม่ได้สังเกตสีหน้ากูเลยเหรอเพื่อน

ร้านนี้ไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่ผมไม่ชอบสีชมพูเท่านั้น ขนมเขาอร่อยดีและสาวๆ ที่มากินก็มีแต่คนที่ดูเป็นคุณหนูตัวขาวๆ ทั้งนั้นเลยด้วย เพื่อนที่มาในวันนี้กับไอ้โอ๊คก็เลยพลอยลืมเรื่องเสียตังค์ให้มันไปซะฉิบ กลายเป็นว่าชื่นชมมันที่พามาร้านซึ่งมีแต่สาวๆ น่ามองไปหมดแบบนี้

ผมคุยไลน์กับอาสา มันบอกว่าวันนี้เตจะพาไมล์ไปกินเอ็มเค พวกนั้นเห็นมันว่างมันก็เลยถูกลากไปด้วย นี่ผมรู้สึกผิดเลยนะเนี่ยที่ทิ้งแฟนไปเป็นก้างขวางคอคนอื่น

ARSA : ไม่เป็นไร ไม่ได้โกรธหรอก
ARSA : แค่คืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้นเอง


ไอ้งูพิษ

ผมยิ้มกับข้อความของอาสา เห็นพูดแบบนี้มาหลายครั้งแต่ตกกลางคืนทีไรก็ไม่เห็นเป็นไปตามที่พูดทุกทีอ่ะ ระหว่างที่ผมกำลังจะถ่ายรูปเพื่อส่งไปรายงานกับอาสานั่นเอง จู่ๆ บรรยากาศรอบๆ โต๊ะก็ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

เกิดอะไรขึ้นวะ

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ เพื่อนผมเงียบเพราะผู้มาใหม่น่าดึงดูดสายตาก็เท่านั้นเอง คนคนนั้นไม่ใช่อาสาครับ แต่เป็น...แอล
ข้างหลังแอลคือเชี่ยป๊อบ สองคนนี้มาด้วยกัน

ผมรีบก้มหน้างุด หลบหลังไอ้เชี่ยโอ๊คทันทีเพื่อแอบดูมันสองคน ไอ้โอ๊คแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมหลบซ่อน ผมรอให้แอลกับป๊อบเดินผ่านไป มันสองคนเลือกนั่งในที่ที่ผมไม่สามารถมองเห็นได้

“คนรู้จักเหรอ” ต่อมเผือกเพื่อนผมเริ่มทำงานทันที “ใครวะ ทำไมกูไม่เคยเห็น”

“เพื่อนกู” ผมตอบ

“คนที่มาคนแรกต้องอยู่หอสามดิ นี่หลุดไปอยู่หอไหนมา”

ความหน้าตาดีของแอลทำเอาเพื่อนผมถึงกับตั้งข้อสังเกต

“มันไม่ได้เรียนอยู่มอนี้” ผมพูดต่อ “ส่วนไอ้คนที่อยู่ด้านหลังมันเป็นเพื่อนสนิทกู อยู่หอหนึ่ง”

“กูเคยเห็นๆ” ไอ้โอ๊คเอ่ย “แล้วมึงหลบทำไมวะทนาย”

“ถ้าไม่หลบเดี๋ยวพวกเชี่ยแม่งก็ออกไปจากร้านอ่ะ ดูยังอยากเก็บเป็นความลับ กูเชื่ออย่างนั้นนะ”

“เฮ้ย เป็นแฟนกันเหรอ” โอ๊คร้อง

“กูไม่รู้”

“เขาว่ากันว่าใครก็ตามที่มาร้านนี้สองต่อสองส่วนใหญ่มักจะลงเอยกันนะ ร้านนี้ก็เลยดังมากไง”

ผมเลิกคิ้วขณะฟังไอ้โอ๊ค “เหรอวะ”

“มึงเคยพาอาสามามั้ยล่ะ”

ฉิบหาย...ผมเคยพามันมานี่หว่า “เฮ้ยยยยยยยยยย”

“ผิดจากที่กูพูดที่ไหน”

“แล้วที่มึงพาสาวๆ มาล่ะ”

“กูควงทีละสอง”

ผมทำหน้าหมั่นไส้ใส่เชี่ยโอ๊คก่อนจะนิ่งคิด ไอ้ป๊อบพาแอลมากินถึงที่นี่คงมีซัมธิงอะไรต่อกันนั่นแหละ ยังไงสักวันหนึ่งผมก็ต้องรู้อยู่ดี สิ่งที่ผมคิดมากไปกว่าเรื่องนี้ก็คือเรื่องความลี้ลับของร้านนี้นั่นแหละ

คนที่มาร้านนี้สองต่อสองส่วนใหญ่มักจะลงเอยกัน

ผมกับอาสาลงเอยแล้ว

ป๊อบกับแอลก็อาจจะลงเอยในไม่ช้า

เฮ้ยยย...แล้วพี่สงครามกับพี่อ้ายล่ะ

ทันทีที่นึกถึงสองคนนี้ผมก็ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก แม้จะเคยจิ้นเล่นๆ แต่พอมานึกภาพจริงๆ มันก็แปลกๆ อยู่นะครับ ประธานหอที่เป็นเพื่อนกันแต่เกลียดขี้หน้ากันมาลงเอยกันเนี่ยนะ

เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผมนี่ ผมปล่อยให้ขนมตรงหน้าหมดไป พร้อมๆ กับแอบลอบมองไอ้ป๊อบกับไอ้แอลเป็นระยะๆ ไม่เคยนึกเลยว่าพวกมันจะเหมาะสมกันขนาดนี้ ไม่เคยนึกเลยจริงๆ






หลังจากวันนั้นเรียกได้ว่าเข้าสู่การเตรียมสอบอย่างฮาร์ดคอร์โดยสมบูรณ์แบบ

อย่าถามเรื่องบนเตียงระหว่างผมกับอาสาเลยครับ แม้แต่เวลาสวีตกันยังไม่มี! แค่ผมขยับใบหน้าจะขอจูบ อาสาก็เอียงหน้าหลบแล้ว มันบอกว่าถ้าชนะคำท้าทายของแม่ จะจูบเป็นสิบเป็นร้อยครั้งก็ยังไหว ยังไงผมก็ควรตั้งใจกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อน บอกตามตรง...อาสามันเครียดกว่าผมอีกครับ

แม้ปากมันจะบอกว่าผมควรทำเพื่อตัวเอง แท้จริงแล้วผมก็ต้องทำเพื่ออาสาด้วย มันไม่เคยคุยกับแม่ผม แต่มันรู้ดีว่าซีอีโอแห่งโสภาพรรณกรุ๊ปคงมีอำนาจทำในสิ่งที่อยากทำทุกอย่าง จะว่าไปผมก็ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของอาสาสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าที่บ้านทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและก็มีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งเรียนอยู่อีกที่ชื่อว่าพี่อัศวิน

ส่วนตัวผมมีพี่น้องอีกสองคน เป็นผู้หญิงหนึ่งคน (ชื่อเล่นนิยาย ชื่อจริงวรรณศิลป์) พี่ชายหนึ่งคน (ชื่อเล่นชายชาญ ชื่อจริงยอดบุรุษ) ทั้งคู่กำลังศึกษาต่ออยู่ต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พ่อกับแม่ผมมีเวลาที่จะมาจ้ำจี้จำไชผมมากยิ่งขึ้น ตอนที่ผมบอกจะลาออกจากคณะแพทยศาสตร์ พี่นิยายกับพี่ชายชาญสวดผมใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็อาศัยเอาความมึนของตัวเองนี่แหละต่อสู้กับทุกคนในครอบครัว ผมจึงรอดมาได้

...และก็มาเจอกับอาสาที่มหา’ลัยแห่งนี้

วันเวลาผ่านไปโดยที่เด็กหอสามสวมวิญญาณของเด็กหอหนึ่งเข้าไปอีกครั้งเหมือนเมื่อครั้งสอบมิดเทอม ผมอ่านหนังสือจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ใช้ห้องส่วนกลางเป็นที่นอนเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะต้องติวกันทั้งวันทั้งคืน แม้จะรู้ว่ามันยาก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมีความมั่นใจมาก อาจเป็นเพราะอาสาให้กำลังใจผมอยู่ไม่ห่างก็ได้

ช่วงก่อนวันสอบ อาสาขอตัวลงไปนอนกับเพื่อนที่ห้อง 204 และจะไปนอนกับเพื่อนเป็นเวลาทั้งหมดหนึ่งอาทิตย์จนกว่าจะสอบเสร็จ

“ไม่เอา!” ผมร้องลั่น “กูไม่มีกำลังใจจะสอบนะอาสา กูคงเอาเวลาไปคิดถึงมึงหมด”

“มึงต้องทำอย่างนั้นเพื่อสมาธิของมึง”

“กูไม่ได้...” ผมมองซ้ายมองขวาว่ามีคนแอบฟังอยู่หรือเปล่า “จะเอามึงทุกวันสักหน่อย”

“แต่ก็เกือบ” อาสาพูด “ไม่ได้นะทนาย มึงต้องตั้งใจ มึงต้องทำเพื่อกู”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่”

อาทิตย์ที่สอบทั้งอาทิตย์จึงเป็นช่วงเวลาที่เก็บกดมากที่สุดของผม ทั้งเก็บกดเรื่องที่ไม่ได้นอนกอดอาสา และก็เก็บกดเรื่องที่...ไม่ได้ทำอย่างว่า

ถ้าอาสาเสพติดการจูบ ผมก็เสพติดการทำอย่างนั้นกับมันนั่นแหละ ล้อผมมาเลย ผมไม่เถียงอะไรสักคำ ทั้งยังจะยอมรับแต่โดยดีด้วย

กว่าวันเวลาที่แสนทรมานจะผ่านพ้น กว่าการอดทนของผมจะพุ่งสู่ขีดจำกัด ในที่สุดผมก็สอบเสร็จสักที

มันไม่ได้ใช้เวลาแค่บรรทัดสองบรรทัดอย่างที่ท่านเห็นหรอกครับ มันนานกว่านั้นเยอะ ผมต้องแลกเอาเวลาของผมกับการอ่านหนังสือ ความเคร่งเครียดในช่วงสอบ และก็การคิดถึงอาสา สองอย่างแรกผมพอทนไหว เพราะมันเป็นเรื่องปกติของชีวิตนักศึกษา แต่ไอ้อย่างสุดท้ายเนี่ยสิที่เป็นอาสา

ผมไม่เคยห่างจากอาสาขนาดนี้มาก่อน ไม่คิดว่ามันจะเครียดกับเรื่องที่ผมท้าทายกับแม่ขนาดนี้ ถ้ามันไม่แคร์ มันคงไม่นอนแยกห้องกับผมหรอก ดูก็รู้ว่ากลัวผมจะถูกจับย้ายไปมหา’ลัยอื่นจริงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้การแยกกันของเรานั้นไร้ประโยชน์ ผมทุ่มเทตั้งใจกับการสอบอย่างเต็มที่

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดผมก็น่าจะได้เอหมดนั่นแหละ หวังว่านะ...

วันนี้ผมวางแผนว่าจะไปเดตกับอาสาอย่างสุดเหวี่ยงก่อนจะไปดื่มฉลองสอบเสร็จกับพวกไอ้เตไอ้ไมล์ บรรยากาศระหว่างไอ้สองคนนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกมันดูสนิทกัน ตัวติดกัน ไม่ยอมให้ใครเดินไปแทรกกลางเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมกับอาสาเดินลงบันไดพร้อมพวกมันสองคน และก็แอบเห็นพวกมันจูงมือกันด้วยครับ

อย่าไปล้อพวกแม่งให้มากเดี๋ยวไก่จะตื่น...เห็นเพื่อนมีความสุขผมก็ดีใจ เดี๋ยววันนี้จะลองถามๆ ดูว่าเรื่องระหว่างพวกมันนี่ยังไง ไม่ได้จะล้อนะครับ ผมแค่ถามตามขั้นตอนอ่ะ ถ้าไม่ถามเดี๋ยวพวกแม่งก็หาว่าไม่ใส่ใจเพื่อนอีก

ระหว่างที่ผมเดินกลับหอสามหลังจากจอดรถเสร็จ ผมเห็นพี่อ้ายยืนอยู่หน้าหอสามและกวักมือเรียกผมยิกๆ

งานเข้าอะไรกูอีกหรือเปล่าเนี่ย

ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ ผมก็ต้องหันหลังกลับและวิ่งหนีไปอย่างไว

“ชาย ไปจับตัวน้องมา” แม่ผมครับ แม่ผม! โสภาพรรณ บุญญวาณิชย์ในตำนาน ทำไมถึงมาอยู่หน้าหอสามได้วะ และที่หนักไปกว่านั้นคือไอ้ชายชาญนี่แหละ ปกติเวลานี้มันควรเรียนอยู่ที่ฟินแลนด์ไม่ใช่เหรอ

แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหนผมก็โดนไอ้ชายหิ้วคอเสื้อจนได้ มันก็เหมือนพี่สงครามเวอร์ชั่นคนดีไร้รอยสัก แรงเยอะฉิบหาย

“ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งนานแต่มึงกลับหนีกูเหรอวะทนาย” พี่ผมกล่าวยิ้มๆ

“กูไม่ได้หนีมึง กูหนีแม่”

“มานี่เลย” แม่กอดอกมองผม

“แม่มีอะไรอ่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงโผล่มา” ผมมองหาพี่อ้าย พี่มันเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะอยากปล่อยให้ครอบครัวคุยกัน “หอชายล้วนไม่ให้ผู้หญิงเข้า แม่ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

ผมถูกไอ้ชายโบกกบาล

“นั่นแม่มึงนะ”

“สรุปมีอะไรอ่ะ”

“แม่ให้เวลายี่สิบนาทีไปเก็บของ”

“หา!”

“เราจะไปฮ่องกงกันเว้ย!” พี่ชายผมตบไหล่ผมราวกับคิดว่าผมจะยินดีกับเรื่องนี้ เดี๋ยว กูไม่ได้ยินดี ฮ่องกงอะไรวะ

“พ่อมีคุยงานอยู่ฮ่องกงหลายวันพอดี แล้วอีกสองวันพี่นิยายก็จะกลับมา ครอบครัวเราจะไปเที่ยวกัน”

“เดี่ยวนะแม่ ทำไมผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

ผมหลบฝ่ามือของแม่ที่จะเข้ามาตีซ้ำบริเวณที่ไอ้ชายเพิ่งตีผม

“ก็ทนายไม่รับโทรศัพท์แม่เลย”

มันเป็นความจริง ผมไม่รับสายแม่เลยเพราะรู้ว่าแม่จะโทรมาตอกย้ำเรื่องที่เราสองคนท้าทายกัน

“และตอนนี้แม่ก็จัดการจองตั๋วเครื่องให้แล้ว เพราะงั้นรีบไปเก็บข้าวของได้แล้ว”

“แม่แต่ว่า...” วันนี้ผมนัดแฟนเอาไว้!

“ไม่มีแต่”

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”

“ถ้าทนายไม่ไป สิ่งที่เราเคยคุยกันไว้จะถือว่าไม่มี” แม่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “และทนายจะต้องไปเรียนที่มอทัพไทยในทันที”

โคตรเผด็จการ ผมอ้าปากพะงาบๆ จะเถียง แต่ไอ้ชายรุนหลังผมให้เดินไปข้างหน้าแล้ว

“มึงไม่ต้องตามมา” ผมร้องใส่พี่ชายอย่างหงุดหงิด







[มีต่อนะคะ]





หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:53:16







ห้อง 503

แม่ไม่ให้เวลาผมช็อกด้วยซ้ำ ยี่สิบนาทีของแม่คงจะให้ผมได้มีเวลาแค่โกยของที่จำเป็นลงไปในกระเป๋าเท่านั้น มือข้างหนึ่งของผมเก็บของ ส่วนอีกข้างผมโทรออกหาอาสาเพื่อเรียกตัวมันมาที่นี่ เพราะทันทีที่ผมไปเที่ยวฮ่องกงก็คงอีกนานกว่าเราจะเจอกันเนื่องจากอยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี

สองอาทิตย์มันนานมากนะครับ เพราะสอบแค่อาทิตย์เดียวสำหรับผมก็ถือว่าเป็นอะไรที่นรกเอามากๆ ผมห่างกับอาสา ผมไม่ได้นอนกับมัน ผมไม่ได้จูบ ผมไม่ได้หอม!

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อาสาหรือเปล่า เข้ามาเลย” ผมร้องบอก โยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียงแทบจะในทันที

อาสาก้าวเข้ามาในห้อง มองดูผมที่เก็บกระเป๋าอย่างงงๆ

“เฮ้ย” มันพูด “งั้นก็แปลว่าคนที่ดูเหมือนคุณหญิงคุณนายข้างล่างนั่นก็คือ...”

“แม่กู”

“...”

“แม่จะมารับกูไปฮ่องกงว่ะ”

อาสาอ้าปากค้าง ดูมันตะลึงงันเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา

“โคตรกะทันหัน” ผมพุ่งตัวเข้าไปใกล้อาสา เอานิ้วมือของตัวเองไปคลอเคลียแก้มขาว “ขอโทษนะ”

แม้มันจะอึ้งมาก แต่มันก็มีสติ “ต้องรีบใช่ป่ะ”

“ใช่”

“เอาอะไรไปบ้างล่ะ”

อาสาวางกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะมาช่วยผมจัดกระเป๋า ผมมองตามอย่างซาบซึ้งใจ เราสองคนช่วยกันหยิบนั่นหยิบนี่มาใส่ในกระเป๋าของผม อาสาคอยเช็กให้ว่าผมลืมอะไรหรือเปล่า มีการถามย้ำอยู่ตลอดว่าผมเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ติดตัวไปหรือยัง

มันทำหน้าที่แม่บ้านได้เป็นอย่างดี แต่ต้องขอโทษที่พ่อบ้านจำเป็นจะต้องไปไกล ไม่ได้อยู่ชิดใกล้และคอยดูแล

หลังจากที่ทุกอย่างถูกเก็บลงกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ผมยังพอมีเวลาสำหรับกอดอาสาอยู่นิดหน่อย...ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ผมทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งหอมอาสาย้ำๆ ราวกับต้องการไม่ให้มันลืมสัมผัสของผมเวลาที่อยู่ห่างไกลกัน

ผมมองมันอย่างโหยหาก่อนจะทอดถอนใจ

“ต้องคิดถึงมากแน่ๆ”

“ไปเถอะ แม่รอนานแล้ว”

“ดูมึงเกรงใจแม่กูจัง”

“ก็ต้องเกรงใจสิวะ”

“...”

“ในเมื่อกูรักลูกชายเขานี่”

อาสาพูดถูกใจผมมากจนผมต้องดึงตัวมันเข้ามากอดอีกครั้ง ก่อนจะเชยคางมันขึ้นมาเพื่อมอบจูบดูดดื่มเหมือนกับที่ผมทำเป็นประจำ ร่างเล็กๆ ของอาสาถูกผมผลักลงไปบนเตียง มันถูกผมรุกล้ำอย่างเร่งด่วนและรวดเร็วจนมันตื่นตระหนกตกใจ

“ทนาย!” อาสาร้อง “มึงคิดจะทำอะไร”

ผมใช้นิ้วแตะริมฝีปากมันเพื่อไม่ให้โวยวาย เข่าของผมกันไม่ให้มันขยับตัวหนีไปไหน ก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรออกหาชายชาญ

[ไรของมึง] มันรับสายผมแบบนี้ครับ

“ท้องเสียว่ะ”

[หา!]

อาสามองผมอย่างไม่เข้าใจ ผมมองมันยิ้มๆ ก่อนจะพูด

“ขออีกสิบห้านาที ไม่สิ” ผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอาสา “ยี่สิบไปเลย”

[ทนาย เดี๋ยว]

ผมกดวางสายไปแล้ว

“ทนาย นี่มึง...” อาสายังไม่ทันจะโวยวายก็โดนผมกลืนกินคำพูดของมันด้วยริมฝีปากของผมเอง มันพยายามทุบตัวผมอย่างต่อต้าน แต่ก็ทำได้ยาก ดูเหมือนมันเองก็คิดถึงผมมากเหมือนกัน “ไม่เร่งด่วนไปหน่อยเหรอ”

“ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยป่ะ” เสียงของผมกระเส่าจนอาสาขนลุกชูชัน

“มึง...ทันหรือไง”

“เดี๋ยวลองดู”

อาสาไม่ค่อยแน่ใจ แต่ผมก็รุกล้ำเข้าไปถึงตัวมันซะแล้ว สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ความสุขเพียงชั่วครู่ แต่ผมต้องการจะฝากสัมผัสของผมเอาไว้บนตัวของอาสาก่อนที่เราจะห่างกันไป

“กูแค่ไม่อยากให้มึงลืมกูเท่านั้นเอง”

“ใครจะลืมมึงล่ะวะทนาย”

“มึง...พร้อมไวจัง”

“ก็ไม่ค่อยได้ทำป่ะ ตั้งแต่ที่ห่างกัน”

“ดี”

“...”

“คิดถึงกูให้มากๆ นะอาสา”

“...”

“ไอ้นั่นของมึงก็ต้องคิดถึงไอ้นั่นของกูให้มากๆ ด้วย”

“สาด พูดมาก เร็วๆ”

“หึ...ต้องการเหรอจ๊ะ”

“เร็ววววว”







“เมื่อกี้เห็นป่ะชาย”

“อะไรเหรอแม่”

“คนตัวขาวๆ น่ารักๆ อ่ะ”

“อ๋อ เห็นสิ เห็นมาแต่ไกลเลย”

“...”

“ดูดีจริงๆ สมคำเล่าลือ”

“ใช่ใช่ป่ะ”

“ครับ คนนี้แหละ”

“...”

“สะใภ้เล็กบ้านเรา”






จะไปฮ่องกงอะไร นี่มันเรียกว่ากำลังจะไปกรุงเทพมหานคร!

บ้านผมไว้ใจอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เพราะงี้ไงผมถึงไม่ชอบรับสายโทรศัพท์จากแม่ แม่พาผมกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ ไม่มีคำว่าจะไปฮ่องกงออกมาจากปากของแม่อีกต่อไป แต่มีคำว่า...

“เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี”

งงเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอหันไปหาชาย ชายก็เอาแต่ผิวปาก ดูมันสนุกที่จะเห็นผมถูกปั่นหัวมาก ระหว่างนั้นผมคอยทักไลน์ไปหาอาสา มันงอนผมนิดหน่อยเรื่องที่ว่าเราสองคนเมกเลิฟกันภายในยี่สิบนาที สิ่งที่มันงอนก็คือไม่ใช่ระยะเวลาอันสั้น แต่ผมกระทำกับมันรุนแรงเกินไป

ผ่านมาหลายชั่วโมง อาสายังไม่เลิกบ่นเรื่องที่เจ็บเลย แปลกแต่จริงที่ผมชอบอ่านในสิ่งที่มันบ่น มันดูน่ารักอ่ะ

ความน่ารักของมันทำเอาผมเลิกที่จะสนใจเรื่องแปลกๆ ของครอบครัวไปซะฉิบ แม่กับไอ้ชายอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่สนใจหรอก

ARSA : ไอ้เหี้ยยย
ARSA : เหมือนจะเป็นแผลด้วย
ARSA : ทำไมมึงถึงร้ายกับกูแบบนี้
LAWYER : ใช้เจลแล้วนะ
ARSA : ใช้น้อยเกินไปน่ะสิ
LAWYER : คราวหลังจะแก้ตัวใหม่นะ
LAWYER : มันรีบอ่ะ
ARSA : ไม่ให้แก้แล้ว
ARSA : ...
ARSA : แต่มาก็ดี
ARSA : มาให้ไว
ARSA : กูยังไม่หายคิดถึงมึงเลย


งูพิษก็คืองูพิษ ร้ายแป๊บเดียวประเดี๋ยวก็กลายเป็นอ่อย ผมยิ้มสุขใจขณะพิมพ์ตอบอาสา แต่แล้วไอ้ชายก็ฉวยโทรศัพท์ของผมไปเก็บกับตัว

“เหี้ยอะไร เอามา!” ผมอารมณ์เสียทันที

“มึงต้องฟังในสิ่งที่กูจะพูด”

“กูไม่ฟัง เอาโทรศัพท์กูมา”

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาสานะ มึงไม่อยากฟังเหรอ”

ผมมองแม่สลับกับมองชาย เราสามคนนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนรถตู้ของบ้านที่กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ แม่วางโทรศัพท์ลงพร้อมถอดแว่น จากนั้นก็มองผมด้วยสายตาจริงจังปนจับผิด

“ทำไมมองแบบนั้น” แม่ผมน่ากลัวกว่าชายหลายร้อยเท่า

“แม่กับพี่ชายเราจับตาดูเรามานานมากแล้ว”

“ผมเหรอ ผมมีอะไรให้ดูอ่ะ”

“มึงเป็นน้องกู ยังไงก็กูต้องดูแล”

“...”

“มึงเป็นทายาทของคนที่มีเงินเป็นพันล้านนะ จะไม่ให้กูห่วงมึงได้ไง” ชายมันพูดเหมือนไม่ใช่ลูกอีกคนของแม่เลย “จู่ๆ มึงก็อยากไปเรียนมออะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ไกลโคตรๆ กูอยู่ต่างประเทศก็จริง แต่กูเป็นพี่ชายมึง ยังไงกูก็อยู่เฉยไม่ได้”

“เอาล่ะ” ผมทำใจยอมรับได้ในที่สุด “พูดมา ใครเป็นสายให้”

“เยอะแยะ” ชายยักไหล่ “กูกับแม่รู้เรื่องมึงกับอาสาเรียบร้อยแล้ว”

“และแม่ไม่ว่า” แม่พูดต่อ ผมอดที่จะอึ้งไม่ได้จริงๆ ทำไมทุกอย่างมันดูง่ายไปหมดแบบนี้ล่ะครับ “คนที่ทนายควรจะเครียดไม่ใช่แม่ แต่เป็นครอบครัวฝั่งทางนู้น”

“ครอบครัวอาสาเหรอ”

“ใช่” พี่ชายผมตอบ “ครอบครัวเศรษฐรักษ์”

เศรษฐรักษ์คือนามสกุลของอาสาครับ ผมเกาหัวแกรกๆ เราสองคนไม่ค่อยคุยกันเรื่องประเด็นครอบครัว อาจเป็นเพราะระหว่างเรามีเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นมากเกินไปและก็เกิดในเวลาที่กระชั้นชิดมากด้วย เราจึงให้ความสำคัญกับการดูแลกันและกันในปัจจุบันมากกว่าเรื่องการคุยกับครอบครัวในประเด็นที่เราคบกัน

แม้ใจผมจะชื้นเรื่องที่แม่ของผมไม่ว่า แต่ก็อดกังวลไม่ได้เรื่องครอบครัวของอาสา อย่าดูถูกการสืบของตระกูลบุญญวาณิชย์เชียวนะครับ ถ้าแม่สืบไม่เก่ง ป่านนี้แม่คงไม่ได้เป็นราชินีบนอาณาจักรหลายพันล้านหรอก

พ่อผมยังยอมแม่ผมเลย คิดดูก็แล้วกัน

“เขาน่ากลัวยังไง”

“เขาไม่ได้น่ากลัวอะไร”

“...”

“แต่แม่อยากให้ทนายทำตัวดีๆ ไปแนะนำตัวกับเขา บอกว่าเป็นคนที่กำลังคบกับลูกชายคนเล็กของเขาอยู่”

“เดี๋ยวนะ” มันชักจะคุ้นๆ เหมือนพล็อตละครหลังข่าว “ที่แม่สนับสนุนผมให้คบกับอาสาเพราะแม่อยากจะเกี่ยวดองทางธุรกิจกับที่บ้านของอาสาใช่ป่ะ”

“ใช่” แม่ยอมรับอย่างเชิดๆ

“โอเค ผมตกลง ดีล!” จะไม่มีการเล่นตัวอะไรทั้งนั้น เพราะคนที่บ้านผมอยากให้เกี่ยวดองเป็นคนที่ผมรัก เป็นแฟนของผม และก็เป็นคนที่ผมเพิ่งจะแสดงออกทางความรักกับมันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ไม่ว่าจะยังไงผมก็สู้ตายแน่นอน

ในเมื่อทุกอย่างมันเข้าทางผมหมดแบบนี้แล้ว จะให้ผมอยู่เฉยๆ ได้ยังไง

“บ้านเศรษฐรักษ์ไม่ธรรมดา แม้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาจจะฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่เขามีหลายสาขา ครอบคลุมทั่วภาคอีสาน” ชายพูดอย่างเป็นทางการ “อนาคตบ้านเราจะขยายธุรกิจไปในแถบจังหวัดนี้ จะเป็นการดีหากเราสามพี่น้องมีใครสักคนได้เกี่ยวข้องกับนักธุรกิจชาวอีสานบ้าง”

คนคนนั้นก็ควรจะเป็นผมนี่แหละ

“แล้วทำไมต้องเตรียมตัวเตรียมใจขนาดนั้นน่ะแม่” ผมคล้อยตามอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้ความรักของผมกับอาสามันง่ายขึ้น ผมคล้อยตามหมดนั่นแหละ

“งานนี้แม่ไม่อยากนกไง”

คำว่านกใช้กับเรื่องงานได้ด้วยเหรอเนี่ย

“คนรู้จักบ้านเศรษฐรักษ์กันมากโดยเฉพาะในภาคอีสาน ถ้ามึงเกี่ยวดองกับเขา มึงจะได้ทั้งตัวอาสา ได้ทั้งธุรกิจรับเหมา และที่สำคัญมึงก็จะได้คอนเนกชั่นทางฝั่งภาคอีสานด้วย มีแต่ได้กับได้”

“มึงคงศึกษาเรื่องนี้มานานมากแล้วสินะ” ผมอดประชดประชันไม่ได้

“ตอนแรกก็คิดว่าจะศึกษาของบ้านภารกร”

ถ้าผมมีน้ำอยู่ในปาก ป่านนี้คงพุ่งใส่หน้าแม่เต็มๆ แล้ว “ทำไมต้องภารกร” แค่คิดว่าจะได้เกี่ยวดองกับไอ้พี่คีนผมก็ขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้วครับ ยังไงก็คิดแบบที่คิดกับอาสาไม่ลงแน่นอนพันล้านเปอร์เซ็นต์

“เราไม่มีสิทธิ์คิดด้วยซ้ำว่าทำไมต้องภารกร ที่จริงเราไม่มีสิทธิ์คิดอะไรเลยแหละ”

“แปลว่าอะไรวะ”

“แปลว่าไอ้บ้านนี้มันรวยกว่าเรามากกกกกกกกไงวะทนาย”

ผมลองใช้เวลานึกสักหลายๆ วิ จริงของพี่ผม ถ้าพี่คีนมันไม่รวยมากจริงๆ มันคงได้อยู่หอสามไปแล้วล่ะ เพราะหน้าตามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร

“แล้วต้องไปเจอเขาวันไหน” ผมชักตื่นเต้นขึ้นมา

“อีกวันสองวันนี้ พ่อกับแม่นัดเขาทานข้าวได้พอดี”

“แล้วแม่ไปนัดกับเขาว่าไง”

“คุยเรื่องธุรกิจน่ะ”

“...”

“แหม โสภาพรรณกรุ๊ปโทรนัดทั้งทีเขาก็ต้องสนใจที่จะคุยสิยะ”

“แล้วเรื่องเกรดเอ...”

“หยุด” แม่ยกมือห้ามผมไม่ให้พูดต่อ “คุณทัพเขาไม่ได้ต้องการนักศึกษาที่ไม่อยากเรียนมอเขาตั้งแต่แรก เขาอยากได้คนที่อยากเรียนมอเขาจริงๆ แม่ไปคุยกับเขามาเมื่อเดือนก่อนนี่เอง อ้อ แฟนเขาล้อหล่อ วันนั้นแม่เจอด้วยนะ”

“เดี๋ยว แล้วทำไมแม่ไม่บอกผมเลยล่ะว่าข้อตกลงของเราเปลี่ยนไป” การที่แฟนของคุณทัพหล่อไม่ได้ช่วยให้ผมลืมเรื่องนี้

“ก็แม่อยากให้ลูกตั้งใจเรียน”

ผมอ้าปากพะงาบๆ นึกถึงการทุ่มเทเกินมนุษย์มนาของผมตลอดสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ให้ตายเถอะ ผมไม่ต้องทุ่มเทขนาดนั้นก็ได้ และก็ไม่ถึงกับต้องนอนแยกห้องกับอาสาก็ได้

เอาเวลาของผมคืนมา!

แต่ยังไงก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้แม่เริ่มมีการท้าทายใหม่มาให้ผม และผมต้องชนะการท้าทายนี้ เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ทางรักของผมกับอาสาเห็นทีว่าจะต้องไปต่อยากแน่นอน

เพราะนี่มันคือเรื่องของครอบครัวอาสาเชียวนะครับ




TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:54:15




ตอนที่ 33
พาร์ตของอาสา






“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะเข้ากรุงเทพฯ กันนะอาสา”

ทนายทำไมไม่ตอบไลน์ผม

“พ่อกับแม่มีคุยงานนิดหน่อย แต่ทางนู้นเขากำชับมาอยากให้พาลูกชายคนเล็กไปด้วย”

มันทำอะไรอยู่นะ

“ฟังแม่อยู่หรือเปล่าเนี่ย”

“ครับ” ผมสะดุ้งโหยงตอนที่แม่สะกิด “อะไรนะแม่ ผมได้ยินว่าไปกรุงเทพฯ”

“ใช่ เราจะไปกัน”

“...”

“เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ยลูก ตั้งแต่กลับจากมอ ดูใจลอยแปลกๆ นะเรา”

ผมจะบอกแม่ว่ายังไงดี จะให้บอกไปเลยเหรอว่าแฟนซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันไม่ยอมตอบไลน์ ถ้าขืนพูดไปตรงๆ แบบนั้นมีหวังผมมองหน้าแม่ไม่ติดแน่

“ไม่มีอะไรครับ”

“อย่าลืมเก็บข้าวของและก็เตรียมตัวด้วย เราจะไปกันสักสองสามวัน”

เยส! ไปกรุงเทพฯ ที่เป็นบ้านเกิดของทนาย ช่วงเวลาที่พ่อแม่คุยงาน ผมอาจจะแอบโทรเรียกทนายออกมาเจอกันบ้างก็ได้ ผมได้ข่าวมาว่ามันยังไม่ได้ไปฮ่องกงเลย สรุปที่รีบกลับวันนั้นไม่ใช่เพราะต้องรีบบินไปฮ่องกงหรอกเหรอ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ขอให้มันอย่าไปในช่วงเวลาที่ผมกำลังจะเข้ากรุงเทพฯ นี่เลย

“ทำไมยอมไปง่ายจังเลย ปกติต้องหาเหตุผลมาอ้างเพราะไม่อยากไปไม่ใช่เหรอ”

ผมยิ้มแห้งๆ ส่งให้แม่ มองดูท่านออกจากห้องนอนของผมไป ก่อนจะกลับมาสนใจโทรศัพท์อีกครั้ง ทนายไม่ยอมตอบไลน์ผมมานานมากกว่าสามชั่วโมงแล้ว และนั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติมาก

ผมไม่รู้จะระบายเรื่องนี้กับใครดี ปิดเทอมครั้งนี้เป็นการปิดเทอมระยะสั้นก็จริง แต่ทันทีที่มาถึงบ้าน ผมก็เริ่มคิดถึงมหา’ลัยซะแล้ว อยากกลับไปอยู่หอสาม อยากไปเคาะห้อง 204 ของเชี่ยเตกับเชี่ยไมล์ที่พักหลังๆ ไม่ค่อยอยากเปิดต้อนรับผมเท่าไหร่

MILE : กูว่าทนายมันมีกิ๊ก
TAECHIT : เฮ้ย อย่าไปสร้างความร้าวฉานให้เพื่อนสิวะ
TAECHIT : สายกูบอกมาว่าเห็นมันควงสาวอยู่ในสยาม


ความเห็นของเพื่อนแต่ละคนช่วยได้มากจริงๆ #ประชด แทนที่พวกมึงจะทำให้กูรู้สึกดีขึ้น แต่มึงกลับใส่ไฟให้กูผิดใจกับทนายเนี่ยนะ

ผมไม่เชื่อพวกมันหรอก ยังไงก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าทนายตอบผมช้าไปมากกว่านี้ ใจของผมก็คงจะเริ่มเอนเอียงไปทางคำพูดของไอ้สองคนนี้ เพราะงั้นผมจึงตัดปัญหาด้วยการเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วเดินไปหาคนในครอบครัวแทน

ผมไม่กล้าพูดเต็มปากว่าบ้านผมรวย เพราะผมเคยเห็นคนที่รวยอลังการมากกว่าผมมาแล้ว คนพวกนั้นรวมตัวกันอยู่ที่หอสี่ครับ ไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านั้นต่างจากผมมากๆ นั่นก็หมายความว่าผมก็เป็นนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละ ไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลอะไรขนาดนั้น

ทนายโทรมาหาผมในตอนบ่ายของวันนี้ เห็นทีว่าผมจะต้องถามถึงตอนที่มันหายไปสักหน่อย

[อาสา คิดถึงงงงงงงงงง]

อย่าใจอ่อนเชียวนะ อย่าเชียวนะ

“หายไปไหนมา” ผมถามเสียงแข็งได้มากที่สุดเท่านี้แหละ

[ไปทำนั่นทำนี่นิดหน่อยอ่ะ] ทนายมันไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย

“ทำนั่นทำนี่คืออะไรวะ มีความลับกับกูเหรอ”

[จะบ้าเหรอ ก็แค่ตัดผม ทำหน้าอะไรนิดหน่อย]

“มึงไปทำหน้าอะไรของมึง” เจอกันอีกทีไม่ใช่แฟนผมจะหน้าเปลี่ยนเหรอครับเนี่ย!

[ก็แค่ไปทำให้มันใสอ่ะ]

“มึงจะไปไหน ทำไมต้องเสริมหล่อขนาดนั้น”

[อยากดูแลตัวเองเฉยๆ นี่แหละ]

ผมนิ่งคิดนิดหน่อย จริงๆ แล้วทนายก็แสดงออกตลอดเวลาว่าความหล่อนั้นไม่ใช่แค่สิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้ มันต้องดูแลตัวเองด้วย เพราะงั้นผมคิดว่าการที่มันหายไปดูแลตัวเองแบบนี้คงเป็นไลฟ์สไตล์ปกติของมัน ผมจะไม่เซ้าซี้เรื่องนี้อีก

“มึงไม่ได้ไปฮ่องกงแล้วเหรอ”

[เออ บ้านกูก็งี้แหละ ชอบอ้างเรื่องไม่จริงให้กูคล้อยตาม]

“มึงโอเคนะ”

[กูโอเค แม่กับพี่กูมีเหตุผลแหละ]

“...”

[ทั้งวันที่ผ่านมามึงทำอะไรบ้างวะ]

จะบอกว่ารอคุยแต่กับมันดีมั้ยครับ

“ก็นอนเล่นอ่ะ”

[...]

“นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะเข้ากรุงเทพฯ กับที่บ้านนะ”

[เหรอ]

ผมประหลาดใจเล็กน้อยตรงที่ว่าทนายมันไม่ได้แสดงความดีใจอะไรเลย เราเพิ่งห่างกันได้สองสามวัน เวลาเท่านั้นไม่สามารถทำให้มันคิดถึงผมได้เลยหรือยังไง

ทำไมผมถึงคิดถึงมันจังล่ะ

“ไม่ดีใจสักหน่อยเหรอ”

[(ทนาย รถพร้อมแล้วลูก) อาสา แค่นี้ก่อนนะ มีธุระด่วน]

“เฮ้ย”

[คิดถึงนะ กูรักมึงมากๆ]

ทนายวางสายไปแล้ว ผมยังไม่ทันจะได้ตอบรับอะไรมันเลย ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน มันกลับบ้านไปแค่สองสามวันทำไมถึงได้เปลี่ยนไปจากตอนที่อยู่มหา’ลัยมากขนาดนี้

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามจะไม่คิดมากอะไรทั้งสิ้น ทนายก็แค่ตอบไลน์ช้า ไม่แสดงความดีใจที่ผมจะไปกรุงเทพฯ และอยู่ดีๆ ก็วางสายเท่านั้นเอง ปกติแล้วทนายมันไม่ใช่คนแบบนี้ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้สิ เพราะงั้นผมต้องใจเย็นเข้าไว้ พร้อมกับท่องคาถาในใจว่าอย่าน้อยใจ อย่าน้อยใจ และอย่าน้อยใจ

แม่ของผมเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง คราวนี้ถือเสื้อเชิ้ตตัวหล่อของผมเข้ามาด้วย

“อะไรเหรอครับแม่”

“วันนั้นใส่ตัวนี้ไปนะ”

“เอ๋? มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ก็แหม...บ้านเราจะไปคุยธุรกิจกันนิดหน่อย และอีกฝ่ายเขาเหมือนสนใจในตัวอาสามาก แม่ก็เลยอยากให้อาสาหล่อที่สุดในวันนั้น” แม่ยิ้มแล้วบิดตัวไปมา ดูก็รู้ว่าอยากให้ผมช่วยให้การเจรจาทางด้านธุรกิจในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง

“ได้สิครับ” แม้จะยังงงๆ ว่าอีกฝ่ายเขาจะสนใจในตัวผมทำไม แต่ผมก็ไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง เรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายก็ยังไม่มีโอกาสบอกแม่ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ทำให้แม่แฮปปี้ได้ ผมจะทำหมดทุกอย่าง “งั้นวันนี้เราเข้าไปในเมืองกันมั้ย”

“ไปทำอะไรเหรอ”

“ผมอยากทำหน้านิดหน่อยน่ะครับ”

“เอาสิ แม่ก็อยากไปนวดหน้าเหมือนกัน”

ไม่ใช่เพราะผมว่าง ไม่ใช่เพราะผมอยากดูดีเพื่องานของที่บ้าน แต่เป็นเพราะทนายมันทำมาก่อนหน้านี้ และผมยอมมันไม่ได้
แฟนผมจะหล่อขึ้นโดยที่ผมไม่พยายามทำอะไรเลยไม่ได้ครับ เพราะในใจผมแอบกลัวนิดหน่อย มันตัวติดกับผมก็จริง แต่ถ้ามันทำตัวเพลย์บอย เล่นไปกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้เมื่อไหร่ เชื่อดิว่ายังไงหัวกระไดหอสามก็ไม่มีวันแห้ง

ผมต้องดูดีให้สมกับที่ผมมีแฟนดูดี นี่คือสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้ครับ






[เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...]

ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบผม เวลานี้ถือว่าเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว แต่สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพฯ อย่างไอ้ทนาย เวลานี้อาจจะเป็นเวลาหัวค่ำ มันไม่ยอมรับสายผมแถมยังปิดเครื่องหลังจากที่เราคุยโทรศัพท์กันเมื่อตอนกลางวัน จากที่ไม่คิดมาก ตอนนี้ผมเริ่มคิดมากแล้วเนี่ย

มึงจะเอายังไงกับกูกันแน่...

ผมพยายามหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาสุดชีวิต เพราะไม่อยากให้สมองของตัวเองคิดไปในแง่ลบ แต่พยายามเท่าไหร่มันก็ทำไม่ได้อยู่ดี ชีวิตสมัยมัธยมและชีวิตในกรุงเทพฯ ของทนายเป็นอะไรที่ผมไม่เคยสัมผัสและไม่สามารถรับรู้ได้ มันอาจจะมีเด็กเป็นแสน มีกิ๊กเป็นล้าน อาจจะแวบไปหาคนนั้นคนนี้ ดีไม่ดีก็อาจจะ...กลับไปคุยกับแฟนเก่า

เรื่องแอลทำผมคิดไปเองต่างๆ นานาเสมอ แม้จะได้รับการยืนยันจากปากของแอลแล้วว่าระหว่างทนายกับเขาไม่มีอะไรกัน แต่เพราะเขาดูดีมาก (ขอย้ำ ดูดีมากกกกกก) ผมก็เลยชอบเก็บกลับมาคิดเล็กคิดน้อยไปตามประสาคนเพิ่งเคยมีแฟนและแฟนก็ดันหล่อพิฆาตแบบทำชาวบ้านวินาศสันตะโรได้

บทสนทนาในโทรศัพท์ตอนที่ผมคุยกับแอลเริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง

‘อาสาอย่าคิดมากเลย สำหรับเราทนายมันมองว่าเป็นเพื่อนไปแล้วแหละ’

‘จริงเหรอ’

‘มันเอาแต่พูดถึงอาสา ไม่ว่าจะเดินไปไหนจะทำอะไร ก็บ่นถึงอาสากับเพื่อนตลอด’

‘คนอย่างมันน่ะเหรอ’

‘ยังไงเรากับมันก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว อาสาเลิกคิดมากเรื่องของเรา เพราะตอนนี้เราอยากให้ทนายมันมีความสุขกับอาสานะ ‘

‘แหะๆ ครับ ขอบคุณนะแอล’

‘แต่เรามีอะไรอยากฝากสักหน่อยอ่ะ’

‘ได้’

‘สัญญากับเราได้มั้ยว่าจะไม่ทิ้งมัน เพราะตอนที่เราทิ้งมัน มันเจ็บปวดมาก เรายังรู้สึกผิดมาจนถึงวันนี้เลย เพราะงั้นอาสาอย่าทำในสิ่งที่เราเคยทำนะ สัญญากับเราสิ’

‘ผมสัญญา’

สิ่งเหล่านั้นย้ำเตือนให้ผมควรจะเลิกคิดมากเรื่องแอล เอาเป็นว่าตอนนี้ทนายควรมาเคลียร์กับผมได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ปล่อยให้ผมว่างจนคิดไปเองขนาดนี้ได้มันใช้ได้ที่ไหน

หรือมันชอบให้ผมประชดประชัน

นี่แหละครับข้อเสียของผม ชอบคิดไปเองเบอร์ใหญ่อีกทั้งยังประชดระดับรัชดาลัย ผมรู้แหละว่ามันไม่ดี แต่สาบานได้ว่าระหว่างที่ผมประชดประชันทนายนั้นผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ผมก็แค่ดื่มกับคนที่ผมรู้จัก ผมมีภูมิคุ้มกันและรู้จักการวางตัวมากพอ เพราะงั้นครั้งนี้ผมเริ่มเกิดความรู้สึกอยากประชดประชันขึ้นมาเล็กๆ ซะแล้ว

อย่าดิวะอาสา อย่าเลย เดี๋ยวจะเป็นปัญหาทีหลัง

คืนนั้นผมหลับไปด้วยอาการฟุ้งซ่านเข้าขั้นหนัก โดยที่ไม่มีการโทรกลับของทนายเลยแม้แต่สายเดียว







เพราะที่กรุงเทพฯ เรามีบ้านญาติ เราก็เลยนั่งเครื่องบินไปกันและให้รถของญาติมารับที่สนามบิน ตลอดเช้าที่เดินทางผมทำหน้าเซ็งจนไม่รู้จะเซ็งยังไง พ่อกับแม่ดูตื่นเต้นมาก พวกท่านเอาแต่คุยกันใหญ่ว่าหากการเจรจาครั้งนี้สำเร็จ บ้านเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง โน่น นี่ และนั่น

จากที่อิน ตอนนี้ผมชักจะไม่อินซะแล้ว ทนายไม่ยอมติดต่ออะไรผมมาเลย มันเอาแต่เงียบซึ่งผิดวิสัยของคนที่บังคับผมให้ตอบไลน์มันทุกห้านาทีตอนที่เราห่างกันมากๆ

แบบนี้มันยังไงกันแน่วะ คนติดแฟนอย่างกูมันคิดมากนะเว้ยยยย!

รถตู้ของลุงผมมารับอย่างตรงเวลา ผมขึ้นไปนั่งพร้อมกับทำหน้าไม่สนใจสิ่งใดๆ บนโลก จู่ๆ พ่อผมก็ได้รับโทรศัพท์ จากใบหน้ายิ้มๆ ของพ่อก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง

พ่อมองผมระหว่างที่คุยโทรศัพท์ไปด้วย หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ยิ้มออกมาอีกเลย

เกิดอะไรขึ้นวะ

“เลขาฯ พ่อโทรมา เหมือนอีกฝ่ายเขาอยากจะจับคู่ลูกชายพ่อกับลูกชายคนเล็กของบ้านเขา”

ผมอ้าปากค้าง แบบนี้มันยังมีอยู่ในสังคมไทยด้วยเหรอวะ ผมนึกว่ามีแต่ในละคร

“ลูกชายเขากับลูกชายเราเหรอคะ” แม่อ้าปากค้าง เอามือกุมอก

“มันก็แปลกอยู่สักหน่อยเหมือนกัน แต่พ่อซีเรียสเรื่องความสมัครใจของลูกเรามากกว่า” เสียงของพ่อเข้มมากจนทำให้ผมลืมความเครียดเรื่องทนายไปหมด คำพูดของพ่อมันมีความหมายโดยนัยว่าถ้าผมสมัครใจที่จะมีแฟนเป็นผู้ชาย พ่อก็จะโอเคอย่างนั้นใช่มั้ยครับ แม้ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่คนที่ทางฝั่งนั้นอยากจับคู่กับผมก็ตาม

ผมมองพ่ออย่างซึ้งๆ นึกไปถึงเรื่องที่ทนายเงียบใส่ผม ต่อมความอยากประชดประชันก็กลับมาอีกครั้ง

“ผมอยากไปเจอเขาก่อนครับ”

แม่อึ้งหนักกว่าเก่า ขณะที่พ่อขมวดคิ้วใส่ผมอย่างตกตะลึง

“อาสา แม่ว่า...”

“จริงๆ แล้วตอนนี้ผมเปิดกว้างครับแม่” ผมตัดสินใจพูดตรงๆ “ถ้าคนคนนั้นเขาทำให้ผมมีความสุขได้ ผมก็ไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

แม่มองหน้าพ่อก่อนจะทอดถอนใจ “เด็กรุ่นนี้”

“2017 สไตล์” พ่อยักคิ้วตอบ “ถ้าลูกไม่ชอบ พ่อกับแม่ก็จะไม่ว่า ความสุขของลูกคือสิ่งที่พ่อแม่ต้องการมากที่สุด รู้ใช่มั้ยอาสา”

“ผมรู้ครับ”

“...”

“ผมถึงโตมาเป็นเด็กที่มีความสุขแบบนี้ไง แม้ก่อนหน้านี้จะนกไปหน่อยก็ตาม”

“อะไรนะ”

“เปล่าครับ”








ผมอยู่บ้านลุงอย่างไม่ค่อยสงบสุขนัก

ไม่ใช่เพราะบ้านลุงอยู่ไกลหรือเพราะพ่อแม่ถกประเด็นเรื่องผมกลายเป็นเพศที่เปิดกว้าง แต่เป็นเพราะไอ้ทนายมันหายไปจากสารบบชีวิตของผมต่างหาก แม้สิ่งที่พ่อกับแม่กำลังพูดคุยกันอยู่จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียส แต่ก็อย่างที่พวกท่านบอก ความสุขของผมคือสิ่งที่พวกท่านต้องการที่สุด

พ่อยังอึ้งอยู่หน่อยๆ ส่วนแม่ก็คอยแต่ยกมือกุมอกอยู่บ่อยๆ โชคดีนะที่ครอบครัวเรายังมีพี่อัศวิน พี่ชายของผมอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็เรื่องของผมอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้เหมือนในขณะนี้ก็ได้

บุพการีของผมเริ่มกลับมาคุยกันเรื่องธุรกิจและการจับคู่ระหว่างผมกับลูกชายของฝ่ายนู้นอีกครั้ง ผมที่ได้ยินเรื่องนี้มาทั้งวันเริ่มรู้สึกเอือม จึงขอพ่อกับแม่ว่าจะเข้าไปเที่ยวแถวๆ ใจกลางกรุงเทพฯ สักหน่อย พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ผมได้ไปตามอำเภอใจ

เหยื่อที่ผมจะชวนให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนก็คือป๊อบ แม้มันจะมีศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทของทนาย แต่ทว่าตอนนี้ผมเริ่มที่จะคุยกับมันได้แล้วครับ ได้ข่าวมาว่ามันกำลังกิ๊กกั๊กกับคนที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นมันเทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดบ่อยเลยล่ะ

โชคดีที่ป๊อบว่าง มันบอกว่าเดี๋ยวจะขับรถมารับ ผมส่งโลเกชั่นไปให้ รออยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ รถของป๊อบก็มาจอดเทียบหน้าบ้านของลุงแล้ว

“โทษทีนะ” ผมเอ่ยทักป๊อบ “ต้องรบกวนเลย”

“แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนเราป่ะ” ป๊อบฉีกยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อย่าไปบอกทนายมันล่ะว่าเราพูดงี้”

“ให้มันรับสายเราก่อนเหอะ”

“มันไม่รับสายอาสาเหรอ”

“...”

“ไอ้สัดนี่”

“ใช่มั้ย ไอ้ทนาย ไอ้สัด”

“ใจเย็นนะ” ป๊อบปลอบก่อนจะออกรถ “มันก็ไม่ตอบไลน์เราเหมือนกัน สองสามวันมานี่แม่งเงียบมาก ไม่รู้ทำห่าอะไรอยู่”

“อ้าว ไม่ใช่แค่เราที่โดนมันเงียบใส่เหรอ”

“โอ้โหอาสา ถ้าอาสาโดนทนายมันเงียบใส่ ก็แปลว่าเพื่อนมันทุกคนโดนกันหมดแล้วล่ะ มันแคร์อาสาจะตาย”

ผมทำหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดนั้น

“เราจะไม่พูดถึงทนายก็ได้ ว่าแต่อยากไปไหนล่ะ”

“แต่ก่อนทนายมันชอบเที่ยวไหนเหรอ”

“คงหนีไม่พ้นสยาม แต่หลังๆ แม่งชอบไปเอ็มควอเทียร์”

“งั้นไปเอ็มควอเทียร์”

“นี่กะจะไปตามหาทนายเหรอ” ป๊อบแซวผมยิ้มๆ

“ประมาณนั้นแหละ” ผมยอมรับ “ลำบากเนอะ แฟนไม่ยอมรับสายเนี่ย”

“นั่นสิ แม่งกวนตีนอาสากูแล้วมั้ยล่ะ สัดทนายเอ๊้ย”

“อะไรนะ”

“เปล่าๆๆ”







ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์

ผมเดินนำป๊อบที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์ คนภายนอกที่มองมาคงจะคิดว่าป๊อบเหมือนเดินมาคุมผมอะไรทำนองนั้น ผมมองซ้ายมองขวา ทำเป็นไม่ได้มองหาใครเป็นพิเศษ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็มองหาทนายนั่นแหละ

ท่ามกลางผู้คนนับพันหมื่นล้าน (เว่อร์) ผมคิดว่ายังไงผมก็ไม่มีทางมองเห็นทนายแน่ มันไม่มีทางมาเดินที่นี่เวลานี้ เพราะถ้าเป็นงั้นคงจะเป็นอะไรที่โคตรบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ

ทว่าอย่าได้ดูถูกโชคชะตาระหว่างผมกับไอ้ทนายเชียว

ผมเห็นมันเดินเคียงคู่กับสาวซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดีตีนแดง ทนายยิ้มร่าระหว่างที่หัวร่อต่อกระซิกกับเธอคนนั้น ผมรู้สึกเข่าใกล้จะทรุด นี่มันไม่ใช่ภาพที่ผมต้องการเห็นจริงๆ

“เวร” ป๊อบมองผมกับทนายสลับกัน “ไม่เป็นไรอาสา เดี๋ยวเราเคลียร์ให้”

ผมยื่นแขนไปขวางทางป๊อบ “ปล่อยมันเถอะ”

“เฮ้ย”

“เรารู้คำตอบแล้วว่าทำไมมันถึงไม่รับสายเรา”

ปฏิบัติการประชดประชันเริ่มขึ้น ณ บัดเดี๋ยวนี้





“อาสา ทรงผมอะไรน่ะลูก”

“หล่อมั้ยแม่”

“แปลกตาดี แต่เข้ากับลูกมากเลย”

“คนคนนั้นเขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“หมายถึงลูกชายของฝั่งนู้นน่ะเหรอ ไม่รู้สิ แม่ก็ไม่เคยเจอ”

“ถ้าเขาดูดีก็คงจะดีนะครับ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่ครับแม่”

“อาสา ถ้าลูกไม่ชอบ ลูกบอกแม่นะ สัญญา”

“ครับ”

“แต่ถ้าลูกชอบ...”

“ผมก็จะบอกแม่เหมือนเดิม”

“ตกลงตามนั้นนะ”
“...”

“เฮ้อ แต่แม่ได้ข่าวมาว่าเด็กคนนั้นไม่ได้โสดอยู่เนี่ยสิ”

“แม่ว่าไงนะครับ”

“เปล่าจ้ะ”









“ใจจะขาดแล้ว”

“เลือกที่จะทำเองไม่ใช่หรือไง”

“ผมไม่น่าพนันกับแม่เลย”

“...”

“ถ้าพรุ่งนี้ผมได้ใจพ่อกับแม่อาสา แม่อย่าลืมนะว่าต้องจ่ายตังค์ค่าทริปไปเที่ยวของผมกับอาสา”

“รู้แล้วล่ะน่า”

“จ่ายตังค์ชดเชยค่าที่ผมต้องห่างจากอาสาตลอดสองสามวันนี่ด้วย”

“รู้แล้ว”

“คุณแม่สายเปย์ แพ้พนันลูก”

“ทนาย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”




TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 00:56:43





ตอนที่ 34
พาร์ตของอาสา





วันนี้ผมแต่งตัวพิถีพิถันเป็นพิเศษ พร้อมกับวางแผนไว้ในใจเป็นที่เรียบร้อยว่ายังไงผมก็ต้องได้แชะรูปลูกชายของคู่เจรจาธุรกิจของพ่อกับแม่ให้ได้ ถ่ายเสร็จปุ๊บผมจะลงไอจีปั๊บ ทนายจะต้องหัวร้อนแน่ๆ ยกเว้นเสียแต่ว่ามันไม่แคร์ผมแล้วอ่ะนะ

ผมไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนที่กำลังเสแสร้งอยู่ แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มพูดคุยกับพ่อแม่ แต่ลึกๆ ในใจของผมก็ยังคงคิดกังวลเรื่องทนายอยู่ไม่สร่าง อยู่ดีๆ มันก็เปลี่ยนไปชนิดที่ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนจากที่คุยกับผมบ่อยๆ เป็นหายหน้าหายตาไปเลย และที่สำคัญคือเปลี่ยนจากผมเป็นคนอื่น

นี่มึงใช่ทนายคนที่กูรู้จักมั้ยเนี่ย

ผมถอนหายใจยาวๆ ขณะนั่งรถตู้เพื่อไปยังสถานที่นัดหมาย คู่เจรจาของพ่อแม่นัดทานอาหารกลางวันกับพวกเรา ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่า ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วซึ่งก็คือเที่ยงตรง

หากท่านสงสัยว่าทนายโทรมาหาผมหรือยัง ผมขอตอบว่ายัง ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ข้อความสักข้อความและสติ๊กเกอร์สักตัวก็ไม่มีครับ

ครอบครัวผมแต่งตัวเป็นทางการมากเป็นพิเศษ พ่อกับแม่ใส่ชุดเก๋ที่นานๆ ทีจะหยิบออกมาใส่ ส่วนผมนั้นเหมือนกำลังจะไปงานแต่งงาน ถ้าหากมีเสื้อสูทตัวนอกสักหน่อยหรือเปลี่ยนรองเท้าจากผ้าใบสีขาวเป็นรองเท้าหนัง แค่นั้นผมก็สามารถเดินเข้าไปในงานแต่งงานได้เลยครับ

ปกติผมไม่ได้แต่งตัวแบบนี้หรอก แค่เสื้อยืดกับกางเกงเต่อๆ โชว์ข้อเท้าก็ถือว่าคูลมากพอสำหรับผมแล้ว แต่วันนี้เพื่อแม่และก็เพื่อการประชดไอ้ทนายอย่างเต็มรูปแบบ ผมจำเป็นต้องจัดเต็มสักนิดหนึ่ง

สถานที่นัดหมายคือร้านอาหารในโรงแรม BW GRAND

ผมพยุงแม่ตอนลงมาจากรถตู้ ลานจอดรถหน้าโรงแรมมีรถจอดอยู่ค่อนข้างเยอะ อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย ระหว่างที่แม่ผมกำลังลงมาจากรถตู้อย่างทุลักทุเล เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้น

กรุงเทพฯ มันน่ากลัวก็ตรงที่ว่าอันตรายมันมีอยู่ทุกที่

“กรี๊ดดดดดด!” แม่ร้องลั่น กระเป๋าสะพายของแม่ถูกชายจากไหนไม่รู้วิ่งมาฉกเอาไปหน้าตาเฉย ผมที่ตั้งสติได้ก่อนรีบวิ่งตาม แต่ความฮาที่ไม่ควรเกิดก็เสือกจะเกิดกับผมในตอนนี้ ผมสะดุดหัวทิ่ม ต้องใช้ศอกยันพื้นคอนกรีตเอาไว้ กลายเป็นว่าผมได้แผลถลอกสดๆ มาอีกหนึ่งแผล

“รปภ.!” พ่อผมร้องเรียกเจ้าหน้าที่ของโรงแรม “มีโจรวิ่งราวกระเป๋าที่นี่!”

“อาสา ลูกไม่ต้องตาม” แม่ห้ามผมไม่ทันเพราะผมวิ่งฉิวไปแล้ว ไอ้โจรเหี้ยแม่งก็ฝีเท้าไวมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไปกินพริกทั้งสวนมาก่อนจะขโมยของคนอื่นหรือเปล่า ทำไมถึงต้องกินพริกก่อนมาวิ่งเหรอครับ เพราะมันจะได้รีบวิ่งเร็วๆ เพื่อไปหาน้ำหาท่ามาดับความเผ็ดไง

จู่ๆ มันก็หายไปจากคลองสายตาของผม ผมหอบแฮกๆ มองหาโจรใหญ่ เมื่อไม่เจอผมก็เดินหาเอา รู้สึกว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่พังฉิบหายแน่ๆ เพราะสภาพผมตอนนี้ไม่เหมาะกับการไปอวดใครทั้งสิ้น

ผมตัดสินใจเดินกลับไปหาพ่อกับแม่ เพราะตามหาตัวโจรไม่เจอจริงๆ ทันทีที่ผมกลับไปถึง กระเป๋าก็อยู่ในมือแม่เรียบร้อยแล้ว
งงเลยกู

“เบอร์กิ้นลูกแม่ ใจหายหมดเลย”

ผมต่างหากที่เป็นลูกแม่อ่ะ ไม่ใช่กระเป๋า “ทำไมได้คืนล่ะครับ ใครเอามาคืน”

“มีพ่อหนุ่มคนหนึ่งเอามาให้เมื่อตะกี้อ่ะ คนอะไรไม่รู้ทั้งหล่อทั้งเก่ง” แม่ยังคงโอบกอดกระเป๋าอย่างหวงแหน ผมคิดว่าแม่ห่วงกระเป๋ามากกว่าห่วงของข้างใน

“แล้วจับโจรได้มั้ยครับ”

“มันวิ่งหนีน่ะ” พ่อตอบแทน “แต่ได้ของคืนก็ดีแล้วล่ะ ซวยไปนะแม่นะ”

“ผมไปหาซื้อยามาทำแผลก่อนนะ”

“ลูกเป็นแผลเหรอ”

“ไม่เป็นไรครับแม่ เล็กน้อยมาก ใช้ของจากเซเว่นก็ได้ พ่อกับแม่ไปตามนัดเลย เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”

“แต่ว่า...”

“นัดคุยธุรกิจต้องตรงต่อเวลาสิครับ”

พ่อกับแม่มองตามผมอย่างเป็นห่วง แต่ผมโบกมือบอกพวกท่านว่าไม่เป็นไร โชคดีที่บริเวณหน้าปากทางเข้าโรงแรมมีเซเว่นอยู่ใกล้ๆ ผมจึงไม่ต้องเดินไปไกลมากนัก

หน้าเซเว่นมีใครก็ไม่รู้หล่อมากกำลังนั่งอยู่ เขาใส่สูทแฟชั่นสีเทา กางเกงสแล็กส์สั้นเต่อเห็นข้อเท้า เป็นสไตล์ที่ถือว่าแม้แต่ผมที่ไม่ค่อยสนใจแฟชั่นยังมอง เหมือนนายแบบเอเชียหลุดออกมาจากนิตยสารยังไงยังงั้น มีกล้องถ่ายอยู่แถวนี้หรือเปล่าวะ เพราะท่านั่งเขาเหมือนกำลังโพสต์ท่าถ่ายแบบอยู่ยังไงยังงั้นเลย

การใส่สูทแฟชั่นแบบไม่ใส่เนกไทมันเท่อย่างงี้นี่เอง ถ้าผมจะไปงานแต่งในอนาคต ผมจะแต่งตัวแบบเขาก็แล้วกัน

ผมเดินเข้าไปในเซเว่น เลือกอุปกรณ์ทำแผลอย่างเร่งด่วนแล้วจ่ายตังค์ จากนั้นก็ออกมานั่งม้านั่งซึ่งเป็นคนละตัวกับที่นายแบบสูทแฟชั่นนั่งอยู่

แม้จะเป็นแผลเล็กๆ ที่ข้อศอก แต่เวลาล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์นี่มันก็แสบใช่เล่น ผมไม่ลืมที่จะใช้น้ำเปล่าล้างแผลก่อนที่จะใช้แอลกอฮอล์ เพราะผมรู้สึกว่ามีดินติดอยู่ที่แผลของผมเลยครับ โคตรสยอง

พอผมเงยหน้าอีกทีไอ้นายแบบคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินผ่านผมไปแล้ว

เดี๋ยว ทำไมท่าเดินคุ้นๆ น้ำหอมก็คุ้น และส่วนสูงก็คุ้น ผมอ้าปากค้างระหว่างที่มอง ตอนนั้นแม่ของผมโทรเข้ามาพอดี ผมก็เลยไม่ได้สนใจมองนายแบบคนนั้นต่อ

ทำไมคนคนนั้นถึงได้คล้ายทนายจังเลยวะ







ห้องวีไอพีที่ภัตตาคารชั้นสี่สิบสอง

ก่อนจะเข้าไป ผมทำใจอยู่นานเพราะรู้ว่าบทสนทนาที่อยู่ข้างในห้องต้องเป็นอะไรที่ผมรู้เรื่องนิดเดียวแน่ พวกผู้ใหญ่มักจะคุยเรื่องการตลาด แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการ อะไรเทือกๆ นั้นแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคู่เจรจาของพ่อกับแม่พาลูกชายมาด้วย คนที่เขาพากันคิดจะจับคู่กับผมนั่นแหละ คิดไปคิดมาก็ตลก ผมยอมมาง่ายๆ ได้ไงวะ

“นั่นไงมาแล้ว”

“นี่ค่ะลูกชายของเรา ชื่ออาสาค่ะ”

ผมยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ข้างในห้องด้วยสายตาเบลอๆ พอได้สัมผัสบรรยากาศในห้องก็อยากหันหลังวิ่งหนีกลับไปซะอย่างนั้น เมื่อกี้ที่เห็นคนคล้ายทนาย ผมก็เริ่มรู้สึกผิดนิดหน่อยแล้วที่พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้

พอตั้งสติดีๆ แล้วก็ได้รู้ว่าผมไม่ควรอยู่ที่นี่ นี่มันบรรยากาศการจับคู่แบบที่เหมยลี่เคยโดนในหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอนี่ แล้วทำไมผมถึงยอมง่ายๆ เพียงเพราะต้องการประชดทนาย มันไม่ใช่เรื่องดีไม่ใช่เหรอถ้าหากทุกอย่างในวันนี้มันถลำลึกมากขึ้นไปอีก

ฉิบหาย ผมต้องถอยกลับ เพื่อตัวผม เพื่อทนาย

“หน้าตาน่ารักจังเลยนะคะ”

“ขาวจริงๆ”

ผมหันไปมองคู่เจรจา เฮ้ย ทำไมคุณโสภาพรรณ แม่ไอ้ทนายถึงมาอยู่ตรงนี้ ข้างๆ นั่นก็คือคนที่เหมือนทนายตอนแก่ ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพ่อของทนาย

ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า...ไอ้คนที่นั่งอยู่ในสุดนั่นก็คือทนายงั้นสิ

มันมองผมอย่างอึ้งๆ และผมก็มองมันอย่างอึ้งๆ เหมือนกัน มันคือไอ้นายแบบสูทสีเทาหน้าเซเว่นนั่นแหละครับ แต่มันเปลี่ยนไปมากเพราะทรงผม การแต่งตัว และบุคลิกภาพ ผมไม่คิดว่ามันจะเสริมหล่อจนผมจำแทบไม่ได้ขนาดนี้ หล่อแบบที่ว่าหล่ออยู่แล้วก็ทำให้ตัวเองหล่อขั้นสุดยอดเข้าไปอีกอ่ะ

ทนายไม่ได้อึ้งที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ แต่มันดูอึ้งกับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของผมมากกว่า ผมสีฟ้าอ่อนที่ผมเพิ่งไปทำมาเมื่อวานทำเอามันตาค้าง

“มองกันใหญ่เลย” แม่ผมพึมพำ “นั่งก่อนสิลูก นั่งตรงข้ามกับน้องทนายนั่นแหละ”

บุพการีมองผมอย่างเป็นห่วง กลัวผมจะตื่นตกใจวิ่งหนีออกไปจากห้อง ผมไม่ตกใจอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ว่าผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก ไม่ว่าทนายจะรู้หรือไม่ว่าการที่ผู้ใหญ่คุยกันครั้งนี้มันจะต้องเจอผม ผมก็มองว่ามันปิดบังผม มันแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ดูก็รู้ว่าต้องการอวดครอบครัวของอีกฝ่าย นั่นหมายความถ้าไม่ใช่ผม มันก็พร้อมที่จะถูกจับคู่ในวันนี้เพราะมันทุ่มเทเปลี่ยนตัวเองอย่างเต็มที่

แค่คิดหน้าผมก็บึ้งแล้ว

แปลกแต่จริงที่ทนายหน้าบึ้งเหมือนกัน

ผมทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกับทนาย เราสองครอบครัวกำลังเผชิญหน้ากัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยิ้มแย้ม ผิดกับผมและทนายที่มองกันเหมือนไม่ได้เป็นแฟนกันมาก่อน

เห็นทีว่ามึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกันยาว...

“ได้ข่าวมาว่าอาสาก็เรียนอยู่มอ B เหมือนเจ้าทนายใช่มั้ย” พ่อของทนายชวนผมคุย

“ผมเรียนมอ B ครับ แต่ไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน” ผมตอบยิ้มๆ ทนายถึงกับคิ้วกระตุก

“เอ่อ...” แม่ของทนายเริ่มงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า

“สนิทกันไว้ก็ดีนะลูก ได้ข่าวว่าอายุเท่ากัน ถึงแม้ว่าน้องทนายเขาจะเรียนซ้ำไปหนึ่งปีก็ตาม” แม่ผมช่วยพูดบ้าง

“ผมสนิทกับคนอื่นยากมากครับ ขอโทษครับ” ทนายตอบ

ผมเลิกคิ้ว มองทนายด้วยสายตาปรามให้มันเลิกขัดคอแม่ผม ส่วนทนายก็เหมือนจะส่งสายตาแบบนั้นมาให้ผมเหมือนกัน เราทุกคนปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง จากนั้นผู้ใหญ่ก็เริ่มพูดจาภาษาธุรกิจที่ผมกับทนายยังไม่มีส่วนในการตัดสินใจ

ผมสัมผัสได้ว่ามีเท้าใครก็ไม่รู้มาเขี่ยขาผมเล่น ผมขยับขาหนี แต่ไอ้เท้าเหี้ยนั่นก็ตามมาอีกจนได้ ผมจิกสายตาใส่ทนาย มันทำหน้าถมึงทึงใส่ผมพร้อมกับส่งสายตาขู่

“น้องอาสานี่หน้าตาน่ารักจริงๆ เนอะ ว่ามั้ยทนาย” แม่ของทนายชวนคุย

“ขอบคุณครับ” ผมตอบ

“ไม่เท่าไหร่ครับ” ทนายเอ่ย

สัด ผมทำปากขมุบขมิบเพื่อด่ามัน และตอนนั้นแม่ผมก็รีบพูดขึ้นมา

“ขอบคุณที่ทนายช่วยเอากระเป๋ามาคืนน้านะจ๊ะ” แม่ผมมีสีหน้าประทับใจ ผมอ้าปากหวอ คนที่เอากระเป๋ามาคืนแม่ผมก็คือทนายงั้นเหรอ “ถ้าไม่ได้ทนาย น้าต้องแย่มากแน่ๆ”

“ผมเรียกคุณน้าว่าแม่ได้มั้ยครับ” ทนายถามยิ้มๆ แม่มันคงงงว่าสรุปมันจะเอายังไง จะพายเรือต่อหรือจะคว่ำเรือ ส่วนผมน่ะเหรอ ขอกระโดดลงจากเรือลำนี้ก่อนดีกว่า เพราะผมชักจะงงไปหมดแล้วว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันคืออะไร

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ” ผมพูดกับผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม

“ได้สิจ๊ะ”

ผมเดินออกมาจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ไม่คิดว่าทนายจะเดินตามออกมาหรอก เพราะมันดูเข้ากันได้กับแม่ผมมากเป็นพิเศษ

แต่ผมคิดผิด...







ห้องน้ำภัตตาคาร

ทนายเดินตามผมเข้ามา มันกดล็อกประตูห้องน้ำเฉย เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงได้ร้องลั่น

“ทำห่าอะไร คนอื่นเขาจะเข้าห้องน้ำยังไง”

“บ้านกูเป็นเจ้าของที่นี่” ทนายไม่สนใจเสียงโวยวายของผม “ผมสีฟ้าของมึงนี่อะไร”

“แล้วมึงแต่งตัวหล่อไปทำไม มึงไม่รู้มาก่อนใช่มั้ยว่าคนที่ผู้ใหญ่จับคู่ให้คือกู มึงถึงแต่งตัวเต็มมาซะขนาดนี้”

“เพราะกูรู้ไง ถึงได้จัดเต็มอ่ะ” ทนายโวยวาย “กูรู้ว่าจะเจอพ่อแม่มึง กูก็เลยอยากหล่อที่สุดให้พวกท่านประทับใจ แต่มึงนี่ยังไงไม่ทราบ ไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าจะมาเจอกูอ่ะ ทำไมถึงต้องเปลี่ยนสีผม ทำไมถึงต้องแต่งหน้ามา”

มันรู้ด้วยว่าผมแต่งหน้ามานิดหน่อย “รู้ได้ไงวะ”

“ตอนอยู่มอกูอยู่กับมึงตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน เห็นมึงหมดทั้งตอนเสียวและก็ไม่เสียว” ไอ้เวรนี่ ดูพูดเข้า “กูก็ต้องรู้สิว่าตอนไหนมึงแต่งหน้าหรือไม่แต่ง”

“ก็แค่บีบีเอง”

“...”

“ทาตานิดหน่อย แม่ทาให้”

ทนายโกรธจนผลักผมไปชิดผนัง “จะดูดีไปเพื่อคนที่มึงไม่รู้จักทำไม มึงมีแฟนอยู่แล้วทั้งคน”

“ก็แฟนกูมันไม่ใส่ใจกูอ่ะ”

“กูหาตังค์ซื้อของให้มึง” ทนายร้อง “กูเพิ่งคิดได้ว่ากูยังไม่ได้ให้อะไรมึงเลย กูอยากหาของให้มึง”

“ด้วยการไม่ติดต่อกับกูงั้นเหรอ”

“กูพนันกับแม่ ไม่คุยกับอาสาหนึ่งวัน กูจะได้หนึ่งแสน”

“หา!” ผมอ้าปากค้าง “จริงเหรอ”

“กูท้ากับแม่ประจำแหละ”

“เดี๋ยว แม่มึงรู้จักกูด้วย?”

“ใช่”

“เขาสนับสนุนเราเหรอ”

“เออดิ คนออกทุนให้กูชุบตัวก็แม่กูนี่แหละ แม่อยากเกี่ยวดองกับครอบครัวมึง” ทนายทำสีหน้าเก้อเขินแปลกๆ

ผมพยายามคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในเวลาอันสั้น “งั้นก็แสดงว่าครอบครัวมึงรู้ทุกอย่าง แต่ครอบครัวกูไม่รู้สักอย่างงั้นสิ”

“กูขอโทษ กูก็อยากให้มึงเซอร์ไพรส์ที่จู่ๆ แฟนมึงหล่อขึ้นแบบผิดหูผิดตา แต่กูเซอร์ไพรส์ไม่ลงเลยตอนที่เห็นมึงเปลี่ยนโฉมตัวเองอ่ะ ถ้าคนที่นั่งอยู่ในห้องไม่ใช่กูขึ้นมาล่ะวะ”

“กูุทำเพราะโมโห”

“...”

“เมื่อวานกูเห็นมึงอยู่กับผู้หญิง”

“พี่น้อยหน่าอ่ะนะ ครูสอนบุคลิกภาพกู”

“หา!”

“กูไปเรียนมา คอร์สระยะสั้นหนึ่งวันเต็มๆ” ทนายเอียงหน้ามากระซิบข้างหูผม “ทั้งหมดนี่ก็เพื่อมึง”

ที่มันแต่งตัวเหมือนนายแบบ ชุบตัวให้ออกมาดูดี ซุ่มเรียนบุคลิกภาพ อีกทั้งยังช่วยวิ่งจับโจรวิ่งราวให้แม่ผม ทั้งหมดนี่เพื่อให้แม่กับพ่อของผมชอบมันอย่างนั้นเหรอ

ผมรู้สึกว่าความโกรธกำลังลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง

“แม่มึงจะโอเคกับกูมั้ย” ทนายปล่อยผมในที่สุด มันเดินไปล้างมือด้วยท่าทางเท่ๆ พร้อมๆ กับส่องกระจก

อย่าไปแต่งตัวแบบนี้ที่มหา’ลัยเชียว พวกผู้หญิงต้องกรี๊ดมันมากแน่ๆ ผมพูดเลย แม่งโคตรหล่อ หล่อแบบที่ผมจ้องตาเป็นมันแบบไม่ปิดบัง

“อาสา ได้ยินหรือเปล่า”

“หา?”

“มองอะไรเหรอ” ทนายก้มหน้าสำรวจสภาพตัวเอง “แปลกใช่มั้ย”

“อืม”

“...”

“แต่หล่อมากเลย”

มันยิ้มกริ่มถูกใจก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมแก้มผม “ถ้าเพื่อมึง กูหล่อได้มากกว่านี้อีกนะ”

“พอเถอะ” ผมพูด “แค่นี้กูก็ไม่อยากให้มึงออกไปไหนแล้วว่ะ ตอนเจอมึงแบบบังเอิญที่เซเว่น กูยังชมมึงในใจฉิบหาย กูจำมึงไม่ได้อ่ะ”

“อ๋อ ไอ้นั่นก็คือมึงสินะ ไอ้หัวฟ้า” ทนายทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “เราสองคนจำกันไม่ได้เหรอวะ”

เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้องน้ำ ทนายเดินเข้ามากอดพร้อมกับหอมแก้มผมอีกหลายๆ ฟอด

“ขอโทษที่หายไปนะ แต่กูต้องทำเพื่อเงินสองแสนจริงๆ”

“มึงจะซื้อของอะไรให้กูแพงขนาดนั้นวะ กูไม่เอา” ผมพูดจากใจจริง

“กูอยากซื้อให้”

“กูไม่เอา”

“งั้น...” ทนายทำหน้ากรุ้มกริ่ม มองไปที่ประตูแล้วหันมาหาผม “เราสองคนมาหลบพ่อแม่กันเถอะ”

“เอ๋?”

“กูไม่อยากกลับเข้าไปแล้วว่ะ พ่อแม่กูคงร่ายยาวเรื่องการต่อยอดธุรกิจห่าเหว”

“พ่อแม่กูก็คงคล้อยตามง่ายๆ เพราะพวกท่านเป็นแฟนคลับของโสภาพรรณกรุ๊ป”

ทนายหัวเราะ ก่อนจะจูงมือผมให้เดินออกไปจากภัตตาคาร และเราสองคนก็เดินออกจากโรงแรมไปเลย








บนรถ

ผมลอบมองดูทนายด้วยความประหลาดใจปนประทับใจ ภายในระยะเวลาอันสั้นคนเราสามารถเปลี่ยนลุคได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ
เอาจริงๆ ผมอดภูมิใจไม่ได้แฮะที่แฟนผมมันหล่อมากหล่อมายขนาดนี้

“จ้องขนาดนี้ แดกกูด้วยเลยจะดีกว่า กูอนุญาต” ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดฉาบปรอทไม่รู้ว่าจะกรุ้มกริ่มมากแค่ไหน แต่ผมคิดว่าคงมากพอให้ผมทำสีหน้าไม่ถูก

“กูไม่แดก มึงไม่อร่อย”

“หูย สงสัยแดกบ่อยจนเบื่อแล้วสิ”

“บ้า ยังไม่เบื่อเลย”

“ฮ่าๆๆ” ทนายเอื้อมมือมาลูบหัวผม “กูชอบเวลาที่มึงพูดตรงๆ กับกูแบบนี้นะ”

“ทำไมอ่ะ”

“กูหลงมึงเพราะงี้”

“...”

“ถ้ามัวแต่กั๊กเพราะเขิน กูคงไม่รู้สักทีว่ามึงรู้สึกยังไง ฟินแค่ไหน กูเร็วไปหรือเปล่า หรือว่ามึงอยากต่ออีก...”

“เดี๋ยว ไอ้สัด ทำไมกลายเป็นเรื่องบนเตียง”

“ก็เราพูดเรื่องบนเตียงกันตั้งแต่คำว่าแดกแล้วนะครับ”

“ไอ้นี่” ผมสบถ “กามได้ทุกที่”

“มึงน่ารักจริงๆ นะวันนี้” ทนายส่งยิ้มมาให้ “ผมสีฟ้าทำกูใจสั่นเลยรู้ป่ะ”

“...”

“หึงด้วย”

“...”

“นี่ถ้าไม่ใช่กูจริงๆ กูอยากจะรู้นักว่ามึงจะอ่อยคนที่ผู้ใหญ่เค้าจับคู่กับมึงยังไง”

“กูไม่อ่อยหรอก ก่อนเงยหน้ากูคิดจะวิ่งหนีด้วยซ้ำ กูอยู่ในห้องต่อเพราะเห็นว่าเป็นมึง”

ทนายดูดีใจกับคำพูดของผม “จริงอ่ะ”

“จริงสิ” ผมทอดถอนใจ “แค่มึงไม่คุยกับกูสองสามวันกูก็คิดเป็นตุเป็นตะแล้ว กูรักมึงจะตาย ถ้าจะต้องคู่กับใครสักคน คนคนนั้นก็ต้องเป็นมึงอยู่แล้วสิวะ”

ทนายลูบหัวผมอีกครั้ง ดูมันรู้สึกดีกับคำพูดของผมมาก

“พ่อแม่มึงรู้จักกู แล้วพวกท่านชอบกูมั้ยวะ” ผมถามอย่างลุ้นๆ

“กูชอบ พวกท่านก็ต้องชอบ”

“...”

“จริงๆ ก็ชอบตั้งแต่เห็นนามสกุลมึงแล้วล่ะ บ้านกูก็งี้ อะไรที่เป็นธุรกิจได้ก็จะคิดแต่เรื่องทำธุรกิจ มึงอย่าน้อยใจเลยนะอาสา”

“กูไม่ได้น้อยใจ”

“...”

“ถ้าได้รักกับมึง พ่อแม่มึงจะพาครอบครัวกูดองปลาร้าขายกูก็ยอม”

ทนายหลุดขำเสียงดังลั่น “เออว่ะ ทำแบรนด์ปลาร้ากันมั้ย โสภาพรรณกรุ๊ปยังไม่มีแบรนด์ปลาร้านะ”

“อย่าเลย”

“...”

“บ้านพี่คีนทำไปแล้วว่ะ มันทำขายที่จังหวัดบ้านกูไม่ได้”

ทนายทำหน้าบึ้งตึง ก่อนจะไม่ยอมพูดเรื่องธุรกิจอะไรอีก

“ว่าแต่มึงจะขับรถพากูไปไหน”

“ที่รักอยากไปไหนล่ะ”

“ไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากให้มึงไปโชว์ตัวกับคนอื่นในสภาพแบบนี้อ่ะนะ” ผมมองมันด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจ

“กูก็เหมือนกัน” ทนายมองผมผ่านแว่นกันแดด “ก่อนกลับมออย่าลืมย้อมผมกลับมาเป็นสีเดิมด้วย กูไม่อยากหึงเพิ่ม เพราะแค่นี้แม่งก็เยอะจะแย่แล้ว มึงมันฮอต”

“มึงก็ห้ามแต่งหล่อแบบนี้ที่มอนะ”

“กูจะไปแต่งในงานอะไรล่ะ”

“แต่งให้กูดูคนเดียวก็พอ” ผมพูดตรงๆ

ทนายมองผมอย่างถูกอกถูกใจ จากนั้นมันก็จอดรถข้างทาง ก่อนจะขยับตัวเข้ามาจูบผมอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน

“มึงรู้มั้ยว่ากูเรียกมึงในใจบ่อยๆ ว่าอะไร”

“มึงเรียกในใจกูจะได้ยินด้วยมั้ยล่ะ”

“ลองทายมาเถอะน่า”

“ที่รักเหรอ”

“หวานไป คนอย่างกูหวานขนาดนั้นเหรอ”

“ก็หวานนะ เฉพาะตอนทำ” จะว่าทนายมันหมกมุ่นคนเดียวก็ไม่ได้แล้วสิ

“อ่ะแฮ่ม ตอบคำถามมาก่อน”

ผมทำท่านึก นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออก

“กูเรียกมึงว่างูพิษ” หลังจากได้ฟังคำเฉลย ผมนี่รีบตีแขนไอ้ทนายอย่างบ้าคลั่งเลยครับ เรียกห่าอะไร ทำไมมันฟังดูโคตรร้าย “โอ๊ย! แต่กูรักงูพิษตัวนี้ที่สุดนะ”

“ฟาย กูไม่ชอบ”

“งูพิษทั้งเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด ขี้อ่อย แต่บางครั้งก็อ่อนหวาน ยินยอมกู โซแดมฮอต และก็เซ็กซี่ มันไม่ดีเหรอวะแบบนี้”

ผมเริ่มลังเลใจ คำนี้มันดีใช่มั้ยครับทุกคน

“กูหลงมึงเพราะมึงเป็นงูพิษด้วย มึงจำไว้เลยอาสา”

“กูนึกมาตลอดว่ากูเป็นนก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นงู”

ทนายยิ้มกริ่มก่อนจะใช้ริมฝีปากของมันมาแตะริมฝีปากของผม

“จะเป็นงูพิษหรือจะเป็นนก กูก็รักหมดนั่นแหละ”






“ลูกชายคุณโสภาพรรณเป็นไงบ้างลูก” คืนนั้นแม่ถามผมด้วยสีหน้าลุ้นๆ ดูก็รู้ว่ากลัวผมไม่เคาะให้ทนายมันผ่าน

จริงๆ แล้วมันผ่านตั้งนานแล้วล่ะครับแม่ ผมไม่รู้ว่าจะไปหาคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจได้จากที่ไหนอีก ไม่มีอีกแล้ว แต่จะให้พูดกับแม่ตรงๆ ถึงความจริงทุกอย่างมันก็ไม่น่าลุ้นสำหรับแม่น่ะสิ ขอแกล้งสักหน่อยดีกว่า

“แม่ว่าเขาหล่อดีนะ เขามีน้ำใจช่วยแม่ด้วย”

“...”

“เบอร์กิ้นเลยนะลูก มันไม่ใช่แค่กระเป๋า แต่มันคือเบอร์กิ้น”

“เอ่อ...”

“ลูกจะว่ายังไง”

“ยังไงก็ต้องดูกันต่อไปนะครับ”

“พิจารณาทนายหน่อยนะลูก ทางนู้นเขาบอกมาว่าทนายถูกใจลูกมากเลย”

“จริงเหรอครับ”

“เรียนจบอาจจะได้จัดงานแต่ง”

“หา!”

“ทางนั้นเขาพูดมาเองเลย แม่ก็ได้แต่ยักไหล่ แต่ก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อย”

“นี่แม่คุยกับเขาวันเดียวแล้วแม่จะยกลูกชายให้เขาเลยเหรอ” ขอโวยวายหน่อยเหอะ

“ก็แหม...น้องทนายก็หล่อ คุณโสภาพรรณก็น่ารัก”

“ไม่รู้แหละ ตอนนี้ยังไงทนายก็ไม่ผ่าน”

“เอ๊ะ”

“ผมไม่ให้มันผ่านครับ”

แม่ทำหน้าบึ้งใส่ผม ผมหัวเราะลับหลังแม่ มองดูแม่ออกไปจากห้องนอนด้วยสายตาขี้เล่น มือของผมกดส่งข้อความบอกฝันดีกับคนรัก

ARSA : ฝันดีนะ
ARSA : ขอบคุณที่ทำเพื่อกู
ARSA : ถ้ากูไม่แต่งงานกับมึง แม่คงตัดกูออกจากกองมรดกว่ะ
ARSA : กูรักมึงมากนะทนาย








TBC*
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 19-08-2017 01:03:57





บทส่งท้าย





คืนธรรมดาๆ คืนหนึ่งที่มอ B แต่เป็นคืนที่ไม่ธรรมดาสำหรับผม

อาสาเมาเล็กน้อยครับท่านผู้ชม และตอนนี้มันก็เต้นอยู่กลางฟลอร์ อื้อหือ โคตรเซ็กซี่ เซ็กซี่ฉิบหาย จริงๆ แล้วท่าเต้นมันก็ไม่ได้อ่อยอะไรเลยครับ มันก็เหมือนผู้ชายเต้นในผับธรรมดาๆ ออกจะติดเป็นสไตล์เคป็อปนิดๆ ด้วยซ้ำ ผู้หญิงคนอื่นอาจจะมองว่าเท่ ผู้ชายคนอื่นอาจจะมองว่าน่ารัก แต่สำหรับผม ผมมองว่า...คืนนี้มันเสร็จผมแน่

จริงๆ มันก็เสร็จผมอยู่ทุกคืน ยกเว้นเสียแต่ว่าอาสามันเหนื่อยและไม่ไหว ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแค่หนึ่งวันต่อสัปดาห์เท่านั้นเอง

“กรุ้มกริ่มใหญ่เลยนะสัด” ไอ้เตที่อยู่ข้างๆ พูดล้อเลียนผม

“เชี่ยไมล์ มึงไม่ออกไปเต้นให้เตมันดูล่ะ” ผมหันไปถามคนที่อยู่ข้างๆ ไอ้เตแทน

“เต้นไม่เป็นอ่ะ”

“...”

“แค่ได้ดูอาสาเต้นกูก็โอเคแล้ว”

“สัด” ผมปั้นกระดาษทิชชูแล้วโยนใส่เชี่ยไมล์ แต่ไอ้เตเอียงตัวมารับให้เต็มๆ “มึงสองคนเป็นแฟนกันแล้วงั้นสิ”

เตพยักหน้า ส่วนไมล์ยกแก้วขึ้นมาดื่มแทนคำตอบ

“ใครขอวะ”

เตชี้มือไปที่ไมล์ มันตีมือไอ้เตใหญ่

“ฮ่าๆๆ กูเดาผิด” ผมพูดทีเล่นทีจริง “นึกว่าจะเป็นไอ้เตซะอีก ดีใจกับมึงสองคนด้วยนะ”

“คนนกๆ ก็ต้องอยู่กับคนนกๆ” เตตอบ

เราสามคนชนแก้วกัน ผมหันไปมองอาสาอีกครั้ง ตอนนี้มันกำลังสนุกอยู่กับเพื่อนคณะบัญชี มันแอบมองผมเป็นระยะๆ สายตาของมันหวานฉ่ำมากกว่าปกติด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา ผมรู้สึกได้เลยว่าสายตานั้นทำผมตื่นเต้นไปทั้งตัว

กูโดนงูพิษน้อยอ่อยอีกแล้ว

“ตอนแรกที่กูรู้จักอาสา กูไม่คิดว่าคนอย่างมันจะนกเลยนะ” ผมตัดสินใจพูดกับเพื่อนตรงๆ “มึงก็ดูหน้าตามันดิ น่ารักซะขนาดนี้”

“แต่ก่อนมันชอบผู้หญิงไง แม่งเลือกกลุ่มเป้าหมายผิด”

“ใช่ สำหรับอาสาต้องเป็นผู้ชายป่ะวะ”

แหม ไอ้คู่รักคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ

“จริงๆ แล้วเท่าที่กูเคยได้ยินมา คำว่านกมันเกิดจากการอ่อยใครสักคนในร้านเที่ยวกลางคืน แล้วเขาไม่เล่นด้วยใช่ป่ะวะ” ไมล์หันมาถามผมกับเต

ผมยักไหล่ ส่วนเตตอบว่า “ตอนนี้เขาใช้คำนี้กันในทุกๆ ความผิดหวังแล้ว”

อาสากลับมาที่โต๊ะ มันเอียงตัวมาหาผมนิดหน่อย ผมโอบรอบตัวของมันอย่างไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น ตอนนี้ข่าวเรื่องผมกับอาสาเริ่มกระจายไปทั่วมหา’ลัยแล้วครับ ให้ทายว่าจำนวนสายตาเพศผู้ที่มองอาสานั้นน้อยลงไปหรือเปล่า

กด 1 น้อยลง

กด 2 เท่าเดิม

กด 3 มากกว่าเดิม

คำตอบที่ถูกคือ 3 ยิ่งคิดก็ยิ่งเซ็ง! การที่อาสาเป็นแฟนกับผมแสดงว่าอาสาเปิดใจคบผู้ชาย นั่นหมายความว่าถ้าผมกับมันมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีเหตุการณ์ผู้ชายหลายสิบคนมาเสียบต่อผมทันที

สรุปก็คืออาสาตอนนี้ฮอตในหมู่เพศผู้เพิ่มขึ้นมากแบบเท่าทวีคูณ และผมก็รู้สึกเหนื่อยแบบเท่าทวีคูณเช่นเดียวกัน

“กูไม่นกแล้วนะ” อาสาที่เมาแอ๋ตะโกนพูดกับเตและไมล์ “กูไม่นกแล้ว”

ผมมองแฟนตัวเองยิ้มๆ แม้มันจะพูดกับเพื่อนแต่ร่างกายของมันกำลังเบียดผมใหญ่เลย

“มึงไม่นกกับผู้ชาย แต่มึงนกกับผู้หญิงเว้ย” ไมล์ยิ้ม

“ไม่จริง!” อาสาร้องลั่น เดี๋ยว นี่มึงยังคิดว่ามึงจะไปสายผู้หญิงได้รอดอีกเหรอ

“ไม่จริงก็ไม่จริง”

“เดี๋ยว กูจะพิสูจน์ให้มึงดูเดี๋ยวนี้” อาสาลุกขึ้นยืน ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปหาผู้หญิงโต๊ะใกล้ๆ ผมมองตามอย่างไม่สบายใจ ดูเหมือนสาวๆ โต๊ะนั้นจะสนใจคนจากโต๊ะผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ตอนที่อาสาทำหน้าหงิกก่อนจะเดินกลับมา ผมก็รู้เลยว่ามันแดกแห้ว

ขออนุญาตขำแฟนตัวเองแป๊บ

ผมโอบรอบตัวอาสาก่อนจะหอมแก้มไปอีกสักที

“โอ๋ๆ มีแฟนแล้วก็กลับรังมาอยู่กับแฟนซะนะ”

“ฮึ่ย” อาสากัดฟัน “เดี๋ยวจะลองไปที่โต๊ะผู้ชายดูบ้าง”

“หึๆ” ผมแกล้งยิ้มก่อนจะล็อกตัวมันเอาไว้อย่างแน่นหนา “ผู้ชายไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ห้ามมึงไปเล่นกับผู้ชายหน้าไหนโดยเด็ดขาด”

“ทำไมอ่ะ กูไม่นกนะ” อาสาทำหน้ามึนๆ ใส่ผม

“ใช่ไง มึงไม่นกเพราะมึงมีกูไงที่รัก” ผมหันไปหาเชี่ยไมล์ “มึงไม่น่าไปล้อมันเลย”

“ลองอ่อยทนายดูซิอาสา” เตยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย

“หา?”

“...”

“กับคนนี้ยังไงมึงก็ไม่นก เพราะงั้นลองอ่อยทนายให้กูดูเป็นขวัญตาหน่อย”

ผมถึงขนาดวางแก้วเพื่อรอดูการอ่อยของอาสาเลยครับ มันทำหน้ามึนๆ มองผมด้วยดวงตาที่อยู่ภายใต้แพขนตาอลังการ จากนั้นก็โอบรอบคอผม

“มีแฟนหรือยังครับ”

เฮือก...ปกติมึงไปโอบรอบคอใครแบบนี้ป่ะเนี่ย

“เอ่อ...”

“ถ้ายังไม่มี...ไปต่อกับผมมั้ย”

“มึงได้ไปกับพูดใครที่ไหนป่ะเนี่ย” ผมหน้าบึ้งใส่มัน “เคยพูดกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้หรือเปล่า”

อาสาส่ายหน้าดิก ก่อนจะชี้มือไปที่ไอ้เต “ไอ้เตมันบอกให้อ่อยมึง ก็ต้องพูดในสิ่งที่พูดได้แค่กับมึงป่ะวะ” อาสากลืนน้ำลาย คอเริ่มพับและตัวก็เอียงไปมา ผมรับตัวแฟนตัวเองไว้ก่อนจะพามันลุกขึ้นยืน

“กูไปนะ” ผมบอกลาเพื่อน

“ไปเคลียร์เหรอ” เตถามพร้อมทำหน้าล้อเลียน

“ใช่”

“...”

“กูน่าจะเคลียร์กับมันทั้งคืนเลย”







ห้อง 503

ว่ากันว่าคนเมาเป็นคนที่พูดความจริงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจครับ เพราะงั้นผมคิดจะฉวยเอาโอกาสนี้พูดคุยอะไรหลายอย่างกับอาสา

มันนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง ท่าทางน่ารักจนผมอยากเริ่มกิจกรรมนับตั้งแต่วินาทีนั้น แต่ยังทำไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องคุยกับมันก่อน

“อาสา”

“อืมมม” ดูมันง่วงนอนเอามากๆ

“มึงห้ามยุ่งกับคนอื่นนอกจากกูนะเข้าใจมั้ย”

“อืมมม”

“ที่ไมล์ท้าทายวันนี้ก็จบแค่วันนี้ วันอื่นไม่ต้องไปทำแบบนี้อีกแล้ว กับผู้หญิงก็ไม่ให้แล้ว โอเคมั้ย” ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ก่อนจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้ “ได้ยินมั้ยเนี่ย”

“อืมมม”

“กูรู้ว่ากูห้ามไม่ให้คนอื่นมองมึงยาก แต่กูห้ามมึงไม่ให้ไปยิ้มให้คนอื่นได้ เพราะงั้น...ทำเพื่อกูนะอาสา”

“รู้แล้วววว”

“สัญญาแล้วนะ”

“สัญญา”

“...”

“นอนได้ยัง ง่วงมากเลย”

ผมกลืนน้ำลาย “ไม่ได้สิ”

“เฮ้อ” อาสาถอนหายใจก่อนจะทำในสิ่งที่มันถนัดนั่นก็คือโอบรอบคอผม “รอบเดียวพอนะ ง่วง”

“ได้”

ผมรีบรับคำก่อนที่คนเมาจะเปลี่ยนใจ และหลังจากนั้นเราก็ทำกิจกรรมเหมือนกับที่เราเคยทำทุกวัน

เรื่องราวของผมกับนกที่อยู่บนบัลลังก์อย่างอาสายังคงดำเนินต่อไป แม้จุดเริ่มต้นจะมีความเรียบง่าย ไม่หวือหวา เพราะความรักระหว่างผมกับมันเกิดจากความใกล้ชิด ผมต้องการที่จะปกป้องมันจากอะไรหลายๆ อย่าง ผมทำในสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่กล้าทำกับอาสานั่นก็คือการปกป้องและอยู่เคียงข้างมัน

“ถ้ามีคนอื่นที่เข้ามาปกป้องมึงก่อนกู มึงจะชอบเขาป่ะอาสา” ผมถามอาสาตอนกลางดึก หลังจากเราสองคนเสร็จสิ้นกิจกรรมที่แสดงความรักต่อกัน

“ไม่ชอบดิวะ”

“...”

“เพราะกูชอบมึงคนเดียว ทนาย”

“...”

“มึงเป็นเทวดาของกูนะ”

ผมจำได้ อาสาไม่ชอบที่ตัวเองถูกเรียกว่านางฟ้านี่หว่า แต่ไหงกลับเรียกผมว่าเทวดาล่ะ ผมรู้สึกดีใจที่มันเรียกผมอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะมันเมาหรือเพราะมันเหนื่อย แต่ก็เอาเถอะ ผมฟินไปแล้วนี่หว่า!

ถ้าอย่างนั้นเทวดาคนนี้จะปกป้องมึงต่อไป ให้สมกับที่มึงมอบความรักมา และไว้เนื้อเชื่อใจที่จะแบ่งที่ว่างตรงบัลลังก์ของมึงให้กูอยู่เคียงข้าง

เพราะนกบนบังลังก์ยังไงก็ต้องการใครสักคนที่เข้ามาปกป้องและดูแล

คนคนนั้นก็คือผมนี่แหละ

ผมจะทำหน้าที่ของผมต่อไปตราบนานเท่านาน...





(จบบริบูรณ์)







Talk


ในที่สุดก็อัพนิยายภาคแรกของเซ็ตจบลงแล้วค่า! เย้  :mc4:
เป็นอย่างไรกันบ้าง ใครอ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับในความอึด ถึก ทนมากๆ
5555

คนเขียนมีเรื่องจะเมาท์นิดหน่อยเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้

แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะให้โทนเรื่องเป็นไปในทางคอมมิดี้
แต่พอเขียนๆ ไป ชักรู้สึกว่าเน้นปมความรักจนไม่สามารถเล่นมุขตลกอะไรแทรกได้
กลายเป็นว่าเป็นนิยายที่ค่อนข้างเบาในเรื่องมุข แต่หนักเรื่องปมความรัก

คนเขียนเขียนเรื่องนี้ในช่วงที่อารมณ์หน่วงและก็ดิ่งค่ะ
ระหว่างนั้นคนเขียนได้นำอารมณ์นั้นมาบรรจุในผลงาน...กลายมาเป็นเรื่องนี้
ซึ่งคนเขียนค่อนข้างชอบผลงานเซ็ตนี้ในเรื่องของการคุมโทนเรื่องภาษา
ไม่ค่อยมีเรื่องไหนโดดเด่นไปมากกว่าเรื่องอื่น
ทุกเรื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกันหมด

สุดท้ายนี้อยากจะขอขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ
เรื่องนี้หนังสือจะออกมาเป็นหนังสือในช่วงต้นเดือนกันยายน 2560 หรือในงาน one Y day ที่กำลังจะถึงนี้

หวังว่าจะเก็บทนายอาสากับเตไมล์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ
หรือบนชั้นหนังสือที่บ้านของท่าน ก็จะขอบพระคุณอย่างมากเลยค่ะ

สถานีต่อไป...สงครามอ้ายเนอะ
ไม่นานเกินรอแน่นอน เพราะ...เขาจะออกพร้อมทนายอาสาค่ะ 55555

ไปเจอกันที่เรื่อง สิบสองเศร้า #ราชาวิหค โลด
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 19-08-2017 02:41:37
แวะเข้ามาส่อง
อัพจนจบ
ง้อววว ดีงามมมม
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-08-2017 03:12:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 19-08-2017 05:31:05
พิชิตตอนจบได้แล้ว อ่านรวดเดียวเลย อาสานี่งูพิษน้อยชัดๆ ส่วนทนายได้ทีเอาใหญ่เลย :hao3: ไมล์นี่ก็แซ่บพอกันแต่อยู่กับเตแล้วเคมีดีงาม ขอบคุณมากค่ะ ไปต่อที่พี่สงครามกับพี่อ้ายต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-08-2017 07:43:02
กว่าจะไม่นก ลุ้นตั้งนานนนน 5555 อาสาโคตรน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 19-08-2017 08:36:09
มันดีงาม ทั้งภาษา การเดินเรื่่อง สนุก ไม่เยิ่เย้อ 10/10 มั่กๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 19-08-2017 09:49:38
TBC :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 19-08-2017 10:37:01
จบแล้ววว สนุกมากค่าาาา รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-08-2017 11:10:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 19-08-2017 11:26:27
ว้าาาาาา เอาจริงๆ นะ ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ  ว่าแต่พี่สงป๊อดนี่หว่า ^^ เจอพี่อ้ายมา 3 ปีแระ ยังไม่ถึงไหน 5555 สู้ทนายไม่ได้ ขานี้มาเร็วเคลมเร็วมากกกกกกกกกกกกกก หุ หุ  รอดูความป๊อดของอีพี่สงต่อ  :mew1: :hao3: :impress2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: chayennnnnnn ที่ 19-08-2017 12:12:27
โอ้ยยยๆๆ ความรักเข้าตา เบาหวานขึ้น
อิจรักนี้  รักคนเขียนนนนนนน  :man1: :man1: :heaven :heaven :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 19-08-2017 15:35:19
 :pig4: :pig4: สนุกมาก รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-08-2017 15:42:28
อาสานี่งูพิษจริงๆ ทนายไม่หลงก็ให้มันรู้ไป
ตอนแรกก็แอบจิ้นเตไมล์นะ มันดูมีบรรยากาศคู่รัก แล้วสุดท้ายก็เป็นแฟนกันจริงๆด้วย ขอบคุณมากๆเลยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 17:13:57
ไรท์ สุดยอด ลงยาวววววววว
อ่านจุใจ อิ่มเลย ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

จบแล้ว น่ารักมากกกกก
ทนาย อาสา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

นึกว่าแม่จะทำให้ดราม่า แม่กลับเห็ชอบ ดีงามตามใจทนายด้วยเลย
สองตระกูล ผูกพันทางธุรกิจ
แต่ลูกกับลูกรักกัน
ขอบคุณไรท์ มากกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 19-08-2017 17:41:32
กรี๊ด ไม่คิดว่าอาสาพอมีแฟนแล้วจะน่ารักแบบนี้ ว่าแต่จะมีตอนพิเศษคู่นี้ออกมามั้ยคะ ชอบอ่พน่ารัก แถมครอบครัวสนับสนุนอีก มาอีกทีแต่งงานกันแล้วแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2017 18:43:48
ตอนแรกยังงงๆทำไมเรื่องมันเร็วๆแปลก เลื่อนลงมาดูเท่านั้นแหละ ตาแฉะไม่ต้องหลับต้องนอนเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-08-2017 19:00:39
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: plafishy ที่ 19-08-2017 19:56:31
มาอัพทีเดียวซะจุใจเลยค่ะ
กรี๊ดจบแล้ว ขอบคุณมากเลยค่ะ
รออ่านพี่สงครามกับพี่อ้ายต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 19-08-2017 20:02:10
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่า :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 19-08-2017 22:13:03
 o13 o13 o13
เต็มอิ่มมาก อ่านรวดเดียวจบเลย 555555
ชอบอยู่อย่างนึงคือไอ้คู่นี้จะตรงไปตรงมากันมากไปไหมม 55555555 พูดกันได้ทุกเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-08-2017 22:19:42
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 20-08-2017 00:26:54
งดงาม

ขอบคุณมากค่ะ

 :3123:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-08-2017 01:07:57
จบไปซะแล้ว เล่นอัพจนจบ คนแก่ก็อ่านจนตาจะปิด จะตามไปที่ภาค 2 นะจ๊ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-08-2017 10:14:15
อ่านจนจบไม่หลับไม่นอน สนุกมาก ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-08-2017 14:47:07
แปะโป้งกับเรื่องนี้ไว้นานแล้วกะว่าให้จบก่อนแล้วค่อยอ่าน วันนี้มาทำตามสัญญาอ่านรวดเดียวจบแล้วจ้าา เริ่มที่ประเด็นหอก่อนใจนี่อยากอยู่ท่ามกลางหอสามมากกกคงได้นั่งฟินไปทั้งวันแน่ๆอยู่ท่ามกลางคนหล่อเนี่ย ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเป็นเราไปเรียนที่นั่นคงได้อยู่หอห้าแน่ๆ มาเรื่องตัวละครเราแอบผิดคาดนิดหน่อยนึกว่าทนายจะเป็นรุ่นพี่คุมหอแบบพี่อ้ายซะอีกกลายเป็นน้องใหม่ปีหนึ่งที่สร้างวีรกรรมจนเป็นที่กล่าวถึงซะงั้น แต่เราก็ชอบทนายนะชอบที่ทนายเป็นคนตรง ชัดเจนอะ แต่จริงๆทุกคู่ในเรื่องนี้มันก็ตรงทั้งหมดเลยนั่นแหละ ชอบก็บอกชอบไม่ทีอมพะนำ อ่านไปความขัดใจมันก็เลยไม่มี ถึงจะมีดราม่าบ้างแต่เรามองว่ามันไม่หนักจนน่าอึดอัดใจหรือไม่ชอบใจตัวละครนะเพราะความชัดเจนในตัวละครมันมีอยู่ รอติดตามพี่สงครามพี่อ้ายต่ออยู่ทีมใครดีนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 20-08-2017 15:13:37
 :pig4: :pig4: :pig4: เขินอาสา 555555 คิดภาพตามแล้วพอจะเข้าใจความขาวๆรอติดตามภาคต่อๆไปนะจ๊ะรอสงครามมมมมมมมมเราชอบผู้เถื่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-08-2017 15:30:26
จะว่าฮาก็ฮาอยู่นะ จะน่ารักก็น่ารักมาก 55555

ทำไมองศาเวิ่นเว้อแบบนี้ล่ะ อาการหนักมากจริงๆ จะเป็นนกก็ไม่ได้เป็น เป็นงูพิษเฉยเลย
แต่องศายอมได้เนาะ เป็นงูพิษน้อยของทนาย
งูพิษน้อยพ่นพิษบ่อยมากค่ะ ทำให้อยากแล้วจากไปไม่พอ ทำทนายหัวปั่นไปหมด

ทนายก็บ้าบอ หึงหวงไปทั่ว ออกอาการไปหมด แต่ก็ชอบทำตัวเองบ่อยๆ อะนะ ทำให้องศาเคืองด้วย
แต่ชอบความตรง ความบ้า พอบอกแล้วก็ลุยแบบไม่มีหวั่น อยากปกป้อง อยากดูแล จนองศาติดกับ แล้วติดหนักด้วย

น่ารักดีค่ะ ชอบให้ง้อ ชอบความตรง คือพอให้ตรงแล้วบอกจังอะ

เตไมล์ แอบฟินน่ะ แบบว่าไม่บอกใครแต่เรารักกันมาก
พอรู้ว่ายอมใจกันแล้วคืออาการหนักมาก หนักแบบไม่ต้องกู้เรือ เพราะยังไงก็ไม่ล่มอะ

น่ารักมากค่ะ ชอบความนกขององศา ชอบความดราม่าขององศา
ชอบความมโนของทนายกับองศา เวิ่นกันหนักมาก หลงกันหนักมาก แต่รักกันดี

เตไมล์ก็คืบหน้าแบบรัวๆ ไม่ต้องรอให้ใครมาชง ก็ชงกันเอง ชอบความชัดเจนของเต ชอบความยอมของเต
ชอบความเพ้อของไมล์ ชอบความลงทุนมากของไมล์ 55555

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ติดตามเรื่องต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Iamex ที่ 20-08-2017 20:00:57
ชอบมากกก ขอบคุณคาบบบบบ  :o8: :mew1: :hao5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-08-2017 20:08:41
 :pig4: :pig4:
 ติดตามผลงาน ภาคต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-08-2017 21:04:49
ขอคอมเม้นตอนที่28หน่อย
ไอ้ทนาย ไอ้งี่เง่า!!! เคลียร์กับตัวเองก่อน ก่อนจะไปเคลียร์กับใครอ่ะ พูดอยู่นั่นแหละว่าแคร์อาสา รักอาสา แต่ดูสิ่งที่ตัวเองทำดิ นี่เป็นอาสาก็คงจะเลิกเหมือนกัน คำพูดมันเชื่อไม่ได้หรอกนะ การกระทำมันสำคัญกว่าโว้ยยยยยย อินจัด หล่อแต่โง่อ่ะ :z6:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-08-2017 21:56:11
แฮ๊ปปี้เอนดิ้งไปแล้ว  :katai2-1:
ถึงจะจบแบบแฮ๊ปปี้ แต่แอบมีอารมณ์ค้างๆคาๆอยู่เบาๆแฮะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 21-08-2017 06:39:55
เราชอบเตล่ะ หล่อและอีคิวสูง ไม่เหวี่ยงไปทั่ว ถ้าไม่มีเต เรื่องไม่น่าจะจบแฮปปี้ ไมล์ อาสา ทนาย คงแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง

จริงๆยังลุ้นคู่ป๊อปแอลอยู่ พ่อแม่แอลไม่ยอมให้คบผู้ชายนี่ ไม่รู้จะได้ลงเอยกันไหม งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-08-2017 08:06:17
น่ารักมากกกก อัพให้อ่านเพลินๆ ถึงเช้ามาสองวันติด
อยากมีอาสาเป็นของตัวเองอ่าาา
งูพิษน่ารักจริงๆ มีความอ่อยและพูดตรง โดนใจมากกก
ส่วนทนายผู้ที่คล้ายไบโพล่าร์ 5555
สงสารแรกๆที่สับสนนะ แต่หลังๆหมั้นไส้

เตไมล์ในเล่มมีอักมั้ยคะ
คู่นี้มาตอนท้ายแต่ดี!!!

รอพึ่สงครามน่าาา
นกอีกตัวคือพี่อ้ายใช่ก่อ??
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 13/08/17
เริ่มหัวข้อโดย: KLiar ที่ 21-08-2017 18:44:43
น่ารักมากก ชอบเรื่องนี้มากก เรามาอ่านเรื่องนี้ก่อนเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 22-08-2017 11:51:08
ดีงามเช่นเคย และเต็มอิ่มฝุดๆ ขอคารวะและขอบคุณคร้าบบบบบ
เตไมล์มาที่หลังแต่แย่งซีนไม่น้อย ชอบคู่นี้อ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 22-08-2017 15:10:38
รวดเดียวจบ!!
ชอบอะ อ่านแล้วให้บรรยากาศหอพัก แบบแนวๆ หอพักประจำ ไม่ค่อยอ่านเรื่องไหนแล้วให้ความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่
ชอบในมิตรภาพของทั้งสี่คน
มีแต่ความเข้าใจและหวังดี
หายากมาก ที่เพื่อนตัวเองไปเป็นแฟนกับคนที่ตัวเองชอบแล้วจะไม่โกรธเกลียดกันนน
รออ่านอ้ายสงครามต่อดีกว่า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 22-08-2017 20:58:39
ชอบเรื่องนี้มากกกกก
อาสาน่ารักสุดๆอะ งูพิษน้อยของพี่
โอ้ย ชอบคาแรกเตอร์แบบนี้อะ
ชอบทนายด้วย แต่น้อยกว่าอาสา
ชอบธีมหอพักแล้วคนในหอสามัคคีกันนะ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆสำหรับเรื่องดีๆนะครับ
อยากเห็นผลงานเรื่องนี้เป็นซีรีย์จังครับ
น่าจะสนุกดี
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 23-08-2017 00:57:54
เป็นนิยายที่น่ารักอีกเรื่องนึง
ชอบประธานหอทั้งหลายมากๆๆๆ
โดยเฉพาะสงครามประธานหอสอง
อยากอ่านเรื่องของอ้ายกับสงครามแล้ว
ไปแวะอ่านบทนำก็อยากอ่านต่อไวๆแล้ว
รออ่านเรื่องประธานหออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-08-2017 02:07:15
 :m31: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 23-08-2017 18:30:16
สนุกมากเลยค่าาาาา

เราชอบอาสามากเลยยย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-08-2017 18:39:56
อ่านรวดเดียวเลย มีลุ้นมีผ่อน
แต่ทนายอาสาน่ารักเนอะ
ชอบที่มีไรพูดกันตรงๆนี่แหล่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 24-08-2017 10:44:08
กรี๊ดดดดด อัพจบแล้ว ขำความขึ้หึงของทั้งทนายและอาสา เวลาออดอ้อนตอนอยู่กันสองคนนี่คนอ่านเขินจิกหมอนขาดเลยนะเนี่ย :-[

ถ้าคุณ ชฟค ใจดี มีเวลา ฝากแถมสเปคู่เตไมล์หน่อยนะคะ อยากรู้เวลาคู่นี้เค้าหวานกัน ท่าทางจะแซ่บน่าดู // me ช้อนตาอ้อนสุดฤทธิ์

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ จะรออ่านคู่พี่อ้ายพี่สงครามต่อนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: TOR.SOR.7 ที่ 24-08-2017 15:08:21
หือๆๆๆ  จบแล้ว คิดถึง #ทนายอาสา ขอเมียแล้ว ดีต่อใจ :z2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: สาววายสายโหด ที่ 24-08-2017 20:16:44
คือออหนูรออออออออออออออออออพี่อ้ายยยุค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :ling1: :hao7: :jul1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 26-08-2017 00:47:44
หลายเรื่องที่เราไม่ค่อยชอบเพราะเนื้อเรื่องมันเกินจริง หรือดูยัดเยียดเกินไปแต่ชิฟฟ่อนสื่อสารออกมาได้ธรรมชาติมาก อะไรๆที่สมมติขึ้นมาเรามองภาพออก  คืออินมากจนคิดว่ามีจริงๆในประเทศ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-08-2017 07:33:41
อาสา ร้อนแรง แซงทางโค้ง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 26-08-2017 10:19:29
สนุกมาก** เกือบโดนชื่อเรื่องหลอก ไม่เข้ามาอ่านซะแล้ว 555 รอภาคต่อนะ ^^
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-08-2017 16:15:02
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องเลยค่ะ นึกว่าเป็นแฟนตาซี  พอรู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ตอนแรกก็ลังเลว่าจะอ่านต่อดีไหม แต่พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นอ่านไปรวดเดียวจบ แอบฮาตัวเองเหมือนกัน  เรื่องนี้เดินเรื่องดีมากค่ะ แต่ช่วงหลังจากที่แม่ทนายออกมาพากลับนี่ สั้นๆ ห้วนๆ ไปหน่อยน่าจะมีลูกเล่นอะไรมากกว่านี้  พอตัดจบเลยยังรู้สึกเสียดาย  ใจหายด้วยค่ะ อยากให้มีภาคต่อคู่เตกับไมล์  พี่อ้ายกับพี่สงคราม สารภาพเลยแอบจิ้นคู่ประธานหอสุดๆ 5555


ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายสนุกๆ เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-08-2017 01:35:29
น่ารักมากเลยค่ะ :-[ :-[ :-[ รอลุ้นพี่สงครามกับพี่อ้าย :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-08-2017 08:24:29
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 27-08-2017 13:02:51
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายฟินๆอีกเรื่อง สถานีต่อไป... สงครามอ้าย อ๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Brosohub ที่ 27-08-2017 15:40:19
ถ้าตื่นไปงานวายเดย์ทัน จิไปอุดหนุนนะคะ (ถ้าตื่นไม่ทัน หลังจากนั้นจะมีวางแผงปกติใช่ป่ะ เรากลัวไม่ตื่น555)
ขอแปะคอมเม้นไว้ก่อน ยังหาเวลาอ่านไม่ได้ แต่อยากอ่านมากค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ming88 ที่ 28-08-2017 19:41:26
สนุกเลย ขอบคุณค่ะ  :mew1: :mew1:
เกาะตามไปภาคถัดไป  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: jbook ที่ 29-08-2017 15:52:58
สนุกมากๆเลยค่ะ:)  :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 29-08-2017 18:02:10
 :haun4: o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-08-2017 20:48:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: pummy09 ที่ 31-08-2017 14:40:57
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณมาก ทนายอาสา เตไมล์ น่ารักทั้งสองคู่เลยค่ะ

จะรอติดตามคู่พี่สงครามอ้ายนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-09-2017 06:54:08
จบแล้ววว
สนุกมากกก
เ่รื่องนี้น่ารักมากกก
ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวไปตามอ่านสงครามอ้ายต่ออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 01-09-2017 22:14:41
สนุกมากกก   ฟินทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 02-09-2017 00:38:28
ในที่สุดพวกเขาก็ไม่นกกันแล้ววว น่ารักมากๆ
ขอบคุณมากๆค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 02-09-2017 18:35:47
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Imagine_chic ที่ 03-09-2017 08:04:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: fah3333 ที่ 03-09-2017 13:00:59
 :z13:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 03-09-2017 15:44:17
เรารักเรื่องนี้มากๆ ^^
ชอบความแมนของทนาย ชอบความรักที่ทนายมีให้อาสา ชอบที่อยากปกป้องคนที่เรารัก ชอบที่ใส่ใจความรู้สึกของคนสำคัญ
ชอบความที่อาสาเป็นงูพิษน้อยๆ ร้ายชะมัด 555 แต่อาสาก็น่ารักจริงๆแหละ ทนายหลงขนาดนี้
ชอบความรักของทนายกับอาสา มีอะไรก็พูดกันตรงๆ แต่แอบกลัวใจกับการประชดประชันของอาสาจริงๆ มันหน่วงมาก
ถ้าเราเป็นทนายก็จะบ้าตาย ใจจะขาดจริงๆ ไปกับคนอื่นไปทั่ว แล้วไม่สนใจเราอีก ไม่อยากให้เขาทะเลาะกันจริงๆ
สำหรับเตกับไมล์ บทจะไวก็ไว 555 น่ารักกันชะมัด

ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะคะ เรารักมากๆจริงๆ เรื่องนี้ทำให้เรามีความสุข :)
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 03-09-2017 15:53:44
สนุกมากเลยคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 03-09-2017 18:05:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 04-09-2017 00:33:29
โอยยยย...ฟินอ่ะ...ฟินโคตร ๆ ฟินปรอทแตก ฟินไป 100 ระดับ...นั่งอ่าน 2 วัน 2 คืนเต็ม ๆ อ่านจนตาพร่าไปแล้วเนี่ยะ...ชอบตรงที่ทั้งทนายและอาสาไม่งี่เง่า...ถึงจะมีบ้างแต่ก้อไม่นาน...เพราะคาใจอะไรกัน...ก้อถามก้อบอกกันตรง ๆ โคตรแมนเลยอ่ะ...คูลมาก ๆ จบบัลลังก์ปักษา...ตามต่อด้วยราชวิหค พี่สงครามกะพี่อ้าย....งานนี้กระเป๋าตังค์เริ่มสั่นแล้วเรา...  :sad4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: babe04 ที่ 04-09-2017 22:42:16
ตามอ่านวันเดียวจนจบ สนุกมากกกกกกก เขินมากด้วย ทนายน่ารักกก :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 06-09-2017 11:38:34
ยังอ่านไม่จบ แต่มาเม้นก่อน ทนไม่ไหว  :laugh:
จากตอนที่4 รู้สึกกรี๊ดสงครามมาก
จนรู้สึกว่าพระเอกเป็นตัวประกอบ 5555
เรือผีสงครามอ้ายอะไรก็ไม่รู้นะ
แต่้เราอยากลงเรือสงครามทนายมาก
อะไรคือ "กูจับตามองมึงอยู่"   :z3:
พอๆ เลิกเพ้อเจ้อ ไปอ่านต่อดีกว่า
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 06-09-2017 12:08:35
สนุกมากกกกกกกกก

ขอบคุณนิยายดีๆ ชุดนี้ สนุกทุกตอนเลยค่ะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 07-09-2017 08:05:05
น่าร้ากกกกสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 07-09-2017 10:15:28
สนุกมาก ๆ หนังสือปกก็สวยมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 07-09-2017 17:18:15
สนุกมากเลย อ่านรวดเร็วจบ
หอพักก็ดูวาไรตี้ดี ยังแอบสงสัย ถ้าเป็นคนธรรมดา ไม่โดดเด่นด้านไรเลย จะได้อยู่หอไหนนะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 08-09-2017 13:49:21
ทนายอาสา น่ารัก สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-09-2017 14:21:46
สนุกจุงงง  :hao7:
อ่านรวดไปเรยจ้าาาา..
พี่เค๊กไม่ทำให้ผิดหวัง..  :katai5:
ผลงานดีๆอีกแล้วคับท่าน.. 55+ สายอวย อ่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 09-09-2017 17:36:27
แปลกใจตัวเองนิดหน่อย ปกติอ่านนิยายของ ชฟค แล้วจะต้องรู้สึกถูกใจในตัวเอกบ้าง แต่สำหรับอาสาคนนี้..เราอ่านถึงตอนเก้าแล้วยังสัมผัสถึงเสน่ห์ของตัวละครนี้ไม่ได้เลย ไม่รู้สิ ว่ายังไง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 13-09-2017 14:43:16
อยากได้ๆๆๆ
ทั้งอาสาทั้งทนาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: rori ที่ 14-09-2017 05:48:59
น่ารักมากกกกกก สมเป็นนิยาย Chiffon cake   :o8:
อ่านจบแล้วย้อนกลับไปดูชื่อเรื่องแล้วนั่งขำ 5555 :m20:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkuuu ที่ 14-09-2017 21:43:43
เขินไม่ไหวแล้วววววววววววว ทนายอาสาๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่องนะคับ สนุกมากๆๆคับ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 14-09-2017 22:35:41
สนุกกกกก น่ารัก อยากอ่านต่อเรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเลย  อยากให้แต่งเรื่องยาวๆจัง  ชอบมากมาย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-09-2017 19:50:55
สนุกมากค่าาาา อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 17-09-2017 06:51:04
สนุกลุ้นกับทนายมากเลยค่ะ อ่านช่วงแรกคิดว่าทนายไม่น่าจะหล่อมาก พออ่านไปเรื่อยๆคิดว่าจริงๆแล้วอาสาชอบทนายตั้งแต่ครั้งแรกเพราะทนายหล่อมาก ยิ่งได้รู้จักยิ่งชอบแต่ไม่รู้ใจตัวเองซะงั้น ขอบคุณที่มาลงให้ได้อ่านกันนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 17-09-2017 09:45:23
โอ๊ยอาสาน่ารักจังอยากได้ :ling1: เห็นชื่อเรื่องคิดว่าเป็นนิยายพีเรียดจีนซะอีก

ผ่านไป ผ่านมาไม่ยอมอ่าน พอเห็นบ่อยๆเข้าก็เลยลองเข้ามาดู

อื้อหือยาวววว เลยคร่าา ไปตามอ่านEP.2ต่อไป :z2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 17-09-2017 22:57:04
 o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-09-2017 16:26:54
โอ้ยยยยยย น่ารักมาก
อาสาขี้อ่อยนะ แต่น่ารัก
ชอบพี่สงครามกับพี่อ้ายนะ ต้องตามไปอ่านคู่นี้
ขอบคุณนิยายน่ารักๆสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 18-09-2017 16:55:58
ในที่สุดก็ว่างอ่านสักที
งืออออ น่ารักอ่ะ
ชอบตอนทนายเรียกิาสาว่างูพิษอ่ะ
มันดูน่ารักมุ้งมิ้งไงก็ไม่รู้เนอะ
ไปอ่านภาคต่อไปก่อนนะค้า
ปล.เก็บตังค์ซื้อแพรบบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 18-09-2017 19:02:11
ตามมาอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สารภาพว่าตอนแรกเห็นชื่อแล้วนึกว่าเป็นแนวพีเรียต5555555
อ่านแล้วหลงรักตัวละครทุกตัว รักในความวุ่ยวายของทุกคน :hao7: :hao7: :hao7:
ว่าแล้วก็วิ่งไปตามอ่านคู่พี่สงครามคนเท่ต่อ :katai5:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 21-09-2017 08:16:48
อ่านแล้วสดชื่น รู้สึกถึงการได้รับพลังด้านบวกในชีวิตเพิ่มขึ้น น่ารัก สดใส ดีงาม
ขอบคุณที่ถ่ายทอดงานนี้มาให้ได้ชื่นใจนะจ๊ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 21-09-2017 23:23:47
อร้าย ชอบอ่ะ

ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-09-2017 15:40:14
พึ่งมาอ่านนี่เพราะจะรออ่านรวดเดียว3ภาคติดเลยค่ะ555
ไม่เคยผิดหวังกับผลงานเลยยยยย
อาสาน่ารักมากกก
ทนายก้เป็นคนที่น่าอิจฉามากจริงๆอะ
อะไรจะรักกันเหนียวแน่นขนาดนี้คะ
อ่าแล้วรับรู้ได้ถึงความรักขอบทั้งคู่ และความหลงอันบ้าคลั่งของทนายเลย
อาสาคือจุดสูงสุดในหมู่ชายด้วยกันตริงๆอะ
เป็นราชินีบนบัลลังค์ เคียงคู่กับอัศวินคู่บัลลังค์
คู่รองก้แอบแซ่บบบ ไม่เคยคิดว่าไมล์จะแซ่บได้ขนาดนี้
ไม่เคยคิดว่าเตจะเจ้าเล่ห์และเนียนได้ขนาดนี้อีกเช่นกันนน ชอบมากก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ
จะไปอ่านภาค2ต่อทันทีเลยค่ะ ติดงอมแงมเลย555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 25-09-2017 17:19:19
สนุกมากกกก ,, อยากฟัดอาสาเลยอ่ะ

คนอะไร น่ารักเว่อ สมกับเป็นนางฟ้า

ทนายนี่อย่างแมน ชอบตอนบุกไปช่วยอาสาจากสงครามอ่ะ โคตรเท่
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 28-09-2017 19:35:02
โอ้ยทนาย รักมาก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 29-09-2017 00:02:46
 :pig4: สนุกมาก จะไปตามอ่าน ราชาวิหค ต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 10-10-2017 09:02:05
 :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 26-10-2017 21:58:54
น่ารักกกกกกกกกกกก 
เห็นเรื่องนี่มานานมากกกกก
ตอนแรกว่าจะรออ่านตอนซื้อเล่มที่เดียว
แต่อยากอ่านมากเลยมาอ่านก่อน
ทนายคือดีงามมาก เป็นผู้ชายที่แบบ คือดีอ่ะแก๊!!!!!!!!
อาสาก็น่ารัก ตอนแรกเห็นชื่อซีรีย์ สิบสองเราไม่กล้าเข้ามาอ่าน
เพราะกลัวจะดราม่าตับพัง แต่เพราะเป็นคนเขียนคนนี้ เราเลยเข้ามาอ่าน
แล้วไม่เคยผิดหวังเลย จริงๆค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวน่ารักๆ ให้ฟินกันนะคะ
 :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 29-10-2017 00:57:43
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: The_22nd_Letter ที่ 04-11-2017 15:45:42
สนุกมากกกค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
กลัวจะ bad end เนือง ๆ เจออาสาหน่วยกล้าพูดเสียนี่ หักไปอีกทางจากที่คิดเสียอย่างนั้น ชอบมากค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: lonely_pp ที่ 19-11-2017 00:36:01
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านวันเดียวจบเลย จะติดตามเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-11-2017 00:43:19
น้องงูพิษที่น่าเอ็นดูของเจ้ หาคนดูแลได้แล้ว ต้องมาสายนี้อย่าไปสายหญิง ก็รู้กันอยู่เนอะ น่ารักขนาดนี้
ทนายเป็นพระเอกที่น่ารักดี คือนางก็งงๆ ในช่วงแรก สุดท้ายก็อินไปกับการปกป้องนางฟ้า
จนหลงรักเขา ชอบสองคนนี้ตรงที่พูดกันตรงๆ อาสาตรงมาก ดูยั่วทุกตรง เพราะน่ารัก
ทนายก็ตรงตลอด กึงว่าหึง หวงว่าหวง เป็นคู่ที่โคตรจะเหมาะกัน เตไมล์ก็น่ารักมาก ความรักเยียวยาทุกสิ่ง
ขอบคุณค่ะ ตามไปเรื่องถัดไป
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 26-11-2017 21:18:54
สนุกกกกจะตามไปอีก2ภาคที่เหลืออ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 03-12-2017 23:56:54
เริ่มหลงรักงูพิษขี้อ่อย ทนายจะตามมาแหกอกเรามั้ยเนี่ย 55555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: bewitchz ที่ 13-12-2017 19:29:50
โอ้ยยยยย ทำไมเราเพิ่งมาได้อ่านเนี่ยยย ชอบมากๆเลยค่าาา  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 20-12-2017 07:23:08
น่ารักมากกกก อาสางูพิษน้อยของทนาย  ทนายเทวดาของอาสา

โอ๊ย!!! หวานเวอร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 22-12-2017 04:03:26
หูย สนุกมากกกกกค่ะ อ่านยาวๆมาตั้งแต่เมื่อวาน น่ารัก รอสงครามอ้ายนะคะ~~
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 25-12-2017 08:39:34
 :o8: :-[ อาสาน่ารัก ขี้อ่อย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 28-12-2017 02:26:41
งูพิษน้อยน่ารักมากกกกกก ทนายนี่รักมากหึงมากสุดยอดดดดด แต่งูพิษหึงหนักกว่าเยอะเอาจริงๆ5555
ชอบเตไมล์มากกกกกบอกเลยค่าาา แซ่บ!!

แอบอยากรู้ความเป็นไปของพี่คุมหอทั้งจริงๆเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 28-12-2017 13:58:50
คู่นี้น่ารักมากเลยค่ะ
ชอบสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 22:36:32
แค่เปิดมาอนแรกก็น่าสนุกแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 22:51:04
ศึกชิงอาสาเริ่ม!
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:05:39
เอาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:18:58
สงครามก็มาาาา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:27:34
อาสาไม่น่าจะถึงขั้นสงคราม เอาเป็นสงกรานต์ไปก่อนมั้ย 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:38:22
นึกว่าจะมีศึกชิงนางฟ้า 5555
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:45:26
เห็นเงางนลางๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 01-01-2018 23:56:42
เึดอัดแทนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 02-01-2018 00:11:53
เอาแล้วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 02-01-2018 03:26:01
ขอบคุณค่ะ อาสาน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 07-01-2018 20:32:43
#ทนายอาสา
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 28-01-2018 08:16:42
อาสาน่ารักมาก ขี้อ่อยอ่ะ ทนายหลงจนไปไหนไม่ได้แล้ววว :ling1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 28-02-2018 01:57:48
เขินไปหมดแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥แมวจอมซน♥ ที่ 03-03-2018 17:00:23
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน อ่านทีรวดเดียวจบเลย
สนุกมากๆ เลยค่า
รักทนายอาสา ชอบเตไมล์ ชอบทุกตัวละครที่อยู่ในเรื่องเลยค่ะ
ยกหิ้งให้เป็นนิยายในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งค่ะ
เซ็ตนี้ซื้อเก็บแน่นอนค่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 11-04-2018 19:09:48
ชอบตรงที่มีหอ 6 หอ และมีความแตกต่างกัน
เลยอยากรู้จะมีตัวละครจากหออื่นๆ
หรือไม่นอกจากตัวละครจากหอสาม
แต่จากที่อ่านก็มีบ้างนิดหน่อย แอบหวังให้มีเพิ่มในภาคต่อไป
เท่าที่รู้ ตัวหลักภาคสองก็ยังเป็นหอ2,3 สรุปหออื่นเป็นบทตัวประกอบหรอ

อีกเหตุผลที่อ่านเรื่องนี้จบเพราะเตกับไมล์ เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก คนแต่งสร้างคาแรคเตอร์สองคนนี้ได้ดีกว่าตัวหลักสำหรับผม



หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 17-04-2018 06:39:19
สนุกมากเลยค่ะ  ชอบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Mushroom_mus ที่ 18-04-2018 12:57:38
ชอบมากกกกก เป็นนิยายที่อ่านแล้วยิ้มตามตลอด
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:41:08
สนุกมากกก  :o8:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 18-07-2018 13:47:21
สนุกมาก ๆ ครับ น่ารักมาก อาสา งูพิษ ชอบคู่รอง เต-ไมล์ น่ารักมาก ๆ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 22-07-2018 14:27:50
สนุกๆ อิจฉาจัง
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-09-2018 17:25:04
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 15-10-2018 20:25:47
อาสาดีมากกกก ทำหน้าที่แฟนได้ดีเวอร์ แถมยังร้ายอีก ลูกแม๊   :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 22:01:23
ติดตาม ต้องอ่านๆ
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 14-12-2018 08:00:32
อาสานางฟ้าของเราทำไมน่ารักแบบนี้ อยากกลืนลงท้องจังเลยยย แฮปปี้แล้วซินะนกทั้งหลาย
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae_yusoo_mi ที่ 28-02-2019 22:39:24
อ่านมาได้ 6-7 ตอนเริ่มรู้สึกว่า อาสาเนี่ยไม่โง่ก็ไม่คิดอะไรเลย ชีวิตอยู่มาได้ยังไงเนี่ย
 :angry2:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 24-03-2019 15:05:40
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: kangbanyaza ที่ 04-01-2020 11:58:13
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 05-10-2021 00:03:58
 :-[
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 18-05-2022 09:16:02
สนุกมาก น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 24-05-2022 02:36:42
อ่านรวดเดียวจบ  สนุกมากเลยค่ะ