พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Bellmos ที่ 05-04-2017 22:17:41

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Bellmos ที่ 05-04-2017 22:17:41
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับ

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น 

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************

สองถนนข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์สูงเตี้ยสลับกันไป สีเขียวของใบไม้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย ผมชอบธรรมชาติมากที่สุด ผมจึงเลือกที่นี่สำหรับการหนีปัญหาทุกอย่าง ผมกำลังอยู่บนรถสองแถวเข้าหมู่บ้านของคนที่ผมรู้จัก หมู่บ้านนี้เป็นหมูบ้านเล็กๆอยุ่ในหุบเขาทางเหนือของประเทศ ผมขอเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยสักพักแต่ผมไม่ได้บอกเหตุผลหรอกว่าผมกำลังหนีปัญหามากมายที่ตัวผมเองแก้ปัญหาไม่ได้มันเกินกำลังเกินไป และผมก็ไม่มีกำลังใจที่จะสู้ต่อแล้วด้วย ผมก็เลยเลือกที่จะหนีปัญหามา ขอเวลาสักพัก เผื่อที่นี่จะทำให้ผมคิดอะไรออก ผมอยากลองมาใช้ชีวิตในที่สงบๆดูบ้าง ตลอดเวลาของช่วงชีวิตของผมที่ผ่านมา ผมเหนื่อยเกินไป ผมรู้ว่าผมแบกอะไรไว้มากมาย ตอนนี้ถึงเวลาผมต้องลองวางมันลงบ้างแล้ว ผมมาที่นี่พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระเพียงใบเดียว ผมจะไม่เอาเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรมาช่วยอะไรผมทั้งนั้น ผมจะมาเป็นคนที่นี่ เป็นแค่ชาวบ้านชาวเขาธรรมดา ตอนนี้รถจอดแล้ว ผู้คนเริ่มทยอยลงจากรถแล้ว คงจะถึงหมู่บ้านแล้วละ หมู่บ้านเคียงเดือน
“คุณหนูคะ ทางนี้ค่ะ” หญิงสาวชาวบ้านแต่งตัวธรรมดากำลังร้องเรียกผมอยู่ เธอคือลูกสาวของยายผ่าน คนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก แต่ท่านเสียไปแล้ว ผมก็พึ่งจะรู้ว่าเธอมีลูกสาว เธออายุไรเรี่ยกับผม เธอชื่อ แพรว  เธออยู่คนเดียวที่หมู่บ้านแห่งนี้ ที่ผ่านผมรับเธอไว้ในความดูแล ส่งเสียเธอจนเรียนจบ แล้วเธอก็ขอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ใช้ความรู้ต่างๆที่เธอร่ำเรียนมามาพัฒนาสวนผลไม้ของเธอที่ยายผ่านทิ้งไว้ให้ กับเธอผมเป็นเหมือนเจ้านาย เหมือนผู้มีพระคุณ แต่กับผมเธอเหมือนพี่สาวของผม ผมมักจะระบายเรื่องเครียดๆเรื่องที่ไม่สบายใจกับเธอ เธอเป็นผู้ฟังที่ดีแล้วช่วยผมแก้ปัญหาได้เสมอๆ แต่ปัญหาครั้งนี้มันใหญ่เกิน เธอไม่สามารถช่วยได้ ผมจึงไม่ไดบอกอะไรเธอ กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจไปด้วย ผมรู้ว่าเธอรู้ว่าผมมีปัญหา แต่ในเมื่อผมไม่พูดเธอก็จะไม่เซ้าซี้

“เบลบอกพี่แพรวแล้วอย่าเรียกเบลว่าคุณหนู ให้เรียกว่าเบล” ผมบอกไปพลางทำหน้ายู่

“ก็มันชินนี่นา โอเค เบลก็เบล” เธอเอ่ยน้ำเสียงติดจะเนือยๆ

“ดีมากครับ ตอนนี้ผมเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้มใส่พี่แพรว

“จ้าๆ ธรรมดาก็ธรรมดา ปะ เข้าบ้านอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยๆ” พี่แพรวเอ่ยแนะนำ

“โอเคคับ เย็นนี้พาผมสำรวจหมู่บ้านด้วยนะ” ผมอ้อนไป

“ได้จ้า ว่าแต่เอาของมาแค่นี้หรอ?” พี่แพรวถามผม

“ใช่ครับ ค่อยซื้อใหม่ที่นี่ไง จะได้กลมกลืน” ผมตอบพร้อมยิ้มร่า

“โอเคๆตามนั้นจ้ะ” พี่แพรวเอ่ยแบบปลงๆยิ้มๆ

“โอ้ยยย” ขณะที่ผมเดินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแรงอะไรสักอย่างเข้าปะทะผมอย่างแรง ผมล้มมลงไปอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน ยังดีที่เข้ารับผมทันไม่งั้นหน้าแหกแน่

“เดินระวังหน่อยสิคุณ เด๋ยวก็เจ็บตัวหรอก” เสียงทุ้มติดด้วยแรงอารมณ์เอ่ยบอก

“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง” ผมบอกขอโทษเขาไป

“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าเดินระวังๆหน่อยนะครับ” เขาเอ่ยตอบมา

“ครับ” ผมบอกกลับไป พร้อมเงยหน้ามองเขา ฮู้ว ดารามาเที่ยวหมูบ้านหรอ คนอะไรเนี่ย หล่อจัง รูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน คิ้วเข้ม มีหนวดเคราบางๆ แต่คงไม่น่าจะใช่ดาราแล้วละ เขาแต่งตัวปกติทั่วไปเหมือนชาวบ้าน แต่ออร่าของเขานี่สิ พุ่งจริงๆ เผลอไปสบตาเขา สายตาเขาดูดุดัน แต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์ แต่จู่ๆเขาก็เลิกคิ้วขึ้น สงสัยจะมองนานไปหน่อย

“เอ่อ ปล่อยก่อนได้มั้ยครับ” ผมเอ่ยขึ้นเพื่อแก้สถานการณืตรงหน้า

“ครับ” เขาปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแกร่ง

“เบลเป็นอะไรมั้ย” พี่แพรวเอ่ยถามพรางสำรวจตัวของผม

“ไม่เป็นไรครับพี่แพรว คุณเขารับเบลทัน ไม่งั้นหน้าแหกแน่ๆเลย” ผมเอ่ยติดตลกเพื่อไม่ให้พี่แพรวเป็นกังวล

“ดีแล้ว ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงนิลกานต์” พี่แพรวเอ่ยขอบคุณเขา

“ไม่เป็นไรครับน้องแพรว เพื่อนมาเที่ยวหรอครับ” พ่อเลี้ยงเอยถามพี่แพรว

“น้องค่ะ เขาจะมาจากกรุงเทพ จะมาพักอยู่ด้วยสักพัก” พี่แพรวตอบกลับไป

“ครับ เอ่อ ยังไงเดือนนี้รบกวนสตอเบอรี่ที่สวนน้องแพรวหน่อยนะครับ เดือนนี้ต้องใช้เยอะ ของพี่มีไม่พอ” พ่อเลี้ยงบอกกับพี่แพรว

“ได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหา จะมารับวันไหนก็บอกล่วงหน้านิดนึงนะคะ จะได้เก็บให้ทัน” พี่แพรวเอ่ยตอบไป

“ขอบคุณนะครับ งั้นเป็นอีกสามวันพี่จะเข้าไปเอาที่สวนนะครับ” พ่อเลี้ยงบอก

“ตกลงค่ะ งั้นแพรวขอตัวก่อนนะคะ พาน้องไปพักผ่อนก่อนเดินทางมาเหนื่อยๆ ” พี่แพรวตอบตกลงไป แล้วเอ่ยลาพ่อเลี้ยง

“ครับ ยินดีต้อนรับนะครับ” พ่อเลี้ยงตอบรับ แล้วหันมาคุยกับผม

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยขอบคุณไป แล้วขอตัวกลับไปพัก

“เก็บสตอเบอรี่หรอ เบลอยากเก็บอ่ะ ให้เบลไปเก็บด้วยนะ” ผมอ้อนไป อยากลองเก็บผลสดๆจากต้นดูบ้าง

“ได้สิคะคุณหนู มีให้เก็บเยอะแยะ แต่เก็บแล้วกินให้หมดด้วยนะคะ อย่าทิ้งขว้าง พี่ไม่ยอมนะ” พี่แพรวเอ่ยดักทาง

“ได้เลย จะกินให้หมดสวนเลย5555” ผมบอกไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“หึ คุณหนูหรอ จะอยุ่ได้สักกี่น้ำ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมืองกรุงนะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยค่อนแคะคนร่างบางกับตัวเอง

…………………………………


“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง จะไปไหนหรอครับ” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถาม

“จะไปคุยกับน้องแพรวสักหน่อยหน่ะ ผู้ใหญ่กัน ไปที่สวนมา เด็กที่สวนบอกน้องแพรวออกมารับคนที่ท่ารถ” พ่อเลี้ยงเอ่ยตอบไป แล้วเดินไปยังท่ารถ นั่นไงเจอน้องแพรวแล้ว แต่ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปหา จู่ๆ ก็มีอะไรสักอย่างเข้ามากระแทกอย่างแรง พอมองไปคนตัวบาง ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลอ่อน คิ้วสวย ปากสีแดงสด รวมๆแล้วดูน่ารัก กำลังจะล้มลงเพราะแรงกระแทก เขาจึงเข้าไปคว้าคนตัวบางเข้ามาในอ้อมกอด สัมผัสแรกตัวนิ่มจังแถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย ได้กลิ่นแล้วสบายใจจัง เมื่อมองหน้ามน หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้น เขาจึงเอ่ยเตือนเสียงเข้มไป ร่างบางตอบกลับมาด้วยเสียงหวานไพเราะ พร้อมกับเงยหน้ามองเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีเสน่ห์ทำเขาเกือยลืมหายใจ แต่ดูเหมือนร่างบางในอ้อมกอดของเขาจะตกอยู่ในพวัง จ้องเขานานมาก เขามีอะไรติดหน้าหรอ จึงเลิกคิ้วขึ้นเพื่อเป็นการถาม ร่างบางดูเหมือนจะได้สติ แล้วเอ่ยให้ปล่อยออกมาอ้อมกอด ทำไมเขากลับไม่อยากปล่อยเลยนะ แต่ก็ต้องทำใจปล่อยออกไป จากนั้นก็ได้คุยกับน้องแพรว จึงได้รู้ว่าร่างบางเป็นเพื่อนมาจากรุงเทพ ตอนแรกคิดว่ามาเที่ยว แต่น้องแพรวบอกว่าจะมาอยู่ที่นี่สักพัก คนกรุงอย่างนั้นหรอจะอยู่ที่นี่ได้นาน แต่จู่ๆก็ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ปรากฏว่าได้ยินว่าเป็นคุณหนู แต่ทำไมน้องแพรวจึงบอกว่าเป็นน้องละ แล้วทำไมต้องหงุดหงิดแล้วค่อนแคะเขาด้วย เขาทำอะไรผิด ปกติเป็นคนมีเหตุผลนี่ จะอยู่ได้นานหรือไม่ได้นานมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่อีกใจก็อยากจะให้เขาอดทนอยู่ได้นานๆ อยากรู้จักมากกว่านี้

………………….

เช้าวันใหม่ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ออกไปเดินเล่นในสวนรับอากาศบริสุทธิ์ซึ่งหาได้ยากในเมืองหลวง ที่นี่ต้นไม้เยอะ อากาศไม่ร้อน ผู้คนไม่พลุกพล่าน สบายใจจังงงงงงง วันนี้ภาระกิจแรกจะไปสตอเบอรี่ในสวนกับพี่แพรว สวนของพี่แพรวไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้พี่แพรวดูแลได้โดยง่าย คนงานไม่เยอะ เห็นสวยๆแบบนั้น แต่แข็งแรงมาก แล้วก็อดทนสุดๆ ตอนแรกจะส่งให้พี่แพรวไปคุมไร่ของที่บ้านเพราะพี่แพรวเป็นคนเก่งมาก แต่พี่แพรวขอกลับมาดูแลสวนที่นี่เพราะยายผ่านทิ้งไว้ให้ พี่แพรวจะไม่ขายเด็ดขาด ให้เป็นมรดกต่อไปถึงลูกหลาน ผมจึงไม่ได้บังคับอะไร ตามใจพี่แพรว

“พี่แพรว จะไปเก็บสตอเบอรี่กี่โมงอ่า” ผมเอ่ยถาม

“สักสายๆแล้วกัน เบลอ่ะมากินข้าวเช้าก่อนมา” พี่แพรวเอ่ยชวนทานข้าวเช้า

“จริงๆ ให้เบลช่วยก็ได้นะ พี่แพรวก็รู้งานบ้านเบลทำเป็นนะ” ผมบอกพี่แพรวไป

“ไม่ได้ค่ะ มาอยู่ที่นี่ให้สบายใจไม่ใช่หรอ เก็บแรงไว้ไปแก้ปัญหาที่คาใจดีกว่านะ” พี่แพรวเอ่ยบอกด้วยน้ำสียงห่วงใย

“นั่นมันก็ใช่ แต่ที่เบลมาที่นี่เบลมาในฐานะชาวบ้านคนหนึ่งนะ อะไรที่เบลช่วยได้เบลก็อยากช่วย มาอาศัยอยู่ก็เกรงใจพี่แพรวจะแย่แล้ว” ผมบอกออกไป

“ก็นั่นแหละค่ะ พี่ให้เบลเหนื่อยได้หรอกนะ เบลเป็นผู้มีพระคุณของพี่นะ” พี่แพรวบอก

“อย่าพุดอย่งนั้นสิครับ เบลเต็มใจ ไม่คิดว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ ลูกยายผ่านก็ถือว่าเป้นครอบครัวเบลเหมือนกัน ยายผ่านเลี้ยงเบลมาด้วยความรัก เบลรักท่านมาก แล้วเบลก้รักพี่แพรวเหมือนกันนะครับ พี่แพรวก็เปรียบเสมือนพี่สาวของเบลคนหนึ่งเหมือนกัน” ผมบอกไป

“โอเคๆ อย่าดราม่ากันเลยนะคะ เดี๋ยวซึ้ง55555 เอาเป็นว่าเดี๋ยวมีอะไรให้ทำให้ช่ยพี่จะบอกแล้วกันนะคะ” พี่แพรวเอ่ยบอก

“ครับๆ” ผลตอบรับไป

……………….................
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Bellmos ที่ 05-04-2017 22:20:51
ตอนนี้เรามาอยู่ในสวนสตอเบอรี่แล้ว น่ากินมากกกกกกกก พี่แพรวอธิบายวิธีการเก็บ โน่นนี่นั่น แล้วก็นั่งฟังคนงานของพี่แพรวกับพี่แพรวเถียงกัน สนุกดี คนงานรักพี่แพรวมาก พี่แพวเป็นทั้งผู้ให้งานแล้วและความรัก คนงานที่นี่จึงทำงานแบบถวายหัว พี่แพรวก็เป้นกันเองกับคนงานมาก คนงานเหล่านั้นยังเผื่อแผ่ความรักมาเผื่อผมอีกด้วย

“ไปลุยกันเลยดีกว่า” ผมเอ่ยอย่างตื่นเต้น

“ไปกันเลยค่ะ” พี่แพรวตอบกลับมา

“สวัสดีครับน้องแพรว เบล” เสียงทุ้มคุ้นๆเอ่ยทักพี่แพรวกับผม

“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยงนิลกานต์ สวัสดีครับ มาทำอะไรถึงที่สวนนี่คะ” พี่แพรวกับผมยกมือไหว้พ่อลี้ยง แล้วพี่แพรวก็เอ่ยถามจุดประสงค์ที่พ่อเลี้ยงมาที่นี่

“บอกให้เรียกพี่ว่าพี่นิล หรือไม่ก็พ่อเลี้ยง ไม่ต้องเรียกเต็มขนาดนั้นก็ได้นะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมางอนๆ ไม่เหมาะกับมาดเขาเลย แต่ก็น่ารักดี

“โอเคค่ะ พ่อเลี้ยง” พี่แพรวเอ่ยเย้ากลับไป

“พี่จะให้คนมาช่วยน้องแพรวเก็บสตอเบอรี่นะครับ มารบกวนแล้วยังต้องให้สาวน้อยเหนื่อยอีก” พ่อเลี้ยงบอก

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ นี่ธุรกิจนะคะ แพรวตกลงรับปากแล้ว แค่นี้สบายมาก อีกอย่างแพรวจะได้ไม่ต้องออกไปส่งของเองอีกด้วย งานสบายมากกกก” พี่แพรวเอ่ยตอบไป

“ครับๆ ก็ช่วยๆกันจะได้เสร็จเร็วๆ ไหนก็มาแล้ว” พ่อเลี้ยงบอก

“ได้ค่ะๆ เริ่มกันเลยดีกว่า เบลเก็บส่วนของเบลไปนะ เดี๋ยวของพ่อเลี้ยงพวกพี่จะจัดการเอง” พี่แพรวตอบกลับไป พร้อมหันมาบอกผม

“โอเคครับๆ” ผมตอบรับ

ผมเดินเก็บสตอเบอรี่ไปเรื่อยๆ ชมบรรกาศ ตอนแรกอากาศก็ยังสบายๆ พอสักพักเริ่มร้อนแล้วแหะ ไม่ได้ใส่เสื้อกันแดดมาซะด้วย ไหม้แดดแน่ๆ แต่ช่างเหอะ จะได้ดูเข้มขึ้นมาบ้าง แต่จู่ๆขณะที่ก้มเก็บสตอเบอรี่อยู่ ก็มีเสื้อตัวใหญ่คลุมมาบนไหล่

“ตอนบ่ายแดดแรง ใส่นี่ไว้ คราวหลังจะเข้าสวนอย่าลืมติดเสื้อแขนยาวมากันแดดละ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก

“เอ่อ ขอบคุณครับ ไม่คิดว่าตอนบ่ายแดดจะแรงเลยไม่ได้เอาเสื้อแขนยาวติดมา แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ อาบแดด5555” ผมตอบติดตลกออกไป

“เดี๋ยวผิวเสียหมดนะครับ อีกอย่างเดี๋ยวไม่สบายเอา” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก

“ผิวเสียไม่กลัวรอกครับ จะได้ผิวเข้มๆ จะได้หล่อๆ แบบนี้ไง” ผมพูดพร้อมกลับจับแขนของพ่อเลี้ยงขึ้นมา พ่อเลี้ยงชะงักไปนิดหน่อยแล้วพูดต่อ

“หึๆ แต่ถ้าป่วยขึ้นมาจะลำบากนะครับ ที่นี่ห่างจากตัวเมืองอยู่พอสมควร” พ่อเลี้ยงบอก

“จริงสิ เดี๋ยวพี่แพรวลำบากไปด้วยเปล่าๆ ขอโทษนะครับ คราวหลังจะไม่ลืม” ผมบอกพ่อเลี้ยงไป

“ครับ ไปเถอะ ทางโน้นคงเสร็จแล้ว” พ่อเลี้ยงเอ่ยชวน

“ครับ” ผมบอกไปแค่นั้นแล้วเดินตามหลังเขา ตัวเขาสูงจัง ร่างกายแข้งแกร่งบึกบึน แถมหล่อมากๆอีกต่างหาก ไปเป็นดารานี่รุ่งเลยนะเนี่ย เสื้อเขาหอมจัง ได้กลิ่นแล้วรู้สึกปลอดภัย

“ยังไงก็เชิญพ่อเลี้ยงทานข้าวเย็นด้วยนะคะ” พี่แพรวเอ่ยชวน

“ได้ครับ ไงก็ขอฝากท้องด้วยนะครับ” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก

……………………..

มื้อเย็นผ่านไปอย่างเรียบง่าย โดยมีพี่แพรวและพ่อเลี้ยงคุยกันไปเรื่อยเปื่อย มีผมแทรกออกความเห็นบ้างนิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับธุรกิจ ผมก็พอมีความรู้บ้างแต่ไม่อยากแทรกแทรงงานของพี่แพรว แค่คอยออกความเห็นบ้างก็พอ แต่ตลอดเวลาพ่อเลี้ยงมองมาที่ผมบ่อยมาก สายตาเขาทำผมเขินแปลกๆยังไงไม่รู้ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ให้ตายสิ หัวใจเต้นเร็วขนาดนี้ออกมาข้างนอกเลยม่ะ ขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น จู่ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บเสียดขึ้นมาในร่างกาย สุดท้ายกลายเป็นไอออกมาอย่างแรงอย่างแรง

“แค่กๆ” ผมไอออกมา แล้วมองไปที่มือของตัวอง ‘เลือด’ ในมือของผมมีเลือดที่ออกมาพร้อมกับที่ผมไอ ผมรู้สึกเจ็บที่กลางอกมาก มันเริ่มแล้วสินะ แต่ผมต้องเก็บอาการ เดี๋ยวพี่แพรวเป็นห่วง

“เป็นอะไรมากมั้ยเบล” พี่แพรวถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่หรอกครับ แค่สำลักน้ำ55555” ผมเอ่ยตลกกลบเกลื่อน

“ค่อยๆกินสิ ไม่มีใครแย่งหรอก” พี่แพรวบอกมาอย่างเอ็นดู

“ครับๆ งั้นเบลขอตัวไปเดินย่อยก่อนนะ พี่แพรวคุยกับพ่อเลี้ยงไปก่อนนะ” ผมขอตัวออกมา แล้วเดินออกมานอกบ้าน ตรงไปยังสวนซึ่งในสวนผมสังเกตเห็นที่อับอยู่ ตรงนั้นคงเหมาะ

“เบลขอโทษนะแม่ เบลจำเป็น เบลไม่อยากเห็นแม่เสียใจ แม่กำลังมีความสุข แม่คงคิดว่าเบลหนีไปสงบสติอารมณ์ ให้แม่เสียใจทีเดียวดีกว่า ไม่อยากเห็นแม่เสียไปเรื่อย เพราะยังไงเบลก็ต้องตายอยู่ดี เบลขอโทษจริงๆครับ” ผมเอ่ยออกมาเบากับสายลมหวังจะให้พาข้อความไปให้แม่ของผมที ความเจ็บมาแล่นไปทั่วตัว ลมหายใจของผมกำลังติดขัด ร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง คงหมดเวลาแล้วสิ อย่างน้อยก็ยังมาถึงที่นี่ มาแค่วันเดียวก็สนุกแล้ว ขอบคุณพี่แพรวนะครับสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ผุ้ชายคนนั้น พ่อเลี้ยงนิลกานต์ คนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง หวังว่าคงได้พบกันใหม่นะ สุดหล่อผิวแทน ร่างบางทรุดลงกับพื้น ลมหายใจเฮือกสุดทายกำลังจะมาถึง


……………………

คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ทำไมหน้าของคนตัวขาวถึงติดอยู่ในหัว อยากเจออีกจัง ผมจึงตัดสินใจไปที่สวนของน้องแพรวตอนเช้า ตอนไปถึงเห็นพวกเข้ากำลังเข้าสวน คงจะไปเก็บสตอเบอรี่ ผมจึงอาสาช่วยเก็บจะได้เสร็จเร็วๆ แต่จริงๆแล้วก็แค่อยากหาเวลามองหน้าคนตัวขาวนั่นแหละ ทำไมผมถึงไม่รุ้สึกแปลกๆหรอที่ชอบผู้ชาย ก็เพราะผมจบจากอังกฤษมา ความรักไร้พรมแดนผมเชื่อว่ามีจริง ผมไม่เคยปิดกั้นตัวเอง ผมเคยมีแฟนทั้งหญิงและชาย แต่ยังไม่เคยเจอใครที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงแบบนี้ แค่เพียงสบตากลับติดตราตรึงอยู่ในใจ คนตัวขาวเดินเก็บสตอเบอรี่ไปเรื่อยเปื่อยแต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดว่าคนกรุงแบบนั้นจะทนร้อนได้โดยที่ไม่บ่น กลับมีความสุขสนุกกับการเดินเก็บผลไม้ แต่แดดมันก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดง คงร้อนละสิ ผมจึงตัดสินใจถอดเสื้อตัวเองออก แล้วเอาไปคลุมไหล่ของร่างบาง แต่ปากเจ้ากรรมกลับออกดุไปอีก แต่ก็เพราะด้วยความเป็นห่วง แถมไม่รู้จะทำตัวยังไง การแสดงออกเลยเป็นไปแบบนั้น ตอนแรกคอดว่าจะเถียง และหยิ่ง แต่เปล่าเลย กลับเป็นห่วงคนอื่นก่อนตัวเอง กลัวว่าถ้าตัวเองป่วยจะทำให้น้องแพรวลำบาก แถมรับปากถ้าคราวหน้าข้าสวนจะเอาเสื้อแขนยาวติดมา ช่างเป็นคุณหนูที่น่ารักจริงๆ ขอถอนอคติกับคุณหนูเบลแล้วกัน น้องแพรวชวนผมอยู่ทานข้าวเย็น ผมไม่รอช้าที่จะตอบตกลง ระหว่างทานข้าวผมแอบมองเบลอยู่ตลอดเวลา กิริยามารยาทดีมาก น่ารักน่าเอ็นดู ไม่มีความหยิ่งเลย อาหารธรรมดาบ้านๆก็กินได้ แถมกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วย แต่จู่ๆ เบลก็ไอ แล้วเบลก็มองมือตัวเอง สายตาเขาดูตกใจมาก หน้าซีดเผือด แต่แค่แป็บเดียวก็กลับมาทำท่าทางปกติ มันต้องมีอะไรแน่ๆ เป็นคนที่เก้บอารมณ์เก่งจริงๆ แล้วเบลก็ขอตัวออกไปเดินย่อย ทั้งที่ยังกินไม่หมด ผมว่ามันแปลกๆ เลยขอตัวออกมาโดยบอกขอออกไปสูบบุหรี่สักหน่อย ซึ่งน้องแพรวก็ขอตัวไปเก็บล้างถ้วยชาม ผมแอบเดินตามเบลมา ทำไมถึงเดินไกลเข้าไปในสวน แถมตรงนั้นเป็นมุมอับอีก ถ้าเป็นอะไรไปใครจะหาเจอมั้ย ผมพยายามเข้าไปใกล้ๆ แล้วผมก็ได้ยินที่เบลพูดทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่เบลมาที่นี่สินะ ทำไมถึงเก็บเรื่องน่าเศร้าไม่กับตัวได้ขนาดนั้น แถมยังใช้ชีวิตร่าเริงต่อหน้าคนอื่นได้ ทั้งที่ตัวเองกำลังจะตาย ทำไมต้องเก็บอะไรไว้ขนาดนั้น แต่จู่ๆเบลก็ทรุดลงกับพื้น ผมไม่รอช้าเข้าไปดู ชีพจรของเบลกำลังจะหายไป อย่าเป็นอะไรนะเบล ได้โปรด ผมอุ้มเบลแล้ววิ่งด้วยความเร็ว น้องแพรวดูตกใจมาก ผมไม่ได้บอกอะไรเธอ แค่บอกเจอเบลนอนสลบอยู่แล้วขอตัวเอาเบลส่งโรงพยาบาล บอกให้น้องแพรวรออยู่ที่บ้านได้เรื่องยังยังไงจะโทมาบอก

……………………..

คนตัวขาวหน้าซีดเผือดนอนหลับอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล สายระโยงรยางค์เต็มไปหมด เสียงครื่องตรวจชีพจรดังสม่ำเสมอเป็นเครื่องบอกว่าเบลยังอยู่ ผมพาเบลมาทันเวลา

“คนไข้ป่วยเป็นโรคเลือดที่หนึ่งในล้านคนจะเป็นหนึ่งคน เท่าที่ผ่านมายังไม่มีประวัติการรักษาได้ เป็นโรคใหม่และแปลกยังไม่มียารักษา ได้แค่พยุงอาการให้คงที่เท่านั้น ที่เป็นแบบนี้เพราะเลือดเซลล์ในร่างกายทำให้เลือดเป็นพิษ คนไข้อยู่ในระที่สองแล้ว ระยะแรกจะเป็นเหนื่อยง่าย และหอบ ระยะที่สองจะไอเป็นเลือดเพราะร่างการปรับสมดุลไม่ได้ คาดว่าคนไข้น่าจะรู้ตัวนานแล้ว แต่ด้วยตุผลอะไรนั้นต้องถามเจ้าตัวที่ไม่ยอมเข้ารับการรักษา แถมมาในที่ห่างไกลความเจริญอีกด้วย” หมอหนุ่มเอ่ยบอกกับพ่อเลี้ยง

“กูคิดว่ากูพอจะรู้เหตุผล” พ่อเลี้ยงบอกไป แน่สิ แอบฟังคนตัวขาวอยู่ตลอด

“ยังไงมึงก็ช่วยคุยกับเขาหน่อยให้เขารับการรักษา กูจะดูแลให้ดีที่สุด ถ้ารักษาได้ จะช่วยชีวิตคนที่อาจจะป่วยแบบนี้ได้อีกมาก” หมอหนุ่มบอก

“เออๆ ไว้กูจะลองดู ขอบใจมึงมากไอ้หมอ” พ่อเลี้ยงบอก

“เออๆ กูไปก่อน” หมอหนุ่มบอก

…………………….

ความรู้สึกเหมือนตกลงมาจากตึกสูงๆเลยแหะ มันรู้สึกหวิวๆแปลกๆ ร่างกายก็ปวดไปหมด ผมลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นเลยก็คือแสงสีขาวจ้า ผมพอจะรู้แล้วละว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ภาพความทรงจำก่อนที่สติจะวูบลงต่างไหลเข้ามาในหัว แต่ใครพาผมมาส่งที่โรงพยาบาลละ ผมอยู่ที่นั่นคนเดียวแถมยังเป็นที่อับสายตาด้วย กว่าสายตาจะปรับโฟกัสได้ก็ใช้เวลาสักพัก เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ สัมผัสต่างๆก็เริ่มตื่นขึ้น จมูกได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรงมาก แรงจนแสบจมูก หัวก็หนักมาก แบบอึนๆมึนๆ แล้วก็รู้สึกคอแห้งมาก แต่ในขณะที่กำลังจะเอื้อมไปรินน้ำเพื่อดื่มนั้นก็มีมือของใครอีกคนแย่งหน้าที่นั้นไปเรียบร้อยแล้ว

“ค่อยๆดื่ม” เสียงทุ้มเอ่ยบอก พร้อมจับหลอดจ่อที่ปากของผม

“เอ่อ ขอบคุณครับ แต่ให้ผมจัดการเองดีกว่า” ผมรู้สึกประม่าชะมัดเลยเอ่ยบอกไปแบบนั้น ทั้งที่ตัวเองแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว

“อย่าดื้อดีกว่านะครับ เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันนะ ตอนนี้ดื่มน้ำก่อน” พ่อเลี้ยงนิลกานต์เอ่ยแก้มดุ

“…...” ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ลงมือดูดน้ำจากหลอดด้วยความกระหาย เขาพูดแบบนี้คงรู้แล้วสินะ

“ทำไมคุณต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้” พ่อเลี้ยงถามไปทั้งที่ก็พอจะเข้าใจเหตุผลของคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว

“ผมไม่มีทางเลือกมากนักหรอก คุณก็รู้ว่าโรคที่ผมเป็นมันรักษาไม่ได้ ให้ผมหายไปแบบนี้ดีกว่า คนอื่นๆคงจะแค่คิดว่าผมแค่หนีปัญหาที่ผมเจอ หายไปสักเดี๋ยวก็คงกลับมา พวกเขามีความสุขดี ผมไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปสร้างความทุกข์ให้ใคร เมื่อถึงตอนนั้นให้พวกเขาเสียใจทีเดียวดีกว่า แล้วอีกอย่างผมไม่ได้รู้สึกหรอกว่าต้องตายแบบโดดเดี่ยว ผมชินกับมันแล้วละ และผมทำใจที่จะตายไว้แล้วส่วนหนึ่ง ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากทำ แต่ไม่เป็นไรหรอก หมดเวลาก็คือหมดเวลา จะให้ทำไงได้ละ” ผมร่ายยาวๆบอกร่างสูงที่ยืนฟังผมอยู่เงียบๆ สีหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงอะไรออกมา

“งั้นเวลาที่เหลือของคุณมอบให้ผมได้มั้ย เบล” พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมาด้วยแววตาจริงจังแต่ก็ดูอบอุ่นแบบอ้อนวอน

“ห้ะ อะไรนะพ่อเลี้ยง” ผมเอ่ยออกไปแบบตะลึง พ่อเลี้ยงบ้าไปแล้วแน่ๆ

“ตามนั้นครับ” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอกแบบสบายๆ ยิ้มมุมปาก

“ตั้งแต่ตอนไหน” ผมเอ่ยถามไป ยอมรับว่าก็รู้สึกแปลกใจที่ผู้ชายตัวโตๆจะมองบอกชอบผม แต่มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ปกติผมโดนผู้ชายบอกชอบประจำแหละ แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก แต่พ่อเลี้ยงเนี้ยนะจะชอบผม คำถามเกิดขึ้นมากมายในหัว แต่ผมไม่ใช่คนประเภทที่ชอบซักไซร้เท่าไหร่ ดูแล้วเขาคงไตร่ตรองมาก่อนแล้วละ เขาดุเป็นใหญ่ขนาดนั้น แถมแววตานั่นก็ดูอบอุ่นดี เขากล้าขอ ผมก็กล้าที่จะตอบรับ  ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับเขาสักหน่อย รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากกว่าเมื่ออยู่ใกล้ๆเขา แต่เวลาของผมไม่รู้ว่ามันเหลืออีกเท่าไหร่นี่หน่ะสิ

“ตั้งแต่ตอนไหนผมก้ไม่รู้เหมือนกัน ตัวอีกทีผมก็มองมาที่คุณ คุณอยู่ในหัวผมตลอด จริงๆผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้อีก แต่ผมกลัวจะไม่ทัน ตอนทีเห็นคุณล้มไปต่อหน้าต่อตา ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันโดนกระชากออกไป ทั้งที่ผมก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลย ยิ่งคุณป่วยแบบนี้ผมยิ่งอยากดูแล” พ่อเลี่ยงบอกความในใจออกมา

“แต่ผมไม่รู้ว่าเวลาของตัวเองเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ ผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจ” ผมเอ่ยไป เขินก็เขินอยู่แหละ แต่ผมต้องมองความเป็นจริงของตัวเอง

“ผมถึงได้บอกไงละ ว่าเวลาที่เหลือของคุณทั้งหมดยกให้ผมได้มั้ย คุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะเสียใจหรือป่าว เสียใจแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าผมปล่อยคุณไปตอนนี้ผมคงจะรู้สึกทั้งเสียใจทั้งรู้สึกผิด” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอกพรางกุมมือของคนตัวขาวไว้

“ก็ได้ เอาไปสิ ผมยกให้” ผมบอกไปพร้อมออกแรงดึงคนตัวสูงเข้ามาใกล้ๆ แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากหนา มันไม่ใช่เวลาที่จะดื้อดึงแล้ว เหตุผลของเขาไม่รู้จะเอาอะไรไปแย้งดี ตกลงไปแล้วกัน อย่างน้อยก่อนตายก็ยังได้มีคนรักละนะ ถึงจะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ แต่เขาบอกว่าถ้าไม่ได้ดูแลคงจะรู้สึกผิด การจากลาแน่นอนว่าต้องเสียใจกันทั้งนั้น แต่ใครละจะให้คนดีๆแบบนี้ต้องรู้สึกผิด มันไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ในเมื่อเขาอยากทำก็ให้เขาได้ทำแล้วกัน

“หึ อย่าคิดว่าเอาปากมาแตะๆแล้วจะจบสิ” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอกน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แล้วเอามือกดทายทอยของร่างบางตรงหน้าแล้วบดริมฝีปากเบาๆแล้วรุกล้ำไล่ต้อนลิ้นเล็กๆตรงหน้า ร่างบางในตอนแรกก็ตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรค่อยๆโอนอ่อนไปตามการนำทางของร่างสูงตรงหน้า

“อึก ผมจะตายเพราะคุณนี่แหละ” ผมแว๊ดออกไป ตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยง ซึ่งอันเชิญตัวเองมาอยู่บนเตียงด้วยแล้ว

“พี่นิล” พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมาเสียงเรียบๆ

“ห้ะ” ตอนนี้ผมคงทำหน้าตลกอยู่แหงๆ

“เรียกพี่ว่าพี่นิลสิ” พ่อเลี้ยงเอ่ยยิ้มๆ

“โอเคๆ พี่นิลๆ” ผมเอ่ยออกไปอย่างยอมแพ้

“ป่ะ กลับบ้านกันดีกว่า บ้านพี่นะ คงไม่อยากให้น้องแพรวรู้ใช่มั้ยละ” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก

“ใช่ ว่าแต่ออกตอนนี้ได้เลยหรอ” ผมเอ่ยถามออกไป

“กลับได้สิ เราเอาแต่หนีการรักษา มันรักษายังไม่ก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงถ้าดูแลสุขภาพ และพบหมอบ่อยๆ อย่างมากก็แค่ทำให้เบลเหนื่อยและไม่มีแรงแค่นั้นเอง ไม่ใช่ฝืนจนกระอักเลือดแบบนั้น ถ้าพี่ไม่เห็นว่าเบลเลือดออกจมูกแล้วรีบหนีออกไปข้างนอก แล้วไม่ตามไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้” พ่อเลี้ยงอธิบายแล้วตบท้ายด้วยดุ

“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยออกไปแบบสลดๆ

“ครับๆ ปะกลับกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรบอกน้องแพรวแล้วกัน” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอกแล้วให้ผมเปลี่ยนชุด ตรียมตัวไปบ้านพ่อลี้ยง

………………………….

เบลมาอยู่บ้านผมเกือบเดือนแล้ว ตอนแรกน้องแพรวก็งงๆว่าทำไมต้องมาอยู่บ้านผมด้วย เด็กดื้อของผมคงไม่รู้จะหาอะไรมาโกหกน้องแพรวก็เลยบอกความจริงไป ทั้งเรื่องที่ป่วยแล้วก็เรื่องของผม ผมตกใจนิดหน่อยว่าคิดว่าเบลจะกล้าบอกน้องแพรวไปตรงๆ น้องแพรวปล่อยโฮอย่างหนักเลย ตัดพ้อว่าทำไมป่วยหนักแล้วไม่บอกกันบ้าง แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เบลจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง ผมจึงบอกน้องแพรวไปว่าไม่ห่วงจะดูแลให้ดีที่สุด น้องแพรวมาหาเบลบ่อยๆ เพราะทางสวนของน้องแพรวเองกำลังไปได้สวย ขยายพื้นที่ทำสวนพิ่ม จึงไม่ค่อยว่างเป็นห่วงเบลมากนัก แต่นั้นก็ดีแล้ว เบลคงไม่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองอ่อนแอนักหรอก

“เดี๋ยวพี่เข้าไปดูคนงานในไร่หน่อยนะ อยากได้อะไรป่าว” ผมเอ่ยถามคนตัวขาวซึ่งกำลังทำอาหารอยู่ เบลทำอาหารเก่งมาก เบลบอกว่ายายสอนทำเยอะมาก ผมก็เลยได้อานิสงไปด้วย

“ไม่เอาอ่ะ” คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยบอก

“ครับ เดี๋ยวพี่รีบกลับนะ” ผมบอกไป

“อื้อๆ” คนตัวขาวตอบรับแต่มาเงยหน้ามามอง

“ฟอดดดด” ผมเลยเดินเข้าไปลักหอมฟอดใหญ่

“เดี๋ยวก็เจอปฏิกิริยาอัตโนมัติ เอามีดขึ้นเสียบหรอก” คนตัวขาวแว๊ดบอกหน้าแดงๆ

“หึๆ” ผมหัวเราะในลำคอใส่คนปากเก่งก่อนจะออกจากบ้านเข้าไร่ไปดูคนงงาน

…………………..

“Trrrr” เสียงริงโทนของมือถือของผมดังขึ้น

“ว่าไงวะไอ้หมอ” ผมพูดกรอกสายลงไป

“ข่าวร้ายว่ะมึง เลือดของเบลกูตรวจแลบด้วยตัวเอง ตอนนี้เลือดในหลอดทดลองเป็นพิษหมดเลยว่ะมึง ไม่แน่ตอนนี้ในร่างกายของเบลอาจจะเป็นแบบนั้น….. เฮ้ยไอ้นิลฟังอยู่ป่าววะ….วางไปสะละ เฮ้อออออ ” หมอหนุ่มเอ่ยบอกความแต่ปลายประโยคพูดกับตัวเอง

…………………

ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว แสงแดดสีส้มเข้มๆสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง  ผมยืนมองรูปที่ผมทำติดฝาผนังไว้ ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ผมสีน้ำตาลนุ่มๆที่ผมชอบลูบเล่นก่อนนอน ดวงตาหวานคู่นั้นที่ผมเผลอจ้องมองบ่อยๆ ปากหยักบางสีหวานที่ชอบจิกกัดผมเวลาผมแกล้งเขา ผ่านมาเกือบปีแล้วสินะจากวันที่ไอ้หมอโทรมาบอกข่าวร้ายกับผม ผมรีบกลับไปทีบ้านทันที ผมตรงไปที่ห้องครัวแต่สิ่งที่ทำให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาบ ภาพตรงหน้าคือห้องครัวที่ข้าวของกระจัดกระจาย มีเลือดสีแดงสดหยดอยู่ประปรายบนข้าวของเครื่องใช้และบนพื้นกระเบื้อง และมีร่างบางที่ผมรักสุดหัวใจนอนอยู่ เลือดไหลออกปาก จมูก และหู หัวใจผมมันบีบรัดแรงมาก ลมหายใจผมร้อนไปหมด กระบอกตาร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาเองอย่างกลั้นไม่อยู่ ผมรีบเข้าไปอุ้มเบลไว้ในอ้อมกอด ลมหายใจรวยริน ผมตะโกนเรียกคนในบ้านอย่างบ้าคลั่งให้รีบเอารถออกไปโรงพยาบาล ถ้าให้ผมขับเองคนไม่รอดทั้งคู่แน่ๆ ผมกลัวผมสับสนไปหมด ตาพร่าไปหมดเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุด ผมนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบหกชั่วโมง สุดท้ายไอ้หมอก็เดินออกมา เดินเข้ามาให้แล้วสายหน้า ผมปล่อยโฮออกมาดังมากอย่างไม่อายใครทั้งนั้น ไอ้หมอจับไหล่ผมแล้วบีบเบาอย่างให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา ผมยื่นมือขึ้นไปสัมผัสรูปของเบลเอานิ้วโป้งเกลี่ยลงไปที่แก้มราวกับว่าจะสัมผัสกับแก้มนุ้มนิ่มนั่น ผมยิ้มออกมาเบาๆ และน้ำตาไหลออกจากตาหยดลงสู่พื้น

“ทำไรอยู่ อ๊ะ ร้องไห้ทำไมพี่นิล” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างตะหนก

“เปล่าๆ แค่คิดถึงเรื่องตอนนั้น” ผมเอ่ยบอกพร้อมเดินเข้าไปกอดร่างบาง

“ทำเป็นขี้แยไปได้ ก็ยังอยู่อยู่ตรงนี้ไง อยากจับก็จับตรงนี้สิ จับผ่านรูปมันไม่นิ่มให้หรอกนะ”  คนตัวขาวเอ่ยบอกพรางเอามือผมขึ้นไปสัมผัสกับแก้มนิ่มๆ แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม

“แล้วไอ้หมอว่าไงบ้าง” ผมเอ่ยถามคนตัวขาว

“ผลตรวจร่างกายก็ไม่มีอะไรมาก ปกติดีมากสัก7เดือนแล้ว และขอรายงายข้อมูลของการรักษา ก็เลยตอบตกลงไป แต่ขอเวลาบอกที่บ้านก่อน เดี๋ยวจะตกใจกันไปใหญ่แถมจะพาลมาโกรธด้วย” คนตัวขาวเอ่ยบอกมา

“ก็ดีจะได้ไปขอสักที” ผมเอ่ยล้อๆไป

“สุ้ไหวหรอ แพงนะ” คนตัวขาวข่มกลับ

“ทุ่มหมดหน้าตัก” ผมตอบไปด้วยทางทีสบายๆยิ้มๆ คนตัวขาวตรงหน้ากดทายทอยผมแล้วมอบจุมพิตหวานๆให้ ผมรู้ว่าเขาเขินมากแน่ๆ แล้วผมก็ด้วย ไม่ชินกับการถูกจู่โจมเลย ฮ่าๆ

หลังจากที่ผมปล่อยโฮเสร็จทางด้านในห้องฉุกเฉินก็เกินโกลาหลขึ้น พยาบาลออกมาบอกกับไอ้หมดว่า ยาทีฉีดให้เบลได้ผล ชีพจรกลับมาแล้ว ร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุลแล้ว พ้นขีดอันตรายแล้ว ไอ้หมอรีบวิ่งกลับเข้าห้องฉุกเฉินไปทันที ผ่านไปสักพัก ไอ้หมอก็ให้ย้ายเข้าห้องปกติได้ ผมรู้สึกหายใจโล่งขึ้น สิ่งที่หนักอึ้งอยู่ภายในจิตใจเหมือนถูกยกออกไป ดีใจแล้วสุด อยากตะโกนมาก แต่นี่ตีสามแล้วหน่ะสิ ไอ้หมอก็มาอธิบายให้ผมฟังคร่าวๆว่ามันลองคิดยาขึ้นเอง แล้วลองรักษาดู มันได้ผลในหลอดทดลอง แต่ในร่างกายจริงๆจะได้ผลไหมไม่รู้ แต่วินาทีนั้นไม่มีเวลาคิดแล้ว มันเอาอาชีพตัวเองเป็นเดิมพัน ฉีดยาให้เบล แต่ในตอนแรกร่างกายไม่ตอบสนอง แถมชีพจรก็หายไป มันบอกว่ารู้สึกเฟลมากทั้งช่วยเบลไม่ได้แถมอาชีพต้องล่มแน่ๆ มันจึงเดินออกมาหาผม แต่สุดท้ายก็เกิดปาฏิหาริย์ เบลกลับมาหายเป็นปกติ แล้วไอ้หมอก็ได้ความดีความชอบในการรักษาโรคแปลกใหม่ได้ แต่ก็โดนติงว่าใช้ยาที่ยังไม่ได้รับการรับรองกับมนุษย์ มันก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไปเพราะผิดจริง แต่ถ้ามันไม่ทำอย่างนั้น ผมอาจจะไม่ได้เบลคืนมา ผมขอบคุณมันจนมันรำคาญ บอกให้เอาเวลาไปดูแลเบลดีกว่า มันต้องรีบไปทำรายงายส่ง และเตรียมรายงานสู่สาธารณะอีก

“อ้อนแล้วอย่าคิดว่าจะหยุดแค่นี้นะ” ผมเอ่ยเย้าไป

“ไปที่เตียงสิ แต่ต้องอุ้มไปนะ”

เป็นไงเด็กน้อยของผม ไม่เล่นตัวหน่อยหรอ ฮ่าๆ แล้วชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเราสองคนก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ





>ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะ อาจจะดูแปลกๆไปบ้าง พึ่งเคยแต่งเรื่องสั้น จริงๆพึ่งจะเคยแต่งเป็นจริงเป็นจังหน่ะ มีแต่แต่งเล่นๆแล้วเซฟไว้ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกๆที่แต่งจบก็เลยลองเอามาลงดูว่าจะได้ฟีดแบ็คยังไงบ้าง ไม่รู้หรอกว่าต้องแต่งยังไงบ้างมีส่วนประกอบยังไง คิดไรได้ก็พิมเลย ฮ่าๆๆ แต่ไงก็ขอขอบคุณทุกคนเลยน้าที่เข้ามาอ่าน รักกกกก จุ้บบบบบบบบ



 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (รวดเดียวจบ) 05042017
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-04-2017 23:20:09
น่ารักค่า..แอบต๊กกะใจ ดีที่จบสวย อยากอ่านตอนเค้าสวีทกัน ต่อ-ได้-มั้ย  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (รวดเดียวจบ) 05042017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-04-2017 08:04:33
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (รวดเดียวจบ) 05042017
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-04-2017 18:04:28
ใจหาย นึกว่าจะจบแบบเศร้าซะแล้ว

 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (รวดเดียวจบ) 05042017
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-04-2017 23:16:50
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (รวดเดียวจบ) 05042017
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-04-2017 02:19:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใสคนนอกโลก ที่ 13-01-2018 15:14:41
อบอุ่นหัวใจจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 13-01-2018 16:26:58
นึกว่าจะจบแบบเศร้าๆซะแล้ววว  :katai1:
อยากอ่านตอนพิเศษจังฮะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 14-01-2018 21:40:17
ดีใจที่น้องเบลไม่ตาย พี่นิลอบอุ่นใจดีจัง  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 28-02-2018 21:17:04
 o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ชีวิตที่เรียบง่าย (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: Bellmos ที่ 26-04-2018 20:28:37
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจมาก ขอบคุณทุกเม้นทุกคำติชมเลยนะ ไม่คิดว่าฟีดแบคจะดีแบบนี้ สำหรับใครที่อยากได้ภาคต่อ ต้องขออภัยด้วยเป็นอย่างสูงค่าาาา ไม่ได้แต่งเลย55555555 แต่ตอนนี้เปิดเรื่องสั้นเรื่องใหม่แล้วนะ ฝากได้เสพกันด้วยยยยยยยยยยยยยยย ขอบคุณค่าาาาาาาาาาาาาาา

แสงสว่าง และ ความมืด
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67035.msg3822991#msg3822991