“ขอบคุณครับ” ผมไหว้พร้อมส่งยิ้มหวานขอบคุณป้าแม่ครัวที่ตักอาหารให้ จะบอกว่าตอนนี้หิวมาก หิวจนอยากกินปลาฉลามทอดน้ำปลากันเลยทีเดียว เวอร์? ถ้าผมกินข้าวน้อยกว่าสองจานอย่ามาเรียกผมว่าซัน แต่ให้เรียกว่าซันสุดหล่อแทน ฮา
ผมและเพื่อนๆกินอิ่มจนพุงย้วย พี่ๆเลยปล่อยให้เรานั่งย่อยกันไป จนผ่านไปสักพักพี่หนึ่งก็เรียกให้พวกเราขึ้นไปที่ห้องรวมชั้นบน
“น้องๆมาครบกันแล้วเนอะ เป็นไง อาหารอร่อยไหมค้า!” พี่หนึ่งถามพวกเราเสียงใส เราทุกคนพร้อมใจกันตะโกนตอบพี่หนึ่งไป
“อร่อยคร้าบ/ค่า” กับข้าวเขาอร่อยจริงครับ ผมน่ะกินไปสองจาน ส่วนไอ้ภีมคนกระเพาะครากก็โน่น ล่อเข้าไปสามจานถ้วน กินประหนึ่งเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิต ฮา
“กินกันอิ่มแล้วก็พร้อมทำกิจกรรมกันแล้วเนอะ” ทำอีกแล้วเหรอพี่ กินแล้วนอนก่อนไม่ได้หรือไง “สำหรับคืนนี้ น้องๆจะได้รับชมการแสดงสุดพิเศษของพี่ๆแต่ละชั้นปี” เพื่อนๆเริ่มฮือฮากันแล้วครับ “มั่นใจได้เลยว่า กว่ายี่สิบปีที่ผ่านมาในชีวิต จะไม่มีการแสดงไหนในโลกที่จะตราตรึงใจได้เท่ากับการแสดงของพี่ภาคเราอีกแล้ว!!!” มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ บางทีผมก็คิดนะ ว่าพี่อาจจะเล่นใหญ่เกินไป
“แต่!” พอมีแต่ปุ๊บ ลางสังหรณ์ก็เริ่มมา คงไม่ได้แค่ให้ดูอย่างเดียวแล้วล่ะม้างงง “น้องๆก็ต้องมีการแสดงมาโชว์พี่ๆด้วยเหมือนกันนะคะ” นั่นไง! ซื้อหวยทำไมไม่ถูกอย่างนี้บ้าง ไม่งั้นผมคงกลายเป็นเสี่ยซัน มีรถหรูๆขับ มีน้องๆโคโยตี้คอยบอกฝันดีก่อนนอนไปแล้วล่ะ เวิ่นเว้อจริงๆมึง ตื่นจากความฝันได้แล้วล่ะ “เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงหกโมงเย็น จะเป็นเวลาที่น้องๆได้ซ้อมการแสดงเพื่อมาโชว์ในช่วงดึกๆของวันนี้นะคะ ส่วนการแสดงจะเป็นการแสดงแบบไหนก็ได้ แต่ต้องแสดงตามสีของตัวเองนะคะ มีใครมีข้อสงสัยไหมเอ่ย” สงสัยว่าผมไม่ทำได้ไหมครับ พอดีผมง่วง ผมอยากนอน ฮืออออ “ถ้าไม่มีงั้นพี่เลี้ยงพาน้องๆไปซ้อมได้เลยค่า” สิ้นเสียงพี่หนึ่งพวกเราก็ฮือฮากันอีกครั้ง ก็คงปรึกษากันนั่นแหละครับ ว่าเราจะแสดงอะไรกันดี คิดแล้วปวดหัวดีแท้ กี่ค่ายๆก็เหมือนกันหมด เดี๋ยวพ่อแต่งหญิงเต้นจั๊มบ๊ะโชว์ซะเลยนี่
“รักมิใช่ ดวงดาว เมื่อพราวแสง
ใช่ร้อนแรง ดั่งแสง อาทิตย์ส่อง
รักมิใช่ ภูผา สุดจับจอง
ใยใครมอง หารัก กันทำไม”
“ไอ้ซันมึงเต้นดีๆหน่อยสิวะ” ไม่น่าพูดเลยไอ้ซันเอ๊ย ตอนนี้ผมและเพื่อนๆกำลังเต้นเย้วๆเหมือนกิ้งกือโดนน้ำร้อนลวกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆที่พักครับ เป็นเพราะไอ้ภีมแท้ๆ ดันอุตริให้พวกเราเต้นประกอบเพลงโชว์ในคืนนี้ แล้วเต้นเพลงอะไรไม่เต้น ดันมาเต้นเพลงสาวแบบนี้ ไม่ใช่สาวธรรมดา นี่มัน สาว สาว สาว ชัดๆ ฮือ
“จำเป็นต้องมีอินเนอร์ขนาดนั้นเลยเหรอมึง” ผมถามไอ้ภีมที่แม่งตั้งใจเต้นเกิ๊น หรือว่า… “มึงเป็นใช่ไหมเนี่ย โอ๊ย!” ถามได้แค่นั้นไอ้ภีมก็ตอบผมด้วยการตบหัวไปหนึ่งฉาด
“เป็นหน้ามึงสิ พูดอะไรดูตัวเองก่อนนะ น้องซันขา” มันพูดพร้อมจีบปากจีบคอ ทำท่าทำทางประหนึ่งกระเทยควาย อี๋ สยอง
“ทุเรศว่ะสัสภีม” ผมด่าพร้อมทำท่าถีบมัน
“พวกแกตั้งใจซ้อมกันหน่อยสิยะ” เสียงจิ๊บ เพื่อนสาวในกลุ่มร้องขึ้น แหม ขออู้หน่อยไม่ได้หรือไง จะจริงจังไปไหน ไม่ได้ประกวดระดับโลกซะหน่อย
“ฉันตั้งใจสุดๆแล้วนะยะหล่อน เดี๋ยวแม่ตบเลยนี่” ไอ้ภีมแปลงร่างเป็นกระเทยอีกครั้ง นี่กูจะคิดว่ามึงเป็นจริงๆแล้วนะเพื่อนภีม ไอ้ห่า เล่นซะเหมือนเกิ๊น
“ไปเต้นต่อเถอะจิ๊บ เราจะอ้วกแล้วว่ะ” ผมบอกกับจิ๊บแล้วเดินเลี่ยงไอ้ภีมไป เห็นแล้วสยอง ไม่ไหวๆ
เต้นกันสักพักเราก็เริ่มเหนื่อย เพื่อนๆเลยขอนั่งพักกันก่อนครับ เหนื่อยอย่างกับไปวิ่งสี่คูณร้อยมายังไงยังงั้น แต่ละคนหอบแดกกันเลยทีเดียว
“นี่ ฉันว่า เต้นอย่างเดียวมันยังดูขาดๆอะไรไปนะ” จิ๊บคนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าเยิ้มเครื่องสำอางค์ไหลกล่าวขึ้น
“เออ ฉันว่ามันดูจืดๆเหมือนกันว่ะ” ข้าวโพดเพื่อนในกลุ่มพูดเสริมอีกคน
“คิดออกแล้ว ไอ้โพด แกพกเครื่องสำอางค์มาหรือเปล่า” จิ๊บหันไปถามข้าวโพด ผมว่ามันเริ่มแหม่งๆแล้วล่ะ สังหรณ์ใจไม่ดีเลยครับ
“พกสิยะ พกเหมือนพกผ้าอนามัยนั่นแหละ” แหม พูดเหมือนไม่เห็นเราเป็นผู้ชายเลยนะข้าวโพด อายเราบ้างก็ดีนะ
“ดี ผู้ชายกลุ่มเรามี 5 คน อ้าว ลืมไป ซันก็เป็นผู้ชายนี่หว่า ดันนับรวมผู้หญิงซะงั้น” ฮะ หมายความว่าไงวะจิ๊บ “ตกลงผู้ชายกลุ่มเรามี 6 คนเนอะ เราต้องเพิ่มความน่าสนใจของการแสดงโดย…” อ้าว หยุดทำไมล่ะ บอกต่อสิจิ๊บ “โดย…” น่านนน ลุ้นไปอี๊ก “โดย…เราจะให้เพื่อนทุกคนแต่งหญิงเต้นประกอบเพลงค่า!!!” นั่นไง บอกแล้ว นรกมาเยือนไหมล่ะ
“กรี๊ดดดดดด” ไม่ใช่เสียงข้าวโพดหรือเสียงจิ๊บ ผู้หญิงเพียงสองคนของกลุ่ม แต่เป็นเสียงไอ้ภีม ผู้ชายร่างควายที่ทำท่ากรี๊ดเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก กูล่ะอยากให้สาวในสต็อกของมึงมาเห็นจริงๆ “เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะเพื่อนจิ๊บ” ไอ้ภีมยังไม่เลิกแกล้งแอ๊บเป็นกระเทยควาย
“มึงเล่นเหมือนจนกูเริ่มขนลุกแล้วนะเว้ยไอ้ภีม” ไอ้แว่น เพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดในสิ่งที่ผมโคตรจะเห็นด้วย มึงอินเกินไปว่ะภีม
“เรื่องนั้นช่างหัวไอ้ภีมมันก่อนเถอะ” ผมเอ่ยขึ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโฟกัสความกระเทยควายของไอ้ภีม “มันจะดีเหรอจิ๊บ ไอ้เรื่องแต่งหญิงน่ะ” เราต้องมาเครียดเรื่องแต่งหญิงถึงจะถูก T^T
“กูว่าก็ดีนะมึง ผู้ชายตัวควายๆมาเต้นเย้วๆแต่งตัวแต่งหน้า คงจะฮากันน่าดู” ไม่นะโย่ง มึงควรเห็นด้วยกับกูสิ T^T
“เออ กูก็ว่าดี” ทำไมเพื่อนทุกคนถึงเห็นแย้งกับกูไปกันหมดล่ะ พวกมึงจะถือโอกาสนี้เปิดเผยตัวตนกันใช่ไหม บอกกูมาเถอะว่าพวกมึงไม่ใช่ชายแท้ T^T
“โอเค งั้นตามนี้นะ มาซ้อมเต้นอีกรอบกันเถอะ” จิ๊บว่าเสร็จเราก็ลุกขึ้นซ้อมเต้นกันต่อ นี่กูต้องแต่งหญิงจริงเหรอเนี่ย หมดกันความแมน?ของกู T^T
ซ้อมไปสักพักก็รู้แล้วครับว่าไม่ใช่แค่อีกรอบอย่างที่จิ๊บบอก เพราะเต้นกี่รอบต่อกี่รอบจิ๊บก็บอกว่า “ฉันว่ามันยังไม่โอ” ปั๊ดโธ่! ถ้ากูเต้นเก่งขนาดนั้นกูก็ไปเป็นแดนซ์เซอร์แล้วล่ะ คงไม่มาเรียนเขียนโปรแกรมแบบนี้หรอก
“พอๆ เลิกซ้อมได้ เห็นพวกแกแล้วสงสาร ฮ่าๆ” จิ๊บหันมามองชายหนุ่มอย่างพวกเราแล้วหัวเราะร่วน อื้อหือ หมดกันความเป็นกุลสตรีของจิ๊บ
“ถามจริง จะจริงจังไปไหนเนี่ย” ไอ้ภีมหอบแฮ่กถามจิ๊บ
“ก็พี่รหัสฉันกระซิบมา ว่าถ้าสีไหนชนะ จะได้เบอร์พี่เสาร์น่ะสิยะ” จิ๊บพูดพร้อมทำหน้ามีความหวัง เดี๋ยวๆ ทำไมต้องอยากได้เบอร์ไอ้พี่เสาร์อะไรขนาดนั้นด้วยวะ
“ได้ไปก็เท่านั้น เขามีคนที่เล็งไว้แล้วนี่” อ้าว แล้วมองกูทำไมล่ะสัสภีม กูไม่ได้ชอบมันซะหน่อยไอ้พี่เสาร์อะไรนั่นน่ะ ถ้าเป็นพี่เสาไฟฟ้าของกูก็ว่าไปอย่าง ฮี่ๆ
“ชิ นี่ผู้ชายเขาหันมากินกันเองหมดแล้วเหรอไงเนี่ย คนสวยเซ็ง” จิ๊บหันมามองผมแล้วสะบัดผมใส่ อ้าว ซวยกูอีก
“แต่ซันมันสวยกว่าแกอีกนะจิ๊บ” ขอบคุณมากเลยข้าวโพด พูดอย่างนี้หน้าเราเสี่ยงต่อการเกิดรอยจากเล็บของจิ๊บนะ เสียโฉมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?
“จิ๊ อย่าย้ำบ่อยสิยะ ฉันรู้หรอกน่า” จิ๊บจิ๊ปากอย่างเสียอารมณ์ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เพราะผมก็ไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ ที่มีคนมาชมว่าสวยหรือน่ารักอะไรกว่านี้ ชมกูว่าหล่อว่าเท่บ้างไม่ได้หรือไง คนหล่อเซ็ง
“เรามาแต่งหน้ากันเถอะเพื่อนๆ ได้เวลาสวยแล้วค่ะ!” ข้าวโพดบอกพร้อมยิ้มร้าย แม่ครับ ซันคิดถึงแม่จังเลยครับ อยากกลับไปกอดแม่เหลือเกิน T^T
“ฮิ้วววววว” พี่ๆยังคงต้อนรับพวกเราด้วยเสียงเพลงเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือสายตาของพี่ๆที่มองมา ทำไมมองด้วยสายตาแบบนั้นกันเล่า! กูเขิน! กูอายโว้ย!
“มึงเห็นพี่พวกนั้นป้ะ แม่งมองมึงตาเป็นมันเลยว่ะ” ไอ้ภีมชะโงกหน้ามากระซิบ
“ไอ้ซัน แกแย่งซีนพวกฉันหมดเลยว่ะ ไม่น่าแต่งให้แกสวยแบบนี้เลยอะ คนสวยเซ็ง!” ข้าวโพดบ่นกระปอดกระแปด เชื่อไหมครับว่าพอแต่งหน้าให้เพื่อนเสร็จแล้ว จิ๊บกับข้าวโพดยังลงความเห็นกันต่อว่าแค่แต่งหน้ายังไม่พอ เลยจับพวกเราทุกคนใส่กระโปรงด้วย ใครพอจะมีปี๊บให้ยืมไหมอะครับ ผมขอซื้อต่อก็ได้อะ! T^T
“เราไม่สวย เราหล่อ” ผมยังคงยืนยันในความหล่อของตัวเอง
“ถ้าพูดว่าตัวเองหล่ออีกครั้งฉันจะลุกตบแกจริงๆแล้วนะ!” ทำหน้าโหดใส่กูขนาดนี้แล้วใครจะกล้าพูดต่อล่ะเฮ้ย พระเจ้าช่วย! นี่คุณเธอทั้งสองเป็นผู้หญิงจริงๆใช่ไหมอะครับ ณ จุดๆนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจ
“ฮัลโหลๆ” พี่หนึ่งเทสต์ไมค์ “สวัสดีตอนเย็นนะคะน้องๆ หวังว่าทุกสีจะเตรียมตัวกันพร้อมแล้วเนอะ” พี่หนึ่งส่งยิ้มหวานมาให้ “งั้นพี่ขอให้ตัวแทนสีออกมาจับฉลากเลือกลำดับการแสดงเลยค่า”
“ไอ้ซัน มึงนั่งหน้าอะไปเลย” ไอ้ภีมดันหลังผมให้ออกไป จะบ้าเหรอ! ให้กูออกไปสภาพนี้อะนะ อายตายชัก!
“ไม่เอาอะ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากจิ๊บกับข้าวโพด
“ไม่ต้องหันมา แกออกไปเลยซัน” ขอบคุณเพื่อนจิ๊บมากๆ ช่วยเราได้เยอะเลย T^T
“ตอนนี้เหลือสีชมพูนะคะ ส่งตัวแทนออกมาเลยค่ะ” ผมจำใจต้องเดินออกไปในฐานะตัวแทนสี ปั๊ดโธ่! เพื่อนนะเพื่อน แต่ละคนช่วยเหลือกูดีมาก
“ฮิ้วววว น้องซันน่ารักจังเลยคร้าบ” อ้าว อายยกกำลังสองไปเลยกู
“พอๆ อย่าแซวน้อง” พี่หนึ่งปรามเพื่อน “เรามาจับฉลากกันดีกว่า!” แล้วความซวยก็มาเยือนผมและเพื่อนๆอีกรอบ เมื่อสีของเราได้แสดงเป็นกลุ่มแรก โอ๊ยยย ขอเวลาทำใจอีกนิดไม่ได้หรือไง๊!?
“รักมิใช่ ดวงดาว เมื่อพราวแสง
ใช่ร้อนแรง ดั่งแสง อาทิตย์ส่อง
รักมิใช่ ภูผา สุดจับจอง
ใยใครมอง หารัก กันทำไม”
ผมหลับหูหลับตาเต้นตามที่จิ๊บกับข้าวโพดสอน อาจจะมีผิดคิวบ้างเล็กน้อย เพราะพวกเราไม่ใช่มืออาชีพ แต่เราก็แสดงกันอย่างตั้งใจ และในที่สุดเราก็เต้นกันจนจบเพลง
“ฮิ้วววววว/กรี๊ดดดดด” เสียงกรี๊ดเสียงเฮดังขึ้นหลังจากที่เพลงจบ เฮ้ออ โล่งแล้วกู
“น้องๆน่ารักมากเลยว่าไหมคะ ขอเสียงปรบมือให้กับสีชมพูอีกครั้งค่า!” แล้วเสียงเซ็งแซ่ก็เกิดขึ้นอีกรอบ
หลังจากที่พวกเราแสดงเสร็จ ผมก็ขอให้พี่ไม้กับพี่สวยพาพวกเราไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุด เนื่องจากตอนนี้ผมเริ่มจะรับสภาพหน้าที่เยิ้มด้วยเครื่องสำอางค์แบบนี้ไม่ไหวแล้ว
การแสดงของเพื่อนๆผ่านไปจนครบ บางสีก็แสดงละคร บางสีก็เต้นประกอบเพลงเหมือนสีของผม บางสีก็เล่นตลก เล่นเอาทุกคนฮาครื้นกันไม่น้อย
พี่ๆปีสองกับปีสามเตรียมการแสดงมาโชว์ให้พวกเราดูครับ แต่มันไม่ได้น่าเบื่อจำเจก็เพราะพี่ๆต่างใส่มุกฮาเข้าไปกันไม่ยั้งนี่แหละ ไม่รู้พวกพี่เขาคิดได้ไง เอาหนังเรื่องเทรนทูปูซานที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับซอมบี้มาเล่นรวมกับหนังเรื่องแฟนเดย์ที่เป็นหนังรักปนตลก ผมนี่นั่งฮาจนท้องแข็ง ฮาจนลืมไปเลยว่าเมื่อวานเคยปวดท้อง พูดแล้วยังฮาไม่หาย โอ๊ยยย ฮ่าๆ
พอการแสดงของพี่ปีสามจบลง (ระหว่างนั้นผมพยายามมองหาพี่เสาไฟฟ้าแต่ก็ไม่เจอ T^T) พวกพี่ปีสี่ก็ทะยอยพากันขึ้นมาแทนที่ พวกพี่เขาบอกว่าไม่ได้มีการแสดงอะไรจะมาโชว์ จะมีก็แต่ วิดีโอที่เก็บรวบรวมภาพของพวกเราตลอดระยะเวลาที่อยู่ในค่าย ภาพแต่ละภาพ สื่อได้เป็นอย่างดีว่าทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันที่นี่มันสร้างความสุข ความสนุกให้พวกเราขนาดไหน ภาพทุกภาพที่พวกเราเห็นบนโปรเจคเตอร์ไม่มีภาพไหนเลย ที่จะไม่มีรอยยิ้มปรากฎอยู่บนภาพเหล่านั้น
หลังจากที่วิดีโอจบลง ตัวแทนของพี่ๆแต่ละชั้นปีก็ออกมาพูดแสดงความรู้สึก ความประทับใจตลอดเวลาที่พวกเราอยู่ค่าย เนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้ว พี่บางคนไม่ได้พูดจาหวานๆ ไม่ได้พูดประโยคซึ้งๆ แต่ทุกประโยค ทุกคำที่พี่เขาพูดออกมา มันสื่อถึงความจริงใจได้เป็นอย่างดี
“หลังจากนี้ขอให้น้องๆทุกคนหลับตานะครับ” เสียงเพลงประจำมหาวิทยาลัยดังขึ้นหลังจากที่พี่ปีสี่คนหนึ่งพูด “พี่เลี้ยงแต่ละสี ทำหน้าที่เลยนะครับ พาน้องเดินระวังๆด้วยนะ” สิ้นเสียงพี่ปีสี่ พี่ไม้ก็บอกให้ผมลุกขึ้นแล้วออกเดินโดยมีพี่สวยจูงมือ จะพาไปไหนกันล่ะเนี่ย
“ระวังนะน้องซัน ข้างหน้าเป็นบันได ก้าวยาวนิดนึงนะคะ” พี่สวยส่งเสียงหวาน หวังว่าระหว่างนี้หน้าผมจะไม่ทิ่มแล้วตีลังกาลงบันไดนะ
พี่สวยพาผมกับเพื่อนๆเดินลงมาด้านล่างที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่ๆพวกเราใช้กินอาหารกันเมื่อเช้า ตอนนี้ผมและเพื่อนๆยังนั่งหลับตากันอยู่ เสียงเพลงยังคงดังอย่างต่อเนื่องโดยมีเสียงพี่ๆร้องคลอตามไปด้วย ให้ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
สักพักพี่ๆก็ให้สัญญาณว่าให้เราลืมตาได้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือรุ่นพี่ที่นั่งหันหน้าหาพวกเราปีหนึ่งทั้งหมด แสงสว่างเพียงอย่างเดียวในเวลานี้คือแสงจากเทียนเล่มเล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพี่ๆ บนตักของพี่มีด้ายเส้นเล็กๆอยู่จำนวนหนึ่งด้วย เห็นพี่เขาบอกว่านี่คือพิธีบายศรี
“หวัดดีจ้า น้องซันใช่ไหม” พี่ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยทักผม พี่คนสวยคงจะสังเกตชื่อผมจากป้ายชื่อล่ะมั้ง
“ครับผม” ผมส่งยิ้มหวานให้
“ยินดีต้อนรับสู่ภาคของเราอย่างเป็นทางการนะคะ” พี่เขาพูดไปก็เอาเส้นด้ายรนไฟไป สักพักก็เอามาผูกที่ข้อมือของผม “พี่ชื่อเนปจูนนะ เรียกพี่จูนก็ได้ มีอะไรก็ปรึกษาได้ตลอด เจอข้างนอกก็ทักได้ พี่ไม่กัด” พี่จูนยิ้มอย่างใจดี
“ขอบคุณครับพี่” ผมยกมือไหว้
ผมคุยกับพี่จูนต่ออีกนิดหน่อย ถามเรื่องเรียนบ้าง เรื่องการใช้ชีวิตในมหาลัยบ้าง พี่เขาใจดีมาก ผมถามอะไรก็ตอบอย่างใจดีตลอด ที่สำคัญ สวยจนผมเคลิ้มเลย ฮ่าๆ
จบจากพี่จูน ผมก็ไปนั่งให้พี่อีกหลายคนผูกข้อมือให้จนตอนนี้สายสิญจน์เต็มแขนไปหมดแล้ว เต็มจนอีกนิดจะกลายเป็นซอมบี้ ฮ่าๆ พี่ๆทุกคนใจดีมากจนผมรู้สึกอบอุ่น หลายต่อหลายคนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเรียนจนผมรู้สึกว่าอนาคตผมคงได้เอวิชาภาค ฮ่าๆ เดินเวียนให้พี่ๆผูกข้อมือให้จนเกือบจะครบทั้งภาคแล้วมั้ง จะขาดก็แต่พี่เสาไฟฟ้าของผมเนี่ยแหละ ไม่รู้ไปเดินหล่ออยู่ที่ไหน
ผมเดินตามหาพี่เสาไฟฟ้าจนทั่วจนรู้สึกปวดฉี่เลยเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่ง ตรงนี้ก็เปลี่ยวอยู่แฮะ
“จูน ใจเย็นหน่อยได้ไหม” ในที่สุดผมก็เจอพี่เสาไฟฟ้าแล้ว แต่ภาพตอนนี้ทำเอาใจผมหล่นไปที่ตาตุ่ม พี่เสาไฟฟ้าอยู่กับพี่เนปจูนคนสวยของผม
“ไม่เย็นแล้ว ฮึก ทำไมทำร้ายกันแบบนี้วะ หมดรักกันแล้วใช่ไหม ฮืออออ” พี่จูนร้องไห้จนน่าสงสาร
“จูน อย่าร้อง” ว่าแล้วพี่เสาไฟฟ้าก็ดึงพี่จูนเข้าไปกอด ผมยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
พี่เขาเป็นแฟนกัน?
ชัดแล้วนะไอ้ซัน พี่เขามีเจ้าของแล้ว เลิกฟุ้งซ่านแล้วไปนอนซะ ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้นซ้ำๆ พยายามสั่งตัวเองให้เดินหันหลังกลับ ตอนนี้ผมรู้สึกชาหนึบไปทั่วหัวใจ
ความรู้สึกแบบนี้…อกหักสินะ
to be continue...อันยองงง เรามาแล้ววว วันนี้เอาน้องซันมาเต้นจั้มบ๊ะโชว์ :laugh:
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ให้คำแนะนำนะค้า คือเราใหม่มากจริงๆ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆโลย :pig4: :3123: :กอด1: