พิมพ์หน้านี้ - .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nicedog ที่ 28-01-2017 14:48:56

หัวข้อ: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-01-2017 14:48:56
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับ

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น 

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


สวัสดีค่า

วันนี้มาเปิดนิยายเรื่องใหม่

หลายๆคนอาจเคยเห็นผลงงานของเรามาบ้างแล้ว

อยากขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามมาเสมอ

สำหรับนักอ่านหน้าใหม่ก็ขอฝากตัวและผลงานด้วยนะคะ

เรื่องใหม่นี้แต่งขึ้นด้วยอารมณ์ที่อยากลองแต่งความรักในแนวรูมเมท

ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ไว้ด้วยนะคะ


*ผลงานที่ผ่านมา*

   ✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45471.0)

    ◣♥◥ Precinct ►◄ อาณาเขตรักของหัวใจ ◣♥◥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47133.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✥ Jurassic Heart ✥ดวงใจ กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47401.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51956.msg3307933#msg3307933)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ❣Secret heart❣ หัวใจ แอบรัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50864.msg3262162#msg3262162)

    Find Love  ▪พบรัก▪
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3462361#msg3462361)


สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ในเพจนะคะ>>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

ขอบคุณทุกนที่ติดตามค่ะ

*นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถาบันหรือสถานที่ใดทั้งสิ้น*


สารบัญ

.:*・แรกพบ・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3566675#msg3566675).:*・วันที่1・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3569802#msg3569802)
.:*・วันที่2・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3575022#msg3575022).:*・วันที่3・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3580248#msg3580248)
.:*・วันที่4・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3585039#msg3585039).:*・วันที่5・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3593915#msg3593915)
.:*・วันที่6・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3598372#msg3598372).:*・วันที่7・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3602397#msg3602397)
.:*・วันที่8・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3606957#msg3606957).:*・วันที่9・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3610214#msg3610214)
.:*・วันที่10・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3615165#msg3615165).:*・วันที่11・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3620185#msg3620185)
.:*・วันที่12・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3624145#msg3624145).:*・วันสุดท้าย・*:.
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57551.msg3628668#msg3628668)
.:*・ส่งท้าย・*:.
 (http://)


(http://s110.photobucket.com/albums/n109/mrslin/Midi%20doll/christmaspenguin.gif)(http://s110.photobucket.com/albums/n109/mrslin/Midi%20doll/christmaspenguin.gif)(http://s110.photobucket.com/albums/n109/mrslin/Midi%20doll/christmaspenguin.gif)


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 28-01-2017 15:05:01
.:*・۩แรกพบ۩・*:.



บรรยากาศช่วงเช้าของมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่มีเรียนตั้งแต่8โมง ตอนนี้เดือนอยู่ในกันยายนซึ่งเป็นช่วงหลังจากเปิดเทอมใหม่และผ่านการลับน้องสำหรับนักศึกษาใหม่ที่เข้ามายังสังคมใหม่เรียบร้อยแล้ว นั่นทำให้ทุกคนล้วนรู้ว่าตึกไหนที่ตัวเองมีเรียนจึงพากันเดิน ขับรถหรือแม้แต่นั่งรถบริการของมหาลัยเพื่อไปให้ทันเข้าเรียน ยิ่งกับชั้นปีที่สูงกว่าการเดินทางไปยังตึกเรียนเรียกว่าเป็นเรื่องง่าย อยู่มาเกิดครึ่งเทอมก็รู้หมดตึกทุกตึกให้มหาลัยแล้ว


ผิดกับผมที่ยืนก้มหน้ามองกระดาษในมือที่ได้รับมาจากคุณน้าเมื่อเช้า แผ่นกระดาษครึ่งเอสี่ถูกวาดเป็นแผนที่พร้อมเขียนบรรยายด้วยลายมือยิ่งกว่าไก่เขี่ย จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน


ผม นายปภาวิน ศรีมาลาหรือน้ำเปล่า เป็นคนต่างจังหวัดที่พึ่งโอนย้ายหน่วยกิตมายังมหาลัยนี้อย่างกะทันหันเนื่องจากพ่อผมถูกย้ายงานให้มาประจำสาขาหลักของบริษัทแห่งหนึ่ง ผมซึ่งเป็นลูกเลยต้องจำใจจากเพื่อนฝูงมายังสถานที่อันแปลกตาเช่นนี้


มหาลัยเดิมของผมถึงจะใหญ่แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนี้


การที่ย้ายมาได้ง่ายๆอาจเพราะคุณน้าผมมีคนรู้จัก ไม่สิ จะว่ารู้จักก็ค่อนข้างจะไกลตัวไปหน่อยต้องพูดว่ามีสามีเป็นคนของมหาลัยในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง ทำให้เรื่องอะไรๆง่ายขึ้น


ทั้งที่ควรจะมานำทางผมที่ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ทางแต่กลับทิ้งผมไว้หน้ามหาลัยพร้อมกับคำพูดที่ว่ามีนัดไปทำสปากับเพื่อนซะอย่างนั้น


ผมยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีดำซอยระต้นคอของตัวเองจนฟูฟ่องเนื่องจากความหงุดหงิดที่ไม่รู้ทิศทาง


สถานที่แรกที่ผมต้องไปคือหอพักชายของมหาลัย  ความจริงจะไปกลับระหว่างบ้านกับมหาลัยก็ได้แต่ผมอยากจะลองอยู่หอดูสักครั้ง ตอนที่อยู่มหาลัยก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อยู่หอที่ไหนเพราะระยะทางจากบ้างถึงมหาลัยเดินเพียง5นาทีก็ถึงแล้ว พอย้ายมาที่นี่ผมเลยอยากจะลองอยู่หอพักดูบ้างสักครั้ง อีกอย่างระยะทางมันก็ค่อนข้างไกลจะเปลืองเงินเปล่าๆ


ก็เข้าใจว่าเรื่องนั้นอยู่หรอก แต่ถ้าอยากให้ลองทำอะไรด้วยตัวเองทำไมไม่เช่าหอพักข้างนอกให้เล่า


“นี่มันที่ไหนเนี่ย”อยากจะตะโกนออกไปให้ดังลั่นโลกซะเหลือเกิน


ถนนคอนกรีตสีเทามีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียกเป็นแนวอยู่ทั้งสองข้างยาวสุดสายตา


ดวงตาสีน้ำตาลตามแบบฉบับคนไทยของผมหันไปมองรอบตัวก่อนจะเดินเข้าไปถามทางกับรปภ.ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก พี่รปภ.มองแผนที่ที่ผมยื่นส่งไปให้ด้วยสายตางงๆราวกับไม่เข้าใจว่าสถานที่นี้มันอยู่ตรงไหนแต่พอบอกไปว่าหอพักชายเขาก็พยักหน้าแล้ววาดแผนที่ใหม่ให้


แผนที่ใหม่นั้นดีกว่าของคุณน้าหลายล้านเท่า แถมยังบอกอีกว่าสามารถไปทางรถโดนสารฟรีของมหาลัยได้


เพราะความช่วยเหลือนั้นผมเลยมาถึงหอพักชายขนาดใหญ่เทียบเท่าคอนโดได้ในที่สุด ไม่เพียงแค่ภายนอกที่ดูหรูหราแต่ภายในเองก็หรูหราไม่แพ้กันเลย


ผมก้าวเข้ามาภายในอาคารพลางหันซ้ายขวามองรอบตัว สภาพแวดล้อมนี้แตกต่างจากบ้านนอกที่ผมโตมาลิบลับ


“พี่ครับ ผมเป็นนักศึกษาที่พึ่งทำเรื่องย้ายมา...”ผมเดินไปพูดกับคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่สุดในแถวนี้ ชายวัยกลางคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องกระจกที่ดูเหมือนจะเป็นห้องสำหรับติดต่อ


“อ้อ...หลานของคุณญานิภา?”ชื่อของคุณน้าดังขึ้นผมเลยพยักหน้าส่งไปให้


“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าห้องผมนี่ใช่612รึเปล่าครับ”ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


“ห้องนั้นไม่ได้แล้วล่ะ พอดีมีห้องบนชั้น6เกิดปัญหาเลยต้องปิดซ่อมบำรุงชั่วคราวน่ะ เด็กคนอื่นๆก็เลยถูกย้ายไปรวมกับห้องชั้นอื่นแทน”


“แล้วห้องผมล่ะ”อย่าบอกนะว่าผมไม่มีห้องอยู่น่ะ


“ความจริงก็มีอยู่ห้องนึงเพียงแค่เจ้าของห้องค่อนข้างจะ...นิดนึง”ใบหน้าลำบากใจของคนดูแลหอทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ


“อะไรนิดนึงครับ”


“...ก็นิสัยน่ะ”น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่


“นิสัยไม่ดี? เด็กเกเร? หรือเป็นพวกเสียงดัง?”ผมยังคงถามต่อ


“จะว่ายังไงดีล่ะ เป็นคนเก็บตัวน่ะ...ความจริงห้องในหอนี่จะต้องอยู่กันสองคนขึ้นไปแต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างห้องนั้นจึงเป็นห้องเดียวที่ไม่มีรูมเมท”


“...แปลว่าผมไม่มีห้องอยู่เหรอครับ”


“เปล่า ถ้าเธอคิดว่าอยู่ได้ก็ไม่มีปัญหา”


“ผมอยู่ได้ครับ”บอกเสร็จก็ยืนยันด้วยการพยักหน้า


ต่อให้ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องเป็นยังไงแต่ก็ดีกว่าต้องไปกลับระหว่างบ้านกับมหาลัยละนะ


“งั้นจะพาขึ้นไป กระเป๋ามีแค่นั้นเหรอ?”ผู้ดูแลมองมายังกระเป๋าเป้ใบเดียวที่ผมสะพายอยู่


“ครับ เดี๋ยวของที่เหลือจะไปเอามาเพิ่มทีหลัง”ของที่ผมเตรียมมาค่อนข้างพร้อมทั้งชุดนักศึกษา ชุดนอนและชุดไปรเวท อุปกรณ์อาบน้ำก็มีนะ ข้าวของอื่นๆผมจะทยอยเอามาทีหลังยังไงก็ต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์ตามคำขอของแม่อยู่แล้ว


“โอเค เดี๋ยวพี่จะไปห้อง...ตามมาเลย”พูดจบเขาก็พาผมเดินไปยังลิฟต์ด้านข้าง


“พี่ชื่ออะไรเหรอครับ”ระหว่างขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น12ผมก็หาเรื่องคุย


“เรียกพี่กรก็ได้ พี่เป็นคนดูแลหอแทนลุงที่พึ่งปลดเกษียณไปเมื่อต้นปี มีอะไรถามได้ ย้ายมาช่วงนี้คงลำบากหน่อยนะ”


“ก็นิดหน่อยครับ...”เอาตรงๆก็ลำบากพอดู ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องเพื่อนอีก


“แต่ที่ลำบากสุดคงเป็นการอยู่ร่วมห้องกับหมอนั่นละนะ ถึงแล้ว”พอลิฟต์เปิดพี่กรก็พาเดินไปยังหอที่อยู่ด้านใน ชั้น12นี่เหมือนจะเป็นชั้นบนสุดถ้าไม่นับดาดฟ้า


“หมอนั่น? หมายถึงเจ้าของห้องที่ผมต้องไปอยู่ด้วยใช่ไหมครับ”


“อืม แต่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าจะมีคนไปอยู่ด้วย”


“อ้าว แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับพี่”


“เรื่องมันกะทันหันนี่”


“เขาชื่ออะไรครับ”อย่างน้อยก็ควรจะรู้ไว้บ้าง


“Sean Hilary”


“ห๊ะ?”สำเนียงอังกฤษจ๋าถูกพูดรัวๆจนผมถึงกับอ้าปากค้าง


บอกเลยว่าภาษาอังกฤษผมแย่ยิ่งกว่าเด็กประถมอีก


“ฌอน ฮิลลารี”ครั้งนี้พี่กรพูดช้าๆให้ผมได้ฟังถนัดขึ้น


“คนต่างชาติเหรอครับ”ผมถามตาโต


“เปล่า เป็นลูกครึ่ง”


“เฮ้อ...”ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าต้องพูดอังกฤษผมคงได้สลบเหมือดแน่ๆ


“ห้องนี้แหละ”พี่กรหยุดเดินเมื่อมาถึงห้องด้านในสุดของชั้น


“1216...ขอบคุณครับ”ผมพึมพำเลขห้องก่อนจะหันไปขอบคุณ


“ไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวก็มาบอกละกัน จะลองหาห้องที่พออัดได้อีกให้”


“ครับ...”


“อ้อ...ลืมบอกไป เจ้าของห้องนี่ได้ชื่อในมหาลัยว่าเป็นปริ้น ออฟ อาร์ทน่ะนะเพราะงั้นเลยมีความศิลป์อยู่ในตัวค่อนข้างเยอะ ก็ถ้าอยู่ดีๆคิดว่าคงไม่เป็นไรมั้ง”


“ห๊ะ?”ว่า...อะไรนะ


“ไปล่ะ”พี่กรบอกพร้อมกับเดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่หน้าประตูสีน้ำตาลด้วยความงงงวย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมทำใจสักพักก่อนจะเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาททว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับเลยสักนิด ผมที่มองในแง่ดีคิดว่าคนในห้องคงไม่ได้ยินเลยเคาะใหม่อีกหลายครั้งแต่ผลตอบรับก็เหมือนเดิมคือความเงียบ


เมื่อเริ่มหมดความอดทนผมก็เลิกเคาะประตูแล้วเปิดประตูนั่นออกแรงๆด้วยความหงุดหงิด บานประตูที่คิดว่าน่าจะล็อคอยู่กลับเปิดออกอย่างง่ายดาย


ทันทีที่ประตูเปิดออกกลิ่นของสีก็โชยออกมาตามแรงลม ภาพภายในห้องที่ปรากฏขึ้นทำเอาดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างขึ้น บนพื้นห้องสีครีมถูกปูด้วยกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ยักษ์ประมาณเมตร...ภายในกระดาษแผ่นยักษ์เต็มไปด้วยลายเส้นสีดำวาดปัดป่ายไปมา...อุปกรณ์การลงสีไม่ว่าจะเป็นดีสอ สีน้ำ สีไม้หรือแม้แต่พู่กันต่างกระจายอยู่ตามพื้นห้องโดยมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนในมือถือดินสอนั่งอยู่ตรงกลางกระดาษในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น เค้าโครงใบหน้า ลักษณะร่างกายตลอดจนท่าทางของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้ทันว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าเจ้าชาย


แค่หล่อยังน้อยไป


ต้องพูดว่าหล่อมาก


ขนาดผู้ชายด้วยกันยังคิดแบบนี้ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผู้หญิงเห็นคงจะกรี๊ดออกมาดังๆแน่นอน


ตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งจะเคยเห็นคนที่หน้าตาดีขนาดนี้ มันช่างเป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างสองเชื้อชาติจริงๆ


“เอ่อ สวัสดีครับ ผมเป็นรูมเมทที่จะมาอยู่ห้อง...”ยังไม่ทันได้พูดจบดวงตาคมๆสีเทาอ่อนก็เงยขึ้นมาสบ สายตานั่นทำเอาผมขนลุกไปทั่วทั้งร่าง


“ออกไป”เสียงทุ้มออกแหบเล็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงไร้มนุษย์สัมพันธ์


ประโยคแรกที่เอ่ยทักทายก็แสนจะเป็นมิตร


เพียงนาทีเดียวที่พบหน้าก็ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีซะเหลือเกิน


ที่พูดไปน่ะผมประชด


แค่เห็นก็บอกได้เลยว่าภาพลักษณ์เจ้าชายนั่นมันหลอกลวงสิ้นดี!

...............................................................................................

สวัสดีค่า

วันนี้มาลงบทนำให้ก่อน

เดี๋ยวอีกไม่นานจะมาลงตอนแรกให้อ่านกันนะคะ

ตอนแรกกะจะแต่งแฟนตาซีแต่อยู่ๆก็อยากแต่งแนวนี้ขึ้นมาเลยกะว่าแนวแฟนตาซีไว้หลังจากนี้ละกัน555

ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ^^

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-01-2017 15:26:46
น่าสนุกอีกแล้ววว รอค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 29-01-2017 11:45:39
รอตอนต่อไปปปปปปป
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-01-2017 00:19:17
 :pig4: :pig4:
ยินดีกับเรื่องใหม่นะค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 31-01-2017 07:16:01
โอเค...แปะ

55555 เรื่องไหนแนวไหนก็อ่านจ้าาา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 10:28:58
ตามด้วย น่าสนใจ prince of heart  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-01-2017 10:44:09
มาเกาะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 31-01-2017 22:37:47
มาปูเสื่อรอด้วยคนค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{แรกพบ}} 28/01/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 31-01-2017 22:44:37
รอจร้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 02-02-2017 13:09:31
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่1



เจ้าของเลือนผมสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองมายังผมที่ยืนนิ่งเงียบหลังจากได้ฟังถ้อยคำอันแสนเป็นมิตรนั่น สมองตอนนี้มันเหมือนเบลอๆยังไงก็ไม่รู้


“เอ่อ คือว่า...”


“บอกให้ออกไปไง”เป็นอีกครั้งที่ผมถูกพูดแทรกทั้งที่ยังเอ่ยไม่จบประโยค


นี่ผมทำอะไรผิดถึงขนาดต้องมันไล่กันขนาดนั้นเลยเหรอ


ส่วนตัวผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นพวกยอมคนหรือหงิมๆ


โดนพูดแบบนี้ใส่สองรอบจะให้อยู่เฉยคงไม่ได้


“ไม่ไป”ในเมื่อยากไล่นักผมก็จะอยู่


จะอยู่ให้ประสาทกินไปเลย!


“...”เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าผมสวนกลับก็นิ่งไปเล็กน้อย


“ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายต้องวางตัวเป็นศัตรูกันขนาดนั้นแต่ถ้านายยิ่งไล่ฉันก็จะยิ่งไม่ไปจากห้องนี้”คำพูดสุภาพก่อนหน้านี้หายไปกับสายลม ตอนนี้อารมณ์ผมก็ขึ้นพอๆกัน


การเริ่มต้นสภาพแวดล้อมใหม่ๆทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่วันแรกด้วย


“หึ พวกMสินะ”


“ไม่ใช่โว้ย!”ผมตะโกนกลับเสียงดัง


“ฉันจะอยู่คนเดียว”เจ้าของห้องบอก


“นายก็อยู่ไปสิ ฉันแค่ขอมุมนึงของห้องเท่านั้นเอง”ผมเลือกที่จะไม่สนใจสายตาคมๆที่จับจ้องมาแล้วเดินตรงไปยังเตียงด้านในสุดติดกับกำแพงที่มีผ้าสีขาวคลุมไว้


ในห้องนี้มีเตียงอยู่2เตียงซึ่งอยู่คนละฝั่งของห้อง เตียงอีกฝากนึงมีกระดาษวาดภาพวางกองอยู่เต็มไปหมดผมเชื่อว่านั่นต้องเป็นเตียงของเจ้าของห้องแน่ๆก็เลยเดินมายังเตียงฝั่งนี้


ผ้าคลุมเตียงสีขาวถูกดึงออกก่อนที่ผมจะทิ้งก้นนั่งลงบนเตียง กระเป๋าเป้สีเข้มถูกวางไว้ยังปลายเตียง ทุกการกระทำผมสัมผัสได้ว่าถูกจ้องมองอยู่


“ฉันยังไม่ได้อนุญาต”เสียงทุ้มนั่นเริ่มออกแนวไม่พอใจกับการกระทำของผม


“จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากนายรึไงล่ะ ไม่รู้ล่ะฉันจะอยู่นี่”


“ไม่ให้อยู่”


“ก็จะอยู่”


“ไม่ให้”


“จะอยู่”พวกเราทั้งคู่ต่างขึ้นเสียงใส่กันไปมา


เจ้าของห้องที่นั่งอยู่ลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาหาผมด้วยใบหน้าหงุดหงิดแต่มีเหรอผมจะกลัวกับแค่ไอ้ท่าทางแบบนั้น


ไม่มีทาง!


“ลุกแล้วออกไป”อีกฝ่ายชี้นิ้วมายังผมก่อนจะชี้ไปยังประตูทางออก


“ไม่”ผมตอบกลับเสียงดังชัดเจน


“ดื้อ”


“นายก็ดื้อไม่แพ้กันหรอก”ผมไม่ยอมถูกบอกว่าดื้อฝ่ายเดียวแน่ๆ


แค่ขออยู่ด้วยมันจะอะไรนักหนา


ห้องตัวเองซื้อก็ไม่ใช่สักหน่อย


“ว่าไงนะ...”


“ฉันปภาวิน ชื่อเล่นน้ำเปล่า เรียกน้ำก็ได้”ผมแนะนำตัวทักทาย


“เปล่า”


“...เรียกเหรอ”ผมนิ่งไปนิดเมื่ออยู่ๆก็ถูกเรียกชื่อเล่น ถึงจะเรียกว่าเปล่าก็เถอะ


ปกติพวกเพื่อนๆจะเรียกผมว่าน้ำพึ่งเคยเจอคนที่เรียกว่าเปล่าครั้งแรกเลย


ที่เขาเรียกแปลว่าเริ่มยอมรับผมขึ้นมาหน่อยแล้วสินะ


“เปล่า”


“มีอะไร”เรียกชื่อผมอีกแล้ว


“ไม่ได้เรียก ที่พูดว่าเปล่า คือฉันไม่ได้ถาม”คำอธิบายต่อมาทำเอาความร้อนมารวมกันอยู่บนใบหน้า


ถ้าสามารถได้ยินเสียงคงจะได้ยินเสียงเพล้งจากใบหน้าผมที่แตกเป็นเสี่ยงแน่


บ้าเอ้ย!


ไอ้ผมก็นึกว่าเรียกชื่อกันซะอีก


น่าโมโหที่สุด


ได้...เล่นแบบนี้ใช่ไหม


ขอเล่นกลับบ้างละกัน


“ช้อน!”ผมตะโกนพร้อมชี้หน้าอีกฝ่ายกลับ


“...”ใบหน้าหล่อคมคายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ


“ชื่อนายน่ะ ฌอน อะไรสักอย่างสินะ”


“Sean Hilary”สำเนียงอังกฤษอันไพรเราะนั่นฟังยากกว่าพี่กรอีก


“ฌอนมันก็ออกเสียงคล้ายๆช้อนแหละน่า”


“ไม่คล้ายสักนิด”


“อ๋อเหรอ สำหรับคนโง่อังกฤษมันเหมือนน่ะ นายช้อน”ผมจงใจย้ำคำว่าช้อนเป็นพิเศษ


“เลิกเรียก”อีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจที่ชื่อตัวเองถูกเปลี่ยน


“งั้นก็เลิกกวนก่อนสิ”


“ใครกันแน่ที่กวนน่ะ”


“แล้วใครที่ไล่คนที่พึ่งเจอหน้ากันครั้งแรกก่อนเล่า”


“จะบอกว่าคนที่ล้อชื่อคนอื่นไม่ผิดงั้นสิ”


“นายก็ล้อชื่อฉันเหมือนกันเหอะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าจงใจพูดคำว่าเปล่าน่ะ”ผมสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้


“ทำไมฉันต้องมายืนเถียงเรื่องไร้สาระนี่ด้วย รีบๆลุกแล้วออกไปสักที”


“บอกแล้วไงว่าไม่ไป ขออยู่ด้วยจะเป็นไรไปเล่า อย่าใจร้ายน่า”


“ฉันชอบอยู่คนเดียว”


“เหมือนกันแหละน่า”ผมเองก็อยากอยู่คนเดียวมากกว่า


“งั้นก็ไปซะสิ”


“ไม่ไป...ถ้าไปฉันก็ไม่มีห้องอยู่น่ะสิ”ไม่อยากไปนอนเบียดกันหลายๆคนหรอกนะ


“ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่”


“เอางี้ไหมช้อน...”


“ลองเรียกอีกทีฉันจะจับนายโยนออกไปนอกห้องเดี๋ยวนี้เลย”ทันทีที่คำว่าช้อนดังขึ้นอีกฝ่ายก็พูดแทรกด้วยใบหน้าไม่พอใจ


“งั้นฌอนก็ได้ ขอฉันอยู่ด้วยน่ารับลองว่าจะไม่วุ่นวายกับนายเลย ของที่วางอยู่บนพื้นห้องไม่ต้องขยับออกก็ได้ฉันขอแค่พื้นที่ตรงนี้กับห้องน้ำก็พอแล้ว จะไม่เข้าไปยุ่งกับนายแน่นอน”ผมพยายามเปลี่ยนอารมณ์เพราะขืนเถียงกันต่อก็ไม่ได้เข้าเรื่องสักที


“ไม่ ออกไป”


“อืมม ฉันเริ่มง่วงแล้วสิ ตื่นมาค่อยคุยต่อละกันนะ”ผมทิ้งตัวลงนอนหันหน้าชิดกำแพงทันที ดูแล้วคงคุยตอนนี้ไม่รู้เรื่องเพราะงั้นต้องปล่อยให้อีกฝ่ายใจเย็นสักหน่อย


“อย่าพึ่งนอน”


“หลับแล้ว”ผมงึมงำตอบพร้อมทำท่าเคี้ยวน้ำลายประกอบ


“นี่”


“ฝันดีช้อน”


เสียงพึมพำของผมเหมือนจะทำให้เจ้าของห้องอารมณ์ขึ้นเพราะมีเสียงบ่นดังขึ้นต่อเนื่อง เพียงแต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เสียงเหล่านั้นเหมือนเพลงกล่อมให้ผมปล่อยสติให้หายไปอยู่ในวังวนของการนิทราอย่างไม่รู้ตัว


ดูเหมือนความเหนื่อยล้าจะมากว่าที่คิดพอสมควร ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนจากสีครามเป็นสีส้มของยามเย็นซะแล้ว


บรรยากาศอันเงียบสนิททำให้ผมคิดไปว่าเจ้าของห้องคงออกไปข้างนอกแต่พอลุกขึ้นนั่งพลางมองไปยังบริเวณกลางห้องก็พบกับเจ้าของห้องกำลังนั่งก้มหน้าใช้สีไม้สีดำสนิทลากลายเส้นไปมาบนกระดาษแผ่นยักษ์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดราวกับไม่พอใจในสิ่งที่ทำอยู่นัก


ภาพบนกระดาษมีรูปร่างคล้ายศาลาริมน้ำที่มีต้นไม้และดอกไม้ขึ้นอยู่ปะปาย ทั้งที่ทำกลังใช้สีไม้ลงสีแต่กลับมีเพียงแค่สีดำเท่านั้นที่ถูกระบายลงไป


ผมไล่สายตาไปตามพื้นที่ของห้องพร้อมสังเกตดูกระดาษมากมายที่มีทั้งวางกองรวมๆหรือกระจายอยู่ตามพื้นห้องอย่างครุ่นคิด
จะว่าไปภาพที่วาดกระจายอยู่ในห้องก็มีแต่สีขาวดำทั้งนั้นเลย


พวกอุปกรวากภาพอย่างกล่องสีไม้หรือสีน้ำก็มีสีอยู่ครบทุกเฉดแต่มีแค่สีดำที่ถูกใช้ไม่เหมือนสีอื่นที่เหมือนไม่เคยถูกใช้งาน
ทำไมถึงใช้แค่สีดำล่ะ


หรือว่าชอบโทนสีแบบนี้


สำหรับผมไม่ค่อยรู้เรื่องภาพหรือศิลปะนักหรอก ที่รู้สึกจากภาพขาวดำภายในห้องนี่ก็มีแค่ความรู้สึกดำๆมืดๆ อธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่


ที่แน่ๆคือดูไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย


ใบหน้าเครียดๆของคนวาดเหมือนจะสื่อออกมาทางภาพโดยตรงทว่าเพียงไม่นานบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป...ใบหน้าเครียดกลับนิ่งลงก่อนที่มือนั่นจะเคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง ผมเองก็มองอีกฝ่ายใช้สีไม้ระบายอย่างคล่องแคล่วด้วยความรู้สึกชื่นชม


เหมือนเขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัวแล้วจมลงสู่กระดาษเบื้องหน้า


ไม่ถึง20นาทีที่ผมนั่งมองภาพร่างศาลาริมน้ำก็ถูกสีไม้ด้ามดำระบายจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ความงดงามของภาพแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมาแม้ไม่ใช่มืออาชีพก็ยังสามารถรับรู้ได้ ขนาดใช้เพียงสีดำยังสามารถสื่อถึงช่วงเวลายามพระอาทิตย์ตกได้ผ่านแสงและการแลเงา


“...สุดยอด”ผมพึมพำโดยที่ไม่ละสายตาออก ไม่ใช่แค่ภาพที่ดึงดูดให้มองแต่ท่าทางเวลาระบายสีบนกระดาษนั่นช่างสงบนิ่งและน่าจดจำผิดกับชายที่เถียงกับผมก่อนหน้านี้ลิบลับ


ภาพลักษณ์นี่สินะที่ทำให้ถูกเรียกว่าเจ้าชาย


โครกกกก~


เสียงจากท้องแผดดังลั่นจนเจ้าของอย่างผมอยากจะมุดหน้าเข้ากำแพงซะจริงๆ


“เอ่อ คือ...ขอโทษที่...”คำพูดที่จะเอ่ยหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แม้จะหันมาสนใจเสียงท้องร้องเลยสักนิด


สมาธิดีไปแล้ว


นี่สินะคนที่อยู่ในอารมณ์ศิลป์


ผมไม่รู้และไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย


ท้องผมยังคงแผดเสียงอย่างต่อเนื่องจนผมทนไม่ไหวหยิบกระเป๋าเงินในเป้ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง ทุกย่างก้าวผมพยายามไม่ส่งเสียงรบกวนสมาธินั่น เมื่อเปิดประตูออกจากห้องได้สำเร็จผมก็ถอนหายใจออกมาเบาๆที่ฌอนยังคงก้มหน้าอยู่กับกระดาษตรงหน้า


ผมเป็นคนบอกเองว่าจะไม่รบกวนเพราะงั้นก็ควรจะอยู่ให้เงียบที่สุด


สำหรับงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นอะไรต่างก็ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการทำขืนทำให้สมาธิหลุดงานคงเละเป็นแน่


ลงลิฟต์มาถึงชั้นแรกผมก็ต้องหันซ้ายขวาอยู่หน้าหอเพราะไม่รู้จักที่ทางภายในมหาลัยหรือโดยรอยเลยสักนิดเดียว ถึงจะหิวแต่ไม่รู้ว่าร้านข้าวอยู่ไหนก็ไม่ต่างจากคนเดินไปไร้จุดหมาย


“พี่กร”ผมเดินเข้าไปเรียกผู้ดูแลหอพักที่ยืนรดน้ำต้นไปอยู่นอกรั้วด้วยความหวัง


“อ้าว โดนไล่มาแล้วเหรอ แต่ก็นานกว่าที่คิดนะเนี่ยถือเป็นสถิติใหม่เลย”คำทักทายแปล่งนั่นทำให้ผมคาดได้ว่าผมไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งไปอยู่ห้องเดียวกับฌอนแน่ๆ


“ผมยังอยู่ห้องนั้นอยู่ครับ แค่จะออกไปหาอะไรกิน...”


“ไม่ถูกไล่จริงเหรอ?”เหมือนเขาจะตกใจที่ผมไม่ถูกไล่พอดี


อยากจะบอกกลับไปว่าถูกไล่เกินสิบรอบแล้วครับพี่แค่ผมไม่ยอมออกมาเท่านั้นเอง


“แฮะๆ...ก็โดนไล่อยู่แต่พอไหว ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยผมปภาวินเรียกน้ำเปล่าก็ได้ครับ”เหมือนจะยังไม่เคยแนะนำชื่อให้พี่กรฟังนะ


“น้ำเปล่า...ชื่อแปลกดีนี่ ถ้าอยู่ไม่ไหวก็มาบอกพี่นะ”


“ได้ครับ ว่าแต่โรงอาหารไปทางไหนเหรอครับ”ผมถามประเด็นสำคัญ


“อ้อ พึ่งมาเลยไม่รู้สินะ เดินไปตามทางนี่พอถึงหัวโค้งก็เลี้ยวขวาจะเห็นอาคารสรขาวใหญ่ โรงอาหารที่ใกล้สุดอยู่ใต้อาคารนั่นแหละ”


“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยก่อนจะเดินไปตามทางที่ถูกบอกมา


อาคารขนาดใหญ่สูงประมาณ8ชั้นเขียนป้ายว่าคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ตัวยักษ์ ใต้อาคารก็เป็นอย่างที่พี่กรบอกโรงอาหารขนาดใหญ่อัดแน่นไปด้วยนิสิตหลายร้อยคน


เสียงพูดคุยดังลั่นตลอดการเดิน ผมมองหาร้านที่คนน้อยที่สุดเนื่องจากใกล้เป็นลมเป็นทีและดูเหมือนโชคจะเข้าข้างให้เห็นแถวของรานก๋วยเตี๋ยวที่มีคนต่อเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


ใช้เวลาไม่นานชามก๋วยเตี๋ยวก็ถูกยกมานั่งยังโต๊ะว่างริมกำแพง ระหว่างกินอย่างหิวโหยผมก็นึกถึงคนในห้องขึ้นมา


จากที่ดูคงไม่ได้กินมื้อกลางวันเหมือนกัน นี่ก็เย็นแล้วแต่ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะหลุดสมาธิออกจากการวาดภาพเลย


“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ”ถอนหายใจเสร็จผมก็เดินไปต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวใส่ถุงหลังจากกินชามตัวเองเสร็จ


ถ้าหมอนั่นมีของกินแล้วผมเก็บไว้กินพรุ่งนี้เองก็ได้


คิดได้แบบนั้นผมก็เดินกลับห้องพร้อมถุงก๋วยเตี๋ยว ประตูห้อง1216ค่อยๆถูกเปิดอย่างระมัดระวังไม่ให้คนข้างในรู้ตัวซึ่งก็สำเร็จด้วยดี ผมก้าวเดินหลบของที่เกลื่อนพื้นไปจนถึงส่วนของห้องครัวขนาดเล็กที่มีเพียงตู้เย็นและที่ล้างจาน ในหอไม่อนุญาตให้ใช้เตาแก๊ส


สิ่งที่ทำได้คือใช้กาน้ำไฟฟ้าต้มมาม่าหรือใช้ไมโครเวฟเวฟข้าวในตู้เย็น


ทั้งกาน้ำไฟฟ้าและไมโครเวฟต่างก็มีตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ติดกับที่ล้างจาน


ตู้เย็นขนาดกลางถูกเปิดออกด้วยความสนใจว่าจะมีอาหารอะไรอยู่บ้าง ไม่แน่ว่าอาจมีพวกข้าวเซเว่นอยู่ก็ได้ทว่าความจริงกลับน่าตกใจเพราะนอกจากจะไม่มีของที่คาดว่าจะทำให้อิ่มท้องแล้วตู้ยังแทบจะว่างเปล่ามีเพียงน้ำเปล่าอยู่สองขวดใหญ่เท่านั้น


ตู้ตั้งใหญ่ใส่น้ำแค่สองขวดเนี่ยนะ


ผมปิดตู้เย็นพร้อมไล่มองเคาน์เตอร์ไม่ว่าจะเป็นซองมาม่าหรือโจ๊กถ้วยก็ไม่มีเลยสักอัน


“จะเอาอะไรกินละนั่น”ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง


แค่น้ำมันจะไปอิ่มอะไร


ผมส่ายหน้าพลางถือวิสาสะหยิบชามเพียงใบเดียวของห้องมาเทก๋วยเตี๋ยวใส่ลงไปพร้อมหยิบช้อนและตะเกียบมาวางในชามก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของเจ้าของห้องที่ดูเหมือนจะไม่รับรู้สิ่งรอบกายเลยสักนิด


“นี่”ผมเรียกเสียงเบา


“...”


“นี่ฌอน”ความเงียบที่ได้ทำให้ผมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น


“...”


เมื่อคำตอบที่ได้ยังคงเป็นความเงียบก็ทำเอาผมเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ


ในเมื่อเรียกดีๆแล้วไม่หันก็เหลือแค่...


“ช้อน!”ผมเรียกเสียงดังลั่นจนมือที่กำสีไม้อยู่หยุดชะงัก ดวงตาสีเทาอ่อนค่อยๆหันกลับมาสบตาผมอย่างเอาเรื่อง


“บอกให้เลิกเรียกไง”


“ก็เรียกดีๆนายหันที่ไหนล่ะ”อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดผมนะ


เรียกฌอนดีๆก็ทำมาแล้ว


“เรียกตอนไหน”


“เรียกเป็นสิบชาติแล้ว”


“งั้นนายก็ตายมาเป็นสิบรอบแล้วสิ”


“ช้อน”


“เลิกเรียก”


“ก็เลิกกวนสิ”


“คนที่กวนก่อนมันนายนะ ฉันนั่งอยู่ดีๆ”ฌอนสวนกลับ


“นั่งจนรากงอกติดกับพื้นแล้วมั้ง”


“เปล่า”


“หึ...ไม่หลงกลหรอกน่าอย่ามาเรียกกันซะให้อยาก”ผมไม่ยอมโดนซ้ำสองแน่


“ก็ไม่ได้เรียกนี่”


“ช้อน!”


“อยากโดนถีบออกจากห้องนักใช่ไหม”สายตาขวางๆนั่นบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายเอาจริง


“จะหลบให้ดู”ผมยังคงไม่เลิกกวน


“เลิกไร้สาระได้แล้ว มีอะไร”เหมือนฌอนจะไม่อยากเถียงไร้สาระมากไปกว่านี้


“นี่”ผมเองก็ใช่ว่าจะเถียงเลยนั่งลงข้างๆแล้วยื่นชามก๋วยเตี๋ยวส่งไปให้


“จะกินก็ไปกินแถวอื่น”คำตอบที่ได้รับทำให้ผมรู้ว่าฌอนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อสักนิด


แค่หาที่นั่งกินข้าวจำเป็นต้องมาเรียกนายรึไงเล่า


“ฉันกินแล้ว”


“แล้วจะถือมาทำไมอีก”อีกฝ่ายเริ่มทำหน้ายุ่ง


นี่ต้องให้พูดตรงๆใช่ไหม


ก็ได้...จะจัดให้เลย


“ถือมาให้นายไง”


“...ฉัน?”


“ยังไม่ได้กินไม่ใช่เหรอ มื้อเย็นน่ะ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย


พอต้องทำเสียงเข้มเถียงกันไปมาแล้วรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเลย


“...”ความเงียบกับสายตาที่จับจ้องทำเอาไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยยื่นชามไปให้ฌอนอีกรอบ


“เอาไปสิ”ในเมื่อไม่ยอมรับผมเลยวางชามไว้บนตักนั่นจนฌอนต้องรีบใช้สองมือยกถ้วยขึ้นไม่ให้น้ำก๋วยเตี๋ยวหกโดนภาพวาดด้านใต้


“...ไม่เห็นร้อน”ทั้งที่คิดว่าอาจต้องเถียงกันอีกรอบเรื่องที่เอาชามไปวางแบบนั้นแต่คำพูดที่ได้ยินกลับเรียกรอยยิ้มผมออกมา


“อยากกินร้อนๆก็เอาไปอุ่นเองสิ”


“เอาไปอุ่นซะ”พูดจบชามก๋วยเตี๋ยวใบเดิมก็ถูกส่งกลับมาอีกรอบ


“นี่ฉันไม่ใช่คนใช้นายนะ”


“เงียบด้วยฉันต้องใช้สมาธิ”ฌอนบอกพร้อมกับหยิบสีไม้เตรียมจะเข้าโหมดวาดภาพ


“เดี๋ยวๆ วางสีไม้ลงเลย”ผมรีบเอ่ยห้าม


“ทำไม”อีกฝ่ายขมวดคิ้วถาม


“ขืนเข้าโหมดสมาธิขนาดนั้นกว่าจะเรียกได้ก๋วยเตี๋ยวก็เย็นหมดพอดี รอแป๊บจะรีบไปอุ่นให้”ผมลุกขึ้นก้าวฉับๆไปอุ่นชามก๋วยเตี๋ยวในไมโครเวฟก่อนจะยกชามร้อนๆวางบนจนแล้วยกกลับให้เจ้าของห้องที่นั่งขัดสมาธิมองผมวางชามก๋วยเตี๋ยวส่งไปให้


ฌอนมองหน้าผมเล็กน้อยแล้วถึงจะลงมือกินก๋วยเตี๋ยวในชาม เส้นเล็กต้มยำถูกเคี้ยวสักพักจึงกลืนลงคอ ดวงตาสีเทาอ่อนหันมาสบผมพร้อยเอ่ยบางสิ่งออกมา...


“ไม่อร่อย”


“...”คนเสียงเงินอย่างผมถึงกับกำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด


นี่ผมอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ


ขอบคุณสักคำยังไม่มีแล้วยังกล้ามาบอกว่าไม่อร่อยอีกเหรอ


“ทำอะไร...”ฌอนเอ่ยเมื่อชามในมือถูกผมดึงกลับมาอยู่ในมือตัวเอง


“ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน”ผมกระแทรกเสียงพลางใช้ตะเกียบคีบเส้นในชามกิน


“ไม่ได้พูดว่าจะไม่กินนี่”ฌอนเห็นผมกินก็เอื้อมมือมาหมายจะคว้าชามกลับไปแต่ผมก็ไม่ยอมเลยยื้อไว้สุดความสามารถ


“ปล่อยนะ ฉันจะกิน”


“ไหนบอกซื้อมาให้ฉันไง”


“ไม่ให้แล้ว...ปล่อย”


“นายสิปล่อย”


“ช้อนแหละที่ต้องปล่อย”


“เปล่า”


“ไม่ต้องมาเรียกเลย”


“ปล่อยชาม”


“ไม่”


พวกเราทั้งคู่ต่างยื้อแย่งชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆโดยดึงช่วงจานลองยื้อแย่งกันไปมาทว่าด้วยการยื้อแย่งเป็นเวลานานทำให้น้ำให้ถ้วยกระฉอกไปมาจนในที่สุดชามนั่นก็หลุดออกจากจานซึ่งเป็นฐานรองเพียงหนึ่งเดียวแถมยังเตรียมจะหกไปทางรูปภาพที่ยังไม่เสร็จดีด้วย


“เฮ้ย!”ทั้งผมและฌอนต่างร้องขึ้นด้วยความตกใจ


ในตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปรู้เพียงแค่ว่าภาพยามเห็นอีกฝ่ายระบายสีลงบนภาพร่างนั่นมันช่างตราตรึงจนไม่อยากให้ผลงานนี่ต้องเสียหายไป


เพราะความคิดนั่นผมเลยใช้ตัวเองรับชามก๋วยเตี๋ยวที่กำลังจะหกรดกระดาษ ความร้อนของน้ำซุปต้มย้ำแผ่ซ่านไปทั่วหน้าท้องที่ผมใช้รับ


“โอ้ย...ซี๊ด...”ผมรีบเด้งตัวให้หลุดออกจากบริเวณกระดาษก่อนจะทรุดตัวลงจับท้องตัวเองที่แซบร้อนไปหมด โชคยังดีที่ไม่มีน้ำไปเปื้อนผลงานนั่น


“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ”ฌอนไม่แม้จะหันไปสำรวจกระดาษว่ามีน้ำหกใส่ไหม สิ่งที่เขาทำขยับเข้ามาดูผมด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก ดวงตาสีเทาอ่อนนั่นฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน


“ไปดูภาพนายก่อนไป”ผมไม่แน่ใจว่าภาพนั่นจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์


“ช่างภาพมันก่อนเถอะ อย่าเองมือปิด นอนลงซะ”ฌอนพูดพร้อมกับใช้มือกดหัวผมให้นอนลงกับพื้นก่อนจะใช้มือเลิกเสื้อผมขึ้นเพื่อดูบริเวณที่โดนลวก


“ฉันไม่เป็น...”


“เงียบ อย่าขยับด้วย”อีกฝ่ายพูดเสียงดังระหว่างลุกขึ้นก้าวยาวๆไปยังห้องน้ำด้านข้าง


ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมขันน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก ผ้าชุบน้ำหมาดๆถูกวางลงบริเวณที่โดนลวกแล้วเช็ดคราบน้ำและเส้นที่เปรอะเปื้อนอยู่ออกไป


“ฉันทำเองได้นะนายไม่ต้อง...”


“บอกให้เงียบไง”สายตาคมๆที่จ้องมาทำเอาผมรีบหุบปากตัวเองโดยด่วน


ทำไมต้องทำหน้าน่ากลัวด้วยเล่า


ผมเป็นคนเจ็บนะ


ในเมื่อขัดขืนอะไรไม่ได้ผมก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการจนพอใจ เสื้อที่เปียกไปด้วยน้ำต้มยำถูกถอดพร้อมกับตัวผมถูกดึงให้ลุกไปอาบน้ำ


“เดี๋ยว ของอาบน้ำยังอยู่ในกระเป๋า”ผมรีบขืนประตูหลังจากนึกได้ว่ายังไม่ได้เอาของอะไรออกจากกระเป๋าเลยสักอย่าง


“ใช้ๆไปเถอะ”คำพูดนี่ผมตีความได้ว่าใช้ด้วยกันได้ใช่ไหม


“แล้วเสื้อผ้า...”


“เดี๋ยวหยิบให้ รีบๆไปอาบไป”พูดจบประตูห้องน้ำก็ถูกปิด


ดวงตาสีน้ำตาลของผมกระพริบปริบๆอย่างงงงวยในการกระทำของอีกฝ่าย ท่าทางแบบนั้นหรือว่าสำนึกผิดแล้วกำลังเป็นห่วงผมใช่ไหมนะ


นี่ผมเข้าใจถูกเนอะ


แกร็ก


“ยังไม่อาบอีก”ประตูห้องน้ำถูกเปิดอ้าโดยไม่มีการเคาะ ฌอนมองผมที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยสายตาโกรธๆก่อนจะโยนเสื้อผ้ามาให้


“เดี๋ยวฌอน”ผมรั้งอีกฝ่ายไว้


“อะไร”


“เอ่อ...ที่ทำแบบนี้คือเป็นห่วงฉันใช่ไหม”ผมถามออกไปตามที่อยากรู้


“...เปล่า”


“อะไร”เรียกผมสินะ


“ไม่ได้เรียก”


รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหน้าแตกดังเพล้งอีกรอบเลย


“อย่ามาเฉไฉห่วงกันก็บอกมา”ผมไม่สนว่าหน้าจะแตกอีกกี่รอบแต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าท่าทีร้อนรนนั่นคืออะไร


“ไม่ได้ห่วง...แค่ปล่อยไว้ห้องจะเหม็น”


“ห๊ะ?”


“ถ้าเข้าใจก็รีบอาบแล้วออกไปทำความสะอาดด้วย”


“เดี๋ยวสิ คนทำหกมันนายนะ”ทำไมผมที่เป็นคนเจ็บต้องมาทำความสะอาดอีกเล่า


“อย่ามาโยนคนที่ดึงกลับไปก่อนคือนาย”


“ก็นายมาบอกว่าไม่อร่อยก่อนทำไมเล่าคนอุตส่าห์ซื้อมาฝาก”


ปกติต้องขอบคุณสิไม่ใช่มาบอกว่าไม่อร่อย


“ก็มันไม่อร่อยจริงๆนี่...รีบไปอาบน้ำซะ เหม็นไปหมดแล้ว”พูดจบประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลงปล่อยให้ผมยืนกำหมัดแน่ด้วยโกรธปนโมโห


ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นห่วง


ผมมันผิดเองที่คิดว่าเราอาจจะเริ่มเข้ากันได้


คอยดูนะครั้งหน้าจะเอาปลาร้ามาเทใส่ผลงานให้เหม็นทั้งห้องเลย


คอยดูเถอะช้อน!

...............................................................................
สวัสดีค่า

มาอัพตอนแรกแล้ว

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เน้นแนวอ่านสบายๆ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆพัฒนาไปทีละนิด

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-02-2017 13:30:47
เปล่า กับ ช้อน 55555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 02-02-2017 13:40:41
น่าร๊ากกกกกด :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-02-2017 14:15:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-02-2017 01:24:06
 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่1}} 2/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 03-02-2017 10:36:24
ชอบๆ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-02-2017 14:32:24
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่2



การอาบน้ำทั้งที่ยังมีแผลสดๆค่อนข้างลำบากกว่าจะทำใจใช้ผ่ามือแตะบริเวณแผลเพื่อทำความสะอาดได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แม้จะไม่ได้แตะก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บแปล็บๆที่แล่นเข้ามา


“ซี๊ด....เจ็บเป็นบ้าเลย”ผมบ่นพึมพำระหว่างสวมเสื้อผ้าที่ถูกโยนมาให้


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็สูดหายใจลึกเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเจ้าของห้องที่ไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกไป สองขาผมก้าวตรงไปยังเตียงพลางเหลือบสายตามองหาเจ้าของห้องว่ากำลงทำอะไรอยู่


ฌอนนั่งลงอยู่ริมกระดาษวาดรูปใบเดิมในสภาพของคนกำลังมีสมาธิโดยบริเวณที่ชามก๋วยเตี๋ยวหกกลับสะอาดเอี่ยมไม่เหลือร่องลอยคราบของน้ำซุปอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว


“ไหนว่าให้ฉันออกมาทำความสะอาดไง”ผมขมวดคิ้วมองอย่างๆงง


เล่นทำซะเลี่ยมแบบนี้จะให้ผมทำอะไรต่อได้ล่ะ


กึก!


เมื่อหย่อนก้นลงนั่งบนเตียงโดยที่สายตาจดจ่ออยู่ใจกลางห้องทำให้นั่งทับอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ผมรีบขยับตัวออกพร้อมหันไปมองถุงสีขาวที่มีตราของร้านขายยาปรากฏอยู่บนถุงด้วยความรู้สึกงงๆ


ถุงสีขาวถุงยกขึ้นแล้วหยิบของภายในขึ้นมามอง กล่องยาทาขนาดเล็กมีตัวอักษรขนาดใหญ่เบ้งว่ายาทาแก้แผลพุพอง น้ำร้อนลวก


“ฌอน...”เพียงแค่อ่านผมก็ต้องหันควับไปมองหน้าเจ้าของห้องที่ปล่อยสติให้ไหลไปกับภาพวาดอย่างตกใจ


ยานี่ซื้อมาให้ผมเหรอ?


แปลว่าที่บอกว่าไม่ได้ห่วงก็โกหกใช่ไหม


อุตส่าออกไปซื้อยามาให้ตอนที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่สินะ


ผมไม่คิดว่าในห้องจะมียานี้อยู่แล้วหรอก


ใบหน้ากับคำพูดอาจจะดูแข็งและหยาบกระด้างแต่การกระทำกับไม่ใช่เลย


ตอนผมโดนน้ำซุปลวกถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆแต่สัมผัสยามเช็ดนั่น...


อ่อนโยน


หรือว่าเขาจะเป็นพวกการกระทำไม่ตรงกับคำพูด


“ขอบคุณ”ถึงจะเอ่ยออกไปก็รู้ว่าคนที่จดจ่ออยู่กับการลงสีคงไม่ได้ยินเป็นแน่


แต่ถึงไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร


ผมมองยาในมือสลับกับเจ้าของห้องสักพักก่อนจะลงมือทายานั่นบริเวณหน้าท้อง ทั้งที่รู้สึกเจ็บแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ยิ้มออกมาได้กัน




วันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือ ทันทีที่ร่างกายขยับความเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้ามาจนต้องผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เมื่อคืนหลังทายาเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนทั้งๆที่ห้องเปิดไฟสว่างจ้าแบบนั้น


จะให้เดินไปปิดไฟก็ดูจะเสียมารยาท


ผมคิดแบบนั้นจนถึงตอนนี้ที่เห็นว่าไฟดวงเดิมยังคงเปิดอยู่ทั้งที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์แผดแสงผ่านผ้าม่านเข้ามาจนแสบตาไปหมด


ภาพวาดระบายสีด้วยสีไม้เมื่อคืนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงราวกับถูกวาดขึ้นใหม่ พู่กันขนาดเล็กถูกจุ่มน้ำบริเวณปลายก่อนที่จะถูกตวัดด้วยความช่ำชองตามลายเส้นของภาพจนเกิดเป็นมิติอันลึกล้ำต่างจากการใช้สีไม้คนละแบบเลย


ศาลาริมน้ำ ดอกไม้ แม่น้ำรวมถึงแสงอาทิตย์ ทุกอย่างเหมือนกำลังมีชีวิตทั้งที่เป็นภาพสีขาวดำแต่กลับแสดงถึงความงดงามของสถานที่ออกมาได้โดยสมบูรณ์


ขนาดผมที่ไม่รู้เรื่องยังตกตะลึงกับภาพตรงหน้าสุดๆ


ร่างด้วยดินสอ ลงสีด้วยสีไม้และปิดฉากด้วยสีน้ำ


เป็นครั้งแรกที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืนแบบนี้


ไม่สิ


ใช่เวลามาชื่นชมที่ไหน


นี่อย่าบอกนะว่าทำอยู่ทั้งคืนน่ะ


“ช้อน!”ผมตะโกนเรียกเสียงดังจนปลายพู่กับที่กำลังจุ่มลงในถ้วยน้ำชะงัก ดวงตาสีเทาอ่อนละจากภาพตรงหน้ามามองหน้าผม


“เงียบหน่อย ฉันต้องใช้สมาธิ”คำทักทายแรกของวันช่างเป็นอะไรที่น่ายินดีเหลือเกิน


“จะให้เงียบได้ไง นายไม่ได้นอนใช่ไหมเนี่ย”ผมลุกขึ้นก้าวไปหาอีกฝ่าย


“นอน?...เช้าแล้วเหรอ”ฌอนหันไปมองนาฬิกาเลือนเล็กที่อยู่ด้านขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วราวกับไม่คิดว่าตอนนี้เป็นรุ่งเช้าของวันใหม่แล้ว


“ใช่ นี่จะ8โมงแล้ว นายนั่งวาดมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่สิ เมื่อกลางวันก็วาด...ตอนเช้าที่เจอกันก็ยังวาด นี่นายเอาเวลาไหนนอนกันน่ะ”พอลองนึกย้อนดูผมยังไม่เห็นฌอนทำอย่างอื่นเลยนอกจากวาดภาพ


ไม่แม้แต่จะลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ


“...เสียงดังน่า เสร็จแล้วเดี๋ยวก็นอนเองแหละ”


“เสร็จ? หมายถึงวาดเสร็จสินะ”


“อือ”


“วาดมากี่วันแล้ว”ผมนั่งยองๆจ้องหน้าอีกฝ่ายระหว่างถาม


“...สอง สามวันละมั้ง...”คำตอบนั่นทำให้ผมตาโต


ขนาดเวลาแน่นอนยังไม่รู้เลยเหรอ


แปลว่าไม่ได้นอนมาสองสามวันงั้นสิ


“หักโหมไปนะ แบบนี้เดี๋ยวร่างกายก็แย่เอาหรอก เป็นงานที่ต้องส่งเหรอ?”ผมถามต่อ


ไม่แน่ว่าอาจเป็นงานส่งอาจารย์ก็ได้


ไม่งั้นคงไม่ทุ่มขนาดไม่หลับนอนติดกันหลายวันแบบนี้


“เปล่า”


“หมายถึงไม่ใช่งานส่ง?”


“อือ...ถามอะไรนักเนี่ย”ฌอนเริ่มขมวดคิ้วเมื่อผมถามไม่หยุด


“ถ้าไม่ใช่งานแล้วคืออะไรล่ะ”ผมไม่สนใจว่าจะถูกมองด้วยสายตาไม่พอใจ


ตอนนี้ผมอยากรู้เหลือเกินว่าทำไมถึงต้องทุ่มกับการวาดขนาดนี้ทั้งที่ไม่ใช่งานส่งสักหน่อย


“ก็แค่วาดเล่น”


“วาดเล่น...เสียเวลาสามวันไปกับการวาดเล่นเนี่ยนะ”ผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ


บ้าไปแล้ว


“ฉันก็วาดแบบนี้ตลอด”


“วาดตลอด...อย่าบอกนะว่ากระดาษรอบๆนี่คือวาดเล่นหมดเลย”ผมพูดพลางมองแผ่นกระดาษรอบๆ


“แล้วจะทำไม”


“พวกศิลปินมักจะไม่ปกติ”คำพูดนี้ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลย


“อะไร...ไม่มีอะไรแล้วก็อย่ามายุ่ง”พูดจบฌอนก็เตรียมจะกลับเข้าโหมดวาดภาพอีกรอบ


“เดี๋ยวสิ นายไม่มีเรียนรึไง”ตั้งแต่เมื่อวานก็เห็นอยู่ห้องมาตลอด


“ไม่รู้”


“ห๊ะ?”อะไรคือไม่รู้


“ฉันสนแค่วาดภาพเท่านั้น”


“จะบ้าเหรอ ขืนไม่เข้าเรียนเดี่ยวก็ได้หมดสิทธิ์สอบหรอก”


“งั้นมั้ง”


“...”คำตอบแบบไม่ใส่นั่นทำเอาผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี


เพราะเห็นผมเงียบฌอนเลยกลับเข้าโหมดวาดภาพอีกครั้ง ปลายพู่กับจุ่มลงน้ำเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเกลี่ยน้ำบริเวณปลายพู่กันให้กลืนกับสีไม้ที่ลงก่อนหน้า


โอย...คุยกันไม่กี่ประโยคทำไมรู้สึกปวดหัวได้ขนาดนี้นะ


“ซวยล่ะ มีเรียน9โมง”ผมเลิกสนใจฌอนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม้จะยังเจ็บแผลอยู่แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนเมื่อวาน อาจเพราะได้ยาทาช่วยก็เป็นได้


ลิฟต์ชั้น12ลงมายังชั้น1พร้อมกับผมที่ก้าวยาวๆออกจากหอพักชาย บรรยากาศในช่วงเช้ามีคนเดินไม่มาไม่มากนัก นั่นแปลว่าส่วนมากอาจมีเรียนในช่วงสาย


“น้ำ”เสียงตะโกนเรียกของพี่กรผู้ดูแลหอทำให้ผมหยุดชะงักพร้อมหันกลับไปมอง


“พี่กร สวัสดีครับ”


“มีเรียนเช้า?”


“ครับ มี9โมง...จะว่าไปตึกพาณิชย์นี่อยู่ไหนเหรอครับ”ผมเดินกลับไปถามทางไปตึกเรียนจากพี่กร


“อ้อ ตึกนี่นั่งรถของมหาลัยไปลงป้ายที่เขียนว่าคณะพาณิชย์”


“ขอบคุณครับ”อย่างน้อยเช้านี้ก็คงไม่หลงแล้ว


“เดี๋ยว...พักเป็นไงบ้าง”


“ก็ดี จะว่าไปพี่กร...ฌอนน่ะไม่ต้องไปเรียนเหรอครับ”ผมถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป


ยังไงถามเจ้าตัวก็คงไม่ได้คำตอบ


ไม่แน่ว่าพี่กรอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้


“ก็ใช่ หมอนั่นเป็นกรณีพิเศษ”


“กรณีพิเศษ?”


“จากที่อยู่ด้วยก็คงพอรู้นิสัยใช่ไหมล่ะ หมอนั่นเอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องแล้ววาดภาพอยู่ตลอดไม่ว่าจะเรียนเรียนหรือกิจกรรมก็แทบไม่สนใจเลย แต่ภาพวาดนั่นกลับเป็นที่วิจารณ์ในวงกว้างว่าเป็นภาพที่สุดยอดซึ่งมีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถวาดได้...เพราะแบบนั้นทางมหาลัยเลยตกลงไม่ให้เขาต้องเข้าเรียนก็ได้...”


“แบบนั้นมันโกงนี่นา”คนอื่นต้องเรียนแต่พอมีความสามารถในการวาดภาพกลับถูกละเว้น


“โกง? ไม่หรอก ถึงจะไม่ต้องเข้าเรียนแต่ก็ยังต้องทำการสอบในวิชาเดียวกับที่ต้องลงในหลักสูตรถึงส่วนมากคณะนั้นจะใช้ผลงานส่งแทนการสอบแต่ก็มีพวกวิชาหลักๆที่ต้องเรียนเหมือนๆกัน”พี่กรอธิบายต่อ


“ถ้าไม่เข้าเรียนแบบนั้นก็สอบตกน่ะสิครับ”


“ใครๆก็คิดแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ผ่านด้วยเกรดสวยทุกวิชาเลยน่ะสิ”


“ไม่จริงน่า”ไม่ได้เข้าห้องเรียนแต่ทำคะแนนสอบได้


“หัวของพวกอัจฉริยะคนธรรมดาไม่เข้าใจหรอก”


“นั่นสิครับ...ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ผมขอตัวไปเรียนก่อนล่ะ”


“ตั้งใจล่ะ”


“ครับ”


รถบัสของมหาลัยจอดลงหน้าป้านที่มีอักษรเขียนว่าตึกพาณิชย์ตัวใหญ่ยักษ์ ตารางเรียนในโทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาเปิดเพื่อดูเลขห้อง


คณะที่ผมเรียนคือคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นคณะเดียวกับที่พ่อผมจบ...เอาตรงๆคือหัวผมไม่ค่อยดีนักการจะสอบเข้าในคณะยากๆอย่างแพทย์หรือใช้หัวเยอะๆอย่างนิตินั้นไม่มีทางทำได้ผมเลยเลือกคณะที่ไม่น่าอยากจนเกินไปอย่างคณะบริหาร อีกอย่างคณะบริหารเมื่อจบสามารถทำงานได้ค่อนข้างหลากหลาย


ห้องเรียนของผมในคาบเช้านี้ดูเหมือนจะเป็นห้องกระจกขนาดไม่ใหญ่มาก นั่งเรียนได้ประมาณ50คน พอผมเดินเข้าไปก็เห็นว่าส่วนใหญ่ทยอยเข้ามานั่งกันเกือบหมดแล้ว


ก็นะผมมาสายนี่...อีก5นาทีจะเริ่มเรียนอยู่แล้ว


สายตาของคนในห้องหันมามองผมพร้อมขมวดคิ้วกันเป็นแถบๆ ด้วยจำนวนคนที่ไม่เยอะคงจะทำให้ส่วนมากจำหน้าเพื่อนร่วมห้องได้แต่เพราะผมพึ่งย้ายมาทุกคนเลยไม่คุ้นหน้า


ผมส่งยิ้มเล็กส่งให้เพื่อนทั้งห้องที่มองมาก่อนจะก้าวฉับๆไปยังที่นั่งริมหน้าต่างที่ว่างอยู่ โต๊ะเรียนห้องนี้เป็นโต๊ะแล็กเชอร์วางเรียงติดๆกันเป็นแถว


“นี่ๆ”เสียงและแรกสะกิดด้านข้างเรียกให้ผมหันกลับไปมอง คนที่เรียกเป็นชายวัยเดียวกัน เส้นผมสีดำกับดวงตาสีน้ำตาลหน้าตาค่อยข้างดีแต่ถ้าเทียบกับฌอน...


ถ้าใครเทียบกับฌอนก็คงไม่หล่อทั้งแหละ


เอาเป็นว่าชายตรงหน้าหน้าตาค่อนข้างดีละกัน


“ครับ”


“เข้าห้องผิดรึเปล่า”


“เปล่า ผมพึ่งโอนหน่วยกิตมาที่นี่น่ะ”ผมหันไปบอกด้วยรอยยิ้ม


ไม่แปลกที่จะมีคนคิดว่าเข้าห้องผิดหรอก


“อ้อ ย้ายมาตอนนี้คงลำบากน่าดู เรียนห้องนี้แปลว่าบริหารเหมือนกันสินะ”อีกฝ่ายถามกลับ


“อืม”ผมพนักหน้าตอบ


“สาขาล่ะ”


“ทั่วไป”


“เหมือนกันเลย ห้องนี้จะมีทั่วไปกับการตลาดเรียน ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นะ ฉันนพนนท์...เรียนนพหรือนนท์ก็ได้ นายล่ะ”


“ปภาวิน...ชื่อเล่นน้ำเปล่า เรียกน้ำก็ได้”ผมแนะนำตัวกลับ


“ไม่ต้องสุภาพก็ได้ เดี๋ยวจะแนะนำคนในห้องให้ เพื่อนๆจะแนะนำนักเรียกพึ่งย้ายมาให้รู้จัก...”นนท์หันไปตะโกนเสียงดังบอกคนทั้งห้องที่ทำท่าอยากรู้ว่าผมคือใคร


จากนั้นผมก็ลุกขึ้นยืนแนะนำตัวอีกรอบท่ามกลางเสียงตบมือต้อนรับ มีหลายคนเข้ามาทักทายและอยากรู้จัก ทุกคนในห้องไม่จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ


พูดคุยกันได้ไม่นานอาจารย์ก็เดินเข้ามา นั่นเลยเป็นจุดสิ้นสุดของการสนทนา การเรียนในสถานที่ใหม่ต่างจากมหาลัยเดิมพอสมควร หนังสือที่ใช้ก็ดูจะยากกว่าแต่ไม่มากเท่าไหร่


หลังจบคาบผมก็เดินไปแนะนำตัวกับอาจารย์ผู้สอนอย่างเป็นทางการ อาจารย์เองก็ถามกลับว่าเรียนตามทันเนื้อหาหรือปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ไหม


“น้ำ”นนท์เรียกผมที่กำลังจะเดินออกจากห้อง


“นนท์?”


“ไปกินข้าวกันไหม”นนท์ถามโดยที่มีเพื่อนชายและสาวอยู่ด้านหลังอีก4คน


“จะดีเหรอ...”พึ่งรู้จักกันเอง


“ดีสิ...”


“ดีมากเลยล่ะ ไปกินข้าวกันเนอะน้ำ”นนท์ยังไม่ทันพูดตบสาวตัวเล็กย้อมผมสีน้ำตามก็เดินมาคว้าแขนพลางดึงให้เดินไปพร้อมๆกัน


“เอ่อ...”เธอชื่ออะไรนะ


“ฉันชื่อองุ่น...ยินดีที่ได้รู้จักนะ”พูดจบเธอก็ส่งยิ้มหวานมาให้


“อ่า...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”


สุดท้ายผมก็ถูกลากไปกินข้าวที่โรงอาหารชั้น1ของตึกพาณิชย์อย่างไม่รู้ตัว กลุ่มเพื่อนใหม่ทั้ง5คนดูเหมือนจะเป็นมิตรและเข้ากับคนง่ายสุดๆ โดยเฉพาะสาวในร่างชายอย่างจ๋าที่มักจะพูดไม่หยุดและเล่มมุกทำเอาเพื่อนในกลุ่มขำกันแทบตลอด


ช่วงบ่ายผมมีเรียนอีกวิชา โชคดีที่พวกนนท์เองก็เรียนวิชาเดียวกันผมเลยติดตามไปด้วยโดยไม่ต้องไปถามทางใคร


ดูเหมือนผมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไปโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรตรงกันข้างกลับดีใจที่หาเพื่อนได้เร็วขนาดนี้


หลังจากเรียนวิชาที่สองจบผมก็ตรงกลับห้อง1216 ประตูห้องถูกเปิดออกเบาๆเพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิคนด้านใน ฌอนยังคงนั่งอยู่บริเวณเดิมกับเมื่อเช้า สิ่งที่แตกต่างมีเพียงภาพวาดที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์มากขึ้น


โทนสีขาวดำให้ความรู้สึกหมองๆทว่าการใช้สีหนักเบาช่วยให้ภาพน่าดู


อ๊ะ...นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมสักหน่อย


“ช้อน”เสียงของผมเรียกดวงตาสีเทาอ่อนให้เงยขึ้นมาสบอย่างไม่พอใจนัก


“บอกให้เลิกเรียกไง”


“ก็เรียกชื่อเฉยๆนายไม่รู้ตัวนี่”


“ลองแล้วรึไง”


“เมื่อวานลองแล้ว”


“วันนี้ยังไม่ลองจะรู้ได้ไง”ถ้อยคำกวนๆถูกส่งมาด้วยใบหน้านิ่งๆ


“รู้ละกัน”


“เก่งเนอะ”คำประชดนั่นทำเอาผมอยากเดินเหยียบภาพนั่นให้เกิดรอยเท้าจริงๆ


“ทำไมต้องกวนด้วย”


“แล้วใครที่เริ่มก่อนล่ะ”


“ฉันผิดงั้นสิ”


“ก็รู้ตัวนี่”


“ช้อน”


“สนุกมากไหมล้อชื่อคนอื่นน่ะ”


“แล้วนายล่ะสนุกมากไหมที่กวนคนอื่นน่ะ”ผมสวนกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้


“สนุกกว่าที่คิด”


“ฉันก็สนุกเหมือนกัน ช้อน ช้อน ช้อนนน”ผมรู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่าสุดๆเลย


“พอใจรึยัง”ใบหน้าเอือมๆนั่นยิ่งทำให้ผมสมเพชตัวเองเข้าไปใหญ่


“...พอแล้วก็ได้”


“มีอะไร”


“กินข้าวรึยัง...ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”ฌอนที่ฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับงงกับคำถามของผมซึ่งผมที่เป็นคนถามก็ยังงงเองเลย
ถามอะไรออกไปเนี่ย


“...ฉันต้องตอบคำถามไหน”


“อ่า ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”ผมถามซ้ำอีกรอบ


“อืม แล้วทำไม”


“นายอยู่ได้เป็นวันๆโดยไม่กินอะไรรึไง”ก๋วยเตี๋ยวเมื่อวานก็กินไปแค่คำเดียวเอง


“ไม่รู้สิ”


“ชะ...ฌอน...”คำว่าช้อนที่กำลังจะพูดถูกกลืนลงคอเมื่อถูกสายตาคมๆจ้องเขม็งมา


“ที่เถียงไร้สาระกันมาเพื่อจะถามแค่นี้?”


“...มั้ง ฉันไปซื้ออะไรให้ไหม”ไม่รู้อะไรดลใจให้เอ่ยคำนั้นออกไปแต่ดูเหมือนไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจฌอนเองก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเช่นกัน


“ไหนนายบอกไม่ใช่คนใช้ฉันไง”


“ก็ไม่ใช่คนใช่น่ะสิ ฉันเองก็หิวเหมือนกันไหนๆจะลงไปแล้วจะซื้อเผื่ออีกสักคนคงไม่หนักเท่าไหร่หรอก อ้อ ขอค่าเหนื่อยด้วยล่ะ”ผมบอกพลางแบมือ


“ยังไม่ทันไปซื้อก็จะเอาค่าแรงแล้ว?”


“ชิ กลับมาค่อยเอาก็ได้ จะกินไรล่ะ”


“สเต็กเนื้อกับมันบดอบชีส”


“ห๊ะ?...จะไปซื้อของแบบนั้นจากไหนเล่า”โรงอาหารมันมีของหรูระดับนั้นที่ไหนกัน


“ซอยข้างหอ”


“...ซอยข้างหอ?”มีซอยข้างหอพักนี่ด้วยเหรอ


จะว่าไปก็ไม่เคยเดินสำรวจแถวนี้เลยสักครั้ง


“ออกจากหอแล้วเลี้ยวซ้าย ถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายอีก”คำบอกทางดูง่ายจนผมเริ่มคิดว่ากำลังถูกหลอกให้หลงทางอยู่รึเปล่า
แต่ไม่หรอก


“แล้วร้านที่จะกินมันอยู่ไหนล่ะ”บอกแค่ทางไปซอย ไม่ได้บอกที่ตั้งร้านซะหน่อย


“ตรงๆเข้าไปในซอยเดี๋ยวก็เจอ”


“อย่าพูดแบบไม่ใส่ใจสิ ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง”


“คนมันจะหลงคงห้ามไม่ได้หรอก”


“ใครมันจะอยากหลงกัน”นี่กวนโมโหกันใช่ไหม


“ไม่หลงหรอก”อยู่ๆน้ำเสียงที่ใช้พูดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย


“...ไปด้วยกันสิ”ถูกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแบบนั้นผมเลยต้องปรับน้ำเสียงตัวเองบ้าง


“ฉันไม่ชอบที่ที่คนเยอะ”


“แล้วเมื่อวานไปซื้อยามาจากไหนล่ะ”ผมถามกลับ ร้านขายยาไม่น่าจะมีในม.หรอกหรือจะขอจากพี่กรก็คงไม่ใช่อีก


เพราะถ้าขอเมื่อเช้าที่คุยกันพี่กรต้องพูดอะไรบ้าง


“ใครซื้อ?”


“ไม่ต้องมาโกหกเลย”อยู่ด้วยกันสองคนจะให้ใครซื้อล่ะ


“...”พอรู้ว่าโกหกไม่ได้ฌอนก็เปลี่ยนเป็นเงียบแทน


“เงียบไปก็เท่านั้นน่า...รีบไปอาบน้ำแต่งตัว ไปกินข้างนอกกันดีกว่า”ผมเดินอ้อมกระดาษไปดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ตอนแรกคิดว่าจะถูกขืนแต่ความเป็นจริงฌอนกลับถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป


ผมยืนกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจนักแต่ก็ถือว่าดีแล้วที่ไม่ต้องมาเถียงกันอีกยก




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-02-2017 14:32:48
(ต่อค่า)


ระหว่างที่รอฌอนอาบน้ำผมก็เปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลอง พอฌอนแต่งตัวเสร็จผมก็เปิดประตูห้องเตรียมออกไปกินข้าว


“ฌอน เร็วๆสิ”ผมหันไปเร่งคนในห้อง


“น่ารำคาญจริง ฉันรออยู่ห้อง...”


“ไม่ได้...มาเดี๋ยวนี้เลย”ผมไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยากไปไหมเดินกลับเข้าไปคว้าแขนฌอนแล้วลากออกมาจากห้อง ด้วยแรงของฌอนถ้าจะขืนคงทำได้สบายแต่ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยให้ผมลากได้ง่ายๆ


ครั้งแรกที่เห็นฌอนเดินออกนอกห้องด้วยตาตัวเอง


ถ้าเมื่อวานผมไม่ได้เจ็บคงคิดว่าที่ก้นฌอนมีรากแก้วงอกออกมาแน่ๆ


คนอะไรนั่งอยู่ที่เดิมได้ทั้งวันทั้งคืน


ตลอดทางตั้งแต่ลงลิฟต์ถึงหน้าหอคนที่เดินผ่าน นั่งเล่น ยืนคุยหรือแม้แต่โทรศัพท์ต่างก็หันมามองฌอนอย่างไม่เชื่อสายตา ขนาดพี่กรที่กำลังทักทายเด็กในหอพอหันมาเห็นผมลากฌอนมาตามทางเดินก็ถึงกับเบิกตากว้าง


“เจ้าชายเสด็จ”นี่คือคำทักทายแรกของพี่กรเมื่อเห็นหน้าฌอน


“เว่อร์ไปแล้วพี่...ผมขอตัวก่อนนะ”ผมรีบตัดบทเพราะใบหน้าตึงพ่วงด้วยสายตาคมๆนั่นกำลังบอกว่าใครเข้ามาใกล้ได้โดนอะไรสักอย่างแน่ๆ


ออกจากหอเลี้ยวซ้าย


พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายอีก


ผมเดินตามเส้นทางที่ท่องไว้ในหัว พอเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกก็พบกับประตูมหาลัยที่ถูกเปิดอ้าไว้โดยที่ด้านนอกนั่นเต็มไปด้วยด้านค้าเรียงรายนับสิบๆร้านเช่นเดียวกับผู้คนที่เดินกันแน่นถนนสองเลนไปหมด


“อ๊ะ...โทษที”ผมปล่อยมือที่ดึงแขนอีกฝ่ายให้ตามมาพร้อมเอ่ยขอโทษ


ผมจับแขนฌอนไว้ตั้งแต่ตอนลงลิฟต์จนถึงตรงนี้ซึ่งถือว่านานมาก และน่าจะนานพอให้คนที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้สะบัดมือผมทิ้งได้ง่ายๆแต่...


ทำไมไม่ทำ?


“อย่าหลงละกัน”ฌอนพึมพำก่อนจะเดินผ่านประตูมหาลัยออกไปยังซอยตรงหน้า


แสงแดดยามเย็นเริ่มหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมืด ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดไฟกันสว่างไสวทั้งสองข้างทางของถนน ผมหันซ้ายขวามองร้านที่ผ่านด้วยความตื่นตาตื่นใจ


พึ่งรู้ว่ามีร้านค้าอยู่ใกล้หอพักขนาดนี้แถมยังมีของขายเต็มไปหมดด้วย


ซูชินั่นก็น่ากิน


น้ำปั่นนั่นก็น่าลอง


กึก!


“หว๋า...”อยู่ๆขาผมก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนทรงตัวไม่อยู่ทว่าช่วงที่ร่างกายกำลังจะล่วงลงพื้นกลับถูกมือของคนด้านหน้าคว้าเอาไว้


“เดินระวังหน่อย”


“กรี๊ดด...”เอ่อ ไม่ใช่เสียงผมนะ


เสียงกรี๊ดจากสาวๆดังขึ้นพร้อมกับทำใบหน้าเขินอาย


“ขอบคุณ...”เสียงขอบคุณขาดห้วงไปเนื่องจากเงยหน้าขึ้นไปเห็นฌอนส่งสายตาไม่พอใจไปให้เหล่าสาวๆที่จับกลุ่มกันด้านข้าง
ดูเหมือนจะไม่ชอบเสียงดังรึเปล่านะ


“พี่ฌอนมองมาด้วย หล่อสุดๆเลย”แต่ดูเหมือนสายตาไม่พอใจนั่นจะส่งไปไม่ถึงนะ


น่าเห็นใจจัง


“รีบไป”


“อ๊ะ อืม”คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่ถูกดึงลากไปตามทาง เสียงซุบซิบลอยตามลมมาเป็นละลอกส่วนมากจะเป็นตกใจที่เห็นฌอน อีกส่วนคือสงสัยว่าคนที่เดินกับฌอนเป็นใคร


ผมถูกลากมาจนถึงร้านอาหารชั้นล่างของอาคารพาณิชย์  กระจกบานใหญ่ถูกคลั่นกลางด้วยประตูไม้สีเข้มระหว่างอาคารพาณิชย์ทั้งสองห้อง โทนสีน้ำตาลแก่สลับขาวด้านในของร้านนั้นดูภายนอกแล้วให้บรรยากาศเก่าๆในยุคคลาสสิก


“ว้าว...”แสงสีส้มออกยามเข้ามาในร้านส่งเสริมให้บรรยากาศน่าเข้ามากว่าเดิม


ฌอนเดินลากผมท่ามกลางเสียงกรี๊ดจากสาวๆในร้านไปยังด้านในสุดซึ่งเป็นมุมส่วนตัว พนักงานสาวเดิยส่งยิ้มมาแต่ไกลยื่นเมนูร้านให้ผมส่งๆก่อนจะหันไปเอ่ยปากบอกเมนูแนะนำของร้านของร้านให้กับฌอน


นี่สินะความแตกต่างระหว่างคนหล่อกับคนธรรมดา


ผมส่ายหัวไปมาพลางเปิดดูเมนูไปมาหลายสิบรอบเพราะแต่ละเมนูนั้นน่ากินเหลือเกิน


แบบนี้เลือกไม่ได้แน่


อันนี้ก็อยาก อันนั้นก็อยาก


แถมราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิดไว้ด้วย


หรือผมควรจะสั่งสองจากดี


แต่มันบดที่ฌอนจะสั่งก็น่ากิน


โอ้ย...เอาไงดี


“น่ารำคาญ”


“...โทษที พอดีมันเลือกอยาก”ผมบอกเสียงเบา


“เปล่า...ไม่ได้พูดกับนาย”


“ฮืม?”ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าฌอนกำลังมองหน้าพนักงานหญิงอย่างเอาเรื่อง


ดูเหมือนตั้งแต่ที่ให้เมนูก็ยังยืนเกาะฌอนอยู่แบบนั้น


“ปล่อยแล้วไปไกลๆ”


“สเต็กหมูพริกไทดำก็ขึ้นชื่อนะคะ น้องฌอนจะรับไหมคะ”น้ำเสียงห้วนๆไร้มนุษย์สัมพันธ์ดูจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ลามือไปได้ง่ายๆ


“บอกให้ไปไง”


“แหม อย่าไล่กันสิน้องฌอนพี่น่ะ...”


“พี่ต้าร์ มาลากพนักงานพี่ไปเดี๋ยวเลย!”เสียงทุ้มของฌอนตะโกนดังลั่นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งออกมาจากหลังร้าน


“โบ...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเสียมารยาทน่ะ”ชายผู้ดำมาดเซอร์ในชุดกุ๊กเดินมาดึงแขนที่เธอเกาะฌอนไว้ออก


“โบก็แค่แนะนำเมนู...”


“ฌอนรู้จักเมนูร้านี้ดีกว่าเธอที่พึ่งมาทำงานไม่ถึงเดือนอีก ไปรับเมนูโต๊ะอื่นซะ”พอพนักงานสาวได้ยินก็ชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป


“...ค่ะ”


ดูจากการสนทนาผู้ชายคนนี้คงเป็นเจ้าของร้านแน่


“โทษที พอดียุ่งกับงานในครัวเลยไม่เห็นว่านายมาร้าน”พี่ต้าร์ที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้านหันไปขอโทษฌอน


“ไม่เป็นไร”


“ว่าแต่หายากนะเนี่ยที่จะเดินออกมาจากห้องได้ ครั้งล่าสุดที่มานี่กี่เดือนแล้วนะ”


“ไม่รู้สิ”ผมสัมผัสได้ว่าพี่ตาร์กำลังหาเรื่องคุยแต่ฌอนกลับปิดฉากประโยคสนทนาซะงั้น


“เอาแต่วาดภาพเดี๋ยวก็หาแฟนไม่ได้หรอก”


“ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”


“นายนี่น้า...โอ๊ะ ครั้งนี้มาแปลกพาคนอื่นมาด้วย สวัสดีครับพี่ชื่อตาร์เป็นเจ้าของร้านนี้”พี่ตาร์เมื่อเห็นผมนั่งส่งยิ้มแห้งๆไปให้ก็เอ่ยทักทาย


“ผมน้ำครับ...ยินดีที่รู้จัก”


“เราเป็นเพื่อนฌอน?”


“อ่า...เป็นรูมเมทด้วยครับ”จะว่าเป็นเพื่อนก็อาจจะใช่ละมั้ง


“รูมเมท ไอ้ห้องที่มีแต่กระดาษนั่นน่ะนะ”พี่ตาร์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจไม่น้อย


“พี่เคยไปเหรอครับ”ผมถามกลับ


“จะไม่เคยได้ยังไง คนที่ไปส่งอาหารให้หมอนี่ประจำก็พี่นี่แหละ”


“...แบบนี้นี่เอง”ก็สงสัยอยู่ว่าฌอนจะเอาอะไรกิน


“หมอนี่น่ะนอกจากจะชอบเก็บตัวแล้วยังเป็นพวกเรื่องมาก ถ้าอาหารไม่อร่อยก็จะบ่น”


“เข้าใจเลยครับ”การที่อาหารที่อุตส่าซื้อมาถูกบอกว่าไม่อร่อยนี่เจ็บจริงๆ


“พี่กับแม่หมอนี่รู้จักกนนิดหน่อยเลยช่วยดูแลช่วงอยู่มหาลัย นึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะแล้วดีจังที่เห็นว่าพาเพื่อนมา”ประโยคสุดท้ายพี่ต้าร์หันไปมองหน้าฌอน


“ไม่ได้พามา ถูกลากมาต่างหาก”


“ลากมาที่ไหน นายเดินตรงมาร้านนี้เองชัดๆ”ผมพูดสวน


“แล้วใครที่ลากฉันออกจากห้องล่ะ”


“ก็นายไม่ขืนนี่นา”


“น่ารำคาญ”


“ก็พอกันแหละ”


“เอ่อ...อย่าทะเลาะกันเลย กลับมาดีกันเหมือนเดิมเถอะ”ประโยคของเจ้าของร้านทำเอาทั้งผมและฌอนต่างเลิกคิ้วขึ้น
อยากจะบอกเหลือเกินว่านี่คือเหมือนเดิมของพวกเราแล้ว


เคยดีกันซะที่ไหนเล่า


“จะสั่งอะไรดี พี่จะรับเมนูเอง”พี่ตาร์พูดต่อ


“สเต็กเนื้อสันซอสแดงกับมันบดอบชีส”ฌอนเลิกเถียงกับผมแล้วหันไปสั่งอาหารแทน


“แล้วเราล่ะเอาอะไร”พี่ตาร์หันมาถามผมต่อ


“เอ่อ...เอาสเต็กเนื้อพริกไทดำกับสลัดกุ้งกรอบครับ”ผมลังลักพักก่อนจะสั่งไป


“น้ำล่ะ...เอาเป็นน้ำเปล่าละกันเนอะ”พูดจบพี่ตาร์ก็หมุนตัวเดินไปยังหน้าร้านโดยไม่ฟังความเห็นว่าพวกเราตกลงเอาน้ำเปล่ารึเปล่า


เอาเถอะ


ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟบรรยากาศก็ค่อนข้างเงียบ ทั้งผมและฌอนต่างไม่ได้เถียงหรือพูดคุยอะไรกันอีก ฌอนนั่งเท้าคางหันหน้ามองผนังด้านข้างราวกับไม่อยากให้ใครมายุ่ง


ผมเองด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยหันไปมองรอบๆร้านเล่น ภายในร้านนอกจากจะประดับด้วยโคมไฟและต้นไม่ใบเขียวแล้วยังมีรูปภาพโทนขาวดำประดับอยู่ตามผนังร้านเต็มไปหมด ผมมองภาพโทนขาวดำที่ใกล้ที่สุดพร้อมคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกยามมองภาพนี่มัน...


“ภาพที่อยู่ในร้าน...นายเป็นคนวาดสินะ”ผมพูดขึ้นลอยๆอย่างไม่ต้องการคำตอบแต่มองไปยังหน้าของฌอนเพื่อจับสังเกต


“ทำไมคิดแบบนั้น”ฌอนละสายตาออกจากผนังสีน้ำตาลแก่มาจ้องผมแทน


“ความรู้สึกเหมือนกับภาพในห้องนายเลย”


“คิดไปเอง”


“คิดไปเองที่ไหน ฉันว่าใช่แน่นอน ล้าน...ไม่สิพันล้านเปอร์เซ็นต์”ผมยืนยันด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


“เปล่า”คำนี้ถ้าเป็นปกติผมคงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะกวนผมแต่ตอนนี้ไม่ใช่ น้ำเสียงที่ใช้เรียกมันต่างจากปกติ


“อะไร”


“ทำไมต้องเอาตัวเองมาปกป้องภาพฉันด้วย”สายตาจริงจังยามสบประสานทำเอาผมไม่อาจละสายตาออกมาได้


“ไม่รู้...”


“...”ดวงตาสีเทาอ่อนหรี่ลงอย่างไม่พอใจกับคำตอบที่ได้


“ก็ไม่รู้จริงๆนี่ พอรู้ตัวก็เอาตัวไปรับชามนั่นแล้ว ภาพของฌอนสุดยอดมากๆขนาดคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างฉันยังสามารถรับรู้ได้เพราะแบบนั้นเลยไม่อยากให้มันเละ...ละมั้ง”ผมเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองนัก


มันก็แค่ไม่อยากให้ผลงานสวยๆต้องมีรอยเท่านั้นเอง


“...เหรอ”ฌอนตอบรับด้วยใบหน้าอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่


“ขอบคุณที่ไปซื้อยาให้”ในที่สุดก็ได้พูดออกไปสักที


เมื่อคืนฌอนคงไม่ยินคำขอบคุณนี้


อยากจะบอกออกไปให้ชัดๆ


ทันทีที่ผมพูดจบดวงตาสีเทาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรอยยิ้มมุมปากของฌอนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับคำพูดเบาๆที่ผมได้ยินอย่างชัดเจน...


“ขอบคุณเหมือนกัน”

........................................................................................

สวัสดีค่า

มาอัพตอนที่2แล้ว

แต่งตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก55

หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ

มีข่าวแจ้งเล็กน้อยตอนนี้นิยายที่เราแต่งกำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่

ถ้าสนใจสามารถเข้าไปจองทางเว็บในเพจของสนพ.ได้เลยคะ^^ >>EVA Publishing
 (https://www.facebook.com/EVA-Publishing-233251020438355/?fref=ts)

ไว้เจอกันใใหม่อาทิตย์หน้านะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจค่า

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-02-2017 21:06:28
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:ติดตามทุกเรื่องเลยเรื่องนี้น่ารักมากได้ฟิมมหาลัยสุดๆๆๆ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 10-02-2017 12:04:51
งุ้ยยยยยยยมีละมุนเล็กๆนะเนี่ย

 :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-02-2017 13:04:47
ละมุน เค้าเริ่มมีรอยยิ้มให้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 10-02-2017 13:57:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่2}} 9/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-02-2017 19:43:52
น่ารัก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-02-2017 14:24:57
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่3




สวนดอกไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยสีสันจากดอกไม้นานาพันธ์ที่ผลิดอกออกมาให้เชยชมในฤดูใบไม้ผลิของบ้านเกิดประเทศอังกฤษ ความงดงามของมันตราตรึงอยู่ในความทรงจำเฉกเช่นความทรงจำในวันนั้นที่ไม่สามารถลืมเลือนไปได้จนถึงทุกวันนี้
ดินสอด้ามสั้นลากผ่านกระดาษสีนวลปัดป่ายไปมาจนเกิดเป็นลายเส้น ภาพร่างของทุ่งดอกไม้ในความทรงจำอันเดียวดายค่อยๆปรากฏขึ้นทีละนิด


การวาดภาพคือทุกอย่างตั้งแต่จำความได้ ทุกครั้งที่ได้จมอยู่ในห้วงของการรังสรรค์มันช่างสงบ นิ่งและเงียบราวกับทุกอย่างปราศจากเสียง ซึ่งก็ดีแล้ว


เสียงของโลกภายนอกมันทั้งดังและน่ารำคาญ


มีแต่ความอิจฉา ริศยา แก่งแย่งชิงดี


‘นี่คือรูปที่ได้รางวัลเหรอ ไม่จริงน่าเด็กอายุแค่10ขวบเนี่ยนะ’


‘ไม่เห็นนามสกุลรึไง’


‘นามสกุลนี่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นสปอนเซอร์ในการจัดงานนี่ แปลว่าผลงานได้ที่1ก็เพราะ...’


‘ชู่...อย่าพูดไปสิ จริงอยู่ที่ฝีมือโอเคแต่แค่เด็กจะชนะผู้ใหญ่ได้ยังไงล่ะ’


น่ารำคาญ!


‘เด็กนี่ส่งประกวดอีกแล้วเหรอ คิดว่าตัวเองมีพ่อแม่หนุนหลังเลยคิดจะกวาดที่1ทุกรางวัลเลยรึไง’


‘นั่นสิ น่าเจ็บใจแทนคนมีฝีมือจริงๆ’


‘การลงสีก็ดูมีชีวิตชีวาอยู่หรอก แต่ถ้าเทียบกับอีกรูปแล้วไม่เข้าใจเลยว่าชนะได้ยังไง’


‘ก็เส้นใหญ่ขนาดนั้นไม่ชนะก็แปลกล่ะ’


น่ารำคาญที่สุด!


‘ดีจังเนอะพวกที่ไม่มีฝีมือแต่มีคนหนุนหลังเนี่ย’


‘แบบนี้ต่อให้วาดได้ดีขนาดไหนก็ไม่มีทางชนะได้หรอก’


‘อยากชนะนักก็เชิญเลย ก็ทำได้แค่ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่เท่านั้นแหละ’


‘ถ้าไม่มีพ่อแม่ช่วยหนุนก็อย่าหวังว่าผลงานธรรมดานี่จะติดอันดับเลย’


เลิกพล่ามกันสักที!


“...ฌอน...”


ไม่อยากฟัง


ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น


อย่ามายุ่ง


“นี่ฌอน...”


ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้


“ช้อน!”เสียงตะโกนดังลั่นในระยะประชิดเรียกสติที่จมดิ่งให้กลับเข้าร่าง ดวงตาสีเทาอ่อนของผมเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันไปมองตามเสียงเรียก


ใบหน้ามุ่ยๆและดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ลงอย่างไม่พอใจก้มลงมาใกล้พร้อมแก้มข้างนึงที่อมลมไว้จนพองออกมาเล็กน้อย


“...เปล่า”ผมเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกไปเบาๆ


น้ำเปล่า รูมเมทหมาดๆที่ไม่อยากมีเมื่อไม่กี่วันก่อน อยู่ๆก็เข้ามาแล้วไม่ยอมออกไป...ขนาดไล่แทบทุกวันก็ยังทำเหมือนสายลมผ่านหูจนตอนนี้ผมเลิกทำเรื่องเสียพลังงานอย่างการไล่แล้วตราบเท่าที่ยังไม่มายุ่งกับผมก็จะยอมให้อยู่ในห้องด้วยก็ได้


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่กลับมีเรื่องให้เถียงหรือทะเลาะกันได้ทุกวันแถมยังมีแต่เรื่องแสนจะไร้สาระ


“เรียกเป็นร้อยครั้งแล้วนะ จะมีสมาธิดีเกินไปแล้ว”คำบ่นถูกพ่นออกมาเบาๆ


ทุกครั้งที่วาดภาพผมจะจดจ่ออยู่กับมันโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะมีเสียงดังรบกวนก็ไม่สามารถทำให้ผมหันไปสนใจได้ทว่าเสียงของหมอนนี่กลับปลุกผมให้ตื่นได้


แม้จะน่าโมโหที่ชอบมาเรียกชื่อกันผิดๆก็ตาม


Sean Hilary อ่านง่ายๆก็ ฌอน ฮิลลารี ไม่รู้ทำไมมันถึงเพี้ยนจากฌอนเป็นช้อนไปได้


หูตึงรึไงก็ไม่รู้


ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห


“ครั้งนี้อะไรอีกล่ะ”ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด


ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดไปกว่าการโดนขัดระหว่างมีสมาธิกับการวาดรูปอีกแล้ว


“จะมาอะไรล่ะ ฉันบอกว่าวาข้าวไว้ให้ข้างๆให้กินเมื่อตอน11โมงนี่ไม่ได้เข้าหูเลยรึไงกัน”พูดจบก็ชี้ไปยังกล่องข้าวพลาสติกสีใสที่ด้านในมีข้าวราดแกงใส่อยู่ด้านข้างตัวผมที่นั่งอยู่


“...เหมือนจะได้ยินอยู่”ถ้าจำไม่ผิดเหมือนก่อนหน้าที่น้ำเปล่าออกไปจะย้ำให้กินข้าวอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าหลังจากอีกฝ่ายออกไปผมก็นั่งวาดภาพตามเดิม


“ได้ยินก็ทำตามสิฟระ คนเขาอุตส่าออกไปซื้อข้าวมาวางให้จนเกือบไปสาย แล้วทำไมข้าวมันยังอยู่ครบ32ทั้งที่ตอนนี้มันปาไปจะ5โมงแล้วเล่า!”


“เลิกตะโกนสักที”เสียงดังไปแล้ว


“ไม่อยากให้ตะโกนก็ขอเหตุผลดีๆหน่อยสิช้อน”


“บอกว่าชื่อฌอนไง ต้องให้แก้อีกกี่ครั้งถึงจะจำได้ฮะ”


“ก็เรียกฌอนแล้วนายรู้สึกตัวที่ไหนล่ะ”


“ลองเรียกแล้วรึไงถึงรู้น่ะ”เสียงดังขนาดนี้ถ้าเรียกยังไงผมก็ต้องได้ยิน


“เรียกเป็นสิบรอบแล้ว”


“ไม่เห็นได้ยิน”


“ฮึ้ย...ทีนายยังเรียกฉันว่าเปล่าเลย”


“ก็ชื่อนายนี่”อย่าเอามาเหมารวมกันเชียว


ชื่อเล่นน้ำเปล่า แปลว่าเรียกได้ทั้งน้ำและเปล่า ต่างกับชื่อฌอนของผมที่เปลี่ยนเป็นช้อนคนละอย่างเลย


“ถึงจะชื่อฉันแต่ไม่มีใครเรียกว่าเปล่าสักคน เรียกน้ำแทนเหอะแล้วฉันจะเรียกนายว่าฌอน”อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอ


“น้ำมันชื่อซ้ำเยอะจะตายไป”จากที่ได้ยินผ่านๆหูในหอพักนี่ก็มีไม่รู้กี่น้ำ แถมชื่อน้ำยังมีทั้งผู้ชายผู้หญิงอีก


“งั้นก็เรียกเต็มๆว่าน้ำเปล่าก็ได้”


“ยาว”ผมบอกเหตุผลออกไปสั้นๆ


“แค่สองพยางค์เนี่ยนะ”


“อืม”


“งั้นฉันก็จะไม่เลิกเรียกนายว่าช้อน”อีกฝ่ายพูดเสียงดัง


น้ำเปล่า ความจริงผมก็เรียกชื่อเล่นเต็มๆอยู่หลายครั้งเพียงแค่ไม่ได้เอ่ยออกไปเท่านั้นเอง


ผมไม่ใช่คนชอบพูดหรือชอบสนทนาอะไรแต่พอเป็นน้ำเปล่ากลับเถียงกันทุกครั้งที่พูดคุยกัน


น่าแปลกเกินไปแล้ว


“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจออกมายาวๆ พูดกันครั้งนึงยาวกว่าที่ผมพูดกับคนอื่นรวมกันทั้งเดือนอีก


“ถอนหายใจแบบนั้นแปลว่าเหนื่อยใช่ไหม”น้ำเปล่าถาม


“ก็รู้นี่”


“ที่เหนื่อยเพราะไม่ยอมกินข้าวนั่นแหละ”


“ไม่ใช่”ที่เหนื่อยเพราะต้องมานั่งเถียงเรื่องหาสาระไม่ได้ต่างหาก


“แถมนั่งอยู่กับที่ตลอด เดี๋ยวก็ได้มีรากงอกออกมาจริงๆหรอก”


“...”ไม่ได้ฟังที่พูดเลยใช่ไหมน่ะ


“งั้นวันนี้เราไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่า”ท่าทางเหมือนหาข้อสรุปได้แล้วนั่นทำเอาผมขมวดคิ้วแน่น


ผมไปตกลงด้วยตอนไหน


“นี่...”น้ำเปล่าไม่รอให้ผมเอ่ยจบประโยคก็ก้มตัวลงมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืน


ครั้งก่อนตอนไปกินสเต็กผมอาจยอมให้ดึงได้ง่ายๆเพราะไม่ได้กินมานานแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ผมเลยขืนแรงดึงนั่นจนอีกฝ่ายต้องนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ


น้ำเปล่าเป็นผู้ชายสูงไม่มากแต่มีรูปร่างโปร่งดูไม่ค่อยมีแรงต่างจากผมที่ถึงจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแต่ก็มีเชื้อต่างชาติเป็นทุนทำให้ทั้งสูงและมีพละกำลังกว่ามาก


“เฮ้ย”แค่ผมออกแรงขืนมากขึ้นอีกฝ่ายก็เริ่มเซ เห็นแบบนั้นผมเลยออกแรงมากขึ้นจนอีกฝ่ายล้มลงมายังตัวผมทันที


“แรงแค่นี้จะไปทำอะไรได้”น้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมาดูหนักกว่าที่คิดไว้ผิดกับรูปร่างโปร่งๆนั่น ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกชอบออกกำลังกายหรือไม่ก็เริ่มอ้วน


คิดไปมือผมก็เอื้อมมือไปจับตามแขนไล่ลงมายังเอวผ้าเนื้อผ้า กล้ามเนื้อน้อยๆปราศจากไขมันดูเหมือนคนที่ออกกำลังกายทว่ากลับไม่ได้มีกล้ามเนื้ออะไรมากมายนัก


“คิก...จักจี้นะ ฮ่าฮ่า...ปล่อย”อีกฝ่ายเริ่มดิ้นเมื่อถูกมือทั้งสองข้างลูบบริเวณเอวพร้อมกัน


ใบหน้าเปื้อนยิ้มกับดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ลงมันช่างดูสดใสผิดกับผมลิบลับ


สิ่งนี้สินะที่เรียกว่ามีชีวิตชีวา


“ลุกได้แล้ว”ผมละมือออกจากเอวแล้วเปลี่ยนไปขยับถ้วนน้ำใส่พู่กันด้านข้างให้ไกลออกไปอีกหน่อย ไม่แน่ว่าดิ้นไปมาอาจกระแทกจนน้ำหกก็ได้


ภาพน้ำเปล่าเอาตัวเองปกป้องภาพผมยังติดตาอยู่เลย พึ่งเจอกันแท้ๆทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย


ทำไมต้องยอมเจ็บตัวเพียงเพราะรูปวาดแผ่นหนึ่ง


คำตอบที่ได้ว่าไม่รู้ยิ่งทำให้ความรู้สึกแปลกๆเพิ่มพูนขึ้น


“นายเป็นคนดึงฉันลงมาเองนะ”


“ไม่เห็นจำได้”ผมกวนกลับไป


“กวนจริงๆเลย ไปอาบน้ำแล้วไปกันเถอะ”


“ใครบอกว่าฉันจะไป”การออกจากห้องครั้งที่สองในรอบอาทิตย์ไม่เคยมีมาก่อนถ้าไม่ใช่ช่วงสอบที่ไม่สามารถขัดได้


“ฉันบอกเองนี่แหละ จะนั่งให้เหน็บกินทั้งวันรึไง ออกไปสูดอากาศบ้าง”


“คนเยอะน่ารำคาญจะตาย”ครั้งก่อนไม่ว่าจะเดินหรือนั่งอยู่ในร้านก็มีสายตาจับจ้องมาตลอด


ไม่ชอบเอาซะเลย


และที่ไม่ชอบกว่าคือการมีคนมาเกาะแกะ


“ไม่ไปซอยข้างหอแล้วน่า ไปกินที่โรงอาหารกัน”คำตอบที่ได้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นสักนิด


โรงอาหารของมหาลัยเหรอหนักกยิ่งกว่าซอยข้างหออีก


ไม่ว่าที่ไหนก็แออัดไปด้วยผู้คน


เสียงดังจะตายไป


“ไม่ไป”


“น่า ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”


“ก็บอกว่าไม่ไป”ถึงจะอ้างเหตุผลยังไงผมก็ไม่ทางไปแน่


“ถ้านายไม่ไปฉันก็จะไม่ขยับออกจากตรงนี้ แล้วก็จะเกาะแน่นๆไปทั้งคืนเลย”พูดจบน้ำเปล่าก็ใช้แขนทั้งสองข้างโอบคอผมพร้อมขยับตัวขึ้นมานั่งบนตัก ร่างโปร่งๆพยายามดิ้นไปมาเพื่อสร้างความรำคาญประกอบกับเสียงเอฟเฟก...


โคร่กกก


เสียงท้องร้องกับร่างที่ดิ้นไปมาบนตักในสภาพคล้ายลิงทำเอาผมยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของตัวเองพร้อมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ


“ก็ได้ แค่ไปก็พอใช่ไหม”ขืนปล่อยให้อยู่นานกว่านี้คงได้ทั้งหนวกหูไม่เลิกพอดี


“ดีมาก แบบนี้สิเด็กดี”น้ำเปล่าหัวเราะร่าก่อนจะใช้มือข้างนึงขยี้เส้นผมสีน้ำตาลไปมา


“อย่ามา...”ผมที่เกลียดกาถูกเล่นหัวปัดมือนั่นทิ้งพร้อมกับคำตะหวาดที่ขาดห่วงไปเมื่อเสียงหัวเราะหยุดลงและถูกแทนด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิด


ตึกตัก ตึกตัก


อะไร


เกิดอะไรขึ้น


“ไปกินข้าวกันเนอะ”น้ำเสียงร่าเริงนั่นทำเอาผมถึงกับเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป


แปลก


ตัวผมเริ่มมีอะไรแปลกๆ


ทำไมต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่อีกฝ่ายสั่ง


ทำไมถึงยอมเดินตามอีกฝ่ายไปยังโรงอาหารโดยไม่ขัดขืน


ถ้าเป็นคนอื่นต่อให้มาดิ้นพล่านๆตรงหน้าผมก็จะไม่สนใจ


แต่ทำไม...


“นี่ฌอน...ภาพศาลาริมน้ำเมื่อวันก่อนหายไปไหนแล้วล่ะ”น้ำเปล่าถามหลังจากวางจานข้าวมันไก่พร้อมถ้วยน้ำซุปลงบนโต๊ะริมผนังของโรงอาหารคณะวิศะ


“ให้พี่ต้าร์ไปแล้ว”ผมตอบพลางตักข้าวยำไก่แซ่บตรงหน้าเข้าปาก


รสชาติธรรมดาค่อนไปทางไม่อร่อยทำให้ผมวางช้อนลงแล้วผลักจานให้ออกห่างไป อาหารของมหาลัยไม่ว่าที่ไหนก็รสชาติเหมือนๆกันหมด


ไม่รู้จะทำหวานไปไหนกัน


เพราะงั้นถ้าจะกินให้อร่อยเลยต้องไปร้านของพี่ต้าร์ซึ่งส่วนมาผมจะโทรสั่งให้มาส่งมากกว่าไปนั่งเป็นเป้าสายตาในร้าน


“ให้? ทำไมไม่เก็บไว้ล่ะออกจะสวยขนาดนั้น”


“ก็แค่วาดเล่น”อีกอย่างภาพศาลาริมน้ำนั่นก็ไม่ได้ให้ไปฟรีๆ พี่ตาร์เป็นคนขอให้วาดภาพติดผนังร้านแลกกับการสั่งอาหารในร้านฟรี


รูปที่ผมวาดไม่ว่าจะเป็นภาพไหนต่างก็มีราคาในตลาดค่อนข้างสูง เพราะงั้นนอกจากจะได้กินฟรีแล้วยังได้เงินมาใช้ด้วย


ผลงานส่วนมากผมไม่เอาไปแสดงแทบทุกงานเหมือนเมื่อตอนเด็กๆทำให้ภาพวาดผมเริ่มมีมูลค่าในท้องตลาดมากขึ้น สำหรับผมคนที่จะมาดูหรือซื้อผลงานถ้าไม่ชอบหน้าหรือไม่ถูกชะตาต่อให้เอาเงินมากองเท่าไหร่ก็ไม่ขาย


“วาดเล่นได้สวยเกินไปแล้ว...จะว่าไปทำไมถึงวาดแค่โทนขาวดำล่ะ ฝีมือระดับนายถ้าลงสีคงจะสวยสุดๆแน่...ลองลงสีดูก็ดีนะ”


“ฉันไม่คิดจะวาดภาพสีอีก”ผมบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ความทรงจำเมื่อตอนยังเป็นเด็กที่ได้ยินถ้อยคำดูถูกมากมายมันไม่มีทางลบเลือนไปได้ง่ายๆ ภาพในตอนนั้นเป็นภาพที่ใช้สีอันหลากหลายรังสรรค์ขึ้นจากจินตนาการของวัยเด็ก


ทว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่ทนกับคำวิจารณ์พวกนั้นไม่ไหว ภายในใจสับสนและต่อต้านการวาดภาพจนไม่สามารถหยิบดินสอขึ้นมาได้ โลกที่เห็นเป็นสีสันกลับกลายเป็นขาวดำราวกับจิตใจถูกปิดผนึก


จากวันนั้นทุกภาพที่วาดก็ไม่เคยถูกลงสีอื่นนอกจากสีขาวดำเลย


ขนาดในจิตนาการยังปราศจากสีแล้วผมจะลงสีมันถูกได้ยังไง


“...ฌอน”


“ฉันจะกลับห้อง”ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาของคนทั้งโรงอาหารที่จับจ้องมา


ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาหรือเพราะได้รับสิทธิ์พิเศษให้ไม่ต้องเข้าเรียนถึงได้ถูกจับตามองไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรตลอดแบบนี้
น่ารำคาญ


“เดี๋ยวสิ นายกินไปคำเดียวเองนะ”น้ำเปล่าเอื้อมมือมารั้งผมไว้


“ไม่อร่อย”จะบอกว่าผมเลือกกินก็ได้


ผมไม่ปฏิเสธหรอก


“งั้นไปร้านของพี่ต้าร์กันไหม”แทนที่จะถูกบ่นอีกฝ่ายกับบอกให้ไปกินที่อื่นแทน


“...อิ่มแล้วไม่ใช่รึไง”ข้าวในจานหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ด


“ไม่อิ่มๆ ผู้ชายกินแค่จานเดียวจะอิ่มได้ยังไง”ไม่เพียงแค่พูดแต่ยังส่ายหน้าไปมาอีก


“พุงแตกไม่รู้ด้วย”


“ไม่แตกหรอกน่า อยากลองกินมันบดอบชีสดูจัง”เก็บจานเสร็จน้ำเปล่าก็วิ่งเหยาะตามผมที่เดินนำออกมา


“มันอบราดซอสขาวก็อร่อย”ผมพึมพำระหว่างเดินเข้าซอบข้างหอไปยังร้านสเต็ก


“ซอสขาว? รสชาติเป็นยังไงอ่ะ”


“รสออกออกเปรี้ยวเค็ม”


“อืม...ที่ร้านมีแต่ของน่ากิน เลือกไม่ถูกเลย”


“ก็สั่งให้หมดเลยสิ”


“ใครจะจ่ายล่ะ ไม่มีเงินขนาดนั้น...ในกระเป๋าเหลือแค่200เองเนี่ย”บ่นเสร็จก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดดูด้วยแววตาเศร้า


“จะบอกว่าสั่งมาแล้วกินหมดรึไง”


“กินสองคนหมดอยู่แล้ว”


“สองคน?”


“ฉันกับนายไง สั่งมาแล้วกินด้วยกันเนอะ”ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นน่ามองอย่างบอกไม่ถูก


เดินเข้าซอยข้างหอพักมาไม่นานก็ถึงร้านสเต็กชื่อดัง พอเปิดประตูร้านเข้าไปพนักงานสาวคนเดิมก็ส่งยิ้มหวานทักทายแล้วเตรียมจะเดินเข้ามาหาทว่าเมื่อเห็นสายตาผมที่ส่งไปเธอก็หยุดอยู่กับที่


ผู้หญิงเป็นสาเหตุหลักที่ทำไม่อยากออกไปไหน แค่เดินผ่านก็ส่งเสียงกรี๊ด ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นเป้าสายตา มีหลายคนที่เข้ามาบอกรักผมตรงๆแน่นอนว่าการปฏิเสธก็มักจะจบลงที่ว่าอยากนอนกับผม


บ้าบอ


“ฌอนๆ”


“อะไร”ผมถามกลับระหว่างเดินเข้าไปยังมุมในสุดของร้าน


“ภาพศาลาของนายติดผนังหน้าเคาน์เตอร์เลย เด่นสุด”น้ำเปล่าดึงชายเสื้อผมเป็นเชิงให้หันไปดู


“อืม”


“อ้าว หิมะจะตกประเทศไทยรึไงนะ...น่าแปลกที่นายมาร้านติดๆกันแบบนี้”เจ้าของร้านหรือพี่ต้าร์ที่เดินออกมาจากห้องครัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ


ไม่ใช่แค่พี่ต้าร์หรอกที่ตกใจตัวผมเองก็ยังตกใจไม่แพ้กันเลยว่าทำไมถึงได้ยอมมาตามที่อีกฝ่ายบอกแบบนี้


“สเต็กริบอายซอสดำกับมันบดอบชีส”ผมสั่งเมนูที่ต้องการกับเจ้าของร้านพร้อมเดินไปนั่งลงยังโต๊ะตัวในสุด


“ครับๆ แล้วน้ำเอาอะไรดีล่ะ”พี่ต้าร์หันไปถามอีกคนที่ยืนจับจ้องยังรูปติดผนังหน้าเคาน์เตอร์


“พี่ต้าร์รูปนี้ฌอนให้พี่ฟรีเหรอ”


“ฮืม?...อ้อ ก็ไม่ฟรีหรอกแลกกับการกินของในร้านฟรีน่ะ”


“กินฟรี? น่าอิจฉาเกินไปแล้ว”


“นอกจากกินฟรีก็ยังมีค่าฝีมืออีกนิดหน่อย”พี่ต้าร์บอกต่อ


“ค่าฝีมือ...เท่าไหร่ครับ บอกผมได้ไหม”น้ำเปล่าก้าวยาวๆมาหยุดยืนตรงหน้าพี่ต้าร์ด้วยความสนใจ


“อยากได้ภาพนั้นเหรอ”


“...ก็เปล่า ผมแค่สงสัยเฉยๆ”


“มันไม่ใช่ราคาที่นักศึกษาหรือพนักงานบริษัทธรรมดาจะซื้อได้หรอกนะ”พี่ต้าร์ตอบยิ้มๆ


ก็จริงอย่างที่ว่า


ราคาภาพของผมไม่ใช่ถูกๆ


คนปกติซื้อไม่ไหวหรอกยิ่งภาพขนาดเกือบ2เมตรยิ่งแล้วใหญ่


“พอไม่บอกแล้วยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่เลย”


“ฮึฮึ...ลองไปถามเจ้าตัวดูสิ แล้วจะรับอะไรดีครับคุณลูกค้า”


“อ้อ...เอา อะไรดีนะ ฌอนสั่งแล้วเหรอ”น้ำเปล่าหันมาถามผม


“อืม”สั่งมาจะชั่วโมงแล้วมั้ง


“ทำไมไม่รอกันเล่า”


“จำเป็น?”


“ช้อน!”เสียงตะโกนเรียกชื่อเพี้ยนๆดังขึ้นจนบุคคลที่สามอย่างพี่ต้าร์ถึงกับขมวดคิ้วอย่างงงๆแต่เพียงไปนานก็หลุดหัวเราะออกมาขนานหนัก


“อุ๊บ คิก...ฮ่าฮ่าฮ่า ฌอนเติมไม้โทกลายเป็นช้อน ฮ่าฮ่า คิดได้ไงเนี่ย เจ๋งไปเลย”


“พี่ต้าร์”ผมเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“ไม่ชอบให้ล้อชื่อนี่นะ น่าแปลกที่ยอมให้น้ำเรียกนะ”พี่ต้าร์หันมาพูดด้วย


“ไม่ได้ยอม”จำไม่ได้ว่ายอมให้เรียกตั้งแต่เมื่อไหร่


“ถ้าไม่ยอมจริงๆคงไม่นั่งนิ่งอยู่แบบนี้หรอกมั้ง”


คำพูดของพี่ต้าร์ทำให้ผมคิด....ก็จริงเห็นผมวาดภาพแต่ใช่ว่าจะเป็นคนใจเย็น


ถ้าไม่ชอบก็จะแสดงออกตรงๆ


กับน้ำเปล่าก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่ให้เรียกแต่พอกลับมาคิดการกระทำของตัวเองก็ไม่ใช่จริงๆนั่นแหละ ถึงจะโกรธหรือโมโหแต่ก็ไม่เคยใช้กำลังหรือตะหวาดใส่เลยสักครั้ง


“...”ผมเลือกที่จะนิ่งแทนที่จะตอบอะไรกลับไป


“เอาเถอะ สรุปจะสั่งอะไรครับ”พี่ต้าร์หันไปถามน้ำเปล่าอีกรอบ


“เอาเป็นพาสต้าคาโบนาร่ากับไส้กรอกรมควันละกันครับ”


“โอเค นั่งคุยเล่นกันไปก่อน รออาหารสักครู่”พูดจบก็เดินกลับเข้าไปยังครัวด้านหลัง


“นี่ฌอน”


“อะไร”


“ภาพนั่นเท่าไหร่เหรอ”คำถามที่ไม่ด้ำตอบจากพี่ต้าร์ถูกถามขึ้นอีกครั้ง


“อยากรู้?”


“ไม่อยากรู้จะถามไหมล่ะ”


“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนี่”


“อย่าใจร้ายน่า”


“มีใครบอกว่าฉันใจดี?”อยู่ด้วยกันมาก็น่าจะรู้นิสัยแล้วนะ


“ฉันบอกเองนี่แหละ คนใจร้ายที่ไหนจะเดินออกไปซื้อยามาให้ล่ะ”คำพูดของน้ำเปล่าทำให้นึกถึงตอนที่ตัวเองออกจากหอพักมาซื้อยาแก้น้ำร้อนลวกเมื่อสัปดาห์ก่อน


“ก็แค่ครั้งเดียว”แค่ครั้งเดียวมันไม่เรียกใจดีหรอก


“ถึงจะแค่ครั้งเดียวก็ถือว่าใจดีน่า”


“คิดเองเออเอง”


“เปล่าสักหน่อย”


ระหว่างที่เถียงกันไปเรื่อยอาหารก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะจนครบทุกอย่าง มันบดอบชีสถือเป็นของขึ้นชื่อของร้านแล้วเป็นเมนูโปรดของผม ทุกครั้งที่สั่งก็ต้องมีมันบดอบชีสเสมอ


“มันบดอบชีสน่ากินจัง”ดวงตาสีน้ำตาลมองมาตาละห้อยจนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้น อีกสักพักน้ำลายคงไหลแน่ๆ


“น่ากินก็สั่งสิ”เห็นบ่นอยากกินแต่ก็ไม่เห็นจะสั่งสักครั้ง


“ก็ไส้กรอกรมควันก็น่ากินเหมือนกันนี่”


“งั้นก็อย่าบ่น”


“ไม่บ่นหรอก ขอกินด้วยนะ”ช้อนสแตนเลดถูกยกขึ้นหมายจะตักมันบดอบชีสในถ้วยทว่าผมรู้ทันเลยขยับถ้วยหนี


“ยังไม่ได้อนุญาต”ผมบอกพลางจ้องไปอย่างเคืองๆ


“รีบอนุญาตสิ”


“ไม่ให้”นี่คือคำตอบ


“ฌอนนนน”


“ไม่ต้องมาเรียก กินของที่ตัวเองสั่งมาไป”บอกเสร็จผมก็เริ่มลงมือจัดการสเต็กสลับกับมันบดอบชีสต่อ


ความเงียบแปลกๆทำเอาสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี ปกติคงได้มีการเถียงกันต่ออีกรอบแต่นี่กลับเงียบจนไม่น่าไว้ใจ ด้วยความสงสัยผมเลยเงยหน้าขึ้นไปสบกับสายตาที่จับจ้องมา...สายตานั้นไม่ได้จับจ้องมายังผมแต่เป็นถ้วยมันบดอบชีสด้านหน้า


ผมจัดการใช้มือขยับถ้วยมันบดอบชีสไปด้านข้างโดยที่สายตายังคงจับจ้องดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำตาลเคลื่อนไหวตามถ้วยมันบดอบชีสไม่ว่าผมจะขยับไปทางไหน นอกจากนี้ยังมีการเม้มปากแล้วกลืนน้ำลายอีก


“หึ...”ผมถึงกับหลุดขำออกมากับท่าทางนั้น


“อยากกิน...ขอชิมนิดนึงไม่ได้จริงเหรอ”น้ำเปล่าเงยหน้าขึ้นสบตาผมเป็นเชิงร้องขอ


“ไม่ได้”ผมยังคงยืนยันคำตอบเดิม


“...นิดเดียวเอง คำเดียวแล้วพอเลย”


“แน่ใจว่าจะพอในคำเดียว?”ผมถามกลับ


“อืม แน่นอน”


“...แลกกับไส้กรอกชิ้นนึง”เงียบไปสักพักผมก็ยื่นข้อเสนอไป


“ตกลง”อีกฝ่ายตอบกลับทันควันพร้อมใช้ส้อมส่งไส้กรอกมาให้หนึ่งชิ้น ผมเองก็เลื่อนถ้วยมันบดอบชีสไปให้เมื่อได้ไส้กรอกมา
ให้แค่คำเดียวดูจะร้ายไปหน่อย จะให้อีกสักคำก็ได้...


คำพูดที่เตรียมไว้ถูกเหวี่ยงทิ้งไปทันทีที่เห็นน้ำเปล่าใช้ช้อนตักเอามันบดอบชีสไปกว่าครึ่งถ้วยในช้อนเดียว


“เปล่า”ผมเรียกเสียงตึงกับการกระทำอันไม่สมควรนั่น


 “อะไร”


“ไม่ต้องมาทำหน้าไม่รู้เรื่อง ตักทีเดียวหายไปครึ่งได้ยังไง”ผมรีบถามต่อ


“ตกลงกันแล้วนี่ว่าคำนึง ผมก็ตักแค่คำนึงจริงๆนี่”


“เล่นแบบนี้ใช่ไหม จัดให้เลย”ผมยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับใช้ส้อมในมือเอื้อมไปตักพาสต้าคาโบนาร่ามาใส่ในจานตัวเอง


“เฮ้ย พาสต้าของฉันนะ ขี้โกงนี่”


“ใครกันล่ะที่โกงก่อน”ผมสวนกลับ


“ไม่ได้โกงสักหน่อยแค่ใช่ช่องโหว่ของคำพูดเท่านั้นเอง”


“แก้ตัว”


“เปล่าสักหน่อย เอาพาสต้าฉันไปเอาสเต็กนายมาครึ่งนึงเลย”น้ำเปล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ไม่จำเป็นต้องทำตามนี่”


“ฌอน”


“...”


“ฌอน”


“...พาสต้ารสชาติใช้ได้”ผมเมินเสียงเรียกแล้วลงมือจัดการพาสต้าในจานแทน


“จำไว้เลยนะช้อน!”



(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-02-2017 14:25:24
(ต่อนะคะ)


หลังจากผ่านมื้ออาหารที่อึกทึกที่สุดที่สุดตั้งแต่เกิดมาวันเวลาก็ผ่านไปหลายวัน...ภาพร่างของสวนดอกไม้ในความทรงจำเริ่มเป็นรูปร่างจนสามารถลงสีได้แล้ว แม้จะเมีเพียงสีดำแต่การไล่ระดับสีสามารถบ่งบอกถึงสีของดอกไม้ได้


ยิ่งลงสีความรู้สึกเมื่อตอนเป็นเด็กก็ถาโถมเข้ามาจนสมาธิหลุด ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่ผมส่งผลงานเข้าประกวดแทบทุกที่ที่เปิดและก็มักจะได้รับรางวัลชนะเลิศโดยมีหลายเสียที่วิจารณ์ว่าผลงานผมมันยังไม่ถึงขั้น


ถูกวิจารณ์ให้ทางไม่ดีและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่ทนไม่ไหว ผมเคยไปถามพ่อแม่ว่าการที่ผมชนะเป็นเพราะได้พ่อแม่ช่วยรึเปล่า


คำตอบที่ว่าไม่ช่วยเยียวยาจิตใจผมได้มากแต่การถูกบอกว่าผลงานตัวเองไม่ดีมันกลายเป็นเรื่องฝังใจที่ไม่สามารถลบมันออกไปแล้ว อีกทั้งแรงกดดันเพียงเพราะเป็นลูกชายของบริษัทยักษ์และถูกมองว่าใช้เส้นในการชนะเลิศมันมากจนผมปิดกั้นตัวเองไม่ให้รับรู้อะไร


จมอยู่ในโลกของตัวเอง


โลกที่มีเพียงสีขาวและดำนี่


สวนดอกไม้ในภาพขอองสถานที่ที่ผมบอกตัวเองว่าจะวาดเพียงภาพโมโนโครมเท่านั้น ความจริงก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้อยากวาดภาพสวนดอกไม้นี่ขึ้นมาตอนนี้


‘เด็กนี่ส่งประกวดอีกแล้วเหรอ คิดว่าตัวเองมีพ่อแม่หนุนหลังเลยคิดจะกวาดที่1ทุกรางวัลเลยรึไง’


‘นั่นสิ น่าเจ็บใจแทนคนมีฝีมือจริงๆ’


‘การลงสีก็ดูมีชีวิตชีวาอยู่หรอก แต่ถ้าเทียบกับอีกรูปแล้วไม่เข้าใจเลยว่าชนะได้ยังไง’


‘ก็เส้นใหญ่ขนาดนั้นไม่ชนะก็แปลกล่ะ’


“อึก...บ้าเอ้ย”อยู่ความทรงจำแย่ๆก็ผุดขึ้นมาอีก


ในตอนนั้นผมยังเด็กเลยฝังใจกับอะไรได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ผมโตแล้ว...ผมรู้ว่าความจริงคนพวกนั้นก็แค่อิจฉาในผลงานของเด็กอายุ10ขวบที่สามารถเขาชนะผู้ใหญ่ได้


ทั้งที่น่าจะลืมมันไปแต่กลับทำไม่ได้


ด้ามพู่กันในมือถูกกำแน่นขึ้นพร้อมกับมือที่เผลอปาดปลายพู่กับเป็นทางยาวจนเกิดเป็นเส้นสีดำเทาจางๆตัดผ่านบริเวณดอกไม้ใจกลางภาพ


“โธ่เว้ย...”อุตส่าใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะมาถึงขั้นนี้แต่เพราะความทรงจำบ้าๆทำให้สมาธิขาดพรึ่งจนเละไปหมดแบบนี้


จะให้โทษใครล่ะนอกจากตัวเองที่ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกได้


กระดาษวาดภาพแผ่นใหญ่ค่อยๆถูกขยำจากปลายกระดาษไปเรื่อยๆพร้อมความรู้สึกภายในจิตใจที่สับสนจนไม่รู้จะก้าวผ่านมันไปได้ยังไง


แกร็ก!


“กลับมาแล้ว...เฮ้ย ทำอะไรน่ะฌอน! หยุดเลยนะ! หยุด!”บาดประตูถูกเปิดออกกว้างพร้อมกับน้ำเสียงร้อนรนที่ดังขึ้น มือที่ขยำกระดาษถูกหยุดไว้ด้วยฝีมือของผู้มาใหม่


ฝ่ามืออุ่นที่วางบนฝ่ามืออันเย็นเฉียบของผมมันช่างร้อนจนออกอาการสั่น


“ปล่อย...”ผมเอ่ยไม่เต็มเสียง


“จะปล่อยได้ยังไง คิดจะขยำภาพทิ้งรึไง”


“ใช่...จะทิ้ง...จะทิ้งทั้งภาพและความทรงจำบ้าๆนี่ไปด้วย”ตัวผมรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงจะทิ้งภาพนี้ไปความทรงจำมันก็ไม่ได้ถูกทิ้งตามไปด้วย


“ฌอน...”


“ปล่อย...”


หมับ


น้ำเปล่าทำตามคำขอผม เขาปล่อยมือที่ห้ามทว่ามือนั่นกลับเปลี่ยนมาโผลเข้ากอดผมแน่น ด้วยความตกใจผมเลยเผลปล่อยกระดาษที่ขยำอยู่แล้วมองไปยังเส้นผมสีดำสนิทที่ส่ายไปมา


ความอุ่นที่ไม่ใช่แค่มือที่สัมผัสได้ ตอนนี้ผมสัมผัสถึงความอุ่นนี้ได้ทั้งร่างกายและมันค่อยๆแผ่ไปถึงภายในจิตใจอย่างเชื่องช้า
ไม่มีคำพูดหรือประโยคใดๆถูกเอ่ยออกมา มีเพียงสัมผัสของแขนที่โอบรัดแน่นกับเสียงหัวใจสองดวงที่กำลังเต้นอยู่ มือทั้งสองข้างของผมยังคงค้างอยู่กลางอากาศเพราะไม่รู้จะวางมันลงตรงไหนดี


ตอนนี้รู้เพียงรู้สึกดี


ทั้งที่ยังนึกถึงความทรงจำเหล่านั้นแต่กลับไม่รู้สึกแย่เท่าก่อนหน้านี้


เพราะอ้อมกอด


เพราะความอุ่น


หรือเพียงเพราะเป็นชายที่ชื่อน้ำเปล่างั้นเหรอ


“...น้ำเปล่า”


“จะร้องไห้ออกมาก็ได้นะ”เสียงอู้อี้ดังขึ้นเบาๆ


“ใครจะร้องกัน”ผมตอบกลับไป


จะให้ร้องไห้เนี่ยนะ


ไม่มีทาง


ก็แค่ความทรงจำในอดีต


“...ฮึก...”


“เปล่า...”ผมเรียกก่อนจะพยายามดันตัวอีกฝ่าทว่าน้ำเปล่ากลับกอดผมแน่ขึ้นโดยที่ยังมีเสียงสะอื้นดังขึ้นเป็นระยะ


ความเปียกชื้นบริเวณคอเป็นตัวบอกอย่างดีว่าอีกฝ่ายกำลังกำลังน้ำตาไหล


“ทำไม...ถึงร้อง”ผมถามออกไปแบบไม่เต็มเสียง
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นที่น้ำเปล่าที่ร้องไห้


“ก็เพราะนายไม่ยอมร้องฉันเลยร้องแทนไง”


“...”คำอธิบายนั่นทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก


เพราะผมไม่ร้อง...


เลยร้องแทนงั้นเหรอ


ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเจอคืออะไรแต่กลับร้องมาราวกับสัมผัสถึงความรู้สึกของผมได้


“แค่เห็นหน้านายตอนนี้ก็รู้แล้วว่ารู้สึกแย่และทรมานขนาดไหน ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่ไหวแต่ก็ไม่ยอมระบายมันออกมา...จะอัดอั้นความรู้สึกพวกนั้นไว้ทำไม...”


“...น้ำเปล่า”


“ก็แค่ปล่อยมันออก ระบายสิ่งที่อยู่ในใจนั้นออกมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแย่ๆ ความทรมาน ความเจ็บปวด ความโกรธหรือความโมโห ระบายมันออกมาสิ...ฉันรับรองเลยว่าหลังจากนั้นนายจะผ่านมันไปได้”


“...”คำพูดพร้อมอ้อมแขนที่โอบรัด


น้ำเสียงและถ้อยคำที่ตะโกนบอก


น้ำตาลและเสียงสะอื้นเล็กๆที่ได้ยิน


ทุกอย่างราวกับหลอมรวมจิตใจให้ผมหลับตาลงพร้อมแขนทั้งสองข้างที่กอดแผ่นหลังอีกฝ่ายแน่นอย่างไม่เคยเป็น ความรู้สึกในตอนนี้มีเพียงความอุ่นราวกับถูกปลอบด้วยแขนของคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงเดือน


ผมซุกใบหน้าเข้าน้ำเปล่าแล้วปล่อยให้สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจมานานกว่า10ปีระบายออกมาอย่างเงียบเชียบ


ไม่มีเสียงสะอื้นหรือคำตะโกนปลดปล่อย


มีเพียงน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงจนไหล่อีกฝ่ายเริ่มเปียกปอน


ผมเกลียดตัวเองในวัยเด็ก


เพราะเป็นเด็กถึงได้มีความฝังใจได้ง่ายๆโดยไม่รู้จักแยกแยะ


แต่เพราะผมมีวัยเด็กแบบนั้นถึงได้เจอกับน้ำเปล่าในตอนนี้


“ฌอน...ภาพสวนดอกไม้นี่คงจะเป็นความทรงจำที่อยากทิ้งไปสินะ”ผ่านไปสักพักน้ำเปล่าก็ถามต่อ


“...อืม”อยากจะทิ้งมันไปให้ไกลที่สุด


“ความทรงจำน่ะยิ่งพยายามทิ้งหรือลืมมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้นเท่านั้น”


“...อืม”เรื่องนี้ผมรู้ดี เพราะผมพยายามทิ้งมันมาถึง10ปีแล้วแต่ทุกครั้งที่ทำมันกลับยิ่งชัดเจนขึ้น


“เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องทิ้งมันแหรอกนะ”


“...หมายถึงยังไง”


“วาดความทรงจำใหม่ทับมันสิ”คำพูดของน้ำเปล่าดังขึ้นพร้อมกับพวกเราที่ผละออกจากกัน


น้ำเปล่าหันไปมองยังภาพสวนดอกไม้ที่เละไปด้วยน้ำเป็นทางยาวจนหมดความสวยงานก่อนที่จะหันไปหยิบกล่องสีน้ำมาเปิดออกแล้วบีบสีต่างๆลงในถาดด้านข้าง


“จะทำอะไร...”ไม่ทันได้ถามจบประโยคพู่กันก็ถูกจุ่มลงในถาดสี สีฟ้าตรงส่วนปลายของพู่กันจรดลงบนสวนดอกไม้สีขาวดำแล้วลากเส้นไปมาจนเกิดเป็นรูปดอกไม้สีฟ้าขนาดใหญ่ทับลอยน้ำก่อนหน้านี้


ดวงตาสีเทาอ่อนของผมเบิกกว้างขึ้นระหว่างมองภาพขาวดำของตัวเองที่ค่อยๆถูกสีต่างๆวาดทับลงมา ไม่เพียงแค่วาดดอกไม้แต่ยังมีต้นหญ้าและก้อนหินอีก


“เอ้า นี่สีเหลืองของนาย วาดดอกทานตะวันเลย”พู่อันอีกด้ามถูกจุ่มสีเหลืองจนชุ่มก่อนจะยื่นส่งมาให้ผม


“ทำอะไรน่ะ”


“ก็ระบายสีไง...ถ้านี่คือความทรงจำที่มีเพียงสีขาวดำก็ระบายสีมันลงไปสิ เติมสีสันให้ความทรงจำซะ”คำพูดและรอยยิ้มกว้างถูกส่งมา


“ระบายสี...ลงในความทรงจำ”


“ใช่ นี่ผึ้งที่ฉันสวยไหมล่ะ”พูดจบก็ชี้ให้ผมดูสัตว์ประหลาดตัวอ้วนๆสีเหลืองมีลายคาดสีดำด้วยความภูมิใจ


“หึ...ผึ้งเหรอนั่น”ผมหลุดขำออกมาเพราะรูปวาดราวกับฝีมือของเด็กอนุบาลตรงหน้า


เอาตรงๆก็ห่วยเกินไปแล้ว


“อะไร กล้ามาขำราชินีผึ้งของฉันเหรอ งั้นต้องเจอนี่ ดูซะนี่คือเจ้าแห่งสรรพสัตว์ที่อยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อาหาร...”ระหว่างพูดน้ำเปล่าก็เริ่มวาดภาพใหม่เหนือสวนดอกไม้


วงกลมใหญ่สีน้ำตาลกับเส้นขีดคล้ายเส้นขนรอบๆวงกลมน้ำเอาผมขมวดคิ้วแน่นเพราะนึกไม่ออกว่าคือตัวอะไร น้ำเปล่าใส่ตาหูปากและจมูก ปิดท้ายด้วยเขี้ยวอันใหญ่


“อะไร...สิงโต?”ผมลองเดาออกไปจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก่อนหน้านี้


“ถูกต้อง ว่าแล้วเชียวว่าฝีมือวาดภาพเกรดสี่นี่ได้มาเพราะฝีมือล้วนๆ ดูยังไงก็คือสิงโตเจ้าป่าผู้องอาจและงดงาม”ใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจทำเอาผมหลุดขำออกมาอีกรอบ


“หึ...”เกรดสี่เหรอ


เอาจริงน่ะ


“ฌอนก็วาดบ้างสิ ในสวนดอกไม้นอกจากผึ้ง สิงโตก็ต้อง ผีเสื้อ...วาดฝีเสื้อเลย เอานี่”น้ำเปล่าบอกพลางหยิบถาดสีมาไว้ตรงกลางระหว่างผมและเขา


“ผีเสื้อ...”ผมพึมพำก่อนจะใช้พู่กันสีเหลืองที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้วางทาบจนเกิดเป็นปีกฝีเสื้อสีเหลืองแล้วใช้พู่กันด้ามเล็กอีกอันจุ่มสีแดงแล้วสร้างลายผีเสื้อบนสีเหลืองที่วาดไว้ก่อนหน้านี้


“สุดยอด แต่มันเล็กไปหน่อยนะ มันต้องใหญ่ๆสิ”


“ดอกไม้ขนาดประมาณนี้ผีเสื้อก็ต้องสมมาตร...”


“ก็ได้ ผีเสื้อตัวนี้อยู่ด้านหลังดอกไม้เลยตัวเล็ก งั้นวาดใหม่ด้านหน้านี่ เอาให้ใหญ่ๆไปเลย ฉันจะรับผิดชอบลงสีท้องฟ้ากับวาดก้อนเมฆเอง”น้ำเสียงมั่นใจดังขึ้นก่อนน้ำเปล่าจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเชื่อใจได้เลย


ผมไม่รู้ว่าเสียเวลาไปกับการลงสีหรือวาดภาพนี่ไปเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่ผมรับรู้คือความรู้สึกยามเห็นภาพสวนดอกไม้ในความทรงจำเริ่มเปลี่ยนไป โทนสีขาวดำที่จดจำได้แปรเปลี่ยนเป็นโทนสว่างสดใสมีท้องฟ้าสีคราม หมู่เมฆรูปร่างแปลกตากับนกที่ตัวใหญ่เท่าพระอาทิตย์ ดอกไม้แต่ละดอกต่างก็ถูกวาดทับขึ้นมาใหม่ด้วยขนาดและรู้ร่างที่ต่างจากเดิมจนต้องหยุดขำ...มีทั้งดอกไม้เล็กที่ผมเป็นคนวาดกับดอกไม้ขนาดใหญ่ฝีมือรูมเมท


ที่น่าจดจำสุดก็คงเป็นสิงโตหน้าตาแปลกที่บนหัวมีผึ้งตัวอ้วนใหญ่บินอยู่โดยที่ไม่ห่างกันมากมีผีเสื้อรูปร่างสวยงามขนาดเล็กกำลังเชยชมดอกไม้ ปิดท้ายด้วยผีเสื้อตัวใหญ่เบ้งที่อยู่ด้านหน้าดอกไม้เป็นฝีมือผมซึ่งถูกน้ำเปล่าเข้ามาช่วยวาดลายในช่วงท้ายทำให้ผีเสื้อทองอร่ามมีลายหัวใจสีชมพูดขนาดยักษ์อยู่บนปีกทั้งสองข้าง


ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับน้ำเปล่าเพียงไม่กี่อาทิตย์ผมกลับยิ้มมากกว่า10ปีที่ผ่านมารวมกันซะอีก


ผมว่าตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มีรูมเมทที่ชื่อน้ำเปล่าเข้ามาอยู่ด้วยแล้วล่ะ

.............................................................................................

สวัสดีค่า

มาแล้วสำหหรับตอนใหม่

ครั้งนี้เล่าในมุมของฌอนดูบ้าง

ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน

รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกสำหรับเวลาแต่งตอนนี้

มาลุ้นกันว่าตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้น

ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นท์นะคะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-02-2017 15:28:22
แหม น้ำเปล่าน่ารักดี ช่างเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-02-2017 15:47:20
ช้อนกับน้ำเปล่า  จะน่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 16-02-2017 16:39:49
โอ้ย  น้ำเปล่าน่ารักเกินไปแล้วนะ  :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 16-02-2017 16:58:20
น่ารักมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 16-02-2017 19:43:13
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 17-02-2017 00:57:25
 :pig4: น้ำเปล่าทำให้ฌอนดูสดใสขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่3}} 16/02/60 P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-02-2017 07:20:44
น้ำเปล่าคงจะเป็นสีต่างๆที่จะมาระบายลงไปแทนสีขาด ดำ ของฌอนซินะ
เรื่องนี้อ่านไปน่ารักจัง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-02-2017 15:31:56
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่4



ในวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งไม่วิชาเรียนผมก็มักจะนั่งรถกลับบ้านเสมอ บ้านใหม่สองชั้นขนาดกลางมี3ห้องนอนสำหรับพ่อแม่ น้องสาวและผมคนละห้อง จากวันที่ย้ายมหาลัยมาก็ผ่านไปเดือนหน่อยๆ ทุกครั้งที่ผมกลับบ้านก็มักจะคอยย้ำรูมเมทหรือเจ้าของห้องอาย่างฌอนให้หาอะไรกินด้วย


สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือเมื่อกลับไปหอแล้วจะเจอคนเป็นลมอยู่ท่ามกลางภาพวาดและอุปกรณ์ศิลปะ ยิ่งรู้จักกันนานเท่าไหร่ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเริ่มเปิดใจให้มากขึ้น ภาพในวันแรกที่เจอกันกับในวันนี้ช่างกันราวกับผลิกหน้ามือเป็นหลังมือ


การเปลี่ยนแปลงอาจเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นฌอนกำลังขยำภาพทุ่งดอกไม้ซึ่งใช้เวลาเกือบอาทิตย์ในการวาด ใบหน้าและความรู้สึกของฌอนมันสื่อมาถึงความเจ็บปวดทนผมทนไม่ไว้เข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้แน่น


มันอาจดูแปลกที่เข้าไปกอดได้ง่ายขนาดนั้น สำหรับตัวผมคิดว่าสิ่งที่ช่วยปลอบได้ไม่ใช่คำพูดที่บอกว่าสู้ๆหรือพยายามเข้าแต่เป็นการสัมผัสโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ


ผมรู้สึกดีที่ฌอนได้ระบายมันออกมา


ภาพทุ่งดอกไม้ขาวดำที่ถูกผมและเจ้าของภาพช่วยกันลงสีอย่างสนุกสนานตอนนี้ก็ติดอยู่ยังกำแพงของห้องพัก ดูกี่ทีผมก็รู้สึกภูมิใจกับฝีมือการวาดภาพที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะสิงโตตัวใหญ่นั่น


“ทำหน้าภูมิใจอะไรอยู่ฮะน้ำเปล่า”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับแม่เดินหอบถุงใส่วัตถุดิบในการทำอาหารมื้อเย็นเข้าบ้าน


“กลับมาแล้วเหรอแม่ เดี๋ยวผมช่วย”ผมรีบลุกขึ้นไปช่วยแม่ถือของ


ผมพึ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้และพอกลับมาถึงก็ไม่เห็นรถของแม่จอดอยู่ นั่นทำให้รู้โดยไม่ต้องโทรถามว่าคงออกไปซื้อของยังห้างแถวนี้แน่นอน


“ไหนๆก็มาช่วยทำมื้อเย็นด้วยเลยสิ”


“ได้ครับๆ...วันนี้ส้มกลับมากินไหม”ผมถามถึงน้องสาวตัวเองที่เรียนอยู่ชั้นม.6


“กลับสิ อาทิตย์ที่แล้วก็ไม่กลับถ้าอาทิตย์นี้ไม่กลับอีกแม่จะไปลากตัวมาจากหอเอง”แม่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ ส้มหรือน้ำส้ม...น้องสาวผมออกไปอยู่หอแถวโรงเรียนเช่นเดียวกับผมเนื่องจากระยะจากบ้านไปถึงโรงเรียนค่อนข้างไกลและแม่ไม่สะดวกไปรับส่ง


แม่ผมไม่ได้ทำงานเลยอยู่แต่บ้านซึ่งน่าจะเป็นคนไปรับส่งลูกทว่าแม่ผมกลับเป็นคนตื่นสายด้วยเหตุผลไร้สาระอย่างติดดูซีรี่ย์เกาหลีจนเข้าวันใหม่


ถึงจะพูดว่าอยากให้ใช้ชีวิตแต่ก็ชอบให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าทำให้เสาร์อาทิตย์ผมต้องกลับมาบ้านเสมอ


ใจจริงผมก็เป็นห่วงฌอนอยู่หรอก...


จะกินข้าวรึยังนะ


เบอร์โทรก็ไม่ได้ขอไว้


กะจะขอตั้งนานแล้วแต่พอเจอกันทีไรเป็นต้องถกเถียงเรื่องไร้สาระจนลืมไปทุกที


“แม่จะทำกุ้งผัดขี้เมากับต้มฟักใส่ไก่สินะ”ผมหันไปถามระหว่างหยิบวัตถุดิบต่างๆออกมาจากถุง


“ถูกต้อง สมแล้วที่เป็นลูกแม่...ถ้าส้มได้อย่างเราก็คงดีสินะ ผู้หญิงควรจะทำอาหารเป็นแท้ๆ”แม่บ่นพลางหยิบฟักไปล้าง


“ถึงส้มจะทำอาหารไม่ได้แต่ซ่อมของเก่งนะ”มันอาจดูแปลกๆที่ผู้ชายอย่างผมทำอาหารเก่ง ความจริงก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เพราะเป็นลูกคนแรกแม่เลยมักจะให้มาช่วยงานในครัวทำให้ตอนแม่ท้องน้ำส้มผมเลยเป็นคนทำอาหารแทน


พอน้ำส้มเกิดและเริ่มโตแม่ก็อยากให้ทำอาหารเลยให้ลองเข้าครัวแต่น้องผมกลับส่ายหัวดิ๊กๆบอกว่าไม่ชอบทำอาหาร แต่เวลาที่มีอะไรเสียน้องสาวผมนี่แหละที่เป็นซ่อมซะส่วนมากจนแม่ยังบอกเลยว่าจะให้ไปต่อสายอาชีพแทนหลังจบม.6


ผมก็ว่าดีอยู่ถึงจะไม่ค่อยเหมาะกับผู้หญิงเท่าไหร่ก็เถอะ


แกร็ก


“กลับมาแล้วแม่ มีอะไรกินบ้าง”เสียงห้าวๆตะโกนทันทีที่เปิดประตูพร้อมกับวิ่งมายังห้องครัว


“มาถึงก็ถามหาของกินเลยนะ”


“ก็หิวนี่นา สวัสดีพี่...วันนี้หนูอยากกินเครปเย็นเป็นของหวานหลังอาหารนะ”ทักทายเสร็จก็บอกความต้องการออกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“อยากกินก็มาช่วยทำสิ”ผมบอกพลางยิ้มนิดๆ


“โหย ไม่ไหวหรอกแค่ตอกไข่ไม่ให้มีเปลือกลงยังทำไม่ได้เลย”


“แม่ซื้อเค้กมาเครปไว้พรุ่งนี้ละกันส้ม”ผมบอกเมื่อนึกได้ว่าตัวเองพ่งเอาเค้กไปแช่ตู้เย็น


“เค้กเหรอ...หนูลดความอ้วนอยู่นะ”


“มันก็พอๆกับเครปที่แกอยากกินแหละส้ม”ครั้งนี้แม่พูดขึ้นบ้าง


“แหะๆ นั่นสิ...พ่อไลน์มาบอกในไลน์กลุ่มวันประชุมเสร็จแล้วกำลังจะกลับ”


“งั้นรีบทำกันเถอะ”แม่หันมาบอกผม


“ได้ครับ”ผมพยักหน้าตอบ


ปกติวันเสาร์พวกเราจะอยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบแต่วันนี้น้องผมมีงานกลุ่มเลยกลับช้า เช่นเดียวกับพ่อที่มีประชุมด่วนเลยต้องออกไปบริษัทในวันหยุด


ผ่านไปประมาณ15นาทีพ่อก็กลับมาถึงพร้อมของฝากจากที่ทำงานอย่างเค้กทั้งก้อน แม่ที่เห็นก็ส่งสายตาเคืองๆไปทางพ่อที่ไม่ยอมบอกว่ามีเค้กจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อ


มื้อเย็นของครัวครัวผ่านไปด้วยดี น้ำส้มปากก็บอกว่าลดความอ้วนแต่ก็ซัดเค้กไปครึ่งนึงคนเดียวจนผมหลุดหัวเราะออกมา


ห้องนอนผมอยู่บนชั้น2ด้านริมในสุดของทางเดินฝั่งขวามือ ห้องนี้ขนาดเล็กกว่าห้องที่อยู่กับฌอนอีก...ห้องน้ำเองก็อยู่ตรงทางเดินเวลาอาบน้ำก็ต้องแย่งกัน ใครไม่อยากแย่งก็ต้องวิ่งลงไปยังห้องน้ำชั้นแรก


“เฮ้อ...อิ่มสุดๆ”ผมทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองไปมา


“...หวังว่าจะกินข้าวแล้วนะฌอน”ผมพึมพำเสียงเบา


ฌอนเป็นพวกมีสมาธิในการวาดภาพอย่างมาก เขาจะจมอยู่กันมันได้เป็นวันๆถ้าไม่มีใครเข้าไปแทรก นั่นทำให้ผมเป็นห่วงอยู่พอสมควร


ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไง


แถมเอาแต่นั่งอยู่ในห้องสักวันได้เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงพอดี


“อืม...พาออกไปไหนดีไหมนะ”ผมพึมพำพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมากดค้นหาสถานที่พักผ่อนบริเวณใกล้เคียง


สถานที่จะไปต้องไม่มีคนเยอะ


ต้องไม่เสียงดัง


ต้องไม่วุ่นวาย


“เรื่องมาก”ผมบ่นเสียงดัง


ก็เรื่องมาจริงไหมล่ะ


สมัยนี้เขาก็ไปเที่ยวห้างไม่ก็เดินจตุจักกันทั้งนั้น


แต่นอกจากคนจะเยอะแล้วยังเสียงดังอีก


รับลองถ้าพาไปได้หน้าหยิกแบบไม่ต้องเดา


มันจะเหลือที่ไหนอีกไหมเนี่ย


แถวนี้ก็มีแต่ห้างสรรพสินค้า


“หื้ม?...ที่นี่มัน...”สายตาผมจับจ้องไปยังเนื้อหาในโทรศัพท์อย่างสนใจ


สวนสาธารณะ


“นี่แหละ”ผมเด้งตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง


ในที่สุดก็เจอแล้ว


ถ้าเป็นที่นี่คนคงไม่เยอะเท่าห้าง


วันรุ่งขึ้นผมตื่นเช้าขึ้นมาทำอาหารง่ายๆเตรียมให้ครอบครัว ในวันที่ผมอยู่แม่มักจะตื่นสายมากกว่าปกติเพราะรู้ว่ายังไงก็ยังมีผมทำหน้าที่แทนได้ อาหารเช้าง่ายๆอย่างข้าวผักหมูและต้มจืดเต้าหู้เสร็จภายในเวลาไม่นาน


เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครมีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องผมเลยตัดสินใจทำอาหารเพิ่มเติมแต่ไม่ได้ให้ที่บ้านหรอกนะ แซนด์วิชแฮมและทูน่าถูกจัดใส่กล่องเตรียมไว้สำหรับให้รูมเมทตัวเอง


“ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะน้ำเปล่า”เสียงของพ่อดังขึ้นพร้อมกันเดินเข้ามาหาโดยที่ยังสวมชุดนอน


“นอนต่ออีกหน่อยก็ได้นะพ่อเมื่อวานประชุมนี่”


“ไม่ได้หนักอะไรหรอก แซนด์วิชเหรอ?”พ่อมองแซนด์วิชในกล่องด้วยสายตาสงสัย


“ผมกำลังจะขึ้นไปหาพอดีเลย ขอยืมมอเตอร์ไซค์หน่อยนะครับ”ถ้าให้นั่งรถไปหมาลัยคงใช้เวลานานอยู่


“จะไปไหนล่ะ”


“ไปหารูมเมทน่ะครับ แล้วจะขับไปสวนสาธารณะด้วย”ผมบอกไปตามตรง


“ใช่รูมเมทที่เคยเล่าให้ฟังว่าวาดรูปเก่งรึเปล่า”


“ใช่ครับ”


“ดูสนิทกันดีนี่”


“ก็...จะว่าสนิทก็คงสนิทละนะ”


“ไว้วันไหนพามาบ้านเราบ้างสิ”


“ได้เลยครับ แล้วเรื่องมอเตอร์ไซค์...”


“ใช้ได้ตามสบายเลย”พ่อบอกพร้อมรอยยิ้ม


“ขอบคุณครับ...งั้นผมไปก่อนนะฝากบอกแม่กับน้ำส้มด้วย”


“ได้ ขับระวังด้วยล่ะรถที่นี่เยอะนะ”


“ครับ”ผมขานรับก่อนจะรับกุญแจรถมาจากพ่อ


มอเตอร์ไซค์คันสีดำถูกขับออกสู่ถนนใหญ่อันเต็มไปด้วยรถมากมายผิดกับต่างจังหวัดลิบลับ ผมฝึกขับมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่ยังเด็กเลยค่อนข้างมีประสบการณืแต่ยังไม่เคยขับบนถนนที่มีรถเยอะขนาดนี้มาก่อน


ด้วยความไม่ชินผมเลยไม่เร่งความเร็วมากนักทำให้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะขับมาถึงยังหอพักในมหาลัย แม้จะเป็นช่วงวันหยุดแต่ก็มีนักศึกษาอยู่ค่อนข้างมากเพราะมีหลายคนที่มีเรียนวันเสาร์อาทิตย์


ผมเหมือนจะโชคดีที่เทอมนี้ไม่มีเรียนเสาร์อาทิตย์


ไม่รู้ว่าเทอมหน้าจะมีไหม


ขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น12ผมก็เปิดประตูเข้าไปภายในห้อง1216โดยไม่ต้องหยิบกุญแจขึ้นมาไข อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนทำให้รู้ว่าฌอนไม่เคยล๊อคประตูห้อง ทุกครั้งที่ห้องล๊อคนั่นแปลว่าคือฝีมือผม ครั้งนี้ที่กลับบ้านผมก็เลือกที่จะไม่ล๊อคเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้เปิดเข้าไปได้เลย


ดวงตาสีน้ำตาลของผมมองเข้าไปยังด้านในพร้อมกับถอนหายใจยาวๆออกมา สภาพของห้องไม่ว่าจะเป็นข้าวของรอบๆ อุปกรณ์ศิลปะ แผ่นกระดาษกลางห้องหรือเจ้าของห้องที่นั่งอยู่มุมกระดาษ ทุกอย่างล้วนอยู่ในตำแหน่งเดิมก่อนที่ผมจะกลับบ้านแทบทุกอย่างแม้แต่เสื้อผ้าฌอนก็ยังอยู่ในชุดเดิมเลย


สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือกระดาษวาดเขียนขนาดกลางปรากฏรูปทะเลสาบที่มีภูเขาล้อมรอบต่างจากเมื่อวันก่อนซึ่งมีเพียงกระดาษเปล่า


“นายนี่นะ สักวันได้เป็นลมจริงๆแน่”ผมบ่นพลางนั่งยองๆมองอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาใช้ดินสอลงเส้นสีเข้มตามแนวของภูเขา


สมาธิของฌอนสมแล้วก็ที่สามารถวาดรูปสวยๆออกมาได้ งานศิลปะทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมาธิยิ่งมีสภาธิมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรังสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาได้


แต่...


เรื่องผลงานกับเรื่องการใช้ชีวิตมันไม่เหมือนกัน


“ช้อน!!”ผมตะโกนเรียกคนตรงหน้าเสียงดังจนมือที่กำลังลากเส้นชะงัก ดวงตาสีเทาอ่อนเงยขึ้นมาสบก่อนจะขมวดคิ้วแน่นยามเห็นใบหน้าผม


“...นี่วันจันทร์แล้ว?”ประโยคที่ดูเหมือนเป็นคำทักทายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้น


นี่ใช้ผมเป็นตัวบอกเวลารึไง


ก็จริงที่ผมมักจะกลับมาตอนเช้าของวันจันทร์แต่จะมีใครที่ไหนจมอยู่กับภาพวาดโดยไม่สนใจวันเวลาอย่างฌอนอีกบ้างล่ะ
ไม่จำเป็นต้องถามก็รู้เลยว่าคงยังไม่ได้กินอะไรแน่


“เหมือนฉันจะบอกแล้วนะว่าอย่าลืมกินข้าวน่ะ”


“กินน้ำแล้วไง หมดเป็นขวดเลยเห็นไหม”ฌอนตอบพลางใช้สายตาหันไปมองยังขวดน้ำสี่ขวดใหญ่ที่ถูกจัดการไปจนเหลือเพียงขวดเดียว


“น้ำมันไม่ใช่ข้าวสักหน่อย”


“กินพวกขนมปังแล้ว”


“ขนมปัง? นายออกไปซื้อ”ผมถามอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก


“เปล่า...ให้พี่ต้าร์เอามาให้”ฌอนตอบกลับทันที


“ก็ว่าอยู่”อย่างฌอนจะให้ลุกออกไปซื้อข้าวกินข้างนอกเองน่ะเหรอ


รอฝนตกทั้งที่แดดออกละกัน


“สรุปนี่วันจันทร์แล้ว?”คำถามเดิมถูกถามซ้ำอีกรอบ


“ไม่รู้สินะ”ผมกวนกลับ


“เปล่า”


“บอกให้เรียกน้ำเปล่าไง”


“ฉันต้องฟังคนที่บังเรียกฉันว่าช้อนรึไง”


“เรียกดีๆแล้วเคยสนใจไหมล่ะ”


“หึ...”


“หึอะไรเล่า วันนี้วันอาทิตย์เวลา10โมง30นาที52วินาทีครับผม”ผมมองนาฬิกาข้อมือระหว่างตอบ


“ไม่ต้องอะเอียดขนาดนั้นก็ได้”


“ใครจะรู้ นึกว่าอยากให้ลงรายละเอียด”


“ถูกไล่ออกจากบ้าน?”คำถามกวนๆทำเอาผมเม้มปากด้วยความหงุดหงิด


“ปากเสีย คนอุตส่าเป็นห่วงเลยกลับมาหาแท้ๆ”ผมสวนกลับพร้อมระบายความหงุดหงิดโดยการใช้เท้าถีบขาอีกฝ่าย


“ห่วงฉัน?”ใบหน้างงนั่นยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเป็นทวีคูณ


“ห่วงภาพวาดนายมั้ง”


“...คิดถึงกันก็บอกมา”น้ำเสียงหวานๆที่แตกต่างจากปกติทำเอาผมอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ


“คะ...ใครคิดถึงกัน”


“ก็แค่พูดไปเรื่อย”


“กวนจริงๆนะฌอน”


“บอกตัวเองเถอะเปล่า”


“ชิ...ไม่เถียงไร้สาระกับนายแล้ว รีบๆลุกขึ้นเลยเราจะไปข้างนอกกัน”ผมก้มลงไปดึงแขนฌอนให้ลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับขืนไว้ไม่ยอมลุก


ทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังแล้วไปเอาแรงพวกนี้มาจากไหนนะ


“ไม่ไป อยากไปก็ไปคนเดียวสิ”


“ถ้าฉันจะไปคนเดียวคงถ่อมาลากนายถึงห้องหรอก ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง...เอาอุปกรณ์ศิลปะไปด้วยนะ”


“เอาไปทำไม”ฌอนขมวดคิ้วระหว่างถาม คงจะสงสัยว่าผมจะพาไปไหนถึงต้องเอาอุปกรณ์วาดภาพไปด้วย


“เอาไว้เผื่ออยากวาดรูปไง ฉันจะพาไปสวนสาธารณะที่อยู่ในตัวเมือง ที่นั่นไม่ค่อยมีคนแถมยังเงียบเหมาะกันคนไม่ชอบเข้าสังคมอย่างนายเป๊ะเลย”ผมอธิบาย


“ขี้เกียจ”เพียงคำเดียวที่เอ่ยออกมาทำเอารอยยิ้มผมค้างกลางอากาศ


“ฌอน”


“จะวาดรูปต่อแล้ว...”


“ไม่ๆๆ ลุกไปอาบน้ำแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า วัยรุ่นทั้งทีอย่าเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเลยน่า”ผมยังคงออกแรงดึงแขนให้ฌอนลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้


“เฮ้อ...ถ้าฉันไม่ไปคงไม่ยอมสินะ”เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น


“แน่นอน”จะกวนจนวาดไม่ได้เลย


“แลว่างเนอะ”


“อืม ว่างสุดๆเลยด้วย”ผมไม่สนน้ำเสียงประชดเล็กๆนั่นหรอก


“แล้วจะไปยังไง นั่งรถไป?”ฌอนลุกขึ้นพลางเดินไปหยิบพาขนหนูบนเตียง


“ฉันยืมมอเตอร์ไซค์พ่อมาน่ะ”


“ขับเป็นด้วย?”สายตาดูถูกนั่นไม่สบอารมณ์เลยแฮะ


“เป็นสิ เก่งด้วย”ถึงจะพึ่งเคยขับบนถนนที่มีรถเยอะขนาดนี้ครั้งแรกก็ตาม


“จะลองเชื่อดูละกัน”พูดจบฌอนก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำ


ระหว่างรอฌอนอาบน้ำผมก็เดินดูกองกระดาษวาดเขียนรอบๆห้อง ภาพที่ฌอนวาดหลายสิบหลายร้อยใบวางกองอยู่ตามพื้นห้อง มีหลายแผ่นที่ผมไม่คุ้นแปลว่าคงพึ่งวาดเสร็จช่วงผมกลับบ้าน


สมแล้วกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชาย


ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือผลงานก็ล้วนแต่งดงาม...


ยกเว้นคำพูดกวนๆนั่นละนะ


“นายแน่ใจว่าขับได้แน่นะ”เสียงทุ้มของฌอนแฝงไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นอาการผมตอนขับออกสู่ถนนใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยรถเต็มถนนสี่เลนส์


ตอนแรกที่ลงมาข้างล่างหอฌอนก็บอกว่าจะเป็นคนขับเอง แต่ผมดันมีทิฐิในฐานะคนชวนดึงดันจะขี่เองฌอนเลยต้องซ้อนท้ายผมอย่างช่วยไม่ได้


“ได้น่า...”ผมตอบกลับระหว่างตั้งสมาธิในการขับ


รถจะเยอะไปไหนเนี่ย


หรือเพราะเป็นวันอาทิตย์


กึก


“เฮ้ย”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกฝ่ามือทั้งสองข้างของคนด้านหลังจับบริเวณไหล่


“...เอารถอจอดข้างทางเลย”


“ทำไม...”


“เดี๋ยวฉันขับเอง”


“แต่ว่า...”


“ขับรถเกร็งเกินไปแล้ว”


“...ก็พึ่งเคยลองขับถนนที่มีรถเยอะครั้งแรก”ผมตอบกลับเสียงเบาระหว่างแวะจอดรถบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน


“ไม่ชินก็ยังขับมามาได้นะ มันอันตรายรู้ไหม”น้ำเสียงบ่นๆนั่นไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าว่ามันแผงไปด้วยความเป็นห่วง


“อื้อ...”


“ไปซ้อนท้ายซะ”ไล่ผมลงเสร็จฌอนก็ขึ้นคร่อมด้านหนาเตรียมออกรถอีกครั้ง


“แล้วนายขับได้เหรอ”ไม่เห็นจะเคยออกไปไหน


“เก่งกว่าคนที่สั่นเป็นลูกนกแรกเกิดละกัน”


“ว่าใครเป็นลูกนกกัน ฝึกอีกหน่อยก็ชินแล้ว”ไม่ใช่ว่าขับไม่ได้สักหน่อย


ขอเวลาชินหน่อยสิ


“รีบๆขึ้นมา”


“ครับๆ”สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายนั่งซ้อนท้าย


ฌอนขับรถเก่งอย่างที่พูดไว้ ไม่มีอาการเกร็งหรือกังวลกับรถคันใหญ่ที่ขับขนาบหรือขับแซงเลย ท่าทางการขับราวกับเคยมีประสบการณ์มาก่อน


“เคยขับมอร์เตอร์ไซค์มาก่อนเหรอ”ผมขยับคางไปวางบนไหล่ฌอนก่อนจะถามออกไป


“...ถ้าไม่เคยจะขับได้ไหมล่ะ”


“กวนตลอด”


“อย่าเอาคางมาเกยมันขับลำบาก”


“อะไร...ไหนบอกขับเก่งไงแค่วางคางก็ทำให้ขับลำบากเลยงั้นสิ”ผมเริ่มกวนอีกฝ่ายเล่น


“เปล่า”ดูจากน้ำเสียงก็รู้ว่ากำลังเรียกชื่อผมอยู่แต่ผมทำเป็นไม่รู้


“อ้อ ไม่ใช่สินะ งั้นแบบนี้ล่ะ”พูดจบผมก็ใช้มือสองข้างคว้าหมับเข้าที่เอวฌอน


“น้ำเปล่า”ชื่อเล่นเต็มๆถูกเรียกท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของผม


ก็รู้ว่าไม่ควรเล่นตอนขับรถแต่มันอดไม่ได้นี่


“ไม่แกล้งแล้วก็ได้...เฮ้ย”ผมถึงกับร้องลั่นเมื่ออยู่ฌอนก็เร่งความเร็วจนผมคว้าเอวอีกฝ่ายอึดเกาะไว้แทบไม่ทัน


มอร์เตอร์ไซค์สีดำถูกเร่งความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงลมที่เข้ามาปะทะทำให้ผมต้องก้มหน้าลงชิดกับแผ่นหลังของคนด้านหน้าโดยที่มือทั้งสองข้างยังคงยึดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น


ซิ่งเกินไปแล้ว


ผมได้แต่บ่นในใจไปตลอดเส้นทางจนในที่สุดมอเตอรไซค์ก็เริ่มชละเมื่อมาถึงยังจุดหมาย สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเอา ด้านในมีเส้นทางสำหรับวิ่งออกกำลังไปจนถึงเครื่องออกกำลังกายตามจุดต่างๆ


ตรงกลางของสวนก็ยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีสะพานยาวตัดผ่านเป็นรูปกากบาทอยู่ด้านบน ผมเดินนำฌอนเข้ามาด้านในของสวนและตรงไปตามเส้นทางเรื่อยๆ


“ทำหน้าสนุกเลยนะ”ฌอนพูดพร้อมกับก้าวตามหลังมา


“ฌอนไม่สนุกเหรอ ที่นี่แทบไม่มีคนนายน่าจะชอบนะ”ผมหันกลับไปถาม


“ไม่ค่อยมีใครมันก็ดี...”


“เนอะ ว่าแล้วฌอนต้องชอบ”ผมส่งยิ้มกว้างกลับไปให้


“ฉันพูดตอนไหนว่าชอบ?”


“อ้าว ก็บอกว่าดีนี่”


“ก็แค่ดีไม่ใช่ชอบ”


“เหมือนกันแหละน่า”


“ตกภาษาไทยสินะ”


“ถึงจะไม่เก่งแต่ก็ไม่เคยตกเหอะ”ผมสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้


“เหรอ”


“น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ”


“เก่งนี่”ฌอนตอบพร้อมยกยิ้มขึ้น


“ฌอน”


“หาที่นั่งเถอะ จะเดินให้ทั่วเลยรึไง”


“เหนื่อยแล้ว?”


“...”ฌอนไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีแทน


“ฮืม...เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องก็สมควรจะเหนื่อยง่ายละนะ แต่เราพึ่งเดินมาได้แค่ไม้บรรทัดเดียวเองก็เหนื่อยซะแล้วนี่แปลว่านอกจากจะเหนื่อยง่ายแล้วยังอ่อนแอ...”


“จะลองรึไง”ดูเหมือนคำพูดกวนๆจะเริ่มทำให้ฌอนหงุดหงิดแล้ว


สำเร็จ


มาถึงสวนสาธาณระจะให้นั่งพักง่ายๆได้ยังไงกัน


“เอาสิ ถ้าใครแพ้ต้องทำตามที่คนชนะสั่งด้วย”ผมยื่นข้อเสนอ


“ได้ แล้วจะแข่งยังไง”ฌอนถามต่อ


“ใครวิ่งไปถึงเกาอี้ริมสระน้ำนั้นได้ก่อนชนะ”ผมบอกก่อนชี้ไปยังเก้าอี้ริมสระน้ำที่อยู่ไกลเกือบสุดสายตา


“อืม”


“งั้นก็...เริ่มได้”ผมตะโกนพร้อมออกตัววิ่ง


ระยะทางไปถึงเก้าอี้สระน้ำก็ประมาณ500เมตรเป็นระยะทางไม่ได้ไกลมากสำหรับผมที่วิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ ทว่ากลับเจ้าชายแห่งภาพวากอย่างฌอนดูจะไม่ใช่แม้จะมีเชื้อต่างชาติทำให้มีพละกำลังมากแต่เพราะเป็นพวกหมกตัวอยู่ในห้อง วิ่งได้แค่200เมตรก็เริ่มหอบซะแล้ว


ผมวิ่งเหยาะมองฌอนค่อยๆวิ่งตามมาด้วยรอยยิ้มขบขัน


การวิ่งมันแข่งที่ความคล่องตัวไม่ใช่กำลัง


ผลแพ้ชนะไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้


ผมชนะไปอย่างขาดรอย ยิ่งพอเลย400เมตรฌอนก็เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินแทน เมื่อถึงจุดหมายฌอนก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ในสภาพเหงื่อท่วม


“ไหวไหม”ความรู้สึกผิดอยู่ๆก็โถมเข้ามา


ให้ฝืนมากไปหน่อยแล้วสิ


ผมแค่อยากให้ฌอนออกกำลังบ้างแค่นั้น


“...ไหว”น้ำเสียงหอบๆนั่นไม่ได้ดูไหวเหมือนคำพูดเลย


“ขอโทษ”ผมเอ่ยออกไป


“ทำไม?”เหมือนฌอนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“ก็ที่ทำให้นายต้องฝืนวิ่งทั้งที่ร่างกายไม่ค่อยไหว”


“...ก็ไม่ใช่ไม่ไหว”


“แค่อยากให้นายออกกำลังบ้างแค่นั้นเอง อยู่แต่ในห้องมันไม่ค่อยดี”


“อืม”


“อ้อ ฉันทำแซนด์วิชมาด้วยล่ะ เอาสิ”ผมหยิบกล่องแซนด์วิชในกระเป๋าสะพายด้านหลังส่งไปให้ฌอนที่เริ่มหายเหนื่อย


“ซื้อมา?”ฌอนมองกล่องแซนด์วิชก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม


“เปล่า ฉันทำเอง...น่ากินใช่ไหมล่ะ”ผมบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ


“แค่น่ากินสินะ”


“รสชาติก็อร่อยเหอะ อย่าพึ่งกวนสิ”ผมสวนกลับด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่อร่อยฉันไม่กินต่อนะ”


“รับประกันความอร่อย ลองแล้วจะติดใจ”เห็นแบบนี้ผมก็มั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองพอตัวนะ


“มั่นใจจังนะ”


“สุดๆ”ผมมองฌอนหยิบแซนด์วิชทูน่าเข้าปากด้วยสายตาลุ้นๆ


ถึงจะรู้ว่ารสชาติมันดีแต่ก็ใช่ว่าจะถูกปากฌอนง่ายๆ


 “...ธรรมดา”ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็กินแซนด์วิชชิ้นนั้นไปจนหมดแถมยังมีการหยิบอีกชิ้นด้วย แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาแล้ว


ฌอนเวลาเจอของไม่อร่อยก็จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อร่อยแล้วก็จะไม่มีการกินอีกเป็นครั้งที่สอง


การที่เขากินต่อแปลว่ามันอร่อย


“ไม่ต้องเขินน่า อร่อยก็บอกมา”


“จะเอาอะไร”


“หมายถึงอะไร?”ผมถามกลับเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ฌอนพูด


“ฉันแพ้ นายจะเอาอะไรล่ะ”


“อ้อ...นั่นสิ ให้ทำอะไรดีนะ”


“ให้เวลา10วิไม่งั้นถือเป็นโมฆะ”


“ว่าไงนะ”


“10...9...”


“เดี๋ยวสิ ขอเวลาคิด...”


“6...5...4...”


“ฌอนนน”


“2...1...”


“รูป...อยากได้รูปที่นายวาด!”ผมตะโกนสิ่งเดียวที่คิดได้ออกไปก่อนเวลาจะหมด


“...รูปที่ฉันวาด”คำตอบผมดูจะทำให้ฌอนนิ่งไป


“อืม”ผมพยักหน้าตอบ


ตั้งแต่เห็นฝีมือฌอนผมก็รู้สึกว่าอยากได้รูปภาพฝีมือเขาสักภาพแต่จากที่ดูและได้ฟังมาจากพี่ต้าร์ก็รู้ว่าราคามันคงสูงเกินกว่าจะซื้อได้ แต่ผมก็คิดว่าจะค่อยๆเก็บเงินและขอซื้อภาพเล็กจากฌอน


ไหนๆก็มีโอกาสสั่งให้ทำอะไรก็ได้เลยลองพูดดู


แต่ก็รู้ตัวว่าโอกาสถูกปฏิเสธมันสูงมาก


ระดับฝีมือและด้วยนิสัยอย่างฌอน เขาไม่มีทางวาดรูปให้เพียงเพราะมีคนสั่งหรอก


“เอาสิ...จะวาดให้”


ก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าคงจะถูกปฏิเสธ...


เดี๋ยวนะ


“นายว่าอะไรนะฌอน”ผมรีบถามกลับพร้อมขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น


“ฉันบอกว่าจะวาดให้”


“จริงเหรอ จริงๆนะ ไม่ได้กวนหรือล้อเล่นใช่ไหม”ผมถามย้ำด้วยน้ำเสียงเริงร่า


“ดีใจเว่อร์ไปแล้ว”


“ก็น่าดีใจไหมล่ะ ไม่คิดว่าจะยอมวาดให้จริงๆนะเนี่ย เอาแค่รูปเล็กๆขนาดเอสี่...ไม่สิ...ขอแค่ครึ่งเองสี่ไม่ก็เท่าบัตรนักเรียนก็ได้นะ”


“เล็กไปมั้ง”


“ตามใจฌอนเลย”


“อืม”ฌอนขานตอบพลางหยิบสมุดวาดเขียนและดินสอออกมาจากกระเป๋า


กระดาษวาดภาพสีเหลืองนวลค่อยๆถูกดินสอลงลายเส้น ดวงตาสีเทาอ่อนมองไปยังภาพสวนน้ำด้านหน้าโดยที่มือค่อยๆร่างภาพตรงหน้าเริ่มจากวงกลมขนาดใหญ่เป็นส่วนของสระไปจนถึงของเล่นขนาดใหญ่ด้านหลังสระน้ำและรั้วล้อมรอบ


ผมนั่งมองภาพบนกระดาษที่ค่อยๆปรากฏเด่นชัดขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น


ภาพนี้คงจะเป็นภาพที่ให้ผมแน่ๆ


ไม่คิดว่าพอพูดแล้วก็จะวาดให้เลยแบบนี้


นี่ผมฝันอยู่รึเปล่านะ


ด้วยความที่กระดาษไม่ได้แผ่นใหญ่นักฌอนเลยใช้เวลาในการร่างภาพรวมทั้งหมดไม่นานก่อนจะลงรายละเอียดทีละขั้น ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงกว่าภาพสระน้ำของสวนสาธารณะอันเต็มไปด้วยต้นไม้และเครื่องเล่นก็เสร็จสมบูรณ์


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นตั้งแต่การร่างภาพไปจนถึงการแรเงาจนเสร็จสิ้น


“สุดยอดมากเลย”ผมชมออกไปตามตรง แม้จะใช้เพียงดินสอแรเงาแต่ก็สามารถสื่อถึงแสงและเงาได้ดีไม่แพ้ใช้สีไม้หรือสีน้ำเลย


“ก็แค่ลองวาดดู”


“ภาพนี้ของฉันสินะ”


“ฉันบอกเหรอว่าให้นาย”


“...”ผมถึงกับเงียบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


ใบหน้าราวกับค่อยๆแตกเป็นเสี่ยงด้วยความอับอายและขายหน้า


“...เปล่า...เฮ้ น้ำเปล่า”


“ถ้าไม่ใช่ก็บอกกันก่อนสิ รู้ไหมว่าเวลาหน้าแตกมันอายขนาดไหนน่ะ”ผมยกมือขึ้นปิดใบหน้าแดงๆของตัวเอง


“หน้าแดงๆก็น่ามองอยู่”


“ไม่ต้องมายิ้มเลย...ชอบกวนตลอด ถ้าไม่ให้ภาพนี้แล้วจะให้ภาพไหนล่ะ”ผมถามต่อ


อย่างน้อยก็ควรจะรู้ไว้จะได้ไม่น่าแตกอีก


“ไม่รู้สิ”ฌอนส่วยิ้มกวนๆมาให้


“ฌอน”


สายตานั่นราวกับกำลังสนุกที่ได้กลั่นแกล้งผมให้ดิ้นไปมา


น่าโมโห


น่าหงุดหงิดที่สุด


นี่ผมเป็นคนชนะนะทำไมถึงเหมือนกลายเป็นคนแพ้ไปได้เนี่ย!

...............................................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

แต่งตอนนี้แล้วอมยิ้มไม่รู้ตัว

รู้สึกว่าชอบนิสัยน้ำเปล่าอย่างบอกไม่ถูก555

มีเรื่องแจ้งนะคะอาทิตย์หน้าเราติดสอบทั้งอาทิตย์จึงขอหยุดอัพนะคะ จะมาต่อสัปดาห์นู้นเลย

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

แค่มีคนคอยติดตามผลงานก็ดีใจมากๆแล้ว

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย :mew1:


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-02-2017 16:09:07
กวนกันไป กวนกันมา น่ารักกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 23-02-2017 18:46:21
 :-[ :impress2: :-[ :impress2:

 :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 01-03-2017 22:28:51
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววว~
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 01-03-2017 22:39:29
นิสัยอย่างน้ำเปล่าเนี่ย ใครอยู่ใกล้ก็หลงรัก

ไม่แปลกหรอกที่ฌอนจะหลงหนูน้ำเปล่า
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่4}} 23/02/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-03-2017 06:27:47
ลุ้นตอนฌอนวาดภาพสีว่าจะสวยขนาดไหน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-03-2017 21:06:22
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่5



การย้ายมาเรียนยังต่างเมืองมีหลายสิ่งที่ต้องปรับตัวไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมใหม่ๆอย่างอาจารย์หรือเพื่อนทว่าสิ่งที่ผมกังวลจริงไม่ใช่ทั้งเพื่อน อาจารย์หรือรูมเมทที่เอาแต่วาดรูปแต่เป็นสิ่งที่นักศึกษาทุกคนไม่สามารถหลีกหนีจากมันไปได้จนกว่าจะเรียนจบ


สิ่งนั้นก็คือ...


การสอบ


จากวันที่ผมย้ายมาก็ผ่านมาจวนจะครึ่งเทอมแล้ว อาทิตย์หน้าทางมหาลัยได้มีการจัดการสอบตลอดทั้งสัปดาห์ ได้ชื่อว่าเป็นการสอบไม่ว่าใครก็ไม่อยากนึกถึงกันทั้งนั่นยิ่งผมที่พึ่งย้ายมายิ่งมีความกังวลมากเป็นพิเศษ


ตัวผมไม่ใช่พวกเรียนเก่ง


เกรดเฉลี่ยเทอมก่อนๆก็อยู่ในเกณฑ์ธรรมดาคือสองปลายๆถึงสามต้นๆ


เพราะงั้นผมถึงกังวลกับการสอบที่กำลังจะมาถึงนี่ว่าจะเป็นยังไง


“ความแปรปรวนคือเอสกำลังสองเท่ากับซิกม่าเอ็กกำลังสอง...โอ้ย จำไม่ได้”ผมอยากจะทึ้งหัวตัวเองจริงๆที่ยังสูตรของวิชาสถิติไม่ได้


วิชาสถิติถือเป็นหนึ่งในวิชาแกรนที่ว่ามีคนดรอปกันเป็นว่าเล่น


ผมเองก็ไม่ได้เก่งเลขมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว พอพื้นฐานไม่แน่ก็ยิ่งทำให้เข้าใจเนื้อหายากกว่าคนอื่นที่พื้นฐานแน่นกว่า


“เอาใหม่ๆ...ความแปรปรวนคือเอสกำลังสองเท่ากับซิกม่าเอ็กกำลังสองลบด้วยเอ็นเอ็กบาร์กำลังสองหารด้วยเอ็นลบหนึ่ง จำไม่ได้!”เป็นอีกครั้งที่ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออดก่อนจะทิ้งหน้าลงบนหมอนบนเตียงของตัวเอง


“น้ำเปล่า”


“ฌอน...นายมีสอบวิชาสถิติเหมือนกันรึเปล่า”ผมพลิกตัวมองหน้าฌอนที่นั่งขัดสมาธิหันหน้ามามองผมด้วยสายตารำคาญเล็กๆ


“...เหมือนจะมีมั้ง”


“มั้ง? หมายความว่ายังไง”


“ปกติฉันไม่ได้เข้าเรียนอยู่แล้วเลยมีแค่วันสอบเท่านั้นแหละ”


“นายจะบ้าเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยเข้าเรียนจริงๆน่ะ วิชาอื่นไม่เท่าไหร่แต่นี่วิชาสถิติเลยนะ”ผมถึงกับเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ


ก็จริงที่ตั้งแต่ผมมานี่ได้ยินเรื่องของฌอนมามากแต่อย่างน้อยพวกวิชาหลักๆก็น่าจะไปเข้าเรียนบ้างสิ


จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นฌอนออกไปเรียนเลยสักครั้ง


“พวกตัวเลขไม่เห็นจะยากตรงไหน”


“ยากตรงไหนเหรอ มันยากทุกตรงแหละ”ผมสวนกลับ


ไม่ยากเหรอ


นี่พูดเล่นใช่ไหม


“แค่ตีโจทย์ถูกแทนสูตรได้ทุกอย่างก็จบ ยากตรงไหน”ฌอนถามกลับด้วยใบหน้านิ่งๆราวกับไม่เข้าใจถึงความยากของวิชาสถิติเลยสักนิด


“นายไม่เคยเรียนแล้วไปเอาพวกสูตรมาจากไหนน่ะ”ผมถามต่อ


“พวกหนังสือมีอยู่ใต้เตียง ก่อนไปสอบก็เปิดผ่านๆ...”


“แค่เปิดผ่านนายจำได้?!”ไม่จริงน่า


เป็นไปไม่ได้


“จำได้สิ นายจำไม่ได้?”


“ไม่มีใครจำได้ในระยะเวลาแค่นั้นหรอก”


“เหรอ จะอ่านหนังสือก็ตามใจแต่อย่าเสียงดังมันกวนสมาธิ”


“นี่นายคิดจะไม่อ่านจริงๆน่ะเหรอ จะอ่านแค่ก่อนออกไปสอบเท่านั้นน่ะนะ”


“เอาเวลาไปวาดรูปดีกว่า”


“ถ้าติดเอฟขึ้นมาเดี๋ยวก็ซวยหรอก”


“ไม่มีทางติดหรอก แค่ทำข้อสอบได้ก็พอแล้ว”


“ไม่พูดกับนายแล้ว ฉันต้องมานั่งจำสูตรความแปรปรวนกับส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอีก ทำไมมันเยอะแบบนี้นะ”บ่นเสร็จผมก็ถอนหายใจยาวๆ


หัวของฌอนคงดีกว่าคนปกติแน่ ไม่งั้นไม่มีทางผ่านขึ้นมาถึงปีสามทั้งที่เอาแต่วาดรูปหรอก


“จะจำสองอันทำไม...จำแค่สูตรความแปรปรวนก็พอแล้ว”


“หมายถึงยังไง”ผมถามกลับพร้อมขมวดคิ้ว


“มันสูตรเดียวกันแค่ส่วนเบี่ยงเบนเพิ่มสแควรูทเข้าไป”


“ไม่จริงน่า...จริงด้วย อะไรเนี่ยพึ่งจะรู้เลย”ผมเปิดหนังสือเทียบสูตรทั้งสองก่อนจะค้นพบความจริงว่ามันเหมือนกัน


ตลอดเวลาที่เรียนผมไม่เคยเอะใจถึงเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว


“ดีใจด้วยนะ”


“ไม่ต้องมากวนตอนนี้เลย...นายก็อ่านหนังสือบ้างเถอะ”


“ถ้าได้ซีมาสักวิชาจะลองคิดดู”


ประโยคที่ได้ยินทำเอาผมเบิกตากว้างขึ้น ความหมายของประโยคนั้นคือฌอนไม่เคยได้ซีสักวิชาตั้งแต่เรียนมหาลัยมางั้นเหรอ
ไม่จริง


คนที่ไม่เข้าห้องเรียนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องน่ะนะ


“โกหก นายต้องโกหกแน่ๆ ไม่มีทาง”ยังไงผมก็ไม่เชื่อ


“ฉันไม่ว่างขนาดมาโกหก”


“แต่ แต่...ก็มัน ทำไมล่ะ”


“ไม่รู้สิ...เอาแต่นั่งคุยเดี๋ยวก็ไม่ได้อ่านหรอก เริ่มสอบพรุ่งนี้แล้วนี่”


ใช่...เป็นอย่างที่ฌอนบอก แม้ผมจะพูดว่าเริ่มสอบอาทิตย์หน้าแต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งผมบอกที่บ้านว่าจะไม่กลับเพราะต้องเตรียมอ่านหนังสือสอบ


ผมเหลือเวลาไม่มากในการอ่านเพื่อเอาไปใช้สอบในวันพรุ่งนี้


วิชาแรกที่ต้องเจอดันเป็นสถิติที่เกลียดแสนเกลียด


“รู้แล้วน่า นายก็อย่าเอาแต่วาดรูปพักบ้างเดี๋ยวไปหลับตอนสอบจะขำให้”


“ฉันไม่ใช่นาย”


“ฉันไม่เคยหลับเหอะ”ผมสวนกลับ


หลังจากนั้นทั้งผมและฌอนต่างก็พากันเงียบแล้วกลับไปทำสิ่งที่ค้างอยู่ หนังสือในมือถูกเปิดพร้อมกับคำพึมพำออกมาไม่ขาดสาย การได้ออกเสียงช่วยให้ผมจำได้ดีกว่าท่องจำในใจ ทางด้านฌอนเองก็กำลังใช้พู่กันลงสีภาพใหม่อยู่เช่นกัน


ดีจังเลยนะคนที่ไม่ต้องการแต่ก็ทำได้เนี่ย


ถ้าตกขึ้นมาผมจะหัวเราะให้ดังลั่นเลยคอยดูเถอะ


ผ่านไปหลายชั่วโมงผมก็ยังคงนั่งๆนอนๆท่องสูตรอยู่ ห้องนี้ปกติจะเปิดไฟอยู่แทบตลอดเพราะฌอนมักจะวาดภาพอยู่แบบนั้นทั้งคืน การจะทำให้ไฟในห้องปิดลงได้มีเพียงผมลากอีกฝ่ายให้ไปนอนยังเตียงอีกฝั่งเท่านั้น


อยู่ด้วยกันมาก็ค่อนข้างนานผมเลยรู้ว่าปกติฌอนมักจะนอนช่วงกลางวันสักสี่ห้าชั่วโมงก่อนจะตื่นมาวาดรูปต่อเป็นแบบนี้ตลอด
แต่จะให้นอนแค่นั้นมันดูไม่ค่อยดีสำหรับเด็กอย่างพวกเราเลยมีหลายครั้งที่ผมบังคับให้อีกฝ่ายนอนตอนกลางคืน


สำหรับคืนนี้ต่างจากคืนอื่นๆ ถ้าผมยังจำสูตรพวกนี้ไม่ได้ผมจะไม่นอน


“...หารด้วย1...”ผมพึมพำสูตรด้วยสติเลือนราง


“ไม่ใช่1หารด้วยเอ็นต่างหาก”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมองฌอนที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่


“ห๊ะ? อ้อ ใช่ๆหารด้วยเอ็น”ผมก้มลงมองหนังสือก่อนจะพบว่าตัวเองท่องผิด


“นอนพักได้แล้ว ฝืนไปก็ไม่ทำให้จำได้หรอก”


“แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ทำข้อสอบไม่ได้น่ะสิ”


“ต่อให้จำสูตรได้แต่ไปง่วงในห้องสอบหรือตีโจทย์ไม่แตกค่ามันก็เท่ากัน”


“แต่ว่า...”


“พอเลย นอน”หนังสือในมือถูกอีกฝ่ายแย่งก่อนจะผลักผมให้นอนหงายลงกับเตียง


“ฌอน...เดี๋ยว...”


“นอน”คำเพียงคำเดียวดังออกมาจากฌอนพร้อมกับฝ่ามือที่กดหัวผมลงกับหมอนมากขึ้น


“...อืม”ผมได้แต่ครางตอบรับระหว่างฌอนเดินไปปิดไฟทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด


ด้วยความที่ง่วงไปทุนเดิมบวกกับบรรยากาศทั้งมืดและเงียบทำให้สติผมหายไปอย่างรวดเร็วจนถึงเช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันแรกของการสอบกลางภาค


การสอบตลอดทั้งสัปดาห์ผ่านพ้นไปท่ามกลางความเหนื่อยล้าที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่สอบเสร็จผมก็นอนสลบอยู่ในห้องต่างจากฌอนที่ยังนั่งวาดรูปอยู่ตามเดิม


เวลาล่วงเลยผ่านไปจนการประกาศคะแนนสอบกลางภายในอาทิตย์ที่สองหลังจบการสอบ คะแนนวิชาที่เครียดที่สุดอย่างสถิติทำเอาผมแทบน้ำตาไหลเพราะเกินครึ่งมา3คะแนนทว่ากลับมีอีกวิชาที่ทำเอาผมถึงกับเครียด นั่นคือวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ผมได้เพียง10คะแนนจาก30


ก็ทำใจตั้งแต่เห็นข้อสอบแล้วว่าทำไม่ได้แต่ก็ไม่คิดว่าจะไม่ผ่านครึ่ง


“น่าจะอ่านตรงนั้นไปก็ดีหรอก”ผมบ่นงึมงำเปิดประตูเข้าไปในห้อง1216แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงแรงๆโดยไม่สนใจคนที่กำลังวาดภาพอยู่บนพื้น


ผมในตอนนี้กำลังรู้สึกแย่


แย่ชะมัดเลย


ไม่ชอบไอ้ความรู้สึกแบบนี้สักนิด


“นี่...เป็นอะไร”เสียงจากด้านข้างทำให้ผมเอียงคอขึ้นไปมองก่อนจะพบกับฌอนยืนอยู่


ฌอนที่ปกติจะมีสมาธิอยู่กับภาพวาดถ้าผมไม่ตะโกนเรียกว่าช้อนก็จะไม่มีทีท่าหันมาใจ แต่นี่กลับหลุดออกจากสมาธิได้เอง


“...นายต่างหากเป็นอะไร”ผมถามกลับด้วยความงงงวย


ไม่ปกติเลยที่ฌอนจะลุกขึ้นมาทำอะไร


“ฉันถามก่อน”


“ก็...เปล่านี่”ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกสักหน่อย


“จะโกหกก็ให้เนียนหน่อย”


“...”ผมเริ่มเงียบเมื่อถูกดวงตาสีเทาอ่อนจับจ้องมา


“เป็นอะไร”คำถามเดิมถูกเอ่ยขึ้นมาซ้ำอีกครั้งพร้อมกับฌอนที่นั่งลงบนเตียงผม


“...ก็แค่รู้สึกแย่”ผมหลบสายตานั่นแล้วงึมงำตอบกลับไป


“เรื่อง?”


“สอบ...กลางภาค”ไม่อยากจะพูดคำนั้นออกไปเลย


“ทำไม”


“จะทำไมอะไรเล่า ถ้าพูดถึงเรื่องให้รู้สึกแย่ตอนสอบกลางภาคมันก็มีแค่ได้คะแนนไม่ดีเท่านั้นแหละทำไมต้องถามมากด้วยเล่า!”ผมระเบิดอารมณ์พาลใส่ฌอนเต็มที่


รู้ตัวว่าไม่ดี


แต่ตอนนี้ผมอยากจะระบายมันออกไป


“วิชาอะไร”เสียงตะโกนผมดูจะไม่ทำให้ฌอนตกใจ ท่าทางนั่นราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าผมต้องวีน


“เศรษฐศาสตร์ ถามทำไม”


“ได้เท่าไหร่”


“นี่ ไม่คิดจะตอบให้ครบที่ถามไปรึไง”ผมสวนกลับ


“ได้เท่าไหร่”


“ชิ...10”


“เต็ม30สินะ”


“เออ”ผมกระแทกเสียงอย่างไม่สบอารมณ์


“น่าสงสารเนอะ”


“ฌอน”ผมหันควับไปมองใบหน้าคนกวนประสาทด้วยความขุ่นเคือง


“ไปข้างนอกกัน”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนเรื่องแล้วคว้าแขนผมให้ลุกเดินตามไปนอกห้อง


“เดี๋ยว อะไร จะไปไหน ไม่สิ...นายจะออกจากห้อง?”สิ่งที่สงสัยที่สุดคือคำถามสุดท้ายที่ได้พูดออกไป


คนเก็บตัวอย่างฌอนเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง


เกิดอะไรขึ้น


เป็นไข้


หิว


หรือกระดาษวาดภาพหมด


ฌอนไม่ตอบสิ่งที่ผมคาใจแต่ยังคงลากผมลงไปถึงโรงจอดรถของนักศึกษาในหอพักซึ่งมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ของเหล่านักศึกษาหลายสิบคันจอดไว้ ส่วนมากจะเป็นมอเตอร์ไซค์ซะมากกว่า


“ฌอน...นี่ฌอน”ผมยังคงเรียกอีกฝ่ายไปเรื่อยๆจนมาถึงรถชอปเปอร์คันสีดำที่จอดอยู่ด้านในของโรงจอดในร่ม


ผมมองฌอนเดินเข้าไปเอารถออกมาโดยในหัวกำลังคิดประติดประต่อเรื่องราว


อย่าบอกนะว่ารถนี่...


“ขึ้นมา”ประโยคแกมสั่งดังขึ้นหลังจากฌอนขึ้นคร่อมรถชอปเปอร์สีดำเตรียมสตาร์ทเครื่อง


“รถนาย?”ผมถามอึ้งๆ


พึ่งเคยเห็นรถชอปเปอร์ใกล้ๆครั้งแรก


“ใช่”


“ไม่เห็นรู้เลยว่านายมีรถด้วย”


“ฉันไม่ได้บอกนี่”


“ทำไมไม่บอกเล่า”


“ได้ถามรึเปล่าล่ะ”


“กวน”ผมตะโกนใส่กอนจะขึ้นซ้อนท้ายรถชอปเปอร์สีดำตรงหน้า


รถชอปเปอร์ให้ความรู้สึกต่างจากมอเตอร์ไซค์ปกติอย่างสิ้นเชิง


นอกจากจะมีพื้นที่นั่งมากกว่าแล้วยังมีพนักพิงด้านหลังไม่ต้องกลัวตกเหมือนมอเตอร์ไซค์ปกติด้วย


พอผมขึ้นนั่งเรียบร้อยชอปเปอร์สีดำเงาก็แล่นออกจากหอผ่านถนนในมหาลัยทำให้มีหลายคนจับจ้องมายังพวกเรา ไม่สิ ต้องพูดว่าจับจ้องมายังฌอนมากกว่า


ผู้ชายหน้าตาดีกับรถสุดเท่ใครเห็นก็ต้องหันมามองแน่ๆ


“ฌอนเราจะไปไหน”ผมขยับหน้าไปใกล้เพื่อถาม


“ถึงก็รู้เอง”


“อยากรู้เลยนี่ เฮ้ย “ยังไม่ทันพูดจบจู่ๆฌอนก็เร่งความเร็วจนผมคว้าเอวอีกฝ่ายไว้เกือบไม่ทัน


ทำไมชอบเร่งโดยไม่บอกกันนักนะ


ในเมื่อไม่ได้คำตอบผมเลยเลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก รถชอปเปอร์สีดำแล่นไปตามถนนเลี่ยงเมืองไปยังด้านข้างของมหาลัยซึ่งติดกับชายทะเล ท้องฟ้าสีเหลืองอมส้ม ดวงอาทิตย์สีแดงและทะเลที่สะท้อนสีเหล่านั้น


“ว้าว...”ช่างเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน


มหาลัยอยู่ใกล้ทะเลแต่ผมก็ยังไม่เคยมาสักครั้งเพราะมัวยุ่งอยู่กับการปรับตัว


ไม่นานชอปเปอร์คันสีดำก็จอดเรียบริมหาด ผมวิ่งลงไปยังหาดทรายโดยที่สายตายังคงจับจ้องภาพดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงอยู่ตลอด


สวยจัง


ราวกับถูกดูดเอาความรู้สึกแย่ๆออกไปจนหมด


หรือว่าที่ฌอนพาผมมาก็เพราะ...


ดวงตาสีน้ำตาลของผมหันไปมองฌอนที่ยืนมองพระอาทิตย์ด้านข้างด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...


ดีใจ


ปลาบปลื้ม


ขอบคุณ


ความรู้สึกต่างๆเอ่อล้นออกมาจนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอียงหัวไปอิงไหล่นั่นไว้ตั้งแต่ตอนไหน ที่รู้มีเพียงฌอนไม่ได้ขยับหนีหรือพูดอะไรออกมา


ราวกับได้รับกำลังใจ


พวกเราปล่อยเวลาไปกับการมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ผมที่ยืนพิงไหล่ฌอนอยู่กลับมายืนตรงก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าแล้วหันกลับมามองใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาด้วยรอยยิ้มกว้าง


“ขอบคุณนะ”เป็นเพียงคำเดียวที่อยากจะบอกออกไปในตอนนี้


ผมคิดว่าฌอนคงจะพามาที่นี่เพื่อปลอบและให้กำลังใจ แม้อีกฝ่ายจะไม่บอกหรือพูดอะไรแต่ผมก็รับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน


“กลับกัน”ฌอนเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหลัง


“เดี๋ยวสิ ไหนๆก็ออกมาแล้วหาอะไรกินข้างนอกเถอะ”ผมวิ่งตามไปพร้อมเอ่ยเสนอ


ไม่บ่อยเลยที่ฌอนจะยอมออกมาข้างนอก ในเมื่อออกมาแล้วผมไม่มีทางให้กลับง่ายๆหรอก


“ร้านพี่ต้าร์?”ฌอนถาม


“ไม่อ่ะ เห็นว่าแถมม.มีร้านบุฟเฟ่เยอะนี่กินบุฟเฟ่หมูกระทะกันดีกว่า”ร้านพี่ต้าร์ก็อร่อยอยู่หรอกแต่อยู่คนละฝากกับตรงนี้เลย


มาฝั่งนี้ทั้งทีก็ควรจะกินอะไรใหม่ๆบ้าง


“ฉันไม่...”



(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 08-03-2017 21:06:47
(ต่อนะคะ)

“ฉันน่ะรู้สึกแย่สุดๆเลยพอได้ยินว่าได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง แถมยังเริ่มเครียดแล้วด้วยว่าจะติดเอฟวิชานี้รึเปล่า เพราะงั้นฉันอยากจะกินบุฟเฟ่ให้หายเครียดแต่ถ้าฌอนบอกว่าไม่ไปฉันก็คงต้องกลับไปนั่งเครียด”เมื่อรู้ว่าฌอนจะปฏิเสธผมเลยเลือกที่จะตีหน้าเศร้าด้วยการก้มหัวลงเล็กน้อยระหว่างพูด


เรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง เวลาเครียดก็ต้องกินให้หายเครียด


แต่ถ้าพูดปกติคงได้เถียงกันไปมาสักรอบซึ่งตอนนี้ผมอยากไปกินเร็วๆเลยลองทำหน้าเศร้าดู


คิดว่าน่าจะได้ผลนะ


“...ร้านไหน”นิ่งไปสักพักสุดท้ายฌอนก็ถามออกมา


“จะพาไปเหรอ”


“หรือจะไม่ไป”


“ไปสิ”ผมรีบตอบ


“บอกทางให้ถูกละกัน”


“ได้เลย แป๊บนะ จ๋าพึ่งส่งรูปร้านนี้มาให้เมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นร้านที่มีทั้งชาบูและปิ้งย่าง น่าไปมากๆเลย...เจอล่ะ นี่ไง”ผมส่งโทรศัพท์เปิดแผนที่ไปร้านให้ฌอนดู


“...อยู่ใกล้ๆนี่เอง”มองดูแผนที่สักพักก็พูดขึ้น


“เยี่ยมเลย ไปร้านนี้แหละ ฌอนเลี้ยงด้วย”ผมเดินอย่างร่าเริงกลับไปยังรถชอปเปอร์


“ฉันยังไม่ได้ตกลงว่าจะเลี้ยง แค่พูดว่าจะพาไปเฉยๆ”


“อย่าใจร้ายน่า เพื่อนกำลังเครียดนะเลี้ยงหน่อยสิ”


“ไม่”


“ฌอนอ่า”


“เลิกบ่น จะไปไหม”


“ไปสิ เอางี้มาดวลกันถ้าใครชนะต้องเลี้ยงด้วย”ผมเสนอด้วยใบหน้าท้าทาย


“แน่ใจว่าถ้าฉันชนะนายจะมีเงินจ่าย”


“มั่นใจว่าชนะเหลือเกินนะ”ทั้งที่ยังไม่ได้บอกเลยว่าดวลอะไร


“จะดวลด้วยสักหน่อยละกัน”


“แล้วนายจะต้องมาจ่ายค่าบุฟเฟ่ให้ฉัน”ผมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพตัวเองได้รับชัยชนะ


“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องจ่าย”


“เราจะเป่ายิ้งฉุบกัน”


“...”ฌอนถึงกับเงียบพลางทำหน้าเอือมเมื่อได้ยินเกมที่ใช้ในการดวล


“เรื่องเป่ายิ้งฉุบนี่ฉันมั่นใจสุดรับรองว่าชนะแน่ๆ”


“ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว?”


“น่าๆ เป่ายิ้งฉุบมันเร็วกว่าเกมอื่นนี่ แค่ตาเดียว ใครแพ้ต้องจ่าย เอ้า...เป่า ยิ้ง ฉุบ”ทั้งผมและฌอนต่างออกสิ่งที่คาดว่าจะชนะออกมาพร้อมกันโดยที่ผมเลือกออกค้อนและฌอนออกกระดาษ


นี่ผม...


แพ้?


“หึ...ฉันชนะ”ฌอนยกยิ้มเมื่อได้รับชัยชนะ


“ไม่ๆๆ อันนี้แค่ซ้อม ขออีกรอบ”ผมรีบคว้าแขนฌอนที่กำลังเดินไปยังรถไว้


“ไหนบอกแค่ตาเดียว?”


“เอ่อ...ก็...”


“ให้อีกครั้งก็ได้”


“จริงนะ ขอบคุณ เริ่มกันเลย เป่า ยิ้ง ฉุบ”เพราะเป็นครั้งที่สองผมเลยอาศัยการคำนวณตาแรกฌอนออกกระดาษนั่นแปลว่าถ้าผมออกกรรไกรก็จะชนะ แต่ถ้าเป็นฌอนต้องเดาออกแล้วออกค้อนแน่ๆ


ดังนั้นผมถึงเลือกออกกระดาษ


ความคิดมากมายในหัวกลั่นกรองออกมาในเสี้ยววินาทีก่อนจะออกแต่แล้วกระดาษของผมกลับแพ้กรรไกรที่ฌอนออก


อีกแล้ว


ผมแพ้อีกแล้ว


“เอาล่ะ ไปกินบุฟเฟ่ฟรีดีกว่า”ฌอนมองหน้าผมที่เม้มปากแน่นด้วยรอยยิ้ม


“อีกรอบ ขออีกรอบ”


“นายจะขออีกรอบจนกว่าจะชนะเลยใช่ไหมเนี่ย”


“ก็มัน...”


“เฮ้อ อีกรอบก็ได้...แต่ต้องสัญญาว่าจะเป็นรอบสุดท้ายนะ”


“ได้เลย”ผมพยักหน้ารัวๆ


“ดี ฉันจะออกค้อน”


“...คิดจะหลอกกันสินะ”ผมนิ่งกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะตอบกลับไป


อยู่ๆก็มาบอกกันว่าออกอะไรไม่ว่าใครก็ได้ทั้งนั้นว่าคือกลลวง


ถ้าผมออกกระดาษไปฌอนต้องออกกรรไกรชัวร์


ไม่หลงกลหรอกน่า


“ฉันพูดจริง อยู่ที่นายจะเชื่อรึเปล่า”


“ฌอน...”


“เอ้า เริ่มเลย เป่า ยิ้ง ฉุบ”เมื่อได้ยินเสียงเริ่มเกมในหัวก็คิดอะไรไม่ออก ร่างกายออกอะไรไปตัวผมเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
คำพูดของฌอนมันกรอวนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา


“...นี่มัน...”ผมถึงกับอึ้งเมื่อเห็นมือตัวเองที่แบบออกกระดาษและมือของฌอนที่ออกค้อนเหมือนอย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด


“นายชนะ ไปกันได้แล้ว”ฝ่ามืออุ่นขย้ำเส้นผมสีดำของผมแรงก่อนจะเดินไปยังรถ


ชนะ


ชนะเหรอ


ทั้งที่ชนะแต่กลับไม่รู้สึกเหมือนชนะเลยสักนิด


ถนนริมชายหาดยามค่ำไม่มีรถมากแต่พอขับเข้ามายังซอยกลับเต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาเต็มไปหมด บริเวณนี้มีร้านอาหารตั้งอยู่เกือบตลอดเส้นทางถือเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่านักศึกษาในช่วงค่ำที่ใกล้มหาลัยมากที่สุด


ร้านที่พวกเรามาถึงเป็นร้านหมูกระทะที่มีหม้อชาบูอยู่ตรงกลางสำหรับใส่ของต้ม ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้มีพื้นที่ให้เลือกนั่งได้ทั้งแบบพัดลมและในห้องแอร์โดยจะมีของบุฟเฟ่ให้ตักตั้งอยู่กลางร้านเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมให้เดินวนรอบหยิบได้ตามต้องการ


“ฌอน นั่งมุมนั้นไหม”ผมเดินเข้ามาในร้านระหว่างถามความเห็น


“คนเยอะ”ประโยคนั่นดูเหมือนไม่ใช่คำตอบของคำถามที่ถามไป


ก็นะ...คนเยอะอย่างที่ฌอนว่าจริงๆนั่นแหละ


ร้านนี้ถือเป็นร้านขึ้นชื่อของละแวกนี้เลย เรียกว่าเป็นแหล่งรวมตัวของเด็กในมหาลัยก็ว่าได้ อีกอย่างยังมีราคาไม่แพงเพียงคนละ179 บาทก็สามารถกินได้ไม่อั้น ไม่จำกัดเวลาแถมราคานี้ยังรวมร้านด้วย


ผมได้ยินมาจากจ๋าแบบนั้นนะ


“คนเยอะแปลว่าต้องอร่อย”ต่อให้ถูกแต่ถ้าไม่อร่อยผมก็ไม่คิดว่าจะมีคนมากินเยอะขนาดนี้หรอก


“...น่ารำคาญ”ฌอนเบือนหน้าหนีไปยังสวนด้านข้างของร้าน พอหันไปมองว่าทำไมอีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนีก็พบกับกลุ่มหญิงสาวที่จับจ้องมายังฌอนแล้วหับกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่างกัน


อ่า...เนื้อหอมชะมัดเลย


ไม่รู้จะน่าอิจฉาหรือน่าสงสารดี


สำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรวุ่ยวายการเป็นจุดสนใจคงทำให้รู้สึกหงุดหงิดพอดู


“นั่งในสวนตรงมุมนั้นไหมล่ะ ดูส่วนตัวกว่าตรงนี้หน่อย”ผมออกความเห็น


“อืม”ฌอนหันมองตามผมชี้ก่อนจะพยักหน้าเดินตรงไปยังโต๊ะนั้น


“เฮ้ น้ำ”เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้นพร้อมกับแรงของแขนที่คว้าคอผมแน่น


“...นนท์?”ผมเอียงคอมองกลุ่มเพื่อนที่ถือว่าสนิทที่สุดในคณะด้วยสายตางงๆ


ทำไมมาอยู่นี่


“ไงจ๊ะ แอบมากินไปชวนเลยนะ”จ๋าสาวในร่างชายโผล่หน้าออกมาพูดด้วยรอยยิ้ม


“นั่นสิ...เปิ้ล หินทางนี้ๆ ดูสิเราเจอใคร”องุ่นที่เดินตามมาหันไปกวักมือเรียกเพื่อนในแก็งอีกสองคนด้านหลัง


มากับครบทั้งกลุ่มเลย


“ใครๆ โอ๊ะ อะไรวันก่อนพวกเราชวนไม่เห็นยอมมาแล้วนี่อะไร...อย่าบอกนะว่ามากับแฟนน่ะ”เปิ้ลสาวงามประจำคณะถามพร้อมหัวเราะหึๆ


“เปล่า...ไม่ได้มากับแฟน”ผมตอบกลับไป


“งั้นมากับใครล่ะ ไม่เคยมากินข้าวเย็นกับพวกเราสักทีนึกว่ามีแฟนซะอีก”ครั้งนี้หินเป็นฝ่ายพูดบ้าง


“ไม่มีหรอก ตอนนี้ไม่มีกะใจจะมีแฟนหรอกนะ”คะแนนแย่ขนาดนั้นผมคงไม่เอาเวลาไปหาแฟนหรอก


“คะแนนเศรษฐศาสตร์สินะ”


“อืม เลยต้องมากินแก้เครียดนี่แหละ”กินแล้วจะได้มีแรงอ่านหนังสือ


“คงไม่ได้บอกว่ามาคนเดียวหรอกนะ”นนท์ถามต่อพลางใช้แขนดึงคอผมเข้าไปใกล้มากขึ้น


“ไม่ได้...”


“น้ำเปล่า”เสียงทุ้มคล้ายการตะโกนเอ่ยชื่อผมด้วยน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด เสียงนั่นเรียกทุกสายตาภายในร้านให้จับจ้องไป


พวกนนท์ที่หันไปเห็นฌอนก้าวเดินมาใกล้ก็เริ่มเบิกตากว้างแล้วหันซ้ายขวาราวกับกำลังจะหาคำตอบของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่


“ปริ้นออฟอาร์ท? ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ”นนท์มองฌอนอย่างไม่เชื่อสายตา


“ว้าย หล่อเกินไปแล้ว”เปิ้ลที่อยู่ด้านหลังถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยใบหน้าแดงๆโดยมีองุ่นยืนอ้าปากค้างอยู่ข้างๆ


“...”ขนาดจ๋าที่มักจะพูดไม่หยุดยังแข็งทื่อไปเลย


“เดี๋ยว เขาเรียกน้ำเปล่า? เพื่อนน้ำ?”หินเป็นคนเดียวที่ดูจะมีสติถามผม


“ก็...ใช่”


“ไม่จริง!”กลุ่ม5คนต่างพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย


“จริง!”ผมสวนกลับด้วยเสียงจริงจัง


ทำไม


ผมเป็นเพื่อนกับฌอนมันแปลกตรงไหน


“...ไม่จริง”ทุกคนต่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด


“จริงๆ ใช่ไหมฌอน เราเป็นเพื่อนกันเนอะ”ผมเดินเข้าไปดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายเบาๆเป็นเชิงให้ช่วย การกระทำของผมนั้นมีสายตาของเพื่อนมองมา


“ไม่เห็นจำได้”คำพูดพร้อมใบหน้านิ่งๆนั่นทำเอาผมถึงกับเงียบ แววตาสีเทาอ่อนนั่นถ้าเป็นคนอื่นคงไม่รู้แต่สำหรับผมเห็นว่าฌอนกำลังสนุกที่ได้แกล้งผม


“ว่าแล้ว น้ำมานี่เดี๋ยวก็โดนเตะหรอก”นนท์กวักมือเรียกให้ผมกลับไปหา


โดนเตะ?


“กลับมาเถอะ พวกเราพร้อมให้อภัย”คราวนี้จ๋าพูดบ้าง


ให้อภัย?


นี่ผมไม่ได้โกหกนะ


“ฌอน อย่าพึ่งมากวนกันตอนนี้สิ เห็นไหมว่าคนอื่นมองเหมือนฉันเป็นคนน่าสงสารแล้วเนี่ย”ผมหันไปบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“ก็น่าสงสารจริงๆนี่คะแนนยังไม่ผ่านครึ่งเลย”


“ไม่ต้องมาทับถม คิดว่าตัวเองเก่งนักรึไง”


“เก่งกว่าคนแถวนี้ละกัน”


“ช้อน!”ผมตะโกนใส่อีกฝ่ายเสียงดังลั่น ใบหน้าผมแดงขึ้นเนื่องจากความโมโหที่ใกล้ปะทุ


“ฉันบอกว่าอย่าเรียกแบบนั้นไง”ดวงตาสีเทาอ่อนมองมาอย่างไม่สบอารมณ์


แล้วคิดว่าผมสบอารมณ์นักรึไงล่ะ


“จะเรียกแล้วทำไม ช้อน ช้อน ช้อนนน”


“จ่ายเองละกัน”เพียงคำพูดเดียวที่ออกมาผมรีบยกมือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองโดยด่วน


“...ไม่พูดแล้วครับ”ผมงึมงำกลับไป


“หึ...เด็กดีๆ”พูดจบก็ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีดำของผมไปมา


“กวน”ขอมอบคำคำนี้ให้เลย


“เอ่อ...สรุปคือน้ำเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ?”เปิ้ลเป็นคนถามโดยมีอีกสี่คนทำหน้าสงสัยอยู่


“ใช่ เนอะๆๆๆ”ผมใช้ศอกสะกิดคนข้างกายรัวๆ


“อือ เลิกเล่นสักทีจะกินไหม”


“กินสิ...โอ๊ะ ไหนๆก็มาเจอกันนั่งด้วยกันไหม”ผมหันไปถามเพื่อนๆทั้งห้าคน


“เปล่า...”


“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย เข้าสังคมบ้างสิ...ฉันขอแนะนำนะ ทั้ง5คนเป็นเพื่อนในคณะเริ่มจากคนแรกนนท์ จ๋า องุ่น เปิ้ล แล้วก็หิน ส่วนี่คงรู้จักกันอยู่แล้วเนอะ ฌอน ฮาอะไรสักอย่าง”เนื่องจากจำนามสกุลไม่ได้ผมเลยพูดเท่าที่จำได้


“เฮ้อ ไม่ใช่ฮาแต่เป็นฮิลลารี่”ฌอนถอนหายใจก่อนจะแก้ให้


“อ้อ นั่นแหละๆ”ก็มันออกเสียงคล้ายๆกันนี่นา


“บอกเป็นสิบรอบแล้วมั้ง”


“ก็มันออกเสียงยากนี่ ว่าแต่ฉันนายก็จำชื่อจริงฉันไม่ได้เหมือนกันแหละน่า”ผมสวนกลับ ชื่อจริวผมเคยบอกครั้งเดียวคือตอนที่เจอกันครั้งแรก


ไม่มีทางที่ฌอนจะจำได้


แน่นอน


“ฉันไม่ใช่นายนะ ปภาวิน”


“นายจำได้?!”ไม่จริงน่า บอกแค่ครั้งเดียวเองเนี่ยนะ


“ไม่เคยบอกว่าจำไม่ได้นี่”


“กวนตลอด พอแล้วไปนั่งกินกันดีกว่า เอาโต๊ะใหญ่เลยละกัน”ผมจบการสนทนาที่คาดว่าสามารถยืดยาวไปได้อีกหลายชั่วโมงก่อนจะเดินหาโต๊ะใหม่ที่สามารถนั่งได้7คน


พวกเราได้นั่งโต๊ะยาวโดยมีกระทะอยู่2อันบนโต๊ะ เมื่อได้โต๊ะทุกคนต่างก็เดินไปหยิบของมาย่างและต้ม ผมเองก็ลุกตามคนอื่นๆไปแต่เหมือนจะมีแค่ฌอนที่นั่งนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะ


คนแถวนี้คงเยอะฌอนเลยไม่อยากเดินมาละมั้ง


หรือไม่ก็แค่ขี้เกียจ


ถึงจะคิดหลายๆอย่างในหัวผมก็ตักของย่างไปเผื่อฌอนด้วย


บนโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่บัดนี้เต็มไปด้วยของสดมากมายเต็มโต๊ะไปหมด ต่างคนต่างลงสิ่งที่ตัวเองจะกินลงบนเตาย่าง


“นี่น้ำ”ระหว่างกำลังย่างนนท์ก็หันมาเรียก


“ว่าไงนนท์”


“ไปรู้จักกันได้ยังไงน่ะ”


รู้จัก...


หมายถึงผมกับฌอน?


ไม่ใช่แค่นนท์ที่สงสัย เพื่อนที่เหลือเองก็มีท่าทีสงสัยไม่ต่างกัน


“นอนด้วยกัน”ผมยังไม่ทันได้อ้าปากเสียงของคนนั่งข้างๆอย่างฌอนก็ดังขึ้นซะก่อน


“...”ความเงียบบนโต๊ะเกิดขึ้นทันควันแม้แต่ผมเองยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ


“ฌอน อย่าพูดอะไรให้เข้าใจผิดสิ”


“ผิด? จะบอกว่าไม่ใช่”


“พูดให้มันเต็มๆประโยคสิ ไม่ใช่นอนด้วยกัน แต่เป็นนอนห้องเดียวกันต่างหาก”


“ก็ไม่เห็นต่าง”


“ความหมายต่างจะตาย อ๊ะ นั่นเนื้อไก่ที่ฉันย่างนะ”ผมบ่นเมื่อเห็นฌอนคีบเนื้อไก่ที่ผมย่างเข้าปากหน้าตาเฉย


“นายย่างแต่ฉันจ่าย”


“ขี้โกง อย่างนายเอานี่ไปกินเลย”ผมคีบมันหมูสำหรับใช้ไม่ให้เนื้อติดกระทะใส่จานฌอน


“เอาออกไปเดี๋ยวนี้เปล่า”


“ไม่รู้ ไม่ได้ยิน”ผมแกล้งเบือนหน้าไปทางอื่นแทน


“เปล่า”


“สนิทกันจังเลยนะ”เปิ้ลพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน


“มองตรงไหนว่าสนิทกันน่ะ”ผมถามกลับ


นี่ไม่เรียกว่าสนิทเลยนะ


กัดกันจะตายไปข้างอยู่แล้ว


“น้ำไม่รู้เหรอว่าปกติฌอนไม่ใช่คนชอบพูดหรอกนะ ในมหาลัยลือกันว่าถ้าได้ยินเสียงฌอนถือว่าจะได้เจอกับความสุข”


“ความสุข? นี่ฉันกำลังทุกข์ล้วนๆเลยนะ เฮ้ย ร้อนๆ”ระหว่างพูดจู่ๆฌอนก็ยัดเนื้อหมูเข้าปากผมทั้งที่ควันยังขึ้น


ผมนี่ดื่มน้ำตามแทบไม่ทันเลย


ข่าวลือนั่นต้องโกหกแน่นอน ร้อยล้านเปอร์เซ็นต์เลยด้วย


“ฌอนคะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”องุ่นมองหน้าฌอนด้วยแก้มแดงๆ


“ทำไมต้องเสียงสองด้วยล่ะ”เปิ้ลที่อยู่ข้างๆสะกิดองุ่น


“อย่าแกล้งสิเปิ้ล”


“...อะไร”ฌอนนิ่งไปสักพักก่อนจะยอมให้ถามได้


“บอกสเปกที่ชอบหน่อยได้ไหมคะ”


“องุ่นคิดจะจีบฌอนเหรอ”ผมถามออกไปตรงๆ


“บ้าเหรอน้ำ แค่ฝันยังไม่กล้าเลยแค่อยากรู้สเปกของฌอนเฉยๆน่ะ”


“อ้อ...ยังไงฌอน ชอบแบบไหน ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันแฮะ”ปกติพวกเราไม่เคยมานั่งถามเรื่องอะไรแบบนี้เท่าไหร่


น่าสัยสัยอยู่ว่าหมุ่นหล่ออย่างฌอนจะมีสเปกสาวเป็นยังไง


“ไม่มีสเปก”


“ไม่มีเลยจริงดิ อย่างแบบอยู่ด้วยแล้วสนุก ทำอาหารอร่อยหรือวาดภาพสวยอะไรแบบนี้”ผมถามต่อ


ปกติผู้ชายทุกคนมักจะมีสาวในอุดมคติอยู่แล้ว


“วาดภาพสวย...หึ”ราวกับนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้อยู่ๆฌอนที่นั่งนิ่งก็หลุดหัวเราะออกมาทำเอาสองสาวแท้และหนึ่งสาวเทียบหน้าแดงจนควันแทบลุก ไม่นับสาวๆจากโต๊ะอื่นที่พากันเขินเป็นแทบๆนะ


แค่ฌอนหัวเราะมันจะเขินอะไรขนาดนี้


“อะไรฌอน”อยู่ก็ขำมันไม่ใช่ฌอนยามปกติ


“นึกอะไรได้นิดหน่อย”


“นึกอะไร?”


“ถามสเปกสินะ”ฌอนมองไปทางองุ่น


“ใช่ค่ะ”


ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องพูดสุภาพด้วย


ฌอนหันหน้ากลับมามองผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบคำถามขององุ่น และคำตอบที่ได้มานั่นทำเอาทั้งโต๊ะเงียบกริบอีกครั้ง...


“วาดรูปห่วย”

...................................................................................

มาเสิร์ฟหลังแต่งเสร็จสดร้อนๆเลย

ตรวจคำผิดไปแค่รอบเดียวอาจมีคำผิดนะคะ555

โดยส่วนตัวรู้สึกชอบตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก

แต่งแล้วรู้สึกยิ้มตามไปกับตัวละคร

เราดีใจมากที่ได้กำลังใจจากทุกๆคน

แค่มีคนคอมเม้นท์ว่าสนุกหรืออยากอ่านต่อก็ช่วยต่อกำลังใจให้เราได้อย่างมากมาย

ขอบคุณจริงๆค่ะ

สำหรับตอนหน้า...ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะแต่งไปในทางไหนดี55

เอาเป็นว่าไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 08-03-2017 21:29:39
มาแล้ว #ช้อนเปล่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-03-2017 21:53:13
บอกว่าสเปกแบบน้ำเปล่าไปเลยสิฌอน  :hao3:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 08-03-2017 23:59:27
ชอบอ้าาาาาาาา เขียนได้ธรรมชาติมาก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2017 00:31:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-03-2017 02:29:07
 :sad4: :sad4: :sad4:อยากอ่านอีกกกกก :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 09-03-2017 07:53:09
ฌอนนี่ดีมากกก โอ้ยยยย :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2017 13:13:17
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 09-03-2017 17:21:29
น่ารักกกกกก เถียงกันได้มุ้งมิ้งดี  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: missm2c ที่ 12-03-2017 20:47:14
เรามารอตอนใหม่
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Orangeship ที่ 12-03-2017 21:54:50
กรี๊ดดด มันดีมาก ฟินมาก
ทีแรกเข้ามาไม่ได้หวังอะไร แต่ตอนนี้จิกหมอนจะขาดแล้ว
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ แพ้ผู้ชายแบบเน้ๆๆๆ จะอาวว :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่5}} 8/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Crownowo ที่ 14-03-2017 19:25:34
 :katai2-1: :katai2-1:รอค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 16-03-2017 15:10:24
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่6




ครืดดดด  ครืดดดด


แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารบนหัวเตียงไม่ได้ทำให้คนหลับลึกตื่นขึ้นมาได้ในทันทีทว่าแรงสั่นนั่นกลับค่อยๆขยับโทรศัพท์ให้โผล่พ้นขอบหัวเตียงมากขึ้นจนตกใส่หัวเต็มๆ


“โอ้ย...”ผมที่กำลังหลับลึกเด้งตัวขึ้นนั่งพลางใช้มือข้างนึงลูบบริเวณที่เจ็บ


พอเริ่มตั้งสติได้ผมก็มองไปรอบๆห้องพร้อมกับถอนหายใจออกมาเมื่อห้องที่ควรจะมีฌอนนั่งวาดรูปอยู่กลับว่างเปล่าไม่เหมือนวันก่อนๆ


ฌอนไม่ได้กลับมานอนห้องนี้ได้จะสองอาทิตย์แล้วหลังจากบอกผมว่าต้องวาดผลงานสำหรับส่งตอนปลายภาคจึงต้องการพื้นที่ในการวาดมากกว่านี้ เห็นว่าไปอยู่ในห้องส่วนตัวของคณะละมั้ง


ที่แปลกคือทำไมต้องใช้พื้นที่วาดขนาดนั้นด้วยทั้งที่เคยใช้ห้องนี้วาดภาพกว่า2เมตรมาแล้ว


ไม่แน่ว่าอาจเป็นภาพขนาดใหญ่


“ไม่เห็นต้องวาดภาพใหญ่ก็ได้นี่นา”ผลงานของฌอนต่อให้มีขนาดเท่าเอสี่ก็ยังจัดอยู่ในภาพวาดอันสวยงามที่มีหลายคนตามมาซื้อถึงที่ เรื่องนี้พี่ต้าร์เคยเล่าให้ฟังตอนไปกินที่ร้านครั้งก่อน


หรืออาจมีการกำหนดหัวข้ออะไรรึเปล่านะ


เรื่องของคณะอื่นผมไม่ค่อยรู้นักหรอกแค่คณะตัวเองยังรู้ไม่หมดเลย


นี่ก็เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะสอบปลายภาคแล้วด้วย วิชาที่ผมยังคงกังวลก็ไม่พ้นเศรษฐศาสตร์


“เฮ้อ...ไปเรียนๆ”โทรศัพท์ที่สั่นไม่ได้มีใครโทรมาแต่ผมเป็นคนตั้งเวลาปลุกไว้เพราะต้องการจะงีบสองชั่วโมงก่อนไปเรียนต่อ
วันนี้ผมมีเรียนช่วงเช้าถึง11โมงและอีกวิชาบ่าย2ถึง5โมง ช่วงเวลา3ชั่วโมงผมใช้ไปกับการกินข้าวและกลับมานอนห้อง


ชุดลำลองถูกถอดจดแผ่นอกเปลือยเปล่าก่อนจะหยิบชุดนักศึกษาด้านข้างมาสวมใส่


แกร็ก


เสียงเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะบอกเรียกให้ผมหันไปมองโดยที่มือยังง่วนกับการติดกระดุมอยู่ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนกับใบหน้านิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์นั่นทำให้ผมยิ้มออก


“ฌอน”กลับมาแล้วเหรอเนี่ย


“มีเรียนไมใช่?”นี่คือประโยคแรกที่ทักหลังไม่เจอกันมาเกือบ2อาทิตย์งั้นเหรอ


“กำลังจะไป เห็นไหมว่าเปลี่ยนเสื้ออยู่น่ะ”


“เห็นแต่หุ่นก้างๆ”ดวงตาสีเทาอ่อนของฌอนเหลือมมองหน้าท้องเปลือยเปล่าก่อนจะพูดสิ่งที่คิด


“ไม่ก้างแล้วเหอะ อยู่นี่กินเยอะจะตาย”ผมเถียงกลับ


จริงอยู่ที่ผมไม่ได้หุ่นดีแต่ก็ไม่ได้เก้งก้างขนาดนั้นสักหน่อย


“ไม่รีบไปเดี๋ยวไม่ทันเช็คชื่อหรอก”


“เพราะนายชวนคุยนั่นแหละ กางเกงๆ”ผมถอดกางเกงออกโดยไม่สนใจว่าฌอนจะมองอยู่แล้วคว้ากางเกงตรงปลายเตียงมาใส่ลวกๆ


เหลืออีก1นาที


จะสายแล้ว


“คนที่ทักก่อนคือนายนะ”


“จะบอกว่าฉันผิด?”


“เก่งนี่”


“ช้อน!”ผมกระแทกเสียงเรียก


“ไปได้แล้ว”


“รู้แล้วน่า วันนี้จะนอนนี่รึเปล่า”ก่อนออกจากห้องผมก็หันไปถาม


“อืม คงงั้น”


“โอเค งั้นเดี๋ยวซื้ออะไรมาฝาก นายก็พัก ฌอนบอกให้พักไง”ยังพูดไม่ทันจบประโยคผมก็ต้องขึ้นเสียงเนื่องจากฌอนกำลังกางกระดาษวาดเขียนลงบนพื้นห้อง ทั้งที่มีฐานตั้งสำหรับวาดแต่ดูเหมือนฌอนจะไม่ชอบใช้มันสักเท่าไหร่


“เสียงดัง รีบไปๆ”


“กลับมาฉันจะวาดโดเรม่อนลงบนภาพนายแน่”ผมไม่มีเวลาจะมาเถียงแล้ว ตอนนี้กำลังจะสายจริงๆ


“โดเรม่อนหรือตัวประหลาด?”สายตาของฌอนมองมาด้วยประกายขบขัน


“กลับมาโดนแน่”ผมได้แต่ทิ้งท้ายไว้แล้ววิ่งออกจากห้องตรงไปยังตึกเรียนซึ่งอยู่ไกลจากหอพักซะเหลือเกิน


ด้วยความที่ใกล้สายเต็มทีผมเลยเลือกที่จะนั่งมอเตอร์รับจ้างแทนรถของม.ที่ใช้เวลานานกว่าจะไปถึง วิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ช่วงชอบปลายภาค วิชาเศรษฐศาสตร์นั่นเอง


ชั่วโมงสุดท้ายแบบนี้คงจะบอกแนวข้อสอบและทบทวนให้อีกรอบ


ครั้งนี้แหละผมจะตั้งใจและผ่านมันไปให้ได้




“กลับมาแล้ว”ผมเปิดประตูห้อง1216เข้าไปด้วยสภาพไม่สู้ดีนัก


การตั้งใจฟังทบทวนของอาจารย์ไม่คิดว่าจะกินพลังงานไปมาแบบนี้


ไม่ไหว


อยากนอน


“เปล่า อย่าเหยียบ”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมๆกับผมที่ชะงัก


“อ๊ะ โทษที เกือบเหยียบภาพนาย...”


“ภาพที่ไหนเล่า มองดูที่เท้าดีหน่อย”พอได้ยินคำพูดของฌอนผมก็ก้มหน้าลงมองยังปลายเท้าตัวเองที่บัดนี้มีเสื้อนักศึกษาสีขาวอยู่ด้านใต้


“เฮ้ย”ผมถึงกับก้าวถอยหลังรัวๆ เสื้อที่ว่าเป็นเสื้อที่ผมถอดออกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ


อะไรเนี่ย


ผมเบลอขนาดนี้เลย


“เป็นอะไร”ฌอนละจากกระดาษพลางเงยหน้าขึ้นมามอง


“เหนื่อยนิดหน่อย สงสัยตั้งใจฟังอาจารย์ทบทวนมากไปนิด โอ๊ะ...ลืมซื้อข้าวมาเลย”อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้


โอ้ย สภาพผมคงไม่ไหวแล้วแน่ๆ


“ช่างเรื่องข้าวเถอะ ไปนอนไป”


“ช่างได้ไง ถึงนายไม่หิวแต่ฉันหิวนี่”


“เดี๋ยวโทรสั่งให้ จะเอาอะไร”


“ฌอนจะเลี้ยง?”ผมหันไปมองด้วยสายตาตื่นเต้น


“เหมือนฉันจะไม่ได้พูดนะ”


“เลี้ยงหน่อยสิ”


“ถ้าไม่จะเป่ายิ้งฉุบอีกรึเปล่าล่ะ”ฌอนย้อน


“เป่าตอนนี้ไม่ชนะหรอก”ขนาดตอนสภาพพร้อมยังไม่ชนะเลยประสาอะไรกับสภาพนี้ล่ะ


“สภาพไหนก็ไม่ชนะหรอกมั้ง”


“อย่าดูถูกกันฉันเคยชนะนายนะ”หวังว่าคงไม่ลืมตอนไปกินบุฟเฟ่หมูกระทะหรอกนะ


“ก็แค่ครั้งเดียว”


“อึก...”ผมถึงกับเถียงไม่ออก


ก็ถูกอย่างที่ฌอนว่าผมชนะแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว พอวันต่อมาที่ลากฌอนออกไปกินข้างนอกผมก็แพ้อย่างราบคราบจนต้องออกเงินเลี้ยงจนใกล้จะหมดตัวเต็มทีแล้ว


“เลี้ยงก็ได้”ถูกฌอนมองหน้าสักพักอีกฝ่ายก็เอ่ยออกมา


“จริงนะ?”ตาผมลุกวาวด้วยประกายแห่งความดีใจ


“ไม่จริงมั้ง”


“อย่าพึ่งกวนตอนนี้สิ”


“จะเอาอะไร”


“แฮมเบอร์เกอร์ เอาแฮมเบอร์เกอร์เนื้อกับไก่ทอดแล้วก็เฟรนไฟน์ อ้อ...น้ำโค้กด้วยนะ”ทุกสิ่งที่อยากกินผมบอกออกไปหมด


“กินไม่หมดจะเอายัดปาก”


“อย่ามาโหดน่า ไม่หมดก็อุ่นไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”


“ไปนอน”สุดท้ายฌอนก็วกกลับมาเรื่องเดิม


“ครับๆคุณตา คุณหลานจะไปนอนเดี๋ยวนี้แหละครับ”ในเมื่อเอาชนะไม่ได้ก็ขอกวนหน่อยละกัน


สายตาของฌอนยังคงมองตามจนผมล้มตัวนอนบนเตียงถึงจะได้ยินเสียงโทรสั่งแฮมเบอร์เกอร์ กว่าของที่สั่งจะมาผมก็มีเวลาพักงีบอยู่สักพักใหญ่


ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยกลิ่นหอมๆของอาหารโชยมาเข้าจมูก พอลุกขึ้นนั่งก็เห็นฌอนกำลังหยิบทั้งแฮมเบอร์เกรอ์ ไก่ทอดและเฟรนไฟน์ออกจากถุง


“หิวแล้ว”ผมบอกพลางเดินไปนั่งข้างฌอน


“รู้น่า เสียงท้องร้องดังจนฉันวาดรูปแทบไม่ได้”


“โกหก”


“เปล่า”


“โกหกแน่นอน”


“ฉันไม่ว่างมาโกหกหรอก เอ้า”แฮมเบอร์เกอร์อันใหญ่ถูกโยนมาให้ก่อนฌอนจะหยิบอันข้างตัวเองขึ้นมาแกะกิน


“ของฌอนเป็นอะไรน่ะ ปลา?”ผมถามระหว่างสังเกต


“อืม”


“อร่อยไหม”


“พอได้”


“ขอคำนึงสิ”พูดเสร็จก็ขยับเข้าไปอีกฝ่ายมากขึ้น


“ไม่ กินของตัวเองไป”


“ก็อยากลองอันนั้นด้วยนี่”ผมยังคงไม่ยอมแพ้คว้ามือฌอนแล้วดึงเข้าหาตัวแต่ด้วยแรงที่ค่อนข้างต่างกันทำให้ไม่เป็นอย่างที่หวัง
ถ้าคิดว่าผมจะยอมแพ้แค่นี้ก็คิดผิดแล้ว


ในเมื่อดึงมือมาไม่ได้ผมก็ขยับหน้าเข้าไปฉวยแฮมเบอร์เกอร์ปลาเข้าปากแทน


“อื้อ อร่อย”


“เป็นเด็กรึไง”ฌอนหันมามองหน้าผมที่ยิ้มกว้างหลังแย่งแฮมเบอร์เกอร์มากินได้สำเร็จ


“เป็นเด็กก็ได้ จะว่าไปภาพที่นายต้องส่งปลายภาคเสร็จแล้วเหรอ”


“ยัง”


“อ้าว จะไม่เป็นไรเหรออีกสองวันก็สอบแล้วนะ”นึกว่าที่กลับมาคือทำเสร็จแล้วซะอีก


“ส่งหลังสอบ”


“ถึงจะส่งหลังสอบแต่ช่วงสอบคงไม่ได้มีเวลาวาด”


“ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวก็เสร็จ”


“ถ้าเหลืออีกนิดเดียวทำไมไม่ทำให้เสร็จก่อนล่ะ”ผมถามต่อ ด้วยความสามารถของฌอนถ้าพูดว่าเหลือนิดเดียวแปลว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงคงจะทำเสร็จ


ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะทำให้เสร็จก่อนกลับห้องจะดีกว่าไม่ใช่


“สิ่งที่ทำให้ภาพสมบูรณ์อยู่ที่นี่”พูดจบดวงตาสีเทาอ่อนของฌอนก็ประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของผม ราวกับฌอนต้องการสื่ออะไรบางอย่างโดยไม่ใช้คำพูดแต่เป็นสายตาทว่าผมกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อได้


สิ่งที่ทำให้ภาพสมบูรณ์อยู่ที่นี่


หมายถึงอะไร


หรือว่า...


“ลืมเอาสีอะไรไปเหรอ”


“...หึ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”ฌอนนิ่งไปกับคำพูดของผมสักพักก่อนจะพึมพำตอบมา


“พึ่งมานึกได้ว่าลืมสี ช้าไปหน่อยมั้ง”ฌอนดูไม่ใช่คนขี้ลืมขนาดนั้น


“ก็นะ เป็นสีที่ช่วยระบายความดำมืดให้สว่างและหายไปราวกับภาพฝันทีไม่คิดว่าจะเป็นจริง”ตลอดการพูดฌอนยังคงสบตากับผมอยู่โดยมีสิ่งเพิ่มเติมคือฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาสัมผัสแก้มผม


ไม่มีการขยับมือหรือลูบไปมา ฝ่ามือนั่นแนบสนิทกับแก้มผมนิ่งจนหัวใจผมค่อยๆเปลี่ยนจังหวะการเต้น


“...ฉันไม่เข้าใจ”ผมอยากเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายอยากสื่อแต่ต่อให้คิดอีกเท่าไหร่คงไม่เจอคำตอบจริงๆหรอก


“ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องเข้าใจหรอก”


“ฌอน...”


“จำเรื่องที่นายขอไว้ได้ไหม”


“ฉันขอ?”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนเรื่องทำเอาสมองปรับตามแทบไม่ทัน


“ที่ขอรูปฉัน”


“จำได้สิ...แต่ยังไม่ต้องรีบหรอกฉันรอได้”ตอนพาฌอนไปสวนธารณะในตัวเมืองผมวิ่งชนะฌอนเลยขอภาพวาดไว้  จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ซึ่งผมก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร


ผมรู้ว่าฌอนรักษาสัญญาเพียงแต่อาจต้องรอให้ผ่านช่วงยุ่งๆไปก่อน


“วันอังคารหลังอาทิตย์สอบมาที่ตึกคณะฉัน”


“...ทำไม”ผมกระพริบตาปริบพร้อมถามกลับ


“เดี๋ยวก็รู้”




คำพูดของฌอนยังคงติดอยู่ในหัวมาเรื่อยๆจนกระทั่งสัปดาห์แห่งการสอบได้ผ่านพ้นไปท่ามกลางความเหนื่อยล้าของนักศึกษาหลายๆคนรวมถึงผมด้วย หลังจากจบการสอบทางมหาลัยจะให้พัก1อาทิตย์ก่อนจะเริ่มเข้าสู่เทอมสอง


เนื่องจากความเหนื่อยล้าผมเลยบอกที่บ้านว่าจะไม่กลับอาทิตย์นี้ ส่วนฌอนก็ดูเหมือนปกติไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าจากการสอบสักนิด พอสอบวิชาสุดท้ายเสร็จฌอนก็บอกว่าจะไปทำผลงานที่ค้างไว้ให้เสร็จโดยย้ำให้ผมไปคณะเขาในวันอังคาร


ผมก็ได้แต่นอนอืดอยู่บนห้องถึงในที่สุดช่วงสายของวันอังคารผมก็เตรียมตัวออกจากห้องไปยังคณะฌอนตามที่นัด


ไม่รู้ว่าจะให้ไปหาที่นั่นทำไม


ไม่ใช่ว่าพอปิดเทอมแล้วทางมหาลัยจะปิดตึกเหรอ


แล้วไปเจอกันส่วนไหนของคณะก็ดันไม่บอกอีก


เบอร์โทรติดต่อก็ดันไม่


“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจพลางนั่งรถของมหาลัยไปยังสถานที่นัด


อาจเพราะอยู่ด้วยกันแทบตลอดเลยไม่เคยสนใจจะขอเบอร์หรือเฟสไว้ก็เป็นได้


รถของมหาลัยขับไปตามถนนรับคนที่รอขึ้นแล้วไปต่อ ผมมองวิวข้างทางระหว่างรถค่อยๆแล่นไปเรื่อยโดยที่ในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์เมื่อวันก่อนสอบขึ้นมาอีกรอบ


ถ้อยคำของฌอนในวันนั้นต้องการจะสื่ออะไรกันแน่นะ


สายตาที่มองมาคล้ายจะบอกบางอย่างกับผม ซึ่งตัวผมเองก็ไม่เข้าใจคำพูดพวกนั้นสักนิดพอถามกลับก็ดันบอกว่ายังไม่ต้องก็ได้อีก


อะไรนักนะ


น่าแปลกจริง...นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ในหัวมีเรื่องของคนคนหนึ่งอยู่มากขนาดนี้


แม้เป็นเพื่อนสนิทกันมากๆผมยังไม่เก็บมาคิดเลย


“ฮืม?”เมื่อรถจอดยังจุดหมายที่ต้องลงผมก็ต้องตกใจกับสภาพของตึกและผู้คนอันล้นหลามตั้งแต่ริมฟุตบาทไปจนถึงด้านหน้าขิงตึก ไม่ต้องคิดเลยว่าด้านในคนต้องเยอะกว่าที่เห็นเป็นเท่าตัวแน่


อะไร


เกิดอะไรขึ้น


หรือมีงานอะไร


จะว่าไปผมก็พึ่งสังเกตเห็นว่าบนรถมีคนนั่งมาเกือบเต็มและลงที่นี่เช่นเดียวกับผม


“เอ่อ ขอโทษนะครับ ที่นี่มีจัดงานอะไรเหรอครับ”ในเมื่อผมไม่รู้สถานการณ์อะไรเลยสักอย่างก็มีตัวเลือกในการไขข้อสงสัยเพียงการถามคนอื่นที่มางานเท่านั้น


“งาน? อ้อ หมายถึงเทศกาลประจำปีนี่น่ะเหรอ”ชายหนุ่มที่ผมทักส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นกันเอง


“งานเทศการประจำเทอม...”แปลว่ามีจัดประจำทุกเทอม


ถ้าเป็นแบบนั้นถึงผมจะไม่รู้ก็ไม่แปลกเพราะผมพึ่งย้ายมาอยู่เทอมแรก


“ใช่ เป็นเทศกาลขึ้นชื่อของมหาที่มีทั้งนิสิต อาจารย์และบุคคลทั่วไปต่างให้ความสนใจ ภายในงานจะมีการจัดแสดงผลงานของนักศึกษาในคณะ เทศกาลนี้ดังมากขึ้นตั้งแต่ปริ้นออฟอาร์ทเข้ามาเรียน”


“หมายถึงฌอน?”


“ใช่ คนนั้นแหละ ปกติเขาจะไม่ค่อยออกมาให้เห็นแต่มีเพียงงานเทศกาลที่มีกฎให้เจ้าของผลงานต้องอยู่ประจำจุดตามผลงานของตัวเองทำให้หลายๆคนพากันมาดู”ผมพยักหน้าระหว่างฟังคำอธิบาย


“เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกนะ”


“ไม่เป็นไร นายพึ่งย้ายมาล่ะสิถึงไม่รู้”


“อืม พึ่งย้ายมาเมื่อกันยา”


“ว่าแล้ว ถ้าจะเข้าไปดูก็ต้องเสียค่าบัตรคนละ120บาทนะ”


“เสียเงินด้วยเหรอ”แค่เอาผลงานในคณะมาแสดงทำไมต้องเก็บเงินด้วยล่ะแถมยัง120บาท


ถ้าจ่ายผมไม่เหลือเงินกินข้าววันนี้แน่ หรือจะไปกดเงินแล้วค่อยมาใหม่ดี


“เสีย120นี้แล้วจะมีโซนอาหารด้านในให้กินฟรีด้วยนะ”


“กินฟรี ไม่อั้นใช่ไหม”ผมนี่ตาลุกวาวเลย


“กินได้จนกว่าจะจุกนั่นแหละ”


“ขอบคุณมานะ ฉันชื่อน้ำ”ผมแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม


“ฉันโทน ยินดีที่ได้รู้จัก”อีกฝ่ายก็แนะนำตัวกลับมาด้วยรอยยิ้ม


“รอเพื่อนอยู่ใช่ไหม”ผมถามเพราะเห็นเขายืนอยู่ตั้งแต่ก่อนผมจะลงจากรถแล้ว


“จะว่าเพื่อนก็...แฟนน่ะ”เขาบอกพร้อมใบหน้าเห่อแดงขึ้นเล็กน้อย


“อ้อ งั้นไม่กวนล่ะ แล้วเจอกันใหม่”


“บ๊ายบาย แล้วเจอกัน”


เมื่อผมแยกจากเพื่อนใหม่มาก็ต้องเสียเวลากับการต่อแถวเพื่อซื้อบัตรเข้าไปด้านในอีก ในเมื่อเป็นงานของคณะก็แปลว่าฌอนต้องยืนอยู่ประจำจุดแสดงผลงานของตัวเองแน่นอน


แค่นึกภาพคนที่ไม่ชอบผู้คนถูกคนนับร้อยล้อมรอบก็อยากขำออกมาดังๆ


ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนั้นคงมีสาวๆยืนออกันอยู่รอบๆมากมาย


“ถ่ายรูปเก็บไว้แกล้งดีกว่า”ผมพึมพำแล้วยื่นเงินพร้อมรับบัตรเข้างานมา


“ว้าว”เมื่อเดินเข้ามาด้านในตึกก็ราวกับหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกนึง ผนังมองจากภายนอกจะเห็นเป็นสีอ่อนๆแต่พอมองจากข้างในกลับเป็นกระจกสามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้


ป้ายบอกทางขนาดใหญ่ถูกติดไว้ห่างจากทางเข้าไม่มาก จากที่อ่านดูเหมือนจะแบ่งเป็นหลายส่วนอย่างชั้นแรกนี้เป็นการจัดแสดงเครื่องปั้น ชั้นสองเป็นพวกสถาปัตยกรรมจำลองและชั้นสามเป็นภาพวาด


“ต้องไปชั้น3สินะ”ฌอนคงอยู่นั่น


แต่ไม่ต้องรีบไปก็ได้มั้งไหนๆก็เสียเงินแล้วเดินดูสักหน่อยดีกว่า


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เริ่มออกเดินดูผลงานของนักศึกษาในคณะโดยเริ่มจากชั้นแรกการจัดแสดงเครื่องปั้น ถึงจะเป็นเครื่องปั้นแต่ไม่ได้มีเพียงแจกันเท่านั้นแต่ยังมีจาน ชาม ถ้วย แก้มหรือแม้แต่เครื่องประดับต่างๆ


ผ่านไปจนถึงชั้น2ผมก็ต้องตกตะลึงกับผลงานโมเดลตึกหลายหลายรูปแบบที่ถูกจัดแสดง นอกจากตึกแล้วยังมีทั้งบ้าน คอนโดหรือแม้แต่โรงแรมซึ่งทุกงานล้วนออกแบบออกมาอย่างล้ำสมัย ผมที่ไม่มีความรู้เดินไปด่อมๆดูผลงานทว่าเจ้าของผลงานกลับออกมาอธิบายตั้งแต่ที่มาไปจนถึงวัสดุจริงที่ใช้


สุดยอดจริงๆ


ใช้เวลาไปนานพอสมควรในที่สุดผมก็ขึ้นมายังชั้น3ที่เป็นจุดหมายได้สำเร็จ บนชั้น3นี้มีผู้คนมากกว่าชั้นอื่นหลายเท่า บนชั้นนี้แต่ละผลงานจะมีการกำแพงขึ้นมาในแนวทแยงสำหรับติดภาพทำให้แต่ละภาพเหมือนมีห้องเป็นของตัวเอง


ผมเองก็ไล่ดูภาพไปเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่เจอภาพที่คาดว่าจะเป็นของฌอนสักที จริงอยู่ที่การมองหาฌอนอาจง่ายกว่าซึ่งใช้ไม่ได้ผลในกรณีที่คนมุงดูภาพจนแทบมองไม่เห็นเจ้าของผลงาน ทุกภาพที่ผมได้ดูคือดูจากระยะไกล


แบบนี้ถึงจะเจอฌอนก็คงเข้าใกล้ไม่ได้ชัว


ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ผมก็ยิ่งมองหาฌอนยากขึ้นเนื่องจากฝูงชนที่เบียดกันจนใกล้คำว่าแออัด


ตอนนี้ก็มาถึงใจกลางห้องแล้ว


หรือว่าผมเดินเลยรึเปล่า


“ไปอยู่ไหนนะ...อ๊ะ”ขาสองข้างหงุดชะงักเมื่อสายตาหันไปเห็นภาพขนาดใหญ่ภาพหนึ่งที่จัดอยู่บริเวณใจกลางห้องซึ่งมีคนยืนมุงดูมากที่สุด


ภาพขนาดใหญ่ปรากฏภาพที่ไม่อาจบอกได้ว่าคืออะไร ตรงกลางของภาพเป็นรูปวงกลมถูกลงด้วยสีดำสนิทก่อนจะค่อยๆไล่ระดับสีออกมาเป็นเทาเข้ม สีต่อมาเป็นสีคราม...ภายในสีครามนั้นมีลายคล้ายเส้นอะไรสักอย่างวาดอยู่ ถัดมาเป็นสีฟ้าถูกระบายในลักษณะของระลอกคลื่นก่อนจะตามมาด้วยสีเหลืองและเขียว


ในแต่ละสีต่างก็มีการลงลายอยู่ภายในราวกับกำลังบอกถึงเรื่องราวอะไรบางอย่าง สีสุดท้ายอยู่นอกสุดคือสีขาวโดยสีขาวนี้ไม่ได้อยู่ในรูปของวงกลมแต่คล้ายกลับปล่อยให้สีไหลไปโดยไม่มีกรอบ บริเวณส่วนปลายของสีขาวนั้นมีสีแดงสดอยู่ทำให้ระหว่างสีขาวและแดงนั้นเป็นสีชมพูไล่ระดับตั้งแต่อ่อนไปเข้ม


ตึกตัก ตึกตัก


ผมไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรกขึ้นมาเมื่อสายตาไล่ตามแนวสีขาวไปจนถึงส่วนปลายที่เป็นสีแดงสด แม้จะไม่มีฝีมือหรือความรู้ด้านนี้แต่ผมก็บอกได้เลยว่านี่เป็นผลงานที่ประเมินค่าไม่ได้


สายตาราวกับถูกดูดให้จับจ้องและหลงใหลอย่างถอดตัวไม่ขึ้น


“ฌอน...”ไม่ต้องเข้าไปใกล้ก็รู้ว่าผลงานนี้เป็นของใคร


อย่าหาผมคิดไปเองเลยแต่ผมมั่นใจว่าภาพนี้เป็นฝีมือฌอน


ทั้งที่เป็นแค่ภาพแต่กลับทำให้ผมต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบยังแก้มทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าแก้มผมกำลังแดงซ่านด้วยความรู้สึกเขินอาย


ถ้าให้เปรียบความรู้สึก


ก็คล้ายกับถูกสารภาพรัก


บ้าจริง


จะเขินทำไมเนี่ย


ไม่แปลกเลยที่จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ดกันไม่ขาดสาย ขนาดผมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องยังรับรู้ถึงอารมณ์ที่สื่ออกมาได้นับประสาอะไรกับคนที่มีความรู้ด้านนี้


อะไรที่ทำให้วาดภาพนี้ออกมากันนะ


ผมใช้เวลาตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะพยายามแทรกตัวเพื่อเข้าไปใกล้ภาพตรงหน้ามากขึ้น แน่นอนว่ายิ่งแทรกตัวเข้าไปใกล้ก็ยิ่งถูกเบียดมากขึ้นเท่านั้น


จะแบนแล้ว


โอ้ย...ขออากาศ


“เป็นภาพที่สุดยอดมาก...มากกว่าภาพไหนๆที่คุณวาดออกมาเลย”เสียงของบทสนทนาทำให้ผมเอียงหูฟังด้วยความสนใจ


“ขอบคุณ”เสียงทุ้มแบบนี้ผมจำได้


ฌอน


“นี่เป็นภาพแรกในรอบ10ปีที่มีการลงสี ทั้งที่น่าจะดูไม่ชินแต่กลับทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจริยะในวงการวาดภาพ”


“ก็ไม่ขนาดนั้น”


“ฉันอยากประมูลภาพนี้”คำพูดนี้ทำเอาผู้คนรอบๆส่งเสียงอึกทึกขึ้น


“ภาพนี้ไม่ได้”และคำตอบของฌอนก็ทำเอาทั้งห้องกลับมาเงียบสนิท


“หมายความว่ายังไง”


“ภาพนี้มีเจ้าของแล้ว”ไม่เพียงแค่ผมที่ขมวดคิ้วแต่หลายๆคนเองก็มีทีท่าสงสัยว่าใครกันที่เป็นเจ้าของ


เทศกาลนี้น่าจะพึ่งจัดวันแรก นั่นแปลว่าถ้าจะมีเจ้าของก็ต้องมาซื้อตั้งแต่ช่วงเช้า


สมกับที่เป็นภาพของฌอน


“ทำไมล่ะ ฉันเคยซื้อผลงานของคุณหลายครั้งแล้วเรื่องราคาน่ะทางนี้ทุ่มให้...”


“มันไม่ได้อยู่ที่ราคา”ฌอนตอบกลับเสียงนิ่ง


“...ฉันให้มากกว่าที่คุณได้สองเท่า”เงียบไปสักพักก็พูดต่อ


ไม่ยอมรามือเลยแฮะ


คงจะยากได้มากจริง


อย่าว่าแต่คนคนนั้นเลยไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็อยากได้ภาพนั้นด้วยกันทุกคน


เพียงแค่มองก็ราวกับถูกช่วงชิงการมองเห็นไป


“ถึงจะให้สองเท่าก็ไม่ได้ทำให้มูลค่าสูงขึ้นหรอก”


“ฉันไม่เข้าใจ”


“ไม่ว่าจะให้เงินสักกี่เท่าของราคาภาพที่ขายก็เปล่าประโยชน์เพราะภาพนี้ผมสัญญาว่าจะให้โดยไม่คิดเงิน”


“ว่าไงนะ?!”


“ให้ฟรีล่ะ!”


“กับใครกัน!”


บริเวณโดยรอบกลับเกิดเสียงซุบซิบขึ้นดังเป็นระรอก ทุกเสียงล้วนต่างสงสัยในคำพูดของของฌนยกเว้นผมที่หัวใจกำลังเต้นเร็วขึ้นเพราะคำพูดเมื่อครู่


สัญญาเหรอ


อย่าบอกนะว่า...


“น้ำเปล่า มานี่สิ”เสียงเรียกจากฌอนเรียกให้ผู้คนรอบๆหันซ้ายขวาราวกับจะหาตัวคนชื่อนั้น


ผมได้แต่ยืนเกร็งทำอะไรไม่ถูก...ดวงตาสีเทาอ่อนจับจ้องมายังผมนั่นทำให้ผู้คนด้านหน้าเริ่มแหวกทางออกให้ ฌอนเดินเข้ามาหาพร้อมกับคว้ามือผมให้เดินตามไปจนถึงด้านหน้าภาพวาดขนาดใหญ่กว่า3เมตร


“ฌอน...”นี่มันเรื่องอะไร


“มาช้านะ”


“คือ...”


“ตามสัญญาภาพนี้เป็นของนาย”ฌอนพูดก่อนจะดึงมอผมให้เอื้อมไปสัมผัสกับภาพตรงหน้าเบาๆ รอยยิ้มมุมปากและสายตาที่มองนั้นกำลังทอประกายแห่งความสุขจนทำให้หัวที่เต้นแรงอยู่แล้วเต้นแรงมากขึ้นไปอีก


“ภาพ...ของฉัน”ผมมองหน้าฌอนอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินนัก


“อืม ของนาย”


“แต่ว่าภาพนี้มัน...ไม่ได้นะฌอนภาพนี้มันไม่เหมาะจะให้ฉันหรอก”ผมพูดรัวๆตามที่สมองเบลอนี่จะคิดออก


ภาพนี้แค่ดูก็รู้ว่างดงามขนาดและราคาของมันก็จะมากกว่าความสวยงามอีกหลายเท่านัก


แล้วจะให้ภาพนี้กับคนธรรมดาที่แค่วาดรูปยังแทบไม่ได้อย่างผมเนี่ยนะ


“นายพูดเองนะว่าให้ฉันวาดให้”


“ก็ใช่ แต่ภาพนี้น่ะ...”


“ไม่สวยเหรอ”ฌอนถามแทรก


“สวยสิ”ผมแทบไม่ต้องคิดคำตอบเลยสักนิด


“หรือไม่อยากได้”


“อยากได้สิ...แต่ว่ามันไม่เหมาะจะอยู่กับฉัน”ผมเอ่ยคำพูดสุดท้ายเบาๆ


บ้านผมไม่ได้มีฐานะมากมายขนาดจะเห็นคุณค่าของภาพนี้ได้


พื้นที่จะติดยังไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่าเลย


ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ภาพที่ทั้งใหญ่และสวยงามขนาดนี้


ตอนแรกที่ขอก็คิดแค่ว่าอยากได้ภาพประมาณเอสี่จะได้เอาไปติดที่ห้อง


“คนที่ตัดสินว่าจะให้อยู่กับใครคือฉัน และฉันเลือกให้มันอยู่กับนาย”


“ฌอน...”


“คุณควรคิดใหม่นะฌอน ฮิลลารี่ ภาพนี้มันไม่ควรอยู่กับคนธรรมดาแบบนี้ ถ้าอยู่กับฉันจะมีอีกหลายคนที่ได้ชื่นชมผลงานนี้ของคุณนะ ลองคิดใหม่เถอะ”ชายที่อยากได้ภาพของฌอนเดินเข้ามาใกล้ สายตาที่ใช้มองมายังผมนั้นดูเหยียดหยามกันสุดๆ


“ให้คิดอีกเท่าไหร่ก็เหมือนเดิม ถึงผมอาจจะให้คุณซื้อผลงานแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกผลงานต้องเป็นของคุณ อย่ามาผูกขาดผลงานและพูดจาดูถูกคนที่ผมเลือก เพราะคุณคงไม่อยากมีปัญหาทั้งกับผมหรือครอบครัวของผม”


“อึก...”อีกฝ่ายถึงกับหน้าถอดสีเมื่อถูกสายตาไม่พอใจจับจ้องไป


“ผมเป็นเลือกว่าจะให้ผลงานไปอยู่ในมือใคร ซึ่งผมเลือกเขา ดังนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์จะมาเปลี่ยนมัน”ฌอนพูดต่อ


“...เข้าใจแล้ว”สุดท้ายเขาก็ยอมรับและล่าถอยไป


คนรอบๆเองต่างก็จับจ้องมายังผมด้วยแววตาสงสัยและมีจำนวนหนึ่งที่สายตาดูไม่เป็นมิตรนักเท่าไหร่ ต้นเหตุของสายตาไม่เป็นมิตรคงมาจากมือของฌอนที่จับมือผมไว้แน่น


เพราะคิดแบบนั้นผมถึงพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกแต่มือนั่นกลับกุมแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก


“ฌอน”ผมเรียกพลางดึงมือแรงขึ้น


ผมจะถูกพวกผู้หญิงกินหัวอยู่แล้วเนี่ย!


“จบเทศกาลจะเอาภาพไปให้”ฌอยยังพูดต่อราวกับไม่สนใจอาการขัดขืนของผม


“ปล่อยมือฌอน...”


“หิวรึยัง?”


“...นิดหน่อย”พอพูดถึงเรื่องกินก็รู้สึกว่าหิวขึ้นมาเลย


“จ่ายเงินแล้วก็ไปกินให้คุ้มละกัน”พูดจบฌอนก็ดึงผมฝ่ากลุ่มคนออกไป


“เดี๋ยวก่อน แล้วภาพล่ะไม่อยู่เฝ้าจะดีเหรอ”


“อืม”


“ไม่ต้องมาอืมเลย”


“รำคาญจะตายอยู่แล้ว จะมาอะไรกันเยอะแยะ นายก็มาช้านะ”


“ไม่ได้บอกนี่ว่ากี่โมง นายเองก็เหมือนกันแหละน่าจะบอกว่ามีเทศกาลฉันจะได้เตรียมตัว เล่นไม่บอกอะไรกันเลย”


“เตรียมตัว? เตรียมท้องมากินมากกว่ามั้ง”


“รู้ทันตลอด”


“หึ”


“นี่ฌอน”ผมเลิกเถียงแล้วหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเงียบๆ


“อะไร”


“แน่ใจนะที่จะให้ภาพนั้นกับฉัน”ผมถามย้ำอีกรอบ


“ฉันพูดไปหลายรอบแล้วนะว่าให้นายน่ะ”


“นั่นสินะ ก้มหน้าลงมาหน่อย”ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆพลางกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายก้มหน้าลงมาใกล้


ถึงคุยกันแบบปกติแต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในตึกเสียงเลยค่อนข้างดัง จะคุยทีก็ต้องเสียงดังนิดหน่อยซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะบอกฌอนผมไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน


“จะแกล้งอะไร...”น้ำเสียงกวนๆถึงกับหยุดชะงักเมื่อผมขยับใบหน้าเข้าใกล้พร้อมกับกระซิบข้างหูฌอนเบาๆก่อนจะผละออกมายืนด้วยใบหน้าเห่อแดงและหัวใจที่เต้นรัวมากกว่าทุกวัน...


“ขอบคุณนะ”

..................................................................................

มาเติมความหวานแบบเต็มเปี่ยมสำหรับตอนนี้

แต่งเองเขินเอง โอ้ยยยย

ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกน่ารักขึ้นเรื่อยๆ

เดาไม่ออกเลยว่าต่อไปจะเป็นยังไง 555

มารอลุ้นตอนต่อไปพร้อมๆกันนะคะ

ไว้เจอกันใหม่

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-03-2017 15:31:39
เขินนนนนนยย  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-03-2017 16:58:22
อ่านไปยิ้มไปทั้งตอนเลย บ้าจริง!!!!!!
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 16-03-2017 18:24:09
ฌอน สารภาพรักด้วยภาพสินะ ว้าววววว ปลื้มปร่ิม
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-03-2017 18:54:29
ขนาดน้ำเปล่ารู้สึกว่าถูกบอกรักผ่านภาพวาดนี่...
นายสารภาพรักเขาผ่านภาพวาดของตัวเองจริง ๆ สินะฌอน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 16-03-2017 19:50:52
ฌอนสารภาพความรู้สึกได้ติสมาก
ส่งผ่านทุกความรู้สึกทางภาพที่ตัวเองวาด
นี่คือขั้นแรกอ่ะของการพัฒนาความรู้สึกที่มี
ต่อน้ำเปล่า  หากว่าบวกการกระทำเข้าไปอีก
น้ำเปล่าคงม้วนตัวขักเขิน ไม่กล้าออกมาพบผู้คนพอดี
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-03-2017 22:25:55
โอ้ยคุณขาาาา คนรอบข้างเบาหวานขึ้นแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-03-2017 23:03:41
มีความหวานนนน :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 16-03-2017 23:25:41
โอ๊ยยย ดีจ๊นนนนนนนน  :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 16-03-2017 23:39:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 17-03-2017 01:57:01
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[  ชอบมาก เนื้อเรื่องดูอบอุ่น ลงตัว องค์ประกอบดี เหมือนภาพวาดนั้นแหละ


เราชอบมาก ชอบเรื่องที่เรื่อยๆความสัมพัน ค่อยๆขยับ ไม่ต้องมีดราม่า ยิ่งดี


รู้ละทำไมช้อนเก่ง ก็เล่นอยู่แต่ห้อง
 "ศิลปะถ้าไม่ฝึกทุกวัน ไม่ใส่ใจมัน ต่อไห้มีฝีมือดีแค่ไหน พรสวรรค์มาจากไหน ถ้าละเลยมัน สักวันมันจะหายไป"จำคำพูดมาจากอาจารย์ที่วิลัย  5555555

สู้ๆคะคนแต่ง แต่งออกมาอีกนะคะ รอชม
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 17-03-2017 06:44:52
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-03-2017 17:56:26
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-03-2017 03:35:20
เป็นคู่ที่เข้ากันอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้เลย
กรี้ดมากกก หวีดดดมากกก
อะไรจะหวานกันขนาดนี้!!! คือน่ารักกกอะ
น้ำเปล่าคือน่ารักคือสดใสมากก
ฌอนคือคนที่มีสเน่ห์อะ
บุคลิกมีสเน่ห์มากจนบางทีอ่านๆไปก้ลืมว่าฌอนหล่อหน้าตาดี
แบบว่าเหมือนไปโฟกัสตรงบุคลิกจนลืมไปว่าเออก้หน้าตาดีมากๆด้วย
ชอบมากกก ฌอนนี่หวานขึ้นเรื่อยๆๆๆเลยอะ น่ารักกก
คอนล่าสุดคือหวานลืมมมมเลยยย น่ารักมากกก
น้ำเปล่าก้คืออาการออกชัดมาก แสดงออกอีกต่างหาก แต่ไม่รู้ใจตัวเองนะ55555
ส่วนฌอนนี่แสดงออหขนาดนี้ ทำขนาดนี้ น่าจะรู้ใจตัวเองแล้วแน่ๆอะ
ชอบมากกก รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-03-2017 15:55:20
มันดียยยยย์
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่6}} 16/03/60 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 23-03-2017 00:21:34
ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-03-2017 10:45:47
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่7




งานเทศกาลขึ้นชื่อของมหาลัยได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับปิดเทอมเล็กๆซึ่งก็ยาวหลายอาทิตย์ไปจนถึงหลังปีใหม่เลยทีเดียว คงมีหลายคนกลับไปอยู่บ้านในช่วงวันหยุดนี้อย่างรูมเมทของผมที่กลับบ้านไปตั้งแต่หลังไปเดินงานเทศกาลของคณะผมจบ


งานแสดงผลงานนักเรียนเป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งที่ผมไม่ชอบ


นอกจากจะคนเยอะแล้วยังมีแต่เรื่องน่ารำคาญอีก


ผลงานเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนการสอบโดยจะมีอาจารย์ประมาณ5คนเดินมาดูผลงานพร้อมประเมินว่าควรจะได้คะแนนเท่าไหร่


ผลงานชิ้นนี้ผมใช้เวลาวาดสองอาทิตย์กว่า เป็นผลงานแรกในรอบสิบปีที่ลงสีสันไม่ใช่เพียงขาวดำเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะแบบนั้นจึงทำให้เป็นที่ต้องตาและสนใจของหลายๆคนจนมีคนมาขอซื้อไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้า


แต่แน่นอนว่าผมไม่คิดจะขายและเหตุผลไม่ใช่เพียงสัญญาที่ให้ไว้กับน้ำเปล่าแต่เป็นความรู้สึกตลอดการวาดผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาภายในหัวผมมันเต็มไปด้วยภาพความทรงจำที่มีกับเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้


ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพนี้มันคือรูปอะไร สิ่งเดียวที่บอกได้คือความหมายของภาพมันสื่ออกมาอย่างชัดเจนจนคนวาดอย่างผมยังต้องตกใจ


ราวกับเป็นคำสารภาพรัก


โชคดีจริงๆที่ไม่ได้วาดในห้องนี้ ตอนแรกผมก็เพียงแค่อยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้คือวาดรูปให้จึงไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้เท่านั้น เพราะแบบนั้นถึงได้ไปหมกตัวอยู่ในห้องส่วนตัวของคณะ แต่สุดท้ายกลับกลายมาเป็นภาพอันเต็มไปด้วยความรู้สึกขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่เห็นผู้หญิงหลายคนยืนหน้าแดงตอนมองภาพนี้


ตัวผมเริ่มแน่ใจในความรู้สึกนี้ว่าคืออะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากจะอยู่กับใครสักคนแบบนี้


เพราะตลอดเทอมมีน้ำเปล่าคอยพูดนู้นพูดนี่ คอยพาไปข้างนอกทำให้ช่วงหยุดยาวหลายวันติดนี่เงียบกว่าปกติ


ทั้งที่ควรจะชอบเพราะจะได้มีสมาธิแล้วทำไมถึงได้รู้สึกไม่มีสมาธิมากกว่าเดิมซะอีก


ครืดดด  ครืดดด


แรงสั่นของโทรศัพท์เรียกสติให้กลับเข้าร่าง ดวงตาสีเทาอ่อนของผมมองไปยังภาพร่างบนกระดาษก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความไม่พอใจนัก


จะให้พอใจได้ยังในเมื่อภาพที่ปรากฏเป็นรูปของรูมเมทเพียงคนเดียวของห้อง


ภาพขนาดกลางบนกระดาษขาวมีรูปของน้ำเปล่าตอนยืนมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยรอยยิ้มบางๆ


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วาดภาพน้ำเปล่า


หลายอาทิตย์นี้ผมเผลอวาดรูปน้ำเปล่าออกมาโดยไม่รู้ตัว


คิดถึงเหรอ


เหงาเหรอ


หรือว่าอยากเจอกันแน่


ไม่แน่มันอาจเป็นทุกอย่างที่ว่ามาเลยก็ได้


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความจากเฟสซึ่งเด้งขึ้นมา ก่อนน้ำเปล่าจะกลับบ้านได้ขอทั้งเบอร์โทรและเฟสบุกของผมไว้ทำให้เกือบทุกวันมักจะมีข้อความส่งมาหาเสมออย่าง


‘กลางวันแล้วกินข้าวด้วยนะ’


‘อย่าเอาแต่วาดรูปออกไปเดินเล่นรับลมบ้าง’


วันนี้เองก็เช่นกัน


‘หวังว่ากลับไปจะไม่ต้องช่วยดึงก้นนายออกจากพื้นหรอกนะ’


“หึ...”ไม่รู้ว่าว่างรึไงถึงได้ส่งมาได้ทุกวี่ทุกวัน


ถึงจะได้ข้อความตลอดแต่ความรู้สึกมันก็ยังไม่พอ


แค่ข้อความมันไม่มากพอ


อยากเห็นหน้า


อยากเห็นรอยยิ้มกว้างนั่น


ระหว่างกำลังคิดอยู่น้ำเปล่าก็ส่งรูปถ่ายเซลฟี่ตัวเองตอนยิ้มกว้างโดยมีภาพด้านหลังเป็นบันไดไม้สูงขึ้นไปจนเกือบถึงยอดเขา


“ไปปีนเขาสินะ”ผมพึมพำระหว่างมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มมุมปาก


ชอบรอยยิ้มนี้ที่สุด


ชอบจนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบได้ขนาดนี้


ก็แค่รอยยิ้มธรรมดาๆ


ทั้งแบบนั้นกลับทำเอาหัวใจสั่นอย่างไม่เคยเป็น


อาจเพราะมันธรรมดาเลยตราตรึงโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้


อีกสองวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว


ถ้าถามถึงครอบครัวผมก็พึ่งโทรมาบอกให้กลับบ้านเป็นครั้งที่3ในรอบอาทิตย์ แน่นอนว่าผมก็บอกปัดไปซะทุกครั้งเพราะไม่อยากจะไปทำอะไรวุ่นวายอย่างการร่วมงานเลี้ยงปีใหม่ที่ทางบ้านเป็นคนจัด


ครอบครัวผมจะพูดง่ายๆก็รวยมาก จะเรียกมหาเศรษฐีก็ไม่ผิด


งานเลี้ยงปีใหม่เองก็ไม่ได้จัดประเทศไทยแต่เป็นอังกฤษบ้านเกิดของพ่อ


แค่คิดว่าต้องนั่งนิ่งๆบนเครื่องโดยไม่ได้วาดรูปเป็นเวลานานก็ทำเอาความอยากกลับไปติดลบบวกกับได้ชื่อว่างานเลี้ยงคนก็ต้องเยอะและไม่ใช่เยอะธรรมดาแต่เป็นมหกรรมของคนเกือบร้อยเข้ามากินดื่มอยู่ภายในสวน


ต่อให้พาคนมาลากก็ไม่กลับแน่นอน


กระดาษวาดรูปบนพื้นถูกหยิบพร้อมชูขึ้นเล็กน้อย ปกติผมไม่ค่อยวาดรูปคนเพราะต้องอาศัยการจำลายละเอียดค่อนข้างเยอะทว่ากลับภาพน้ำเปล่าตรงหน้านี่กลับวาดออกมาได้ครบทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นดวงตาเรียวที่กลมโตกว่าปกติเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างยามมีความสุขหรือแม้แต่ทรงผมที่พริ้วไปตามแรงลม


แปลกใจตัวเองขึ้นทุกวัน


ความรู้สึกนี่คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าคือชอบ


แต่เพียงคำว่าชอบมันอาจไม่เพียงพอที่จะให้บอกออกไปในตอนนี้


ผมไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครเพราะมันจำทำให้ผมเสียเวลาในการวาดรูป


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่น้ำเปล่าก็ลากผมออกไปข้างนอกเกือบทุกอาทิตย์


ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธอย่างจริงจังสักครั้ง


“เอาเข้าไปสิ ขนาดไม่อยู่ยังเข้ามาอยู่ในหัวอยู่นั่นแหละ”ผมพึมพำพลางสไลด์รูปภาพที่พึ่งวาดเสร็จไปยังใต้เตียง


ใต้เตียงถือเป็นสถานที่เก็บภาพที่ดีเนื่องจากไม่มีใครเห็น ผมไม่อยากให้น้ำเปล่ารู้ว่าผมวาดรูปเขาแบบนี้ ถ้าลองค้นใต้นั้นดูก็คงพบกับภาพน้ำเปล่าไม่ต่ำกว่า10ภาพแล้วมั้ง


อีกแล้ว


เผลอทีไรเป็นอันต้องคิดเรื่องน้ำเปล่าทุกทีสิน่า


หลายวันผ่านไปจนถึงวันสุดท้ายของปีหรือก็คือวันที่31ธันวาคม แม้หลายๆคนจะออกไปเที่ยวหรือทำการฉลองกับครอบครัวแต่ไม่ใช่กับผม


โทรศัพท์ก็ยังถูกโทรตามจากผู้เป็นแม่จนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งผมก็ตอบปฏิเสธเป็นรอบที่ล้านได้แล้ว


ทางครอบครัวดูจะอยากเจอผมมากถึงขนาดบอกจะเปลี่ยนมาจัดงานประเทศไทยแทนแต่มีเหลือผมจะยอมให้พวกเขาทำตามใจ
อย่ามากวนความสงบของผมเลย


กระดาษวาดเขียนตรงหน้าบัดนี้มีรูปของแม่น้ำและบ้านเรือนของเมืองเวนิสประเทศอิตาลี่ที่เคยไปเมื่อตอนยังเด็ก ความทรงจำอาจเลือนรางไปบ้างแต่จุดสำคัญยังพอจำได้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“...”ผมละมือออกจากกระดาษตรงหน้ามองไปยังประตูห้องที่ถูกเคาะ


คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ...


ใคร


ช่วงปิดวันปีใหม่นี่คนในหอพักแทบจะกลับกันหมดหอเหลือเพียงคนดูแลที่นานๆครั้งจะมาเคาะประตูเพื่อดูว่าผมยังมีชิวิตอยู่รึเปล่า มีอีกคนที่สามารถมาห้องนี้ได้คือพี่ต้าร์เจ้าของร้านอาหารเจ้าประจำของผมแต่วันนี้ผมไม่ได้สั่งก็เหลือแต่ผู้ดูแลที่ชื่ออะไรสักอย่าง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เร่งจริง”บ่นเสร็จผมก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก


ครั้งนี้แหละผมจะบอกสักทีว่าเลิกมายุ่งได้แล้ว มาเคาะทีสมาธิแตกยับหมด


แกร็ก


“มีอะ...”


“เมอรรี่คริสมาสแอนแฮปปี้นิวเยีย!!”ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ถูกพูดแทรกด้วยเสียงอันดัง น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่มักจะได้ยินเสมอไม่ว่าตอนไหน


รูมเมทที่ไม่น่ามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าได้


“...น้ำเปล่า”ผมเรียกคนตรงหน้าด้วยความสับสนเล็กๆ


“อืม”ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงส่งยิ้มกว้างมาให้


รอยยิ้มที่อยากเห็นมาตลอด


ได้มองตรงๆดีกว่ามองผ่านรูปเยอะเลย


“ทำไมถึง...”มาอยู่นี่


“อยากมาฉลองปีใหม่กับนายน่ะ ฉันอุตส่าหนีออกจากบ้านมาเลยนะ กว่าพ่อแม่จะอนุญาตแล้วขี่รถมาส่งนี่ไม่ง่ายเลย”


คำว่าหนีออกจากบ้านทำเอาผมเริ่มขมวดคิ้วทว่าเมื่อได้ยินประโยคต่อมาผมก็ต้องถอนหายใจยาวๆออกมาแทน


“มันเรียกหนีออกจากบ้านที่ไหนเล่า”


“คิก น่าๆ ฉันเมอรรี่กับแฮปนายแล้ว บอกฉันกลับบ้างสิ”


“อะไรนะ”ผมถามกลับคำพูดแปลกนั่น


“ก็ฉันเมอรรี่คริสมาสแอนแฮปปี้นิวเยียนายแล้ว ฌอนก็บอกฉันบ้างสิ”สำเนียงอังกฤษแปล่งๆขั้นสุดยอดนั่นเรียกรอยยิ้มจากปากผมได้


“ออกเสียงแข็งไป”


“ฮืม? ยังไง”


“merry christmas and happy new year”ผมออกเสียงให้ดูเป็นตัวอย่าง


“คะ...ใครจะออกเสียงเป๊ะเหมือนนายล่ะ ได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว ว่าแต่นายเถอะได้ลุกออกไปไหนบ้างรึเปล่าเนี่ย”น้ำเปล่าถามพลางส่งสายตาจับผิดมา


“ไม่ได้ออก”ผมไม่มีความจำเป็นต้องโกหก


“ฌอน ฉันบอกว่าให้ออกไปเดินบ้างไง”คำตอบผมดูจะทำให้รอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ


“เสียเวลา”เอาเวลาเดินเล่นมาวาดรูปดีกว่า


“เสียอะไรกัน รู้ไหมว่าการออกกำลังมันทำให้ร่างกายแข็งแรงนะ แบบนี้นายสู้แพ้ฉันแน่ๆ”


“แพ้นาย?”ผมถามกลับพลางเลิกคิ้วขึ้น


ผมเนี่ยนะจะแพ้ให้กับน้ำเปล่าที่ตัวเล็กกว่า


“แน่นอน เจอนี่”


ตึง!


น้ำเปล่าตั้งท่าก่อนจะวิ่งเข้ามาหาพร้อมใช้มือกอดเอวผมแล้วใช้หัวดันเข้าบริเวณหน้าท้อง ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวเลยเซเข้าไปในห้อง น้ำเปล่าอาศัยโอกาสนั้นดันแรงจนผมก้าวถอยหลังไปจนชนเข้ากับปลายเตียงอย่างจัง


“เฮ้ย!”ทั้งผมและน้ำเปล่าต่างร้องขึ้นเมื่อพวกเราหงายหลังลงบนเตียงพร้อมกันโดยมีน้ำเปล่าอยู่บนตัวผม


ราวกับเวลาถูกหยุดลง ทุกการเคลื่อนไหวต่างถูกยับยั้ง


สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าทุกอย่างไม่หยุดนิ่งคือเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นเร็วขึ้น อาจเพราะผมอยู่ข้างล่างเลยสัมผัสถึงความอุ่นและน้ำหนักของคนด้านบนได้อย่างชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้น้ำเปล่าใช้มือกอดเอวผมอยู่ทำให้ตอนล้มก็ยังอยู่ในท่าเดิม


เหมือนถูกกอดอยู่เลย


ความอุ่นนี่มันแผ่ซ่านไปจนไม่อยากขยับตัว


อยากอยู่แบบนี้ไปอีกสักพัก


ขออีกสักพักเถอะ


“ฌะ...ฌอน”เสียงอู้อี้ดังขึ้นจากใบหน้าที่แนบชิดกับแผ่นอก


“...อะไร”


“ฉันลุกไม่ได้...”


“ก้มหน้าพูดเสียงมันอู้อี้ฉันฟังไม่ถนัด”ผมบอกไปตามตรง


“ฉันบอกว่าลุกไม่ได้ มือถูกนายนอนทับอยู่”ครั้งนี้น้ำเปล่าเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมจังพร้อมกับพูดเสียงดัง ใบหน้าขาวตอนนี้ปรากฏสีแดงระเรื่อ


เป็นภาพที่น่ามองจริงๆ


“หน้าแดงนะ”


“กะ...ก็เพราะใครเล่า”พอได้ยินคำพูดผมใบหน้าก็ยิ่งเห่อแดงขึ้นกว่าเดิม


“เพราะนายเข้ามากอดฉันไง”ผมตอบให้


ใบหน้าอาจไม่อยู่ในระยะประชิดซึ่งก็ดีแล้วเพราะตำแหน่งนี้ไม่ได้เพียงดวงตาที่สั่นระริกแต่เห็นไปทั้งใบหน้าอันแดงก่ำและริมฝีปากบางๆที่อ้าๆหุบๆ


น่ารัก


ทำไมถึงคิดว่าท่าทางแบบนี้น่ารักกันนะ


เพราะชอบเหหรอ


ก็คงใช่


ผมไม่ปฏิเสธหรอกเพราะตั้งแต่เห็นหน้าน้ำเปล่าหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานความรู้สึกมันก็ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยภาพวาด


“อย่ามาโยนให้ฉันสิ แค่อยากแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นเท่านั้นเอง”


“นี่คือความแข็งแกร่งเหรอการลุกไม่ได้เนี่ย”ผมกวนกลับ


“ช้อน พอเลย ลุกนะ”


“จะลุกยังไงนายนอนทับอยู่นะ”ถึงอยากจะลุกก็ลุกขึ้นตรงๆไปได้หรอก น้ำหนักของน้ำเปล่าไม่ใช่จะเบาและผมเองก็ไม่ได้แข็งแรงขนาดจะลุกขึ้นทั้งที่แขนสองข้างถูกรวบกอดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้


“อ่ะ เอาไงดีล่ะ”


“ฉันจะพลิกตัว”


“เดี๋ยว...เฮ้ย”น้ำเปล่าร้องเสียงหลงเมื่อผมพลิกตัวทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูด


เมื่อพลิกตัวตะแคงข้างทำให้ผมที่ตอนแรกเป็นฝ่ายถูกกอดตอนนี้กลับเป็นฝ่ายกอดน้ำเปล่าซะเอง เส้นผมสีดำสนิทพริ้วไหวเล็กน้อยจากการขยับตัวและเริ่มขยับตัวมากขึ้นหลังจากรับรู้ว่าตอนนี้เป็นผมที่โอบกอดตัวอีกฝ่ายไว้


“ปะ...ปล่อยนฌอน”น้ำเสียงร้อนรนดังขึ้นพร้อมแรงดิ้น


“ไหนบอกแข็งแรงนี่ ลองหลุดออกไปให้ได้สิ”ผมยังไม่อยากปล่อยน้ำเปล่าตอนนี้


เพราะยังไม่อยากปล่อยเลยเลือกจะหาเรื่องมาเป็นข้ออ้าง


กลิ่นหอมๆนี่คงเป็นแชมพูละมั้ง


ผมคิดพลางก้มหน้าลงจนสัมผัสกับเส้นผมสีดำตรงหน้า


“ฌะ...ฌอน ทำอะไร”


“...ไม่รู้สิ”ไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป


“ไม่รู้ได้ยังไง”


“อืม”


“อืมอะไรเล่า ปล่อย”


“ถึงไม่ออกไปไหนแรงฉันก็ชนะนายได้สบายๆ”ผมกระซิบบอกด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ


“หนอย ช้อน!!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับหมัดหนักถูกปล่อยเข้าบริเวณลำตัวจนผมนิ่วหน้าเผลอคลายอ้อมกอดออกเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ


“เจ็บ...”เจ็บจริงไม่ได้พูดเล่น


หมัดของน้ำเปล่าหนักมาก


“ก็ทำให้เจ็บน่ะสิ”พูดจบก็ยังใช้เท้ายันหน้าท้องผมให้ถอยออกไปอีก


“นี่ ฉันเจ็บอยู่นะจะถีบให้ตกเตียงเลยรึไง”


“ตกไปเลย แกล้งกันได้ตลอด”


“ไม่ได้แกล้ง”


“ขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้แกล้งเหรอ นี่แหนะ”และแล้วผมก็ถูกขานั่นถีบอีกรอบทว่าก่อนจะไถลไปไกลกว่านี้ผมก็เอื้อมมือไปคว้าแขนน้ำเปล่าไว้เป็นตัวยึด


“ถีบอีกได้ตกไปพร้อมกันแน่”


“กลัวที่ไหน ยังไงนายก็ตกก่อน”


“น้ำเปล่า เลิกถีบ”


“ก็ปล่อยสิ”


“ก็เลิกถีบก่อนสิ”


“ไม่”


“งั้นฉันก็ไม่”


สรุปวันส่งท้ายปีก็ผ่านไปท่ามกลางเสียงทะเลาะกันจนเข้าวันใหม่ของปี การอยู่กับน้ำเปล่ามีแต่เรื่องถกเถียงกันอย่างไร้สาระทั้งที่เป็นแบบนั้นผมกลับเริ่มรู้สึกสนุกอย่างที่ในชีวิตไม่เคยสัมผัสมาก่อน


ผมหัวเราะ


ผมยิ้ม


ผมพูดคุย


ผมเถียง


ตั้งแต่มีน้ำเปล่าเรื่องที่ผมไม่เคยได้ทำกลับทำราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน


ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลว




ปิดเทอมแรกได้ผ่านพ้นไปเปิดเทอมสองก็ได้มาเยือน สำหรับผมจะยังไงก็เหมือนกันเพราะผมไม่คิดจะเข้าห้องเรียนถ้าไม่จำเป็นอยู่แล้ว พวกวิชาที่ต้องลงก็จัดการตั้งแต่ก่อนปิดเลยไม่ต้องห่วงอะไร


มหาวิทยาลัยนี้ในช่วงต้นปีจะมีการเปิดตลาดสำหรับขายของซึ่งถือเป็นงานขึ้นชื่ออีกงานของมหาลัย ผู้ที่จะเข้าร่วมกันเป็นนักศึกษาทุกคนจะจัดบูธตามวิชาเลือกเสรีโดยให้หาสินค้าทำมือไปขายภายในงานอย่างทำอาหารหรือเย็บผ้าก็ได้ซึ่งจะจัดงานเพียงแค่วันเดียว


นักศึกษาในมหาลัยทุกคนต้องทำสินค้าออกมาคนละ5ชิ้น แน่นอนว่าไม่มีการบังคับให้ทุกคนต้องอยู่เฝ้าบูธใครที่ส่งผลงานแล้วจะเดินเที่ยวหรืออยู่ห้องก็ไม่มีใครว่า ยังไงเรื่องคนเฝ้าคงคุยกันไว้แล้ว


ผมเองก็กำลังวาดภาพเพื่อเป็นสินค้าไปขาย ภาพที่วาดไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนภาพอื่นๆแต่เป็นภาพเล็กขนาดครึ่งเอสี่เพื่อให้สะดวกในการวางขาย


เรื่องทำสินค้าไม่ได้เป็นปัญหา


ยังไงก็ทำมาสามปีแล้ว


ไม่เหมือนกับอีกคนที่ดูจะไม่ค่อยโอเค


“เปล่า นั่นอะไร”ผมหันไปถามผลงานในมือรูมเมท


“กระต่ายไง ไม่เห็นสีขาวกับมือที่ถือแครอทนี่เหรอ”น้ำเปล่ายื่นดินเหนียวปั้นสีขาวซึ่งถูกทำเป็นรูปสัตว์ที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นกระต่ายมาตรงหน้าผม จริงอยู่มันอาจเป็นสีขาวแต่หูนั่นมันสั้นไปสำหรับกระต่ายแถมไอ้ยาวๆสีส้มนั่นดูยังไงก็เหมือนแท่งไม้มากกว่าแครอท


“นายควรทำอย่างอื่น อย่างทำอาหารอะไรแบบนนี้”ผมบอกไปอีกรอบ ตั้งแต่รู้ว่าต้องหาสินค้าไปขายน้ำเปล่าก็คิดอยู่หลายวันก่อนจะเลือกทำพวงกุญแจจากดินเหนียว


ก็รู้ๆอยู่ถึงฝีมือด้านศิลปะว่ามีแค่ไหน


ไม่เข้าใจว่าทำไมยังเลือกจะทำอีก


สินค้าที่เอาไปขายและขายได้นั้นจะมีคะแนนพิเศษรายบุคคลให้ สำหรับน้ำเปล่าน่าจะเก็บคะแนนส่วนนี้ไว้ให้มากๆแต่ด้วยผลงานผมว่าน่าจะยาก


“ไม่ วิชาเสรีฉันคือศิลปะสมัยใหม่นะจะให้ทำอาหารได้ยังไง”


“เฮ้อ วิชาเสรีที่นายอยากลงมันเต็มหมดนี่นะ”วันลงทะเบียนเป็นวันที่ได้ยินเสียงโอดคราญเนื่องจากลงวิชาที่อยากเรียกไม่ทัน วิชาเสรีเป็นวิชาที่ต้องแย่งชิงสูงถึงจะได้วิชาง่ายๆ ดังนั้นวิชาที่น้ำเปล่าจะลงเลยเต็มอย่างรวดเร็ว


“ไม่เป็นไร ได้เรียนวิชาเดียวกับนายบ้างก็ดี”น้ำเปล่ายิ้มระว่างลงมือปั้นต่อ


อย่างที่อีกฝ่ายว่า พอวิชาเสรีที่ต้องการลงไม่ทันผมเลยลองเสนอให้ลงวิชาเสรีเดียวกันไหมเพราะยังเหลือที่ว่างอยู่เยอะพอสมควร


“บังคับให้ไปน่ะสิ”วิชาเสรีเองก็เป็นอีกวิชาที่ผมไม่ลงไปเรียน มีหลายครั้งถูกน้ำเปล่าลากให้ไปเรียนด้วย และหลายๆครั้งนั้นผมก็ต้องจำยอมไปอย่างเสียไม่ได้


“ก็บอกดีๆไม่ยอมไปนี่”


“ก็ไม่ได้อยากไป”


“ฉันไม่มีเพื่อน”


“อย่างนายเดี๋ยวก็หาได้แล้ว”ผมบอก น้ำเปล่ามีอัธยาศัยดี สานสัมพันธ์กับคนอื่นได้ง่าย


ต่อให้ผมไม่ไปด้วยก็หาเพื่อนได้สบายๆ


“อยากไปเรียนกับฌอน ไม่รู้ล่ะฉันจะลากไปทุกคลาสเลย”


“เฮ้อ...”ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะรู้ว่ายังไงก็คงต้องยอมตามที่อีกฝ่ายว่า


เอาเถอะ


การไปเรียนด้วยกันมันก็ไม่ได้แย่


และแล้ววันจัดงานก็มาถึง สถานที่จัดงานคือถนนสายหลักของมหาลัยตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงทางออก ความครึกครื้นของงานขนาดเปิดหน้าต่างบนชั้น12ก็ยังดังเล็ดรอดเข้ามาได้


สำหรับน้ำเปล่าวันนี้ไม่ได้อยู่ห้องเนื่องจากไปเป็นคนเฝ้าบูธโดยคิดจะลากผมไปด้วยแต่มีเหรอที่ผมจะยอมลงไปยังสถานที่อึกทึกขนาดนั้น ต่อให้จะถูกลากหรือพูดยังไงผมก็ยังคงขืนจนในที่สุดอีกฝ่ายก็ต้องยอมแพ้เพราะถึงเวลาเรียกรวมตัว


การปฏิเสธไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร


ทั้งที่เป็นแบบนั้น...


ทำไมถึงรู้สึกเหมือนทำผิดกันนะ


สายตาวิงวอนนั่นยังติดตาอยู่เลย


“แค่ไปดูคงพอนะ”พึมพำเสร็จผมก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวออกไปยังสถานที่ตั้งบูธ


ถนนสายหลักทั้งสองข้างต่างเต็มไปด้วยบูธมากมาย เสียงตะโกนขายสินค้าและผู้คนที่เข้ามาชมงานดังอื้ออึงเรียกความหงุดหงิดให้เริ่มเข้ามา


ผมเลือกที่จะเดินเลาะจากด้านหลังของบูธเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดบนถนนอันเต็มไปด้วยผู้คน งานวันนี้ทางมหาลัยจะประกาศให้เป็นวันหยุดและห้ามนำรถเข้ามาในช่วงเริ่มงานทำให้ถนนกลายเป็นพื้นที่เดินสำหรับผู้มาเยือน


บูธของศิลปะสมัยใหม่อยู่เกือบตรงกลางของถนนสายหลักซึ่งห่างจากหอพักพอสมควร ทุกก้าวที่เดินผ่านต่างก็มีสายตาจับจ้องมารวมทั้งเสียงซุบซิบด้วย เสียงเหล่านั้นต่างก็สงสัยถึงการมาของผม


ก็แน่ล่ะอยู่มาสามปีก็พึ่งเคยมาเดินงานนี้ครั้งแรก


“สนใจงานศิลปะสวยๆไหมครับ”เสียงอันคุ้นเคยของน้ำเปล่าเรียกให้ผมชะงักพลางมองไปยังภาพตรงหน้า น้ำเปล่ายืนอยู่หน้าบูธกำลังส่งเสียงเรียกลูก้าที่เดินผ่านไปมาด้วยรอยยิ้ม เหล่าคนเดินผ่านต่างก็หยุดนิ่งแล้วมองเข้ามาในบูธ...สินค้าหลากหลายอย่างของคนในวิชาถูกจัดเรียงอย่างสวยงามและเป็นลำดับ


“เธอๆ ดูรูปนี้สิสวยมากเลย”หญิงสาวคนหนึ่งหันไปคุยกับเพื่อนระหว่างยืนมองภาพขนาดครึ่งเอสี่ที่ผมเป็นคนวาด ทั้ง5รูปที่ผมวาดล้วนเป็นรูปง่ายอย่างแจกันดอกไม้ ถนนหรือพวกตึกเพียงแต่ใช้การเล่นสีสันให้ดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากขึ้น


ถ้าเป็นตัวผมก่อนหน้านี้คงไม่คิดจะลงสีภาพพวกนั้นหรอก


ทว่าผมในตอนนี้เปลี่ยนไป


“จริงด้วย สวยจัง...เอ่อ รูปนี้เท่าไหร่คะ”เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันหันไปถามน้ำเปล่า


“ครับๆ อ้อ พี่สาวนี่ตาแหลมมากเลยนะครับรูปนี้เพื่อนผมเป็นคนวาดเอง สวยสุดๆเลยเนอะ”


“...ค่า”รอยยิ้มและแววตาของน้ำเปล่าทำเอาสองสาวหน้าแดงขึ้น การกระทำนั่นเรียกให้คิ้วผมกระตุกอย่างไม่พอใจนัก


น้ำเปล่าไม่ใช่คนหน้าหล่อแต่ด้วยท่าทางเป็นมิตร ยิ้มเก่งแถมยังชวนคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติเลยดูเหมือนจะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่างหลงใหลได้โดยง่าย


“รูปนี้ราคา1200บาทถ้าพี่สาวสนใจซื้ออีกรูปผมจะลดให้เหลือรูปละ1000เลยนะครับ”คำพูดคร่องแค่วนั้นแปลว่าคงทำการบ้านมาดี


ราคาของภาพผมตั้งไว้ให้อยู่900ไม่เกิน1500ซึ่งจะขายเท่าไหร่ก็ตามสะดวก


“แหม พูดแบบนี้พวกเราก็...”


“ผลงานของเพื่อนผมน่ะแบบว่าเป็นที่นิยมมากๆเลย ตอนนี้เหลือแค่3ภาพเท่านั้นเองนะถ้าหมดแล้วหมดเลย”น้ำเปล่ายังคงใช้คำพูดเพื่อนกระตุ้นให้อีกฝ่ายซื้อ


“ถ้างั้น เราขอซื้อสองภาพนี้ละกัน”สุดท้ายก็ทำให้ซื้อจนได้


“ขอบคุณครับ สนใจอย่างอื่นอีกไหมครับอย่างพวกกุญแจนี่”เมื่อขายอย่างนึงสำเร็จน้ำเปล่าก็ชูพวงกุญแจรูปร่างประหลาดขึ้น


“เอ่อ...คือ...”


“ผมทำเองเลยนะ”ถึงแม้จะมีรอยยิ้มการค้าช่วยทว่าลูกค้าทั้งสองกลับซื้อแค่ภาพของผมกลับไป


ตลอดการคิดเงินน้ำเปล่าก็ยังคงยิ้มแต่ผมสังเกตเห็นสายตาเศร้าเมื่อผลงานที่ตัวเองทำไม่ได้ถูกซื้อ ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่มากเพียงแต่รูปร่างมันประหลาดถ้ามองเป็นศิลป์ผมว่ามันก็ศิลป์อยู่


“นั่นพี่ฌอนรึเปล่า”


“ฌอน ฮิลลารี่ล่ะ”


“มางานด้วยเหรอเนี่ย”


เพราะมองดูน้ำเปล่าเพลินกว่าจะรู้ตัวก็ก้าวออกจากหลังต้นไม้ซะแล้ว ทันทีที่ทุกคนเห็นผมต่างก็กลายเป็นเป้าสายตาอย่างรวดเร็ว
ไม่ชอบเลยแฮะ


กลับดีกว่า...


“ฌอน!”ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงของน้ำเปล่าก็ตะโกนเรียกพลางโบกมือมาให้ รอยยิ้มกว้างกับดวงตาอันเป็นประกายยามมองมาทำให้ความคิดกลับห้องถูกล้มเลิกไป


“พักหน่อยก็ได้มั้ง เหงื่อออกชุ่มแล้ว”ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มอีกฝ่ายอยู่


“ฮิ สินค้าเราขายดีสุดๆเลย โดยเฉพาะภาพของนายตอนนี้เหลือแค่ภาพเดียวเอง”


“แล้วพวงกุญแจของนายล่ะ”ผมถามกลับทั้งที่รู้อยู่แล้ว


“...ก็...ยังขายไม่ได้”


“งั้นเหรอ”


“ว่าแต่จะมาช่วยฉันขายใช่ไหม”


“เปล่า แค่มาเดินซื้อของ”


“ซื้อของ? หิมะจะตกประเทศไทยละมั้งที่นายยอมมาเดินท่ามกลางผู้คนแบบนี้”


“ถ้าตกจริงฉันจะฝังนายในหิมะเลย”


“คิดว่าฉันจะยอมง่ายๆรึไงล่ะ ก่อนนายจะจับฉันได้ก็เตรียมตัวโดนปาหิมะใส่ได้เลย”น้ำเปล่าตอบกลับด้วยรอยยิ้มนึกสนุก


“หึ...พวงกุญแจของนาย”


“ทำไม? พวงกุญแจฉันทำไม?”


“ฉันจะเหมา”


“...”อีกฝ่ายถึงกลับเงียบกริบเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด


“เท่าไหร่ล่ะ”


“ฉันไม่ได้ต้องการให้นายมาสงสารนะฌอน!”อยู่น้ำเปล่าก็ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าไม่พอใจ


“ฉันก็ไม่ได้สงสารนี่”ผมตอบไปตามตรง


“ถ้าไม่ได้สงสารนายจะซื้อพวงกุญแจหน้าตาประหลาดแบบนี้ไปทำไม”


“ยอมรับแล้วเหรอว่าหน้าตามันประหลาดน่ะ”ระหว่างทำไม่เห็นยอมรับสักที


“ฌอน”


“ฉันไม่ได้สงสาร แค่อยากได้ผลงานของนายเท่านั้น”


“ทำไม...”


“เวลามองมันทำให้อารมณ์ดีขึ้น”


“ฌอน...”


“ทุกครั้งที่เห็นมันทำให้ฉันยิ้มออก...”ผมยังคงพูดต่อ


“ขะ...เข้าใจแล้ว ถ้าอยากได้ขนาดนั้นฉันจะขายให้ นายจะได้อารมณ์ดีตลอดไง”พูดจบก็ชูพวงกุญแจทั้ง5อันขึ้นตรงหน้าผม


“อึก...คิก”รูปปั้นสิงโตที่รูปคล้ายกับดอกทานตะวันมีหายทำเอาผมอมยิ้มบ้างก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่สนว่าจะมีหลายคนมองมาด้วยสีหน้าตกใจ


“หัวเราะอะไร นี่อย่าบอกนะว่าที่บอกอารมณ์ดีคือเห็นแล้วขำนะ”ดวงตาสีน้ำตาลของน้ำเปล่าเบิกกว้างเมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“ตามนั้นแหละ”ที่ผมขำไม่ใช่พียงเพราะรูปร่างของมันแต่มีภาพของน้ำเปล่าตอนตั้งใจปั้นจนสีเลอะหน้าผุดเข้ามาในความทรงจำด้วย


ทุกครั้งที่นึกถึงผมก็ยิ้มออกมาทุกที


“แกล้งกันได้ตลอด สนุกนักรึไง”


“สนุกสิ การได้อยู่กับนายสนุกว่าชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดซะอีก”นี่คือความจริงที่ไม่เข้าว่าทำไมถึงบอกออกไป


มันไม่จำเป็นต้องบอกให้อีกฝ่ายรับรู้


แล้วทำไมถึงได้เอ่ยมันออกไปกันนะ


“ฌอน...”


“อีกไม่นาน ฉันจะบอกอีกสิ่งที่นายยังไม่รู้”ผมใช้ดวงตาสีเทาอ่อนของตัวมองประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าก่อนจะเอ่ยสิ่งที่คิดออกไป


คิดเรื่องนี้มานานแต่ยังไม่มีความกล้าและความมั่นใจในการตัดสินใจ


ทว่าตอนนี้ในส่วนลึกของหัวใจมันกลับร่ำร้องและบอกว่าให้บอกออกไป


ความรู้สึกของตัวเอง


และเมื่อบอกออกไปแล้ว


ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รอยยิ้มนั้นมาอยู่เคียงข้างตลอดไป

................................................................................

สวัสดีค่า

วันนี้มาอัพเร็วขึ้นเล็กน้อย

ตอนก่อนที่ว่าหวานแล้วยังสู้ตอนนี้ไม่ได้เลย อิอิ

พิมพ์ไปเขินไป อพไรจะน่ารักมุ๋งมิ๋งกันขนาดนี้เน้อออ

ถ้าทุกคนอ่านแล้วยิ้มไปด้วยกันจะดีใจมากๆเลยค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้านะ

บ๊ายบาย

 :bye2:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 23-03-2017 11:04:55
งือออออออ ณอนนน เขินนนนนน   :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-03-2017 12:10:52
น่ารัก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 23-03-2017 12:11:46
มุ้งมิ้งสุดๆ  :hao7: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 23-03-2017 12:29:01
ชอบบบ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 23-03-2017 12:48:18
ขอบคุณตัวเองที่กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ดีอะไรเบอร์นี้ ละมุนใจ รอตอนต่อไปนะคะ ปล.คนอะไรชื่อช้อน ขออนุญาตขำ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-03-2017 13:04:21
งือออออ ณอนนนนน
ละลายยยแล้ววว เขินน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 23-03-2017 14:19:18
ดีต่อใจ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 23-03-2017 14:22:54
ในที่สุดฌอนก็เริ่มจะทำตัวเหมือนชาวบ้านเขาแล้ว

เริ่มเปิดโลกกว้างออกอีก  ถึงแม้จะมาจากน้ำเปล่า

ที่เป็นต้นเรื่องก็เถอะ  ถือว่าพัฒนาการของฌอนดีขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 23-03-2017 14:32:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-03-2017 14:34:50
โอ้ยยย น้ำเปล่าน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-03-2017 14:56:42
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 23-03-2017 15:13:50
น่ารักมาก ความรักกำลังก่อตัว ขอแบบไม่มีดราม่านะ อยากกินของหวานมากกว่า
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 23-03-2017 20:59:52
ณอนนนน่ารักกกก
 :impress2: :impress2: :impress2:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-03-2017 21:54:37
บอกเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2017 22:07:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-03-2017 23:19:15
เขินไปอี๊กกกกกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-03-2017 01:14:08
 :impress2: :impress2:อ่านไปเขินไปน่ารักไปนะช้อนอิอิ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-03-2017 00:50:05
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
อ่านไปก็เขินไป มันดีต่อใจมาก
 :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 25-03-2017 03:50:16
รอติดตามมมมมม
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 25-03-2017 14:00:21
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 26-03-2017 18:59:34
คือดีมาก จริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 27-03-2017 00:55:49
งืออออ มันดีมากจริงๆๆ ฟีลกู้ดดแบบสุดๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 27-03-2017 06:05:02
หวานจริงๆนั่นแหละ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-03-2017 22:30:50
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ อ่านรวดเดียวเลย  :mew3:
ฌอนจะสารภาพรักกับน้ำเปล่าแล้วใช่ไหม เอาเลย เชียร์ค่ะเชียร์
เราเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้ารอยยิ้มของน้ำเปล่าจะอยู่เคียงข้างนายอย่างที่นายต้องการจริงๆ (เปิดโหมดซึ้ง 555)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่7}} 23/03/60 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 28-03-2017 19:52:26
 :z13:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 30-03-2017 15:07:08
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่8



“ฌอน ไปเรียนกัน”เสียงแรกของวันคือเสียงผมเรียกพลางใช้มือเขย่าไหล่เจ้าของห้องที่นั่งเหม่อมองกระดาษเปล่าตรงหน้า


วิชาเรียนของวันนี้เป็นวิชาเสรีศิลปะสมัยใหม่ซึ่งเป็นวิชาเดียวที่ได้เรียนร่วมกับฌอน


ทุกๆอาทิตย์ผมมักจะต้องลากอีกฝ่ายให้ไปเรียนด้วย แน่นอนว่าการจะได้คำตอบว่า ‘โอเค รอแป๊บขอเปลี่ยนเสื้อก่อน’ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอยู่ติดห้องอย่างฌอน


“ไม่”และนี่ก็เป็นอีกวันที่ได้คำปฏิเสธ


“ทำไมล่ะ ไปด้วยกันเถอะ นายไม่ได้ออกจากห้องมาจะอาทิตย์แล้วนะไม่เบื่อบ้างรึไง”


“ไม่ ฉันกำลังใช้สมาธิออย่างพึ่งกวน”


“จะกวน จะกวนจนกว่าจะลุกเลย ฌอน ฌอน ฌอนนน”ผมเริ่มก่อกวนหนักขึ้นโดยการเขย่าไหล่ตรงหน้าแรงๆจนมือข้างที่ถือดินสอเริ่มกำแน่น ใบหน้าเองก็เริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ


“เปล่า”


“ไปเรียนกัน”


“อาทิตย์ที่แล้วพึ่งไป”


“นั่นมันอาทิตย์ที่แล้วอย่าเอามารวมกันสิ”


“เลิกกวนได้แล้ว”


“ก็ไปเรียนด้วยกันสิฉันจะเลิกกวนเลย”ผมยังคงตื้อไม่เลิก


“น้ำเปล่า”


“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้ม ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยฉันกลัวที่ไหนกัน ลุกๆๆ”พูดจบผมก็พยายามดึงแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น


“ฉันไม่อยากไป”เมื่อรู้ว่าถึงจะทำเสียงหรือหน้าดุก็ใช้กับผมไม่ได้ฌอนเลยถอนหายใจก่อนจะบอกออกมาตรงๆ


“แต่ฉันอยากให้นายไปเป็นเพื่อนนี่”


“เพื่อนนายก็มี ให้ฉันอยู่นี่เถอะ”


“ไม่”ผมส่ายหน้ารัวๆ


“เฮ้อ...แค่วันนี้นะ อาทิตย์หน้าต่อให้นายจะกวนยังไงฉันก็ไม่ยอมแล้ว เข้าใจไหม”สุดท้ายฌอนก็ยอมในที่สุด


“อืม”ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม


เรื่องของอาทิตย์หน้าก็ให้ตัวผมอาทิตย์หน้าจัดการละกัน


ยังไงวันนี้ก็พอฌอนออกจากห้องได้สำเร็จ


อยากตบมือดังๆให้กับความพยายามนี้จังเลย


พาหนะที่พวกเราใช้เดินทางไม่ใช้รถของมหาลัยอย่างทุกครั้งแต่เป็นรถชอปเปอร์สีเทาเงาของฌอน ฌอนไม่ชอบนั่งรถคนเยอะๆอย่างรถของมหาลัยทำให้ทุกครั้งมักจะขับรถออกไปเสมอ


สำหรับถือเป็นเรื่องดีเพราะไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น ช่วงเช้ามักมีนักศึกษาแย่งกันขึ้นรถเพื่อไปเรียนจำนวนมาก มีหลายครั้งผมแทบจะตัวหลุดออกจากรถเนื่องจากจำนวนที่เบียดกัน


พอมีฌอนขับให้อะไรๆก็ดีไปเลย


“ฮิฮิ...”


“ขำอะไรอีก”ฌอนถามระหว่างล็อครถข้างตึกเรียน


“แค่ดีใจที่ไม่ต้องนั่งรถของมหาลัยมา ดูสิคนเยอะสุดๆ”ผมบอพลางมองไปยังรถบัสด้านข้างกำลังจอดให้นักศึกษาลงตามป้าย


“ถึงได้บอกว่าไม่ต้องไปเรียนไง”


“ฉันไม่ได้ฉลาดเหมือนนายนี่”คนอะไรได้คะแนนดีทั้งที่ไม่ได้เข้าเรียน


เกรดกลางภาคที่ออกมาผมแอบขอฌอนดูรู้ไหมว่าได้เท่าไหร่


3.78


ให้ตายสิ


ไม่ได้ไปเข้าเรียนแต่ดันได้เกรดมากกว่าผมที่เข้าเรียนครบทุกคาบอีก


น่าโมโห


“ไม่ได้ฉลาดแค่ใช้ไหวพริบในการทำ”


“มันก็เหมือนกันแหละ”


“เหรอ”


“อย่ามากวนกันแต่เช้านะ”


“ใครกวน”


“นายไง”


พวกเราต่างเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระไปจนถึงห้องเรียน ในวันแรกๆเพื่อนร่วมวิชาต่างตกตะลึงทุกครั้งที่เห็นฌอนเดินเข้าห้องแต่พอผ่านมาเกือบเทอมทุกๆคนก็เหมือนจะชินกับการมาของฌอนแล้วแม้จะมีหลายคนที่ยังคงตกใจอยู่ก็ตาม


“นั่งหลังๆ”ฌอนกระซิบบอก


“ครับๆ คุณเด็กหลังห้อง”ตั้งแต่มาเรียนด้วยกันผมก็รู้แล้วว่าฌอนไม่ชอบนั่งหน้าเพราะจะเป็นเป้าสายตาได้ง่ายเลยเลือกนั่งหลังห้องแถมติดหน้าต่างอีก


“เอาล่ะ ดูเหมือนวันนี้จะมาครบนะ ดีเลย...มีงานจะให้นิสิตทุกคน...”พอได้ยินว่างานหลายๆคนต่างก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบ


“งานเหรอ...ตายแน่”ผมพึมพำด้วยน้ำเสียงกังวล


วิชาศิลปะสมัยใหม่แน่นอนว่าต้องเป็นวิชาเกี่ยวกับศิลปะดังนั้นงานทุกชิ้นล้วนแต่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และฝีมือในการสร้างผลงานแต่ละอันให้ออกมา


สำหรับคนอื่นอาจไม่รู้สึกอะไรแต่ผมนี่สิ


“เว่อไปแล้ว”ฌอนที่ได้ยินพึมพำกลับมา


“ฉันไม่ใช่นายนี่ งานครั้งก่อนที่ให้วาดภาพเหมือนนายก็เห็นนี่ว่าเป็นยังไง”ผมหันควับไปพูด


“หึ ภาพนั่นสุดยอดแห่งความศิลป์”ฌอนเหมือนจะนึกถึงเรื่องในวันนั้นได้ถึงได้หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ


ผมยังอยากหัวเราะตัวเองเลย


มันเป็นเรื่องเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนซึ่งอาจารย์ให้วาดภาพเหมือนโดยขอให้ฌอนเป็นนายแบบ ด้วยฝีมือของฌอนอาจารย์คงคิดว่าไม่ต้องฝึกวาดก็ได้เลยให้เป็นแบบ การนั่งนิ่งๆเป็นสิ่งที่ฌอนชอบเลยไม่ได้ปฏิเสธทำให้พวกผมนั่งล้อมวงแล้ววาดรูปฌอนในมุมต่างๆ


2ชั่วโมงกว่าในการวาดรูปมีหลายคนวาดได้เหมือนและสวยงามรวมทั้งมีจำนวนหนึ่งที่อาจวาดค่อนข้างแข็ง แต่สำหรับภาพผมแม้แต่อาจารย์ยังขมวดคิ้วราวกับไม่รู้จะพูดหรือแนะนำอะไร


เพื่อนในห้องต่างก็เงียบกริบ


มีแค่คนเดียวหลุดขำออกมาอย่างไม่สนภาพพจน์หรือไม่แคร์สายตาใคร นั่นก็คือเจ้าของแบบฌอนไงล่ะ


นอกจากหัวเราะแล้วยังเดินไปบอกอาจารย์อีกว่า...


‘ผมขอภาพนี้นะ’


นั่นแหละ


ปัจจุบันภาพนี้ยังติดอยู่บนกำแพงในห้องอยู่ เห็นกี่ทีผมก็อยากจะฉีกมันให้เป็นชิ้นแต่ฌอนบอกว่าห้ามยุ่งกับภาพของเขา


อยากจะบอกเหลือเกินว่าภาพนั่นฝีมือผม ไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่


แค่คิดถึงความทรงจำนั่นความอับอาย ขายหน้าก็เข้ามาปะทะจนอยากหมุดหนีไปจริงๆ


“เงียบหน่อย งานครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งเพราะเป็นงานคู่”


“งานคู่?”


“หมายถึง2คน?”


เพื่อนภายในห้องหันซ้ายขวาพูดคุยกันด้วยท่าทางตื่นเต้นเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ให้มีการทำผลงานแบบคู่


“ห้องนี้มี38คน พอดีคู่เลย ให้เวลาหาคู่5นาทีก่อนจะประกาศหัวข้อ”อาจารย์พูดก่อนจะเดินไปยังยังเก้าอี้ด้านข้างปล่อยให้นักเรียนในห้องเริ่มหาคู่กันตามอัธยาศัย


ทุกคนพูดคุยกันสักพักก่อนสายตาหลายสิบคู่จะจับจ้องมายังผม...


ไม่สิ จับจ้องมายังฌอนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่


จริงสิ คงไม่หลายคนอยากจะคู่กับฌอนแน่


ด้วยฝีมือระดับฌอนไม่ว่าโจทย์จะเป็นอะไรก็คงไม่ยากเกินความสามารถ


ผมเองก็อยากคู่กับฌอนเหมือนกันนะ


เพราะถ้าไม่ใช่ฌอนคงไม่มีใครอยากคู่กับผมหรอก


ฝีมือผมมันถ่วงคนอื่นสุดๆแต่ถ้าเป็นฌอน ฉุดคะแนนให้ตกลงสักหน่อยคงไม่เป็นไร


“ฌอน...นายจะคู่กับใคร”ผมหันไปถาม


“ไม่รู้สิ”


“เอ่อ...ถ้าไงมาคู่กับฉันไหม”


“เอาสิ”ฌอนตอบแบบไม่ต้องคิด และคำตอบนั่นทำให้สายตาหลายคู่แสดงความเสียดายออกมาทว่าพอหันมามองหน้าผมทุกคนกลับส่งยิ้มราวกับบอกว่าโชคดีแล้วนะที่ได้คู่กับระดับยอดฝีมืออย่างฌอน


ผมก็ไม่ได้ห่วยขนาดนั้นเหอะ


“จับคู่เสร็จแล้วจะประกาศหัวข้อเลยละกัน หัวข้อคือความผูกพัน จะวาด ปั้น เย็บหรือสร้างอะไรก็ได้ให้สื่อตรงตามหัวข้อโดยให้ส่งอาทิตย์หน้า วันนี้ไม่มีเรียนเวลาที่เหลือก็ปรึกษากันดีๆล่ะ”


“...”หัวข้อนั้นทำเอาทั้งห้องต่างเงียบกริบขนาดผมเองยังขมวดคิ้วแน่อย่างไม่เข้าใจแถมยังให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวอีก พอหันไปมองฌอนกลับเห็นรอยยิ้มมุมปากกับสายตาที่จับจ้องมายังผมอยู่ก่อนแล้ว


หัวข้ออันคลุมเครือจนถึงเมื่อครู่


ทำไมหลังจากสบตากับกับฌอนผมถึงรู้สึกว่าถ้าเป็นหัวข้อนี้พวกเราต้องทำได้แน่กันนะ


ผมและฌอนแวะไปกินข้าวร้านพี่ต้าร์ก่อนจะกลับมายังห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาฌอนจะนั่งลงบนพื้นหน้ากระดาษโดยในมือถือดินสอไม้


“รู้แล้วเหรอว่าจะวาดอะไร”ผมเอ่ยถาม


“หมายถึงอะไร”


“ก็งายที่ส่งอาทิตย์หน้าไง”


“เปล่า ฉันแค่จะวาดรูปที่อยากวาดก่อนหน้านี้เท่านั้น”


“แล้วงานล่ะ”ผมนึกว่าจะวาดงานซะอีก


“เดี๋ยวค่อยทำก็ได้”


“ห๊ะ? เหลือเวลาแค่อาทิตย์เดียวจะเดี๋ยวค่อยทำได้ยังไง”


“ทันอยู่แล้ว”


“นายแน่ใจได้ยังไง”


“อาทิตย์นี้ไม่กลับบ้านได้ไหมฉันกะจะทำงานนั่นช่วงเสาร์อาทิตย์”ฌอนถามขึ้น


“ก็ได้อยู่หรอก แต่จะทันจริงๆเหรอ”


“ดูกังวลนะ”


“ก็มัน...”ผมไม่ได้ฝีมือดีอย่างฌอนนี่


“ไม่เป็นไร”


คำว่าไม่เป็นไรผมฟังแทบทุกวันจนในที่สุดก็มาถึงวันจริงหรือก็คือวันเสาร์ ยิ่งถึงวันลงมือวาดความเครียดและความกังวลก็เริ่มถาโถมเข้ามา ถึงตอนแรกผมจะบอกว่าฉุดคะแนนของฌอนนิดหน่อยคงไม่เป็นไรแต่ก็ไม่อยากให้งานคู่ครั้งแรกล้มไม่เป็นท่า
อยากเก็บมันไว้เป็นความทรงจำ


“...เปล่า...น้ำเปล่า”


“ห๊ะ? อะไรฌอน”เสียงเรียกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าฌอนที่เข้ามาอยู่ในระยะประชิด


“เป็นอะไร”อีกฝ่ายถาม


“...ไม่เป็นไร เริ่มกันเถอะ...จะช่วยกางกระดาษนะ”ผมหยิบม้วนกระดาษข้างเตรียมออกมากาง


“น้ำเปล่า”


“หื้ม?”


“...ไปทำข้างนอกดีกว่า”อยู่ฌอนก็เก็บอุปกรณ์ลงในกระเป๋าใบใหญ่ที่อยู่ใต้เตียง


“เดี๋ยวสิ ทำไมล่ะ”


“ใจเย็นเปล่า”น้ำเสียงพร้อมสัมผัสของมือที่ลูบแก้มผมเบาๆนั่นเรียกให้เสียงหัวใจเต้นดังขึ้น


“ฌอน...”


“ไปสวนกัน”


“สวน?”


“สวนกลางม.”เพราะผมยังงงๆฌอนเลยขยายความต่อ


“อ้อ ได้สิ”


และแล้วพวกเราก็เปลี่ยนสถานที่มาเป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางมหาลัยซึ่งถูกสร้างให้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างโดยมีถนนสำหรับวิ่งล้อมอยู่วงนอกและด้านในขดไปมา นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายตั้งไว้ด้านข้างอีก


บริเวณที่ฌอนพามาเป็นย่านริมสระน้ำที่มีสะพานตัดผ่านไปอีกฝั่งโดยมีตรงกลางของสระเป็นเกาะเล็กๆและมีต้นไม้ใหญ่สำหรับให้ร่มเงา เป็นสถานที่ส่วนตัวที่หลบผู้คนโดยรอบ


“ฌอน...จะทำที่นี่เหรอ”


“ใช่ กางนี่ที”ฌอนส่งผ้าพลาสติกสำหรับกางบนพื้นหญ้ามาให้


“อืม”พอรับมาผมก็จัดการกลางให้มีพื้นทีเพียงพอสำหรับวาดรูป ขนาดของกระดาษที่ฌอนวางลงไม่ได้ใหญ่มากมีขนาดประมาณเอสี่4แผ่นติดกัน


อุปกรณ์มากมายอย่างขวดสี พู่กัน ถังใส่น้ำ กระดาษทิชชู่ น้ำดื่มขวดลิตรและดินสอถูกนำออกมาจัดวางอย่างเป็นระเบียบโดยมีผมมองอุปกรณ์พวกนี้ด้วยความสงสัย ที่สงสัยคือทำไมถังใส่น้ำถึงมีหลายใบ


“เราจะทำอะไรเหรอฌอน นายน่าจะบอกก่อนฉันจะได้ฝึกเตรียมไว้”หลายวันมานี่ผมถามฌอนหลายรอบแล้วว่าจะให้ผมวาดอะไรเพื่อที่ผมจะได้ไปฝึกวาดภาพนั่นก่อนไม่ใช่มารอลุ้นในวันจริงแบบนี้


“ไม่จำเป็นต้องฝึกหรอก ทำได้อยู่แล้ว”


“อย่ามามั่นใจแทนฉันนักเลย”ผมยังไม่มีความมั่นใจนั้นเลยสักนิด


“งานนี่เป็นงานคู่เพราะงั้นควรจะคุยกันก่อน”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนมานั่งมองหน้าผม


“คุยเหรอ”


“นายอยากทำอะไร”


“...ฉันไม่รู้ หัวข้อคือความผูกพันมันค่อนข้างตีความให้ออกมาเป็นรูปยากถ้าจะให้พูดก็คงเป็นคนจับมือกันมั้ง”ผมพยายามคิดและพูดสิ่งที่นึกได้ออกไป


ถ้าพูดถึงรูปที่แสดงถึงความผูกพันก็คงมีแค่แบบนั้นที่คิดได้


“รูปแบบของความผูกพันมันมีมากมายจนไม่สามารถพูดได้หมด บางทีก็เป็นความผูกพันทางสายเลือด บางทีก็เป็นความผูกพันด้วยวัตถุหรือท่าทางการแสดงออก ความจริงทุกอย่างสามารถแสดงถึงความผูกพันได้หมดขึ้นอยู่กับการสื่อออกไป”


“งั้นเราจะตีความไปทางไหนล่ะ”ผมถามกลับ จริงอยากที่ฌอนพูด พอมานึกดูไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือสิ่งของต่างก็แสดงถึงความผูกพันออกมาได้ขึ้นอยู่กับตัวของคน


“ฉันอยากให้นายเป็นคนเลือกว่าจะให้ภาพนี้ไปในทิศทางไหนอย่างให้สื่อไปทางพี่น้องหรือสัตว์เลี้ยง”


“จะดีเหรอ ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้น...คือมันอาจไม่ค่อยดี”ผมพยายามบอก ให้ผมเป็นคนเลือกมันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่มั้ง


“นายเป็นคนเลือกความหมายของความผูกพัน ส่วนฉันจะเลือกวิธีการสื่อเอง”ฌอนพูดต่อ


“วิธีการสื่อ? หมายถึงวาดภาพ?”


“ประมาณนั้น ไม่ต้องห่วงเราจะสร้างมันด้วยกัน”เหมือนฌอจะรู้ว่าผมไม่อยากโยนทุกอย่างให้เขาทำเลยขยายความมากขึ้น


“เข้าใจแล้ว...”


ความผูกพันเหรอ


พอมานึกดูทุกอย่างก็สามารถเรียกได้ความเป็นความผูกพันหมดขึ้นอยู่กับแง่มุมของการมอง


แล้วจะมองความผูกพันนี่ยังไงดี


วัตถุเหรอ


ไม่สิ


ผมอยากให้มันมากกว่านั้น


ผลงานคู่ของผมและฌอน


ผลงานแรกของพวกเรา


“...ความผูกพันของพวกเรา”ผมพึมพำระหว่างเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเทาอ่อนตรงหน้า


ถ้าจะสื่อถึงความผูกพันในทางไหนสักทางผมอยากให้มันสื่อถึงผมและฌอนไม่ใช่ความผูกพันในรูปแบบอื่นอย่างครอบครัวหรือความผูกพันต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง


แต่เป็นความผูกพันของเราทั้งคู่


“หึ...คิดเหมือนกันเลย”รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาเต็มไปด้วยความดีใจยามคิดสิ่งเดียวกัน


“ฌอน...”ฌอนเองก็คิดเหมือนกันเหรอ


“ถ้าเป็นความผูกพันของเราคิดว่าจะใช้อะไรถึงจะสื่อไปได้ล่ะ”ฌอนพูดพลางเอื้อมมือมาสัมผัสกับมือผมแล้วค่อยๆยกขึ้น


“ไม่รู้...”


“แน่นอนว่ามันไม่ใช่สายเลือด และไม่มีวัตถุใดจะสื่อถึงความผูกพันของเราออกไปได้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่จะสื่อถึงความผูกพันของเราออกมาได้ นั่นคือมือที่ถูกนายสัมผัสและลากฉันให้ออกจากโลกอันโดดเดี่ยวจนสามารถมองเห็นแสงสว่างได้อย่างทุกวันนี้”


“ณอน...”


คำพูดพวกนั้นคืออะไร


ต้องการจะบอกอะไรกันแน่


“เราจะใช้มือในการวาด”


“...เราก็ใช้มือตลอดอยู่แล้วนี่”ไม่เห็นเข้าใจเลย


“ไม่ได้ใช้ในการจับแต่เป็นแบบนี้”ถังใส่น้ำถูกเทสีฟ้าสดใส่ลงไปก่อนมือจะถูกดึงให้จุ่มลงไปในถังสีนั้นทั้งคู่


ความเปียกชื้นยังไม่น่าตกใจเท่ากับแรงดึงจากฌอนที่ลากไปยังกระดาษสีนวลแล้วแนบฝ่ามือของพวกเราลงใจกลางกระดาษ ฝ่ามือต่างแบบออกทว่างกลับมือนิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวกันไว้ราวกับสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาด


“ฌอน...”


“พอภาพนี้เสร็จฉันมีอะไรจะบอกนาย”นิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวพันรัดแน่นขึ้นคล้ายคำสัญญา


“บอกอะไร”ผมถามต่อ


“รอวาดเสร็จไง”


“ก็อยากรู้เลยนี่ มาพูดให้อยากรู้มันค้างคานะ”


“งั้นให้ค้างคาสักสามวันดีไหม”


“ทำไมชอบกวนอยู่เรื่อยนะ”


“เอาล่ะ มาทำต่อได้แล้ว”ฌอนพูดพลางเทสีอื่นๆลงในถังที่เตรียมไว้


อุปกรณ์พวกนี้เหมือนอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วเลยว่าต้องทำอะไร


“ฌอน นายรู้เหรอว่าฉันจะตอบยังไง”


“ฉันไม่รู้หรอก เพียงแต่ฉันคิดไว้แล้วตั้งแต่วันที่ได้ยินหัวข้อสิ่งเดียวที่จะสื่อถึงความความผูกพันก็คือสิ่งนี้”ฌอนตอบพลางยกฝ่ามือขึ้นมาระดับสายตา


“สุดยอดเลยนะ คิดได้ในเวลาสั้นๆแบบนั้น”ผมว่าคงมีหลายคู่ที่คิดไม่ตกไปหลายวันกับหัวข้อนี้


“ที่ฉันคิดได้เพราะมีนายอยู่ข้างๆ”


“...หมายถึงอะไร”


“รอวาดภาพเสร็จ”


“อีกแล้ว ตลอดเลย”ผมเริ่มโมโหแล้วนะ


“เริ่มได้แล้ว”ฌอนยกถังใส่สีต่างมาวางเรียงด้านข้าง


“เอ่อ ให้จุ่มแล้วแปะแค่นี้เหรอ”ผมถามอย่างไม่แย่ใจ


“อืม”


“แล้วต้องแบบมือขนาดไหน แล้วมุมต้องแนวตรงหรือด้านข้างได้”ผมยังคงถามต่อรัวๆตามความสงสัย


ก่อนหน้านี้อาจวางฝ่ามือลงไปได้โดยไม่คิดอะไรแต่นั่นเพราะมีฌอนคอยชักนำ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน


ถ้าทำพลาดหรือทำผิดอาจทำผลงานเสียไปเลยก็ได้


“ไม่ต้องคิดอะไร”


“ฉันไม่เข้าใจ”ไม่ต้องคิดนี่หมายถึงยังไง


“ไม่ต้องคิดว่าต้องวางแบบไหน ระหว่างทาบฝ่ามือลงไปให้คิดถึงแค่สิ่งเดียวในหัว”


“คิดถึงอะไร”


“คิดถึงฉัน ความทรงจำ ความผูกพัน สายสัมพันธ์ คิดแต่เรื่องฉันระหว่างวางมือลงไป ความรู้สึกมันจะสื่อมาจากภาพเอง”


“เข้าใจแล้ว”ถึงจะดูน่าอายแต่ก็คงต้องทำตาม


“ฉันเองก็จะคิดถึงนายเหมือนกัน”


ตึกตัก ตึกตัก


คำพูดทิ้งท้ายก่อนจะเงียบนั่นทำเอามือที่ทาบลงไปสั่นระริกเนื่องจากอยู่ๆหัวใจก็บีบแรงขึ้น บรรยากาศเงียบยิ่งส่งผลให้ได้ยินเสียงหัวใจชัดเจนขึ้น


ครั้งแรกเลยที่เต้นแรงและดังขนาดนี้


ทำไมกัน


ในหัวมีแต่เรื่องของฌอนเต็มไปหมด และเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นไปอีก


ใบหน้าเริ่มเห่อแดงทว่าไม่ได้มาจากอารมณ์โกรธหรืออากาศที่ร้อนอบอ้าวแต่เป็นความร้อนจากภายในร่างที่ปะทุออกมาเพียงเพราะคำพูดบ้าๆวนเวียนอยู่ในหัว


หลายชั่วโมงกับการจมอยู่กับตัวเองโดยในหัวนึกถึงเพียงสิ่งเดียว พอทุกอย่างเสร็จสิ้นผมก็ทิ้งตัวนอนลงกับผ้าพลาสติกที่ปูอยู่ด้วยความหมดเรี่ยวแรง หัวใจทำงานหนักเกินไป ในหัวเองก็เช่นกัน


โอ้ย อยากจะบ้า


ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้นะ


“เหนื่อยแล้ว?”ฌอนมองมายังผมก่อนถาม


“อื้อ เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”ภาพตรงหน้ามีรอยฝ่ามือของทั้งและฌอนอยู่แต็มจนแน่นไปหมดไม่เหลือที่ว่างให้วางลงไปได้อีกแล้ว


“เสร็จแค่ขั้นแรกต่างหาก”


“ขั้นแรก? มีหลายขั้น?”จะบอกว่าหลายชั่วโมงที่ทำมาคือขั้นแรก?


“อืม ต่อไปใส่รายละเอียดและแลเงาเพื่อเพิ่มมิติให้ภาพ”


“หา?”


“จากนั้นก็ต้องมีการไล่ระดับสีและวาดกรอบเชื่อมโยงแต่ละมุม”


“เยอะไปแล้ว”แบบนี้กี่วันถึงจะเสร็จหมดเล่า


“เดี๋ยวก็เสร็จ ให้นายวาดกรอบที่เหลือฉันจัดการเอง”


“วาดกรอบ? แน่ใจนะ”ผมถามย้ำเผื่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ


“แน่ใจ นี่เป็นผลงานของเรา นายมีสิทธิ์ที่จะทำ”


“ก็ใช่แต่ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่”


“ไม่เป็นไร”


“ได้ๆ ฉันจะวาดกรอบให้เดี๋ยวจะใส่ดอกกุหลาบไปด้วย”ความมั่นใจเริ่มเข้ามาแล้ว


แบบนี้ต้องทำได้แน่


“ดอกกุหลายหรือขนมชั้น”


“ฌอน!”ความมั่นใจที่มีดิ่งลงเหวด้วยคำพูดเพียงคำเดียว


“หึ ฉันบอกเคล็ดลับให้ไหมล่ะ”


“ได้เหรอ”


“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”


“เอาสิ บอกหน่อย”


“ถ้าจะแต่งกรอบไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดเยอะอย่างจะวาดก็หลายก็แค่ใช้สีแดงแล้ววาดให้โค้งไปมาก็พอแล้วที่เหลือก็ใช้สีเขียวช่วยแต่งเป็นก้านกับใบ”


“โฮ่ แบบนี้เอง จะลองดู”พูกันขนาดกลางถูกหยิบและจุ่มสีก่อนจะลางเส้นทำเป็นกรอบ ด้วยความที่มีรอยมือแปะไปทั่วผมเลยเลือกจะลากเส้นกรอบเชื่อมระหว่างปลายนิ้วทำให้กรอบไม่ได้เป็นทรงเหลี่ยมตรงแต่เป็นโค้งไปมา


ดอกกุหลาบเล็กๆถูกวาดเป็นดอกแรก ดูเหมือนคำแนะนำจะช่วยให้มันดูเหมือนดอกกุหลาบขึ้นมามากพอดู


พวกเราต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองแม้จะมีหลายครั้งที่ผมไปก่อกวนระหว่างฌอนกำลังแลเงาก่อนผมจะถูกฌอนแกล้งกลับโดยการใช้พู่กันวาดดอกไม้อื่นข้างๆดอกกุหลายสีแดงของผมทำให้เส้นกรอบเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันต่างๆผุดขึ้นมาจนรอบ


“อ๊ะ นั่นจะทำอะไรกับกุหลาบของฉันน่ะ”ผมบ่นเมื่อเห็นว่ากุหลาบตูมสีแดงสดกำลังถูกสีขาวเกลี่ยจนกลายเป็นสีชมพู


“เอาคืนที่นายเล่นวาดหนอนใส่ดอกดาวเรืองฉัน”


“หนอนที่ไหน ฉันอุตส่าวาดใบให้นะ”ผมพูดแล้วชี้ให้อีกฝ่ายดูดีว่านี่ไม่ใช่หนอนแต่เป็นใบไหมต่างหาก


“ดาวเรืองใบมันสูงขนาดนั้นที่ไหน”


“ก็ฉันไม่รู้นี่ ผิดนิดหน่อยเอง”


“แน่ใจว่านิดหน่อย แล้วดอกทานตะวันนั่นมีสีม่วงรึไง”ฌอนชี้ไปยังดอกทานตะวันฝีมือผมที่มีสีม่วงเข้ม


“บอกแล้วไงว่ามันถูกดัดแปลงพันธ์”


“ลงผิดก็บอกมา”


“จะหาเรื่องรึไงฌอน”


“พูดเรื่องจริงโกรธเลยเหรอ”


“ฌอน”


“หึ...”อยู่ๆใบหน้านิ่งๆก็หลุดขำพร้อมรอยยิ้มออกมา


“อุ๊บ คิก ฮ่าฮ่า”ผมเองก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใครเช่นกัน


ผลงานคู่ครั้งแรกเสร็จสิ้นยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ภาพนี่อาจะดูเละแทะไปบ้างบริเวณกรอบทั้งสี่ทิศทว่ามันกลับสื่อสิ่งที่ต้องการออกมาได้อย่างดีถึงขนาดผมยังรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของภาพนี่


เข้าใจเลยคำพูดที่ว่าภาพจะสื่ออารมณ์ของคนสร้างออกมา


ไม่คิดว่าจะเสร็จภายในวันเดียว


“น้ำเปล่า”หลังจากเก็บข้าวของเสร็จฌอนก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากปกติอย่างชัดเจน


จะว่าไปอีกฝ่ายบอกไว้นี่ว่ามีเรื่องจะบอกหลังเสร็จงาน


“อะไร”ผมหันไปเผชิญหน้ากับฌอนตรงๆ


“ภาพที่ฉันให้นายเมื่อวันงานเทศกาลจำได้ไหม”


“จำได้สิ”ภาพนั่นตอนนี้ผมยังเก็บไว้ในห้องพักอยู่เลย กะว่าหมดเทอมจะให้พ่อเอารถมาขนไปไว้บ้าน


ภาพที่มีคนมาขอซื้อแต่ฌอนไม่ขายและเลือกจะให้ผมตามคำสัญญาที่ให้ไว้


“มองภาพนั้นแล้วรู้สึกไหมถึงสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อ”


“...อืม”เวลามองภาพนั่นราวกับถูกสารภาพรัก


เป็นความรู้สึกที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรับรู้ได้ทุกครั้งที่มอง


“แล้วรู้ไหมว่าฉันต้องการสื่อมันกับใคร”


ผมถึงกับเงียบเมื่อได้ยินคำถามต่อมา


นั่นสิ


ผมไม่เคยคิดเลยว่าคำสารภาพรักนั่นต้องการสื่อถึงใคร


“...ไม่รู้”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ


“ฉันจะบอกให้...”


“เดี๋ยวสิ นายควรจะไปบอกกับคนนั้นไม่ใช่ฉันนะ”ผมรีบพูดแทรก


แค่ดูภาพก็รู้แล้วความรู้สึกของฌอนมันชัดเจนขนาดไหนดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะมาพูดกับผมแต่เป็นคนคนนั้นที่ฌอนต้องการจะบอก


ทั้งที่น่าจะแสดงความยินดีได้อย่างเต็มใจแต่ทำไมภายในอกถึงรู้สึกราวกับต่อต้าน


ไม่อยากได้ยินชื่อของคนอื่นระหว่างอยู่ด้วยกัน


“ฉันก็กำลังบอกกับคนคนนั้นอยู่นี่ไง”


“...”เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งกับคำพูดของฌอน


กำลังบอกอยู่เหรอ


“คนที่ฉันอยากสารภาพรักคือนาย...น้ำเปล่า”


“ฌะ...ฌอน...”


“ฉันชอบนาย...คบกับฉันนะ”คำสารภาพถูกเอ่ยพร้อมกับดวงตาสีเทาอ่อนที่สบมาอย่างจริงจัง


ตัวผมได้แต่ยืนเงียบ ในหัวมันขาวโพลนจนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น


ไม่รู้แม้กระทั้งอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ


นี่ไม่ใช่ครั้งที่ผมถูกสารภาพรัก ผมเคยมีแฟนมาก่อน


แต่นี่เป็นครั้งที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิง


ผมควรจะยิ้มและหัวเราะก่อนจะตอบกลับไปว่าล้อเล่นเหรอแต่ผมกลับไม่ทำเพราะรู้ดีว่าคำพูดนั่นไม่ได้ล้อเล่นแต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของฌอน


ทั้งที่ผมควรปฏิเสธเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน


แต่ทำไมกัน


ทำไมถึงได้ไม่รู้สึกแย่กับคำสารภาพนี่แถมหัวใจยังเต้นรัวอีกต่างหาก

.................................................................................

สวัสดีค่า

เติมความหวานกันอย่างต่อเนื่องสไหรับฌอนและน้ำเปล่า

บอกเลยว่าหลายตอนมานี่ทวีความหวานขึ้นเรื่อยๆ

โปรดระวังมดขึ้นหน้าจอ555

ตอนนี้ฌอนได้สารภาพรักแล้ว น้ำเปล่าล่ะจะทำยังไงต่อไป

เรื่องนั้นต้องติดตามต่ออาทิตย์หน้านะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่คอยคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันตลอด

ขอบคุณจริงๆค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาา

 :bye2:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 30-03-2017 15:21:28
โอย หวานจนมดขึ้นจอแล้ว  :-[
ฌอนเขาบอกแล้วนะ น้ำเปล่าก็ตอบรับเถอะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-03-2017 15:46:28
หวานมดท่วมจอออ
หวานขึ้นเรื่อยๆจนกลัวว่าจะมีดราม่า
55555 รอค่าา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 30-03-2017 15:47:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-03-2017 16:25:55
ความหวานทะลุจอแล้วววววว :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 30-03-2017 17:34:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-03-2017 18:04:02
ตอบตกลงไปเลย น้ำเปล่า
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 30-03-2017 18:22:05
เขิยมากเลยคุณขาาา กี๊ดๆๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-03-2017 19:33:15
หวานไปอี๊กกกกกกกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 30-03-2017 21:25:52
รับรักเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2017 21:53:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 30-03-2017 22:16:25
ฌอนสารภาพรักแล้ววววววว~  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-03-2017 22:27:43
 :L1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: beisamare ที่ 30-03-2017 22:29:56
เพิ่งเห็นงานเขียนใหม่ 
ตามๆเรื่องนี้ชอบในความละมุนต่อใจ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-03-2017 22:54:41
มุ้งมิ้งกันจัง สวีตกันเว่อร์~! :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 30-03-2017 23:18:26
หวานจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-03-2017 10:59:12
ฮื่ออออ เราชอบความโรแมนติกของผู้ชายคนนี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-03-2017 21:08:21
หวานมาก อ่านไปอมยิ้มไปทุกตอนเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-04-2017 11:29:35
รีบตกลงสิน้ำเปล่าาาา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-04-2017 18:06:31
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่8}} 30/03/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 03-04-2017 20:39:29
น่ารักจังงง
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 5/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-04-2017 14:47:52
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่9



ยามเย็นของการถูกสารภาพรักก็ผ่านไปหลายอาทิตย์ทว่าผมก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับฌอนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบจากผมนักซึ่งก็ทำให้ไม่รู้สึกลำบากใจมากนักเวลาอยู่ด้วยกัน


ถึงจะไม้ได้รู้สึกแย่ก็ไม่ได้แปลว่าจะตอบตกลงได้ง่ายๆ


มันมีหลายอย่างที่ต้องคิดโดยเฉพาะเรื่องที่เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้ชาย


“เฮ้อ...”ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว


นี่ผมปวดหัวมานานเท่าไหร่แล้วนะ


อีกไม่นานก็จะถึงช่วงสอบก่อนปิดเทอมใหญ่ขึ้นปี4แล้วด้วย ขืนเป็นแบบนี้คะแนนคงออกมาไม่ดีแน่ๆ


“ถอนหายใจอะไรเปล่า”ฌอนที่นั่งวาดรูปอยู่กลางห้องถาม


“รู้สึกว่านายจะหลุดจากสมาธิง่ายกว่าเมื่อก่อนนะ”ผมพูดขึ้นก่อนจะนึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอกัน กว่าจะเรียกฌอนได้แต่ละทีทำเอาเสียเวลาไปเยอะเนื่องจากเขาอยู่แต่ในโลกของตัวเอง


ช่วงนี้ขนาดผมถอนหายใจยังหันมาถามเลยว่าเป็นอะไร


“แค่กับนายหรอก”


“...”ทั้งที่ก็เป็นเพียงคำตอบธรรมดาแต่ทำไมผมถึงใจเต้นได้ละเนี่ย


ก็แค่ตอบตามปกติจะเงียบทำไมล่ะตัวผม


“ไม่มีสมาธิอ่านเดี๋ยวก็ทำสอบไม่ได้หรอก”ฌอนพูดต่อเมื่อเห็นผมเริ่มเหม่ออีกรอบ


“รู้น่า น่าอิจฉาคนที่ไม่ต้องอ่านก็ทำได้จริงๆเลย”


“ไม่ใช่ไม่อ่าน อ่านแค่ตรงที่น่าจะออกเท่านั้นเอง”


“แต่ก็อ่านแค่ตอนก่อนไปสอบนี่”ผมสวนกลับ


อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเห็นฌอนอ่านหนังสือแค่ตอนช่วงก่อนออกไปสอบเท่านั้น ช่วงเวลานั้นยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ


“ยิ่งเครียดข้อที่จะทำได้มันจะพลอยทำไม่ได้เอานะ”


“ถ้าไม่มีอะไรในหัวก็เขียนตอบไม่ได้เหมือนกันนี่”


“กังวลวิชาอะไร”อยู่ๆฌอนก็ถาม


“ก็หลายวิชา”


“เลือกที่คิดว่าไม่ได้แน่ๆมาสักวิชาสิ”


“งั้นกฎหมายกับเศรษฐศาสตร์มหาภาค”ความจริงยังมีวิชาการตลาดกับการจัดการอีก


เอาเป็นว่าผมเป็นกังวลแทบทุกวิชายกเว้นวิชาเสรีที่ลงเรียนกับฌอนเพราะพึ่งรู้ว่างานคู่ครั้งก่อนถือเป็นคะแนนเก็บเพียวๆถึง30คะแนนและผลงานของผมและฌอนนั้นได้คะแนนเต็มมา


ตอนที่ได้ยินว่าได้เต็มผมเกือบจะกระโดดกอดคอฌอนอยู่แล้ว


ครั้งแรกในชีวิตที่ได้คะแนนเต็ม


ผมดีใจสุดๆต่างจากฌอนที่ทำหน้านิ่งไม่สนใจคะแนนสักเท่าไหร่


“กฎหมายฉันเรียนไปเทอมที่แล้ว”


“จริงเหรอ ติวให้หน่อยสิ”ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้


มาตรานับร้อยแถมยังมีวรรคหนึ่งวรรคสองผมจำไม่ได้หรอก


“ไม่แน่ใจว่าจะอาจารย์คนเดียวกันไหม...”


“ไม่เป็นไรๆ ช่วยหน่อยเถอะ”


“คณะนายบริหารสินะ”


“อื้ม”ผมพยักหน้าตอบ


“งั้นพวกที่ออกน่าจะเป็นเกี่ยวกับพวกกฎหมายด้านธุรกิจ ลองจำพวกนี้ดู...พวกมาตราไม่ต้องสนใจมากก็ได้ให้จำเป็นเคสเอาจะได้ง่ายขึ้น”ฌอนลุกเดินมาหาก่อนจะหยิบหนึ่งในกองชีทขึ้นไปเปิดแล้วยื่นกลับมาให้


“โอ้ ได้เลยๆ แล้วเศรษฐศาสตร์ล่ะ”ผมถามต่อ


“แม่นพวกอุปสงค์อุปทานรึยัง”


“ก็ไม่ค่อย...”ผมคุ้นๆอยู่นะแต่จำไม่ค่อยได้


“จำพวกนั้นให้แม่นแล้วก็พวกกราฟกีบจีดีพี ที่เหลือก็เสี่ยงดวงเอา”


“เสี่ยงดวง?”ผมหันไปมองหน้าฌอนอย่างไม่เชื่อสายตา อย่างฌอนเนี่ยนะจะใช้ดวง


“ใช่ การทำสอบก็เหมือนเสี่ยงดวงนั่นแหละ อ่านตรงจุดไปก็ได้คะแนน ถ้าอ่านไม่ตรงแต่มีความรู้เรื่องนั้นก็จะทำได้...เสี่ยงดวงทั้งนั้น”


“งั้นฉันควรไปไหว้พระไหม”


“การไหว้พระช่วยให้จิตใจสงบขึ้นแต่ไม่ได้หมายความว่าจำสอบได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวนายเอง”


“ก็จริงอย่างนายว่า”ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวผมเอง


“พยายามเข้า”


แต่ไม่อยากอ่านนี่นา


มันเหนื่อยจะตาย


“จะว่าไป เทอมหน้าฝึกงานเหมือนกันรึเปล่า”ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเทอมหน้าต้องไปฝึกงานแล้ว


“อืม”ฌอนพยักหน้าตอบ


“ได้ที่รึยัง?”


“นายล่ะได้รึยัง”ฌอนถามกลับ


“ฉันถามก่อนนะ”


“ได้แล้ว”


“สมแล้วที่เป็นฌอน ฉันก็ได้แล้วเหมือนกัน ของนายคงเป็นบริษัททางด้านศิลปะไม่ก็พวกออกแบบใช่ไหม”


“ประมาณนั้น แล้วของนายที่ไหนล่ะ”


“อยากรู้เหรอ”ผมแกล้งถามกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ


“อืม เผื่อจะไปดักรอ”


“คิก เดี๋ยวเรียกตำรวจเลย”ผมหลุดขำออกมากับคำตอบของฌอน


“ไม่เป็นไรมีเงินประกัน”ฌอนเองก็กวนกลับมาเช่นกัน


“เอาที่สบายใจเลยพ่อคนรวย”


“หึ...บอกมาว่าที่ไหน”


“บริษัทH&Yที่พ่อฉันทำงานอยู่น่ะ เห็นว่าเป็นบริษัทสาขาของประเทศอังกฤษล่ะมั้ง ตอนนี้พ่อฉันทำงานอยู่ที่สาขาใหญ่เลยอยากลองไปทำด้วยจะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง”ผมบอกไปตามจริง


“...ใช้เส้นสินะ”ฌอนนิ่งไปสักพักก่อนจะพึมพำด้วยรอยยิ้มเหมือนกำลังดีใจ


“บ้าสิ พ่อฉันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นสักหน่อย ไปสัมภาษณ์มาแล้วติดต่างหาก”ผมสวนกลับ


ดูถูกกันจริง


“ติดตัวสำรอง?”


“ทำไมชอบดูถูกกันจัง ตัวจริงสิ แล้วนายล่ะฌอนได้ไปสัมภาษณ์อะไรรึยัง”ผมนึกถามตอนฌอนไปนั่งอยู่กลางห้องแล้วตอบคำถามไม่ออกเลย


“ไม่ได้ไป”


“ไม่ได้ไป? หมายถึงไม่ต้องสัมภาษณ์ก็เข้าได้เลย”


“ประมาณนั้น”


“ทำไมล่ะ”


“ก็บริษัทของครอบครัวฉันนี่”


“ครอบครัวนายมีบริษัทเป็นของตัวเองด้วย? บริษัทอะไร”ผมยิงคำถามต่อรัวๆด้วยความอยากรู้


“อยากรู้?”


“อืม”


“ไม่บอก”


“ฌอน!”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง


นิสัยไม่ดี


ทำไมชอบกวนขนาดนี้นะ


“คุยเพลินเดี๋ยวก็ไม่ได้อ่านหรอก”ฌอนบอกพลางมองไปยังกองชีทบนเตียงผม


“รู้แล้วน่า”


ผมเลิกคุยกับฌอนแล้วเริ่มตั้งใจอ่านชีทของแต่ละวิชาให้เข้าหัวมากที่สุด ช่วงสอบเป็นช่วงเหนื่อยล้าอันหาที่สุดไม่ได้ หลายๆวิชามีเพียงคำถามข้อเดียวให้เขียนตอบเกือบ10แผ่น บางวิชาก็มีเพียงข้อกาซึ่งแต่ละช้อยนั้นทำเอาผมต้องยกมือขึ้นกุมหัวด้วยสติกระเจิง


ดวงผมจะดีพอเสี่ยงข้อถูกไหมนะ


หลายวันของการสอบผมยังคงเดินทางจากหอไปยังตึกสอบต่างๆ หลังเลิกสอบระหว่างเดินผ่านตึกของคณะมนุษย์ศาสตร์ผมก็หยุดนิ่งพลางมองไปยังโต๊ะยาวที่มีรุ่นพี่รุ่นน้องหลายคนกำลังยืนแจกใบปลิวบางอย่างอยู่


“พี่คะ สนใจไปค่ายอาสาบนดอยในช่วงปิดเทอมไหมคะ”เสียงของรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับยื่นใบปลิวมาให้ผมอ่าน
ใบปลิวนี้บอกสถานที่ที่จะไปรวมถึงกำหนดการต่างตั้งแต่วันไปจนถึงวันกลับ


“หนึ่งอาทิตย์เหรอ...น่าสนใจดีแฮะ”ผมพึมพำระหว่างอ่านข้อความต่อ


“พี่สนใจเหรอคะ”รุ่นน้องคนเดิมถามด้วยตาเป็นประกาย


“อ่า ไปนี่ต้องเสียค่าไปเท่าไหร่ครับ”ผมลองถามดู


“สำหรับค่าไปคิดคนละ200ค่ะแต่มีทั้งที่พักและอาหารให้เมื่อไปถึงต้องไปช่วยกันสร้างห้องสมุดกับสอนน้องๆบนดอยด้วยนะคะ”รุ่นน้องอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัด


“ถ้าจะไปนี่ต้องทำยังไงบ้าง”


“ลงทะเบียนตรงนี้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวก่อนวันไปจะมีจัดประชุมตามเวลาในใบปลิว รายละเอียดที่เหลือพวกรุ่นพี่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ”


“เข้าใจล่ะ”ผมพยักหน้าก่อนเดินไปเขียนชื่อและเบอร์โทรตัวเองลงในช่องทว่าช่วงที่เขียนชื่อนั้นในหัวก็นึกถึงฌอนขึ้นมา


ค่ายนี้จัดช่วงปิดเทอมฌอนน่าจะว่าง


งั้นลงชื่อให้ไปด้วยกันเลยดีกว่า


“ลงเผื่อเพื่อนได้ไหมครับ”ผมเงยหน้าขึ้นถามรุ่นพี่ตัวใหญ่ที่คอยดูแลการลงชื่อ


“ได้เลยน้อง แค่เขียนชื่อกับเบอร์ให้ถูกก็ไม่มีปัญหา”


“ครับ...”ผมพยักหน้าเตรียมเขียนชื่อให้แต่แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังจำนามสกุลฌอนไม่ได้เลยนี่นา


อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยยังเขียนไม่ถูกเลย


เมื่อไม่รู้จะทำยังไงผมเลยยกโทรศัพท์ขึ้นโทรไปหาฌอนเพื่อถามเอาจากเจ้าตัว


“ฌอน”ผมเรียงทันทีที่ปลายสายรับ


[มีอะไร...ฉันไม่ออกไปกินข้าวด้วยหรอกนะ]เหมือนปลายสายจะคิดว่าผมโทรเรียกให้ออกมากินข้าวข้างนอก


“เปล่าสักหน่อย เดี๋ยวจะซื้อข้าวขึ้นไปให้”


[ไม่อร่อยไม่เอานะ]


“เรื่องมากก็ลงมาซื้อเองสิฌอน”ผมลงทุนเดินไปซื้อให้เลยนะ


[ก็ทำให้กินสิ]


“ครั้งก่อนใครบอกว่ารสชาติธรรมดากัน อีกอย่างทำอาหารบนห้องได้ที่ไหนล่ะ”


[ถ้าพวกเตาไฟฟ้าไม่เป็นไรนี่]


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน บอกนามสกุลนายมาหน่อย”


[นามสกุล?]


“ใช่ สะกดไม่ถูก”ผมบอกไปตามตรง


[เอานามสกุลฉันไปทำอะไร]ปลายสายถามต่อ


“ฉันจะเปลี่ยนเป็นนามสกุลนายมั้ง”ผมกวนปลายสายไป


[แปลว่าไม่ใช่แค่ตกลงคบแต่ตกลงที่จะแต่งงานกับฉันด้วยสินะ]ด้วยความที่เป็นโทรศัพท์ทำให้เสียงอยู่ใกล้กว่าเดิม ถ้อยคำและประโยคเหล่านั้นพอได้ยินในระยะประชิดทำเอาอยู่ๆใบหน้าก็เห่อแดง หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น


ผมเป็นฝ่ายกวนก่อนแท้ๆดันมาถูกทำให้เขินซะได้


“คิดเองเออเอง บอกมาเร็วๆเลย”ผมไม่อยากยืนหน้าแดงให้คนอื่นเห็นนานๆหรอกนะ


[Hilary]


“สะกดไม่ถูก ขอเป็นง่ายๆภาษาไทย”


[แบบนี้ถ้าเปลี่ยนนามสกุลจริงจะไม่แย่เหรอ]


“ใครจะเปลี่ยนกัน!”ผมพูดเสียงดังใส่ปลายสายจนหลายคนหันมามองผมเลยเร่งให้ฌอนเลิกเล่นแล้วบอกมาดีๆก่อนจะลงทะเบียนชื่อฌอนไปด้วย


พอเสร็จจากการลงทะเบียนต่อมาผมนั่งรถไปยังห้างด้านหน้ามหาลัยเพราะมีคนบางคนบอกว่าอยากกินอาหารฝีมือผม


แล้วทำไมผมต้องทำตามด้วย?


ผมเฝ้าถามตัวเองตั้งแต่เดินเข้าห้างจนกลับถึงหน้าหอแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ


จริงอยู่ที่หอมีกฎห้ามใช้เตาแก๊สแต่อนุโลมให้ใช้พวกกาต้มน้ำ ไมโครเวฟหรือตาไฟฟ้าได้แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังล่ะนะ


“น้ำ”เสียงเรียกของคนดูแลหอดังขึ้น


“พี่กร? มีอะไรครับ”ผมหันกลับไปถาม


“มีเรื่องจะบอกน่ะ”


“เรื่องอะไรครับ?”


“ชั้น6ที่ซ่อมบำรุงตอนนี้เสร็จแล้วนะเราจะย้ายกลับไปอยู่รึเปล่า ตอนนี้มีหลายคนเริ่มย้ายเข้าไปอยู่แล้ว ความจริงเสร็จมาสักพักแต่ลืมบอกน้ำไปเลย”


“ไม่เป็นไรครับ จะว่าไปก็ใช้เวลานานเลยนะครับ”จนผมลืมไปแล้วว่าตอนแรกไม่ได้อยู่กับฌอน


“ก็เรื่องงบหลายๆอย่างน่ะ เอาไงล่ะจะย้ายหรือจะอยู่กับเจ้าชายเหมือนเดิมล่ะ”


“คิก พี่อย่าเรียกว่าเจ้าชายเลยผมขำนะเนี่ย”


“ใครๆก็เรียกกันทั้งนั้น ปริ้น ออฟ อาร์ทของมหาลัยนี้”


“หน้าตาอาจเจ้าชายก็จริงแต่นิสัยนี่กวนสุดๆ”


“พึ่งมีเรานี่แหละที่บอกว่านิสัยกวน ดูจะเข้ากันได้ดีนะ”


“จะว่าเข้าได้ดีก็คงใช่”


“แปลว่าไม่ย้ายเนอะ”พี่กรถามย้ำ


“...เรื่องนี้ขอไปคิดแล้วเดี๋ยวบอกอีกทีนะครับ”ผมบอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น12


ผมลังเลอยู่ไม่น้อยว่าจะย้ายไปดีไหม


ก็จริงที่ผมชินกับการอยู่กับฌอน


ชินกับการมองอีกฝ่ายวาดภาพ


ชินกบการลากอีกฝ่ายไปกินข้าว


ชินกับการทะเลาะอันไร้สาระ


และชินกับการการหัวเราะกับเรื่องบ้าบอด้วยกัน


ใจผมไม่อยากย้ายออกเพียงแต่กับฌอนการที่ผมย้ายออกอาจทำให้ฌอนมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นก็เป็นได้


“ช้า”ประโยคทักทายแรกเมื่อเปิดประตูเข้าห้องก็ทำเอาคิ้วผมกระตุกอย่างไม่พอใจ


“คิดว่าช้าเพราะใครล่ะ”


“จะบอกว่าเพราะฉัน?”ฌอนที่นั่งอยู่กลางห้องวางพู่กันพลางชี้นิ้วไปยังตัวเอง


“ใช่ เพราะนายบอกว่าอยากให้ฉันทำอาหารให้กินถึงต้องออกไปซื้อวัตถุดิบมาไงล่ะ”พูดจบผมก็ชูถุงของห้างให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ


“ฉันบอกว่าอยากเหรอ?”


“...”คำพูดของฌอนทำเอาผมนิ่งพร้อมนึกย้อนกลับไป


จะว่าคำที่ได้ยินก็แค่...


[ก็ทำให้กินสิ]


ให้ตายสิ


นี่ผมมันบ้าคิดไปเองใช่ไหม


“หึ...อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันล้อเล่น”


“ห๊ะ?”


“ดีใจที่นายจะทำให้กินนะ”อยู่ๆก็เปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นนุ่มๆแถมยังมีรอยยิ้มปิดท้ายอีก


“มะ...ไม่ต้องมาพูดเลย จะไม่ทำเผื่อนายแล้ว”ผมเดินไปยังเคาน์เตอร์เล็กด้านข้างแล้วหยิบอุปกรณ์สำหรับทำอาหารออกมา


“งอนเหรอ”เสียงกระซิบจากด้านหลังทำเอามือที่ถือถุงอยู่อ่อนยวบจนถุงนั้นตกลงพื้นไป


“ขะ...เข้ามาใกล้ทำไม”หัวใจเกือบวายแล้วเนี่ย


“หน้าแดงนะ”


“เพราะโมโหนายหรอก”ผมรีบสวนกลับ


“ร้อนตัวนะ”


“ไม่ใช่”


“น่ารัก”


“ฌอน”ผมเรียกคนด้านหลังเสียงดังด้วยใบหน้าเห่อแดงจากการถูกแกล้งไม่หยุดหย่อนนี่


“จะทำอะไร”ฌอนกระซิบถามพลางใช้มือข้างนึงค่อยๆโอบเอวผม


“ข้าวผัด เอามืออกไปเลย เฮ้ย ไข่”ผมถึงกับตะโกนเสียงดังเมื่อนึกได้ว่าในถุงที่ปล่อยลงพื้นมีไข่ไก่สำหรบใส่ข้าวผัดอยู่ด้วย


“คราวหน้าถือดีๆสิเปล่า”ฌอนก้มลงไปหยิบถุงเปิดดูไข่ด้านใน พอเห็นว่าไข่ยังปลอดภัยผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


“คิดว่าเพราะใครฉันถึงต้องปล่อยถุงลงไปเล่า”ผมหันไปมองหน้าฌอนเคืองๆ


“เพราะเขินฉัน”


“ตัดคำว่าเขินออกไปน่ะใช่เลย”


“เพราะฉัน?”


“ใช่ เพราะนายเข้ามาข้างหลังนั่นแหละ ตกใจหมด”


“แปลว่าถ้าด้านหน้าก็ไม่เป็นไรเหรอ”


“เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ”ผมเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเทาอ่อนตรงๆ


ความอดทนที่มีมันเริ่มหมดไป


ผมทนไม่ไหวแล้ว


ตั้งแต่วันที่ถูกสารภาพรักก็เป็นแบบนี้ตลอด


“ทำอะไร”แล้วดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้อีก


“เลิกพูดหยอดเหมือนกำลังจีบสักที”แม้จะเอ่ยเสียงเบาแต่ด้วยระยะห่างของผมและฌอนก็ไม่ได้มากขนาดจะทำให้ไม่ได้ยิน


“ไม่ได้เหมือน แต่กำลังจีบจริงๆ”


“ฌอน”เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าเห่อแดงพร้อมจังหวะหัวใจเต้นรัวขึ้น


“มันคงผิดขั้นตอนไปหน่อย ความจริงควรเริ่มจีบก่อนจะสารภาพ...แต่แบบนี้ก็ดี”


“ดีที่ไหนกัน”ไม่ดีเลยสักนิด


“ถ้าฉันไม่บอกว่าชอบ นายก็อาจคิดว่าฉันกวนหรือพูดเล่น”


“...ก็จริง”ถ้าผมไม่รู้ถึงความรู้สึกฌอนก็คงไม่คิดมากกับคำหยอดหรือจีบแบบนี้


“อีกอย่าง ได้เห็นใบหน้าแดงๆก็น่ารักดี”


“ฌอน”


“กลัวลืมชื่อฉันรึไง”


“กวน นายมันกวน กวนที่สุดเลย”ผมไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาใช้แล้ว


ทั้งผมและฌอนต่างเถียงกันไปมาสักพักก่อนผมจะเริ่มลงมือทำอาหารเย็นได้สักที การทำอาหารเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างถนัดซึ่งอาจเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผมสามารถพูดได้ว่าตัวเองทำได้ดี


ใช้เวลาไม่นานข้าวผัดกุ้งบนเตาไฟฟ้าก็เสร็จสมบูรณ์ กลิ่นหอมจากการผัดเนยและเครื่องปรุงลอยคลุ้งห้องจนต้องเดินไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทจากนั้นยกเตาไปวางกลางห้องพร้อมชามและช้อนและละ2อัน


ฌอนเองก็ละมือจากการวาดภาพแล้วนั่งรออยู่ข้างเตา


“ฉันบอกแล้วนะว่าไม่ได้ทำเผื่อนายน่ะ”ผมพูดย้ำด้วยน้ำเสียงที่ยังเคืองไม่หาย


“พูดแบบนั้นแต่ถือชามกับช้อนมาเผื่อนี่”


“อึก...ก็แค่...”สายตาของฌอนจับจ้องมายังชามและช้อนในมือผม


“ฉันหิวแล้ว”


“...ให้แค่ครั้งนี้นะ”ผมยื่นชามและช้อนส่งไปให้แล้วนั่งลงข้างๆเตาบ้าง


“ขอบคุณ แล้ว...เอานามสกุลฉันไปทำอะไร”ระหว่างตักข้าวผัดฌอนก็เอ่ยถาม


“เอาไปลงทะเบียน”


“ลงทะเบียนอะไร?”ฌอนเงยหน้าขึ้นมามอง


“ไปเข้าค่ายอาสา”


“ว่าไงนะ?”


“เข้าค่ายอาสาบนดอย”ผมพูดย้ำอีกรอบ


“ไม่ไป”คำตอบเดิมๆดังขึ้น


ก็พอเดาได้อยู่แล้วถึงไม่ได้บอกตอนคุยสายกันอยู่


“ฉันลงชื่อให้ไปแล้ว”


“น้ำเปล่า”


“ปิดเทอมนายก็คงเอาแต่วาดภาพอยู่ในห้อง ออกไปทำอะไรบ้างเถอะ...ไปบนดอยน่าสนุกจะตาย”


“สนุก? คนเยอะจะตาย”


“ปิดเทอม3เดือนไม่คิดจะออกไปไหนบ้างรึไง”


“ถึงอย่างงั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปค่ายนี่”


“ไม่คิดว่าเป็นการดีที่ได้ไปเปิดหูเปิดตาเหรอ บนดอยคงมีสถานที่หลายแห่งที่นายสามารถเอามาวาดได้นะ”ผมยังคงหว่านล้อม


“ดูเหมือนจะอยากให้ฉันไปมากนะ”


“อืม”ผมพยักหน้ารับเบาๆ


“ขอเหตุผลอย่างอื่น”


“ปิดเทอมฉันอาจต้อกลับบ้านเกิดไปหาย่าคงไม่ได้มาเจอนายแถมเทอมหน้าพวกเราคงต้องแยกกันไปฝึกงานจนไม่มีเวลาได้มาเจอกัน กว่าจะเจอกันคงปี4เทอมสองละนะเพราะงั้นถึงได้อยากไปไหนด้วยกันสักที่ไง”ผมบอกสิ่งที่คิดออกไปตามตรง


“...ไม่จำเป็นต้องไปค่ายนี่ ไปกันสองคนก็ได้”นิ่งไปสักพักฌอนก็พูดขึ้น


“ไปกันเยอะๆสนุกกว่านี่แถมฉันไม่รู้ทางด้วย”


“แค่เส้นทางหาไม่อยากนี่”


“งั้นจะไม่ไปเข้าค่ายอาสาด้วยกันเหรอ”ผมถามเสียงเศร้า


อุตส่าห์ลงชื่อไว้แล้ว


ออกจะน่าสนุกแท้ๆ


“...เฮ้อ ไปก็ไปอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”ฌอนวางชามลงบนตักก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้เส้นผมสีดำของผมไปมา


“พูดแล้วนะ”


“อืม”


“ฉันมีอีกเรื่องมาคุยด้วย”ผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีอีกเรื่อง


“คงไม่ใช่ว่าจะพาไปไหนอีกหรอกนะ”


“ไม่ใช่ๆ ไม่เกี่ยวกับค่ายหรือออกไปไหนหรอก”


“งั้นอะไรล่ะ”


“ฌอน...นายคิดว่าการที่ฉันมาอยู่ด้วยมันทำให้นายไม่เป็นส่วนตัวรึเปล่า”ผมอยากถามหลายๆอย่างก่อนจะตัดสินใจว่าจะย้ายห้องดีไหม


“อืม ก็ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด”


“...งั้นถ้าฉันไม่อยู่จะดีกว่ารึเปล่า”ผมเอ่ยถามคำถามต่อไปเบาๆ


“หมายความว่ายังไง”น้ำเสียงของฌอนเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมถาม


“ห้องชั้น6ปรับปรุงเสร็จแล้ว วันนี้พี่กรมาถามว่าจะย้ายไปไหม”


“นายอยากย้าย?”


“ก็ถ้าฌอนคิดว่า...”


“ฉันถามว่านายอยากย้ายไปห้องอื่นเหรอ”ฌอนพูดเสียงด้วยน้ำเสียงที่เริ่มโมโห ดวงตาสีเทาอ่อนจับจ้องมายังผมราวกับจะเค้นคำตอบออกมา


“...ไม่”ผมหลบตาก่อนจะบอก


หมับ


โดยไม่ทันรู้ตัวอยู่ร่างผมกูถูกดึงให้เข้าไปหาเจ้าของห้อง สัมผัสของวงแขนโอบกอดบริเวณเอวไว้จนแน่นไม่สามารถขยับหนีได้ ความรู้สึกแปลกๆเริ่มแทรกเข้ามาผ่านผิวที่สัมผัสกันแนบแน่น


“ก็แค่นั้น”


“ฌอน...”


“ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป จะคิดอะไรให้มันมากล่ะ”เสียงของฌอนกระซิบข้างหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆมากระทบ


“แต่นาย...”


“ถ้าฉันไม่อยากให้นายอยู่ก็ไล่ไปตั้งนานแล้ว”


คำพูดนั่นหมายถึงเขาอยากให้ผมอยู่ใช่ไหม


อยู่ในห้องนี้ด้วยกัน


“อืม”


“ไปบอกคนดูแลซะว่าไม่ย้าย”ฌอนบอกต่อ ฝ่ามืออุ่นๆเลื่อนขึ้นมาลูบเส้นผมสีดำเบาๆ


“อืม”ผมพยักหน้าโดยที่แอบซ่อนรอยยิ้มกว้างเอาไว้


ช่วงดึกของวันทั้งห้องต่างมืดสนิทเนื่องจากไฟทุกดวงถูกปิดทว่าผมยังนอนไม่หลับ ความรู้สึกแปลกๆมันสุมอยู่ในอก เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้


รู้เพียงตั้งแต่ที่อยู่กับฌอนความรู้สึกแปลกๆนี่มันก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ


จะบอกว่านี่คือชอบเหรอ


หรือเป็นเพราะอยู่ใกล้มากที่สุดเลยเกิดความสับสน


แบบไหนกันแน่นะ


“นอนไม่หลับเหรอน้ำเปล่า”เสียงของฌอนดังของท่ามกลางความเงียบทำให้ผมลืมตาขึ้น ภาพด้านบนคือฌอนกำลังมองลงมายังผม


“ฌอน?”


“เป็นอะไร ปกติเห็นกรนเอาๆ”


“ไม่เคยกรนสักหน่อย”ผมเด้งตัวลุกแล้วจ้องเขม็งไปยังฌอน


“นี่...ฉันมีวิธีทำให้นอนหลับจะลองไหม”พูดแล้วฌอนก็นั่งลงบนเตียง


“...ไม่เป็นไร”


“พรุ่งนี้สอบวิชากฎหมายนี่ ไม่นอนเดี๋ยวทำไม่ได้นะ”


“อย่ามาขู่สิ คนยิ่งกลัวๆอยู่”


“หึ เอายังไง”


“...ก็ได้”ผมเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“อยู่นิ่งๆ”


“อืม เฮ้ย...”ขานตอบได้ไม่เท่าไหร่ร่างผมก็ถูกฌอนเข้ามากอดก่อนจะดึงให้นอนลงไปบนเตียงด้วยกันทั้งแบบนั้น


“อย่าหนีสิ”เสียงกระซิบเบาๆสร้างจังหวะหัวใจให้เต้นดังขึ้น


“ฌอน...ปล่อย”ผมพยายามดันให้อีกฝ่ายออกไปทว่าร่างกายกลับไม่มีแรง


ไม่เข้าใจว่าแค่ถูกกอดทำไมเรี่ยวแรงมันถึงได้หายไปหมดแบบนี้


“ไม่ปล่อยหรอก นอนซะน้ำเปล่า”


“แบบนี้จะนอนได้ยังไง”ไม่มีทางที่จะหลับได้ในสภาพแบบนี้หรอก


“ได้สิ ฝันดี”บอกเสร็จทั้งสองก็กลับมาเงียบสงัดมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวจนผมรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองกำลังร้อนขึ้น


ใบหน้าผมตอนนี้กำลังแนบชิดอยู่กับแผ่นอกฌอนทำให้ได้ยินเสียงหัวใจที่ดังไม่แพ้กันในระยะใกล้ ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจนั้นความร้อนบนใบหน้าก็แทบจะปะทุออกมา


มือที่ผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างกลับเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกำเสื้อนั่นไว้พร้อมกับหลับตาลงช้าๆ


แม้มองไม่เห็นทว่าสัมผัสได้ถึงตัวตนของฌอนได้อย่างชัดเจน


เสียงหัวใจเริ่มกลายเป็นเสียงคล้ายการขับกล่อมทำให้ผมจมดิ่งสู่การหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว


เป็นอย่างที่ฌอนบอก...วิธีนี้ทำให้หลับได้จริงๆด้วย

...................................................................................................

มาอัพแล้ววว

ครั้งนี้มาเร็วเพราะพรุ่งนี้จะไปเหมาวายที่งานหนังสือคงไม่มีเวลามาอัพ55

ตอนนี้อาจดูสั้นไปนิด แล้วไม่ค่อยจะมีอะไรนัก

น้ำเปล่าก็ยังไม่ยอมให้คำตอบกับฌอณ(ค้างไปอีก)

เราไม่อยากให้ตกลงคบแบบง่ายๆเพราะโดยนิสัยของน้ำเปล่าค่อนข้างจะซื่อจึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่ายคืออะไร

ดังนั้นเราเลยอยากใช้เวลาในการบรรยายความรู้สึกนี้อีกสักหน่อย

แต่ยังไงก็ยังคงความหวานอย่างต่อเนื่อง

บางทีก็คิดนะว่าเขียนแต่ฉากหวานๆคนอ่านจะเบื่อกันรึเปล่า555

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจด้วยค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 05-04-2017 17:00:51
 :mew3: :mew1:ไม่
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-04-2017 18:46:42
น้ำเปล่าไปฝึกงานบริษัทครอบครัวของฌอนแน่เลยอ่ะ :confuse:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 05-04-2017 19:06:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 05-04-2017 19:10:50
ละมุน :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2017 19:12:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-04-2017 19:24:33
 :L1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-04-2017 21:51:04
เขินนนนนนหนักมากๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-04-2017 22:02:42
ฌอนไปฝึกงานที่ไหนน้ออออ

โอ๊ยๆ หวานละมุนน  :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-04-2017 22:12:01
ได้รับการกล่อมแบบวีไอพีจากเจ้าชาย ฝันดีแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 05-04-2017 22:24:37
แหม อาจจะไปเจอกันที่ฝึกงานก็ได้
ใครจะไปรู้เนอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 05-04-2017 22:42:24
งื้อออออ น่ารัก
 :-[ :-[ :-[

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-04-2017 22:49:50
ฌอนนี่แพ้ทางน้ำเปล่าชัด ๆ เลย
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-04-2017 23:22:44
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-04-2017 23:49:45
ณอนน่ารักมากกกกก
อยากได้ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-04-2017 23:56:16
เค้านอนกอดกันด้วย
เขินแทน :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-04-2017 01:24:13
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-04-2017 02:08:48
 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-04-2017 17:03:57
นี้ใช่ฌอนตอนเริ่มเรื่องหรือเปล่าเนี่ยย :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-04-2017 19:33:11
 :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 07-04-2017 20:34:13
 :ling3: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่9}} 05/04/60 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 10-04-2017 20:50:54
รักกกก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 13-04-2017 13:29:37
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่10



แสงแดดอันร้อนระอุก่อให้เกิดการบิดเบือนของแสงตลอดการนั่งรถทัวร์ไปยังดอยในจังหวังแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศ การประชุมถูกจัดขึ้นในอาทิตย์ก่อนหน้านี้เพื่อบอกถึงวัตถุประสงค์ที่ไปรวมถึงสิ่งต่างๆที่จำเป็นต้องรับรู้


แน่นอนว่ามีเพียงคนเดียวที่สร้างความแตกตื่นให้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ปริ้น ออฟ อาร์ทของมหาวิทยาลัยจะไปค่ายอาสาด้วย ทุกสายตาล้วนจับจ้องพร้อมด้วยเสียงซุบซิบในระยะประชิดจนผมต้องเอื้อมมือไปจับแขนอีกฝ่ายไม่ให้ลุกหนีไปกลางครัน


เสียงซุบซิบเหล่านั้นไม่ได้นินทาแต่กำลังกรี๊ดกร๊าดที่จะได้เข้าค่ายร่วมกับคนดังของมหาลัย ช่วงก่อนปล่อยหลังจบการประชุมมีรุ่นพี่เดินเข้ามาคุยกับฌอนว่าด้วยเรื่องของการไปดอย เห็นว่าอยากให้ฌอนวากรูปเป็นที่ละลึกให้กับที่นั่นหน่อย แต่ฌอนเองก็บอกแค่ว่า...


‘ถ้าผมมีอารมณ์จะวาดให้ละกัน’


ก็สมกับเป็นฌอนดี


“ฌอน กินทาโร่ไหม”ผมยื่นถุงทาโร่ไปตรงหน้าฌอนโดยที่สายตามองไปยังทิวทัศน์ด้านข้างของถนน


พวกเราเดินทางกันตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตัวจังหวัดในช่วงเช้า จากนั้นรถก็แล่นเข้าไปในตัวจังหวัดและตอนนี้ก็กำลังอยู่ในแถบภูเขา สองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียว


คาดว่าอีกไม่นานคงจะถึงที่หมาย


“กินไม่หยุดเดี๋ยวตอนขึ้นเขาก็อ้วกหรอก”ฌอนหันมาบ่น


“ห่วงกันก็บอกมา”


“อืม ห่วง”ผมที่คิดจะกวนกลับถูกอีกฝ่ายทำให้ใจเต้นไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ


ความรู้สึกมันเริ่มเด่นชัดขึ้นทุกทีซึ่งนั่นทำให้ผมกลัวที่จะยอมรับมัน


ถ้าผมยอมและตอบรับความรู้สึกนั้นมันจะมีอะไรเปลี่ยนไปรึเปล่า


ผมชอบที่เป็นอยู่ในตอนนี้แม้จะมีอึดอัด เขินอายหรือโมโหบ้างเป็นบ้างครั้งแต่โดยรวมผมก็มีความสุขกับช่วงเวลาแบบนี้


ไม่อยากให้อะไรเปลี่ยนไป


แต่ผมก็รู้ดีว่าทุกอย่างมันย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวันและเวลา


มันอยู่ที่เมื่อเปลี่ยนไปเราจะทำยังไงต่อ


“เปล่า...นี่น้ำเปล่า”เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าเรียกสติให้ผมหันไปมองหน้าฌอนงงๆ


“อะไร เสียงดังนะเดี๋ยวคนอื่นก็มองหรอก”


“คนอื่นลงไปหมดรถแล้วเนี่ย เหม่ออะไรอยู่”


“ห๊ะ? จริงด้วย ทำไมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้เล่า”ผมลุกขึ้นมองรอบๆ ภายในรถตอนนี้มีเพียงผมและฌอนเท่านั้น


“เรียกเป็นสิบรอบแล้ว ไม่สบายรึเปล่า”ฌอนถามกลับด้วยใบหน้าห่วงๆ


“ไม่เป็นไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย”


“คิดอะไร บอกได้ไหม”สายตาที่จ้องมานั่นทำให้ผมได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับไป


“มันเป็นสิ่งที่ฉันควรคิดด้วยตัวเอง”ตอบเพียงแค่นั้นผมก็ลงจากรถก่อนจะตามมาด้วยฌอน


ทันทีที่ก้าวถึงพื้นอากาศเย็นๆก็แผ่ซ่านจนต้องกระชับเสื้อแขนยาวให้แน่นขึ้น


นี่มันหนาวกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย


“เอาล่ะทุกคน เอากระเป๋าไปไว้ที่เต็นท์แล้วแยกย้ายทำตามหน้าที่ที่จัดไว้ได้เลย”หัวหน้าของค่ายอาสาครั้งนี้คือพี่หมู เป็นพี่ปีสี่ของคณะมนุษย์ศาสตร์ซึ่งเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย


“เต็นท์นี่ชายหญิงรวมกันได้ใช่มะ”รุ่นพี่อีกคนซึ่งเป็นเหมือนรองหัวหน้าหันไปถามเสียงกวน


“อยากโดยผู้หญิงเตะก็ตามใจ หน้าเต็นท์จะมีป้ายอยู่ว่าสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิง ทุกคนสามารถเลือกเต็นท์ได้ตามสบายถึงจะมีแค่5เต้นก็เถอะนะ ฮ่าฮ่า”


“โห่”หลายคนส่งเสียงโห่ตอบกลับไม่ให้พี่หมูต้องขำอย่างเดียวดาย


“เต็นท์ไหนดีฌอน”ผมหันไปถามคนด้านหลัง


“ก็เหมือนๆกันหมด จะอันไหนก็ได้”


“งั้นอันนี้ละกัน”ผมเลือกเต็นท์ที่ใกล้สุดแล้วเปิดเข้าไปด้านใน เต็นท์นี่ถึงจะมีแค่5เต็นท์แต่ขนาดของมันนั้นใหญ่มากพอจะจุได้เต็นท์ละ20คนเลยล่ะ


ด้านในของเต็นท์ถูกหลายคนจับจองที่นอนกันเกือบเต็มเหลือเพียงตรงกับกับริมด้านในสุดเท่านั้น


“ตรงริมไหม”ผมเสนอเพราะรู้ว่าฌอนไม่ชอบคนเยอะๆให้ตอนตรงกลางคนไม่ชอบเท่าไหร่


“อืม”ฌอนพยักหน้าตอบแล้วหอบกระเป๋าไปวางจองไว้ด้านริม


ผมเองก็วางกระเป๋าโดยเว้นที่ห่างจากฌอนเล็กน้อย


ทุกคนได้มีการแบ่งหน้าที่ตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนแล้วว่าใครต้องทำอะไรโดยจะมีตั้งแต่สร้างห้องสมุด ทำอาหารไปจนถึงเป็นอาจารย์ให้กับโรงเรียนเล็กๆบนดอยแห่งนี้


พวกเรานั้นถูกรับหน้าที่ให้เป็นอาจารย์ ความจริงคือพวกรุ่นพี่บอกว่าฌอนน่าจะเหมาะกับการเป็นอาจารย์ส่วนผมนั้นเป็นเหมือนคนถูกบังคับให้มาร่วมด้วยทั้งๆที่ผมอยากไปสร้างห้องสมุดไม่ก็ทำอาหารมากกว่าแท้ๆแต่เพราะฌอนบอกไปว่าต้องให้ผมทำหน้าที่เดียวกันก็เลยต้องเป็นเช่นนี้


หน้าที่นี้ไม่ได้มีเพียงแค่ผมแต่ยังมีรุ่นพี่รุ่นน้องคนอื่นๆอีกโดยจะผลัดกันสอบคนละสามชั่วโมงซึ่งชั่วโมงแรงหรือก็คือ11โมงนี้เป็นเวลาของผมและฌอนทำการสอน


อาคารหลังเล็กชั้นเดียวถูกสร้างขึ้นด้วยปูนและคอนกรีตอย่างง่ายๆเป็นรูปทรงมาตรฐานที่สามารถพบได้ทั่วไป ด้านหน้าอาหารมีบันไดสำหรับที่ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่


“สวัสดีค่ะ”


“สวัสดีครับ”ผมไหว้ตอบการทักทายนั้นด้วยรอยยิ้ม คาดว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นอาจารย์ประจำ


“ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกฉันว่าพี่แยมก็ได้นะ ที่นี่มีอาจารย์แค่ฉันคนเดียวเลยดีใจมากที่จะมีคนมาช่วยสอน”พี่แยมพูดด้วยรอยยิ้ม


“แค่สิบวันเองครับ”


“ถึงจะแค่นั้นก็พอแล้ว เด็กที่นี่ชอบการเรียนและทำกิจกรรมในห้องมายังไงจะพาไปแนะนำนะ ตามมาสิ แล้วอีกคนชื่ออะไรเอ่ย?”ก่อนจะเดินเข้าไปพี่แยมก็หันไปถามฌอนที่ยังเงียบอยู่


“ฌอน ฮิลลารี่ครับ”ฌอนแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


“เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน? ไม่สิ ลูกครึ่งสินะพูดไทยได้ชัดมากเลย”


“ครับ ผมเป็นลูกครึ่ง”


“ดีเลย หวังว่าพวกเธอจะช่วยสอนภาษาให้เด็กๆด้วยนะ”คำพูดของพี่แยมทำให้ผมได้แต่หัวเราะแหะๆกลับไปให้


อยากจะบอกเหลือเกินว่าภาษาอังกฤษผมยังเอาตัวเองไม่รอดเลยจะให้สอนคนอื่นไม่มีทาง


พี่แยมพาเราเดินเข้าไปในอาคารซึ่งมีห้องเพียงห้องเดียว พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับเด็กอายุไม่น่าเกิด10ขวบอยู่ประมาณ20คนได้ ดูจากหลายๆคนผมคิดว่าน่าจะมีอายุไม่เท่ากัน


แปลว่าเรียนรวมสินะ


“เด็กๆนั่งที่จ้า วันนี้จะมีพี่ๆมาสอนแทนอาจารย์นะ แนะนำตัวให้เด็กๆรู้จักกันเลยดีกว่า”พูดจบก็ส่งสายตามายังผมเป็นเชิงบอกให้แนะนำตัว


“ครับ สวัสดีครับ พี่ชื่อปภาวิน ศรีมาลา เลขประจำตัว เอ้ย ไม่ต้องนี่”ผมรีบยกมือปิดปากเมื่อกำลังจะบอกเลขประจำตัวออกไป การกระทำของผมส่งผลให้เด็กทั้งห้องหัวเราะลั่น


“หึ...”ไม่ใช่เด็กที่หัวเราะแต่ฌอนเองยังมองมาด้วยสายตาขบขัน


“ไม่ต้องมาขำเลย คนมันตื่นเต้นนี่”


“ไม่แนะนำตัวต่อแล้ว?”เสียงของฌอนทำให้ผมนึกได้ว่ายังแนะนำตัวไม่จบ


“เอ่อ พี่ชื่อปภาวิน อ๊ะ บอกไปแล้วนี่...เรียกพี่ว่าพี่น้ำก็ได้นะ ยินดีที่ได้สนิทกับทุกคนนะ”ผมแนะนำตัวต่อจนจบแล้วสะกิดฌอนเป็นเชิงให้พูดต่อ


“ฌอน ฮิลลารี่ เรียกพี่ฌอนก็ได้”การแนะนำตัวเพียงสั้นๆดูเหมือนจะเรียกความสนใจของเด็กทั้งห้องได้ อาจเพราะมีทั้งสีผมและสีตาไม่เหมือนคนไทยเลยเป็นจุดสนใจได้ง่าย อีกทั้งชื่อยังออกเสียงแปลกๆจนเด็กหลายคนถึงกับเอียงคอ


“ทั้งคู่แนะนำตัวแล้วก็เริ่มการสอนได้เลย ฉันขอตัวก่อนล่ะ”


“จะไม่อยู่ดูเหรอครับ”ผมถามกลับ


นึกว่าจะอยู่คุมซะอีก


“ไม่หรอกจ้า จะสอนหรือทำกิจกรรมอะไรก็เต็มที่เลย”บอกเสร็จก็เดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มปล่อยให้ผมและฌอนยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเรียนกันสองคน


เด็กๆกว่า20คนต่างก็นั่งเงียบๆรอดูปฏิกิริยาของพวกผมว่าเป็นยังไงต่อซึ่งผมเองตอนนี้ก็เริ่มขาสั่นเพราะไม่ถูกกับสายตากว่า20คู่ที่จ้องมา


ขนาดออกไปพูดหน้าชั้นยังไม่ค่อยกล้าเลย


“เอายังไงดีฌอน”ผมกระซิบถามคนข้างๆเสียงเบา


“แล้วแต่นายสิ”


“อย่ามาโยนให้กันนะ”ผมเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกปัดความรับผิดชอบ


“ดูเข้ากับเด็กได้ดีนี่”


“ใช้อะไรมาตัดสินกัน”


“ก็พวกเขาหัวเราะนาย”


“นายก็หัวเราะเหมือนกันแหละน่า”ผมสวนกลับ


“ไม่ให้ขำได้ไงเล่นจะบอกรหัสประจำตัว”


“ฌอน”


“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกพี่เขาทะเลาะกันแหละ”ระหว่างกำลังเถียงกันเสียงของเด็กให้ห้องก็ดังขึ้น


“จริงด้วยๆ ทะเลาะกัน”


“ไม่ถูกกันเหรอคะ?”


“แม่ผมเคยบอกว่าทะเลาะกันไม่ดีนะ”


และแล้วความเงียบภายในห้องก็จบลง เด็กกว่า20คนต่างส่งเสียงเจี๊ยวจ้าวจนผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ


พอหันไปมองฌอนก็พบว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีเข้ากำแพงไปแล้ว


“พวกพี่ไม่ได้ไม่ถูกกันหรอก ความจริงสนิทกันม๊ากมาก เนอะ”ผมใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนฌอน


“งั้นเหรอ”


“ฌอน”คำตอบที่ได้ทำเอาเด็กทั้งห้องหัวเราะขึ้นอีกครั้ง


“พี่น้ำน่าสงสารจัง”


“อย่าคิดมากนะครับ”


มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมไม่ต้องมาถูกเด็กปลอบ


ฌอนก็นะทำไมชอบมากวนกันตลอดเนี่ย


ถ้าจะเล่นกันแบบนี้ก็จัดให้


“เอาเป็นว่าจะให้พี่ฌอนสอนการทักทายเป็นภาษาอังกฤษละกันนะ!”ผมตะโกนพร้อมรอยยิ้มบอกเด็กทั้งห้อง


“เดี๋ยวสิเปล่า...”


“อย่าที่เห็นว่าพี่ฌอนนั้นเป็นครึ่งดังนั้นเรื่องภาษาหายห่วงได้เลย รบกวนด้วยละกันนะ”ผมเดินไปแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆพร้อมยกยิ้มขึ้น


“คิดจะเอาคืนรึไง”ฌนถามเสียงเบา


“พูดอะไร เด็กๆก็ควรเรียนรู้ภาษาติดตัวไว้ใช้สิ”


“จะได้ไม่เหมือนายที่แค่คำง่ายๆยังออกเสียงไม่ถูกสินะ”


“หาเรื่องรึไงฌอน”


“หึ...เดี๋ยวจะเอาคืนบ้าง”


“จะรอดูนะครับ”และแล้วผมก็เดินไปยืนข้างห้องคอยดูฌอนว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้


“อยากได้คำไหนกันล่ะ”ฌอนถามเด็กๆ


“อะไรก็ได้ค่ะ พวกเราพอจะเคยเรียนมาแล้ว”เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตอบ


“งั้นลองพูดหน่อยสิ”ฌอนบอกพลองมองไปยังเด็กผู้หญิงคนเดิม


“เอ่อ กู๊ดอาฟเตอร์นูน ทีทเชอร์”เด็กสาวออกเสียงด้วยสำเนียงแข็งๆ


ก็สมเป็นเด็กดีนะ


“ออกเสียงดีกว่าพี่คนนั้นอีกนะ”พูดจบกระชี้นิ้วมายังผม


“ฌอน ฉันออกเสียงดีกว่าเหอะ”เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้


ถึงจะรู้ว่าไม่เก่งแต่ผมก็เรียนมากเกือบจะทั้งชีวิตนะภาษาอังกฤษน่ะ


อย่างน้องต้องดีกว่าเด็กแหละน่า


“จริง?”


“แน่สิ คอยดูนะ กู๊ดมอร์นิ่ง ทีสเชอร์ เป็นไงล่ะ”ผมยืดอกด้วยความมั่นใจ


“หึ มามอร์นิ่งอะไรล่ะนี่จะเที่ยงแล้วนะ”


“อึก...”พูดผิดซะได้น่าขายหน้าจริงๆเลยตัวผม


“ไม่เป็นไรนะครับพี่”เด็กชายข้างๆถึงกับพูดปลอบด้วยน้ำเสียงสงสาร


“นายจงใจแกล้งฉัน”ผมชี้หน้าฌอนอย่างไม่พอใจ


“เปล่านี่ คนพูดผิดมันนายเองนะ”


“คนขี้แกล้ง”


“บอกตัวเองเถอะ”


“ฌอน”


“การจะออกเสียงสำเนียงอังกฤษให้ดีจำเป็นต้องฝึกใช้บ่อยเพราะภาษาอังกฤษนั้นมีการออกเสียงที่มีการไล่ระดับเสียงไม่เหมือนภาษาไทย”


“พี่ช่วยพูดให้พวกเราฟังได้ไหมครับ”เด็กชายหลังห้องถาม


“ได้ good morning good afternoon good evening goodnight ประมาณนี้”สำเนียงอังกฤษแปะๆดังขึ้นท่ามกลางเด็กที่อ้าปากกว้างด้วยความตะลึงในสำเนียงการพูด


ขนาดผมรู้อยู่แล้วยังอดชื่นชมไม่ได้


คำพวกนี้ได้ยินมาเกือบทั้งชีวิตแต่สำเนียงเพราะขนาดนี้พึ่งเคยเจอ ตอนเรียนก็มีที่เรียนกับชาวต่างชาติแต่ไม่ใช่คนอังกฤษสำเนียงเลยไม่ดีเท่านี้


“สุดยอดเลย พูดอีกได้ไหมครับ”เหมือนเด็กๆจะเริ่มสนใจการออกเสียงของฌอนแล้วล่ะ


“เอาเป็นอะไรล่ะ”ฌอนเองก็ไม่ปฏิเสธที่จะทำให้ดู


“หนูอยากฟังคำสารภาพรักค่ะ”เด็กผู้หญิงผมแกะยกมือพร้อมกับเสนอ


“เดี๋ยวสิ ขออย่างอื่น...”นี่ไม่ใช่เสียงฌอนแต่เป็นผมเอง ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ถ้าให้ฌอนพูดสารภาพรักด้วยภาษาอังกฤษ เพียงแค่คิดก็รู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นแล้ว


“ได้ งั้นเริ่มกันเลย”


“ฉันขอไปห้องน้ำ อ๊ะ...”ยังไม่ทันได้หนีออกจากห้องก็ถูกมือของฌอนคว้าแขนเอาไว้แน่พร้อมกับดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ดวงตาสีเทาอ่อนประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของผมอย่างสื่อความนัยบางอย่าง


“I adore you แปลว่า ฉันหลงรักคุณ”เพียงประโยคแรกที่ดังขึ้นก็ทำเอาร่างกายผมขยับหนีไม่ได้


“ฌอน...ปล่อย...”ถึงรู้ว่าหนีไม่พ้นแต่ก็ยังพยายามขืนจนถึงที่สุด


“You fill my heart แปลว่า คุณมาเติมเต็มให้หัวใจของฉัน”


“อึก...”มือที่จับแขนผมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นกุมมือไว้หลวมๆราวกับเขารู้ว่าผมไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้


“You’re my missing piece แปลว่า คุณคือส่วนที่ขาดหายไปของฉัน”น้ำเสียงทุ้มนุ่มยังคงเอ่ยประโยคต่อๆไปโดยที่สายตาประสานอยู่กับผม


“I only have eyes for you แปลว่า ฉันมองแค่คุณคนเดียว”


เสียงหัวใจเริ่มเต้นดังขึ้น


“You make my life worth living แปลว่า คุณทำให้ชีวิตฉันมีค่า”


ความร้อนภายในร่างกายปะทุออกมาทางใบหน้าซึ่งแดงก่ำจนตัวเองยังรู้สึกได้ว่าใกล้ไหม้เต็มที


“You’re the light of my life นายคือแสงสว่างในชีวิตของฉัน”ประโยคนี้ถูกกระซิบเป็นประโยคสุดท้ายข้างใบหูก่อนริมฝีปากของฌอนจะลากผ่านแก้มอันแดงก่ำของผมเร็วๆ


หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา


ใบหน้าแดงราวกับจะมอดไหม้


ร่างกายแทบหมดแรงราวกับถูกหลอมละลาย


นี่มันเหมือนถูกสารภาพอีกครั้งแถมครั้งนี้ยังมาเป็นชุด


น้ำเสียงของฌอนไม่เพียงแค่มีสำเนียงอันไพรเราะแต่ยังสื่ออารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนจนผมไม่รู้จะทำยังไง


สุดท้ายผมก็ได้แต่ปล่อยให้ฌอนพูดภาษอังกฤษให้เด็กฟังโดยที่ตัวเองแอบไปหลบอยู่หลังห้อง แม้จะหมดชั่วโมงสอนไปแล้วใบหน้าผมก็ยังคงเห่อแดงจนหลายคนเข้ามาทัก


ยิ่งทักความทรงจำก่อนหน้านี้ก็เหมือนถูกปลุกเลยส่งผลให้หน้าแดงเข้าไปอีก


“หน้าแดงไม่หยุดเลยนะ”ฌอนพูดพลางมองหน้าผมด้วยรอยยิ้ม


“แล้วคิดว่าเป็นเพราะใครเล่า”


“เพราะฉัน”


“รู้ตัวนี่”


“ห้ามหน้าแดงกับคนอื่นนอกจากฉันนะ”


“ไม่รู้ ถึงจะทำก็ไม่เกี่ยวกับนายนี่”ผมสะบัดหน้าหนีก่อนจะก้าวยาวๆกลับเต็นท์


“เกี่ยวสิ ฉันหึง”คำพูดนั่นเรียกหัวใจที่สงบนิ่งกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง


“บ้า!”


ตอนนี้เป็นช่วงค่ำหลังกินอาหารเย็นเสร็จ มีหลายคนยังอยู่พูดคุยหรือเตรียมงานสำหรับพรุ่งนี้ต่อและมีหลายคนเดินไปอาบน้ำยังบ้านของคนในละแวกนี้ แน่นอนว่าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นผมเลยเลือกที่จะไม่อาบ


ด้วยอากาศหนาวทำให้ไม่มีเหงื่อออกเลยไม่จำเป็นต้องอาบทุกวันก็ได้


“ท่าทางของนายทำให้ฉันมีความหวัง”


“...อะไร”ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองฌอนตรงๆ


“หวังว่าความรู้สึกนายจะเหมือนกัน”


“...แล้วถ้ามันไม่เหมือนล่ะ”ผมถามต่อ


“ก็จะทำให้เหมือนเอง”


“คิดจะบังคับกันรึไง”


“นั่นสินะ ไปดูดาวไหม”ฌอนเปลี่ยนเรื่องระหว่างเงยหน้ามองบนท้องฟ้าสีดำสนิท


“เอาสิ”ผมพยักหน้าก่อนที่พวกเราจะเดินไปยังชายป่าด้านหลังซึ่งไม่มีแสงไฟเหมือนอย่างบริเวณเต็นท์ทำให้เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้าสามารถมองเห็นดวงดาวได้มากมาย


นี่สินะที่เขาบอกกันว่าดวงดาวนับล้านดวง


นับไม่ถ้วนจริงๆ


ถ้าเป็นในเมืองไม่มีทางเห็นได้ขนาดนี้


“สวยจัง”ผมพึมพำโดยไม่ละสายตาออกจากท้องฟ้าสีดำสนิทอันมีดาวดาวนับล้านส่องสว่าง


“อืม”


“ดีจังที่ได้มา”เพราะมานี่ถึงได้เห็นภาพอันแสนประทับใจนี่


“เหมือนกัน ดีใจที่ได้มองภาพนี้กับนาย”


“ฌอน...”


“ฉันไม่เร่งรัดเรื่องคำตอบ ฉันอยากให้นายตอบกลับมาด้วยความรู้สึกจริงๆ”


“...เข้าใจแล้ว”


“ไปพักกันเลยไหม”ฌอนถามต่อ


“อืม เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”


“หน้าแดงจนเหนื่อยน่ะเหรอ”


“ดูบรรยากาศหน่อยได้ไหมฌอน กำลังโรแมนติกเลย”เล่นพูดซะหมดความโรแมนติก


“อะไร อยากให้โรแมนติกเหรอ”


“ก็เปล่า...เป็นแบบนี้ดีแล้ว”ไม่ต้องโรแมนติกหรอก


แค่ได้ดูดาวด้วยกันแบบนี้ก็พอแล้ว


อีกอย่างถ้าฌอนโรแมนติกผมคงอดไม่ได้ที่จะขำ


พวกเราเดินช้าๆกลับมายังเต็นท์ซึ่งมีหลายคนนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว ในกระเป๋าเดินทางมีผ้าปูและผ้าห่มรวมทั้งถุงนอนเตรียมใส่เอาไว้เพราะรู้ว่าอากาศบนนี้หนาวมาก


ผมเองก็หยิบทุกอย่างออกมาเตรียมปู


“นายมานอนฝั่งนี้”อยู่ๆฌอนก็บอกพลางลุกขึ้นมาทางผมแทน


“ให้ไปนายฝั่งนาย? ทำไม?”ผมถามอย่างสงสัย


“ฉันไม่คิดจะให้แฟนไปนอนติดคนอื่นหรอกนะ”


“ยังไม่ใช่สักหน่อย”ผมบอกบัดด้วยใบหน้าแดงๆ


ผมยังไม่ได้ตกลงจะคบด้วยเลยนะ


“เดี๋ยวก็ใช่แล้ว”


“อย่ามาตัดสินเองนะ”


“ไม่รีบปูเดี๋ยวก็นอนช้าหรอก”


“เพราะนายหาเรื่องนั่นแหละ”ผมบ่นแล้วลงมือปูที่นอนบริเวณด้านในสุดของเต็นท์แทนที่ฌอน


เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จก็ล้มตัวลงนอน แสงไฟมีเพียงหน้าเต็นท์ทำให้ใช้เวลาในการปูพอสมควร ถ้ารู้ว่ามืดขนาดนี้คงปูเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว


อากาศเย็นๆทำให้ผมดึงผ้าห่มในถุงนอนขึ้นมาจนถึงคอแต่แล้วสัมผัสของมือที่เอามาโบเอวทำให้ผมสะดุ้งเฮือกจนเกือบจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่งถ้าไม่ติดที่มือนั้นออกแรงกดจนผมไม่สามารถทำได้


มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำอะไรแบบนี้...


“ฌอน”ผมเสียงแล้วพลิกตัวหันไปทางอีกฝั่ง


“ฉันหนาว”เสียงกระซิบดังขึ้นพร้อมแรงขยับตัวเข้ามาแนบชิด


“ไม่ได้เตรียมถุงนอนมาเหรอ”ผมถามเมื่อไม่เห็นถุงนอนมีเพียงผ้าห่มผืนหนาเท่านั้น


“ไม่ได้เตรียม”


“พี่เขาบอกแล้วนี่ว่าให้เตรียมไว้น่ะ”


“อืม”


“อืมอะไร ลืมเอามาสินะ”


“ไม่ได้ลืมแต่ไม่เอามาต่างหาก”ฌอนพูดแก้


“หมายความว่าไง”


“ถ้านอนในถุงนอนก็กอดนายไม่ได้น่ะสิ”อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาราวกับเป็นเรื่องปกติ


“ใครจะให้กอดกัน”ผมเริ่มดิ้นไปมา


“อย่าเสียงดังสิ คนอื่นเขานอนอยู่นะ”คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกดิ้น


ลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน


“ขยับออกไปเลย”


“ไม่เอา”นอกจากปฏิเสธแล้วยังกอดแน่นขึ้นไปอีก


ผมได้แต่ขันขืนเล็กอยู่สักพักแต่ก็รู้ว่าไม่มีผลเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเอาไออุ่นไปจนถึงเช้าของวันใหม่ทีเดียว


ช่วงเช้าบนดอยอากาศค่อนข้างเย็นแต่ไม่มากเท่ากลางคืน พวกเรามีสอนช่วงบ่ายตอนนี้ผมจึงนั่งมองฌอนกำลังวาดภาพโดยใช้ขาตั้งสำหรับวางกระดาษอยู่ในระใกล้


อยู่ๆฌอนก็บอกว่าอยากวาดภาพเลยมานั่งวาดบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ติดกับริมหน้าผา เพราะอยู่บนดอยเลยสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ใกล้กว่าที่เคย


ผมมองภาพที่ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้วยความสนใจ ครั้งนี้ฌอนไม่ได้ใช้ดินสอร่างแต่ใช้สีน้ำลงเลยนั่นทำให้ผมค่อนข้างสงสัยว่าจะออกมาเป็นรูปอะไร สีเขียวของหญ้าถูกระบายลงด้านล่างของกระดาษก่อนจะแซมด้วยสีน้ำตาลและหินก้อนเล็กๆตามลำดับ


ด้านบนสุดของกระดาถูกแต่งแต้มด้วยสีฟ้าสดของท้องฟ้าอันสดใสอันเต็มไปด้วยเมฆร่องรอยอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นโลก


ส่วนกลางของภาพเป็นรูปคนกำลังก่อสร้างอะไรบางอย่างอยู่ทางซ้ายมือสุด บริเวณใจกลางมีรูปของการเตรียมอาหารลากยาวไปถึงด้านขวาที่ปรากฏรูปห้องเรียนและเด็กนั่งอยู่ภายใน


ภาพนี้ไม่ได้ลงรายละเอียดถึงหน้าตาของคนทว่าผมกลับรู้ว่าแต่ละคนคือใคร นี่คือภาพของคณะอาสาที่กำลังสร้างห้องสมุด ร่วมกันทำอาหารและสอนเด็กๆ


เป็นภาพความทรงจำอันแสนอบอุ่น


ภาพของฌอนเปลี่ยนไปจากวันแรกอย่างชัดเจน


สีขาวดำคล้ายอดีตที่ไม่มีวันลบเลือนตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของอารมณ์และความรู้สึกรังสรรค์ออกมาจนได้เป็นผลงานอันยอดเยี่ยม


ความทรงจำตอนอยู่ด้วยกันค่อยปรากฏชัดยามหลับตาลง ทุกครั้งที่นึกถึงคำโต้เถียง เสียงทะเลาะหรือแม้แต้คำพูดคุยมันทำให้ผมยิ้มออก


อาจถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับในความรู้สึกนี้สักที


ความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ


“วันนี้เราจะมาวาดรูปบนกระดาษนี่กัน”ผมยืนกางกระดาษแผ่นยักษ์หน้าชั้นเรียนในห้องเดิมกับเมื่อวานด้วยรอยยิ้ม


ช่วงบ่ายผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้เด็กๆได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการวาดภาพ


“วาดภาพๆ”


“ว้าว น่าสนุกจัง”


“พี่มาวาดด้วยกันนะคะ”เหล่าเด็กๆเองก็ดูเหมือนจะเห็นชอบด้วยเลยมีการจัดสถานที่ใหม่


ในห้องมีโต๊ะเรียงวางอยู่จึงไม่สามารถวางกระดาษได้เลยจัดการขยับโต๊ะไปไว้ทั้งสี่มุมของห้องแล้ววางกระดาษแผ่นยักษ์ลงกลางห้อง รอบๆกระดาษมีถังสีและพู่กันสำหรับวาดเพียงพอสำหรับทุกคน


“เอาล่ะ ลงมือวาดเลย แสดงจิตนาการของทุกคนออกมา”พูดจบผมก็คว้าพู่กันจุ่มถังสีสีน้ำตาลแล้วลงมือวาดยังกระดาษตรงหน้า
สีน้ำตาลถูกวาดให้มีส่วนปลายแหลมคล้ายรูปสามเหลี่ยมและมีส่วนปลายเป็นพวงสีเดียวกัน ระหว่างวดภาพของตัวเองผมก็เงยหน้าขึ้นมองฌอนซึ่งอยู่อีกฝั่งกำลังใช้พู่กันลากสีเขียวเข้มเป็นภูเขาติดกันหลายๆลูก


“พี่น้ำวาดจรวดเหรอครับ”เด็กชายข้างๆเอ่ยถาม


“จรวด? ไม่ใช่นะ นี่คือหมาจิ้งจอกต่างหาก ดูหางที่เป็นพวงนี่สิ”ผมอธิบายรูปหมาจิ้งจอกด้วยความภูมิใจ


“ไม่เห็นเหมือนเลย”


“ว่าไงนะ ไม่จริงน่า...เหมือนจะตาย”


“ไม่เหมือนสักนิด สู้หมาผมก็ไม่ได้”พูดจบเด็กชายก็ชี้ไปยังรูปหมาสีน้ำตาลของตัวเอง


“ทานูกิ?”ผมเอียงคอถามเมื่อเห็นภาพ


“ไม่ใช่ หมาต่างหาก”


“ดูยังไงก็ทานูกิ”


“ของพี่ดูยังไงก็จรวด”


“หมาจิ้งจอก”


“พี่น้ำ ดูของหนูด้วยสิ”ระหว่างกำลังพูดชายเสียงผมถูกกระตุก


“ได้สิ ไหนๆ เอ่อ...ดอกไม้?”ผมเอ่ยออกไปอย่างไม่แน่ใจในภาพที่เห็น


“ไม่ใช่ดอกไม้ค่ะ กระต่ายต่างหาก”


“อะ...อ่า”ผมนี่ไม่รู้จะต่อยังไงเลย


“ฝั่งนู้นวาดสวยกันจังนะคะ”เด็กสาวพูดพลางมองไปยังอีกฝั่งที่มีฌอนเป็นคนหลักในการวาดภูเขาและทะเลส่วนเด็กๆก็วาดสัตว์น้ำและต้นไม้รอบๆ


วาดออกมาในทางเดียวกันสุดๆ


แต่พอมองฝั่งผม


หมาจิ้งจองที่เหมือนจรวด


หมาที่เหมือนทานูกิ


กระต่ายที่เหมือนดอกไม้


“ฝั่งนั้นขี้โกงนี่!”ผมตะโกนบอก


“ตัวเองวาดไม่สวยอย่าโวยวายน่า”ฌอนเงยหน้าตอบพร้อมยกยิ้มขึ้นคล้ายกลั้นขำเมื่อเห็นภาพวาดผม


“ฉันจงใจวาดไม่สวยจะได้กลืนกันฝีมือเด็กๆหรอก”ผมสวนกลับ


“ไม่ต้องพยายามแก้ตัวก็ได้”


“ไม่ได้แก้ตัว เอางี้ มาแข่งกันดีไหม”ผมเสนอความเห็น


เด็กหลายคนเริ่มวางพู่กันแล้วหันมามองหน้าผมอย่างสนใจว่าจะทำอะไร


“แข่ง?”


“ใช่...เราจะแบ่งเป็นสองฝั่งตามนี้แล้วมาแข่งกันว่าภาพของฝั่งไหนจะเจ๋งกว่า”


“ก็ไม่ขัด แต่ชนะแล้วจะได้อะไรล่ะ”ฌอนถามต่อ


“คนแพ้ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นในห้องนี้ให้สะอาดเป็นไง”ผมลองเสนอ


“ได้ ฝั่งก็เอาตามที่อยู่ตอนนี้ละกัน”


“ไม่มีปัญหา ทุกคนจะเอาด้วยไหม”ผมยืนขึ้นพร้อมตะโกนถาม


“เอาค่า/ครับ!”


“ให้พี่แยมเป็นคนตัดสิน”


“ได้”


“จัดไป”ผมมองฌอนอย่างท้าทาย


และแล้วการแข่งขันวาดรูปก็ได้เริ่มต้นและจบลง การประชัดวาดรูปกว่าสามชั่วโมงเสร็จสิ้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของฝั่งผมที่ชนะจากคำตัดสินของพี่แยม พูดถึงภาพที่ชนะสักหน่อย...นอกจากในภาพจะมีทั้งหมาจิ้งจอกคล้ายจรวด หมาคล้ายทานูกิ กระต่ายคล้ายดอกไม้แล้วยังมีทั้งช้างคล้ายวาฬ พระอาทิตย์สีแดงฉานมีหัวใจดวงเล็กลอยรอบและอีกหลายสิ่งซึ่งไม่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นอะไร


เทียบกับของฝั่งฌอนนั้นอย่างที่เคยบอกว่าเป็นภูเขาและทะเล ในน้ำก็เหล่าสัตว์ทะเลหน้าตาเดาได้ว่าคืออะไรซึ่งถือว่าเรียบง่ายและธรรมดามาก


ผมค่อนข้างมั่นใจไม่ใช่เพราะตัวเองมีฝีมือแต่คนชนะไม่จำเป็นต้องวาดภาพสวย


ผมบอกไปแล้วนี่ว่าเป็นคนที่วาดได้เจ๋งกว่า


คำว่าเจ๋งไม่ได้ต้องแปลว่าสวยเสมอไปนะฌอน

.............................................................................

สวัสดีค่า

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะทุกคน

หลายคนคงไปเที่ยวกันอยู่ ซึ่งเรานั้นอยู่บ้านเฉยๆ 555

แต่ก็ดีเพราะจะได้มีเวลาแต่งมาขึ้น

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 13-04-2017 14:07:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-04-2017 14:13:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 13-04-2017 15:28:22
รู้สึกดีกับช้อนขนาดนี้ไม่คิดจะตกลงปลงใจหน่อยหรอน้ำเปล่าา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 13-04-2017 15:46:20
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-04-2017 16:30:04
น้ำเปล่านี่ชัดเจนมากๆแล้วนะ เหลือแค่ยอมรับอย่างเดียวนั่นแหละ5555
ยอมรับออกมาให้ณอนได้ดีใจหน่อยเรววว
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-04-2017 17:03:59
อยากเห็นรูปที่พวกเด็กๆวาดจัง 555 สุขสันต์วันสงกรานต์ค่าา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2017 18:52:58
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-04-2017 20:50:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 13-04-2017 21:03:52
เหนื่อยหัวใจบ้างไหมน้ำเปล่า รู้สึกทำงานหนักเกินน :o8:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 13-04-2017 23:45:23
อ่านไปยิ้มไป เหมือนคนบ้าเลยเรา
น้ำเปล่าน่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-04-2017 11:43:59
มาค่ายครั้งนี้คงขำกันจนเหนื่อยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-04-2017 13:23:49
หวงแฟนหรอฌอนน :o8:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 18-04-2017 10:58:46
โอ๊ยยยยย เรื่องนี้ดีต่อใจม๊ากมากกกกกก
คู่นี้เค้าน่ารักกันจังเลยค่ะคุณพี่  :-[
ฌอนนี่สงส้ัยเป็นเจ้าของไร่อ้อยรายใหญ่แน่ๆ
จัดอ้อยให้น้ำเปล่ามาอีกเยอะๆนะคะ คนอ่านชอบบบบบ
จะละลายยยยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-04-2017 13:39:53
รีบๆยอมรับฌอนนะน้ำเปล่า

รอลุ้นนานแล้วววว. อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-04-2017 19:47:44
น่ารักกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่10}} 13/04/60 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 19-04-2017 10:33:19
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยคะ
หนูน้ำน่ารักพี่ฌอนก็ชอบทำให้เขิน งื้ออออออ :mew2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 21-04-2017 12:48:44
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่11




หลังจากกลับมาจากค่ายอาสาผมและฌอนต่างก็ไม่ได้เจอกันอีกในช่วงปิดเทอม ตัวผมกลับไปหาคุณย่าพร้อมกับน้องสาวยังต่างจังหวัดแม้จะมีติดต่อกับฌอนทางเฟสแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก พอผมกลับมายังหอพักก็ไม่พบฌอนอยู่ที่นี่ซะแล้ว


ด้วยความสงสัยผมเลยโทรไปถามก่อนจะได้ใจความว่าต้องเตรียมย้ายไปอยู่แถวที่ฝึกงานจนกว่าจะหมดเทอม ทางผมเองก็คงจะอยู่บ้านในเทอมนี้เพราะใกล้กว่าหอถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะออกจากหอแล้วค่อยกลับมาใหม่ในเทอมหน้าหรอก


วันนี้ที่ผมมามีเหตุผลหลักๆเพียงเพื่อมาเอาภาพวาดกลับไปไว้บ้านซึ่งก็ให้พ่อรออยู่หน้าหอและขอให้พี่กรไปช่วยกันยกภาพนั้นลงมาด้านล่าง


“ภาพนี้ฝีมือเจ้าชายสินะ”พี่กระถามระหว่างยกภาพเดินไปหน้าประตู


“ใช่ครับ ได้มาเมื่อตอนงานเทศกาล”


“ได้มา? อย่าบอกนะว่าฟรี”พี่กรถามต่อด้วยแววตาอึ้งๆ


“ก็ประมาณนั้น”


“สนิทจริงๆด้วย รู้ไหมว่าราคาภาพที่ใหญ่ขนาดนี้เท่าไหร่แถมเจ้าของภาพยังเป็นฌอน ฮิลลารี่อีก”


“ผมไม่ค่อยรู้แต่ก็คิดว่าคงแพงในระดับที่ผมไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ”ผมตอบกลับไปตามความคิด


ฝีมือของฌอนผมรู้ดีว่าสุดยอด


ดังนั้นผลงานของเขาคงไม่ใช่แค่หลักพันหรือหมื่นเป็นแน่


“เด็กมหาลัยซื้อไม่ได้หรอก ถ้าเป็นภาพเล็กก็ว่าไปอย่าง ภาพนี่อย่างน้อยๆก็คงหลักล้านอัพ “คำตอบของพี่กรทำให้ผมได้แต่ส่งยิ้มแหะๆไปให้


แพงยิ่งกว่าที่คิดอีก


“ภาพใหญ่กว่าที่คิดนะเนี่ย”เมื่อมาถึงรถพ่อก็มองมายังภาพที่ต้องใช้ถึงสองคนในการขน


“แฮะๆ เปิดประตูให้หน่อยพ่อ”


“แบบนี้ต้องวางไว้ข้างล่างให้พิงเบาะล่ะนะ”พ่อเปิดประตูพลางมองผมค่อยเอาภาพเข้ารถ


รถคันนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากมายจึงค่อนข้างลำบากในการขนย้ายภาพขนาดค่อนข้างใหญ่แบบนี้ ด้วยขนาดภาพส่งผลให้มองกระจกมองหลังไม่ค่อยเห็นเลยต้องขับรถอย่างระมัดระวังกว่าปกติ


กว่าจะมาถึงบ้านก็ใช้เวลานานพอสมควร


“เรียกน้ำส้มมาช่วยอีกคนเถอะ”พ่อบอก


“ก็ดีนะครับ”ผมพยักหน้าเห็นด้วย


“น้ำส้มลงมาช่วยพ่อกับพี่ขนของหน่อย!”ผมเดินไปเปิดประตูบ้านพร้อมตะโกนเรียก


“ขนของ? แค่สองคนไม่ไหวนี่ของพี่ชายเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”เสียงของน้ำส้มดังออกมาจากประตูบ้าน


“ออกมาดูเองมา”


“ค่าๆ”เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับน้ำส้มเดินออกมาจากตัว พอเห็นภาพที่อยู่ในรถก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“มาช่วยกันหน่อย”ผมบอกพลางเปิดประตูรถออกกว้าง


“นี่อะไรน่ะพี่ ภาพ?”น้ำส้มเดินมาดูใกล้แล้วหันมาถาม


“ก็ใช่”


“ใหญ่จัง พี่ซื้อมาเหรอ”น้ำส้มถามต่อ


“รูมเมทพี่ให้มาน่ะ”


“ให้มา? ภาพใหญ่ขนาดน่ะนะ”


“อืม ไม่ต้องถามมากน่า มาช่วยกันยกเร็ว”ผมเริ่มเร่ง


สถานที่ที่ผมจะติดภาพนี้คือในห้องผม แน่นอนว่าผมต้องใช้เวลาหลายวันในการเก็บข้าวของที่ติดผนังออกให้หมดเพื่อจะได้ติดภาพวากนี่ได้


“แกะเลยได้ไหม หนูอยากเห็นว่าเป็นภาพอะไร”เมื่อยกภาพเข้ามาในห้องน้ำส้มก็หันมาถามโดยที่มือกำลังจะฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์ออก ภาพนี้ผมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์คลุมไว้ต่อๆกันเผื่อระหว่างขนย้ายเผลอขูดจนเกิดรอย


“ได้ๆ ยังไงก็ต้องช่วยยกติดผนังอยู่แล้ว”ผมบอกแล้วเดินไปช่วยแกะกระดาษออก ส่วนพ่อก็ยืนมองอยู่ห่างๆ


ภาพวาดขนาดใหญ่ค่อยๆถูกเผยออกมาท่ามกลางบรรยากาศในห้องเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย สายตาของพ่อจับจ้องมายังภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าครุ่นคิด คิ้วเองก็ขมวดเข้าหากันแน่น


น้ำส้มเองก็อ้าปากค้างมองภาพนี้อย่างอึ้งๆ ใบหน้าออกขาวค่อยๆเห่อแดงขึ้นทีละน้องนั่นแสดงให้เห็นว่าน้ำส้มเข้าใจถึงสิ่งที่ภาพนี้ต้องการจะสื่อออกมาได้


“พะ...พี่น้ำ ภาพนี่ผู้หญิงให้มาเหรอ”น้ำส้มหันควับมาถาม


“เปล่า...ผู้ชายต่างหาก”


“ถ้าเป็นผู้หญิงหนูนึกว่าพี่ถูกสารภาพรักแล้วนะ”


“...ก็นะ”ไม่อยากจะบอกหรอกว่าถูกสารภาพรักไปเรียบร้อยแล้ว


“น้ำเปล่า”พ่อที่เงียบไปอยู่ๆก็เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“มีอะไรครับ พ่อทำหน้าเครียดเชียว”ผมถามกลับ


“ภาพนี่แน่ใจนะว่าให้มาจริงๆน่ะ”


“...ครับ เจ้าของภาพให้ผมมา ทำไมเหรอ”ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะตอบไปตามตรง


ภาพนี่มันมีอะไรงั้นเหรอ


“เจ้าของภาพให้มา?!”เหมือนคำตอบผมจะยิ่งทำให้พ่อตกใจมากขึ้น


“ผมไม่ได้บอกเหรอ”นึกว่าบอกพ่อแล้วซะอีก


“นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”


“พ่อจะบอกอะไรผมกันแน่น่ะ”ผมขมวดคิ้วพร้อมถามกลับ


“เจ้าของภาพคือฌอน ฮิลลารี่สินะ”


“...ทำไมพ่อถึงรู้”ผมจำได้ว่าไม่เคยบอกนะว่าใครวาด


“นักวาดแต่ละคนมักจะมีลายเส้นเป็นของตัวเอง ต่อให้วาดภาพอะไรก็จะมีลายเส้นที่บ่งบอกได้ถึงตัวตน อีกอย่างมุมขวาล่างนั่นมีลายเซ็นของเขาอยู่”ผมมองลงไปยังมุมด้านขวาตามที่พ่อพูดและก็เห็นลายเซ็นเล็กๆตามที่พ่อว่ามาจริงๆ


แต่เพียงแค่นั้นพ่อก็รู้เลยเหรอว่าเป็นใคร


ฌอนมีชื่อเสียงถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ


“พ่อรู้จักฌอนเหรอ”ผมถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป


“รู้จัก? ไม่รู้จักสิแปลก ลูกชายของประธานสูงสุดของบริษัทH&Yซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทและขยายสาขาไปกว่า46แห่งทั่วโลก”


“...”คำอธิบายของพ่อทำเอาผมเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง


ลูกชายของบริษัทH&Y


บริษัทที่พ่อผมทำงานอยู่


และเป็นบริษัทที่ผมกำลังจะไปฝึกงาน


“บริษัทH&Yเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษเมื่อหลายสิบปีก่อนโดยเน้นการผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านอันมีเอกลักษณ์และรูปลักษณ์อันแปลกตาทว่าลงตัวตามความชอบของแต่ละคน และสิ่งที่ได้รับความนิยมมาตลอด10ปีที่ผ่านมาก็คือภาพวาดขาวดำอันงดงามจากลูกชายคนสุดท้องซึ่งราคาของผลงานแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่หลักแสนแต่คือหลักล้าน”


“...”


“ที่น่าตกใจคือเขาไม่เคยลงสีภาพแบบนี้มาก่อน แล้วทำไมภาพนี้ถึง...”พ่ออธิบายพลางเดินเข้ามามองภาพในระยะใกล้


ผมในตอนนี้กำลังอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับอย่างกะทันหัน


สมองยังไม่สามารถประมวลข้อมูลได้ทั้งหมด


พ่อทำงานอยู่ในบริษัทH&Yสาขาหลักของประเทศไทย บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับของแต่บ้านที่มีดีไซน์ทันสมัยและหรูหรา มีหลายครั้งที่รับงานออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า ถือเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในเรื่องของตกแต่งบ้านก็ว่าได้


ผมเคยเห็นผลงานของH&Yมาหลายครั้งจากการไปเดินตามห้างหรือโรงแรมและผมก็รู้จักบริษัทนี้จากผู้เป็นพ่อมาหลายปีแล้วด้วย


ทั้งแบบนั้นแต่ผมไม่เห็นเคยรู้เลยว่าฌอนเป็นลูกชายของประธานบริษัทแถมไม่ใช่แค่สาขาประเทศไทยแต่เป็นลูกชายผู้ก่อตั้งบริษัท


ก็รู้ว่าฌอนรวยแต่ใครจะคิดว่าจะรวยในระดับมหาเศรษฐีแบบนี้


คำพูดของพ่อทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับฌอนเลยสักอย่างเดียว


เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้แล้วผมยังจะกล้าตอบรับคำสารภาพนั่นอีกงั้นเหรอ


ตอนแรกผมกะจะตกลงตอบรับคำขอคบจากฌอน แต่ในตอนนี้ผมลังเลและเริ่มคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับฌอนเลยสักนิดเดียว
ตอนนี้มันไม่ได้มีเพียงเรื่องเพศที่เป็นปัญหาหลักแต่ยังมีเรื่องของฐานะเข้ามาเกี่ยวด้วย


ครอบครัวระดับนั้นจะยอมรับคนธรรมดาอย่างผมเหรอ


ไม่มีทาง


ผมรู้คำตอบนี้ได้โดยไม่ต้องถามให้เหนื่อย


ยังดีที่ผมรู้เรื่องนี้ก่อนจะตอบตกลง


ถ้าเป็นตอนนี้ยังไม่เป็นไร


แค่ตอบปฏิเสธไปทุกอย่างก็จะจบลง...


แม้ในหัวใจผมมันจะเจ็บปวดเพราะรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วก็ตามที


วันแรกของการเข้าฝึกงานในบริษัทH&Yเต็มไปด้วยความประหม่าและตื่นเต้น ตึกของบริษัทนอกจากจะมีขนาดอันใหญ่โตแล้วยังมีการออกแบบและการตกแต่งอย่างโดดเด่น เรียกว่าเป็นจุดสนใจในรัศมีหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว


สำหรับการฝึกงานของผมนั้นได้เข้าสังกัดอยู่ในฝ่ายประสานงานของบริษัทนั่นทำให้ผมวิ่งวุ่นแทบจะทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น


“น้ำเอาเอกสารนี่ไปให้ฝ่ายการตลาดด้วย”พี่โต้งหนึ่งในพนักงานฝ่ายตะโกนบอก


“ครับ”ผมรับคำก่อนจะวิ่งไปรับแฟ้มเอกสาร


“ไปฝ่ายการตลาดเหรอ งั้นฝากนี่ไปให้พี่อ้อยที”พี่อีกคนชูมือขึ้นโบกไปหาเรียกให้ผมไปหาอีกคน


“ครับๆ”


เมื่อรับของทุกอย่างครบผมก็ออกจากห้องตรงไปยังฝ่ายการตลาดที่อยู่ตึกด้านหน้าสุดของบริษัท ฝ่ายประสานงานอยู่ตึกด้านหลังซึ่งถือเป็นจุกศูนย์กลางที่สามารถวิ่งไปหาทุกฝ่ายได้ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน


ทุกๆวันผมล้วนวิ่งหอบเอกสารไปตามฝ่ายต่างๆจนตอนนี้จำทิศทางได้เกือบหมดแล้ว ไม่อยากโม้ว่าผมมีทางรัดในการไปยังเป้าหมายด้วย


ตลอดหลายสัปดาห์ผมทำหน้าที่โดยไม่หยุดหย่อนทำไห้ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับฌอนเหมือนเมื่อก่อน ไม่สิ ถ้าจะให้พูดตรงๆคือผมพยายามทำตัวให้ยุ่ง พอเหนื่อยกลับบ้านมาก็ใช้มันเป็นข้ออ้างในการนอนเร็วเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องของฌอน


มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจไม่ให้พิมพ์ข้อความไปหาอีกฝ่ายเพราะผมทำมันมาตลอดตั้งแต่ปิดเทอมทว่าในตอนนี้ผมได้แต่ทำใจไม่ให้คิดถึงมัน


ปกติผมเป็นฝ่ายทักไปก่อนเสมอ และส่วนมากฌอนก็จะตอบกลับมาเป็นคำๆเห็นว่าไม่ค่อยชอบคุยผ่านโทรศัพท์สักเท่าไหร่ ดังนั้นถึงผมจะไม่ทักก็คงไม่เป็นอะไร อีกอย่างฌอนก็คงยุ่งกับการฝึกงานของตัวเองไม่มีเวลามาสนใจเรื่องผมนักหรอก


ผมอยากจะห่างจากฌอนสักหน่อย


ความรู้สึกของพวกเรามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็เป็นได้ ไม่แน่มันอาจเป็นเพียงความใกล้ชิดจากการที่อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน
ยิ่งกับฌอนที่แทบไม่เข้าสังคมผมเลยเหมือนเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจ


ความรู้สึกนั้นคงไม่ใช่ความรู้สึกของคนรักกันหรอก


ถ้าห่างกันสักหน่อย...ก็น่าจะรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ทำไมยิ่งนานวันในหัวถึงได้มีแต่เรื่องของฌอนอยู่เต็มไปหมด


ครื่นนน  ครื่นนนน


แรงสั่นของเครื่องมือสื่อสารเรียกสติผมให้กลับเข้าร่างแล้วพลิกตัวเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ด้านข้างมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้มือผมกำแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


“ฌอน...”ผมพึมพำพลางมองชื่อนั้นด้วยความอึดอัดใจ


หลายวัน ไม่สิ ต้องบอกว่าหลายอาทิตย์ที่ผมไม่ได้ติดต่อฌอนไป เขากลับเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเองแถมไม่ใครแค่วันละสายแต่มากกว่านั้น


อยากจะรับสาย


อยากจะพูดคุย


อยากจะได้ยินเสียง


แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้


ต้องเว้นระยะห่างออกมา


ผมกับเขา...ไม่มีทางไปกันได้


ลูกชายของประธานบริษัทซึ่งเป็นถึงมหาเศรษฐีจะมาคบกับคนธรรมดาแถมยังเป็นผู้ชายแบบผมได้ยังไงกัน


ฌอนต่อให้ไม่ใช่ผมก็คงมีผู้หญิงมากมายเข้ามาอยู่ไม่ขาด ต่อให้เขาไม่ชอบผู้หญิงนั่นก็คงไม่ยากถ้าจะหาคนที่มีฐานะเท่าเทียมไม่ใช่กับคนแบบผม


“ขอโทษนะ...”เข้าใจด้วยเถอะ


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหน้าผากพร้อมหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์และความรู้สึกหลายๆอย่างนี่ให้สงบลง


วันรุ่งขึ้นผมมาทำงานด้วยใบหน้าอดโรย เมื่อคืนคิดถึงแต่เรื่องของฌอนจนนอนไม่หลับเลยต้องมาบริษัทในสภาพไม่สมประกอบเช่นนี้


“น้ำไหวไหมเนี่ย”พี่โต้งเดินมามองหน้าผมด้วยน้ำเสียงห่วงๆ


“ไม่เป็นไรครับ”ผมพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ


“พี่โต้งให้งานน้องหลักไปนะคะ”พี่โบพูดขึ้นก่อนจะวางแก้วน้ำชาร้อนๆมาตรงหน้าผม


“พี่โบ...”


“ดื่มสิจะได้สดชื่นขึ้น”พี่โบส่งยิ้มมาให้


“ขอบคุณครับ”ผมรับความห่วงใยนั่นด้วยความยินดี


“ไม่ได้ใช้งานหนักขนาดนั้นสักหน่อย วันนี้พี่ให้พักวันนึงละกัน”เมื่อพี่โต้งโดนสายตาหลายคู่มองมาก็ได้แต่เกาหัวด้วยรอยยิ้มบางๆ


“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พี่มีอะไรให้ผมทำก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”มาฝึกงานได้ไม่ถึงเดือนก็ให้พวกพี่มาเห็นใจซะแล้ว


แบบนี้ไม่ดี ผมต้องแสดงความสามารถออกมาให้เห็นสิ


“อย่าฝืนสิน้องชาย งีบสักชั่วโมงเถอะ”พี่โต้งพูดต่อ


“แต่ว่า...”


“ถ้ามีงานเดี๋ยวพี่ปลุก”


“ก็ได้ครับ”สุดท้ายผมก็พยายามยอมทำตามที่พี่โต้งพูดโดยการฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานมุมห้องของตัวเอง อาจเพราะอยู่ข้างนอกเลยทำให้เรื่องของฌอนไม่เข้ามาในหัวส่งผมให้ผมหลับแทบจะทันทีที่ฟุบลงไป


ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนถูกพี่โบเขย่าไหล่ปลุกเบาๆให้เดินไปหาพี่โต้งยังโต๊ะด้านในสุดของห้อง พี่โต้งเป็นหัวหน้าฝ่ายประสานงานนี้ซึ่งมีสมาชิกอยู่หลายสิบคน ได้ชื่อว่าฝ่ายประสานงานอาจดูเหมือนแต่ในความจริงไม่ใช่เลยเมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วมประชุมระหว่างฝ่ายประสานและฝ่ายบุคคลซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ง่าย


งานของฝ่ายนี้คือการเชื่อมงานของแต่ละฝ่ายให้ไหลลื่นโดยไม่มีอุปสรรค ว่ากันตรงๆก็เหมือนเป็นตัวกลางของแต่ละฝ่ายภายในบริษัทนั่นเอง


“ช่วยเอาเอกสารนี้ไปให้อัมรินทร์ทีนะ ส่วนนี่เอาไปให้อารยา”พี่โต้บอกพร้อมยื่นแฟ้มแต่ละอันให้


“คุณอัมรินทร์นี่ใช่ที่อยู่ฝ่ายผลิตรึเปล่าครับ”ผมถามต่อ คนชื่อนี้มีอยู่สองคนในบริษัทคือฝ่ายผลิตและฝ่ายบุคคลเลยต้องถามให้แน่ใจว่าให้ใครกันแน่


“ใช่ๆ วานหน่อย”


“ได้ครับ...”


ปัง!


เสียงของประตูถูกเปิดอย่างแรงเรียกให้คนทั้งห้องหันไปมองเป็นตาเดียวไม่เว้นแต่ผม ทว่าเมื่อหันไปมองก็พบกับคนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวอยู่ที่ได้


เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วไหวเล็กน้อยจากแรงขยับตัว เสียงหอบและใบหน้าเปื้อนเหงื่อนั่นแสดงให้เห็นว่าพึ่งวิ่งมา ดวงตาสีเทาอ่อนสอดส่องไปทั่วราวกับหาใครบางคนอยู่


และเมื่อผมเข้าไปอยู่ในดวงตาสีอ่อนเขาก็จับจ้องมายังผมเขม็งพร้อมกับเดินก้าวยาวๆเข้ามาโดยไม่สนใจใคร


“ฌอน...”ผมพึมพำเรียกพลางอกแฟ้มเอกสารขึ้นแนบอก


ทำไมถึงมาอยู่นี่


แถมสภาพเหนื่อยล้านั่นมันอะไร


ไม่ใช่แค่กำลังเหงื่อท่วมแต่แค่มองก็รู้ว่าร่างกายกำลังแย่ ดวงตาก็คล้ำจนเหมือนหมีแพนด้า


ไม่ได้นอนเหรอ


ไม่สิ


ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น


ทำไมถึงรู้ว่าผมอยู่นี่ล่ะ


แล้วผมจะทำยังไงดี



(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 21-04-2017 12:49:06
(ต่อนะคะ)



“อย่าหนีฉันน้ำเปล่า!”เสียงทุ้มที่ไม่ได้ยินมาหลายอาทิตย์ส่งผลอย่างรุนแรงต่อร่างกายและใจ เพียงแค่คำพูดเดียวผมก็หยุดขาที่กำลังจะก้าวหนี


คนทั้งห้องต่างมองตามฌอนมาจนเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม มีหลายคนกำลังมองอย่างสงสัยว่าฌอนมาทำอะไรที่นี่


ผมไม่คิดหรอกนะว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี่คือใคร


คนที่ไม่รู้คงมีแค่ผมคนเดียวละมั้ง


ทั้งห้องต่างเงียบกริบราวกับกำลังรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะประชิด


ตัวผมกำลังสั่นเพราะสายตานั้นเหมือนกำลังโกรธ


นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายโกรธขนาดนี้


อยากจะหนีแต่ทำไมได้


สถานการณ์อึดอัดแบบนี้ผมไม่ชอบเลย


“ฌอน...คือ...”ผมพยายามเปิดการสนทนาเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้


“เป็นอะไร”คำถามแรกหลังจากไม่ได้เจอกันมานานดังขึ้น


“...เปล่านี่”


“เกิดอะไรขึ้น”เหมือนคำตอบผมจะไม่ตรงตามที่ฌอนต้องการเขาเลยถามใหม่อีกรอบ


“เปล่า...”


“ฉันไม่ได้มานี่เพื่อจะมาฟังคำโกหก”


“ฌอน...”เขารู้ว่าผมโกหกเหรอ


ก็คงจริงถ้าไม่รู้ก็คงแปลก


“ถ้านายไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ”คิ้วทั้งสองข้างของอีกฝ่ายขมวดเข้ากันแน่น


“...”


“คุณฌอน!”ผมที่กำลังจะอ้าปากหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพบกับบอดี้การ์ดประมาณสี่คนวิ่งเข้ามาภายในด้วยสีหน้าร้อนรน


“บอกว่าไม่ต้องตามมาไง”ฌอนหันไปบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“แต่มันเป็นหน้าที่ของเรานะครับ อีกอย่างคุณหนีออกมาแบบนี้คุณท่านจะเป็นห่วงเอานะครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดพูดต่อ


“หนีเหรอ หมายความว่าไงฌอน”ผมถามฌอนตรงๆ


“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ที่ฉันต้องการตอนนี้คือคำตอบจากนาย”ฌอนเลิกสนใจเหล่าบอดี้การ์ดแล้วหันกลับมาจ้องผมอีกครั้ง
สายตาของฌอนบ่งบอกว่าถ้าไม่รู้ความจริงก็อย่าหวังว่าจะยอมง่ายๆ


ผมได้แต่เม้มปากแน่นอย่างชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อไปดี


นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้เคลียร์สิ่งต่างๆให้ชัดเจน


“...เข้าใจแล้ว แต่ไปคุยกันที่อื่นโอเคไหม”ผมบอกหลังตัดสินใจ


“ได้ มาทางนี้”ฌอนคว้ามือผมก่อนจะออกดึงให้ตามไป


“เดี๋ยวสิ ฉันต้องไปส่งเอกสารก่อน”ผมขืนมือที่ถูกจับ


“เอกสาร? เอาไปจัดการต่อที”แฟ้มเอกสารในมือถูกส่งต่อไปให้หนึ่งในบอดี้การ์ดก่อนจะลากตัวผมออกมาทั้งที่ยังงงๆอยู่


สถานที่ที่ฌอนพามาคือห้องว่างห้องหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นห้องพักอะไรสักอย่าง ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อำนวยความสะดวกครบครันตั้งแต่โซฟายันตู้เย็น


“ที่นี่คงได้นะ”ฌอนนั่งลงบนโซฟาโดยดึงผมให้นั่งลงข้างๆ


“อืม”


“บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”ฌอนเข้าเรื่องทันที


“...เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”ถึงจะให้อธิบายผมก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”


“...ฌอน นายเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทนี้สินะ”ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับแทน


“อืม”


“ฉันพึ่งมารู้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเอง”


“...เพราะฉันเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทนี้นายเลยไม่รับโทรศัพท์ ไม่สิ นายเลยเลิกติดต่อฉันงั้นเหรอ”ฌอนตามต่อพร้อมขยับเข้ามาใกล้ขึ้น


“ฌอน...ไม่แน่นะว่าความรู้สึกที่นายบอกมันอาจเป็นแค่เพราะเราอยู่ด้วยกัน...”


“ฉันไม่ได้เป็นเด็กน้อยหัดรัก จริงอยู่ที่ฉันอาจไม่เคยคบใครแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้น เวลาอยู่กับนายฉันกล้าบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต”


“ฌอน...”


“นายช่วยฉันจากความทรงจำอันเจ็บปวดและภาพอดีตที่ไม่มีวันลบหาย นายทำให้ความทรงจำนั่นเริ่มมีสีสันจนฉันกลับมาใช้สีได้อีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ความผูกพันหรือหลงผิดชั่ววูบ ฉันชอบนาย!”


ถ้อยคำที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกจนผมสัมผัสได้


ฌอนรู้สึกกับผมจริงๆ


“ฉันไม่คู่ควรกับนาย...”


“น้ำเปล่า...”


“คนธรรมดาแบบฉันไม่คู่กับกับนายสักนิด ในอนาคตนายจะเจอกับผู้คนมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นอาจมีฐานะคู่ควรไม่ใช่ฉันที่แค่วาดภาพยังห่วย...อุ๊บ อื้ออ~”ริมฝีปากของฌอนกดทับลงมาอย่างไม่ตั้งตัว เพียงเสี้ยววินาทีการลุกล้ำก็ทำเอาผมต้องขยับหนีทว่ากลับถูกอีกฝ่ายคว้าเอวพร้อมดึงให้ตัวผมเข้าไปใกล้มากขึ้น


ความร้อนผ่าวตีขึ้นไปหน้าท่ามกลางจูบอันร้อนลุ่มจนแทบละลายกลายเป็นไอน้ำ


 การต่อต้านค่อยๆหยุดลงและแปรเปลี่ยนเป็นการยินยอมอย่างเชื่องช้า ตอบสนองทุกการลุกล้ำที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยความเต็มใจ


“...อย่าพูดเหมือนจะยกฉันให้คนอื่น”พอผละออกจากจูบฌอนก็เชิดใบหน้าผมให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีเทาอ่อนตรงๆ


“แต่ว่า...”


“คนที่ฉันรักคือน้ำเปล่า แล้วนายล่ะคิดยังไงกับฉัน”


“...เราไม่เหมาะ...”


“ฉันถึงความรู้สึกของนายไม่ใช่ความรู้สึกที่คนอื่นมองมา”ฌอนพูดแทรก


ความรู้สึกของผมงั้นเหรอ


ถ้าเป็นความรู้สึก


มันชัดเจนมาตั้งนานแล้วเพียงแค่ผมเอาแต่หนีความรู้สึกนั่นมาตลอด


ถ้ามันมีโอกาสที่จะให้ผมได้พูด


ผมก็จอยากจะบอกออกไป...


“ฉันชอบนาย ชอบฌอน ชอบ...”สิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในราวกับระเบิดออกมา น้ำตาอยู่ๆก็ไหลอาบแก้มทั้งที่ดวงตาของผมยังคงประสานอยู่กับฌอน


“ก็แค่นี้ ที่ฉันอยากฟังคือความรู้สึกของนาย”ร่างกายผมถูกดึงเอาไปกอดเบาๆ


“อืม...ชอบ”ความอบอุ่นนี่ทำให้ผมหลับตาลงเพื่อจะได้ซึมซับความรู้สึกนี้ให้มากที่สุด


“ในเมื่อความรู้สึกเราเหมือนกันงั้นก็มาคบกันนะ”


“เรื่องนั้นฉันคิดว่ามันไม่ควร...”จะให้คบกับลูกชายเจ้าของบริษัทเนี่ยนะ


มันดูไม่ดีเอาซะเลยที่คนระดับนั้นจะมาคบกับผม


“อย่าไปสนเรื่องเล็กน้อยน้ำเปล่า”


“เรื่องเล็กน้อยที่ไหนกันฌอน นายจะบอกว่าการคบกับคนธรรมดาแบบฉันมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย”เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ


“ไม่เป็นไรหรอก”


“อะไรที่ทำให้นายแน่ใจขนาดนั้นน่ะ”ทำไมถึงพูดเหมือนแน่ใจว่ามันจะไปเป็นอะไรแบบนั้น


“ก็ฉันบอกเรื่องนายกับครอบครัวแล้ว”


“...ว่าอะไรนะ”ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอก


“ที่กลับไปอังกฤษก็เพราะเรื่องนี้แหละ ฉันไปบอกที่บ้านเรื่องนายเรียบร้อยแล้ว”


“บอกแล้ว? ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ นายควรจะบอกเรื่องนี้กับฉันก่อนไม่ใช่เหรอ!”ผมตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย


นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย


เล่นไปบอกครอบครัวก่อนผมจะยอมตกลงคบด้วยได้ยังไง


ไม่สิ


ปัญหาคือทางครอบครัวฌอนจะว่ายังไงมากกว่า


ไม่มีทางที่จะบอกว่าโอเคแน่นอน


“คนที่ไม่รับสายมีสิทธิ์พูดเหรอ”


“อึก...”คำพูดฌอนทำเอาผมสะดุ้ง


จะว่าไปผมเองนี่นะที่ไม่รับสายฌอน


“สรุปคือที่นายไม่รับสายฉันแถมยังไม่ติดต่อกลับเพราะคิดว่าความรู้สึกฉันมันไม่ใช่รักสินะ”


“ก็...นะ”


“แล้วพอนายรู้ว่าฉันเป็นลูกใครก็เกิดกังวลเรื่องฐานนะและภาพลักษณ์ทางสังคมอีก”


“ประมาณนั้น...”


“งี่เง่า”


“อย่ามาว่าฉันนะ นายเองแหละที่ผิดไม่ยอมบอกกัน ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกแล้วแทนๆว่าจะมาฝึกงานที่นี่แทนที่จะบอกกันแต่กลับปิดเงียบ”ผมไม่ยอมโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ


“คนเขาแค่ได้ยินนามสกุลก็รู้กันแล้วมีนายแหละที่นอกจากจะไม่รู้แล้วยังอ่านผิด”


“ก็มันอ่านยากนี่ฌอน ฮาลารี่ใช่ไหมล่ะ”


“เฮ้อ ไม่ใช่ฮา ฮิลลารี่”เป็นอีกครั้งที่ฌอรถอนหายใจก่อนจะพูดแก้ให้


“นั่นแหละ ก็คล้ายๆอยู่”


“คล้ายที่ไหน ช่วยจำนามสกุลที่ตัวเองต้องใช่หน่อยเถอะ”


“ใช้? หมายถึงอะไร”ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ


“เราคบกันแล้วนี่ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ต้องเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นของฉัน”


“ใครจะเปลี่ยนกัน อีกอย่างฉันยังไม่ได้ตกลงที่จะคบสักหน่อย”


“ทั้งที่พูดคำว่าชอบมาตั้ง4ครั้งแท้ๆ”


“อย่ามาโม้ ไม่จริง”ผมไม่มีทางพูดเยอะขนาดนั้นแน่ๆ


“จริงแน่นอนฉันนับอยู่”


“จะนับทำไมเล่า”ผมบ่นด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น


“ชอบฉันขนนาดนี้จะไม่ตกลงเป็นแฟนกันเหรอ”ฌอนรวบตัวผมพร้อมกระซิบถาม


“อึก...นายเองก็ชอบฉันมากเหมือนกันไม่ใช่รึไง”ทำไมผมต้องโดนทำให้เขินฝ่ายเดียวด้วยนะ


“ใช่ ฉันชอบนายมาก รักที่สุดด้วย”


“...อย่ามากระซิบนะ”ยิ่งกระซิบบอกความรู้สึกก็ยิ่งแผ่ซ่านจนหัวใจเต้นรัวขึ้น


“คำตอบล่ะ”


“...ไม่”


“หื้ม? ถ้าไม่ตกลงฉันจะ...”


“คิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของนายรึไง จะอะไรล่ะ”


ขอบอกเลยนะว่าผมไม่กลัวคำขู่ของฌอนสักนิด


“หึ จริงเหรอ”


“จริงสิ”


“ถ้าไม่ตกลงฉันปล้ำนะ”


เฮือก!


ร่างทั้งร่างเกร็งขึ้นอัตโนมัติก่อนจะพยายามขยับหนีทว่ากลับถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาแถมมือข้างหนึ่งยังดึงชายเสื้อผมออกมาแล้วล้วงเข้าไปลูบหน้าท้องผมไปมา


“หยุดนะ”ผมดิ้น


“คำตอบล่ะ”เสียงทุ้มกระซิบพร้อมฝ่ามือที่ค่อยๆเลื่อนลงไปต่ำลง


“ยอมแล้ว ตกลง คบกันก็ได้!”ผมตะโกนด้วยเสียงทั้งหมดที่มี


“ก็แค่นี้...ชอบให้แกล้งรึไงน้ำเปล่า”


“ใครจะชอบกัน แบบนี้มันบังคับกันชัดๆ”


“ไม่อยากคบกับฉันขนาดนั้นเลย”


“...ก็ไม่ใช่ไม่อยาก”ถ้าถามว่าอยากไหมก็คงอยาก


แต่ถ้าคบคงจะมีหลายๆอย่างที่ต้องเจอ


“ทุกอย่างที่นายกังวลให้บอกฉัน”


“ฌอน...”


“เพราะถ้าไม่บอกฉันก็ไม่รู้ว่านายกังวลอะไร ปัญหาทุกอย่างเราจะฝ่ามันไปด้วยกัน”


น่าแปลกที่ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของฌอน


จะฝ่าไปด้วยกันงั้นเหรอ


ถ้าไปกับฌอนผมไม่รู้สึกเลยว่าจะมีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้...


นอกจากเรื่องฐานะล่ะก็


“มาลองกันดูก็ได้ ว่าแต่นายเถอะที่ว่าหนีมาคืออะไร”ผมย้อนกลับไปถามสิ่งที่คาใจอีกรอบ


“อย่างที่บอกว่าฉันไปหาครอบครัวที่อังกฤษมา”


“อืมๆ”


“เพราะมีเรื่องต้องคุยยาวเลยไปฝึกงานที่นั่นซะเลย แต่พอหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาติดต่อนายไม่ได้ฉันก็เริ่มทนไม่ไหวจนสุดท้ายก็ทิ้งงานมานี่แหละ”ฌอนเล่าด้วยท่าทีสบายๆ


“ไม่ต้องมาทำท่าสบายใจเลย แล้วงานจะเป็นไงเล่า”


“งานฉันจะทำไหนก็เหมือนกัน อีกอย่างก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว”


“หมายถึงยังไง”ผมไม่เห็นเข้าใจเลย


“งานของฉันคือวาดรูป”


“แค่นั้นเหรอ”


“ใช่”


“ตามที่นายชอบเลยนี่ ดีจังไม่ต้องวิ่งวุ่นเหมือนฉัน”


“งั้นก็ย้ายมาดูแลฉันแทนสิ”


“ตลกแล้ว”


“ตลกที่ไหน นักวาดทุกคนมีคนดูแลประจำตัวอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ชอบเลยปฏิเสธตลอดแต่ถ้าเป็นนายฉันโอเค”


“ไม่ต้องมาปากหวาน”


“ชิมแล้วนี่นะ”


“ฉันพูดสำนวนต่างหาก”ผมสวนกลับด้วยใบหน้าแดงๆ


“เหรอ”


“กวน”


“อาทิตย์หน้าว่างไหม”อยู่ๆฌอนก็เปลี่ยนเรื่อง


“ก็ว่างอยู่”


“ครอบครัวล่ะ”


“อยู่บ้านหมดแหละ ทำไมเหรอ”ผมถาม


“จะพาพ่อแม่ไปขอลูกชาย”


“ห๊ะ?!”
................................................................................

มาอัพต่อแล้วค่าา

ตอนนี้ลงช้าไปนิดหน่อย

ถ้าใครอ่านจบแล้วอมยิ้มตามไปด้วยเราคงดีใจมากๆเลย555

ความยากของตอนนี้อยู่ตรงน้ำเปล่าที่สับสนกับความรู้สึกหลายๆอย่างของตัวเอง ไม่กล้าเผชิญหน้าแถมยังหนีโดยการคิดจะตัดการติดต่ออีก โดยส่วนตัวไม่มีประสบการด้านนี้เลยทำได้เพียงจินตนาการและสวมบทว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เราจะเป็นยังไง

ได้ออกมาประมาณนี้รู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อยเลย

คิดว่าอีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว

อาจดูสั้นแต่ความจริงเราว่ายาวอยู่นะ 55

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-04-2017 13:12:19
จะสู่ขอกันแล้ววววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 21-04-2017 13:22:26
งือออออออ เค้าคบกันแล้ววววววว   :hao6: :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-04-2017 13:31:33
 :man1: :กอด1: :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 21-04-2017 14:32:25
งื้ออออออ น่ารักกกกกก ในที่สุดก็คบกันแล้ว  :heaven
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-04-2017 18:28:42
สู่ขอเลยทีเดียว ฌอนใจร้อนมากกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2017 18:49:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-04-2017 18:52:54
โอ้ยยยยยอะไรจะหวานขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 21-04-2017 21:36:21
ชอบฌอนก็ตรงที่ชอบอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

และแสดงความรู้สึกว่ารักใคร ก็แสดงออกมา เคารพการตัดสินใจตัวเอง

ชอบน้ำเปล่า ก็บอกฝั่งครอบครัวไม่ปิดบัง  มีแต่ตั้งหน้าพุ่งเข้าชนอย่างเดียว

ตอนหน้าก็รอดูว่าการพุ่งชนครอบครัวฌอนก็ทำให้  ครอบครัวน้ำเปล่าขัดขืน

และปฏิเสธการคบหน้าระหว่างฌอนและน้ำเปล่าหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-04-2017 23:15:42
บทจะพูดก็พูดไม่หยุดเลยนะ 555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 21-04-2017 23:39:10
ฌอนนี้การกระทำไปไวกว่าคำพูดสินะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-04-2017 00:40:40
ฌอนตามมาถึงที่เลยยยย  :laugh:

เอ้า เตรียมตัวโดนสู่ขอได้เลยนะน้ำเปล่า  :mew1: :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-04-2017 01:39:57
จะจบแล้วหรอออ
บทนี้ณอนพูดเยอะมากกกอะ ตกใจ
พูดเยอะกว่าทั้งเรื่องรวมกันอีกมั้ง555555
น้ำเปล่าคิดมากๆๆๆๆๆเลยอะ ความสับสนนี้อะนะ
ทำณอนโดดงานนั่งเครื่องกลับมาเลย
รอค่าาาา รอเค้าเอาพ่อแม่มาขออกันน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2017 03:29:03
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 22-04-2017 04:46:58
อร๊ายยย เขาจีบกันน่ารักอ่ะตัวเธอ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 22-04-2017 18:07:41
เฮ้ยย เขาคบกันแล้วว น่ารักก  น้ำเปล่าอย่าคิดมากน้าา
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 23-04-2017 08:05:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 25-04-2017 22:54:43
หนูน้ำต้องเรียกค่าสินสอดเยอะๆนะคะลูก :mew2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 25-04-2017 23:45:31
ติดตามมมม :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-04-2017 02:11:42
เร็วจังพ่อคุณณณณ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 27-04-2017 00:25:06
อ่านตอนนี้จบละกรี๊ดจนเสียงจะแหบ เค้าจะไปสู่ขอกันแล้วววววววววว  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่11}} 21/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-04-2017 08:17:04
ช้อนมีความน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 27-04-2017 11:28:52
.:*・สร้างรัก・*:. วันที่12




เอาล่ะ


ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆกับคำพูดของฌอนที่ว่าจะพาพ่อแม่มาหา


ระหว่างในหัวกำลังคิดหนักเรื่องครอบครัวฌอนทว่ามือผมกลับไม่ได้ว่างเนื่องจากกำลังวิ่งหอบแฟ้มเอกสารไปยังฝ่ายผลิตที่อยู่อีกตึกหนึ่ง


จากวันนั้นก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว ผมไม่ได้ถามอะไรฌอนต่อเพราะอยู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาพอฌอนรับก็ทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะบอกว่าไว้เจอกันแล้วปล่อยผมทิ้งไว้กับความสงสัยอยู่แบบนั้น


รู้สึกว่าฌอนจะไม่ได้กลับไปอังกฤษแต่ไปอยู่ที่บ้านเพื่อวาดรูปที่ค้างให้เสร็จ


การที่ทุกอย่างชัดเจนขึ้นทำให้ผมไม่มีเหตุผลที่จะขาดติดต่อฌอนเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้นทุกๆวันผมเลยติดต่อกับฌอนผ่านเฟสไม่ก็โทรไปหาบ้างเป็นครั้งคราว


“ผมเอาแฟ้มเอกสารไปให้ฝ่ายผลิตแล้วครับพี่โต้ง”เมื่อกลับมาจากการไปฝ่ายผลิตผมก็ตะโกนบอกหัวหน้าฝ่ายอย่างพี่โต้ง


“เร็วดีนี่ เดี๋ยวนี้ไปเร็วมาเร็วกว่าวันแรกๆเยอะเลยนะ”พี่โต้งเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยใบหน้าชื่นชม


“มาอยู่เป็นเดือนแล้วก็เลยชินน่ะครับ มีงานอะไรให้ผมทำอีกไหมครับ”ผมถามต่อ


“เอาการเอางานดีจริง เหมือนจะไม่มีแล้วมั้ง...”ยังพูดไม่จบประโยคเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะพี่โต้งก็ดังขึ้น พี่โต้งทำท่าบอกให้ผมกลับไปนั่งก่อนจะรับสาย


ผมพยักหน้านิดพร้อมเดินกลับไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตัวที่บัดนี้กลับสภาพค่อนข้างรกไม่ว่าจะเป็นเศษแม็กหรือเศษกระดาษ
สงสัยจะได้เวลาเก็บโต๊ะแล้วสิ


“น้ำ!”


“ครับ”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกพี่โต้งตะโกนเรียกเสียงดัง คนในฝ่ายหลลายคนต่างก็สะดุ้งพลางมองไปยังหัวหน้าอย่างไม่พอใจนัก


“อย่าตะโกนเสียงดังสิคะหัวหน้า ตกใจจนเกือบทำแก้วตกแล้ว”พี่โบบอกหัวหน้าโดยถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ


“โทษทีแต่มีเรื่องใหญ่น่ะ”


“เรื่องอะไรครับ?”ผมถามต่อ


เรื่องใหญ่ที่ว่าเกี่ยวกับผมเหรอ


“ท่านประธานเรียกเธอน่ะ”


“...”ไม่เพียงแค่ผมที่เงียบแต่ทั้งห้องต่างพากับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด


ท่านประธาน...เรียกผม?


ทำไมล่ะ


“เอ่อ จะว่าท่านประธานก็ไม่ถูกซะทีเดียว”


“อะไรครับพี่”


“คนที่เรียกเป็นประธานใหญ่ เรแกน ฮิลลารี่”


“...”เป็นอีกครั้งที่ทั้งห้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างพร้อมเพียง


ถึงผมมักจะอ่านผิดอยู่ตลอดแต่ผมก็จำได้นะว่านามสกุลนั้นเป็นของฌอน และนอกจากจะเป็นของฌอนแล้วยังเป็นนามสกุลของประธานผู้สร้างบริษัทH&Yนี่ขึ้นมาอีกด้วย


อะไรเนี่ย


จะเกิดอะไรขึ้นกับผมกัน


“เขาให้น้ำไปหาที่ห้องประธาน ว่าแต่ไปทำไรมาเหรอ”พี่โต้งเดินมาถามด้วยสีหน้ากังวล


“...ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ”ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร


แต่ถ้าให้เดาคงมีแค่เรื่องเดียว


“วันก่อนก็ลูกชายประธานใหญ่มาหาวันนี้ประธานใหญ่ก็โทรตาม หรือความจริงน้ำเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ”พี่โต้งวิเคราะห์ด้วยใบหน้าซีเรียส


“ไม่ใช่แล้วพี่ ผมเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง พ่อผมก็เป็นคนของฝ่ายวางแผนของบริษัทไม่ใช่คนดังอะไร”


“งั้นทำไมถึงรู้จักกับบุคคลระดับนั้นได้ล่ะ”


“ผมเป็นรูมเมทของฌอนน่ะครับ”ผมตอบไปตามตรง


“หื้ม? ไม่ใช่ว่าเขาอยู่คนเดียวเหรอ”


“ก็หลายๆอย่างครับ ผมขอตัวไปก่อนนะครับ ให้รอนานคงไม่ดีเท่าไหร่”


“นั่นสิ โชคดีล่ะ”พี่โต้งโบกมือส่งลาผมที่วิ่งออกจากห้อง


ผมขึ้นมาจนชั้นบนสุดซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ๆ เหมือนจะเคยได้ยินว่าถึงจะได้ชื่อว่าประธานบริษัทแต่ก็เป็นเพียงตัวแทนในการทำธุระของประเทศนั้นๆซึ่งผู้ที่เป็นประธานที่แท้จริงคือผู้ก่อตั้งบริษัทหรือประธานใหญ่


เป็นบุคคลที่มีความสามารถในระดับโลกนอกจากดียังมีอิทธิพลและอำนาจในแวดวงศ์ธุรกิจพอดูเลยด้วย


ห้องสองห้องนี้จะมีห้องทั้งห้องของประธานและห้องของประธานใหญ่


ในเมื่อผมถูกประธานใหญ่เรียกก็คงต้องเป็นอีกห้องสินะ


ผมได้แต่ทำใจก้าวขาสั่นๆไปยังห้องด้านใน ประตูไม้สักถูกแกะสลักด้วยเป็นลวดลายงามวิจิตร เพียงแค่เห็นก็รับรู้ถึงความหรูหราและราคาอันสูงลิ่วได้อย่างชัดเจน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมเคาะประตูตรงหน้าเบาๆ เกิดเคาะแรงแล้วเนื้อไม้ถลอกผมไม่มีปัญญาหาเงินมาให้แน่นอน


“Please come in”


“ห๊ะ?”อะไรนะ


อีกรอบได้ไหม


คงไม่ได้สินะ...


น่าจะประมาณให้เข้าไปได้มั้ง


“ขออนุญาตครับ”ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างมีมารยาท


ภายในห้องถูกเปิดแอร์จนเย็นเฉียบโดยที่ตรงกลางห้องมีชายผมสีน้ำตาลเข้มยืนกอดอกพิงตัวอยู่ยังโต๊ะทำงาน ตรงหน้ามีชุดโซฟาสีน้ำตาลดูหรูหราถูกตั้งไว้ครบชุด


ดวงตาสีเทาอ่อนเช่นเดียวกับฌอนมองมายังผมอย่างสำรวจ


“เอ่อ สวัสดีครับ ไม่สิ กูดมอร์นิ่ง แอมปภาวิน “ปกติผมไม่ใช่คนเก่งอังกฤษอยู่แล้วยิ่งต้องมาพูดต่อหน้าคนต่างชาติแท้ๆก็ยิ่งทำให้ลิ้นแข็งจนแทบกระดิกไม่ได้


“I’m Reagan Hilary nice to meet you”


“...ไนท์ทูมีทยูทู เอ่อ วายยูคอลมี”เหมือนคนตรงหน้าจะรู้ว่าผมอ่อนภาษาเลยจงใจพูดช้าๆให้ผมเข้าใจ


“I want to talk to you in private”


“...”ราวกับถูกกลั่นแกล้ง ครั้งนี้เขากลับพูดรัวด้วยสำเนียงไพรเราะจนผมฟังไม่ทันได้แต่อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น


ฟังทันแค่ไอเอง


อยากร้องไห้


“ฉันอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวเลยเรียกมานี่”อยู่ๆสำเนียงอังกฤษก็เปลี่ยนมาเป็นภาษาไทยเอาดื้อๆ


“ภาษาไทย?”เขาพูดภาษาไทยใช่ไหม


ไม่ใช่ผมอยู่ๆก็ฟังอังกฤษออกหรอกนะ


“ใช่ ฉันพูดภาษาไทย สำเนียงใช้ได้รึเปล่า”


“ครับ พูดได้ชัดมากเลยครับ”ผมพยักหน้าตอบรัวๆ


“ฉันชอบคนไทยจึงมีภรรยาเป็นคนประเทศนี้แต่ไม่คิดว่าลูกชายฉันก็เหมือนกัน”


“...”คำพูดของเขาแปลว่าเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องฌอนจริงๆด้วย


ผมไม่ได้ถามฌอนว่าพ่อแม่คิดยังไงหลังจากรู้ว่าลูกชายตัวเองชอบผู้ชาย


แต่ถึงไม่ถามก็พอเดาได้ คงไม่พอใจนักหรอก


“พูดตรงๆฉันไม่รู้ว่าทำไมลูกชายฉันถึงชอบเธอ”ระหว่างพูดคุณเมแกนก็หยิบเอกสารด้านหลังยื่นมาให้ ผมเลยเดินไปรับเอกสารนั้นไว้แล้วก้มมองดูแต่แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือรูปพร้อมประวัติส่วนตัวอันละเอียดยิบของผมตั้งแต่วันเกิดยันงานอดิเรก


“...เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบ”ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมฌอนถึงชอบผมทั้งที่มีคนอีกมากมายที่เหมาะสมกว่า


“เธอชอบฌอนรึเปล่า”


“ครับ ผมชอบฌอน”ผมตอบไปตามตรงพร้อมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีอ่อนเพื่อแสดงความจริงใจ


ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำไมฌอนถึงเลือกผมแต่ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะคบกับฌอน


จะฝ่าทุกอุปสรรคไปกับฌอน


เพราะงั้นผมจะไม่หนีและจะไม่โกหกความรู้สึกขอตัวเองด้วย


“ฉันคงถามผิดไปหน่อย ไม่มีใครที่เห็นลูกชายฉันแล้วไม่ชอบหรอก ที่ฉันอยากถามคือต้องการอะไรจากลูกชายฉันกันปภาวิ ศรีมาลา”


“ผมต้องการแค่คบกับฌอน”


“คบเพื่ออะไรล่ะ หน้าที่การงานหรือว่าทรัพย์สิน?”


“ผมไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้น”


“งั้นต้องการอะไรจากการคบกันล่ะ มันเดาไม่อยากหรอกนะเหตุผลที่คบกับฌอนน่ะ”อีกฝ่ายยังคงยิงคำถามเดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“ผม...”


“ด้วยฐานะทางบ้านเธอไม่คิดเหรอว่ามันไม่เหมาะสมและไม่คู่ควรด้วย”


“คุณเรแกน...ผมอาจทั้งไม่เหมาะสมและไม่คู่ควรกับฌอนเพราะนอกจากจะมีฐานะปานกลางแล้วยังเป็นผู้ชายอีก...”


“ก็รู้ตัวนี่”


“ใช่ ผมรู้ถึงข้อนั้นดีทว่าถึงผมจะไม่มีทั้งความเหมาะสมและความคู่ควรแต่ผมกล้าบอกว่าผมจะทำให้ฌอนมีความสุขได้อย่างแน่นอน”


“หื้ม...”


“ผมจะทำให้ยิ้มและมีความสุขมากกว่าใครๆเพราะงั้นได้โปรด ให้ผมคบกับฌอนเถอะครับ”พูดจบผมก็โค้งตัวลงเพื่อแสดงความจริงใจ


ผมรู้ตัวว่าไม่ได้คู่ควร ถึงอย่างงั้นผมก็จะไม่ตัดใจ


ผมอาจเทียบกับหลายๆคนไม่ได้ในเรื่องความสามารถหรืออำนาจแต่ผมมั่นใจว่าสามารถทำให้ฌอนมีความสุขได้มากกว่าใครๆ
การอยู่กับฌอนไม่ใช้เพื่อทำให้เขามีความสุข ผมเองก็มีความสุขเมื่ออยู่กับฌอนเช่นกัน


เพราะงั้นผมจะตื้อจนกว่าจะยอมให้คบกับฌอนเลย


จะหาว่าผมหลงตัวเองก็ได้


แต่คนเดียวที่จะทำให้ฌอนมีความสุขที่สุดได้ก็คือผม!


“หึ...เป็นคำตอบที่เกินคาดจริงๆ”


“ครับ?”ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ


ใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงนิ่งๆก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนไปโดยมีน้ำเสียงทุ้มนุ่มกับรอยยิ้มมาแทนที่


“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอรวมถึงเรื่องที่ฌอนชอบเธอด้วย”


“ครับ ฌอนบอกว่ากลับไปบอกครอบครัวเรื่องนี้...”


“ไม่ใช่ ฉันรู้เรื่องพวกเธอมาตั้งนานแล้ว”


“...?”


“คิดเหรอว่าฉันจะให้ลูกชายอยู่ที่นี่คนเดียวโดยไม่มีคนตามดูน่ะ พวกเขารายงานเรื่องของฌอนมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าไปอยู่ร่วมห้อง ตอนแรกฉันไม่คิดว่าเธอจะอยู่ได้นานขนาดนี้...ฌอนไม่ใช่คนจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ เรื่องราวในอดีตทำให้เขาทุกข์และปิดตายหัวใจมาตลอด...”


“แต่ใครจะติดล่ะว่าเธอจะช่วยฌอนขึ้นมาจากอดีตเหล่านั้นได้ ฉันรู้ตั้งแต่เห็นภาพวาดในงานเทศกาลนั่นแล้วว่าฌอนชอบเธอมากขนาดไหน ผลงานลงสีชิ้นแรกในรอบ10ปี ช่างเร่าร้อนและงดงามจนละสายตาไม่ได้”


“หมายความว่า...”เขารู้เรื่องของผมกับฌอนมานานแล้ว


งั้นทำไมถึง...


“ฉันรู้ความรู้สึกของฌอนที่มีต่อเธอดี แต่ฉันยังไม่รู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อลูกชายฉันเลยต้องขอฟังความรู้สึกของเธอสักหน่อย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเธอเองก็รักฌอนไม่แพ้กัน”


“...เอ่อ ขอบคุณครับ”พอถูกพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้แล้วรู้สึกเขินหน่อยๆแฮะ


“ฝากลูกชายฉัน...ฝากฌอนด้วย”


“ครับ”ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้คนตรงหน้า


ตอนแรกนึกว่าจะน่ากลัวแต่ความจริงเป็นคนที่ใจดีมากเลยนี่นะ


“งั้นก็เข้าเรื่องต่อไปเลยละกัน”


“ครับ?”เรื่องอะไร


“ฌอน แม่แต่ตัวเสร็จรึยัง”คุณเรแกนเดินไปยังบานประตูด้านข้างก่อนจะเปิดประตูออกจนเห็นฌอนยืนอยู่หน้าประตูหันมามองด้วยสายตาดีใจ


“อีกแป๊บค่ะคุณ ขอมัดผมตรงนี้ก่อน”เสียงของผู้หญิงดังออกมาจากในห้อง


“น้ำเปล่า”ฌอนเดินมาหาพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดหลวมๆ


“...นี่แอบฟังกันเหรอ”ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้เสียงสั่น ตอนนี้ผมกำลังเขินอายแบบสุด


“ไม่ได้ตั้งใจนี่ แค่บังเอิญได้ยิน”


“คนที่บังเอิญได้ยินจะเอาหูแนบประตูรึไง”


“ไม่ได้แนบสักหน่อยแค่ยืนพิงประตูเอง”ฌอนแก้ตัว


“ก็เหมือนกันนี่”


“รู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินคำตอบของนาย”


“...ไม่รู้”ผมบอกเสียงเบาก่อนจะผละออกมาจากอ้อมกอดนั้นทว่ากลับถูกแขนของอีกฝ่ายโอบรัดและกระชับให้ร่างผมเข้าไปแนบชิดมากยิ่งขึ้น


“ดีใจมากเลย ไม่คิดว่าน้ำเปล่าจะรักฉันมากขนาดนี้”


“...ปล่อยนะ”บอกตรงๆตอนนี้ผมเขินจนอยากหนีไปนอกประเทศจริงๆ


“ไม่ปล่อย”


“ฌอน”


“หน้าแดงนะ”เสียงกระซิบยิ่งทำให้ใบหน้าร้อนกว่าเดิมเป็นเท่าตัว


“ช้อน!”ผมตะโกนเรียกชื่อที่ไม่ได้เรียกมาซะนานด้วยความเขินสุดขีด


ก็รู้ว่าหน้าแดงทำไมต้องมาย้ำด้วยเล่า


แค่นี้ก็อายจะตายอยู่แล้ว


“แหม น่ารักจริงๆเลยนะ”เสียงหวานของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้น พอหันไปมองก็พบกับหญิงสาวผมดำนับตาสีน้ำตาลส่งยิ้มหวานมาให้


“แฟนผมน่ารักอย่างที่บอกเลยใช่ไหมล่ะ”ฌอนคลายแขนที่กอดพลางส่งยิ้มบางๆมาให้


“ไม่ได้เห็นลูกยิ้มมากี่ปีแล้วนะ ดีใจจริงๆ หนูชื่อน้ำเปล่าสินะ”แม่ของฌอนเดินมากุมมือผมไว้หลวมๆ


“ครับ”


“ฉันเป็นแม่ของฌอน เรียกน้าแอนก็ได้นะ”


“ครับ น้าแอน”


“ดีมาก ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้เห็นรอยยิ้มของฌอนอีกครั้งนะ”น้าแอนบอกด้วยรอยยิ้มตื้นตัน


“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยครับ”


“ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ เพราะมีหนูฌอนถึงได้ยิ้มและดูมาความสุขขนาดนี้ เพราะงั้นวันนี้พวกเราจะไปขอหนูให้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานะ”


“...ว่าอะไรนะครับ”ช่วยบอกทีว่าผมฟังผิดไป


“อ้าว ฌอนไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้เราจะไปบ้านหนูน่ะ”น้าแอนเอียงคอถามงงๆ


“ไม่ได้บอกครับ...ฌอน”ผมหันควับไปมองฌอนทันที


“ฉันบอกแล้วนะ”ฌอนตอบกลับมา


“บอกตอนไหนฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“ได้อ่านข้อความทางเฟสที่ส่งไปเมื่อคืนรึเปล่าล่ะ”ฌอนย้อนถาม


“เฟส? อ่านสิ พิมพ์มาว่าจะนอนแล้วแค่นั้นนี่”ผมตอบตามที่เห็น


“ฉันพิมพ์ต่ออีกว่าพรุ่งนี้พ่อแม่จะไปหานาย”


“หา? ไม่จริงน่า”ผมควักโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูโดยด่วนก่อนจะพบว่าเป็นอย่างที่ฌอนว่า มีข้อความที่บอกเรื่องในวันนี้จริงๆด้วย
ใครจะรู้ล่ะก็เห็นบอกว่าจะนอนแล้วผมก็ตอบกลับไปว่าฝันดีแล้วก็นอนบ้าง พอตื่นเช้ามาก็ไม่ได้เช็คดูเพราะวิ่งส่งงานไปทั่ว
นี่ผมยังไม่ได้บอกที่บ้านเลย


“แต่ตอนนี้คงยังไม่เลิกงานหรอกเนอะ เพราะงั้นเดี๋ยวเราจะไปหาร้านกินมื้อกลางวันกันนะ”น้าแอนบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน


“ผมต้องกลับไปทำงาน...”นี่พึ่งจะเที่ยงเองให้กลับก่อนมันดูไม่ดี


“เรื่องนั้นฉันจัดการให้แล้ว”คุณเรแกนพูดขึ้น


“จัดการที่ว่าคือ...”


“บอกหัวหน้าฝ่ายแล้วว่าเธอลาครึ่งวัน ไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ”


“...รบกวนด้วยนะครับ”


“รบกวนอะไรกัน ยินดีมากเลยล่ะ น่าเสียดายที่พี่ๆของฌอนมาไม่ได้ ไม่งั้นคงครึกครื้นหน้าดู”


“มีพี่ด้วยเหรอ”ผมหันไปถามฌอน


“มีพี่สาวกับพี่ชาย”


“ฉันก็มีน้องสาว”ผมบอกบ้าง


“วันนี้คงได้เจอนะ”


“อืม เย็นๆก็กลับแล้ว เดี๋ยวสิ นี่อย่าบอกนะว่าจะอยู่กินมื้อเย็นน่ะ”ผมคว้าคอฌอนมาแอบกระซิบถาม


“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วนี่”


“ฉันยังไม่ได้บอกที่บ้านเลยนะ แล้วจะทำยังไงเรื่องอาหาร...”


“ไม่เป็นไรน่า...เดี๋ยวค่อยคิด”


“เดี๋ยวไม่ได้นะ...ต้องรีบ...”


“หนูน้ำ ฌอน มาเร็ว”ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกน้าแอนกวักมือเรียกให้ตามออกจากห้องไป



(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 27-04-2017 11:29:15
(ต่อนะคะ)



หลังจากนั้นผมก็ได้ออกไปกินมื้อเที่ยงสุดหรูริมทะเลก่อนจะตามมาด้วยเดินห้างในแถบนั้น ตลอดการเดินทางผมถูกน้าแอนเรียกให้ไปนู้นมานี่จนไม่มีเวลาคิดเลยว่าจะทำยังไงกับมื้อเย็นจนสุดท้ายรถหรูคันสีดำเงาก็มาจอดอยู่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นของผมซะแล้ว


งานออก


เอายังไงดี


“เชิญตามสบายนะครับ”ผมเปิดประตูบ้านพร้อมบอกกับแขกผู้มาเยี่ยมเยือน


“น้ำเปล่า กลับมาแล้วเหรอ!”เสียงของแม่ตะโกนจากในตัวบ้านทำเอาผมสะดุ้ง


“แม่...อย่าเสียงดังสิ คือมีแขกมา”


“แขก? เพื่อนลูกเหรอ ให้เข้ามานั่งห้องรับแขกก่อน...”เสียงของแม่ขาดห้วงไปเมื่อโผล่หน้าออกมามองแขกที่ผมบอก


ด้วยบรรยากาศของครอบครัวฌอนจะแผ่รังสีผู้ดีออกมาจนมีแต่คนเหลียวมองและด้วยรูปลักษณ์ของประธานใหญ่ของบริษัทชั้นนำของโลกคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก


ผมอาจไม่เก่งจำชื่อทว่าใบหน้าของประทานใหญ่หรือคุณเรแกนผมเห็นทางโทรทัศน์แทบตลอด แม่เองก็คงรู้จักเช่นกัน


“แม่...คือว่า...”


“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของน้ำเปล่ายินดีที่รู้จักนะคะ เชิญเข้าไปนั่งในห้องรับแขกก่อนนะคะ”แม่บอกด้วยรอยยิ้มหวานทว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงให้ผมตามไปด้านใน


“ห้องรับแขกทางนี้นะครับ เชิญตาสบายผมขอตัวสักครู่”ผมบอกก่อนจะเดินตามแม่ไปด้านในตัวบ้าน


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมคนระดับนั้นถึงได้มาบ้านเราได้ ลูกคงไม่ได้ทำอะไรหรอกใช่ไหม!”แม่ยิงคำถามทันที


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยพอดีมีเรื่องจะคุยกับพ่อแม่น่ะ”


“คุย? เรื่องอะไร?”


“เดี๋ยวรอพ่อมาค่อยบอกพร้อมกันดีกว่า”ผมยังรู้สึกไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ที่จะบอก


“ก็ได้ แต่อย่างน้อยก็บอกมาหน่อยว่าไปรู้จักกับคนระดับนั้นได้ยังไง”


“คือผมเป็นรูมเมทของลูกชายพวกเขา”


“ว่าไงนะ ทำไมไม่เคยบอกแม่ล่ะ”


“แฮะๆ ผมว่ายกน้ำไปให้ก่อนดีไหมครับ”ไม่อยากบอกหรอกนะว่าผมก็พึ่งรู้เรื่องไม่นานมานี้เอง


“จริงด้วย ให้รอนานแบบนี้เสียมารยาทแย่ มาช่วยแม่หน่อยน้ำเปล่า”


“ครับ”


แล้วทั้งผมและแม่ก็ยกน้ำไปให้ครอบครอบฌอนที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก แม่เองก็ดูจะพูดเสียงติดขัดไปมากจนน้าเองบอกว่าพูดเป็นกนเองเถอะถึงค่อยดีหน่อย


“มื้อเย็นอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”แม่เอ่ยถามระหว่างนั่งอยู่บนโซฟา


“พวกเรากินง่ายค่ะ ได้ทุกอย่างเลย นี่คุณแม่ทำอาหารเองคนเดียวตลอดเลยเหรอคะ”น้าแอนถามด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ค่ะ ปกติน้ำเปล่าจะช่วยทำ เห็นแบบนี้แต่ทำอาหารเก่งมากเลย...น่าจะให้เป็นเจ้าสาวมากกว่าเจ้าบ่าวอีก”พูดจบแม่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“แบบนั้นก็ดีเลยค่ะ”น้าแอนเองก็หัวเราะเบาๆเช่นกัน


“น้ำเปล่า ช่วยแม่ทำอาหารหน่อยสิ”แม่สะกิดเรียกผม


“ได้ครับ”


จากนั้นการทำอาหารมื้อใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงบ่นอุบอิบของแม่ที่ผมไม่บอกเรื่องการมาเยือนของบุคคลอันเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงติดอันโลก


ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมก็พึ่งรู้วันนี้เหมือนกัน


“แม่ พี่ กลับมาแล้ววันนี้มีไรกิน โอ๊ะ รองเท้านี่ มีแขกเหรอ”ผ่านไปราว20นาทีประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงของน้องสาวดังขึ้น


“เพื่อนของน้ำเปล่าล่ะมั้ง”เสียงต่อมาคือเสียงของพ่อ ทั้งคู่คงเจอกันพอดีตรงหน้าประตูเลยเข้ามาพร้อมกันแน่ๆ


ผมเบนสายตาไปหาแม่ก่อนจะพึมพำบอกว่าเดี๋ยวผมออกไปหาพ่อกับน้อง แม่เองก็พยักหน้าเห็นด้วยผมเลยเดินออกจากห้องครัวผ่านห้องรับแขกซึ่งแขกทั้งสามหันมามองยิ้มๆ


“พ่อ น้ำส้ม”ผมเดินไปหาทั้งคู่ตรงทางเดิน


“เพื่อนมาเหรอน้ำเปล่า”พ่อถามด้วยรอยยิ้ม


“จะว่าเพื่อนก็ใช่ เขาพาพ่อแม่มาด้วย”ผมตอบ


“เพื่อนพี่เหรอ ใครกันๆ”น้องสาวเดินมาถามอีกคน


“เพื่อนที่มหาลัยน่ะ”


“แบบนี้พ่อต้องเข้าไปทักสักหน่อยแล้วล่ะ”พ่อบอกพลางเดินไปยังห้องรับแขกโดยมีน้ำส้มเดินตามเข้าไปติดๆ


“เดี๋ยวพ่อ คือว่า...”ดูเหมือนผมจะเรียกช้าไปเลยได้แต่เดินตามเข้าไปยังห้องรับแขกอีกคน


เมื่อเห็นแขกทั้งสามคนใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิมทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเกร็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาสีน้ำตาลของพ่อเหล่มามองผมราวกับจะถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่


“พ่อก็รู้จักอยู่ ผมคงไม่ต้องแนะนำเนอะ”ผมบอกพร้อมยิ้มให้พ่อ


“ยินดีที่ได้พบครับคุณเรแกน คุณแอริณทร์ และคุณฌอน ฮิลลารี่ ผมอนุสิทธิ์ ศรีมาลาทำงานอยู่ฝ่ายวางกลยุทธ์ครับ”พอผ่านจุดที่ตกใจที่สุดไปแล้วพ่อก็รีบทักทาย


“พวกเรารู้อยู่แล้ว ยินดีที่ได้พบ...คุณเองก็เป็นบุคคลกรที่มีความสามารถสูง ผมดีใจที่คุณอยู่บริษัทผมนะ”คุณเรแกนพูด


“ยินดีครับ”


“คุณคะ”น้าแอนสะกิดเรียกสามีเบาๆ เพียงสบตากับคุณเรแกนก็พยักหน้าเบาๆราวกับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการสื่อ


“ก่อนจะเริ่มมื้อเย็นพวกเรามีเรื่องจะคุยกับคุณและครอบครัวหน่อยน่ะ”คำพูดจากปากของประธานใหญ่ทำเอาพ่อเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยแล้วหันมามองหน้าผมเป็นเชิงให้อธิบาย


“เดี๋ยวผมไปเรียกแม่มานะ”ผมไม่ตอบพ่อแต่ไปเรียกแม่ในครัวให้ออกมานั่งยังโซฟา


ภายในห้องรับแขกตอนนี้มีคนอยู่ถึง7คน เรียกว่าโซฟาเกือบนั่งไม่พอเลยทีเดียว คุณเรแกนกับน้าแอนนั่งอยู่ยังโซฟายาว ฌอนและผมนั่งโซฟาอีกตัวโดยมีน้ำส้มมานั่งเบียดข้างผม ส่วนพ่อและแม่ต่างนั่งโซฟาเดี่ยวคนละฝั่งกัน


“เอ่อ ไม่ทราบว่าเรื่องที่จะคุยนี่คือ...”เหมือนพ่อจะเห็นว่าห้องเงียบกริบเลยเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา


“ให้เธอเริ่มพูดละกันนะ”คุณเรแกนบอกพลางมองมายังผมด้วยรอยยิ้มต่างจากผมที่เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกโยนบทสนทนามาให้อย่างกะทันหัน


ให้ผมเริ่ม


จะเริ่มจากตรงไหนล่ะ


เวลาให้คิดก็มีไม่มากเนื่องจากมีสายตาจากพ่อแม่และน้ำส้มจ้องมาอย่างคาดคั้นราวกับบอกให้ผมสารภาพความผิดที่ไปทำมาซะ
ผมไม่ได้ทำความผิดอะไรสักหน่อย


ก็แค่...


ก็แค่...


“น้ำเปล่า”เสียงกระซิบเรียกเบาดังขึ้นจากฌอนโดยที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือผมไว้หลวมๆคล้ายจะให้กำลังใจ


ไม่เป็นไร


มันต้องไม่เป็นไร


“ตอนนี้ผมกำลังคบอยู่กับฌอน”


“...”คำพูดของผมทำให้บรรยากาศเงียบกริบกว่าเดิม ทั้งพ่อและแม่ต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำส้มเองก็จ้องหน้าผมสลับกับฌอนด้วยสายตาตื่นๆ


“เธอเริ่มได้ดี ที่เหลือฉันต่อเอง”คุณเรแกนบอกต่อ


“...ครับ”


“ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกคุณสินะ ความจริงพวกเราเองก็มีส่วนผิดที่รีบมาวันนี้”


“ไม่ครับ แต่ที่คุณมาในวันนี้หรือว่าจะไม่เห็นด้วยกับการคบกันเหรอครับ”พ่อถามออกไป


“แล้วพวกคุณคิดยังไงกับการที่พวกเขาคบกันล่ะ”คุณเรแกนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน


“สำหรับผมคิดว่าลูกชายมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่การที่เขาคบกับฌอน ฮิลลารี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขายังเด็กอยู่...เมื่อโตขึ้นไม่รู้ว่าความรู้มันจะเหมือนเดิมไหม”


“จะบอกว่าไม่เห็นด้วยสินะ”คุณเรแกนสรุปให้


มือที่กุมกันอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นทีละน้อย ผมรู้ว่าการบอกเรื่องนี้มันคงไม่ได้ให้ผลดีนักแต่ผมก็ไม่อยากปิดครอบครัวไว้


ความรู้สึกของผม...บอกตรงๆก็ไม่รู้ว่ามันจะเหมือนเดิมตลอดไปไหม ที่รู้แน่ๆคือตอนนี้ผมรักฌอนและผมอยากอยู่กับเขา
เพราะงั้นต่อให้ในอนาคตมันจะเป็นยังไงผมก็เสียใจที่วันนี้เลือกจะคบกับฌอน


“ผมก็อยากจะบอกแบบนั้นจนกระทั่งภาพวาดของฌอนที่อยู่ในห้องน้ำเปล่าปรากฏขึ้นมาในหัว ภาพนั่นสื่อความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาราวกับคำสารภาพรักอันร้อนแรงยิ่งพอได้รู้ว่าคำสารภาพนั่นมีให้กับใครผมก็คงไม่อาจขัดขวางความรู้สึกนั้นได้หรอก”


“พ่อ...หมายความว่า...”


“ทำตามใจลูกเถอะ ชีวิตเป็นของลูก...ฝากลูกชายฉันด้วยนะ”ประโยคสุดท้ายพ่อหันไปบอกกับฌอน


“ครับ ขอบคุณที่ยอมรับพวกเรา”ฌอนตอบ


“แล้วทางคุณแม่คิดว่ายังยังไงคะ”น้าแอนหันไปถามแม่ที่นั่งนิ่งมาสักพักบ้าง


“...บอกตามตรงฉันตกใจมากที่ได้ยินว่าทั้งคู่คบกัน ฐานะของครอบครัวเราไม่เหมาะสมกับครอบครัวคุณสักนิดนอกจากนี้ด้วยภาพพจน์ทางสังคมต่อให้ฉันยอมรับการคบกันของพวกเขาแต่พวกคุณไม่ยอมรับก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี”แม่บอก


“พวกเราบอกตอนไหนว่าไม่ยอมรับเหรอคะ”น้าแอนพูดด้วยรอยยิ้มละไม


“...ที่คุณพูดหมายถึงยอมรับน้ำเปล่า...”


“ใช่ค่ะ พวกเรายอมรับเขาแล้วและเพราะยอมรับถึงได้มาที่นี่วันนี้เพื่อจะได้ขอลูกชายของพวกคุณอย่างเป็นทางการ”น้าแอนอธิบายเพิ่ม


“เป็นน้ำเปล่าจะดีจริงๆเหรอคะ ลูกชายคุณหน้าตาดีขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คงเข้าหาไม่ขาดสายแน่ ฉันไม่อยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องเสียใจกับเรื่องนั้น”


“แม่...”ผมไม่คิดเลยว่าแม่จะนึกถึงผมขนาดนี้


“คำถามนี้ให้ลูกชายตอบดีกว่าเนอะ”น้าแอนยิ้มพลางมองหน้าลูกชาย


“ผมมีอดีตที่ไม่สามารถลบมันออกไปได้ไม่ว่าจะผ่านมาเป็นสิบปีความทรงจำนั่นก็ยังไม่เลือนรางจนผมได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆนั่นทว่าน้ำเปล่ากลับเข้ามาช่วยผม ไม่เพียงแค่ทำให้ผมก้าวต่อแต่ยังทำให้ภาพความทรงจำนั่นมีสีสันขึ้น ภาพที่เคยวาดเพียงขาวดำกลับสามารถลงสีสันได้อีกครั้ง...”


“สำหรับผมน้ำเปล่าเป็นแสงสว่างที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับชีวิต ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกันมันช่างมีความสุขและผมกล้าบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับความสุขมากมายขนาดนี้ เพราะฉะนั้นต่อให้อนาคตจะมีใครผ่านเข้ามาผมก็มั่นใจว่าไม่มีใครที่สามารถมอบแสงสว่างให้ผมได้เท่ากับน้ำเปล่าอีกแล้ว”พูดจบมือที่กุมกันไว้ก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับฌอนที่จูบเบาๆยังฝ่ามือผม


“ฌอน...”ใบหน้าของผมตอนนี้คงขึ้นสีจัดแน่ เล่นพูดคำหวานขนาดนั้นจะไม่ให้เขินได้ยังไง


“เข้าใจแล้ว ฝากน้ำเปล่าด้วย”


“ครับ”ฌอนพยักหน้ารับ


“แล้วหนูล่ะเห็นด้วยไหมที่พี่ชายคบกันแบบนี้”น้าแอนถามน้ำส้มต่อ


“เห็นด้วยสิคะ หนูสงสัยตั้งแต่เห็นภาพวาดในห้องพี่น้ำเปล่าแล้ว ตอนแรกหนูนึกว่าผู้หญิงให้มาซะอีกพอรู้ว่าเป็นฌอน ฮิลลารี่หนูก็เดาความรู้สึกที่มีต่อพี่ได้แล้ว”น้ำส้มตอบเสียงใส


“แบบนี้ก็เป็นอันตกลงนะคะ หนูน้ำจะมาเป็นครอบครัวของเรา”


“เดี๋ยวครับ ครอบครัวที่ว่านี่คือ...”พ่อเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย


“ในเมื่อคบกันแล้วก็ควรเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นฮิลลารี่นะ”


“พวกเขาพึ่งเริ่มคบกันเองนะคะ”ครั้งนี้แม่พูดบ้าง


“งั้นรอให้โตกว่านี้ค่อยเปลี่ยนละกัน โอเคนะฌอน”น้าแอนถามลูกชายตัวเอง


“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”


“จริงเหรอ นึกว่าอยากให้รีบเปลี่ยนนามสกุลซะอีก ตอนอยู่อังกฤษก็รนน่าดูนี่ที่หนูน้ำไม่รับโทรศัพท์แถมยังแอบหนีกลับมาโดยไม่บอกกันอีก”


“อย่ารื้อฟื้นสิแม่”ฌอนบ่นเสียงเบา


“เขินเหรอพ่อลูกชาย”


“คิก ฌอนหน้าแดง”ผมหัวเราะด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าแดงๆของฌอน


“หยุดพูดเลย”


“ทำไม ฉันจะพูด ฌอนหน้าแดง หน้าแดงแจ๋เลยด้วย”ยิ่งห้ามผมก็ยิ่งพูดเสียงดังขึ้น


“ไม่เลิกใช่ไหม”


“จะขู่อะไร ไม่กลัวหรอกนะ เฮ้ย...”ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วแนบริมฝีปากเข้ามาแนบสนิทกับริมฝีปากผมท่ามกลางสายตากว่า5คู่ที่เบิกขึ้นอย่างพร้อมเพียง


“หน้านายแดงกว่าฉันอีก”เสียงกระซิบพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยนั่นทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก


“อะ...”


“อะไร เอาอีกทีเหรอ”


“ไม่ใช่สักหน่อย!”


“เหรอ”คำยียวนนั่นทำให้ผมหน้าแดงขึ้นไปอีก


วิธีเอาคืนที่ทำได้ก็มีแค่อย่างเดียวที่นึกออก


ผมสบกับดวงตาสีเทาอ่อนเขม็งพร้อมตะโกนเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงดังลั่น...


“ช้อน!!”

...................................................................

มาต่อแล้วค่าาา

ตอนนี้เหมือนเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งของฌอนและน้ำเปล่าที่ต้องร่วมกับฝ่าไป

ความจริงก็ไม่รู้จะเรียกว่าอุปสรรคได้ไหมเพราะแทบไม่ดราม่าอะไรเลย555

นี่ก็พยายามแต่ให้ได้ฟิลหน่วงๆที่สุดแล้ว

สำหรับตอนหน้าจะเป็นจุดจบของเรื่องราว

หวังว่าทุกคนคงจะชอบผลงานเรื่องนี้ของเรานะคะ

ตลอดการแต่งนิยายเรื่องนี้รู้สึกงงๆหรือสับสนค่อนข้างมากทว่าเป็นอีกเรื่องที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสนุกจริงที่ได้แต่งออกมา

ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเม้นท์ที่มีให้เสมอมานะคะ

คิดว่าอีกไม่นานจะมีผลงานใหม่ออกมาให้ติดตามกันค่ะ

ไว้เจอกันใหม่

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 27-04-2017 11:55:53
 :z13:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 27-04-2017 12:13:22
ดีใจการคบกันเป็นไปอย่างราบรื่น~~ รู้สึกอายแทนน้ำเปล่าเลย โดนจูบต่อหน้าพ่อแม่อย่างนั้น :z1: :ruready :pighaun:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 27-04-2017 12:20:00
เขินนนนนนน :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-04-2017 12:43:20
 :man1: :z1: :man1:

 :L1: :3123: :pig4: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 27-04-2017 12:47:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-04-2017 13:10:40
น่ารักกก ช้อนนนน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-04-2017 13:19:58
ท่ามกลางพ่อแม่เลยนะฌอน  :hao3:

เขินกันทั้งคู่เลยยย :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 27-04-2017 13:46:21
 :o8: :-[ :impress2: :mew1: :hao6:
แต่งเลย แต่่งเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-04-2017 14:03:28
น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-04-2017 15:03:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-04-2017 17:35:43
จริงๆไม่หน้ารีบจบเลยเรายังตื่นเต้นในทุกๆตอนหน้าที่จะได้อ่านอยู่เลย
แต่ถ้าจะมีผลงานใหม่อยากอ่านแนวแฟนตาซีอีกอ่ะ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 27-04-2017 18:44:54
ฌอนนี้ไม่รู้จักคำว่าอายเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-04-2017 19:04:59
ทุกอย่างรายรื่นมากกก
ณอนนี่ก้กล้าไปอีกกกกก
ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่พี่น้องเลยนะ5555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-04-2017 19:05:15
ผ่านด่านครอบครัวมาแล้ว ดีจังเลย
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-04-2017 21:12:11
 :L2: :L2: :L2: :L2:

ครอบครัวไฟเขียวววววว
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 27-04-2017 21:50:11
จบแล้ว  คนอ่านแล้วยิ้มแถบทุกตอนที่ได้อ่านค่ะ  อ่านอย่างมีความสุข 

แต่ว่าจบเร็วจัง  อยากจะอ่านนิยายที่มอบความสุขให้เรา แบบนี้ไปอีกสักตอนสองตอนค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-04-2017 22:36:54
อย่าเพิ่งรีบจบซิคะ รู้สึกว่ามันเร็วจังเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 27-04-2017 23:52:59
ดีมากเลยค่ะซิส ทุกอย่างราบเลื่อน เริ่ดสุดๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 28-04-2017 02:37:36
จะจบแว้ว รอncจ้า :pighaun:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 29-04-2017 22:54:12
โอยยย เขิน เขิน เขินนนนนนนน เขินแทนน้ำเปล่า อิช้อนคืออะไรจะขนาดน้านนนนน กลางบ้านนะลูก 555555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 30-04-2017 00:11:17
ตามอ่านทันแล้ว น่ารักมากเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 30-04-2017 00:54:41
 :o8:  :-[  :impress2: เขินนนนน
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันที่12}} 27/04/60 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-04-2017 08:39:58
สนุก!!!! ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 04-05-2017 11:30:46
.:*・สร้างรัก・*:. วันสุดท้าย



การมาพบกันของครอบครัวผมและฌอนก็ผ่านไปด้วยดี พวกเราได้คบการอย่างเปิดเผยซึ่งจะว่าดีมันก็ดีแต่ไม่ทั้งหมดมีหลายครั้งที่ผมโดนฌอนแกล้งโดยการเข้ามาหาผมระหว่างกำลังทำงาน แน่นอนว่าผมไม่ยอมโดนแกล้งง่ายๆจึงมีการถกเถียงกันเกิดขึ้น
สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมายังผมที่กล้าต่อปากต่อคำกับลูกชายประธานใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว และเหมือนฌอนก็รับรู้ถึงสายตาเหล่านั้น


รู้ไหมว่าฌอนทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า


เพียงประโยคเดียวก็ทำเอาทั้งห้องอ้าปากค้าง


‘ไม่เคยเห็นแฟนเถียงกันเหรอ’


ประโยคธรรมดาสร้างดาเมจรุนแรงจนทั้งห้องถึงกับเงียบสงัด ก่อนที่เรื่องจะแดงไปมากกว่านี้ผมก็จัดการคว้าแขนอีกฝ่ายให้ไปคุยกันต่อที่อื่น


ดูเหมือนฌอนจะเปลี่ยนมาฝึกงานที่นี่แทนสาขาหลักในประเทศอังกฤษทำให้พวกเราเจอกันแทบทุกวัน จะบอกว่าเจอก็ไม่ถูกเพราะฌอนมักเป็นฝ่ายมาหาผมเสมอ ด้วยความที่ฌอนมาทุกวันคนในฝ่ายก็เริ่มชินชากับการถกเถียงอันไร้สาระ


บางครั้งพี่โต้งยังแอบมากระซิบถามเลยว่าทำยังไงถึงได้ทำให้ฌอนเอ่ยปากได้ขนาดนั้น


ปกติฌอนเป็นพวกนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด วางตัวเหมือนคนหยิ่งๆซึ่งต่างจากเวลาอยู่กับผมโดยสิ้นเชิง นอกจากจะกวนแล้วยังชอบมาเกาะแกะแถมช่วงหลังๆยังมีการเข้ามาคลอเคลียด้วย


หมับ!


“น้ำเปล่า”ยังพูดไม่ทันขาดคำตัวผมก็ถูกฌอนเข้ามากอดจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว


ตอนนี้พวกเรากลับมายังหอพักของมหาลัยหลังจบการฝึกงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยทว่าได้รับประสบการณ์อย่างมหาศาล เหลือเวลาอีกเพียงเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้ว


“อย่ามากอด มันร้อนนะ”ผมดิ้นเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าไม่ชอบ


ความจริงก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเพียงแต่ทุกครั้งที่โดนกอดมันรู้สึกแปลกๆ


จะว่าเขินก็ไม่ใช่


จะว่าอายก็ไม่เชิง


เป็นความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ


“เป็นแฟนกันแล้วทำไมจะกอดไม่ได้”


“พอเลย เห็นไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวเอามีดแทงเลย”ผมบอกพลางชูมีดในมือขึ้น ช่วงปิดเทอมย่อยนี่ผมมักจะทำข้าวกินอยู่ในห้อง...วันนี้เองผมก็กำลังหั่นเนื้อไก่ไว้ทำอาหารง่ายๆแต่เพราะถูกกอดเลยเริ่มลำบากในการหั่น


“กล้าแทงเหรอ”


“จะลองไหมล่ะ”


“โหดจังนะ”


“ก็ชอบมากวนกันนี่”


“ฉันผิด?”


“ไม่ผิดมั้ง”ผมประชด


“โอเคไม่ผิดก็ไม่ผิด”


“ฉันประชด!”ผมเงยหน้าไปมองด้วยสายตาเคืองๆ รอยยิ้มของฌอนแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าผมประชดแต่ก็ยังกวนกลับมา


น่าโมโห


มื้อสายเกือบเที่ยงผ่านพ้นไปท่ามกลางเสียงเถียงกันไปมาอย่างไม่ขาดสายของพวกเรา ถ้ามีการจดสถิติการเถียงกันผมและฌอนต้องติดแน่นอน


“ฉันช่วย”ผมบอกเมื่อเห็นแผ่นกระดาษวาดภาพใต้เตียงถล่มออกมา


ใต้เตียงนั่นเหมือนจะมีรูปภาพวางซ้อนกันตั้งแต่ด้านในสุดจนล้นออกมาด้านนอก ไม่อยากนับเลยว่าจำนวนมันจะมากมายขนาดไหน


ที่จะไม่เพียงแค่ใต้เตียงแต่ก็มีกองรูปภาพของฌอนวางซ้อนกันอยู่ตามมุมห้องเป็นปกติ


“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”น้ำเสียงตื่นๆของอีกฝ่ายทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย


ไม่บ่อยนักที่ฌอนจะทำน้ำเสียงแบบนั้น


แปลว่าต้องมีอะไร...


“ซ่อนอะไรน่ะ”ผมถามพลางเดินเข้าไปใกล้


“บอกว่าไม่ต้องเข้ามาไง”


“ก็นายทำตัวน่าสงสัย”


“ไม่ได้ทำ”


“ทำอยู่เห็นๆ ซ่อนอะไรไว้น่ะ”ผมไม่รอให้ฌอนตอบแต่พุ่งเข้าไปยังกองกระดาษตรงหน้าแล้วหยิบแผ่นบนสุดชูขึ้นเหนือหัว


“เฮ้ย”น้ำเสียงร้อนรนทำให้ผมหลุดยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภาพนั่นชัดๆ


ภาพอะไรที่ต้องทำท่าแบบนั้น


เหมือนไม่อยากให้ผมเห็นเลย


“ไหนขอดูหน่อย...อึก”ทันทีที่ภาพบนกระดาษปรากฏแก่สายตาคำพูดก็ถูกกลืนลงคอไปทั้งหมด


ภาพตรงหน้าคือภาพสเกตของคน ซึ่งถ้าเป็นปกติคงไม่ทำให้ผมอึ้งแบบนี้หรอกแต่นี่มันเป็นภาพตัวผมเองนี่นา ผมที่กำลังยืนทำอาหารโดยที่มือข้างนึงยื่นไปหยิบขวดเครื่องปรุงรส ภาพนี่เป็นเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


ก็ว่าอยู่ว่าระหว่างที่ทำอาหารเห็นฌอนนั่งวาดรูปแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะใช้ผมเป็นแบบ


เดี๋ยวนะ


สังหรณ์ผมบอกว่ามันไม่ได้มีแค่นี้


ผมไม่คิดว่าฌอนจะพึ่งมาวาดเอาวันนี้หรอก


อย่าบอกนะว่า...


“จะทำอะไรน่ะน้ำเปล่า”ฌอนรีบคว้ามือผมที่กำลังจะหยิบกระดาษอีกใบขึ้นมาดู


“ฌอน...อย่าบอกนะว่ากระดาษพวกนี้ทั้งหมดเป็นรูป...”จะให้พูดว่าเป็นตัวเองอยู่ๆก็รู้สึกอายขึ้นมา


“เป็นรูปนาย”ฌอนต่อประโยคสุดท้ายให้


“จะ...จริงๆด้วย อย่ามาวาดรูปกันแบบนี้สิมัน...”


“มันอะไร”ฌอนดึงมือผมที่จับไว้แน่นขึ้นพร้อมใช้ดวงตาสีเทาอ่อนมองมา


“...ไม่มีอะไร”ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบ


“โกหกสินะ”


“ปล่อยเลย”


“ไม่ปล่อยจะกว่าจะบอก”


“ฌอน”


“หน้าแดงนะน้ำเปล่า”เสียงทุ้มขยับเข้ามากระซิบพลางรวบตัวผมไปกอดในสภาพที่แผ่นหลังผมแนบชิดอยู่กับแผ่นอกของฌอน


“เพราะอากาศร้อนหรอก”


“แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นสาเหตุนั้นนะ”


“เลิกแหย่กันสักที ปล่อยได้แล้ว”


“อยากเห็นไม่ใช่เหรอภาพพวกนี้น่ะ”ฌอนบอกก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระดาษหลายแผ่นมาเปิดตรงหน้า


ภาพของผมในกิริยาบทต่างๆถูกวาดออกมาไม่ว่าจะเป็นตอนนอนหลับ ตอนเดิน ตอนกินหรือแม้แต่ตอนเหม่อ


ยิ่งมองภาพเหล่านั้นอุณหภูมิภายในร่างก็ยิ่งสูงขึ้นและปลดปล่อยความร้อนนั้นผ่านทางใบหน้าอันแดงก่ำจนแทบลุกเป็นไฟ
การที่เห็นภาพของตัวเองทำไมถึงรู้สึกเขินได้ขนาดนี้นะ


“ไม่อยากเห็นแล้ว ปล่อยฌอน”ขืนให้มองมากไปกว่านี้ผมรับไม่ไหวแน่


“ยังไม่อยากปล่อยนี่ อยู่แบบนี้ไม่ดีเหรอ”ฌอนกระซิบพลางกอดเอวผมแน่นขึ้น


“ไม่ดีสักนิด”


“แต่ฉันชอบนี่”


“ฌอน...”เลิกทำให้ผมทำตัวไม่ถูกสักทีเถอะ


“นี่น้ำเปล่า”


“...อะไร”


“มาทำกันไหม”


“ทะ...ทำอะไร”ผมถามกลับเสียงสั่นทั้งที่จิตใต้สำนึกรับรู้ได้ถึงความหมายของประโยคที่ฌอนพูด


“ฉันอยากกอดนาย”


“...ตอนนี้ก็กอดอยู่นี่”


“ฉันไม่คิดว่านายจะไม่เข้าใจหรอกนะน้ำเปล่า”คำพูดของฌอนทำให้ร่างกายผมเริ่มเกร็ง


ก็จริงที่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจ


แต่ว่า...


“ฉันยังไม่พร้อม”นี่เป็นคำตอบเดียวที่สมองอันขาวโพลนคิดได้


“งั้นถ้าไม่ทำจุดถึงสุดท้ายจะได้ไหม”นิ่งไปสักพักฌอนก็พูดขึ้น


“...คิดจะต่อรองรึไง”นี่ไม่ใช่การซื้อขายนะที่จะมีลดครึ่งราคา


“ประมาณนั้น”


“คนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งอย่างนายเคยทำรึไง”ผมถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป


ตั้งแต่รู้จักฌอนมาผมไม่เคยเห็นเขาออกไปเที่ยวกลางคืนด้วยซ้ำ


“ไม่เคยทำใช่ว่าจะทำไม่เป็นนะ”


“มั่นใจน่าดูนะ”


“จะลองไหมล่ะ”คำชักชวนกับสายตาที่ก้มลงมาสบอย่างสะกดกลั้นอารมณ์นั้นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ


“ห้ามทำจนถึงที่สุดด้วย”นี่เป็นสิ่งเดียวที่อยากขอ


“ได้”ทันทีที่อนุญาตริมฝีปากร้อนๆก็ประกบลงมาอย่างแนบแน่น


“อื้ออ...”สัมผัสของปลายลิ้นที่ประสานกันเป็นหนึ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มคนแทบสิ้นสติ


อารมณ์ภายในร่างกายค่อยๆถูกปลุกให้ตื่นเพียงแค่ถูกจูบอย่างเร่าร้อน มือข้างหนึ้งของฌอนคลายออกจากเอวผมพลางสอดเข้าไปในเสื้อลูบไล้หน้าท้องไล่ขึ้นมาจนถึงหน้าอก


“อ๊ะ...”ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกฝ่ามืออุ่นๆนั้นลูบเค้นแผ่นอก ริมฝีปากที่ผละออกเปลี่ยนมาเป็นขบเม้มตามลำคอโดยมีมืออีกข้างกำลังเลื่อนต่ำลงไปยังกางเกง


เพียงฝ่ามือนั้นลูบเบาๆผ่านเนื้อผ้าร่างกายผมก็ตอบรับสัมผัสนั่นด้วยการส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ เมื่อกางเกงถูกปลดแล้วถูกรุกหนักผมก็ได้แต่กำมือทั้งสองข้างจนแน่น


อารมณ์เริ่มเปิดเปิง


ความรู้สึกดีเริ่มแล่นเข้ามา


“ฌอน...ไม่เอา”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเทาอ่อนด้วยสายตาสั่นเทา


“ไม่เอาอะไร ฉันไม่ได้ทำจนถึงที่สุดตามที่สัญญาแล้วไง”


“อึก อ๊ะ...คนที่อยากทำมันนายไม่ใช่รึไง”ผมพยายามกลั้นเสียงครางเนื่องจากถูกมือทั้งสองข้างของฌอนสัมผัสรุกเร้าอย่างต่อเนื่อง


“ใช่ แล้ว?”


“จะทำให้แค่ฉันรึไง”ผมกลั้นใจบอกออกไป


“พูดแบบนี้เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหวนะ”


“ลามก...อ๊า”เสียงครางหลุดออกมาเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกขยับเร็วขึ้น


“อยากเห็นหน้านายชัดๆจัง”เสียงกระซิบอย่างข่มอารมณ์นั่นเรียกให้ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกลั้นใจปัดมือทั้งสองข้างทิ้งแล้วเปลี่ยนท่าโดยหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายตรงๆ


“เห็นชัดรึยัง คนลามก”ผมบอกพลางใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองปลดซิบกางเกงของฌอนออก


“...น้ำเปล่า”


“ฉันไม่ยอมอายคนเดียวหรอกนะ”ผมบอกพร้อมสัมผัสกับความแข็งขืนด้านล่าง


นี่มีอารมณ์สุดเลยนี่นา


“นายนี่มัน...ถ้าไม่เลิกยั่วฉันได้จับปล้ำจริงๆด้วย”ฌอนพูดพร้อมโอบเอวผมให้ขยับร่างกายเข้าไปแนบชิดมากขึ้น


ส่วนร้อนที่สัมผัสกับทำเอาอารมณ์ที่มีทวีความรุนแรงมากขึ้น แรงขบเม้มจากฌอนไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกเรียกเสียงครางของผมให้ดังขึ้นอย่างนายอาย


“อื้อ...อย่า”


“บอกว่าอย่าแต่ดูท่าจะรู้สึกดีนี่”


“หยุดพูดเลยนะ อ๊ะ...”


“อย่าหยุดมือสิน้ำเปล่า”


“อึก...จำไว้เลยนะ”ผมได้แต่ขู่ก่อนจะขยับมือให้เร็วขึ้น


“จำอยู่แล้ว เสียงครางของนายน่ะ”


“อื้ออ...”ผมไม่แรงแม้แต่จะตอบโต้เหมือนอย่างทุกที มือของผมมันสั่นจนขยับแทบไม่ไหวซึ่งฌอนเหมือนจะรู้เลยจัดการกุมมือผมไว้แล้วขยับต่อ


การขยับอย่างรวดเร็วสร้างความสุขสมจนแทบไม่รู้อะไรนอกจากสัมผัสของฝ่ามือที่ขยับและแรงขบบริเวณแผ่นอก เพียงชั่ววินาทีผมปลอดปล่อยออกมาพร้อมๆกับฌอนโดยที่ในหัวขาวโพลนไปหมด


ร่างกายเองก็กำลงสั่นเล็กๆราวกับอารมณ์เมื่อครู่ยังไม่หายไปทั้งหมด


“อีกรอบได้ไหม”คำถามจากคนรักเรียกสติที่หายไปกลับเข้าร่าง


“ไม่ได้”ผมบอกเสียงจริงจัง


แค่นี้ก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว


“อยากทำจนถึงที่สุดจัง”


“ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่ให้”ผมบ่นพลางยกตัวขึ้นทว่าด้วยร่างกายที่พึ่งปลดปล่อยทำเอาผมทรุดตัวลงกับที่อีกรอบ


น่าอาย


น่าอายที่สุด


“นายก็รู้สึกดีนี่”


“...ใครบอก”


“ไม่บอกก็รู้น่า”


“เปลี่ยนเรื่องพูดเลย”เลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะ


“เขินเหรอ”


“ฌอน!”


“ฉันดีใจที่นายยอม นึกว่าจะถูกถีบซะแล้ว”


“...ที่ยอมเพราะเป็นฌอนหรอก”ผมพึมพำตอบกลับไป


ถ้าไม่ใช่ฌอนผมไม่มีทางยอมทำอะไรแบบนี้แน่


ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่ผมก็ไม่ใช่พวกเปิดเผยที่จะทำกับใครก็ได้


เพราะเป็นฌอนผมถึงยอม


เพราะว่าชอบมาก


แต่ถ้ามากกว่านี้ผมคงต้องขอเวลาเตรียมใจอีกสักพักใหญ่ๆเลย


“ลองยอมคนอื่นสิ โดนแน่”


“จะทำอะไรฉันล่ะ”


“จับขังล่ามโซ่ไว้ในห้อง”


“มาโซเหรอฌอน”ผมพูดติดตลก


“หึ...”


“นี่ฌอน”


“ว่ามา”


“จากนี้พวกเราจะเป็นยังไงต่อนะ”ผมพึมพำเสียงเบาแล้วขยับลงไปนั่งพื้นพิงไหล่ฌอน


“ยังไงนี่หมายถึงอะไร”


“ก็พอเรียนจบแล้วเราคงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเหมือนวันนี้”


ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกลาเวลา


ผมจึงอยากรู้ว่าพวกเราจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน


“ก็คงใช่”


“แล้วพอต่างคนต่างทำงานเราอาจไม่มีเวลาให้กัน”


“อืม”


“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่อยากเลิกกับฌอนหรอกนะ”หลายๆคู่ที่เลิกกันมักมีเหตุผลเหล่านี้อยู่ไม่น้อย


ความรักในวัยนี้มันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายเพียงไม่กี่เดือน


ตัวผมเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าจะไม่เปลี่ยนแต่ตัวผมในตอนนี้ไม่อยากแยกกับฌอน


อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้


“ฉันก็ไม่คิดจะเลิกกับนายอยู่แล้ว”


“พูดแล้วนะ”


“สัญญา”


“ไม่จำเป็นต้องสัญญาหรอก แค่พวกเราจะอยู่ด้วยกันในวันนี้และวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว”


“นั่นสิ พอเรียนจบแล้วมาทำงานที่บริษัทพ่อฉันสิ”ฌอนพูดต่อ


“ก็คิดอยู่ พี่โต้งก็บอกให้ผมไปสมัครที่ฝ่าย”


“ฝ่ายประสานงาน?”


“อืม”ผมพยักหน้า


“ไม่มาเป็นคนดูแลฉันล่ะ”คำถามนั้นทำให้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย


“นายไม่เหมาะกับการมีคนคอยตามติดหรอก”


ผมคิดเรื่องนี้มาพอสมควรและลังเลว่าจะทำยังไง


แต่เมื่อผมนึกถึงฌอน ภาพยามสรรค์สร้างผลงานออกมานั่นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ


เขาไม่เหมาะกับการมีคนมาคอยจี้หรือมองอยู่ตลอด


ฌอนมีโลกของฌอน


ผมก็มีโลกของผม


และเมื่อพวกเราอยู่ด้วยกันมันก็จะกลายเป็นโลกของพวกเรา


“รู้ดีจริงนะ”ฌอนพูดพลางส่งยิ้มมาให้


“แน่นอน ฌอนไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอกยังไงวันๆก็เอาแต่วัดภาพอยู่แล้วนี่นะ”


“ไม่คิดจะให้ฉันพักเจอนายเลยรึไง”


“อย่าห่วงเลย ถึงฉันไม่ได้เป็นคนดูแลนายแต่ก็เป็นแฟนนะ”


“เป็นแฟนแล้วยังไง”ฌอนถามด้วยรอยยิ้ม


“ฉันไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองอดข้าวหรือเหงาหรอกน่า”


“จะรอดู”


“รอดูได้เลย จะขุนให้อ้วนเป็นหมูเลย”


“หึ...”


“มีเรื่องอยากถามหน่อย”


“อะไรล่ะ”


“ฉันคิดไว้สักพักแล้ว ถ้าเราทำงานที่เดียวกันงั้นเช่าคอนโดอยู่ด้วยกันดีไหม”ผมเสนอสิ่งที่คิดไว้ออกมา


“...”


“เอ่อ...ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”ความเงียบของฌอนทำเอาใจไม่ค่อยดีเลย


“ฉันยังไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย”


“แต่ก็เงียบไปนี่”


“ก็แค่ไม่คิดว่าจะเหมือนกัน”


“เหมือน? อะไรเหมือน?”ผมถามกลับ


“ก็ความคิดไง ฉันเองก็คิดจะชวนนายไปอยู่ด้วยเหมือนกัน”


“คิก...พวกเรานี่คิดเหมือนกันเลยแฮะ”


“อืม”


“งั้นก็เป็นอันสรุปตามนี้นะ พอทำงานแล้วไปอยู่ด้วยกัน”


“น้ำเปล่า”อยู่ๆฌอนก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงแตกต่างจากเดิม


“หื้ม”


“ขอบคุณ”เพียงคำคำเดียวที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นมากมายตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันจนถึงวันนี้ที่เราได้คบและอยู่ด้วยกัน


ตัวผมไม่เคยคิดว่าการมีอยู่ของตัวเองจะเป็นแสงสว่างให้ใครได้


ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปได้ผมก็จะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้


ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินเหมือนที่เคยเป็น


ภาพวาดของฌอนในวันแรกที่ได้เห็นช่างดูสวยงามทว่ากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาหาย และผมไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะช่วยดึงคนคนหนึ่งให้หลุดพ้นจากความทรงจำอันปวดร้าวได้


เพราะความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ภาพวาดของฌอนเองก็ต่างจากเดิมมาก


การสรรค์สร้างผลงานก็เปรียบเสมือนการบอกความรู้สึกเพียงแต่ไม่ได้ใช้คำพูดในการสื่อสารแต่เป็นภาพวาดอันแสดงถึงอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลายของผู้วาด


และไม่เพียงแค่ภาพแต่ความรู้สึกเองก็เช่นกัน


จากนี้...


พวกเราจะสรรค์สร้าง...


สร้างรักต่อจากนี้ด้วยหัวใจของเราทั้งคู่

..................................................จบบริบูรณ์........................................................

ในที่สุดเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว

เป็นตอนจบแบบใสๆน่ารักๆ

ความจริงอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แห่งการอยากจะหยุดอัพแต่เห็นว่าตอนจบแล้วเลยมาอัพดีกว่า เวลาสอบก็เครียดเนอะแต่งนิยายช่วยให้ผ่อนคลายลงอีกเยอะ

สำหรับเรื่องนี้เราแต่งโดยเน้นถึงคนหนึ่งที่อยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจใครและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครอย่างฌอน กับอีกคนที่นิสัยตรงๆซื่อๆอย่างน้ำเปล่า ก้าวเข้ามาในโลกของฌอนแล้วช่วยเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง

ทุกครั้งที่แต่งรู้สึกอบอุ่นและยิ้มตาม

ตั้งแต่ตอนแรกที่ลงจนมาถึงตอนนี้เราขอบคุณทุกๆสำหรับการติดตามเสมอมา

เราคงแต่งเรื่องนี้จนจบไม่ได้หากไม่มีกำลังใจจากทุกคน

ขอบคุณจริงๆค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ในผลงานเรื่องต่อไปซึ่งเราลงตอนแรกไว้แล้วเป็นแนวแฟนตาซีที่อยากแต่งมานาน

เรื่อง Touch Love สัมผัสรัก ด้วยหัวใจ

ใครสนใจตามไปอ่านได้นะคะ^^

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-05-2017 11:56:48
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
รอตอนพิเศษนะๆๆๆๆๆๆ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-05-2017 12:32:22
น่ารักก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 04-05-2017 12:40:46
ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 04-05-2017 13:31:27
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ ที่แต่งนิยายสนุก ๆ แบบนี้มาให้พวกเราอ่าน ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 04-05-2017 13:45:38
ขอบคุณคนเขียนมากๆที่แต่งนิยายดีๆอบอุ่นฟีลกู๊ดมาให้กันอ่านนะคะ  :mew1:
จะติดตามเรื่องต่อๆไปของคุณแน่นอนค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-05-2017 13:53:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 04-05-2017 15:34:30
ขอบคุณมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-05-2017 15:53:25
น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2017 16:24:47
 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 04-05-2017 17:43:10
จบแล้ววว

เขินจนระเบิดเลยยยย ฌอนแอบวาดรูปน้ำเปล่าซะด้วยย :impress2:

น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-05-2017 18:05:58
น่ารักๆๆๆๆ ขอบคุณคนแต่งมากๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 04-05-2017 19:37:53
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 04-05-2017 22:07:13
จบแล้ว แถมบริบูรณ์ด้วย ไม่อยากให้จบเลยค่ะ อ่านแล้วสบายจิตใจค่ะ

อ่านไปยิ้มไปค่ะ  อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มอีกจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2017 23:53:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-05-2017 01:47:07
จบแล้ววว สนุกมากกค่ะ
เรื่องน่ารักมาก
ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของคุณnicedogเลย
ตามอ่านมาแล้วก้สนุกทุกเรื่อง
จอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
เชื่อว่านิยายเรื่องนี้ทำให้หลายๆคนมีรอยยิ้มได้เหมือนเรา
น่ารักมาก สนุกมาก ละมุนมากก
พัฒนาการของฌอนก้น่ารักมากๆจริงๆ
ส่วนน้ำเปล่าก้น่ารักเสมอต้นเสมอปลายมากๆ
รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2017 02:19:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-05-2017 09:01:38
 :L1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 06-05-2017 20:20:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 07-05-2017 19:20:47
ชอบเรื่งนี้มากกกก อบอุ่นหัวใจ อ่านไปฟินไป ขอบคุณมาๆค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 08-05-2017 17:06:37
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 08-05-2017 21:25:22
ฌอนก็น่ารัก น้ำเปล่าก็น่ารัก
เข้ากันได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 12-05-2017 20:55:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: GimNgek ที่ 12-05-2017 22:21:08
นายช้อนละมุนมากเลยค่าาาาา หนูเปล่าก็น่ารักเว่อร์ :mew3:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 14-05-2017 09:24:38
ชอบบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-05-2017 12:22:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-05-2017 14:55:21
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ feel good สุดๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-05-2017 16:23:37
ชอบอ่ะ เรื่องมัน่ารักมากเลย ไม่ใช่รักแบบหวือหวาแต่มันให้ความรู้สึกลึกซึ้งกว่านั้น

ชอบๆๆๆ รักเรื่องนี้
 :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-05-2017 06:40:44
ชอบนะ รู้สึกถึงความเป็นแสงสว่างของน้ำเปล่า กับความหม่นของฌอน

แต่ก้อคิดว่าเรื่องราวสั้นไปหน่อย เนื้อหาน่าจะยาวกว่านี้อีกนิด เนอะ

 :o8:   :-[.  :o8:   :-[.

...
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 15-05-2017 12:28:37
ดีต่อใจ :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pprtoy ที่ 15-05-2017 23:16:06
ชอบมากเลยยยย อ่านแล้วเขิน ไม่รู้ทำไมค่ะ 555
ช้อนก็ก๊วนนนนกวน เปล่าก็เป็นแสงสว่างจริง ๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ ค่ะ ดีต่อใจมากกก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-05-2017 16:07:45
 :o8:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 17-05-2017 11:11:36
น่ารักมากๆค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
อยากอ่านต่อจัง
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 18-05-2017 21:58:09
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 20-05-2017 07:18:00
เรื่องนี้น่ารักดี
ตามอ่านมาครบทุกเรื่องเลยค่ะ ชอบค่ะ
แต่งดีทุกเรื่องเลย
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 23-05-2017 06:09:09
จบแบบใสๆ เราเลยมุดรออยู่ใต้เตียงเก้อเลย 555

เราคล้ายฌอนนิดหน่อยนะ โลกส่วนตัวสูง เพียงแต่ไม่เก่งไม่รวยและหน้าตาไม่ดีเท่านั้นเอ๊งงงง  :m19:

เรื่องน่ารักดีจ้า อ่านแล้วสบายใจ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 13-06-2017 21:40:08
อยากเป็นพิเศษงี้ของใครสักคนแบบนี้ :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 18-06-2017 21:56:01
ขอบคุณค่า สนุกมากๆๆๆค่าาา  o13 คือแบบไม่อยากบอกเลยค่ะว่าอ่านจบ เบาหวานขึ้นค่าา แถมความดันลูกกะตาก็ขึ้นอีกค่าาา  :ling1:  โอ๊ยยยยย อะไรมันจะหวานโคตรพ่อโคตรแม่ขนาดนั้น  :hao7: คือเมื่อยปากเมื่อยแก้มจริงค่ะ ชแบเรื่องนี้ของคุณไนซ์ด๊อกค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะเมะเด็กเหมือนเดิม แต่กลายเป็นรุ่นเดียวกันซะงั้น แต่จะยังไงก็ช่างค่าา จะติดตามเรื่องอื่นต่อไปอยู่ดีค่าาา

ผ.ล. ปค่ขอเมะเด็กกว่าเยอะหน่อยค่าาา ชอบค่าา แนวนายเอกโดนพระเอกเด็กกิน 555  :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-07-2017 02:51:29
จากที่อ่านมาสังเกตุว่าจะมีคำพูดที่เขียนผิดจาก ร เป็น ล หลายคำเลยค่ะมันให้ความรู้สึกติดขัดเวลาอ่าน :hao4: :hao4: :hao4: แต่สำหรับเนื้อเรื่องแล้วน่ารักมากเลยอยากให้มีตอนพิเเศษที่ทั้ง2คนเรียนจบแล้วออกไปอยู่ด้วยกันคงจะน่ารักกว่าเดิม :-[ :-[ :-[
แต่ยังใงก็ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวน่ารักๆเป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปค่ะ :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 02-07-2017 11:12:45
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 09-07-2017 16:56:29
น่ารักมากๆเลย เขียนได้น่ารักมากๆเลย   :m25:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mayonhwa ที่ 09-07-2017 23:53:46
เรื่องนี้น่ารัก
อมยิ้ม ปนเขินหน่อยๆ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 30-07-2017 17:18:36
 :o8: :
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kamnary1160 ที่ 13-08-2017 18:31:55
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 17-08-2017 16:35:29
น่ารัก   :o8:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 18-08-2017 00:38:28
อ้าว จบซะแล้วอ่ะ อยากให้ยาวกว่านี้จัเลยน้าาาน่ารักมาละมุนมากกก งือออ > <
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 20-08-2017 15:00:53
 :pig4: :pig4: เนื้อเรื่องน่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-08-2017 21:59:24
น่ารักจังเลยยยย  ช้อนกับเปล่า น่ารักมาก  :-[
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ เลยค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-09-2017 15:32:45
น่ารักจริง ตอนสุดท้ายมีแอบหื่น  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: neyney_mumi ที่ 13-10-2017 02:01:58
สนุกมากเลยค่ะ แทบละลาย อะไรจะหวานกันขนาดนั้น หวานไม่เกรงใจคนโสดสักนิด อ่านละอยากมีแฟนเลย555555
เรื่องนี้ไม่มีตอนพิเศษหรอคะ เผลอแปบเดียวจบแล้วง่ะ อยากอ่านต่อมากกกก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ปล.เราเพิ่งรู้ว่าคนเขียนเป็นคนเดียวกับที่เขียนเรื่อง Jurassic Heartดวงใจกลายพันธุ์รัก Jurassic Confidantคู่หูกลายพันธุ์รัก Secret heartหัวใจแอบรัก  เราชอบทั้งสามเรื่องนี้มากเลยค่ะ ตอนนี้ก็กำลังตามเรื่อง สัมผัสรักด้วยหัวใจอยู่ แต่เพราะยังไม่จบเลยหาเรื่องอื่นอ่านรอจนมาเจอเรื่องนี้ แถมยังคนเขียนยังเป็นคนเดียวกันอีก5555 เราจะตามนิยายของคนเขียนตลอดเลยนะคะ เพราะชอบสไตล์การแต่งมาก อ่านแล้วรู้สึกจะละลายดี5555 สู้ๆนะคะ   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 14-10-2017 07:42:38
น่ารักกก ฟีลกู๊ดดด มากๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-10-2017 15:53:57
เราว่าเรื่องมันเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไปหน่อยนะ แต่ก็น่ารักดี

 :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 27-10-2017 02:39:18
น่ารักมากเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-11-2017 14:06:50
น่ารักกกกกกก ชอบทั้งคู่เลย ชอบภาษา อ่านแล้วเขินๆ ชอบมากกก ////////
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 30-12-2017 15:42:59
ตามมาอ่าน อิอิ เรื่องนี้อ่านสบายเบาๆ ดีใจกับทั้งสองที่ได้คบกันด้วย  :katai2-1: :katai2-1:
แต่ฌอนก็รีบไปหน่อยเนอะ จะรีบเปลี่ยนนามสกุลน้ำเลย 5555
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-01-2018 13:37:16
 o13
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 31-01-2018 10:02:54
น่ารักมาก ๆ

ขอบคุณค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 15-02-2018 23:29:47
อบอุ่นมากกกกก
ชอบทั้งเรื่องเลย
มีความละมุนละไมสูงมาก
ตามอ่านหลายเรื่องแล้วค่ะ
แต่งดีทุกเรื่องเลย
จะรออ่านเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-02-2018 00:03:00
เรื่องนี้ก็ดีอีกแล้ว กรี๊ดด  :-[

ขอบคุณนะคะ  จะตามผลงานไปตลอดๆนะคะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 25-04-2018 18:32:14
ชอบมากเลยค่ะ อ่านไปแล้วอมยิ้มหนักมากกับความซื่อๆใสๆแต่จริงใจของน้ำเปล่า
เอ็นดูตอนน้องขายพวงกุญแจไม่ได้หนักมาก ฮือออ

มีคำพิมพ์ผิดบ้าง ทำให้รู้สึกขัดๆหน่อย แต่โดยรวมเรื่องนี้สนุกมากค่ะ พล็อตไม่ได้หวือหวา เป็นพล็อตที่เราชอบ
แต่วิธีการเล่าเรื่อง และภาษาอ่านได้เพลินดีค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จริงๆน่าจะแต่งเป็นเรื่องยาว ถึงช่วงเวลา
ชีวิตวัยทำงานของทั้งคู่อีกนะคะ แล้วรีไรท์รวมเล่ม ฮื่ออ รู้สึกเป็นเรื่องที่ชวนให้อ่านซ้ำๆได้น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:18:15
น่ารักก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 11-09-2018 15:09:13
ฟินตัวแตก อยากให้ภาพสารภาพรักจัง
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 14-09-2018 17:48:51
น่ารักมาก ๆ .......................... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 04-03-2019 05:46:02
อ่านจบแล้วค่า
น้ำเปล่าน่ารักมากๆ
แรกๆฌอนดูไม่น่าคบเลย 555
อยากอ่านชีวิตตอนทำงานต่อจัง ><
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 13-05-2019 17:29:00
ณอนกับน้ำเปล่ามีความสัมพันธ์ที่น่ารักมากเลยยยบบ  :o8:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:08:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maedaekoara ที่ 13-09-2021 11:26:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 17-09-2021 23:43:22
 :-[
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 29-11-2021 16:47:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 06-12-2021 08:37:49
น่ารักมากๆ อ่าน แล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: .。.:*・ ۩ Creative สรรค์สร้างรัก۩・*:.。.{{สร้างรักวันสุดท้าย}} 4/05/60 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 30-01-2022 23:58:53
น้ำเปล่าน่ารักกก  ❤️❤️❤️❤️❤️