พิมพ์หน้านี้ - [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kenjangclub ที่ 15-12-2016 20:24:17

หัวข้อ: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก]
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 15-12-2016 20:24:17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดค่ะ กรุณาอ่านทุกข้อนะคะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
(http://www.mx7.com/i/1ae/sA1cLR.jpg)

Menu

Chapter 0 : บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3535477#msg3535477)
Chapter 1 : ร่างกายต้องการทะเล (รึเปล่า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3536257#msg3536257)
Chapter 2 : ทะเล และ ท้องฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3537768#msg3537768)
Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3539623#msg3539623)
Chapter 4 : จุดเริ่มเต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3542866#msg3542866)
Chapter 5 : เพราะโลกมันกลม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3546667#msg3546667)
Chapter 6 : เพื่อนบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3558887#msg3558887)
Chapter 7 : แฟนเก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3570105#msg3570105)
Chapter 8 : รับน้อง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3592630#msg3592630)
Chapter 9 : คู่จิ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3596262#msg3596262)
Chapter 10 : คืนเหงา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3613016#msg3613016)
Chapter 11 : ความสัมพันธ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3634476#msg3634476)
Chapter 12 : ความสับสน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3637726#msg3637726)
Chapter 13 : เปิดใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3649905#msg3649905)
Chapter 14 : ถ่ายแบบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3694412#msg3694412)
Chapter 15 : คำขอโทษของผู้ชายคนหนึ่ง
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3746685#msg3746685)Chapter 16 : คู่จิ้นตัวจริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3748947#msg3748947)
Chapter 17 : โอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3751415#msg3751415)
Chapter 18 : พี่ชายขายาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3770304#msg3770304)
Chapter 19 : ของขวัญ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3774175#msg3774175)
Chapter 20 : สายรหัส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3779025#msg3779025)
Chapter 21 : รุ่นพี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3793115#msg3793115)
Chapter 22 : หมอก 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3799720#msg3799720)
Chapter 23 : หมอก 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3803254#msg3803254)
Chapter 24 : ปิดเทอม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3808280#msg3808280)
Chapter 25 : คนนี้แฟนผมเอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3819101#msg3819101)
Chapter 26 : พ่อค้าสุดหล่อ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3820765#msg3820765)
Chapter 27 : พักผ่อน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3827701#msg3827701)
Chapter 28 : อ้อน หรือ อ่อย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3831205#msg3831205)
Chapter 29 : รุ่นพี่ที่รัก (ตอนจบ)

ติดตามในรูปแบบ รูปเล่มได้ เร็วๆ นี้

ติดตามได้ที่เพจ "ไอรัก / ซาคุ (https://www.facebook.com/sakuwriter/)" นะครับ

Chapter Special : Happy New Year (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56939.msg3765144#msg3765144)

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 0 : บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 15-12-2016 20:25:01
Senior รุ่นพี่ที่รัก

 

บทนำ

            “เราเลิกกันเถอะ”

คำพูดเรียบๆ ที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด กับใบหน้าของคนที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทบจะล้มทั้งยืน

“เลิกกันเหรอ หมายความว่าไง”

ผมมองคนตรงหน้าเพื่อหาคำตอบ หวังว่าในแววตาคู่สวยที่ผมเคยหลงใหลจะบอกคำตอบว่าคำพูดนั้นเป็นแค่การโกหกหรือเรื่องอำเล่น แต่ดูมันจะไม่ใช่ เพราะมันไม่ใช่แววตาที่ผมรู้จัก มันดูเป็นแววตาที่ตัดพ้อ ราวกับผมไม่เคยอยู่ในสายตาคู่นั้นมาก่อน

“ก็อย่างที่พูด เราเลิกกันเถอะ” คนตรงหน้ายังคงย้ำคำเดิม

“เราผิดอะไรผิดเหรอหมอก อยู่ดีๆ มาบอกเลิกกันแบบนี้ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”

ในเมื่อไม่ได้คำตอบ ผมก็จำต้องทำอะไรบางอย่างที่เหมือนคนไร้สติ

ตุบ...ตุบ...

กำปั้นเล็กๆ ทุบบนหน้าอกคนตรงหน้า แม้มันจะไม่ได้แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้คนตรงหน้าเริ่มตอบสนองได้บ้าง

“ทุบพอหรือยัง เราจะได้ไป”

หมอกเตรียมท่าจะเดินหนีทันทีหลังพูดจบ แต่ผมคงไม่ยอม

“เดี๋ยวก่อนสิ แล้วแผนที่เราจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันล่ะ นายจะให้เราไปคนเดียวเหรอ” พูดเสร็จผมก็ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “เราคบกันมาตั้ง 1 ปี มาเลิกกันง่ายๆ แบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะ”

“แล้วไงล่ะ”

“อะไรนะ”

“ก็นายมันน่าเบื่อไงล่ะ วันๆ เอาแต่ทำตัวงี่เง่า ไม่เคยคิดที่จะทำตัวให้มันน่ารักเหมือนกับคนอื่นบ้างเลย คนเราพอเจออะไรน่าเบื่อๆ แบบนี้ตลอดมันก็ต้องหาของเล่นใหม่บ้างสิ ชีวิตมันจะได้มีความสุขบ้าง ไม่ใช่จมอยู่กับของเดิมๆ ที่ไม่มีรสชาดแบบนี้” หมอกอธิบายถึงเหตุผลพร้อมกับสีหน้าที่มองผมอย่างแขยงราวกับผมเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ

“น่าเบื่อเหรอ ทำตัวงี่เง่าเหรอ นี่นายว่าเราขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมเริ่มอารมณ์ขึ้นบ้าง จากแรกๆ ที่ไม่อยากจะเลิกกับหมอก แต่พอได้ยินคำนี้มันทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่เคยสร้างร่วมกันมาพังทลายไปทั้งหมด เหลือแต่เพียงความรู้สึกที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้น ใช่ มันคือ ความรู้สึกเกลียดคนตรงหน้า เกลียดจนไม่อยากจะมอง

“ก็ได้ เลิกก็เลิก ทางใครทางมัน ก็ดี เราก็ไม่ได้อยากคบกับคนแบบนี้อยู่แล้ว ในเมื่อเรามันทั้งน่าเบื่อ ทั้งงี่เง่า น่ารำคาญมากนัก เราก็ยินดี เราจะได้รู้ว่าเรามันแย่ขนาดไหน”

“ต้นน้ำ”

“ไม่ต้องมาเรียกชื่อเรา ต่อไปนี้เราคงเป็นได้แค่เพียงคนแปลกหน้าต่อกัน เจอกันก็อย่าหวังว่าจะชายตามอง ไม่มีวัน”

“ต้นน้ำ ใจเย็นๆ สิ แค่เราเลิกกันทำไมถึงต้องเป็นถึงขนาดนั้น”

“ออกไป”

“ต้นน้ำ”

“เราบอกให้ออกไปไง”

“...”

“ออกไป๊”

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 0 : บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 16-12-2016 21:55:06
รอจร้า มาลงต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 0 : บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 16-12-2016 22:16:18
Chapter 1 : ร่างกายต้องการทะเล (รึป่าว)

 

“ร้อนจังแฮะ”

หลังจากลงรถตู้มาได้สักพักผมก็เตรียมเดินไปที่ท่าเรือ แต่ก็ต้องเอ่ยบ่นออกมาเล็กน้อยกับสภาพอากาศตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันจะร้อนไปถึงไหน นี่ขนาดผมใส่เสื้อคลุมกับหมวกหวังกันความร้อนจากแดด แต่มันก็ไม่อาจต้านทานความร้อนไปได้ อยากมากก็ไม่ทำให้ผิวขาวๆ ของผมต้องไหม้

รอไม่นานเรือก็เข้ามาเทียบฝั่ง ผมจึงไม่รอช้าที่จะรีบขึ้นเรือเพื่อหาที่นั่ง เพื่อมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ผมตั้งใจมาเที่ยวกับหมอก นั่นก็คือ เกาะล้าน แต่วันนี้ ทริปเที่ยวนี้มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้น แต่ใครจะสน มาคนเดียวก็สนุกได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องพกใครมาด้วยให้เสียความรู้สึก แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรต่อ เรือก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังเกาะทันที

30 นาทีผ่านมา ผมและลูกเรือคนอื่นๆ ก็มาถึงท่าเรือของเกาะ แน่นอนว่า หลายคนแยกย้ายกันไปตามรีสอร์ทที่ตัวเองจับจองเอาไว้ ผมเองก็เช่นกัน แต่ประเด็นคือผมไม่รู้ว่ารีสอร์ทมันอยู่ที่ไหน เพราะตอนที่เราจองนั้นหมอกเป็นคนจัดการหมด ทำให้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรายละเอียดต่างๆ เท่าไหร่

“เอาไงดีวะ” ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาความคิด “โง่ตั้งนาน โทรเอาก็ได้”

พูดเสร็จก็หยิบมือถือสีดำจากกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างเร็ว ค้นหาชื่อรีสอร์ทที่จองเอาไว้ แล้วรีบกดไปยังหมายเลขนั้นด้วยความเร็ว

[สวัสดีครับ]

“นั่นใช่รีสอร์ทxxx หรือป่าวครับ”

[ใช่ครับ]

“คือผมเป็นลูกค้าที่จะเข้าพักวันนี้นะครับ เผอิญผมอยู่ที่ท่าเรือแล้วตอนนี้ แต่ผมไปรีสอร์ทไม่ถูกนะครับ”

[ชื่ออะไรครับ]

“ถามเยอะจังวะ” ผมพูดเบาๆ กับตัวเอง “คนจองชื่อภาคินนะครับ”

[สักครู่นะครับ] ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมา [ภาคินนะครับ ที่จองห้องเอาไว้ มากัน 2 ท่านนะครับ]

“คนเดียว”

[คนเดียว?]

ผมรู้สึกว่าไอ้คนที่รับสายเนี่ยมันจะถามอะไรเยอะแยะนัก แค่ออกมารับลูกค้าแค่เนี่ยต้องถามซะเยอะเลย

“ตกลงจะออกมารับไหมเนี่ย ถ้าไม่ออกมาผมกลับนะ”

[ใจเย็นๆ สิครับคุณลูกค้า เดี๋ยวรอตรงนั้นก่อนนะครับ เดี๋ยวผมออกไป]

“อืมๆ”

แค่เจออากาศร้อนๆ ก็พาลรู้สึกหงุดหงิดแล้ว ดันมาเจอคนกวนๆ อีก มีเหรอที่คนอย่างผมจะไม่อารมณ์เสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะไปพาลใส่คนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นต้องพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ก่อน

ยืนรอไปได้สักพัก โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมกดรับแล้วยกแนบหูทันที

“สวัสดีครับ”

[พี่อยู่ตรงไหนครับ ผมมาถึงแล้ว]

“นั่นใคร”

งงสิครับ อยู่ดีๆ ก็มีเบอร์แปลกๆ โทรมา แถมพูดเรื่องแปลกๆ ใส่อีก

[โห่พี่ ทำเป็นงง ผมมารับพี่ไปรีสอร์ทไง]

“อ้าวเหรอ” ผมหัวเราะแก้เก้อไปเลย “โทษทีๆ พี่อยู่แถว...”

[ไม่ต้องแหละ ผมว่าผมเห็นพี่แหละ ใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงิน กางเกงยีนต์ แล้วก็ใส่หมวกด้วย ถูกไหมพี่]

ผมรีบหันไปมองรอบๆ หวังจะเจอกับคนที่กำลังคุยโทรศัพท์เหมือนผมอยู่ แต่ด้วยสายตาที่สั้นของผม แถมยังไม่ได้ใส่แว่นอีก ทำให้ผมไม่สามารถมองหาคนๆ นั้นเจอ

“เออๆ ถูก”

“พี่มองหาใครอยู่นะ”

“มองหาคนอยู่นะ” ตาก็มองคนไปเรื่อยๆ แต่ปากดันไปตอบคำถามใครก็ไม่รู้ที่ถามมา

“มองหาผมหรือป่าวพี่”

“อ้าว มาถึงแล้วก็ไม่บอก”

ผมรีบหันไปมองไอ้คนข้างๆ อย่างตกใจโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าไอ้คนข้างๆ เนี่ย หล่อเป็นบ้า ยังไม่รวมกับความสูงที่สูงกว่าผมอีกนิด แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเงยหน้าคุย แต่ก็นะ เห็นผมอย่างนี้สูง 175 ซม.เลยนะ แต่ก็คงไม่สูงเท่าไอ้เสาไฟฟ้าข้างๆ เนี่ยหรอก

“หน้าผมมีอะไรเหรอ เห็นมองไม่เลิกเลย”

“เอ่อ ป่าวๆ ไม่มีไร” ผมรีบปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่มีก็ไม่มี งั้นเราไปกันหรือยัง” คนตัวสูงถาม

“ไปๆ”

5 นาทีต่อมา ผมก็ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์โดยคนตัวสูงที่ผมยังไม่รู้จักชื่อเป็นคนขับ แถมดูโชคจะไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่ เพราะเส้นทางที่เราขับมานั้นเป็นเนินสูงบ้าง ลาดเอียงบ้าง ก็ต้องมีบางที่ผมจะเผลอกอดไอ้คนตัวสูงเป็นระยะๆ จนผมกลัวไอ้คนตัวสูงจะว่า

“กอดมาเลยก็ได้พี่ ผมไม่ถือ”

นั่นไง! เพิ่งคิดไปเมื่อกี๋มันพูดเลย

“เอางั้นเลยเหรอ” ผมทำหน้าลังเล

“ได้สิ”

ไม่พูดเปล่า ไอ้คนสูงปล่อยมือข้างซ้ายแล้วจับแขนผมไปเกาะที่เอว ทำเอาผมเหวอไปนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามไป เพราะกลัวตกมอเตอร์ไซต์เหมือนกัน ยิ่งยังไม่อยากตายอยู่ด้วย เพิ่งโสดยังไม่กี่วันจะมาตายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ยิ่งได้ใกล้ชิดมากขึ้น ผมก็เริ่มได้กลิ่นหอมแปลกๆ มาจากคนตรงหน้า มันเป็นกลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่เหมือนกับคนไอ้คนตัวสูงนี้เพิ่งจะอาบน้ำมาแน่ๆ

“จะกอดผมอีกนานไหมพี่ ถึงแล้ว”

“อ้าวเหรอ”

เหวอไปเลย ไม่คิดว่าจะถึงเร็วขนาดนั้น แถมยังคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปด้วย

“ขอบใจมากนะ”

พูดเสร็จผมก็รีบลงจากรถแล้วเดินเข้าด้านในทันที

หลังจากใช้สายตาอันสั้นร้อยนิดๆ (ที่ตอนนี้เอาแว่นสายตามาใส่แล้ว) มองสำรวจรีสอร์ทนี้ได้สักพักก็รู้สึกภูมิใจเล็กๆ แม้ว่าตัวเองจะไม่ใช่คนจองและคนจองเองก็ไม่ได้มาด้วย แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกชอบรีสอร์ทแห่งนี้

“เดี๋ยวเชิญทางนี้เลยครับ”

ไอ้คนตัวสูงที่เพิ่งจอดมอเตอร์ไซต์เสร็จเดินเข้าไปด้านใน นำผมไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำเรื่องเช็คอิน แต่กลับผิดคาด เพราะคนที่ทำเรื่องไม่ใช่คนตัวสูง

“ชื่อจองคุณภาคินนะจ๊ะ”

“ครับ”

ผมมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ เพราะเป็นพี่ผู้หญิงอายุประมาณ 30 ทำเรื่องเช็คอินให้ผม ส่วนไอ้คนตัวสูงนั้นหายเข้าไปด้านในแล้ว

“นี่ค่ะกุญแจ ส่วนห้องพักด้านนี้นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

พอเข้าห้องปิดประตูเสร็จ ผมก็รีบเปิดแอร์ให้เย็นช่ำแล้วล้มตัวนอนลงบนที่นอนนุ่มๆ ทันที เพื่อหวังว่าแอร์เย็นๆ จะทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายร่างกายก็ถูกความเพลียจากการเดินทางมาตลอดทั้งวันทำให้ผมเข้าสู่ห่วงนิทรา

 

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอน 2 ทุ่ม ถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นหลับไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว แถมท้องเองก็กำลังร้องประท้วงเป็นการใหญ่ เหตุเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่บ่ายแล้ว

“หัวชะมัดเลยแฮะ”

แต่ก่อนที่จะออกนอกห้องเพื่อไปหาอะไรกิน ผมก็ต้องเช็คสภาพหน้าตาและทรงผมตัวเองก่อน เพราะไม่อยากออกไปให้คนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆ ซึ่งพอส่องกระจกจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงค่อยออกจากห้อง

“อ้าวพี่ ไปหาอะไรกินเหรอ”

เสียงคนร้องทักผมมาจากอีกฝาก ซึ่งพอมองดีๆ ผมก็เห็นไอ้คนตัวสูงโบกมือหยิกๆ เป็นการใหญ่ ไม่รู้มันจะดีใจอะไรขนาดนั้น เพราะเล่นยิ้มกว้างจนแก้มปริ

“เรียกพี่อยู่ได้ เรามีชื่อนะ”

แล้วผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเดินไปหาด้วยเนี่ย

“โทษทีครับ แล้วชื่ออะไรเหรอ”

แม้ปากจะคุยกับผม แต่มือก็ยังคงทำหน้าที่ย่างกุ้งกับปลาหมึกให้ลูกค้าที่มาพักที่นี่ไปด้วย แหม ช่างเป็นเจ้าของรีสอร์ทที่ดีจริงๆ

“เราชื่อต้นน้ำ”

“ผมเต็งหนึ่งนะพี่” ไม่ขาดคำก็ยังเรียกพี่อยู่อีก

“อายุเท่าไหร่เนี่ย มาเรียกคนอื่นพี่เนี่ย”

“19 ครับ”

“ห๊ะ 19 แก่กว่าเราอีก”

“จริงเหรอ แล้วพี่อายุเท่าไหร่”

“18 พอใจยัง แล้วก็เลิกเรียกพี่ได้แล้ว”

“ฮ่าๆ เอาน่า ที่เรียกพี่ถือเป็นการให้เกียรติกับลูกค้านะครับ” เต็งหนึ่งรีบอธิบายเป็นการใหญ่ “ว่าแต่พี่ เอ่ย ต้นน้ำ จะออกไปหาอะไรกินใช่ป่ะ”

“อืม ก็ประมาณนั้นอ่ะ ตอนนี้หิวๆ ด้วย”

พูดไม่ทันขาดคำ ท้องก็ส่งเสียงโครกครากเป็นการใหญ่ จนคนตรงหน้าได้แต่หัวเราะ

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย คนยิ่งหิวๆ อยู่”

“ไม่หัวเราะก็ได้ครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราพาไปซื้อแล้วกัน เพิ่งมาคงยังไม่รู้ว่าตรงไหนขายอะไรบ้าง” เต็งหนึ่งอาสาพาผมไป แต่คิดว่าจะไปได้เหรอ ในเมื่อตัวเองยังย่างกุ้งกับปลาหมึกไม่เสร็จเลย

“แล้วไอ้นี่ล่ะ” ผมชี้ไปยังเตาย่างตรงหน้า

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวให้พี่ศรมาทำต่อ”

“พี่ศร?”

พูดไม่ขาดคำ คนที่ชื่อ พี่ศร ก็เดินมาพอดี เลยทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่ผมรับกุญแจห้องพักมาคือพี่ศรคนนี้

“พี่ศร ผมฝากด้วยนะ”

“อ้าว จะไปไหนล่ะ” พี่ศรถาม

“ผมขอพาลูกค้าไปหาซื้อของกินหน่อยนะพี่ แถวๆ นี่แหละ”

“อ๋อ ดูแลลูกค้าดีๆ ด้วยล่ะ”

“ได้ครับ”

“อย่าไปลวนลามลูกค้าล่ะ ยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย”

เดี๋ยวนะ! คำพูดแรกๆ มันก็โอเคอยู่หรอก แต่ไอ้คำหลังเนี่ยมันทะแม่งๆ นะ

“โห่พี่ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”

“ก็หื่นไง”

“ต้นน้ำ อย่าไปฟังมากนะ พี่ศรชอบใส่ร้าย”

ผมไม่รู้จะเชื่อใครดี แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ หาอะไรใส่ท้องก่อนที่ท้องจะร้องหนักมากไปกว่านี้

 

 

     

º Senior the Series »
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 1 : ร่างกายต้องการทะเล (รึเปล่า) ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2016 22:54:05
หมอก ใจร้ายไปปะ
บอกเลิกตอนที่อีกฝ่ายแพคกระเป๋าเดินทางมา
เตรียมจะไปเที่ยวด้วยกันนี่นะ
ต้นน้ำเลิกไปก็ดี ยังมีคนดีๆอีกนะ
เต็งหนึ่ง ใจดีนะ มีอนุญาตให้กอดด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 1 : ร่างกายต้องการทะเล (รึเปล่า) ]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-12-2016 19:51:17
ลืมลงกฏ ลงกฏด้วยจ้าเด๋วโดนลบ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 1 : ร่างกายต้องการทะเล (รึเปล่า) ]
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 18-12-2016 18:51:18
Chapter 2 : ทะเล และ ท้องฟ้า

 

บนถนนอันว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คนและรถวิ่งผ่าน มีเพียงแต่เราสองคน ไม่ใช่ ต้องบอก มีผมกับไอ้คนตัวสูง ที่ผมเพิ่งรู้จักชื่อเมื่อสักพักนี้ กำลังเดินไปยังร้านค้าใกล้ๆ แถวนี้เพื่อหาอะไรใส่ท้องของผม โดยที่ผมกับคนตัวสูงเลือกที่จะเดินคนละฝากถนนเพื่อรักษาระยะห่าง ถ้าจะถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ก็อาจจะเพราะเมื่อกี๋ผมได้ยินเรื่องแปลกๆ มาจากเจ้าของรีสอร์ทว่าคนที่กำลังเดินมาพร้อมกับผมตอนนี้เป็นคนหื่น ผมก็เลยเลือกที่จะต้องทำแบบนี้

“รังเกียจเราเหรอ” อยู่ดีๆ เต็งหนึ่งก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่พี่ศรพูดเมื่อกี๋ไง ว่าเรา...หื่น”

ดูน้ำเสียงที่พูดออกมาแต่ละคำนั้นมันเหมือนจะมีความเศร้าปนออกมาด้วยจนผมไม่แน่ใจว่าคนข้างๆ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ

“เฮ้ย คิดมากน่า” ผมพยายามยิ้ม แม้ว่ามันจะไร้ค่าเพราะมันถูกความมืดปกปิดจนคิดว่าอีกคนไม่น่าจะเห็น

“มันก็แค่เรื่องในอดีตนั้นแหละ” คนตัวสูงถอนหายใจแรงๆ ไปหลายครั้งก่อนจะพูดต่อ “ก่อนหน้านี้เราเคยพาแฟนมาเที่ยวที่นี่ โดยที่ตอนนั้นเรายังเพิ่งช่วยงานพี่ศรอยู่ ก็เลยต้องทำหน้าที่ทั้งดูแลลูกค้าและแฟนที่ดี แต่พี่ศรนึกว่าเป็นแค่ลูกค้าที่มาพัก แถมยังมาเห็นเรากำลังจูบกับแฟนอีก พี่ศรก็เลยหาว่าเราหื่น ลวนลามลูกค้า ทั้งที่ความจริงเรากำลังจูบกับแฟนตัวเองอยู่ ตลกดีเนอะ”

“อืม ตลกดี”

ถ้าผมเป็นพี่ศรเองก็คงคิดไม่ต่างกันหรอก เล่นเจอแบบนั้นก็ต้องคิดบ้างแหละว่าน้องชายตัวเองกำลังลวนลามลูกค้าอยู่ แถมยังมาทำที่รีสอร์ทอีก

“แฟนนายคงน่ารักมาสินะ”

“จะให้บอกไงดีล่ะ ก็คล้ายๆ กับนายอ่ะ ต้นน้ำ”

“ห๊ะ”

คล้ายกับเราเนี่ยมันคล้ายยังไงเนี่ย ผมชักสงสัยแล้วสิ

“ตกใจไร”

“ก็...”

“.....”

“เรามีแฟนเป็นผู้ชายนะ”

จากที่เดินมาดีๆ ผมแทบสะดุดหัวทิ่มเพราะคำพูดของคนตัวสูง ไม่คิดว่าคนอย่างเต็งหนึ่งจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ขนาดผมเองที่ชอบผู้ชายยังจับผิดไม่ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้มีรสนิยมแบบนี้ เรดาร์ผมคงเสียไปแล้วแน่ๆ ถึงไม่รู้คนๆ นี้เป็นแบบเดียวกับผม

“แต่ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

“แล้วทำไมต้องนึกว่าเราคิดมากด้วยล่ะ”

“ก็ไม่รู้สิ แค่ความรู้สึกนะ แต่ช่างเถอะ”

ในเมื่อเต็งหนึ่งเลิกที่จะคุยต่อ ผมเองก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ก่อนที่เราจะเดินไปถึงร้านอาหารตามสั่งที่เมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลทั้งหมด

“จะกินที่นี่หรือว่าจะซื้อกลับไปกินที่รีสอร์ทดีล่ะ”

เต็งหนึ่งหันมาถามผม แม้ตอนนี้ผมเองจะยังรู้สึกลังเลอยู่ว่าจะเลือกกินที่ไหนดี ถ้าเลือกที่จะกลับไปกินที่รีสอร์ทผมก็คงต้องนั่งกินคนเดียว แต่ถ้าเลือกกินที่นี่ผมก็ยังมีเพื่อนกินอีกหลายโต๊ะ แม้ว่าจะไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันก็ตามที

“กินที่นี่ดีกว่า คนเยอะดี” พูดเสร็จผมก็เดินหาที่นั่ง

“เอาอะไรดี” ไม่พูดเปล่า เต็งหนึ่งเองก็หยิบเมนูเอามาดูด้วยราวกับว่าตัวเองจะกินด้วย

“ทำไรล่ะนั่น”

“ก็หาอะไรกินไง เราก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยเหมือนกัน” ปากก็พูดไปส่วนตาก็นั่งมองไล่ดูเมนูไปด้วย

“งั้นเหรอ ก็เอาสิ” ผมรีบดูเมนูด้วยความเร็วแสงเพราะตอนนี้อยากหาอะไรก็ได้ที่ทำได้ไวที่สุดมากิน ก่อนจะไปหยุดที่เมนูอาหารสิ้นคิด “กระเพราทะเลแล้วกัน”

“พี่ครับ กระเพาะทะเล 2 จานครับ”

ผมมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ตะโกนสั่งไป แถมยังเหมือนกับผมเป๊ะๆ สรุปไอ้ที่นั่งเสียเวลาดูเมนูตั้งนานเนี่ยไม่ได้ช่วยให้หาอะไรได้เลยเหรอ

“สั่งเหมือนกัน จะได้กินพร้อมๆ กันไง” นั่นไง! ดูมันพูดเข้า

“อืม”

“กินข้าวเสร็จแล้วจะไปไหนต่อเหรอ” เต็งหนึ่งหาเรื่องชวนคุยระหว่างที่รอข้าว

“ยังไม่รู้เลย ก็คงกลับห้องนอนพักมั้ง”

ผมก็พูดไปงั้นแหละ ทั้งที่จริงผมเพิ่งตื่นนอนมาด้วยซ้ำ จะให้กลับไปนอนอีกก็คงหลับยาก คิดจะทำอย่างอื่นก็ยังไม่รู้จะทำอะไร พาลคิดไปว่าถ้าหมอกมาด้วยป่านนี้ผมกับหมอกก็คงทำนู้นทำนี่กันตามประสาคนรักกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เราไม่ได้เกี่ยวไรกันแล้ว ดังนั้นมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเดินหน้าต่อ

“คิดอะไรอยู่เหรอ หน้าเครียดเชียว” เต็งหนึ่งสะกิด

“โทษที คิดอะไรเพลินๆ นะ”

“ข้าวมาพอดีเลย กินกันเถอะ”

พออาหารนำมาเสิร์ฟ เราสองคนก็ต่างคนต่างกันกินเงียบๆ โดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ อาจจะเพราะตอนนี้ต่างคนต่างหิวด้วยก็เลยไม่มีเวลาได้คุยกันสักเท่าไหร่ จนกระทั่งข้าวในจานใกล้หมด

“รอดตายไปอีกวัน” คนตัวสูงพูดเสร็จก็รวบช้อนเข้าด้วยกัน

“ขนาดนั้นเหรอ” ผมอดขำคนตรงหน้าไม่ได้ ที่ชอบพูดอะไรแปลกๆ

“ก็นิดนึงนะ เพราะเวลามาช่วยงานพี่ศรที่นี่ทีไร กว่าจะได้กินข้าวแต่ละมื้อก็แทบจะยาก เพราะต้องคอยดูแลลูกค้าอยู่ตลอด บางวันก็ได้กินข้าวเย็นเกือบ 4 ทุ่ม ยังดีที่ว่าได้กินของจุกจิกไปบ้าง ไม่งั้นมีหวังได้เป็นโรคกระเพาะพอดี”

“ถ้างั้น ที่บอกพี่ศรว่าพาเรามาหาไรกินเนี่ย ก็หาเรื่องอู้งานใช่ป่ะเนี่ย”

“ก็ประมาณนึง” เต็งหนึ่งหัวเราะเบาๆ แก้เก้อที่โดนผมจับผิดได้

“แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยนะ นานที”

“นึกว่า นานๆ ถี่”

“ก็ว่าไป กินเสร็จแล้วใช่ป่ะ จะได้รีบเก็บเงิน”

“เอาสิ”

พอจ่ายเงินเสร็จ เราสองคนก็เดินออกจากร้านทันที

“เพิ่ง 3 ทุ่มเองเหรอเนี่ย”

ผมมองตัวเลขที่โชว์หราอยู่หน้าจอมือถือ ซึ่งดูเหมือนว่าเวลาจะไม่ได้เดินไปมากสักเท่าไหร่เลย

“ไปเดินเล่นกันไหม”

“ห๊ะ ว่าไงนะ”

“เดินเล่น ไปไหม”

ผมลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลงไปทันที เพราะอย่างน้อยก็ยังดีกว่ากลับไปนอนเล่นในห้อง

“ไปสิ”

 

เราสองคนเดินมาสักพักก็มาถึงหาดที่ใกล้ที่สุด ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าหาดนี้ชื่ออะไร แต่ที่ผมรู้คือมันทำให้ผมรู้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก สายลมอ่อนๆ เสียงคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระยะ กับบนท้องฟ้าที่มีแสงระยิบระยับจากหมู่ดาว ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้สึกดีเป็นอย่างมาก

“มานั่งด้วยกันสิ” เต็งหนึ่งเรียกผมให้มานั่งโต๊ะไม้ที่เหลือที่นั่งให้ผมให้

“ขอบคุณนะที่พามาชมวิวตอนกลางคืน”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แล้วต้นน้ำชอบไหมล่ะ”

“ชอบสิ”

“แล้วชอบเราไหมล่ะ”

“อะไรนะ”

“ล้อเล่นนะ” เต็งหนึ่งหัวเราะ “เห็นชอบที่นี่เราก็ดีใจ”

“อ๋อ ตกใจหมด”

“เราขอถามอะไรหน่อยได้ป่ะ”

“ถามอะไรเหรอ ถ้าตอบได้ก็จะตอบนะ”

ถึงจะลังเลอยู่บ้าง แต่ก็ยินดี เพราะตอนนี้ผมเองก็อยากมีคนคอยเคียงข้างบรรเทาความรู้สึกในหัวใจบ้าง แม้จะยังไม่รู้ว่าเต็งหนึ่งจะถามอะไรก็ตาม

“จำตอนแรกที่ต้นน้ำมาถึงที่นี่ได้ไหม ที่เราถามว่ามาคนเดียวนะ”

“อ่อ จำได้ ทำไมเหรอ”

“แล้ว...อีกคน...ไปไหนล่ะ”

คำถามนี้ทำเอาผมแทบจุกไปเลย ได้แต่ฝืนยิ้มให้คนข้างๆ

“ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”

“คือเราเพิ่งเลิกกับเค้านะ เลิกก่อนที่จะมาที่นี่ไม่กี่วัน” ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองอ่อนแอไปกับความรู้สึก “เรามันคงทั้งงี่เง่า น่าเบื่อมากสินะ ถึงได้เลิกกับเราง่ายๆ แบบนี้”

“ต้นน้ำ”

“ขอโทษด้วยนะ” มารู้สึกอีกที น้ำตามันก็ค่อยๆ ไหลออกมา

“เราว่าต้นน้ำขี้แยมากกว่านะ”

ไม่พูดป่าว เต็งหนึ่งยื่นมือมาปาดน้ำตาผมเบาๆ ราวกับกลัวแก้มผมจะช้ำจากการสัมผัส

“บางทีการได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาบ้าง มันก็อาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นก็ได้นะ”

“ขอบคุณนะ”

ผมจับมือเต็งหนึ่งแล้วดึงลง เพราะไม่อยากให้มือที่ขาวสะอาดแบบนั้นต้องมาแปดเปื้อนกับคราบน้ำตาของผม สู้ปล่อยให้มันไหลออกมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่เหลือ แล้วค่อยเช็ดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปทีเดียว

“ขอบคุณที่คอยมาปลอบเรา ขอบคุณที่ยอมนั่งเคียงข้างเรา” ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง “ตลกเนอะ เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แถมตอนแรกเราโวยวายหาเรื่องไปเรื่อย แต่พอมาตอนนี้กลับมาเผยด้านอ่อนแอกับนายจนได้”

“คิดมากน่า”

เต็งหนึ่งโอบไหล่แล้วดึงผมเข้าอ้อมกอด มันอาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะเราสองคนเพิ่งรู้จักกัน แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมามาก จนไม่อาจจะปฏิเสธได้

“อยู่แบบนี้สักพักได้ป่ะ”

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดคำนั้นออกไป แต่ดูเต็งหนึ่งจะไม่ปฏิเสธคำขอนั้น กลับกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นกว่าเดิม อ้อมกอดที่ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 



º Senior the Series »
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 2 : ทะเลและท้องฟ้า ] (18/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 18-12-2016 19:34:54
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 2 : ทะเลและท้องฟ้า ] (18/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 20-12-2016 21:44:20
Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก

 

เราสองคนกลับมาถึงรีสอร์ทประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งตอนนี้ลานด้านนอกไม่มีแขกคนอื่นๆ แล้ว จะมีก็เพียงพี่ศรที่กำลังเก็บของอยู่ โดยในมือเป็นของชิ้นสุดท้ายที่กำลังยกไปเก็บพอดี

“อ้าวหนึ่งมาแล้วเหรอ ไปไหนกันมาเนี่ย กลับซะดึกเลย” พี่ศรเอ่ยถาม แล้วยกของเข้าด้านใน

“พาลูกค้าไปเดินเล่นรับลมมานะพี่”

“แล้วไปทำไรลูกค้ารึป่าวเนี่ย”

พี่ศรยังมีย้อนถามถึงประเด็นนี้อีก เล่นเอาผมหลุดขำออกมาเบาๆ โดยไม่ให้คนตัวสูงเห็น

“โธ่พี่ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย” เต็งหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงเซงๆ ที่ถูกพี่ศรพูดเรื่องนี้ไม่เลิก

“ไม่เลยครับ เต็งหนึ่งดูแลผมอย่างดีเลยครับ” คราวนี้เป็นผมตอบแทน เพราะทนขำคนตัวสูงไม่ไหว แค่เห็นสีหน้าที่พยายามจะอธิบายให้พี่ศรฟังแล้วนี่ตลกสุดๆ

“จริงแน่นะ” คำถามนี้พี่ศรหันไปถามเต็งหนึ่งที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ ผม

“จริงสิพี่”

“งั้นแล้วไป” พี่ศรมองด้วยหางตาแล้วยกของไปเก็บ

“เราว่านายเข้าไปพักเถอะ นี่ก็ดึกแล้วพรุ่งนี้จะได้ไปมีแรงไปเล่นน้ำทะเล”

เต็งหนึ่งหันมาบอกผม ซึ่งมันก็จริงเพราะผมเองก็เริ่มรู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำ แล้วก็นอนพักผ่อนอีก (แม้ว่าจะนอนไปบ้างแล้วก็ตาม)

“ถ้างั้นไปก่อนนะ”

“ฝันดีนะครับ” เต็งหนึ่งก้มกระซิบข้างหูผม เล่นเอาผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว

“เออๆ ฝันดี”

ผมรีบบอกฝันดีบ้างแล้วรีบเดินไปกลับห้องตัวเองทันที เพราะถ้าขืนยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ มีหวังคนตัวสูงจะได้เห็นว่าใบหน้าของผมตอนนี้แดงมากขนาดนั้น

“บ้าเอ่ย คิดอะไรนะเรา”

ผมได้แต่บ่นตัวเองหน้าห้อง ก่อนจะรีบไขกุญแจแล้วเข้าห้องไปพักผ่อนทันที

 

 

ก๊อกๆ

ในขณะที่ผมกำลังฝันหวานเพลินๆ ก็มีอันต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเคาะประตู นี่ขนาดว่ามาเที่ยวคนเดียวก็ยังมีคนมารบกวนการนอนของผมอีก

“ใครครับ” ผมตะโกนถามไป ทั้งที่ตัวเองนั้นเพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง

“ต้นน้ำนี่เราเองนะ ตื่นหรือยัง”

มีเสียงคนร้องตอบกลับมาจนผมสงสัย เพราะถ้าจำไม่ผิดนั้นคือเสียงของเต็งหนึ่ง แล้วทำไมมาเคาะห้องผมแต่เช้าแบบนี้เนี่ย จะว่านัดไว้ก็ไม่ใช่ เพราะตอนหัวค่ำไม่ได้คุยอะไรกันไว้

“ยังไม่ตื่น”

ผมตอบไปทั้งตาหลับๆ เพราะตอนนี้ตามันลืมไม่ขึ้นจริงๆ นี่ครับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบตี 2 อาจจะเพราะเมื่อวานตอนเย็นผมนอนจนเต็มอิ่มก็เลยไม่ค่อยรู้สึกง่วง แถมดันไปปล่อยโฮกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักอีก แถมคนๆ นั้นเองก็ดันเคยมาแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนด้วยเลยทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ยิ่งมาตอนจะเข้าห้องดันมากระซิบบอกฝันดีอีก มีเหรอคนอย่างผมจะไม่ได้คิดอะไร

“ยังไม่ตื่นแล้วใครตอบครับ”

เต็งหนึ่งยังไม่ลดละความพยายามที่จะปลุกผมจริงๆ นะเนี่ย

“คนตอบ” กวนตีนกลับไปสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

“ใช่คนน่ารักหรือป่าว” นึกว่ากวนตีนไปนิดนึงคนตัวสูงจะหยุดดันมาเล่นคำต่ออีก ผมละเหนื่อยใจจริงๆ เลย

“มีอะไรหรือป่าว เราอยากนอนต่อ”

“มีสิครับ”

“....”

มีอะไรแต่เช้าเนี่ย ผมได้แต่สงสัย

“เราว่าจะพาต้นน้ำไปเล่นน้ำทะเลนะ สนใจไหม”

“เล่นน้ำเหรอ?”

“อืม ไปไหม?”

ผมนั่งลังเลอยู่สักพักว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี พอมานั่งนึกๆ ดู ผมเองก็มาเที่ยวที่นี่คนเดียว แถมยังไม่ค่อยรู้จักอะไรที่ไหนเท่าไหร่ แถมตอนนี้มีคนมาเสนอจะพาไปเล่นน้ำทะเลแบบนี้ด้วย ขืนปฏิเสธไปก็คงเสียดายแย่

“ไปๆ แต่รอก่อนนะ ขออาบน้ำก่อน”

“ได้ครับ ถ้าไงเดี๋ยวเราเตรียมอาหารเช้าไว้รอนะครับ”

พูดเสร็จ เสียงฝีเท้าของเต็งหนึ่งก็หายไปอีกทาง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเกาหัวงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่ไปเที่ยวมาหลายๆ ที่ไม่เจอการบริการอะไรแบบนี้มาก่อน ทั้งเสนอพาไปกินข้าว เสนอตัวพาไปเที่ยว แถมยังมาเตรียมข้าวเช้าให้กินอีก เป็นใครก็ต้องแปลกใจอยู่บ้างที่เจอแบบนี้

“เอาเหอะ ดีกว่าเที่ยวคนเดียวแหละกัน”

สรุปกับตัวเองง่ายๆ ผมก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำทันที

 

หลังจากออกมาจากห้องผมก็พบกับเต็งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งชุดสำหรับออกเที่ยว รวมไปถึงมอเตอร์ไซต์ที่พร้อมจะพาผมออกเที่ยว แต่จะพิเศษก็ตรงนี้ตอนนี้บนโต๊ะตรงหน้าผมมีขนมปัง ไส้กรอก ไข่ดาว ไม่รวมน้ำผลไม้อีกแก้วที่กำลังยกมาให้ผม

“นี่มันอะไรเหรอ”

ผมมองของตรงหน้าอย่างงงๆ เพราะเท่าที่รู้ก็คือรีสอร์ทนี้มีขนมปังกับกาแฟเอาไว้รองรับแขก แต่นี่มันไข่ดาว ไส้กรอกแล้วก็น้ำผลไม้มาด้วย ซึ่งมันนอกเหนือจากเมนูปกติ

“ก็อาหารเช้าไง” เต็งหนึ่งนั่งลงข้างๆ แล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“คือรู้ว่ามันคืออาหารเช้า แต่ทำไมมันดูพิเศษจังเลยเนี่ย”

“อาหารมื้อพิเศษสำหรับคนพิเศษไง”

เต็งหนึ่งยิ้มตาหยี แต่ผมสิ เผลอหัวใจพองโตตามคำพูดของคนตัวสูงไปด้วย แต่ยังดีที่ผมยังควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้บ้าง ไม่งั้นคงได้เผลอยิ้มออกไปด้วย

“ก็พูดเว่อร์ไป คนพิเศษอะไรที่ไหน”

“ก็ต้นน้ำไง คนพิเศษสำหรับเรา”

ดูเหมือนยิ่งผมพูดอะไรออกไป มันเหมือนกับยิ่งมัดตัวผมมากขึ้นเท่านั้น

“พอเหอะๆ รับไม่ไหวอ่ะ” ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดตอบไป แต่เต็งหนึ่งกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร “ว่าแต่ทำไมทำมาเยอะเลยเนี่ย เรากินคนเดียวไม่หมดหรอกนะ”

“อ่อ ลืมไป ทำมากินด้วยกันนะ เราเองก็ยังไม่ได้กินไรเหมือนกัน มัวแต่ช่วยพี่ศรเตรียมของว่างให้เลี้ยงแขกจนเสร็จแล้วถึงไปปลุกนายนั่นแหละ” เต็งหนึ่งอธิบาย

“แหม พูดซะน่าสงสารเชียวนะ”

“แล้วสงสารป่ะ”

“ไม่อ่ะ” ผมหัวเราะเบาๆ

“น้อยใจแล้ว” พูดเสร็จ คนตัวสูงก็อมลมซะจนแก้มป่อง นี่ถ้าเป็นเด็กมันคงดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอก แต่นี่เด็กโข่งมาทำท่าทางงอนแบบนี้มันดูขัดหูขัดตาสุดๆ

“ตามใจ งั้นเรากินก่อนแล้วกัน หิวแล้ว” ผมลงมือหั่นไส้กรอกหมายจะกิน และในจังหวะที่กำลังจะเอาใส่ปาก ก็ดันต้องหายไปเพราะคนข้างๆ มากินแทน “เฮ้ย...”

“อร่อยจัง”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย นั่นเราจะกินนะ”

“เอาน่า เราก็แค่อยากรู้ว่านายป้อนมันจะอร่อยกว่ากินเองไหม” ดูมันพูดเข้าสิ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนทำอาหารเช้ามาให้กินแบบฟรีๆ นะ ผมคงเดินหนีไปหาของกินที่อื่นแล้ว

“เออๆ”

สุดท้ายผมก็ต้องหันไปหั่นไส้กรอกใหม่แล้วรีบใส่ปากตัวเองก่อนที่คนข้างๆ จะมาแย่งไปกิน ซึ่งทั้งผมกับเต็งหนึ่งก็ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะกินของในจานหมด ก็เพราะมันมีสงครามย่อมๆ ขนาดเล็กเกินขึ้นบ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ซึ่งผมมารู้จากเจ้าตัวหลังกินเสร็จว่าอาหารเช้าจานนั้นเป็นฝีมือของเต็งหนึ่งที่ลงมือทำเองโดยเฉพาะ และผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจกับมันดีไหม

“อิ่มแล้วเราก็ไปกันเถอะ” เต็งหนึ่งที่เสร็จจากการล้างจานเดินออกมาแล้วตรงไปยังมอเตอร์ไซต์คู่ใจทันที

“ไปไหนเหรอ”

“เล่นน้ำไง”

“ตอนนี้เลยเหรอ” ผมมองอากาศข้างนอกอย่างชั่งใจ แม้ตอนนี้แดดจะยังไม่แรงก็ตาม

“แบบนี้แหละแดดอ่อนๆ กำลังดี”

“งั้นเหรอ”

“อืม” เต็งหนึ่งพยายามเรียกผมให้ขึ้น “ว่าแต่จะขึ้นรถเองหรือจะให้เราอุ้มดีเนี่ย”

“พอเลยๆ ขึ้นเองได้”

ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เมื่อคืนมานี้คนตัวสูงเริ่มหยอดคำแปลกๆ ใส่ผมอยู่ตลอด นี่ถ้าเป็นแฟนกันคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเองก็เล่นขนาดนี้ซะแล้ว แต่สมองก็ต้องหยุดคิดเมื่อรถมอเตอ์ไซต์เริ่มออกตัวจนผมต้องเผลอกอดคนตรงหน้าแทน

“เกาะแน่นๆ นะ”

ไม่บอกผมก็ต้องเกาะอยู่แล้วล่ะ ก็เส้นทางที่นี่ไม่ได้ราบเรียบเหมือนถนนทั่วไป แต่มันเหมือนกับการได้นั่งเครื่องเล่นที่หวาดเสียวจนแทบจะฉี่ราด เพราะทั้งลาดชัน ลาดเอียง จนทำต้องร้องลั่นออกมาหลายครั้งด้วยความตกใจ

“ร้องเป็นเด็กไปได้” เต็งหนึ่งหัวเราะชอบใจที่เห็นผมกลัว

“ไม่เป็นเราไม่รู้หรอก”

“ทนอีกนิด ใกล้ถึงแล้ว”

จากนั้นเต็งหนึ่งก็เลี้ยวไปอีกด้านก่อนจะมาถึงหาดแรกที่เรามาถึง ‘หาดตาแหวน’ โดยเต็งหนึ่งทำหน้าที่พาผมไปหามุมนั่งสบายๆ เพื่อรับลมจากทะเล

“สวยดีเหมือนกันนะ” ผมมองไปรอบๆ อย่างสนใจ อาจจะเป็นเพราะผมมาที่นี่ครั้งแรกก็เลยรู้สึกประทับใจกับมัน แต่มันกลับมีอีกความรู้สึกที่เหมือนจะพยายามแทรกความรู้สึกนั้นออกมาอยู่ตลอดจนผมรู้สึกแย่ไป ความรู้สึกที่ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวได้ แล้วคนที่สัญญาจะมาด้วยนั้นหายไปไหน

“เป็นอะไรไปนะ อยู่ดีๆ ก็เงียบไป” ดูเหมือนเต็งหนึ่งจะสังเกตเห็นอาการผม

“อ่อ แค่คิดอะไรเพลินไปนะ” ผมโกหกไปคำโต

“มีอะไรไม่สบายใจก็เล่าให้เราฟังได้นะ หรือถ้าเราทำให้นายไม่สบายใจก็บอกเรา เราจะได้แก้ไขให้นายรู้สึกดี” เต็งหนึ่งรีบบอก เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

“เฮ้ยไม่ใช่หรอก เราแค่คิดเรื่องหมอกนะ” ผมเอ่ยชื่อแฟนเก่าออกมา “คนที่จะมาเที่ยวกับเรานั่นแหละ”

“อ๋อๆ” น้ำเสียงเต็งหนึ่งดูเปลี่ยนไปนิดนึง

“ขอโทษนะที่ทำให้บรรยากาศดูแย่ไปเลย”

“คิดมากน่า” แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าคนข้างๆ แต่ผมก็พอจะดูออกว่ามันหมายถึงอะไร แต่ยังไงซะมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเราเป็นแค่คนรู้จักกันแค่ข้ามคืน “ถ้างั้นเราลงไปเล่นน้ำกันเถอะ”

“เอาสิ”

 

 

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก ] (20/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2016 01:43:39
สงสารต้นน้ำ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก ] (20/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 22-12-2016 14:19:48
 :a5:

ปูเสื่อรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก ] (20/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 22-12-2016 16:54:40
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 3 : เส้นคั่นความรู้สึก ] (20/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 25-12-2016 19:06:32
Chapter 4 : จุดเริ่มต้น

 

ทริปเที่ยวเกาะล้าน 3 วัน 2 คืนใกล้จะจบลงแล้วเต็มที่ เพราะถ้าผ่านคืนนี้ไปผมก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง แค่คิดผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ อาจจะเพราะว่าต่อไปผมคงไม่มีใครให้คอยคุยหรือปรึกษาเหมือนแต่ก่อน มันอาจจะรู้สึกอ้างว้างอยู่บ้างแต่ผมก็คงต้องผ่านจุดนั้นไปให้ได้

ผมถอนหายใจแรงๆ ไปทีนึงเพื่อระบายความรู้สึก เผื่อความอดกั้นข้างในมันจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง

แม้ตอนนี้ผมจะนั่งเล่นอยู่ที่หน้ารีสอร์ทมาสักพัก แต่ผมกลับไม่เห็นหน้าของเต็งหนึ่งเลย ตั้งแต่เรากลับมาจากเล่นน้ำ เต็งหนึ่งก็หายเข้าไปด้านในและไม่ยอมออกมาเลย จะมีก็เพียงแต่พี่ศรที่ออกมาคอยดูแลลูกค้า

“พี่ศรครับ แล้วเต็งหนึ่งล่ะครับ” สุดท้ายผมก็เผลอปากเอ่ยถามหาจนได้

“เห็นนั่งอยู่ด้านในนะ ไม่รู้เป็นอะไรมา พี่ชวนคุยด้วยก็ไม่คุย” พี่ศรตอบ

“อย่างงั้นเหรอครับ”

“ทะเลาะอะไรกันมาหรือป่าวเนี่ย” พี่ศรย้อนถาม คงสังเกตเห็นผมเงียบๆ เหมือนกัน

“ป่าวครับ”

“พี่ก็นึกว่าเราทะเลาะกันซะอีก ไม่ได้ทะเลาะกันก็ดี แต่ถ้ามีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันก็รีบเคลียๆ นะ จะได้ไม่ต้องมีอะไรให้ค้างคากัน” พี่ศรพูดเสร็จก็เดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์แล้วทำงานของตัวเองต่อ

ผมก้มมองนาฬิกาที่ตอนนี้ใกล้จะหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว ก็เลยคิดว่าควรจะหาอะไรใส่ท้องสักนิด ไม่งั้นคงจะออกไปหาซื้อกินลำบาก หลังจากเดินหาร้านข้าวได้สักพักผมก็เจอร้านที่ถูกใจ ก่อนจะสั่งอาหารทะเลหลายๆ อย่างกะกินให้หายอยาก เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะกลับแล้วก็คงหากินแบบนี้ลำบาก

รอไม่นานบรรดาอาหารทะเลหลากหลายเมนูก็ถูกนำมาเสิร์ฟ แน่นอนมันทำให้ผมอยากกวาดทุกอย่างเข้าท้องเร็วๆ แต่พอทำเข้าจริงๆ อาหารบนโต๊ะก็พร่องไปได้แค่ครึ่งเดียว

“เริ่มแน่นแล้วแฮะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ

พอเห็นว่าไม่สามารถที่จะยัดไอ้ของตรงหน้าลงกระเพาะได้หมด ผมก็จำใจต้องให้พ่อค้ามาคิดค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้

“เก็บเงินด้วยครับ” ร้องบอกไม่นานพี่เจ้าของร้านก็เดินมา

“ทั้งหมด 550 บาทครับ”

“นี่ครับ” ผมยื่นเงินให้ทันที

“เหลือเยอะเหมือนกันนะ ให้พี่ห่อที่เหลือให้ไหม” พี่เจ้าของร้านแนะนำ เพราะเห็นว่าผมกินไม่คุ้ม

“จะดีเหรอครับ” ผมทำหน้าเกรงใจ ทั้งที่ความจริงก็นึกเสียดายอยู่บ้าง

“ดีสิ รอพี่แปบนะ เดี๋ยวให้คนจัดการให้”

ผมนึกขอบคุณพี่เจ้าของร้านที่ดูแลลูกค้าอย่างดี และคิดในใจว่าถ้ามีโอกาสได้มาที่นี่อีก ก็คงจะมากินที่ร้านนี้อีกแน่ และหลังจากรอไม่นาน ผมก็ได้ถุงอาหารติดมือกลับรีสอร์ทอีกหลายถุง แม้จะยังไม่แน่ใจว่าจะได้กินมันตอนไหนก็ตาม

พอมาถึงรีสอร์ทผมก็ยังคงเห็นพี่ศรทำหน้าที่ดูแลลูกค้าอยู่เหมือนเดิม โดยไร้ซึ่งเงาของเต็งหนึ่ง ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเต็งหนึ่งถึงต้องหลบหน้าผม หรืออาจจะเป็นผมเองที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แต่มันก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องความรู้สึกอะไรแบบนั้นจึงตัดไปได้เลย

ผมยืนมองรอบๆ ไปสักพักก่อนจะคิดได้ว่าควรจะเข้าห้องไปพักผ่อนดีกว่าที่จะมายืนคิดอะไรให้วุ่นวาย โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังแอบมองอยู่ไม่ไกลนัก

 

รุ่งเช้ามาถึง แน่นอนว่าผมแพ็คของทุกอย่างใส่กระเป๋าพร้อมสำหรับเดินทางกลับ ยังไปรวมของฝากอีกนิดหน่อยที่ผมซื้อมาบ้างแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่เพียงหาอะไรใส่ท้องสักหน่อย

พอออกมาด้านนอกพบกับพี่ศรที่กำลังเตรียมอาหารเช้าสำหรับแขกในรีสอร์ทอยู่ ผมพยายามมองไปรอบๆ เพื่อมองหาใครบางคนจนพี่ศรสังเกตเห็น

“มองหาเต็งหนึ่งเหรอ” พี่ศรเอ่ยถาม

“ใช่ครับ”

“ออกไปด้านนอกนะ อีกเดี๋ยวคงมา”

“ครับ”

พอรู้คำตอบ ผมจึงเดินเลี่ยงไปหาของกินใส่ท้อง แม้วันนี้เมนูที่กินจะต่างจากเมื่อวานอย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมกินได้น้อยไปกว่าเดิม พอท้องอิ่ม ก็ถึงเวลาที่ผมควรจะเช็คเอาท์ออกที่นี่เพื่อเดินทางกลับบ้าน

ผมยกกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดออกมาก่อนจะทำเรื่องคืนกุญแจห้องกับพี่ศร โดยก่อนกลับพี่ศรขอถ่ายรูปผมเอาไว้เป็นธรรมเนียมของรีสอร์ทสำหรับลูกค้าที่มาเที่ยวที่นี่เพื่อเอาไว้อัพขึ้นแฟนเพจของรีสอร์ท ซึ่งผมก็ยินดี โดยที่พี่ศรให้ผมไปยืนตรงจุดที่จัดเตรียมเอาไว้ ก่อนจะกดชัตเตอร์รัวๆ ไปหลายรูป รวมถึงผมเองก็ยื่นมือให้พี่ศรช่วยถ่ายด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณครับ” ผมรับมือถือคืนจากพี่ศร

“มีโอกาสก็มาเที่ยวอีกนะ ที่นี่ยินดีต้อนรับจ๊ะ”

“ได้ครับ”

“แล้วจะรีบกลับไหมเนี่ย ตอนนี้ก็ไม่มีคนด้วย เต็งหนึ่งก็ยังไม่กลับมาด้วยแฮะ เอาไงดีเนี่ย” พี่ศรทำหน้าคิดหนักเรื่องที่จะหาคนไปส่งผมที่ท่าเรือ

“เดี๋ยวผมเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่ ผมกะว่าจะเดินชมวิวไปด้วย” ผมตอบ แม้ความจริงจะไม่ค่อยใช่ก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่านั่งรอไปเรื่อยๆ เพื่อรอคนไปส่ง

“รอก่อนก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

ผมยกเป้ขึ้นสะพายแล้วเริ่มเดินออกไปเรื่อยๆ แน่นอนว่ามันใช้เวลาพอสมควรจะถึงท่าเรือ แต่ผมก็ต้องสะดุดไปกับคนบางคนที่กำลังคร่อมมอเตอร์ไซต์อยู่ไม่ไกลนัก แต่สายตาที่มองผมนั้นไม่เหมือนสายตาของคนที่ผมคุ้นเคยเลย ผมยืนมองอยู่สักพักเพื่อดูว่าเต็งหนึ่งจะเดินมาหาหรือป่าว แต่ก็ยังคงอยู่ที่เดิม ดังนั้นผมจึงสรุปได้ว่าเต็งหนึ่งพยายามหลบหน้าผม และผมเองก็ควรจะไปจากนี้เสียที

ผมมายืนต่อแถวเพื่อเตรียมตัวขึ้นเรือ แต่ก็ชะงักเมื่ออยู่ๆ ก็โดนโอบกอดจากทางด้านหลัง

“เห้ย!” แน่นอนว่าผมร้องด้วยความตกใจ

“อยู่นิ่งๆ แปบนึงสิ”

เสียงของคนที่โอบกอดผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด น้ำเสียงแบบนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เต็งหนึ่ง ทำไม...”

“ขอโทษที่หลบหน้านะ”

“แล้วจะมาขอโทษเราทำไมล่ะ” ผมนึกสงสัย “ปล่อยเราก่อนได้ป่ะ อึดอัดนะ”

“อืม” เต็งหนึ่งคลายกอดอย่างว่างง่าย ผมเองก็หันไปมองคนข้างหลังเพื่อที่จะได้คุยกันง่ายๆ “ไม่คิดจะลากันก่อนเลยเหรอไงเนี่ย หืม?”

“ก็เห็นหลบหน้ากันแบบนี้ใครจะไปอยากเจอล่ะ” ผมตอบความจริง

“เราขอโทษ”

“เลิกขอโทษเราได้แล้ว” ผมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย “ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอถึงยอมมาหาเราได้เนี่ย”

“ไปคุยกันด้านในได้ป่ะ ตรงนี้คนเยอะนะ”

ผมพยายามมองไปรอบๆ ก็พบว่าตอนนี้คนมารอเรือกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมเสียงของคนรอบด้านเองก็ดังขึ้นทำให้การคุยของเราดูจะยาก จึงตอบตกลงไป

เต็งหนึ่งเดินนำผมมาที่ม้านั่งใกล้ๆ ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก ซึ่งระหว่างที่เดินมาเต็งหนึ่งอาสาช่วยถือกระเป๋าให้ โดยที่ผมเองปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงคนตัวสูงได้

“มีเรื่องอะไรว่ามาสิ เราจะได้รีบกลับ” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เวลาล่วงเลยไป 10 โมงกว่าแล้ว กว่าจะไปถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม

“ต้นน้ำจะโกรธเราไหม ถ้าเราจะพูดเรื่องที่เราหลบหน้าต้นน้ำนะ” ผมหยุดมองนาฬิกาแล้วหันไปมองคนข้างๆ แทน เพราะไม่รู้ว่าคนตัวสูงกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร

“มีอะไรเหรอ”

“คือมันไม่รู้จะอธิบายว่าไงดี ตั้งแต่ที่เราออกมารับต้นน้ำที่ท่าเรือวันนั้น เราก็เริ่มมองต้นน้ำบ่อยขึ้น ที่เราพยายามชวนออกไปกินข้าว ทำอาหารเช้าให้กิน ออกไปเที่ยว ก็เพราะเราอยากอยู่ข้างๆ ต้นน้ำนะ” เต็งหนึ่งถูมือไปมาเหมือนพยายามกลบเกลือนความรู้สึกของตัวเอง “รู้ทั้งรู้ว่าต้นน้ำเพิ่งอกหักมา แต่เราก็ยัง”

“จะจีบเหรอ” ผมยิ้มให้คนข้างๆ

“เฮ้ยรู้ได้ไง” เต็งหนึ่งร้องเสียงสูง ตานี่ก็โตกว่าปกติหลายจนผมอดขำไม่ได้

“ดูไม่ออกก็บ้าแล้ว” ผมขำ “ว่าแต่จีบท่าไหนถึงได้หลบหน้าหลบตากันแบบนี้เนี่ย”

“ก็เห็นต้นน้ำเอาแต่พูดถึงแฟนเก่าอยู่บ่อยๆ เราก็เลยรู้สึกว่าต้นน้ำยังไม่ลืมแฟนเก่านะ ขืนถ้าเราแทรกเข้าไปมีหวังได้หน้าแตกกลับมาสิ” เต็งหนึ่งสารภาพออกมา

“คิดมากไปได้”

ผมตบไหล่คนตัวสูงเบาๆ

“เอาไว้ถ้าอยากจีบเราก็ใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์แล้วกัน”

ผมยื่นเศษกระดาษแผ่นเล็กๆ ลงในมือของเต็งหนึ่งที่ตอนนี้เงยหน้าผมด้วยสีหน้างงๆ ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระชับกระเป๋าเป้ให้แน่น ก่อนจะบอกลาคนตรงหน้า

“เราไปก่อนนะเต็งหนึ่ง ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ตลอดที่ 3 วันมานี่”

“จะไปแล้วเหรอ” เต็งหนึ่งทำเสียงอ่อยลงไปทันที

“เราต้องกลับแล้วล่ะ เอาไว้ถ้ามีโอกาสเราคงได้มาเที่ยวที่นี่อีก แต่ครั้งหน้าต้องพาเราเที่ยวให้ทั่วเกาะนะ”

“ได้สิ” เต็งหนึ่งกลับมายิ้มอีกครั้ง “จะมาเมื่อไหร่ก็บอกเราด้วยนะ เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมเราก็ต้องกลับไปมหา’ลัยเพื่อไปเรียนนะ คงจะไม่ได้เจอกันง่ายๆ หรอก”

“ก็ไม่แน่นะ บางทีโลกมันอาจจะกลมก็ได้ ใครจะรู้”

“ก่อนไป ขอกอดหน่อยได้ป่ะ” เต็งหนึ่งลุกขึ้นยืนพร้อมกางแขนออกเล็กน้อย

“ขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ” ผมนึกขำกับท่าทีคนตรงหน้า

“อย่างน้อยมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเราไง”

“ก็ได้”

ผมยอมกอดตามคำขอ มันทำให้ผมนึกไปถึงครั้งแรกที่ผมที่กอดกันริมทะเล ความอบอุ่นที่อยากจะอธิบายนั้นทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยจนไม่อยากคลายมันออกมา แต่สุดท้ายผมก็ต้องจากมันพร้อมกับยิ้มให้คนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มให้กับผมเช่นกัน

“อย่าลืมนะ” ผมกำชับแล้วชี้ไปที่เศษกระดาษแผ่นนั้น ก่อนจะเดินตรงไปยังท่าเรือ

“ต้นน้ำ ไว้เราจะโทรหานายนะ” เต็งหนึ่งตะโกนตามหลังมาหลังจากรู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร

“...” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่โบกมือลาก่อนจะหันไปขึ้นเรือเพื่อกลับไปสู่โลกแห่งความจริงที่ควรจะดำเนินต่อไป

 




หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 4 : จุดเริ่มต้น ] (25/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 29-12-2016 15:07:15
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

รอตอนต่อไปอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 4 : จุดเริ่มต้น ] (25/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-12-2016 17:02:47
ไปเจอกันที่มหาลัยแน่เลย
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 4 : จุดเริ่มต้น ] (25/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 30-12-2016 21:35:01
Chapter 5 : เพราะโลกมันกลม

 

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

เสียงร้องลั่นดังมาจากมือถือข้างๆ เตียง ผมรีบเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาแล้วกดปิดเสียงร้องเตือนที่ผมตั้งเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวให้ลุกขึ้นบิดตัวไปมา

“ต้นน้ำ ตื่นรึยังลูก” คราวนี้เป็นอีกเสียงที่ดังลอดช่องประตูห้องนอนเข้ามา

“ตื่นแล้วครับแม่” ผมตอบเสียงนั้นไป

“ถ้างั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมากินข้าวนะลูก”

“ได้ครับ” ผมขานรับแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำทันที

หลังจากอาบน้ำ แต่งตัว เสริมหล่อเสร็จ ผมก็เช็คความพร้อมสำหรับตัวเอง ไม่ว่าเป็นหน้าตา และเสื้อผ้า รวมไปถึงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่ผมเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ใช่แล้วครับ หลังจากที่ผมกลับมาจากเกาะล้านวันนั้นนี่ก็ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้ว ผมกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง ส่วนที่ผมต้องเตรียมกระเป๋านั้นก็เพราะว่า อีกไม่กี่วันนี้ผมจะต้องไปเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง จากเดือนก่อนที่ผมยังเป็นแค่เด็กมอปลายกางเกงขาสั้น แต่ต่อไปนี้ผมจะเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว จึงไม่แปลกถ้าผมจะเรียกมันว่าเริ่มชีวิตใหม่

“ลูกชายใครเนี่ย น่ารักเชียว” เสียงของหญิงวัยกลางคนร้องทักหลังจากที่ผมเดินเข้ามา แต่ไม่พูดป่าว ท่านเอามือมาหยิกแก้มผมเบาๆ ราวกับผมเป็นเด็กๆ

“แม่ ผมโตแล้วนะ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้า “อีกอย่างผมก็หล่อนะ ไม่ใช่น่ารัก”

“อะไรกันลูกคนนี้ ก็แม่ว่าน่ารักนะ”

“ก็ได้ครับ น่ารักก็น่ารัก”

ผมจำต้องยอมคนตรงหน้า เพราะไม่ว่าจะพูดยังไง ในสายตาของท่านผมก็น่ารักสำหรับท่านเสมอ อาจจะเพราะผมหน้าหวานไปนิดผิดกับผู้ชายปกติไปหน่อยก็เถอะ

“ว่าแต่วันนี้มีอะไรให้กินบ้างเนี่ย ผมหิวแล้ว”

“แม่เตรียมเอาไว้ให้เราเยอะเลย ถือซะว่าเป็นเลี้ยงส่งเราไง” พูดเสร็จคุณแม่ก็แสดงสีหน้าเศร้าลงไปนิด แต่มันก็ไม่พ้นสายตาของผมได้

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมแค่ไปเรียนเองนะ”

“ก็มันใจหายนะ”

“ดูพูดเข้า มามะ กอดหน่อยๆ” ผมดึงคนตรงหน้ามากอด “เอาไว้ผมจะกลับมาบ้านบ่อยๆ นะครับ หรือไม่ก็โทรหาแม่บ่อยๆ ด้วย”

“ให้มันจริงเถอะ แม่กลัวว่าจะอยู่กับผู้ชายคนลืมแม่นะสิ” เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาผมพูดไม่ออกไปเลย ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แทน เอาเข้าจริงผมก็กลัวจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน “ว่าแต่พักนี้แม่ไม่เห็นหน้าหมอกเลยเนี่ย”

“อย่าพูดถึงเขาเลยครับ” ผมปรับน้ำเสียงให้ดูปกติ เพราะไม่อยากเอ่ยถึงคนนี้เท่าไหร่

“พูดแบบนี้ แสดงว่าเลิกกันแล้ว” แม่ผมนี้รู้ทันไปหมดจริงๆ เลย

“ก็...ประมาณนั้น” ผมยอมรับ ก่อนจะหย่อนก้นลงที่โต๊ะกินข้าว

“ให้ได้อย่างนี้สิ” แม่ผมส่ายหน้าหน่ายๆ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะตักข้าวให้ลูกรักอย่างผม

“ขอบคุณครับ”

“กินเยอะๆ นะลูก ต่อไปคงหากินลำบากนิดนึง ยังไงก็อย่าอดนะ ไปอยู่กับน้าที่กรุงเทพก็ทำตัวดีๆ ด้วยล่ะ เข้าใจไหม อย่าให้แม่รู้นะว่าแอบหนีเที่ยวกับผู้ชายนะ”

“โธ่แม่ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย” ผมทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งลูกชายตัวเอง แต่สุดท้ายผมก็หัวเราะไปพร้อมๆ กับท่าน

“ก็พักนี้แม่เห็นเราคุยโทรศัพท์ทุกวันเลย บางทีก็นั่งยิ้มหน้าโทรศัพท์อีก แล้วแบบนี้แม่พูดตรงไหนผิดเนี่ย” พอแม่พูดออกมาแบบนี้ ก็ได้ยิ้มอีกตามเคย ผมปฏิเสธมันไม่ได้เลย

“ก็แค่เพื่อนนะแม่”

“แน่ใจนะว่าเพื่อน”

“เพื่อนครับ”

“แต่ถ้าเป็นแฟนเมื่อไหร่อย่าลืมมาแนะนำให้แม่รู้จักนะ แม่อยากเห็นหน้าลูกเขย” เอาเข้าไปแม่ผม แซวไม่เลิก

หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมแม่ผมถึงพูดเรื่องนี้ได้สบายๆ ความจริงก็คือท่านจับได้ตอนที่ผมกำลังจูบกับหมอกในห้องนอน แต่ท่านกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แต่พอหมอกกลับบ้านท่านก็เอาแต่แซวผมไม่เลิก ว่าลูกชายตัวเองเสน่ห์แรง แถมยังมาพูดติดตลกปิดท้ายด้วยว่าถ้ามีอะไรกันอย่าลืมใส่ถุงยางอีกด้วย เล่นเอาผมหน้าชาไปเลย และท่านยังบอกอีกว่าสังคมสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะแล้ว อีกอย่างเรื่องรักในเพศเดียวกันถือเป็นเรื่องปกติ ดีเสียอีกที่จะท่านจะได้มีลูกเขย

“อิ่มแล้วครับ” ผมรวบช้อนเข้าด้วยกัน

“กินแค่นี้เองเหรอลูก น่ากินอีกหน่อยนะ”

“แค่นี้ก็อิ่มแล้วครับ ขืนกินเยอะๆ กลัวจะลงพุงแล้วไม่หล่อนะ” ไม่พูดเปล่า ทำหน้าเก๊กหล่อไปด้วย

“ตลกจริงๆ ลูกคนนี้” คุณแม่ยิ้มตาหยี “ถ้างั้นก็รีบขึ้นไปเตรียมตัวเถอะ น้าใกล้จะมารับแล้วด้วย”

“ได้ครับ”

พอยกกระเป๋าลงมารอด้านล่างไม่นาน รถเก๋งสีดำก็มาจอดเทียบหน้าบ้าน

“อ้าวนั้นน้าพิมพ์มาแล้วลูก” คุณแม่เรียกผมที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่

“สวัสดีครับน้าพิมพ์” ผมยกมือไหว้น้าพิมพ์ทันที

น้าพิมพ์ คือน้องคนเล็กที่ไปได้แฟนแล้วแต่งงานอยู่ในกรุงเทพ นานๆ ถึงจะได้กลับมาที อย่างเช่นตอนนี้ก็กลับมารับผมไปอยู่ด้วย เหตุก็เพราะว่าบ้านของน้าพิมพ์นั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผมจะไปเรียน จะได้ประหยัดเรื่องของค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง และประเด็นสำคัญก็คือจะได้อยู่ในสายตาด้วย

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะเรา น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ” น้าพิมพ์เอ่ยขึ้น ไอ้คำแรกก็ฟังดูลื่นหูอยู่หรอกนะ แต่มาเจอคำหลังเนี่ยพูดไม่ต่างจากแม่ผมเลย

“น่ารักอีกแล้วเหรอ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน “น้าพิมพ์จะให้ผมเอากระเป๋าขึ้นรถเลยไหมครับ”

“เอาขึ้นเลยจ้า เดี๋ยวน้าคุยกับแม่เราอีกพักนึงก็จะไปแล้ว”

“อ๋อครับ”

ผมรีบยกสัมภาระทั้งหมดขึ้นรถ ความจริงมันก็เหมือนกับย้ายบ้านนั้นแหละ เพราะผมขนไปหมดทั้งเสื้อผ้า รองเท้า โน้ตบุ๊ก หนังสือและอื่นๆ อีกพอสมควรจนน้าพิมพ์รีบยกออกแล้วบอกว่าที่นู้นน้าพิมพ์เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วผมจึงยอมเอามาเก็บที่

“ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปกันเถอะ” น้าพิมพ์ขึ้นรถทันที

“เดินทางดีๆ นะลูก” แม่ดึงผมเข้าไปกอด

“ไว้ถึงที่นู้นแล้วผมจะโทรหาอีกทีนะครับ”

“จ๊ะ”

 

การเดินทางเข้ากรุงเทพดูเหมือนมันช่างยาวนานที่สุด เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่เหล่าบรรดารถที่วิ่งไปมาเต็มไปหมด ทั้งเสียงรถ ควันรถ ก็เล่นเอาผมแทบจะเวียนหัว

“ใกล้ถึงหรือยังครับน้า” ผมเอ่ยถามหลังจากที่ตอนนี้รถของเราติดไฟแดงอีกรอบ

“ใกล้แล้วล่ะ วิ่งไปอีก 3 ไฟแดงก็ถึงแล้วล่ะ” น้าพิมพ์พูดอย่างสบายๆ เพราะเจอเรื่องนี้เป็นประจำ ต่างกับผมสิที่เริ่มรู้สึกเซงนิดๆ จนต้องหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น

จะว่าไปวันนี้ผมเองก็ยังไม่ได้คุยกับเต็งหนึ่งเลยทั้งที่เมื่อวานนี้สัญญากับผมเอาไว้ว่าจะโทรมาหาอีกที แต่ป่านนี้ก็ยังเงียบกริบ แต่สายตาก็ไปสะดุดกับแอพฯสีเชียวที่มีการแจ้งเตือนเอาไว้

 

เต็งหนึ่ง > ตื่นนอนหรือยังคนดี

เต็งหนึ่ง > ตอนนี้เรากำลังเดินทางมากรุงเทพแล้วนะ

เต็งหนึ่ง > เอาไว้ถ้าถึงแล้วเราจะโทรหานะครับ

เต็งหนึ่ง > (สติ๊กเกอร์รูปหมีส่งจูบ)

 

ผมอ่านข้อความเหล่านั้นถึงเข้าใจได้ว่าทำไมเต็งหนึ่งถึงหายไป แถมข้อความพวกนั้นก็เพิ่งส่งมาเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วเอง ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากผมเองที่ตอนนี้ก็กำลังเข้ากรุงเทพ

“ต้นน้ำถึงแล้ว” น้าพิมพ์พูดเสร็จก็ขับรถเข้าที่จอดรถของบ้านทันที

ผมรีบเปิดประตูรถยกสัมภาระทุกอย่างลง โดยมีน้าพิมพ์คอยช่วยอีกแรง

“น้าอาร์มไปไหนล่ะครับ” ผมถามหา

“อ๋อ รายนั้นนะเหรอ สงสัยออกไปซื้อของนะ เพราะเมื่อเช้าเห็นบอกน้าว่าของกินเล่นหมด” น้าพิมพ์พูดไปขำไป เพราะสามีของน้าเป็นคนชอบกินขนมมาก ขนาดครั้งก่อนที่ผมมาค้างที่นี่ตอนมาสัมภาษณ์เรียนผมยังตกใจที่เห็นขนมจัดวางเอาไว้เต็มชั้นไปหมด

“แล้วโอ๊ตล่ะครับ” คราวนี้ผมถามหาลูกชายของน้าพิมพ์ แต่ไม่ทันได้คำตอบจากน้าพิมพ์เจ้าตัวก็โผล่ออกมาจากบ้านทันที

“พี่ต้นน้ำมาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลย” ไม่พูดเปล่า โอ๊ตวิ่งเข้ามากอดผมเป็นการใหญ่ แถมแรงก็ไม่ใช่น้อยๆ อาจจะเพราะโอ๊ตเป็นนักกีฬาของโรงเรียนก็เลยทำให้ดูตัวใหญ่กว่าผม เรื่องกำลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง พูดง่ายๆ คือผมแพ้ราบคาบแน่ และไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุ 16 จะตัวใหญ่ได้ขนาดนี้

“กอดแรงไปแล้วมั้ง กระดูกพี่จะหักเอานะ” ผมไอแค่กๆ พลังจากพยายามพูด

“โทษทีพี่ เผลอดีใจมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรๆ” ผมรีบนวดแขนตัวเองเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด

“ว่าแต่มีอะไรให้ผมช่วยบ้างพี่” โอ๊ตมองไปรอบๆ

“ถ้างั้นช่วยพี่ยกกระเป๋าขึ้นห้องไปก่อนนะ เดี๋ยวที่เหลือพี่ยกไปเอง” ผมชี้ไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่มีน้ำหนักพอๆ กับตัวผม แถมยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ายัดอะไรมาได้ขนาดนั้น

“ได้เลยพี่ สบายมาก” พูดเสร็จ โอ๊ตก็ยกเข้าไปด้านในทันที

ผมได้แต่หัวเราะตามหลังเบาๆ ก่อนจะเตรียมยกของตรงหน้าต่อ แต่โทรศัพท์ในกระเป๋ากับดังขึ้นเสียงก่อน

“ว่าไง” ผมกรอกเสียงไปทันที

[เราถึงกรุงเทพแล้วนะ ตอนนี้กำลังจะเดินเข้าบ้านแล้ว]

“เราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันเนี่ย กำลังยกของเข้าบ้านเลย”

[จริงเหรอ] มีเสียงเปิดประตูเล็ดเข้ามาในโทรศัพท์จนผมต้องแนบหูให้ใกล้ๆ เพราะเสียงประตูข้างบ้านดังแทรกเข้ามาพอดี [แปบนะ ประตูมันเปิดยากนะ]

“อืม” เป็นจังหวะเดียวที่ผมหันไปมองบ้านข้างๆ พอดี “นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย”

[ต้นน้ำว่าอะไรนะ เราได้ยินไม่ชัดนะ]

ผมพยายามมองให้ชัดว่าคนที่กำลังเปิดประตูรั้วหน้าบ้านใช่คนเดียวกับที่ผมกำลังคุยสายอยู่หรือป่าว แต่ไม่ว่าจะมองยังไงรายละเอียดต่างๆ ก็ตรงกันหมด หน้าตา ทรงผม เหมือนกับเต็งหนึ่งไม่ผิด แถมคนๆ นั้นก็กำลังคุยโทรศัพท์เหมือนกันด้วย

“เดี๋ยวเราไปหา”

[อะไรนะ]

ไม่รอให้คนปลายสายต้องงงนาน ผมรีบเดินไปยังข้างบ้านแล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตามากนัก

“เต็งหนึ่ง” ผมเรียกคนตรงหน้าเบาๆ

และแน่นอนคนๆ นั้นหันมา และเป็นคนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด

“ต้นน้ำ”

 





 * 1 Comment 1 Like 1 Favorite = กำลังใจนักเขียนนะครับ *

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 5 : เพราะโลกมันกลม ] (30/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-12-2016 00:10:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 5 : เพราะโลกมันกลม ] (30/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2017 23:26:50
 :L2: :pig4:
อื้ม ติดตาม ^^
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 5 : เพราะโลกมันกลม ] (30/12/2016)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 16-01-2017 20:25:15
Chapter 6 : เพื่อนบ้าน

 

“ต้นน้ำ”

คนตัวสูงยิ้มกว้างก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด โดยไม่คิดจะถามสักคำเลยว่าผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หรือขออนุญาตผมก่อนไหมที่ดึงเข้าไปกอดเนี่ย

จะว่าไป รู้สึกว่าวันนี้จะมีแต่คนกอดผมแฮะ

“นี่มันความจริงป่ะเนี่ย” คนตัวสูงยังคงกอดเอาไว้แน่น หรือจะเรียกว่ารัดก็ได้เพราะมันเล่นเอาผมแทบจะหายใจไม่ออก

“ปล่อยก่อนได้ป่ะ หายใจไม่ออก” รู้สึกใกล้จะตายเพราะขาดออกซิเจนซะแล้วเรา

“โทษทีๆ คิดถึงหนักไปหน่อย”

“น่าจะหนักจริงๆ แหละ กอดรัดเราจนแดงเลย” ผมก้มสำรวจแขนตัวเองว่ามีส่วนไหนหักไปบ้าง แต่ก็พบเพียงรอยแดงจางๆ ตรงต้นแขน

“เป็นไงมาไงเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“เรามาพักกับน้านะ บ้านข้างๆ เนี่ยแหละ” ผมอธิบาย

“บ้านน้าพิมพ์เนี่ยนะเหรอ” คนตัวสูงถามให้แน่ใจ

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“แบบนี้ก็ดีเลยสิ”

คนตัวสูงยิ้มร่า แต่ผมสิยืนงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย ไม่รู้ว่าไอ้คนตรงหน้ามันดีใจอะไร

“ต่อไปเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ถ้างั้นเราฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้ด้วยนะครับ”

“เยอะนะเรา” ผมหัวเราะคนตรงหน้า

“อ้าวทำไมอ่ะ”

“ฝากเนื้อฝากตัวนะรับได้ แต่หัวใจเนี่ยสิ ไปให้สาวๆ เหอะ”

“ไม่เอาอ่ะ อยากฝากต้นน้ำเป็นคนดูแล” เต็งหนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “ได้ป่ะครับ”

“พอเลยๆ เข้าบ้านไปเลย ไม่อยากคุยด้วยแหละ”

“อะไรกัน เจอหน้ากันยังไม่ถึง 10 นาทีไล่กันซะแล้วเนี่ย” คนตัวสูงทำหน้าน้อยใจ เหมือนกับตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ แต่ในสายตาผมมันขัดหูขัดตามาก ผู้ใหญ่มาทำแบบนี้วอนโดนถีบมากกว่า

“เราจะเข้าไปจัดของนะ เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน โอเค?”

“ก็ได้ครับ ถ้าที่รักต้องการ” เอาเข้าไป ยังหยอดไม่เลิกอีก

“ไปแล้ว” พูดเสร็จผมก็รีบเข้าบ้านไปทันที ปล่อยให้อีกคนยืนยิ้มอยู่คนเดียวต่อไป นี่ถ้ามีคนมาเห็นคงจะได้คิดว่าไอ้คนนี้เป็นบ้าแน่ๆ

พอขึ้นมาบนห้อง ของทุกอย่างถูกขนเข้ามาในห้องนอนจนหมดโดยฝีมือของโอ๊ต แม้ผมจะไม่เอ่ยปากขอ แต่โอ๊ตกลับช่วยผมทุกอย่างจนกระทั่งของใช้ทุกอย่างเข้าที่จนหมด

“ขอบใจมากนะ ช่วยพี่ได้เยอะเลย” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งลงปาดเหงื่อ แม้มันจะไม่เยอะแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหนียวตัวสุดๆ

“ผมเต็มใจช่วยนะครับ” โอ๊ตนั่งลงข้างๆ “ว่าแต่หิวไหมพี่ เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้กิน”

“ก็นิดหน่อยนะ แต่ยังก่อนดีกว่า อยากอาบน้ำมากกว่านะ”

“งั้นผมขอตัวเลยแล้วกันพี่จะได้อาบน้ำ แล้วเจอกันตอนมื้อเย็นนะครับ”

“อืม”

 

มื้อเย็นของบ้านกำลังจะเริ่มขึ้น ถ้าสายตาของผมไม่หันไปสะดุดกับใครบางคนที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วย แถมยังมานั่งข้างๆ ผม สายตาก็เอาแต่มองผมราวกับจะกินผมแทนข้าว

“มาได้ไง” ผมถามคนข้างๆ ที่มองผมไม่วางตา

“เดินมา” คนตัวสูงตอบเรียบๆ

“เราหมายถึงว่ามากินข้าวที่นี่ได้ไงเนี่ย”

แต่ก่อนที่ผมจะได้คำตอบจากคนข้างๆ กลับเป็นน้าพิมพ์ที่หันมาตอบแทน

“น้าไปชวนเต็งหนึ่งมากินข้าวนะ แต่ไม่นึกว่าเราสองคนจะรู้จักกันด้วย” น้าพิมพ์อธิบาย “เต็งหนึ่งกินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจน้า ป้าสาบอกน้าไว้แล้วล่ะว่าวันนี้เต็งหนึ่งจะมาก็เลยฝากให้น้าดูแลแทนไปก่อน เห็นบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้นะใช่ป่ะ”

“ใช่ครับ ป้าสาบอกเอาไว้คร่าวๆ แล้ว”

“ต้นน้ำก็กินเยอะๆ ด้วยนะ เดี๋ยวแม่เรามาหาว่าน้าเลี้ยงต้นน้ำไม่ดีอีก ปล่อยให้ลูกเค้ามาอดอยาก” น้าพิมพ์พูดติดตลกจนคนข้างๆ ผมหัวเราะชอบใจใหญ่

ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ โดยไม่ให้คนอื่นสังเกต จากนั้นก็เริ่มตักกับข้าวกินทันที ดูทุกคนบนโต๊ะจะมีความสุขกับการกินเป็นอย่างมาก น้าพิมพ์กับน้าอาร์มที่ดูจะหวานกันเป็นพิเศษ เพราะทั้งตักกับข้าวให้ พูดหยอกล้อกัน นี่ถ้าไม่มีเจ้าโอ๊ตนั่งอยู่ด้วยผมคงคิดว่าเป็นคู่ใหม่ปลามัน แต่ตอนนี้สิมีลูกโตแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังหวานไม่เลิก ถัดไปก็คือโอ๊ตที่กินไปกดมือถือไปตามประสาวัยรุ่น ซึ่งผมเองก็เข้าใจดี

แต่ที่รำคาญสุดๆ ก็คงจะเป็นคนข้างๆ ผมเนี่ยแหละ เพราะไม่รู้ไปมีความสุขอะไรมาจากไหน เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กินข้าวอย่างมีความสุข หรือบางทีก็ตักกับข้าวมาให้จานให้ผมแล้วบอกให้ผมกิน กว่ามื้อเย็นจะจบลงก็เล่นเอาผมแน่นท้องไปเลย

“พวกเด็กๆ ไปพักผ่อนกันได้เลยนะ เดี๋ยวตรงนี้น้าจัดการเอง” น้าพิมพ์พูดเสร็จก็ยกจานเข้าครัวทันที โดยที่ผมเองก็คอยช่วยยกไปด้วย เพราะไม่อยากยกภาระทั้งหมดให้น้าพิมพ์คนเดียว “ขอบใจมากนะ ไปพักผ่อนได้แล้ว”

“ได้ครับ”

ผมเตรียมท่าจะกลับเข้าห้องนอนแต่ก็ดันมาคนเดิมตามมาติดๆ

“จะทำอะไรนะ”

ผมที่กำลังจะง้างประตูปิดดันมีคนมายืนขวางเสียก่อน แถมไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากเต็งหนึ่ง คนที่จะควรจะกลับบ้านตัวเองไปได้แล้ว แต่กลับมายืนอยู่ตรงนี้ได้

“จะเข้าห้องไง”

“นี่มันห้องนอนเรา”

“ใช่ ห้องนอนต้นน้ำ ทำไมเหรอ”

“ก็มันห้องนอนเรา”

“ให้เราเข้าไปเถอะนะ เรามีเรื่องจะคุยด้วย”

“เรื่องอะไร คุยตรงนี้ก็ได้”

“ไม่เอา จะคุยข้างใน”

ไม่พูดเปล่า เต็งหนึ่งดันผมเข้าไปด้านในแล้วรีบปิดประตูทันที แถมล็อคซะอย่างดีกลัวผมหนี ส่วนผมจะเหรอจะทำไรได้ นอกจากนั่งลงบนเตียงอย่างเซงๆ แล้วมองคนตัวสูงว่าจะทำอะไรต่อ แต่ก็ต้องอึ่งไปพักใหญ่เมื่อคนตรงหน้าโน้มตัวลงมาแล้วหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่

“คิดถึงนะครับ” เต็งหนึ่งพูด “ได้แต่โทรคุยกัน ไลน์หากันมันไม่เหมือนกับเจอเลยนะ ว่าแต่คิดถึงเราป่าว”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ

“อืมนี่เนี่ยคือไร คิดถึง หรือไม่คิดถึง”

“ก็อืมไง”

“ไม่เอา ตอบดีๆ คิดถึง หรือไม่คิดถึง”

“คิดถึง” แต่เสียงที่ผมตอบไปนั้นเบาแบบสุดๆ

“อะไรนะ พูดไม่ได้ยินเลย”

“คิดถึงไง พอใจยัง” สุดท้ายผมก็ตะโกนลั่นห้องไป จนคนข้างๆ ยิ้มอย่างพอใจ

“กว่าจะพูดได้นะ แค่คำว่าคิดถึงพูดยากเหรอ แบบนี้ต้องโดนทำโทษนะ”

“อะไร”

ผมเริ่มชักจะไม่ไว้ใจคนข้างๆ แล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน อีกอย่างเราก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน เรื่องนิสัยใจคอก็รู้จักกันแค่ผ่านๆ กลัวจะโดนทำมิดีมิร้ายซะด้วยสิ

“ก็แค่” เต็งหนึ่งจับผมกดลงไปบนที่นอนแล้วใช้มือกดข้อมือผมไว้กันดิ้น “อยาก....”

“อยากไร”

ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เป็นใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะ อยู่ดีๆ ก็มากดกันแบบนี้ แถมยังมาคร่อมร่างผมเอาไว้อีก สายตาก็มองไปทั่วร่างราวกับจะกินผม

“อยาก...นอนกอดนายนะ”

เหมือนยกภูเขาก้อนใหญ่ๆ ออกจากอก เพราะนึกว่าจะเสียตัวซะแล้ว

แต่ไม่รู้ผมจะคิดไปเองคนเดียวรึป่าวเนี่ย

“คิดว่าเราจะทำแบบนั้นเหรอ” เต็งหนึ่งล้มตัวนอนแล้วดึงผมเข้าอ้อมกอด “เราไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้านายไม่ยินยอมเราก็ไม่ทำหรอก สู้สมยอมกันทั้งสองฝ่ายดีกว่าเยอะ”

“คิดไกลขนาดนั้นเลย”

“ก็ใช่นะ การได้อะไรมาง่ายๆ มันไม่ใช่เรานะ อีกอย่างเราให้เกียรติต้นน้ำนะ เรารู้ว่าเราสองคนเพิ่งจะเริ่มคุยกันได้ไม่นาน ดังนั้นเรื่องแบบนั้นสำหรับเราตัดทิ้งไปได้เลย”

เต็งหนึ่งปล่อยผมแล้วเขยิบตัวไปนอนข้างๆ แถมเอาแต่มองเพดานห้องเหมือกนกับกำลังคิดอะไรอยู่

“ต้นน้ำ เราดีใจนะที่ให้นายเปิดใจให้เรานะ”

เต็งหนึ่งหันมามองผม โดยที่สายตาของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นต์ ซึ่งยอมรับเลยว่าผมรู้สึกเขินมาก มันเหมือนกับว่าดวงตาคู่นั้นจะมองลึกเข้าไปในความรู้สึกของผมแล้วรับรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ไม่คิดว่ามันจะเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้

“ขอจูบได้ไหม”

เต็งหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ว่าอะไรนะ” ผมถามให้แน่ใจอีกครั้ง

“เราขอจูบได้ไหม”

“เอ่อ”

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ริมฝีปากบางก็ก้มลงมาสัมผัสกับรีฝีปากผมอย่างรวดเร็ว มันไม่ต่างจากการขโมยจูบ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกดีกับมันก็ไม่รู้

“ขอโทษทีอดใจไม่ไหวนะ” เต็งหนึ่งหัวเราะเบาๆ แต่ผมนี่สิหน้าร้อนฉ่าไปเป็นที่เรียบร้อย

“คราวหน้าคงไม่ต้องขอแล้วมั้ง” ผมหัวเราะแก้เขินบ้าง

“พูดจริงดิ”

“ตลกแหละ” ผมชกไหล่คนข้างๆ ไปทีนึง “กลับบ้านไปเลย เราอยากพักผ่อนแล้ว”

“ไล่กันอีกแล้วนะ” เต็งหนึ่งทำหน้าน้อยใจที่โดนผมไล่ แต่ทำไมกลับรู้สึกตลกกับท่าทางนั้น

“เต็งหนึ่ง...”

“ก็ได้ครับ เอาไว้เรามาหาใหม่นะ หรือจะไปหาเราดี ใกล้ๆ แค่นี้”

“ไม่รู้ รู้แต่ว่า ไปได้แล้ว”

“รู้แล้วครับ”

สุดท้ายเต็งหนึ่งก็ยอมถอยทัพแล้วกลับบ้านตัวเองไป แต่ไม่ถึง 5 นาทีก็ส่งไลน์มาหาอีกเป็นชุด แถมแต่ละข้อความก็ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้

 


อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะ ไม่เม้นต์ระวัง จู๊ดๆ นะ 555

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 6 : เพื่อนบ้าน ] (16/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2017 20:52:20
เต็งหนึ่ง ต้นน้ำ  :mew1: :mew1: :mew1:
ต้นน้ำ อย่าได้แคร์หมอก ตัดใจจากคนที่ไม่แคร์เราซะ
คบเต็งหนึ่งเลย รักคนที่เขารักเราดีกว่า
ถ้าหมอกย้อนมาก็อย่าได้สนใจ เชิดหน้ามีความสุขไปเลย  :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 6 : เพื่อนบ้าน ] (16/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-01-2017 22:54:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 6 : เพื่อนบ้าน ] (16/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-01-2017 22:54:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
จีบกันไวมากกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 6 : เพื่อนบ้าน ] (16/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 02-02-2017 21:31:19
Chapter 7 : แฟนเก่า

 

ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปไวมาก เพราะเผลอแป๊บเดียวผมก็จะต้องไปกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก ซึ่งก็คือการเรียน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมตรงที่ผมจะได้เป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย และพร้อมจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

แต่พอได้คิดไปคิดมา รู้สึกว่าผมจะลืมใครบางคนไป

“หมอก” ใช่ ผู้ชายคนนี้

ผมเผลอเอ่ยชื่อนี้ออกมาเบาๆ คนนี้คือคนที่ผมจะต้องกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง ทั้งที่เอ่ยปากไปว่าต่อไปนี้จะเป็นคนแปลกตากัน ทำไมผมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ

“นั่งทำอะไรอยู่เหรอ” ผมที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่หน้าบ้านเป็นอันต้องสะดุดแล้วหันไปมองยังต้นเสียง

เต็งหนึ่งรีบปิดประตูบ้านแล้วเดินตรงมาหา

“นั่งด้วยได้ป่ะ” แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบเจ้าตัวก็นั่งทันที แล้วจะถามทำไมเนี่ย

“นั่งแล้วแบบนี้ไม่ต้องขอแล้วมั้ง”

“นั่งตรงนี้คงไม่ต้องขอหรอก แต่ถ้าไปนั่งในหัวใจต้นน้ำเนี่ยเราต้องขอสิ”

ผมรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะคำพูดของคนข้างๆ ยอมรับว่าพักนี้คนตัวสูงชอบพูดจาหวานเลี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะมาหยอดใส่ทุกวันแบบนี้ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เต็งหนึ่งก็เข้าออกบ้านนี้เหมือนบ้านตัวเอง แต่ไม่หนักเท่ากับเข้าห้องนอนของผมด้วย

“เลิกพูดเลย แต่ละคำฟังไม่ได้”

“ทำไมล่ะ เขินเหรอ”

“เขินกับผีสิ เราผู้ชายนะเว้ย”

“ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันนะเหรอ”

“เออ พอใจยัง” ผมเผลอใส่ความหงุดหงิดลงไปในน้ำเสียงด้วย จนคนข้างๆ มองด้วยสายตาแปลกๆ

“โกรธเราเหรอ”

“.....”

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองไปด้านหน้า

“ขอโทษด้วยแล้วกันนะถ้าทำให้รู้สึกไม่สบายใจ”

เต็งหนึ่งยืนขึ้นแล้วตบบ่าผมเบาๆ

“ถ้างั้นเราไปก่อนนะ มีธุระพอดี ทีแรกว่าจะชวนไปด้วยแต่ดูอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ไม่ชวนดีกว่า”

พูดเสร็จคนตัวสูงก็หันหลังแล้วเดินจากไป

ผมได้แต่มองแผ่นหลังที่ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหายลับไป

นี่ผมทำเรื่องแย่ๆ ลงไปแล้วสินะ

 

รุ่งเช้าวันใหม่มาถึง แน่นอนวันนี้ผมเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังจากแต่งตัวเสร็จก็รีบออกมากินข้าวกับสมาชิกในบ้าน ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกันหมดแล้ว

“แต่งชุดนักศึกษาแล้วดูน่ารักนะเรา” น้าพิมพ์ทักผมทันทีหลังจากที่เดินเข้ามา

“จริงด้วย วันนี้พี่ต้นน้ำของผมน่ารักเป็นพิเศษ” โอ๊ตเองก็ร่วมกับเค้าด้วย

“พี่หล่อบ้างเหอะ” ผมส่ายหน้าหน่ายๆ ยอมรับกับคำพูดของคนอื่น เพราะไม่ว่าจะพูดแก้ต่างยังไง สุดท้ายผมก็น่ารักในสายตาของทุกคนอยู่ดี

“ดูทำหน้าเขา” น้าพิมพ์เอ่ยแซวหลังจากยกจานอาหารสุดท้ายมาวางบนโต๊ะ

“ก็มันน่าน้อยใจนะครับ ชมแต่น่ารักอย่างเดียว”

“เอาน่าๆ น้าว่าเรารีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะไปเรียนสายนะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกด้วยไม่ใช่เหรอ”

น้าพิมพ์เตือนผม ซึ่งผมเองก็คิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้น จึงรีบตักข้าวทันที แต่ก็คงไม่ทันโอ๊ตที่ตอนนี้กินข้าวพร่องไปครึ่งจานแล้ว ไม่รู้จะรีบร้อนอะไรขนาดนั้น เพราะรีบตักใส่ปากตลอดแทบจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำไป

“มองอะไรเหรอพี่ ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ” ดูมันพูดเข้า ไม่อายปากบ้างเลย

“มองคนตะกละนะ กินแบบนี้ระวังติดคอนะ” ไม่ขาดคำ โอ๊ตก็ไอแค่กๆ แล้วรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มทันทีเพราะดันกินข้าวคำใหญ่ไป

“พี่แช่งผมเหรอเนี่ย ดูสิ เกือบไม่รอด”

“ป่าวสักหน่อย” ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมาสนใจข้าวตรงหน้าแทน

“ผมอิ่มแล้วครับ ถ้างั้นผมไปเรียนก่อนนะ” โอ๊ตบอกลาทุกคนแล้วรีบออกจากบ้านไปทันที

“แล้วเราล่ะจะไปมหา’ลัยยังไงเนี่ย” น้าพิมพ์เอ่ยถาม

“ก็ว่าจะไปรถเมล์เอานะครับ ประหยัดดี”

“เอางั้นเหรอ”

“ครับ”

“ตามใจแล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรให้น้าช่วยก็บอกนะ”

“แค่นี้ก็รบกวนเยอะแล้วครับ แต่ถ้าต้องการจริงๆ ผมจะบอกครับ”

“ความจริงน้าก็ว่าจะถามเราเหมือนกันว่าทำไมไม่ไปพร้อมกับเต็งหนึ่ง ในเมื่อเราสองคนเรียนอยู่ที่เดียวกัน เต็งหนึ่งน่าจะช่วยเราได้บ้างเรื่องเส้นทางไปกลับนะ”

พอน้าพิมพ์พูดเรื่องนี้ ผมก็ถึงกับจุกไปเลย ผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเต็งหนึ่งเลย เอาเข้าจริงๆ มีแต่เต็งหนึ่งคนที่เดียวที่รู้เรื่องของผมเยอะกว่าผมซะอีก แต่ทำไมผมถึงไม่คิดจะรู้เรื่องของเขาเลย

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมลองโทรถามดูนะครับ”

พูดเสร็จผมก็รีบกดโทรออกไปทันที และไม่นานปลายสายก็รับ

[ว่าไงครับที่รัก]

“แต่เช้าเลยนะ”

[นิดนึง]

“อยู่ไหนเหรอ”

[กำลังไปมอนะ นี่ก็ใกล้จะถึงแหละ]

“อ้าว ไปแล้วเหรอ”

[อืม ทำไมเหรอ]

“ป่าวๆ ไม่มีอะไร งั้นแค่นี้แหละกัน”

[ได้ครับ แล้วเจอกันนะครับ ที่รัก]

ผมรีบกดวางทันทีเพราะไม่อยากฟังคำพูดเลี่ยนๆ

“ว่าไงบ้าง” น้าพิมพ์หันมาถามหลังจากที่ผมคุยโทรศัพท์เสร็จ

“จะถึงแล้วครับ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมไปเองได้ ครั้งก่อนผมยังไปได้ ครั้งนี้ก็คงไม่ยากเท่าไหร่”

“ถ้าไงก็เดินทางดีๆ นะ” น้าพิมพ์พูดด้วยความเป็นห่วง

ผมยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วหิ้วกระเป๋าขึ้นสะพาย เตรียมพร้อมผจญภัย

 

จะว่าไปการเดินทางแค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับผม เพราะแค่เดินออกจากซอย ขึ้นรถเมล์ หรือไม่ก็รถไฟฟ้า ไม่กี่ป้ายก็มาถึงมหา’ลัยแล้ว แต่มันจะยุ่งยากก็ตรงที่ว่าผมจะหาตึกเรียนเจอหรือป่าว

แน่นอนว่าสำหรับผมก็ต้องมีถามนักศึกษาคนอื่นๆ เอาบ้าง ใครจะหาว่าผมบ้านนอกก็ยอมแหละ ยังดีกว่าที่ตัวเองจะเข้าห้องเรียนช้า แล้วโดนเช็คสายด้วย แบบนั้นผมคงไม่เอาด้วยหรอก ยิ่งคาบแรกแบบนี้ด้วย คงไม่อยากให้มีประวัติแย่ๆ ตั้งแต่ต้นเทอม

พอมาถึงห้องเรียนสิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือหาที่นั่ง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเก้าอี้ส่วนใหญ่ถูกจับจองไปหมดแล้ว อาจจะเพราะเด็กคณะบริหารมีจำนวนมาก ทำให้นักศึกษาที่เข้าเรียนดูจะเยอะเป็นพิเศษ แถมนักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญไปกว่าการหาที่นั่งสำหรับผม หลังจากมองหาอยู่สักพักผมก็เจอเพียงที่เดียว แถมที่นั้นคนนั่งข้างๆ ดันเป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้

“ไง” หมอกยกมือทักทายผม

“อืม” ผมตอบไปสั้นๆ แล้วนั่งลง

“ไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ ฮึ”

“คิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่จะต้องทักทายอะไรให้มันมากมาย” ผมตอบ ซึ่งหมอกเองก็ได้แต่ยักไหล่เชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปสนใจหน้าห้อง เพราะตอนนี้อาจารย์เข้ามาสอนแล้ว

ดูเหมือนคาบแรกจะไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากไปอาจารย์จะเล่านู้นนี่ให้ฟังก่อนเข้าบทเรียนซึ่งมันก็ไม่ถือกับยากสำหรับผม แต่ก็จะมีงงเล็กน้อยเพราะตอนนี้ผมยังไม่มีหนังสือเรียน ได้แต่จดตามที่อาจารย์สอนและจดบนกระดาน

“จดทันไหม” ระหว่างที่ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาจดก็มีอันต้องสะดุดเพราะคนข้างๆ

“ทำไม” แม้จะไม่อยากคุยสักเท่าไหร่ แต่ก็จำต้องเอ่ยออกไปเบาๆ

“เราจดไม่ทันนะ”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร แล้วเริ่มจดที่อาจารย์สอนต่อ

กว่าจะหมดคาบก็เล่นเอาเมื่อยมือแบบสุดๆ อาจจะเพราะไม่ได้จับปากกานานก็เลยทำให้รู้สึกแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่คาบนี้อาจารย์สอนไม่เยอะ ไม่งั้นผมคงได้มือระบมเป็นแน่ แต่อาจารย์ก็แนะนำให้ไปหาซื้อหนังสือ หรือถ้าอยากประหยัดก็ขอยืมหนังสือจากรุ่นพี่เอา

“เมื่อยชะมัด”

ผมรีบวางปากกาแล้วนวดมือตัวเองเบาๆ แต่กลับมีมือหนามาคว้ามือผมไปนวดแทน

“ทำไร”

“ก็นวดไง” หมอกตอบแล้วนวดต่อ

“มือเรา เรานวดเองได้”

“อะไรกัน เมื่อก่อนเรานวดให้ออกจะบ่อย ทำไมตอนนี้ไม่ให้นวดซะแล้วล่ะ”

หมอกพยายามพูดเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ของเรายังเหมือนเดิม แต่สำหรับผมเจ็บแล้วจำ ในเมื่อผมเป็นฝ่ายโดนทิ้ง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะดีด้วย

“แต่ตอนนี้ไม่ได้”

ผมชักมือกลับทันที

“เพื่อนๆ ทุกคนฟังทางนี้หน่อย” เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าห้องเรียกความสนใจจากทุกคนไป “ช่วงบ่ายเป็นที่รู้กันว่าพวกเราทุกคนไม่มีเรียน รุ่นพี่เลยให้พวกเราไปรวมตัวกันที่หน้าคณะ ขอให้ไปตรงต่อเวลาด้วยนะครับ”

เกิดเสียงโฮ่ร้องไม่พอใจกันไปหลายคน รวมถึงผมเองด้วย

“ถ้างั้นเราไปกินข้าวกันนะ จะได้รีบไปรวมตัวกับเขา” หมอกสะกิดผมเป็นการใหญ่

“...” ผมมองด้วยหางตา แต่ไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นก็รีบเก็บข้างของทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทันที โดยไม่สนใจเลยว่าจะมีคนเดินตามมาหรือป่าว

“รอเราด้วยสิ”

 

 



* อย่าลืมคอมเม้นต์ ติชม และให้กำลังใจกันบ้างนะครับ *





หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 7 : แฟนเก่า ] (02/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-02-2017 23:10:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 7 : แฟนเก่า ] (02/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-02-2017 23:29:12
หมอกอยากรีเทิร์นเหรอ :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 7 : แฟนเก่า ] (02/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-02-2017 15:24:26
 :เฮ้อ:

กลับมาทำไมมมมมม
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 7 : แฟนเก่า ] (02/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 06-03-2017 20:47:27
Chapter 8 : รับน้อง

 

“ซวยแล้วไง”

ผมบ่นกับตัวเองที่ตอนนี้กำลังวิ่งไปยังหน้าคณะ แล้วตอนนี้มันก็เหลืออีกแค่ 5 นาทีก็จะถึงเวลาที่รุ่นพี่นัด แล้วถ้าผมไปสายตั้งแต่ครั้งแรกไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง

“รอเราด้วยสิต้นน้ำ” หมอกตะโกนตามหลังผมมา แต่ใครจะไปรอล่ะในเมื่อตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน

“รอก็บ้าแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ แล้วเร่งความเร็วของตัวเองต่อ

แต่ดูเหมือนว่า 5 นาทีสำหรับผมมันคงจะไม่พอ เพราะตอนนี้รุ่นพี่ที่หน้าคณะกำลังเริ่มทำกิจกรรม แถมยังกำลังเช็คชื่ออยู่ด้วย

“อ้าวน้อง 2 คนที่เพิ่งมานะ มายืนตรงนี้เลย” รุ่นพี่คนหนึ่งเรียกพวกเราไปทันทีที่เรามาถึง

“ครับ”

ผมจำต้องเดินไปยืนด้านหน้าตามที่รุ่นพี่บอก พอมองไปรอบๆ ก็เจอแต่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นที่มองมา ราวกับผมไปทำอะไรผิดร้ายแรงมา

“พี่นัดพวกน้องกี่โมง”

“บ่ายโมงครับ” ผมตอบเสียงดัง

“แล้วตอนนี้มันกี่โมง”

“บ่ายโมงสามนาทีครับ” ผมตอบไปตามที่ตัวเลขในนาฬิกาบอกเป๊ะๆ

“เกินมา 3 นาที ถูกไหม” รุ่นพี่ยังพูดเสียงดังเหมือนเดิม ไม่รู้จะว่าไปเก็บกดมาจากไหน

“ครับ”

“3 นาทีสำหรับน้องอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สำหรับพี่พวกมันสำคัญมาก”

รุ่นพี่ตะโกนเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน โดยเฉพาะผมเองที่ตอนนี้รู้สึกว่าขี้หูจะเริ่มเต้นระบำได้แหละ ไม่รู้ว่าจะมาตะโกนข้างๆ ทำไมก็ไม่รู้

“สำหรับน้องที่มาสายวันนี้ พี่จะมีบทลงโทษน้องนะครับ แต่ตอนนี้ไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ก่อน เสร็จกิจกรรมสำหรับวันนี้ค่อยมาหาพวกพี่อีกที เข้าใจไหมครับ”

“ครับ” ผมกับหมอกแยกกันไปหาที่นั่ง

“ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะ พี่ชื่อก้อง พี่จะเป็นคนดูแลกิจกรรมการรับน้องนี้ตลอดเดือนนี้ และพี่คนอื่นๆ อีกหลายคน เดี๋ยวนี้จะให้แต่ละคนมาแนะนำตัวอีกที” พี่ก้องเรียกเพื่อนคนอื่นๆ ออกมา

“สวัสดีครับทุกคน พี่ชื่อข้าวโอ๊ตนะครับ” คนตัวสูงกับผิวขาวๆ ออกมาแนะนำตัว

“พี่ชื่อพี่น้ำฝนนะคะ เรียกพี่ฝนก็ได้” คราวนี้เป็นพี่ผู้หญิงผมยาวน่ารัก

“พี่ชื่อฟ้าจ๊ะ” พี่คนนี้ดูออกแนวเปรี้ยวนิดๆ

“พี่ชื่อเต็งหนึ่งครับ”

พอหมดพี่ผู้หญิงออกมาแนะนำตัวผมก็เลิกสนใจด้านหน้า แต่ก็ต้องสะดุดกับน้ำเสียงของที่พูด แถมยังชื่อที่ผมรู้สึกคุ้นเป็นพิเศษ และพอเงยหน้ามามองก็เป็นอันต้องสบตากันพอดี

“ฝากเนื้อ ฝากตัว แล้วก็...” เต็งหนึ่งเล็งมาทางผม “...ฝากหัวใจด้วยนะครับ”

สิ้นคำลงท้าย ก็เกิดเสียงโห่ลั่นจากรุ่นพี่

“น้อยๆ หน่อยมึง หยอดรุ่นน้องเลยเหรอวะ”

พี่ก้องตบหัวเต็งหนึ่งไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้ แต่ถ้าผมเป็นพี่ก้องคงไม่ตบแค่ทีเดียวหรอก แถมยังหันมายักคิ้วกับผมอีกเล่นเอาผมเหวอไปเล็กน้อย ทำไมเต็งหนึ่งถึงไม่เคยบอกผมว่าเรียนคณะเดียวกัน แต่จะโทษเต็งหนึ่งก็ไม่ได้ เป็นผมเองต่างหากที่ไม่เคยถามเลย

จากนั้นพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ผลัดกันออกมาแนะนำตัวต่อ ผมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะจุดสนใจของผมตอนนี้คือคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล แถมยังหันมายิ้มให้ผมเป็นระยะๆ อีกด้วย

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็แนะนำตัวกันหมดแล้ว ต่อไปก็ถึงตาน้องๆ กันบ้าง เริ่มจากด้านหลังก่อนเลยครับ”

พี่ก้องพูดจบ ผมก็ลุกขึ้นยืนทันที นั่นก็เพราะตอนนี้ผมอยู่ด้านหลังสุด

“สวัสดีครับพี่ๆ และเพื่อนๆ ทุกคน ผม วรินทร์  วรเวชพาณิชย์ ชื่อเล่น ต้นน้ำ ผมมาจากจังหวัดนครนายกครับ” ผมแนะนำตัวอย่างเสียงดังฟังชัด พี่ก้องเองก็พยักหน้าเชิงพอใจ

“ผมมีคำถามเพิ่มสำหรับคุณนะ”

“ครับ?”

“ตอนนี้น้องโสด หรือว่ามีแฟนแล้วครับ”

ผมไม่รู้ว่าพี่ก้องต้องการอะไรจากคำถามนี้ แต่พอมองไปยังเต็งหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเหมือนกับให้ผมบอกไปตามตรง แต่พอหันไปมองด้านข้างกลับเจอกับหมอกที่กำลังรอลุ้นคำตอบจากผมอยู่เช่นกัน

“ว่าไงครับ”

“มีแฟนแล้วครับ”

“ต่อไปน้องคนข้างๆ” หมอกลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ผม ภาคิน เนตรวารี ชื่อเล่น หมอก มาจากนครนายกเหมือนกันครับ” หมอกแนะนำตัว

“น้อง 2 คนมาจากที่เดียวกันสินะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าพี่คิดบทลงโทษสำหรับน้อง 2 คนเอาไว้แล้วล่ะ” พี่ก้องยิ้มที่มุมปาก “พี่จะให้น้อง 2 คน เป็นคู่จิ้นกันตลอดช่วงรับน้องนี้”

“ห๊ะ คู่จิ้น” ผมมองหน้าพี่ก้องอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งไม่ต่างจากเต็งหนึ่งที่เหมือนจะไม่พอใจเช่นกัน

“ได้ครับ ผมยินดี” หมอกตอบกลับเสียงดังจนเพื่อนๆ พากันเฮลั่น

“เอาเป็นว่าตามนั้น พวกน้องนั่งลงได้”

“มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ” เต็งหนึ่งเดินมาถามพี่ก้อง แม้จะพูดกันเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน “ทำไมไปแกล้งน้องแบบนั้นล่ะ น้องเค้ามีแฟนแล้วนะ”

“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ทำไมต้องเดือดร้อนแทนด้วยเนี่ย หรือว่าเป็นแฟนกับน้องมันวะ”

“เอ่อ...” ดูเหมือนเต็งหนึ่งจะไม่ได้พูดไรต่อ แล้วเดินกลับไปยืนจุดเดิม แล้วมองผมด้วยสายตาผิดหวัง

“เอาล่ะ น้องคนต่อไปแนะนำตัวเลยครับ”

พี่ก้องดำเนินกิจกรรมต่อ แต่ผมกลับนั่งจมอยู่กับความคิด ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับผมอีก แล้วอีกอย่างนี่มันบทลงโทษประเภทไหนกัน ให้เรามาเป็นคู่จิ้นกัน ปกติเคยเห็นแต่โดนล่ามให้ไปไหนด้วยกัน หรืออาจจะเป็นเขียนป้ายตัวใหญ่ๆ หนักสุดก็คงเป็นเบ้รุ่นพี่

พอคนสุดท้ายแนะนำตัวเสร็จก็ถึงเวลาจับสลากพี่รหัสน้องรหัสกัน โดยเริ่มทยอยลุกไปจับทีละคน จนกระทั่งถึงผม แน่นอนว่าใบที่ผมจับมาได้นั้นมันเป็นแค่เพียงโค้ชลับ ที่เราจะต้องออกตามหาจนกว่าจะเจอภายใจระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งถ้าถึงเวลาแล้วเรายังหาไม่เจอก็ต้องโดนทำโทษ

‘พี่ชายขายาว’

ผมยืนงงกับคำใบ้ตรงหน้า ยอมรับตามตรงว่าคิดไม่ออกจริงๆ แต่มันก็ดีตรงที่บอกว่าเป็นผู้ชาย เพราะอย่างน้อยๆ ก็หาได้ไม่ยาก เนื่องจากรุ่นพี่มีผู้ชาย 5 คน แถมแต่ละคนก็ดูไม่สูงมากนัก เว้นแต่คนหนึ่งที่ผมรู้จักดีซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์คำใบ้นี้พอดี

พอเสร็จกิจกรรมทุกอย่างรุ่นพี่ก็ปล่อยพวกเราให้กลับบ้านกัน ผมที่คิดว่าจะไม่ไปไหนต่อก็หันหลังเตรียมจะเดินไปด้านนอกเพื่อกลับบ้าน แต่กับโดนมือหนารั้งเอาไว้ก่อน

“คุยด้วยกันหน่อยสิ” เต็งหนึ่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีจนผมชักไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ได้”

เต็งหนึ่งพาผมไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณใกล้ๆ กับอาคารเรียน แถมบรรยากาศตรงนี้ก็ช่างเป็นเย็นสบายเหมาะสำหรับการงีบนอนจริงๆ

“ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอ” หลังจากนั่งลงเสร็จผมก็เอ่ยปากถามไปทันที

“คือ..”

“หืม?”

“เราขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนายที่เราเรียนที่เดียวกันนะ” เต็งหนึ่งอ่ำอึ่งอยู่พักใหญ่กว่าจะพูดออกมาได้ “แล้วก็ขอโทษแทนไอ้ก้องมันด้วยที่ลงโทษนายแบบนั้นนะ”

“ช่างมันเถอะ เราผิดเองแหละที่เข้าสายเอง” ผมหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยโอเคกับมันเท่าไหร่หนัก

“แล้วนี่จะกลับบ้านเลยใช่ป่ะ”

“อืม” ผมพยักหน้าเล็กน้อย

“กลับพร้อมกันไหม”

“แล้ว?” ผมชี้ไปอีกด้านที่ตอนนี้บรรดารุ่นพี่ต่างกำลังคุยงานกันอยู่ เต็งหนึ่งทำหน้าลังเลอยู่พักใหญ่

“เดี๋ยวเรามา”

ว่าเสร็จ เต็งหนึ่งก็เดินไปทางนั้น ยืนคุยได้สักพักเต็งหนึ่งก็เดินกลับมา

“เรียบร้อย กลับได้”

“สบายดีแท้นะคุณรุ่นพี่”

ผมหัวเราะเบาๆ แต่เต็งหนึ่งกลับทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินนำผมไปทันที ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร แต่อยู่ๆ เต็งหนึ่งก็ดึงมือผมไปแล้วกระชับมันจนแน่น

“ทำไร” ผมพยายามชักมือกลับ

“ก็แค่อยากทำแบบที่คนรักทั่วไปเขาทำกันนะ” เต็งหนึ่งยิ้มให้เล็กน้อย

ผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเวลาที่เราได้อยู่ใกล้ๆ กัน

“ต้นน้ำ” ผมหันไปตามเสียงเรียก จนเผลอปล่อยมือออกจากกัน

“ว่า?” พอได้เห็นคนที่เรียกผมเอาไว้ ผมก็เลยเลือกที่เอ่ยคำสั้นๆ ออกไป

“จะกลับบ้านแล้วเหรอ” หมอกถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่คนข้างๆ ผมเนี่ยสิ มองผมตาขวางเลย

“ใช่” ผมพยักหน้าเบาๆ

“เรากลับด้วยคนสิ”

“ไม่” คำตอบนี้เป็นเต็งหนึ่งเองที่ตอบแทน

“ผมถามต้นน้ำครับ ไม่ได้ถามรุ่นพี่” หมอกขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อโดนคนที่ไม่รู้จักมาขัดแบบนี้ “อีกอย่างผมกับต้นน้ำก็เป็นแฟนกันน่าทำให้เข้าใจอะไรง่ายขึ้นนะครับ”

เต็งหนึ่งยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ

“คุณมันก็แค่แฟนเก่า อย่าใช้คำว่าแฟนกับคนที่คุณทิ้งเขาไป ส่วนแฟนของต้นน้ำตอนนี้...” เต็งหนึ่งดึงผมเข้าไปใกล้ๆ “...ก็คือผมเอง เข้าใจนะครับ”

“ต้นน้ำ” หมอกทำหน้าไม่เข้าใจ และหวังว่าผมจะให้คำตอบ

“ขอโทษนะ”

“ต้นน้ำ มันไม่จริงใช่ไหม”

“...”

ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อ นอกจากเดินไปจากจุดนั้น เต็งหนึ่งเองก็เหมือนจะโกรธกับเรื่องเมื่อกี๋อยู่นิดหน่อย แต่พอหันมามองผมก็แกล้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน

“ยิ้มอะไร”

“ป่าว”

“แล้วเมี่อกี๋เป็นอะไร หึงเหรอ” ผมแกล้งถามไป แต่ไม่คิดว่าคำตอบที่ได้มาจะทำเอาผมหน้าร้อนช่า

“ถ้าตอบว่าใช่ จะให้จูบป่ะ”

“ตลกแหละ”

“ไม่ตลกนะ เราพูดจริง”

“พอเลย”

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 8 : รับน้อง ] (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-03-2017 21:57:43
พี่ก้องเล่นไม่รู้เรื่องเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 8 : รับน้อง ] (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-03-2017 15:29:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 8 : รับน้อง ] (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 12-03-2017 20:19:32
ตอนที่ 9 : คู่จิ้น

 

ตลอดอาทิตย์ผมต้องเข้ากิจกรรมรับน้องตลอด โดยจะโดนพี่ก้องคุมเข้มเป็นพิเศษ แต่จะหนักสุดก็ต้องที่ผมกับหมอกต้องโดนทำโทษอะไรแปลกๆ ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ยืนสาธิตทำอะไรร่วมกัน หรือทำอะไรพร้อมๆ กัน ให้สาววายในคณะได้จิ้นกัน ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีสำหรับผมแต่บางทีผมก็รู้สึกอึดอัดบ้างเพราะเต็งหนึ่งคอยมองอยู่ตลอดเวลา

“พวกน้องทำดีมากนะ รู้ไหมมีคนชอบน้องๆ กันเยอะเลย”

พี่ก้องเดินมากระซิบบอกพร้อมกับโชว์หน้าจอมือถือ ในนั้นเป็นรูปผมกับหมอกที่กำลังทำท่าป้อนขนมให้กัน แต่เป็นการป้อนแบบปากต่อปาก แถมรูปดังกล่าวยังถูกอัพขึ้นเพจของคณะ หนักสุดก็คงจะเป็นยอดไลท์กับคอมเม้นต์ที่เยอะหลายพันข้อความ จนผมเองยังอดอึ้งไม่ได้

“ถึงว่าพักนี้มีแต่คนมอง” หมอกเอ่ยขึ้นเบาๆแม้ความจริงผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันแต่ไม่ค่อยได้สนใจกับมันเท่าไหร่นัก

“ความจริงพี่ก็ว่าจะไม่ทำโทษพวกเราแล้วล่ะ แต่เห็นกระแสยังดีอยู่ ก็ทนทำอีกหน่อยแล้วกันถือว่าช่วยๆ กันนะ” พี่ก้องตบบ่าผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับพี่ แค่นี้สบายมาก”ผมยิ้มให้พี่ก้อง

พอมาดูๆ แล้วพี่ก้องเองก็ไม่ใช่คนหน้ากลัวอะไรเหมือนอย่างที่คิด ต่อหน้าทุกคนก็อาจจะต้องเข้มงวดไปตามระเบียบเพื่อคุมให้รุ่นน้องได้ทำตามกฎตามระเบียบกัน แต่พอมาได้สัมผัสกับตัวจริงกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจรุ่นน้อง บางทีก็ยังเผยมุมน่ารักๆ มาให้ได้เห็นบ้าง ถึงไม่มากก็ตาม แต่ผมก็เข้าใจเพราะมันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง

“วันนี้พวกน้องๆ กลับบ้านกันได้นะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่นี่เวลาเดิมนะครับ เข้าใจไหม” พี่ก้องเน้นคำสุดท้ายจนหลายๆ คนเผลอสะดุ้งกันไปตามๆ กัน สงสัยจะยังไม่ชินกับน้ำเสียงพี่ก้อง

“เข้าใจครับ/ค่ะ” ทุกคนรีบตอบกลับเป็นเสียงเดียว

“ดีมากครับ ถ้างั้นเชิญครับ”

จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน ผมเองก็เดินแยกไปอีกทาง โดยมีคนเดินตามมาติดๆ

“จะตามเราไปถึงไหนเนี่ย” ผมจำต้องหันไปเผชิญหน้ากับหมอกแบบตรงๆ เพราะหลังจากวันนั้นหมอกเองก็รู้ว่าตอนนี้ผมมีแฟนใหม่แล้ว แต่ทำไมยังทำตัวแบบเดิม

“ต้นน้ำ เราขอโทษ” หมอกพยายามรั้งผมเอาไว้ ทั้งที่มันรู้ไร้ประโยชน์

“พอเถอะ เราเหนื่อยแล้วนะ” ผมสะบัดมือนั้นออกไปจากแขน

“แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ”

“เพื่อนงั้นเหรอ…”

ผมได้แต่มองหน้ามองเพื่อหาคำตอบ แต่มันก็คงเป็นได้ยาก

“...แต่ขอโทษนะ เราไม่เคยรู้จักกัน”

สิ้นคำผมก็เดินหนีหมอกไปทันที และไม่จำเป็นที่จะต้องหันไปมองด้วยว่าหมอกจะตามมาอีกไหม แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้ยินเสียงเดินตามมา

 

ผ่านไปไม่กี่วัน กระแสคู่จิ้นระหว่างผมกับหมอกดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ชื่นชอบของบรรดาสาววายทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายหลายคนเองก็ชอบเหมือนกัน เพราะเวลาที่ผมเดินอยู่ภายในคณะ หรือแม้แต่โรงอาหารกับเพื่อนๆ ก็มักจะมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย หรือถามหาหมอกจากผม

“น้องต้นน้ำใช่ไหม น่ารักกว่าในรูปอีกนะเนี่ย” เสียงของพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

“ครับ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร

“พี่ชื่อแอมนะ พี่เป็นแอดมินเพจของคณะเราเอง คือจะว่าอะไรไหมถ้าพี่จะขอให้ต้นน้ำกับหมอกมาถ่ายรูปลงเพจให้หน่อยนะ” พี่แอมแนะนำตัวพร้อมบอกถึงวัตถุประสงค์ที่เข้ามาหาผมทันที

“เอ่อ..คือว่า” ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี

“ได้ครับ พวกผมยินดีครับ” เป็นหมอกที่เดินมาจากด้านหลังแล้วตอบตกลงไป

“หมอก”

“พี่จะให้ผมทำยังไงบ้างครับ” หมอกเดินเข้ามากอดคอผมราวกับเราสนิทกับเป็นพิเศษแต่ทั้งที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย

“เห็นแบบนี้แล้วดูท่าจะคบกันจริงนะเนี่ย”

พี่แอมยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมสิยิ้มไม่ออกเลยสักนิด ถึงแม้เราสองคนจะเคยเป็นแฟนกันมาก่อนก็ตาม แต่ตอนนี้สถานะของเราสองคนเป็นเพียงแค่คนรู้จักกันเท่านั้น

“เอาเป็นว่าพี่ขอไลน์น้องๆ หน่อยแล้วกัน แล้วเดี๋ยวพี่จะนัดวันกับเวลาอีกทีนะ”

หมอกยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้พี่แอม โดยไม่ลืมที่จะให้ของผมไปด้วย ทั้งที่ผมได้แต่ยืนเฉยๆ ให้หมอกเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง

“ขอบใจมากนะ เอาไว้พี่จะติดต่อมานะ ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ” พี่แอมโบกมือลา

“ครับ” หมอกโบกมือลาตาม

“ทำอะไรลงไปนะ” ผมดันแขนของหมอกออก

“ก็แค่ทำตามที่พี่เค้าต้องการไง ไม่ดีเหรอ” หมอกตอบหน้านิ่งๆ “อีกอย่างมันก็ดูน่าสนุกจะตาย”

“แต่เราไม่สนุกด้วยนะ”

“แล้วไง ตอนนี้ก็ตอบตกลงพี่เค้าไปแล้ว ก็มีแต่ต้องทำเท่านั้น” แม้หมอกจะพูดความจริง แต่ผมรู้สึกอึดอัดกับมันอยู่ไม่น้อย “เอาไว้เจอกันนะ”

“มีอะไรกันเหรอ” เต็งหนึ่งเดินเข้ามาหาหลังจากที่หมอกเดินจากไป

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่รุ่นพี่อยากให้ไปถ่ายรูปคู่นะ”

“แบบนี้เขาไม่เรียกว่าไม่มีอะไรได้ไง หึงนะเนี่ย รู้ป่าว” เต็งหนึ่งทำแก้มป่องเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเด็ก จนผมก็คิดว่าบางทีเต็งหนึ่งเองก็ดูติ๊งต๊องเหมือนกัน

“ดูทำเข้าสิ เป็นแด็กไง” ผมเอานิ้วจิ้มแก้มเล่น แต่ไม่ไวเท่าเต็งหนึ่งที่จับมือผมเอาไว้แน่น

“เป็นเด็กแบบนี้ไม่ชอบเหรอ”

ผมพยายามดึงมือออก แต่ดูเหมือนยิ่งดึงมือออกเท่าไหร่เต็งหนึ่งก็ดึงผมเข้าหาตัวเท่านั้น แถมหน้าของเราตอนนี้ก็อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ สายตาของคนรอบข้างตอนนี้ก็เริ่มมองมาที่พวกเรา แถมบางคนยังกระซิบกระซาบพลางชี้มายังจุดที่เรายืนด้วยความสนใจ แต่เต็งหนึ่งกลับไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย

“เป็นอะไร อายเหรอ”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนในหน้าของเต็งหนึ่ง

“ใครบอกอาย” ผมกัดฟันตอบ

“นึกว่าอาย”

“แล้วจะปล่อยได้หรือยังเนี่ย คนมองกันเยอะแล้วนะ” ตอนนี้คนเริ่มมองพวกเราเยอะขึ้น บางคนก็ถึงกับยกกล้องขึ้นมาถ่าย เล่นเอาผมเหงื่อตกไปเลย แต่กับคนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกอะไรเลย

“ปล่อยก็ได้ครับ” เต็งหนึ่งยอมปล่อยอย่างว่าง่าย “แต่วันนี้ 4 โมงเย็น มาเจอกันที่หน้าตึกนะ ถ้าไม่มาคราวหน้าไม่ปล่อยแบบนี้แน่ เข้าใจไหมครับที่รัก”

พูดเสร็จเต็งหนึ่งก็เดินผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนงงต่อไป แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วผมเองก็เลิกเรียน 4 โมงเย็นพอดี หรือบางทีเต็งหนึ่งจะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมเป็นแน่

 

 

ออดคาบสุดท้ายดังขึ้น ผมรีบเก็บหนังสือและอุปกรณ์ลงกระเป๋าด้วยความรีบเร่ง แม้เพื่อนๆ ในห้องหลายคนจะพยายามชวนผมไปหาอะไรกินกันต่อ แต่ผมก็ต้องรีบปฏิเสธไปทันที

“ต้นน้ำคราวหน้าต้องไปกับพวกเราแล้วนะ นายเบี้ยวหลายรอบแล้วนะเนี่ย” โจ๊กเพื่อนร่วมคลาสบ่นผมชุดใหญ่ ทั้งที่ตอนเช้าผมบอกว่าจะไป แต่พอตกบ่ายผมบอกว่าไปไม่ได้ ทำเอาโจ๊กเซงไปตามระเบียบ

“เราขอโทษจริงๆ นะ เผอิญมีธุระด่วนจริงๆ” ผมรีบบีบหัวไหล่โจ๊กเบาๆ เป็นการขอโทษ แม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อยก็อยากให้รู้ว่าผมเองก็อยากไปเหมือนกัน “เอาไว้โอกาสหน้านะ”

“เออๆ ถ้าคราวหน้าผิดนัดอีกโดนแน่ๆ” พูดเสร็จโจ๊กก็ยกมือขึ้นทำท่าปาดคอตัวเองให้ผมดู ส่วนผมเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ถ้างั้นไม่ก่อนนะ”

ผมรีบสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกทันที เพราะขืนอยู่นานกว่านี้คงได้โดนโจ๊กฆ่าหมกในห้องเป็นแน่ ผมเองก็รู้หรอกครับว่าโจ๊กแค่แหย่เล่นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกผิดกับเพื่อนๆ อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“ดูรีบจังเลยนะ” หมอกที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกเอ่ยทักผม แต่ผมกลับทำเป็นมองไม่เห็นแล้วรีบเดินไปจากจุดนั้น

ผมรีบกดลิฟต์แล้วลงไปชั้นล่างด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปที่หน้าตึกทันที โดยที่มีคนมายืนรอผมอยู่แล้ว

“รอนานไหม” ผมเอ่ยถามหลังจากพยายามสูบอากาศเข้าปอด

“มาช้าไป 15 นาที” เต็งหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนผมเดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ถูก

“โกรธเหรอเนี่ย”

“ป่าว” ไม่พูดเปล่า แต่เต็งหนึ่งกอดอกไว้แน่น แถมเวลาพูดก็ยังไม่ยอมมองมาที่ผมอีก

“เราขอโทษนะ นะ นะ” ผมพยายามง้อสุดชีวิต ทั้งที่ปกติก็ทำไม่เป็น

“ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ” เต็งหนึ่งหัวเราะตาหยี

“อ้าว” ผมงงกับอารมณ์คนตรงหน้าจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชักจะตามไม่ถูกแล้วนะ

“เลิกอ้าวแล้วก็ไปกันเถอะ มีที่หนึ่งอยากให้ไปด้วยกันนะ”

“ที่ไหนเหรอ”

“เถอะน่า ไปถึงก็รู้เอง”

หลังจาก นั่งรถ ลงเรือ ขึ้นเขา ข้ามทะเล อุ้ยไม่ใช่แหละอันนั้นก็เว่อร์ไป แค่นั่งรถก็พอ เราสองคนก็มาถึงบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะมีบรรดาเด็กน้อยใหญ่วิ่งไปมากันหลายคน แถมแต่ละคนก็ดูมีความสุขกันทุกคน

“มาทำอะไรที่นี่เหรอ” ผมถามเต็งหนึ่งอย่างสงสัย

“เถอะน่า เข้าไปข้างในเถอะ”

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินตามเต็งหนึ่งเข้าไปด้านใน ซึ่งพอเด็กๆ เริ่มเห็นพวกเราก็ร้องเฮด้วยความดีใจ จะพิเศษก็ต้องที่เด็กๆ ต่างวิ่งเข้าไปหาเต็งหนึ่งราวกับสนิทกัน ผมสังเกตเห็นเด็กโตยกมือไหว้เต็งหนึ่ง ส่วนเด็กเล็กก็กอดเต็งหนึ่งลวกๆ ดูแล้วเด็กๆ พวกนี้คงจะรักเต็งหนึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว

“เด็กๆ ครับ วันนี้พี่พาเพื่อนมาด้วย ชื่อพี่ต้นน้ำ สวัสดีพี่เขาสิครับ” เต็งหนึ่งแนะนำผมให้กับเด็กๆ

“สวัสดีครับ/ค่ะ พี่ต้นน้ำ” ทุกคนยกมือไหว้พร้อมสวัสดีกันเสียงดัง

“สวัสดีครับทุกคน” ผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อกลายมาเป็นเป้าสายตาแทน

“ต้นน้ำ เอาขนมมานี้สิ” เต็งหนึ่งขอถุงขนมขนาดใหญ่ที่แวะซื้อมาจากร้านขายส่งจากตลาดแล้วยื่นแจกเด็กๆ คนละซองจนครบ โดยที่เด็กๆ เองก็ยกมือไหว้เป็นการขอบคุณอีกรอบ

 

หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 9 : คู่จิ้น ] (12/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-03-2017 00:25:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 9 : คู่จิ้น ] (12/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-03-2017 11:05:05
งานยากแล้วสิเนี่ย อย่าทะเลาะกันนะ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 9 : คู่จิ้น ] (12/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 09-04-2017 22:27:35
ตอนที่ 10 : คืนเหงา

 

“อ้าวศุภวิชน์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

ผมหันไปตามเสียงที่ดังอีกฝาก เห็นผู้หญิงอายุกลางคนเดินตรงมาทางเราสองคน ดูจากการแต่งกายน่าจะเป็นคนสำคัญของที่นี่ เพราะเต็งหนึ่งรีบยกมือไหว้ทันที

“สวัสดีครับคุณแม่” เต็งหนึ่งสวัสดีคนตรงหน้า

“สวัสดีจ๊ะเต็งหนึ่ง เป็นไงมาไงเนี่ยถึงได้แวะมาได้”

“เผอิญผมพาเพื่อนมาเที่ยวที่นี่นะครับ” เต็งหนึ่งตอบ “ต้นน้ำ คือนี่คุณแม่ปราณี”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้

“สวัสดีจ๊ะ” แม่ปราณียกมือรับไหว้ผม “เพื่อนเราหน้าตาดีนะเนี่ย”

“คุณแม่ชมคนอื่นไม่เห็นชมผมบ้างล่ะครับ”

“อะไรกันเรา แค่นี้ทำเป็นน้อยใจ” จากนั้นพวกเราก็พากันหัวเราะเป็นพิธี “ว่าแต่เราเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอหน้าเจอตามาตั้งนาน สบายดีไหมลูก”

“สบายดีครับ แล้วคุณแม่สบายดีไหมครับ”

“แม่ก็เรื่อยๆ นะ ช่วงนี้มีเด็กเข้าๆ ออกๆ บ่อยจนบางทีแม่ก็เหนื่อยเหมือนกัน” คุณแม่ปราณีพูดไปสายตาก็มองไปยังกลุ่มเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ไม่ไกล ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยที่มีแต่เด็กๆ ทุกคนจนผมเองอดปลื้มกับความรู้สึกนั้นไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

“นั่นสินะครับ” ผมกับเต็งหนึ่งเองก็มองไปทางสนามเหมือนกัน

“แล้วนี่เต็งหนึ่งกับเพื่อนกินอะไรมาหรือยัง แม่กำลังจะให้แม่ครัวหาอะไรให้กินกัน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกผมก็ต้องกลับกันแล้ว” เต็งหนึ่งตอบ

“อย่างนั้นเหรอ” คุณแม่ปราณีทำสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

“ถ้างั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ” เต็งหนึ่งเอ่ยลา

“สวัสดีครับ” เราสองคนเอ่ยพร้อมยกมือไหว้คนตรงหน้า

“ไว้โอกาสหน้าก็มาเยี่ยมได้อีกนะ”

“ได้ครับ”

 

หลังจากขึ้นรถเพื่อตรงกลับบ้าน เต็งหนึ่งก็เอาแต่งนั่งเงียบไม่พูดจาอะไรสักคำ จะมีก็แต่นั่งถอนหายใจไปบ้างจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคนข้างๆ เป็นอะไร

“มีอะไรหรือเปล่า” ผมเอ่ยถามออกไป

“ก็แค่เรื่องเก่าๆ นะ” เต็งหนึ่งตอบมาแค่นั้น

“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็บอกกันได้นะ เรายินดีรับฟัง”

เต็งหนึ่งไม่พูดอะไร แต่กลับเอาหัวมาพิงลงบนไหล่ของผมแทน พอเห็นแบบนั้นผมเองก็ปล่อยให้เต็งหนึ่งได้อยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง อย่างน้อยแค่ได้อยู่ข้างๆ กันก็คงทำให้เต็งหนึ่งรู้สึกดี

ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็กลับมาถึงบ้าน แน่นอนว่าเต็งหนึ่งขอตัวเข้าบ้านทันทีโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ แม้ปกติจะแหย่ผมหรือหยอดมุกจีบบ้าง แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน

“กลับมาแล้วครับ” ผมร้องบอกสมาชิกภายในบ้าน

“อ้าวต้นน้ำกลับมาแล้วเหรอ หิวไหม เดี๋ยวน้าหาอะไรให้กิน” น้าพิมพ์ที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวร้องถามผม ซึ่งดูจากสภาพบนโต๊ะอาหารแล้วคิดว่าทุกคนเพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จ จะเหลือก็เพียงแต่ผมคนเดียว

“นิดหน่อยนะครับ ถ้างั้นผมขอตัวเอาของไปเก็บแล้วจะออกมานะครับ”

ผมรีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บข้าวของทุกอย่างแล้วออกมาด้านนอกที่ตอนนี้น้าพิมพ์จัดเตรียมข้าวเอาไว้บนโต๊ะให้ผมเรียบร้อย

“ขอบคุณมากครับน้าพิมพ์” ผมเอ่ยขอบคุณน้าพิมพ์ก่อนจะลงมือกินข้าว

“กินเยอะๆ ล่ะ”

“โห่แม่ ให้พี่ต้นน้ำกินเยอะๆ เดี๋ยวก็อ้วนพอดี แบบนี้กำลังน่ารักจะตาย” เสียงของโอ๊ตดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่เข้ามาในครัว แล้วนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ

“อะไรของเราเนี่ย” ผมมองคนข้างๆ อย่างสงสัย

“ก็แค่หวงนะครับ ไม่อยากให้ใครมองพี่” โอ๊ตยิ้มนิดๆ จนผมชักไม่แน่ใจว่าโอ๊ตกำลังคิดอะไรอยู่

“ลูกก็ไปแซวพี่เขา แล้วนี่การบ้านเสร็จแล้วหรือยังเนี่ยถึงได้ออกมาคุยเล่นได้” พอเห็นลูกชายตัวเองออกมาด้านนอก น้าพิมพ์ก็เลยถามทันที เพราะปกติโอ๊ตจะเก็บตัวอยู่ในห้องกับการบ้านกองโตที่เจ้าตัวชอบบ่นทุกวันว่าอาจารย์จะสั่งมาทำไมเยอะแยะจนไม่มีเวลาได้ออกไปเที่ยวเล่น

“เสร็จหมดแล้วครับ ความจริงผมทำที่โรงเรียนไปบ้างแล้วก็เลยเหลือทำที่นี่นิดหน่อย” โอ๊ตอธิบาย

“ขยันนะเรา” ผมเอ่ยชม

“ไม่ขยันผมก็โดนแม่ผมด่าตายพอดี” คำนี้โอ๊ดกระซิบกับผมเพราะกลัวน้าพิมพ์จะได้ยิน แต่ก็คงไม่พ้นคู่สายตาจับพิรุธที่มองพวกเราอยู่

“แอบคุยอะไรกัน”น้าพิมพ์ถามเสียงดุ

“ไม่มีอะไรครับแม่ ก็แค่ถามพี่ต้นน้ำว่าอยากกินอะไรอีกไหมเดี๋ยวผมจัดการให้เท่านั้นเอง” โอ๊ตโกหกไปคำโต เพราะกลัวน้าพิมพ์จะด่า

“ต้นน้ำถ้ากินเสร็จแล้วเอามาวางตรงนี้เลยนะเดี๋ยวน้าล้างทีเดียว”

“ขอบคุณครับ” ผมยกจานไปวางรวมกับจานใบอื่นๆ

“พี่ต้นน้ำไปดูหนังกับผมไหม ผมเพิ่งซื้อมาใหม่เรื่องหนึ่งเลย” โอ๊ตรีบเอ่ยชวนผมทันทีเมื่อเห็นผมกินข้าวเสร็จ

“เอาไว้วันหลังนะ วันนี้พี่ไม่ว่างนะ”

“โห่ เซงเลย”พอโดนผมปฏิเสธคำชวน โอ๊ตก็เดินหน้างอกลับเข้าห้องไป

“น้าพิมพ์ครับ วันนี้ผมขอไปนอนเป็นเพื่อนเต็งหนึ่งนะครับ”

“ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้ป้าสาไปธุระที่ต่างจังหวัดพอดี เต็งหนึ่งคงอยู่บ้านคนเดียวแน่ๆ ไปนอนเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เหงา”

จากทีแรกที่ผมคิดจะไปนอนเป็นเพื่อนเต็งหนึ่งก็เพราะเห็นอาการแปลกๆ ของเต็งหนึ่งตั้งแต่ช่วงเย็น แต่พอน้าพิมพ์มาบอกเรื่องที่ป้าสาไม่อยู่บ้านด้วยผมก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิม

“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ”

ผมรีบเดินไปข้างบ้านทันที แน่นอนว่าภายในบ้านเงียบมาก ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา แต่กลับมาห้องหนึ่งที่ยังเปิดไฟสว่างเอาไว้จนผมรู้ว่าคนในบ้านยังไม่ได้นอน

“เต็งหนึ่ง เปิดประตูหน่อย” ผมร้องเสียงคนด้านใน และรอไม่นานประตูบ้านก็เปิดออก

“อ้าวต้นน้ำ มาทำอะไรเหรอ” คนตรงหน้ามองหน้าผมอย่างงงๆ

“คือว่า คืนนี้เราขอนอนกับนายได้เปล่า”

“นอนกับเราเหรอ” เต็งหนึ่งถาม “แล้วน้าพิมพ์เขา..”

“น้าพิมพ์บอกให้มานะ แต่ความจริงเป็นเราเองมากกว่าที่อยากมา” ผมบอกไปตามความจริง เพราะยังไงซะถ้าได้พูดกันตามตรงเต็งหนึ่งก็คงจะเข้าใจ

“อย่างงั้นเหรอ”

“เอ่อ ถ้าไม่สะดวกเรากลับก็ได้นะ”

พอเห็นสีหน้าลำบากใจของเต็งหนึ่งก็ทำเอาผมรู้สึกผิด บางทีเต็งหนึ่งอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้ แล้วยิ่งผมมาขอนอนด้วยแบบนี้ก็มีแต่จะสร้างความลำบากใจให้กันเปล่าๆ

“ใครบอก เข้ามาสิ”

เต็งหนึ่งอ้าประตูพร้อมหลีกทางให้ผมได้เข้าไปด้านในก่อนที่ตัวเองจะปิดประตูบ้านตามหลัง

ภายในบ้านเต็มไปด้วยความมืด อาจจะเพราะทั้งหลังมีเต็งหนึ่งอยู่คนเดียวก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดไฟให้สิ้นเปลือง จะมีก็เพียงแต่แสงไฟจากห้องนั่งเล่นที่เต็งหนึ่งเพิ่งจะเปิดตอนผมมา จากการสำรวจด้วยสายตาคร่าวๆ ภายในการดีไซต์ไม่ต่างจากบ้านของน้าพิมพ์ แต่สิ่งที่ต่างอย่างชัดเจนก็คือบ้านนี้แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเป็นพิเศษ จะมีก็แต่พวกของใช้ประจำบ้านเช่น ตู้เย็น โต๊ะกินข้าว นอกนั้นก็เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ เท่านั้น

“กินอะไรมาหรือยัง” เต็งหนึ่งถามผม โดยที่เขากำลังเปิดตู้เย็นยกน้ำขึ้นกิน

“เรียบร้อยแล้ว”

“นึกว่ายังจะได้กินพร้อมกัน” สิ่งที่อยู่ในมือคนตรงหน้าผมก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับผักหลากชนิด “ถ้างั้นขอเรากินก่อนนะ”

“กินแต่ของแบบนี้เหรอ”

ต้องยอมรับว่าอาหารตรงหน้าเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อาจจะเพราะมันไม่ค่อยมีสารอาหารตามที่เราควรจะได้รับ แต่ก็น้อยครั้งที่ผมคิดจะกินมัน

“เอามานี่ดีกว่า เดี๋ยวเราทำให้” ไม่ต้องรอคำตอบจากเต็งหนึ่ง ผมก็เอาของในมือทั้งหมดแล้วเดินตรงไปหน้าเตาเพื่อต้มบะหมี่

“ให้เราทำเองเถอะ” คนตัวสูงพยายามแย่งคืน แต่ผมไม่ให้

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าวันนี้นายดูแย่แค่ไหน ฮึ เราเป็นห่วงนะ” ผมพูดปิดประเด็น “เราก็แค่อยากดูแลนาย ทำหน้าที่แฟนที่ดีเพื่อนายสักครั้ง แม้จะไม่ได้เลิศหรูอะไรมากมาย แต่เราก็อยากอยู่ข้างนายนะ”

“...”

เต็งหนึ่งไม่ตอบอะไร เอาแต่เพียงจ้องมองในแววตาผม และแน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ผมมีต่อเขา แม้ไม่ต้องพูดออกมามันก็สื่อออกมาได้

“ไปนั่งรอก่อนเลย เดี๋ยวเสร็จแล้วเรายกไปให้”

“ขอบคุณนะ”

เต็งหนึ่งสวมกอดผมจากด้านหลัง มือหนาเลื่อนกอดช่วงเอวเอาไว้ แล้วใช้คางตัวเองเกยกับไหล่ข้างขวา

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”

“อืม”

แน่นอนว่าผมไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำนั้น ผมปล่อยให้เต็งหนึ่งได้อยู่แบบนั้นสักพัก จากนั้นเขาก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อรอ

“มาแล้วๆ”

ผมยกหม้อบะหมี่ไปวาง

“น่ากินเหมือนกันนะเนี่ย”

“แน่นอนอยู่แล้ว ต้องดูก่อนว่าใครทำ” ได้ทีผมก็ยอตัวเองสักหน่อย

“เราไม่ได้หมายถึงบะหมี่”

“อ้าว แล้วอะไร”

“ก็นายไง”

เต็งหนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์

“รู้ไหมว่าวันนี้น่ารักมากเป็นพิเศษ จนเรารู้สึกอยากชิมขึ้นมาแล้วสิ”

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 10 : คืนเหงา ] (09/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 10-04-2017 16:08:08
เอิ่ม เท่าที่อ่านมาตั้งแต่แรก
รู้สึกเหมือนว่าหมอกไม่ได้ขอเลิกกับต้นน้ำเพราะหมดรักนะ
ติดใจตรงประโยคแรกที่คนเขียนบรรยายว่า หมอกมองต้นน้ำด้วยสายตาตัดพ้อ ตอนบอกเลิก ยิ่งพอมาอ่านตอนปัจจุบันแล้วก็ว่าหมอกยังรักต้นน้ำอยู่หรือเปล่า
แต่ก็แอบข้องใจว่ามาเหตุผลอะไรที่หมอกขอเลิกกับต้นน้ำ
ตอนแรกก็ว่าจะอยู่ทีมหมอก เพราะแลดูน่าสงสารอยู่ลึกๆ ย้ำว่าลึกๆ 555
แต่พอรู้ว่าหมอกตามตื๊อต้นน้ำ แถมยังขี้ตู่อีกต่างหากว่าตัวเองเป็นต้นน้ำ
ก็ยื่นใบลาออกทันที หันมายื่นใบสมัครอยู่ทีมเต็งหนึ่งดีกว่า เหอเหอ
บอกตรงๆ ณ ตอนนี้นะ โคตรรำคาญหมอกเลย - -"
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่าาา
มาต่อเร็วๆนะคะ :mew1: :bye2:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 10 : คืนเหงา ] (09/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-04-2017 19:59:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 10 : คืนเหงา ] (09/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-04-2017 15:47:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 10 : คืนเหงา ] (09/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-04-2017 16:03:10
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 10 : คืนเหงา ] (09/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 13-05-2017 20:17:38
ตอนที่ 11 : ความสัมพันธ์

 

“เราว่านายกินเถอะ เส้นอืดหมดแล้ว” ผมยื่นหม้อบะหมี่ไปตรงหน้า

“ป้อนหน่อยสิ” ไม่พูดเปล่า เต็งหนึ่งอ้าปากรอให้ผมป้อน “นะครับ มีแฟนป้อนคงอร่อยกว่ากินเองนะ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะคุณชาย ได้คืบจะเอาศอกเลยนะ”

“แล้วทำให้ได้เปล่าล่ะ”

“ได้ครับ”

ผมจำต้องยอมทำตามคำขอ อีกอย่างมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรกับแค่การป้อนบะหมี่ให้แฟนตัวเองกิน ผมก็แค่คีบเส้นขึ้นจากหม้อแล้ววางลงในช้อน เป่าพอเป็นพิธี แล้วยื่นใส่ปากคนตรงหน้า

“เป็นไง อร่อยไหม”

“หวาน”

“หวานเหรอ”

ผมรีบตักน้ำซุปในหม้อชิมทันที เพราะจำได้ว่าตัวเองไม่ได้ปรุงรสเพิ่มเลย นอกจากเครื่องปรุงที่มาพร้อมกับบะหมี่ ถ้าจืดก็พอเป็นไปได้ เพราะผมใส่น้ำไปเยอะ หรืออาจจะเพราะอย่างอื่น

“ก็ไม่หวานนะ” หลังจากชิมไปหลายคำผมก็แน่ใจว่าบะหมี่ตรงหน้าไม่ได้หวานเหมือนอย่างที่เต็งหนึ่งบอก

“หวานสิ” เต็งหนึ่งยังคงเน้นคำเดิม “เพราะมีนายอะไรๆ มันก็หวานไปหมดนั่นแหละ”

เจอคำนี้ไปเล่นเอาผมจุกเลย ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะเล่นมุกแบบนี้

“เล่นมุกได้แบบนี้ได้ แสดงว่าโอเคแล้วใช่ป่ะเนี่ย”

“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะ”

“ถ้าดีแล้วก็กินให้หมดเลย”

ผมยื่นหม้อบะหมี่คืนให้คนตรงหน้า เต็งหนึ่งเองก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากรับหม้อไปแล้วตักบะหมี่กินเองจนหมด แถมยังหันมามองผมเป็นระยะๆ พร้อมรอยยิ้มหวานๆ จนผมชักระแวง

“ยิ้มอะไร”

“ยิ้มให้แฟนไม่ได้เหรอ”

“พอเลย”

“หมดแหละ”

เต็งหนึ่งรวบช้อนเป็นการบอกว่าตอนนี้ตนกินอิ่มแล้ว

“อิ่ม อร่อย แถมมีความสุขที่สุด”

“อะไรจะขนาดนั้น แค่บะหมี่เอง”

“ถึงจะเป็นแค่บะหมี่ธรรมดาสำหรับนาย แต่สำหรับเรามันถือเป็นอาหารจานพิเศษเลยก็ว่าได้นะ เพราะการได้กินอะไรสักอย่างกับคนที่รัก ต่อให้รสชาติแย่แค่ไหนมันก็อร่อยไปทุกอย่างแหละ”

มันอาจจะฟังเป็นคำพูดธรรมดาที่ถ่ายทอดออกมา แต่สำหรับผมเราดูเหมือนมันจะสื่อออกมาจากใจจริงของเต็งหนึ่ง ในแววตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความสุขที่เหมือนจะส่งผ่านมาให้ผมจนผมเองรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น

“พูดแบบนี้ ดีใจดีไหมเนี่ย” ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ

“ต้องดีใจสิ”

“ดีใจก็ดีใจ”

แม้ปากจะบอกไปแบบนั้นแต่ผมเองก็ยังไม่ค่อยมั่นในใจความรู้สึกของตัวเองมากนัก บอกตามตรงว่าผมกับเต็งหนึ่งเรารู้จักกันได้ไม่นาน อาจจะเพราะช่วงนั้นผมเพิ่งอกหักแล้วไปเจอกับเต็งหนึ่งก็เลยทำให้ผมรู้สึกอ่อนไหวไปกับคนที่เข้ามาใกล้ชิด จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วที่เราสองคนรู้จักกัน แต่ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แม้เราจะเอ่ยปากคบกันเป็นแฟน แต่มันก็ยังคงสภาพเดิมเหมือนครั้งแรกที่เรารู้จักกัน

ผมเลิกสนใจความคิดนั้นแล้วยกหม้อบะหมี่ไปล้าง แล้วไล่ให้เต็งหนึ่งไปอาบน้ำ

“ไม่อาบด้วยกันเหรอ” เต็งหนึ่งตะโกนมาจากหน้าประตูห้องน้ำ

“เราอาบน้ำแล้ว” ผมตะโกนตอบกลับไป ในมือก็ยังคงล้างหม้อไปด้วย

“โธ่ นึกว่าจะอาบน้ำพร้อมกับเรา”

“รีบๆ อาบน้ำเลยไม่งั้นล้างจานเสร็จเราจะกลับบ้านแล้วนะ”

ผมพูดขู่ไป ซึ่งมันก็ได้ผล เต็งหนึ่งรีบผลุบเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูทันที ไม่นานก็ได้ยินเสียงผิวปากพร้อมกับเสียงน้ำที่กระทบพื้นตามมา

“ให้ได้อย่างนี้สิ” ผมส่ายหน้าเล็กน้อย

 

กว่าเต็งหนึ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เล่นเอาผมหาวเพราะง่วงนอนไปหลายครั้ง ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงแล้วมองคนตัวสูงเดินไปเดินมาพร้อมกับเครื่องสำอางที่ไม่รู้สรรหามาจากไหนเยอะแยะ นี่ถ้าไม่คิดว่าเป็นผู้ชาย(รึเปล่า) ผมคงนึกว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วไปแล้ว ขนาดผมเองยังมีเครื่องสำอางแค่ไม่กี่ชิ้นเอง

“ตกลงว่าจะนอนหรือจะออกไปเที่ยวเนี่ย” ผมเอ่ยแซวคนตรงหน้าอย่างขำๆ

“นอนสิ ถามทำไมเหรอ” คนถูกถามดูจะไม่สงสัยกับคำถามของผมเลย ตรงกันข้ามกลับยังทาครีมลงบนใบหน้าอย่างต่อเนื่อง

“ก็เห็นทาครีมซะปูซีเมนต์เรียกพี่แล้วเนี่ย”

“ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ง คนเรามันก็ต้องบำรุงกันบ้าง จะหญิงหรือชายมันก็ต้องมีส่วนที่ต้องดูแลบ้างแหละ” คำพูดแต่ละคำเล่นเอาผมพูดไม่ออก ถึงมันจะจริงก็ตามถึงจะเป็นผู้ชายก็ควรดูแลผิวพรรณตัวเองบ้าง

“แต่ก็ไม่ขนาดนี้มั้ง”

“ขนาดนี้เนี่ยมันขนาดไหนเหรอ” มีหันมาถามผมอีก

“ไม่พูดดีกว่า เชิญตามสบายครับ”

ผมยอมแพ้คนตรงหน้า ก่อนจะล้มลงนอนโดยมีความนุ่มของที่นอนคอยรับเอาไว้พลางมองไปยังเพดานห้องที่ว่างเปล่าเพื่อคิดอะไรเพลินๆ

“ต้นน้ำ”

“หืม?” ผมหันไปตามเสียงเรียก “มีอะไรเหรอ”

“นอนแบบนี้ เขาเรียกว่าอ่อยรู้ป่ะ”

“อ่อย?”

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ เต็งหนึ่งที่มาค่อมผมเอาไว้ มือหนาจับล็อคเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้าง ทั้งสายตาคู่คมก็ยังมองมาที่ผมราวกับจะดูดกลืนผมไปทั้งตัว

“เอ่อ แล้วไม่ทาครีมต่อแล้วเหรอ” ผมถามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ครีมทาเมื่อไหร่ก็ทาได้ แต่มีคนมานอนอ่อยบนที่นอนแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะสิ”

“คิดอะไรอยู่ป่ะเนี่ย” ในความคิดของผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไม่ปลอดภัย เพราะแววตานั้นมันเต็มไปด้วยความต้องการที่มองก็รู้แล้ว

“แล้วถ้าคิดล่ะ จะให้ป่ะ”

“ให้อะไร” ผมแกล้งถาม ทั้งที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเต็งหนึ่งต้องการอะไร

“แล้วคนเป็นแฟนกันเขาให้อะไรกันล่ะ”

“....” ผมไม่ตอบอะไร แต่กลับเม้มปากตัวเองเอาไว้

“ไม่ตอบแบบนี้ ตกลงว่าให้ใช่ป่ะ”

“ใครบอก”

“เราไง” เต็งหนึ่งยกมือหนาขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ

“แต่เราไม่เคยนะ”

ผมบอกความจริงบางอย่างออกไปจนคนด้านบนมองอย่างสงสัย ถึงแม้ผมจะเคยมีแฟนมาก่อน แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้มีกันง่ายๆ

“จริงสิ”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ”

ผมผลักเต็งหนึ่งออกแล้วลุกขึ้นนั่งตามเดิม พลางยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อไล่ความรู้สึกแปลกๆ ที่เป็นอยู่ ยอมรับว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวไปหมด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันหายหมดราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

“เราว่า เรากลับบ้านดีกว่า”

“เดี๋ยวสิ”

พอผมทำท่าจะลุกเต็งหนึ่งก็รั้งผมเอาไว้

“ไหนบอกจะนอนเป็นเพื่อนเราแล้วทำไมมากลับดื้อๆ แบบนี้ล่ะ”

“ก็...” นั่นสิ ทำไมผมถึงอยากกลับทั้งที่ตั้งใจมานอนที่นี่อยู่แล้ว

“หรือเพราะเรื่องเมื่อกี๋ โกรธเราเหรอ”

“ก็ไม่หรอก” ผมกลับมานั่งที่เดิม

“แล้วเป็นอะไรครับ” เต็งหนึ่งปรับน้ำเสียงให้ดูสุภาพ เหมือนรู้ว่าตัวเองผิดพลาดไป

“ช่างมันเถอะ เราง่วงแล้ว นอนเถอะ”

“นอนด้วยสิครับ”

พอเห็นผมยอมนอนด้วยเต็งหนึ่งก็รีบดึงผมเข้าไปกอดทันที

“ง่วงแล้วจริงเหรอ”

“อืม”

ผมตอบไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา ดีนะที่เต็งหนึ่งกอดผมจากทางด้านหลังไม่งั้นคงได้ยินเสียงหัวใจผมไปแล้ว

“ถ้างั้นเราปิดไฟนะ”

จากนั้นความมืดก็เข้ามาครอบคลุม ผมได้แต่มองไปในความมืด แม้จะพยายามข่มตาหลับแต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง จะมีก็คงข้างๆ ที่ยังขยับตัวไปมาบ่งบอกให้รู้ว่ายังไม่หลับเหมือนกับผม

“ต้นน้ำ ยังไม่หลับใช่ไหม”

เต็งหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพราะเขาคิดว่าผมยังไม่หลับ

“ไม่ต้องตอบก็ได้นะ ฟังเราอย่างเดียวก็ได้”

จากที่คิดจะตอบไปสั้นๆ กลับต้องนอนเงียบๆ

“เราขอบใจนายมากๆ เลยนะที่มาอยู่กับเราตอนที่เรารู้สึกแย่นะ ความจริงมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก แต่พอได้มีคนมาคอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจแล้วมันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษนะ จนเราเผลอรู้สึกอยากทำอะไรแบบนั้นกับนายไป เรามันแย่เนอะ”

“แล้วถ้าเราเต็มใจล่ะ” ผมพลิกตัวหันกลับไปอีกด้านพลางใช้สายตามองไปยังเต็งหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงเงามืดๆ ก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึกว่าเต็งหนึ่งกำลังมองมาที่ผมเช่นกัน

“นายพูดจริงเหรอ”

“ครั้งแรกของเรา เราก็อยากให้กับคนพิเศษๆ อย่างนาย...”

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ริมฝีปากบางของผมก็ถูกอีกฝ่ายเข้าจู่โจมจนผมรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมา จูบรสหวานที่ผมได้สัมผัสครั้งแรก และมันยากจะถอดถอน

“เราจะทำให้นายมีความสุขที่สุด เราสัญญา”

เต็งหนึ่งพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความหอมที่มาจากความต้องการของสองเรา

 

 

 



ฝากติดตามกันเยอะๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 11 : ความสัมพันธ์ ] (13/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-05-2017 20:54:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 11 : ความสัมพันธ์ ] (13/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2017 23:21:19
ยังไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองอีกเหรอ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 11 : ความสัมพันธ์ ] (13/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 15-05-2017 11:50:32
 :hao7: :hao7: :hao7:

ปูเสื่อรอเลย ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 11 : ความสัมพันธ์ ] (13/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 19-05-2017 19:57:42
ตอนที่ 12 : ความสับสน

 

เสียงของนกยามเช้าต่างร้องแข่งขันกันบ่งบอกให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้ได้ถึงวันใหม่แล้ว แม้ความจริงผมเพิ่งจะนอนไปไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่ร่างกายก็บอกให้ผมต้องตื่นขึ้นมาจากเตียง

ข้างกายตอนนี้คือเต็งหนึ่งที่นอนหลับสนิทไม่ต่างไปจากเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับฝันหวาน แม้ผมจะเอามือไปลูบลงบนแก้มบางก็ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงจนผมลงไปนอนข้างๆ แล้วไล่มองไปตามเรียวหน้าที่ได้รูป ผมลองอยากสัมผัสดูสักครั้ง แม้จะจำได้ดีว่าเมื่อคืนหน้าของเราแนบชิดกันขนาดไหน แต่พอได้มองแบบนี้อีกก็พาลทำให้ผมเผลอหลงใหลใบหน้านี้เข้าจนได้

“จ้องแบบนี้เราเขินนะ” เต็งหนึ่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาจ้องมองผมพร้อมรอยยิ้มบาง

“เราทำให้ตื่นหรือเปล่าเนี่ย” ผมเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

“ไม่หรอก ตื่นนานแล้วล่ะ ที่นอนต่อก็แค่พักสายตานิดหน่อยนะ”

“ถ้างั้นนอนต่อเถอะ เราไม่กวนแหละ”

พอเห็นเต็งหนึ่งต้องการพักผ่อนผมก็เตรียมจะลุกขึ้น แต่กลับถูกมือหนารั้งเอาไว้แล้วดึงเข้าไปกอดจนแน่น ทำเอาหัวใจผมเกือบเต้นผิดจังหวะเพราะความตื่นเต้น

“จะรีบไปไหนครับที่รัก นอนด้วยกันก่อนสิ”

“ใครเป็นที่รัก”

“อะไรกันแค่นี้จำไม่ได้เหรอ หรือว่าต้องให้ทบทวนเรื่องเมื่อคืนอีกครั้งดีถึงจะจำได้ว่าเมื่อคืนใครกันที่เรียกเราว่าที่รักไม่หยุดปากเลย แถมยังบอกอีกนะว่าอย่าหยุด...”

ผมรีบเอามือปิดปากคนข้างๆ ทันทีเพราะขืนปล่อยให้พูดต่อมีหวังได้มีแต่เรื่องน่าอายของผมได้หลุดออกมาอีกแน่ แต่ก็ยังไม่ทันคนเจ้าเล่ห์ที่ดึงผมไปหอมฟอดใหญ่

“พอเลย เมื่อคืนยังไม่พออีกไง”

“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืนสิ นี่เช้าแล้ว มันคนละส่วนกัน”

“ทะลึ่ง” ผมตีไหล่เต็งหนึ่งเบาๆแล้วรีบลุกอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่วงล่าง “อ่าส์”

“ต้นน้ำ เป็นอะไร” เต็งหนึ่งรีบดีดตัวขึ้นมาแล้วมองผมอย่างเป็นห่วง

“เจ็บช่วงล่างนิดหน่อยนะ”

“ไหวไหม ไปหาหมอไหม เดี๋ยวเราพาไป”

“สงสัยเมื่อคืนหนักไปหน่อยมั้ง” ผมพูดพึมพำเบาๆ

“ว่าอะไรนะ”

“เปล่าๆ แค่บอกไหวนะ ถ้าไม่ขยับตัวแรงก็ไม่เจ็บเท่าไหร่”

“ถ้างั้นค่อยๆ นะ”

เต็งหนึ่งช่วยผมค่อยๆ ลุกจากเตียง จากนั้นก็รีบเอาเสื้อผ้าของตัวเองมาให้ผมใส่ แม้มันจะใหญ่กว่าไซส์ที่ผมใส่อยู่ แต่มันก็ไม่ได้ดูใหญ่จนเกินไป

“เอาไว้จะซักมาคืนให้นะ”

ผมก้มลงเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่กระจายอยู่รอบเตียง พาลนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่ไม่รู้ทำกันท่าไหนเสื้อผ้าถึงได้กระจายไปรอบๆ เตียงแบบนี้

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ไปนั่งเฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวเราเก็บเสื้อผ้าให้เอง”

เต็งหนึ่งไล่ผมไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ แล้วจากนั้นก็ไปเก็บเสื้อผ้าของเราสองคนแทนผมต่อ

“เสื้อผ้าพวกนี้เดี๋ยวเราซักให้เองนะไม่ต้องเอากลับไปหรอกนะ”

“แล้วแต่”

ผมปล่อยให้เต็งหนึ่งเก็บเสื้อผ้าต่อโดยตัวเองก็ได้แต่นั่งมองไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะขยับตัวลำบากก็เลยทำให้ต้องมานั่งอยู่ในสภาพแบบนี้ หรือไม่ก็เพราะเต็งหนึ่งคงอยากดูแลผมให้มากๆ ก็อาจจะเป็นได้

“หิวไหม”

เต็งหนึ่งเอ่ยถามผมหลังจากที่เก็บผ้าไปใส่ในตะกร้าด้านในเรียบร้อย

“ก็นิดหน่อยนะ”

แม้ปากจะบอกไปแบบนั้นแต่ท้องก็เริ่มร้องประท้วงบ้างเล็กน้อย อาจจะเพราะปกติผมกินข้าวเช้าตรงเวลาตลอด พอมาไม่ได้กินแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกแสบท้องนิดๆ

“เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเราลงไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ”

“เอาสิ”

จากนั้นเราสองคนก็ลงมาที่ห้องครัว จากทีแรกที่ผมเสนอเป็นคนทำอาหารเช้าเองกลับโดนเต็งหนึ่งไล่ให้ไปนั่งดูทีวีฆ่าเวลาโดยที่เขาเป็นคนทำผมกิน ในฐานะที่ผมเป็นแขกแล้วเขาเป็นเจ้าของบ้าน

แม้เสียงทีวีจะดังเพื่อเรียกร้องให้ผมหันไปสนใจมันแต่ผมกลับหันไปมองยังคนตัวสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่ไม่ไกลนัก ความจริงผมก็เคยได้กินฝีมือของเต็งหนึ่งมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้กลับมากินอีกครั้ง

ติ๊งต่อง..ติ๊งต่อง

เสียงออดที่ดังมาจากทางหน้าบ้านทำให้ผมหันไปกลับมองอย่างสงสัย ไม่เว้นแม้กระทั่งเต็งหนึ่งเองที่หันมามองผมอย่างสงสัย

“ต้นน้ำรบกวนไปดูให้หน่อยได้ไหม เรากลัวมันไหม้นะ”

“ได้ๆ” ผมรับคำแล้วเดินไป

พอเปิดประตูบ้านผมก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง พอดูคร่าวๆ แล้วอายุเด็กคนนั้นคงพอๆ กับผม แถมยังหน้าตาดีอีกด้วย

“มาหาใครครับ” ผมถามไป

“เต็งหนึ่งอยู่ไหมครับ เผอิญผมแวะมาแถวนี้ก็เลยซื้อขนมมาฝาก”

“อยู่ด้านในนะ เข้ามาสิ” ผมเปิดประตูรั้วต้อนรับแขกผู้มาเยือน

“อืมๆ”

พอแขกของเต็งหนึ่งเดินเข้าไปด้านใน ผมก็รีบปิดประตูแล้วรีบตามเข้าไปด้านในทันที

“ทำไรอยู่นะเต็งหนึ่ง” น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นคนละคนกับที่คุยกับผมเมื่อกี้มาก มันฟังดูอ่อนโยนและนุ่มนวลจนผมอดสงสัยไม่ได้

“อ้าว ท๊อป มาได้ไงเนี่ย”

พอได้เห็นแขกของตัวเองเข้ามาในบ้าน เต็งหนึ่งก็รีบเบาแก๊สแล้วเดินเข้าไปโผกอดคนตรงหน้าอย่างแนบแน่น โดยที่ผมได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าสายตาของเต็งหนึ่งที่มองมายังท๊อปมันดูโหยหาผิดจากปกติ

“ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีใช่ไหม”

“สบายดีสิ ว่าแต่นายเหอะ หุ่นเฟิร์มขึ้นเยอะเลยนะ เห็นแล้วแบบ...” ไม่พูดเปล่า ท๊อปใช้สายตาสำรวจเรือนร่างของเต็งหนึ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียกได้ว่าทุกส่วนของร่างกายเลยก็ว่าได้

“เห็นแล้วทำไม” เต็งหนึ่งหัวเราะ

“ก็ไม่ทำไมหรอก”

“เออๆ จริงสิ ต้นน้ำนี่ท๊อปเป็นแฟนเก่าเรานะ” เต็งหนึ่งแนะนำคนข้างๆ ให้ผมรู้จัก “ท๊อบ ส่วนนี่คือต้นน้ำ เป็น...”

“ต้นน้ำครับ เป็นเพื่อนข้างบ้าน” ผมตอบแทน ซึ่งดูเต็งหนึ่งหน้าเสียไปนิด แต่มันก็คงไม่ต่างจากผมหรอกที่ตอนนี้หน้าชาไปหมดหลังจากที่รู้ว่าตัวเองพาแฟนเก่าของแฟนตัวเองเข้ามาในบ้าน แถมยังมาคิดเล็กคิดน้อยไร้สาระอีก

“ต้นน้ำ ทำไม...”

“ถ้าไงเรากลับก่อนนะ เผอิญมีธุระด่วน คุยกันตามสบายแล้วกัน”

ผมไม่ต้องรอให้เต็งหนึ่งอนุญาต ผมรู้ตัวเองดีว่าถ้าอยู่ต่อคงรู้สึกแย่กว่านี้เป็นแน่ เพราะแค่นี้มันก็ทำให้ผมเกือบน้ำตาไหลแล้ว แล้วถ้าอยู่ต่อผมคงไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน

“เดี๋ยวก่อนสิต้นน้ำ ยังไม่ได้กินข้าวเลย”

ผมรีบเดินออกจากบ้านเต็งหนึ่งแล้วตรงเข้าบ้านของตัวเองทันที

“กลับมาแล้วครับ” ผมร้องบอกน้าพิมพ์ที่กำลังตั้งโต๊ะอาหารอยู่พอดี

“กินอะไรมาหรือยังต้นน้ำ น้ากำลังตั้งโต๊ะพอดี”

“ผมไม่ค่อยหิวนะครับ ขอไปพักก่อนนะครับ” ผมพยายามฝืนยิ้มให้น้าพิมพ์ก่อนจะเดินเข้าห้องไปเงียบๆ

“พี่ต้นน้ำเขาเป็นอะไรไปนะแม่ ผมเห็นสีหน้าพี่เขาแปลกๆ ไปนะ ดูไม่ค่อยสดใสเลย” โอ๊ตเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมเดินผ่านไปได้สักพัก แน่นอนว่าน้าพิมพ์เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

“ปล่อยเขาเถอะ เราเองก็เลิกเล่นมือถือแล้วก็ไปตามพ่อมากินข้าวได้แล้ว”

“เข้าใจแล้วครับ”

 

ผมรีบเข้าห้องแล้วพร้อมล็อคประตู จากนั้นก็ล้มตัวนอนไปทันที

“ฟู่ ใจเย็นเข้าไว้ แค่แฟนเก่าเอง เราสิตัวจริง” ผมพยายามพูดปลอบตัวเองเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“พี่ต้นน้ำ ผมขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ”

“โอ๊ตมีอะไรหรือเปล่า” ผมร้องถามกลับไป

“ก็นิดนึงนะครับ”

“แปบนะ เดี๋ยวพี่เปิดประตูให้”

จากที่แรกที่ผมต้องการอยู่คนเดียวเพื่อคิดอะไรเงียบๆ กลับกลายเป็นว่ามีสมาชิกเข้ามาในห้องเพิ่มอีกหนึ่งคน แถมยังมานั่งจ้องมองผมราวกับต้องการคำตอบว่าผมเป็นอะไรอยู่

“จ้องพี่แบบนี้หมายความว่าไงเหรอ”

“ผมก็แค่อยากดูให้แน่ใจว่าพี่โอเคไหมเท่านั้นเอง”

“พี่ก็โอเคดีนะ ถามทำไมเหรอ”

ผมชักสงสัยแล้วว่าทำไมโอ๊ตต้องมาถามผม ปกติโอ๊ตจะไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับผมสักเท่าไหร่ แม้จะมีบางครั้งที่ชวนผมดูหนัง หรือเล่นเกมส์บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดกับมานั่งจ้องผมแล้วถามคำถามแปลกๆ แบบนี้

“แต่ผมว่าพี่ไม่โอเคนะ พี่รู้หรือเปล่าว่าดวงตาพี่มันฟ้องว่าตอนนี้พี่ไม่โอเคเลย”

ผมอึ้งไปเลยกับคำพูดของคนตรงหน้า น้อยคนหนักที่จะใส่ใจรายละเอียดกับเรื่องของผม

“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมแกล้งหัวเราะกลบเกลื้อนแต่มันก็คงช่วยปกปิดความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ “โดนจับได้แบบนี้ก็เซงเลยแฮะ”

“พี่มีอะไร ปรึกษาผมได้นะ ผมยินดีรับฟัง”

“แม่เราใช้ให้เรามาคุยกับพี่หรือเปล่าเนี่ย ถึงได้ทำหน้าจริงจังแบบนี้”

“ไม่ใช่หรอก ผมมาเอง ผมเห็นพี่มีเรื่องไม่สบายใจผมก็อยากช่วยแบ่งเบาความรู้สึกบ้างนะครับ” โอ๊ตอธิบาย “ว่าแต่ พี่ทะเลาะกับพี่เต็งหนึ่งมาใช่เปล่า”

“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก” ผมตอบไปตามจริง

“แล้วทำไมพี่เป็นแบบนี้ล่ะ ผมเห็นพี่สองคนออกจะรักกันดี”

“เดี๋ยวๆ นี่เรารู้เรื่องพี่กับเต็งหนึ่งด้วยเหรอ ว่าแบบ...”

“รู้สิพี่ ผมไม่ได้โง่นะ” โอ๊ตหัวเราะ “แล้วมันเป็นยังไงเหรอ พี่ถึงได้เป็นแบบนี้เนี่ย”

“ก็แค่เสียเซลฟ์นิดๆ นะ อยู่ด้วยกันสองคนดีๆ แฟนเก่าเขาดันโผล่มา พี่รู้สึกอึดอัดก็เลยขอตัวกลับมา สุดท้ายมันก็มาแน่นอยู่กลางอกเนี่ยแหละ” ผมสารภาพออกไป

“อย่าคิดมากสิพี่ เขาก็แค่อาจแวะมาทักทายก็ได้”

“พี่ก็หวังว่างั้น”

“แล้วพี่ไม่คิดจะกลับไปเหรอ เผื่อแฟนเก่าเขาจะกลับไปแล้วก็ได้นะ”

“ช่างเถอะ พี่ขออยู่แบบนี้ดีกว่า” ผมล้มตัวนอนอีกครั้ง

“นอนแบบนี้มีแต่ทำให้คิดมาก ผมว่าเราไปเที่ยวกันดีกว่านะ เปิดสมองสักนิด เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”

“เอางั้นเหรอ” ผมหันมองโอ๊ตที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก

“ดีสิ แต่ตอนนี้ผมว่าพี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอเลย อีก 15 นาทีเจอกันหน้าบ้านนะครับ”

“เดี๋ยวสิ โอ๊ต...” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบตกลงอะไรออกไป โอ๊ตก็รีบออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้ผมต้องลุกจากเตียงแล้วลุกไปอาบน้ำตามที่น้องชายตัวแสบบ่งการ







ไม่เม้นต์มีงอนนนนนนนนนนน 55555



หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 12 : ความสับสน ] (19/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-05-2017 21:02:21
อ้าว!!!! ยังไงถ่านไฟเก่ายังร้อน รอวันรื้อฟื้นเหรอ :ling3: :ling3:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 12 : ความสับสน ] (19/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2017 22:56:07
แฟนเก่ามาเพื่อ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 12 : ความสับสน ] (19/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-05-2017 02:56:30
อืม....
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 12 : ความสับสน ] (19/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 22-05-2017 11:27:38
แฟนเก่ามันจะมาทำไมเนี่ย

ว่าแต่โอ๊ตรู้เรื่องต้นน้ำด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 13 : เปิดใจ ] (08/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 08-06-2017 22:14:02
Chapter 13 : เปิดใจ

 

“มาแล้วครับ” เสียงของโอ๊ตดังขึ้นมาจากอีกฝากพร้อมกับในมือที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและขนม

ตอนนี้เราสองคนมาอยู่ที่หน้าโรงหนัง ซึ่งกว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ก็เถียงกันอยู่พักใหญ่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี แต่สุดท้ายโอ๊ตก็เป็นฝ่ายสรุปว่าอยากดูหนัง ผมก็เลยจำยอมความต้องการของน้องไป ความจริงก็มันก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันเพราะผมเองก็ไม่ได้ดูหนังมาพักใหญ่แล้ว

“ตั๋วหนังพร้อม น้ำดื่มป๊อบคอนพร้อม แล้วพี่ล่ะพร้อมหรือยัง” โอ๊ตถามผมให้แน่ใจ

“พี่นะเหรอ พร้อมเสมออยู่แล้ว” ผมรีบแย่งแก้วน้ำมาดูด “ได้เวลาแล้วเข้าไปดูกันดีกว่า”

“เอาสิครับ”

เราสองคนเดินหาที่นั่งไม่นานก็เจอก่อนจะรีบนั่งลงเพราะใกล้เวลาฉายแล้ว แต่ผมกับต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ของผมกำลังดังขึ้น

“พี่ต้นน้ำลืมปิดเสียงเหรอ” โอ๊ตกระซิบถามผมเบาๆ

“โทษทีๆ”

ผมรีบกดปิดเสียงก่อนจะมองไปยังรายชื่อหน้าจอที่กำลังแสดงอยู่

[เต็งหนึ่ง]

ชื่อที่ปรากฏมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะตลอดทางที่ผมมาที่นี่เต็งหนึ่งพยายามติดต่อผมหลายครั้งแต่ผมเลือกที่จะไม่รับสาย อาจจะเพราะผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่สามารถจะคุยอะไรได้ กลัวถ้าเผลอพูดแรงหรืออะไรผิดแปลกไปจะทำให้ต้องทะเลาะกันเปล่าๆ ดังนั้นการอยู่กับตัวเองสักพักแบบนี้คงจะทำให้ผมได้คิดอะไรได้บ้าง

“ผมว่าพี่ปิดเครื่องไปเลยดีกว่านะ ผมเห็นพี่ปิดเสียงหลายครั้งแล้วเนี่ย”

“พี่ก็ว่างั้น” ก่อนที่มือผมจะกดปุ่มพาวเวอร์ค้างแล้วโทรศัทพ์ในมือก็ดับวูบไป

“ขอทางหน่อยครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยปากเบาๆ เพื่อที่ตนเองจะได้เดินเข้าไปด้านใน

“ได้ครับ” ผมรีบหลบขาของตัวเองทันที

“ขอบคุณนะต้นน้ำ”

แม้ในโรงหนังจะมืด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมไม่เห็นว่าคนที่มานั่งดูหนังอยู่ข้างๆ ผมนั่นเป็นใคร แถมน้ำเสียงและแววตาเองก็ดูเศร้าหมองลงไปมากจนผมไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ผมเคยรู้จักไหม

“หมอก” ผมเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ

“หนังเล่นแล้ว” หมอกชี้ไปยังจอเพื่อให้ผมหันไปสนใจตรงหน้าแทน “ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

ผมจำยอมเงียบแล้วดูหนังไป แต่ความจริงผมกลับดูหนังไม่รู้เรื่องเลย หลายครั้งที่ผมหันไปมองคนข้างๆ อย่างสงสัย ความจริงเราสองคนก็เจอกันที่มหาลัยทั้งยังมากวนผมอยู่บ่อยๆ แต่ผมกลับไม่เคยสังเกตเลยว่าสีหน้าของเต็งหนึ่งนั้นดูไม่ค่อยดีนัก

“มองเรานานๆ แบบนี้เราเขินนะ” หมอกละสายตาจากหนังแล้วหันมากระซิบบอก

“โทษที” ผมหันกลับไปดูหนังต่อ

“ก็บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

“อืมๆ”

เกือบสองชั่วโมงกับหนังที่ฉายไปอย่างเมามันส์แต่ผมกลับไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ส่วนคนที่ดูรู้เรื่องแถมยังอารมณ์ค้างจนออกจากโรงอย่างโอ๊ตก็เอาแต่เล่าฉากสำคัญๆ อย่างฉากรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว หรือฉากที่พระเอกยิงปืนสู้กับตัวโกงนั้นก็ล้วนแต่เป็นฉากเด็ดของเรื่อง แต่ผมกลับเก็บรายละเอียดเหล่านั้นไม่ค่อยได้เท่าไหร่

“พี่ต้นน้ำ คอยดูนะ ถ้าแผ่นออกมาผมจะรีบไปอุดหนุนอีกรอบเลย หนังดีๆ แบบนี้ต้องเก็บเอาไว้สะสม” ผมรู้สึกขอบคุณแทนค่ายหนังจริงๆ ที่มีแฟนพันธุ์แท้แบบนี้ แถมยังอุดหนุนของแท้มีลิขสิทธิ์อีกด้วย

“ซื้อแล้วบอกพี่ด้วยนะ จะได้ดูด้วยคน” ผมเอ่ยไปตามความจริง เพราะผมเองก็อยากดูเรื่องนี้จริงจังสักครั้ง

“ได้เลยพี่ ของแบบนี้พลาดไม่ได้”

“ต้นน้ำ”

เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมกับโอ๊ตหันไปมอง และเสียงนั่นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

“หมอก”

“เพื่อนพี่เหรอ” โอ๊ตกระซิบถามผมเบาๆ

“ใช่” ผมพยักหน้าพลางตอบกลับ

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ”

“แล้ว...” หมอกมองไปยังคนข้างๆ ผม เพื่อขอคำตอบว่าคนๆ นี้คือใคร

“นี่โอ๊ต น้องชายเรา” ผมแนะนำคนข้างๆ ให้หมอกได้รู้จัก “โอ๊ต คนนี้เพื่อนพี่ ชื่อหมอกนะ”

“สวัสดีครับ” โอ๊ตยกมือไหว้ตามมารยาท

“ดีครับ” หมอกยกมือรับไหว้

“ผมว่าถ้าพวกพี่จะคุยกันก็ได้นะ เดี๋ยวผมไปเดินซื้อของแถวนี้ก่อนก็ได้ แล้วถ้าคุยเสร็จพี่ต้นน้ำโทรตามผมแล้วกันนะครับ” ดูเหมือนโอ๊ตจะรู้สถานการณ์ตรงนี้ดีเลยรีบเสนอให้ผมได้มีเวลาคุยกับหมอก

“ขอบใจนะ ถ้าพี่คุยเสร็จจะโทรหานะ”

“ไปล่ะ”

พอตรงนี้เหลือเพียงเราแค่สองคน ผมก็ได้ยืนนิ่งๆ เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากอะไรออกมาบ้าง แต่หมอกกลับยืนเงียบพลางใช้สายตาคู่สวยมองที่ผมอย่างไม่กระพริบตา

“สบายดีใช่ไหม” นั่นคือคำถามแรกที่หมอกเอ่ยออกมา มันทำให้ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย

“สบายดี” ผมตอบสั้นๆ

“แล้วหิวไหม”

“นิดหน่อย” ผมยังคงตอบแบบสั้นๆ เหมือนเดิม

“ถ้างั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ”

หมอกยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินนำผมไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากโรงหนังมากนัก ความจริงแล้วร้านอาหารที่นี่ก็มีมากกว่าสิบร้าน แต่หมอกกลับพาผมเข้าไปยังร้านที่ผมมักจะมากินประจำ และยังเลือกโต๊ะมุมประจำที่ผมชอบนั่งอีกด้วย

“คิดถึงวันเก่าๆ เนอะ”

หลังจากนั่งได้สักพักหมอกก็เอ่ยถึงความหลัง ทั้งที่ความจริงแล้วผมเองก็กำลังคิดถึงมันเหมือนกัน เพราะที่นี่มันเป็นสถานที่ที่เราสองคนมากันประจำ แถมยังสร้างความทรงจำกับที่นี่ไว้เยอะจนจำแทบไม่หมด

“รับอะไรดีค่ะ”

แต่ก่อนที่เราจะได้คุยกันต่อ บริกรของร้านก็มาเดินมารับออเดอร์ของพวกเรา ผมสั่งเมนูเดิมที่เคยกินประจำ โดยที่หมอกเองก็สั่งเมนูประจำของตัวเองเหมือนกัน

“รายการอาหารตามนี้นะคะ” หลังจากทวนรายการอาหารเสร็จ บริกรของร้านก็เดินไป

“ยังกินเหมือนเดิมเลยเหรอ” หมอกชวนคุย

“ก็คงงั้น”

“นี่ถ้าเราไม่บอกเลิกต้นน้ำวันนั้น ป่านนี้เราก็คงมีความสุขกว่านี้สินะ”

“....”

“ความจริงก็เหมือนพูดแก้ตัวเนอะ อยู่ดีๆ ก็มาทำเป็นคุยดีด้วย แต่อย่างน้อยเราก็อยากจะบอกเรื่องวันนั้นให้ต้นน้ำได้รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง”

ระหว่างคุย หมอกไม่ได้มองหน้าผมเลย เขาเอาแต่นิ้วเขี่ยไปมาบนโต๊ะเหมือนเด็กๆ ที่กำลังครุ่นคิดอะไรเพลิน

“อีกอย่างยังทำหมางเมินเหมือนคนไม่รู้จักกันด้วย”

“แล้วไง” ใช่! ในเมื่อผมเป็นคนบอกไปเองว่าต่อไปก็อย่าได้ทำเป็นคนรู้จักกัน

“คนเราก็มันก็ต้องมีเหตุผลดิต้นน้ำ”

“แต่วันนั้นนายก็บอกเรามาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเรามันน่าเบื่อ งี่เง่า ไม่น่ารักไงล่ะ” ผมยังจำถึงคำพูดเหล่านั้นได้ดี เพราะทุกคนมันยังย้อนให้ผมกลับไปมองตัวเองบ่อยๆ ว่าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า

“แต่ที่เราพูดไปวันนั้นมันไม่ใช่แบบนั้นนะ” หมอกพยายามแก้ตัว อาจจะเพราะเห็นสีหน้าผมไม่ค่อยดีนักก็เป็นได้

“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ในเมื่อนายเป็นคนพูด”

“เราขอโทษ เราผิดไม่แล้ว วันนั้นที่เราพูดไปเพราะสถานการณ์มันบังคับให้เราต้องทำแบบนั้น”

หมอกพยายามอธิบาย

“พ่อเราจับได้ว่าเราคบกับผู้ชายก็เลยสั่งบังคับให้เราเลิก เพราะท่านมีผู้หญิงจะให้เราเป็นแฟนด้วย แถมขู่อีกว่าถ้าไม่เลิกกันก็จะตัดพ่อตัดลูกกันไปเลย แล้วแบบนั้นจะให้เราทำยังไงล่ะ ต้องยอมโดนตัดพ่อลูก หรือยอมเสียนายไป แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกครอบครัว ต้นน้ำเข้าใจเราหน่อยสิ”

“แล้วทำไมนายไม่บอกเราล่ะ อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ทำไมต้องทำร้ายจิตใจเราด้วย” ผมมองหน้าคนตรงหน้าเพื่อหวังว่าจะมีคำตอบดีๆ หลุดออกมาจากปากหมอกบ้าง

“พ่อเราสั่งไม่ให้เราติดต่อกับต้นน้ำอีกเลย” และนั่นเป็นคำตอบที่ทำเอาผมหัวใจไม่ทั่วท้อง “แม้แต่เป็นเพื่อนกันก็ตามที”

“แล้วทำไมตอนนี้...”

“พ่อเราเสียไปแล้วล่ะ”

เป็นอีกคำตอบที่ทำเอาผมรู้สึกจุกแน่นไปทั้งตัว ความรู้สึกต่างๆ มันตึงไปหมด ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดออกมาจากริมฝีปากบาง สายตาได้แต่มองตรงไปยังคนด้านหน้าที่นั่งนิ่งไม่ต่างไปจากผม

“เสียใจด้วยนะ” ผมพยายามพูดคำนั้นอย่างช้าๆ เพื่อหวังว่ามันจะถ่ายทอดความรู้สึกผิดของผมออกมาได้

“ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องมันผ่านมาแล้ว”

“....” ผมได้ก้มหน้านิ่ง

“อาหารมาแล้วค่า” บริกรสาวยกอาหารวางตรงหน้าพวกเราสองคน

“ต้นน้ำ รีบกินสิ เดี๋ยวเย็นหมดแล้วมันจะไม่อร่อยนะ“

หมอกเรียกสติผมให้กลับมา โดยที่เขาเองก็ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าอย่างอร่อย ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จะมีก็เพียงแต่ผมที่ยังรู้สึกสับสนไปหมดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดูเลวร้ายไม่ต่างไปจากละครทีวี

“หมอก”

“หืม?” หมอกที่กำลังสนใจกับอาหารเงยหน้าขึ้นมามอง

“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่ไหม”

“แน่นอนสิ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่” หมอกยิ้ม “แต่เสียดาย ช่วงที่เราหายไปดันมาคนมาจีบต้นน้ำแย่งจากเราไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ถ้าเขาทำให้ต้นน้ำเจ็บมาหาเราได้เสมอนะ เรายินดีให้ยืมอกอุ่นๆ นี้คลายความเหงาได้นะ”

“เสี่ยววะ”

“แล้วชอบป่ะละ”

“ไม่รู้ จะกินแล้ว หิว”

“โมโหแบบนี้ก็น่ารักดีนะเนี่ย”

“พอได้แล้ว”

 





 * ฝากติชมกันด้วยนะครับ *
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 13 : เปิดใจ ] (08/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2017 08:08:20
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 25-08-2017 20:53:06
Chapter 14 : ถ่ายแบบ

 

ผมกับโอ๊ตกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นพร้อมกับของที่ซื้อติดมือกลับมาอีกเล็กน้อย จนไม่แน่ใจว่าไปเที่ยวพักสมองหรือตั้งใจไปช็อปปิ้งกันแน่ แต่ก่อนที่จะได้เข้าบ้านเต็งหนึ่งก็เดินมาขวางเอาไว้

“ไปไหนมา ทำไมไม่รับสายเรา” เต็งหนึ่งเดินเข้ามาหาผม พลางถามด้วยความเป็นห่วง

“ไปเที่ยว” ผมตอบ โดยที่ไม่หันไปมองคนข้างๆ

“หันมาคุยกันก่อนสิ ทำแบบนี้เรารู้สึกแย่นะ”

“โอ๊ต พี่ฝากของเข้าบ้านด้วยนะ เดี๋ยวพี่คุยธุระเสร็จแล้วจะเข้าตามไป”

ผมยื่นถุงของให้โอ๊ต โดยที่เจ้าตัวเองก็ได้แต่พยักหน้าเชิงเข้าใจแล้วรีบเข้าบ้านไป

“มีอะไร”

“โกรธเราเรื่องเมื่อเช้าใช่ไหม” เต็งหนึ่งเปิดประเด็น “เรื่องที่แฟนเก่าเรามาหานะ”

“เปล่า ไม่ได้โกรธ”

“ไม่ได้โกรธ แล้วทำไมต้องเดินหนีไปด้วยล่ะ เราโทรไปหาก็ไม่รับ แบบนี้ไม่เรียกว่าโกรธแล้วจะเรียกว่าอะไร”

เต็งหนึ่งรู้สึกสับสนไม่ต่างไปจากผม ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำไปแบบนั้นเพราะอะไร ทั้งที่มันดูไร้เหตุผล และไร้สาระมาก แต่ก็หนีเอามาดื้อๆ แบบนั้น

“หึง พอใจป่ะ” ผมจำยอมรับความจริง

“หึง นายหึงเราเหรอ” เต็งหนึ่งเผยยิ้มออกมา

“ใช่ หึง”

“หึงเรากับแฟนเก่าเนี่ยนะ”

“แล้วไง หึงไม่ได้ไง แฟนตัวเองไปกอดกับแฟนเก่า แล้วจะให้แฟนใหม่อย่างเราทำไง ยืนดูเฉยๆ ปล่อยให้อดีตคู่รักสวีตกันไปต่อหน้าต่อตาเหรอ เราทำไม่ได้”

“คิดมากจริงๆ เลย”

เต็งหนึ่งยกมือหนาขึ้นมาขยี้หัวผม

“เห้ยๆ ผมเสียทรงหมด”

“นิดเดียวเอง ยังไงก็หล่อเหมือนเดิม”

“ขยี้ซะแรงแบบนี้เนี่ยนะ”

“ยอมคุยกับเราดีแบบนี้ แสดงว่าหายแล้วใช่ป่ะ”

“ใครบอก” ใช่ ใครบอกว่าผมหายแล้ว

“ก็”

“ไปคิดหาวิธีง้อมาแล้วกันนะ ตอนนี้เราเหนื่อยมาก ขอตัวไปพักผ่อนก่อน เมื่อคืนก็นอนน้อยอยู่แล้วด้วย ตอนนี้คิดถึงที่นอนสุดๆ ไปเลย ไปล่ะ” พูดเสร็จผมก็เดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้เต็งหนึ่งยืนเหวออยู่พักใหญ่

“เดี๋ยวสิต้นน้ำ นอนบ้านเราก็ได้นะ” เต็งหนึ่งตะโกนตามหลังมา

“นอนที่นั่น มีหวังไม่ได้นอนอีกนะสิ”

“ใครบอก นอนเช้าต่างหากล่ะ”

“ทะลึ่ง”

ผมปล่อยให้เต็งหนึ่งยืนอมยิ้มอยู่หน้าบ้านต่อไป ส่วนตัวผมเองก็รีบเข้าไปนอนพักผ่อน ชดเชยในส่วนที่ยังไม่ได้นอนไป แต่ดูเหมือนพอหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็เข้าสู่นิทราทันที

 

หลังจากที่ได้คุยอย่างเปิดอกกับหมอกไป ผมก็เริ่มมองเขาในแง่ดีมากขึ้น แม้ว่าเจ้าตัวจะยังพูดกวนบาทาอยู่บ้าง แต่มันก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ สำหรับผมกับหมอก

อย่างเช่นวันนี้เราสองคนก็ใช้ชีวิตตามปกติ จะต่างก็คงที่เมื่อก่อนหมอกมักจะคอยเดินตาม ส่วนผมก็คอยมองอย่างไม่พอใจ แต่ตอนนี้เราสองคนกลับเดินเคียงข้างกันราวกับแฟนกันจริงๆ แต่มันคงเป็นแค่เรื่องในอดีตเพราะต่างคนต่างรู้ดีว่าตอนนี้ผมเองมีแฟนใหม่ไปแล้ว และเขาก็เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของผมเท่านั้น

“จริงสิต้นน้ำ พี่แอมไลน์มาบอกเรื่องวันถ่ายรูปลงเพจแล้วนะ” หมอกที่เหมือนเพิ่งจะนึกได้รีบบอกกับผมทันที ความจริงผมเองก็เพิ่งได้รับไลน์จากพี่แอมเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไป

“รู้แล้วล่ะ อาทิตย์หน้าใช่ป่ะ”

“ใช่ๆ” หมอกกดเปิดโปรแกรมแชตเพื่อดูให้แน่ใจอีกครั้ง

“แล้วแฟนนายโอเคป่าว เรื่องที่เราจะไปถ่ายกันเนี่ย”

พอถามแบบนี้ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ความจริงเต็งหนึ่งเองก็พอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้นะสิ ผมกำลังรอให้เต็งหนึ่งมาง้ออยู่ช่วงนี้ก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“นั่นสิเนอะ เขาจะโอเคป่าว”

“อ้าว”

“ช่างเถอะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”

“เออๆ”

 

 

[ต้นน้ำ อยู่ไหนแล้ว]

“หน้ามอแล้ว กำลังเข้าไป” ผมรีบบอกปลายสายให้รู้

สาเหตุที่ผมต้องรีบขนาดนี้ก็เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่พี่แอมนัดผมกับหมอกมาถ่ายรูปนั่นเอง แถมผมดันมาตื่นสายซะอีก แต่ก็ยังดีที่โอ๊ตมาปลุกผมแถมยังช่วยออกมาส่งหน้าหมู่บ้านเพื่อที่ผมจะได้หารถมาที่นี่ได้ไวขึ้น สงสัยว่ากลับไปต้องซื้อขนมกลับไปฝากแน่ๆ

[รีบๆ เลยนะ พี่แอม รอนานแล้ว]

“เออๆ บอกพี่แอมด้วยอีกไม่กิน 10 นาทีไปถึงแน่”

จากนั้นผมก็รีบกดวางสายแล้วหันมองมอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไร้วี่แววของบรรดาพี่ๆ วินทั้งหลาย ซึ่งปกติจะนั่งกันเต็มวิน แต่ทำไมวันนี้กลับไม่มีสักคนให้ผมได้ใช้บริการเลย

“ให้ไปส่งไหม” ผมหันไปมองยังต้นเสียง เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงนั่งคร่อมมอเตอร์ไซต์อยู่ไม่ไกลจากผมมากนัก แถมยังใส่หมวกกันน็อตปิดหน้าตาจนผมไม่รู้ว่าคนๆ นั้นคือใคร

“อะไรนะครับ”

“เราถามว่า จะให้เราไปส่งไหม” หมวกกันน็อตถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่ผมรู้จักดีเป็นที่สุด

“เต็งหนึ่ง” ผมหน้าคนตรงหน้าอย่างงงๆ

“ว่าไง ไปไหม หรือว่าจะรอพี่วินดีล่ะ”

“เอ่อ...”

“มัวแต่เอ่อ เดี๋ยวก็สายหรอก” เต็งหนึ่งลงจากรถแล้วสวมหมวกใส่หัวผม ก่อนจะกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมบนรถ “ทำไมยืนนิ่งล่ะ หรือว่าจะต้องให้เราอุ้มขึ้นรถดี”

“ไม่ต้องๆ ขึ้นเองได้”

“ดีมาก แฟนใครเนี่ย น่ารักที่สุดเลย” เต็งหนึ่งหัวเราะชอบใจ ก่อนจะค่อยๆ ออกรถไป

และเพียงไม่ถึง 5 นาที พวกเราสองคนก็มาถึงห้องชมรมที่ดูเหมือนพี่แอมจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เหลือก็เพียงนายแบบอย่างผมที่กำลังวิ่งหน้าตั้งเข้าไปด้านใน พลางขอโทษทุกคนตรงหน้าที่มาผิดเวลา

“พี่แอม ผมขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรต้นน้ำ หมอกบอกพวกพี่แล้ว ตอนนี้รีบไปให้พวกพี่ตรงนู้นแต่งหน้าก่อนนะ แล้วค่อยมาเตรียมชุดอีกทีนะ”

พี่แอมรีบจัดแจงทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ส่วนผมเองก็รีบเดินไปให้พี่ๆ เขาแต่งหน้าทำผมทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา

“เหนื่อยไหมแอม” เต็งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเดินตามเข้ามาเอ่ยทักพี่แอมอย่างสนิทสนม

“อ้าว เต็งหนึ่ง มาด้วยเหรอ”

“เผอิญมาส่งคนแถวนี้นะ” ไม่พูดเปล่า แต่สายตานั่นมองมายังผมเต็มๆ

“อ๋อ รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย” พี่แอมมองผมสลับกับเต็มหนึ่งราวกับต้องการคำตอบว่าเราเป็นอะไรกัน และผมเองก็ลุ้นเหมือนกันว่าเต็งหนึ่งจะตอบอะไร

“รู้จักดีเลยล่ะ” เต็งหนึ่งอมยิ้ม

“ฮั่นแน่ พูดแบบนี้หมายความว่า...” พี่แอมแกล้งแหย่ แต่มันกลับทำให้เต็งหนึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ

“น้องต้นน้ำ นั่งนิ่งๆ สิจ๊ะ พี่แต่งหน้าไม่ได้นะ”

“ขอโทษครับ” ผมหันกลับไปนั่งนิ่งๆ แต่หูก็ยังแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองคนนั้นต่อ

“แอม จะเป็นไรไหมถ้าเราจะขอถ่ายด้วยอีกคนนะ” เต็งหนึ่งเปิดประเด็น

“ถ่ายกับเด็กๆ นะเหรอ”

“เด็กขี้งอนนะครับ”

“เอ๋ มีเด็กแบบนั้นแถวนี้ด้วยเหรอ”

พี่แอมหัวเราะเบาๆ แต่ผมเนี่ยสิ ชักเริ่มหัวเราะไม่ออกแหละ เพราะไม่รู้ว่าเต็งหนึ่งกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือคำขอนั้นกำลังเป็นจริง

“ถ้างั้น เต็งหนึ่งก็เตรียมตัวให้เพื่อนเราแต่งหน้าทำผมรอได้เลย เอาไว้เราถ่ายเด็ก 2 คนนั้นเสร็จแล้ว ค่อยเรียกเต็งหนึ่งมาถ่ายต่อเลยนะ” พี่แอมแจงคิวที่ถูกเสริมมาให้เข้าใจง่ายๆ

“ขอบใจมากนะ เอาไว้จะตอบแทนทีหลังนะ”

“ไม่ต้องหรอกยะ แค่ถ่ายรูปสวยๆ ให้เรา แค่นี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว”

“เอางั้นก็ได้ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน”

จากนั้นเต็งหนึ่งก็มานั่งลงข้างๆ ผมเพื่อรอคิวแต่งหน้าต่อไป ส่วนผมเองพอหน้าตาและทรงผมเสร็จเรียบร้อย พี่ๆ ก็พาผมไปอีกห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยตรงนั้นหมอกที่กำลังเช็คตัวเองหน้ากระจกอยู่

“แต่งหน้าเสร็จแล้วเหรอ” หมอกหันมาถามผมแล้วหันกลับไปมองตัวเองในกระจกต่อ

“อืม เสร็จแล้ว” ผมตอบ “ว่าแต่นายเถอะ ส่องกระจกไม่เลิกจริงๆ เลยนะ”

“ทำไงได้ ก็คนมันหล่อ” คำตอบนี้บอกได้คำเดียวเงิบครับ ไม่ผมเคยไปชอบกับคนหลงแก่ตัวแบบนี้ได้ไงเนี่ย แค่คิดก็เพลียแหละ

“งั้นตามสบายครับพ่อคนหล่อ” ผมปล่อยให้หมอกชมตัวเองต่อไป ก่อนจะหันไปรับชุดที่พี่ๆ เขาเตรียมไว้แล้วเข้าไปเปลี่ยนด้านใน

ชุดที่ได้มานั้นเป็นชุดใส่สบายๆ อย่าง เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ซึ่งยอมรับว่าผมเองก็ชอบชุดนี้มาก เพราะมันเข้ากับลุคของผมมาก แถมยังทำให้ผมแลดูเป็นเด็กใสๆ อีกด้วย

“น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย” พี่แอมเอ่ยชมผม

“ขอบคุณครับ” ผมตอบพลางยิ้มแก้เขิน

“ถ้าเสร็จแล้ว เตรียมออกไปด้านนอกเลยนะ เราจะได้ถ่ายเซ็ตแรกกัน วันนี้คงเหนื่อยหน่อยนะต้นน้ำ พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ถ่ายหลายเซ็ตเลย คงไม่หนีพี่กลับก่อนนะ”

“ไม่หรอกครับ ชุดสวยๆ แบบนี้ ผมยินดีถ่ายให้ครับ”

“ถ้างั้นก็ไปด้านนอกกันเถอะ หมอกออกไปรอนานแล้ว”

“ครับ”

 

หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-08-2017 14:54:30
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 28-08-2017 13:50:27
 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-09-2017 16:33:16
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-09-2017 15:33:28
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 14 : ถ่ายแบบ ] (25/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2017 22:06:23
 เดือนกว่าแล้ว

 :call: :call: :call:

หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 15 : คำขอโทษฯ ] (02/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 02-12-2017 15:52:16
Chapter 15 : คำขอโทษของผู้ชายคนหนึ่ง

 

หลายคนคงจะคิดว่าการมายืนอยู่หน้ากล้องเป็นอะไรที่รู้สึกพิเศษมาก เพราะจะทำให้เรารู้สึกโดดเด่นเป็นพิเศษ ราวกับเราเป็นบุคคลสำคัญที่มีคนคอยจับมอง แต่สำหรับผมตอนนี้มันไม่ใช่เลยครับ นอกจากจะต้องยืนโพสท่าให้ดูดีแล้ว สายตาก็ต้องมองไปยังเลนส์กล้องที่คอยจับจ้องทุกท้วงท่าของเราให้ออกมาดูดี ผิดกับคนข้างๆ ที่ดูเหมือนจะสนุกกับมันจนผมชักไม่แน่ใจว่าไปเก่งเรื่องการถ่ายแบบนี้มาจากไหน

“เกร็งเหรอ” หมอกหันมาถามผมหลังจากพี่ตากล้องของพัก

“ก็ประมาณนั้น” ผมยอมรับความจริง “ว่าแต่นายเถอะ ดูชิลๆ มากเลยนะ โพสท่าจะแต่ละทีอย่างกับนายแบบมายืนถ่ายรูปคู่กับเรานะ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ง”

“แล้วขนาดไหนล่ะ”

“ขนาดไหนนะเหรอ ก็เคยเห็นแล้วป่ะ” หมอกกระซิบข้างหู ทำเอาผมหน้าร้อนช่า “เป็นไรเนี่ย หน้าแดงเชียว คิดอะไรอยู่เนี่ย หึ”

“ก็...”

“ทะลึ่งวะ”

“เราหมายถึงโพสท่าถ่ายรูปเหอะ”

ผมพยายามพูดแก้ตัว แต่มันก็แสดงพิรุธออกมา เป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้นทั้งนั้นแหละ มาพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่หน้ากล้องนะ คงได้เตะไอ้คนตรงหน้าสักทีไปแล้ว

“น้องๆ ครับ คราวนี้พี่จะจัดเต็มของจริงแล้วนะครับ” พี่ตากล้องตะโกนร้องบอก หลังจากที่เซ็ตอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมแล้ว

“แล้วที่ถ่ายเมื่อกี้คือยังไงครับ” ผมเริ่มงง

“อ่อ เมื่อกี้พี่แค่เทสกล้องนะ”

แค่คำตอบก็ผมเอาผมเครียดไปเลย นี่ขนาดแค่เทสกล้องเฉยๆ ผมยังรู้สึกเกร็งได้ขนาดนี้ แล้วต่อไปจะต้องถ่ายอย่างจริงจังแบบจัดเต็มอีกผมคงไม่แข็งเป็นขอนไม้แน่ๆ เลย

“ทำไมต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะต้นน้ำ” พี่แอมที่ยืนอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

“ตื่นเต้นนะครับ”

“ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นหรอก ต้นน้ำแค่ทำตัวสบายๆ ชิวๆ เหมือนกับว่าตอนนี้ต้นน้ำอยู่กับหมอกแค่สองคน ทำกิจกรรมทั่วไป โดยไม่ต้องสนใจว่ากล้องจะจับภาพเราตอนไหน พี่ตากล้องเขาจะคอยถ่ายรูปให้เราเอง หรือบางทีก็อาจจะให้จัดท่าบ้างเล็กน้อย ดังนั้น ไม่ต้องไปกังวลกับมันมากนะ เชื่อพี่สิ” คำแนะนำเล็กๆ จากพี่แอมทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาได้บ้าง แต่มันก็ยังคงมีตื่นเต้นหลงเหลืออยู่

“ผมจะลองดูนะครับ”

“สู้ๆ นะ”

ผมยิ้มให้พี่แอมก่อนจะเดินกลับไปหาหมอกที่ดูเหมือนจะพร้อมกับการถ่ายครั้งนี้แล้ว

เสียงชัตเตอร์ที่ถูกกดรัวนั่นเป็นสัญญาณที่บอกให้ผมได้รู้ว่า ผมเริ่มชินกับมันแล้ว เพราะคำแนะนำของพี่แอมที่ผมได้มานั้นมันทำให้ผมสามารถยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง แถมคนที่ผมพร้อมถ่ายแบบด้วยเองก็ดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะโพสท่าไหน เราสองคนก็โอมาดูดีจนพี่ตากล้องเอ่ยชมไปหลายครั้ง

“ต่อไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษานะ เดี๋ยวเราสองคนเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วอีกเดี๋ยวออกมาถ่ายต่อได้เลยนะ” พี่แอมชี้แจงก่อนจะส่งชุดต่อไปมาให้พวกเรา

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยขอบคุณพี่แอมสำหรับชุดที่นำมาให้

“เปลี่ยนเสร็จแล้วเจอกันด้านนอกนะ” พูดเสร็จพี่แอมก็เดินไปอีกด้านเพื่อเตรียมฉากต่อไป

“กินสิ จะได้มีแรง” เต็งหนึ่งยื่นแก้วน้ำมาตรงหน้า

“ขอบคุณนะ” ผมรับมาแล้วดูดทันที

“เป็นไง หายตื่นเต้นยัง”

“ก็หายมั้ง ไม่รู้สิ ก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่บ้างนะ แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดแหละ รูปจะได้ออกมาดี อีกอย่างก็ไม่อยากให้พี่แอมจะต้องเสียเวลาฟรีๆ ด้วยนะ”

“คิดเยอะนะเรา”

“ก็นิดนึง” แม้ปากจะบอกนิดนึงแต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเป็นพิเศษ “ว่าแต่เรา แล้วทำไมยังไม่กลับเนี่ย รอเราเหรอ”

“จะว่าใช่ก็ใช่ หรือจะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

“แล้วมันยังไง”

“ก็ได้ยินตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราจะถ่ายรูปกับเด็กขี้แงแถวนี้นะ”

“ว่าเราขี้แงเหรอ” ผมตีไหล่คนตรงหน้าไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้

“แล้วไม่จริงเหรอ งอนอะไรก็นานแท้ วันนี้ก็เลยจะหาวิธีง้อเลย”

“จะคอยดู”

ผมส่งแก้วน้ำคืนแล้วรีบเดินไปเปลี่ยนชุดทันทีโดยไม่หันไปมองคนตัวสูงที่ได้แต่ยินยิ้มอยู่ตรงนั้นคนเดียว

 

ใช้เวลาไม่นานผมกับหมอกก็กลับมายืนหน้ากล้องอีกครั้ง แต่คราวนี้สถานที่ถ่ายรูปกลับเป็นพื้นที่อาคารเรียนที่พวกเราเรียน โดยการถ่ายครั้งนี้เน้นความเป็นธรรมชาติของพวกเราสองคน เน้นย้ำชัดๆ ว่าเราสองคน ดังนั้นรูปที่เราจะถ่ายนั้นจะต้องเน้นความหวานเป็นพิเศษ ทั้งยืนจับมือกัน ยืนจ้องหน้ากัน หรือหนักสุดสำหรับผมก็คงเป็นนอนตักแล้วจ้องมองตากัน

“ทำแบบนี้แล้วนึกถึงเมื่อก่อนเนอะ” หมอกเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พลางใช้มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่บังใบหน้า สายตาที่มองมานั้นไม่ต่างไปจากช่วงแรกๆ ที่เราสองคนเคยคบกัน เป็นแววตาที่มองกี่ครั้งๆ ก็ไม่รู้เบื่อ แถมมันยังทำให้หัวใจของผมเองรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“นั่นสิเนอะ เราชอบมานอนตักนาย ส่วนนายก็ลูบหัวเราไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราก็หลับ” แค่พูดถึงผมก็เหผอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“แถมปลุกก็ไม่ยอมตื่นอีกด้วย”

“คงงั้น” ผมได้แต่ฝืนยิ้ม

“แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวเหล่านั้นเป็นได้แค่เพียงความทรงจำที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีกครั้ง” หมอกยิ้มตอบกลับ แต่ทำไมผมรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันกำลังร้องไห้

“หมอก...”

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ใช่ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม ถึงจะไม่เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่ไหม”

“อืม”

ผมลุกขึ้นนั่ง แล้วกุมมือคนข้างๆ เพื่อหวังว่าความรู้สึกดีๆ ที่ผมเคยมีให้เขานั้นมันยังคงไม่ต่างไปจากเดิม แม้ความสัมพันธ์ของเราจะลดลงเหลือแค่คำว่าเพื่อน แต่มันก็ไม่ได้ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อกัน

“ขอบคุณนะที่กลับมาอยู่ข้างๆ กันอีก”

“เพื่อนกันแบบนี้ดีสุดแล้วล่ะ” ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของหมอกในตอนนี้

“ภาพสวยมากครับน้องๆ เดี๋ยวต่อไป เราจะไปถ่ายตรงทางเดินกันนะครับ” พี่ตากล้องบอก

“นี่น้ำจ๊ะเด็กๆ”

“ขอบคุณครับ” ผมและหมอกรับน้ำจากพี่แอมมาดื่มแก้กระหาย

“เดี๋ยวพอถ่ายตรงทางเดินเสร็จก็หมดแล้วล่ะ แต่ว่าต้นน้ำมีถ่ายต่อนะ”

“ต้นน้ำมีถ่ายอะไรเหรอพี่” หมอกถามอย่างสงสัย

“ความลับ”

แม้จะบอกความลับ แต่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าความลับที่ว่านั้นคืออะไร แต่ถึงยังไงก็คงเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แถมผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนๆ นั้นจะหาวิธีไหนมาง้อผมกัน

สุดท้ายหมอกก็เก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วไปถ่ายรูปต่อ

ตรงทางเดินไม่ได้ถูกเซ็ตอะไรเป็นพิเศษ นอกจากให้ผมกับหมอกเดินคู่กัน ต่อด้วยจับมือกันบ้างตามประสาคนรักกัน แต่ในความเป็นจริงมันคืออดีตก็ตาม ปิดท้ายด้วยผมขึ้นขี่หลังหมอก

“พร้อมนะ” หมอกหันมาถามผม

“พร้อมๆ”

จากนั้นผมก็ทิ้งน้ำหนักลงบนหลังหมอก ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ ทรงตัวแล้วยื่นขึ้นอย่างช้าๆ จนผมชักไม่แน่ใจว่าหมอกจะรับน้ำหนักผมไหวหรือเปล่า

“ไม่เจอกันแค่แปบเดียว หนักขึ้นนะเนี่ย”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย เมื่อก่อนอุ้มเราได้สบายๆ เลยไม่ใช่เหรอ”

“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย” หมอกยังบ่นไม่เลิก

“ก็แค่ไม่กี่โลเอง ทำเป็นบ่น”

“เราไม่ได้บ่น เราแค่สงสัย”

“ก็แล้ว...”

“ต่อให้ต้นน้ำจะหนักถึงร้อยโล เราก็อุ้มไหว” หมอกพูดขึ้นเบาๆ

“ขอโทษนะ” ผมก้มลงกระซิบข้างหู “ขอโทษที่ทำให้ต้องกลับไปคิดถึงเรื่องในอดีตอีก ขอโทษที่เราทำให้นายต้องเจ็บกับเรื่องนั้นอีก”

“เลิกขอโทษได้แล้ว คนที่ผิดมันคือเรา ดังนั้นไม่ได้ขอโทษอะไรอีกแล้วเข้าใจไหม”

“....” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่กอดหมอกให้แน่นอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าผมเองจะได้ทำแบบนี้อีกไหม

การถ่ายแบบสิ้นสุดลงด้วยดี แน่นอนว่าได้รับคำชมจากพี่แอมเยอะเป็นพิเศษ แถมยังได้ค่าขนมติดมือได้ เรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้มซะอีก

“เดี๋ยวต้นน้ำไปเอาชุดด้านในไปเปลี่ยนแล้วไปเจอกันด้านบนนะ คนที่จะถ่ายรูปคู่กับเราเขารออยู่แล้วล่ะ” พี่แอมรีบชี้แจง

“ได้ครับ”

“ใครเหรอพี่แอม” หมอกยังคงถามต่อ

“ถ้าอยากรู้ ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามขึ้นไปด้านบนแล้วกันนะ” พี่แอมไม่ตอบแต่กลับให้หมอกไปดูเอง

“ก็ได้ครับ”

 

หลังจากที่รับเสื้อสูทสีน้ำเงินมาผมก็รีบใส่แล้วขึ้นไปยังชั้นสองตามที่พี่แอมบอก ตรงนั้นถูกจัดไปด้วยซุ่มดอกไม้จำนวนมาก ตลอดจนบนผนังเองก็มีเหล่าลูกโป่งน้อยใหญ่ประดับเอาไว้จนหนาตา และไม่ไกลจากตรงนั้นก็มีชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนเด่นสง่าจนผมแอบเผลอยิ้มให้โดยไม่รู้ตัว

“ต้นน้ำ” ร่างสูงนั้นเอ่ยเรียกชื่อผมเบาๆ

“ลงทุนเยอะนะเนี่ย” ผมเอ่ยแซว

“จะง้อแฟนทั้งทีมันก็ต้องลงทุนก็นิดหน่อยนะ อีกอย่าง...” นิ้วยาวชี้ไปอีกฝากที่มีพี่ตากล้องพร้อมเก็บภาพสวยๆ อยู่ไม่ไกลจากตรงที่เราอยู่ “...พี่ก็อยากแสดงความรักที่มีต่อต้นน้ำให้คนอื่นได้รู้บ้างก็เท่านั้น”

เต็งหนึ่งเดินหายเข้าไปด้านในก่อนจะกลับมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็ก แล้วเดินตรงมาที่ผมยื่นอยู่

“ขอโทษสำหรับทุกเรื่องนะ” ช่อดอกกุหลาบถูกยื่นมาตรงหน้าผม “ต่อไปเราสัญญาว่าจะทำหน้าที่แฟนที่ดี”

“สัญญาแล้วต้องทำให้ได้นะ“ แน่นอนว่าผมรับช่อดอกไม้นั้นมา

“ต้องทำได้สิ”

ผมก็โผกอดคนตรงหน้า

แต่ภาพนั้นกลับทำให้ใครคนหนึ่งที่ยืนแอบมองอยู่นั้นต้องรู้สึกเจ็บลึกไปถึงกลางใจ แล้วต้องยอมรับในความเป็นจริงที่เป็นอยู่

“มีความสุขมากๆ นะ ต้นน้ำ”

เสียงที่แผ่วเบาของหมอกล่องลอยไปกับสายลมโดยที่เจ้าของชื่อนั้นไม่ได้ยินมัน

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 15 : คำขอโทษฯ ] (02/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-12-2017 01:38:23
 :pig2:

ในที่สุดก็กลับมา

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 15 : คำขอโทษฯ ] (02/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-12-2017 11:17:54
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 15 : คำขอโทษฯ ] (02/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 06-12-2017 07:02:29
Chapter 16 : คู่จิ้นตัวจริง

ต้องยอมรับเลยว่าหลังจากที่ภาพถ่ายของผมกับหมอกถูกปล่อยลงในเพจของคณะ กระแสตอบรับนั้นดีเกินคาดจนผมเองก็ยังแปลกใจไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่ผม เพราะหมอกเองก็ดูจะชอบใจกับผลงานนี้มาก แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของหมอกดูไร้ชีวิตชีวาราวกับไม่ใช่หมอกที่ผมเคยรู้จัก

“เป็นไรป่าวเนี่ย” ผมเอ่ยถามคนข้างๆ ความจริงผมก็รู้สึกมาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

“เป็นไร ใครเป็นไร” แม้จะตอบปัดๆ แต่ผมก็ดูออกว่าหมอกมีเรื่องให้คิด

“ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย ปกติไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่มีเรื่องให้คิดนะ อย่าห่วงเลย เดี๋ยวเราก็ดีขึ้นเองแหละ”

แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเห็นหมอกเป็นแบบนี้มาก่อน

ความจริงตั้งแต่วันที่พวกเราไปถ่ายแบบกัน ผมก็ไม่ได้เจอหมอกอีกเลย เพราะกว่าผมกับเต็งหนึ่งจะถ่ายเสร็จก็ใช้เวลาไปถึงช่วงเย็นเลย แล้วพอออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมกลับบ้านก็ไร้ซึ่งเงาของหมอกแล้ว ถามพี่แอมก็บอกแต่ว่าหมอกขอตัวกลับบ้านไปก่อน ซึ่งผมเองก็พอเข้าใจ แต่พอมาวันนี้ผมถึงได้รู้ว่าหมอกต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่

“มีอะไรก็บอกเราได้นะ”

“ขอบใจนะ”

“ถ้างั้นรีบไปกันเถอะ รุ่นพี่นัดเอาไว้ที่เดิม ถ้าไปสายอีกเดี๋ยวจะโดนพี่ก้องทำโทษอีก”

พอพูดถึงพี่ก้องผมก็นึกถึงบทลงโทษของพวกเราที่มันทำให้เราสองคนกลับมาสนิทกันอีกครั้ง แม้มันจะไม่เหมือนเดิมก็ตามที แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้มิตรภาพสำหรับเรากลับมา

ผมกับหมอกมาทันเวลาพอดี โดยที่ก้องยิ้มให้กับพวกเราเชิงประมาณว่าเกือบโดนแล้วนะ

“อาทิตย์หน้าคือวันเฉลยพี่รหัสของพวกน้องๆ พี่อยากรู้ว่าหลังจากที่น้องๆ ได้โค้ชลับไปแล้วน้องๆ ได้เจอพี่รหัสของตัวเองหรือยัง แต่พี่ก็ได้ยินข่าวมาว่าหลายคนเริ่มสืบหาพี่รหัสของตัวเองแล้ว บางคนก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือบางคนก็เจอกันแล้วถือว่าเก่งใช้ได้ แต่อย่างที่บอกนะครับว่าถ้าใครหาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอจนถึงวันนั้นเราจะมีบทลงโทษ เข้าใจไหมครับ”

“โห่” ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ แต่เป็นเสียงของทุกคนในภาคที่ร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ดังนั้นอย่าเพิ่งตัดใจกันนะ เข้าใจไหมครับ” คำหลังพี่ก้องตะโกนดังลั่นจนหลายๆ คนสะดุ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว

“เข้าใจครับ/ค่ะ” ทุกคนผสานเสียง

“ก่อนจะกลับ หมอกกับต้นน้ำมาหาพี่ด้วยนะ”

“ครับ” ผมกับหมอกตอบกลับแม้จะยังไม่เข้าใจก็ตาม

“สำหรับวันนี้แค่นี้ เจอกันอาทิตย์หน้านะครับ”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ”

เพื่อนในภาคเริ่มแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางจะเหลือก็เพียงพี่ก้องกับรุ่นพี่อีกไม่กี่คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเต็งหนึ่งอยู่ด้วย

“เป็นไงพวกนาย โอเคไหม” พี่ก้องเอ่ยสั้นหลังจากที่พวกเราเดินมาหา

“โอเคเรื่องอะไรครับ” หมอกถาม

“ก็พี่เห็นรูปพวกนายบนเพจ ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลขนาดนั้น”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ อีกอย่างก็ไม่ได้ดูเสียหายอะไรด้วย ดีซะอีกมีคนรู้จักพวกเรามากขึ้น” ผมตอบไปตามความจริง “แถมยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย”

“หมดกิจกรรมตรงนี้ก็ไม่ต้องเล่นบทคู่จิ้นแล้วนะ แต่ถ้าจะจิ้นกันต่อพี่ก็ไม่ว่านะ” พี่ก้องพูดติดตลกจนผมขำตาม แต่คนข้างๆ ผมเนี่ยสิไม่ยอมขำตาม

“คงไม่หรอกครับพี่ ต้นน้ำเขามีตัวจริงอยู่แล้วล่ะ แถมยังยืนอยู่แถวนี้ด้วย” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ใครเหรอ” พี่ก้องมองไปรอบๆ ก็พบกับสายตาคนๆ หนึ่งที่มองพวกเราไม่วางสายตา “อย่าบอกนะว่า...เต็งหนึ่ง”

“....” ผมไม่ตอบอะไร ส่วนหมอกเองก็เอาแต่ยืนนิ่งจนพี่ก้องคิดเองเออเองคนเดียว

“ถึงว่า วันนั้นที่พี่ให้พวกเราเป็นคู่จิ้นกันแล้วเต็งหนึ่งมาพูดเชิงไม่พอใจก็เพราะแบบนี้เองสินะ” พี่ก้องหัวเราะกับความตลกของตัวเอง “พี่ขอโทษเราด้วยนะที่ทำไปแบบนั้น”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกับหมอกเองก็ยินดี”

“รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้แฮะ”

“อย่าคิดมากไปเลยพี่”

“เป็นการไถ่โทษ พี่จะให้คำใบ้พวกเราเรื่องพี่รหัสแล้วกันนะ โอเคไหม”

“โอเคเลยพี่”

ผมตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เพราะผมยังไม่เริ่มหาเลย ถ้าได้คำใบ้มาสักหน่อยคิดว่าน่าจะช่วยผมหาได้เร็วขึ้น อีกอย่างผมเองก็ไม่อยากโดนทำโทษรอบสองเหมือนกันและหมอกเองก็คงคิดเช่นเดียวกับผม

“พี่ชายขายาวงั้นเหรอ” พี่ก้องดูไม่แปลกใจกับมันเท่าไหร่ แถมยังยิ้มซะจนผมเริ่มแปลกใจ

“มันทำไมเหรอพี่” ไม่ใช่แค่ผมที่สงสัย หมอกเองก็สงสัยไม่แพ้กัน

“พี่บอกได้แค่ว่า ต้นน้ำเจอเขาบ่อยมากบ่อยกว่าพี่ด้วยซ้ำนะ” พี่ก้องอมยิ้ม“ส่วนของหมอก คนนี้หมอกก็เจอบ่อยพอๆ กับเจอพี่นั่นแหละ”

คำใบ้ที่ได้มา แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่มันก็พอจะทำให้ผมหาคนๆ นั้นได้ไม่ยาก

“ขอบคุณมากครับ”

“โชคดีนะ”

พี่ก้องเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะขอตัวไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่ดูเหมือนจะรอพี่ก้องเพื่อเตรียมตัวกลับกันอยู่แล้ว จะมีก็แต่เต็งหนึ่งที่ไม่ได้เดินไปสมทบกับพวกนั้น แต่เขากลับเดินมาหาผมแทน

“กลับกันเลยไหม”

“ก็ได้นะ” ผมตอบตกลง “นายจะกลับพร้อมกันเลยไหม”

“ตามสบายเลย” หมอกตอบแค่นั้นก่อนจะเดินไปอีกทาง

“มันโอเคไหมนะ ปกติเจอหน้ากับเราทีไรจ้องจะหาแต่เรื่อง แต่ทำไมวันนี้มันดูเงียบๆ แปลก”

ไม่ใช่แค่เต็งหนึ่งที่รู้สึกอย่างเดียว ผมเองก็รู้สึก แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เจ้าตัวเป็นคนพูดเอง

เราสองคนกลับมาถึงบ้านก็พอดีกับที่น้าพิมพ์กำลังตั้งโต๊ะพอดี ตอนนั้นเต็งหนึ่งก็เลยต้องมาร่วมโต๊ะกับเราอย่างเลี่ยงไม่ได้

“อิ่มมาก แถมอร่อยด้วย” นั่นคือเสียงของเต็งหนึ่งที่ตอนนี้นอนตีพุงอยู่บนเตียงนอนของผม

“โชคดีนะเนี่ย ถ้ามาไม่ทันก็คงกลับไปกินมาม่าอีกใช่ไหมเนี่ย”

“พูดอีกก็ถูกอีก” เต็งหนึ่งหัวเราะแห้งๆ “ป้าสาก็ไปธุระบ่อยๆ จนไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ก็ต้องทำใจแหละ อีกอย่างเราเองจะทำกินก็ได้นะแต่ขี้เกียจ”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ”

“ก็รอว่าคนแถวนี้จะไปทำให้กินมากกว่านะ”

“ขอกันแบบนี้เลยเหรอ”

ผมล้มตัวนอนลงข้างๆ

“ก็ต้องแบบนี้แหละ ไม่งั้นก็อดกินฝีมือแฟนตัวเองสิ” บทจะหวานก็มาเป็นชุดจนผมอดยิ้มไม่ได้พลางหันมองคนที่นอนข้างๆ “แอบมองเหรอ”

“ไม่ได้แอบมอง แต่มองตรงๆ เลย”

“คืนนี้นอนห้องเราไหม”

เต็งหนึ่งเองก็หันมาสบตากับผม

“อยากนอนกอดแฟนตัวเองจัง”

ไม่พูดเปล่า แต่เต็งหนึ่งดึงผมเข้าไปกอดทันที

“ทำอะไรเนี่ย ปล่อยเลย เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”

“ใครจะมาเห็น เราอยู่กันในห้องนะ”

แต่ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องผมก็เปิดออก พร้อมกับโอ๊ตที่ยืนมองพวกเราอย่างตกใจ เป็นผมก็คงตกใจที่เปิดมาเจอผู้ชายสองคนนอนกอดกันแบบนี้

“ขอโทษครับ ผมลืมเคาะประตู” โอ๊ตเอ่ยขอโทษแล้วรีบไปหลบหลังประตู

“มีอะไรเหรอโอ๊ต” ผมที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระร้องถาม

“แม่ผมให้ตามพี่ต้นน้ำไปหานะครับ”

“เดี๋ยวพี่ตามไปนะ” ผมบอก “เดี๋ยวมานะ นอนเล่นไปก่อนแล้วกัน”

“แล้วรีบมานะ คิดถึง”

“รู้แล้วน่า”

ผมออกมาหาน้าพิมพ์ตามที่โอ๊ตไปตาม แต่พอมาหาจริงๆ กลับไม่ได้มีอะไรพิเศษ นอกจากเรียกผมออกมากินขนม กับถามเรื่องการเรียนของผมว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งผมก็บอกไปตามความจริง

จะเว้นก็แต่โอ๊ตที่นั่งกินขนมไปแอบมองผมไปจนผมชักไม่แน่ใจว่าโอ๊ตต้องการอะไร

“เต็งหนึ่งกลับบ้านไปหรือยังล่ะต้นน้ำ ทำไมไม่ชวนออกมากินขนมด้วยกันละลูก” แต่ไม่ทันขาดคำ เต็งหนึ่งก็เดินออกจากห้องมาสภาพผมฟู พลางมองพวกเราอย่างงงๆ

“มีอะไรเหรอครับ”

“เต็งหนึ่งมากินขนมด้วยกันสิ” น้าพิมพ์เอ่ยเรียก

“ขอบคุณครับ” เต็งหนึ่งนั่งลงข้างๆ ผมพลางหยิบขนมใส่ปาก

“อยู่บ้านคนเดียวถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกน้าได้นะ หรือไม่ก็ฝากมากับต้นน้ำก็ได้ ป้าสาไปธุระบ่อยมากเลยช่วงนี้ น้าสงสารว่าเราจะกินข้าวไม่ครบทุกมื้อนะ” น้าพิมพ์บอกด้วยความเป็นห่วง ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย

“ได้ครับ”

“แล้วถ้านอนคนเดียวไม่ได้ ก็มานอนบ้านนี้ก็ได้ หรือจะให้ต้นน้ำไปนอนเป็นเพื่อนเราเหมือนคราวก่อนก็ได้นะ น้าอนุญาต” น้าพิมพ์ตัดสินใจให้เสร็จโดยไม่หันมาถามผมสักคำว่าผมโอเคไหม แต่หน้าเต็งหนึ่งเนี่ยสิยิ้มให้ผมราวกับต้องการสื่ออะไร

“เรื่องนั้นผมก็คิดอยู่เหมือนกันครับว่าคืนนี้ผมจะให้ต้นน้ำไปนอนด้วย”

“จริงดิ” ผมหันมองคนข้างๆ

“ก็จริงนะสิ ต้นน้ำไม่รู้เหรอว่าเรานอนคนเดียวมันเหงาจะตาย ไม่เหมือนมีคนมานอนข้างๆ หรอก”

ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งถูกใจน้าพิมพ์เข้าไปอีก แถมส่งเสริมเต็งหนึ่งแบบจัดเต็มจนผมปฏิเสธไม่ได้ ถ้าน้าพิมพ์รู้ว่าผมไปนอนที่นั่นแล้วมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเนี่ยน้าพิมพ์จะรับได้ไหมเนี่ย แค่คิดก็ปวดหมองแล้ว แต่ทุกความคิดของผมดูเหมือนว่าจะไม่พ้นสายตาของโอ๊ตที่คอยมองอย่างจับผิดอยู่ตลอด

“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ” เต็งหนึ่งเอ่ยลาน้าพิมพ์ แล้วหันมากระซิบผม “รีบอาบน้ำแต่งตัวมาให้หอมๆ เลยนะครับที่รัก”

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ว่าอะไรตอบกลับ เต็งหนึ่งก็รีบวิ่งออกจากบ้านไป

“พี่ต้นน้ำครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่นะครับ”

หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 16 : คู่จิ้นตัวจริง ] (06/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-12-2017 09:15:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 16 : คู่จิ้นตัวจริง ] (06/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttyboy2017 ที่ 06-12-2017 14:29:15
 :hao6: :hao6:

รอตอนต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 17 : โอ๊ต ] (10/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 10-12-2017 19:07:52


Chapter 17 : โอ๊ต

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อมาพบกับคนๆ หนึ่ง

“รอนานยังเนี่ยเรา”

ผมนั่งลงข้างๆ โอ๊ตที่ตอนนี้นั่งดื่มน้ำอัดลมอย่างชิลๆ นี่ถ้าโตไปอีกนิดผมคิดว่ากำลังดื่มเหล้าหรือไม่ก็เบียร์แล้ว เพราะท่าทางเหมือนคนแก่คิดมาก

“กินด้วยกันไหมพี่” กระป๋องน้ำอัดลมถูกยื่นมาตรงหน้า

ผมเปิดกระป๋องนั้นแล้วยกขึ้นดื่มราวกับตัวเองกระหายน้ำ แต่ความจริงกลับไม่ใช่

“ว่าแต่มีอะไรเหรอถึงอยากคุยกับพี่นะ” ผมเปิดประเด็น เพราะดูท่าคนข้างๆ ผมจะยังคงนั่งนิ่งคิดอะไรเพลินๆ ในใจจนไม่ยอมเอ่ยปากคุยอะไรสักคำ

“พี่ต้นน้ำ พี่ว่าผมดูเป็นไง” เจอคำถามแรกไปผมก็งงเลยครับ

“ยังไง พี่ไม่เข้าใจ”

“พี่เห็นผมเป็นคนแบบไหนอ่ะครับ ในสายตาของพี่นะ”

“อืม จะว่าไงดีละ เราดูเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ขยันเรียนหนังสือ เป็นนักกีฬา เป็นลูกที่ดี เป็นน้องที่ดีของพี่ด้วย” ผมคิดได้เท่านั้นจริงๆ

“อย่างนั้นเหรอ”

“เป็นไรเนี่ย ทำไมถามแปลกๆ”

“พี่รู้ไหมว่าพี่นะเป็นไอดอลของผมเลยนะ”

“ฮะ พี่เนี่ยนะ” ผมตกใจไปเลย ไม่คิดว่าคนอย่างผมจะเหมาะไปเป็นไอดอลสำหรับใคร เพราะขนาดตัวผมเองยังรู้สึกเลยว่าต้องปรับปรุงตัวเองอีกเยอะ

“ผมนะ รู้เรื่องของพี่ทุกเรื่องเลยนะ โดยเฉพาะความรัก”

“....”

“ผมนะคิดเสมอเลยนะว่าจะต้องเจอรักที่สวยงาม แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วมันคงมีแต่ในละครหรือไม่ก็นิยายที่เราจินตนาการมันขึ้นมา แต่ความเป็นจริงแล้วมันกลับมีอะไรซับซ้อนเสียจนปวดหัวไปหมด”

“นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย” ผมเริ่มงง เพราะยิ่งฟังไปเรื่อยๆ มันยิ่งเหมือนโอ๊ตกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับผม

“ผมอึดอัดนะพี่”

“มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ ถ้ามันทำให้เราสบายใจขึ้น”

“พี่แน่ใจนะว่ารับมันได้”

“แล้วเรื่องไรล่ะ”

“ผมชอบผู้ชายนะพี่”

“...”

คำพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เลย

ผมได้แต่มองคนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจ อะไรทำให้โอ๊ตรู้สึกแบบนั้น เด็กกำลังโตอย่างโอ๊ตอาจจะมีความคิดที่สับสนจนทำให้คิดไปเองว่าตัวเองชอบแบบนั้น มันคงเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจว่าตัวเองชอบผู้ชาย แม้ผมแต่ตัวผมเองก็ยังรู้ตัวเลยว่าไม่น่าจะมาไกลได้ขนาดนี้เหมือนกัน

“พี่ว่าเราค่อยๆ คิดดีกว่านะ” ผมตบบ่าโอ๊ตเบาๆ “เรายังเด็กอยู่อาจจะกำลังสับสนก็ได้นะ”

“แต่ว่า...”

“เป็นแบบพี่มันไม่ได้ดีเลยนะ โดยคนอื่นมองว่าผิดปกติมันก็แย่พอแล้ว แม้ว่าแม่ของพี่จะรับได้ แต่สังคมอื่นๆ ที่เราจะไปพบเจอมันอาจจะไม่ได้มองเราแบบนั้นก็ได้ พี่ว่าโอ๊ตค่อยๆ คิด แล้วตัดสินใจตัวเองอีกทีก็ยังไม่สายนะ เรื่องแบบนี้อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจเลยนะ” ผมพยายามอธิบายถึงเหตุผล

“แล้วทำไมพี่ต้นน้ำกับพี่เต็งหนึ่งยังรักกันได้เลยครับ”

“....”

คำถามง่ายๆ แต่ผมกลับรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกเลย

“โอ๊ต” นั่นไม่ใช่เสียงของผมแต่กลับเป็นเสียงอีกคนที่ดังมาจากด้านหลังของพวกเราสองคน

“น้าพิมพ์/แม่” ผมกับโอ๊ตหันไปมองยังต้นเสียง

“โอ๊ต เข้าบ้าน” น้าพิมพ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งจนยากต่อการคาดเดา ส่วนโอ๊ตเองก็ดูเหมือนจะตกใจจนหน้าซีดไปหมด กระทั่งมือที่ถือกระป๋องน้ำอัดลมอยู่ยังถูกร่วงลงกับพื้น

“คุณแม่”

“อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำสองนะ”

แน่นอนว่าคำพูดของน้าพิมพ์ถือเป็นสิทธิ์ขาด ถ้าไม่เชื่อฟังก็คงได้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ ซึ่งดูเหมือนโอ๊ตเองก็คงยอมทำตามแต่ด้วยดี

พอโอ๊ตหายเข้าไปในบ้าน น้าพิมพ์ที่ยืนอยู่ด้านในก็เดินออกมานั่งข้างๆ ผมแทน

“น้าขอโทษเราด้วยนะที่ต้องมาฟังเรื่องแบบนั้นจากลูกน้านะ” น้าพิมพ์เอ่ยขึ้นเบาๆ

“เป็นผมต่างหากละครับที่ควรจะขอโทษน้าพิมพ์ เพราะผมก็เลยทำให้โอ๊ตต้องเป็นแบบนั้น” ผมรู้สึกผิดไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ถ้าผมไม่มาพักที่นี่ ไม่ทำให้โอ๊ตได้เห็นสิ่งเหล่านั้นโอ๊ตก็คงไม่ต้องมารู้สึกสับสนแบบนี้หรอกครับ”

“เลิกคิดแบบนั้นได้แล้วต้นน้ำ น้าเองแหละผิดที่ดูแลลูกตัวเองไม่ดี”

“แต่ว่า โอ๊ตมองผมแบบนั้น”

“เลิกคิดมากแล้วก็ไปนอนได้แล้ว ป่านนี้เต็งหนึ่งคงรอนานแล้วล่ะ”

“แล้วโอ๊ตละครับ” ผมมองเข้าไปในบ้าน แต่มันก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า

“เรื่องโอ๊ตเดี๋ยวน้าจัดการเอง ความจริงน้าก็รู้มาได้สักพักแล้วล่ะว่าโอ๊ตมีท่าทีแปลกๆ ไปจากเดิมอยู่บ้าง แต่ยังไงน้าก็รับได้กับเรื่องนี้ โอ๊ตเป็นเด็กดีเหมือนต้นน้ำ ดังนั้นถ้าเขาจะเป็นแบบนั้นน้าคิดว่าคงไม่เสียหายอะไร แต่ก็ต้องคุยกับน้าอาร์มอีกทีว่าจะโอเคไหม”น้าพิมพ์ยิ้มให้ผม “นี่ก็ดึกแล้ว น้าว่าเราไปนอนได้แล้วล่ะ ป่านนี้เต็งหนึ่งคงหลับแล้วแน่ๆ เลย”

“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ”

เป็นจริงอย่างที่ผมคิด ตอนนี้เต็งหนึ่งน่าจะหลับไปแล้วเพราะผมสังเกตจากการหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ จะมีก็เพียงขยับตัวเล็กน้อย

“มาแล้วเหรอ” แม้ดวงตาจะปิดสนิทแต่กลับมีเสียงดังขึ้นมา

“เราทำเสียงดังเหรอ ขอโทษนะ” ผมค่อยๆ แทรกตัวลงใต้ผ้าห่มอย่างเบาๆ

“ไม่หรอก แค่ยังนอนไม่หลับนะ” มือหนาดึงผมเข้าไปกอด “อีกอย่าง รอนอนกอดแฟนด้วย”

“แค่กอดเหรอ” ผมแกล้งแซว

“หรือจะทำอย่างอื่นด้วยดีนะ” ไม่พูดเปล่า ผมก็โดนคนข้างๆ ขโมยหอมแก้มทันที “หรือว่าจะอย่างนี้ดีนะ” แน่นอนว่าสัมผัสต่อไปมันคือมือของเต็งหนึ่งเริ่มมาซุกซนบริเวณขอบกางเกงจนผมรีบจับไว้ได้ทัน

“ทะลึ่ง”

“ก็นึกว่าอยากได้แบบนี้” เต็งหนึ่งหัวเราะ

“พอเลยๆ นอนได้แล้ว”

“ครับๆ”

แน่นอนว่า บทจะนอนก็นอนกันจริงๆ ครับ เต็งหนึ่งได้แต่นอนนิ่งๆ โดยที่มือหนายังคงโอบกอดช่วงเอวของผมเอาไว้ แต่ผมกลับยกมือนั้นออกแล้วเป็นคนกอดเต็งหนึ่งแทน พร้อมกับซบหน้าตัวเองลงบนอกหนาราวกับเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่นจากคนพิเศษ

“เป็นอะไรหรือป่าวเนี่ย ทำไมวันนี้แปลกๆ”

“เราขออยู่แบบนี้สักพักนะ”

“อ้อนนะเรา”

มือขวายกขึ้นมาลูบผมเบาๆ

“ขอบคุณนะ”

แน่นอนว่าเต็งหนึ่งไม่พูดอะไร แล้วปล่อยให้ผมนอนท่านั้นต่อ จนไม่รู้เลยว่าดวงตาคู่นี้ค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับเข้าสู่ห้วงนิทรา

“ฝันดีนะครับ” เต็งหนึ่งจุ๊บหน้าผากผม และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน

การได้นอนหลับข้างคนพิเศษแถมยังมีไออุ่นจากคนๆ นั้นช่วยให้เราหลับสบายถือเป็นสิ่งที่วิเศษสุดๆ สำหรับผม มันเหมือนร่างกายของเรานั้นได้พักผ่อนกว่าปกติหลายเท่า

“อรุณสวัสดิ์”

เป็นเสียงของเต็งหนึ่งที่ทักทายผมยามเช้า และพอผมมองดีๆ ตอนนี้ผมยังนอนในอ้อมกอดของเต็งหนึ่งไม่ต่างไปจากเมื่อคืน

“ขอโทษ”

นั่นคือสิ่งแรกที่ผมคิดออก พอผมลุกขึ้นมา เต็งหนึ่งก็รีบใช้มืออีกข้างนวดแขนตัวเอง

“ไม่คิดว่าจะหลับไปแบบนั้น”

“ช่างเถอะ แค่เห็นต้นน้ำหลับสบาย แถมยิ้มเล็กยิ้มน้อยแบบนั้นเราก็ไม่กล้าขยับออก ปล่อยให้นอนหลับไปจนเช้าเลย”

“แล้ว...” ผมมองไปที่แขน

“เดี๋ยวกินยา แล้วก็ทายาสักหน่อยก็ดีขึ้น ไม่ต้องคิดมาก” มือหนายกขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ “รีบไปอาบน้ำเถอะ วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”

“ก็ได้” ผมรีบลุกจากเตียง

“ต้นน้ำ”

“หืม?”

“เสร็จแล้วรอหน้าบ้านนะ เราจะได้ไปมหาลัยพร้อมกัน”

“อืม” ผมยิ้มตาหยี จนคนตรงหน้าหัวเราะ

พอกลับเข้ามาในบ้าน ทุกอย่างดูเงียบสงบ จากทีแรกที่คิดว่าน้าพิมพ์คงจะอบรมโอ๊ตเป็นการใหญ่จนเกิดเรื่องใหญ่ภายในบ้านขึ้น แต่ทุกอย่างกลับเป็นปกติ โอ๊ตนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ ส่วนน้าพิมพ์กับน้าอาร์มเองก็คุยเรื่องทั่วไปตามปกติ

“มาแล้วเหรอต้นน้ำ กินอะไรมาหรือยัง”

“ยังเลยครับ แต่ผมว่าจะรีบไปอาบน้ำแล้วไปมหาลัยเลย คงจะไปหากินข้างหน้ากับเต็งหนึ่งนะครับ” ผมตอบ “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

น้าพิมพ์ไม่ได้ว่าอะไรต่อ จากนั้นก็หันไปดุโอ๊ตเรื่องกินข้าวหก

ทุกอย่างยังคงปกติ ราวกับไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น สงสัยคงจะเป็นผมเองที่คิดมากเกินไป





* ติชมกันได้นะ ไรท์อยากฟัง อิอิ *
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 17 : โอ๊ต ] (10/12/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-12-2017 20:56:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Special : HNY ] (03/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 03-01-2018 20:17:48
Senior The Series : Happy New Year



แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในกระห้องทำให้ผมที่นอนหลับสบายใต้ผ้าห่มผื่นหนาต้องขึ้นจากนิทราที่แสนสบาย หากแต่มีแขนหนาของเต็งหนึ่งโอบกอดเอาไว้ยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ

“ตื่นได้แล้ว” ผมบอกคนข้างๆ ที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

แต่ไม่ว่าจะปลุกยังไงสุดท้ายผมก็เลยปล่อยให้ร่างหนานอนต่อไป

หลังจากจัดการกิจวัตรประจำวันเสร็จสิ้นผมก็เดินออกมาด้านนอก ตอนนี้แม่ของผมกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่อย่างตั้งใจ อาจจะเพราะวันนี้ไม่ต้องรีบเร่งออกไปขายขนมเหมือนทุกวันเลยมีเวลาทำอาหาร

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับแม่” ผมสวมกอดเอวของแม่หลวมๆ

“ตื่นแล้วไงเรา”

“ครับ”

“หิวหรือยังล่ะ แม่กำลังทำต้มยำกับผัดพริกให้ลูกอยู่เนี่ย” แม่พูดพลางชี้ไปยังหม้อต้มยำที่กำลังเดือดได้ที่แล้ว คิดว่าคงไม่อีกนานมันคงมาอยู่ในท้องผมแน่ๆ

“ทีแรกก็เฉยๆ นะ แต่ตอนนี้หิวแหละ”

“ถ้าหิวแล้วก็ไปตามเต็งหนึ่งมาด้วยสิลูก”

“โห รายนั้นนะเหรอ ผมปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น”

พูดถึงแล้วก็โมโห เพราะหลังจากเมื่อวานเรามาถึงที่บ้านนี้ เต็งหนึ่งก็ทำหน้าที่ลูกเขยที่ดีจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ เพราะช่วยงานแม่สารพัดจนนึกไม่ออกเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นลูก แต่พอจะนอนก็ไม่ยอมนอนดันเล่นแต่เกมส์จนดึก สรุปตอนนี้ที่ไม่ยอมตื่นก็สาเหตุนี่แหละ

“ทำไมล่ะ เมื่อคืนดึกเหรอไงเรา”

“ก็ดึกนะครับ”

“ทำอะไรก็อย่าหักโหมร่างกายนะลูก” ผมว่าคำพูดของแม่มันฟังดูแปลกๆ นะ แล้วยิ่งเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ปิดท้ายด้วยเนี่ยยิ่งทำให้ผมคิดได้ทันทีเลยว่าตอนนี้แม่กำลังเข้าใจผมผิดแล้ว

“แม่ครับ มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ” นี่ผมจะต้องพูดแก้ตัวยังไงเนี่ย คิดแล้วก็ปวดหัว

“แม่เข้าใจนะลูก วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ” เอาเข้าไปสิครับ

“โธ่แม่” สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ท่านคิดต่อไปคนเดียวแล้วเดินกลับห้องนอน

ทันทีที่เปิดห้องผมก็ยังคงเห็นเต็งหนึ่งนอนอยู่ในสภาพเดิม สมแล้วกับที่ทำให้แม่เข้าใจผิด เพราะนอกจากจะยังไม่ยอมตื่นแล้วเสื้อผ้าก็ไม่ใส่นอน

“เต็งหนึ่งตื่นได้แล้ว” ผมนั่งลงข้างๆ แล้วเขย่าแขนคนบนเตียงเบาๆ

“ยังง่วงอยู่เลย”

“ง่วงก็ต้องตื่น แม่ทำกับข้าวรอแล้ว”

“เข้าใจแล้วๆ” สุดท้ายคนตัวสูงก็ยอมลุกขึ้นนั่ง

“เข้าใจแล้วก็ไปล้างหน้าซะ เอ้านี่ผ้าเช็ดตัว”

“ขอบคุณนะ” เต็งหนึ่งรับผ้าแล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำไปทันที



“อร่อยมากๆ เลยครับ” คำพูดแบบนี้คงไม่พ้นเต็งหนึ่งที่พูดเอาใจแม่ของผม แต่ความจริงมันก็อร่อยสมกับคำชมนั้นจริงๆ ไม่เพียงแต่ขนมที่ทำขายจะอร่อย แต่กับข้าวฝีมือท่านเองก็อร่อยไม่แพ้กัน จนว่าที่ลูกเขยอย่างเต็งหนึ่งต้องติดใจในฝีมือ

“อร่อยก็มากินบ่อยๆ นะลูก แม่จะได้ทำให้กิน ได้ข่าวว่าอยู่นู้นหากินลำบากใช่ไหม”

“ก็ประมาณนั้นครับ” เต็งหนึ่งตอบตามความจริง

“ถ้างั้นกินเยอะๆ เลย” จากนั้นบนจานของเต็งหนึ่งก็เต็มไปด้วยกับข้าวนานาชนิดๆ ที่แม่ผมจัดการให้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ดูจะมีความสุขกับมันเป็นพิเศษ

หลังจากมื้อเช้าจบลงแล้วสองคนก็ออกมาลานด้านนอกเพื่อจัดการกางเต้นท์สำหรับคืนนี้

ใช่ครับ เราสองคนสัญญากันเอาไว้ว่า คืนปีใหม่ เราจะมานอนดูดาวพร้อมนับเคาท์ดาวน์ไปด้วย ฟังดูโรแมนติคใช่ไหมครับ

และหลังจากทนหลังขดหลังแข็งไปพักใหญ่ เต้นท์ขนาดใหญ่ก็ถูกกางเสร็จ

“อยากให้ถึงกลางคืนไวๆ จัง” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ใจร้อนจังนะ” ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ก็เป็นปีแรกที่จะได้เคาท์ดาวน์กับแฟนนี่ครับ”

“....” ผมยิ้มให้แทนคำพูดแล้วเดินเข้าไปด้านในเพื่อยกที่นอนกับหมอนออกมา



ท้องฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยบรรดาเหล่าดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน เราใช้เวลานอนมองพวกมันอย่างเพลิดเพลิน จะต่างก็ตรงที่คนด้านข้างของผมดูจะสนใจพวกมันเป็นพิเศษ อาจจะเพราะผมเคยเห็นมันมาตลอดก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษ แต่สำหรับเต็งหนึ่งการได้เห็นดาวแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่แปลกใจ

“ไม่คิดว่าเลยนะเนี่ยว่าบนท้องฟ้าจะมีดาวเยอะขนาดนี้” มือหนาชี้ไปรอบๆ อย่างตั้งใจ

“เราดีใจนะที่นายชอบนะ” ผมระบายยิ้มออกมา

“ต้นน้ำ”

“หืม?”

“ไม่ว่าดาวดวงไหนจะส่องประกายเจิดจรัส แต่ก็ไม่สว่างเท่ากับดาวที่อยู่ข้างๆ เราหรอกนะ”

“หมายความว่าไงเหรอ” ผมหันไปมองคนข้างๆ เพื่อรอคำตอบ

“ดาวต้นน้ำไง”

“มีด้วยเหรอ” ผมทำหน้าสงสัย

“ก็อยู่ข้างๆ เรานี่ไง ดาวที่คอยให้แสงสว่างกับเรามาโดยตลอด และคิดว่าจะต้องอยู่กับเราตลอดไปด้วย” มือหนาดึงผมเข้าไปกอด พร้อมกับจุมพิตที่หน้าผาก “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆ มาตลอด”

“อืม ขอบคุณเหมือนกันนะ”

“สวัสดีปีใหม่นะครับ” เต็งหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากเสียงนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้ได้ล่วงเลยถึงวันใหม่ของปี “รักกับเราไปนานๆ นะ”

“สวัสดีปีใหม่เหมือนกัน จะรักไปนานๆ เลยครับ” ผมพูดเสร็จก็ไม่ลืมที่จะฝังจมูกลงบนแก้มของเต็งหนึ่ง “รู้ไหม วันพิเศษไหนๆ ก็ไม่เท่ากับคนพิเศษที่อยู่ข้างกายหรอก จริงไหม”

“อืม”

“เข้าเต้นท์กันเถอะ”

“อะไรเนี่ย อยู่มาชวนเข้าเต้นท์ อยากแล้วเหรอ”

“ทะลึ่ง ง่วงนอนแล้วเหอะ” ผมทุบลงบนอกไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้ แล้วเดินหนีเข้าเต้นท์ทันที

“โห ล้อเล่นนิดเดียวเอง” สุดท้ายเต็งหนึ่งก็ยอมแพ้แล้วแล้วเดินตามเข้ามา



อย่าว่าแหละครับ ไม่ว่าจะวันพิเศษไหนๆ ก็ไม่อาจเท่ากับการมีคนพิเศษอยู่ข้างกาย

แล้วคุณล่ะครับ วันพิเศษแบบนี้มีคนพิเศษเอาไว้ข้างกายหรือยัง ?



สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ

เต็งหนึ่ง / ต้นน้ำ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Special : HNY ] (03/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-01-2018 09:22:42
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 18 : พี่ชายขายาว ] (12/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 12-01-2018 21:42:38


Chapter 18 : พี่ชายขายาว

ยิ่งใกล้วันเฉลยพี่รหัสมากเข้าไปเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เพราะอะไรก็เหรอ ก็เพราะว่าผมยังหาพี่รหัสตัวเองไม่เจอนะสิครับ

ความจริงก็น่าจะหาเจอได้ตั้งนานแล้วเพราะผมได้คำใบ้จากพี่ก้องมาก็หลายวันแล้ว แต่ผมก็ยังจมอยู่กับที่และไม่คิดจะตามหา ต่างจากเพื่อนร่วมคลาสที่ตอนนี้เจอพี่รหัสตัวเองไปหลายคน เห็นทีแบบนี้ก็คงไม่พ้นการโดนทำโทษอีกตามเคย

“คิดไรอยู่เนี่ย” หมอกนั่งลงข้างๆ ผม ในของเขาคือกระดาษสีที่ดูเหมือนจะถูกเพื่อนใช้ให้ตัด

ตอนนี้พวกเรากำลังจัดบอร์ดกิจกรรมอยู่ใต้คณะ แถมแต่ละคนก็ดูสบายๆ เพราะใกล้จะเสร็จแล้ว ส่วนผมเองก็ออกแรงช่วยไปแรกๆ จนตอนนี้สามารถมานั่งอู้ได้นิดหน่อย

“เรื่องพี่รหัสนะ ยังไม่ได้เริ่มหาเลย” ผมตอบตามความเป็นจริง

“พอกัน สงสัยโดนพี่ก้องทำโทษอีกแน่ๆ”

หมอกดูจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่

“แต่จะว่าไปคำใบ้ที่พี่ก้องให้มาก็น่าคิดนะ เจอบ่อยพอๆ กับเจอพี่เขา จะว่าไปคนที่เจอแบบนั้นก็มีไม่กี่คน”

แม้หมอกจะทำหน้านึกคิด แต่มือก็ยังคงทำงานตัวเองอยู่ตลอด

“น้องต้นน้ำ” เสียงใสๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากอีกฝาก ผมหันไปเจอกับรุ่นพี่ปีสองที่ดูเหมือนตั้งใจจะมาหาผมโดยเฉพาะ

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ พลางมองพี่ผู้หญิงตรงหน้า

“มองหน้าพี่แบบนี้แสดงว่าจำพี่ไม่ได้ใช่ไหม” งานเข้าเลยครับ นี่ผมจะโดนทำโทษไหมเนี่ย

“ขอโทษครับ”

“อะไรวะต้นน้ำ จำพี่ฟ้าไม่ได้เหรอ” หมอกเป็นคนเตือนสติผม

“น้องนี่เก่งนะเนี่ยจำพี่ได้ ส่วนเราถ้าคราวหน้าจำพี่ไม่ได้อีก เตรียมตัวโดนทำโทษได้เลยนะ” บางทีผมก็รู้สึกว่าพี่ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวไม่ต่างไปจากพี่ก้องแฮะ

“ขอโทษครับ” นี่ผมต้องขอโทษอีกกี่ครั้งเนี่ย

“ช่างเถอะ เอานี่” ถุงขนมขนาดใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าผม

“อะไรครับ” แม้ว่าจะรู้ว่าในถุงใบนั้นคือขนม ขนมที่ล้วนแต่เป็นของชอบผมทั้งนั้น แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือพี่เอาขนมพวกนี้มาให้ผมทำไม

“ก็ขนมนะสิ”

“ของพี่เหรอ”

“พี่รหัสเราฝากพี่มาให้ เขาคงอยากให้เรารีบหาพี่เขาให้เจอไวๆ ก็ได้มั้ง” พี่ฟ้าตอบ “รายนั่นนะ ดูตื่นเต้นจะตาย ยิ่งถ้าต้นน้ำหาพี่เขาเจอไวๆ นะ พี่คิดว่าเขาคงยิ้มไม่หุบแน่ๆ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“พี่ล้อเล่น เอานี่ รับไปสิ”

ผมรับถุงขนมมา

“ฝากขอบคุณพี่รหัสผมด้วยนะครับ”

“ได้จ๊ะ” พี่ฟ้ายิ้มรับ “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ ตั้งใจทำงานกันนะ”

“ขอบคุณครับ” ผมกับหมอกยกมือไหว้อีกรอบ

“โห ต้นน้ำ พี่รหัสนายนี่ใจปล้ำนะเนี่ย ซื้อขนมมาให้เยอะเลย”

หมอกเปิดถุงขนมนั้นอย่างตื่นเต้น ความจริงมันควรจะเป็นผมมากกว่าที่ควรจะตื่นเต้นแบบนั้น

“ว่าแต่ไปรู้ได้ไงเนี่ยว่านายชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร”

...นั่นสิ เขารู้จักผมได้ยังไง…

คนที่ผมเจอบ่อยกว่าก็มีไม่กี่คน

พี่ก้อง...พี่แอน...แล้วใครอีกนะ

“เป็นไปไม่ได้” สรุปนี่ผมมองข้ามคนๆ นี้ไปได้ยังไง

“นายว่าอะไรนะ”

หมอกเงยหน้าผมอย่างงงๆ เป็นใครก็ต้องงงแหละครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังคิดหนักแถมคิดไรก็พูดออกมาหมดจึงไม่แปลกที่หมอกจะมองแบบนั้น

“รุ่นพี่คนอื่นๆ ส่วนใหญ่เราจะเจอกันตอนรับน้อง หรือวันที่รุ่นพี่เรียกทำกิจกรรม แต่กลับมีคนหนึ่งที่เราเจอบ่อยมาก บ่อยกว่าพี่ก้องด้วย”

“ใครเหรอ”

“เต็งหนึ่ง เต็งหนึ่งคือพี่รหัสเรา”

“บังเอิญไปป่าว”

หมอกดูไม่ค่อยใส่ใจกับความคิดของผมเท่าไหร่ แต่ในน้ำเสียงกลับดูไม่พอใจนิดๆ ที่ผมเดาว่าเป็นเต็งหนึ่ง

ความจริงหมอกเองก็กลับมายิ้มแย้มแบบเดิมแล้วบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก จนบางทีผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร แล้วยิ่งผมเอ่ยชื่อนี้ออกมาอีกก็ดูเหมือนสีหน้าแบบนั้นจะกลับมาอีก

“ต้นน้ำมาช่วยกันหน่อยสิ”

สุดท้ายผมก็ต้องหยุดความคิดเหล่านั้นเอาไว้ก่อนแล้วไปตั้งหน้าตั้งตาช่วยเพื่อนทำงานต่อ

สำหรับผมกับเต็งหนึ่งทุกอย่างยังคงปกติ เช้ามาเรียนด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเรียนตามปกติ เจอกันอีกทีก็ตอนเข้านอนด้วยกัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่านั้น แต่ในทุกวันผมกลับได้ขนมจากพี่รหัสทุกครั้งโดยที่เต็งหนึ่งยังคงแสดงสีหน้าปกติราวกับไม่รู้เรื่องอะไรเกิดขึ้น

อย่างเช่นตอนนี้ที่พวกเรากำลังจะกลับบ้านพร้อมกัน และในมือของผมเองก็ยังคงเต็มไปด้วยถุงขนมใบโตที่เพิ่งได้จากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เหมือนตั้งใจเอาขนมจากพี่รหัสผมมาให้โดยเฉพาะ

“นั่นอะไรนะ” เต็งหนึ่งถามถึงถุงขนมในมือผมอย่างสนใจ

“ขนมนะ”

“ของใคร” ทำไมน้ำเสียงต้องข่มด้วยเนี่ย

“ของผู้ชาย” ใช่ครับของผู้ชาย แถมคนๆ นั้นยังยืนอยู่ข้างๆ ผมด้วย

“ผู้ชายที่ไหน ใครบังคับมาจีบแฟนเรา” เอาเข้าไปครับ บทจะเล่นก็ตีบทซะแตกเลย นี่ถ้าเอาชื่อไปเสนอคงได้รับรางวัลแน่ๆ

“หึงเหรอ”

“ใช่ หึง แถมหึงมากด้วย”

“พี่รหัสเราให้มานะ” ผมตอบไปตามความตรงเพื่อหวังดูปฏิกิริยาของคนข้างๆ “พี่เขาใจดีมากเลย ซื้อขนมมาฝากเราทุกวัน แถมยังรู้ใจเราอีกด้วยนะว่าเราชอบอะไร”

“พี่รหัสเหรอ”

ดูเต็งหนึ่งเองจะไม่รู้สึกอะไรกับคำๆ นี้เท่าไหร่ หากแต่ยังคงแกะขนมที่ผมได้มากินไปเรื่อยๆ ราวกับว่าของตัวเอง แต่ถ้าเต็งหนึ่งเป็นพี่รหัสผมจริงๆ ก็คงไม่ต่างจากคนที่กินขนมตัวเองนั่นแหละ

“แล้วเจอพี่รหัสหรือยังเนี่ย” นั่นสิเนอะ ผมหาเขาเจอหรือยัง

“เหมือนจะเจอ แต่ยังไม่เจอ” คำตอบนี้คงพอจะช่วยได้ เพราะพี่รหัสของผมยังกินขนมตัวเองอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ

“ตกลงเจอหรือไม่เจอ งงนะเนี่ย”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมพูดได้เท่านั้น เพราะถ้าผมพูดเยอะไปกว่านี้ก็กลัวจะว่าที่พี่รหัสของผมคนนี้จะแปลกใจที่ผมเจอเขาง่ายเกินไป

“ถ้าไงก็รีบหาได้แล้วนะ ใกล้วันเฉลยพี่รหัสแล้วไม่ใช่เหรอ” มือหนายกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “อย่าโดนทำโทษแบบครั้งก่อนอีกไงเรา”

“ไม่เอาแล้วล่ะ” ผมหัวเราะ

“ดีแล้ว เพราะเราก็ไม่ชอบแบบนั้นเหมือนกัน มีอย่างที่ไหนโดนไปจับเป็นคู่จิ้นกับผู้ชายคนอื่น แถมไอ้ผู้ชายคนนั้นก็ดันเป็นแฟนเก่าอีก แถมยังสนิทกันเกินหน้าเกินตา หนักสุดก็ให้ไปถ่ายแบบคู่จิ้นด้วยกัน มีเหรอตัวจริงอย่างเราจะไม่คิดเล็กคิดน้อยบ้างนะ” เต็งหนึ่งพูดร่ายมาเป็นชุดจนผมอดขำไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าคนตัวสูงจะมีมุมแบบนี้

“แต่ตัวจริงก็สามารถชนะใจเราได้ไม่ใช่เหรอ”

“พูดให้ดีใจเล่นใช่ป่ะเนี่ย”

“ใครบอก พูดจากใจเลยต่างหากล่ะ”

“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวกลับไปไม่ทันมื้อเย็น”

“อืม”

แล้ววันสุดท้ายของเด็กปีหนึ่งอย่างพวกผมก็มาถึง วันที่พวกผมจะต้องรู้แล้วว่าใครคือพี่รหัสของตัวเอง การตามหาพี่รหัสจบลงแล้ว และแน่นอนว่าผมยังคงคิดเหมือนเดิมว่าเต็งหนึ่งคือพี่รหัสของผม

การเฉลยพี่รหัสไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แค่ให้เด็กปีหนึ่งแต่ละคนเดินออกไปด้านหน้าแล้วเขียนชื่อพี่รหัสของตัวเองลงในแบบฟอร์มที่รุ่นพี่เตรียมไว้ หลายคนดูตื่นเต้นกับกิจกรรมตรงนี้มาก อย่างที่บอกแหละครับว่ามีหลายคนยังหาพี่รหัสไม่เจอ จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่คนเหล่านั้นจะรู้สึกประหม่าไม่ต่างไปจากผม

“ต่อไปน้องต้นน้ำ เชิญด้านหน้าเลย” ผมลุกขึ้นแล้วตรงไปยังโต๊ะตรงด้านหน้า

แผ่นกระดาษตรงหน้า ถูกแบ่งเป็น 3 ช่อง

ช่องแรกเป็นชื่อของผม

ช่องที่สองคือโค้ชลับที่ผมจับได้ ‘พี่ชายขายาว’

และช่องสุดท้าย ชื่อพี่รหัสของผม ที่ตอนนี้เป็นเพียงแค่ช่องว่างเปล่า

มือที่กำปากกาอยู่เลื่อนไปยังช่องสุดท้ายก่อนจะค่อยๆ บรรจงเขียนชื่อคนๆ หนึ่งลงไปอย่างช้าๆ โดยมีบรรดาเหล่ารุ่นพี่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด และหนึ่งในนั้นก็คือคนที่ผมคิดมาโดยตลอดว่าเขาคือพี่รหัสของผม

‘เต็มหนึ่ง’

นั่นเป็นชื่อที่ผมเขียน และแน่นอนว่าพี่ก้องมองผมแล้วยิ้มให้กำลังใจ

“เสร็จแล้ว น้องคนต่อไปเลยครับ”

ผมกลับไปนั่งที่ ก่อนที่หมอกจะเป็นคนต่อไป

ดูท่าทางของหมอกเองจะสบายๆ ต่างจากผมที่รู้สึกกดดันเล็กน้อยแม้ว่าจะมั่นใจก็ตาม พอเขียนเสร็จหมอกก็กลับมานั่งลงข้างๆ ผม

“คิดว่าไง จะโดนทำโทษไหม” หมอกเอ่ยถามผมเบาๆ โดยที่สายตายังคงมองไปด้านหน้า

“ไม่แน่ใจ”

“อย่าคิดมาก เดี๋ยวก็รู้แล้วล่ะว่าใครตอบผิดใครตอบถูก”

หมอกชี้ไปทางด้านหน้าที่ตอนนี้คนสุดท้ายเพิ่งจะเขียนเสร็จ ก่อนที่พี่ก้องจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นแล้วยื่นส่งให้รุ่นพี่ด้านหลังเพื่อทำการเช็คความถูกต้องว่าพี่รหัสที่พวกเราเขียนไปนั้นถูกต้องหรือไม่

ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ใบรายชื่อนั้นก็กลับมาอยู่ในมือพี่ก้องอีกครั้ง

“ต่อไปนี้จะประกาศคนที่เขียนชื่อพี่รหัสถูกต้องนะครับ”

แน่นอนว่าทุกคนต่างพากันเงียบเพื่อรอฟังว่าจะมีชื่อของตัวเองอยู่หรือไม่ ไม่ต่างไปจากกับผมกับหมอกที่ได้แต่นั่งลุ้นว่าสิ่งที่เขียนไปจะถูกไหม

“ทุกคนเขียนถูกหมดครับ”

เกิดเสียงเฮลั่นจนรุ่นพี่หลายๆ คนต่างพากันยกนิ้มขึ้นอุดหู ผมเองก็ดีใจไม่ต่างไปจากคนอื่นที่เขียนชื่อพี่รหัสตัวเองถูก แถมคนที่ผมพูดถึงก็กำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยมาให้ผมจากอีกฝากจนผมรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน

“ว่าแต่นายเขียนชื่อใครไปเหรอ” ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่ดูจะไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนกับคนอื่นๆ สักเท่าไหร่

“อยากรู้จริงเหรอ” ผมหยักหน้าแรงๆ

“คนนั้นไง คนที่เรารู้จักกันดี”

นิ้วยาวของหมอกชี้ไปยังคนด้านหน้าทันที



 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 18 : พี่ชายขายาว ] (12/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-01-2018 22:37:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 18 : พี่ชายขายาว ] (12/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-01-2018 14:19:25
หาคู่ให้หมอกหน่อยจ้า เดี๋ยวหมอกจะเหงา
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 18 : พี่ชายขายาว ] (12/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-01-2018 16:27:55
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 18 : พี่ชายขายาว ] (12/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 14-01-2018 22:52:41
  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 19 : ของขวัญ ] (19/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 19-01-2018 19:55:16
​Chapter 19 : ของขวัญ

ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 19 : ของขวัญ ] (19/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2018 20:38:44
เปิดตัวคู่ใหม่อีกหนึ่งคู่  ใช่ป่ะเนี่ย  อิอิ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 19 : ของขวัญ ] (19/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 20-01-2018 09:13:06
 :hao3: :hao3: :hao3:

รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 20 : สายรหัส] (27/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 27-01-2018 20:35:41
Chapter 20 : สายรหัส

 ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 20 : สายรหัส] (27/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-01-2018 14:44:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 20 : สายรหัส] (27/01/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2018 23:13:21
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 21 : รุ่นพี่] (20/02/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 20-02-2018 20:58:26
Chapter 21 :รุ่นพี่

ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 21 : รุ่นพี่] (20/02/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-02-2018 23:07:31
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 21 : รุ่นพี่] (20/02/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2018 01:10:03
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 22 : หมอก 1] (04/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 04-03-2018 12:00:04
Chapter 22 : หมอก(1)

 ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 22 : หมอก 1] (04/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-03-2018 16:16:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะรุกเขาแต่กลับกลายเป็นต้องรับเขาซะงั้น
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 23 : หมอก 2] (12/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 12-03-2018 21:43:02
Chapter 23 :หมอก (2)

 ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 23 : หมอก 2] (12/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-03-2018 22:41:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 24 : ปิดเทอม] (23/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 23-03-2018 21:39:09
Chapter 24 : ปิดเทอม

ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 24 : ปิดเทอม] (23/03/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-03-2018 22:47:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 25 : คนนี้แฟนผมเอง] (17/04/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 17-04-2018 21:36:05
Chapter 25 : คนนี้แฟนผมเอง

 ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 25 : คนนี้แฟนผมเอง] (17/04/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 21:52:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณแม่ช่างรู้ใจลูกจริง ๆ

ป.ล. นี่ถ้าหากว่าตอนใหม่นี่มาช้ากว่านี้อีกสักหนึ่งสัปดาห์ก็ครบเดือน จะแปะสติ๊กเกอร์จุดธูปแล้วนะเนี่ย 555 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 25 : คนนี้แฟนผมเอง] (17/04/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-04-2018 12:27:37
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 26 : พ่อค้าสุดหล่อ] (21/04/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 21-04-2018 21:44:01
Chapter 26: พ่อค้าสุดหล่อ

 ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 26 : พ่อค้าสุดหล่อ] (21/04/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2018 22:01:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 27 : พักผ่อน] (06/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 06-05-2018 19:15:04
Chapter 27 : พักผ่อน

 


ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 27 : พักผ่อน] (06/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-05-2018 20:47:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

 
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 28 : อ้อน หรือ อ่อย] (14/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 14-05-2018 16:20:11
Chapter 28 : อ้อน หรือ อ่อย

 
ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 28 : อ้อน หรือ อ่อย] (14/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-05-2018 17:02:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 29-05-2018 19:47:35
Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก



ติดตามในรูปแบบเล่มนะครับ
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-05-2018 21:28:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 21:56:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-06-2018 23:53:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 02-06-2018 03:00:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-09-2018 19:12:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 27-09-2018 13:08:16
 :3123:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก] (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kenjangclub ที่ 15-11-2018 20:22:53
 :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ] SeniorTheSeries รุ่นพี่ที่รัก [Chapter Final : รุ่นพี่ที่รัก]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:28:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Senior The Series : รุ่นพี่ที่รัก [Chapter 7 : แฟนเก่า ] (02/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 05-11-2020 18:03:25


“3 นาทีสำหรับน้องอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สำหรับพี่พวกมันสำคัญมาก”

 
เคยขึ้นเรียนตรงเวลาครบมั้ย เชื่อว่ารุ่นพี่ส่วนใหญ่ทำไม่ได้ จะสอนอะไรรุ่นน้องในขณะที่ตัวเองยังทำไม่ได้ น่าอายนะ เหมือนแม่ปูกำลังสอนลูกปูให้เดินตรงๆ