พิมพ์หน้านี้ - Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: theneoclassic ที่ 05-12-2016 16:22:19

หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 05-12-2016 16:22:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/58/3a/b4/583ab45c725f168b1bcf34be3e2daa77.jpg)


I'm loving the pain
I never wanna live without it
So why do I try
You drive me insane
Now we're screaming just to see who's louder

- Ariana Grande (Why Try)

และผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองหน้าเขา
ในฐานะผู้แพ้อย่างเต็มคราบ

“เชือกรองเท้าหลุดนะสไปเดอร์แมน” เสียงนั้นอยู่สูงเหนือหัว เขาตัวสูง ดูเป็นผู้ชายที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยรุ่นไม่นานนัก
   
เด็กชายอายุหกขวบยกหน้ากากตัวเองออกเล็กน้อยและมอบรอยยิ้มที่เคลือบความประหลาดใจให้คนตัวสูงกว่า ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เด็กวัยรุ่นก็คุกเข่าและผูกเชือกรองเท้าให้ซะแล้ว
   
“ขอบคุณครับ” เด็กน้อยพูด อันที่จริงก็แทบจะเหมือนเป็นการตะโกน เพราะเสียงเพลงมันช่างดังเหลือเกิน ใช่แล้ว…ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในงานเลี้ยงปีใหม่
   
“เรียบร้อย อย่าทำหลุดอีกล่ะอุตส่าห์ผูกให้แน่นแล้ว เดี๋ยวเราน้อยใจ”
   
“พี่ใจดีจังเลยฮะ” เด็กน้อยยิ้ม
   
คนตัวโตกว่าจับไปที่หน้ากากฮีโร่ของคนตรงหน้า จัดแจงวางมันในตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นก็ใช้มือลูบไปยังศีรษะของเจ้าของ
   
“สวัสดีปีใหม่นะ”
   
“สวัสดีปีใหม่ครับ”
   
ทั้งสองยิ้มให้กัน


หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 05-12-2016 16:24:08
สารบัญ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

บทที่หนึ่ง..มรดก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3527696#msg3527696)
บทที่สอง..กัด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3531686#msg3531686)
บทที่สาม..ยาก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3538313#msg3538313)
บทที่สี่..เก๊ก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3542461#msg3542461)
บทที่ห้า..ห้าม! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3548574#msg3548574)
บทที่หก..คนเก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3558203#msg3558203)
บทที่เจ็ด..เจ็บหัว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3563097#msg3563097)
บทที่แปด..หมา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3570686#msg3570686)
บทที่เก้า..ครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3571440#msg3571440)
บทที่สิบ..จากใจ Pilot (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3572046#msg3572046)
บทที่สิบเอ็ด..ไอ้เป๋ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3575213#msg3575213)
บทที่สิบสอง..เจ้านายของผม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3576572#msg3576572)
บทที่สิบสาม..วันเกิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3577247#msg3577247)
บทที่สิบสี่..อัศจรรย์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3581095#msg3581095)
บทที่สิบห้า..ก็อาจจะขี้หึง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3586633#msg3586633)
บทที่สิบหก..เริ่ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3596268#msg3596268)
บทที่สิบเจ็ด..กอด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3621679#msg3621679)
บทที่สิบแปด..อยู่ที่ไหน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3641982#msg3641982)
บทที่สิบเก้า..เดินเล่นครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3655507#msg3655507)
บทที่ยี่สิบ..เจ็บตัว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3664058#msg3664058)
บทที่ยี่สิบเอ็ด..ผี (http://bit.ly/2tA4AeE)
บทที่ยี่สิบสอง..ล่องลอย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3668583#msg3668583)
บทที่ยี่สิบสาม..เสพติดความเจ็บปวด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3669197#msg3669197)
บทที่ยี่สิบสี่..ฬ (http://bit.ly/2uhJZN5)
บทที่ยี่สิบห้า..Love you to the moon (http://bit.ly/2wrrkPt)

+ผลงานของ theneoclassic+

รบไม่พัก (ยังไม่จบ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67881.msg3864949#msg3864949)

fire me to the moon (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56814.msg3527690#msg3527690)
ทรมานบันเทิง (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61634.msg3694840#msg3694840)
อย่ามาอยู่กับกุ้ง (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64597.msg3757419#msg3757419)
เจ้าจักรวาล (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66907.msg3817784#msg3817784)
ฤดูหลงป่า (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68359.msg3884834#msg3884834)
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 05-12-2016 16:30:43
Part I
เด็กมีปัญหา

1
มรดก


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/d6/a0/38/d6a038ff0b617df142d9a8af72948253.jpg)


ผมไม่รู้ตัวว่านอนมองเพดานมาตั้งแต่เมื่อไหร่
   
ความจริงก็คือ สองสามวันมานี้ผมไม่ง่วงเลยสักนิด ตั้งแต่คุณพ่อและคุณแม่เสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละ
   
เมื่อวานคืองานศพวันสุดท้าย ร่างของพวกท่านทั้งสองถูกฝั่งเคียงข้างกันในสุสานประจำตระกูลหลังบ้าน ผมยังเห็นมองเห็นพวกท่านได้เพียงแค่ลุกไปทอดมองใกล้ๆ หน้าต่างบานใหญ่ใกล้โต๊ะอ่านหนังสือ แต่ผมไม่ทำหรอก มันเศร้าเกินกว่าจะทำใจ เพราะเหตุนั้นเองที่ผมเลือกจะปิดม่านใหญ่สีครีมไว้มาหลายวัน ถึงจะมองอะไรข้างนอกไม่เห็น แสงสว่างจากพระอาทิตย์ยังลอดเข้ามาได้ก็เป็นอันโอเค
   
Rrrrrrr.
   
เสียงกริ่งดังขึ้นจากโทรศัพท์ภายในที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง
   
“ตื่นแล้ว” ผมพูดหลังจากกดสัญญาณรับ
   
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูปั๊ม อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ คนขับรถจะมารับตอนแปดโมงครึ่งตามที่ตกลงกันไว้”
   
“กำลังไป” ผมเด้งออกจากเตียงและเดินแกว่งแขนไปตามทางที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนระบบไฟฟ้าและบรรดาภาพที่พ่อของผมประมูลมันมาได้อย่างภูมิใจ
   
แต่ตอนนี้ผมชักจะเกลียดบรรยากาศแบบนี้ชะมัด อย่างกับบ้านร้างไม่มีผิด
   
ผมสบสายตากับลุงเอก พ่อบ้านที่ทำงานมาตั้งแต่ก่อนผมเกิด ผมขาวโพลนกับแววตาใจดีเป็นเอกลักษณ์ของเขาเสมอ เขาอยู่ในชุดฟอร์มจนผมสงสัยว่าเขาตื่นกี่โมงกันแน่ แต่ช่างเถอะ มันงานของเขานี่นา
   
ผมนั่งเก้าอี้ตรงมุมโต๊ะ ด้านหน้ามีอาหารเช้าแบบอเมริกันที่ควันยังกรุ่นวางอยู่ก่อนแล้ว
   
“ผมว่าจะเปลี่ยนโต๊ะทานข้าว” ผมบอก ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ โต๊ะตัวยาวที่นั่งได้เกือบสิบคน “ให้มันเป็นโต๊ะเล็กๆ สำหรับสองคนพอ ลุงเอกว่าไง”
   
“ก็ดีนะครับ” พ่อบ้านพยักหน้าเห็นด้วย “บางทีเราต้องการอะไรที่หดหู่น้อยกว่านี้”
   
ผมพยักหน้ารับเช่นกัน บางทีลุงเอกก็พูดอะไรหลายๆ อย่างที่ใจผมไม่อยากแสดงมันออกมาได้เหมือนกัน
   
พวกเขาจะเกลียดผมมั้ย”
   
“ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่าพวกเขาเกลียดครับ”
   
“ผมก็ว่าอย่างนั้น” ผมตักมันฝรั่งอบเข้าปาก “แต่ทุกอย่างมันเป็นของผม ผมไม่กลัว”
   
“ระวังไว้ก็ดีครับ ไปครั้งนี้ก็อย่าลืมสร้างความประทับใจกับพวกบอร์ดบริหารแล้วกัน”
   
ผมยักไหล่ ไม่สนใจบทสนทนาต่อจากนั้น ตั้งใจว่าทานอาหารเช้าให้เสร็จก็จะได้ไปอาบน้ำสักที

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)
   
หลังจากพ่อแม่จากไป สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ย่อมก็คือมรดกอันเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และธุรกิจที่มีชื่อพวกเขาเป็นหุ้นส่วนก็จะถูกโอนมาเป็นชื่อผมในปริยาย พวกธุรกิจเห็บหอยเล็กๆ พวกนั้นผมไม่กังวลหรอก ยังไงซะผมก็ทำอะไรกับมันไม่ได้อยู่แล้ว ก็แค่เป็นผู้ถือหุ้น…
   
แต่สำหรับสายการบิน FIRST AIR อันเป็นธุรกิจของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นปู่มันไม่ง่ายขนาดนั้น บริษัทของเราเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ได้ความเชื่อมั่นมากมายจากหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน แน่นอน มันก็ต้องมี ‘ผู้ถือหุ้น’ เช่นกัน และวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นจะมาประชุมกันเพื่อวางแผนแนวทางการบริหารกันต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะเด้งจากเก้าอี้ CEO ที่เคยเป็นของพ่อ เพราะได้ข่าวมาว่าพวกผู้ใหญ่ไม่ค่อยพอใจที่เด็กอายุสิบเก้าจะสามารถบริหารธุรกิจสายการบินอันมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศได้ แต่ถึงยังไง ผมไม่มีทางจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน มันเป็นของผมทั้งหมด เป็นของผมตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ
   
รถฟิมล์ดำราคาแพงจอดเทียบยังตึกอันเป็นชื่อของนามสกุลผม ‘เตมีชัย ทาวเวอร์’ ผมก้าวลงมาจากรถด้วยชุดสูทสีดำสนิท มีเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นที่เป็นสีขาวซ่อนอยู่ภายใน ผมบอกเวลาให้คนขับรถมารับ และเดินไปในอาคารอย่างมั่นใจ
   
พนักงานต้อนรับและยามรักษาความปลอดภัยทำความเคารพผม ซึ่งเขามอบสายตาแปลกใจและแสดงท่าทีตื่นเต้นที่เห็นทายาทเจ้าของตึกแวะมาที่นี่อีกครั้งหลังจาก… เอ ผมไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว โห นานจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
   
ลิฟต์ทะยานสู่ชั้น 32 อันเป็นชั้นบนสุด ทันที่ประตูเปิดออกปรากฏผู้ชายร่างเล็กพอๆ กับผมกำลังยิ้มอย่าประหม่ามาให้ ผมจำได้ดีว่าเขาคือเลขาของคุณพ่อ
   
“สวัสดีครับคุณปั๊ม ทุกคนกำลังรอคุณอยู่พอดี” เขาพูดเสียงสั่นๆ พลางผายมือเล็กๆ นั้นไปยังทางข้างหน้า ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะเดินนำไปอย่างใจเย็น
   
“ชื่ออะไรครับ” ผมถาม เขาดูตกใจเล็กน้อยที่ผมพูดด้วย
   
“เอ่อ… เรียกตรองก็ได้ครับ ผมเป็นเลขาของพ่อคุณ”
   
“ผมรู้แล้ว ผมพอจำได้” ผมยิ้มให้เขา อย่างน้อยผูกมิตรกับใครไว้บ้างก็ดี
   
“ครับ… อ่า ให้ผมช่วยถือมั้ยครับ” เขาทำท่าจะยื่นมารับกระเป๋าแฟ้มสีดำหนังกลับที่ผมถือมา
   
“ไม่เป็นไร ผมถือเองได้” ผมยิ้มให้อีกครั้ง
   
เราเดินกันมาตามทางจนเจอห้องประชุมขนาดใหญ่ พอผมผลักประตูเข้าไปก็ถึงกับผงะ
   
เบื้องหน้าของผมคือห้องขนาดใหญ่ ชนิดที่ว่าจะเรียกเป็นอารีน่าก็ไม่ผิด เสียงที่พูดกันหึ่งในตอนแรกเงียบในทันทีเมื่อผมก้าวขาผ่านประตูกระจกบานใหญ่ไป เลขาหนุ่มเดินนำผมไปยังหัวโต๊ะที่อยู่ไกลสุดทาง ผ่านบรรดาพวกพนักงานทั้งหญิงและชาย นั่งเรียงกันบนที่ยกพื้นซึ่งเกือบคล้ายกับอัฒจรรย์ ไม่ต้องมีตาหลังก็รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังมองไล่มาแบบไม่ต้องสงสัยเลย
   
ผมนั่งข้างๆ ลุงวินัย เพื่อนสนิทของพ่อ (เขาบอกอย่างนั้นนะ) ที่กำลังมองมาด้วยสายตาอบอุ่นภายใต้กรอบแว่นหนาที่คลาสสิก ถัดไปตามลำดับนั้นคือคณะผู้บริหารและหุ้นส่วนที่ผมเคยคุ้นหน้าคุ้นตามาอยู่บ้าง และทุกคนล้วนมีอายุกันหมดแล้วทั้งนั้น
   
“สวัสดีครับทุกท่าน” ผมกล่าวทักทายทุกคน พลางขยับเนคไทให้เข้าที่ อืม…เอาเข้าจริงก็ประหม่าเหมือนกันโว้ย
   
“สวัสดีปั๊ม พวกเราใส่ชุดดำสามสิบวันเป็นการไว้อาลัยพ่อแม่ของปั๊มนะ” ลุงวินัยขยับตัวมาจับไหล่ผม เดาว่านั่นเป็นการปลอบใจนะ
   
“ขอบคุณทุกคนมากครับ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ทุกคนใส่สีดำกันหมดจริงๆ แม้พวกกัปตันและลูกเรือที่ไม่สามารถละทิ้งยูนิฟอร์มได้ก็มีผ้าเช็ดหน้าสีดำพับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
   
“เอาล่ะ เรามาพูดเรื่องจริงจังกันหน่อยดีกว่า” ลุงวินัยขยับกรอบแว่นตา “เราเรียกบอร์ดผู้บริหารและพนักงานของบริษัทมาในวันนี้เพื่อรับทราบถึงทิศทางในการบริหารองค์กรในอนาคตข้างหน้านะ”
   
“ครับ ผมฟังอยู่” จะดูเย็นชาไปหรือเปล่าวะ... ไม่หรอกมั้ง
   
“พวกเราตกลงกันแล้วว่าปั๊มจะได้รับทุกอย่างที่เป็นของปั้มเมื่อถึงเวลา เมื่อปั๊มอายุครบยี่สิบห้าปี”
   
“พวกคุณลุงตกลงกันตอนผมไม่ได้อยู่ด้วยเหรอครับ แบบนี้มันมัดมือชกกันไปหรือเปล่า”
   
“ฟังนะปั๊ม ตอนนี้ปั๊มยังไม่ได้มีชื่ออยู่ในบอร์ดบริหาร คณะกรรมการจึงต้องตกลงกันเองก่อน มันถูกต้องแล้วจ้ะ” เสียงจากผู้หญิงที่นั่งถัดจากลุงวินัย ผมไม่อยากใส่ใจเธอเท่าไหร่
   
“นั่นแปลว่าผมยังไม่มีสิทธิ์ในการครอบครองบริษัทที่เป็นของผมในชอบธรรมหรอครับ”
   
“มันจะเป็นของปั๊มตอนอายุถึงเกณฑ์ไงลูก” ลุงวินัยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาดูเป็นมิตรมากที่สุดในบรรดาคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้จริงๆ
   
“สิ้นปีนี้ผมจะอายุยี่สิบ” ผมเคาะโต๊ะสีดำมันนั้นด้วยนิ้วทั้งห้า “หมายความว่ามันจะเป็นของผมในอีกห้าปีข้างหน้าใช่มั้ยครับ”
   
“ใช่แล้วจ้ะ” เสียงจากผู้หญิงคนเดิม คราวนี้ผมขอมองหน้าเธอหน่อย จำได้ว่าเธอเคยมางานเลี้ยงปีใหม่ที่บ้านผมจัดอยู่บ่อยๆ “แต่ปั๊มจะยังได้เงินเข้าบัญชีเหมือนเดิมปกติ ตามจำนวนที่ CEO ได้ประจำเดือนตอนที่พ่อแม่ปั๊มยังอยู่นะจ๊ะ”
   
“ผมไม่ได้ต้องการเงินครับ” กูมีเยอะแล้ว... “ผมแค่อยากได้ของๆ ผม”
   
“ปั๊ม เข้าใจพวกลุงหน่อยนะ”
   
“เข้าใจว่าพวกคุณกำลังกีดกันการครอบครอบสิ่งที่พ่อแม่สร้างมาไว้ให้ผมงั้นเหรอครับ?” ผมช้อนตามองลุงวินัย เขาหลบตาทันที และผมก็กวาดสายตามองทุกคน และทุกคนก็หลบตาเช่นกัน
   
“ผมไม่ได้จบบริหารมา ถึงที่สาขาที่เรียนอยู่ก็ไม่ใช่ แถมไม่มีประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจอะไรเลย แต่ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่า ถึงผมจะอายุยี่สิบห้า สามสิบ หรือห้าสิบ ผมก็ไม่มีทางที่จะได้มันกลับมาคืน เพราะพวกคุณจะต้องใช้เวลาที่ผมยังอายุไม่ถึงเกณท์ในการจะแย่งมันไป”
   
“ไม่ใช่นะปั๊ม ฟังลุงก่อน...”
   
“จริงๆ ผมก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่มาวันนี้เพราะลึกๆ แล้วคิดว่าพวกคุณจะใจดีก็ได้ แต่ก็เป็นได้แค่ความคิดจริงๆ” ผมลุกขึ้นยืน จัดสูทตัวเองให้เข้าที่ “ขอให้สนุกกับธุรกิจที่พ่อแม่ผมสร้างมาครับ ลาก่อน”
   
ผมยกมือไหว้ทุกคนในที่นั้นอย่างเชื่องช้า ทันทีที่ผมหันมาก็สะดุดใจเล็กน้อยที่เห็นเลขาของพ่อยืนรออยู่แล้ว อืม…นี่มันคนของพ่อจริงๆ แต่เสียดายที่หลังจากนี้เราคงไม่ได้ร่วมงานกัน
   
“เดี๋ยวก่อน” เสียงทุ้มชวนสะกดดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังเดินไปตามทาง น่าแปลกที่เท้าของผมมันกลับหยุดกึกเหมือนกับโดนสั่งอย่างทันที ผมหันไปทางต้นเสียงก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ สวมเครื่องแบบกัปตันอย่างเต็มยศกำลังจ้องมองมาที่ผมผ่านดวงตาสีน้ำตาลที่เข้ากับผิวสีออกแทน รูปร่างเขาใหญ่จนบังสายตาผมไม่ให้เห็นใครต่อใครที่อยู่ด้านหลัง คิ้วเข้มแบบธรรมชาติขมวดเข้าหากัน เหนือปากหนาแบบผู้ชายแท้ๆ ซึ่งกำลังเม้มเป็นเส้นตรงนั้นคือจมูกแท่งสวยที่เข้ารูปจนน่าอิจฉา ผมนึกขำที่ขณะเห็นว่าเขากล้าที่จะใช้มือข้างขวาล้วงกระเป๋ากางเกง อืม กาละเทสะขององค์กรนี้ได้ใจไปเลย
   
“นั่นกัปตันธีรศักดิ์ ประดับแก้ว กัปตันฝีมือดีของสายการบินเราครับ” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ กระซิบอยู่ข้างๆ ไอ้ห่าเอ๊ย เลขานี่ียังอยู่อีกเรอะ
   
“ครับ?” ผมกระตุกยิ้มใส่ ‘กัปตันฝีมือดี’ ที่ว่า
   
“ในฐานะบุคลากรที่ทำงานที่นี่มานาน ได้รับใช้พ่อแม่ของคุณ ผมเห็นด้วยว่าทุกอย่างมันควรเป็นของคุณ...”
   
โอ้ น่าคุยด้วยหน่อย
   
“แต่ผมคิดว่าสิ่งที่คุณวิชัยพูดมันเป็นความจริงที่คุณต้องยอมรับ”
   
“…”
   
“คุณคิดว่าถ้าคุณจะขึ้นมาบริหารตอนนี้ พวกผม... หมายถึง พนักงาน กัปตัน และลูกเรือทุกคนจะยอมรับในตัวคุณงั้นเหรอ?”
   
ทั้งห้องเงียบกริบ ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์และเสียงหายใจของตัวเอง เลขาหนุ่มหน้าเสียและเดินหลีกทางทันทีเมื่อเห็นว่าผมกำลังก้าวขาไปข้างหน้า ผมแสยะยิ้มให้ระหว่างที่ระยะห่างของผมและกัปตันปากเก่งคนนั้นใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่นานนักผมก็อยู่หางจากเขาไม่ถึงเมตร
   
“แล้วทำไมผมจะต้องทำให้พวกคุณยอมรับด้วย” ผมเอียงคอถาม
   
“ข้อแรกของผู้บริหาร คือการซื้อใจลูกจ้างของคุณ” เขาตอบกลับมา “คุณน่าจะรู้”
   
“ผมไม่รู้”
   
“แต่พ่อแม่คุณรู้ดี”

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 05-12-2016 16:31:52
ง่อววววววว รอ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 05-12-2016 16:33:28

เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้บ บ้าฉิบ! ไอ้นี่มันหักหน้าผมกลางที่ประชุมเลยเรอะ
   
ผมแสร้งทำเป็นยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คงไม่มีโอกาสทำแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้ขึ้นบริหาร คงไม่มีเวลาพิสูจน์ว่าจะซื้อใจใครต่อใครได้หรือเปล่า”
   
“อย่าคิดไปเองสิครับ” โอ้ย อีกหนึ่งดอก “คุณยังมีเวลาก่อนที่คุณจะอายุครบยี่สิบห้า ลืมแล้วเหรอ?”
   
เขายิ้มอย่างร้ายกาจก่อนจะเดินแทรกตัวผมออกไปจากห้อง เล่นซะผมตัวเซจนเลขาข้างๆ ต้องคว้าแขนไว้ ผมไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว... ผมก้มหน้าก้มตาก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปอย่างช้าๆ โดยมีเลขาตามมาติดๆ และพนันได้เลย สายตาเป็นร้อยคู่กำลังทิ่มแทงตามหลังผมมาแน่นอน

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“คุณปั๊มครับ ผมจัดการส่งเอกสารที่คุณขอไปให้ทางอีเมลแล้วนะครับ” เสียงสั่นๆ จากปลายสายทำให้ผมหงุดหงิด มันเป็นเสียงเลขาของผม (ชั่วคราว) นั่นเอง
   
“เป็นอะไร? กลัวเหรอ? ถ้าจะเป็นทีมฉันอย่าขี้ขลาด”
   
“ปะ…เปล่าครับ! ผมแค่หนาวไปหน่อย” โอ๊ย ไม่เนียนเลยไอ้บื้อ “เอ่อแล้วคุณปั๊มครับ คุณพอจะบอกได้มั้ยว่าคุณจะเอาเอกสารพวกนั้นไปทำไม เพราะถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดี ผมจะมีปัญหา...”
   
“นั่นไง ไม่ทันไรก็ขี้ขลาดแล้ว ถ้าคิดจะช่วยฉันแล้วอย่าพูดให้มันมากเข้าใจมั้ย!”
   
“คะ…ครับๆ งั้นผมขอตัวแล้วนะครับ”
   
“เดี๋ยว!” ผมมองดูนาฬิกาบนหน้าจอมือถือ “สามทุ่มแล้ว นายยังอยู่ที่ทำงานเหรอ?”
   
“ใช่ครับ”
   
“ไม่มีพ่อไม่มีแม่หรือไง”
   
“คุณปั๊มจะไล่ผมออกเหรอครับ...”
   
“อะไรของนาย ฉันแค่ถาม ฉันมีสิทธิ์ไล่ใครออกที่ไหน” งงกะมัน
   
“มีครับ”
   
“อ้าว ฉันมีสิทธิ์ไล่คนออกเหรอ”
   
“เปล่าครับ หมายถึงผมมีพ่อมีแม่ครับ”
   
“อ้าว! แล้วทำไมไม่รีบกลับไปดูแลท่านล่ะ เลิกทำงานได้แล้ว คนที่นี่เขาไม่มาดูแลนายเหมือนคนที่บ้านหรอกนะ ทำงานให้มันพอดีหน่อย”
   
“คะ…ครับๆ เดี๋ยวผมจะกลับบ้านเลยครับ แค่นี้นะครับคุณปั๊ม”
   
ผมเปิดอีเมลทันทีหลังจากที่กดวางสาย จากนั้นก็ดาวน์โหลดเอกสารทั้งหมดที่แนบมาและสั่งมันปริ้น พ่อบ้านหน้าตายเดินไปหยิบกระดาษที่กำลังออกมาจากเครื่อง หลังจากที่กวาดสายตาอย่างลวกๆ ไปรอบๆ ข้อมูลในนั้นจนหมดแล้วเขาจึงยื่นมาให้ผมที่กำลังเหยียดขาอยู่บนโซฟา
   
“น่าสนใจนะครับ” เขาพูดเสียงเรียบ “ขอเดาว่านี่คือคนที่หักหน้าคุณหนูวันนี้”
   
ผมรับเอกสารพวกนั้นมา มันเป็นข้อมูลทั้งที่เป็นสาธารณะและความลับเท่าที่เลขาของพ่อจะหามาให้ได้ ความลับของนายธีรศักดิ์ ประดับแก้ว...
   
“หาอะไรร้อนๆ ให้ทานหน่อยสิ” ผมบอกพ่อบ้าน เพราะไม่อยากให้ใครมาจ้องเวลาทำเรื่องเลวๆ แบบนี้
   
“งั้นผมจะจัดชาร้อนๆ กับขนมนิดหน่อยมาให้นะครับ อรรถรสจะได้มากขึ้น”
   
อืม…กัดกันเข้าไป
   
ทันทีที่พ่อบ้านออกไปแล้ว ผมก็เริ่มอ่านเอกสารตรงหน้าทันที ใบแรกเป็นประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ประกอบด้วยรูปภาพขนาดเล็กๆ ที่มุมขวา เป็นรูปเขา...กับใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าที่ได้เห็น ดูร่าเริง ใจดี…และ อืม… เปี่ยมไปด้วยความฝัน
   
   
ชื่อ : ธีรศักดิ์ ประดับแก้ว
ชื่อเล่น : ธีร์
อายุ : 35 ปี
เกิด : 28 FEB 1981
การศึกษา : โรงเรียนXXXX
ปริญญาตรี : วิศวกรรมศาสตร์, วิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยXXX GPA. 3.92
วุฒิพิเศษ : เทคนิคการบิน วิทยาลัยXXX GPA. 3.78
ปริญญาโท : ศิลปศาสตร์, การบริหารธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยXXX GPA. 3.80


เรียนเก่งใช่ย่อยนะเนี่ย... แถมเรียนบริหารการบินซะด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตหมอนี่อาจจะ Take Over บริษัทที่ทำอยู่ก็ได้นะ
   
ผมพลิกหน้ากระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ใบนี้เป็นประวัติการทำงานกับ FIRST AIR ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย แปลว่าตลอดเวลาการทำงานของเขา ที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียว

ประวัติการทำงาน FIRST AIR
ตำแหน่ง : Pilot
ค่าตอบแทนประจำเดือน : 90XXX per. MONTH
เริ่มทำงานเมื่อ : 24 JAN 2005


“ของทานเล่นมาแล้วครับ” เสียงจากพ่อบ้านทำให้ผมสะดุ้งโหยงจนต้องมองกลับไปด้วยสายตาไม่พอใจ ตกใจหมด!
   
“ขอบคุณมาก ฝันดีนะ”
   
“ครับ ผมจะนอนเลยก็ได้ครับ”
   
เฮ้อ วันนี้เป็นอะไรวะ เจอแต่คนขาดๆ เกินๆ ทั้งวัน พ่อบ้านก็มาเป็นกับเขาด้วย
   
ทันทีที่ลุงเอกพ่อบ้านคนเก่งเดินพ้นประตูไป ผมก็หยิบข้อมูลอีกแผ่นออกมา อันนี้ขึ้นหัวข้อว่าข้อมูลส่วนตัว หึๆๆ นี่สิที่น่าสนใจ

อันนี้คือข้อมูลเท่าที่ผมหาได้จากการสืบและการได้ยินคนพูดกันในออฟฟิศนะครับคุณปั๊ม
คุณธีร์อายุสามสิบห้าปี ยังโสด และไม่เคยมีประวัติว่าเคยมีคู่ควงหรือคบกับใครเลย
แต่… ทุกคนที่ผมได้หลอกถามมายืนยันว่า คุณธีร์มีสัมพันธ์ลับๆ แบบเรื่องบนเตียงกับบรรดาพนักงานหน้าตาดีๆ ในสายการบินเราเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแอร์โฮสเตส สจ๊วส และ…


เดี๋ยวนะ ขอค้างตรงนี้แปบ…

สจ๊วส!? นี่อ่านไม่ผิดใช่มั้ย ผู้ชายอะเหรอ?

และ…พวกผู้บริหาร (ที่ยังไม่แก่นะครับ เดาว่าเขาจะนิยมคนที่อายุน้อยกว่า) เคยมีประวัติเด็กฝึกงานภาคพื้นที่สุวรรณภูมิพยายามจะกระโดดให้รถชนขณะจับได้ว่าคุณธีร์กำลังมีคู่ควงคนใหม่ แต่เรื่องก็เงียบไปเพราะเด็กฝึกงานคนนั้นเลือกที่จะลาออกไปเอง

หล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมเหล่มองรูปเขาที่ใส่ชุดนักบินเต็มยศในกระดาษแผ่นแรกแล้วรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ หน้าตาก็…งั้นๆ
   
ผมหันกลับมาอ่านข้อมูลตรงหน้าต่อ

มีแหล่งข่าวน่าเชื่อถือบอกว่า เมื่อปีก่อนเขาโดนจับให้จะหมั้นหมายกับคู่หมั้นที่พ่อแม่เลือกมาให้ ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่ยินยอม แต่พอได้เจอตัวกัน เขาก็เริ่มเปิดใจและตกลงคบหากันซึ่งคาดว่าน่าจะรักกันจริงๆ แต่โชคร้าย ก่อนงานหมั้นประมาณสามเดือนฝ่ายหญิงประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่นอกชายฝั่งฮาวายซะก่อน…

อืม…

คุณธีร์กลายเป็นคนละคน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่มีข่าวคาวกับใครๆ อีก ได้ยินมาว่าการทำงานกับเขายากขึ้นด้วย เพราะเขารู้สึกแย่ที่ตัวเองเป็นกัปตันแต่คนรักกลับเสียชีวิตเพราะเครื่องบินตก

“ไม่ใช่ความผิดตัวเองสักหน่อย” ผมถึงกับบ่นพึมพำกับตรรกะไร้สาระแบบนั้น  โคตรจะซีรีส์เลยวุ้ย

เขาเคยคิดจะลาออก แต่ถูกท่านประธานรั้งตัวไว้เพราะเสียดายฝีมือ เขาจึงยอมทำงานต่อ รวมแล้วอายุการทำงานกับสายการบินเรา 9 ปี ตอนนี้ยังไม่มีใครเดาได้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นยังไงต่อไปหลังจากที่เราเสียท่านประธานไป เขานับถือในตัวพ่อคุณปั๊มมาก
(ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมจากนี้ สามารถขอมาได้ที่ตรองเลยครับ)


อะไรเนี่ย แค่นี้!?
   
ผมพลิกกระดาษไปมาก็พบว่ามันไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้วจริงๆ โอ๊ย กำลังสนุกเลย
   
ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรหมดแล้ว อีกแผ่นเป็นรูปบรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ที่เคยมีข่าวกับกัปตันธีร์ ส่วนมากถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นพวกเอ็กซ์ๆ หน้าอกหน้าใจเบ้อเร่อ แต่กลายเป็นว่าพวกหนุ่มๆ มีแต่พวกขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ ทั้งนั้นเลย อืม… พิมพ์นิยมของจริง
   
ตื๊ดดดดดดด
   
ผมจัดการโทรหาเลขาอีกครั้ง
   
“ครับคุณปั๊ม ผมกำลังจะเก็บของกลับบ้านแล้วครับ”
   
“อะไร ยังไม่ออกจากออฟฟิศอีกเหรอ!?”
   
“อย่าไล่ผมออกนะครับ…”
   
“ไร้สาระไปใหญ่แล้ว” ผมพ่นลมใส่ปลายสาย “และถ้าข้อมูลมันจะมีแค่นี้ก็โทรมาเล่าให้ฟังก็ได้นะ จะได้ไม่เสียเวลา”
   
“ให้ผมหาข้อมูลเพิ่มตอนนี้เลยมั้ยครับ”
   
“ไม่ต้อง!!”
   
โอ๊ยยยย อะไรมันจะอยากทำงานขนาดนั้นวะ
   
“ฉันแค่จะโทรมาบอกว่า ช่วยหาข้อมูลไฟล์ทที่กัปตันธีร์รับผิดชอบมาให้หน่อย ถ้าหาได้แล้วส่งมาในข้อความด้วย แต่ไม่ต้องทำตอนนี้นะ กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน”
   
“อ่า… ครับๆ” ผมได้ยินเสียงจดอะไรยุกยิกใกล้ๆ หูจากอีกฝั่ง “มีอะไรอีกมั้ยครับคุณปั๊ม”
   
“ไม่มีแล้ว… เฮ้ย!! มีๆๆๆ”
   
“อะไรครับ?”
   
“ตกลงกัปตันเขาเป็น…หรือเปล่า”
   
“เป็น…? เป็นอะไรครับ?”
   
“ก็นั่นแหละ…”
   
“อะไรหรือครับ?”
   
ใสซื่อเกินไปนะ…
   
“เป็นโรคหูดมั้ง!! ไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้แหละ และอย่าให้รู้ว่ายังไม่กลับนะ”
   
ติ๊ด!
   
โอ๊ย อยู่กับคนแบบนี้ทั้งวันมีหวังประสาทแดก
   
ทันทีที่วางสายจากเลขาปัญญาอ่อนแล้ว ผมก็จัดการโทรหาอีกเบอร์หนึ่ง
   
“ฮาโหล…” เสียงงัวเงียดังขึ้นทันทีหลังจากโทรติดไม่นานเท่าไหร่
   
“หลับแล้วเหรอ ลืมไปว่าที่นั่นคงยังไม่เช้า”
   
“คุยได้ มีอะไร…เพิ่งถึงเมื่อเย็นนี้เอง” เสียงของ ‘ไวน์’ เพื่อนสนิทจากแดนไกลยังคงเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น
   
“กูมีอะไรทำแล้ว”
   
“ได้มรดกจากพ่อมึงแล้วล่ะสิ อย่ารีบใช้หมดนะ”
   
“ให้มันน้อยๆ หน่อย สลดหรือไว้อาลัยบ้างก็ยังดีมั้ง มึงยังฝังพ่อกับกูอยู่เลยนะเมื่อวาน” ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ว่า หลังจากจบพิธีไอ้ไวน์ก็บินกลับไปญี่ปุ่นทันทีเพราะต้องสะสางเรื่องโปรเจ็กต์ที่ค้างไว้ให้จบเพราะว่ามันไม่ได้เตรียมตัวที่จะกลับมาไทย ปกติเราจะเจอกันแค่ซัมเมอร์ละครั้งเท่านั้น การที่มีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นเสียก่อนทำให้มันต้องมาหาผมเร็วกว่ากำหนด ทำให้การปิดเทอมของมันช้ากว่าเดิมนิดหน่อยเพราะมีงานค้าง ผิดกับผมที่เลือกเรียนที่สวีเดน ปิดเทอมก่อนมันเกือบเดือนเลย
   
“สลดแล้ว จะทำอะไรก็พูดมา”
   
“เกมประจำซัมเมอร์นี้ไง” ผมพูดรหัสลับของเรา ซึ่งแน่นอนเรารู้กันอยู่สองคน
   
“ซัมเมอร์เหรอ!?” น้ำเสียงมันดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เพราะโค้ดลับของเราคำนี้มันแสบอย่าบอกใครเชียวล่ะ “กับใครล่ะคราวนี้”
   
“คนในที่ทำงานพ่อ”
   
“โห ไม่แก่หงักเลยเหรอวะ มึงอยากลองของแปลกเหรอ”
   
“มึงนี่เพ้อเจ้ออีกคนละ ยังไม่แก่โว้ย เป็นกัปตันที่หักหน้ากูกลางที่ประชุมบอร์ดบริหารต่อหน้าคนทั้งบริษัท”
   
“โห แสบว่ะ สมควรแล้ว”
   
“เออไง ไม่คิดเลยว่าซัมเมอร์เกมปีนี้จะมาเร็วกว่าที่คิด”
   
“แล้วมึงจะเริ่มเมื่อไหร่”
   
“เดี๋ยวนี้เลย”
   
“โหดจริงหนูปั๊ม หึหึหึ” ไอ้ไวน์หัวเราะอย่างน่ากลัว “ระวังด้วยล่ะมึง อย่าโหดเกินไปล่ะ”
   
“คงไม่ทำอะไรมากหรอก ยังคิดอยู่ว่าจะใช้แผนไหนดี มาหักหน้าแบบนี้กูไม่ชอบ เลยคิดจะแก้แค้นก็แค่นั้น”
   
“หนูปั๊มขาโหดกลับมาแล้วสินะ ยังไงก็ขอให้สนุกนะมึง”
   
“กลับมาช่วยกูเร็วๆ สิ”
   
“ภาวนาไม่ให้เมนเทอร์ป้อนเอฟให้กูแดกก่อนดีกว่า แค่นี้แหละกูง่วง”
   
“เออ แค่โทรมาบอก ไปนอนเถอะ”
   
“บายยยยยยย”
   
สิ้นเสียงลากยาวๆ กวนประสาทนั้นผมก็ตัดสายทันที จัดการโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาข้างๆ ตัวและหยิบกระดาษใบแรกขึ้นมาอีกครั้ง รูปกัปตันตอนยังหนุ่มกำลังส่งสายตามาให้
   
หึ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกมปีนี้จะเป็นคุณ

จบตอน

#theneoclassic
สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ

นักเขียนหน้าใหม่ จริงๆ แวะเวียนในวงการนี้มาก็หลายปี ถึงเวลาเปิดตลาดจริงๆ จังๆ สักที
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในการกลับมาขีดๆ เขียนๆ อีกครั้งหลังจากทิ้งความฝันไปกับการเป็นพนักงานออฟฟิศ
ผมรู้สึกว่ามันช่วยเติมเต็มและมันทำให้สมองผมไม่ตายและมีจิตวิญญาณอยู่ ทำให้ตัวเองไม่ลืมว่าชอบอะไร

นิยายเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยบุคคลที่มีชีวิตจริงๆ ที่ผมแอบชื่นชอบ และที่ผมแอบเกลียด 5555 เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์มากที่สุดแต่ปรับเปลี่ยนบริบทให้แตกต่างออกไป (นี่มันอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ5555) เรียกได้ว่าสนองนี้ดตัวเองจริงๆ ครับ ไหนๆ ในชีวิตจริงมันไม่ค่อยสมหวัง ก็ขอฟินในนิยายนี่แหละเนอะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และขอบคุณหนังสือ Y ทุกเล่มที่ช่วยให้ผมผ่านพ้นหลายๆ เรื่องมาได้
หากคุณเปิดกระทู้นี้อยู่ผมขอสัญญาว่าจะลงจนมันจบ อาจจะไม่ได้เร็วตามใจต้องการบ้าง แต่จะไม่ทิ้งแน่นอนครับ

ถ้าคุณชอบ รบกวนบอกต่อกันไป และคุยกับผมสักนิดสักหน่อย มันเป็นกำลังใจกองโตได้เลยล่ะครับ
ผมจะแวะไปอ่านนิยายของคนอื่นๆ เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์และแรงบันดาลใจอย่างแน่นอน ผมชอบการแบ่งปันครับ 

สามารถแวะเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ Twitter ส่วนตัวผมนะครับ
https://twitter.com/thene0classic
รบกวนติด #firemetothemoon เผื่อเราจะหาเจอกันได้ง่ายขึ้นน้า

แล้วเจอกันตอนหน้าครับผม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: usguinus ที่ 05-12-2016 16:55:15
น่าสนุกมากค่าาา รอนะคะ สู้ๅ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-12-2016 17:38:36
เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะปั๊ม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-12-2016 18:44:17
ปั๊มร้ายจัง แต่ก็ชอบนะ รู้สึกว่ามีสีสันดี ดูแสบๆ เผ็ดๆ รอดูว่าจะจัดการพระเอกได้มั้ย หรือว่าสุดท้ายแล้วจะโดนพระเอกเล่นงานกันแน่ ฮ่าๆๆๆๆ
เอ๊ะ? ว่าแต่ว่าพระเอกนี่คือกัปตันธีร์ปะ?

สู้ๆ น้า เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-12-2016 20:15:08
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 05-12-2016 20:49:29
สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-12-2016 10:27:14
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-12-2016 12:08:39
ทำไมร้ายยยยยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 07-12-2016 02:32:42
นิดนึงที่"บรรดาภาพที่พ่อ"ป่ะคะ ถ้า "ภาพที่บรรดาพ่อ"คือพ่อมีเยอะ(หลายคน)
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 10-12-2016 23:52:11
2
กัด


(https://scontent.fbkk1-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15285005_10202547427162489_1966305043073328806_n.jpg?oh=3239fdfe9b068819fe0635a615a0aa3c&oe=58ECA2F9)

“ปั๊ม นายอยากจะทำอะไรสนุกๆ มั้ย”
   
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อพยักหน้า ไม่นานนักเขาก็ถูก ‘ไวน์’ เพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันลากแขนไปตามทาง
   
“นั่นใช่มั้ย” ไวน์ชี้นิ้วไปยังเด็กผู้ชายที่กำลังยืนกินไอติมอยู่ข้างๆ สนามเด็กเล่น “นั่นคือคนที่ขโมยการบ้านนายไปส่งเป็นชื่อของตัวเองจนนายต้องทำใหม่ให้ทันก่อนปิดเทอมใช่หรือเปล่า”
   
“ใช่”
   
“นายไม่ชอบเขาใช่มั้ย”
   
เด็กน้อยชื่อปั๊มส่ายหน้า แต่ทว่าอีกฝ่ายตีความว่าเห็นด้วย
   
“ดี งั้นเราจะแก้แค้นกัน”
   
“แก้แค้น?”
   
“ใช่ เอาให้สาสมกับที่มันทำกับนายเลย” แล้วไวน์ก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือธนบัตรสีเทาจำนวนสามใบ
   
“นายเอาเงินพวกนี้มาจากไหน” คนตัวเล็กกว่าทำตาโต
   
“ชู่ว เงียบน่า” ไวน์ยัดมันใส่มือของปั๊ม ซึ่งดูท่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะรับไว้เท่าไหร่ “เอาไปใส่ในกระเป๋าสีฟ้าที่มันพิงไว้ตรงชิงช้าสิ เห็นมั้ย”
   
ปั๊มมองไปตามนิ้วของอีกฝ่ายซึ่งชี้ไปยังเป้าหมายที่ว่า “เอางี้เลยเหรอไวน์”
   
“เอาน่า เชื่อฉันสิว่าใครทำเรา เราต้องแก้แค้น”
   
ปั๊มไม่มีทางเลือก และอีกอย่างสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นก็น่าสนใจไม่น้อย ใช่… บางทีเรื่องบางเรื่องมันก็ควรจบลงที่การเอาคืน
   
เด็กหนุ่มเดินออกไปยังลานกว้างซึ่งเป็นสนามเด็กเล่น เด็กๆ หลายคนกำลังสนุกสนานจนไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กชายเสื้อสีเขียวกำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปยังชิงช้าที่ไม่มีใครเล่น ปั๊มเหลือบมองศัตรูที่กำลังกินไอศกรีมอยู่ หมอนั่นไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด และทันทีนั้นเอง เงินก้อนนั้นก็ถูกยัดลงไปในกระเป๋าเป้สีฟ้าลายการ์ตูนชื่อดังซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการทำความดี สวนทางกับเหตุการณ์ในตอนนี้ชะมัด
   
ปั๊มวิ่งกลับมาหาเพื่อนที่หลบอยู่ริมพุ่มไม้ เขาเหงื่อแตกจนเปียกไปทั้งใบหน้าเพราะความตื่นเต้น
   
“ทีนี้ก็ตามฉันมา” ไวน์กึ่งวิ่งกึ่งเดินนำไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ดูเก่าเพราะไม่ค่อยมีใครใช้ ก่อนจะยื่นกระดาษใบเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกซึ่งมันคือตัวเลขทั้งหมด
   
ปั๊มมองที่กระดาษแผ่นนั้น “เบอร์ใครเหรอ?”
   
“โทรไปเถอะน่า พูดแค่ว่า ‘ลูกคุณขโมยเงินจากครูประจำชั้นมาสามพันบาท’”
   
“ไวน์…”
   
“จะทำหรือไม่ทำ” คนถูกเรียกเริ่มหงุดหงิด “อย่าให้ฉันต้องเสียเงินเก็บไปฟรีๆ สิ”
   
“ก็ได้…” ปั๊มเริ่มวิตก ขณะที่มือกำลังกดปุ่มตามเลขในใบนั้นในใจกลับปั่นป่วน อย่ารับนะ อย่ารับนะ
   
“สวัสดีค่ะ…” เสียงผู้หญิงใจดีดังขึ้นจากปลายสาย
   
“ละ…ลูกคุณขโมยเงินมาจากครูประจำชั้นสามพันบาท!!”
   
ปึก!
   
เขาวางหูลงในแทบจะทันที ใจยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด
   
“เก่งมากเลยปั๊ม เราไปกินขนมกันเถอะ” ไวน์ชูนิ้วโป้งให้เพื่อนและเดินหนีไปอีกทาง ปั๊มที่กำลังสับสนหันกลับไปยังสนามเด็กเล่นอีกครั้ง
   
ผู้หญิงคนหนึ่งดูท่าจะอารมณ์เสียมาก กำลังลากแขนลูกชายซึ่งยังมีไอศกรีมอยู่ในมือมาที่กระเป๋าเป้ใบนั้น เมื่อผู้เป็นแม่เห็นธนบัตรสีเทาสามใบอยู่ในช่องเล็กๆ ด้านขวาก็ร้องลั่น ไม่รอช้าที่จะใช้มืออีกข้างตีไปยังก้นของลูกชายที่ทำเรื่องไม่ดี เด็กคนนั้นร้องในแทบจะทันที ไอศกรีมในมือหล่นไปอยู่ที่พื้น
   
ถึงภาพข้างหน้าจะสะเทือนใจแค่ไหน ปั๊มกลับมีความรู้สึกประหลาดแทรกเข้ามาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของตัวเอง ใช่ เขากำลังลิ้มรสการแก้แค้นที่อร่อยกว่าที่คิด!
   
“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เสียงทุ้มแตกหนุ่มของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง ปั๊มตกใจจนสะดุ้งหนีและวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด และเมื่อตั้งสติคิดว่าพ้นแล้วเขาจึงตัดสินใจหันกลับไปมอง
   
เด็กวัยรุ่นผู้สวมเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกทับเสื้อยืดสีขาวกำลังมองเขามาด้วยสายตาที่ดูตัดสิน พลางส่ายหัวอย่างเอือมระอากับสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ แย่ล่ะ!…โดนจับได้ซะแล้ว
   
ถึงจะอยู่ในห้วงความรู้สึกที่ผสมปนเป…   

แต่ปั๊มจำเขาได้ นั่นคือคนที่ผูกเชือกรองเท้าให้เขาตอนงานเลี้ยงปีใหม่ที่คฤหาสน์นั่นเอง…



(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

‘เที่ยวบินที่คุณธีร์รับผิดชอบที่เร็วที่สุดคือวันนี้ตอนหกโมงเย็นครับ
กรุงเทพ – กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)’

ผมอ่านข้อความที่ส่งมาจากเลขาอีกครั้งก่อนจะกดปุ่มล็อคหน้าจอ อืม…ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังนั่งแกว่งขาอยู่ในออฟฟิศลูกค้าสัมพันธ์ประจำสนามบิน ข้างๆ เป็นกองเอกสารคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งบอกถึงสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเจอลูกค้าหลายๆ ประเภท ผมอ่านมันครบทุกเล่มแล้วเพื่อฆ่าเวลา ใช่ ผมกำลังรอ…
   
“น้ำชาค่ะคุณปั๊ม” พนักงานภาคพื้นคนหนึ่งนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ อาจจะเห็นว่าผมนั่งอยู่นานแล้วล่ะสิ
   
“ขอบคุณครับ”
   
“และนี่ ป้ายสำหรับ Crew แขวนไว้ตลอดเวลาที่อยู่ที่สนามบินนะคะ” เธอยื่นสายคล้องคอสีครีมซึ่งเป็นสีประจำสายการบินให้กับผม ข้อมูลในบัตรที่เชื่อมติดกันนั้นเป็นชื่อและตำแหน่งของผมเสร็จสรรพ ดูท่าจะทำสดๆ ร้อนเลยสิเนี่ย
   
“คุณปั๊มอยากได้อะไรอีกมั้ยคะ”
   
“ยังไม่ต้องการตอนนี้ครับ ขอบคุณมาก” ไม่อยากรับปาก ก็ไอ้คนที่รอยังไม่โผล่หัวมาสักที!
   
พนักงานภาคพื้นคนนั้นยิ้มอย่างจริงใจให้ก่อนจะเดินออกไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเจอเข้ากับใครที่ผลักประตูเข้ามาพอดิบพอดี
   
“อ้าว สวัสดีค่ะกัปตันธีร์ แหมวันนี้หล่อเชียว” เสียงเริงร่าผิดปกติทำให้ผมแอบย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ ถึงไม่ได้หันหลังไปเห็นก็รู้ได้ว่าเป้าหมายของผมปรากฏตัวขึ้นแล้ว
   
“ขอบคุณครับ เอ่อ…เรามีแขกเหรอครับ” เสียงทุ้มนั้นถาม
   
“ค่ะ… นี่คุณ”
   
โดยไม่ต้องรอให้ใครหน้าไหนแนะนำ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้กึ่งอลูมิเนียมเกรดปานกลางพลางหันมาทางเขา กัปตันไม่มีท่าทีประหลาดใจหรืออารมณ์อื่นใดๆ เลยสักนิด สิ่งเดียวที่จับสังเกตได้คือคิ้วที่หนาเข้มนั้นกำลังย่นเข้าหากัน ก็เหมือนที่เคยเห็นมาก่อน…
   
“คุณมาทำอะไรที่นี่” เสียงที่ถามดูราบเรียบ ไม่มีอิโมชั่นใดๆ
   
“ก็มาดูธุรกิจของตัวเองในอนาคตไงล่ะ เผลอๆ อาจจะได้ซื้อใจอะไรก็ตามที่คุณว่าไว้ด้วยก็ได้นะ” ผมยิ้มกวนๆ
   
“โดยการนั่งดื่มชาในห้องแอร์เนี่ยนะ?”
   
“ก็ที่นี่ไม่เสิร์ฟน้ำเปล่ายี่ห้อที่ผมดื่มได้นี่” เออ จดเรื่องนี้ไว้ในสมุดแล้วด้วย คนเราต้องได้ดื่มน้ำดีๆ นะจะบอกให้
   
“ผมหมายความว่า การซื้อใจไม่ใช่แค่ทำตัวตามสบายไปวันๆ ในที่ทำงานของตัวเอง มันมีอะไรมากกว่านั้น ลองออกไปดูบ้าง” เขาขยับแขน ทำให้เห็นถุงเสื้อที่แบกมาด้วย ในนั้นมีชุดกัปตันเต็มยศเรียบกริบอยู่ ตอนนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีฟอก ลำลองเหลือเกิน
   
“ผมนึกว่าพนักงานทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบตั้งแต่ก่อนเข้ามาที่สนามบินซะอีก” ผมกอดอกมองไปยังถุงพลาสติกด้านๆ ในมือเขา
   
“พอดีผมมีธุระ ถ้าเห็นว่าไม่สมควรก็ขอโทษครับ” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน
   
“เอ่อ มีอะไรเรียกใช้ได้นะคะ” พนักงานภาคพื้นสาวคนเดิมพูดเบาๆ ก่อนจะผลักประตูออกไป ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย!?
   
ผมเหลือบมองไปยังห้องแต่งตัว หลังกระจกขุ่นๆ นั้นผมเห็นกัปตันตัวดีกำลังง่วนอยู่กับการถอดกางเกง เฮ้อ เกลียดที่ต้องมาเห็นจริงๆ
   
แต่เราต้องรุกต่อ “วันนี้คุณมีบินเหรอ”
   
“ถามทำไม” เขาส่งเสียงตอบกลับมา
   
“มันเป็นความลับบริษัทหรือไง”
   
“เปล่า” เขาผลักประตูห้องแต่งตัวเอง ทำให้เห็นว่ากำลังยัดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าไปในกางเกงสแล็คทรงสุภาพอยู่ โอ้ย ทำให้มันเสร็จๆ ก่อนไม่ได้หรือไงนะ “มันเป็นความลับของผม”
   
ผมมองรอยยิ้มที่กระตุกขึ้นสักแวบหนึ่งในเสี้ยววินาทีแล้วขนลุกซู่ รอยยิ้มแรกที่ได้เห็นจากคนตรงหน้าเลยนะเนี่ย
   
“ถามจริง มาทำอะไร?”
   
“ผมแค่อยากรู้เรื่องการทำงานของพนักงานทุกคน” ผมยักไหล่ “คุณช่วยได้มั้ยล่ะ”
   
“นี่จริงจัง?”
   
“ผมเป็นคนซีเรียสมาก” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
   
กัปตันธีร์เสยผมขึ้นอย่างลวกๆ ระหว่างที่เหล่มา “มีเวลาทั้งวันใช่มั้ย”
   
“ตอนนี้ปิดเทอมครับ”
   
“ครับ? โอ้โหเป็นเกียรติจริงๆ”
   
“ไม่ต้องเลย คุณก็เพิ่งพูดคำนี้ให้ผมได้ยินเหมือนกันแหละ”
   
“ผมนับถือระบบอาวุโส คุณไม่ต้องยกมือไหว้ผมก็ดีขนาดไหนแล้ว”
   
“โอ๊ย เราจะพูดเรื่องความนอบน้อมกันอีกนานมั้ย สรุปว่าคุณจะช่วยผมหรือเปล่า” ผมกอดอก แต่อีกฝ่ายกลับเค้นลมออกมาซะอย่างนั้น
   
“ถ้ามีเวลาก็ตามมา” เขาพูดระหว่างที่สวมสูทกัปตันพร้อมกับถือหมวกมาไว้ในมือ อ่า ก็ต้องยอมรับว่าเขามีสไตล์
   
ผมเดินตามกัปตันออกมายังสนามบินที่สุดแสนจะกว้างขวาง ผ่านด่านรักษาความปลอดภัยต่างๆ อย่างง่ายดายเพราะป้ายที่แขวนคออยู่ ระหว่างทาง ทุกๆ ครั้งที่ผ่านบรรดาลูกเรือของสายการบินอื่นๆ พวกนั้นจะต้องรีบซุบซิบและมองมายังคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าจนผมรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา ไอ้หมอนี่มีอะไรดีกันนะ
   
“ยังเสียใจอยู่มั้ย” อยู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นขณะที่เรากำลังขึ้นบันไดเลื่อนแบบราบที่ไหลไปตามทาง
   
“หืม?”
   
“เพิ่งผ่านงานศพพ่อแม่มาไม่นาน แต่ดูไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่เลย”
   
“อ๋อ ผมเป็นพวกไม่อยากเศร้าให้ใครเห็น” อันนี้พูดความจริงนะ
   
“ก็ดี” เขาหันมามอง “นึกไม่ออกเลยว่าคนอย่างคุณเศร้าจะเป็นยังไง”
   
“ไม่มีวันได้เห็นแน่นอน”
   
ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร จนเราเดินเข้ามาในเกต ทุกคนทักทายต้อนรับกัปตันธีร์เป็นอย่างดี แต่กับผม พวกเขาทำหน้างงก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ทักทาย เล่นเอาผมต้องพนมมือไปตลอดทาง ก็ไม่อยากอายุสั้นนี่นะ
   
เราเดินผ่านงวงช้างมายังตัวเครื่อง พนักงานต้อนรับทักทายผมอย่างเป็นกันเอง ถึงพวกเธอจะประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นลูกท่านประธานมาเยี่ยมเยียนแบบไม่ทันตั้งตัว
   
“เพิร์ล วันนี้คุณปั๊มจะมาศึกษาการทำงานของลูกเรือเรา ลองอธิบายเขาดูนะ”
   
“อ๋อ ได้เลยค่ะ ดีจังเลยนะคะคุณปั๊ม” แอร์ฯ สาวยิ้มร่า
   
“เอ่อ… ผมช่วยเท่าที่ได้นะครับ”
   
“คงช่วยอะไรได้เยอะเลยล่ะ ฝากด้วยนะครับ” ประโยคหลังกับตันธีร์พูดกับแอร์สาว โอ๊ย ทำหน้าตายียวนกรุ้มกริ่มเหลือเกิน หลังจากนั้นเขาก็แยกตัวเข้าห้องขับไป
   
“เอ่อ ผมต้องเริ่มจากอะไรครับ”
   
“เดี๋ยวรอผู้โดยสารสักครู่ แล้วก็ทยอยบอกที่นั่งเขาก็ได้ค่ะ” เธอบอก ยิ้มตลอดเวลาเลย ใจบริการที่แท้จริงแฮะ
   
หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้โดยสารทยอยกันขึ้นมา ผมทำตามที่เธอแนะนำคือช่วยแอร์ฯ คนอื่นๆ บอกที่นั่งและช่วยปิดช่องใส่สัมภาระเมื่อเห็นว่ามันเต็มแล้ว โอ๊ย เหนื่อยเหมือนกันนะ
   
เวลาผ่านไป ผมสังเกตเห็นว่าคนแทบจะเต็มแล้วแต่เครื่องยังไม่ออกสักที พวกแอร์ฯ กับพนักงานภาคพื้นกำลังวิ่งวุ่นกันใหญ่
   
“มีอะไรกันเหรอครับ” ผมตัดสินใจถามแอร์คนเดิม
   
“มีไฟนอลคอลค่ะ”
   
“รอแบบนี้ไม่ทำให้ไฟล์ทดีเลย์เหรอครับ”
   
“ปกติเรารอได้แล้วแต่กรณีค่ะ รายนี้เป็นสองสามีภรรยาและค่อนข้างชรามากแล้ว เห็นว่าหลงทาง” เธออธิบาย “นั่นไง มานั่นแล้วค่ะ”
   
ผมมองออกไปตามเธอ เห็นพนักงานภาคพื้นกำลังจูงตากับยายที่คงเป็นคู่รักกันเดินมาตามงวงช้าง ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงช้า เพราะดูเหมือนขาของทั้งคู่ก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไหร่ตามกาลเวลาของชีวิต ผมรีบวิ่งไปช่วยถือกระเป๋าและรับช่วงต่อจูงมือตากับยายและพาทั้งคู่เข้ามาในเครื่อง
   
“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณเพิร์ลไปทำอะไรเถอะครับ”
   
ผมขอดูตั๋วจากคุณตา โห…ใครออกที่นั่งให้คนชราท้ายลำแบบนี้นะ เห็นมั้ยว่าลำบาก
   
หลังจากเดินอย่างช้าๆ พาคู่รักวัยชรามายังที่แล้วผมก็จัดการใส่กระเป๋าไว้ในช่องเก็บของให้ทันทีเพื่อความรวดเร็ว
   
“อย่าลืมรัดเข็มขัดนะครับ” ผมจัดแจงช่วยทั้งคู่
   
“ขอบใจนะลูก เป็นเด็กฝึกงานเหรอจ๊ะ” คุณยายถามพลางชี้มาที่ตัวผม เอ่อ…ซึ่งกำลังอยู่ในชุดลำลองแขนยาวสีขาวและกางเกงสีเดียวกัน คุณชายมาเลยกู เพิ่งสังเกตนะเนี่ย
   
“ประมาณนั้นครับ ไปก่อนนะครับ” ผมรีบวิ่งไปยังหน้าลำเพื่อจะออกไปด้านนอก แต่…
   
แคร๊ก!!
   
แอร์ฯ คนหนึ่งปิดประตูเครื่องต่อหน้าต่อตา ทันทีที่เธอจัดการเสร็จจึงหันมาเพื่อเตรียมทำงานต่อ แต่เมื่อเห็นผมแล้ว…
   
“ว๊าย คุณปั๊ม!”
   
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ไม่ต้องรอให้เธอกลับไปเปิดประตูอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์กระชากตัวก็ทำให้ผมรู้ชะตากรรมทันที…

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

ผมนั่งสงบจิตสงบใจอยู่ที่นั่งลูกเรือใกล้กับประตูทางออก ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับบรรดาผู้โดยสารที่เดินผ่านไป คุณตาคุณยายตัวปัญหาเมื่อกี้ยิ้มให้พร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง แต่ผมไม่โกรธนะ แค่จำ ฮึ่ยยยยย
   
พวกแอร์ฯ ลากกระเป๋าตามกันออกไปยังงวงช้าง สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเหมือนคนรู้สึกผิด โดยเฉพาะคนสวยที่ปิดประตูขังผมไว้ อยากขอเบอร์มานั่งเคลียร์เลยครับ ตะเตือนใจ
   
ไม่นานนักประตูห้องขับก็เปิดออก กัปตันผู้ช่วยที่ยังดูหนุ่มเดินออกมาก่อน เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ข้างๆ ประตู แต่ทำเป็นกระแอมจัดเนคไทถือกระเป๋าเดินตามสาวๆ ออกไป ทิ้งเวลาไม่นานอีกคนก็ตามมา เขาหยุดกึกทันทีเมื่อเห็นผม
   
“อ้าว”
   
“อะไร! ตกใจเหรอ!?” ผมมองค้อนอย่างตั้งใจกวนตีน “อยู่ดีๆ ก็ได้มาเที่ยวมาเลเซียเฉยเลย”

[ต่อด้านล่าง]


หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 10-12-2016 23:58:04
ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน ผมเห็นว่าเขาพยายามกลั้นขำ
   
“แล้วทำไมไม่บอกลูกเรือล่ะ”
   
“เฮ้อ ช่างเหอะ” ผมสะบัดหัวแล้วทำท่าจะลุกตามเขาไป “เราจะกลับกันกี่โมง”
   
“อะไร?” เขาถามเสียงเข้ม ไอ้บ้านี่ขมวดคิ้วบ่อยจัง
   
“ก็กลับกรุงเทพไง คุณจะขับไฟล์ทกลับเมื่อไหร่”
   
“สายการบินของเราไม่มีกลับในวันนี้”
   
“หมายความว่ายังไง” ผมกอดอกแหงนมองคนตัวสูงกว่าตรงหน้า
   
“เครื่องนี้บินไปกลับมาทั้งวันเที่ยวสุดท้ายเลยจบที่นี่ พอบำรุงเครื่องแล้วจะใช้ได้ในวันพรุ่งนี้ แล้วอีกอย่าง วันนี้ลูกเรือก็เพลียมาก ทุกคนต้องการพักผ่อน”
   
“เดี๋ยวๆ เราต้องอยู่ที่นี่คืนนึงเหรอ!?”
   
“ใช่” เขากระตุกยิ้ม “หรือจะขับกลับไปกรุงเทพเองก็ไม่มีใครห้ามนะ”
   
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป นั่นไง อยู่ดีๆ ได้มาฮอลิเดย์เฉ้ย! ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“สวัสดีครับคุณปั๊ม” เสียงเลขาลอยมาจากปลายสาย
   
“ช่วยจองโรงแรมให้หน่อย ตอนนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากมือถือ”
   
“คุณปั๊มโดนปล้นเหรอครับ คุณปั๊มควรจะโทรหาตำรวจสิครับไม่ใช่จองโรงแรม”
   
“โอ๊ย นี่โง่หรือกวนตีนอยู่ฮะ! ฉันอยู่มาเลเซีย”
   
“ไปทานอาหารเหรอครับ”
   
“ประเทศมาเลเซีย! ไม่ใช่โรงแรมมาเลเซีย! ไม่มีอารมณ์กินปากเป็ดทอดตอนนี้หรอกนะโว้ยยยย ช่วยจองโรงแรมให้ที!!”
   
“ได้ครับๆ ขอโทษครับ อยากได้โรงแรมประมาณไหนดีครับ”
   
“ขอเตียงสบายๆ และเช็คอินได้ทันทีก็พอ แค่นี้แหละ ขอบคุณมาก!” ผมกดวางสายอย่างหัวเสีย จะทนอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนวะเนี่ย แค่เริ่มต้นก็พังไม่เป็นท่า
   
“ตรองไม่ใช่เลขาของคุณ ควรจะพูดกับเขาดีๆ นะ” เสียงทุ้มเจ้าปัญหาอันแสนจะคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ กัปตันหนุ่มยืนมองอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเดิม
   
“เขาเป็นเลขาของพ่อผม” ผมพูด พลางกอดอก “แล้วเขาก็เต็มใจจะช่วยผมเอง ช่วยไม่ได้”
   
“เอาแต่ใจจังเลยนะ”
   
“ไม่ใช่ตลอดเวลาหรอกหน่า!” จะหนักตอนที่อารมณ์เสียแบบนี้ไงแหละ ฮึ่ย!
   
เขาส่ายหัวอย่างเอือมระอาจากนั้นก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือใต้เสื้อสูทสีดำ
   
“ไม่ได้เอาอะไรมานอกจากโทรศัพท์แบบนี้จะใช้ชีวิตยังไง หิวหรือยัง?”
   
“อย่ายุ่งหน่า... นี่คุณแอบฟังผมหรือไง!?”
   
“ก็มันได้ยินพอดี จะเอายังไง ถ้าหิวจะได้พาไปหาอะไรกิน ไม่มีเงินไม่ใช่หรือไง ยังไงซะมันก็เป็นความผิดผมที่ให้คุณมาเอง”
   
“คุณกำลังโดนผีนักบุญเข้าสิงแล้วครับ”
   
“ก็ตามใจนะ”   

“เดี๋ยว! ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป” เขาทำท่าจะเดินหนีแต่ผมขัดไว้ซะก่อน หึ ยอมให้เพราะหิวหรอกนะ
   
เขาหันกลับมาเหล่มอง “งั้นก็ตามมา ผมจะไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมก่อน”
   
“ดีแล้ว ไม่อยากเดินกับกัปตันเต็มยศตลอดเวลา” ผมบ่นไล่หลังขณะเขาเดินนำไป


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


“ไม่มีที่พักว่างเลยครับ มีแต่โฮสเทล ห้องเดี่ยวที่ว่างส่วนมากเป็นโรงแรมนอกเมืองต้องเดินทางไกล” เลขาโทรมาแจ้งข่าวขณะที่ผมนั่งรอคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บนโซฟาหน้าล็อบบี้โรงแรมที่เขาพัก
   
“อ้าว ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไกลนิดไกลหน่อยก็ได้”
   
“ผมกลัวคุณปั๊มจะเดินทางลำบาก…”
   
“โอ๊ยยยยย เอามาสักที่นึงเถอะ ไม่ได้ก็เอาตั๋วถูกๆ…”
   
“เอามานี่” อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่หนาคว้าโทรศัพท์ผมไปอย่างดื้อๆ กัปตันธีร์กลับมาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ด้วยเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้าซึ่งขนาดพอดีตัวแนบรัดสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบจนปรากฏขึ้นเด่น กำลังยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ
   
“ฮัลโหล… ตรองนี่พี่เอง ครับ…ใช่ครับเขาอยู่กับพี่ ตรองไม่ต้องทำอะไรแล้วครับเดี๋ยวพี่จัดการเอง ครับๆ ขอบคุณครับ”
   
เขาว่างสายก่อนจะหันมาหาผม “นอนมันที่นี่แหละ”
   
“อะไรนะ!?”
   
“นี่ปีสองพันสิบหกแล้ว ไม่ใช่ยุคค้าทาส ใช้อะไรใครก็มีเหตุผลหน่อย ถึงจะเป็นลูกน้องตัวเองก็เถอะ แล้วก็อย่าใช้เงินเปลืองนักเลย เงินของพ่อแม่ทั้งนั้น”
   
“ผมแค่อยากนอนสบายๆ”
   
“ห้องที่นี่ก็ออกกว้างจะนอนตรงไหนก็นอนไปสิ ผมจะบอกให้นะ เวลาเรามาทำงานเราเรามาในนามบริษัท ถ้าเขาเปิดห้องแบบไหนโรงแรมแบบไหนให้ก็ต้องยอมรับ เข้าใจมั้ย”
   
“คำพูดโคตรโบราญเลย เปิดห้อง… ทำอย่างกับม่านรูด”
   
“ถ้าไม่หุบปาก มันจะกลายเป็นม่านรูดเดี๋ยวนี้แหละ”
   
ผมค้อนตาเขียวปั๊ด “มะ…หมายความว่าไง”
   
“ช่างเถอะ ผมชักหิวพอๆ กับคุณแล้ว”
   
แล้วเราสองคนก็ออกไปหาอะไรกิน ฝืนใจเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถ้ามีเงินอยู่กับตัวจะจัดสารพัดปลาดิบอย่างไม่ลังเล จุดนี้ปลาซ็อคเกอร์ ปลาดุก ปลาหมอดิบ ปลาอะไรดิบๆ ก็กินได้ โอ๊ยหิววววว
   
กัปตันหนุ่มพาออกจากโรงแรมด้วยรถแคมรี่ ตอนแรกเขาพูดว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมแล้วเขาก็เปลี่ยนใจเรียกอูเบอร์ให้มารับหน้าโรงแรมแทน เออ ค่อยคุยกันได้หน่อย
   
“ติ่มซำหรอ” ผมถามเมื่อเรามายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่เป็นช่องหนึ่งของตึกแถว ดูจากสภาพแล้วเหมือนเป็นร้านอาหารดั้งเดิมที่ขายกันมานาน แต่คนมาใช้บริการเยอะ
   
“มันเป็นร้านติ่มซำ แต่บะกุ๊ดเต๋อร่อยมาก” เขากระตุกยิ้ม
   
“มันสะอาดใช่มั้ย” ผมถาม แต่พอเห็นเขาแยกเขี้ยวใส่เลยพูดต่อโดยไม่ให้เขาแทรก “คือผมเป็นพวกกินอะไรก็ได้แต่สุขอนามัยต้องมาก่อน”
   
“เขาเปิดมาเกือบร้อยปีแล้ว ไม่เห็นมีใครตายสักคนนะ”
   
“เอาดีเอ็นเอพวกลูกค้าขาประจำมาตรวจสิ อาจมีสารพิษตกค้าง ทำให้ตายก่อนอายุขัยก็ได้”
   
“จะไม่กินก็เรื่องของคุณนะ” เขาทำท่าจะเดินหนี ผมเลยกระตุกชายเสื้อเขาไว้
   
“โอ๊ยขี้งอนจังเลย ไปด้วย”
   
แล้วเราก็นั่งอยู่ในร้าน ผมพยายามโฟกัสที่ใดที่หนึ่ง เพราะกลัวว่าสายตาจะสอดส่ายไปมาทั่วร้านแล้วจะเจอหนูกำลังเดินเล่นแล้วกินไม่ลงเอาได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากจะมองหน้าคนตรงข้าม ก็เลยต้องทำเป็นอ่านเมนูซ้ำๆ ไปหลายรอบ ตอนนี้จำได้ขึ้นใจแล้วว่าร้านนี้มีอะไรขายบ้าง
   
“ทำไมเลือกนานจัง” เขาถาม คิ้วขมวดท่าประจำ
   
“เอ่อ…” แต่ละอย่างไม่เคยกินเลย จำได้ว่าบะกุ๊ดเต๋อะไรนี่พ่อชอบกินมากคงจะอร่อย แต่ก็ยอมรับว่าไม่ชอบกลิ่นมันสักนิด อยากจะสั่งซาลาเปาติ่มซำก็ไม่รู้ว่าไส้มีส่วนผสมอะไรบ้าง โอ๊ย ถ้าเป็นเนื้อคนขึ้นมาล่ะ หนังเรื่องซาลาเปาเนื้อคนมันทำจากเรื่องจริงๆ นะครับ
   
“เอาติ่มซำชุดนึงก็ได้” ผมบุ้ยปาก
   
กัปตันธีร์หันไปสั่งแม่ค้า แล้วก็ตักน้ำแข็งมาสองแก้วมาวางที่โต๊ะ เวรแล้วไง!
   
เขาเห็นผมกำลังหันมองซ้ายมองขวาอยู่เลยถาม “จะเอาอะไร”
   
“ทีนี่เขามีน้ำแร่ขายมั้ย”
   
เขามองผมกลับมาประมาณว่า ‘เอาจริงดิ’ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะรินให้อย่างเอือมๆ จากนั้นก็ดันแก้วขุ่นๆ พร้อมหลอดมาตรงหน้า
   
“ผมไม่ดื่ม”
   
“ร้านเขามีแค่นี้ จะกินหรือไม่กิน”
   
“คุณๆ ที่นี่เขาไม่มีน้ำแร่ขายเลยเหรอ เอาแค่น้ำเปล่าแบบดีๆ ก็ได้ ถามให้หน่อยสิ” ผมชะโงกไปยังตู้เครื่องดื่ม เห็นฉลากขวดน้ำยี่ห้อไม่ได้เรื่องอยู่หลายขวด
   
“ไม่มี! นี่คุณอย่าเรื่องมากได้มั้ย”
   
“เอ๊า ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย! ก็ผมกินไม่ได้เข้าใจมั้ย!!” ผมมองหน้าดุๆ ของเขา รู้สึกอยากจะร้องไห้ “ผมขอยืมเงินหน่อยสิ เดี๋ยวจะไปหาร้านสะดวกซื้อเอง
   
“ไม่ให้! ถ้าเรื่องมากมันก็จะลำบากแบบนี้เข้าใจหรือยัง”
   
และความอดทนของผมก็พังทลาย… “นี่คุณ!! ผมไม่ได้อยากเรื่องมาก ดัดจริตหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกกินอะไรชุ่ยๆ ไม่ได้จริงๆ ก็ร่างกายมันเป็นแบบนี้ ถ้าท้องเสียหรือเป็นไข้ขึ้นมามันลำบากกว่ามั้ย ไหนจะค่ารักษามันแพงกว่าค่าน้ำอีกหรือเปล่า!? ถ้าคุณคิดว่าผมดัดจริตก็เรื่องของคุณ ไม่มีใครรู้ตัวเองได้ดีเท่าผมหรอก แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้รำคาญอารมณ์เสียตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่พอใจก็ด่ากันมาแรงๆ เลยเถอะ มาพูดพร่ำเหน็บแนมแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้ผมสมเพชตัวเองขนาดไหน!!”
   
ผมสะบัดตัวออกไปนอกร้าน รู้สึกดวงตาจะอุ่นๆ เหมือนกำลังมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาจากข้างใน ผมก้มหน้ามองถนนเพื่อข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ นั่นไง น้ำตามันไหลออกมาจนได้ อ่อนหัดฉิบหาย
   
ขณะผมเดินล้วงกระเป๋าอยู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าข้างในมีธนบัตรอยู่สองสามใบ เฮ้ยยยย สวรรค์เข้าข้าง เออ… เคยได้ยินว่าที่นี่ก็รับเงินไทยนี่หว่า ลองเอาไปซื้อน้ำแล้วกัน
   
“เดี๋ยว” ใครคนหนึ่งคว้าข้อมือผมในทันที เสียงคุ้นๆ นั้นไม่ต้องบอกเลยก็รู้ว่าใคร …กัปตันธีร์เห็นว่าผมมองก็รีบหลบหน้า สายตาของเขาไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกต่อไป มันกลายเป็น…อ่อนโยน ใช่มั้ยวะ? นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
   
“ไปนั่งรอที่ร้าน” เขาสั่ง แต่คราวนี้ไม่หุนหันเหมือนตอนแรก
   
ด้วยความอึ้ง ผมกลับพยักหน้าอย่างว่าง่ายและจับจ้องมือใหญ่ที่กำลังคว้าข้อมือไว้อยู่ กัปตันเห็นอย่างนั้นจึงรีบปล่อยทันที เขามองผมอีกครั้งก่อนจะกระแอมไอเดินไปข้างหน้า เดาว่าคงหาร้านสะดวกซื้อแน่นอน

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

เรากลับถึงโรงแรมก็ค่ำแล้ว แน่นอนเลยว่าเราเงียบตลอดเวลาขณะที่ร่วมโต๊ะกัน ถามคำก็ตอบคำ เหมือนกลายเป็นว่าเกิดการเกรงใจกันขึ้นมาอย่างนั้น ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับว่าเราผิดทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ใช่ด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่หนักใจกลายเป็นผมไปได้ซะนี่ มันต้องเป็นผมที่ยืนกรานว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้องและโวยวายกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอวะ เออ ออกจะงงๆ อยู่เหมือนกัน
   
“จะอาบน้ำก่อนมั้ย” เขาถาม ผมแค่พยักหน้าก่อนและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไป
   
ระหว่างที่น้ำกำลังชำระล้างร่างกาย ในหัวของผมก็พลันคิดไปต่างๆ นานาถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องการงี่เง่าเป็นลูกคุณหนูของผมแน่ๆ ผมประสบปัญหาโดนกระแนะกระแหนแบบนี้มาตลอดชีวิตจนนับครั้งไม่ถ้วน ผมชินซะแล้ว แต่ที่หนักใจนี่สิ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรวะ จะบอกว่ารู้สึกผิดที่ทำให้กัปตันธีร์ต้องเดินออกไปซื้อน้ำก็ไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์…
   
ใช่! ใช่แน่ๆ! ที่ผมกำลังเป็นอยู่ คือรู้สึกแย่ที่กัปตันต้องมารู้สึกไม่ดีและคิดตัวเองทำให้ผมรู้สึกแย่ โอ๊ย เข้าใจยากนิดหน่อยแต่มันก็จำกัดความได้แบบนี้จริงๆ แหละ เขาแก่กว่าผมตั้งเยอะ มันใช่เรื่องที่ต้องมารับมือกับความงอแงแบบนี้หรือไงเล่า โอ๊ย ทำตัวเด็กจังเลยกู
   
เนี่ย! แล้วก็มาหงุดหงิดที่ตัวเองฟุ้งซ่านอีก พังครืนไปหมดเลยชีวิต!
   
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ ตอนนี้ทุกอณูของร่างกายผมมันพองแน่นไปหมดด้วยความอึดอัด จะพูดกันสักคำได้มั้ยวะ ประมาณว่า ‘อาบน้ำก่อนนะ’ ‘สบายตัวมั้ย?’ ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ เขาจะมาพูดแบบนั้นกับมึงทำไม เพี้ยนแล้วกู
   
ไม่นานนักเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขายาวหลวมๆ เขาดูประหลาดใจที่ผมยังไม่ใส่เสื้อผ้าสักที แน่ล่ะ ผมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ประเด็นคือไม่มีอะไรจะใส่ครับ กูไม่ได้เอาม้าาา!
   
“ทำไมไม่หยิบชุดในกระเป๋าไปใส่ล่ะ นั่งหนาวอยู่ทำไม” เขาถาม
   
“ผมมีมารยาทพอที่จะไม่รื้อของส่วนตัวของคุณนะ” ผมพูด แต่ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
   
เขาถอนหายใจยาวจากนั้นก็เดินฉับๆ ไปยังกระเป๋า คว้าเสื้อยืดแบบเดียวกับที่เขาใส่พร้อมกางเกงขาสั้นซึ่งเหมือนจะเป็นอันเดอร์แวร์
   
“ซักแล้ว ยังไม่ได้ใส่เลย” เขาชิงพูดก่อน เพราะเห็นว่าผมเอาแต่จ้องกางเกงในสีขาวในมือเขา โอ๊ย จะดีเหรอวะเนี่ย
   
เออเอาเหอะ เป็นไงเป็นกัน ไม่ใส่ก็ต้องแก้ผ้านอนปะวะ
   
หลังจากที่เข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จ ออกมาพบว่าห้องด้านนอกนั้นมืดสนิท กัปตันหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียงเรียบร้อย
   
“คุณมีไนท์ครีมมั้ย” ผมถามเสียงสั่นๆ มาคิดได้ทีหลังว่ากำลังเปิดการ์ดคุณหนูอีกแล้วกู
   
“ไม่มี” เขาพูดในความมืด “จะให้ไปซื้อมั้ย”
   
“ไม่เป็นไร แค่ถามดู” ใครจะกล้าให้ไปวะ แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว
   
เอาล่ะ ขอนอนสักที ทนให้ถึงตอนเช้าไม่ไหวแล้ว
   
“จะทำอะไร” เขาถามอีกรอบ
   
“ก็นอนไง”
   
“จะนอนที่โซฟาทำไม!”
   
“ก็ผมเกรงใจ” ผมเริ่มหงุดหงิดละ “แล้วก็เลิกดุสักทีได้มั้ย ไม่ชอบเลย”
   
“ผมเนี่ยนะ” เขาถาม จับน้ำเสียงได้ว่าเขากำลังขบขันอยู่ หึ!
   
“นอนที่เตียงไปเหอะ มันเป็นที่ของคุณ”
   
ผมได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่ม จากนั้นก็ปรากฏร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสายตาสั้นผมจึงได้แต่เพ่งดูจนไม่ทันได้สังเกตว่าเขากำลังจะทำอะไร…
   
“เฮ้ย!!” เขาคว้าเอวผมไว้ด้วยมือข้างเดียว จัดการหิ้วเหมือนกับอุ้มลูกหมาจนผมตัวลอย ไม่ทันได้ดีดดิ้นอะไรรู้ตัวอีกทีหน้าก็กระแทกกับฟูกนุ่มๆ ปากกำลังจะโวยวายแต่… โอ้ เตียงนุ่มจ๋า… (งดงอแงชั่วขณะ)
   
“สบายกว่าใช่มั้ยล่ะ” เขาพูดขณะที่เดินอ้อมไปขึ้นเตียงอีกฝั่ง กัปตันคว้าหมอนใบใหญ่มากั้นระหว่างเราสองคนไว้ ปัญญาอ่อน ของแบบนี้มันต้องใช้หมอนข้างไม่ใช่หรอ
   
“ขอโทษนะ” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาในความมืด
   
“ไม่ได้ทำจมูก ไม่เจ็บหรอก” เสียงผมดูอู้อี้เพราะนอนคว่ำอยู่ ใช่ครับ ท่าเดิมที่เขาโยนลงมานั่นแหละ
   
“ไม่ใช่” เขาถอนหายใจอีกแล้ว “เรื่องวันนี้ต่างหาก”
   
“อ่า…” ฉิบหายแล้วไง ไม่ได้เตรียมสคริปต์มาด้วย
   
“ผมลืมไปว่าคุณ…”
   
“นี่เลิกเรียกผมว่าคุณได้มั้ย” ผมร้อง “มันได้ยินแล้วรู้สึกตัวเองอย่างกับเทวดา”
   
เขาเงียบไปสักพัก แต่ก็พูดต่อ “ฉันลืมไปว่าเธอโตมายังไง แล้วฉันโตมายังไง ฉันผิดเองที่ว่าไปอย่างนั้น”
   
“อ่า…” เอาไงดีๆๆๆๆๆๆ “ผมก็ขอโทษเหมือนกัน”
   
“หึๆ”
   
เขาหัวเราะอีกแล้ว อะไรเนี่ย!?
   
“มีอะไรน่าขำเหรอ อยู่ดีๆ นึกถึงการ์ตูนวัยเด็กขึ้นมารึไง”
   
“เปล่า ฉันขำที่เธอขอโทษต่างหาก”
   
“เอ๊า! ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ ไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย”
   
“แค่เอาแต่ใจ”
   
“นั่นก็แล้วแต่คนจะคิด ผมขี้เกียจแก้ตัวแล้ว”
   
“คนเราไม่เหมือนกัน”
   
“แล้วคุณเป็นแบบไหนล่ะ” ผมยันตัวขึ้นมองผ่านหมอนใบใหญ่ที่กั้นอยู่ ตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเขาหันมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
   
กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม 5555 ตลกว่ะ อยากถ่ายรูปเก็บไว้ ทำไมเหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดตอนกลางคืนด้วย มันแอบถ่ายยากกกก
   
“เธอพูดมาสิ”
   
“อืม…” ผมคิด “พวกเอาจริงเอาจัง ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด เบื่อโลก”
   
“ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ”
   
“ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากนี้เลย”
   
“โอเค” เอาพยักหน้า “แต่เธอน่ะเป็นคนซับซ้อน”
   
“ยังไง?”
   
“ตอนฉันไปงานศพพ่อแม่เธอดูเศร้ามาก แต่วันที่เข้ามาประชุมบอร์ดบริหารก็เงียบอย่างประหลาด แล้วอยู่ๆ ก็ร่าเริงออกมาดูงานที่สนามบิน ดูสับสนอับจนหนทางตอนจะหาน้ำกินที่ร้านติ่มซำ” เขาอธิบาย “แค่ไม่กี่วันฉันเจอเธอมาหลายรูปแบบเหลือเกิน แต่ละอย่างก็ไม่เข้ากันสักนิด”
   
“ก็คงซับซ้อนอย่างที่คุณว่าแหละ” ผมพยายามจบเรื่อง รู้สึกประหลาดที่มีใครแจกแจงเรื่องตัวเองให้ฟังแบบนี้ “คุณมีแฟนยัง”
   
“ถามทำไม”
   
“แค่อยากรู้ว่าใครจะทนคนอย่างคุณได้” ถามไปงั้นแหละ จริงๆ ก็รู้แล้ว หึหึ
   
“ไม่มี”
   
“จริงอะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่ เห็นตอนคุยกับเลขาของผม เรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วย เคยกิ๊กกันหรือไง?” เหอๆ แซวได้เกรียนมากเลยกู
   
“ตรองอะนะ เห็นกันมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานแล้ว พามันไปเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมบ่อย พอจะสนิทกัน”
   
“อ๋อเหรอ” แล้วทำไมกูต้องมีความรู้สึกหมั่นไส้ด้วยวะ
   
“ทำไม หวงเลขาหรือไง”
   
“ใช่ กลัวจะทำงานไม่ได้เรื่องไปมากกว่านี้” ผมนอนพลิกตัวไปอีกข้าง “นอนแล้วนะ ถ้าตื่นก่อนก็ปลุกด้วย”
   
ผมดึงผ้าห่มขึ้นมา ก่อนจะควานหามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ว่าจะส่งข้อความให้เพื่อนรักสักหน่อย

ถึง : ไวน์
ดูท่าเกมนี้จะเดือดกว่าที่คิด
ถึงกูพูดว่าจะเล่นเกม แต่เอาจริงกูยังไม่มีแผนอะไรเลย
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่กูสับสนมากขนาดนี้
   
ถ้ามีมึงอยู่คงมีแผนที่สนุกกว่านี้
ที่เจอวันนี้มันทำให้กูไขว้เขวชะมัดเลยว่ะ
รีบกลับมาช่วยกูเล่นเกมนี้เหอะ : )

ฝากความคิดถึงให้หนัง AV ที่ถูกกฎหมายด้วย
รักมิยาบิมาก
จาก : ปั๊ม



จบตอน

(https://scontent.fbkk1-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15317906_10202547447202990_2627053810794678964_n.jpg?oh=2de414c46c1a78b7b81096f26382e9d7&oe=58B638A2)


สวัสดีครัชชช theneoclassic มาอัพตอน 2 แล้ว ตอนนี้หนูปั๊มรู้สึกสับสนเพราะว่าไม่รู้จะทำยังไงกับเกมต่อ เอาเข้าจริงปั๊มเป็นพวกไม่มีแผนการล่วงหน้า ไม่เคยวางทางการใช้ชีวิตว่าจะเป็นยังไง การเกิดเหตุการณ์ในบทนี้เลยเปลี่ยนทัศนะคติปั๊มไปเต็มๆ แล้วแผนการของปั๊มจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไป ตอนหน้าจะได้รู้แย้วครับ

บทๆ นึงยาวไปมั้ยฮะ มีอะไรติชมกันบอกมาได้เลยน้า

อีกนิดๆ คิดไว้อยู่แล้วว่าคงมีคนพูดถึงปั๊ม (อาจจะมีคนไม่ชอบ) 555 แต่ผมต้องการตัวละครแบบเทาๆ ไม่ดีไม่ร้ายจัด ซึ่งคนแบบนี้มีอยู่จริง เจอแล้วปวดหัวเนอะ

กัปตันธีร์อายุ 35 ผมคิดว่ากำลังดีเลยนะ มีใครชอบคนมีอายุบ้างหรือเปล่า อิอิอิ

เจอกันตอนหน้าครับ <3


 :katai5:


magic-moon ขอบคุณน้าที่รอ 555 สนุกจริงเหรอเขินเลย ฮือๆๆ
usguinus ขอบคุณฮะ ติดตามตอนต่อไปด้วยน้า

sirin_chadada จริงๆตัวละครปั๊มนี้พยายามทำให้กลมมาฮะ ไม่เลวร้าย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้ดี 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน คนเทาๆ แบบนี้มีอยู่โดยทั่วไป และมีสาเหตุที่ตัวละครนี้เป็นแบบนี้ 55 ติดตามกันต่อไปด้วยนะฮะ ขอบคุณที่อ่าน เย่

Hamzholic อ้าวคุณเพื่อน เผ็ดมั้ย…อืม ตีความคำว่าเผ็ดได้ยังไงหว่า แต่เผ็ดก็ได้ ชอบคำนี้555

puiiz ขอบคุณฮะ ติดตามกันต่อไปด้วยนะ

PrimYJ ตอนที่ 2 มาแย้ววววว มาอ่านแล้วบอกฟีดแบคด้วยนะฮะ ขอบคุณที่ติดตามครัช

Snowermyhae เดี๋ยวมีคนร้ายกว่าปั๊มอีก ฮ่า!

bookie โอ้ววว ขอบคุณมากๆ ฮะแบบขอบคุณจริงๆ คุณทำให้ผมรู้เลยว่าอ่านทุกบรรทัด และผมชื่นใจมากกก ขอบคุณนะฮะ


 :katai5:


ฝากติดตามแฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic ได้นะฮะ หรือจะคุยกันใน twitter ผ่าน #firemetothemoon ก็ได้นะครับ ยั๊กนะ <3


 :katai5:




หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-12-2016 00:37:34
อร๊ายยยยยย ยิ่งอ่านยิ่งชอบ   :ling1: :ling1: :ling1:
รอตอนต่อไป
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 11-12-2016 01:01:23
ขอให้คุณธีร์นำทางให้ปั๊มได้เจอแต่สิ่งดีๆด้วย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 11-12-2016 01:32:04

อ่านตอนเริ่มต้นสมัยอดีต เป็นอะไรที่หงุดหงิดใจมาก คือคิดขึ้นมาเลยว่า "คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล" มากๆ อีเพื่อนไวน์นิสัยไม่ดี มาดึงด้านมืดในจิตใจน้องปั๊ม แล้วดันโดนคนที่คาดว่าน่าจะเป็นกัปตันธีร์ (แอบเดานะ) เห็นอีก น่าอายชะมัด!

ตอนช่วงที่สนามบินกับบนเครื่องบินดี จากนั้นก็มีความฟินต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเฉพาะตอนที่กัปตันธีร์พูดว่า “ถ้าไม่หุบปาก มันจะกลายเป็นม่านรูดเดี๋ยวนี้แหละ” คือแบบ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย ร้ายอะ  :z3: แต่ก็ชอบนะ อิอิ

ส่วนตอนที่เจ็บปวดที่สุดน่าจะเป็นตอนกินน้ำ คืออินมาก เพราะโดยส่วนตัวเราก็เป็นคนแบบปั๊ม คือลองจินตนาการร้ายก๋วยเตี๋ยวที่มีเหยือกน้ำพลาสติกตั้งไว้ให้ แล้วเราไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของน้ำมาจากไหนดิ ไหนจะแก้วน้ำสีขุ่นๆ อีก คือรับไม่ได้มากๆ แล้วกัปตันธีร์คือดุมาก บังคับจิตใจมาก คืออ่านแล้วอินอะ น้ำตาคลอเลยตอนนั้น คือถ้าปั๊มทนกินตอนนั้นคือจะโกรธคนเขียนมากอะ เพราะขนาดตอนที่คุณกัปตันผู้ติดดินเอาเงินมายื่นให้ ใจเราตอนอ่านคือยังไม่อยากรับเลย แถมยังมีการอยู่ๆ มาจับมือด้วย เป็นเราคงสะบัดมืดทิ้ง คือบอกกับตัวเองเลยว่า ถ้าไม่ขอโทษนะ จะเลิกอ่านนิยายเรื่องนี้ตลอดไป

ผลปรากฏคือดันมาฟินเอาตอนกลับโรงแรมไง ทั้งตอนคุณกัปตันอาบน้ำเสร็จแล้วใส่ชุดนอนออกมา (ยอมรับว่าแอบจินตนาการถึงอิมเมจเวียร์ที่คนเขียนแปะไว้ แล้วฟินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!) ไหนจะตอนอุ้มมานอนอีก ตอนคุยกันอีก โอ๊ยยยยยยยย เขินนนนน

แถมคุณกัปตันธีร์ยังมีการขอโทษตามที่เราต้องการด้วย เลยเป็นอันว่าเราให้อภัย งื้อออออออ รออ่านบทต่อไปนะ


 :hao5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-12-2016 01:36:53
โอ้โห สนุกอ่ะคุณหนูปั๊มจะซื้อใจพนักงานได้มั้ย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-12-2016 01:42:13
สนุกมากค่ะ และฟินมากค่ะ จริงๆพี่กัปตันเค้าก็ใจดีนะ แต่น้องปั๊มก็แสบไง 5555555
เราแอบอินตอนที่ปั๊มไม่ยอมกินน้ำของร้านด้วย แบบเข้าใจปั๊มเลย บางคนก็อ่อนไหวกับเรื่องความสะอาดมากนะ บางทีกินอะไรผิดแปลกไปสักหน่อยหรือไม่สะอาดก็อาหารเป็นพิษไปเลย เรานี่เป็นบ่อย เวลาไปกินอะไรที่ไหนก็ต้องเซฟสุดๆเลยเพราะไม่คุ้มค่ายา 555555
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 19-12-2016 02:02:31
หมายเหตุ: ชื่อนิยายเรื่องนี้เกิดจากการเล่นคำที่คนเขียนต้องการเล่ามู้ดของเรื่อง
ลองคิดว่า ถ้า FLY ME TO THE MOON = โรแมนติก
fire me to the moon = ?

ตามนั้นเลยครับ



3
ยาก


(https://scontent.fbkk5-5.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15541621_10208307545151750_7835827883407622319_n.jpg?oh=197ab7774412fd7c505c11229c61233b&oe=58E2AB8D)
https://www.instagram.com/weir19/


“แม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่รักลูกมากนะ” เสียงจากปลายสายฟังดูอ่อนโยน

เด็กชายอายุสิบขวบจับโทรศัพท์ในมือแน่น

“แม่รีบกลับมานะฮะ”

“แม่กลับไปหาลูกเสมอจ้ะ”

“ครับ แค่สิบเดือนเอง” เขายิ้มกับตัวเอง “ทำงานให้สนุกนะฮะ”

“เรียนให้สนุกจ้ะ แค่นี้นะลูก”

หลังจากที่วางสาย เขารู้ทันทีว่าจะต้องโตขึ้นเพื่อสู้กับความเดียวดายอันแสนยาวนานนี้ ซึ่งในอนาคตมันจะมาอีกหลายครั้งแน่นอน

…. วันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“นี่คืออีเมลของคุณสำหรับการใช้งานในบริษัท ส่วนนี่เบอร์โต๊ะทำงานของคุณครับ” เลขาหนุ่มของผมวางเอกสารที่สำคัญไว้ให้ ตอนนี้ผมใช้อำนาจเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้โต๊ะทำงานเก่าของพ่อมาไว้ในครอบครอง ผมตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะเข้ามาที่บริษัทบ่อยขึ้นเพื่อดูความเป็นไปต่างๆ ด้วยตัวเอง อยากให้เรียนรู้นัก ก็ขอสักหน่อยแล้วกัน

แต่…ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากจะถามเลขานิดหน่อย

“เคยกิ๊กกับกัปตันธีร์หรือเปล่า” ผมจู่โจม อีกฝ่ายหน้าซีดทันที อย่างกับโดนใครเปิดก๊อกที่ท้ายทอยแล้วเลือดไหลหมดตัวในห้าวิฯ

“ไม่เคยครับ”

“แน่ใจ? ได้ยินเมื่อวานเรียกกันพี่เรียกกันน้อง ดูสนิทสนม”

“พี่ธีร์เคยพาไปกินข้าวแค่ไม่กี่ครั้งเองครับ”

“แล้วไม่เอะใจบ้างเหรอว่าอยู่ดีๆ ทำไมเขาถึงพาไป”

เขาหวังฟันมึงน่ะสิ!

“ไม่นะครับ พี่ธีร์เขาใจดี” เลขาหนุ่มยิ้มอย่างโอนโยน

โอ๊ย นี่โดนล้างสมองไปด้วยหรือไงวะ ไม่อยากรู้แม่งแล้ว ผมรีบโบกมือไล่เลขาออกไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เฮอะ! ไอ้ประวัติที่ว่าเจ้าชู้ชอบกินเด็กที่ทำงานรายงานอะไรมานั่น ทีหลังก็วงเล็บไปด้วยสิว่าเป็นประสบการณ์ตรง น่าหงุดหงิดชะมัด

ผมไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรในห้องทำงานของพ่อเลย อะไรที่อยู่ตรงไหนก็ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นต่อไป ทุกๆ ตารางนิ้วในห้องนี้จะทำให้ผมนึกถึงท่าน และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี

ว่าแต่ มีอีเมลบริษัทเป็นของตัวเองมันเจ๋งชะมัด ลองอวดไอ้ไวน์ดีกว่า


   ทักทายจากอีเมลบริษัท!
   ตอนนี้กูได้นั่งกระดิกเท้าอยู่ในห้องทำงานของพ่อแล้ว
   ถึงแม้พวกคนแก่บางคนในนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยก็เหอะ
   คราวก่อนมึงได้ข้อความจากกูหรือเปล่า?
   เพราะมึงไม่ตอบกลับมาเลย
   
   ตอบกลับด่วน
   C U BROOOO 



หึหึ เท่สุดๆ แค่ส่งเมลบริษัทในห้องทำงานแบบนี้ก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว

ตืดดดดดดดดดดด!

เสียงโทรศัพท์สำนักงานร้องขณะที่ผมยังมองหน้าจอคอมฯ โอ้ ตื่นเต้น สายแรกของการทำงานในห้องพ่อ

“สวัสดีครับ”

“เล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย” เสียงปลายสายเปิดบทสนทนาทันทีที่รับ ไม่ทันจบประโยคก็เดาได้แล้วว่าใคร

“ว่าไงกัปตัน คุณกำลังคุยกับรักษาการซีอีโอเชียวนะ”

“นี่ฉันจริงจังนะ เธอทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”

“รู้สิ ก็กำลังศึกษาดูงานในแบบของผม ง่ายๆ นั่งสบายๆ อ่านรีพอร์ต ไม่อยากลุยภาคสนามแล้ว เดี๋ยวได้ไปมาเลเซียอีก” ประโยคหลังผมกระแทกเสียงให้ดูจงใจด่านิดนึง

“คิดบ้างมั้ยว่ามันอันตราย” เสียงกัปตันปลายสายดูกังวล ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับน้ำเสียงของเขาจังเลย

“ใจเย็น ไม่เห็นมีปืนสักกระบอก” ผมหัวเราะพร้อมกับหยอดมุข ผมรู้น่าว่าเขาหมายถึงอะไร อันตรายที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นคนในบริษัทนี่แหละ “ใครจะทำอะไรผมได้ ไม่ต้องห่วงนะ”

“ไม่ได้ห่วง”

“รู้หรือเปล่าที่คุณกำลังทำคือเป็นห่วง”

“ก็อาจจะเป็นห่วง” อยู่ดีๆ ปลายสายก็พูดเสียงเย็นเปลี่ยนบรรยากาศไปทันที อะไรของเขาวะ

“เห็นมั้ยยอมรับแล้ว ฮ่าๆ” หัวเราะเก้อๆ เปลี่ยนสถานการณ์สักนิดเถอะครับ

“ก็ห่วงแบบเพื่อนมนุษย์ กลัวเธอจะตกเป็นอันตราย”

“เสียใจด้วย ผมไม่ใช่อีหนูของคุณ ไม่ต้องห่วงวิตกกังวลมากนะครับ” ยอมรับว่ากวนส้นตีน ฮ่าๆๆๆๆ

“งั้นก็มาเป็นอีหนูของผมมั้ยล่ะครับ”

ตายโหง!

“เอ่อ… มีอะไรอีกมั้ย” เวรเอ้ย ไม่น่าแซวเลยกู หน้าชาเต็มๆ

“ค่อยว่ากัน ถ้าคิดว่าไม่มีอะไรก็อย่าประมาท ดูแลตัวเองด้วย ฉันกำลังบินไปนิวเดลีพรุ่งนี้จะกลับ”

“ผมเป็นเจ้านายคุยนะ ไม่ต้องรายการทุกเรื่องมั้ย?” พูดกับกูอย่างกะกูเป็นเลขา “ไปทำงานของคุณซะ แค่นี้แหละ”

แล้วผมก็วางสายไปอย่างดื้อๆ โดยไม่ให้เขาพูดอะไรต่อ หึหึ

แปะแปะ… โอ๊ยยย หน้าชาไม่หายเลย นี่ถึงกับเอามือตะปบหน้าตัวเอง ไร้ความรู้สึกใดๆ ครับ สงสัยชาจนเซลล์ผิวตายด้านแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ประตูห้องทำงานถูกเคาะตามมาด้วยการโผล่หัวมาของเลขาผม ตรองถือกระเป๋าใบเล็กๆ ไว้ในมือเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

“ผมไปกินข้าวนะครับ” เสียงเล็กๆ นั้นเอ่ย

เอ๊า เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย ทำไมไม่รู้สึกหิวเลย

“ไปสิ” ผมโบกมือ “แล้วถ้าจะไปไหนไม่ต้องขออนุญาตฉันก็ได้นะ”

“ไม่ได้ครับ เลขาเก่าของคุณพ่อคุณเคยหนีไปซื้อกาแฟ ทำให้คู่ธุรกิจติดต่อไม่ได้ เสียหายหลายล้านเลย”

“อ๋องั้นมาขออนุญาตบ่อยๆ แล้วกันเนอะ” ถ้าเสียอีกหลายล้านมีหวังพ่อกับแม่ลุกขึ้นมาหักคอกูแน่นอน

“งั้นผมไปนะครับ” ตรองทำท่าจะหันหลัง

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“ปกติไปทานข้าวกับใครตอนกลางวัน”

“อ่า… คนเดียวครับ”

โอ๊ย น่าสงสาร ทำไมทำหน้าหงอยเหงาแบบนั้นวะ

“งั้นรอแปบเดี๋ยวฉันไปด้วย” ผมคว้ากระเป๋าตังค์ก่อนเดินนำเลขาออกไป ทำเซียนเหมือนรู้ว่าอยู่ตรงไหน

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

ผมเคยได้ยินมาว่าที่ตึกเรามีศูนย์อาหารระดับกลางคอยบริการพนักงานทุกคน ทั้งชั้นถูกเนรมิตเป็นร้านรวงเรียงกันเกือบครึ่งร้อย พอมาเจอกับตาผมแปลกใจมากที่แต่ละร้านไม่ได้ราคาถูกๆ เลย แบบนี้พนักงานเงินน้อยจะสะดวกใจได้ยังไงวะ หลังจากพยายามมองๆ ดู จะว่าไปผมก็ไม่เห็นพวกพี่ยามกับป้าแม่บ้านมาทานอาหารที่นี่เลย บางทีคนพวกนั้นคงนำอาหารมาเองไม่ก็ออกไปทานที่ตลาดข้างๆ ตึก สังเกตจากราคาร้านต่างๆ ที่เดินผ่านมาแล้ว… อืมครับ เป็นผมผมก็ทำ

“ร้านไหนอร่อยแนะนำหน่อยดิ”

“อ้าวไหนบอกไม่หิวครับ”

เฮ้อ บางทีก็อยากเอาขวานเจาะไปที่หน้าเอ๋อๆ ของไอ้เลขานี่จัง

“เอ่อ… ร้านนั้นครับ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยมาก” มันคงเห็นสายตาเอาเรื่องของผมเลยชี้ไปที่ร้านใกล้ๆ ทางเข้าอย่างลนๆ เออ คนมุงเยอะดีแฮะ

ผมเดินไปยังเป้าหมายตามที่เลขาชี้ ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่หน้าตาเป็นยังไงนี่สิ ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ลิ้มลองสักที เขาสั่งกันยังไงหว่า ต่อแถวก่อนแล้วกัน เนียนๆ ลักจำจากคนหน้าไป

“สวัสดีครับคุณธารทอง”

ผมหันขวับตามเสียง ใครเรียกชื่อจริงกูวะ บ้าเอ๊ยยยย มาซะเต็มยศเลย ใช่ครับ ธารทองคือชื่อจริงผมเองครับ

ด้านหลังผมมีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ (เล่นเอาผมกลายเป็นคนแคระไปเลย) ยืนยิ้มให้เหมือนกับรู้จักผมมานาน ดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะทำงานอยู่ในตึกละมั้ง แต่ใส่สูทแบบนี้คงจะเป็นระดับสูงพอดู แต่งงตรงที่แจกความเป็นมิตรใส่กูขนาดนี้ เอ่อ…เรารู้จักกันตอนไหนวะครับ?

“อ่า สวัสดีครับ” ผมยิ้มกลับตามมารยาท


[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 19-12-2016 02:04:24
คนด้านหลังเอียงคอเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยสักลายดอกไม้สีแดงผสมเขียวอยู่บริเวรซอกขอด้านขวา ดูท่าจะสักมานานแล้ว เพราะสีดูด้านๆ ไม่เหมือนรอยใหม่ แต่นี่ถ้าไม่สังเกตไม่มีทางเห็นเลยนะเนี่ย ปกเสื้อสูทมันบังไว้แท้ๆ ทำให้รู้ได้เลยว่าหมอนี่คงจะเคยเกเรมาก่อนแน่นอน

“ครับ?” เลิกคิ้วมองไปก่อน ลองเชิงๆ

“เราชื่อเพชรนะ ทำงานอยู่สายการบินเฟิร์สแอร์นี่แหละ มาเก็ตติ้งไดเรกเตอร์”

อ๋อ! ว่าแล้วว่าทำไมคุ้นๆ หน้า ผมจำได้ว่าคนนี้ก็อยู่ในห้องตอนประชุมบอร์ดบริหารด้วย นั่งถัดจากลุงวินัยไปไม่กี่เก้าอี้เอง

“ครับ”

“มากินข้าวแบบนี้ ใกล้ชิดพนักงานจังเลยนะ” เขาพูดยิ้มๆ ตอนนั้นเองที่แถวเคลื่อนพอดี ไอ้เพชรอะไรนี่ถือวิสาจับเอวผมและดันให้ไปข้างหน้า เฮ้ย! ใช่เรื่องมั้ยวะ

“อ่าครับ… อยากรู้ว่าศูนย์อาหารที่นี่เป็นยังไง” แถวไม่เคลื่อนแล้ว ปล่อยเอวกูได้แล้วมั้งไอ้ยักษ์!

“อร่อยทุกร้านเลย เราก็มาที่นี่เป็นประจำ”

“ครับ” ผมยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่ายรวมทั้งสะบัดตัวให้หลุดจากมือปลาหมึกอย่างจงใจ โชคดีที่ถึงคิวผมจนได้

“เอาก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ครับ” ผมสั่งอย่างฉะฉาน

“เส้นอะไรคะพ่อหนุ่ม”

เวร! แล้วมันมีเส้นอะไรบ้างวะเนี่ย โอ๊ย เส้นก๋วยเตี๋ยวมันมีกี่ประเภทนะ

“ผมแนะนำว่าเส้นใหญ่นะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบข้างๆ ใบหู เล่นเอาขนลุกสู้ ไอ้เพชรอะไรนี่มัน…

“ว่าไงจ๊ะ…”

“เส้นใหญ่ครับ” ผมพูดเสียงสั่นๆ เพราะตกใจที่มีคนมากระซิบใกล้ๆ ไงล่ะ และก็ช่วยไม่ได้ ไหนๆ เส้นใหญ่ก็มาอยู่ในหัวแล้ว สั่งเลยแล้วกัน แต่ขอเพิ่มอ็อปชั่นหน่อยนะ

“ไม่ใส่ผงชูรสกับถั่วงอกนะครับ”

“สารพิษในอาหารเดี๋ยวนี้มันเยอะเนอะ” นั่นไง กระซิบอีกแล้ว ขนลุกจนจะแข็งเป็นหนามทุเรียนแล้วนะ “ไว้ว่างๆ จะไปพากินอาหารคลีนๆ นะ”

“ไม่เป็นไรไปเองได้” ขอเลิกครับหน่อยเถอะ และดูท่าก็ไม่ได้อายุเยอะกว่ากันเท่าไหร่ น่าจะห่างจากผมไม่กี่ปีด้วยซ้ำ

“หึๆ” เพชรหัวเราะในลำคอขณะที่คนขายยื่นจานอาหารมาพอดี หน้าตามันดูใช้ได้ และด้วยความที่ผมไม่คิดจะปรุงอะไรเพิ่มอยู่แล้วจึงรีบหยิบตะเกียบและรีบเดินไปหนีไปทันที

“แล้วเจอกันนะท่านประธาน” เสียงกวนๆ แว่วมาแต่ผมไม่คิดจะสนใจเลยสักนิด ขนลุกโว้ยยยยยยย

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“สวัสดีครับป๊า วันนี้ปั๊มไปนั่งในห้องทำงานมาด้วยแหละ ป๊าอย่าโกรธนะ แต่ผมไม่อยากให้ใครมานั่งห้องป๊าจริงๆ ปั๊มทำใจไม่ได้อ่า… อ๋อแม่ครับ วันนี้ปั๊มนั่งรถผ่านร้านเป็ดย่างแถวๆ ตึกเรามาด้วย จำได้ว่าเคยไปด้วยกัน คิดทุกอย่างเลย คิดถึงป๊า คิดถึงแม่ คิดถึงปู่กับย่าด้วย”

เหมือนคนบ้าใช่มั้ยครับที่พล่ามอยู่คนเดียว แต่ผมกำลังอยู่ที่หลุมศพครอบครัวหลังบ้านนั่นเองครับ วันนี้ต้องกลับบ้านมาเร็วหน่อยเพราะเวียนหัวอย่างกะทันหัน คงเป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่แน่ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าแม่ครัวคงจะเผลอใส่ผงชูรสไป พอดีผมแพ้น่ะ แต่ถ้าได้รับได้ในปริมาณไม่เยอะมากก็จะคลื่นไส้แบบนี้แหละ

“ขอโทษที่รบกวนครับคุณปั๊ม มีแขกมารอพบครับ กลัวว่านานกว่านี้เขาจะรอ” ลุงเอกเดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อมาตามผม เฮ้ย ใครจะมาหาเวลานี้วะ

ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้วก็ตกใจแทบสะดุ้ง กัปตันธีร์!! แม่งแต่งตัวซะเต็มยศแถมพ่วงมาด้วยกระเป๋าเดินทางใบโตที่ตั้งอยู่ข้างโซฟา เขาอยู่ในชุดนักบินเต็มยศนั่งเท้าคางกับพนักเก้าอี้หลับตาอย่างเหนื่อยล้า รอมานานแค่แล้วเนี่ย

“ขอโทษที่ผมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้ครับ” ลุงเอกเข้ามาพูด

“พี่ชัยปล่อยให้เข้ามาได้ยังไงวะ” ผมบ่นถึงยามหน้าบ้าน “แล้วรู้ได้ยังไงว่าบ้านเราอยู่ไหน”

“เขาคงเคยมาตอนเลี้ยงปีใหม่ทุกปีน่ะครับ แต่คุณปั๊มมัวแต่ฉลองอยู่ที่ต่างประเทศ”

“นี่ก็เลิกกัดสักทีได้มั้ยเนี่ย”

“ขอโทษครับ… แล้วก็ขออนุญาตถาม เขาใช่คนที่คุณปั๊มเคยให้เลขาสืบประวัติ…”

“ชู่ว!” ผมชูนิ้วชี้ “เลิกพูดสักทีน่า ไปเอาโกโก้ร้อนมาให้แก้วนึงไป”

“ดูผิดปกตินะครับ” ลุงเอกพ่อบ้านที่อยู่มานานหรี่ตามอง “แต่รอสักครู่ครับ ผมจะทำมาให้แขกของคุณด้วยอีกแก้ว”

ผมจ้องจนคุณพ่อบ้านขี้เผือกเดินหายลับไป เฮ้อ แล้วกัปตันเขาจะมาทำอะไรเวลานี้เนี่ย หาเรื่องเปลี่ยนที่นอนอีกหรือไง เออจริงสิ ไหนเขาบอกว่าไปอินเดียจะกลับพรุ่งนี้

“คุณๆๆ” ผมเขย่าไหล่คนที่นั่งอยู่ นึกอิจฉาเบาๆ เมื่อทันทีที่สัมผัสได้ถึงมัดกล้ามที่แน่นหนานั้น อยากมีกล้ามบ้างโว้ย

“หือ… อ้าวมาแล้วเหรอ” กัปตันหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนจะมองหน้าผม ดูท่าเขาจะเหนื่อยมากนะเนี่ย

“ไหนบอกกลับมาพรุ่งนี้ แล้วนี่อะไร มาบ้านคนอื่นกลางค่ำกลางคืนไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้”

“ซื้อของมาฝาก"

“ฮะ!?” ผมนี่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยครับ

“อ่ะนี่” กัปตันค้นอะไรยุกยิกอยู่ในกระเป๋าพักใหญ่ก่อนจะยื่นสิ่งหนึ่งมา มันคือ…

“เครื่องรางนำโชค เห็นขายในเมืองเขาว่ามันเหมาะสำหรับผู้นำ เธอควรพกไว้”

“ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก” ผมรับพวงขนนกนานาชนิดนั้นมาอย่างงงๆ แอบเห็นหินมีอักขระแปลกๆ ห้อยต่องแต่งอยู่ด้วย “แล้วจะบอกได้ยังทำไมกลับมาวันนี้”

“ซื้อไฟล์ทกลับมา”

“ฮะ? ซื้อตั๋วกลับมาเลยเหรอ มีธุระด่วนหรือไง”

“ไม่ใช่ ซื้อไฟล์ทคือสลับเที่ยวบินกับกัปตันอีกคน ไอ้นั่นเลยต้องอยู่นิวเดลีอีกวันแทนฉัน เข้าใจมั้ย”

“อ่อ” พยายามจะเข้าใจนะ “เพื่อซื้อของมาฝากแค่นี้เหรอ”

“โกโก้ครับคุณ” ยังไม่ทันได้คำตอบก็มีคนมาเผือกอีกแล้วจ้า ผมรับแก้วทั้งสองใบมาก่อนจะส่งสายตาดุๆ ไปให้ พ่อบ้านพยักหน้าอย่างรู้กันและหายวับไปในครัวอีกรอบ คราวนี้คงจะไม่ออกมาแน่ถ้าไม่ได้เรียก

“อ่ะ” ผมยื่นแก้วเครื่องดื่มอุ่นๆ ให้กัปตัน

“จริงๆ จะมาด่าเรื่องที่ทำวันนี้ด้วย แต่ขี้เกียจแถมง่วงมาก คงต้องไว้วันอื่น” เขาว่า

“ด่าเลยได้มั้ย พร้อมแล้ว”

“ไม่ได้ ของแบบนี้ต้องจริงจังและใช้เวลา”

โอ้ แบบนี้จะนับว่าเป็นเรื่องดีได้ใช่มั้ยเนี่ย ขี้หูจะได้ไม่เต้นระบำอีกวัน

“งั้นก็กลับบ้านบ้านดิ”

“ว่าจะไม่กลับแล้ว เดี๋ยวเปิดโรงแรมเอา มีไฟล์ทที่ต้องแทนกัปตันที่อยู่อินเดียตอนหกโมงเช้า”

“หา!?” ผมเงยหน้ามองนาฬิกาข้างฝา “อีกไม่กี่ชั่วโมงเองนะ” ถ้าเป็นกัปตันก็ต้องยิ่งเตรียมตัวให้เร็วขึ้นกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือไง

“ก็นั่นไง ฝันดีนะ”

ผมมองคนตัวใหญ่ที่งัวเงียจนสภาพดูเหมือนลูกวัวเพิ่งคลอดไม่มีผิด โอ๊ย สงสาร แล้วจะแลกไฟลท์กลับมาทำไมเนี่ย ไม่ใช่จะมาสั่งสอนอย่างเดียวแล้วม้างงงง นี่ถ้าเดาแบบใจหมาเลยคืออาจจะติดหญิงชัวร์

“ไม่ต้องเลย นอนมันที่นี่แหละ อยู่ใกล้สนามบินกว่าบ้านคุณชัวร์”

“ไม่เป็นไร”

“นี่! ใครจะช่วยอะไรก็รับไว้บ้างได้มั้ยฮะ”

“ด่าตัวเองอยู่หรือไง”

“เออ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนอยู่มาเลเซียคุณถึงช่วยผม นี่ไง! ถึงเวลาตอบแทนบ้างแล้ว นอนนี่แหละ กว่าจะไปหาโรงแรม กว่าจะได้นอน เดี๋ยวคุณง่วงจนทำเครื่องบินตกก็ซวยกันพอดี”

“ฉันมืออาชีพพอ”

“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องมืออาชีพไม่มืออาชีพ มันเกี่ยวกับสุขภาพ คุณครึ่งชีวิตแล้วนะ ตายไปแบบคนชราดีกว่าโรคสะสมหรือเปล่าล่ะ”

“เป็นห่วงหรือไง” กัปตันใช้ประโยคเด็ดที่ผมกวนตีนเขาในโทรศัพท์วันนี้

“งั้นก็ไปนอนวัดที่ไหนก็ไปป่ะ” ผมเท้าเอว เริ่มหงุดหงิดละนะ ไม่ค่อยทำดีกับคนอื่นนักหรอกนะเว้ยยย

“ก็ได้ เปลี่ยนใจแล้วจะนอนที่นี่” ไอ้คนตัวใหญ่เอนตัวเหยียดแขนขาสบายใจ  น่าหมั่นไส้ชะมัด ตัวใหญ่จนจะเกินครึ่งโซฟาอยู่แล้ว

“ลุงเอก จัดห้องให้แขกด้วย” ผมตะโกนเข้าไปในห้องครัว ไม่นานพ่อบ้านก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มแบบ…น่ากลัว อะไรของเขาวะ ยิ้มทำไม ขนลุก

“จัดให้นอนในห้องคุณปั๊มใช่มั้ยครับ”

“จะบ้าเรอะ ห้องนอนแขกก็มี เร็วๆ เลยกัปตันเขาง่วงจะตายอยู่แล้ว” ผมโวยวายไล่หลังพ่อบ้านที่เดินขึ้นบันไดไป

“เธอก้าวร้าวแม้กระทั่งพ่อบ้านเลยเหรอ” กัปตันธีร์ส่งเสียงถามเบาๆ

“ปกติผมก็พูดกับเขาแบบนี้แหละ อยากให้อ่อนหวานกันไปถึงไหน”

อีกฝ่ายยักไหล่ เอ๊า อะไรของเขา

“เอากระเป๋าไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพ่อบ้านยกขึ้นไปให้”

“ฉันยกเองได้ สงสาร แกแก่แล้ว”

เล่นซะกูรู้สึกผิดเชียว…

“เออตามใจ งั้นรอตรงนี้นะ เดี๋ยวลุงเอกคงมาตาม”

“ขอบใจ”

“ฮะ!? อะไรนะ!?” จริงๆ ได้ยินครับ แต่กวนตีนไปงั้น

“ฉันบอกว่าขอบใจ”

“ดีใจจัง”

“ดีใจทำไม”

“ก็แปลว่าผมไม่ต้องเป็นหนี้คุณคราวที่แล้วไง เจ๊ากันไปเลย” ผมยิ้มร่า ฮ่าๆๆ

“เออก็แล้วแต่จะคิด แต่จริงๆ ไม่ได้เห็นมันเป็นบุญคุณอะไรเลยนะ ฉันเต็มใจ”

“ใครจะรู้ลึกๆ คุณอาจจะคิดก็ได้” และผมก็ไม่อยากติดค้างใครจริงๆ นี่หว่า “ผมง่วงแล้ว เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ”

“แล้วบอกไม่ชอบ แต่ถือติดตัวเลยนะน่ะ” กัปตันชี้มายังเครื่องรางที่อยู่ในมือผม

“อ้าวก็เป็นของฝากไม่ใช่เหรอ จะให้โยนทิ้งมั้ยล่ะ” ผมพูดแค่นั้นก็เดินขึ้นห้องนอนเลย ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงแหะ

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จผมก็หรี่ไฟเตรียมจะนอน ตั้งใจจะไปปิดม่านเพราะวันนี้แสงจันทร์ส่องสว่างเหลือเกิน แต่ยังไม่ทันจะได้จับอะไร ผมก็เห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ตรงสุสานของครอบครัว ผมเพ่งสายตาสู้กับความมืดก็พบว่านั่นคือกัปตันธีร์นั่นเอง เขาไม่ได้อยู่ในชุดนักบินแล้ว เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขายาวชุดนอนประจำตัวเขานั่นแหละ

เขากำลังนั่งคุกเข่าพร้อมกับพนมมือบ่นงึมงับซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าผมไม่มีทางได้ยิน ทำอะไรของเขาวะ ยังไม่ทันอึดใจอยู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผมซะงั้น เล่นเอาผมสะดุ้งจนต้องรีบปิดม่านทันที ไม่อยากโดนด่าว่าเป็นพวกชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน

ผมนอนเล่นโทรศัพท์เช็คกล่องข้อความไปพลางๆ อยู่ๆ การแจ้งเตือนก็เด้งว่ามีอีเมลส่งเข้ามา ใครวะจะส่งอะไรมาตอนนี้ได้ นอกจาก…

กล่องข้อความขาเข้า
(1)ข้อความใหม่

จาก : ไวน์
มึงจำได้ใช่มั้ยว่ากูต้องเรียน ไม่ใช่รอรับทรัพย์อย่างมึง

เกิดอะไรขึ้น กูตามไม่ค่อยจะทันแล้ว

ดูท่าเป้าหมายมึง ‘ยาก’ จริงๆ แฮะ
เอ๊ะ หรือตัวมึงเองที่รู้สึกว่า ‘ยาก’
คิดจะเล่นเกมแล้วอย่าถอยหลังสิวะ
ลองคิดหาแผนใหม่ๆ ไม่ต้องกลัวจะพัง

เกมแม่งก็คือเครื่องบันเทิงใจเว้ย เหมือนเวลามึงเล่น Xbox หน้าเกมดี ปกเกมสวย
แต่พอเล่นจริงแล้วรู้ว่าห่วยก็เพราะได้ลองปะวะ
หาวิธีอะไรง่ายๆ มั้ย 555

ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้อยู่ด้วย
กูจะกลับไทยอีกทีสิ้นเดือน เอาจริงก็ไม่อีกกี่อาทิตย์
คิดถึงสาวไทยจะแย่อยู่แล้ว แต่คิดถึงมึงมากกว่า

เท่านี้ก่อนนะพอดีกูกำลังหัวปั่นกับการสอบ

ไม่อยากบอกเลยว่ารัก แต่รักมึงว่ะ
ไวน์

ปล. กัปตันคนนี้มีอะไรดีวะ กูงง… อยากรู้เรื่องมากกว่านี้ แต่ไว้ทีหลัง


จบตอน

(https://scontent.fbkk5-5.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15589950_10208307727116299_5791520696473428112_n.jpg?oh=a9ad1a1e1c222a5dfa271a0ddeb5e789&oe=58E4A427)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

(ยาวนิดนึง)
โอ๊ยยยย ไม่มีอะไรแก้ตัวเลยครับ
พอดีไปงานแต่งเพื่อนที่หัวหินมา แต่ดั๊นนนนน ลืมเอาไฟล์ต้นฉบับมา
ก็เลยอัพไม่ได้จริงๆ แง

เลยมาแก้ตัวด้วยการรีบขับรถ 300 กิโลเมตรแล้วอัพทันทีเมื่อถึงบ้าน
ขอโทษด้วยจริงๆ นะฮะ เสาร์หน้าไม่เปี้ยวแล้วแน่นอน >_<

ว่ากันด้วยเรื่องตอนนี้
จริงๆ แล้วเนื้อหาส่วนนี้จะยาวพอสมควร คือคลุมไปถึงค่อนๆ บทหน้าด้วย
แต่พอมีรีไรท์ใหม่แล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่างเลยตัดเป็นบทต่างหากดีกว่า
ทั้งการเปิดตัวละครใหม่ และการคลุมเครือหลายๆ อย่างของกัปตันและปั๊ม
และการจุดประกายการทำงานในตัวปั๊ม
เลยอยากให้เนื้อหาเป็นเอกเทศ และทำให้ส่วนนี้ค่อนข้างน้อยกว่าบทอื่น ต้องขออภัยด้วยนะฮะ  :mew6:

จะมีคนถามมั้ยหว่าว่าทำไมใช้รูปพี่เวียร์บทที่แล้ว
เพราะว่าตอนเขียน ฝันถึงคนนี้ฮะ เป็นฝันที่ตลกมาก ฝันว่าจะไปตปท แต่เครื่องดีเลเพราะนักบินยังไม่กลับจากกองถ่าย
ตลกมาก พอมาถึงเขาประกาศว่าเหนื่อยอยากให้เข้าใจกันแบบตัดพ้อ เป็นคอเมดี้ที่ฟิวชั่นดี ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ



puiiz น่ารักมากกก ตามอ่านด้วย ขอบคุณนะฮะ มอบเป็ดให้

magic-moon สาธุ U_U แงง ปั๊มยังเด็ก ลองผิดลองถูกก่อนแล้วกันเนอะ 55

Hamzholic ทำเซียนเหมือนเรียนมา (เสียงปั๊ม)

♠DekDoy♠ ซื้อด้วยเงินดีมั้ยน้า (เสียงในหัวปั๊มคิด)

PrimYJ ดัดแปลงจากประสบการณ์ตัวเองเลยฮะ 5555 ตลกดี


เจอกันตอนหน้าครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:


พูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือจะคุยกันใน twitter ผ่าน #firemetothemoon
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-12-2016 12:06:55
ยาวๆเราชอบค่ะ   :mew1: :mew1:
เวลานายเอกคุยกับเลขาน่ารักดี
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 21-12-2016 03:15:07
ปั๊มกับธีร์นี่คือจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่มั้ย
ไม่มีใครยอมให้ใครเลย โดยเฉพาะคุณหนูปั๊มเนี่ยคือเยอะสิ่งจริงๆ

ตอนนี้ยังไม่อยากตัดสินอะไรมาก ต้องรอดูต่อไปว่าจะยังไงต่อ
ไหนจะนายเพชรอะไรนั่นที่เจอที่โรงอาหารอีก จะมาจีบนายเอกเปล่าก็ไม่รู้?

เอาเป็นว่ารอตอนต่อไป
เสาร์หน้าห้ามเบี้ยวน้าาาา

ป.ล.คำตกหล่นเยอะมากเลย แนะนำว่าให้รีไรท์จ้า
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 25-12-2016 01:39:30
4
เก๊ก


(https://scontent.fbkk1-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15726599_10202613530375028_8137529606411567017_n.jpg?oh=a479cdeb6a9bdd76ebc21b06482c38e1&oe=58F17F04)

ผมนั่งอ่านข้อความจากเพื่อนรักขณะรออาหารเช้าในห้องครัว พ่อบ้านกำลังทำเครปให้อย่างขมักเขม่น บางทีก็นึงสงสัยนะว่าลุงเอกแกแก่จริงๆ หรือแกล้งกวนอารมณ์ไปงั้น บางทีก็กระฉับกระเฉงเกินอายุ ถึงจะรู้ว่าแกควรจะปลดระวางได้แล้ว แต่ลุงแกยืนกรานว่ายังไม่มีแผนจะเกษียณอายุในเร็วๆ นี้
   
“แขกของคุณฝากขอบคุณอีกครั้งก่อนที่เขาจะไปสนามบินครับ” ลุงเอกพูดตอนที่เขาวางจานแพนเค้กไว้ตรงหน้าผมพอดี
   
“กัปตันออกไปกี่โมง”
   
“ตีห้าครับ”
   
“หา!!” ได้นอนกี่ชั่วโมงวะนั่น
   
แต่ที่กูงงกว่าคือลุงเอกแกรู้ได้ยังไงเนี่ยแหละ สรุปว่าเป็นพ่อบ้านหรือเป็นยาม
   
“น่าสงสารเขานะครับ”
   
“กลัวเครื่องบินตกจริงๆ”
   
“วันนี้คุณปั๊มมีแผนจะไปไหนหรือเปล่าครับ”
   
“ว่าจะเข้าออฟฟิศ” พูดแล้วก็จ้วงแพนเค้กเข้าปาก อืม อร่อยดีแฮะ
   
“คุณปั๊มครับ… วันนี้วันเสาร์”
   
ฮะ! เอ้าเหรอ ชีวิตปิดเทอมก็แบบเนี้ย ลืมวันลืมคืน
   
“ดูคุณอยากเข้าออฟฟิศจังเลยนะครับ มีแผนจะทำอะไรหรือเปล่า” พ่อบ้านพยายามมองอย่างรู้ทัน
   
“ก็แค่ไปดูกิจการที่มันเป็นของเราหน่า” ผมว่า ในปากกำลังเคี้ยวตุ้ย “หายไปนานๆ เดี๋ยวก็ลอยไปไม่รู้ตัว”
   
“คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”
   
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ลุงเอก”
   
เออ พูดถึงบริษัท ลองโทรหาเลขาผมหน่อยดีกว่า
   
“สวัสดีครับคุณปั๊ม” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากปลายสาย รำคาญจริงๆ
   
“ฉันฝากทำรายงานหน่อยสิ”
   
“ได้ครับ ซับเจ็กต์อะไรครับ”
   
“เรื่องราคาอาหารที่ศูนย์อาหารในตึก ลองรีเสิร์ชราคาคร่าวๆ มาจากที่ตัวเองเคยกินนั่นแหละ แล้วก็ลองหาข้อมูลมาด้วยว่าควรจะลดราคาเท่าไหร่ให้พอกับฐานเงินเดือนตำแหน่งที่ได้เงินน้อยที่สุด อ้อ แล้วก็เพิ่มเรื่องจำนวนเครื่องปรับอากาศที่พอเหมาะด้วยนะ”
   
ก็ที่ไปทานข้าววันนั้นมันร้อนฉิบหายเลยครับ คนอื่นเขาทนกันได้จริงๆ เหรอวะ
   
“ครับผม แค่นี้ใช่มั้ยครับ”
   
“แค่นี้ก่อน ฉันใช้งานหนักไปหรือเปล่า”
   
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผม” น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงสดใส “ผมดีใจที่คุณปั๊มใส่ใจรายละเอียดขนาดนี้ ผมจะตั้งใจทำรายงานให้ดีเลย”
   
“เก็บปากไปอ้อนแฟนโน่น แค่นี้แหละ อ๊ะ มีสายซ้อน”
   
“เออคุณปั๊ม มีคนขอเบอ…”
   
ผมเผลอกดสลับสายทั้งๆ ที่เลขายังไม่ทันพูดจบ อ้าว ก็มันเว้นช่วงเกิน จะฟังต่อก็ไม่ทันซะแล้ว ไม่พูดให้มันเร็วๆ หน่อยวะ
   
ว่าแต่ เบอร์ใครวะไม่คุ้นเลย
   
“ไงคุณธารทอง”
   
ขนลุกวาบขึ้นมาทันที… อย่าบอกนะว่า
   
“นั่นใครครับ”
   
“เราเอง เพชร ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่”
   
ไอ้ห่า มาเป็นฉายาเลยนะ
   
“อ๋อ มีอะไรเหรอ”
   
“พอดีเรานึกอยากกินซูชิ และจำได้ว่าเคยเปรยๆ ชวนไว้ เลยขอเบอร์จากเลขาคุณมาเผื่อว่าว่างจะได้พาไปด้วยกัน”
   
อ้าวไอ้เลขา วอนซะแล้วมั้ยล่ะ
   
“เราเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะ”
   
“ต้องเจอกันกี่ครั้งถึงจะชวนได้ล่ะ ออกมาเหอะ เราก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกัน”
   
โอ๊ยยยย รู้ดีไปหมด ตื้อจริงๆ วะ เอาไงดีเนี่ย
   
“เรากำลังทานข้าวเช้าอยู่ ขอโทษด้วยนะ”
   
“งั้นก็ไปตอนมื้อเที่ยงก็ได้”
   
“แล้วถ้ามื้อเที่ยงเราเผลอทานไปล่ะ”
   
“งั้นก็จะชวนไปมื้อเย็นเลย”
   
“โอ้โห งั้นกูไปก็ได้” หลุดคำหยาบไปจนได้ ก็มันอารมณ์เสียนี่หว่า แม่งบังคับแบบไม่ให้มีทางเลือกเลย ปฏิเสธไปวันนี้ก็ดูท่าจะไม่ได้เลิกราวีง่ายๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็คงต้องเลยตามเลย
   
“ฮ่าๆ มื้อเที่ยงแล้วกันนะ”
   
“เลี้ยงด้วย”
   
“ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว ส่งโลเคชั่นบ้านมาในไลน์ด้วยเดี๋ยวไปรับ เราแอดไปแล้ว”
   
โอ้โหมึงไวดีแท้
   
“เออๆ เอายังไงก็เอา”
   
ผมตัดสายก่อนจะทำอย่างที่อีกฝ่ายสั่ง แล้วมานั่งนึกใจว่า เกิดอะไรขึ้นวะ ทุกอย่างแม่งไวไปหมด

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“สวัสดี” เพชรลดกระจกมินิฯ สีครีมคันสวยมาทักทาย มันกำลังมองลอดแว่นดำ แถมอยู่ในสภาพเต็มยศซะเทียบกับกัปตันธีร์ในชุดนักบินชิดซ้ายไปเลย หนำซ้ำกลิ่นน้ำหอมตลบอบอวนไปหมด นี่มึงฉีดหรือมึงอาบครับพี่
   
“เต็มยศไปมั้ยล่ะ” ผมถึงกับต้องก้มมองตัวเอง เสื้อโปโลกับกางเกงขาจั๊มพร้อมรองเท้าไนกี้ นี่มันสไตล์ลูกกระจ๊อกชัดๆ
   
“ขึ้นมาเถอะ หิวจะตายอยู่แล้ว”
   
อ้าวแล้วมาเร่ง ทำไมมึงไม่หาอะไรกินไปก่อนวะ
   
แต่ถึงกระนั้นผมก็ขึ้นรถมันแต่โดยดี กลิ่นน้ำหอมที่ว่าเคยแรงผมก็กลับทนมันได้อย่างเหลือเชื่อ จมูกคงตายด้านไปแล้วครับ วันหลังผมคงต้องฉีดน้ำหอมตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมบ้างใช่หรือเปล่าเนี่ย
   
รถจอดที่ห้างหรูใจกลางเมือง จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่แพงหูฉี่ ผมเหล่มองมันอยู่แปบนึงนึกในใจว่ามันจะเลี้ยงไหวเร้อ แต่มันทำแค่ยักคิ้วยียวนเดินนำเข้าไปในร้าน เฮ้อ พ่อเงินถุงเงินถัง ตำแหน่งในบริษัทได้เงินเยอะเท่าไหร่วะ แบบนี้ต้องลงตรวจสอบ
   
“เดี๋ยว!” มันขัดผมขณะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นนั่ง เล่นเอาผมชะงักเลย
   
“อะไร!?”
   
เพชรยิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้โดยผมไม่ได้ขอเลยสักนิด ฉิบหายแล้ว โต๊ะข้างๆ มองกันเต็มไปหมด มันใช่เรื่องมั้ยวะ
   
“ลุกขึ้นมาเลยนะ ทำอะไรเนี่ย”
   
“เดี๋ยวก็สะดุดล้มเอาหรอก นี่ถ้าเราไม่เห็นก่อนแย่แน่เลย” หลังจากจัดการเชือกรองเท้าเสร็จมันก็ลุกขึ้นมายิ้มอย่างภูมิใจ เกลียดหน้ามันจริงๆ
   
“สั่งเลยนะ” มันว่าขณะที่ย้ายตัวไปนั่งอีกฝั่ง เทคแคร์ดูแลเก่ง ใจปล้ำจริงโว้ย
   
ติ๊ดดดดดด
   
ใครโทรมาเวลานี้วะ
   
“ฮัลโหลครับ”
   
“ไปสนิทกับผู้จัดการฝ่ายการตลาดตอนไหน” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกแว่วมาจากปลายสาย ใครโทรมาอีกล่ะ คนแปลกหน้าติดต่อกูเยอะจริงแฮะวันนี้
   
“เอ่อ…ใครครับ”
   
“กินปลาทองแทนข้าวหรือไง นี่ฉันเอง”
   
“กัปตันเหรอ” ผมว่าน่าจะใช่นะ เสียงคุ้นๆ
   
“อะไรกัน ฉันจีบเธอก่อนคุณเพชรอีกนะ”
   
อ่าครับ อย่างที่คิดไว้ พูดอย่างนี้มีคนเดียว
   
“บินกลับแล้วเหรอ”
   
“ใช่ ถึงสุวรรณภูมิปุ๊บเลขาเธอก็โทรมาบอกเลยว่าคุณเพชรขอเบอร์เธอไป”
   
อย่างนี้นี่เอง ไอ้เลขานี่ยังจำเป็นอยู่มั้ย ยุ่งทุกเรื่องจริงๆ
   
“เอาจริงนะปั๊ม ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี อย่าไปยุ่งกับคนนี้มาก เขาร้ายกว่าที่เธอคิด ทั้งเขากับคุณวินัยพ่อของเขานั่นแหละ”
   
หะ!? เพชรนี่เป็นลูกของลุงวินัยงั้นเหรอ
   
“คิดมากไปเองหรือเปล่า” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ คนที่กำลังนั่งมองเมนูอาหารไม่มีทีท่าจะสนใจแต่อย่างใด
   
“เธอคิดว่าคนที่เพิ่งจบปริญญาตรีจากต่างประเทศแค่นั้นจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเลยหรือไง เขากับพ่อของเขาทำอะไรไว้เยอะแต่แค่ไม่มีใครพูด”
   
“ว่าแล้วเชียว… ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
   
“ฉันมีงานต้องทำ”
   
“วันนี้มีบินอีกมั้ย”
   
“ไม่มี ฉันเหนื่อยมากว่าจะกลับบ้านนอน”
   
“งั้นอย่าเพิ่งกลับ มาหาผมที่ห้าง XX หน่อย ผมกำลังอยู่กับคนที่คุณพูดถึง” ผมกระซิบกระซาบ
   
“หะ!? ไวไฟกันจังเด็กสมัยนี้”
   
“อย่าพูดมากน่า”
   
“ส่งชื่อร้านมาในข้อความ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
   
แหม่ ว่าคนอื่นเร็ว ตัวเองก็ใช่ย่อย เนียนเลยนะคุณธีร์!

ผมวางสายก่อนจะเหล่มองคนตรงข้าม หึ ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้นี่จะร้ายกาจอะไร แต่ก็จริงที่กัปตันว่า อายุเท่านี้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ตัวเองเป็นอยู่ได้แน่นอน ชักเห็นด้วยกับกัปตันแล้วแฮะ เรื่องนี้มันคงมีเงื่อนงำ
   
หลังจากสั่งอาหารไป ไม่นานนักทั้งหมดก็วางอยู่บนโต๊ะ โอ๊ยยย ละลานตาเหลือเกิน ผมรักซูชิ มันไม่เคยทำให้ผมท้องเสียเลย แต่ดูผมจะแสดงออกนอกหน้าไปหน่อย ไอ้คนตรงข้ามมันยิ้มภูมิใจใหญ่
   
“ชอบกินซูชิเหมือนกันน่ะสิ”
   
“อย่ายุ่งน่า”
   
“คุณธารทองขี้เหวี่ยงจังนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
   
“มีคนบอกหลายคนแล้ว” ผมคีบแซลมอนเข้าปาก
   
“แต่ก็ดีแล้ว น่ารัก”

[ต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 25-12-2016 01:40:58
อะไรของมันเนี่ย มาชมผู้ชายด้วยกัน ขนลุก
   
“เลิกเรียกธารทองได้มั้ย เหมือนนายเป็นครูเลย เรียกปั๊มเห้ออออ”
   
“ทำไมอะ ธารทอง ชื่อเพราะดีออก”
   
“แต่มันเป็นชื่อจริง”
   
“เรียกชื่อไหนก็เหมือนกันปะ”
   
“อ่ะงั้นตามสบาย” เอาที่มึงสบายใจเลยครับ
   
อันที่จริงผมไม่ชอบเพราะเวลามีคนได้ยินชื่อจริงของผมก็มักจะมีพวกที่ชอบถามต่อว่า ‘มันแปลว่าอะไร’ ‘มีความหมายหรือเปล่า’ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า กูก็ไม่รู้โว้ยยยยย
   
“เราอยู่ตอนที่ปั๊มเข้าตึกครั้งแรกด้วย กัปตันคนนั้นมันแสบจริงๆ ไล่ออกไปยังล่ะ”
   
หือ ทำไมอยู่ดีๆ พูดเรื่องนี้วะ
   
“ยัง เราไล่ใครออกได้ที่ไหน”
   
“ไล่ได้ดิ ตอนนี้ปั๊มอยู่ในฐานะรักษาการซีอีโอเลยนะ”
   
“จริงเหรอ”
   
เอ๊ะ หรือกูจะไล่มึงก่อนดี ไอ้นี่ดูจากการพูดการจาแล้วเป็นพวกเสี้ยมไม่เบา แต่มานึกๆ ตามแล้วก็ตลกแฮะ ตอนนั้นปะฉะดะกับกัปตันแทบตาย ขายหน้าก็ขายหน้า ต่อมาน่ะเหรอ ผมเกือบลืมอารมณ์นั้นไปสนิทเลย ต้องขอบใจไอ้เพชรอะไรนี่ด้วยที่เตือนสติ ผมเป็นคนเสียหน้าไม่ได้จริงๆ กัปตันจะต้องโดนเล่นแน่ แต่เล่นยังไงนั้นก็ขอเก็บไปคิดก่อน แต่เกมยังไงก็คือเกม มันต้องเล่น ไอ้ไวน์ก็บอกอยู่!
   
“คิดว่าบริษัทเป็นไง”
   
“ก็ดีนะ”
   
“ถ้าเราเป็นปั๊มเราไปใช้ชีวิตวัยรุ่นปีสุดท้ายให้สุดเหวี่ยงดีกว่า มันไม่เครียดเกินไปสำหรับคนอายุเท่านี้เหรอ”
   
“จะให้สนุกแค่ไหน”
   
“สนุกให้มากพอ จะได้ไม่ต้องรู้เรื่องว่าบริษัทเราเกือบจะล้มละลายไงละ”
   
เกร๊ง!
   
เชี่ยยย ทำตะเกียบหล่น
   
“ว่าไงนะ” ผมถามอีกรอบเพื่อความชัดเจน เมื่อกี้อาจจะหูแว่ว
   
“อ้าวยังไม่รู้เหรอ” เพชรโน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้น “ปีนี้เราขาดทุนย่อยยับเลยนะ ถ้าไม่ได้พ่อเราช่วยมีหวังไม่รอดแบบนี้แน่…”
   
“มาทานข้าวกันเหรอครับ” เสียงทุ้มแต่ตอนนี้มันมาได้จังหวะอย่างกับระฆังดังสนั่นหวั่นไหว ผมแทบหัวใจวายผละออกจากโต๊ะ กัปตันธีร์นั่นเอง เขาอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงยีนสีฟอก ไปเปลี่ยนชุดที่ไหนมาวะ
   
ดูเหมือนเพชรจะตกใจไม่น้อยเช่นกัน มันมองผมสลับกับคนที่ยืนอยู่ คงงงสินะพ่อคุณ
   
“สวัสดีคุณณณณณณ” ผมรีบทักทายกัปตันอย่างร่าเริงออกนอกหน้า ลืมไปว่าเพชรกำลังมองอยู่ เลยไอแค่กๆ ไปสองสามที คิดซะว่าเมื่อกี้เส้นเอ็นกระตุกแล้วกันเนอะ
   
“เอ่อ…” เพชรดูท่าทางเก้ๆ กังๆ และผมก็ไม่ได้คิดไปเองด้วย สายตาของมันดูเย่อหยิ่งขึ้นมาทันที
   
“สวัสดีครับคุณเพชร”
   
ฮะ! กัปตันไหว้เพชร เฮ้ย แก่จนเกือบจะเป็นลุงได้อยู่แล้วนะโว้ยยยยย
   
ผมอึ้งที่ไอ้เพชรมันแค่พยักหน้ารับเนี่ยแหละ เด็ดฉิบหาย
   
“พอดีผมผ่านมาแถวนี้ เห็นพวกท่านสองคนกำลังทานข้าวกันอยู่ เลยว่าจะเข้ามาทักทายน่ะครับ” กัปตันบอกเพชร สีหน้าเขาเรียบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ ไม่แม้จะมองผม อ้าว…อะไรของเขา
   
“มีอะไรอีกมั้ย” เพชรเท้าคาง ฟังจากน้ำเสียงก็รู้เลยว่ากัปตันกำลังโดนไล่ โอ๊ย หาทางอะไรทำอะไรเข้าสิ จะมาช่วยไม่ใช่หรือไง
   
Rrrrrrrr
   
หือ เบอร์บ้าน? ลุงเอกมีอะไรปะวะ
   
“ว่าไงลุงเอก”
   
“คุณธีร์เขาเตี๊ยมกับผมให้โทรเข้าหาคุณน่ะครับ”
   
“ฮะ!?”
   
ผมเหลือบมองเจ้าของชื่อ นั่นไง มีการทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เนียนเนอะไอ้ยักษ์
   
“เขาบอกให้คุณปั๊มอ้างว่าผมไม่สบายกะทันหันครับ”
   
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” เสียงกัปตันพูดเบาๆ อ้าว จะไปไหนของเขา จะตื่นตูมมากก็ไม่ได้ ไม่รู้สองคนนี้เตี๊ยมอะไรกันบ้าง
   
“พอคุณธีร์เดินออกไปสักพัก ให้คุณรีบทำทีจะกลับบ้านแล้วไปกับเขาที่ลานจอดรถชั้นบีนะครับ”
   
“โอเค แค่นี้แหละ” ผมกดวางสาย
   
“มีอะไรเหรอ” เพชรถามขณะที่ตักอูนางิมาให้ ฮืออออ แอบเสียดายซูชินะเนี่ย ยังไม่หนำใจเลย
   
“พอดีพ่อบ้านไม่สบาย เราต้องไปดูหน่อย”
   
“พ่อบ้านเนี่ยนะ? สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
โห…ใจดำไปปะวะ
   
“สำคัญสิ เขาอยู่กับเราแค่สองคนนะ”
   
“อ่อ นั่นสินะ เราลืม ขอโทษครับ” เพชรแทบจะยกมือไหว้ “ไปเถอะไม่เป็นไร”
   
“เราก็ขอโทษด้วยนะ เอาเงินมั้ย”
   
เพชรโบกมือ “ไม่เป็นไรๆ คราวหน้าค่อยเลี้ยงเราคืน”
   
เอ๊า จะมีคราวหน้าอีกเหรอวะ
   
“เอ่อ… ไว้เจอกันนะ”
   
“เจอกันแน่นอนคุณธารทอง เราทำงานที่เดียวกันนะอย่าลืม” เพชรยิ้ม… ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ชอบรอยยิ้มนี้เลยแฮะ
   
ผมโบกมือลาก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป เอาล่ะ ทีนี้ก็ตามหาพ่อแผนเยอะ ลานจอดรถชั้นบีที่ว่ามันไปยังไงนะ ร้ายจริงๆ นี่ดูหนังสายลับมาไปหรือเปล่าคุณกัปตันโคนันคุง

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“อิ่มแล้วเหรอ”
   
“เฮ้ย! ตกใจหมด” ผมนี่หันขวับตามเสียงแทบไม่ทัน กัปตันยืนพิงรถสีบรอนซ์คันหนึ่งอยู่ น่าจะเป็นรถของเขาเอง ทำไมโผล่มาแบบไม่ทันให้รู้ตัวอยู่เรื่อย นี่เป็นผีหรือเปล่า จะได้ทำใจว่ามีซิกซ์เซนส์
   
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าการไปอยู่ที่ออฟฟิศแบบนั้นน่ะมันอันตราย”
   
“คุณไม่ได้บอกอะไร ตอนนั้นคุณง่วงจนไม่ได้ด่า จำไม่ได้เหรอ”
   
กัปตันดูนึกขึ้นได้ ก็เออสิ ตอนนั้นง่วงเป็นลูกวัวเพิ่งเกิดเลย
   
“ฉันได้ยินมาว่าคนที่ตึกไม่ค่อยพอใจที่เธอไปอยู่ที่นั่น”
   
“ผิดตรงไหนก็มันโต๊ะทำงานพ่อผม”
   
“เรื่องหมั่นไส้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเธอเป็นลูกใครหรอกนะ” กัปตันปลดกระดุมแขนเสื้อพร้อมกับถกมันขึ้น “เขาหมั่นไส้ที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ต่างหาก”
   
“หมายความว่าไง มันมีคนคิดจะทำอะไรไม่ดีในบริษัทเหรอ”
   
กัปตันยักไหล่ “ฉันแค่เดา แต่ที่ได้ยินมันก็สักพักแล้ว บริษัทเราไม่ได้กำไรมากเท่าไหร่ในช่วงนี้”
   
“แล้ว…” ว่าจะถามเรื่องล้มละลายที่เพชรบอกมา แต่คิดอีกทีเอาไว้ก่อนดีกว่า เรื่องนี้ขอสืบเอง
   
“แล้ว…คุณจะไปไหนอะ” ผมถามเมื่อเห็นว่าเขาเข้าไปสตาร์ตรถ
   
“กลับบ้านไง ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
   
“คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมผมถึงไม่ควรอยู่ใกล้เพชร” อุตส่าห์เตี๊ยมแผนอะไรกับพ่อบ้านตัวดีไม่ใช่เหรอ
   
“มันอันตราย”
   
“อันตรายยังไง แต่จากที่ผมเห็น ดูท่าเขาแค่ไม่ชอบคุณนะ”
   
“ก็ต้องไม่ชอบกันอยู่แล้ว ตามประสาผู้ชาย”
   
นั่นไง! ผมพอจะเข้าใจแล้ว เรื่องพรรค์นี้นี่เอง
   
“เคยแย่งหญิงกันเหรอ” ผมกระทุ้งสีข้างแซว เขาหลบอย่างกับเด็กบ้าจี้
   
“ไร้สาระน่า” กัปตันโบกมือแถมยังปิดประตูหนีอีกต่างหาก ไม่ยอมหรอก ผมรีบวิ่งกระโดดขึ้นไปนั่งข้างคนขับซะเลย
   
“ตามมาทำไมเนี่ย”
   
“บอกมา เคยแย่งหญิงกันใช่ป่ะ เรื่องลูกผู้ชายอะไรทำนองนี้ใช่มั้ย”
   
กัปตันถอนหายใจ ฮ่าๆ ยอมแพ้ผมจนได้ “ก็มีบ้าง”
   
“ใช่จริงด้วย! ดูจากการเขม่นกันก็พอเดาออกแล้ว!”
   
“ฉลาดจริงนะ ทีนี้ก็ออกไปจากรถฉันได้แล้ว”
   
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ที่คุณบอกอันตราย…” ผมเพิ่งคิดได้ “อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเพชรมันจะทำอะไรผม…”
   
“ใครจะรู้ ฉันเคยโดนแย่งเด็กฝึกงานที่เคยจีบมาแล้ว”
   
“สวยขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
“ไม่อะ น่ารักมากกว่า”

“นึกว่าคุณชอบผู้หญิงสวยๆ”

“ก็ชอบนะ แต่ที่พูดถึงนี่เป็นผู้ชาย”
   
แอ่กกกกกก สำลักน้ำลายตัวเองเลยครับ เฮ้ย ลืมไป ไอ้ประวัติที่ตรองเลขาของผมหาให้มา มีเรื่องเด็กฝึกงานที่พยายามฆ่าตัวตายด้วย คนเดียวกันหรือเปล่าวะ ถ้าคนเดียวกันยอมรับแล้วก็ได้ว่ามันอันตราย
   
“ตกใจอะไร ฉันกล้ายอมรับ ฉันแมนพอ”
   
“ใจคอคุณจะเหมาหมดเหรอ…”
   
“ฉันชอบใครฉันก็เอาได้หมดแหละ” เขาหันมายิ้ม ความหมายของประโยคมันทะแม่งๆ ไปปะวะ “เอาไปรักนะ”
   
อ้วกกกกกกแตกกกกกก
   
“จะว่าไปเธอก็น่ารักดีนี่หว่า” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ แทบจะสิงกูอยู่แล้วพี่!
   
โอ๊ย นรกเถอะครับ “หยุดเลย กลัว”
   
“ล้อเล่น ฉันไม่ชอบเธอหรอก เธอขี้เหร่”
   
แหนะ มาดูถูกกูอีกกกก
   
“ทำอย่างกับผมจะชอบคุณ ชอบผู้ชายเนี่ยนะ!? ไม่มีทาง”
   
“ลองดูดิ”
   
“เวรเอ๊ยยยย! กลับเองก็ได้” ผมทำท่าจะเปิดรถ แต่ไอ้คนขับดันล็อคอัตโนมัติซะก่อน เหวออออ ช่วยด้วยยยย!
   
“หึ ฉันพูดไปงั้นแหละ เธอไม่ได้เป็นสเป็กฉันสักอย่าง แค่รวยฉันก็ไม่ชอบแล้ว”
   
อ้าว คุณผู้ชมครับ ไอ้นี่มันดูถูกคนรวยครับ มันเหยียดฐานะ!!
   
“แล้วชอบแบบไหน”
   
“จริงๆ แล้วฉันมันเป็นพวกยังไงก็ได้” เขาว่า “แต่ก็เคยคบคนรวยกว่า มันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ฉันมันเป็นพวกติดดิน”
   
“ได้ข่าวว่าเงินเดือนเกือบแสน” ผมบ่นงึมงำ
   
“รู้ได้ยังไง? สืบเรื่องของฉันเหรอ?”
   
“ถ้าสืบแล้วจะทำไมครับ” ผมยิ้มกวน “ซีอีโอต้องรู้เรื่องทุกคนสิ”
   
“ขอให้มันได้เป็นเถอะไอ้ซีอีโอเนี่ย อ่อนปวกเปียกแบบนี้จะบริหารอะไรได้”
   
“ไม่ได้อ่อนปวกเปียกสักหน่อย!” ทำไมชอบดูถูกจังวะ
   
“แต่จากมุมมองของฉันเธอเป็นแบบนั้น… คาดเข็มขัด” เขาชี้มาตัวผม
   
“จะไปไหน”
   
“เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” กัปตันธีร์เหยียบคันเร่ง
   
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งพาไปที่บ้านได้มั้ย”
   
“ทำไม อยากไปบ้านคุณเพชรแทนเหรอ”
   
“บ้าเรอะ! …ผมหิวอะ พาไปหาอะไรกินหน่อยดิ เมื่อกี้ยังกินซูชิไม่อิ่มเลย”
   
กัปตันส่ายหัวเหมือนเอือมระอา
   
“ฉันรำคาญเธอก็ตรงนี้แหละ”
   
“เฮอะ! ทำกับผมชอบคุณตายแหละ”
   
“ระวังจะชอบเข้าสักวันแล้วกัน” เขาหัวเราะ “ฉันมีเสน่ห์จะตาย”
   
เข้าข้างตัวเองไปปะวะ นี่ถ้าตัดว่าเป็นกัปตันอาวุโสหน้าที่การงานดี ผมขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้ชายขี้เก๊กธรรมดาๆ คนนึงเลยครับ! ตอนนี้แถมหลงตัวเองด้วยอีกตะหาก ใครมันจะชอบคนแบบนี้ได้วะ ถ้าไม่ได้แกล้งหรือหน้ามืดตามัว…
   
หือออ เดี๋ยวนะ
   
แกล้ง…
   
ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังสนใจแค่ถนนตรงหน้า เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าผมกำลังมองอยู่…
   
โอเคกัปตัน ขอบคุณที่มอบแผนดีๆ สำหรับปิดเทอมฤดูร้อนนี้ให้

…หึๆๆ แผนการพลั่งพลูในหัวผมแล้วครับพี่น้องงงงงง

จบตอน

(https://scontent.fbkk1-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15541689_10202613530495031_1684123525300744745_n.jpg?oh=d381c1507d43ce448e87700f832d96a3&oe=58F43777)

โอ๊ยยๆๆๆ ลงผิดเวลาคนอ่านหายหมดเลย ขอโทษด้วยนะครับบบบบบ จากนี้ไปจะลงรูปตอนจบว่า next time แล้วกันเนอะ แต่ให้เขาใจกันว่าก็เวลาเดิมครับ เสาดึก ถึงตีหนึ่งอาทิตย์แบบนี้ ไม่อยากสัญญาอะไร รู้สึกแย่กับตัวเองด้วย 55555

วันนี้คุณหนูเขาโดยหลอกมาทานซูชิของโปรด โรคคนแพ้ซูชินี่มีจริงนะฮะ (คนเขียนก็เป็น) คราวนี้มาสานต่อเรื่องเกมสักที ได้รู้กันแล้วนะว่าเป็นอะไร 555 แต่คนอย่างหนูปั๊มเนี่ยจะไปรอดเร้ออออ ต้องรอดูๆ ซึ่งที่ปั๊มทำอย่างนี้มีเหตุผลน้า (ซึ่งนั่นก็คือพาร์ทอดีตที่จะใส่ทุกบทนั่นแหละฮะจะเป็นตัวเฉลยว่าปั๊มเติบโตมายังไงถึงเล่นแบบนี้ 555 /เงยหน้ามอง อ้าวบทนี้ไม่มีแงะ ฮืออ)

ส่วนกัปตันธีร์ โนคอมเม้นท์
ตอนเขียนนี่แบบหงุดหงิดมากๆ ถ้าเราเจอแบบนี้ นี่มันพวกให้ความหวังชัดๆ ไม่ชอบเล้ย เค้าใจอ่อนนะ U_U 

puiiz : คุณน่ารักมาก ทุกครั้งที่ลงจะคิดถึงคอมเม้นท์คุณเสมอ จุ้บ

Hamzholic : สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน รักตั้งแต่ 11 ปีที่แล้ว <3

เจอกันตอนหน้าฮะทุกคน เมอรี่คริสมาสต์นะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 27-12-2016 00:05:16
แอบชอบเพชรมากกว่ากัปตันธีร์อะ งือออออ คงเป็นเพราะคาแรกเตอร์ด้วย ด้วยความที่เพชรดูเริงร่ากว่า (เสียที่พูดดูอวดพ่อตัวเองไปหน่อย มันดูชัดเลยว่าร้าย) ในขณะที่กัปตันดูเหมือนคนอดนอนแล้วมาฟึดฟัดใส่ตลอด หยอดนายเอกอยู่ แต่ชอบมาหยอดในจังหวะที่แบบเถียงๆ กัน ตอนนี้คะแนนเพชรสำหรับเราเลยนำอะ คือเอาจริงๆ อยากเห็นคุณกัปตันรีแลกซ์บ้าง ไม่ตึงบ้าง มาด้วยความสดใสบ้างอะไรบ้าง ไรเงี้ย รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-12-2016 00:27:24
เพิ่งเห็นว่าอัพแล้ว  :hao7: :hao7:
กัปตันนี่ข่าวไวตลอด
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: nutiez ที่ 27-12-2016 13:37:11
คุณกัปตันนี่แอบติดชิพติดตามตัวน้องปั๊มเอาไว้รึเปล่า รู้ทุกเรื่องแถมข่าวไวมากด้วย เผลอๆจะคิดว่าเป็นสตอล์กเกอร์แล้วนะ 555
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 28-12-2016 23:50:59
ให้คะแนนกัปตัน เพชรนี่แววร้ายมาแล้ว

แนะนำหนูปั๊มสืบเรืองใน บ เสร็จแล้วจัดนังเพชรก่อนเลย

กัปตันเอาไว้กินทีหลัง เอ้ย!! แกล้งทีหลัง
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 02-01-2017 18:16:07
5
ห้าม!


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/8f/98/0e/8f980ebd5271d696cdf1600dff50e322.jpg)
https://www.pinterest.com



‘ปั๊มอย่าวิ่งได้เปล่าวะ กูเหนื่อยยยย’ คนที่วิ่งตามบ่นอุบ

‘เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอกไวน์’ คนที่วิ่งนำฉุดแขนเพื่อนสนิทให้ทนวิ่งตาม ‘เครื่องบิน’ ลำนั้นให้ทัน

‘มึงไปก่อนเหอะ เหนื่อยว่ะ’ คนโดนลากสะบัดแขนจนหลุดพลางโบกมือไล่เพื่อนไป

ปั๊มไม่ยอมเสียเวลา เขาก้าวขาออกไปและเริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง จังหวะนั้นเองที่เครื่องบินบนฟ้าเปลี่ยนทิศทางโดยการเร่งเครื่องเพื่อไปยังจุดหมาย และคนที่วิ่งตามก็ไม่สามารถตีตื้นได้ทันแล้ว

ปั๊มชอบเครื่องบิน ไม่เคยไม่ชอบเลย เขาภูมิใจกับธุรกิจของพ่อมาเสมอ สักวันเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของมันให้ได้
‘ชอบเครื่องบินเหรอ’ เสียงนั้นทำให้ปั๊มคิดว่าเป็นไวน์ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นโตกว่าเพื่อนของตัวเองมาก เขาจึงประหลาดใจ รู้สึกคุ้นหน้าแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

คนถูกถามแค่พยักหน้า สำรวจคนตรงหน้าซึ่งใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดงทับเสื้อยืดสีขาวอยู่ คนแปลกหน้าคนนี้เท่มากในสายตาของเด็กอายุสิบเอ็ดอย่างเขา

‘ฉันก็ชอบนะ’ คนตัวโตกว่ายิ้ม ทำให้ปั๊มยิ้มให้กลับโดยอัตโนมัติ

ไม่รู้ทำไม เขากลับไม่ระแวงอีกเลย ปั๊มเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง จ้องมองจนเครื่องบินลำนั้นหายลับไป แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีคนแปลกหน้านั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วเช่นกัน


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   จาก : ไวน์
   เรื่อง : เอาจริงดิ?

   มึงต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ที่บอกว่าจะใช้แผนแกล้งให้รัก
   คือไอ้ครึ่งแรกที่บอกว่าจะให้เขาช่วยสอดส่องบริษัทกูเข้าใจ แต่ประโยคหลังกูไม่ค่อยแน่ใจว่ะ
   แถมกูมารู้ตัวทีตอนที่นึกได้ว่าไอ้คนที่หักหน้ามึงเป็นผู้ชาย กูนี่อึ้งไปเลย

   รู้ว่ามันท้าทายดี แต่อย่างเล่นแรงเกินไปนะ
   (ถึงจะรู้ว่าเกมก่อนๆ หน้านี้กูยุมึงตลอด)
   ได้ข่าวว่าพวกนี้เดือดทีมันอารมณ์รุนแรงไม่ใช่หรือไง
   (และยิ่งบวกกับนิสัยส่วนตัวที่มึงเคยบ่นให้ฟัง)
   โดนจับได้ เขาฆ่าตายเอามันจะไม่คุ้มนะ

   มีอะไรปรึกษาได้ แต่ลองใช้แผนอื่นมั้ย
   ทำให้เสียหน้ากลับหรืออะไรก็ได้ หรือลองจ้างผู้หญิงมาบอกว่าท้องดูดิ สนุกกว่าอีก

   ยังไงก็อัพเดทมาตลอดนะ กูแม่งอยากกลับไทยพรุ่งนี้เลย
   เจอกันศุกร์หน้า กูจองตั๋วแล้ว

   สุดท้ายนี้ กูกลัวมึงครับ
   ไวน์


   “คุณปั๊มครับ”

   “หะ!?” ผมเหม่อมองเครื่องบินจนเกือบไม่ได้ยินเสียงเลขาตัวเองซะแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินครับ ว่าจะหาอะไรสนุกๆ ทำสักหน่อย

   “ไฟล์ทของคุณธีร์แลนดิ้งแล้วครับ”

   “โอเค งั้นไปหาเขาที่ออฟฟิศกัน” ผมเดินนำเลขาออกไป

   “คุณปั๊มจะไปเล่นเทนนิสต่อเหรอครับ” เลขาพูดไล่หลังมา

   หืมมมม ไอ้บ้า ทำกูเสียเซลฟ์สุดๆ

คืออย่างนี้ครับ ผมยอมรับเลยว่าผมกำลังจะปั่นหัวกัปตันคนเก่งของเราด้วยการทำตัวอ่อยให้เขาอดใจไม่อยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ มันน่าสนุกมากๆๆๆ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่จะอ่อยผู้ชายให้ชอบยังไงนี่สิ ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้เลยจริงๆ ผมเลยจัดการหารีเสิร์ชโดยการสำรวจเน็ตไอดอลคู่รักชายที่เขาว่ากันว่าหวานหยดย้อย แล้วพบว่า ทุกๆ คู่รักจะต้องมีคนเป็นผัวและเมีย ซึ่งฝ่ายแรกจะต้องแมนมาก มีความเป็นผู้ชายสุดๆ ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องน่ารัก ขี้อ้อน งอแงหน่อยๆ ซึ่งผมเดาว่า สารรูปอย่างกัปตันธีร์ต้องเป็นผัวแน่นอน (สรุปเป็นเมียจ้า กูแห้วแดกจ้า) เพราะฉะนั้น การที่ทำให้คนเป็นฝ่ายผัวหวั่นไหวได้ก็คือการทำตัวให้น่ารักเหมือนเกิดมาเพื่อโดนดูแลเหมือนคนอัมพาตแดก และที่สำคัญ จากรีเสิร์ชเพิ่มเติมจากสื่อสิบแปดบวก พบว่าคนเป็นเมียนั้นจะต้องมีความพิมพ์นิยมประมาณว่า ขาว น่ารักและน่าฟัดในเวลาเดียวกัน ซึ่งเรื่องขาวผมไม่ต้องทำไรเลยเกิดมาสีผิวอย่างกับทิชชู่ ส่วนน่ารักน่าฟัดนี่สิจะทำให้ตัวเองเป็นแบบนั้นได้ยังไง ก็เลยตีความตามที่เดาว่า โอเค จะต้องทำตัวให้กัปตันอดใจไม่อยู่จนแทบจะลากไปปล้ำเลยดีนะ นั่นก็คือ แท๊แด… ผมเลยจัดการใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาสั้น (มากๆ) โชว์ขาอ่อนเต็มที่ ผมไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย ตอนแรกว่าจะมั่นใจเต็มร้อย พอเลขาแม่งแซว กูไปไม่ถูกเลยครับ นอยยยยยย

   “เหมือนเหรอ” ผมถามตรงๆ

   “มากๆ เลยครับ” เลขาสำรวจผมแทบจะหัวจรดเท้า “แต่แต่งแบบนี้แล้วคุณปั๊มน่ารักดีนะครับ ผมไม่เคยเห็นเลย”

   “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

   “รู้สึกอะไรครับ?” เลขาทำหน้างง

   “แบบ เออ…น่าฟัดอะไรแบบนี้”

   “คุณปั๊ม!” ตรองร้องลั่น แถมหน้าแดงจัดจนยกแฟ้มขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง

   “โอ๊ย แค่ถาม ฉันไม่ได้จะมาอ่อยนายสักหน่อย”

   “ยะ…อย่าบอกนะครับว่าที่จะมาหากัปตันธีร์ก็เพราะ…”

   “ทำไม หึงเหรอ”

   “โอ๊ยไม่ใช่ครับ นี่คุณปั๊มทำอะไรกันแน่เนี่ยยยยยยย!”

   “โวยวายทำไม เดินตามมาเร็วๆ” ผมเร่ง

   หลังจากโยนอเมริกาโนก้นแก้วทิ้งลงถังขยะแล้วเราทั้งสองคนก็รีบบึ่งไปยัง Head Office ของสายการบิน พนักงานภาคพื้นคนเดิมที่เคยเจอทักทายผมอย่างกันเองถึงแม้สีหน้าจะดูแปลกใจอยู่บ้างก็ตาม แล้วผมก็เห็นเป้าหมาย ร่างสูงใหญ่ในชุดไปรเวทเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เขายังไม่เห็นผม ผมเลยมีเวลาชื่นชมเครื่องแต่งกายสุดแสนจะมีสไตล์ของเขาได้เต็มที่ วันนี้เขาใส่แจ๊คเกตหนังกลับสีดำทับเสื้อยืดสีขาวและท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีฟอกเหมือนเดิม ดูท่าจะชอบกางเกงแบบนี้มาก คงจะเป็นลูกค้าประจำร้านยีนสักร้านแน่ๆ แต่ก็ยอมรับว่ามันเหมาะกับเขาจริงๆ

   แล้วเขาก็สังเกตเห็นผม กัปตันธีร์ทำตาโตก่อนจะพุ่งเข้ามาหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “แต่งตัวบ้าอะไรเนี่ย!?”

   “ไปเล่นเทนนิส” ผมยิ้มกวน หันไปมองเลขาซึ่งตอนนี้ยังหน้าแดงไม่เลิก

   “ไม่กลัวพวกพนักงานนินทากันหรือไง”

   “โอ้โห บริษัทนี้จะว่างกันขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “นี่ไม่ได้เล่นด้วยนะ” อยู่ๆ เขาก็กระชากมือผมขึ้นมา เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อ เอ่อ…เป็นอะไรของเขาวะ

   “เป็นอะไรเนี่ย” ผมเริ่มกลัวแล้วนะ ดูสายตาที่เขามองมาสิ ทมิฬฉิบหาย

   “ทำไมฉันบอกอะไรเธอไม่เคยเชื่อเลย”

   “ปล่อย! กัปตัน ผมเจ็บบบบ” ผมพยายามสะบัดมือออกแต่มันไม่ได้ผลจริงๆ

   “พี่ธีร์ปล่อยคุณปั๊มเถอะครับ” ตรองวิ่งเข้ามาห้าม แต่เหมือนมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นสักนิด

   “ตรองก็เหมือนกัน! แทนที่จะดูแลให้เจ้านายทำตัวดีๆ ไม่คิดจะห้ามอะไรกันเลยหรือไง!” จู่ๆ กัปตันก็หันไปตะคอกตรองเป็นรายที่สอง เลขาที่หวังดีหน้าเสียไปทันตา

   “คุณ! พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือไงวะ!” ผมออกแรงสะบัดครั้งสุดท้าย คราวนี้มันหลุด ผมจ้องเขาไม่ละสายตา ยอมรับว่าก็เริ่มโกรธแล้วเหมือนกัน “คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าคนของผมแบบนี้!”

   พลั่ก!!

   ผมออกแรงผลักอกคนตรงหน้า เขาเซไปชนเก้าอี้จนเกือบจะล้ม กัปตันมองหน้าผม แววตาดูเปลี่ยนไป

   “ด่าผมมาเลยสิ! ตรองไม่เกี่ยว! เขาทำงานของเขาได้ดีแล้ว ผมมันไม่รักดีเอง” ผมสัมผัสได้ถึงเสียงที่สั่นเครือ เชี่ยเอ้ย ไม่ชอบตอนตัวเองอ่อนแอเลยผับผ่าสิ

   “คุณปั๊ม ไม่เป็นไรครับ” ตรองสัมผัสแขนของผมเพื่อดึงให้อารมณ์เย็นลงบ้าง แต่ไม่ทันแล้ว มันเหมือนการกระตุ้นให้ดาวน์ลงกว่าเดิม

   “ผมแค่จะมาหาคุณ” ผมพูดความจริง กัปตันขมวดคิ้วเหมือนประหลาดใจ ใช่…มันเป็นความจริงที่เขาสมควรรู้เพียงแค่นั้น เรื่องอ่อยห่าเหวอะไรนั่นมันเป็นความโง่ที่ผมคิดจะอยากเล่นสนุกขึ้นมาเอง

   “ฉันมีเหตุผล” กัปตันพูดเสียงเบาอย่างกับกระซิบ

   “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ” ผมยิ้มให้เขา จากนั้นก็ทำท่าจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกไป แต่กัปตันวิ่งมาขวางประตูซะก่อน

   “ฉันไปส่งได้มั้ย” เขาพูดอย่างระมัดระวัง นี่คุณกำลังกลัวอะไรหรือเปล่า…

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้ม “เดี๋ยวคนขับรถคงมา ขอบคุณมาก”

   สิ้นเสียง กัปตันทำหน้าเหมือนช็อคและกระอักกระอ่วนดูพูดไม่ออกกับสิ่งที่ผมมอบให้ มันคือคำว่า ‘ระยะห่าง’ นั่นเอง นี่แหละคือสิ่งที่ ‘เจ้านาย’ และ ‘ลูกจ้าง’ ควรจะเป็น ถ้าอยากให้มันตามครรลองนัก ผมจะจัดให้

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   Rrrrr.

   ผมมองโทรศัพท์ที่สั่นเป็นรอบที่ล้าน หลังจากเห็นชื่อคนโทรเข้ามาว่าก็หันกลับมาสนใจหนังสือที่อ่านอยู่ต่อ พลางนั่งกระดิกเท้าเอนตัวนอนบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ

   “ไม่คิดจะรับหน่อยเหรอครับ” ลุงเอกที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียง

   “ก็มารับเองสิ”

   “กัปตันเขาคงหวังดีจริงๆ นะครับ”

   ผมจิ๊ปากทันที ไม่น่าเล่าเรื่องนี้ให้ลุงแกฟังเล้ยยยย

   “รับเถอะครับ”

   “ไม่เอาน่าลุงเอก ผมยิ่งอารมณ์เสียอยู่นะ”

   “ก็ตามใจครับ ผมขอตัวไปพักผ่อนหน่อยดีกว่า”

   “ยังไม่มืดเลยจะไปนอนแล้วเหรอ” ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนั้นเองที่เสียงสั่นได้หายไปแล้ว แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดีที่เห็น miss call สิบกว่าสายขึ้นโชว์หรา

   “เปล่าครับ ถ้าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณปั๊มอาจจะกล้ารับสายขึ้นมาก็ได้”

   “พูดอะไรเพี้ยนๆ อีกแล้ว ไปนอนไปๆๆๆ” ผมโบกมือไล่พ่อบ้านอย่างหงุดหงิด ลุงเอกทำหน้าตากวนๆ ก่อนจะขึ้นไปยังชั้นบน ผมมองตามไปจนลับสายตา

   Rrrrrrrr.

   โอ๊ยยย ความพยายามสูงจริงนะพ่อนักบิน

   ฮึ่ยยยย รับก็ได้วะ

   “ดิสอีสปั๊ม”

   “ค่อยยังชั่ว” เขาพูดผ่านสาย ตามด้วยเสียงถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

   “ค่อยยังชั่ว? อะไรค่อยยังชั่ว”

   “ก็แจกความสดใสแบบนี้คงหายโกรธแล้วสินะ”

   “พูดบ้าอะไรเนี่ย” ผมเอนตัว “ทำไมผมต้องโกรธด้วย”

   “อ้าว แล้วที่ร้องไห้วิ่งออกมาแบบนั้นหมายความว่าอะไร”

   เวร ไม่ต้องรื้อฟื้นก็ได้มั้ง

   “…โมโห”

   “แล้วยังไง ต่างกับโกรธตรงไหน”

   “โกรธเขาเอาไว้ใช้กับคนที่มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน โมโหเอาไว้ใช้กับคนแปลกหน้า”

   “เธอนี่ก็พูดไปเรื่อย”

   “อ๋อ ถ้าปากดีแบบนี้ก็แค่นี้นะ”

   “ล้อเล่นน่า” กัปตันกำลังกลั้นขำ ฟังจากเสียงก็รู้ หึ “สรุปเธอหายโกรธฉันหรือยัง”

   “ก็บอกไม่ได้โกรธไง!” โอ๊ยยยย จะปรี๊ดแตกอีกระรอกแล้วนะ “แล้วนี่เสียงดังจัง อยู่ข้างนอกเหรอ มาพูดเธอๆ ฉันๆ แบบนี้คนที่ได้ยินเขาจะคิดว่ากัปตันกำลังง้อเมียอยู่นะ”

   เอาจริง ก็ไม่ค่อยโอเคกับการโดนเรียกเธอเท่าไหร่หรอกฮะ มันฟิลประมาณแบบเวลาผมเจอสาวถักเปียน่ารักๆ เดินผ่านแล้วทัก เธอๆ จะไปไหน โอ๊ยยย นู๊ปเชี่ยๆ

   “ก็ดีสิ”

   “หมายความว่าไง -_-“

   “ฉันก็อยากมีเมียให้ง้อเหมือนกันนั่นแหละ” เอิบ…กูไปต่อไม่ถูกเลยครับ
แหม่ ตอนแรกก็กะจะอ่อยให้ติดหรอก อุตส่าห์แต่งตัวยั่วๆ แล้วกลับไล่กูซะงั้น ไอ้เลขาก็ด่าว่าเหมือนจะไปเล่นเทนนิส เอาสิ วันนี้กูมีอะไรดีบ้าง ตอบมา!

   กัปตันกระแอมทำลายความเงียบ “แล้วสรุปวันนี้มาที่เฮดออฟฟิศทำไม”

   “ก็จะไป…” อ่า หาเรื่องโกหกแปบ “…ทำงานไง! ว่าจะไปดูนั่นดูนี่”

   “แล้วยังอยากทำงานอยู่มั้ย”

   “หมดอารมณ์แล้ว”

   “อืม… ฉันปลุกอารมณ์เก่งนะ”

   “คุณหงี่เหรอกัปตัน พูดอะไรทำนองนี้หลายรอบแล้วนะ” นี่มันนิสัยวัยกลางคนชัดๆ ฮึ่ยยย ขนลุก

   “หึๆ ฉันล้อเล่น ออกมาที่สนามบินหน่อยมีอะไรจะให้ดู”

   “เวลานี้อะนะ”

   “มาเหอะ”

   ผมมองดูนาฬิกาติดผนังรุ่นคลาสสิกเจ้าคุณปู่ เออ… ต้องรีบออกตอนนี้ไม่งั้นรถติดตาย

   “งั้นรอแปบนึง แต่งตัวพร้อมแล้วออกไปได้เลย”

   “เดี๋ยว” เขาเบรกผมกะทันหันขณะกำลังพุ่งตัวไปคว้ากระเป๋า

   “อะไร?”

   “ขอโทษนะ” กัปตันพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ ผมรู้สึกผิดปกติกับน้ำเสียงนั้น มันอย่างกับ…ออดอ้อน?

   “เรื่องวันนี้อะเหรอ”

   “ใช่” เขาว่า “ฉันสติแตกไปหน่อย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เธอแต่งตัวแบบนั้นก็น่ารักดีนะ แต่ฉันก็อารมณ์เสียที่เธอโชว์เนื้อหนังให้คนอื่นเห็นมากไปหน่อย มันมีความรู้สึกไม่อยากแบ่งใคร …ขอโทษนะที่พูดเห็นแก่ตัวแบบนี้”

   “อ่า…” ซึ้งขนาดนี้กูจะพูดอะไรต่อได้ครับ แหม่ “หวงว่างั้น”

   “ไม่อยากใช้คำนั้น แต่… เออ ก็ใช่ แต่คนอื่นที่เห็นเธอเขาจะมองไม่ดีจริงๆ นะ จะเป็นซีอีโอแต่แต่งตัวแบบนั้น”

   “เลิกทำตัวน่าขนลุกแล้ววางสายซะ เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละคุณพ่อ”

   “ขอบคุณครับลูก”

   ติ๊ด!

   ผมกดวางสายไปทันที เอาจริง ยังไม่ชินกับการเต๊าะของกัปตันเลย ยิ่งรู้จักยิ่งรู้ว่าหื่นและหงี่ชัดๆ อี๋

   ผมส่องตัวเองในเงากระจกของนาฬิกา อุ๊ย นี่มันนักกีฬาเทนนิสสุดหล่อนี่ครับ (หลบตีนแปบ)

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   “ขอบคุณนะครับ” ผมบอกคนขับรถจากสายการบิน เขาปล่อยผมลงที่โรงซ่อมเครื่องของสายการบินเรา ก็กัปตันบอกให้มาเจอที่นี่ ผมยังงงอยู่เลยว่านักบินอย่างเขามาทำอะไรที่นี่กันนะ

   “เธอ!” เสียงหนึ่งดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้า ผมหันไปมองก็พบว่ากัปตันธีร์กำลังวิ่งมาด้วยชุดหมีแต่ทว่าเปลือยท่อนบนโชว์อกหนาและกล้ามท้องได้รูปอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เนื้อตัวเลอะมอมแมมไปด้วยอะไรสักอย่างสีดำๆ เป็นปื้นๆ นี่ไปเล่นอะไรมาอีกแล้วเนี่ย

   “คนเยอะขนาดนี้มาเรียกธงเรียกเธออะไรเล่า” ผมทำหน้าดุใส่ ก็ดูสิ พวกช่างซ่อมเดินกันให้ขวักไขว่แบบนี้

   “เอ่อ… พี่ขอโทษ” นั่น…เป็นญาติกูซะแล้วครับ

   แต่ก็เอาวะ ดีกว่าเธอแล้วกัน

“ใส่เสื้อให้มันดีๆ ไม่ได้หรือไง” ผมชี้ หัวนมสีแทนนั่นกำลังชี้หน้ากูแล้วครับ

   “ก็มันร้อน” เขาว่า เพิ่งสังเกตว่าเขาใส่สร้อยรูปเครื่องบินอยู่ด้วย เท่ดีแฮะ “เข้าไปข้างในกัน พวกช่างตื่นเต้นกันใหญ่พอรู้ว่าปั๊มจะมา”

   “แล้วไปบอกพวกเขาตั้งแต่ตอนไหน”

   “พอดีไปปรับทุกข์กับหัวหน้าช่างมาเรื่องที่เราโกรธพี่ พอบอกมันไปอีกทีว่าปั๊มหายโกรธแล้วมันชวนให้มาปาร์ตี้ด้วยกัน”

   “ปาร์ตี้?” ผมเลิกคิ้ว “ในโรงซ่อมเครื่องบินเนี่ยนะ”

   “ใช่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของช่างที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เปิดสายการบิน หัวหน้าช่างคนเก่านั่นแหละ”

   “อ่อ…” เดี๋ยว ขอวนกลับไปเรื่องเดิมแปบ “แล้วใช่เรื่องมั้ยที่บอกคนอื่นเรื่องผมเนี่ย”

   “อ้าว โกรธอีกแล้วเหรอ” กัปตันธีร์หยุดเดินแล้วมองผมด้วยสีหน้าหวั่นๆ ผมปั้นหน้าบึ้งให้ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในโรงซ่อมก่อน หลังจากพ้นสายตาแล้วยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ฮ่าๆ ขอกวนบ้างสักทีเถอะ

   “สวัสดีครับคุณธารทอง!”

   โอ้โห ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ บรรดาช่างทั้งหนุ่มทั้งแก่ก็กรูกันเข้ามายกมือไหว้ผมเป็นว่าเล่น ทำเอาพนมมือค้างไปเลย อย่าไหว้ผมเยอะคร้าบบบบบ

   “ผมกัน เป็นหัวหน้าช่างที่นี่ครับ” คนที่พูดก้มหัวให้ผมเล็กน้อย เขายังเด็กอยู่เลย นี่เหรอหัวหน้าช่างที่กัปตันว่า

   “แหมไอ้ห่า ยังไม่ทันได้เลื่อนขั้นก็เหยอแล้วนะมึง” เพื่อนช่างข้างหลังตบหัวเขา หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็หัวเราะครื้นเครง ทุกคนเหมือนกันหมด ทั้งชุดหมีที่ใส่และมีใบหน้าที่มอมแมม

   “ไอ้เจษ! มึงอย่ามาทำให้กูขายหน้าคุณธารทองสิวะ!” หัวหน้าช่างลูบหัวป้อยๆ “ขอโทษด้วยนะครับคุณธารทอง พวกผมมันห่ามแบบนี้แหละ”

   “อ่า… เรียกผมว่าปั๊มก็ได้นะครับ”

   “ครับคุณปั๊ม เดี๋ยวคุณนั่งรอสักครู่นะครับ ยังเหลืออีกลำนึง” เขาชี้ไปยังเครื่องโบอิ้งที่บรรดาช่างทั้งหลายกำลังรุมทึ้งอยู่ “ตอนแรกนึกว่าจะนานกว่านี้ แต่เอาเข้าจริงก็เสร็จเร็วกว่าที่คิดครับ ดีที่เฮียเขามาช่วยอีกแรงนึง”

   “เฮีย?”

   “อ๋อ กัปตันธีร์น่ะครับ”

   “อ้อ…” แหม… คงจะมีบารมีเยอะ พวกช่างต่างพากันยกย่อง

   “ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมข้างหลังผมทำให้รู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงอยู่แถวนี้ แหมโชว์ตัวเลยนะเฮีย “รีบๆ ทำให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวเครื่องบินมาซ่อมอีกลำแล้วจะไม่ได้ฉลองให้ลุงมิ่งกันพอดี”

   “เฮ้ย! ข้าไม่รีบ เกษียณนะโว้ยไม่ใช่แก่ตาย ยังรอได้!” ช่างวัยชราคนหนึ่งตะโกนมาจากโซนที่นั่งซึ่งเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม รอบๆ โต๊ะประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง หวานแหววชนิดที่ไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือช่างเลยทีเดียว

   “ไปนั่งรอกับลุงมิ่งก่อนก็ได้” กัปตันสะกิดหลังผม

   “คุณไปซ่อมอะไรกับเขาด้วยฮะ! จบวิศวะการบินแล้วอยากจะโชว์พาวหรือไง?”

   “นี่แอบสืบเรื่องฉันมากี่เรื่อง” เขาหรี่ตามอง

   “อ้าว? ทำไมเป็นฉันแล้วล่ะ ไม่อยากเป็นพี่แล้วหรอ” ผมแซว ยิ้มอย่างกวนๆ ให้ก่อนจะย้ายไปนั่งตามที่กัปตันเขาว่าโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ

   “สวัสดีครับคุณธารทอง” ลุงมิ่งลุกขึ้นยืนอย่างลนลานและเตรียมจะไหว้

   “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ” ผมบอก แต่ยกมือไหว้เขากลับไปแทน “ช่างที่อยู่มานานอย่างลุงผมสิต้องขอบคุณ… ขอบคุณที่อยู่กับเรามานะครับ”

   “ขอบคุณครับผม” เสียงของลุงสั่นเครือตามประสาคนแก่ “ตอนแรกผมคิดว่ายังทำไหวอีกสักสองสามปี แต่พอมายืนดูแล้ว ไอ้พวกนี้มันทำอะไรคล่องแคล่วกว่าเยอะ สมควรแล้วที่ผมต้องไป”

   “ลุงก็ทำมาเต็มที่แล้วล่ะครับ” ผมบอก สายตามองไปที่เครื่องบิน เห็นกัปตันธีร์กำลังปีนนั่งร้านอย่างเป็นลิงเป็นค่าง เนื้อตัวมันเงาเพราะชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาดูไม่สนใจอะไรเลย สายตาของเขากับโฟกัสแต่สิ่งที่กำลังทำ เฮอะ คนอะไรวะขับเครื่องบินก็ได้ ซ่อมเครื่องบินก็เป็น จ้างเป็นช่างซ่อมเครื่องบินส่วนตัวของพ่อซะดีมั้ยเนี่ย

   “เสียใจด้วยนะครับเรื่องพ่อแม่ของคุณ” ลุงมิ่งพูดอย่างจริงใจ

   “ขอบคุณครับ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า วันนี้ไม่อยากเศร้าแฮะ “วันนี้วันของลุงมิ่ง อยากทานอะไรมั้ยครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ มีของกินเยอะแล้ว”

   ผมกวาดสายตามองรอบโต๊ะ ไม่เห็นมีอะไรที่เรียกเป็นอาหารได้อย่างจริงจังเลย มีแต่พวกขนมกับน้ำอัดลม

   “เถอะครับ ถือว่าผมเลี้ยงส่งให้นะ”

   “เอ่อ…” ลุงมิ่งอ้ำอึ้ง คงเกรงใจสินะ “ถามคนอื่นเถอะครับ ผมยังไงก็ได้”

   “อ่า” อ้าวลุง โยนให้ผมแล้วไง

   ผมยืนขึ้นก่อนจะตะโกนถาม “ทานไก่ทอดกันมั้ยครับ!”

   “เอาครับคุณปั๊ม!!” หัวหน้าช่างตะโกนออกมาคนแรกเลย

   “เอาครับ!”

   “เอาฮะ!!”

   “ขอบคุณครับ!”

   ทุกเสียงเป็นเอกฉันท์ ผมจัดการเปิดแอพฯ ทันที เอ… คนเยอะขนาดนี้เขาจะจัดส่งมั้ยวะ ไม่งั้นเดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปซื้อให้ดีกว่า ว่าแล้วผมก็จัดการโทรหาลุงเอกทันที

   “ครับคุณปั๊ม…”

   “ลุงเอก ให้คนขับรถไปซื้อบอนชอนมาให้หน่อยสิ เอาให้พอดีสัก…” ผมนับคนที่เห็นทั้งหมดอย่างคร่าวๆ “เอามาเผื่อสักสามสิบคน”

   “เลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอครับ”

   “จะบ้าเรอะ พอดีมีช่างจะเกษียณก็เลยว่าจะเลี้ยง”

   “อ่า…ชื่นใจจัง เดี๋ยวผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละครับ จะช่วยซื้อของหวานพวกทาร์ตไข่ไปด้วยแล้วกัน”

   “ดี เร็วๆ นะลุง เดี๋ยวเขาก็เลิกงานกันแล้ว”

   “ครับผม”

   ติ๊ด!

   หลังจากวางโทรศัพท์ลง สายตาดันพลันไปเห็นกัปตันธีร์กำลังมองมาพอดี เขากำลังยิ้มอย่างพอใจมาทางนี้ แต่พอรู้สึกว่าผมเห็น เขาเลยละสายตาแล้วหันกับไปง่วนอยู่ที่งานตรงหน้าแทน อะไรของกัปตัน จะแอบมองทำไม - -

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   เสียงหัวเราะของบรรดาช่างในงานปาร์ตี้ระงมไปหมด ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ลุงมิ่งที่เริ่มกรึ่มๆ เพราะน้ำพันช์ (ที่ไม่รู้ไปหากันมาจากไหน) ก็เริ่มพูดคุยถึงตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ สมัยยังหนุ่มๆ ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง ส่วนมากเป็นเรื่องตลกที่เคยเจอ มีเรื่องที่เคยลืมประกอบอะไหล่ให้ครบด้วย แกบอกว่าโชคดีที่เครื่องไม่ตกจนกลับมาไทยอีกรอบได้ ทุกคนขำขันกันใหญ่ มีแต่ผมคนเดียวที่หน้าเหวอเพราะขำไม่ออกจริงๆ นี่มันเรื่องความเป็นความตายเลยนะ ทุกคนเห็นผมไม่จอยเลยพยายามอธิบายต่อว่าอะไหล่ตัวนั้นเป็นแค่ตัวโครงสร้างที่ใช้ประกอบปิดเป็นโครงสร้างเฉยๆ ไม่ใช่อะไรสำคัญ แต่ถึงยังไงก็ไม่ช่วยอยู่ดี ไม่ตลกเลยนะพวกคุณ - -

   “อะ” ความรู้สึกเย็นๆ ถูกนาบที่แขนอย่างกะทันหันจนผมสะดุ้ง กัปตันธีร์ ยื่นแก้วที่ใส่น้ำสีเขียวๆ มาให้ โอ๊ย สีไม่น่าดื่มเลยเอาจริง

   “มีแอลกอฮอล์หรือเปล่า” ผมถาม

   “เบาบางมาก” เขากระตุกยิ้ม

   “นี่ยังไม่ได้สอบสวนนะว่าเอาเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ผมว่าแต่ก็รับแก้วมาโดยดี ชิมจิบๆ ไปนิดหน่อย เออ ก็อร่อยใช้ได้

   ผมมองเครื่องโบอิ่งที่ตอนนี้กลับมาสวยเอี่ยมอ่อง เอาจริง ผมชอบเครื่องบินมากเลยนะ ตอนเด็กๆ นี่เวลาได้ยินเสียงเครื่องบินที่ไหนต้องเงยหน้าขึ้นมองตลอด มันเป็นอีกหนึ่งความฝันวัยเด็กจริงๆ

   “คุณเคยขับลำนี้มั้ย”

   “เคย” เขาบอก ทิ้งตัวลงข้างๆ ผม “หนึ่งในลำโปรดของฉันเลย”

   “อยากขับเครื่องบินเป็นมั่งจัง”

   “ไว้ว่างๆ จะสอน”

   พอเขาพูดอย่างนั้น ผมนี่ตาลุกวาวเลยฮะ

   “จริงเหรอ? มันสอนได้จริงๆ ใช่มั้ย”

   “จริง” เขายกแก้วพันช์ขึ้นจิบ “แต่ต้องใช้เวลาสอนนานหน่อย”

   “ผมมีเวลาว่างเยอะ”

   “แต่ฉันไม่ค่อยมีน่ะสิ” กัปตันเลิกคิ้วใส่ ผมเกลียดเวลาเขาทำหน้าตาแบบนี้มาก กวนตีนอะ ไอ้แก่เอ๊ยยยย

   “แล้วจะพูดทำไมเนี่ย” ผมมองตาขวาง หันหน้าไปทางอื่น

   “หึๆ ตามมาสิ มีอะไรให้ดู” เขาลุกขึ้นและยื่นมือมาให้ คืออะไร? ให้จับเหรอ?

   “จะไปไหน” พอเห็นว่าผมไม่จับ เขาเลยเลยคว้าข้อมือให้ผมลุกขึ้นตามแทน

   “ซีเครสเพลส” เขาขยิบตา เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป

   กัปตันคว้าขนมติดมือไปด้วยสองห่อ จากนั้นก็เดินผ่านวงพันช์ของช่างไป

   “ฮิ้วววววววว!”

[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 02-01-2017 18:38:54
[ต่อ]

“ร้ายนะเฮียยยยย”

   เสียงโห่ร้องดังระงมไล่หลังมา ฮึ่ยยย ไอ้พวกนี้ ตัดเงินให้หมดซะดีมั้ย

   “ไปไหนเนี่ย” ผมถามเมื่อเห็นกัปตันดึงบันไดเหล็กเก่าๆ ลงมาให้ปีน นี่มันทางหนีไฟไม่ใช่หรือไง

   “ขึ้นไปเถอะน่า” เขาดันตัวผม

   เอ๊า ปีนก็ปีนวะ

   ผมไต่บันไดมาเรื่อยๆ จนพบว่ามันคือทางพาไปสู่ชั้นดาดฟ้าของโรงซ่อม ตรงนี้เป็นลานโล่งๆ สามารถมานอนรับลมเย็นๆ ได้สบายเลย แต่ประเด็นคือ ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วครับ จะสิ้นปีแล้วมันก็เงี้ย ยิ่งตัวเองใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวบางๆ มาแบบนี้แล้วมันโดนลมดีจริงๆ โอ๊ย หนาวไปหมดแล้ว

   “คุณพาผมมาบนนี้ทำไม” ผมถามเมื่อเห็นว่ากัปตันเดินมายืนข้างๆ แล้ว

   เขาไม่พูดอะไร แค่ชี้ให้เห็นรันเวย์ของสนามบินที่ตอนนี้มีเครื่องบินเข้าคิวรอเทคออฟกันหลายลำ

   “ชวนมาดูเครื่องบิน”

   “โรแมนติกเชียวลุง” ผมพูดแข่งกับเสียงเครื่องยนต์เร่งความเร็วดังสนั่นหวั่นไหว
เราสองคนนั่งลงกับพื้นดาดฟ้าซึ่งไม่ได้สกปรกอย่างที่คิด กัปตันจัดการแกะซองขนม จากนั้นเราก็ชนแก้วที่ตัวเองต่างหยิบติดมือกันมาด้วย อ๊า ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบแฮะ

   “ฉันชอบมาที่นี่เวลาว่างๆ” กัปตันว่า “มองดูเครื่องขึ้นลงไปเรื่อยๆ”

   “คุณสนิทกับพวกช่างเหรอ”

   “ใช่ ฉันชอบมารื้อฟื้นสกิลการซ่อมเครื่องที่นี่” กัปตันเอนตัวเท้าแขนเงยมองท้องฟ้า ลมเย็นๆ ตีหน้าจนผมสีดำขลับปลิวไสวโชว์ใบหน้าที่สวยได้รูปของเขา แต่มันก็แซมไปด้วยริ้วรอยของช่วงเวลาชีวิต เขาจะคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ สมัยหนุ่มๆ บ้างมั้ยนะ

   “สวยดี” ผมพูดความจริง ภาพที่เขาพามาให้เห็นมันน่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ

   “อากาศเริ่มเย็นแล้ว” เขาเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ

   “สิ้นปีก็งี้แหละ …แต่ให้มันเย็นบ้างเหอะ ทุกวันนี้ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

   “หนาวมั้ย”

   “ตอนนี้เหรอ” ผมถาม “เย็นๆ อะ ไม่ค่อยเท่าไหร่”

   “ไปเอาชุดหมีให้มั้ย”

   “แหวะ ไม่เอาหรอกเหม็นเหงื่อ ซักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมไม่ได้ขยะแขยงหรอกนะ แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอปฏิเสธหน่อยเถอะ

   “งั้นมานี่” อยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วมานั่งซ้อนหลังผม ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยทำได้แต่ตัวแข็งไม่ได้โวยวายอะไรออกไป ผมได้ยินเสียงเขารูดซิปชุดหมีและรู้สึกได้ว่าคนข้างหลังกำลังเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนในที่สุดผมก็สัมผัสได้ถึงอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้ววววววว

   “เอนตัวมา” เขาพูดอยู่ใกล้ๆ ต้นคอ

   “ดะ…เดี๋ยว ทำอะไรเนี่ย” เวรเอ้ย รู้สึกแพ้สัดๆ ที่ตัวเองเสียงสั่นไปหมดแบบนี้

   “เสื้อบางจนเห็นนมขนาดนั้น ไม่ต้องมาโกหกหรอก”

   “คุณแอบดูหรือไง”

   “ยังไม่วายจะแต่งตัวโป๊ให้ได้สินะ บอกแล้วใช่มั้ยว่าหวง” เขากระซิบเสียงอ่อย โอ๊ยยย ทำเสียงให้มันดีๆ ได้มั้ยเล่า

   “นี่ ออกไปเลยนะ!” ผมพยามดิ้นให้หลุดจากมือที่โอบเอวไว้

   “เอนตัวมาเถอะน่า”

   “อย่า… เหวอ!” จู่ๆ เขาก็รั้งเอวผมเข้าไปใกล้ตัวจนเอนกะเท่เร่ไปทับอกเขาอย่างจัง สัมผัสได้ถึงกล้ามอกที่กำลังมอบไออุ่นผ่านมาให้ เขาเห็นผมสงบไปเลยดึงเสื้อหมีที่แบะออกในตอนแรกมาห่มไว้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามองเผินๆ เรากำลังใส่เสื้อตัวเดียวกันอยู่

   “อุ่นหรือยัง”

   “เออ!”

   “อย่าแต่งตัวโป๊อีกนะ”

   “คุณก็เลิกกระซิบข้างหูสักที ขนลุก!”

   “หึๆ” เขาหัวเราะ

   “คืนนี้พาไปส่งบ้านหน่อยสิ” ผมบอก

   “ไม่ให้คนขับรถมารับล่ะ”

   “ก็อยากให้คุณไปส่งนี่…” ฮะฮ้า! คิดว่าคุณยั่วเป็นคนเดียวเหรอครับกัปตัน ผมชอบเล่นอะไรแผลงๆ อยู่ด้วยนะเฟ้ยยยย

   “เอ่อ…”

   เชี่ย… อะไรดันหลังกูอยู่วะ หวังว่าจะเป็นแขนนะ - -

   “ได้มะ” ผมเบียดตัวแน่นขึ้นพร้อมกับถูไถซอกคอของกัปตันด้วยผมยุ่งๆ ที่วันนี้ไม่ได้จัดทรงมา

   “ได้” เขากระแอมไอ “แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ”

   ผมเงยหน้ามองเขา ทำแววตาเหมือนลูกหมาข้างถนนที่เคยเห็น ประมาณจะถามเขาว่า ‘ทำไม’ นั่นแหละ

   “ขออยู่แบบนี้สักพัก” เขายิ้มพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างแบบคนเขิน ฮ่าๆๆๆๆ ตลกว่ะ ทำอย่างกับหนุ่มแรกรุ่น

   “เอาเหอะ อนุญาตให้นานๆ แทะโลมได้ทีนึง” ผมบอก

   “ฉันแอบแทะโลมเธอด้วยสายตาบ่อยไป”

   “เอ่อ…” เนี่ย แล้วก็จะตามมาด้วยมุกที่กูไปต่อไม่ถูกแบบเนี้ยยย แงงงงง

   “ล้อเล่น…” เขาหัวเราะจนหน้าอกกระเพื่อม เล่นเอาหัวผมสั่นด๊อกแด๊ก “นี่ปั๊ม…”

   “อะไร”

   “เรียกฉันพี่ได้มั้ย”

   “หือ? ทำไมอะ”

   “อยากสนิทด้วยอะ”

   “อ่า” เอาล่ะสิครับ ชั่วโมงระทึกขวัญกลับมาอีกแล้ว

   “คุณเป็นลูกน้องผมนะ จะมาสนิทด้วยได้ไง”

   “ไม่อยากเป็นลูกน้องด้วย เรียกพี่จะได้เลื่อนขั้นไง”

   “อืม…เรียกลุงได้ปะ”

   “…”

   “ล้อเล่นๆ ขอเอาไปคิดก่อน”

   “ปั๊ม…”

   “ก็บอกว่าขอเอาไปคิดก่อนไง”

   “ไม่ใช่” เขาขยับท่านั่งให้ตัวเองสบายขึ้น “ไปกินข้าวกันมั้ย”

   ผมขมวดคิ้ว “ยังไม่อิ่มอีกเหรอ คุณก็กินบอนชอนไปหลายชิ้นอยู่นะ”

   ตะกละเชียวพ่อคุณ

   “ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึง…คราวหน้า ฉันชวนไปกินข้าวด้วยกัน”

   “หือ” ผมนี่ถึงกับเด้งตัวหันกลับมามองหน้าเขาเลยครับ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่กัปตัน

   “ลุงจะชวนผมเดทเหรอ” ผมหรี่ตามอง

   “เอ่อ…”

   “เฮ้ย ลุงจะชวนผมเดทใช่ปะๆ” ผมชี้นิ้วแหย่จนเขาอายต้องเบือนหน้าหนี

   “ไม่ไปก็ไม่เป็นไร”

   หึๆๆๆ ขอบคุณที่ทำเรื่องสนุกให้เกิดขึ้นง่ายกว่าที่คิดนะครับ

   “ไปดิ” ผมบอก กัปตันนี่ถึงกับอึ้งไปเลย

   “…”

   “แต่ผมเป็นคนเรื่องมากนะ เหวี่ยงเก่งด้วย แถมยังไม่เคยเดทกับผู้ชายมาก่อนอีกต่างหาก ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง เตรียมตัวให้ดีล่ะ”

   กัปตันยิ้มมาที่ผม ก่อนจะพยักหน้า

   “จะลองพยายามดู” เขาพูด

   “วันไหนดีล่ะ”

   “ศุกร์หน้าเป็นไง สิ้นเดือนพอดี”

   “ได้เลย! มีตีมมั้ย” ผมแหย่เขาเล่น

   “กางเกงยีน…” เขาเสนอ “แต่เธอห้ามแต่งตัวโป๊เด็ดขาด”

   “เสียใจ ห้ามผมไม่ได้หรอก” ผมกระดิกนิ้วชี้ใส่ หึหึ อย่าสั่งพี่ไอ้หนู

   อยู่ๆ เขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอ่อ…

   “เป็นอะไรอะ” งงกะเขา อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมู้ด

   “เปล่า” กัปตันยิ้ม พยายามเลี่ยงไม่สบสายตา “ตื่นเต้น รอให้ถึงวันศุกร์หน้าไม่ไหวแล้ว”

   “อ้อ…”

   ฉิบหาย… นี่กูโดนคนเป็นไบโพล่าขอเดทใช่มั้ย

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   “แค่กๆๆๆ” ผมมองลอดประตูห้องออกไป เห็นว่าเจ้าเลขาจมูกแดงก่ำ แถมตาก็ย้อย อาการแบบนี้รู้เลยว่าไม่สบาย

   “ไปหาหมอมั้ย” ผมเดินออกไปหาเขา

   “ไม่เป็นไรครับ” ตรองตอบกลับมาด้วยเสียงขึ้นจมูก “อังไอว (ยังไหว)

   “ฉันสั่งให้ไปหาหมอ ไป! กลับได้แล้ว เดี๋ยวก็ตายพอดี”

   “ครับๆ” ตรองลุกขึ้นเก็บของเข้ากระเป๋า สภาพอย่างกับลูกหมาไม่มีผิด

   Rrrrrrrrrr.

   “ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะมัวแต่มองเลขาอยู่

   “ทำไมมึงไม่มารับกูที่สนามบินไอ้สัส”

   เสียงกวนตีนแล้วทักทายกันด้วยคำหยาบโลนกันอย่างนี้ ไม่ใช่ใครครับ ไอ้ไวน์! ฉิบหาย จริงด้วยมันบอกว่ามันจะมาสิ้นเดือนนี้นี่หว่า

   “มึง! กูขอโทษ ยังอยู่สนามบินมั้ยเดี๋ยวไปรับ”

   “ไม่ต้อง! กูเซอร์วิสให้มึงถึงที่แล้ว”

   “ฮะ!?”

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปเปิดออก ไอ้ไวน์เดินออกมาพร้อมกับลุคใหม่ที่ผมไม่เคยเห็น ผมของมันเป็นสีบลอนด์แบบญี่ปุ๊นนนนนญี่ปุ่น แถมตัวก็หนาขึ้นกว่าที่เจอตอนงานศพพ่อกับแม่ด้วย มีการเจาะปลายจมูกแถมใส่ห่วงเหมือนควายอีกต่างหาก แต่โดยรวมมันไม่ทุเรศเลย โอ๊ยยย ต้นทุนทางด้านร่างกายมันดีกว่าผมทุกอย่าง ยอมแพ้ครับ

   “ไงมึง” มันกดวางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาหาผม

   “กระเป๋ามึงอะ?”

   “ให้คนขับรถบ้านกูมาเอาไปแล้วสิ ไม่ใช่แค่บ้านมึงคนเดียวนะที่รวยจนมีเสาโรมัน” มันว่า สะบัดสายตามายังเลขาของผมที่ตอนนี้เงียบฉี่เชียว อย่างกับหายไข้สบายดีราวปาฏิหาริย์

   “นี่ใคร” ไอ้ไวน์ถาม

   “เลขากูเอง… ตรองนี่เพื่อน…”

   “สวัสดีครับคุณไวน์” เลขาหนุ่มยิ้มหวาน อ้าว กูยังสำคัญอยู่มั้ย - -

   “ครับๆ” ไวน์โยกหัวทักทาย เหมือนไม่ค่อยอยากคุยด้วยต่อเท่าไหร่ “ไปกินข้าวกันเหอะมึง กูอยากกินอาหารไทยยยยย …ฮ่าๆ ดัดจริตปะ?”

   “สุดๆ อะไอ้ห่า เอาดิวันนี้มีนัดใครไว้มั้ยวะ”

   ผมมองดูปฏิทิน วันนี้วันศุกร์ที่สามสิบเอ็ด… เฮ้ย! เดี๋ยวนะ!? วันนี้มีเดทนี่หว่า

   “ไม่มีครับ” ตรองเปิดสมุดนัดก่อนจะแจ้งผม เอ่อ…คือ

   “ดีเลยมึง ไปทองหล่อกัน จะแดกแม่งทุกร้านเลย”

   “จริงๆ วันนี้กูมีนัดว่ะ”

   “อ้าว… ก็เลขาบอกว่าวันนี้มึงว่าง”

   “อันนี้นัดนอกรอบ แบบไม่ใช่เรื่องงานอะมึง”

   “อ้าวมึงทุ่นกูแล้วไอ้ปั๊ม นี่กุอุตส่าห์มาเซอร์ไพร์สมึง”

   “เฮ้ยยย กูขอโทษมึง กูขอโทษจริงๆ ลืมไปอะ” ผมนี่แทบจะก้มกราบเลยครับ

   “ผมไปก่อนนะครับคุณปั๊ม” เลขาที่คว้ากระเป๋าเรียบร้อยเตรียมจะกลับก่อนเวลาหันมาลาผม แอบเห็นสายตาที่เอียงอายมองไอ้ไวน์อย่างขัดๆ เออจริงสิ ไหนๆ แล้วก่อนไปหาหมอช่วยกูหน่อยแล้วกันนะ ชอบทำงานใช่มั้ยล่ะ

   “เดี๋ยวๆ” ผมยกมือห้ามเลขาไว้ ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนต่อ “มึงพาเลขากูไปหาหมอทีดิ”

   “เฮ้ย เรื่องอะไรล่ะ” มันสะบัดตัวหนีทันที

   “นะๆๆๆๆ มึงจะได้ไม่เสียเที่ยว พาไปหน่อย แล้วไปกินข้าวกันต่อด้วยก็ได้”

   “มึงไม่ต้องมาตลกกะกูเลย” ไอ้ไวน์หันหน้าหนี แต่มันดันไม่รู้ว่าทางนั้นคือทางที่เลขาผมยืนก้มหน้าอยู่ นั่นไงมึงทำเลขากูนอยด์แล้ว

   “เอ่อ…ไม่สบายเหรอ” ไวน์ถามตรอง เลขาหนุ่มของผมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

   “มึงดูดิ ไม่ค่อยไหวขนาดนี้มึงไม่ช่วยหน่อยเหรอวะ” ผมกระซิบอยู่ข้างหลัง

   “เฮ้อ” ไอ้ไวน์ถอนหายใจ ในที่สุดมันก็ยอมครับ เย่! “โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนอะ”

   “เดี๋ยวผมไปเองก็ได้นะครับ…” เลขาหนุ่มพูดเสียงแผ่ว อ้าวมึง…

   “ไม่ต้องเลยพี่ เดี๋ยวผมพาไปนี่แหละ” ไวน์พูดก่อนจะหันขวับมาที่ผม “คราวหน้ามึงเลี้ยงข้าวกูด้วย!”

“เอออออออ เลี้ยงได้อยู่แล้ว”

“กูจะแดกให้มึงล้มละลายเลย! …พี่! ไปกัน” มันชี้หน้าก่อนจะจับข้อมือเลขาผมแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป ยังไม่วายชูนิ้วกลางขึ้นมาให้ระหว่างที่ประตูลิฟต์กำลังปิด

ฮืออออ กูขอโทษ ทั้งคู่เลย วันหลังจะไม่เทแบบนี้อีกแล้ว…

“สรุปว่าเย็นนี้มีนัดเหรอครับคุณธารทอง” เสียงเย็นๆ อันคุ้นหูดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้ง …เพชรยืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พิงกำแพงของช่องลิฟต์อยู่ พอเห็นว่าผมรู้ตัวเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับใช้มืออีกข้างปลดกระดุมสูทออกจนเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน

“อ่า…” ผมอ้ำอึ้ง ฉิบหาย นี่มันมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

เพชรกอดอกพร้อมหรี่ตามอง “พอจะบอกได้มั้ยว่าใคร”

“คือ…”

“ไม่มีอะไรๆ” เพชรเปลี่ยนท่าทีให้สบายขึ้น แต่ผมนี่สิยังไม่สบายใจอยู่ดี

เพชรยิ้มให้ก่อนจะใช้นิ้วเรียวนั้นดีดดอกกล้วยไม้ในแจกันบนโต๊ะเลขาผม

“แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าใช่คนเดียวกับที่เราเดาอยู่หรือเปล่า”


จบตอน


(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15822688_10208426882295104_646366511880412477_n.jpg?oh=a8cdc9da7730ac4dde271286c3035d56&oe=58EEB48D)
https://www.instagram.com/weir19

 :really2: :really2: :really2:

ฮาโหยๆๆๆ ยังติดลมบนอยู่กับเทศกาลปีใหม่ 5555
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะฮะ ขอมอบตอน5 ที่ยาวเฟื้อยแบบนี้ให้เป็นของขวัญนะครับผม

มีอะไรติชมกันได้นะฮะ
ใครชอบ ใครอยากด่าอะไรรับฟังหมด เอิ๊กๆๆๆๆ

หรือมีใครจะพูดคุยหรืออยากหลังไมค์อะไร แวะเข้ามาที่
แฟนเพจของเก๊าน้าาา https://www.facebook.com/thene0classic/

รักทุกคนเลยยยย ขอบคุณมากๆ ฮะ

-------------------------------------

Hamzholic : อย่าว่าเพชรจิ
puiiz : เย่เย่ ตามอ่านทุกตอนเลย น่าร้ากกกก
nutiez : กัปตันหื่นอะ แบบคนแก่อดีตวัยหนุ่มเคยแรง 5555
bookie : กัวๆๆๆ กัวน้องปั๊มโดนกัปตันกินแทนงะ U_U
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 02-01-2017 19:26:30
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ดูซิว่าหลุมของใครจะลึกกว่ากัน
ผลัดกันอ่อยเหลือเกิน 555
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-01-2017 22:47:45
"ผมปลุกอารมณ์เก่งนะ"

โอ๊ยยยยยยย คุณกัปตันรุกหนักมาก เขินนนนนนน บ้าที่สุด! ฟิน จิ้น จิกหมอน โดยเฉพาะฉากตอนไปที่โรงซ่อมเครื่อง อ่านแบบหายใจหาขอไม่ทัน จิ้นมาก นี่ในหัวคือไปฉาก NC แล้ว แต่เกรงว่าจะเร็วเกินไป ฮ่าๆๆๆๆ

รออ่านต่อ ขอฟินแบบนี้อีกเยอะ
ชอบกัปตันมู้ดนี้จัง ม๊วฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-01-2017 12:24:15
โอ๊ยกับตันละมุนมากกกกกกกกกกกกกก   :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2017 13:43:08
เราเขินคุณกัปตันมากเลยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2017 15:25:50
ชอบค่ะ หลงเลย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 03-01-2017 16:08:09
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 04-01-2017 11:10:45
รำความเสี่ยวนี้มากเลยค่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-01-2017 13:44:28
ลงชื่อรออ่านตอนหน้าด้วยคนค่ะ ^^ :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-01-2017 09:58:58
สนุกดี
เคยเจอกันตอนเด็กแน่ๆ เด็กคนนั้นคือกัปตันธีร์
แล้วพ่อแม่คงฝากฝังไว้ให้ดูแลน้อง(?)
มีความห่วงหวง

มาต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า! | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 15-01-2017 20:43:42
6
คนเก่า

(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16105620_10208530469444718_7376691867339590986_n.jpg?oh=4fed1798e01856a0e3268a0f56055449&oe=59225617)
https://www.instagram.com/weir19/


   “เพชรๆ มีอะไรหนักใจหรือเปล่า หรือปวดหัวอะไรมั้ย ไม่สบายไรงี้” ผมตั้งใจกวนตีนเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะเห็นท่าไม่ค่อยดี ไอ้ห่าเอ้ย มันพกปืนมาหรือเปล่าวะ

“หนักใจเหรอ… อืม ไม่หรอก” เพรชส่ายหน้า มันก้าวขาเข้ามาพร้อมส่งรอยยิ้มแปลกๆ ไม่น่ามองเอาซะเลย “เราอยากบอกปั๊มว่าอย่าไปยุ่งกับคนนั้นมากเลยนะ”

“ใครเหรอ”

“ใสซื่ออีกแล้วนะ” เพชรหัวเราะ “ก็ใครล่ะถ้าไม่ใช่กัปตันธีร์ มันกำลังจีบปั๊มใช่มั้ย เราดูออก”

“ดูออกยังไง”

“ก็พาไปนั่นไปนี่ นั่งดูเครื่องบินแสนจะโรแมนติก”

“เพื่อนกันหน่า ใครๆ เขาก็ทำ”

“ระวังมันมาได้ยินมันจะน้อยใจนะ”

“เราว่าเพชรกำลังประสาทอะ เพชรกลับไปเถอะนะ”

“อะไรกัน ที่เราทำก็ไม่ได้ต่างอะไรจากที่กัปตันมันทำเลยนะ แปลกจัง…ทำไมปั๊มถึงเห็นว่ามันดีไปได้”

“ใครดีไม่ดีเราตัดสินเองได้จ้า” ผมยิ้มกวนมัน มันรู้ได้ไงวะว่ากัปตันธีร์ทำอะไรไม่ทำอะไร ดูท่าไม่ค่อยดีจริงๆ แฮะ วันนี้จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าเนี่ย กล้องวงจรปิดทำงานอยู่หรือเปล่า ถ้ามันยกปืนขึ้นมาจริงๆ จะได้มีหลักฐาน ฮืออออ

“หึๆ จริงๆ แล้วเราว่าจะมาพาปั๊มไปกินข้าว” เพชรมันว่า พลางจัดเสื้อสูทให้เข้าที่ “แต่ถ้ามีนัดอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรนะ”

“ถ้ารู้ตัวก็ไปได้แล้ว”

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ เพราะอีกห้านาทีมันคงโทรหาปั๊มแน่นอน ไม่อยากฟังเสียงมัน” เพชรยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังเดินเข้าลิฟต์ไป

   อะไรของมันวะ น่ากลัวฉิบเป๋ง -_-

   Rrrrrrrrrr.

   กัปตันธีร์

   เวร…หรือว่าแท้จริงแล้วไอ้เพชรมันเป็นหมอดู พูดไว้ไม่ขาดคำ

   “ว่าไง” ผมรับสาย

   [วันนี้ฉันไม่ว่าง ขอโทษที]

   “หะ…”

   [พอดีมีปัญหานิดหน่อย]

   “เดี๋ยวๆ”

   [คงไปไม่ได้นะ]

   ไอ้สัส ให้กูพูดมั่ง!

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามเขา

   [ไว้ค่อยคุยกัน ฉันทำธุระอยู่ แค่นี้นะ]

   ติ๊ด!

   แล้วเขาก็วางสายไปอย่างดื้อๆ เล่นเอาผมมึนตึ๊บ อ้าว…กุจะทุ่นเพื่อนไปเพื่ออะไรถ้ารู้ว่ามันจะลงเอยอีหรอบนี้ โอ๊ยยยย

   แต่เอาจริง แม่งไม่ชอบมาพากล ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ

ไม่ได้การแล้ว!

   ผมจัดการต่อสายหาเลขาทันที

   “ครับคุณปั๊ม” เสียงตรองดูอู้อี้แบบคนไม่สบาย แต่รอบข้างเงียบแบบนี้คงอยู่บนรถกับไอ้ไวน์ชัวร์ๆ

   “ฉันรู้ว่ากำลังไม่สบาย แต่อยากจะรบกวนแค่เรื่องเดียวจริงๆ”

   “ครับ… มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปั๊ม”

   “ช่วยสืบให้ทีว่าตอนนี้กัปตันอยู่ที่ไหน”

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   ผมนั่งอยู่ในรถซึ่งจอดแน่นิ่งอยู่ตรงประตูทางออกของสนามบิน ตรองบอกว่าเครื่องของกัปตันทีลงตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแต่เขายังไม่ออกจากสำนักงาน เป็นไปได้ว่าเขากำลังรอเวลาเพื่อจะทำอะไรสักอย่าง ต้องยกความดีความชอบให้กับพนักงานภาคพื้นคนนั้นที่ช่วยเป็นสายลับให้อีกแรงนึง เพราะไม่นานก่อนหน้านี้ ตรองส่งข้อความมาว่าพนักงานคนนั้นเห็นกัปตันกำลังออกมาจากสำนักงานแล้ว

   นั่นไง! แล้วผมก็เห็นเขา อยู่ในกางเกงยีนสีฟอกตามสไตล์เหมือนเดิม วันนี้แปลกหน่อยที่เขาใส่เสื้อเชิ้ตสปอร์ตสีขาว มันจึงทำให้ดูเหมือนนักกีฬาเท่ๆ พร้อมลงแข่ง แถมดูดีขึ้นอีกสิบเท่าเห็นจะได้

   อืม…แต่สงสัยจะมีธุระจริงๆ ดูจากหน้าที่เคร่งเครียดแบบนั้นคงจะเหนื่อยล่ะสิ โถ อยากพักผ่อนก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นจะ…

   เฮ้ย!!!

   อยู่ดีๆ ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งอายุคงไม่ห่างจากผมทำไหร่ เดินเข้าไปกอดกัปตันอย่างไม่รีรอ ผมขนลุกซู่เมื่อเห็นว่าฝ่ายคุณธีร์ก็ยิ้มแย้มกอดกลับอย่างเต็มใจ หนำซ้ำยังขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อ รอยยิ้มของกัปตันทำให้รู้ว่าเขากำลังมีความสุขมาก

   มันเป็นรอยยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็น!

   แล้วทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน วัยรุ่นคนนั้นยื่นกุญแจรถให้กัปตันก่อนทั้งคู่จะหายตัวเข้าไปในรถราคาปานกลางซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนักจากรถของผม จากตรงนี้ผมเห็นทุกอย่างชัดเจน แต่แปลกมากที่กัปตันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ารถของผมอยู่ตรงนี้

   ไม่นานนักรถคนนั้นก็เหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว

   หึ… เจอกูแน่

   “ขับตามคันนั้นไป” ผมสั่งคนขับทันที

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   คอนโด?

   โอ้โห ไม่เคยโกรธจนตัวสั่นขนาดนี้มาก่อน นี่พากันมาถึงคอนโดเลยเหรอวะ โกรธแบบ…โกรธธธธธธธธ ฮึ่ยยยยยยยย ทำไมโกรธได้ขนาดนี้วะ

   “ขอโทษนะครับ” ผมถามยามในป้อม “ในรถคันเมื่อกี้ใครเป็นลูกค้าที่นี่”

   “อ๋อ… คุณธีร์ครับ” ยามยิ้มตอบอย่างอัธยาศัยดี

   หึ คอนโดฝ่ายชายสินะ คิดไว้อยู่แล้วเชียว

   “ขอบคุณนะครับผม”

   จากนั้นผมก็เข้าไปยังฝ่ายต้อนรับของคอนโด ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ากัปตันธีร์อยู่ห้องไหน ดูท่าต้องใช้วิชามารซะแล้ว

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวยิ้มหวาน

   “เอ่อ…” โชคดีมากที่ผมมีถุงใส่กล่องเนกไทซึ่งตั้งใจจะซื้อให้กัปตันธีร์ติดมือมาด้วย เลยชูขึ้นให้เธอเห็น “ผมซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนอะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าห้องของเขาอยู่ชั้นไหน แฮะๆ”

   “ว๊าย น่ารักจังเลยค่ะ” พนักงานสาวหน้าแดงเพราะความเขิน “แล้วแฟนน้องชื่ออะไรคะ เดี๋ยวพี่ดูให้”

   “ชื่อธีร์ครับ คนที่เป็นกัปตัน ตัวสูงๆ ผิวแทนๆ”

   “อ๋อนักบินคนนั้นเอง” เธอทำท่าประหลาดใจซะโอเวอร์ “เหมาะกันดีนะคะเนี่ย”

   “ขอบคุณครับ”

   “เดี๋ยวพี่ดูให้นะคะ… อ๋อใช่ๆ …ชั้นสามสิบเอ็ด ห้องสามหนึ่งศูนย์หกค่ะ”

   “เยี่ยม ขอบคุณนะครับ เกือบจะต้องโทรไปถามเขาเองซะแล้ว”

   “แหมถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เซอร์ไพร์สแบบนี้สิคะ”

   “ครับ… เซอร์ไพร์สแน่นอน” ผมยิ้มกลับ

   “ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์ด้วยนะคะ”

   “ไม่มีปัญหาครับผม”

   หึหึ… อะไรมันจะหวานหมูแบบนี้

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสามสิบเอ็ด เมื่อเดินออกมาก็เห็นประตูห้องเรียงเป็นตับจนตาลาย หลังจากเดินคลำทางไปสักพัก และแล้วผมก็เจอจนได้ เสียงในห้องเงียบฉี่ ผมจึงลองเอาหูแนบกับประตูโดยพยายามทำตัวให้เบาที่สุดจะได้ไม่เกิดความสงสัย

   “เหนื่อยเหรอ” เสียงไม่คุ้นเคยลอดออกมา เดาว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นคนนั้นแหละ

   “นิดหน่อย” อันนี้เสียงกัปตัน ผมจำได้

   “ถอดเสื้อสิ”

   หือ -_-

   “มิ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

   “ไม่เอา พี่ธีร์นั่นแหละถอดเสื้อก่อนเถอะนะ เห็นแล้วอึดอัดจะตายไป” น้ำเสียงนี้ช่างออดอ้อนจนน่ารำคาญ ชนิดที่ผมเผลอเบะปากขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิด

   “ถอดแล้วๆ เข้าไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป”

   เดี๋ยวพี่ตามไป… แหวะ! ในห้องน้ำเนี่ยนะ!? รสนิยมพิสดารจริงๆ

   “คิดถึงพี่จัง”

   “พี่ก็เหมือนกัน”

   “ขอนอนกอดได้มั้ย”

   “ได้สิ แต่ต้องอาบน้ำก่อนนะ”

   “เดี๋ยวจะอาบให้เร็วเลย”

   “ขอสะอาดๆ หน่อยแล้วกัน”

   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อะไรวะเนี่ย นี่กูมานั่งฟังนิยายอีโรติกแปดบรรทัดหรือไง โมโหจนกำหมัดแน่นแล้วโว้ยยยยยยย

   ไหน ขอลองทดสอบอะไรอีกสักหน่อยดิ๊!

   ‘พอคุณไม่มาแล้วผมไม่รู้จะทำอะไรเลย
   ทำอะไรอยู่เนี่ยยยย ไปหาได้ปะ?’


   ผมกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาคนตัวดีที่อยู่ในห้อง ดูซิมันจะตอบว่าอะไร

   ตื๊ดดดด

   นั่นไง ส่งกลับมาแล้ว!

   ‘ทำธุระกับพวกช่างอยู่ เครียดมาก เดี๋ยวโทรกลับ’

   ธุระ…

   แบบนี้เองสินะ…

   โอเค ผมคงไม่สำคัญ เขาไม่ได้แคร์ผมด้วยซ้ำ ผมเสียใจขนาดนี้เขาจะรู้บ้างหรือเปล่า ผมต้องมาเป็นห่วงเขา คิดว่าเขาเจอเรื่องหนักใจอะไร …บางทีอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปที่รู้สึกกับเขามากไปเองฝ่ายเดียวแบบนี้ โอเค ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผมจะรับรู้ไว้ ผมจะเดินออกไปเอง

   หรอ กูจะต้องดราม่าขนาดนั้นเลยเหรอ กูไม่ได้ Looser ขนาดนั้นปะ

   หึ…. ก็แค่ไอ้คนโกหกเลวๆ อีกหนึ่งคน หึ่ยยยยยย กูทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยยย!!!!!

   โผละ!!!

   ผมถีบประตูจนมันเด้งออก ตามมาด้วยเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังลั่น ทันที่ที่ก้าวขาเข้าไปในห้อง กัปตันธีร์ผู้ซึ่งกำลังเปลือยท่อนบนเบิกตามองกว้าง ดูประหลาดใจที่ผมอยู่ตรงนี้ ตกใจล่ะสิมึง หึ!

   ปั๊ก!!

   “โอ๊ย!” กัปตันร้องเมื่อผมขว้างกล่องเนกไทใส่หัวเขา

   “ถ้ามึงคิดจะจีบกูแต่มึงเลิกสันดานตอแหลไม่ได้ก็ขอเถอะครับ มึงไปหาคนอื่นเถอะ” ผมพูดเสียงสั่นเพราะความโมโห

   “ปั๊ม…”

   “อะไร!? จำได้ด้วยเหรอว่าใคร งั้นก็จำไว้อีกเรื่องนะว่าไม่ต้องมาเจอหน้ากูอีก!”

   ผมชี้หน้าเขา ดูเหมือนเขากำลังช็อคจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   “ใครเหรอพี่ธีร์…” เสียงหนึ่งถามจากทางด้านหลัง มองไปเห็นว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นกำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวมองมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

   หึ… ขาวๆ ตัวเล็กๆ แบบนี้มึงชอบเลยนี่กัปตัน

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมยิ้มให้คนหน้าประตูห้องน้ำ “อย่าลืมป้องกันด้วยล่ะ”

   แล้วผมหันไปชูนิ้วกลางให้กัปตันที่ยืนอยู่ปลายเตียง จากนั้นก็สะบัดตัวเดินออกจากห้อง

   หึ พอกันดี นึกว่าจะเป็นคนดี

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   ผมกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง คืนนี้ผมอ่านหนังสือไปหลายเล่มมาก หวังว่าจะช่วยให้หักลบลืมเรื่องบ้าๆ ที่เจอมาในวันนี้ แต่ไม่รู้ทำไม ยังไงหน้ากัปตันธีร์ที่กำลังตกใจและอยากพูดอะไรสักอย่างยังตามหลอกหลอนไม่เลิก เฮ้อออออ หงุดหงิดจริงๆ

   เกร๊ง

   หืม? เสียงอะไรวะ หรือว่านกชนกระจกอีกแล้ว

   เกร๊ง! เกร๊ง!

   ผมหันหน้าไปทางระเบียงที่ปิดม่านอยู่ เฮ้ย ท่าจะไม่ดีแล้วแฮะ

   “ใครอะ!”

   เงียบ… ใครมันจะตอบมึงล่ะไอ้บ้า

   ผมลงจากเตียงแล้วไปเลื่อนม่านออกแล้วพบว่า…

   “เฮ้ย!?”

   ไอ้เชี่ยยย กัปตันธีร์ มายืนอยู่นอกระเบียงได้ยังไงเนี่ย

   “เปิดหน่อย” เสียงกัปตันอู้อี้เพราะอยู่อีกฟากของบานกระจก

   “ไม่!” ผมออกเสียงชัดๆ ให้เขาอ่านปากเอาแทน

   “ขอร้องล่ะ เปิดหน่อย”

   “อะไรของคุณเนี่ย กลับไป ไม่งั้นจะแจ้งตำรวจนะ”

   “คุยกันกันก่อนได้มั้ย” เขาเท้ากระจกและมองทะลุมันเข้ามาหาผมซึ่งกำลังกอดอกอย่างชั่งใจ

   “มีอาวุธหรือเปล่า”

   เขามองผมประมาณว่า ‘เอางี้จริงดิ’ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจนเปลือยท่อนบน

   “ทำอะไรเนี่ย!?” ผมร้องลั่น

   เขาไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มมุมปากและโยนเสื้อออกไปนอกระเบียง ทำอะไรของเขาวะ!?

   เหมือนเขาเห็นว่าผมยังไม่เปิดประตูสักที เขาเลยถอดกางเกงยีนออกแล้วโชว์กางเกงในแบบขาสั้นสีขาวสะอาดตา ผมประสาทแดกหนักมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขาโยนมันออกไปนอกระเบียงตามเสื้อเชิ้ตไป กลายเป็นว่าตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากชีเปลือย ถ้าถอดกางเกงในออกนี่ไม่ต้องพูดถึง ตากุ้งยิงแดกแน่นอนครับพี่น้อง

   ผมนี่ถึงกับกุมขมับ กัปตันกลับมาเท้ากระจกอีกครั้ง คราวนี้เป็นผมเองที่หน้าร้อนจนต้องเฉไฉมองไปทางอื่น

   “ไม่มีอะไรอันตรายแน่นอน เหลือแค่มือถือ” เขาพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ในมือ

[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 15-01-2017 21:21:22
[ต่อ]

โอ๊ยยย เปิดก็เปิดวะ

   แกร๊ก!

   ผมปลดล็อคประตูให้เขาเลื่อนเข้ามาเอง

   “ไปทำแผลมา” เขาพูดหลังจากเลื่อนประตูปิด เออเพิ่งสังเกตเห็นว่าหัวเขามีผ้าสีขาวแปะไว้อยู่

   “สมน้ำหน้า” ผมพูด ยังคงแสดงท่าทีเย็นชา

   “…”

   จากนั้นเราก็เงียบ นานจนผมรู้สึกอึดอัดต้องหันกลับไปนั่งลงบนเตียงแทน แต่ถึงอย่างนั้นระดับสายตาดั๊นนนนนนไปอยู่ตรงเป้ากางเกงในของกัปตันพอดีเป๊ะแบบองศาต่อองศา จนในที่สุดผมต้องหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่ออย่ายอมแพ้

   “ขอโทษ” เขาพูดทำลายความเงียบและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมแทน ผมเขยิบหนีแต่เขาเลื่อนตัวตามมาและทิ้งหัวเอนลงกับไหล่ของผมเป็นการล็อคตัวไว้ จะกระทุ้งให้หลุดออกก็กลัวเขาจะเจ็บแผล เฮ้อ

   “เมียไม่ว่าเหรอมาหาผมแบบนี้”

   “บอกไปแล้ว” เขาว่า “บอกเมียเก่าไปแล้วว่าขอไปเคลียร์กับเมียใหม่ก่อน”

   “…”

   “ขอโทษนะปั๊ม”

   “เมียเก่า?” ผมวางหนังสือทั้งที

   “อืม” เขาคราง “เลิกกันไปนานแล้ว พอดีน้องเขาต้องมาสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพ ฉันเลยให้มานอนด้วยสองวัน”

   “ใจดีจังเลยนะ”

   “จะไม่ใจดีแล้ว เดี๋ยวให้น้องไปนอนโรงแรมเอา”

   “ก็ให้นอนไปสิ ไปไล่ตอนนี้มันน่าเกลียดปะ” ผมขยับไหล่เบาๆ ใส่เขา หึ หมั่นไส้

   “ไม่เอา ยอมนิสัยไม่ดี เดี๋ยวปั๊มโกรธ”

   “เฮ้อ ช่างมันเหอะ ให้น้องเขานอนไปแหละ ไปดูแลเขาด้วยแล้วกัน”

   “ดูแลอะไร ไม่ได้มีอะไรต่อกันแล้ว เรื่องมันนานมาเป็นปีๆ ตอนนี้เป็นพี่น้องกัน” กัปตันยังคงแก้ตัวพัลวัน นี่ขโมยเงินแม่หรือไงถึงรับผิดได้หงอยเหงาแบบนี้

   “จากที่แอบฟังตอนอยู่หน้าห้องเหมือนจะมากกว่าพี่น้องนะ” หึ นึกถึงแล้วหมั่นไส้

   “โอ๊ยยย” กัปตันร้องเพราะโดนผมกระทุ้งไหล่ใส่หัวเข้าให้ “นี่แอบฟังฉันหรอ ว่าแล้วเชียวถึงโกรธขนาดนั้น”

   “แล้วได้อาบน้ำกับน้องเขายังล่ะ”

   “ไม่ได้อาบ เพราะไม่ได้คิดจะไปอาบด้วย แค่บอกว่าให้น้องเขาอาบเร็วๆ จะได้เข้าไปใช้ห้องน้ำต่อ ทำงานมาเหนื่อยจะได้นอนพัก”

   “แล้วเรื่องนอนกอดล่ะ”

   “น้องติดหมอนกอด”

   “เข้าใจกระแดะแฮะ”

   “ไม่เอาน่า หายโกรธนะ ฉันแค่ไม่อยากบอกเรื่องจริงกลัวเธอจะคิดมาก”

   “แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะ”

   “หึ โกรธจริงๆ ด้วย ดีใจจัง” เขายกหัวขึ้นและหันมามองผมแทน

   “ดีใจทำไม”

   “ก็ปั๊มบอกว่าโกรธเอาไว้ใช้กับคนสนิท โมโหไว้ใช้กับคนแปลกหน้า”

   “ปะ…ประสาท ออกไปจากห้องได้แล้ว”

   “ไม่เอา ขอนอนด้วย”

   “จะบ้าหรือไง กลับไปหาน้องอะไรนั่นของคุณเลยไป” ผมผลักหน้าเขาเต็มที่

   “แหนะ ยังไม่หายโกรธจริงๆ สินะ”

   “เออ หายโกรธแล้ว แต่กลับไปนอนบ้านตัวเองได้มั้ยยยย” ผมยังผลักเขาแรงกว่าเดิม เพราะดูท่าทางเขาจะเข้ามากอดผมซะให้ได้ “แล้วอย่ามากอดด้วย! งุ่นง่านจังวะ!”

   “หึหึ” เขาหัวเราะในคอ “หายโกรธแล้วแน่นะ”

   “เออ! ทีนี้ก็ไปได้แล้ว”

   “ยังไม่ไปหรอก”

   “หะ? ฮะ…เฮ้ย!?”

   อยู่ๆ เขาก็ดึงตัวผมไปนอนคว่ำบนตัก กัปตันล็อคแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างนึง… ไอ้เชี่ยยยย จะทำอะไรวะ!!

   “ทำเหี้ยอะไรเนี่ยกัปตันนนนนน”

   “เลิกดิ้นซะ ฉันจะทำโทษเธอ” เขาพูดเสียงเย็น

   “ทำโทษ!?”

   “ก็ใช่น่ะสิ!” เขากระซิบข้างหู เล่นเอาขนลุกซู่ ส่วนที่บรรยายค้างไว้… เอ่อ คือตอนนี้ไอ้กัปตันมันถกกางเกงผมออกไปกองจนถึงหัวเข่า สาบานได้เลยว่าโคตรไม่อยากนึกภาพว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพทุเรศแค่ไหน ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยกูด้วย

   “ฉันจะไม่เอาอะไรอุดปากเธอ เพราะฉะนั้นอย่าแหกปากร้องให้ฉันเสียความไว้ใจนะ” เขากระซิบข้างหูอีกครั้ง

   เพี๊ยะ!!

   “โอ๊ยยย!” ผมร้องลั่นเมื่อมือหนาๆ ของเขาตีมาที่เนื้ออ่อนใต้ร่มผ้าของผม

   “ครั้งที่หนึ่ง …สำหรับแผลบนหัวฉัน”

   เพี๊ยะ!!

   “ครั้งที่สอง …สำหรับนิสัยไม่ดีของเธอที่เอาแต่โวยวาย ไม่ถามเหตุผลกันก่อน”

   เพี๊ยะ!!

   “ครั้งที่สาม …นี่สำหรับที่เธอพูดไม่ดีกับมิ้น น้องเขารู้สึกไม่ดียังบอกให้ฉันวิ่งตามไปเคลียร์กับเธอเลย”

   เพี๊ยะ!!

   “โอ๊ยยย ครั้งนี้อะไรอีกเล่า!”

   “เปล่า ตีเกิน”

   “ไอ้เชี่ยยยย ปล่อยกูเห้อออออ”

   “อ๋อใช่”

   เพี๊ยะ!!

   “สำหรับการพูดคำหยาบ ฉันไม่ชอบเลย”

   “ไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่ง! ปล่อยได้แล้ว!!”

   “ไม่ชอบเพราะว่า…” เขากระซิบ “มันทำให้เธอร้อนแรงจนฉันอดใจไม่อยู่”

   “…” งั้นมึงซาดิสแล้วครับพี่ ปล่อยกูเห้อออออออ!!!

   เขาใช้มือลูบตรงจุดที่กำลังทำโทษอยู่นานก่อนจะใส่กางเกงกลับคืนให้ ผมพยายามจะดิ้นหนีแต่เหมือนว่าเขายังไม่หนำใจดึงผมกลับไปอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นว่าผมกำลังนั่งหันหน้าเข้าหาเขาโดยใช้ตักไร้กางเกงของเขาเป็นเก้าอี้ ผมพยายามไม่นึกถึงสภาพด้านล่างเพื่อจะให้ลืมๆ มันไป ตอนนี้ไม่กล้าแม้กระทั่งสบตากับกัปตันด้วยซ้ำ

   “หายโกรธหรือยัง”

   “เออ!”

   “แล้วที่ทำเมื่อกี้โกรธมั้ย”

   “…”

นั่นสิ กูโกรธมั้ยวะ… ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามัน… ตื่นเต้น

   “ทีหลังให้ฉันอธิบายบ้างนะ” เขาซบลงตรงไหล่ผม

   “อืมมมมม กลับบ้านได้แล้วน่า” ผมผลักอกเขาออกไป

   “ไล่กันจังเลยนะ ไม่อยากให้ฉันอยู่จริงๆ เหรอ”

   “เออ กลับไปเหอะ”

   “ไม่เอา จะนอนนี่”

   “กลับเหอะ… เฮ้ยยย!” ผมร้องลั่นเมื่อเขาพลิกตัวผมให้นอนจมลงบนเตียง กลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังคร่อมผมจนได้ เยี่ยมครับ (ประชด)

   “นะ… ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญเธอบ้างเลยนี่”

   “อ๋อ เห็นด้วยเหรอว่าที่โยนไปเป็นของขวัญ”

   “เห็น” เขาก้มลงมากระซิบ “เดี๋ยวจะใส่ตอนบินครั้งหน้าเลย”

   “ให้มันจริงเหอะ”

   “ก็มีคนไม่อยากให้โกหก ต่อไปนี้จะพูดความจริงอย่างเดียว”

   โอ๊ยยยกัปตัน มึงเลิกเสี่ยวบ้างได้มั้ยเนี่ยยยย มันเขินนนนนนนนนนนน

   “แล้วไหนอะของขวัญ” ผมถาม

   “อยากได้อะไรล่ะ” กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะใช้ปลายจมูกลูบไล้ไปไปทั่วใบหน้าของผม เชี่ยยย ไม่น่าถามแม่งเลย

   “แบบนี้มั้ย” เขากระซิบ จากนั้นก็ถกเสื้อยืดของผมออกจนเห็นเนื้อหนังด้านใน

เขาใช้จมูกลูบไล้ไถไปเรื่อยๆ รอบๆ หน้าอกของผม โดยเฉพาะจุดสีชมพูเข้มสองที่ซึ่งกำลังชูชันต้อนรับอย่างไม่รักดีสวนทางกับการต่อต้านของมือทั้งสองข้าง ถึงจะดึงจะผลักแค่ไหนผมก็สู้แรงคนข้างบนไม่ได้เลย

   “ขาวจัง”

   “ไม่ต้องพูดอะไรได้มั้ย!!”

   “หึ”

   เขายังคงไม่ลดละ และดูเหมือนมันจะต่ำลงเรื่อยๆ และริมฝีปากของเขาก็เริ่มทำงานเต็มกำลัง ความเย็นของมันทำให้ผมขนลุกและตัวสั่นจนเกิดอารมณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต นึกโกรธตัวเองมากๆ เมื่อมือไม้ที่เคยใช้ต่อต้านก่อนหน้านี้กลับอ่อนแรงไปโดยปริยาย กัปตันเลยได้ทีเลยรวบมันทั้งสองไว้เหนือหัวเป็นเพื่อป้องการการขัดขืนของผมที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

   “จุ๊บ”

   เสียงจูบกระทบผิวหนังยังคงดังทะลุความเงียบของยามค่ำคืนมาเรื่อยๆ และแล้วมันก็ถึงตรงศูนย์กลางของลำตัว กัปตันชะงัก ผมที่กำลังเหงื่อยกหัวขึ้นเพื่อมองไปยังเขา

กัปตันมอบสายตาที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่างซึ่งรู้สึกดีชะมัดเมื่อรู้ว่ามันกำลังมอบมาให้ผมคนที่อยู่กับเขาแค่สองคนในห้องนี้ เชี่ยแล้วกู นี่เผลอใจไปด้วยเหมือนกันเหรอวะเนี่ย

   “เธอโอเคมั้ย” เขาถามเมื่อมือของเขาตั้งท่าจะสอดเข้าไปในร่มผ้า

   “อือ”

   “หลังจากนี้มันจะเปลี่ยนไปนะ เธอรับได้หรือเปล่า”

   “ยังไง”

   “เธออาจจะมองฉันไม่เหมือนเดิมอีกเลย” เขาพูดอย่างจริงจัง ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร สิ่งที่กัปตันจะมอบให้ต่อจากนี้คงรุนแรงชนิดที่ผมอาจคิดไม่ถึงจริงๆ

   “ผมเหงา” อยู่ๆ ปากของผมก็หลุดคำนี้ออกไป กัปตันชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็ปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ แต่ผมเลือกที่จะจับผมดำหนาของเขาต่อ และดูท่าว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

   “ฉันก็เหมือนกัน” เขายิ้ม จากนั้นก้มลงจูบตรงขาอ่อน ผมรู้เลยว่าเพลงนี้กำลังจะบรรเลงต่ออีกครั้ง อย่างหนักหน่วงและแข็งแรง

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

   “เชี่ย!” ผมสะดุ้งจนเราทั้งสองคนผละออกจากกัน ใครมันจะมาเคาะประตูได้เหมาะเวลาแบบนี้วะ!

   “ผมเปิดไปแล้วนะครับ” เสียงคุ้นดังขึ้นพร้อมบานประตูที่เปิดออก ลุงเอกเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มผ้าที่พับไว้อย่างดี นะ…นั่นมัน

   “พอดีผมเห็นว่ามีคนเล่นพิเรนทร์โยนเสื้อผ้าออกมานอกระเบียงเลยเก็บมาให้ครับ” ลุงเอกจ้องมองไปที่กัปตันธีร์ซึ่งยืนหลบอยู่หลังผ้าม่าน โอ๊ยยย ทำอย่างกับจะหลบมิด ตัวบะเร้อ

   “ผมว่าถ้าคุณธีร์จะนอนที่นี่ไปนอนที่ห้องรับนอนแขกดีกว่านะครับ” ลุงเอกว่า

   “อือ ตามใจลุงเถอะ”

   “เชิญครับคุณธีร์” ลุงเอกผายมือให้กัปตันเดินออกมา

   ส่วนฝ่ายที่ถูกเชิญทำได้แค่ก้มหน้าหงอยใช้มือปิดบังกางเกงที่ตอนนี้ดูมันปกปิดอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยมิดชิดเท่าไหร่ เขารับเสื้อผ้ามาจากลุงเอกและทำท่าทางจะเดินเข้าห้องน้ำ

   “อ๊ะ ผมว่าไปเปลี่ยนข้างนอกดีกว่านะครับ” ลุงเอกยิ้มร้ายๆ

   “ครับๆ” กัปตันยิ้มแหยๆ และคว้ารองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ออกไปด้วย เขาหันมาโบกมือให้ผมอย่างแอบๆ เพราะกลัวพ่อบ้านจะเห็น จากนั้นก็หิ้วทุกอย่างเดินออกประตูไป โถ น่าสงสาร อย่างกับพวกวัยรุ่นหนีมานอนบ้านแฟน

   “แล้วคุณปั๊มค่อยขอบคุณผมทีหลังนะครับ” ลุงเอกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามกัปตันออกไป

   ส่วนกูน่ะเหรอ….

   สภาพเหมือนคนสับสนใจชีวิตไม่มีผิด

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เรือไม่ถึงฝั่งเหรอ โอ๊ยยยยย อ่อนหัดชิบหายเลยวุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พ่นไฟ พ่นไฟ พ่นไฟฟฟฟฟฟฟฟ

จบตอน

(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15977126_10208530637048908_7874988926159832988_n.jpg?oh=a19da27da4466412d7a167610b3f0909&oe=58DA2C2E)


----------------------------
#theneoclassic
โอ๊ววว เห็นตอนที่แล้วคนอ่านเยอะเม้นเยอะนี่ถึงกับน้ำตาซึมเลยครับ
ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ให้การต้อนรับ หายไป1อาทิตย์นี่ไม่ได้อู้นะ แต่พอดีมีภารกิจลับต้องทำหึๆๆๆ
ตอนนี้เขียนไปเขียนมาแบบกัปตันจะโรคจิตแล้ว เลยรีไรท์ดร๊อปๆ ลงมาหน่อยให้ดีขึ้น
เกิดจากความชอบส่วนตัวของคนเขียนเองที่เคยเจอคนแบบนี้ มันถึงใจ หึหึหึ  o18

ล้อเล่นนะครับ ทุกๆ อย่างมีเหตุผลของมัน ลองอ่านกันเรื่อยๆ แล้วจะเข้าใจ อีกไม่กี่สิบบทก็จบแล้วฮะ
/มองดูเลขบทนี้ ชิบเป๋ง ยังไ่ถึงครึ่งทางเลย U____U

แวะมาทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
จริงๆ อยากมีคุยกันใน # ทวิตเตอร์อย่างเขาบ้าง แต่เข้าใจว่า #firemetothemoon มันยาวพิมพ์ยาก5555
ึิคิดอยู่นานว่าจะใช้ #ไฟรักสุมใจ ดีหรือเปล่า แต่ก็กลัวจะแบล็คพิ้งค์มากเกินไป 555 ผมเลยเออยังไงก็ได้
ถ้าจะคุยทางไหนก็ไม่ลำบากหรอกฮะยอมคุยด้วยหมด5555

เจอกันตอนหน้าเคิ้ฟฟฟฟฟ
(เก๊าอัพได้สัปดาห์ละบทอะ โควต้าหนุ่มออฟฟิศหน้ามนแงงง U_U)
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 15-01-2017 21:57:08
ปั๊มควรจะขอบคุณลุงเอก(หรอ) แต่เราอะโกรธลุงขัดจังหวะอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 16-01-2017 01:15:55
หวั่นไหวกับเค้าขนาดนี้ แล้วแผนแกล้งกัปตันของหนูละลูก  :z6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-01-2017 01:38:07
เคลิ้มซะขนาดนี้สงสัยคงลืมแผนการที่วางไว้ไปแล้วมั้งน้องปั๊ม  :laugh:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2017 02:23:40
แต่ละคนนี่มึนได้ใจจริงๆ  :hao7: :hao7: :hao7:
สนุกมากกกกกกกกก
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-01-2017 03:04:06
กัปตันบ้า!
แก้ผ้ามาแบบนี้ได้ไงเนี่ย
ไอ้หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
แต่ชอบอะ  :pighaun: 55555555555+

คืออ่านไปก็ทำหน้าตามอารมณ์ปั๊มไป จนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพล่าแล้วอะ

แต่เอาเข้าจริงก็ต้องขอบคุณคุณพ่อบ้านนะ
เพราะถ้าเสียตัวให้กัปตันตอนนี้มันจะไวเกินไปนะหนูลูก
ได้พ่อบ้านมาจัดการไม่ให้ชิงสุกก่อนห่ามแบบนี้ ดีแล้ว ขำด้วย

นี่เห็นภาพกัปตันเดินกุมเป้าออกไปอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ตลกกกกกกกกกกกกกก

รีบมาต่อไวๆ งื้ออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 16-01-2017 22:53:01
โอ๊ยขำอิปั๊มมัน คุณกัปตันอีกคน อดเบย 555555555555555555

คุณพ่อบ้านก็นะไม่รู้เลยหรอ คนเหงาอ่ะเข้าใจป่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2017 16:51:17
เราควรจะอยู่ในอารมณ์ไหนเนี่ย  :pig4:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 22-01-2017 19:22:12
7
เจ็บหัว


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/72/bb/4a/72bb4a6c8c8f181c9b17c6000eaa7bb5.jpg)

   “มึงชอบมัน” ไอ้ไวน์พูดขณะตักซีเรียลเข้าปาก เกลียดสายตาที่มันมองมาจริงๆ

   “มึงจะบ้าหรือไง!”

   “มึงชอบมัน กูมองออก กูว่าคนปัญญาอ่อนก็ต้องมองออกเพราะเขาฉลาด มีแต่มึงที่โง่ยังไม่รู้ตัว”

   “นี่กูอุตส่าห์ไว้ใจเล่าให้มึงฟัง ดูมึงพูดดิ๊” ผมนี่แทบจะถีบมันบนโต๊ะทานข้าว เช้านี้มันแวะมาบ้านผมครับ ทำสันดานเดิมๆ นั่นคือมาแดกข้าวบ้านคนอื่นฟรี ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วยังมาปากดีอีก

   “อ่ะ ถ้ามึงไม่ชอบมัน มึงคงกระทืบมันตั้งแต่วันที่มึงโดนลวนลามทางเพศที่หลังคาโรงซ่อมสนามบินแล้วปะ”

   “พูดได้เหี้ยมาก ทีหลังกูไม่ปรึกษาอะไรกับมึงแล้ว”

   “ฮี่ๆ มานี่มา กูจะบอกอะไรให้” ไอ้ไวน์ดันชามซีเรียลออกไปแล้วเอนตัวมาใกล้ๆ ผม “มึงอะเล่นเกมเหี้ยไรไม่เคยได้เรื่องเลย ตั้งแต่เด็กจนโตกูนี่เป็นหัวโจกให้มึงตลอด เพราะฉะนั้นไหนๆ ตอนนี้กูกลับมาแล้ว ถ้ากูจะช่วยมึงคุมเกมเอง มึงจะโอเคหรือเปล่าล่ะ”

   “เออ มึงจะให้กูทำยังไง”

   “ข้อแรก มึงต้องตอบให้ได้ก่อนว่ามึงชอบมันหรือเปล่า” มันชี้นิ้วถาม

   “เอ่อ ให้ตอบตอนไหน”

   “เอ๊า ตอนนี้สิอีเหี้ย ตอบมา!”

   “อ่า ขอเวลาหน่อยได้ปะ”

   “อ้าวไอ้สัด นี่มึงลังเลหรอ ไหนบอกไม่ได้ชอบ”

   “ไม่แน่ใจอะ ขอเวลาคิดหน่อย นะๆๆ” ผมเขย่าแขนมัน

   “อะไรของมึงเนี่ย กูล่ะปวดหัวกับมึงวุ้ย” ไอ้ไวน์ถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา โอ๊ย อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็ประสาทแดกไปตามๆ กัน

   อ๊ากกก เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ยยยย ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมนี่นอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เรียกได้ว่าเมื่อริมฝีปากไอ้กัปตันทาบลงผิวหนังปุ๊บ เหมือนมันดูดมันสมองความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรต่างๆ นานาออกไปปั๊บ แล้วเป็นไงล่ะครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนเอ๋อแดกสับสนในความรู้สึกตัวเอง สมองตีกันปั่นป่วนยิ่งกว่าออมเลต ผมไม่เคยเป็นแบบนี้จริงๆ นะ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่เนี่ยยยยย

   “เอ๊า เอายังไง ตอบกูได้มั้ย!” เสียงไอ้ไวน์ทำผมสะดุ้ง ดุจังวะ

   “มึงกูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย กูไม่เป็นตัวเองอะ”

   “งั้นมึงบอกกูมาเลยว่ามึงชอบมัน”

   “ยังงงงง ยังไม่ชอบ”

   “อ่ะ พูดยังงี้แปลว่าอนาคตมึงจะชอบ”

   “มั๊ง หรอ โอ๊ยยยยยย ไม่รู้” ผมทึ้งหัวตัวเอง อยากถอนทุกเส้นทุกโคนออกมาเหมือนถางหญ้าเลยครับ ฮือออออออ

   “เอางี้มึง” มันตบบ่าผมเบาๆ “กูให้เวลามึงก็ได้ ไม่กำหนดระยะเวลา พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกกูตอนที่มันชัดเจน โอเคนะ”

   “อ้าว แล้วเราจะไม่เล่นเกมกันแล้วหรอวะ”

   “อยากดิ แต่เกมแม่งมีเป็นร้อยจะเล่นตอนไหนก็ได้ แต่กูกลัวว่าถ้าเราเล่นตอนนี้อะไรๆ ที่มันกำลังคลุมเครือจะทำให้มึงลำบากใจนะ”

   ยอมรับครับว่าอยากปฏิเสธและบอกมันว่า ‘ไม่ได้! เกมนี้ต้องเล่นต่อไป!!’ แต่ตอนนี้ผมอ่อนหัดเกินกว่าจะพูดแบบนั้นแล้ว ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ข้างนอกแข็งแกร่ง แต่เนื้อในอ่อนไหว นิสัยเหี้ยๆ ที่แก้ไม่ได้สักที เด็กขี้เหงาก็เงี้ย น่าเห็นใจมั้ยล่ะครับ

   “พูดถึงแม่งก็มา” ไอ้ไวน์กระทุ้งสีข้างผมเป็นการส่งซิก ผมหันขวับไปตามสายตาของมัน เห็นกัปตันอยู่ในชุดเมื่อคืน (ซึ่งค่อนข้างจะยับยู่ยี่) ผมที่เคยจัดทรงอย่างดีเวลาทำงาน ตอนนี้ตกประหน้า เขาดูเซอร์จนประหลาดใจชนิดที่ต้องเสียเวลาเอียงคอมองเพื่อสำรวจ …เขากำลังติดกระดุมข้อมืออย่างเร่งรีบ ถึงแม้กระดุมสองเม็ดแรกจะยังไม่ถูกติด แต่แค่นี้เขาก็ดูดีมากพอแล้ว ไหนจะเป็นหุ่นสวรรค์ตั้งใจปั้นใต้ร่มผ้านั้นอีก รวมๆ กันตรงหน้านี้คือมุมธรรมชาติของกัปตันที่ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นบ่อยๆ ฮืออออ แต่ไม่อยากมองหน้าเขาตอนนี้ กลัวใจตัวเอง

   “กินข้าวมั้ยครับกัปตัน” ไอ้ไวน์เสนอหน้าตะโกนเชิญชวน ผมนี่ถึงกับถลึงตาใส่จนเกือบจะหลุดออกจากเบ้าแล้วครับ แต่ดูมันทำ…แหม่ ยักคิ้วลิ่วตา ส้นตีนเอ๊ยยยย

   “เอ่อ…” กัปตันดูท่าทางอิดออดเหมือนไม่กล้าเข้ามา หืม เป็นไรอะ อยู่ดีๆ ก็ขี้อายเหรอ

   “นี่ไวน์เพื่อนผมเอง” ผมแนะนำ

   “ทำตัวสบายๆ เลยครับกัปตัน เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแล้ว”

   “อ้าว? มึงจะไปไหน”

   “นัดดูหนังกับเพื่อนไว้”

   ผมถึงกับขมวดคิ้ว “มึงมีเพื่อนคนอื่นนอกจากกูด้วยเหรอ”

   “น้อยๆ หน่อยหนูปั๊ม เดี๋ยวมึงจะโดนตีนกู” มันเสยผมอย่างลวกๆ จากนั้นก็คว้ากระเป๋าทำท่าจะเดินออกไป “ไปก่อนนะครับกัปตัน ไว้เจอกันใหม่ครับ”

   “กูว่าจะชวนมึงออกไปเที่ยว” ผมรั้งมันไว้

   “ไว้วันอื่นเนอะ กูไม่ว่าง ไปละ” มันยกกระเป๋าขึ้นสะพายจากนั้นก็ก้มลงมากระซิบ “ยังไงกูยังต้องการคำตอบอยู่นะ อย่าลืมล่ะไอ้สัด”

   “จะไปไหนของมึงก็ไปๆ เถอะ” ผมโบกมือไล่เพราะความหงุดหงิด ไอ้ไวน์เดินท่านักเลงออกไปจากห้องอย่างกวนตีน ไม่วายส่งเสียงหัวเราะคิกคักทิ้งทาย

   อ่า… ทีนี้ก็เหลือแต่กูกับโจทย์แล้วสินะ

   “หวัดดี” ผมยิ้มแห้งๆ โบกมือให้กัปตัน ซึ่งเขาตอบรับด้วยการเกาหัวแกรกๆ แล้วเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม

   อ้าว ไม่ชวนกูคุยเลยสินะ ยังไงวะ ต้องเป็นกูตลอดเลยหรือไง

   “เพิ่งตื่นเหรอ” เอาก็เอาวะ หึ่ยยยยย

   “เปล่า ตื่นนานแล้ว” เขาว่า “ไปหาพ่อกับแม่เธอมา”

   “ไปทำอะไร”

   “แวะไปทักทาย ขออนุญาตนอนบ้าน แล้วก็…” เขาเท้าคางพร้อมกับยิ้มมุมปาก “บอกพวกท่านว่าถ้าเมื่อคืนเห็นอะไรอย่าโกรธผมนะ”

   “แล้วพ่อลุกขึ้นมาหักคอคุณหรือเปล่า”

   “ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนี่ สงสัยคงเปิดไฟเขียว”

   “ไร้สาระ” ผมกอดอก ไอ้บ้าเอ๊ย พูดอะไรไม่รู้เรื่อง

   “กินอะไรมั้ยอะ” ผมถาม แหม่ เป็นเจ้าบ้านที่ดีจริงๆ

   “ทำให้กินหน่อยสิ”

   “โดนตัดแขนตัดขาหรือไง อยากกินอะไรก็หาเองดิ”

   “หึหึ” เขาหัวเราะก่อนจะลุกไปยังชั้นวางของเพื่อค้นหาอาหาร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรถูกใจสักอย่าง “ไม่มีอะไรนอกจากพวกของกึ่งสำเร็จรูปเลยเหรอ”

   “ในตู้เย็นมีสปาเก็ตตี้มั้ง จำได้แวบๆ ว่าลุงเอกทำไว้ให้”

   “แล้วลุงเอกไปไหน”

   “ยุ่งอะไรกับเขา คงไปซื้อของเข้าบ้านละมั้ง” เออ จะว่าไปผมก็ยังไม่เห็นคนที่ว่าเหมือนกัน หนอยยย พ่อตัวดี ทีอย่างนี้หาตัวไม่เคยเจอ

   “ไปหาอะไรกินกันมั้ย” อยู่ๆ กัปตันก็เชิญชวน

   “ไปข้างนอกเหรอ”

   “ใช่สิ แต่งตัวพร้อมแล้วนี่” เขาเดินเข้ามาใกล้ “วันนี้ฉันหยุดเหมือนกัน เดี๋ยวพาไปเที่ยว”

   “ผมไม่ใช่เด็กอมนิ้วนะคุณกัปตัน” ผมว่า “แล้วน้องมิ้นอะไรนั่นจะไม่ว่าเหรอ”

   “โทรไปหาแล้ว เขาไม่ได้ว่าอะไร”

   โอ๊ย จะพูดถึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย แล้วมันมีสิทธิ์มาว่าอะไรด้วยเหรอ โอ๊ย หงุดหงิด

   “นิ่วหน้าทำไม โกรธอีกแล้วเหรอ” กัปตันถามด้วยสีหน้าระแวงอย่างกับกลัวโดนผมอาละวาด

   “เปล่า” ผมบอกปัด “แต่ทีหลังถ้าจะทำอะไรแล้วต้องขออนุญาตก็ไม่ต้องนะ ยุ่งยากเปล่าๆ”

   “โธ่ปั๊ม” เขาเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม ฉิบหายติดเก้าอี้ ลุกหนีไม่ได้! “ไม่เอา ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ออกไปข้างนอกกัน”

   “จะไปไหนอะ”

   “ที่ไหนก็ได้ แต่เดี๋ยวฉันขอแวะไปเอารถที่คอนโดก่อน”

   “ไม่ต้องเลย เอารถบ้านผมไปนี่แหละ” ขืนปล่อยไปเดี๋ยวเจอน้องมิ้นอะไรนั่นก็เสียแผนแย่สิครับ ไม่ใช่ไรนะ วันนี้ไม่อยากหงุดหงิดมากไปกว่านี้แล้วล่ะ

   กัปตันยิ้มอย่างพอใจ

   “โอเค งั้นตามใจเธอเลย”

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   กัปตันพาเรามาที่ย่านถนนคนเดินที่ไหนสักแห่งซึ่งผมไม่เคยเจอ มันเป็นตลาดเช้าที่คนดูพลุกพล่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างเสียงดังโวยวายเพื่อขายของ แถมคนยังเบียดเสียดกันมาจับจ่ายใช้สอยกันแน่นขนัด เล่นเอาผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหน่อยแล้วนะเนี่ย

   “คนเยอะขนาดนี้พาผมมาเบียดทำไมเนี่ย” ผมหันหลังไปถาม ต้องเงยหน้าขึ้นนิดนึงเพราะเขาตัวสูงกว่า

   “มันมีภัตตาคารจีนอยู่ในซอยข้างหน้า ฉันว่าเธอน่าจะชอบ” เขาเดินตามหลังผมมาติดๆ หน้าอกนี่แทบจะสิงกับไหล่ของผมอยู่แล้ว

   “ไม่ชอบอาหารจีน” ผมพูดความจริง ไม่ค่อนสันทัดกับเครื่องเทศแบบจีนๆ เลยฮะ อันนี้ต้องยกให้คุณพ่อผมเลยท่านชอบทานอาหารจีนเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนผมขอบาย อาหารญี่ปุ่นยังถนัดกว่า

   “อ้าวทำไมไม่บอกก่อนล่ะ”

   “ก็อยู่ดีๆ คุณก็พามาที่นี่ ไม่ถามอะไรสักคำ”

   “แล้วจะกินอะไรล่ะทีนี้”

   “คุณต่างหากที่หิว จะกินอะไรก็เรื่องของคุณสิ”

   “จะกินคนเดียวได้ยังไง ฉันอยากกินกับเธอ”

   สิ้นประโยคเสี่ยวนั้นผมก็กระทุ้งท้องเขาอย่างแรง เล่นเอากัปตันร้องโอ๊ยดังลั่นแข่งกับเสียงโวยวาย

   “เจ็บนะ”

   “สมควร! ทีนี้เลือกสักทีเหอะน่า!”

   “ฉันกินอะไรเดี๋ยวเธอก็กินไม่ได้อีก”

   “โอ๊ยยยยย เออ! เดี๋ยวกินด้วย! ออกไปจากที่นี่ก่อนเหอะ” อึดอัดจะแย่อยู่แล้วโว้ย

   “งั้นไปกินอะไรกลางๆ ดีกว่า” ว่าแล้วกัปตันก็คว้ามือผมวิ่งออกไปจากชุมชนแออัด กว่าจะรอดมาได้ก็แทบตาย จากนั้นเขาก็พาทะลุซอยออกไปอีกทางนึง ซึ่งเป็นเหมือนชุมชนที่อยู่ห่างจากตลาดไม่มากนัก ผมเห็นพวกคนแก่วิ่งออกกำลังกาย เด็กๆ ที่ตื่นเช้าก็กำลังเล่นกันสนุกสนาน เดินไปสักพักเราก็เจอร้านกาแฟและอาหารเช้า ซึ่งคนขายเป็นคุณลุงท่าทางใจดี กัปตันพาผมเข้าไปนั่งในร้านนี้แหละ

   “ไข่กระทะสองที่ครับ” กัปตันธีร์สั่งคุณลุง ก่อนจะหันมาสนใจผมด้วยสายตาคำถามประมาณว่า ‘กินได้นะ?’ เออแต่ถามหน่อย สั่งไปแล้วจะมาถามทำไม ต้องการอะไรเหรอ

   “แค่นี้นะครับ” คุณลุงจดยุกยิกในกระดาษ   

“ผมเอาโจ๊กอีกที่ด้วยครับ”

   “กินเยอะจัง” ผมแซว กัปตันยักคิ้วหลิ่วตาแบบกวนๆ มาให้ ด้านคุณลุงเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสั่งอะไรแล้วก็เดินจากพวกเราไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

   “คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง” ผมถามพร้อมกับสำรวจรอบๆ นี่มันยิ่งกว่าอยู่ในซอกหลืบอีกนะ ถ้าผมโดนทิ้งไว้แถวนี้คงต้องเรียกตำรวจอย่างเดียวเลย กลับบ้านไม่ถูกแน่นอนครับ

   “ฉันเคยอยู่แถวนี้”

   “เฮ้ย จริงอะ!?”

   “จริงสิ เห็นบ้านหลังนั้นมั้ย” เขาชี้ไปยังตึกแถวห้องหนึ่งที่มีรถตู้จอดอยู่ด้านหน้า “ฉันเคยอยู่ที่นั่นจนแม่ย้ายไปทำงานที่อื่น ฉันเลยต้องย้ายตามไปด้วย”

   “แม่คุณไปทำงานอะไรเหรอ”

   “เป็นแม่บ้าน”

   “อ๋อ ตามโรงแรมน่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่ เป็นแม่บ้าน แบบลุงเอกนั่นแหละ”

   “อ๋อ” ผมพยักหน้า “แล้วตอนนี้แม่คุณไปไหนแล้วล่ะ”

   “อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับพ่อเลี้ยงของฉัน ดูแลธุรกิจเล็กๆ ของเรา ฉันส่งเงินให้แม่ทุกเดือน”

   “คุณนี่ก็สู้ชีวิตเหมือนกันนะ” ผมยกย่องจากใจจริง ไอ้เรื่องพวกนี้ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก แต่ผมก็พอรับรู้ได้ว่าความกตัญญูมันสำคัญจริงๆ

   “ฉันถึงเคยบอกเธอไงว่าไม่ชอบคนรวย มันคุยกันไม่รู้เรื่อง”

   “คุณไม่เคยมีแฟนรวยกว่าเลยหรือยังไง” ผมถาม “แล้วน้องมิ้นอะไรนั่นล่ะ ท่าทางก็ดูมีเงินนะ”

   “มิ้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่ชอบ” เขาเอนตัวตรงนั่งกอดอกพลางถอนหายใจยาว

   “ทำไมล่ะ?” ผมเท้าคางมองเพื่อเค้น หึหึ

   “พ่อแม่มิ้นไม่ชอบฉัน”

   “น้ำเน่าหรือเปล่า ถ้าเน่าไม่อยากฟัง”

   “ก็ครอบครัวมิ้นไม่ชอบฉัน ก็แค่นั้น”

   “แต่เดี๋ยวนะ บอกว่าไม่ชอบคนรวย แต่คุณก็เคยเป็นแฟนกับมิ้น มันก็แปลว่าคุณชอบคนรวยเหมือนกันปะวะ”

   “ตอนนั้นพ่อแม่มิ้นยังไม่ปล่อยขนาดนี้ ตอนฉันคบกันมิ้นยังอยู่ม.ปลาย ได้เงินค่าขนมยังไม่เยอะเท่าไหร่เลย”

   “อี๋กัปตัน! นี่คุณโรคจิตเลี้ยงต้อยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” ผมถึงกับเบือนหน้าหนี

   “ก็มีแต่เด็กมาชอบฉัน เธอไม่ชอบฉันหรือไง”

   “โทษทีผมไม่ชอบคนชรา ถึงแก่กว่าก็คงไม่เยอะเท่าคุณอะ” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่มือคางวางอยู่กำลังสัมผัสได้ว่าใบหน้าผมกำลังร้อนผ่าว อู้วววว ใจเย็นไอ้ปั๊ม

   “แต่มันก็นานมาแล้ว ฉันเคยคิดจะสร้างครอบครัวอยู่เหมือนกัน คิดอยากจะแต่งงาน มีครอบครัว แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันก็ยังเร่ร่อนอยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง” เขายิ้ม ถึงจะเป็นยิ้มที่ชวนให้คนเห็นหดหู่ก็เหอะ แววตากัปตันเศร้าชะมัดเลย

   แล้วไข่กระทะก็มาเสิร์ฟ กัปตันเลื่อนมาให้ผมหนึ่งที่

   “ว่าแต่เธอเถอะ” กัปตันพูดขณะหยิบช้อนมาวางให้ “เรื่องความรักของเธอเป็นยังไงมั่ง”

   “อยากรู้ไปทำไม” ผมยกมือห้ามขณะที่กัปตันจะส่งพวงเครื่องปรุงมา ไม่ชอบครับ

   “ก็คนเป็นแฟนกันต้องรู้เรื่องกันบ้างสิ”

   “ผมไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่ตอนไหน”

   “ก็เมื่อคืน…”

   “โอเค! เรื่องแฟนใช่มั้ย คืองี้นะ” ผมรีบตัดบททันที ไอ้ห่า เกือบได้รำลึกความหลังแล้วมั้ยละ “ถ้าบอกว่าไม่เคยมีจะเชื่อปะ”

   “เชื่อ”

   “อ้าวไอ้เหี้ย”

   “คำหยาบมาอีกแล้วเหรอ…” กัปตันหรี่ตามอง เชี่ยเอ๊ย มันจะตีกูอีกมั้ยเนี่ย

   “ผมอุทานเฉยๆ ก็คุณตอบไม่คิดแบบนั้นอะ”

   “จะให้ฉันตอบว่าอะไร ‘อย่าแกล้งกันเลยนะคนดี’ หรือ ‘ใครจะเชื่อก็บ้าแล้วที่รัก’ อย่างนี้อะเหรอ?”

   “ก็ไม่ต้องลิเกแบบนั้นก็ได้ปะ!”

   “หึหึ จริงอะ ไม่เคยมีแฟนจริงเหรอ”

   “จริง! ผมเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่จำความได้จนจบม.ปลาย ตอนที่เรียนมหาลัยนี่ไปไม่ถูกเลยอะ แม่งแย่ แต่ก็พยายามปรับตัวนะ”

   “ถึงใจแตกแบบนี้ล่ะสิ”

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยเหอะ”

   “ถึงว่าตอนพ่อกับแม่เธอเสีย เธอดูไม่ค่อยเสียใจเลย ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ยล่ะ” กัปตันถาม

   “ถ้าจะเอาความจริงมาพูดกันมันก็ใช่” ผมพยักหน้า “แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รักพวกเขานะ”

   “ใครมันจะไม่รักพ่อแม่ตัวเองบ้าง ตอนเด็กๆ ฉันก็โดนแม่ตีบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็รู้แหละว่าเขารักเรา” กัปตันเหม่อลอยขณะที่ลูบไล้ไปตามแขนตัวเอง เหมือนกำลังนึกภาพความโหดร้ายตอนวัยเด็กอยู่

   “เลิกพูดเรื่องเศร้าเหอะ กลับมาเรื่องความรักของผมต่อมั้ย” ผมยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อช่วยเขาออกจากวังวนในอดีตเลยนะฮะ แหม่ ฮีโร่ตัวจริง

   กัปตันยิ้มมุมปากหลังจากดึงสติกลับมาหา เขาจ้องผมอย่างไม่ละสายตา กรุ่มกริ่มอะไรปานนั้นพ่อคุณ

   “งี้ก็แปลว่าเวอร์จิ้นอะดิ”

   “วกเข้าเรื่องนี้ตลอดเลยนะ” ผมมองเขาอย่างเอือม “มืออะนับมั้ย”

   “ไม่นับ”

   “เออ งั้นเวอร์จิ้น”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” อยู่ๆ เขาก็หัวเราะดังลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง เล่นเอาผมต้องใช้มือตัวเองเอื้อมไปปิดปากเขาแทบไม่ทัน ไอ้ห่าเอ๊ยยยยย

   “หึหึหึ” กัปตันยังคงหัวเราะแม้จะมีมือผมป้องอยู่

   “หัวเราะหาหมาตายอะไรเนี่ย”

   “เปล่า อั๋นอะใอ (ฉันสะใจ)”

   “สะใจเรื่อง?” ผมปล่อยมือตัวเองออกมาเพื่อจะได้ฟังเขาพูดถนัดๆ

   “ดีแล้วไง” กัปตันยิ้มแป้น หันไปก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่อหลังจากที่ไข่กระทะหมดแล้ว ซึ่งตัวของเขายังคงสั่นเพราะแรงขำ

   “ดีตรงไหนไม่ทราบ!?”

   “เวอร์จิ้นสิดี” เขาเลิกคิ้ว “ดีสำหรับฉัน”

   “กัปตันนนนนนนน นี่จริงจังนะ ขอร้องก็ได้อะ” ผมยกมือขึ้นไหว้ “อย่าเล่นอย่าพูดอะไรทำนองนี้อีกเลยนะ”

   “ไม่ชอบเหรอ”

   “อื้อ”

   ไม่ชอบเพราะมันทำให้ผม… ไม่รู้สิ รู้สึกว่าตัวเองสำคัญกับเขามั้ง อะไรของกูวะ!?

   “ก็ได้” กัปตันทำน้ำเสียงจริงจังขึ้น ใบหน้าของเขาก็เช่นกัน “ขอโทษด้วยนะ”

   เอ๊า ไม่ใช่ให้หงอยแบบนี้โว๊ยไอ้บ้า โอ๊ยยยยยย จะมีใครเข้าใจกูบ้างม้ายยยยยยยย ไอ้ห่าเอ๊ยยยย

   Rrrrrrrr.

   เสียงโทรศัพท์เหมือนมาได้ถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน กัปตันนิ่วหน้ามองชื่อในจออย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะเหลือบตามามองผมเล็กน้อยจากนั้นก็รับสาย

   “ว่าไงมิ้น”

   อ่า… มันต้องแบบนี้ทุกทีสิหน่า


[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 22-01-2017 19:59:13
[ต่อ]

“ได้ เดี๋ยวพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขากดวางสาย

   กัปตันเหลือบมองผมอย่างชั่งใจอยู่สักครู่ แต่ก็นั่นแหละ…ผมรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ

   “ฉันต้องกลับแล้ว เดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนนะ” เขาบอก

   “อื่อ”

   “โอเคหรือเปล่า” กัปตันถามอย่างรีบร้อน

   “เออ ไปเหอะ ไม่เห็นต้องมาสนใจอะไรผมเลย ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วหน่า”

   “ก็ฉันแคร์เธอ” เขาพูดสวนมาทันที

   “อ๋อเหรอ” ผมแกล้งยิ้มกวนๆ ให้เขา “ขอบคุณแล้วกันนะ”

   “โอเคใช่มั้ย ฉันจะได้สบายใจ”

   “โอเค! ปัญญาอ่อนปะเนี่ยพูดย้ำอยู่ได้” โอเคกัปตันถ้าคุณจะได้สบายใจผมก็จะตอบกลับไปแบบนี้แหละ

   กัปตันธีร์พยักหน้าให้คุณลุงมาเก็บตังค์ เขาง่วนอยู่กับหน้าโปรแกรมแชทในโทรศัพท์จนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำมั้งว่าผมกำลังทำหน้าเซ็งแบบนี้อยู่

   เฮ้อกัปตัน คุณจะทำให้ผมรู้สึกเป็นคนสำคัญแบบนี้อีกนานแค่ไหนนะ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)
   
   ชีวิตการทำงานมันช่างไม่มีเวลาให้ตัวเองเลยจริงๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเด็กๆ เวลาร้องไห้ไปห้างตอนเสาร์อาทิตย์ถึงโดนแม่ตีบ่อยๆ บางทีวันหยุดมันก็แค่อยากนอนบ้างใช่มั้ยละครับ

   ที่จริงเมื่อวานผมก็พักผ่อนอย่างเพียงพอไปเรียบร้อยแล้วครับ ท่ามกลางความหงุดหงิดซะด้วย เพราะไอ้กัปตันไม่ได้ติดต่อมาเลยหลังจากแยกกันวันนั้น ผมพยายามไม่คิดอะไร หาทางทำตัวบ้างาน บ้าบอ บ้าคลั่งตามประสาเหมือนแต่ก่อน แต่ยิ่งทำมันยิ่งไม่ใช่ พยายามขอร้องตัวเองว่าอย่าให้การที่มีกัปตันเข้ามาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่งั้นได้มีไขว้เขวแน่ ทำอะไรคงหงุดหงิดใจไปหมด

   ผมเดินออกจากลิฟต์มาก็พบว่าตรองเลขาของผมยืนรออยู่แล้ว ดูท่าทางกระวนกระวายใจ

   “ไข้แดกอีกแล้วเหรอตัวสั่นเชียว” ผมตัดสินใจถาม อย่าเพิ่มเรื่องหงุดหงิดให้เลยนะตอนนี้

   “เปล่าครับสบายดี แต่เมื่อเช้าฝ่ายบุคคลโทรมาบอกว่าวันนี้คุณปั๊มมีสัมภาษณ์งาน”

   “ฮะ? สัมภาษณ์อะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”

   “ใช่ครับผมก็ไม่รู้ ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”

   “คืออะไร? จะมีคนมาสัมภาษณ์งานกับฉันเนี่ยนะ ตำแหน่งอะไร?”

   “ผู้ช่วยเลขาครับ” ตรองว่า พลางชี้ไปที่โต๊ะตัวใหม่ข้างๆ กับของเขาซึ่งผมก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน “ดูเหมือนว่าจริงจังมากด้วย เพราะพวกเขาจัดที่ไว้ให้แล้ว”

   “ผู้ช่วยเลขา ฉันไม่เคยรีเควสไปนี่”

   ตึ๊ง!

   เสียงลิฟต์ทำลายบทสนทนาของเราซะก่อน แล้วหลังจากประตูเลื่อนออก เพชรซึ่งอยู่ในชุดสูทสีดำมันขลับเดินออกมา แต่ที่ผมประหลาดใจกว่านั้นก็คือคนที่เดินตามหลังเขาต่างหาก โอ๊ย ไม่เอานะ ขอร้องเหอะอย่าทำแบบนี้กับกูเลย

   “สวัสดีปั๊ม เราพาคนมาสัมภาษณ์งาน” เพชรเลิกคิ้วสูง พลางหลบทางให้คนที่อยู่ข้างหลังเขาเดินออกมาข้างหน้า ใช่… คนที่ว่าคือน้องมิ้นนั่นเอง

   “สวัสดีครับพี่ปั๊ม” น้องมิ้นทำท่าจะไหว้แต่ไอ้เพชรขัดขึ้นมาซะก่อน

   “พี่ปั๊ม? อ้าว!? เคยเจอกันมาแล้วเหรอเนี่ย” เพชรทำท่าประหลาดใจ “แต่เอาจริงนะมิ้น ปั๊มเป็นรุ่นน้องนะ แต่แค่เป็นซีอีโอเท่านั้นเอง”

   “อ่อ…” มิ้นดูไปต่อไม่ถูก

   “ขอตัวสักครู่นะทุกคน” ผมพูดเพื่อทำลายความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ “เพชรเราขอคุยด้วยหน่อยสิ”

   ผมเดินนำเพชรเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาแล้วผมจึงล็อคประตู

   “เอาจริงนะ ทำแบบนี้ทำไมเหรอ” ผมกอดอกถาม

   “ทำอะไร? แค่พาคนมาสัมภาษณ์เป็นผู้ช่วยเลขาเนี่ยนะ”

   “อย่าทำเป็นไม่รู้”

   “รู้อะไร” เพชรทำหน้างงจริงจัง เอ๊ะ หรือว่ามันจะไม่รู้จริงๆ ว่ามิ้นเป็นอะไรกับกัปตัน

   “ไม่รู้จริงๆ เหรอ” ผมเค้นถาม หรี่ตามองแบบคาดคั้น

   “รู้อะไรล่ะ ปั๊มทำให้เราอยากรู้แล้วนะ”

   อืม… สงสัยจะไม่รู้จริงๆ โอเค งั้นผมจะไม่พูด

   “เราไม่ได้บอกฝากบุคคลสักหน่อยว่าอยากได้ผู้ช่วยเลขา ตรองทำงานดีอยู่แล้ว”

   “มันเป็นความคิดบอร์ดบริหาร จะได้มีคนช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคนไง”

   “มาช่วยหรือมาสอดส่องกันแน่” ผมยกยิ้ม “ฝากบอกพวกเขาด้วยว่าเราไม่เอา”

   “ปั๊มคิดว่าจะปฏิเสธบอร์ดบริหารได้เหรอ”

   “นี่มันสายลับชัดๆ”

   “ก็อาจจะใช่ถ้าปั๊มจะคิดแบบนั้น” เพชรกอดอก “แต่ปั๊มทำท่าทางแปลกๆ กับคนนี้นะ มีอะไรหรือเปล่า?”

   “ไม่มี แค่ตกใจ” ผมส่ายหน้า ทำเหมือนไม่มีความร้อนใจอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

   “ก็ได้ งั้นเราไปแล้วนะ ฝากมิ้นด้วยแล้วกัน อ้อ อย่าลืมนะ เขาเป็นพี่เรา” เพชรยิ้มกวนๆ พลางชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างผมกับตัวมันเอง เหอะ ตลกร้ายฉิบหายเลย

   หลังจากมันออกจากห้องไปผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว โอ๊ยยยย ปวดหัวแล้วยังต้องมาปวดใจอีกเหรอเนี่ย

   ผมจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความเพื่อตั้งใจจะส่งให้กัปตัน

   ‘ช่วยด้วย’

   เฮ้อ หายไปไหนของเขาวะ น่าโมโหจริงๆ


   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   เสียงเคาะประตูทำให้ผมต้องวางโทรศัพท์ลง มิ้นนั่นเองที่โผล่หน้าเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

   “คุณเพชรบอกว่าคุณเรียกให้เข้ามาหาครับ”

   ผมนี่ถึงกับหลับตาจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเลยครับ ไอ้เหี้ยเพชรเอ๊ยยย มึงจะเล่นกูให้ได้ทุกเม็ดเลยใช่มั้ย

   แต่โอเค มิ้นอาจไม่รู้เรื่อง ผมเลยยิ้มและโบกมือให้เขาเข้ามานั่ง

   “เรียนจบอะไรมาเหรอครับ” ผมถามขณะรับใบเรซูเม่มาจากคนตรงข้าม

   “คณะบริหาร จากมหาวิทยาลัยที่เชียงรายครับ”

   “อ๋อ คนเหนือสินะ” ผมสำรวจดู แหม ขาวจั๊วผิวพรรณดีขนาดนี้

   “ครับผม” มิ้นว่า “เอ่อ คุณปั๊มครับ ถ้าคุณปั๊มไม่ค่อยสบายใจผมออกไปก็ได้นะครับ”

   “ไม่เป็นไรๆ ใครบอกว่าฉันเป็นอะไร?”

   “เปล่าครับ คือจากวันนั้นที่เจอคุณที่คอนโดพี่ธีร์…”

   “ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ผมสวนทันควัน

   “แต่ว่า…”

   “ไม่มีอะไรน่า มิ้นกำลังเข้าใจผิดจริงๆ เข้าใจผิดว่ามิ้นกำลังเข้าใจว่าเรากับกัปตันธีร์มีอะไรกันไงล่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรจริงๆ”

   เพราะกูก็ยังไม่รู้ความชัดเจนเหมือนกันครับบบบบบ

   “ครับคุณปั๊ม แล้วก็…”

   “เริ่มงานได้เมื่อไหร่” ผมรีบตัดบท ขี้เกียจเข้าสมาคมศาลาคนเศร้า

   “ทันทีเลยครับ…”

   “ดี งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้เลย สิบโมงเจอกัน หาอะไรมาตกแต่งโต๊ะด้วยนะมันโล่งเชียว แต่ก็อย่าตกแต่งเยอะนะฉันเป็นพวกขี้รำคาญ เกะกะลูกตา กลับบ้านไปได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ครับ”

   “แค่นี้เหรอครับ” มิ้นเลิกคิ้วถาม

   “ใช่สิ ก็แค่นี้แหละ อ่านเรซูเม่แล้ว เก่งมากเลยจ้า” ผมยื่นแฟ้มคืนมิ้นไป เฮอะ! สัมภาษณ์ไปทำไมในเมื่อบอร์ดฯ ก็ต้องบังคับกูอยู่ดีปะ เนี่ยแหละเอามาก่อน ถ้าปวกเปียกจะได้หาเรื่องเอาออกได้ทันที

   “งั้นผมไปนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” มิ้นยกมือไหว้ ซึ่งผมก็ไม่เกี่ยง ขี้เกียจบอกปัดว่าผมเด็กกว่าแล้ว ไหว้กันมาเลยยยย รับด้ายยยยย

   “กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย” ผมแกล้งถามพร้อมกับภาวนาในใจ

   รถเมล์ รถไฟฟ้า เอ็มอาร์ที แอร์พอตลิ้ง เครื่องบิน เรือคลองแสนแสบ!

   “เดี๋ยวพี่ธีร์มารับครับ”

   ผ่าง!! นั่นไงระบบขนส่งสาธารณะที่กูกล่าวมาเป็นหมันทั้งหมดเลยครับ

   “ผมคงต้องนอนกับพี่เขาอีกสักหน่อย จนกว่าจะหาทางออกไปอยู่คนเดียวได้ กำลังเล็งหาคอนโดดีๆ อยู่เหมือนกัน”

   หืม? เล่าให้ฟังแบบนี้จะให้กรีดร้องจนตายเลยใช่มั้ยครับมิ้น โอเค อยากได้คอนโดเหรอ เอาไป!

   ครืด!

   ผมเปิดลิ้นชักพลางคว้าพวกเอกสารคอนโดที่ชอบแจกหน้าตึกแล้วยื่นให้คนตรงหน้า ดูเหมือนมิ้นจะทำหน้างงๆ เล็กน้อย

   “เอาไปเลือกดูนะ หาง่ายจะตายคอนโดเดี๋ยวนี้ มีอะไรถามได้”

   จะได้ไม่ต้องเบียดกับคนอื่นเนอะๆ

   “อ่า ขอบคุณมากครับ”

   “ต้องการอะไรอีกมั้ย บ้านพร้อมที่ดินก็มีนะ หรือจะซื้อรถก็ได้”

   “เอ่อ… ผมว่าผมไปดีกว่าครับ”

   “อ้าวไม่อยากดูหน่อยเหรอ”

   “เอาแค่คอนโดพอครับ” มิ้นลุกขึ้นพร้อมกับคว้าโบชัวร์เอกสารคอนโดติดไปด้วย “ขอบคุณนะครับคุณปั๊ม”

   “แล้วเจอกันนะ… บอกตรองให้ด้วยว่าหายาแก้ปวดมาให้ที” ผมนวดขมับพร้มอกับโบกมือลาจนคนมาสัมภาษณ์ปิดประตูห้องไป

   เฮ้อ วันนี้ก้าวผิดขาออกมาจากบ้านหรือเปล่าวะเนี่ยกู

   ตื๊ด!

   กัปตันส่งข้อความกลับมาแล้ววววว

   ‘รู้แล้ว ฝากด้วยนะ กำลังไปรับมิ้น’

   ผมถึงกับจุกอกเมื่อเห็นข้อความบนหน้าจอ

   กัปตัน… คุณไม่ได้พูดถึงผมเลยด้วยซ้ำ!

   โอเค ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ผมคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงจากนั้นก็เอนตัวพิงไปกับเก้าอี้นวมที่แสนสบาย สายตาพลันไปเห็นรูปป๊ากับแม่ยังตั้งอยู่ที่เดิม ทั้งคู่กำลังยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น คิดถึงจัง…

เฮ้อออออ ปวดหัว! ขอเอาหัวโขกโต๊ะหน่อยเหอะวะ!

โป๊ก!

   “ป๊า ปั๊มกำลังปวดใจ ทำไงดี” ผมพูดกับป๊าในรูปภาพทั้งๆ ที่หัวยังติดโต๊ะอยู่ ฮือออ พูดคนเดียวแบบนี้ เพี้ยนครบสูตรแล้วครับ

   แต่เมื่อกี้โขกแรงไปหน่อย โอ๊ย ท่าทางจะเจ็บง่ะ ฮืออออออ

   “ปวดใจกินพาราไม่หายนะครับ” เสียงของตรองทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมานั่งตัวตรง มันเดินเข้ามาวางแก้วยาให้บนโต๊ะ สายตาของมันสำรวจบริเวณใบหน้าผมไปทั่ว

   “แต่ถ้าหัวโน กินได้ครับ”

   “ทำอะไรก็ทำเหอะขี้เกียจพูด”

   “ถ้างั้นอย่าอกหักบ่อยนะครับเดี๋ยวขี้เกียจจนทำงานไม่ได้”

   “ไอ้นี่…”

   “เดี๋ยวผมไปหยิบยามาทาให้ครับ” ตรองหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้องแต่หันกลับมาก่อนขณะจับลูกบิดประตู “คุณปั๊มครับ”

   “หือ?” ผมเลิกคิ้วสงสัย มือหนึ่งจับบริเวณหน้าผากที่เริ่มสัมผัสได้ว่ากำลังปูด

   “ผมรู้ว่าเด็กคนเมื่อกี้คือใคร” มันว่าพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ

   “…”

“แต่ยังไงผมก็เชียร์เจ้านายตัวเองมากกว่าคนอื่นแน่นอนครับ” ตรองทิ้งท้าย ก่อนจะพยักหน้าให้และเดินออกจากห้องไป

จบตอน

(https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16142595_10208589682044996_8585796380428436371_n.jpg?oh=be3be2ddbc0e49e8e46d424a4ccccd72&oe=5904EF5C)
https://www.instagram.com/weir19/


-----------------------------

บทนี้ยาวสุดตั้งแต่ที่เขียนมาเลย 5555555
น้องปั๊มสับสนมากมาย ต้องการคนช่วยชี้แนะด่วน ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยย

บทนี้อิงจากที่ตัวเองเคยโดนให้ความหวังครับ
ค่อนข้างจะอินนิดนึง ฮือออออ  :hao5: :hao5:

ฝากคอมเม้นท์และบอกต่อได้นะครับ มันเป็นกำลังใจให้ผมได้เยอะเลย
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าคนอื่นทะลุ 3k แล้วววว เย่เย่ ขอบคุณทุกคนจริงๆ น้า

สุดท้ายนี้มีอะไรชี้แนะมาได้ครับ
และเข้ามาทักทายกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
หรือคุยกันขำได้ใน #firemetothemoon (5555 ยังคงมีหวังแม้มันริบหรี่ U___U) เจอกันครับ!

ปล. อาทิตย์หน้าเก๊าไปนครวัดอะ จะหาทางจัดหน้าทิ้งไว้ฮะ
แต่ถ้าหายไปอาทิตย์นึงอย่าว่าน้า ปีใหม่เก๊ายังไม่ได้ไปไหนเลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-01-2017 20:40:29
กันตันทำไมทำงี้อะ
เราไม่รักแล้ว มาทำให้สับสนแล้วเอาแต่ดูแลคนอื่น
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1::
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 22-01-2017 21:21:13
แอบหงุดหงิดกัปตัน อะไรก็ไม่รู้เรื่องมิ้นเนี่ย!
ไหนจะเพชรอีก โอ๊ยยยยยย ศึกหลายด้านจริงๆ เลยหนูปั๊ม
ตอนแรกๆ นี่แอบรู้สึกว่าไวน์เสี้ยมให้ปั๊มเป็นคนเล่นเกมไม่ดีนะ
แต่ตอนนี้อยากจะขอเสี้ยมปั๊มเองว่าจัดการมิ้นเลย!

 :ling1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2017 21:32:26
จะเอายังไงกันแน่ฮ่ะกัปตันธีร์  :z6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 22-01-2017 21:59:03
 :m16:หมั่นนังเพชรกับกัปตันมาก ไม่ต้องรอให้แน่ใจความรู้สึกแล้วจัดโลดด :z6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2017 22:49:37
น้องปั๊มนางงอแง ง้องแง๊งมากอ่ะ 5555555 โถ หนูน้อย โดนพี่เค้าปั่นหัวปั่นใจเลย  :laugh3:
ตรองดีขนาดนี้ อย่าลืมเพิ่มโบนัสให้ตรองด้วยนะปั๊ม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-01-2017 23:37:17
เขี่ยกัปตันทิ้งค่ะ น้องปั๊มสวยและรวยมาก
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 23-01-2017 00:25:02
เบื่อกัปตัน บางทีก็ดูเหมือนจริงจัง แต่ก็ดูมีอะไรกับแฟนเก่า รำคาญอ่ะ
ปั๊มต้องไอด๊อนท์แคร์ค่ะ เพราะหนูรวยและหาได้ดีกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 23-01-2017 12:13:20
เท่าที่อ่านมา กัปตันมีดีแค่คำพูด หลอกแทะไปวันๆ ยังมองไม่เห็นความจริงใจใดๆทั้งสิ้น ส่วนปั๊ม เหมือนจะเก่ง แต่ไม่เลย โดนทุกคนปั่นหัวทำอะไรเองไม่ได้ ได้แต่ปล่อยๆไป ตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง เหมือนจะแซ่บจะเริ่ดแต่ที่จริงโง่มาก เปิดเรื่องมาแซ่บๆโอเค ไหงอ่านมาเรื่อยๆกลับน่าเบื่อ แต่จะติดตามต่ออยู่นะ
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 03-02-2017 22:19:41
8
หมา


(https://scontent.fbkk1-4.fna.fbcdn.net/v/l/t1.0-9/16406846_10208699233863723_6783826367626099043_n.jpg?oh=a117989d1074f43565acd6b9f9926d85&oe=59137ECF)
https://www.instagram.com/weir19/


   “ฉันว่าเราต้องไล่แม่บ้านคนนั้นออก” คนเป็นภรรยาเสนอความเห็นสามีตัวเอง

   “เรายังไม่รู้เรื่องที่แท้จริงนะคุณ” อีกฝ่ายบอก

   “แต่เด็กคนนั้นกุเรื่องให้ครูที่โรงเรียนผิดใจกับแม่เด็กเลยนะคุณ ถ้าเอาไว้มันจะเสื่อมเสียหรือเปล่า”

   “ไม่หรอกมั้ง…”

   “เชื่อฉันเถอะค่ะ” ฝ่ายหญิงจับที่ไหล่ของสามีเป็นการขอร้อง “ฉันไม่อยากให้เด็กคนนั้นอยู่ใกล้ปั๊มด้วย”

   “เฮ้อ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นน่ะนะ”

   “เป็นทางดีที่สุดค่ะคุณ”

   “ก็ได้ ผมจะคุยกับแม่บ้านคนนั้นดู”

   “ปั๊ม” คนเป็นแม่เรียกลูกชายตนเอง เด็กชายวัยสิบขวบซึ่งกำลังนั่งเล่นของเล่นออยู่หันหน้าไปมอง “อย่าริจะเป็นขโมยนะลูก ไม่มีใครเขาอยากคบค้าสมาคมด้วยนะ”

   “ครับ” เด็กชายพยักหน้าและหันไปสนใจของเล่นต่อ

   ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลย ว่ากำลังจะเสียคนที่คุ้นหน้าไปอีกหนึ่งคน…


(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   “ปั๊มคิดว่ายังไงลูก” อยู่ๆ ลุงวินัยก็มาจับแขน ทำให้ผมสะดุ้งหลุดออกมาจากการเหม่อลอย ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมบอร์ดบริหารกำลังมองผมเป็นตาเดียว

   ฉิบหาย ไม่ได้ฟังสักประโยคตั้งแต่เริ่มประชุมมาเลยครับ ทำไงดีเนี่ย

   “เอ่อ เรื่องอะไรนะครับ”

   “เรื่องงบประมาณที่เราขาดทุนไปไง” เพชรซึ่งนั่งถัดออกไปพูด

   “ขาดทุน? ขาดทุนเรื่องอะไรครับ” ผมยังคงถาม จนตรองที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดเพื่อตอบข้อสงสัย

   “ก็เรื่องที่มีคนจับได้ว่ามีแผนกไหนก็ไม่รู้ใช้งบประมาณเกินจริงน่ะครับ” เลขาผมว่า

   “เอ่อ… ตรวจสอบฝ่ายบัญชีหรือยังครับ” ผมพูด

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ ฝ่ายบัญชีไม่มีการหมดเม็ดใดๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เอ๊า เรื่องแบบนี้มันก็ต้องถามฝ่ายบัญชีก่อนปะวะ

   “เราเลยกังวลกันถึงโปรเจ็กต์เรื่องโรงอาหารกับสวัสดิการช่างของปั๊มกับการโฆนาประชาสัมพันธ์ของเพชร” ลุงวินัยชี้แจง “พวกเราเลยอยากให้ทั้งสองฝ่ายลองทำบัญชีรายจ่ายมาให้บอร์ดฯ ตรวจสอบกันหน่อยได้มั้ยครับ”

   “ได้ครับพ่อ” เพชรชิงพูดก่อน ไม่มีท่าทีไม่สบายใจแต่อย่างใด

   “ของผมไม่น่าจะมีปัญหานะครับ ผมเป็นคนเซ็นต์อนุมัติเองทุกอย่าง ผมตรวจสอบแล้ว” ผมชี้แจงบ้าง

   “แค่เอามาให้พวกเราดูเฉยๆ น่ะปั๊ม ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นไร” ลุงวินัยปรามเพราะเห็นว่าผมเริ่มมีน้ำเสียงแล้ว

   “ก็ได้ครับ ผมจะให้ตรองทำมาให้” ผมบอกทุกคน

   “ดีเลย งั้นจบการประชุมแค่นี้นะทุกคน” ลุงวินัยพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกไปคนแรก

   เพชรเดินเข้ามาหาผมซึ่งกำลังเก็บเอกสารส่วนตัวอยู่

   “กินข้าวยัง” เขายิ้มถาม

   “ไม่”

   “ไม่หิว?”

   “ไม่มีอารมณ์ …ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วมองเขา

   “ว่าจะชวนไปกินอาหารญี่ปุ่น”

   “พอเหอะเพชร มุกเก่าแล้ว” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอือมระอา เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกูสักทีวะ

   “ก็ได้ คราวหน้าจะหามุกใหม่ๆ มา ไม่พลาดแน่” มันหัวเราะ “มีผู้ช่วยแล้วรู้สึกยังไงบ้างตรอง สบายเลยอะดิ”

   ผมนิ่วหน้าเมื่อเพชรใช้คำพูดกระแทกเสียงแบบนั้น เอาจริงนะ ถึงยังไงตรองก็แก่กว่ามันเยอะปะวะ แต่กับผมเป็นหัวหน้าโดยตรงเราจะพูดกันยังไงก็ได้ และความสนิทของเรามันก็ทำให้การใช้คำพูดต่างๆ ราบรื่น แต่มันเป็นใคร คิดว่าตัวเองเหนือมากจากไหน ก็แค่ฝ่ายการตลาด

   “เอ่อ ก็ดีครับ” ตรองตอบทั้งๆ ที่หลบสายตา

   “ได้ยินมาว่ามิ้นตั้งใจทำงานดีเลยนิ”

   “ใช่” คราวนี้ผมตอบเอง “แต่จริงๆ เรายังไม่ค่อยสั่งงานอะไรมิ้นเลยนะ ไปเอามาจากไหนเหรอว่าทำงานดี”

   “ก็เขาช่วยเราจับตาดูปั๊มไง …ดีเชียวแหละ” เพชรยิ้มร้าย เฮ้อ นี่มึงจะมาไม้ไหนก็แสดงออกมาให้หมดเลยได้หรือเปล่าวะ เห็นแล้วหงุดหงิด

   “ฉันไปดีกว่า… อ้อ!” จู่ๆ มันก็ก้มลงคุกเข้ากับพื้นและผูกเชือกรองเท้าที่หลุดลุ่ยให้ผมใหม่ “เจอกี่ทีเชือกผูกรองเท้าหลุดตลอด”

   “พอดีไม่ชอบใส่รองเท้าหนัง ถ้าทำให้ลำบากก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”

   “ไม่ลำบากเลย ฉันผูกให้ได้ตลอดแหละ” เพชรลุกขึ้นมาหลังจากจัดการเสร็จแล้ว “อืม… ไอ้กัปตันมันทำให้ปั๊มแบบนี้หรือเปล่า”

   โอ๊ย จะพูดทำเหี้ยอะไรวะเนี่ย

   “แล้วเจอกันเพชร” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมอย่างหงุดหงิด ไอ้กัปตันอีกแล้วเหรอ แค่ได้ยินชื่อก็อารมณ์เสียแล้ว ห่าเอ๊ย

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

“คุณปั๊มครับ” ตรองเรียกผมขณะที่เรากำลังเดินออกจากลิฟต์

   “หือ?”

   “วันนี้ผมขอลาได้มั้ยครับ”

   “อ้าว? จะไปไหนล่ะ”

   “พอดีน้องสาวผมรับปริญญา ผมเลยจะขอไปหาสักหน่อยครับ… แต่ถ้าคุณปั๊มไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมอยู่ทำรายงานงบประมาณต่อเลยก็ได้”

   “ถามจริง นี่เห็นฉันเป็นพวกใจร้ายเหรอ” ผมกอดอกมองเลขา

   “เอ่อ… ก็ไม่นะครับ”

   “เออ! ก็ไปสิ ไม่ต้องมาพูดไร้สาระว่าถ้าไม่พอใจเดี๋ยวอยู่ต่ออะไรก็ได้นะ ฟังแล้วเหมือนฉันเป็นพวกกักกันทาสเลย ไม่ว่าอะไรหรอกน่า” ผมพูดพลางเหร่ตามองมิ้นซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกมองอยู่

   “เดี๋ยวให้มิ้นทำแทน”

   “อะไรนะครับ!?” ตรองเบิกตากว้าง “แต่ว่า…”

   “ฉันว่าเขาน่าจะทำได้นะ” ผมเดินเข้าไปยังโต๊ะของคนที่ถูกพูดชื่อ “มิ้น”

   “ครับ” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนทันที

   “วันๆ มิ้นทำอะไรบ้างเหรอ”

   “เอ่อ…” คนที่ถูกถามถึงกับทำท่าทางไม่ถูก

   “คุณปั๊ม…” ตรองเขย่าแขนผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง ทำไม ต้องพูดดีด้วยทุกครั้งเลยหรือไง

   แต่ผมไม่สนใจหรอก!

   “เราไม่รู้นะว่ามิ้นโดนคนอื่นสั่งมาว่ายังไง แต่มิ้นมาทำงานกับเรามิ้นต้องเป็นคนของเรา เข้าใจที่เราพูดใช่มั้ย!?”

   “ครับผม” มิ้นพยักหน้า

   “วันนี้ตรองจะลา เราอยากให้มิ้นทำรายงานงบประมาณของโปรเจ็กต์ที่เราทำไปหน่อย ถามได้จากตรองนะว่ามีอะไรบ้าง เอาเท่าที่ได้นะ ตรองจะได้มาทำต่อเองพรุ่งนี้”

   “ได้เลยครับ”

   “ส่วนตรอง” ผมหันไปบอกเลขา “ถ้าจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วก็ไปเลยนะ น้องสาวเรียนจบมีแค่ครั้งเดียว ถ้าฉันมีพี่ฉันก็อยากให้พี่มาหานะ”

   “ขอบคุณครับคุณปั๊ม” ตรองยกมือไหว้ แต่สายตายังคงวิตกกังวลอยู่

   “ไม่ต้องคิดมาก” ผมว่า “เลิกคิดเรื่องนั้นไปนานแล้ว”

   ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน

   เฮ้อ กัปตันไม่ได้ติดต่อมาหลายวันแล้ว และผมก็ไม่ได้ใจกล้าถึงขนาดถามหาเขากับมิ้นด้วย ยอมรับครับว่าการเห็นแฟนเก่ากัปตันมานั่งอยู่ใกล้ๆ ห้องทำงานไม่ใช่เรื่องดีเลย ยิ่งเป็นแฟนเก่าที่อยู่ด้วยกันแบบนี้มันเห็นแล้วหงุดหงิดใจไปหมด มิ้นไม่ได้ผิดนะ คนที่ผิดก็คงจะเห็นเป็นตัวกัปตันเองนั่นแหละ คนห่าอะไรชอบให้ความหวังแล้วก็ทิ้งไปดื้อๆ เนี่ย! แค่นึกถึงแค่นี้ก็หงุดหงิดแล้ว!

   ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาโดยหวังว่าจะได้เห็นข้อความอะไรจากกัปตันบ้าง แต่มันก็ไม่มี อืม…ความหวังลมๆ แล้งๆ จริงๆ

   
   ‘คิดถึง…’


   ผมพิมพ์มันค้างไว้แต่ชั่งใจลบมันออก โอเค ถ้าเขาไม่สนใจผมก็ไม่ต้องไปใส่ใจใช่หรือเปล่าล่ะครับ

   ผมเปลี่ยนใจต่อสายหาไอ้ไวน์ทันที

   [ว่าไงมึง] มันรับทันทีหลังจากดังไม่กี่ครั้ง นี่สิ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่กูยังสำคัญกับเขาอยู่ล่ะวะ

   “กูไม่ได้รักมัน”

   [แค่นี้นะ]

   “ไอ้เหี้ย! กูไม่ได้รักมันมึงเข้าใจมั้ย!!”

   [กูไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่… มึงรักมันแน่นอนปั๊ม] เสียงไอ้ไวน์ตอบกลับมา

   “มันไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเขาไม่ได้สนใจกูเปล่าวะ?”

   [นี่มึงเศร้าเหรอเนี่ย]

   “กูเป็นแบบนี้คงร่าเริงมั้งไอ้ห่า” ผมกุมขมับตัวเอง “ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย”

   [กูก็ไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้ กูขอโทษที่กวนตีนนะ]

   “นี่แหละที่กูรู้สึหงุดหงิด มันทำให้กูพังพินาศแบบนี้กูล่ะอยากถีบมันตกเครื่องบินให้สาสม”

   [มึงกำลังทำให้กูกลัวแล้วนะปั๊ม ใจเย็นๆ ก่อนมั้ย]

   “ถ้ามึงไม่อยากช่วยกูก็ไม่เป็นไร” ผมถอนหายใจ “เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง”

   [คิดเยอะๆ นะมึง]

   “คิดมาเยอะแล้ว คิดมานานพอแล้วด้วย กูจะหยุดแล้ว กูจะต้องไม่ใช่คนแพ้ มึงคอยดูแล้วกัน”

   ติ๊ด!

   ผมตัดสายเพื่อนรัก ผมจะไม่ยอมให้ใครมาตัดสินใจอะไรแทนอีกแล้ว

   “ตรอง” ผมเปิดประตูห้องทำงานด้วยใบหน้าที่เริงร่า “ฉันว่าวันนี้ออกไปพร้อมกันดีกว่า ฉันเบื่ออะ”

   “เอ่อ… เหรอครับ” ตรองทำสีหน้าเหมือนจับได้ว่ากำลังจะเจอเรื่องไม่ชอบมาพากล

   “เดี๋ยวแวะไปส่งที่มหาลัยน้องสาวนายแล้วกันนะ” ผมพูดต่อ จากนั้นก็หันไปมองมิ้นที่กำลังทำหน้าสงสัย “มิ้น เรื่องรายงาน ฉันเปลี่ยนใจแล้ง ฉันขอเสร็จสมบูรณ์พรุ่งนี้เช้านะ” ผมยิ้มทิ้งท้าย

   “ครับผม” มิ้นพยักหน้าตอบรับ

   “ทำได้ใช่มั้ย!?”

   “แน่นอนอยู่แล้วครับ”

   “ดี งั้นฉันฝากด้วยนะ” ผมพูดก่อนจะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าออกมาจากห้องทำงานและจัดการโทรหาไอ้ไวน์อีกครั้ง

   [ฆ่าใครตายไปแล้วบ้าง] มันรับสายทันที

   “ยัง! ไอ้ห่ากูไม่ใช่ฆาตรกร” ผมพูดขณะที่เดินผ่านโต๊ะของมิ้นพร้อมกับพงกหัวให้ตรองเดินตามมาเพื่อเข้าไปในลิฟต์

   “ตอนนี้มึงว่างมั้ย” ผมถามคนในสาย

   [ตอนนี้? ว่าง ทำไมวะ?]

   “ไปกินเบียร์ทองหล่อกันเหอะ”

   [ฮะ!? แต่หัววันเลยเหรอวะ?]

   “กูเลี้ยง”

   [เออ กูอ่านเจอร้านนึงแม่งน่าโดนมาก เดี๋ยวกูพาไป] น้ำเสียงมันเปลี่ยนไปทันที ไอ้นรก ตามเคยครับ ไอ้นี่พูดถึงของฟรีนี่ไม่ได้เลย

   “แค่นี้แหละ อีกสิบนาทีเจอกัน” ผมตัดสาย เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกและผมกับเลขาก็เดินเข้าไป

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   Rrrrrrrrrr.

   โอยยยย ใครมันโทรมาเวลานี้วะ

   ฮือออ ปวดหัวชะมัด เมื่อวานกว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบตีสอง ชีวิตแม่งไปไม่ถูกเลยครับ ไอ้ไวน์แม่งยิ่งบ้าพลังกับพวกของมึนเมาแบบนี้อยู่แล้วด้วย กับผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง ด้วยความหนักใจสะสมที่ผ่านมาทำให้ดื่มด่ำยามค่ำคืนได้ดีขึ้นไปอีก สรุปเมาเป็นหมาทั้งคู่ จำได้ว่าโดนสาวๆ จับถอดเสื้อถ่ายรูปกันด้วย ไม่รู้ภาพพวกนั้นส่งต่อไปไหนถึงไหนแล้วบ้าง เสียภาพลักษณ์หมดเลยกู

   ผมขมวดคิ้วมองชื่อที่โทรมาอย่างยากลำบาก ไอ้ห่าเอ้ย เมาค้างที่แท้จริง

   “ว่าไงตรอง” ผมรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

   [คุณปั๊มอยู่ไหนครับ] ปลายสายถามด้วยความร้อนรน

   “อยู่ในลิฟต์แล้ว สายนิดสายหน่อยหน่า” ผมพูดทั้งๆ ที่เพิ่งกดลิฟต์ สันดานชาวมาสายชัดๆ

   [ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่คือผมจะบอกว่าคุณปั๊มอย่าเพิ่งเข้ามาก็ได้นะครับ]

   “ทำไมล่ะ” ผมใช้หัวพิงผนังลิฟต์เพราะมันปวดหัวเหลือเกิน กลัวจะล้มเอา

   [ตอนนี้มีเรื่องแล้วครับ คุณปั๊มกดลิฟต์ไปชั้นอื่นก่อนก็ได้นะครับ]

   “อะไรของมึงเนี่ย มีอะไรก็พูดมายิ่งปวดหัวอยู่นะ!!”

   [คุณปั๊มต้องเชื่อผมนะครับ ไม่อย่างนั้น…]

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียงที่เงียบไปของตรอง ผมเห็นเลขาตัวดีกำลังแอบอยู่ที่มุมหน้าห้องน้ำซึ่งไกลจากห้องทำของผมพอดู สีหน้าดูวิตกกังวลมากเหมือนชีวิตมีปัญหารุมเร้า ผมหรี่ตามองด้วยความแฮงค์แต่ก็ไม่ได้สนใจนัก ตอนนี้แค่ต้องการงีบบนโซฟานุ่มๆ ในห้องทำงานเท่านั้นเอง

   แต่…

   ใครคนหนึ่งซึ่งตัวสูงใหญ่และมีไหล่กว้างยืนขวางทางเดินอยู่ เมื่อเขารู้ตัวว่ามีคนกำลังมองก็เลยหันหลังกลับมาหา และผมก็เห็น…กัปตันธีร์ซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักบินกำลังกอดอกมองผมอย่าง… ไม่รู้สิ ผมอธิบายไม่ถูก แต่ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากเลยสำหรับผม

   ถึงไม่อยากยอมรับ แต่ผมก็ขอบอกเลยว่าผมดีใจชะมัดเลยที่เห็นเขาอีกครั้ง

   สัส! แต่เหนืออื่นใด มาเจอกันตอนสภาพเมาค้างด้วยเหอะ

   “มาแล้วเหรอ” เขาถาม พูดด้วยความเย็นชา

[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 03-02-2017 22:22:26
[ต่อ]

“เอ่อ…มีอะไรเหรอ” ผมตัดสินใจคุยกับเขา

   “งานที่กำลังทำมันต้องเสร็จเร่งด่วนขนาดนั้นเลยหรือไง” กัปตันเดินเข้ามาหา เล่นเอาผมถอยกรูดแทบไม่ทัน

   “คุณเป็นอะไรเนี่ย”

   เออ! ไม่คิดจะทักทายกันด้วยซ้ำ!

   “ฉันไม่เป็นหรอก แต่มิ้นเป็น” เขาพูดพร้อมกับถอยออกไปทำให้ผมเห็นคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านหลังหลัง

   มิ้นตาโหลและขอบตาคล้ำขึ้นจนผมตกใจ ยังไม่นับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและท่าทางที่อิดโรยเหมือนคนกำลังไม่สบาย บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มต่างๆ ที่กระจัดการจายไม่เป็นที่เป็นทาง มิ้นไม่กล้าสบตาผม ทั้งๆ ที่มือกำลังเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างไม่ว่างมือ

   เชี่ย อย่าบอกนะว่าอยู่ทำงานทั้งคืน

   “ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อเช้ามืด ตั้งใจจะโทรบอกมิ้นให้ลงมาเปิดประตูเพราะลืมกุญแจไว้ในห้อง แต่มิ้นบอกว่าไม่ได้อยู่ที่คอนโด” กัปตันเริ่มพูด

   “อือ ผมสั่งงานมิ้นไว้เอง”

   “ใช่ บอกว่าขอเสร็จพรุ่งนี้ใช่มั้ยล่ะ”

   “คุณมีปัญหาอะไรหรือกัปตัน ผมใช้งานแฟนคุณไม่ได้เลยหรือยังไง” ผมสู้พร้อมกับเดินเข้าไปประจันหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว

   “แต่ตัวเองหนีไปเที่ยวจนเมาค้างแบบนี้น่ะเหรอ”

   “แล้วมันจะมีลูกน้องไว้ทำไมไม่ทราบ”

   “อย่ามากวนฉันนะ”

   “ผมไม่ได้กวนตีนคุณเลย” ผมกอดอกบ้าง “เป็นห่วงกันขนาดนี้ทำไมไม่ช่วยแฟนทำล่ะ”

   “อย่ามาไร้สาระ และเลิกพูดคำหยาบด้วย!”

   “เสือกเหี้ยไรด้วยล่ะ” ผมยิ้มอย่างกวนตีน

   “อย่ายั่วฉัน” กัปตันเดินเข้ามาใกล้จนเราเกือบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว “เห็นมั้ยว่ามิ้นกำลังไม่สบาย”

   “กับผมคุณเคยเป็นห่วงขนาดนี้มั้ยเนี่ย…” ผมกระซิบ

   “ว่าไงนะ” แววตาเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ช่างเถอะ ผมขี้เกียจใส่ใจ

   “จริงคุณก็คงเคยเป็นห่วงผมเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ขนาดนี้เลยจริงๆ”

   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ย”

   “ผมก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน เพราะคุณคงไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไงอยู่แล้ว”

   “…”

   “ถึงผมไม่ได้ป่วยกายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสบายดีนะ” เสียงผมสั่นพร่า บ้าเอ๊ย! “แต่ถ้าจะพูดเรื่องนี้ต่อ ผมก็ขอยืนยันว่าผมมีสิทธิ์ใช้ลูกน้องทำอะไรก็ได้”

   หมับ!!

   จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือผมไว้จนแน่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สะบัดไม่ออกแล้ว

   “ปล่อย!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา

   “ไม่!” เขาส่งแววตาดุร้ายนั่นให้ผมอย่างไม่ลดละ “จริงๆ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาหาเธออยู่แล้ว แต่ถ้าเธองี่เง่าแบบนี้ฉันก็คงไม่มีเรื่องพูดกับเธออีก”

   “ก็ไม่ต้องพูดสิ!” ผมพยายามสะบัดหนีอีกครั้ง “ปล่อย”

   “ทำไมเหรอปั๊ม ทำไมมันจะต้องร้ายกับเขาด้วย ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร”

   “คุณมันคนตอแหล! ที่คุณทำน่ะมันตรงข้ามกับที่บอกหมดเลยรู้ตัวหรือเปล่า!!”

   “อย่าพูดกับฉันแบบนี้นะ ฉันมีเหตุผล”

   “เหตุผล!? เฮอะ! ก็แค่พวกเห็นแก่ตัวอีกคนนั่นแหละ ในใจจะเอากี่คนละครับกัปตัน ต้องได้กี่คนถึงจะพอใจ!”

   “ปั๊ม!!”

   พลั่ก!

   ผมต่อยไปที่แขนของกัปตันอย่างแรงจนเซ เขามองผมด้วยแววตาที่ไม่อยากเชื่อตัวเอง

   พลั่ก!!

   “อย่าทำแบบนี้ปั๊ม”

   “ปล่อย!!”

   พลั่ก!!

   ผมต่อยเขาอีกรอบ ตอนนี้เราทั้งคู่ยื้อกันไปมา กลายเป็นว่ากัปตันต้องใช้มืออีกข้างเพื่อป้องกันแรงหมัดของผม

   แต่ทว่า…

   “โอ๊ย!” ผมเซตามแรงเหวี่ยงของกำปั้นจนล้มลงกับพื้น ไม่รู้ว่ากัปตันทำผมหลุดมือหรือตั้งใจปล่อยกันแน่ ความเจ็บปวดไล่มาตั้งแต่สะโพกจนถึงต้นขา สีหน้ากัปตันดูตกใจไม่แพ้กัน

   “ปั๊ม…” เขายื่นมือเข้ามาช่วย

   “ออกไป!!” ผมตะโกนลั่นจนกัปตันสะดุ้ง

   “ฉันขอโทษ”

   “อย่ามายุ่งกับกู!!” ไอ้ห่าเอ๊ย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะน่าสมเพศได้ขนาดนี้

   “ปั๊ม…”

   “เออ! กูผิดเอง!! พอใจมั้ย” ผมมองหน้าเขาอย่างเดือดดาล

   “ลุกขึ้นมาคุยให้รู้เรื่องได้มั้ย”

   “บอกว่าอย่ายุ่งไง!” ผมสะบัดตัวหนีเมื่อเห็นว่ากัปตันยื่นมือมาให้อีกรอบ

   “คุณปั๊มครับ” คราวนี้เป็นตรองที่เดินเข้ามาช่วยพยุง สีหน้าเหมือนจะร้องไห้และก็ดูไม่พอใจเมื่อมองกัปตัน

   “พากูออกไปจากที่นี่ที” ผมพูดอย่างขอร้อง

   “ได้ครับ ค่อยๆ ลุกนะครับ” เราสองคนทุลักทุเลกว่าจะยืนขึ้นได้

   “ปั๊ม…” เสียงกัปตันธีร์ยังคงไล่หลังมา

   “ขอโทษที่คิดไปเอง” ผมบอกเขาขณะที่กำลังก้มหน้าต่ำเพื่อควบคุมแววตาของตัวเองไม่ให้รู้สึกจุกจนน้ำตาไหลออกมามากกว่านี้

   “…”

   “ผมมันคนอ่อนไหวอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ขอโทษด้วยนะมิ้น”

   “…”

   “คนอ่อนแอมันก็คือคนขี้แพ้อยู่แล้วนี่นะ” ผมทิ้งท้ายก่อนจะส่งสัญญาณให้ตรองพาออกไป

   หึ ช่างหัวแม่ง ผมแพ้แล้วครับ แพ้แม้กระทั่งไม่ได้เริ่มเล่นอะไรด้วยซ้ำ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   “ปั๊ม!!! ตื่น! ถึงบ้านแล้ว” ไอ้ไวน์พูดพร้อมกับใช้มือตบแก้มผม ไอ้ห่าเอ๊ย เจ็บนะโว้ย

   “คุณปั๊มครับ ลุกไหวหรือเปล่า” ตรองก็ช่วยดึงสติอีกแรงนึง มีเพื่อนดีจริงๆ เลยกู

   หลังจากที่เกิดเรื่องไม่น่าจำที่ออฟฟิศผมก็ไม่เข้าไปอีก จัดการโทรหาไวน์ให้มารับไปแดกเหล้าต่อตั้งแต่ยังไม่เที่ยง และแน่นอน ตรองที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็ต้องไปไหนไปกัน กลายเป็นว่าเราเป็นหัวหน้าลูกน้องที่พากันหนีงานอย่างนิสัยไม่ดีมากๆ เอ่อ…แต่จำได้ว่าทุกคนก็เมาไม่ใช่หรอวะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นกูคนเดียวที่สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ฮือ

   “แดกแม่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก แถวเมื่อวานก็เมาค้าง ไม่ตายห่าก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย” ไอ้ไวน์บ่นอุบ

   “ฮือออ มึงจะเกลียดกูอีกคนเหรอไวน์” ผมบ่นงึมงำ โอ๊ย รู้สึกสมองจะไหล

   “จะไม่ให้พวกกูเข้าไปส่งในบ้านจริงๆ เหรอวะ”

   “เอออออ เดี๋ยวลุงเอกแม่งด่ากูตายยยยย มีหวังนะ แม่งตีกูเหมือนตอนเด็กๆ อีกกูว่า”

   “เออๆ เรื่องของมึง ลงไปจากรถกูได้แล้ว” ไอ้ไวน์ไล่ แหม่ ไม่คิดจะลงจากฝั่งคนขับมาส่งกูหน่อยเหรอวะ

   “ค่อยๆ นะครับคุณปั๊ม” มีแต่ตรองที่เปิดประตูเดินตามผมลงมา

   “เอออออ ส่งตรงงงงงงนี้แหละ กลับไปได้แล้ว… ไอ้ไวน์ไปส่งเลขากูด้วย!”

   “เออ จะโวยวายทำเหี้ยอะไรเนี่ย เข้าบ้านไปได้แล้ว”

   “เดินเข้าไปเองได้ใช่มั้ยครับ” ตรองถามเพื่อความแน่ใจ

   ผมยกนิ้วทำสัญลักษณ์โอเคเป็นการตอบแทน ถ้าพูดมากกว่านี้มีหวังอ้วกครับ

   “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

   “กูเมาเป็นนนนนหมาขนาดดดดนี้มึงงงยังให้กูไปทำงานนนอีกหรออออ”

   “เอ่อ งั้นพักผ่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องงานเอง”

   “ฮือออ มึงนี่ดีจริงๆ เลยไอ้ห่า มาให้กูกอดทีนึง”

   “เอ่อ… ผมว่าผมรีบกลับดีกว่านะครับ เจอกันครับ” ไอ้ตรองหันตัวหนีพร้อมกับกระโดดขึ้นรถอย่างไม่ใยดี เออดีจริงๆ เพื่อนพ้องลูกน้องกูแต่ละคน

   ผมยืนตั้งสติที่หน้าประตูรั้วอยู่พักหนึ่งก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาหาคีย์การ์ด แต่ให้ตาย แม่งไม่เจอเลย ไม่รู้ว่ามันหายหรือมืออ่อนเปลี้ยจนควานหาไม่เจอ ฮืออออ นี่ขนาดกุญแจบ้านยังจะหนีกูอีกคนเลยเหรอวะ ชีวิตบัดซบครบสูตรโดยแท้

   “ปั๊ม”

   “เชี่ยยยยย!!!” ผมร้องลั่นเมื่อใครก็ไม่รู้มาโผล่ข้างหลังผม แต่เมื่อหันไปพบว่าเป็นใครผมถึงกับอยากจะอ้วกจนสลบให้ตายคาตีนตัวเองซะทันที ไอ้ห่าเอ๊ย จะมาให้กูเจอหน้าอีกทำไมเนี่ย

   ใช่ครับ กัปตันธีร์…

   กัปตันที่ไม่ได้อยู่ในยูนิฟอร์มอีกต่อไป และที่สำคัญดูไม่บ้าคลั่งเหมือนเป็นคนละคนกับที่ผมเจอวันนี้

   “นี่คุณเป็นผีใช่มั้ยยยยยฮ้า!?” ผมชี้นิ้วใส่เขา

   “ทำไมต้องเมาขนาดนี้ด้วย”

   “ทำไมอ่ะเหรอ อืมมมมม” ผมกระแดะทำท่าครุ่นคิดกวนตีนเขา “นึกออกแล้ว ก็เพราะคุณไง!!”

   พลั่ก!!

   ผมผลักอกเขาอย่างแรงจนอีกฝ่ายตัวเซ แต่กูนี่สิอีห่าแทบจะล้ม ดีนะจับประตูรั้วไว้ได้ทัน

   “พอใจหรือยัง”

   “ยัง!”

   พลั่ก!!!

   ผมผลักเขาอีกรอบ

   พลั่ก!!!

   อีกรอบ

   พลั่กกกกก!

   แล้วก็อีกรอบ

   แต่เขาไม่มีทีท่าหงุดหงิดหรือรำคาญใจแต่อย่างใด เขายังคงมองด้วยแววตาแบบเดิม แววตาที่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร

   “ฮึ่ยยยยยยยยยย” ผมถึงกับปรี๊ดแตก “ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะที่ต้องมาเสียสติแบบนี้เนี่ย”

   “เธอโกรธอะไรฉันเหรอ”

   “ฮะ!? กัปตันนี่มึงถามจริงๆ หรือมึงกวนตีน” ผมแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมึงทั้งนั้นแหละ!!”

   “ปั๊ม พูดกันดีๆ นะ” กัปตันเดินเข้ามาหาผม เล่นเอาผมถอยหนีแทบไม่ทัน ซึ่งไม่ทันจริงๆ ครับ ผมเอนตัวมากเกินไปจนลื่นและจะล้ม กัปตันใช้มือข้างหนึ่งคว้าเอวผมไว้ได้ทันและรั้งไปแนบชิดกับตัวเอง

   “แบบนี้ไง” ผมพูด

   “ฮะ!?” กัปตันยังคงสับสน

   “คุณเห็นคนอื่นเป็นของเล่นเหรอกัปตัน” ผมพยายามดันหน้าอกเขาออก “ผมมีหัวใจเหมือนกันนะ”

   “ปั๊ม…”

   “คุณอาจจะไม่คิดอะไร แต่ที่คุณพยายามหยอดพยายามถึงเนื้อถึงตัวพยายามแอ๊วมาทั้งหมดมันโดนผมเต็มๆ เลย” ผมพูดเบาจนเกือบจะเป็นเสียงครางจากลำคอ

   “ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นเลยนะ” เขาพูด พยายามเชยคางผมเพื่อให้เงยหน้าขึ้นมอง

   “แต่ที่คุณทำมันเป็นแบบนั้น!” ผมสะบัดหน้าหนี “ทำท่าทางเหมือนจะจีบผม แต่ก็ยังมีใครอีกคนให้ดูแล ถ้าไม่จริงจังก็อย่ามาให้ความหวังคนอื่นสิวะ!!”

   จากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบ กัปตันไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่กระชับเอวผมให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แววตาที่มองมาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกแพ้อีกแล้ว ผมแพ้ทางผู้ชายคนนี้จริงๆ

   “ฉันขอโทษ” กัปตันเป็นคนเปิดประเด็นอีกครั้ง “แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”

   “…”

   ตอนนั้นเองที่ผมกำลังจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกครั้ง…

   แต่…

   ผมทำมันต่อไปไม่ได้จริงๆ

   คนเราไม่ได้มีโอกาสเยอะขนาดนั้น

   “คุณชอบผมจริงๆ เหรอ” ผมถามเสียงเรียบ

   “จริง”

   “ถ้าอย่างนั้น แสดงออกมาให้เห็นสิ”

   “…”

   “ถ้าคุณจริงจัง ผมก็จะจริงจังกับคุณด้วย”

   กัปตันเอนตัวออกเพื่อมองหน้าผม เขาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจอยู่แค่ครู่หนึ่ง มันเหมือนกับว่าการสงสัยสำหรับเขานั้นก็แค่…ทำไม ทำไมมันถึงง่ายขนาดนี้ …ง่ายเหมือนทุกครั้ง!

   “เธอ…”

   “แต่ผมจะยังไม่จูบคุณหรอกนะ” ผมดึงตัวเองออกจากมือที่กระชับเอวไว้ “ปากเหม็นแน่ๆ พอดีแดกเหล้ามาเยอะ”

   กัปตันดูไม่พอใจที่ผมพูดคำหยาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

   “กลับบ้านได้แล้ว น้องมิ้นเหงาจะแย่อยู่แล้วนะ”

   “ฉันอยากอยู่กับเธอ” กัปตันกระซิบเสียงแผ่ว

   “ถ้าอย่างนั้นกัปตันต้องเลือกแล้วล่ะ” ผมเอียงคอตั้งใจยั่วคนตรงหน้า

   ติ๊ดดดดดด

   เสียงลำโพงใกล้ๆ กล้องวงจรปิดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคย

   “จะเข้าบ้านเลยหรือเปล่าครับผมจะได้เปิดประตูให้ ดูเหมือนคุณปั๊มจะทำกุญแจบ้านหาย”

   มาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ลุงเอกเอ๊ย

   “เปิดประตูให้หน่อยยยย” ผมพูดเสียงยานคาง เออ เกือบลืมไปเลยว่าเมา

   “แล้วคุณธีร์จะค้างที่นี่มั้ยครับ ผมอนุญาตให้นอนห้องคุณปั๊มวันนึง แต่ผมจะจัดเตียงเสริมให้นะ”

   กัปตันกับผมมองหน้ากัน สำหรับผมนั้นเพราะต้องการรู้คำตอบ ส่วนอีกฝ่ายเหมือนกำลังชั่งใจ

   “วันนี้ผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณมากครับลุงเอก” เขาพูดตอบอีกฝ่ายไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูรั้วกำลังเลื่อนเปิด

   “กลับ?” ผมมองหน้าเขา

   “อื่อ เดี๋ยวไปนอนโรงแรมเอา”

   “…”

   “พรุ่งนี้มีบินเช้าด้วยแหละ”

   “อ้อ กลับดีๆ นะครับ” ผมโบกมือ ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านแต่เขาดันคว้าข้อมือผมไปได้ซะก่อน

   “อะไรเหรอ” ผมเลิกคิ้ว

   “ฉันทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอนะ” กัปตันจ้องหน้าผม ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยประกายความแน่วแน่ “เธออยากให้ฉันทำไรอะไรฉันก็จะทำ เธออยากได้อะไรมากแค่ไหนฉันก็พร้อมจะให้ รวมทั้งนี่…”

   กัปตันคว้ามือผมไปทาบบนหน้าอกของเขา ฝ่ามือนั้นสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจซึ่งกำลังทำหน้าสูบฉีดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงทุกอย่างในร่างกาย แต่มันเร็ว…และถี่กว่าปกติ เหมือนเขากำลังบอกว่า มันเป็นเพราะเธอ

   “ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้ไว้ว่าฉันจริงจัง” กัปตันคลี่ยิ้มที่นานๆ ทีจะเห็นสักครั้ง

   “…”

   “จริงจังมานานแล้ว”

   จากนั้นเขาก็ปล่อยมือผมและเดินออกไปขึ้นรถโดยไม่ลืมหันกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย

   ผมแสร้งยิ้ม จากนั้นก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้ามาในบ้าน สมองก็พลันคิดอะไรไปต่างๆ นานา

   ท่าทีที่แปลกไปหลังจากพูดคำว่า ‘จริงจัง’ แบบนั้นคืออะไรนะ...

   แต่ช่างเถอะ มันสายไปแล้วจริงๆ ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องมาบ้าแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ผมจะไม่มอบโอกาสให้เขาอีกหนแน่ ความไว้ใจของผมไม่เหลืออีกแล้ว มันถึงเวลาแล้ว

   หรือบางที นี่คงถึงเวลาเล่นเกมจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ

จบตอน

(https://scontent.fbkk1-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16388209_10208699638913849_4604200384010004149_n.jpg?oh=91e41b5f41641c9ee899b7d8c4e3b8d5&oe=5945C695)

 :z1: :z1: :z1:
มาบูฮายยย เล้าเป็ดครับ
แหมมมม นี่มันกระแสน้องน้ำตาลนี่นา 5555

เสียใจทำไมมีคนเกลียดคุณธีร์ เค้าอาจจะแสดงออกไม่เก่งนา
แต่ก็รู้สึกดีใจมาก ที่ทุกคนอินแล้วรู้สึกว่านี่แหละที่นักเขียนเคยเป็นฮะ 555555

โดยตอนนี้เดินทางมาเกือบครึ่งทางแล้ว (หรือเปล่าวะ /กลอกตาคิด)
และน้องปั๊มจะกลับมาแซ่บแน่นอนฮะ แหม่ เด็กมีปัญหาก็ต้องมีไขว้เขวเหมือนกันฮะ

ไม่มีคนเกลียดมิ้นหรอ นี่เกลียดมิ้นมาก เกลียดอีกคนนี่ก็ไวน์เลยนะ
ไวน์เป็นคนเสี้ยมให้ปั๊มเป็นคนแบบนี้นะ แต่พอโตมานี่งงมาไปเรียนต่อหรือไปบวช

แล้วเจอกันตอนหน้าฮะ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
แวะมาทักทายกันที่ https://www.facebook.com/thene0classic/ เหมือนเดิมฮะ

#firemetothemoon
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-02-2017 00:35:58
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2017 01:51:51
เลิกเล่นได่แล้ว จริงจังสักที
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 04-02-2017 02:56:20
โอ้ย เพิ่งได้อ่าน ชอบมาก >< น้องปั๊มของเจ้ มีความสับสนชีวิต
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 04-02-2017 03:21:48
อินมาก อินจนน้ำตาไหล
กัปตันใจร้ายมาก ตบหัวแล้วก็มาลูบหลังกันดื้อๆ
ยิ่งรู้ว่าปั๊มมีใจให้ ยิ่งใส่ความรู้สึกลงมามากกว่าเดิม
จนตอนนี้คนอ่านแยกไม่ออกแล้ว อะไรจริงอะไรเล่น!

แล้วมันจะยังไงต่อเนี่ย น้องปั๊มก็ดูจะพลิกมาร้ายอีก
โอ๊ยยยยยย เครียดโว้ยยยยยยยย!!

 :katai4:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP9 ครั้งสุดท้าย | 4/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 04-02-2017 22:28:28
9
ครั้งสุดท้าย


(https://instagram.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/s750x750/sh0.08/e35/15801954_1636174650017288_3388958659466756096_n.jpg?ig_cache_key=MTQxNTI4OTUwODE0ODkyMzgyOA%3D%3D.2)
https://www.instagram.com/skawngur/

ผมชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่าโต๊ะของมิ้นว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งคอมที่เขาใช้ทำงาน

   “ตรอง มิ้นล่ะ?” ผมหันไปถามเลขาที่อยู่โต๊ะถัดไป

   “เอ่อ… มิ้นไปแล้วครับ”

   “ฮะ!?”

   “มิ้นยื่นเรื่องลาออกกับฝ่ายบุคคลมาเมื่อวาน ผมเห็นคุณปั๊มลาก็เลยไม่อยากโทรแจ้ง ขอโทษด้วยนะครับ” ตรองทำหน้ารู้สึกผิด แต่ผมจะไม่ว่าอะไรหรอก บางทีการเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?

   “มีคนส่งของมาให้คุณปั๊ม ผมเอาไปไว้ในห้องให้แล้วนะครับ” ตรองรายงานอีกครั้ง

   “ใครเหรอ?”

   “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แมสเซ็นเจอร์ส่งมา”

   ผมพยักหน้าให้เลขาก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป และสายตาก็พลันไปเห็นดอกไม้ช่อใหญ่พร้อมกับกล่องกระดาษวางอยู่บนโต๊ะ ผมหยิบมันขึ้นมาสำรวจทันที มีข้อความบางอย่างอยู่บนดอกไม้


   ‘เธอคงรู้เรื่องมิ้นแล้ว เรื่องนี้เธอไม่ผิด เขาตัดสินใจไปเอง…’


   ผมเบ้ปากทั้งๆ ที่ยังไม่อ่านจบประโยค


   ‘แต่ฉันส่งของมาให้เพราะอยากให้จริงๆ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตอบแทนเรื่องเนกไทที่เธอขว้างใส่หัว จะบอกให้ หลังๆ มานี้มันเป็นเส้นโปรดของฉันเลย’


   สิ่งที่แนบมาด้วยกันคือรูปโพรารอยด์สีซีดๆ …มันเป็นภาพกัปตันกำลังเอนตัวให้คนถ่ายซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นนักบินผู้ช่วยขณะเท้าแขนกับแผงควบคุม ใต้ปกเสื้อด้านในมีเนคไทสีเทาถูกสวมอยู่ ผมไม่เคยเห็นเขาใส่แว่นแบบนี้เลย น่าแปลกที่แว่นทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ใครใส่แว่นแบบนี้มันต้องแก่หง่อมเลยไม่ใช่หรือไงนะ

   ผมไม่ได้สนใจช่อดอกไม้ แค่ดึงกระดาษกับรูปที่แนบออกมาจากนั้นโยนมันลงไปในถังขยะอย่างไม่สนใจ

   โอเคทีนี้ก็กล่อง…

   ผมจัดการแกะอย่างไม่ค่อยบรรจงนัก พบว่ามันคือ…

   หน้ากากสไปเดอร์แมน…

   อะไรของเขาวะ เห็นกูปัญญาอ่อนล่ะสิเนี่ย

   ผมกำลังจะขว้างมันลงถังขยะตามช่อดอกไม้ไป แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับชะงักขึ้นมาดื้อๆ อืม…อาจจะโหดร้ายเกินไป โอเค ผมขอแค่โยนมันไปไกลๆ ให้พ้นสายตาก่อนแล้วกัน

   แค่เริ่มต้นวันก็ไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

“คุณหนูปั๊มครับช่วงนี้คุณดูเงียบผิดปกตินะ” ลุงเอกบอกขณะยกแก้วชามาให้

   “ยังไงอะ จะให้โวยวายเป็นคนบ้าเหรอ” มู้ดนั้นก็ทำได้นะ อยากดูจริงหรา

   “ผมอยู่กับคุณปั๊มมานาน ดูก็รู้ครับว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ”

   “ก็คงไม่สบายใจอยู่จริงๆ ล่ะมั้ง”

   “มันเหมือนตอนที่คุณผู้หญิงกับคุณท่านเสียใหม่ๆ ผมไม่ชอบเลย”

   ผมถึงกับชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น

   “จริงอะ? ดูเศร้าเหรอ?”

   “อาจจะไม่เศร้า แค่ไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้”

   “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ผมสดใสล่ะ ไม่เข้าใจเลย”

   “นั่นสิครับ บางทีอาจจะเป็นเพราะคุณธีร์…”

   พรวด!!

   ผมนี่ถึงกับสำลักน้ำชาเลยครับ อะไรของลุงงงงงง

   “แค่กๆๆๆ ว่าไงนะ แค่ก”

   ลุงเอกยืนหน้าตายอยู่มุมห้อง “ก็พอคุณธีร์เข้ามา คุณปั๊มเหมือนกำลังมีความรักเลย”

   “ลุงอยากโดนไล่ออกเหรอ”

   “กล้าเหรอครับ…”

   “เออไม่กล้า พูดไปแบบนั้นแหละ” ใครมันจะกล้าไล่ แค่โมโหโว๊ยยยยย

   “แล้วเรื่องระหว่างคุณสองคนไปถึงไหนแล้วล่ะครับ”

   “อะไรถึงไหน” ผมขมวดคิ้ว

   “ดูจากสายตาที่มองกันหน้าประตูรั้วเมื่อวันก่อนก็รู้แล้วครับว่ามีความสัมพันธ์กัน” ลุงเอกยิ้มมุมปาก จัดการคว้าผ้ามาเช็ดน้ำที่หกบนโต๊ะ น้ำที่กระเด็นออกมาจากปากกูนี่แหละ ฮืออออ

   “ลุงทะลึ่ง! ความสัมพันธ์อะไรกันเล่า”

   “ผมไม่ใช่พ่อแม่คุณปั๊มที่อาจจะบอกว่าให้เลิกซะแล้วไปหาคนที่คู่ควรกว่า” ลุงเอกเหลือบตามอง “แต่ผมจะบอกคุณปั๊มแค่ว่า คุณธีร์แกก็ดูเป็นเด็กดีนะครับ”

   “เด็กดีของลุงเล่นผมซะแสบเลยล่ะ” ผมบุ้ยปาก เฮอะ!  ไม่อยากนึกถึง นี่ก็หายไปหลายวันแล้วเนี่ย ไม่รู้ไปตามเมียเก่ากลับบ้านหรือเปล่า หงุดหงิดๆๆๆ

   “คุณปั๊มแค่ยังเด็กนักเลยตามใครไม่ค่อยทัน” ลุงเอกยิ้มอีกรอบ “บางทีคนเราก็แสดงออกเรื่องความรักต่างกันนะ”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ก็สำหรับกัปตัน การแสดงออกของแกอาจจะทำให้คุณปั๊มหงุดหงิดไปหน่อย”

   “หงุดหงิดมากเลยล่ะครับ”

   “แต่คนที่ผ่านมาค่อนชีวิตแบบผมเนี่ยบอกได้เลยนะครับว่าคุณธีร์กำลังหลงคุณปั๊มหัวปักหัวปำ”

   “เอาอะไรมายืนยัน” ผมถาม ยอมรับครับว่าพอได้ยินแล้วรู้สึกภูมิใจอยู่บ้าง ดูเหนือยังไงก็ไม่รู้

   “สายตาครับ”

   “ฮะ?”

   “สายตาท่าทางโกหกไม่ได้หรอกครับ ยิ่งสายตายิ่งโกหกยากเลยล่ะ”

   “แค่สายตาเนี่ยนะ…”

   “ใช่ครับ สายตาที่คุณธีร์มองคุณใครดูก็รู้ว่าเขาคิดยังไง ไหนจะสิ่งที่เขาทำอีก มีแต่คุณปั๊มที่…”

   “ถ้าพูดว่าโง่ผมจะราดชาบนพรหมเดี๋ยวนี้แหละ”

   “ผมจะบอกว่า ‘ตามไม่ทัน’ น่ะครับ” ลุงเอกชำเลืองมองพรหมสีน้ำตาลอายุหลายสิบปี คงจะไม่อยากทำความสะอาดสินะ

   “แค่นี้พิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”

   “ได้สิครับ ตอนนี้ผมก็กำลังพิสูจน์อยู่” ลุงเอกเข้ามาเก็บชุดชาเตรียมไปทำความสะอาด

   “ฮะ!?”

   “อย่างคุณปั๊ม ถ้าไม่รักเขาจริง เวลาพูดถึงเขาคงจะไม่กระวนกระวายใจตาเป็นประกายแบบนี้หรอก” ว่าแล้วเขาก็ขยิบตาให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่ผมที่นั่งตัวเกร็งเหมือนหยุดเวลาแบบจังหวะละครซิทคอม

   เฮ้ย คุณลุง มึ้งงงงงงงงงงงงงง

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

ผมนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าหลุมศพพ่อกับแม่ นั่งเรื่อยเปื่อยแบบนี้มาชั่วโมงกว่าๆ แล้ว คิดในใจว่าถ้านานกว่านี้จะเอาข้าวมาทานมองต้นไม้ใบหญ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เฮ้อ ไม่รู้ทำไมวันนี้มันฟุ้งซ่านจัง พอได้มานั่งกับป๊าแม่แบบนี้แล้วมันสบายใจบอกไม่ถูก คงยิ่งใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วด้วยแหละ วันเกิดก็ต้องนึกถึงพ่อแม่ตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ

   “ไง” ผมไม่รู้ว่ามีคนเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหันไปตามเสียงที่โผล่งขึ้นด้านหลัง แน่นอนครับว่าเสียงนั้นหนุ่มเกินกว่าจะเป็นเสียงพ่อบ้านตัวดีที่วันนี้สั่งสอนผมมาชุดใหญ่ …กัปตันธีร์นั่นเอง ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนตามสไตล์วันสบายๆ ของเขา ยอมรับว่าเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่พร้อมกันนั้นก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอาจจะคิดถึงเขาไปหน่อย บางทีอาจจะแสดงออกนอกหน้าไปนิดด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนว่าทันทีที่เขาเห็นผมก็หลุดยิ้มขึ้นมาทันที

   “มาได้ยังไงเนี่ย” ผมถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ กัน

   “มีคนตามฉันมา” เขาชะโงกมองไปยังประตูห้องครัวที่เชื่อมกับสวนหลังบ้าน ลุงเอกยืนสอดแนมอยู่ริมวงกบ พอเห็นว่าพวกเรารู้จึงเดินกลับเข้าไปในเงามืดเหมือนทุกครั้งที่ทำ

   “คิดอะไรอยู่” เขามองตาผม เล่นเอาซะผมต้องหันหน้าหนีเลย

   “เปล่า” ผมโบกมือ

   “ลุงเอกบอกฉันว่าเธอเครียด”

   “…”

   “เรื่องฉันหรือเปล่า” กัปตันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ผมจะเครียดเรื่องคุณให้ขาดทุนชีวิตทำไม” ผมมองหน้าเขาทันที วินาทีต้องสู้แล้วครับ “สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “ถึงว่าสินะเย็นชาทิ้งของที่คนอื่นให้อย่างไม่ใยดีเลย”
   “ฮะ?” ผมหน้ามุ่ยเพราะงงกับสิ่งที่เขาพูด
   กัปตันแค่หัวเราะก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการเปิดโปรแกรมแชทและส่งมันมาให้
   มันเป็นรูปดอกไม้ช่อหนึ่งถูกทิ้งแหมะในถังขยะตามมาด้วยข้อความอีกนิดหน่อย

   TRONG:
   ‘ผมเก็บมาให้แล้วนะพี่’

   piloT:
   ‘ไม่ต้องเก็บมาก็ได้นะตรอง พี่เข้าใจ’

   TRONG:
   ‘ไม่ใช่ไรพี่ เดี๋ยวนี้บอสผีเข้าผีออก ถ้าเกิดอยู่ดีๆ ถามหาดอกไม้ที่เผลอทิ้งไปขึ้นมาไม่เจอแล้วจะยิ่งยุ่ง ลำบากผมอีกอะ’
   ‘โกรธพี่ก็จริง แต่ผมก็เชียร์เจ้านายผมกับพี่อะ’


   เดี๋ยว… ไอ้ตรองมึงเป็นเลขากูนะ แบบนี้ฆ่าทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย อ๊ากกกกก

   “สงสัยต้องหาเลขาใหม่” ผมยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ

   “ตรองเป็นเด็กดี”

   “มิ้นล่ะ”

   “เนี่ย เธอคงไม่เคยมีแฟนจริงๆ สินะ” กัปตันส่ายหัว “มันมีประโยชน์อะไรเหรอเวลาพูดเรื่องที่ทำให้สองฝ่ายไม่สบายใจแบบนี้”

   “ผมคงผ่านโลกไม่เยอะเท่าคุณหรอก ขอโทษที”

   แค่อยากแหย่เล่นเท่านั้นเอง ไม่เข้าใจหรือไงนะ…

   “ทำไมชอบชวนทะเลาะจังเลยฮะ เฮ้อ” กัปตันฝังหน้าลงกับหัวไหล่ของผม เล่นเอาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เชี่ยยยยกัปตันมึงงงง ข้างหน้านี่พ่อแม่กูนอนมองอยู่ รู้ใช่มั้ยยยยย

   “ออกไปปปปปป” ผมผลักหัวเขาออก แต่เขาดันรวมมือทั้งสองผมไว้ก่อนเงยหน้า

   ยิ้ม…

   ยิ้มเหี้ยอะไรเนี่ยยยยยย

   “มีอะไรตลกเหรอ”

   “เธอไง”

   “ฮะ!?”

   “ไหนลองเรียกพี่ธีร์สิ”

   “ฝันไปเหอะ”

   “เร็วๆ ลองเรียกหน่อย แค่ลอง”

   “ไม่! ปล่อยๆๆๆ”

   “ถ้าเรียกพี่ธีร์เดี๋ยวปล่อยเลย” เขาทำหน้าอ้อน จะมาไม้ไหนอีกวะเนี่ย

   “ฮึ่ยยยยย” ผมร้อง “พี่ธีร์! พอใจยัง”

   “ฮ่าๆ ปล่อยๆ” แล้วเขาก็เอามือออกจากแขนผม ทำหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มมองจนผมต้องหันหลังกลับไปทางหลุมศพพ่อแม่ตัวเอง ห่าเอ๊ย มาทำแบบนี้อีกแล้วนะ

   “คิดถึงพ่อกับแม่มั้ย” เสียงทุ้มถามที่ด้านหลัง

   “ไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว พ่อแม่นะเว้ย”

   “Language!”

   “คิดว่าเป็นกัปตันอเมริการึไง” ผมศอกไปโดนเขา

   “อยากให้พูดเพราะๆ” เขาว่า ฟังจากทิศทางเสียงแล้วเหมือนเขากำลังเขยิบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ท่าจะไม่ดีแล้วครับ

   “น้องมิ้นคงพูดหวานๆ ทั้งวันเลยสินะ”

   “โธ่เว้ย!!!” จู่ๆ เขาก็สบถลั่นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ด้วยความตกใจผมจึงหันไปมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พบว่าเขากำลังยืนทะมึนทำท่าทางหัวเสียอยู่ ฉิบหายแล้วไง…

   “ฉันกลับบ้านแล้วนะ”

   “หะ?”

   “ถ้าจะเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำๆ วันนี้ทั้งวันก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง!!!”

   เอ๊า แล้วทำไมโกรธขนาดนี้วะ…

   “นี่ฉันตั้งใจมาหาเธอนะ เธออยากไล่ฉันกลับจริงๆ ใช่มั้ย!?” เขามองอย่างเอาเรื่อง แต่ก็ดูหงุดหงิดตัวเองที่ระเบิดอารมณ์แบบนั้น “เธอไม่แคร์ฉันบ้างเลยหรือไง”

   “เอ่อ…”

   “งั้นฉันพอแล้ว ไว้เจอกันนะ” แล้วเขาก็โบกมือให้ทำท่าจะเดินออกไป แต่…

   อยู่ๆ ร่างใหญ่ของกัปตันก็ล้มลงกับพื้น ผมถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ใช่แค่สะดุดก้อนหิน ไม่ใช่แค่สะดุดเท้าตัวเอง แต่เขาล้ม!! ล้มแบบหมดสติ ผมอ้าปากค้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทิ้งตัวนั่งเขย่าตัวเขา สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ…

   “เหี้ยยยยยยยย กัปตันผมขอโทษ ผมแค่แหย่เล่นอะ”

   “หึ” แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นแค่… เสียงหัวเราะ?

   นี่มึงแกล้งกูเหรอกัปตัน!!!

[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP8 หมา | 3/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 04-02-2017 22:32:54
[ต่อ]

“นึกว่าจะไม่สนใจซะแล้ว” เขานอนยิ้มพริ้มอยู่บนผืนหญ้า

   “โอ๊ย!! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!!” ผมตั้งท่าจะเดินหนีทันที แต่กัปตันคว้าข้อมือผมไว้ได้ จากนั้นก็เอนตัวขึ้นมาพร้อมกับตบพื้นให้ผมนั่งตรงข้ามกัน

   “นั่งเร็ว”

   “ไม่เอา! โมโห!!”

   “เร็วหนูปั๊ม พี่บอกให้นั่ง นี่คือการเอาคืนนะ มาคุยกันดีๆ จะได้หายค้างคาสักที”

   เออ นั่งก็ได้ ผมทำตามอย่างที่เขาสั่ง

   “เป็นอะไร ขี้หึงเหรอ”

   “บ้า ใครจะหึงคุณ”

   “ไม่ใช่ ฉันกำลังถามว่าเธอเป็นคนขี้หึงหรือเปล่า”

   “จะไปรู้มั้ยล่ะครับ เกิดมาไม่เคยหึงใครเลย”

   “ก็เนี่ย ฟังพี่นะ หนูเป็นคนขี้หึงครับ”

   “หา!?” ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยครับ กัปตันยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าผมกำลังคิดทบทวนตัวเอง

   “ฟังนะ” เขาเท้าคาง ฉันไล่มิ้นออกจากห้องไปแล้ว”

   “เฮ้ย!?” ผมถึงกับช็อคอีกระรอก ถึงผมจะไม่ค่อยชอบมิ้น แต่นี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือเปล่าวะ

   “แรงไปมั้ยกัปตัน” ผมพูดจากใจจริง “แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนอะ”

   คนข้างๆ ส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” เขามองหน้าผม “ทำไมเหรอ”

   “ไม่รู้ดิ แบบ…”

   “ฉันเลือกเธอไง ฉันทำแบบนี้เธอควรสบายใจขึ้นนะ”

   “แต่ผมไม่อยากให้ร้ายกับคนอื่นนี่”

   “ฉันยอมร้ายกับคนอื่นเพื่อให้คนที่ฉันแคร์รู้ว่าฉันรักเขาแค่คนเดียวนะ” กัปตันยิ้ม “แต่เอาจริงๆ ถึงใช้คำว่าไล่ แต่เราจากกันด้วยดี ไม่มีใครมีปัญหา ฉันแค่ขอให้เขาออกไปอยู่ที่อื่น แล้วเขาก็เข้าใจ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว นึกว่าถือปืนขู่”

   “ปีนน่ะเอาไว้ขู่เธอคนเดียวพอ” แล้วเขาก็ทำมือเป็นรูปปืนพร้อมกับยิงปิ้วๆ มาทางนี้

   “ผมรู้ว่าคนลามกอย่างคุณหมายถึงอะไร”

   “ฮ่าๆ ทำไมซีเรียสจัง เครียดอะไรเหรอปั๊ม” กัปตันกระชับมือผมแน่นขึ้น “หรือว่าเธอเกลียดฉันแล้ว บอกมาได้เลยนะ ขอแค่พูดความจริง”

   “ไม่ใช่!” ฉิบหาย ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบกลับไปเร็วขนาดนั้น เสียภาพเลยกู

   “แล้ว?”

   “ผมยังเด็ก แล้วก็สับสน…” ผมครุ่นคิด

   “อย่ากัดปาก”

   “ฮะ!?”

   กัปตันขมวดคิ้วพร้อมกับเอนตัวตรงขยับท่านั่งให้ถนัดกว่าเดิม อะไรของเขาวะ

   “เล่าต่อเลย แต่อย่ากดปาก” กัปตันยิ้มพร้อมกับชี้มาที่ริมฝีปากของผม

   “ก็นั่นแหละ… ผมเบื่ออะกัปตัน ไม่อยากหงุดหงิดเลย ผมเครียดจนจะโดดน้ำอยู่แล้วด้วยนะ”

   “แล้วตอนนี้สบายใจขึ้นยัง”

   “ก็…” เออ ตอนนี้กูสบายใจขึ้นยังวะ “มั้ง”

   “จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว สัญญาเลย”

   “คุณก็พูดได้สิกัปตัน คนน่ะเจ็บไม่เท่าผมด้วยซ้ำ”

   “คราวนี้จริงๆ สัญญาเลย จะไม่ทำให้ไม่สบายใจอีกแล้ว ฉันมองหน้าเธอแล้วเครียด อยากเป็นเหมือนตอนจีบใหม่ๆ ตอนนั้นน่ารักสมวัย ฮ่าๆ”

   “เงียบน่ะ” ไม่ใช่ไรครับ แอบเขิน…

   “เธอเครียดกับงานแล้ว เธอจะมาเครียดกับฉันอีกเหรอมิ้น”

   “…ผมปั๊ม”

   “เออปั๊ม เวรละ ฮ่าๆๆๆๆ ขอโทษๆๆ พูดผิด”

   “เฮอะ”

   “ขอโทษษษษษษ” เขาก้มซุกไหล่ผม “พูดผิดจริงๆ”

   “เนี่ย แล้วอย่างนี้จะให้มั่นใจได้ยังไง” ผมพูดผ่านไหล่เขา “ผมเกือบจะแก้เผ็ดคุณแล้วนะกัปตัน”

   “เธอจะทำยังไงเหรอ”

   “ผมจะหลอกให้คุณรัก รักมากๆๆๆๆๆๆ แล้วก็เชือดทิ้งทีเดียว”

   “ถ้าอย่างนั้นเธอทำไม่ได้หรอก”

   “รู้ได้ยังไง ผมเล่นเกมเก่งจะตาย”

   “ฉันรู้ว่าเธอเก่ง” เขาเท้าคางมอง “แต่เธอจะทำได้ยังไง ฉันชอบเธอมากก็จริงนะ แต่เธอชอบฉันมากกว่าซะอีก”

   “พ…พูดอะไรเนี่ย”

   “ฉันดูก็รู้ เธอสติแตกเหมือนเป็นเมียฉันแล้วด้วยซ้ำ”

   “โอ๊ยยยย ไปกันใหญ่แล้ว”

   “เมียครับ รักนะ” เขาเอียงคอมอง เล่นเอาผมหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันหนีอีกรอบ ลืมไปว่าไอ้นี่มันแก่ มันผ่านมาเยอะ อ่านเกมออกทุกอย่างเลย ฮืออออออ เสียเซลฟ์แล้ววววววว

   “อย่าหนีสิ” เขาฉุดเอวผมไว้

   “กัปตัน อุจาดน่ะ นี่มันสนามหลังบ้านเลยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”

   “เล่นกับแฟนไม่ได้เหรอ”

   “เลิกมัดมือชกกันสักที” ฮืออออ ผมจะร้องไห้

   “โอเคๆ พอแล้ว” เขาปล่อยมือพร้อมชูสองแขนเหมือนคนมอบตัว “ทีนี้สบายใจขึ้นยัง”

   “อื้อ”

   “อย่าคิดจะเล่นอะไรแผลงๆ ด้วยนะ”

   “ผมให้โอกาสแค่ครั้งนี้นะ”

   “รู้แล้วน่า ก็บอกแล้วไงว่าสัญญา” เขาจับมือผมอีกครั้ง

   เฮ้อ แพ้ทางอีกแล้วสินะกู เอาวะ อีกสักครั้ง ก็ดีที่ไม่ต้องลังเลใจอีกต่อไป หมายถึง… ถ้าเขาคิดจะจริงจังกับผมจริงๆ น่ะนะ

   “นี่ ถ้าพ่อแม่เธอเห็นเราเขาจะว่ายังไง” กัปตันถาม

   “หือ ป๊ากับแม่อะเหรอ” ผมมองไปยังหลุมศพที่เคียงข้างกันนั้น “ถ้าเป็นป๊าคงจะไม่ต้องรอให้พูด ผมว่าด่าเปิงไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลย”

   “ฮ่าๆ ฉันพอเดาท่านประธานออก” กัปตันหัวเราะพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย

   “แต่ถ้าแม่… ไม่รู้สิเดาใจยากจัง” ผมพูดความจริง แม่อะเรื่องมากเสมอ “บางทีอาจจะถามว่ากัปตันเป็นลูกใคร เงินเดือนเท่าไหร่ ขับรถอะไรล่ะมั้ง”

   “ตัวเธอเคลือบทองหรือไงถึงต้องแลกเปลี่ยนขนาดนั้น”

   “ลูกชายคนเดียวอะครับขอโทษที” ผมยิ้มแป้น จนเขายิ้มตาม วันนี้เขายิ้มเกินไปแล้วนะ ไม่ชอบ! (พร้อมก้มหน้างุดแก้เขิน)

   “ดูท่ามีแต่ลุงเอกแล้วสินะที่ต้องกังวล”

   “รายนั้นคงใส่พานถวายเลยล่ะ ให้ท้ายกันขนาดนี้” ผมบอก ยังนึกหงุดหงิดเรื่องยุ่งไม่เข้าท่าของพ่อบ้าน

   “ถ้างั้นก็หมดห่วง ต่อไปนี้จะเดินหน้าแล้วนะ” เขาพูดพร้อมกับเอนตัวนอนหนุนที่ตักผม

   “นี่ลุกเลยนะ ออกไปๆๆๆ” ผมดันหัวกัปตันให้หลุด แต่ตัวเขาหนักชะมัด

   “อืม…สบายจัง” เขาคราง น้ำเสียงที่อ่อนลงแบบนั้นทำให้ผมชะงักมือและเปลี่ยนมาเป็นลูบผมดำขลับที่นุ่มนวลนั้นแทน เขาดูมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น แต่ตาก็ยังจ้องมองผมเขม็งเหมือนกำลังสังเกตท่าทีว่าผมจะฟาดเข้าให้เมื่อไหร่

   “เหมือนหมาเลย” ผมแลบลิ้นใส่เขา เลียแผลบๆ เหมือนฟิลเตอร์ใน snapchat

   “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะเหมือนเข้าใจท่าทางที่ผมสื่อ “หมาน้อย”

   “น้อยอะไร คุณตัวบะเร้อ”

   “ไม่ ฉันหมายถึงเธอ” เขาเอื้อมมือขึ้นมาจับคางผมอย่างดื้อๆ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

   “เฮ้อ ปั๊ม” กัปตันถอนหายใจก่อนจะหลับตา “คนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างฉัน เธอจะรู้ว่ารักคือการที่แค่เราอยู่กับใครแล้วสบายใจก็พอแล้ว”

   เขาเงียบไปทั้งๆ ที่ผมยังคงลูบหัวเขาอยู่เหมือนเดิม ผมใช้เวลานี้คิดกับตัวเอง

   แล้วตอนนี้กูสบายใจบ้างหรือยังวะ

   ผมมองคนตรงที่นอนอยู่อีกครั้ง หึ ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ไม่เล่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมทุกอย่างได้ทันทีนะเว้ยยยยยยย

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)
   

   piloT:
   ‘กำลังจะกลับจากญี่ปุ่นจะเอาอะไรมั้ย?’
   

   Pumpkin:
   ‘sex toy’
   *สติ๊กเกอร์ทำหน้าหล่อ


   PiloT:
   ถ้างั้นไม่ซื้อนะ พกติดตัวอยู่แล้ว
   *สติกเกอร์ชูนิ้วโป้ง


   Pumpkin:
   ขอบล็อคนะครับ



   ผมนั่งอ่านแชทที่ส่งค้างไว้เมื่อเช้า กัปตันไม่ตอบมาอีกเลย สงสัยกำลังบินอยู่แหงๆ แต่เครื่องจากญี่ปุ่นมันก็น่าจะแลนดิ้งเวลาประมาณนี้แล้วนี่นา แล้วนี่กูเป็นอะไรเนี่ย ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจังเลย

   “ถ้าอย่างนั้นแปลว่ามีเงินรั่วไหล” ลุงวินัยสรุปในห้องประชุม ใช่ครับ ประชุมอีกแล้ว น่าแปลกเนอะที่การนั่งคุยกันในห้องแอร์เย็นๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากนักแต่ทำไมมันกลับทำให้ผมเหนื่อยขนาดนี้วะ

   “ต้องตั้งกรรมการสอบสวนหรือเปล่าครับ” ผมถาม

   “ก็อาจจะต้องเป็นอย่างนั้นนะ” ลุงวินัยวางรายงบประมาณของผมกับเพชรลงบนโต๊ะ “ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ๆ”

   “ใช่ครับ ไม่ดีแน่ๆ” ผมพูด ใครวะอย่าให้รู้เชียว ใจเย็นเด้อ บริษัทกูเด้อ อย่าโกงกันสิว้า

   “แต่ปั๊มเก่งนะที่จัดการเงินได้ในงบประมาณเป๊ะๆ” ลุงวินัยเอ่ยปากชม

   “แหมพ่อ ไม่ชมผมบ้างเลยนะ” ไอ้เพชรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้อง โปรเจ็กต์ของเพชรก็ใช้เงินไม่ถึงงบด้วยซ้ำ ถือว่าก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งใช้ได้

   “เอาเถอะ วันนี้เลิกประชุมแค่นี้ก่อนดีกว่า ขอบคุณทั้งสองคนมากเลยนะ”

   “ขอบคุณครับ”

   “ขอบคุณครับพ่อ”

   ขณะที่ทุกคนเตรียมเก็บ อยู่ๆ ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดเข้ามาในห้องประชุมจนเราทั้งสามคนประหลาดใจ ตรองตาลีตาเหลือกวิ่งตรงมาหาผมอย่างไม่คิดชีวิต

   “อะไรตรอง ลมบ้าหมูแดกเหรอ” ผมถาม ชักไม่แน่ใจอาการที่เลขาเป็นอยู่ตอนนี้

   “เครื่องบิน…” เสียงพูดของเลขาขาดช่วงเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง ผมพยายามลูบแขนเขาเพื่อให้สงบสติตัวเอง

   “อะไร? เครื่องบินอะไร?” เพชรที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยถาม

   “เครื่อง FAR 410 ของเราโดนฟ้าผ่า ขาดการติดต่อและหายไปจากจอเรดาร์ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วครับ”

   เพชรที่ทำหน้าตากวนตีนในตอนแรกสลดไปทันที รวมถึงลุงวินัยที่ตกใจจนมือกดโทรศัพท์โทรหาใครสักคนก่อนจะออกไปจากห้องอย่างไม่รีรอ เพชรกุลีกุจอตามพ่อออกไป เหลือไว้แค่ผมกับเลขาซึ่งยังคงอยู่ในห้องกันสองคน

   “ใจเย็นๆ นะตรอง เราต้องจัดการเรื่องนี้นะ ยังไม่มีสื่อรู้ใช่มั้ย” ผมพยายามใจเย็นมากที่สุด

   “ครับ ยังไม่มีใครรู้ ตอนนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุหรือว่าโดนไฮแจ็คใดๆ” น้ำเสียงตรองขาดช่วง แต่จากนั้นเขาจับมือผมไว้แน่น เหมือนต้องการให้ผมฟังในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้ “แต่คุณปั๊มครับ”

   เชี่ย ไม่ใช่อยากที่กูคิดใช่มั้ย...

   “ตรอง ไม่เอานะ…”

   อีกฝ่ายแค่พยักหน้า “ครับ ผมไม่อยากพูดเลย”

   “พูดมา!”

   “คนขับ…” เสียงตรองขาดช่วง “คนขับคือพี่ธีร์ครับ”

   อยู่ๆ ผมก็รู้สึกวูบวาบเหมือนตกลงมาจากที่สูง รู้ตัวอีกทีก็นั่งกองลงไปกับพื้นแล้ว

จบตอน

(https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/v/t1.0-0/q90/p480x480/16387357_10208708761661912_5068823098466623427_n.jpg?oh=32eb55dd4b0a5ea56214f8d7f437ad20&oe=594B855B)

กัปตันตายแล้ว!!!!!!!

ล้อเล่น  :z1:

 :o8:  :o8: :o8:
ไม่ขอพูดอะไรมาก วันนี้นึกคึกมากๆ ครับ เอาตอน 9 ไป
ฝากดูหนูปั๊มไว้วันนึงนะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบู๊ต่อ รักน้าาา

แวะมาทักทายได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะครับ

#firemetothemoon

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP9 ครั้งสุดท้าย | 4/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 04-02-2017 23:36:39
อะ อะไรยังไง ดราม่าไปอีก
พอจะดีๆ กันก็มีการฟ้าผ่าเครื่องอีก
งงมาก ขยันดราม่ามาก จะเอายังไงต่อเนี่ยยยยย!!!
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP9 ครั้งสุดท้าย | 4/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-02-2017 23:43:18
ปั๊มอย่าเครียด เพราะเราเครียดแทนไปแล้ว   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:


ปล.ตอนนี้กัปตันหน้ารักมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP9 ครั้งสุดท้าย | 4/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-02-2017 11:46:43
มิ้นตอนแรกมาดีใช่มั้ย จะรีเทินร้ายรึเปล่า โดนแบบนั้นก้น่าสงสาร แต่ก็เพราะกีปตันนั่นแหละ
ฟ้าผ่าเครื่อง ขอแค่ผ่าตัวสัญญาเสีย อย่าให้ใครเป็นอะไรเลย
ดราม่าต่อไปอีกกกก
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 05-02-2017 16:36:55
10
จากใจ Pilot

/กัปตันธีร์


(https://instagram.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/14591137_358292127881618_1423570767139831808_n.jpg?ig_cache_key=MTQyODExODY3ODU2NTU4MjIwOQ%3D%3D.2)
https://www.instagram.com/weir19/

   ผมรู้ว่าเขาร้าย…

   รู้มาตลอด รู้มาตั้งแต่ไม่เคยได้ใกล้ชิดด้วยซ้ำ

   วันหนึ่ง ในไฟลท์ที่ยาวนานซึ่งสายการบินเราได้เปิดรูทใหม่ไปยังประเทศสวีเดน เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องขับทั้งไปและกลับ ได้ยินมาว่าสาเหตุที่เราไปที่นี่เพราะประเทศเป็นประเทศที่ลูกชายท่านประธานไปเรียนต่อ ได้ยินมาอีกด้วยว่าเด็กคนนั้นจะโดยสารขากลับในวันรุ่งขึ้น นึกรำคาญใจที่ต้องมารับรู้ความใจปล้ำของมหาเศรษฐีเพียงเพื่อลูกชายคนเดียว คนที่ใครต่อใครต่างบอกว่านิสัยเสียน่าขยาดนัก

   แล้วผมก็เจอเขา

   เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งหน้างอในห้องรับรองของสายการบิน ผมแอบเห็นว่าเขากำลังมีปากเสียงกับพ่อแม่เรื่องการกลับประเทศ เหมือนกับว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะกลับไปไทยตอนปิดเทอม เขายืนกรานว่าที่นี่มีกิจกรรมอะไรที่สนุกกว่าที่บ้านตั้งเยอะเยอะ

   แล้วเขาก็เหลือบตามองผม ปากที่กำลังเปล่งวาจาหยุดชะงัก เขาสำรวจผม และผมก็ยินดียืนนิ่งให้เขามองเหมือนต้องมนตร์สะกด แม้ว่าเขาจะหันกลับไปสนใจบุพการีตัวเองต่อ แต่สำหรับผม สายตานั้นทำให้ผมหมกมุ่นไปอีกนาน

   ไม่กี่เดือนต่อมา ท่านประธานและภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังคงเป็นปริศนา ข่าวแพร่สะพัดออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง พูดกันไปมั่วๆ ว่าสายการบินเราจะปิดตัวลงบ้าง หรือล้มละลายบ้าง แต่คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยให้พ้นวิกฤตินี้ก็คือคุณวินัยซึ่งเป็นมือขวาของท่านประธาน แต่ผมไม่เคยชอบเขาเลย เขาคือนักธุรกิจ แต่สำหรับสองคนที่เพิ่งเสียชีวิตไปพวกเขาเป็นมากกว่านั้น ในฐานะที่ทำงานมาตั้งแต่เริ่มต้น ผมยืนยันได้เลยว่าท่านประธานและภรรยาเห็นพวกเราเป็นครอบครัว

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   เวลาผ่านไปภายใต้การดูแลของผู้รักษาการคนใหม่ ความคลางแคลงใจของพนักงานทุกคนยังคงมีอยู่ พวกเราไม่ใช่ครอบครัวกันเหมือนเมื่อก่อน ผมคิดว่าเดือนหน้าจะลาออกไปอยู่กับสายการบินอื่น ถึงแม้ตัวผมจะค่อนข้างเบื่องานนี้ไปบ้าง แต่ยังไงก็ไม่อยากไปทำอย่างอื่นตอนนี้

   ผมเจอกับลูกชายท่านประธานอีกครั้ง คราวนี้เขาโตขึ้นกว่าเดิมจนผมประหลาดใจ รูปร่างยืดขึ้นและเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ผมยังนึกชมว่าเด็กคนนี้หน้าตาดีจัง แถมยังทำตัวดีกว่าครั้งล่าสุดที่เจออีกด้วย ไม่รู้ว่าการสูญเสียพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขานิ่งสุขุมเหมือนคนคิดอะไรตลอดเวลานั้นหรือไม่ แต่มันกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมยังอยู่ที่นี่ต่อ เด็กคนนี้มีแพชชั่น บางทีการเปลี่ยนแปลงอาจจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

   ในงานศพท่านประธานเราเจอกันอีกครั้ง ขณะที่ผมกำลังนึกขำเรื่องการฝังศพในสวนหลังบ้าน อยู่ๆ เขาก็เดินตัดหน้าผมไป มีพ่อบ้านวัยชราเดินตามคอยรับใช้ ระหว่างพิธีเรายืนตรงข้ามกันแต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นผม สีหน้าของเขาเรียบสนิท ไม่มีการแสดงออกใดๆ ถึงความเศร้า แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อจบพิธีและทุกคนกำลังแยกย้าย ผมเห็นเขากอดคอร้องไห้กับเพื่อนสนิทตัวเอง

   ไม่นานนักพวกเราทั้งบริษัทถูกเรียกให้เข้าประชุมพร้อมกันในห้องประชุมใหญ่ที่พวกเรามักเอาไว้ใช้แข่งขันกีฬาประจำปี ทุกคนพร้อมอยู่แล้วขาดแต่คนที่คุณวินัยเรียกมาเข้าพบ ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของพนักงานที่คุยถึงตารางเวลาที่ล่วงเลย ประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้น ผมเห็นโคลนนิ่งของท่านประธานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเลขาคนเก่าที่ท่านเคยใช้ ผมรู้จักตรองดี ยอมรับว่าเคยจีบกัน แต่เวลาพิสูจน์แล้วว่าเราควรเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า และตรองก็อ่อนเกินไปกว่าที่ผมจะรู้สึกดีด้วยจริงๆ

   หลังจากฟังการฟาดฟันคารมกัน ลูกชายท่านประธานก็ยืนขึ้นอย่างหัวเสียและเตรียมจะเดินออกไปจากที่นี่ วินาทีนั้นผมโมโหที่มองเห็นรังสีความพ่ายแพ้ ไร้ความหวัง การต่อสู้ใดๆ จากเด็กคนนี้ ผมคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดี ผมขอทางคนข้างหน้าแล้วเดินออกไปขวางเขาไว้ด้วยคำพูด ผมเห็นเด็กตัวเล็กที่เคยงอแงตอนอยู่กับพ่อแม่ผ่านแววตาเขา และผมรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   [พี่ธีร์ครับ พี่มีแฟนหรือยัง] ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากปลายสาย จริงๆ ก็สงสัยตั้งแต่เห็นชื่อแล้วล่ะว่าตรองจะโทรมาทำไม

   “ยังครับ ทำไม? จะเปลี่ยนใจเหรอ?”

   [ไม่ใช่พี่ ผมอยากถามอะไรนิดหน่อย]

   “ถามไปทำไม”

   [คุณปั๊มให้ถามอะพี่]


   นั่นไง ตรองคนซื่อ เป็นแบบนี้สม่ำเสมอไม่เคยเปลี่ยน

   “อืม ถามมา”

   [จริงๆ พวกประวัติส่วนตัวผมรู้หมดแล้วพี่ อยากได้เรื่องลงไปลึกกว่านั้นหน่อย]


   “เรื่องแฟนเนี่ยนะ!? อืม…” ผมคิดเรื่องโกหก “ไม่คิดจะมีแล้วอะ คู่หมั้นพี่เพิ่งตายไปปีที่แล้ว ยังทำใจไม่ได้เลย”

   [พี่มีคู่หมั้นด้วยเหรอเนี่ยทำไมเพิ่งรู้ เสียใจด้วยนะพี่]


   ผมยิ้มจากปลายสาย คิดไว้ว่ามันจะต้องสนุกแน่นอน

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   หลังจากที่ผมปรามาสเขาไปในวันนั้น อีกไม่นานปั๊มก็ติดสอยห้อยตามมาที่สนามบินด้วย แต่เกิดเหตุขัดข้องจนทำให้เขาต้องติดแหงกบนเครื่องจนต้องอยู่กัวลาลัมเปอร์กับผม เขางอแงขอความช่วยเหลือกับเลขาจนผมรู้สึกหงุดหงิด ผมเลยตัดสินใจให้เขามานอนด้วยกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเห็นการใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนั้นก็โอเคแล้ว ผมเคยมีปัญหาเรื่องปากท้องมาก่อน เข้าใจเรื่องการใช้เงินดี และผมก็ชอบจะเตือนคนอื่นด้วย

   ดูเหมือนการอยู่ด้วยกันของเราไปไม่ได้สวยเท่าไหร่ ปั๊มงอแงเรื่องน้ำดื่มจนผมรู้สึกผิดและต้องเป็นฝ่ายที่วิ่งไปหาซื้อให้เขาแทน ตอนนั้นเองที่ผมเข้าใจแล้วว่าบางทีจุดความอดทนของคนเราไม่เท่ากัน บางทีการกินน้ำสะอาดอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาก็ได้ ปั๊มกำลังสอนผมอย่างนั้น

   การร่วมเตียงของเราดูราบรื่น แน่สิเพราะเขาหลับไปซะดื้อๆ ถึงผมจะเงียบแต่ไม่ได้หมายความว่าฝันไปแล้วนะ ผมนอนมองจมูกโด่งๆ ของเขาอย่างชื่นชม ถ้ามีลูก ขอแค่ลูกหน้าตาน่ารักได้สักครึ่งหนึ่งของคนที่นอนอยู่ข้างๆ นี้ก็ยังดี

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   ดูเหมือนเราจะสนิทกันมากขึ้นและผมก็เริ่มแน่ใจขึ้นแล้วว่า

   ผมชอบเขา

   ผมยังจำวันที่แผ่นหลังเล็กๆ นั้นเอนมาหนุนหน้าอกบนดาดฟ้าโรงซ่อมได้อยู่เลย ผมสูดกลิ่นไอแห่งความสดใสที่ฟุ้งกระจายรอบตัวเขาอย่างเต็มปอด อะไรต่อมิอะไรกระเจิดกระเจิงไปหมด เขาตั้งใจยั่วผมด้วยการเบียดตัวเข้ามาหา ผมพยายามใช้มือกั้นส่วนที่ไม่สมควรโดนเขา เด็กคนนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ ทั้งความคิดและร่างกาย แต่ให้ตายเถอะ ยิ่งต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองมากเท่าไหร่ ผมยิ่งหลงเขาหัวปักหัวปำมากขึ้นเท่านั้น ผมนึกถึงความรู้สึกแบบนี้…นี่คืออารมณ์ที่รู้สึกเมื่อผมมีรักแรกซึ่งมันผ่านมานานแสนนาน และผมก็ปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าครั้งนี้จะต้องรุกอย่างจริงจัง

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงในกลางดึกคืนหนึ่ง แม่ของมิ้นหนึ่งในแฟนเก่าที่ผมรักมากที่สุดโทรมาหา เธออ้อนวอนขอให้ผมหางานให้ลูกเธอทำ ผมทำท่าจะบ่ายเบี่ยงแต่เธออ้างถึงความรักสมัยที่ผมกับมิ้นตัวติดกันมากให้ฟัง ยอมรับครับว่าตอนนั้นผมไปต่อไม่ถูก มิ้นเคยสำคัญกับผม และครอบครัวของเขาก็ดีกับผมมาก ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะอ้างเพื่อบ่ายเบี่ยงที่จะไม่ช่วยเหลือ วันรุ่งขึ้นนั้นเองที่ผมไปรับมิ้นที่สนามบิน ไม่ได้อ่านข้อความที่ปั๊มส่งมาให้เลยหลังออกจากเกต ผมกลัวจะมีปัญหา ผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า และเรื่องแค่นี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรด้วย

   แต่ผมคิดผิดครับ เรื่องหนักกว่าเดิมชนิดที่ผมเองทำอะไรไม่ถูก หลังจากตีกันแทบตายผมตัดสินใจปีนระเบียงบ้านของปั๊มมันซะเลย เกิดนึกคึกอยากเป็นพระเอกหนังฝรั่งขึ้นมาซะอย่างนั้น ถึงมันจะน้ำเน่าแต่ผมก็อยากแสดงถึงความจริงใจนะ

   “ผมเหงา” สายตาเหมือนลูกแมวที่กำลังทอดมามองนั้นทำให้กางเกงผมอึดอัดไปหมด ให้ตาย! ผมพยายามควบคุมสติตัวเองแล้วนะ แต่เด็กคนนี้ทำให้ผมไม่เป็นตัวเอง ทุกๆ ตารางนิ้วของร่างกายเขาชวนให้ผมเสพติดชะมัดเลย

   แต่เหมือนจะโชคร้ายที่พ่อบ้านของปั๊มโผล่มาซะก่อน ตอนนั้นเองที่สติผมกลับมาและรู้ตัวว่ากำลังทำเกินเลยไป แต่สิ่งที่ผมควรกังวลมากกว่าก็คือสภาพตัวเองนุ่งกางเกงในตัวเดียวนี่แหละ

   “เจ้านายผมค่อนข้างซนไปนิด ขอโทษด้วยนะครับกัปตัน” ลุงเอกพูดขณะที่พาผมไปห้องรับรองแขก

   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ พร้อมกับคิดในใจว่า อืม…เหมือนคนที่ซนจะเป็นผมนะครับ


   ตื่นเช้ามาผมเจอปั๊มกับเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อไวน์กำลังคุยกัน เรื่องของผม…

   แล้วผมก็รู้ว่าแผนการของสองคนนี้คืออะไร ตอนแรกผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่พอได้ยินว่า

   “… มึงต้องตอบให้ได้ก่อนว่ามึงชอบมันหรือเปล่า”

   “เอ่อ ให้ตอบตอนไหน”

   “เอ๊า ตอนนี้สิอีเหี้ย ตอบมา!”

   “อ่า ขอเวลาหน่อยได้ปะ”

   “อ้าวไอ้สัด นี่มึงลังเลหรอ ไหนบอกไม่ได้ชอบ”

   “ไม่แน่ใจอะ ขอเวลาคิดหน่อย นะๆๆ”


   ผมกลับยิ้มไม่หุบ แล้วผมก็รู้สึกดีสุดๆ ที่ไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   เรื่องของมิ้นกลับมาทำให้ผมกังวลใจอีกระรอก ดูเหมือนอะไรๆ มันก็ยุ่งยากไปหมด แม่ของมิ้นโทรมาด่าผมเรื่องที่ไม่ค่อยได้กลับห้องไปดูแลน้อง แต่ขอโทษนะครับ ผมเป็นนักบินนะ แค่เวลาส่วนตัวยังแทบจะไม่มีเลย นี่จะเอาอะไรกับผมอีก หลังๆ มานี้ผมเลยเลือกที่จะไปนอนโรงแรมเอาดีกว่า และพยายามไม่รับสายแม่ของมิ้นด้วยถ้าไม่จำเป็น

   แต่วันนั้นเป็นวันที่ผมจะต้องไปเอาของที่ลืมไว้ที่คอนโดจริงๆ และผมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าทิ้งกุญแจไปไว้ที่ไหน ผมจัดการต่อสายหามิ้นเพราะคิดว่าเช้าแบบนี้เขาคงกำลังแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงาน แล้วก็พบว่า

   [พี่ธีร์… มิ้นยังไม่ได้กลับบ้านเลย]

   วินาทีนั้นผมพุ่งไปยังออฟฟิศใหญ่ทันที เจอมิ้นที่กำลังทำเอกสารเกี่ยวกับงบประมาณอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ ตอนนั้นผมโมโหมาก อยากจะคุยกับปั๊มให้รู้เรื่อง คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าปั๊มคงจะงอแงที่ผมห่วงมิ้นมากเกินไป แต่จะทำยังไงได้ครับก็แม่เขาฝากผมไว้ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ก็ต้องผมสิ

   ผมโมโหมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเขาเมาค้าง รวมทั้งโมโหที่ตัวเขาทำแบบนั้นและโมโหตัวเองที่เป็นสาเหตุ และเหมือนเดิม เขาวิ่งหนีผมไปอีกครั้ง

   คืนนั้นผมดักรอเขาที่หน้าประตูบ้าน ตั้งใจจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาได้แต่พร่ำเพ้อถึงความโลเลของผม ซึ่งมันไม่จริงเลย ปั๊มบอกว่าผมเห็นเขาเป็นของเล่น มันไร้สาระมาก ถ้าผมเห็นเขาเป็นของเล่นผมคงจะเอาแล้วทิ้งไปนานแล้ว แต่ไม่…กลับหวงเพื่อรอจนถึงเวลาสมควรด้วยซ้ำ แต่อย่างว่าแหละ น้องยังเด็ก และผมก็ผิดเองที่สร้างภาพลักษณ์หนุ่มใจดีคุยง่ายเทคแคร์ทุกคนแบบนี้เอง ใครเขาจะไม่เกลียด แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า ไม่มีใครที่ผมรู้สึกดีเหมือนปั๊ม ทั้งอดีตที่ผ่านมา และก็ยืนยันว่าไม่รู้ในอนาคตจะเจออีกหรือเปล่า

   “ฉันอยากให้รู้ว่าฉันจริงจังนะ” ผมพูดออกมาจากหัวใจ แต่ตอนนั้นผมจำเป็นต้องถอยออกมาก่อนจริงๆ ผมจะรอให้เขาสงบลงก่อน เรื่องแบบนี้ผมรอได้ ความรู้สึกมันละเอียดอ่อนอยู่แล้ว...ผมเข้าใจ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   คืนนั้นผมกลับคอนโดไปแพ็คของเพราะตั้งใจจะย้ายออกไปอยู่โรงแรมที่ไหนก็ได้สักพัก มิ้นยังหลับอยู่และผมจัดการเขียนโน้ตทิ้งไว้แล้ว เพื่อความสบายใจของปั๊มผมยอมทำได้หมด ตอนนี้คนที่ควรจะแคร์คือเด็กคนนั้นคนเดียว ผมจะพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีตอนไหนเลยที่ผมไม่จริงใจ

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมได้รับข้อความจากมิ้นว่าลาออกจากงานแล้วเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่ยังขออยู่คอนโดต่อไปจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่รวมถึงงานใหม่ได้ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที ตั้งใจจะยกหูโทรหาแต่ก็มีใครโทรสวนมาซะก่อน

   “มาหานายน้อยของผมหน่อยมั้ยครับ เฉาเป็นผักต้มเลย”

   ผมหัวเราะกับเสียงลุงเอก พ่อบ้านคนนี้มีมุกแปลกๆ มาเสิร์ฟเสมอ จากนั้นก็ไม่รีรอขับรถไปหาปั๊มทันที เมื่อเจอกันผมบอกเขาว่าผมไล่มิ้นออกจากห้องไปแล้วโดยไม่ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นผมเองต่างหากที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่กลายเป็นว่าพอได้ยินอย่างนั้นปั๊มกลับทำหน้าสลดใจเหมือนรู้สึกผิด อืม…บางทีเขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นจริงๆ นะ

“คนที่เจออะไรมาเยอะอย่างฉัน เธอจะรู้ว่ารักคือการที่แค่อยู่กับใครแล้วสบายใจก็พอแล้ว” ผมพูดขณะที่นอนหนุนตักให้อีกฝ่ายเล่นหัวพร้อมกับรับรู้ถึงพลังงานความสุขบางอย่างที่ออกมารอบตัวเขา

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

“กัปตัน ลุกเถอะผมหนัก” ปั๊มผลักหัวผมออกหลังจากที่เวลาผ่านมายาวนาน ผมไม่รู้ตัวเลยว่านอนไปนานเท่าไหร่ แต่ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปอย่างตาสัมผัสได้

“หิวยัง” ผมถามขณะเอนตัวขึ้น

“อื่อ นิดหน่อย” เขาบิดขี้เกียจ ร้องโอดครวญระหว่างนวดขาตัวเองไปด้วย

“ออกไปหาอะไรกันกันมั้ย” ผมเอ่ยปากชวน

“ไม่ต้องหรอก ดูโน่น…” เขาชี้ไปยังสนามใกล้สระว่ายน้ำซึ่งไม่ไกลออกไปนัก ลุงเอกยืนรออยู่ก่อนแล้ว ข้างๆ เป็นโต๊ะเล็กๆ สำหรับสองคนซึ่งด้านบนมีอาหารและเทียนแท่งสวยวางรอไว้

“โรแมนติกกว่าที่ฉันคิดจะพาไปอีกนะเนี่ย” ผมเกาหัวแก้เก้อ ว่าจะพาปั๊มไปทำอะไรทำนองนี้แหละครับ

“ไม่ต้องฝืนให้ตัวเองหวานมากก็ได้นะกัปตัน” คนตัวเล็กว่าพลางเดินนำผมไปหาพ่อบ้านของเขา “ผมรู้ว่าคุณเป็นพวกฮาร์ดคอร์”

“จริงๆ แล้วฉันก็มีมุมให้หวานนะ”

“หน้าอย่างกับหมาเอาอะไรมาหวาน” ปั๊มจ้องมองพร้อมกับหัวเราะขำขัน เออดี ตลกกันเข้าไป รู้ตัวครับว่าหน้าโหด ฮ่าๆ

ผมจัดการกอดคอคนตัวเตี้ยกว่าและขโมยหอมเส้นผมไปฟอดใหญ่ ตามเคย… ไอ้ตัวเล็กฟาดเข้าให้ที่ไหล่ผมอย่างแรงจนตัวบิด แต่ผมไม่ละทิ้งความพยายามที่จะพาดแขนไปครั้งที่สอง คราวนี้อีกฝ่ายไม่ขัดขืน ผมรอจนแน่ใจว่าปลอดภัยจึงจัดการใช้ปลายนิ้วจับไหล่เขาเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปหอมอีกครั้งโดยไม่ได้โดนตีกลับมา

“เอาไว้ไปเดทกันสองคนคราวหน้านะ”

“อื่อ” ปั๊มส่งเสียงในลำคอ ผมจะคิดซะว่านั่นคือการตอบตกลงแล้วกัน

“แค่เรียกให้มาทานข้าว กรุณาเดินห่างๆ กันหน่อยครับ” เสียงลุงเอกดังทะลุมาแต่ไกลจนเราสองคนสะดุ้งแยกจากกันเหมือนใครฉีกปาท่องโก๋ ต่างฝ่ายต่างหลบหน้าพ่อบ้านเหมือนวัยรุ่นหนีความผิดจนกระทั้งได้นั่งบนเก้าอี้

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

“ฝันดีนะ” ผมบอกลา ปั๊มมาส่งผมที่รถด้วยแหละ

“ไม่นอนนี่จริงๆ เหรอ” น้ำเสียงอีกฝ่ายยานคางอาจจะเพราะความง่วง เอ๊ะ หรือจริงๆ จะอ้อนกันแน่นวะ

“ชวนฉันนอนด้วย?” ผมเลิกคิ้วมองผ่านบานกระจกที่เลื่อนลง

“บ้า เห็นมันดึกแล้วเหอะ” คนด้านนอกทำหน้าเหมือนหงุดหงิดตัวเอง

“ฉันกลับดีกว่า ได้นอนก็นอนคนละห้องกันอยู่ดี ไม่ชอบเลย ถ้านอนด้วยกันค่อยคุยกันได้หน่อย”

“หยุดเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด! ไม่มีทาง!” ปั๊มถอยออกไป “กลับไปได้แล้ว วันนี้ผมใช้ชีวิตกับคุณมากกว่าเพื่อนพ้องญาติพี่น้องอีกนะ”

“ฝึกไว้ เดี๋ยวได้อยู่กันอีกยาว” ผมหยอด

“ให้มันยาวแล้วค่อยมาอวดนะจ๊ะ บายครับ” ปั๊มโบกมือก่อนจะเดินทิ้งขาอย่างเหนื่อยอ่อนเข้าไปในบ้าน

ผมมองขาเนียนๆ ที่โผล่ออกมานอกกางเกงขาสั้นแล้วก็ยิ้มพิมพ์ใจ คนอะไรมันน่ารักขนาดนี้นะ สำหรับปั๊มแล้ว เขาเหมือนของขวัญที่ผมไม่เคยมี ความรู้สึกอยากครอบครองมันเอ่อล้นไปหมดเลย

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

piloT:
‘กำลังจะกลับจากญี่ปุ่นจะเอาอะไรมั้ย?’


ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์ของปั๊ม ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมอยู่ในห้องขับบนเครื่องบินเรียบร้อยแล้วครับ จริงๆ ผมซื้อของไว้ให้เขาแล้วล่ะ แค่อยากจะหาเรื่องคุยเท่านั้นเอง
   
Pumpkin:
‘sex toy’
*สติ๊กเกอร์ทำหน้าหล่อ


ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นข้อความที่ตอบกลับ นักบินผู้ช่วยถึงกับมองผมอย่างไม่แน่ใจเหมือนจะถามว่าอะไรมันจะตลกขนาดนั้น
ทะลึ่งมาทะลึ่งกลับละวะ!

PiloT:
ถ้างั้นไม่ซื้อนะ มีพกติดตัวอยู่แล้ว
*สติกเกอร์ชูนิ้วโป้ง

หึหึ ผมมันเป็นคนทะลึ่งอยู่แล้ว ปั๊มก็ชอบบอกอยู่บ่อยๆ นี่

Pumpkin:
ขอบล็อคนะครับ


ผมกำลังจะพิมพ์ตอบแต่เสียงเตือนความพร้อมดังขึ้นซะก่อน ผมจึงจัดการปิดโทรศัพท์และนั่งประจำที่เพื่อเตรียมจะบิน
อยากกลับไปเจอหน้าปั๊มจะตายอยู่แล้ว

ผมหยิบไมค์ขึ้นมาก่อนจะส่งเสียง

“สวัสดีครับ ผมกัปตันธีรดล ประดับแก้ว ทำหน้าที่ขับอากาศยานเที่ยวบินที่ FAR  410 ซึ่งมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยการเดินทางจะใช้เวลาสี่ชั่วโมงโดยประมาณ ทั้งนี้ทางสายการบินต้องขออภัยสำหรับความล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ขอบคุณครับ…”


จบตอน

(https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16388249_10208714402202922_8252765449413572119_n.jpg?oh=8bb898851957caa25a6d3ddb1af735f0&oe=59085662)

 :really2:  :really2: :really2:

เป็นสัปดาห์ที่ Reality มากๆ เพราะอัพวันละตอน 3 ตอนติด งิงิ
จริงๆตอนนี้เป็นบทที่แทรกมาระหว่างที่รีไรท์ครับ และพออ่านฟีดแบคเพื่อนๆ บวกกับกัปตันต้องมีกระบอกเสียงหน่อย ก็เลยเออเอามาโผล่ก่อน
ซึ่งจริงๆ กัปตันจะมีบทของตัวเองท้ายๆ เรื่องโน่น เพราะฉะนั้นบทนี้จึงเป็นบทที่ timeline ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ จะมีอะไรเฉลยทีหลังท้ายเรื่องนะฮะ

ครึ่งทางแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา
ผมไม่เคยคิดว่านิยายเขียนขำขำบำบัดตัวเองจะมีคนอ่านเยอะขนาดนี้ (4k แล้วเย่ๆๆๆๆ)
แต่ยังไงก็อยากให้ติดตามกัปตันกับน้องปั๊มไปจนถึงบทสรุปนะครับ

ฝากแสดงความคิดเห็น ฝาก+ ฝากแชร์หากคุณชื่นชอบนะ

ไว้เจอกันใหม่ครับ <3
แวะมาทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic เหมือนเดิมเด้อ

#firemetothemoon
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2017 19:24:22
เป็นพระเอกนิ คงไม่ตายง่ายๆหรอกเนอะ :hao3: ต้องปลอดภัยสิ  :call:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-02-2017 21:48:55
ที่แท้ กัปตันธีร์ก็ชอบปั๊มมาตั้งนานแล้วนี้เอง
อยากกินเด็กสินะ
หวังว่ากัปตันจะไม่เป็นไร

 :hao5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-02-2017 01:23:22
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2017 12:25:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 06-02-2017 13:01:24
แสดงว่าบางส่วนเกี่ยวกัยกัปตันนี่ก็เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นหน่ะสิ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-02-2017 04:15:39
ขอให้กัปตันและทุกคนบนเครื่องบินปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP10 จากใจ Pilot / กัปตันธีร์ | 5/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 09-02-2017 04:12:25
ค้างง มาต่อเถอะค่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 09-02-2017 19:54:52
Part II
หวานเย็น

11
ไอ้เป๋


(https://scontent.fbkk2-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16602671_10208748703100423_7957664119523967893_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeF5_GJCJLl7L-ibBxH9sYDYyOSh74ckg1_95hvYnLsbkUt87eTQBik01B26POwGqwj3Ctr3R8pAiZdGs-nZ6ZmAFQGjQox0iocCfgwmZ9VN1Q&oh=b2b0d45c04f681c15c1748346ae67526&oe=5904E46C)

“เราจะเจอกันอีกมั้ยพี่”
“เจอสิ ยังไงพี่ก็จะวนเวียนอยู่กับเรา ไม่ไปไหนอยู่แล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กัน…


(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โอ้ยย เมื่อกี้เหมือนมีใครเอาไม้มาทุบหัวเลย แถมก็ฝันแปลกมาก ฝันว่าเครื่องบินที่กัปตันธีร์ขับโดนฟ้าผ่า เหมือนจริงชะมัด

   ฮืออออ กูจะตลกแดกทำไมเนี่ย มันไม่ใช่ฝัน! ทั้งหมดเกิดขึ้นจริงโว้ย!!

   “คุณปั๊มเป็นยังไงบ้างครับ” ตรองเป็นคนแรกที่วิ่งมาหา

   “ได้ข่าวอะไรบ้างหรือยัง” ผมถามอย่างไม่รีรอ

   แต่ตรองกลับเอาแต่ส่ายหัว…

   ชิททททท นี่มันอะไรกันวะเนี่ยยยย

   “มึงไม่คิดจะทักทายกูที่เป็นตัวละครใหม่หน่อยเหรอวะ” ไอ้ไวน์ที่ผมเพิ่งเห็นว่ามันนั่งอยู่ข้างๆ โบกมือเรียก อ้าว ก็กูไม่เห็นจริงๆ

   ผมคงไม่ได้สติไปนานจนไม่ทันได้รู้ตัวว่าทุกคนในบอร์ดบริหารมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทุกคนกำลังเคร่งเครียด มีแต่ไอ้ไวน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ประหลาดกว่าชาวบ้านเขา การแต่งตัวแตกมู้ดกว่าคนอื่นเหมือนหลุดมาคนละโลก ว่าแต่…ใครตามมันมาวะครับ?

   “เฮ้ย!! รายงานจากสนามบินบอกว่ามีเครื่องที่ไม่เห็นในเรดาร์กำลังขอลงจอดครับพ่อ!” ไอ้เพชรตะโกนลั่น “เครื่องของเราครับ! เครื่องของเราครับทุกคน!!”

   ทุกคนเฮลั่น ลุงวินัยมีท่าทีสบายใจอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนรวมถึงผมด้วย…

นี่แปลว่าทุกอย่างโอเคแล้วใช่มั้ย? โอ๊ยยยยย หวังว่ากัปตันจะไม่เป็นอะไรนะ

เชี่ย ทำไมรู้สึกเป็นห่วงเขามากขนาดนี้วะ ไอ้หมา

   “ใจเย็นมึง ไม่มีอะไรแล้วล่ะมั้ง” ไอ้ไวน์ปราม คงเพราะเห็นว่าผมนั่งเขย่าขาลุกลี้ลุกลนนานแล้ว แถมตอนพูดมันมองหน้าเหมือนจะขำอีกต่างหาก

   “ขำห่าอะไรเนี่ย กูยิ่งเครียดๆ อยู่”

   “เปล่าๆ ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังแล้วกัน” มันว่าทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่

   “ปั๊ม!!” เพชรตะโกนเรียกจากอีกมุมห้อง

   ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ ตะโกนห่าไรดังขนาดนั้น

   “เราจะไปสนามบิน จะไปกับเรามั้ย” เพชรทำท่าเก็บข้าวของ

   “ไป!!” ครับ ตอบอย่างไม่ต้องลีลา ผมเห็นไอ้ไวน์กับตรองมองหน้ากันก่อนจะเดินตามมาติดๆ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   เกิดความโกลาหลขึ้นที่สนามบิน ดูเหมือนว่าจะเราจะปิดนักข่าวไม่อยู่ซะแล้ว ไอ้เพชรดูหัวเสียมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมประหลาดใจสุดๆ ไปเลย ก็ไม่เคยเห็นเวลามันทำงานจริงๆ จังๆ นี่เนอะ เรื่องพวกนี้มันเป็นงานของเพชรอีกต่างหากที่จะต้องจัดการจำกัดวงสื่อมันก็คงสติแตกเป็นธรรมดา ผมเห็นมันโวยวายด้วยคำหยาบนานาก่อนจะขอตัวแยกออกไปเพื่อสะสางงานที่ต้องรับผิดชอบ

   โอเค เห็นมันตั้งใจแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

   ที่ห้องรับรองสายการบิน บรรดาญาติๆ ผู้โดยสารต่างก็กำลังโวยวายและขอเจอคนของตัวเอง ผมช่วยพวกพนักงานภาคพื้นจัดการความวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่งจนสังเกตเห็นว่าเริ่มมีการทยอยพาผู้โดยสารที่ลงจากเครื่องเข้ามาในห้องนี้บ้างแล้ว แต่ผมก็ยังไม่หายเครียด เพราะไม่เห็นพวกลูกเรือตามเข้ามาสักคน ด้วยความกังวลผมจึงขอแยกตัวออกไป

   ผมมองออกไปยังรันเวย์ผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องที่เอาไว้สูบบุหรี่ ผมเห็นผู้คนต่างวิ่งกรูกันไปที่เครื่องบินของเรา ผมชะเง้อเพื่อมองว่าบรรดาลูกเรือได้ลงมาจากเครื่องบ้างมั้ย แต่ไม่… เอาล่ะ ผมเริ่มสติแตกครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ฮือออออออ


   ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’



   เอ๊า ปิดเครื่องทำบ้าอะไรเนี่ยกัปตัน โอ๊ยยยย กูเครียด!

   “อยู่นี่เองนะมึง!!” ไอ้ไวน์ตะโกนดังเข้ามาในห้องสูบบุหรี่ เดาจากเสียงเหนื่อยๆ นั้นมันคงวิ่งตามหาผมมาสักพักแล้วล่ะ

   “ตรอง! เราสามารถเข้าไปด้านในนั้นได้มั้ย” ผมหันไปถามเลขาที่อยู่ด้านหลังเพื่อนสนิทซึ่งหอบไม่พอกับคนหน้า

   “เอ่อ… เราต้องมีป้ายแขวนคอครับ”

   “ไปเอามา!!”

   “โอ้ ใจเย็นนะปั๊ม กูว่าคงไม่มีอะไรแล้วนะ มึงจะเดือดไปไหนเนี่ย” ไอ้ไวน์ยกมือห้าม

   “โอ๊ยยยย มึงอย่ามาขัดกูตอนนี้ได้มั้ย กูอยากเข้าไปดู!!!”

   ปักๆๆๆๆๆๆ!

   ผมทุบกระจกด้วยความเดือดดาลจนเจ็บมือ ไอ้ห่าเอ๊ย

   แต่ดูเหมือนว่าเสียงเคาะกระจกนั้นจะทำให้คนอีกฝั่งได้ยิน ช่างจากสายการบินของเราคนหนึ่งซึ่งกำลังจะวิ่งไปที่เกิดเหตุกลับชะงักพราะดันหันมาเห็นทางนี้ซะก่อน เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหรี่ตาพินิจพวกเราสามคน

   “คุณปั๊ม!?” ช่างคนนั้นเบิกตาโพลงก่อนจะวิ่งไปตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่สนามบินให้มาเปิดประตูฉุกเฉินที่อยู่ข้างกันให้

   เออ! จำได้แล้วว่าใคร นี่คือกันหัวหน้าช่างคนปัจจุบันที่ผมเคยเจอนี่

   “คุณปั๊มจะเข้าไปดูเครื่องเหรอครับ” เขาถามอย่างใจร้อนเมื่อพวกเราเดินผ่านประตูเข้าไป

   “คือ…ผมมาหาพวกลูกเรือน่ะครับ”

   เหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังสื่อ หัวหน้าช่างเพียงพยักหน้าก่อนจะเรียกให้ขึ้นรถไปด้วยกัน

   “เดี๋ยวผมขับไปส่งครับ”

   พวกเรานั่งรถข้ามไปยังอีกฝั่งจากที่อยู่ในตอนแรก รถฉุกเฉินและรถพยาบาลจอดเรียงกันเป็นตับ หัวหน้าช่างปล่อยผมลงก่อนจะขอตัวไปดูเครื่องต่อ

   “ใจเย็นๆ นะมึง” ไอ้ไวน์เขย่าไหล่ผม ส่วนผมแค่พยักหน้าให้แทนคำตอบ

   ฮึ่ยยย มึงอยู่ไหนนะกัปตัน ถ้ากูเจอกูจะเตะๆๆๆๆๆๆๆ ให้ร้องเอ๋งเป็นหมาเลย โทรหาก็ไม่ติด แล้วไม่คิดจะมีฟีดแบคมาสักนิดเลยหรือไงนะ คงคิดว่ากูจะไม่เป็นห่วงเลยล่ะสิ

   “คุณปั๊มครับ” ตรองเรียกพร้อมกับสะกิดให้มองไปยังเต็นท์สีขาวซึ่งมีลูกเรือเดินออกมาจากที่นั่น ผมเดินเข้าไปอย่างไม่ต้องคิด

   ทันทีที่ผมสะบัดผ้าที่กั้นออก ผมก็เห็นเขา…

   กัปตันธีร์กำลังตื่นตระหนกแต่ก็ดูเหนื่อยล้าไปพร้อมกัน เขากำลังนั่งก้มหน้าหลับตาเหมือนต้องการความผ่อนคลาย เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไปฟัดกับสัตว์สักตัวมา ผมเผ้าตกประหน้าเห็นแล้วรำคาญตา แต่พวกนั้นไม่ได้ทำให้ผมกังวลเท่ากับผ้าพันแผลที่หัวและแท่งเหล็กซึ่งกำลังใช้ดามขาเขาอยู่เลย

   เหมือนเขารับรู้ได้ว่าผมมา ใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนนั้นยกเงยพร้อมกับลืมตา เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นผมเองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา …ห่างกับเขาไม่ถึงเมตร

   หึ ขอกูระเบิดหน่อยเหอะ!!

   “นี่ไม่คิดจะทำอะไรเลยใช่มั้ย!!! ปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรทำไมไม่คิดจะหาทางบอกล่ะ!! โทรหาก็ไม่ติด ไม่คิดว่า… อุก!”

   ยังไม่พูดไม่ทันจบประโยคกัปตันก็กระโดดด้วยขาข้างเดียวเข้ามาจูบผม…

   ใช่ครับ จูบ!

   และด้วยความที่ผมตาค้างเพราะตกใจจึงเห็นว่าใบหน้าเขาเครียดมาก คิ้วย่นเข้าหากัน ที่สำคัญเขาหลับตาขณะที่จูบผมด้วย กลายเป็นว่าเป็นผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ท่วมท้นมาจากร่างกายเขาเต็มๆ นั่นก็เพราะเขาจู่โจมทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแท้ๆ ไงล่ะ

   แล้วเขาก็ถอนปากออก ใบหน้าที่เห็นตอนนี้ทำให้ผมสงสัยว่าแท้จริงแล้วกัปตันคือใคร ผมไม่เคยสัมผัสเขาในอารมณ์นี้เลย
 
   “คือ…” ผมหลบตาอย่างเขินอาย

   “อย่าเพิ่งพูดอะไรได้มั้ย” เขาขอร้อง พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบแก้มของผมอย่างทะนุถนอมเหมือนเจอของรักที่ไม่ได้เห็นกันมาแสนนาน

   ผมรู้ว่าเขากำลังช็อคก็เลยพยักหน้าไป

   “ฉันสาบานกับตัวเองว่าจะทำอย่างนั้นถ้ารอดชีวิตไปได้”  เขาพูดขณะที่ก้มลงมาซุกไหล่ อิริยาบถที่หลังๆ เขาชอบทำเป็นประจำ

   “นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันแล้ว ไม่อยากตายตอนที่ยังไม่ชัดเจนแบบนี้” เขาคราง

   “ก็อยู่นี่แล้วไง” ผมตั้งใจจะปลอบเขา เออ ปลอบไงดีวะ เอางี้ ลูบหลังไปเรื่อยๆ แล้วกัน

   “รู้แล้วๆ ใจเย็นๆ น่า” ผมเอนหัวพิงอีกฝ่าย “ขอโทษที่ทำให้กังวลใจด้วยนะ… พี่ธีร์”

   เมื่อได้ยินผมพูดชื่อเขาก็กระชับกอดผมแน่น ผมรู้สึกมวนท้องเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยกำลังบินอยู่ด้านใน

   สำหรับวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กัปตันอีก และก็ทำให้ผมรู้ตัวเองด้วยว่า… ความรู้สึกที่มีให้เขามันแน่นอน ไม่เคยเปลี่ยน...ซึ่งผมจะยังไม่บอกเขา

   เพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนี้กับผมก่อน มันคงเป็นผมที่งอแงและกระโดดไปกอดเขาเอง

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   กว่าเรื่องทั้งหมดจะซาก็เกือบห้าทุ่ม หน้าที่แถลงข่าวผมส่งให้ลุงวินัยกับเพชรสองพ่อลูกเป็นคนจัดการ จากการสอบสวนได้ความว่าเครื่องถูกฟ้าฝ่าทำให้เรดาร์เสีย ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเครื่องขัดข้องไปสามนาที สามนาที! แม้ได้ยินตอนแรกรู้สึกว่ามันจะน้อยแต่ผมได้รู้จากคนอื่นๆ ว่ามันคือเวลาความเป็นความตาย นับเป็นปาฏิหารย์ที่กัปตันใช้วิชาช่างเบื้องต้นกู้เครื่องกลับมาได้อีกครั้ง แต่ระหว่างนั้นเครื่องตกหลุมอากาศจนหัวและขาของเขากระแทกกับแผงควบคุมอย่างแรง พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก นึกไม่ออกเลยว่าถ้ากัปตันไม่มีความรู้พวกนั้นจะเกิดอะไรขึ้นแทน

   แต่กัปตันก็ได้รับเสียงชื่นชมใหญ่เลยนะที่สามารถกู้เครื่องขับแบบอนาลอคมาถึงไทยเองได้ แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจคำชมพวกนั้นเลย เขาเพียงแต่เกาะผมแจเหมือนเด็กกลัวหลง ผมได้แต่ทำหน้าจืดๆ เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ในองค์กรมองมาอย่างจับผิด

   “โอ๊ยยยย หิวสัดดดด ไปหาไรแดกกันมั้ย” ไวน์โพล่งขึ้นมาหลังจากนั่งเล่นมือถืออยู่พักใหญ่ ใช่ครับ ตอนนี้ผม ไวน์ ตรองอยู่ในห้องพักผู้ป่วยที่กัปตันธีร์โดนส่งมานอนหลังจากที่ให้หมอใส่เฝือกอ่อน แถมโดนกำชับให้นอนดูอาการจากแผลที่หัวด้วย กัปตันได้รับการอนุมัติให้ลางานสองสัปดาห์ กลายเป็นว่านี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้หยุดปีใหม่เหมือนกับคนอื่นบ้าง

   “หิวปะคุณ” ผมหันไปถามคนบนเตียง

   “ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” เขาตอบ ดูนิ่งไปถนัดตาไม่เหมือนเคย

   “เออดีว่ะ กูถามมึงมึงไม่ตอบ ไปถามผัวต่อเลย” ไอ้ไวน์กอดอกแซว

   ไอ้ห่านี่! พูดอะไรของมัน เล่นอะไรไม่รู้เรื่องงงงงง ตั้งแต่ตอนที่ผมกอดกับกัปตันและครับ กำลังซึ้งๆ แม่งดันไปเห็นมันชูนิ้วโป้งพร้อมกับขยิบตาให้เหมือนชื่นชม เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลย จะซึ้งก็ไม่เต็มที่

   “ผมคงต้องกลับแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ตรองโพล่งขึ้นพร้อมยกมือไหว้คนบนเตียง สภาพไม่ต่างอะไรจากคนป่วยเลย น่าสงสาร วันหลังจะพาไปทานข้าวนะ เฮ้อ วิ่งตามทั้งวันเลยเลขากู

   “เดี๋ยวพี่” ไอ้ไวน์ลุกขึ้นบ้าง “พี่หิวปะ?”

   ตรองเหมือนครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ก็หิวนะ”

   “เออไปกินข้าวกันมั้ยพี่แล้วค่อยกลับพร้อมกัน เดี๋ยวผมไปส่ง”

   “เอ่อ…”

   “เออไปกินด้วยกันนั่นแหละ ฝากด้วยนะไวน์” ผมบอกทั้งคู่

   “ไม่ต้องพูดมาก มึงได้เจอกูคืนกำไรแน่ ลาก่อน หวัดดีครับกัปตัน” มันหันมาลาจากนั้นก็ผลักหลังเลขาผมให้เดินนำออกไป

   “เธอไม่หิวเหรอ” หลังจากที่ประตูปิดลงคนบนเตียงก็กลับมาพูดบ้าง ฮ่าๆ เป็นแบบนี้ก็ดีนะ พูดน้อยลงดี ไอ้แก่พูดมากหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อย่ากลับมาอีกเลย (ในเร็วๆ นี้)

   “ไม่อะ” ผมบอก เหยียดตัวนอนกับโซฟา “ไม่รู้สึกอะไรเลย”

   “ปั๊ม” เขาเรียก

   “หือ?”

   “มานอนนี่มา” กัปตันเขยิบตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้เกิดพื้นที่ว่างข้างๆ ตัว

   “บ้า! เดี๋ยวหมอด่า”

   “ตามใจหน่อยสิ” น้ำเสียงเขาออดอ้อน แต่ไม่เท่าใบหน้าที่เว้าวอนอย่างคาดหวัง

   “เฮ้อ” ถอนหายใจไปอย่างนั้นแหละครับ ผมยอมกระโดดขึ้นไปเหยียดตัวข้างๆ เขาแต่โดยดี แต่อยู่ในสภาพเหมือนศพ ตัวแข็งทื่อ ตาค้าง ไม่เคยตั้งใจมองเพดานที่ไหนเท่านี้เลย

   “อือ ทีนี้จะได้นอนสบายๆ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง

   อ้าว!? นี่เรียกกูขึ้นมาแค่นี้เหรอ

   “อะไรของเขาวะ” ผมบ่นงึมงำ

   “หือ?” เขาพลิกตัวกลับมาอีกรอบพร้อมกับเลิกคิ้วมองอย่างขบขัน “คิดว่าจะมีอะไรมากว่านี้หรือไง?”

   “เฮอะ!” ผมเบี่ยงตัวหนี ฮึ่ยยย อารมณ์เสีย

   “มานี่มา” เขาสอดแขนเข้ามาใต้หัวผมและจัดการจับพลิกหันไปหาได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังหนุนแขนพร้อมกับมองตาของเต็มๆ

   “คุณดูโทรมมากเลย” ผมโผล่งออกมาหลังจากสำรวจใบหน้าเขา โทรมแบบไม่มีแววความหล่อเลยอะ

   “แต่เธอดูสดใสมากเลยนะ” เขาม้วนผมของผมเล่น “มีความรักเหรอ?”

   “เปล่า ผมดูดพลังมาจากกัปตันต่างหาก”

   “สงสัยจะจริง” เขาหัวเราะออกมา

   “ผมว่าผมต้องกลับบ้าน เดี๋ยวลุงเอกจะว่าเอา” ผมทำท่าจะลุกแต่เขากดผมไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

   “ไม่กลับไม่ได้เหรอ” เขาว่า “อยู่เป็นเพื่อนหน่อย”

   “ผมก็อยากนะกัปตัน…แต่ว่า” ยังพูดไม่ทันจบเขาก็ปิดปากผมซะก่อน

   ปิดด้วยปาก…

   เชี่ยยยยย มึงฉวยโอกาสกูอีกแล้วนะเนี่ยยยยย

   “อื้ม” คราวนี้ผมลองหลับตาและปล่อยใจไปกับมัน และผมก็ยอมรับว่าลวดลายของเขาสุดยอดมาก ผมเต็มใจหลับตากำซาบอารมณ์มาเต็มๆ

   “หวานจัง” เขาพูดหลังจากที่เราผละออกจากกัน

   “แต่ตอนเช้าๆ ปากเหม็นนะ” ผมพูดกวนเพราะความเขิน

   “ใครๆ ก็เหม็นหรือเปล่าฮะ” เขาส่ายหัวกับความไม่ได้เรื่องของผม “สรุปยังไง จะอยู่ด้วยกันมั้ย”

   “อือ ถ้าลุงเอกอาละวาดก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน”

   “ถึงเวลานั้นค่อยคิด ตื่นเต้นชะมัดเลยได้นอนด้วยกันสักที”

   “มั่วเปล่า ครั้งที่สองแล้วเหอะ” เขาลืมตอนที่ไปมาเลเซียได้ยังไงฮะ เดี๊ยะๆๆๆ

   “ก็มันคนละความรู้สึกกันนี่” เขาหาว “นอนเถอะ ฉันเพลียมากเลย”

   “อื่อ” ผมหาวบ้าง โอ้ หาวนี่มันโรคติดต่อชัดๆ “ฝันดีลูกพี่”

   “ขอบใจนะ สำหรับทุกอย่าง” เสียงกัปตันอู้อี้อยู่บนหัว

   “เงียบๆ ได้แล้วหมา ไหนบอกง่วงไม่ใช่ไง?”

   แล้วเราทั้งคู่ก็เงียบไปพักใหญ่ ด้วยความเพลียผมก็ลองหลับตาลงบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมมันนอนไม่หลับเลย ฮืออออ

   “กัปตันนนน ไฟแยงตาอะ ปิดให้หน่อย” ผมคราง ไม่ได้ลืมตามามองด้วยซ้ำ

   “หึๆ ปั๊ม…” ผมรู้สึกว่ากัปตันเอนตัวมากระซิบข้างๆ หู “เธอลืมไปหรือเปล่าว่าฉันใส่เฝือกอยู่นะ”

จบตอน

(https://scontent.fbkk2-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16640838_10208748784622461_71882229445747765_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeFlp75u2WAMmXYufCjZSOzQHKFmojAltnAmtF09BSLua9ZnkHWNe1yNpLQmry5NYsd2pCMl-Uo6ZkhnhLzl28smpokFm_IswDjpKMKxbvfc-A&oh=4aa0884609806b6c8cc55cb082a78f9e&oe=594B71AA)


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
แว้บเจ้านายมาลง /มองซ้ายมองขวา
ตอนนี้เข้าสู่ era หวานเย็นแล้ว หวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อิอิ พอดีคิดถึงน้องปั๊มเลยขอหน่อยฮะ เดี๋ยวมาต่ออีกใน weekend นี้น้า

คุยกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะฮะ

รักนะ /ชูมินิฮาร์ต
#firemetothemoon
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-02-2017 20:17:15
สวีทกันไปอีกกกกก   :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2017 21:38:25
ไม่ใช่คนรู้ทั้งบริษัทแล้วเหรอ จูบกันอย่างนั้น  :z1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 10-02-2017 00:20:06
หมั่นความสวีตอะ!
หวานเย็นอะไรอย่างงี้
แต่ชักรู้สึกว่ากลัวใจ
เพราะหวานๆ ทีไรก็คลื่นใต้น้ำทุกที!

กัปตันธีร์เก่งมาก
ช่วยชีวิตคนได้ทั้งลำ เริ่ด!
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-02-2017 07:36:54
เฮ้ออออออ ปลอดภัย แต่ชื่อตอนนี่ กัปตันเป๋หรอ?
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-02-2017 20:19:43
หวานกันจังเลย  :oni1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP11 ไอ้เป๋ | 9/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-02-2017 20:45:52
เห็นคนเขียนมาอัพรีบมาอ่าน กะว่าจะมาด่ากัปตันธีร์สักหน่อย แต่นางดีขึ้นวุ้ยย น้องนายเอกของเราหลงผู้มากลูกเอ้ยยยยย โนคอมเม้นเลย นางรักนางหลงของนางมากจริมๆ    :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP12 เจ้านายของผม / ตรอง | 11/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 11-02-2017 19:15:52
12
เลขาหน้ามน
(คนเคยเอ๋อ)

/ตรอง


(https://instagram.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/16110353_1191561224275608_5007981577087483904_n.jpg?ig_cache_key=MTQyOTY2MTI1NzI1ODM2MjEyMw%3D%3D.2)
https://www.instagram.com/teng1



   เสียงโทรศัพท์ดังจนผมตื่นขึ้นมากลางดึก ทั้งๆ ที่หลับลึกฝันไปถึงวันหยุดยาวตอนปีใหม่ล่วงหน้าไปแล้วแท้ๆ ผมงัวเงียขยี้ตาก่อนจะไปคว้ามือถือขึ้นมาดู …ตีสอง!!! โอ้โห แต่ที่พีคกว่านั้นคือคนที่โทรมาครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้านายของผมนั่นเอง คุณปั๊มมีปัญหาอะไรเวลานี้นะ

   “ครับคุณปั๊ม” ผมส่งเสียง พยายามทำตัวให้ดูตื่น

   [นี่ๆๆ คุยเป็นเพื่อนหน่อยดิ] คุณปั๊มพูดกลับมา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   [กำลังยืนรอแท็คซี่หน้าโรงแรม คุยเป็นเพื่อนหน่อยๆๆ]

   “อ้าวทำไมไม่เรียกอูเบอร์ล่ะครับ!” ผมตื่นเต็มตาจริงๆ แล้วครับ โอ๊ย เจ้านายผมหาเรื่องให้เป็นห่วงทุกวันเลยแฮะ

   [เรียกแล้วไม่มีใครมาเลย เนี่ยๆ เห็นคันว่างมาแล้ว]

   “ผมนึกว่าคุณปั๊มจะค้างกับพี่ธีร์ซะอีก”

   [ตอนแรกจะค้างแต่เห็นเขานอนไม่ถนัด กลัวทำขากัปตันเจ็บอะ] โธ่ เจ้านายผม เหตุผลน่ารักเชียว

   “ได้รถหรือยังครับ”

   [เนี่ยๆ โบกแล้ว ขอบใจมากนะ เดี๋ยวถึงแล้วไลน์บอก]

   “กลับดีๆ นะครับคุณปั๊ม”

   [โอเค]

   แล้วเจ้านายก็วางสายไป โอเคสบายใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็เลือกโทรมาไม่ปล่อยให้รู้ทีหลังจนเป็นห่วงก็ไม่ทันแล้ว น่ารักจริงๆ

   แต่… จากนั้นก็เกิดปัญหา ผมก็นอนไม่หลับเลยครับ เฮ้อ ถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดแต่ผมก็อยากนอนเต็มอิ่มนะ

   ผมนอนสไลท์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนสักพักคุณปั๊มก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว

   หลังจากพิมพ์ตอบรับเจ้านายไปก็ตั้งใจจะข่มตานอนต่อทันที แต่สายตาดันไปเห็นการแจ้งเตือนสีเขียวแสดงข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่านซะก่อน


   ‘กลับบ้านยังพี่’


   ใครวะ?

   ผมกดเข้าไปดู… ชื่อไลน์ว่า Y แถมดิสเพลย์ก็เป็นสีดำอีก จะรู้มั้ย
   

   Strong:
   ใครอะครับ?

   Y:
   ไม่บอก



   เอ๊า กวนตีนปะเนี่ย
   

   Y:
   อะไรพี่ จะมีคนคนบ้าที่ไหนทักไลน์มาถามว่าถึงบ้านหรือยัง

   Strong:
   คนโรคจิตไง!
   ขอลบนะ

   Y:
   เฮ้ยยย พี่ ผมเอง
 ไวน์เพื่อนไอ้ปั๊ม
   นึกว่าเจอกันบ่อยแล้วจะจำได้
   เฮ้ย
   บล็อคยัง
   โหลๆ



   อีกฝ่ายส่งข้อความมาเป็นชุด

   อ้าว น้องไวน์เหรอ? ก็นึกใครนี่นา คนเรามันก็ต้องระวังตัวสิครับ สมัยนี้คนไม่ดีเยอะนะ


   Strong:
   ยังๆ
ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าใคร

   Y:
   ก็นึกว่าพี่จะจำได้
   ผม add มาจากเบอร์พี่
   อยากรู้ว่าถึงบ้านยัง

   Strong:
   มาส่งหน้าคอนโดขนาดนั้นยังจะต้องเช็คอีกเหรอ
   แค่เดินเข้ามาก็ปลอดภัยแล้วมั้ยน้อง

   Y:
   อ่อๆ นั่นดิ
   ขอโทษทีพี่ เท่านี้แหละ


   ผมเปิดหน้าแชทค้างไว้ ไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อ ก็อีกฝ่ายเขาปิดประโยคแล้วนี่ครับ

   ผมทำท่าจะกดปิดปุ่มหน้าจอ แต่…มันติดลมแล้วอ่ะ ไหนๆ เด็กมันทักมาแล้วผมขอหาเพื่อนคุยหน่อยเหอะ


   Strong:
   อืม



   เยี่ยม เป็นการหาเรื่องคุยที่ปัญญาอ่อนที่สุดเลยครับ ฮือออ ผมมันโง่เหมือนที่ใครต่อใครชอบบอกจริงๆ


   Y:
   ถ้าหญิงพิมพ์แบบนี้กลับมาผมขับรถออกไปจับปล้ำให้หายหงุดหงิดไปแล้วนะ



   เอ่อ…


   Y:
   ผมล้อเล่นพี่



   ล้อเล่นได้นรกมาก ผมเป็นพี่เขาเกือบสิบปีเลยนะ!!


   Strong:
   ไม่เล่น

   Y:
   Shit
   Sorry krub

   Strong:
   เป็นลูกครึ่งเหรอ

   Y:
   เฮ้ย นึกว่าจะโกรธจริงๆ
   เปล่า คนไทย ทำไมอะพี่?

   Strong:
   เหมือนคนญี่ปุ่น
   โกรธจริงๆ

   Y:
   อย่าโกรธผมเลย
   ผมคนไทยแต่ไปเรียนญี่ปุ่นอะพี่
   เหมือนเหรอ? แค่สไตล์การแต่งตัวหรือเปล่า?

   Strong:
   อืมๆ

   Y:
   ผมขอได้มั้ยพี่
   *สติกเกอร์ยกมือไหว้
   อย่าตอบอืมเลย ผมสับสนว่าต้องคุยอะไรต่อ

   Strong:
   อ่า…

   Y:
   …



   Rrrrrrrrrr.

   โทรศัพท์ผมดังขึ้นก่อนที่ผมจะได้พิมพ์ตอบอะไรอีกฝ่าย ตอนแรกกะว่าจะไม่รับเพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก แต่ถือค้างมืออยู่เลยตัดสินใจรับไป

   “ฮัลโหลครับ”

   [อะ คราวนี้อืมไม่ได้แล้วว่ะพี่ ฮี่ๆ] ทันทีที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะก็รู้เลยว่าใคร

   “ถึงขนาดโทรมาเลยเหรอ!?”

   [เออดิพี่ เห็นคำว่าอืมแล้วมันหงุดหงิด] อีกฝ่ายว่า [ยังไม่นอนอีกเหรอพี่]

   “อือ”

   [ยังหนีไม่พ้นจนได้สินะ…] อีกฝ่ายถอนหายใจ [ทำไมยังไม่นอนล่ะครับ]

   “เซ้าซี้จัง”

   [เอ๊า ก็เห็นว่าเจอคนไม่นอนเหมือนกันเลยจะคุยด้วย]

   “พอดีคุณปั๊มโทรมาบอกว่าเพิ่งจะกลับบ้าน พอวางสายก็นอนไม่หลับเลย”

   [ฮะ!? มันกลับเวลานี้อะนะ ทำไมมันไม่โทรหามากูวะเนี่ย] ประโยคหลังเหมือนพึมพำกับตัวเอง

   “ถึงบ้านแล้ว เมื่อกี้ไลน์มาบอก”

   [ถ้างั้นก็ค่อยยังชั่ว พักหลังมันทำให้ผมเป็นหมาหัวเน่าอยู่เรื่อย ตั้งแต่มีไอ้ห่า…] เสียงเขาขาดช่วง [เอ่อ…กัปตันธีร์เข้ามาวุ่นวายเนี่ย]

   “หาอะไรทำแก้เซ็งสิ” ผมแนะนำ ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ครับ มันคนละ Gen แล้วจริงๆ เรื่องบางอย่างผมก็ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้เหมือนกันว่าต้องการอะไร

   [นั่นดิ ทำไรดีอะพี่] เขาคิด [พรุ่งนี้ไปโยนโบว์กันมั้ย]

   “ไม่ไป” ผมตอบไม่คิด บ้าหรือเปล่าใครมันจะไปด้วย สนิทก็ไม่สนิท “สมัยนี้เขายังมีคนโยนโบว์ลิ่งกันอีกเหรอ”

   [ฮ่าๆๆ อ้าวเหรอพี่ คนญี่ปุ่นเขาทำกันอะ] อีกฝ่ายแก้ตัว [ทำไมอะพี่ ไปดิ ที่นี่เขาทำอะไรกันอะ พาผมไปแนะนำหน่อย]

   “กินเหล้า”

   [เราเคยไปกินเหล้ากันแล้วนี่] เขาพูดถึงครั้งก่อนที่คุณปั๊มเมาจนตัวย้วยเป็นปลาหมึก [เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เจอกันก่อน จะไปไหนผมขับไปเอง ดีมั้ย]

   “มัดมือชักกันหรือเปล่า ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป”

   [เอาหน่าพี่ เดี๋ยวนี้เจ้านายก็ไม่สนใจพี่เหมือนกัน เรามันหัวอกเดียวกัน]

   เหรอ…

ผมลองนึก เออ ก็จริงแฮะ พักหลังคุณปั๊มไม่ค่อยสั่งงานเยอะ ไม่ค่อยด่า ไม่ค่อยเรียกใช้ จะนับว่าเป็นเรื่องดีมั้ยเนี่ย ไม่ได้น้อยใจนะครับ แค่เป็นห่วงห่างๆ มากกว่า แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณปั๊มมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเดี๋ยวจะจัดการให้เอง ทำหน้าที่ให้เต็มกำลัง ก็เป็นเลขาเขานี่ครับ

อืม…ถ้างั้นที่ไอ้เด็กมันพูดก็จริงแฮะ

   สรุปว่าผมต้องไปกับมันใช่มั้ยครับ?

   “กี่โมง” ก็ได้…วะ

   [เจอกันบ่ายสามมั้ยพี่]

   “อืม”

   [ง่ะอืมอีกแล้ว… เออเอาเหอะ นอนได้แล้วนะพี่]

   “อือ”

   [โอ๊ยยยยยยย]


(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   ผมยืนรอคนที่นัดอยู่ในร้านขายของที่ระลึก วันนี้ห้างคนเยอะผมขี้เกียจอยู่ในที่พลุกพล่านก็เลยแวะเข้าร้านแบบนี้ดีกว่า นึกขึ้นได้ด้วยว่าวันสิ้นปีก็เป็นวันเกิดคุณปั๊มแล้ว ว่าจะแวะมาดูของเผื่อจะซื้ออะไรเป็นของขวัญ แต่ปัญหาคือผมจะซื้ออะไรให้เป็นสิ่งที่เขายังไม่มีได้ล่ะครับ อย่าคุณปั๊มรวยล้นฟ้าขนาดนั้น มีทุกอย่างแม้กระทั่งเคสไอโฟนทองคำ ผมยังจะต้องหาอะไรให้อีก เศร้า…

   แต่ลองคิดกลับกัน ถ้าเป็นพี่ธีร์ให้อะไรคุณปั๊มก็คงชอบไปหมด แม้ของมันจะเล็กยิบย่อยอย่างพวกกระดาษทิชชู่หรือกรรไกรตัดเล็บก็คงเก็บใส่กล่องนอนกอดทุกคืน คิดแล้วมันน้อยใจมั้ยล่ะเนี่ย บางทีเจ้านายก็ไม่แฟร์กับผม ฮือออ

   “หวัดดีพี่” เสียงทุ้มนุ่มเกินเด็กดังอยู่ข้างหน้า ตรงข้ามชั้นวางการ์ดอวยพรมีหัวไวน์โผล่ออกมาพร้อมกับใบหน้าทะเล้น โห มันสูงขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “มาช้า เด็กวัยรุ่นนี่มันจริงๆ เล้ย” ผมบ่น เออแต่ว่าจะบ่นทำไมวะ จะมาช้ามาสายก็เรื่องของมันสิ เนี่ย วิญญาณชายชราเริ่มเข้าสิ่งตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบเลยครับ

   “โอ๊ยขอโทษพี่ กว่าจะหาที่จอดรถได้” ไอ้เด็กฝั่งตรงข้ามแก้ตัว ไวน์สังเกตเห็นกล่องโมเดลเครื่องบินในอ้อมกอดของผมเลยถามต่อ “ซื้อให้ใครอะพี่”

   “คุณปั๊ม” ผมบอก “อะไรกัน จำวันเกิดเพื่อนตัวเองไม่ได้หรือไง”

   “จำไม่ได้พี่”

   อ้าว งั้นกูผิดเองที่ถาม

   “พี่ไม่คิดว่ามันมีเป็นร้อยตัวแล้วเหรอไอ้โมเดลเครื่องบินเนี่ย”

   “ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้”

   “ก็ไม่ต้องซื้อสิพี่ วันเกิดตัวเองก็ไม่ใช่”

   “คิดแบบนี้โตมากับสังคมยังไงเนี่ย” ผมถึงกับย่นคิ้วมอง ไอ้เด็กบ้านี่คงเสพแต่หนังโป๊ญี่ปุ่นมากเกินไป พ่อแม่ส่งไปเรียนนะสือนะโว้ย

   “อิๆ แค่พาไอ้ปั๊มมันไปกินเหล้าก็พอแล้วมั้งพี่” มันพูดก่อนจะเดินอ้อมมายืนข้างๆ วันนี้ไอ้เด็กนี่แต่งตัวอย่างกับหลุดมาจากถนนฮาราจุกุ (เคยไปนะครับ แหม่) ผิดกลับผม ดูผมสิครับ ใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ กับกางเกงขายาว แถมยังใส่แว่นอีกต่างหากเพราะอยากพักดวงตาจากการใส่คอนแท็กเลนซ์ หนุ่มจืดที่แท้จริง

   “กินเป็นแต่เหล้าหรือไงฮะ” ผมเดินหนี ไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยครับกลัวดับ

   “งั้นพี่ก็หาอะไรใหญ่ๆ ห่อให้มันสิ”

   “เช่นอะไรล่ะ”

   “อสังหาริมทรัพย์”

   ไอ้เด็กนี่ก็ตลกแดกเหมือนกันนะ

   “เล่นมุกแบบนี้คนญี่ปุ่นไม่ยิงตายตั้งแต่เดือนแรกที่ไปเรียนเลยเหรอ” ผมกลอกตา

   “ฮ่าๆ ไอ้ปั๊มมันชอบบ่นว่าพี่เอ๋อพี่โง่ พี่ไม่เห็นโชว์โง่กับผมเลย”

   “มันเจอเด็กที่ปัญญาอ่อนกว่าละมั้ง”

   เออก็จริงครับ รู้สึกว่าอยู่กับไอ้นี่แล้วสมองมันบีบบังคับให้ผมลดความเอ๋อลงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ มันคงรู้มั้งว่าถ้าไม่ปรับตัวมีหวังประสาทแดกแน่ๆ

   “ก็ดีแล้วฮะ” มันพูดยิ้มๆ “แล้วก็แต่งตัวแบบนี้ดูดีกว่าใส่สูทโง่ๆ ตอนเป็นเลขาอีก”

   “ก็มันเป็นหน้าที่การงานมั้ยเล่า!!”

   “พี่ดูเด็กลงสักสิบปีได้มั้ง… เออๆ ว่าแต่พี่อายุเท่าไหร่นะ เท่ากัปตันธีร์เปล่า?”

   “บ้าเรอะ เด็กกว่านั้นโว้ย”

   “อ๋อ แล้วไป นึกว่าผมจะปีนเกลียว”

   “จริงๆ มึง… เอ่อ นายก็กำลังปีนอยู่นะ”

   “ฮ่าๆ ใช้มึงก็ได้พี่ ถ้าพี่ยังอายุไม่ถึงสามสิบผมนับว่าอยู่ในชุดเลขเดียวกัน ผมไม่ถือ แบบพวกฝรั่งไง”

   ประสาท ความคิดอะไรของมันวะ

   “แล้วจะเอายังไง จะซื้ออะไรให้คุณปั๊มดีเนี่ย”

   “ผมรู้แล้ว มาเล่นเกมกันเหอะพี่”

   “ฮะ!?”

   “เกมไงดี ผมคิดเกมเก่ง ไอ้ปั๊มสนุกแน่”

   “เกมอะไร?”

   “เกมเซอร์ไพร์สวันเกิดไงฮะ ปีนี้มันอายุครบยี่สิบ มันต้องยิ่งใหญ่มากๆ”

   “กูไม่มีเงินหรอกนะ”

   “ไม่ใช้เงินเลยพี่ ไอ้ปั๊มมันรวย ใช้เงินมันนั่นแหละ ซื้อของให้ทำไมไร้สาระ” ไอ้ไวน์ดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ จนผมชักไม่แน่ใจ

   “เอ่อ…”

   “สนใจมั้ยพี่” มันเค้นเอาคำตอบ

   “เออ ก็ได้ แล้วต้องทำยังไงบ้าง”

   “เดี๋ยวไปคุยกันตอนกินข้าวดีกว่าพี่ ตอนนี้หิวแล้ว” มันว่าพลางลูบท้องตัวเอง “ไปเหอะ”

   Rrrrrrrrrr.

   ผมกำลังบ้าจี้เดินตามไปอยู่แล้วถ้าไม่มีใครโทรเข้ามาซะก่อน จริงๆ ก็ไม่อยากรับหรอกครับถ้าไม่ใช่เบอร์ของคุณปั๊ม เจ้านายผมเอง จะสั่งงานวันเสาร์หรือเปล่านะ

   “ว่าไงครับคุณปั๊ม” ผมกรอกเสียง อาจจะเบาจนไอ้เด็กนั่นไม่ได้ยิน เขาเดินนำไปไกลมากแล้ว

   [อยู่ไหนอะตรอง] เสียงเนือยๆ อันคุ้นเคยกลับมาแล้ว

   “เอ่อ ข้างนอกครับ” ผมบอก “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับคุณปั๊ม”

   [ไม่ใช่งานๆ …เหงาอะ ไปกินเซนิคุเทนกันเหอะ]

   “เอ่อ…” เวรแล้วครับ

   [ไม่รู้จะชวนใคร ไปนะๆ ไปเดินเล่นกันด้วย เลี้ยงคืนโทษฐานที่เมื่อวานเหนื่อยกันมาทั้งวัน] คุณปั๊มอธิบาย โถ่เจ้านายครับ ผมรู้นะว่ากัปตันกำลังใส่เฝือกเจ้านายเลยไม่รู้จะไปไหนกับใคร

   “คือผม…”

   “ทำไมไม่เดินตามมาละพี่!!” อยู่ๆ เสียงไอ้เด็กไวน์ก็โผล่งมาทางด้านหลัง ดังชนิดที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเข้าไปที่หูคนปลายสายหรือเปล่า

   [เอ๊า อยู่กับคนอื่นเหรอ]

   “ครับ”

   [ใครอะ]

   “เอ่อ น้องชายครับ” ผมพูดทั้งๆ ที่กำลังชี้หน้าไวน์ให้เงียบ

   [เหรออออออ แต่รู้สึกคุ้นๆ นะ] เสียงคุณปั๊มยานแบบกวนๆ [งั้นรอแปบ]

   ตึงตึงตึ่งตึ๊ง

   เสียงพักสายครับ

   Rrrrrrrrrrr

   โทรศัพท์ของไอ้เด็กไวน์ดังขึ้นบ้าง กว่าผมจะบอกมันว่าใครก็ไม่ทันแล้ว ไวน์ยกมือถือขึ้นมาคุยหน้าตาเฉย

   “ว่าไงมึง” แต่พอรับสาย ไวน์ดูตกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นหน้าผม คงจะประติดประต่อเรื่องได้แล้วสินะ “เปิดลำโพงเหรอ… เออๆ”

   ตื๊ด!

   [สวัสดีจ้าตรอง] เสียงคุณปั๊มดังออกมา

   เฮ้อ แพ้แล้วครับ ฮืออออ

   “คะ…ครับๆ”

   [ไม่ได้โง่นะจ๊า แอบไปเที่ยวกันไม่ชวนกูคืออะไรเอ่ย]

   ผมกับไอ้เด็กมองหน้ากัน ความรู้สึกเหมือนถูกฝ่ายปกครองจับได้ว่าหนีเรียนตอนม.ปลายเลยครับ

   [รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา จำไว้เลยนะพวกใจร้าย]

   ว่าแล้วก็วางสายไป…

   ผมกับไอ้เด็กมองหน้ากันสักพักแบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“พี่…”

“เออ ตามนั้น”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ตั้งใจจะทำขรึม แต่กลายเป็นว่าจากนั้นเราสองคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันเลยครับ ตลกมาก

   จริงๆ บางทีคุณปั๊มอาจจะไม่อยากได้เซอร์ไพร์สอะไรหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ?

   เพราะคุณปั๊มเองนั่นแหละที่เซอร์ไพร์สเก่งฉิบเป๋งเลยฮะ ฮ่าๆๆๆ


จบตอน

(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16684060_10208764116365745_7266177517550710315_n.jpg?oh=9ef6a0b9ab8a0faa8cc5862e552d963e&oe=594A1131)

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

สวัสดีครับผมกัปตัน theneoclassic จะนำพาพวกทั่นเดินทางไปกับรูทใหม่ เพื่อนเจ้านาย - เลขา
หวังว่าพวกท่านจะอิ่มเอมใจไม่แพ้กัน

บ้า คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก/ เสียงซอล

แค่มาเตรียมแผนเซอร์ไพร์สวันเกิดให้น้องปั๊มเฉยๆ 20 ขวบแล้ว
บริษัทใกล้จะกลับมาเป็นของเราแล้วอุวะฮ่าๆๆๆๆๆ เอ้าเป่าเทียนลูกกกก

แล้วเจอกันต่อนะฮะ ขอบคุณที่ติดตาม มีอะไรพิมพ์มาได้เลยเน้ออออ

ทักทายได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/thene0classic เหมือนเดิมฮ้าฟ
#firemetothemoon
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP12 เจ้านายของผม / ตรอง | 11/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-02-2017 22:17:26
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP12 เจ้านายของผม / ตรอง | 11/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2017 22:25:54
กัปตันนอนเจ็บตัวเองมาหล่อยเที่ยวหรือปั๊ป
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP12 เจ้านายของผม / ตรอง | 11/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-02-2017 23:37:40
ปั้มเก่งทุกเรื่องยกเว้นเล่นเกม กับกัปตัน
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP12 เจ้านายของผม / ตรอง | 11/02/2017 (หน้า 3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-02-2017 01:46:40
คู่ไวน์ตรงก็น่ารักไม่แพ้กันอ่ะ ไวน์มีความกวน พอพี่ตรองอยู่กับไวน์นี่ก็เป็นอีกลุคนึงเลย ชอบๆๆ
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 12-02-2017 16:40:12
13
วันเกิด

(ถ้าฉันเป็นเธอได้)


(https://instagram.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/sh0.08/e35/p750x750/16465036_1425044014196995_9113442439107969024_n.jpg?ig_cache_key=MTQ0Mzk0NjEyMzc5NDI1NjgxMQ%3D%3D.2)
https://www.instagram.com/skawngur/

“ตรอง” ผมเรียกเลขา

   “ครับ?” เลขาเงยหน้าขึ้นมา

   “ทำไมเดี๋ยวนี้ดูฉลาดคล่องแคล่วขึ้นวะ ไปหาหมอมาเหรอ”

   “แต่ก่อนผมผิดปกติเหรอครับ”

   “ก็ไม่ละมุนตุ้นแบบนี้”

   “ละมุนตุ้นคืออะไรครับ”

   “แบบ เออดูดีขึ้น รวมถึงการแต่งตัวก็ดี คำพูด คำจา ความคิด”

   “แล้วมันเป็นยังไงครับ?”

   “เอ่อ ไปซื้อกาแฟให้กูทีนะ” ผมไม่ขอพูดอะไรต่อแล้วกันครับ กลัวจะไปรื้อฟื้นความเอ๋อกลับมาอีก ผมแค่วางเงินไว้ให้จากนั้นก็พุ่งเข้าห้องเลย

   นอกจากวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานก่อนวันหยุดปีใหม่แล้ว มันยังเป็นวันที่กัปตันจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านด้วย ยอมรับว่าผมก็ดีใจ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? เพราะว่าหมอกับพยาบาลจะได้ไม่ต้องมาดุผมอีกแล้ว เพราะทุกทีเวลาที่ไปเยี่ยม กัปตันก็ชอบหาเรื่องให้ผมโวยวาย แถมยังชอบฉวยโอกาสอีกต่างหาก พอหมอรู้ก็ดุใหญ่เลยบอกว่าเดี๋ยวแผลจะไม่หาย แหม เพราะใครกันล่ะหมอ คนไข้ของหมอเองหรือเปล่าที่ดื้อ

   แต่เขาบอกให้ผมทำงานไม่ต้องไป แถมบอกอีกด้วยว่าเดี๋ยวกลับเองได้ จะส่งคนขับรถไปช่วยก็ไม่เอา ไม่รู้มีความลับอะไรหรือเปล่า หึๆๆ ไอ้หมา อย่าให้รู้แล้วกัน

   และท้ายที่สุดและสำคัญที่สุดเลย พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผมแล้วครับ! ตื่นเต้นชะมัด จะได้อายุยี่สิบกับเขาสักที หึๆๆๆๆ

   Rrrrrrrrr.

   “อะรายยยยย” ผมรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ดึงเชิงเหวี่ยงๆ ไปก่อนครับ

   [เสียงไม่น่าคุยด้วยเลย]

   “เหรอ งั้นแค่นี้นะ”

   [ทำเสียงให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย โกรธอะไรกันอีกอะ ฟังแล้วมันเหนื่อยใจ]

   “ขอโทษด้วยแล้วกันนะ”

   [เฮ้อ] กัปตันถอนหายใจ [เป็นอะไร]

   “อยากเจออ่ะ”

   [รู้]

   “แล้วไปหาไม่ได้เหรอ”

   [เธอทำงานอยู่]

   “ทำไมทำตัวแก่อย่างนี้ฮะ!” ผมขึ้นเสียง “ถ้าบอกว่าคิดถึงจะไม่ดีใจเลยใช่มั้ย”

   [ดีใจสิ] เขาว่า

   “งั้นเลิกงานไปหาได้ปะ?”

   [อืม… ที่จริงแล้วฉันมีเรื่องจะบอก]

   “อะไร!?”

   [ฉันต้องไปหาแม่]

   “…”

   [อาจจะไม่ได้อยู่กับเธอในพรุ่งนี้ ขอโทษด้วยนะ]

   “ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยกัปตัน ผมจะทำงานแล้ว”

   [ขอโทษจริงๆ นะ]

   “จริงๆ ผมอยากด่าว่าขาก็หักยังจะดันทุรังไปไหนอีก” ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ทั้งๆ ที่ในใจเดือดยิ่งกว่านรกแล้ว “แต่ถ้าแม่คุณอยากเจอ ก็ไปเถอะ”

   [ฉันขอโทษ]

   “มันก็แค่วันๆ หนึ่งเท่านั้นแหละกัปตัน”

   แล้วผมก็วางสายไป…

   โอเคผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามเขาอยู่แล้ว เขาโชคดีแค่ไหนที่ยังมีแม่อยู่ แค่วันเกิดผมคงไม่ได้สำคัญกว่าเท่าไหร่หรอก

   “ตรอง…” ผมเดินออกไปนอกห้องกะว่าจะไปสั่งงานเลขา แต่กลับพบว่าโต๊ะว่างเปล่า มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้


‘ผมขอลางานครึ่งวันนะครับ พอดีมีธุระกะทันหัน เห็นคุณปั๊มติดสายอยู่เลยไม่อยากแจ้ง
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ

ปล.หากาแฟทานเองนะครับ’



   เออดี หนีกูไปกันให้หมดเลยครับ ดูเหมือนความหวังสุดท้ายของผมจะเป็นไอ้ไวน์ซะแล้ว

   ‘หมายเลขที่ท่าเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

   ฮะ!? เกิดอะไรขึ้นกันวะ ไอ้ไวน์ก็อีกคนเหรอเนี่ย เวรเอ๊ย

   เจ๊ง! เจ๊งหมดแล้วครับ ไม่ต้องมีแล้ววันกงวันเกิด กะว่าจะพาพวกมันไปเลี้ยงหรูๆ สักหน่อย แต่ช่างเหอะ กูขอนอนให้มันพ้นๆ ไปแล้วกัน


   เศร้านะเนี่ย แต่ไม่แสดงออก ห่าเอ๊ยยยยยยย

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

ผมเดินลากกะเป๋าสะพายเข้ามาในบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำตามันจะไหลออกมาทุกเมื่อเลยครับ ด้วยความเศร้าผมเลยแวะไปนั่งที่บาร์ใกล้ๆ ตึก สั่งไวน์ไปตั้งสามแก้ว เริ่มมึนๆ หัวแต่มันก็รู้สึกดีชะมัด มันทำให้ผมเริ่มลืมเรื่องบ้าๆ ไปได้บ้าง แฮลกอฮอล์นี่มันช่วยมนุษย์ได้เยอะจริงๆ ให้ตายสิ ติดลมจนกลับมาบ้านเกือบจะเที่ยงคืนเลยครับ

   วันเกิดมันแค่อีกวันเนอะ

   “ลุงเอก” ผมส่งเสียงเมื่อเห็นว่าในบ้านมืดสนิท

   อ้าว ไปไหนของเขาวะ หรือว่านอนแล้ว?

   “ลุงเอก!”

   เงียบ…

   อะไรกันเนี่ย ไม่มีใครได้ดั่งใจเลยโว้ยยยยยยย

   จะร้องไห้ ฮือออออออ ผมขอถอนคำพูดครับ วันเกิดนะเว้ย! มันคือวันสำคัญมากๆ วันนึงเลยนะ ทำไมทุกคนทำกับผมแบบนี้ ใจร้ายยยยยย

   เพล้ง!

   ผมสะดุ้งตื่นหลังจากที่ทิ้งตัวลงจมกับโซฟาเพราะความเครียด เฮ้ย เมื่อกี้เสียงอะไรวะ เสียงเหมือนของแตก

   “ใครครับ!” ผมตะโกนเข้าไปในห้องครัวซึ่งเปิดไฟมืด ฉลาดจังกู ถ้าเป็นโจรขึ้นมามันจะรู้มั้ยเล่าว่ามึงจะอยู่ตรงนี้!!

   ผมจัดการก้มมุดลงใต้โต๊ะรับแขก ขดตัวยิ่งกว่าเต่าอีกครับ ไม่เกินนาทีก็ปรากฏร่างของบุคคลปริศนาสองคน ทั้งคู่ใส่หมวกไหมพรหมสีดำและสวมถุงน่องคลุมหน้าตา เชี่ยยยยย โจรจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย

   “อยู่ไหนวะ” หนึ่งในโจรถาม เสียงมันใหญ่แหบน่ากลัวมาก!!!!!

   “ได้ยินเสียงแถวนี้นี่หว่า” โจรอีกคนตอบ นี่ก็เสียงแหบน่ากลัวไม่แพ้กันเลย

   เอาล่ะครับ นาทีชีวิต ผมจะมาโดนฆ่าตายก่อนวันเกิดแบบนี้ไม่ได้ ช่วยด้วยยยยย ไอ้พวกยามไม่ได้ยินอะไรเลยหรือยังไงวะ

   จริงดิต้องแจ้งตำรวจ!!

   “นี่ไงโทรศัพท์มัน” หนึ่งในโจรชุดดำหยิบไอโฟนของผมขึ้นมาจากขอบโซฟา

   ฉิบหายยยย กูลืมไว้ได้ยังไงเนี่ยยยยยยย ดีจังเลยกู คงต้องยอมรับความตายที่อยู่แค่เอื้อมจริงๆ

   แต่เฮ้ย นี่กูลูกผู้ชายนะ กูจะมางอแงทำห่าอะไรเนี่ย ต้องเป็นกูนี่แหละที่ต้องจัดการพวกมัน!

   ว่าแล้วก็ต้องออกจากใต้โต๊ะนี่ซะก่อน

   โป๊ก!

   โอ๊ยยย เชี่ย หัวโขกอย่างแรง ความจำเสื่อมแล้วมั้งกู

   เฮ้ย ไม่ใช่ดิ! พวกมันสิที่จะได้ยินกูเนี่ย!!!

   “ฮ่าๆ อยู่นี่เอง” เชี่ยยย ไอ้โจรคนนึงสังเกตเห็นแล้ว!!

   “ปล่อยกูๆๆๆ” ผมสะบัดตัวให้หลุดเมื่อเห็นว่าพวกมันมาดึงขาผมให้ออกจากโต๊ะ กลายเป็นว่าตอนนี้ตัวผมครืดมากับพรหมอย่างกับตะกวดที่กำลังจะโดนจับกลับเข้าป่า โอ๊ยยยย

   “เงียบ! ถ้ามึงไม่อยากตาย!!” ตะโกนทำเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้ห่า

   “พวกมึงเป็นใคร!!” ผมตะคอกลั่นหลังจากมันจบผมพลิกขึ้นมา

   “กูคือโจรไงไอ้เหี้ย” ไอ้โจรคนนี้แม่งแย่งอีกคนพูดตลอด สงสัยมือโปร

   “กูรู้แล้วไอ้ห่า แต่มึงจะทำอะไรกู!!”

   “หึๆ เดี๋ยวมึงก็รู้… เฮ้ย มัดมันไว้!”

   โจรอีกคนคว้าเชือกออกมามัดมือผมไว้

…ด้วยเงื่อนพิรอด

เฮ้ย นี่เอาจริงดิ -_-

   “ผูกดีๆ ดิ!”

   “มึงมาผูกเองมั้ย!!”

   “กูขู่มันอยู่”

   ครับ… นี่คือผลของการทำงานไม่เป็นทีม เถียงกันต่อไปเหอะ กูขอหนีก่อนแล้วกัน

   “เฮ้ย จับมันไว้!!” พวกมันตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าผมวิ่งออกไปสนามหลังบ้าน

   “ใช้กระสอบแม่งเลย!”

   ฮะ!? กระสอบ!? กูไม่ใช่งูเหลือมนะไอ้พวกเหี้ย

   พรึบ!!

   เชี่ยยยย หนีไม่ทันครับ มันใช้กระสอบสีน้ำตาลคลุมผมจนล้มกลิ้งหลุนๆ ลงเนินไปแล้ว

   “เฮ้ยจับมันไว้!”

   อ๊ากกกกกกก จะอ้วก อย่างกับเล่นรถไฟเหาะ มึนหัวไปหมดแล้วสัส

   “เฮ้ย มันหลุดอีกแล้ว!! จับมัน!”

   เออดิ จะอยู่รอประธานมาถวายผ้าอาบน้ำฝนงานศพกูเหรอ บายครับ!

   ผมจัดการวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ เชี่ยยยย จะหนีไปทางไหนอีกได้วะ

   แล้วสายตาของผมก็พลันไปเห็น… จอบ…ไอ้บ้าเอ๊ย คนดูแลสวนมันชุ่ยอีกแล้ว บอกว่าให้เก็บไว้ให้ดีๆ เดี๋ยวมันอันตราย…
เอ๊ะ? …อ่า ความชุ่ยของคนดูแลสวนก็ดูท่าจะสำคัญก็วันนี้แหละครับ

   ผมจัดการถือจอบขึ้นมาแล้วเดินตรงเข้าไปยังพวกมันสองคนอย่างกับหนังล้างโคตรซอมบี้

   “ไอ้เหี้ย มันใช้อาวุธ!!”

   “เออดิ กูหาลูกซองพ่อไม่เจอ เอานี่ไปแดกก่อนแล้วกัน” ผมวิ่งเข้าไปยังโจรตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ มันเข้ามาทำท่าจะแย่งจอบไปแต่ผมหลบได้ทันเลยตั้งใจจะฟาดมันไปอย่างแรงแต่พลาด เชี่ยยยย โจรอีกคนมันวิ่งเข้ามาแย่งจอบด้านหลังผมแล้วครับ

   “ปล่อย!!” มันสั่ง

   “เป็นพ่อกูเหรอมาสั่ง ออกไปจากบ้านกู!!”

   โป๊ก!!!

   “อ๊ากกกกกกกก”

   นั่นไงครับเพราะความยื้อยุดด้ามไม้ของเสียมเลยกระแทกไปที่หัวของมันอย่างแรง กะบาลแตกแน่มึง!!

   “เชี่ยยยย เลือดออก!” มันร้องโวยวาย “ใช้แผนสอง!!”

   “ฮะ…อะไรวะแผนสะ…” ยังไม่ทันหายสงสัย ผ้าผืนเล็กๆ พร้อมกับสารเคมีบางอย่างก็โปะเข้าให้ที่จมูกอย่างแรง มันเข้มข้นมากจนผมตาพร่ามัวทันที อ๋อยยยยยยย

   แล้วผมก็สลบเหมือดไปกับพื้นหญ้า…

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

ผมสะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่หัวตัวเองโขกเข้ากับอะไรบางอย่าง พอลืมตามาก็พบว่ากำลังอยู่บนรถซึ่งกำลังแล่นเข้ามายัง… สนามบิน? เฮ้ย นี่กูจะโดนเอาไปขายแล้วใช่มั้ยเนี่ย

   “ตื่นแล้วเหรอมึง” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นทางด้านคนขับ ไอ้ไวน์นั่นเอง เชี่ยยยย มึงมาช่วยกูแล้วไอ้เพื่อนรัก!

   “มึง กูจะโดนโจรฆ่า กูกลัวมากกกก” ผมเขย่าแขนพร้อมกับเล่าเรื่องราวให้มันฟังทันที

   “เหรอ มึงจะโดนโจรฆ่าจริงๆ อะ มึงดูนี่” อยู่ๆ มันก็หันหัวอีกฝั่งมาให้ดู เชี่ยยยย เลือดเต็มเลย

   “พวกมันทำร้ายมึงด้วยเหรอวะ!! เล่นมึงหัวแตกเลย!!”

   “ไม่ใช่พวกมัน มึงนั่นแหละเอาจอบกระทุ้งหัวกู”

   “ฮะ!?”

   “พวกกูสองคนนี่แหละโจร” มันชี้ตัวเองพร้อมกับชี้ไปด้านหลัง อ้าว ตรองก็มาอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอเนี่ย

   “หมายความยังไงวะ”

   “พวกกูจะเซอร์ไพร์สวันเกิดมึง”

   “แล้วป้ามึงสั่งให้แต่งตัวเป็นโจรหรอ!!” ผมถึงโมโหเลยครับ “มึงอะไม่เท่าไหร่… ตรอง!!”

   “ครับ…”

   “มึงมาเล่นอะไรกับเขาด้วยเนี่ย”

   “ตามน้ำไปครับ”

   “แล้วมันสนุกมั้ย”

   “ตอนแรกก็สนุกดีครับ ตอนนี้ไม่สนุกแล้ว” เลขาตอบเสียงหงอย

   “พวกมึงนี่นะ!” โอ๊ยยย ไม่รู้จะด่าอะไรดีครับ “แล้วจะพากูไปไหน”

   “พามึงไปเจอของขวัญไง”

   “ของขวัญ?”

   “เออ เดี๋ยวมึงก็รู้”

   แล้วรถของเราก็จอดที่รันเวย์ ข้างๆ กันมีเครื่องบินพลเรือนลำเล็กจอดแน่นิ่งอยู่ ผมจะไม่ตกใจอะไรต่อถ้าเกิดคนที่มาเปิดประตูให้ผมลงจากรถไม่ใช่… ลุงเอก

   “อย่าบอกนะลุงก็อยู่ในแผนด้วย” ผมมองหน้าตาย

   “เอ่อ… ไม่สนุกเหรอครับ”

   ผมส่ายหัว

   “ถ้างั้นก็แย่เลย เชิญลงมาก่อนครับคุณปั๊ม” ผมทำตามอย่างที่ลุงเอกว่า

   “พาผมมาที่นี่ทำไมอะลุง” ผมถามพ่อบ้าน

   “มาฉลองวันเกิดน่ะครับ”

   “แล้วทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย”

   “กูเห็นมึงอายุยี่สิบแล้วก็เลยอยากให้อะไรบิ๊กๆ หน่อย” ไอ้ไวน์ตอบแทน

   “แล้วไหนอะของขวัญวันเกิด”

   “เดี๋ยวก่อนสิ เป่าเทียนก่อน”

   “ฮะ?”

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู…” แล้วจากนั้นเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ดังระงมอย่างกับประสานเสียง ทุกคนที่ผมรู้จัก ทั้งคนงานที่บ้าน พวกแม่บ้านและคนทำงานที่ตึกซึ่งผมเคยเห็นหน้า รวมถึงพวกช่างของสายการบินเดินตามมากันเป็นขบวน ด้วยความไม่ทันสังเกต ตรองโผล่มาพร้อมกับเค้กที่ไปจัดการมาตอนไหนก็ไม่รู้ ทุกคนล้อมวงพร้อมกับร้องและปรบมือจนจบเพลง โอ้ เซอร์ไพร์สมากเลยจริงๆ ครับ

   “อธิษฐานก่อนเป่าด้วยนะครับ” เลขาของผมกระซิบ

   อธิษฐานเหรอ…

   อืม ผมอยากได้อะไรนะ

   “ไม่รู้ว่าจะขออะไรอะ” ผมพูดความจริง

   “เอาที่ใจคุณปั๊มต้องการเลยครับ” ตรองฉีกยิ้ม

   “ขอบคุณมากนะตรอง …ขอบใจมากนะมึง” ผมหันไปขอบคุณไวน์ต่อ พ่อบ้านก็เช่นกัน “ขอบคุณนะลุงเอก”

   “คุณปั๊มครับ” ตรองทำท่าจะพูด

   “เออน่ะ จริงๆ ก็ไม่อยากพูดซึ้งๆ ให้เลี่ยนหรอก”

   “ครับแต่…”

   “ขอบใจนะ”

   “ครับคุณปั๊ม ช่วยเป่าเทียนทีได้มั้ยครับ มันจะลวกมือผม”

   “อ้าวเฮ้ย โอเค้!”

   ผมหลับตา

   ขอให้โตกว่านี้ ก็แล้วกันเนอะ

   ฟู่!

   เทียนทั้งหมดดับลงในลมหายใจเดียว ทุกคนปรบมือโห่ร้องอย่างยิ่งใหญ่ ทำอย่างกับงานมหรศพไปได้

   เอาจริงครับ ผมมีความสุขมาก

   ขาดอย่างเดียว

   ผมคิดถึงเขา…

   พวกคุณเข้าใจผมใช่มั้ย

   “คุณปั๊มร้องไห้เหรอ” ตรองพยายามมอง

   “เปล่า เทียนมันร้อน”

   “เฮ้ย ไม่เอาอย่าขี้แยน่า” อยู่ๆ ไอ้ไวน์ก็เข้ามาอุ้มผมพาดกับไหล่อย่างกับเด็กๆ เลยครับ

   “เชี่ยยย ปล่อยกูลง!”

   “ฮ่าๆ มากอดหน่อย” มันทิ้งตัวผมก่อนจะสวมกอดอย่างแน่นจนตัวผมจะระเบิด “ขอบคุณที่โตมาด้วยกันนะเว้ย”

   เชี่ยยย มึงนี่แหละที่จะทำให้กูร้องไห้มากกว่าเดิม ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย

   “เพื่อนร่วมอุดมการณ์อะเหรอ” ผมลูบหลังมัน อันนี้เป็นเรื่องราวที่รู้กันสองคนครับ

   “ขอโทษที่สั่งสอนให้มึงเลว” มันว่า “แต่มึงเชื่อกูเหอะ มึงโตเกินกว่าที่จะทำตามใครแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วนะมึง”

   “ฟวย”

   “เอ๊า ด่ากูทำไม”

   “มันเป็นคำอุทาน” ผมหัวเราะ “ขอบใจมาก เลิกเอาดะได้แล้ว มีเมียได้แล้วนะมึง”

   “พูดเหี้ยไรเนี่ย ไปๆ ไปหาลุงเอกได้แล้ว”

   มันผลักผมไปด้านหลังเพื่อไปหาคนที่ว่า ลุงเอกกำลังมองผมอย่างกับมองลูกเข้าโรงเรียนวันแรกแหนะ

   “ไม่ต้องกอดผมนะครับ ผมไม่ชอบให้ใครโดนตัว” เขายกมือห้าม

   โอ๊ยลุง ทำเสียอารมณ์หมดเลย

   “สุขสันต์วันเกิดครับ” จู่ๆ ลุงก็ชูกุญแจอะไรไม่รู้ขึ้นมา

   “อะไรครับ?”

   “กุญแจบ้านพักบนเกาะส่วนตัวที่ใต้” เขาว่า “ถึงเวลาที่ต้องยกให้คุณแล้วล่ะครับ”

   อ๊ากกกกกกกกกกกก อย่าบอกนะคือบ้านที่อยู่บนเขาในเกาะส่วนตัวที่ไม่มีใครเลยนอกจากบ้านหลังนั้น ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ไปกับพ่อแม่บ่อย มันสวยมากกก และมันก็ส่วนตัวมาก เคยคิดจะไปเองหลายครั้งแล้วแต่ลุงเอกก็ไม่อนุญาต ไม่อยากเชื่อเลย ผมได้มันมาครอบครองแล้วจริงๆๆ

   “ขอบคุณมากนะลุงงงงงงง” คราวนี้เขาห้ามไม่ได้แล้วครับ ผมกระโดดกอดเขาอย่างแรงโดยไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน

   “เอ่อ…” ลุงเอกดูขัดเขิน “จริงๆ ยังมีอีกอย่างด้วยครับ”

   “ฮะ?” ผมทำหน้างงทันที อะไรกัน นี่ยังใหญ่ไม่พออีกเหรอ “อะไรล่ะลุง”

   “นี่ครับ” แล้วลุงเอกก็เพยิดหน้าไปทาง…เครื่องบิน

   “เดี๋ยวนะลุง…” ผมกำลังสับสนแล้วครับ

   “ครับผม นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของพ่อคุณ ผมเก็บไว้ให้ ตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้ว”

   “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมแทบจะกรี๊ดเลยครับ

   เครื่องบิน เครื่องบินเลยนะเว้ยยยยย!

   โอ๊ยยยย อยากดิ้นนนนนน

   “ชอบก็เข้าไปดูเลยมึง” ไอ้ไวน์ผลักผมให้เดินเข้าไป

   อ๊ากกกกก ตื่นเต้นโว้ย

   “ขอบคุณมากนะลุงงงงงงง” ผมจะร้องไห้จริงๆ แล้วนะเนี่ยยยย

   “มันเป็นของคุณปั๊มอยู่แล้วครับ” ลุงเอกพูดแค่นั้นก่อนผายมือให้ผมวิ่งเข้าไป

   ถ้างั้นไม่เกรงใจแม่งแล้วนะโว้ย เย้!

   โอ๊ววววว ข้างในกว้างขวาง หรูหรา แถมยังตกแต่งแบบคลาสสิกสุดๆ คิดถึงพ่อกับแม่จังเลย อยากนั่งไปเที่ยวด้วยกันเหมือนตอนเด็กอีก ผมนี่ถึงกับกอดหมอนนอนกระโดดไปบนเบาะเลยครับ

   แคร่ก!

   เอ๋? ผมเลิกคิ้วมองเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ ประตูก็ถูกปิดลงอย่างดื้อๆ แต่ไม่ทันจะได้เดินไปดูเครื่องยนต์ก็สตาร์จขึ้นมากระทันหัน เล่นเอาผมตัวติดเบาะทีเดียว

   โอ๊ยจะเซอร์ไพร์สกันไปถึงไหน

   ผมชะโงกออกไปนอกหน้าต่างเห็นบรรดาแขกในงานวันเกิดโบกมือให้พร้อมกับโห่ร้องดีใจ เฮ้ยยยย นี่เตรียมกันมาก่อนแล้วใช่มั้ยเนี่ย กูว่าแล้วววววววว

   ฮืออออ จะพากูไปไหนวะเนี่ยยยยย

   “สวัสดีครับ”

   แล้วอยู่ๆ เสียงอันคุ้นเคยก็ทำให้ผมประหลาดใจ ผมมองลำโพงบนเพดานอย่างจดจ่อ เพราะอยากรู้ที่มาของเสียง และกำลังคิดอยู่ว่า ใช่เขามั้ย?

   “…ผม กัปตันธีรดล ประดับแก้ว ทำหน้าที่ขับอากาศยานพลเรือนขนาดเล็ก ซึ่งมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย โดยการเดินทางจะใช้เวลาสองชั่วโมงโดยประมาณ แขกกิตติมศักดิ์ประจำเที่ยวบินนี้คือคนที่สำคัญสำหรับผมอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้ผมมีเรื่องจะทำนิดหน่อยก่อนที่เราจะออกเดินทางครับ”

   กัปตันเหรอ?

   เชี่ยเอ๊ยยยยย เล่นอะไรเนี่ย

   ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มีเสียงกีตาร์ก็ดังออกมาจากลำโพง ตามมาด้วยเสียงทุ้มที่น่าหลงไหลอย่างเหลือเชื่อ…


“ทำก็ทำอยู่ ทำสิ่งดีให้เธอทุกๆ อย่าง
พยายามอยู่ พยายามทำตัวเป็นตัวอย่าง
คนที่อุทิศชีวิตเพื่อเธอ”



   เฮ้ยยยย นี่เสียงกัปตัน เหรอวะ!? เชี่ยยย เพราะอ่า


***“ดูก็ดูอยู่ ดูแลเธอปรนเปรอไม่เคยขาด
รอก็รออยู่ รอให้เธอเปิดใจให้โอกาส
แต่เธอก็เหมือนจะยังไม่มอง

สิ่งที่ฉันทำทุกอย่าง
ไม่มีทางที่เธอจะพบจากใคร”



   เอ่อ แต่กูว่าเนื้อเพลงมันทะแม่งๆ แฮะ
   นี่มึงบอกรักกูเหรอกัปตัน!!


“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็จะรักฉัน
ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะบอกรักฉันทุกวัน
ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะคิดถึงฉันทุกวัน
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ

ถ้าฉันเป็นเธอนะ ถ้าฉันเป็นเธอได้
ฉันจะไม่เสียเวลา ฉันจะรีบตัดสินใจ
ฉันจะจับมือฉัน ฉันจะบอกรักฉัน
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ
ถ้าฉันเป็นเธอ เป็นเธอ”



   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

   ตายอย่างสงบครับ เชี่ยยย ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครร้องเพลงให้มาก่อน ผมนิพพานแล้ว ใครก็ได้ฉุดวิญญาณผมไว้ไม่ให้ลอยออกไปที ฮือออออ

   ผมถึงกับเอามือกุมขมับ ไม่ใช่เพราะไม่อยากฟังนะครับ เพราะเขิน!!! เวรเอ๊ยยยยยย

   แล้วเสียงกีตาร์ก็เงียบหายไป จากนั้นเครื่องยนต์ก็กระชากตัวเพื่อเคลื่อนออกจากรันเวย์

   “ปั๊ม”

   เสียงกัปตันดังออกมาจากลำโพงอีกรอบขณะเครื่องบินกำลังตั้งลำตรงเพื่อเตรียมขึ้นสู่น่านฟ้า

   ผมมองลำโพงแบบเขินๆ อย่างกับเป็นมันเองที่ร้องเพลงเมื่อกี้นี้

   “สุขสันต์วันเกิดครับ”

   ผมพยายามกัดผ้าห่มไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องออกไปก่อนจะสะบัดผ้าคลุมโปงตัวเองทันที โอ๊ยยย ทำอย่างไอ้คนในห้องนั่นมันจะมาเห็นมึงอย่างนั้นแหละปั๊ม

   เขินโว้ยยยย!!

   แต่เดี๋ยวนะ…

   ผมเอาหัวออกจากผ้าห่ม

   ไอ้นั่นมันใส่เฝือกอยู่ไม่ใช่หรือไง =_=

*** เพลงถ้าฉันเป็นเธอ : บอล จารุเลิฟ

จบตอน

(https://instagram.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/16585252_590951587776090_4454720859432550400_n.jpg?ig_cache_key=MTQ0ODMwODYxNjUxNDgyODM0OQ%3D%3D.2)
https://www.instagram.com/weir19/


 :a5: :a5: :a5:

(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16729311_10208771096860253_7415226214861831021_n.jpg?oh=82568dba3ed37765c368dc20904b1ca0&oe=59488842)


ตื่นมาพร้อมกับเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนอ่าน 5k แล้ววว
เยเย่ ฉลองงงงงงงง (รูปไม่เกี่ยวหรือบอกไบ้อะไรนะฮะ ทำมาขอบคุณเฉยๆ 555)

บทนี้เขียนไปม้วนต้วนไปมากๆ แบบเฮ้ยยยยเขินอะ
เติมเต็มความฝันวัยเด็กอยากให้คนขับเครื่อบินอวยพรวันเกิดให้มากๆๆๆ 55555 (เนิร์ดอะ)

สาเหตุที่เลือกเพลงบอกรักนี้คือ มันเป็นชื่อพี่เทคสมัยเรียนมหาลัยผมเองครับ
ไม่เคยได้ยินมาก่อน อยากรู้เลยไปเสิร์ชดู แบบบติดมาก จริงๆ เกือบลืมไปแล้ว ไม่รู้ทำไมนึกถึงขึ้นมา
ว่างๆ ต้องโทรไปนัดเฮียแกไปเดทแล้ว คิดถึงมากกก

หวานๆ ต้อนรับวาเลนไทน์นะฮะ ไอ้แก่มันร้องเพลงเก่าหน่อยอย่าไปถือสามันเลย 5555

แวะมาคุยกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะฮะ
หรือใครชอบอะไรตรงไหน ติดแฮชแท็ค #firemetothemoon ได้น้า ในทวิตมีกันสามสี่คน เหงาๆ เหมือนครอบครัวเล็กๆ 555

ปล. ขอโทษที่ลงยาวทีเดียวเลยนะฮะ ผมไม่อยากโพสสองรอบ นอนอืดอยู่บนเตียง (แหมะ จะบ่นว่าขี้เกียจล่ะสิ)

ปล.2 สุขสันต์วันหยุดยาวฮะ
แล้วก็อวยพรวันเกิดน้องปั๊มได้ที่นี่นะ V

โตไวๆ นะปั๊มมม กูรักมึงนะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-02-2017 17:24:33
โอ้ยยยย นังน้องปั๊มน่ารักกกกกก เอ็นดูเหลือเกิน สุขสันต์วันเกิดนะ  :a13:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2017 19:53:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-02-2017 20:45:03
โอ๊ยยยยยย เป็นตอนที่ฮามาก  น่ารักมากกก  และเขินมากกก
 :laugh: :mew3: :o8:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2017 22:22:44
บิ๊กเซอร์ไพรส์  ~~~~  เล่นเอาเขิน จิกหมอนไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2017 22:51:29
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-02-2017 02:20:30
โอ้ยยย มันดีต่อใจ ตอนเเรกเปิดมา นึกว่าจะโหดๆ มาหลังๆนิมุ้งมิ้งเชียว ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 13-02-2017 04:27:17
ไม่ชอบนิสัยปั๊มเลยกับคนโตกว่าพูดจาไม่มีหางเสียงไม่มีความเคารพอะไรเลย  ส่วนธีร์ก็ไม่ชอบหมาหยอกไก่
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 13-02-2017 15:22:45
surprise แบบhard core เบาๆ ได้เลือดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 13-02-2017 17:38:44
สุขสันต์วันเกิดนะหนูปั๊ม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 14-02-2017 01:52:43
ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยชอบไวน์ ก็เลยเหมือนจะส่งผลในการให้ไม่ชอบคู่รองไปด้วย
และเราชอบตรองในสายตาของปั๊มมากกว่า เลยไม่ค่อยอินเวลาที่ได้เห็นมุมมองของตรองจริงๆ
เลยคิดว่าขอเชียร์คู่หลังต่อดีกว่า

 :z10:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 14-02-2017 02:39:31
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิจฉาปั๊มอะ
ืทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกิดกับเราบ้าง!
เขินมาก เขินแบบว่ากว่านะอ่านบรรทัดต่อบรรทัดได้ ต้องเอามือปิดหน้าแล้วปิดหน้าอีก
ร้องอ๊ากๆ เป็นบ้าเป็นหลัง
แถมพอเปิดเพลง 'ถ้าฉันเป็นเธอ' คลอไป คือยิ่งเขินไปอีก
งื้ออออออออออออออออ ดีอะ
บทนี้เป็นบทที่ดีต่อใจที่สุดตั้งแต่อ่านมา
รักกัปตันขึ้นทุกวันเลยอะ ขอโทษที่เคยด่ากัปตันไปในบทก่อน

สุดท้ายนี้... สุขสันต์วันเกิดนะปั๊มนะ (กัดฟันพูด อิจฉามานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!)

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP13 ถ้าฉันเป็นเธอได้ | 12/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 15-02-2017 02:31:11
กัปตันกับปั๊มน่ารักอ่ะ  o13 แต่ฉันรักลุงเอก 5555555 ฮาได้ใจจริงๆ :laugh: :m20:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 17-02-2017 21:31:01
14
อัศจรรย์


(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16806778_10208817736106205_7673584965237362815_n.jpg?oh=00763f3ae14310dad3ea7b69f935019b&oe=5901DA2F)
https://www.instagram.com/weir19


   ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็สมุยเลยครับ ขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว ผมงัวเงียมองไปนอนหน้าต่าง สัมผัสได้ว่าเครื่องบินค่อยๆ ลดความเร็วและท้ายที่สุดเครื่องก็แน่นิ่งยังลานจอดของอากาศยานส่วนบุคคล ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมนั่งเครื่องที่กัปตันขับ ฝีมือดีไม่มีตกทีเดียว

   และเมื่อเครื่องยนต์แน่นิ่ง…ประตูห้องนักบินก็เปิดออก

   กัปตันอยู่ในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำสบายๆ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแนบรัดลำตัว และแน่นอนก็ต้องตามมาด้วยกางเกงยีนสีฟอกขาประจำ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลพีคตรงที่เขาใส่เนกไท

และที่สำคัญ…

มันเป็นเส้นที่ผมซื้อให้!!!! 

หลังจากเก็บอาการดีดดิ้นผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เฝือกอีกแล้ว อ้าว ไหนเขาบอกผมว่ากำหนดการถอดเฝือกมันตั้งหลังปีใหม่เลยไม่ใช่หรือไงนะ

   “มองอะไร” เขาถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังสำรวจร่างกายอยู่

   “ทำไมไม่ใส่เฝือกแล้วอะ”

   “หมอเอาออกให้”

   “ฮะ!?”

   “เขาบอกว่าแผลสมานแล้ว ขาฉันไม่ได้หักเป็นท่อนๆ นะ แค่ซ้นอย่างแรง”

   “เดี๋ยวแผลก็ช้ำหรอก”

   “หมอสอนฉันมาอย่างดีแล้วน่า” เขาถกขากางเกงขึ้น ข้างในยังเป็นผ้าหนาๆ พันไว้โดยรอบอยู่

   “ก็นึกว่าขาหัก”

   “เธอก็กระโตกกระตากไปเรื่อย” เขาว่า ใช้ไม้ค้ำเดินเข้ามาหาผม โอ๊ย ทุลักทุเลจังวะ นี่มาทรมานตัวเองหรือเปล่ากัปตัน

   “เซอร์ไพร์สมั้ย” เขายิ้มหรา

   “ไหนบอกไปหาแม่ไง”

   “ไปมาแล้ว แต่ก็รีบกลับมาหาเธอ” เขาว่า “เอาล่ะ วันเกิดนี้จะทำอะไรดี”

   “อ้าว ก็คุณพามาสมุยแล้วนี่ จะเอาอะไรอีกอะ” ผมงง

   “ไม่ใช่ ก็ก่อนจะไปบ้านพักตากอากาศของเธอเราจะทำอะไรดี เราต้องเตรียมอะไรบ้าง ได้ข่าวว่าไม่มีอะไรนอกจากทะเลเลยไม่ใช่เหรอ”

   ผมนึกภาพ จริงๆ เกาะนั้นมันเหมือนเกาะร้างครับ มีบ้านหลายหลังก็จริง (บ้านของผมอยู่ในมุมที่ดีที่สุด) แต่นอกจากสิ่งก่อสร้างไว้สำหรับการพักตากอากาศมันก็ไม่มีอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าบ้านหลังอื่นเขาจะมากันหรือเปล่าด้วย แต่จริงๆ จำได้ว่ามียามซึ่งเขาคงไม่ได้มายุ่งอะไรเท่าไหร่ พ่อกับแม่ส่งคนไปทำความสะอาดเดือนละครั้ง ถ้าปีไหนไม่มีเจ้าของไปพักก็คือเกาะผีหลอกดีๆ นี่เอง

   “เราต้องซื้ออาหารจากฝั่งไป แล้วก็ของใช้จำเป็น” ผมเสนอ “แต่ปัญหาคือเราจะหาอะไรทานนี่สิ ผมทำอาหารไม่เป็นเลย”

   “กลัวอะไรเธออยู่กับฉัน” เขาว่า “ฉันอยู่คนเดียว ทำอาหารกินเองออกจะบ่อย”

   “โอ้โหจะเก่งเกินไปมั้ยคุณ” ผมแซว “อ๋อ เราต้องจ้างคนขับเรือไปส่งด้วยนะ”

   “จ้างทำไมฉันขับเป็น” เขาทำหน้าเหมือนกับผมโง่มาก “เธอมีเรืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สบายมาก”

   อะไรมันจะสารพัดช่างขนาดนั้นวะ ผมนี่ถึงกับเบ้ปากในความสามารถร้อยล้านอย่างของคนตรงหน้าเลยครับ จากนั้นก็จัดการลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอกตัวเครื่อง

   อูยยยยย หนาวฉิบหาย คิดถูกหรือเปล่าวะที่มาเที่ยวทะเลช่วงปีใหม่แบบนี้ โดนน้ำทีไม่แข็งเป็นไอติมยักษ์คู่เลยเหรอ

   “ปั๊ม”

   “หือ” ผมหันไปตามเสียงเรียก

   “ช่วยพยุงหน่อย”

   อ้าว เวร ลืมไปว่าคนเจ็บมาด้วย ปัญหาหนักเลย

   ฮ่าๆ แต่น่าสงสารอะ กัปตันทำหน้าสมเพชตัวเองสุดๆ เหมือนคนที่เคยเดินเหินได้สะดวกแต่ต้องมาลำบากคนอื่นให้ลำบากใจ เป็นผมผมก็ไม่ชินอะ

   “คิดถูกหรือเปล่าวะที่มา” เขาบ่นพึมพำ

   ห้าๆๆๆ กัปตัน คุณคิดเหมือนผมเป๊ะเลยครับ

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   ประมาณหกโมงเช้าเราได้ของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด เครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ มาจนครบ คนที่ทำหน้าที่แบกไม่ใช่ใครครับ ผมเอง! เกิดมาไม่เคยถือของหนักขนาดนี้เลย เวรกรรมมันคงตามทัน แต่ก่อนใช้ลุงเอกแกเยอะครับ ฮึ่ยยยย

   “ขาดอะไรอีกมั้ยเนี่ย” ผมสำรวจของหลังจากที่เราเหมารถมาลงที่ท่าเรือ

   “คิดว่าจะอยู่กี่วันเชียว” กัปตันคว้าถุงอาหารทะเลไปช่วยถือทั้งๆ ที่ตัวเองต้องแบกกีตาร์อยู่เช่นกัน นี่ผมไม่ได้ทรมานเขาใช่มั้ย เอ่อ…จะห้ามก็ไม่ทันแล้วอะครับ

   “เอาจริงก็ไม่รู้” ผมว่า “คุณอยากอยู่กี่วันอะ”

   “ปีนึง”

   “ปีนึง!? อยู่ไปคนเดียวเหอะ” ผมตะโกนใส่หน้ากวนๆ ของคนข้างๆ บ้าแล้ว! ใครมันจะอยากติดเกาะเป็นปี

   “งั้นแล้วแต่เธอ”

   “กลับหลังวันปีใหม่แล้วกัน” ผมคำนวณดูแล้ว สามวันสองคืน… กำลังดีเลยครับ

   “อือ” เขายิ้ม

   “ยิ้มอะไร” ผมถึงกับหยุดเดินแล้วถามเลยฮะ

   “เปล่า แค่เหมือนเห็นคนกำลังตื่นเต้น”

   “ก็มาเที่ยวมั้ยล่ะกัปตัน” ผมปรายตามอง

   “ก็ดี สดใสดี”

   พูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย

   “สวัสดีครับ คุณปั๊มใช่มั้ยครับ” คุณลุงคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาพวกเรา ท่าทางจะเป็นคนดูแลเรือที่เราจ้างไว้

   “ครับผม”

   “คุณเอกโทรมาบอกผมให้เตรียมเรือให้พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” ลุงแกว่าก่อนจะมาคว้าของในมือผมไปช่วยถือ

   “มีบ้านหลังอื่นมากันบ้างหรือเปล่าครับ” ผมถามแกต่อ

   “มีครับ เพิ่งกลับไปเมื่อวานนี้เอง พวกแกบอกว่าหนาวแถมยังวังเวง อยู่กันไม่ไหว”

   อ้าว สรรพคุณที่กูไม่ต้องการทั้งสิ้น หรือว่ากลับตอนนี้ดีวะ อาหารในมือก็ปล่อยกลับลงทะเลไปแล้วกัน

   “เป็นอะไร กังวลเหรอ” กัปตันสะกิด

   “อยู่กันบนเกาะสองคน คุณว่าดีหรือไง”

   “ดีสิ ส่วนตัวดี”

   “คุณน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมดเลยล่ะจะบอกให้” ผมเดินหนีอีกฝ่าย

   แล้วเราก็บอกลาคุณลุงผู้ดูแลเรือ แกอธิบายเส้นทางให้กับกัปตันอยู่นานแต่ดูท่าแล้วคงจะไม่คณามือเขาเท่าไหร่ กัปตันจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์ จากนั้นเรือก็แล่นออกจากฝั่งทันที ภาพตอนนี้สวยมากจนผมต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ทะเลกับแสงอ่อนๆ ยามเช้า เจ๋งชะมัดเลยครับ

   “คุณไปหัดขับเรือมาจากไหน” ผมหันไปถาม

   “เกมตู้” กัปตันยิ้มกวน

   “ฮะ!? เอาจริงอะ” ผมไม่ตลกด้วยนะคร้าบบบบ

   “มีเพื่อนที่มีเรือเหมือนกันมันเคยสอนขับ เรือแบบเดียวกับเธอเป๊ะเลย”

   “อ๋อ ก็พูดมาตรงๆ สิ ทำตลกอยู่นั่นแหละ”

   “ไม่ชอบคนตลกเหรอ?”

   “ไม่”

   “งั้นก็จะจริงจังเดี๋ยวนี้” กัปตันหุบยิ้ม ทำหน้าตาดุดันโฟกัสแต่ทะเลเบื้องหน้า คล้ายกับว่าจะลืมเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น

   อะไรของเขา ผมล่ะเบื่อ เล่นมุกแต่ละทีโบราณทั้งนั้น

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)
   
   “แน่ใจเหรอว่าไม่มีคนอยู่มาเป็นปีแล้ว” กัปตันเอ่ยปากเมื่อเราเดินเข้ามาในบ้าน คงเพราะเห็นถึงความสะอาดซึ่งเกิดจากการดูแลเอาใจใส่นั่นเอง ผมยังชื่นชมเลยครับ

   “ลุงเอกเคยบอกว่ามีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์” ผมว่า “แต่ก็ดีแล้วมั้ยล่ะ อยากมาอยู่ในสภาพบ้านรกร้างหรือไง”

   “เฮ้ย มีเปียโนด้วย” กัปตันใช้นิ้วดีดเครื่องดนตรีที่ว่า ก่อนจะหันมาขมวดคิ้วถาม “ใครเล่น?”

   “อ้าว ก็ต้องผมปะล่ะ?”

   “เลือกเล่นเครื่องดนตรียังคุณหนูเลย” เขายิ้มเหมือนจะแหย่

   ผมเหล่มองคนที่พูดก่อนจะเดินไปสำรวจตู้เย็น โอเค… เสียบปลั๊กพร้อมแถมยังมีเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ แช่รอไว้แล้ว แม่บ้านคงทำการบ้านมาดี

   “เราจะทำอะไรกันก่อนดีวันนี้” กัปตันถอดเสื้อนอกออก

   “นอน” ผมพูด จริงๆ นะครับ ก็ผมง่วงอะ

   “ไร้สาระ”

   “อยากทำอะไรก็ไปทำสิ” ผมทิ้งตัวลงกับโซฟาพร้อมกับคว้ารีโมทเพื่อเปิดทีวี

   “อืม อยากทำอะไรงั้นเหรอ…”

“…” เสียงกัปตันเย็นยะเยือกสุดๆ จนผมต้องหันหน้าไปมอง

   เวรแล้วไง!



   ตู้ม!!!
   “อ๊ากกกกก กัปตันโยนผมลงมาทำไมเนี่ย!!” ผมร้องลั่นเมื่อทั้งตัวจมลงไปกับทะเล ใช่ครับ เขาหิ้วผมลงมาที่ชายหาดและจัดการโยนโครมเหมือนทิ้งถุงขยะ โอ๊ยยยย เปียกไปยันกางเกงในแล้ว

   “มาทะเลก็ต้องเล่นน้ำสิ” กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม

   “แต่นี่คุณเล่นโยนผมมาทั้งๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะ!!” แค่กๆ เค็มปากไปหมดแล้ว

   “อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวฉันซักผ้าให้”

   ยังไม่ทันจะได้ด่าต่อ อยู่ๆ กัปตันก็ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมได้แต่อ้าปากค้างทานน้ำเค็มด้วยความตกใจเสมือนกับมันเป็นของหวาน ระหว่างนั้นกัปตันก็โยนเสื้อที่เพิ่งถอดทิ้งไว้บนหาด และเมื่อเขาทำท่าจะถอดกางเกง…

   เฮ้ย ไม่ได้ดิ!

   “เดี๋ยว!”

   “หืม?”

   “จะทำอะไร!?”

   “ก็จะถอดกางเกงเล่นน้ำไง” กัปตันมองมาเหมือนกำลังคุยกับคนที่โง่มาก

   “ข้างในเป็นอะไร”

   “กางเกงใน” เขาตอบหน้าตาย

   “สีอะไร!?”

   “สีขาว…” คนพูดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

   “หยุด! อย่าคิดจะถอดเลยนะ เอามือออก” ผมชี้นิ้ว “ลงมาทั้งอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวผมซักให้เอง”

   แล้วกัปตันทำสีหน้าท่าทางพอใจเหมือนเป็นผู้ชนะ เวรแล้วววววววว วินาทีที่เขาเดินลงน้ำมาอย่างกับพวกนายแบบในนิตยสารเลยครับ แต่ด้วยอายุ น่าจะเป็นพวกนิตยสารเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอะนะ อิๆ

   “มองอะไร” กัปตันส่งเสียง เล่นเอาผมรู้สึกตัวขึ้นมาทันที

   “ทำไมดูแลตัวเองดีจัง” อันนี้ผมถามจริงๆ นะ เพราะรูปร่างของเขามันน่านับถือชะมัด ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอายุอย่างเขาจะหุ่นดีได้ขนาดนี้

   “มีวินัยไง” เขาว่า “เธอมีบ้างหรือเปล่า?”

   “ขี้เกียจ” ผมตอบ

   “ไม่ต้องตอบก็เดาได้แล้ว” สิ้นเสียง กัปตันก็ควักน้ำสาดใส่ผมโครมใหญ่ โอ๊ยยย อย่างกับคลื่นสึนามิ เข้าตาเข้าปากไปหมด

   “แค่กๆ อย่าเล่น มันแสบตา!!” ผมผลักเขาให้ถอยออกไป

   “ก็มันเป็นน้ำทะเล” เขายังสาดไม่เลิก

   “หยุดเดี๋ยวนี้ อ๊ากกกกกกก” ผมทนไม่ไหวแล้วครับ หลังจากตั้งลำได้ผมก็กระโดดขี่คอเขาอย่างกับหน่วยจู่โจม ดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะตกใจอยู่เหมือนกัน เขาพยายามทรงตัวแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเราล้มลงไปทั้งคู่

   “เล่นอะไรเนี่ย!” กัปตันร้องเมื่อเราพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกัน

   “เอ๊า ก็ชอบไม่ใช่หรือไง ฮ่าๆๆ” ผมแหย่คนตรงหน้า สายตาดุๆ นั้นส่งสัญญาณมาว่าจะเอาจริงแล้วเหมือนกัน

   “ได้!” แล้วเขาก็เข้ามาชาร์จผมบ้าง ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ถึงเวลาก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน ด้วยสัดส่วนที่ต่างกัน การที่เขาพุ่งเข้ามาแบบนั้นทำให้เราทั้งคู่จมลงไปในทะเลอีกหน

   ท่ามกลางน้ำเค็มที่แสบตา ผมพุ่งตัวขึ้นมาได้คนแรก ตั้งใจว่าจะมองหาอีกคนเพื่อจะแก้แค้นอีกรอบ แต่…

   อ้าว กัปตันหายไปไหนอะ?

   แผ่นน้ำกลับมาเงียบสนิท ไม่มีท่าทีว่ากัปตันจะโผล่ออกมา

   แย่แล้ว เป็นตะคริวหรือเปล่าวะ!?

   “กัปตัน!” ผมดำลงไปในทะเลพร้อมกับพยายามลืมตาท่ามกลางความแสบเพื่อหาคนที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ เอาละครับ เริ่มใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย

   “แค่กๆ” ผมพุ่งตัวขึ้นมาอีกรอบ ตั้งใจจะดำลงไปอีก แต่…

   กัปตันที่ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนมาเข้าชาร์จที่ด้านหลัง เขาล็อคเอวผมไว้ด้วยแขนข้างเดียวแล้วลากกลับไปยังเขตน้ำตื้นอีกครั้ง

   “เล่นอะไรของของคุณเนี่ย!?” ผมแทบจะศอกใส่หน้าเขาเลยจริงๆ อะไรวะ!!

   “ทำไม? เป็นห่วงฉันเหรอ” เสียงเขาอยู่เหนือหัว

   “เออดิ” ผมดีดตัวออกจากแขนเขา “ขาก็ยังไม่ดีอยู่ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นยังไง!”

   “ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้คิดมาก” ใบหน้าของกัปตันหดลงสองนิ้วเห็นจะได้

   เขาคงเห็นว่าผมยังโมโหอยู่เลยว่ายเข้ามาใกล้ๆ

   “ไปเล่นตรงน้ำลึกกันมั้ย”

   “ไม่ไป” ผมตั้งท่าจะว่ายน้ำหนีแต่เขาดึงแขนผมไว้ซะก่อน

   “ขอโทษ”

   ฮึ่ยยยยยยย ใจอ่อนกับเขามันซะทุกที

   “เออ” ผมคราง “พาไปหน่อยดิ”

   “…”

   “เอาแบบไกลๆ จนขาผมไม่ถึงเลย”

   คนตรงหน้ายิ้มเหมือนพอใจในคำตอบมาก เขาจัดการหันหลังให้ทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าควรทำอะไร ผมกระโดดเกาะแผ่นหลังกว้างของเขาไปแต่โดยดี

   “เหวอออ” ผมส่งเสียงเมื่อกัปตันออกแรงว่าย ฮ่าๆๆๆ โคตรตื่นเต้นอะ ทำตัวโคตรนู้บ

   “ลึกกว่านี้อีกมั้ย”

   “อีก!”

   แล้วเขาก็ว่ายต่อ และมันก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงจุดที่จะพ้นจากความสูงของกัปตันแล้วเช่นกัน

   “ลองมายืนข้างๆ ดู”

   “เฮ้ย ไม่เอาเดี๋ยวจม” ถึงผมว่ายน้ำเป็นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเทพแบบนักกีฬาทีมชาตินะครับ

   “เดี๋ยวฉันประคองให้”

   จะดีเหรอวะ…

   ไม่รู้ว่าเอาความไว้ใจมาจากไหน ผมค่อยๆ ปล่อยมือออกจากคอกัปตัน พยายามทรงตัวในน้ำด้วยท่าหมาระหว่างที่คนข้างๆ หันหน้ามาเจอกันพร้อมกับใช้มือสองข้างประคองเอวผมไว้

   “อย่าปล่อยเชียวนะ” ผมส่งสายตาอาฆาต

   “ฉันไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก” กัปตันหัวเราะเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกอย่างนั้นแหละ

   ผมสังเกตเห็นสร้อยคอที่ห้อยอยู่กลางอกเขา มันยังเป็นจี้รูปเครื่องบินอันเดิมที่ผมเคยเห็น

   “สร้อยคุณสวยนะ” ว่าจะบอกหลายทีแล้วครับ ผมเอ่ยปากชม “เครื่องบินน้อย”

   “มันอยู่กับฉันมานานแล้ว” เขาก้มลงมองเช่นกัน “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพักหลังฉันใส่มันบ่อย”

   “แฟนให้ล่ะสิ”

   “ไม่ใช่และ” เขาส่ายหัว โอ๊ย จะหันหน้าไปทางอื่นบ้างได้มั้ย มองกันแบบนี้มันกระอักกระอ่วนนะโว้ยยยย

   “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอเปียกน้ำนะ” เขาพูดต่อ

   “มันสำคัญด้วยเหรอ”

   “สำคัญสิ เวลาเราใกล้ชิดกับใครบ่อยๆ เราจะตื่นเต้นเวลาที่เห็นเขาทำอะไรกับเราครั้งแรกไม่ใช่เหรอ” คนตรงหน้าผมอธิบาย “กินข้าวด้วยกันครั้งแรก นอนด้วยกันครั้งแรก หรือเห็นตัวเปียกด้วยกันครั้งแรก”

   “คุณแม่งโคตรย้ำคิดย้ำทำเลย” ผมถึงกับส่ายหัวในความไม่ได้เรื่อง

   “เขาเรียกว่าใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ”

   “ผมสำคัญขนาดนั้นเลย?”

   “ถ้าไม่สำคัญฉันคงไม่จับเธอไว้ตลอดเวลาแบบนี้หรอก” กัปตันพูดขณะที่กระชับมือให้ถนัดกว่าเดิม ส่วนผมเหรอครับ…ได้ยินแล้วก็เอ๋อแดกเลยสิ

   “เล่นน้ำแล้ว ทีนี้ทำอะไรต่อ” คำถามของกัปตันทำให้ผมได้สติอีกหน

   “ไม่รู้สิ แล้วแต่คุณเลย”

   “อืม…” สาบานเลยครับว่ากัปตันแสร้งทำเป็นคิดได้กวนตีนที่สุดในโลก “เธอเล่นเปียโนเป็นไม่ใช่เหรอ ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”

   “ผมร้องเพลงไม่เป็น”

   “คนเล่นเปียโนเขาร้องเพลงเป็นทั้งนั้นแหละ”

   “แล้วเรื่องอะไรต้องร้องให้ฟังด้วย”

   “ฉันร้องเพลงให้เธอแล้ว เธอร้องเพลงให้ฉันบ้างสิ” เขาเลิกคิ้ว “เอาให้ซึ้งกว่าที่ฉันบอกรักเลยนะ”

   “สรุปที่ร้องบนเครื่องคือบอกรัก?”

   “ไม่รู้เหรอถามจริง?” ใบหน้ากัปตันดูกังวล เหมือนกับว่ากลัวตัวเองได้ทำอะไรผิดพลาดไป

   พอเห็นหน้าเขาเป็นแบบนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงยิ้มออกไปและตอบคำถามนั้นด้วยเสียงกระซิบ

   “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว”


[อ่านต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 17-02-2017 21:44:51

[ต่อ]


“จะเอาเพลงอะไรอะ” ผมถามขณะที่เราเข้ามาในบ้านและผมนั่งอยู่หน้าเปียโน โดยมีกัปตันยืนเท้าคางมองผมอยู่อีกด้านของเครื่องดนตรี

   “อะไรก็ได้” เขาตอบ ยังคงไม่สวมเสื้อเหมือนตอนเล่นน้ำ อันที่จริงเราทั้งคู่ยังอยู่ชุดเดิมแหละครับ แค่เช็ดตัวให้มาดๆ แล้วมาทำซึ้งกันอยู่ตรงนี้ต่อแหละ

   “งั้นจะร้องเพลงช้างนะ”

   “อย่ากวน อยากร้องอะไรก็ร้องเลย”

   “ก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไร”

   “ถ้าใจมันอยากร้องเพลงอะไรเดี๋ยวมันก็คิดได้เองแหละ” กัปตันว่า “เหมือนที่ฉันเป็น”

   หืม… เพลงที่ออกมาจากใจอย่างนั้นสินะ

   ยอมรับเลยครับว่าวินาทีนั้นหัวมันตื้อไปหมด พยายามขนกรุเพลงที่อยู่ในสมองออกมาแล้วแต่ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร แถมไอ้คนที่เท้าคางอยู่ตรงหน้าก็ส่งสายตาคาดคั้นมาเหลือเกิน

   ผมวอร์มนิ้วไปพลางๆ ด้วยตัวโน้ตพื้นฐาน มันไม่เป็นเพลงหรอกครับ แต่มันก็ช่วยต่อเวลาให้ผมเลือกเพลงที่ดีที่สุดออกมาให้ได้ อืม…ผมฟังแต่เพลงสากล แถมดูท่าว่ากัปตันคงไม่อินกับ Ed Sheran หรือ Babe Rexha แน่ ยิ่งพวกสายอินดี้ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่ผมชอบฟังนี่ลืมไปได้เลย เพราะฉะนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ… เพลงไทย

   ความรู้สึกที่มีต่อเขางั้นเหรอ? เอ…เอาที่สั่งสมมาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้เลยแล้วกันนะ

   ท่าทีของกัปตันดูเปลี่ยนไปเมื่อผมเริ่มเปลี่ยนตัวโน้ตและอ้าปากร้อง


“***อยากให้เธอรู้ ว่าคิดถึงเธออยู่
เมื่อเพลงนี้เริ่มขึ้นมา ภาพเธอนั้นได้เข้ามา ทุกๆ ที”



   เหมือนทุกอย่างรอบตัวเงียบไปถนัดตา มีเพียงเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งเท่านั้นที่ได้ยินอยู่รำไร
   แต่กัปตันทำท่าทางเหมือนต้องการให้ผมร้องต่อ ผมจึงจัดการดีดนิ้วบรรเลงอีกครั้งตามที่เขาต้องการ


“และอยากให้เธอรู้ เมื่อเราเข้ามาใกล้กัน
ก็จะทิ้งทุกๆ อย่าง และจะถามเธอสักอย่างในวันนี้”



พอผมร้องจบท่อนนี้ กัปตันดูตั้งใจฟังเป็นพิเศษ อย่างกับว่ากำลังรอให้ผมถามอะไรเขาสักอย่างจริงๆ


“หากค่ำคืนนี้ ถ้าฉันมีเธออยู่
ก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่ง มีความหมายทุกๆ อย่าง ฉันรักเธอ
และอยากให้เธอรู้ เมื่อเราเข้ามาใกล้กัน
จะยอมทิ้งทุกๆ อย่าง และจะยอมเธอทุกอย่างในวันนี้”



ผมยิ้มออกมาด้วยความกระดากปากหลังจากร้องท่อนนี้จบ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นว่ายังมีกัปตันอีกคนที่กำลังยิ้มมุมปากมองมาทางผมก่อนแล้ว

ไม่รู้ทำไม รอยยิ้มนั้นทำให้ผมตั้งใจและใส่หัวใจลงไปในทุกๆ คำที่กำลังจะออกจากปากผมต่อจากนี้


“แค่อยากจะขอเต้นรำ แค่เธอเท่านั้น
และอยากจะขอสักวันให้เธอกอดฉัน เอาไว้นานๆ
ให้กายเรา แอบอิงกัน สบตากัน
ปล่อยใจไป ให้เราเต้นรำ คู่กันสักครั้ง
และขอสักวัน ให้เธอกอดฉัน หลอกกันว่ารัก
จะฝันไปด้วยกัน อยู่กับฉันไปด้วยกัน แค่เพียงเท่านี้”



   .ใช่ครับ… ผมไม่อยากคิดอะไรแล้ว ผมไม่อยากใช้สมองเยอะอีกแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะต้องปล่อยใจให้นำทางผมไปสักที ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนที่ผมคิด แต่ผมอยากจะลองเสี่ยง ต้องกล้าดูสักครั้ง

   “หือ?” ผมประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากัปตันเข้ามานั่งข้างๆ เขาไม่พูดอะไร ได้แต่ไล่นิ้วผ่านเครื่องดนตรีไปทีละเส้นทีละเส้น จากนั้นก็ปรายตาขึ้นมามองผมต่อ เขาดูสับสน แต่ก็ดูพึงพอใจไปพร้อมกัน

   และที่สำคัญ ตัวเราเหม็นเค็มน้ำทะเลกันทั้งคู่เลยครับ

   “ถึงเวลาแล้วเหรอ” เขาถาม

   “อื่อ” ผมตอบไป ไม่ต้องพูดให้มากความแล้วครับ

   “ปั๊ม…” เขาซุกหัวลงกับไหล่ของผม “ฉันหลงเธอหัวปักหัวปำเลย”

   “…”

   “ฉันเป็นของเธอแล้ว” เขาจับมือผม “สุขสันต์วันเกิดนะ”

   เป็นของผม? จะบอกว่าตัวเองเป็นของขวัญงั้นสิ? โอ๊ยยย ขี้งกฉิบหาย

   ถึงใจอยากจะขำ แต่รู้เลยว่าทุกอย่างมันออกมาจากใจกัปตันจริงๆ ผมได้แต่ลูบผมของเขาต่อด้วยความเอ็นดู เฮ้อกูล่ะงง ใครเด็กกว่าใครกันแน่เนี่ย

   เอ๊ะ แต่เหมือนจมูกของเขาเริ่มซนแล้วครับ ผมผลักหัวเขาให้ออกห่างอย่างไม่ต้องรอ

   “อะไร?” กัปตันทำหน้าหงอย

   “ทะลึ่งแล้ว!”

   “ไหนบอกว่าจะขอกอด”

   “มันเป็นเพลงมั้ยเล่า!”

   “อ้าวเหรอ” สีหน้าคนข้างๆ ดูผิดหวัง ฮ่าๆๆ หมาจริงๆ ด้วย! หน้ากัปตันเหมือนหมาตัวใหญ่ๆ เลยอะ

   “อย่าทำเนียนนะครับ” ผมขยิบตาให้นักบินหนุ่มพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น แต่มือปลาหมึกก็ยังเป็นมือปลาหมึกอยู่วันยังค่ำ เขารั้งผมไว้ได้อีกครั้งแล้วครับ ฮึ่ยยยยย

   “เฮ้ยปล่อยมือ!” ผมร้องลั่นเมื่อเขาสอดแขนเข้ามาไว้ที่เอว

   “ร้องไปเถอะ ฉันไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอก” กัปตันยิ้มยียวน

   “อย่าทำแบบนี้สิกัปตัน!”

   “เรียกพี่!” เขาขึ้นเสียง

   “พี่ธีร์ ปล่อยยยยย”

   “น้องปั๊มต้องยอมพี่ได้แล้วนะครับ” เขาพยายามซุกหน้ามาที่คอผมอีกครั้ง แต่พอหมดมู้ดโรแมนติกมันกลายเป็นว่าเขาทำให้ผมจั๊กกะจี้ไปซะได้ครับ

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ ปล่อยๆๆๆ โอ๊ยยยย”

   “อ้าว บ้าจี้เหรอเนี่ย” กัปตันเหมือนได้ทีเลยเพิ่มนิ้วมาจิ้มรัวที่เอวเข้าไปอีก

   “ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย พอเหอะเหนื่อยยยย”

   “หึหึ” เหมือนกัปตันจะแกล้งจนอิ่มแล้ว หลังจากปล่อยมือเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับยื่นมาให้ “ไปอาบน้ำเลยนะ เค็มไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย”

   “งั้นไม่อาบดีกว่า”

   “ก็ได้ ฉันชอบกินเค็ม” เขาทำท่าจะเดินเข้ามา

   “เพ้อเจ้อและ” ผมเด้งตัวได้ทันพร้อมกับมุดหนีเขาขณะเห็นทีท่าว่าคนตรงหน้าจะเข้ามากอด “ยากหน่อยนะครับ”

   กัปตันหัวเราะเมื่อเห็นผมชูนิ้วส่ายไปมาอย่างดูถูก

   “โอเค ไม่เป็นไร เนื้อเพลงบอกว่าคืนนี้ใช่มั้ย” เขาเงยหน้ามองดูนาฬิกา “มีเวลาอีกสิบกว่าชั่วโมง รอได้”

   ผมถึงกับอึ้งในความจริงจังของเฮียแก

   ฉิบหายและ พี่จีน กษิดิษเล่นกูแล้วไง

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

พอพระอาทิตย์ตกดิน เราสองคนลงความเห็นกันว่าจะตั้งเตาบาร์บีคิวกินกัน ผมปล่อยกรรมวิธีต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของกัปตันเลยฮะ เพราะถ้าผมไปยุ่งเข้า ยื่นไปสักไม้หมามันก็คงไม่แดก รอเป็นคนทานแบบนี้ดีกว่า สบายอุรากว่าเยอะ หึๆ

   “มาแล้ว” กัปตันทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กองไฟที่เราช่วยกันจุดขึ้นมา ในมือของเขามีจานบาร์บีคิวมาด้วย ผมคว้าไปไม้หนึ่งก่อนจะใช้มืออีกข้างกดโทรศัพท์เช็คข้อความต่างๆ แต่ไม่มีเลยครับ แม้แต่ตรองก็เงียบฉี่ สงสัยเตรียมเค้าท์ดาวน์กันหมดแล้วล่ะมั้ง

   “จะกินก็กินให้มันดีๆ วางมือถือก่อน” กัปตันวางจานลงแล้วทำท่าจะแย่งของในมือผมไป

   “เดี๋ยว! ขอส่งข้อความให้ลุงเอกก่อน” ผมพิมพ์ด้วยมือข้างเดียว หลังจากนั้นก็กดส่ง


   “สวัสดีปีใหม่ครับลุง ขอบคุณที่ดูแลมาตลอด ลุงคือผู้ปกครองของผม <3”



   ฮึ่ยยย เขินจัง คิดอยู่นานว่าซึ้งพอมั้ย แต่ก็คงไม่มากไปกว่านี้แล้วล่ะฮะ

   “ดีแล้ว” กัปตันพูดขึ้นมา อะไรเนี่ย เขาแอบดูผมบอกรักพ่อบ้านเรอะ!

   “ยุ่งตลอดเลย”

   “หึ เธอกับลุงเอกมีกันแค่สองคน เธอควรรักเขาให้มากๆ นะ”

   “ผมรักเขาอยู่แล้วน่า” ผมเลี่ยงประเด็นแล้วจัดการไม้บาร์บีคิวที่มือต่อ

   เราคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย หนังที่ชอบ นักร้องที่ชอบ หรือแม้กระทั่งละครหลังข่าวที่ชอบ ผมใช้ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเรียนรู้คนตรงหน้าได้อย่างมากมาย และเขาก็เต็มใจให้ผมสำรวจลึกลงไปในใจเขาอย่างยินดี

   “ตาฉันแล้ว” กัปตันพูดเมื่อรู้สึกว่าผมถามเขาเยอะเกินไป

   “เดี๋ยวๆ คุณยังไม่ตอบเลยว่าชอบเล่นกีฬาอะไร”

   “รักบี้”

   “โห เท่อะ ไม่ค่อยเหมือนใครนะเนี่ย”

   “ก็โรงเรียนชายล้วนเขาแข่งกันด้วยรักบี้นี่” เขาเขยิบเข้ามาใกล้ “ตาฉันได้หรือยัง?”

   “โอเคป๊ะป๋า ถามมาเลย”

   กัปตันวางมือบนบ่าผมพร้อมกับมองมาด้วยแววตาจริงจัง

   “เธอคิดถึงพ่อกับแม่มั้ย” แค่คำถามแรกของกัปตันก็ทำให้ผมชะงักขึ้นมา ความรู้สึกโหวงๆ กำลังเริ่มสุมอยู่เต็มอก

   “คิดถึงสิ” ผมตอบเสียงแผ่ว “วันเกิดปีแรกที่ไม่มีป๊ากับแม่อยู่ด้วยเชียวนะ”

   แค่พูดถึงผมก็เศร้าแล้วครับ ตอนนี้ป๊ากับแม่กำลังเตรียมเค้าท์ดาวน์อยู่บนฟ้าหรือเปล่านะ

   แย่จัง แม่งแสดงด้านอ่อนแอให้คนอื่นเห็นอีกแล้วกู

   “ไม่เป็นไร” กัปตันลูบหลังให้เมื่อเห็นว่าเสียงผมคล้ายกับกำลังจะสะอื้น “อยากร้องก็ร้อง ถ้ามันเศร้าเราก็ต้องร้อง จะได้บำบัดไง”

   “อือ ผมเศร้า” ผมจัดการนั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงกับมัน ฮือออ ร้องก็ร้องวะ

   “ขอโทษที่ถามนะ” น้ำเสียงของกัปตันฟังดูรู้สึกผิดจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

   “ไม่เป็นไร มันก็ดีแล้ว มันจะได้เตือนสติผมว่าตัวเองยังไม่ลืมพวกเขา”

   “อืม…”

   “ผมพยายามเป็นลูกที่ดีมาตลอด ถึงมันจะยากแต่ก็พยายามแล้ว” ผมมองหน้าคนข้างๆ ซึ่งกำลังรับฟังอย่างเต็มใจ “วันที่พวกเขาจากไปผมถึงกับเสียศูนย์ อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปให้ไกลๆ แต่สุดท้ายผมก็กลับมาที่นี่ก็เพราะพวกเขา”

   “ฉันรู้ เธอมีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ แต่เธอเลือกจะอยู่” กัปตันกระซิบ

   “สายการบินเราเป็นสิ่งที่พวกเขารักมากที่สุด นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจะต้องเอามันกลับมาในมือผมให้ได้”

   “เธอทำได้ดีแล้ว”

   “ผมดีใจนะที่พวกท่านจากไปตอนที่ผมอายุสิบเก้า…” ผมสะอึกจนเสียงขาดช่วง “เพราะพวกเขาจะจำได้ว่าปีหน้าผมจะอายุยี่สิบปีและกำลังเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ”

   “ปั๊ม” กัปตันไม่รอให้ผมอนุญาต ร่างหนาของเขาโอบรัดผมไว้ด้วยความอ่อนโยน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมรู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นและน่าถวิลหาซะเหลือเกิน ผมซุกหน้าลงกับแผงอกของเขาอย่างพึงพอใจ มันเป็นที่พึ่งที่แสนวิเศษในยามค่ำคืนนี้จริงๆ

   “ผมทนมาได้ยังไงเป็นปี เข้มแข็งมาได้ยังไงนานขนาดนี้” ผมสะอื้นหนักกว่าเดิมอีก บ้าเอ๊ย “กัปตัน…”

   คนถูกเรียกก้มหน้าลงมาหาอย่างเต็มใจ

   “ผมขอโทษถ้าผมทำอะไรให้คุณลำบากใจมาตลอด ขอโทษที่เคยก้าวร้าว ที่เคยทำตัวไม่ดี” ผมพยายามจะยิ้มให้เขา “ผมรู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาคงหนีผมไปนานแล้ว”

   “…”

   “ขอบคุณที่เป็นอีกคนที่รับผมได้ทุกอย่างนอกจากป๊าแม่กับลุงเอกนะ”

   “ไม่เป็นไร” เสียงข้างบนหัวนั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน “ไม่เป็นไร…” เขาย้ำอีกครั้ง

   “…”

   “ฉันจะหนีเธอไปได้ยังไง” เขาใช้นิ้วโป้งข้างนั้นปาดน้ำตาให้ “ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”

   กัปตันใช้เสื้อเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างไม่รังเกียจ ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม เราสองคนจ้องหน้ากันเป็นเวลานาน และไม่รู้ทำไม เป็นริมฝีปากผมเองที่ขยับเป็นฝ่ายแรก

   “ผมอยากได้ของขวัญ”

   กัปตันดูไม่อยากเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ และผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าผมกำลังหมายความว่าอะไร

   “แต่…” เขาเริ่มสับสน เสียงเริ่มแหบพร่า “ไม่รู้ทำไม พอฉันได้ใกล้เธอ ฉันไม่กล้า…”

   “…”

   “อยากถนอมเธอไว้ให้ดีที่สุด”

   “อย่า…” ผมเกลียดคำพูดตัวเองจริงๆ

   “จำได้มั้ย” กัปตันเขยิบเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเราสองคนเชื่อมถึงกัน “ที่ฉันบอก… เธอจะเห็นฉันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเลย”

   “ผมไม่สน” ตอนนี้สมองผมไม่มีอะไรให้คิดอีกแล้ว มัน…ปลอดโปร่ง “บอกผมสิ”

   เหมือนคำพูดนั้นกดปุ่มเครื่องจักรที่ร้อนให้กลับมาทำงาน กัปตันฝังริมฝีปากลงมาทันทีอย่างไม่รีรอ ท่าทางที่กระหายจนแทบคลั่งนั้นทำให้ผมเครื่องร้อนไปกับเขาด้วย น่าแปลกที่ทั้งๆ ไม่เคยได้สัมผัสความรุ่มร้อนแบบนี้มาก่อน ผมกลับทำทุกอย่างที่ควรทำได้ถูกครรลองไปเสียหมด มือของเราลูบไล้กันไปมาเหมือนกำลังปีนป่ายบนเทือกเขาซึ่งเราจะพบความสำราญอยู่บนนั้น และเมื่อหมดวาระในการสำรวจ เราเริ่มใช้มือในการกระตุ้นอย่างที่ผู้ชายอย่างเรารู้ดีว่าควรทำอย่างไร และเมื่อผ่านไปสักพักก็เป็นผมเองที่ร้องและถอยออกมา

   “อื้มมมม”

   “อย่า…” เสียงนั้นเหมือนกับสั่ง “จูบ”

   ลิ้นเราทั้งสองคนตวัดหยอกล้อกันอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงร่างกายเราบดเบียดกันดังขึ้นกว่าเดิม ผมยกตัวโยนเมื่อรับรู้ได้ว่าพื้นที่ส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในจุดเร้นลับที่สุดกำลังถูกรุกล้ำ ผมห้ามตัวเองให้ร้องไม่ได้อีกต่อไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความสากซึ่งเกิดจากการใช้งานหนักของมือเขา

   “ไม่ไหว” เสียงผมสั่นจนรู้สึกทุเรศตัวเอง “ระ…ร้อน มันร้อนเกินไป”

   “ฉันถอยไม่ได้แล้วปั๊ม” กัปตันครางพร้อมกับก้มลงมาฝังเขี้ยวกับซอกคอ

   “โอ๊ย”

   ผมเจ็บจนจะขาดใจแต่ร่างกายกลับโอบกอดคนด้านบนไว้เหมือนไม่ต้องการให้เขาถอยออกมา

   และในที่สุด ผมก็ไม่เหลืออะไรปกปิดร่างกายอีกต่อไป เช่นเดียวกับกัปตันซึ่งเหลือแค่กางเกงยีนที่เขาโปรดปราณ

   แต่…เขาคงไม่คิดจะถอดมันออกอยู่แล้ว

   กัปตันยกตัวขึ้นพร้อมกับรูดซิปลงอย่างรีบร้อน ผมหลับตาเมื่อเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ซ่อนอยู่ในกางเกงนั้น แต่ไม่ทันจะรู้ตัวเขาก็โน้มตัวลงมาจูบอีกครั้งซะแล้ว

   “โอเคนะ…” เขาถาม ใบหน้าที่หล่อเหลามีเม็ดเหงื่อผุดออกมาจนดูร้อนแรงแทบบ้า

   “คุณล่ะ” ผมถามขณะถูกอีกฝ่ายขบติ่งหู

   “ดูสิ” ว่าแล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับจุดที่แข็งแกร่งกว่าส่วนใดๆ ของร่างกายในตอนนี้

   ใจผมเต้นแรงยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงรูปลักษณ์ของอาวุธที่โผล่ออกมาจากกางเกง และเมื่ออีกฝ่ายให้สำรวจจนพอใจก็ถึงคราวที่ต้องทักทายกันด้วยวิธีอื่นเสียที

   “อะ…” ผมเปิดปากเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกรุกล้ำเข้ามาอย่างเร่าร้อน ความปรารถนาของกัปตันไม่สามารถจมกลับลงไปในจิตใจได้อีกแล้ว ผมผวาโอบคอเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองแล้วรั้งตัวเองให้คงที่เพื่อช่วยเขาอีกทาง

   และมันก็เชื่อมกันได้สนิทอย่างลงล็อค

   กัปตันมองผมอย่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก จากนั้นก็ช้อนคางผมขึ้นเพื่อแลกรสจูบให้ผมลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ และเมื่อมันทิ้งไว้นานจนเหมาะแก่เวลา จังหวะที่เราทั้งคู่เริ่มขยับก็ไม่ได้ทำให้ผมทรมานอีกต่อไป

   ทุกการเคลื่อนไหวของเราห่างไกลคำว่าอ่อนโยนเหลือเกิน ผิวหนังล้วนถูกคมเขี้ยวฝังจนจมไปหมดทุกพื้นที่ น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิด กลับรับฟันที่เรียงตัวสวยนั้นด้วยความเต็มใจ และทุกแรงกระแทก ผมกำซาบมันอย่างโหยหามานาน

   เราเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวในขณะที่เครื่องกำลังร้อน หลังของผมถูกทาบทับด้วยแผ่นอกหนาที่สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจด้านใน คนด้านบนใช้ฟันกันหลังคอของผมเหมือนแม่แมวที่กำลังอพยพลูกน้อย มันทรมานและก็ร้อนแรงไปพร้อมกันอย่างอัศจรรย์

   “ปั๊ม…” เสียงนั้นทำให้ผมหลุดออกมาจากวังวนอันเร่าร้อนทะลุอากาศยามค่ำคืน กัปตันก้มมามองด้วยแววตาที่ทำให้ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสได้เห็น

   และเมื่อเขากระซิบข้างหูว่า “ไปสวรรค์กับฉันนะ” พร้อมกับท่าทางเหมือนนักล่าที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ

   ผมจึงตอบเขาไปอย่างเต็มใจ “ที่ไหนก็ได้ที่มีคุณ”

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   เสียงนกร้องทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง และจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคลื่นทะเล เมื่อรู้สึกตัว ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดียวกับเมื่อคืนเป๊ะ โดยมีเสื้อตัวใหญ่ของกัปตันปกปิดท่อนล่างเอาไว้อยู่ ผมตั้งใจจะลุกแต่ร่างกายมันกลับไม่ตอบสนองเอาเสียเลย จึงตัดสินใจที่จะนอนต่อ แต่ก็ต้องมาตกใจอีกครั้งเมื่อคนที่เคยอยู่ข้างๆ หายไปแล้ว

   แม้ดวงตะวันจะเริ่มแยงตา แต่ผมเบิกตากว้างเพื่อมองหาเขา

   แล้วผมก็เห็น กัปตันธีร์กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าขณะที่กำลังใช้ไม้เขี่ยกองไฟที่ใกล้มอดแล้ว ข้างๆ กันนั้นมีจานบาร์บีคิวซึ่งยังเหลืออีกบานเบอะ แม้จะเปลือยอก แต่ท่อนล่างยังเป็นกางเกงยีนตัวเดิมที่เสียดสีมวลกล้ามเนื้อของผมในคืนที่ผ่านมา และแน่นอน…เขายังไม่เห็นผม

   “หมา” และเขาก็มองมาตามเสียงเรียก รู้ตัวทันทีว่านั่นหมายถึงตัวเอง

   “ครับ” เขายิ้ม ท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังสับสนก่อนนี้หายไปในพริบตา

   “จักจี้ผมที”

   ไม่ต้องรอให้ออดอ้อนกันมากกว่านี้ กัปตันแทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าพร้อมกับใช้มือจี้เอวผมอย่างเอาเป็นเอาตาย และเป็นเสียงหัวเราะของผมเองที่ดังท่ามกลางธรรมชาติที่อยู่รอบตัว

   “สวัสดีปีใหม่นะ” กัปตันกระซิบ เขาโอบกอดผมไว้เหมือนกับกลัวจะหลุดหายไปไหน

   “สวัสดีปีใหม่เหมือนกัน…” ผมซุกหน้าลงกับวงแขนกว้าง “พี่ธีร์”

   ถึงแม้จะยังไม่เริ่มต้นวันใหม่ แต่ผมยังคงไม่มีแผนจะทำอะไร

   นอกจากเล่นกับหมาของผมแบบนี้ ทั้งวัน.

*** เพลงอยากจะขอ XoXO : GENE KASIDIT (https://www.youtube.com/watch?v=ZiwVMzlgyT0)

จบตอน

(https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16730216_10208817736346211_8209424179552146926_n.jpg?oh=04924e15535eecaaebc3d6f243ee3dfb&oe=59001738)
https://www.instagram.com/weir19/


 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

เหมือนเป็นคนไบโพล่าเมื่อเขียนบทนี้จบ 55555

ขอบคุณคนอ่านที่เพิ่มขึ้นของไฟมีด้วยนะฮะ หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะ มีอะไรติชมกันได้ครับ

พูดคุยกันเหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic และ #firemetothemoon นะฮะขอบคุณมากครับ

------

ปล. Draft แรกจะมีน้องหมาติดมาบนเรือ แต่ความคิดนี้ถูกยกเลิกไปขณะรีไรท์เพราะเอาเข้าจริงไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไมเหมือนกัน

ปล.2 ขอบคุณ ทุกสื่อการสอน (ผมหมายถึงหนังรักนะ 5555)

ปล.3 ผมไม่สบาย ถ้าคำไหนตกหล่นไปบ้างขอโทษด้วยนะฮะ ไข้หวัดใหญ่ทาน ฮือออ

ปล.4 วันอาทิตย์นี้วันเกิดคนเขียนแหละ (อ้าวบอกไม)
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-02-2017 22:51:22
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:   HBD ล่วงหน้านะ มีความสุขมากๆ มีคนอ่านนิยายเยอะๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 17-02-2017 23:15:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 18-02-2017 00:12:11
สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าค่ะ

มาบ่อยๆเน้อออออ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 18-02-2017 00:36:36
หนูปั๊ม!
เสร็จตาแก่หื่นไปซะแล้วววววววว!!
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-02-2017 09:26:08
หวายยยยยยยย หนูปั๊มโดนพี่ธีร์กินซะแล้ว
หายหวัดไวๆนะคะไรท์ แล้วก็HBDด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-02-2017 11:07:00
ในที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2017 11:11:39
หลายๆอย่างเหลือเกินนะปั๊ม วันเกิด ปีใหม่ เสียตัว ได้แฟน หวังว่าจะหวานกันไปนานๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 18-02-2017 13:54:29
เสร็จตาแก่จนได้นะอีหนู........
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP14 อัศจรรย์ | 17/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 24-02-2017 02:17:44
สุขสันต์วันเกิดนะคะ ชอบเรื่องนี้ แต่ข้อมูลบางจุดดูแปลกๆ ถ้ารีไรท์ข้อมูลส่วนการบินน่าจะดี อย่างตอนปั๊มติดไปเมืองนอกนี่เข้าประเทศได้ไงน้อ แต่ชอบตอนธีร์กับปั๊มอยู่ด้วยกันนะคะ  :o8: :hao3:
เป็นกำลังใจให้ ปรับนิดปรับหน่อยน่าจะดี รออ่านค่า
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 25-02-2017 20:35:34
15
ก็อาจจะขี้หึง


(https://instagram.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/s640x640/sh0.08/e35/16789358_267091193724973_1213567907410214912_n.jpg)
https://www.instagram.com/weir19

   “ปั๊ม ฟังเพลงเสียงดังไปแล้ว” อยู่ๆ มือใหญ่ๆ ของกัปตันก็ดึงหูฟังของผมออกไป ตอนนี้เรานอนอาบแดดอยู่ริมชายหาดกันครับ ผมกับคนข้างๆ ใส่กางเกงขาสั้นพร้อมกับเปลือยอกเอนตัวให้แดดเลียอยู่ข้างๆ กัน ผมใส่แว่นดำพร้อมกับฟังเพลง ส่วนคนข้างๆ ก็ใส่แว่นดำเหมือนกัน แต่ในมือถือหนังสือปรัชญาอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เห็นเข้ากันกับเขาสักนิดเลย

   “ไม่มีอะไรทำนี่หว่า” ผมโวย ก็เห็นคนข้างๆ อ่านหนังสือมาครึ่งวันแล้วนะครับ ไม่เห็นสนใจกันบ้างเลย

   “ลงไปเล่นน้ำสิ” เขาพูด ตายังคงมองอยู่ที่หนังสือด้วยซ้ำ

   “พี่ธีร์ก็ไปเล่นด้วยกันดิ” อยู่ดีๆ ก็ติดเรียกคนข้างๆ ว่าพี่เฉยเลยครับ ตั้งแต่…เออ นั่นแหละ

   “เดี๋ยวตามไป” ถึงพูดตาก็ยังมองหนังสืออยู่… ดี สนใจมันเข้าไป

   “เหอะ” ผมพ่นลมออกมาพร้อมกับนอนหนุนแขนตัวเองแบบเซ็งๆ

   ได้ผลครับ คนข้างๆ เอี้ยวตัวมาหาจนได้

   “เป็นอะไร?” กัปตันมองลอดแว่นมา

   “เปล่า”

   “พูดคำนี้ทีไรฉันซวยทุกที” แล้วกัปตันก็วางหนังสือจนได้ “น้อยใจที่ฉันอ่านหนังสือเนี่ยนะ?”

   “ก็อ่านไปเด่ะ”

   “เออ ไม่อ่านแม่งแล้ว” เขาโยนหนังสือทิ้งไปข้างๆ ตัว “มานี่มา”

   แล้วคนข้างๆ ก็สอดแขนเข้ามาใต้หัวให้ผมนอนหนุน กลิ่นแดดและกลิ่นแบบ ‘กัปตัน’ ทำให้สติผมเตลิดไปไหนถึงไหน ดีที่ดึงกลับมาได้ทันตอนที่หันไปเห็นนกที่มาเกาะบนต้นมะพร้าวพอดี โอ้ ขอบคุณนะที่ช่วยกูไว้

   “พรุ่งนี้จะกลับกี่โมง” กัปตันถาม

   “เย็นๆ ได้มั้ย ถึงก็มืดพอดีจะได้เข้าบ้านเลย”

   “ก็แล้วแต่”

   “ตามใจจัง”

   “ก็ให้เป็นหมาไม่ใช่หรือไง ก็ต้องยอมเจ้าของสิ”

   โอ๊ยยยยยยยย อ้วกจะแตก

   “ไหนเลียนแบบสแน็ปแชทซิ” ผมสั่งเขา กัปตันเกร็งๆ อยู่พักหนึ่งแต่ก็ยอมแลบลิ้นออกมาเลียแพลบๆ ตามที่ผมเคยสอน ฮ่าๆๆๆๆ ว่านอนสอนง่ายเชียวนักบินคนนี้

   “ปั๊ม” กัปตันสะกิดเรียกที่หัวไหล่

   “หา!?”

   “นี่ชอบฉันยัง” เขาถามด้วยใบหน้าที่จริงจังสุดๆ จริงจังทะลุแว่นเลยฮะ

   “โอ๊ย ถามอะไรเนี่ย” เมื่อคืนมันไม่ได้บอกอะไรเลยใช่ม้ายยยยยย!!

   “อยากได้ยินจากปาก”

   “ได้ยินจากหูต่างหาก ปากมันฟังเสียงได้ที่ไหนอะ” เขินแล้วก็ตลกไปเรื่อยอะครับ

   “…”

   ใช่ ซึ่งคนข้างๆ ไม่เล่นด้วย

   “โอเคๆ” ผมยอมแพ้ “ชอบ…มั้ง”

   ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ กัปตันเบียดตัวเข้ามาหาอีกประมาณหนึ่งนิ้ว

   “มีมั้งด้วย?”

   “เออ!” คราวนี้ผมกระแทกเสียง “ชอบจนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พอใจยัง!?”

   กัปตันยิ้มแก้มปริกลับมา แหม น่าตบกบาลจริงๆ เลย และสาบานได้ครับว่าเขาเบียดตัวเข้ามาหาอีกแล้ว ท่าท่างไม่ค่อยดี ฮึ่ยยยย

   “ฉันแก่เกินไปมั้ยเนี่ย” เขาบ่น

   “อะไรอีกล่ะ?”

   “เธอเพิ่งยี่สิบ แต่ฉันสามสิบกว่าแล้วนะ” น้ำเสียงนั้นช่างหงอยเหงาอย่างกับเด็กเอาแต่ใจ ใครเอาวิญญาณเด็กห้าขวบมาใส่ไว้หรือเปล่าวะ

   “โอ๊ยคิดมาก” ผมปัดทรายออกจากแก้มกัปตัน “ผมไม่สนเรื่องพวกนี้หรอก”

   “ง่ำ” แล้วอยู่ดีๆ เขาก็คว้านิ้วผมไปกัดซะดื้อๆ

   “โอ๊ยยย เจ็บ!!”

   “หมั่นเขี้ยว”

   “เป็นอะไรนักหนาเนี่ย ชอบกัดไปทั่ว” ผมชี้ไปที่รอยแดงตรงคอให้เขาเห็น ใช่ แผลนี้คนข้างๆ สร้างไว้ให้เลยแหละ!

   “ก็เธอน่ากัด” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “เข้าไปในบ้านได้แล้ว เดี๋ยวดำหมด”

   “ไม่ อยากผิวแทน”

   “ไม่เอา” กัปตันร้องขึ้นมาทันที “อย่าผิวแทนนะ”

   “ทำไมอะ ทีคุณผิวแทนคุณยังดูดีเลย”

   ก็อยากเท่บ้างไม่ได้หรือไงครับ

   “แบบนี้ก็ดูดีในแบบของเธอแล้ว”

   หรอ…รู้เลยนะฮะมีอย่างอื่นแอบแฝง แหม่

   “ลุก”

   “ฮะ!?”

   “ลุกสิ ไปทำอย่างอื่นกัน ฉันจะได้สนใจเธออย่างเต็มที่”

   “ทำอะไร!?”

   “คิดอะไร ฉันร้อน จะชวนไปอาบน้ำ” กัปตันลุกขึ้นไปคว้าเสื้อที่ถอดไว้

   “ไปอาบคนเดียวสิ ใครเขาชวนคนอื่นอาบน้ำกัน”

   “อ้าวเหรอ” กัปตันทำหน้างงแบบกวนตีน “เห็นคนเป็นแฟนกันเขาอาบน้ำด้วยกันนะ”

   “…”

   “ถึงว่าแหละ” เขาคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นตามไป “สงสัยฉันคิดไปเอง”

   เอ๊า อะไรของลุงอีกเล่า โอ๊ยยยย เดาใจยากจริง

   “เดี๋ยว!”

   “หือ?” กัปตันเลิกคิ้วมองเพราะโดนเสียงผมรั้งไว้

   “ผมจองอ่าง คุณใช้ฝักบัวไปแล้วกัน”

   แล้วผมก็วิ่งแซงหน้าคนที่กำลังยิ้มแก้มปริไป

(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)

   “กัปตัน”

   “หือ?” คนถูกเรียกหันมาสบตาผมที่นั่งคลุมผ้าอยู่ข้างๆ ในมือเราทั้งคู่มีโกโก้ร้อนคนละแก้ว พวกเรานั่งมองดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ความคิดผมเองนะ โรแมนติกอะเด่ะ

   “ได้ลาพักแบบนี้รู้สึกยังไงมั่งอะ”

   “เบื่อ” เขาสวนทันควัน

   “คุณชอบงานที่คุณทำอยู่เหรอ”

   “ถามแบบนี้ทำไม”

   “ก็ผมเห็นคุณทำงานเป็นนักบินมานาน แถมทำกับสายการบินผมมาตั้งแต่เริ่ม ไม่เบื่อเลยหรือไง”

   “ไม่เคยเบื่อ” กัปตันยิ้มมุมปาก

   “ดีอะ ผมขี้เบื่อง่ายมากเลย” ผมพูดพร้อมกับกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น อะไรจะหนาวแบบนี้วะเนี่ย

   “ถ้าเธอชอบงานที่เธอทำ มันก็จะโอเค”

   “นั่นสินะ” ผมก้มหน้าครุ่นคิด ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นได้

   “กังวลอะไรเหรอ?”

   “เปล่า”

   “เล่ามาเถอะ คุยกันได้ทุกเรื่องนะ” กัปตันวางแก้วลงข้างๆ ตัว และหันมาสนใจผมเต็มที่

   “ผมเบื่อแล้วอะ” ผมเริ่ม “ไม่รู้ทำไมถึงเบื่อ มานั่งทำนั่นนี่แบบไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย”

   “ฉันเข้าใจ”

   “และผมไม่ชอบทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้เลย มันเลยผมกลัวอะ” ผมเงยหน้ามองเขา “ผมกลัวว่าพอมันถึงเวลาผมจะไม่อยากได้มัน”

   “…”

   “ป๊ารู้คงเกลียดผมตายเลย”

   “ไม่หรอก” กัปตันมอบความเป็นมิตรมาให้ “เธอพิสูจน์แล้วว่าเธอทำได้ ทั้งเรื่องโรงอาหาร สวัสดิการพนักงาน ไหนจะเรื่องพวกช่างที่เธอกลับมาทำให้พวกเขาสำคัญอีก ฉันว่านี่แหละสำคัญนะ”

   “…”

   “ฉันไม่เคยเป็นเจ้าของบริษัท ไม่เคยเป็นหัวหน้าใคร แต่ถ้าจะให้พูดอย่างพนักงานคนหนึ่ง ฉันอยากได้หัวหน้าแบบเธอนี่แหละ”

   “แต่คุณจับผมกด …ผมที่เป็นหัวหน้าคุณเชียวนะ?”

   “นั่นทำให้ฉันเหนือทุกคนไปอีกขั้นไง” กัปตันยืดตัวอย่างภูมิใจได้น่าทุเรศมาก ไอ้ห่าเอ๊ย อยากจะขำแต่กลัวเสียมู้ด ฮ่าๆ

   “เออ สบายใจและ”

   “เอาน่า ไม่ต้องกังวล” กัปตันเอื้อมมือมาลูบไหล่ผมเป็นเชิงปลอบ “ถ้าวันนั้นเธอจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้วก็ตาม อย่างน้อยท่านประธานคงจะเห็นแล้วล่ะว่าลูกชายเขาพยายามเต็มที่”

   “ขนลุกเลย เหมือนป๊าอยู่แถวนี้”

   “อย่า…ฉันกลัว” กัปตันส่งสายตาดุ พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง “แล้วอีกอย่าง อย่าทำให้ฉันต้องเสียแรงไปเปล่าๆ สิ”

   “เสียแรง?” ผมมองอย่างไม่เข้าใจ

   “จำวันแรกที่เราเจอกันได้มั้ย”

   ผมนึกถึงวันที่เขาเดินออกมาแหกหน้าผมต่อหน้าคนทั้งบริษัท

   “อ่า…”

   “ฉันอยากปลุกใจเธอ เพราะตอนนั้นเธอดูขี้แพ้เหลือเกิน”

   “เดี๋ยวนะ ครั้งนั้นอะเหรอ?”

   “ใช่สิ”

   “อ้าว ผมก็นึกว่าคุณแหกหน้า”

   “ฉันช่วยเธอต่างหาก”

   “โอ้โหกัปตัน ลึกซึ้งยิ่งกว่าหนังหว่องกาไวอีก” ผมหัวเราะร่า ไม่อยากจะเชื่อเลย

   “ต้องขอบคุณความกล้าของฉันคราวนั้นนะ พอมาเห็นเธอตรงนี้แล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์เรามาไกลเหลือเกิน”

   “คุณวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วก็ยอมรับมาเถอะ”

   “ก็อาจจะใช่” กัปตันเขยิบเข้ามานอนตักผมพร้อมกับมองหน้า “เป็นแผนที่ดีจริงๆ”

   โอ๊ยยย ผมอยากจะข่วนจมูกไอ้คนที่นอนอยู่จริงๆ ทุกครั้งที่กัปตันยิ้มมันคันไม้คันมือไปหมดเลย

   “จะมาทำตัวเหมือนตอนแรกไม่ได้แล้วนะกัปตัน ผมจะไปคือไปเลยนะ ไม่ค่อยแคร์อะไรอยู่แล้ว”

   “ทำอะไร? ที่เธอเคยร้องไห้อะเหรอ”

   “เออ!” ผมตีหน้าผากคนข้างล่างทันที แหม ทำเป็นลืม

   “อืม…. ไม่อะขี้เกียจ” กัปตันทำเป็นหลับตาพริ้ม “กว่าจะได้มาลำบากจะตาย ขี้เกียจ…”

   ผมใช้ช่วงนาทีที่กัปตันหลับตายิ้มออกมาด้วยความดีใจ ยอมรับก็ได้ครับว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบอกรักเลยนอกจากป๊ากับแม่ (ถึงไอ้คนที่กำลังบอกนี้จะทำเป็นเฉไฉก็เหอะ) ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมก็กระหายความเอาใจใส่เหลือเกิน กัปตันมาอย่างเหมาะเวลาพอดี อยากจะขอบคุณเขาจริงๆ

   “ยิ้มอะไร”

   เวร! กัปตันเห็นจนได้ครับ ลืมตามาตอนไหนวะเนี่ย

   “เสียใจมั้ง”

   “อย่าปากแข็ง” กัปตันเอื้อมมือขึ้นมาจับหูผม หยอกล้อมันจนอารมณ์ของผมเริ่มคล้อยตาม “รักกันก็แสดงออกเลย”

   “แสดงออกแบบไหน”

   “แบบ…”

   ผมไม่รอให้เขาพูดต่อ คราวนี้เป็นผมเองที่ก้มลงไปประทับริมฝีปากก่อน ความอบอุ่นพัวพันกันจนผมไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป รู้ตัวอีกทีกัปตันก็อยู่ข้างบนแล้ว เฮ้ยยยยย

   “ไม่ๆๆๆๆ” ผมพยายามดิ้นจนอีกฝ่ายยกตัวออกมามอง

   “หืม?”

   “ไม่เอาข้างนอกแล้ว เจ็บหลังไปหมด”

   “อ้าว งั้นเข้าบ้าน”

   “เฮ้ย ไม่ต้องอุ้มมมมม” ผมร้องเมื่อกัปตันมีทีท่าจะเอาผมพาดไหล่ “เดินไปเองได้”

   “งั้นตามใจ” เขาปล่อยผมลง “ให้เวลาหกสิบวินาที ถ้าไปช้า เจอที่ไหนกดตรงนั้น”

   “ไอ้บ้า!!” ผมด่าเขาไปอย่างนั้นแหละครับ แต่จริงๆ แล้วทำอะไรน่ะเหรอ

   ก็วิ่งสิครับ รอให้มันมาจับกดใต้ต้นมะพร้าวหรือไง ไม่มีทาง!!!



[อ่านต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP15 หึงมากเลยจ้า | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 25-02-2017 20:39:02

[อ่านต่อด้านล่าง]


“ปั๊ม” เสียงทุ้มนั้นเรียกพร้อมกับมีมือใหญ่หนาเขย่าผมที่แขน กัปตันเอี้ยวตัวมาโผล่หน้าให้เห็นตอนที่ผมสะลึมสะลืออยู่พอดี

“อะไร” ไม่อยากเชื่อว่าเสียงตัวเองจะดูป่วยขนาดนี้ ผมขยับตัวใต้ผ้าห่มให้มองคนเรียกได้ถนัดขึ้น

“ตัวร้อนมากเลย”

“อืออออ ไม่เอาแล้วนะ”

“ทะลึ่ง!” กัปตันเม้มปากเพราะความเขินจนเซไปเสี่ยววินาทีหนึ่งแต่ก็กลับมาจริงจังต่อ มือเขายังคงอังไว้ที่หน้าผาก

“อือออ ปวดตัวไปหมดเลย”

“ฉันก็คิดว่าเธออาจจะเป็นไข้” เขาว่า ตลบผ้าห่มมาทับผมอีกชั้นก่อนจะลุกขึ้นโชว์เรือนร่างและเดินไปสวมเสื้อที่โยนทิ้งไว้

“จะไปไหน” ผมถามเมื่อเห็นเขาเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ต่อ

“ไปซื้อยาให้”

หือออออ ผมนี่ถึงกับพยุงตัวขึ้นมองเลยครับ

“ซื้อยา? ไปยังไง?”

“เดี๋ยวไปหาที่ฝั่ง ที่บ้านนี้คงไม่มียาอะไรหรอกใช่มั้ย”

ผมส่ายหัว

“งั้นเดี๋ยวมา”

“เฮ้ยยย อย่าทิ้งไว้ดิ เอาปั๊มไปด้วย” ผมงอแงขึ้นมาเลยครับ ใครมันจะอยากโดนทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวแบบนี้ กลัวเป็นเหมือนกันนะ

“ไม่เอา เดี๋ยวเป็นหนักกว่าเดิม” เขาว่า ทำหน้าดุ

“โอ๊ยยย ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่”

“ไม่เอาน่า จะได้รีบไปรีบกลับ” เขาทำท่าเหมือนจะอ้อนวอน ผมเลยต้องยอมพยักหน้าให้เขาเดินออกไป

ถึงเมื่อกี้จะงอแงแต่เอาเข้าจริงพอกัปตันไปแล้วผมก็หัวล้มลงหมอนต่อเลยครับ ฮืออออ ความรู้สึกเหมือนหัวมันจะตัวระเบิด ตัวร้อน ปวดแขนขาไปหมดเลย อะไรกันวะเนี่ย ไอ้กัปตันมันเป็นตัวนำเชื่อโรคหรือเปล่า ถึงกรุงเทพอย่าลืมเตือนผมให้ไปตรวจเลือดด้วยนะ เอ…แต่ก็เช็คว่าปลอดภัยไว้ก่อนทุกครั้งนี่หว่า (ถึงจะจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งก็เหอะ) พอแล้ว พักยาว ต่อจากนี้จะถือพรหมจรรย์

Rrrrrrrr.

ผมล้วงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ใต้หมอนขึ้นมาดู ตรองนั่นเอง…

“ว่าไง” ผมรับด้วยเสียงที่ไม่โอเคสุดๆ

[ผมรบกวนเวลาส่วนตัวหรือเปล่าครับ]

“ส่วนตัวแบบไหน”

[แบบนั้นอะครับ]

“เลยเวลานั้นมาแล้ว คุยได้” ผมเหนื่อยเกินกว่าจะโวยวายแล้วครับ

[เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ] นั่นงะ ตรองผู้นำเรื่องดีๆ มาให้เสมอ

“เพิ่งปีใหม่ได้สิบกว่าชั่วโมงเองนะ เอาไว้วันอื่นได้มะ”

[ไม่ได้ครับ คุณวินัยนัดประชุมด่วนพรุ่งนี้ เรื่องหุ้นส่วนที่จะขอถอนออกครับ]

“ฮะ!?” ผมนี่เอนตัวขึ้นเลยครับ

เวรแล้วไง…

[ครับ…]

“แล้วอยู่ดีๆ เขาจะมาถอนหุ้นออกไปทำไม?”

[เอ่อ… ที่บอร์ดบริหารจะชี้แจงเรื่องนี้พรุ่งนี้ครับ]

เฮ้อ นี่กูต้องสู้รบตบมือกันตั้งแต่ต้นปีเลยหรือไงนะ

“พรุ่งนี้กี่โมง?”

[ห้าโมงเย็นครับ]

“เดี๋ยวโทรบอกว่าจะให้รถมารับตอนไหน”

[ครับผม]

“แค่นั้น”

พอวางสายผมก็โยนโทรศัพท์ไปไกลๆ ตัวเลยครับ ฮืออออ จะมีเรื่องปวดหัวอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไม่เอาๆ ของอแงอีกหน่อยได้มั้ย ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่นะ

Rrrrrrrrrr.

โอ๊ยยยยย ใครมันจะโทรมานักหนาวะ

อ้าว!? ไม่ใช่เครื่องผมที่สั่นครับ ของใครวะ

ผมล้วงเข้าไปใต้หมอนใบข้างๆ ที่กัปตันใช้นอน เอ๊า เขาไม่ได้เอามือถือไปด้วยเหรอเนี่ย

ขณะที่กำลังหงุดหงิดเรื่องที่ตรองโทรมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเจอชื่อที่โทรเข้ามาทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลยครับ เรื่องนี้คงจะน่าหงุดหงุดกว่าหลายเท่าแน่นอน

ผมหยิบไอโฟนของกัปตันขึ้นมา จ้องมองที่ชื่อคนโทรเข้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัวสุดๆ


‘Mint’


(http://icons.iconarchive.com/icons/unclebob/spanish-travel/1024/plane-icon.png)


กัปตันธีร์

“อาการเป็นยังไงคะ?” เภสัชสาวถามย้ำอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าขอยาลดไข้ เอ…สงสัยอธิบายไม่ละเอียด

“ก็ปวดตัวกับปวดหัวครับ”

“คุณเป็นเองหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ครับ แฟนผม พอดีเขามาไม่ได้ผมเลยมาซื้อให้” ผมพูดด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ

“ก่อนหน้านี้แฟนคุณทำอะไรมาหรือเปล่าคะ”

“เล่นกีฬาติดกันหลายวันไปหน่อยครับ”

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นคงอ่อนเพลียจนติดไข้” เธอจดอะไรยุกยิกสักพักก็จัดยาใส่ถุงมาให้ “เรียบร้อยค่ะ มีแต่ยาหลังอาหารนะคะ อย่าลืมให้แฟนคุณทานให้ครบนะ”

“แน่นอนครับผม ขอบคุณนะครับ”

หลังจากออกมาจากร้ายขายยาผมก็รีบไปที่ท่าเรือทันที ลุงคนเดิมที่มารับเราตอนขามาเข้ามาจัดแจงช่วยเหลือผมเป็นอย่างดี ผมจัดการขอบคุณแล้วก็รีบขับกลับไปยังเกาะอย่างไม่รีรอ

“ปั๊ม” ผมตะโกนเรียกเมื่อไม่เห็นคนที่เคยอยู่ในห้องนอน ทว่าผมได้ยินเสียงจากฝักบัวในห้องน้ำ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อาบน้ำเหรอ?”

คนข้างในไม่ตอบ แต่เสียงน้ำหายไปแล้ว

ปั๊มเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ใบหน้าที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลยจริงๆ เขาเดินผ่านผมไปอย่างเย็นชา แต่พอเห็นว่าผมถือถุงยาไว้ให้เขาจึงคว้าไปและอ่านสรรพคุณทีละซอง

“เป็นอะไรอีกล่ะ” ผมเห็นท่าไม่ดีเลยนั่งยองๆ เอามือวางไว้บนหัวเข่าของปั๊มซึ่งนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง

“เปล่า”

คำนี้อีกแล้ว มันมีเรื่องทุกทีสิน่า

“มีอะไรก็บอกมา”

“เปล่า แค่หงุดหงิด”

“หงุดหงิดเรื่อง?” ผมถาม

ปั๊มถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ผมลืมไว้มาให้ หน้าจอมันแสดงผลว่ามีสายที่ไม่ได้รับ ที่น่าหนักใจคือชื่อคนที่โทรเข้ามานี่สิ

มิ้น เล่นพี่อีกแล้วนะ

“ได้รับไปหรือยัง” ผมหัวเสียทันทีเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“ยัง” ปั๊มหันหน้าหนี “ไม่อยากรับ”

“ขอเวลาแปบ ห้ามไปไหน เชื่อใจกัน” ผมตบที่เข่าปั๊มเบาๆ ก่อนจะแยกตัวออกไปคุยโทรศัพท์

[ฮัลโหลพี่] เสียงมิ้นทักทายมาเป็นฝ่ายแรก

“โทรหาพี่มีอะไรเหรอ”

[ผมขอโทษนะพี่ที่โทรมารบกวน มิ้นแค่จะโทรมาสวัสดีปีใหม่]

“โอเคมิ้น เช่นกันนะ”

มีอะไรอีกมั้ย โทรมาให้พี่เสี่ยงตายแท้ๆ…

[พี่ธีร์ มิ้นจะขออยู่ห้องพี่ธีร์ถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะ มิ้นได้คิวย้ายต้นเดือนหน้า ไม่รู้พี่จะโอเคมั้ย…]

“ไม่เป็นไรอยู่ไปเถอะ”

[ขอโทษนะพี่ มิ้นพยายามทุกทางแล้ว ขอบคุณพี่จริงๆ ผมไม่อยากให้พี่ลำบาก พี่กลับมานอนที่ห้องเถอะนะ เดี๋ยวมิ้นจะไปนอนที่โซฟาเอง]

“ไม่ต้องคิดมากน่า พี่ไม่มีปัญหา รับปากกับแม่ไว้แล้วก็ต้องดูแลสิ”

[ขอบคุณพี่มากๆ นะครับ สวัสดีปีใหม่อีกครั้งด้วยครับ หายไวๆ นะพี่]

“ครับผม ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากนะ” ยังไม่ทันจะพูดประโยคสุดท้ายจบ ผมก็เห็นปั้มทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ตรงประตูห้องนอนซะก่อน เขาสวมเสื้อผ้าจวนจะเสร็จแล้ว แถมการแต่งตัวก็ทำให้ผมประหลาดใจเหลือเกิน

“จะไปไหน”

“กลับบ้าน” ปั๊มเดินหนีทันที

“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ ฟังฉันก่อน” ผมยืนพิงขอบประตูเพื่ออธิบายให้รู้เรื่อง “คือฉันย้ายออกมานอนโรงแรม ตอนนี้คนที่อยู่ห้องมีแค่มิ้น เขาโทรมาบอกว่าจะอยู่ถึงสิ้นเดือน เขาได้คอนโดใหม่แล้ว”

สีหน้าของปั๊มเปลี่ยนไปทันที พอพูดเรื่องมิ้นเขาจะหงุดหงิดเสมอ แต่กลับกัน พอพูดถึงการจำกัดจำเขี่ยของมิ้น ปั๊มก็จะดูอ่อนลงและดูเข้าอกเข้าใจอยากช่วยเหลือ บางทีเด็กคนนี้ก็ซับซ้อนไปหน่อย

“ไหนคุณเคยบอกว่าไล่มิ้นออกไปแล้วไง”

“ฉันไม่อยากให้มันเรื่องใหญ่ ฉันเลยขอออกไปเอง ไม่อยากให้เธอคิดมากด้วย”

“ให้มิ้นอยู่ต่อไปเถอะ”

“อืม ฉันบอกไปแล้ว” ผมถอนหายใจ

“ทีหลังก็บอกให้คุยกันตรงๆ ให้รู้เรื่องสิ” ปั๊มหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดผม

“ก็ไม่อยากให้ลำบากใจจริงๆ”

“งั้นก็จำไว้แล้วกัน อะไรที่คุณไม่บอก ผมลำบากใจเสมอแหละ” ปั๊มยังคงไม่สบอารมณ์ถึงแม้จะหายข้องใจไปบ้างแล้วก็ตาม

“แล้วจะกลับทำไม โกรธกันอีกแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้แล้ว”

“แล้วแต่งตัวทำไม” ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปช่วยเช็ดหัว

“มีเรื่องนิดหน่อย ผมต้องกลับแล้วล่ะ” ผมมือชะงักแล้วมองหน้าเขา ซึ่งสายตาที่ส่งมามันช่างกังวลเหลือเกิน

งั้นผมจะไม่ถามต่อแล้วล่ะ…

“โอเค งั้นกลับกันเลย”

“กัปตัน”

“ครับ?” ผมหันกลับมาขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ผมไม่ชอบเลย อารมณ์แบบนี้อีกแล้ว” ปั๊มทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ทำหน้าตาเหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจ “ถ้าเมื่อกี้เรียกว่าหึง อย่าทำให้ผมเป็นแบบนั้นอีกได้มั้ย”

“…”

“มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ใช้ไม่ได้เลย”

ผมแอบยิ้มให้กับใบหน้าที่กำลังสับสนนั้น พอเขาหันมามองหน้า ผมจึงพยักหน้าให้กับเขา

“แน่นอน” ผมตอบก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

อืม… แน่นอน ผมหวังว่านะ

แหม ทำกับว่าตอนนี้มีอะไรสำคัญกับผมมากกว่าปั๊มอย่างนั้นแหละ

อ๋อ ขาที่เจ็บอยู่นี่ไง เฮ้อ เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน.


จบตอน

(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16996050_10208881887669954_7522885778382517838_n.jpg?oh=49d59073efa2f15474557ddeaf0c92cf&oe=59441844)


 :katai1: :katai1: :katai1:
จบ part หวานเย็นลงเสียแต่บทนี้ อะวะ ฮ่าๆๆๆๆ

ล้อเล่นฮะ หวานเย็นๆ เรื่อยๆ อะแหละ อย่าทิ้งกันไปซะก่อนน้า

อยากเห็นกัปตันกอดปั๊มไปนานๆ ฮือออ

คิดถึงทุกคนจังเลย เห็นคนเม้นท์ให้เยอะมากเลยขอบคุณนะฮะ
เพิ่งหายจากไข้หวัดใหญ่มา ทรมานมากๆ เลยเฮ้อ
จะนำทุกคำติชมไปปรับใช้นะครับ ขอบคุณจริงๆ ทำให้รู้ว่ามีคนอ่านแบบจริงๆ เลยอะ ผมนี่ซึ้งเลย

พูดคุยกันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon น้า ไว้เจอกันฮะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2017 21:19:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2017 21:21:24
หวานกันไม่เท่าไรจะเข้าโหมดเคลียดแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 25-02-2017 22:46:33
ตอนแรกก็กำลังหวานดี ดันปิดท้ายด้วยตึงเครียดซะงั้น
แต่ก็ดี ถึงเวลาที่ต้องไปสะสางเรื่องต่างๆ
เพราะเรื่องที่บริษัทก็ดูยังไม่สงบเลย
เฮ้ออออออออ เหนื่อย

อีมิ้นนี่ก็อีก โฮมเลสหรอ!?
ถ้านอนโซฟาได้ ก็ต้องนอนข้างถนนได้ ไป๊!
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-02-2017 23:53:29
น้องปั๊มสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 26-02-2017 00:13:13
รำคาญมิ้นท์มาก บ้านไม่มีตังค์ถึงขนาดต้องมานอนกับผู้เลยเหรอ แอ๊บหรือเปล่าอ่ะ
ขอตอนปั๊มแหกหน้ากัปตันบ้างเถอะ พี่หมั่นไส้มานานละ ไหนจะเรื่องบริษัทอีก ปัญหารอบด้านจริงๆนะปั๊ม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-02-2017 09:55:42
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-02-2017 15:34:30
อ้าว ตอนนั้นเรียกพี่ธีร์ พอโกรธ หงุดหงิด หึง กลับมาเรียกกัปตันอีกล้ะ

กลับไปบริษัทมีเรื่องเครียดอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 01-03-2017 15:53:33
 :serius2:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP15 ก็อาจจะขี้หึง | 25/02/2017 (หน้า 4)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 03-03-2017 23:35:52
ปั๊มสู้ๆน้า  กัปตันดูแลน้องดีๆด้วย  เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงน้า เพิ่งมาเจอ ติดตามค่ะ สนุกมากกกกก
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 12-03-2017 20:29:01
Part III
Burn

16
เริ่ม

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/32/cd/b6/32cdb6e9782bc415099d3b0d0322c59f.jpg)


   ผมแทบสะดุ้งเมื่อไอ้เพชรโยนกองกระดาษมาไว้หน้าผมอย่างจัง ไอ้ห่า ทำอย่างนี้มึงไม่ฟาดใส่หัวกูไปเลยล่ะ

   “ดูสิ” ไอ้เพชรชี้มายังของหน้านั้น

   มันคือกระทู้ในอินเตอร์เน็ตที่ปริ้นออกมาหลายใบ เนื้อหาในนั้นเกี่ยวกับเรื่องการนินทาว่าร้ายลูกชายซีอีโอผู้เสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการโปรโมทเป็นซีอีโอคนต่อไป แต่…อาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักบินของสายการบินตัวเอง พร้อมมีรูปตอนที่ผมกอดคอกัปตันหลังจากที่รู้ว่าเขานำเครื่องลงจอดอย่างปลอดภัยแม้เครื่องเรดาร์จะไม่ทำงานแนบมาด้วย…

   เนี่ย บันเทิงหลังปีใหม่ของแท้เลยกู

   “ดีนะที่เราสั่งเก็บข่าวพวกนี้ไปก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้”

   “แล้ว…” ผมนั่งกอดอกมองมันด้วยสายตาฉงน เออ ยังไงต่ออะ?

   “ปั๊มไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

   “มันก็เรื่องส่วนตัวปะเพชร?” ผมเลื่อนกระดาษพวกนั้นออกไป

   “ปั๊มไม่คิดว่ามันทำให้พวกเราลำบากขึ้นเหรอ?”

   “ลำบากเรื่อง?”

   “ก็ที่เราบอกว่าหุ้นส่วนดูไม่ค่อยพอใจไง”

   “หุ้นส่วนคงจะความอดทนต่ำเกินไป”

   “แค่อยากให้ปั๊มคิดเรื่องนี้เยอะๆ” เพชรก้มหน้าลงมามอง

   “เชื่อเถอะว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ไม่ได้ง่ายเลย” ผมยักไหล่ “ขอโทษนะ เราตัดสินใจไปแล้ว”

   “โห” เพชรทำหน้าเหมือนผิดหวังมากๆ แล้วจากนั้นมันก็ยิ้มมุมปากเหมือนกำลังหมดศรัทธากับอะไรสักอย่างขึ้นมา “ไม่คิดเลยว่าปั๊มจะทำตัวถูกแบบนี้”

   เพล้ง!

   และนั่นคือเสียงความอดกลั้นที่กำลังขาดสะบั้นครับ

   “มึงว่าไงนะ” ผมเงยหน้ามองมันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แถมก็โมโหแบบควบคุมไม่ได้ ไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้มาก่อน

   “เรานึกว่าปั๊มจะดีกว่านี้ซะอีก”

   ผมสามารถรั้งมือตัวเองไว้ให้ไม่ไปชกหน้ามันได้ยังไงนะ

   แต่ ถึงไม่มีการเอาคืน ผมก็ไม่ยอมให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียวแน่

   “แล้วมึงคิดว่าตัวเองดีขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “…”

   “เอาเวลาไปเรียนต่อให้จบดีกว่ามั้ย”

   “…”

   “ไม่อายเหรอที่จบแค่ม.ปลายแล้วมาเป็นผู้บริหารเลย”

   “…”

   “ขนาดกูเรียนยังไม่จบมหาลัย กูยังอายตัวเองเลยนะ”

   “ปั๊ม…”

   “แล้วก็ถ้ากูทำให้ผิดหวังก็ขอโทษด้วย แต่…มึงเกี่ยวไรด้วยอะ” ผมยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืน

   “เราหวังดีนะ” เพชรมองหน้าผม

   “รู้” ผมขยับเสื้อให้กระชับขึ้น “ดีจนกูขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”

   “…”

   “ส่วนเรื่องหุ้นส่วน เดี๋ยวจะนัดมาคุยเอง ไม่ต้องห่วงนะ เงินเดือนมึงไม่น้อยลงแน่นอน” ผมเดินออกมาจากห้องประชุมทันทีด้วยความหงุดหงิดที่อยู่ในใจ ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูมาแล้วเห็นตรองยืนรออยู่ก่อนแล้ว

   นี่ก็อีกคน

   “ทีหลังถ้าจะโกหกกันแบบนี้ก็ขอให้คิดใหม่นะ” ผมกอดอก เท้าความไปถึงเรื่องที่เลขาตัวเองกุเรื่องว่ามีการประชุมบอร์ดบริหาร เอาเข้าจริงเป็นไงล่ะครับ มีแต่ไอ้เพชรคนเดียวที่ยืนหน้าสลอน

   “ขอโทษครับ คุณเพชรเขาบังคับผมจริงๆ”

   “ทีหลังก็ไปเป็นเลขาไอ้เพชรสิ”

   “ขอโทษจริงๆ ครับ” ตรองทำท่าจะยกมือไหว้ ผมรีบปัดมือออกทันที ไม่อยากจะหงุดหงิดไปมากกว่าเดิม บอกกี่ทีแล้วเนี่ยยยย

   “ไม่ต้องไหว้! ทีหลังอย่าทำแล้วกัน รู้ไม่ใช่เหรอว่าปั๊มไม่ชอบคนโกหก ขอแค่อย่างเดียวเลยจริงๆ”

   “ครับผม” ตรองพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่มากขึ้นกว่าเดิม “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

   “ช่างมันเหอะ ไปหาอะไรกินกัน” ผมดันหลังเลขาที่ตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยให้เดินนำออกไป แต่ก็ต้องชะงักอีกรอบเมื่อเจอใครบางคนเดินสวนมา…

   มิ้น!

   เชี่ยเอ้ย วันนี้คงเป็นอีกวันที่ก้าวขาผิดออกมาจากบ้านแน่นอน!

   “สวัสดีครับคุณปั๊ม พี่ตรอง” มิ้นยกมือไหว้ขึ้นมาอย่างลนลาน ผมสังเกตเห็นในมือนั้นมีแฟ้มและเอกสารมากมาย

   “ที่นี่ไม่มีห้องให้นอนหรอกนะ” ผมยิ้มมุมปาก

   “เอ่อ…”

   “พูดกับเลขาของเราดีๆ หน่อยดิ” เพชรที่คงจะเพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุมพูดแซว ผมนี่หันขวับไปทันทีเลยครับ

   “เลขา?”

   “ใช่แล้ว” ไอ้เพชรพยักหน้า “ช่วงนี้งานมันหนัก มีคนมาช่วยก็คงดี”

   “อ๋อเหรอครับ” ผมบุ้ยปากแสร้งทำว่านั้นเป็นประโยคที่มีค่าและควรรู้มากกว่าการทำฝอยทอง “ก็ดี เก็บเงินดีๆ นะ จะได้มีที่อยู่เป็นของตัวเองสักที”

   “ครับ…” มิ้นก้มหน้า ดูซึมไปถนัดตา

   “ทำไมพูดแบบนั้น” เพชรเดินเข้ามาข้างๆ ผมนี่หัวเราะเหอะๆ กับคำถามมันเลยครับ

   “มาว่ากูทำตัวถูก เลขามึงยิ่งกว่าของลดราคาอีก” ผมกระซิบ

   “…”

   “กูไม่พูดอะไรแล้ว หิว!” ผมกระแทกเสียงก่อนจะขยับเท้าเดินออกไปโดยทำทีไม่สนใจ เมื่อผ่านเลขาของไอ้เพชร ตอนนั้นอยากพูดว่าเซ็ทซูชิพรีเมี่ยมที่จะไปกินแพงพอๆ กับเงินเดือนเอ็งทั้งเดือนด้วยซ้ำ

   แต่ไม่ดีกว่า พอเทียบแล้วก็รู้สึกเสียดายตังค์ เดี๋ยวจะไปกินปิ้งย่างแทน

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


   “ฮัลโหล” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเมื่อเห็นว่ากัปตันโทรมา

   [อยู่ตรงไหน]

   อ้าว กัปตันรู้ได้ไงวะว่าอยู่ข้างนอก?

   พอพูดจบนี่ถึงกับเหร่มองเลขาที่เดินข้างๆ เลยครับ ซึ่งดูเหมือนว่าตรองจะรู้ทันเลยก้มลงกดโทรศัพท์ยุกยิกๆ แทน แถมผมแอบเห็นว่ามันกำลังคุยไลน์อยู่กับไอ้ไวน์ซะด้วย เอ๊า ไปสนิทกันถึงขั้นมีลงมีไลน์เลยเหรอ

   “เพิ่งเดินออกมาจากบีทูเอส มาสิ”

   [อ๋อ เจอแล้ว]

   หมับ!

   ยังไม่ทันได้วางสายดี กัปตันก็เอามือมาจับเอวจากข้างหลังจนผมเกือบร้องออกมาลั่น ฮ่วยยย

   “เล่นบ้าไรเนี่ย!”

   “ก็เล่นปกติ” เขาพยายามพูดเสียงยานๆ เหมือนตอน… เอ่อ อยู่ด้วยกันสองคน แต่คงลืมไปว่าตอนนี้มีอีกคนอยู่ด้วย กัปตันยิ้มแหยๆ ผงกหัวทักทายตรองแบบเก้ๆ กังๆ “ว่าไงตรอง”

   “หวัดดีครับพี่” ตรองหน้าแดงจนเฉไฉไปทางอื่น “เอ่อ ผมว่าผมกลับดีกว่านะครับ”

   “อ้าวไม่กินบิงซูเหรอ เห็นบ่นว่าอยากกิน” ผมถาม

   “ไม่ดีกว่าครับเกรงใจ”

   “เกรงใจอะไร!? อย่ามาพูดกันแบบนี้นะ”

   “ถ้างั้นไว้คราวหน้านะครับ พอดีจะกลับไปทำธุระนิดหน่อย”

   “เอ๊า ตามใจ” ผมโบกมือลา มองขาเล็กๆ นั้นก้าวฉับๆ เดินออกไปทางหน้าห้าง

   เอาล่ะ คราวนี้ก็เหลือแต่ผมกับกัปตันสุดหล่อสองคน

   “มองอะไร” ผมเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องอยู่ก่อนแล้ว

   “คิดถึง” เขายิ้มแป้น

   “ทะลึ่งและ คิดถงคิดถึงอะไร ไม่เจอกันแค่วันเดียว”

   “แต่ก่อนหน้านั้นเจอกันทุกวัน”

   “หยุดพูดเลย” ผมเดินหนี “ชอบเต๊าะไปเรื่อย”

   “ไม่มีคนเต๊าะแล้วจะคิดถึงกันไม่รู้ด้วยนะ”

   “วันนี้เป็นอะไรเนี่ยฮะ” ผมหลุดขำออกมาเพราะตลกกับสิ่งที่กัปตันกำลังทำ ซึ่งเขาก็คงทุเรศตัวเองเหมือนกันเลยหัวเราะตามผมไป

   “หึๆ ไม่รู้ ตลกเนอะ”

   “เออ ตลก” ผมพยักหน้าพลางเดินต่อ

   “ซื้ออะไรเยอะแยะ” จู่ๆ กัปตันก็ลากถุงรองเท้ากับเสื้อที่ผมหิ้วมาไปถือเองซะอย่างนั้น เขายกพวกมันไปพักไว้บนหัวไหล่

   “วันนี้เครียดนิดหน่อย” ผมพูดขณะเดินดูตุ๊กตาไข่ขี้เกียจไปด้วย

   “เป็นอะไรอีกล่ะ”

   “พูดแล้วเดี๋ยวก็หงุดหงิด”

   “พูดมาเหอะ ฉันเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธออยู่แล้วนี่”

   โหยยยย พูดอย่างกะตัวเองเป็นหมาที่โดนเจ้าของโยนกระแทกกำแพงบ่อยๆ ไปได้ ฮ่าๆๆๆ

   “วันนี้ไอ้เพชรมันเอาพวกข่าวในอินเตอร์เน็ตมาให้ดูเลยหงุดหงิด”

   “ข่าวอะไร”

   “ก็รูปที่เรากอดกัน”

   กัปตันชะงัก ผมเลยต้องรีบอธิบาย

   “ไม่มีอะไร ผมไม่คิดมากเรื่องพวกนี้หรอก”

   “อ่อ…”

   แหนะ เสียงอ่อย กังวลละสิ

   “แล้วอีกเรื่อง อันนี้หงุดหงิดกว่าอีก” ผมถอนหายใจ “เจอมิ้นในตึก”

   “อ่า…” สีหน้ากัปตันเริ่มเสียนิดๆ

   “มาเป็นเลขาใหม่ของไอ้เพชร”

   “อืม… ไม่ได้คุยกันเลย”

   อ๋อเหรอ ก็ลองคุยดูเด่ะ

   “อืม”

   “แค่นี้เหรอ?”

   “ฮะ?” ผมขมวดคิ้ว

   “ไม่ตีฉัน ไม่โวยวายอะไรหน่อยเลยเหรอ” กัปตันเอียงคอถาม “งอแงอะไรก็ได้”

   “ไม่อะ ผมจะทำแบบนั้นทำไม” เอ๊ะ หรือแต่ก่อนผมทำครับ

   “ฟู่ว! รอดตัว”

   “บ้าบอ” ผมชี้นิ้ว

   “ฮ่าๆ จะกลับบ้านหรือยัง?”

   “อือ กลับเลยก็ได้” ผมชักอยากนอนเหมือนกัน วันนี้ใช้พลังงานเยอะจริงๆ ครับ

   เออ แต่ต้องทำอะไรก่อนสักอย่างนึง

   “แวะไปโรงแรมที่คุณอยู่ก่อน”

   กัปตันขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไม?”

   “ไปเอาเสื้อผ้ามา วันนี้ไปนอนด้วยกัน”

   “เฮ้ย” เขาตกใจเล็กน้อย “จะดีเหรอ”

   “อ้าว” ผมก้มหน้างุด “ไหนบอกคิดถึง”

   “งั้นเธอไปนอนห้องฉันเถอะ”

   “ฮะ!?”

   “เพราะถ้าแวะไปคงไม่ได้กลับง่ายๆ”

   “เฮ้ย เดี๋ยวๆ”

   “แผนนี้แหละดีสุดแล้ว ไปกันเหอะ”

   โอ๊ยยยย คิดเองเออเอง แค่ไม่อยากให้เสียเงินค่าห้องทุกวันเฉยๆ โว้ยยยยย

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

   “ปั๊ม”

   ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก คนที่เคาะประตูห้องทำงานของผมได้โดยที่ไม่ผ่านเลขาก็มีไม่กี่คนเท่านั้นแหละ แต่ที่จริงผมอาจจะมองในแง่ร้ายไป วันนี้ไม่มีใครอยู่หน้าห้องตะหาก ตรองขอลาไปทำธุระตั้งแต่บ่ายแล้ว

   “มีอะไรเพชร เราจะกลับบ้านแล้ว” ผมไม่พูดเปล่าแต่ลุกขึ้นเก็บกระเป๋าไปด้วย

   “เรามาขอโทษเรื่องเมื่อวาน”

   “อย่าทำให้หงุดหงิดกว่าเดิมได้มั้ยเนี่ย” ผมเดินหนีมันไปที่ลิฟต์ ซึ่งแน่นอนครับมันตามมาติดๆ

   “เราพาไปกินข้าวมั้ย”

   “ไปกินเองได้ ไปหาอะไรทำแก้ฟุ้งซ่านเหอะ”

   แต่ถึงจะปฏิเสธยังไงไอ้เพชรก็ยังตามตื้อมาจนถึงหน้าตึก รถติดฟิล์มดำสนิทจอดรออยู่ คนขับรถนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงม้านั่งใกล้ๆ กัน

   “เลิกตามสักทีได้มั้ยเนี่ย!” ผมหันไปว่า มันทำหยุดแต่ก็มอบแววตารู้สึกผิดมาให้อยู่

   “เรามาขอโทษจริงๆ”

   “รู้แล้วว่ามาขอโทษ แต่เรื่องแรงๆ แบบนี้มันไม่ใช่ว่าวันสองวันมันจะหาย ขอโทษทีเดียวแล้วรอได้มั้ย เดี๋ยวจะหายเอง”

   “งั้นก็ได้ แต่รีบหายเร็วๆ ได้มั้ย เดี๋ยวทำงานด้วยกันลำบาก”

   “ก็เลิกพูดมากสักที มันมีแต่ทำให้รำคาญ”

   “โอเค งั้นเราจะไม่พูดแล้ว”  เพชรยกมือเหมือนยอมแพ้

   “ดี เจอกันวันจันทร์” ผมหันหลังหนีเดินขึ้นไปนั่งบนรถ เพื่อความปลอดภัยผมจึงกดล็อคประตูด้วย

   ผมหันไปดูคนขับรถ ดูเหมือนว่าเขายังไม่รู้ว่าผมขึ้นมาแล้ว ไม่เป็นไร บุหรี่หมดตัวเขาคงเดินเข้ามาเอง

   ปื๊นนนน!

   แต่จู่ๆ เสียแตรรถก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว หลังจากสะดุ้งตัว ผมก็เหลือบไปเห็นรถหกล้อกำลังขับส่ายไปส่ายมา และมีทีท่าว่า…
   มันกำลังจะพุ่งมาตรงนี้!
   “เฮ้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นว่าคนขับรถหกล้อนั่นกระโดดออกจากที่นั่งฝั่งคนขับ กลิ้งๆ หลุนๆ ก่อนสุดท้ายจะวิ่งหนีไป
   ชัดเลย! จงใจ!! เหี้ย!!
   ปักๆๆๆๆๆๆๆๆ

   ผมตกใจอีกรอบเมื่อไอ้เพชรเข้ามาเคาะกระจกอยู่ด้านนอก สีหน้ามันเหวอแดกไม่ต่างจากผม มันมองหน้าผมสลับกับรถหกล้อคนนั้นที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

   แต่บอกตรงๆ ครับ ผมกำลังช็อค! ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ!!!!

   “ปั๊ม ออกมา!!!” เสียงไอ้เพชรดังทะลุเข้ามา

   ผมเริ่มได้สติ รีบลนลานปลดล็อคประตูออก ไอ้เพชรเป็นฝ่ายกระชากประตูออกเสียเอง

   “เร็ว!!” เสียงมันดังลั่นแข่งกับเครื่องยนต์ของรถหกล้อ

   และจากนั้น!

   โครม!!

   รถที่ใหญ่กว่าพุ่งชนเข้ากับรถที่ผมวิ่งออกมาแบบนาทีต่อนาที ผมไม่ได้หันไปดูแต่พนันได้เลยว่าสภาพต้องเละเทะแน่ แต่ที่สำคัญ! โชดดีฉิบเป๋งผมรอดมาได้!!!

   ผมกับเพชรล้มคะมำลงเพราะแรงวิ่งที่ไม่มีทิศทาง เรากองอยู่กับพุ่มไม้ที่ตกแต่งอย่างดีด้านหน้าตึกออฟฟิศเรา

   ผู้คนเริ่มมุงดูรถของผมที่พังยับเยิน ทุกคนพยายามตรวจสอบคนในรถ แต่จากนั้นไม่นานทุกคนก็กรูกันเข้ามาทางนี้ พร้อมสีหน้าที่โล่งใจเมื่อรู้ว่าผมกำลังนั่งงุนงงเหมือนคนไม่ได้สติอยู่ใกล้ๆ พุ่มไม้ตรงนี้กับไอ้เพชรที่ช่วย…

   เฮ้ย!!

   “ปั๊มเป็นอะไรเปล่า” มันพยุงตัวขึ้นมาถาม

   “ไม่ต้องสนใจกู!!” ผมล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา “หัวมึงแตก! ซับไว้!!”

   “ตรงไหน”

   “ตรงนี้” ผมชี้ “กูไม่ซับให้นะ กูกลัวเลือด”

   ว่าแล้วก็สำรวจตัวเองหน่อย ดูซิว่ามีแผลอะไรมั้ย

    อ่า…รอดวุ้ย

   “โอเคๆ” มันรับผ้าเช็ดหน้าผมไปซับแผลที่ใกล้ๆ ขมับด้านขวา จังหวะนั้นเองที่คนขับรถของผมวิ่งลนลานเข้ามาหา

   “คุณปั๊มโอเคมั้ยครับ” สีหน้าของเขาซีดเผือก พนันได้เลยว่าเขาคงคิดว่าตัวเองต้องซวยแล้ว

   ผมแค่พยักหน้าก่อนจะสั่งต่อ “พาคุณเพชรไปโรงพยาบาลที เรียกแท็กซี่เลย”

   ว่าแล้วคนขับรถก็พยุงตัวไอ้เพชรออกจากวงล้อมไป ตอนนั้นเองที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรหาใครสักคน

   แต่… พอมองไอ้เพชรที่เดินไร้เรี่ยวแรงกับคนขับรถแล้วรู้สึกผิดฉิบหาย

   นิ้วผมค้างไว้ที่ชื่อกัปตัน …ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะกดโทรออกอยู่แล้วแต่ผมกลับปิดหน้าจอและเดินตามคนขับรถที่พาไอ้เพชรออกไป

   โอเค ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลย

   คงแบบนี้สินะ ความรู้สึกเหมือนเป็นหนี้อะไรสักอย่าง

   ไม่ค่อยสบายใจเลยจริงๆ

จบตอน

(https://instagram.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/17126175_1734616930183887_8948234039576231936_n.jpg)

 :z3:  :z3: :z3: :z3: :z3:

หายตัวไปกับประเทศสิงคโปร์มา 1 อาทิตย์
จิตใจโลเล ไม่เป็นตัวเอง ไขว้เขวนิดๆ หน่อยๆ...

แต่ตอนนี้กลับมาแล้วฮะ เย้!
กลับมาโควต้าอาทิตย์ละ 1-2 ตอนเหมือนเดิมครับผม ขอโทษด้วยนะฮะ

ขอบคุณสำหรับ 10k ด้วยน้า
ตอนนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรจิ้นมาก แต่มันเปนชนวนสำคัญในตอนต่อๆ ไป
โค้งสุดท้ายแล้วฮะ รู้สึกใจหายเหมือนกัน เย่เย่

ปล.มีแผนอยากเปิดเรื่องใหม่มากเลย แต่ขอเวลาคิดแปบ
แล้วเจอกันตอนนหน้าฮะ คุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
และ #firemetothemoon เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-03-2017 20:43:17
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2017 21:15:25
 :fire: มันคือผู้ใดที่คิดการณ์ใหญ่อยู่
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 13-03-2017 00:54:01
อะไรยังไงกัน งงมากตอนนี้
สั้นไปป่าวอะ?
รออ่านตอนต่อไป

 :katai4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-03-2017 01:03:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 14-03-2017 19:32:37
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-03-2017 19:56:51
เพชรเหมือนจะดี และก็เหมือนจะไม่ดี
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-03-2017 08:53:59
โอ้ยยยย ใครเป็นคนทำล่ะเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: plugie ที่ 17-03-2017 12:33:17
เพชรนี้ดีหรือไม่ดี :katai5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP16 เริ่ม | 12/03/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-04-2017 13:34:57
คิดถึง อยากอ่านต่อแล้วววววว :ling1:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP17 ที่พึ่ง | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 23-04-2017 17:21:06
17
กอด


(https://instagram.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/17933742_192226041286610_693933828745461760_n.jpg)
ปล. ชอบรูปนี้มาก อารมณ์ประมาณ i got u!


   แอ๊ดดดด

   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่ตอนนี้ไอ้เพชรถูกนำตัวมาพักฟื้นเรียบร้อย ถึงดูๆ แล้วอาการจะไม่น่ามีอะไรมากแต่หมอก็ตัดสินใจขอดูอาการก่อน ผมเห็นด้วยเลย เช็คให้แน่ใจทีเดียว ถ้าเป็นอะไรรุนแรงขึ้นมาจะได้รู้สึกผิดได้ถูก

   “ไงมึง” ผมทัก อีกฝ่ายลืมตาสะลึมสะลือพร้อมกับยกตัวขึ้นมามอง

   “ไม่ตายก็ดีแล้ว” มันยิ้ม ไอ้ห่ายังจะมาตลกอีก

   “กูขอโทษจริงๆ นะมึงที่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”

   “ไม่ต้องคิดมากไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถ้าไม่เข้าไปช่วยสิไม่รู้ว่าจะแย่กว่านี้มั้ย”

   อ๋อ มึงหมายถึงถ้ากูตายขึ้นมาสินะ

   “อืม” ผมพยักหน้า “กูให้ตรองไปแจ้งความแล้ว”

   เพชรสีหน้าเปลี่ยนไปทัน แต่ผมสังเกตว่ามันดูกังวลแปลกๆ …ไม่หรอกมั้ง กูนี่คิดมากจัง

   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเรื่องใหญ่ทำให้บริษัทดังเปล่าๆ”

   “แล้วมึงไม่อยากรู้เหรอว่าใครทำ? ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุนะเว้ย”

   ผมกับเพชรมองหน้ากัน อีกฝ่ายเลิกคิ้วเหมือนจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก เราทิ้งเดธแอร์ไปสักพักก่อนจะเป็นมันที่พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเอง

   อะไรของมัน?

   Rrrrrrr.

   โทรศัพท์ผมสั่นพอดีเลยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายต่อ พอเห็นว่าใครโทรมาเลยปลีกตัวออกมานั่งตรงโซฟาแทน

   “ไงตรอง”

   [คุณปั๊มปลอดภัยมั้ยครับ!?] น้ำเสียงกระวนกระวายแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้ผมถอนหายใจออกมา เออวะ ก็มีคนสนใจกูเหมือนกันแฮะ

   “โอเคแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรเลย” ผมว่า เหลือบตามองไปยังคนบนเตียงเห็นว่าเพชรหลับไปแล้วเลยตัดสินใจว่าออกไปคุยนอกห้องดีกว่า

   ผมบอกให้ตรองถือสายรอสักครู่ขณะที่เดินไปยังสุดทางเดินที่เป็นกระจกบานใหญ่ที่มองทะลุไปเห็นการจราจรบนถนนด้านนอก

   [เรากำลังติดต่อฝ่ายกฎหมาย พวกเขากำลังจัดการเรื่องนี้ให้ครับ]

   ฝ่ายกฎหมายงั้นเหรอ?

   “ไม่ต้องหรอก”

   [ครับ?]

   “ไม่เป็นไร บอกพวกเขาว่าปั๊มไม่เป็นอะไร …ไม่มีใครเป็นอะไร ตรองช่วยเรื่องเก็บกวาดกับจำกัดวงพวกนักข่าวหน่อยแล้วกัน”

   [แต่ว่า…] อีกฝ่ายเหมือนสับสนปนไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ [ครับ จะจัดให้ครับ]

   “ขอบใจมาก กลับบ้านเถอะ ฉันว่าก็จะกลับบ้านเหมือนกัน”

   [ผมเป็นห่วงคุณปั๊มนะครับ]

   แหมะ พูดซะกูเขิน

   “เออ ฉันรักแกเหมือนแกเป็นพี่ชายฉันเลย”

   [ได้ครับน้อง]

   “อะไรนะ?”

   [ล้อเล่นครับ แค่นี้ก่อนนะครับคุณปั๊ม]

   “โอเค”

   [อีกอย่างครับ] เสียงของตรองดังขึ้นมาขณะที่ผมเกือบจะกดตัดสายอยู่แล้ว

   “หืม?”

   [ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมรู้สึกแปลกๆ แบบนี้] เสียงนั้นดูวิตกกังวล [แต่คุณปั๊มระวังตัวด้วยนะครับ]

   “ไม่ใช่แกคนเดียวหรอก” ผมถอนหายใจพลางเท้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้า “ฉันก็เหมือนกัน”

   มันกำลังมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ผมรู้สึกได้

   “ตรอง ที่ถามฉันเรื่องฝ่ายกฏหมายน่ะ”

   […]

   “หมายถึงยังไม่ให้ทำอะไรตอนนี้ รอก่อน…เข้าใจที่พูดใช่มั้ย”

   ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกับเลขากำลังเชื่อมถึงกัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจสิ่งที่กำลังจะสื่อ

   [เข้าใจแล้วครับ]

   “แค่นี้แหละ กลับบ้านดีๆ”

   ผมตัดสายไปแล้วแต่เลือกที่จะพิงกระจกอยู่ที่เดิมต่อ ผมรู้ดีว่ากำลังยืนอยู่ในจุดที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ต่อจากนี้คงต้องมีอะไรตามมาอีกมากมายแน่ แต่ผมจะแกล้งโง่ต่อไปเพื่อที่จะได้รู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเชื่อมาตลอดว่าถ้าเราอยู่เฉยๆ สิ่งเลวร้ายที่เรากังวลมันจะปรากฏตัวขึ้นมาเอง

   แอด!

   ประตูห้องผู้ป่วยของเพชรถูกเปิดออก ผมชะงักเท้าทันทีเพื่อดูว่าใครจะมา บางทีอาจจะเป็นหมอหรือพยาบาลและนั่นจะทำให้ผมตัดสินใจกลับบ้านได้สักทีเพื่อที่จะได้ไม่ไปรบกวนการทำงานของพวกเขา

   แต่นั่นไม่ใช่หมอ

   กัปตันธีร์เดินออกมาด้วยชุดฟอร์มแต่ไม่เต็มยศ สีหน้าดูหงุดหงิดเหมือนกับมีอะไรในใจ ทันทีที่ประตูปิดลงสายตาของเขาก็สังเกตได้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ แววตาที่ไม่สบอารมณ์ในตอนแรกบัดนี้ได้เปลี่ยนไปในทันที เขากำลังมองผมเหมือนทุกครั้ง …ดูใจอ่อน และ…เทิดทูน

   “ไง” เขาทักทายพร้อมกับสำรวจผมด้วยสายตา และดูโล่งใจที่เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

   “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัปตัน”

   “เมื่อกี้นี้เอง” เขาเดินเข้ามาใกล้ “แต่เข้าไปเห็นแต่คุณเพชรนอนอยู่ เลยว่าจะออกมาโทรหา”

   “มานี่หน่อย” ผมกวักมือเรียกเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำอย่างว่าง่าย

   ไม่ต้องรอให้เขาอนุญาตหรืออะไร ผมเขย่งตัวตวัดวงแขนรัดรอบคออีกฝ่ายไว้แน่น ไม่รู้ว่าทำไม แต่อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ผมพยายามเบียดอีกฝ่ายให้แน่นที่สุดเพื่อหวังจะใช้ความแข่งแกร่งของเขาเป็นพลังช่วยพยุงใจที่กำลังอ่อนแอ เขาจะรู้มั้ยว่านอกจากเตียงที่บ้าน การทำแบบนี้กับเขาทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและไร้กังวล เหมือนผมกำลังอยู่ถูกที่ถูกทางแล้ว

   “ช็อคเหรอ” กัปตันถาม ผมได้แค่พยักหน้าตอบอยู่ตรงไหล่

   เหมือนเขารู้ว่าผมไม่อยากจะพูดอะไรเลยกระชับผมเข้าไปในอ้อมกอดจนแน่นกว่าเดิม แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมเจอบ้านแล้ว

   “กลับบ้านมั้ย” คนตัวโตกว่าถาม “ฉันโทรไปบอกลุงเอกแล้วว่าจะพาเธอกลับบ้านเอง”

   “ที่ไหนก็ได้” ผมว่า “แต่คุณไปด้วยนะ”

   “ฉันไปกับเธอทุกที่อยู่แล้ว”

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

โชคดีที่เป็นคืนวันศุกร์ ผมจะได้ไม่ต้องไปเจออะไรให้ปวดหัวอีกสองวันเต็มๆ เมื่อตอนเย็นสงสัยจะดราม่ามากไปหน่อย ผมเลยหมดพลังหลับปุ๋ยตั้งแต่ขึ้นรถของกัปตัน มารู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้วเรียบร้อย

   จริงอยู่ที่ผมเคยบอกให้เขามาอยู่ด้วยที่นี่ แต่เขาเลือกจะไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านผมกับโรงแรมที่พักอยู่ ผมจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นเพราะมันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ตอนนี้อะไรก็แย่ทั้งนั้นแหละ โชคเข้าข้างที่วันนี้เขาเชื่อผม กัปตันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะบินไฟล์ทถัดไปในเช้าวันจันทร์ แปลว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้บ้านเรามีคนมาอยู่เพิ่มตั้งหนึ่งคนแหนะ

   แต่…ตามกฎของลุงเอก เราต้องแยกห้องนอนกันครับ เซ็งตรงเนี้ย

   หลังจากทานข้าวเย็นก็ถึงเวลานอน แต่ปัญหาคือนอนไม่หลับนี่สิครับ ผมกลิ้งไปมาบนเตียงพร้อมกับเล่น ROV ไปด้วย ว่าจะปลดปล่อยความเครียด แต่เหมือนจะเครียดกว่าเดิมอีก คือป้อมจะแตกแล้วไง โว้ยยยยยยยยย ช่วยกันหน่อยสิวะไอ้พวกห่านี่

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูทำให้สมาธิหลุดจากหน้าจอโทรศัพท์มาชั่วขณะ ผมนอนนิ่งชั่งใจกับตัวเองสักครู่เพื่อคิดว่าเป็นใคร คงหนีไม่พ้นลุงเอกแน่นอน

   แต่ทันทีที่ผมเปิดประตูทำให้รู้ว่าผมคิดผิด ไม่ใช่ลุงเอกครับ

   กลับเป็นกัปตันที่ยืนยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจอยู่ เขาอยู่ในชุดนอนเต็มยศ วินาทีที่ผมเห็นเขาใจมันหวิวแปลกๆ ชอบกล เกือบจะทำมือถือตกแล้วเชียว โอเค ตอนนี้ขอไม่สนใจเกมแม่งแล้ว คนนี้สำคัญกว่า

   “เข้ามาเร็วเดี๋ยวลุงเอกเห็นนนนน”

   ฮ่าๆๆๆ ผมจะตื่นเต้นอะไรวะเนี่ย

   เหมือนอีกฝ่ายจะบ้าจี้พอๆ กัน กัปตันรีบวิ่งเข้ามาในห้องแล้วกระโดดขึ้นบนเตียงเอาผ้าห่มคลุมโปงเหมือนกับจะซ่อนตัวเองทันที

   “นี่ย่องมาให้เงียบที่สุดแล้วนะเนี่ย” กัปตันโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม

   ผมเข้าไปนั่งขัดสมาธิข้างๆ เขา

   “ทำงานเหนื่อยมั้ย?”

   กัปตันเลิกคิ้วเหมือนงงกับสิ่งที่ผมถาม ทำอย่างกับตัวเองหูฝาด

   “ถ้าตอบว่าเหนื่อยล่ะ”

   “ก็จะรู้ว่า อ๋อ เหนื่อย”

   หึๆ ยังกวนตีนเป็นอยู่นะครับขอบอก

   “นึกว่าจะมีรางวัลปลอบใจให้หายเหนื่อย”

   “อะไร อย่ามาทะลึ่งนะ”

   “คิดไปเองอยู่เรื่อยว่าฉันทะลึ่ง” กัปตันตวัดผ้าห่มออกและคว้าตัวผมกดติดกับหมอน โดยเขากระโดนขึ้นมาจ้องอยู่ด้านบนอย่างเจ้าเล่ห์

   “เดี๋ยวนะ กำลังเนียนใช่มั้ย” ผมทำหน้าอย่างคุณรู้ทัน จนอีกฝ่ายเผลอหัวเราะออกมา

   “กอดหน่อย”

   “ไม่!” ผมพยายามดิ้นให้หลุด แต่แน่นอนครับ ไม่เคยหลุดแม่งสักครั้ง โว้ยยยยยยย

   “ก็นี่ไงชอบยัดเยียดให้ทะลึ่ง ก็จะทะลึ่ง!” เขาใช้นิ้วจี้เอวจนผมเกือบจะระเบิดหัวเราะลั่น ดีนะที่กัดกระพุ้งแก้มตัวเองทัน “ถอดเสื้อเร็ว!”

   “ไม่!” ผมใช้แขนสองข้างผลักเขาออก

   “อ๋อ จะให้ถอดให้ใช่มั้ย!?”

   “ไม่ใช่! โอ๊ยยยยยย ฮ่าๆๆๆ กัปตันอย่าจี้ดิ!” ผมตัวงอเป็นกุ้งหมดแล้วเนี่ย

   “ได้ จะถอดให้แล้วนะ”

   “อย่า!”

   “ฉันทะลึ่งมั้ย!?”

   “ทะลึ่ง!”

   “เหรอ…”

   “โอ้ยยยยย อย่าจับนมมมมมมมมม”

   “ทะลึ่งมั้ย!?”

   “ไม่ๆๆๆ ไม่ทะลึ่งเลย” ผมยอมแพ้แล้วครับ อ๋อยยยย จะตายเอา

   แล้วกัปตันก็ยิ้มมุมปาก เอามือออกจากเสื้อผมแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ อย่างดื้อๆ อ้าว จบแล้วเหรอวะ? ว้าาาาาา (อะไรของกู)

   “มานี่มา” กัปตันกางแขนเรียกผมเข้าไปนอนหนุน “แค่จะกอดแบบนี้”

   “อ๋อ” ผมเข้าใจแล้วครับคุณพ่อ แหม่ สาบานสิว่าตอนแรกไม่ได้คิดอีกแบบนึง

   “ไม่เจ็บอะไรแน่นะ” สายตาคนข้างๆ สำรวจผมด้วยความเป็นห่วง

   “ไม่เลยจริงๆ” ผมหันหน้าหนีตอนที่นิ้วของอีกฝ่ายคลำไปทั่วเพื่อตรวจสอบ

   “แล้ววันนี้ร้องไห้ทำไม”

   “ก็กลัว”

   “กลัว?”

   “อืม กลัวตายอะ” ผมมองหน้าเขา พูดถึงความตายแล้วแม่งเศร้า “ไม่อยากเสียคุณไปด้วย”

   “…”

   “อย่าทำหน้าเหมือนเหม็นน้ำเน่าแบบนั้นนะ เดี๋ยวผมเสียเซลฟ์”

   “โอเค” กัปตันพยายามเกร็งหน้า “งั้นพูดต่อเลย”

   ผมมองอีกฝ่ายตาเขียวแต่ก็ยอมพูดต่อ “แล้วก็กังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย”

   “มีเรื่องฉันมั้ย”

   “ไม่มีหรอก…”

   มั้ง? เรื่องเจอมิ้นมาเป็นเลขาไอ้เพชรนี่นับมั้ยวะ

   ช่างแม่ง ไม่นับแล้วกัน

   “งั้นเอางี้ เดี๋ยวจะทำตัวดีให้หมดเรื่องเครียดไปเรื่องนึง โอเคมั้ย?”

   “ทำได้เหรอ?” ผมเลิกคิ้ว

   “อืม ก็จะพยายามไง”

   หรออออ เชื่อดีมั้ยวะเนี่ยยยยยยย

   “จะรอดู” ผมหัวเราะก่อนจะรู้สึกตัวว่ากัปตันกำลังเบียดเข้ามาหา และนั่นก็ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้…

   ผมได้รับ EMAIL จากมหาลัยเมื่อวันก่อน เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดอีกเรื่องกำลังจะมาแล้ว

   “ผมมีอะไรจะบอก”

   “อะไรเหรอ”

   “อีกไม่ถึงสองเดือนผมต้องกลับไปเรียนแล้ว”

   สิ้นเสียง กัปตันเหมือนชะงักไปชั่วครู่ ผมรู้แหละว่าเขาตกใจ คงเป็นเรื่องที่เขาไม่ทันคิด แต่ถึงอย่างนั้นเขากับเลือกที่จะแสดงออกมาเป็นรอยยิ้มแทน

   “ก็ดีแล้ว มันคือหน้าที่ของเธอ”

   “ไม่นอยด์ใช่มั้ย”

   “นอยด์”

   “อ้าว?”

   “แต่ฉันจะทำอะไรได้ ห้ามไม่ให้ไปงั้นเหรอ?” มองหน้ากัปตันตอนนี้ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขากำลังเซ็ง

   “แต่ผมจะกลับไปเรียนได้ยังไง เรื่องที่นี่ยังสะสางไม่เสร็จเลย”

   “เดี๋ยวทุกอย่างมันจะดีเอง” กัปตันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “วันนี้มีเรื่องเยอะจัง”

   “นั่นสิ” ใช่ บางทีวันนี้ก็เหี้ยเกินไป

   ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ กัปตันก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมอยู่เหนือผมอีกจนได้ แววตาของของเขาไม่ได้แสดงออกอารมณ์ทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน เรามองหน้ากันนิ่งๆ เหมือนกำลังพูดคุยกันผ่านสายตา ก่อนจะเป็นคนด้านบนเองที่ก้มลงมาประทับริมฝีปากที่หน้าผากของผม

   “กอดกันเถอะ” อยู่ๆ เขาก็กระซิบ “กอดแบบนั้น”

   “ไหนบอกว่าไม่ทะลึ่ง” ผมชี้นิ้วขู่

   กัปตันมองนิ้วเรียวยาวของผมอย่างพินิจก่อนคว้ามันเข้าไปกัด ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย อย่างกับว่าเขาไม่ได้ต้องการจะทำร้ายผม แค่อยากแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น

   “เรารักกันแล้วใช่มั้ย” ผมถาม เสียงที่แหบจนเหมือนกระซิบนั้นกำลังบอกผมว่าสติสตางค์ของตัวเองกำลังจะหลุดลอยออกไป

   “ฉันรักเธอ” เขาบอก “เธอล่ะรักฉันมั้ย”

   “นั่นสิ” ผมเอื้อมมือไปจบแก้มของอีกฝ่าย “แต่ไม่ว่ามีเรื่องอะไร ผมนึกถึงคุณเป็นคนแรกเลย”

   “เหมือนกัน” เขาซุกหน้าลงบนอกผม และไม่ได้ห้ามเมื่อผมลูบหัวเขาเล่นแต่อย่างใด “พรุ่งนี้ไปเดทกันเถอะ เหมือนเมื่อก่อน”

   “ทำอย่างกับนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”

   “ไม่มีทางหรอก” เขาจูบที่คอผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า “กับเธอมันเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นครั้งแรกเสมอ”

   เราเกินเลยกว่าที่จะขยันลุกขึ้นมาปิดไฟ กลายเป็นว่าท่ามกลางการพูดคุยต่อจากนั้น เรามองหน้ากันอย่างชัดเจนตลอดเวลา สัมผัสได้ถึงความนึกคิดทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสังเกตได้หรือไม่ว่าในใจผมเต็มไปด้วยอะไร แต่สำหรับผมคนที่กำลังเห็นใครอีกคนกำลังขยับอยู่ตรงหน้า ผมรู้ได้ว่ากัปตันคือผู้ชายที่ไม่อยากเสียของรักไป ผมรู้ว่าลึกๆ เขาเศร้าที่วันนี้ผมเกือบตายและแถมต้องมารู้กะทันหันว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็ต้องจากเขาไป แต่เขากลับเลือกที่จะแสดงด้านความสุขที่มีอยู่น้อยนิดให้ผมเห็นแม้จะเป็นการฝืนก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้แสดงออกว่าเจ็บหรือเสียใจมากนัก เขาจึงเลือกที่จะทำแบบเดียวกันเพื่อไม่ให้ผมกังวล แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณสวรรค์เหลือเกินที่ทำให้ได้รู้จักผู้ชายคนนี้

   ทุกสายตา ทุกการกระทำ มันไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เราเรียนรู้และมองเห็นกันมากขึ้น สำหรับผม วันนี้ทำให้รู้ว่าเขามีแผลเป็นที่นูนขึ้นมาใต้ซี่โครงด้านขวาชิ้นล่างสุด ที่อาจจะมองไม่เห็นด้วยตา แต่ผมรับรู้ถึงการมีตัวตนของมันผ่านการสัมผัสอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจ

   และเมื่อการสนทนาของเราจบลง เขาก้มตัวลงมากอดผมไว้ ผมจึงถามเขาด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คงที่

   “คุณรักผมจริงๆ ใช่มั้ย”

   กัปตันกัดริมฝีปากเหมือนกำลังอดกลั้นความในใจ เหมือนเด็กที่กำลังพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ก่อนจะตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

   “แน่นอน”

จบตอน

(https://www.mx7.com/i/bed/FX50s9.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เขิลจัง อิอิ
ตอนนี้ผมอยู่ในช่วยกำลังเปลี่ยนแปลง เลยเครียดมาก ขอโทษด้วยนะฮะ
แต่กลับมาต่อแล้วอย่างแน่นอน เพื่อที่จะได้มอบตอนจบที่สมบูรณ์แบบ

เย่เย่ ถ้ารักหนูปั๊มหรือโกรธน้องปั๊มฝากคอมเม้นท์ติชมกันมาได้นะครับ
และถ้ารักมากๆ อย่าลืมแชร์เรื่องนี้ให้คนอื่นมาลองอ่านกันด้วยน้า จุ๊ฟ

แวะเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
และ #firemetothemoon เหมือนเดิมนะฮะ

ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นหนึ่งใน 12k ที่อ่านเรื่องนี้ ไม่มีวันจะขอบคุณหมดเลย

ติดตามกันต่อไปด้วยนะครับ รักซาเหม๋อน้า<3
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-04-2017 21:11:25
เครียดเลย อย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลย เพชรนี่ยิ่งไม่น่าไว้ใจเข้าไปกันใหญ่   :katai1: :katai1: :katai1:

ปล. สู้ๆนะคะ ให้ทุกเรื่องผ่านไปด้วยดี   :3123: :3123: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-04-2017 10:39:08
เพชรมีพิรุธอ่ะ เป็นห่วงปั๊มจัง
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-04-2017 16:56:39
แลเครียด เป็นเพราะข่าวด้วยใช่ไหมกัปตัน
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-05-2017 13:51:14
คิดถึงปั๊มกับกัปตันจะแย่แล้วววววว :ling3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 21-05-2017 21:47:18
คิดถึงกัปตัน คิดถึงน้องปั๊มด้วย
หายไปนานเกินไปแล้วววววววววววววววววววววววววว

บทล่าสุดนี่คือโรแมนติคมาก นี่คนเขียนมีความรักปะเนี่ย?

 :hao5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-05-2017 21:58:01
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP17 กอด | 23/04/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-05-2017 00:40:21
สู้ๆนะ ไม่ซีเรียสว่าจะมาต่อช้าหรือเร็ว ขอแค่แต่งให้จบไม่ทิ้งไปไหนก็พอ
#เลาเองเลาไง #ใครวะ 5555
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP19 เดินเล่นครั้งสุดท้าย + Art | 17/06/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 26-05-2017 19:06:26
18
อยู่ที่ไหน

(https://pbs.twimg.com/profile_images/699569893323046912/LcK7J_0V.jpg)


   “คุณปั๊มครับ” เสียงตรองทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ท่าทางที่ดูลนๆ ของมันนั้นทำให้ผมเริ่มสนใจทันที

   “มีอะไรเหรอ”

   “ผมอยากให้คุณปั๊มไปกับผมหน่อยครับ”

   “หือ? ที่ไหนอะ?”

   ตรองไม่ตอบ เพียงแค่พยักเพยิดหน้าเท่านั้น เหมือนว่ากูบอกให้ไปก็ไปเซ่ะ แต่มันเป็นเลขาไง คงไม่กล้าพูดแบบนั้นออกมาหรอก

   ผมก็เลยตามเลย เดินตามมันออกไปจากห้อง ลัดเลาะมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องประชุมของชั้นเราที่ไม่ค่อยมีใครได้ใช้

   ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเคาะนิ้วอยู่พร้อมกับหันออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อประตูปิดลงเขาก็ลุกขึ้นและหันหน้ามาทางเรา

   เชี่ยยยยย เล่นเอาสตั๊นไปสิบวิ

   ผมสาบานได้ ไม่เคยเห็นใครที่เท่ขนาดนี้มาก่อน เสื้อเชิ้ตพอดีตัวนั้นเหมาะกับร่างที่สมส่วนได้รูปซึ่งเกิดจากการดูแลอย่างดี แขนเขาใหญ่กว่ากัปตันธีร์ซะอีกมั้ง ผมเผ้าจัดทรงเนี๊ยบไร้ที่ติ ใบหน้ามีเคราซึ่งเกิดจากการตั้งใจดูแลไม่ใช่ชุ่ยจนลืมโกน เขาเป็นผู้ชายที่ขายาวมาก เล่นซะผมอายขาสั้นๆ ของตัวเองขึ้นมาเลยทีเดียว จมูกกับปากก็ไม่ต้องพูดถึง ไร้ที่ติเลยล่ะจะบอกให้

   “สวัสดีครับคุณปั๊ม” เขามอบรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ “ผมเรียกว่าคุณปั๊มได้ใช่มั้ย”

   “เอ่อ…ครับๆ ได้ครับ” เชี่ยยย ตะกุกตะกักสัด เสียฟอร์มชิบเป๋ง

   “ใครวะ” ผมกระซิบข้างหูเลขา

   แต่ดูท่าอีกฝ่ายแม่งจะได้ยินไง…

   “ผมชื่อเกรียง” เขายิ้มมุมปาก “เคยทำงานกับพ่อคุณมาแล้ว ท่านเคยใช้งานผมนิดๆ หน่อยๆ จะเรียกผมว่าที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายก็ได้นะครับ”

   “เกรียงไกรเหรอครับ?”

   “ไม่ใช่ครับ” เขาส่ายหัว “เกรียงพยางค์เดียวเลย พ่อผมเป็นช่าง ตั้งใจจะให้ออกเสียงเหมือนเกียงที่เอาไว้เกลี่ยปูนนั่นแหละ”

   “อ่อ…” ผมพยักหน้า แหม่ พ่อคุณมีภูมิหลัง “คุณเป็นตำรวจเหรอครับ”

   “ไม่ใช่ครับ แต่เคยเป็น ตอนนี้ผมทำงานที่สนุกกว่านั้น” คนที่พูดยิ้มยียวน

   “แล้วมีเรื่องอะไรกันเหรอ” ผมมองหน้าคุณเกรียงกับเลขาสลับกัน

   “ก็เรื่องอาทิตย์ที่แล้วแหละครับ ผมให้คุณเกรียงจัดการมาให้นิดหน่อย”

   อ๋อ เรื่องที่คนจะขับชนผมเกือบตายสินะ

   “ใช่ครับ ผมรู้ว่าคุณปั๊มขอให้รอก่อน แต่ผมอยากคุยกับคุณปั๊มจริงๆ เลยให้ตรองนัดให้ครับ”

   “อ่อ ครับ” ผมพยักหน้า สีหน้าจริงจังแบบนี้กูจะปฏิเสธยังไงได้วะ

   “เราเริ่มกันเลยนะครับ” คุณเกรียงผายมือเชิญผมให้นั่ง

   เขาหยิบกระดาษสองสามใบออกมาจากแฟ้ม มันคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

“ขอถามคุณปั๊มก่อนเลยนะครับ ก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์นี้ คุณปั๊มเคยมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือเปล่า”

“ผมไม่เคยต่อยกับใครนะครับ”

สีหน้าเฮียเกรียงขำปนเอ็นดูเหมือนเห็นหมาอ้วน

“ผมหมายถึงมีเรื่องแบบ ผิดใจกัน หรืออะไรแบบนี้ครับ ไม่ใช่การลงไม้ลงมือ”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า “ไม่เคยนะครับ”

“คุณปั๊มมีคนหมั่นไส้เยอะครับ” ตรองโพล่งขึ้นมาเอง ผมนี่หันขวับทันที

แต่ตรองก็พูดต่อ

“ทั้งคนในตึก คนนอกตึก เขาเกลียดกันจะตาย”

“เดี๋ยวๆ ไปเอามาจากไหน รู้ดีกว่ากูอีก”

“ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นแหละครับ” ตรองยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมัน เอ๊า! นี่กลายเป็นว่าผมเอ๋ออยู่คนเดียวใช่มั้ยเนี่ย

“ผมก็คิดว่าอย่างนั้นนะครับคุณปั๊ม” คุณเกรียงพูดเสริม “ถึงผมไม่ได้คลุกคลีกับคนที่นี่มาก แต่ผมสัมผัสได้เลยว่ามันเป็นอย่างที่ตรองบอกจริงๆ”

“แต่ไม่ได้หมายความทุกคนนะครับ” ตรองชี้แจง “แต่ถ้าวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยรวมเขาเกลียดครับ”

ขอบคุณทุกคนมา ณ โอกาสนี้ ลาก่อนครับ

ฮึ่ยยยย หงุดหงิด

“และจากภาพที่ผมได้มาจากกล้องวงจรปิดนี้... คุณปั๊มลองสังเกตดูดีๆ สิครับ”

คุณเกรียงชี้ไปที่ภาพตรงหน้า มีวงกลมสีแดงที่วงไว้บนตัวผู้ต้องสงสัย รูปแรกขณะขับรถ รูปสองกระโดดลงจากรถ รูปสามวิ่งหนีไป รูปสุดท้ายเป็นเงาลางๆ ก่อนจะหายไปกับมุมตึก

“ครับ เขาหนีไป...” ผมพูดตามที่เห็น

“ถูกต้องครับ แถมไม่มีทีท่าตื่นตระหนกใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว”

“แปลว่าอะไรครับ...”

“น่าจะเป็นการจ้างวานครับผม”

สิ้นเสียงคุณเกรียงนั้น ผมขนลุกซู่เหมือนเจอผียังไงยังงั้นเลย

แล้วผมจะพูดอะไรออกละครับ?

“ผมถึงถามว่าคุณปั๊มมีเรื่องกับใครหรือเปล่าไงล่ะครับ” คุณเกรียงผ่อนเสียง “เพราะดูจากท่าทางแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย”

“แต่ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะอยากฆ่าผม” ผมพูดความจริง พร้อมกับหันไปขอความคิดเห็นจากเลขาด้วย

“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ครับ” ดูท่าเลขาก็กำลังช็อคไม่แพ้กัน

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“สรุปคุณปั๊มจัดการเรื่องกลับไปเรียนต่อหรือยังครับ?” ตรองถามขณะที่เราเดินอยู่กันในโรงอาหาร คงอยากจะให้ผมออกไปจากอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยล่ะสิ เอ๊ะ หรือไล่กูจริงๆ วะ

แถมวันนี้ผมนึกคึกอะไรไม่รู้ ชวนเลขาตัวเองมากินข้าวด้วยกัน อาจจะฟุ้งซ่านด้วยมั้ง โอ๊ยยยยยยยย

   “ไม่รู้สิ ลุงเอกจัดการให้” ผมบอก ลุงเอกบอกว่ากำลังจัดการเรื่องตารางเรียนต่อ ผมว่าก็ดี แค่คิดว่าต้องกลับไปเรียนก็เครียดแล้ว มันว้าวุ่นใจเหลือเกิน

   “แล้วพี่ธีร์ว่ายังไงบ้างครับ”

   “เขาก็ดูเศร้าๆ แต่ก็บอกว่ามันดีแล้ว”

   “บางทีคุณปั๊มอาจจะมีแฟนแก่เกินไป คนรักอายุห่างกันมันก็เงี้ยแหละครับ”

   “ขอบใจที่ช่วยปลอบกูนะ” อีห่า

   “ผมพูดจริงๆ นะครับ”

   “รู้ แต่ไม่ได้ช่วยให้กูดีขึ้นมาเลยไง” ผมกลอกตา ฉับพลันกันนั้นที่แม่ค้าร้านน้ำพูดโพล่งขึ้นมา

   “ชอบแบบไหนค้า ชาร้อนชาเย็น ชาหวาน สั่งได้เลย”

   เออหรือว่ากินชาดีวะ

   “สั่งเลยค่ะคุณปั๊ม ชอบแบบไหนบอกได้เลย”

   ...

   “ชอบแบบอะไรสบายๆ ครับ”

   “คะ?” คุณป้าทำหน้าอึ้ง

   “แบบเทคแคร์กัน เข้าใจกัน อยู่ด้วยกันไปตลอด อย่าดุกันมากเพราะผมอึดอัด อยากให้อยู่กันเป็นเพื่อนมากกว่า อย่าสั่งนั่นนี่บ่อยๆ ด้วยเพราะผมไม่ใช่ลูกน้อง ผมเป็นบอสเสมอ”

   “เอ่อ...คุณปั๊มครับ” ตรองสะกิดยิกๆ พร้อมกับทำท่าทางเหมือนขายหน้า

   “อะไร ก็ป้าเขาถามว่าชอบแบบไหน”

“...”

“เออ รู้แล้วน่า แค่แกล้งเขาเฉยๆ... ผมขอโทษนะครับป้า” ผมยกมือไหว้ และสั่งชาเขียวเย็นเพื่อเป็นการปลอบใจ (กูนี่เลวจริงๆ)

“คุณปั๊มรู้เรื่อง Outting ประจำปีหรือยังครับ?”

“เอ๋...ไปเที่ยวเหรอ? ทำไมไม่รู้เรื่องนี้”

ไม่มีเอกสารอะไรให้เซ็นเลยแฮะ

“ผมก็เพิ่งได้รับอีเมลเมื่อเช้าครับ เห็นว่าจะเลื่อนมาเร็วหน่อย ตอนแรกที่วางแผนไว้ประมานสิ้นปี” ตรองอธิบาย “แต่ถ้าคุณปั๊มจะไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมว่าจริงๆ แล้วมันก็เป็นเป็นเรื่องดี เพราะหลังจากเกิดเรื่องผมคิดว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่”

สีหน้าของเลขาผมเป็นประกาย สัมผัสได้ถึงความห่วงใยอันลึกซึ้ง โถ...ลูกพ่อ

“มันก็ต้องไปปะวะ งานแบบนี้ผู้บริหารไม่ไปแม่งก็แย่หรือเปล่า ไม่เป็นไรหรอก คงไม่มีอะไรมากน่า” ผมบอกปัด “แต่ถ้ากูตายขึ้นมาจับคนฆ่าให้กูด้วยแล้วกัน ฝังไว้ข้างๆ ป๊ากับม๊าด้วยนะ”

“คุณปั๊ม อย่าพูดแบบนี้นะครับ” เสียงตรองหงอยไป สีหน้าเหมือนไม่คิดว่าผมจะพูดออกไปแบบนั้น

“ตรอง คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆ หรอก” ผมตบบ่าเลขาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

“จริงๆ ผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ”

ผมหุบยิ้มทันที ไอ้ตรองพูดแบบหน้านิ่งๆ ประหนึ่งเป็นการเชือดเงียบๆ พร้อมกับเดินนำออกไป เอ้าไอ้นี่ ตกลงมึงยังไงกับกูครับ

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ว่าไงครับคุณปั๊ม” ตรองเดินมาเคาะประตูหลังจากที่ผมตะโกนเรียก

“ติดต่อกัปตันธีร์ไม่ได้ เขาบอกว่าแลนดิ้งแล้วจะโทรหา นี่ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วหายเงียบไปเลย”

“กัปตันอาจจะลืมเปิดโทรศัพท์หรือเปล่าครับ” ตรองว่า “เดี๋ยวผมเช็คให้”

แล้วตรองก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดยุกยิก

โอ๊ยยยยยย มีเรื่องปวดหัวมาเพิ่มให้อีกหนึ่ง กัปตันบอกว่าวันนี้จะแวะมาหาและจะพาไปกินข้าวกัน แต่ตอนนี้เลยเวลาที่นัดแนะกันแล้วผมก็ยังติดต่อเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าไปทำบ้าอะไรอยู่ ไม่ชอบแบบนี้เลย มีคนห่วงแบบนี้มันจะรู้มั้ยวะเนี่ย โว้ยยยยยย

“คุณปั๊มครับ คนที่สนามบินบอกว่าไฟล์ของพี่ธีร์มาถึงสักพักแล้วครับ”

“แล้วไปไหนของเขาวะเนี่ยยยยย” ผมแทบจะทึ้งหัวตัวเอง โอ๊ยยยย

“อย่าคิดมากนะครับ เดี๋ยวผมจะตามเรื่องให้เอง” ตรองพยายามทำให้ผมอารมณ์ดีด้วยการอ่อนโยนใส่ อารมณ์มันสวนทางกับผมโดยสิ้นเชิง

   โอ๊ยยย หงุดหงิดแท้

   RRRRRRR.

   ผมสะดุ้งตัวด้วยความดีใจ เพราะแวบแรกนึกว่ากัปตันโทรมา แต่ทว่าชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอไม่ใช่คนที่ผมรอครับ แต่ก็เป็นคนที่ผมคิดถึงอยู่เหมือนกัน

   “ไงมึงไอ้ไวน์ โทรมาทำเหี้ยอะไรเนี่ย” ผมกรอกเสียงผ่านสาย

   [มึงพูดกับเพื่อนรักที่หายไปนานได้เย็นชามากเลยนะไอ้ห่า] มันว่า [กูโทรมาหาด่ามึงเนี่ย เพราะความวุ่นวายของมึงทำให้กูไม่ได้คุยกับกิ๊กเลย]

   ผมชะเง้อมองไปที่เลขาหน้าห้องซึ่งกำลังวุ่นๆ อยู่

   อ่อ...เข้าใจละ

   “มึงนี่เองที่ทำให้กูเสียงาน มิน่าเลขากูไม่ค่อยได้เรื่องเลย” ผมกลอกตาใส่อากาศ

   [เอาจริงดิ?] เสียงมันเปลี่ยนมาเป็นกังวล [ไอ้เหี้ยกูขอโทษ ตรองทำงานแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ]

   “กูล้อเล่น กูอยากดูท่าทีของมึงต่างหาก ขอบคุณนะที่ทำให้ไม่ต้องเค้น” อิอิ หัวเราะท่ามกลางความอึดอัดใจ โอ๊ยย ไบโพล่าจะแดก

   [อ้าวไอ้ควาย มึงนี่นะ]

   “สรุปมีห่าอะไรนอกจากจะอวดเมียมั้ย กูจะได้กลับไปกังวลกับไอ้กัปตันต่อ”

   [ติดต่อกัปตันไม่ได้เหรอ]

   “เออดิ” พูดแล้วแม่งหงุดหงิด

[มึงอะใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวไปวอแวเขาก็ดุมึงอีกหรอก]

“กุก็ไม่อยากงอแงเปล่าวะ แต่แบบ...”

ก็มันคิดถึงนี่หว่า...

[เออไม่ต้องเครียด วันนี้กูว่าง เดี๋ยวไปรับมึงทั้งสองคนไปกินข้าวกัน]

“เออ จะมาก็มาเหอะ แต่จะมีอารมณ์ไปแดกหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”

[เออ อย่าคิดมาก เดี๋ยวเจอกัน]

วันนี้แม่งแปลกจริงๆ ด้วย คนที่รักหาย แต่เสือกได้เพื่อนรักที่สาปสูญกลับมาแทน ขอบคุณเทวดาบนสวรรค์ ผมรักพวกคุณทุกคน

(https://scontent-kut2-1.cdninstagram.com/t51.2885-15/e35/18646119_128882377680678_8965546442861051904_n.jpg)

กัปตันธีร์

   “มันมีเหตุผลมั้ยครับที่กระเป๋าผมถึงยังไม่ออกมาจากสายพาน” ผมเดินเข้าไปคุยกับพนักงานภาคพื้นหลังจากที่ทนนั่งรอไม่ไหว ทั้งๆ ที่แจ้งเรื่องนี้ไปเกือบสองชั่วโมงที่แล้ว

   “ผมประสานไปแล้วนะครับกัปตัน เดี๋ยวตามให้อีกที ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ”

   “รีบหน่อยก็ดีนะครับพอดีลืมสายชาร์จไว้ในกระเป๋า ผมต้องคุยกับแฟนด้วย”

   “จะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยครับกัปตัน” พนักงานคนนั้นโค้งหัวให้อีกครั้งก่อนจะเดินออกไป

   แล้วผมก็ทิ้งตัวนั่งที่เดิมอย่างหัวเสีย พนันได้เลยว่าปั๊มคงจะด่าผมตายแน่ วันนี้เรามีนัดกันแต่โทรศัพท์ผมแบตหมดติดต่อใครไม่ได้ ได้แต่จับมันหมุนๆ อยู่ในมือไม่ต่างจากก้อนหินไร้ค่า

   ผมเงยหน้ามองพวกแอร์ที่ส่งเสียงทักทายและผมแค่ตอบกลับด้วยการยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เท่านั้น แล้วผมก็ขำกับตัวเอง... โคตรแปลก แต่ก่อนผมมักจะหยอกล้อ ถามไถ่พวกเธอว่าไปไหน และสุดท้ายจะลงเอยด้วยการไปปาร์ตี้และนอนกับใครสักคนที่ให้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ สิ่งที่ผมกังวลอยู่ในสมองมากที่สุด กลับเป็นเด็กบื้อลูกชายท่านประธานที่โคตรเอาแต่ใจ อารมณ์รุนแรง ผมยอมให้เขาตะโกนใส่หน้า ชก ตี หรือทำร้ายร่างกายในรูปแบบใดก็ได้อย่างยินดี ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว กับความรักผมไม่เจอมันมานานมาก แปลกดีที่ครั้งนี้มันเป็นคนนี้ ผมยินดีจะทำทุกอย่างให้ปั๊มด้วยความเต็มใจ

   ขอแค่มีปั๊มนอนหนุนแขนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกดีแล้ว

   แต่ความรักแม่งก็ทำให้เจ็บใจในคราวเดียวกัน

   ผมโคตรโมโหเลยที่ปั๊มเกือบจะตายเมื่อครั้งก่อน ตอนรู้ข่าวผมอธิบายความรู้สึกไม่ได้ชัดเจน เหมือนภาพที่เห็นตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีซีเปียจนเริ่มกลายเป็นขาวดำ แต่พอเห็นปั๊มโอเคเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็กลับมาปกติขึ้นทันตา

   ไหนเรื่องที่เขาจะกลับไปเรียนต่ออีก ในความเป็นผู้ใหญ่ ผมยินดีที่จะให้เด็กคนนึงไปเรียนหนังสือให้จบและชื่นชมเขาในวันรับปริญญา แต่ไม่มีใครต้องการจะออกห่างจากหัวใจตัวเองแน่นอน มันเป็นความรู้สึกที่โคตรเห็นแก่ตัวและยอมรับว่าเหี้ย ผมจะยอมปล่อยให้ของรักออกจากมือไปต่อหน้าต่อตำได้ยังไง ถึงมันเป็นเรื่องที่ดีและสมควรก็เถอะ

   “กัปตันคะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง พนักงานของสายการบินเรายื่นโทรศัพท์มือถือมาให้

   ผมทำสายตาประมานว่าของผมเหรอ? เธอเพียงก็พยักหน้าผมจึงคว้ามันไว้

   “ครับ?” ผมกรอกเสียงลงไป

   [ระหว่างที่มึงกำลังรอกระเป๋า กูมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย...]

   ผมนั่งตัวตรงทันที ขนลุกซู่เมื่อรู้ว่าเสียงใครพร้อมกับมองซ้ายมองขวาสำรวจรอบตัว

   [ไม่ต้องกังวัลหรอก กูไม่ได้อยู่แถวนั้น มึงก็รู้นี่]

   “...”

   [สิ่งที่กูจะพูดต่อไปนี้เป็นความลับ ขอมึงแน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน] เสียงนั้นเย็นชา และเป็นคำสั่ง

   “ครับ...”

   [...ดี]

   และเขาก็มอบบทสนทนายาวเหยียดที่ผมได้แต่ตั้งใจฟัง มันเต็มไปด้วยเรื่องราวอันดำมืดที่ผมไม่สามารถให้ใครรู้ ผมส่งเสียงตอบไปแค่สองสามที และเมื่อการคุยของเราจบลง เขาก็พูดทิ้งท้ายว่า

   [หวังว่ามึงจะรู้นะ ว่าตัวเองเป็นคนของใคร]

   “ครับ...”

   [ดี]

   แล้วเขาก็วางสายไป...

   ผมทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมอีกรอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากที่ยื่นโทรศัพท์คืนไป จังหวะนั้นเองกระเป๋าที่หายไปถูกเข็นมาตรงหน้า สิ่งแรกที่ทำคือการควานหาสายชาร์จโทรศัพท์ และหลังจากที่เสียบสายคาไว้จนหน้าจอกลับมาส่องแสงอีกครั้ง ผมใช้นิ้วไล่ไปยังรายชื่อเพื่อจะโทรหาคนที่ต้องการทันที

   แต่ตอนนี้...ไม่ใช่ปั๊ม

   ‘ตรอง’

   และตอนนี้ก็ไม่ใช่ตรอง ผมเสี่ยงไม่ได้

   ผมเลื่อนมายังรายชื่อที่สาม และกดโทรออกทันที

   [กัปตัน?] น้ำเสียงแปลกใจของอีกฝ่ายคือสิ่งที่ผิดคิดไว้แต่แรกแล้ว

   “ใช่พี่เอง” ผมเดินลากกระเป๋าไปด้วยระหว่างพูด “พี่มีเรื่องให้ไวน์ช่วย”

   [เอ่อ... ได้ครับ]

   “รับปากพี่นะว่ามันจะเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน”

   [มีอะไรกันแน่พี่?]

   “รับปาก”

   [...ครับพี่ ผมรับปาก]

   “เอาละ ฟังพี่ให้ดี...”

   แล้วผมก็เดินลากกระเป๋าไปจนสุดทางเดิน

จบตอน

(http://lifestyle.campus-star.com/app/uploads/2016/11/Nam-Joo-Hyuk-8-1.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


-----------------------------------------------------------------

เย่เย่ กลับมาอัพแล้วครับ
ตอนนี้ผมได้ลาออกจากงานเดิมแล้ว ปัจจุบันเป็นครีเอฟทีฟรายการหนังที่ช่องหนึ่งย่านอโศก อิอิ (อ้าวตึกเดิมหนิ U_U)
แต่ด้วยความยืดหยุ่นของเวลา มันทำให้แฮปปี้ แล้วเขียนงานออกมาได้เย่เย่

ตอนนี้หักเลี้ยวเข้าสู่โค้งสุดท้ายเต็มตัว เรื่องราวคงจะเข้มข้นแน่นอน

แต่อยากรู้ความลับของกัปตันหรอ...ผมไม่บอกหรอก!  :hao7: :hao7: :hao7:

ใครสนุกสนาน อย่าลืมแชร์ หรือ คอมเม้นท์ติชม ด่ากราด ฝากซื้อของอะไรก็ได้นะครับ 555
และที่สำคัญ ติด #firemetothemoon ให้ด้วยน้า อยากเข้าไปส่องเหลือเกิน

รักทุกคนและขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันครับ .<3
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2017 19:49:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-05-2017 20:48:01
 :katai1: :katai1: :z3: :z3: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-05-2017 00:06:12
กำลังตามอ่านอยู่

สนุกมากๆ

ยังอ่านไม่ทัน

ปล. มาให้กำลังใจจ้า

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-05-2017 00:18:14
อยากจะรู้จังว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เหมือนมันจะใช้ให้กัปตันเข้าหาปั๊มด้วยรึป่าว?
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-05-2017 17:50:35
ยังอ่านไม่ทัน

สู้ๆคนแต่ง

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 27-05-2017 20:01:44
ถ้ากัปตันเข้าหาปั๊มแบบจงใจ สงสัยงานนี้ได้มีคนแก่ถูกทิ้งแน่ๆ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-05-2017 23:07:25
อะไรยังไง

เรื่องซับซ้อนกว่าที่คิดไว้เยอะ

กัปตันเป็นคนของใคร

หวังว่าที่เข้าหานายเอก

เพราะมีคนสั่งหรอกนะ

ปล..อ่านทันแล้วจ้า

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ..

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 28-05-2017 00:47:26
ตอนนี้คือเดาไปเรื่อย เดาเก่ง เดาไปไกลมาก ยิ่งกว่าโคนัน ยิ่งกว่านักสืบติว
โอ๊ยยยยยยย ไม่นะกัปตัน อย่าร้าย อย่างอยู่เบื้องหลังอะไรเลย สงสารอีปั๊ม
ฮืออออออออออออ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP18 อยู่ที่ไหน | 27/05/2017 (หน้า 5)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 31-05-2017 17:34:04
มีลับลมคมในกันจริงๆค่าเรื่องนี้
รอรอรอ
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP19 เดินเล่นครั้งสุดท้าย + Art | 17/06/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 17-06-2017 23:53:24
19
เดินเล่นครั้งสุดท้าย

(http://data.whicdn.com/images/115352246/superthumb.png)

“ลุงเอก เมื่อวานกัปตันมานอนนี่หรือเปล่า”

   ยังไม่ทันได้คำตอบจากลุงเอกที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลงมาจากบันได กัปตันธีร์ใส่แค่กางเกงนอนจ้องผมพร้อมกับยิ้มมุมปาก ในมือถือเสื้อยืดติดมาด้วย

   “ทำไมครับ คิดถึงเหรอ” กัปตันว่า ก่อนจะใส่เสื้อยืดทบท่อนบนตัวเอง

   ใส่ทำไมวะ ยังมองไม่จุใจเลย

   “เปล่าหรอก” ผมสะบัดหน้าหนี “นึกว่าตายแล้ว”

   “มือถือฉันแบตหมด เพิ่งได้ชาร์จเมื่อคืนนี้เอง”

   “แล้วไม่คิดจะติดต่อมาเลยหรือไง”

   “งอนอีกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันตอนอารมณ์ดีนะ” เขาเดินเมินผมไปหาลุงเอก “สวัสดีครับลุงเอก”

   “สวัสดีครับคุณธีร์ ข้าวต้มหรือกาแฟดีครับ” ลุงเอกถามคนตรงหน้า

   “กาแฟพอครับ เดี๋ยวผมจะออกไปวิ่ง”

   “ได้ครับ คุณปั๊มล่ะครับ”

   “เหล้า”

   “อะไรนะครับ” ลุงเอกนิ่วหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

   “ขอเหล้าแรงๆ เอาแบบล้มจนหลับต่อได้เลย” ผมพูดขณะนั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้ามกับกัปตัน

   “จะดีเหรอครับ”

   ผมไม่ตอบ เหมือนลุงเอกก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาซักไซ้

   “งั้นรอสักครู่ครับ น่าจะมีไวน์ดีๆ เหลืออยู่สักหน่อย” แล้วพ่อบ้านก็เดินหายไปในห้องครัว

   “สรุปเมื่อคืนไปไหน”

   “…”

   “กัปตันนี่ผมถามอยู่นะ”

   “หายงอนยัง บอกแล้วว่าให้หายก่อนจะคุยด้วย” กัปตันกอดอกพร้อมกับเอนตัวติดเก้าอี้

   “เออหายแล้ว”

   “ไม่เชื่อ”

   เหรอ ต้องให้ใช้ไม้ตายสินะ

   ผมลุกขึ้นอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะ โผกอดล็อกคอกัปตันพร้อมกับส่งเสียงอ้อนอู้ดอี๊ดเป็นลูกหมูเพิ่งเกิด

   “หายแล้ว น้า บอกปั๊มหน่อย” พร้อมกับมองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นพ่อบ้านมาก็จุ๊บขมับเขาไปทีนึง

   “หึๆ” กัปตันแกะมือผมออกพร้อมกับดึงผมให้นั่งบนหน้าแข้งของเขา “ก็บอกแล้วว่าแบตหมด กลับมาก็เห็นเธอนอนไปแล้ว”

   “แล้วทำไมไม่เข้ามานอนด้วยกันล่ะ”

   “โอ้โห ทะลึ่งจัง”

   “ไม่ใช่เว้ยยย หมายถึงไม่เข้ามานอนแบบนอนหลับอะ”

   “ไม่อยากรบกวน ทำไม กอดหมอนข้างมันไม่อุ่นล่ะสิ”

   “ใช่เลย อยากมีอะไรอุ่นกว่านั้นให้กอด” หึ เอาสิ เล่นมาเล่นกลับ

   “ฉันว่าเธอลุกดีกว่า เดี๋ยวมันจะเลยเถิดแล้วมันจะจบไม่สวย”

   “จบไม่สวยยังไง”

   “หรือเธออยากลองบนโต๊ะกินข้าว?”

   ฮ่ออออยยยยยยย มันใช่เวลามาทำสายตาแบบนี้มั้ยกัปตันเอ้ย

   “กาแฟมาแล้วครับ” เสียงลุงเอกทำให้เราผละออกจากกัน ผมเห็นกัปตันหนีบขาตัวเองแน่นเชียว

   “ส่วนนี่ของคุณปั๊มนะครับ ผมรู้ว่าคุณปั๊มไม่ได้อยากกินเหล้าจริงๆ หรอก” แล้วก็มีข้าวต้มควันกรุ่นวางมาตรงหน้า

   ผมมองพ่อบ้านตัวเองแบบแหมรู้ดีจังนะครับ ก่อนที่เขาจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องครัวอีกที

   “ปั๊ม” กัปตันเรียกหลังจากที่วางแก้วลง “ถ้ามีอะไรบอกจะโกรธมั้ย”

   “เห็นผมเป็นงั้นหรอ”

   กัปตันกลอกตาเหมือนครุ่นคิด “อือ”

   แหมะ ไม่มีอิดออดเลย

   “มีอะไรก็ว่ามา”

   “จะขอไปอยู่ข้างนอกนะ”

   เพล้ง!

   เหมือนได้ยินเสียงแตกหักจากกระจกที่มองไม่เห็น

   “ไปอยู่ที่อื่น?”

   “ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า “ไม่อยากรบกวนแล้ว”

   “ไม่มีอะไรรบกวนเลย ผมเต็มใจ

   แงงงงงงง รู้สึกว่ากำลังจะงอแงเป็นเด็กๆ

   “ฉันรู้ แต่มันน่าจะเหมาะกว่าจริงๆ”

   “คุณไม่ได้กลับไปหามิ้นใช่มั้ย?”

   “อะไรนะ…บ้า! ไม่ได้คิดเลย”

   “หรือว่าคุณกำลังจะบอกเลิกผม”

   “เลิกก็โง่แล้ว แฟนน่ารักแบบนี้”

   อ่า…

   ก็ยอมรับว่าเขินนิดหน่อย

   “นี่ปั๊มฟังนะ ฉันไม่ได้จะไปหาใคร ไม่ได้คิดจะเลิกด้วย แต่ว่าฉันมาคิดดูแล้วมารบกวนเธอ มารบกวนลุงเอกแบบนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราเจอกันนานๆ ทีแบบแต่ก่อนก็ไม่แย่ไม่ใช่เหรอ”

   “คนเป็นแฟนกันเขาไม่ได้ต้องเจอกันทุกวันหรือไง”

   “นั่นมันสัตว์เลี้ยงที่เจอกันทุกวัน เธอเห็นฉันเป็นหมาหรอ”

   “ไม่ใช่ ผมหมายถึง ทีพ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันเลย”

   “ปั๊ม…” กัปตันคว้ามือผมไปจับแล้วแนบไว้ข้างปาก “นั่นมันคือชีวิตหลังแต่งงาน ชีวิตแบบสามีภรรยา เรายังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นสักหน่อย”

   “งั้นให้ผมขอคุณแต่งงานมั้ย”

   “ปั๊ม” กัปตันส่งสายตาดุมาให้ “อย่าตลก”

   “จริงๆ นะ มีทางไหนมั้ยอะ”

   “ที่จะให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาอะเหรอ”

   “อื่อ”

   “มานี่มา งอแงอีกแล้วสินะ” กัปตันตบหน้าตักตัวเองเบาๆ เหมือนอยากให้ผมเข้าไปนั่ง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย พร้อมกับซุกไหล่เขาอย่างกับเด็กๆ แหนะ

   “คบกับผู้ใหญ่มันก็เข้าใจยากแบบนี้แหละ”

   “ก็ผมมันเป็นเด็กขี้อ้อนนี่นา”

   “เธอยังอ้อนฉันได้เสมอนะ”

   “รักนะรู้เปล่า”

   “ไม่รู้ก็ซื้อบื้อแล้วล่ะ” แล้วกัปตันก็หอมกะบาลผมเบาๆ

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“คุณปั๊มครับ เอาของมาครบนะ” ตรองเดินเข้ามารับกระเป๋าที่ลุงเอกยกออกมาเป็นใบสุดท้าย

   “ครบมั้ง ไม่ครบก็ช่างมัน สาระแนนัก”

   “เอ่อ…ครับ”

   “มีอะไรเหรอ” ผมเพ่งตามองเลขา ที่กำลังมอบสายตาแปลกๆ มาให้

   “ดีใจครับ”

   “อะไรของแก”

   “เหมือนได้คุณปั๊มคนเดิมกลับมา”

   “คนเดิม?”

   “คุณปั๊มแบบออริจินัล เหวี่ยงๆ แบบแต่ก่อน”


   “ประสาทแดก… จัดการให้เรียบร้อยนะ ขอไปเช็คอินก่อน”

   “เที่ยวให้สนุกนะครับคุณปั๊ม” ลุงเอกเดินเข้ามาหา

   “เที่ยวอะไรกัน เขาบอกว่ามาสัมมนา จะดูสิว่าสัมมนาจริงหรือเปล่า” แล้วผมก็ใส่แว่นเดินหนีออกมาจากรถ

   “สวัสดีครับคุณปั๊ม” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงไล่หลังมา ผมหันกลับไปมองก็ผมว่าเจ้าของเสียงคือ…   

   มิ้น

   “อืม”

   เย็นชาไปมั้ยวะ เขาจะจับผิดได้มั้ยวะว่ากูไม่ชอบเขา คงไม่หรอกมั้ง…

   ไม่รู้ก็เหี้ยแล้ว

   “เดินไปที่อื่นได้มั้ย เห็นแล้วมันหงุดหงิด” ผมขมวดคิ้วใต้แว่นกันแดด

   “เอ่อครับ”

   “เออ แล้วก็เที่ยวให้สนุกนะ”

   “เช่นกันครับคุณปั๊ม”

   “อืม ถ้าอยากให้ฉันเที่ยวสนุก ก็อยู่ให้ห่างๆ แล้วกัน”

   โอ้โห เย็นชา Rank 10 ภูมิใจตัวเองจัง

   หลังจากที่จัดการเรื่องส่วนตัวเรียบร้อย ผมก็เข้าไปนั่งในเล้าจ์ผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่มีคณะผู้บริหารเต็มไปหมด ตรองคงตามเข้ามาไม่ได้เพราะเลขาคงต้องไปนั่งชั้นประหยัดรวมกับพนักงานคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นมันจึงทำให้ผมรู้สึกตัวคนเดียว เลยย้ายมานั่งมุมห้องแบบนี้ดีกว่า

   ผมไม่ได้เจอกับกัปตันมาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่เราก็โทรคุยกันนะ มีโมเม้นอีโรติกนิดหน่อยเวลาเฟซไทม์กัน แต่ผมอยากเจอเขามากกว่า บางทีไปกินข้าวกันแล้วเขาไม่ได้กลับบ้านด้วยนี่มันก็หวิว ป๊ากับม๊ารู้ว่าติดผู้ชายแบบนี้โดนตีตายแน่เลย

   “ไง” เสียงคุ้นๆ ทักทายทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง อ้าว! ไอ้เพชรนั่นเอง ตั้งแต่มันออกจากโรงพยาบาลก็ไม่เจอมันเลย

   “หายแล้วเหรอมึง” ผมถาม

   “ก็ดีแล้ว ปั๊มเป็นห่วงเราล่ะสิ”

   “เป็นห่วงก็ดีแล้ว จะให้แช่งหรือไง”

   “ฮ่าๆ โอเคๆ” เพชรยกมือยอมแพ้ “เป็นไงบ้าง”

   “กูอะเหรอ?” ผมชี้นิ้วที่ตัวเอง “ก็ดี เหมือนคนอกหักเลย มึงเคยอกหักมั้ย”

   “เคยดิ ไม่เคยก็บ้าแล้ว”

   “คนหล่ออย่างมึงยังอกหักเลยเหรอ มึงคบระดับเจนนิเฟอร์ ลอเรนซ์หรือไง”

   “ฮ่าๆ ก็ไม่ใช่ เรามันเรื่องเยอะนิดหน่อยเวลาอยู่กับผู้หญิง” เพชรนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง “ทำไม ไอ้กัปตันทำทำเฮิร์ทเหรอ”

   “บ้า ไม่ใช่หรอก”

   “แล้วเป็นอะไร”

   “เวลามีคนบอกว่าขอเวลาหน่อย มึงรู้สึกยังไง”

   ไอ้เพชรทำหน้าคิด “อืม ไม่รู้สิ เป็นเราคงคิดว่าตัวเองกำลังโดนบอกเลิก”

   โอ้โห ขนลุกวาบบบบ

   “ทำไม กัปตันมันบอกขอเวลาเหรอ”

   “ไม่ได้พูดตรงๆ หรอก แต่ก็จับใจความได้ประมาณนั้นแหละ”

   เอ๊ะ แล้วมันใช่เรื่องที่จะคุยเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับไอ้เพชรเหรอวะ

   “แล้วมึงเหอะ หายดีแล้วเหรอถึงมาได้”

   “เรื่องเที่ยวเราแข็งแรงอยู่แล้ว”

   “เที่ยวที่ไหน สัมมนาต่างหาก” ผมหลุดขำ

   “ยังมีคนโง่คิดว่าสัมมนาคือทำงานอีกเหรอ” เพชรทำสีหน้าเหยเก

   “หึๆ” ผมหัวเราะกับมันแล้วก็เริ่มคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ บางทีการเป็นเพื่อนกับไอ้เพชรนี่มันก็ดีนะ แต่มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรแหลมๆ รออยู่ข้างหลัง และมันไม่ใช่มีดด้วย ลองมองที่กางเกงมันสิ

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

“ปั๊มโอเคมั้ยลูกดูเหนื่อยๆ” ลุงวินัยเดินเข้ามาทักหลังจากที่รถบัสมาส่งเราที่โรงแรม

   “โอเคครับ รู้สึกคลื่นไส้เหมือนเมารถนิดหน่อย”

   “ให้เราไปหายาให้มั้ย” ไอ้เพชรเสนอตัวเข้ามาช่วย ผมเลยโบกมือปัด

   “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวจะไปนอนสักหน่อย”

   “ลุงก็ว่าปั๊มรีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ตามกำหนดการกว่าจะเจอกันอีกทีตอนเย็นเลย”

   “ขอบคุณครับลุง” ผมโบกมือลาทุกคนก่อนจะเดินหันหลังพร้อมกับมองหน้าเลขา แต่ดูเหมือนว่านอกจากตรองแล้วผมยังเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคน…

   “ไงมึง” เสียงนั้นทักทาย ด้วยความที่มันใส่แว่นดำพร้อมกับแต่งตัวอย่างกับทัวร์จีนผมเลยไม่รู้ว่าใครในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินเสียงแล้ว

   “ไอ้ไวน์!” เชี่ยยยยย มันมาได้ไงเนี้ย

   “ชู่ว ตกใจเหี้ยไร” มันลากผมออกมาจากกลุ่มนั้น

   “มึงมาได้ไงวะ”

   “เอ้า ก็กูอยากเที่ยวบ้างนี่หว่า” มันจัดเสื้อฮาวายของตัวเองให้เข้าที่

   “แล้วมึงพักที่นี่เหรอ?”

   “ว่าจะ”

   “เออดีๆ มึงมานอนกับกู”

   “โน กูจะนอนกับตรอง”

   ผ่าง!! เสียงในใจดังสนั่น

   “มึงว่าไงนะ” ผมหรี่ตามองไอ้เพื่อนรักที่ใช้แขนพาดบ่าเลขาผมอยู่

   “เออไง… กูนอนกับมึงเดี๋ยวมีคนเห็นกูโดนตายเลย”

   “แล้วนอนกับเลขากูนี่มึงคิดมาแล้วว่างั้น?”

   “คุณปั๊มช่วยผมด้วยนะครับ ผมไล่ให้ไปนอนที่อื่นไม่ก็เปิดห้องใหม่ก็ไม่ยอม” ตรองขอความช่วยเหลือ

   “เอ๊า ไหนตรองบอกว่าให้เราตอนได้ไง”


   “บะ…บอกตอนไหน”

   “ก็ตอน…”

   ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเงียบไปชั่วขณะ… เชี่ยเอ๊ย ยังกะดูหนังวาย

   “เออ จะนอนไหนก็เรื่องของพวกมึงแล้วกัน ดีกูจะได้นอนคนเดียว”

   ผมขี้เกียจเถียงกับพวกมันเลยทำท่าจะหนีออกมา

   “มึงไม่สบายเหรอ” ไอ้ไวน์ถาม

   “เออ ปวดหัวนิดหน่อย”

   “เออๆ งั้นก็รีบไปนอนเหอะ”

   “ถ้าถึงเวลาตามกำหนดการแล้วเดี๋ยวผมจะไปเรียกนะครับ” ตรองว่า

   “โอเค ขอบใจมาก” แล้วผมก็กดปุ่มเรียกลิฟต์และขึ้นไปยังห้องของตัวเอง

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


   ตื่นมาอีกทีเหมือนหัวแทบจะระเบิดเลยครับ หลังจากนั่งคุมสติอยู่นานก็คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา เชี่ยยยย สามทุ่ม เลยเวลานัดหมายมาหลายชั่วโมงแล้ว โดนด่าเละแน่เลยกู

   ผมจัดการต่อสายหาเลขา แต่ทว่าไม่มีคนรับ เลยลองโทรหาไอ้ไวน์ดู มันก็ไม่รับเช่นกัน พอดูในไลน์มันส่งเลขห้องมาให้ เลยคิดว่าน่าจะไปเคาะประตูเองดีกว่า

   ไม่นานนักผมก็ยืนอยู่ที่หน้าห้องของพวกมันซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับผมไม่ได้ไกลออกไปเท่าไหร่ ผมจัดการเคาะประตู

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงียบ…

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงียบ…

   โอ๊ย ทำห่าอะไรกันอยู่วะ ลองเอาเท้าอังที่ช่องประตูก็รู้สึกว่าแอร์ก็เปิดอยู่นะ

   ผมขยี้ตาบวกกับหาวแบบคนง่วงแทบไม่ไหวแล้ว

   ก๊อก

   อะ รอบนี้เอาไปครั้งเดียวแล้วกัน กูขี้เกียจกับพวกมึงแล้ว

   “อ้าวปั๊ม” เสียงหนึ่งดังที่สุดทางเดิน ผมหรี่ตามองคนที่ก้าวขาเข้ามาเพื่อดูว่าใคร แล้วพบว่ามันคือเพชรนั่นเอง

   “อ้าวเพชร” ผมทักมันแบบเดียวกัน “มีอะไร ยังไม่นอนเหรอ”

   “ยัง นอนไม่หลับอะ ว่าจะมาดูปั๊มว่าหายหรือยัง เห็นไม่ลงมาเลย”

   “อือ นอนยาวอะ ขอโทษด้วยนะ พวกผู้ใหญ่เขาว่ากันมั้ย”

   “ไม่นะ ทุกคนเข้าใจ”

   “อือ”

   “ทำไมดูไม่ดีขึ้นเลย ลองไปเดินเล่นข้างนอกมั้ยเผื่อจะดีขึ้น อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้นะ”

   “เดินเล่นเหรอ?”

   “อืม เลียบชายหาดไง วันนี้ปั๊มยังไม่ได้เจอทะเลเลยนะ”

   ความคิดเข้าท่าแฮะ

   “อือ ก็ดีเหมือนกัน”

   “ปะ ไปหาอะไรกินด้วย รู้ว่าหิว”

   นี่มึงดีกับกูจัง ช่วยชีวิตกูได้ไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของกูเด้อ

   “โอ๊ย” ผมร้องออกมาขณะที่เดินมาจนหยุดอยู่หน้าลิฟต์

   “มีอะไรเหรอ”

   “ลืมเอาโทรศัพท์ออกมา …ช่างมัน ไม่มีใครโทรมาหรอก”

   “จะเอาหรือเปล่าเดี๋ยวไปหยิบมาให้”

   ติ๊ง!

   “ไม่ต้องหรอก ลิฟต์มาแล้วเสียเวลา”

   เพชรพยักหน้า ก่อนจะผายมือให้ผมเข้าไปด้านในก่อน หลังจากนั้นมันก็เข้ามา ผมยืนพิงกระจกพร้อมกับจ้องมองบานประตูปิดเข้าหากัน

จบตอน

(https://instagram.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/19121964_803601693131528_6787261432602820608_n.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


คิดถึงทุกคนจังเลยจ้าาา >_<
โอเคๆ หายไปนิดหน่อย ขอโทษด้วยที่นาน แต่บางอาทิตย์ออกกองอะ มันเหนื่อยเหลือเกิน

ใกล้แล้วครับใกล้แล้วครับ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันดี ผมมี Sneak Peak Art จากเพื่อนรักที่วาดให้เรื่องนี้มาอวดนิดหน่อย
แท๊แด๊มมมมม จากเพื่อนรักของผม เจ้าของเพจ 'เขาว่าผมเพ้อ' นั่นเอง รักมากกกเลย
(https://www.mx7.com/i/14f/RjlSMO.jpg)

ง่ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เขินจังเลย

แล้วมาเจอกันนะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดตอน 20 มาเร็วๆ นี้แน่ๆ
ทำไมถึงเดินเล่นครั้งสุดท้ายน้า งืดดๆ ครุ่นคิด

ฝากติด #firemetothemoon ด้วยนะคร้าบ เหมือนเดิมถ้าใครชื่นชอบ คอมเม้นท์ บวกเป็ด แชร์ รีทวิตกันน้า
ให้กำลังใจนักเขียนงานประจำคนนี้ด้วยนะครับ จุ้ฟๆๆๆๆ

-----

ขายของอีกนิด ฝากรายการ #คอหนังข้างถนน ทุกวันเสาร์ 10:30 น. ที่ช่อง #gmm25 ด้วยนะฮะ
เกลียดการขายของแบบเนียนๆๆ เอิ๊กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP19 เดินเล่นครั้งสุดท้าย + Art | 17/06/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 19-06-2017 00:35:47
ประเด็นคือเปิดฉากได้หวานมากกกก ปั๊มมีความอยากให้กัดตันมาเป็นสามีร่วมบ้าน นั่งตักนั่งเติกจุ๊บหัวจุ๊บกะบาลกันไปอีกกกกกกกกก แต่หวานอยุ่ได้องค์เดี๋ยว ตัดมาจริงจังอีกแล้ว

คือเอาตรงๆ นี่ว่ามันแหม่งๆ แฮะ ทั้งชื่อตอน ทั้งการไปเดินเล่นกับเพชร แถมยังไม่เอาโทรศัพท์ไปอีก ดูก็รู้เลยว่าน้องปั๊มน่าจะไม่ตายดี แล้วไวน์กับตรองนี่ทำอะไรกันอยู่อะ? เซ็กหรอ? หรือโดนเก็บไปแล้ว อะไรกันเนี่ย งง น่ากลัวววว หวังว่าปั๊มจะปลอดภัยนะ กัปตันจะมาช่วยได้หรอ? โอ๊ยยยย
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 01-07-2017 23:39:35
20
เจ็บตัว

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/25/2a/29/252a29aee9dcde0eac6edf26b08e398f.jpg)

   “รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” เพชรถามขณะที่เราเดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆ

   “ก็ดีนะ” ผมพูดสู้กับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ใช้เท้าเตะน้ำที่เคลื่อนตัวมาใกล้ๆ ก่อนจะถามต่อ “วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

   “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็คุยกันตามประสาผู้บริหารแหละ”

   “พวกพนักงานจะตามมาพรุ่งนี้ใช่มั้ย”

   “หมายถึงพวกลูกเรือที่ว่างกับพนักงานในตึกอะเหรอ?” เพชรเลิกคิ้ว “ใช่… ทำไม คิดถึงมันเหรอ?”

   พูดถึงคนของกูดีๆ หน่อยได้มั้ยวะ ไม่ค่อยชอบเลย

   “อืม”

   “โทรหาสิ”

   “มีโทรศัพท์ที่ไหนล่ะ”

   “เอาของเราไปสิ” เพชรยื่นไอโฟนของตัวเองมาให้ “เรามีเบอร์”

   เดี๋ยวนะ…

   “มึงมีเบอร์กัปตันได้ยังไงอะ”

   เพชรเงียบ ทิ้งระยะเหมือนคนกำลังต้องการอากาศหายใจ “เคยมีมานานมากแล้ว”

   อ๋อ…สงสัยเรื่องเก่าที่เคยเป็นโจทย์กันละมั้ง

   “อืม…ไม่อะ ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครตอนนี้”

   “ก็ดีแล้ว ให้เราได้อยู่กับปั๊มหน่อย”

   ผมทำหน้าเหม็นเขียวเมื่อได้ยินประโยคที่มันพูด

   “ไอ้เพชร มึงไม่มีแฟนหรือเพื่อนอะไรให้ตะล่อมหรือไง ที่ทำอยู่อย่างกับมึงจะเอากูเป็นเมียให้ได้วันนี้แหนะ”

   “ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “เออดิ มึงเทคแคร์กูดีเกิ๊น”

   “เราชอบปั๊มละมั้ง”

   “อย่ามาตลก” เดี๋ยวนี้เขาบอกรักกันง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “ไม่ตลกนะ พูดความจริง”

   “จริงก็ไม่ควรพูดปะวะ” ผมแทบจะหัวเราะ “มึงกับกูเนี่ยนะ โห่ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยไอ้เพชรเอ๊ย”

   “ทำไมอะ”

   “ก็ทางเทคนิคแล้วมึงกับกูเป็นศัตรูกันนะ”

   “ฮ่าๆ ก็นี่ไง สานสัมพันธ์กันแบบเราจะได้ประโยชน์ทั้งคู่”

   “มึงก็พูดไปเรื่อย”

   ใครก็ได้เอาไอ้เพ้อเจ้อนี่ออกไปที

   “เราพูดจริงนะ” เพชรหยุดเดิน พร้อมกับหันตัวมาบังทางผมไว้ โอเค ยอมรับว่าวันนี้มันดูดี แต่มันไม่ใช่จริงๆ ว่ะ

   “กูก็ขอพูดตรงๆ นะว่าตั้งแต่มึงช่วยชีวิตกูก็มองมึงเป็นคนหล่อขึ้นมาสิบเวล” ผมเป่าปาก “แต่กูว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีแล้วนะเว้ย”

   “ปั๊มคิดว่างั้นเหรอ”

   “เออดิ” ผมพยักหน้า “มิตรภาพแบบนี้มันยาวนานจะตาย ถ้าเป็นอะไรกันอยู่ๆ วันนึงเลิกกันขึ้นมา กูไม่อยากเกลียดมึงนะ”

   “ทำไมอะ เวลาปั๊มเลิกกับใครก็เกลียดหมดเลยเหรอ”

   ผมคิดตาม “อืม… ก็เกือบทุกคนนะ เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

   “งั้นปั๊มรีบเลิกกับไอ้กัปตันสักทีสิ” ไอ้เพชรยิ้มหรา

   “ไอ้บ้าเอ้ย” ผมส่ายหัวและเดินแทรกมันออกไปทันที จนมันเดินมาขนาบข้างอีกครั้งผมจึงถามต่อ

   “นี่ถามอะไรหน่อยสิ แต่มึงจะไม่ตอบก็ได้นะ”

   “ถามมาก่อนสิ” ไอ้เพชรทำหน้าสงสัย

   “มึงกับกัปตันธีร์เคยมีปัญหาอะไรกันมาหรือเปล่า ทำไมมึงรู้สึกเกลียดเขาจัง”

   “หึ” ไอ้เพชรยิ้ม “แล้วตอนมันอยู่กับปั๊มมันแสดงทีท่าว่าเกลียดเราหรือเปล่าล่ะ”

   “ก็…” จะให้พูดยังไงล่ะวะ

   “ว่าไง”

   “อืม… ก็มีบ้าง” แงงงงง กัปตันผมขอโทษ

   “ก็ตามนั้นแหละ” มันขยิบตา “เรื่องเก่าเก็บแล้ว เป็นเรื่องบ้าๆ ที่เรากับมันไม่มีทางลืมได้แน่นอน”

   “อ๋อ…” ใจจริงก็อยากถามต่อ แต่คงเหี้ยไป งั้นเงียบแล้วกัน

   ไอ้เพชรหยุดอีกครั้งก่อนที่จะหันมามองหน้าผม

   “อยากกินอะไรหรือเปล่า?” เพชรถาม “หิวมั้ยเดี๋ยวไปหาซื้อให้ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่”

   “เวลานี้ยังมีอะไรให้กินอีกเหรอ” ผมถามกลับ

   “จะกินอะไรเราก็หามาให้ได้ทั้งนั้นแหละ”

   “งั้นอยากกินอาหารทะเลเผา”

   น่อววววววว ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ กูนี่เหี้ยจริงๆ

   “โห…โจทย์ยากจัง”

   “ไหนบอกหามาได้ทั้งนั้น”

   “งั้นเดี๋ยวเราขอออกไปตามหามาให้แล้วกันนะ”

   “ขอบใจนะ” ผมบอก

   “ถ้างั้น… ปั๊มกลับไปรอที่โรงแรมแล้วกัน เดี๋ยวเราเดินไปอีกหน่อยน่าจะมีร้านอาหารเปิดอยู่” มันเสนอ อืม…ครัวที่โรงแรมคงปิดแล้วล่ะ

   “ให้เดินไปด้วยมั้ยล่ะ”

   “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเราไปเอง” ไอ้เพชรเสยผมสู้แรงลม “อย่าโดนฉุดไปซะก่อนล่ะ”

   “โดนฉุดก็เหี้ยแล้ว” กูไม่ใช่หญิงสูงร้อยหกสิบตัวเล็กเท่าแท่งวัดระดับน้ำนะเว้ยยยย

   ผมมองแผ่นหลังไวๆ ของไอ้เพชรลับไป จากนั้นก็จึงหันหลังกลับไปทางโรงแรม ตอนเดินมาไม่ค่อยสังเกตรอบตัวเท่าไหร่แต่ทำไมตอนนี้มันมืดจังวะ มืดไม่พอแถมเงียบอย่างกับห้างเอมบาสซี่ (ไม่รู้จะเทียบกับอะไรง่ะ) เอาจริงก็เริ่มกลัวๆ แล้วครับ แต่จะวิ่งตามไอ้เพชรก็ไม่ทันแล้ว เอาวะ กลับก็กลับ

   ผมจำได้แวบๆ ว่าพวงกุญแจของโรงแรมมีไฟฉายอันเล็กๆ ขนาดเท่าปากกาห้อยติดอยู่ด้วย เลยหยิบมันมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ นี่มันมืดขึ้นหรือมีใครคลุมผ้าใบอยู่บนหัวกูกันแน่เนี่ย วังเวงเกิ๊นนน

   ระหว่างทาง ผมหลบหินแหลมๆ กับกองขยะมามากมาย จนคิดในใจว่าตอนมากูก็ไม่เห็นนี่นา ตัดสินใจมองไปรอบๆ ฉิบหาย! ทำไมวิวไม่เหมือนกับตอนแรกที่มา ไอ้เหี้ยนี่กูหลงทางใช่มั้ยเนี่ย!!???

   แล้วตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงพุ่มไม้ทางด้านข้างๆ สั่นไหว ไม่ใช่เพราะลมแน่นอน เสียงมันเหมือนกับใครกำลังแหวกต้นอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมรวบรวมความกล้าก่อนจะใช้ไฟฉายส่องไปทางนั้น

   แล้วก็เห็น! ไอ้เหี้ยนึกว่าผี!!

   คนจูบกันครับ…

   สองหนุ่มสาวแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ไอ้ห่าเอ๊ย กูก็นึกว่าอะไร สองคนนั้นยกมือไล่ผมไปเพราะขัดจังหวะความสุข ผมเลยได้แต่พยักหน้าแบบอายๆ เดินออกไปอีกทาง

   จะตะโกนถามทางกลับโรงแรมก็กระดากปาก เอาวะ คลำทางต่อเองก็ได้

   ทว่า…

   หมับ!

   มือหนึ่งคว้าแขนผมไว้อย่างกะทันหันทำให้ผมสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ผมใช้ไฟฉายส่องไปพบว่าเป็นไอ้โม่งชุดดำยืนนิ่งอยู่

   “ไอ้ไวน์?… ตรอง?”

   มุกนี้มีคนเคยใช้แล้วครับ ไอ้สองตัวนั้นที่ผมพูดชื่อไปนั่นแหละ

   บุคคลปริศนานั้นเงียบ …เวรแล้วไง

   “เฮ้ย ปล่อยกู!!” หลังจากที่ตั้งสติได้ ผมก็ร้องลั่นทันที

   พลั่ก!

   ไอ้โม่งต่อยผมอย่างแรงจนเซจมลงกับทราย พวงกุญแจกระเด็นกระดอนหายไปจากมือ ผมใช้จังหวะนั้นคลานหนีแต่ว่าไม่ได้ผล

   “ปล่อยกู!! ช่วยด้วยครับบบบบ!”

   พลั่ก!

   มันต่อยผมอีกรอบ คราวนี้ตาผมเริ่มพล่ามัวเรียบร้อย

   มันใช้จังหวะที่ผมมึน ยัดผ้าอุดปากผมไว้ จากนั้นก็จัดการกดหน้าผมลงกับทรายและใช้เข่ากดไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมา จังหวะนั้นเองที่คนร้ายหยิบเชือกขึ้นมามัดมือมัดขาผมไว้

   “อ๊ากกกกก” ผมร้องไม่ได้ศัพท์เพราะพูดไม่ได้

   ไอ้โม่งนั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการลากขาผมไปตามทาง ไอ้เหี้ยยยยยย อย่างกับหนังฆาตกรโรคจิต

   ผมพยายามใช้ลิ้นดันผ้าจนในที่สุดมันก็หลุด!!

   “ช่วยด้วยยยยย!!” ผมร้องลั่นอีกครั้ง

   เหมือนไอ้โม่งมันจะโมโห จึงใช้เท้าเตะที่แก้มผมอย่างจัง

   โอ๊ยยยยย เจ็บเชี่ยๆๆๆๆๆ

   “มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ผมร้องลั่นอีกครั้งก่อนที่มันจะใช้เท้ายันหน้าผมอีกครั้งจนรู้สึกเบลอไป

(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)



ไวน์

(https://instagram.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/14369169_724550377683549_8260508066366095360_n.jpg)


ณ สวนหน้าที่พัก

   “ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มแย้มตอบรับไอศกรีมโคนที่พี่ตรองยื่นมา

   “จ่ายเงินมาด้วย” อีกฝ่ายแซวก่อนจะหย่อนตูดบนพื้นหญ้าข้างกัน

   “เดี๋ยวเลี้ยงคืนหน่า แค่นี้สบายมาก” มันจะกี่บาทกันเชียววะฮ่าๆ

   “รีบๆ กินเถอะ เดี๋ยวคุณปั๊มตื่นไม่เจอเราเดี๋ยวก็ซวย”

   “กลัวโดนอาละวาดหรือไง”

   “หรือว่านายไม่กลัว”

   “กลัวครับ ไอ้ปั๊มนี่ผมกลัวยิ่งกว่าแม่อีกพี่”

   “สนิทกันมานานแล้วใช่มั้ยล่ะ” พี่ตรองถามแข่งกับเสียงลมทะเล

   “ตั้งแต่อนุบาล จนถึงตอนนี้ก็เกือบครึ่งชีวิตแล้ว”

   “ตอนที่เกิดเรื่องกับพ่อแม่คุณปั๊ม ฉันก็เห็นนายนี่แหละที่อยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ต่อไปนะ”

   งง… งงล่ะสิครับว่าทำไมผมกับพี่ตรองพูดคุยกันอย่างห่างเหิน

   อาจจะดับฝันใครหลายคน รวมถึงตัวเองผมเองเช่นกัน เพราะเราทั้งคู่ตกลงแล้วว่าจะเป็นพี่น้องแบบนี้น่าจะโอเคกว่า ไม่มีใครผิด ผมไม่ผิด พี่ตรองก็ไม่ผิดที่ไม่ชอบผม ผมเข้าใจ แม้การอกหักจะเกิดขึ้นกับผมเป็นครั้งที่ล้าน แต่ในครั้งนี้มันง่ายดายกว่าทุกครั้ง บางทีผมก็ชินชาเสียแล้ว

   แต่ก็ดีครับ หลังจากที่ได้ทดลองศึกษาดูใจ ผมพูดได้เต็มปากว่าพี่ตรองคือคนดีจริงๆ ครบเครื่อง ทั้งรูปทรัพย์และนิสัยใจคอ เขาควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ด้วยแหละ

   เฮ้อ! พอ เลิกเพ้อ เดินหน้าต่อไป

   “จะขึ้นห้องก่อนได้นะพี่” ผมหันไปมอง ไม่กล้าสบตาตรงๆ กลัวน้ำตาลูกผู้ชายไหล (สูดน้ำมูก)

   “รอขึ้นพร้อมกันก็ได้ พี่ธีร์ส่งข้อความมาบอกพอดีว่ากำลังจะถึง”

   ผมแทบสำลักไอติม

   พี่ธีร์มาเหรอวะเนี่ย…

   “กังวลอะไรเหรอ ทำไมขมวดคิ้วแบบนั้น” พี่ตรองที่สังเกตความวิตกของผมถามขึ้น

   เวรเอ๊ย ต้องทำท่าทางให้ปกติที่สุดสิวะ

   “เปล่าหรอกพี่ ผมคิดอะไรนิดหน่อย”

   “นึกว่าเป็นพวกไม่ชอบขี้หน้าแฟนเพื่อน”

   “เอาจริงนะพี่ แบบพูดเหี้ยๆ เลยคือตอนแรกโคตรดีใจเพราะแม่งจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายชวนผมไปนู่นไปนี่เรื่อยเปื่อย แต่พอเอาเข้าจริงสักพักผมก็เป็นห่วงมันนะพี่ ตอนแรกนี่ผมคิดมากเลยว่ากลัวเขาทนเพื่อนเราไม่ได้ แต่พอเห็นว่ากัปตันเขาเป็นคนดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็เลยโอเค ผมสบายใจแล้ว”

   “ทีนี้เราก็ต้องมีแฟนมั่งแล้วนะ” พี่ตรองตีไหล่ผมเบาๆ

   “หึ ก็พยายามอยู่พี่” ผมยิ้มอย่างรู้ทัน แหม่ อย่ากวนตีนผมสิครับ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังรักกันอยู่เลย หึๆ

   “ใครอะ!!” เสียงดังนั้นทำให้เราทั้งสองคนผละออกจากกัน

   เพชรวิ่งออกมาจากตัวโรงแรมด้วยสีหน้าแตกตื่น

   “มีอะไรครับคุณเพชร” พี่ตรองรีบวิ่งเข้าไปหา

   “เห็นปั๊มมั้ย”

   “เอ๋ ไม่เห็นนะ” ผมแทรกตัวเข้าไปพูด อีกฝ่ายทำหน้าแบบมึงมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง

   “เวรเอ๊ย! ปั๊มหายไป”

   “หาทั่วแล้วเหรอครับ” พี่ตรองถามอีกรอบ เริ่มใจร้อนแล้ว

   “ทั่วแล้ว โทรหาก็ไม่ติด ตอนเจอล่าสุดฉันบอกให้รอที่ชายหาด มาอีกทีก็หายไปแล้ว”

   “แจ้งรีเซปชั่นดีกว่าครับ” พี่ตรองวิ่งพุ่งออกมาคนแรก พร้อมกับทำอย่างที่ว่าอยู่หน้าเคาท์เตอร์

   จังหวะเดียวกันนั้นเองที่รถของโรงแรมเลี้ยวเข้ามา และคนที่ลงมาคนแรกก็คือกัปตันธีร์

   กัปตันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เรามองหน้ากัน ก่อนเพียงจะพยักหน้าให้กันเท่านั้น

   โอเค เป็นอันรู้กันครับพี่ ผมมาที่นี่ก็เพราะพี่สั่งเลยนะ

   “มีอะไรกัน” กัปตันสะกิดถาม

   “ปั๊มหายไปครับ” ผมตอบเบาๆ

   “หืม” สีหน้ากัปตันเปลี่ยนไปทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปในวงนั้นด้วยความกระวนกระวาย

   “หายไปได้ยังไงตรอง”

   “เอ่อ…” พี่ตรองดูเหมือนจะพูดไม่ออก ได้แต่มองเพชรที่ยืนทำหน้าเหม็นขี้อยู่ข้างๆ กัน แต่เหมือนกัปตันคงรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากใคร เขามองเพชรแบบไม่พอใจก่อนจะหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากมอง

   “ที่ไหน” กัปตันถามพี่ตรองซ้ำ

   “ที่หาดครับ”

   ไม่รอให้พูดจบดี กัปตันก็วิ่งออกไปด้านนอกชายหาดอย่างไม่ต้องให้ใครสั่ง

   “ตรอง” เสียงนั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก ใครคนนึงเดินเข้ามา เขาตัวสูง ขาวและหน้าตาดี เป็นหนึ่งในคนที่ลงมาจากรถตู้นั่นเอง “ไปช่วยกัปตันหากันเถอะ”

   “ครับพี่เกรียง” พี่ตรองเห็นด้วย ก่อนจะเชิญชวนผม “ไปด้วยกันไวน์”

   พี่ตรองวิ่งนำออกไป โดยคนที่มาใหม่นั้นหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตาม คงสงสัยว่าผมทำงานที่นี่หรือเปล่าแน่นอน จากนั้นก็เหลือแต่ผมกับเพชร และแน่นอนต้องเป็นผมที่จะพุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก

   “ปั๊ม!!”

   เสียงตะโกนเรียกชื่อคนหายดังไปทั่วชายหาด ผมวิ่งไปสมทบกัปตันธีร์ที่เดินหาอยู่บริเวณกองหิน

   “เฮ้ย!”

   ผมวิ่งเข้าไปตามเสียงที่กัปตันร้อง

   “อะไรกับครับพี่!”

   “ผ้าอะไรวะ มีเลือดด้วย” กัปตันหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา

   ผมขนลุกชูชัน “ไม่ใช่มั้งพี่ บ้าหน่า”

   “แล้วนี่อะไร” กัปตันใช้เท้าเขี่ยของบางอย่าง ก่อนจะหยิบขึ้นมา มันคือกุญแจห้อง กัปตันยื่นมันมาให้ผม และโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม

   “ใช่ครับ ห้องของปั๊ม” เราทั้งสองมองหน้ากัน…

   ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิดเลย

   “ไวน์!!!” พี่ตรองตะโกนเรียก ผมกับกัปตันวิ่งไปในทันที

   “ใช่…รองเท้าแตะโรงแรมเรามั้ย” พี่ตรองหยิบมันและวางลงข้างๆ ผมเพราะผมเองก็ใส่รองเท้าแตะโรงแรมมาเหมือนกัน

   ใช่ครับ… มันเหมือนกัน!!

   “ปั๊ม!!”  ดูเหมือนกัปตันจะสติแตกไปก่อนใคร เขาตัดสินใจวิ่งไปที่ท่าเรือของโรงแรมข้างๆ เพื่อลองตรวจสอบดู

   “เฮ้ย นั่นใครอะ” พี่ตรองชี้ไปที่ทางท่าเรือเช่นกัน

   ใครคนหนึ่งที่ใส่ชุดดำทั้งตัวกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์เรือลำหนึ่ง ท่าทางดูมีพิรุต

   “กัปตัน! ตรงนั้น!!” ผมชี้ไปยังจุดที่ว่าพร้อมกับพุ่งตัวนำกัปตันไปล่วงหน้า

   ผู้ต้องสงสัยคนนั้นรู้ตัวและพยายามสตาร์ทเครื่องต่อไป แต่เหมือนกับมีความตลกของจังหวะ วินาทีสุดท้ายเครื่องยนต์ของเรือลำนั้นก็ติดจนได้

   “เร็ว! กัปตัน!”

   “กระโดด!!”

   เราสองคนทะยานตัวเข้าใส่เรือลำนั้นอย่างไม่คิดชีวิต กัปตันเข้าไปล๊อคตัวชายใส่โม่งดำส่วนผม…พุ่งความสนใจไปที่อะไรบางอย่างซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าใบอยู่

   พรึบ!

   ผมอยากจะร้องลั่น แม่ง!! แทบช็อค!!

   ไอ้ปั๊มถูกมัดตาปรือสลึมสะลือ ที่สำคัญคิ้วแตกหน้าบวมเป่งจนเกือบจำไม่ได้

   ผมดึงเทปดำออกมาจากปากมันเป็นอย่างแรก

   “ปั๊ม” กัปตันส่งเสียงเบาๆ เหมือนคนกำลังใจหาย ขณะที่กดตัวคนร้ายไว้กับเบาะ

   “มึง อย่าหลับ” ผมตบหน้าเพื่อนรักเบาๆ เชี่ยเอ๊ย อยากจะร้องไห้ “โอเคนะ กูอยู่นี่แล้ว กูอยู่นี่!”

   “ไวน์…” เสียงจากปากมันครางแผ่วเบา “ฮืออออ เจ็บ เจ็บ…ฉิบหาย”

   “เออกูรู้ แม่ง…” ผมใช้นิ้วกดแผลแตกตรงคิ้วมันไว้ “จับมือกูไว้”

   “ใคร…” ปั๊มเหมือนอยากจะหันไปมองว่าใครมากับผม “กัปตันหรือเปล่า…”

   “ฉันเอง” กัปตันเอื้อมมาคว้ามืออีกข้างไปจับ เขาไม่สามารถเข้ามาได้เพราะต้องกดคนร้ายไว้

   เออ แล้วคนร้ายนี่มันใครวะ

   “คุณปั๊ม!!” พี่ตรองกระโดดเข้ามาในเรือ สีหน้าดูแตกตื่นกว่าใคร ข้างหลังมีคุณเกรียง และเพชรวิ่งตามมา

   “เปิดหน้ามันเลยครับกัปตัน” คุณเกรียงวิ่งเข้าไปช่วยพี่ธีร์ พร้อมกับดึงไอ้โม่งที่ปกปิดใบหน้าคนร้ายออกอย่างไม่สนว่าจะแรงจนทำมันเจ็บหรือไม่

   และเมื่อไม่มีอะไรปิดบังใบหน้า กลายเป็นว่าผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา

   นั่นเพราะผมไม่รู้จักมัน… .ใครวะ?

   (ไม่ได้ตั้งใจให้ตลกโว้ยยยยย)

   แต่พี่ตรองก็พูดชื่อเฉลยออกมาให้แล้ว

   “มิ้น…”

จบตอน

(https://instagram.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/19228543_1088183797993118_3795570312960016384_n.jpg)
   
 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

เฮลโหล ฮะ คิดถึงนะฮะ
แวะมาพูดคุยกันในเพจได้เหมือนเดิมนะฮะ

ฝากเม้นท์ แชร์ บวกเป็ดเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าฮะ

รักเด้อ ชาวทวิตภพคุยกันได้ใน #firemetothemoon นะฮะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-07-2017 00:45:01
เฮ้ย...  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 02-07-2017 02:18:00
แลลึกลับซับซ้อนมากเลย กัปตันนี่มาดีมั้ย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-07-2017 04:24:28
ตบมิ้นสามที  :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.20 เจ็บตัว | 1/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-07-2017 10:45:03
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 02-07-2017 18:16:28
Part IV
Take Off

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/46/43/92/4643928e3110b02ada7a9356a820e0d5.jpg)

21
ผี

(https://instagram.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/17332386_977567312375066_3759857578289397760_n.jpg)

“ออกไป!!!” เสียงนั้นดังจนแสบแก้วหู

   ผมจำได้ดี…

   ผมจับมือแม่ที่กำลังร้องไห้ตัวโยน และสาบานกับตัวเอง

   ผมจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีก


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)

ตรอง

   ผมนั่งเฝ้าคุณปั๊มในห้องเล็กๆ ที่โรงแรมจัดไว้ให้พักฟื้นชั่วคราว ผมได้พาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการเช็คเรียบร้อยแล้วครับว่าคุณปั๊มไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีแผลแตกที่คิ้วและต้องได้รับการเย็บหลายเข็ม เอ็กซเรย์ภายในก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ต้องยอมรับว่าดวงแข็งดีเหมือนกัน

   แต่สิ่งที่ผมวิตกกังวลน่ะเหรอครับ…

   ผมจ้องไปยังห้องรับรองซึ่งตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากการประชุมบอร์ดบริหาร คนเต็มเลยล่ะครับ

   ผมหันกลับมามองคุณปั๊ม โอเค ตอนนี้หลับสนิท บางทีผมควรจะเข้าไปดูในนั้นหน่อย

   “ฝากเจ้านายผมหน่อยนะครับ” ผมกระซิบรีเซปชั่นหญิงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล

   จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในห้องรับรอง

   ผมเห็นทุกคนทำสีหน้าตึงเครียด เกินครึ่งกำลังกอดอกพร้อมขมวดคิ้ว พี่ธีร์กับคุณเกรียงยืนอยู่ใกล้มิ้นมากที่สุด ประหนึ่งเป็นเจ้าภาพการสอบสวนนี้

   “เป็นไงบ้าง” ผมเข้าไปทักทายไวน์ที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ ประตู

   “ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่นะ” ไวน์เหลือบไปยังผู้ต้องหา “ตอบแค่เรื่องวิธีการทำร้ายปั๊มวันนี้ แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องต้นตอแรงจูงใจในการก่อเหตุเลย”

   “อ่อ” ผมพยักหน้า โอเคต้องดูลาดเลากันต่อไป

   “พูดออกมาเถอะนะ มันจำเป็นมากๆ” คุณเกรียงผู้ทำหน้าที่สอบสวนไปพร้อมกับตำรวจด้วยเอ่ยถาม ดูจากใบหน้าคงจะเริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้วล่ะสิ

   “…” แต่มิ้นยังคงเงียบ

   “มิ้น” คราวนี้เป็นกัปตันบ้าง สีหน้าเขาดูห่วงใยแบบสุดๆ “บอกมาเถอะนะ”

   “อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องใหญ่นะมิ้น” คุณเพชรก็เอาด้วย

   “…” แต่ทว่ามิ้นก็ยังนิ่ง จังหวะนั้นเองที่เขาหันหน้ามามองผมซึ่งแน่ยืนอยู่ด้านหลังลุงวินัยกับเพชร รวมถึงพวกผู้ใหญ่ท่านอื่น

   สายตาของมิ้นเหมือนอ้อนวอนหรือ… กำลังขอให้เข้าใจ

   และตาคู่นั้นก็เหมือนต้องการเตือนใครสักคน? แต่ที่แน่ๆ เขาอยากให้ผมรับรู้แน่นอน

   “ถ้าผมสารภาพ มันถูกต้องใช่มั้ยครับ” เสียงมิ้นเอ่ยถาม ตายังคงจ้องมาทางนี้

   ทุกคนเงียบคล้ายกับรอฟัง เหมือนนั่นคือคำตอบ

   “ผมถูกจ้างให้มาทำงานที่นี่ เพื่อให้เข้าใกล้คุณปั๊ม และหาทางจัดการเขาซะ” เสียงนั้นสั่น เหมือนกำลังจะร้องไห้

   ทุกคนในห้องเงียบสนิท ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์

   “ใครจ้างวานครับ” หนึ่งในตำรวจถาม

   “…”

   “ใช่คนในหรือเปล่าครับ!?” ตำรวจคนเดิมเค้น

   “ครับ” มิ้นพยักหน้า “คนใน”

   ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงฮือเหมือนแมลงดังงมไปทั่วห้อง ผมเริ่มกลัวแล้วนะ

   “ใคร?” คุณเกรียงส่งเสียงถามไม่ให้ขาดช่วง

   “คุณ”

   วินาทีนั้นลมหายใจผมขาดช่วง เพราะมิ้นใช้นิ้วชี้ไปที่…กัปตันธีร์

   พี่ธีร์คลายมือออกจากอก ใบหน้าเรียบเฉยทำให้ผมเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไร นั่นยิ่งทำให้ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มิ้นพูดมาจะเป็นความจริงหรือเรื่องหลอก กัปตันค่อยๆ ถอยออกไปจากวงจากนั้นก็ยืนนิ่ง กระแอมน้ำลายที่ขังลงคอ

   “ไม่ใช่น่า” ไวน์กระซิบกับตัวเอง “ไม่ๆๆ ไม่ใช่แน่ๆ”

   “อะไรเหรอ” ผมสะกิดถาม

   “มันจะเป็นไปได้ยังไง” ไวน์ว่า ทำท่าทางเหมือนเรื่องนี้ไม่เมคเซ้นส์ “ก็ก่อนหน้านี้พี่ธีร์โทรหาผม บอกให้ผมตามมาดูปั๊มที่นี่ด้วย เหมือนมีคนต้องการจะทำร้ายปั๊ม”

   “…”

   “แล้วถ้ากัปตันทำจริง เขาจะมาบอกผมแบบนั้นทำไม”

   “แล้วนาย… ทำไมถึงบอกว่าคิดถึงจะมาหาล่ะ”

   “เอ๊า นั่นก็ด้วย! ก็คิดถึงจริงๆ นะอย่าโกรธสิ!” ไวน์ห่อไห่ “อย่าเพิ่งมาหาเรื่องตอนนี้ได้มั้ย ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วไง”

   “แล้วกัปตันรู้ได้ยังไงว่ามีคนจะทำร้ายคุณปั๊ม” ผมหันไปมองกัปตัน ซึ่งเพิ่งสังเกตว่าเขาก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน

   “ไม่รู้สิ อันนี้ก็น่าสงสัยจริงๆ แหละ”

   “หวังว่าคงไม่ได้มีการวางแผนจะเก็บนายไปด้วยนะ” ผมพูดถึงทางที่อาจจะเป็นไปได้

   “เออ… ยังไงวะเนี่ย” ผมกับไวน์มองหน้ากัน

   “แน่ใจนะว่าคุณกำลังพูดความจริง” คุณเกรียงเค้นอีกครั้ง หน้าตาดูไม่อยากเชื่อหู

   “ครับ ผมพูดความจริง” คราวนี้มิ้นเริ่มฉีกยิ้มมุมปาก “ไม่เชื่อถามเขาสิ”

   “…” กัปตันยังคงยืนนิ่งขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงไม่แสดงออกอะไรจริงๆ แต่…

   “ครับ”

   สิ้นเสียงกัปตันผมถึงกับเอามือปิดปาก

   “ครับ ผมเอง” กัปตันยังคงทำหน้านิ่ง เชี่องช้าคล้ายกับสัตว์เลือดเย็น

   “กัปตัน…” คุณเกรียงแทบไม่เชื่อ “คุณพูดความจริงเหรอครับ”

   “ครับความจริง” กัปตันพยักหน้า พยายามหลบสายตาทุกคน “เรื่องรถบรรทุกก่อนหน้านั้นก็ด้วย”

   “คุณทำแบบนั้นทำไมครับ”

   “ผม…” กัปตันเว้นช่วง “ผม… ผมเกลียดเขา”

   ผมไม่อยากจะพูดคำหยาบเลย แต่…

   “ไอ้เหี้ย” เสียงนั้นดังจนทุกคนในห้องต้องหันไปมอง

   ถึงผมจะคิดแบบนั้นก็จริง แต่ไม่ใช่ผมที่พูดออกไปครับ

   คุณปั๊มยืนอยู่หน้าบานประตู ดวงตาที่คล้ำเพราะช้ำนั้นเบิกกว้างจนดันแผลเย็บตรงมุมคิ้วเลิกขึ้นไป

   กัปตันอ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าคุณปั๊มจะเข้ามาอยู่ในห้องนี้

   ทุกคนเงียบ

   ต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

   ส่วนสองคนที่ว่านั้นก็ยังจ้องตากันไม่กระพริบ

   “เอาล่ะ พอแล้ว” เสียงหนึ่งทำลายความเงียบ คุณวินัยก้าวเข้าไปกลางวงก่อนจะพูด “… ผมเอง”

   “พ่อ! พ่อจะทำอะไรน่ะ!?” เพชรเข้าไปฉุดแขนคุณวินัยให้เดินกลับมา

   “เลิกล้อเล่นกันสักทีเถอะ” คุณวินัย ประธานอาวุโสพูดไปที่กัปตัน “ขอบใจนะกัปตันที่รับผิดแทน”

   “คุณวินัย…” กัปตันอึกอักเหมือนทำอะไรไม่ถูก

   “พอเถอะกัปตัน ถอยไป” ลุงวินัยเดินเข้าไปหาตำรวจ พร้อมกับหันไปมองหน้าคุณปั๊มที่ดูเหมือนจะน่าสงสารที่สุดในตอนนี้ “ขอโทษด้วยนะปั๊ม”

   “เล่นตลกอะไรกัน” คุณปั๊มเสียงสั่นเครือและมองทุกคนสลับไปมา “ผมรับไม่ไหวแล้วนะโว้ย” สิ้นเสียงนั้นคุณปั๊มถึงกับเซหลังกระแทกประตู

   “ปั๊ม…” กัปตันทำท่าจะเดินเข้ามา แต่เป็นไวน์ที่ไวกว่าและเข้าไปขวางไว้

   “ผมขอโทษนะกัปตัน แต่ตอนนี้ไม่เหมาะว่ะ”

   ผมเข้าไปสมทบ “เข้าใจด้วยนะครับพี่”

   “เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ขอพบคุณวินัยกับคุณธีรดลก่อน ห้ามไปไหนนะครับ” เสียงตำรวจคนหนึ่งพูดไล่หลังมา

   “ไปเถอะพี่ เขาเรียกแล้ว” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังกลับไปช่วยไวน์ประคองคุณปั๊มให้เดินออกไป และกัปตันธีร์ก็ไม่ได้เดินตามมา…

   “ประคองไว้ก่อนนะ”

   ผมสั่งไวน์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาโทรออก มีเสียงรอสายไม่กี่ครั้งปลายทางก็รับสาย

   [สวัสดีครับคุณตรอง] ลุงเอกทักทาย

   “สวัสดีครับลุงเอก” ผมเริ่มพูด “คุณปั๊มจะกลับบ้านคืนนี้เลยนะครับ เดี๋ยวผมกับไวน์จะพาไปเอง”

   [ทำไมกลับเร็วจัง ไม่สนุกเหรอครับ]

   “มีเรื่องนิดหน่อยครับ”

   ดูเหมือนลุงเอกจะจับความผิดปกติในเสียงของผมได้เลยไม่ได้ถามต่อ

   [งั้นผมจะรอนะครับ]

   “ขอบคุณนะครับลุงเอก”

   แล้วผมก็ตัดสายไป

   ใช่ครับ มันเริ่มไม่สนุกแล้ว…


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


ปั๊ม

   “นี่ครับ เอกสารทั้งหมด” ลุงเอกวางบุ๊คกิ้งเที่ยวบินไปสวีเดนกับพวกเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญไว้ให้ตรงหน้า ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วมองเขาเดินออกไป ลุงเอกคงรู้ว่าตอนนี้ผมต้องการอยู่คนเดียว

   ข่าวความเน่าเฟะขององค์กรเราปิดไม่อยู่อีกต่อไป ตอนนี้ทุกช่องกำลังทำข่าวทายาทสายการบินดังถูกลอบฆ่าด้วยคนในอย่างพร้อมเพรียง จะทำยังไงได้ล่ะ ผมโทษพวกเขาไม่ได้ ผมโดดเข้ามาในเกมนี้เอง ผมต้องยอมรับมัน

   ผลการสอบสวนพบว่าน้ำหนักตกไปทางฝั่งของลุงวินัยมากกว่า เพราะภายหลังมิ้นก็ให้สารภาพต่อว่าต้องการใส่ร้ายกัปตัน ที่จริงลุงวินัยคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง คำถามก็คือทำไมกัปตันถึงยอมรับข้อกล่าวหาแล้วพูดออกมาอย่างนั้น มันไม่ใช่เรื่องดีเลย

   ผมย้ายตัวเองไปยังหลุมศพของพ่อกับแม่ นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ เหมือนทุกครั้งเวลาที่ผมต้องการใช้ความคิด และหวังว่าสิ่งที่กำลังจะทำผมคิดถูกแล้ว

   “ป๊า ปั๊มไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ปั๊มพอแล้วจริงๆ” ผมพูดกับพ่อ

   หึ ทำอย่างกับเขาจะได้ยิน

   “ปั๊มจะขายเฟิร์สแอร์ทิ้งนะ” ผมพูดทั้งๆ ที่เจ็บใจ “ปั๊มทำไม่ได้ ปั๊มสู้เขาไม่ไหว ถ้ามันมีแต่คนอยากได้ก็ให้เขาไปเถอะนะ”

   ใช่ครับ นี่คือสิ่งที่ผมคิด คิดมาอย่างดีแล้วด้วย

   “คุณปั๊มครับ” ลุงเอกเดินมาหา พร้อมกับนั่งยองๆ ลงข้างๆ

   “รู้สึกแย่จังเลย” ผมพูดกับเขา

   “ผมรู้… ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมขอโทษครับ”

   “ลุงทำดีที่สุดแล้วล่ะ ผมมันดื้อเอง” ผมปล่อยตัวเองให้ซบกับไหล่ของพ่อบ้าน

   “อยู่ในที่ของเราเถอะครับ ที่นั่นคงไม่เหมาะกับคุณปั๊มจริงๆ”

   “คุณเอกครับ!” เสียงหนึ่งทำลายโมเม้นท์ของเรา รปภ.หน้าป้อมทางเข้าบ้านวิ่งเข้ามา

   “มีคนอยากพบกับคุณปั๊ม…” พี่ยามคงไม่คิดว่าจะเจอผมที่นี่ด้วย แต่ไม่ทันแล้ว เขาปิดผมไม่ได้ และนั่นทำให้ผมรู้ด้วยว่าที่เขาไม่อยากพูด เพราะคนที่มานั้นคือกัปตันนั่นเอง

   “ให้เขากลับไป…” ลุงเอกกำลังจะพูดแต่ผมขัดขึ้นก่อน

   “ไม่ต้อง” ผมยันตัวลุกขึ้นยืน

   “เดี๋ยวผมไปหาเอง”

   “คุณปั๊ม…” ลุงเอกจับแขนผมไว้ “ไม่ดีมั้งครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมเป็นอะไรไปก็จะได้รู้ว่าใครทำ” ผมยิ้มให้พ่อบ้านก่อนจะเดินออกไป

   ผมเห็นคนคุ้นตายืนอยู่อีกฝั่งของประตูรั้ว กัปตันดูโทรมกว่าทุกครั้งที่เจอ เขาแทบจะเก็บความรู้สึกไม่อยู่เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือทั้งสองข้างจับประตูรั้วไว้ ผมหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร พร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่หลบสายตา

   “ฉันรู้เธอใจสลาย” กัปตันเป็นฝ่ายเริ่มพูด ผมยังคงจ้องเขา

   “ครับ”

   “แต่ฉันอยากจะบอกเธอ” เหมือนกัปตันกำลังคุมสติไม่อยู่ “ที่ฉันทำไปทุกอย่างมันมีเหตุผล”

   “แค่นี้ใช่มั้ย” ผมเดินเข้าไปใกล้อีกนิด “มันก็เหมือนเดิมทุกครั้งที่คุณแก้ตัว บอกว่ามีเหตุผล”

   “นั่นสินะ” กัปตันกระซิบ “บ้าเอ๊ย”

   “ผมจะรับรู้ไว้ กลับไปได้แล้ว” ผมเตรียมจะหันหลัง

   “ปั๊ม” เสียงนั้นดูอ้อนวอน มันทำให้ผมใจอ้อนและห้ามให้ตัวเองหันกลับไปไม่ได้

   “ครับ” น้ำเสียงผมเริ่มสั่นเครือแล้ว

   “ถึงเรื่องนี้มันจะเหี้ยยังไง และฉันก็ยอมรับว่ามีเรื่องที่ปิดบังเยอะ” เขาใช้หัวพิงกับรั้วเหล็ก “แต่ฉันไม่เคยโกหกว่ารักเธอ”

   เหมือนกับคำพูดนั้นกระตุ้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นอยู่ให้ไหลออกมา ผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังไหลผ่านข้ามแก้มไป

   “ผมก็อยากจะคิดแบบนั้น” ผมสะอื้น “แต่ผมรับมันไม่ไหวแล้วนะ”

   “…”

   “ผมก็อยากให้อภัยเหมือนทุกครั้ง แต่มัน…”

   “ไม่ต้องหรอก ฉันเข้าใจ”

   “ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว”

   “แต่ฉันจะรักเธอ”

   “ถ้าคุณรักผมจริง…” ผมเข้าไปใกล้ประตูรั้วมากขึ้น จนอีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามาจับแก้มได้ “คุณต้องปล่อยผมไป”

   “ฉันเข้าใจ”

   “บอกผมมาเถอะ มีเรื่องอะไรบอกผมมาได้หมด ไม่ว่าคุณจะโกหกอะไรผมรับได้ ถ้าคุณไม่ได้โกหกว่ารักผมแล้วคุณปิดบังอะไร”

   “ฉันบอกเธอไม่ได้จริงๆ ปั๊ม”

   “ทำไม”

   “เพราะมันจะทำร้ายคนที่ฉันรัก”

   “ผมรับได้”

   “ไม่ใช่… ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว” กัปตันพยายามรั้งหัวผมให้เอนไปพิงกับรั้วเช่นกัน ตอนนี้เราห่างกันไม่ถึงนิ้ว แม้จะมีรั้วบานใหญ่กั้นอยู่ก็ตาม

   “คุณหมายความว่าอะไร”

   กัปตันส่ายหัว ทำไม…ทำไมเขายังจะกล้าปิดบังอะไรผมอีก

   “อย่าขายบริษัทเลยนะ” กัปตันพูดต่อ “ไปต่างประเทศ ไปเรียน ไปใช้ชีวิต ไม่ต้องกลับมาอีก แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าทำให้พ่อแม่ของปั๊มต้องเหนื่อยเปล่า”

   “…”

   “กลับมาตอนพร้อม แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

   “คุณกำลังไล่ผมใช่มั้ย”

   “ฉันรักเธอ” เขากระซิบ “ฉันเลยต้องปล่อยให้เธอไปอย่างที่เธอบอก”

   “เราจะได้เจอกันอีกมั้ย” ผมยกตัวขึ้น จ้องมองไปยังดวงตาที่อยู่ตรงหน้า

   กัปตันทำท่าหัวเสีย เขากัดฟันแน่และระเบิดออกมา เหมือนกับว่าเก็บความลับไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขายอมแพ้กับตัวเอง

   “เจอสิ” เขาถอยห่างออกจากประตูรั้ว “ฉันเคยสัญญากับเธอไว้ แค่ครั้งนี้เธอสัญญาบ้าง…”

   “สัญญา?” ผมเริ่มตะโกนเพราะเขาถอยห่างไปไกลแล้ว “สัญญาอะไร!?”

   ผมโคตรงงกับสิ่งที่เขาพูด

   “อย่าลืมทำตามสัญญานะ” กัปตันฉีกยิ้ม นั่นเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “ลาก่อนปั๊ม”

   เปรี้ยง!

   เสียงฟ้าร้องพร้อมกับลมแรงไม่สามารถหยุดความคิดผมได้ ตอนนี้สมองของผมทำงานอย่างกับเครื่องจักร ภาพเป็นร้อยในอดีตฉายเข้ามาในหัว



   “ออกไป!” เสียงนั้นทำให้เด็กน้อยอย่างผมสะดุ้ง แม่กำลังด่าป้าแม่บ้านอีกแล้ว

   “ขอเถอะค่ะ อย่าแจ้งตำรวจเลย ฉันยอมพาลูกออกไปจากบ้านนี้ค่ะคุณนาย” คำขอร้องของแม่บ้านช่างสะเทือนใจเหลือเกิน

   “อุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำบ้านฉันเสียชื่อหมด!” ทุกครั้งที่โมโห แม่มักจะงี่เง่าเสมอ

   “ขอนะคะ…”

   “ออกไปจากเท้าฉัน!”

   “แม่!!” เสียงทุ้มนั้นคือพี่ใจดีคนนั้นนี่นา…




   “พี่ใจดีเหรอ…” ผมพำพำอยู่หน้ารั้ว จังหวะเดียวกับที่สายฝนเริ่มกระหน่ำลงมา…



   “ผมรับผิดแล้ว แม่ผมก็พยายามจะขอโทษ คุณจะมาทำร้ายแม่ผมอย่างนี้ไม่ได้!” เสียงแตกหนุ่มนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน…

   “แก…!!”

   “พอเถอะเป้ ไปกันเถอะลูก”

   “เออ ออกไปให้กันหมดทั้งแม่ทั้งลูก!”

   จากนั้นก็เกิดเสียงปาข้าวของ ผมวิ่งไปหลบอยู่ตรงมุมบันได และมองเห็นป้าแม่บ้านนั้นเดินร้องไห้ร่างกายปวกเปียกออกไปจากบ้าน

   “ออกไปสิ! ยืนอยู่ทำไม!!”

   “รู้ไว้นะครับ เรื่องนี้มันเกิดจากลู…” เสียงพี่ใจดีหยุดชะงักไปดื้อๆ

   “อะไร!”

   “…” เขาไม่พูดต่อ

   “ประสาท! ออกไป!!”

   ผมปรากฏตัวขึ้นขณะที่พี่ใจดีเดินถือของพร้อมใบหน้าโกรธแค้นออกมาจากห้องนั่งเล่น เขาหันมาเจอผมยืนอยู่บนบันได ทว่ากลับเปลี่ยนสีหน้าที่เคยน่ากลัวนั้นกลายเป็นรอยยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งที่เจอ

   ผมรู้ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว

   “แล้วมาวิ่งตามเครื่องบินกันอีกนะ”

   คนตัวสูงนั้นครุ่นคิดแต่ก็พยักหน้า ผมรู้ว่านั่นคือการสัญญา

   “ได้เลย”

   ผมจำความรู้สึกผิดนั้นได้ดี เพราะเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากผม

   กับเขา ผมไม่เคยดื้อเลย




   “พี่ใจดีจริงๆ เหรอ?” ผมยังคงพูดกับตัวเองแม้จะจำได้แล้ว

   ผมเหมือนคนโง่เลย

   เขากลับมาหาผมจริงๆ

   ผมรู้สึกว่ารอบกายไม่เปียกอีกต่อไป หันไปพบว่าลุงเอกยืนกางร่มให้อยู่ เราสองคนมองหน้ากัน ผมรู้ว่าลุงเอกก็ได้ยินเรื่องทั้งหมด

   “ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนผีหลอกหลอนเลยนะครับ”

   ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

   ใช่ ผีจากอดีตที่โคตรคิดถึง

   และเขาเพิ่งได้เดินจากผมไป


จบตอน

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/be/df/cc/bedfcc4b0f2794bf3b3c046f012575ac.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


น้ำตาไหลแบบไหลฮืออออ
ฝากด้วยนะครับ ชื่นชอบ ให้กำลังใจ ติชม ฝากเม้นท์ แชร์ บวกเป็ดเป็นพลังให้นักเขียนหน่อยน้า

พาปั๊มเดินทางมาไกลมาก ใจก็ไม่อยากทำปั๊มเศร้าเลย
แต่ผมวางตอนจบไว้แล้วก็ต้องซื้อสัตย์กับตัวเอง แต่ไม่เศร้าแน่นอน

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 02-07-2017 18:51:20
ทำไมเป็นแบบเน้  :z3:  :z3: ไม่อยากจะเดาอะไรต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-07-2017 20:16:52
อะไรกันเนี่ย เครียดเลย   :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-07-2017 22:15:55
รู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ เวลาที่มีคนทำร้ายเรา แล้วบอกว่า ทุกอย่างที่ทำไป 'มันมีเหตุผล' มันเหมือนว่าต่อให้รักกันมากแค่ไหน เราก็สำคัญน้อยกว่าเหตุผลของเขาอยู่ดี

อีกอย่างนะ มาถึงขนาดนี้ แต่กัปตันธีร์ยังเลือกที่จะปิดบังความลับไว้ แง่นึงอาจจะเพื่อปกป้องปั๊ม (เท่าที่เดา) แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่รู้จักพระเอกคนนี้เลย ปั๊มเองก็คงจะอยู่ในจุดนั้นเหมือนกัน คือ...คำว่ารักมันไม่มีผลอีกแล้ว ตราบใดที่ยังไม่เอาความจริงใาคุยกันอะ

 :mew6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-07-2017 05:34:12
ว่าละ เอะใจตั้งแต่อุบัติเหตุละว่ามันแปลกๆ เพราะเพชรมีท่าทีแปลกๆที่ไม่อยากให้แจ้งตำรวจเพราะพ่อตัวเองทำสินะ แม่งง แล้วยังมีหน้ามาทำท่าจะจีบปั๊มอีก กัปตันก็ด้วย อยากรู้เหตุผลแกเหลือเกินว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องทำร้ายปั๊มขนาดนี้ ขนาดตอนบอกว่ารักเรายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยค่ะ แม้แต่ตอนมาหาปั๊มก็เหมือนกัน ไม่เห็นกัปตันจะรู้สึกผิดอะไรขอโทษปั๊มสักคำก็ไม่มี พร่ำเพ้ออะไรไม่รู้บ้าบอ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมบอกปั๊มอีกปิดบังกันต่อไป เหอะ แล้วทำมาอ้างว่าทำเพื่อปั๊ม แต่ทำร้ายปั๊มเนี่ยนะ พอปั๊มจะขายบริษัทเน่าๆที่มีคนอยากได้นักหนาก็ไม่ให้ขายอีกทั้งๆที่ตัวเองปกป้องคนที่จะฆ่าปั๊มเพราะจะฮุบบรษัทนี่ เออ งงว่ะ ผู้ชายแบบกัปตันนี่มีความจริงใจอะไรบ้าง เราอ่านเรื่องนี้ไปก็ระแวงไปหมดทุกคนอ่ะ สุดท้ายก็อย่างที่คิด คนใกล้ตัวนี่แหละที่ทำร้ายเราได้เจ็บที่สุด   :katai1: :เฮ้อ: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2017 13:59:34
กลัวทุกคั้งที่อ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-07-2017 18:11:44
อยากรู้เหตุผลของกัปตัน และก็เรื่องอดีตด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมกัปตันถึงไม่ยอมบอกปั๊ม
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.21 ผี | 2/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 03-07-2017 19:43:39
ทำไมเป็นแบบนี้

แล้วกัปตันทำเพื่อคนที่รักจริงเหรอ

ไม่ว่ายังไงถ้ารักกันจริง

คงไม่ทำร้ายกันขนาดนี้

หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 08-07-2017 22:12:02
22
ล่องลอย

(https://instagram.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/19228903_931818440293965_1947811808114900992_n.jpg)

ทุกคนมีเรื่องราวที่ต่างกันไปเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า
สำหรับผม... เรื่องราวทั้งหมดคือเขา

 


            “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

            ผมวางโทรศัพท์อย่างยอมแพ้ ผมติดต่อกัปตันไม่ได้จริงๆ แม้จะพยายามมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าเขาหายสาบสูญ

            เฮ้อออ

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

            “เข้ามาได้ครับ”

            “คุณปั๊มครับ เหมือนผมเจออะไรบางอย่าง” ลุงเอกเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษหนึ่งใบในมือ “ผมใช้เส้นสายที่เป็นเพื่อนเก่าเคยทำงานพ่อบ้านสมัยที่คุณท่านกับคุณนายยังอยู่ เขาบอกว่าตอนที่แม่คุณธีร์โดนไล่ออกไปแล้วก็ยังติดต่อกันอยู่ครับ”

            ผมรีบลุกจากเตียงแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นมา

            มันเหมือนเป็นใบรับรองแพทย์หรืออะไรสักอย่าง ที่ยืนยันว่าคุณ ‘ศรัญญา ศรีเพ็ง’ เป็นคนไข้

            แต่ที่ผมสนใจ มันประทับตรา ‘โรงพยาบาลจิตเวช’ นี่สิ

            “แน่ใจเหรอฮะว่านี่คือแม่กัปตัน? นามสกุลไม่เห็นเหมือนกันเลย” ผมถามพ่อบ้าน

            “ไม่นามสกุลพ่อ ก็เปลี่ยนนามสกุลครับ แต่เขายืนยันว่าชื่อนี้คือแม่คุณธีร์ สืบประวัติไปแล้วก็ตรงกันครับ”

            นั่นสินะ คนแบบเขาจะมีอะไรปิดบังอีกกี่เรื่องก็ได้

            “ทำอีท่าไหนถึงเป็นคนไข้โรงพยาบาลจิตเวชได้นะ” ผมวางแผ่นกระดาษลงบนเตียง พลางกอดอกครุ่นคิด

            “เหมือนกับว่าแม่คุณปั๊มจะฝากรอยแผลทางใจไว้มากกว่าที่คิดนะครับ” พ่อบ้านว่า “ญาเป็นคนที่รักคุณนายมาก รับใช้มานาน เหตุการณ์วันนั้นคงไม่มีวันลืม”

            แน่สิ ผมยังไม่ลืมเลย

            “ขอบคุณฮะ” ผมพูดแค่นั้น จริงๆ อยากให้ลุงเอกออกไปก่อน ขอใช้ความคิดกับตัวเองสักหน่อย

            “ยังติดต่อคุณธีร์ไม่ได้ใช่มั้ยครับ

            “อือ” ผมพยักหน้า เรื่องนี้ได้แต่ถอนหายใจไปวันๆ ครับ “เพชรบอกว่ากัปตันต้องโดนพักงานปีนึงตามกฏ ถึงจะไม่ได้ผิดแต่ก็ถือว่าทำเสื่อมเสีย”

            “จะถามอยู่พอดีเลยครับ คุณปั๊มแน่ใจเหรอที่ให้คุณเพชรดูบริษัทแทนตอนนี้”

            “มันก็ไว้ใจได้สุดแล้วปะลุงเอก” ผมว่า

            “แต่พ่อเขา...”

            “ไม่มีอะไรหรอก”

            “ก็ได้ครับ ถ้าคุณปั๊มเห็นอย่างนั้น” พ่อบ้านพยักหน้า “คุณปั๊มอย่ารำคาญคนแก่อย่างผมเลยนะครับ บางทีผมอาจจะจู้จี้คิดมากไปบ้างเท่านั้นเอง”

   “ไม่ใช่อย่างนั้นน่า”

   “คุณปั๊มน่าจะเตรียมตัวกลับไปเรียนได้แล้วนะครับ” ลุงเอกพูดขณะจับลูกบิดประตู “เหมือนผมที่กำลังจะเตรียมตัวกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่ง”

   แล้วประตูบานนั้นก็ปิดลงไป ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้าทันที ลุงเอกยังหาวิธีพูดให้ผมรู้สึกแย่เพิ่มขึ้นได้สิน่า

   RRRRRRRRRRR

   ผมเงยตัวขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ หลังจากเห็นชื่อเพชรที่โชว์หราอยู่ก็รับสาย

   “ว่าไง”

   [โอ้โห เสียงเหนื่อยจัง] เพชรพูดกลับมา [ฉันเพิ่งกลับจากออฟฟิศ จะบอกว่าจัดการเรื่องเอกสารที่ค้างให้หมดแล้วนะครับ]

   “อือ ขอบใจมากนะ ตรองได้ช่วยบ้างหรือเปล่า”

   [แน่นอน แต่ตรองกลับไปก่อนเราสักพักแล้วนะ จริงๆ เสร็จงานตั้งแต่เย็นแล้ว เราเถรไถลไปหน่อย”

   “อืม”

   [เออ ปั๊มจะกลับไปเรียนตอนไหนนะ]

   “วันศุกร์นี้แล้ว คืนวันพฤหัสบดี”

   [อ๋อ ไฟล์ทดึกใช่มั้ย โอเคงั้น… เรานัดกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวเราเลี้ยง สักพรุ่งนี้ก็ได้ก่อนบินกลับเป็นไง]

   ผมลองทบทวนข้อเสนอของเพชร บางทีถ้าผมจะทิ้งอะไรไว้ให้มันทำต่อ การนัดเจอกันก็เป็นเรื่องดีนะ จะได้คุยอะไรให้มันส่วนตัวหน่อย คราวก่อนเป็นการเป็นงานเกินไป

   “ได้เลย” ผมตอบตกลง ก่อนจะชวนคุยเรื่องใหม่ “ได้ไปเยี่ยมพ่อบ้างหรือเปล่า”

   [จะไปเยี่ยมทำไมคนพรรค์นั้น]

   “ยังไงเขาก็เป็นพ่อมึงนะเว้ยเพชร”

   [พ่อที่วางแผนฆ่าแล้วยึดบริษัทคนอื่นอ่ะเหรอ เราไม่โอเคว่ะ] น้ำเสียงผิดหวังของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้ว่าควรเปลี่ยนเรื่องดีกว่า บางทีไอ้เพชรอาจเซ้นสิทีฟเกิน

   “พรุ่งนี้มารับประมาณเที่ยงแล้วกัน”

   เพชรถอนหายใจ เหมือนกำลังปรับอารมณ์ [ได้ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ]

   “อือ แค่นี้นะ”

   [ฝันดี ไม่ต้องคิดมากนะ]

   “ฝันดีเหมือนกัน”

   เชี่ยเอ๊ยยย ไม่รู้ทำไมถึงตอบแบบนั้นไป ผมรีบวางสายเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแสดงออกอะไรบ้างหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะครับ มันจะคิดยังไงผมก็ยังไม่พร้อมจะสานสัมพันธ์อะไรกับใครอีกแล้ว สำหรับผม ทุกอย่างมันดูอ่อนล้าไปหมด ผมไม่อยากทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มันเหนื่อยไปหมดเลย

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกเป็นครั้งสุดท้าย

   “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

   เฮ้อ แต่ว่าก็ว่าเถอะ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ เหนื่อยใจมันชวนท้อจริงๆ


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


   “เก็บกระเป๋าพร้อมแล้วนะ” เพชรถามขณะที่เรานั่งอยู่ในรถ มันมารับตรงเวลาจริงๆ ครับ แถมแต่งตัวซะหล่อเชียว

   “อื่อ ลุงเอกจัดการให้หมดแล้ว”

   “แล้วปั๊มจะกลับมาอีกใช่มั้ย”

   “ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”

   “ไม่สนใจบริษัทแล้วหรือไง” ไอ้เพชรยิ้มแป้นพร้อมกับควงพวงมาลัย “กลับมาเหอะ อยากเจออะ”

   “มึงก็ไปหากูสิ”

   “ไม่ต้องชวนหรอก ไปหาอยู่แล้ว”

   “มึงนี่ก็พูดไปเรื่อยเลยนะ” ผมผลักหัวยุ่งๆ ของคนข้างๆ “สรุปจะกินอะไร”

   “ง่ายๆ ไปเลย อาหารญี่ปุ่น!”

   “เอออยากกินอยู่พอดี”

   แล้วรถของไอ้เพชรก็เลี้ยวเข้าอเวนิวใกล้บ้านผม เราสั่งอาหารกันอย่างกับจะไม่ได้กินอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ โดยเฉพาะผมที่สั่งเยอะเป็นพิเศษ ก็ช่วยไม่ได้ ไอ้เพชรมันบอกตามสบาย ตามสบายสำหรับผมคือ อยากได้อะไรต้องได้ หึ มึงคิดผิดแล้วไอ้เพชรเอ๊ย

   “เราดีใจนะที่ปั๊มยังไม่ขายหุ้นบริษัท” ไอ้เพชรเป็นคนเริ่มคุย

   “อือ มาคิดๆ ดูแล้ว ก็เก็บไว้ก่อนดีกว่า” ผมอธิบาย “พอกูเรียนจบ กูก็ค่อยกลับมาเอาคืนจากมึง”

   “ยินดีอยู่แล้ว พ่อแม่ปั๊มจะได้ภูมิใจนะรู้มั้ย”

   พูดแบบเดียวกับกัปตันเป๊ะเลยครับ

   เฮ้อ พูดถึงแล้วก็คิดถึง ทำอะไรอยู่วะไอ้บ้าเอ๊ย

   “เป็นอะไรเหรอ” เวรแล้วไง ไอ้เพชรเหมือนสัมผัสได้ว่าผมกำลังเหม่อ

   “เปล่า”

   “คิดถึงไอ้กัปตันอีกแล้วสินะ”

   “อือ”

   “หลังจากมันโดนคำสั่งพักงานไป เราก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย”

   “จริงเหรอ”

   เพชรพยักหน้า “ใช่ ตรองก็บอกว่าไม่เจอเหมือนกัน”

   “อืม”

   พูดถึงตรอง วันนี้หลังจากที่แยกกับไอ้เพชรแล้วผมก็มีนัดกับเลขาและไอ้ไวน์ต่อครับ เราจะล่ำลากันตามประสาเพื่อนสนิท เพราะนอกจากไวน์ ตรองก็กลายเป็นเพื่อนกึ่งพี่เลี้ยงที่สำคัญกับชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว ผมคงจะคิดถึงเลขาเอ๋อแดกคนนี้มากแน่ๆ เลย

   ผมกับไอ้เพชรคุยกันต่อเรื่องสัพเพเหระ รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่ผมต้องฝากให้มันทำแทนในช่วงที่มันต้องนั่งเก้าอี้ของผมจนกว่าจะผมกลับมา หลังจากคุยกับมัน รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ฝากงานไว้ เพชรดูกระตือรือร้นและเป็นงาน เข้าใจเร็วและดูจะมีไหวพริบ เผลอๆ เก่งกว่าผมอีกมั้งเนี่ย

   “จะให้ไปส่งที่บ้านเลยมั้ย” เราพูดกันหลังกินอิ่ม ถึงเวลาต้องแยกย้าย

   “ไม่ต้องๆ” ผมบอกปัด “เดี๋ยวเรามีนัดที่อื่นต่อ”

   “ให้ไปส่งมั้ย”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรานั่งอูเบอร์ไปเอง”

   “โอเค งั้นแปลว่าเราแยกกันตรงนี้นะ”

   “อื่อ โชคดีนะมึง” ผมบอก

   อยู่ๆ ไอ้เพชรก็อ้าแขน “มากอดหน่อย”

   “อะไร บ้าหรือเปล่า!” ผมหันตัวหนี

   “น่า มากอดหน่อย เร็ว!” ไอ้เพชรเดินเข้ามาหา แถมยังต้อนผมจนมุมอีก

   “โอ๊ย มาๆๆ กอดก็กอด” ผมยอมแพ้เดินเข้าไปในอ้อมแขนนั้น

   กอดกับไอ้เพชรเหมือนกอดกับเพื่อนมัธยมที่ตอนแรกเกลียดกันฉิบหายแต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนแท้ไม่มีผิด ถึงตอนแรกจะไม่ค่อยชอบหน้ามันบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมามันก็มีส่วนช่วยผมไม่มากก็น้อย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ขอให้มันรู้สึกผิดเรื่องพ่อมันน้อยลงแล้วกัน

   เอ…แต่ตอนนี้มึงกอดแน่นเกินจนกูปวดหัวปวดฉี่ไปพร้อมกันหมดแล้วครับไอ้ห่า

   “มึงงงงงแน่นเกินพอๆๆ” ผมผละออกจากอ้อมแขน “เดี๋ยวกูจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

   “ให้รอมั้ย?”

   “ไม่ต้องๆ มึงกลับไปก่อนได้เลย”

   “โอเค ไว้เจอกันนะ” เราทั้งสองโบกมือให้กันก่อน เพชรแยกตัวเดินออกไปจากร้าน ส่วนผม รู้สึกปวดฉี่มากๆ ก็เลยว่าจะแวะเข้าห้องน้ำก่อน

   เอ…ทำไมผมถึงรู้สึกหน้ามืดแบบนี้วะ อย่างกับตอนจะเป็นลมแดด แต่วันนี้ก็ไม่ได้เจอแดดเลยนี่หว่า ไปหมดแล้วสมงสมอง
   หลังจากปลดทุกข์ไป อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยครับ ทางที่ดีผมควรรีบเรียกอูเบอร์แล้วไปหาไอ้พวกนั้นโดยเร็วที่สุด เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้มีคนพาไปดูอาการ ผมจัดการเรียกรถ และนั่งเอนตัวลงบนโซฟาตัวเดิม

   จ้องมองดูเวลาที่รถจะมารับ เกือบห้านาที…

   โอเค แค่ห้านาทีเอง

   แต่… ตาผมเริ่มจะปิด

   สมองผมเริ่มล่องลอย อย่างกับว่าตัวผมง่วงมากอย่างนั้นแหละ

   อืมมมมมมม เพลียชะมัดเลย

   ขณะที่เริ่มหลุบตาต่ำลง ผมเห็นเท้าคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามา…



(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


กลิ่นสนิมและเสียงหยดน้ำทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่รู้สึกคือความอึดอัดอันเนื่องมากจากเนื้อตัวที่เปียกเหงื่อจนเสื้อผ้าชุ่มไปหมด หลังจากที่ตั้งสติได้ผมก็รู้สึกหายใจไม่ออกตามมา แต่กว่าสายตาจะปรับมามองเห็นได้ก็ต้องใช้ความพยายามน่าดู มันปวดหัวไปหมด สมองแทบจะระเบิดออกมาเลยครับ

   แต่ที่ทำให้ผมได้สติอย่างแท้จริง คือการได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ แน่นชนิดที่ขยับตัวไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว

   “ว่าไง” เสียงนั้นเย็นยะเยือกแต่ก็คุ้นอย่างประหลาด ทว่ามันอยู่ทางด้านหลัง แม้จะใช้หางตามองก็ยังไม่เห็น

   “นั่นใคร!”

   “…”

   กูต้องเจออะไรอีกแล้ววะเนี่ย!?

   “ให้ทาย” เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

   “กูไม่รู้!”

   “ใช้สมองสิ คิดสิคิดๆๆๆ” เสียงนั้นใกล้เข้ามาอีก “เสียงกูไม่ได้จำยากเลย”

   “…”

   “ลองทายสิ…ธารทอง”

   !!!

   “เพชร…”

   ยังไม่ทันพูดจบ ใบหน้าไอ้เพชรก็โผล่มาให้เห็นก่อนแล้ว มันยิ้มมุมปากเหมือนพอใจทั้งๆ ขณะที่ผมกำลังงุนงงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

   “เซอร์ไพร์สก่อนกูบินกลับเหรอ” ผมพยายามคิดในแง่ดีนะ

   “ใช่แล้ว!!” มันทำดีดนิ้ว ยิ้มร่าตามสไตล์ของมัน

   “…”

   “แต่…มันจะเซอร์ไพร์สหรือเปล่าวะมึงว่า?”

   “…”

   “ไม่! นี่ไม่ใช่เซอร์ไพร์ส มึงคิดว่าตัวเองสำคัญจนกูต้องจัดงานบอกลาหรือไง” อยู่ๆ เสียงมันก็เย็นยะเยือกขึ้นมา เล่นเอาขนลุกซู่ไปหมด เริ่มรู้สึกทะแม่งๆ ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี

   ไอ้เพชรย่อตัวลงมาระดับเดียวกับผม พร้อมกับนั่งยองๆ และเท้าคางมอง ผมรู้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว ไม่ใช่จริงๆ

   มันส่ายหัว “ใช่แล้วปั๊ม ไม่มีการเซอร์ไพร์สห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ”

   “…”

   “กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงนิดหน่อย”

   โครม!!

   พูดจบแล้วมันก็ผลักเก้าอี้ที่มัดตัวผมอยู่ให้ล้มลง แน่นอนว่าตัวผมก็ต้องหน้าคว่ำตามไปด้วย มันจึงทำให้ผมมองเห็นร่างหนึ่งนอนหมดสติพิงกำแพงอยู่ที่มุมห้อง ไม่สิ…ดูรอบๆ แล้วเหมือนเป็นตึกร้างมากกว่า

   ผมใช้สายตาเพ่งแข่งกับความมืดจนรู้ว่านั่นคือ

   ลุงเอก!

   “พ่อบ้านมึงนี่ไม่ได้เรื่องเล้ย!” เสียงไอ้เพชรดูติดตลก ทำอย่างกับมีอะไรน่าขำ “กูแค่บอกว่าจะมาเอากระเป๋าให้มึง ยังเสือกหาเรื่องตามกูมา มันก็เลยต้องอยู่ในสภาพนี้แหละ”

   “มึงทำอะไรลุงเอก!!” ผมตะโกนลั่นด้วยความโกรธจนตัวสั่นไปหมด

   “ใจเย็นๆ ปั๊ม มันยังไม่ตาย แค่สลบไป” ไอ้เพชรเอามือมาลูบคางผมเล่น ไอ้ห่าเอ๊ย หนีไม่ได้!

   “อะไรกับกูอีกล่ะ คราวนี้มึงคือตัวจริงหรือยัง! มึงกับพ่อมึงวางแผนทุกเรื่องเลยใช่มั้ย!!”

   “อวดฉลาดได้โง่มาก ผิดแม่งหมดเลย” มันนั่งขัดสมาธิข้างๆ ตัวผม ทำมือทำไม้อธิบายอย่างกับนักวิชาการ “คืองี้พ่อกูแม่งไม่เกี่ยวเลยเว้ย เรื่องของเรื่องคือแผนการที่กูวางมาแม่งจะจบสวยอยู่แล้ว แต่พ่อกูเขาคงจับกลิ่นได้ว่าเป็นฝีมือกู ก็เลยสาระแนรับหน้าแทน ตอนนี้ก็เลยต้องไปนอนอยู่ในคุก น่าสงสารฉิบหาย”

   “แล้ว…แปลว่าเป็นมึงมาตลอด! มึงนี่เองที่เป็นคนทำทุกอย่าง!!”

   “แน่นอน! กูเพียวๆ เลย จะมีใช้มือคนอื่นบ้างนิดหน่อย แต่ก็แค่ไอ้มิ้น หลอกใช้งานแลกกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ คนมันร่านก็เงี้ยอะมึง เข้าใจใช่ปะว่าแลกกับอะไร?”

   “…”

   “แล้วมิ้นกับกัปตันเป็นแฟนกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ…”

   “จุ๊ๆๆๆๆ” ไอ้เพชรชูนิ้วชี้ขึ้นมาบนปาก เหมือนต้องการให้ผมเงียบ “ขอกูพูดเรื่องนี้ทีเดียวได้มั้ย กูยังรอแขกอยู่อีกคนนึง”

   “…”

   ไอ้เพชรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

   “จริงๆ มันควรจะมาแล้วนี่หว่า ไม่ตรงต่อเวลาเอาซะเล้ย” ไอ้เพชรถอนหายใจ “แต่ก็ดี มึงนอนอยู่ตรงนี้แปบนะ เดี๋ยวกูขอจัดฉากรอมันก่อน”

   แล้วไอ้เพชรก็หายไปด้านหลัง จากนั้นก็เกิดเสียงเอี๊ยดๆ เหมือนเป็นเสียงล้ออะไรสักอย่าง ไม่นานนัก รถเข็นวีลแชร์ก็โผล่ออกมาพร้อมกับบุคคลปริศนาที่นั่งอยู่บนนั้น

   หญิงวัยชราสวมชุดสีขาวทั้งตัวกำลังก้มหน้าเหมือนไม่ได้สติ ถูกมัดปากแน่นจนเนื้อบนแก้มนูนออกมาอย่างน่ากลัว ผมหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดเพราะรู้สึกคุ้นกับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน

   “ใคร!?”

   “ตัวละครรอง มึงไม่ต้องสนใจหรอกน่า” ไอ้เพชรโบกมือปัด “แต่มึงอย่าทำให้มันตื่นมานะ แม่งโวยวายโคตรเก่ง หูจะระเบิด”

   ผมมองหญิงชราคนนั้นอย่างเป็นห่วง แต่ที่ผมสนใจ มันมากกว่านั้นครับ

   “มึงกำลังรอกัปตันใช่หรือเปล่า?…”

   ไอ้เพชรหันขวับมาพร้อมกับอมยิ้ม ทำไมผมถึงรู้สึกว่าทุกรอยยิ้มของมันน่ากลัวฉิบหายเลยวะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยักกะรู้สึก

   “ทำไม คิดถึงมันเหรอ” ไอ้เพชรหรี่ตามอง “เออ จริงๆ กูโง่เองแหละ รู้อยู่แล้วว่ามึงคิดถึงมัน กูไม่น่าถามมึงบ่อยๆ เลย”

   “…”

   “ไม่รู้ๆๆ! รอดูๆ เดี๋ยวมันก็มาแล้ว” ไอ้เพชรส่ายหน้า “ถ้ามันยังไม่ตายด้านมันมาแน่ แต่ถ้ามันไม่มาก็เลือดเย็นฉิบหายเลยล่ะ”

   “…”

   “มันต้องมาอยู่แล้วล่ะ มันคงไม่ได้เย็นชาขนาดนั้นหรอกมั้ง”

   ไอ้เพชรก้มลงดูนาฬิกาอีกรอบ “โอเค! มา! ตอนนี้มึงคงไปขึ้นเครื่องไม่ทันแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นเราจะจัดการทุกอย่างแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ต้องกังวลเวลา”

   “…”

   “ระหว่างที่กูรอเพื่อน มึงอยากรู้เรื่องอะไรก่อนมั้ย…”

   “กูอยากรู้ทุกเรื่อง…” ผมตอบทันที

   “อืมยากจัง… งั้นเริ่มที่…”

   แอ๊ดดดดดด

   เสียงเปิดประตูทำลายบทสนทนาของเรา แสงจากเสาไฟฟ้าริมถนนด้านนอกลอดเข้ามาในช่องประตู ผมสามารถมองเห็นได้ผ่านระหว่างขั้นบันได เกิดเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ คนมาใหม่นั้นค่อยๆ ก้าวขาขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ไม่นานนักก็พ้นขอบบันได ปรากฏร่างใหญ่ที่คุ้นเคยค่อยๆ เดินขึ้นมา เขาหยุดอยู่ที่บนสุดของขั้นบันได แสงบางๆ ที่ลอดผ่านรอยร้าวของกำแพงเผยให้เห็นว่าเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนสีฟอก พร้อมหมวกแก๊ปสีดำสนิท

   “กูว่ามีคนเล่าเรื่องได้ดีกว่ากูแล้วล่ะ” อยู่ๆ ไอ้เพชรก็กระซิบข้างหูเล่นเอาผมสะดุ้ง

   ผมหรี่ตาเพ่งมองคนตรงหน้า ความมืดทำให้ผมเห็นแค่เห็นริมฝีปากเท่านั้น แต่…มันจะทำให้ผมไม่รู้ได้ยังไง ผมจำเขาได้เสมอ

   “กัปตัน…”

   คนถูกเรียกกระตุกริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเงยขึ้นมาให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน

   ไอ้เหี้ยเอ๊ย เขายัง…เหมือนเดิม

   และความรู้สึกตื้นตันแบบนี้ ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองก็ยังรักเขาเหมือนเดิมเช่นกัน ให้ตายสิวะ!

   กัปตันมองผมอย่างห่วงใยโดยไม่ต้องคิดให้เข้าข้างตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขากลับตวัดสายตาไปยังไอ้เพชร แววตานั้นทั้งดูโหดร้ายและดุดัน

   “มึงเล่นสกปรกอีกแล้ว” กัปตันพูดเสียงดังลั่น

   “มึงยังไม่ชินอีกเหรอ” ฝ่ายไอ้เพชรแม่งก็พูดอย่างไม่แคร์

   “…”

   “จะใช้วิธีไหนมึงก็ไม่โผล่หัวออกมาสักที ก็เลยเอามาแม่งทั้งสองตัวเลย”

   ผมสะดุดกับคำพูดนั้น

   เดี๋ยวนะ… แปลว่ามันเอาผมมาเป็นเหยื่อล่อ

   ผมหันไปด้านหลัง… ไม่ ลุงเอกไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ เขาแค่ติดร่างแหมาด้วย แต่คนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์นี่สิ…

   ให้ตาย!!

   ผมหันกลับไปมองหน้ากัปตันด้วยความช็อคสุดขีด ผมเห็นเขายืนกำมือแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธจนคิดว่าเขาน่าระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ จังหวะหายใจเข้าออกถี่ยิบเหมือนเครื่องจักรกำลังสตาร์ท

   ใช่แล้ว ผู้หญิงบนวีลแชร์คนนี้คือแม่ของกัปตัน!!

จบตอน

(https://instagram.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/18443442_177343606123324_7483527875266609152_n.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

ขอมาต่ออีกบทพรุ่งนี้นะครับ

ระวังเพื่อนข้างๆ คุณให้ดีนะฮะ :)

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ


หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-07-2017 22:46:15
ว่าแล้ววว เราเอะใจเพชรตั้งแต่ตอนมาตีสนิทแรกๆแล้ว แบบมันดูไม่จริงใจอะ เฟค คิดว่านางนี่ละต้องตัวร้ายแน่ๆแล้วก็ ถูก! ไงละปั้มเอ๊ยยยย ทำไมไว้ใจคนอื่นง่ายแบบนี้ เรียนจะจบแล้วดูไม่มีวุฒิภาวะเลยจริงๆ คงต้องให้นางไปเรียนให้จบให้พร้อมแล้วค่อยกลับมาเหมือนที่กัปตันบอกละมั้ง ส่วนเพชรนี่ไม่น่าจะชั่วธรรมดา น่าจะ โคตรเลว!! ด่าพ่อตัวเองได้ยังไง ให้พ่อรับผิดแทนอีก โรคจิตจริงๆเลยแก  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 08-07-2017 23:34:03
โห คือเอาจริงๆ นี่พอจะเดาได้นะว่าเพชรร้าย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้ ออกแนวจิตด้วย ด่าพ่อตัวเอง พูดคนเดียว คือเห็นภาพเลยว่าความชั่วมันทำให้หน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว!

ปั๊มก็อีกคน ไว้ใจคนง่ายเกินไป เนี่ย เห็นมั้ย สุดท้ายลุงเอกก็ต้องมาเดือดร้อนด้วย (FC ลุงเอก) เฮ้อออออ นี่คิดเลยว่าที่เดือดร้อนก็เก็เพราะ point ที่พูดว่า จะกลับมาเอาคืนหลังเรียนจบ ไม่ยอมขายหุ้น บลาๆ เนี่ยแหละ

ส่วนคุณธีร์ ถึงเวลาที่ต้องเลิกปิดบังได้ละ เป็นงะ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมียก็เดือดร้อน แม่ก็เดือดร้อน ถ้าตอนหน้ายังไม่เปิดเผยอะไรอีกนะ จะสาปส่งแล้ว!

เครีนดดดดดดดด  :katai4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-07-2017 04:43:26
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 09-07-2017 12:31:27
เฮ้อ....

เหนื่อยใจแทนนายเอก

จริงๆบอกตรงๆ

ปัญหารอบด้านเยอะจังเลย

ไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้หรือเปล่า

สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.22 ล่องลอย | 8/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-07-2017 13:45:00
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าเพชร ว่าแล้วว่าทำไมเรื่องมันจบง่ายจัง ยังรู้สึกไม่ไว้ใจเพชรเลย ที่แท้ก็เป็นเพรชจริงๆ สงสารปั๊มโดนปั่นหัวแล้วปั่นหัวอีก
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด | 9/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 09-07-2017 21:13:55
23
เสพติดความเจ็บปวด

(http://25.media.tumblr.com/f55a5b30477cc9e5e7016b9583a5238e/tumblr_mg4kvcolII1qhdj8to1_500.jpg)


The thought that you could die tomorrow frees you to appreciate your life now.
(ความคิดที่ว่าคุณอาจจะตายในวันพรุ่งนี้ จะทำให้คุณตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตในปัจจุบัน)
- Angelina Jolie


   มันไปพาแม่กัปตันมาจากไหนเนี่ย…

   “ปล่อยแม่กู!” คำพูดของกัปตันเสียงดังฟังชัด

   “อ้าว!? แล้วไอ้นี่ล่ะ” อยู่ๆ ไอ้เพชรก็กดหัวผมอย่างดื้อๆ เล่นเอามึนตึบ กัปตันขากระตุกตั้งท่าจะเดินเข้ามาแต่ก็หยุดเพราะไอ้เพชรยกมือห้ามซะก่อน

   “อย่าหัวร้อนสิวะ” มันยิ้ม “คุยกันดีๆ ให้มันจบๆ ไป กูก็ไม่อยากเสียเหมือนกัน”

   “มึง…”

   “ตอนแรกกูก็อยากจบแค่เรื่องมึง แต่ว่าตอนนี้…” ไอ้เพชรทำเป็นลูบหัวผม แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความเอ็นดูหรอก “กูจะจัดการเรื่องส่วนตัวด้วยแล้วกัน”

   “มึงจะทำอะไรปั๊ม”

   “ทำอะไร!? ทำไม!? ยังไง!? ถามเป็นแม่งอยู่คำเดียวกันหรือไงวะ ถ้าไม่รู้ก็เงียบเดี๋ยวรู้เอง ไม่งั้นมึงก็ดักดานกันต่อไปเถอะ

   “…” ผมหลับตาปี๋เพราะความกลัว ฮืออออ

   “แต่คนที่โง่ที่สุดคือมึงเลยนะปั๊ม ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่มีมึงเรื่องคงไม่ลากยาวมาถึงตอนนี้”

   “…”

   “เอาของๆ กูคืนมา” มันแบมือไปทางกัปตัน

   “มึงจบเกมตอนนี้ยังทันนะ” กัปตันว่า

   “นี่ไง! กูกำลังจะจบ! ส่งมันมาให้กูสักที!”

   “ปล่อยปั๊มก่อน” กัปตันสั่งไอ้เพชร

   “อะไรกับมันนักหนาวะ” ไอ้เพชรก้มลงมาหาผมบ้าง “มึงรู้มั้ยกูอยากได้อะไร”

   “…”

   “ไอ้เหี้ยนั่นมันขโมยเอกสารมอบอำนาจจากมึงไปไง”

   “เหอะ ได้มากูไม่เซ็นให้หรอก” ผมมองคนตรงหน้าตาขวาง

   “ใครบอกให้มึงเซ็น มึงเซ็นเรียบร้อยแล้วครับ”

   !! เฮ้ย ไม่มีทาง! ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ๆ

   “ทำหน้างงเหี้ยอะไรวะ รู้ตัวหรือยังล่ะว่าตัวเองน่ะโง่ กูปลอมเอกสารส่งให้เลขามึงจัดการเป็นชาติแล้ว มึงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

   “มึง… มึงเลวมาก”

   “ด่าให้กูเจ็บจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” มันทำอย่างกับผมเป็นคนปัญญาอ่อน “แต่แฟนมึงมันฉลาดไง มันรู้เลยมาขโมยไป”

   ผมมองไปทางกัปตัน ฝ่ายนั้นยังคงนิ่งเดาท่าทางไม่ออก

   “จริงๆ มึงก็ไม่น่าพูดเลยนะว่าจะกลับมา กูจะปล่อยมึงไปอยู่แล้วเชียว”

   “…”

   “กูกะจะให้มึงตายเลยทีเดียว ไม่ได้อยากจะเอามึงมานี่เลย”

   “…”

   ไอ้เพชรก้มลงมากระซิบข้างหู “ตัดสายเบรกแบบที่พ่อแม่มึงโดนไง”

   สัด!

   วินาทีนั้นเหมือนร่างกายผมแตกละเอียด ความอัดอั้นทั้งหมดถูกปลดปล่อยเอ่อล้นมากับน้ำตา ผมมองมันอย่างเคียดแค้น ดูเหมือนมันก็อึ้งกับปฏิกิริยาของผมเช่นกัน

   มันนี่เองคือคนที่พรากครอบครัวไปจากผม

   “มึง…”

   “อะไร มึงเกลียดพวกมันอยู่แล้วนี่”

   “มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่จะเกลียดพ่อแม่ตัวเอง อึก!” ผมพูดแข่งกับสะอื้น อย่างกับว่ามีอะไรจุกอยู่ในคอ

   ผมเหลือบเห็นว่ากัปตันกำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาคงรู้สึกแย่ที่ผมต้องมารับรู้ความจริงแบบนี้

   แต่ผมขอแค่อย่างเดียว อย่าให้กัปตันมีส่วนรู้เห็นด้วยก็พอ

   “พ่อกูทำงานแทบตาย ไม่ได้กลับบ้านมาเจอลูก ตอนเมียตัวเองตายยังประชุมกับพ่อมึงอยู่เลย” มันสาธยายต่อ “กูเลยอยากจะเอาบริษัทเหี้ยๆ นี่มาแดกเองซะเอง อยากรู้ว่ามันสำคัญขนาดไหน ก็เลยแทรกซึมมาฝึกงาน ตอนแรกพ่อกูเขาก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ คงรู้ว่ากูเป็นยังไง แต่พ่อมึงอะเขาใจอ่อน รับกูเข้าแถมยังเอามาทำงานต่อเลย ต้องขอบคุณเขาจริงๆ”

   “…”

   “กูวางแผนมาเป็นปีๆ กว่าจะสำเร็จได้แม่งก็เหนื่อยเหลือเกิน”

   ไอ้เพชรยืนขึ้น พร้อมกับมองหน้ากัปตัน

   “เอาเอกสารมาให้กูสักที”

   “มึงไม่น่าทำแบบนี้เลย”

   “บ่นเหี้ยอะไรนักหนาวะ! ส่งมา!” มันตะคอกพร้อมกับเดินเข้าไป

   “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” กัปตันหยิบซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน จากนั้นก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านหน้า มันคือไฟแช็ค เขาหยิบมันจ่อกับกระดาษไวไฟพวกนั้นอย่างอวดดี

   “ปล่อยปั๊มกับแม่กูซะ”

   “อะไรนักหนาวะเนี่ย” ไอ้เพชรทึ้งหัวตัวเอง ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ ไม่ต้องสงสัยใดๆ ไอ้เพชรมีปัญหาทางจิตแน่นอน

   “หรือต้องเล่นแบบนี้วะ” ไอ้เพชรเดินเข้ามาเตะซี่โครงผมอย่างจัง

   “โอ๊ยยยยยยยย!!”

   “ปั๊ม!!” กัปตันร้องลั่น

   “ว่าไง!? มึงจะให้กูเตะมันโชว์อีกทีมั้ย อยากเห็นมันดิ้นขาดใจตายแบบหมาเหรอ!!”

   “อย่า!!” กัปตันร้องเมื่อเห็นมันทำท่าจะเตะอีกที

   “ส่งมาให้กู” ไอ้เพชรแบมืออีกครั้ง

   กัปตันชั่งใจกับตัวเองอยู่สักครู่ก่อน จนในที่สุดก็จำใจส่งเอกสารมาให้ไอ้เพชรแต่โดยดี

   เขากำลังปกป้องผม…

   “ให้มาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” มันหยิบซองที่ว่านั้นไปเปิดอ่าน คงเห็นว่าเอกสารครบถ้วนก็พับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้กับตัว

   “โอเคทีนี้ก็ตามึงแล้ว” จู่ๆ ไอ้เพชรก็ควักกระบอกปืนออกมาจากกระเป๋าอีกข้าง จ่อลงมาที่ผมซึ่งกำลังนอนอยู่แถมโดนมัดแน่นหนีไปในไม่ได้ ผมตกใจสุดขีดจนเผลอร้องออกมา ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม

   “มึงจะทำอะไร!? ไหนว่าจะปล่อยปั๊มไปไง!” กัปตันก็ตกใจไม่แพ้กัน

   “กูบอกมันแล้วว่าจะเคลียร์เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ใช่มั้ย” ไอ้โรคจิตยิ้มพร้อมกับยักเก้าอี้ผมให้กลับมาตั้งตรงอีกรอบ คราวนี้ผมเห็นกัปตันได้ชัดเจน เขาตัวสั่นเทิ้มเพราะความโมโห ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนจริงๆ

   “มึงอยากรู้ใช้มั้ยว่าเรื่องมันเป็นยังไง” มันกระซิบพร้อมกับเหล่ตาไปทางกัปตัน “มึงจะให้กูพูดหรือมึงจะพูดเอง”

   “หยุดเถอะเพชร มันยังทัน” กัปตันเดินเข้ามาใกล้ขึ้น พร้อมกันนั้นไอ้คนข้างๆ ผมก็ยกปืนเล็งไปเพื่อกันไม่ให้เข้าใกล้เท่าที่ควร

   “โอเค งั้นกูเล่าเอง” ไอ้เพชรชี้ไปทางหญิงชราที่อยู่บนรถเข็น “นั่นคือแม่ของแฟนมึง”

   “…”

   “หลังจากที่แม่มึงเฉดหัวสองแม่ลูกนี้ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารแม่กูก็รับเข้ามาทำงาน”

   “…” ผมอึ้ง พยายามตั้งใจฟังเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

   “แต่ตอนนั้นอีนี่เขาก็มีปัญหาทางจิตมาแล้วคงเพราะช็อคกับเรื่องที่โดนมา ความใจดีของแม่กูก็ส่งเสียไอ้เหี้ยนั่นจนเรียนจบ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ขณะที่ถีบหัวส่งลูกตัวเองไปเรียนที่ต่างประเทศ”

   “…”

   “พอนานเข้า แม่แฟนมึงเขาเริ่มสติแตกเกินจะรับไหว บ้านกูเลยส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลและจ่ายค่ารักษาให้ทุกบาททุกสตางค์!” ประโยคสุดท้ายมันกระแทกเสียง เหมือนตั้งใจจะเผื่อแผ่ให้กัปตันได้ยิน “แม่กูไม่ได้ขออะไรตอบแทนเลย แค่พูดว่าให้ไอ้สัดนั่นเรียนเก่งๆ และเป็นเด็กดีก็พอแล้ว มึงเชื่อมั้ยล่ะ!!”

   “มึงมันโรคจิต คนที่เป็นบ้าคือมึงนี่แหละ!” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมพูดออกไปอย่างนั้น ไม่รู้มันจะเดือดมั้ย แต่รอยยิ้มคนหน้าที่หุบลงไปนั้นเป็นคำตอบทุกอย่าง

   ปั่กกก!!

   มันตบผมด้วยด้ามกระบอกปืน ฉับพลันนั้นทุกอย่างพร่ามัวหูได้ยินแต่เสียงหวี่ยาวๆ

   “หยุดอยู่ตรงนั้น! กูยังพูดไม่จบ!!” มันชี้ปืนกลับไปที่กัปตัน ที่ตอนนี้ไม่หวงท่าที เขาดูเป็นห่วงผมมากและพร้อมจะกระโดดเข้ามาได้ทุกเมื่อ

   มันหันมายิ้มให้อีกครั้ง คราวนี้แนบชิดมากกว่าเดิม ใบหน้าของเราทั้งสองคนห่างไม่ถึงครึ่งนิ้ว

   “พอแม่กูตาย พ่อก็หายหัว กูเลยถามแฟนมึงไปว่าอยากทำอะไรทดแทนบุญคุณมั้ย กูเลยเสนอให้มันไปเปลี่ยนชื่อ ย้ายออกไปอยู่คนเดียว ทำตัวเหมือนเกิดใหม่และส่งไปเรียนโดยไม่ได้เสียเงินสักบาท ค่าเทอมมันน้อยกว่าค่าขนมกูเยอะเลยเจียดไปจ่ายให้ได้ กูส่งมันไปเป็นนักบินที่บริษัทพ่อมึง ล้วงความลับทุกอย่างด้วยสารพัดวิธี ซึ่งมึงไม่อยากรู้หรอกว่าวิธีอะไรบ้าง” มันฉีกยิ้ม “พอมันมีชื่อเสียงในบริษัท กูไม่แปลกใจเลยที่พ่อกูจะจำมันไม่ได้ ทีนี้ก็ถึงคราวที่กูต้องออกโรงบ้าง โดยการเข้าไปทำงาน และฆ่าพ่อแม่มึงซะ… แต่กูไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครหรอกนะ”

   ประโยคนี้ทำเอาผมกลับมาสติแตกอีกรอบ อยากจะหินสักก้อนทุบหน้ามันจริงๆ อย่าให้กูหลุดออกไปได้นะไอ้เหี้ย!

   “แต่แทนที่มันจะจบลงง่ายๆ แบบบริษัทจะกลายมาเป็นชื่อพ่อกูเพราะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อะไรทำนองนั้น แต่เปล่า เพราะพินัยกรรมเสือกอยากจะมอบให้ลูกชายเพียงคนเดียว นั่นคือมึง! และพ่อกูเสือกเห็นด้วย!!” มันตะคอกจนผมต้องเบือนหน้าหนี “แถมเสือกสาระแนอยากจะมานั่งบริหาร ทำอย่างกับเล่นของเล่น วันที่มึงโผล่หัวมาวันแรกกูนี่อยากจะยิงมึงทิ้งตรงนั้นเลย แต่ไอ้นั่นเขาเสือกลุกขึ้นมาโชว์แมนอยากให้มึงฮึดสู้เหี้ยอะไรก็ไม่รู้”

   ผมเหลือบมองไปที่กัปตัน

   เขา…ทำเองเหรอ เขาคุยกับผมเอง ไม่ได้โดนไอ้เพชรสั่งใช่มั้ย

   “มันก็คงทำไปตามประสาผู้ใหญ่ใจดีนั่นแหละ แต่กูก็ถือโอกาสนี้อ้างบุญคุญสั่งให้มันใกล้ชิดมึง เอาความดีเข้าสู้ เพราะกูรู้อยู่แล้วว่ามึงมันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ใจอ่อน อยากได้ความรัก”

   ผมอึ้ง…

   ปะ…แปลว่า ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงงั้นเหรอ?

   เขา…เขาไม่เคยรักผมเลย

   “ปั๊ม อย่าไปฟังมันพูด” กัปตันตะโกน ในขณะที่ผมก้มหน้าพร้อมกับร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมาคือค่าโง่และความผิดหวัง

   “ร้องสิ! ร้องเลย!! เห็นมั้ย กูวางเกมแล้วมาทุกอย่าง อ่อ! กูรู้กิตติศัพท์การเล่นแผลงๆ ของมึงสมัยเด็กๆ มาตลอด มันยิ่งทำให้กูรู้ว่ามึงก็เป็นพวกอยากเอาชนะอยู่แล้ว มึงคงมีแผนอะไรกับไอ้ธีร์แน่นอน แต่คงไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนตลบหลัง สุดท้ายกลายเป็นมึงเองที่รักมันเต็มเปา”

   “ฮะ…ฮึก” ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ใครก็ได้ทำให้ผมตายตรงนี้ที ผมหัวใจสลาย

   ผมอยู่ในฐานะคนแพ้… แพ้อย่างราบคราบ

   “ความรักก็อย่างนี้แหละปั๊ม แม่งเหี้ยเสมอ” มันทำเป็นลูบหัวผม ตอนนี้ผมหนีไม่ได้จริงๆ สติผมล่องลอย ไม่มีการสั่งการใดๆ จากสมองทั้งสิ้น “จะว่าไปแล้ว… ขอถามหน่อยมึงรู้มั้ยว่าตัวเองหน้าเหมือนแม่หรือพ่อ”

   “…”

   “ตอบ!!”

   “มะ…แม่” ผมกระซิบตอบแผ่วเบา เพราะเคยมีคนพูดอยู่บ้าง ปากคงสั่งการให้พูดออกไปแบบนั้น

   ไอ้เพชรลุกขึ้น พร้อมกับเก็บปืนไว้ที่กระเป๋าด้านหลังกางเกง

   “กูไม่ยุ่งกับแม่มึงแล้ว แต่กูจะขอยืมตัวหน่อยแล้วกัน”

   “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะไอ้สัด!” กัปตันวิ่งเข้ามา แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นไอ้เพชรทำท่าจะหยิบปืนอีกรอบ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยุดอยู่กับที่ ไอ้เพชรก็เก็บปืนลง

   “พูดง่ายๆ แบบนั้นแหละ”

   ไอ้เพชรเดินไปยังรถเข็นวีลแชร์ พร้อมกับหันมันไปอีกฝั่ง และเริ่มปลุกคนที่ไม่ได้สติให้ฟื้นขึ้นมา

   “ตื่นเร็วคนสวย ตื่นๆ” แม้มันเขย่าแม่กัปตันเบาๆ แต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งรู้สึกตัว เธอทำท่าโวยวายแต่ไม่ได้ยินเสียงเพราะถูกมัดปากไว้ ไอ้เพชรกล่อมให้อีกฝ่ายเงียบ จนเสียงอู้อี้นั้นหายไปจึงแกะผ้าที่มัดปากนั้นออก พร้อมกับหยิบอะไร
บางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสีขาวของเจ้าตัวคนที่นั่ง

   “ถือไว้นะ เจออะไรจัดการมันได้เลย  อย่าให้มันมาทำร้ายเรา เข้าใจมั้ย”

   คนบนรถเข็นพยักหน้า

   “ดีๆ วันนี้มีคนมาเยี่ยมนะ” แล้วไอ้เพชรก็หมุนรถเข็นมาทางผม

   หญิงชราคนนั้นเบิกตาโตอย่างน่ากลัว พร้อมกับกรีดร้อง!

   “ไม่!! ออกไป!! ฮือออออ ขอโทษ!!”

   ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ พยายามจะถอยหนีเพราะในมือของเธอนั้นมี…

   มีด!!

   แม่กัปตันตวัดแกว่งมีดเล่มนั้นไปมาอย่างกับกำลังจะวาดอะไรบางอย่าง เชื่อได้เลยว่าใครเข้าไปในรัศมีเธอนั้นจะต้องถูกกับคมแน่นอน

   “ฮืออออออออ เป้! เป้อยู่ไหน!! เป้ช่วยแม่ด้วย ฮือออออออออออ”

   “แม่!!” กัปตันไม่สนอะไรทั้งนั้นพร้อมกับวิ่งปรี่เข้ามาทันที แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะรัศมีการแกว่งมีดนั่นสามารถทำให้เขาเป็นอันตรายได้

   “ออกไป!!” เธอจ่อมีดไปที่กัปตันเหมือนจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร แปลว่าเธออาจจะเสียสติไปเต็มขั้นแล้วแน่ๆ “ฮืออออ เป้อยู่ไหน!!”

   “แม่ผมอยู่นี่ไง!”

   “ออกไป!!”

   “อย่าทำให้แม่มึงดีดสิวะ เดี๋ยวช็อคตายไปไม่รู้ด้วยนะ” ไอ้เพชรพูดอยู่ใกล้ๆ

   “แม่ใจเย็นๆ นะ แม่วางมีดลง ใจเย็นๆ นี่ไม่ใช่คนที่แม่คิด” กัปตันยังไม่ยอมแพ้ พร้อมกับอธิบายทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

   และที่สำคัญ เขาถือโอกาสนั้นจับมือผม และบีบแน่นเหมือนอยากบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้

   ซึ่งมันทำให้ผมร้องไห้มากกว่าเดิม

   แต่ผมรู้ว่ากัปตันทำอะไรมากไม่ได้ เขาไม่อยากให้แม่เขาตาย แต่กับผมนี่สิ เขาไม่ได้รักผมอยู่แล้วนี่

   เดี๋ยวสิ…ทำไมเขายังจับมือผมพร้อมกับใช้ตัวบังรัศมีมีดแบบนี้นะ

   กัปตันมองลงมาด้วยแววตาห่วงใย พร้อมกับกระซิบเบากว่าเสียงโวยวายของแม่เขา

   “อย่ากลัวนะ” ซึ่งแท้จริงแล้วผมก็ไม่ได้ยิน แต่อ่านปากเขาออก “ฉันอยู่ตรงนี้”

   ผมจ้องรอยยิ้มนั้นอย่างไม่วางตา และนั่นทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง

   “ถอยไป” ไอ้เพชรขู่กัปตันด้วยปืนอีกรอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างจำใจ

   เสียงโวยวายของแม่กัปตันยังดังอยู่ และมันดังมากกว่าเดิมเมื่อเพชรเข็นรถคนนั้นเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ตอนนี้เราห่างกันไม่เท่าไหร่แล้ว

   แต่อยู่ๆ มันก็แก้มัดผมให้ตัวไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป แต่แน่นอน ปืนจอแบบนั้นไม่สามารถวิ่งหนีได้หรอกครับ

   “มึงบอกว่ารักพ่อแม่มากใช่มั้ย” มันหยิบอะไรบางอย่างออกมา มันมีขนาดเท่าขวดยาหยอดตาและใสจนมองเห็นน้ำด้านใน

   “…”

   “แดก!” มันโยนมาบนตักผม

   “…”

   “เงียบทำเหี้ยอะไรล่ะ แดกเร็ว!” มันสั่งอีกรอบ แต่ผมก็ยังนิ่ง

   “…”

   “เงียบใช่มั้ย” แล้วมันก็เข็นรถวีลแชร์เข้ามาใกล้ขึ้นอีก คราวนี้แม่กัปตันอาละวาดหนักกว่าเดิม รวมทั้งมือยังคงกวัดแกว่งมีดอย่างไม่มีทิศทาง

   “มึงเลือกทางตายแบบเจ็บๆ สินะ” มันเข็นเข้ามาอีกนิด เสียงกรีดร้องนั้นดังจนแสบทะลุหัวใจ “เร็ว แดกเข้าไปนะครับ” มันนั่งย่อตัวลงข้างๆ แต่ปืนในมือยังเล็งไปที่กัปตัน

   “แดก”

   “ไม่” ผมตอบนิ่งๆ ไอ้เพชรหน้าตายในทันที พร้อมกับลุกขึ้นและเดินเข้าไปใช้ปืนจ่อขมับกัปตัน

   ผมนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเกิดลั่นขึ้นมา ต้องมีการสูญเสียแน่ๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก” กัปตันกระซิบ “ไม่เป็นไร”

   เขากำลังจะบอกว่าตัวเองยอมตายได้งั้นเหรอ

   “กูล่ะเบื่อ” ไอ้เพชรถอนหายใจ พร้อมกับเดินไปยังมุมห้อง

   และเล็งปืนไปทางลุงเอกที่สลบไม่ได้สติ…

   “เหี้ย!! มึงอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!!”

   “เอาสิ จะโยนทิ้งหรือจะทำอะไรก็ทำ จะเข้ามากระทืบกูก็ได้ แต่ก่อนมึงทำ กูยิงไอ้แก่นี่ก่อนแล้วแน่นอน”

   “…” มันทำให้ผมมีทางเลือก

   ผมมองหน้ากัปตัน เขาเหงื่อโซก วิตกไม่แพ้กัน

   “ฝากดูลุงเอกด้วยนะ” ผมบอกเขา

   “ไม่ปั๊ม อย่าทำตามเกมมัน” กัปตันส่ายหน้าขอร้อง

   “แต่…”

   ปัง!!

   เกิดเสียงกระสุนลั่นหนึ่งนัด แม่กัปตันเงียบไปทันที ส่วนผมใจหาย…ทว่ามันยังไม่ได้ยิงลุงเอกจริงๆ แค่ยิงกำแพงขู่เท่านั้น

   “รอบหน้ากูไม่เสียกระสุนฟรีๆ แน่”

   “…”

   “ปั๊ม มันต้องมีทางอื่น” กัปตันยังกระซิบอยู่ข้างๆ

   ไม่ ถ้ามันจะจบทุกอย่าง ผมจะทำ

   “ถ้ากูกิน มึงต้องปล่อยทุกคนในนี้ไป”

   “มึงขอกูเหรอ” มันเอียงคอถาม

   “ใช่ กูขอมึง”

   “อ้อนวอนกูสิ” มันเดินเข้ามา

   “…” ผมจ้องหน้ามัน “ถ้ากูกิน สัญญามาว่ามึงจะจบเรื่องนี้ และปล่อยทุกคนไป… ขอร้อง”

   มันยิ้มเหมือนพอใจในคำตอบ “ได้ กูจะปล่อยทุกคนไป”

   ผมมองหน้าคนตัวสูงกว่า พร้อมกับส่งข้อความทุกอย่างผ่านสายตา

   ผมทิ้งทุกอย่างในชีวิต ภาพพ่อแม่รวมถึงตรองกับไวน์และคนอื่นๆ ที่พบเจอฉายกลับมาในหัวจากนั้นก็กลั้นใจกระดกขวดที่มันหยิบยื่นมาให้ หลังจากปล่อยของเหลวในนั้นเข้าปาก ความร้อนของมันเผาไหม้ลำคอรวมถึงลำไส้ และสุดท้าย มันก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผม

   มือทั้งสองสั่นอย่างแรงแข่งกับจังหวะหัวใจที่คล้ายจะหลุดออก ผมหลับตาสนิทและตั้งใจปล่อยสติให้หลุดลอยออกไป แต่ผมยังรับรู้ได้ว่ากัปตันปัดขวดในมือผมออกและพุ่งตัวไปข้างหน้า


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/ad/1f/da/ad1fdafd3b0ace2793ba7fe32c8d53b8.jpg)



[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด | 9/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 09-07-2017 22:06:28
เครียดอะ เครียดมาก คือมีความกดดัน ลุ้นไปหมดเลย กังวลไปหมดว่าใครจะตาย กัปตันก็ทำอะไรไม่ได้ เครียดโว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด | 9/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 09-07-2017 22:42:34
ลุ้นมากคับ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด | 9/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-07-2017 22:45:52
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (ต่อ) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 10-07-2017 00:36:58
[ต่อ]


กัปตันธีร์รอจังหวะนี้มานานแล้ว

   เขาสังเกตว่าเพชรค่อยๆ ลดปืนลงเพราะกำลังตั้งใจมองไปที่ปั๊มด้วยความพึงพอใจอย่างจดจ่อ หลังจากปัดขวดยาออกจากมือคนรักแล้ว กัปตันใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าไปแย่งปืนและโยนมันออกไปได้สำเร็จ!

   เคล้ง!

   อาวุธร้ายนั้นกระเด็นไปโดนเพดานและแฉลบออกไปอีกฝั่งของห้อง โชคดีที่ไม่มีกระสุนตามมา

   “โอ้โห มึงนี่ใช้ได้เลยจริงๆ เล่นกูตอนเผลอเหรอ” เพชรพูดยั่วขณะที่โดนล็อคข้อมือไว้

   “หยุด! มึงควรพอสักที” กัปตันพูดกลับ

   “พล่ามอะไรของมึงเนี่ย” ฝ่ายเพชรยิ้มอย่างตั้งใจยั่วอารมณ์

   “มันจะไม่มีใครมาเล่นตามเกมบ้าๆ กับมึงอีก!”

   “ทำไม? อ๋ออออ” เพชรเหลือบตาไปมองปั๊มซึ่งตอนนี้กำลังตัวสั่นหายใจหอบแรงและเฝ้าดูท่าที “จริงๆ กูก็รู้อยู่แล้วนะว่ามึงชอบมันจริงๆ”

   “กูบอกให้หยุด! เลิกปั่นประสาทสักที!”

   “หึ กูรู้ตั้งแต่วันที่มันบอกว่ามึงไม่ค่อยมาหามันแล้วล่ะ” เพชรพูดต่อ “เดาได้เลยว่ามึงต้องใช้มุกน้ำเน่าอยู่ห่างกันไว้เพราะจะได้ไม่เป็นอันตราย กูดูหนังพล็อตเหี้ยๆ นี้มาร้อยครั้งแล้ว กูเดาทางออก! กูเลยหันมาจัดการมันแทนนี่ไง”

   ปั่ก!!

   หมัดจากมือกัปตันนั้นถูกลงที่หน้าด้านซ้ายอย่างเต็มๆ

   เพชรปากแตก เลือดไหลออกเป็นสาย

   ทว่าเขากลับไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดแม้แต่น้อย…

   และสวนหมัดกลับไปอย่างเต็มแรง!

   ปั่ก!!!

   “อยากสู้เหมือนหมาข้างถนนงั้นสิ แบบที่มึงเคยเป็นไง คนมันเคยจรจัดมาก่อนนี่เนอะ”

   และนั่นเหมือนเป็นการตัดฟางเส้นสุดท้าย

   กัปตันธีร์พุ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ มอบหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ออมมือ แต่ละครั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความเดือดดาล

   ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

   ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

   ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

   “ฮ่า” ทว่าคนที่โดนกระทำยังทำเป็นเรื่องตลก “ใส่มาไม่ยั้งเลยนะมึง”

   ปั่ก!

   กัปตันธีร์มอบไปอีกหมัด และทำท่าจะง้างมืออีกรอบ

   แต่…

   “กัปตัน…” เสียงครางนั้นดึงความสนใจไปจากเขา ชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนขึ้นและมองไปยังเจ้าของเสียง เขาพบว่าปั๊มกำลังล้มลงจากเก้าอี้และนอนนิ่งก่อนจะดิ้นไปมาคล้ายกับหนอนที่กำลังถูกไฟลน

   กัปตันธีร์ไม่รีรอ เขาทิ้งเพชรที่เริ่มนิ่งไปและรีบพุ่งตัวไปหาคนที่ส่งเสียงทันที กัปตันหนุ่มช้อนคนตัวเล็กกว่าให้นอนบนตัก ดวงตาที่เริ่มปิดปรือนั้นไม่ได้ทำให้เขานิ่งนอนใจเลย

   “ปั๊ม” เขาตีไปที่แก้มคนบนตักเบาๆ “เป็นอะไรไป”

   “ระ…ร้อน” เสียงนั้นครางจนแทบไม่ได้ยิน “แสบ…แสบไปหมดแล้ว”

   “ได้กินไปเหรอ?” เขาพูดถึงน้ำในขวดบ้าๆ นั้น “กินทำไม บอกแล้วว่าอย่าเพิ่ง”

   ถ้าคุณไม่เคยเห็นผู้ชายที่เข้มแข็งและภายนอกดูแข็งแรงร้องไห้ นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

   กัปตันธีร์เริ่มรู้สึกไม่ดี แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าคนบนตักเริ่มนิ่ง ไม่ดิ้นอีกต่อไปแล้ว

   “ไม่ๆๆ ไม่เอานะปั๊ม” เขาเขย่าตัวคนตรงหน้าอีกครั้ง “อย่าสลบนะ ลืมตาไว้!”

   “ไม่ไหว… ผมไม่ไหว” เสียงนั้นเริ่มแผ่วเบา

   “โธ่ปั๊ม ไม่เอาน่า” กัปตันใช้มือเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของคนในอ้อมกอด

   ความรู้สึกทุกอย่างถาโถมในจิตใจผู้ชายคนนี้ ถ้าคำถามที่ต้องการคำตอบว่าเขารักเด็กคนนี้หรือเปล่า

   คำตอบคือ…ใช่

   แม้เขาไม่ได้กินยาบ้าๆ นั้น แต่ก็เจ็บปวดไม่แพ้กันที่เห็นคนที่รักทุรุนทุรายด้วยความทรมานอย่างนี้ เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเองอย่างถึงที่สุด และสาบานว่าจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดไป

   กัปตันหันไปทางแม่ตัวเองซึ่งกำลังมองมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ โดยใช้มือบังหน้าไว้ เธอมอบสายตาเข้าอกเข้าใจมาให้พร้อมกับพยักหน้า ทำอย่างกับว่าเธอเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างดี

   “แม่ ผมพาออกไปพร้อมกันไม่ได้ แม่รอตรงนี้นะ” กัปตันบอกเธอ

   เธอเพียงแค่ยิ้ม และพยักหน้าอีกครั้ง

   “ผมขอโทษ” กัปตันก้มหน้า ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถม

   และรู้สึกผิดที่ตัวเองรู้ว่า ด้วยสติที่ไม่สมประกอบแม่ของเขาไม่ได้เข้าใจอะไรจริงๆ หรอก

   กัปตันดึงร่างปั๊มขึ้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะช้อนตัวไปแต่นั่นดูท่าจะลำบาก เขาจึงเปลี่ยนเป็นจับร่างนั้นพาดไว้บนบ่าแทน

   แต่เมื่อเขาหันมา กลับเจอเพชรพร้อมกับปืนในมืออีกครั้ง

   “จะไปไหนเหรอ?” เสียงนั้นถามอย่างเลือดเย็น

   “เพชร หลีกไป กูต้องพาปั๊มไปหาหมอ”

   “หึ ไม่ทันหรอก เดี๋ยวมันก็ตายแล้ว” คนถือปืนยิ้มอย่างเยาะเย้ย

   “ทัน! ถ้ามึงหลีกทางไป!!”

   “กูปล่อยให้มึงไปพล่ามบอกใครไม่ได้แล้วกัปตัน” เพชรส่ายหัว ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากหมาจนตรอก “กูต้องจัดการทุกคนในนี้”

   “งั้นเอาเลย”

   อยู่ๆ กัปตันก็เดินเข้าหาวิถีกระสุน ตอนนี้ปากกระบอกปืนจ่อแนบอยู่ที่หน้าผากเขา

   “จะทำอะไรก็ทำเลย อย่ามัวแต่พูด”

   เพชรเบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้

   “ยิงสิ!” กัปตันตะโกน นั่นนับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะถ้าเพชรตกใจ กระสุนจะฝังหัวเขาได้ทันที

   “มึงนี่มัน…”

   “ถ้าไม่ยิงมึงหลบไปเถอะ กูขอร้อง” เสียงนั้นสั่นเครือ ยิ่งคนบนบ่ากระตุกมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาใจเสียขึ้นเท่านั้น

   “กูเคยอุตส่าห์นับถือความใจสู้ของมึง” เพชรยิ้ม พลางบดขยี้ปากกระบอกปืนที่จ่อบนหน้าผากนั้นอย่างเดือดดาล “ไม่อยากเชื่อเลยว่ามึงจะเป็นหนักขนาดนี้”

   “…”

   “กูขอโทษแล้วกัน”

   สิ้นเสียงเพชร พร้อมกันนั้นนิ้วชี้ของเขาก็ตั้งท่าอยู่ในความพร้อม แต่ฝ่ายกัปตันไม่หลีกหนี และจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความแน่วแน่ถึงแม้ในใจลึกๆ เขากลัวความตายไม่แพ้ใครก็ตาม

   ผัวะ!!

   เสียงนั้นดังทำลายความเงียบเล่นเอากัปตันสะดุ้งโหยงและใจหายไปอยู่ที่เท้า

   แต่นั่นไม่ใช่เสียงกระสุน มันคือท่อเหล็กอะไรสักอย่างถูกฟาดเข้าไปที่หัวของเพชรเต็มๆ

   หลังจากคนโดนทำร้ายจนร้องโอดโอยและล้มลงด้วยความเจ็บ กัปตันธีร์ก็พบว่ามันคือฝีมือของลุงเอกพ่อบ้านของปั๊มนั่นเอง

   “หัวก็ไม่ได้แข็งอย่างที่คิดนี่ครับ” พ่อบ้านวัยเลี่ยมทองพูดหน้านิ่ง

   กัปตันธีร์ถึงกับยิ้มออกมา เขาไม่เคยดีใจที่เห็นลุงเอกเท่านี้มาก่อน จากปกติที่เขาต้องระแวงเวลาหาเรื่องแอบเข้าห้องของปั๊มอยู่เสมอ

   ในขณะที่เพชรกำลังหาเรื่องควานมือไปหาปืนที่ตกอยู่ เป็นพ่อบ้านเอกเองที่ใช้เท้าเตะมันออกไปไกล

   “โธ่เอ๊ย!” เพชรโมโหจนพุ่งเข้าใส่คนที่เตะปืนของเขาและหวังเอาชีวิต

   กัปตันธีร์เห็นท่าไม่ดี จึงจำใจวางปั๊มไว้ที่พื้นอีกครั้ง คนตัวเล็กยังมีสติอยู่แต่หายใจอย่างโรยราเหลือเกิน

   เขาไม่ได้พูดอะไรกับคนตรงหน้า เพียงแต่รีบหันไปช่วยพ่อบ้านที่กำลังโดยทำร้าย กัปตันธีร์กระชากเสื้อเพชรมาชกใส่หน้าอีกรอบ ขณะที่ทั้งคู่กำลังซัดกันไม่ยั้ง เสียงหนึ่งแยกพวกเขา

   “หยุด!!”

   กัปตันธีร์นิ่งแทบจะทันที เขาจำเสียงนั้นได้ พร้อมกับขนลุกเมื่อสายตาหันไปพบว่าอะไรเกิดขึ้นตรงหน้า

   “แม่…”

   ใช่ แม่ของเขา… แม่ที่สติไม่สมประกอบของเขากำลังถือปืนเล็งมาทางนี้

   ซึ่งเป้าหมายของเธออาจจะเป็นไปได้ทั้งเขา และเพชร…

   “ญา…” พ่อบ้านพยายามจะเข้าไปเกลี้ยกล่อม แต่ดูถ้าเธอไม่ฟังอะไรอีกแล้ว

   “ยิงเลยคนสวย” เพชรยิ้มออกมาอย่างโรคจิตพร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางคนข้างๆ “ยิงมันเลย”

   “แม่ นี่ผมเอง…”

   “หยุด!!” หญิงสติไม่ดีพูดคำนั้นอีกรอบ

   “ยิงเลย ยิงๆๆๆๆๆ ง่ายๆ” เพชรพูดวนซ้ำไปซ้ำมา

   เคยมีคนบอกไว้ เราไม่มีทางรู้ว่าจิตใจคนบ้านั้นเป็นอย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ในหัวเธอบ้างในตอนนี้

   “ยิง! กูบอกให้ยิง!!” เพชรตะโกนลั่น และนั่นเหมือนเป็นสัญญาณครั้งสุดท้าย

   ปัง!!

   อยู่ๆ วิถีกระสุนก็ถูกเปลี่ยนไปอีกข้าง กระสุนฝังลงที่หัวไหล่ของเพชรอย่างแรง เลือดสาดกระเซ็น

   เกิดเสียงกระอักในลำคอ เพชรค่อยๆ ถอยออกไปด้วยความเจ็บปวด

   โดยไม่รู้ว่าด้านหลังของเขาคือบันได…

   “เหี้ย!” เพราะขาที่ก้าวพลาด ทำให้เขาร้องออกมาเสียงดังลั่น

   แต่ก่อนจะล้มลงไปตามขั้นบันได มือของเพชรกลับคว้าคอเสื้อของกัปตันทำให้เขาล้มตามไปติดๆ

   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโชคดีหรือความมีสติ กัปตันหนุ่มคว้าจับราวบันไดเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมไว้มั่นมือ จึงทำให้เขาไม่ได้ตกไปด้านล่างเหมือนคนที่ลากลงไป!!

   ขณะที่กัปตันมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกับภาพช้า เขาเห็นว่าเพชรเบิกตากว้างด้วยความกลัว… ให้อย่างเดียวที่ควรกลัวที่สุด นั่นคือความตาย

   ร่างนั้นกลิ้งไปตามขั้นบันได ทุกครั้งที่ร่างกระแทกจะเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บซึ่งน่าจะเป็นกระดูก และเมื่อสิ้นสุดที่บันไดขั้นสุดท้าย เสียงร้องโหยหวนนั้นก็แน่นิ่งไป

   เพชรไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว

   ถึงจะมองด้วยความสมเพช แต่กัปตันหนุ่มไม่มีเวลาเห็นอกเห็นใจขนาดนั้น เขารีบวิ่งกลับไปที่ปั๊มอีกครั้ง แต่มันแย่กว่าเดิม…

   ร่างเล็กนั้นกลับมาดิ้นอย่างทุรนทุรายอีกรอบ ประกอบกับมีน้ำลายฟองฟอดเอ่อล้นออกมานอกปาก และกำลังชัก!!

   ขณะที่กัปตันกำลังตกใจ เสียงหวอของรถตำรวจก็ตามมา

   ด้านนอกอาคาร คนที่ลงจากขบวนรถมาคนแรกกลับไปใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นตรองเลขาหนุ่มที่เตรียมรับมือเหตุการณ์นี้ไว้หมดแล้วเพราะกัปตันธีร์เป็นคนชี้แจงไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ กัปตันได้โทรบอกว่ากำลังจะจัดการเรื่องให้มันจบๆ และสั่งให้รอสัญญาณเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ แต่กัปตันเงียบหายไป ทำให้เขาร้อนรนใจจนสั่งให้ทุกฝ่ายออกมาโดยไม่รอคำสั่ง ซึ่งแผนการครั้งนี้ มีไวน์และเกรียงที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายคนสนิทเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์

   ขณะที่เลขาหนุ่มกำลังวิ่งเข้าไปในอาหาร สมองของเขากำลังปลอบใจตัวเองว่าต้องทัน

   ทว่าภาพตรงหน้า กลับมีร่างของเพชร ลูกชายคุณวินัยนอนนิ่งที่ปลายบันได และเมื่อเงยหน้า พบกัปตันกำลังแบกร่างของปั๊มลงมาด้วยความทุลักทุเล

   บางทีเขาอาจจะมาช้าเกินไป


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย กัปตันกอดร่างปั๊มไว้หลวมๆ และเสียสละใช้นิ้วมือตัวเองแหย่เข้าไปในปาก เพื่อขวางไม่ให้คนในอ้อมแขนกัดลิ้นตัวเอง

   ถึงมันจะเจ็บ แต่มันก็เตือนเขาได้ว่า ปั๊มยังได้เป็นอะไรไป

   “ฉันอยู่นี่ อดทนนะ… อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

   เสียงปลอบใจของกัปตันกลายเป็นเสียงที่เศร้าที่สุดในชีวิตของไวน์ เขามองเพื่อนรักตัวเองอย่างรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งที่ปั๊มเป็นแบบนี้ นอกจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด บางทีการที่มีเพื่อนอย่างเขาก็อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเรื่องบ้าๆ นี้ การชวนเล่นอะไรแผลงๆ หรือมอบความรู้ผิดๆ ของเขาอาจจะเป็นสาเหตุอย่างเต็มเปา เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำตาก็ไหลทันที เขามันเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เรื่อง แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากเสียเพื่อนไป ยังอยากได้เวลาเพื่อกล่าวคำว่าขอโทษ

   ไวน์คว้ามือเพื่อนสนิทตัวเองมาจับไว้แน่น โดยมีตรองที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เงียบๆ

   สำหรับเลขาอย่างเขา การทำงานกับปั๊มเหมือนกับได้เลี้ยงน้องดื้อๆ ซึ่งเขาไม่เคยมี ปั๊มไม่เคยเป็นเจ้านายในสายตาตรองเลย ไม่เลย ในชีวิตที่ทำงานหนักมาตลอด และค้นพบว่าชีวิตนี้คงจะต้องอยู่กับงานตลอดไป การพบเจ้านายใหม่ที่เข้าอกเข้าใจและมีอารมณ์ขันทำให้เขาเปลี่ยนไปและมองโลกนี้ได้หลายมุมมองมากขึ้น เขาก็อยากเจอปั๊มอีกครั้ง เพื่อใช้โอกาสนั้นขอบคุณอย่างจริงๆ จังๆ ในสิ่งที่เคยให้มา ตอนนี้เขาอยากจะอ้อนวอนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้น้องคนนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

   “เธอได้ยินฉันมั้ย” กัปตันธีร์ยังคงไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงกระซิบที่ข้างหูคนดีของเขา

   แต่ทว่าร่างนั้นก็ยังดิ้นอย่างทรมานจนต้องเบือนหน้าหนี

   “ทำไมจังหวะของเราแม่งไม่ตรงกันเลยวะ” คนตัวใหญ่บ่นพึมพำพร้อมกับสะอื้น ทั้งๆ ที่พยายามข่มไว้แล้ว “ใช่ ฉันรักเธอ”

   “…”

   “จะไม่รักได้ยังไงล่ะปั๊ม เธอให้อะไรฉันมาตั้งเยอะแยะ” เขาฝืนยิ้ม “เด็กดื้ออย่างเธอแข็งแรงเสมอ ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง ครั้งนี้เธอจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ”

   “…”

   “ฉันไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะใครสั่ง ฉันเป็นนักบินก็เพราะเธอ เราสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะวิ่งตามเครื่องบินกัน …เธอจะได้วิ่งตามฉันไง”

   “…”

   “ปั๊ม ฉันรักเธอมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า สาบานเลยว่าไม่เคยโกหก”

   “…”

   “ถึงมันมีอะไรที่แฝงเข้ามาบ้าง แต่ลึกๆ แล้วสัญญาของเราสองคนก็ยังเป็นสัญญาที่สำคัญที่สุดนะ”

   “…”

   “ฉันยังรักเด็กน้อยหน้ากากสไปเดอร์แมนเสมอ ให้โอกาสฉันอธิบายได้มากกว่านี้เถอะ”

   “…”

   “แต่จริงของเธอ ฉันช้าไป ฉันผิดเองที่ไม่ได้ชัดเจนตั้งแต่แรก”

   “…”

   “กับเธอ… ฉันโหยหาโดยไม่ต้องมีใครมาสั่งเลย”

   “…”

   “แต่ฉันรู้ว่าเธอคงเกลียดที่ฉันโลเล เธออาจจะไม่ได้อยากเจอฉันหรอก” กัปตันกระชับอ้อมแขนและสะอื้นที่ข้างหู

   “เพราะอย่างนั้นตื่นขึ้นมานะ ถ้าไม่ได้เพื่อฉัน แต่ก็เพื่อทุกคนที่รักเธอก็ยังดี”

   “…”

   “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”

   บนสนทนานั้นเรียกน้ำตาจากพ่อบ้านวัยชราได้อย่างดี เขานิ่งเงียบตลอดเวลา ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เคยรู้สึกอะไรเลย

   แต่สำหรับวันนี้ เขายอมอยู่นิ่งๆ และเป็นคนเศร้าให้น้อยที่สุดดีกว่า พ่อบ้านอย่างเขาไม่ค่อยแสดงออกด้านอ่อนแอให้ใครเห็นอยู่แล้วนี่

   “ถึงแล้ว!” ตรองพูดโพล่งขึ้นมาเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

   และเมื่อมีบุรุษพยาบาลมารับ ฟันยางกันกัดและเครื่องช่วยหายใจก็ถูกสวมเข้าใส่ปั๊มซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะคนไข้เต็มตัว

   กัปตันธีร์ ไวน์ ตรอง และพ่อบ้านเอก ทั้งสี่คนวิ่งขนาบข้างเตียงพยาบาลเข้าไปในช่องทางซึ่งจะพาไปยังห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
 
   กัปตันธีร์มองรอบตัว ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าถึงเวลาต้องทำอะไรสักอย่าง และเมื่อสายตาผ่านไปเห็นหมอที่กำลังเตรียมรับคนไข้อยู่ข้างหน้า เขากลับปล่อยมือออกจากเตียงและโดดออกมาจากกลุ่มเสียดื้อๆ

   ใช่…เวลานี้ปั๊มไม่ต้องการเขาแล้ว และอาจจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป

   มีเพียงตรองเลขาหนุ่มเท่านั้นที่สังเกตเห็น แม้จะห่วงเจ้านาย เขาก็ยอมผละออกจากเตียงมาเหมือนกัน พร้อมกับเดินไปหากัปตันหนุ่มซึ่งยืนนิ่งเหมือนไม่ได้สติ

   “ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอครับพี่ธีร์?” ตรองถาม บนหน้ามีคราบน้ำตา

   กัปตันธีร์มองหน้าน้องที่แสนดีพร้อมกับรอยยิ้ม ณ มุมปาก คำพูดหนึ่งของคนที่เขารักมากที่สุดแล่นกับมาในหัว

   ‘ถ้าคุณรักผมจริง คุณต้องปล่อยผมไป’

   เขาพยักหน้ากับตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ตอนนี้เขาเข้าใจคำพูดนั้นอย่างถ่องแท้สักที…

   “ไม่” กัปตันส่ายหน้าให้ตรอง

   เมื่อได้คำตอบ เลขาหนุ่มเข้าใจทุกอย่าง และจะไม่ใช้โอกาสนี้ยื้ออะไรอีก เขาเคารพการตัดสินใจจากผู้ที่เป็นพี่ชายแสนดีในสายตาเขาเสมอ

   ตรองพยักหน้าให้กัปตันหนุ่มอย่างรู้กัน

   “ลาก่อนนะพี่” แต่นั่นไม่ได้ห้ามน้ำตาที่ไหลมาอีกระรอกได้เลย ตรองใช้มือปาดน้ำมูกตัวเองออก ถึงมันจะเศร้า แต่เขาเข้าใจว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด

   “ดูแลปั๊มแทนพี่ด้วย” กัปตันยิ้ม “ทำหน้าที่เลขาให้ดีที่สุด”

   ตรองไม่เสียเวลากับตรงนี้อีกต่อไป เขากลั้นใจและหันหลังวิ่งไปตามทางจนสุดสายตา

   กัปตันธีร์ยิ้มกับตัวเอง การบอกลาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

   เพราะนี่จะเป็นการจากลาด้วยความรัก อย่างที่คนรักของเขาเคยพูดไว้

   ถึงอย่างนั้น แม้ยามที่เขาหันหลังกลับและร้องไห้ นั่นจึงไม่ใช่เพราะความเสียใจ

   แต่กลับเป็นความดีใจเพราะเขาได้เจอรักที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว.


จบตอน

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/71/b5/8f/71b58fb1bdb1dd79e460a437c75b2cca.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:


ผมร่างบทนี้ไว้ตอนที่ผมเสียน้าไปกับโรคมะเร็ง
เป็นการสูญเสียที่ผมจะไม่มีวันลืม มันเร็ว และไม่มีโอกาสให้กล่าวลา
ถ้าไม่ว่าอะไร บทนี้ผมขออุทิศให้เธอครับ

ใกล้จบแล้วครับ เนื้อหาบทนี้อาจจะรุนแรงไปบ้างขออภัยมาในที่นี้

อย่าลืมบอกรักตอนยังมีโอกาสนะครับ :)

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #firemetothemoon ในทวิตเตอร์นะครับ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-07-2017 08:31:13
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-07-2017 12:28:27
รักแล้ว

จะยอมปล่อยความรักไปเหรอ

ทำไมไม่สู้อีกครั้งกัปตัน

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 10-07-2017 17:16:29
เราเห็นด้วยนะ ถ้ากัปตันรักปั๊ม ก็ปล่อยปั๊มไปเถอะ
รู้นะว่ารักกัน แต่ในความคิดเรา บางทีความรักมันไม่พออะ
หรือถ้าจะรักกันจริงๆ เราว่ามันคงต้องใช้เวลากว่านี้
มันต้องรื้อสร้าง ต้องเริ่มต้นใหม่ แบบไม่มีอะไรแอบแฝงจริงๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงจะดีขึ้นได้
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-07-2017 20:35:11
ตามอ่านถึงตอนล่าสุดเลย
สนุก ผลิกมากเลย เดาตอนแรกก็ว่าเป็นเพชร แต่ไปๆมาดันมีพระเอกมาร่วมด้วย เรื่องราวซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2017 20:43:30
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2017 23:51:36
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.23 เสพติดความเจ็บปวด (100%) | 10/07/2017 (หน้า 6)
เริ่มหัวข้อโดย: kail ที่ 11-07-2017 02:47:14
หยุดอ่านไปนาน วันนี้กลับมาไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนนี้มันพูดอะไรไม่ออก มันอึ้งอะ คือพออ่านรวดเดียวนี่มันหลากอารมณ์มาก ตอนนี้ยังตื้อๆอยู่เลย แต่ก็อยากมห้กัปตันปล่อยปั๊มไป นั่นดีที่สุดในตอนนี้แล้ว มันไม่สายถ้าจะมาเริ่มต้นใหม่เมื่อพร้อม แต่ตอนนี้มันไม่ไหวจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าจะทน
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 14-07-2017 22:52:41
24


(https://instagram.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/18879280_1927072164239459_1440358402730491904_n.jpg)



บันทึกการบินของกัปตันธีร์

   
   ชีวิตผมเป็นหนี้บุญคุณครั้งใหญ่หลวงกับผู้หญิงสองคน

   คนแรกคือแม่ รักที่ไม่มีเงื่อนไข เราสองคนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาบ้าง ตั้งแต่ที่พ่อจากไป ผมรู้ดีว่าแม่จะไม่เหมือนเดิม ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิดเธอ เพราะฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะคอยดูแลและเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ ผมไม่เคยเกี่ยง รักของแม่ยังมีค่ากับผมเสมอมา

   อีกคนคือคุณพลอย ภรรยาของคุณวินัย เธอเป็นคนที่เห็นค่าเด็กด้อยโอกาสอย่างผม และส่งเสียให้ทำในสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด และนั่นทำให้ผมรัก ‘เพชร’ ลูกชายของเธอเหมือนน้องชายแท้ๆ แม้เขาจะไม่เคยชอบหน้าผมเลยก็ตาม

   หลังจากที่คุณพลอยจากไป สิ่งที่ผมเสียใจมากกว่าการสูญเสียนั่นคือการที่ไม่ได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยอมเพชรในทุกเรื่อง เพราะผมรู้ว่าเขารู้สึกแย่มาตลอดที่แม่ของเขาใส่ใจผมเป็นพิเศษ

   แต่กับบ้านหลังนั้น…ผมเคยสาบานแล้วว่าจะไม่ไปเหยียบมันอีกครั้ง ความสะเทือนใจในครั้งนั้นทำให้แม่มีปัญหามาจนถึงวันนี้

   มันจึงเป็นฝันร้าย ที่ผมกับแม่จะไม่มีวันลืม

   เพราะอย่างนั้น เมื่อเพชรพูดถึงแผนการทำลายครอบครัวนั้นให้ย่อยยับพร้อมกับการอ้างบุญคุณของแม่

   นั่นจึงทำให้ผมตอบตกลงเข้าร่วมด้วย

   แต่ว่าไม่นาน มีข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์ของสองผัวเมียใจร้ายนั่นซะก่อน

   ผมตกใจมากและหวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

   [กูไม่ได้ทำ ตอนนี้อยู่ภูเก็ต] เสียงเพชรนั้นพูดแข่งกับจังหวะดนตรี

   แม้ในใจลึกๆ จะกังวล แต่ผมพยายามคิดว่าเพชรพูดความจริง มันคงไม่ได้เย็นชาขนาดนั้น ในตัวเด็กก้าวร้าว มันต้องมีด้านดีหลงเหลืออยู่บ้างสิ




========================



   “ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ผมเสียใจด้วย ขอให้คุณทั้งคู่ไปสู่สุขติ” ผมยืนพูดอยู่หน้าหลุมศพของสามีภรรยาเจ้าของกิจการสายการบิน ในวันที่ผมได้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้อีกครั้ง

   ผมมองเขาทั้งสองด้วยความว่างเปล่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลานี้ถึงไม่โกรธใครอีกแล้ว

   หรือบางทีที่ผมอาจจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในใจแทน กับเด็กคนนั้น… ทั้งสงสารและอยากปกป้อง ผมคิดเสมอว่าอย่าไปให้ค่ากับคนตายเลย สนใจคนที่อยู่อย่างเป็นทุกข์ดีกว่า

   และคนที่เป็นทุกข์ตอนนี้ คือคนที่แอบมองผมอยู่หลังม่านด้านบนนั้น ซึ่งคิดว่ามันคงจะเป็นห้องนอนขอเขา

   ทำยังไงถึงจะได้ขึ้นไปบนนั้นนะ




========================


   เราสามารถรักคนที่ไม่คิดว่าตัวเองจะรักได้หรือเปล่าครับ?

   ผมเก่งมากที่ทำให้ปั๊มรักผมได้ และนั่นมันคงสมใจเพชรแน่นอน และมันคงจะกู่ไม่กลับอีกแล้ว นี่เป็นมากกว่าการเล่นสนุกแน่นอน แต่เมื่อรู้สึกว่ายิ่งรักปั๊มมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้อีกต่อไป ผมเหมือนโจรที่กำลังรักตำรวจ มันไม่ถูกต้องและทำให้สับสน

   ผมถือดอกกุหลาบสีขาวและกล่องข้าวที่ทำมาเองไว้ในมือ ยืนมองแม่ที่กำลังเล่นกับเชือกฟางสีแดงซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน แม่ทำอย่างกับเด็กไฮเปอร์ไปได้ เห็นแล้วถึงกับต้องส่ายหัว

   “กินข้าวเช้าไปหรือยังครับแม่” ผมถามพร้อมกับสอดตัวไปนั่งที่ม้าหินฝั่งตรงข้าม

   แม่เงยหน้ามองผมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า ทว่าในมือยังคงเล่นเชือกฟางต่อไป

   “อร่อยมั้ย”

   แม่พยักหน้าอีกรอบ

   “แล้วอยากกินข้าวเที่ยงหรือยัง”

   แม่พยักหน้า แต่คราวนี้พูดด้วย

   “รอกินด้วยกันเนี่ย”

   ผมจุกในคอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

   “วันนี้มีแต่ของไม่เผ็ดนะ ไม่รู้แม่จะชอบหรือเปล่า”

   “ชอบหมดแหละ”

   ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทำไมวันนี้แม่ผิดปกติ หรือเขาให้กินยาดีเกินไป

   “น่ารักมากครับ” ผมได้แต่พูดอย่างนั้นออกไป เก็บความคลางแคลงใจเอาไว้

   “ขอโทษนะลูก…”

   ผมสะดุดใจอีกรอบ คราวนี้ผมเงยหน้าจ้องตาแม่อย่างจริงจัง

   “แม่โอเคหรือเปล่าครับ”

   แต่เหมือนแม่จะไม่ได้สนใจคำนั้น

   “รู้ว่าแย่” แม่ชี้ที่ตัวเอง “แย่...”

   “ใจเย็นๆ นะแม่” ผมคว้ามือเธอมาจับให้แน่นที่สุด “ค่อยๆ พูด”

   แต่อยู่ๆ เหมือนแม่จะเก็บความอัดอั้นอะไรต่างๆ ไว้ไม่อยู่ เธอระเบิดร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กๆ จนผมต้องรีบไปนั่งข้างๆ เพื่อคว้ามากอดไว้

   “เป็นอะไรครับ”

   “เครียด”

   “แม่เครียดอะไรไหนบอกมาสิ”

   “ดูแลใครไม่ได้เลย”

   “หืม?” ผมเขยิบออกมามองหน้าแม่ให้ชัดๆ เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอปูดแทบจะระเบิดออกมา

   “วันนี้พยาบาลบอกว่า” แม่พยายามพูดช้าๆ “รักใครให้ดูแลกันดีๆ”

   “ทำไมพยาบาลถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

   “ตอนเรียนหนังสือ”

   จริงๆ มันไม่ใช่การเรียนหรอกครับ แต่ผมรู้มาบ้างว่าจะมีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดต่างๆ ให้คนป่วยได้ผ่อนคลาย ส่วนหนึ่งคือการดูหนัง การพูดคุยกันระหว่างคนไข้กับหมอ และกิจกรรมที่สร้างมาให้คนไข้ได้เล่นร่วมกัน

   วันนี้คงจะมีอะไรจี้จุดแม่แน่ๆ เลย

   “แล้วแม่ร้องไห้ทำไม”

   “ก็เนี่ย” แม่ใช้นิ้วชี้จิ้มที่อกผมแรงๆ ก่อนจะชี้กลับไปที่ตัวเอง “ดูแลไม่ได้เลย”

   แม่กำลังบอกผมว่าตัวเองดูแลลูกไม่ได้งั้นเหรอ?

   “อะไรกัน แม่ดูแลผมดีจะตาย”

   “ไม่จริง” เธอส่ายหัวพร้อมกับร้องไห้

   “ฟังนะ” เหมือนแม่พยายามต่อสู้กับอารมณ์แปรปรวนของตัวเอง “อีกไม่นานก็ตาย”

   “ใครตายครับ?” ใจคอไม่ดีเลยแฮะ

   แม่ชี้ที่ตัวเองอีกครั้ง

   “พูดอะไรอย่างนั้น แม่ยังไม่ตายหรอก”

   “ตาย! ยังไงก็ต้องตาย!” แม่ระเบิดจนได้ พร้อมกับถอยกรูดออกห่างไป

   “ใจเย็นๆ นะครับ ไหนลองพูดกันดีๆ สิ” ผมพยายามใจดีสู้ ดึงแขนแม่กลับมาที่เดิมอีกครั้ง

   “ไม่นานแม่ก็ตาย” เสียงนั้นสั่นเครือ “อย่าเศร้านะ”

   “…”

   “ที่แม่เสียใจที่สุดคือ แม่เป็นแบบนี้และไม่มีเวลาดูแลลูก”

   “…”

   “ถ้าลูกรักใคร ดูแลเขาให้ดีนะ”

   “แม่…”

   “รักและอย่าทอดทิ้ง” คราวนี้แม่เอามือมาจับที่แก้มผม น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนั้นแทบจะทำให้คนฟังอย่างผมสะเทือนใจตามเลย

   แต่ผมก็ยิ้มสู้

   “ไปจำมาจากละครเรื่องไหนเนี่ย” ผมยิ้ม “เดี๋ยวผมจะบอกพยาบาลไม่ให้แม่ดูทีวีแล้ว”

   “และอย่าโกรธใคร” เธอยังคงพูดต่อ “ให้อภัยกันเถอะนะ”

   ผมไม่รู้ว่าที่เห็นตรงหน้าที่คืออะไร แต่นี่คือแม่ที่ผมรู้จักตั้งแต่วัยเยา แม่ที่คอยเลี้ยงและสั่งสอนผมมาตลอด นาทีที่ผ่านมาเหมือนผมได้บุพการีตัวเองคืนยังไงยังงั้น

   “กินข้าวเถอะ” ผมเปิดกล่องข้าวให้

   แม่กลายเป็นผู้ป่วยอีกครั้ง ตาลุกวาวกับข้าวผัดปูตรงหน้าและไม่สนใจผมอีกต่อไป

   ขณะที่แม่จับช้อนและกินอย่างอิ่มหนำสำราญ ผมกลับนิ่งและนึกถึงสิ่งที่แม่เพิ่งพูด ถึงแม้ถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว มันคือคำพูดจากคนบ้าก็เถอะ

   “ผมกำลังรักอยู่ครับแม่” ผมพูด ขณะอีกฝ่ายเอาหูทวนลมเพราะสนใจแต่ข้าวตรงหน้า “งั้นผมต้องดูแลเขาสินะ”

   แม้จะไม่ได้คำตอบแต่ผมเหมือนได้คิดกับตัวเอง

   บางทีอาจจะต้องล้มโต๊ะเกมนี้ และเป็นตัวละครที่หักหลังดูบ้าง ผมจะเลือกปั๊ม และไม่มีการสนบุญคุณและคำสั่งบ้าๆ บอๆ จากเพชรอีกต่อไป

   ความรักมันก็คือการเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ

   ผมน้อมรับคำสั่งสอนจากคนบ้าที่อาจจะพูดจาเพี้ยนๆ ไม่มีที่มาที่ไป แต่เธอเป็นแม่ผม ผมเลือกที่จะเชื่อ

ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีหลังจากวันนั้น



(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


   ผมยืนอยู่ริมระเบียงคอนโดของตัวเอง ทอดสายตามองจราจรบนท้องถนนในวันที่กรุงเทพยังน่าเบื่อเหมือนเคย แม้จะโดนพักงานแต่ผมเลือกจะตื่นแต่เช้าตรู่

   เพราะอะไรน่ะเหรอครับ?

   ปั๊มปลอดภัย แน่นอนครับว่าผมสบายใจขึ้นเยอะ

   แต่มันก็มีเรื่องเศร้าในคราวเดียวกัน

   เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ปั๊มจะยืนอยู่แผ่นดินเดียวกับผม

   เรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริษัทเฟิร์สแอร์กลายเป็นข้าวดังหลายสัปดาห์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมยังแปลกใจที่ปั๊มไม่คิดจะขายมันให้กับคนอื่น มีการใช้ทนายและฟ้องร้องในหลายๆ เรื่องซึ่งมันก็สมควร เก้าอี้บริหารจะตกเป็นของหุ้นส่วนอันดับสามซึ่งจะทำหน้าที่แทนจนกว่าปั๊มจะกลับมาใหม่หลังจากที่เรียนจบแล้ว

   ผมดีใจที่เขาจะออกไปจากที่นี่สักที ที่นี่ไม่มีอะไรให้เขาแล้ว ผมก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอีกต่อไป

   ตืดดดดด!

   ผมล้วงโทรศัพท์ที่สั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง มีข้อความเพิ่งส่งเข้ามา และเมื่ออ่านมันทำให้หลุดยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

   ‘คุณปั๊มจะบินกลับเที่ยงตรง
   ผมอยากบอกพี่ธีร์ไว้ครับ’

   
   คงจริงอย่างที่ปั๊มเคยพูด ตรองเป็นเลขาจอมหักหลัง ถ้าปั๊มอยู่ข้างๆ และชะโงกเข้ามาที่หน้าจอคงจะบ่นว่าอย่าลืมเตือนให้หาเลขาใหม่ด้วย

   ผมคิดถึงบรรยากาศนั้นจัง

   แต่ผมเลือกแล้ว

   
   ‘ฝากบอกลาด้วยแล้วกัน
   ขอบคุณครับ’



   ผมจะไม่ไปให้เขาเห็นหน้าอีก ถ้าปั๊มมีบาดแผลใหญ่ในใจ ผมคือคนทำมัน เราจะยังคงจับมืดไว้ถ้ามันบาดมือเราได้เหรอ ผมจะทำสิ่งที่ควรทำ ถ้าปั๊มเลือกที่จับมีดไว้ ผมจะเป็นมีดที่กระโดดออกไปจากมือเขาเอง

   “ลาก่อนปั๊ม” ผมพูดกับลมฟ้าอากาศ หึ เขาจะไปรู้ได้ไงวะไอ้โง่เอ๊ย

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง

   สภาพที่นี่ยังเหมือนเดิมแม้ไม่ได้มาอยู่นานแล้ว มีจดหมายหลายฉบับมัดรวมกันไว้ถูกส่งมาจากนิติบุคคล รวมถึงกองพัสดุมากมายที่อยู่ข้างๆ ชั้นวางรองเท้าซึ่งผมไปรับมาจากสาวน้อยช่างพูดจากเคาท์เตอร์แลกบัตรข้างล่าง เธอยังถามถึงปั๊มอยู่เลย ถามไถ่กันว่าตอนนี้ยังทะเลาะกันอยู่อีกมั้ย ผมได้แต่ยิ้มและกล่าวขอบคุณ เลือกที่จะเดินหนีดีกว่า

   ผมตั้งใจจะเช็คจดหมายและพัสดุทุกชิ้นเป็นการกลบความฟุ้งซ่านของตัวเอง ผมลุกไปหยิบคัตเตอร์แล้วกลับมานั่งขัดสมาธิตั้งใจดูทีละกล่อง

   ผมใช้เวลากับมันไปนานมาก เสียงคัทเตอร์กรีดกระดาษดังแล้วดังอีก ส่วนมากเป็นเอกสารชี้แจงสำคัญๆ รวมถึงประกาศจากทางสำนักงานบิน ผมพยายามโยนมันทิ้งไปไกลๆ เพราะนอกเหนือจากเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ความล้มเหลวในอาชีพการงานก็เป็นอีกเรื่องที่ผมเศร้าไม่ใช่น้อย แต่ทว่าจดหมายที่มีตราประทับพวกนั้นมันเยอะเหลือเกิน ผมจึงยอมแพ้และหันมาหยิบกล่องพัสดุแทนดีกว่า

   กล่องแรกในมือมันช่างคุ้นตาผมเหลือเกิน ขณะที่ลูบไล้ไปยังเนื้อกระดาษแข็งสีน้ำตาลอ่อน ใจผมก็รู้สึกหวิวขึ้นมา เลยตัดสินใจว่าจะหยิบกล่องอื่น แต่…

   ผมว่ามันคงกำลังอยากให้เปิดดูข้างใน

   ผมกรีดคัตเตอร์จากนั้นก็แกะฝากล่องมันออกมา

   ข้างในนั้นคือหน้ากากสไปเดอร์แมนที่ผมเคยให้เขา

   ขณะที่ผมชะงักไป ภาพในอดีตกลับมาให้เห็นอีกครั้ง


   ขณะที่ผมกำลังวุ่นอยู่กับการช่วยแม่บริการแขกในวันทำงานวันแรกของเธอ เด็กคนหนึ่งกำลังเล่นเสียงดังอยู่ที่มุมห้อง ผมกลัวว่าคนอื่นๆ จะรำคาญก็เลยตั้งใจว่าจะเข้าไปห้าม แต่พอมองไปที่รองเท้าผ้าใบซึ่งเชือกหลุดลุ่ยแบบนั้นแล้ว ผมกลับเป็นห่วงขึ้นมาแทน

   “เชือกรองเท้าหลุดนะสไปเดอร์แมน” ผมพูดอยู่เหนือหัวเด็กที่ตัวเล็กกว่า เขาน่าเอ็นดูจนวัยรุ่นเกลียดเด็กอย่างผมใจอ่อนได้ยังไงนะ

   เด็กชายคนนั้นยกหน้ากากเผยใบหน้าตัวเองและมอบรอยยิ้มมาให้

   “ขอบคุณครับ” เด็กน้อยตะโกนแข่งกับเสียงเพลง   

   “เรียบร้อย!” ผมลุกขึ้นมายืนเหนือกว่าอีกครั้งพร้อมกับชี้นิ้ว “อย่าทำหลุดอีกล่ะอุตส่าห์ผูกให้แน่นแล้ว เดี๋ยวเราน้อยใจ”

   “พี่ใจดีจังเลยฮะ” เด็กน้อยฉีกยิ้ม ยิ้มแบบจริงใจกว่าตอนแรก

   ผมจัดหน้ากากให้เหมาะสม จากนั้นก็ใช้มือลูบไปยังศีรษะของเจ้าของ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมชักมือออกกะทันหัน ไม่รู้ว่าเด็กสังเกตเห็นมั้ย

   “สวัสดีปีใหม่นะ” ผมพูดแก้เก้อกับความเก้ๆ กังๆ ของตัวเอง

   “สวัสดีปีใหม่ครับ” เด็กน้อยพูดบ้าง

ขณะที่เรายิ้มให้กัน ผมเริ่มมีความคิดอะไรบางอย่าง ผมชักเบื่อกับงานนี้แล้ว

   “หิวมั้ย” ผมถาม

   “ผมอยากกินน้ำอัดลม” ตอนแรกเด็กคนนั้นแววตาเป็นประกาย แต่ก็กลับหงอยลงไปอย่างดื้อๆ “แม่ไม่ให้ผมกิน”

   “งั้น…” ผมมองซ้ายมองขวา อืม… คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงไม่ได้อยู่แถวนี้ “เดี๋ยวพี่หาให้กิน”

   “หา!?” นายน้อยของบ้านตกใจ “จริงเหรอฮะ”

   “จริง แต่เราต้องแอบไปนะ เดี๋ยวปีศาจร้ายจะมาขัดขวางได้!” ผมทำเป็นอินกับการเล่นให้สมกับหน้ากากที่น้องใส่ พร้อมทั้งยื่นมือออกไปโดยเด็กน้อยไม่ลังเลเลยที่จะจับมันไว้แน่น

   “ไปเลยครับ!”

   


   “หึ” ผมเค้นหัวเราะให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงวันนั้น สุดท้ายแม่ก็จับได้อยู่ดี ผมโดนตีเละเลย

   แต่…นั่นเป็นครั้งแรกที่การผจญภัยครั้งแรกของเราเริ่มต้นขึ้น

   ถึงนี่จะไม่ใช่หน้ากากอันเดิมที่ปั๊มเคยใส่ แต่ผมตั้งใจจะทำให้เขาจำได้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

   ผมหยิบมัรนั้นขึ้นมาและพบว่าในกล่องยังมีรูปโพราลอยอีก ในภาพเป็นผมเองกำลังยิ้มแฉ่งกับอยู่ในห้องขับ จำได้ว่าวันนั้นผมดุที่นักบินผู้ช่วยมัวแต่ถ่ายรูป แต่พอเห็นเขามีกล้องโพราลอยเท่านั้นแหละ ผมกลับแอ็คท่าให้เขาถ่ายเฉย เพื่อจะส่งมันมาขอโทษปั๊มถึงเรื่องที่ทำไป

   ผมมองลงไปยังกระดาษเล็กๆ ที่แนบมาด้วยซึ่งมันเป็นลายมือผมเอง แต่มีการขีดฆ่านิดหน่อย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฝีมือใคร


   เธอคงรู้เรื่องมิ้นแล้ว เรื่องนี้เธอไม่ผิด เขาตัดสินใจไปเอง…
   แต่ฉันส่งของมาให้เพราะอยากให้จริงๆ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตอบแทนเรื่องเนกไทที่เธอขว้างใส่หัว
   จะบอกให้ หลังๆ มานี้มันเป็นเส้นโปรดของฉันเลย



   เฮ้อ ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยฮะ

   ผมตั้งใจจะวางกระดาษกับรูปกลับไปที่เดิม ทว่าผมกลับเห็นอะไรบางอย่างแปะอยู่หลังรูป มันเป็นกระดาษสีครีมที่มีลายมือใครสักคนที่ไม่ใช่ผม ดูท่าแล้วจะเป็นข้อความใหม่


   ‘วันนี้ผมเข้าออฟฟิศเพราะจะมาเก็บของ
   แต่กลับเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในกล่องนี้เปลี่ยนไปจากครั้งแรก
   คุณบอกใบ้ผมมาตั้งแต่แรกสินะ…



   ปั๊มเพิ่งจะรู้… ไม่เป็นไร ผมเข้าใจอยู่แล้ว


   ขอบคุณที่ผูกเชือกรองเท้าให้
   - ปั๊ม’



   ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที ทิ้งของทุกอย่างกลับเข้ากล่องพร้อมกับเอนตัวนอนราบลงข้างๆ กองจดหมายพวกนั้นประดุจคนยอมแพ้

   เอาน่า อย่างน้อยในที่สุดเขาก็ได้รู้ทุกอย่างได้สมบูรณ์แล้ว…

   …รู้ว่านอกจากเรื่องราวบ้าๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น สิ่งที่ผมรู้สึกกับเขาแท้จริงมันคือรักแรกพบ เพราะผมเห็นเขาในสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าไง

   ผมหลับตา ปล่อยให้ทุกสิ่งไหลผ่านไปท่ามกลางเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาที่ดังวนอยู่ในหู

[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 14-07-2017 22:58:04

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/5b/ab/cc/5babccacf29c818efd38ef5bf6c62033.jpg)

   ผมอยู่หน้าหลุมศพพ่อแม่ขณะลมที่พัดแรงทำให้แทบจะปลิว ดูท่าฝนจะตกสินะ

   ป๊าครับ แม่ครับ ถึงเวลาต้องจากกันอีกครั้ง

   “ขอนั่งบนเก้าอี้นะครับ ปั๊มยังเจ็บท้องไม่หายเลย” ผมลูบไปยังจุดที่ยังปวดเพราะโดนเตะก่อนหน้านี้“ปั๊มมาลานะครับ เพราะกว่าจะกลับก็อีกนานเลย”

   แต่การสนทนากับคนตายมันก็เหมือนการพูดคนเดียว

   “ผมรู้นะว่าในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และมันก็เห็นแล้วว่าสิ่งที่ป๊ากับแม่ทำไว้มันเกิดผลอะไรบ้าง

   ผมเคยโกรธสิ่งที่เกิดขึ้นและเคยโทษว่ามันเป็นความผิดของป๊ากับแม่ที่รักผมไม่ดีพอ แต่ไม่ใช่ มันเป็นเพราะผมไม่มีวุฒิภาวะเอกต่างหาก ปั๊มอาจจะไม่รักดีเองถึงไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ไม่คิดจะโทษใครเลย

   แต่ป๊ากับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถึงเรื่องอีกด้านจะเปิดเผยออกมา ผมจะไม่มีทางผิดหวังและรังเกียจครอบครัวของเราเลย และผมอยากบอกป๊ากับแม่ว่าไม่เป็นไร ปั๊มเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขได้ ผมรู้ว่าทุกสิ่งที่ป๊ากับแม่ทำก็เพื่อผมทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมจะไม่ขายของใดๆ ที่เป็นของเราไปให้คนอื่น ผมจะกลับมาเมื่อพร้อม และจะแสดงให้เห็นว่าตระกูลเราก็ยังมีความดี ผมจะจำภาพป๊ากับแม่ใบแบบที่มันควรเป็นไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ป๊ากับแม่ยังเก่งและใจดีตลอดไปครับ

   พ่อแม่คือพระเจ้าในสายตาลูกเสมอ”

   ผมกอดตัวเองบนเก้าอี้พร้อมกับสะอึกสะอื้นในขณะที่ฝนเริ่มตกโปรยปราย

   สุดท้ายก็มีแค่เรา ทุกๆ อย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเองจริงๆ สินะ

   ผมจะใช้สายฝนในวันนี้เพื่อชำระล้างบาดแผลทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้น และเมื่อพรุ่งนี้มาถึง เราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


   “ไม่ลืมยาที่ต้องใช้นะครับคุณปั๊ม” ลุงเอกเดินเข้ามาจัดเสื้อคลุมของผมให้เข้าที่

   “ไม่ลืมน่า” ผมพูดอย่างเนือยๆ เพราะความง่วง วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าเลยครับ

   “ติดต่อกลับมาบ้างนะครับ” เสียงลุงเอกเปลี่ยนไป ผมเห็นว่าเขาตั้งท่าจะร้องไห้

   “โอ๊ยยย ไม่เอาน่า” ผมเขย่าไหล่ลุงเอก ไม่รู้จะปลอบใจคนแก่ยังไงอะ “เดี๋ยวเรียนจบก็กลับมาแล้ว”

   “ปกติคุณปั๊มกลับมาทุกเทอม แต่นี่ผมต้องรออีกเป็นปีๆ”

   “เราคุยกันแล้วนะลุงเอก”

   “ผมรู้ว่าผมแนะนำคุณปั๊มแบบนั้นเอง แต่มันก็ใจหาย”

   “เหมือนกัน” ผมโผเข้าไปกอดพ่อบ้านในที่สุด “ดูแลตัวเองด้วย ไม่ต้องรอให้ผมติดต่อไป โทรมาหาก่อนบ้างก็ได้นะ”

   “ดูแลตัวเองด้วยเช่นกันครับคุณปั๊ม” ลุงเอกถอยออกไปยืนสงบเสงี่ยมเหมือนทุกทีที่เคยเป็น ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามข่มอารมณ์อยู่แน่นอน

    “ไงมึง” ไอ้ไวน์เดินเข้ามาหาบ้าง “ไว้กูแอบย่องไปกินเบียร์ที่หอมึงเหมือนแต่ก่อนอีกนะ สนุกดี”

   “มึงบอกลาได้ซึ้งแค่นี้เหรอวะ” ผมเอียงคอ “มานี่!”

   ผมลากมันเข้ามากอดได้สำเร็จ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันกลายเป็นผมกำลังซบไหล่มันอยู่ซะนี่

   “ขอโทษนะ” เสียงนั้นหลุดออกมาจากคนตัวสูง

   “ขอโทษอะไรวะ?” ผมผละออกจากกอดพร้อมทำหน้าสงสัย

   “ไม่รู้เหมือนกัน พอเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูแย่ว่ะ นี่ล่ะมั้งที่เขาว่ามันคือความทุกข์ของคนเป็นเพื่อน”

   “มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลยไวน์” ผมบอกมันอย่างจริงจัง แต่ประโยคต่อไปมันเกือบทำให้ผมร้อง “ก็กูมีมึงเป็นเพื่อนคนเดียวนี่”

   เราสองคนกอดกันอีกรอบ ครั้งนี้แน่นกว่าเดิม

   “รีบกลับมาล่ะ”

   “มึงก็อย่าลืมไปเรียนนะ เดี๋ยวป๊ามึงด่าเอา”

   หลังจากที่แยกกับไวน์ไป ผมรอให้ตรองทำซึ้งบ้าง แต่ทว่าคนนั้นยังพิมพ์อะไรยุกยิกกับมือถือตัวเองอยู่เลย จนเป็นผมที่ต้องเข้าไปหาเอง

   “ทำอะไรอะ” ผมชะโชกไปที่หน้าจอ

   “โอนถ่ายพวกข้อมูลสำคัญนิดหน่อยครับ”

   “ทำงานเหรอ?” ผมขมวดคิ้วถาม อะไรของเขาวะเนี่ย

   “ครับ…” ตรองเงยหน้ามอง

   “โอเค เรายังเป็นเจ้านายลูกน้องกันได้อีกประมาณสิบนาที” ผมกอดอกและตั้งท่าจริงจัง “ถ้าฉันสั่งอะไรสามารถทำให้ได้ใช่มั้ย”

   “ครับ” ตรองรับปากแม้สีหน้าจะลังเล

   “ลาออกเถอะ”

   “…”

   “ไปใช้ชีวิตของตัวเอง บอกตรงๆ ว่าก็ไม่เคยเห็นใครเก่งและทุ่มเทขนาดนี้ มันไปได้ไกล คนเรามันจะยังอยู่ที่เดิมนานๆ ไม่ได้ และฉันไม่ได้อยากกลับมาแล้วเห็นแกยังเป็นเลขา ฉันอยากให้แกไปได้ไกลกว่านั้น”

   “…”

   “เพราะสำหรับฉัน… ไม่สิ เพราะสำคัญปั๊ม พี่ตรองคือพี่ ไม่ใช่ลูกน้องอีกต่อไปแล้ว”

   “คุณปั๊ม…”

   “พี่ต้องเชื่อปั๊มนะ” ผมเดินเข้าใกล้อดีตมากขึ้น “ถือว่านี่เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายแล้วกัน”

   “ได้ครับ และก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” ตรองเหมือนชั่งใจอยู่ว่าจะทำอะไรต่อ แต่ในที่สุดก็พูดออกมา “ผมก็เห็นคุณปั๊มเป็นน้องที่ผมรักมากเหมือนกัน และน้องคนนี้โตแล้ว”

   “ขอโทษที่ใช้คำหยาบด้วยตลอดแต่อยู่ดีๆ วันนี้มาเรียกพี่” ผมพูดติดตลก

   “นั่นสิครับ ผมยอมให้คุณปั๊มด่าเหมือนแต่ก่อนดีกว่า”

   “มากอดหน่อย” เราทั้งสองกอดกันอย่างเกร็งๆ ด้วยความเก้อเขิน มันเป็นครั้งแรกที่เรากอดกันจริงๆ จังๆ และไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องอีกต่อไป

   “อย่าให้ใครมาทำร้ายเราได้อีกนะครับคุณปั๊ม”

   “แน่นอน” ผมตบคำรับปาก

   แล้วผมก็ยืนนิ่ง เหมือนกำลังรอ… รออย่างไม่เหตุผล และไม่รู้ว่ารออะไร ผมกวาดสายตาทั่วและก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า ‘เขาไม่มา'

   เราสี่คนบอกลากันอีกนิดหน่อยจนได้เวลาอันสมควรแล้วผมจึงขอแยกออกไป ไม่อยากให้พวกเขายืนรอส่งเดี๋ยวหันไปแล้วน้ำตาจะไหลพาลไม่อยากไปขึ้นมา

   “ขอดูตั๋วหน่อยค่ะ” เสียงใสๆ ของพนักงานสาวพูดกับทุกคนที่ต่อคิว ผมทำตามที่ขออย่างว่าง่าย และเมื่อแสกนบาร์โค้ดกันเสร็จแล้ว ผมก็ขึ้นบันไดเลื่อนไป

   ด้วยเวลาที่ยังมีเหลือผมเลยไม่อยากรีบ ผมหลีกทางให้คนด้านหลังเดินนำออกไปก่อนอย่างไม่หงุดหงิด จัดการกระชับเป้และกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กให้มั่น และตั้งใจจะหันกลับไปมองด้านล่างเป็นครั้งสุดท้าย

   ผู้คนรอเช็คอินคนแน่นขนัด สมแล้วที่เป็นท่าอากาศยานที่คึกคักอันดับต้นๆ ของโลก ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ ทุกคนต่างดีใจที่จะได้เดินทาง ไม่ว่าเขาจะได้ไปเที่ยวหรือไปทำงาน แต่ได้เดินทางแค่คิดก็สนุกแล้วไม่ใช่เหรอ

   ผมกวาดสายตาหาพวกเพื่อนๆ ที่มาส่ง แต่พวกนั้นไม่อยู่แล้ว แปลว่าพวกเขาทำตามที่ผมขอ ซึ่งนั่นก็ดี ผมไม่อยากเศร้าหวิวๆ ในใจเท่าไหร่

   แต่…

   ผมกลับเห็นใครคนหนึ่ง

   ยืนอยู่ข้างๆ ป้ายแอลอีดีบอกสถานะเที่ยวบินขนาดใหญ่ เขาสวมแจ็คเก็ตสีดำทับเสื้อยืดสีขาว ท่อนล่างสวมกางเกงยีนสีฟอก ทว่า…เขากลับใส่หน้ากากพลาสติกรูปสไปเดอร์แมน

   ผมให้คนอื่นๆ เดินนำไปก่อนและเลือกที่จะมองลงไปด้านล่างที่ระเบียงชั้นสอง ผมจ้องเขาไม่วางตา ท่ามกลางคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาซึ่งเห็นแล้วหัวเราะร่า เขากลับเงยหน้ามาทางผม

   ใจผมเต้นแรงขณะที่ร่างกายแข็งทื่อจนต้องยืนนิ่ง เราสองคนจ้องกันและกันอย่างกับกำลังรอคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่มอะไรสักอย่าง

   และแล้วก็เป็นอีกฝ่ายที่ยอมแพ้ เขาเปิดหน้ากากสไปเดอร์ออกและดึงขึ้นไปไว้บนหัว กัปตันธีร์ยิ้มออกมาเหมือนคนเหนื่อยอ่อน แต่ทว่าผมกลับรู้สึกถึงความดีใจกับอะไรบางอย่างภายใต้รอยยิ้มนั้น

   กัปตันยกมือขึ้นมาหนึ่งข้างและโบกมาให้ และผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือการบอกลาครั้งสุดท้าย

   แต่มันคล้ายกับครั้งแรกที่เราเจอกัน

   ผมเผยอปากเตรียมจะตะโกนออกไปแต่ก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทันเพราะนึกขึ้นได้ว่าเขาก็ไม่เห็นจะพูดอะไรนี่นา การเลือกจะบอกลากันอย่างนี้ก็สมควรแล้ว ห้ามพูดอะไรให้คลางแคลงใจกันอีกเป็นดีที่สุด

   ผมมองหน้าเขาด้วยหลากอารมณ์ ทั้งความโกรธ ความคิดถึง ผมสามารถกระโดดไปชกหน้าเขาแต่ก็สามารถขอบคุณสำหรับทุกอย่างได้ไปพร้อมกัน แต่นั่นแหละ มันก็ได้แค่คิด ผมแค่พยักหน้าให้ เป็นอันรู้กันว่าผมเข้าใจในทุกๆ อย่าง เราทั้งสองคนโลมเลียกันด้วยสายตาท่ามกลางคนนับร้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายเหมือนๆ กัน

   ขณะที่กัปตันขยับตัวโดยการใช้มือล้วงกระเป๋า ผมก็ได้สติทันว่าตัวเองจะต้องเป็นคนเดินจากไป เพราะนี่ไม่ใช่หนัง ผมไม่สามารถเลือกเขาและวิ่งกลับไปหาได้ ที่ผมควรทำคือการเดินต่อไปและเรียนรู้จากอดีตที่แสนเจ็บปวดของเราทั้งสองคนให้มากที่สุด

    ผมอาลัยเขาเป็นครั้งสุดท้ายโดยการยกมือขึ้นมาและโบกให้สองสามครั้ง เขาคลี่ยิ้มบางๆ เป็นการตอบแทน ผมใช้มือข้างเดิมนั้นจับกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่อยู่ข้างตัวพร้อมกับหันหลังกลับและเดินออกไป รอยยิ้มนั้นจะเป็นภาพจำสุดท้ายของเขา

   ถ้าถามผมว่าเขาจะลืมผมมั้ย ผมไม่รู้

   แต่สำหรับผม แม้ประสบการณ์ที่ผ่านมามันเจ็บปวดทั้งกายเจ็บปวดทั้งใจ รวมทั้งโดนหักหลังและเสียค่าโง่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกดีและโหยมามันมาตลอดแม้สุดท้ายจะต้องจมอยู่ในกองเพลิงที่แสนเจ็บปวด เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

   ใช่ครับ ผมจะไม่ลืมเขา

   จนกว่าผมจะโตกว่านี้ เราจะพบกันใหม่ และเมื่อเวลานั้นมาถึงเราอาจจะไปด้วยกันได้ ใครจะรู้?

   แค่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

   ผมยิ้มให้กับตัวเองขณะที่ลากกระเป๋าเดินไปตามทาง และเมื่อถึงจุดหนึ่งผมก็หยุดเพราะผมแบกความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ไหวแล้ว ผมเงยหน้ามองเพดาน น้ำตาไหลออกมาเป็นสายแต่ไม่มีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน

   ขอจบทุกอย่างไว้ที่นี่ ผมได้บทเรียนมาพอแล้ว และเมื่อเคลื่อนบินเทคออฟ ชีวิตจะได้เดินต่อไปสักที

   และผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น ในฐานะผู้แพ้อย่างเต็มคราบ


จบตอน

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/33/89/fa/3389fa38e90c152c2f8b43a6335b004f.jpg)

 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

อดทนร่างตอนนี้ไว้ตั้งแต่ลงเล้าเป็ดวันแรก ใจหายจังเบย

ตอนหน้าจบแล้วฮะ ถ้าไม่ผิดพลาดแฮะๆ
คนเรามีจากลา ทำได้แค่เดินหน้าเผชิญสิ่งที่อยู่ข้างหน้าอย่างเข้มแข็งนะฮะ

คุยกันได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic
และ #firemetothemoon ใน Twitter นะครับ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 15-07-2017 01:47:58
เพิ่งอ่านทัน สนุกมากๆครับ แม้ว่าตอนหลังๆ จะงงหน่อยๆ เหมือนเนื้อเรื่องมันกระโดดมากไป ทำให้ไม่ต่อเนื่อง เริ่มไม่มีที่มาที่ไป แต่โดยรวมสนุกมากครับ รอติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-07-2017 03:33:20
มันทั้งอึดอัดใจแล้วก็โล่งใจไปด้วยพิกล
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-07-2017 07:12:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 15-07-2017 10:08:32
มาให้กำลังใจก่อน

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.24 ฬ | 14/07/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-07-2017 02:23:13
ปั๊มใจดีมากอ่ะ ถ้าเป็นเรานะ กลับไปรักอาจจะได้แต่ความเชื่อใจคงไม่มีให้แล้ว คือแบบพ่อแม่ปั๊มผิดช่ะ ?  แต่นั่นเค้าก็ตายไปแล้วนี่ แล้วปั๊มผิดไรอ่ะ ปั๊มไม่มีส่วนรู้เห็นไรกับพ่อแม่เลยแต่ต้องมารับกรรมแทน กัปตันปากก็บอกว่ารักปั๊มนะ แต่ทำไมไม่หยุด? ต้องรอให้เรื่องบานปลายถึงจะคิดได้ แอบคิดว่าปั๊มนี่ใจดีอ่ะ ดูปลงและให้อภัยง่ายดี 555 คือถ้าเป็นคนปกติคงโกรธนะ เพราะสิ่งที่เพชรกับกัปตันทำก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ทีแน่ๆความเชื่อใจคงกลับมายากละ แต่ก็นั่นละ กัปตันเป็นพระเอกนี่นา  :laugh: :laugh: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 19-08-2017 22:03:26
25
Love you to the moon


(https://instagram.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/20634738_389933644737842_1381285349526863872_n.jpg)





   5 ปีผ่านไป



   [มึงจะแวะเข้าบ้านก่อนหรือจะมานอนเล่นคอนโดกูดี] เสียงไอ้ไวน์แลบออกมาจากปลายสาย อ๊ะ อย่ามองกันอย่างนั้นสิครับ ผมใช้โทรศัพท์ตอนเครื่องจอดสนิทแล้วน่า แหม คนก็มันเยอะอะ รอให้คนอื่นๆ ออกไปก่อนแล้วกัน ไม่อยากเบียดลุงๆ ป้าๆ เดี๋ยวโดนมองค้อน กลัววววว

   “เข้าบ้านก่อนสิ จะไปหาลุงเอก กูบอกเขาไว้แล้ว” ผมตอบคำถามมันไป

   [แล้วมึงไม่คิดถึงกูรึไง]

   “คิดเซ่ะ แต่ครอบครัวมาก่อนโว๊ยยยย”

   [อ้าว แล้วกูเป็นหมาเหรอ]

   “ถ้ากูเลี้ยงหมากูยังจะนับเป็นครอบครัว แต่สำหรับมึงไม่มีทาง…”

   “ขอโทษนะคะคุณปั๊ม”

   ผมผละออกจากโทรศัพท์เมื่อเห็นแอร์โฮสเตสเดินเข้ามาหา

   “จะให้ดิฉันช่วยถือของหรือเปล่าคะ?”

   “แปบนะ…” ผมบอกไอ้ไวน์ก่อนจะพูดกับพี่ เอ๊ย ต้องน้องสิ ชอบคิดว่าตัวเองยังยี่สิบอยู่เรื่อย “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมจะรอให้คนอื่นๆ ลงหมดก่อน… อะ อ้าว?”

   ผมเอ๋อแดกทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าไม่มีใครอยู่บนเครื่องอีกแล้ว

   หน้าแตกเลย อิอิ เขินจัง

   “งั้นเดี๋ยวผมลงเลยครับ ขอโทษทีนะครับ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงมีอะไรให้ช่วยบอกได้นะคะ” แอร์ฯ สาวทิ้งท้ายก่อนจะเดินไป

   “คร้าบบบบ” ผมพูดไล่หลัง และหยิบโทรศัพท์มาคุยต่อ “มึง แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวโทรไปหาใหม่”

   [เออ ได้ยินทั้งหมดแล้ว! สรุปยังไงบอกกูอีกทีแล้วกัน]

   “ได้ ฝากโทรหาตรองด้วย” ผมพูดถึงอดีตเลขาที่ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

   [เรียบร้อยแล้ว เครื่องพี่ตรองจะลงค่ำๆ เดี๋ยวกูไปรับเอง]

   “โอเครู้เรื่อง แค่นี้แหละเมื่อยมือ”

   [โถ ไอ้ชาติหมา] เสียงด่านั้นเต็มไปด้วยความหมั่นไส้

   อ๊ากกกก ลุงเอกจะรีบให้ผมกลับมาทำไมเนี่ย อีกไม่กี่เดือนก็รับปริญญาแล้ว แทนที่จะได้เที่ยวยาวๆ ก่อนจะได้กลับทีเดียว แต่ผมเข้าใจเขานะ คนแก่ก็เงี้ยแหละ

   ขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือหยิบกระเป๋า เสียงเพลงไล่ผู้โดยสารก็เปิดคลอไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามันกำลังเปลี่ยนแทร็คพอดี

   ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะบอกรักฉัน ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะบอกรักฉันทุกวัน

   มือผมชะงักโดยอัตโนมัติ   อย่างกับว่าเคยได้ยินเพลงนี้จากที่ไหน

   หืมมม เพลงเก๊าเก่า ไปหามาเปิดได้ยังไงวะเนี่ย

   แต่…ไม่สิ ไม่ได้คุ้นเพราะมันเป็นเพลงเก่า แต่มันมีความทรงจำกับผมนี่นา

   ผมหันไปทางประตูห้องกัปตัน เพราะการได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาสทำให้เราอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม

   ผมจ้องมันอยู่เกือบนาที แต่ก็ต้องส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆ ที่ผุดขึ้นมา

   ไอ้ห่า! เขาจะมาโผล่ตรงนี้ได้ยังไง!

   ฉิบหาย! แอร์กับสจ๊วสยืนหน้ากระดานรอผมออกจากเครื่องอย่างกับต้อนรับประธานพิธีเลย ทางที่ดี ผมควรจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะครับ!


(http://hubair.net/wp-content/uploads/2016/10/Travel-hubair.png)


กัปตัน

(https://instagram.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/t51.2885-15/e35/19121964_803601693131528_6787261432602820608_n.jpg)

   “นายมีฝีมือนะ” ผมหันไปชมนักบินผู้ช่วยซึ่งเป็นมือใหม่และไฟล์ทนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรก ลึกๆ ก็รู้สึกดีเมื่อได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ก็เก่งๆ เยอะเหมือนกัน

   “ขอบคุณครับ ทำงานร่วมกับอาจารย์โคตรสนุกเลย”

   “คุณไม่ได้เป็นนักเรียนแล้วนะกัปตัน” ผมชื่นชมอีกฝ่าย “ไว้เจอกันครับ” ผมลาเมื่อเห็นคนเด็กกว่าหิ้วกระเป๋าเดินออกไป

   ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะบอกรักฉัน ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะบอกรักฉันทุกวัน

   เสียงเพลงนั้นลอดเข้ามาในห้องขณะที่กัปตันผู้ช่วยเปิดประตู มันทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

   ผมชอบเพลงนี้จัง มันติดโผรายชื่อเพลงที่ผมรักที่สุดในชีวิตเลยนะเนี่ย

   ทำไมอยู่ดีๆ เพลงนี้มาอยู่ในลิสได้วะ บังเอิญไปมั้ย

   ผมจัดการเก็บของสักครู่ และก็ถึงตาผมที่จะออกไปบ้าง และเมื่อเปิดประตูเตรียมจะก้าวขาออกไปจากห้อง ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ มาทางนี้

   ปั่ก!

   ร่างเล็กนั้นพุ่งชนผมอย่างแรง แต่ทว่าผมกลับไม่เป็นอะไร กลับเป็นอีกฝ่ายดูจะมึนจนเซไปข้างๆ จนต้องจับเบาะไว้

   “โอ๊ยยยย ฮ่าๆ” ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะ เขาหัวเราะกับใคร? ตัวเอง?

   เด็กเพี้ยนเอ๊ย

   “ขอโทษนะครับ พอดีผมลืมขอออออออออออออ!” ปากอีกฝ่ายนั้นอ้าค้างเมื่อเห็นผม แต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะพูดให้จบประโยค เขาจึงปิดท้าย “อออออออออง"

   ผมขยับหมวกเพื่อจะมองคู่สนทนาได้ชัดๆ และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายตกใจเพราะอะไร

   เพราะขนาดผม เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้น ตัวยังแข็งทื่อขยับไปไหนไม่ได้แบบนี้

   เมื่อมองใบหน้านั้นผมรู้สึกว่าตัวเองถูกต่อด้วยจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่หายไป มันลงล็อค และหามานาน

   ปั๊มยังเหมือนเดิม ตัวหนาขึ้นแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าผมอยู่ดี เขาดูสดใสกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน …แน่ล่ะ มันก็ต้องสดใสกว่าครั้งนั้นอยู่แล้วนี่นะ

   เขาสวมเสื้อโปโลกับกางเกงขาสั้น ชุดคล้ายๆ กับตอนที่ผมบอกเขาว่าทำอย่างกับจะไปเล่นเทนนิสเมื่อนานมาแล้ว ข้าวของพะลุงพะลังแบบนั้นมันช่างทุลักทุเลเหลือเกินเมื่ออยู่ในมือคนที่น่าจะแบกของไม่ได้เกินสิบกิโล มีทั้งกระเป๋ากล้อง คอมพิวเตอร์ และเป้สะพายข้าง

   ผมอยากคุยกับเขาจัง

   แต่ ตอนนี้ผมยอมให้เขาถือของเยอะแยะแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ

   “มา…ให้ผมช่วย” ไม่รู้ทำไมผมถึงยื่นมือออกไปคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบนั้นขึ้นมา ฝ่ายเจ้าของดูอิดออดในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ยอมโดยดี

   “ขอโทษทีฮะ พอดีรีบเลยไม่ทันได้เก็บไว้ในกระเป๋าเดียว” ปั๊มเกาหัวแก้เก้อ

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้ม “ถือให้ได้อยู่แล้ว”

   “แฮะๆ” ปั๊มยืนประสานมือนิ่งพร้อมกับมองหน้าผมค้างไว้

   “แล้วลืมของอะไรเอ่ย”

   “อ๋อ!” เหมือนกับเจ้าตัวลืมไปสนิท เมื่อตั้งสติได้ก็รีบพุ่งเข้าไปยังที่นั่งตัวเองและเอื้อมมือไปเปิดฝาชั้นด้านบน ผมเกือบหลุดขำเมื่อเห็นอีกฝ่ายเขย่งเท้าควานหาของในนั้น และในที่สุด ก็เป็นกล่องของขวัญสีแดงสดที่ติดมือออกมา

   “วันนี้วันเกิดลุงเอก” คนตัวเล็กอธิบาย “เรามีปาร์ตี้กัน”

   “ขอให้สนุกนะ”

   “มาด้วยกันสิ”

   ผมนิ่งเมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญนั้น และไม่ต้องพูดถึงลักยิ้มใกล้แก้มใสที่คุ้นเคย เห็นแล้วอยากจะคว้าตัวเขามากอดเหลือเกิน

   “ไปได้เหรอ?” ผมถาม

   ปั๊มไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า

   แต่ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ …ดวงตาคู่นั้นกำลังคาดหวังคำตอบที่ตรงใจ

   “วันนี้ไม่มีบินแล้ว น่าจะไปได้นะ” ผมตอบในที่สุด

   “ดีเลย” ถึงจะเก็บอารมณ์แต่ผมก็รู้นะว่าเขากำลังเขิน

   “ช่วยถือ” ผมถือวิสาสะดึงกล่องของขวัญลุงเอกมาไว้กับตัวอีกชิ้น

   เราทั้งสองคนเงียบสนิทเมื่อออกเดิน เป็นความรู้สึกที่โคตรจะกระอักกระอ่วน ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นผมที่เริ่มทุกที

   “เป็นยังไงบ้าง” ผมถามขณะที่เราทั้งสองก้าวขาออกจากประตูเครื่อง ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ว่าอีกฝ่ายพยายามเดินให้ช้าลงผิดปกติ

   “ก็ดีครับ” ปั๊มทำเก้ๆ กังๆ แต่ก็หันมามองผมบ้างจนได้ “เรียนจบแล้วนะ”

   เหมือนกำลังโชว์เหนือเลยนะเนี่ย

   “ดีใจด้วย อดไปแสดงความยินดีเลย”

   “ยังไม่ได้รับใบจบหรอก” อีกฝ่ายสวนทันควัน “สิ้นปีนู่นแหนะ”

   “อ๋อ” ผมพยักหน้า

   “ยังมีโอกาสแสดงความยินดีนะ” ปั๊มพูดแล้วก็เบือนหน้าหนี

   “ได้เลย ไว้ฉันจะไปหา”

   “คุณล่ะเป็นยังไงบ้าง” ปั๊มถามกลับ

   “ให้พูดความจริงหรือเปล่า” ผมหยุดเดินทันที เอาละ รักษาฟอร์มกันพอแล้ว

   ปั๊มเหมือนตกใจ แต่ก็พยักหน้ายอมรับรู้

   “ฉันคิดถึงเธอ” โคตรกระดากน้ำเสียงตัวเองเลย หึ

   ผมคิดว่าปั๊มจะแสดงออกอะไรมากกว่านี้ เขาเพียงแค่เอียงคอยิ้มก็เท่านั้น

   “เหมือนกันนั่นแหละ” เสียงนั่นสั่นพร่า เหมือนต้องการกลั้นความตื้นตันไว้ให้นานที่สุด

   ผมเป็นผู้ใหญ่ ผมรู้ดีว่าเราทั้งสองกำลังรู้สึกอะไร

   “มีแฟนหรือยัง”

   “ยังเลย” ปั๊มส่ายหัว “คนล่าสุดเขาร้ายไปหน่อย ก็เลยยังไม่รักใครดีกว่า”

   เยี่ยม ทักษะการจิกกัดยังเหมือนเดิม

   แต่นี่คือคลาสสิกปั๊มที่คิดถึง ผมไม่อยากให้เขาเปลี่ยนไปหรือโตมากกว่านี้เลยด้วยซ้ำ

   “เหมือนกันเลย”

   “โอ้โห คนโสดสองคนมาเจอกันเหรอเนี่ย”

   “งั้นเราควรมาคุยกัน” ผมกลั้นใจพูดออกไป

   ซึ่งเป็นความคิดที่บ้ามาก!! โอย… ถ้าโดยปฏิเสธขึ้นมาผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะเนี่ย มึงแก่แล้วนะธีร์ ไม่ใช่วัยรุ่น

   แต่เหมือนฟ้าจะเข้าข้างผม ปั๊มหน้าแดงจัดอย่างกับลูกมะเขือเทศ เขากำลังพยายามกัดกระพุ้งแก้มไม่ให้พองจนระเบิดแตกละเอียดเพราะความเขินอยู่แน่ๆ แต่สุดท้ายเขาก็รีบปั้นหน้ากลับมาขรึมอีกครั้ง

   “อย่าเพิ่งเลย” ปั๊มพูดออกมาในที่สุด “นะ…”

   ตัวผมเกร็งไปบ้าง รวมถึงหน้าก็เริ่มชาขึ้นมาเรื่อยๆ

   “เข้าใจ”

   “แต่ผมมีเรื่องจะถามคุณด้วย”

   “อะไรเหรอ”

   “สมมุติว่าถ้าเรากลับมาเหมือนเดิม ความสัมพันธ์ของเราจะนับต่อจากครั้งก่อนหรือเริ่มใหม่ดี”

   นั่นสิ จริงอย่างที่ปั๊มถาม เราควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไงนะดี หมายถึง กรณีที่อนาคตเราอาจจะได้สานต่อมากกว่านี้

   ผมว่าเราไม่ควรจะนึกถึงอดีตอีกต่อไป แค่ใช้มันเป็นประสบการณ์ให้เรียนรู้ก็พอ

   “ฉันว่าเริ่มใหม่” ผมตอบในที่สุด “เธอว่ายังไงล่ะ”

   “เหมือนกัน” ปั๊มพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าอย่างนั้น รอให้อะไรหลายๆ อย่างมันลงตัวก่อนแล้วกัน”

   “ฉันรู้”

   “โอเค”

   “งั้น…” ผมเอาของขวัญลุงเอกเหน็บไว้ข้างตัว จัดระเบียบกระเป๋าสะพายข้างของปั๊มที่โชว์แมนเอามาใส่ในตอนแรกให้เข้าที่ ก่อนจะหันไปบอกเขา

   “เดินไปด้วยกันเนอะ”

   ตอนแรกปั๊มเพียงแค่มองหน้าผมนิ่ง และเมื่อทิ้งจังหวะไปสักพัก เขาเพียงแค่พยักหน้าซึ่งเป็นอันเข้าใจ

   ทุกอย่างถูกเซ็ตเป็นศูนย์อีกครั้ง

   เราสองคนเดินไปตามทาง ผ่านงวงช้างที่ทอดยาวจากลำเครื่องไปสู่ตัวอาคารผู้โดยการขาเข้า

   ถ้าประโยคที่มีคนเคยพูดว่า ‘ชีวิตคือการเดินทาง’ สามารถเชื่อถือได้

   เท่ากับว่านี่จะเป็นถนนเส้นแรกของการเริ่มต้นใหม่สำหรับเราสองคน


[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: theneoclassic ที่ 19-08-2017 22:11:24

ปั๊ม

(https://i.pinimg.com/564x/3c/5d/8e/3c5d8e9e0528f8e23448e32918075756.jpg)

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู!” เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง พร้อมกับผมที่อุ้มเค้กเข้ามาให้ลุงเอกเป่า ผมตกใจมากเลยเมื่อเห็นพ่อบ้านอีกครั้งซึ่งในเวอร์ชั่นที่แก่มากขึ้น เราอาจจะเรียกเขาว่าลุงไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ผมพยายามไม่คิดมาก แม้มันรู้สึกใจหายหลังจากคิดว่าสิ่งที่กลัวอาจจะมาเร็วกว่าที่คิด

   “ขอบคุณทุกคนมากครับ” ลุงเอกแทบจะโค้งตัวคำนับ

   “ขอแข็งแรงขึ้นทุกปีนะครับ” ตรองเดินมาอวยพร

   “นี่ของขวัญจากผมครับ” ไวน์หิ้วกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาให้ ผมเกือบจะหลุดขำออกมาแล้วเชียว แม่งทำอย่างกับเยี่ยมคนป่วย

   “ขอบคุณทุกคนครับ”

   “อะนี่ของปั๊ม” ผมยื่นซองสีขาวให้

   “คุณปั๊มจะไล่ผมออกเหรอครับ”

   “จริงๆ ก็ประมาณนั้นนะ” ผมแกล้งทำหน้ากวน “แต่ลุงเอกเปิดเถอะ”

   พ่อบ้านทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อฉีกซองนั้นออกมา กระดาษแผ่นบางๆ ด้านในก็ติดมาคนเปิดมาด้วย ลุงเอกเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งนั้น มันคือเช็คที่มีจำนวนเงินเขียนไว้แล้วเสร็จสรรพ

   “ผมวางแผนให้ลุงเอกเกษียรมานานแล้ว ผมว่าป๊ากับแม่ก็คงคิดแบบเดียวกันแน่นอน”

   “แต่ว่า…นี่มันไม่เยอะไปเหรอครับ”

   “เอาไปเหอะ ลุงก็มีครอบครัวไม่ใช่เหรอ”

   “คือว่า…”

   “เก็บไว้เถอะ แล้วสักวันลุงต้องใช้มันเองแหละ”

   “ผมไม่อยากไปจากที่นี่”

   “ผมก็ไม่อยากให้ลุงเอกเป็นอะไรที่นี่เหมือนกัน ผมคงทำใจไม่ได้”

   “…”

   “ลุงเอกยังมีลูกหลาน ผมว่าเขาก็อยากอยู่กับลุงนะ ผมก็อยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าอยู่ตรงนั้นไม่สบายใจก็กลับมาหากันก็ได้ แต่ครอบครัวต้องมาก่อนนะ”

   “…”

   “แต่เอาไว้ลุงเอกพร้อม ก็ค่อยตัดสินใจทำอะไรแล้วกัน ผมแค่หวังดี”

   “…”

   “ปั๊มไม่ได้ไล่ลุงออก แค่อยากให้ไปใช้ชีวิตเฉยๆ จะไปเที่ยวไปทำธุรกิจเล็กๆ อะไรก็ได้นะ”

   “ขอบคุณครับ” ลุงเอกพูดออกมาในที่สุด พร้อมกับเก็บซองนั้นไว้อย่างดีด้านในกระเป๋าเสื้อ

   เราทุกคนมองมองหน้ากัน วินาทีนี้คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ผมไม่สัมผัสมานานแล้ว

   “คุณปั๊ม” ตรองเดินปรี่เข้ามาหา พร้อมกับกอดฟอดใหญ่

   “เป็นยังไงบ้างตรอง”

   “ก็ดีนะฮะ ดีใจที่เจอคุณปั๊มอีก ดูโตมากขึ้นเลยทีเดียว”

   “มันแคระจะตาย โตตรงไหน” ไอ้ไวน์เดินเข้ามาเสือก

   “เออกูก็สูงได้แค่นี้แหละวะ”

   ผมละสายตาจากพวกมันสองคนออกไปนอกบ้าน ชะเง้อมองประตูรั้วด้วยความหวัง

   “มึงมองอะไรวะ” ไอ้ไวน์จับสังเกตได้

   “เปล่า”

   “มีใครกำลังจะมาเหรอ” ตรองเข้ามาร่วมทัพ

   “แค่มองดูเฉยๆ” ผมสะบัดหัว “ไม่มีใครมาหรอก”

   ใช่…เขาคงไม่มาแล้ว ไม่น่าเสียเวลาชวนเลย

   “งั้นกูต้องกลับก่อนแล้วว่ะ มึงอยู่ถึงอาทิตย์หน้าใช่มั้ย”

   “อือ”

   “ดี เดี๋ยวเจอกัน” มันโบกมือลา พร้อมกับหันไปไหว้ลุงเอก ตอนนี้มันดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ ไม่สแว๊กเหมือนแต่ก่อน แต่งตัวก็ดี การทำงานคงทำให้มันเปลี่ยนไปได้

   “กูรักมึงนะ” อยู่ๆ ผมก็พูดออกไป ไวน์ชะงักมองหน้าผมเหมือนกำลังจับผิด

   “อ่า” มันพยักหน้า “กูต้องบอกรักกลับมั้ยวะ”

   “ไม่ต้องหรอก ขับรถกลับดีๆ”

   “โอเค… พี่ตรอง จะติดรถผมกลับมั้ย” มันหันไปถามคนข้างๆ

   “งั้นก็ได้ ไว้เจอกันนะครับคุณปั๊ม”

   “โอเค กลับกันดีๆ ครับ” ผมยิ้มหวานบอกลาทุกคน

   และบ้านก็กลับมาเงียบอีกครั้ง… ผมกอดอกมองลุงเอกที่ค่อนข้างจะเชื่องช้ากว่าแต่ก่อนอย่างลำบากใจ ทำไมห้าปีมันนานถึงขนาดทำให้คนเราแก่ขึ้นขนาดนี้นะ

   “ไปนอนเถอะลุงเอก ผมจัดการเอง”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

   “นี่เป็นคำสั่งนะ”

   “งั้นก็ได้ครับ”

   ลุงเอกพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ หายไปในมุมของเขา

   ผมทำความสะอาดทุกอย่างบนโต๊ะ จัดการเก็บเค้กไว้ในตู้เย็น รวมถึงยัดจานเข้าไปในเครื่องล้าง เมื่อทุกอย่างเสร็จผมก็คิดกับตัวเองว่าก็ทำได้นี่หว่า ไม่เห็นจะยากอะไรเลย

   “ไง” ผมเกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นชินแทรกความเงียบ กัปตันยืนพิงขอบประตูอยู่ เขาอยู่ในชุดสบายๆ คราวนี้เป็นเสื้อยืดสีขาวที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าทับอยู่ข้างนอก เขายังใส่กางเกงยีนส์สีฟอกแบบเดิม รวมถึงแว่นที่นานๆ ทีเขาจะใส่ก็อยู่บนใบหน้า เดาว่าเขาคงอยากจะใส่มันถาวรแล้วด้วยซ้ำ คนแก่นี่นะ

   “มาทำไมเอาป่านนี้ กลับไปกันหมดแล้ว”

   “เผลอหลับ” เขาเกาหัวแก้ตัว “พอแก่แล้วมันง่วงตลอดเลย”

   “อ่า…”

   “แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องเจอคนอื่น เขาคงไม่อยากเจอฉัน”

   “คิดมากน่า” ผมเดินเข้าไปหา “ผมอยากเจอนะ”

   กัปตันยืนตัวตรง พร้อมกับยิ้มมุมปาก ผมยุ่งๆ ที่ไม่ได้เซ็ตแบบนั้นทำให้เขาดูเด็กลงกว่าเดิมเยอะเลย

   “จริงเหรอ”

   “ทำไมจะไม่อยากเจอล่ะ ผมไม่ใช่คนใจร้ายนะ” ผมกอดอก “กินอะไรมาหรือยัง”

   กัปตันส่ายหัว

   “งั้นรอแปบ”

   “ไม่รบกวนดีกว่า”

   “เป็นอะไรกันเนี่ย คุณกลายเป็นคนแก่ขี้เกรงใจตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ก็เธอดู… โตขึ้น” กัปตันเกาท้ายทอย “ฉันทำตัวไม่ถูก”

   “แล้ว?” ผมหันกลับไปหาเขาอีกครั้งพร้อมกับเอียงคอถาม “ไม่ดีหรือไง”

   “นี่เธออ่อยฉันเหรอ” กัปตันยิ้มเห็นฟันขาว

   “ก็อาจจะใช่นะครับ” ผมกระตุกมุมปากขึ้น “อยากลองดูปฏิกิริยาของคุณว่าจะเป็นยังไง”

   ซึ่งตอนนี้…ในตัวเขาคงพุ่งพล่านหมดแล้ว

   “ไปนั่งสิ ผมจะหาอะไรมาให้กิน”

   กัปตันทำตามคำสั่งผมอย่างว่าง่าย ผมเดินหายไปในครัวพร้อมกับหยิบของทานเล่นที่เหลือจากปาร์ตี้ก่อนหน้านี้มาให้เขา รวมถึงเค้กของลุงเอกที่เฉือนแบ่งมาด้วย

   คนแก่กว่าหันมาเลิกคิ้วมองผมอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เขาบนโซฟาตัวเดียวกัน

   “จะนั่งดูฉันกินเหรอ?”

   “ทำไมอะ ดูไม่ได้เหรอ”

   “งั้นมากินด้วยกันสิ”

   “ผมอิ่มแล้ว” พูดจบผมก็เอนตัวกับหมอนแล้วยกขาขึ้นมาพาดไว้บนตักของคนข้างๆ ดูเหมือนกัปตันจะงงๆ เล็กน้อยแต่ก็ใช้ส้อมจิ้มอาหารขึ้นมาลิ้มรสแต่โดยดี

   “อร่อยมั้ย”

   “ถามทำไม ทำเองเหรอ”

   “ทำเองก็เก่งเกินไปแล้ว ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นซะหน่อย”

   “แล้วเธอเก่งเรื่องอะไรบ้าง”

   “ผมเรียนจบได้เกียรตินิยมล่ะ”

   “แล้วเรื่องอื่นล่ะ” กัปตันวางมือบนหน้าแข้งผม ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ว่ากำลังลูบไล้ไปมา นี่เขาทำอย่างกับเราสองคนคุณครูโรคจิตกับนักเรียนคนโปรดแหนะ

   “คุณกำลังอ่อยผมเหรอกัปตัน”

   “เปล่าซะหน่อย” คนแก่กว่ายิ้มมาให้

   แล้วเราก็มองหน้ากันค้างไว้อย่างนั้น จนเป็นฝ่ายผมเองที่ได้สติก่อนและกลับมานั่งตัวตรงตามปกติ กัปตันเฉไฉทำเป็นตักเค้กขึ้นมาชิมอย่างตั้งใจอย่างกับมันเป็นอาหารระดับห้าดาว

   เชี่ยเอ๊ย กูกำลังจะทำอะไรวะเนี่ย

   “พรุ่งนี้มีบินมั้ย” ผมเป็นฝ่ายเริ่มพูด

   “ไม่มีครับ”

   “อืม…งั้นก็อยู่นานๆ ได้สินะ”

   “ก็คงนั้น”

   “ถ้างั้นไม่ต้องรีบกินหรอก”

   “ฉันไม่ได้รีบอะไรเลย” กัปตันงงแดกหนักกว่าเดิม โอยยยย เป็นอะไรวะเนี่ย

   แค่อยากอยู่ด้วยกันนานๆ อะ

   ผมคิดถึงเขา ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเลยด้วย

   “ผมเปลี่ยนไปมากมั้ย”

   ผมปล่อยให้อีกฝ่ายสำรวจทั่วตัว “ก็ไม่มากนะ”

   “อือ”

   เคล้ง!

   อยู่ๆ กับตันก็วางส้อมลงอย่างดื้อๆ และหันมาทางผมด้วยท่าทางจริงจัง

   “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

   “เปล่านี่ครับ”

   “แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง”

   “ไม่น้า”

   “แล้วเป็นอะไร”

   โอย แย่แน่เลย

   “ก็…”

   แย่แล้วๆๆ

   “ผมว่าผมต้องคิดถึงคุณมากไปแล้วแน่ๆ เลย”

   “ฮะ?”

   “ตอนเจอกันบนเครื่อง ผมยังตกใจอยู่ที่อยู่ๆ ที่เห็นคุณ พออยู่กันสองคนแบบนี้แล้วผมรู้สึกอยากใกล้ชิดคุณมากๆ ไม่รู้ทำไม” ผมไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ กัปตันทำหน้าอย่างกับผู้ปกครองที่กำลังหงุดหงิดแหนะ “แต่ผมไม่อยากเสียฟอร์ม ตั้งใจจะไม่ให้ตัวเองเป็นแบบเมื่อก่อน”

   ผมตัดสินใจหันไปมองเขา ผิดคาดแฮะ เขาไม่ได้ทำหน้าดุนี่หว่า หนำซ้ำอย่างกับกลั้นขำแหนะ

   “มีอะไรตลกเหรอ?”

   “เปล่า” กัปตันหันไปตักเค้กต่อ “ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นพวกชอบความชัดเจน”

   “คุณไม่เห็นเป็นแบบผมเลย คงไม่ได้คิดเหมือนกันล่ะสิ”

   “ใครบอก” เขาเท้าแขนกับโซฟาขณะที่มองมา “ฉันแค่เก็บอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่า”

   “อะไรๆ ก็ดีกว่าผมทั้งนั้นแหละ”

   “เธอคงไม่รู้ล่ะสิ ว่าฉันกำลังเขินเธอ”

   “อะไรนะ? คุณเนี่ยนะเขิน”

   “เห็นมั้ย นี่แหละคือการเก็บอารมณ์”

   “ไหนลองไม่เก็บซิ”

   กัปตันเอนตัวหนีพร้อมกับเม้นปากตัวเองไปด้วยพร้อมกับยักคิ้วไปมา

   “นี่อะนะเขิน”

   “คนเราก็เขินต่างกัน”

   “เขินของคุณโคตรกวนตีนเลย”

   “ใช้คำหยาบซะแล้ว เหมือนเดิมไม่ผิด”

   “ไม่ชอบเหรอ”

   กัปตันเอื้อมมือมาปัดผมที่ปรกหน้าผากของผมให้พ้นตา “ไม่ชอบแต่ก็ชอบ เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่าเธอยังเป็นเธอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็เถอะ”

   อยู่ดีๆ เขาก็เริ่มเปลี่ยนมู้ด ผมเลยเขยิบตัวเข้าไปพิงไหล่เขาพร้อมกับโอบเอวคนแก่กว่าไว้แน่น

   “นี่…”

   “หือ?” เสียงเขาดังอยู่บนหัว ผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นเวลาเขาพูดที่บริเวณหน้าอก

   “เสียใจด้วยนะ เรื่องแม่ของคุณ”

   “ใครบอกเธอ”

   “ตรอง”

   ใช่ครับ เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมอยากคุยกับเขามากขึ้น

   พอได้รู้เรื่องนี้ก็สงสารเขาจับใจ

   “ขอบใจมาก แม่ไปสบายแล้ว"

   “ห้าปีมันทำให้อะไรผ่านไปเร็วมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมบ่นกับตัวเอง

   “เวลาติดปีก”

   “แล้วอีกห้าปีเราจะยังเจอกันอยู่มั้ย"

   “ถ้าพูดจากตอนนี้ เราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ก็ได้” กัปตันว่า “แต่ถ้าเรารักกัน ฉันจะยังอยู่กับเธอ”

   “นั่นสินะ ผมก็อยู่คนเดียว คุณก็อยู่คนเดียวนี่นา” ผมเล่นกระดุมเสื้อของอีกฝ่าย ทำอย่างกับมือมันว่างขนาดนั้นงั้นแหละ
   “นี่ปั๊ม ฟังฉันนะ” เขาจับไหล่ผมให้หันมาตรงกับเขา “ฉันรู้ว่าเราผ่านอะไรกันมา และฉันไม่อยากพูดถึง เพราะฉะนั้นฉันจะไม่รีบ ฉันรอได้ เข้าใจที่พูดใช่มั้ย”

   ผมพยักหน้า “เข้าใจ”

   “แค่เธอพูดมาเมื่อไหร่ว่าตกลง ฉันจะอยู่กับเธอเอง”

   “ถ้าผมตกลงตอนนี้ล่ะ” ผมเอียงคอถาม

   “ไหนบอกจะขอเวลาคิดก่อน”

   ผมนิ่งเงียบ ทำหน้าทำตาเหมือนคนคิดเลขในใจ “อืม…คิดเสร็จแล้ว”

   “ไม่ตลกนะ”

   “จริงๆ ไม่ได้กวนอะไรเลย” ผมยืนยัน “ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเด็กกว่านี้ การตัดสินใจอะไรเร็วๆ คือไม่รอบคอบ แต่พอโตขึ้นมันทำให้รู้ว่า การตัดสินใจเร็วๆ ก็หมายถึงไม่อยากเสียเวลาได้ด้วย”

   “…”

   “และตอนนี้ผมไม่อยากเสียเวลา”

   “ฉันรู้”

   “คุณก็คงรู้นี่ว่าหลายปีที่ผ่านไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่าให้เวลาที่เดินต่อไปจากนี้มันสูญเปล่าเลย”

   กัปตันคลี่ยิ้มพร้อมกับใช้มือมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

   “ใครทำอะไรกับปั๊มคนเดิมของฉันเนี่ย”

   “อย่าแซวน่า” ผมปัดมือนั้นออก พร้อมกับเท้าคางมองคนหล่อข้างๆ “เมื่อกี้ว่าคุณกำลังเก็บอารมณ์ใช่มั้ย”

   “อืม ทำไมอะ” กัปตันตักเค้กเข้าปากอีกชิ้น โอ๊ย เดี๋ยวก็อ้วนตายหรอก

   “ไหนลองไม่เก็บอารมณ์หน่อยสิ ผมอยากรู้ว่าเป็นยังไง”

   กัปตันเลิกคิ้วเหมือนถามความแน่ใจกับสิ่งที่ผมพูด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางส้อมลงอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เขาคว้ามือผมขึ้นมาดมอย่างจริงจัง และหลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ไล่ขึ้นมาผ่านแขน หัวไหล่ คอ คาง จนตาเราประสานกันพอดี

   สุดท้ายแล้วเขาก็จูบผม เป็นจูบที่เร่าร้อนใช้ได้ อืม…จะเอาไปเทียบกับใครละวะ ก็ทั้งชีวิตเคยจูบแม่งอยู่คนเดียวนี่แหละ แต่เหมือนยิ่งแก่ยิ่งหมดน้ำยา เขาถอนปากออกมาเพื่อหายใจหลายครั้งอย่างกับปลาหางนกยูง เล่นเอาผมเกือบหมดอารมณ์ไปเลย จึงต้องเป็นฝ่ายผมเองที่จับแก้มเขาและรุกจูบเพื่อไม่ให้ขาดช่วง มือหนาใหญ่ของคนตรงหน้า บัดนี้ล้วงเข้ามาเล่นในจุดที่สัปดนซะแล้ว

   “ขอถอนคำพูด” กัปตันถอนปากออกพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “จริงๆ ก็มีอะไรเปลี่ยนไปนิดหน่อย”

   “ไอ้ทะลึ่งเอ๊ย”

   ผมผลักกัปตันให้นอนราบ จากนั้นก็ขึ้นคร่อมจนรู้สึกเหมือนได้เป็นฝ่ายครอบครองบ้าง กัปตันคงเห็นท่าไม่ดีจึงจับพลิกและกลับมาอยู่ด้านบนแทน เขาชี้หน้าผมประมาณว่ารู้ทัน จากนั้นก็ถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก บัดนี้ผิวหนังที่เคยได้สัมผัสเมื่อนานมาแล้วกำลังโชว์ผมอยู่ตรงหน้า และมันยังไร้ที่ติเหมือนเดิมเปี๊ยบ

   กัปตันจูบผมอีกครั้ง ตอนนี้เราทั้งคู่ไม่ได้เครื่องร้อนแล้ว กำลังอุ่นๆ มากกว่า รู้สึเรื่อยๆ ไม่รีบ ผมชอบนะ

   “เราไปเดทกันเถอะ” กัปตันส่งเสียงแหบๆ อยู่ด้านบน ตัวสั่นเทิ้มอย่างกับว่านี่เป็นครั้งแรก

   ผมแทบจะหัวเราะออกมา “เดี๋ยวนะ เขาต้องเดทก่อนถึงจะมีอะไรกันไม่ใช่เหรอ”

   “อ้าว หมาตัวไหนบอกว่าไม่อยากเสียเวลา”

   “โฮ่ง โฮ่ง” ผมแกล้งเห่า ทำเป็นลืมคำพูดตัวเอง “งั้นพรุ่งนี้แล้วกัน”

   “พรุ่งนี้ฉันว่าง ดีลครับบอส”

   “ตามนั้นครับ คุณลูกจ้าง”

   เราสองคนหัวเราะคิกคัก เซ็กซ์ครั้งนี้กลายเป็นเรื่องตลกขึ้นมาซะได้ เราสองคนกอดก่ายกันไปมา รู้ตัวอีกทีก็เหลือแก่กางเกงในตัวเองเดียวแล้ว กัปตันต้องเป็นคนมือเร็วเสมอสินะ ให้ตายเหอะ

   “ยังเป็นรอยแผลเป็นอยู่เลย” กัปตันใช้นิ้วลูบไปยังรอยด่างๆ ที่เกิดจากเหตุการณ์ในอดีต มันอยู่ตรงซี่โครงและไม่เคยจางไปสักที

   กัปตันก้มลงไปจูบเบาๆ “ขอโทษนะ”

   ผมคว้ามือคนบนตัวออกมา “ไหนว่าจะไม่พูดถึงมันไง”

   “มันชัดมากเลย”

   “ช่างมันเถอะ นี่คุณสนใจแผลเป็นตัวผมมากกว่างั้นเรอะ จะหึงดีมั้ยเนี่ย”

   “ก็ฉันอยากสำรวจทุกซอกทุกมุม”

   หลังจากพูดจบไม่นาน เขาก็พาลิ้นอุ่นๆ ไปไหนต่อไหนจนผมกระตุกเกร็ง ไอ้ที่บอกทุกซอกทุกมุมไม่คิดว่าจะ ‘ทุกซอกทุกมุม’ แบบนี้นี่โว้ยยยย

   “กัปตัน มันโจ่งแจ้งไปมั้ยเนี่ย ในห้องนั่งเล่นแบบนี้อะ”

   “เราไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย เรากินเค้ก”

   แหมมม ยักคิ้วหลิ่วตา ผมจัดการใช้นิ้วจิ้มที่ครีมบนเค้กและตั้งใจจะป้ายไปบนหน้ากัปตันด้วยความหมั่นไส้ ทว่าเขากลับล็อคแขนผมไว้ได้ แถมยังเพิ่มความร้อนแรงด้วยการนำมันเข้าปากดูดครีมจนหายไปหมด โอเคกัปตัน คุณกำลังทำให้ผมกู่ไม่กลับแล้วนะ

   “อยากเทคออฟหรือแลนดิ้ง”

   ฮะ!?” ผมทำหน้างงใส่กัปตัน

   “เลือกมาเร็วๆ”

   อ๋ออออออออออ เขาคงจะหมายถึงจะขึ้นหรือจะอยู่ด้านล่างปะวะ?

   โอ๊ยยยย จะถามทำไมเนี่ย

   “คุณไม่มีสิทธิ์ขับผมนะครับกัปตัน”

   “งั้นเลือกให้ เทคออฟแล้วกัน”

   “เดี๋ยว!”

   ยังไม่รอให้ผมห้าม กัปตันก็พลิกตัวให้ผมนั่งอยู่บน…กางเกงยีนที่แน่นปั๋งของเขา

   “เชิญเลย” เขายกแขนขึ้นหนุนโชว์วงแขนที่เป็นมัดได้รูป

   โอ๊ยยยยยยย ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วย!

   “…” ผมใช้มือจับนั่นนี่สะเปะสะปะ แต่ก็จริงจังอย่างตั้งใจ แต่เหมือนมันคงไม่น่ามอง เพราะคนข้างล่างดูตกใจ ผมคงเพี้ยนจนกัปตันคงรู้สึกว่าเองคิดผิด

   “งั้นไม่เอาดีกว่า” เขาพลิกตัวมาทาบทับผมเหมือนเดิม “แบบนี้น่ารักสุดแล้ว”

   “เอ่อ…” ยังไม่ทันพูดจนจบประโยค กัปตันก็จูบผมอีกรอบ คราวนี้เต็มไปด้วยความจริงจัง แต่ก็ค่อยๆ ไปตามจังหวะ ความร้อนที่แผ่นกระจายไปทั่วทำให้รู้ว่าคงจะถึงเวลาของมันแล้วจริงๆ สินะ

   มือกัปตันเตรียมจะถกอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของผมออกมาแล้ว ถ้าไม่มีเสียงอะไรมารบกวนให้เราผละออกจากกันซะก่อน

   “คุณปั๊มครับ” เสียงลุงเอกดังมาจากบันไดด้านบน พ่อบ้านของผมกำลังกระย่องกระแย่งลงมา

   ดีนะ…ผมเอาเสื้อเชิ้ตกัปตันมาคลุมตัวเองทัน

   แต่กัปตันนี่สิ เสื้อยืดตัวเล็กของผมไม่มีทางที่ยัดลงไปบนตัวเขาได้แน่

   อย่างนี้ก็แปลว่าลุงเอกจะได้เจอกัปตันล่ะสิ แถมในสภาพกึ่งเปลือยด้วยเนี่ยนะ!!

   “อ้าว คุณธีร์” ลุงเอกเพียงแค่มองอีกฝ่ายนิ่งๆ เท่านั้น ไม่ได้ตกใจหรือมีอะไรมากกว่านี้

   “สวัสดีครับ”

   “ถอดเสื้อแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ”

   “แฮะๆ” กัปตันยิ้มแห้งๆ   

   เดี๋ยวนะ ทำไมคุยกันปกติจังเลยวะ

   “วันนี้จะนอนที่นี่หรือเปล่าครับ”

   “อ้าว คุณเคยมานอนที่นี่เหรอ” คำถามนี้ผมตั้งใจให้กัปตันตอบ แต่กลับเป็นพ่อบ้านของผมเองที่ส่งเสียง

   “คุณธีร์เข้ามาหาผมอยู่เสมอเลยครับ” ลุงเอกว่า “บางวันก็มาตอนค่ำแล้ว ผมก็เปิดห้องคุณปั๊มให้นอนอยู่หลายที”

   “เอ๋?” ผมจ้องไปยังคนข้างๆ “จริงเหรอ”

   กัปตันหลบสายตาหนีอย่างกับเด็กมีความผิด

   “จริงที่สุดเลยครับ แถมยังซื้อของกินของใช้ติดไม้ติดมือมาตลอด ไม่ได้คุณธีร์ผมนี่แย่เลย” ลุงเอกยังพูดต่อ ส่วนฝ่ายที่ถูกกล่าวถึงก็ลุกลี้ลุกลนพยายามหนีหน้าอยู่ไม่สุข

   “ขอบคุณนะ” ผมกระซิบเบาๆ คนข้างๆ หันมาเหล่มองพร้อมกับเม้มปากเข้าๆ ออกๆ แบบนี้สินะที่เรียกว่าเขิน

   “ผมจะมาบอกคุณปั๊มว่าผมจัดที่นอนให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”

   “ขอบคุณมากครับลุงเอก”

   “แล้วคุณธีร์จะค้างที่นี่มั้ยครับ ผมจะหยิบหมอนมาเพิ่มให้”

   ผมไม่รอให้คนถูกถามตอบ “ได้เลยครับลุงเอก กัปตันจะค้างที่นี่”

   ลุงเอกยิ้มเหมือนกำลังพอใจอะไรสักอย่าง ไม่สิ อาจจะหมายถึงสบายใจด้วย “ถ้าอย่างนั้นจัดห้องเสร็จแล้วผมจะมาเรียกอีกทีนะครับ"

   หลังจากที่ลุงเอกหายลับไปแล้วผมก็กระตุกแขนกัปตันให้หันมา

   “ได้ยินมั้ยเนี่ยว่าขอบคุณ”

   “อื่อ ได้ยินแล้ว”

   “มานอนห้องผมด้วยเนี่ยนะ?”

   “ก็มันคิดถึง” กัปตันยอมมาหาผมจนได้ “มันช่วยให้นอนหลับสนิท”

   “จริงสินะ ตอนแรกๆ ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันเลย”

   กัปตันคลี่ยิ้ม “เพราะฉันคิดถึงเธอ”

   “เหมือนกันเลย”

   เราจูบกันอีกรอบ ในครั้งนี้ไม่มีแรงปรารถนาใดๆ มันคือความรู้สึกดีล้วนๆ ซึ่งนั่นก็แปลว่าเราทั้งคู่เรือคว่ำกลางทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

   แต่ก็ดี ผมชอบกัปตันแสดงออกด้านอบอุ่นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

   “เราจะจบกันที่โซฟาแบบนี้น่ะเหรอ” ผมถามเขา

   “ใครบอก มันยังมีต่ออีกยาว” กัปตันดึงเสื้อเชิ้ตไปใส่ รวมถึงส่งเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่ตกอยู่ข้างๆ มาให้ผมด้วย “แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”

   “ผมจะอยู่กับคุณ”

   กัปตันมองหน้าผมอย่างลึกซึ้งก่อนจะโผกอดแนบแน่น

   “ฉันก็จะเป็นของเธอให้เท่าที่จะทดแทนทุกสิ่งที่เคยทำไว้”

   “ถ้างั้นก็ดูแลผมด้วยนะ ทำได้ใช่มั้ย”

   กัปตันยิ้มมุมปาก มองมาเหมือนกับว่าที่พูดนั่นเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมากเลย

   “คิดว่าได้นะ”

   ผมนั่งคร่อมบนตัวเขา แสงจันทร์ส่องเข้ามาจากหน้าต่างทำให้ผมมองคนตรงหน้าลึกลงไปได้อีกชั้นหนึ่ง

   เราสองคนจ้องกันอย่างเนิ่นนาน มองอยู่อย่างนั้น เหมือนกับว่ากำลังเค้นอะไรบางอย่างจากกันและกัน ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่สำหรับผม นี่คือการเค้นความจริงใจครั้งสุดท้าย

   ในเมื่อมีคนเคยบอกว่า ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ ก็เท่ากับตอนนี้ผมเห็นเพียงแค่ความว่างเปล่าในนั้น ซึ่งนั่นก็แปลว่าไม่มีอะไรที่ผู้ชายคนนี้จะทำให้ผมเจ็บปวดอีกแล้ว นอกจากความสูญเสียที่อาจจะพรากเราสองคนสักวัน

   แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งผมเจ็บกับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง…อืม ไม่รู้สิ ผมก็คงจะทำนิสัยเดิมๆ อย่างการให้อภัยเขาเป็นครั้งที่ล้าน… เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ

   ทำไมนะ กับบางคน ความรักแม่งก็เข้าใจยากจังเลย

   ในหนังสักเรื่องเคยบอกว่าความรักคืออาการวิกลจริตที่สังคมยอมรับได้

   ถ้างั้นตอนนี้ผมก็คงเป็นบ้า แต่ยินดีน้อมรับมัน

   แต่เอาเถอะ ในเมื่อวันนี้ผมยังไม่พบสัญญาณความเลวร้ายใดๆ

   ผมจึงสบายใจที่เป็นฝ่ายจูบเขาคนแรก



   เห็นทีความรักครั้งนี้จะเริ่มใหม่จาก 0 ไม่ได้
   งั้นเริ่มที่ 50 เลยแล้วกัน…



   Love you to the Moon… and back
   Fire Me to the Moon then...BURN!



   But it’s okay.


- FIN –

(https://www.picz.in.th/images/2017/08/19/fmttm_ex3006d.jpg)


- ตั้งใจจะลงสัปดาห์ต่อมาที่ลงบทที่แล้วเลยแต่คนเดือดเยอะ
และมันจบแบบนี้ ก็เลยว่าให้ไฟมอดก่อนดีกว่า แฮะๆ

ซึ่งอาจจะนานไปหน่อย ใครที่ลืมเนื้อเรื่องแล้วลองกลับไปอ่านสองสามบทสุดท้ายอีกรอบนะครับ

=============================

ใช้เวลาในเล้าเป็ด 9 เดือน 14 วันกับนิยายเรื่องนี้

ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดทางแต่ก็ยังมีปั๊มกับธีร์คอยเคียงข้าง

Fire me อาจจะไม่ใช่นิยายที่สมบูรณ์แบบที่สุด หรือสนุกที่สุด

แต่ผมใช้ความรู้สึกทุกอย่าง แฝงไปกับนิยายเรื่องนี้

หวังว่านี่จะให้อะไรมากกว่าแค่นิยายเรื่องหนึ่งครับ

สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรนอกจากขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ครับ

คุยกันได้ที่ #firemetothemoon และแวะไปทักทายกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic นะฮะ

ส่วนเรื่องใหม่ ว่าจะเขียนอะไรเบาสมองและฮะ แต่ถ้าไม่ผิดพลาดน่าจะเป็นจักรวาลเดียวกันนะ

ขอบคุณทุกคนครับ

****ขอบคุณAWสวยๆ จากเพจ 'เขาว่าผมเพ้อ' เราต่างเป็นแฟนคลับกันและกันเมื่อนานมากแล้ว
เจอกัน


หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2017 23:22:53
ความรู้สึกแบบมันบรรลุคืออะไรเนี่ย หมดห่วงเหรอ หรือมันคือความสุข?
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-08-2017 01:10:54
 :mew1: :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-08-2017 14:24:07
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-08-2017 21:18:43


ละมุน

หน่วง

ครบ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 20-08-2017 23:19:54
สนุกมากค่ะ รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่าน นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-08-2017 00:38:52
จบซะแล้ว ขอบคุณไรท์มากๆเลยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 22-08-2017 01:17:59
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 25-08-2017 18:04:48
ขอบคุณนะคะ
สนุกมากกกกกกกกก  ชอบกัปตัน แอบหงุดหงิดปั๊มไปหลายตอนเหมือนกัน แต่ชอบตรองกับกัปตันธีร์เหลือเกิน ลุงเอกด้วยค่า
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ming88 ที่ 27-08-2017 01:28:22
สนุกมากเลยค่า ขอบคุณนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ming88 ที่ 27-08-2017 21:42:25
สนุกมากๆเลย ขอบคุณมากค่ะ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 28-08-2017 18:49:51
 :katai2-1: ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 01-09-2017 02:26:18
สนุก ชอบ เขียนอีกนะจะรออ่าน
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: tegomass ที่ 03-09-2017 21:24:01
ชอบอะ น่ารักดีอ่านวันเดียวจบเลย ตอนนั้นก็สงสัยว่าใครโทรหาธีร์ แล้วธีร์เป็นคนของใคร
คิดไว้แล้วว่าเพชรคือคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
แค่ใครจะไปคิดละว่าอม้แต่พ่อตัวเองก็ยังไม่เว้น

สุดท้ายนี้บอกว่าน่ารักมาก. ซื่อ(บื่อ)ไปไหมคะลูกปั๊ม แต่ชอบ :mew1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 07-09-2017 22:37:53
มาสนุกมากตอนท้
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 11-09-2017 13:45:02
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 17-09-2017 08:24:03
ปั๊มนี่รักธีร์มากๆ เลยนะ ยกโทษให้ตลอด
แต่ช่วงหลังๆ เหมือนเรื่องมันกระโดดข้ามไปข้ามมา
บางประเด็นยังไม่เคลีย์เลย
โดยรวมสนุกอ่านวันเดียวจบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 04-11-2017 01:51:11
กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากอ่านจบไปนานแล้ว
รู้สึกคิดถึงปั๊มมากๆ มานั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิด ก็รู้สึกว่า ชีวิตปั๊มนี่คือเหมือนเจอมรสุมชีวิตมาก
แอบอยากได้ตอนพิเศษนะ อยากให้ปั๊มได้มีความสุขแบบที่มีความสุขกว่านี้
เพราะถ้าปั๊มไปอยู่ในจักรวาลอื่น น้องคงเป็นน้องที่น่ารัก แรดๆ ผู้ชายรุม ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนอย่างจักรวาลนี้
รักนะปั๊ม หวังว่าจะได้มีโอกาสอ่านนิยายนี้ในรูปแบบอื่น
จะตีพิมพ์ หรือพิมพ์เองก็ได้
รอซื้อเลย ฮืออออออออออออออออออออ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-01-2018 13:45:31
แปะไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเรามาอ่าน
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 04-01-2018 23:54:02
เรืีองนี้น่ารักดี ไม่มากไปไม่น้อยไปมาก ถึงอายุขิงปั๊มจะดูเด็กไปหน่อย แต่องค์รวมก็คงตัวมาก พี่ธีร์ดัมากเด้อ แต่เพรชน่าจะโตกว่านี้หน่อย. แต่รวมดี  อ่านสบายๆ แฮปปี้
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 05-01-2018 09:16:06
อ่านถึงตอนที่ปั๊มโดนเพชรจับตัวไปแล้วถึงกับส่ายหัวเลย
นายเอกเรื่องนี้ดูเหมือนจะฉลาดนะ แต่ก็ไม่ หรือเราคาดหวังเกินไป
1.ตั้งแต่เรื่องกัปตัน ที่โกหกหลายครั้งก็ให้อภัยง่ายทุกครั้ง ตั้งแต่เรื่องมิ้น ที่ว่าจะเล่นเกม โปรยๆ มาดูเหมือนจะดีนะ แต่ก็ไม่ สุดท้ายให้อภัยง่ายยยยยยนึกว่าบวชมาก่อน
2.เรื่องทำร้ายปั๊ม วางแผนกับคุณวินัย แต่ๆๆๆๆ ดันใจอ่อน โทรหาคนที่ปากบอกว่ารัก แต่ไปพยายามโทรหาไปง้อเค้า เอ่อ นี่เกิดที่ทุ่งลาเวนเดอร์เหรอ ถ้ามีม้าโพนี่ในเรื่องนี่ไม่แปลกใจเลย ตรรกะป่วยมาก
3.ปั๊มเอ๊ย สัญชาติญาณการระมัดระวังตัวติดลบ ตั้งแต่โดนสิบล้อพุ่งชนละ กับที่ถูกทำร้ายร่างกาย ลืมไปหรือเปล่าว่าเพชรอยู่ในที่เกิดเหตุทุกครั้ง แต่วางใจง่ายๆ (อีกแล้ว) คิดว่าเออไว้ใจคนมาทั้งเรื่องน่าจะฉลาดขึ้นบ้างตอนนี้ แต่ก็ไม่....
4.ให้เพชรดูแลบริษัท ไว้ใจลูกคนที่จะทำร้ายแกเนี่ยนะปั๊ม เรียนตั้งเมืองนอกนึกว่าจะมองโลกกว้างกว่านี้ ลุงเอกเตือนก็ขัด ทำเป็นเก่ง จ้า เอาที่สบายใจ ความจริงนะ เพชรไม่ต้องวางยาสลบทำร้ายปั๊มก็ยังได้ เพราะอะไรรู้มั้ย อ้อยเข้าปากช้างไปแล้วทำไมต้องทำเรื่องสาวมาถึงตัว แค่ทำเป็นเพื่อนแสนดีแบบที่ทำมาแล้วยักยอกเอาจะง่ายกว่าปะ คนอย่างปั๊มไม่สามารถหาหลักฐานสาวมาถึงตัวแน่นอน อย่างมากก็ทำหลักฐานชี้เป้าไปที่กัปตันก็บังได้ เพราะเค้าผิดใจกันอยู่
5.ไม่รู้จะทักไรละ คือมันอ่านแล้วสะดุดเยอะมาก เปิดตัวมาเหมือนจะเป็นนายเอกฉลากแกมโกงอะ แต่ก็นะ

อ้อ ส่วนพระเอกตั้งแต่อ่านมาไม่เห็นมีการทำอะไรเพื่อนายเอกเลย มีแต่ปากที่บอกรักกับคำพูดคนอื่นว่าสายตางั้นๆ งี้ๆ คนรักกันที่ไหนจะทำอะไรคลุมเคลือ (ทุกอย่าง) ตั้งแต่มิ้นละ มานี่อีก นายเอกก็รักลงเนาะ คนที่อยู่เบื้องหลัง หาที่มาที่ไปไม่ได้ เอาที่สบายใจเลยจ้ะปั๊ม อ้อ มีซีรี่ย์ csi นะรู้ยัง
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: A45pro ที่ 05-01-2018 16:50:03
อ่านเรื่องนี้ละก็นึกตามว่าต่อให้เก่งแค่ไหน ปั๊มก็ยังเป็นเด็กอายุ 20 ที่ไม่เคยเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงอยู่ดี อะไรที่เคยผ่านๆมาก็เป็นแค่ในรั้วโรงเรียนเท่านั้น เหมือนจะกร้านโลกแต่จริงๆนางใสซื่อมาก
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-01-2018 22:18:44
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 12-01-2018 19:09:25
นิยายน่ารักมากเลยค่ะ  :katai2-1:
ชอบตัวของปั๊มมากเลยยย ดูเป็นยัยคุณหนูที่น่ารัก แบบซนๆแต่ก็ยังน่ารัก ฮึ้ยยย /หยิก
ชอบคู่ไวน์กับตรองมากเลย ถึงไม่ได้คู่กันแต่แค่อยู่ด้วยกันยังงี้ก็ฟินค่า5555
อีกตัวละครที่เราชอบมากเลยคือคุณเอก พ่อบ้านของหนูปั๊ม แบบ งุ้ย ลุงแกดูมีความเป็นคุณพ่อในตัวสูงมั่ก5555
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ มีโอกาศก็ขอให้มีผลงานดีๆออกมาอีกน้าาา55555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 21-01-2018 11:35:52
สนุกมากกกกกกก

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 06-02-2018 12:06:50
โง้ยยยยยยยยยน่ารักอีกแล้วเราจะตามอ่านนิยายคุณจนกว่าจะหมดคลังอิอิ อยากมีกัปตันเป็นของตัวเอง :hao6:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 16-02-2018 09:24:10
โอ้ยย สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 24-02-2018 16:48:43
ขอบคุณจ้า สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 13-05-2018 14:58:15
อารมณ์ซับซ้อนซ่อนเงื่ออนนิดๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 18-05-2018 23:42:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 30-12-2018 20:32:12
สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 25-04-2019 22:57:24
ผมอ่านนิยายของคุณครบทุกเรื่อลที่หาอ่านได้ละ เรื่องนี้ตะกุกตะกักม่กกว่าเรื่องอื่นแต่โดยรวมน่ารักมากครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 20-12-2019 08:26:31
อ่านจบแล้ว สนุกมาก ๆ เนื้อเรื่องเข้มข้นดี พลิกไปพลิกมา ไม่จำเจดี ชอบ ๆๆๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 22-12-2019 11:04:53
ชอบที่เริ่มจาก0ไม่ได้ งั้นเริ่มจาก50แล้วกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-12-2019 16:52:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 20-01-2021 15:01:54
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: