-ชอบก็จีบ-
ปีใหม่ปีนี้พี่ปริศมาเที่ยวบ้านผม อย่าเพิ่งคิดว่าเราเป็นแฟนกันแล้วและเข้าใจว่านี่เป็นการเข้ามาทำความรู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายเด็ดขาด เราก็แค่รู้จักกันมากขึ้นกว่าเดิม ไว้ใจกันมากขึ้น รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยจากอีกฝ่ายได้มากขึ้น
“เบญจ์ ปีใหม่กลับบ้านหรือเปล่าครับ”
“กลับครับพี่ ว่าจะกลับวันมะรืนนี้แหละ”
“หืม วันที่สามสิบน่ะเหรอ คนก็เยอะสิ จะมีที่นั่งมั้ยเนี่ย” พี่ปริศมีสีหน้ากังวลแทนผม
“ไม่แน่ใจครับ อาจจะได้ยืน”
คือรถทัวร์ที่ผมนั่งเนี่ยเป็นแบบซื้อตั๋วแล้วขึ้นรถเลย ไม่ใช่ตั๋วแบบระบุที่นั่ง แถมซื้อล่วงหน้าก็ไม่ได้อีก ดังนั้นก็เลยต้องเสี่ยงดวงเอาว่าจะไปถึง บขส. เร็ว แล้วได้ซื้อตั๋วคนแรกๆ หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็อาจจะได้ยืนตั้งแต่ต้นทางเลยทีเดียว
“งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง”
“เฮ้ยพี่ไม่ต้อง ผมเกรงใจ” ผมส่ายหัว
“ไม่ต้องเกรงใจสิ พี่อยากไปเที่ยวบ้านเบญจ์ด้วย วินวินกันทั้งคู่”
“ไม่เอา” ผมปฏิเสธท่าเดียว จะยอมให้พี่ปริศไปส่งได้ยังไง ไกลก็ไกล แถมยังเสียเวลาพี่ปริศอีกแทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวช่วงปีใหม่
“เบญจ์อย่าดื้อ” พี่ปริศเริ่มทำเสียงเข้ม
“ผมเกรงใจจริงๆ นะ มันไม่ใช่เรื่องที่พี่จะต้องเหนื่อยต้องเสียเวลาอ่ะ แทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวสบายๆ ช่วงปีใหม่แท้ๆ”
“ครอบครัวพี่ไปขึ้นภูกระดึงกันครับ แต่พี่ขี้เกียจไปอ่ะ ไปหลายรอบแล้ว ให้พี่ไปเที่ยวบ้านเบญจ์นะ นะ นะครับ”
“ผมปฏิเสธพี่ได้ไหม” ได้แต่ทำหน้าอ่อนใจ เมื่อรู้ว่าปฏิเสธยังไงก็ไร้ความหมาย
“เด็กดี” พี่ปริศยิ้มถูกใจแล้วเอามือมาลูบหัวผม
.
.
.
บ้านของผมอยู่นอกเมืองพอสมควร ใกล้ชายแดนกัมพูชามากกว่าตัวจังหวัดอีก ชาวบ้านแถวนี้มีอาชีพเกษตรกรรม บ้านผมก็ด้วย ก็ทำนา ปลูกมัน ปลูกอ้อย กรีดยางพาราไปตามเรื่องล่ะครับ อะไรที่ราคาดีก็แห่ปลูกตามๆ กันไปหมด
“บ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีอะไรน่าเที่ยวหรอกนะครับ” ผมออกตัวกับพี่ปริศเมื่อพาพี่เขาปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้าน
“น่าสนใจจะตาย พี่ไม่เคยได้อยู่ในบรรยากาศแบบนี้เลย”
เราเพิ่งมาถึงบ้านกันตอนบ่ายกว่าๆ พักเหนื่อยจนเย็นผมเลยพาพี่ปริศมาปั่นจักรยานเล่น ชี้ให้พี่ปริศดูดอกผักตบสีม่วงในหนองน้ำที่ตอนนี้น้ำแห้งไปแล้ว ดอกผักตบจิ้มน้ำพริกหลนฝีมือแม่ผมอร่อยมาก จนอดไม่ได้ที่จะชวนพี่ปริศเก็บผักตบกลับบ้าน พาพี่ปริศแวะเก็บตะขบข้างทาง ผลตะขบสีแดงๆ หวานอร่อยมากทีเดียว พี่ปริศมีท่าทางลังเลเมื่อผมคะยั้นคะยอให้ลองชิม ก่อนจะยิ้มถูกใจในความหวานของตะขบจนต้องยกนิ้วให้
“มีตะขบป่าด้วยนะพี่ปริศ ต้นจะมีหนามแหลม แต่ว่าอร่อยมากเหมือนกัน”
“จริงเหรอ อยากลองกินจัง”
“หายากหน่อยครับ เดี๋ยวค่อยไปบอกแม่ให้เก็บมาฝากดีกว่า”
.
.
ผมพาพี่ปริศปั่นจักรยานมาถึงทุ่งนา ชี้ให้ดูว่าตรงไหนเป็นที่นาของผม ก่อนจะพาพี่ปริศเดินไปบนคันนา แสงแดดตอนห้าโมงเย็นอาบไล้ร่างกาย แรงลมปะทะร่างกายชวนให้ขนลุกนิดๆ พี่ปริศกวาดสายมองไปรอบตัว ก็มีตอซัง จอมปลวก ท้องฟ้าและดวงอาทิตย์สีแดงอมชมพู ก่อนสายตาจะมาหยุดที่ผม
พี่ปริศทรุดตัวลงนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกก่อนจะจับมือผมและดึงเบาๆ ให้นั่งข้างๆ
“พี่ชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลยเบญจ์”
“ดีใจครับที่พี่ชอบ เพราะผมก็ชอบมากๆ เหมือนกัน”
“มันสงบ ไม่วุ่นวาย เหมือนเราได้อยู่กับตัวเอง ได้คิด ได้มองย้อนดูตัวเอง”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ ตาก็กำลังมองฝูงนกรูปตัววีที่กำลังบินกลับรัง
“เป็นแฟนกันมั้ยเบญจ์”
“ห้ะ” ผมได้แต่ร้องอย่างตกใจ ตาก็มองไปที่พี่ปริศซึ่งก็กำลังส่งสายตาจริงจังมาให้ผม
มันก็ใช่ที่เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว ได้ใช้เวลาร่วมกันในสถานการณ์ต่างๆ ก็ไม่น้อย พี่ปริศบอกชอบผมและจะจีบผมก็รับรู้ การกระทำของพี่ปริศก็ทำให้หวั่นไหวบ้างในบางที แต่ผมไม่เคยคิดว่าพี่ปริศจะขอผมเป็นแฟน
ผมคิดว่าผมค่อนข้างจะเป็นคนจืดชืดนะ ผมคงจะไม่ใช่คนแบบที่จะมีคนชอบและอยากได้ไปเป็นแฟนหรอก
ก็เพราะผมเป็นคนแบบนี้ คนที่ผมสนิทด้วยเลยมีไม่มาก พอมีพี่ปริศเข้ามาผมก็เลยเผลอเปิดใจไปตั้งมากมาย ผมไม่มีคนในฝัน ไม่มีสเปคของคนที่ชอบ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่เคยอยู่ในหัวเลย แต่พอได้รู้จักพี่ปริศ มันได้บรรยากาศเหมือนอยู่กับพี่ชาย คือรู้สึกไว้ใจ สบายใจ อุ่นใจ
“มันจะดีเหรอพี่ปริศ” ผมถามน้ำเสียงลังเล มันจะดีเหรอถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆ
“หรือเบญจ์ไม่ชอบพี่” พี่ปริศเหมือนจะมีสีหน้าผิดหวัง
“ก็ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ” ผมก้มหน้าก้มตาตอบเสียงเบา หลบสายตาวิบวับที่มาแทนที่ความผิดหวังทันทีที่พี่ปริศได้ยินประโยคนี้จากปากผม
“แล้วเบญจ์กลัวอะไร”
“ผมก็ไม่รู้” นั่นสิ แล้วอะไรที่ทำให้ผมลังเลกันนะ บางทีอาจจะเป็นโลกใบใหม่ที่ไม่ใช่โลกส่วนตัวของผมอีกต่อไป แต่จะเป็นโลกอีกใบของเราที่จะต้องเรียนรู้หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างร่วมกัน
“ลองมาเป็นแฟนกันดูก่อน ถ้าไม่โอเคเราค่อยหยุดทุกอย่างไว้ก็ได้ พี่รักเบญจ์นะครับ พี่จะไม่ทำให้เบญจ์เสียใจ”
“แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นแฟนกันผมควรจะทำตัวยังไง ผมอาจจะทำให้พี่เสียใจ”
“อย่าเพิ่งกังวลครับ ค่อยๆ ก้าวเดินทีละก้าวไปด้วยกัน นะครับ”
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แม้แสงของวันนี้กำลังจะหมดไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าเวลาจะหยุดเดิน เวลาของชีวิตก็เช่นเดียวกัน ค่อยๆ หมุนไปพร้อมๆ กับเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย
.
.
“พี่ปริศพูดอีกทีได้ไหมครับ” ผมตัดสินใจแล้ว ต่อให้การก้าวเดินไปในเส้นทางไม่คุ้นเคยจะน่ากลัว แต่ผมก็ยังมีคนที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจอยู่ข้างๆ คนที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจ คนที่บอกว่าพร้อมจะหยุดเดินทุกเมื่อที่ผมไม่อยากจะไปต่อแล้ว
“เป็นแฟนพี่นะครับ”
“ครับ”
-จบ-
###############################################
จบแล้วค่ะ เย้ เรารู้สึกว่ามันแปลกๆ อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ที่เขียนเพราะอยากเขียน แล้วเราก็ได้รู้ว่าแค่มีใจอยากเขียนอย่างเดียวมันไม่พอ
อย่างที่เราเป็นอยู่เนี่ย นึกว่าจะต้องดองซะแล้ว คิดไม่ออกว่าจะไปยังไงต่อ เขกหัวตัวเองแรงๆ แง้
เพื่อนๆ ช่วยวิจารณ์ให้หน่อยได้ไหมคะ
เราว่าเราเขียนไม่กระชับ สื่อความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของตัวละครได้ไม่ดีเลย
เราอยากเขียนให้ดีขึ้นค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
:pig4: