พิมพ์หน้านี้ - อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 05-11-2016 21:44:09
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com/) ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
เรื่องสั้นร่วมประกวดในเว็บสายไสยไตวาย
จุดประสงค์เพื่อทำบุญ
หัวข้อ รักจริงหลังฟัน
ได้ที่ 2 นะจ๊ะ
เชิญทัศนาบัดเดี๋ยวนี้
:L1: :L1: :L1: :L1:
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 1
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ ตัวละครและสถานที่ในเรื่องผู้แต่งจับแพะมาชนแกะนะจ๊ะ
เสียงพึมพำเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วอยู่ในโสตประสาท ระดับเสียงขึ้นลงเป็นประโยคที่จับใจความไม่ได้ด้วยเพราะไม่ใช่
ภาษาที่คุ้นเคย หากแต่เลอสรรกลับรับรู้ได้ว่ามันคือเสียงสวดมนต์ที่ต่อเนื่องและยาวนานราวกับไม่คิดจะหยุดพัก เขาพลิกกายไปมา
อย่างกระสับกระส่าย อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างโถมทับอยู่บนร่างกายจนขยับเขยื้อนไม่ได้
อยากจะลืมตาขึ้นมองแต่เปลือกตาหนักอึ้งจนไม่สามารถกระทำตามที่ใจต้องการ เสียงสวดมนต์นั่นแม้จะไม่ได้เร่งความเร็ว
แต่มันกลับเร่งความรู้สึกบางอย่างให้สูงขึ้นจนร่างกายของเลอสรรเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมเหนอะหนะ ความรู้สึกที่ว่าช่างชวนให้
ทรมานอยู่ในช่องท้องคล้ายกับกระแสน้ำวนเชี่ยวกรากกำลังโบกพัดรุนแรง ความอึดอัดบนร่างกายขยับขยายลงต่ำพ้นจากทรวงอกเพียง
พอให้เลอสรรผวางับอากาศหอบหายใจหนัก หากแต่มันกลับทำให้ช่วงล่างนิ่งงันราวกับเขากำลังเป็นอัมพาต
“อยะ อย่า ปล่อย”
ได้ยินเสียงตนเองแผ่วเบาแหบพร่า อยากที่จะผลักไสให้มันหลุดพ้นไปจากตัวแต่ท่อนแขนกลับแข็งเหมือนท่อนไม้ ความ
อึดอัดนั้นทาบทับลงไปบนกระแสน้ำวนในช่องท้องและทันใดนั้นก็ราวกับมีท่อนซุงใหญ่กระแทกกระทั้นเรือลำน้อยจนแทบจะอับปาง
“อ๊า!”
ความเจ็บแปลบแวบเข้ามาในความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น เลอสรรรู้สึกถึงร่างกายที่กำลังปริแยกเพราะถูกล่วงล้ำ เสียงสวดมนต์
กระหึ่มดังขึ้นทุกขณะพาให้เขาลืมเลือนและเตลิดไปกับทำนองขึ้นลงจนกระทั่งปล่อยให้ความแข็งแรงของท่อนซุงนั้นทะลวงรอยแยก
ของโขดหินเข้ามาจนหมดลำ
“ได้โปรด ช่วยด้วย ทรมานเหลือเกิน”
กลายเป็นเลอสรรที่ต้องร้องขอ เขากลายเป็นสายน้ำวนที่ต้องการให้ซุงหนักกระแทกกระทั้นให้หนำใจ ท่อนซุงนั้นเหมือนจะรู้
มันลอดตัวผ่านรอยแยกก่อนจะพุ่งวาบเข้าหาน้ำวนครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลอสรรสะท้านไปทั้งตัว
“อา...อีกนิด ได้โปรด”
ซุงหนักออกแรงกระแทกสนั่นจนเลอสรรผวา สายน้ำวนแตกกระจายสาดซัดเป็นวงกว้างก่อนจะค่อยๆสงบลงจนเหลือเพียง
ระลอกคลื่นพัดพาให้ท่อนซุงล่องลอยจากไปจนเลอสรรใจหาย
“อย่าเพิ่งไป ได้ไหม”
ละเมอร้องเรียกพร้อมกับเสียงสวดมนต์ที่ค่อยๆเบาลง และเงียบสนิทพร้อมกับที่ท่อนซุงลอยหายไปลับตา
เสียงหาวหวอดของเลอสรรทำให้เพื่อนสนิทหันมามอง จองชัยดูแปลกใจกับความง่วงงุนของเขาแต่เลอสรรก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ
เขาหาวจนน้ำตาเล็ดแพขนตาเปียกชื้นไปหมด
“เป็นเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้คนสามหาว ง่วงอะไรนักหนาวะ มึงดูบอลคู่ดึกหรือไงไอ้สรร”
“ดูบอลเหี้ยไรล่ะ ทีมที่กูเชียร์แพ้รอบรองไปแล้ว”
เลอสรรหน้าง้ำพลางนึกหาข้อแก้ตัวกับคำถามของจองชัยเพื่อนสนิทที่กำลังช่วยกันแบกแผ่นไม้ใหญ่ไปสร้างเวทีการแสดง
จะให้บอกว่าสาเหตุของการนอนไม่พอเพราะมัวแต่ฝันเปียกงั้นเหรอ ไม่มีทาง!
ห่างหายจากฝันเปียกไปตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นใหม่ๆแล้ว เลอสรรแปลกใจที่อยู่ๆมันก็เกิดขึ้นใหม่ในยามดึกที่ผ่านมาเมื่ออยู่ๆ
เขาก็สะดุ้งตื่นเพื่อที่จะเห็นว่าบอกเซอร์ที่ใส่นอนเปียกชื้นเป็นวงกว้างพร้อมกับร่างกายเบาหวิวที่ได้ปลดปล่อย จะว่าเขาหมกมุ่นก็ไม่ใช่
ในชีวิตวัยหนุ่มเลอสรรก็ระบายออกกับกีฬาและสาวน้อยทั้งห้าของเขาเป็นประจำ แต่ทำไมค่ำคืนที่ผ่านมาเขาถึงกับฝันเป็นตุเป็นตะ หาก
แต่ในฝันกลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่างนอกจากได้ยินเสียงสวดมนต์เท่านั้น
“มัวแต่ถามมาก ยกดีๆมองทางด้วยไอ้เหี้ยชัย”
เลอสรรเลือกที่จะไม่ตอบ เขาเบนความสนใจของจองชัยด้วยเวทีการแสดงที่เพื่อนๆในคณะกำลังร่วมแรงกันสร้างเพื่องาน
ประเพณีในค่ำคืนนี้ ป้ายโฟมที่ติดอยู่กลางเวทีบอกให้รู้ว่าเวทีสร้างขึ้นเพื่องานลอยกระทงของคณะโบราณคดีที่เลอสรรศึกษาอยู่ในปี
สุดท้ายของมหาวิทยาลัย เหลืออีกแค่ไม่กี่วิชารวมถึงงานค้นคว้าชิ้นสุดท้ายที่เขาเตรียมส่งเลอสรรก็จะกลายเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดง
“เออ ธีสีสของมึงเป็นไงบ้าง มึงทำหัวข้ออะไรนะ ทำไมกูได้ข่าวว่าพวกอาจารย์เขาฮือฮากันมาก”
จองชัยถามขึ้นมา เลอสรรจึงตอบข้อข้องใจให้เพื่อน
“ความเป็นไปได้ในรสนิยมรักร่วมเพศของกษัตริย์ขอม”
เพื่อนสนิทเบิกตากว้าง ทั้งคู่วางแผ่นกระดานที่ใช้สร้างเวทีลงกับพื้นดินแล้วจองชัยจึงได้หันกลับมาถามต่อ
“องค์ไหนวะ แล้วมึงไปสืบค้นข้อมูลมาจากไหน”
“พระองค์ชื่อรุทรชัยวรมันที่หนึ่ง อยู่ในยุคต้นๆของอาณาจักรเจนละของขอม ช่วงที่กำลังใกล้จะบูมสุดๆน่ะ กษัตริย์องค์นี้ทำให้
บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นและวางรากฐานความเจริญหลายๆอย่าง ทำให้หลังจากนั้นขอมรุ่งเรืองจนไม่มีใครกล้าแหยม”
เลอสรรอธิบายให้จองชัยฟัง เขาเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดีที่มุ่งความสนใจไปที่อารยธรรมของลุ่มน้ำสุวรรณภูมิและลุ่มน้ำ
โขงตั้งแต่ยุคอาณาจักรฟูนัน เจนละ ทวารวดี ศรีวิชัย
“ส่วนหลักฐานก็จากศิลาจารึกที่เพิ่งจะค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ไง ที่มีชื่อเอกอัครชายาของพระเจ้ารุทรชัยวรมันโผล่มาด้วย มันน่า
แปลกไหมล่ะที่ชื่อนั้นใช้ว่าพระเจ้าสรัลจันทรมันตรา อ่านยังไงมันก็ชื่อผู้ชายชัดๆ”
“เออ จริงด้วย เฮ้ย ถ้ามึงทำธีสีสเรื่องนี้ผ่านนะ มึงต้องดังแน่เลยไอ้สรร มึงคิดดูดิถ้ากษัตริย์ของขอมเป็นเกย์นะแม่นางอัปสรา
นางในทั้งหลายต้องช้ำใจแน่เลย แต่ว่าเป็นกษัตริย์มันก็ต้องมีทายาทไม่ใช่หรือไง ถ้าทรงเป็นเกย์แล้วจะมีผู้สืบสกุลได้ไง”
“ถ้ามึงจะเป็นเมียกษัตริย์มึงต้องทำใจเรื่องเมียน้อยว่ะ” เลอสรรยักไหล่ “ยิ่งสมัยโน้นนะมึง ใครๆก็อยากให้ลูกสาวได้เป็นสนม
นางในทั้งนั้นไอ้เรื่องมีลูกน่ะไม่ต้องห่วงถ้าไม่เป็นหมัน แต่คนจะขึ้นเป็นเอกอัครชายาน่ะมีได้แค่คนเดียว กษัตริย์ก็ต้องมั่นใจจริงๆว่าคนจะ
เป็นที่หนึ่งต้องเหมาะสม”
“แหม กูละอยากเห็นหน้าพระเจ้าสรัลอะไรของมึงเหลือเกินว่ะ ถึงขนาดได้เป็นอัครชายานี่มันต้องเด็ดขนาดไหน”
จองชัยกรอกตาขึ้นบนพลางทำหน้าเคลิ้มจนเลอสรรต้องยกมือผลักหน้าเพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้
“เว่อไปแล้วไอ้เหี้ยชัย โน่น ไปทำคบไฟเลยมึง”
เลอสรรลากจองชัยให้ไปทำคบไฟเพื่อปักไว้ตามทางเดิน คณะโบราณคดีจะจัดงานวันลอยกระทงเป็นประเพณีทุกปีโดยจัดที่
สระน้ำเล็กๆหน้าคณะ และนักศึกษาทุกคนที่มาร่วมงานจะต้องแต่งตัวด้วยชุดโบราณยุคไหนก็ได้ งานเลี้ยงมีการแสดงต่างๆของแต่ละชั้น
ปีจนกระทั่งใกล้ถึงเที่ยงคืนทุกคนก็จะลอยกระทงในสระน้ำร่วมกันก่อนงานเลิก
“เตรียมชุดอะไรไว้วะ”
จองชัยถามเลอสรรเมื่อกลับมาอาบน้ำที่หอพักในยามเย็นเมื่อช่วยกันสร้างเวทีและประดับประดาบริเวณงานเสร็จแล้ว เลอ
สรรจึงคว้าเครื่องแต่งกายที่เขาเตรียมไว้ขึ้นมาให้เพื่อนดู
“ปีสุดท้ายแล้ว ขอจบด้วยชุดขอมโว้ย”
“เหมาะกับมึงดีว่ะ ทำธีสิสก็ขอมชุดงานลอยกระทงปีสุดท้ายแม่งก็ขอม กูไปแต่งตัวมั่งดีกว่าเดี๋ยวไปไม่ทันงานเริ่ม”
จองชัยออกจากห้องไปแล้วเลอสรรจึงได้เริ่มแต่งตัว เมื่อเรียบร้อยเขาจึงมองตนเองจากกระจกเงาที่สะท้อนภาพชายหนุ่มสูง
ร้อยเจ็ดสิบห้ารูปร่างพอดีกับส่วนสูง เลอสรรมีกล้ามเนื้อซิกแพ็คอยู่บ้างแม้จะไม่มากถึงขั้นเป็นลอนขนาดคนเล่นเวท ผิวสีน้ำผึ้งกลับ
ทำให้เขาดูดีอย่างคนสุขภาพดี และตอนนี้เลอสรรนุ่งผ้าทอเป็นโจงยกรั้งเหนือเข่า ศีรษะครอบด้วยเทริด ([เซิด]เครื่องประดับศีรษะ รูปเหมือน
มงกุฎเตี้ย มีกรอบหน้า :ผู้แต่ง) สีทอง เขาเปลือยท่อนบนลำคอมีกรองคอแบบเรียบสวมอยู่ ต้นแขนและข้อเท้าทั้งสองข้างใส่กำไลสีทอง ทั้งหมดทำให้เลอสรรกลายเป็นบุรุษ
ในยุคโบราณไปในค่ำคืนนี้
สองฝั่งของทางเดินไปยังสระน้ำมีคบไฟจุดให้แสงสว่างห่างกันเป็นระยะ เวทีตั้งอยู่กลางสระน้ำและมีทางเดินยกสูงให้เดิน
ไปยังเวที ซุ้มอาหารตั้งอยู่เรียงรายรอบสระและนักศึกษาของคณะโบราณคดีที่มีอยู่ไม่มากเท่าคณะอื่นนั่งเป็นกลุ่มอยู่บนเสื่อที่ปูไว้รอบๆ
สระน้ำ เลอสรรนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนในชั้นปีเดียวกัน จองชัยมาในชุดโรมันและยังมีเพื่อนคนอื่นในชุดโบราณต่างๆ ทุกคนจับจ้องไปยัง
พิธีกรบนเวที
“ปีนี้ท้องฟ้าแจ่มใสพระจันทร์ดวงใหญ่เท่ากระด้ง”
เลอสรรเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผืนพรมสีดำสนิทไร้หมู่เมฆมาบดบังแสงดาวระยิบระยับ กลางท้องฟ้าพระจันทร์
เต็มดวงทรงกลดส่องแสงรัศมีสว่างสดใส เลอสรรนึกแปลกใจที่อยู่ๆหัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงขึ้นมาเมื่อจ้องมองพระจันทร์ดวงโต
“วันนี้เป็นวันอมาวสี แกไม่รู้หรือไงไอ้สรร”
แก้วกาญจน์เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้าดูดวงเข้าขั้นคลั่งไคล้พูดขึ้นมาทำให้เลอสรรหันมามองอย่างสนใจ
“วันอมาวสี วันอะไรวะแก้ว”
“วันพระจันทร์ดับ”
“ดับอะไร ก็เห็นสว่างจ้าเต็มดวงขนาดนี้”
จองชัยเอ่ยขัดคอ แก้วกาญจน์ฟาดมือตีดังเผียะก่อนจะยืดอกทำหน้าอย่างทรงภูมิความรู้แล้วอธิบายให้เพื่อนฟัง
“วันพระจันทร์ดับหรือนิวมูน มันไม่ได้หมายถึงวันข้างแรมโว้ย แต่มันคือวันที่พระจันทร์กับพระอาทิตย์ทำมุมทับองศากันพอดี
ต่างหาก หรือแกจะเรียกว่าวันไหว้ขอเงินจากพระจันทร์อย่างที่ชาวบ้านเขาชอบเรียกกันก็ได้ วันนี้น่ะ โบราณเขาบอกว่าประตูฟ้า ประตู
โลก ประตูนรกจะเปิดพร้อมกัน ถือเป็นวันดีที่พลังทั้งหลายจากท้องฟ้าจะส่องมาบนโลกมนุษย์เดือนละครั้ง แต่ในวันนี้มันดีเป็นพิเศษใน
รอบพันๆปีเชียวนะแกที่มันบังเอิญมาเกิดในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองพอดี”
“แล้วมันต้องทำอะไรบ้างล่ะไอ้วันดีๆอย่างวันนี้”
เพื่อนหญิงอีกคนถามขึ้น แก้วกาญจน์ก็ให้คำตอบอย่างไม่ขัดศรัทธา
“อยากขออะไรก็ขอสิ ขอเงิน ขอทอง ขอหวย ขอความก้าวหน้า หรือแกจะขอแฟนก็ได้นะ”
เลอสรรละสายตาจากเพื่อนๆที่กำลังหัวเราะกันคิกคักขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้า มันทำให้เขานึกถึงคำกลอนที่ทุกคน
ท่องจนขึ้นใจมาตั้งแต่เด็ก
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง ขอ
เตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง.....”
คำอธิษฐานขอพรจากพระจันทร์งั้นหรือ
หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วกลับยิ่งไหวระรัวหนักจนต้องยกฝ่ามือไปกดไว้เพราะเลอสรรกลัวว่ามันจะเด้งออกมานอกทรวงอก
เสียก่อน มันเกิดขึ้นเมื่อเขาแหงนหน้ามองพระจันทร์อีกครั้ง
เขาควรจะขออะไรจากพระจันทร์บนท้องฟ้าที่สองแสงสกาวราวกับรอคำอธิษฐานอยู่นั้นเล่า
เลอสรรนึกไม่ออกในเมื่อด้านการเงินแม้จะไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนจนต้องขอให้ถูกล็อตเตอร์รี่
รางวัลที่หนึ่ง เรื่องการเรียนแม้จะไม่ถึงเกียรตินิยมแต่เลอสรรก็มีผลการเรียนในอันดับต้นๆ แล้วยังมีเรื่องใดที่เลอสรรยังไม่มีอีกเล่า
อยู่ๆก็เจ็บจี๊ดไปตามเนื้อตัวเหมือนมีเข็มเล็กๆทิ่มแทงเข้าไปตามผิวหนัง ดวงตาที่จ้องมองพระจันทร์สีเหลืองนวลก็พร่าเลือนจนต้อง
หลับตาลง เสียงเจื้อยแจ้วของพิธีกรบนเวทีพลันหายไปกลับกลายเป็นเสียงพึมพำแผ่วเบา เบาจนแทบจะจับใจความไม่ได้
เสียงอะไร!
เสียงนั้นลอยมาตามลมเข้าใกล้ใบหูช้าๆ มันคลับคล้ายคลับคลาจนเลอสรรตื่นเต้น ทำนองขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอยิ่งพาให้
ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย
“ไอ้สรร”
เฮือกกก
“มึงจะนั่งเข้าฌานอีกนานไหม เขาจะไปลอยกระทงกันแล้ว”
เสียงของจองชัยเรียกสติของเลอสรรกลับคืนมา ชายหนุ่มลืมตาเหลียวมองรอบกายจึงเห็นว่านักศึกษาที่อยู่ในงานกำลัง
ทยอยเดินไปที่ทางเดินเชื่อมไปยังเวทีกลางสระน้ำที่จัดไว้ให้ทุกคนลอยกระทงพร้อมกัน
“เออๆไปแล้ว”
เลอสรรลุกขึ้นยืนเหยียดแข้งเหยียดขาก่อนจะคว้ากระทงของตัวเองที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นและเดินไปพร้อมกับจองชัย เขา
สะบัดหัวไปมาขับไล่ความมึนงงจนกระทั่งได้ที่เหมาะเลอสรรจึงได้ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าจุดธูปเทียนในกระทง
“อธิษฐานอะไรดีวะ” จองชัยเอ่ยถามไม่จริงจังนัก เพื่อนสนิทกรอกตาไปมาแล้วจึงยกกระทงขึ้นเหนือหัว
“แม่คงคาจ๋า พระจันทร์จ๋า เรียนจบไปปุ๊บขอให้ลูกได้เมียปั๊บเลยนะจ๊ะ”
จองชัยโน้มตัวลงไปปล่อยกระทงลงกับผิวน้ำพลางใช้มือวักน้ำไล่เบาๆ เลอสรรเหม่อมองแสงจากธูปเทียนที่วูบวาบอยู่
เต็มสระน้ำ เขามองเห็นแสงสะท้อนของพระจันทร์ดวงโตราวกับมีพระจันทร์ดวงที่สอง
เลอสรรยกระทงขึ้นที่กลางหน้าผาก
แค่ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเลอสรร
เขาโน้มกายลงไปวางกระทงไว้บนผิวน้ำ พลันเสียงสวดมนต์คุ้นหูลอยมาอีกครั้ง
เลอสรรรู้สึกว่าร่างกายของเขากับผิวน้ำนั้นใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆใกล้จนร่างของเขาจมหายลงไปกับเงาสะท้อนของดวง
จันทร์ เขาดำดิ่งลงไปกับความมืดสนิทและหนาวเย็นจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแตกกระจายของผิวน้ำและเสียงเอะอะโวยวายด้วยความ
ตกใจของนักศึกษาอื่นๆที่มาในงานลอยกระทงคืนนี้
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 2
มืด เงียบ และเหน็บหนาว
เบาหวิวราวกับร่างกายของเลอสรรไร้น้ำหนักและกำลังล่องลอยไปตามกระแสแห่งกาลเวลา ความคิดและระบบสั่งการหยุด
นิ่งดังเช่นหลับใหลเหลือเพียงหัวใจและหลอดเลือดที่ยังหล่อเลี้ยงให้ร่างกายมีชีวิต
จวบจนกระทั่งความเงียบถูกทำลายด้วยเสียง
เสียงนั้น ท่วงทำนองอันแสนคุ้นหู จากแผ่วเบามันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดมันก็ชัดเจนจนปลุกเลอสรรให้ตื่นจากหลับ
ใหล แพขนตาหนาหนักกะพริบถี่ก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยความงงงัน สมองที่ถูกปิดกั้นกำลังทำงานเพื่อทบทวนความทรงจำแบบด่วนจี๋
เขาอยู่ในงานลอยกระทงที่คณะโบราณคดีจัดขึ้น เลอสรรกำลังลอยกระทงแต่จู่ๆเขาก็ร่วงลงไปในสระน้ำ
ถ้ามีใครช่วยเขาขึ้นมาจากสระน้ำเล็กๆหน้าคณะ ตอนนี้เขาก็ควรจะนอนอยู่ตรงไหนสักแห่งใกล้ๆบริเวณจัดงาน เลอสรรควรจะ
ลืมตามองเห็นจองชัยแก้วกาญจน์หรือเพื่อนคนอื่นยืนออห้อมล้อมด้วยสีหน้าตกใจ เนื้อตัวควรจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
หากแต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่ควรจะเป็นแม้แต่อย่างเดียว
ลืมตาตื่นในสภาพนอนหงายอยู่บนแท่นยกสูงจากพื้นขนาดใกล้เคียงกับเตียงนอนในหอพักหากแต่แข็งกระด้างแผ่นหลัง สิ่ง
แรกที่ดวงตามองเห็นคือหลังคาของสิ่งก่อสร้างจากอิฐดินเผา เพดานด้านบนเปิดเป็นช่องว่างให้มองเห็นพระจันทร์ดวงโตส่องแสง
ทรงกลดไม่ต่างจากที่เลอสรรจ้องมองในงานลอยกระทง ชายหนุ่มกรอกตาไปมาพลางผงกหัวทีละนิดพร้อมกับที่ใบหูสดับรับฟังเสียง
สวดมนต์ที่แสนจะชัดเจนพอกับระบบดอลบี้ในโรงภาพยนตร์ คราวนี้ชัดเจนแม้กระทั่งเสียงเกราะกรับและเสียงฆ้องที่ตีให้จังหวะ
แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือมนุษย์!
บุรุษชาติชายอาชาไนยยืนหยัดสง่าอยู่ตรงฝั่งปลายเท้าของเลอสรร ดวงตาคมปลาบจ้องมองเขาเบิกกว้างไปชั่วครู่ด้วยความ
ประหลาดใจหากแต่เพียงพริบตามันกลับเปล่งแสงวาววับราวกับสะท้อนแสงจากหมู่ดาว ภายใต้ความมืดมิดผิดแปลกจากเมืองหลวงที่
เลอสรรคุ้นเคยเหมือนสถานที่นี้สิ้นไร้แสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง แต่เลอสรรกลับมองเห็นเขาคนนั้นชัดเจนเหลือเกิน
บุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ปลายเท้าสูงกว่าเลอสรรแน่ๆเมื่อคำนวนด้วยสายตา ผิวกายสีดำแดงอยู่ในความมืด เขามีเรือนร่างอุดมไป
ด้วยมัดกล้ามแน่นหนา สันกรามคมชัดจมูกโด่งละม้ายคล้ายพระเอกหนังอินเดียหล่อรวมเข้ากับชาวลุ่มน้ำโขงส่งผลให้ดูดีจนเรียกได้ว่า
ถึงขั้นหล่อเหลาปานเทพบุตร ร่างกายแสนจะสมบูรณ์แบบแต่งกายคล้ายกับที่เลอสรรกำลังแต่งอยู่ หากแต่เทริดที่ครอบอยู่บนศีรษะนั้น
ลวดลายสลักเสลางดงามอ่อนช้อยยิ่งกว่า และดูออกในทันทีว่ามันเป็นทองคำแท้ๆหาใช่ทองชุบอย่างที่เลอสรรสวมใส่
และเมื่อลดระดับมองที่กรองคอนั้นเล่า แผ่นทองฉลุลายแผ่นหนาแผ่เป็นวงกว้างประดับด้วยอัญมณีเม็ดใหญ่อยู่บนท่อนบน
เปลือยเปล่าเผยให้เห็นลำตัวแข็งแกร่ง ท่อนล่างเป็นโจงผ้าทอเนื้อดีผสานกับเส้นใยขลิบทองและเข็มขัดยกรั้งอวดต้นขาล่ำ กำไลทอง
หัวพญานาครัดแน่นอยู่บนต้นแขนล่ำสันจนเลอสรรเกรงว่ามันจะปริแตก หากประเมินด้วยสายตาแล้วเลอสรรกำลังคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้น่า
จะคอสเพลย์ถึงระดับเจ้าผู้ครองนครในขณะที่เขาทำได้แค่โลว์คอสรากหญ้าเท่านั้น
ที่นี่คือที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับเขา แล้วผู้ชายตรงหน้าคือใคร?
หัวใจของเลอสรรเต้นรัวด้วยความสับสน หวาดวิตก เมื่อพอจะรวบรวมสติได้แล้วเขาจึงรีบยันศอกดันร่าง หากแต่ความ
ตระหนกก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อบุรุษตรงหน้าเริ่มขยับเคลื่อนไหวด้วยการโน้มกายลงมาบนแท่นสูงที่เลอสรรนอนอยู่ ร่างสูงใหญ่
คืบกายขึ้นมากระทั่งคร่อมอยู่บนร่างของเลอสรรในที่สุด
“ดะ เดี๋ยว คะ คุณเป็นใคร นี่จะทำอะไร...”
คิดจะขยับถอยหนี หากเขาคนนี้กลับกระแทกข้อมือลงข้างหูของเลอสรรจนไม่สามารถกระทำดั่งใจคิด ขนที่หลังคอของเลอ
สรรลุกชันเมื่อเห็นนัยน์ตาคมที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและกระหายยามสบตา มันมองเลื่อนลงไปตามจมูกและปากของเลอสรร ความ
ตกใจสุดขีดพลันบังเกิดเมื่ออยู่ๆผู้ชายที่เลอสรรยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็จู่โจมบดเบียดริมฝีปากลงมาทาบทับ เลอสรรดิ้นรนหากแต่กลับถูก
ตรึงข้อมือทั้งสองไว้เหนือหัวจนดิ้นไม่หลุด
“ปละ ปล่อย ปล่อยสิโว้ย กูเป็นผู้ชายเหมือนกับมึงนะ อย่า อึก”
ลิ้นร้อนสอดลึกทีเผลอ ริมฝีปากถูกดูดรั้งจนเจ็บแสบไปหมด ร่างกายอันเต็มไปด้วยพลกำลังกดหนักลงมาทับไว้แทน
พันธนาการ และในขณะที่เลอสรรกำลังผวาหนักพลันเสียงสวดมนต์ก็เร่งจังหวะราวกับจะเร่งเร้าอะไรบางอย่าง มันเสียดลึกเข้าไปใน
กระดูกค้อนทั่งโกลนภายในหูตามที่เลอสรรเคยเรียนผ่านเข้าไปในสมอง เสียงทำนองขึ้นลงนั้นปิดกั้นความคิดทั้งหมดของเลอสรรลง
โดยฉับพลัน
สติของเลอสรรเหลือเพียงดวงตาที่มองข้ามไหล่กว้างไปยังพระจันทร์เบื้องบนที่ยิ่งสุกสว่างอยู่กลางหาว และมีเสียงสวดมน
ตราแทนเสียงเห่กล่อมให้เคลิบเคลิ้มจนแรงดิ้นรนลดน้อยถอยลงจนกระทั่งสงบนิ่ง ดวงตาของเขาลอยคว้างยามสบตากลับกับนัยน์ตาคม
ที่จับจ้องอย่างพอใจก่อนที่ใบหน้านั้นจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆและลดระดับต่ำลงไปง้างงับอยู่ตรงซอกคอของเลอสรร
“อึก อือ อื้มมม”
ร่างสูงใหญ่โถมทับน้ำหนักลงมาจนอึดอัด หากแต่ความอึดอัดนั้นสร้างความรู้สึกทรมานราวกับมีกระแสน้ำวนอยู่ในช่องท้อง
เมื่อเขาเลื่อนกายลงทีละนิด ลากปากเปลี่ยนที่ขบเม้มตามมาอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะมาหยุดแตะไล้ลิ้นหยุ่นลงไปกับยอดอกเม็ดเล็กสีเนื้อ
สุกปลั่ง เขาแตะเล็มมันก่อนจะครอบเม้มริมฝีปากตามลงไปและดึงมันขึ้นมาจนเนื้อหนังแดงฉ่ำเปียกชื้น เลอสรรได้ยินเสียงพึมพำผะแผ่ว
หลุดลอดออกมาจากปากเขาแข่งกับเสียงสวดมนต์กระหึ่มโดยรอบ เหมือนกับว่าเขาเองก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่เฝ้าพร่ำคำสวดอันยาวนาน
เหล่านั้นด้วย
“อยะ อย่า ปล่อย”
ได้ยินเสียงเสียงตนเองแผ่วเบาแหบพร่า ใจคิดอยากจะผลักไสแต่ท่อนแขนกลับหมดเรี่ยวแรงเหมือนเป็นอัมพาต ความรู้สึก
เย็นวาบสัมผัสกับช่วงล่างเมื่อผ้าทอเนื้อหยาบที่เลอสรรใส่อยู่ถูกกระชากออกจากเอวเหลือเพียงกางเกงชั้นในที่สวมใส่อยู่ ดูเหมือนเขา
คนนั้นจะชะงักงันไปกับมันหากแต่ไม่นานนักปราการด่านสุดท้ายของเลอสรรก็ถูกดึงออกพ้นปลายขา จนในที่สุดเลอสรรก็ไม่มีสิ่งใดที่จะ
ปิดกั้นจากนัยน์ตาวาววามคู่นั้น
“ไม่ คุณจะทำอะไร...”
เลอสรรคิดว่าเขาตะโกนเสียงดัง แต่แท้จริงแล้วมันแทบจะไม่ได้หลุดออกจากลำคอเลยสักนิดเมื่อใบหน้าคมจัดก้มหน้าลงไป
และค่อยๆกลืนความเป็นชายของเลอสรรทีละนิด การกระทำนั้นยิ่งกระตุ้นกระแสน้ำเชี่ยวในช่องท้องของเลอสรรให้ยิ่งหมุนวนจนเลอสรร
ต้องบิดกายไปมาด้วยความทรมาน ชายหนุ่มกัดฟันใบหน้าเหยเกเมื่อปลายยอดของท่อนเนื้อถูกกระตุ้นอย่างที่เขาไม่สามารถปัดป้อง
เลอสรรยกขาตั้งชันอัตโนมัติโดยไม่รู้เลยว่ายิ่งทำให้คนที่กำลังเคลื่อนไหวส่งเสียงทุ้มต่ำอย่างพอใจที่การกระทำนั้นเปิดทางให้เขามอง
เห็นช่องทางที่ขยับเปิดรออยู่
“อ๊า!”
ความเจ็บแปลบพุ่งวาบเข้ามาในความรู้สึกของร่างกายที่ถูกล่วงล้ำ เลอสรรสะดุ้งเฮือกแขนขาเกร็งผวาเข้ากอดก่ายคนกระทำ
พร้อมกับเปล่งเสียงแห่งความเจ็บปวดจนกังวานก้องไปทั่วสิ่งก่อสร้างด้วยอิฐดินเผา และราวกับต้นเสียงสวดแห่งมนตราทั้งหลายจะรับรู้
เสียงสวดนั้นก็ยิ่งเร่งเร้าไปรอบทิศทาง มาถึงตอนนี้เลอสรรคิดอะไรไม่ออกอีกแล้วเมื่อเขามองเห็นเพียงใบหน้าของคนที่กำลังกระแทก
กายเข้ามาในร่างกายของเลอสรรและแสงจากจันทราเบื้องบนที่ฉายชัดเป็นฉากหลังของบุรุษที่เต็มไปด้วยพลัง
กระแสน้ำวนในช่องท้องตีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เลอสรรบังเกิดความต้องการให้ความแข็งแกร่งราวกับซุงหนักที่เคลื่อนที่ผ่าน
รอยแยกของช่องแคบกระหน่ำเข้ามาจนต้องขยับยกเอวจนลอยคว้าง ซุงหนักนั้นช่างรู้ใจเมื่อมันบดเบียดกระแทกกระทั้นไปตามซอก
หลืบปลุกเร้าจนร่างกายของเลอสรรร้อนระอุและฉ่ำชื้นไปด้วยสายน้ำที่ล้นกระฉอก
“ได้โปรด ช่วยด้วย ทรมานเหลือเกิน”
ร้องขอเพราะไม่อาจสกัดกั้นพายุเชี่ยวกรากนั้นได้ เลอสรรทรมานจนถึงกับจิกปลายเล็บไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อ บุรุษผู้
แข็งแกร่งช้อนแขนเข้าใต้เอวของเลอสรรเหนี่ยวยกร่างของเขาให้ขึ้นมานั่งทับอยู่บนตักที่รองรับ เอวของเลอสรรถูกมือใหญ่ยึดตรึงไว้
แน่นยามที่เขากดเอวของเลอสรรลงมาขณะที่เขากระแทกหน้าขาสวนกลับ
“อา... อีกนิด ได้โปรด”
เลอสรรผวากอดเกี่ยวศีรษะนั้นไว้แน่นเมื่อเขาครอบปากลงไปดูดดุนแผ่นอกอีกครั้งอย่างติดใจ ขาทั้งสองของเลอสรรเกี่ยวรัด
เอวแกร่งไว้ยามที่ท่อนซุงหนักเร่งกระแทกอยู่ในสายน้ำวนไม่หยุดยั้ง ร่างกายของเลอสรรบิดเกร็งจนกระทั่งดวงตาเรียวเบิกกว้าง เขาเงย
หน้าจ้องมองพระจันทร์ดวงโตที่เริ่มเคลื่อนคล้อยและเปล่งเสียงแห่งความสุขสมพร้อมกับปลดปล่อยรินรดอยู่บนหน้าท้องของอีกฝ่ายที่ก็
เงยหน้าคำรามต่ำพลันสาวเอวอีกแค่ไม่กี่ครั้ง ช่องทางที่ยังบีบรัดของเลอสรรก็รับรู้ถึงแรงอัดฉีดอันแสนร้อนรุ่มจนรินไหลลงมา
เสียงแห่งการพร่ำสวดเบาบางลงไปจนแทบไม่ได้ยิน เหลือเพียงเสียงหอบหายใจทั้งหนักและถี่ของร่างกายที่ยังหยุดนิ่งกอด
ก่ายอยู่ด้วยกัน ดวงจันทร์เคลื่อนต่ำจนถูกหลังคาแห่งสิ่งก่อสร้างบดบังจนช่องว่างนั้นมีเพียงสีดำสนิทของผืนฟ้า และตอนนี้เองที่
สติสัมปชัญญะทั้งมวลเพิ่งจะกลับคืนมาสู่เลอสรร ตอนนี้เลอสรรรู้ตัวแล้วว่ามันหาใช่ความฝันเมื่อท่อนลำนั้นยังฝังตัวอยู่ในร่างของเขา
“ไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะ มึงปล้ำกูทำไม”
เจ็บใจจนน้ำตาเจียนไหลเมื่อเสียเชิงชายให้แก่คนแปลกหน้า เลอสรรทุบตีผลักไสไปที่ไหล่กว้างแต่ข้อมือของเขากลับถูก
คว้าไว้ให้หยุด เลอสรรเม้มปากแน่นเมื่อเห็นนัยน์ตาดุนั้น และแค่เพียงหน้าขาขยับเลอสรรก็ปวดระบมท่อนล่างเหลือเกิน
เอวของเลอสรรถูกมือใหญ่จับยึดแล้วยกขึ้นจนท่อนลำนั้นค่อยๆผลุบออก เลอสรรกัดฟันไปกับความเจ็บแปลบจากช่องทางที่
ถูกล่วงล้ำเป็นคราแรกจนกระทั่งมันหลุดออกหมดทิ้งไว้เพียงความโหวงว่าง เขาหมดเรี่ยวแรงจนต้องปล่อยให้บุรุษแปลกหน้านั่งตระกอง
กอดอยู่บนแท่นสูงที่เลอสรรเพิ่งจะมีโอกาสได้เหลียวหน้าเหลียวหลังมองไปรอบๆห้องที่ไม่ได้กว้างมากนักและภายในมีเพียงแท่นสูงที่
เขาเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
ดวงตาเรียวเบิกกว้าง เลอสรรจ้องมองเสาแต่ละต้น รวมถึงซุ้มประตูทางออก เก็จด้านข้างประดับรูปวิมานลอยคล้ายบุษบกซึ่ง
ทั้งหมดที่เขาเห็นมันคือการก่อสร้างปราสาทหินที่เขาคุ้นตาจากการออกภาคสนามเพียงแต่ตอนนี้มันงดงามสมบูรณ์แบบอย่างยิ่งหาใช่
ซากปรักหักพังรายล้อมไปด้วยเถาวัลย์อย่างที่เขาเคยเห็น
ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุกในอาณาจักรขอมยุคเจนละ!
ไม่จริง!
เลอสรรอยู่ในกรุงเทพมหานครในปี2559 ไม่มีปราสาทหินแห่งไหนที่จะใหม่หมดจดจนได้กลิ่นดินขนาดนี้
ชายหนุ่มหันขวับไปมองบุรุษข้างกายที่ยังคงนั่งนิ่งคล้ายรูปปั้นผิดกับตอนที่ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายของเลอสรรราวฟ้ากับ
เหว หัวคิ้วของเลอสรรย่นจนเกือบจะชนกันขณะเขากลั้นใจเอ่ยถามเสียงเบาหวิวคล้ายจะเป็นลมเมื่อความสังหรณ์บางอย่างแวบเข้ามา
“คุณเป็นใคร”
อีกฝ่ายเพ่งมองด้วยความสงบ เลอสรรรอคำตอบจนเกรงว่าอีกฝ่ายจะฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง พักใหญ่กว่าบุรุษผู้นั้นจะเอ่ยนาม
ออกมาด้วยสำเนียงแปร่งแต่แปลกที่เลอสรรกลับฟังออกและเข้าใจมันได้
“ข้า นาม รุทร”
รุทรไหน?
“รุทรชัยวรมัน”
ไม่ผิดเพี้ยน ชัดเจน แจ่มแจ้ง
เลอสรรอ้าปากค้างเมื่อสมองของเขาบอกว่า เขาตกน้ำในสระหน้าคณะแต่มาโผล่ที่แผ่นดินขอมในยุคสมัยที่เลอสรรกำลังหา
ข้อมูลเพื่อยืนยันว่ากษัตริย์พระองค์นี้เป็นเกย์
ข้อมูลยืนยันได้ด้วยร่างกายของเลอสรรเอง เขาถูกพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งพรากซิงไปแล้ว
“ไม่จริง นี่ผมมาที่นี่ได้ยังไง”
สีหน้าของเลอสรรคงดูตระหนกมากนัก กษัตริย์หนุ่มจึงได้ทอดพระเนตรด้วยนัยน์ตาที่อ่อนแสงลงคล้ายจะปลอบโยนให้เลอ
สรรลดความตกใจลงบ้าง
“เอ็งมาเพราะพรจากจันทรา”
อยากจะหัวเราะเป็นภาษาโปรตุเกส
แต่ตอนนี้ใบหน้าของเลอสรรคงจะเฝื่อนเต็มทีกับสิ่งที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันกำลังตรัสให้เขาฟังอยู่
“ข้าเร่งทำพิธีสวดมนตรา ด้วยพลังแห่งจันทราให้ส่งเมียมาให้ข้าได้ครองคู่”
“ชิบหายละ”
เลอสรรครางหนัก ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“กูเนี่ยนะจะเป็นเมียเจ้า”
พระพักตร์จริงจังของพระเจ้ารุทรชัยวรมันใช้แทนคำยืนยันได้เป็นอย่างดี เลอสรรอยากจะหลับตาลงไปแล้วลืมขึ้นมาใหม่เพื่อ
พบว่าเขายังอยู่ในงานลอยกระทงของคณะ หากแต่เมื่อลองทำเช่นนั้นแล้วเลอสรรก็ยังเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันจ้องมองเขาอยู่ไม่วางตา
แค่ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเลอสรร
ฤานี่จะเป็นพรจากพระจันทร์ในคืนอมาวสีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบพันปี คืนที่ประตูทั้งสามภพจะเปิดออกพร้อมกัน!
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 3
อย่าเพิ่งคิดหาเหตุผลหรืออะไรในตอนนี้เลยเหอะไอ้สรร มึงควรคิดว่านับจากวินาทีถัดจากนี้จะทำอย่างไรกับชีวิตมากกว่า
เลอสรรจำเป็นต้องตั้งสติให้ได้ เขาต้องยอมรับความจริงว่าเขาย้อนเวลากลับมาในอดีตอันไกลโพ้น และตอนนี้ร่างกายของ
เขาตกเป็นของผู้ชายตรงหน้าไปเสียแล้ว ผู้ชายที่ได้ชื่อว่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเจนละ ผู้ชายที่กำลังมองเขาอย่างสำรวจตรวจ
ตราก่อนจะยกปลายนิ้วเชยคางเขาขึ้นมา
“เอ็งมีนามว่ากระไร”
“ผม เอ่อ ชื่อเลอสรร”
“ลา สรัล”
บุรุษผู้ยิ่งใหญ่พยายามที่จะกล่าวตาม เลอสรรรู้ว่าชื่อของเขานั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาเขมรว่า “สรัล” และพระเจ้ารุทรชัย
วรมันคงจะออกเสียงเช่นชาวขอม เขาจึงไม่ได้เอ่ยแก้ไขชื่อของตนเอง
“นามเอ็งหมายถึงกระไร”
“ชื่อของผมแปลว่า ผู้เป็นเลิศจากการคัดเลือก”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงมีกิริยา “โปรด” ในชื่อของเขา ความเงียบเข้าครอบงำจนได้แต่มองหน้ากันไปมา ในที่สุดเลอสรรจึง
เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบลง
“พระองค์ เอ่อ ทรง โอ๊ย ราชาศัพท์เขาใช้อะไรวะ”
เช่นไรอีกฝ่ายก็ทรงเป็นกษัตริย์ และตอนนี้สมองของเลอสรรก็ทำงานช้าจนนึกไม่ออกว่าควรจะพูดเช่นไรดี พระเจ้ารุทรชัย
วรมันจึงได้แย้มสรวลและตรัสกับเขาเสียงนุ่ม
“เรียกข้าว่ารุทร”
รอยยิ้มแค่เพียงเล็กน้อยในความมืด หากแต่ช่างสว่างไสวในความรู้สึกจนตาพร่าเมื่อมันบังเกิดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม เลอสรร
ด่าตัวเองอยู่ในใจที่ดันเผลอไผลมองรอยยิ้มนั้นและหัวใจกลับเต้นรัว
บ้า ไอ้บ้าสรร มึงเสือกหวั่นไหวไปกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันและฟันมึงจนเสียซิงในครั้งแรกทั้งที่ยังไม่รู้จักกันได้ยังไง
“ต้องการถามสิ่งใดจงเอ่ยออกมาเถิด พูดกับข้าเยี่ยงคนธรรมดา”
ปลายนิ้วสากปล่อยปลายคางของเลอสรร แต่กลับเลื่อนไปปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่พ้นจากเทริดลงมาปรกหน้าผากอย่างอ่อน
โยน การกระทำนั้นเรียกเลือดมาเลี้ยงบนใบหน้าของเลอสรรจนร้อนฉ่าไปหมด
“เอ่อ...ที่บอกว่าผมมาที่นี่เพราะพรจากพระจันทร์มันหมายถึงอะไร”
“ข้าซึ่งเป็นใหญ่เหนือแผ่นดินเจนละ แต่กลับไม่มีเมียเพราะไม่ปองรักหญิงใด”
เสียงทุ้มต่ำยามเอื้อนเอ่ยใกล้หูชวนให้เลอสรรต้องนิ่งฟังโดยไม่กล้าขัด เขาปล่อยให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันเล่าเรื่องราวออกมา
และไม่กล้าขยับตัวเมื่อทรงเลื่อนองค์เข้าใกล้เรื่อยๆ
“ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างเป็นห่วงเนื่องด้วยบัดนี้มีจอมขมังเวทเลวร้ายคุกคามเมือง เหล่าโหราจารย์จับยามสามตาแล้วต่างเอ่ย
พ้องต้องกันว่า จะมีใครบางคนจากแดนไกลมาช่วยเหลือให้ข้าทำลายจอมเวทนั้นได้ และคนจากแดนไกลจะกลายเป็นคู่ชีวิตของข้า
เหล่าประชาจึงร่วมแรงกันสวดภาวนาพิธีขอพรจากจันทราในวันฟ้าเปิด”
“พิธีขอพรจากดวงจันทร์”
เลอสรรครางอย่างเหลือเชื่อ ถ้าเช่นนั้นเสียงสวดมนต์ที่เขาได้ยินตลอดทั้งวันและคืนนั่นก็คงเป็นเพราะพลังของพิธีดังกล่าว
“ใช่เช่นนั้น ดวงจันทราส่งเอ็งมาให้ข้า”
“อย่างนั้นก็เถอะ ถึงพระจันทร์จะส่งผมมาที่นี่ แต่มันใช่เรื่องที่คุณจะต้องปล้ำผมทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันไหม”
เลือดร้อนซู่วิ่งมาวนเวียนกันอยู่บนใบหน้า เลอสรรตวัดสายตามองอย่างขัดเคือง แต่อีกฝ่ายก็ยังใจเย็นพอที่จะตอบคำถาม
ด้วยน้ำเสียงนุ่มดังเช่นเดิม
“มนต์จันทราแลเสียงสวดบูชาก่อให้เกิดความใคร่ ข้าเองก็ตกอยู่ในบ่วงแห่งมนต์จนมิอาจหักห้ามความกำหนัดได้”
เลอสรรเคยศึกษาเรื่องที่ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อระดับของเหลวบนโลกทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง และจังหวะทางชีววิทยาบาง
อย่างของสิ่งมีชีวิตก็ขึ้นอยู่กับดวงจันทร์โดยเฉพาะการสืบพันธุ์ของคน ส่วนการสวดมนต์นั้นท่วงทำนองสม่ำเสมอจะมีผลต่อคลื่นสมอง
คล้ายๆกับการสะกดจิต รวมกันแล้วมันจึงทำให้ทั้งเลอสรรและพระเจ้ารุทรชัยวรมันตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนาจนหลงลืมแม้แต่
ความเป็นตัวตนไปหมดสิ้น
“อย่ากลัวไปเลยสรัล เอ็งเป็นเมียข้าแล้ว และยังเป็นคนจากแดนไกลที่ฟ้าส่งมา ข้าจะเลี้ยงดูและเชิดชูเอ็งเป็นอย่างดี”
“ใครเป็นเมียคุณ ยกย่องอะไรอย่ามาทำเป็นพูดดี...”
เดี๋ยวนะ!
เลอสรรชะงัก นึกถึงข้อมูลที่หามาทำงานค้นคว้าชิ้นสุดท้ายเรื่องความสัมพันธ์รักร่วมเพศของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน ศิลาจารึก
ค้นพบพระนามของเอกอัครชายาว่า พระเจ้าสรัลจันทรมันตรา คำว่าจันทรมันตราแปลว่ามนตราจากพระจันทร์ และเมื่อสักครู่พระเจ้ารุทร
ชัยวรมันตรัสออกเสียงเรียกชื่อของเขาว่าสรัล หากผนวกรวมกันแล้วนั้น
อย่าบอกนะว่าตัวเขานั้นคือพระจ้าสรัลจันทรมันตรา เอกอัครชายาในพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งแห่งอาณาจักรเจนละ
เลอสรรยกมือกุมขมับเมื่อรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“คุณจะเอาผมเป็นเมียได้ไง ผมเป็นผู้ชาย เข้าใจไหมผู้ชายน่ะ ผมมีไอ้จู๋เหมือนคุณนะ”
เลื่อนมือไปดีดมะกอกมังกรยักษ์ที่เริ่มจะคลายตัวลงหลังการพ่นพิษอยู่ในถ้ำของเขา พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงนิ่วพระพักตร์
ก่อนจะทรงคว้ามือของเลอสรรมากุมไว้ สายพระเนตรนั้นวาววามจนเลอสรรชักแหยง
“เพียงเอ็งหยอกข้าเช่นนี้อีกนิด ข้าจะไม่ปรานีเอ็ง”
“จะบ้าเหรอ ตูดผมยังไม่หายเจ็บยังคิดทะลึ่งอีก”
เลอสรรหลุดปากออกไปแล้วก็ต้องรีบหุบปากตัวเองที่หาญกล้าต่อว่าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ ดีไม่ดีพระเจ้ารุทรชัย
วรมันอาจจะสั่งฝังเขาทั้งเป็นก่อนที่จะหาหนทางกลับบ้านตัวเองก็ได้
เห็นท่าทางพยศของเลอสรรแล้ว กษัตริย์หนุ่มจึงลอบแย้มสรวล แม้จะยังนึกประหลาดพระทัยกับการปรากฏกายของเลอสรร
หากแต่ผู้ชายที่ดวงจันทราประทานมาให้ช่างตรึงตาตรึงใจนัก ทรงพิศใบหน้าของชายหนุ่มไล่ตั้งแต่ดวงตาโตเรียวเหนือจมูกโด่งมน
และปากกระจับอิ่มสีแดงราวกับทาชาด เส้นผมเบื้องหลังเทริดทองปลอมตัดสั้นหาได้เหมือนบุรุษในแผ่นดินที่นิยมไว้ยาวและมัดเป็นมวย
บนกลางศีรษะเช่นเดียวกับพระองค์ รูปร่างนั้นเล่าแม้จะไม่ผอมแห้งหากแต่ก็ยังบางกว่าพระองค์อยู่บ้าง ผิวกายสีน้ำผึ้งช่างนวลเนียนและ
หอมกรุ่นผิดจากผู้อื่น มันช่างเย้ายวนยามที่ได้ดอมดมและชิมรสด้วยปลายลิ้น
ทรงยอมรับกับองค์เองว่าแม้บัดนี้ดวงจันทราจะเคลื่อนคล้อยไปตามราตรีกาลรวมทั้งไม่มีบทสวดเร่งเร้าให้เกิดความใคร่
หากแต่เมื่อได้พิศชมเลอสรรตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว พระองค์มิได้ทรงรังเกียจเดียดฉันท์ ซ้ำยังอยากจะประทับรอยลงไปกับร่างกายนี้อีก
สักครั้ง แต่ก็ต้องทรงยั้งพระประสงค์เนื่องด้วยเลอสรรนั้นบอบช้ำไปไม่น้อยจากครั้งแรกที่พระองค์ประทานให้
“เอ็งมาจากบนสวรรค์รึสรัลเมียข้า”
ถึงจะแสลงหูกับคำว่าเมีย แต่เลอสรรก็ตอบกลับเสียงแห้งโดยไม่อาจปฏิเสธคำนั้น
“ผมมาจากกรุงเทพ”
“กรุงเทพ ก็มิใช่เมืองสวรรค์รึ”
เออ ก็ใช่ กรุงเทพ มันแปลว่าเมืองเทวดาซึ่งก็คือสวรรค์นี่หว่า
“ช่างเถอะ ผมจะมาจากไหนก็ช่างผม เอาเป็นว่ามันห่างไกลจากที่นี่มากก็แล้วกัน”
ตอบอย่างปลงกับโชคชะตาที่เล่นตลก ใบหน้าของเลอสรรจึงเหี่ยวแห้งจนพระเจ้ารุทรชัยวรมันเอียงพระศอมองอย่างปรานี
“เอ็งคงจะกลัวที่จากถิ่นมา ไว้ใจข้าเถิด ข้าพูดแล้วว่าจะดูแลเอ็งข้าก็ต้องทำเช่นนั้นมิผิดคำสัตย์”
เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ทรงดึงมือของเลอสรรทั้งคู่มากอบกุมไว้แนบอกกว้าง
“ฟ้าประทานเอ็งมาให้ข้า ต้องเป็นเพราะท่านพรหมเบื้องบนลิขิตแล้ว แม้ว่าเอ็งจะเป็นชายเฉกเช่นข้า แต่ข้าก็จะยอมรับ
บัญชาจากสวรรค์ อยู่กับข้าเถอะนะสรัล”
ตรัสเสียงนุ่มแผ่วเบาอยู่ข้างหูจนเลอสรรใจสั่น เขาช้อนสายตาสบกับดวงตาดำดุที่ทอดมองอย่างจริงใจ สายตานั้นทำให้เขา
มิอาจกล่าวคำปฏิเสธ
“แล้วจะให้ผมหนีไปไหนได้ล่ะ ที่นี่คือที่ไหนผมยังไม่รู้เลย”
“ปราสาทกัมโพชสรี”
ได้ยินคำตอบแล้วเลอสรรก็อ้าปากค้างเสียอีกรอบ ปราสาทหินกัมโพชสรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังบริเวณรอยต่อ
จังหวัดสระแก้วและประเทศเพื่อนบ้านที่เลอสรรเองก็เคยมาศึกษา ปราสาทหินในยุคสมโบร์ไพรกุกที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่กาล
เวลาพันกว่าปีจะรักษาไว้ได้
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงช่วยนุ่งผ้าโจงกลับคืนให้เลอสรรก่อนจะทรงจัดการวรกายของพระองค์ จากนั้นก็ทรงช้อนพระกร
เข้าใต้ศอกและเข่าของเลอสรรแล้วยกร่างขึ้นมาแนบอกจนเลอสรรตกใจ
“คุณจะทำอะไร อุ้มผมทำไม”
“พาเอ็งกลับวัง”
ตรัสจบก็ก้าวพระบาทราวกับไม่รู้สึกหนักสักนิดที่ต้องทรงอุ้มเลอสรรไปด้วย เลอสรรผวาคล้องพระศอของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน
ไว้มั่นขณะที่สายตาสอดส่ายมองสภาพโดยรอบอย่างตื่นตา
แม้จะอยู่ในราตรีกาลดึกคล้อย หากแต่ความยิ่งใหญ่ของปราสาทหินกัมโพชสรีก็ยังอลังการ ความสูงของตัวปราสาทมี
มากกว่าที่เลอสรรคาดไว้ ยอดสูงที่สุดก็คือห้องเล็กที่เขาเพิ่งจากมา ประตูทางออกสี่ทิศมีบันไดให้ก้าวลงมายังหน้ามุข ขอบทางด้าน
นอกประดับด้วยพญานาคตามความเชื่อรวมทั้งทับหลังและหน้าบันที่แกะสลักตามความเชื่อศาสนาฮินดู ตัวปราสาทล้อมไปด้วยสระน้ำที่
ขุดเป็นรูปสี่แหลี่ยมจัตุรัสกว้างออกไปจากตัวปราสาทราวสี่วาประดับทางเดินด้วยคบไฟเป็นแนวยาวให้แสงสว่างท่ามกลางความมืด
และที่ทำให้เลอสรรตกใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นถัดจากสระน้ำนั้นกลับคราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากนั่งหมอบอยู่เต็มทุกด้าน ด้านในชิด
ขอบสระสวมใส่ชุดพราหมณ์สีขาว ถัดออกไปเป็นชนชั้นขุนนางราชสำนักและไกลออกไปคือพสกนิกรจนเต็มลานกว้าง และครั้นทุกคน
มองเห็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก้าวออกมาจากด้านในตัวปราสาทพร้อมทั้งอุ้มใครบางคนออกมาพร้อมกันด้วย เสียงไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้อง
สะเทือนไปทั้งเทือกเขาโดยรอบ
เสียงแห่งความยินดีนั้นดังไม่หยุดจนกระทั่งพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงก้าวพระบาทมาถึงชั้นล่างสุดที่มีทางเดินเล็กๆเชื่อมจาก
ปราสาทผ่านสระน้ำมายังด้านหน้า เสียงแซ่ซ้องยินดีนั้นจึงเริ่มบางเบาและกลับกลายเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจด้วยความแปลกใจที่คนใน
อ้อมพระกรนั้นมองอย่างไรก็เป็นบุรุษเพศแทนที่จะเป็นสตรีอ่อนช้อย
“เหตุใดพ่ออยู่หัวจึงอุ้มบุรุษออกมาจากปราสาทเล่า”
คำถามนั้นอึงอลออกไปทั้งลาน สีหน้าผู้คนพากันแตกตื่น เลอสรรเองก็อดใจเสียไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น หากแต่อ้อมแขนที่
โอบอุ้มยิ่งกระชับแน่นแทนคำให้กำลังใจก็พอจะบรรเทาความวิตกลงได้ เสียงเซ็งแซ่ค่อยๆเงียบลงเพื่อรอกระแสรับสั่งจากกษัตริย์ของ
พวกเขาที่พาเลอสรรมาหยุดยืนบนแท่นพิธี
“เพราะแรงอธิษฐานที่พวกเราร่วมกันภาวนาถึงสามวันสามคืน บัดนี้ดวงจันทราได้ส่งคู่ของข้ามาในวันฟ้าเปิด”
“ขอเดชะพ่ออยู่หัว แต่เหตุไฉนผู้มีบุญญากลับเป็นบุรุษเล่า”
บุรุษวัยชราท่าทีองอาจผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นแทนข้อสงสัยของทุกคน พระเจ้ารุทรชัยวรมันยืดวรกายสง่าผ่าเผยพลางยื่นหัตถ์ไปกุม
มือเลอสรรและดึงมาเคียงข้างต่อหน้าสายตาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
“จะบุรุษหรือสตรีก็หาสำคัญไม่ เพราะข้าเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องส่งคนดีแลเหมาะสมมอบแด่ข้า ข้าขอประกาศให้รู้กันทั่ว
เจนละ คนผู้นี้ต่อจากนี้ไปจะเป็นเอกอัครชายาของข้าอันมีนามว่าสรัลจันทรมันตรา”
สิ้นเสียงกระแสรับสั่งเหล่าพสกนิกรต่างส่งเสียงสรรเสริญ แม้ว่าจะยังกังขาอยู่บ้างที่เอกอัครชายาเป็นชาย หากแต่พวกเขา
เชื่อมั่นในองค์กษัตริย์และพรหมลิขิตจากเบื้องบน
พระเจ้ารุทรชัยวรมันหันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรเลอสรร พระหัตถ์กอบกุมกระชับฝ่ามือพลางดึงให้เลอสรรก้าวตามไป
ประทับบนเสลี่ยงคานหาม เลอสรรได้แต่นั่งตัวลีบยิ้มเฝื่อนเมื่อเสลี่ยงนั้นถูกยกลอยและเคลื่อนที่ไปท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
“อย่ากลัวสรัล ต่อจากนี้เอ็งคือเมียของข้า เอ็งคือผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินรองจากข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
แทนที่คำปลอบนั้นจะบรรเทาความกลัว แต่มันกลับยิ่งสร้างความวิตกให้เลอสรรเสียมากกว่า เขานึกไม่ออกเลยว่าเขาจะทำตัวเช่นไรกับ
ความยิ่งใหญ่ที่เข้ามาในชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว
นึกขึ้นมาได้ถึงคำกล่าวบนยอดปราสาทหินถึงจุดหมายหลักที่ทำให้ต้องมีพิธีของพร เลอสรรจึงถามด้วยความสงสัย
“คุณบอกว่า...”
“พี่รุทร” ทรงตรัสแก้ให้
“เอ่อ พี่รุทรบอกว่าที่นี่มีจอมขมังเวทอาละวาดใช่ไหมครับ”
“ถูกแล้ว” พระพักตร์ขรึมเครียดลงยามตรัสถึงจอมวายร้าย
“มันเป็นหมอผีมากวิชาอาคมมีนามว่าเวคิน สามารถเรียกลมเรียกฝนพายุฟ้าผ่าแลรวมถึงปลุกวิญญาญผีพรายทั้งหลาย หาก
เป็นศึกรบกับข้าศึกที่มารุกรานข้ามิเคยวิตก แต่ด้วยมันใช้กฤติยาคมทำให้ชาวบ้านหวาดผวา แม้แต่บรรดาโหราจารย์มากฝีมือในวังยัง
ไม่มีใครต่อกรกับมันได้”
“โอ้โห ถ้ามันเก่งอย่างนั้นแล้วผมจะไปมีปัญญาปราบมันได้ไง ผมก็แค่คนธรรมดา”
เลอสรรยิ่งหนักใจมากขึ้นไปอีกเพราะรู้ว่าทุกคนต้องฝากความหวังไว้ที่เขาเป็นแน่ ทั้งที่เลอสรรเองก็รู้เพียงแค่บทสวด
มนต์ง่ายๆเท่านั้น พระเจ้ารุทรชัยวรมันหันมาทอดพระเนตรด้วยความมั่นพระทัย
“ข้ามั่นใจในตัวเอ็งนักสรัล เอ็งคือคนที่ฟ้าส่งมา ข้าเชื่อว่าเอ็งจะนำความสงบสุขคืนสู่เจนละ อ้าว สรัล”
แย้มสรวลเมื่อเห็นเลอสรรหลับพับไปกับพนักพิงหลัง พระเจ้ารุทรชัยวรมันโน้มกายให้ชายาหมาดๆเอนพิงอยู่กับพระอังสะ
ให้สบายขึ้น ลมเย็นแห่งป่าเขายามราตรีพัดผ่านจนพระองค์ต้องโอบกอดเลอสรรไว้เพื่อประทานความอบอุ่นขณะที่เสลี่ยงคานหามและ
เหล่าข้าราชบริพารเดินทางกลับคืนสู่พระราชวัง
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 4
“สรัล สรัล ตื่นเถิด”
เสียงทุ้มดังแว่วเข้าหูปลุกให้เลอสรรลืมตาตื่น เมื่อเปลือกตาเปิดเขาก็เห็นใบหน้าหล่อคมอยู่ใกล้เพียงไม่กี่นิ้ว เลอสรรจึงนึก
ขึ้นได้ว่าเขาหลงมาในกาลอดีตพันกว่าปีจากปัจจุบันของเขา
“ถึงวังแล้วเหรอครับ”
งัวเงียลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวหน้าไปมองรอบตัวอย่างตื่นตากับความงดงามของพระราชวังที่แม้เห็นแค่เพียงห้องกว้างของ
พระเจ้าแผ่นดินก็รู้ว่าสร้างอย่างวิจิตรบรรจงแค่ไหน แสดงให้เห็นถึงความเจริญอย่างที่คนรุ่นหลังเช่นเขาจินตนาการไม่ถูก
“เอ็งคงอ่อนเพลียนักถึงได้หลับตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตปราสาทกัมโพชสรีจนกระทั่งข้าอุ้มเอ็งมาถึงเตียงก็ยังมิรู้สึก”
ใช่สิวะ ลองถูกปล้ำดูบ้างไหมเล่า จะได้รู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหน
ได้แต่รำพึงอยู่ในใจและมองอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันมองกลับด้วยเนตรพราว แต่ก่อนที่จะพูดจากันมากไป
กว่านั้นทั้งคู่ก็ชะงักเนื่องด้วยเหล่านางอัปสรางดงามหมู่หนึ่งเดินนวยนาดเข้ามาในห้องพระบรรทมพลางยอบกายหมอบกราบลงกับพื้น
“เอิ่ม มาทำอะไรกันเหรอครับ”
กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อแต่ละนางอรชรอ้อนแอ้น สวมผ้านุ่งจีบหน้านางและท่อนบนมีเพียงกรองคอฉลุลายดอกไม้อยู่บน
ทรวงอกเปลือยเปล่าอวดปทุมถันของความเป็นหญิง ก็เคยเรียนมาว่าในอดีตสาวๆในวังจะเปลือยท่อนบนเช่นนี้ แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตา
ตัวเองแล้วเลอสรรก็รู้สึกแปลกตาและกลายเป็นฝ่ายเขินเสียเองจนต้องเบือนหน้าหลบ
เบนสายตาหนีสาวแต่ก็ไปปะทะกับหนุ่มที่นั่งมองอยู่ เลอสรรยิ้มแห้งๆส่งให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่มองนางอัปสราอย่าง
เฉยเมยและชินชาก่อนออกคำสั่ง
“จงช่วยกันล้างเนื้อล้างตัวให้แก่เมียข้า”
ฉับพลันจนเลอสรรสะดุ้งเมื่อเหล่านางอัปราลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพากันกรูเข้ามาหาเลอสรรพลางเร่งถอดเครื่องประดับทั้ง
หลายออกจากตัวเขา เลอสรรตาเหลือกได้แต่ปัดป้องแต่ก็ไม่ทันบรรดามือนุ่มที่หยิบโน่นฉวยนี่ไม่มีหยุด
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิจ๊ะสาวๆ อย่าเพิ่งแย่งกันถอด จ๊าก ตรงนั้นไม่ได้”
สะดุ้งโหยงเมื่อผ้าโจงเนื้อหยาบถูกดึงออกจากต้นขา กางเกงชั้นในอันเป็นปราการด่านสุดท้ายของเลอสรรถูกโยนทิ้งไว้ที่
ยอดปราสาทกัมโพชสรีโดยที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันก็มิได้จะสนใจเก็บกลับมาให้และบัดนี้เลอสรรก็เปลือยกายล่อนจ้อนท่ามกลางสาวๆ
และผู้ชายอีกคนที่จ้องตาเป็นมัน
“อ๋อย ทำไมทำกับพี่อย่างนี้ล่ะจ๊ะ”
หน้าแดงก่ำพลางใช้มือปิดน้องชายตัวเองจากสายตาคนในห้อง เลอสรรยิ่งตกใจหนักเมื่อนางอัปสราของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน
พากันใช้ผ้าผืนนุ่มชุบน้ำหมาดเช็ดไปตามเนื้อตัวเสียทุกซอกทุกมุมมิเว้นแม้แต่บริเวณที่เขาเฝ้าระวังโดยที่เขาปัดป้องไม่ได้ ส่วนเจ้าของ
ห้องขยับยืนอยู่ปลายเตียงอมยิ้มมองนัยน์ตาวิบวับและมีเพียงนางอัปรานางหนึ่งถวายการดูแลถอดเครื่องทรงออกจากวรกาย
“เสร็จแล้วจงออกไปกันเสียให้หมด ข้าจะอยู่กับเมียข้า”
เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆจากแม่พวกนางในที่พากันเดินนวยนาดออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้เลอสรรอยู่เพียงลำพังกับพระเจ้า
รุทรชัยวรมัน
เหี้ยเอ๊ย แม่ง ล่ำ กล้ามเป็นมัด สูงพอๆกับนายแบบฝรั่งแต่มีกล้ามแน่นปึ๋งแถมหน้าหล่ออย่างกับพระเอกหนังแขก เท่ชิบหาย
แล้วไอ้นั่นมันอะไรวะท่อนข้าวหลามหนองมนรึไง
เต็มสองตากับร่างอันสมบูรณ์แบบที่ยืนสง่าอย่างไม่นึกอาย แสงจากคบไฟแม้จะไม่สว่างเท่าแสงนีออน แต่มันก็ชัดเจนกว่า
ความมืดที่ปราสาทกำโพชสรี และยิ่งใกล้ถึงเวลาย่ำรุ่งดวงอาทิตย์จะเริ่มแตะขอบฟ้าความสว่างก็มากขึ้นทำให้เลอสรรมองภาพนั้นอย่าง
ตะลึงลาน และภาพนั้นก็เคลื่อนที่เข้ามาเอนกายลงนอนตะแคงเคียงข้างเลอสรรอยู่บนแท่นพระบรรทม
“เหตุใดจึงนอนตัวแข็งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเช่นนี้เล่าเมียข้า”
กูตกใจไง ไม่นึกว่าจะเบ้อเริ่ม มิน่าเจ็บตูดชิบหาย
“เอ่อ คือว่า...”
“ยังไม่หายหวาดกลัวข้าอีกรึสรัล”
โน้มพักตร์ลงไปประทับโอษฐ์กับแก้มนุ่มใสของคนที่ยังนอนตัวแข็ง วางพระชงฆ์(เข่า)ลงไปบนต้นขาของเลอสรรพระ
พาหา(ท่อนแขนส่วนบน)ข้างหนึ่งพาดไว้ตรงเอวแล้วดึงเข้าหาองค์
“หรือว่าขัดเขินนางพวกนั้นจนกระทั่งตัวแข็งแม้กระทั่งตรงนี้”
“โอ๊ย พี่รุทร อย่าสิ”
สะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบคว้าหมับที่น้องชายของเลอสรรแล้วบีบเบาๆ ความร้อนและสากสัมผัสกับเนื้อหนังจนเลอสรรผวา ร่าง
แกร่งยิ่งเบียดชิดสนิทแนบจนซุงใหญ่ดีดผึงใส่อยู่ตรงสีข้าง พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงคว้ามือของเลอสรรให้มากอบกุมท่อนเนื้อของ
พระองค์สลับกัน
“ทำความรู้จักกันไว้ เอ็งจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต”
กระซิบเสียงทุ้มแหบพร่าอยู่ข้างหูจนเลอสรรสั่นไปทั้งตัว มือของเขาถูกบังคับให้กำอยู่โดยรอบซุงใหญ่แทบไม่มิด ส่วนเจ้า
น้องชายของเลอสรรก็อยู่ในความดูแลของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่กำลังมองเขาตาเชื่อม
“จะ จะให้ผมทำอะไร อื้อ...”
ท่อนเนื้อเหมาะมือของเลอสรรกำลังถูกอีกฝ่ายทักทายอยู่ตรงยอดมน เลอสรรหันไปสบตาคมที่มองกลับและรู้ได้ว่าพระ
ประสงค์นั้นคือสิ่งใด
เอาก็เอาวะ เลยตามเลย ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว
เมื่อตกลงใจปลงใจได้เลอสรรจึงค่อยๆสาวมือ เขานวดปลายนิ้วลงไปอย่างที่เคยทำให้ตัวเองบ่อยๆ พระพักตร์ของพระเจ้ารุ
ทรชัยวรมันดูพอพระทัยยามที่เลอสรรเค้นแรงลงไป
“มากกว่านี้สรัลเมียข้า”
ดึงมือของเลอสรรให้โอบอุ้มทั้งของตัวเองและของพระองค์เข้าไว้ด้วยกัน เลอสรรต้องใช้ถึงสองมือเพื่อจะพรมนิ้วลงไปได้
พร้อมกัน สัมผัสของท่อนลำเสียดสีเปียกชื้นจนเลอสรรเองก็เริ่มหายใจแรงขึ้น และในที่สุดพระเจ้ารุทรชัยวรมันก็หมดความอดทน ทรง
พลิกองค์ขึ้นไปคร่อมอยู่เบื้องบนและบดจูบลงไปบนริมฝีปากแดงอิ่มตามธรรมชาติของเลอสรร
เม้มเรียวโอษฐ์เข้ามา หลอกล่อจนเลอสรรเผลอไผลจึงได้ส่งพระชิวหาเข้าไปในโพรงปากฉ่ำชื้น เลอสรรหลงไปกับพายุจูบ
จนต้องคล้องแขนไปรอบพระศอและเหนี่ยวรั้งให้ยิ่งตวัดลิ้นร้อนใส่กันจนน้ำใสไหลรินอยู่ที่มุมปาก เนื้อตัวกอดก่ายกันไปมาเปลี่ยนทิศอยู่
บนเตียงกว้าง ท่อนซุงใหญ่ยักษ์ลดระดับลงต่ำเมื่อทรงรับรู้ว่าตอนนี้เลอสรรพร้อมแล้ว
“อึก เบาๆครับพี่รุทร”
ประท้วงเมื่อสามเหลี่ยมปลายมนเปิดทางแคบเข้าไปช้าๆ น้ำปริ่มยอดช่วยให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันดันองค์เข้าไปง่ายกว่าครั้ง
แรก ทรงยกวรกายขึ้นทอดพระเนตรแผ่นอกสีน้ำผึ้งเนียนตาอย่างถูกพระทัยก่อนจะโน้มลงไปชิมรสยอดอ่อนจนมันตั้งชันชุ่มฉ่ำแดงเรื่อ
“หวานเหลือเกินเมียข้า”
ติดพระทัยในรสกายนี้เสียแล้ว ความหนั่นแน่นของบุรุษช่างทนแรงมือได้ดีกว่าสตรีเป็นไหนๆ ไม่ว่าจะทรงบีบเค้นลงแรงด้วย
ไฟแห่งราคะยามขยับเข้าใส่ ความรัดรึงตอดถี่ในช่องทางหยุ่นชื้นก็แสนจะเร่งเร้าให้ร่างกายตื่นเต้นจนเผลอปล่อยสุรเสียงออกมาเสีย
หลายคราว และไม่ว่าจะผาดโผนท่าใดเลอสรรก็ตอบรับได้ดีเหลือเชื่อ
“ขึ้นมาสิสรัล ข้ารอเอ็งอยู่”
“อื้อ พี่รุทร ท่านี้มัน อ๊า...”
ทรงพลิกกายที่บางกว่าให้ขยับขึ้นมานอนหงายทับอยู่บนวรกายแข็งแกร่งดังม้าศึก พญานาคราชย้อนเกล็ดขึ้นมาเข้าถ้ำเบื้อง
บนพลันเลื้อยเข้าออกอยู่ในโพรงล้ำลึก พระบาทเกาะเกี่ยวไปกับท่อนขาของเลอสรรแทนหลักให้ยึดยามที่เบื้องบนขยับรับเหมาะเจาะ
เสียงครางระงมก้องสะท้อนกลับไปมาจนเลอสรรนึกอายตัวเองหากแต่เขาก็กลั้นไม่อยู่จริงๆเมื่อจุดอ่อนไหวถูกกระแทกกระทั้น
“ซี้ดดด พี่รุทร ผมจะทนไม่ไหว อีกนิด...”
ดิ้นพล่านอย่างทุรนทุรายอยู่บนวรกายแน่นหนา ทรงใช้ข้อพระหัตถ์ช่วยกอดเกี่ยวเอวของเลอสรรไว้อีกข้างก็คว้าท่อนลำ
แล้วรูดรั้งช่วยเหลือ พระเจ้ารุทรชัยวรมันยกบั้นพระองค์พลางออกแรงไม่มีหยุดยั้งจนกระทั่งเลอสรรถึงกับเบิกตากว้างเมื่อร่างกายบิด
เกร็งโดยเฉพาะท้องน้อยและปลดปล่อยน้ำคาวขาวขุ่นอยู่เต็มอุ้งพระหัตถ์
“ข้าเองก็จะอดทนแทบไม่ไหว กายของเอ็งกำลังทำให้ข้าใกล้จะบ้า”
พึมพำด้วยเสียงกระเส่าสั่นพร่า ทรงดึงใบหน้าของเลอสรรที่ยังไม่เลิกหอบให้หันหน้ามารับจุมพิตหนักหน่วง บั้นพระองค์
ทำงานอย่างหนักในโถงถ้ำร้อนระอุ นาคราชยักษ์อหังการ์จนกระทั่งพ่นพิษออกมาอยู่เต็มถ้ำน้อย
ทรงหยุดนิ่งเพื่อซึมซับความสุขสมปล่อยให้ร่างกายของเลอสรรตอดรัดพักใหญ่กว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นพระเจ้ารุทรชัย
วรมันจึงค่อยๆถอดถอนกายออกมา ของเหลวจากการกระทำหลั่งไหลติดตามเปรอะเปื้อนอยู่ตรงต้นขาแต่เลอสรรก็ไม่ได้สนใจเพราะสติ
ของเขายังเตลิดไปกับบทรักที่ไม่เคยพานพบ
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงประคองให้เลอสรรลงจากบนวรกายมานอนหงายหายใจรวยรินอยู่กลางเตียง นัยน์ตาสีดำขลับยังคง
ลอยคว้างแม้ว่าจะถูกสวมกอดจากร่างสูงใหญ่ที่ตะแคงกายนอนเคียงข้าง ทรงปลุกปลอบด้วยจูบที่ขมับเรียกสติกลับคืนมาให้เลอสรร
“ขอบคุณสวรรค์นักที่ส่งเอ็งมาให้ เมียรักของข้า”
เลอสรรไม่ทันฟัง ความเหน็ดเหนื่อยจากบทรักทำให้เขาผล็อยหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดอบอุ่น แม้ว่าเพลานี้แสงสว่างจาก
ดวงอาทิตย์ยามอรุโณทัยกำลังฉายแสงแดงเรื่ออยู่บนขอบฟ้าก็ตาม
“พี่รุทร พี่รุทร”
ทรงลืมเนตรช้าๆเมื่อถูกปลุกจากร่างเปลือยที่มีผ้าผวยผืนบางปิดคลุมท่อนล่างไว้กันหนาว สีหน้าของเลอสรรดูยุ่งยากขณะ
สะกิดพระองค์ยิกๆ
“มีเหตุใดรึสรัล ข้ายังคิดจะหลับต่อสักพัก”
“คือว่า...”
เลอสรรยิ้มเจื่อนก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ตั้งใจฟัง และเมื่อเลอสรรพูดจบก็ทรงมองราวกับขำขันเต็ม
ประดา
“เรื่องนี้เองรึ ข้านึกว่าจะมีเรื่องอื่นที่มากกว่านี้เสียอีก”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีผ้าม่านกางกั้นไว้ เลอสรรมองตามแล้วจึงรีบเดินกระย่องกระแย่งไปยัง
ส่วนนั้น เขาชะโงกหน้าไปมองพร้อมกับสีหน้าเลิ่กลั่ก
“พี่รุทร นี่มัน ใช่หรือ”
คนถูกเรียกผงกเศียรขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ทรงใช้พระหัตถ์ดันเศียรไว้ยามที่มองตามเลอสรรไป
“มิผิดหรอกเอ็ง”
“แต่นี่มันกระโถน”
“กระโถนก็ถูกต้องแล้ว หากเอ็งมิเยี่ยวลงกระโถนแล้วจะเยี่ยวที่ใด”
“แล้วถ้าผมปวดอึ เอ๊ย ปวดหนักล่ะ” เลอสรรยังมีสีหน้าหันรีหันขวางพลางยืนบิดตัวเป็นเกลียว
“ปวดหนักเอ็งก็ปล่อยตรงนั้น แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเก็บให้”
แล้วไงอะมึงไอ้สรร ฉี่จะราด ของหนักก็มารออยู่หน้าถ้ำ แถมยังเจ็บตูดจากการถูกเบิ้ลไปอีก แต่ถ้ามึงไม่ปล่อยมึงได้
เลอะเทอะกว่านี้แน่
จำใจต้องปลดปล่อยออกมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน เลอสรรพยายามดึงผ้าม่านมาบัง รวมทั้งเก็บกลิ่นอย่างที่สุด ดีที่มุมนี้เป็นมุม
โปร่งกลิ่นไม่พึงประสงค์จึงไม่ได้ลอยไปกระทบจมูกเจ้าของห้องมากนัก ลืมไปว่ายุคนี้ไม่มีห้องน้ำ เลอสรรคิดวางแผนว่าเขาจะแนะนำให้
พระเจ้ารุทรชัยวรมันสร้างส้วมหลุมให้เป็นที่เป็นทาง จะได้ป้องกันโรคระบาดด้วยในตัว เมื่อเห็นเลอสรรจัดการตัวเองเรียบร้อยพระเจ้า
รุทรก็ตบพระหัตถ์เบาๆ เพียงไม่นานบรรดานางอัปสราหน้าจิ้มลิ้มก็กรูกันเข้ามาในห้องเช่นเมื่อก่อนรุ่งสาง เลอสรรยืนมองสาวๆที่กำลัง
สาละวนเตรียมงานอย่างละลานตา นางหนึ่งเดินนวยนาดเข้ามาดึงแขนของเขา
“สรงน้ำเพคะแม่อยู่หัว”
ใครวะ แม่อยู่หัว
“เสด็จเถิดเพคะ เดี๋ยวองค์พ่ออยู่หัวจะทรงกริ้วหากช้า”
“เอ๊ะ แต่ว่า ผมเพิ่งจะ...”
เพิ่งจะปลดทุกข์กองมหึมาในกระโถน นางนั้นยิ้มหวานใส่เลอสรร
“เรื่องนั้นเดี๋ยวพวกหม่อมฉันจัดการเอง เสด็จทางนี้เถิดเพคะ”
ถูกลากแขนให้เดินตามไปยังห้องเล็กที่เชื่อมอยู่ด้านหลังของห้องพระบรรทม เลอสรรเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงเบิกบานอยู่
ในถังไม้ทรงกลมใหญ่โดยมีนางอัปสราขัดสีฉวีวรรณให้
“มาแล้วรึเมียข้า มานี่สิสรัล”
กวักพระหัตถ์เรียกให้เลอสรรก้าวเข้าไปหา นางอัปสรารุนหลังให้เขาลงไปยังถังไม้บรรจุน้ำอุ่นกำลังดีไว้ เลอสรรได้แต่นั่ง
นิ่งให้นางอัปสราขัดโน่นถูนี่จนกระทั่งพวกนางพอใจจึงได้ยอมรามือ
“มาหาข้าสิ”
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 5
พระเจ้ารุทรชัยวรมันกางพระอังสาออกกว้างให้เลอสรรขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง พลางวางท่อนพระพาหาพาดอยู่บนไหล่
ของเลอสรร
“หายตกใจหรือยัง”
“ตกใจเรื่องอะไรครับ เรื่องที่ผมทะลุมิติมาที่นี่ใช่ไหม”
เลอสรรหันหน้าไปมองอย่างฉงนกับคำถาม พระเจ้ารุทรชัยวรมันขยับพักตร์รับ
“ใช่ รวมถึงเรื่องที่เอ็งตกเป็นเมียของข้า”
อย่าพูดบ่อยได้ไหม อายนะเว้ยที่เสียเชิงชาย เดี๋ยวจับกดแม่ง
แต่ดูจากขนาดลำตัวแล้ว ถ้าคิดจะจับอีกฝ่ายกดเลอสรรคงต้องออกแรงขย่มน่าดู ความคิดที่ว่าจึงยกเลิกโดยทันที
“ก็พอจะทำใจได้แล้ว แต่ผมกำลังคิดว่าผมจะกลับไปสมัยของผมยังไง”
สีพระพักตร์แปรเปลี่ยน พระหัตถ์ที่วางอยู่บนต้นแขนของเลอสรรบีบกระชับจนเขารับรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มจะ “ไม่ทรงโปรด” ในคำ
พูดของเขา
“เป็นเมียข้าแล้ว เหตุใดต้องคิดกลับบ้าน บ้านของผัวก็เสมือนบ้านของเมียเช่นกัน รึว่าเอ็งมีใครที่บ้านของเอ็ง”
มีใครงั้นหรือ ไม่มีหรอก เลอสรรเป็นเด็กกำพร้าโตมาในวัด และเพราะความใฝ่เรียนทำให้เลอสรรได้รับทุนการศึกษามาตลอด
ประกอบกับเวลาว่างเลอสรรก็จะรับจ๊อบทำงานพิเศษไม่มีเกี่ยงเขาจึงพอมีเงินใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่เดือดร้อน เรื่องความรักยิ่งไม่มี
ใหญ่ในเมื่อในแต่ละวันเลอสรรได้แต่เข้าห้องสมุดหรือออกไปสำรวจตามแหล่งอารยธรรมเก่ามากกว่าจะฟุ้งซ่านเรื่องหัวใจ
“ผมไม่ได้มีใคร แต่ผมยังเรียนไม่จบเลย เหลืออีกไม่กี่วิชาเอง”
บ่นอย่างเสียดายปริญญาที่กำลังจะได้รับ แต่พระเจ้ารุทรชัยวรมันกลับสนพระทัยเพียงแค่เลอสรรไม่มีพันธะ
“ดีแล้วสรัล เมื่อเอ็งไม่มีใครก็จงอยู่กับข้า เป็นเมียข้า ช่วยข้าดูแลแผ่นดินกว้างใหญ่นี้เถิด ในเมื่อสวรรค์ส่งเอ็งมาข้าก็จะถือ
เสียว่าเอ็งเป็นเนื้อคู่ เพียงข้าได้พบเอ็งแค่ราตรีเดียวข้าก็ไม่อยากให้เอ็งจากไป ฤาว่าข้าจะรักเอ็งเสียแล้ว”
“ใจง่าย” เลอสรรค่อนขอดพลางตวัดสายตาใส่
“คนอะไรเจอแค่วันเดียวก็หลงรัก”
“เอ็งรู้จักท่านพรหมไหม”
เลอสรรกะพริบตาปริบๆพลางทบทวนความรู้จึงนึกขึ้นได้ว่าอาณาจักรขอมนั้นนับถือศาสนาฮินดูที่เผยแผ่มาจากชมพูทวีป
ท่านพรหมของพระเจ้ารุทรชัยวรมันคงจะหมายถึงพระพรหมนั่นเอง เลอสรรจึงพยักหน้ารับ
“ท่านพรหมส่งเอ็งมา ท่านลิขิตเอ็งให้ข้า ข้าจึงรักเอ็งแม้ว่าเราจะเพิ่งพบกัน”
ทรงเชยคางให้เลอสรรเงยหน้าขึ้นมา สายพระเนตรฉ่ำหวานจนเลอสรรเขินจัด
“อยู่กับข้านะสรัล”
“ก็...”
ยังไงดีวะไอ้สรร
“ก็ได้”
อยากจะกัดปากตัวเองเมื่อตอบรับไปโดยง่าย แต่เลอสรรก็ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ความล้ำลึกของความ
รู้สึกที่ทรงสื่อสารมาทำให้หัวใจของเลอสรรเต้นรัวจนแทบจะหลุดมานอกทรวงอก และอย่างยิ่งตอนนี้ที่ทรงแนบพักตร์ลงมาประทาน
จุมพิตเป็นรางวัลที่เขาตอบรับ เลอสรรกำลังคิดว่าเขาอาจตกเป็นเมียของพระเจ้ารุทรชัยวรมันเสียอีกรอบในอ่างสรงนี่เองถ้าภายนอกห้อง
สรงจะไม่มีเสียงขอเข้าเฝ้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
พระเจ้ารุทรชัยวรมันถอนโอษฐ์ออกพร้อมกับพระพักตร์กริ้ว ทรงก้าวออกจากอ่างสรงอย่างรวดเร็วจนเลอสรรต้องรีบลุกตาม
และเพียงเขาก้าวไปยืนอยู่บนพื้น บรรดานางอัปสราที่รออยู่แล้วก็กระวีกระวาดมาเช็ดตัวแต่งองค์ทรงเครื่องให้เลอสรรอย่างชำนาญ และ
เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพลงแล้วเลอสรรก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ตอนนี้เลอสรรแปลงร่างเป็นบุรุษแห่งเจนละอย่างเต็มตัวยกเว้นผมที่ยังสั้น เทริดที่สวมอยู่บนศีรษะมีน้ำหนักกว่าของเก่าที่เขา
ใส่มาจากอนาคต กรองคอที่ใส่อยู่บนแผ่นอกเปลือยเล่นลายฉลุอ่อนช้อยรวมถึงกำไลต้นแขนและกำไลข้อเท้ารูปพญานาค ทั้งหมด
งดงามแวววาวเพราะมันคือทองคำแท้ๆ ผ้านุ่งโจงยกรั้งถึงต้นขาทอด้วยไหมสอดดิ้นทองลานตา
ส่วนพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนสง่าอยู่เคียงข้าง วรกายสูงแกร่งด้วยความสมบูรณ์เต็มที่ เกศายาวถึงกลางหลังมัดรวบเป็น
มวยเหนือเศียรปล่อยชายระพระศอ เครื่องประทับและพระภูษายิ่งงดงามกว่าที่เคยเห็นจนเลอสรรตะลึง ครั้นเมื่อทรงหันมาหาพลางคลี่
โอษฐ์แย้มสรวลน้อยๆประทานให้นั้นส่งให้พระองค์สง่างามยิ่งกว่าเทพบุตรมาจุติ
“มาเถิดสรัล ได้เวลาที่ข้าจะต้องประชุมงานแล้ว”
“ผมต้องไปด้วยหรือครับ”
กลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยื่นพระหัตถ์มาให้เลอสรรได้
กุมไว้เพื่อเป็นแรงใจและพาให้เขาก้าวตามออกสู่เบื้องนอกห้องพระบรรทม เลอสรรถึงกับอ้าปากค้างในความโอ่อ่าหรูหรา เท้าทั้งสอง
แทบจะขัดกันจนล้มเมื่อเดินไปตามลาดพระบาทแล้วมีแต่คนหมอบกราบถวายบังคม
กษัตริย์แห่งเจนละก้าวขึ้นสู่พระราชอาสน์ ส่วนเลอสรรนั้นนั่งอยู่บนตั่งเคียงอยู่ด้านฝั่งขวา ต่ำลงไปกลางโถงกว้างของท้อง
พระโรงฝั่งหนึ่งเป็นบรรดาขุนนางอีกฝั่งหนึ่งบรรดาเป็นพราหมณ์นั่งเผชิญหน้าเพื่อประชุมงาน แต่ละคนหมอบกราบหากแต่ก็แอบเหลือบ
ตามองมายังเลอสรรด้วยเพราะอยากรู้ว่าคนจากบนฟ้าที่ส่งมาเป็นคู่เคียงเขนยแด่พ่ออยู่หัวนั้นจะมีหน้าตาเช่นไร
“มีเหตุใดเป็นเรื่องด่วนจนถึงกับต้องตามข้ามาในเวลาเช่นนี้”
ยามประทับบนบัลลังก์เหนือแผ่นดินทรงจริงจังและเคร่งขรึมผิดจากยามประทับอยู่เคียงข้างบนแท่นพระบรรทมลิบลับ เลอ
สรรได้แต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้นพลางเหลือบตาไปทางพระเจ้ารุทรชัยวรมันบ้างเหล่าขุนนางบ้าง เขาเคยจินตนาการไว้ถึงการว่าราชการใน
ท้องพระโรงว่าจะเหมือนในหนังหรือไม่ เลอสรรไม่นึกว่าเขาจะได้มานั่งอยู่ในเหตุการณ์จริงเช่นนี้
“ทูลพ่ออยู่หัว บัดนี้อ้ายจอมขมังเวทเวคินมันออกฤทธิ์อีกคราแล้ว ครานี้มันบังอาจเรียกฟ้าให้ผ่าที่ท้ายหมู่บ้านตรงปลายน้ำ
ให้ชาวบ้านมอบสิ่งของมีค่าให้มัน มิเช่นนั้นมันจะเรียกฟ้าให้ผ่าลงมากลางหมู่บ้านอีก”
พระขนงดกดำเป็นปื้นเหนือพระเนตรคมของพระเจ้ารุทรชัยวรมันย่นเข้าหากันทันที ความเดือดร้อนของไพร่ฟ้าใต้การ
ปกครองสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้ครองนครเช่นพระองค์มากมายนัก ยังทรงนึกแปลกพระทัยกับความสามารถของจอมขมังเวทเวคินที่
ชื่อเสียงเรื่องความร้ายกาจของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและนับวันยิ่งทวีความเลวจนยากจะต่อกรแม้ว่าจะพระองค์จะมีทั้ง
พราหมณ์และผู้มีอาคมอยู่ใต้อาณัติจำนวนมาก หากแต่ไม่มีใครที่จะปราบเวคินลงได้
“เจ็บใจนัก นี่ไม่มีใครทำอะไรมันได้เลยใช่ไหม”
สุรเสียงโกรธกริ้วทำให้คนในท้องพระโรงหัวหดไปตามๆกัน ทรงยืนด้วยวรกายสูงสง่าและกวาดพระเนตรไปถ้วนทั่วแต่กลับ
ไม่มีใครเงยหน้ามาช่วยแก้ไขได้แม้แต่ผู้เดียว
“ดีล่ะ ข้าจะไปดูทีรึว่ามันจะทำร้ายข้าได้หรือไม่ จงจัดขบวนม้าเร็วบัดเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปยังหมู่บ้านที่ไอ้เวคินมาอาละวาด”
พระราชโองการจากพระเจ้ารุทรชัยวรมันมีผลทำให้เหล่าข้าราชบริพารกระวีกระวาดทำตามทันที ทรงหันพักตร์ไปหาเลอสรร
ที่ยังนั่งนิ่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีให้ลุกเดินมายังพระองค์
“ตามข้ามาเถิด เราจะไปยังหมู่บ้านปลายน้ำเพื่อไปดูฤทธิ์ของไอ้เวคิน”
เลอสรรติดตามเบื้องพระปฤษฎางค์ไปด้วยความตื่นเต้น ได้ยินพระเจ้ารุทรชัยวรมันตรัสถึงจอมขมังเวทเวคินให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง
ตั้งแต่พลัดถิ่นมา เลอสรรจึงอย่างจะรู้นักว่า บุคคลนามเวคินผู้นี้จะเก่งกล้าแค่ไหน
“อะ เอ่อ ผมขี่ม้าไม่เป็น”
เลอสรรหน้าซีดเมื่อเห็นม้าตัวใหญ่สีดำนิลขัดผิวมันขลับมาหยุดลงตรงหน้าเขา สีหน้าเลิกลั่กทำให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันแย้ม
สรวลด้วยความเอ็นดู
“ข้ารู้ ต่อไปข้าจะหัดให้เอ็งขี่ม้าคล่อง แต่บัดนี้เอ็งขึ้นม้าไปพร้อมข้าเถิด”
ทรงกระโดดขึ้นหลังอาชาประจำพระองค์อย่างคล่องแคล่วและส่งหัตถ์มาให้เลอสรรจับไว้ เขาจดๆจ้องๆพักหนึ่งจึงขึ้นตามไป
นั่งด้านหลังของพระเจ้ารุทรชัยวรมันด้วยความช่วยเหลือของทหาร หลังจากนั้นไม่นานขบวนของกษัตริย์ผู้ครองนครและทหารอีกราวสิบ
คนจึงมุ่งหน้าไปที่จุดหมาย
เพราะเป็นม้าเร็วที่ฝึกมาอย่างชำนาญ ไม่นานนักขบวนม้าของพระเจ้ารุทรชัยวรมันจึงมาถึงหมู่บ้านที่แจ้งว่าเวคินมาสร้าง
ความเดือดร้อน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำที่ไหลผ่านไปยังที่ลุ่ม ครั้นเมื่อชาวบ้านเห็นพ่ออยู่หัวของตนเสด็จ
ลงมาจึงรีบมาหมอบกราบ ผู้นำของชาวบ้านจึงรีบเล่าเรื่องจอมขมังเวทเวคินให้พระองค์ทรงรับฟัง
“มันมาพร้อมกับลมฝนและพายุบ้าคลั่ง ไอ้เวคินมันประกาศให้ชาวบ้านมอบทรัพย์สินและเสบียงให้มัน และพอมีคนขัดขืน
เพียงไม่นานมันก็ให้คนของมันมาจับตัวคนขัดขืนไปมัดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน จากนั้นมันก็เรียกลมเรียกฝนจนท้องฟ้าดำมืด เสียง
ฟ้าร้องฟ้าผ่าดังลั่น และฟ้าก็ผ่าลงมากลางต้นไม้จนกระทั่งคนที่มันจับไว้ตัวไหม้แกรียมตายในทันที พวกชาวบ้านหวาดกลัวมากจนต้อง
พากันมอบของมีค่าให้กับมันไป”
ยิ่งฟังเหตุการณ์พระพักตร์ของพระเจ้ารุทรชัยวรมันก็ยิ่งบึ้งตึง แต่เลอสรรกลับรู้สึกแปลกใจ เขาเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
ที่มีร่องรอยแตกหักของกิ่งไม้ ความสะกิดใจจากข้อมูลและความสงสัยทำให้เลอสรรเงยหน้ามองผ่านความหนาแน่นของใบไม้ขึ้นไปบน
ยอด พลันสายตาของเลอสรรก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง
“พี่ครับ พี่ทหาร”
เลอสรรเดินเข้าไปหาทหารคนหนึ่งที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเลอสรรสะกิดที่หัวไหล่และรีบทรุดตัวลงนั่งอย่างนอบน้อมทันที
“แม่อยู่หัวมีรับสั่งประการใด”
เลอสรรยิ้มเฝื่อน สงสัยว่าเขาจะต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะชินกับธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้ เลอสรรชี้ไปยังต้นไม้ต้นนั้น
“พี่ทหารช่วยปีนขึ้นไปบนยอดไม้แล้วช่วยดูว่ามันมีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า ถ้ามีก็หยิบติดมือมาด้วยนะครับ”
เมื่อกล่าวจบทหารคนนั้นก็รีบปีกขึ้นต้นไม้อย่างชำนาญ และใช้เวลาเพียงครู่เดียวเขาก็ปีนกลับลงมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง
แล้วรีบนำมาให้เลอสรร พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนมีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านทั้งหลายทอดพระเนตรอย่างแปลกพระทัยและรีบเสด็จมาหาเลอสรรทันที
“มีอะไรรึสรัล”
เลอสรรชูสิ่งที่อยู่ในมือให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงทอดพระเนตร
“นี่มันแร่ทองแดงไม่ใช่รึ”
แท่งยาวราวสองศอกปลายแฉก แน่นอนว่าทุกคนรู้จักดีเพราะพวกเขาใช้มันหล่อรวมกับทองเป็นเครื่องประดับที่เรียกว่า นาค
“ทำไมมันจึงขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ได้”
เลอสรรเองก็งงเหมือนกัน ถึงแม้ว่าบ้านเมืองในยุคเจนละจะเจริญในทุกๆด้าน หากแต่บางเรื่องก็ยังขาดความรู้อยู่บ้างอาทิ
เช่นเรื่องนี้ ถ้าเลอสรรอยู่ในยุคปัจจุบันของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “สายล่อฟ้า” และการที่เจ้าแท่งทองแดงนี้ขึ้นไปอยู่บน
ยอดไม้จนกระทั่งฟ้าผ่าอย่างแรงนั้นมันไม่ใช่มนตราอะไรทั้งสิ้น มันคือ “วิทยาศาสตร์” ชัดๆ
สายลมพัดกรูพร้อมกับหอบผิวดินขึ้นมาจนกระจายคลุ้ง แดดยามบ่ายจัดมืดลงด้วยพยับเมฆดำทะมึน ความชื้นแผ่ปกคลุม
สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก พระเจ้ารุทรชัยวรมันเหลียวพักตร์ทอดพระเนตรจึงเห็นร่างของบุรุษผู้หนึ่ง
ปรากฏกายขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นดินคละคลุ้ง ชาวบ้านที่หมอบกราบพากันตัวสั่น จะหนีก็ไม่กล้าเพราะมีพระจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนอยู่ด้วย
บุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาช้าๆ ด้านหลังมีลูกน้องตัวสูงใหญ่อีกหลายคนยืนอยู่เบื้องหลัง เขาคนนั้นเป็นชายวัยกลางคน ศีรษะเถิก
ไปครึ่งหัวและลงพุงเล็กน้อย เขาสวมใส่ผ้าพันรอบกายตล้ายวรรณะพราหมณ์แต่เป็นผ้าสีดำ ผมยาวมีสีดอกเลามัดเป็นมวยเหนือ
ท้ายทอย ดวงตาของเขาดูหลุกหลิกพิกล สีหน้าประสงค์ร้ายทำให้ทหารรีบรุดกันมาคุ้มกันพระเจ้ารุทรชัยวรมันทันที
“เอ็งคือเวคินงั้นรึ”
ตรัสเสียงเย็นพร้อมกับทอดพระเนตรอย่างประเมินความสามารถของอีกฝ่าย ดูทีแล้วพระองค์ยังมองไม่เห็นถึงความอหังการ์
อย่างผู้มีพลังในเวทจากชายตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว จะมีก็แต่ความยะโสโอหังเท่านั้น
“ใช่แล้วพ่ออยู่หัว ข้านี่แหละเวคิน”
ยืดอกแสดงความผึ่งผายแต่ไม่ได้น่ากลัวสักนิดสำหรับเลอสรรที่ยืนอยู่ไกลออกไปโดยที่ไม่มีใครสนใจนัก อาจเป็นเพราะเขา
เป็นคนแปลกหน้า แต่ก็ส่งผลดีกับการที่เขาจะเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างระแวดระวัง
“เอ็งเป็นหมอผีที่เลวทรามต่ำช้า”
ทรงยกข้อพระหัตถ์ชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมตรัสบริภาษ เวคินแค่นหัวเราะอย่างไม่นึกเกรงอาญา
“คนอ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด ในเมื่อพวกมันสู้ไม่ได้ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของข้า”
“สามานย์นัก”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันพลันชักดาบคมออกจากฝักที่เหน็บอยู่ตรงบั้นพระองค์แล้วยกขึ้นชี้ไปที่เวคิน พระพักตร์เต็มไปด้วยความ
กริ้วโกรธา
“ข้าจะกำจัดเอ็งเพื่อความสงบสุขของเจนละ”
สิ้นเสียงของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน ทหารของพระองค์ก็กรูเข้าต่อสู้กับลูกน้องของเวคิน ส่วนเจ้านายทั้งสองฝ่ายจ้องมองห้ำหั่น
กันด้วยสายตา ดวงตาหลุกหลิกของเวคินกรอกไปมาก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นฟ้าเบื้องบนที่มีแต่เมฆครึ้มสีดำลอยต่ำปกคลุม ลมฝนพัด
แรงจนแสบตาจากนั้นจึงโปรยหยาดฝนเม็ดหนาลงมาบนผืนดิน เลอสรรมองเห็นเวคินยกยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง
เลอสรรจ้องมองเวคินพึมพำอะไรบางอย่าง ลมพายุพัดแรงจนแทบจะหอบข้าวของบนพื้นดินให้ลอยคว้าง เสียงฟ้าร้องและ
แสงสว่างแวบจากท้องฟ้าสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวบ้านที่จับกลุ่มกันให้ยิ่งขยับเข้าหากันด้วยความหวาดกลัว จอมขมังเวท
ยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างได้ใจพลันยกมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวก่อนจะเหวี่ยงแขนไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 6
ครืนนนน
ฟ้าผ่าลงมาดังสะเทือนแก้วหู ผู้อยู่ในเหตุการณ์บ้างก็เอะอะบ้างก็กรีดร้องด้วยความตกใจ แต่เมื่อแสงและเสียงนั้นเลือนหาย
ไปรอยยิ้มของเวคินที่มองไปยังต้นไม้ต้นใหญ่กลางลานหมู่บ้านก็พลันจางหายไปด้วย เขาจ้องไปยังยอดไม้ด้วยความตระหนกที่มันยัง
ปลอดภัยจากฟ้าผ่า
“มองหาไอ้นี่อยู่ใช่ไหม”
เลอสรรชูแท่งแร่ทองแดงในมือขึ้นมาเรียกความสนใจจากเวคิน ดวงตาหลุกหลิกดังงูพิษเบิกกว้างขึ้นมาทันที
“มันไปอยู่ที่มึงได้ยังไง แล้วมึงเป็นใคร”
สำเนียงผิดเพี้ยนไปจากชาวเจนละที่หลุดออกมาพร้อมกับประโยคคำถามของเวคินเวลาลืมตัวยิ่งทำให้เลอสรรผิดสังเกตมาก
ขึ้นไปอีก แต่ในวินาทีวิกฤตินี้เขาจะมัวแต่สงสัยมากไม่ได้
“ทำไม หวงเหรอ เพราะของคุณมาอยู่ในมือผมใช่ไหม ฟ้ามันถึงไม่ผ่าลงมาสร้างอภินิหารให้คุณ”
เลอสรรกวนกลับอย่างย่ามใจ ถึงอย่างไรพระเจ้ารุทรชัยวรมันและทหารทั้งหลายก็ต้องคุ้มครองเขาอยู่แล้ว เลอสรรจึงลอย
หน้าลอยตายั่วเย้าอย่างไม่นึกกลัวเท่าใดนัก
“สรัล ที่เอ็งพูดมานั้น เอ็งหมายถึงกระไร”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันรุดมายืนเคียงข้างและตรัสอย่างข้องพระทัย เลอสรรยักไหล่และหันไปโปรยยิ้มให้เวคิน
“ก็หมายความว่า เขาเป็นแค่หมอผีเก๊ไงล่ะครับ อ้อ! เก๊แปลว่าไม่ใช่ของจริงน่ะครับพี่รุทร ที่ฟ้าผ่าลงมาบนยอดไม้ก็เพราะว่ามี
ทองแดงมัดอยู่บนยอด และแท่งทองแดงที่แหละที่เป็นตัวล่อให้ฟ้าผ่าลงมา ไม่ใช่เพราะวิชาอาคมอะไรเลย”
เสียงฮือฮาดังขึ้นแข่งกับเสียงสายฝนจากชาวบ้านที่ออกันเฝ้ามองเหตุการณ์ บ้างก็เชื่อที่เลอสรรพูดบ้างก็ยังครั่นคร้ามใน
ฤทธิ์เดชเวคิน ความอลหม่านนั้นทำให้เวคินกระสับกระส่ายหนักขึ้น
“ไอ้เด็กเลว มึงพูดอะไรของมึง กูนี่แหละเฮ้ย จอมขมังเวทเวคินผู้เรียกลมเรียกฝนได้”
“เหรอลุง งั้นก็ลองทำให้ฟ้าผ่าดูอีกรอบสิแล้วผมจะเชื่อ”
ลมพายุเริ่มเข้าสู่ความสงบแล้ว พยับเมฆสีดำมืดเคลื่อนคล้อยไปจนเหลือเพียงเมฆหนาปกคลุมผืนฟ้าและโปรยปรายสายฝน
บางเบาไม่เหลือเค้าว่าท้องฟ้าจะแปรปรวนอีกครั้ง เวคินกัดฟันแน่นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนมา เขาหันหาลูกน้อง
และออกคำสั่งทันที
“จัดการพวกมัน”
ทหารของพระเจ้ารุทรชัยวรมันรอจังหวะอยู่แล้ว ทั้งสองฝั่งกรูเข้าหาปะทะห้ำหั่นด้วยคมดาบ ชาวบ้านที่ยังคงจับกลุ่มส่งเสียง
โห่ร้องจนเวคินหน้าซีดลงเรื่อยๆ เขาค่อยๆสืบเท้าก้าวถอยหลังทีละนิดเมื่อเห็นลูกน้องของตนเสียท่าเหล่าทหารไปทีละคน
“หยุด เอ็งจะหนีไปที่ใดไม่ได้ไอ้คนชั่ว”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันประกาศกร้าว ทรงพุ่งองค์เข้าหาด้วยดาบประจำพระองค์แต่เวคินก็ชักดาบมาสู้ เหล็กกล้ากระทบกันเกิด
เป็นประกายไฟจนเลอสรรที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับใจเต้นรัวด้วยความเป็นห่วงพระเจ้ารุทรชัยวรมัน หากแต่เพราะปรีชาสามารถล้ำเลิศ ไม่นาน
เวคินก็อ่อนแรง ดวงตาหลุกหลิกเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหวาดกลัวและหาทางเอาตัวรอด เขาตัดสินใจรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายยกดาบ
รับแรงกดจากพระเจ้ารุทรชัยวรมันก่อนจะปัดออกจนพ้นตัวและพุ่งเข้าหาเลอสรรทันที
“เหี้ย จะทำอะไรกู”
หัวใจของเลอสรรหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเวคินตรงเข้ามาล็อคคอของเขาจากด้านหลังและจ่อด้านคมเข้าหาลำคอ พระเจ้ารุทร
ชัยวรมันสีพระพักตร์แดงก่ำด้วยความกริ้ว
“ปล่อยสรัลเดี๋ยวนี้!”
เวคินแสยะยิ้มเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาคาดการไว้นั้นถูกต้องแล้ว เพราะการแสดงออกถึงความห่วงใยที่พระเจ้ารุทรชัยวรมันมีต่อไอ้
หนุ่มหน้าตาดีคนนี้ทำให้เวคินรู้ว่าคนที่เขากำลังใช้เป็นตัวประกันนั้นคือบุคคลสำคัญของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน
ได้ยินข่าวลือมาว่าทรงจัดพิธีขอพรจากดวงจันทร์เพื่อขอผู้มีบุญบารมีร่วมกันมาเป็นคู่ครองและเพื่อปราบตัวเขาเอง หากแต่
เวคินไม่นึกเท่านั้นว่าดวงจันทร์จะส่งผู้ชายมาให้กษัตริย์แห่งเจนละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาแปลกใจ เวคินส่งเสียงขู่ออกไปทันที
“หลีกทาง ไม่อย่างนั้นข้าจะเชือดคอไอ้หนุ่มคนนี้ให้ตายคาดาบของข้า”
“เลวชิบหาย พี่รุทรอย่าห่วงผม ฆ่ามันเลย”
แม้ว่าเลอสรรจะตะโกนมาเช่นนั้น แต่เมื่อพระเจ้ารุทรชัยวรมันทอดพระเนตรคมดาบที่จ่อแนบลำคอของเลอสรรแล้วก็ทรงไม่
กล้ากระทำการบุ่มบ่าม ทรงยกหัตถ์ห้ามเมื่อทหารของพระองค์ทำท่าจะเข้าไปจัดการกับเวคิน
“ถ้าสรัลบาดเจ็บแค่เพียงรอยเล็บข่วน ข้าจะฆ่าเอ็งทิ้งแล้วโยนศพให้แร้งกาแทะกิน”
มีหรือที่เวคินจะสนคำขู่ เขาลากให้เลอสรรเดินถอยหลังมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงม้าตัวที่ใกล้ที่สุดโดยที่พระเจ้ารุทรมิกล้าบุก
เข้าหาเพราะเกรงภัยจะตกแก่เลอสรร เวคินบังคับให้เลอสรรขึ้นไปบนหลังม้าสีดำปลอดอันเป็นม้าประจำพระองค์ก่อนที่เขาจะกระโดด
ตามขึ้นไปซ้อนหลังและกระตุกบังเหียนให้ม้าควบออกไปทันที
“สรัล!!”
ทรงตะโกนก้องด้วยความเจ็บพระทัยที่เลอสรรถูกจับเป็นตัวประกัน พระเจ้ารุทรชัยวรมันรีบกระโจนขึ้นหลังม้าตัวอื่นและใช้ส้น
พระบาทกระแทกไปที่ลำตัวของม้าให้มันออกวิ่งติดตามเวคิน แต่เป็นเพราะเวคินได้ม้าของพระองค์ที่ได้ชื่อว่าเป็นม้าฝีเท้าเร็วที่สุดไป
พระองค์จึงได้แต่ทอดพระเนตรเวคินพาเลอสรรห่างไปเรื่อยๆ ทรงกัดโอษฐ์อย่างเจ็บพระทัยแต่ก็ไม่ย่อท้อที่จะติดตามไปช่วยเลอสรร
เลอสรรตกใจและหวาดกลัวแต่เขาก็พยายามควบคุมสติตลอดระยะเวลาที่เวคินควบม้าหลบหนีการจับกุม มือหนึ่งของเวคิน
จับบังเหียนส่วนอีกมือหนึ่งก็ใช้คมดาบจ่อคอหอยของเลอสรรจนหวาดเสียวว่าจะเชือดเสียหลายครั้ง เวคินพาเขามาในหนทางกลางป่า
ลึกและตะวันก็คล้อยต่ำลงเรื่อยๆจนเห็นเพียงแสงสีส้มเย็นอยู่เหนือยอดไม้และกำลังจะลับหายไปในไม่ช้า
“ปล่อยผมเถอะและยอมมอบตัวกับพี่รุทร เผื่อเขาจะยอมปล่อยคุณไป”
ตัดใจจากความหวาดกลัวและเอ่ยหว่านล้อมออกไปให้คนเบื้องหลังได้ยินโดยไม่รู้เลยว่าเวคินกำลังย่นหัวคิ้วเข้าหากันเมื่อได้
ฟังคำพูดจาของเลอสรร เวคินกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างขณะที่ม้าประจำพระองค์พาทั้งคู่วิ่งผ่านป่าใหญ่เข้าสู่ลานกว้างและมีศาสน
สถานตั้งอยู่ เลอสรรจ้องมองพร้อมกับเบิกตากว้าง
ปราสาทหินกำโพชสรี!
จำได้ติดตาเมื่อเห็นสระน้ำกว้างและปราสาทหินที่ตั้งอยู่กลางน้ำ เวคินบังคับให้ม้าสีดำปลอดหยุดนิ่งหน้าบันไดพญานาคและ
บังคับให้เลอสรรกระโดดลงจากม้า เวคินยังคงแนบคมดาบลงไปที่ลำคอและผลักให้เลอสรรเดินนำขึ้นไปบนยอดของปราสาทหิน
“โอ๊ย!”
ถูกผลักให้เซถลาเข้าหาแท่นหินกลางยอดของปราสาทหินที่เลอสรรคุ้นเคย หัวเข่าของเลอสรรกระแทกเข้ากับแท่นหินจน
เขาต้องร้องลั่นก่อนจะหันไปหาเวคิน
“พี่รุทรจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆถ้าผมเป็นอะไรไป”
“อย่ามาขู่กูไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
เวคินดึงผ้าผืนยาวที่ใช้ห่มท่อนบนของเขาออกและใช้มันมัดมือทั้งสองของเลอสรรไว้ด้วยกัน เขาบังคับให้เลอสรรขึ้นไป
อยู่บนแท่นหิน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นจนเลอสรรผวา
“มึงคิดว่ากูกลัวจนเยี่ยวขึ้นสมองแล้วสิ หือ ไอ้หน้าอ่อน”
เวคินขยับตามขึ้นมาบนแท่นหินด้วยกิริยาคุกคาม เขาคลานเข่าขึ้นคร่อมไปอยู่บนร่างของเลอสรรที่ถูกผลักให้หงายหลังลง
ไป เลอสรรจำเป็นต้องหยุดนิ่งเมื่อดาบในมือของเวคินกลับมาจ่อที่คออีกครั้ง
“คุณเป็นใครกันแน่”
เลอสรรเค้นเสียงถาม เขาสบตากับเวคินที่กำลังมองกลับด้วยนัยน์ตาหื่นกระหาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์แค่นยิ้มจนหัวใจของเลอสรร
เต้นเร็วด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“แล้วมึงคิดว่ากูเป็นใคร”
เวคินเลิกคิ้วถามกลับ ความยะโสโอหังกลับมาเยือนบนใบหน้าของเวคินทันที
“ถ้าเดาไม่ผิด มึงต้องเป็นคนที่มาที่นี่ในวันทำพิธีขอพรจากดวงจันทร์ใช่ไหม สรุปก็คือ มึงเป็นเมียของไอ้รุทรที่มาจาก
กรุงเทพล่ะสิ”
เลอสรรเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเวคินพูดถึงกรุงเทพ เขาพยายามดิ้นรนแต่ก็ถูกเวคินกดทับน้ำหนักลงมา
“ทำไมถึงรู้จักกรุงเทพ บอกผมว่าคุณเป็นใครกันแน่”
“ก็เป็นคนที่มาจากที่เดียวกับมึงไง” เวคินตะคอกใส่หน้า
“มึงคิดว่ามึงเป็นคนเดียวที่หลุดทะลุมิติมารึไง”
เลอสรรอ้าปากค้าง เขาจ้องมองเวคินอย่างเหลือเชื่อ
“มิน่าล่ะ คนที่นี่ไม่มีใครใช้ทองแดงเป็นสายล่อฟ้าอย่างที่คุณทำเพื่อหลอกลวงคนอื่นหรอก”
“มึงจะรู้อะไร” เวคินตวาด
“มึงไม่เข้าใจหรอกว่าคนที่ตั้งใจจะกระโดดสะพานตายในวันลอยกระทงอย่างกู แต่เสือกมาโผล่กลางสถานที่แปลกประ
หลาดน่ะจะรู้สึกยังไง”
เลอสรรสบตากับเวคิน ดวงตาของเวคินเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำเมื่อเผลอระบายความในใจออกมา
“กูเจ็บที่เมียทิ้งกู คนอย่างกูแม่งเป็นถึงดอกเตอร์นะโว้ยชีวิตกูทำไมต้องมาตกต่ำเพราะอีเมียดอกทอง กูทั้งเจ็บทั้งอาย
ไม่มีทางไหนที่จะทำให้มันหายไปได้นอกจากตายไปให้มันพ้นจากสายตาดูถูก กูกระโดดจากสะพานลงไปในแม่น้ำในวันลอยกระทงแต่
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นตัวเองอยู่ในป่าเมื่อสิบสองปีที่แล้ว กูต้องหาทางเอาตัวรอดให้มีชีวิตอยู่และเรียนรู้ที่จะหาประโยชน์จากไอ้พวกโง่
เง่า ในที่สุดกูก็รู้ว่าควรจะทำอะไร”
“สิบสองปีมานี้กูใช้ความรู้ที่กูมีให้เป็นประโยชน์ กูหลอกให้พวกมันหวาดกลัวด้วยสิ่งที่พวกมันไม่เคยเจอ ยกตัวอย่างก็แค่ไอ้
ทองแดงที่มึงเห็นนี่แหละและยังมีอย่างอื่นอีกเยอะ กูสั่งสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆจนกลายเป็นจอมขมังเวท ในโลกเก่ากูมันแค่ไอ้ขี้แพ้แต่ที่นี่
กูคือผู้ยิ่งใหญ่ โลกใบเก่ากูมีแต่หนี้ มีแต่คนปอกลอกไม่จริงใจ แต่ที่นี่กูมีสมบัติแก้วแหวนเงินทองผู้หญิงมาปรนเปรอ ทั้งหมดเป็นเพราะกูต้องการเอาตัว
รอดมันผิดตรงไหน”
“ผิด!”
เลอสรรจำได้แล้วว่าเมื่อสิบสองปีก่อนมีข่าวว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งผิดหวังจากความรักที่ถูกภรรยาสวมเขาและ
หลอกเงินไปจนหมดตัว จึงได้กระโดดสะพานลงไปในแม่น้ำสายหนึ่ง แต่ทว่าไม่มีใครหาศพเจอและกลายเป็นบุคคลสาบสูญในที่สุด เลอ
สรรคิดว่าเวคินน่าจะเป็นคนเดียวกับเหตุการณ์นั้น
“การเอาตัวรอดของคุณไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสียหาย”
“ช่างกูเหอะ อยู่ที่นี่ขี้ยังเป็นทอง เรื่องอะไรกูจะกลับให้โง่ ว่าแต่ทำไมมึงไม่มาช่วยกูฮึ เราจะได้รวยไปพร้อมกัน”
เลอสรรหนาวสะท้านไปทั้งตัวเมื่อดวงตาของเวคินส่อแววกลับกลอก เขาวางดาบไว้ข้างลำตัวก่อนจะใช้มือบีบคางของเลอ
สรรไว้
“ไม่ ผมไม่ร่วมมือกับคุณ”
เลอสรรโต้ตอบพลางดิ้นรนขัดขืน หากแต่ผ้าห่มกายฝืนใหญ่รัดข้อมือจนดิ้นไม่หลุด เขาเริ่มรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงที่กำลัง
คืบคลานเข้ามา
“ปล่อยผม ปล่อยกูสิโว้ย”
“หน้าตามึงก็ดีนี่หว่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้รุทรมันหลงมึงเพียงแค่ไม่กี่วันที่ได้เจอกัน ไหนๆแล้ว ขอให้กูลองหน่อยได้ไหม
ว่าจะดีจริงสมกับตำแหน่งแม่อยู่หัวหรือเปล่า”
“เหี้ย อย่านะ”
เลอสรรร้องลั่นอย่างขยะแขยงเมื่อเวคินก้มต่ำลงมาหา หัวไหล่ของเลอสรรถูกเวคินกัดจนเป็นรอย แขนทั้งสองที่ถูกมัดไว้โดน
รวบไว้เหนือหัว เวคินก้มหน้าลงไปอ้าปากครอบลานนมและครูดฟันเข้ามาจนเกิดรอยสีแดงก่ำน่ากลัว
ผ้านุ่งถูกกระชากออกเผยให้เห็นเนื้อเนียนอยู่ภายใน เวคินใช้หัวเข่ากดลงไปตรงลิ้นปี่ของเลอสรรจนไม่อาจต่อกรได้
“ผิวมึงนี่เนียนชิบหาย เห็นแล้วมันน่านัก ยอมให้กูเป็นผัวอีกสักคนก็แล้วกันนะ”
ดวงตาเรียวเบิกกว้าง มือทั้งสองขยับดิ้นรนหากแต่มันก็ไม่หลุด เลอสรรพยายามต่อสู้เต็มที่ทั้งที่แทบจะมองไม่เห็นโอกาส
เวคินสบถอย่างเดือดดาลที่เลอสรรไม่ยอมละความพยศ เขาใช้กำปั้นชกลงมาเหนือหน้าท้องของเลอสรรจนกระทั่งเลอสรรหมดเรี่ยวแรง
เพราะความเจ็บปวด
“พี่รุทร ช่วยด้วย”
พึมพำเบาๆด้วยความอดสู ในเมื่อตกเป็นเมียของพระเจ้ารุทรชัยวรมันแล้ว เลอสรรก็ไม่ต้องการเป็นของใครอีก แต่ตอนนี้
เวคินกำลังจะทำให้เลอสรรหมดคุณค่าแปดเปื้อนราคี
“ใครจะมาช่วยมึงได้วะ มานี่ มาให้กูเอาเสียดีๆ ทำตัวง่ายๆหน่อยจะได้ไม่เจ็บตัว”
ต้นขาถูกแยกออกจากกัน เวคินปลดผ้านุ่งของตนออกและจ่อท่อนลำเข้าหาประตูเร้นลับทันที
พี่รุทร ผมขอโทษที่ไม่อาจรักษาตัวให้พี่คนเดียวได้
หลับตาลงด้วยความปวดร้าว พร้อมกับเกร็งหนีการบุกจู่โจม เลอสรรกัดฟันจนห้อเลือดเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกข่มเหงจาก
คนเลวที่มาจากอนาคตเช่นเดียวกับเขา
พลักกกก
“โอ๊ย!!”
เสียงอะไรบางอย่างดังแว่วเข้าหู พร้อมกับที่ความอึดอัดเพราะถูกกดทับบนลำตัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง เลอสรรรีบลืมตาแล้วกวาด
สายตาไปรอบๆทันที
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 7
เวคินร่วงจากแท่นหินไปล้มคว่ำอยู่บนพื้น หัวใจของเลอสรรเต้นรัวด้วยความดีใจเมื่อเห็นพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงยืนทอด
พระเนตรชายโฉดอย่างเอาเรื่อง และยังไม่ทันที่เวคินจะตั้งตัวก็ทรงกระทืบพระบาทใส่แผ่นหลังของเวคินแล้วเหยียบไว้กับพื้น เสียงร้อง
ลั่นดังขึ้นจากเวคินเมื่อลำตัวถูกกดเหยียบด้วยพระบาทใหญ่โต
“พี่รุทร”
เลอสรรพยายามจะลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะข้อมือยังถูกมัดติดกันและยังไม่หายจุกเสียดที่ถูกเวคินทำร้าย
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงหันมาทอดพระเนตรด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่สรัล หากเอ็งเจ็บมากกว่านี้ ข้าจะจับมันกุดหัวเสียให้สิ้น”
เลอสรรส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาโล่งใจที่ตนเองยังไม่แปดเปื้อนราคีจากเวคิน พระเจ้ารุทรชัยวรมันยื่นหัตถ์ไปคลายปมผ้าที่
มัดมือให้เลอสรร แต่วินาทีนั้นเองที่เวคินฉวยโอกาสทีเผลอพลิกตัวกลับและยกเท้าถีบไปที่พระนาภีจนเสียหลัก ชายโฉดรีบลุกขึ้นและ
ถลาไปคว้าดาบของตนเองที่วางไว้บนแท่นก่อนจะกวัดแกว่งดาบใส่พระเจ้ารุทรชัยวรมัน
“พี่รุทร ระวัง!!”
เพิ่งสังเกตว่าพระเจ้ารุทรชัยวรมันมิได้ทรงถือดาบมาด้วย อาจจะเพราะรีบร้อนหรืออย่างอื่นเลอสรรก็สุดจะคาดเดา แต่ตอนนี้
เวคินกำลังได้เปรียบ ใบหน้าโฉดแค่นยิ้มอย่างได้ใจขณะจ้วงดาบเข้าใส่พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ได้แต่หลบคมดาบอย่างน่าหวาดเสียว
พระเจ้ารุทรชัยวรมันใช้สายพระเนตรแหลมคมจ้องมองการเคลื่อนไหวของเวคินจนกระทั่งหาจังหวะได้ ทรงพุ่งองค์เข้าใส่
แล้วยึดข้อมือแย่งชิงดาบจากเวคินที่ก็ยื้อยุดไม่ยอมแพ้ เลอสรรกัดปากด้วยความตื่นเต้น เขาเหลียวซ้ายแลขวาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้
เพื่อหาทางช่วย และแล้วดวงตาเรียวของเลอสรรก็โตขึ้นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกองอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นเขาจึงถลาไปคว้ามาทันที
ชั่วเสี้ยววินาทีที่เวคินหมดความสนใจในตัวเขาเพราะกำลังต่อสู้กับพระเจ้ารุทรชัยวรมัน เลอสรรก้าวไปยังเบื้องหลังของเวคิน
และใช้สิ่งที่อยู่ในมือครอบลงไปบนศีรษะเถิกก่อนจะดึงจนกระทั่งมันรัดไปรอบลำคอของเวคิน พระเจ้ารุทรชัยวรมันรีบแย่งดาบมาจาก
เวคินทันที
“อึก อะ อะไร มึงทำอะไรกู”
“สำหรับคนเหี้ยๆอย่างมึงไง อยากปล้ำกูนักไม่ใช่เหรอ เอากางเกงในกูไปดมก่อนเถอะมึง”
เลอสรรออกแรงดึงจนเวคินสำลักอากาศ แต่แล้วเวคินก็ยกข้อศอกแทงกลับมาด้านหลังใส่เลอสรรจนสะดุ้งสุดตัว พระเจ้ารุทร
ชัยวรมันเห็นดังนั้นก็ทรงเงื้อดาบขึ้นและฟันฉับไปที่ลำคอของเวคินเพียงดาบเดียว หัวของเวคินก็หลุดออกจากบ่า โลหิตสีแดงฉานพุ่ง
ออกมาราวกับสายน้ำก่อนที่ร่างไร้ศีรษะจะล้มไปกองกับพื้น
เลอสรรอ้าปากค้าง เขาตระหนกตกใจกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นกับภาพหวาดเสียวตรงหน้า ใบหน้าของเลอสรรซีดเผือด
ราวกับกระดาษขณะจ้องมองหัวของเวคินที่ยังมีกางเกงในของเขาสวมอยู่กลิ้งหลุนๆอยู่บนพื้น ความตกใจกลัวทำให้เขาหน้ามืดและหมด
สติลงไปทันที
“สรัล สรัล”
เสียงอ่อนโยนชวนให้ใจสั่นดังอยู่แถวๆใบหูนี่เอง เสียงนั้นปลุกเลอสรรให้ตื่นขึ้นมา หากแต่เมื่อใกล้จะลืมตาตื่น ภาพน่ากลัวก็
พลันปรากฏในมโนสำนึกจนผวาเฮือก
“โอย อย่ามาหลอกหลอนกูเลย”
“สรัล สงบใจก่อนเถิด”
อ้อมกอดจากพระพาหาช่วยปลอบโยนให้เลอสรรคลายความกลัว แต่เขาก็ยังใจสั่นเมื่อนึกถึงภาพที่เวคินถูกพระเจ้ารุทรชัย
วรมันฟันคอขาดกระเด็นต่อหน้าต่อตา ความหวาดหวั่นบนสีหน้าของเลอสรรทำให้พระเจ้ารุทรชัยวรทอดพระเนตรด้วยความสงสาร
“ขวัญมาอยู่แต่ตัวนะเมียข้า บัดนี้เรื่องเลวร้ายแห่งเจนละจบสิ้นลงแล้ว ความสุขสงบของแผ่นดินกลับคืนมาเพราะเอ็งโดยแท้”
เมื่อตั้งสติได้เลอสรรจึงค่อยคลายความกลัวลงและกล้าเงยหน้าสบตาเนตรคมของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน
“มันตายแล้วใช่ไหมพี่รุทร ตายแน่ๆใช่ไหม มันจะไม่ลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ เอ๊ย ผีมาหลอกผมใช่ไหม”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันแย้มสรวลอย่างเอ็นดูกับกิริยาท่าทางของเลอสรร ทรงเชยคางมนไว้ในอุ้งหัตถ์ของพระองค์
“มันตายแล้วสรัล แลหากมันจะลุกขึ้นมาเป็นผีสางมันก็คงจะมองไม่เห็นทางเพราะสิ่งที่เอ็งฝากไว้บนหัวมันได้บดบังเสียสิ้น
หรือว่าเอ็งอยากจะได้มันคืน”
เลอสรรส่ายหน้าพรืด เขาไม่นึกเสียดายกางเกงในที่ครอบอยู่บนหัวของเวคินแม้แต่นิดเดียว นึกดีใจที่ในคืนวันนั้นพระเจ้ารุทร
ชัยวรมันทรงถอดมันออกและโยนทิ้งไว้บนพื้น จนกระทั่งเขากลับมาใช้ประโยชน์จากมันได้
“เอ็งกลัวแลตกใจจนสิ้นสติ” ทรงเล่าประทานให้ฟัง
“ข้าต้องแบกเอ็งขึ้นม้ากลับมายังวัง ปลุกเท่าใดก็ไม่ตื่นแม้แต่ยามที่นางอัปสรามาล้างกายให้ก็ยังหลับ”
เลอสรรเพิ่งจะมีสติก้มไปสำรวจร่างกายตนเอง ตอนนี้เขาสะอาดหมดจดอยู่บนพระราชบรรจถรณ์(ที่นอน) มีเพียงผ้าผืนบาง
ห่มคลุมท่อนล่างไว้หลวมๆ แต่ก็ยังเห็นร่องรอยที่เวคินทำร้ายร่างกายอยู่บนไหล่และเหนือราวนม พระเจ้ารุทรชัยวรมันที่ทรงมองตามถึง
กับกัดพระทนต์กรอดพลางเอื้อมหัตถ์ลูบไล้ไปตามร่องรอยนั้นอย่างเจ็บพระทัย
“เห็นแล้วยิ่งแค้นนัก ข้านึกอยากจะไปลากซากของมันจากสระน้ำที่ปราสาทกัมโพชสรีขึ้นมาโบยด้วยแส้อีกสักพันครั้งที่มัน
บังอาจข่มเหงเอ็ง”
สีพระพักตร์โกรธกริ้วแค้นเคืองทำให้เลอสรรยิ้มออกมาได้ เขาซุกตัวเข้าหาแผ่นอกแข็งแรงอย่างไม่นึกกระดากใจอีกแล้ว
พระเจ้ารุทรชัยวรมันแสดงให้เลอสรรรู้แล้วว่าทรงรักและพร้อมจะปกป้องเขาจากเหตุร้ายทั้งปวง และทำให้เลอสรรอยากจะฝากชีวิตอัน
โดดเดี่ยวของเขาให้บุรุษสูงศักดิ์ดูแลตลอดไป
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว พี่รุทรสบายใจเถอะ พี่ไปช่วยผมทันจากไอ้เลวที่มาจากที่เดียวกับผม”
เลอสรรเล่าให้พระเจ้ารุทรชัยวรมันฟังถึงที่มาของเวคิน ทรงสดับรับฟังอย่างตั้งพระทัยจนกระทั่งเลอสรรเล่าจบ
“หากจะกล่าวไปแล้ว คงเป็นเพราะท่านพรหมส่งมันมาเช่นกัน เป็นเพราะมันหลุดมาจากเวลาของเอ็งเพื่อมาสร้างความเดือด
ร้อน ข้าจึงต้องขอพรจากท่านพรหมจนได้เอ็งมาช่วยปราบมัน หากไม่มีเอ็ง ใครจะรู้ถึงความฉ้อฉลของมันเล่า ขอบใจนะสรัล”
ทรงกดพระโอษฐ์ลงไปที่กลางหน้าผากของเลอสรรอย่างอ่อนโยน เลอสรรซึมซับมันไว้จากบุรุษที่ภายนอกดูเข้มแข็งดุดันแต่
กลับปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเลิศ เลอสรรยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเขาตกหลุมรักพระเจ้ารุทรชัยวรมันเข้าเสียแล้ว
“ไม่มีรางวัลให้ผมบ้างเหรอ”
“เอ็งอยากได้สิ่งใดเล่าสรัล บนแผ่นดินเจนละข้าจักหามาให้เอ็งทุกอย่างที่เอ็งประสงค์”
เลอสรรยกแขนคล้องไปรอบพระศอแล้วจึงช้อนสายตามอง นัยน์ตาของเขาฉ่ำไปด้วยความในใจที่ฉายออกมา
“ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากพี่รุทรคนเดียวเท่านั้นครับ”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันสรวลออกมาอย่างถูกพระทัย ทรงยกเลอสรรให้ขึ้นมานั่งอยู่บนบนตักพร้อมกับทอดพระเนตรหวานตอบ
กลับจนเลอสรรชักจะเขินที่กล้าพูดความในใจออกไป
“พูดดีเหลือเกินเมียข้า ต่อให้เอ็งไม่ขอข้าก็คิดจะยัดเยียดตัวข้าให้เอ็งอยู่แล้ว”
ปลายข้อพระหัตถ์แตะไล้อยู่ตรงแก้มนุ่ม ทรงประทานจุมพิตลงไปกับเรียวปากอิ่มช่างเจรจา กลีบปากล่างของเลอสรรถูกดูด
เม้มทีละนิดก่อนจะครอบครองไว้จนหมด เมื่อพอพระทัยแล้วก็ถึงยอมปล่อยแต่กลับล่วงล้ำแทนด้วยพระชิวหาที่สอดเข้าไปช้าๆในโพรง
ปากหวาน
“อื้อ อืมมม”
เลอสรรเอียงหน้ารับ มือที่คล้องอยู่รอบพระศอโอบรัดเหนี่ยวรั้งให้จูบนั้นยิ่งล้ำลึก เขาตวัดลิ้นอุ่นชื้นที่แทรกซึมอย่างไม่ยอม
แพ้ เนื้อตัวร้อนรุ่มไปด้วยเลือดลมพลุ่งพล่านจนต้องเป็นฝ่ายผลักให้วรกายแข็งแกร่งเอนลงไปกับพระบรรจถรณ์ เลอสรรโน้มตัวลงไป
เบียดแนบแน่นพลางขยับต้นขาคร่อมไปกับพระโสณี(สะโพก)กว้างแกร่งและเบียดให้ความเป็นชายได้ทักทายกัน
ผ้าพันกายหลุดลุ่ยจนไม่เหลือสิ่งใดขวางกั้น ปลายดาบถูไถจนเกิดไอร้อนฉ่ำชื้น เลอสรรที่อยู่ด้านบนขยับกายขึ้นให้
แผ่นอกเนียนเรียบของเขาอยู่พอดีกับโอษฐ์ของพระเจ้ารุทรชัยวรมันได้แตะปลายชิวหาลงบนยอดสีน้ำตาลและละเลงพระ
เขฬะ(น้ำลาย)ลงไปจนเปียกชุ่ม ยอดอกพุ่งชันตามแรงปรารถนาจนเลอสรรได้แต่จิกนิ้วลงไปในเส้นเกศาจนพระโมลี(มวยผม)หลุดลุ่ย
“อา ดีเหลือเกินครับพี่รุทร”
รำพึงรำพันจนต้องห่อปากไว้ เลอสรรขยับเอวตนเองบดเบียดไปกับท่อนขาหนั่นแน่น ปากทางสัมผัสอยู่กับถุงเนื้อแฝดของ
พระเจ้ารุทรชัยวรมันเริ่มอุ่นระอุเร่งเร้าให้เลอสรรเปิดทางรับงูใหญ่ให้เลื้อยเข้าถ้ำ
“อืม แน่นมากเมียข้า”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันพึมพำอยู่กับแผ่นอกที่ยังไม่เลิกดูดดุนอย่างติดพระทัย ทรงวางหัตถ์ทั้งสองแนบไปกับแก้มก้นนุ่มมือของ
เลอสรรและขยายมันออกเพื่อให้งูยักษ์ขยับเข้าถ้ำได้โดยสะดวก ถ้ำน้อยคับแน่นแต่ก็ฉ่ำชื้นให้พระองค์ลอดผ่านเข้าไปได้ไม่ยากเย็นนัก
โถงถ้ำขยับตอดรัดไปรอบงูยักษ์จนอดไม่ได้ที่จะพุ่งพรวดเข้าไปเพราะอยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้
“อื้อ พี่รุทร เสียวครับ”
เลอสรรสูดปากเมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นที่ทะลวงเข้ามา เขากดเอวรับพญางูให้เข้ามาในถ้ำน้อยได้จนหมดทั้งตัว งูยักษ์ขยับ
ส่ายหัวเสาะหาของดีอยู่ในถ้ำจนกระทั่งพบเจอเหยื่อ งูยักษ์ไม่รอช้ามันพุ่งเข้าฉกโดยพลัน
“โอย ไม่ทนแล้วโว้ย”
เลอสรรร้องลั่น เขาดีดตัวเด้งผึงขึ้นมาทรงตัวอยู่บนพระโสณีของพระเจ้ารุทรชัยวรมัน เลอสรรกดเอวลงไปแล้วหมุนวนให้
ความเป็นชายภายในกายนั้นได้ควงสว่านไปทุกส่วน เขากดกายย้ำลงไปกับจุดอ่อนไหวที่ทำให้แอ่งน้ำภายในไหลรินเปียกชื้นเพิ่มความ
ต้องการจนหน้ามืด
“สรัล ข้าจะไม่ไหว ต้องการเอ็งเหลือเกิน จะทำอะไรก็ทำเถิดเมียข้า”
ทรงกัดโอษฐ์เมื่อไฟราคะจุดติด พระเจ้ารุทรชัยวรมันยื่นหัตถ์ไปกอบกุมบีบเค้นยอดอกที่เต่งตึงชูชัน เลอสรรพริ้มตาจือปาก
พร้อมกันกับที่เขาเริ่มขย่มเอวลงไปเป็นจังหวะบนพระโสณีที่ขยับรุกอย่างไม่ยอมแพ้
เสียงความฉ่ำชื้นกระฉอกสะท้อนอยู่รอบห้อง เลอสรรกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอเมื่อท่อนเนื้อกระแทกจุดอ่อนไหวต่อ
สัมผัส เลอสรรสะดุ้งเฮือกกับแรงสั่นสะเทือนจนต้องเกร็งท้องน้อยไว้ น้ำเมือกขาวขุ่นพุ่งพรวดออกมาจากแก่นกายของเขารดใส่อยู่เต็ม
พระนาภีของพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่เม้มโอษฐ์แน่นเมื่อโถงถ้ำกำลังบีบรัดจนงูยักษ์ผวา
ทรงเด้งองค์ขึ้นมาจากท่านอนและกอดรัดร่างเหนียวหนับด้วยเหงื่อของเลอสรรไว้ ก่อนจะฝังพระทนต์ลงไปที่ซอกคอของ
เลอสรร บั้นพระองค์ทำงานอย่างหนักขณะเร่งระบายความต้องการของพระองค์จนเลอสรรหัวสั่นคลอนอยู่ในอ้อมกอด แม้จะเพิ่งปลด
ปล่อยออกไปแต่เมื่อเจอพายุแห่งอารมณ์โหมใส่เลอสรรก็ถึงกับเตลิดไปอีกครั้ง มือหนึ่งคล้องพระศอไว้เป็นหลักยึดส่วนอีกมือก็คว้า
ความเป็นชายของตัวเองไว้และนวดเฟ้นไปพร้อมกับที่ถูกโจมตีในถ้ำน้อยเปียกชื้น
“พะ พี่รุทร โอย มันจะแตก อีกรอบแล้ว”
ครางลั่นเสียงกระเส่าแหบพร่า พระเจ้ารุทรส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะยันองค์ทรงยืนอยู่บนพระแท่นบรรทม ท่อนพระพาหาโอบ
รัดร่างของเลอสรรที่กอดเกี่ยวท่อนขาของเขาไว้กับบั้นพระองค์(เอว)ยามที่ถูกกดให้ทางลับถูกกระแทกด้วยแรงจากท่อนลำที่ร้อนไปด้วย
ไฟ
“สรัล เมียข้า เอ็งนี่คือสวรรค์สำหรับข้าโดยแท้ ไปพร้อมกันกับข้าเถอะนะ”
กระซิบเสียงแหบต่ำ ทรงจุมพิตเร่าร้อนจนปากของเลอสรรเปียกชื้น เสียงครางถูกดูดกลืนซึ่งกันและกันเหลือไว้เพียงเสียง
เนื้อกระทบกันดังลั่น พระวรกายร้อนฉ่าปวดร้าวไปหมดยามเมื่อเร่งเร้าให้ถึงสวรรค์
“พี่รุทร อื้มม”
“สรัลเมียรัก ข้า...”
พรวดดด
พญานาคพ่นพิษใส่โถงถ้ำพร้อมกับลาวาจากเลอสรรที่พุ่งในพระนาภีของพระเจ้ารุทรชัยวรมันอีกครั้ง ทรงหยุดนิ่งค้างไว้เพื่อ
ให้ความสุขสมแทรกซึมได้อย่างเต็มที่ เสียงลมหายใจหนักหน่วงดังจากนาสิกแม้ว่ายังไม่เลิกจุมพิตด้วยเสน่หาจากบุรุษที่พระจันทร์ส่ง
มา
“สรัล ข้ารักเอ็ง”
“ผมก็รักพี่รุทรครับ”
กระซิบบอกรักก่อนที่เลอสรรจะซบหน้าลงไปบนพระอังสา เขากอดรัดพระเจ้ารุทรชัยวรมันไว้ราวกับจะถวายชีวิตให้แด่
พระองค์ตลอดไป
-
อภินิหารมนตรา จันทราสะกดใจ
บทที่ 8 (ส่งท้าย)
เลอสรรมองเงาที่สะท้อนอยู่ในพระฉาย(กระจก) เขาแทบจำตนเองไม่ได้เมื่อวันนี้เขาถูกแม่นางอัปสราทั้งหลายขัดสีฉวีวรรณ
จนผิวสีน้ำผึ้งยิ่งเนียนจนน่าสัมผัส และยังถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องครบครันตั้งแต่หัวจรดเท้า
เทริดบนศีรษะในวันนี้อันโตกว่าวันไหนๆ อัญมณีเม็ดเขื่องประดับอยู่บนยอดส่องแสงแวววาวจนแสบตา กรองคอแผ่นใหญ่ฉลุ
ลวดลายจนแทบจะปิดมาถึงหน้าท้อง ผ้านุ่งโจงยกรั้งอวดท่อนขางามทอสอดดิ้นทอง กำไลต้นแขนและกำไลข้อเท้าเป็นรูปพญานาค
ตั้งแต่หัวจรดหาง เลอสรรประเมินค่าไม่ถูกว่าตอนนี้ทั่วทั้งตัวประกอบด้วยทองคำทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่
บานทวารถูกเปิดออก ปรากฏวรกายสง่างามราวกับเทพบุตรของพระเจ้ารุทรชัยวรมันก้าวเข้ามา นางอัปสราต่างยอบกาย
ถวายบังคมและหลีกทางให้กษัคริย์แห่งเจนละทรงยืนเคียงเลอสรร
“หล่อจังพี่รุทร”
คำชมเรียกรอยแย้มสรวลจนพระปรางปริ วันนี้พระเจ้ารุทรชัยวรมันก็ทรงเครื่องครบตามแบบขัตติยะประเพณี พระเนตรคมที่
แสนดุยามมองผู้อื่น แต่เมื่อผู้นั้นคือเลอสรรพระเนตรนั้นทั้งอบอุ่นและหวานล้ำเสมอ
“เอ็งก็งามนักสรัล”
“จะชมกันเองอีกนานไหมครับ”
เลอสรรหัวเราะชอบใจ ใบหน้านั้นยิ่งกระจ่างใสจนอดไม่ได้ที่จะต้องจุมพิต พระเจ้ารุทรชัยวรมันกุมมือของเลอสรรไว้แล้วตรัส
เสียงนุ่ม
“พร้อมหรือยังสรัลเมียข้า”
เลอสรรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อบรรเทาความตื่นเต้น ฝ่ามือเย็นกุมกระชับอยู่ในหัตถ์อุ่นเพื่อสร้างความมั่นใจ
“พร้อมแล้วครับพี่รุทร”
“ข้าดีใจที่มีวันนี้”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงจูงมือของเลอสรรให้ก้าวตาม หนทางจนถึงท้องพระโรงดูสั้นนักในความรู้สึกของเลอสรร และเมื่อ
ใกล้ถึงเสียงเป่าแตรและฆ้องชัยก็ดังกึกก้องไปทั่วพระราชวัง
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงปล่อยมือของเลอสรรให้นั่งลงบนตั่งด้านข้างก่อนที่พระองค์จะก้าวขึ้นไปสู่พระราชอาสน์ของเจ้าแผ่น
ดิน ประมุขแห่งพราหมณ์วัยชราก้าวมาด้านหน้าและถือสาส์นในมือเปิดอ่านเสียงดังทั่วท้องพระโรง
“พระบรมราชโองการให้แต่งตั้งเอกอัครชายาในพระเจ้ารุทรชัยวรมันที่หนึ่งผู้ปกครองเจนละอันยิ่งใหญ่ ทรงพระราชทาน
พระนามแด่เอกอัครชายาว่า พระเจ้าสรัลจันทรมันตรา อันหมายถึงผู้ได้รับการเลือกด้วยมนตราจากจันทรา ขอให้ทั้งพ่ออยู่หัวและแม่อยู่
หัวเคียงคู่กันชั่วกาลนานเทอญ”
สิ้นเสียงประกาศ เสียงปี่แตรและฆ้องชัยก็โหมโรงประโคมอีกครั้งรวมถึงเสียงสวดมนต์อวยพระพรจากบรรดาเหล่าพราหมณ์
ที่มาร่วมในงานพิธีอภิเษกและเฉลิมพระยศ พระเจ้าสรัลจันทรมันตราทรงยืนและก้าวพระบาทไปยอบองค์หน้าพระที่นั่ง ทรงค้อมเศียรให้
พระเจ้ารุทรชัยวรมันรดน้ำจากพระสังข์ลงบนพระเกษาและเอื้อมหัตถ์ไปรับแผ่นทองจารึกพระสุพรรณบัฎจากพระเจ้าแผ่นดิน
กษัตริย์แห่งเจนละก้าวพระบาทเคียงคู่เอกอัครชายาไปตามลาดพระบาทออกสู่ลานกว้างเบื้องหน้าพระราชวังซึ่งบัดนี้คับแคบ
ลงด้วยไพร่ฟ้าแห่งเจนละมารวมตัวกันเพื่อชื่นชมพระบารมี พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงจูงพระหัตถ์พระชายาหมาดๆให้ก้าวขึ้นสู่แท่นพิธียก
สูง ทรงกวาดพระเนตรมองผู้คนทั่วหล้าที่หลั่งไหลมาวันนี้
“ข้าดีใจที่มีวันนี้ สรัล”
เลอสรรหรือพระเจ้าสรัลจันทรมันตราส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่ฝูงชนที่กำลังโห่ร้องแสดงความยินดี จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้แด่
พระสวามีที่วันนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข
“พี่รุทรรู้ไหมว่าผมขออะไรจากพระจันทร์”
เมื่อพระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงส่ายพักตร์ เลอสรรจึงได้เฉลยให้ฟัง
“ผมขอแค่ใครคนหนึ่ง ใครสักคนที่พระจันทร์จะมอบให้ผม ขอบคุณเหลือเกินที่พี่รุทรคือของขวัญจากพระจันทร์”
พระเจ้ารุทรชัยวรมันทรงกุมมือของเลอสรรไว้ ถึงแม้ว่าพระองต์กับเลอสรรจะพบกันด้วยอภินิหารแห่งมนตรา แต่สิ่งที่สะกดใจ
ของทั้งคู่ไว้ด้วยกันก็คือความรัก
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมพระบารมี พระเจ้ารุทรชัยวรมันจึงพระราชทานความสุขให้แก่ไพร่ฟ้าด้วยการจุมพิตเอกอัครชายา
ทรงเชยพระหนุ(คาง)ของพระเจ้าสรัลจันทรมันตราและแนบโอษฐ์ลงไป แม้จะขัดเขินที่ต้องแสดงความรักต่อหน้าผู้คนมากมายแต่พระ
เจ้าสรัลจันทรมันตราก็ทรงจุมพิตตอบกลับอย่างเต็มพระทัย ทรงสัญญากับองค์เองว่าจะรักและมอบชีวิตให้แผ่นดินเจนละตลอดไป
จบบริบูรณ์
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
o13 o13 o13 o13 o13
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอบคุณค่ะ สนุกดี ถ้ายาวกว่านี้อีกหน่อยจะอินกว่านี้อีก
คนเขียนจะแต่งตอนพิเศษเพิ่มไหมคะ
(ถ้าจะกรุณา อยากอ่านความเป็นไปในยุคปัจจุบันหลังจากเลอสรรตกน้ำ
แล้วก็การพัฒนาความเป็นอยู่ยุคขอมโบราณโดยแม่อยู่หัวยุคสองพัน 55
แล้วเรื่องผู้สืบราชสมบัติล่ะคะ)
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ไม่เคยอ่านเรื่องที่เป็นคําราชาศัพท์แบบนี้เลย
เพราะอ่านไม่เก่ง แต่ก็ตั้งใจอ่านจนจบ
อยากจะบอกว่าสุดยอดมาก เขียนได้ดีมากๆ
การบรรยายในทุกๆฉากลื่นไหล และทำให้รู้ว่า
ความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ถึงจะได้พบเจอกันไม่กี่วัน
แต่ก็สามารถรักได้เต็มหัวใจ และสามารถฝากชีวิตไว้ได้
ขอบคุณที่แบ่งปั่น
:กอด1:
-
ปกติไม่ค่อยชอบนิยายแนวโบราณแบบนี้นะ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ บรรยายได้ดีมากค่ะแบบนึกภาพออกเลย ส่วนตัวเราอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงวรรณคดีเรื่องอิเหนานะคิดว่าบรรยากาศน่าจะคล้ายๆกัน ตอนแรกก็คิดว่าตอนจบเลอสรรจะกลับมาซะอีกแต่ก็เปล่า แปลว่าอยู่ที่นั่นตลอดเลยสินะ
-
ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยย
เขียนภาษาดีจัง
ชอบๆ
-
สุดยอดเช่นเคย
-
เพิ่งได้อ่าน สนุกๆๆๆ
แอบอยากรู้เหมือนกันว่าแล้วที่โลกปัจจุบัน เพื่อนๆ ทำไงกับเลอสรรคที่หายไป
-
ทรงพระร้อนแรงยิ่งนัก :pighaun:
-
สนุกมากกกกค่ะ ชอบๆๆๆ
แต่พี่รุทรหื่นมากกกกกนะคะ อิอิ :hao7:
ครองคู่กันไปนานๆนะพี่รุทร สรัล~~
ปล..มีตอนพิเศษหลังจากนี้มั้ยคะ? ช่วงฮันนีมูนไรงี้~~ :hao6:
-
สนุกดีค่ะ สรรน่ารักดี
-
ชอบๆ อ่านแล้วเพลินมากอ่ะ :katai2-1:
:L2: :pig4: :pig4: :L2:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:สุดยอดๆๆๆ ชอบมากๆ ภาษาสวย คือดีงามมมมม ชอบๆๆๆ :mew1:
-
เลอสรรลืมธีสีสที่ยังทำไม่เสร็จไปล่ะมั๊ง ฮ่าๆๆๆ
ขอบพระใจคนเขียนมากๆ
-
ขอสารภาพว่าอ่านฉากเปิดเรื่องไม่เข้าใจ แหะๆ อ่านไปถึงฝันเปียก ห๊ะ ฝันเปียกอะไร กลับไปอ่านใหม่ อ้ออออ มันคือฉากมุดถ้ำนี่เอง :o8:
สนุกดีค่ะ เขียนเป็นเรื่องยาวได้เลย เล่าถึงชีวิตคู่ที่จำเป็นต้องมีสนมมีลูก ช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ได้จารึกในประวัติศาสตร์ จนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน(ที่ไม่มีนายเอกแล้ว)
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สนุกมากค่ะ แอบอยากให้เป็นเรื่องยาว
-
สนุกค่ะ ภาษาสวยยยย สนใจแต่งเรื่องแนวนี้เป็นเรื่องยาวไหมคะ
น่าอ่าน
-
ชอบยุคนี้มากๆเลย แต่งได้สนุกและน่ารักมาก
อยากอ่านต่อๆ :ling1:
-
เขินนนน
-
ทำคนอ่านสูบฉีดกันดีจริงๆเลยค่ะ 555555555
ทำไมเรื่องนี้ พอใช้ เอ็ง ข้า กู มึง แล้วมันดูกิ๊วก๊าว มาเมียคงเมียข้า โอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว
-
สนุกมากจ้า
-
สนุกและตลกมากเขียนยาวเถอะค่ะมันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ อยากให้เพื่อนของสรรทะลุมิติตามมาด้วยคงมันส์พิลึก
เราชอบการใช้ภาษาการบรรยายมากอ่ะได้อารมณ์มาก :man1:
แต่ถึงคนแต่งจะไม่เขียนต่อแต่ขอตอนพิเศษสักเล็กน้อยเถอะค่ะ :call:
ปล. เลิฟแม่อยู่หัว
-
ชอบอ่ะชอบมากค่ะ ขอตอนพิเศษได้ไหมคะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชอบฉากเอนซีเรื่องนี้มากกกกก สนุกค่า
-
สนุกกก เขินคำว่า"เมียข้า"มากเลย พูดบ่อยไปแล้วพี่รุทร
:o8: :o8: :o8:
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ว้าวๆๆๆ พระเอกร้อนแรงมากเลยค่ะ ชอบๆ
แต่พักหลังนานเอกก็อ่อยแล้วสินะ ฮือ ไม่อยสกให้จบเลย
ขอบคุณมากสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :กอด1:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกมากจ้า
เรทและเร็วดี มีความเป็นวิทยาศาสตร์
-
สนุกมากๆเลยค่ะ สลัลน่ารักดี เนื่อเรื่องน่าติดตามแต่งเป็นเรื่องยาวได้เลยนะเนี้ย o13 :pig4:
-
เนื้อเรื่องแปลกดีแต่อ่านแล้วสนุกมาก ๆ ครับ สรัลออกจะเกรียนเล็ก ๆ
ขอบคุณครับ
-
o13
-
โอ๊ยยยยชอบมากกกกกกกกกกก ฟินๆๆๆ :hao7:
-
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนความดันจะขึ้น :m25:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:pig4:
-
มีต่ออีกมั้ย ขออีกๆ
-
โอ๊ย......
คือดีงาม
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
-
ชอบจังเลย >< อ่านไปเขินไป
-
พระจันทร์ช่างเลือกคู่ให้นะสรัลเลือกมาทั้งทีได้กษัตริย์ขอมเลย
พระเจ้ารุทรชัยวรมันก็น่ารักนะอ่านแล้วเขินเวลาที่เค้าหวานใส่กัน
ภาษาก็สวยชอบอยากอ่านอีก :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
โอยยยย ชอบแนวย้อนเวลามาหารักกกกก 55555
ถ้าเป็นเรื่องยาวต้องสนุกๆมากแน่เลยยย สรัลน่าจะฮาาา 55
-
เยี่ยมอ่ะ ชอบจังเลย
ไม่รู้จะมีแนวนี้เรื่องยาวไหม ต้องตามหาล่ะ อิอิ
-
แอบอยากให้เขียนเป็นเรื่องยาว
แนวแบบนี้หาอ่านยากมาก
อยากบอกว่าชอบมากกกก
-
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
-
ftp://
-
o13 o13 o13
-
หวานมาก ร้อนแรงมากและสนุกมากเลยค่ะ
:pig4: :pig4:
-
:hao7: สนุกมากเลยค่า ชอบมาก เพิ่งเคยเจอแนวยุคขอมโบราณ
-
ชอบมากเลยค่ะ ไม่สั้นมาก ไม่ยาวมากกระชับ ภาษาสวย อ่านลื่นนนน งื้ออ ขอบคุณค่า
-
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ
สนุกมากๆๆๆเลยค่ะ นายเอกน่ารักมากก ฮืออ
ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับการอ่านคำราชาศัพท์
แต่เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ เข้าใจง่ายมาก
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆอีกครั้งค่ะ
o13
-
สนุกมากค่ะ ชอบๆๆๆ
-
สนุกมากเลยค่า
อ่านเพลินเลย
-
ตามมาอ่านจากการรีวิวทางทวิตเตอร์ เป็นช็อตฟิคที่ครบรสมากค่ะ ปกติชอบอ่านแนวพรีเรียดอยู่แล้ว ภาษาดีชอบมากเลยค่ะ ถ้าเป็นเรื่องยาวได้จะดีมากๆเลย :impress2:
-
สนุกมากเลยค่ะ เกิดมาเป็นคู่กันจะอยู่ยุคไหนก็ไม่แคล้วกันจริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :L2:
-
คู่บุพเพแท้ๆอยู่ที่ไหนก็เจอกัน
-
:-[ :-[ o13 o13 o13
-
เพิ่งได้มาอ่านนะคะ คือดีมากกกกกก
สนุกดีค่ะ เป็นพล็อตแฟนตาซีที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรแต่มีความสนุก ความดีงามในตัวเอง
เสียดายถ้ายาวกว่านี้อีกนิดจะรู้สึกเต็มอิ่ม แต่ก็กลัวจะมีดราม่า 5555
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ มาแบ่งปันนะคะ
-
สนุกมากเลย เก่งจังค่ะ จะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
-
สนุกมากๆค่ะ เสียดายที่เป็นเรื่องสั้น อยากอ่านอีกเยอะๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
-
:katai2-1: สนุกมากๆค่ะ เลอสรรโชคดีมาก แต่เราขำเวคินมาก
:laugh: สะใจ 555555 ตายอนาถแท้ :laugh3: กางเกงในครอบหัว
555 โอย ขำ แต่ก็ขอบคุณมากๆนะคะ นิยายไม่มีม่าเลย ชอบๆ
ต้องขอบคุณกระทู้นิยายแนะนำที่ทำให้เรามาเจอเรื่องนี้
-
:hao5: ชอบบบบบ
-
ถูกใจข้านัก :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
-
สนุกมากกกกกเขินด้วย ตอนพี่รุทเรียกเมียข้างี้
-
เขินพี่รุทรมากกกกก ละมุนมากแม้แต่ฉากพยานาคมุดถ้ำพาให้นึกถึงบทอัศจรรย์ตามวรรณคดีร้อยกรอง นอนเขินจนตัวบิดแล้วเจ้าค่ะ
-
:pig4: สนุกมากอ่านเพลินเลย o13
-
:impress2:
-
:o8:
-
ถึงจะเรื่องสั้นแต่อ่านอินมากเลยค่ะ สนุกมากๆ
ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะ
-
สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
-
o13
-
ขอบคุณ สั้นไปนิด นะ ^^
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สนุกดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
-
ขอบคุณมากคับ. สนุกมากกกก
:pig4:
-
เปิดพรีนิยายจ้า อ่านได้ในเพจเลยน้า