พิมพ์หน้านี้ - • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-10-2016 20:53:47

หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-10-2016 20:53:47
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************






ค ว า ม จ ริ ง ใ จ
H E A R T B R E A K X R ' s


เรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกับตัวหอมของเขา
#จักรภัค




สารบัญ

ก่อนเริ่มความ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3486807#msg3486807)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3489541#msg3489541) ความที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3495579#msg3495579)  ความที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3500954#msg3500954)  ความที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3507679#msg3507679) ความที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3513536#msg3513536)
ความที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3518680#msg3518680) ความที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3521974#msg3521974) ความที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3526417#msg3526417) ความที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3530809#msg3530809) ความที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3534873#msg3534873)
ความที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3537987#msg3537987) ความที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3541472#msg3541472) ความที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3544590#msg3544590) ความที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3547908#msg3547908) ความที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3551607#msg3551607)
ความที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3556745#msg3556745) ความที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3561686#msg3561686) ความที่ 18 (https://goo.gl/NEfWux) ความที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3568777#msg3568777) ความที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3572110#msg3572110)
ความที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3575838#msg3575838) ความที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3581057#msg3581057) ความที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3585508#msg3585508) ความที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3590681#msg3590681) ความที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3593986#msg3593986)
ความที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3599572#msg3599572) ความที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3602087#msg3602087) ความที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3605825#msg3605825) ความที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3608201#msg3608201) ความที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3612177#msg3612177)
ความที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3615876#msg3615876) ความที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3619315#msg3619315) ความที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3623182#msg3623182) ความที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3627047#msg3627047) ความที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3630075#msg3630075)
ความที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3633846#msg3633846) ความที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3636805#msg3636805) ความที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3640902#msg3640902) ความที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3653616#msg3653616) ความที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3658334#msg3658334)
ความที่ 41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3662725#msg3662725) ความที่ 42 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3666229#msg3666229) ความที่ 43 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3670488#msg3670488) ความที่ 44 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3674469#msg3674469) ความสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3678266#msg3678266)


ความพิเศษ :
 จักรพรรดิของสังคม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55984.msg3755121#msg3755121)







นิยายเรื่องอื่น ๆ
☆ underground ☆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43958.0) completed
「WAIT FOR LOVE」รักแล้วรอหน่อย ♡ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46605.msg3043087#msg3043087) completed
【d o u b l e M】 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48349.0) completed
「มนุษย์แฟนเด็ก」 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54090.msg3390015#msg3390015)completed
Blind Item _สื่อรักสตาแกรม_ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66205.msg3789662#msg3789662) Now Showing


FB. PAGE : Heartbreakxr's (https://www.facebook.com/heartbreakxrs/)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-10-2016 20:58:38
• ค ว า ม จ ริ ง ใ จ •




   ผมชื่อ จริงใจ จักรพรรดิ อัศวโยธินทร์ เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายหน้าโง่ที่ทำตัวเหมือนสตัฟฟ์นิสัยไว้ตอนอนุบาลและเลิกนับอายุตั้งแต่ห้าขวบหนึ่งคนและน้องสาวเพี้ยน ๆ ที่ชอบจับคู่ให้ผู้ชายได้กันอีกหนึ่งคน

   ตอนนี้ผมคิดว่าผมไม่ปกติ อาจจะเป็นเพราะคนรอบตัวมีแต่คนประหลาด (เช่นน้องสาวและพี่ชาย) ผมเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่จริงๆ ก็ไม่นานมาก จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาชนผมเข้า แถมยังไม่ขอโทษด้วยซ้ำ ทว่าผมกลับไม่ถือสาหรือหงุดหงิด คงจะเพราะนิสัยที่ค่อนข้าง ช่างแม่ง

   ผมก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่กลิ่นหอมจากตัวเขากลับติดจมูกไม่หายไปไหน และนั่น... ทำให้ผมเรียกเขาว่า ตัวหอม ทั้งที่เห็นหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ ผมกลับลืมเขาไม่ลง ผมจำทะเบียนรถเพื่อนเขาได้ แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้เจอเขาอีก วันนั้นผมกะจะไปง้อพี่ชายเพราะโดนงอน และเพราะต้องหาของกินมาเซ่นไหว้องค์ท่านผมจึงได้เจอผู้ชายที่มีกลิ่นหอมคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้ผมเห็นหน้าเขาแล้ว เขาหน้าตาดีนะ แต่ไม่หล่อเลยสักนิด ใบหน้าค่อนข้างหวาน ถ้าจับใส่วิกก็สวยมากแน่ ๆ ดวงตาของเขายาวรี เฉี่ยวคมเพราะถูกกรีดด้วยอายไลน์เนอร์ และนั่นทำให้หน้าของเขาดูเหวี่ยงและไม่เป็นมิตร ผมรู้ชื่อเขาเพราะเพื่อนเขาเรียกว่า ภัค

   ก็เฉย ๆ ไม่ได้อะไร แค่ อ๋อ ชื่อภัคหรอ แค่นั้น…

   ผมก็ยังคงเรียกเขาว่าตัวหอมในใจอยู่ดี

   ปกติผมไม่ค่อยติดโซเชียลเน็ตเวิร์กสักเท่าไหร่ มีไว้แค่ให้มี บัญชีทุกอย่างของผมถูกตั้งเป็นส่วนตัว รับเฉพาะคนรู้จัก แต่คนรู้จักบางคนก็ไม่รับ รำคาญ แต่ไม่รู้นึกยังไง วันนั้นเอามือถือออกมาเล่นหลังจากที่ไล่บล็อก ‘แมลง’ ในโทรศัพท์ของพี่ชาย ปรากฏว่าไทม์ไลน์ของผมมีโพสต์หนึ่งแสดงขึ้นซึ่งเพื่อนในนั้นกดถูกใจมา มันคือโพสต์จากเพจคิ้วท์บอยอะไรไม่รู้ลงเอาไว้ เขาจะปล่อยผ่านไปแล้วถ้าไม่ติดว่าคนในนั้นคือ ตัวหอม ไหน ๆ ก็เห็นแล้วเลยเขาไปดูสักหน่อย เริ่มจากเฟซบุ๊ก ไปอินสตาแกรม ต่อด้วยอาสค์เอฟเอ็ม จากนั้นก็ทวิตเตอร์ และจบด้วยสแนปแชท

   อืม… โคตรหน่อยเลยว่ะ ผมคิดว่าตัวเองอาจจะชอบเขา …ก็แย่ละ แค่หน้าตาน่าสนใจเลยเผลอมองไปเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แต่ว่า… ผมยังจำกลิ่นหอม ๆ จากตัวเขาได้อยู่เลย

   แย่ละ อย่างกับพวกโรคจิต

   โยนโทรศัพท์ทิ้งไป ประสานมือรองต้นคอแล้วนอนมองเพดาน อ่า… ใครมาเปลี่ยนวอลเปเปอร์เป็นหน้าของณภัควะ?

   และแล้วผมก็ได้เจอตัวหอมอีกครั้ง วันนั้นคือวันเสาร์ในเวลาบ่ายโมงนิดหน่อย ผมเพิ่งออกจากร้านสะดวกซื้อ และเห็นผู้ชายสองคนเหมือนมีปากเสียงกัน ตามหลักการแล้วผมไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนะ แต่ครั้งนี้ต้องยุ่งเพราะโดนยัดเยียด ตัวหอมบอกกับ(คนที่ดูท่าจะเป็น)แฟนเก่าของเขาว่าตัวเองมีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือผม ฉิบหายเถอะ คิดว่าคำพูดโง่ ๆ แบบนั้นใครมันจะไปเชื่อ จันทร์เจ้าที่หน้าโง่ยังดูฉลาดขึ้นมาเลย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับยอมล่าถอยเพียงเพราะผมบอกจะแจ้งความ ก็ดี๊ ไม่ยุ่งยากน่ารำคาญ

   ใครเล่าจะคิด… ความน่ารำคาญที่แท้จริงคือผู้ชายตัวเล็กรูปร่างบอบบางที่อยู่ตรงหน้าผมนี่ต่างหาก… ใช้ชีวิตมาแบบไหนถึงได้ไม่เคยขึ้นรถเมล์ แถมใช้บริการครั้งแรกยังขึ้นผิดสายอีก Have fun มากครับ เห็นแล้วก็สงสารปนเวทนาจึงยอมให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย ไม่ใช่เพราะใบหน้าน่ารักกับแววตาอ้อนวอน หมดเค้าความเย่อหยิ่งและถือตัวนั่นหรอกนะ

   แต่ให้ตายเถอะ ยิ่งอยู่ใกล้และได้คุยด้วยผมก็รู้ว่าเขาน่ารัก น่ารักฉิบหาย ภาพลักษณ์เหมือนคนหยิ่งของเขานั้นผมว่ามันดูไม่เรียล มันค่อนข้างหยิ่งแบบทุลักทุเล ตัวตนของเขามันน่ารัก ผมก็รู้จักเขาไม่นานหรอก ได้อยู่กับเขาไม่ถึงวันด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดว่าเขาน่ารัก เออ นั่นแหละ ผมเชื่อสัญชาตญาณตัวเองโว้ย ใครจะทำไม

   และผมคิดว่า… ผมกำลังจะเสพติดตัวหอม…
   .
   .
   .
   .
   ก็แย่ละ








----------------------------
เด็กปีศาจ is coming to town ค่ะ~
ฝากเจ้าเด็กยักษ์ด้วยนะคะ เอ็นดูนางหน่อย /พนมมือ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 06-10-2016 21:10:40
เรา : จริงใจเป็นแฟนเราเถอะ  :mew1:
จริงใจ : ก็แย่ละ  :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-10-2016 21:22:32
ในที่สุดหนูก็มา....

รักนะคะ เด็กปีศาจ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 06-10-2016 21:27:30
มาต่อรัวๆเลยค่าาา ลุ้นว่าจะรักกันยังไงอิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 06-10-2016 21:38:55
 :mc4:  รอเด็กปีศาจเลยละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-10-2016 22:11:06
ว้าวๆๆๆๆ พาร์ทของเจ้าเด็กปีศาจมาแล้ววววววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 06-10-2016 22:13:04
เจคนน้องงงงมาแล้วววว นังเด็กปีศาจจจจ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 06-10-2016 22:44:29
จริงใจจจจจจจจจจ ผัว(?)หนูๆๆๆ
ติดตามตั้งแต่เรื่องแก้มกลม รอมาตลอด ไม่นึกว่าจะแยกเรื่องออกมา  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 06-10-2016 23:45:47
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 07-10-2016 00:27:31
เกาะขอบเชียร์ ดูซิงานนี้ใครจะแย่กว่ากัน
เด็กปิศาจสู้ๆ o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 07-10-2016 00:31:05
เขินนนนนนน จริงใจลูกแม่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 07-10-2016 08:34:00
จริงใจของช้านนนนนนน... :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 07-10-2016 13:52:18
#ก็แย่ล่ะ
ตามติดเด็กขี้เก็ก  :jul3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2016 22:36:10
ก็แย่ละ เอ๊ย....ไม่แย่เลย  ดีมากกกกก ต่างหาก
Devil boy จริงใจ เด็กหวงพี่ลูกหมู มาแล้ว  ชอบบบบ
"ก็แย่ละ"
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: MAILOVEZ ที่ 07-10-2016 23:39:54
งุ้ยยยย~ มารอเด็กปีศาจเปิดมาก็ดีกับใจละ #จักรภัค ทำไมดีงามพระรามแปดเก้าสิบขนาดนี้

บอกเค้าไปว่าฉันรักเค้า จักรพรรดิของเจ้ อยากเป็นณภัคจังเลยทำให้จริงใจเป็นได้มากขนาดนี้ ชอบคำว่าก็แย่ละ จัง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 08-10-2016 09:20:59
 :mc4: ตัวแสบมาอีกหนึ่งแระ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 08-10-2016 19:09:07
มาแล้ววววววววว. เรื่องเต็มๆของบุคคลที่รอคอยยยยย

แอร๊ยยยยย >////<
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 09-10-2016 15:05:51
บอกตามตรงเลยว่ามีความเสียดายจริงใจมาก



เด็กJJของเพลิงฟ้าทั้งสามคน เป็นเด็กดี อยู่ในกรอบที่ดี



ประดุจของพรีเมี่ยม ลิมิเต็ด ของดี เกรดเอ



ป้าก็อยากให้ได้ของเกรดเอเหมือนกัน ไม่อยากให้ได้ของมือสอง มือสามแบบนี้



ทำใจไม่ค่อยได้ บอกเลยตรงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 09-10-2016 15:37:28
ถึงเป็นนิยายวายแต่แอบเสียดายจริงใจอย่างบอกไม่ถูก
น่าจะเหลือทรัพยากรดีๆเอาไว้ต่อยอดบ้าง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 09-10-2016 15:47:44
มาแล้วววว เด็กปีศาจของพี่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: screaminoflve ที่ 09-10-2016 22:15:08
มาปักป้ายเชียร์จักรภัคฮับ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ก่อนเริ่มความ | 06-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 10-10-2016 00:10:20
รอค่าาา
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 10-10-2016 20:28:23
ความที่ 1
ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ





   วันอาทิตย์... แทนที่จะได้อยู่บ้านไม่ต้องทำอะไร กลับต้องมาซ้อมดนตรีเพราะหัวหน้าวงมันนึกคึกอะไรไม่ทราบ มาถึงห้องซ้อมแล้วแต่ยังไม่มีใครมาสักคน แถมยังเหลือเวลาอีกหลายนาที ผมที่รู้สึกหิวขึ้นมาเพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง จึงจอดรถเอาไว้ที่ห้องซ้อมแล้วเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อไปร้านฟาสต์ฟูด

   แต่ก่อนจะถึงร้านอาหารนั้น...

   ปึก!

   “โทษที” มีคนเดินมาชนผมเข้า แล้วพูดขอโทษแบบส่ง ๆ ผมหันไปมอง รู้สึกไม่ชอบใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เจ้าของแผ่นหลังบางก้าวขึ้นรถยนต์สีขาวไปในฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่รถคนนั้นจะลับสายตาไปผมยกยิ้มขึ้นเมื่อมองไปที่ป้ายทะเบียน ไม่ได้ตั้งใจมอง แต่มันเห็นเอง สะบัดหัวหน่อย ๆ ไล่ความเพ้อเจ้อ ก่อนจะเดินไปที่ร้านฟาสต์ฟูดซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน

   ว่าแต่... กลิ่นของผู้ชายคนนั้นคืออะไรนะ ทำไมมันถึงได้หอมติดจมูกขนาดนี้...

   “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?”

   “Chicken strips 4 ชิ้น French fries เล็ก แล้วก็.. SpicyTendercrisp เครื่องดื่มเอาน้ำอัดลมครับ”

   “รับอะไรเพิ่มไหมคะ?”

   “ไม่ครับ” จ่ายเงินค่าอาหาร ยืนรอสักพักพนักงานก็เอาของที่สั่งมาให้ ผมยกถาดมาถือแล้วเดินไปหาที่นั่ง มาคนเดียวนั่งที่บาร์ก็แล้วกัน

   ครืด~

   เหลือบมองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเพราะมีสายโทรเข้า เห็นชื่อของคนที่โทรมาแล้วรู้สึกเบอร์เกอร์ฝืดคอทันที ใช้นิ้วกลางเลื่อนเพื่อรับสาย(เพราะนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเปื้อนแล้วขี้เกียจเช็ด ส่วนนิ้วนางกับนิ้วก้อยคอนโทรลยาก ไม่ได้ด่าเลยจริง ๆ)

   “มีอะไร?”

   (“มึงอยู่ไหนวะ เห็นแต่รถ”)

   “ร้านเบอร์เกอร์ฝั่งตรงข้าม”

   (“เออ เดี๋ยวกูไปหา”)

   ไม่ถึงสามนาทีก็มีคนมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ผมหันมองแล้วก็กลับมาสนใจเบอร์เกอร์ของตัวเองต่อ แต่คนน่ารำคาญยังไงก็คือคนน่ารำคาญ มันคือหัวหน้าวง HISTASIA ครับ ตำแหน่งร้องนำและกีต้าร์ เป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปี ซึ่งแปลว่ามันอยู่ ม.6 (แต่ทำตัวเหมือนหกขวบ) มันชื่อข้าวฟ่าง ฟ่าง พี่ฟ่าง ไอ้ฟ่าง ไอ้เหี้ยฟ่าง แล้วแต่อารมณ์จะเรียก ผมไม่ค่อยเคารพมันและไม่ค่อยเรียกมันว่าพี่ เพราะมันทำตัวไม่น่าเคารพเลยสักนิด

   “คนอื่นยังไม่มาหรือไง?” ผมถาม ตั้งแต่มาก็ยังไม่พูดอะไรนอกจากแย่งไก่สตริปส์ของผมไปกิน ไอ้....

   “ยังไม่มา” ฟ่างตอบ แล้วปัดมือ กินไก่หมดไปแล้ว อือ ก็ดี ผมเองก็เช็ดมือเหมือนกันเพราะอิ่มแล้ว เอาถาดกับขยะไปทิ้ง มองไปที่เคาน์เตอร์ ไอ้ฟ่างกำลังสั่งอะไรกับพนักงานอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่รอ ช่างแม่ง รำคาญ

   มาถึงห้องซ้อมประจำก็เจอกับสมาชิกในวงอีกสองคนอยู่ก่อนแล้ว ผมยกมือทักทาย ปลดกระเป๋า โยนไปไว้ที่พื้นห้อง แล้วนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวซึ่งวางชิดกับกำแพง

   “ไปไหนมาวะ เห็นรถจอดอยู่แต่ไม่เห็นคน” คนถามชื่อวาฬ อายุเท่ากันกับผมเรียนที่เดียวกันนั่นแหละ แต่คนละห้อง ตำแหน่งเบส สูงนะ หน้าตาค่อนข้างดี(ถ้าไม่มีผมมันจะหน้าตาดี) ที่โรงเรียนก็มีคนชอบเยอะอยู่

   “หาอะไรกิน” ไอ้วาฬมันพยักหน้ารับรู้แล้วไปงมกับเบสของมันต่อ

   “แล้วพี่ฟ่างล่ะครับ?” ส่วนอีกคนเป็นรุ่นน้อง ม.4 ชื่อไจ่ไจ๋ ตำแหน่งคีย์บอร์ด เพราะอายุน้อยสุดมันเลยเป็นของเล่นให้กับทุกคนในวง แกล้งสารพัดจนบางทีก็นึกสงสาร แต่แกล้งยังไงมันก็ไม่โกรธ สนุกดี ไอ้ไจ๋เป็นเด็กตัวขาว ๆ ตาตี่ ๆ เหมือนกับว่าชีวิตนี้มึงเคยลืมตาหรือเปล่า ตัวเท่าหมากระเป๋า แถมยังใส่แว่นหนาเตอะ ก็ไม่แปลกที่จะโดนแกล้งบ่อย

   ถามว่าผมแกล้งมันหรือเปล่า ไม่หรอก... ผมเป็นคนดี ไม่แกล้ง... ก็แย่ละ หึหึ

   “ไหน ใครถามถึงพี่ฟ่างสุดหล่อครับ” ไอ้หัวหน้าวงไม่สมประกอบเปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมหน้าระรื่น ไอ้น้องไจ๋ถึงกับถอนหายใจเฮือกแล้วส่ายหน้าระอา

   “มึงจองไว้กี่ชั่วโมง?”

   “สองครึ่ง” ผมเดาะลิ้นกับคำตอบ เบื่อว่ะ ไม่อยากซ้อมเลยวันนี้ อยากนอนโง่ ๆ บนเตียงมากกว่า นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า แถมยังขับรถไปกลับด้วยระยะทางค่อนข้างไกลอีก งานนี้ต้องโทษพี่ชายที่โทรมาร้องไห้ใส่เลย โคตรภาระเลย

   พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หัวร้อน ไม่รู้ว่าหน้าโง่ ๆ แบบนั้นมีคนไปหลงชอบได้ยังไง หรือเขาจะไม่ชอบคนที่หน้าตา แต่จันทร์เจ้าไม่มีอะไรดีเลยนะ ความสามารถพิเศษก็ไม่มี นอกจากกินกับนอนแล้วก็ไม่เห็นจะทำอะไรได้ดีสักอย่าง ผมพูดตามเนื้อผ้าครับ ไม่ได้ดิสเครดิตใครทั้งนั้น

   กว่าจะได้เริ่มซ้อมกันจริงจังก็เกือบสิบนาที เพราะต้องมารอหัวหน้าวงกินข้าวให้เสร็จ นึก ๆ แล้วอยากจะเอาไม้กลองฟาดหน้ามันสักที แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวไม้กลองผมจะสกปรก ต้องหาน้ำยามาเช็ดฆ่าเชื้อโรคอีก เสียเวลา แนวดนตรีที่พวกผมเล่นนั้นไม่สามารถบอกได้เลยครับ บางทีก็ร็อก บางทีก็ป๊อปธรรมดา เพลงช้าฟังสบาย ๆ ไม่คุมโทนอะไรทั้งนั้น เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะ.... อืม นั่นแหละ


   เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงสามสิบนาทีพวกเราก็ออกจากห้องซ้อมและแยกย้ายกันกลับบ้าน อีกสามคนมันอยากไปหาอะไรกินก่อน แต่ผมไม่ไปด้วยเพราะไม่โอเค อยากนอนจะแย่ ถึงแม้พวกมันจะโวยวายที่ผมชิ่งก็ตาม ทำมาเป็นอยากกินข้าวด้วยกัน จริง ๆ จะหาตัวหารก็ว่ามาเถอะ ผมไม่ได้งกนะ แต่ตอนนี้โหยหาเตียงมากจริง ๆ รู้สึกเหนื่อย ๆ


   “กลับมาแล้วครับ!” ตะโกนบอกใครไม่รู้ แต่ก็ทำมาตั้งนานจนเหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ลากร่างกายเกือบพังเข้าไปในครัว เห็นคุณยายกับแม่บ้านกำลังวุ่นวายทำอาหารอยู่ หลังจากดื่มน้ำเสร็จผมจึงเข้าไปกอดเอวคนแก่และหอมแก้มท่านหนึ่งฟอด

   “ลงครัวเองอีกแล้วนะครับ”

   “ยายอยากทำ” ยายผมอายุเยอะแล้วแต่ยังแข็งแรง เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ทุกคนเป็นห่วงอยากให้พักเฉย ๆ แต่ท่านไม่ยอม หานู่นหานี่ทำตลอด อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังลงมือทำกับข้าวเอง โดยมีแม่บ้านเป็นลูกมือ คุณยายทำอาหารอร่อย ผมชอบ เรื่องนี้ผมเลยไม่ขัด หึหึ

   “วันนี้ทำอะไรบ้างครับ?”

   “เยอะแยะเลยลูก” จากยายก็ไล่รายการอาหารวันนี้จนผมฟังแทบไม่ทัน “จริงใจอยากกินอะไรหรือเปล่า ยายจะได้ทำให้”

   “ไม่มีครับ... ที่ยายทำผมกินหมดแหละ”

   “ปากหวานจริงเชียว”

   ผมยิ้ม หอมแก้มยายอีก รักผู้หญิงคนนี้โคตร ๆ เลย “แล้วนี่จันทร์เจ้าจะกลับบ้านหรือนอนกับพี่ฟ้าครับ?”

   “กลับบ้านจ้ะ”

   “อ๋อ... ถ้าอย่างนั้นผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

   “จ้ะ เดี๋ยวถึงเวลายายจะให้คนไปตาม”

   ขึ้นห้องตัวเองได้ก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวจากความเหนียวเหนอะทั้งเหงื่อเพราะอากาศร้อนและมลพิษต่าง ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบาย แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ผมจะแห้งไม่แห้งก็ไม่สนแล้ว... อากาศเย็น ๆ (จากเครื่องปรับอากาศ) ทำให้เคลิ้มหลับได้ไม่ยากนัก..


   “จริงจาย~~”

   “........” ขยับตัวนอนหันหลังให้สิ่งรบกวนและดึงถ้าห่มขึ้นคลุมหัว

   “จริงใจ!!!!!!!” ถีบผ้าห่มออกและมองตัวกวนอย่างหงุดหงิด หัวร้อนมาก ไม่สบอารมณ์ จันทร์เจ้าหัวเราะคิกคักปัญญาอ่อนที่ทำให้ผมตื่นได้ เห็นหน้าโง่ ๆ นั่นแหละอยากถีบตกเตียงจริง ๆ

   “ลุกสิจริงใจ หม่ามะให้มาตาม”

   เหลือบมองนาฬิกา อีกเกือบสามนาทีจึงจะถึงเวลาอาหารเย็น “จะนอน”

   “ไม่ด้ายยยย นอนตอนเย็นมันไม่ดีนะ”

   “เสือก”

   เพี๊ยะ!

   ฝ่ามือเล็กฟาดเข้าหน้าผากผมทันควัน ลูกหมูปั้นหน้าดุที่โคตรทุลักทุเลพร้อมกับชี้หน้าผมไปด้วย

   “พูดไม่เพราะกับพี่ได้ยังไง!”

   “เฮลโล้ววววววววว!” สูดหายใจเข้าลึกเมื่ออีกหนึ่งตัวป่วนเข้ามา จ๋าจ้ากระโดดขึ้นนั่งบนเตียงของผมแล้วเสนอหน้าเข้ามาใกล้ “เมื่อไหร่จะลงไปกันสักทีคะ!?”

   “น่ารำคาญ” ใช้หมอนฟาดหัวพี่ชายและน้องสาวคนละทีก่อนจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า ออกมาเจ้าสองคนนั้นยังนั่งอยู่บนเตียงผมอยู่เลย ไม่สนละ ขอตัวก่อนแล้วกัน

   ลงมาถึงชั้นล่างก็พบว่าอาหารทุกอย่างถูกจัดเรียบร้อยแล้ว พุ่มมือไหว้น้าเจ้ากับพี่ฟ้า น้าผมยักคิ้วเป็นการทักทาย ส่วนพี่ฟ้าไม่ว่างกำลังกินมะม่วงสุกอยู่ บ้านผมมันแฟนตาซีจริง ๆ นะครับ เมื่อสมาชิกทุกคนมาครบกันหมดแล้วก็เริ่มทานอาหารมื้อค่ำกัน บรรยากาศภายในบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากคนในครอบครัว อาจจะเป็นเพราะบ้านเราไม่ค่อยเคร่งครัดมากนัก ทุกคนจึงสามารถแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างอายุ ผมชอบตรงนี้นะ และผมรักพวกเขา แต่... ขอยกเว้นพี่ชายกับน้องสาวไว้ได้ไหมครับ กวนตีนเหลือเกิน


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เดินไปเปิดประตูห้องหลังจากได้ยินเสียงเคาะ เจอจ๋าจ้ายืนทำหน้ามึนอยู่ เบี่ยงตัวหลับให้น้องเข้ามาด้านใน

   “มีอะไร?”

   “เค้าขอยืมลิควิดหน่อยสิ”

   “อยู่บนโต๊ะมั้ง หาดูเลย ...ทำการบ้านเหรอ?”

   “ช่ายยยย เยอะมากเลย เค้าจะบ้าแล้ว ฮือ” ตัวป่วนพูดด้วยน้ำเสียงงอแงและทำหน้ามุ่ย “เค้าขอยืมปากกาเจลอันนี้ด้วยนะคะ” น้องชูปากกาเจลสีฟ้าให้ดู

   “ครับ”

   “ฮี่ ขอบคุณครับผม เค้าไม่กวนแล้ว หลับสนิทนะคะ” จ๋าจ้าบอกก่อนจะเข้ามาหอมแก้มแล้วออกจากห้องไป

   กินข้าวเสร็จก็ตามธรรมเนียม พูดคุยดูทีวีด้วยกันที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะแยกย้ายกันไปพัก คนที่พังคนแรกก็ลูกหมูเลย เหนื่อยสะสมจากรับน้อง นั่ง ๆ อยู่ยังเกือบตกโซฟา คุณตาไล่ให้ไปนอนพัก ผมเองก็ขึ้นห้องคล้อยหลังจันทร์เจ้าไม่นาน ร่างพังน่าจะพอ ๆ กัน นอนราบกับเตียงแต่ห้อยขาเหยียบพื้น ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น เล่นเกมไปสักพักก็เบื่อจึงเข้าไปดูโซเชียลเน็ตเวิร์กบ้าง

   Chanthiman Jj was tagged in a photo.

   หืม… เดี๋ยวนะ จากวันที่ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ นี่ก็วันอาทิตย์แล้ว ทำไมผมไม่เคยเห็นวะ!!!!!! แล้วโพสต์นี่คืออะไร ความอิงแอบแนบซบนั่นคืออะไร มีความจำเป็นอะไรต้องไปนอนซบไหล่คนอื่นแบบนั้น!!!! ให้ตายเถอะ ไม่รู้จักหวงตัวเลยหรือไง อยากจะโวยวายแต่ทำได้แต่กลอกตาไปมา รู้จักกันขนาดไหนไปซบเขาเนี่ย แล้วแบบนี้ที่ค่ายจะเป็นไงบ้างวะ  เฮ้ย เดี๋ยว สองคนนี้ตีกันอยู่นี่หว่า แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่จันทร์เจ้ายอมหายโกรธง่าย ๆ ปวดหัวเลย ความแฟนนี้คืออะไรวะ ก็แย่ละ แฟนที่หน้าอ่ะ คิดอะไรไม่เข้าท่า กดรีพอร์ตแม่ง รำคาญ



   “ตั้งใจเรียน อย่าดื้ออย่าซน” บีบคางคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายก่อนจะลูบมันเบา ๆ จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย บ่นงุ้งงิ้งหาว่าผมว่าเขาเป็นหมา

   “พี่ง่วงจังเลยจริงใจ…”

   “ร้องจะมากับเค้าเองไม่ใช่ไง?” วันนี้วันจันทร์ ผมจะไปโรงเรียนปกติ แต่สิ่งมีชีวิตกลม ๆ นี่กลับตามมาด้วย ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ ผมมีตารางเรียนของจันทร์เจ้า เพราะต้องมารับมาส่งจึงต้องรู้ไว้ เจ้าตัวมีเรียนเก้าโมงครึ่งเลย แต่เวลาตอนนี้ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดีด้วยซ้ำ

   “พี่ลืมว่าหมดช่วงรับน้องแล้วนี่นา…”

   “ก็แย่ละ”

   “งือ”

   “อย่างอแงน่า ไปหาที่นั่งรอเพื่อนไป เค้าจะไปโรงเรียนแล้ว” ผมบอกก่อนจะปิดกระจกหมวกกันน็อกลง จันทร์เจ้าพยักหน้าหงึกหงัก เขย่งเท้าขึ้นก่อนจะแนบปากกับกระจกแล้วถอยออกไป

   “บั๊บบัย ตั้งใจเรียนนะ”

   บอกตัวเองเถอะไอ้เตี้ย!


   เมื่อมาถึงโรงเรียนผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องชมรม อยู่ในนั้นจนกระทั่งสัญญาณดังขึ้น ก็ออกไปทำกิจกรรมตอนเช้า และก็ขึ้นเรียนตามปกติ เลิกเรียน ไปรับพี่ชายกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็ทำกิจกรรมกับครอบครัว วันไหนมีการบ้าน ก็ทำการบ้านให้เสร็จ แล้วจากนั้นก็ไปดูเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว โดยมีพ่อกับแม่เป็นคนสอน เป็นแบบนี้วนไปจนครบอาทิตย์ บางทีกิจวัตรเดิม ๆ มันก็ค่อนข้างที่จะน่าเบื่อ แต่ถ้าหากจะเลิกทำก็ไม่ได้เช่นกัน ผมเคยเบื่อที่จะตีกลองนะครับ และเคยหยุดเล่นมันด้วย แต่สุดท้ายก็กลับมาเล่นอีกเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร (เลิกไปแค่วันเดียวด้วย)

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้าวันเสาร์ เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ ปรือขึ้น หันไปมองบานประตูก่อนจะตะโกนอนุญาต จากนั้นร่างของผู้ก่อกวนก็เดินเข้ามา

   “มีอะไร?” ผมเอ่ยถามเสียงแหบเพราะเพิ่งตื่นนอนทั้งตายังปรือปรอยลืมได้ไม่เต็มที่

   “วันนี้จริงใจจะไปไหนไหม?”

   “ทำไม”

   “วันนี้เบสท์นัดพี่ไปดูหนัง จริงใจไปส่งได้ไหมครับ?”

   “ถ้าไม่จะงอแงไหม?”

   “ไม่งอแง แต่จะไปแท็กซี่” ถอนหายใจพรืด การขึ้นแท็กซี่คนเดียวสำหรับจันทร์เจ้านั่นถือเป็นงานหยาบสุด ๆ หน้าโง่ ๆ แบบนั้นโดนหลอกแน่นอน แต่จะให้ผมไปส่งมันก็สาหัสพอกัน ขี้เกียจโว้ย! ถึงแม้ผมจะต้องออกไปค่ายมวยอยู่ก็ตาม ดูจากเสื้อผ้าที่เจ้าหมูสวมใส่แล้วคงจะไปเร็ว ๆ นี้แน่ แต่กับตัวผมแล้วมันไม่ใช่ ต่อให้อ้อนยังไง ผมก็ไม่ออกจากบ้านตอนนี้แน่!

   “ห้ามแท็กซี่ ห้ามมอเตอร์ไซค์ รถเมล์หรือบีทีเอสได้ ถ้าจะดีขับรถไปเองจะดีกว่ามาก ๆ” ผมบอก ลูกหมูทำหน้ายุ่ง

   “หูย ถ้าอย่างนั้นจริงใจก็ไปส่งพี่สิ”

   “เค้าไม่มีแพลนออกจากบ้านเร็ว ๆ นี้ เสียใจด้วย ขับรถไปนั่นแหละดีแล้ว ใช้มันบ้างเดี๋ยวไอ้ฟักทองมันก็น้อยใจหรอก” จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย ในจังหวะนั้นผมก็ชิ่งเข้าห้องน้ำ ขณะที่กำลังยืนฉี่ลูกหมูก็เดินต้วมเตี้ยมไปพิงขอบประตูห้องน้ำ ผมกลอกตาขึ้นฟ้า ทำเป็นไม่สนใจพี่ชายแล้วไปที่อ่าง ล้างมือก่อนจะจัดการล้างหน้าแปรงฟัน

   “จริงใจจะใจร้ายกับพี่จริง ๆ หรอ?” ผมมองพี่ชายผ่านกระจก ยังไม่พูดอะไรจนกระทั่งแปรงฟันเสร็จและล้างฟองยาสีฟันออกไปหมด คนอะไรหน้าด้านขนาดตามเข้ามาถึงในห้องน้ำแบบนี้

   “เออ”

   “จริงใจ พี่น่าสงสารนะ จริงใจไม่สงสารพี่เหรอ”

   “ไม่”

   “แง!”

   “ไร้สาระน่า ขับรถไปเองเลยไป ใช้บ้างเถอะ เดี๋ยวแม่งก็ร้องไห้หรอก”

   “โอ๊ย! ใจร้ายที่สุด! พี่ไปกับฟักทองก็ได้” นั่นแหละที่ผมต้องการจะได้ยิน! ยิ้มหวานใส่ตาพี่ชายก่อนจะยื่นมือไปขยี้ผมนุ่มให้ฟู แล้วจึงเดินผ่านลูกหมูตัวอวบออกไป

   พอตื่นมาก็รู้สึกหิว จึงลงไปที่ครัว “มีอะไรกินครับ?”

   “โจ๊กหมูค่ะ คุณหนูจะรับไหมคะ เดี๋ยวพี่อุ่นให้”

   “ครับ แล้วนอกจากโจ๊กมีอะไรอีกบ้าง?”

   “เอ่อ... ถ้าคุณหนูอยากได้เพิ่มเดี๋ยวพี่ทำให้ค่ะ”

   “ไม่เป็นไรครับ แค่นั้นก็ได้”

   “ค่ะ”


   ระหว่างที่ผมกำลังทานโจ๊กอยู่ ตัวป่วนก็เดินลงมานั่งแหมะข้างฝั่งตรงข้าม แถมยังเท้าคางมอง เล่นเอาหลอนไปเลย

   “จริงใจจะไปค่ายมวยกี่โมง?”

   “เหมือนเดิม”

   “Good morning everybody~” และแล้วน้องเล็กสุดก็โผล่เข้ามาพร้อมกับทักทายด้วยภาษาอังกฤษที่ใส่จริตเต็มที่จนผมกับจันทร์เจ้าพากันเบ้หน้า

   “พี่จันทร์เจ้าไม่กินอะไรเหรอ?”

   “พี่กินแล้วคับ” เมื่อได้คำตอบจ๋าจ้าก็เลิกสนใจและตักข้าวเข้าปากตัวเองคำใหญ่อย่างไม่ห่วงสวย แต่ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก จ๋าจ้าไม่มีความสวยให้ห่วงอยู่แล้ว

   “พี่จันทร์เจ้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วมีคนมาจีบไหมคะ? เนี่ย พี่จริงใจนะ มีสาวมาส่งของให้ทู้กกกกกกกวัน เค้าล่ะรำคาญมาก ๆ เลย จะให้ก็ทำไมไม่ให้เองไม่รู้ มาฝากเค้าเพื่ออะไร!”

   “ก็เห็นเอาไปกินทุกทีจะบ่นอะไร” ผมว่าพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย บ่นไปเถอะ แต่ก็รับของเขามา แล้วของที่รับมาก็ตกเป็นของจ๋าจ้านั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเอาไปแค่ขนม ของอื่น ๆ กับจดหมายจะให้ผม

   “พี่ไม่มีคนมาจีบหรอก”

   “แน่ใจ? แล้วรุ่นพี่ที่ชื่อทิวาคนนั้นล่ะคะ?” ลูกหมูทำหน้าเหมือนเห็นผีทันทีที่ฟังคำถามของน้องสาวจบ จันทร์เจ้าถอนหายใจยาวอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ หลังจากที่ได้รับสายตากดดันจากผม

   “ทิวาไม่ได้จีบพี่สักหน่อย มีแต่มากวนประสาทนั่นแหละ! แถมช่วงนี้ยังกวนหนักมากกว่าเดิมอีก”

   “หน้าแดงทำไม?”

   “ทำแมะ!”

   “เหวี่ยงนะ เล่ามาเลยว่ามันจีบใช่ไหม?” ดันหน้าผากพี่ชายหงายเงิบ จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย แต่ผมไม่สน

   “จีบยังไงหรอ จีบคว่ำ จีบหงาย จีบปรกหน้า หรือจีบปรกข้าง?”

   ผมยิ้มเย็น “จีบไม่ติด ... อย่ากวนตีนจันทร์เจ้า เล่ามา!”

   “ใช่ใช่! ถ้าไม่เล่ามานะ เค้าจะบอกพี่ฟ้า”

   “โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ลูกหมูร้องโหยหวนแต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจใด ๆ ทั้งนั้น จากนั้นเจ้าตัวก็ยอมเล่าให้ฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา

   “จีบชัวร์!!! จ๋าจ้าคอนเฟิร์ม เอาตำแหน่งหัวหน้าเรือดับเบิ้ลเอ็มมารับประกันเลย!”

   ก็แย่ละ

   “ไม่ได้จีบ!”

   “อย่าแกล้งโง่”

   “ไม่ได้แกล้งโง่ด้วย จริงใจอย่ามาหาเรื่อง พี่จะไปหาเบสท์แล้ว!” เฉไฉจนได้ จันทร์เจ้าหยิกแก้มผมกับจ๋าจ้าคนละทีแล้ววิ่งออกไปนอกบ้าน

   “พี่คิดเหมือนเค้าไหม?” ตัวป่วนอันดับหนึ่งไป แต่อันดับสองยังอยู่

   “คิดอะไร?”

   “ก็แบบ... พี่จันทร์เจ้ากับรุ่นพี่ทิวาคนนั้นไง”

   “พี่ไม่อยากได้พี่เขย”

   “แต่เค้าอยากได้นี่!”

   “ไร้สาระน่าจ๋าจ้า อ้อ ถ้าจะออกไปเรียนพิเศษก็อย่าลืมเปลี่ยนชุดนะ ขาใหญ่แบบนั้นยังจะใส่สั้นอีก” ได้ยินเสียงกรีดร้องเบา ๆ ไล่หลังมา ผมหัวเราะเหอะ ๆ ไม่ได้หันกลับไปสนใจจ๋าจ้าอีก คิดอะไรพิเรนทร์อยู่เรื่อย แถมยังชอบจับคู่คนนู้นคนนี้ให้ได้กันอีก โคตรน่ารำคาญทั้งพี่ทั้งน้อง

   หงุดหงิดเลยวันนี้

   ต้องไปฝึกจิตใจที่ค่ายมวยละ






--------------------------
เนื้อเรื่องค่อนข้างเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ นะคะ
เพราะว่าเจ้าเด็กปีศาจกับณภัคยังไม่รู้จักกัน ไม่เคยเจอกัน เลยจะมีแค่จริงใจในช่วงแรก
อาจจะน่าเบื่อไปหน่อย เพราะยังเป็นเรื่องราวก่อนจะได้วอแว แล้วมันไม่มีเหตุการณ์ให้ต้องเจอกัน TwT
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ กลัวแป้กมากแบบ เนื้อเรื่องมันค่อนข้างเรื่อย ๆ อ่ะ
ขอบคุณค่าาา ไว้เจอกันตอนหน้าเนอะ แต่อาจจะอัพช้าสักหน่อย ._.
ยังไงก็ฝากเอ็นดู #จักรภัค ด้วยนะค้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 10-10-2016 20:39:51
รอลุ้นจริงใจกับพี่ภัทรค่ะ
รอๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 10-10-2016 20:55:01
ขำชื่อรถ55555555555555555555555555555555 :ling3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-10-2016 21:07:51
มาเรื่อยๆ....

เราว่าจริงใจมีเสน่ห์ที่น่าสนใจทีเดียว

รักเด็กปีศาจ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 10-10-2016 21:12:00
อย่ากดรีพอร์ตเลยลูก สงสารคนกากของเจเจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-10-2016 21:17:55
หวงพี่ก็บอกมาเถอะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-10-2016 21:32:52
เกลียดความซึนของเด็กปีศาจ 55555555555555+
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-10-2016 23:11:51
น่ารักกกกกกกกกก เจ้าเด็กปีศาจจจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: MAILOVEZ ที่ 11-10-2016 00:38:20
จริงใจนี่เป็นบุคคลที่นิยามคำว่าซึนได้ดีที่สุดละ รัก หวง เป็นห่วง แต่แสดงออกมาในรูปแบบไม่สน ไม่แคร์ ปากว่าแต่คือหวังดีทั้งนั้น มีความจริงใจไปอีก

ชอบจริงใจรอติดตามเรื่องนี้นะคะ รอจันทร์เจ้าด้วย สรุปคือรอทุกเรื่องเลยสู้ๆ นะคะเป็นกำลังใจให้น้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2016 04:19:26
เด็กปีศาจมาเอง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 11-10-2016 05:23:22
เด็กปีศาจมาแล้วววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-10-2016 09:17:16
มาติดตามจักร-ภัค~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2016 18:01:45
จริงใจ ว่าลูกหมูกับน้องสาวเป็นตัวป่วน
จริงใจ ก็ป่วนใช่เล่นเหมือนกัน :katai5:
ขำจันทร์เจ้า นั่งๆก็วูบหลับเกือบตกเก้าอี้
ครอบครัวนี้มีความสุข
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 11-10-2016 19:24:21
ชอบโมเม้นท์ของสามพี่น้องค่ะ  :katai4:
น่าร้ากก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 11-10-2016 21:38:32
ฮ้าาาาาาาาา :hao6: จริงใจมาละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 14-10-2016 14:40:02
จริงใจ เจ้าเด็กซึน ปากหนัก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 1 ผมกับพี่น้องที่น่ารำคาญ | 10-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-10-2016 16:18:56
ไม่น่าเบื่อค่ะ ชอบความจริงใจและพี่น้องที่ฮาเฮมากๆ ฮาาาาา
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 20-10-2016 23:09:20
ความที่ 2
ผมกับเรื่องนก ๆ







   “จริงใจ!!!”

   “เหี้ย!!!” ผมอุทานเสียงหลงพร้อมกับรีบจับผ้าเช็ดตัวที่พันเอวไว้มันมันจะร่วงหลุดไป ตาก็จ้องพี่ชายเขม็ง คนเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะขออนุญาตยิ้มแห้งก่อนจะเดินต้วมเตี้ยมนั่งบนเตียงของผม

   “มาทำไม?” ผมถามหมูที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ไอ้อ้วนผุดตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ

   “จริงใจ เบสท์บอกว่าพี่ชอบทิวา...”

   “ว่าไงนะ!!”

   “เบสท์บอกว่าพี่ชอบทิวา...” แทบจะเอาผ้าเช็ดผมอุดปากตัวเอง... ผมมองจันทร์เจ้านิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่พอเห็นหน้าหมา ๆ ของพี่แล้วก็ถอนหายใจออกมา พี่เบสท์นะพี่เบสท์ คนอุตส่าห์พูดกรอกหูจันทร์เจ้าอยู่ทุกวัน ยังจะมากรอกข้อมูลใหม่ให้เจ้าหมูอีก แม่งเอ๊ย!

   “พี่เบสท์บอกแล้วเชื่อไหม?”

   “เชื่อ...”

   “แน่ใจหรอว่าชอบจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเขวเพราะพี่เบสท์บอก” ลูกหมูเงยหน้ามองผม แล้วเริ่มขมวดคิ้วทำหน้าเครียด

   “เบสท์บอกว่าใช่”

   “แล้วก็เชื่อเหรอ? ถามตัวเองหรือยังว่าชอบไอ้ทิวากาลอะไรนั่นจริง ๆ หรือเปล่า”

   “ทิวาแก่กว่าจริงใจตั้งหลายปีนะ อย่าเรียกไอ้สิ”

   ผมกลอกตาขึ้นฟ้าพร้อมยกมือกอดอกแล้วจ้องหน้าจันทร์เจ้า เข้าข้างกันไปดิ “ไปถามตัวเองให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกมาจันทร์เจ้า ชอบจริง ๆ หรือชอบเพราะมีคนพูดให้คิดว่าชอบ”

   แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อจันทร์เจ้าก้มหน้าลงต่ำ พี่ชายผมมันยังอ่อนด๋อยเกินไปที่จะมีความรัก หัวสมองมึน ๆ แบบนี้จะไปตามผู้ชายร้ายกาจแบบนั้นทันได้ยังไง ยื่นมือไปวางบนศีรษะพี่ชายแล้วขยี้เบา ๆ จันทร์เจ้าเงยหน้ามอง ผมแอบกัดปากตัวเองเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตของพี่ชายหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งใบหน้าที่หงอยไปถนัดตา ไม่ได้ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่จะปล่อยไปได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน

   “ถ้าเกิดพี่ชอบทิวาจริง ๆ ล่ะ?”

   “ไปถามพี่ฟ้าสิ”

   “จริงใจน่ะ!”

   “คิดว่ามันชอบพี่หรือไง?”

   “ทำไมจริงใจใจร้าย...”

   “ถ้าชอบก็คงจะเอาไปเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลา ไม่คิดจริงจังหรอก พอเบื่อก็เขี่ยทิ้ง แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่านิสัยเป็นยังไง!!”

   “ฮึก” ลูกหมูสะอื้นน้ำจาร่วงเผาะล้นขอบตาเมื่อโดนผมตวาดใส่ ผมเองก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่าพี่ชายร้องไห้ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ร้องไห้ แต่ว่าแม่ง... ช่างมันเถอะ

   “ร้องทำไม”

   “ไม่รู้ จู่ ๆ มันก็ไหลออกมาเอง ฮือ”

   ผมแสยะยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือเล็กที่กำลังจะขยี้ตาไว้แล้วเช็ดน้ำตาให้พี่แทน เมื่อลูกหมูหยุดร้องไห้ ผมจึงเดินไปนั่งประจำที่กลองชุดของตัวเอง ก่อนจะหยิบไม้กลองออกมาแล้วเริ่มเล่นไปเรื่อย โดยพยายามใจแข็งไม่สนใจหมูหงอยบนเตียง สงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่มันน่าเป็นห่วงเกินไป ใช่ว่าจันทร์เจ้าจะไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง พี่ผมซื่อเหมือนไม่ทันคนก็จริง แต่จันทร์เจ้าไม่ได้โง่ การที่ถูกเขาและเพลิงฟ้าพูดกรอกหูว่ามันไม่ใช่นั้นไปขัดแย้งกับที่เพื่อนอย่างเบสท์บอกว่าใช่ เจ้าตัวคงจะสับสน ปล่อยไปแบบนี้แหละ สับสนไปเลย!

   น่าสงสาร แต่ผมไม่เห็นด้วย และหากเจ้าหมูจะไปถามพี่ฟ้าจริง ๆ ล่ะก็... คำตอบก็คงไม่ต่างจากที่ผมพูดไปสักเท่าไหร่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่ฟ้าหวงจันทร์เจ้ามากแค่ไหน และยิ่งรู้ว่าคนที่จันทร์เจ้าชอบเคยทำให้ลูกหมูต้องเสียน้ำตา พี่ฟ้าก็เมินหน้าหนีและให้คะแนนติดลบไปแล้วด้วยซ้ำ

   งานหยาบเลยล่ะ หึหึ



   “พี่จันทร์เจ้าไปไหนคะ หนูยังไม่เจอเลยตั้งแต่ตื่น” จ๋าจ้าเอ่ยถามไม่เจาะจง วันอาทิตย์อย่างนี้เป็นวันหยุดที่ครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกัน วันนี้ผมไม่มีนัดไปซ้อมดนตรีและกะว่าจะไม่ออกไปไหนจึงเลือกที่จะอยู่บ้าน แต่เหมือนจะคิดผิดยังไงไม่รู้สิ

   “ไปบ้านคุณย่าเขาตั้งแต่เช้าแล้ว” คุณแม่ตอบคำถามจ๋าจ้า “เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเห็นบอกว่าจะไปนอนบ้านคุณย่าสักหนึ่งอาทิตย์ ไม่รู้เป็นอะไร ตาก็ช้ำ ๆ เหมือนนอนไม่พอ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่รู้ใครไปทำอะไรให้” แล้วนั่นหรี่ตามองอย่างจับผิดทำไมล่ะครับ แค่เห็นสายตาของแม่ผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ก็คนมันมีความผิดนี่เนอะ

   “พี่จริงใจหรือเปล่า?!”

   “อะไรล่ะ” ผมปัดมือน้องสาวที่ชี้หน้าอยู่ออก คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่นตั้งแต่ที่แม่บอกว่าจันทร์เจ้าไปบ้านคุณย่า งอนเหรอวะ เรื่องแค่นั้นเนี่ยนะ! ก็แย่ละ

   “ก็เมื่อคืนพี่จันทร์เจ้าไปหาพี่ที่ห้องไม่ใช่เหรอ แกล้งอะไรให้พี่เขาโกรธล่ะ”

   “ทำอะไรพี่งั้นเหรอจริงใจ?” แม่กดเสียงต่ำ ผมยังตีหน้านิ่งแม้ในใจจะอยากงอแง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับสายตากดดันจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ไหนจะคุณตากับคุณยายรวมทั้งจ๋าจ้าด้วย ถ้ามีน้าเจ้ากับพี่ฟ้ามาอีกคน ผมคงเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า จำใจต้องเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังทั้งหมดจนจบ รวมทั้งเรื่องของทิวากาลอะไรนั่นด้วย

   เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!

   “โอ๊ย แม่ครับ เจ็บ”

   “เจ็บสิดี คุณแม่ขา ตีอีกค่ะ” ผมถลึงตาใส่น้องสาวตัวแสบก่อนจะจับมือของแม่ที่กำลังจะตีแขนผมอีกครั้งมาจูบแล้วจึงเข้าไปกอดเอวมารดาก่อนซบไหล่อย่างออดอ้อน

   “ผมไม่ได้ตั้งใจให้ร้องไห้สักหน่อย”

   “แล้วเป็นไงล่ะ แม่ไม่ช่วยง้อนะ”

   “โธ่... ผมแค่เตือนเฉย ๆ เอง ร้องไห้ไร้สาระ โอ๊ย!” ลูบแขนตัวเองที่โดนตีพร้อมกับหน้าบึ้ง ทำไมทุกคนถึงได้เข้าข้างไอ้หมูนั่นกันหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะเห็นด้วยแท้ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องปรึกษาพี่ฟ้าแล้ว!

   “เรื่องนี้ปล่อยให้พี่ตัดสินใจเองไปก่อน อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งเข้าใจไหม จริงใจ”

   ก็แย่ละ


   หลังจากตกเป็นจำเลยสังคมผมก็หาทางชิ่งขึ้นมาบนห้อง นอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเบื่อ ๆ สลับกับมองโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะตัดสินใจโทรเข้าเบอร์ของจันทร์เจ้า ปรากฏว่าไม่รับสาย แย่ละ โดนงอนแน่เป็นแบบนี้ แล้วมันเรื่องอะไรที่ไอ้หมูต้องมางอนผมเพราะคนอื่นเนี่ย ฉิบหายเถอะ เมื่อโทรไปอีกครั้งแล้วไม่รับ ผมจึงเปลี่ยนไปโทรเข้าเบอร์บ้านคุณย่าบ้าง

   (“บ้านฉัตรบดินทร์รัตน์ค่ะ”)

   “ผมจริงใจนะครับ จันทร์เจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”

   (“อยู่เมื่อช่วงเช้าค่ะคุณหนูจริงใจ ตอนนี้คุณหนูจันทร์เจ้าออกไปข้างนอกค่ะ”)

   “พี่บอกไหมครับว่าจะไปไหน?”

   (“ไม่ได้บอกไว้ค่ะ”)

   “อ๋อ ครับ ขอบคุณครับ”

   ไม่อยู่บ้านแล้วหายไปไหนวะ! ผมมองโทรศัพท์ในมือหลังจากที่วางสายไป จันทร์เจ้าน่ะถ้างอนหรือไม่พอใจใคร ต่อให้โทรหาไปเป็นร้อยสายก็ไม่รับ ข้อความส่งไปก็ไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน อย่าหวังว่าจะได้รับการตอบกลับ แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีวะ... ถ้าจันทร์เจ้าจะออกไปข้างนอก ไม่ไปหาของกินก็ไปหาเพื่อน และเพื่อนอันดับหนึ่งที่ไอ้หมูจะไปก็คือพี่มีน

   “พี่มีน!”

   (“มึงไม่สวัสดีก่อนหรือไง?”) เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมผละมองนิดหน่อย ไม่ใช่พี่มีนนี่ว่า ก็ถูกแล้วนี่

   “หวัดดีครับ”

   (“โทรมามีอะไร?”)

   “จันทร์เจ้าอยู่นั่นป่ะพี่?”

   (“ไม่”)

   “อ้าว แล้วพี่รู้ป่ะว่าลูกหมูจะไปที่ไหน”

   (“จะมาหากูนี่แหละ มึงทำมันงอนหรือไง?”) ได้ยินเสียงพี่รามินทร์ถอนหายใจแว่วเข้ามา ผมเงียบ ปลายสายก็เงียบ รู้สึกกดดันแบบพิลึก แต่การที่ผมไม่ตอบแบบนี้พี่เขาก็น่าจะประติดประต่อได้แล้ว (“มึงเรื่องอะไรกัน ตอบกูมา ไม่งั้นกูเสี้ยมไม่ให้มันดีกันมึงแน่”)

   “ก็แย่ละ”

   (“เล่ามา ทั้งหมด”)

   ทำไมต้องกดดันกูขนาดนี้ด้วย! สุดท้ายผมก็เล่าให้พี่รามินทร์ฟังครับ ก็ดี จะได้พรรคพวกเพิ่มด้วย พี่เขาก็หวงจันทร์เจ้าไม่น้อยนะ พี่มีนก็หวง แต่ออกแนวสปอยล์มากไปหน่อย ตามใจจนเว่อวัง

   (“สมน้ำหน้า”) นั่นคือประโยคแรกที่พี่เขาพูดหลังจากที่ผมเล่าให้ฟัง... โคตรเป็นพี่ที่ดี

   “โห พี่แม่ง ช่วยผมหน่อยดิ”

   (“หึ แล้วมึงรู้ได้ไงวะ ว่าเขาเป็นคนไม่ดี”)

   “อ้าว พูดงี้พี่จะอยู่ทีมจันทร์เจ้าหรอ?”

   (“งั้นมั้ง แค่นี้แหละ จันทร์เจ้ามาถึงแล้ว”)

   “เดี๋ยว!! พี่รามินทร์! พี่!” เวร สัญญาณถูกตัดไปแล้ว โยนโทรศัพท์ทิ้งไปเมื่อมันหมดประโยชน์ ถ้ายังดันทุรังจะโทรหาจันทร์เจ้าแล้วนอกจากจะไม่หายงอนยังจะงอนหนักกว่าเดิม เป็นโรคประสาท งอนใครแล้วจะไม่ยุ่งด้วย ทำไมพี่ผมถึงเป็นคนแบบนี้วะ!!!




   เฮ้อ...

   เสียงถอนหายใจดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจากตัวผมเอง วันนี้วันจันทร์แล้ว แต่จันทร์เจ้ายังไม่แม้แต่จะแยแสผมเลย ... ปลายนิ้วเรียวสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือไปมา สายตายังจดจ้องอยู่ที่ข้อความนับสิบที่ถูกส่งไปแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ใจแข็งอะไรขนาดนั้นล่ะลูกหมู ผมถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง เปิดกระเป๋านักเรียนหยิบไม้กลองคู่ใจออกมาแล้วจึงเดินไปที่กลองชุดชุดหนึ่งภายในห้องซ้อมชมรมดนตรี ในตอนเช้าขนาดนี้ที่ชมรมยังไม่มีใครมา ผมจึงถือโอกาสใช้กลองในห้องชมรมเป็นที่ระบายอารมณ์... ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองออกไปก่อน ผมอาจจะไปเม้งแตกใส่ใครสักคนก็ได้

   “โห... ไปโกรธใครมาเนี่ย กลองจะแตกแล้ว” ผมหยุดไม้กลางเอาไว้และถอดหูฟังออกจากหูไปคล้องไว้ที่คอเมื่อเห็นว่ามีใครเข้ามา

   “มาเช้าจัง” ทักออกไปพร้อมกับควงไม้กลองเล่นแก้เซ็ง

   “สายกว่าจริงใจอยู่ดีนั่นแหละ แล้วนี่ไปหงุดหงิดอะไรมาถึงได้มาลงกับกลองแบบนี้”

   “หงุดหงิดตัวเองครับพี่เจนซ์” พี่เจนิซพยักหน้ารับรู้ หัวเราะหน่อย ๆ และไม่ถามอะไรต่อ ก็ดี ผมก็ไม่พร้อมจะบอกใครเหมือนกันว่าเป็นอะไรถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้

   ผมอยู่ในห้องชมรมจนกระทั่งเข้าเรียน วันนี้โดดไม่เข้าแถวทำกิจกรรมตอนเช้า และกว่าจะออกจากห้องชมรมไปเข้าเรียนก็เกือบจะสาย ทำไมถึงได้รู้สึกขี้เกียจมากขนาดนี้ก็ไม่รู้สิ... อยากกลับบ้านไปนอนชะมัด

   “มึงเป็นไรวะ? ซึมเป็นท่อน้ำเสียเลยไอ้สัด” ผมมองไอ้เนตรที่นั่งข้าง ๆ ด้วยหางตาแล้วถอนหายใจออกมา

   “ทะเลาะกับจันทร์เจ้า”

   “ฉิบหาย! โดนงอนหนักเลยดิ มึงถึงได้เป็นขนาดนี้”

   “เออ!”

   “ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้า มึงก็ชอบไปแกล้งพี่เขา คราวนี้เรื่องอะไรวะ?”

   “เสือก” ว่าเสียงนิ่งพร้อมกับปัดมือของไอ้เนตรออกจากไหล่แล้วเดินลงบันไดเพื่อไปทานข้าวกลางวัน

   ตลอดทั้งวันผมกลายเป็นคนสมาธิสั้นและเป็นเด็กไม่มีมารยาทที่ต้องจับโทรศัพท์มือถือแทบจะทุกสามนาที แต่สุดท้ายมันก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงเขาที่ส่งข้อความไปหาพี่ชายแต่ก็ไม่มีการตอบรับ แม้กระทั่งเปิดอ่านก็ไม่มีด้วยซ้ำ โทรไปแล้วก็ไม่ยอมรับสาย ผมอยากจะคิดว่าลูกหมูคงติดเรียนและปิดเสียงโทรศัพท์มือถือหรือปิดเครื่องเอาไว้จึงไม่เห็นของความของผม แต่มันน่าน้อยใจตรงที่จันทร์เจ้าอัพโหลดรูปภาพลงใน SNS แต่ไม่ยอมสนใจผมเลย

   จะงอนบ้างแล้วนะเว้ย!!!

   เมื่อเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นผมก็กวาดหนังสือและอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างลงกระเป๋าโดยไม่ใส่ใจจัดให้เป็นระเบียบ ก่อนจะพุ่งออกจากห้องเรียนไปทั้งยังไม่ทันบอกลาเพื่อนด้วยซ้ำ ระหว่างที่ก้าวเร็ว ๆ เพื่อไปที่โรงจอดรถนั้น นิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความแล้วส่งไปถึงข้าวฟ่างประธานชมรมดนตรีและหัวหน้าวง HISTASIA ว่าวันนี้ผมไม่ขอเข้าชมรมเพราะจะไปง้อพี่ชาย แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องโดนด่า สนหรอ?

   ก็แย่ละ...



   ผมค่อย ๆ ขับรถซอกแซกเข้าไปเรื่อย ๆ เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงก็หยุดรถ ใช้เท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นเพื่อพยุงเอาไว้ ข้างซ้ายของผมคือแท็กซี่คันหนึ่ง และข้างขวานั้นคือรถเก๋งสี่ประตูทรงสวยที่ผมจำได้ว่ามันคือคันที่ตัวหอมขึ้นไปนั่งหลังจากชนผมเข้า ไม่ผิดหรอก เพราะผมจำทะเบียนรถได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ในรถด้วยหรือเปล่า

   ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยหลังจากที่รถยนต์คันที่จอดอยู่ข้างเขาแล่นผ่านไปเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ระหว่างที่ต้องรอเวลานับถอยหลังผมรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องผมอยู่ แต่น่าเสียดายที่ฟิล์มมืดเกินไปจนมองไม่ค่อยเห็นคนในรถ ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่าสายตาที่จ้องมามันมากกว่าหนึ่งคู่ หวังว่าหนึ่งในนั้นจะมีตัวหอมนะ

   เมื่อมาถึงหน้าตึกเรียนของพี่ชาย ผมก็กดโทรศัพท์เพื่อโทรถามว่าพี่อยู่ไหน รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ ลูกหมูฝังใจโกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมตอนทิวากาลพูดจาไม่ดีใส่ยังไม่ทันข้ามคืนพี่ก็หายโกรธแล้ว คิดแล้วน้อยใจขึ้นมา เดี๊ยะ อย่าให้เจอตัว พ่อจะเล่นอีกสักดอก แต่ถึงอย่างนั้นก็กดโทรหาอีกครั้ง และในที่สุดความพยายามของผมก็สำเร็จ

   “จันทร์เจ้า...”

   (“นี่พี่มีนนะครับ”) แย่ละ คนรับสายไม่ใช่จันทร์เจ้าว่ะ

   “อ้าว... จันทร์เจ้าล่ะครับ?”

   (“น้องจิ๋วหลับอยู่น่ะ พอดีพี่มาเจอจริงใจโทรมาก็เลยถือวิสาสะรับ”)

   “จันทร์เจ้าอยู่กับพี่มีนหรอครับ?”

   (“ใช่ครับ ที่คอนโดรามินทร์”)

   “อ่า... ผมไปที่นั่นได้ไหมครับ?”

   (“ได้สิ จะมาง้อน้องจิ๋วก็ซื้อขนมเข้ามาด้วยนะ คิคิ”) จริงใจหัวเราะฝืด ๆ ก่อนจะกดวางสายไป

   พี่มีนพูดแบบนั้นแสดงว่าจันทร์เจ้าต้องเล่าให้ฟังแน่ หรือไม่ก็เป็นพี่รามินทร์ แต่ช่างแม่งเหอะ ไปหาซื้อของเซ่นไหว้องค์ท่านดีกว่า เลี้ยวรถเข้าไปจอดไว้ที่หน้าร้านนมปัง หลังจากดับเครื่องผมก็ถอดหมวกกันน็อกที่สวมอยู่ออก สะบัด ๆ เสยผมให้เข้าที่ไม่ให้ยุ่งเกินไปจนดูไม่ได้ แต่ผมหน้าตาดี ทำยังไงก็ออกมาดูดีอยู่แล้ว เลยไม่เครียดเท่าไหร่

   ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามีคนจ้องผมอยู่ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าคนนั้นคือใคร ไม่คิดว่าจะได้เจออีกแฮะ... แต่เพื่อนของเขาคนนั้นทำไมถึงได้มองผมตาเยิ้มราวกับอยากจะกลืนกินไปทั้งตัวแบบนั้น โคตรคุกคาม

   “ก็แย่ละ” ผมพึมพำคำติดปากกับตัวเอง เดินผ่านโต๊ะของตัวหอมกับเพื่อนไปเพื่อสั่งขนมที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะหาโต๊ะนั่งรอคิว เวลาเย็นแบบนี้คนในร้านค่อนข้างเยอะ ไม่ค่อนข้างดิ โคตรเยอะ มีโต๊ะว่างอยู่ไม่เท่าไหร่ ที่ผมพอจะเห็นก็โต๊ะที่อยู่ใกล้เคาน์เตอร์แถมยังอยู่ข้างโต๊ะตัวหอมกับเพื่อน ส่วนอีกโต๊ะอยู่ไกลออกไปเกือบติดประตูทางเข้า และแน่นอนว่าผมไม่มีทางไปนั่งโต๊ะที่อยู่ไกลแน่นอน

   ระหว่างที่รอคิวตัวเองนั่นก็เอาโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเกมรอ ทว่าเล่นไปสักพักก็เบื่อจึงปิดมันไว้แล้วางนิ่ง ๆ บนโต๊ะ ผมมองไปรอบ ๆ ร้าน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่ามีหลายสายตาจ้องมา แถมยังมีบางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีก ใช่ว่าจะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เจอก็ไม่เคยชิน และค่อนข้างที่จะไม่สบอารมณ์ทุกครั้งด้วย ถ้าผมเป็นดาราหรือคนดังก็ว่าไปอย่าง แบบนี้มันค่อนข้างจะ...

   น่ารำคาญ...

   “โทษนะคะ” ผมเลิกคิ้วมองหน้าคนที่เข้ามาทั้ง หญิงสาวในชุดนักศึกษาเสื้อรัดรูปทั้งกระโปรงยังสั้นแสนสั้นกำลังส่งยิ้มให้ผม ข้าง ๆ นั้นมีผู้หญิงอีกสองคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน

   “พวกพี่อยากนั่งตรงนี้ ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ?”

   ก็แย่ละ

   ผมเดาะลิ้นก่อนจะพยักหน้าหนึ่งที “ครับ” บอกคำเดียวสั้น ๆ แล้วคว้ากระเป๋าเป้กับโทรศัพท์มือถือมาถือไว้แล้วเดินออกจากโต๊ะนั่งไปยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โชคดีที่ตรงนั้นมีเก้าอี้ให้นั่งด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องอารมณ์เสียมากแน่นอน พี่พนักงานคงเห็นจึงส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้ ผมจะคิดว่ามันเป็นยิ้มปลอบใจก็แล้วกัน

   “อุ๊ย แหก” เสียงเพื่อนตัวหอมพูดขึ้นพร้อมกับปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต สามสาวที่โดนผมหักหน้ามองจิกพี่เขากับตัวหอมอย่างไม่พอใจ อืม... ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองหรอกนะ แต่มันอยู่ในกรอบสายตา และพวกเขาก็ไม่ได้พูดเสียงเบาด้วย ได้ยินกันทั้งร้านเลยมั้ง

   “ยุ่งอะไรล่ะอีตุ๊ด”

   “ตบปากตัวเองไปอีชะนี”

   “แล้วจะทำไมยะ!”

   “เปล่าหรอก แต่ว่าแหม กระเหี้ยนกระหือรือเข้าหาผู้ชายก่อนแต่ผู้ไม่สนใจนี่เขาเรียกว่าอะไรนะภัค?”

   “นก” ตัวหอมของผมพูดเสียงดังพอสมควร ก่อนทั้งสองจะหัวเราะกันคิกคัก คนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็พลอยหัวเราะไปด้วยเช่นกัน สามสาวได้แต่กำมือแน่นอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หึ แสบจังเลยแฮะ ว่าแต่...

   ชื่อภัคงั้นเหรอ...

   ผมยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก เคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์ไม่เป็นจังหวะระหว่างที่ฟังตัวหอมกับเพื่อนฉะกับผู้หญิงสามคนนั้นที่เขามาแย่งโต๊ะของผม และเมื่อได้ของได้สั่งไว้ก็จ่ายเงินค่าขนมก่อนจะรับมาแล้วเดินออกจากร้าน ผมจงใจเดินช้าเมื่อต้องผ่านโต๊ะของตัวหอมเพื่อต้องการมองหน้าอีกคนให้ชัด ๆ แม่ง... โคตรน่ารักเลยว่ะ!!

   ทั้งที่ปกติไม่ค่อยจะสนใจอะไร แต่ทำไมพอเป็นคนนี้ผมถึงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษนะ

   ...ก็แย่ละ

   คิดอะไรพิลึกพิลั่น



   ผมขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเปิดกระเป๋าแล้วไม่เจอกุญแจรถ ผมก็ว่าผมเอาใส่กระเป๋าไว้แล้วนะ หายไปไหนวะ หรือจะตกอยู่ในร้าน เมื่อคิดแบบนั้นก็กลับเขาไปในร้านอีกครั้ง ใบหน้ากำลังยุ่งเหยิงและขัดใจสุด ๆ ผมเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ตรงที่เคยนั่งก่อนจะก้มหากุญแจรถที่ทำตก

   “หาอะไรคะน้อง?”

   “กุญแจรถครับ พี่เห็นหรือเปล่า?” ตอบพนักงานที่เข้ามาถามและถามพี่เขากลับ

   พี่พนักงานส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่นะน้อง น้องไปหาโต๊ะที่น้องนั่งก่อนหน้านั้นหรือยังคะ?”

   “อ่า.. ยังครับ ขอบคุณครับพี่” พี่พนักงานบอกว่าไม่เป็นไรแล้วกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ ผมเสยผมไปด้านหลังอย่างหงุดหงิดหลังจากมองไปที่โต๊ะที่เคยนั่ง ผู้หญิงสามคนนั้นยังนั่งอยู่แบบนี้จะไปหาได้ยังไง

   ไม่มีทางเลือกเลยสิน่า...

   ผมดีดนิ้วเปาะพร้อมกับเดาะลิ้นในจังหวะเดียวกันหลังจากที่มองไปใต้โต๊ะแล้วเห็นแสงสะท้อนอะไรบางอย่างกระทบสายตา อยู่ใต้โต๊ะนั้นจริง ๆ แล้วจะเอายังไงนี่สิประเด็น

   “ขอโทษนะครับ”

   “อุ๊ย มีอะไรคะน้อง?” ทั้งสามสาวหยุดการสนทนาเอาไว้เมื่อเห็นว่าผมเข้าไปทัก สายตาแต่ละคนโคตรเป็นภัย ฉิบหายแล้วจักรพรรดิมึง แต่ผมแอบเห็นพวกเธอหันไปยักคิ้วให้ตัวหอมกับเพื่อนด้วยท่าทางเหนือกว่าด้วยว่ะ ไม่น่ารักเลยนะครับสาว ๆ

   “กุญแจผมตก ช่วยเก็บให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” ผมขอร้องด้วยความสุภาพ สามสาวก้มมองใต้โต๊ะก็เห็นว่ามีกุญแจอยู่จริง ๆ

   “น้องก็ก้มลงไปเก็บเอาเองสิคะ” ผู้หญิงคนที่เดินเข้ามาหาผมคนแรกเป็นคนบอกก่อนตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง แบบนี้มันจงใจให้ผมเป็นโรคจิตหรือเปล่าวะ ผมเดาะลิ้นก่อนจะถอนหายใจตอนนี้ยิ่งอารมณ์ไม่คงทียังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกเหรอ ไอ้จะก้มไปเก็บเองมันก็ได้อยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าสาวเจ้าทั้งสามนั้นใส่กระโปรงกันสั้นมากขนาดนั้น ถ้าหากผมก้มลงไปไม่โดนหาว่าส่องใต้กระโปรงผู้หญิงเหรอ

   เอาไงดีวะ ยิ่งเสียเวลากันไปใหญ่ จะขอร้องให้พนักงานผู้หญิงมาช่วยเก็บให้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่อง ไปรบกวนเขาอีก

   “ถ้าอย่างนั้น... ก็ขอโทษด้วยนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ มือหนาวางยึดไว้บนโต๊ะก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วยื่นเท้าเข้าไปเขี่ยกุญแจรถให้ออกมาด้านนอกก่อนจะหันหลังให้หญิงสาวทั้งสามคนนั้นแล้วย่อตัวลงไปเก็บก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจใครอีก แต่ก็ได้ยินเสียงแว่วตามหลังมา...

   “ว้าย! นกซ้ำซ้อน!”


   ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย คล้าย ๆ จะจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร








---------------------------------
จริงใจเพ้ออ่ะ!!
จริงใจในความจริงใจกับจริงใจมนุษย์แฟนเด็กเหมือนคนละคนเลย...
ในเรื่องนี้จริงใจเป็นคนดำเนินเรื่องเองเลยค่อนข้างเหมือนคนเพ้อ
ส่วนมนุษย์แฟนเด็กเจ้าเด็กปีศาจไม่ค่อยได้แสดงความรู้สึกอะไรมากเลยดูเป็นคนนิ่ง ๆ ; w ;
ไทม์ไลน์ความจริงใจจะช้ากว่ามนุษย์แฟนเด็กนะ ยังอยู่ในช่วงที่ไม่ได้วอแวตัวหอม
(พูดไรอ่ะ งง)

มาอัพช้าแล้วยังดึกอีก ฮือ ขอโทษด้วยครับผม
ปกติจะลงช่วงสองทุ่ม แต่วันนี้ไปเรียนขับรถมาเพิ่งถึงบ้านเลยดึกอย่างที่เห็น .__.

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นนะคะ
หากผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ
เอ็นดูเด็กปีศาจด้วยน้าาาาาา


หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 20-10-2016 23:47:08
สนใจเขาอะดี้  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 20-10-2016 23:57:19
ก็แย่ล่ะ รู้ไหมว่าจริงใจทำให้คนอ่านติดคำพูดนี้ไปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: May99 ที่ 21-10-2016 00:07:01
 :hao7: :hao7: :hao7: มีความสะใจ นกซ้ำซ้อนนนนน  กร้ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2016 08:31:26
เจอกันอีกแล้ว~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 21-10-2016 08:51:07
ความจริงใจนี้55555 :laugh:  น่าร้ากก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-10-2016 09:22:21
สาวๆ ที่เจอจริงใจ คงใจเต้น....ก็แย่ละ
ก็จริงใจ ทั้งสูง หุ่นดี หน้าตาดี คิ้วก็เข้มอีก
ยังไงจริงใจ ก็ไม่สนใจหรอก
เพราะจริงใจ สนใจคนตัวหอมไปแล้ว
จันทร์เจ้า ต้วมเตี้ยม น่าฟัดจริงๆ
เข้าใจพี่ฟ้า กับทิวาเลย
แต่พี่ฟ้าได้ฟัดๆ ลูกหมูตั้งแต่ยังเด็กๆเลย  :เฮ้อ: อิจฉาาาา
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-10-2016 22:18:13
จริงใจกำลังมีความรัก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 21-10-2016 22:32:01
สมน้ำหน้าชะนี ถ้าจริงใจได้ชะนีต้องเป็นเราคนเดียว :mew1: :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 24-10-2016 20:06:23
 :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 24-10-2016 23:13:14
โอ๊ย เด็กปีศาจจอมซึนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 25-10-2016 17:46:18
"ก็แย่ละ" กลายเป็นประโยคติดปากของเราตามจริงใจไปแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-10-2016 18:03:43
เด็กปีศาจเท่มากกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-10-2016 22:45:13
มีความสะใจมากกกกกกกกกกกกกกอ่ะ หึๆๆๆๆๆ o3 o3
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 2 ผมกับเรื่องนก ๆ | 20-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 28-10-2016 06:56:51
จริงใจ 55555
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 28-10-2016 19:45:57
ความที่ 3
ผมกับพี่ชายตัวกลม







   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คนที่มาเปิดประตูให้ พี่รามินทร์พยักหน้ารับแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นก็เห็นพี่มีนนั่งดูทีวีอยู่ ผมวางกระเป๋าไว้ที่โซฟา สายตามองหาคนที่ต้องการมาหา

   “น้องจิ๋วนอนอยู่ในห้องนู่น” นิ้วเรียวของพี่มีนชี้ไปที่ประตูห้องห้องหนึ่ง “เข้าไปปลุกสิ”

   “นอนอีกละ”

   “ฮ่า ๆ แล้วขนมพวกนี้เอามาเซ่นองค์ท่านใช่มะ เดี๋ยวพี่เอาไปแช่ตู้เย็นให้ จริงใจไปปลุกน้องจิ๋วเถอะ นอนตอนเย็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

   “ครับ”

   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนเล็ก ก็เจอพี่ชายนอนหลับพริ้มกอดหมอนข้างอยู่กลางเตียง ผมนั่งลงบนเตียง แอบเผลอกลั้นหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหมูหันขยับตัว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาหลังจากที่เห็นจันทร์เจ้ายังหลับสนิท ผมส่งมือไปปัดผมด้านหน้าของพี่เบา ๆ ถ้าตื่นมาแล้วจันทร์เจ้าไม่ยอมคุยด้วยผมจะทำยังไงวะ…

   ขณะที่กำลังจะเอ่ยเรียกคนหลับ สายตาก็มองไปเห็นโทรศัพท์มือถือสีขาวของพี่ชายที่มีแสงสว่างขึ้นมาแต่ไร้เสียงเตือนและการสั่น ผมเอื้อมไปคว้ามันมา กดให้จอสว่างก็เห็นว่ามีแจ้งเตือนข้อความเข้า เมื่อจะเข้าไปดูก็ปรากฏว่าต้องใช้รหัสหรือแสกนนิ้วมือ แน่นอนว่าผมไม่รู้รหัส ถึงสนิทกันยังไงก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่ครั้งนี้... ขอเขาก้าวก่ายหน่อยแล้วกัน มือหนาจับมือขวาของพี่ชายเบา ๆ ก่อนจะทาบปลายนิ้วหัวแม่มือบนแป้นแสกน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นเมื่อสามารถปลดล็อกโทรศัพท์มือถือของพี่ได้แล้ว หึหึ เสร็จผมล่ะ

   แต่แล้วรอยยิ้มก็หายไปกลายเป็นคว่ำปากและขมวดคิ้วแทน หลังจากที่เห็นสิ่งที่อยู่บนจอ มันเป็นหน้าต่างสนทนาในแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ ดูเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะไม่ได้ออกจากหน้านี้ไปก่อนที่เครื่องจะล็อก บางที... จันทร์เจ้าอาจจะเผลอหลับไประหว่างที่คุยกับอีกฝ่ายอยู่ แย่ละ อะไรจะขนาดนั้นวะ

   แล้วคืออะไร ตอบแชทคนอื่นได้แต่ไม่แม้แต่จะตอบแชทน้องเนี่ยนะ!!!

   จะน้อยใจจริง ๆ แล้วนะเว้ย! แม่ง

   
   ผมหน้าบึ้ง มองชื่อด้านบนที่ถูกเขียนว่า ‘TW.’ แล้วยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ มันต้องย่อมาจาก ‘ทิวากาล’ อย่างแน่นอน แล้วไอ้ข้อความถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนี่อะไรวะ! ไม่ไหวแล้วนะโว้ย!! ส่งมาทำไมเป็นสิบ ๆ ข้อความ จันทร์เจ้าไม่ตอบก็ยังจะส่งมาอยู่นั่นแหละ ไอ้....!!!

   TW. : อ่านไม่ตอบ

   TW. : หยิ่งหรอวะ

   เออหยิ่ง! ผมพ่นลมหายใจอย่างเบื่อ ๆ แต่ไม่นานก็ยิ้มร้ายออกมา ก่อนจะขยับปลายนิ้วแตะตัวอักษรบนหน้าจอทีละตัวแล้วกดส่ง หึหึ


   นี่จันทร์เจ้าเอง : เราไม่อยากคุยด้วยนี่ก็ไม่เลยตอบ

   นี่จันทร์เจ้าเอง : เลิกส่งข้อความมาหาเราได้แล้ว

   นี่จันทร์เจ้าเอง : เราเบื่อ!

   นี่จันทร์เจ้าเอง : แล้วเราก็รำคาญมาก ๆ ด้วย


   ผมมองตัวหนังสือที่เขียนว่า อ่านแล้ว แล้วยิ้มอย่างพอใจ คงจะเสียศูนย์ละสิ ถึงได้ตอบช้าแบบนั้น หึหึ ผิวปากเบา ๆ กดออกจากหน้านั้นแล้วดูอย่างอื่นบ้าง ไหน มีใครมาวอแวพี่ชายผมบ้าง อ่า... นอกจากทิวากาลคนนั้นยังมีตะวันอีกนี่นะ ผมกดเข้าไปดูข้อความระหว่างพี่ชายกับตะวัน ในนั้นก็แค่คุยเรื่องปกติทั่วไป แต่ดูเหมือนฝ่ายตะวันจะพยายามหยอดแต่จันทร์เจ้าไม่เล่นด้วย เออ อันนี้ค่อยไม่น่าปวดหัวหน่อย

   ความจริงแล้วผมก็เพิ่งจะนึกออกว่าเพื่อนของไอ้หมูอ้วนที่ชื่อตะวันนั้นคือคนที่มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ เมื่อตอนผมไปหาจันทร์เจ้าที่ค่ายรับน้อง พอมาตอนนี้ก็พอจะเดาออกมาทำไมคนชื่อตะวันถึงได้มองผมแบบนั้น คงจะไปเห็นตอนที่จันทร์เจ้าหอมแก้มหรือไม่ก็กอดผมพอดี ช่างเถอะ คนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจันทร์เจ้าเองก็ดูเหมือนไม่ค่อยเล่นด้วย ตัวปัญหาจริง ๆ มันคือทิวากาลต่างหากล่ะโว้ย!!

   TW. อะไรของมึง

   TW. เมากาวหรอ


   เมากาวที่หน้า...

   คนอะไรทำไมหน้าด้านจังวะ บอกไปแล้วว่ารำคาญไม่อยากคุยด้วยยังจะมาถามอีกว่าเป็นอะไร ไม่ได้ก็เมากาวครับ ไอ้ส--- เฮ้… ไม่ดี ผมไม่ควรสบถด้วยคำหยาบคายมากเกินไปมันเสียภาพลักษณ์มือกลองสุดคูลแห่ง HISTASIA

   ไหน ขอดูอีกหน่อย นอกจากแอพพลิเคชั่นนี้แล้วคุยกันที่ไหนอีกบ้าง ก็แย่ละไอ้ฉิบหาย! ทำไมมีคอนแท็คกันทุกแอพพลิเคชั่นเลยวะ ไม่ได้ละ ปล่อยไว้แบบนี้มีหวังหมูโง่โดนหมาป่าคาบไปแดกแน่ ๆ

   บล็อกแม่งให้หมด รำคาญ

   “หึหึ”

   “ทำอะไรกับมือถือพี่”

   “เหี้ย!” ผมอุทานเสียงดัง หันไปมองที่มาของเสียงก็พบว่าจันทร์เจ้านอนตะแคงข้างมองผมตาแป๋ว หน้าโง่ ๆ นั่นยิ่งดูโง่ขึ้นไปอีกเพราะเพิ่งตื่น หัวคิ้วเล็กย่นเข้าจนแทบชนกัน

   ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   “ตื่นตั้งนานแล้วแต่ไม่ลืมตาเฉย ๆ ทำไมจริงใจยิ้มปีศาจ”

   เป็นเอ็ดเวิร์ด คัลเลนหรือไง มาอ่านใจได้เนี่ย

   ก็แย่ละ คิดอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นได้ยังไงวะจักรพรรดิ

   “ยิ้มปีศาจอะไร ไปล้างหน้าไป พี่มีนให้มาปลุก”

   “แล้วทำไมไม่ปลุก มาวอแวมือถือพี่ทำไม”

   “ดูไม่ได้เหรอ?” บีบเสียงให้ดูน่าสงสารพร้อมกับช้อนตามองพี่ชายด้วยสายตาหงอย ๆ จันทร์เจ้าถอนหายใจแผ่วเบา พยักหน้าช้า ๆ เมื่อฟังผมพูด ซึ่งผมเห็นแล้วมันน่ามันเขี้ยวจนอยากจะถีบให้ตกเตียงไปซะ! ทำเป็นเชื่อหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า!

   “เค้าไม่มีสิทธิยุ่งกับพี่แล้วใช่ป่ะ?” ใช่ แบบนั้นแหละมึง ทำเสียงอ่อยเข้าไว้ ทำตาละห้อยแล้วก้มหน้าด้วย ปิดท้ายด้วยการเม้มปากและวางมือถือคืนให้พี่

   เท่านี้ก็…

   “มัน fake มากเลยจริงใจรู้เปล่า”

   ก็แย่ละ รู้ได้ไงวะ!

   ผมกลอกตา ในเมื่อเล่นบทเรียกคะแนนสงสารไม่ได้ก็ไม่ต้องทำมันละ

   “เออ เค้าทำอะไรก็ไม่ดีหรอก ไม่ได้ชื่อทิวานี่หว่า”

   “ทิวาเกี่ยวอะไร”

   “แค่ยกชื่อมายังไม่ได้ เหอะ!” จันทร์เจ้าขมวดคิ้วขณะที่มองหน้าผม คงจะคิดอยู่ล่ะสิว่าผมเป็นบ้าอะไร เหอ ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าเป็นบ้าอะไร

   “ก็มันไม่เกี่ยวกับทิวา จะไปยกชื่อเขามาทำไมล่ะ จริงใจงงอะไร?”

   “จิ๊!”

   “ไม่ต้องมาจิปากเลย!” ไม่จิปากกลอกตาก็ได้ ลูกหมูคว้าโทรศัพท์มือถือคืนก่อนจะวิ่งออกจากห้องนอนไป ตัวผมเองก็ตามพี่ชายไปติด ๆ นั่งที่โซฟาอีกตัวตาก็มองจันทร์เจ้าไปด้วย รู้สึกในใจมันปั่นป่วนแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น ยิ่งเวลาที่ไอ้หมูเหลือบตามองผมก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง มองปากเล็กที่เม้มแน่นผมก็เม้มปากตาม...

   ความฉิบหาย is following you. Now

   “ไอ้เด็กปีศาจ!”

   “เฮ้ย!” ผมร้องพร้อมกับโยกตัวหลบหมอนอิงที่พี่ชายโยนใส่ และนั่นทำให้เจ้าของห้องทั้งสองหันมามองด้วย จันทร์เจ้ากำมือถือแน่น กัดฟันและหายใจแรงเพื่อข่มอารมณ์

   “มีอะไรน้องจิ๋ว?!” พี่มีนถามเสียงงง

   “จริงใจน่ะสิ แอบจับมือเราไปปลดล็อกโทรศัพท์ แล้วก็ตอบข้อความแทนเรา แถมยังบล็อกเพื่อนในนั้นเราด้วย!”

   “เอ่อ...” พี่มีนกำลังเอ๋อกับคำบอกเล่า แต่ในขณะเดียวกันนั้นพี่รามินทร์ก็หัวเราะออกมาแล้วยกนิ้วโป้งให้กับผม ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยพี่รามินทร์ก็อยู่ข้างผมล่ะน่า... เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

   “ก็แค่หวังดี” ผมพูดพร้อมกับยักไหล่ไม่สนใจ

   “หวังดีประสงค์ร้ายน่ะสิ” เบ้ปากให้ด้วยเลยอ่ะ

   “จะมาง้อหรือมาตีกันเพิ่มเนี่ย” ผมกับจันทร์เจ้าสะบัดหน้าไปคนละทางหลังจากที่พี่มีนพูดขึ้น

   “ไปคุยกันให้รู้เรื่องไป นี่ก็ฟังน้องมันหน่อย” พี่รามินทร์ล็อกคอจันทร์เจ้าเข้าหาตัวพร้อมกับบอกก่อนจะผลักไอ้ลูกหมู จันทร์เจ้ากลอกตาไปมา

   “จริงใจยังไม่ฟังเราเลย”

   “ไปคุยกัน” พี่รามินทร์ย้ำคำเสียงแน่น จันทร์เจ้ายอมลุกขึ้น คงจะขัดใจอยู่ไม่น้อย


   “จันทร์เจ้า” เจ้าของชื่อเชิดหน้ามองผมก่อนจะกอดอกแล้วนั่งลงปลายเตียง ผมเห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้กับท่าทางแบบนั้นของพี่ชาย กลอกตามองรอบห้องอย่างไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนแล้วกอดอกไว้บ้าง

   “ขอโทษ”

   “จะพูดกับใครก็มองหน้าเขาด้วย อย่าเสียมารยาท”

   ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ อย่าให้ถึงตาผมบ้างแล้วกัน พ่อจะเล่นให้ร้องไปฟ้องพี่ฟ้าแทบไม่ทัน

   “โกรธเค้าจริง ๆ หรอวะ?”

   “ไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย”

   “แล้วทำไมต้องหนีไปบ้านคุณย่า?”

   “แค่ไม่อยากเห็นหน้าจริงใจ” เล่นเอาสะอึก “ประโยคที่จริงใจพูดมันติดอยู่ในหัวไม่ยอมหลุดเลย พี่เลยไปนอนบ้านคุณย่า”

   ผมเดาะลิ้นพร้อมกับพยักหน้า “พูดแบบนี้แสดงว่าก็คิดใช่ไหม?”

   “อือ…” ลูกหมูเม้มปาก ก้มหน้ามองตักตัวเอง “มันก็เป็นไปได้ที่จะเป็นแบบจริงใจพูด แต่ยังไม่ลองจะรู้ได้ยังไง…”

   “ต่อให้ห้ามก็ไม่ฟังใช่ไหม?”

   “ฟังสิ… แต่ขอพี่ลองหน่อยไม่ได้เหรอ?”

   “ถ้าบอกว่าเค้าไม่อยากเห็นพี่เสียใจยังจะดื้ออยู่ไหม?” จันทร์เจ้าเงียบเม้มปากแน่น ตากลมเริ่มวาวน้ำ

   “จันทร์เจ้าครับ” ผมเรียกชื่อพี่ชายเสียงอ่อนลง ย่อตัวนั่งคุกเข่าลงหนึ่งข้างหน้าเตียงแล้วยื่นมือไปแทรกมือทั้งสองข้างของพี่ชายที่กำลังบีบกันแน่นให้พี่บีบมือผมแทน

   “พี่แค่ชอบทิวาเอง…”

   “ชอบเขาจริง ๆ หรือชอบเพราะมีคนบอกว่าชอบ”

   “ชอบ … จริง ๆ”

   ผมถอนหายใจเฮือกกับสิ่งที่หลุดออกมาจากปากพี่ชาย ในหัวของผมตอนนี้มันขาวโพลนว่างเปล่าไปหมด เมื่ออ้าปากจะพูดกลับเหมือนมีอะไรมาบีบเส้นเสียงของเขาจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกไปได้

   “ก็แย่ละ…” น้ำตาเม็ดโตไหลออกจากดวงตาผ่านแก้มใสเมื่อคำพูดประจำตัวผมเปล่งออกไป ไม่รู้ทำไมจันทร์เจ้าถึงได้ร้องไห้กับคำโง่ ๆ แค่นั้น

   “แค่ชอบเฉย ๆ ไม่เป็นแฟนก็ได้…” ผมยกมุมปากขึ้น ยื่นมือข้างหนึ่งไปเช็ดน้ำตาจากแก้มให้พี่ ขี้แงจริง ๆ

   “ถ้ามันอยากได้พี่ล่ะ?”

   “...จะถามทุกคนก่อน”

   “หึ ถามพี่ฟ้าด้วยหรือเปล่า?”

   “ถามสิ พี่ฟ้ามีเหตุผล”

   “เฮ้อ…”

   “จริงใจ…~” ตอนนี้ผมอยากจะกลายเป็นคนหูหนวกตาบอดไปซะ จะได้ไม่ต้องมาได้ยินเสียงเรียกออดอ้อนและดวงตากลมโตใสแจ๋วนั่น ให้ตายเถอะ! ขนาดก้อนหินยังแหลกเป็นเม็ดทราย นับประสาอะไรกับหัวใจบาง ๆ ของผม

   ใจบางที่หน้า ไอ้ฉิบหาย!

   แต่บอกตรง ๆ ใจอ่อนยวบไปตั้งแต่ไอ้หมูหันก้มมองตักตัวเองละ

   ภูมิต้านทานโคตรต่ำ

   “เออ ยอมให้ชอบก็ได้”

   “จริงเหรอ!!? จริงใจน่ารักจัง พี่รักจริงใจที่สุดในโลกเลย” พอสมใจเข้าหน่อยก็รักที่สุดในโลก แล้วขอโทษครับคุณจันทิมันตุ์ แค่ยอมให้ชอบไม่ได้ยอมให้คบ แล้วผมยอมแค่คุณนะครับ กับไอ้ทิวากาลอะไรนั่นไม่ยอมโว้ย!

   ผมกลอกตาขึ้นฟ้า ทำเสียงรำคาญเมื่อพี่ชายโผเข้ากอด แถมยังหอมแก้มผมไม่หยุด บอกขอบคุณก่อนจะจุ๊บที่ริมฝีปากหนึ่งทีแล้วจึงได้ฤกษ์ผละออก เห็นหน้าโง่ ๆ ที่กำลังยิ้มกว้างดีใจแล้วนึกหมั่นไส้ชอบกล

   “อ๊ะ! พี่ยังไม่ลืมเรื่องที่จริงใจเล่นมือถือพี่นะ! เจ้าเด็กปีศาจ!” แย่ละ ต้องหาทางเอาตัวรอด ผมขยับริมฝีปากระบายยิ้มบางอย่างอ่อนโยนขณะที่สบตากับแววตาเขียวปั๊ดของพี่ชาย เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกชวนให้คนฟังเคลิ้มตาม

   “เค้าซื้อพุดดิ้งรสนมกับขนมปังร้านนมปังมาให้พี่ด้วย”

   จันทร์เจ้าเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินชื่อขนมสุดโปรด ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปหาเป้าหมายโดยลืมเรื่องที่ต้องสะสางไปเสียสิ้น ผมเดาะลิ้นพอใจและหัวเราะในลำคอ

   แค่นี้ก็เรียบร้อย…


   ออกมาด้านนอกเจอจันทร์เจ้ากำลังซัดพุดดิ้งกับขนมปังที่ผมซื้อมาอยู่พอดี หน้ากลม ๆ นั้นขยับยิ้มทีก็แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนหน้าอันไหนพระจันทร์ แม่นี่ก็เข้าใจตั้งชื่อเนาะ อย่างกับรู้ล่วงหน้าว่าอนาคตลูกจะเป็นยังไง หึหึ

   “ยอมง่ายจังเลยวะ” พี่รามินทร์เริ่มเสี้ยม

   “สงสาร”

   “ไม่ใช่แพ้ลูกอ้อนหรอกเหรอ?” พี่มีนฝ่ายซ้ำเติม

   “ก็แย่ละ” ผมคว่ำปาก ขณะที่จันทร์เจ้ายิ้มกว้างจนตาหยีและหัวเราะเสียงสดใส ยิ้มทีหน้าบานเป็นกระด้ง

   ผมปล่อยให้เหล่าเพื่อนสนิทเขาคุยกันไป ระหว่างนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเรื่อยเปื่อย ลองเข้าไปดูโซเชียลเน็ตเวิร์กบ้างอย่างที่ปกติไม่ค่อยได้ทำ ผมมีทุกอย่างนั่นแหละ แต่ไม่ค่อยเล่น วันไหนนึกครึ้มก็เข้าไปดู อย่างวันนี้ ปลายนิ้วหยุดค้างอยู่ที่โพสต์โพสต์หนึ่ง มันเป็นโพสต์ที่ถูกกดถูกใจโดยเพื่อนในนั้นจากเพจคิ้วท์บอยอะไรสักอย่างมาอีกที ถ้าเป็นอย่างอื่นผมจะเลื่อนผ่านไปโดยไม่ใส่ใจจะหยุดดู แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่มันทำเอาหัวใจผมเต้นตึกตักไปหมด

   ก็แย่ละ

   ภัค ณภัค
   ปี 2 เศรษฐศาสตร์
   FB : Naphak Chaiyaphatsawat
   Twitter + Instagram + Ask.fm : phaknp
   Snapchat : npnaphak


   ความรู้สึกแรกเลยคือ... ตั้งชื่อโคตรสิ้นคิด แต่ผมจะไม่พูดมากเพราะเดี๋ยวจะเข้าตัวเอง เมื่อได้วาร์ปของเป้าหมายแล้วผมก็ไล่ส่องไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่อันแรกไล่ลงมาจนอันสุดท้าย ดูรูปที่เขาถ่ายลง ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ถ้าไม่บอกไว้ว่าเรียนเศรษฐศาสตร์ผมคงคิดว่าเขาเรียนแฟนชั่นอะไรเทือกนั้นแน่ เพราะรูปภาพส่วนใหญ่เป็นพวกเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ และเขาเป็นคนแต่งตัวเก่งและต้องจัดเต็มตลอด ซึ่งสำหรับผมแค่เสื้อตัวกางเกงตัวก็ออกจากบ้านได้แล้ว

   ก็อย่างว่า นิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน

   และจากการที่ส่องโซเชียลของเขาทุกอย่างทำให้ผมรู้ว่าตัวหอมเรียนที่เดียวกันกับจันทร์เจ้า แบบนี้ต้องหาเรื่องไปแถวนั้นบ่อย ๆ ละ ว่าแต่... ผมจะไปทำไมวะ โยนโทรศัพท์ทิ้งลง เอนตัวนอนบนเตียง ประสานมือรองท้ายทอยแล้วมองเพดานที่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีหน้าของตัวหอมเต็มไปหมด แย่ละ ผมเป็นห่าอะไรเนี่ย ตั้งแต่กลับจากคอนโดพี่รามินทร์กับพี่มีนก็ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยเป็นตัวเอง รู้สึกอยากคว้าโทรศัพท์มาเปิดดูตลอดเวลา

   ไม่ไหวละ ต้องหาอะไรทำ เด้งตัวลุกขึ้น คว้าโทรศัพท์มาถือไว้ เดินออกจากห้องนอนของตัวเองแล้วไปเปิดประตูห้องข้าง ๆ (วันนี้ผมตามจันทร์เจ้ามานอนบ้านคุณย่าครับ)

   “หมูทำอะไร?” คนถูกถามสะดุ้งเฮือก มองผมด้วยตาเขียวปั๊ด

   “ส่งข้อความทิวา”

   “ส่งหามันทำไม ดึกแล้วก็นอนไปดิ”

   “ทิวาไม่ตอบพี่เลยตั้งแต่ที่จริงใจส่งข้อความพวกนั้นไป”

   “มันเลิกชอบพี่แล้วไง เค้าบอกแล้ว ว่ามันไม่-----”

   “อ๊ะ!!! ทิวาโทรมาแหละ” ผมพูดยังไม่ทันไอ้หมูอ้วนก็ตะโกนแหวกอาการขึ้นมาเสียก่อน แล้วยังหมุนโทรศัพท์มือถือโชว์ผมอีก เดี๋ยวเจออิทธิฤทธิ์จักรพรรดิหน่อยเป็นไง ผมยื่นมือไปคว้าสมาร์ทโฟนสีขาวในมือลูกหมูมาแล้วชูขึ้นสุดแขน ขยับถอนออกจากปลายเตียงเพื่อกันไม่ให้เจ้าของแย่งคืนไปได้

   “เอาของพี่คืนมานะ!!!”

   “ไม่” ผมลอยหน้าลอยตากวนประสาท ตอนนี้สายเรียกเข้าถูกตัดไปแล้วแต่ไม่นานก็โทรกลับเข้ามาใหม่ “ดึกแล้ว นอนไป ไม่ต้องคุย”

   “คุยแป๊บเดียวเอง จริงใจอ่า”

   “ไม่ได้ พี่ต้องรีบนอนเร็ว ๆ”

   “นี่มันสี่ทุ่มยังไม่ครึ่งเลยนะ”

   “แล้วไง เพราะนอนดึกแบบนี้ไงพี่เลยตัวเตี้ยแบบนี้ ไม่ต้องคุย ไปนอน”

   “ไอ้เด็กปีศาจ!

   “ขอบคุณครับ หึหึ” ผมโยนโทรศัพท์คืนเจ้าของ ไม่ได้รับแล้วสามสาย คิดว่าไม่น่าจะโทรมาอีกแล้วมั้ง “ถ้านอนเร็วเดี๋ยวเค้าจะพาไปกินของอร่อยแบบไม่อั้น”

   เจ้าหมูลังเล เบะปากประกอบด้วย ใจก็คงอยากจะรับสายแต่อีกใจก็คงห่วงกิน แต่อย่างจันทร์เจ้าน่ะ เลือกได้ไม่ยากอยู่แล้ว หึหึ

   “ก็ได้ จริงใจต้องพาพี่ไปนะ”

   “อือ เค้าเลยผิดคำพูดกับพี่ที่ไหน”

   บิงโก!

   ลูกหมูหน้ามู่ทู่ ปากเป็ดยื่นออกมา มือก็กดหยุกหยิกกับโทรศัพท์ ไม่นานก็วางมันไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ไอ้หมูหันมุดเข้าไปใต้ผ้านวม ตายังมองผมอยู่

   “ออกไปสิ พี่จะนอน”

   “อย่าให้เค้ารู้ว่าแอบโทรหามันนะ ไม่งั้นอดแน่”

   “รู้แล้วน่า พี่ไม่เสี่ยง ชิชิ”

   “ดีมาก ไปละ หลับให้สนิท”

   “จริงใจก็หลับให้สนิทนะ”

   ครางรับในลำคอก่อนเปิดไฟในห้องให้ไอ้หมูอ้วนแล้วจึงกลับห้องของตัวเองบ้าง ตอนนี้เพิ่งสี่ทุ่มนิดหน่อยยังไม่ดึกมาก และผมยังไม่ง่วง จึงเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นเกม พอเบื่อเกมก็ไปดูคลิปตีกลอง วนไปอยู่อย่างนั้นแล้วสุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่าไปจบที่การเปิดดูรูปตัวหอมได้ยังไงเหมือนกัน...







------------------------------------
ขอบคุณค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 28-10-2016 20:04:52
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 28-10-2016 21:55:19
แหมมม  :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2016 22:02:11
ไอ้เด็กหวงพี่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-10-2016 22:38:25
หวงพี่ก็บอกมาเถอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 29-10-2016 00:01:19
จริงใจมีความน่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 29-10-2016 01:01:06
แบบนี้ไง ทิวาเลยมีข้ออ้างมาต่อลองได้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 29-10-2016 07:51:59
จริงใจนี่แซะลูกหมูได้ฮาจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2016 08:46:23
devil boy จริงใจ ไม่แฟร์
ทั้งหวงพี่ ทั้งก่อกวนทิวากาล
นึกหน้ากลมๆ ของลูกหมูออกเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-10-2016 14:43:14
เมื่อไหร่จะได้คุยกันน้า?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PiiNaffe ที่ 01-11-2016 08:52:43
พึ่งเห็นเรื่องของเด็กปีศาจจจจจจจ นี่ไปอยู่ไหนมา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-11-2016 10:59:15
ลูกหมูเอ้ยยยยยย ระหว่างทิวากับขนม ก็เลือกขนมสินะ...

กร๊ากกกกกก....เห็นลำดับความสำคัญของทิวาในชีวิตลูกหมูชัดเจนมาก...สงสารรรรรรรร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 01-11-2016 21:55:11
เขินจริงใจ อยากมีสัมมีชื่อจริงใจ :z3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 3 ผมกับพี่ชายตัวกลม | 28-10-59 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2016 07:40:06
จริงใจนี่จริงใจจริงๆ

มีความปากแข็ง มีความเนียน มีความเพ้อ
แถมยังหนักมากด้วย ตัวหอมแย่แน่

แล้วดูคิดกับพี่น้องแต่ละอย่าง 5555 แต่ก็หวงหนักมาก

รอตอนเค้าจุ๊บกันค่ะ 5555
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-11-2016 20:15:21
ความที่ 4
ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว







   ผมดึงหูฟังที่ใส่อยู่ออกจากหูเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามา แผ่นหลังกว้างยืดตรงอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร รู้สึกถึงความฉิบหายได้ลาง ๆ ....

   “พี่ฟ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?”

   “เพิ่งมาถึงครับ ไม่เห็นเจเจข้างล่างเลยขึ้นมาหา”

   ผมพยักหน้ารับเบา ๆ รู้สึกไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่ การที่พี่ฟ้าเข้ามาหาถึงห้องแบบนี้ต้องมีเรื่องแน่ ๆ

   “ผมกำลังแกะเพลงน่ะครับ แล้วพี่ฟ้ามีเรื่องอะไรอยากคุยกับผมหรือเปล่า?”

   “มีสิ!” พี่ฟ้าตอบแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียงของผม “พี่ชายเราจะกลับเมื่อไหร่ครับ?”

   “น่าจะสาย ๆ มั้งครับ ผมก็ไม่แน่ใจ” วันนี้เป็นวันเสาร์และเป็นวันที่จันทร์เจ้าจะกลับจากบ้านคุณย่าเพื่อนอนที่บ้านนี้ และโดยปกติแล้วพวกเราสามพี่น้องจะสลับกันไปนอนบ้านคุณย่าบ้างแล้วแต่ว่าจะไปวันไหน เพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นน้อยใจว่าหลานไม่รัก

   “พี่ฟ้าอยากรู้เรื่องเจเจกับเด็กทิวากาล เล่าให้พี่ฟ้าฟังหน่อยได้ไหมครับ?”

   “อ่า...”

   “พี่ฟ้ารู้ว่าเจเจรู้ เพราะฉะนั้นเล่ามาทุกอย่างห้ามโกหก และห้ามเล่าไม่หมดนะครับ”

   แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ... ผมพรูลมหายใจออกก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้พี่ฟ้าฟัง ซึ่งเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เล่าไปก็ลอบมองอาการของพี่ฟ้าไป ตอนนี้พี่ฟ้าได้นิ่งค้างกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว...

   “พี่ฟ้า... ใจเย็น ๆ นะครับ”

   “เจเจ พี่ฟ้าจะเป็นบ้า” พี่ฟ้าพูดเสียงสั่น มือสวยยกขึ้นกุมขมับ ผมเห็นท่าทางของพี่ฟ้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง นึกสงสารจันทร์เจ้าขึ้นมาดื้อ ๆ แต่ก็สงสารแค่จันทร์เจ้านั่นแหละนะ กับอีกคนน่ะ... หึ สมน้ำหน้ามากกว่า

   “พี่ฟ้ายังไม่อยากให้เจเจมีแฟนเลย...”

   “ผมแค่ให้ชอบเฉย ๆ ครับ ไม่อนุญาตให้คบกัน”

   “เฮ้อ...”

   “พี่ฟ้าเครียดแบบนี้เดี๋ยวจันทร์เจ้าก็พลอยนอยด์ไปด้วย”

   “เฮ้อ... นอกจากเจเจแล้วมีใครรู้เรื่องนี้บ้างครับ?”

   “เพื่อนเขานั่นแหละครับ”

   “อ๋อ...” พี่ฟ้าครางรับเสียงเบา เราคุยอะไรกันต่อนิดหน่อยก่อนที่พี่ฟ้าจะเดินออกไปเหมือนคนไร้สติ

   เรื่องนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติได้เลยมั้งเนี่ย... ผมพ่นลมหายใจออกมา ตอนนี้โคตรจะลำบากใจเลย จู่ ๆ ก็นึกเห็นใจจันทร์เจ้าขึ้นมา ช่างแม่งก่อนแล้วกัน จัดกระเป๋าไปค่ายมวยดีกว่า




   รู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ ที่มองมา ดวงตาคมจึงมองไปยังบุคคลน่าสงสัย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนที่เคยเจอ ผมยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้าง คนคนนั้นอาจจะมองไปเรื่อยเปื่อยก็ได้ ผมออกจากบ้านมาตอนเกือบเที่ยง ก่อนจะแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อน้ำดื่ม ไม่รู้จะแวะทำไมเหมือนกันทั้งที่หากขับต่อไปอีกไม่นานก็จะถึงค่ายมวยแล้วแท้ ๆ

   “หึ! นั่นไงแฟนใหม่ผม” ผมได้ยินเสียงพูดแว่ว ๆ ดังมา ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะเดินเข้าไปหาผมที่ยืนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ มือสวยเกาะที่แขนแกร่งก่อนกระซิบลอดไรฟันให้ผมเล่นไปตามบทที่เขาจัดขึ้นมา “ช่วยแกล้งเป็นแฟนฉันหน่อย”

   ก็แย่ละ

   ถึงแม้จะสงสัยอยู่มากแต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป เพราะว่าผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาก่อนที่ผมจะได้ทักท้วง ถ้าเดาเอาเองผู้ชายคนที่เข้ามาใหม่ก็น่าจะเป็นแฟนหรือแฟนเก่าที่อาจจะทำอะไรให้คนที่เกาะผมอยู่โกรธหรืองอนแล้วมาง้อขอคืนดี แล้วทำไมผมถึงต้องยืนเฉย ๆ ให้ผู้ชายปากแดงคนนี้แตะเนื้อต้องตัวทั้งที่ควรจะสะบัดหรือปลดออกอย่างที่ควรจะเป็น ผมหลุบตามองคนตัวเล็กกว่า เจ้าตัวเชิดหน้าขึ้นพองาม ปลายจมูกเชิดรั้นบ่งบอกถึงนิสัย

   เวรกรรมอะไรของผมกันวะ

   “นี่มันอะไรกันภัค” ผู้ชายคนนั้นเอ่ย และมองผมสลับกับตัวหอม สายตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจทว่าเจือแววโมโหอยู่ด้วย

   “ก็อย่างที่บอก ฉันมีแฟนใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นนายก็เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว” ผมแทบจะพ่นน้ำที่ดื่มอยู่ออกมา ให้ตาย มันคืออย่างที่ผมคิดจริง ๆ สินะ

   “อย่ามาโกหกกันเลย สเป็กภัคไม่ใช่คนอายุน้อยกว่า”

   “แล้วไง ผมจะเปลี่ยนสเป็กบ้างไม่ได้หรอ ถ้าคบกับคนอายุมากกว่าแล้วมันห่วย ลองคบกับเด็กจะเป็นอะไร”

   “พี่ไม่เชื่อหรอกว่า---”

   “จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณครับ ไม่เกี่ยวกับเรา” ตัวหอมเงยหน้าช้อนตาขึ้นมองผม เขาตกใจเล็กน้อยคงไม่คิดว่าผมจะพูดอะไรออกไป แต่ไม่นานก็ปรับสายตาให้กลับมาเป็นปกติได้ ผมจ้องตากับแฟนเก่าของณภัคอย่างไม่เกรงกลัว และแสดงออกให้รู้ไปเลยว่ารำคาญฉิบหายแล้วรีบไปสักทีเถอะ ไอ้เวร!

   “ฉันไม่ได้พูดกับแก” ผมไหวไหล่ไม่ยี่หระ ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กของแฟนอุปโลกน์มาจับแล้วเดินไปที่รถ แต่แล้วแขนอีกข้างของตัวหอมก็ถูกคว้าเอาไว้โดยคุณแฟนเก่า

   “ปล่อยนะ!”

   “ไม่ ภัคต้องไปกับพี่”

   “ทำไมฉันต้องไปกับนาย ปล่อยสิ! โอ๊ย!” ตัวหอมร้องเสียงหลงเพราะถูกกระชากแขน หน้าเบ้อาจเพราะความเจ็บ โดยเนื้อแท้แล้วผมเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษสูง จึงเข้าไปดึงมือของแฟนเก่าตัวหอมออกแล้วเอาตัวไปบังร่างบางเอาไว้

   “หลบไปไอ้เด็กเวร”

   “คุณต่างหากที่ควรหลบไป การที่ภัคไล่คุณแปลว่าเขาไม่ต้องการอยู่ใกล้คุณนะ”

   “มึง!!!” เขาตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธพร้อมกับง้างมือขึ้นคล้ายจะต่อย เออ ถ้าปล่อยหมัดมาผมก็พร้อมสวนนะเว้ย

   “ถ้าคุณชกผม ผมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายได้นะครับ อ่า… ดูเหมือนหน้าร้านี้จะมี CCTV ด้วยแฮะ” ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่กล้องวงจรปิดตามที่พูด ไอ้นั่นกำหมัดแน่น ท่าทางฮึดฮัดนั่นทำให้ผมแสยะยิ้ม นิสัยโคตรเด็ก

   “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง! พี่ไม่ยอมง่าย ๆ แน่ภัค” มันชี้หน้าคาดโทษผมแล้วบอกคนที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของผมก่อนเดินจากไปด้วยความโกรธและเสียหน้า เมื่อไอ้หน้าด้านนั่นเดินออกไปแล้วผมจึงปล่อยมือที่จับมือเล็กออก ผู้ชายอะไรวะ ทำไมมือนุ่มขนาดนี้ (แต่มือไอ้หมูอ้วนก็นุ่มประมาณนี้นี่หว่า ช่างแม่งเหอะ)

   “เฮ้อ” ตัวหอมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่รถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนตัวออกไป เขาเงยหน้ามองผม “ขอบใจที่ช่วย”

   “ผมไม่ช่วยใครฟรี ๆ นะ” ผมบอก ความจริงทั้งนั้น ไม่ได้พิเศษเพราะเขาคือตัวหอมหรอกครับ ปกติผมไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของใคร ถ้ามีอารมณ์อยากช่วยหรือสมควรช่วยก็จะช่วย แต่บางเรื่องผมก็ช่วยเพราะผลประโยชน์ที่จะได้มา อย่างเช่นตอนนี้... ไม่ได้เต็มใจแต่แรก แต่มันนำพาซึ่งผลประโยชน์ ผมก็โอเค ทายาทนักธุรกิจก็งี้

   “อยากได้อะไรล่ะ?”

   “ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับ ไว้รู้แล้วผมจะบอกแล้วกัน ไปล่ะ” ยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปที่รถ

   “เดี๋ยวสิ!” เสียงแหบหวานร้องเรียกไว้ ผมหยุดและปัดมือเล็กที่คว้าไหล่ของผมพลางขมวดคิ้วและทำตาขวาง

   “อะไร?” เอ่ยถามออกไปเสียงห้วน

   “คิดว่าเราจะได้เจอกันอีกหรือไง”

   “นั่นสินะ…”

   “บอกมาว่าอยากได้อะไร”

   “ผมคิดไม่ออก แล้วถ้าโดนกดดันความคิดผมจะรวนไปเลย คุณไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรแล้วก็ได้ ช่างมัน” เขากลอกตาขึ้นฟ้าขณะที่ฟังผมพูด ที่พูดไปนั่นก็จริงนะครับ ถ้ายิ่งเร่งหรือกดดัน ผมก็จะไม่อยากทำมัน

   “ถ้าอย่างนั้นก็แลกเบอร์มือถือกัน คิดออกเมื่อไหร่ก็โทรมา! ฉันไม่ชอบติดหนี้ใคร” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยกับข้อเสนอ มองพิจารณาคนตรงหน้าก็จะทำเป็นเหนื่อยและบอกตัวเลขสิบหลักของเบอร์มือถือส่วนตัวไป เข้าทางล่ะ... ไม่ต้องไปสืบให้เหนื่อย หึหึ ตัวหอมกดโทรศัพท์ยุกยิก เมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของผมดังขึ้นเขาก็วางสาย

   “ฉันชื่อณภัค นายชื่ออะไร?”

   “จักรพรรดิ”

   “ชื่อเล่นสิ!”

   “จิ๊! ทำไมคุณเรื่องมากจังเลยครับ”

   “เอ๊ะ ไอ้เด็กบ้า!” นึกขำกับใบหน้าหงุดหงิดนั้นแต่ก็ต้องซ่อนสีหน้าไว้ภายใต้ความนิ่งเฉย “นายนั่นแหละที่เรื่องมาก บอกชื่อมาได้แล้ว!”

   “จริงใจ”

   “ฮะ? นายชื่อจริงใจเหรอ?”

   “ทำไมครับ ข้องใจอะไรกับชื่อผมงั้นเหรอ?”

   “เปล่า…”

   “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวครับ”

   “หะ เฮ้ย! เดี๋ยวสิ!!” ณภัครีบวิ่งเขาไปขวางหน้า แขนเล็กดันอกของผมเอาไว้ พอเห็นสายตาคมหลุบมองก็รีบปล่อยมือออก ตอนนี้เขายังเป็น คนอื่น สำหรับผมอยู่ ยังไม่ได้สิทธิแตะเนื้อต้องตัวผมได้

   “มีอะไรอีกครับ?” เอ่ยถามเสียงเบื่อ ในเวลานี้มันก็ยังไม่สายที่จะไปค่ายมวย แต่ผมไม่ควรที่จะอยู่ตรงนี้แล้ว เบื่อละ ไม่มีอะไรสนุกแล้ว

   “เอ่อ… คือว่า… เอ่อ”

   “ผมรีบ” บอกให้รู้ว่าไม่มีเวลามาเสียให้กับเขาอีก

   “ฉันอยากกลับบ้าน”

   “ก็กลับสิ มาบอกผมทำไม”

   “ฉันไม่รู้นี่ว่าที่นี่มันที่ไหน!”

   “จะบอกว่าหลงทาง?”

   “อือ…”

   “ก็แย่ละ” เห็นความฉิบหายกำลังวิ่งเข้ามาซัดเข้ากลางแสกหน้า ให้ตายเหอะ! วันอะไรของผมวะ! “แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

   “ก็…”

   ตัวหอมเล่าว่า จู่ ๆ เขาก็อยากจะลองนั่งรถเมล์ดูสักครั้ง ทั้งที่ชีวิตนี้ไม่เคยจะนั่งเลย ด้วยความที่เป็นคุณหนูฐานะดี หากไม่ขับรถเองก็มีคนรถตลอด หรือไม่เพื่อนก็จะมารับ แต่แล้วการขึ้นรถเมล์ครั้งแรกของเขาก็สำแดงฤทธิ์ มันพังตั้งแต่ก้าวขาขึ้นไปบนรถขนส่งสาธารณะนั่นแล้วด้วยซ้ำ ตั้งแต่ขึ้นรถผิดสาย จนกระทั่งนั่งมาเรื่อย ๆ แล้วจำเป็นต้องลงเพราะในรถแทบไม่เหลือใครแล้ว เขาจึงเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่แถวนี้ และถึงได้พบว่าภีม(ซึ่งคือแฟนเก่า)ขับรถสะกดรอยตามมาและได้ปะทะคารมแบบเมื่อสักครู่

   แฟนตาซีไปไหนวะ

   “นายอย่าเงียบสิ” ผมเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ถ้าคนตรงหน้าผมตอนนี้คือจันทร์เจ้าหรือจ๋าจ้า ผมคงพูดใส่หน้าไปแล้วว่า ‘โง่!’ แต่ความมีมารยาทก็มีมากจนไม่พูดแบบนั้นกับคนไม่สนิท คนบ้าอะไรไม่เคยนั่งรถเมล์แล้วครั้งแรกก็ดันนั่งคนเดียว แจ็คพอร์ตนั่งผิดสายเสียด้วย แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ให้ไอ้แฟนเก่านั่นไปส่งวะ อ๋อ ลืม ตอนนั้นผมเป็นแฟนหลอก ๆ ของเขาอยู่

   “คุณอยากพูดอะไร?” ผมถามไม่อ้อมค้อม เล่นบอกมาขนาดนั้นไม่มีจุดประสงค์ให้มันรู้ไปสิ

   “นายไปส่งฉันหน่อยได้ไหม…?”

   กูว่าละ...

   “ขอโทษที่ต้องบอกว่าไม่ ผมมีธุระ”

   “งั้นบอกฉันก็ได้ว่าต้องกลับยังไง”

   “ยาก” หรี่ตามองคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทั้งทีปกติทำหน้าเหย่อหยิ่งแท้ ๆ น่าแกล้งชะมัด “คุณก็โทรให้เพื่อนมารับสิ”

   “พวกมันไม่อยู่สักคน…”

   “………ผมต้องไปแล้ว”

   “ฉันขอไปด้วยได้ไหม?” ดวงตาวาวน้ำที่กำลังช้อนมองอยู่นั้นกำลังทำให้ผมแทบลืมหายใจและเผลอตกปากรับคำไปอย่างง่ายดาย…

   “อือ”




   ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงค่ายมวยที่ผมมาฝึกประจำตั้งแต่ช่วงมัธยมปีที่สาม ตัวหอมก้าวลงจากรถจักรยานยนต์คันใหญ่อย่างเงอะงะ ผมเดินเข้าไปด้านในโดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เห็นว่าตัวหอมรีบวิ่งตามเข้ามา

   “สวัสดีครับครู” ผมพุ่มมือไหว้ครูฝึกผู้ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยแห่งนี้ด้วย

   “เออ ไหว้พระเถอะ แล้วนั่นใคร ข้าไม่เคยเห็นหน้า”

   “ผมเก็บได้ข้างทางน่ะครู” ตัวหอมถลึงตาใส่ ก่อนจะยกมือไหว้ครูของผม

   “ดูพูดเขาเจ้าเด็กนี่ ชื่ออะไรน่ะเรา?”

   “ภัคครับ ณภัค” ครูฝึกพยักหน้ารับ บอกกับเราว่าขอไปดูคนอื่น ๆ ซ้อมกันก่อน และก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็ถูกเรียกไว้ด้วยลูกศิษย์ที่ติดอันดับว่าเป็นคนโปรดซึ่งนั่นก็คือผมเอง

   “ครูครับ ผมหิว”

   “หิวก็ไปหากินในครัวสิวะ!!!” ผมหัวเราะเมื่อกวนประสาทครูได้ ก่อนจะกระชับกระเป๋าเสื้อผ้าบนไหล่ หันไปมองคนที่มาด้วย

   “คุณจะไปกับผมไหม?”

   “ไปสิ!”

   ตอบแบบไม่คิดเลยสินะ

   ตัวหอมเดินตามหลังผมมาเงียบ ๆ สายตาก็มองดูรอบ ๆ จากพินิจพิจารณา คงไม่เคยมาค่ายมวยล่ะสิ อย่างเขาน่าจะเดินห้างหรู ๆ มากกว่า ท่าทางคุณหนูขนาดนั้น

   เมื่อมาถึงในครัว ผมก็จัดแจงตักกับข้าวใส่จาน และถามคนที่มาด้วยว่าจะทานด้วยกันหรือไม่ เมื่อได้คำตอบก็ตักเผื่อณภัคด้วย ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมาชั่วโมงครึ่งแล้ว นักมวยในค่ายก็คงจะทานกันหมดแล้ว โชคดีที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงจะได้หิ้วท้องกันจนตอนเย็นแน่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมไม่ซ้อมมันละ ไม่มีพลังงานให้ใช้

   “อ๊ะ!” ผมถึงกับถอนหายใจออกมา หลังจากที่เห็นคนอายุมากกว่าใช้ส้อมม้วนเส้นขนมจีนขึ้นแต่มันดันเลื่อนหลุดจากตัวส้อมกลับลงไปในจานจนน้ำแกงเขียวหวานกระเด็นกระดอน ไม่เคยกินขนมจีนหรอวะ ทำไมงอกง่อยขนาดนั้น

   “อย่ากินแบบนั้นสิ ขนมจีนไม่เชื่องเหมือนสปาเก็ตตี้นะคุณ”

   “ก็ฉันไม่เคยกินนี่!” เขาแหวใส่ผม ปากสีสดขมุบขมิบกับสายตาเอาเรื่องนั่นเขากำลังด่าผมอยู่อย่างแน่นอน

   “เฮ้อ” ผมถอนหายใจอีกครั้ง “ทำแบบนี้ครับ” แล้วก็สาธิตวิธีการกินขนมจีนให้คุณหนูณภัคดู เมื่อเห็นแล้วว่ากินยังไงณภัคก็ทำตาม ดูจากสีหน้าคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ผมสอน แต่กระเพาะคงประท้วงหนักเพราะหิว เขาจึงยอมฟังที่ผมพูดและทำตามแต่โดนดี พอเห็นเขากินได้อย่างเอร็ดอร่อยก็เผลอยิ้มออกมา เขานี่มันโคตรเด็กน้อยเลยว่ะ

   “เอาอีกไหมครับ?” ผมถามคนที่เพิ่งเคยกินขนมจีนครั้งแรก ตัวหอมซัดเรียบไม่เหลือแม้แต่น้ำแม้แต่หยดเดียว

   “เอา!” ตอบทันทีแบบไม่คิดอะไร และยังยื่นชามมาให้ผมอีก ส่ายหน้าเบา ๆ รับชามจากมือสวยมาแล้วเปิดตู้กับข้าว หยิบเส้นขนมจีนใส่และตักน้ำแกงเขียวหวานราด ส่วนของผมรอบนี้เปลี่ยนเป็นน้ำยากะทิ

   “ขอบใจ” เขาบอกหลังจากที่ผมวางชามขนมจีนคืนให้ “ทำไมไม่เหมือนกัน?” เสียงเล็กร้องถาม ตาเรียวรีเบิกกว้างมองผมสงสัย

   “ของผมมันน้ำยากะทิ”

   “แล้วของฉันล่ะ?”

   “ของคุณก็แกงเขียวหวานไง ไม่เคยกินแกงเขียวหวานเหรอครับ?”

   “เคยสิ แต่ไม่คิดว่าจะกินกับแบบนี้ได้”

   “โลกนี้ไม่ได้มีแค่สปาเก็ตตี้นะครับ”

   “ฉันก็ไม่ได้คิดแค่สปาเก็ตตี้มาทั้งชีวิตสักหน่อย ไอ้เด็กเวร!”

   “หึหึ”

   หลังจากที่กินอาหารเที่ยงในเวลาเกือบบ่ายสองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เก็บชามทั้งสองใบไปล้าง และมีตัวหอมยืนมองอยู่ไม่ไกล เมื่อพักให้อาหารย่อยแล้วผมจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับซ้อม นั่นก็คือกางเกงมวยตัวเดียวแต่สวมเลกกิ้งสีดำขายาวซ้อนไว้ โดยท่อนบนเปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อ

   ผมแอบยิ้มเมื่อตัวหอมมองตาค้าง ผมมั่นใจนะว่าตัวเองหุ่นดีสามารถโชว์ได้โดยไม่อายใคร แต่พอมาโดยเขาจ้องแบบนี้มันก็อดวูบไหวไม่ได้ เมื่อผมหันไปสบตา คนอายุมากที่ตัวเล็กกว่าก็กลับไปทำหน้าบึ้งหน้าหยิ่งเหมือนเดิม ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก โยนผ้าขนหนูผืนเล็กไว้บนเก้าอี้ข้าง ๆ ตัวที่ณภัคนั่งอยู่ ก่อนจะเอาน้ำมันมวยออกมานวดตามตัว จากนั้นจึงวอร์มร่างกายก่อนจะเริ่มซ้อม

   ระหว่างที่กำลังเตะกระสอบทรายอยู่ผมคอยมองคนที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นระยะ ใบหน้าสวยแสดงออกชัดเจนว่าค่อนข้างเบื่อ เขาเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น ยกขึ้นในองศาที่เหมือนจะถ่ายรูป สักพักก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางหงุดหงิด

   “นาย”

   “หือ?” เลิกคิ้วขึ้นเป็นการถาม ตัวหอมจ้องหน้าระหว่างที่ผมกำลังดื่มน้ำและใช้ผ้าซับเหงื่อไปในขณะเดียวกัน

   “ฉันกับนายเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”

   “จะจีบผมเหรอ? แต่มุกเก่าไปหน่อยนะครับ รู้สึกจะฮิตช่วงปู่ย่า ตายายผมยังเป็นวัยรุ่น”

   ตัวหอมพึมพำว่า กวนตีน แต่ผมมองผ่าน ไม่ใส่ใจ “ฉันจริงจังนะ!”

   “โห จริงจังด้วยแฮะ เขินจังเลยครับ”

   “ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! นายมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่กวนประสาทที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”

   “ว้าว! ดีจัง”

   “.............”   

   เขาเงียบ หน้าบึ้ง ไม่พอใจ ผมจึงคิดว่าควรเลิกกวนตีนตัวหอมได้แล้วล่ะ

   “คุณคิดว่าเราเคยเจอกันจริง ๆ เหรอ” ตัวหอมทำหน้าคิดจริงจัง คิ้วย่นเข้าจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

   “จำไม่ได้แฮะ แต่คุ้น ๆ ยังไงไม่รู้”

   ก็คนที่คุณเดินชนแล้วขอโทษแบบขอไปทีนั่นไงครับ

   “หน้าผมโหล่มั้ง หรือบางที... คุณอาจจะเคยเจอผมในฝันก็ได้”

   ยิ้มหล่อใส่ไปที ตัวหอมหน้าเหวอ ก่อนจะกลอกตาเบื่อหน่าย

   หึหึ เข้าใจละ ทำไมน้าเจ้าถึงชอบแกล้งแหย่พี่ฟ้านัก

   มันสนุกอย่างนี้นี่เอง...









----------------------------------------
ชอบคำว่า แฟนอุปโลกน์ แบบแปลก ๆ 55555555
อัพตอนใหม่ช้า เลยอัพสองเรื่องเลย
( 「มนุษย์แฟนเด็ก」 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54090.0)  ไปอ่านกัน~)
ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-11-2016 20:34:31
ค่อยเป็นค่อยไปนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 06-11-2016 20:37:28
โอ้ยยยยยยย จริงใจ~~จะกวนไปไหน 55555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 06-11-2016 20:38:36
ตัวหอม~ มีบทกะเค้าสักที55556
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 06-11-2016 21:16:08
อยากดูหุ่นแบบภัคบ้าง 5555555555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 06-11-2016 21:29:51
รอวันที่จริงใจต้องง้อลูกหมูเรื่องจากไม่ยอมบอกความจริงเรื่องตัวหอมให้รู้ว่ากำลังจีบกันอยู่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 06-11-2016 21:51:44
จริงใจกวนตีนจริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-11-2016 22:39:46
ตอนจริงใจสั้นอะ

ไม่จุใจเลย

อยากอ่านยาวๆแล้ว

ให้ทันจันทร์เจ้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-11-2016 22:45:00
พอมาถึงช่วงที่สองคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วก็เห็นแววความป่วนตามมาเลยทีเดียว 555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2016 00:39:46
กวนจริง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 07-11-2016 01:49:50
สายเลือดขี้แกล้งอันเข้มข้น :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 07-11-2016 04:38:05
 :t3: อ่านไปยาวววววๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 07-11-2016 06:55:47
ยืนยันคำเดิมอยากได้จริงใจเป็นสัมมี :hao7: :hao6: :oo1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-11-2016 09:37:14
 :impress2: บุพเพอาละวาดแระ รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-11-2016 11:40:31
กวนหน้านิ่งมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-11-2016 14:43:01
จริงใจกวนอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 07-11-2016 15:34:21
สนุกจังงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 07-11-2016 17:05:38
เจเจ หล่อไป ใจละลายแล่ววววว
คล้ายๆเจ้าชีวันมั้ยนะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 4 ผมกับความซวยแบบไม่ทันตั้งตัว | 6-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-11-2016 19:12:46
จริงใจมีความเพ้อ เป็นโรคจิตชอบแกล้งคนที่ชอบ 5555
แหมมมม ตัวหอมอย่างนั้น ตัวหอมอย่างนี้ ตอนนี้ทำเป็นเมินเค้านะ

ถ้าคบกันจริง คงได้ผูกเชือกแน่ 55555
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 14-11-2016 21:30:24
ความที่ 5
ผมกับบาปกรรมติดจรวด





   ผมกลับมาถึงบ้านก่อนเวลาอาหารเย็น หลังจากซ้อมมวยเสร็จแล้วก็ต้องไปส่งคนหลงทางอีก แต่เขาบอกว่าให้ส่งขึ้นแท็กซี่ก็พอ ผมไม่ขัดเพราะอยากกลับบ้านไปพัก เหนื่อยมาเกือบทั้งวันแล้ว แต่นี่มันอะไรกัน บรรยากาศอึดอัดแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในบ้านผมเลยนะ คนอื่น ๆ ก็ปกติครับ ที่ผิดปกติมีอยู่สองคน นั่นก็คือจันทร์เจ้ากับพี่ฟ้า ทั้งคู่นั่งแยกกันอยู่คนละมุม สิ่งที่เห็นประจำคือการที่ไอ้หมูเข้าไปคลอเคลียออดอ้อนออเซาะพี่ฟ้า ไม่ใช่ทำหน้าตึงใส่กันแบบนี้ อะไรกันวะ เกิดงอนขึ้นมาหรือไง แล้วเรื่องอะไรล่ะ

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” ผมเอนตัวไปกระซิบถามน้าเจ้า น้าชายสุดหล่อยกยิ้มมุมปากแบบหล่อเหี้ย ๆ โคตรไอดอลเลย

    “ทะเลาะกัน” สั้น ๆ แค่นั้นไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ผมก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ มันต้องเกี่ยวกับที่พี่ฟ้าเข้ามาหาผมเมื่อเช้าแน่ ๆ

   แล้วไอ้หมูต้องเป็นขนาดนี้เลยเหรอวะ มึนตึงใส่พี่ฟ้าเพราะคนอื่นเนี่ยนะ ใช้ได้ที่ไหนกัน!!

    “เรื่องทิวากาลเหรอครับ?”

    “ครับ”

    “จัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ” ขณะที่ผมกำลังจะถามน้าเจ้าเพิ่มเติมก็มีแม่บ้านเข้ามาขัดเสียก่อน พวกเราเลยต้องย้ายไปที่ห้องอาหาร น้าเจ้าตบไหล่ผมสองสามทีแล้วเดินเลยไป

   ระหว่างทานข้าวผมก็คอยสังเกตการณ์อยู่เรื่อย ๆ เออ โคตรแปลก แต่ละคนทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ อ๋อ หมายถึงพี่ฟ้ากับจันทร์เจ้าน่ะครับ เหมือนจะคุยแต่ก็ไม่คุย จันทร์เจ้าก็เอาแต่ก้มหน้าเขี่ยข้าวไปมา กินน้อยแบบนี้คิดอะไรอยู่แน่ ๆ

   “ลูกหมูเป็นอะไรลูก กับข้าวไม่อร่อยหรอครับ?” ในที่สุดก็มีคนถามคำถามนี้ออกมาสักที

   “เปล่าฮะ” ไอ้หมูตอบเสียงเบาระบายยิ้มให้คุณพ่อก่อนที่เจ้าตัวจะตักข้าวเข้าปาก

   “เครียดอะไรหรือเปล่าลูกหมู กินข้าวน้อยจังเลย” หมูอ้วนชะงักไปอีกครั้ง คราวนี้ยิ้มเจื่อนให้คุณแม่ แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าลูกหมูอันดับหนึ่งของบ้านเป็นอะไร ด้วยเพราะเครียดแล้วกินน้อย เลยสังเกตได้ไม่อยาก ชำเลืองมองพี่ฟ้า รายนั้นเม้มปากแน่น หน้าเครียดพอกัน

   “หนูเครียด...อาหารน่ากินทั้งนั้นเลยหนูเลือกไม่ถูก!!!” ทำเสียงเศร้าในตอนแรกแล้วจึงเปลี่ยนเป็นร่างเริงในช่วงท้าย ไอ้ลูกหมูหัวเราะแล้วตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย เสแสร้งทั้งนั้น ทุกคนก็พอจะรู้แต่ไม่พูดอะไรออกมา จึงยิ้มให้เขาเหมือนรู้ไม่ทันความคิดตื้น ๆ และพยายามหาเรื่องมาพูดคุยเปลี่ยนบรรยากาศ

   เมื่อทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วก็ย้ายจากห้องอาหารมาที่ห้องนั่งเล่น เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกัน สักพักจันทร์เจ้าก็ขอตัวกลับขึ้นห้องตัวเองโดยบอกว่ามีการบ้านต้องทำ พอพ้นหลังไอ้หมูปุ๊บหน้าเจ้าก็ผลักหัวพี่ฟ้าจนหน้าแทบคะมำ

   ทุกอย่างเงียบ กดดันมาก ผมยังหายใจแทบไม่ออก มองหน้ากันกับจ๋าจ้า ไอ้เปี๊ยกเหมือนจะร้องไห้ คงอยากออกไปจากตรงนี้อยู่เหมือนกัน น้องขยับเข้ามาใกล้ เมื่อผมยื่นมือไป จ๋าจ้าก็คว้าไปจับ

   “ขอตัวนะครับ” พี่ฟ้าพูดหลังจากที่เสยผมขึ้นก่อนเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปชั้นสอง จากน้ำเสียงแล้วรู้เลยว่าไม่ค่อยโอเค

   “มีอะไรหรือเปล่าเจ้า?” คุณยายเอ่ยถาม

   “ทะเลาะกันนิดหน่อย”

   “เพลิงฟ้ากับลูกหมูน่ะเหรอ?” น้าเจ้าพยักหน้าเป็นคำตอบ แค่นั้นก็พอจะเดาได้ มีไม่กี่เรื่องที่จะทำให้พี่ฟ้ากับจันทร์เจ้ามึนตึงใส่กันแบบนี้ ล่าสุดก็เมื่อหลายปีที่แล้ว ไอ้หมูงอนไม่คุยกับพี่ฟ้าเป็นวันเพราะพี่ฟ้าผิดสัญญาไม่พาไปกินไอศกรีม ส่วนตอนนี้ จันทร์เจ้าโตขึ้นเยอะ เรื่องเล็กน้อยแบบนั้นจึงตัดทิ้งไป จะมีปัญหาใหญ่ ๆ ตอนนี้ก็แค่เรื่องเดียว

   ทิวากาล

   “ให้ลูกหมูคิดเองนะ อย่าไปกดดันเขา” คุณแม่กล่าว “จริงใจน่ะตัวดี”

   “ผมทำอะไรล่ะครับ”

   “แม่รู้ว่าเราหวงพี่ แต่ถ้าเราอยากมีแฟนแล้วพี่ห้ามแบบนี้บ้างเราคงไม่ชอบใจ ใช่ไหมจ๊ะ?” ปิดท้ายประโยคคำถามด้วยรอยยิ้มหวาน ยิ้มที่ทำเอาคนมองขนลุกซู่ มันน่ากลัวกว่ายิ้มร้ายของแม่จริง ๆ เสียอีก

   ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มเหมือนที่ชอบทำเวลาโดนขัดใจ

   “ผมขึ้นห้องดีกว่า goodnight ครับ”



   ตีกลองอยู่เป็นชั่วโมงถึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน แม้จะแค่นั่งอยู่เฉย ๆ แต่ก็เล่นเอาเหงื่อโชกเหมือนกัน เหนียวตัวไปหมด เดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำไปที่โต๊ะทำการบ้าน มองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็ไหวไหล่ การบ้านไม่มีเพราะฉะนั้นลืมไปเถอะว่าผมจะแตะต้องมัน ถึงแม้จะสอบปลายภาคอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก็ตาม เอาเถอะ คนฉลาดเขาไม่มาอ่านหนังสือกันหรอก ซึ่งผมฉลาด และผมจะไม่อ่าน...มั้ง

   เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น ระหว่างที่กำลังรอมันโหลดก็ลงไปที่ชั้นล่าง โดยยังมีผ้าขนหนูสีขาวสำหรับเช็ดผมพาดอยู่บนไหล่ เปิดตู้ลอยออกและหยิบถุงขนมออกมาสองห่อ กลับไปที่ตู้เย็น มีนมกล่องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางอยู่ไม่ไกลกัน และแน่นอนว่าเด็กอย่างผมนั้น..... คว้าเบียร์มาหนึ่งขวดเล็กกับอีกหนึ่งกระป๋อง มีเค้กด้วยว่ะ เหลือบมองนาฬิกา แค่สี่ทุ่มกว่า กลัวอะไรวะ

   เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง ปัญหาอยู่ที่ผมจะเข้าห้องยังไงเพราะมือเต็มไปด้วยของที่ถือขึ้นมา ถ้ายื่นไปเปิดประตูของในมือได้หล่นหมดแน่ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ผมถอยหลังออกเล็กน้อยเพื่อกะระยะที่พอดี ก่อนยกเท้าขึ้นและใช้มันกดด้ามจับประตูแล้วจึงถีบมันเข้าไปด้านใน พอเข้าห้องได้ก็ใช้เท้าปิดดังเดิม

   เยี่ยม!

   คีย์รหัสเข้าคอมพิวเตอร์ เปิดหน้าเว็บขึ้นมา สายตาก็มองหาของบางอย่าง ไอ้ฉิบหาย จะแดกเบียร์เสือกไม่เอาที่เปิดฝาขวดมา จะดื่มแบบกระป๋องก็เอาไปแช่ตู้เย็นแล้วขี้เกียจเดินไปเอา (ในห้องนอนมีตู้เย็นเล็ก ๆ) แต่คนฉลาดเขาต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผมเกยฝาขวดที่ขอบโต๊ะก่อนจะตบลงไปเต็มแรงให้ฝามันกระเด็นออก ดีที่ของเหลวข้างในไม่หก ไม่อย่างนั้นต้องเช็ดอีก

   ผมแกะเพลง ดูวีดีโอคลิปเทคนิคต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตจนดึก เบียร์ที่เอามาก็หมดไปแล้ว รวมทั้งขนมด้วย พรุ่งนี้วันอาทิตย์จะตื่นสายขนาดไหนก็ทำไปเถอะ มองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้วก็จัดการปิดคอมพิวเตอร์ เก็บโน้ตเพลงที่แกะไว้ใส่แฟ้ม และเก็บขยะไปทิ้งก่อนจะเข้าไปแปรงฟันล้างหน้าในห้องน้ำแล้วขึ้นมานอนบนเตียง จัดหมอนให้สูงแล้วหนุนศีรษะลงไป คว้าโทรศัพท์มือถือมากดเล่น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอ มันก็แค่การเตือนจากการเปิดรับความเคลื่อนไหวของใครสักคนเท่านั้น

   phaknp hotter than hell


   ผมเบ้ปาก มองรูปภาพที่ถูกอัพโหลดประมาณสามชั่วโมงที่แล้ว รูปค่อนข้างมืดเพราะอยู่ในผับ คนในรูปยิ้มยั่ว ดวงตาเรียวปรือปรอยอาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือไม่ก็ตั้งใจทำ ในมือข้างหนึ่งมีแก้วน้ำสีอำพัน ส่วนอีกข้างนั้นเข้ายกขึ้นเท้าคาง ในรูปไม่ได้มีแค่คนเดียว เพราะแขนยาวของใครสักคนโอบไหล่แคบของเขาอยู่ ผมไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร เพราะไม่เห็นหน้า เห็นเพียงแค่ส่วนไหล่และแขนโผล่มาเท่านั้น

   บอกตรง ๆ ไม่ชอบว่ะ ผมคิดก่อนจะแยกยิ้มแล้วกด report หึหึ กดล็อกเครื่องแล้วโยนโทรศัพท์ไปไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม คว้ารีโมทคอนโทรลมากดปิดไฟก่อนจะไถลตัวเข้าใต้ผ้าห่ม นอนเถอะ ยิ่งดึกยิ่งฟุ้งซ่าน เพิ่งดื่มเบียร์มาด้วย เดี๋ยวเพ้อ





   “มึงงงงงงง เพื่อนรักกกกกกกกกกก” เสียงน่ารำคาญของใครสักคนดังเข้ามาพร้อมกับเปิดประตูแบบไร้มารยาท ผมมองไอ้เนตรอย่างรำคาญ แต่มันยังทำหน้าแป้นแล้นไม่สนใจ นึก ๆ แล้วอยากเอาไม้กลองในมือฟาดมันสักที

   “มีเหี้ยไร?”

   “ขอลอกการบ้านชีวะหน่อยดิ”

   “ก็แย่ละ”

   “แย่แน่ถ้ามึงไม่ให้กูลอก”

   ผมกลอกตา ใช้ไม้กลองชี้ไปที่กระเป๋า ไอ้เนตรทำหน้าหมา หูตั้งหางกระดิกวิ่งเข้าใส่เหมือนหมาเจอกระดูกอย่างรวดเร็ว “ทำไมมึงไม่ทำเองวะ”

   “โห่ แม่งยากจะตาย กูทำไม่ไหว” ไอ้เนตรบอก “อยากจะกราบขอบคุณมึงฉิบหาย”

   “ตอแหล” มันหัวเราะ ไอ้เชี่ยเนตรมันเรียนเก่งนะครับ ไม่งั้นคงมาอยู่ห้อง A กับผมไม่ได้ แต่ติดที่ว่ามันขี้เกียจเท่านั้นแหละ ทำตัวไม่สมเป็นเด็กสายวิทย์ห้อง A จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่มันหรอก ผมเองก็ด้วย ด้วยความที่ถูกจัดว่าเป็นหัวกะทิของระดับชั้นจึงค่อนข้างกดดันและมีการแข่งขันสูงภายในห้อง แต่ผมกับเนตรโคตรชิล ช่างแม่งกับทุกอย่าง ใครจะแข่งก็แข่งไป กูไม่แข่ง ใครจะทำไม ด้วยความบ้าและไม่ใส่ใจโลกเลยทำให้ผมเป็นเพื่อนกันมันได้ คนอื่น ๆ ในห้องนั้นไปสายวิชาการกันเสียเกือบหมด ยกเว้นพวกผมสองคนนี่แหละ แต่ก็ยังมีโหมดบ้าบอกันอยู่

   “มึงเริ่มอ่านหนังสือสอบยังวะ?”

   “ไม่อ่าน”

   “เหยดดดด โอเค ถ้ามึงไม่อ่านกูก็ไม่อ่าน”

   “เกี่ยวไรกับกู มึงไม่อ่านแล้วจะสอบได้หรือไง!”

   “ก็มึงไอดอลกู มึงไม่อ่าน กูก็ไม่อ่านไง งงไรวะ”

   “ก็แย่ละ” ไอ้เนตรทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วก้มไปลอกการบ้านต่อ เออ เรื่องของมึง สอบตกกูจะสมน้ำหน้าให้

   “แต่ถ้าไม่อ่านกูสอบไม่ได้แน่เลยว่ะ ถึงกูจะฉลาดก็เถอะ”

   “มักเกิ้ลอย่างมึงก็ทำได้แค่นั้นแหละ อย่าสาระแนมาเทียบกับผู้วิเศษอย่างกู”

   “ไอ้เหี้ย!!”

   “ไหนเหี้ย!” ผมมองไปที่คนเปิดประตูเข้ามาใหม่ ไอ้น้องไจ๋เดินหน้าแป้นแล้นเข้ามา โยนกระเป๋าไว้ที่พื้น ผมเลยใช้ไม้กลองชี้ไปที่ไอ้เนตร

   “สวัสดีครับเหี้ย”

   “เหี้ยโพ่ง เดี๋ยวกูตบแว่นหลุด” ไอ้น้องไจ๋ไม่สำนึก ซ้ำยังหัวเราะเสียงใส แล้วเดินไปที่คีย์บอร์ดประจำตำแหน่งของมัน

   “ไอ้ฟ่างนัดซ้อมหรือเปล่า?”

   “ไม่นะครับ ช่วงนี้ใกล้สอบคงไม่นัดซ้อมหรอก”

   “อือ” รับคำในลำคอ ผมอยู่ในห้องชมรมจนกระทั่งถึงเวลาเข้าแถว อยากจะโดดแต่โดนไอ้เหี้ยเนตรลากออกมาแล้ว

   ตามธรรมเนียมของช่วงใกล้สอบ อาจารย์ส่วนใหญ่ก็จะเร่งสอนเพื่อปิดคอร์สและบอกแนวข้อสอบ แต่ก็ยังมีหลายท่านที่สั่งงานเยอะฉิบหาย ช่วงสองสัปดาห์นี้ผมจึงไม่ได้ไปไหน ยุ่งอยู่กับการเคลียร์งานส่ง ทั้งรายงาน โครงงานต่าง ๆ นานา ครูเขาไม่คิดว่านักเรียนต้องการเวลาอ่านหนังสือเหรอวะ ถึงแม้ผมจะพูดว่าไม่อ่านหนังสือ แต่ยังไงก็ต้องอ่านอยู่แล้ว ถึงจะเก่งแต่ไม่อ่านเลยยังไงก็ทำข้อสอบไม่ได้ ยิ่งข้อสอบโรงเรียนไทยยิ่งไปกันใหญ่ สอนในกรอบแต่ออกสอบแม่ง around the world ผู้วิเศษอย่างผมยังส่ายหน้า

   ทำงานส่งจนแทบไม่มีเวลาอ่านหนังสือ อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วแท้ ๆ ไอ้เนตรส่งข้อความมาอ้อนตีนอยู่หลายครั้งว่าทำงานไม่ทัน อ่านหนังสือไม่เข้าใจ ผมก็ไม่มีเวลาไปด่ามักเกิ้ลอย่างมันหรอก งานตัวเองยังแทบไม่รอด สั่งงานกันเหมือนจะเลิกเป็นครู

   “จริงใจ”

   “หือ?” ผมลืมตาขึ้นเมื่อถูกเขย่าแขน ขยับนั่งตัวตรงพลางถูมือกับบริเวณที่ถูกสัมผัส

   “ช่วยอธิบายตรงนี้หน่อยได้ไหม? ออมไม่ค่อยเข้าใจน่ะ” คนเข้ามาทักเอ่ยถามเสียงเบาอย่างเกรงใจ ออมคือเพื่อนร่วมห้อง ไม่ได้สนิท คุยกันไม่กี่ครั้ง ผมมองหน้าเธอ ออมส่งยิ้มมาให้ ผมกระตุกยิ้มแล้วเริ่มอธิบายในหัวข้อที่เธอบอกว่าไม่เข้าใจ

   ไม่เข้าใจก็แย่ละ ออมเป็นเด็กหน้าห้อง สอบได้ท็อปไฟว์ตลอด จะมาถามอะไรกับเด็กหลังห้องอย่างผม ถึงจะอยู่ห้อง A แต่ผมไม่ตั้งใจเรียนเท่าไหร่หรอก เพราะบางทีมันก็น่าเบื่อ

   “อย่างนี้นี่เอง ขอบใจมากนะ ออมเข้าใจขึ้นเยอะเลย” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าตอบอือในคอ กำลังจะฟุบหน้ากับโต๊ะก็มีเสียงของใครสักคนดังขึ้นมา

   “จริงใจสอนแค่ออมหรอ ไม่สอนพวกเราบ้างอ่ะ” แล้วพวกเธอก็หัวเราะกัน พอมีคนเริ่ม ก็ต้องมีคนตาม

   “พวกแกก็น่ารักแบบออมก่อนสิ เผื่อจริงใจจะสอน”

   “ก็แย่ละ” ผมพึมพำประโยคติดปาก เลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าออมมองผมอยู่ เธอสะดุ้งก่อนจะยิ้มเขิน บอกขอบคุณผมอีกครั้ง แล้วกลับไปที่โต๊ะของเธอ เสียงแซวยังดังมากบ้างพอผมกวาดตามองก็เงียบกัน ควานหา head phone ในช่องโต๊ะออกมาสวม เปิดเพลย์ลิสต์เพลงโปรดแล้วจึงหลับตาลง กอดอกเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้

   คาบนี้เป็นไม่เชิงว่าว่าง อาจารย์มาสั่งงานเอาไว้ก่อนจะไปเข้าประชุม ผมทำเสร็จไปตั้งแต่ต้นชั่วโมง เพราะอ่านเนื้อหาล่วงหน้าจึงเข้าใจได้ไม่ยาก และมักเกิ้ลอย่างไอ้เนตรก็เอาไปลอกเสร็จสรรพ เพราะไม่มีบ่วงมันถึงได้ฟุบหลับน้ำลายไหลยืดสบายใจเฉิบ บางทีก็สงสัย มันเข้ามาอยู่ห้องA ได้เพราะมันสมองหรือเพราะจับฉลากได้

   ผมตื่นก่อนเสียงสัญญาณหมดคาบจะดังประมาณห้านาที หลายคนเริ่มเก็บกระเป๋าเพื่อรอเรียนวิชาถัดไป ทว่าเนื่องจากอาจารย์ติดประชุมจึงไม่ใครเข้ามาสอน และก็คงเหมือนชั่วโมงก่อนหน้านั้นคือเอางานมาทำ คาบนี้ก็เป็นวิชาเดียวกับคาบเมื่อสักครู่ ผมซึ่งเป็นผู้วิเศษที่ไม่มีภาระอะไรแล้วจึงเป็นอิสระ ไอ้ห่าเนตรยังนอนน้ำลายยืดอยู่ ผมเก็บของใส่กระเป๋า และเอางานที่วิชานี้ที่ต้องส่งไปให้หัวหน้าห้องเพราะจะไปอยู่ห้องชมรมหรือไม่ก็ไปหาที่นอนในห้องสมุด

   “ของกูกับไอ้เนตร” ผมพูดพลางโยนสมุดบนโต๊ะมัน “ข้อเก้ามึงผิด” ไอ้หัวหน้าห้องทำหน้าเอ๋อ ๆ มันก้มไปมองโจทย์ข้อเก้าที่ผมว่าแล้วมองหน้าผม เออ เรื่องของมึง

   ปึง!

   ถีบโต๊ะไอ้เนตรเบา ๆ พอให้โยก มันสะดุ้งตื่น ทำหน้าโง่ ๆ มองซ้ายมองขวา “ไอ้เหี้ยยยยยย กูกำลังฝันดี”

   “ฝันเปียกหรอวะ”

   “พ่อง!! มีเชี่ยไร ไอ้ห่า จะได้จูบกับน้องกี้อยู่แล้ว” ไอ้เนตรทำหน้ามุ่ย น่าถีบฉิบหาย

   “กูจะไปห้องชมรม”

   “ไปไมวะ”

   ผมไหวไหล่ “นอน”

   ไอ้เนตรตาวาว ทำหน้าหมาทันที “กูไปด้วยยยย” จากนั้นมันก็รีบเก็บกระเป๋าแล้ววิ่งตามผมออกมา “อาจารย์ยังประชุมไม่เสร็จเหรอวะ”

   “อือ”

   “เซ็ง อยากกลับบ้านเลย เออ กูได้เกมใหม่มา สนเปล่า”

   “อ่านหนังสือจบบทยังมึงอ่ะ เสร่อ”

   “คลายเครียดโว้ย คลายเครียด”

   “ก็แย่ละ” ปล่อยให้ไอ้เนตรพล่ามไปคนเดียวจนกระทั่งมาถึงห้องชมรม ลองกดด้ามจับดู ปรากฏว่าแม่งล็อก โชคดีที่ผมมีกุญแจ ไม่งั้นเสียเวลาแน่ ไอ้ห่าเนตรพอเข้ามาในห้องชมรมของผมมันก็สาระแนไปเปิดแอร์ หามุมเหมาะ ๆ สำหรับการนอน เปิดกระเป๋าเทขนมที่เพิ่งแวะซื้อจากมินิมาร์ทออก ทำหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้

   “กินด้วยกันป่ะมึง” ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่มุมห้อง โดยชันเข่าขึ้นหนึ่งข้าง เหยียดแขนพาดบนเข่าและเอาชีทมาอ่าน

   “เอามา” สิ้นเสียงผมมันก็โยนห่อขนมมาให้ ไอ้เนตรนอนกระดิกตีนสบายอุราไปแล้ว

   “มึงทำไรวะ ไหนบอกเป็นผู้วิเศษไม่อ่านหนังสือไง”

   “อ่านเล่น ๆ”

   “เล่น ๆ โพ่ง โจทย์ฟิสิกส์เนี่ย ไอ้ห่า ปวดหัวตาย”

   “นั่นสำหรับมักเกิ้ลอย่างมึง”

   “--ย! มึงมันก็แค่พวกเลือดสีโคลนโสโครก”

   “ก็แย่ละ”

   “โห มึง โคตรเทพ!” ไอ้เนตรเสนอหน้าเข้ามาหาผมหลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ใครมันบอกว่าผมเป็นเลือดสีโคลนโสโครกนะ? มันแย่งสมุดในมือผมไปพร้อมทำตาวาวอย่างกับว่ามันคือสมบัติล้ำค่า “ติวให้ผมด้วยสิคร้าบบบบบ”

   “ก็แย่ละ”

   “มึงไม่สงสารกูหรอ ถ้ามึงไม่ติวให้กูสอบตกแน่เลยนะเว้ย!”

   “เรื่องของมึง”

   “ไอ้ใจบาป! มึงมันหยาบยิ่งกว่ากระดาษทราย!”

   “thank you three times”

   “ไอ้ห่า” มันด่า “ติวให้กูเหอะมึง มึงจะได้ทบทวนด้วยไง ถือว่าทำบุญ” ไอ้เนตรกะพริบตาปริบ ๆ อ้อน โคตรสยอง

   “ไอ้หอยนางรมเอ๊ย!” ไอ้เนตรหัวเราะพอใจหลังจากที่ผมด่าออกไป มันทำหน้าระรื่นแล้วกลับไปที่เดิมของมัน ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเลิกเรียนแล้วเหมือนกัน ผมจึงจัดของใส่กระเป๋า ในจังหวะที่ลุกขึ้น หูฟังที่คล้องอยู่บนคอก็ร่วงตกลงมา มันจะไม่เป็นอะไรหากผมไม่ก้าวเท้าออกไปแล้วเหยียบมันเข้าพอดี

   แกรบ!

   เงียบ... ผมนิ่งเหมือนโดนชัตดาวน์ ไอ้เนตรก็หันมามอง มันก้มมองที่ตำแหน่งเท้าของผม ทำหน้าเหวอแล้วหัวเราะลั่น

   “55555555555555555 บาปกรรมเพราะมึงไม่ติวให้กูไง”

   “ก็แย่ละ” เก็บหูฟังที่แตกออกเป็นสองส่วนขึ้นมา ไอ้ห่าเอ๊ย เพิ่งซื้อมาใช้ได้ไม่นานด้วยซ้ำ แพงด้วยไอ้เชี่ย ผมถอนหายใจเซ็งสุดชีวิต เลิกเรียนนี้คงต้องแวะเอาไปให้พี่นนท์(เจ้าของร้านหูฟัง)ดูให้

   “สู้ ๆ นะมึง 5555555555555555”

   “ไอ้ฉิบหาย!”







-------------------------------
เพ้อเจ้อบอยมาแย้ววววววววว
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะค้า ไว้เจอกันตอนหน้าครับผม
บั๊บบัย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-11-2016 22:38:04
55555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 14-11-2016 23:21:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-11-2016 23:22:32
ตอนนี้ยังเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-11-2016 23:57:44
โอ๋ๆๆๆ กอดปลอบใจจริงใจน๊าาาาา (เนียนป่ะล่ะ?)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2016 00:15:11
สาระของเด็กม.ปลาย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-11-2016 07:28:11
หึหึ  จริงใจมีความกวนตีนภายใต้ความเย็นชาสูงมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ิbbeer.r ที่ 15-11-2016 09:55:36
รอต่อนต่อไปค่าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 15-11-2016 13:46:34
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-11-2016 13:52:50
เดวิล เด็กปีศาจ เก่งนะ
ออม มาอ่อยขอให้ช่วยติว
ให้ทั้งที่เป็นเด็กเก่งอยู่แล้ว
เดวิล ก็รู้ทัน แต่อ่อยไปก็เท่านั้น
เพราะจริงใจ ใจอยู่ที่ตัวหอมไปแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-11-2016 16:47:33
ออยหรืออ่อย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-11-2016 21:16:50
โอ้ กรรมตามทัน 5555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 16-11-2016 11:35:04
อ่อยย ไม่ติดเค้าเรียก นก 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 16-11-2016 21:05:48
จริงใจนี่แอบเพ้อเบาๆ555555555555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 5 ผมกับบาปกรรมติดจรวด | 14-11-59 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-11-2016 21:54:17
เมื่อไหร่เขาจะได้สนทนาพาทีกันนะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 21-11-2016 21:27:18
ความที่ 6
ผมกับภัยคุกคาม





   “มาทำไมวะ?” พี่นนท์ร้องถามจากเคาน์เตอร์คิดเงินเมื่อเห็นผมก้าวเข้ามาในร้าน มึงถามลูกค้าแบบนี้ก็ได้เหรอวะ ผมถอนหายใจ เดินไปหา วางหูฟังที่หักเป็นสองส่วนให้พี่นนท์แทนคำตอบ พี่มันเหวอไปเล็กน้อย มองหน้าผม แล้วหยิบไปดู

   “ทำไงมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้บ้าง?”

   “ซื้อใหม่” ขอบคุณ... ผมกลอกตา “มีตัวใหม่เพิ่งมาเมื่อเช้า กูยังไม่จัดเลย ถ้ามึงสนใจก็เข้าไปดูหลังร้าน”

   เดาะลิ้นเป็นคำตอบแล้วเดินผ่านไปที่ห้องสต็อก ผมมาใช้บริการร้านมันบ่อยจนสนิทกันมาก มากแค่ไหนล่ะจนได้รับสิทธิ์เข้ามาดูของที่ยังไม่จัดหน้าร้านเนี่ย ผมหยิบที่คิดว่าเป็นสินค้าตัวใหม่มาดู สักพักไอ้พี่นนท์มันก็เดินเข้ามาพร้อมร่ายสรรพคุณให้ฟัง แม่งโฆษณาเกินจริง หลอกลวงผู้บริโภค ผมฉีกกล่องแล้วโยนไปสักที่ ทดลองระบบเสียงมันตรงนั้นแหละ ไอ้พี่นนท์มันก็ไม่ว่าอะไร ซ้ำยังแกะอีกรุ่นมาให้ผมลองอีก

   “เท่าไหร่วะ?”

   “หนึ่งสาม”

   “ก็แย่ละ”

   “มึงเอาป่ะล่ะ? ตัวนี้กูสั่งมาไม่เยอะ เอามาลองก่อน ถ้าขายดีถึงจะสั่งเพิ่ม”

   “เอาดิ”

   “ก็แค่นั้น” เดินตามไอ้พี่นนท์ออกไปหน้าร้าน ระหว่างนั้นก็กดโทรศัพท์โทรออกจากผู้มีอุปการคุณ

   “พ่อครับ ผมจะซื้อหูฟังอันใหม่ อันเก่ามันแตก ขอตังค์หน่อยครับ”

   (“จะเอาตอนนี้เหรอครับ?”)

   “ครับ”

   (“ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวพ่อบอกเลขาโอนไปให้”)

   ผมบอกราคาของหูฟัง พ่อไม่ได้ว่าอะไร ไม่นานก็มีเสียงข้อความเข้ามา เห็นการแจ้งเตือนการโอนเงินเข้า ผมกดยิ้ม ควักการ์ดออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้ไอ้พี่นนท์ พี่มันหยิบรับ หยิบการ์ดผมไปด้วยหน้าระรื่น แน่ดิ ได้ขายของแล้วนี่หว่า ผมอยู่วอแวในร้านพอสมควรแล้วจึงออกมา โดนใช้ให้ช่วยขายของอีก กะจะกลับบ้านเลยเพราะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา แต่ระหว่างทางกลับเห็นใครบางคนเข้าเสียก่อนผมจึงต้องเปลี่ยนความคิด

   หึหึ ยกยิ้มอยากนึกสนุก เมื่อมองเห็นร่างบอบบางของใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนหารายชื่อที่ถูกบันทึกไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วจึงกดโทรออก รอสายอยู่สักพักเจ้าของเบอร์ถึงกดรับ มองจากตรงนี้ยังรู้เลยว่าเขาหงุดหงิดขนาดไหน

   (“มีอะไร!?”) เสียงหวานตวาดเจือไปด้วยความอารมณ์เสีย แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก

   “ผมหิว” บอกไปขณะที่สายตาจ้องไปยังร่างบาง รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองมันงี่เง่าสิ้นดี แต่ช่างเถอะ ถ้ามันทำให้ผมได้เจอกับตัวหอมผมจะยอมไร้สาระเหมือนพวกมนุษย์ทั่วไป

   (“หิวก็ไปหาอะไรกินสิ มาบอกฉันทำไม?”)

   “คุณจำที่พูดไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนไม่ได้เหรอ ว่าจะตอบแทนผม” ผมยกเรื่องเก่าขึ้นมาอ้าง จริง ๆ ตัวผมเองก็เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมพอถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวหอมผมถึงไม่ลืมสักที เหมือนกับกลิ่นหอม ๆ นั่นที่ยังรู้สึกได้ที่ปลายจมูก

   (“จิ๊! อยากได้อะไรก็ว่ามา”) ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะที่จ้องมองเสี้ยวหน้าสวยด้านข้าง ตัวหอมกำลังหงุดหงิดที่ผมโทรไปกวน แต่อย่าคิดว่าผมจะสำนึกเลย

   “เลี้ยงข้าวผมหน่อยสิครับคุณลูกหนี้ ตอนนี้ผมอยู่ xx คุณอยู่ที่ไหน?” ถามพลางเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและหยุดอยู่ด้านหลัง ทำไมเขาไม่ระวังตัวเลยนะ ถ้าหากเป็นคนไม่หวังดีป่านนี้ไม่โดนโปะยาสลบแล้วลากไปไหนต่อไหนแล้วเหรอ คิดแล้วชักห่วงแฮะ...

   ก็แย่ละ

   (“ฉันอยู่ที่เดียวกับนายนั่นแหละ ตอนนี้นายอยู่ตรงไหน?”)

   “ข้างหลังคุณ” บอกแล้วกดตัดสาย ยักคิ้วใส่คนอายุมากกว่าที่หันมาเจอแล้วทำหน้าบึ้งจนไม่น่ามอง

   “อยากกินอะไรล่ะ?” ตัวหอมถามเสียงสะบัด ตาเรียวรีนั่นถลึงมองผม ผมล่ะกลัวว่ามันจะหลุดออกจากเบ้าจริง ๆ

   “คุณหิวหรือเปล่า?” ตอบกลับด้วยคำถาม และมองข้ามสายตาสำรวจของเขา แม้จะรู้สึกแปลก ๆ สักหน่อยที่โดนมองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้น หากมันไม่ใช่สายตาดูถูกเหยียดหยามผมก็จะปล่อยไปถามนิสัยช่างแม่งที่พวกมักเกิ้ลไม่ค่อยมี

   “อ่า... นิดหน่อย”

   “ฉันอยากกินซูชิ / ผมไม่กินปลาดิบ” ผมกับตัวหอมพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะหันหน้าหนีและกลอกตาขึ้นฟ้าในจังหวะเดียวกัน

   “ฉันอยากกิน ฉันจะกิน!” เขาโวยวายเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งกรณีผมยอมไม่ได้ว่ะ ขอโทษนะ

   “ก็แย่ละ”

   “ไม่แย่”

   “ไม่เอา ผมไม่ชอบ ผมจะกินข้าว!”

   “เอ๊ะ! ฉันอายุมากกว่านะ ให้ฉันตัดสินใจสิ”

   “ผมเด็กกว่า คุณต้องตามใจผมสิครับ”

   “อย่าขัดใจฉันสิ”

   “.........”  ผมเงียบ ไม่เถียงต่อ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างที่ทำเป็นนิสัยเมื่อโดนขัดใจ ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงนักเรียนออกมากดเล่น

   ตัวหอมเองก็เงียบเหมือนกัน ผมเห็นความอึดอัดจากแววตาของเขา แม้ผมจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้แปลว่าผมไม่สนใจเขานี่ และหลังจากไม่มีใครพูดอะไรอยู่หลายนาทีตัวหอมก็พูดขึ้น “ฉันอยากกินนี่... ไม่ได้กินนานแล้ว ... ไปร้านที่ไม่ได้มีแค่ซูชิก็ได้”

   แอบกดมุมปากเป็นรอยยิ้ม ไม่คิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายยอม เพราะหากไม่เขาพูดขึ้นมาก่อนผมเองก็จะเป็นฝ่ายพูดไปแล้ว และยอมให้เขาเลือกไปกินซูชิอย่างที่เขาอยากกิน แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ตัวหอมยอมลงให้ผมแบบนี้ น่าประทับใจจังเลยน้า

   หึหึ




   “นาย”

   “ครับ?” เลิกคิ้วสูงมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ผมสั่งอาหารไปหลายอย่างเพราะหิวมาก ส่วนคนตรงข้ามที่บอกว่านิดหน่อยก็สั่งไปเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นพวกซูชิและปลาดิบ แค่ได้ยินชื่อก็คาวขึ้นจมูกแล้ว

   “เพื่อนฉันจะมาหา นายโอเคหรือเปล่า?”

   “อาฮะ โอเคมั้ง”

   “เฮ้! ตอบดี ๆ สิ”

   “คุณจะถามผมทำไม ถึงบอกว่าไม่โอเค แต่คุณตอบตกลงเพื่อนไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นครับ?”

   “ชิ!” ตัวหอมทำเสียงขัดใจ ผมยักคิ้วกวนประสาทเขาไปหนึ่งที เอาจริง ๆ ที่บอกว่าเพื่อนจะมาแวบแรกก็แอบหัวร้อนอยู่เหมือนกัน ผมไม่ชอบที่จะมีคนไม่รู้จักหรือสนิทมาอยู่ใกล้ ๆ แต่หากเป็นเพื่อนเขาผมจะพยายามยอมให้ก็ได้ หวังว่าจะไม่วุ่นวายกับผมจนเกินไป

   “มองหน้าผมทำไมครับ?” ถามขึ้นบ้างเมื่อตัวหอมเอาแต่จ้องหน้าผมไม่วางตา ผมหล่อ ผมก็เข้าใจ ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็ชอบมองหน้าผมทั้งนั้น ถึงผมจะรู้สึกดีกับตัวหอม ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะจ้องหน้าผมแบบนั้นได้นี่ ผมอึดอัดนะเว้ย!

   “มองเฉย ๆ หน้านายไม่เหมือนผัวฉันหรอก”

   “เหมือนก็แย่ละ” เขาเบ้ปากใส่ผม คงนึกหมั่นไส้ “แต่คุณบอกว่าผมเป็นแฟนคุณนี่”

   “ฮอล~ เรื่องมันก็ตั้งสองสัปดาห์มาแล้วหรือเปล่า เลิกพูดไปสักทีเถอะ” ตัวหอมกลอกตา ทำหน้าเซ็ง ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

   “แล้วได้ผลป่ะครับ?”

   “ไม่เลย ไอ้บ้านั่นยังตื้อไม่เลิก น่ารำคาญ”

   “แผนโง่ ๆ แบบนั้นใครเชื่อก็แย่ละ”

   “นี่นาย!!” ตัวหอมชี้หน้า เบิกตาโตเมื่อโดนหลอกด่า ผมขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม เขาเงียบไปทั้งที่เหมือนกับตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่าง ก็ กะพริบตาปริบ ๆ ยกมือกอดอกหันหน้าหนี

   “รอนาน...... ป่ะ?”

   “สวัสดีครับ” ผมทักคนมาใหม่ จำเป็นต้องทักเพราะเขามองหน้าผมอยู่ ผมว่าผมจำเขาได้ เพื่อนของตัวหอม เจ้าของรถยนต์คนนั้น และคนที่นั่งอยู่กับเขาที่ร้านนมปังตอนผมไปขนมเพื่อเอาไปเซ่นไหว้องค์จันทร์เจ้า

   “อึ้งไรมึง ไม่เคยเห็นคนหรอ นั่งลง!” ตัวหอมแขวะแล้วฉุดแขนเพื่อนให้นั่งลงข้าง ๆ ผมค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของตัวหอมถึงได้มองผมตาค้างแบบนั้น

   “ม มึง... น นั่น... น้อง น้องไฟแดงของกู...” เพื่อนตัวหอมพูดเสียงขาด ๆ หาย ๆ และชี้นิ้วมาที่ผม ตัวหอมกลอกตาขึ้นฟ้า ราวกับเอือมกับการกระทำของเพื่อน

   น้องไฟแดงคืออะไรวะ? หมายถึงผมเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมไปเป็นของเขาตอนไหนวะ

   “ตั้งสติหน่อย!” ตัวหอมตะโกนใส่หน้าเพื่อนพร้อมจับคอเขย่า เพื่อนเขาชักสีหน้า จิปากใส่ตัวหอมของผม ก่อนจะหันไปยิ้มทำตาหวานเชื่อมให้ผม ผมผงะเล็กน้อย ก่อนจะขยับเอนตัวไปด้านหลังและยกแขนขึ้นกอดอกเป็นการป้องกันตัวเอง ก็แย่ละ น่ากลัวฉิบหาย

   ระหว่างนั้น พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ ทันทีที่ทุกจานวางครบ ผมก็จับอาวุธพร้อมแล้วเริ่มสงคราม สนใจแค่อาหารตรงหน้า และลืมไปว่ามีใครร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

   “มึง... ทำไมน้องเขาน่าเอ็นดูจังวะ” เสียงกระซิบกระซาบดังแว่ว ๆ ผมไม่ได้สนใจนัก

   “แล้วมึงก็อยากดูเอ็นด้วยล่ะสิ”

   “หยาบคาย! แต่ถ้าได้ดูก็ดีนะ คิกคิก”

   โดนนินทาระยะเผาขน แม้จะพูดกันเสียงเบาแต่ห่างไม่มาก ผมได้ยินอยู่แล้ว อีกอย่าง นักดนตรีอย่างผมหูค่อนข้างดีเป็นพิเศษ ขนลุกพิลึกแต่ไม่ได้นึกรังเกียจ เพียงแต่... พึมพำ ‘ก็แย่ละ’ อยู่ในใจ

   ถ้าตัวหอมเอ็นดูแล้วอยากจะดูเอ็นผมล่ะก็... ผมจะให้ดูก็ได้นะ หึหึ

   “น้องจริงใจอยู่ชั้นไหนหรอคะ?” พี่พีทเอ่ยถาม รู้ชื่อละ ได้ยินตัวหอมเรียก เขาเป็นผู้ชาย แต่พูดคะขา อาจเพราะด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างน่ารักและรูปร่างเล็ก มันเลยไม่บาดหูและดูไปด้วยกันได้

   “มอห้าครับ”

   “อุ๊ย ยังเด็กอยู่เลยเนอะ”

   “ผมไม่เหมือนเด็ก ม.ปลายหรอครับ?” ถามหลังยกน้ำขึ้นดื่ม เท้าศอกกับโต๊ะหนึ่งและจ้องไปในตาของพี่พีท ริมฝีปากสีอ่อนผุดรอยยิ้มน้อยเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่าแก้มแดงระเรื่อ ผิดกับอีกคน ที่ทำหน้าเบื่อหน่าย หึหึ

   อย่าบอกว่าเพื่อนตัวหอมชอบผมนะ...

   “เปล่า ๆ แค่ดูเป็นผู้ใหญ่”

   “อ๋อ หน้าแก่”

   “ไม่ใช่ ๆ ๆ” พี่เขาโบกมือปฏิเสธพัลวัน เขาถอนหายใจเหมือนโล่งอกเมื่อผมยิ้ม “ว่าแต่... น้องจริงใจมารู้จักกับมันได้ยังไงหรอ?” นิ้วเรียวที่ไปที่ตัวหอมตรงคำว่ามัน

   “ผมว่าเพื่อนพี่น่าจะเล่าให้ฟังแล้วนะครับ” ผมพูด และจัดการกับข้าวของผมต่อ ตอนนี้มันพร่องไปมากกว่าครึ่งแล้ว อาการหิวเริ่มลดลงแต่ยังไม่ถึงกับอิ่ม และจากนั้นบนโต๊ะก็มีเพียงแค่เสียงของสองเพื่อนซี้ที่คุยกัน ผมก็คุยบ้างเมื่อเขาถาม ปลาดิบของพวกเขาก็ลดลงไปมาก พวกเขากินโคตรเก่งและกินเยอะมาก ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่กินเยอะเสียอีก เพราะกลัวอ้วนอะไรแบบนั้น หรือกินปลาดิบเพื่อให้มีพยาธิวะ?

   เออ น่าคิด

   “นาย... ไม่กินปลาดิบจริง ๆ เหรอ? อร่อยนะ” ตัวหอมถาม ผมก็บอกเขาไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่กินปลาดิบ ไม่รู้จะถามอีกทำไมบ่อย ๆ ผมใช้กำปั้นปิดปากแล้วสั่นหัวเป็นคำตอบเพราะยังเคี้ยวอาหารในปากไม่หมด “ทำไมไม่กิน?”

   “...คาว”

   “ปลาสดไม่คาวนะคะ ไม่ลองชิมหน่อยหรอ?” ส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง แต่สองเพื่อนซี้ก็ยังจะพยายามให้ผมลองกินปลาดิบพวกนั้นให้ได้ เมื่อโดนเซ้าซี้หนักเข้าก็ลอบพ่นลมหายใจออกมา บอกว่าจะยอมกินก็ได้ เท่านั้นแหละ สองเพื่อนสนิทก็ยิ้มกว้างดีใจ อยากกับถูกหวย และที่ผมยอมไม่ใช่เพราะใจอ่อนแพ้ลูกอ้อนอะไรทั้งนั้น รำคาญ

   “แซลมอนแล้วกันเนอะ หึหึ” ตัวหอมพูดพึมพำก่อนจะคีบเนื้อปลาชิ้นหนาสีส้มขึ้นมาแล้วส่งไปตรงหน้าของผม ผมหลับตาสงบสติและสวดภาวนาให้กับตัวเอง ไม่แน่ใจว่าถ้าอ้าปากรับปลาดิบโง่ ๆ นั่นเข้าไปแล้วเขาจะอ้วกออกมาทันทีหรือเปล่า อาการเกลียดปลาดิบนี่มันติดต่อจากการเลี้ยงดูได้ด้วยเหรอวะ เชื้อพี่ฟ้าจะแรงไปละ

   “เร็วสิ” กลอกตาใส่คนเร่ง ตัวหอมยื่นปลาดิบเข้าไปใกล้จนมันโดนริมฝีปากของผมแล้ว พี่พีทเองก็มองอย่างลุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน

   “อ่อก!” ทันทีที่เนื้อปลาสดสัมผัสกับลิ้น ผมก็แทบจะคายมันออกมา มือหนายกขึ้นปิดปาก พยายามเคี้ยวเร็ว ๆ เพื่อที่จะกลืน ทว่าฟ้าช่างกลั้นแกล้ง ไอ้ฉิบหาย กลืนไม่ลงโว้ย!!! น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอหน่วยและปริ่มที่หางตา รีบยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูสำหรับเช็ดปากออกมาหลายแผ่น ใช้มือบังริมฝีปากเอาไว้แล้วจึงคายเนื้อปลาแซลมอนที่ใครต่อใครชอบหนักชอบหนาออก ก่อนจะรีบยกน้ำขึ้นดื่มอึก ๆ

   ทำไมพวกมนุษย์ชอบกินอะไรแบบนี้วะ!!

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ...” ตัวหอมพึมพำถาม

   “น้องจริงใจโอเคไหมคะ?” ผมมองตาคนถามแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาลง ประสานมือทั้งสองข้างแล้วเท้าศอกกับโต๊ะ จากนั้นจึงก้มหน้าลงซบมือที่ประสานกันเอาไว้

   ปวดหัวเลย

   ตอนที่กินครั้งแรกและครั้งล่าสุดนั่นยังไม่ขนาดนี้ แต่ว่าคราวนี้มันสาหัสมากจริง ๆ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ฟ้าถึงโกรธน้าเจ้าตอนแกล้งเอาปลาดิบยัดปาก รุนแรงกับใจจริง ๆ แย่ แย่โคตร ๆ

   “ลองอีกสักชิ้นไหม?”

   “ก็แย่ละ” ตัวหอมหัวเราะหลังจากที่แหย่ผมได้ “พวกคุณกินเข้าไปได้ยังไง?”

   “อร่อย!” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน แต่ผมจริงใจหน้าแหยงไปแล้ว ขอปฏิญาณตนไว้ตรงนี้เลย ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะจะกินปลาดิบ ฉิบหายเถอะ

   เมื่อกินอาหารกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาจัดการค่าเสียหาย ที่บอกว่าจะให้ตัวหอมเลี้ยงคือผมตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ แต่เมื่อเห็นราคาโดยรวมที่ค่อนข้างสูงแล้วก็เปลี่ยนความคิด ผมไม่สบายใจถ้าหากจะให้อีกคนจ่ายให้แม้ตัวหอมจะไม่ว่าอะไรก็ตาม มันไม่ใช่สไตล์ผมนี่หว่า แน่นอนว่าผมงอแงจนตัวหอมยอมให้ออกส่วนของตัวเอง แล้วบอกว่าครั้งหน้าค่อยเลี้ยง ร่างบอบบางได้แต่มองด้วยหางตาและพึมพำ ไอ้เด็กเวร เสียงเบา ผมยักคิ้วใส่เพราะได้ยิน เขาเองก็มองค้อน คงอยากด่าผม แต่ติดที่ว่าเพื่อนเขาชอบผมเลยด่าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนโดนด่าจะเป็นเขาเอง

   “น้องจริงใจจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?”

   “กลับบ้านครับ”

   “ไปเดินกับพวกพี่ไหม?”

   ผมสั่นหัว “ไม่ล่ะครับ ผมอยากกลับบ้าน”

   “มึงอย่าไปชวนดิ กูไม่ให้ไปด้วย”

   “ใครให้มึงพูด!”

   “อีห่า เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนเหรอ!”

   “เออ!”

   ผมมองมักเกิ้ลทั้งสองทะเลาะกันด้วยสายตาว่างเปล่า ยกมือขึ้นปิดปากเมื่อกำลังหาว ง่วงว่ะ

   “ผมขอตัวนะครับ” บอกแค่นั้นก่อนจะเดินแยกออกมา พี่พีทดูเสียดายนิดหน่อย ส่วนตัวหอมแทบจะปูพรมแดงให้เดิน อยากให้ผมไปไกล ๆ เหรอ ผมไม่ให้คุณสมหวังหรอก


   เมื่อมาถึงบ้านหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ผมก็มาทิ้งตอนนอนหงายบนเตียงโดยห้อยขาเอาไว้ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่น ก่อนเข้าไปที่โปรไฟล์ของใครบางคนที่ตั้งแต่รู้จักเขาผมก็กลายเป็นคนติดโทรศัพท์ แตะไปดูรูปภาพที่ถูกโพสต์ล่าสุด เป็นรูปที่คนโพสต์กำลังค้ำคางและทำหน้าเบื่อสถานที่คงจะเป็นที่บ้านของเขา ผมก็ไม่รู้ ผมเดา มันก็ไม่มีอะไรจึงเลือกที่จะข้ามไป

   รูปต่อมาคือรูปเขากับเพื่อนที่ถ่ายรูปกันในร้านอาหาร คนในรูปไม่ได้ถ่ายเอง เพราะหนึ่งในนั้นเป็นคนอ้อนวอนให้ผมถ่ายให้ แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวหอม พี่พีทนั่นแหละ และเลื่อนลงมาที่รูปที่สาม รูปนี้คือรูปอาหารธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดานั่นคือที่มุมบนของภาพนั้นดันติดผมมาด้วย แม้จะเห็นแค่ส่วนแขนก็เถอะ ผมกดยิ้มมุมปาก เลื่อนลงมาอ่านคอมเมนต์เพราะมันไม่มีคำบรรยาย

   phiitplease bitch!
   rapinthana แขนใครวะ!
   real_khram เดี๋ยวนี้แดกเด็กเหรอครับ
   real_khleun มึงนอกใจกูเหรอเมีย

   เดี๋ยว... คนสุดท้ายนี่มันเป็นใคร ผมขมวดคิ้วเป็นปม กดเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนที่ชื่อคลื่น ปรากฏว่าในนั้นมีรูปคู่กับตัวหอมเยอะแยะเลยครับ เป็นอะไรกันแน่วะ เพื่อนไหม เพื่อนเหอะ ตัวหอมเพิ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่ไง แล้วแฟนเขาไม่ใช่คนนี้ โอเคครับ สรุปเขาคือเพื่อนกัน เมื่อคิดแบบนั้นผมก็คลายความกังวล ยกยิ้มกับตัวเองนิดหน่อย ส่องเขาจนพอใจแล้วก็โยนโทรศัพท์ไปไว้ข้าง ๆ

   นึก ๆ ดูแล้วการที่ผมไม่ให้เขาเลี้ยงข้าววันนี้มันเหมือนหาเรื่องไปเจอเขาอีกเลยว่ะ แต่ความจริงตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับ แค่คิดว่ามันแพงไปเลยขอจ่ายเอง พอมาอยู่กับตัวเองแบบนี้แล้วก็เออ ไม่คิดนึกว่าการเป็นคนมีจิตสำนึกของผมจะนำพามาถึงข้ออ้างการไปหาตัวหอมในครั้งต่อไป หึหึ







------------------------------
#จักรภัค
จริงใจนี่เด๋อจริง ๆ เฮ้อออ /ส่ายหน้า แต่หล่อ ให้อภัย5555555555
อาจมีคำผิดอยู่นะคะ เดี๋ยวมาแก้ทีหลัง
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บั๊บบัย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 21-11-2016 22:07:39
จริงใจเด๋อออจริงๆ555555555555 รอตอนหน้านะคะสู้ๆค่า :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-11-2016 23:03:50
เชื่อพี่ฟ้าแรงจริงๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-11-2016 00:23:45

ค่อยเป็นค่อยไปนะลูก  :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-11-2016 06:25:23
 :mew6:เด็กนี่มันร้าย อิอิ มึความต้องการวอแวตัวหอมสูงมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-11-2016 10:55:04
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 22-11-2016 13:19:17
จริงใจ เด๋อจริงๆ 555
ชอบจริงใจ ก็แย่ล่ะ

รอๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 22-11-2016 17:44:24
จริงใจมีความมั่นสูงมากๆ แค่คิดว่าระหว่างเพื่อนกะแฟนคืออะไร ดับตอบได้ทันทีว่าเพื่อนเฉยเลย ถามตัวหอมยังเหอะ ชิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 22-11-2016 19:03:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-11-2016 11:04:22
เมื่อไหน่จริงใจจะรุกตัวหอมคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 23-11-2016 22:57:28
เด๋อจริงๆเลยจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 6 ผมกับภัยคุกคาม | 21-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 26-11-2016 09:48:58
ชอบประโยค "อยากให้ผมไปไกล ๆ เหรอ ผมไม่ให้คุณสมหวังหรอก" อ่านแล้วเขิน
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 26-11-2016 20:32:31
ความที่ 7
ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ






   เช้าวันถัดมาผมตื่นไปโรงเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือวันนี้น้องสาวขอติดรถไปด้วย ทั้งที่จ๋าจ้าจะไปโรงเรียนพร้อมพ่อกับแม่หรือไม่ก็จะมีคนรถไปส่งต่างหาก ไม่บ่อยนักหรอกที่จะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปกับผมแบบนี้

   “แน่ใจว่าจะไปกับพี่?” ผมถามน้องเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เจ้าเด็กกะโปโลพยักหน้ารับเร็ว ๆ ไม่มีลังเล แถมยังสวมแจ็กเก็ตคลุมมาแล้วเรียบร้อย

   “แน่ใจค่ะ!”

   “อย่ามากรี๊ดก็แล้วกัน ไปเอาหมวกกันน็อกมา” จ๋าจ้ายิ้มร่า วิ่งไปเปิดตู้เก็บหมวกกันน็อกแล้วคว้ามาหนึ่งใบ

   “ขับระวังนะจริงใจ”

   “ครับ ยาย” รับคำคุณยายแล้วหันมามองเด็กสาวข้าง ๆ บ้าง จ๋าจ้ายกหมวกสวมใส่ศีรษะ ผมก็ยื่นมือไปช่วยใส่ให้เพราะชักจะรำคาญกับความเงอะงะชักช้าไม่ทันการของน้องสาว

   “โอเคยัง?” ถามพลางขยับหมวก น้องหัวโยกหัวคลอนตามไปด้วย

   “หนักจังเลยพี่จริงใจ” เสียงอู้อี้ดังมา ผมเลื่อนกระจกให้เปิดขึ้นก็เห็นสายตาวูบไหว

   “กลัวเหรอ? นั่งรถยนต์ไปไหม?”

   น้องพยักหน้าและสั่นหัว “กลัวนิดหน่อย แต่เค้าจะไปกับพี่”

   “ดื้อ!” เขกหัวไปหนึ่งทีทั้งที่ใส่หมวกอยู่นั่นแหละ จ๋าจ้ายิ้มเผล่ กระชับกระเป๋านักเรียนให้มั่นแล้วเดินไปยืนข้างรถของผม “ไปก่อนนะครับยาย”

   “จ้า ๆ ขับรถดี ๆ นะลูก ระวังด้วย อย่าขับเร็วล่ะ”

   “ครับผม”

   “ถ้าขับเร็วเดี๋ยวหนูฟ้องคุณยายเองค่ะ” จ๋าจ้าวิ่งมากอดคุณยาย ผมชี้หน้าคาดโทษน้อง หอมแก้มคนแก่หนึ่งที่แล้วคว้าหมวกกันน็อกสีดำของตัวเองที่วางอยู่บนถังน้ำมันมาสวม และจากนั้นจึงสวมถุงมือตาม เมื่อจัดการเรียบร้อยก็ตวัดขาขึ้นครับสปอร์ตบิ๊กไบค์สีเทาแมต

   “หนูไปเรียนก่อนนะคะคุณยาย”

   “ตั้งใจเรียนนะเด็ก ๆ”

   จ๋าจ้าปีนขึ้นมานั่งซ้อนท้าย แขนเล็กสวมกอดเอวของผมไว้ หันไปมองเล็กน้อยก่อนจะบิดคันเร่งแล้วขับออกไป เข็มชี้วัดเพิ่มระดับขึ้นตามการเร่งความเร็ว ปกติแล้วผมขับรถค่อนข้างเร็ว และการมีจ๋าจ้ามาด้วยไม่ได้ทำให้ผมลดความเร็วลงหรอกครับ ปกตินั่นแหละ เผลอ ๆ เร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงโรงเรียน ผมเลือกที่จะเข้าประตูด้านข้างมากกว่าด้านหน้า เพราะส่วนใหญ่ด้านหน้าเหมือนจะสำหรับนักเรียนที่มีรถมาส่งหน้าโรงเรียนแล้วเดินเข้าข้างในอีกที แต่คนที่เอารถมาเองก็เข้าอีกประตูกันทั้งนั้น

   บิดกุญแจดับเครื่องเมื่อได้ที่จอดแล้ว ถอดถุงมือหนังที่สวมอยู่ออกก่อนจะเลื่อนมือมาปลดสายล็อกแล้วจึงถอดหมวกกันน็อก แทรกก้านนิ้วเข้าไปในกลุ่มผม ขยี้เบา ๆ ก่อนเสยขึ้นไปด้านหลัง หันไปมองเด็กที่ตามมาด้วย ผมกดมุมปาก จ๋าจ๋ายังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ลงไปยืนที่พื้น ยื่นมือไปปลดสายล็อก ถอดหมวกกันน็อกให้น้องด้วย จ๋าจ้าหน้าซีดเผือด หันมามองผมช้า ๆ

   อยากจะหัวเราะ

   “ไง?”

   “เค้าจะอ้วก”

   “ก็แย่ละ” ว่าพลางลูบผมยาวสลวยให้เข้าที่ มันชี้ฟูเพาะเสียดสีกับหมวก

   “อุ้มเค้าลงหน่อย” น้องกางแขนออกพร้อมกับยกขาข้างหนึ่งมาทางเดียวกัน กลายเป็นนั่งไพล่อยู่บนเบาะ ผมส่ายหน้าเบา ๆ สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้วงแขนและยกตัวน้องสาวคนเล็กขึ้น จ๋าจ้าเองก็โอบคอผมเอาไว้ พอวางลงบนพื้น ก็เซไปยืนพิงกับตัวรถ

   “ขนาดนั้นเลย?”

   “สนุกอ่ะ แต่น่ากลัว พี่ขับรถเร็วแบบนี้เหรอ?”

   พยักหน้าเป็นคำตอบ ก็ผมมันชอบความเร็วนี่หว่า

   “โคตรน่ากลัววววว เค้าตัวเกร็งไปหมดเลย”

   “หึหึ เชื่อ” จ๋าจ้าหน้ามุ่ยเมื่อโดนผมหัวเราะขำ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถ แล้วผมก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าชุดที่น้องใส่คือชุดนักเรียนและเป็นกระโปรง

   ฉิบหายเหอะ แล้วใส่กระโปรงมานั่งคร่อมสปอร์ตไบค์เนี่ยนะ!

   “จ้า”

   “ขา?”

   “กระโปรง” พูดเสียงนิ่ง จ้องหน้าน้องดุ ๆ จ๋าจ้ากะพริบตาปริบ ๆ ประมวลคำพูดของผม

   “เค้าใส่กางเกง!!” ไม่พูดเปล่า ถกกระโปรงขึ้นด้วย ผมเขกหัวเด็กป่วนไปทีหนึ่ง คนแม่งก็มอง ไอ้สัด! มองหาพ่อมึงเหรอ! กวาดสายตามองพวกนักเรียนชายที่อยู่บริเวณ เพียงไม่นานพวกนั้นก็หลบสายตาพรึบ

   “เป็นผู้หญิงมาเปิดกระโปรงแบบนี้ได้ยังไง!”

   “เค้าลืม... ขอโทษค่ะ”

   “อย่าทำอีก”

   “ครับผม!” ทำเสียงทะเล้นรับคำ “ฮันแน่~ หวงเค้าล่ะสิ”

   “ก็แย่ละ” ผมปัดมือเล็กออกจากหน้า “สงสารคนอื่นต้องมาเห็นอะไรที่เป็นพิษกับสายตา”

   “โอ๊ยยยยยยยย! เค้าจะฟ้องคุณแม่! ฟ้องทุกคนเลย”

   “หึหึ ... เลิกเรียนจะกลับพร้อมพี่หรือเปล่า?”

   “ไม่เอาแล้ววววว เค้าไม่สู้”

   “อ่อน”

   “โหย พี่ขับเร็วขนาดนั้นอ่ะ”

   “จันทร์เจ้ายังไม่บ่นเลย”

   “พี่จันทร์เจ้ากลัวอะไรบ้างล่ะคะ” จ๋าจ้าหน้ามุ่ย ก็จริง ไอ้หมูกลัวอะไรบ้างวะ “แล้วหมวกนี่เอาไปเก็บไว้ไหนงะ?”

   “ไว้ในล็อกเกอร์ไง เลิกเรียนแล้วก็อย่าลืมเอากลับไปด้วย แล้วโทรไปบอกที่บ้านด้วยล่ะ เขาจะได้มารับ”

   “ทราบแล้วค่ะคุณชายจักรพรรดิ”

   “กวนตีนแล้วครับคุณจิรภิญญา”

   “คิคิ เค้าเจอเพื่อนแล้ว ไปก่อนนะคะ ชาติชายยยยยยยยยย~” จ๋าจ้าโบกมือบ๊ายบายแล้ววิ่งไปหาเพื่อนทั้งตะโกนเสียงดัง ไหนความเป็นกุลสตรีที่คุณย่ากับคุณย่าทวดพร่ำสอนวะ นี่มันม้าดีดกะโหลกชัด ๆ



   “เพื่อนร้ากกกกก~” เลื่อนหูฟังที่คอมาครอบหูก่อนที่ไอ้เนตรจะมาถึงตัว ตอนนี้เป็นช่วงเบรกสิบนาทีระหว่างรอเรียนวิชาต่อไป ผมกอดอกหลับตาลง เป็นการตัดปัญหาที่จะเสวนากับไอ้เชี่ยเนตร

   “คุยกับกูหน่อยสิวะ”

   “มีอะไร!” ไอ้เนตรสะดุ้งและผงะออกไปเมื่อผมเสียงดัง คนอื่นในห้องก็คล้ายจะให้ความสนใจ

   “ใจเย็นมายเฟรนด์ คืองี้ กูขอยืมพาวเวอร์แบงก์หน่อย ลืมเอามา”

   ผมด่าไอ้เนตรด้วยสายตา มันทำหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวแต่ยังคงความกวนตีนเอาไว้ ล้วงเอาควานหาแบตเตอร์รี่สำรองแล้วโยนให้มัน ไอ้เนตรก็กลับมาระริกระรี้ทันที

   วันนี้ทั้งวัน อาจารย์หลายท่านเร่งสรุปบทเรียนและบอกแนวข้อสอบที่จะออกสำหรับปลายภาคนี้ให้นักเรียนทราบ แต่เอาเถอะ บอกไม่บอกก็มีค่าเท่ากัน ยังไงซะก็ไม่รู้จะเริ่มอ่านตรงไหนอยู่ดี และความเสี่ยงที่ตรงที่อ่านจะไม่ออกสอบนั้นสูงมาก ไม่รู้ครูกลัวนักเรียนจะได้คะแนนเยอะหรือยังไง

   “จริงใจได้หัวข้อรายงานชีวะเรื่องอะไรเหรอ?” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถามระหว่างที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า ออมยืนบีบมือตัวเองอยู่ข้างโต๊ะผม สีหน้าแสดงออกถึงความกล้า ๆ กลัว ๆ

   “ส่งไปแล้ว จำไม่ได้อ่ะ มีอะไรเหรอครับ?”

   “เรา เราอยากรู้น่ะ เผื่อได้หัวข้อเดียวกันจะได้ดูเป็นแนว” ออมยิ้ม ผมพยักหน้าหน่อย ๆ รายงานชีวะนี้อาจารย์สั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและให้ส่งภายในอาทิตย์นี้ โดยแต่ละคนจะได้หัวข้อคละ ๆ กันไป มีซ้ำกันบ้างเพราะมันไม่เยอะ และผมก็ส่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

   “ฮันแน่~ หาข้ออ้างมาคุยกับเพื่อนเราก็บอก เด็กหน้าห้องอย่างออมเหรอจะหาแนว” ไอ้เนตรเสนอหน้าไปแซว ออมเบิกตาโตก่อนยิ้มเขิน แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อ ผมลอบถอนหายใจ โบกหัวไอ้เนตรไปที สาระแนจริง ๆ

   “บะ บ้าเหรอเนตร”

   “ไม่ต้องกลัว ๆ ไอ้จริงใจมันไม่กัด”

   “เสือกจริงมึง ไปทำงานให้เสร็จไป” ไอ้เนตรจิ๊จ๊ะในคอ ส่วนออม เธอยิ้มเจื่อน ๆ ให้ก่อนขอตัวกลับไปที่โต๊ะ และจากนั้นผมก็เก็บของใส่กระเป๋าตัวเองต่อ ตอนนี้เลิกเรียนแล้วล่ะครับ ในห้องยังเหลือนักเรียนอยู่ราว ๆ สิบกว่าคน

   “กูกลับล่ะ” บอกไอ้เนตรพลางเปิดล็อกเกอร์คว้าแจ็กเก็ตมาสวมและเอาหมวกกันน็อกออกมา ไอ้เนตรทิ้งปากกาหันมาทำตาเหลือก พุ่งตัวเข้าใส่จนผมต้องผงะถอยหลัง

   “ไม่ได้!”

   “เหี้ยไรล่ะ”

   “วันนี้กูมีนัดกินติมกับมายด์โรงเรียนสตรีที่กูเพิ่งไปขอเบอร์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะ มึงต้องไปกับกู!”

   “ก็แย่ละ”

   “ไม่แย่โว้ย มึงต้องไป ต้องไป!!!”

   “ที่ไหน?” ผมถาม ไอ้เนตรตอบชื่อสถานที่มา ผมแทบกลอกตาเป็นเลขแปดไทย ฉิบหายเหอะ นัดห่าที่ร้านไอศกรีมในห้างกลางเมืองแบบนั้น คนเยอะฉิบหายดิ ตอนเย็นแบบนี้ด้วย

   “นะมึงนะ ไปกับกูนะ กูเขิน”

   “เออ!!”



   หลังจากไอ้เนตรทำงานเสร็จมันก็รีบระริกระรี้ลากผมไปลานจอดรถ ถ้าโดนทิ้งผมจะไม่แปลกใจเลย มีอย่างที่ไหนไปเดตแล้วลากเพื่อนไปด้วย อีกอย่างตัวมันยังเป็นผู้ชายอีก มันน่าขายหน้าไหม ผมว่าผมคิดผิดแล้วล่ะที่มากับมัน

   “คนเยอะฉิบ” ผมบ่นพลางขยี้ผม ไอ้เนตรที่เพิ่งเก็บหมวกกันน็อกเสร็จเดินเข้ามาใกล้พร้อมหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เห็นแล้วโคตรน่ารำคาญเลย

   “ธรรมดาป่ะวะ บ่นเป็นคนแก่ไปได้” มองมันด้วยหางตา ไอ้เนตรยิ้มแหย ยกมือไหว้ปลก ๆ “เข้าไปกันเหอะ ให้ผู้หญิงรอนานมันไม่ดี”

   ผมเบ้ปาก เดินตามมันไปเงียบ ๆ เบื่อแล้วว่ะ เมื่อวานก็เพิ่งมา วันนี้ยังต้องมาอีก ถ้าเจอตัวหอมก็คงดี...

   อืม... จะว่าไปแผนการเจอกันอีกครั้งผมจะอ้างอะไรดีนะ



   “สวัสดีคร้าบ~ มากันนานหรือยัง ขอโทษที่มาสายนะครับ” ผมแอบกลอกตาเมื่อไอ้เชี่ยเนตรเอ่ยทักทายเด็กผู้หญิงโรงเรียนสตรีทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่บอกตรง ๆ เลยว่าเลี่ยน!

   โคตรสยอง

   “ไม่นานจ้า พวกเราก็เพิ่งมา” คนตรงกลางตอบกลับพร้อมยิ้มหวานไม่แพ้กัน ผมกดมุมปากและผงกหัวเล็กน้อยเป็นการทักเมื่อเธอเลื่อนสายตามาที่ผม

   “เนตรพาเพื่อนมาด้วยเหรอ?”

   “ครับ! มายด์ไม่พอใจเหรอ เดี๋ยวเราไล่มันกลับ”

   ไล่ดิ! ไล่เลย! ผมสวนกลับในใจภายในใบหน้าเรียบนิ่ง สามสาวนี่ไม่เคยเห็นคนเหรอวะ มองอะไรกันขนาดนั้น บางทีผมก็อึดอัด

   “เปล่า ๆ ถามเฉย ๆ น่ะ มายด์ยังพาเพื่อนมาด้วยเลย” เธอว่าเสียงหวานก่อนจะแนะนำเพื่อนตัวเอง ไอ้เหี้ยเนตรตาโคตรเยิ้ม “คนนี้ชื่อน้ำหวานนะคะ และนี่ แตงกวาจ้ะ”

   “ดีจ้า~”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไอ้นี่มันชื่อจริงใจ เพื่อนเราเอง”

   “ชื่อน่ารักจังเลย~” คนผมสั้นพูด แตงกวามั้ง ผมยิ้มหน่อย ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

   “เราสั่งอะไรมาทานกันเลยดีไหม?”

   “อือ ๆ มายด์สั่งเลยครับ” ไอ้เนตรยิ้มให้สาว ๆ ก่อนเอนตัวมากระซิบข้างหูผม “ไงมึง สวย น่ารักป่ะ”

   “ก็ดี”

   “จิ๊! ไม่คุยกับมึงละ”

   “จริงใจโสดหรือเปล่าคะ?” แตงกวาถาม ผมตัดเค้กเข้าปากก่อนจะตอบ

   “โสด....มั้ง”

   “อ้าว ทำไมมั้งล่า~”

   “เดี๋ยวก็ไม่โสดแล้ว” ผมพูดออกไป และในตอนนี้ก็มีหน้าของตัวหอมลอยอยู่เต็มไปหมด

   ฉิบหายเถอะ ทำไมผมถึงได้เพ้อเจ้อขนาดนี้วะ

   ไอ้เนตรเบิกตากว้างพร้อมยื่นมือมาเขย่าคอผม “มึงงงง มึงไปชอบใครมาทำไมกูไม่รู้เรื่อง!!!!”

   “สาระแน” ไอ้หมาเนตรอ้าปากพะงาบ ๆ ส่วนสามสาวก็ดูจะช็อกไปเหมือนกันกับคำพูดของผม

   “โห พูดกันแรงจังเลย”

   “มายด์อย่าไปฟังครับ ไม่ดี ๆ”

   “ถ้าจริงใจไม่โสดแล้วเราก็อกหักดิ” ผมเลิกคิ้ว แตงกวาลากกลับเข้าประเด็นเดิม เหลือบมองหน้ากันกับไอ้เนตร แค่สบตาก็เข้าใจกันละ

   “เกี่ยวกับผมด้วยเหรอ?”

   “แตงกวาชอบจริงใจไง พอรู้ว่ายัยมายด์จะมาเดตกับเนตร แล้วเนตรพาจริงใจมาด้วย แตงกวาก็ดีใจใหญ่เลย”

   “บ้า น้ำหวานพูดอะไรน่ะ”

   “เอ๊ะ! แต่จริงพูดว่าเดี๋ยวก็ไม่โสด แสดงว่าตอนนี้โสดน่ะสิ แตงกวาแกจีบจริงใจเลยสิ!”

   “ก็แย่ละ” ผมพูดกับตัวเอง แต่ได้ยินกันทั้งโต๊ะ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หันมองไอ้เนตร มันรีบจับไหล่ผมไว้ คงกลัวผมจะลุกออกไป ผมก็จะไปจริง ๆ นั่นแหละ เริ่มอยู่ยากละ การที่ต้องมาปั้นหน้าให้ใครผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ หากอยู่ตรงนั้นแล้วอึดอัดผมจะเดินหนีทันที ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใคร นอกเสียจากว่าคนนั้นต้องมีความสำคัญกับผม ดูเหมือนขวานผ่าซาก ไม่มีมารยาท ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ อือ ผมก็เป็นแบบนั้นแหละ

   เอ๋า! ก็ไม่ชอบ อึดอัด จะอยู่ทรมานตัวเองทำไมวะ!

   ลืมไป บางทีก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และคนที่คุยด้วยนั้นเป็นใคร...

   ใช้เวลาอยู่ในร้านเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้ฤกษ์ไปจากตรงนั้นสักที สาว ๆ ชวนไปดูหนัง ผมปฏิเสธ ไอ้เนตรก็ดูลำบากใจที่ต้องปฏิเสธคู่เดตของมัน ถ้าผมไม่ไปด้วย จะให้มันไปกับผู้หญิงทั้งสามคนมันก็แปลก ๆ เนตรจึงจำใจตอบไปแบบนั้นผมไม่สงสารหรอกครับ เรื่องของมัน

   “เราขอไอดีจริงใจได้ไหม?” แตงกวาเอ่ยขึ้นพลางช้อนตามอง มองหาตัวช่วย ไอ้เชี่ยเนตรยืนคุยกับมายด์อยู่ห่างจากที่ผมอยู่ไปนิดหน่อย แต่มันมัวแต่คุยกับสาวไม่สนใจผมเลยสักนิด ตรงนี้ก็มีสายตาอ้อนวอนจากแตงกวา และน้ำหวานที่คอยยุยง กดดัน

   ทำงานเป็นทีมกันจริง ๆ

   “ผมไม่ค่อยเล่น”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราชวนคุย”

   ผมเงียบดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม “ไม่สะดวกอ่ะ ใกล้สอบแล้วด้วย ขอโทษนะ”

   “ใจร้ายจัง”

   “อือ” ผมครางรับในคอ เดินเข้าไปหาไอ้เนตร “กูไปละนะ”

   “อ้าวเฮ้ย! จะกลับแล้วเหรอ”

   “งั้นมั้ง เบื่อละ”

   “แล้ว...” ไอ้เนตรเหลือบมองไปที่แตงกวา ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มเป็นคำตอบและกลอกตาขึ้นฟ้านิดหน่อย มันหัวเราะหน่อย ๆ ไม่ได้รั้งอะไร “เออ กลับก็กลับ”

   “อืม ไปอ่านหนังสือด้วยมึงน่ะ”

   “พูดมาทำไมวะ ไม่มีมารยาท”

   ผมเบ้ปาก “ไปละ” บอกไอ้เนตร กดยิ้มมุมปากเล็กน้อยเป็นการบอกลากับสามสาว แล้วหมุนตัวออกมา

   ผมเดินไปเรื่อย ๆ เบื่อที่จะอยู่ตรงนั้น แต่รู้สึกยังไม่อยากกลับบ้าน จริง ๆ แตงกวาก็สวยนะครับ กึ่ง ๆ กับคำว่าน่ารัก แต่ผมไม่ได้ชอบไง อีกอย่างผมไม่ชอบคนตื๊อด้วยไงครับ ถ้าเข้ามาคุยเป็นเพื่อนปกติธรรมดาผมก็คุยด้วยได้ แต่นี่ก็นะ... รุกแรงเกิน กลัว



   “เลิกตามสักทีจะได้ไหม!” ผมหันมองต้นเสียงอัตโนมัติในช่วงที่เพลงจบระหว่างรอขึ้นเพลงใหม่ ปลายนิ้วกดหยุดเพลงก่อนปลดหูฟังมาคล้องไว้ที่คอ สายตามองตรงไปยังบุคคลที่คล้ายจะมีปัญหา ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ก่อนจะหยุด กอดอกยืนมอง

   “น้องภัคอย่าไล่พี่เก่งสิครับ พี่เก่งเสียใจ”

   ตัวหอมหัวเสีย เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด หมุนตัวเดินหนีและหันมาเจอผมพอดี ผมกดยิ้ม ยกมือทั้งข้างหนึ่ง เขากลอกตาขึ้นฟ้าเดินกระแทกเท้าเข้ามาหาผม แขนเล็กส่งมาเกาะแขนของผมเอาไว้พร้อมกับเบียดกายเข้ามาชิด ส่วนตัวผมก็ขยับยืนตรงๆ

   อืม ได้เล่นละครอีกแล้วว่ะ

   “เด็กนี่มันเป็นใครครับ!” ผู้ชายคนนั้นชี้หน้าผมพร้อมตะโกนถามตัวหอมเสียงดังจนคนที่เดินผ่านหันมามอง

   “ยุ่ง!” ตัวหอมตะคอกกลับ ผู้ชายคนนั้นก็ก้มหน้าหงอ

   เอางั้นเหรอวะ?

   “มีเรื่องอะไรครับ?” ผมถามคนที่เกาะแขนอยู่

   “พี่เก่งมาจีบน้องภัคครับ” เหลือบมองคนพูด เขายิ้มกว้างเหมือนภูมิใจ เดี๋ยว ๆ ขอเวลางงแป๊บหนึ่งนะ ปกติแล้วคือต้องเหวี่ยงป่ะวะ ไม่พอใจเหมือนแฟนเก่าของตัวหอมที่ผมเคยเจอ แล้วทำไมพี่คนนี้ถึงได้ยิ้มซื่อให้ผมแบบนั้น “น้องเป็นอะไรกับน้องภัคของพี่เก่งครับ น้องชายเหรอ?”

   “ไม่ใช่น้องชายครับ” ผมตอบ

   “อ้าว แล้วเป็นอะไรกันอ่าครับ”

   ผมยิ้มปลดแขนตัวเองออกจากมือเล็ก ยกขึ้นโอบไหล่แคบและรั้งคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ขึ้นก่อนจะตอบ

   “แฟนครับ”

   คนชื่อพี่เก่งเบิกตากว้าง มองผมสลับกับตัวหอม และตัวหอมเองก็ดูจะตกใจกับคำตอบของผมไม่น้อย

   “มะ ไม่จริง น้องภัคเพิ่งเลิกกับภีมไม่ใช่เหรอครับ ทำไมมีแฟนใหม่เร็วแบบนี้ ทำไมไม่ให้พี่เก่งจีบเลย รู้ไหมว่าพี่เก่งรอมานานแค่ไหน คนสวยใจร้าย! ฮึก พี่เก่งเสียใจ” พี่เก่งเบะปาก น้ำตาล่วงเผาะอาบแก้มขณะที่พูด เขารนรานควักโทรศัพท์มือถือออกมากด “คุณแม่คร้าบ เก่งอกหัก ฮืออออออออ”

   “รักกันดี ๆ นะครับ พี่เก่งจะมาจีบตอนน้องภัคเลิกกับแฟน ฮึก คุณแม่~” เขาพูดเคล้าสะอื้น ใช้หลังมือปาดน้ำตาเหมือนเด็ก ๆ เมื่อพูดจบก็หันหลังวิ่งออกไป ปล่อยผมกับตัวหอมมองตามตาปริบ ๆ

   ไอ้เหี้ย!!! โคตรงง

   นี่มันเรื่องบ้าบออะไรวะ

   คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ!!

   “นาย...”

   “...ครับ”

   “เขาร้องไห้”

   “อือ... เขาสติดีหรือเปล่าคุณ?”

   “มะ ไม่รู้” ผมก้มมอง เขาแหงนหน้าขึ้นพอดี เราสบตากัน เหมือนเวลาหยุดหมุนไปในความรู้สึก ผมไม่ได้ยิ้ม เขาไม่ได้ยิ้ม แต่ตอนนี้หัวใจผมมันกำลังเต้นผิดจังหวะกับนัยน์ตาใส ๆ ของเขาที่ไม่ค่อยได้เห็นหนัก “ใจเต้นแรงจัง เขินฉันเหรอ?”

   จบเลย อารมณ์โรแมนติกหายหมด

   ผมกลอกตากับยิ้มเหนือกว่าของเขา ไม่รู้เหรอวะว่ามันโคตรทุลักทุเล

   “เปล่า” ผมว่า ยกแขนออกจากการโอบไหล่ก่อนที่ตัวหอมจะออกปาก “คุณมาทำอะไร?”

   “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ดิ”

   “อือ ไม่อยากยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่หรอกครับ” พูดออกไป เว้นจังหวะเล็กน้อย โน้มหน้าลงต่ำ กระซิบเสียงนุ่มอย่างที่ปกติไม่เคยเป็น “ผมแค่อยากยุ่งเรื่องของคุณ”

   “อะ ไอ้เด็กเวร!”

   ผมยิ้มรับคำด่า ไม่โกรธหรอกครับ ก็คนด่าแก้มแดงเสียขนาดนั้น หึหึ

   “หน้าแดงจัง เขินผมเหรอ?”

   ตัวหอมถลึงตาใส่ก่อนทุบไหล่ผมแล้วสะบัดหน้าหนี ปากอิ่มขยับขมุบขมิบบ่นคนเดียว

   “เชี่ย!! อีภัค ทิ้งกู! ว้าย น้องจริงใจ” ยิ้มให้คนมาใหม่ พี่พีทยิ้มหวานตอบกลับมา แถมด้วยการมองผมตาเยิ้ม แอบชำเลืองมองตัวหอม เขาเบะปากไม่สบอารมณ์

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีจ้า ท่าทางจะดวงสมพงศ์กันนะคะ เมื่อวานก็เจอ วันนี้ก็เจอ”

   “ผมกับเพื่อนพี่เหรอครับ?”

   “กรี๊ด! หยาบคาย! กับพี่สิ!” พี่พีทมองค้อนไม่จริงจัง

   “พี่มาทำอะไรเหรอครับ?” ผมเอ่ยพลางก้าวเดินไปข้าง ๆ ตามพี่พีท ตัวหอมอยู่อีกฝั่งของเพื่อนเขา ถามเจ้าตัวไม่ได้ก็ถามเพื่อนสนิทเขานั่นแหละ

   “พี่เบื่อ ๆ เลยมาเดินเล่น”

   “อ๋อ...”

   “พาอีภัคมาเอานาฬิกาด้วย จริง ๆ นางมาเอาตั้งแต่เมื่อวานแต่ทางร้านเขาลืมหยิบของมา”

   “พูดมากนะมึง” ตัวหอมว่าเพื่อน

   “แล้วน้องจริงใจมาทำอะไรจ๊ะ?”

   “เพื่อนผมมันมาเดต เลยโดยลากมาด้วย”

   “น้องจริงใจก็เดตด้วยหรือเปล่า”

   “เปล่าครับ”

   พี่พีทหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ผมระบายยิ้มหน่อย ๆ พี่เขาเบิกตาโตก่อนเสมองไปทางอื่น

   อะไรวะ ขี้เขินกันทั้งคู่เลย

   “ตอแหล”

   “หึงเหรอครับ?” พูดพร้อมชะโงกหน้าไปใกล้ ตัวหอมผงะออก เหวี่ยงตาค้อนผมวงใหญ่พร้อมหน้าบูดบึ้ง

   “พูดอะไรไม่คิด ฉันจะหึงนายไปทำไม”

   “ผมหล่อไง”

   “ใจเย็นนะคะ ไม่ได้อยู่กันสองคนเนอะ” พี่พีทกลอกตาใส่ เขาคงรู้แหละว่าผมคิดยังไงกับเพื่อนเขา

   “มึงก็ไล่มันไปสิ!”

   “ไล่ให้โง่!” พี่เขาใช้นิ้วดันหน้าผากตัวหอม “ไปเอาของไป๊ กูรอข้างนอกกับน้อง”

   ตัวหอมจิปาก จิกตามองเพื่อนและมองผมอย่างไม่พอใจก่อนเดินเข้าไปในร้านนาฬิกา พี่พีทแหงนหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ผม มือเล็กจับเข้าที่แขน ผมเกือบสะบัดออกแล้วดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน ไม่รู้สิ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแต่กลับรู้สึกสนิทใจกับพี่เขา แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม

   “น้องจริงใจคิดยังไงกับเพื่อนพี่?” รอยยิ้มเล็ก ๆ ของผมหายไปโดยอัตโนมัติเมื่อจู่ ๆ พี่พีทก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีแววล้อเล่นรวมทั้งสายตา

   “ชอบครับ”

   “จริงจังหรือแค่เอาเล่น ๆ เอาสนุก ถ้าคิดจะล้อเล่นก็เลิกเถอะนะ”

   ผมขมวดคิ้ว ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม “ผมไม่เคยทำอะไรเล่น ๆ ครับ”

   “หมายความว่าน้องจริงจังกับเพื่อนพี่?”

   “ประมาณนั้นมั้งครับ” ผมกดมุมปากเล็กน้อย “เพื่อนพี่ไม่ได้ชอบผมนี่นา”

   พี่พีทถอนหายใจ บ่นเพื่อนตัวเองอีกหน่อย “มันโง่”

   “ก็แย่ละ”

   “ถ้าน้องจริงใจชอบภัคจริง ๆ พี่ช่วยได้นะ”

   “หือ? ทำไมถึงจะช่วยผมล่ะครับ?”

   “ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่พี่รู้สึกว่าน้องจริงใจจะดูแลมันได้ คือพี่ไม่อยากเห็นมันเสียใจอีกแล้ว”

   ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตัวหอมเดินออกจากร้านมาพอดี ระบายยิ้มบาง ๆ ให้พี่พีท

   “คุยอะไรกันวะ?”

   “เสือก”

   “เชี่ยนี่” ตัวหอมสบถใส่เพื่อน “เมื่อไหร่นายจะกลับไปสักที”

   “เมื่อส่งคุณถึงบ้านมั้งครับ”

   “กวนตีน” ยิ้มมุมปาก ยิ่งเห็นตัวหอมทำหน้ารำคาญผมยิ่งชอบใจ “จะไปได้ยัง เดี๋ยวไอ้แฝดกับชะนีบ่นอีก”

   “จิ๊ ขัดความสุขจริงมึงเนี่ย!”

   “น่ารำคาญจริง ๆ” ตัวหอมว่าแล้วเดินออกไปก่อน พี่พีทเบ้ปาก เขาส่งยิ้มแหย ๆ มาให้ เมื่อพี่เขาจะตามเพื่อไปผมจึงเรียกเอาไว้ก่อน

   “เดี๋ยวครับ! ผมขอเบอร์พี่ได้ไหม?”

   “มาได้แล้วพีท!! มัวแต่อ่อยผู้ชายอยู่นั่น”

   “โว้ย!! เอามันไปทิ้งที! ... พี่ไปก่อนนะ”

   “ครับ” ผมตอบรับ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าหลังจากบันทึกตัวเลขสิบหลักลงไปในรายชื่อผู้ติดต่อใหม่

   จากนี้อะไรก็คงจะง่ายขึ้น หวังว่านะ...

   ผมไม่รู้ว่า อีกแล้ว ที่พี่พีทพูดถึงนั้นมันเกิดขึ้นมากี่ครั้งแล้ว แต่ผมอยากจะทำให้มันไม่เกิดขึ้นอีก... คงต้องรอดูกันต่อไป







----------------------------------------
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 26-11-2016 20:47:29
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-11-2016 22:14:50
สู้ๆนะจริงใจจจจจ 555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-11-2016 22:28:16
จริงใจ....สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-11-2016 22:52:31
อ๋อยยยยยย แพ้ทางตอนจริงใจพูดเพราะอะ

งืออออ อยากได้ ขอได้ไหมคนนี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 26-11-2016 23:30:01
หวังว่าก่อนจะไม่เสียใจอีกตลอดไป มันต้องมีเรื่องให้เสียใจก่อนอ่ะดิ อยากน้อยก็เรื่องที่จริงใจไม่ยอมบอกพี่ลูกหมูก่อนแล้วให้พี่ลูกหมูรู้เรื่องเอาเอง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 27-11-2016 00:10:42
จริงใจอยู่กับน้องสาวน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 27-11-2016 01:45:46
จริงใจมีผู้ช่วยคนสำคัญแล้วว

สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 27-11-2016 08:14:15
เมื่อไหร่เขาจะได้กันคะคุณ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 27-11-2016 08:59:02
จริงใจสู้ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 7 ผมกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ | 26-11-59 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-12-2016 23:08:46
 :hao7:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 03-12-2016 20:38:01
ความที่ 8
ผมกับการใช้หนี้







   และแล้วสัปดาห์แห่งการสอบก็เวียนมาถึง เป็นสัปดาห์ที่นักเรียนส่วนใหญ่เกลียดมากที่สุด ผมมาถึงโรงเรียนด้วยเวลาปกติ แม้ใครหลายคนอาจจะมาก่อนเพื่อที่จะพูดคุยเกี่ยวกับวิชาที่จะสอบในเช้าวันนี้ ผมจะยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวก็แล้วกัน ไอ้เนตร ไอ้วาฬ เป็นต้น... พอพวกมันเห็นผมเดินเข้าไปในรัศมีสายตาก็พากันเด้งตัวขึ้นมาเหมือนโดนไฟจี้ตูด เห็นความฉิบหายอยู่ลาง ๆ จะเมินก็ได้เพราะผมเป็นฝ่ายเข้าไปหาพวกมันก่อน แม้จะยังไม่ถึงก็เถอะ

   “จริงจายยยยยยยยยย”

   “เพื่อนร้ากกกกกกกก” ไอ้สองตัวนั้นแหกปาก ทำเอากลุ่มที่อ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ มองกันตาขวาง

   “ข้าวฟ่างเรียกซ้อมหรือไง?” ผมถาม มองไปที่วาฬ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเสนอหน้ามาหาผมทุกฤดูการสอบตั้งแต่รู้จักกัน สอบย่อยก็ไม่เว้น

   “ยมทูตเรียกจะถูกกว่าว่ะ” มันทำหน้าใกล้ตาย “มึ้งงงงงง ทวนให้พวกกูอีกรอบหน่อยสิวะ”

   “ใช่ ใช่!” เนตรพยักหน้าเสริม เข้าคู่กันดีนักเรื่องนี้ ทั้งปกติตีกันฉิบหาย พอไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวล่ะสามัคคีกันเชียว

   “กูก็ติวให้พวกมึงไปแล้วไง” สัปดาห์ที่แล้วรวมทั้งเสาร์อาทิตย์ ผมต้องเอาเวลาทั้งหมดที่มีทุ่มให้พวกมันอย่างจำใจ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมต้องไปวอแวตัวหอมดิ โคตรเซ็ง

   “กูตื่นเต้นว่ะ ลืมไปหมดแล้ว มึ้งงงงงง” ไอ้เนตรเข้ามาเกาะแขน ผมปัดออกทันที “ถือว่าทวนตัวเองด้วยไงมึง”

   “กูทวนจนหลับตาทำได้แล้ว ไอ้สัด” พวกมันเบะปากร้องไห้ พนมมืออ้อนวอน ผมถอนหายใจ มองนาฬิกาบนข้อมือ เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง กะจะไปห้องชมรม แต่โดนพวกนี้ก่อกวนเสียก่อน เอาเถอะ ถือว่าตัดรำคาญ

   “กูไม่มีหนังสือ”

   “กูมี!!!” พวกมันพูดขึ้นพร้อมกัน พร้อมหยิบหนังสือวิชาที่ใช้สอบขึ้นมารวมทั้งสมุดบันทึกที่ถูกเขียนด้วยลายมือยึกยือเกี่ยวกับสรุปย่อ

   ช็อตโน้ตก็มีไม่พากันอ่านวะ!

   กริ๊งงงงงงงงงง~~~

   เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น พร้อมกับเส้นชีวิตของไอ้เนตรกับไอ้วาฬที่สั้นลง...

   “คุณจักรพรรดิครับ!! เป่ากระหม่อมกูที”

   “ก็แย่ละ! ไปขึ้นตึกเลยพวกมึง”

   พวกเหี้ยนี่ พาผมโดดกิจกรรมตอนเช้าแล้วยังจะให้ทำอะไรพิลึกอีก

   “มึงไม่เข้าใจคนโง่อย่างกูเลย” ไอ้วาฬพ้อ มีไอ้เนตรพยักหน้าหงึกเป็นลูกคู่

   “มึงโง่เอง ไม่ใช่เรื่องของกู”

   “จำไว้ว่าคนหล่อมันใจร้าย! ฝ้ายจ๋าาาา ช่วยทวนให้วาฬหน่อยคร้าบบบ” ไอ้เหี้ยวาฬวิ่งเสนอหน้าเข้าไปหารองหัวหน้าห้องห้องผม ก่อนกระแหนะกระแหน ออเซาะ

   ก็ดี หมดเวรหมดกรรมของผมละ

   ครืด

   หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา

   08:19 phiit : สู้ ๆ ค่ะน้องจริงใจ(ของพี่)
   08:20 J9 : (สติ๊กเกอร์หนึ่งตัวถ้วน)
   08:20 phiit : สอบเสร็จนังภัคจะเลี้ยงข้าว
   08:21 phiit : โอ๊ะ!! มันบอกสอบเสร็จไม่เลี้ยง
   08:21 phiit : ต้องได้ท็อปทุกวิชาถึงจะเลี้ยง
   08:21 J9 : Deal

   ผมตอบไปแค่นั้น ก่อนกดปิดเสียงแล้วเก็บใส่ในถุงซิปล็อก เขียนชื่อและเลขที่ แล้วจึงโยนลงกล่องที่อาจารย์คุมสอบเอามาไว้ ตัวหอมดูถูกผมเกินไปละ ผมได้ท็อปทุกวิชา ทุกครั้งที่สอบ แถมยังคิดอันดับต้น ๆ ของสายชั้น ได้เกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นทุกปี เตรียมเลี้ยงข้าวผมได้เลย!

   “นั่งดี ๆ ครูจะแจกข้อสอบ”

   สิ้นเสียงอาจารย์ผู้คุมสอบ เสียงคุยกันเซ็งแซ่ก็เงียบลงโดยพร้อมเพรียง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อหันไปเห็นออมมองมาพอดี เธอส่งยิ้มและชูกำปั้นขึ้นเล็กน้อย ผมพยักหน้าลงเบา ๆ แล้วเสมองไปทางอื่น

   หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์จึงเริ่มแจกข้อสอบ เขียนชื่ออะไรเสร็จก็เริ่มทำ ผมไม่กังวลอะไรมาก แม้มันค่อนข้างยาก แต่ก็เคยทำผ่านมาแล้วจึงไม่มีปัญหา เพียงไม่กี่นาทีผมก็ทำข้อสอบเสร็จ วางกระดาษคว่ำไว้บนโต๊ะ มองรอบห้อง แต่ละคนยังก้มหน้าก้มตามุ่งมั่นกับข้อสอบของตัวเอง ดูเหมือนว่าผมจะเสร็จก่อนเพื่อนเลยว่ะ เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง มองไอ้เนตร มันคิ้วขมวดนิดหน่อยสลับกับยิ้มมุมปาก คงทำได้แหละ ออกไปข้างนอกดีกว่า

   ครืด

   ผมโคตรเกลียดโมเมนต์นี้ เวลาเงียบ ๆ แล้วเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้น คุณจะตกเป็นเป้าสายตาทันที เสียงเก้าอี้โง่ ๆ นี่ก็เหมือนกัน

   “เดาเหรอวะ?”

   “ก็แย่ละ” ผมว่า หลังจากโดนอาจารย์แซว ท่านเป็นอาจารย์ที่ผมเรียนด้วย มีอะไรก็เรียกแต่จักรพรรดิ เลยสนิทกันนิดหน่อย เล่นหัวได้ หมายถึงอาจารย์น่ะนะ ตบหัวผมบ่อยจนสมองแทบหลุด

   “วิชาครูอย่าชุ่ยนะเว้ย ออกห้องมาก่อนจะให้ติดศูนย์”

   “แย่ละ ผมเคยทำอะไรชุ่ย ๆ ทีไหน เสร็จเร็วนี่ทำได้เถอะครับ”

   “จะบอกว่าเก่งว่างั้น?”

   “ก็พอตัวครับ” ผมโยกตัวหลบกระดาษเอสี่โง่ ๆ ที่ถูกม้วนเป็นอาวุธสำหรับฟาดผมโดยเฉพาะ “วิชาอาจาย์ผมออกตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรกเลยคอยดู”

   “ทำเสร็จก็นอนอยู่นั่นแหละ ไม่ต้องรีบออกมา”

   “แบบนี้ก็ได้เหรอ”

   ผมเดินแยกออกมานั่งอยู่คนเดียวที่ม้านั่งหน้าห้อง กะจะเอาโทรศัพท์มาเล่นแต่ก็ลืมไปว่ามันอยู่ที่อาจารย์คุมสอบ เลยต้องควงดินสอในมือแก้เซ็ง การสอบช่วงเช้าสำหรับผมผ่านไปด้วยดี มันไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ที่ทำได้ก็อาศัยจากที่อ่านมาล้วน ๆ อีกอย่างคงต้องขอบคุณสมองของตัวเองด้วยแหละมั้ง ไอ้เนตรที่ว่าตัวเองกากยังยิ้มหน้าแป้นออกจากห้องสอบ



   “กินข้าวกัน” มันชวน ไม่พูดถึงเรื่องสอบที่ผ่านมาให้ช้ำใจ ผมพยักหน้ารับ เอาโทรศัพท์ออกมาดูหลังจากได้คืนแล้ว มีแจ้งเตือนอยู่นิดหน่อย จากคนรู้จักทั้งนั้น อาจเพราะผมไม่ได้เปิดใช้สาธารณะ จึงไม่มีคนอื่นส่งข้อความหรืออะไรมาให้ได้ “กินไรวะมึง?”

   “ไม่รู้” บอกไปแบบสิ้นคิด กวาดมองร้านอาหารในโรงอาหาร มันก็มีขายทุกอย่างนั่นแหละ แต่เข้าใจความไม่รู้จะกินอะไรไหมครับ?

   อือ นั่นแหละ

   “ไม่รู้มึงก็ไปจองโต๊ะก่อน”

   “ไม่ต้องจองก็ได้มั้ง”

   “มึงจะนั่งแดกที่พื้นเหรอ ไอ้ห่านี่” สะบัดมือไล่ไอ้เนตรไปซื้อข้าวแล้วหันหลังให้มัน กวาดตามองหาว่าที่ไหนมีโต๊ะว่างบ้าง

   ผมเดาะลิ้น เดินไปทางสิบเอ็ดนาฬิกา ไอ้วาฬกำลังโบกมือเรียก ในโต๊ะนั้นมีเพื่อนมันและไจ่ไจ๋กับไอ้ฟ่างอยู่ด้วย เสนอหน้ามาทำอะไรกันวะ

   “ไอ้เนตรล่ะ?”

   “ซื้อข้าว” หันกลับไปทางร้านค้า ไอ้เนตรกำลังมาพอดี ผมจึงไปซื้อมื้อเที่ยงของตัวเองบ้าง

   “ไง ทำข้อสอบได้ป่ะ?” เงยหน้าจากโทรศัพท์มองคนถาม พี่เจนิซยืนต่อแถวอยู่ข้างหลังผม มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   “ระดับนี้”

   “เออ ลืมว่าเก่ง”

   ผมยักไหล่ “แล้วพี่ล่ะ?”

   “เบ ๆ”

   “ทำเป็นเล่นไป”

   “ไม่เล่นเถอะ พนันกับพี่ไต้ฝุ่นไว้ ถ้าได้ท็อปเขาจะพาไปเที่ยว”

   “โห พี่ไต้ฝุ่นเข้าใจมาหาเรื่องมาล่อว่ะ ความเป็นไปได้แทบไม่มี”

   ผลัวะ!

   พี่เจนิซชักสีหน้า มองผมตาขวางพร้อมกับซัดหมัดเข้าไปที่ต้นแขน คุยกันสักพักพอได้อาหารที่สั่งก็แยกกัน ผมกลับไปที่โต๊ะ ไอ้พวกนั้นกำลังโม้เรื่องสอบอยู่ ทานข้าวไปเรื่อย ๆ คุยบ้างเงียบบ้าง ก่อนขึ้นอาคารก็ถูกขอร้องให้ช่วยทวนอีก ช่วงบ่ายจะสอบแค่สองวิชา ไม่หนักหนาอะไร เมื่อเสียงสัญญาณดังขึ้น จึงต้องแยกย้ายกัน





   ครืด ครืด ครืด

   ผงกศีรษะขึ้นจากหมอน คว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่สั่นครืด ๆ อยู่บนโต๊ะมาเปิดดู พบว่าเป็นข้อความของใครก็แทบจะปาทิ้ง ผมมองแค่ข้อความพรีวิวบนหน้าจอ ไม่ได้กดเข้าไปอ่าน

   10:32 นี่จันทร์เจ้าเอง : เจ้าเด็กปีศาจจจจจจจจจจจจ
   10:32 นี่จันทร์เจ้าเอง : ตื่นหรือยังงงงงงง
   10:32 นี่จันทร์เจ้าเอง : พี่คิดถึงงงงงงงงงงง

   โคตรตอแหล

   ผมเมินข้อความของจันทร์เจ้า โดยการลบแจ้งเตือนและเข้าไปเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ ทว่าเพียงไม่กี่นาทีถัดมา ตัวปัญหาก็ส่งข้อความมาก่อกวนอีกจนได้ คนจะหลับจะนอนเนี่ย ปิดเทอมทั้งทียังจะก่อกวนอยู่ได้! และความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น เมื่อผมจะปัดมันทิ้งกลายเป็นว่ากดเข้าไปดู

   ไอ้เหี้ย!!!! นิ้วลั่น!!!!

   แกรก ปัง!

   “จริงใจ!!!!”

   นั่นไง ไม่ถึงนาทีโผล่มาทั้งตัวเลย ผมโยนโทรศัพท์ทิ้ง ซุกหน้ากับหมอนใบโตแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว แต่คนจะกวนยังไงก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ประสบความสำเร็จ ผมกำผ้าปูที่นอนเมื่อรู้ถึงน้ำหนักของวัตถุบางอย่างที่กลางหลัง วัตถุนั้นมีน้ำหนักห้าสิบปลาย ๆ

   มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า จันทิมันต์

   วงศ์ อัศวโยธินทร์

   ชื่ออื่น จันทร์เจ้า เจเจ ลูกหมู หมูหัน อ้วน ไอ้อ้วน หมูอ้วน ไอ้หมูอ้วน ไอ้หมูผี

   “อือ...”

   “ไม่ต้องงอแงเลย ตื่นแล้วก็ลุกสิ พี่ส่งข้อความมาทำไมไม่ตอบ หาาาาาา!?” ไอ้หมูอ้วนโน้มตัวมาตะโกนใส่หู ฉิบหาย ปิดหูไม่ทันด้วย

   “ไม่อยากตอบบบบบบบบ”

   “ไอ้เด็กใจร้าย!” คนพูดเปลี่ยนจากนั่งทับเป็นนอนทับบนตัวผม

   “จะแบนแล้ว”

   “เว่อร์! พี่ไม่หนักขนาดนั้นสักหน่อย” ว่าแล้วก็กลิ้งมานอนข้าง ๆ เออ ค่อยยังชั่วหน่อย ผมซบหน้ากับหมอน หันไปด้านที่จันทร์เจ้านอนอยู่ พี่ชายนอนตะแคงเท้าศอกค้ำศีรษะ นิ้วเล็กยื่นมาจิ้มแก้มจึก ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นลูบหัว สัมผัสเบา ๆ นั้นทำเอาผมเคลิ้มจะหลับให้ได้ แต่ถูกฉุดจากฝันโดยการตบแก้มเสียก่อน

   “จริงใจไปส่งพี่หน่อย”

   “ก็แย่ละ”

   “นะนะ ไปส่งพี่หน่อย พี่จะไปหาพี่มีน”

   “รถก็มีป่ะ ขับไปเองดิ” พลิกตัวนอนคว่ำ เอื้อมจะเอาโทรศัพท์มือถือมาเล่น มีแจ้งเตือนที่จอขึ้นมาจากการที่ผมเปิดรับความเคลื่อนไหวของใครสักคน แค่เห็นชื่อมุมปากก็ยกขึ้นโดยอัตโนมัติ จากที่ว่าจะเข้าไปดูสักหน่อยก็ต้องรีบคว่ำจอลงและไม่ลืมลบแบรนด์เนอร์ทิ้งด้วย เหล่มองคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาดูอย่างโจ่งแจ้ง ตากลมวาววับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้

   “อะไรอ่ะ!”

   “สาระแน” ดันหน้าผากคนอยากรู้ไปหนึ่งที “ออกไปจากห้องเค้า ไปกับไอ้ฟักทองนั่นแหละ”

   “ไม่อาววววววว จะให้จริงใจไปส่ง พี่จะไปมหา’ลัยกับทูเอ็ม”

   “ตอนกลับก็ขับกลับไง”

   “ตอนกลับทิวาจะมาส่ง...” ผมกลอกตาในขณะที่จันทร์เจ้าทำตาแป๋ว “งานต้องเลิกดึกมากแน่เลย จริงใจจะให้พี่ขับรถกลับคนเดียวเหรอ? ตอนกลางคืนต้องมืดมากเลยนะ แถมอันตรายด้วย อีกอย่างบ้านเราก็ไกลจากมหา’ลัยของพี่ด้วย ใจคอจริงใจจะไม่ห่วงพี่เลยเหรอ? พี่น่าสงสารนะ ไม่สงสารพี่เหรอ...?”

   “ใครบอกจะไปนอนกับพี่ฟ้าน้าเจ้านะ?” ผมถามกลับเรียบ ๆ หลังอ้าปากหาวขณะฟังวรรณกรรมของพี่

   “จริงใจน่ะ!!!!”

   ยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ ก็บอกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าหลังจบงานจะไปนอนบ้านพี่ฟ้าเพราะกลับดึกและใกล้กว่า ได้ยินมาว่าที่มหาวิทยาลัยจัดงานประกวดดาวเดือน เจ้าตัวจึงไปจะเชียร์ ให้กำลังใจเพื่อน

   ครืด

   รีบคว้าโทรศัพท์ที่สั่นขึ้นมาดู เป็นแจ้งเตือนการอัพเดตสเตตัสจากคนที่ผมไปกดติดดาวเอาไว้


   ณภ. @phaknp 1m
   อยากกินสเต็ก


   “จริงจายยยยยย~~”

   “หือ? อะไร?”

   “ไปส่งพี่หน่อยนะค้าบบบบ พี่ไม่ได้นั่งคุณเกรย์นานแล้วอ่ะ คิดถึง”

   “อือ ไปเตรียมตัวดิ”

   “เย้!!!! จริงนะ จริงนะ จริงใจของพี่น่ารักที่สูดดดดด เหวอ~~!!!”

   “เหี้ย!!!” ผมอุทานลั่นก่อนหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นพี่ชายลุกขึ้นร้องดีใจและพลาดท่าจนเกือบจะหงายหลังตกเตียง แต่ดีที่ผมคว้าเอาไว้ทัน ไม่งั้นไม่อยากคิดเลยว่าจะเสียเงินเปลี่ยนพื้นห้องให้ผมไปเท่าไหร่ ไอ้หมูลูบอกตัวเองปลอบขวัญ ยิ้มเขิน ๆ แล้วกระโดดลงจากเตียงไป ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมไล่ผมไปอาบน้ำอีก

   ส่วนคุณเกรย์ที่พูดถึงนั้นคือรถของผมเอง สปอร์ตไบค์นั่นไงครับ จันทร์เจ้าเรียกเอาเองเพราะสีของมันคือแมทเกรย์ เหมือนที่เรียกรถตัวเองว่าคุณฟักทอง เพราะสีเหมือนเนื้อฟักทอง ไม่รู้ว่าคิดงั้นจริง ๆ หรือหิว

   สะบัดผ้าห่มออกจากตัว เอาโทรศัพท์มือถือไปชาร์จก่อนเข้าห้องน้ำ ถอดชุดนอนที่สวมอยู่ออกโยนลงตะกร้าแล้วจึงเข้าไปในส่วนของโซนอาบน้ำหลังแปรงฟันเสร็จ ปกติแล้วผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใส่เสื้อผ้านอน จะถอดก็ได้แต่ถ้าใส่จะสบายใจมากกว่า ชุดนอนส่วนใหญ่พี่ฟ้าจะเป็นคนซื้อมาให้ ทั้งผม จันทร์เจ้า และจ๋าจ้า นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ต้องใส่... ก็นะ ซื้อมาให้แล้วไม่ใช้ องค์ท่านลง ลำบากต้องง้ออีก ถึงจะเป็นลายปัญญาอ่อนยังไงก็ต้องใส่...

   เปิดฝักบัวให้สายน้ำอุ่นไหลชโลมทั่วผิวกาย กดครีมอาบน้ำลูบไล้ไปทั่วร่าง ตั้งแต่ช่วงลำคอ ไล่ลงไปเรื่อย ๆ ตามลำแขน แผ่นอกลงไปจนถึงหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อในระดับที่พอดี แหงนหน้าขึ้นรับสายน้ำ ก่อนเสยผมที่เปียกชื้นตกมาปรกหน้าไปด้านหลัง... อุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงทำให้กระจกเป็นฝ้า

   ตอนเด็ก ๆ ผมชอบลูบมันเล่น หรือไม่ก็วาดรูปไปตามประสา โคตรแบ๊ว แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำสักเท่าไหร่ ผมปิดน้ำหลังจากล้างฟองสบู่และแชมพูออกไป เลื่อนบานประตูให้เปิดออก เอื้อมมือไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอว ก่อนจะหาผ้าอีกผืนมาเช็ดผมแล้วออกจากห้องน้ำ ไปที่ห้องแต่งตัวซึ่งมีประตูเชื่อมกันอยู่

   ใส่อะไรดีวะ?

   คำถามนี้ควรจัดเป็นปัญหาโลกแตก พอ ๆ กับมื้อนี้จะกินอะไรดี? เหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอยู่นาน ไม่รู้หรอกว่าผ่านไปกี่นาที ไม่ได้นับ นับไม่ถูกด้วย แต่ตอนนี้ตัวผมแห้งแล้ว ผมก็หมาดแล้วเนี่ย และมันคงนานจริง ๆ เพราะจันทร์เจ้ามาเคาะเรียกแล้ว ผมออกไปเปิดด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างผืนเดียว

   “ยังไม่เสร็จอีกเหรอ!?”

   “ฮึ” สั่นหน้าให้พี่ เดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้ง และมีจันทร์เจ้าเดินตามเข้ามาด้วย “ไม่รู้จะใส่อะไรว่ะ”

   “ก็แย่ละ” เหล่มองคนที่เอาคำพูดของผมไปใช้ จันทร์เจ้า กอดอก ยกมือขึ้นลูบคาง กวาดตามองไปยังตู้เสื้อผ้าของผมที่มีเสื้อผ้ามากมายเรียงรายอยู่ “เดี๋ยวพี่เลือกให้”

   “ก็แย่ละ”

   “ไม่แย่ รับรองเลย!” ไอ้หมูดีดนิ้วดังเปาะ ก้าวเข้าไปยังส่วนที่เป็นเสื้อยืด “จริงใจใส่ชั้นยัง?”

   “ใส่แล้วดิ”

   ก็เหี้ยเหอะ ถามอะไรแบบนั้น แล้วยังไง ถ้ายังไม่ใส่ก็จะเลือกชั้นในมาให้ด้วยเหรอ ประสาท

   “อ่ะ! ใส่นี่ ไม่ต้องเรื่องมากนะ พี่รีบ!”

   อยากพูดออกไป รีบก็ไปเองสิวะ! แต่สิ่งที่ทำคือรับมาแล้วเอาไปใส่ ชุดที่จันทร์เจ้าเลือกคือ... เสื้อยืด oversize สีขาว เสื้อฮู้ดสีเทา ซึ่งพอสวมฮู้ดไปแล้วทำให้ชายเสื้อเกินออกมาหน่อย และแจ็กเก็ตยีนส์ คือ... แค่เสื้อก็สามตัวไปแล้ว เลือกอะไรไม่ดูอากาศประเทศไทย ที่น่าตบกะโหลกไปมากกว่านั้นคือผมดันยอมใส่โดนไม่แย้งอะไร ส่วนกางเกง เป็นยีนส์ทรงสกินนี่ มันค่อนข้างแนบฟิตไปกับลำขาสักหน่อย แต่ก็โอเค ไม่ลำบากอะไร ขาผมสวยด้วยไง พี่ฟ้าเลยชอบซื้อกางเกงประเภทนี้มาให้บ่อย ๆ

   “จริงใจเอากระเป๋าไหม?”

   “เอาดิ messenger สีดำน่ะ”







(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 03-12-2016 20:38:45





   หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและจัดของจำเป็นบางส่วนใส่กระเป๋าแล้วจึงออกเดินทาง ผมมาส่งจันทร์เจ้าถึงหน้าคอนโดของพี่มีนกับพี่รามินทร์ เสร็จภารกิจแล้วจึงขับรถออกมาทันที แต่แวะจอดพักแป๊บหนึ่งเพื่อโทรศัพท์ มุมปากหยักถูกยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่รอสาย

   “สวัสดีครับ”

   (“มีอะไร?”)

   “เลี้ยงข้าวหน่อยครับ”

   (“อย่าเพ้อเจ้อ ฉันไม่ว่าง”)

   “คุณอยู่ไหน? ผมว่าง”

   (“ไม่มีเรียนหรือไง มาก่อกวนคนอื่นเขาแบบนี้”) ผมหัวเราะกับน้ำเสียงติดรำคาญนั้น เห็นภาพเลยว่าหน้าบึ้งสักแค่ไหน

   “ปิดเทอมแล้วครับ คุณเรียนอยู่เหรอ แต่จะเที่ยงแล้วนะครับ ควรต้องพักสิ”

   (“จิ๊!! จะมาก็มา!”)

   “โอเค เดี๋ยวผมไปหา”

   สัญญาณถูกตัดไปทันทีที่เขาบอกว่าตัวเองอยู่ตรงไหน เมื่อดูแผนที่จากแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนแล้ว ผมก็บิดคันเร่ง ออกตัวไปยังสถานที่เป้าหมายทันที ใช้เวลาไม่นานผมก็มาหยุดที่หน้าตึกที่มีตัวอักษรเขียนว่า ‘คณะเศรษฐศาสตร์’ มองซ้ายขวาหาคนที่ต้องการพบ ไม่เห็นว่ะ... มือหนาเลื่อนกระจกบังลมขึ้น รออยู่อีกหน่อยยังไม่เห็นตัวหอมจึงล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหา หรือยังเรียนอยู่วะ งั้นเปลี่ยนเป็นส่งข้อความ

   11:49 J9 : ผมถึงแล้ว อยู่ไหนครับ?

   ส่งไปแล้ว... ยังไม่มีการเปิดอ่านหรือตอบกลับ อาจจะยุ่ง หน้าผมนี่แหละยุ่งแล้ว นักศึกษาคนอื่นก็ทยอยกันเดินออกมาแล้ว แล้วตัวหอมของผมไปอยู่ไหนวะ คนนี่ก็มองกันจังเลย แค่ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเนี่ย ชักจะหัวร้อนแล้วนะเว้ย! แดดลงกลางหัวเลยเนี่ย

   และราวสิบนาทีต่อมา... คนที่ผมกำลังรออยู่ก็เข้ามาในกรอบสายตาสักที ผมกอดอก พิงสะโพกกับตัวคุณเกรย์ มองไปยังร่างผอมบางที่เดินคุยกับเพื่อนสองสามคนหน้าเครียด รอบตัวเขาเหมือนมีประกายบางอย่างเปล่งแสงออกมา มันสามารถทำให้เขาโดดเด่นเกิดกว่าใคร และทำให้ทุกสายตาจับจ้องมองไปที่ตรงจุดนั้นโดยยากที่จะละสายตา

   ฉิบหายละ

   ใจบางโคตร ๆ

   ร่างบางชะงัก เมื่อเงยหน้ามาเจอผม เพื่อน ๆ ของเขาก็มอง แต่ผมมองไปที่ตัวหอมคนเดียว ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ไม่นานคนที่ผมรอก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

   ไม่ปฏิเสธว่าดีใจ

   คิดว่าจะเดินหนีไปเสียอีก

   น่ารัก...

   “อยากทานอะไรครับ?” เลือกที่จะถามไปแบบนั้น เวลาตอนนี้เลยสิบสองนาฬิกาไปแล้ว ตัวหอมมุ่นคิ้ว มองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรแต่ไม่พูด มุมปากของผมยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่มีใครเห็น

   ตัวหอมเงียบ ก่อนจะตอบ

   “สเต็ก”

   พยักหน้ารับคำรับคำง่าย ๆ โดยไม่ท้วงอะไร ผมมองเขา สักพักแล้วจึงถาม “ร้อนหรือเปล่า?”

   ตัวหอมไหวไหล่ “ร้อน”

   แน่ล่ะ แดดตอนเที่ยงแบบนี้โคตรสาหัส

   ผมเดาะลิ้น ถอดแจ็กเก็ตที่สวมอยู่ออกแล้วโยนไปคลุมศีรษะของคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า ตัวหอมร้องยี๋ ใช้นิ้วจีบคีบออกคล้ายรังเกียจนักหนา

   “ไม่ต้องรังเกียจขนาดนั้นก็ได้ครับคุณ”

   “โยนมาให้ฉันทำไมเล่า!?”

   “ผมขี้เกียจใส่ ใส่ให้หน่อย”

   ตัวหอมทำหน้าเบื่อ แต่ก็ยอมสวมแจ็กเก็ตที่ผมโยนให้ เขามองคุณเกรย์ด้วยสายตาลังเล เคยขี่มาแล้วยังจะกลัวอีก ช้าว่ะ ร้อนเนี่ย คนก็มองฉิบหาย อยู่คนเดียวว่าเด่นแล้ว พอมีตัวหอมยืนอยู่ด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ตามอง ปากซุบซิบ ทำงานสัมพันธ์กันเหลือเกิน... ถือวิสาสะดึงข้อมือเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้ เพราะยังไม่ตั้งตัว จึงเซมาหาโดยง่าย

   ไม่รอให้บ่น ผมก็หยิบหมวกกันน็อกที่วางบนถังน้ำมันขึ้นมาสวมลงบนศีรษะของตัวหอม เขาผงะเล็กน้อย ก่อนยืนนิ่ง ๆ เปิดกระจกบังลมขึ้น สอดนิ้วเข้าไปตรงช่องระหว่างหน้าผาก พอสอดเข้าไม่ได้ผมก็ละมือออกมา จับหมวกไว้ทั้งสองข้าง บอกให้ตัวหอมก้มหน้า เงยหน้า และส่ายหน้าไปมา โอเคดีแล้วจึงล็อกสายรัดคางให้

   “แน่นไปหรือหลวมหรือเปล่าครับ?”

   “หลวม”

   เขาตอบ ผมปรับสายรัดให้จนพอดี ลองหมุนจากข้างหลังมากข้างหน้า และจากข้างหน้าไปข้างหลัง เมื่อหมวกไม่หลุดก็เป็นอันว่าโอเค กดยิ้มให้กับความเรียบร้อย

   “หนัก”

   “เดี๋ยวพาไปซื้อใหม่ครับ” ผมว่าขณะจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวรี ก่อนจะปิดกระจกบังลมลงให้เขาเบา ๆ และให้ตัวเอง ตวัดขาคร่อมคุณเกรย์ เตะขาตั้งขึ้นแล้วใช้ขาทั้งสองพยุง หันไปมองตัวหอม เขายืนนิ่งเหมือนทางตรงหน้าคือหน้าผาสูง ผมรอ ไม่ได้เร่ง แค่สตาร์ทเครื่องแล้ว มือเล็กวางบนไหล่ของผม ก่อนที่จะยกตัวเองตวัดขาขึ้นคร่อมคุณเกรย์บ้าง

   “กอดเอวผมสิ”

   “ไม่”

   ก็แล้วแต่...

   บรึ้น!

   “เหวอ!!!”

   หมับ!

   หึ...





   ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านเป้าหมาย ผมดับเครื่อง ถอดหมวกกันน็อกออก ขยี้ผมตัวเองแล้วเสยขึ้นหนึ่งที เหลือบไปมองคนที่มาด้วยกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังขาสั่น น่าเอ็นดูฉิบหาย หึหึ ตัวหอมสะดุ้งเมื่อผมเลื่อนมือไปปลดล็อกสายรัดและถอดหมวกออกให้ ผมของเขายุ่งฟูเล็กน้อย ด้วยความลืม คิดว่าอยู่กับจันทร์เจ้าหรือจ๋าจ้า จึงยื่นมือไปจัดการมัน น่าแปลก... ที่เขายืนนิ่ง ๆ ให้ผมทำ

   ในร้านคนเยอะมาก แต่ถือว่าโชคยังเข้าข้างที่ยังมีโต๊ะว่างเหลืออยู่ ผมกับตัวหอมเดินไปนั่งตรงนั้น คนในร้านหันมามองเรา อาจจะ... มองไปที่คนที่เดินนำหน้าผมอยู่ตอนนี้ และเลื่อนสายตามาที่ผม ตัวหอม เดินเชิดหน้าในองศาที่พอดี นัยน์ตาเฉี่ยวคมมองตรงไปจุดหมายด้านหน้า ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างที่กำลังพุ่งไปที่เขา ถ้าหากเป็นผู้หญิง... ท่าทางแบบนี้คงต้องเรียกว่า นางพญา

   ตัวหอมถอดเสื้อตัวนอกออก พับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นถึงข้อพับ ก่อนยกแขนดีดนิ้วเรียกพนักงานมารับออเดอร์

   โคตรควีน

   แย่ละ

   ผมละสายตาจากเขาไม่ได้เลย

   “รับอะไรดีคะ?”

   “สเต็กแซลมอนกับสลัดผัก”

   “พอร์คชอพ เฟรนซ์ฟรายส์ กับมันบดครับ”

   “รับเครื่องดื่มอะไรคะ?”

   “น้ำเปล่า” ผมกับตัวหอมพูดขึ้นพร้อมกัน พนักงานสาวจดออเดอร์ก่อนจะบอกให้รออาหารประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาที

   อือ... หิวนะ แต่คนเยอะขนาดนี้ก็พอจะเข้าใจ

   ผมมองคนตรงข้าม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น สักพักจึงลุกออกจากโต๊ะไป ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไร มองตามทางไปที่เดิน คงไปห้องน้ำ

   เอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเล่นบ้าง เล่นเกมน่ะนะ ทว่า... เพียงลับหลังตัวหอมไปไม่นาน เสียงคุยกันของคนรอบ ๆ ก็ดังขึ้น

   “ณภัคมากับใครน่ะแก”

   “ไม่รู้สิ คงกิ๊กใหม่มั้ง”

   “เหรอ ครั้งนี้จะควงนานแค่ไหนล่ะ แต่คนนี้ยังดูเด็กอยู่เลยนะ”

   “น่าสงสารนะแก น้องเขาโดนหลอกมาหรือเปล่าวะ”

   “แต่ดูท่าทางก็ไม่ธรรมดานะ ดูนั่นสิ กระเป๋านั่นแบรนด์ P ราคาเกือบสี่หมื่น นาฬิกาก็ R เสื้อผ้าธรรมดาแบบนั้นก็แพงนะแก แค่รองเท้าคู่เดียวก็เป็นหมื่นแล้ว”

   ผมกลอกตากับเสียงกระซิบกระซาบพวกนั้น ให้ตาย แน่ใจว่ากระซิบกันจริง ๆ มักเกิ้ลนี่ใจกล้ากันดีนะ เจ้าตัวก็นั่งอยู่ยังจะกล้านินทา คงคิดว่าผมไม่ได้ยิน ขอโทษ นักดนตรีอย่างผมประสาทหูดียิ่งกว่าบัตเตอร์ ฮันเตอร์

   “ผู้นางงานดีทุกคนเลยว่ะ”

   “จริงแก พี่ภีมก็เลิศ เลิกกันไม่กี่อาทิตย์นางได้ผู้ใหม่มาควงแล้ว เคลมเร็วเว่อร์”

   “ณภัคนี่หว่า”

   เมื่อพูดจบพวกเธอก็หัวเราะกัน ผมคิ้วกระตุก ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกมันบอกว่าที่เธอพูดชื่อตัวหอมออกมามันไม่ใช่แค่เรียกชื่อธรรมดา มันเหมือนกับเป็นความหมายแฝง... ผมวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ ยกแขนกอดอก แล้วหันไปมองที่โต๊ะนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เป็นขณะเดียวกับที่ตัวหอมกลับมาพอดี หนึ่งในนั้นที่บังเอิญสบตากับผมรีบก้มหน้างุดและสะกิดเพื่อน

   “โดนแบบนี้บ่อยเหรอ?” ผมถามคนตรงข้าม บุ้ยปากไปที่โต๊ะของคนกลุ่มนั้น ตัวหอมเลิกคิ้ว มองตามก่อนจะร้องอ๋อแล้วพยักหน้า “ไม่โกรธ?”

   “ไม่เห็นต้องลดตัวไปฟังคำพูดโง่ ๆ ไร้สาระพวกนั้นเลย”

   “.......ดีแล้ว”

   “พี่คะ! เช็คบิลด้วยค่ะ!”

   ผมปรายตามอง หลังจากจ่ายค่าอาหารเสร็จพวกเธอก็เดินก้มหน้าออกไป “หึ”

   เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เราก็ต่างคนต่างกิน หิวจัดกันทั้งคู่ จึงไม่มีใครพูดอะไร ทานเงียบ ๆ แต่ผมคอยเหลือบมองเป็นระยะ สเต็กอร่อยดี สมกับที่พี่พีทการันตี ก่อนหน้านั้นเคยคุยกันครับ พี่เขาบอกว่านอกจากสปาเก็ตตี้ที่ตัวหอมชอบสุด ๆ แล้ว อีกอย่างที่ติดท็อปก็คือสเต็ก และพี่เขาก็แนะนำร้านนี้มา ผมเลื่อนมือไปตักมันบดมาทาน เมื่อมันสัมผัสที่ปลายลิ้นคิ้วก็มุ่นเข้าหากันทันที กลืนลงไปเร็ว ๆ ก่อนดันถ้วยมันบดออกไป แล้วดื่มน้ำตาม

   ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยนะ มันก็ดีนั่นแหละครับ กินได้ แต่ไม่อยากกิน อาจเพราะรสที่กินประจำมันไม่ใช่แบบนี้ จึงไม่ถูกปาก

   มันบดที่น้าเจ้าทำคือ The best of the best.

   Number one and only one.

   พูดแล้วจะหาว่าอวยน้า แต่น้าเจ้าทำอร่อยจริง ๆ กินที่ไหนก็ไม่ได้แบบนั้น ต้องกลับมาอ้อนวอนให้น้าทำให้ทานอยู่เรื่อย

   “ไม่อร่อย?” ตัวหอมถามหลังจากเห็นผมดันมันบดออกไปจากสาระบบ

   “เปล่าครับ”

   “ทำไมไม่กิน” เขาว่าแล้วตัดมันบดนั่นเข้าปาก “ก็อร่อยดี”

   “อือ มันไม่ถูกปาก ที่ทานประจำไม่ใช่แบบนี้ ฝืนคอ”

   “เรื่องมาก”

   “น้อมรับครับ” กดยิ้มส่งไปให้ ตัวหอมย่นจมูก ตาเรียวกลอกไปที่พนักงานที่เดินไปพอดี ผมไหวไหล่ จะได้ยินก็ช่าง ก็ไม่ชอบนี่หว่า จะให้ทำยังไง “คุณมีเรียนต่อไหมครับ?”

   “สองครึ่ง”

   โอเค.... มีเวลาอีกเกือบชั่วโมงครึ่งเลย

   “ทำไมมีเรียนล่ะ? ไม่หยุดเหรอ ได้ข่าวว่ามีประกวดดาวเดือน”

   “งานตอนเย็น เรียนปกติ”

   “อ๋อ...” แล้วทำไมจันทร์เจ้าไปหาพี่มีน ไม่มีเรียนเหรอวะ ช่างแม่งเหอะ “เดี๋ยวผมไปส่ง”

   “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น”

   “พี่พีทบอกว่าคุณจะเลี้ยงข้าวผม”

   ตัวหอมขมวดคิ้วก่อนกลอกตาขึ้นฟ้า “เพ้อเจ้อ พูดเอาเองน่ะสิ”

   “ผมมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรนะ”

   “เหอะ ต้องได้ท็อปไม่ใช่หรือไง?”

   “ใช่ คุณเตรียมเลี้ยงข้าวผมมื้อใหญ่ได้เลย”

   “มั่นใจจัง”

   “แน่นอน”

   “สอบตกขึ้นมาฉันจะสมน้ำหน้าให้”

   “ก็แย่ละ อย่างผมไม่เคยสอบตกหรอก รอก่อนนะ จะเอาคะแนนมาอวด”

   “จะคอยดู”

   ผมยิ้ม ติดกับละ “อิ่มแล้วใช่ไหมครับ? งั้นเช็คบิลเลยนะ”

   “อือ”

   ผมเรียกพนักงานมาเก็บเงิน วางธนบัตรสีเทาไปให้โดยไม่รอให้คนที่มาด้วยพูดอะไร ตัวหอมมองตาม แล้วหันมามองหน้าผม

   “ไหนบอกจะให้เลี้ยง ใช้หนี้นายไง”

   “ว้า แย่จัง ผมลืม งั้นไว้ครั้งหน้านะครับ”

   “ครั้งหน้า!? คราวก่อนก็บอกครั้งหน้า มาคราวนี้ก็ยังจะครั้งหน้าอีก” ผมยังยิ้มหน้าระรื่นไม่สะท้านก็สายตาดุ ๆ แบบทุลักทุเลของเขา “นายใช้มันเป็นข้ออ้างมาเจอฉันใช่ไหม?”

   “ครับ” ตัวหอมดูจะเหวอไปเมื่อผมยอมรับแต่โดยดี ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน เสหน้ามองไปทางอื่น อวดแก้มที่ขึ้นสีเรื่อให้ผมได้เห็น

   คนแมน ๆ เขาก็กล้าทำกล้ารับแบบนี้แหละ

   พี่ฟ้าสอนมา











-----------------------------
จริงใจมาแย้วววววว เจ้าเด็กเด๋อที่น่าเลี้ยงดู
ขอโทษที่มาช้าครับผม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มานะ ฮือ
จักรภัคก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย สงสาร แปดตอนแล้วนะ5555555555
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ เนี่ย มีจันทร์เจ้ามาป่วนด้วย คิดถึงลูกหมูก็มาอ่านความจริงใจนะ /)_(\
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ บั๊บบัย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-12-2016 21:09:00
จริงใจ หลานรักของพี่ฟ้าคนแมน
ค่อยๆจีบไปเดี๋ยวพี่ตัวหอมก็ใจอ่อน ปากคนนี่นะ น่าตบจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-12-2016 21:33:47
 :mew1: :mew1:

ถ้าพี่ฟ้ารูว่าจริงใจเอาสิ่งที่สอนมาจีบคนอื่นจะว่าไง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 03-12-2016 21:58:40
จริงใจมาบ่อยๆเด้อ อย่าปล่อยให้ป้ารอนานเลยนะลูกเอ้ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 03-12-2016 22:26:25
เพลิงฟ้าคนแมน สอนเรื่องแมนๆให้หลานน o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-12-2016 22:28:24
งื้อจริงใจจจจจจจจจจ ร้าย!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 03-12-2016 22:31:22
คนแมน ๆ เขาก็กล้าทำกล้ารับแบบนี้แหละ
สัมผัสได้ถึงความลอยหน้าลอยตา เมื่ออ่านประโยคนี้ 5555
ทั้งหมั่นไส้ ทั้งเอ็นดูเจ้าเด็กจริงใจในเวลาเดียวกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 03-12-2016 23:09:26
 :hao3: สู้ๆหน่อยเจเจ รุกไปเลย ปิดเทอมแล้วออกตัวล้อฟรีไปเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-12-2016 23:39:43
555555555 คืออ่านเพลินๆ มาขำกร๊ากเอาตรงสุดท้ายนี่แหละ

คือจริงใจก็ผ่านหลักสูตร "คนแมนๆ" จากพี่ฟ้าเหมือนกันสินะ

อยากจะรับจริงใจไว้เลี้ยงดูจริงๆ...น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 04-12-2016 11:24:19
รุกแรงๆไปเลยเจเจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 04-12-2016 11:36:17
คร้า!!!!!!!

จริงใจคนแมน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2016 15:13:07
 :ruready
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 04-12-2016 23:15:06
เจเจคนแมนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 05-12-2016 22:28:56
ฮอลลลล เจเจโตขนาดเตาะหนุ่มเองได้แล้วสินะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 06-12-2016 07:49:18
 :jul3: พี่ฟ้าสอนมาดีจริงๆ..
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: leefever ที่ 06-12-2016 21:40:41
เพิ่งได้มาอ่านน ตลกเรื่องนี้ ฮ่าๆๆๆ
ขำตอนใช้เท้าเปิดประตู นึกว่าเป็นคนเดียวว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 07-12-2016 13:35:59
ขอผู้ชายอย่างจริงใจหน่อยข่าาา
น่ารักมั้กกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-12-2016 17:29:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-12-2016 21:39:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-12-2016 07:16:34
พูดตรงมากจริงใจ!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 8 ผมกับการใช้หนี้ | 3-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 11:36:22
คนที่ชอบนินทาคนนี่
เป็นเพราะสนใจเขา(หน้าตาดี รูปร่างดี)
และอิจฉาเขา(อยากได้ อยากดี อยากมีแบบเขา)สินะ
เด็กบ้านวงศ์อัศวโยธิน น่ารัก :mew1: :mew1: :mew1:
ไม่นินทาใคร ไม่สนใจคำนินทาด้วย
พี่ฟ้า รัก และดูแลเด็กบ้านนี้ทุกคนเลย สุดยอด
เด็กปีศาจ รุกณภัคและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 09-12-2016 20:18:36
ความที่ 9
ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต







   “ไปกันเลยไหมครับ?” ผมถามคนตรงข้าม

   “เดี๋ยว” เขาว่า พลางหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา เขานับเงินสักพักก่อนส่งมันมาให้ผม

   “ให้ผมทำไม?”

   “อย่ามาทำเป็นโง่ บอกให้ฉันเลี้ยงไม่ใช่หรือไง นายเสนอหน้าจ่ายไปก่อนทำไม”

   “ผมเกรงใจ มันแพง”

   “ไม่เป็นไร ฉันรวย”

   ตัวหอมแม่ง... ทำไมเป็นมักเกิ้ลโหดร้ายแบบนี้วะ เขายิ้มเยาะเย้ยที่ผมพูดไม่ออก จะให้ทำไงล่ะ สเต็กราคาแค่หลักร้อย เขาจ่ายได้สบายอยู่แล้ว ผมหน้าบึ้ง ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม กอดอกเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้

   “คุณแม่ง ใจร้ายว่ะ”

   “ทำไม? ไม่มีข้ออ้างมาเจอฉันเหรอ?”

   “ก็ใช่น่ะสิ แล้วผมจะเจอคุณได้ยังไง ความเป็นไปได้ไม่มีเลย”

   ตัวหอมเบ้ปาก ยื่นมือมาเขกหัวผมดังโป๊ก ผมยิ่งหน้าบึ้งหนักอีก เพิ่มเติมคือลูบหัวตัวเองนี่ไง เจ็บนะครับ เขกมาตั้งแรง ถึงผมไม่ใช่มักเกิ้ลแต่ก็มีความรู้สึกนะ ดูหน้าสะใจนั่นสิ ไม่ห่วงผมเลยสักนิด

   “ไอ้เด็กโง่”

   “ก็แย่ละ” หน้าไปทางอื่น เจอร้านเค้กพอดี “ยังเหลือเวลาอีกเยอะ หาของหวานกินกันครับ”

   “เฮ้ย! ฉันกินคลีน”

   “คลีนดิ สเต็กเกลี้ยงจานเลยเนี่ย ไปเถอะ

   “ไม่ไป เดี๋ยวอ้วน!”

   “ถ้าใจเราคลีน จะกินอะไรก็คลีนครับ”

   “อะ ไอ้เด็กบ้า!”

   ผมไม่ฟังเสียงโวยวายของตัวหอม ลากเขามาจนถึงร้านเค้กที่อยู่ห่างกันแต่ไม่กี่ร้อยเมตร เสียงโมบายดึงขึ้นเมื่อเราเปิดประตูเข้าไป คนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามอง ได้ยินเสียงเหอะในคอจากคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า ผมเลื่อนมือที่จับแขนไปกุมมือเล็กเอาไว้ กวาดตามองหาโต๊ะว่าง แล้วถึงเดินไปนั่ง

   “ทานอะไรครับ?”

   “มอคค่าเฟรปเป้”

   “ขนมล่ะ?”

   “ไม่เอา อ้วน”

   “คุณผอมจะตาย เดี๋ยวผมสั่งให้แล้วกัน” ยักคิ้วให้คนที่กลอกตาขึ้นฟ้า ไม่เข้าใจคนที่ไม่ชอบทานของหวานเลยจริง ๆ โคตรพลาดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก “ช็อกโกแลตกับมอคค่าปั่นอย่างละแก้วครับ ขอเค้กช็อกโกแลตมูส ชาเขียว และชีสเค้กอย่างละชิ้น”

   “ทานที่นี่หรือกลับบ้านคะ?”

   “ที่นี่ครับ”

   “สักครู่นะคะ ทั้งหมด xxx บาทค่ะ” ส่งเงินให้พนักงานก่อนรับใบเสร็จ ผมขยับออกมายืนข้าง ๆ ระหว่างรอคิว และให้คนที่ต่อแถวอยู่ไปสั่ง มองไปที่ตัวหอม เขาใช้มือเท้าคางข้างหนึ่งและเล่นโทรศัพท์ไปด้วยโดยไม่สนใจสายตาของใครที่มองไป ท่าทางของเขาน่ามองไปทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไร

   “มากับณภัคหรอคะ?” เลิกคิ้วมองคนถาม “เป็นเด็กณภัคเหรอ? รู้หรือเปล่าว่าณภัคน่ะง่าย”

   ผมไม่ตอบแต่แสยะยิ้ม ฟังเธอพล่ามโดยไม่พูดอะไร ง่ายเหรอวะ? ทำไมกว่าผมจะเจอได้แต่ละครั้งมันโคตรสาหัส

   “ถ้าไม่อยากโดนมันหลอกก็อย่าไปยุ่งกับมันนะน้อง”

   ผมยังคงเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรไป แต่มองหน้าคนพูดไม่วางตา

   “นางควงผู้ชายเยอะแยะเลยนะคะ อย่าไปจริงจังล่ะ”

   “หึ”

   เลิกสนใจคำพูดไร้สาระเมื่อเสียงพนักงานตะโกนมา ผมจึงกลับไปที่เคาน์เตอร์

   “ขอบคุณครับ” เดินกลับไปที่โต๊ะโดยไม่มองหน้าคนพวกนั้น ได้ยินเพียงแค่เสียงสบถและคำพูดที่บอกว่าผมหยิ่งตามมา

   “คุยอะไรกับพวกนั้น?”

   “หือ? อ๋อ เขาบอกว่าคุณง่าย อย่าจริงจัง”

   ตัวหอมเหยียดริมฝีปากและพยักหน้าเบา ๆ คล้ายรับรู้พลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขนมบนโต๊ะ ผมว่ามันต้องติดมือผมไปแน่ เพราะผมยื่นไปตัดเค้กพอดี

   “จิ๊ ยื่นมือมาทำไม”

   นั่นไง ผิดจากที่พูดที่ไหนล่ะ

   “ก็ผมจะกิน”

   “ให้ฉันถ่ายรูปก่อนสิ”

   “ก็แย่ละ” ตัวหอมหน้าบึ้ง ถ่ายใหม่ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะผมแกล้งเขาด้วยการตัดมันทุกชิ้นจนไม่เหลือความสวยแล้ว “คุณโดนแบบนี้บ่อยเนอะ ที่ร้านสเต็กก็ทีหนึ่งแล้ว”

   “อะไร?”

   “นินทาไง”

   “หึ มีปัญญาทำได้แค่นินทาก็ทำไปเถอะ”

   “คุณไปทำอะไรให้เขาเกลียดหรอ?”

   “ฉันอยู่ของฉันเฉย ๆ คนพวกนั้นพากันพูดเอง” เขายักไหล่แสดงออกถึงการไม่สนใจ “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”

   “อะไรครับ?” ยกช็อกโกแลตปั่นขึ้นดื่ม และตัดเค้กเข้าปาก ตัวหอมที่ว่ากลัวอ้วนยังทานด้วยเลย

   “ที่ว่าฉันง่าย”

   ผมไหวไหล่ “ไม่รู้สิ ผมรู้จักคุณไม่นาน ยังไม่ได้สนิทอะไร ผมไม่อยากตัดสินคุณจากคำพูดคนอื่น”

   “ไปจำจากละครเรื่องไหนมา”

   “หึ จากความคิดผมนี่แหละ” ยักคิ้วกวนประสาทไปให้คนตรงข้าม ตัวหอมแสยะยิ้ม

   “ฉันง่ายอย่างที่คนพวกนั้นพูดกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นก็เลิกชอบฉันซะ”

   “ง่ายจริงเหรอ? คบกับผมดิ”

   “ฝันอยู่เหรอ ทำไมฉันต้องคบกับนาย”

   “เห็นมะ คุณก็ไม่ได้ง่ายสักหน่อย อย่าดูถูกตัวเองสิครับ”

   “มันเรื่องจริง”

   “ก็แย่ละ พอเหอะ ผมชักรำคาญแล้ว”

   “หึ ถ้ามายุ่งกับฉันมาก ๆ ชีวิตนายจะแย่เอานะ”

   “ช่างแม่งดิ” ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม ทำไมเขายังไม่หยุดพูดเรื่องนี้สักที ผมจะหงุดหงิดแล้วนะเว้ย พวกมนุษย์นี่ยังไง ทำไมการใช้ชีวิตดูยุ่งยากกันขนาดนี้

   “นายจะมาหงุดหงิดทำไม ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย”

   “ทำไมคุณเป็นมนุษย์ที่พูดไม่รู้เรื่องเลย” คิ้วของผมขมวดมุ่นขณะสบตากับตัวหอม “ถ้าคุณง่ายจริงก็มาคบกันดิ”

   ตัวหอมยกคิ้วขึ้นสูง ตาเรียวนั่นยังสบกับผมอยู่ เขาดูข้องใจกับคำพูดของผม งงอะไรวะ ในเมื่อตัวเองไม่ง่ายก็อย่าพูดว่าง่ายสิ เห็นมะ พอบอกให้คบกันก็ไม่ยอม แบบนี้เรียกง่ายเหรอ? คำว่าง่ายนี่หมายถึงง่ายยังไงอ่ะ ใจง่าย? หรอ งั้นมั้ง แล้วถ้าใจง่ายจริง ๆ ก็ตกลงดิ ทำไมต้องคิดอะไรเยอะแยะ แล้วทำไมมนุษย์ถึงได้เข้าใจอะไรยากกันจัง

   “ผมเลี้ยงง่ายนะ”

   คนอายุมากที่ตัวเล็กกว่าเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนกะพริบไล่ความงงแล้วหัวเราะออกมา ผมเสตามองไปทานอื่น ปากคว่ำเป็นปากเป็ด แต่ในความไม่สบอารมณ์ซ้อนความลิงโลดเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นตัวหอมหัวเราะ โคตรสดใส ทำไมเขาถึงชอบทำหน้านิ่งนัก

   “จริง ๆ นะ”

   “อย่าทำตัวเหมือนหมาได้ป่ะ ไอ้เด็กเวร”

   “ถ้ามีคุณเป็นเจ้าของผมยอมเป็นหมาก็ได้ รับผมไปเลี้ยงสิครับ...” ท้ายประโยคผมกดเสียงอ้อน ตัวหอมกระแอมไอ ยกมอคค่าขึ้นดื่ม ตาเรียวหลบสายตามองที่จ้องไป แก้มนวลขึ้นซับแดงจาง ๆ

   หึ

   เขาเขิน

   น่ารักว่ะ

   “ไปส่งฉันได้แล้ว”





   หลังจากไปส่งตัวหอมที่มหาวิทยาลัยแล้วผมก็กลับบ้านทันที และเมื่อถึงบ้านถึงได้มีโอกาสจับโทรศัพท์ กดเข้าไปดูแจ้งเตือนของการอัพโหลดรูปภาพในแอพพลิเคชั่นแรก เป็นภาพขนมเค้กที่ตัวหอมถ่าย ซึ่งติดมือและขาผมไปด้วย แค่มือ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นผม...หรอวะ

   phaknp CAKE TIME
   rapinthana klan krai?
   phiitplease I know
   rapinthana tell me!!!!!!! @phiitplease
   phaknp เสือก @phiitplease @rapinthana
   real_khleun เมียกูมีชู้อีกละ
   real_khram จริงจังก็พามาเปิดตัวครับ
   phaknp เสือกกกกกกกกกกกก @real_khleun @real_khram
   papapapaya เจอพี่ภัคที่มากับใครไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าหล่อ งานดีมาก
   rapinthana พวกแกมันนังคนใจบาป! @phaknp @phiitplease ถ่ายรูปมาไหมคะ เมสเสจให้หน่อยค่ะ @papapapaya
   phaknp อย่าส่ง @papapapaya
   papapapaya แง พี่ภัคไม่ให้ส่ง @phaknp @rapinthana   

   ผมเลื่อนอ่านคอมเมนต์ไปเรื่อย ๆ มีคนบอกว่าเห็นผมเยอะเหมือนกันแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ก็ดี จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจ มันน่ารำคาญ ก็เข้าใจว่าผมหล่อและหน้าตาดีมาก คนจะมองก็ไม่แปลก แต่ผมไม่ดาราหรือคนดังไง เป็นแค่เด็กธรรมดาที่เกิดมาหน้าตาดีเฉย ๆ

   แย่จริง ๆ






   เย็นวันถัดมา

   ผมชะงักเท้าเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นจันทร์เจ้ากับใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในบ้าน เพราะออกไปข้างมาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมไอ้หมูถึงได้พาผู้ชายเข้าบ้านแบบนี้!

   “แรด พาผู้ชายเข้าบ้าน”

   “พูดมากจัง เอานี่ไป” หมูอ้วนบ่นพลางส่งถุงขนมเค้กมาให้ “จริงใจสวัสดีทิวาสิ อย่าเสียมารยาท”

   “สวัสดี ...ครับ” ผมกลอกตา ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม ทีแรกจะไม่ครับแต่ตาเขียวปั๊ดของไอ้หมูหันส่งมาเสียก่อน ไม่ได้กลัว แต่เดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาได้ว่าเป็นเด็กไร้มารยาท ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน หงุดหงิดเลย พามาทำไมวะ

   “สวัสดีครับ” ผมเบ้ปาก หน้าก็ยิ้มอยู่หรอก แต่ใจอยากเข้าไปบีบคอหรือไม่ก็ไล่กลับบ้านไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

   “หม่ามะอยู่ไหน?” ไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินหนีพี่ชายกับทิวากาลไป ไม่อยากมองหน้า หัวร้อนไปหมด พี่ฟ้าก็ไม่อยู่ ผมคงทำอะไรมากไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะโดนแบนจากครอบครัวอีก เซ็ง แม่งเอ๊ย! หงุดหงิดโว้ย! เดี๋ยวจะกินเค้กให้หมดเลย

   เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนก็รวมตัวกันครบ รวมทั้งคนนอกอย่างทิวากาลด้วย

   “จริงใจ!” ลูกหมูแหวเสียงดังเมื่อผมตักผักบล็อกโคลี่ไปใส่จาน ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบ ถึงได้แกล้งไง สนุกดี

   ผมยิ้มเยาะก่อนแลบลิ้นใส่พี่ชายก่อนต้องหน้าบึ้งเพราะทิวากาลดันเสนอหน้าตักบล็อกโคลี่ในจานของจันทร์เจ้าไปกินเอง ไอ้หมูกะพริบตาปริบ ๆ แล้วยิ้มกว้าง แก้มกลมขึ้นสีระเรื่อให้ผมได้หมั่นไส้อีกรอบ ผมชำเลืองมองหาทีมงาน แต่ทุกคนกลับมียิ้มอ่อน ๆ ประดับหน้า อยากจะโทรตามพี่ฟ้ากลับมาจริง ๆ ไม่ได้ดั่งใจเลยโว้ย!

   “รู้ด้วยเหรอว่าลูกหมูไม่ชอบบล็อกโคลี่?” คุณแม่ถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าทิวากาล

   “ครับ” คนนั้นตอบสั้น ๆ แม่พยักหน้าเบา ๆ รับแล้วหันไปสบตากับพ่อ

   สื่ออะไรกันครับ บอกผมด้วยสิ

   “คิดถึงพี่ฟ้าจังครับ” ผมบ่นขึ้น ทุกคนมองแล้วส่ายหน้าคล้ายระอา

   “พี่จริงใจไม่มีพวกล่ะสิ” จ๋าจ้าทำหน้าล้อเลียน ผมถลึงตาใส่ก็ไม่สำนึก จำไว้เลยไอ้เปี๊ยก เดี๋ยวพาซิ่งมอเตอร์ไซค์

   กว่าการทานอาหารมื้อนี้จะจบลงก็เล่นเอาผมแทบหมดอากาศหายใจ และเมื่อทานอาหารทั้งคาวและหวานเรียบร้อยแล้วก็ย้ายมาในห้องนั่งเล่น ผมอยากหนีขึ้นห้องชะมัด แต่ตามมารยาทแล้วก็ควรอยู่ต้อนรับแขกในฐานะเจ้าบ้านที่ดี แต่ไม่อยากเป็นคนดีแล้วว่ะ คิดถึงพี่ฟ้า!!!

   พ่อแม่กับคุณตาคุณยายถามทิวากาลคำถามพวกเบสิกอะไรไปเรื่อย ผมไม่ค่อยสนใจจะฟังหรอก ไม่จำเป็นสักหน่อย และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อคุณจอมจิตตรีบอกจะคุยกับทิวากาลเป็นการส่วนตัว ผมลุกออกไปคนแรกไม่รอให้แม่พูดซ้ำ จ๋าจ้าวิ่งมาเกาะแขนแล้วตามมาด้วย ผมเกือบสะบัดทิ้งไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเป็นน้องเลยไม่ได้ทำอะไร มีแต่จันทร์เจ้าที่งอแงจะอยู่ด้วยนั่นแหละ



   “พี่จริงใจว่าคุณพ่อกับคุณแม่คุยอะไรกับพี่กาลเหรอคะ?”

   “ไม่รู้” ผมตอบเสียงเรียบ ทิ้งไอ้เปี๊ยกไปนั่งหย่อนขาริมสระว่ายน้ำ จ๋าจ้าบ่นไปเรื่อยแต่ผมก็ไม่สนใจ จากนั้นระหว่างผมกับน้องก็ไม่ใครพูดอะไรขึ้นมา ต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ สังคมก้มหน้าที่แท้จริง

   “เจเจจจจจจจจจ~” เงยหน้าจากโทรศัพท์ไปมองเจ้าของเสียง พอเห็นว่าเป็นใครผมก็ก้มหน้าเล่นเกมตามเดิม

   “พี่จันทร์เจ้าไปไหนมาคะ?”

   “คุณตาใช้ไปนวดน่ะสิ!” ผมโน้มตัวไปข้างหน้าเมื่อเจ้าของเสียงเข้านั่งหันหลังชนกัน แถมยังเอนตัวทิ้งน้ำหนักใส่ผมอีก ถ้าผมลุกออกนี่หงายลงสระเลยนะ

   ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว...

   “ไรอ่ะ?”

   “กังวลนิดหน่อยอ่ะจริงใจ แง” ผมเอนศีรษะไปด้านหลังเพื่อโขกกับศีรษะของจันทร์เจ้า

   “คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ทำอะไรพี่กาลหรอกค่ะ” เสียงจ๋าจ้าดังมา ตามด้วยเสียงถอนหายใจของจันทร์เจ้า

   “ลุกออกไปดิ๊” ผมบอก ไอ้หมูขยับไปผมจึงลุกขึ้นยืน เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง มองหมูหงอยแล้วกางแขนออก จันทร์เจ้าอ้าแขนออกพร้อมกับเดินเข้ามา เมื่อจันทร์เจ้าถึงตัว ผมก็รีบเบี่ยงตัวออก นั่นทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวล่วงลงสระว่ายน้ำทันที

   ตู้ม!!!

   ผมกดยิ้มพอใจที่แผนสำเร็จ สายตามองไปเห็นคนมาใหม่ที่วิ่งหน้าตื่นมา จ๋าจ้าดึงเอาไว้ก่อนที่คนนั้นจะกระโดดลงสระและผมก็กางแขนกันไว้เช่นกัน ไอ้หมูโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะตะโกนว่าผมที่จงใจแกล้งให้ตัวเองตกน้ำ ส่วนผมก็หัวเราะพอใจ ไม่มีการช่วยใด ๆ ทั้งนั้น จันทร์เจ้าหัวร้อนไม่นานก็ไปแหวกว่ายสนุกสนานอยู่ในสระ ผิดกับทิวากาลที่ยังค่อนข้างตกใจและงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

   “เล่นอะไรกัน” เขาถาม

   “จริงใจแกล้งเรา” คนในสระตะโกนขึ้นมา

   “ขี้ฟ้อง!”

   “ก็ทิวาถาม พี่ไม่ได้ฟ้อง!” จันทร์เจ้าแหวใส่พร้อมกับวักน้ำใส่ผม แต่ขอโทษผมหลบทันครับ ระดับบุญต่างกันก็งี้อ่ะนะ

   “ขึ้นมาได้แล้ว” คนของพี่บอก ผมได้แต่กลอกตาทำหน้าเซ็ง เซ็งคูณสองไปอีกเมื่อโดนไอ้เปี๊ยกตีแขน

   “จริงใจช่วยพี่หน่อย” ลูกหมูลอยเข้ามาเกาะขอบสระ ยื่นมือข้างหนึ่งมาให้ผมพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ เป็นเชิงออดอ้อน

   ผมหรี่ตามองก่อนแสยะยิ้มแล้วตอบกลับไปอย่างเย็นชา “ไม่”

   “เจ้าเด็กปีศาจ ไม่มีน้ำใจ!”

   “ถ้าพี่บริสุทธิ์ใจเค้าก็จะช่วยนะ เรียกไปนี่จะดึงเค้าลงน้ำล่ะสิ นู่น บันไดก็มี ไม่งั้นก็กระโดดขึ้นมา” ไอ้หมูหน้ามุ่ยที่โดนรู้ทันก่อนจะปีนขึ้นจากสระโดยไม่ใช้บันได พอขึ้นจากน้ำได้ก็เข้ามากอดผมทั้งที่ตัวเปียก ดุนศีรษะสะบัดไปมาจนหยดน้ำที่เกาะอยู่กระเด็นไปทั่ว ยิ่งผมโวยวายจันทร์เจ้าก็กอดแน่นขึ้น โดยมีจ๋าจ้านั่งหัวเราะอยู่ และทิวากาลที่ส่ายหน้าอ่อนใจ

   เหี้ยเอ๊ย! เปียกเลยเนี่ย!

   “ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้แล้วเตี้ย”

   “แหงะ” เมื่อจันทร์เจ้าปล่อยแขนออก ผมก็ดันหน้าผากพี่ชายให้หงายเงิบ จันทร์เจ้าเหมือนจะเข้ามาเอาคืน แต่มองไปเห็นสายตาคนของตัวเองก็ยิ้มเจื่อน คว้าแขนจ๋าจ้าแล้ววิ่งเข้าบ้านไป

   แล้วทิ้งผมไว้กับทิวากาลสองคนแบบนี้ก็ได้เหรอ?

   ผมหมุนตัวหันหลังให้ทิวากาลแต่ไม่ได้เดินหนีไปไหน มือหนาล้วงกระเป๋าไว้หนึ่งข้างและอีกข้างล้วงเอาโทรศัพท์มือถือมากดเล่น ความจริงแล้วผมไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดคนของพี่เลยนะ แต่ไม่อยากคุยด้วย มันทำตัวไม่ถูก เขาคือคนที่จะมาแย่งพี่ผมไปไง แล้วแม่ง... ดูจากหนังหน้าแล้วเจ้าชู้แน่ ๆ อ่ะ นั่นเลยทำให้ผมไม่ถูกชะตากับเขาสักเท่าไหร่ ใครก็อยากให้คนที่เราห่วงเจอกับคนที่ดีป่ะวะ

   ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อย เจอเข้ากับรูปตัวหอมพอดี เพิ่งอัพโหลดไปไม่นานด้วย

   “ชอบเหรอ?”

   “อะไร?”

   “คนในรูปนั่นไง”

   “ก็แย่ละ” ผมพึมพำ ขมวดคิ้วมองคนของพี่และเบี่ยงโทรศัพท์หลบ รู้สึกเกลียดยิ้มบนหน้าหล่อ ๆ นั่นเฉยเลย ยิ้มเหมือนรู้ทัน ยิ้มเหมือนเหนือกว่า ทำไม อยู่ดอยอินทนนท์หรือไง

   “แต่ภัคไม่ชอบคนอายุน้อยกว่านี่”

   ผมชะงักขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม จ้องหน้าทิวากาลนิ่ง ทำไมผู้ชายคนนี้รู้จักตัวหอมของผม แล้วทำไมรู้ว่าตัวหอมไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า หรือว่าเขากับตัวหอมจะมีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกัน ก็เหี้ยละ ต้องไม่ใช่แบบนี้ดิ

   “คิดอะไรไปถึงไหน ภัคเป็นเพื่อนกับน้องสาวพี่เลยรู้จักกัน นายน่ะ ชอบเหรอ?”

   “ไม่ได้ถามสักหน่อย” ผมจิปาก มองหน้าคนของพี่ตรง ๆ

   “สีหน้าออกขนาดนั้นคงคิดอะไรดี ๆ หรอกนะ”

   “ว่าผมเหรอ?”

   “เปล่า” เขาไหวไหล่ “จันทร์เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเรามีคนที่ชอบแล้วเนี่ย?”

   “ไม่” พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง การบอกไปแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการยอมรับน่ะสิว่าชอบตัวหอม “คุณมั่วหรือเปล่า รู้จักณภัคจริง ๆ เหรอ”

   “ให้โทรหาไหมล่ะ?” ผมมองนิ่ง ไม่ตอบ แต่การเงียบก็ถือว่าเป็นคำตอบให้ทิวากาล เขาเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วกดโทรออกไปยังบุคคลที่สามซึ่งเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้โดยไม่ลืมเปิดสปีกเกอร์ด้วย

   “เฮลโล”

   (“พี่กาลลลลล โทรหาภัคทำไม คิดถึงเหรอ?”) ผมหน้าบึ้ง เชื่อแล้วแหละว่ารู้จักจริง ๆ และหงุดหงิดมากที่ตัวหอมตอบรับเสียงร่าเริงมากขนาดนั้น ไม่เห็นเหมือนเวลาคุยกับผม เอาแต่ทำเสียงรำคาญใส่ แม่ง...

   “อือ คิดถึง”

   (“อย่ามาพูดแบบนี้พี่กาล ถ้าภัคหวั่นไหวขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”)

   หวั่นไหวก็เหี้ยละ... ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม ความหงุดหงิดเริ่มแล่นไปตัวร่างกาย ทำไมวะ ทำไมไม่เห็นเคยพูดกับผมแบบนี้เลย แถมยังบอกให้ผมเลิกชอบอีก เพราะผมอายุน้อยกว่าเหรอ? ตรรกะเหี้ยเกินไปละ

   “มีแฟนแล้วจะมาหวั่นไหวอะไรกับพี่”

   (“มีแฟนที่ไหน ไม่มี!”)

   “อ้าวเหรอ” คนของพี่ว่ากลั้วหัวเราะและชำเลืองมองผมที่อยู่ด้วย ผมจ้องมองเพียงแค่โทรศัพท์ในมือเขาเท่านั้น อยากรู้ว่าตัวหอมจะพูดอะไรอีก

   (“ใช่น่ะสิ! เบื่อแล้ว ขี้เกียจ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ภัคไม่โอเคคคคคคคค”)

   เสียงโคตรงอแง ให้ทายตอนนี้เขาต้องกำลังหน้าบึ้ง

   “ไม่ลองเปลี่ยนแนวดูล่ะ คบเด็กงี้”

   (“ฮอลลลล ภัคไม่อยากมีลูกนะครับพี่กาล!”)

   “พี่ไม่ได้หมายถึงเด็กประถมนะภัค อ่า... เด็กอายุสิบเจ็ดก็น่าจะเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายนะ หึหึ” ผมชะงัก เหลือบมองหน้าคนพูด ริมฝีหยักเม้มเข้าหากัน ชัดเลยว่าเด็กอายุสิบเจ็ดที่คนของพี่พูดถึงน่ะคือผมเอง เหี้ยเหอะ ชงขนาดนี้บ้านเปิดร้านกาแฟหรอ

   (“เด็กผีน่ะสิ!”) ตัวหอมแหว (“ไม่คุยกับพี่กาลละ!”)

   “โอเค แค่นี้แหละ พี่โทรไปกวนเฉย ๆ”

   (“บ๊ายบายครับ”)

   จากนั้นสัญญาก็ถูกตัดไปโดยทิวากาล เขาสบตากับผมพร้อมยิ้มมุมปาก

   เกลียดว่ะ

   “เชื่อหรือยัง?”

   “อือ” ผมขานรับในลำคอ “สนิทกันมากหรือเปล่า?”

   “อะไรสนิทกันเหรอ”

   ผมกลอกตา “คุณกับณภัค”

   “เรียกพี่ก็ได้นะ”

   “ก็แย่ละ ตอบ ๆ มาเหอะ”

   “หึ สนิทระดับหนึ่ง”

   “ระดับหนึ่งนี่มันขนาดไหนเล่า!” ทิวากาลยักไหล่ ไม่ตอบ “ผมจะบอกไอ้หมูว่าพี่นอกใจมัน!”

   ทิวากาลหัวเราะลั่น น่าหงุดหงิดจังเลยวะ แล้วทำไมผมถึงไปเรียกเขาพี่แบบนั้น เสียภาพลักษณ์หมด

   “พี่กับภัคเป็นแค่พี่น้อง ไม่ต้องห่วงน่า” ผมยังคงหน้าบึ้งไม่หาย แม้เขาจะบอกแบบนั้น “ชอบภัคจริง ๆ เหรอ”

   “อือ”

   “ณภัคน่ะ เห็นหยิ่ง ๆ ไม่สนใจใครแบบนั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นหรอก เอาใจเยอะ ๆ ใจดีกับเขาหน่อย ไม่นานก็ใจอ่อนเองแหละ”

   “เขาไม่ชอบเด็ก”

   “ใช่ เพราะภัคต้องการคนที่สามารถดูแลภัคได้ เลยคบแต่คนอายุมากกว่า”

   “มันก็ไม่เสมอไปป่ะวะ” ผมบ่นตัวเอง “เขามีปมเหรอ?”

   “จะว่าแบบนั้นก็ได้ พี่ไม่บอกนะ อยากรู้ก็ไปถามภัคเอง”

   “พี่รู้เหรอ?” ทิวากาลพยักหน้า “บอกผมไม่ได้เหรอ?”

   “บอกได้ แต่ภัคคงไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทางที่ดีนายควรให้เขาบอกด้วยตัวเองดีกว่า”

   “ก็แย่ละ”

   “รู้จักกับภัคได้ยังไง นานหรือยัง?”

   ผมเงียบไปพักหนึ่ง สบตากับทิวากาลแล้วแสยะยิ้ม “ไม่บอก”

   คนของพี่กลอกตาขึ้นฟ้า ขณะที่ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เอาไงดีวะ คนของพี่รู้จักกับตัวหอมแบบนี้ เกิดเขาเอาเรื่องตัวหอมมาขู่ผมก็แย่ดิ

   ฉิบหายละ เอาไงดีวะ

   ผมต้องหาตัวช่วย

   วิ่งขึ้นไปบนห้องตัวเอง กระโดดไปนอนคว่ำบนเตียงและเอาโทรศัพท์ออกมา เข้าโปรแกรมสนทนาเลื่อนหารายชื่ออยู่พักหนึ่งแล้วจึงพิมพ์ข้อความส่งไป

   21:46 J9 : สวัสดีครับ
   21:46 J9 : พี่พีทว่างหรือเปล่า?
   22:20 phiit : Hi
   22:22 phiit : เพิ่งเห็นข้อความ มีอะไรคะสุดหล่อ
   22:22  phiit : คิดถึงพี่เหรอ

   ผมสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์มีเสียงแจ้งเตือน เห็นข้อความแล้วถอนหายใจเบา ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่พีทผมบล็อกไปละ

   22:22 J9 : *สติ๊กเกอร์ทำหน้านิ่ง*
   22:23  phiit : ล้อเล่นไม่ได้เหรอ
   22:23  phiit : จะถามหาอีภัคถูกมะ
   22:24 J9 : ครับ
   22:24  phiit : *สติ๊กเกอร์มองบน*
   22:24 phiit : ไอดีก็ให้ไปแล้วทำไมไม่คุยเองค้าาาาา
   22:24 J9 : ผมเขิน
   22:25 phiit : ถ้าไม่ติดว่าหล่อ
   22:25 phiit : พี่จะด่าหนูว่าตอแหลค่ะ
   22:25 J9 : ก็แย่ละ
   22:26 J9 : เข้าเรื่องนะครับ ทำไมเพื่อนพี่ถึงชอบคนอายุมากกว่า?
   22:26 phiit : ถ้าพี่ตอบจะได้อะไร?
   22:26 J9 : ได้ตอบไงครับ บอกผมเหอะ ผมน่าสงสาร
   22:27 phiit : ค่ะ!
   22:27 phiit : มันชอบคนอายุมากกว่าเพราะต้องการคนที่ดูแลมันได้ก็เท่านั้นเอง
   22:28 J9 : แค่เพราะต้องการคนดูแลเหรอ? ตรรกะไรวะ
   22:28phiit : ตอนนี้มันดูแลตัวเองไง เลยอยากมีคนดูแล แล้วรักมันจริง ๆ
   22:28 phiit : ไม่ใช่ว่าคบกันมันเพราะหน้าตามัน หรือเพราะเรื่องเซ็กส์ น้องเข้าใจป่ะ
   22:28 phiit : เออ นั่นแหละ
   22:29 J9 : เขามีเรื่องฝังใจเหรอครับ?
   22:29phiit : จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่พี่ไม่บอกนะ ไม่ต้องถาม
   22:29 J9 : พี่ไม่สงสารผมเหรอ
   22:30 J9 : เพื่อนพี่ไม่มีทางเล่าให้ผมฟังหรอก
   22:30 phiit : นั่นมันเป็นเรื่องที่น้องต้องทำให้เพื่อนพี่เปิดใจเล่าเรื่องของมันให้น้องฟัง
   22:30phiit : สู้นะลูก
   22:30 phiit : อีภัคมันแพ้คนอ่อนโยนและเอาใจ
   22:30  phiit : พี่นอนไปละ เดี๋ยวไม่สวย บรัยยยยย

   ได้แต่มองจอโทรศัพท์มือถือตาปริบ ๆ อยู่ที่ตัวผมเองสินะว่าจะทำให้ตัวหอมเปิดใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังได้หรือเปล่า ถ้าผมทำได้ชีวิตแม่งโคตรจะคอมพลีท เอาเหอะ ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองก็แล้วกัน

   แพ้คนอ่อนโยนใช่ไหม

   แพ้คนเอาใจใส่ใช่ไหม

   ได้ตัวหอม ได้!

   เราได้เจอกันแน่









--------------------------------------
พี่ภัคไม่เลี้ยงเดี๋ยวเราเลี้ยงก็ได้นะจริงใจ /กวักมือ
ทีแรกลังเลว่าจะอัพหรือไม่อัพดี เพราะยังระแวงแอพดูดนิยายเวรนั่นอยู่ ฮือ
ใครที่มีเวลา เข้าไปรีพอร์ตแอพช่วยกันนะคะ -/\-

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้าเนอะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 09-12-2016 20:28:07
สู้ๆจริงใจเท่อยู่แล้วลูก~~

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-12-2016 20:36:03
สู้ๆนะจริงใจ งานช้างชัดๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 09-12-2016 21:15:34
ตลกจริงใจ
ขำความหมั่นหน้าของจริงใจ
สู้เขานะลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-12-2016 22:07:21
จริงใจสู้ๆ เดี๋ยวภัคก็ใจอ่อน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-12-2016 22:41:48
อ่อนโยน จริงใจ...มันดูขัดกับภาพลักษณ์จริงใจก่อนหน้านี้เลยเนอะ ฮาาาาา

จะคอยดูและเอาใจตช่วยนะจริงใจ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-12-2016 23:31:03
ค้างเบรยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 10-12-2016 00:12:47
เอาใจช่วยให้สำเร็จนะจริงใจจะได้ปวดหัวเรื่องพี่หมูน้อย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-12-2016 08:49:45
 :impress2: จริงใจแมนมากรุกแบบแมนๆนี่เน้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 10-12-2016 10:51:09
จริงจ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อะไรจะหล่อ และมีความพยามเบอร์นั้น
ขอสักคน ห่อกลับบ้านได้มั้ยยยยยยย
ภัคใจอ่อนไวๆนะลูก อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2016 11:10:49
จริงใจ ทำได้แน่ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-12-2016 11:56:33
 พี่ว่าจริงใจควรผุกมิตรกับพี่ทิวา  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 11-12-2016 09:46:49
จริงใจสู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-12-2016 20:57:42
จริงใจสู้ๆ เอาชนะใจภัคให้ได้นะลูก ถ้าไม่ได้พี่รับเคลมเอง :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-12-2016 21:51:51
สู้ๆนะจริงใจ!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 13-12-2016 22:26:41
จริงใจน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 9 ผมกับภารกิจที่ต้องพิชิต | 9-12-59 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-12-2016 19:21:42
เอาแล้วๆๆ จิงใจเดินหน้าเต็มกำลังได้เลยย.   :a2:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 14-12-2016 22:20:04
ความที่ 10
ผมกับวันซวย ๆ







   “ไง ไอ้เสือ” ผมยืดตัวตรงพร้อมกับยืนขึ้น วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะแล้วยกมือไหว้คนที่เข้ามาใหม่

   “สวัสดีครับ คุณปู่”

   “ไหว้พระเถอะ เอ้า นั่ง ๆ” ปู่ตบไหล่ผมปุ ๆ แล้วให้นั่งลงข้าง ๆ แม้จะอายุมากแล้ว แต่ปู่ก็ยังแข็งแรง และยังหล่อด้วย

   “ไหนพระครับ?”

   “บ๊ะ! เด็กนี่มันกวนจริงวุ้ย!” ปู่บ่น ขนาดพ่อที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยังหัวเราะขำ

   วันนี้ผมตามพ่อเข้าบริษัทด้วย มาศึกษางานและช่วยงานพ่อไปในตัว ผมที่ปิดเทอมและกำลังว่างจึงไม่ขัดอะไร ได้เงินใช้ด้วยไงประเด็น อีกอย่างผมก็เริ่มศึกษางานตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว ที่บ้านไม่ได้บังคับหรอกครับ พ่อกับแม่ไล่ด้วยซ้ำเวลาผมเข้าไปวอแว ท่านบอกว่าเป็นเด็กก็ควรไปเล่นตามประสาเด็ก อย่าเพิ่งเข้ามาหาเรื่องเครียดใส่ตัว พอมาถึงตอนนี้แล้วซึ้งมาก ทำไมไม่เชื่อพ่อกับแม่วะ

   “อย่าไปคุยกับจริงใจมากเลยครับพ่อ ปวดหัวเปล่า ๆ”

   “นั่นสิ พ่อก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

   “อ้าว” แย่แล้วไง ทำไมเข้ากันดีขนาดนี้ นี่จริงใจไง จักรพรรดิไงครับ จำกันไม่ได้เหรอ? ผมแกล้งทำหน้ามุ่ย ปู่หัวเราะ พ่อเองก็วางปากกาแล้วเดินมานั่งกับเราที่โซฟาชุดใหญ่ในห้องทำงาน

   ก๊อก ก๊อก

   เสียงประตูดังขึ้น ไม่นานคนเคาะก็เดินเข้ามา ผมแอบหันไปเบ้ปาก พ่อที่นั่งข้าง ๆ เห็นก็ขำเล็กน้อย

   “คุณพ่อเข้าบริษัททั้งทีทำไมไม่บอกวิเลยคะ?”

   “ฉันก็โตจนใกล้เข้าโลงแล้ว ไปไหนมาไหนเองได้”

   “แต่วิเป็นห่วงคุณพ่อนะคะ”

   “ขอบใจมากวิ” ปู่ตอบสั้น ๆ ผมหันหน้าไปหาพ่อ ก้มหน้าลงนิดหน่อยแล้วกลอกตา พ่อคงเห็น ถึงได้เขกหัวผมด้วยการบังหน้าว่าลูบหัวแบบนี้ ทำไงได้ ก็คนมันไม่ชอบนี่หว่า

   เจ้าของเสียงแว้ด ๆ นั่นคือคุณป้าวิภา ภรรยาของลุงจอห์น ซึ่งลุงจอห์นเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อผมและลุงเป็นลูกคนโตด้วย ผมไม่ค่อนกินเส้นกับป้าวิภาเท่าไหร่ เพราะท่านต่างหากที่ชอบตั้งแง่กับเรา หาว่าเราจะมาแย่งสมบัติบ้างล่ะ ทำดีประจบเอาหน้าบ้างล่ะ น่ารำคาญ ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเอง ตระกูลอัศวโยธินทร์ถือว่าเป็นตระกูลดังนะครับ เราก็รวยมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้วป่ะ ไม่ใช่เพิ่งรวย พูดไปแล้วเดี๋ยวคนเขาจะหมั่นไส้เอา

   ทุกวันนี้บางทียังมีความรู้สึกว่าอยากเอาเงินมาพับเรือเล่นแล้วปล่อยให้ลอยไปสายน้ำเลย ก็แย่ละ หมายถึงว่า ทางนี้ก็มีพอแล้ว มากเกินไปด้วยซ้ำ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปแย่งสมบัติอะไรเลย มันไร้สาระ นี่ปีอะไรแล้ว การแย่งสมบัติมันควรจะหายไปได้แล้วหรือเปล่า และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราสามคนใช้นามสกุล อัศวโยธินทร์ หรือนามสกุลแม่ แทนที่จะใช้นามสกุลพ่อ นั่นก็คือ ฉัตรบดินทร์รัตน์

   ผมว่าก็ดี ไม่วุ่นวาย ขนาดไม่ได้ใช้นามสกุลฝั่งคุณปู่ยังถูกจิกขนาดนี้ ถ้าใช้แล้วจะขนาดไหน ไม่รู้ป้าวิภาจะอกแตกตายเลยหรือเปล่า ผมว่าแม่ฉลาดและวิเคราะห์ไว้ได้ดีมากเลย

   “อุ๊ย หลานมาด้วยเหรอ? ไม่สวัสดีป้าหน่อยหรือจ๊ะ เด็กสมัยนี้ไร้มารยาทเสียจริง”

   นั่นไง เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าน่ารำคาญ

   “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ ป้าวิภารับไหว้ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ผมกดยิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ “เห็นว่าคุณป้าวิภากำลังคุยกับคุณปู่อยู่ ผมจึงไม่ขัดให้เสียมารยาทน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยหากทำให้คนสมัยคุณป้าไม่พอใจ”

   “จริงใจ” พ่อปรามเสียงเข้ม ป้าวิภาจิกตาใส่แทบถลน คงอยากกรี๊ดเต็มทน

   “โจเลี้ยงลูกยังไงถึงได้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้”

   “ผมก็เลี้ยงตามปกติแหละครับพี่วิ จริงใจเป็นเด็กซื่อตรงเขาก็พูดไปตามที่คิด แถมยังเป็นเด็กผู้ชาย คำพูดจึงแข็งกระด้างแบบนี้ เพราะเขาประจบประแจงไม่เป็น”

   แทบลุกขึ้นยืนปรบมือ นอกจากน้าเจ้าแล้วก็พ่อนี่แหละครับที่ผมจัดให้เป็นไอดอลบนหิ้ง โคตรคูล

   ป้าวิภาฟึดฟัด แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ปู่ก็รับรู้ถึงสงครามเล็ก ๆ นี้ ท่านถอนหายใจเบา ๆ ผมยิ้มเผล่ ไม่ได้สำนึกอะไรหรอก

   “เจ้าจอห์นไปไหนล่ะวิ? ไม่มาด้วยกันรึ?”

   “คุณจอห์นคุยงานอยู่ค่ะ วิทราบจากเลขาว่าคุณพ่อมา จึงรีบมาหาก่อน นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว คุณพ่อหิวหรือยังคะ วิมีร้านอาหารดีต่อสุขภาพแนะนำค่ะ”

   “เอาสิ ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”

   “ค่ะ” ป้าวิดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็รับคำของคุณปู่

   “วิภากลับไปช่วยเจ้าจอห์นทำงานก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเดินดูบริษัทสักหน่อย จริงใจไปกับปู่ไหม?”

   “จริงใจยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ วิไปด้วยดีกว่านะคะคุณพ่อ”

   “ผมขอไปทำงานก่อนแล้วกัน ให้จริงใจอยู่ศึกษางานกับผมดีกว่า ตอนเที่ยงเจอกันครับพ่อ” พ่อผมพูดแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งมีป้ายบ่งบอกชัดเจนว่าตำแหน่งนั้นคือ ‘ประธานบริษัท’

   “เอางั้นเหรอ อืม ๆ ก็ได้” คุณปู่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะออกจากห้องทำงานของพ่อผมไป ส่วนป้าวิภา ท่านหันมองจิกพวกเรานิดหน่อย แล้วสะบัดหน้าออกไปเช่นกัน

   ผมกับพ่อมองหน้ากัน พ่อไหวไหล่ แล้วก้มทำงานของตัวเอง ผมกลับไปนั่งลงที่เดิม มองแฟ้มเอกสารกับโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกันแล้วชั่งใจว่าจะหยิบอะไรดี...

   “แฟ้มไง ลังเลอะไรคุณ”

   “ก็แย่ละ...” จำใจปัดโทรศัพท์มือถือออกไปแล้วคว้าแฟ้มเล่มหนามาเปิดอ่าน “พ่อครับ... อยากกลับบ้าน”

   “หึหึ อย่างอแงครับ”

   ก็นะ เบื้องบนพูดมาขนาดนี้แล้ว ทำไมโลกถึงได้โหดร้ายกับผู้ชายอายุสิบเจ็ดปีอย่างผมนัก




   “สวัสดีครับคุณลุง”

   “สวัสดีครับ” ลุงจอห์นรับไหว้พร้อมยิ้มใจดีมาให้ ผิดกับภรรยาอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมลุงจอห์นถึงได้ไปตกลงปลงใจกับป้าวิภาได้ แต่ก็นะ พวกเขาคงรักกัน ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผม

   เมื่อทุกคนมาครบแล้ว จึงเดินทางไปร้านอาหารที่ป้าวิภาแนะนำด้วยรถตู้หนึ่งคัน ผมกับพ่อนั่งเบาะคู่แถวหน้า ส่วนแถวถัดไปนั้นคือป้าวิภา ลุงจอห์นและคุณปู่ กว่าจะผ่านการจราจรมาถึงร้านอาหารได้ก็เล่นเอากระเพาะแทบย่อยตัวเอง ทีแรกกะจะชวนแม่มาทานด้วยกัน แต่จากระยะทางแล้วคงต้องเปลี่ยนจากมื้อเที่ยงเป็นมื้อเย็นแทน

   พ่อกับแม่ไม่ได้ทำงานที่เดียวกันครับ อัศวโยธินทร์ก็มีธุรกิจเป็นของตัวเอง แม่ผมจึงเข้าไปบริหารตรงนั้นและตอนนี้ก็มีน้าเจ้าคอยช่วยอยู่ด้วย ฉัตรบดินทร์รัตน์ก็มีธุรกิจของตัวเอง และพ่อผมก็เป็นคนบริหารอยู่ ตามหลักการแล้วตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของลูกคนโตใช่ไหมครับ มันมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้พ่อผมต้องมารับตำแหน่งนี้แทนลุงจอห์น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ป้าวิภาเกลียดเราด้วย


   ผมเปิดประตูรถเองก่อนที่คนรถจะมาเปิดให้ และลงไปเป็นคนแรก อากาศข้างนอกร้อนมากจนนึกหงุดหงิดขึ้นมา ออกมาโดนแดดไม่นานเหงื่อก็ออก ทุกคนเข้าไปในร้านก่อนแล้ว ผมกับพ่อเดินรั้งท้าย ท่านส่งเงินหนึ่งพันห้าร้อยบาทมาให้ และผมก็รับมาอย่างรู้งานโดยที่พ่อไม่ต้องบอกอะไร เดินกลับมาที่รถ เคาะกระจกฝั่งคนขับ ลุงคนรถลดกระจกลงมา หน้าตาดูตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก

   “มีอะไรหรือครับ คุณจริงใจ?” ลุงถามพร้อมกับเปิดประตูออกมายืนนอกรถ

   ผมส่งเงินที่พ่อให้มาให้ลุง “พ่อฝากมาครับ ให้ลุงไปหาอะไรทาน”

   “โอ๊ย ไม่เป็นไรครับคุณ ลุงไม่หิว ค่อยกลับไปกินก็ได้”

   “เที่ยงแล้วครับ รับไปเถอะ กว่าเราจะทานเสร็จก็อีกนาน กลับไปลุงก็ต้องทำงาน ไม่มีเวลาทานหรอก”

   “โธ่... ผมเกรงใจจริง ๆ ครับ”

   “อย่ากังวลเลยครับ แถวนี้มีร้านอาหารหลายอย่าง ลุงอยากทานอะไรก็ทานเลยนะ” ยัดเงินในมือใส่กระเป๋าเสื้อให้ลุง เพราะถ้ารอให้ลุงหยิบเอาเองคงต้องใช้เวลากล่อมนาน

   “มันเยอะนะครับ ตั้งพันห้าเชียว”

   ผมถอนหายใจ เสียงเริ่มเข้มขึ้น “ลุงครับ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องกังวลนะครับ สิ่งที่ลุงต้องทำตอนนี้คือทานข้าวเที่ยง ส่วนเงินนั่น ถ้าว่ามันเยอะ ก็เก็บไว้ซื้อของอร่อยไปฝากลูกลุงก็ได้นี่ครับ ผมหิวแล้วนะ ถ้าลุงยังไม่ไปทานข้าวผมก็ไม่ได้ทานอ่ะ”

   ลุงทำหน้าลำบากใจ ผมก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอก มันจำเป็น

   “ขอบคุณครับคุณจริงใจ ขอบคุณครับ”

   “เฮ้ย! ไม่ต้องไหว้ครับ เดี๋ยวผมอายุสั้นกันพอดี”

   “คุณจริงใจกับท่านประธานเมตตาลุงมากจริง ๆ ขอบคุณมากครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวทานเสร็จแล้วผมโทรไปนะ”

   “ครับ คุณจริงใจ”

   บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร.... ยังจะให้บอกอีกเหรอ? ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่กินข้าวอย่างเดียว ผู้ใหญ่เขาก็คุยเรื่องงานกัน ผมคุยบ้างเวลาถูกถาม แต่เสียงส่วนใหญ่จะมาจากป้าวิภามากกว่า ผมทานอิ่มไปแล้ว แต่ยังต้องนั่งอยู่ก่อนตามมารยาท พ่อคงรู้ จากการขยับตัวยุกยิกของผม ถึงได้ไล่ให้ออกมาข้างนอก

   เลือกร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามเป็นที่นั่งรอผู้ใหญ่ สั่งเครื่องดื่มมาหนึ่งแก้วกับขนมหวานอีกสองอย่าง รสสัมผัสของเนื้อเค้กนุ่ม ๆ ทำเอานึกถึงจันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าขึ้นมา แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าซื้อไปคงไม่ถึงมือสองคนนั้น เพราะผมจะจัดการก่อน มันก็ไม่ได้อร่อยมากหรอกครับ แต่ก็อร่อยนั่นแหละ ถูกปากก็กินได้

   ระหว่างทานก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย ผมกลายเป็นคนติดโทรศัพท์จริง ๆ ก่อนหน้านั้นจะเล่นหรือไม่เล่นก็ได้ แต่ตอนนี้ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพราะตัวหอมคนเดียว จะว่าไปตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วผมก็ยังไม่ได้เจอเขาอีก ไม่มีข้ออ้างไปเจอครับ และผมก็ไม่รู้จะไปทำไม รู้แต่อยากเจอ นั่นเลยทำให้ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรมาก ผมมีโซเชียลของเขาทุกอย่างก็จริง แต่ผมไม่ใช่ไฟลัมที่จะทักไปก่อน มันเก้อ ๆ ป่ะวะ เกิดเขาไม่ตอบหรือบล็อกไปเลยนี่หมาเลยนะ

   แต่คนที่ผมคุยด้วยจะเป็นเพื่อนเขามากกว่า พี่พีทนั่นแหละ พี่เขาน่ารักนะครับ แทะโลมผมบ้างแต่ก็ช่วยส่งข่าวตัวหอมให้ แต่การที่บอกว่ามีใครมาจีบตัวหอมอยู่บ้างนี่มันใช่เรื่องไหม แต่ที่บันเทิงสุดก็น่าจะเป็นคนที่ชื่อพี่เก่ง พี่แม่งฮา ผมบังเอิญเจอครั้งหนึ่ง วันสองวันก่อนนี่เองมั้งครับ ดูไม่มีพิษมีภัยดี และตอนนี้ผมก็ทำให้เขากลายเป็นคนส่งข่าวผมเรียบร้อย...

   ณภ. @pkaknp 2h
   แฟน?

   หือ? อะไรวะ กดเข้าไปในโปรไฟล์ แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรที่ขยายคำว่าแฟนที่เขาโพสต์เลย เชี่ย! อยากรู้เลยเนี่ย เกิดอะไรขึ้นวะ

   ณภ. @phaknp 2h
   ทำไมโมโห

   ณภ. @phaknp 58m
   อีเหี้ย งง

   ณภ. @phaknp 55m
   ช่างแม่ง

   เดี๋ยว เพ้ออะไรเนี่ย! เขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน ช่างแม่งละกัน พ่อโทรตามพอดี เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ไว้ค่อยวอแวก็ได้วะ ไม่ถามจ้าตัวเองก็ถามเพื่อนเขาก็ได้

   กลับมาบริษัทอีกครั้ง มองพ่ออย่างเว้าวอน แต่คุณจิรภาสกลับแค่ปรายตามองและแสยะยิ้มเท่านั้น เท่านั้นไม่พอ โยนแฟ้มใส่หน้าผมอีก ทำไมโลกถึงได้โหดร้ายนัก ที่เขาบอกว่ามนุษย์โหดร้ายก็เป็นเรื่องจริงสินะ ผมเชื่อแล้ว เอกสารที่มีแต่ตัวเลขทำเอาผมปวดหัวตุบ ๆ เฮ้อ... น่าเบื่อ ถ้าไม่ติดว่าได้เงินก็ไม่ทำหรอกนะ

   ครืด ครืด

   เหลือบมองโทรศัพท์สลับกับมองหน้าท่านประธาน พ่อไม่ได้สนใจอะไร ผมจึงยื่นมือไปคว้ามา

   [feb.no.9]: phaknp just posted a photo.

   phaknp สนุกเหรอ

   เป็นรูปภาพที่ตัวหอมทำหน้าบึ้งและมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเขา คนนั้นวางคางบนหัวตัวหอม หลับตาลงหนึ่งข้างและยิ้มกว้าง

   ผมหน้าบึ้ง กลอกตาไปมา ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มก่อนจะกด report แล้วโยนมือถือทิ้งไป ผมกดรีพอร์ตเขามากกว่ากดถูกใจอีกมั้ง ก็ไม่ชอบ ถึงแม้คนที่เขาถ่ายด้วยจะเป็นเพื่อนเขาก็เถอะ ทำไมต้องถ่ายกับผู้ชาย ทำไมต้องทำหน้ายั่ว ทำไมต้องชอบโชว์เนื้อหนัง ผิวขาว ๆ ให้คนอื่นเห็น ผมโคตรหงุดหงิดเลย หวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ โวยวายก็ไม่ได้ สักวันจะเส้นเลือดในสมองแตกไม่ก็อกแตกตาย

   “คุณจักรพรรดิครับ”

   “ครับ ท่านประธาน”

   “ทำงานครับ”

   “หมดเวลางานแล้วนะครับท่านประธาน”

   “คุณทำงานเสร็จหรือยัง?”

   “ยังครับ”

   “ครับ ในเมื่อทำงานไม่เสร็จคุณก็ยังกลับไม่ได้ หรืออยากเอากลับไปทำที่บ้าน?”

   “ไม่ครับ”

   “งั้นก็ทำงานไปครับ ผมจะพักสักหน่อย”

   อ้าว ไหงงั้นล่ะคุณพ่อ ได้แต่แย้งอยู่ในใจ สิ่งที่พูดออกไปคือ...

   “ครับ...” รับคำเสียงอ่อย ก้มหน้าไปทำงาน




   ผมตรวจเอกสารที่พ่อให้มาไปเรื่อย ๆ คิ้วก็ขมวดเรื่อย ๆ เช่นกัน ความผิดปกตินั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ก่อนจะถือแฟ้มนั้นลุกไปหา

   “พ่อครับ ผมว่าตรงนี้มันแปลก ๆ”

   “หืม? ตรงไหนครับ?”

   “นี่ไง ตัวเลขจากตรงนี้กับตรงนี้ไม่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่รายการเหมือนกัน ตัวเลขมันไม่น่าต่างกันมากขนาดนี้ไม่ใช่เหรอครับ?” ผมใช้ปลายดินสอชี้ขณะอธิบาย สบตากับพ่อ ท่านขมวดคิ้วเป็นปม ผมส่งแฟ้มเอกสารนั้นไปให้พ่อดู

   “จริงด้วยแฮะ จากฝ่ายบัญชีใช่ไหม?”

   “ครับ”

   “อืม เก่งมากจริงใจ” พ่อตบไหล่ผมและยิ้มให้อย่างชื่นชม ผมควรดีใจไหมวะ มันหน่วงแปลก ๆ

   “มีคนยักยอกเงินบริษัทเหรอครับ? ถ้าเขาทำ ทำไมถึงได้ทิ้งหลักฐานไว้แบบนี้ล่ะ?”

   “นั่นสิ คงต้องสืบสักพัก”

   “พ่อจะบอกใครไหม?”

   ท่านส่ายหน้า “ไม่ครับ”

   หน้าผมเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “ทำไม?”

   “ถ้าจะหลอกคนอื่นให้ได้ ก็ต้องหลอกคนของเราให้ได้เช่นกัน”

   “อ่า...”

   “จริงใจเอาไปก๊อปปี้ให้พ่อหน่อยครับ” ผมรับเอกสารนั้นมา ในห้องทำงานของพ่อมีเครื่องปริ้นท์และเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ผมจึงไม่จำเป็นต้องออกไปด้านนอก เมื่อจัดการเรียบร้อยก็ส่งคืนให้พ่อ “ขอบคุณครับ จริงใจไปพักเถอะ เดี๋ยวพ่อทำเอง”

   “ผมอยากช่วย”

   “อยากไปเล่นที่ฝ่ายบัญชีไหม?”

   “พ่อจะให้ผมไปสืบเหรอ?” ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งอยากทำและไม่อยากทำไปพร้อม ๆ กันที่ไม่อยากเพราะผมไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย แต่ที่อยากทำก็ไม่เพราะไม่ต้องการให้มีคนทุจริตอยู่ในบริษัท ถ้าปู่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ยังไม่แน่ใจ

   ครืด ครืด ครืด

   เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น แค่ปรายตามองทำเท่านั้น ตอนนี้คืออยากนั่งนิ่ง ๆ แต่ในหัวครุ่นคิดว่าใครแม่งทำเรื่องแบบนี่ จำนวนตัวเลขที่ต่างกันไม่ใช่น้อยเลย แล้วอีกคำถามคือ ทำมานานแค่ไหนแล้ว

   “ไม่ดูโทรศัพท์ล่ะ”

   “ไม่มีอารมณ์ครับ”

   “หึหึ ดูหน่อยสิ เผื่อคนส่งข้อความมาจะมีเรื่องด่วน”

   เรื่องด่วนก็ควรโทรมาสิ ไม่ใช่ส่งข้อความมาแบบนี้ ถึงอย่างนั้นผมก็คว้าโทรศัพท์มาดูอยู่ดี

   17:43 นี่จันทร์เจ้าเอง : จริงจายยยยยยย
   17:43 นี่จันทร์เจ้าเอง : มารับโหน่ยยยยยย
   17:43 นี่จันทร์เจ้าเอง : พี่อยู่คอนโดทิวา~~
   17:43 นี่จันทร์เจ้าเอง : ถึงแล้วโทรมาน้าาาาา
   17:44 นี่จันทร์เจ้าเอง : จุ๊บ ๆ

   “ก็แย่ละ” ผมพึมพำ เงยหน้าไปหาท่านประธานบริษัท “จันทร์เจ้าให้ไปรับครับ”

   “อืม ไปสิ”

   “แล้วเอกสารนั่น...”

   “พ่อจัดการเอง ไปรับพี่เถอะ ขับรถระวังด้วยล่ะ”

   “ก็ได้ครับ ก็ได้....!” รับคำอย่างจำใจ เก็บของของตัวเองใส่กระเป๋าจากนั้นจึงออกไปจากห้องทำงาน ต้องไปรับไอ้หมูอีก จิ๊!

   ยืนอยู่หน้าลิฟต์ ลังเลว่าจะใช้ลิฟต์ผู้บริหารหรือลิฟต์ทั่วไปดี แล้วผมก็เลือกลิฟต์สำหรับพนักงานหรือบุคคลทั่วไปครับ บรรยากาศค่อนข้างวังเวงเพราะเลยเวลาเลิกงานมาแล้ว แต่ยังมีพนังงานประปรายที่ยังนั่งทำงานกันอยู่ สายตาคมเหลือบมองตัวเลขที่แสดงเลื่อนผ่านไป ก่อนมันจะหยุดที่ชั้นชั้นหนึ่ง และมีคนเข้ามา ผมก้าวถอยหลังไปอยู่ที่มุมของกล่องโดยสาร เพื่อให้คนมาใหม่ได้มีพื้นที่

   “อุ๊ย...” พวกเขาดูตกใจที่เห็นผม มองหน้าเพื่อนร่วมงาน ปรึกษากันผ่านสายตาว่าจะเข้ามาหรือเปล่า

   “เชิญครับ” ผมบอกออกไป พวกเขายิ้มเจื่อน ๆ แล้วเดินเข้ามา แต่มีคนหนึ่งที่โทรศัพท์เข้าพอดี

   “พวกแกไปก่อนเลยก็ได้ ผู้จัดการโทรมา”

   “เอ่อ...” เพื่อนที่เขามาก่อนอึกอัก มองหน้าผม สลับกับเพื่อน

   ทำไมต้องเกรงใจผมด้วยวะ แค่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทแค่นั้นเอง ผมไม่เข้าใจมนุษย์เลย

   “รอได้ครับ” บอกพร้อมยกริมฝีปากให้ขยับเป็นรอยยิ้ม

   “เสียเวลาคุณจริงใจหรือเปล่าคะ?”

   “ไม่ครับ”

   คนที่อยู่ในลิฟต์ยิ้มให้ผมอีกที แล้วหันไปคุยกับเพื่อน ผมถึงได้ฟังบทสนทนาระหว่างคนที่ยังไม่เข้ามากับปลายสาย

   “ท่านประธานเหรอคะ? ไม่ทราบค่ะ แต่คุณจริงใจลงมาแล้วค่ะ”

   ผมเลิกคิ้วเมื่อมีชื่อตัวเองอยู่

   “พ่อยังไม่กลับครับ”

   “เอ่อ... คุณจริงใจบอกว่าท่านประธานยังไม่กลับค่ะ ... ค่ะ สวัสดีค่ะ” เธอวางสาย ก้าวเข้ามาในลิฟต์ ถอนหายใจเสียงดัง ซ้ำยังปาดเหงื่อ “ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา”

   “ไม่เป็นไรครับ แล้ว... ผู้จัดการถามถึงท่านประธานทำไมเหรอครับ?”

   “อ๋อ ผู้จัดการบอกว่า เหมือนเอกสารจะติดไปกับเอกสารที่ให้ท่าประธานน่ะค่ะ ก็เลยจะกลับมาเอา แต่ไม่แน่ใจว่าท่านกลับหรือยัง”

   “อ๋อ...” ครางรับคำ ก้มมองป้ายพนักงานที่คล้องคอของพวกเขา “ฝ่ายบัญชีเหรอครับ?”

   “ค่ะ”

   อ่า... ผู้จัดการแผนกถามถึงท่านประธาน เพราะมีเอกสารของเขาติดไป และจะมาเอาคืนใช่ไหม คงไม่ได้หมายถึงเอกสารที่ผมเพิ่งตรวจหรอกนะ... ผมเม้มปาก ไม่นานลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นกราวนด์ ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาพ่อ ไม่กี่วินาทีก็มีข้อความตอบรับกลับมา ผมเก็บมันลง ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับผู้จัดการแผนกบัญชีท่าทางเร่งรีบ คงจะรีบจริง ๆ เพราะไม่ได้มองผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากลิฟต์เลย

   เอาเถอะ ไว้ก่อนแล้วกัน





   ผมยืนพิงรถคุณเกรย์ระหว่างรอจันทร์เจ้าลงมาหลังจากโทรไปบอกว่ามาถึงแล้ว หมวกกันน็อกไม่ได้ถอด เพียงเปิดช่องกระจกขึ้นเท่านั้น ไม่นานคนที่รอก็มา แต่มาพร้อมกับใครอีกคน ผมส่งสายตาให้รู้ว่าอารมณ์ไม่ดี

   “ถึงแล้วโทรมาด้วย”

   “อือ ๆ พี่ก็นอนพักเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”

   “ครับผม!” คนของรับคำพร้อมตะเบะมือเหมือนทหาร และเรียกชื่อต้องห้ามขึ้นมา “ภัค!”

   ก็แย่ละ

   “สวัสดีครับ” ร่างบอบบางเจ้าของชื่อหยุดชะงักและเดินมาหาคนเรียกแทนการเข้าตึก “มีอะ...ไร?” คำสุดท้ายที่เปร่งออกมานั้นแทบไม่ได้ยิน แววตาของตัวหอมดูตกใจเมื่อเห็นว่าผมก็อยู่ด้วย เขามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี ผมยืดตัวตรงทันที คนของพี่แม่งเล่นผมละ จันทร์เจ้าที่ไม่รู้เรื่องก็ทำหน้าโง่อยู่นั่น

   “งั้น... เราไปละนะ”

   “คนนี้ที่มีข่าวกับพี่กาลใช่ป่ะ?” เสียงตัวหอมดังขึ้น ผมชำเลืองมองจันทร์เจ้า ไอ้หมูแสยะยิ้ม ทำให้ผมอยากรู้ว่าข่าวที่ว่านั่นคืออะไร

   “อือ” ทิวากาลตอบรับสั้น ๆ เขาจับมือของจันทร์เจ้าเอาไว้ไม่ปล่อยให้มาหน้าผม ผมกลอกตาขึ้นฟ้า ริมฝีปากเหยียดตรง ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม

   “พี่เรียกภัคไว้ทำไมอะ?”

   “ทักเฉย ๆ อ๋อ รพินทร์อยู่ข้างบน”

   “เหรอ? ยัยนั่นมาทำไม งั้นภัคขอไปห้องพี่นะ”

   “จะไปได้ยังหมู” ผมพูดเสียงห้วน ส่งสายตาไปให้ว่าเบื่อและรำคาญสุด ๆ ทำไมต้องพูดกับคนอื่นเสียงหวานแบบนั้นด้วย แล้วไม่ทักผมสักคำ เราไม่รู้จักกันเหรอ หรือยังไง?

   หงุดหงิดว่ะ

   “อือ ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไอ้หมูปลดมือแฟนออก รับหมวกกันน็อกจากผมไปสวม แหงนหน้าให้เช็กความเรียบร้อยให้ หมุนตัวกลับไปหาคนของตัวเองแล้วโบกมือหยอย ๆ ก่อนจะปืนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถ ยังไม่ทันที่พี่จะตั้งตัวผมก็ออกรถไป

   หงุดหงิดไง มีอะไรล่ะ

   ตอนติดไฟแดง ไอ้หมูสะกิดยิก ๆ บอกว่าหิว แวะทานอะไรก่อนกลับบ้านได้ไหม เพราะกลับบ้านไม่ทันมื้อเย็นอยู่แล้ว อือ หิวเหมือนกัน ผมเลยแวะร้านอาหารร้านหนึ่ง จะได้ถามเรื่องข่าวที่ตัวหอมพูดถึงด้วย

   “เรื่องข่าวที่คนนั้นพูดคืออะไร?”

   “อ๋อ... มีกิ๊กเก่าทิวามาหาเรื่องพี่อ่ะ เขาบอกว่าพี่ไปแย่งแฟนพี่รหัสตัวเอง พี่ซันนี่ไง ที่เคยเล่าให้ฟัง”

   “แล้วแย่งป่ะ?”

   “บ้าหรอ พี่ซันนี่กับทิวาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย พี่ไม่ได้แย่ง พี่ฟางอ่ะมั่ว คือพี่ฟางชอบทิวาไง ชอบมากด้วย ก็เลยมาโวยวายใส่พี่ แถมยังด่าพี่อีก ตอนนั้นนะ องค์ท่านเกือบประทับแล้ว แต่ทิวามาก่อน” ไอ้หมูหยุดเล่า เคี้ยวอาหารแก้มตุ่ย ไม่ได้สนใจเลยว่าคนฟังจะอารมณ์ค้าง ต้องมาหัวร้อนให้พี่ด้วยใช่ไหม?

   “ตอนที่พี่ฟางด่าพี่แรง ๆ นะ ทิวาตบเพี๊ยะเข้านี่” จิ้มแก้มตัวเองประกอบคำพูดและทำหน้าแหยง “หน้าพี่ฟางสะบัดเลย เสียงนี่ดังสนั่น น่ากลัวมาก”

   ผมหงุดหงิดคนของพี่มากที่ปล่อยให้กิ๊กเก่ามาทำร้ายพี่ชายผม แต่พอไอ้หมูเล่าถึงตอนที่คนนั้นตบหน้าคนชื่อฟางอะไรนั่นไป มุมปากของผมก็ยกเป็นรอยยิ้มแสยะโดยไม่รู้ตัว จันทร์เจ้าบอกว่ายิ้มของผมสยองกว่าทิวากาลตบผู้หญิงอีก

   ....ก็แย่ละ



   ทานข้าวกันเสร็จก็ไม่ได้เวลากลับบ้าน แต่วันนี้ไม่รู้เป็นความซวยฉิบหายอะไรนักตั้งแต่เจอป้ามหาภัยจนรู้ว่ามีคนยักยอกเงินบริษัท มาเจอตัวหอมเมินแต่ใช้เสียงสองคุยกับคนของพี่ และยังมารู้ว่าพี่โดนรังแก เหมือนเอาหัวไปจุ่มลาวาภูเขาไฟที่กำลังปะทุ และสุดท้ายนี้คือเจองูเห่าเลื้อยผ่านหน้ารถ.... ผมเบรกเอี๊ยด

   ไอ้หมูด้านหลังกระแทกกับผมโครมใหญ่ อสรพิษร้ายชูคอแผ่แม่เบี้ยมองเรา ผมพยายามนิ่ง ทำใจเย็นและพยายามไม่ขยับตัว จนกระทั่งงูตัวนั้นเลื้อยผ่านไป และกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ครบสามสิบสอง จันทร์เจ้าดูตื่นเต้นมากที่เจองูเห่ากลางทาง ชมว่าเท่ไม่หยุดปากว่างูขยายคอได้

   เท่พ่อม... จะโดนมันฉกอยู่ละ

   หนีความวุ่นวายมาบนห้อง เลื่อนจอโทรศัพท์ไปมา มองรายชื่อผู้ติดต่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทักไปดีไหม ถ้าทักไปจะตอบหรือเปล่า... โอเค ในที่สุดผมก็ส่งข้อความไปจนได้ แต่รออยู่นานก็ไร้การตอบรับ เดาะลิ้น โยนมือถือไปบนเตียงไร้ทิศทางแล้วจึงไปยังที่นั่งประจำนั่นก็คือกลองชุด โดยไม่ทันเห็นว่าโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอคว่ำเพราะถูกโยนนั้นมีแสงสว่างส่องขึ้นมา...



   20:34 J9 : *สติ๊กเกอร์โง่ๆ*
   21:07 naphak : what?











----------------------------
feb.no.9  คือแอคหลุมของเจ้าเด็กปีศาจ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-12-2016 23:10:45
ขนาดว่าจริงใจยังไม่ได้เป็นแฟนนะ อาการออกขนาดนี้แล้ว ถ้าได้ขึ้นชื่อว่าแฟนตัวหอมไม่แย่หรอกหรือเนี่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-12-2016 23:16:36
รู้สึกกรรมตามจริงใจทันมากกกก 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-12-2016 23:17:03
 :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-12-2016 23:29:25
จริงใจเป็นเด็กฉลาด เก่งบัญชีซะด้วย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 14-12-2016 23:33:06
เกลียดการรีพอร์ทของนางจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-12-2016 00:45:22
ถ้าจะขนาดนี้นะจริงใจ 55555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-12-2016 07:21:31
จริงใจเป็นผู้ชายที่เก่ง แต่นิสัยเเสียเยอะแยะเบย 5555  นิสัยลูกคนกลาง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-12-2016 08:27:49
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 15-12-2016 08:57:06
น่ารักอะ เมื่อไหร่จะได้คุยกันจริงๆจังๆซักทีเนี่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-12-2016 12:59:34
เรื่องงานปรึกษาป๋า



เรื่อง ลั้ลลาปรึกษาพี่ฟ้าได้



แต่เรื่องหัวใจ นี่ปรึกษาน้าเจ้าดีที่สุด



เพราะ ขนาด วิถีคนแมนๆ แบบ เพลิงฟ้า  น้าเจ้ายังปราบมาแล้ว



คาดว่า วิทยายุทธ ย่อมเหนือ กว่าผู้ใดทั้งหมด แม้แต่ พี่ทิวาก็ยังไม่สู้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2016 13:11:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2016 16:10:27
เด็กปีศาจ มีความสามารถจริงๆ
ไปบริษัทศึกษาดูงาน
ขนาดอารมณ์ค่อนข้างขุ่นมัว
ยังสามารถตรวจเจอเอกสารที่ตัวเลขไม่ตรงกัน
แสดงว่ามีการยักยอกเงินบริษัท
หวังว่าป้าวิภา จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนะ
อนาคตผู้บริหาร ประธานบริษัทชัดๆ
เห็นด้วยกับลูกหมูที่ว่าจริงใจ ยิ้มร้ายน่าสยอง
ตอนที่ลูกหมูเล่าเรื่องพี่กาล ตบหน้าพี่ฟาง
ก็จริงใจ ห่วงใย รักพี่ชายนี่นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 15-12-2016 17:32:54
วันหัวร้อนๆ ของจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 15-12-2016 22:36:32
จริงใจเป็นเด็กขี้บ่น
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 15-12-2016 22:56:50
ใจเย็นๆนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 16-12-2016 22:08:01
ฮืออออ เมื่อไรจะรักกันนน :ling1:   

รอตอนต่อไปนะคะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 10 ผมกับวันซวย ๆ | 14-12-59 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-12-2016 17:23:09
ฮ่าๆ จริงใจอย่างหัวร้อน   :m20:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 18-12-2016 21:13:44
ความที่ 11
ผมกับแมลงสาบงี่เง่า






   [ณภัค]

   ผมขมวดคิ้วมองข้อความจากเด็กประหลาดที่ส่งสติ๊กเกอร์โง่ ๆ มาหนึ่งตัว ทว่าพอผมตอบกลับไปกลับไม่ได้รับการเปิดอ่านด้วยซ้ำ อะไรของมันวะ ไอ้เด็กเวรนี่ ผมล่ะเกลียดจริง ๆ เจ้าเด็กนั่นเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำให้ผมเสียความเป็นตัวเอง

   ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์กับเด็กนั่นมันเริ่มมายังไง ตั้งแต่วันที่หลงทางแล้วไปเจอเด็กเด๋อนั่นเหรอ แล้วทำไมต้องตามติดผมแจแบบนี้ ผมไม่ชอบเด็ก ผมไล่มันไปไกล ๆ แต่ก็ยังมีเรื่องให้มาเจอกันอยู่ดี หนึ่ง เพื่อนผมชอบหวีดเด็กนั่น สอง ผมต้องตอบแทนที่เด็กนั่นช่วยหาทางกลับบ้าน สาม ผมต้องตอบแทนที่เด็กนั่นช่วยเป็นแฟนอุปโลกน์ตบตาไอ้พี่ภีม ซึ่งมันไม่ได้ผลเท่าไหร่

   ไม่ค่อยเข้าใจ แม้เด็กนั่นจะทำท่าทางเหมือนกับว่าชอบผม แต่เร็วไปหรือเปล่า เจอกันไม่นาน ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอด้วยซ้ำ หรือชอบเพราะรูปลักษณ์ภายนอก?

   “เหม่อไรเมีย” ชำเลืองมองคนพูดพลางคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ คลื่นเดินมานั่งข้าง ๆ ในมือมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ด้วย คลื่นคือหนึ่งในเพื่อนของผม รู้จักกันตั้งแต่มัธยม กับแฝดมันอีกคนชื่อคราม ตอนนี้ป่วนอยู่ในครัวกับพีท คงหาอะไรทานกัน พินทร์ไม่อยู่ นางบอกมีพรีเซนต์งาน แทบจะตายคากองผ้า ทำมาพูด เห็นออกไปนั่นไปนี่บ่อย ๆ จะตายบ้าอะไรกัน

   “เปล่า”

   “เดี๋ยวนี้หัดตอแหลกับกูเหรอ?”

   “เหี้ยไรเนี่ย ออกไป๊!!” ผมแหวไอ้คลื่น กวนตีนชะมัด คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย แต่หงุดหงิดเรื่องอะไรผมก็ไม่อาจทราบเหมือนกัน ราวกับมันสะสมมานานและค่อย ๆ ปริแตก

   “เป็นไรวะ”

   “หงุดหงิดมึง ออกไป”

   “เมนส์ไม่มาไง?” ผมมองคลื่นด้วยหางตา ให้รู้ไปเลยว่าผมไม่เล่น มันยกมือขึ้นสองข้างคล้ายยอมแพ้ แต่การแสดงสีหน้าช่างขัดแย้งกับการกระทำ

   ผมเลิกสนใจคลื่น ก้มหน้ามองโทรศัพท์มือในมือ หมุนเล่นไปมา ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ทำไมยังไม่ตอบ? แล้วไงล่ะ ทำไมผมต้องมาสงสัยอะไรแบบนี้ด้วย ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนลุกขึ้นแล้วไปที่ครัว

   “ไง”

   “ไม่ไง มีอะไรกินบ้าง?” ผมถามคราม แฝดน้องของคลื่น สองคนนี้เป็นแฝดที่เหมือนกันมาก ไม่ว่าจะหน้าตา สีผม สีตา ส่วนสูง หรือรูปร่าง คนอื่นไม่มีทางแยกออก ผมที่สนิทมาก ๆ เป็นเพื่อนกันมานาน ยังแยกไม่ออกบางครั้ง แต่ว่าหากมีใครคนใดคนหนึ่งเปิดปากพูดขึ้นมาเท่านั้นแหละ แยกได้แน่นอน นอกเสียจากว่ามันจะแกล้งเล่นละคร

   “พีทกินหมดแล้ว หิวเหรอ?”

   ตวัดตามองพีท มันลอยหน้าลอยตาไม่แยแส แดกเยอะแล้วมาบ่นอ้วน น่ารำคาญ

   “ไม่หิวอ่ะ แต่ได้กินอะไรก็ดี หนีไอ้คลื่นมา”

   “หึ” ครามหัวเราะในลำคอ ยกยิ้มมุมปากเท่ ๆ ก่อนหมุนตัวไปหาอะไรในตู้เย็น

   ถึงคลื่นกับครามจะเป็นแฝดที่เหมือนกันมาก แต่นิสัยค่อนข้างต่างกัน คลื่นเป็นคนกวน ๆ อารมณ์ดีมากจนน่ารำคาญ ทำตัวน่ารำคาญด้วยบางที พูดจาไม่รู้เรื่อง เพ้อเจ้อไปเรื่อย ปากหมา มารยาทมีแต่ไม่ชอบใช้ ส่วนครามจะนิ่งกว่า กวนบ้างบางที ไม่ได้เป็นคนเย็นชาแต่ไม่ชอบพูดมาก มารยาทและนิสัยดีกว่าพี่เยอะ อะไรที่คลื่นเป็น ถ้าครามจะตรงกันข้ามทันที

   “คุยกับใคร?” ผมถามพีท มันเงยหน้ามาเหยียดยิ้มดูแคลน แล้วจิ้ม ๆ โทรศัพท์ตัวต่อ อีนี่ เดี๋ยวเอาช้อนตีจมูกหัก

   “น้องจริงใจ” ชื่อที่ออกมาทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย จริงใจ? ไอ้เด็กเวรนั่นน่ะเหรอ และเหมือนมันจะคิดว่าผมไม่เชื่อ ถึงได้โชว์ให้ดู และคนที่มันคุยก็ไม่ใช่เด็กนั่นจริง ๆ ดูเหมือนจะกวนประสาทผมมากกว่า

   “ใครคือจริงใจวะ!?” ไอ้เหี้ยคลื่นโผล่เข้ามา แถมยังแย่งสปาเก็ตตี้ที่ครามเพิ่งเอามาให้ผมไปกินหน้าตาเฉย แต่... สปาเก็ตตี้ซอสครีมตอนสามทุ่มครึ่งเหรอ? เอางั้นเหรอคราม

   ตอนนี้เราสี่คนเลยนั่งกันอยู่ที่เคาน์เตอร์ในส่วนครัว ผมมาที่นี่เพราะคลื่นโทรมางอแงใส่ว่าโดนสาวทิ้ง อกหัก เศร้า อยากอยู่กับเพื่อน ร้อยทั้งร้อยคือมันตอแหล แต่ผมก็มานั่นแหละครับ หน้าอย่างมันไปทิ้งเขามากกว่า ทำมาพูดมาโดนทิ้ง หาเรื่องเมาก็ไม่จำเป็นต้องอ้างแบบนี้

   คลื่นโทรมาหลังจากที่ผมแยกกับพินทร์แล้ว ยัยนั่นจึงไม่ได้มาด้วย วันนี้ผมค่อนข้างอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้า เพ้อลงโซเชียลไปหลายโพสต์ เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย เลิกเรียนก็ไม่ได้ไปไหน ตรงกลับคอนโดทันที ทว่าโดนพี่กาลเรียกเอาไว้ก่อน

   เราสองคนพักที่เดียวกันแต่คนละชั้น ผมค่อนข้างตกใจที่เห็นเด็กประหลาดอยู่ด้วย แต่พอเห็นเด็กปีหนึ่งแก้มยุ้ยก็พอเข้าใจอะไรขึ้น งงนิดหน่อย เด็กคนนั้นมีข่าวกับพี่กาลได้ยังไง มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? นั่นแหละ พอพี่กาลบอกว่าเขาเป็นคนของพี่เขาและเป็นพี่น้องกันกับเด็กเวรนั่นผมก็ยังมึนอยู่ เลยไม่ได้พูดอะไรมาก

   ไอ้บ้านั่น ทำราวกับไม่รู้จักกัน แล้วทำมาพูดว่าอยากเจอผม ความย้อนแย้งนั้นมันอะไรกัน แต่นั่นก็ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงได้ตอบคำถามพี่กาลแน่ ๆ

   “กิ๊กอีภัค”

   อีเหี้ย!

   “ฮะ!!? ใครวะ ทำไมกูไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่บอกหรอภัค” คลื่นโวยวาย มีครามกอดอกกดดันอยู่ไม่ไกล

   “ไม่ใช่กิ๊ก อีพีทมันเพ้อไปเรื่อย”

   “แล้วเด็กมันเป็นใคร?”

   “คนที่ช่วยตอนหลงทาง” ผมตอบเสียงเรียบ พยายามรีบตัดบท ทว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด

   “แล้วก็สาระแนไปให้น้องเขาหลอกเป็นแฟน” เพราะพีทมันสุมไฟมานี่ไง

   “เจ้าของแขนในรูป?” ผมกลอกตา ครามฉลาดมาก แค่นิดเดียวก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว และการกระทำของผมดูเหมือนจะเป็นคำตอบให้คราม

   “อ๋อ แดกเด็กตั้งแต่เมื่อไหร่วะเมีย มึงชอบคนอายุมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่ไง กูกับเด็กนั่นไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แค่เลี้ยงข้าวขอบคุณที่ช่วย”

   “ไม่บอกล่ะว่าโดนเด็กมันจีบ”

   “อีพีท!!”

   “ความจริงย่ะ!” พีทยักไหล่ไม่แยแส ผมอยากเอาซอสครีมละเลงหน้ามันจริง ๆ

   “เล่าสิ เป็นมายังไง” ครามพูด อีพีทระริกระรี้เล่าให้ฟัง บรรยายสรรพคุณเด็กนั่นแถมไปด้วย

   “ที่พีทเล่าก็ดูเหมือนจะดี”

   “ไม่ดูเหมือนค่ะ! น้องเขาดีจริง ๆ มึง หน้าดี หุ่นดี ฐานะดี ดีทุกอย่าง เพื่อนมึงเล่นตัวไม่สนเขา”

   “ก็กูไม่ชอบ”

   “เด็กมันคุกคามมึงเหรอ?” คลื่นว่า

   “คุกคามเหี้ยไร เจอกันนับครั้งได้ เบอร์โทรมีน้องมันโทรหามึงป่ะ” พีทมันพูดใส่อารมณ์ก่อนหันมาถามผม ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ เจ้าเด็กนั่นไม่โทรหาผมเลยนอกจากให้เลี้ยงข้าว “แต่น้องเคยโทรมาหากูว่ะ แต่ถามเรื่องมึง ข้อความงี้เหมือนกัน รำ”

   ผมคิ้วขมวด “ถามอะไร?”

   “ถามว่าทำไมมึงชอบคนอายุมากกว่า กูเลยบอกมึงคิดว่าคนอายุมากกว่าดูแลมึงได้ แล้วน้องก็บอกตรรกะมึงเหี้ย”

   ผมนิ่ง พูดไม่ออก แต่ไอ้คลื่นหัวเราะเสียงดัง ครามเองก็หัวเราะแต่ไม่เล่นใหญ่เท่าพี่ชาย อะไรกัน ทำไมมาขำอะไรแบบนี้

   “มีคนคิดเหมือนกูแล้วว่ะ ฮ่าฮ่า”

   “กูเพื่อนมึงไหม?” ผมตบไหล่คลื่นเต็มแรง “แล้วตรรกะกูไม่ได้เหี้ยด้วย!”

   ไม่เป็นผมจะไปรู้อะไรกัน

   วางส้อมในมือลง ก่อนคว้าน้ำมาดื่ม หมดอารมณ์จะกิน

   “ขอไวน์หน่อย” ผมบอกคราม เพื่อนตัวสูงพยักหน้าแล้วรินไวน์ส่งมาให้

   “เปิดใจหน่อยดิ เผื่อคบเด็กแล้วเวิร์ก”

   “ครามก็เป็นไปกับพวกนี้เหรอ?”

   “ไม่ลองก็ไม่รู้ ให้โอกาสตัวเองหน่อย”

   ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ผมแกว่งแก้วไวน์ในมือไปมา ความรู้สึกตีกันมั่วจนหงุดหงิด



   ตีสอง ผมกลับมาถึงคอนโด จากตอนแรกคิดจะพักที่ห้องของแฝด แต่เพราะไม่ได้เมาอะไรจึงกลับบ้านตัวเอง อีกอย่างพวกเราแค่นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ถึงคอนโดก็อาบน้ำเปลี่ยนชุด ผมนอนหงายอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ มองโคมไฟบนเพดาน ปล่อยใจให้หลุดลอย น่าแปลกที่ไม่นึกอยากออกไปไหน ทั้งที่ปกติผมไม่น่ามานอนโง่ ๆ บนเตียงแบบนี้

   กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

   ตาเรียวลืมขึ้นเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังมาให้ได้ยิน เอื้อมมือไปคว้ามาดู ยกมือขยี้ตาและป้องดวงตาจากแสงไฟที่ยังคงเปิดเอาไว้ คิ้วโก่งขมวดมุ่นขณะเปิดเข้าไปดูคนที่กล้ารบกวนกลางดึก

   02:34 J9 : ที่บ้านมึงสอนให้ทักคนอื่นมาตอนตีสองครึ่งเหรอ
   02:34 J9 : กูไม่ว่าง และถึงว่างก็ไม่ไป เพื่อนแฟนมึงน่ารำคาญ
   02:35 J9 : เหี้ย!!!
   02:35 J9 : ผิดแชท ขอโทษครับ

   ผมกลอกตา ขยับพลิกตัวนอนตะแคง แตะปลายนิ้วไปบนหน้าจอและกดพิมพ์ข้อความก่อนส่งออกไป

   02:36 np : บ้านนายไม่สอนให้ดูชื่อก่อนกดส่งเหรอ
   02:36 J9 : ไม่ครับ
   02:36 J9 : ไร้สาระ พ่อแม่ผมไม่สอนหรอก
   02:38 np : -_-
   02:38 J9 : ยังไม่นอนเหรอครับ หรือตื่นเพราะผม
   02:39 np : คิดว่าไงล่ะ
   02:40 J9 : พิมพ์ไม่ถนัดเลย ผมโทรไปนะ

   ผมกลอกตาอีกครั้งกับข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมา ไม่นานเสียงเรียกเข้ามือถือของผมก็ดังขึ้น

   Incoming call...
   freak boy

   ปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่สักพักจึงกดรับ มีเพียงความเงียบที่ลอยเคว้งอยู่ ระหว่างผมกับเด็กนั่นไม่มีใครพูดอะไร ในเมื่อเด็กนั่นไม่พูด ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูด

   (“ยังไม่นอนเหรอครับ?”)

   “นอนแล้วจะรับสายนายไหม?”

   (“ก็คิดว่าคงตื่นมาเพื่อรับสายผม”)

   “หลงตัวเอง” เบ้ปากส่งไป แม้ปลายสายจะไม่เห็น ไอ้เด็กเวรนี่กวนประสาทให้ผมหัวเสียอยู่เรื่อย แบบนี้ไงผมเลยไม่ชอบ

   (“ก็อยากให้คุณหลงบ้างเหมือนกัน เบื่อจะหลงตัวเองแล้ว”)

   “........”

   (“เขินเหรอครับ เงียบเลย”)

   “หุบปาก!!”

   (“หึหึ”)

   “ไปนอนซะไอ้เด็กเวร ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง”

   (“ผมปิดเทอมครับ รู้สึกจะเคยบอกไปแล้วนะ”)

   “รีบนอนสิ ไปเดตจะได้หน้าสดใส สาวจะได้หลง”

   (“ก็แย่ละ เดตบ้าบออะไรวะ”)

   “อ้าว ข้อความที่ส่งมานั่นจะไปเดตไม่ใช่เหรอ”

   (“ใช่ก็แย่แล้ว เพื่อนผมต่างหาก”)

   “.......”

   (“ผมไม่ไปหรอก ไม่ชอบเพื่อนของคนที่มันไปเดตด้วย”)

   “เหรอ”

   (“ทำไม หึงผมเหรอ”)

   “หึงก็เหี้ยแล้ว”

   (“หึหึ คุณรู้ได้ยังไงว่านั่นคือผม?”)

   “......” จริง ๆ ในตอนแรกก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ได้มีเด็กนั่นในรายชื่อผู้ติดต่อ นอกจากเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไป และผมไม่ได้เปิดให้แอดเฟรนด์จากเบอร์มือถือด้วย ผู้ต้องสงสัยคนแรกและคนเดียวก็คือพีทนั่นแหละ ไม่รู้ว่ากบฏอะไรผมบ้าง เดาจากชื่อที่เด็กนั่นตั้งก็เดาไม่ออกหรอก แต่ที่ผมรู้ก็เพราะ... “รูปนาย”

   (“อ่า...”)

   ถึงจะเห็นไม่ชัดเท่าไหร่แต่ก็พอจะรับรู้ได้แหละน่า และผมก็เดาถูกด้วย

   “..........”

   (“คุณไม่นอนล่ะครับ ดึกขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะโตเต็มวัย”)

   “ไอ้เด็กเวร!!!”

   (“อย่าโกรธสิครับ ผมแต่แซวเอง”)

   “เพื่อนเล่นเหรอ”

   (“ไม่อ่ะ คุณไม่ใช่เพื่อน แล้วไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย”) ผมเงียบ ไม่พูดอะไรแล้ว คว้าตุ๊กตาหมีขาวมาก่าย นอนฟังความเงียบและหาวออกมา (“ง่วงแล้วเหรอครับ?”)

   “อือ...”

   (“งั้นนอนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว หลับให้สนิทนะครับ”) สักพัก สัญญาณถึงได้ถูกตัดไป ผมมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ก่อนโยนมันทิ้ง พลิกตัวกลับมานอนหงาย หลับให้สนิทงั้นเหรอ... ครั้งแรกเลยแฮะที่มีคนบอกแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาจะบอกให้นอนฝันดีทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?

   เด็กประหลาดนี่มันประหลาดจริง ๆ

   เอาล่ะ ตาของผมจะปิดแล้ว เลิกคิดเรื่องไร้สาระเสียที




   ร่างบางขยับตัวบนเตียงกว้าง สองแขนเหยียดสุดบิดตัวไล่ความขี้เกียจทั้งยังหลับตา สักพักตาเรียวจึงค่อย ๆ ปรือขึ้น แสงจากแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาแยงเข้าจนต้องหลับลงอีกครั้ง โคมไฟที่เปิดไว้ทั้งคืนนั้นดับไปแล้วด้วยการตั้งเวลาเปิดปิดของมัน ผมไม่ชอบความมืดจึงต้องเปิดไฟนอน ไม่อย่างนั้นจะนอนไม่หลับ

   เหวี่ยงหมีขาวและสะบัดผ้าห่มออกไป ยกมือลูบหน้า บิดตัวอีกครั้งแล้วจึงลุกขึ้น ไปทำธุระในห้องน้ำ เวลานี้สิบโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ความจริงผมต้องตื่นตั้งแต่เช้าด้วยซ้ำ หลับสนิทเสียจนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก พลาดเลคเชอร์ตอนเช้าไปอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าไปตอนนี้ก็คงทันแค่ช่วงท้าย  ชะงักมือที่กำลังแต้มครีมบนใบหน้า ผมมองตัวเองที่คิ้วขมวดอยู่ในกระจก จู่ ๆ เสียงแหบห้าวของใครบางคนก็ดังเข้ามา กลอกตาขึ้นฟ้า สะบัดหัวไม่สนใจ

   ‘หลับให้สนิทนะครับ’

   เหอะ! ไงล่ะ สนิทจนไม่ตื่นสาย เด็กบ้านั่นต้องสาปผมแน่ ๆ ทำให้ผมไปเรียนไม่ทันแบบนี้

   เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วจึงออกมาหาอาหารเช้าทาน ได้กาแฟมาหนึ่งแก้วและขนมปังปิ้งทาเนยโง่ ๆ สำหรับคนทำอาหารไม่เป็นอย่างผมแค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว



   ครืด

   เสียงเลื่อนประตูห้องเลคเชอร์เกิดจากฝีมือของผม นักศึกษาในห้องรวมทั้งอาจารย์ที่กำลังบรรยายต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว

   “ถ้าจะมาครึ่งชั่วโมงสุดท้ายแบบนี้ ไม่ต้องมาก็ได้มั้งคุณณภัค” เสียงอาจารย์เอ่ยผ่านไมโครโฟน ผมผงกหัวแทนคำขอโทษแล้วจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเฉยเมย ไม่แยแสกับสายตาของใครหลายคนที่มองมา

   “ทำไมมาป่านนี้ล่ะภัค?”  เบลล์ หญิงสาวผู้มีตำแหน่งดาวคณะเมื่อปีที่แล้วสะกิดถามผมที่นั่งอยู่ด้านหน้าเธอ เบลล์ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมคลาส คุยกันได้แต่ผมไม่สนิท ส่วนใหญ่ผมจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่า แต่พักหลังชักจะได้คุยกับเธอเยอะขึ้นเพราะต้องทำงานด้วยกัน

   “ตื่นสาย” ตอบสั้น ๆ สายตามองไปด้านหน้า บนโต๊ะของผมมีเพียงกระเป๋าวางอยู่ ไม่ได้เอาปากกามาจดอะไรทั้งนั้น แค่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย มาทันก็ถือว่าโอเค เพราะเป็นช่วงอาจารย์เช็กชื่อพอดี

   “มาทันเวลาพอดีนะณภัค” ผมไม่ตอบอะไรอาจารย์ที่เอ่ยแซว ปรายตามองกลุ่มที่นั่งถัดไปข้าง ๆ ที่ซุบซิบเสียงดังจนน่ารำคาญ ที่บ้านแม่ไม่ให้พูดเหรอ ต้องมาปลดปล่อยกันที่มหาวิทยาลัยแบบนี้ น่ารำคาญ ประเด็นที่พวกนั้นพูดกันก็ไม่พ้นเรื่องผมหรอก

   “ว่างนานเลย ไปไหนดีภัค?” เบลล์เข้ามาหาหลังอาจารย์ออกไป เธอพิงสะโพกกับโต๊ะเลคเชอร์ที่อยู่ข้างผม แอบกลอกตานิดหน่อยเมื่อกระโปรงสั้น ๆ นั่นร่นขึ้น เรื่องของเขา ช่างเถอะ

   “......”

   “ไปทานข้าวกันไหม?”

   “ไม่ไปกับเพื่อนเหรอ?”

   “ภัคก็เพื่อน ชวนอยู่นี่ไงจ๊ะ”

   “โทษนะ ไปด้วยไม่ได้ มีนัดแล้ว” มองไปด้านหลังเห็นกลุ่มเพื่อนของเบลล์รอกันอยู่ พวกนั้นกำลังแต่งหน้าเติมแป้ง บางคนก็ส่งสายตาเหยียด ๆ มาให้ผม เรื่องที่มีนัดก็แค่ยกขึ้นมาอ้าง ตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปไหน แต่ไม่มีทางไปกับเบลล์แน่นอน สงครามโลกครั้งที่สามได้เกิดขึ้นแน่

   “ว้า เสียดายจัง ไว้ครั้งหน้าแล้วกันนะ”

   “อือ”

   “มาสักทีนะเบลล์ ไปคุยกับมันทำไม” เสียงแหลมน่ารำคาญจากผู้หญิงในกลุ่มนั้นดังมาให้ได้ยินเมื่อเบลล์เดินกลับไปหาเพื่อน พอผมมองไปตรง ๆ ก็พากันหลบสายตา พวกเก่งแต่ปาก


   ผมนั่งอยู่ห้องเลคเชอร์สักพักถึงได้ลงไปข้างล่าง เหลือบันไดอีกสองขั้นผมจะถึงพื้น เท้าทั้งสองหยุดชะงัก อยากกลับขึ้นไปข้างบนชะมัด แต่คงไม่ทันแล้ว

   “ภัค” ปรายตามองเจ้าของเสียงด้วยสายตานิ่งเฉย “ภัคยังไม่หายโกรธพี่เหรอ?”

   “พี่ขอโทษ”

   “เบื่อจะฟังแล้ว ไปให้พ้น” ผมบอก ก่อนเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันกลับไปมอง แต่เสียงตะโกนของเขาทำให้ผมต้องหยุดเดิน

   “ให้โอกาสพี่นะ พี่รักภัค!”

   “เลิกเล่นละครได้แล้ว มันน่ารำคาญ!”

   “พี่พูดจริง ๆ พี่รักภัค! ดีกันนะครับ!”

   Good timing เลือกเวลาได้ดีจริง ๆ คนกำลังลงจากตึกเพื่อไปทานอาหารเที่ยงเสียด้วย ผมกลอกตา มองคนที่คุกเข่าและตะโกนบอกรักผมด้วยสายตารำคาญ คิดว่าจะบังคับผมด้วยการทำแบบนี้ต่อหน้าคนมาก ๆ งั้นเหรอ โทษนะ สายตาของคนพวกนั้นไม่ผลอะไรกับผมหรอก งี่เง่าสิ้นดี ผมเคยคบกับคนโง่แบบนี้ได้ยังไงกัน

   “งี่เง่า” ผมพูดเสียงไม่ดังมาก แต่ก็พอให้หลายคนได้ยิน เดินออกมาไม่เท่าไหร่ก็ไม่ยินเสียงซุบซิบดังขึ้น

   “นั่นพี่ภีมนี่ มาทำอะไรน่ะ เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

   “ทำไมพี่ภีมต้องมาง้อณภัค หาได้ดีกว่าแท้ ๆ น่าสงสารพี่เขาจัง”

   “ณภัคเล่นตัวว่ะ ทั้งที่คงอยากได้พี่ภีมจนตัวสั่น”

   “ทำไมพี่ภีมต้องมาง้อคนอย่างนั้นด้วย”

   “ดูสิ ขนาดพี่ภีมคุกเข่าขอโทษยังเฉยได้อีก มั่นหน้าจริง ๆ”

   “คิดว่าสวยเลือกได้หรือไงกันน่ะ ผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วแต่พี่ภีมยังรักขนาดนี้ ไม่สำนึกบ้างเลย”

   “ไม่คืนดีก็ดี พี่ภีมจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้”

   “เล่นตัวไปก็ไม่ดูแพงขึ้นมาหรอก ยี๋!”

   สารพัดที่คนจะพูด

   คนพวกนี้ว่างกันมากหรือยังไง วัน ๆ เอาแต่นินทาคนอื่น ใส่ใจเรื่องของตัวเองมากเท่านี้ไหม ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีหรือยัง มายุ่งเรื่อยคนอื่นอยู่ได้

   พวกแกมันน่ารำคาญยิ่งกว่าแมลงสาบทั้งโลก!

   ณภ. @naphaknp 1s
   Stupid.
   (พวกโง่เอ๊ย!)


   
   โป๊ก!

   “โอ๊ย!!” ผมหยุดอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้แล้วหันไปมองต้นเสียงร้อง ก่อนจะเจอชายหน้าตี๋ ตัวสูง แต่ผอม เดินกุมศีรษะตัวเองมาทางผม “น้องภัค!!!”

   ถอนหายใจ หมุนตัวจะเดินกลับทางเดิม แต่โดนดักทางเอาไว้เสียก่อน

   “น้องภัคจริง ๆ ด้วย น้องภัคปาก้อนหินโดนพี่เก่ง ดีใจจัง”

   นี่ก็น่าปวดหัวพอ ๆ กับพวกงี่เง่านั้นเลย ทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรแบบนี้

   “ขอโทษด้วย ไม่ตั้งใจ” เพราะกำลังหงุดหงิด ผมจึงคว้าก้อนหินแถวนั้นปาไปมั่ว ๆ ใครจะคิดว่าไปโดนใครเข้า

   พี่เก่งยิ้มกว้าง ส่ายมือไปมาเหมือนเด็ก ๆ “ไม่ พี่เก่งไม่โกรธ พี่เก่งรักน้องภัค”

   ผมเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรงก่อนพยักหน้าคล้ายรับรู้ พี่เก่งคือคนที่ตามจีบผมตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ ๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ ถึงผมจะชอบคนอายุมากกว่า แต่พี่เขาก็ห่างไกลจากสเป็กผมมากอยู่ดี เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับผมหรอก ออกจะเป็นคนดี ดีเกินมนุษย์ปกติด้วยซ้ำ ติดก็ตรงที่ตื้อเกินไปนี่แหละทำให้ผมรำคาญและนิสัยง้องแง้งเหมือนเด็กนั่นอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนนิสัยแบบนี้อยู่บนโลก

   “น้องภัคทานข้าวหรือยังครับ ไปทานกับพี่เก่งไหมครับ?”

   “ไม่หิว”

   “งะ น้องพักควรทานนะครับ เดี๋ยวพี่เก่งจะฟ้องลูกพี่น้องจริงใจ”

   “อะไรคือลูกพี่น้องจริงใจ?”

   “แฟนน้องภัคไงครับ พี่เก่งให้ลูกพี่น้องจริงใจเป็นลูกพี่เพราะเท่มาก ๆ แต่ลูกพี่น้องจริงใจอายุน้อยกว่าพี่เก่ง พี่เก่งเลยเรียกแบบนี้ เท่ใช่ไหมล่า~~?”

   ควรทำหน้ายังไงดี หน้าตาพี่เขาออกจะภูมิใจขนาดนั้น เกิดทำหน้าแปลก ๆ ไปคงได้รู้สึกผิดอีก คนนี้ยิ่งบ่อน้ำตาตื้น นึกถึงวันที่ไอ้เด็กประหลาดบอกว่าเป็นแฟนผมแล้วพี่เก่งร้องไห้โทรไปฟ้องแม่ก็ปวดหัวจิ๊ดขึ้นมา หลอกคนอื่นไม่ได้ แต่หลอกพี่เก่งได้เฉย...

   แล้วนี่... ไปเป็นลูกพี่ ลูกน้องกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กนั่นจะเทคโอเวอร์คนรอบตัวผมไปหมดเลยใช่ไหม ตั้งแต่พีทแล้วด้วย คลื่นครามเองก็เหมือนจะถูกใจทั้ง ๆ ที่ฟังแค่พีทเล่าและไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ

   “อ่า...”

   “ลูกพี่น้องจริงใจบอกว่าถ้าเจอน้องภัค ให้บอกน้องภัคทานข้าวด้วย น้องภัคผอมไป พี่เก่งเห็นด้วยกับลูกพี่น้องจริงใจครับ น้องภัคไปทานข้าวนะ”

   “ไม่หิว”

   “พี่เก่งจะบอกลูกพี่น้องจริงใจ” ไม่ว่าเปล่า หยิบโทรศัพท์มากดพิมพ์ยิก ๆ เสร็จแล้วก็เงยหน้ามายิ้มแฉ่งใส่ผม ไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ทั้งจากของพี่เก่งและของผม

   12:18 J9 : ทานข้าวดิครับ

   อืม เชื่อละว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริง ๆ พี่เก่งแหงนหน้ามองผม ก้มลงไปกดโทรศัพท์อีก ไม่นานโทรศัพท์มือถือในมือผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

   12:21 J9 : พี่เก่งบอกคุณดูอารมณ์ไม่ดี มีเรื่องอะไรเหรอครับ?

   “พี่เก่งไปไหนก็ไปเหอะ”

   “น้องภัคไปทานข้าวนะครับ เดี๋ยวลูกพี่น้องจริงใจงอนน้า”

   งอนบ้างอนบออะไรเล่า! ช่างหัวมันสิ!

   “ไม่อยากกิน ไม่หิว! พี่เก่งจะไปไหนก็ไป อยากโดนผมเหวี่ยงหรือไง!!”

   “พี่เก่งเคยโดนน้องภัคเหวี่ยงแล้ว พี่เก่งมีภูมิต้านทานครับ!”

   “ว้อย!!!”

   กริ๊ง!

   12:25 J9 : ให้ผมไปทานด้วยไหม เผื่อจะอยากอาหารขึ้นมา
   12:26 np : ฉันจะไม่อยากอาหารเพราะนายนั่นแหละ!
   12:26 J9 : เอางั้นก็ได้ แต่ไปหาอะไรทานนะครับ ผมเป็นห่วง

   ผมจิปากหงุดหงิด เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไม่ตอบอะไรอีก

   “น้องภัคไปไหนครับ!!”

   “กินข้าว!!!”

   ฮึ่ย! น่ารำคาญทั้งลูกพี่ลูกน้อง ไม่แปลกที่จะเป็นพันธมิตรกันได้

   ต้องไปทำบุญหน่อยไหม เผื่อจะหลุดจากสิ่งน่ารำคาญพวกนี้เสียที










---------------------------------
แฮ่ พาร์ทณภัคบ้าง หลุดคาแรคเตอร์เหมือนจริงใจไหม 55555555555555
ว่าแต่... ไหน ใครมันพูดว่าจะอ่อนโยนนะ หรือนี่คือการแสดงความอ่อนโยนของเจ้าเด็กปีศาจ
อาจจะมีคำผิดอยู่บ้างนะคะ ถ้าเจอก็บอกกันบ้าง ; w ;
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า บายยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-12-2016 21:24:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-12-2016 21:54:10
จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าบอกว่าตอนนี้ชอบลูกน้องพี่เก่งมากสุดอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2016 22:18:40
เด็กปีศาจ พูดจาอ่อนโยนก็เป็น
จุดอ่อนของเด็กปีศาจ คือ ณภัค นี่เอง :mew1: :mew1: :mew1:
พวกแมลงสาบน่ารำคาญจริงด้วย :z6: :z6: :z6:
พวกดีแต่ปาก อิจฉาภัค มีปัญหาทางจิต ละสิ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 18-12-2016 22:32:38
ณภัคก็คือณภัคอ่ะ โอ่ย...ยอมๆจริงใจมันเถอะเนอะ พี่เก่งน่ารักค่ะ...หาสามีให้แกทีนะ มีเมียไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-12-2016 22:53:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-12-2016 23:01:16
 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-12-2016 23:52:49
พี่เก่งจะตลกไปไหน เรียกจริงใจได้แบบฮามาก เราอ่านวนสามรอบว่าพี่เก่งเรียกว่าอะไรนะ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 19-12-2016 02:22:30
จริงจายยยยยย ดีงามมม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 19-12-2016 02:23:05
ใครจะได้ปราบใครกันแน่น้าาาา
คบเด็กปีศาจดีกว่าเห็นนๆนะภัคร 555
ปลุความเป็นปีศาจเวลาหลุดพอๆกัน  :m20:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 19-12-2016 03:36:24
โอ่ยยยย  :katai5: ขำจริงใจอะ5555555555 พิมพ์ไม่ถนัดเดี๋ยวโทรหานะ :hao7: เอามุกนี่มาจากไหนน

รอตอนต่อไปงับบบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2016 03:58:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-12-2016 08:29:20
ขนาดตัวไม่อยุ่ยังมคนเป็นหูเป็นตา ออร๊ายยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-12-2016 23:19:22
ลูกพี่น้องจริงใจ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-12-2016 23:42:34
เราอ่านยังรำคาญไปกับภัคด้วยเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 20-12-2016 00:55:51
พี่เก่งตลกดี 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-12-2016 09:08:13
อ่ะแน่ะๆ เริ่มจะหวั่นไหวกับเด็กแล้วสิตัวหอมมมมม  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-12-2016 19:04:13
รอคนใจอ่อนคบเด็ก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-12-2016 19:56:08
ภัคเด็กดูแลได้ดีเหมือนกันน้า o18 ชอบพี่เก่งนะต๊องดี55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 11 ผมกับแมลงสาบงี่เง่า | 18-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: thepoe ที่ 21-12-2016 02:04:18
555555 ขอขำให้กับบทบาทพี่เก่ง
ชอบนิสัยของเจ้าเด็กปีศาจจจจ
อ่านไปขำไป น่ารักกกก
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 23-12-2016 20:28:43
ความที่ 12
ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า








   “ฮายยยยยยย~~~” พลิกหมอนขึ้นปิดหูหลังจากได้ยินเสียงน่ารำคาญดังมา “จริงจายยยยยย”

   “รำคาญ!!”

   “งุ้ย จริงใจคนดี ไปส่งพี่ชายไปเรียนหน่อยสิคร้าบ~~”

   “จริงจายยยย” ผมตวัดผ้าห่มออก มองหน้าพี่ชายอย่างหงุดหงิด และเอาหมอนฟาดหัวกลม ๆ นั่นไปที จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ “จริงใจไปส่งพี่หน่อยนะ... พี่ตื่นสาย ถ้าจริงใจไม่ไปส่งต้องไม่ทันแน่เลย”

   “........”

   “ใช้คุณฟักทองไม่ได้ด้วย รถติดมาก ๆ จริงใจนะ”

   “ออกไป” ผมบอกเสียงเรียบ  แต่จันทร์เจ้าไม่ยอมปล่อยให้ผมได้นอนต่อ หน้าโง่ ๆ นั่นพยายามอ้อนวอน ตากลมโตกำลังบีบน้ำตาให้ผมตกหลุมพราง

   “จริงใจอ่า...” หลับตาลง ไม่มองหน้าจันทร์เจ้า มืออ้วน ๆ นั่นวางแหมะบนต้นแขนแล้วเขย่า ๆ ผมเลือกที่จะไม่สนใจ พยายามนอนต่อแต่มันไม่หลับแล้ว

   เวลาผ่านไปสักพัก เสียงรอบด้านเงียบกริบ ผมลืมตาขึ้น ไม่คิดว่าไอ้หมูออกไปแล้วหรอกเพราะไม่ได้ยินเสียงประตู เหลือบตาไปมองสบ ตากลมแดงช้ำน้ำตาคลอหน่อย แววตาสั่นระริกดูมีความหวัง ผมตัดสินใจลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำไป นอนยังไงก็ไม่หลับแล้ว ทำไมวันหยุดของผมต้องมาพังพินาศเพราะหมูผีนี่ด้วย

   ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าบริษัทกับพ่อแล้วแท้ ๆ ผมควรได้พักผ่อนให้เต็มที่สิ สูญเสียพลังงานไปตั้งเท่าไหร่ วันเสาร์ที่จะถึงนี้ยังต้องไปซ้อมดนตรีอีก ให้ตายเถอะ! ไหนเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเพิ่งไปค่ายมวย ครูฝึกให้ซ้อมจนแทบเดินไม่ไหว ไม่รู้จะเคร่งอะไรนักทั้งที่ผมไม่ใช่นักกีฬาแท้ ๆ ไม่มีเวลาว่างแล้ว จะไปเจอตัวหอมก็ไม่มีข้ออ้าง หงุดหงิดชะมัด!

   “ขอบคุณคร้าบ~” ไอ้หมูผีส่งเสียงทะเล้นเมื่อผมขับรถมาจอดให้ถึงหน้าตึก

   “ไปได้แล้ว เหม็นหน้า”

   “ก็ได้ จริงใจขับรถระวังนะ บั๊บบัย” จันทร์เจ้าเขย่งขึ้นมาจุ๊บกระจกบังลมแล้ววิ่งออกไป ผมเองก็ออกจากตรงนี้เหมือนกัน ต้องหาอะไรกินสักหน่อย ก่อนออกจากบ้านยังไม่ได้ทานอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะมีหมูมาบลัฟว่าจะสาย เข้าเรียนไม่ทันบ้างล่ะ อาจารย์จะล็อกห้องบ้างล่ะ ถ้าไม่มัววอแวผมก็ขับรถมาเรียนทันอยู่แล้วป่ะวะ

   ทำไมบาปกรรมต้องมาตกที่ผมด้วย

   แล้วการการนอนตื่นสายในวันปิดเทอมของผมก็พังพินาศเพราะจันทร์เจ้า...

   บิดกุญแจดับเครื่องยนต์ ถอดหมวกกันน็อกออก แทรกก้านนิ้วเข้าไปใต้กลุ่มผมแล้วเสยขึ้น ก่อนจะสวมหมวกสแนปแบ็กโดยหันปีกหมวกไปไว้ด้านหลัง แล้วจึงเข้าไปในร้านอาหารของคนรู้จัก เพื่อทานอาหารเช้าตอนสิบเอ็ดโมง

   “โอ๊ะ! น้องจริงใจนี่นา” เลิกคิ้วมองคนเรียก พี่พีทนั่นเอง ข้างพี่เขาคือตัวหอม และฝั่งตรงข้ามมีผู้ชายที่หน้าเหมือนกันสองคนนั่งอยู่ จากความที่ผมสะสมข้อมูลอยู่นานทำให้รู้ว่าสองคนนั้นคือแฝดที่ชื่อคลื่นและคราม และชอบลงรูปคู่กับตัวหอมของผมด้วย มิหนำซ้ำยังเรียกตัวหอมว่าเมียบ่อย ๆ

   “สวัสดีครับ” ผมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย

   “นั่งด้วยกันนะคะ”

   “อ่า... ไม่ดีกว่าครับ” ผมปฏิเสธ ก็อยากอยู่ใกล้ตัวหอมนะ ข้อเสนอของพี่พีทโคตรเกื้อผลประโยชน์ให้ผมเลย แต่เวลานี้มันอาจไม่สมควรเท่าไหร่ พวกเขาก็อยู่กับเพื่อน ซึ่งผมไม่ได้สนิทอะไรเลย จะร่วมโต๊ะด้วยมันก็พิลึกป่ะวะ ผมอึดอัดไงเอาตรง ๆ

   อีกอย่างคือ... สายตาและสีหน้าของตัวหอมโคตรไม่ต้อนรับ

   “น้องจริงใจ...” บอกเลย เสียงอ่อน ๆ กับตาอ้อน ๆ ของพี่พีทไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรนอกจากเฉย ๆ

   “โต๊ะว่างก็มี” เสียงตัวหอมดังขึ้น

   เขาจะรู้ไหม ว่าการที่แสดงออกว่าไม่อยากให้ผมอยู่ใกล้ ๆ ยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากวอแว ถ้าพี่พีทตื้ออีกทีผมนั่งเลย มีที่ว่างข้างตัวหอมด้วย

   “นั่งด้วยกันสิ”  หนึ่งในแฝดเอ่ยขึ้น ผมคิ้วขมวดเพราะไม่แน่ใจว่าคือใคร ตัวหอมถลึงตาใส่เพื่อน แต่เพื่อนเขาแค่ไหวไหล่

   “งั้นรบกวนด้วยครับ”

   “นั่ง ๆ ค่ะ” พี่พีทรีบบอก ผมเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวหอมออกแล้วนั่งลง ยักคิ้วให้เมื่อเขาหันมองทำหน้าบึ้งใส่ ปากอิ่มขยับบ่นไม่ได้ศัพท์ ส่งสายตาอาฆาตมาให้ผมอยากเต็มที่

   “ชื่ออะไรวะ?”

   “จริงใจครับ”

   “ชื่อแปลกว่ะ เจ๋ง”

   “พี่ชื่อเจ๋งหรอครับ?”

   “เอ้า เด็กมันกวนตีนว่ะ เอาไงดี”

   “เอาเรื่องนี่หว่า” อีกคนพูดขึ้น ท่าทางนิ่งกว่า “จีบภัคเหรอ?”

   ถามตรง ๆ งี้เลยดิ แล้วผมจะตอบไงวะ

   เงยหน้าจากเมนู สบตากับคนถาม “ครับ”

   ถามตรง ๆ ก็ตอบตรง ๆ ไงครับ งงอะไรกันเหรอ

   “ตอบคำถามได้สมชื่อ”

   “เห็นมะ ชุ้นบอกแล้วว่าน้องจริงใจของกูดีเว่อร์ ๆ” พี่พีทจีบปากจีบคอว่า “น้องจริงใจขา สองตัวนั้นเพื่อนพวกพี่เอง คลื่นกับครามจ้ะ” พี่พีทแนะนำ ผมก็ผงกหัวรับรู้ ก่อนหันไปสั่งก๋วยเตี๋ยว

   จริง ๆ จะไม่ดูเมนูก็ได้นะ มาทานบ่อย แต่ไม่ได้เล่า

   “เมีย กูว่าโอเค มึงอย่าเล่นตัวเลย” ตัวหอมกลอกตากับคำพูดของเพื่อน ผมจะโอเคนนะถ้าพี่คลื่นไม่เรียกตัวหอมว่าเมีย

   “ชอบมึงก็จีบดิ”

   “ก็แย่ละ” ผมพึมพำเบา ๆ เอาโทรศัพท์มาเล่นเกม รู้แหละว่าเสียมารยาท แต่อึดอัด พวกเขาก็ดูอัธยาศัยดีนะ ซึ่งผมไม่ใช่ไง จะให้มาคุยกับคนไม่สนิทมันก็แปลก ๆ ไม่น่ามานั่งโต๊ะเดียวกับพวกเขาเลย หาเรื่องจริง ๆ

   “มาทำอะไรแถวนี้” ทุกคนดูพร้อมใจกันเงียบเมื่อตัวหอมถามขึ้น ผมยังเลิกคิ้วสูงเลย ไม่คิดว่าเขาจะถาม

   “คิดว่าไงครับ?”

   “หาเรื่องเจอฉันเหรอ?”

   ผมหัวเราะ ตัวหอมเริ่มจิปากและทำหน้าบึ้ง

   “ก็แย่ละ ผมมาส่งพี่ ไม่ได้หาเรื่องเจอคุณเลย มั่นหน้านะเราอ่ะ”

   พี่พีทกับพี่แฝดหัวเราะ โดนตัวหอมสะบัดค้อนไปให้วงใหญ่

   “เพื่อนเล่นเหรอ”

   “อายก็อย่าพูดมากให้ขยี้ดิครับ”

   “ไอ้เด็กเวร!”

   “หึ”

   “เส้นเล็กหมูน้ำต----- อ้าว เหี้ย!” ผมหันไปมองต้นเสียงซึ่งเป็นคนที่เอาก๋วยเตี๋ยวกับลูกชิ้นลวกที่ผมสั่งไปมาเสิร์ฟ ตัวหอมกับเพื่อน ๆ ขมวดคิ้วมองหน้าข้าวฟ่างที่ปล่อยเหี้ยมาเพ่นพ่าน มันก้มหัวเป็นการขอโทษ แต่ชี้หน้าผมแทน มึงทำงี้กับลูกค้าเหรอ?

   “ไร?”

   “มึงมาได้ไง!?”

   “ขับรถมาสิ”

   “ไม่ ๆ หมายถึงมาร้านเนี่ย ปกติมึงไม่มาแถวนี้ไม่ใช่เหรอ”

   “เสือก” ผมว่า ข้าวฟ่างทำหน้าเอ๋อ ๆ กอดถาดไม้มองหน้าผม อย่างที่บอกไปว่าร้านนี้มันร้านคนรู้จัก ซึ่งก็คือร้านของพี่ชายข้าวฟ่างครับ ส่วนไอ้ฟ่าง บางวันมันก็มาช่วยพี่เสิร์ฟ อย่างเช่นวันนี้ “ทำไมหมูสีแปลก ๆ วะ?”

   ใช้ตะเกียบเขี่ยเนื้อหมูที่สีคล้ำผิดปกติอย่างข้องใจ

   “ก็ปกติป่ะ” มันชะโงกมาดู “แล้วนี่มึงจะบอกได้ยังว่าทำไรแถวนี้”

   “ส่งจันทร์เจ้า” ตอบพลางปรุงก๋วยเตี๋ยวไปด้วย ไอ้ฟ่างพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ขมวดคิ้วอีกเมื่อมองเพื่อนร่วมโต๊ะของผม เมื่อมันอ้าปากผมก็พูดขึ้นก่อนที่มันจะถามอะไรที่ผมไม่อยากตอบออกมา “อย่าพูดมากฟ่าง ไปทำงานมึงไป”

   แล้วมันก็เดินกอดถาดจากไปแบบงง ๆ

   “ใคร?”

   “รุ่นพี่” ตอบสั้น ๆ สมกับคำถามสั้น ๆ คนรับคำตอบก็จิปากขัดใจไปตามเรื่องราว ผมไม่ได้อธิบายเพิ่ม ตอนนี้หิวจนจะแทะโต๊ะอยู่แล้ว

   ก๋วยเตี๋ยวร้านพี่ข้าวโอ๊ตก็ยังอร่อยอยู่ดีนั่นแหละ ต่อให้ไม่ปรุงก็อร่อย มาทานแล้วไม่จบที่ชามเดียวครับ กินเส้นกับลูกชิ้นไปก็ปกติดี แต่มันมาพีคที่เนื้อหมู ผมชะงักไป คิ้วขมวดมุ่น รสชาติแปลก ๆ ของเนื้อหมูทำให้ผมรีบดึงกระดาษเช็ดปากออกมาแล้วคายมันทิ้ง กูควรจะไม่แดกตั้งแต่เห็นว่าสีมันแปลกแล้ว... วางตะเกียบ ยกน้ำขึ้นดื่มล้างปาก ดันชามก๋วยเตี๋ยวออกไป กลิ่นแม่งยังคลุ้งในปากอยู่เลย

   “ไม่อร่อยเหรอคะ?” พี่พีทถาม

   “เปล่าครับ หมูเน่า”

   “เฮ้ย!” พวกพี่เขาร้องตกใจ ผมยกมือเรียกข้าวฟ่าง

   “ว่า?”

   “หมูเน่า”

   “เหี้ยละ ได้ไงวะ”

   ผมยังไม่อยากเชื่อเลย คือร้านมาตรฐานดีมากไงครับ วัตถุดิบที่ใช้ก็สดใหม่ ผมก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกนี่แหละ

   “จริง ๆ”

   “มึงคิดไปเองเปล่า ร้านกูสดใหม่ทุกวันยิ่งกว่าขนมปังนะเว้ย”

   “กูใคร?”

   “จริงใจสายแดก”

   “มึงลองแดก” ดันชามไปให้มัน ไอ้ฟ่างมันก็คีบเนื้อหมูเข้าปาก และสิ่งที่มันทำหลังจากนั้นคือคายออกมา

   “ฉิบหายละ เฮีย!!!!” ข้าวฟ่างวิ่งแจ้นเข้าไปหลังร้าน

   “เน่าจริงเหรอคะ?”

   “ลองไหมครับ?” พี่พีทรีบส่ายหน้าทันที อือ อย่าลองเลยดีกว่า

   “จริงใจ”

   “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้พี่โอ๊ต ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน

   “ข้าวฟ่างมันบอกว่าหมูเน่า จริงเหรอ?”

   “อือ ไม่เชื่อก็ลองสิ ผมไม่ดิสร้านพี่หรอก” พี่ข้าวโอ๊ตลองไป ปฏิกิริยาก็ไม่ต่างกันกับผมและข้าวฟ่าง

   “แย่ละ เป็นไปได้ไง เดี๋ยวพี่สั่งใหม่ให้ ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ครับ ไม่เอาหมูแล้วนะพี่”

   “โอเค ๆ” พี่ข้าวโอ๊ตไปแล้ว เห็นไปคุยกับพนักงานหน้าเครียดด้วย ก็สมควรจะเครียดแหละครับ สำหรับผมมันไม่อะไร เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว แต่กับคนอื่นก็ค่อนข้างลำบากหน่อย ถ้าเขาเอาไปพูดต่อ ร้านก็เสียชื่อ

   ผมจิ้มลูกชิ้นลวกที่สั่งต่างหากกินเล่นไปพลาง ร้านแม่งคนเยอะ เมื่อไหร่กูจะได้แดก

   “เออ นึกยังไงมาจีบเมียพี่ครับ?” จู่ ๆ พี่คลื่นก็ถามขึ้นมา คนข้าง ๆ ผมสำลักบะหมี่ไปเลย

   “ไม่ตอบได้ไหมครับ?”

   “น้องบอกมึงเสือกค่ะ”

   “หุบปากครับนังเมียน้อย!” พี่คลื่นชี้หน้าพี่พีท “ไม่รู้เหรอว่าภัคไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า”

   “รู้ครับ”

   “แต่ก็ยังจีบเนี่ยนะ เหมือนไม่มีความหวังอะไรเลยนะ ท้อตายห่า”

   “พวกมึงหุบปากแล้วแดกกันเงียบ ๆ จะตายไหม?” ตัวหอมพูด สีหน้าหาเรื่องและดูหงุดหงิด “นายก็ไม่ต้องตอบอะไรพวกมันทั้งนั้น น่ารำคาญ”

   ผมเบะปาก เป็นจังหวะที่มีคนเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟให้พอดี ผมจึงเลิกสนใจแล้วหันมาก้มหน้าก้มตากินแทน คือ หิวมาก ยังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้า นี่คือมื้อแรก แล้วดันได้รอนานด้วย

   “ขอโทษนะครับ ขอผมนั่งด้วยนะ” ชำเลืองมองคนที่เสนอหน้าเข้ามา ไอ้ข้าวฟ่างนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามผมและข้างพี่คลื่น ความหน้าด้านของมันแก้ไม่ได้จริง ๆ สินะ

   “ไปทำงานมึงสิ”

   “กูพัก” มันว่า ยิ้มหน้าลูกหมาใส่ตัวหอมกับเพื่อน พวกพี่เขาก็งง ๆ ไอ้เด็กห่านี่ใคร ทำไมเสนอหน้ามานั่งด้วยแบบนี้ “มึงไม่ต้องไปกับพ่อมึงเหรอ?” ผมส่ายหน้า

   วันนี้ผมไม่เข้าเพราะท่านประธานบอกไว้ว่าไม่ต้องเข้าไปก็ได้ ในส่วนของการทุจริตในบริษัทก็พอจะคืบหน้าไปแล้วบ้าง พ่อบอกมาแบบนั้น แต่ก็ยังไม่บอกรายละเอียดลึก ๆ อะไรกับผม

   “เพื่อนน้องจริงใจเหรอคะ?”

   “ครับ ผมเป็นเพื่อนจริงใจ แต่เป็นรุ่นพี่มัน ชื่อข้าวฟ่างครับ พี่คนสวยชื่ออะไรครับ”

   ผมกลอกตา กับความไอ้ข้าวฟ่าง เออ เรื่องของมึง

   “แหม ปากหวานจังนะเรา พี่ชื่อพีทค่ะ”

   “ชื่อน่ารักเหมาะกับหน้าเลยนะครับ” ผมกลอกตาอีกรอบ พี่พีทเขินตัวบิดไปละ “แล้วพี่คนสวยอีกคนล่ะครับ?”

   “จักรพรรดิ”

   “กูไม่ได้ถามมึง!”

   ผมยักคิ้วข้างหนึ่ง ไม่ตอบโต้ตอบอะไรมัน ปล่อยให้คุยกันไปก็ได้ว่ะ ข้าวฟ่างมันพูดมาก อัธยาศัยดีจนเกินพอดี เลยเข้ากับคนง่าย บวกกับด้วยตำแหน่งหัวหน้าวงและร้องนำของมัน ทำให้มันต้องเอนเตอร์เทรนด์คน ความพูดมากของมันก็มาจากตรงนั้นแหละ

   “เออ มึง วันเสาร์นี้อย่าลืมนะเว้ย”

   “กูจะลืมเพราะมึงย้ำบ่อย ๆ” บอกครั้งเดียวผมก็เข้าใจแล้ว ถ้าย้ำบ่อยซ้ำซากผมจะรำคาญ อย่างที่บอกไปว่าวันเสาร์มีนัดซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อมประจำ

   “ขอโทษจ้า” มันยกมือขึ้นท่วมหัวด้วยท่าทางกวนตีน

   อยากโบกกะโหลกมันสักที แต่ผมก็ไม่ทำ ลุกออกจากโต๊ะ สั่งไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อนกับชานมไข่มุกมาทานเป็นของหวาน

   “เมื่อวานกูเอากีตาร์ไปเปลี่ยนสาย เจอไอ้เหี้ยนั่นด้วย”

   “ใคร?”

   “พวกหัวใจวาย”

   เรียกชื่อเขาซะเสีย พวกหัวใจวายคือกลุ่มวงดนตรีที่ไม่ค่อยถูกกับพวกผมเท่าไหร่ครับ จริง ๆ วงนั้นชื่อ Heart Attack ด้วยความอคติเลยเรียกเสียหายแบบนี้แหละ ความไอ้ฟ่าง

   ผมไหวไหล่ “ช่างมัน”

   “เล่นดนตรีกันเหรอน้อง?” พี่คลื่นถาม

   “ครับพี่ พวกผมฟอร์มวงกันมานานละ”

   “เฮ้ยจริงดิ พวกพี่ก็เคยฟอร์มแต่ตอนนี้เลิกไปแล้วว่ะ”

   “โห พี่เล่นตำแหน่งไรอ่ะ ผมเป็นร้องนำกับกีตาร์ ส่วนไอ้จริงใจมันเป็นมือกลอง”

   “กีตาร์ดิ สาวกรี๊ดเยอะ”

   “ไม่จริง ผมเล่นกีตาร์ไม่เห็นจะมีคนกรี๊ดเยอะเหมือนไอ้จริงใจเลย กลองบังหน้าแต่แฟนคลับอย่างเยอะอ่ะ เวลาเล่นก็ใส่หมวกปิดหน้าปิดตา คุยก็ไม่ค่อยคุย หยิ่งจะตายไม่รู้คนชอบเยอะได้ยังไง”

   อันนี้จากจิตใจเบื้องลึกละ

   “ของแบบนี้มันอยู่ที่หน้า”

   “ถุย!”

   “ฮ่าฮ่า อันนี้เรื่องจริงว่ะ นี่ไอ้ครามก็ตีกลองเหมือนกัน” ข้าวฟ่างตาเป็นประกาย คุยจ้อกับพี่แฝดยาวเลยงานนี้ ตัวหอมก็คุยกับพี่พีท ส่วนผมเหรอ? จ้วงไอติมกะทินี่ไง มะพร้าวอ่อนหอม ๆ อร่อยมาก

   “อยากกินเหรอ?” ถามคนที่จ้องถ้วยไอศกรีมผมตาเป็นประกายเสียงเบา ตัวหอมช้อนตาขึ้น กูแทบหัวใจวาย ตาโคตรแป๋ว พอเขาได้สติก็กลับมาทำตาแข็งเหมือนเดิม หันหน้าไปหาพี่พีทเหมือนเดิมด้วย

   โคตรเด็กน้อย

   “เอาไหมครับ? ผมสั่งให้”

   “.....อือ” ผมหัวเราะหน่อย ๆ ลุกไปสั่งไอศกรีมมาให้เขาหนึ่งถ้วย ไม่รู้ว่าทานอะไรบ้างผมเลยเลือกมาแค่มะพร้าวนั่นแหละ หน้าตาเขาดูเป็นคนกินยาก เอาเบสิคไปแล้วกัน ไม่อยากจะมีปัญหา

   “มีให้แค่นังภัคเหรอคะ?” เสียงพี่พีทค่อนแขวะเมื่อผมวางถ้วยไอศกรีมให้ตัวหอม

   “อ่า... พี่พีทอยากทานเหรอครับ?”

   “จะสั่งให้พี่เหรอคะ?” ยิ้มหวานมาเชียว

   ผมชี้นิ้วไปที่ข้าวฟ่าง “สั่งกับพนักงานเลยครับ”

   “ค่ะ!”

   ผมยกกำปั้นปิดปากขณะอ้าปากหาว กินอิ่มแล้วก็ง่วงเลย ผมก็ไม่ได้ขี้เกียจอะไรนี่หว่า อาจเพราะตื่นเช้าด้วยมั้ง เมื่อคืนก็นอนดึก

   “กินเสร็จก็ง่วงเลยนะคะ น่าเอ็นดู”

   หรี่ตาลง ทำไมมันดูย้อนแย้งกันจังวะ พี่พีทปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต ผมก็ไม่ได้อะไร ไม่ถือละ พี่คลื่นพี่ครามก็สาดกูมึงให้พวกผมระเนระนาด หลังจากที่เสวนากันเรื่องดนตรีกับกีฬา เหมือนจะถูกคอ แลกเบอร์กับข้าวฟ่างแล้วเรียบร้อย

   “มึงจะไปไหนต่อไหมวะ?”

   “กลับบ้าน ทำไม?”

   “ลูกค้าเยอะ” จะให้กูเป็นเด็กเสิร์ฟแน่ ๆ ผมจึงทำหน้านิ่งดักคอมัน “น่ามึง... กลับบ้านก็ไม่มีไรทำ หรือมึงอ้างวะ มีนัดกับสาวแหงะ?”

   แหงะหน้ามึง...

   “ก็แย่ละ กูง่วง” หาวใส่หน้าแม่ง ปาดก้านนิ้วเช็ดน้ำตาที่หน้าตา ตอนนี้ตาเริ่มจะเคือง ๆ นิดหน่อย กูต้องนอน โหยหาเตียง

   “จิ๊ ไม่ได้ดั่งใจเลยว่ะ” มันบ่น “พวกพี่จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?”

   “ไม่แล้ว อิ่มฉิบหาย” พี่คลื่นว่า

   “พวกพี่กินกันเยอะโคตรอ่ะ อร่อยอ่ะดิ” ชามที่วางซ้อนกันนี่ก็ค่อนข้างสูงนะ   

   “มึงให้น้อย”

   “ไอ้แสรดดดดดด” ไอ้ฟ่างทำท่าจะฟาด ผมยักไหล่ “น้อยบ้าไร มาตรฐานโว้ย!”

   “โวะ พวกมึงนี่ เช็กบิลเลย”

   “จะกลับแล้วหรอครับ”

   “เออ” พี่คลื่นตอบสั้น ๆ ไอ้ฟ่างเบะปากทำคิ้วตก

   “เอ้า บทจะไปก็ไปกันหมดเลยงี้เหรอ โฮ ฟ่างเศร้า”

   “พวกกูมีเรียนกันครับ ไอ้ห่า”

   “แหมพี่ เราสนิทกับเร็วเน้ออออ”

   “กูเป็นคนเฟรนด์ลี่” พี่คลื่นโบกหัวข้าวฟ่างประกอบคำพูด มันหน้ามุ่ย ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ล้วงเอาสมุดเล็ก ๆ ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนแบบครึ่งตัวออกมา มันเหลือกตาขึ้นเพดาน ก่อนเอื้อมมือไปหยิบกระดาษที่เสียบอยู่ในกล่องออกมา

   “xxx บาทครับ”

   “ของกูเท่าไหร่วะ?”

   “รวมเลย ไอ้คลื่นจ่าย”

   “อ้าว ทำไมน้องครามพูดกับพี่แบบนี้ล่ะจ๊ะ”

   “อ่ะ” เพราะพี่แฝดกำลังตีกันอยู่ ตัวหอมของผมจึงเป็นคนส่งธนบัตรสีม่วงไปให้ข้าวฟ่าง แขนเฉียดหน้าผมไปนิดเดียวเอง โคตรหอมเลย

   ข้าวฟ่างรับเงิน วิ่งไปที่แคชเชียร์ก่อนเอาเงินทอนกลับมา

   “ขอบคุณครับผม ไว้ครั้งหน้ามาใหม่นะครับ”

   ก่อนออกจากร้าน ข้าวฟ่างดึงแขนผมไว้แล้วกระซิบถึงเรื่องหมูเน่าที่ผมเพิ่งประสบพบเจอมา... มันบอกว่า พนักงานยกกล่องมาผิด อันนั้นคือที่จะเอาไปทิ้ง พอเปิดกล่องใหม่ปุ๊บ แจ็กพอร์ตเข้าที่กูเลยครับ กูโดนคนเดียวด้วย สัดหมา








(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 23-12-2016 20:30:00



   โฮ่ง ๆ แง่ง ๆ

   “เฮ้ย!” ผมตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นหมาพันทางตัวหนึ่งกำลังกัด ๆ แทะ ๆ ยางรถลูกรักผมอยู่

   ไอ้หมา มึง!!

   ก้าวสามขุมเข้าไปใกล้ ย่อตัวลงนั่ง กวักมือเรียกไอ้หน้าหมาเข้ามา เออ มันก็ฟังว่ะ ผมยกมือขึ้น ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกคว้าข้อมือไว้เสียอย่างนั้น หันไปมองคนทำ ผมบิดข้อมือตัวเองออก แต่ถูกกำไว้แน่น ตัวหอมทำหน้าโกรธ ๆ ข้างหลังก็มีเพื่อนของเขาสามคนยืนเรียงกันเป็นแบ็ก

   “อะไรของคุณ?” ผมถาม ออกแรงกระชากมือตัวเองออก เคาะหัวไอ้หมาเบา ๆ ก่อนลูบหัวมัน ดึงมือกลับมาเปิดประเป๋า ค้นเอาถุงขนมสำหรับสุนัขออกมา เทใส่มือแล้วยื่นไปให้ไอ้หมา ลิ้นยาว ๆ แลบออกมากวาดขนมในมือถือผม

   “อั๊ย! หล่อ สูง ไนซ์ รักสัตว์ เป็นมิตรกับเกย์ ลิมิเต็ดอิดิทชั่น มีขายที่ไหนวะ กูพร้อมโอนมาก อยากได้!” เสียงพี่พีทดังแว่วมา ผมทิ้งตัวนั่งบนฟุตปาธ วางถุงขนมเอาไว้แล้วคว้าถุงลูกชิ้นมาแทน โทษนะหมู ให้หมามันไปก่อนแล้วกัน ไม่รู้ว่าจันทร์เจ้ากับจ๋าจ้ารู้ว่าผมเอาของที่ซื้อฝากมาให้หมากินจะไม่คุยกับผมกี่นาที

   “กูนึกว่าจะเตะหมา”

   “ก็แย่ละ ผมจะเตะทำไมวะ”

   “ก็ร้องซะเสียงดัง เมียกูหน้าแหกเลยเนี่ย ฮ่าฮ่า”

   อ๋อ ที่มาคว้ามือผมไว้อ่ะนะ แหงนหน้าขึ้นมองหน้าตัวหอม เขาดูอึ้ง ๆ หน่อย เสหน้ามองไปทางอื่น ไม่สบตาผม

   “พวกกูไปละนะ ไว้เจอกัน” พวกพี่แฝดขอตัวไปก่อน ได้ยินว่าเรียนคนละที่กันกับตัวหอม แล้วพี่แฝดทั้งสองคนก็ไม่ได้เรียนที่เดียวกันด้วย งงในงง

   “มึงให้น้องจริงใจของกูไปส่งนะ”

   “อิเหี้ย”

   “กูมีเรียนต่อเนี่ย มึงไม่มีเรียนอะไรก็กลับ ๆ ไป ภาระฉิบหาย รถมีก็ไม่เอามาใช้ น้องจริงใจขา พี่ฝากไปส่งอิภัคได้ไหมคะ?”

   มองหน้าพี่พีทสลับกับตัวหอม ก่อนจะพยักหน้า “ครับ”

   “ว้าย น่ารักที่สุด พี่ไปก่อนนะคะ” พี่พีทบอกแล้ววิ่งออกไปเลย ทิ้งตัวหอมยืนฟึดฟัด ผมซ่อนรอยยิ้มไว้ใต้สีหน้านิ่ง ๆ ไม่อยากแสดงออกอะไรให้เขารู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม

   “ไปไหนครับ?”

   “กลับ”

   “เดี๋ยวไปส่ง รอก่อนแป๊บหนึ่งได้ไหม ไอ้หมายังกินลูกชิ้นไม่หมดเลย”

   คนอายุมากที่ตัวเล็กกว่าทำหน้าเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ขยับถอยหลังไปยืนในร่มหน้าร้านพี่ข้าวโอ๊ต เออ กูนี่ก็มานั่งป้อนลูกชิ้นหมูให้หมาตอนเที่ยงเนาะ คิดว่าเป็นเป็นพืชเหรอวะ มึงไม่ได้สีเขียว ไม่มีคลอโลฟิลด์ สังเคราะห์แสงไม่ได้! แดดเผาไปละ ผิวผมแดงแน่

   “ไปกันครับ” ยังป้อนไม่หมดหรอก แต่วาง ๆ ไว้แถวนั้นให้มันกินเองกับเทขนมหมาเอาไว้ด้วย บอกตัวหอมพลางบีบเจลใส่มือ เช็ด ๆ ถู ๆ ทำความสะอาด

   เพราะผมชอบจับเล่นชอบจับหมาแมวนี่ไงเลยต้องพกไว้ติดตัวตลอด น้ำลายหมามันสกปรกไง แบคทีเรียก็เยอะ บางคนเขาก็ไม่ชอบให้หมามันเลียมือเลียหน้า แต่ผมว่ามันล้างออกได้นะ ได้เห็นหูตั้ง ๆ หางกระดิกอย่างตื่นเต้นของพวกหมาข้างถนนที่ได้กินอะไรจากมือแล้วก็คุ้มแหละ

   และขนมนั่น ผมก็พกตลอดเช่นกัน ได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศเพลิงฟ้า เห็นพี่ฟ้าทำมาห้าหกปีแล้วเลยทำตามบ้าง เวลาเจอหมาหรือแมวข้างถนนอะไรพวกนี้ บางทีก็เล่นด้วย เอาขนมให้มันกินบ้าง ไม่ก็ซื้อหมูปิ้งมาแบ่งกันกิน แต่ก็ไม่ทุกครั้งที่เจอหรอกครับ แล้วแต่สถานการณ์ จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าก็ได้รับวัฒนธรรมนี้มาเหมือนกัน มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอก แต่ทำแล้วรู้สึกสบายใจดี เวลาเห็นหมาแมวตัวผอม ๆ ได้กินอะไรงี้มันก็เหมือนช่วยต่อชีวิตเขาป่ะวะ

   เออ นั่นแหละ

   ส่งมือไปให้ตัวหอมจับ เขาเมินว่ะ แต่จับไหล่ผมแทน เมื่อตัวหอมนั่งเรียบร้อยแล้วผมจึงออกรถไป ด้วยความที่เบาะด้านหลังมันจะสูงหน่อย ทำให้เขาเอนตัวมาด้านหน้าซึ่งจะชนกับผม มือเล็ก ๆ เกาะอยู่ที่เอว อยากดึงให้มากอด แต่เยอะไป ผมก็ไม่ค่อยชอบ รุงรัง ไว้ก่อนแล้วกัน

   ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้หมวกกันน็อกใบใหญ่ ขับรถไปตามทางเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงคอนโดมิเนียมหรู



   “หาววว” อ้าปากหาวขณะที่เลื่อนกระจกบังลมขึ้น ยื่นมือไปปลดล็อกสายรัดให้ตัวหอมแล้วถอดหมวกออกให้ มือเล็กสอดเข้าไปใต้กลุ่มผม เสยขึ้นจัดทรงด้วยใบหน้าหงุดหงิด ผมโคตรง่วงเลย ตาจะปิด แสบตายิ่งกว่าตอนอยู่ร้าน กลับไปนอนที่ร้านข้าวฟ่างแล้วค่อยกลับบ้านไหมวะ กลัวจะแหกโค้งตายห่าก่อนจีบตัวหอมติด

   “ขอบใจ”

   “ครับ ผมไปละ”

   “เดี๋ยว!” หันกลับไปมคนเรียก “เอารถไปจอดแล้วตามมา”

   ฮะ? อะไรวะ? ตัวหอมทำหน้านิ่ง ๆ กอดอกกดดัน ถึงผมไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์สักเท่าไหร่แต่ก็เอารถไปจอดตามที่เขาบอก เลือกที่ทำเลดี ๆ หน่อย จำได้ว่าคนของพี่ก็พักที่นี่ เกิดแจ็กพอร์ตมาเจอผมไม่อยากมีปัญหากับจันทร์เจ้า

   “ชวนผมขึ้นห้องเหรอ?”

   “ไร้สาระ”

   “อ้าว แล้วให้ตามมาทำไมครับ?” แกล้งทำเป็นซื่อทั้งที่รู้อยู่แล้ว ตัวหอมฟอร์มเยอะ ไม่พูดอะไรตรง ๆ หรอก ผมเดินตามตัวหอมออกจากลิฟต์ เสมองไปทางอื่นเมื่อเขากดรหัส แล้วเดินตามอีกคนเข้าไปในห้อง

   คนของพี่เคยบอกว่าตัวหอมหวงโลกของตัวเอง ห้องเขามีแค่คนสนิทที่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามา แต่ตอนนี้ผมซึ่งยังเป็นคนอื่นได้เข้ามาว่ะ ห้องของเขามีของตกแต่งเยอะแยะไปหมด หากแต่ดูลงตัว มันไม่รกเพราะของทุกอย่างถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม

   “นั่งสิ” นั่งลงที่โซฟาตามที่เขาบอก ถกแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก (แจ็กเก็ตถอดแขวนไว้ที่ตู้โถงทางเข้าแล้ว)

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

   “เปล่า”

   “อยากให้ผมอยู่ด้วยเหรอ?”

   “หลงตัวเอง”

   “หึ ผมง่วงนะครับ จะกลับบ้านไปนอน”

   “ก็นอนสิ”

   หือ? เลิกคิ้วขึ้น เจ้าของห้องจ้องไปที่โทรทัศน์เครื่องใหญ่ มุมปากของผมยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้ใช่ไหมว่าผมง่วง เขาเป็นห่วงผมใช่ไหม...

   “เป็นห่วงผมเหรอครับ?” ตัวหอมหันหน้ามา ด้วยเพราะผมเพิ่งขยับเข้าไปใกล้เขา นั่นจึงทำให้ปลายจมูกของเราชนกัน

   “เหอะ” มือขาวดันหน้าผมออกพร้อมทั้งขยับออกไปด้วย

   ทำปากเป็ดแบบจันทร์เจ้า ขยับไปนั่งพิงมุมโซฟา

   “ห้องทิวากาลอยู่ไหนเหรอครับ?”

   “ชั้น 28” ถัดไปสี่ชั้น... “ทำไม?”

   “เปล่า ถามเฉย ๆ”

   “พี่กาลกับ...พี่ชายนาย?” ผมพยักหน้าเมื่อเขาดูไม่มั่นใจ “เป็นแฟนกันเหรอ?”

   “เปล่า ผมยังไม่ให้เป็นแฟน”

   “หมายความไง? เขาก็ชอบกัน”

   ยักไหล่หน่อย ๆ “ก็นั่นแหละ แต่ผมไม่ชอบไง”

   “หวงพี่ว่างั้น?”

   “อือ”

   “เด็กชะมัด”

   “ตอนนี้จะหวงคุณด้วย แต่ไม่มีสิทธิ์” ตัวหอมทำหน้าประหลาด “ทำไมพี่คลื่นต้องเรียกคุณว่าเมีย?”

   “คิดว่าไงล่ะ?” หน้าตาเจ้าเล่ห์ฉิบหาย

   “เรียกเล่น ๆ”

   “ไม่คิดว่าฉันเป็นเมียคลื่นจริง  ๆ เหรอ ไม่งั้นคลื่นจะเรียกแบบนั้นทำไม?”

   “ก็แย่ละ”

   “Best friend on the bed ไรงี้”

   “on the bed ก็เหี้ยเหอะ”

   “หึ”

   หัวหอมโคตรร้าย เขาปั่นหัวผม คนตัวเล็กที่อายุมากกว่าขยับเข้ามาใกล้ เท้าแขนไว้ที่พนังโซฟากักผมไว้ สบตากับเขา ดวงตาเรียวรีวาววับไม่น่าไว้ใจ

   “นายไม่เคยมีเหรอ เซ็กส์เฟรนด์อะไรทำนองนั้น”

   “มีก็แย่ละ”

   “เคยมีเซ็กส์หรือยัง?” ทำไมถามตรงจังเลยวะ!

   “หึ” สั่นหัวประกอบกับคำตอบ แฟนสักคนยังไม่เคยมี จูบแรกก็ยังไม่เสีย ผมยังบริสุทธิ์นะครับ ทำเป็นเล่นไป

   “นายมันเด็ก”

   เกลียดว่ะ ไม่ชอบเลย ทำไมสบประมาทกันด้วยวะ

   “แล้วไงครับ?”

   “ฉันไม่ชอบ”

   “แล้วยังไง? เพราะผมไม่เคยเรื่องเซ็กส์เหรอ ตรรกะอะไรวะ”

   “......”

   “คุณชอบใครสักคนเพราะอะไรเหรอครับ? เรื่องบนเตีย--- อื้อ!”

   พูดยังไม่ทันจบ ริมฝีปากสีแดงก็แนบลงมาที่ปากผม ผมได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่อเป็นหิน ตัวหอมบด ๆ เบียด ๆ ริมฝีปากอยู่สักพักแล้วผละออก หัวคิ้วขมวดมุ่น หน้ายุ่ง ตาขุ่น

   “จูบก็ไม่เป็น อย่าบอกนะไม่เคยจูบด้วย” ผมเงียบและนั่นคือคำตอบ “เหอะ! ไม่ได้เรื่องเลย เด็กชะ---- อือ!!”

   เมื่อกี้ตกใจต่างหากเลยไม่ได้จูบตอบ ผมกดริมฝีปากตัวเองที่ปากดี ๆ ของเขา ล็อกท้ายทอยอีกคนเอาไว้ก่อนจะดันให้คนตัวเล็กนอนราบไปกับพื้นโซฟา ส่วนตัวผมอยู่ด้านบน คำก็เด็กสองคำก็เด็ก ยังไม่ได้พิสูจน์ก็มาตัดสินกันแล้ว ไม่เคยปฏิบัติใช่ว่าจะไม่เป็นนี่หว่า แล้วเป็นไงล่ะ โอนอ่อนกับจูบเด็ก ๆ ของผมเฉย เสียงชื้นแฉะของลิ้นที่เกี่ยวพันกันดังไปทั่วหู ใช้ก้านนิ้วปาดน้ำที่ไหลเลอะมุมปากคนอายุมากกว่าออกขณะที่เรียวลิ้นยังเกี่ยวกระหวัดกัน ผมเอียงหน้าเพื่อปรับมุมให้จูบได้ถนัดขึ้น มือเล็กส่งมาคล้องคอ จิกขยุ้มเสื้อผมบางจังหวะ ขาเรียวยกขึ้น ใช้หัวเข่าเสียดต้นขาของผม แต่ก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านั้นหรือก่อนที่เราจะขาดอากาศหายใจตายกันก่อนเสียงโทรศัพท์ของตัวหอมก็ดังขึ้นมา...

   นั่นแหละ... เขาถึงได้ผลักผมออก

   ใบหน้าสวยส่อแววหงุดหงิด คว้าโทรศัพท์มือถือมากดรับสาย ผมมองคนที่นอนคุยโทรศัพท์ จ้องไปที่ริมฝีปากของเขา จากปกติที่แดงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแดงไปกันใหญ่ เผลอยื่นมือไปเกลี่ยริมฝีปากอิ่มอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของเจลลี่นุ่มชะงัก ตาเรียวตวัดมอง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เรียวลิ้นสีแดงแลบออกมาเลียปลายนิ้วผมอย่างยั่วเย้า ขณะที่ขาเรียวก็ทำหน้าที่ของมัน....ด้วยการเสียดสีกับเป้าผมนี่ไง

   ทำไมชอบยั่วงี้วะ แล้วกับคนอื่นก็ทำแบบนี้เหรอ? คิดแล้วเซ็ง ผมจึงผละออก ปล่อยตัวหอมคุยโทรศัพท์ไป เหมือนจะคุยเรื่องงาน กะจะแซวเรื่องเคลิ้มกับจูบเด็ก ๆ ของผมสักหน่อย แต่ช่างเถอะ เอาไว้ก่อนแล้วกัน


   จากนั้นเสียงรอบตัวก็คล้ายถูกตัดไป ผมไม่ได้ยินเสียงอะไร เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลง ก่อนจะหลับไปในที่สุด...










----------------------------------------
แกรรรรรรรรรรรร เขาจูบกันแร้วววววววววววววว
พี่ภัคใจเย็น ๆ เดี๋ยวเด็กมันจะหัวใจวายตายก่อน
น้องจริงใจยังบริสุทธิ์ไร้มลทิน แม้แต่จูบแรกก็ยังไม่เสีย หงิง~

ขอโทษที่มาอัพช้าเด้อ แล้วก็อาจจะมีคำผิดอยู่ เดี๋ยวมาแก้นะคะ มาอัพก่อนกลัวว่าจะดึก
และที่เงียบ ๆ จากในเพจหรืออะไรก็ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ....หลับค่ะ ; __ ;
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านจ้า หวังว่าจะเอ็นดูเด็กปีศาจที่เด๋อ ๆ และพี่ภัคที่หลุดคาแรคเตอร์กันนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าคร้าบบบบบ จะรีบมาเร็ว ๆ ฮือออออ
บายยยยยยยยยยยยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-12-2016 20:51:38
จริงใจหลับ5555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-12-2016 20:57:51
ไม่เด็กแล้ววววววว จูบกระชากวิญญาณแบบนี้

ภัคดูอ่อนไปเลย 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2016 21:49:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-12-2016 22:12:03
เอาอีกๆ
อยากเห็นตัวหอมยั่วจริงใจเยอะๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 23-12-2016 22:33:55
อะโห้ยยยยยยยยยย จริงใจโดนอ่อยแล้ว :katai1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1: ค้างมากมายยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-12-2016 23:34:13
คนขี้ยั่วระวังโดนเด็กมันเอาจริงขึ้นมานะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-12-2016 00:51:29
 ขอแบบน้องจริงใจสักคนเถอะ
 มีความน่ารัก
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 24-12-2016 01:11:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2016 01:31:07
ระวังเด็กใจแตกนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 24-12-2016 01:53:37
เอาแล้วไงตัวหอมเริ่มก่อนงี้ บอกเลยท่าจะหนีรอดยากและจากนี้ไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-12-2016 06:17:47
จริงๆ  "ณภัค" ก็แอบสนใจเด็กแสบอยู่ใช่ไม๊ล่าาาา
ขนาดจริงใจง่วง  ยังอุตส่าห์ให้ขึ้นมานอนบนห้องเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 24-12-2016 09:29:22
 :hao7: :hao7: :hao7:ปรบมือรัวๆๆๆ วันที่รอคอยก็มาถึง ฮ่าๆๆๆ จริงจายยยยย ไม่เคยก็ไม่ใช่จะไม่เป็นนะครับ นี่ใคร...ก็จริงใจไง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-12-2016 10:28:57
จูบกันแล้วๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-12-2016 10:38:24
จริงใจข้ามขั้นไปนิดป่ะ อยู่ดีๆ ก็ได้จูบกันแล้วว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 24-12-2016 16:07:50
เจเจจัดการผู้ใหญ่ขี้ยั่วซิ จับตีก้นเพี๊ยะๆเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2016 19:58:57
ตัวหอม อ่อย ยั่วหรอ
เด็กปีศาจ ไม่เคยจูบก็จริง แต่เขาพัฒนาเร็วนะ
เท่ากับภัคเปิดซิงเลยนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 24-12-2016 20:42:20
ตัวหอมเริ่มหวั่นไหวกับเด็กปีศาจแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 24-12-2016 21:49:26
เดี๋ยวนะ หลั บ เฉยยยยยยยย
คืออะไร๊ค้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-12-2016 23:54:07
มีความพัฒนานะเนี่ยจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 25-12-2016 09:43:48
เอาอีกกกกกๆๆๆๆๆ :mew2: :haun4: :katai4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 12 ผมกับคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่า | 23-12-59 | P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kataurii ที่ 26-12-2016 15:55:46
มี ความหลับ อ่ะ
555
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 27-12-2016 20:44:20
ความที่ 13
ผมกับความทุลักทุเล






   “ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะจริงใจ?” ถอนหายใจหลังจากสิ้นคำถามของแม่ ชำเลืองไปมองตัวต้นเหตุ จันทร์เจ้าทำหน้าเอ๋อ ๆ ยิ้มโง่ ๆ ไม่สำนึกอะไรทั้งนั้น

   “ลูกชายแม่มาปลุกผมแต่เช้าเลย”

   จันทร์เจ้ามันตัวป่วน ไอ้หมูผี! แทนที่จะได้นอนสบาย ๆ ตื่นสาย ๆ แต่ต้องพังพินาศลงเพราะจันทร์เจ้า พี่ชายผมนี่เป็นตัวทำลายเช้าที่สงบสุขจริง ๆ น่ารำคาญ

   “อ้าว ทำไมไปปลุกน้องแต่เช้าล่ะลูกหมู”

   “หนูจะให้จริงใจไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนฮะคุณตา”

   “ซื้อให้ใครคะ!”

   “ทิวาน่ะ วันนี้วันเกิด”

   “คิดได้แล้วหรือจะซื้ออะไร?” คุณแม่ถามบ้าง

   “ได้แล้วฮะ หนูว่าจะซื้อกระเป๋าสตางค์ให้ เคยเห็นของทิวามันขาดแล้วง่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะซื้อแบบไหนดี หนูเลยชวนจริงใจไปช่วยเลือก”

   ข้ออ้างชัด ๆ บอกว่าชวนผมไปช่วย ยังไงจันทร์เจ้าก็เลือกเองอยู่ดี

   “หูย! คิดอะไรมากคะ แค่จับตัวเองใส่กล่องแล้วผูกโบว์นะ พี่กาลดีใจตายเลย” จ๋าจ้าว่าเสียงตื่นเต้น

   “ก็แย่ละ”

   “อืม... หม่ามะว่าก็ดีนะ”

   ดูแนะนำกันแต่ละอย่าง จันทร์เจ้าถึงได้ใจแตกแบบนี้ไง

   เมื่อทานอาหารเสร็จผมก็ถูกฉุดกระชากลากถูออกมา เป้าหมายแรกคือศูนย์การค้าสักแห่งที่ไอ้หมูเลือกเอาไว้

   “จริงใจอารมณ์ไม่ดีเหรอ?” จันทร์เจ้าหันมาถามระหว่างที่ลากผมให้เดิน รู้สึกขี้เกียจกะทันหัน ขอกลับบ้านไปนอนได้ไหมวะ ไม่อยากพามาแล้วเนี่ย

   “เสือก” ลูกหมูชักสีหน้าพร้อมฟาดผลัวะเข้ากลางหลังผมเต็ม ๆ

   “สั่งไว้แล้วใช่ไหม?”

   “ไม่แน่ใจ” ผมมุ่นคิ้วแล้วกลอกตา อะไรของไอ้หมูวะ

   “…..”

   “ก็แค่ถามรายละเอียดไว้เฉย ๆ … แหะ” ยิ้มโง่ ๆ ส่งมาให้แล้วออกแรงลากผมให้เดินอีกครั้ง

   ห้านาทีต่อมาก็มาถึงร้านเป้าหมาย จันทร์เจ้าเดินเข้าไปด้านใน มีพนักงานออกมาต้อนรับ ยิ้มแย้มทักทายพร้อมแนะนำสินค้าตามที่ถูกอบรมมา ด้วยความที่ไม่ชอบเวลาดูของแล้วมีคนเดินตามผมจึงบอกพนักงานคนนั้นไปว่าขอดูเอง

   “จะเอาแบบไหน?”

   “พี่เห็นทิวาใช้แบบเรียบ ๆ”

   “งั้นก็เอาแบบเรียบ ๆ”

   เดินวนอยู่เกือบชั่วโมงจนผมถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ทำหน้าเซ็งจนเลิกเซ็งจนกลับมาทำหน้าเซ็งอีกรอบ กอดอกมองจันทร์เจ้าที่ทำตาวาว เหมือนเจอสมบัติล้ำค่า ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงสักที

   “ก็ดี” ผมพูดออกไปหลังจากมองกระเป๋าสตางค์ในมือพี่

   “แค่นั้นเหรอ?”

   “ก็ไม่ได้ซื้อให้เค้านี่หว่า” ลูกหมูหัวเราะ เขย่งตัวมาขยี้ผมของผม

   “โอ๋น้า”

   “ก็แย่ละ ซื้อให้ด้วยดิ”

   “ถ้าซื้อให้จริงใจด้วยพี่ต้องอดข้าวทั้งปีเลยนะ” จันทร์เจ้าว่าพร้อมทำปากยู่ ทีซื้อของให้ผู้ชายราคาเป็นหมื่นยังทำได้ แค่ซื้อให้น้องนี่ไม่ได้เลยใช่ไหม ก็ให้มันรู้กันไปว่าเป็นคนแบบนี้

   “ก็แย่ละ”

   “พูดเป็นคำเดียวหรือไง?”

   “อือ” แล้วผมก็โดนชกไหล่มาที...

   “จริงใจจะเอาอะไร พี่ซื้อให้”

   “จริงป่ะ?” ผมตาวาว พอพี่ชายพยักหน้าก็ยกยิ้มพอใจ “สร้อยข้อมือ”

   “โอเค” จันทร์เจ้ารับคำ ก่อนหันไปหาพนักงาน “พี่ครับ ผมขอดูกระเป๋าสตางค์ใบนี้หน่อยครับ”

   “ไหนที่บอกว่าอยากได้” คราวนี้เป็นผมที่จูงมือพี่ชายบ้าง ปลายนิ้วยาวชี้ไปที่สร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่ตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจก มันเป็นสร้อยข้อมือที่ทำจากหนัง ถักเหมือนถักเปีย ปลายทั้งสองด้านเป็นสีเงิน มีปุ่มกลม ๆ ตรงกลางและสลักชื่อยี่ห้อเอาไว้ด้วยและเป็นฝั่งสำหรับกดล็อกและปลดล็อก แต่อีกด้านจะเป็นแท่งเล็ก ๆ ยื่นออกมา เพื่อสวมล็อกกับอีกฝั่ง

   จันทร์เจ้าบอกพนักงานว่าขอเอาสร้อยข้อมือด้วยอีกเส้นจากนั้นจึงย้ายไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน แหงนหน้ามองผม แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังถ่ายรูปสร้อยข้อมืออยู่

   “จ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตคะ?”

   “บัตรครับ”

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ”

   “ขอบคุณครับ ... จริงใจใส่เลยไหม พี่ใส่ให้”

   “อือ ขอบคุณ”

   “พูดเพราะ ๆ ไม่เป็นเหรอ”

   “ขอบ คุณ ครับบบบบบบบบบ!” ไอ้ลูกหมูหัวเราะ ดึงแก้มผมจนยืด ผมก็ทำหน้ายุ่งแต่ไม่โวยวายอะไร ก่อนยกแขนกอดคอพี่ “ไปไหนอีกหรือเปล่า?”

   “อยากไปร้านอาควอทซ์”

   “จะซื้ออะไรอีก?”

   “ไม่ได้ซื้ออะไร แวะไปเฉย ๆ เผื่อเจออาควอทซ์”

   “อือ ๆ”

   ระหว่างที่กำลังเดินไปร้านอาควอทซ์ผมก็ยังกอดคอจันทร์เจ้าเอาไว้อยู่ และหมูอ้วนเองก็โอบแขนกอดเอวผมไว้ด้วย มีหลายคนที่มองมาแต่เราไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมาถึงร้าน พอจันทร์เจ้าถามพนักงานก็ได้คำตอบว่าวันนี้อาควอทซ์ไม่เข้าร้าน ก็นึกว่าจะได้กลับแล้ว แต่พี่ชายดันเดินดูเครื่องประดับในร้านเฉยเลย แล้วยังมีหน้ามาออเซาะให้ผมซื้อตุ้มหูให้อีก ก็อือ แลกกับที่ซื้อสร้อยข้อมือแล้วกัน

   “สวยไหม?” ถามเสียงตื่นเต้น พลางเปิดผมออกโชว์จิวที่ติ่งหู

   “อือ” ตอบแบบขอไปที “ไม่ใส่อีกข้างด้วยอ่ะ”

   “ไม่เอา พี่ตั้งใจจะใส่ข้างเดียว” จันทร์เจ้าเจาะหูแค่ข้างซ้ายข้างเดียว(แต่หลายรู) ไอ้หมูแอบกระซิบบอก กะจะใส่ด้วยกันกับผมคนละข้าง แต่โดนผมปฏิเสธเพราะมีของตัวเองอยู่แล้ว ก็ไปเจาะมาด้วยกันนั่นแหละ

   “จ๋าจ้าต้องงอนแน่เลย”

   “ไม่เหลือ หึหึ”

   “ซื้อให้น้องมะ?”

   “รวยเหรอ?”

   “อือ!” ตอบแล้วก็หัวเราะ

   “ก็แย่ละ” พูดเหมือนไม่ใส่ใจแต่ก็ลุกไปดูเครื่องประดับที่จะให้น้อง และเราก็เลือกสร้อยทองคำขาวมีจี้น่ารักเหมาะกับจ๋าจ้ามาหนึ่งเส้นโดยออกเงินคนละครึ่ง

   “หิวไหม?”

   “หิว! แต่เดี๋ยวจะเที่ยงแล้ว ไปกินกับทิวา”

   ผมกลอกตา เดี๋ยวนี้อะไรก็ทิวา น่ารำคาญ

   “เหอะ!”

   “จริงใจหิวหรอ?”

   “ไม่เท่าไหร่ กลับเลยไหม?”

   “โอเค ไปกินข้าวด้วยกันนะ” ผมพยักหน้ารับคำ ก่อนคว้ามือพี่ชายมาจับเพราะเจ้าตัวก้มหน้าลงไปกดโทรศัพท์

   “มีอะไร?” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่ชายเงียบไปไม่คุยจ้อเหมือนปกติ แถมยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่รอให้ตอบก็ดึงโทรศัพท์ไปดูเองและไล่อ่านคอมเมนต์บ้าบอพวกนั้น

   ‘เจอแฟนพี่กาลกอดกับใครไม่รู้ คนที่มีแฟนแล้วแต่ไปกอดคนอื่นจับมือถือแขนด้วยนี่เรียกว่าอะไรน้าา’ *แนบรูปจริงใจกอดคอจันทร์เจ้า, จันทร์เจ้าโอบเอวจริงใจ, จับมือกันและรูปจันทร์เจ้าดึงแก้มจริงใจ*

   “ไร้สาระ”

   “ตลกดี” คนพูดแบมือขอโทรศัพท์คืนจากผมแล้วเก็บใส่กระเป๋า ยกแขนเกี่ยวลำแขนของผมเอาไว้ด้วยอีกต่างหาก ตั้งใจกวนตีนแน่ ๆ



   “จริงใจไปที่โรงอาหารก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” จันทร์เจ้าบอกเร็ว ๆ ส่งหมวกกันน็อกให้ผมก็วิ่งเข้าไปในตึกทันที

   ผมสั่นหัว จัดการล็อกรถและเก็บหมวกกันน็อกก่อนจะเดินตามไปทางที่พี่ชายวิ่งไป และหยุดยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ มีหลายคนที่มองมาด้วยสายตาสงสัย แต่ผมไม่ได้สนใจ ยืนกอดอกนิ่ง ๆ ไม่สบตาใคร ไม่ใช่กลัว แต่มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

   “มาแย้วววว ไปกันนนน โอ๊ย!”

   “ไอ้โง่” นั่นคือสิ่งที่ผมพูดออกมาคำแรกหลังจากที่เห็นพี่ชายเด๋อด๋าไปชนกับใครเข้า

   “ขอโทษครับ อะ อ้าว ตะวัน”

   “ไม่เป็นไรนะ?” ผมมุ่มคิ้วมองทั้งสองคน เมื่อจำได้ว่าเป็นใครก็เดินไปยืนอยู่ข้างจันทร์เจ้า

   “เราไม่เป็นไร ตะวันล่ะ?”

   “ขนแขนยังไม่สั่นสะเทือนเลย”

   “ไม่เจอกันเลยตั้งแต่วันประกวดเดือน ตะวันเป็นไงบ้าง?”

   “ก็ดี ช่วงนี้งานเยอะ ใกล้สอบแล้วต้องอ่านหนังสือ จันทร์เจ้าล่ะ?”

   “เหมือนกันเลย เราหัวจะระเบิดแล้ว ไม่ค่อยได้นอนด้วย สิวขึ้นมาสองเม็ด!”

   “หิวแล้ว” ผมพูดขัดและทำหน้าบึ้ง จ้องพี่ชายกับเพื่อนพี่ชายเขม็ง เมื่อไหร่จะบอกลากันสักที รำคาญ

   “เราขอตัวก่อนนะ จะพาน้องไปกินข้าว บั๊บบัย”

   “จันทร์เจ้า!” ยังไม่ทันได้เดินมาไกล คนชื่อตะวันก็ตะโกนเรียกพี่ชายผมเอาไว้

   “หือ? มีอะไรเหรอตะวัน?”

   “ไม่ได้โกรธเราใช่ไหม?”

   “เราไม่โกรธ แต่ไม่พอใจปานกลาง”

   “เราขอโทษนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผ่านมาแล้ว ช่างเถอะ ขอตัวนะ”

   แม้จะงงว่าพูดถึงเรื่องอะไรกัน แต่เมื่อจันทร์เจ้าไม่ได้อะไรผมก็ไม่ถาม เอาเถอะ เรื่องของเขา ไม่รู้สักเรื่องก็ไม่ตายหรอก



   “สวัสดีครับ” ผมพูดออกไปหลังจากที่จันทร์เจ้าชี้มาและบอกไปว่าคนที่เจ้าตัวไปเดทและมีรูปหลุดด้วยคือผม

   “เฮ้ยยยย หล่ออออ งานดีมาก ชื่ออะไรลูก?” ผู้หญิงคนหนึ่งหวีดร้องขึ้น ทำท่าเมื่อจะเข้ามาหา ผมขยับหลบโดยอัตโนมัติและมองด้วยสายตาหวาดระแวง

   ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ผมเริ่มกลัวการเข้าใกล้ผู้หญิงละ

   “มึงนี่ก็ชมผู้สมชื่อจริง ๆ”

   “พี่ชมพู่อย่าคุกคามน้องเราสิครับ จริงใจมานั่งนี่” จันทร์เจ้าพูดกับพี่ผู้หญิงคนนั้นและคว้ามือผมให้นั่งลงข้าง ๆ

   “ไปไหนกันมาทำไมถึงโดนถ่ายรูปไปลงแบบนั้น”

   “ไปเดทไง ไม่คิดว่าจะดังจนมีแฟนคลับตามติดแบบนี้แฮะ เขินเลย”

   ปึก!

   ระหว่างที่จันทร์เจ้ากำลังเพ้อ ผมเปิดกระเป๋าของตัวเองออกและโยนกล่องของขวัญสำเร็จรูปไปตรงหน้าของทิวากาล มันคือของขวัญจากผมนั่นแหละ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้ ๆ ไปเหอะ

   “อะไรอ่ะ!!!” ลูกหมูโวยวายชี้นิ้วไปที่กล่องของขวัญหน้าตื่น “ขอดูหน่อยสิ!”

   “สาระแน” ผมว่า จันทร์เจ้าหันมาถลึงตาใส่

   “พี่น้องเขาพูดกันงี้เนาะ”

   “เออ”

   “เชอะ!” สะบัดหน้าใส่ผมแล้วเอียงตัวไปหาคนของตัวเอง จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนั้นเชียว?

   “หือ... หึ ขอบใจนะ” ผมไหวไหล่ เมื่อคนของพี่บอก ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร

   “จริงใจให้อะไรพี่ ขอเราดูหน่อยได้ไหมครับ? Damn it!!! How inspried you to did it! (บ้าเอ๊ย! อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้จริงใจทำอะไรแบบนี่เนี่ย!)”

   ผมไหวไหล่ไม่แยแสการโวยวายของพี่ชาย พอพีคหน่อยก็พ่นภาษาอังกฤษมาอย่างกับเจ้าของภาษา แค่ให้รูปถ่ายในอิริยาบถต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กจนโต รวม ๆ แล้วก็แค่ร้อยกว่ารูปเอง...

   ดูเหมือนคนรับจะพอใจกับของขวัญที่ผมให้มากทีเดียว

   “ตัวอะไรวะ?” จันทร์เจ้าแทบกรีดร้องเมื่อคนของตัวเองชูรูปหนึ่งใบขึ้นมา มันเป็นรูปในวัยเด็กที่เด็กมาก ๆ ในรูปจันทร์เจ้าใส่แค่แพมเพิร์สและบนหัวมีกางเกงในสวมแทนหมวก นั่งอยู่กับพื้นและมีชามอาหารอยู่ข้างหน้า ในมือก็เลอะไปหมด พุงก็กลมมาก แขนขาก็เป็นป้อมเหมือนข้าวต้มมัด

   โคตรตลก

   “55555555555555555555” เสียงหัวเราะดังสนั่นหลังจากที่ได้เห็นภาพสุดน่าประทับใจ จันทร์เจ้าหน้าหงิกที่โดนล้อ

   “โป้ง! เราจะไปซื้อข้าวแล้ว ของขวัญไม่ต้องเอาเลยนะ!”

   “อ้าวเฮ้ย!”

   “งอนละ ไปซื้อข้าวให้ดิ” ผมว่า แล้วเขาก็เดินตามจันทร์เจ้าไปทันที เมื่อทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วผมจึงขอตัวกลับ แต่ตอนนั้นเองที่โดนคนของพี่เรียกไปคุยด้วย




   “มีอะไร?”

   “คืนนี้จะเลี้ยงที่ผับ มาด้วยสิ”

   “อายุไม่ถึง”

   “ภัคไปด้วย”

   “โอเค”


   “หึ โอเค ไว้เจอกัน”

   ผมยิ้มกริ่ม ตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่ได้เจอเขาอีก ผ่านมาสามสี่วันแล้ว นึกแล้วยังไม่หายงงเลยครับ จู่ ๆ ก็มาจูบผมเฉย แต่โอเคนะ ผมประทับใจ จะไม่หงุดหงิดแล้วกัน

   หลังจากที่เผลอหลับไปที่ห้องของเขา ผมก็ตื่นมาตอนประมาณบ่ายสามหรือสี่โมงได้ ตัวหอมก็โคตรตัวหอม ผ้าห่มก็ไม่ให้ผม แอร์ในห้องโคตรหนาว ผมจามไปประมาณสามรอบ หลังจากตื่นผมก็กลับบ้านทันที ไม่ได้อยู่กวนเพราะเหมือนเจ้าของห้องจะทำงาน และไม่ได้พูดถึงเรื่องจูบนั้นด้วย

   ไล้ริมฝีปากตัวเองด้วยปลายลิ้น ก่อนสวมหมวกกันน็อกลงศีรษะแล้วขับกลับบ้าน ต้องเตรียมตัวหน่อยแล้วสำหรับการเจอตัวหอมคืนนี้

   หึ



   เย็นแล้ว... แต่จันทร์เจ้ายังไม่กลับ โทรไปหาไม่รับ ผมจึงเปลี่ยนเป็นส่งข้อความไป ได้คำตอบว่าถูกทิวากาลหลอกพาไปบ้าน ผมบอกให้ส่งโลเคชั่นมา แล้วนั่นแหละ บ้านคนของพี่อยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณย่าเลย

   “ถ้าเมาอย่าขับรถนะ”

   “ครับแม่” รับคำคุณแม่ขณะที่กำลังสวมรองเท้า ผมกำลังจะออกจากบ้านครับ “ผมอาจไม่กลับบ้านนะครับ”

   “อืม ไม่ต้องกลับหรอก ขับรถดึก ๆ อันตราย”

   “ครับ ไปนะ” กอดและหอมแม่หนึ่งทีก่อนออกมา

   คิดไว้ว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน หนึ่ง กว่าจะเลิกต้องดึกมากแน่ สอง ผมอาจจะดื่ม สาม เมา สี่ ขี้เกียจ และที่ที่ผมสามารถไปนอนค้างได้นั้นคือคอนโดของพี่ฟ้าซึ่งไม่ได้ใช้แล้วเพราะพี่ฟ้าย้ายไปอยู่บ้านกับน้าเจ้า พี่ฟ้าจะให้คนเช่า แต่ต้องล้มเลิกไปเพราะผมขอเอาไว้ บางทีก็เกิดติสท์หนีไปนอนคอนโดเหงา ๆ คนเดียว

   สนุกดี



   เวลาสามทุ่มเล็กน้อย ผมยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหนึ่งข้างขณะยืนอยู่หน้าสถานบันเทิงซึ่งเป็นที่นัดหมายสำหรับคืนนี้ ในมืออีกข้างมีนมกล่องอยู่ ผมไม่รู้ว่าจันทร์เจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่ ไม่ได้โทรตาม และอีกอย่างผมก็ไม่รู้จักใคร ยืนรอแบบนี้ก็ชักจะขี้เกียจ ถ้าไม่ติดว่าตัวหอมมาด้วยผมไม่มานะครับ ผมหนีกลับบ้านไปละ

   “เฮ้ย น้อง!” เหลือบมองคนที่เข้ามาทัก คายหลอดจากปากและยกมือไหว้เมื่อจำได้ว่าเป็นเพื่อนของคนของพี่

   “สวัสดีครับ”

   “มานานยัง? ทำไมไม่เข้าไปข้างใน”

   “สักพักครับ ผมอายุไม่ถึง”

   “เออว่ะ งั้นเข้าไปพร้อมกันดิ จำพี่ได้ป่ะเนี่ย พี่ต้นนะ”

   “แฮะ...” พี่เขาก็ไม่อะไร ขณะที่กำลังจะพาผมเข้าไปด้านใน เพื่อนเขาอีกคนก็มาพอดี ได้ยินว่าชื่อรถถัง ผมก็สวัสดีไปตามเรื่องราว จากนั้นจึงเข้าไปภายในผับ ผมไม่เคยเข้ามาที่แบบนี้หรอก เพราะอายุยังไม่ถึง และดูเหมือนพวกเขาจะเส้นใหญ่เหมือนกัน แค่เห็นหน้า การ์ดก็ให้เข้าโดยไม่ตรวจบัตรแล้ว

   เสียงดนตรีดังกระหึ่ม แสงสีต่าง ๆ สาดส่องกระทบ ผู้คนมากมายเบียดเสียดอัดแน่นจนผมต้องเบ้หน้า โคตรไม่ชอบ เมื่อหลุดขึ้นมาที่ชั้นสองก็ดูเหมือนผู้คนจะน้อยกว่าชั้นล่างมาก เหมือนมันจะเป็น VIP ด้วยแฮะ

   “สุดหล่อมาแล้วครับผม~” พี่รถถังส่งเสียงทะเล้น ผมยังคงมองรอบ ๆ อย่างสังเกต พอหันกลับมาอีกทีก็เล่นเอาหายใจสะดุดไปชั่วขณะ ยักคิ้วให้คนที่รอมาเจอ ตัวหอมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหันไปคุยกับพี่พีทและพี่ผู้หญิงที่เคยคุกคามผม

   คิ้วผมขมวดมุ่นหลังจากสำรวจการแต่งตัวของตัวหอม เสื้อคอกว้างแบบนั้นนั่นมันอะไรกัน ก้มทีเห็นไปถึงไหนต่อไหน น่าหงุดหงิดชะมัด คนมองเขาเยอะแยะไปหมด แถมยังมีหลายคนเข้ามาชนแก้วกับเขาอีก น่ารำคาญเป็นบ้าเลย พวกพี่เขาก็ชวนคุย แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไร จึงถามคำตอบคำ และแล้วช่วงเวลาอึดอัดของผมก็หมดไปเมื่อพวกพี่รามินทร์เดินเข้ามา จะขาดก็แต่เจ้าของงานและพี่ชายของผม

   “จริงใจมายังไง?”

   “พี่เจอยืนกินนมอยู่ข้างหน้าเลยพาเข้ามา” พี่ต้นเป็นคนตอบคำถามพี่มีน เสียงของเขามันดังแข่งกับเสียงดนตรีก็จริง แต่การที่ตะโกนแบบนั้นก็ทำให้คนทั้งโต๊ะได้ยิน

   “ไอ้เหี้ยยยย แดกนมหน้าร้านเหล้าเนี่ยนะ!”

   “ไม่มีป้ายห้ามสักหน่อย” ผมไหวไหล่ไม่สนใจ พี่เวฟจะอะไรนักหนา แค่ดื่มนมเนี่ย

   “โธ่ ไอ้เด็กน้อย”

   “ดื่มแค่น้ำอัดลมก็เงียบ ๆ ไปเถอะครับ”

   “จริงใจ!!!” พี่มีนแหวเสียงดัง ลุกขึ้นชี้หน้าผมทั้งที่ในมือยังมีแก้วน้ำอัดลมอยู่ ยักคิ้วไปให้ รุ่นพี่ตัวเล็กหน้าบึ้งตึงหงุดหงิด หันไปงอแงใส่แฟนตัวเองแทน ผมสั่นหัวเบา ๆ เมื่อมองไปทางอื่นก็สบตากับตัวหอมพอดี เขายกยิ้มคล้ายจะเยาะ เยาะไรวะ หรือเรื่องที่ผมไปยืนดื่มนมหน้าผับ ตลกหรอ?


   “จริงใจเป็นอะไรเหรอ?” หันไปมองคนถาม จันทร์เจ้าแสดงสีหน้าว่าเป็นห่วง ผมจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พี่มาได้สักพักแล้ว แต่เพราะผมมัวแต่จ้องมองตัวหอมที่มีผู้ชายมาวอแวอยู่เรื่อย ๆ จึงไม่ได้สนใจเท่าที่ควร

   สั่นหัวให้พี่ชาย “ไม่ต้องดื่มนะ” ผมบอก รู้ว่าจันทร์เจ้าดื่มได้ แต่มันก็น่าห่วงอยู่ดีนั่นแหละ เอาจริง ๆ คือขี้เกียจจะดูแล และจะปล่อยให้คนของพี่ดูก็ไม่ไว้ใจ ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ

   เรื่องนี้โคตรน่าหงุดหงิดเลย

   แกร้ง ๆ ๆ

   เสียงเคาะแก้วดังขึ้นโดยฝีมือของพี่รถถัง เจ้าตัวลุกยืนพร้อมกับยกแก้วขึ้นสูง

   “เอาล่ะครับทุกคน เมื่อเจ้าภาพมาแล้วเราจงร่วมยินดีเฉลิมฉลองให้มันกันครับ ทั้งเนื่องในวันเกิดและวันนี้ที่มันมีแฟน เอ้า ชน!!”

   “เฮ้!!”

   “ไปยอมเป็นแฟนเขาทำไม” พี่รามินทร์ยื่นหน้าไปถาม ไอ้หมูทำหน้ามุ่ยใส่

   “ยุ่ง!”

   “เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นหมูแล้วพี่ เป็นแรดดีกว่า กำลังฮิต” ผมว่าพลางยกแก้วในมือขึ้นดื่มบ้าง และนั่นทำให้จันทร์เจ้าหน้างอยิ่งกว่าเดิม เป็นหมูไม่ดีตรงไหน ทำไมต้องอยากเป็นแรดวะ

   “ไอ้บ้าจริงใจ! มาว่าพี่ทำไม”

   “เออ จริงอย่างที่มันพูด ทำไมวะหนูจันทร์ เป็นหมูไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงอยากเป็นแรด”

   เห็นไหม ขนาดพี่รามินทร์ยังคิดเหมือนกันกับผม เป็นหมูโง่ ๆ ก็ดีอยู่แล้ว กระแดะจะกลายพันธุ์

   “พี่มีนนนนนนนนนน รามินทร์กับจริงใจว่าเรา พี่มีนช่วยเราด้วย”

   “หึ!” จันทร์เจ้าหน้าเหวอเมื่อพี่มีนสะบัดหน้าหนีไม่ช่วยอย่างที่ผ่านมา

   “พี่มีนต๋า”

   “ไม่ต้องมาอ้อนพี่เลยนะ ไปอ้อนแฟนตัวเองนู่น!”

   “พี่มีนโกรธเราเหรอคับ?”

   “เปล่า! พี่ไม่ได้โกรธ พี่ไม่พอใจ ทำไมน้องจิ๋วถึงเป็นคนขอเป็นแฟนวะ พี่กาลดิต้องเป็นคนขอ ไม่ได้เรื่อง”

   “ห้อยศรีพูดถูกที่สูดดดดด พวกกูอุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักมา ดูแลอย่างดี ยุงให้ไต่ ไรให้ตอม ฉีดยาพ่นแมลงให้มึงไม่ให้โดนเจาะโดนแดก แต่มึงมันเนรคุณ สะดีดสะดิ้งไปขอผู้ชายเป็นแฟน” พี่เวฟพูดเสริมพี่มีน ใส่อารมณ์ร่วมและอินเนอร์มาเต็มจนงง เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่ ไม่รู้อินอะไร

   “ทำแบบนี้ออกจากกลุ่มไปเลย” พี่ไต้ฝุ่นพูดทิ้งไว้เป็นคนสุดท้ายในกระบวนการแหกหมูอ้วน

   “ความผิดครั้งนี้โยนไปให้ทิวาเลย”

   “อ้าว พี่ผิดไรวะ”

   “ก็พี่นั่นแหละ! เราเลยโดนเพื่อนแหกเลยเนี่ย”

   “พวกมึงนี่ มาแดกเหล้าฟรีแล้วยังปากดี”

   “ขอบลูสักขวดแล้วพวกผมจะสงบปากสงบคำ สนับสนุนให้ได้เสียกับไอ้หมูเลยพี่”

   “ก็แย่ละ” ไอ้เหี้ยพี่เวฟแม่ง เอาเพื่อนแลกกับเหล้างี้ก็ได้เหรอ ใจโคตรบาป

   “จริงใจมายังไง?” ลูกหมูเอนตัวมาถาม

   “’ไบค์”

   “งั้นก็อย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวขับรถไม่ได้ มันอันตรายนะ”

   “ไม่เมาหรอกน่า พี่นั่นแหละ ระวังจะเมา หึ” พูดจบก็ยกยิ้มมุมปาก จันทร์เจ้าจึงค้อนผม ดื่มแค่น้ำอัดลม เมาก็แย่ละ



   “จริงใจ จริงใจรู้จักกับพี่ภัคหรอ?” ผมกลอกตาไปมองพี่ชาย ตกใจนิดหน่อยที่จู่ ๆ ก็ถามมาแบบนี้ สงสัยผมจะเก็บอาการไม่ดี

   “มีอะไร?”

   “พี่เห็นจริงใจมองพี่ภัคเลยสงสัย”

   “ก็แย่ละ”

   “บอกพี่สิ”

   “เสือก”

   “จิ๊!” จันทร์เจ้าจิปากทำตาขวาง ไม่นานก็กลับไปวอแวแฟนตัวเองต่อ

   เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ยิ่งดึกสติแต่ละคนก็เริ่มหายไป ผมมองตามตัวหอมที่ลุกออกไปจากที่นั่ง จากที่อ่านปากเขาตอนกระซิบกับพี่พีท เห็นว่าจะไปห้องน้ำ และไม่นานจันทร์เจ้าก็ขอไปห้องน้ำบ้างโดยมีคนของตัวเองตามไป ผมนั่งอยู่สักพัก แกว่งแก้วในมือไปมา ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปบ้าง

   ผมเห็นตัวหอมแล้ว แต่เขาอยู่ในมุมที่ค่อนข้างมืดกับใครสักคนที่ผมไม่เห็นหน้า เพราะคนนั้นหันหลังอยู่ จากการที่เห็นสีหน้าของตัวหอมนั้น รู้เลยว่าไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน ผมเบียดผู้คนเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงของตัวหอมกับผู้ชายคนนั้น

   “บอกว่าให้เลิกยุ่งไง!”

   “พี่ก็บอกเหมือนกันว่าจะไม่เลิกยุ่งกับภัค!”

   “หน้าด้าน! เมียก็มีแล้วยังจะมายุ่งกับคนอื่นอีก จิตสำนึกไม่มีเลยหรือไง”

   “ภัคไงเมียพี่ พี่ยุ่งกับเมียพี่ก็ไม่แปลกอะไร”

   “แปลกที่ฉันไม่ใช่เมียนายไงเล่า!!”

   “ภัค” ผมเรียกชื่อตัวหอมพร้อมกับเข้าไปยืนข้าง ๆ เพราะถ้าเป็นแบบนี้สองคนนี้คุยกันยาวแน่ ตัวหอมหันมามอง เขาเบียดตัวเข้าหาผม ส่วนอีกคนนั้นมองผมเขม็งด้วยความไม่สบอารมณ์ จำได้ละ แฟนเก่าตัวหอมนี่เอง

   “ไอ้เด็กนี่อีกแล้วเหรอ! ยังไม่เลิกใช้มันหลอกพี่อีกเหรอภัค บอกไว้เลยนะว่าพี่ไม่เชื่อ”

   เรื่องของมึง

   “ฉันไม่ได้บอกให้นายเชื่อสักหน่อย ช่างสิ ตอนนี้ฉันมีแฟนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลิกมายุ่งกันได้แล้ว กลับไปดูแลเมียตัวเองไป!”

   “แผนตื้น ๆ หลอกมีแฟนคิดว่าพี่จะเชื่องั้นเหรอ! ต่อให้จูบกันโชว์ก็ไม่เชื่อหรอก ภัคน่ะ...” ไอ้นั่นแสยะยิ้ม สายตาเริ่มเปลี่ยนไป ผมคว้าเอวของตัวหอมมาโอบเอาไว้ “ง่ายจะตาย”

   ผมกระชับเอวบางแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเขากำลังสั่นด้วยความโกรธ

   “มึงก็ระวังจะติดโรคด้วยล่ะ” มันยิ้มเยาะ มองเราด้วยสายตาเหยียดหยาม

   “จากมึง?”

   “ไอ้สัด!!!”

   “หึ” ผมแสยะยิ้ม มองหน้าด้วยสายตาเย็นชา ไอ้เหี้ยนั่นขบกราม กำหมัดแน่น ผมส่งยิ้มเยาะไปอีกครั้งก่อนที่มันจะปล่อยหมัดออกมา และแน่นอนว่าหมัดโง่ ๆ นั่นทำอะไรผมไม่ได้หรอก เลเวลเรามันต่างกัน ไอ้เหี้ยนั่นยิ่งกัดฟันแน่นเมื่อผมหลบได้ ดันตัวหอมไปอยู่ข้างหลังแล้วจึงสืบเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามา

   “จากนี้ก็... สนใจแค่เรื่องตัวเองนะครับ”



   “ปล่อยฉัน!” ผมทำนิ่ง ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนด้านหลัง ยังคงจูงมือเขามาเรื่อย ๆ จนมาถึงทางออกด้านหลัง ที่รู้เพราะก่อนเข้ามาพี่รถถังบอกไว้ว่ามีทางตรงนี้ เมื่อมาถึงด้านนอกผมจึงปล่อยมือเขา ตัวหอมมองผมตาขวาง แต่ผมไม่ได้สนใจ “อะไรกันนักหนา! เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งสักที น่ารำคาญ”

   “อย่าพาลดิครับ”

   “ฉันไม่ได้พาล! หลบไป!” ผมยืนนิ่งแม้จะโดนถลึงตาใส่ กลัวลูกตาเขาจะหลุดออกจากเบ้าจริง ๆ ก็น่ากลัวนะ แต่น่ากลัวแบบทุลักทุเล ตัวหอมเดินกระแทกไหล่ผมออกไปยังมุมหนึ่งที่ค่อนข้างมืด ผมเดินตาม ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลัง จ้องมองไปที่แผ่นหลังบางของคนอายุมากกว่า

   บริเวณนี้อากาศไม่บริสุทธิ์สักเท่าไหร่ ก็แน่นอน สถานที่แบบนี้มันคงมีหรอก ผมขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นนิโคตินฉุนจมูก ไม่ได้มาจากคนที่ออกมาสูบบุหรี่คนอื่น แต่มาจากคนที่ผมมองอยู่นี่แหละ ขายาวก้าวเข้าไปหา ดึงมวนบุหรี่ออกจากมือเล็ก ทิ้งมันลงพื้นแล้วจึงใช้เท้าขยี้จนไฟมอดดับ ตัวหอมจ้องผมเขม็งด้วยความไม่พอใจ มือสวยสอดผมเข้ากลุ่มผมก่อนเสยขึ้นอย่างหงุดหงิด

   “จะไม่เลิกยุ่งใช่ป่ะ!”

   “อือ”

   “หน้าด้าน”

   “มีคนบอกเยอะเหมือนกัน”

   “กวนตีน”

   “อันนี้ก็พอสมควร”

   “ไอ้เด็กเวร”

   “โดนประจำเลยแฮะ” ผมกดมุมปากเป็นรอยยิ้มเมื่อตัวหอมปิดปากเงียบ “ทำไมต้องสูบบุหรี่?”

   “เรื่องของฉัน”

   “ผมไม่ชอบ”

   “เรื่องของฉัน! ไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่ง ไปไกล ๆ ไปให้พ้นได้ยิ่งดีเลย!!”

   “คุณอารมณ์ไม่ดี”

   “ใช่ไง รู้แล้วก็ไสหัวไปซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”

   “รู้ตัวไหมว่ากำลังพาล? คุณพาลใส่ผมหลังจากเจอแฟนเก่าตัวเอง แคร์มันเหรอ?”

   “ฉันไม่จำเป็นต้องแคร์ และฉันไม่ได้พาล”

   “หึ เหรอ”

   “นายจะเอายังไงกันแน่ นายจะเอายังไงกับฉัน!! มายุ่งกับฉันทำไม มาวุ่นวายกับฉันทำไม!!”

   “ผมไม่ได้บอกเหรอว่าชอบคุณ”

   “ชอบ? ชอบอะไร นายรู้จักฉันแค่ไหนกันเชียว”

   “เพราะไม่รู้จักไงเลยมาทำความรู้จักอยู่เนี่ย ถ้ารู้จักอยู่แล้วผมจะจีบคุณทำไม”

   “ฉันไม่ชอบนาย”

   “ผมรู้”

   “รู้แล้วก็ไปไกล ๆ”

   “โทษที ผมไม่มีนโยบายไปไกล ๆ คนที่ชอบ เสียใจด้วยครับ” ตัวหอมกัดฟัน ตาเรียวแข็งขึง ผมยิ้มบาง ๆ คว้าซองบุหรี่และไฟแช็กในมือเขามาไว้กับตัวเอง “ผมไม่ชอบที่คุณสูบบุหรี่ อย่าสูบอีกเลยครับ”

   “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน เอาคืนมา”

   “ไม่”

   “นี่นาย!” ผมยิ้มมุมปาก ก้าวเข้าไปใกล้ ตัวหอมถอยหลังไปหนึ่งก้าว ผมก้มหน้าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเขา

   “ถ้าอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา ก็จูบผมแทนแล้วกัน”

   “เหอะ! จูบเด็ก ๆ ใครจะไปอยากจูบ”

   “เหรอ... แล้วใครนะที่เคลิ้มกับจูบเด็ก ๆ ของผม”

   “มีด้วยงั้นเหรอ?”

   “ลองไหมล่ะครับ?”

   ไม่รอให้เขาตอบอะไร ผมรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากไปบดเคล้ากับปากอิ่ม ตัวหอมยังนิ่ง แต่เมื่อผมเย้าแหย่อยู่สักพักเขาถึงได้โอนอ่อนจูบตอบ ระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันจนส่งเสียงชื้นแฉะออกมาให้ได้ยิน มือเล็กวางอยู่บนไหล่ เบียดแนบร่างกายให้ชิดกันจนไร้ช่องว่าง ความร้อนวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางสะเปะสะปะ ก่อนผละจากเจลลี่หอมหวานไปยังซอกคอขาวเมื่อเริ่มหายใจติดขัด ลมหายใจร้อนเป่ารด มือเล็กที่วางบนบ่าเลื่อนไปโอบลำคอ ผมอ้าปากกัดสร้อยสีดำบนลำคอระหง ก่อนงับผิวเนื้อของเขาเบา ๆ

   “อะ อื้อ...”

   “...กลับกันเถอะ” เอ่ยเสียงพร่าชิดใบหูขาว ผมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ส่งข้อความไปหาจันทร์เจ้า ขณะที่จูงมือเล็กไปยังรถที่จอดเอาไว้

   เนื่องจากหมวกกันน็อกมีใบเดียว ผมจึงสวมให้ตัวหอมไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้ไม่เป็นอะไร...



   23:17 J9 : เค้ากลับก่อนนะ
   23:17 J9 : ปวดหัว








---------------------------------
โอ๊ยยยยยยยยยย  เขาจูบกันอีกแล้วววววววว  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: queenrose ที่ 27-12-2016 20:46:00
จริงจายยยยยยย แอ้ยยยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-12-2016 20:59:03
 :katai5:  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-12-2016 21:00:40
จริงใจลูก!!!!!!!!!!

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2016 21:04:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-12-2016 21:10:26
หมั่นภัคจัง... 
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2016 21:18:43
 :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-12-2016 21:19:19
เจ้าเด็กหื่นนนนนนนน!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-12-2016 21:43:00
จริงใจของเจ้!

ภัคก็ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกับน้องนะ เปิดใจๆ น้องจริงใจของเจ้น่ารักมากเลยน๊าาาา ฮาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 27-12-2016 21:45:40
จริงใจเด็กหน้ามึน
กวนจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 27-12-2016 21:59:53
ภัคนี่จะเล่นตัวไปถึงไหน ขอตัวกระตุ้นหน่อยก็ดีนะคับ ชักอืด  :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-12-2016 23:03:16
จริงใจ o13 o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 27-12-2016 23:27:47
ภัคคงหงุดหงิดที่จริงใจมาวันหายสองวันแหงๆ แล้วเหตุการณ์นี้นั้นเองที่ทำให้จริงใจต้องปวดหัวกับการง้อพี่ชายสุดหล่อ กิกิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 27-12-2016 23:31:18
ได้กันๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-12-2016 23:38:29
พาพี่เขาไปไหนทำอะไรต่ออะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-12-2016 23:40:53
ตัลลอดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 28-12-2016 00:12:48
เขาจูบกันสองรอบแล้วค่ะ ฮือออ จูบกันทีภัคก็ระทวยที จริงใจนี่ไม่ธรรมดา 55555 ภัคก็ฟอร์ม เปิดใจให้เด็กหน่อยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 28-12-2016 01:55:37
เอาเลยๆๆๆๆๆๆ
ได้กันๆๆๆๆๆๆๆ
เอ๊ะ นี่เราพูดไรออกไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 28-12-2016 07:35:39
จริงใจให้มันได้อย่างนี้
เดินหน้าไปเลยลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-12-2016 08:25:18
ดีต่อใจ~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-12-2016 10:01:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-12-2016 10:24:22
จริงจายยยยย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 28-12-2016 17:01:37
ยังไงเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-12-2016 22:08:30
ชวนกันไปอย่างนี้จริงใจจะรอดไหม??
อ้าวว!! ไม่ใช่จริงใจหรอที่จะเสียหาย 555 ต้องห่วงภัคใช่ไหม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: gintama66 ที่ 28-12-2016 22:12:29
หลังจากเหตุการณ์นี้. จริงใจจะไม่ค่อยกลับบ้านแล้วววววว~

มีความอยากอ่านต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 13 ผมกับความทุลักทุเล| 27-12-59 | P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 30-12-2016 00:13:50
อ้าวเฮ้ยยยยยจริงใจ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 01-01-2017 20:20:38
ความที่ 14
ผมกับสัญชาตญาณ





   “นาย...” เสียงของตัวหอมที่เอ่ยเรียกแหบพร่า ดวงตาเรียวปรือปรอยขณะช้อนสบตากับผม ขณะนี้เราอยู่ที่โรงจอดรถคอนโดของตัวหอม หลังจากส่งข้อความไปหาจันทร์เจ้าผมก็ขับรถมาที่นี่ตามคำบอกของคนอายุมากกว่า

   “...ครับ”

   “จูบฉัน” ผมกดยิ้มก่อนกดริมฝีปากไปมอบจูบให้ตามที่ร้องขอ ลำแขนเล็กยกขึ้นกอดรอบคอ ร่างกายผมร้อนวูบขึ้นมา อาจเป็นเพราะรสจูบที่ดุเดือดกว่าครั้งแรกและเมื่อตอนอยู่ที่ผับ ไหนจะมือบางซึ่งสอดเข้าไปขยุ้มกลุ่มผมของผมเอาไว้ ผมยกร่างบางให้นั่งบนเบาะสปอร์ตไบค์ก่อนเข้าไปแทรกระหว่างขาเรียว ตัวหอมเกี่ยวขารัดเอวสอบ ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าผมเป็นเด็กที่เขาไม่ชอบ

   “อืม...” เสียงของผมหลุดออกมาเมื่อคนอายุมากกว่ากรีดปลายนิ้วไล้ลงตั้งแต่ต้นคอผ่านแผ่นหลังไปอย่างช้า ๆ จนผมขนลุกซู่บวกกับอากาศยามดึกในโรงจอดรถแบบนี้ อีกทั้งท่อนบนของผมมีเพียงเสื้อยืดสวมอยู่เท่านั้น เนื่องจากแจ็กเก็ตถูกถอดไปให้อีกคนใส่ตั้งแต่ก่อนออกจากผับ

   “พอยัง?” ถามชิดใบหู พลางคลอเคลียจมูกกับแก้มนุ่ม กลิ่นหอมจากเขายังทำให้ผมแทบบ้าอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าใช้น้ำหอมหรือครีมอาบน้ำกลิ่นอะไร

   “ถ้ายัง?”

   “ขึ้นข้างบนไหม?”

   “อยากขึ้นไหมล่ะ?” อีกคนช้อนตามองยั่ว ผมแนบริมฝีปากไปอีกทีแล้วผละออก

   “ขึ้นไปแล้วจะได้อะไรล่ะครับ?”

   “ได้ฉัน” เขาคลี่ยิ้มซน

   “ก็แย่ละ”

   และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมถูกตัวหอมชวนขึ้นห้อง... ไฟในห้องสว่างโร่ราวกับมีคนอยู่ทั้ง ๆ ที่เราก็เพิ่งขึ้นมา ให้ทาย เขาคงตั้งเวลาเปิดปิดเอาไว้ เจ้าของห้องถอดเสื้อตัวนอกออกซึ่งคือแจ็กเก็ตของผม เหวี่ยงมันไปที่โซฟาแล้วเดินตรงไปยังโซนครัว ผมตามเข้าไป ตัวหอมกำลังเขย่งหยิบขวดไวน์จากบนชั้น ผมเข้าไปยืนซ้อนที่ด้านหลังของเขา มือข้างหนึ่งวางไว้ที่เอวบางส่วนอีกข้างส่งไปชิงขวดไวน์เป้าหมายของเขามา

   “อย่าวอแว” ผมกดยิ้มพลางซบหน้ากับไหล่แคบ ขณะเดียวกันกับที่เจ้าของห้องกำลังรินไวน์ใส่แก้วสองใบ

   “จะมอมผมเหรอ?” ถามออกไป ริมฝีปากและปลายจมูกยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ที่ไหล่เล็กและลำคอระหง

   “เมาเพราะไวน์งั้นเหรอ คออ่อนไปหน่อยไหม” เขาหมุนตัวหันหน้าเข้าหา ผมจึงถือโอกาสเท้าแขนกักร่างของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้

   “ไม่เมาไวน์หรอก ...เมาคุณต่างหาก”

   ตัวหอมเหมือนจะสตั้นไปพักหนึ่ง ก่อนทำหน้าแหวะ “ไปเล่นไกล ๆ”

   ผมไหวไหล่กับคำพูดของเขา เจ้าของห้องดันอกผมออกก่อนเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบเอากล่องช็อกโกแลตออกมา เขายัดมันใส่ปากผมหนึ่งชิ้นในขณะที่ผมอ้าปากขึ้นเพื่อจะถาม รสหวานของช็อกโกแลตกระจายไปทั่วปาก ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นอีกรสเมื่อผมกัดมันเข้า

   ไอ้ฉิบหาย นี่มันช็อกโกแลตที่สอดไส้เหล้า

   ตายห่าไหมเนี่ย ไวน์กับเหล้าจะตีกันหรือเปล่าวะ

   “กินอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”

   “ครามซื้อมา” เขาตอบ และเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น ขาเรียวตวัดขึ้นไขว้ห่าง ไม่รู้ว่าพูดไปกี่ครั้งแล้วว่าผมละสายตาจากตัวหอมยากมาก และครั้งนี้ก็เช่นกัน...

   “มองหน้าฉันทำไม?”

   “สงสัยอะไรนิดหน่อย” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมคุณถึงให้ผมมาที่นี่อีกล่ะ? ไหนจะจูบผมอีก”

   “นายจูบฉันก่อนไม่ใช่หรือไง?”

   “ถ้าที่ผับก็จริง แต่คุณจูบผมก่อนนะครั้งแรกน่ะ”

   “เหอะ จะตั้งคำถามอะไรมากมาย นายชอบฉันไม่ใช่หรือไง นายได้กำไรนะ”

   “แล้วยังไง? คุณไม่ชอบผมไม่ใช่เหรอครับ?” ตัวหอมไหวไหล่พลางยกไวน์ขึ้นจิบ “การกระทำกับคำพูดคุณมันย้อนแย้งนะ”

   “ข้องใจว่างั้น?”

   “อือ คุณทำเหมือนให้ความหวังผม แต่บางทีก็ผลักไสให้ไปไกล ๆ”

   “นายเมาแล้ว”

   “อย่าเปลี่ยนเรื่องดิครับ” ผมขยับเข้าไปใกล้เขา เมื่อตัวหอมเอนตัวไปด้านหลัง ผมก็โน้มตาม ใช้เข่ายันโซฟาหนึ่งข้าง ส่วนขาอีกข้างยันพื้นพยุงตัวเอาไว้ และตอนนี้ตัวหอมอยู่ใต้ร่างของผม ดวงตาเรียวรีปรายมองพร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์ มือเล็กแกว่งแก้วเครื่องดื่มในมือเบา ๆ ก่อนยกดื่มด้วยท่าทางสบาย ๆ

   “อ่า... รุกแรงแบบนี้ฉันกลัวนะ”

   “ก็แย่ละ”

   “เวลาเมาแล้วจะหงุดหงิดงั้นเหรอ”

   “ผมไม่ได้เมาครับคุณภัค”

   “อ๋อ.... เหรอ”

   ผมดื่มไวน์ไปแค่แก้วเดียว แต่ช็อกโกแลตสอดไส้นั่นก็หลายชิ้นอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะ ผมไม่เมาหรอก ดีกรีมันไม่แรง ตอนอยู่ที่ผับผมก็ดื่มมาไม่เยอะ

   “จะว่าไป... นายก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ” คนพูดยิ้มยั่ว ไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบหน้าของผม “อืม... หุ่นก็คงโอเคมั้ง” เขาว่า หลังจากกรีดปลายนิ้วลงต่ำเรื่อย ๆ จนกระทั่งหยุดไว้ที่หัวเข็มขัด ใบหน้าสวยแหงนขึ้น ริมฝีปากสีแดงขยับเป็นรอยยิ้มซุกซน แววตาพราวระยับราวกับเจอเรื่องสนุก ก้านนิ้วเล็กวนเป็นวงกลมช้า ๆ อยู่เหนือขอบกางเกง เขาขยับตัวขึ้น หัวเข่าตั้งชัน มันเฉียดเป้ากางเกงผมไปคล้ายกับว่าคนทำไม่ได้ตั้งใจ แต่เชื่อเถอะ เขาตั้งใจนั่นแหละ

   ผมว่า... คนที่เมาน่ะ เขาต่างหากล่ะ

   “อย่าซน”

   ตัวหอมยกยิ้มคล้ายพึงพอใจ

   แก้วไวน์เปล่า ๆ ถูกปล่อยให้กลิ้งไปบนพื้นโดยเจ้าของ มือสวยทั้งสองผลักไหล่ผมให้ล้มลงก่อนที่เขาจะขยับขึ้นมาคร่อมบนช่วงหน้าท้องของผม ให้ตาย จะทำอะไรของเขาวะ บอกเลยตอนนี้ผมโคตรเกร็ง ทั้งระแวงทั้งตื่นเต้น กลัวว่าเขาจะแค่ยั่วเล่น ๆ เอาสนุกแล้วชิ่งหนีไปหรือไม่ก็ไล่ผมกลับ อีกอย่างคือถ้าพีคแล้วเลยเถิดกันไปล่ะก็... บรรลัยแน่

   เดาไม่ถูก ผมกลัวใจเขา

   “คุณ!!” ร้องเรียกคนที่กำลังซุกซนด้วยการนั่งทับบนหน้าท้องผม ถ้าแค่นั้นมันจะไม่เป็นไรหรอกนะ แต่เขากลับค่อย ๆ เลื่อนตัวถอยหลังไปช้า ๆ และหยุดตัวเองไว้ที่ตรงนั้น... ผมรู้สึกได้ว่าเขาแกล้งขยับตัวให้สะโพกบดเบียดกับร่างกายของผมด้วย!!!

   ให้ตายเถอะ!!

   “เกร็งเชียวนะ”

   ไม่เกร็งก็เหี้ยแล้ว!!!

   “ผมไม่เล่นนะ”

   “แล้วฉันเล่นเหรอ หืม....?”

   “ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมาโทษผมไม่ได้นะครับคุณณภัค”

   “อะไรจะเกิดขึ้นงั้นเหรอ? อ๊ะ! ฉันนั่งทับอะไรอยู่น่ะ”

   ขอบอกเลยว่าเขาเป็นมนุษย์ที่โคตรร้ายกาจ!!

   “รู้สึกไวจังนะ” เขาว่ากลั้วหัวเราะ ผมกลอกตาขึ้นฟ้า อยากจะตีเขาสักที ทำไมถึงได้ซนนัก

   “คุณก็รู้สึกไม่ใช่เหรอครับ?” ตัวหอมชักสีหน้ามองตาขวางเมื่อผมย้อนกลับ มือหนาเอื้อมไปจับข้อมือเล็กก่อนออกแรงกระชากให้ร่างบางล้มลงมา ตัวหอมใช้มือดันอกผมเอาไว้ ไม่ให้ตัวเราแนบกันจนเกินไป

   คนซนก็คือคนซน บอกให้อยู่นิ่ง ๆ ได้ที่ไหนกัน ฝ่ามือเล็ก ๆ นั่นลูบไล้อยู่ที่แผ่นอกจนผมขนลุกไปหมด ด้วยความหมั่นไส้จึงจัดการรั้งคออีกคนลงมาและล็อกท้ายทอยเอาไว้ กดริมฝีปากไปบดจูบรุนแรง สติเหมือนจะค่อย ๆ หายไปเมื่ออารมณ์ความรู้สึกบางอย่างเริ่มปะทุขึ้น และกว่าจะรู้ตัวอีกทีเราสองคนก็มาอยู่บนเตียงในห้องนอนของเจ้าของห้องแล้ว...

   อารมณ์ที่ขาดช่วงไป ถูกดึงกลับมาอีกครั้งเพียงแค่ร่างกายของเราสัมผัสกัน...



   “มีคอนด้อมไหมครับ?” ผมถามขณะที่วอแวกับซอกคอของตัวหอม ได้ยินอีกคนหายใจแรง ไม่รู้เพราะความต้องการหรือหงุดหงิด แต่น่าจะเป็นอย่างหลัง... ก็คนมันไม่ได้ใช้จะพกไว้ทำไมวะ เหตุการณ์ฉุกเฉินก็ไม่มีแน่เพราะผมแทบไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่ว่า... หลังจากนี้คงต้องซื้อมาไว้บ้างแล้วล่ะ หึ

   เจ้าของห้องผลักผมออกก่อนเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วกลับมาหยุดอยู่ปลายเตียง เขาโยนหลอดอะไรสักอย่างมาบนเตียง คาบซองอะลูมิเนียมไว้ก่อนจะยกมือขึ้นปลดสร้อยคอที่สวมอยู่ออกแล้วโยนมันลงพื้น ขึ้นมายืนเข่าบนเตียง ผมเอนตัวไปด้านหลัง ใช้ศอกค้ำเอาไว้เพื่อไม่ให้เองนอนราบไป ตัวหอมขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ซองอะลูมิเนียมถูกโยนใส่อก มือสวยเลื่อนมาวางที่หัวเข็มขัดก่อนปลดมันออกพร้อมกับกระดุม ผมเม้มปากแน่น เกร็งกล้ามเนื้อทันทีที่เขาวางเลื่อนมือมารูดซิบกางเกงลง คนร้ายกาจชำเลืองตาขึ้นมอง ริมฝีปากสีสดขยับยิ้มเยาะ

   “ใส่เป็นใช่ไหม?” คงหมายถึงถุงยาง ดูถูกกันเกินไปละ

   “ไม่เป็นครับ ใส่ให้หน่อยสิ”

   ผมแกล้งตอบไป แต่ดูท่าตัวหอมจะเข้าใจแบบนั้นจริง ๆ  เขาคว้าซองอะลูมิเนียมนั่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วถือเอาไว้ก่อน

   “ถอดกางเกงออก” แถมเสื้อให้ด้วยเลย ตอนนี้ผมไม่มีอะไรติดตัวแล้วนะ อายนิดหน่อย แต่ผมมั่นใจกับหุ่นตัวเองพอสมควร แต่ว่า... ตัวหอมไม่ปิดไฟเลยรู้สึกพิลึกนิดหน่อย

   แอบเห็นว่าคนอายุมากกว่าแสดงอาการตกใจ ผมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยกับแก้มใสที่ขึ้นซับสีแดงจาง ๆ มือขาวกอบกุมของผมเอาไว้ก่อนขยับรูดรั้งให้มันตื่นตัวเต็มที่ จากนั้นถึงได้แกะเอาถุงยางออกมาจากซองอะลูมิเนียม

   หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่มองตัวหอมเปลื้องผ้า ผมแย่งหลอดเจลจากมือเขามา ดันให้เจ้าของห้องนอนราบกับเตียง ถึงไม่เคยทำแต่ผมก็รู้น่าว่ามันต้องทำยังไงหรือเตรียมการอะไรบ้าง สัญชาตญาณแม่งบอกมา

   “อือ!” เสียงครางหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากสีสดเมื่อผมกดแทรกก้านนิ้วเข้าไป ตัวหอมหอบหายใจแรง ช่องทางที่รัดแน่นทำให้ผมหยุดการกระทำเอาไว้ก่อน “ขะ ขยับสิ...” ทำตามที่อีกคนบอก จนเมื่อทุกอย่างพร้อม

   ผมสบตากับตัวหอม นัยน์ตาที่เคยแข็งขึงไร้ความรู้สึกตอนนี้ฉ่ำปรือไปด้วยความต้องการ ผมโน้มไปกดจูบที่ริมฝีปากล่อใจอยากอดไม่ไหว ขนาดเดียวกันก็เตรียมอาวุธที่พร้อมรบไว้ที่ปากทาง กดแทรกกายเข้าไปอย่างเชื่องช้าและทำให้เบาที่สุด

   ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของตัวหอม แต่ทุกคนควรได้รับการทะนุถนอมไม่ใช่หรอ? โอเค คนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผมเขาควรได้รับ ผมต้องการให้ครั้งแรกของเราเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดีทั้งสองฝ่าย และอ่อนโยนกับร่างบอบบางนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้

   เพื่อคนคนนี้ที่ผมเผลอใจไปให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ...

   “น่ะ... นาย... อ๊ะ อ๊า!”

   “เรียกชื่อผมภัค”

   “จริง... ฮะ ใจ จริงใจ!!”

   หากผ่านคืนนี้ไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นจะเป็นอย่างไร จะดีขึ้น เหมือนเดิม หรือแย่ลงนั้นไม่อาจคาดเดา บอกแล้วว่าผมกลัวใจเขา

   ต่อให้เรื่องคืนนี้เป็นการตัดสินใจผิดพลาด หรือจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขา แต่มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดของผม และมันไม่ใช่อารมณ์เพียงชั่ววูบ ที่ผมทำทั้งหมดนี้มันมาจากความรู้สึกจริง ๆ ผมไม่ได้ต้องการเซ็กส์ ...แต่ผมต้องการเขา

   ณภัคไม่ง่ายเหมือนที่ใคร ๆ พูดหรอกครับ

   คนที่ง่ายน่ะ มันผมเอง



   ผมลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือนอนนิ่ง ๆ มองเพดานให้สมองประมวลผล หลังจากรู้ว่าไม่ใช่ห้องตัวเองก็หันไปมองเจ้าของห้องตัวจริง ตัวหอมยังคงหลับตาพริ้ม ผมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย อมยิ้มเล็กน้อยก่อนยื่นมือไปปัดปรอยผมนุ่มเบา ๆ หลับแล้วโคตรน่ารัก ปากเผยอนิดหน่อย ขนตาเป็นแพยาว หลับเหมือนเด็ก ไม่มีพิษมีภัย น่ารักกว่าตอนตื่นเป็นเท่าตัว หึหึ

   ลุกจากเตียงให้เบาที่สุด วิสาสะใช้ห้องน้ำของเขาในการอาบน้ำชำระร่างกาย เหนียวตัวชะมัด ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนอนผมก็อาบน้ำไปแล้วแท้ ๆ เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงทำไมร่างกายผมมันถึงได้ขับเหงื่อออกมาแบบนี้ เมื่อคืนเราทำกันอยู่หลายชั่วโมง หลังจากเสร็จภารกิจก็เป็นผมที่จัดการให้ห้องมันกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เช้านี้จึงไม่มีเสื้อผ้าที่ตกกราดเกลื่อน เตียงที่ยันย่น หรือเศษซากอะไรที่สมควรทิ้ง

   ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เจ้าของห้องยังนอนหลับอยู่เลย ผมไม่อยากรบกวนจึงเดินออกไปเงียบ ๆ

   ถ้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอผมล่ะ? จะว่าผมฟันแล้วทิ้งหรือเปล่าวะ




   ตึง!!!

   “เหี้ย!” ผมสบถออกมาเสียงดังเมื่อเห็นคนในลิฟต์

   “นอนที่นี่?” พยักหน้าเป็นคำตอบ ไม่คิดว่าจะเจอแฟนพี่ชายแฮะ แต่ลืมไปว่าเขาก็อยู่ที่นี่ ถือว่าเป็นโชคดีแล้วกันที่ไม่เจอจันทร์เจ้า

   หัวใจผมเต้นโคตรแรง นึกว่าจะฉิบหายแล้วเสียอีก

   “จันทร์เจ้าล่ะ?”

   “อยู่บนห้อง จะไปหาไหมล่ะ?”

   “หาก็แย่ละ”

   คนของพี่หัวเราะ ตาคมมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแสยะยิ้มที่โคตรร้ายกาจ

   “ทำไมรีบกลับมาก่อน”

   “ไม่ยุ่งดิครับ”

   “หึ จะกลับแล้วใช่ไหม?” ผมพยักหน้า แล้วส่ายหน้า

   “เมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นป่ะ?”

   “แลกกัน”

   แลกก็เหี้ยแล้ว

   ใครจะไปบอกล่ะว่าเมื่อคืนของผมนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้แฮะว่าตัวหอมจะคิดยังไง เพราะตอนผมออกมาเขายังหลับอยู่เลย

   “บอกมาก่อนดิ”

   “เจ้าเล่ห์ดี” เขาว่า แต่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังระหว่างที่เดินออกจากลิฟต์

   ผมกำหมัดแน่น ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมา โกรธไอ้พวกนั้นที่เข้าไปยุ่มย่ามถึงขนาดจะฉุดพี่ชายผม แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่ได้อยู่ช่วยพี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจันทร์เจ้าล่ะก็... ผมไม่โทษเจ้าหมูหรอกว่าเป็นความผิดเขา แต่จะโทษตัวเองมากกว่าที่ไม่ได้อยู่ดูแล ในขณะที่ผมกำลังตื่นเต้นที่จะได้อยู่กับตัวหอม จันทร์เจ้าจะรู้สึกแย่ขนาดไหนกับไอ้พวกชั่วนั่น

   “เอาน่า จันทร์เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว” คนของพี่ตบบ่าผมสองสามทีเหมือนเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง

   “ไอ้พวกนั้นล่ะ?”

   “คนหนึ่งไหวตัวทันเลยรอดไป อีกคนเละ ไม่รู้ต้องอยู่โรงพยาบาลกี่วัน”

   “อือ... เฮ้อ”

   “ห่วงก็ขึ้นไปหาดิ”

   “ก็แย่ละ ไว้ค่อยเจอกันที่บ้าน”

   “หึหึ อ๋อ เมื่อคืนที่ออกไปกับภัคน่ะ” หันมองหน้าคนพูด หัวใจเต้นตึกตักระหว่างที่รอประโยคถัดมา “จันทร์เจ้าเห็นนะ”

   กูว่าแล้ว

   นมรสน้ำผึ้งแทบล่วงจากมือ

   “ความฉิบหายที่แท้จริง...”

   “หึหึ อย่ากังวลน่า เอาเรื่องเมื่อคืนมาฮีลสิ”

   “อะไร พูดอะไรครับ”

   “ตอแหลไม่เนียนทั้งพี่ทั้งน้อง” คนของพี่สั่นหัวก่อนเดินไปบล็อกอื่น ขนมเต็มตะกร้า พี่กูตัวบวมแน่ ๆ

   ผมเบะปาก รู้แหละว่าพูดถึงอะไร หันไปมองตัวเองในกระจกตู้แช่ พอเห็นลาง ๆ ว่ามีซากอารยธรรมอะไรอยู่บ้าง ผมแหวกคอเสื้อลง ก้มหน้าไปดู รอยเล็บหราเลย แดงเถือก เหอ ๆ ว่าแต่... ตัวหอมดูดคอผมด้วยเหรอวะ

   ร้ายแฮะ อยากแสดงความเป็นเจ้าของก็ไม่บอก

   “อ๋อ ลืมบอกอีกอย่าง ไอ้เตี้ยน่ะ น้อยใจจนร้องไห้เลยล่ะ”

   ผมได้แต่มองคนพูดที่ตอนนี้เดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปแล้วตาปริบ ๆ

   นี่มัน ฉิบหายest เลยนะเว้ย!!! ไอ้หมูร้องไห้เลยเหรอวะ เชี่ย แม่งต้องรุนแรงกับใจบวม ๆ นั่นขนาดไหนกัน ผมต้องไปกวาดซื้อโรงงานขนมมาง้อไหม
   




   “มาช้านะมึง” เสียงของข้าวฟ่างดังมาทันทีเมื่อผมเปิดประตูห้องซ้อมเข้าไป ยักไหล่ไม่ยี่หระ โยนกระเป๋าลงพื้นก่อนเปิดเอาไม้กลองออกมา

   เพราะตื่นสายกว่าปกติเลยทำให้ทำอะไร ๆ ช้าไปด้วย ออกจากคอนโดตัวหอมแล้วก็ขับรถไปคอนโดตัวเอง ถ้าให้กลับบ้านใหญ่ก็จะใช้เวลานานกว่าเดิมด้วยระยะทาง อาบน้ำเปลี่ยนชุดอีกรอบที่คอนโด เลือกชุดที่สามารถปิดรอยที่คอผมได้แล้วถึงได้มาที่ห้องซ้อมนี้

   “ครั้งแรกเลยที่พี่จริงใจมาสาย” ไจ่ไจ๋ว่า ทำหน้าเอ๋ออยู่ใต้แว่นสายตา

   “ยุ่งอะไรกับมันพวกมึงเนี่ย”

   ดีมาก ยกนิ้วโป้งให้ไอ้วาฬก่อนที่จะไปประจำที่ที่กลองชุดแล้วจึงเริ่มซ้อมกัน หัวหน้าวงมันบอกต้องฟิตไว้เพื่อเตรียมประกวด ผมกับอีกสองคนกลอกตากันแทบไม่ทัน งานมันอีกตั้งเมื่อไหร่ ไม่รู้รีบไปทำไม แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยครับว่าข้าวฟ่างมันไปเอาข่าวงานประกวดนี้มาจากไหน ทางเว็บไซต์ออฟฟิเชียลหรืออะไรยังไม่มีประกาศเลย

   มึงจะคึกเกินไปแล้ว

   “เกรดเราออกหรือยังวะ?” ผมถามออกไป นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องค้างคา ต้องเอาเกรดไปอวดตัวหอม ...เกรดหรือคะแนนสอบวะ เอาไปแม่งทั้งคู่นั่นแหละ

   “ไม่รู้ว่ะ ลองเข้าไปดูในเว็บดิ” ข้าวฟ่างบอก

   “มึงจะดูทำห่าอะไร ยังไงก็ได้ท็อปอยู่ดี กูเนี่ยยยยยยยย” วาฬตบอกตัวเองปึก ๆ

   “อือ พี่วาฬรู้ตัวเองด้วย เจ๋ง ๆ”

   “เดี๋ยวกูตบให้แว่นแตก”

   “ไรอ่ะ! ทำไมใจร้ายงี้”

   และแล้วมือคีย์บอร์ดของวงก็ถูกหัวหน้าวงและมือเบสรุมสะกำ...



   “หิวอ่า” คนอายุน้อยสุดบ่นขึ้นมาหลังจากหัวหน้าวงบอกพัก ผมยกน้ำขึ้นดื่มพลางพยักหน้าเห็นด้วย

   “ซ้อมเสร็จไปหาอะไรแดกกัน”

   “พี่ฟ่างเลี้ยง เย้!!!”

   “เลี้ยงพ่อมึงสิ!” ข้าวฟ่างตบหัววาฬที่โมเม เรานั่งเป็นวงกันที่พื้น

   “เอาดิ กูเลี้ยงเอง”

   “ฮัดชา!!” เกลียดการอุทานของไอ้ฟ่างจริง ๆ อุทานเหมือนคนปกติไม่เป็นกันหรือไง แล้วพวกมึงจะตกใจอะไรกัน หืม

   “อะไรเข้าสิงพี่จริงใจป่ะเนี่ย” ไจ่ไจ๋ทำหน้าตื่น

   “นั่นดิ เกิดอะไรขึ้น!”

   “จะแดกไม่แดก”

   “แดก!!”

   สามัคคีกันเชียวนะพวกมึง

   “เหอะ อยากกินไร?” ผมถามพร้อมมองหน้าไจ่ไจ๋

   “ให้ผมเลือกหรอ?” มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ทำหน้าเหรอหรา ไม่ใช่ให้สิทธิพิเศษอะไรหรอกครับ ผมคิดไม่ออกว่าอยากจะทานอะไร บอกแล้วว่ามันเป็นปัญหาโลกแตก “อยากกินข้าวมันไก่อ่ะ”

   “โห่ ไอ้ห่า ได้เลือกทั้งทีเอาให้มันดีกว่าข้าวมันไก่ได้ป่ะ”

   “เอ้า ก็ผมอยากกินอ่ะ พี่ฟ่างหุบปากดิ”

   “ไอ้เด็กห่านี่” ข้าวฟ่างทำท่าจะตี ไจ่ไจ๋มันก็เอนตัวหลบ แต่หลบเยอะไป หงายหลังหัวฟาดแอมปิไฟเออร์ ทำตัวเองทั้งนั้น

   “จริงใจเลี้ยงทั้งที เลือกแพง ๆ หน่อยสิวะ”

   “ไอ้เหี้ยนี่” โยนฝาขวดน้ำใส่ไอ้วาฬ เข้าหางคิ้วพอดี

   “กินปูผงกะหรี่”

   “โอเค” ผมว่า นึกร้านออกแล้ว อยู่แถวนี้แหละ ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มซ้อมต่อไปอีกราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นถึงได้เก็บของเพื่อไปหาอะไรทาน



   “เออ กูว่าจะถามมึงนานละ มึงรู้จักรุ่นพี่กลุ่มนั้นได้ยังไงวะ?” ผมชะงัก หันไปมองหน้าคนถาม ก่อนจะสะบัดมือให้วาฬกับไจ่ไจ๋เข้าไปในร้านก่อน

   “อย่ารู้เลย”

   มันหรี่ตามองจับผิด “บอกมาเลย มึงจีบใครอยู่ใช่ไหม!”

   “ก็แย่ละ”

   “แน่ ๆ พี่พีทหรอ? ไม่น่า หรือพี่ภัค”

   “เสือก!”

   “อั๊ยยะ! น้องจริงใจมีความรัก กูบอกพี่จันทร์เจ้าแน่”

   “สาระแนจริง ๆ เข้าไปได้แล้ว!” ไอ้ฟ่างหัวเราะสนุกสนานพอใจ ไอ้ฉิบหาย บอกจันทร์เจ้าพ่อมึงดิ แล้วเหมือนการกระทำของผมจะเป็นคำตอบให้มันอย่างดีเลยล่ะ

   “ฮัดชา! กูเดาว่าพี่ภัค เป็นไงวะ ถึงขั้นไหนแล้ว” ไอ้ฟ่างทำหน้าอยากรู้อยากเห็น ผมปรายตามองมัน เดินเข้าไปในร้านโดยไม่ตอบคำถาม

   ผมแสดงออกมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมว่าผมก็ไม่ได้อะไรมากมายนะ ทำไมคนเอ๋อ ๆ อย่างไอ้ฟ่างถึงได้มองออก


   ฉิบหายเอ๊ย!








--------------------------------------------
สวัสดีปีใหม่ค่า~

อยากหวีดอ่ะ หวีดนิยายตัวเองได้ไหม555555555555555
คุณขาาาาาา เขาตะมุ้งตะมิ้งกันแล้วคุ้ณณณณณณณ
เร็วอะไรเบอร์ คนหรือน้ำมัน ไวไฟสุดอ่ะ ยอมใจ

อาจมีคำผิดอยู่เด้อ ขออภัยด้วยครับ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน ไว้เจอกันตอนหน้า
บายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 01-01-2017 20:43:57
จือดึ๊บจือดึ๊บแล้ว ฮืาออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-01-2017 20:44:56
อัยย่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-01-2017 20:55:39
 สวัสดีปีใหม่ค่ะ
 :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 01-01-2017 20:59:16
อ่านแล้วแบบใจเต้นแรงมากกกก จริงใจไม่กากแบบทิวากาลนะคะ555555 :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-01-2017 21:18:30
อรั๊ยยยยยยยย ภัคมาแนวไหนทำไมถึงยอม

สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-01-2017 21:33:14
  :-[ :impress2:  สวัสดีปีใหม่ค่ะ 
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ArcanaPM ที่ 01-01-2017 21:44:38
ภัคจะโมโหไหมตื่นมาไม่เจอจริงใจ
ใจไม่กากนะเออ :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 01-01-2017 21:49:36
ภัคตื่นมาจะเป็นยังไงบ้างน้อ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-01-2017 21:56:06
น้องจริงใจของเจ้

อันนี้รอดูว่าภัคตื่นมาแล้วจะยังไงต่อไป...

แต่ที่แน่ๆ...น้องหมูงอนไปแล้ว...โอ๋ๆน๊าาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 01-01-2017 22:13:14
ไวไฟดีมากค่ะลูก ไม่เสียชื่อศิษย์พี่ฟ้า...  เอ๊ะ?  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 01-01-2017 22:36:28
โอ่ย...ลูกค่ะ เรียบร้อยโรงเรียนจริงใจแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 01-01-2017 22:42:03
จริงใจไม่ธรรมดาาา55555555555555 รอตอนต่อไปแทบจะไม่ไหวแล้ววววว :katai1:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-01-2017 22:55:29
จริงใจเด็กแก่แดด 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-01-2017 22:59:18
โหย จริงใจฟันแล้วทิ้งอ่ะ!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-01-2017 23:44:28
เขาได้กันแล้วอ่ะตัวเอง อยากจะตะโกนให้พี่หมูได้ยิน แต่แค่นี้พอดีกว่า เพราะแค่นี้พี่หมูของเราคงโกรธไปอีกนานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2017 23:46:30
❤️ HAPPY NEW YEAR 2017 ❤️
สวัสดีปีไหม่ ๒๕๖๐
ขอให้ไรท์ มีความสุข มากๆๆ
。◕‿◕。
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
จริงใจ ได้ใจจริงๆ ด้วย
ภัค เจอกันจริงใจใหม่อย่าทำเมินล่ะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 02-01-2017 01:32:42
ทำไมภัคยอมจริงใจง่ายงี้อะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ภัคคิดไรอยู่ววว แล้วจริงใจออกมาไม่รอภัคต่อหรือบอกภัคก่อนจะดีหรออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 02-01-2017 02:59:25
ทำไมจริงใจไม่รอภัคตื่นก่อนนนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-01-2017 06:36:09
จะถูกโกรธไหมล่ะนั่น  หนีเขาออกมาทั้งๆที่นอนอยู่ด้วยกันทั้งคืน.
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-01-2017 07:24:41
ภัคตื่นมาจะคิดงนะจริงใจชิลเกิ๊น 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-01-2017 07:26:39
กลัวใจภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 02-01-2017 09:09:57
ภัค อาจจะใช้เหตุการณ์นี้เป็นตัววัดอะไรบางอย่าง
ว่าความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปหรือหยุด...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 02-01-2017 10:10:04
โอ๋ยๆๆๆๆเค้าได้กันแล้วว

จริงใจเร็วเลยลูก แต่ออกมาก่อนแบบนี้เค้าไม่คิดว่สฟันแล้วทิ้งหรอ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 14 ผมกับสัญชาตญาณ | 1-1-60 | P.9
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 02-01-2017 11:24:58
เหยยยยย
เขาซัมติงกันละเด้อ :hao6:
แต่ตื่นมาตัวหอมจะงอนไหมเนี่ย
ตื่นมาไม่เจอใคร
 :3123:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-01-2017 20:37:43
ความที่ 15
ผมกับงูพิษ







   ความรู้แรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมานั่นคือ...ง่วง ส่วนความรู้สึกแรกหลังจากขยับตัวแล้วคือ...เจ็บ เจ็บมาก ๆ พยายามฝืนตัวลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง สิ่งที่ผมได้ยินตอนนี้มีเพียงแค่ความเงียบ ไร้แววของสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากตัวผมเอง กวาดตามองรอบห้อง สภาพปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แม้แต่เตียงก็ไม่มีรอยยับยู่ยี่เลยด้วยซ้ำ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... จะบอกว่าแค่ฝันก็งี่เง่าไปหน่อย สะโพกผมเจ็บขนาดนี้ ไอ้เด็กบ้านั่น... มีอาวุธไม่สมกับเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดเลยสักนิด เล่นเอาผมครางจนเสียงแหบ กระแทกมาแต่ละทีก็จุกไปหมด

   ทำบ้าอะไรลงไปวะ

   ทำไมถึงไปยอมง่ายแบบนั้น

   แล้วนี่เด็กนั่นหายไปไหน? โอเค คงกลับไปแล้วล่ะ จะอยู่เพื่ออะไรกัน ได้ผมแล้วนี่ ก็แค่นั้นแหละ คาดหวังอะไรวะ คนที่เข้าหาผมก็เป็นแบบนี้ทุกคน แรก ๆ ก็ดี พอได้กันแล้วก็ดีแตก

   ควรชินได้แล้วไหมล่ะ

   ผมเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายด้วยความยากลำบาก ก้าวขาแต่ละทีก็สะเทือนไปหมด เนื้อตัวก็ปวดเมื่อย แช่น้ำอุ่นสักหน่อยน่าจะดี ก้าวขาลงไปในอ่างเมื่อน้ำอยู่ในระดับที่พอดี กระแสน้ำอุ่นที่โอบล้อมทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ผมลูบไล้เนื้อตัวเบา ๆ รอยช้ำและรอยจูบบนร่างกายเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่ผมฝันไป เลื่อนมือไปแตะที่สะโพกและช่องทางด้านหลังเพียงสัมผัสแค่เล็กน้อยก็ต้องเบ้ปาก เสียดเป็นบ้า ดูเหมือนจะบวมด้วยแฮะ แล้วไอ้เด็กเวรนั่นไปเอาเรี่ยวแรงมากจากไหนกัน โกหกหรือเปล่าว่าไม่เคยมีประสบการณ์

   แช่น้ำอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้ไปอาบน้ำจริง ๆ ผมออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่ความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ปล่อยเส้นผมเปียกชื้นให้ลู่แนบกับใบหน้า ก่อนออกจากห้องผมก็ยืนมองสภาพห้องตัวเองอีกครั้ง เด็กเวรนั่นทำความสะอาดห้องให้ผมด้วยอย่างงั้นเหรอ เสื้อผ้าที่ควรกระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ไม่มี เศษซากถุงยางใช้แล้วก็ไม่มีให้เห็น แม้แต่ตัวผม เจ้านั่นยังทำความสะอาดให้ด้วย

   ทั้ง ๆ ที่คนอื่นไม่เคยทำแบบนี้เลย... เพื่ออะไรกัน ที่ทำไปทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่ออะไร

   กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารปะทะเข้าจมูกทันทีที่เปิดประตูห้องนอนออกมา ท้องผมร้องโครกครากประท้วง นี่มันก็ล่วงเลยมาบ่ายโมงแล้วนี่นา ไม่หิวก็บ้าแล้ว ผมเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนครัว ครัวที่ไม่เคยใช้งานเพราะผมทำอาหารไม่เป็น ตอนนี้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังง่วนกับการปรุงอาหาร ผมชะงักไปเมื่อเห็น คิดว่ากลับไปแล้วเสียอีก...

   ผมยืนมองคนที่ทำอาหาร หยิบจับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่แข็งกระด้าง พูดจาขวานผ่าซากแบบนั้นจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วย ไม่รู้ว่าเผลอมองไปนานเท่าไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เด็กนั่นเข้ามาใกล้นั่นแหละ

   “ทำไมไม่เช็ดผมครับ?” คนที่คิดว่ากลับไปแล้วถามขึ้น เจ้าเด็กนั่นยื่นมือมาคว้าผ้าผืนเล็กบนคอผมไปและเช็ดผมผมอย่างถือวิสาสะ

   “ยุ่ง” ปัดมือหนานั่นออก เดินไปกดน้ำไปดื่ม ผมเบ้ปากทุกครั้งที่ก้าวเดิน ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ หรือเพราะไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้นาน จะว่าไป ตั้งแต่เลิกกับภีมผมก็ไม่ได้คุยกับใคร เกือบสองเดือนได้แล้วมั้ง...

   “เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” มองคนพูดด้วยหางตาให้รู้ว่ารำคาญ เด็กยักษ์ไหวไหล่ก่อนกลับไปที่เคาน์เตอร์ อดชะโงกไปดูไม่ได้ว่ากำลังทำอะไร “คุณไปแต่งตัวสิ”

   “อย่ามาสั่ง”

   ไอ้เด็กพูดไม่รู้เรื่องเบ้ปาก “หิวมากยังครับ?”

   เผลอพยักหน้าไป เมื่อเห็นรอยยิ้มของมันแล้วผมจึงทำเสียงขึ้นจมูกแล้วไปในห้อง ใส่เสื้อผ้าเหอะ เดี๋ยวเด็กมันจะหัวใจวายตายก่อน หึ

   เมื่อออกมาอีกทีก็พบกับอาหารสองจานที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าว ผมนั่งลงโดยที่ไม่เล่นตัว ก็คนมันหิวนี่! สิ่งที่เด็กนั่นทำคือสปาเก็ตตี้ซอสหมู หน้าตาน่าทานดี แต่รสชาติไม่รู้ยังไง เหลือบตามองคนที่เพิ่งเอาแก้วน้ำสองแก้วมาวางและนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เด็กนั่นใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากไม่พูดไม่จา

   ตามบทแล้วมันต้องบอกให้ผมกินไม่ใช่เหรอ?

   ช่างเหอะ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นคนยังไงกันแน่ ผมม้วนเส้นทานบ้าง เมื่อสัมผัสรสชาติได้จากปลายลิ้นก็ต้องมองหน้าคนทำ เด็กนั่นยังคงก้มหน้าทาน ผมเคี้ยวอาหารในปากช้า ๆ ก่อนจะกลืนลงไป ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนี่จะทำอาหารออกมาได้รสชาติโอเค

   “อร่อยล่ะสิ” ความอยากอาหารผมลดลงเพราะมันนี่แหละ

   “เหอะ ไม่ได้เรื่อง”

   “เหรอ เอาเพิ่มไหมครับ ยังมีเหลืออยู่นะ” จักรพรรดิทำหน้าล้อเมื่อมองจานที่ว่างเปล่าของผม ผมจิปากไม่พอใจ ทำไมเด็กบ้านี่ถึงได้กวนตีนขนาดนี้

   “ไม่เอา!” ไอ้เด็กเวรนั่นหัวเราะ คว้าจานของผมไปแล้วกลับมาพร้อมกับอาหารที่ถูกเติมใหม่ ผมเม้มปาก กำมือแน่น ทำไมเด็กเวรนี่มันชอบขัดคำสั่งของผมจังเลยวะ!!!

   “ตักมาแล้วอ่ะ กินให้หน่อย”

   “ไอ้...!!”

   ถ้าถามว่าเกลียดอะไร ตอบได้เลยว่าเจ้าเด็กตรงข้ามผมนี่แหละ!

   น่าโมโหที่สุด

   “คุณนี่เหมือนเด็กเลย” เสียงติดจะแหบว่าขึ้นพร้อมมือใหญ่ที่ยื่นมาเช็ดริมฝีปากและแก้มของผมด้วยแผ่นกระดาษเนื้อนุ่มสีขาว ตาเรียวจ้องไปยังเด็กตัวโตนิ่ง เด็กนั่นเองก็สบตากับผม ทำเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แวบหนึ่งที่รู้สึกวูบได้อก แต่ไม่นานผมก็สะบัดมันทิ้งไป จักรพรรดิขยับริมฝีปากบางเป็นรอยยิ้มบาง ไม่ได้พูดกวนประสาทอะไรออกมา

   เมื่อทานอาหารเสร็จ เจ้าเด็กนั่นก็เก็บจานไปไว้ในอ่างก่อนจัดการล้างทำความสะอาด ตาคมหันมามองผมก่อนเอ่ยถามออกมา

   “คุณทานยาไหม? ผมซื้อมาด้วยตอนลงไปข้างล่าง” ก้านนิ้วยาวเปื้อนฟองชี้ไปที่ถุงพลาสติกสีขุ่น ผมสั่นหัว ไม่จำเป็นต้องทานยาหรอก เจ้าเด็กนั่นขมวดคิ้วมุ่นเหมือนตีกับความคิดตัวเองมากกว่า “ไม่ต้องกินหรอ ที่ผมอ่านมา...”

   “ฉันบอบบางขนาดนั้น? แค่นี้ไม่มีอะไรเสียหายหรอก”

   “ก็ห่วงป่ะวะถึงได้ซื้อมาให้” ผมกลอกตาเอือมระอา “จะยิ้มก็ยิ้มสิครับ เม้มปากงั้นไม่เจ็บหรอ?”

   บอกไปหรือยังว่าผมเกลียดมัน ถ้าบอกแล้วผมก็จะบอกอีก

   “ซื้อยาอะไรมา”

   “แก้ไข้กับอักเสบ”

   “เหอะ ของนายไม่ทำให้ฉันอักเสบหรอก”

   “จะบอกว่าเล็ก?” ผมเหยียดยิ้มพร้อมกับไหวไหล่ “แต่คุณก็ร้องดังอยู่นะ”

   ปึก!

   ปากล่องกระดาษเช็ดปากใส่ไอ้เด็กพูดมากทันทีที่มันพูดจบ เด็กเวรนั่นหัวเราะแทนที่จะร้องโอดโอยหรือทำท่าไม่พอใจที่ถูกทำร้ายร่างกาย

   “ไม่ต้องไปพูดถึง”

   “หึหึ ได้ผมแล้วทิ้งเหรอ ไม่น่ารักเลยนะครับ”

   “หุบปาก!!”

   ผมตะโกนใส่ไอ้เด็กที่ทำหน้ายียวนแล้วเดินหนีมาที่ห้องนั่งเล่น ยังไม่ทันจะนั่งเสียงกริ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อนจึงต้องเดินไปดู หงุดหงิดทุกครั้งที่ขยับตัว เพราะไอ้เด็กบ้านั่นแท้ ๆ เลย บ้าชะมัด หรือผมต้องกินยาจริง ๆ กลอกตาเมื่อเห็นว่าใครมาจากจออินเตอร์คอม ผมกดปลดล็อกให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ไม่นานพีทก็เดินเข้ามาพร้อมกับหน้าตอแหลของมัน

   “อีแรด!”

   โรงเรียนไหนสอนมึงทักทายแบบนี้

   “มาทำไม”

   “มาดูว่ามึงจกใครมา ทำไมหนีกลับมาก่อน ฮะ!!” ผมไหวไหล่ มีอารมณ์เลยกลับก่อน จะให้ตอบแบบนี้ก็ใช่เรื่อง แววตาโมโหไม่สบอารมณ์ของมันเปลี่ยนเป็นพราวระยับหวานเยิ้มเมื่อเห็นใครอีกคนอยู่ในห้องของผมด้วย อีจิ้งจก! “น้องจริงใจอยู่ด้วยเหรอคะ”

   เสียงอ่อนเสียงหวานเชียว น่ารำคาญ

   “สวัสดีครับ” เด็กยักษ์ยกมือไหว้พีท ก่อนหันมาหาผม “ผมกลับนะ”

   “อือ”

   “รู้สึกไม่สบายก็กินยานะครับ” จักรพรรดิพูดเสียงนุ่มกว่าปกติที่แหบห้วน มือหนาถือวิสาสะวางบนหัวผมก่อนยีเบา ๆ หันไปค้อมหัวให้เพื่อนผมเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป

   “ยังไง เล่ามา!” พีทแหวใส่ทันทีเมื่อสิ้นเสียงปิดประตู

   “ไม่ยังไง”

   มันถลึงตาใส่ ยื่นมือมาถกเสื้อผมขึ้น ตามันเบิกกว้างก่อนจะกรี๊ดออกมา แก้วหูจะพัง อีสันขวาน!

   “มึงขืนใจน้องจริงใจของกูเรอะ! อีภัค อีเวร!”

   “หนวกหู!”

   “ทำมาพูดว่าไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบเหี้ยอะไรเสือกนอนให้เขาเอา อีงูพิษ!”

   ตบเพื่อนได้ไหมครับ ดูปากมัน

   “กูเมา”

   “ตอแหล!!” ผมเดินผ่านพีทไปนั่งที่โซฟาโดยไม่อยากจะสนใจมัน กดรีโมทเปิดโทรทัศน์ดู สายตาเหลือบไปเห็นคีย์การ์ดวางอยู่บนโต๊ะพอดี คงเป็นเด็กนั่นที่หยิบไปตอนออกไปซื้อของข้างล่างแล้วเอามาวางไว้

   “แล้วน้องเขาแซ่บไหมมึง?” หน้าตามันอยากรู้อยากเห็นมาก

   “ไม่” ...ซะที่ไหนล่ะ

   “เลิกตอแหลเหอะ ลำไย รอยเต็มตัวขนาดนั้นยังจะมาพูด ชิ!” ผมเบะปาก พีทกวาดสายตาสอดส่องห้องผม ก่อนจะลุกไปในห้องนอนผม ปล่อยมัน สาระแนไม่มีใครเกิน

   “มึง ทำไมห้องสะอาดจังวะ ไม่มีซากอะไรให้กูคุ้ยเลย” ราวสิบนาทีมันก็กลับมา

   “อยากแดกขยะหรอ?”

   “พ่อมึงสิ!” พีทด่า “มันควรจะมีซองถุงยางงี้ดิ ทำไมเนี้ยบแบบนี้ น้องมันทำความสะอาดด้วยเหรอวะ”

   “อือ”

   “กรี๊ดดดดด!” มันกรี๊ดเสียงแหลมใส่ผมแล้วเข้าไปในครัว วิ่งออกมาแล้วก็ทำหน้าตื่น

   เป็นบ้าหรือไง

   “อีภัค!! น้องเขาทำกับข้าวให้มึงแดกด้วยเหรอ!?” ผมพยักหน้าเนือย ๆ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและอยากนอนมาก ๆ “ดีอะไรขนาดนี้ มึงยอม ๆ เป็นเมียน้องมันเหอะ ดีกว่าผู้ที่มึงเคยคุยมัดรวมกันอีก”

   ผมไม่ได้ตอบ แต่ยกนิ้วกลางให้มัน คว้าคีย์การ์ดบนโต๊ะมาถือแล้วลุกขึ้น กะจะเข้าไปนอนในห้อง แต่โดยอีเหี้ยพีทตีก้นผมเต็มแรง ทำเอาต้องร้องเสียงหลง

   “โอ๊ย!!! อีเหี้ย!”

   “ไหนบอกไม่แซ่บ กูตีเบา ๆ ร้องเสียเสียงหลง ตอแหล แล้วนี่มึงจะไปไหน”

   เบาหน้ามึงสิ!

   “นอน มึงกลับบ้านมึงไปเลย รำคาญ”

   “ย่ะ! โดนเด็กแดกแล้วไม่สบายหรือไง สำออย” ผมไม่ตอบอะไรมันแล้ว กำลังเคลิ้มจะหลับ ก็ถูกเขย่าให้ลืมตา พีทส่งเม็ดยากับแก้วน้ำมาให้ ผมรับมากินแต่โดยดี ไม่อยากจะเรื่องมากหรอก ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ

   “มึงพักผ่อนนะ ให้กูอยู่เฝ้าไหม?”

   “ไม่เป็นไร”

   “เออ ๆ มีอะไรโทรมาแล้วกัน”

   “อือ กลับเหอะ”

   แล้วผมก็หลับไป...



   รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนค่ำ โทรศัพท์สั่งอาหารจากชั้นล่างขึ้นมาทาน ก่อนจะไปอาบน้ำให้หายเหนียวตัวแล้วถึงมาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน อาการไม่สบายตัวของผมลดลงบ้างแล้วแต่ไม่ถึงกับหายสนิท ที่เห็นได้ชัดก็สะโพกนี่แหละ เสียดมาราธอนอะไรขนาดนี้ นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ผมหงุดหงิด

   RRRR...

   เหลือบตาไปมองโทรศัพท์มือถือที่ส่องแสงสว่างขึ้นมา เลื่อนมือไปรับสายแล้วเปิดสปีกเกอร์ ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ปลายสายก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ได้ยินก็แต่เสียงลมอยู่ราวสามนาทีได้

   (“ทำอะไรอยู่ครับ?”)

   “งาน”

   (“เสียงแปลก ๆ ไม่สบายเหรอ?”)

   “นิดหน่อย โทรมาทำไม”

   (“คิดถึง”) ตอแหลชะมัดไอ้เด็กเวรนี่ (“กินข้าวกินยาหรือยังครับ?”)

   “กินแล้ว”

   (“ให้ผมไปหาไหม?”)

   “เสร่อ จะมาทำไม” ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะจากปลายสาย ผมก็ไม่ได้สนใจ สายตาจ้องมองคอมพิวเตอร์สลับกับชีท จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่ผมได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากอีกฝั่งอยู่เป็นระยะ และเสียงปลายนิ้วกระทบกับคีย์บอร์ดจากผมก็คงจากส่งผ่านไปยังปลายสายเหมือนกัน

   (“คุณครับ”)

   “อือ” ครางรับในลำคอ นึกว่าวางสายไปแล้วเสียอีก

   (“คะแนนผมออกแล้ว”)

   งงอยู่พักหนึ่ง คะแนนออกแล้วบอกผมทำไม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยไปพูดอะไรกับเด็กมันไว้ ไม่สิ ไม่ใช่ผมที่พูด แต่เป็นเพื่อนผมต่างหาก บอกแล้วว่ามันสาระแนไม่มีใครเกิน

   “แล้วไง?”

   (“เลี้ยงข้าวผมหน่อย”) ผมกลอกตา บันทึกงานก่อนกดปิดคอมพิวเตอร์ เข้าไปล้างเท้าแล้วปีนขึ้นไปนอนซุกผ้าห่มบนเตียง

   “ไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินเองหรือไง”

   (“มีครับ แต่อยากให้คุณเลี้ยง”)

   “เหอะ! เอาคะแนนมาดูก่อนแล้วจะคิดอีกที”

   (“หืม... หาเรื่องอยากเจอผมนี่นา”)

   “ปัญญาอ่อน แค่นี้แหละ ฉันจะนอนแล้ว!”

   (“เขินแล้วเป็นงี้ทุกที หลับให้สนิทนะครับ”) ส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ ไม่รู้ปลายสายจะได้ยินหรือเปล่าเพราะสายถูกตัดไปแล้ว ผมโยนโทรศัพท์มือถือไปอีกฝั่ง นอนมองเพดาน ปล่อยความคิดให้หลุดลอยไป เด็กนั่นจะเอายังไงกับผมกัน แล้วผมจะเอายังไงกับเด็กนั่น ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ชอบเขาแล้วทำไมถึงได้ปล่อยตัวไปแบบนั้น ไม่โทษว่าเมาเพราะตอนนั้นสติผมยังอยู่ หรือลึก ๆ แล้วผมมันก็แค่คนใจง่ายอย่างที่ใครเขาว่ากัน...




   เกลียดเทศกาลการสอบมากที่สุดอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ เกลียดยิ่งกว่าเด็กยักษ์นั่นอีก หลังจากวันนั้นดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะลดการวอแวผมลงไปค่อนข้างเยอะ เห็นบอกว่าไม่อยากกวนผมอ่านหนังสือ ไม่รู้จริงหรือข้ออ้างกันแน่ และเรื่องคืนนั้นนอกจากพีทแล้วคลื่นกับครามก็รู้แล้วเช่นกันว่าผมกับเจ้าเด็กนั่นเกินเลยกันไป จะเหลือก็แต่ชะนีในกลุ่มที่หายหน้าหายตาไร้การติดต่อราวกับเป็นมนุษย์ถ้ำเพราะต้องเร่งทำงานทั้งออกแบบเสื้อผ้าและตัดชุดนั่นนี่ของนาง

   พินทร์เรียนแฟชั่นดีไซน์ พีทเรียนนิเทศ คลื่นครามเรียนวิศวกรรมคนละมหาวิทยาลัย และผมเรียนเศรษฐศาสตร์

   ความจริงผมไม่อยากเรียนคณะนี้เลยแม้แต่น้อย อยากเรียนนิเทศเหมือนพีทหรือไม่ก็แฟชั่นเหมือนพินทร์มากกว่า ผมชอบสายนั้น แต่ทำตามความฝันตัวเองไม่ได้เพราะครอบครัว ผมโดนพ่อบังคับให้เรียนคณะนี้ เขาให้เลือกนะครับ ไม่เศรษฐศาสตร์ก็บริหาร เหอะ ไม่ถามความเห็นของผมเลยสักนิดว่าอยากจะเรียนหรือเปล่า

   ผมใส่นิเทศไว้อันดับหนึ่ง แต่เมื่อพ่อรู้ก็ทะเลาะกันบ้านแทบแตก ผมเกลียดการโดนบังคับ แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่กับการโดนบังคับมาทั้งชีวิต

   อยากหนีไปให้ไกลจากจุดนี้ แต่ก็ทำไม่ได้...

   “อ้าว ภัค ดีจ้า” เงยหน้าจากโทรศัพท์เพื่อมองคนที่เข้ามาทัก ยิ้มแกน ๆ เป็นการทักกลับ ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครตอนนี้หรอก แม้แต่พีทที่นั่งอยู่ด้วยผมยังไม่ใส่ใจจะคุยกับมันเลยด้วยซ้ำ

   “ไม่นึกว่าภัคจะมาอ่านที่นี่นะเนี่ย” เบลล์ยังคงยิ้มสดใสมาให้ แม้พีทจะเบ้ปากจนแทบเบี้ยวแล้วก็ตาม เพื่อน ๆ ก็ของเธอเองก็เบะปากใส่เรา มายุ่งอะไรกับกูนักหนาวะ

   “คนเยอะมากเลยไม่รู้ว่าจะมีโต๊ะว่างหรือเปล่า ขอนั่งด้วยคนได้ไหมจ๊ะ?”

   “เบลล์!” เพื่อนเธอแหวขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนรอบข้างจิกตามองโทษฐานที่ไปกวนสมาธิ

   “โทษน้า เห็นว่าที่คงไม่พอน่ะ” พีทฉีกยิ้มหวาน บอกได้เลยว่าเสแสร้งสุด ๆ เบลล์กวาดตามองก่อนทำหน้าเศร้าและยิ้มเข้าใจ ก่อนจะขอตัวไปเดินหาโต๊ะว่างแล้วทิ้งท้ายว่าอาจจะเข้ามาถามหากมีอะไรไม่เข้าใจ จริง ๆ ที่ว่างก็มี แต่มีไม่พอให้เบลล์กับเพื่อนทุกคนนั่ง ที่พีทกันท่าแบบนี้ก็ไม่ ผมไม่อยากให้คนอื่นมานั่งด้วยสักเท่าไหร่

   “อีดอก กูเกลียดมัน”

   “อะไรของมึง”

   “ตอแหลฉิบ ทำมายิ้ม อีห่า งูพิษ!”

   “หึ”

   “มึงไม่งูพิษเลยหรือไง”

   “อย่างกูต้องเป็นแมวน้อยน่ารัก”

   “แมวผีสิไม่ว่า” พีทจิกตาใส่ ผมไม่ได้แคร์จึงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ปวดตาไปหมด ขี้เกียจอ่านแล้ว ว่าแล้วก็ว่างชีทลงบนโต๊ะ คว้าโทรศัพท์มาเล่น เข้าไปที่แอพพลิเคชั่นกล้องแล้วถ่ายรูปกองชีทกับปากกาที่วางเกลื่อนโต๊ะก่อนอัพโหลดลง SNS ไม่มีคำบรรยายแต่เช็กอินสถานที่

   “คิดถึงน้องจริงใจว่ะ” เหลือบตามองคนพูด “ไม่ได้เต๊าะหลายวันใจจะพัง อิอิ”

   “มึงชอบเด็กนั่น?”

   “ชอบดิ หล่อ รวย นิสัยดี โคตรไนซ์ ใครไม่อยากได้วะ”

   “กู”

   “หราาาาาา ได้ข่าวว่าแหกขาให้เขาเอาแล้ว” ผมโยนปากกาใส่คนพูดอย่างไม่ลังเล ถึงพูดเสียงไม่ดัง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครได้ยิน กลุ่มเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ไม่ไกลยังหันมามองเลย

   “บอกกี่รอบแล้วว่ากูเมา”

   “บอกกี่รอบแล้วว่ามึงตอแหล”

   “มึงชอบก็อ่อยเอาดิ มายัดให้กูทำไม”

   “น้องมันไม่ได้ชอบกูมะ อีกอย่างกูชอบแบบชอบเฉย ๆ ไม่ได้อะไร คือน้องมันหล่อ แต่กูไม่อยากได้เป็นผัวจริง ๆ แต่ถ้าได้ก็เอานะ”

   งงในงง...

   ผมถอนหายใจ ทางดีที่คือเลิกสนใจมันเถอะ ปวดประสาท แค่ชีทที่ต้องอ่านก็นรกพออยู่แล้ว

   “ทำมาถอนหายใจ วันไหนขาดเขาไม่ได้กูจะสมน้ำหน้าซ้ำ”

   “เรื่องของมึง”

   พีทเบ้ปากจิกตาใส่ อยากหาอะไรตีหน้ามันสักทีอยู่เหมือนกัน ทำหน้ากวนตีน หลังจากนั้นจึงกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือกันต่อ ตอนนี้พีทเลื้อยไปนอนบนเบาะแล้ว หมดสภาพอย่างแท้จริง ไม่นานคงหลับถ้ายังนอนอยู่แบบนั้น ผมเองก็เริ่มจะสติหลุดลอย ยิ่งอ่านเยอะก็ยิ่งเบลอ สมองถูกจุด้วยอะไรมากมายจนมันไม่รับอะไรเพิ่มแล้ว

   เงยหน้าขึ้นจากชีทเมื่อรู้สึกถึงเงาที่ทาบทับลงมา ตาของผมเบิกขึ้นเล็กน้อย คนมาใหม่ยกยิ้มก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะที่ว่างอยู่ ผมยังจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ หันไปมองพีท มันช็อกตาตั้งไปแล้ว และถ้าไม่ติดว่าที่นี่คนเยอะก็คงจะกรี๊ดออกมา

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีค่ะน้องจริงใจ มาได้ยังไงคะ?” พีทรีบฉ้อเลาะ ผมเบ้ปาก ก้มหน้าไปอ่านหนังสือของตัวเองต่อ ไม่ผิดหรอก คนมาใหม่คือเด็กยักษ์นั่นแหละครับ มาทำไมกันวะ

   เด็กยักษ์ตอบด้วยการอมยิ้มและกลอกตามามองที่ผม พีทเห็นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียงหวานหยาดหยดของมันก็เปลี่ยนทันที

   “ไป กลับไปเลยค่ะ!”

   “หึหึ ผมเพิ่งมาเอง”

   “คิดถึงพี่ใช่ไหมลูก”

   “เปล่า คิดถึงเพื่อนพี่”

   “โอ๊ย! เกลียด!”

   “เงียบ ๆ ดิ๊” ผมบอกเสียงเรียบเมื่อสองคนนั้นทำเสียงดังรบกวน จักรพรรดิไหวไหล่คล้ายไม่สนใจ เด็กนั่นถอดหมวกที่สวมอยู่ออกก่อนสอดมือเข้าไปเสยผมแล้วใส่หมวกกลับเข้าไปเหมือนเดิม ผมขมวดคิ้วเมื่อมองไปเห็นแผ่นพลาสเตอร์ที่ถูกติดไว้เหนือคิ้วหนา นอกจากคิ้วแล้วถ้าสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นรอยช้ำที่โหนกแก้มและมุมปากอีกด้วย

   ไปทำอะไรมา...

   ผมไล่สายตามองต่ำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่มือหนา เพราะเด็กนี่ตัวขาว ขาวมาก หากมีรอยขีดข่วนอะไรก็จะเห็นได้ชัดเจน และนั่นทำให้ผมเห็นรอยแดงบนหลังมือของเด็กยักษ์ รอบก้านนิ้วยาวถูกติดพลาสเตอร์เอาไว้อีกเช่นกัน รวมทั้งที่หลังและสันมือ อีกข้างก็มีสภาพไม่ต่างกัน เหมือนเด็กนั่นจะรู้ว่าผมมอง มันไม่ได้พูดอะไร ยกยิ้มกวนตีนแล้วดึงมือตัวเองไปยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อแขนยาวที่สวมอยู่

   จะเอาอย่างงี้ใช่ไหม

   โอเค ได้











-------------------------------
จากตอนที่แล้วจริงใจไม่ได้กลับก่อนนะ ที่เจอทิวานั่นคือตอนที่นางไปหาซื้ออะไรแล้วกลับขึ้นมาใหม่
รู้สึก success ที่ทำให้เข้าใจว่าเด็กปีศาจกลับไปก่อนได้ /ชูมือสูง
ตอนนี้อาจมีคำผิดอยู่นะคะ ขออภัยหากทำให้เสียอรรถรส...
เดี๋ยวช่วงนี้จะอัพช้าหน่อยนะคะ จริง ๆ อยากหยุดอัพชั่วคราวด้วย อยากไปวอแวมนุษย์แฟนเด็กให้มันเสร็จไปก่อนง่ะ
ทำหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ด้วย จะพังกันหมด ฮือ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้จะอัพช้าหรือหยุดอัพ TwT
ถ้าอัพช้าก็หวังว่าจะเข้าใจเด้อ ; w ;
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 06-01-2017 21:16:07
อยากได้จริงจัยจิงจิง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 06-01-2017 21:27:48
รอตอนหน้าไม่ไหววววว :katai1:  จริงใจไปทำไรมาอะ

รอตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-01-2017 21:34:20
จริงใจทำกับข้าวเป็นด้วย ดีงามมากค่ะลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 06-01-2017 21:44:23
ขอเลือก หยุดพัก อย่าหยุดอัพเลย ขอร้อง มาช้ายังดีกว่ายังไม่มา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 06-01-2017 21:44:43
อยากได้จริงใจ
 :ling2: :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2017 21:53:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2017 21:57:04
มีความอิจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-01-2017 22:10:39
จริงใจของป้าาาา ทำไมพรีเมียมขนาดนี้ล่ะลูกกกกกก

อยากได้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-01-2017 22:28:48
ไปตีกับใครมาละจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 06-01-2017 22:46:13
จริงใจไปตีก่ะใครมาละเนี่ย
 :katai5:
อัพช้าไม่ว่ากันค่า อย่าหยุดอัพเลยน้าาาา
 :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 06-01-2017 22:46:48
จริงใจน่ารัก  :katai3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2017 22:58:34
ภัค อย่าหลอกตัวเองอีกเลย  :mew2:
จริงใจ เด็กก็จริง แต่เด็ดซะละตี่นะ  :ling1: :ling1: :ling1:
ไม่เล็ก เอิ่ม.......ใหญ่จนภัคก็รับรู้ ไข้ขึ้นด้วย  :pighaun: :haun4: :jul1:
ดูแลดี ทำอาหารก็อร่อย
โอ๊ย.....ภัค รับผิดชอบที่ได้เด็กแล้วเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-01-2017 23:09:31
การกระทำ คำพูดและความในใจของพี่ภัคทำไมดูย้อนแย้ง  ชอบเด็กนี่ก็ยึดเลยสิคะ เด็กมมันพร้อมเป็นของพี่มากเลยน่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2017 23:53:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 07-01-2017 02:10:23
เป็นห่วง อยากรู้ก็ถามเลยภัค ดอกพิกุลไม่ร่วงนะรู้ยัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-01-2017 06:05:04
ขอคืนคำตอนที่แล้ว จริงใจพ่อสุภาพบุรุษ พ่อคนดี~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 07-01-2017 10:31:39
จริงใจคนคูลๆ >\\<
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-01-2017 14:51:46
อัพช้าก็ได้แต่อย่าหยุดอัพเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-01-2017 02:01:27
โอ้ยย!! ตายๆ อยากจะได้ม.ปลายดีๆสักคน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 09-01-2017 07:26:58
น้องจริงใจ "งานดี" นะจ๊ะภัค 
ดูแลดี..ทำอาหาร..ทำความสะอาด..เก็บกวาดห้องด้วย
 ผู้ ดีๆแบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือล่ะ  o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-01-2017 18:14:13
เปลี่ยนสถานะกันเถอะ!!! เอาไงก็เปิดอกกันไปเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 15 ผมกับงูพิษ | 6-1-60 | P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 11-01-2017 06:57:31
เป็นนิยายวายเรื่องแรก ที่รู้สึกเสียดายเด็กปีศาจ ไม่เข้าใจ เดี่ยวค่อยอ่าน ทำใจแปป นี่บอกเลย เสียดายจริงใจจริง ๆ กนะ รู้สึก เสียดายแบบบอกไม่ถูก บอกไม่ถูกจริง ๆ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 13-01-2017 20:17:46
ความที่ 16
ผมกับโป๊ะแตก






   ครืด ครืด

   ผมละสายตาจากคอมพิวเตอร์ไปที่จอโทรศัพท์มือถือที่ส่องสว่างขึ้นมา นิ้วที่กำลังกดรัวเพื่อจัดการศัตรูในเกมชะงักไปหนึ่งจังหวะแต่ผมก็สามารถพลิกเกมกลับมาได้ กดพอสไปก่อนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู

   [feb.no.9]: phaknp just posted a photo.

   มองรูปกองกระดาษและปากกาแล้วเหลือบไปมองโลเคชั่นที่ถูกเช็กอิน ไหวไหล่หน่อย ๆ แล้วโยนโทรศัพท์ไป กดเริ่มเกมเล่นต่อ ไว้ก่อน ผมต้องจัดการบอส ค่อยไปวอแวทีหลัง

   ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมยังไม่ได้ไปเจอตัวหอมอีกเลย มีส่งข้อความหรือโทรศัพท์ไปบ้างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลืมผมไปก่อน เขาก็ไม่ค่อยจะตอบหรอกครับ เข้าใจว่าใกล้สอบ ต้องอ่านหนังสือหนัก แต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าไม่ว่างหรือไม่อยากสนใจผมกันแน่

   แต่จันทร์เจ้าก็อ่านหนังสือหนักเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเครียดจริงหรือเปล่า ซัดข้าว ซัดขนมจนตัวบวมไปหมด ส่วนเรื่องที่ลูกหมูเห็นผมกับตัวหอมนั้นผมไม่ได้พูดถึง พี่ชายก็ไม่ได้ถามอะไร แค่มองด้วยสายตาไม่พอใจ เหมือนบอกให้รู้ว่ากูงอนมึงอยู่นะ ถ้าจันทร์เจ้าถามผมก็ตอบให้ได้อยู่แล้ว เงียบใส่แบบนี้จะให้ทำยังไง ตามเรื่องไปก็แล้วกัน

   โยนจอยสติ๊กไปบนโต๊ะแล้วลุกไปเปิดตู้เย็นเล็กในห้องดู มีแค่น้ำเปล่าอยู่สองขวด ขนมหมดแล้ว คงต้องลงไปเอาข้างล่าง ผมผิวปากเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ ยกกล่องขนมเค้กออกมาแล้วตัดใส่จาน เอากลับไปเก็บไว้ที่เดิมพร้อมกับหยิบช็อกโกแลตบาร์อีกสองแท่งยัดใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้

   “ไปไหนวะ” เอ่ยถามพี่ชายที่เดินสวนมาพอดี

   “กิน’ติม” ตอบเสียงขุ่น ทำมาเชิดหน้าใส่ เหนียงย้อยจะถึงสะดืออยู่แล้ว น่าเกลียดว่ะ ทำไมแฟนพี่ไม่จับไปออกกำลังกายบ้าง

   “อ่านหนังสือจบแล้วแหงะ?”

   “พักบ้างดิ จริงใจไม่ออกไปไหนหรือไง เบื่อขี้หน้า”

   “พาล ๆ เดี๋ยวเอาเค้กละเลงหน้า จะไปไหนก็ไปเลยไป”

   “ชิ!”
   “แรดนี่หว่า มีผู้ชายมาหาถึงบ้าน ใช้ได้ ๆ” ผมที่กำลังจะสปินตัวขึ้นห้องจึงต้องอยู่ก่อนเมื่อเห็นว่าใครเข้ามาใหม่ เดี๋ยวนี้เขาพัฒนา ผู้ชายเข้าบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ไวไฟฉิบหาย

   “ไม่ไป Reading Café เหรอ?” เบะปากใส่คนถาม ตักเค้กเข้าปากแล้วไหวไหล่ ไปทำไมวะ ไม่เห็นจะมีอะไรทำ

   “ก็แย่ละ” ผมว่า จากนั้นก็หนีขึ้นห้อง

   ตาคมกลอกไปมาขณะที่ทานขนมหวาน มองเกมในจออย่างหมดอารมณ์ก่อนจะปิดมันไว้ พอดีกับสายตาเหลือบไปเห็นซองพลาสติกใส่เอกสารสีเหลืองอ๋อยที่ไปจิ๊กจากน้องสาวมา มุมปากถูกยกขึ้น ตักเค้กเข้าปากในคำเดียวแล้วเข้าไปเปลี่ยนชุด โยนช็อกโกแลตที่เอามาด้วยเข้าตู้เย็นไป เก็บของใส่กระเป๋าคาดหลังที่ขนาดพอที่จะใส่ซองเอกสารได้ ก่อนวิ่งลงไปที่ชั้นล่างอีกครั้ง

   “ทำอะไรก็ดูสถานที่บ้างเหอะ ยืนกอดกันกลมกลางบ้านขนาดนี้ หน้าไม่อาย”

   “สาระแน”

   “จันทร์เจ้า!!” ผมตวาดเสียงดัง แทบจะเข้าไปตบปากพี่ชาย แต่ก่อนไม่เห็นเคยพูดแบบนี้ พอมีแฟนเข้าหน่อยก็ปีกกล้าขาแข็ง พูดจาหยาบคายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน

   จันทร์เจ้าแลบลิ้นใส่ไม่สำนึก “จะไปไหน”

   “สาระแน” ตอบกลับไปด้วยประโยคเดียวกัน เห็นหน้าโง่ ๆ ของพี่ชายแล้วสะใจดี ผมยื่นมือไปผลักศีรษะของพี่ก่อนจะเดินผิวปากออกนอกบ้าน เกือบจะอารมณ์ดีละ ถ้าไม่เห็นสายตากับยิ้มกาก ๆ ของแฟนพี่ชาย

   เกลียดการที่ต้องรู้สึกว่าเป็นเบี้ยล่าง...




   ใช้เวลาพอประมาณผมก็มาถึงร้านที่ว่า จัดการเก็บหมวกกันน็อกเอาไว้แล้วปลดสแนปแบ็กที่คล้องเอาไว้กับสายกระเป๋ามาสวม ตรวจเช็กสภาพรถอีกครั้งแล้วเข้าไปด้านใน เสียงกรุ้งกริ้งดังขึ้นเป็นการต้อนรับ คนในร้านเยอะมาก และส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือเพื่อสอบกลางภาคที่จะถึง

   จากการเช็กข้อมูลคร่าว ๆ คาเฟ่นี้มีสามชั้น ชั้นล่างเป็นส่วนของเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มขนมหวานหรืออาหารเบา ๆ มีโต๊ะเก้าอี้จัดไว้เหมือนร้านกาแฟทั่วไป ชั้นสองจะเน้นเป็นเบาะที่นั่งกับพื้น สามารถนอนเกลือกกลิ้งได้แค่คุณต้องถอดรองเท้า ส่วนชั้นสามนั้นเหมือนผสมทั้งสองแบบเอาไว้และมีชั้นหนังสือไว้ให้ยืมอ่านได้ด้วย

   นี่คือข้อมูลคร่าว ๆ ......

   ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ไม่เจอคนที่ต้องการเจอ จากองค์ประกอบรูปภาพที่เขาถ่ายมันติดเบาะฟูกมาด้วย ให้เดาคือไม่อยู่ชั้นสองก็สาม ฉะนั้น จัดชั้นสองก่อนครับ มีหลายคนละสายตาจากหนังสือมามองผม แต่สายตาของผมมองไปที่คนคนเดียวเท่านั้น ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้ม เดินเข้าไปหาเป้าหมายและนั่งลงบนเบาะที่ว่างอยู่

   ตัวหอมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมา ตาเรียวเบิกขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยทักอะไร พี่พีทที่อยู่ด้วยคงรู้สึกถึงผู้บุกรุกจึงเงยหน้ามามองบ้าง เขาเบิกตากว้างกว่าเพื่อนไปหลายเท้า ปากอ้าตกใจ

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีค่ะน้องจริงใจ มาได้ยังไงคะ?” ผมตอบด้วยรอยยิ้มแหละกลอกตาไปที่ตัวหอมเพื่อบอกพี่เขาว่าอะไรทำให้ผมมาที่นี่ “ไป กลับไปเลยค่ะ!”

   “หึหึ ผมเพิ่งมาเอง”

   “จริง ๆ แล้วคิดถึงพี่ใช่ไหมลูก”

   “เปล่า คิดถึงเพื่อนพี่” หยอดไปอีกดอก แต่คนถูกหยอดไม่รู้สึกอะไรเลยครับ เขายังคงอ่านหนังสือนิ่ง ๆ แก้มขาวไม่มีซับห่าอะไรทั้งนั้น

   “โอ๊ย! เกลียด!”

   “เงียบ ๆ ดิ๊” ตัวหอมบอกเสียงเรียบและทำตาขวาง ผมไหวไหล่คล้ายไม่สนใจ ถอดหมวกที่สวมอยู่ออกก่อนสอดมือเข้าไปเสยผมแล้วใส่หมวกกลับเข้าไปเหมือนเดิม

   ผมเห็นตัวหอมกวาดสายตามองตั้งแต่หน้าผมลงไป แต่ทำเป็นไม่สนใจ ยกยิ้มกวนประสาทแล้วดึงมือที่วางอยู่บนโต๊ะไปยัดใส่กระเป๋าแจ็กเก็ต เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้ แววไม่พอใจจากนัยน์ตาเรียวฉายชัดขึ้น ในเมื่อเขาไม่ถาม ผมก็จะไม่เล่า แอบดีใจนิดหน่อยที่เขาสนใจ แต่ผมคงจะสำคัญตัวมากไป เพราะนอกจากไม่ถามแล้วเขายังไม่สนใจผมอีกเลย

   แผลพวกนี้ผมได้มาตอนไปค่ายมวยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งการ์ดพลาดเลยคิ้วแตก โดนคู่ซ้อมชกเข้าที่โหนกแก้มเต็ม ๆ ช้ำมาหลายวันแล้ว ที่มุมปากเองก็ด้วย นอกจากนั้นที่มือผมก็มีอีก ต่อยกระสอบทรายจนมือแตก บางส่วนก็ติดพลาสเตอร์เอาไว้ นิ้วก็พลาดตอนซ้อมเหมือนกัน แต่บางแผลก็ได้มาเพราะโดนมีดบาดตอนกำลังปอกผลไม้ที่บ้าน ส่วนที่มองไม่เห็นก็มี อย่างหน้าท้อง ช้ำเป็นวงกว้างอยู่เหมือนกัน

   กลับถึงบ้าน บ้านแทบจะพัง เขานึกว่าผมไปมีเรื่องที่ไหนมา บอกว่าได้จากตอนซ้อมมวยก็ไม่เชื่อ จนต้องโทรศัพท์ไปคุยกับครูฝึก จันทร์เจ้าร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเลย

   “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ...?” ทำเสียงอ่อนลง เอนตัวไปหาตัวหอม อือ กลิ่นหอมจากเขายังทำให้ผมเป็นบ้าได้เหมือนเดิม ใครที่อยู่ใกล้ก็จะได้กลิ่นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอวะ แย่ละ โคตรหวง

   ผมทำปากเป็ดเหมือนที่จันทร์เจ้าชอบทำเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ ตัวหอมไม่ตอบผมและไม่แม้จะปรายตามองด้วยซ้ำ ทำไมเป็นคนเย็นชาขนาดนี้กัน

   “คุณครับ โกรธอะไรผม?”

   “อย่ามายุ่ง”

   “งื่อ...”

   “คิดว่าน่ารักหรอ?” ตัวหอมมองตาขวาง ผมอมยิ้มก่อนจะหัวเราะเบา ๆ อุตส่าห์เลียนแบบจันทร์เจ้ามา เห็นทำตัวปัญญาอ่อนทีไรแฟนพี่ก็ยอมทุกอย่าง

   “ไม่ ขนลุกพิลึก” ผมว่า ยืดไปแขนที่ถลกแขนเสื้อขึ้นไปให้เขาดูด้วยว่าผมขนลุกจริง ๆ ตัวหอมมองตาม สายตาเขาหยุดอยู่ที่รอยแผลและพลาสเตอร์บนมือผม

   “มะ---” ผมส่ายหน้าให้พี่พีทเบา ๆ เมื่อเขากำลังจะพูด

   “โอ๊ย!”

   “สมน้ำหน้า” ตัวหอมพูดอย่างไม่ใยดี อะไรวะ มาเอาดินสอกดแผลที่หน้าผมแล้วก็ซ้ำเติมแบบนี้เหรอ!

   “ผมเจ็บนะครับ!”

   “เหอะ!”

   “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมไปทำอะไรมา...”

   “นายจะไปตายที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่”

   เซ็ง หมดอารมณ์ละ ผมรูดซิบกระเป๋า หยิบซองพลาสติกสีเหลืองออกมาแล้ววางมันบนโต๊ะก่อนลุกออกไป ดุนลิ้นดันกับกระพุ้งแก้มไปด้วย

   “ช็อกโกแลตปั่นครับ” สั่งเครื่องดื่มแล้วขยับไปนั่งเก้าอี้บาร์ตัวสูงที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์ ไม่นานของที่สั่งก็ได้มา ผมหมุนตัวหันหลัง วางศอกไว้ที่เคาน์เตอร์พลางดื่มน้ำไปด้วย

   ช็อกโกแลตปั่นนี่แหละคือการเยียวยาที่ดีที่สุด

   “มิลค์เชคค่ะ” เหลือบไปมองเจ้าของเสียงที่มานั่งเก้าอี้ว่างข้างผม มองแค่นั้นแหละ หมุนตัวกลับไปนั่งปกติ วางแก้วเอาไว้แล้วควักโทรศัพท์ออกมาเล่นเกม เอาให้หายอยาก พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทกับคุณพ่อ ไม่มีเวลาเล่น ที่เคยบอกว่าไม่ติดโทรศัพท์นั่นข้อมูลผิดนะครับ ผมติด ติดเกมในโทรศัพท์ แต่พอเจอตัวหอมก็ติดตั้งโซเชียลและเกมไปด้วย

   ความหายนะ

   “มาข้างล่างไม่บอกเลยนะเบลล์”

   “มาสั่งน้ำน่ะ คอแห้ง” เสียงคนคุยกันอยู่ข้าง ๆ ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ค้นหาเอียร์โฟนในกระเป๋าออกมา ขณะที่กำลังเชื่อมต่อ เสียงจากผู้หญิงกลุ่มข้าง ๆ นี้ก็ทำให้ผมเลื่อนปลายนิ้วไปกดออฟชั่นปิดเสียงของเกม แต่ยังคงสวมหูฟังราวกับตัดขาดจากโลกภายนอก

   “ฉันเห็นณภัคมาอ่านหนังสือที้นี่ด้วย”

   “แกน่ะมาช้า ยัยเบลล์เข้าไปทักแล้ว ไม่รู้จะไปทักทำไม”

   “ก็เพื่อนนี่ เจอก็ต้องทักสิ”

   “อย่าไปเป็นเพื่อนกับคนแบบนั้นเลยเบลล์ เดี๋ยวคนอื่นได้มองไม่ดีตามไปด้วย”

   ไม่รู้ว่าเผลอกำมือแน่นขนาดไหนระหว่างที่กำลังฟังคนพวกนี้พูดถึงตัวหอม อยากจะหันไปมองให้รู้แล้วรู้รอด ตัวหอมเป็นคนแย่ยังไงกัน!

   “เบลล์ก็อย่าไปสนิทมากล่ะ แล้วนี่มาอ่านหนังสือที่นี่ทำไมก็ไม่รู้ เสียบรรยากาศหมด”

   “นั่นสิ คงไม่ตั้งใจมาอ่านหรอก มาอ่อยผู้ชายมากกว่า คิกคิก”

   “บ้าน่า ภัคไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”

   “แหม คนดีอะไรขนาดนี้จ๊ะเบลล์ ณภัคน่ะได้ผู้ชายทั้งมอแล้วมั้ง”

   ผมทิ้งโทรศัพท์ในมือที่ขึ้นว่าเกมโอเวอร์ลงอย่างแรง มันกระทบกับเคาน์เตอร์ซึ่งทำด้วยไม้จนเกิดเป็นเสียงดัง พ่นลมขึ้นหน้าผากอย่างหงุดหงิด กวาดสายตามองรอบ ๆ ด้วยตาขวาง ๆ กลุ่มผู้หญิงพวกนั้นหยุดพูดไปและจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว

   “เอ่อ… พวกเราคุยกันเสียงดังไปหรอคะ? ขอโทษด้วยนะ” คนพูดส่งยิ้มหวาน คิ้วของผมยังคงขมวดแน่น ความหงุดหงิดลอยฟุ้งอยู่รอบตัว โคลงศีรษะหน่อย ๆ ก่อนจะยกมือเรียกพนักงาน สั่งเครื่องดื่มไปสองแก้ว กับขนมอีกสามอย่าง เอาไปเติมพลังให้คนอ่านหนังสือสักหน่อย

   “หล่ออ่ะแก” เสียงพูดยังมาจากคนกลุ่มเดิม ผมไม่ได้หันไปมองแล้ว

   “ไม่คุ้นหน้าเลย เรียนอยู่คณะไหนเหรอคะ?”

   กลอกตาไปที่คนพูด เธอคือคนแรกที่มานั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างผม มากันเป็นกลุ่มแบบนี้ทำไมไม่ไปหาโต๊ะนั่งกันวะ

   “หรือว่าไม่ได้เรียนที่นี่” ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มขณะหันไปมองคนพูด และเบนสายตาไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอด้วย พวกเขาส่งยิ้มมาให้ บางคนก็ส่งสารตาที่สื่อความหมาย

   ใครกันแน่ที่มาอ่อยผู้ชาย

   “ชื่อเบลล์นะ ชื่ออะไรเหรอ?”

   ผมยังคงเงียบอยู่ พวกเธอเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ผมมีความจำเป็นต้องตอบด้วยเหรอ ไม่ได้อยากรู้จักสักหน่อย คนที่ชื่อเบลล์ คือคนที่พูดค้านที่เพื่อนของเธอกล่าวถึงตัวหอมเสีย ๆ หาย ๆ เหมือนว่าจะเป็นคนที่ดี …ก็แค่เหมือนว่า

   เราไม่สามารถตัดสินใครภายในวินาทีแรกที่มองหรือพูดคุย

   แต่ผมรู้สึกไม่โอเคกับคนกลุ่มนี้

   “ได้แล้วค่ะ”

   “ขอบคุณครับ” สำหรับอที่มาเสิร์ฟถูกเวลาพอดี “ถ้าจะยืมหนังสือต้องทำยังไงครับ?”

   “ขอบัตรประชาชนด้วยนะคะ พอดีว่าเคยมีคนขโมยหนังสือน่ะค่ะเลยต้องเปลี่ยนระบบ” พยักหน้ารับรู้ ส่งบัตรประชาชนไปให้พนักงานจัดการ ผมเข้าใจ เรื่องแบบนี้มันอาจมีเกิดขึ้นบ้าง กันไว้ก็ดี

   “นี่รหัสนะคะ ถ้าจะยืมก็ไปที่เครื่องแล้วสแกนบาร์โค้ด ตอนคืนก็ทำเหมือนกันค่ะ”

   รับบัตรประชาชนและการ์ดสำหรับยืมหนังสือมาไว้ในมือ “ขอบคุณครับ”

   ผมลุกขึ้น หยิบแก้วช็อกโกแลตวางไว้ในถาดเดียวกันก่อนลุกขึ้น เมื่อหมุนตัวมาถึงได้เห็นคนอายุมากที่ตัวเล็กกว่ายืนอยู่ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ตั้งใจจะเดินไปหา แต่อีกฝ่ายก็เดินมาหาเช่นกัน

   “มาสั่งเครื่องดื่มเหรอ? ผมสั่งมาให้แล้ว” บุ้ยปากไปที่ถาดในมือ

   ตัวหอมส่ายหน้า “มาหานาย”

   อดไม่ได้ที่จะขยับยิ้ม ความหงุดหงิดเมื่อสักครู่คล้ายจะค่อย ๆ หายไป

   “ไม่ต้องมายิ้ม”

   “ก็ดีใจ”

   “พีทบอกให้มาหรอก”

   “ต้องหาอะไรมาเซ่นพี่พีทละ หึหึ” ตัวหอมเบ้ปาก  “อยากทานอะไรไหมครับ? จะได้สั่งไปทีเดียว”

   เขามองขนมในถาด “สตรอว์เบอร์รี่”

   “โอเค” กลับไปที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง พนักงานคนเดิมเดินมาตอนรับและยิ้มให้ “กี่อันครับ?”

   “อันเดียวก็พอ”

   “คุณชอบอะไร?” ชี้นิ้ววนที่หน้าตู้ขนม ตัวหอมเม้มปากทำหน้าคิดหนัก ผมมองหน้าเขา นั่นทำให้มองเห็นแบ็กกราวด์ด้านหลังเขาด้วย ผู้หญิงกลุ่มนั้นกำลังทำหน้าพะอืดพะอม

   “นั่น” ชี้ไปที่สตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก และทุกอย่างที่มีผลไม้รสเปรี้ยวนั่นเป็นส่วนผสม “ขอชีสเค้กด้วยครับ”

   “คุณชอบสตรอว์เบอร์รี่?”

   “อือ” เขายักไหล่ รับสตรอว์เบอร์รี่สดที่อยู่ในกล่องทรงกลมจากพนักงานแล้วจ่ายเงิน เขาถือเอาเองไม่ได้วางบนถาดกับผม มันเต็มไปหมด ไม่มีพื้นที่ให้วาง

   “ภัคทานขนมหวานด้วยเหรอจ๊ะ?” ผมกลอกตากับเสียงของคนที่ชื่อเบลล์อะไรนั่น

   “อือ”

   “โห ไม่น่าเชื่อว่าทานขนมหวานแล้วยังหุ่นดีขนาดนี้”

   แค่ชีสเค้กชิ้นเดียวมันจะกี่แคลลอรี่กัน แล้วโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าการออกกำลังกาย

   “โชคดีน่ะ กินแล้วไม่อ้วน”

   “น่าอิจฉา เราอยากทานก็กลัวจะอ้วน” เธอยังคงเจื้อยแจ้ว “แล้วนั่น… ใครเหรอจ๊ะ?”

   ตัวหอมเงียบ ผมก็ไม่ได้พูดอะไร

   “ไม่แนะนำให้เรารู้จักหน่อยเหรอ?”

   ตัวหอมแหงนหน้าขึ้นมองหน้าผม “เห็นว่าคุยกัน ไม่ได้แนะนำตัวเหรอ?”

   ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มและโคลงหัวเป็นคำตอบ

   “เด็กมันขี้รำคาญ ขอตัวนะ”

   “เอ่อ… จ้ะ ๆ”




   “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

   “สักพัก” พยักหน้ารับกับคำตอบ

   “สนิทกันไหม?”

   “ไม่ เคยเป็นบัดดี้ทำงานด้วยกัน ชอบเหรอ?”

   “ก็แย่ละ” ตัวหอมแสยะยิ้ม

   “เห็นมองตาเป็นมัน”

   “ขี้มโนนะเรา”

   “ลามปาม!” ตัวหอมแหวเสียงดัง ปัดมือผมที่ยื่นไปหยิกแก้มออกและมองตาขวาง ผมหัวเราะ ยักคิ้วกวนตีนแล้วเดินหนีเขาไปที่โต๊ะ พี่พีทละจากหนังสือมามองแล้วเบะปากให้

   “ขอบคุณค่ะ!” เขาพูดเสียงกระแทกเล็กน้อย รับเครื่องดื่มที่ผมส่งให้ไปดื่ม เมื่อตัวหอมมาถึง ก็ส่งอีกแก้วไปให้เขา ไม่รู้หรอกว่าชอบกันหรือเปล่า ผมก็สั่งเมนูเดิมที่เห็นพวกเขากินนั่นแหละ ยกจานครัวซองต์ที่สั่งมาสองชิ้นไปตรงหน้าของพี่พีทกับตัวหอม ทีแรกกะจะสั่งอะไรที่กินง่าย ๆ ไม่ต้องเปื้อนมือมา แต่อย่างอื่นก็คิดว่าคนกลัวอ้วนคงไม่กิน

   ส่วนของผมคือช็อตเค้กและแพนเค้กที่มีผลไม้เป็นเครื่องเคียง

   “หิวข้าววววว” พี่พีทโอดครวญ

   “รีบอ่านดิ”

   “ชิ! ไม่มีกำลังใจเลย น้องจริงใจหอมแก้มพี่หน่อยได้ไหมคะ จะได้มีแรงฮึด”

   “แรดนะมึง”

   พี่พีทถลึงตาใส่เพื่อน ฉีกครัวซองค์ใส่ปากคำใหญ่ ทำลายภาพลักษณ์ตัวเองโคตร ๆ

   เพี๊ยะ!

   ชักมือกลับเมื่อถูกตี ตัวหอมมองตาเขียวปั๊ด อะไรวะ แค่จะเอาใบคะแนนมาเก็บเนี่ย ไม่ได้แย่งเขากินสักหน่อย

   “ตีทำไมครับ”

   “จะทำอะไรล่ะ!”

   “ผมแค่จะเอาคะแนนมาเก็บ” ทำหน้ายุ่งใส่ ตัวหอมสะบัดซองเอกสารใส่หน้าผม ให้ดี ๆ ไม่ได้แหงะ

   “คะแนนน้องจริงใจสวยมากเลยนะคะ”

   “สวยพอจะทำให้เพื่อนพี่เลี้ยงข้าวได้ไหมครับ?”

   “โอ๊ยยย แค่มื้อเดียวไม่พอหรอก เกรดดีขนาดนี้”

   “ใช่ไหม เลี้ยงทั้งชีวิตเลยเนอะ” ประโยคสุดท้ายหันไปมองคนถูกพาดพิง ตัวหอมกลอกตาใส่

   “จะกินอะไร!”

   “คิดไม่ออก ไว้ตอนหลังคุณสอบเสร็จก็ได้ ไม่อยากกวน”

   “ข้ออ้างน่ะสิ”

   “ครับ” ยิ้มรับตามวิธีคนแมน

   “เหอะ!”

   “บางทีพวกหล่อนก็ควรจะสำเหนียกด้วยนะคะว่ามีกูอยู่ด้วย!”

   ยกมือเกาท้ายทอย ไม่เขินหรอก เกิดละอายใจขึ้นหน่อย ๆ

   “อีงูพิษนั่นอัพตัสว่ะมึง”

   “ช่างมัน”

   “อะไรเหรอครับ?” ผมถาม พี่พีทเอียงจอโทรศัพท์มา ผมชะโงกหน้าไปดู เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย คนที่เข้ามานั่งใกล้ผมนี่หว่า “อ๋อ”

   “รู้จักหรอคะ?”

   “เปล่าครับ ได้ยินเขาพูดถึงเพื่อนพี่พอดี” ผมไหวไหล่ พี่พีทเบิกตาโตและตัวหอมเองก็หันมาให้ความสนใจ

   “พูดถึงยังไงคะ เล่า!!” ผมกลอกตาขึ้น คิดนิดหน่อยแล้วถึงเล่าให้ฟัง คร่าว ๆ ไม่ลงลายละเอียดอะไรมา แต่ก็ไม่ตกประเด็นสำคัญ ตัวหอมดูไม่สนใจ คนโมโหเป็นพี่พีทมากกว่า

   “มันนั่งอยู่ไหน กูจะไปจิกหัวมัน!”

   “เสียเวลา”

   “อือ” ตัวหอมครางรับเห็นด้วยกับผม พี่พีทยังฮึดฮัด ยัดครัวซองต์ที่เหลืออยู่เข้าปากในคำเดียว

   “กูโมโห อีห่านี่โดนด่าขนาดนี้ก็ไม่ทำอะไร” คนถูกว่าไหวไหล่ “ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ออกมาก็ไม่เคยแก้ สัดเอ๊ย อีโง่!”

   “การที่กูไม่ตอบโต้แปลว่ากูโง่?”

   “เปล่า! แต่กูหงุดหงิด มึงน่าจะทำอะไรกับพวกปากหอยปากปูนี่บ้าง ไม่ใช่นิ่งให้พวกมันว่าเอา ว่าเอา”

   “ได้อะไรขึ้นมา”

   “ภัคโดนแบบนี้บ่อยเหรอครับ?”

   “ตั้งแต่เข้าเรียนเลยค่ะ หน้านางหาเรื่องไง ดึงดูดผู้ชาย พวกอิจฉาก็ว่ามันแรดมันร่าน แต่มันก็นิ่งไม่สนใจ คนเขาก็คิดกันไป น่าโมโห”

   “อ่า...”

   “เสียเวลา”

   “ดูมันสิคะน้องจริงใจ เทนางเลยค่ะ รำคาญ”

   “ผมไม่รำคาญอ่ะครับ”

   “โว้ย! หงุดหงิดคูณสองเลย”

   ยิ้มนิดหน่อย ก่อนกลับเข้าเรื่องเดิม “ผมว่านะ... เราจะนิ่งหรือจะสู้ คนมันจะพูดก็พูดอยู่ดีนั่นแหละ เผลอ ๆ หาประเด็นมาว่าอีก คนจะเกลียดทำยังไงก็เกลียด อยู่นิ่ง ๆ ก็บอกว่ายอมรับ เถียงไม่ออกล่ะสิ พอแก้ข่าว ก็บอกว่าร้อนตัว ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงจะเดือดร้อนทำไม”

   สองเพื่อนซี้มองหน้าผม

   “ปัญญาอ่อน เพราะไม่ใช่เรื่องจริงไง เลยต้องเดือดร้อน แค่นี้คิดกันไม่ได้หรือไง”

   “อู้ย เผ็ชชชชช! ชอบ ๆ ขอยืมไปตั้งตัสนะคะ”

   “หึ ผมไปยืมหนังสือนะ”

   เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสาม ชั้นนี้ก็มีคนอยู่เยอะเหมือนกัน อยากรู้นิดหน่อยทำไมถึงไม่อ่านที่บ้านกัน ผมเป็นคนชอบอ่านที่บ้านคนเดียวเงียบ ๆ มากกว่า ถ้าอ่านกับเพื่อนคือไม่ได้ห่าอะไรเลย ไม่รู้เรื่อง จะเล่นเสียส่วนใหญ่ สุดท้ายก็พัง แต่ก็อย่างว่า แต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้วะ

   โซนตู้หนังสือ มีพนักงานประจำอยู่ ผมเดินไปที่หมวดหนังสืออ่านเล่น ไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือ ก่อนจะหยุดอยู่ที่เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือคอมมิคเบาสมอง ช่วยให้วันน่าเบื่อมีชีวิตชีวาขึ้น แค่หน้าปกก็น่ารักละ แบ๊วกว่าจันทร์เจ้าสิบคนรวมกันเสียอีก ยกมุมปากขึ้นเมื่ออ่านคำโปรยจบ เดินไปที่เคาน์เตอร์ ใส่ยูสเซอร์และกรอกรหัสตามที่ได้รับมา คลิกเม้าส์ไปหัวข้อ ยืมหนังสือ เมื่อสแกนบาร์โค้ดก็จะมีรหัสขึ้นมา คลิกโอเคอีกทีแล้วล็อกเอาท์ออก เป็นอันว่ายืมเรียบร้อย มีเวลายืมสามสัปดาห์

   สามสิบนาทีก็อ่านจบแล้ว

   “อ่านแนวนี้เหรอ?”

   “ครับ”

   “ฆาตกรรมเนี่ยนะ!” ตัวหอมขึ้นเสียงสูง อ่านแนวฆาตกรรมนี่แปลกเหรอ? ผมเปิดหนังสืออ่าน สลับกับตักขนมทาน ไม่ได้ทักหรือมองคนที่มานั่งรวมอยู่ด้วย คงมาตอนผมออกไปหาหนังสือมาอ่าน

   “สตรอว์เบอร์รี่นี่เหมือนสตรอว์เบอร์รี่เลย ลองชิมดูสิครับ” ผมใช้ส้อมเสียบชิ้นสตรอว์เบอร์รี่แล้วยื่นไปให้ตัวหอม เขาอ้าปากรับเหมือนยังไม่ได้คิด พองับไปแล้วก็มองผมตาขวาง

   “สตรอว์เบอร์รี่ก็คือสตรอว์เบอร์รี่นั่นแหละค่ะ จะไปเหมือนกีวี่ เหมือนองุ่นได้ยังไงล่ะคะ!”

   อ่า... ครับ พูดว่าสตรอว์เบอร์รี่ แล้วทำไมต้องปรายตามองอีกคนด้วยล่ะครับ...

   “จะไม่มีใครแนะนำน้องเขาไม่ให้เรารู้จักหน่อยเหรอ?”

   “อยากรู้จักไปทำไม!”

   “แหม พีทก็... เจอกันหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่รู้จักชื่อเลยนี่ รู้สึกแปลก ๆ น่ะ พี่ชื่อเบลล์นะคะ”

   “อือ ครับ เอาอีกไหม?” พยักหน้ารับคำพูดคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนยื่นผลไม้รสเปรี้ยวไปให้ตัวหอมอีก

   “เอาแพนเค้กมาด้วย”

   “หิวล่ะสิ” ตาเรียว ๆ ตวัดค้อน ผมยิ้มไม่สะดุ้งสะเทือน สุดท้ายป้อนขนมเขาไปจนหมด นอกจากแพนเค้กที่สั่งมาแล้วก็มีสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้กด้วย ผมทานไปแค่ ¼ ของขนมทั้งหมด ส่วนที่เหลือนั้นคือคนที่บอกว่ากลัวอ้วนจัดการไปครับ

   เอาเถอะ ยังไงก็ได้ ผมไม่มายด์

   “ต้องเอาไปเก็บเองหรือมีพนักงานมาเก็บครับ?” เอ่ยถาม พลางชี้นิ้ววนไปที่จานเปล่าในถาดรวม บอกแล้วว่ามาครั้งแรก ยังไม่รู้ระบบของร้าน

   “นู่น” นิ้วเรียวชี้ไปที่มุมหนึ่ง ผมพยักหน้า ก่อนลุกเอาถาดไปเก็บ

   “มารยาทดีจังเลยนะคะ” ผมไม่ได้ตอบอะไร แอบกระซิบถามพี่พีทว่าเขามาทำไม พี่พีทจีบปากจีบคอบอกว่าเขาว่าถามตัวหอมหรือข้อสอบ พี่หน้าสวยบอกว่าตอแหลทิ้งท้ายไว้ด้วย ท่าทางจะเกลียดจริงจัง

   “มีแต่คนไร้จิตสำนึกนั่นแหละค่ะที่คิดไม่ได้!”

   ผมเห็นด้วยกับที่พี่พีทพูดนะ ถึงเขาจะพูดไปในทางค่อนแขวะก็เถอะ การที่ทำอะไรแบบนี้มันไม่ได้อยู่ที่มารยาทหรอก มันอยู่ที่จิตสำนึกและมันเป็นสิ่งที่ควรจะทำ หากไปทานอาหารที่ไหนแล้วเขามีจุดให้เอาจานชามหรือขยะอะไรไปทิ้งเองผมก็เก็บเองตลอด ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็พวกร้านฟาสต์ฟู้ด ก็นั่นแหละ ที่จะบอกคือมันไม่แปลกหรือเป็นมารยาทอะไรหรอก

   คว้าหนังสือที่อ่านยังไม่จบมาอ่านต่อ เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น ถึงตอนคนร้ายตามฆ่าตัวเอกพอดี สนุกมากจนผมหาวออกมา กลอกตาไปมองตัวหอม เขายังคงมุ่งมั่นกับการอ่านหนังสือ แม้จะโดนก่อกวนจากพี่พีทที่เถียงกับผู้หญิงฝั่งตรงข้ามผม คิ้วของตัวหอมขมวดเข้าหากัน เห็นท่าทางแล้วจึงปิดหนังสือที่อ่านแล้วขยับไปนั่งชิดกับเขา ชะโงกไปดูชีทในมือเล็ก

   นึกว่าจะรอดพ้นจากพวกเศรษฐศาสตร์แล้วเสียอีก ตามหลอกหลอนกันไปถึงไหนวะ

   “กระแดะ รู้เรื่องหรือไง”

   “ครับ ผมช่วยไหม?”

   “พูดเป็นเล่น”

   “ไม่เล่น” ผมยิ้ม ดึงชีทในมือเขามา อ่านคร่าว ๆ ก่อนจะพูดไปตามที่ตัวเองเข้าใจ คือมันก็ยากแหละ ใช่ว่าผมจะรู้อะไรมากมาย นี่มันหลักสูตรมหาวิทยาลัยนะเว้ย ผมก็แค่เด็กมอห้าธรรมดาคนหนึ่ง อาศัยแค่ว่ามีประสบการณ์ และถูกสอนจากพ่อกับแม่เท่านั้นแหละ

   “โอ้โห กูอยากย้ายไปเศรษฐศาสตร์ก็ตอนนี้” พี่พีทล้มเลิกกับการอ่านหนังสือตัวเองไปแล้วพูดขึ้น “มาเป็นผัวพี่เถอะค่ะ ถ้าจะงานดีขนาดนี้”

   “ก็แย่ละ”

   “น้องเป็นเกย์เหรอคะ?”

   “เปล่าครับ” ปฏิเสธไป เพราะผมไม่ได้เป็นจริง ๆ “เข้าใจไหม ที่ผมพูดตรงกับเนื้อหาใช่ป่ะ?”

   “อือ ทำไมรู้?”

   “ผมมีประสบการณ์” ยักคิ้วให้หนึ่งที ตัวหอมเบ้ปากหมั่นไส้ก่อนใช้ปากกาไฮท์ไลท์เคาะหัวผม

   “น้องอธิบายเข้าใจง่ายกว่าอาจารย์บรรยายอีกนะคะเนี่ย” เธอแย้มยิ้ม “พี่ขอไอดีหน่อยได้ไหมคะ เผื่อมีอะไรสงสัยอยากจะถามน่ะค่ะ”

   “อ่อยยังไงให้รู้ว่าอ่อย” พี่พีทพูดเสียงเบา ผมก็ยังได้ยินอยู่ดี เหลือบมองตัวหอม เขาสบตากับเพื่อนแล้วแสยะยิ้ม

   “ผมไม่เล่นครับ”

   
   ตือดึง!
   You have a new message!




   Shit!!!









------------------------------------
มาแล้วววววววววววว ลืมไปยังงงงงงงงงง ขอโทษด้วยจ้า
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าวันไหนอยู่ดี)

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 13-01-2017 20:33:51
 :z13:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-01-2017 20:52:31
ร้ายนะจริงใจ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-01-2017 20:57:47
ถถถ  โป๊ะแตกจริงด้วย  555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 13-01-2017 21:04:34
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยรำคาญชะนี  ลำใยอยู่ได้ 
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 13-01-2017 21:11:05
จริงใจเป็นผู้ชายขี้รำคาญ ไม่สนโลก นางจะสนใจเฉพาะสิ่งที่นางอยากวอแวด้วยเท่านั้นคือดีงาม ชอบณภัคแบบไม่มีเหตุผลอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Secret_Deer ที่ 13-01-2017 21:23:02
ชอบในความจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-01-2017 21:24:13
55555 และเป็นตัวหอมที่ส่งข้อความมา

ฮาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 13-01-2017 21:40:25
จริงใจ 555
โป๊ะมากจ้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 13-01-2017 21:50:35
มาอัพเดี๋ยวนี้!!!! :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2017 21:59:13
 o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 13-01-2017 22:20:12
ซวยแล้วจริงใจจจ5555555555555555555

รอตอนต่อไปนะคะะ :o8:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 13-01-2017 22:25:09
จริงใจเด็ดขาด ประกาศสถานะกับตัวหอมต่อหน้าชะนีเลยลูก อย่าปล่อยไว้!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 13-01-2017 22:29:16
ขอจริงใจ1ที่ข่ะะะะะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2017 22:36:43
ตัวหอมแสบบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 13-01-2017 23:05:37
โอ้ยยย ชอบจริงใจมากกก ชอบที่จะสนใจแค่สิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
จงเมินสตอนางนั้นไปค่ะ โป๊ะแตกก็ช่างเมินนางซ้าาาาา 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 13-01-2017 23:16:01
มาโป๊ะแตกเอาตอนท้ายนี่เอง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-01-2017 23:17:29
ใครส่งมาผิดเวลา  พี่ชายสุดที่รักอะป่าว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-01-2017 23:48:00
ควรปิดเสียงเนาะ 55555

แต่ชะนีคงหน้าแหกไป แอ๊บใสๆ ข้างในมันนางงูพิษ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-01-2017 00:11:17
รำคาญพวกแอ๊บแรด!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 14-01-2017 00:51:22
จริงใจเอ้ยลูกกก  โป๊ะแตกของจริง 555
 ภัครจัดการเหลือบไรทีเร๊ววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 14-01-2017 01:10:15
โป๊ะแตก มากเลยจ้า.  5555 :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-01-2017 01:44:34
จริงใจ๊ #เสียงสูงเวลาเรียก ทำไมลูกไร้เยื่อใยได้ถูกใจอีแม่ขนาดนี้ลูก มีแม่ให้ใจลูกเต็มๆเลยค่ะ เดี๋ยวประเคนตัวหอมให้ถึงที่เป็นของรางวัลกับสิ่งที่ลูกทำกับชะนีพวกนั้น
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-01-2017 02:03:20
จริงใจ~
5555555555+
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 14-01-2017 02:11:17
ถถถถถถถถุถถ เท่มาทั้งตอนแต่ลืมปิดเสียง!!!
ทำไมผู้หญิงคนถึงได้ดูอยากได้ผู้ชายจังเลย~~~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 14-01-2017 05:55:20
ฮือออออ ขนาดทำใจแล้วนะ ทำไม เสียดายจริงใจชะมัด ลำไยนังภัคมาก โคตรพ่อโคตรแม่ลำไย และหมั่นไส้นางมาก เสียดายเด็กปิศาจ เสียดายมาก งอแง คือไม่มายด์ ที่ภัค ไม่ซิง แต่เสียดายเด็กปิศาจ ที่รู้จักภัค เสียดาย ได้ยินไหม เสียดายเด็กปิศาจ กระซิก กระซิก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 14-01-2017 06:51:42
โธ่ จริงใจลูก
 :hao7:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-01-2017 19:57:36
 o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-01-2017 20:11:00
จริงใจเท่อ่ะ^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: AKFC2010 ที่ 15-01-2017 00:43:17
จริงใจน่ารัก อยากได้แบบนี้  :hao5:
ขำตอนสุดท้าย โป๊ะแตกจริงจัง
แต่ดีแล้วล่ะ ชะนีสะตอจะได้รู้ตัว อ่อยขนาดนี้แต่ผู้ชายไม่เล่นด้วย  :m14:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 15-01-2017 08:02:29
จริงใจน่ารัก  :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 15-01-2017 10:21:14
โป๊ะไปอีกอ่ะ จริงใจจจจ
ตอนนี้จริงใจน่ารักมากอ่ะ
ภัครีบๆแสดงออกได้แล้วนะ สงสารน้องง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-01-2017 21:18:30
555555555555555 เข้าใจชื่อตอนแร่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 16 ผมกับโป๊ะแตก| 13-1-60 | P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kataurii ที่ 16-01-2017 15:42:35
ชอบความจริงใจนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

งานดีมากค่ะน้องจริงใจ เอาให้นังเบลล์หน้าหงายไปเลยค่ะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 20-01-2017 20:08:41
ความที่ 17
ผมกับความเหนื่อยใจ







   ตือดึง!
   You have a new message!

   ผมกลอกตากับเสียงเตือนที่ดังเข้ามาอย่างพอดิบพอดี มองดูแล้วเป็นชื่อคนที่อยู่ไม่ไกลจากนี่หรอกครับ ผมเหลือบตาไปมองที่ตัวหอม เขาลอบยักคิ้วส่งมาให้ก่อนก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ถ้าคนส่งไม่ใช่ตัวหอมผมจะส่งสติ๊กเกอร์นิ้วกลางไปให้แล้วนะครับ ถอนหายใจใส่เครื่องมือสื่อสารแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อ

   เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจ้องอยู่ พี่พีทกับตัวหอมเหมือนก้มหน้าอ่านหนังสือแต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหมือนตลก ในมือของตัวหอมถือโทรศัพท์เอาไว้ อยากให้ผมให้เขาเหรอวะ แต่ช่างเถอะ ยังไงผมก็ไม่ให้ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องคุยเลยสักนิด แม้แต่ชื่อผมเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ หน้าโง่ ๆ อย่างจันทร์เจ้าถ้ามาเจอยังรู้เลยว่าผมโดนอ่อย... อาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อยแต่ความจริงก็คือความจริง

   อย่างที่เคยบอก... ถ้าหากเข้ามาคุยแบบปกติไม่แสดงออกว่าสนใจโจ่งแจ้งก็ยังพอคุยกันได้ แต่หากแสดงออกมากเกินไปผมยิ่งตีตัวออกห่างและสร้างกำแพงให้สูงและหนามากยิ่งขึ้น แล้วคนนั้นจะเข้ามาในโลกของผมยากมากขึ้นหรือไม่มีโอกาสเลย

   ผมนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือที่ยืมมา สลับกับเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือบ้าง บัดดี้ของตัวหอมที่ไม่ได้รับความสนใจจากใครก็ขอตัวออกไป ความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่ผมกำลังตาปรือได้ที พี่พีทก็โยนชีทลงโต๊ะเสียงดัง โวยวายแบบไม่มีเสียง กวาดของใส่กระเป๋าจนเพื่อนได้แต่มองงง ๆ ก่อนจะบอกว่าไม่อ่านแล้ว พี่พีทชวนไปหาอะไรทาน ตัวหอมกลอกตานิดหน่อยแต่ก็ยอมเก็บของ

   ร้านอาหารที่ถูกเลือกนั้น อยู่ในย่านเดียวกัน เป็นร้านอาหารปกติทั่วไป รสชาติก็ดี ท่าทางจะหิวจัดกันจริง ๆ ต่างคน ต่างทาน มีพูดกันเล็กน้อยระหว่างเพื่อนสนิท ผมเองก็เงียบ ไม่ได้หิวอะไรมาก เมื่อทานเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับ... โดยพี่พีทชิ่งหนีไปก่อนและปล่อยเพื่อนไว้กับผม

   “ไปละ บาย”

   “เฮ้ย เดี๋ยว!” ตัวหอมร้องเรียกเพื่อน แต่พี่พีทโบกมือให้แล้วเดินไปโดยไม่สนใจ

   “ผมไปส่ง” ผมบอก ดันหลังเขาให้เดินไปที่รถ แต่แย่ละ มีหมวกกันน็อกแค่ใบเดียว ผมเดาะลิ้น ก่อนสวมมันลงบนหัวของตัวหอมโดยที่เจ้าของไม่ทันตั้งตัว เห็นตาเรียว ๆ มองด้วยความไม่พอใจแล้วสนุกพิลึก

   ความลำบากของคนไม่มีรถก็แบบนี้ หน้างอไปเถอะ ผมไม่ปล่อยให้กลับเองหรอก จะได้พาไปซื้อหมวกกันน็อกด้วย

   “มาที่นี่ทำไม?” คนถามหน้ายุ่ง ผมยังไม่ตอบ จูงมือเขาเข้าไปในร้าน อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกคืนชีพอีกครั้งหลังจากฝ่าฟันอากาศร้อนจากด้านนอกอยู่นาน ร้านนี้เป็นร้านที่ผมมาใช้บริการเป็นประจำ ถูกแนะนำโดยน้าเจ้าอีกที ร้านคนรู้จักเขา เหมือนจะเป็นกลุ่มที่เคยไปออกทริปด้วยกัน

   “ซื้อหมวกกันน็อกไง ผมไม่ได้บอกคุณเหรอ?”

   “ฉันรับรู้ได้จากการสบตากับนายงั้นเหรอ?”

   “โว้ว ต่อล้อต่อเถียงนะเดี๋ยวนี้ ทำเป็นเล่นไป”

   “เพื่อนเล่นเหรอ” คนอายุมากกว่าพูดเสียงเรียบก่อนจะกระแทกไหล่ผมเข้าไปในร้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนเก่งยืนหน้างออยู่แถวประตู ผมกดยิ้มนิดหน่อยไม่ให้เขาเห็นก่อนจะไปยืนข้างเขา

   “ช้า!”

   “ก็แย่ละ” ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ ช้าบ้าอะไร

   “พามาอะไรก็ไม่รู้” ผมไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ ท่าทางเขางอแงโคตร ๆ ปากอิ่ม ๆ คว่ำลง จมูกเชิดรั้น กับตาเรียวขวาง ๆ โคตรน่าแกล้ง แต่อย่าเพิ่งเลยดีกว่า “นายรีบไปเลือกสิ จะได้รีบกลับสักที”

   “คุณนั่นแหละต้องเลือก”

   “ฉันเกี่ยวอะไรเล่า!” ตัวหอมสะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมของผม คิ้วโก่งขมวดมุ่น มองผมด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรออกไป สตาฟฟ์ของร้านก็เข้ามาเสียก่อน

   “อ้าวเฮ้ย หายหน้าหายตาไปเลยนะ”

   “ไม่ค่อยว่างครับ”

   “แล้วนี่จะมาเอาอะไรล่ะ?” พี่เขาถาม อย่างที่บอกว่าผมมาบ่อย สตาฟฟ์ก็เลยรู้จัก อีกอย่างเหมือนพวกพี่เขาก็รู้จักกับน้าเจ้าด้วย ก็นั่นแหละ... ผมเลยได้รับการแบ่งบุญไปด้วย

   “หมวก”

   “ซื้อหมวกอีกละ ซื้อไรบ่อย ๆ วะ”

   “อ้าว ไม่อยากขายของเหรอครับ”

   พี่เขาหัวเราะ “เออ ๆ มีอะไรจะถามก็เรียกแล้วกัน แล้วนั่นใครวะ?”

   เขามองไปที่ตัวหอม ซึ่งคนที่มากับผมนั้นเบือนหน้าไปทางอื่น ผมยักไหล่ ไม่ตอบ “ขอดูก่อนนะครับ มีอะไรเดี๋ยวผมเรียก”

   “เออ ๆ”

   เดินอ้อมไปยืนข้างหน้าตัวหอม โน้มใบหน้าลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกัน ระบายยิ้มบางสู้เสือ

   “เป็นอะไรครับ?” ปรับเสียงให้นุ่มแล้วจึงเปล่งออกไป คนถูกถามยังคงหน้างอ ตาเรียวกลอกตามา ลำแขนยกขึ้นกอดอก “หงุดหงิดอะไร ผมหรืออากาศ?”

   “นาย”

   ยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง “เรื่อง?”

   “พาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร”

   “ซื้อหมวกกันน็อกไงครับ คุณยังไม่มีเลยนะ”

   “จำเป็นด้วยหรือไง” น้ำเสียงค่อนข้างเอาเรื่อง บวกกันตาเรียวที่ตวัดมาแล้วนั่นด้วย ผมยังคงรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า ก่อนจะจูงมือพาเขาไปนั่งที่เก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับนั่งรอ ไม่มีคนพอดี จะได้คุยสะดวกหน่อย

   “จำเป็นสิ ผมขับมอเตอร์ไซค์ คุณเป็นคนซ้อน ยังไงก็ต้องสวมหมวกกันน็อกอยู่แล้ว”

   “ฉันมีรถ และไม่จำเป็นที่ต้องมีนาย คิดว่าฉันจะซ้อนมอเตอร์ไซค์กับนายงั้นเหรอ ร้อนก็ร้อน ใครจะไปทน ฉันไม่เอา!”

   รอยยิ้มของผมหายไป ทิ้งตัวพิงพนักแล้วกลอกตามองไปรอบร้าน โคตรจุกกับสิ่งที่เขาพูดออกมา

   อือ...

   “เข้าใจแล้วครับ” พูดไปโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา ควักเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมา กด ๆ มันอยู่สักพักแล้วถึงพูดไปอีกครั้ง “ผมเรียกแท็กซี่แล้ว” ตัวหอมหน้าเลิ่กลั่กนิดหน่อย เขาจิปากใส่ผมแล้วลุกออกไปจากร้านเมื่อผมพูดจบ ผมถอนหายใจ สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมแล้วเสยขึ้นอย่างหงุดหงิด เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วบอกสตาฟฟ์ว่าขอฝากรถไว้ก่อนเดี๋ยวจะกลับมาเอา แล้วจึงออกไปยืนข้างคนที่รอแท็กซี่อยู่

   ไม่นานรถก็มา ผมเปิดประตูให้ตัวหอมขึ้นไปนั่ง ก่อนที่จะสอดตัวตามเข้าไป บอกที่หมายกับคนขับก่อนที่เขาจะออกรถ หันไปมองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ระยะห่างของเรานั้นมีพอสมควร เพราะทิ้งที่ตรงกลางเอาไว้ ตัวหอมก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่ได้มองผม และไม่ได้ถามว่าผมตามมาด้วยทำไม

   ที่เรียกแท็กซี่มาเพราะเขาบอกว่าการที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับผมมันร้อน แต่จะให้เขานั่งแท็กซี่กลับคนเดียวผมก็คงปล่อยไปไม่ได้ ถึงแม้มันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผมโคตรจะแพนิก ไร้สาระชะมัด ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแก้เซ็ง กลอกตาไปมองคนที่อยู่ข้างกัน ไม่รู้โทรศัพท์มือถือกับวิวแออัดนอกหน้าต่างมีอะไรน่าสนใจนัก ทำไมถึงได้มองอยู่ได้ ในจังหวะหนึ่งที่ตัวหอมวางมือลงข้างตัว มือของเขามันชนกับมือผมพอดี ผมจึงคว้ามือเขาแล้วจับเอาไว้ ในเมื่อเขาไม่ดึงออก ผมจึงไม่ปล่อย ถ้าเป็นแบบนี้มันก็น่าจะโอเคกว่าตึง ๆ ใส่มากกว่า

   แต่ที่สงสัยและที่ไม่เข้าใจสุด ๆ เลยก็คือผมทำอะไรผิด อารมณ์เสียเรื่องอะไรมา ถ้าเพราะอากาศร้อนก็น่าจะไร้เหตุผลแบบนี้ ถ้าพูดภาษาบ้าน ๆ ก็งี่เง่า คนโดนเหวี่ยงแม่งโคตรงง อยากถามนะ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร ตัวหอมคงไม่ตอบ เผลอ ๆ อาจหงุดหงิดหนักกว่าเดิม ปล่อยไปก่อน ค่อยคุยทีหลังก็ได้

   เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงแยกที่ต้องเลี้ยวเข้าเพื่อไปคอนโดตัวหอม แต่ด้วยการจราจรทำให้คนอารมณ์ไม่ดีไม่อยากรอ เขาควักเงินจ่ายแล้วเปิดประตูลงจากรถไปโดยไม่เอาเงินทอน ผมลงจากรถบ้าง เดินตามตัวหอมไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน จนกระทั่งมาถึงหน้าตึก เขาหยุดยืน ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาก่อนจะหันมาหาผม ตัวหอมเม้มปาก เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด

   “จะพูดอะไรเหรอครับ?”

   “รออยู่นี่” เขาบอกแค่นั้นแล้วเข้าไปในตึก ผมจะทำอะไรได้นอกจากรอล่ะครับ ไม่นานเขาก็กลับลงมา ในมือของเขามีแอปเปิ้ลอยู่หนึ่งผล ตัวหอมยัดมันใส่มือผมก่อนจะหมุนตัวเข้าตึกไปอีกครั้ง ผมได้แต่มองแอปเปิ้ลในมืองง ๆ อะไรวะ จู่ ๆ ก็มาให้แอปเปิ้ลแบบนี้ แล้วคนให้ดันไม่อยู่ให้ถามอะไรด้วย




   “พี่จริงใจขา~ ทำอะไรอ่ะ?” ผมไม่ตอบ ชูแอปเปิ้ลให้มือให้ดูแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น “อยากกินแอปเปิ้ลเหรอคะ?”

   “เปล่า มีคนให้มา”

   “ฮะ? อ๋อ มีความโรแมนติกแบบฟอร์มเยอะอ่า น่ายัก~”

   “อะไร?”

   “มีใครทำให้พี่รู้สึกไม่ดีหรือทำไม่ดีกับพี่หรือเปล่าคะ?” ผมนึกก่อนพยักหน้า จ๋าจ้าจึงพูดต่อ “แอปเปิ้ลใช้แทนคำขอโทษได้นะคะ คำว่าแอปเปิ้ลในภาษาเกาหลีมันแปลว่าขอโทษได้ด้วย แล้วพอเป็นอังกฤษก็ตรงกับคำว่า Apology พอดี”

   “อ่า...”

   “ใครให้มาเหรอ?”

   “ยุ่งน่า” จ๋าจ้าหน้ามุ่ย ผมเปิดตู้เย็นอีกครั้งแล้วคว้าเอาแอปเปิ้ลลูกนั้นออกมาก่อนจะขึ้นห้องไป

   ผมกลับถึงบ้านมาฟ้าก็เกือบมืดแล้วล่ะครับ เข้าไปเปลี่ยนกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่ออกเป็นกางเกงขาสั้นที่ใส่สบายกว่า ชาร์จโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้แล้วลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับกีตาร์โปร่งหนึ่งตัว เลือกนั่งที่ร่ม ถอดรองเท้าแตะที่สวมอยู่ออกแล้วหย่อนเท้าลงไปในสระว่ายน้ำ สายน้ำเย็น ๆ ที่โอบล้อมทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย ผมกรีดนิ้วไปบนสายสแตนเลสจนเกิดเป็นเสียง ก่อนจะจับคอร์ดและเล่นไปมั่ว ๆ ไม่เป็นเพลง

   ผมชักขาขึ้นจากน้ำ ก่อนจะเอนตัวนอนบนพื้นที่ริมสระ ยื่นมือข้างหนึ่งลงไปในน้ำและกวักเล่นไปมา สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้ายามพระอาทิตย์อัสดง สายลมเอื่อย ๆ พัดปะทะผิวหน้าจนต้องหลับตารับ ...เพียงแค่หลับตา ภาพใบหน้าของคนที่เพิ่งแยกจากกันก็ฉายขึ้นมาเต็มไปหมด

   ตั้งแต่รู้จักกับเขา ความรู้สึกและความคิดของผมก็รวนไปหมด ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้ เพราะอะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไปทำไม คำถามพวกนั้นมีอยู่ทุกวัน ซึ่งผมก็หาคำตอบไม่ได้ ไม่รู้สิ ก็แค่อยากมีเขาอยู่ด้วย บางทีก็รู้สึกว่าช่างแม่ง ในเมื่อเขายังไม่แคร์อะไรทำไมผมต้องแคร์ด้วย แต่จะไม่สนจริง ๆ ก็ทำไม่ได้

   นึกถึงคำที่จ๋าจ้าบอกแล้วก็ไม่รู้จะรู้สึกยังไง แวบแรกก็ใจเต้นแรงดี แต่สักพักผมก็ดิ่งอีกครั้ง เรื่องของเรื่องคือผมไม่พอใจที่ถูกเหวี่ยงนั่นแหละ

   ลืมตาขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ไฟรอบ ๆ ถูกเปิดเพื่อให้ความสว่าง ผมลุกจากพื้น คว้ากีตาร์ขึ้นมาถือก่อนเดินเข้าไปในบ้าน สวนกับแม่บ้านที่กำลังมาตามพอดี

    “แฮ่!!” ปรายตามองน้องและเดินผ่านไปนั่งประจำที่ตัวเองด้วยความเฉยเมย จ๋าจ้าหน้ามุ่ย เนื่องจากทำให้ผมตกใจไม่สำเร็จ “คุณตาดูพี่จริงใจนะคะ เย็นชากับหนูตลอดเลย”

    “เราก็ไปกวนพี่เขาน่ะสิ”

    “หูยย คุณตาน่ะ” ไอ้เปี๊ยกแยกเขี้ยวใส่ผมเมื่อไร้คนเข้าข้าง

    “ทำไมพลาสเตอร์เปียกแบบนั้นล่ะลูก” มองสภาพมือตัวเองแล้วก็ละสายตาออก มันเปียกเพราะเอามือไปแกว่งในน้ำ ทานข้าวเสร็จค่อยเปลี่ยนพลาสเตอร์ หรือไม่ก็ไม่ติด ปล่อยให้แผลโดนอากาศไป จะได้หายเร็ว ๆ

   “อาบน้ำเสร็จแล้วมาเจอกันที่ห้องทำงานหน่อยนะครับ” คุณพ่อบอก ผมพยักหน้าพร้อมรับคำ แล้วจึงขึ้นห้อง จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย มาหยุดอยู่กลางห้อง มองไปยังโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอร์รี่ทิ้งเอาไว้ เข้าไปถอดปลั๊ก ไฟหน้าจอสว่างขึ้น กวาดตาดูแค่ผ่านแล้วโยนไปที่กลางเตียง จากนั้นจึงออกจากห้องเพื่อไปห้องทำงานของพ่อ

    “มีอะไรเหรอครับ?”

    “พรุ่งนี้พ่อจะให้จริงใจไปแผนกบัญชีนะครับ”

   ผมเลิกคิ้ว “เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือเปล่าครับ?”

    “ครับ จำวันที่เจอเอกสารนั้นได้ไหม? หลังจากจริงใจส่งข้อความเรื่องผู้จัดการมา ไม่นานเขาก็ขึ้นมาหาพ่อ และเอกสารที่เราเจอก็หายไป”

    “แสดงว่าผู้จัดการต้องมีส่วนรู้เห็น แล้วให้ผมไปแบบนั้นมันไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอครับ?”

    “จริงใจยังไม่ได้ไปฝึกที่แผนกบัญชี อีกอย่างพ่อก็ทำเหมือนไม่เคยเห็นเอกสารนั่น ผู้จัดการเองก็ไม่ได้สงสัย ไม่มีปัญหาครับ”

    “แล้วพ่อจะให้ผมทำอะไรบ้างครับ”

    “แล้วแต่ลูก”

    “อ่า... แล้วได้เรื่องยังไงบ้างแล้วครับ บอกผมได้ไหม?”

    “ครับ เรื่องมันเกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูงด้วย ถ้าตัวผู้จัดการคนเดียวจะยักยอกเงินจำนวนหลักสิบล้านแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย”

    “หากไม่มีคนสั่งการก็ต้องมีคนหนุนหลัง...” ผมต่อประประโยคจากพ่อ ท่านพยักหน้าเบา ๆ “พ่อสงสัยใครครับ?”

   คุณพ่อยกยิ้มมุมปาก “เราคงต้องเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่”

    “ก็แย่แล้ว...”

    “หึหึ” ใครบอกคนใจดีร้ายไม่เป็น ผมว่าคนใจดีเวลาร้ายน่ากลัวกว่าคนที่ร้ายอยู่แล้วเสียอีก “หมดเรื่องแล้วครับ ไปพักเถอะ ดูท่าจะไม่ค่อยเต็มร้อย”

   ผมกลอกตา ยังไงซะพ่อแม่ก็ดูเราเก่งที่สุด ต่อให้ไม่พูดอะไรออกไปก็ตาม พยักหน้ารับ แล้วจึงออกมาจากห้องทำงานของพ่อ จากการที่ผมเคยฝึกงานที่บริษัทนั้น จะฝึกราว ๆ หนึ่งหรือสองสัปดาห์ต่อแผนก เว้นพักบ้างไม่ได้ฝึกต่อเนื่อง ผมจะได้ทำก็เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านประธาน

   พรุ่งนี้ต้องไปทำที่แผนกบัญชี วางแผนเอาไว้ในหัว ต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้ข้อมูลมามากที่สุด ด้วยตัวเงินที่มากขนาดนั้น อาจจะทำมานานแล้ว ต้องขอดูบัญชีย้อนหลัง เรื่องนี้คุณแม่ทราบแล้ว ถึงพ่อบอกจะไม่บอกใคร แต่ ‘ใคร’ ในนั้นไม่มีแม่ พวกท่านไม่เคยมีความลับต่อกัน มีเรื่องอะไรก็แบ่งปันกันตลอด อย่างเรื่องนี้ ตอนรู้ คุณจอมโมโหมาก โมโหทั้งพ่อแล้วคนโกง แต่แล้วก็รับฟังปัญหา คิดวิธีแก้ และให้กำลังใจ...

   เข้าไปล้างเท้าในห้องน้ำและเปลี่ยนชุดลำลองเป็นชุดนอน นอนคว่ำบนเตียง คว้าโทรศัพท์มากด เลื่อนปลายนิ้วดูแจ้งเตือนบนหน้าจอ กดเข้าไปอ่านข้อความที่ค้างไว้ มีจากแชทกลุ่ม HISTASIA ที่คุยกันเรื่องซ้อมครั้งล่าสุดรวมถึงพาดพิงทีมอื่น จากไอ้เนตรที่ส่งมาอวดเรื่องเป็นแฟนกับมายด์แล้ว จากจันทร์เจ้าที่งอแงเพราะโดนแฟนบังคับให้อ่านหนังสือ ...วันนี้จันทร์เจ้าไม่กลับบ้าน คงจะค้างกับแฟนตัวเอง เดี๋ยวนี้ชักใจแตกใหญ่แล้ว บ้านช่องมีไม่กลับ

   และ.....

    [feb.no.9]: phaknp just posted 2 photos.

   แค่ปัดแบรนด์เนอร์ออกไปให้แจ้งเตือนมันหาย

   พยายามจะนอนเร็วเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจ แต่ยังไงก็ไม่หลับ สำเหนียกจากการนอนโง่ ๆ มาสองชั่วโมง สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิด สละเตียงให้ผ้าห่มแล้วตรงไปยังตู้เย็นเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ในนั้นมีขนม พุดดิ้ง ช็อกโกแลต นม น้ำผลไม้ น้ำเปล่า และเบียร์...

   อารมณ์ไม่คงที่แถมยังนอนไม่หลับแบบนี้การเลือกดื่มนมไม่น่าจะใช่ทางออกที่ดีสักเท่าไหร่ คว้าเบียร์ออกมา ดูที่ข้างกระป๋อง ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4.9% ...โน้มตัวเท้าแขนกับราวระเบียงห้องนอน เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ท้องฟ้าตอนนี้มองไม่เห็นดาวสักดวง ถ้าอยู่ที่ไร่วนิดา คงได้เห็นดาวส่องประกายระยิบระยิบเต็มท้องฟ้า

   พูดแล้วชักคิดถึง หลังจากจบเรื่องที่บริษัทคงต้องหาเวลาไปไร่วนิดาให้ได้ก่อนจะเปิดเทอม ป่านนี้องุ่นคงออกผลเต็มไปหมด...





   ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกตอนหกโมงเช้า เข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวทับในในกางเกงยีนส์สีดำซึ่งพับขาขึ้นเล็กน้อย และคลุมทับเชิ้ตด้วยเบลเซอร์สีดำเช่นกัน... เสื้อผ้าผมส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสีสัน เปิดตู้ก็เจอแค่ดำ ขาว และเทา พวกสีสดใสจะเป็นส่วนน้อย เซ็ตผมด้วยทรงปอมปาดัวร์ เสยผมไปด้านหลังขณะเป่าผม ใช้มูสจัดทรง เก็บผมให้เนี้ยบก่อนจะขยี้ให้มันยุ่งเล็กน้อยก่อนใช้สเปรย์ฉีดให้อยู่ทรง

   จะเก็บให้เนี้ยบทำไมถ้าจะขยี้ เสียเวลาชะมัด

   ยืนอยู่หน้ากระจกขณะใส่นาฬิกาข้อมือ มองเห็นแผลที่หน้าแล้วหงุดหงิดหน่อย ๆ จางลงไปเยอะ แต่ยังไม่หายซะทีเดียว แผลที่มือก็เหมือนกัน ได้แต่ภาวนาอย่าให้เป็นแผลเป็น... ปรายตามองตู้เก็บจิวแล้วเดินผ่าน ใส่ตุ้มหูไปทำงานคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน สุดท้ายก็หยิบสร้อยข้อมือที่จันทร์เจ้าซื้อให้มาใส่พลางเดินออกจากห้องแต่งตัว ใช้เวลาไปทั้งหมดราวหนึ่งชั่วโมง

   ของสิ่งสุดท้ายที่ผมต้องมีตลอดนั่นก็คือกระเป๋า เก็บของจำเป็นใส่แล้วลงไปข้างล่าง

    “อั๊ยยยยย!!”

    “เป็นบ้าไง?”

   จ๋าจ้าหน้ามุ่ย ก่อนเปลี่ยนเป็นตาประกายแล้วเดินวนรอบตัวผม

    “พี่จริงใจหล่อหยั่งงี้!” น้องยกนิ้วโป้งทำตาโตประกอบคำพูด “ขอถ่ายรูปหน่อยยยย”

    “ก็แย่ละ”

    “นะนะ จะอวดชาติชาย นะคะ นะ” ผมยืนนิ่ง ๆ ให้จ๋าจ้าถ่ายรูป ไอ้เปี๊ยกวนเวียนรอบตัวราวกับผมเป็นสัตว์ประหลาด “พี่จริงใจทำหน้านิ่ง ๆ คิ้วขมวดแบบนี้แล้วนึกถึงบางอย่างเลยค่ะ”

    “อะไร?”

   น้องกอดอก ไล้ปลายนิ้วลูบคาง หรี่ตามองทำหน้าทะเล้นก่อนจะหัวเราะ “ถ้าตาสีฟ้าด้วยนะ โป๊เชะเลย! ไซบีเรียฮัสกี้!!”

   ผมเดินผ่านน้องสาวไปโดยไม่พูดอะไร จ๋าจ้าตะโกนตามหลังมาบอกว่าผมเหมือนไซบีเรียจริง ๆ รู้สึกถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงจึงควักออกมาดู

   [jin9jai]: heyjirapinya tagged you in a photo.

   “พี่จริงใจขา ไลค์ด้วยนะคะ!”

   ถอนหายใจเสียงดังใส่ กดถูกใจแบบขอไปที ก่อนจะเข้าไปหาข้าวเช้าทานในครัว

   จ๋าจ้าโพสต์รูปผมที่ทำหน้านิ่ง คิ้วขมวดลงไปพร้อมคำบรรยายที่บอกว่า คนอะไรเหมือนไซบีเรีย

   


   มาถึงบริษัทก่อนเวลาเริ่มกว่ายี่สิบนาที เมื่อแยกกับพ่อก็ตรงไปที่แผนกบัญชี หาที่นั่งรอเพราะยังไม่มีพนักงานมาเลยด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นจึงควักโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นไปพลาง ๆ จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เข้าไปดู แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีปลายนิ้วก็พิมพ์ชื่อที่ตรึงอยู่ในหัวลงในช่องค้นหาไปแล้ว...

   phaknp

   ไล่ดูจากที่เมื่อคืนมองผ่าน สเตตัสที่บ่นถึงเรื่องสอบ รูปภาพสองรูปที่เมื่อคืนไม่ได้ดู ในส่วนของวันนี้ยังไม่มี สลับแอพพลิเคชั่นไปอีกแอพ ช่องข้อความยังเป็นสติ๊กเกอร์ของผมที่ไม่ได้รับการตอบกลับ ก็เรื่องปกติ ถ้าตอบสิแปลก ยกยิ้มมุมปากคล้ายหยันตัวเอง พอมาคิดดี ๆ ช่องว่างระหว่างเรามันมากเกินจริง ๆ

   หรือผมควรจะหยุด... เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบและรำคาญ อือ เป็นผม ผมก็รำคาญ โดนตามตื้อ ตามติดแบบนั้น ใครมันจะไปชอบ แต่ก็นะ... สมองก็คิดไปแค่นั้น เอาลึก ๆ ในใจก็ไม่อยากหยุดจริง ๆ หรอก

   ผมว่า... ผมชอบเขามากเกินไปแล้ว





   “อุ๊ย!” เงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ กดล็อกเอาไว้แล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับลุกขึ้นยืน ค้อมศีรษะให้คนที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย

   “คุณจริงใจมาทำอะไรที่นี่คะ?”

   “ผมมาฝึกงานที่แผนกนี้ครับ”

   “จริงใจหรือคะ!?”

   “ครับ”

   “ว้าย ดีจริง มีหนุ่มหล่อมาให้กระชุ่มกระชวย อุ่ย... ขอโทษค่ะ” ผมยิ้มนิดหน่อย แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน และลอบมองผมเป็นระยะ

   “เอ่อ... ผู้จัดการจะเข้ามาเมื่อไหร่เหรอครับ?”

   “ไม่ทราบค่ะ” พยักหน้ารับรู้ แล้วกลับไปนั่งรอที่เดิม ผมต้องรายงานตัวกับผู้จัดการแผนกและก็ต้องฝึกงานตามคำสั่งของเขา ให้คนในแผนกวางใจสักหน่อยแล้วจึงค่อย ๆ เริ่มสืบเรื่องที่ท่านประธานมอบหมายมาให้


   หวังว่าจะเป็นไปด้วยดีนะ







----------------------------------
เอ๊าาาาาาาาา ตีกันเฉ้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ณภัคอารมณ์สวิงมาก กลัวแล้วจ้ะ กลัวกว่าคือกลัวภัคจะโดนด่า (555555) /พนมมือ
นี่ก็เหนื่อยใจด้วยเลย
พี่เขาให้แอปเปิ้ลแล้วนะ นั่นเขาง้อแล้ว แต่จริงใจจะทำยังไงก็แล้วแต่ใจจะปรารถนาเลย...
ลืมกันไปยังอ่ะ มาอัพช้ามาก ขอโทษคร้าบบบบ แล้วมาพร้อมความงงและคำผิดแบบมหาศาล ; _ ;
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า
บายยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-01-2017 20:55:40
เหวี่ยงจนได้เรื่องเลยอะณภัค มีเด็กงอนหนึ่งอัตรา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 20-01-2017 21:00:26
อ๊าย..จริงใจจ๋า..อย่ายอมแพ้ซิจ๊ะ..เขาอุตส่าห์ให้แอปเปิ้ลขอโทษละ..เหวี่ยงๆอย่างนี้จับจุ๊บเลย..อิอิ :m11:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-01-2017 21:07:58
 จริงใจสู้ๆนะ อย่าพึ่งท้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 20-01-2017 21:33:41
จริงใจถอยออกมาบ้างก็ได้นะลูก
พอเต็มร้อยเมื่อไหร่ค่อยสู้ใหม่นะ
 :mew1: :mew1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 20-01-2017 21:40:14
จริงใจควรงอนบ้างเหอะ ง้อจนเหนื่อยแทนละ หาแฟนใหม่เลยเอาให้ภัคหึงตาค้างไปเลย555 เราชอบแบบนี้ สะใจดี :katai1: :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 20-01-2017 21:41:17
จริงใจลูก ณภัคน่ะใจอ่อนนานแล้ว แกฟอร์มจัดไปงั้นล่ะ กลัวเสียฟอร์มไงบอกว่าไม่ชอบเด็กๆ สุดท้ายกลับมารักมาหลงเด็กก็จะยังไงๆอยู่ ให้เวลาคนปากแข็ง ขี้วีนหน่อยนะลูก เขามีแผลเยอะแล้วกลัวเราจะไปหลอกให้เขารักแล้วทิ้งเขาไปไงจ๊ะ เราคิดว่างี้นะ เอาใจช่วยจริงใจเอาความจริงใจให้ณภัคเลิกปากแข็งสักที คู่นี้น่าอิจฉาที่สุดแล้วค่ะ เราจะชงให้สุดค่ะคนมันเป็นหน้าที่ของเรา ฮ่าๆๆ #จักรภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 20-01-2017 21:48:53
เมื่อไรจะรักกันน้อออออออ :katai5: 

รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-01-2017 21:55:33
ณภัคนิสัยไม่ดีเลย เล่นตัวจนน่ารำคาญ :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-01-2017 22:10:11
ภัคขี้วีนดีแท้ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 20-01-2017 23:17:09
ภัคขี้เหวี่ยงเนาะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-01-2017 23:40:08
ได้เรื่องไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-01-2017 00:19:22
เราว่าภัคน่าเบื่อและน่ารำคาญมากกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 21-01-2017 00:39:26
มีความงอแงอาจจะเนื่องจากที่ต้องอ่านหนังสือหนักและไม่ได้พักผ่อนเลยงอแงไปเยอะเลย แต่ว่าจริงใจทำไมลูกติสแตกขนาดนี้ล่ะ ดูท่าโลกส่วนตัวจะสูงมากๆ ได้ใครมาหนิ จะบอกว่าเป็นน้าเจ้าก็ไม่น่าจะใช่นะหรือว่าใช่หว่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 21-01-2017 01:36:07
มีความรำภัคสูงมากกกกปากเสียอะไรเบอร์นั้น
เล่นตัวไปนะคะ เล่นต่อไปนะ ละจริงใจจะได้เลิกยุ่งซะที หมั่น
ไม่ต้องมาให้แอปเปิ้ลอะไรหรอก ทำผิดรู้ว่าผิดก็ขอโทษดิ อย่ายาก
ให้ภัคเป็นฝ่ายตามบ้าง จากที่เอาแต่ใจตลอด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-01-2017 03:58:13
เก่งเกินเด้กไปล้าว ควรเปงพี่คนโตนะ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 21-01-2017 04:27:45
ภัคก็น่ารักอยู่นะ
ง้อนิดหน่อย
แต่ด้วยความที่คิดมาตลอดว่า คนแก่กว่ามันดี
นางก็เลยยังแบบสับสน งงๆ ในตัวเองไรงี้ป่ะ
 :mew4:

น้องจริงใจก็ดี มาจีบพี่แทนตัวหอมไหมลูก


คนนึงก็เอาแต่ใจ คนนึงก็ติสท์ๆ
5555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-01-2017 06:22:21
จริงใจไม่ต้องไปง้อไม่ต้องไปหานะลูก เราใส่ใจเขาแล้ว แต่เขากลับปัดเหมือนรำคาญเรา

ไม่ชอบภัคที่เป็นแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 21-01-2017 07:56:45
ตัวหอมเหวี่ยงเกิ้นนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 21-01-2017 09:51:04
มาง้อเด็กเลยนะภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 21-01-2017 19:19:23
ภัคลืมเทคยาคุมป่ะเนี่ย 555 บทจะเหวี่ยงก็เหวี่ยงมาซะงั้น
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-01-2017 22:48:23
จริงใจอย่าเพิ่งถอดใจซิ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 23-01-2017 12:28:12
ง.งูล้านตัววววววววววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-01-2017 14:46:05
มีความอยากอ่านจริงใจมากกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-01-2017 21:24:27
เอิ่มมม ไม่รู้จะสงสารหรือฮาดี จริงใจเอ้ยย

คือรุกมาก มีห่วง มีหวง แถมยังทำตัวให้ชิลกับเค้าคนเดียว
ตัวหอมไม่ชอบน้องจริงหรอ ทำใจไม่ชอบได้จริงหรอ ทำจริงใจเฟลหนักมากค่ะ

จริงใจอายุน้อย แต่ความคิดกับความรู้ไปไกลมากก ที่บ้านเลี้ยงสลับกันหรอ 55555

ลุ้นให้ตัวหอม ทักน้องมาบ้างนะ แค่แอปเปิ้ลมันไม่หายหน่วงนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-01-2017 00:07:04
อย่าพึ่งเหนื่อยสิจริงใจ!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-01-2017 10:11:29
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 17 ผมกับความเหนื่อยใจ | 20-1-60 | P.12
เริ่มหัวข้อโดย: missyaoi ที่ 26-01-2017 14:05:01
จริงใจควรงอนเยอะๆ ค่ะ ให้พี่เขาสำนึกบ้างว่าหนูก็สำคัญ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 26-01-2017 21:52:17
ความที่ 18
ผมกับตัวปัญหา





   การฝึกงานในแผนกบัญชีเป็นไปอย่างราบรื่น จากวันแรกจนตอนนี้ก็เข้าสู่วันที่สี่แล้ว ผมเก็บข้อมูลไประหว่างทำงาน และนำไปรายงานท่านประธาน ผู้จัดการและคนอื่น ๆ ในแผนกไม่ได้สงสัยอะไรในตัวผม คิดว่ามาฝึกงานธรรมดา เพราะทุก ๆ ปิดเทอม ผมเองก็เข้ามาฝึกงานที่บริษัทอยู่เป็นประจำ หลาย ๆ คนก็ได้เห็นหน้าและได้พูดคุยบ้าง การที่ทำให้ผู้จัดการวางใจได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่นอกจากจะให้ผู้จัดการตายใจแล้ว ผมก็ยังตีสนิทกับพนักงานในแผนกไปด้วย โดยเฉพาะคนที่ดูและเรื่องบัญชีและงบประมาณ ถ้าขอดูบัญชีของปีเก่า ๆ ได้ จะดีมากเลยทีเดียว

   “คุณจริงใจเก่งมากเลยนะครับ” พนักงานชายที่ทำเรื่องงบประมาณเอ่ยขึ้น

   “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” พูดอย่างถ่อมตัว พลางพลิกหน้ากระดาษอ่านรายละเอียดที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปด้วย

   “ขนาดนั้นเลยค่ะ พี่ขอยืนยันอีกเสียง เด็กอะไร ขยั้นขยัน”

   ขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอ่อน ๆ และเกาท้ายทายเหมือนจะเขิน “ขอบคุณครับ”

   “อุ๊ย ได้เวลาพักแล้ว”

   “คุณจริงใจไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ?”

   มองนาฬิกาบนข้อมือ บอกเวลาเที่ยงตรงพอดี

   “ผมอยากเคลียร์งานให้เสร็จก่อนครับ พวกพี่ไปทานกันเถอะครับ”

   “ขยันแบบนี้เดี๋ยวพวกพี่จะโดนผู้จัดการด่าเอานะค้า”

   “ผมเป็นแค่เด็กฝึกงานเอง”

   “แหม เด็กฝึกงานเฉย ๆ ก็ดีสิคะ งั้นพวกพี่ไปก่อนนะคะ”

   “ครับ” ก้มลงมองบันทึกรายรับ รายจ่ายของบริษัทอีกครั้งหลังจากเหล่าพนักงานต่างเดินออกไปแล้ว

   จากที่ดูก็ค่อนข้างปกติแทบทุกอย่าง มีบ้างที่ดูน่าสงสัยแต่มันก็ยังเล็กน้อยเกินไป ผมเม้มปาก เอนศีรษะไปด้านหลังและมองไปยังเพดานสีขาว เป็นแบบนี้ต้องรีบหาทางเอาบัญชีเก่า ๆ มาดูให้ได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะผมมีเวลาไม่มากนัก

   แกรก...

   “อ้าว... คุณจักรพรรดิไม่ไปทานข้าวหรือครับ”

   ผมลุกขึ้นไปมองเจ้าของเสียง เป็นผู้จัดการที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานส่วนตัว

   “ผมอยากทำงานให้เสร็จก่อนน่ะครับ ยากมากเลย”

   “โธ่ เดี๋ยวค่อยกลับมาทำก็ได้ เด็กเก่ง ๆ อย่างคุณจักรพรรดิทำได้สบายอยู่แล้วล่ะ”

   “งั้นเหรอครับ”

   “ผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “ครับ” มองตามหลังผู้จัดการไป จังหวะที่กำลังจะเดินผ่านเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาพอดี เขาหยุดเพื่อเอามันออกมาก่อนกดรับสาย ผมหันกลับมามองแฟ้มบนโต๊ะและทำเป็นไม่สนใจ จากเงาสะท้อนในพาติชั่นคือผู้จัดการหันหลับมามองผมแวบหนึ่ง

   “ครับ คุณสรัช ผมกำลังไปครับ...” ระดับเสียงลดลงตามระยะทางที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ผมกัดริมฝีปาก เคาะปากกากับขอบโต๊ะ ก่อนค้นเอาสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาจด

   xx Oct xxxx
   12:07 คุณสรัชโทรศัพท์หาผู้จัดการ และออกไปพบกัน


   ปิดสมุดลงเมื่อเขียนเสร็จ เก็บใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้ ปิดแฟ้มเอกสาร จากนั้นจึงออกไปจากแผนกบัญชี ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ก็กดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาท่านประธาน ไม่รู้ว่าพ่อจะไปทานข้าวหรือยัง บางทีก็อาจจะไปพบลูกค้า ก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงที่หมาย ยืนเซ็งอยู่หน้าบริษัทก่อนไปที่รถของตัวเอง จะทานอะไรเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ดี...



   เลือกทานอาหารจานเดียวแบบง่าย ๆ หลังจากจัดการกับมื้อเที่ยงไปแล้ว ยังเหลือเวลาพักอีกมาก จึงเดินไปยังคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก สั่งช็อกโกแลตปั่นกับขนมปังสังขยามาทาน เนื่องจากแถวนี้เป็นย่านธุรกิจ มีบริษัทอยู่เยอะมากมาย ลูกค้าส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นพนักงาน เหมือนจะมีผมที่แปลกแยกอยู่คนเดียว รื้อหาหูฟังอินเอียร์ไร้สายออกมา เชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงก่อนจะเลือกเพลงจากเพลย์ลิสต์ และเล่นโทรศัพท์ไปพลางทานของหวานไปด้วย

   คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นตัวเลขแจ้งเตือนที่แสดงขึ้น แตะนิ้วเข้าไปดูก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที จ๋าจ้าพาความเดือดร้อนมาให้ผมแล้ว

   Jirapinya Jj mention you in Cuteboys are mine’s post.
   Jirapinya Jj หน้าเขาเหมือนพี่เลยนะคะ Jakkrapat Assawayothin

   ไม่เหมือนได้ยังไง นั่นมันผม! ไอ้เปี๊ยก! ไม่ต้องทำอะไรมากมาย ผมลบคอมเมนต์ที่จ๋าจ้าแท็กมาทิ้งไปโดยไม่สนใจจำนวนคนถูกใจหลักพันจนขึ้นท็อป และไม่ลืมที่จะแจ้งรีพอร์ตรูปภาพตัวเองที่ถูกคนดูแลเพจบันทึกมาจากโซเชียลของน้องสาวไปด้วย

   กลับไปที่หน้าโฮม มองตัวเลขที่ถูกแอดเฟรนด์แล้วถอดหายใจ จ๋าจ้านะจ๋าจ้า เพราะรูปไซบีเรียนั่นรูปเดียว ทำให้ผมไปโผล่บนเพจที่มีคนกดถูกใจเป็นแสนแบบนั้น โคตรเหี้ย รู้สึกถึงความวุ่นวายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา หรือผมจะปิดบัญชีไปเลยดี มีก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว แต่... ถ้าปิดไปแล้วจะเอาอะไรส่องตัวหอม

   ช่างแม่ง...

   จิ้มขนมปังชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวกร้วม ๆ แล้วกลืนลงคอ ยกแก้วน้ำปั่นขึ้นมาดื่ม นั่งอยู่สักพักแล้วจึงกลับบริษัท แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ถึงเวลางานอยู่ดี ชักจะเริ่มเบื่อแล้วแฮะ... เล่นเกมฆ่าเวลา ระหว่างที่กำลังเล่นอยู่นั้นสมาร์ทโฟนในมือก็สั่นครืดเพราะมีแจ้งเตือนเข้ามา

    [feb.no.9]: phaknp just posted a photo.

   รูปภาพที่ถูกอัพโหลดคือรูปเจ้าของแอคเคานต์คล้ายกำลังฟุบหน้ากับโต๊ะหรืออะไรสักอย่าง ตาเรียวหลุบต่ำมองกล้อง ริมฝีปากสีสดเป็นเส้นตรงไม่แสดงอารมณ์ ทำให้ใบหน้าดูเหยอหยิ่ง ...ผมเดาะลิ้นหลังจากกดออกจากแอพพลิเคชั่นนั้น ไม่ได้ถูกใจหรือรีพอร์ต แค่ปล่อยไว้เฉย ๆ

   เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วกับเรื่องที่โดนเหวี่ยงหลายวันก่อน มันนานจนอารมณ์ความโกรธหรือหัวร้อนมันหายไปหมดแล้ว

   ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเขาสอบหรือยัง เพราะตั้งแต่วันนั้นที่โดยเขาเหวี่ยงใส่ผมก็ไม่ได้เข้าไปวอแว ข้อความไม่ได้ส่ง โทรศัพท์ไม่ได้โทรหา หรือเจอหน้าก็ไม่ได้ไป ด้วยความที่ผมก็ยุ่งกับงานที่บริษัท มีเรื่องให้คิดเยอะแยะมากมายจนบางทีก็ลืมตัวหอมไป และอีกอย่างที่ไม่วอแวคือรู้ว่าเขารำคาญ ผมจึงถอยออกมาหนึ่งก้าว วางเรื่องของตัวหอมเอาไว้ก่อน มุ่งมั่นกับงาน หลังจากนั้นจะทำยังไงค่อยคิดอีกที

   ต่อให้ไม่มีผม เขาก็ยังใช้ชีวิตได้ เผลอ ๆ ดีกว่าตอนมีผมอยู่ด้วยด้วยซ้ำ ตัวผมมันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขา หากผมเป็นเขา ก็คงดีใจและยินดีอย่างมากที่ความน่ารำคาญออกไปจากชีวิต



   “พี่บีครับ”

   “ขา? ว่ายังไงคะ?” พี่บี หรือ คุณเมลดา หมุนเก้าอี้มาหาผม เธอเป็นคนที่ช่วยสอนงานให้ผม

   “คือ...” ผมเม้มปากคล้ายลำบากใจ “ผมอยากดูบัญชีเก่า ๆ ของบริษัทครับ”

   “เอ๋?”

   “อยากทราบว่าการทำงานต่างกันกับปัจจุบันหรือเปล่าน่ะครับ จะได้เอามาปรับใช้” ผมสบตาคนฟังระหว่างพูด และขยับริมฝีปากเป็นยิ้มละมุนที่ปกติไม่เคยจะทำ คุณเมลดากะพริบตาถี่ ๆ ติดต่อกันก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

   “เอ่อ... เดี๋ยวพี่จัดการให้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

   “ขอบคุณครับ” ส่งยิ้มส่งท้ายไปอีกครั้ง มุมปากของผมยกขึ้นเป็นยิ้มแสยะก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งเช่นเคยเมื่อคุณเมลดาลุกออกไป

   “นี่ค่ะ ถ้าอยากได้หรืออยากทราบอะไรถามพี่ได้นะคะ”

   “ขอบคุณครับ รบกวนแย่เลย”

   “อูยยย ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต็มใจ”

   “ขอบคุณอีกครั้งครับ”

   ไม่คิดว่าจะได้มาง่ายขนาดนี้ ผมเป่าลมออกจากปากก่อนจะเปิดแฟ้มบัญชีรายรับรายจ่ายต่าง ๆ ขึ้นอ่าน โดยเริ่มจากเล่มที่เก่าที่สุดก่อน... ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อมุ่งมั่นกับอะไรสักอย่างแล้วผมจะลืมทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เสียงทุกอย่างจะหายไป รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบข้าง ราวกับผมจมอยู่ในโลกที่มีผมคนเดียวและงานตรงหน้าเท่านั้น



   กึก...

   หลุดจากห้วงภวังค์เมื่อปากกาหลุดร่วงจากมือ ผมก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา ยกมือขึ้นบีบสันจมูกสามสี่ครั้งก่อนเลื่อนไปนวดขมับพลางหลับตาลง ความเมื่อยล้าเข้าจู่โจมเมื่อหยุดพัก เวลากว่าสามชั่วโมงที่ผมเอาแต่เพ่งอ่านเอกสารที่มีตัวเลขมากมายทำเอาปวดเมื่อยไปหมด หากปากกาไม่ตก ก็คงไม่รู้สึกตัว และคงจะอ่านไปเรื่อย ๆ จนหมดเวลางานหรือมีใครสักคนสะกิดเรียก

   ช่วงเวลาสามชั่วโมงที่ผ่านมานั้น ผมตรวจบัญชีได้มากพอสมควร แม้จะยังดูไม่ครบทุกเล่ม แต่ก็พอจะทราบว่าเรื่องเวร ๆ นี่มันเริ่มขึ้นเมื่อปีสองปีที่แล้ว... เอาสมุดบันทึกออกมาจดข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะควงปากกาในมือแล้ววางมันบนโต๊ะ ผมลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่ามีคนจ้อง กลอกตาไปมองกระจก จึงเห็นเงาที่สะท้อนมา เดาะลิ้นจนเกิดเสียงเบา ๆ คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วออกไปที่ห้องพักพนังงาน ยืนอยู่ในนั้นสักพักจึงวนไปอีกด้านเพื่อไปที่ห้องน้ำ เมื่อทำธุระและล้างมือเสร็จ ขณะที่กำลังจะออกไปนั้น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ผมเปลี่ยนทางจากประตูห้องน้ำ ไปผลักประตูสักบานเข้าไป ปิดฝาชักโครกลงก่อนนั่ง

   มาทำอะไรในห้องน้ำวะ...

   ในขณะที่ความคิดกำลังตีกันนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามา ผมขมวดคิ้ว ยกเท้าขึ้นไม่ให้เห็นได้จากช่องด้านล่าง ได้ยินเสียงของคนคุยกันด้านนอก

    “ไม่มีใครอยู่ครับ คุณสรัชมีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือครับ?”

   ชื่อที่ออกมาทำให้ม่านตาของผมขยายขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ปลายนิ้วรีบกดใส่รหัสปลดล็อกโทรศัพท์ ปิดเสียงและปิดระบบสั่นเอาไว้ ก่อนเข้าไปที่โปรแกรมอัดเสียง

   “งานที่ฉันสั่งเมื่อตอนกลางวันหยุดไว้ก่อน”

   “ว่าไงนะครับ!”

   “ฉันบอกให้หยุดไว้ก่อน!”

   “ทะ ทำไมครับ...”
   “เหมือนพวกมันจะรู้ตัวแล้วน่ะสิ”

   “ทะ ท่านประธานหรือครับ!? แล้ว แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ?”

   ผมเม้มปากแน่นยิ่งกว่าเดิม เพราะกลัวจะเผลอสบถอะไรออกไป เป็นอย่างที่พ่อคิดไว้จริง ๆ ด้วยสินะ ผู้จัดการทำแบบนั้นได้เพราะมีคนคนบงการและหนุนหลัง

   “ฉันจะไปต่างประเทศ ส่วนแกจะทำยังไงก็เรื่องของแก”

   “ได้ยังไงกันครับ! ที่ผมทำก็เพราะคุณสรัชสั่ง”

   “อย่ามาโบ้ยฉันนะโว้ย! แกทำเพราะแกเห็นแก่เงินต่างหาก”

   “ก็เอาสิครับ ถ้าท่านประธานจะเอาเรื่องจริง ๆ ผมสาวถึงท่านแน่นอน ว่าท่านยักยอกเงินบริษัท!”

   “ถ้าแกทำอย่างนั้น ครอบครัวแกแย่แน่!”

   คุณสรัชขู่ทิ้งท้าย ก่อนที่เสียงประตูจะดังขึ้น จากนั้นเสียงสบถจากผู้จัดการก็ตามมาหลายต่อหลายคำ ผมกดบันทึกเสียงเอาไว้ ส่งไฟล์เข้าอีเมล์ตัวเองไว้สำรอง ก่อนจะส่งมันไปให้กับคุณพ่อ สงบสติอารมณ์อยู่สักพัก กลับเข้าไปในแผนกเหมือนเดิมเมื่อใจเย็นลงบ้างแล้ว รู้สึกโมโหจนไม่อยากทำงาน เมื่อมองไปยังห้องทำงานของผู้จัดการความร้อนก็วิ่งมารวมกันอยู่ที่ใบหูทั้งสองข้าง

   เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลขห้า และเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง ผมก็รีบกวาดของของตัวเองใส่กระเป๋าและลุกขึ้นทันที ส่วนบัญชีพวกนั้น... ผมคืนคุณเมลดาไปแล้ว วันพรุ่งนี้ค่อยตรวจอีกทีก็ยังทัน และอีกอย่างผมก็ได้หลักฐานชิ้นใหญ่มาแล้ว เรื่องตัวเลขในบัญชีนั้นก็แค่เอาไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติม การหาหลักฐานว่ายากแล้ว แต่การทำให้คนทำนั้นยอมรับยากกว่าครับ



   ผมกลับบ้านทันทีหลังจากเก็บของเสร็จ ลุกออกมาก่อนพนักงานคนอื่นจนเขามองตาม นี่ก็อีกเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ในเมื่อถึงเวลาเลิกงานทำไมถึงไม่กลับบ้านกันเลย ทำไมต้องนั่งอยู่สักพัก ให้เวลามันผ่านไป เพื่ออะไรวะ?

   “สวัสดีครับคุณยาย พ่อมาหรือยังครับ?”

   “ยังนะลูก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หน้าเครียดเชียว”

   “มีนิดหน่อยครับ ถ้าพ่อกลับมาแล้วให้คนไปตามผมด้วยนะครับ” หอมแก้มคุณยายหนึ่งทีก่อนขอตัวขึ้นไปบนห้อง

   รูดเนกไทออกจากคอแล้วเหวี่ยงมันทิ้ง ดึงเสื้อออกจากกางเกง ปลดกระดุมจากเม็ดแรกมาจนถึงเม็ดสุดท้าย ถอดออกแล้วโยนลงตะกร้า ตามด้วยกางเกง จากนั้นจึงเข้าไปที่โซนอาบน้ำ เปิดให้สายตาจากฝักบัวไหลกระทบกับศีรษะและผิวกาย ให้มันชำระความร้อนและอารมณ์ความรู้สึกที่ได้มาจากบริษัทลงท่อระบายน้ำไป หลักการบ้า ๆ ที่มโนขึ้นมาใช้เพื่อหลอกตัวเองให้สบายใจ

   มือหนาลูบบริเวณอกของตัวเองขณะยืนอยู่หน้ากระจก จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากสักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไว้ค่อยคุยกับแม่ ไม่ก็พี่ฟ้า อาจจะโดนตบกะโหลกสักที หรือไม่ก็ได้คำแนะนำดี ๆ ผมทิ้งตัวนอนบนเตียงหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เมื่อไม่ได้ทำอะไร หนังตาก็คล้ายจะหนักอึ้งและค่อย ๆ ปิดลง จนในที่สุดก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูดังมาทำให้คิ้วขมวดเข้าหากัน พยุงตัวเองไปเปิดประตูด้วยใบหน้าแสนง่วงงุน

   “ครับ?”

   “คุณโจกลับมาแล้วค่ะ”

   “ขอบคุณครับ” บอกกับแม่บ้านแล้วกลับเข้าห้องมาล้างหน้า จากนั้นจึงลงไปที่ชั้นล่าง

   “ท่านประธาน!”

   “ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกันครับ”

   ตอบรับอย่างจำยอม พ่อส่งมือมาขยี้ผมผมแล้วเดินจากไป ส่วนตัวเองก็อ้าปากหาว ทิ้งตัวนั่งลงโซฟา ล้มไปนอนหนุนตักคุณยายที่กำลังเมาท์กับแม่บ้าน

   “อะไรกันลูก ทำไมดูเหนื่อยขนาดนี้ หือ” คุณยายลูบหัวผมไปด้วยอย่างแผ่วเบา ผมไม่ตอบอะไร เอื้อมมือไปคว้ามือคนแก่มาจับทั้งที่ยังหลับตา ก่อนจะจูบที่หลังมือท่านแล้ววางไว้บนอก

   “อ้อนจริงเชียว” เสียงคุณตาดังเข้ามา มุมปากผมขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มรับคำแซว

   “คุณพ่อใช้งานหนักหรอคะ?” สุดท้ายนี้เป็นเสียงน้องสาว ผมไม่ได้พูดตอบ ขี้เกียจแม้แต่จะขยับปาก อยากนอนโง่ ๆ แล้วยิ่งมีมือคุณยายคอยลูบผม ลูบหัวให้ด้วย ตาสว่างมาจากไหนก็หลับได้ง่าย ๆ และผมก็คงจะหลับไปจริง ๆ หากไม่มีเสียงเรียกให้ไปทานมื้อเย็นเสียก่อน



   ในที่สุดผมก็ได้นอนโง่ ๆ อย่างที่ต้องการสักที หลังทานข้าวเสร็จผมก็ถูกพ่อเรียกไปคุยด้วย ทั้งเรื่องไฟล์เสียงและข้อมูลบัญชีในปีเก่า ๆ รวมทั้งเรื่องที่คุณสรัชนัดเจอกับผู้จัดการแผนกบัญชีตอนกลางวัน เราคุยกันถึงเรื่องแผนและวิธีการอยู่ไม่นาน เพราะพ่อเองก็มีวิธีที่จะจัดการคนพวกนั้นอยู่แล้ว

   จากนี้ผมก็แค่ทำหน้าเป็นเด็กฝึกงานปกติ เพราะภารกิจผมมัน complete แล้ว พ่อจะเก็บหลักฐานเพิ่มก่อนจะเรียกประชุมครั้งใหญ่ก่อนคุณสรัชจะได้เดินทางออกนอกประเทศด้วย และท่านประธานจะสั่งตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่รอดูความฉิบหายของคนโกงก็พอ

   ครืด ครืด ครืด

   สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วจึงควานหาต้นเหตุของแรงสั่นสะเทือน ผมลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มือถือที่นอนทับมาดู ลูบหน้าตัวเองไปพลาง ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน ไฟยังไม่ได้ปิดเลยด้วยซ้ำ สี่ทุ่มเกือบห้าทุ่มแล้วด้วยแฮะ หลับไปเกือบสองชั่วโมง

   “หืม?”

   Incoming call...
   Np.

   “....” รับสายไปแบบงง ๆ งงเพราะเพิ่งตื่นนอน และงงเพราะคนคนนี้โทรมา มหัศจรรย์ยิ่งกว่าสนามกีฬาโคลอสเซียมที่กรุงโรมเสียอีก

   (“.....”)

   “.......” เมื่อปลายสายเงียบ ผมเองก็เงียบ ทว่าได้ยินเสียงเพลงแว่วมา เม้มริมฝีปากเข้าหากัน หัวใจผมยังเต้นตึกตัก ตัวหอมเนี่ยนะจะโทรหาผมก่อน แล้วยิ่งห่างกันไปตั้งหลายวันแบบนี้ เหตุการณ์สุดท้ายก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรเลยสักนิด เมาหรือเปล่าวะ

   “เฮ้ คุณครับ”

   (“.......มารับหน่อย”) เสียงอ้อแอ้เชียว

   “เมาหรอครับ?”

   (“อื้อ!”)

   “คุณอยู่ที่ไหน?” ตัวหอมไม่ได้ตอบกลับมา ผมสลับแอพพลิเคชั่นไปอีกแอพ ดูรูปภาพที่เขาโพสต์ล่าสุด โชคดีหรือเปล่าไม่รู้ที่เจ้าตัวเช็กอินไว้ด้วย “รออยู่นั่นอย่าไปไหน”

   กดวางสายแล้วลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คว้ากระเป๋าสตางค์กับกุญแจยัดใส่กระเป๋า

   “ไปไหนครับ?” ชะงักฝีเท้าทันทีที่เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากข้างหลัง ผมหันกลับไปมอง เจอพ่อยืนกอดอกมองอยู่

   “ข้างนอกครับ?” พ่อเลิกคิ้ว “พรุ่งผมลานะครับ ไปก่อนนะ”

   “จะไม่กลับบ้านใช่ไหม?”

   “ครับ”

   “อืม ขับรถดี ๆ ล่ะ”



   ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงที่หมาย เนื่องจากค่อนข้างดึกแล้ว รถจึงไม่ค่อยมี ค่อนข้างหัวเสียในระดับหนึ่ง ผ่านการ์ดด้านหน้ามาได้ก็มาเจอปัญหา ข้างในคนเยอะพอสมควร แล้วผมจะไปหาตัวหอมได้ที่ไหนกันวะ ผมกดโทรศัพท์หาเขา แต่ไม่มีคนรับ จึงกวาดตามองรอบ ๆ ร้าน ร้านนี้ไม่ใช่ผับแต่เป็นร้านเหล้า ทำนองนั่งชิล ฟังดนตรีสดมากกว่า คนส่วนใหญ่ก็มากันเป็นกลุ่มหลาย ๆ คน แต่การที่ตัวหอมโทรหาผมและให้มารับ แสดงว่าเขามาคนเดียว...

   “ลูกพี่น้องจริงใจ!!” หยุดการค้นหาคนตัวเล็กไว้ชั่วคราวแล้วหันไปตามเสียงเรียก เห็นพี่เก่งกำลังโบกมือให้ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเดินเข้าไปหา อยู่นี่นี่เอง...

   “ลูกพี่น้องจริงใจมารับน้องภัคหรอครับ?”

   “ครับ” ผมตอบ สายตามองไปยังคนที่นั่งฟุบกับโต๊ะ ท่าทางเหมือนหลับแต่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ “เฮ้ คุณ”

   “อื้อ!!” ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาแล้วผลักผมออก คนเมาปรือตาขึ้น เมื่อสบตากันมือเล็กก็ทุบเข้าที่หน้าท้องทันทีพร้อมกับสบถออกมาหลายคำจนฟังไม่รู้เรื่อง

   “ทะเลาะกันเหรอครับ?”

   “ไม่รู้สิ ขอบคุณมากครับที่ดูให้”

   พี่เก่งพยักหน้าหงึกหงัก “พี่เก่งมาหาเพื่อน แต่เห็นน้องภัคนั่งอยู่คนเดียวก็เลยเข้ามาหา ท่าทางเมา ๆ เลยไม่กล้าให้อยู่คนเดียว”

   “ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

   “อย่าตีน้องภัคของพี่เก่งนะลูกพี่น้องจริงใจ”

   “น้องภัคของพี่จะตีผมมากกว่า” พี่เก่งหัวเราะขำก่อนจะขอตัวไปหาเพื่อน

   “คุณครับ” คนถูกเรียกหน้าบึ้ง ไม่ได้สนใจมากนัก เก็บโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ของเขาใส่กระเป๋าตัวเอง ก่อนจะพยุงอีกคนออกมาข้างนอก

   “อย่ามายุ่ง!” ผมถูกผลักออกอีกครั้ง แต่แรงของเขาสู้ผมไม่ได้หรอก เวลาปกติก็สู้ไม่ได้ แล้วคิดว่าเมาแบบนี้จะสู้ได้หรือเปล่าล่ะ?

   “ใครโทรหาผมกันล่ะ”

   “.....”

   “กลับกัน”

   “.....ไม่”

   “อย่าดื้อ” ดึงคนเมาเข้ามาใกล้พร้อมบอกเสียงนิ่ง เป็นบ้าอะไร เรียกให้มา พอผมมาแล้วก็มางี่เง่าใส่แบบนี้เหรอ ตัวหอมดิ้นขลุกขลักขัดขืน เพียงไม่นานก็สงบลง ได้ยินเสียงเล็กบ่นงุบงิบออกมาเบา ๆ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง จะรู้ก็แต่กำปั้นที่ทุบหลังผมอยู่

   “กลับเถอะ”

   “อึก...” ก้มลงมองหน้า ตัวหอมเองก็แหงนหน้าขึ้นมา เราจึงได้สบตากัน เรียวคิ้วของเขากำลังมุ่น นัยน์ตาเรียวเป็นประกายสั่นระริกราวกับสับสนหรือกังวลกับอะไรสักอย่าง


   
   กว่าจะมาถึงที่พักก็ทุลักทุเลพอสมควร ผมเลือกมาที่คอนโดตัวเองแทนที่จะไปส่งตัวหอมที่ห้องเขาเพราะมันใกล้กว่า การพาคนเมาซ้อนมอเตอร์ไซค์มันไม่สนุกเลยครับ โคตรกลัวว่าเขาจะตกลงไป ถึงแม้แขนเรียวจะกอดเอวผมไว้อยู่ก็ตาม ... โยนคนเมาลงบนเตียง ก่อนจะมายืนหอบอยู่ข้างเตียง เหนื่อยฉิบหาย เมาแล้วโคตรดื้อ พูดอะไรก็ไม่ทำตาม บอกให้เดินก็หยุด บอกให้ไปข้างหน้าก็จะวิ่งไปข้างหลัง เพราะขี้เกียจพูดมากจึงแบกขึ้นไหล่ตัดปัญหา

   “อาบน้ำไหม?” คนเมาหันมามอง คิ้วยังคงขมวดมุ่น ก่อนจะพยักหน้า พูดเรื่องแบบนี้สติคงกลับมาบ้างแล้วล่ะ ส่งมือไปให้จับ กลายเป็นผมเองที่งงเมื่อจู่ ๆ เขาก็ยื่นมาจับแต่โดยดี พยุงเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาหาชุดและเอาไปให้ ดีที่มีชุดที่เขาพอจะใส่ได้อยู่ เป็นชุดของจ๋าจ้าที่ทิ้งไว้

   “อาบให้หน่อย”

   “ไม่ครับ!” คนถูกปฏิเสธชักสีหน้า ผมยิ้มขำหน่อย ๆ ยื่นมือไปขยี้ผมของเขาแล้วเดินออกมา

   นั่งลงที่ปลายเตียง มองไปยังประตูห้องน้ำ และคิดเรื่องคนที่อยู่ด้านในไปด้วย

   เพราะอะไรเขาถึงไปอยู่ที่นั่น และทำไมถึงได้ไปคนเดียว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าระหว่างที่เราไม่ได้คุยกัน และ... ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะผม สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา ออกจากห้องนอนไปยังครัว ชงโกโก้ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ส่วนคนเมา... เวลาเที่ยงคืนแบบนี้คงไม่กินอะไรแล้วล่ะ...มั้ง

   เหลือบสายตาไปมองคนที่เดินเข้ามา ยกโกโก้อึกสุดท้ายขึ้นดื่มก่อนเดินเอาแก้วไปล้าง ตัวหอมมาหยุดยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อคว่ำแก้วแล้วจึงหันหลัง ทิ้งสะโพกพิงกับขอบซิงค์ เท้าแขนทั้งสองค้ำเอาไว้

   “หายเมายัง?” คงหายแล้วล่ะ จิกตาใส่ผมแบบนี้แล้ว “ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” ผมถามต่อ เพราะเขาสวมชุดคลุมอาบน้ำคลุมร่างกาย

   “ชุดผู้หญิง” คิ้วเขาขมวด สีหน้าไม่สบอารมณ์ และมองตาขวางเต็มที่

   “ของน้องสาว”

   “ใครถาม”

   “หน้าคุณอ่ะ” ตัวหอมจิปาก “แล้วจะใส่ชุดคลุมแบบนี้เหรอ ไม่เข้าท่ามั้ง”

   “ไม่เอาชุดผู้หญิง”

   “ใส่ชุดผมไหมล่ะ?” เขาเงียบ ผมจึงเดินกลับไปที่ห้องนอน ไม่นานเขาก็เดินตามมา “เลือกเอาเลยครับ”

   ขยับออกมาเพื่อให้ตัวหอมได้เลือกชุดในตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าผมมีอยู่ไม่เยอะมาก แต่ก็มีพอสมควร ตัวหอมหยิบเสื้อยืดกับกางเกงอย่างละตัว เขาเปิดลิ้นชักออกแล้วเม้มปาก ผมไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เปิดชั้นนู้น ดูชั้นนี้ตามสบาย อยากหัวเราะ แต่ดูท่าจะไม่ใช่เวลา อยากได้อะไรทำไมไม่ถามเล่า หยิ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ท่าทางแบบนี้หายเมาแล้วแน่

   ปัง!

   “หึ” หลุดหัวเราะออกมาให้คนปิดลิ้นชักเสียงดังหันมาค้อน เดินเข้าไปเปิดเลื่อนชั้นนั้นออกมา ค้นอยู่พักหนึ่งแล้วจึงหยิบชั้นในที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาส่งให้เขา มันเป็นของจันทร์เจ้าที่ซื้อมาทิ้งไว้แล้วไม่ได้ใช้ เพราะเจ้าหมูยังไม่มีเหตุให้มาค้างที่นี่ ตัวหอมไม่พูดอะไร เพียงแค่หมุนตัวไปยังห้องน้ำ ไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับชุดที่เพิ่งเข้าไปเปลี่ยน

   ค่อนข้างทุลักทุเลแฮะ...

   “หิวไหมครับ?” เขานิ่ง กลอกตามองรอบ ๆ เหมือนอะไรสักอย่าง แต่ก็กลับมาพยักหน้าเป็นคำตอบให้ผม “ไม่รู้ว่ามีอะไรกินหรือเปล่านะ”

   ในตู้เก็บของมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองและแบบคัพอยู่ ส่วนในตู้เย็นนั้นมีไข่ไก่สามฟอง นมกล่องและขวด โยเกิร์ตสองถ้วย ขนมปังที่หมดอายุไปเมื่อสามสี่วันก่อน ผักบุ้งเหี่ยว ๆ แห้ง ๆ และเนื้อสัตว์ที่อยู่ในช่องฟรีซ

   “โยเกิร์ตไหม?”

   “จะไปอิ่มอะไร”

   “มีบะหมี่กึ่ง หรือจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก”

   เขาทำหน้าคิด “กี่โมงแล้ว?”

   “เที่ยงคืนครึ่งเจ็ดนาที เที่ยงคืนสามสิบเจ็ด” พอผมบอกเวลาไป เขาก็ส่ายหน้า ในเมื่อโยเกิร์ตไม่อิ่ม ก็ต้มบะหมี่แล้วกัน เปิดตู้หยิบบะหมี่มาหนึ่งซอง ตัวหอมไม่ท้วงแสดงว่าเขากิน ผมจึงไปเอาไข่ไก่กับกุ้งในช่องแข็งออกมา ระหว่างรอน้ำเดือดก็ละลายน้ำแข็งไปพลาง จากนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนกระทั่งต้มบะหมี่เสร็จและยกไปให้เขา

   “ทำไมถึงไปดื่มคนเดียวล่ะครับ? สอบเสร็จแล้วหรอ?”

   “ยัง” ผมเลิกคิ้ว “แค่อยากดื่ม”

   “เครียดหรอ แล้วพรุ่งนี้มีสอบหรือเปล่า?”

   “ไม่” เขาตอบแล้วคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก “โทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ฉันอยู่ไหน?”

   ผมลุกไปหยิบมาให้เขา เลยเปิดตู้เย็นเอาโยเกิร์ตออกมาด้วย นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แลบลิ้นเลียส่วนที่ติดอยู่บนฝาแล้ววางเอาไว้ เคาะ ๆ ขอบถ้วยและแกว่ง ๆ พวกมันนิดหน่อยแล้วจึงยกขึ้นกิน

   “กินดี ๆ ไม่เป็นหรือไง”

   เหลือบตามองคนพูด เลียริมฝีปากพร้อมกับใช้นิ้วปาดโยเกิร์ตที่ติดแก้มเข้าปาก

   “ใจสั่นเหรอ?”

   “ไร้สาระ”

   “บอกได้ยัง ทำไมไปนั่งดื่มคนเดียว” ตัวหอมเม้มปาก เมื่อมองตาก็เห็นความสับสนในแววตาของเขา “พูดเถอะ ผมจะฟัง”

   “.....นาย” ร้องฮะอยู่ในใจ คนตรงข้ามก้มหน้าลง ใช้ตะเกียบคนอาหารในชามไปมา “หายไปไหนมา...”










--------------------------------------
มาแล้วววววววววววววววววววววว
ผิดพลาดอะไรขอโทษไว้ตรงนี้เด้อ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 26-01-2017 22:02:24
หวายยยยย
มีอาการน้องจริงใจหายเหรอพี่ภัค
 :mew3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-01-2017 22:14:44
 :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 26-01-2017 22:16:39
นาย...หายไปไหนมา
อัยๆๆ มีความถามหานะจ้า
พี่ภัคแอบมีใจแล้วใช่ป่ะ อิอิ
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-01-2017 22:29:13
พี่ภัคคิดถึงน้องเหรอคะ
แหม่ๆ โทรตามแบบนี้ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
คราวนี้คงเคลียร์กันได้แล้วเนอะ น้องจริงใจก็จะได้เกาะแกะแบบได้รับใบอนุญาต 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-01-2017 22:45:18
มีความกังวลใจของภัคค่ะ ฮึ!!! คิดถึงน้องจริงใจใช่ไหมล่ะ กลัวไปหมดสินะ เลยแอบไปดื่มคนเดียวแล้วใจมันกล้าเลยโทรหาให้มารับ .อยากเห็นหน้าก็บอกกันตรงๆ


..อย่าปากแข็งอีกเลยน่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-01-2017 22:48:32
ขออ่านตอนภัคบ้างนะคับ อยากรู้ความรู้สึกนาง  :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-01-2017 22:54:41
 :hao3: พบคนขี้น้อยใจสุดๆอีกหนึ่ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 26-01-2017 23:00:32
รู้สึกสะใจแบบ แยสสสส
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวช้ะ สนน.นภัคข่ะ
นางควรจะดีใจที่น้องจจ.ตามตื๊อ
นี่ลูกประธานบริษัทนะคะ หล่อรวยเก่ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 26-01-2017 23:27:31
กรีดร้องแทนเด็กปีศาจ 55555 (ในที่สุด )
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ArcanaPM ที่ 26-01-2017 23:37:49
ในที่สุดจริงใจก็มา อ๊ายยยย :-[
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 27-01-2017 00:13:35
ว้าย อุทานร้องเสียงดังลั่น น้องจริงใจเรื่องมีลุ้นแล้วนะ อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดใจเมื่อไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 27-01-2017 00:30:25
หวายยย คิดถึงก็บอกไปเลย ดอกพิกุลไม่ร่วงนะรู้ยัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-01-2017 00:36:33
จะเลิกปากแข็งได้หรือยัง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-01-2017 05:55:30
อ่าาาาาา   พี่ภัคเขานอยที่น้องจริงใจหายไป  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 27-01-2017 07:44:27
ง่าาาาาาาา  :katai1:

รอตอนต่อไปง้าบบบบบ :really2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 27-01-2017 07:52:00
น่าจะปล่อยให้ภัคงุนงงสงสัยต่ออีกนิดดดดดด
อยากให้น้องจริงใจเบื่อๆ เซ็งๆ แล้วหนีไปพักใจเงียบๆ ซักพัก
อยากเห็นภัคมีความร้อนรน


ปล. รอดูคู่นี้หวานกันนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 27-01-2017 08:36:08
คิดถึงน้องจริงใจก็บอกมานร้า
กังวลที่น้องหายไปล่ะซิ

จจ มีหวังแล้วลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-01-2017 09:03:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-01-2017 09:13:26
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 27-01-2017 20:37:48
กรี๊ดดดดดดด...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-01-2017 21:42:54
อิคุณพี่เก่งคะ เรียกน้องจริงใจทีไร เรางงทุกที ต้องค่อยๆ อ่าน 55555555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 27-01-2017 22:40:09
ภัคคะจริงใจไปรับใช้ท่านประธานมาค่ะ เป็นสายสืบเลยไม่มีเวลาว่าง จริงใจความเป็นผู้ใหญ่นางเยอะกว่าณภัคอีกค่ะ นางไม่เด๋อนะตอนนี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 28-01-2017 00:25:59
เขินอ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 28-01-2017 02:43:00
ว้ายยยยยยยยยย
หวั่นไหวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 28-01-2017 07:53:23
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-01-2017 08:00:33
ดีใจแทนเด็กปีศาจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 28-01-2017 08:59:44
คิดถึงจริงใจสินะภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-01-2017 19:57:29
ตัวหอมจะเอายังไงค้าาาา~~ เค้ามาก็ไล่ เค้าหายไปก็หงุดหงิด ของเกรด A+ แบบจริงใจหาไม่ได้บ่อยๆ น๊าาาา~~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-01-2017 23:00:55
คิดถึงเด้กละๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 18 ผมกับตัวปัญหา | 26-1-60 | P.13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-01-2017 11:05:22
จริงใจก็แอบน้อยใจนะถึงจะไม่โกรธก็เหอะ ภัคก็ปากแข็งคิดถึงน้องล่ะซิ :hao3:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 31-01-2017 21:34:06
ความที่ 19
ผมกับการพบเจอ






   “นาย... หายไปไหนมา...”

   ผมนิ่งไปกับประโยคของเขา... นานพอสมควรกว่าจะหาเสียงตัวเองได้ ที่พูดมาแบบนี้ หมายความว่าผมมีส่วนทำให้เขาเป็นแบบนี้ใช่ไหม?

   “ผมไม่ได้หายไปไหน”

   “.....หาย”

   “ทำไมถึงคิดว่าผมหายไปล่ะ?” ถามออกไป พยายามทำเป็นนิ่งไม่ให้ยิ้มกว้างทั้งที่ใจโคตรจะลิงโลด เขาต้องคิดถึงผมแน่ ๆ

   “นายไม่กวนฉัน ไม่โทรมา แถมยังไม่มีข้อความ”

   “ผมกลัวจะทำให้คุณรำคาญ เลยพยายามไม่วอแวคุณ”

   “พีทด่าฉันว่างี่เง่า และบอกว่านายเบื่อฉันแล้ว”

   “ก็แย่ละ ผมไม่ได้เบื่อ...มั้ง แต่คุณงี่เง่าจริง ๆ นะ” ผมยกมุมปากขึ้นเมื่อตัวหอมเงยหน้ามาขึงตาใส่ “ก็ผมไม่เข้าใจนี่หว่าว่าคุณเป็นอะไร จู่ ๆ ก็เหวี่ยงผมเฉยเลย”

   “ก็มันร้อน!”

   ผมทำหน้าเหนื่อยใจ “แล้วนี่มาง้อเหรอ?”

   “ง้ออะไรวะ! ใครจะมาง้อนายกัน”

   “เหรอ กลับไหมล่ะ?”

   “ไล่ฉัน?”

   “ครับ” ตัวหอมมองอึ้ง ๆ หลังจบคำ ผมเองก็มองเขากลับ โดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกไป

   “น..นาย...” ผมเคาะนิ้วกับโต๊ะไปเรื่อยเปื่อย “ฉัน... ก็ขอโทษไปแล้วไง...”

   “พูดอะไรครับ?” ถามไปไม่ได้จะกวนตีน คือไม่ได้ยินจริงจัง เล่นพูดงึมงำอยู่ในคอแบบนั้น ใครมันจะไปฟังรู้เรื่อง

   “ฉันขอโทษ!”

   “หึ ก็แค่นั้น” ผมยิ้มมุมปากกับการที่ทำให้เขาพูดคำนั้นออกมาได้สำเร็จ ตัวหอมมองมึน ๆ ไม่ทันหายงงผมก็ยิงคำถามไปอีก “แล้วที่ไปดื่มเหล้าคือคิดถึงผมหรอ?”

   “ไม่ใช่” เงียบรอฟังอีกฝ่ายพูด พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าห่อขนมจากตะกร้าที่เคาน์เตอร์ด้านหลังมาแกะกินด้วย “...ใช่นิดหน่อย...ก็ได้”

   “ฮะ?”

   “จิ๊!”

   “เมื่อกี้ว่าไงนะครับ?”

   “ได้ยินแล้วก็อย่าสะเออะถามซ้ำได้ไหม!”

   “น่ารักว่ะ” ตัวหอมจิปากขัดใจ แก้มขึ้นสีแดงไม่รู้เพราะยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่หรือเพราะอาย “แล้วที่ไม่นิดหน่อยคือเรื่องอะไรเหรอครับ? แต่จะไม่เล่าก็ได้นะ ถ้าไม่อยากเล่า”

   “อือ”

   แปลว่าไม่เล่า

   “อาฮะ อิ่มยัง?”

   “อือ ฉันทำเอง” เขาคว้าชามเอาไว้ก่อนที่ผมจะหยิบไป

   “ทำเป็นเหรอ?”

   “แค่ล้างจาน!”

   “โอเค ผมไปอาบน้ำละ ถ้าอยากกินอะไรก็ตามสบายนะ”

   บอกแล้วเดินเข้าห้อง ถึงจะอาบน้ำมาแล้วแต่การออกไปเผชิญกับมลภาวะข้างนอกก็ทำให้ผมเหนียวตัวพอสมควรเลย ใช้เวลาไม่นาน(เพราะไม่สระผม)ผมก็อาบน้ำเสร็จ แต่งตัวด้วยชุดนอนอย่างที่ใส่ประจำ และยกตะกร้าเสื้อผ้าใส่แล้วทั้งของผมและตัวหอมไปที่ห้องซักล้าง ผมก็ไม่รู้ว่าจะเข้ามานอนที่นี่อีกเมื่อไหร่ หากจะทิ้งเสื้อผ้าเอาไว้โดยไม่ซักมันก็ใช่เรื่อง แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ก็จริง แต่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น ซักเองได้ก็ซักไปเถอะ

   “ทำอะไร?” หันไปมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องซักผ้า

   “ซักผ้า”

   “ของฉันด้วยเหรอ?” ผมพยักหน้า พลางส่งเหรียญกับธนบัตรและการ์ดอะไรสักอย่างที่อยู่ในกางเกงคืนให้เจ้าของ

   “คุณง่วงหรือยัง? ไม่นอนเหรอ”

   “นายไม่นอน?”

   “อยากนอนพร้อมผมอ่ะดิ”

   “จิ๊! ฉันไม่ง่วง”

   “ตื่นเต้นล่ะสิ ได้อยู่ใกล้ผม” ตัวหอมกลอกตา ผมขำเบา ๆ ยื่นมือไปขยี้ผมเขาแล้วออกมาก่อนชะตาชีวิตจะขาด รื้อแผ่นหนังออกมาเปิดดูฆ่าเวลาระหว่างรอผ้าซักเสร็จ จริง ๆ จะปล่อยไว้แล้วไปนอนเลยก็ได้ เพราะยังไงมันก็ซักแห้งอัตโนมัติให้อยู่แล้ว แต่ผมว่าผ้ามันจะอับ ไม่ชอบเท่าไหร่

   ‘กรี๊ดดดดดดดดด’

   เฮือก!

   เหลือบไปมองคนที่สะดุ้งเพราะเสียงกรีดร้องของนางเอกที่กำลังโดยฆาตกรจับตัว ผมแอบยิ้ม กลัวก็ยังจะมานั่งดูด้วยอีก แต่เวลาที่เห็นเขาสะดุ้ง มือเล็ก ๆ จิกเกร็งแบบนั้นมันก็น่าเอ็นดูแบบแปลก ๆ ดีนะ

   ตี๊ด ตี๊ด

   ผมลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเตือนของเครื่องซักผ้า ตัวหอมคว้าชายเสื้อผมหมับเมื่อผมกำลังจะเดินผ่าน

   “จะไปไหน”

   “ตากผ้า คุณดูหนังไปนะ” ปลดมือเล็กออก แล้วยกยิ้มเมื่อหันหลังให้เขา ดวงตาใส ๆ ที่ช้อนมองเมื่อสักครู่ทำให้เขาน่ารังแกมาก

   สอดเสื้อกับไม้แขวนแล้วเอาตากไว้บนราวในห้องตากผ้าที่อยู่ข้างกัน เปิดพัดลมร้อนไว้แล้วปิดตู จากนั้นจึงออกมา มันจะปิดเองอัตโนมัติหลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง จะมีก็แต่คนเก่งที่หนังดูหนังสยองขวัญอยู่เดียวนี่แหละ

   “ไปนอนกัน” ตัวหอมลุกขึ้นทันทีโดยไม่อิดออด ผมปิดหนัง ปิดไฟในห้องนั่งเล่น และรู้สึกได้ว่าตัวหอมจับแขนผมไว้แน่นมาก แน่นจนปลายเล็บของเขานั้นจิกกับเนื้อของผม พอเข้ามาถึงนอนที่มีแสงสว่างอยู่เขาก็ปล่อยมือออก ใบหน้าซีดเผือดของเขาทำให้ผมขมวดคิ้ว ยังจิตตกกับหนังอยู่งั้นเหรอ หรือจะกลัวความมืด? อาจจะใช่ เพราะเมื่อครั้งที่ผมไปค้างที่คอนโดเขา เขาไม่ปิดไฟเลยด้วยซ้ำ

   “...อย่าปิดไฟ” เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมา

   “กลัวความมืดเหรอครับ?”

   “เปล่า ไม่ชอบ”

   “ผมก็นอนไม่หลับดิ”

   “เรื่องของนาย” อ้าว เอางั้นเหรอ เดี๋ยวก็แกล้งปิดไฟซะหรอก และผมก็ปิดจริง ๆ ครับ ความมืดราบรอบอยู่ไม่กี่วินาทีผมก็เปิดโคมไฟที่หัวเตียงขึ้นมา ปรับระดับไฟให้ไม่มืดเกินไปและไม่สว่างเกินไป และนั่นทำให้ผมเห็นว่าคนที่อยู่บนเตียงนั่งนิ่งราวกับรูปปั้นน ใบหน้าสวยเผือดสี มือขาวจิกผ้าห่มไว้แน่น เมื่อผมเลื่อนมือไปปรับไฟให้สว่างขึ้น เขาถึงได้ค่อย ๆ คลายความเกร็งออก

   ผมว่ามันไม่ใช่ไม่ชอบธรรมดาละ

   “จะปิดไฟอีกไหม?”

   “ไม่ครับ” ตัวหอมหอบหายใจ ผมจึงเลือกนอนฝั่งไกลโคมไฟเป็นการการันตีว่าจะไม่ปิดไฟ เห็นท่าทางของเขาแล้วไม่อยากทำครับ มันคงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตอนแรกก็สนุกนะ แต่คนที่กลัวเขาไม่สนุกด้วยหรอก

   “นอนเถอะครับ ดึกแล้ว”

   “อือ”

   “หลับให้สนิทนะ” ว่าก่อนจะโน้มแตะริมฝีปากที่หน้าผากมน แล้วนอนตะแคงมองหน้าเขาแบบนั้น คนถูกจู่โจมกะพริบตาปริบ ๆ แล้วชำเลืองตามาสบกัน ไม่นานเขาก็พลิกตัวหันหลังให้

   ริมฝีปากบางขยับเป็นรอยยิ้มเมื่อคนไม่ชอบความมืดเลื่อนมือไปลดระดับความสว่างของโคมไฟลง แม้จะไม่มากนักก็ทำผมปลื้มใจเล็ก ๆ ผมยังคงนอนมองคนที่นอนหันหลังให้อย่างนั้นเพราะนอนไม่หลับ ถ้าตัวหอมปิดไฟแล้วนอนไม่ได้ ผมก็ตรงกันข้าม ยกเว้นกรณีที่ง่วงมาก ๆ จริง ๆ

   “นอนไม่หลับเหรอ?” เอ่ยถามคนที่พลิกตัวไปมา “ผมกล่อมไหม?”

   “ตลกเหรอ”

   “ไม่อ่ะ” ตัวหอมถลึงตาใส่ “จริง ๆ ....ผมก็คิดถึงคุณนะ”

   เขาอึ้งไปพอสมควรเมื่อผมพูดออกไปก่อนจะขมวดคิ้ว ผมส่งมือไปเกลี่ยคิ้วที่ขมวดเป็นปมเบา ๆ ที่พูดไปคือคิดแบบนั้นจริง ๆ แค่ระยะเวลาสี่ห้าวันที่ไม่ได้วอแวคือโคตรคิดถึง จากที่ว่าจะช่างแม่ง ไม่สนใจ ไม่อะไรแล้วคือทำไม่ได้ ช่วงเวลาที่คิดว่าจะไม่สนใจเขานั่นแหละ คือช่วงเวลาที่ผมคิดถึงเขา ตอนฝึกงานก็พอลืม ๆ ได้บ้าง แต่พอหัวโล่งเมื่อไหร่เขาก็เข้ามาในความคิดผมตลอด โซเชียลที่เคยล็อกเอาท์ยังต้องล็อกอินไปดูแทบทุกครั้งที่จับโทรศัพท์

   ผมว่าผมเป็นเอามาก ผมชอบเขามาก ๆ อย่างไม่มีเหตุผล

   “ขมวดคิ้วงี้ไม่เชื่ออ่ะดิ ที่ผมไม่กวนคุณเพราะคุณมีสอบเหอะ อีกอย่างผมต้องทำงาน ถึงแม้จะเคือง ๆ แต่ตอนนี้ก็ลืมไปแล้ว คิดถึงจะแย่ด้วย”

   “.....”

   “จริง ๆ นะครับ”

   “ไปนอนซะ” มือขาวแปะลงที่แก้มและผมกับรีบคว้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะชักกลับ และถึงแม้เข้าจะพยายามดึงออกแค่ไหนผมก็ไม่ปล่อย ผมมองตาเขา พรมจูบที่ปลายนิ้วนุ่มเบา ๆ ก่อนจะสอดประสานเอาไว้แล้วขยับเข้าไปใกล้จนหน้าแทบจะชิดกัน

   คิ้วของเขาย่นเข้าจนแทบจะติดกันอยู่แล้ว ยื่นมือมาดันหน้าผมออก ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้อีกครั้ง ผมบุ้ยปาก ผมชะโงกไปดู เขาหลับตาไปแล้วแต่คิดว่ายังไม่หลับ โน้มไปจูบที่หลังคอของเขาแล้วผละออกมา ปิดเปลือกตาลงบ้าง แม้จะยังไม่รู้สึกง่วงเลยก็ตาม สุดท้ายก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีก กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของเขาที่ผมไม่ได้กลิ่นมาหลายวันกำลังทำให้ผมเป็นบ้าอีกครั้ง อยากเข้าไปจูบไปหอม เข้าไปคลอเคลียไม่ห่างไปไหน แต่สิ่งที่ทำได้คือมองอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้น




   ผมนอนมองหน้าขาว ๆ ของคนที่กำลังหลับพริ้มอยู่สักพักแล้ว ตอนตื่นมาแล้วเห็นตัวหอมมาซุกอยู่ก็ตกใจนะ นึกว่าจันทร์เจ้ากำลังจะถีบแล้ว พอได้มามองใกล้ ๆ แบบนี้แล้วถึงได้เห็นว่าขอบตาเขาค่อนข้างคล้ำ ช่วงสอบแบบนี้คงนอนดึกติดต่อกันหลายวัน ริมฝีปากสีสดเผยออ้าเล็กน้อย นอนเหมือนเด็ก น่ารักฉิบหาย

   อยากจะมองต่อแต่ทนต่อความหิวไม่ไหว ผมจึงขยับตัวลุกจากเตียงเบา ๆ ไม่ให้สะเทือนคนหลับ ปิดโคมไฟที่เปิดไว้ทั้งคืน เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วจึงออกไปหาอะไรทานในครัวแล้วไปดูเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ ตอนนี้มันแห้งแล้ว ผมจึงกลับมาเปิดหนังดูที่ห้องนั่งเล่น

   “ไง” เอ่ยทักคนที่เดินงัวเงียออกมา ตอนนี้สายแล้วครับ

   “มีคอตตอนบัตหรือเปล่า”

   “ในลิ้นชักชั้นแรกครับ”

   “ตู้ไหน?”

   “อ่างล้างหน้า” ตัวหอมพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย ต้องรอตัวหอมก่อน เพราะห้องน้ำด้านนอกไม่มีครีมอาบน้ำหรือแชมพู ระหว่างที่รอจึงไปเก็บผ้าที่ตากเอาไว้มา ชุดตัวเองก็เก็บเข้าตู้ ส่วนของตัวหอมก็แขวนเอาไว้หน้าตู้

   แกรก

   เงยหน้าขึ้นไปมองโดยอัตโนมัติ ตัวหอมอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของผมตัวเดียวกันกับเมื่อคืน เส้นผมของเขาเปียกชื้น สาบเสื้อแหวกออกเผยให้เห็นอกขาวเนียน ผมเผลอเม้มปาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเบี่ยงตัวเองเข้าห้องน้ำไป

   ฉิบหาย... ดาเมจรุนแรงสัด ๆ

   แค่เขาปรายตามองเฉย ๆ ผมก็ร้อนไปทั้งตัว อยากเข้าไปกอด ไปจูบโคตร ๆ

   ความอัปยศเกิดขณะที่ผมกำลังอาบน้ำแต่แล้วดันไปนึกถึงตัวหอมขึ้นมา เท่านั้นไม่พอ ยังพาลไปนึกถึงคืนแรกของเราอีกด้วย... แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ ผมต้องจัดการกับมันแทนที่จะได้อาบน้ำเฉย ๆ เฉยเลย

   ใช้ผ้าซับหยดน้ำออกจากร่างกายก่อนจะพันเอวเอาไว้ เนื่องจากชุดคลุมถูกขโมยไปแล้ว คว้าผ้าอีกผืนมาเช็ดผม ผมหยุดอยู่ที่หน้าจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ขยี้ผ้ากับหัวแรง ๆ สองสามทีแล้วพาดไว้บนราว เสียบปลั๊กไดร์เป่าผมแล้วจัดการมันให้แห้ง เปิดตู้ข้าง ๆ ออก บีบครีมใส่มือก่อนจะถูมือสองข้างเข้าด้วยกันให้ครีมมันกระจายไปทั่วมือแล้วค่อยถูหน้าอีกที

   แกรก

   ตัวหอมที่นั่งพิงตัวเตียงเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมา ผมมองเขาแวบหนึ่งแล้วจึงเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดใส่

   “ไปแต่งตัวในห้องน้ำ” หันไปมองเมื่อตัวหอมเอ่ยขึ้น ผมเลิกคิ้ว “ไปในห้องน้ำ”

   “ปกติผมไม่แต่งตัวในห้องน้ำ”

   “วันนี้นายต้องไปในห้องน้ำ”

   “ทำไมเหรอครับ?” หน้าผมมันคงยียวนมากเพราะทำให้ตัวผมจิปากและถลึงตาใส่ได้

   “อุจาดตา”

   ระบายยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้แม้จะโดนด่าก็ตาม ผมก้มลงมองหุ่นตัวเอง มันก็โอเคนะ ยิ่งมีหยดน้ำเกราะแบบนี้ด้วยแล้ว จ๋าจ้าเคยบอกว่ามันเซ็กซี่

   “ใจสั่นเหรอครับ?”

   “ไอ้เด็กเวร!” ผมหัวเราะ ไม่ทำตามที่เขาบอกหรอก แถมยังแกล้งเลือกชุดนาน ๆ แล้วใส่มันตรงนั้นแหละ แม้ว่าคนอายุมากกว่าจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะรำคาญอยู่ก็ตาม

   “หิวไหมครับ?” ถามออกไปหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว ตาขวาง ๆ นั่นเหมือนจะเป็นคำตอบให้ผมรู้ว่าเขาหิวมาก “ไปทานข้าวกัน”

   “อือ”

   “คุณจะกลับไปเลยไหม?” เขาพยักหน้า โอเค จะได้เอาหมวกกันน็อกลงไปด้วย ปัญหาคือมันมีใบเดียว... แต่คิดอีกทีออกไปหาอะไรทานแถวนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นหมวกก็อย่าเพิ่งเอาไปให้มันเกะกะดีกว่า

   “ปากแห้งชะมัด”

   หืม... เงยหน้ามองคนพูดขณะใส่รองเท้าอยู่ที่โถงทางเข้า ผมมองปากของเขา ตัวหอมเม้มปากบ่อย ๆ และแลบลิ้นเลย

   “ผมมีลิปบาล์มนะ เอาป่ะ?”

   “เอา”

   อมยิ้มในใจ เดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายถอยไปชนกับตู้ด้านหลัง ผมใช้มือขวาประคองแก้มนวลกับท้ายทอยเอาไว้ และวางมือซ้ายไว้บนเอวบาง เอียงใบหน้าให้ได้องศาจากนั้นจึงแนบริมฝีปากลงไป ตัวหอมเบิกตาเล็กน้อยด้วยความตกใจ ไม่นานมือเล็ก ๆ ก็ยกขึ้นทุบไหล่ผมตุบ ๆ ผมอาศัยความที่ตัวใหญ่กว่ากักเขาเอาไว้ และคลึงนิ้วกับเอาบาง บดเคล้าริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มย้ำ ๆ ขบกัดเบา ๆ ให้อีกฝ่ายสะดุ้งสยิว ก่อนจะถือวิสาสะแทรกเรียวลิ้นเอาไปเมื่อเจ้าของเปิดปาก ผมขโมยจูบของเขาอยู่นานจนแทบจะหมดลมหายใจ ผละออกมาพัก ไม่กี่วินาทีก็บดจูบลงไปใหม่ ทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ จนคนที่ยืนเฉย ๆ อยู่นานนั้นจูบตอบ ผมปล่อยให้ตัวหอมเป็นฝ่ายรุก เขาดูดคลึงริมฝีปากของผม เราลืมตาขึ้นมาสบตากัน และเหมือนผมจะเห็นว่าเขาแสยะยิ้ม จากนั้นหลังจากมอบจูบให้ผมตายใจก็กัดริมฝีปากของผมอย่างแรงก่อนจะผลักออก

   ถึงกับได้กลิ่นเลือดคลุ้งในปาก

   “เจ็บนะคุณ!”

   “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้นายมาจูบฉันล่ะ!”

   “ก็คุณบอกจะเอาลิป ผมก็เลยจัดให้ไง” ผมยิ้มกว้างยียวน ตัวหอมชูกำปั้นขู่ แต่ผมไม่กลัวหรอก คว้ามือเขามาแล้วจูบเร็ว ๆ ก่อนต้องถอยหลังออกเมื่ออีกฝ่ายง้างมือขึ้นคล้ายจะตบ “ปากฉ่ำวาวเลยนะครับ ใช้ลิปบาล์มยี่ห้ออะไรเหรอ”

   “ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!!!”

   “หึหึ”


   “ปากผมแตกเลยอ่ะ” ผมว่าขณะส่องดูจากเงาสะท้อนในกระจกลิฟต์

   “สมน้ำหน้า เล่นไม่รู้เรื่อง” บุ้ยปากใส่ตัวหอม ก่อนจะโดนตบแก้มให้พอแสบ ๆ คัน ๆ “อย่ามาวอแวได้ไหม!”

   “เล่นกับผมหน่อย”

   “เป็นบ้าเหรอ” ตัวหอมวีนใส่ ผมยิ้มกว้าง ได้กวนเขาแล้วมีความสุขชะมัด เงยหน้ามองตัวเลขที่กำลังเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ก่อนจะอ้าปากหาวออกมา ผมถอยไปยืนมุมลิฟต์ด้านหลังตัวหอม เอียงหัวพิงกำแพงแล้วหลับตาลง “ฉันไม่ปลุกนะ”

   “อย่าใจร้ายกับผมเลยน่า...” ลืมตาขึ้น รั้งเอวบางให้เข้ามาชิด คนตัวเล็กดิ้นขัดขืน แต่ผมไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังก้มลงไปวางหน้าผากบนไหล่เขาอีก พอไม่เกิดผล ซ้ำยังเหนื่อยเปล่า เขาจึงยืนนิ่ง ๆ เฉย ๆ และเล่นโทรศัพท์ไป

   ตึ๊ง!

   เสียงลิฟต์ดังขึ้น ผมนึกว่าถึงชั้นกราวด์แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมา แต่มันไม่ใช่ คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาใหม่ หนึ่งคนที่ผมเคยเจอสองครั้ง ส่วนอีกคนผมไม่เคยเจอ เหี้ยฉิบหาย ทำไมต้องพักที่เดียวกันด้วยวะ

   “ขนาดในลิฟต์ ไม่มียางอายกันเลยหรือไง” เราเงียบ ไม่ได้โต้ตอบ ปล่อยให้ไอ้เหี้ยนั่นมันพูดไปคนเดียว คุณรู้ใช่ไหมว่าไอ้เหี้ยนั่นที่ผมพูดถึงคือใคร... ไม่เหรอ? บอกก็ได้ แฟนเก่าตัวหอมไงครับ ไม่รู้ว่าโลกมันกลมหรือโลกมันแคบกันแน่

   “จริงใจ หวัดดี~ สวัสดีครับพี่ภัค”

   ฮะ? ผมเลิกคิ้วขึ้น จ้องคนทัก เป็นคนที่มาพร้อมกับไอ้เหี้ยนั่น ผมมั่นใจนะว่าผมไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แม้แต่ตัวหอมยังขมวดคิ้วเลย แต่เขารู้จักตัวหอมของผมด้วยงั้นเหรอ

   “หว้า จำพี่ไม่ได้เหรอ?” ผมยังคงมุ่นคิ้วอยู่ “เฌอแตมไง ห้องเดียวกันกับข้าวฟ่าง”

   “ใครวะ” หลุดเสียงพึมพำออกมา คนที่บอกว่าชื่อเฌอแตมหน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อยแต่ก็ยังยิ้มกว้างอยู่ ห้องไอ้ฟ่างผมรู้จักไม่กี่คนหรอกครับ แค่มันกับกลุ่มเพื่อนของมัน

   “เราเคยไปแข่งวิชาการด้วยนะ จำไม่ได้เหรอ?” ผมสั่นหัว “โห น้อยใจได้ไหมเนี่ย สงสัยพี่ไม่ดัง คิคิ เอ้อ แล้วจริงใจพักอยู่นี่เหรอ พี่ไม่เคยเจอเลย”

   “อือ”

   “พี่ภัคมาทำอะไรที่นี่เหรอฮะ?” เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ตัวหอม แต่ณภัคไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ “ไม่เจอกันนานเลย พี่ภัคสบายดีนะครับ? แต่แตมสบายดีนะ ชีวิตแฮปปี้มาก ๆ เลย” คนนั้นพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ผมมองสำรวจ สะดุดอยู่ที่มือของไอ้ภีมที่วางอยู่บนเอวของเพื่อนร่วมห้องข้าวฟ่าง มีแฟนอยู่แล้วแล้วจะมาวอแวกับตัวหอมของผมทำไม

   “เอ๊ะ! พี่ภัคกับจริงใจคบกันอยู่เหรอ? ทำไมถึงอยู่ด้วยกันล่ะ ว้าว! ดีใจด้วยนะฮะ ขอให้พี่ภัคมีความสุขนะครับ”

   ตัวหอมปรายตามองและไม่พูดอะไรตอบ

   “พี่ภีมไม่ทักพี่ภัคหน่อยเหรอครับ? อย่างน้อยก็เคยรู้จักกัน”

   ต้องการอะไรวะ ทำไมต้องทำตัวรุงรังขนาดนี้ น่ารำคาญชะมัด หรือเพราะ(ไอ้)ภีมยังตามตอแยตัวหอมอยู่เพราะก็รำคาญเพื่อนร่วมห้องข้าวฟ่างเหมือนกัน

   “แต่ไม่ต้องทักดีกว่า แตมหึง”

   ตึ๊ง!

   “Thanks god” ตัวหอมพูดออกมาเบา ๆ แต่เพราะผมอยู่ใกล้จึงได้ยินไปด้วย แค่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นกราวด์ถึงกับขอบคุณพระเจ้าเลยหรือไง

   “หัวเราะอะไร?” ผมสั่นหัว แต่ตัวหอมไม่เชื่อหรอก

   “จริงใจกับพี่ภัคจะไปไหนหรอครับ? ไปด้วยกันไหม?”

   “แตม! มาได้แล้ว”

   “อ๋าาาา จริงด้วย เดี๋ยวพี่ภีมไปสอบไม่ทัน แตมไปก่อนนะพี่ภัค ไว้เจอกันนะจริงใจ”

   “สาระแน” ตัวหอมพูด เสียงไม่เบา แต่ก็ไม่ดังเช่นกัน เพื่อนร่วมห้องข้าวฟ่างถึงกันหันกลับมามอง เห็นว่าตาเขาแข็งขึ้นแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานและยกมือโบกให้พวกผมพร้อมรอยยิ้มเฉยเลย ทั้งทีออกจะไม่พอใจด้วยซ้ำ

   “มนุษย์ประหลาด” ผมบ่น “คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ?”

   “ทำไม สนใจ?”

   “ก็แย่ละ ผมดูสนใจเขาเหรอ ไม่เอาน่า มันไม่ใช่เรื่องน่าหึงเลยนะครับ”

   ตัวหอมกลอกตา “ใครจะไปหึงกัน ไร้สาระ”

   “จริงงะ”

   “เกลียดดดดดด” ผมหัวเราะ พาเขาเดินมาเรื่อย ๆ แม้จะโดนมองจิกที่ไม่เอารถมาก็เถอะ เสียเวลาป่ะ ใกล้ ๆ เอง ผมหยุดเดินไปแป๊บหนึ่งก่อนจะก้าวไปเมื่อตัวหอมหันมามอง “มีอะไร?”

   “คิดอะไรนิดหน่อยครับ” คลี่ยิ้มบาง “คุณเคยมาแถวนี้ไหมครับ?”

   “อืม”

   “จำตรงนี้ได้ป่ะ?” ผมชี้ เมื่อเรากำลังจะเดินผ่านมัน ตรงนี้คือบริเวณที่อยู่เยื้องกับร้านฟาสต์ฟู้ดที่ผมเคยมากินบ่อย ๆ และเป็นที่ที่ผมได้เจอตัวหอมครั้งแรก

   “ทำไม?”

   “จำได้ไหม?”

   “ได้...” เขาตอบหลังจากทำท่านึก เราออกเดินอีกครั้ง

   “ผมมาที่นี่บ่อย ๆ ห้องซ้อมดนตรีผมประจำผมอยู่ตรงนั้น” ชี้นิ้วไปที่ฝั่งตึกฝั่งตรงข้าม ตัวหอมมองตาม ผมหันกลับมาพูดต่อ “วันนั้นผมกำลังจะไปหาอะไรกิน แต่จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้เดินมาชนผม บอกขอโทษแบบขอไปที แล้วเขาก็ขึ้นรถไปแถมยังปิดประตูดัง ปัง!”

   ผมมองตัวหอมที่ขมวดคิ้วเป็นปม ผลักประตูร้านอาหารเข้าไปเมื่อมาถึงแล้ว

   “เล่าต่อสิ” เขาบอกหลังจากที่เราสั่งอาหารไปแล้ว

   “งง ๆ แต่ความช่างแม่งเลยไม่คิดอะไร แต่คุณรู้ป่ะตั้งแต่นั้นมาผมก็คิดถึงเขาไม่หยุดเลย แต่ก็ไม่ได้เจออีก จนตอนที่ไปซื้อขนมไปง้อพี่ชาย บังเอิญเจอที่ร้านนั้น แล้วก็ได้รู้ชื่อเขาเพราะเพื่อนเขาเรียก”

   “ชื่ออะไร?”

   “ผมได้ยินเพื่อนเขาเรียกว่า ภัค

   ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้พูดเรื่องนี้ แล้วที่งงไปกว่านั้นคืออะไรเข้าสิงให้ผมพูดเยอะ ๆ อยู่กับตัวหอมทีไรผมกลายเป็นคนพูดมากทุกที แย่ชะมัด

   “ชื่อเหมือนฉันเลย”

   “อือ สงสัยจะโหล”

   “ไอ้เด็กบ้า!” ผมยักคิ้วกวนเมื่อเขาแหวใส่ ใบหน้าสวยบึ้งตึง ตาเรียวจิกตา เวลาไม่มีอายไลน์เนอร์แล้วก็ยังดูเฉี่ยวคมอยู่เลย แม้จะไม่รุนแรงเท่าเขียนอายไลน์เนอร์ก็ตาม ผมชอบเขาตอนไม่แต่งหน้ามากกว่านะ มันดูธรรมชาติและเฟรชดี น่ามองกว่าตอนมีเมคอัพอีก

   “หึหึ นั่นคือวันที่ผมเจอคุณครั้งแรก...” ตัวหอมเบะปาก “คุณดูหงุดหงิด มีเรื่องอะไรเหรอ?”

   “ทายสิ” ผมนิ่งคิด ใช้เวลาพอสมควร คิ้วยกขึ้นสูงมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แฟนเก่าเขาพักแถวนี้ ถ้าดูจาระยะเวลาแล้วก็น่าจะเป็นช่วงที่เขาเลิกกัน

   “ไอ้เหี้ยนั่น? โทษที” ดันเผลอใช้คำเรียกในใจซะได้ แต่ตัวหอมไม่ได้ว่าอะไร

   ใคร ๆ ก็มี ‘ไอ้เหี้ยนั่น’ เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่จริงเหรอ?

   “อืม ฉันเลิกกับมันวันนั้นแหละ” พยักหน้ารับ ฟังเงียบ ๆ ระหว่างนั้นก็ทานข้าวไปด้วย

   “วันหยุด ตั้งใจไปหา แต่ไปเจอสองคนนั้น” ผมพยักหน้าอีกครั้งกับคำว่า สองคนนั้น เป็นการบอกให้รู้ว่าผมรู้ว่าเขาหมายถึงใครหลังจากตัวหอมเงยหน้ามาเลิกคิ้วใส่

   “อืม สองคนนั้นนอนแก้ผ้าด้วยกันบนเตียง ฉันก็เลยบอกเลิก และหงุดหงิดอย่างที่เห็น”

   ผมกลืนอาหารลงคอ วางช้อนส้อมในมือลงก่อนจะพูด “คุณเสียใจหรือเปล่า?”

   “ฮึ โมโหมากกว่า”

   “สองคนนั้นวอแวกันอยู่ระหว่างที่คบกับคุณเหรอ?”

   “อือ”

   “อ่า...” เล่นชู้นี่เอง ถึงว่าทำไมตัวหอมถึงไม่ยอมคืนดี แล้วอีกคนนั้น ชื่ออะไรนะ? อ๋อ เฌอแตม ทำไมถึงได้ทักตัวหอมได้ปกติราวกับไม่มีเรื่องราวอะไร ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นชู้แท้ ๆ แล้วยัง... แย่งแฟนคนอื่นไปอีก

   “คุณโดนแย่งแฟน”

   “ไม่ได้โดนแย่ง เพราะมันไปของมันเอง” ตัวหอมไหวไหล่ไม่สนใจอะไรนัก

   “อีกคำถามนะ... เขาจีบคุณนานแค่ไหน?” รู้ไว้เป็นวิทยาธาร คนที่ได้เป็นแฟนตัวหอม ใช้เวลานานแค่ไหนในการจีบ หากเปรียบกับผม ผมควรเผื่อใจไว้เท่าไหร่

   “ไม่รู้ ไม่ได้นับ แต่เป็นแฟนเดือนเดียว”

   “ก็แย่ละ!” ไม่ได้นับก็แสดงว่าคงนานพอตัว แต่เป็นแฟนแค่เดือนเดียวนี่นะ... “งานหยาบชัด ๆ”

   “หึหึ”

   “เป็นแฟนกับผมเหอะ ไม่จีบแล้วได้ไหม”

   “ตลกละ”

   “เอาผมไปเลี้ยงเหอะ”

   “ไม่อยากแก่ตาย?”

   “ก็แย่ละ”

   เราก็ทานกันไปเรื่อย ๆ คุยบ้างปกติ แต่วันนี้ดูเหมือนตัวหอมจะค่อนข้างเปิดใจให้ผมเลยนะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ การที่เขาพูดกับผมเยอะ ๆ หรือคุยเล่นด้วยแบบนี้ทำให้ผมโคตรแฮปปี้ ถ้าผมหายไปไม่ติดต่อเขาแล้วอะไร ๆ มันจะดีขึ้นขนาดนี้ ผมหายไปนานละ แต่ไม่เอาแล้วครับ ไม่ไหวจะคิดถึง

   เมื่อไม่มีอะไรแล้วผมจึงไปส่งเขาที่คอนโด ตัวหอมบอกว่ามีสอบอีกหลายตัว แต่ก่อนกลับผมพาเขาแวะไปร้านหมวกกันน็อกร้านเดิม ตัวหอมกลอกตาแทบจะเป็นแผนที่ประเทศไทย ผมไม่สนหรอก แล้วก็ได้หมวกให้เขาหนึ่งใบ ก่อนจะแยกกันผมบอกให้เขาบอกผมด้วยว่าสอบเสร็จเมื่อไหร่ จะได้ให้เขาเลี้ยงข้าวที่ผมได้ท็อปไง และตัวผมเองก็บอกไปว่าอาจจะไม่ได้วอแวเขามาก ผมยังต้องฝึกงานอยู่นะครับ

   ถึงบ้านตัวเองแล้วผมถึงได้จับโทรศัพท์ เคยบอกไปยัง ว่าถ้าผมแฮปปี้กับชีวิตความเป็นจริงโทรศัพท์ก็เป็นแต่ที่ทับกระดาษสำหรับผม ผมยิ้มกว้างออกมาเมื่อกดโทรศัพท์แล้วเห็นแจ้งเตือน พอเขาไปดูแล้วก็ยิ้มกว้างหนักเข้าไปอีก ตัวหอมแม่ง... จะน่ารักไปถึงไหนวะ รูปที่เขาอัพโหลดลงเป็นรูปที่เราอยู่ในลิฟต์และถ่ายจากภาพสะท้อนในกระจก จากเวลาที่โพสต์แล้วก็ช่วงที่เราอยู่ในลิฟต์กัน ตอนนั้นผมกำลังซบหน้าผากกับไหล่เขาอยู่พอดี มันเห็นไม่เต็มตัวก็จริง แต่ก็เห็นว่ามือของผมหนึ่งข้างกอดเอวของเขาเอาไว้ การที่ผมก้มหน้านั้นทำให้ไม่เห็นหน้าของผม ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ... และมันดูออกยากนะว่าเป็นผม เพราะมันไม่เห็นหน้าเลย แถมตัวหอมยังใส่ฟิลเตอร์ที่ค่อนข้างช่วยให้ภาพดูยากขึ้นไปอีก อ๋อ ภาพเบลอหน่อย ๆ ด้วยครับ

   ผมใช้แอคเคาต์สำรองในการกดถูกใจ สำหรับรูปนี้ไม่ได้รับการรีพอร์ตจากผมครับ หึหึ

   phaknp wo wae boy [วอแวบอย]










----------------------------------
คืนกำไรให้เด็กปีศาจ....(?)
แบบนี้เรียกหวานได้ไหมอ่ะ ได้นิดหนึ่งแหละมั้ง 5555555555555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค้าบบบ ไว้เจอกันตอนหน้า จุ๊บบบบบบ ♥

[INFO] ตอนนี้เปิดให้สั่งซื้อนิยายเรื่อง WAIT FOR LOVE รักแล้วรอหน่อย อีกครั้งแล้วนะคะ(พร้อมส่ง)
เปิดให้ซื้อ 30 ชุด ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อได้เด้อออ >>>  คลิกตรงนี้เลย (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdnE5bmsD_bvl8KFSeePdU1H2I8DztIAZ7cjX4baSqseDpcdw/viewform)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-01-2017 22:02:16
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2017 22:03:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 31-01-2017 22:03:36
วอแวบอยยยย
ตัวหอมน่ารักว่ะะะะะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 31-01-2017 22:08:20
เป็นแฟนเลยยยยย....
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 31-01-2017 22:14:42
อยากเป็นจริงใจ อยากให้จริงใจมาวอแว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 31-01-2017 22:19:37
วอแวบอยกะตัวหอม  อรีายยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2017 22:25:47
หึ หึ หึ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-01-2017 22:26:48
มุ้งมิ้งขึ้นมาแปดระดับ อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 31-01-2017 22:47:08
โอเคข่ะนภัค ที่เคืองๆกันมานี่หายโม๊ดดด แฮปปี้
แฟนเก่าและชู้นี่น่าโดนน้องจจ.คุยด้วยนะ
ระดับนายจจ.ไม่ต้องด่า คุยด้วยเฉยๆก็เจ็บพอ :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-01-2017 22:52:12
ถ้าภัคเลิกปากเสียคงน่ารักกว่านี้นะ แต่อย่างว่าจริงใจก็ปากเสียพอกันล่ะ 555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-01-2017 22:52:53
ใกล้แล้วลู๊กกกก จริงใจ วอแวอีกนิดณภัคไปไหนไม่รอดหรอก หึหึ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 31-01-2017 22:54:59
วอแวบอย
มุมิระดับสิบเลยพี่ภัค

 :mew2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 23:24:10
ภัค ง้อจริงใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เลวทั้งคู่ ภีม เฌอแตม  :z6: :z6: :z6:
ภีม นอกใจนอกกาย คบชู้
เฌอแตม แย่งแฟนคนอื่นเฉยเลย
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 31-01-2017 23:36:44
โอ๊ยยย วอแวบอยยยย โอ๊ยเด็กปีศาจ ทำไมอ่านเรื่องนี้ละมีแต่ความหมั่นไส้เด็กปีศาจ #ทีมจันเจ้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-02-2017 00:23:52
มีความเปิดใจกันแล้ว ไม่เม้งต่อกันด้วย เป็นนิมิตหมายที่ดีถูกต้องนะ มาเรื่อยๆนะแบบนี้ ทางที่ดีเอาให้สองคนนั้นหน้าหงายบ่อยๆยิ่งดีมากๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-02-2017 06:12:13
วอแวบอย555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 01-02-2017 06:41:35
คืนกำไรให้เด็กปีศาจจจจ :ling1:

รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-02-2017 09:01:22
อารมณ์ดีเลยสิจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-02-2017 09:28:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: กล้วยปั่น ที่ 01-02-2017 10:53:20
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก วอแวบอย :-[
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-02-2017 20:20:56
ง่อวววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-02-2017 21:55:20
ชอบเวลาจริงใจมีความสุข

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 01-02-2017 21:55:34
ถึงจะวอแว..แต่ก็น่ารักใช่ปะล่าา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-02-2017 08:01:26
ว้าวววว ยินดีกับเด็กปีศาจด้วยตัวหอมเริ่มเปิดใจละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 02-02-2017 08:48:05
น่ารัก
วอแวบอย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: missyaoi ที่ 02-02-2017 09:37:26
โอ้ยยยยย ชอบๆๆๆ วอแวบอย  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 02-02-2017 11:08:43
เค้ามีการตั้งฉายาให้กันด้วย

อ้ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-02-2017 20:54:56
มีความวอแวบอย น่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 03-02-2017 00:01:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 03-02-2017 02:22:44
จริงใจของเจ้~~~~~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-02-2017 22:39:00
5555 ทำเป็นปากแข็งนะตัวหอม ระวังคิดถึงหนุ่มวอแวนะ

จริงใจอย่างตลก คิดถึงแล้วทำเป็นเคือง ที่ไหนได้ ถ้าว่าง คงไปเฝ้าหน้าคอนโดอะ

โมเมนท์รอบนี้ จริงใจมีหวังรัวๆๆค่ะ อยากเห็นตอนสวีทแล้ว
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 05-02-2017 18:12:39
ความที่ 20
ผมกับความหงุดหงิด






   ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านฉัตรบดินทร์รัตน์ นอนโง่ ๆ ที่ห้องของตัวเอง หากถามสาเหตุที่ทำไมผมถึงมาอยู่บ้านคุณปู่ คุณย่าได้นั้น มันเป็นเพราะเมื่อช่วงสายของวันนี้ได้มีการประชุมครั้งใหญ่ภายในบริษัทฉัตรบดินทร์รัตน์ สืบเนื่องจากการยักยอกฉ้อโกงของกรรมการระดับสูง

   คนที่ถูกเรียกเข้าห้องประชุมนั้นมีเหล่าคณะกรรมการของบริษัทและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพนักงานแผนกบัญชีทุกคน รวมทั้งตัวผมเองก็ด้วย บรรยากาศด้านในตึงเครียดจนมวนท้องเลยทีเดียว แต่ผมที่รู้เรื่องอยู่แล้วจึงเตรียมตัวไว้บ้าง คนอื่น ๆ ที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็รับศึกหนักกันไปเต็ม ๆ วินาทีที่เห็นหน้าของคนที่กล้าคิดไม่ซื่อกับบริษัทซีดเผือดผมถึงกับแสะยิ้ม ยิ่งคุณสรัชผู้บงการใหญ่ดิ้นไม่หลุดเพราะหลักฐานแล้วด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมามันประสบความสำเร็จ

   หลังจากจบการประชุม ก็เหมือนพนักงานหลายคนจะไม่ค่อยกล้าคุยกับผม แม้พ่อจะไม่ได้บอกว่าหลักฐานส่วนหนึ่งที่มีมันมาจากผม พวกเขาก็คงเดากันได้ ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปผมก็ไม่ทราบ จากนี้คงเป็นเรื่องของกฎหมาย

   การนอนเฉย ๆ แบบนี้ก็น่าเบื่อนะ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ใฝ่หามาตลอด เลื่อนจอโทรศัพท์เล่น ฟีดมีแต่รูปจันทร์เจ้าไปเที่ยวทะเล สอบเสร็จ ไปเที่ยว จนจบทริปแล้วยังลงรูปไม่หมดอีก จันทร์เจ้ามาชวนนะครับ แต่ผมปฏิเสธ ไม่อยากไป เพราะติดเรื่องงาน แต่หมูผีกลับโวยวายหาว่าผมติดสาว สาวก็แย่ละ มีที่ไหนกัน

   ก๊อก ก๊อก

   หันไปมองประตูห้องแต่ไม่ได้ลุกไปเปิด เพราะยังไงซะคนเคาะมันก็ต้องเปิดมาเองอยู่ดี แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนที่เข้ามา ก่อนยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นการทักทาย คนนั้นก็ยักคิ้วกลับมา

   “ไง คนเก่ง”

   “มาทำไมวะ”

   “คิดถึงน้อง” ผมกลอกตา ผู้ชายคนนี้ชื่อเจมส์ เป็นลูกชายคนโตของลุงจอห์นกับป้าวิภา อายุมากกว่าผมประมาณสี่ห้าปี นั่นแปลว่าผมกับมันเป็นญาติกัน

   “จะตอแหลทั้งทีก็ทำหน้าให้มันเข้ากับคำพูดหน่อย”

   “ไอ้เวร!” เจมส์ใช้หมอนหนุนฟาดผมไม่เบานัก แต่ผมไม่ได้สนใจ “ทำไมมาอยู่บนห้องงี้วะ”

   “ทำไมก็ได้โตแล้ว”

   “กวนตีน” ยักไหล่ยียวนส่งกลับไป “ลงไปข้างล่างดิ มา!” ผมจิปาก ดึงแขนตัวเองออกเมื่อโดนลูกพี่ลูกน้องคว้าไปจับ แต่ผมก็ยอมเดินตามมันลงไปจนไปถึงชั้นล่าง จนกระทั่งมาถึงศาลานั่งเล่นด้านนอก

   “ทำไมกลับบ้านวะ”

   “แม่โทรตาม”

   “อ๋อ” ผมเอนหลังกับพนักพิง ยกขาขวาวางบนเข่าซ้าย เจมส์ขำ มันรู้ว่าผมกับป้าวิภาไม่ค่อยกินเส้นกัน

   “มึงกับแม่กูยังตีกันอยู่อีก” ผมไหวไหล่ “แล้วจันทร์เจ้ามีแฟนได้ไง? บ้านไม่แตกเหรอ?”

   “จะเหลือเหรอ” ตอบแบบขอไปที ผมขี้เกียจจะพูดมาก ตอนนี้ขี้เกียจแม้กระทั่งจะขยับตัว จะนอนก็เบื่อแล้วว่ะ ไม่มีอะไรทำ ถ้าไปวอแวตัวหอมไม่รู้จะโดนด่าหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาว่างไหม ระหว่างที่คิดก็กดโทรศัพท์เล่นไปด้วย เพราะมัวแต่สนใจกับสมาร์ทโฟนมากเกินไปจึงไม่ได้เห็นว่าเจมส์ชะโงกหน้ามาดูด้วย

   “ณภัคนี่” ผมหันขวับไปมอง คิ้วมุ่นเข้าหากัน “มึงรู้จักได้ไง?”

   “พี่รู้จักเขาหรือไง?”

   “เออ มึงตอบมา ว่ารู้จักณภัคได้ไง ไลฟ์สไตล์มึงไม่เฉียดไปใกล้ณภัคเลยนะ” ก็จริงอย่างที่เจมส์ว่านั่นแหละ ถ้าผมไม่ชอบตัวหอม และไม่หาทางไปวอแว การใช้ชีวิตของเราก็ไม่ทำให้มาเจอกันได้หรอก

   “ตอบก่อนดิ” เจมส์กลอกตา ผมล็อกมือถือแล้วกำไว้ก่อนไขว้แขนกอดอก

   “กูรู้จักเพื่อนเขา แล้วเพื่อนกูมันก็เคยเข้าไปขอเบอร์ เลยรู้จักผ่าน ๆ”

   “เหรอ แล้วได้ป่ะ?”

   “ไม่” ผมแสยะยิ้มออกไปทันที “มีคนบอกว่าง่ายไง เพื่อนกูมันเลยลองไปหยอด แต่โดนเมินเฉย มันโคตรงง”

   “คนบอกนี่ใคร?” ผมโคตรไม่ชอบใจเวลาได้ยินใครพูดว่าตัวหอมง่าย

   “ใคร ๆ ก็พูดกัน กูเรียนคนละที่กับเขายังได้ยินบ่อย ๆ”

   “มึงรู้ได้ไงว่าเขาง่ายหรือไม่ง่าย แล้วไอ้ใคร ๆ ก็พูดกันเนี่ยรู้ได้ยังไง!”

   “ทำไมมึงหงุดหงิดวะ?” เจมส์เลิกคิ้วสงสัย “แฟนมึง?”

   “เปล่า” พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องพูด”

   “กูผิดเหรอ?” ผมไม่ตอบ แต่มองมันด้วยหางตา เจมส์เกาหัวงง ๆ “กูพี่มึงหรือเปล่าวะ”

   จากนั้นผมก็ไม่ตอบอะไรออกไปอีก ล้วงหาหูฟังในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเปิดเพลงกลบเสียงน่ารำคาญของญาติตัวเองแล้วหลับตาลง ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ตอนโดนเตะขา

   “ออกไปข้างนอกกัน”

   “ไม่”

   “น้องจริงใจอย่าปฏิเสธพี่เลย อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลามื้อเย็น อยู่แต่บ้านแบบนี้เบื่อตายห่า”

   ก็จริงอย่างที่มันว่า

   “ไปไหนวะ”

   “ดูหนังป่ะ?”

   “มีเรื่องอะไรเข้า?” เมื่อผมถาม เจมส์ก็เปิดโปรแกรมหนังดู สรุปคือไป มีหนังที่กำลังอยากดูพอดี และเจมส์เป็นคนจ่าย จองที่นั่งผ่านอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยก็แยกกันไปเปลี่ยนชุด

   “ขับไหม?” มองคนถามหน้านิ่ง ๆ มันโยนกุญแจรถในมือไปมาและทำหน้ากวนตีน อยากโดนตำรวจจับเหรอให้คนไม่มีใบขับขี่ขับรถน่ะ? ผมให้คำตอบมันด้วยการเปิดประตูไปนั่งฝั่งข้างคนขับ ไอ้เชี่ยพี่เจมส์หัวเราะพอใจ

   ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย เพราะจะมาดูหนัง ผมกับเจมส์จึงเดินตรงไปที่ชั้นโรงหนังโดยไม่แวะที่ไหนก่อน อีกอย่างคือคำนวณเวลามาให้มันพอดีกับหนังฉายด้วย ถึงแม้จะยังไม่เป๊ะก็เถอะ อีกไม่กี่นาทีก็เริ่มแล้ว หนังที่เราเลือกคือหนังแอคชั่น และด้วยความที่มากับลูกพี่ลูกน้องทำให้ระหว่างดูหนังผมกับมันไม่พูดอะไรกัน จนกระทั่งออกมา คุยบ้างเรื่องแอฟเฟกต์ ฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างดุเดือด รวมถึงการนำเสนอของหนัง โดยรวมแล้วก็ดีครับ

   “ไปไหนต่อป่ะวะ?” เจมส์ถามขึ้นขณะที่เรากำลังลงจากชั้นโรงหนัง ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังจะตอบนั้นกลับมองไปเห็นใครบางคนเข้าเสียก่อน

   “เดี๋ยวกูมา” ผมบอกเจมส์แล้วเดินเร็ว ๆ ตามคนที่เห็นไป เมื่อสองคนนั้นหยุดผมก็หยุด

   “ใครวะ?”

   “แฟนเพื่อนกู” ตอบแล้วจ้องไปยังผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งที่ฝ่ายหญิงคล้องแขนกับฝ่ายชายอยู่ ทำไมแฟนไอ้เนตรถึงมากับผู้ชายคนอื่นแล้วท่าทางสนิทสนมกันมากขนาดนั้น ถ้าจะเป็นพี่ชายก็ไม่น่าจะขนาดนี้ป่ะวะ พี่น้องที่ไหนเขามองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มปานจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

   “นั่นเพื่อนมึงเหรอ?”

   “เปล่า”

   “เหี้ย!” เจมส์อุทานออกมาเมื่อเข้าใจว่ามันคืออะไร ผู้หญิงคนนั้นคือมายด์ แฟนของเนตร ผมไม่รู้ว่าพวกมันคบนานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่าเนตรมาอวดผมที่มายด์ตกลงคบเป็นแฟน แต่ว่าตอนนี้ ทำไมแฟนของเพื่อนผมถึงได้มากับผู้ชายคนอื่น เลิกกับเนตรแล้วเหรอ? แต่ถ้าเลิกกันแล้ว เนตรน่าจะมางอแงใส่ผมสิ ที่ได้คุยกันมันยังพูดถึงแฟนมันว่าน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ และดูเหมือนจะไปกันได้ดีด้วยซ้ำ

   ถ้ายังไม่เลิกกัน แต่มายด์มาเดินควงกับคนอื่น งั้นก็มีอย่างเดียวที่เป็นไปได้

   คือเพื่อนผมโดนสวมเขา...

   14:47 J9 : มึงกับแฟนมึงเป็นไงบ้างวะ
   14:49 Net : แฮปปี้ย์~
   14:49 Net : *สติ๊กเกอร์เต้นดุ๊กดิ๊ก*

   หลังจากนั้นผมก็พูดอะไรไม่ออก ถอนหายใจเสียงดังจนเจมส์เลิกคิ้วมอง ผมยื่นจอโทรศัพท์ไปให้เจมส์อ่าน มันก็ส่ายหน้า

   “ผมควรบอกมันป่ะวะ?”

   “มึงรักเพื่อนมึงหรือเปล่า?” ผมพยักหน้า “รักก็บอก บอกตอนนี้หรือตอนไหน ผลก็เหมือนกันคือเพื่อนมึงต้องเสียใจอยู่ดี แต่ถ้ามึงรู้แล้วยังปล่อยให้เพื่อนมึงคบกับคนที่เขาไม่จริงใจ เพื่อนมึงยิ่งไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้เหรอ?”

   นั่นสินะ

   14:52 J9 : เนตร
   14:52 J9 : กูเจอแฟนมึงอยู่กับคนอื่น
   14:52 Net : ไอ้เหี้ย!! อย่ามาอำนะเว้ย!
   14:52 J9 : กูพูดจริง ๆ มึงคิดว่ากูจะโกหกเหรอ
   14:52 Net : เพราะมึงไม่เคยโกหก กูถึงกลัว

   ผมคุยกับเนตรอยู่หลายนาที ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ผมมั่นใจว่าตอนนี้มันเริ่มไขว้เขวแล้ว ยิ่งผมมีหลักฐานซึ่งเป็นรูปที่เจมส์ถ่ายไว้ส่งไปให้มันดูด้วย ไม่รู้ว่ามันว่ายังไงบ้าง เพราะหลังจากที่ผมกดส่งไป ข้อความอ่านแล้วขึ้นมา แต่ไม่มีการตอบกลับ ผมจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เจมส์บอกปล่อยให้เนตรอยู่กับตัวเองก่อน

   “กลับเลยไหมมึง?”

   “จ๋าจ้าเลิกเรียนพอดี” บอกเจมส์ ไอ้เปี๊ยกเรียนพิเศษอยู่โรงเรียนกวดวิชาแถวนี้ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกเรียนพอดี

   “โทรชวนน้องกลับด้วยกันดิ” พยักหน้ารับ โทรออกไปหาและนัดแนะสถานที่นัดเจอแล้วจึงวางสายไป



   “ฮาโหย๋ววววววว~” เสียงใสดังมาพร้อมกับแรงกอดจากข้างหลัง ไปต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร ผมยกแขนขึ้นให้น้องลอดมา จ๋าจ้ายิ้มหวาน

   “สวัสดีพี่เจมส์หรือยัง?” ผมบอก น้องผละออกไปยืนดี ๆ

   “สวัสดีค่ะพี่เจมส์ขา”

   “สวัสดีครับ เป็นไงบ้างเปี๊ยก”

   “โอ๊ย ทำไมต้องเรียกจ๋าจ้าว่าเปี๊ยกด้วยคะ!” น้องทำหน้างอน “เหนื่อยมากเลยค่ะพี่เจมส์ เรียนอะไรเยอะแยะไปหมด จ้าไม่อยากเรียนแล้ว”

   “ไม่อยากเรียนก็เลิกเรียนสิ”

   “โหย พี่เจมส์อ่ะ”

   “เหลืออีกเท่าไหร่จะจบคอร์ส?” ผมถามบ้าง ไอ้เปี๊ยกทำหน้านึก นับนิ้วอยู่สักพัก

   “อีกประมาณห้าหกครั้งค่ะ”

   “อือ จบคอร์สนี้ก็ไม่ต้องเรียนเพิ่มแล้ว หาอยากอื่นทำแทน”

   “เย้! เค้าอยากเรียนเต้น วาดรูปด้วย แอบไปส่องคลาสดรออิ้งมา คนสอนหล้อหล่อ”

   ผมกลอกตา

   “ว่าแต่... ทำไมพี่เจมส์กับพี่จริงใจมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะคะ?”

   “ไปเจอมันที่บ้านคุณย่าพอดี เลยชวนมันมาดูหนัง”

   “จะกลับไปที่บ้านคุณย่าอีกไหมคะ?”

   “ไปครับ ต้องไปทานข้าวเย็นที่บ้านคุณย่า”

   “อ่า... จ๋าจ้าไปด้วยได้ไหมคะ พี่เจมส์ขา”

   “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

   “เย้!” แล้วสองคนนั้นก็เดินกอดคอกันนำหน้าผมไป เออ ช่างเหอะ



   “คุณปู่ขา คุณย่าขา สวัสดีค่ะ”  จ๋าจ้าพุ่งเข้าไปกอดปู่กับย่า “สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”

   “ทำไมมากับพี่เขาได้ล่ะลูก?” คุณย่าเอ่ยถามพลางลูบผมหลานสาวไปด้วย

   “พี่จริงใจกับพี่เจมส์ไปดูหนังกัน แล้วพี่เขาก็เลยโทรเรียกหนูมาหาค่ะ เลิกเรียนพิเศษพอดี”

   “ออกไปข้างนอกทำไมไม่บอกแม่คะเจมส์”

   “ผมบอกแม่บ้านไว้แล้วนี่ครับ แม่ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กทุกที”

   “อ่า... หิวจัง” ผมพูดขึ้นขัดจังหวะ คุณป้าวิภาหันมามองตาขวาง ผมทำหน้ายียวน แต่ต้องเบะปากเมื่อโดนคุณปู่หยิกแขน

   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสำหรับมือนี้ไม่เชิงว่าดีแต่ก็ไม่เชิงว่าเครียด หัวข้อหลักที่พูดคุยกันนั้นหนีไม่พ้นเรื่องการประชุมวันนี้ แม้จะตั้งใจทำงานมากแค่ไหนก็ไม่วายโดนคุณป้าวิภาจิกกัดอยู่ดี ผมจ้องหน้าเขม็งตอนที่ป้าวิพูดว่าพ่อทำงานไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้โดนโกงไปได้ยังไงเป็นปี ๆ ก็อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าตัวเขาทำอะไรบ้าง งานก็ทำเหมือนกันทำไมถึงได้ไม่รู้ว่ามีคนทุจริต ถ้าพ่อไม่ปรามไว้ผมก็ไม่ไว้หน้าเขาหรอก

   โคตรน่าหงุดหงิด

   “เจมส์ก็เข้ามาช่วยงานที่บริษัทบ้าง อย่ามัวแต่เล่นไร้สาระ”

   “ผมไม่ชอบครับแม่”

   “ได้ยังไงกัน!”

   “เอาน่า ๆ วิก็อย่าไปบังคับลูกมาก ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป”

   “แต่คุณแม่คะ...”

   “กิน ๆ” อำนาจสูงสุดอยู่ที่คุณย่า เพราะฉะนั้นป้าวิภาจึงขัดอะไรไม่ได้

   เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วจึงย้ายมาที่ห้องนั่งเล่น ผมยึดตักคุณย่าเป็นที่หนุนนอน แต่เพราะโซฟาตัวนี้มันสำหรับสองที่ ผมจึงต้องพาดขากับที่วางแขนเพราะขายาวเกินไป ปิดเปลือกตาลงรับสัมผัสอบอุ่นจากมือเล็กที่ลูบศีรษะ

   นอกจากเตียงนอนที่เป็น safe zone ของผมแล้ว ตักอุ่น ๆ ของคนในครอบครัวก็เป็นเหมือนกัน

   ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว

   “โคตรอ้อน” เสียงเจมส์ดังมา ผมยังคงนอนนิ่ง ๆ ให้คุณย่าลูบหัว ไม่ได้ตอบโต้อะไรมัน

   “พี่จริงใจขาดความอบอุ่นค่ะ”

   “ไปว่าพี่เขา”

   “จริงนี่คะคุณพ่อขา อยู่บ้านก็อ้อนทุกคน มานี่ก็อ้อนคุณย่า” ผมลืมตาขึ้น กลอกไปมองจ๋าจ้า ไอ้เปี๊ยกแลบลิ้นใส่แล้วหันไปเล่นเกมกับเจมส์

   “อ้อนเถอะ ย่าคิดถึงจะแย่ หลานไม่มาหาบ้างเลย”

   “อ้าว งานเข้า” ทุกคนหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของเจมส์ ยกเว้นก็แต่ป้าวิภา

   “เจ้าเจมส์น่ะตัวดี”

   “ผมติดเรียนนี่ครับคุณย่า อย่างอนเลยน้า~” ผมไม่ได้สนใจอะไร คว้ามือคุณย่ามาวางบนหัวตัวเองอีกครั้ง หลับตาลงแล้วหันหน้าซุกเข้ากับหน้าท้องคนแก่

   “พอหลานมาหาคนแก่ก็ดีใจ ขาดก็จันทร์เจ้ากับยัยแจน”

   “จันทร์เจ้าติดเรียนน่ะครับ” เสียงของพ่อเอ่ยออกไป “พูดถึงแจน จะกลับบ้านเมื่อไหร่ล่ะพี่จอห์น?”

   “ไม่ปิดเทอมฤดูหนาวก็หน้าร้อนนู่นแหละ”

   พี่แจน น้องสาวของเจมส์ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

   เสียงพูดคุยของทุกคนยังดังเข้าหูผมทุกประโยค ก่อนมันจะเริ่มแผ่ว ๆ ไปเมื่อผมจมดิ่งสู่โลกแห่งความฝัน แต่ยังไม่ทันได้หลับลึกก็ถูกปลุกขึ้นเสียก่อน พ่อถามว่าจะกลับบ้านหรือเปล่า แต่ผมปฏิเสธไป ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว และผมก็ง่วงมาก ไม่อยากขับรถ เมื่อได้คำตอบพ่อก็ขอตัวกลับพร้อมกับจ๋าจ้า ผมลุกขึ้นจากตักอุ่น หน้าบึ้งเมื่อคนแก่ไม่ยอมบอกว่าเมื่อย ปล่อยให้ผมหนุนอยู่ได้ ย่าหัวเราะ บอกไม่หนักหนาอะไร และปล่อยให้ผมนวดขาให้ก่อนจะไปส่งขึ้นนอน

   เมื่อได้อาบน้ำให้เย็นสบาย ก็ดูเหมือนอาการง่วงของผมจะหายไปด้วย จึงลงไปที่ชั้นล่าง ไม่รู้หรอกครับว่าจะลงไปทำไม เจอเจมส์คุ้ยตู้เย็นอยู่พอดี ในมือมันมีเบียร์อยู่สามกระป๋อง

   “ยังไม่นอน?”

   “ไม่ง่วงละ”

   “เล่นเกมไหมมึง?”

   “เอาดิ”

   “งั้นมาช่วยกูขนเสบียง”

   สถานที่เล่นเกมคือที่ห้องของเจมส์ ผมนั่งบนเบาะฟูก เอนหลังพิงกับปลายเตียงของเจ้าของห้อง เปิดเบียร์ดื่มระหว่างรอลูกพี่ลูกน้องต่อเกม เมื่ออุปกรณ์พร้อม เจมส์ก็โยนจอยสติ๊กมาให้ผม ก่อนที่มันจะมานั่งลงข้าง ๆ กัน แล้วศึกดวลเกมก็เริ่มขึ้น...

   “ไอ้เหี้ย! แพ้อีกแล้ว!!”

   “อ่อน” ผมยิ้มเยาะ ไอ้เจ้าของห้องทำท่าจะบีบคอผม

   “เริ่มใหม่ ตานี้กูเอาจริง!”

   “เอาจริงมาห้าตาแล้วไอ้เหี้ย”

   “ตานี้ของจริง กูอ่อนให้มึงเฉย ๆ เห็นว่าเป็นน้อง”

   “ก็แย่ละ”

   “ไอ้เหี้ยยยย จริงใจมึงมันเด็กเวร!” เสียงของเจมส์สบถลั่นขณะที่มือรัวกดจอยสติ๊ก ผมแสยะยิ้ม อีกแค่นิดเดียวก็จะชนะอีกครั้ง แต่แล้วสมาธิของผมก็หลุดไปเมื่อโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้นสั่นครืดขึ้นมา หลุบตามองหน้าจอ เพราะมันวางอยู่ไม่ไกลผมจึงมองเห็นได้ว่าอะไรที่ปรากฏขึ้นมา

   “อั๊ยยะ!” และเจมส์มันคงเห็น... ผมจิปากไม่สบอารมณ์ พับขาขึ้นมาแล้วใช้เท้าเตะโทรศัพท์ออกไปจากนั้นจึงเหยียดขาทับอีกที เพราะสมาธิถูกทำลาย มือของผมจึงทำหน้าที่กดจอยสติ๊กได้ไม่เต็มที่... และสายตาที่ไม่ได้จดจ่อกับหน้าจอ

   “เยส!!! ชนะแล้วโว้ย!!”

   ผมโยนจอยสติ๊กลงพื้น คว้าเบียร์มาดื่มดับความครุกรุ่นภายใน เจมส์โห่ร้องดีใจเหมือนเรียนได้เกียรตินิยม

   น่ารำคาญจริง ๆ

   “ใครส่งอะไรมาวะ ทำไมมึงสติหลุด”

   “มึงไม่เห็น?”

   “นี่สายตาคนนะครับ ไม่ใช่กล้องส่องทางไกล” เหี้ยเอ๊ย! นี่ผมคิดไปเองเหรอ ไอ้เชี่ยพี่เจมส์กลอกตามองผมสลับกับโทรศัพท์ มันยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมวางกระป๋องเครื่องดื่มในมือลง พุ่งตัวไปคว้าโทรศัพท์แต่ช้ากว่าอีกคน

   “โว้ววววว” เจมส์ส่งเสียงร้องออกมาหลังจากกดปุ่มให้หน้าจอสว่างขึ้น มันหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มประหลาด สายตาเป็นประกายวาววับราวกับเจอเรื่องสนุก “มึงยังไม่บอกกูเลยนี่หว่าว่ารู้จักณภัคได้ยังไง”

   ผมกลอกตา ไม่พูดอะไร จะคว้าโทรศัพท์คืนไอ้เชี่ยเจมส์ก็ยกหลบ

   “บอกมา”

   “สาระแน”

   “ปากคอเราะร้ายนะน้องจริงใจ กูรู้จักเพื่อนณภัคนะมึง มึงจะบอกหรือไม่บอก”

   “ทำไมต้องบอกวะ!”

   “โอเค ได้” เจมส์ยิ้มปัญญาอ่อน ควักโทรศัพท์ตัวเองมาแล้วกดอะไรอยู่สักพัก และเพราะมันเปิดสปีกเกอร์ผมถึงได้รู้ว่ามันกำลังโทรหาใครสักคน

   (“โทรมาไมวะ!?”) เสียงจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ดูคุ้นจนผมขมวดคิ้ว

   “คลื่น! มึงรู้จักคนชื่อจริงใจป่ะ?”

   ตาผมเบิกขึ้น ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเครื่องมือสื่อสารนั่นมา แต่เจ้าของมันเบี่ยงตัวหลบแล้วชี้หน้าผม

   (“ฮะ? อะไรของมึงวะพี่เจมส์ กูอ่านหนังสือเนี่ย!”)

   “ตอบกูหน่อย รู้จักคนชื่อจริงใจไหม”

   (“จริงใจเหรอ? จริงใจไหนวะ มีรู้จักอยู่คนหนึ่งอ่ะ”)

   “ชื่อประหลาดงี้น่าจะมีอยู่คนเดียว แล้วมึงรู้ป่ะว่าเด็กเวรนี่เป็นอะไรกับเพื่อนมึง”

   ผมขยับปากบอกให้เจมส์วางสายแบบไม่มีเสียง

   (“เพื่อนผมเยอะนะโว้ย!”)

   “ณะ---- ไอ้เหี้ย!!”

   ถือโอกาสตอนมันไม่ระวังตัวคว้ามือถือมาแล้วกดตัดสาย ก่อนโยนมันคืนให้เจ้าของ และไม่ลืมหยิบของตัวเองจากมือมันด้วย

   “ไม่ต้องเสือกเลย”

   “อะไรวะ ทีมึงถามกูยังบอกเลย ไม่เป็นไร งั้นกูไปถามจันทร์เจ้าก็ได้”

   “ไม่ต้องสาระแนไปถามจันทร์เจ้า!”

   “งั้นบอกมา ว่าเป็นอะไรกับณภัค” ผมยังคงเงียบ เจมส์ถอนหายใจ มองหน้าผมอย่างรำคาญ “มึงชอบเขาเหรอ?”

   “อือ”

   “แล้วมึงก็ตามจีบเขา?”

   “อือ”

   “เชี่ยเอ๊ย!!! คนอื่นมีเยอะแยะทำไมเป็นณภัควะ?”

   “แล้วทำไมจะเป็นณภัคไม่ได้?”

   “มึงไม่รู้เหรอว่าเขามีเรื่องเสียหายโคตรเยอะอ่ะ”

   “รู้”

   “รู้แล้วยังจะไปจีบเขาเนี่ยนะ” ผมมองคนพูดด้วยหางตา “เขาโคตรไม่เหมาะกับมึง”

   “แล้วไง?”

   “มึงคิดว่าเขาจะชอบมึงเหรอวะ ณภัคมีแฟนมาหลายคนแล้วนะเว้ย”

   “แล้วไง?”

   “ใส่ใจหน่อยเถอะ ที่พูดนี่ก็เป็นห่วง กูอยากให้มึงเจอคนดี ๆ”

   “ณภัคไม่ดีตรงไหน?”

   “คนที่ผ่านเรื่องแบบนั้นมาเยอะแบบนั้นมึงคิดว่าเขาจะจริงจังกับความรักเหรอวะ”

   “แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าที่เขาผ่านมาเยอะเพราะยังไม่เจอรักจริง ๆ” ผมจ้องเจมส์เขม็ง “ถ้าคนไม่ดีคือคนที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะ งั้นมึงก็คือคนไม่ดีเหมือนกันสินะ”

   “มึงแม่งไม่เข้าใจที่กูสื่อ”

   “ช่างแม่งเหอะ

   “กูพูดเพราะห่วงมึงนะเว้ย!”

   “อือ”

   ผมรับคำแบบขอไปที ก่อนเก็บของของตัวเองมาถือแล้วออกจากห้องของเจมส์ไป ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกจันทร์เจ้าบ้างแล้วว่ารู้สึกยังไงที่โดนห้ามไม่ให้ชอบทิวากาล แล้วผมโคตรไม่ชอบที่ตัวหอมโดนมองว่าแบบคนอย่างนั้น อย่างนี้ทั้ง ๆ ที่คนพูดก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้เขาโดนมองไม่ดี โคตรแย่ อึดอัดฉิบหาย มีเป็นร้อยเป็นพันคำที่อยากพูดออกไปแต่กลับพูดไม่ออก


   ผมแม่งโคตรไม่ได้เรื่องเลย น่าหงุดหงิดฉิบหาย








-------------------------------------
สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น... ความยืดเยื้อคือทางของเราค่ะ (ฮืออออ)
เรื่องนี้ตัวละครเยอะเว่อ ยังออกมาไม่ครบเลย ; __ ;
แล้วตอนนี้คุณภัคมาแค่ชื่อ ค่าตัวแพงเหลือเกิน
ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านเด้อ
ไว้เจอกันตอนหน้า บัยยยยยยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: thepoe ที่ 05-02-2017 18:43:23
โอ้ยยย ดีนะจริงใจควบคุมอารมณ์ได้นี่ถ้าต้องทะเลาะกับเจมส์นี่คงไม่ดีเท่าไหร่
มันต้องค่อยๆคุยค่อยๆเจอ แต่สงสัยจุงง เจมส์ก็รู้จักกับคลื่นนะ ไม่น่าจะมองภัคไม่ดีเบยย T^T
แต่ข่าวหนาหูอะเนอะ แบบไปที่ไหนก็มีแต่คนนินทา 5555555555
แต่เพื่อนเจมส์เคยไปขอเบอร์ก็ไม่ให้นี่หน่าาา นี่ฉันเป็นเดือดเป็นร้อนไรแทนเค้านิ555555
อรั้ยยยยยยยย ตอนนี้ไม่เจอโมเม้น์สองคนนี้โลยยยยยยยยย

แต่ก็ชอบโมเม้นท์ที่ไม่เจอกันแล้วภัคมีความซึน บอกไม่คิดถึงแต่โทรหาเค้าา
อยากให้ภัครู้ใจตัวเองสักทีววว อิอิ รอต่อน้าาาาาาาาา สู้ๆค่ะไรท์ !
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 05-02-2017 18:51:46
รำคาญเจมส์
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 05-02-2017 19:19:29
อยากรู้จังว่า ใครๆที่พูดกัน มันมีต้นต่อมาจากไหน ชะนีนางไหนอิจฉาถึงต้องเอาไปพูดกัน โมโหๆ :fire:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-02-2017 20:55:11
เริ่มมีคนรู้เยอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 05-02-2017 20:59:37
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2017 21:03:34
ปากคน!!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-02-2017 21:21:38
นายเจมส์น่ารำคาญอ่ะ อคติจังเลยนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 05-02-2017 21:40:03
สงสารตัวหอมอะ โดนจิกกัดเรื่อย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-02-2017 22:03:51
เห้ออออออ อคติคนแท้ๆ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักนภัคเลย สงสารนภัคเบาๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-02-2017 22:49:20
กรรมแน่ๆ กรรมมันติดจรวจ 555  นี่ไม่ได้จะตอกย้ำนะแต่ที่เคยทำกะจันทร์และทิวาเหมือนกำลังย้อนเข้าตัวเลยคะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-02-2017 22:56:23
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-02-2017 23:15:13
เข้าใจความรู้สึกของจริงใจนะ

แต่ก็นั่นแหละ ณภัคผ่านความรักมาเยอะ คนมองแต่ภายนอก มีข่าวเสียๆหายๆ


เป็นกำลังใจให้เด็กปีศาจ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-02-2017 09:09:18
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 06-02-2017 10:14:50
จริงใจสู้ๆจริงใจต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าตัวหอมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ตัวหอมของจริงใจน่ารักที่สุดดด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-02-2017 10:39:25
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2017 12:12:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2017 13:10:27
คนที่ไม่มีความพอดีในตัว
ไม่มีความเป็นกลาง ฟังหูไว้หู ดูไปเรื่อยๆ
นี่หูเบา ฟังปุ๊บเชื่อปั๊บ เพราะไม่มีฉันทาคติในใจอยู่แล้ว
ยิ่งไม่อยากให้ใครดีกว่า อิจฉาริษยา
ชอบฟังชอบพูดแต่เรื่องไม่ดี
เรื่องเสียๆหายๆของคนอื่น แล้วมีความสุข
แถมยังขยายข่าวให้ยาวต่อ
เรื่่องเขามีแฟนคนเดียวกลายเป็นแฟนมาก
ไม่คิดว่าถ้าตัวเองโดนพูด โดนว่าบ้างจะเป็นอย่างไร
กรรมคงตามทันนะ คนพวกนี้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 07-02-2017 18:18:20
 :m31: เราก็หงุดหงิดดดดด
เป็นบ้าหรอ เกลียดจริงๆคนที่นินทาคนอื่นไปเรื่อย
สงสารภัคนะ  ถึงจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงแคร์ทำไม
แต่เอาเข้าจริง คนก็เข้าใจแบบผิดไปเยอะ
มันลำบากขึ้นนะ
จะเจอคนที่ดีๆแม่งก็ยากอีก มันดึงดูดพวกเหี้ยๆอะ
ข่าวแบบนั้น
โชคดีที่เจอจริงใจ เราชอบจริงใจ
เป็นผู้ชายไม่ตอแหลดี 5555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 20 ผมกับความหงุดหงิด | 5-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: firstlove ที่ 10-02-2017 10:35:11
พี่รู้ว่าน้องจริงใจเชื่อใจณภัค
น้องต้องไม่ผิดหวังแน่นอน
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 10-02-2017 20:06:48
ความที่ 21
ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว






   ครืด

   เหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นครืดบนโต๊ะ ผมคิดว่าเป็นแจ้งเตือนจากตัวหอมแต่มันไม่ใช่ น้องสาวผมเมสเสจมาชวนไปดูหนัง หนังอะไรวะ เพิ่งไปดูกับเจมส์เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่พูดถึงเจมส์ หลังจากคืนนั้นที่ผมกับมันเหมือนจะทะเลาะกัน เช้าวันรุ่งขึ้นเจมส์ก็เข้ามาขอโทษผมก่อน มันยังยืนยันคำเดิมว่าเป็นห่วง แต่มันบอกแล้วแต่ผม ถึงแม้เจมส์จะรู้จักกับพี่คลื่น แต่เจมส์ไม่ได้รู้จักตัวหอมเป็นการส่วนตัว หรือแม้แต่พูดคุยมันก็ยังไม่เคย ได้ยินแต่คนอื่นเล่ามา

   ผมไม่ได้อะไร เพียงแต่นึกแล้วยังโมโหอยู่ทุกที

   เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเบื่อ ๆ กลอกตาซ้ายขวา รอบข้างมีแต่คนที่ก้มหน้าทำงาน เนื่องจากงานที่ผมได้รับนั้นเสร็จแล้ว จึงนั่งกร่อยอยู่แบบนี้ไงครับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมฝึกงานที่แผนกบัญชี และเป็นวันสุดท้ายในการฝึกงานของผมสำหรับเทอมนี้ด้วย นึกแล้วอยากกลับบ้านมันซะตอนนี้เลย แต่ยังเหลือเวลาอีกสองสามชั่วโมงได้

   จบการฝึกงานผมยังมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดเทอมในภาคเรียนที่สอง ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวและผมจะลองชวนตัวหอมดู ตอนนี้เขาสอบเสร็จไปแล้วครับ สอบเสร็จนานแล้วด้วย แต่เขาไม่บอกผม หงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ช่างมัน ถึงสอบเสร็จเขาก็ไม่ได้ปิดเทอม ผมเองก็ยังยุ่งกับงานจึงไม่ได้วอแว แต่หลังจากนี้แหละ เตรียมตัวไว้เลย!

   “จักรพรรดิ!” หันไปมองเจ้าของเสียงเรียกแล้วลุกขึ้นยืน ดูเหมือนภายในแผนกจะถูกปกคลุมไปด้วยไอเย็นฉับพลัน

   “ครับ?”

   “เก็บของแล้วออกไปกับผม” แม้จะงงว่าจะไปไหน แต่ผมก็เก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกไปหาท่านประธาน

   “มีอะไรเหรอครับ?”

   “ต้องไปพบลูกค้า เขาอยากให้จริงใจไปด้วยครับ”

   “ผมเนี่ยนะ!?” พ่อพยักหน้า ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจอยู่หน่อย ๆ พ่อคงไม่อยากให้ผมไปหรอกเพราะรู้ว่าผมไม่ชอบ แต่น่าจะปฏิเสธไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมา ท่านประธานหันมามองแล้วหัวเราะ อือ มีความสุขนักที่ลูกเซ็งเนี่ย

   “ผมเอารถไปเองได้ไหมครับ?”

   “ครับ แต่รอก่อนนะ” เรายืนอยู่ที่ล็อบบี้ ไม่นานนักเลขาของพ่อก็เข้ามา

   “เนกไทค่ะท่านประธาน”

   “เอาไปใส่สิ”

   กลอกตาให้พ่อ เอื้อมมือไปรับเนกไทสีดำเส้นเล็กจากคุณเลขาแล้วบอกขอบคุณ ติดกระดุมเชิ้ตจนเม็ดสุดท้ายก่อนคล้องเนกไทไว้บนคอแล้วผูกมันแบบง่าย ๆ ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยวะ อึดอัดชะมัด ผมเบะปาก ดูเหมือนพ่อจะพอใจมาก ท่านบอกสถานที่นัดหมายและแยกออกไปกับคุณเลขา ผมถอนหายใจอีกรอบ ไปหาคุณเกรย์บ้าง วันนี้ผมแต่งตัวเหมือนวันแรกที่เริ่มฝึกงานในแผนกบัญชีเลยครับ เพียงแค่เปลี่ยนสีเบลเซอร์จากกรมท่าเป็นสีดำ แทบทุกอย่างบนตัวผมเป็นสีดำหมด ยกเว้นก็แต่เสื้อกับสนีกเกอร์ที่เป็นสีขาว

   ผมมาถึงที่หมายก่อนและยืนรออยู่หน้าร้านอาหาร หลังจากนั้นถึงเข้าไปด้านใน พ่อกับคุณเลขาทักทายผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมเองก็ยกมือไหว้

   “ลูกชายคุณจิรภาสนี่หล่อจริง ๆ นะครับ” ผมยิ้มโง่ ๆ รับคำชม อยากหายตัวได้ฉิบหาย ตอนนี้โคตรอึดอัด ภาวนาให้มีใครตามตัว จ๋าจ้าโทรมาตื๊อให้ไปดูหนังเป็นเพื่อน จันทร์เจ้างอแงให้ซื้อขนมไปให้ ข้าวฟ่างเมสเสจนัดซ้อมวงกะทันหัน ไจ่ไจ๋บอกให้เลี้ยงข้าวมันไก่ หรือไอ้เนตรโทรมากวนตีน อะไรก็ได้ ผมอยากหายไปจากตรงนี้มาก ๆ อึดอัดโคตร ๆ

   พูดถึงไอ้เนตรแล้วก็หงุดหงิด ตอนนี้มันยังไม่เลิกกับมายด์นะครับ มันบอกหลังจากที่เห็นรูปนั้น มันก็ไปถามผู้หญิงว่าวันนั้นไปไหนมา เธอบอกว่าไปซื้อของกับพี่ชาย ซึ่งเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเนตรผมกลอกตาจนปวดไปหมด เนตรบอกต่อว่ามันไม่ได้เชื่อมายด์ เพียงแค่ฟังเอาไว้ และที่ยังไม่เลิกเพราะมันไม่รู้จะบอกเลิกยังไง แล้วก็อยากรู้ว่ามายด์ทำแบบนั้นไปทำไม

   ไร้สาระจริง ๆ

   “น้องจริงใจไม่เหมือนเด็กมัธยมเลยนะคะ” เหลือบตามองคนพูด เธอคือลูกสาวของคนที่นัดพ่อมาวันนี้และเธอยังนั่งอยู่ตรงข้ามผมอีกด้วย

   “เหรอครับ”

   “ดูโตเกินวัย แต่พี่ไม่ได้หมายความในด้านไม่ดีนะคะ”

   “เหมือนเด็ก ๆ จะเข้ากันได้ดีนะครับคุณจิรภาส”

   ตรงไหนวะ

   เมื่อต้องแบกรับภาระหน้าที่ไว้บนบ่า สิ่งที่ผมต้องทำมันจึงตรงข้ามกับความรู้สึกข้างใน ฉีกยิ้มกับคำพูดนั้น ถ้าหากยิ้มเมื่อกี้ของผมคืออาหาร ก็คงจะมีตัวอักษรกำกับว่า ‘รูปภาพเพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น’ ยิ้มนั้นก็น่าจะเป็นยิ้มเพื่อโฆษณาหรือยิ้มการค้า ทำนองนั้น

   ฝืนตัวเองไม่ใช่เรื่องตลก

   “อะ เอ่อ ขอบคุณค่ะ” คุณพูดเอ่ยเสียงเบาพลางก้มหน้าเล็กน้อยและยิ้มอย่างเขินอาย แอบชำเลืองมองพ่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณจริภาสยกยิ้มมุมปาก เห็นแล้วขนลุก ที่ผมตักสลัดให้เธอเพราะเห็นท่าทางยึกยักนั่นหรอก อีกอย่างชามสลัดมันอยู่ใกล้ผมไง นี่กำลังช่วยให้พ่อคุยงานราบรื่นนะ ทำไมยิ้มเยาะกันแบบนี้

   “ดู ๆ ไปแล้วลูกชายคุณจริภาสกับลูกสาวผมก็เหมาะกันดีนะครับ”

   “คุณพ่อก็...”

   “ลูกชายผมยังเด็กอยู่เลยครับ” พ่อผมพูดยิ้ม ๆ

   “เด็กก็จริง แต่เอางานเอาการอย่างนี้ผมชอบ รู้จักช่วยพ่อแม่ทำงาน หน่วยก้านก็ดี คุณเลี้ยงลูกมาดีจริง ๆ”

   “เป็นเกียรติจริง ๆ ครับที่ได้รับคำชมจากคุณ”

   ครืด

   ทุกสายตาจ้องมาที่ผมโดยไม่ได้นัดหมาย มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์ที่สั่นครืดในกระเป๋ากางเกงออกมา เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าผมก็ให้พ่อดู ท่านพยักหน้านิดหน่อย

   “ขอตัวไปรับโทรศัพท์นะครับ” ผมบอกก่อนจะออกจากห้องทานอาหารไปนอกร้าน

   “ว่า?”

   (“พี่จริงใจขา มาดูหนังกันค่ะ!!”)

   “น้องอยู่ไหน?”

   (“เค้าอยู่ห้างใกล้ ๆ ที่เรียนพิเศษ พี่จริงใจมานะ นะคะ เค้าซื้อตั๋วแล้วด้วยอ่า ชาติชายทิ้งเค้ากลับบ้านไปแล้ว แง”)

   “หนังเริ่มกี่โมง?”

   (“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ”)

   “Okay” ผมผิวปากหลังจากวางสาย จิรภิญญาคือผู้ช่วยชีวิตผม

   “น้องว่ายังไงบ้างครับ?” พ่อถามเมื่อผมนั่งที่เดิม

   “ให้ไปหาครับ” บีบเสียงกังวลและปั้นหน้าลำบากใจ

   “งั้นเหรอ... เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

   “ไม่ทราบครับ งอแงมากจนคุยไม่รู้เรื่องเลย”

   “มีอะไรงั้นหรือคุณจิรภาส?”

   “ลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์มางอแงใส่พี่ชายเขาน่ะครับ”

   “ทำไงดีครับ ถ้าไม่ไปน้องงอนผมแน่” ผมพูด พ่อก็แสดงท่าทางลำบากใจ

   “น้องจริงใจก็ไปหาน้องสาวสิคะ”

   “แต่เรายังทานอาหารไม่เสร็จเลยนะครับ”

   “ไม่เป็น ไปเถอะ ลุงเข้าใจ”

   “อ่า... ขอบคุณครับ และขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไปก่อนแบบนี้”

   “ไม่เป็นไร ๆ ไว้นัดทานข้าวกันวันอื่นยังได้”

   “ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” ผมค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนก้มลงไปคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมา ลอบหันไปยักคิ้วให้พ่อแล้วรีบออกจากร้าน

   รอดตายแล้ว

   จะว่าไปผมเองก็เสแสร้งเก่งเหมือนกันนะ...แล้วมันดีเหรอวะ

   “พี่จริงใจขาาาาาา~~” ไอ้เปี๊ยกวิ่งเข้ามากอด แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ น้องหน้าบึ้ง ก่อนตากลม ๆ จะเบิกกว้างและไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท่า “หู้วววววววววววววววววววว”

   “ไม่ต้องเล่นใหญ่ ไปได้แล้ว”

   “คิคิ พี่ชายเค้าหล้อหล่อ ดูสิ คนมองเยอะแยะเลย” ผมสั่นหัวเบา ๆ แล้วเดินนำจ๋าจ้าออกไป ไอ้เปี๊ยกวิ่งเข้ามาเกาะแขน แม้จะไม่ยอมให้คนอื่นแตะตัว แต่คนในครอบครัวคือข้อยกเว้นทุกประการ “พี่จริงใจเอาป๊อปคอร์นไหมคะ?”

   “อยากกินก็ไปซื้อ” จ๋าจ้าขยับตัวดุ๊กดิ๊ก วิ่งไปต่อแถวซื้อป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่ม สักพักก็กลับมา เราสองคนจึงเดินเข้าโรงหนังกัน หนังที่จ๋าจ้าเลือกเอาไว้คืออะนิเมชั่นเรื่องหนึ่ง ถึงจะเป็นการ์ตูนแต่ก็สนุกดี เดี๋ยวนี้หนังการ์ตูนสนุก ๆ มีคุณภาพเยอะแยะนะ ดูเพลินดีไปอีกแบบ ออกจากโรงหนังไอ้เปี๊ยกก็โอดครวญว่าหิว

   “หาอะไรกินไหม?”

   “ไป ๆ” พยักหน้าหงึกหงัก แต่เดินยังไม่ถึงไหนก็แวะเข้าร้านเสื้อผ้าไปแล้ว “พี่จริงใจขา สวยไหม?”

   ผมทำหน้าประหลาดส่งไป จ๋าจ้าย่นจมูกใส่แล้วเอาเสื้อตัวนั้นไปแขวนไว้ที่เดิมแล้วเดินมาควงแขนผม

   บ้านนี้มันชอบสกินชิพกันจริง ๆ สินะ...

   “ไม่ต้องแวะแล้ว ไปกินข้าวก่อน”

   ไอ้เปี๊ยกทำปากยื่นใส่ วิ่งหนีผมไปดูแผนผังแต่ยังไม่ถึงก็สะดุดล้มไปก่อน

   “โอ๊ย!”

   “เป็นอะไร?”

   “เจ็บเท้าอ่ะ” ผมพยุงน้องให้ยืนขึ้น ก่อนก้มลงไปดู แตะเบา ๆ ก็ร้องเลยต้องให้ไปนั่งที่เก้าอี้นั่งพักแถวนั้นก่อน ผมถอดเบลเซอร์ออกไปคุมขาให้ไอ้เปี๊ยกเพราะน้องใส่กระโปรงสั้น แล้วจึงย่อตัวไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ยกขาของน้องขึ้นมาแล้วถอดรองเท้าให้เบา ๆ ที่ส้นเท้ามีรอยแผลและมีเลือดออก ผมดูอีกข้าง มีเหมือนกันแต่ไม่เท่าข้างแรก รองเท้ากัดแบบไม่ต้องสืบ

   “ฮือ เค้าเพิ่งใส่คู่นี้ไม่กี่ครั้งเอง พี่ฟ้าซื้อให้ด้วย...” ผมโยนคัทชูของน้องออกไปแล้วเงยหน้ามองเด็กที่ตาแดง ๆ จะร้องไห้

   “เท้าแดงขนาดนี้ไม่ต้องใส่มันแล้ว”

   “แง”

   “เดินเท้าเปล่าไปเลย”

   “โหย พี่จริงใจอ่า”

   “รออยู่นี่” ผมลุกขึ้นยืน ตอนนั้นเองถึงได้เห็นว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เราเยอะแค่ไหน อือ ผมอาจจะมีรูปบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้งก็ได้

   เข้าไปที่ช็อปรองเท้า เดินเลือกอยู่สักพักถึงได้มา เพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อรองเท้าแตะหรือสนีกเกอร์ แต่สุดท้ายที่ผมซื้อมาก็คือสนีกเกอร์ slip on ออกจากร้านร้องเท้าต้องเดินหาร้านขายยา กว่าจะเจอก็ใช้เวลาไปเยอะเหมือนกัน เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วก็ต้องรีบกลับไปหาน้อง

   นึกปวดหัวตุบ ๆ กับความวุ่นวายนี้

   “พี่จริงใจไปไหนมา” ผมไม่ตอบ ชูของในมือให้ดู นั่งลงแบบเดิม บีบยาใส่ปลายนิ้วแล้วทาบริเวณรอยแดงรอบเท้าของจ๋าจ้า จากนั้นจึงติดพลาสเตอร์สำหรับติดส้นเท้าให้น้อง แล้วค่อยใส่ถุงเท้าและรองเท้าให้ “แง รองเท้าอันนี้ เค้ากำลังอยากได้เลย”

   “จ่ายค่ารองเท้ามา”

   “ไม่มีค่ะ!”

   “โอเคยัง?” ถามพลางล้างมือด้วยเจลไปด้วย จ๋าจ้าพยักหน้า เก็บรองเท้าคู่เดิมใส่กล่อง ผมยื่นมือมาให้จับหลังจากใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว จะได้ไปหาอะไรกินสักที

   แต่คนจะซวยมันก็ต้องซวย หลังจากโดนรองเท้ากัดไปแล้วเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ จ๋าจ้าก็เดินไปชนใครเข้าจนได้ ความซุ่มซ่ามนี้ไปได้จากไหนมา จันทร์เจ้าเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นเดินชน ขอโทษแล้วก็จบ แต่หากเป็นคนรู้จัก มันจะต้องมีประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดก่อนแยกกัน อย่างเช่นตอนนี้...

   “อ้าว น้องจริงใจ มากับสาวที่ไหน เทเพื่อนพี่แล้วเหรอคะ?” จ๋าจ้าหันขวับมามองผมทันทีที่พี่พีทพูดจบ

   อือ... คนที่จ๋าจ้าเดินชนคือพี่พีท ผมไม่ได้พูดอะไร หัวคิ้วขมวดมุ่น รู้สึกจี๊ดในหัวอีกแล้ว

   “เทอะไรคะ?”

   “ไม่มีอะไร”

   “มีสิ! พี่จริงใจจีบเพื่อนพี่เขาเหรอ แล้วเทอะไรยังไงอ่ะ บอกเค้าสิ!” ผมโคลงหัว จ๋าจ้าสะบัดมือที่จับผมอยู่ออกแล้วยื่นมาบีบแก้มให้หันหน้าไปหา

   “ไปเหอะ” กลอกตาไปมองคนพูด ตัวหอมจะเดินออกไปแต่น้องสาวผมดันวิ่งไปขวาง

   “เดี๋ยวค่ะ! บอกหนูก่อนได้ไหมคะว่าพวกพี่พูดถึงเรื่องอะไรกัน”

   “จ้ามานี่ เดี๋ยวบอก”

   “ไม่! พี่จริงใจโกหก ไม่บอกเค้าหรอก มีอะไรก็ไม่บอก!” แหวใส่ผมแล้วหันไปทำตาเป็นประกายใส่พี่พีทกับตัวหอม

   “น้องเป็นอะไรกับน้องจริงใจเหรอคะ?”

   “เป็นน้องสาวค่ะ”

   “พี่พีทกับพี่ภัครู้จักพี่ชายหนูได้ยังไงคะ?” ไม่ใช่แค่ผมที่งง พี่พีทกับตัวหอมก็งงเช่นกันที่น้องสาวผมเรียกชื่อพวกเขาถูก ทั้งที่ไม่มีใครพูดชื่อออกมา

   “รู้จักเหรอ?”

   “อือ! เค้าตามโซเชียลทุกอย่างของพี่เขาเลย ชอบมาก!”

   “น้องสาวน้องจริงใจจริง ๆ เหรอคะ?” พี่พีทถามเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ตัวหอมเองก็มองหน้าผมสลับกับจ๋าจ้า อะไรกันวะ นี่คิดว่าผมกับจ๋าจ้าเป็นอะไรกัน

   “จริงค่ะ! แล้วพวกพี่รู้จักพี่จริงใจได้ยังไงคะ?”

   “พี่ชายหนูมาจีบเพื่อนพี่ค่ะ”

   “ฮะ!!!?” จ๋าจ้าตาโต หันหน้ามามองผม “จริงเหรอ!? พี่จริงใจจีบพี่ภัคเหรอ?!”

   ผมมองน้อง เหลือบไปมอองคนถูกพาดพิง เขาเหยียดยิ้มและไหวไหล่ พี่พีทก็ดูเหมือนจะลุ้นกับคำตอบของผม

   “ตอบสิคะ!”   

   “เออ”

   ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นไปอีก

   “ได้ไงอ่ะ!!! ไม่ให้จีบนะ!!” คิ้วของผมมุ่นเข้าหากัน ไม่คิดว่าจ๋าจ้าจะงอแงกับเรื่องนี้ ผมเบลอไปเลยเมื่อเห็นว่าน้องน้ำตาคลอ คิดอะไรไม่ออกแต่มือเอื้อมคว้าตัวน้องมากอดไว้แล้ว จ๋าจ้าทุบหลังผมอยู่สองสามที

   “เอ่อ...” พี่พีทเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด เขาหันไปมองเพื่อนตัวเอง ถอนหายใจออกมา มองหน้าผมก่อนส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้

   “จ๋าจ้า”

   “แง” ไอ้เปี๊ยกผละออกจากผม ยกแขนปาดน้ำตา “เค้าไม่ให้จีบอ่ะ พี่ภัคของเค้า เค้าไม่ให้”

   ที่ดราม่านี่เพราะหวงตัวหอม ไม่ใช่ผมครับ

   “ก็แย่ละ”

   “งงวนไปค่ะ”

   “ทำไมต้องจีบพี่ภัคด้วยอ่ะ”

   “จะจีบใครก็ได้โตแล้ว”

   “ไม่ได้!” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไม “ก็เค้าชอบพี่ภัค เค้าทำใจไม่ได้อ่ะ พี่ภัคขา อย่ายอมเป็นแฟนพี่จริงใจนะคะ”

   “ไอ้เปี๊ยก!” ผมแทบกระชากหัวน้องแล้ว

   “นะคะพี่ภัค พี่จริงใจนิสัยไม่ดีเลย ไม่มีความเป็น gentle men ไม่ได้เรื่องด้วยค่ะ อย่าตกลงนะคะ”

   “ครับ”

   ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม มองณภัคตาขวาง ตอบแบบไม่คิดงี้เลยดิ

   “เย้เย้!”

   น้องผมแม่ง...

   “เปี๊ยกมานี่! หิวไม่ใช่ไง? ไปหาอะไรกินได้แล้ว” ผมดึงแขนจ๋าจ้ามายืนข้างตัว ต้องออกไปจากจุดนี้เร็ว ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะบรรลัยไปมากกว่านี้

   ไม่รู้ว่าการทานข้าวกับลูกค้าของพ่อกับการมาดูหนังเป็นเพื่อนจ๋าจ้าอะไรมันฉิบหายมากกว่ากัน

   “จริงด้วย ลืมไปเลย พี่ภัคกับพี่พีทจะไปไหนกันต่อเหรอคะ?”

   “หาอะไรทานค่ะ” พี่พีทตอบ ตอนนี้น้องผมตาโคตรวาว

   “งั้นไปด้วยกันไหมคะ!? หลายคนสนุกดี”

   “เอาสิ” ผมต้องเลิกคิ้วกับคำตอบ ที่มันน่าประหลาดใจเพราะคนพูดคือตัวหอม ไอ้เปี๊ยกร้องเย้ดีใจ เข้าไปเกาะแกะพี่พีทกับตัวหอมอย่างกับรู้จักกันมานาน ผมต้องเดินอยู่ด้านหลังคนเดียว จนกระทั่งมาถึงบันไดเลื่อน ด้วยความที่จ๋าจ้าใส่กระโปรงสั้น สิ่งที่ผมต้องทำคือยืนอยู่ด้านหน้าน้อง น่าหงุดหงิดชะมัด ผมโคตรไม่ชอบเวลาจ๋าจ้าใส่กระโปรงสั้น

   “พี่จริงใจขา ถ่ายรูปกัน” จ๋าจ้ายื่นโทรศัพท์ข้ามไหล่ผมมา คางมนวางอยู่เหนือศีรษะผมแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหลับตาลงข้างหนึ่ง ผมจ้องไปที่กล้องด้วยใบหน้านิ่งเฉย เมื่อได้ภาพแล้วไอ้เปี๊ยกก็ดึงมือกลับ “หุ้ยยย ทำไมชอบทำแต่หน้านิ่ง ๆ เหมือนไซบีเรีย ขี้เก๊ก!”

   “เดี๋ยวจะโดน” ดีดหน้าผากคนพูดเมื่อมาถึงพื้นพอดี ผมปล่อยให้สามคนนั้นเดินนำอีกครั้ง ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา จ๋าจ้าอัพโหลดและแท็กผมในรูป

   heyjirapinya ทำหน้ายังไงก็ได้โตแล้ว #whatever #JJ #sibling #broter

   กดถูกใจให้เขาหน่อย เดี๋ยวได้มาโวยวายใส่ผม คำว่า broter นั้นไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกคำ ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น มันเกิดจากการที่เราสามพี่น้องเป็นผู้ชายและผู้หญิง จะใช้คำว่า brother sister ก็หลายคำจึงไม่อยากใช้ จะใช้แค่คำใดคำหนึ่งก็ไม่ได้อีก เราจึงรวบคำด้วยการเอาทั้งสองมารวมกัน จึงเกิดเป็น broter ขึ้นมา

   เชี่ย! เพราะไม่ได้สนใจอะไร จึงไม่ได้มองว่าร้านอาหารที่มานั้นคือประเภทไหน ผมหยุดยืนอยู่หน้าร้าน จ้องน้องสาวด้วยสายตานิ่ง ๆ จ๋าจ้ายิ้มแหย

   “พี่จริงใจขา เค้าอยากทานอาหารญี่ปุ่น”

   “.....”

   “ในร้านมีอาหารอย่างอื่นด้วยนะคะ ไม่ได้มีแค่ปลาดิบกับซูชิน้า~~” เดินตามจ๋าจ้าเข้าไปในร้านอย่างเซ็ง ๆ เมื่อถึงโต๊ะไอ้เปี๊ยกก็สั่งอาหารรัว ๆ ผมสั่งแค่ที่ผมกินได้มา ถ้าใครบังคับให้กินปลาดิบนะ ผมจะเอาวาซาบิยีหน้า ไอ้ฉิบหาย

   ระหว่างที่รออาหาร ผมก็นั่งเซ็ง ๆ ไป ฟังสามคนคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้คุยด้วย ถ้ามีคนถามถึงจะตอบไป แต่ที่ทำบ่อย ๆ ก็คือกด ๆ นวด ๆ ขมับตัวเอง

   “เอ้อ ว่าจะถามตั้งนานละ ลืม ทำไมน้องจริงใจถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ?” ผมก้มมองสภาพตัวเองเมื่อสิ้นคำถามของพี่พีท ปกติที่เจอกันจะแต่งแนวเสื้อยืดกางเกงยีนส์หรือสเวตเตอร์กับแจ็กเก็ตสักตัว แต่วันนี้มันต่างออกไป

   “ฝึกงานครับ”

   “อ้าว งั้นตอนเค้าโทรไปพี่ก็ทำงานอยู่น่ะสิ” ผมพยักหน้า “แล้วออกมาทำไมอ่ะ ยังไม่เลิกงานนี่นา”

   “ออกมาทำไมก็ได้โตแล้ว”

   “พี่จริงใจขา...” ยักคิ้วส่งไปให้คนที่ทำเสียงเข้ม มันก็เข้มนะ เข้มแบบทุลักทุเล จ๋าจ้าชูกำปั้นเหมือนจะชก

   “ขา?” ผมกอดอก เอียงหน้าไปมองน้องสาวแล้วระบายยิ้มอ่อนโยน จ๋าจ้าเบิกตาโตและทำหน้าประหลาด

   “ใจกูพังแล้วจ้า” เสียงของพี่พีทดังมา

   “ลวงโลกมาก ๆ เลยอ่ะ พี่พีทอย่าหลงกลค่ะ พี่ภัคอย่าหวั่นไหวนะคะ” ไอ้เปี๊ยกใช้นิ้วจิ้มแก้มผมตามจังหวะที่พูด “หน้าอย่างนี้เสแสร้งมากค่ะ ถ้าหน้านิ่ง ๆ นั้นคือจริงใจสุด”

   “ก็แย่ละ” ผมกลอกตา

   “ก็มันจริงนี่นา ปกติพี่มองเค้าตาหวานแบบนี้ที่ไหน แล้วยิ้มละมุนนั่นก็ไม่เคยหรอก มีแต่ยิ้มเยาะกับแสยะยิ้ม fake!” ผมไหวไหล่ หุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงใจต่อไป

   “ตอนนี้ยังปิดเทอมอยู่เหรอคะ?”

   “ใช่ค่ะพี่พีท แต่อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งก็เปิดเทอมแล้ว หรือเปล่านะ? พี่จริงใจขา?”

   “อือ”

   “เรียนที่เดียวกันเหรอ?”

   “ค่ะ แต่จ๋าจ้าอยู่ม.3 เรียนคนละตึก ไม่ค่อยได้เจอกัน”

   “คงฮ็อตทั้งพี่ทั้งน้อง”

   “พี่จริงใจฮ็อตคนเดียวค่ะ มีคนเอาขนมมาให้ตลอด เยอะมากจนรำคาญเลยค่ะ เอามาให้จ๋าจ้าทำไมก็ไม่รู้!”

   “ใครกิน?”

   “เค้าเอง!” จ๋าจ้ายิ้มกว้างตอบรับด้วยความทะเล้น “วู้ววว อาหารมาแย้วววว”

   ประเด็นของผมถูกปัดทิ้งไปเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างที่ทานผมไม่ได้พูดอะไร แต่จู่ ๆ อาการที่ส่งสัญญาณเตือนแทบจะทั้งวันก็สำแดงฤทธิ์ขึ้นมา ที่ขมับเหมือนโดนบีบ มันปวดตุบ ๆ จนผมต้องกลั้นหายใจ มือหนากำแน่นอดทนกับความปวด ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากัน อาการแบบนี้ผมเคยเป็นแล้วหลายครั้ง แม่งโคตรไม่โอเค วางตะเกียบในมือลงแล้วยกขึ้นบีบขมับ ผมหลับตา พ่นลมหายใจออกจากปาก

   ปึก!

   ต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อถูกเตะขาจากใต้โต๊ะ คนนั่งตรงข้ามจ้องผมเขม็ง แต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ตัวหอมเตะขาผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจึงส่ายหน้าให้เขา กดมือที่ขมับหนักขึ้น ก่อนจะรีบเงยหน้าเมื่อรู้สึกถึงของเหลวบางอย่างกำลังไหลออกจากจมูก ผมใช้หลังมือปาดมันออกขณะเอื้อมมือไปดึงกระดาษมากดที่จมูกของตัวเอง

   “ไปไหนคะ?” จ๋าจ้าเอ่ยถามเมื่อผมลุกจากเก้าอี้ ผมไม่ตอบ แต่แบมือออกให้เห็นกระดาษทิชชู่ที่เลอะไปด้วยคราบเลือดสีแดง ผมไม่ได้ใส่ใจกับหน้าตกใจของทุกคนนัก สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือรีบไปห้องน้ำ

   มองตัวเองในกระจกหลังจากโยนกระดาษทิชชู่ทิ้งไป เลือดยังคงไหลออกจากจมูกไม่หยุด ผมโน้มตัวไปข้างหน้าและก้มหน้าลงให้เลือดหยดลงในอ่างล้างมือแล้วจึงบีบปลายจมูกเอาไว้แล้วหายใจทางปากแทน นัยน์ตาคมกลอกไปมองยังต้นเสียงกุกกัก ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นคนที่เข้ามา คนที่เข้ามายืนข้างผมคือตัวหอมเขาหันหลังทิ้งสะโพกพิงกับขอบเคาน์เตอร์และมองมาที่ผม แต่ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไร ผมก้มหน้าบีบจมูกตัวเองอยู่อย่างนั้นราวสิบนาที และตัวหอมก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน

   “ขอบคุณครับ” ผมบอกเมื่อเขาส่งทิชชู่มาให้

   “ทำไม?”

   ตัวหอมไม่ใช่ประเภทที่อยากรู้แล้วจะถามประโยคยาว ๆ ให้เคลียร์ในครั้งเดียว แต่ผมก็รู้ว่า ‘ทำไม?’ ของเขานั้นหมายถึงอะไร

   “นอนไม่พอ” ตัวหอมเบ้ปากและพยักหน้า

   อย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้ผมยุ่งกับการฝึกงานมากรวมทั้งยังต้องตรวจสอบเอกสารและหาหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตอีกด้วย แต่ละคืนผมจะนอนดึกและต้องตื่นเช้า ด้วยการที่นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ และยังมีความเครียด ทำให้มันสะสมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งแสดงอาการออกมาอย่างนี้ ทุกครั้งที่พักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีความเครียดสะสม ผมจะปวดหัวมากและมีเลือดกำเดาไหล คนที่บ้านรู้ดีครับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเป็น

   “พี่จริงใจเป็นไงบ้างคะ?”

   “อย่างที่เห็น”

   “เค้าบอกแล้วว่าอย่านอนดึก ไม่ฟังกันบ้างแล้วเป็นไงล่ะ จะบอกคุณแม่เลยคอยดูเถอะ!”

   “กินเข้าไป อย่าพูดมาก”

   “ชิ! แล้วยังปวดหัวอยู่ไหมคะ?” พยักหน้าเป็นคำตอบให้น้อง มันลดลงบ้างแต่ยังปวดเป็นบางครั้ง เป็น ๆ หาย ๆ น่ารำคาญ ผมอยากกลับบ้านไปนอนชะมัด

   “ตอนเห็นเลือดออกพี่ตกใจแทบแย่ค่ะ”

   “พี่จริงใจเป็นบ่อยแล้วค่ะ ถ้านอนน้อยจะเป็นแบบนี้ตลอดเลย บอกให้พักเยอะ ๆ ก็ไม่ฟัง”

   “เงียบแล้วกินเข้าไป ปากจะได้ไม่ว่าง”

   “เค้าเป็นห่วงแล้วยังจะบ่นอีก”

   “รำคาญ”

   เมื่อพูดไปแบบนั้นจ๋าจ้าจึงยอมเงียบ เงียบใส่ผมแต่คุยจ้อกับตัวหอมและพี่พีทแทน

   ก็แล้วแต่...

   หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วผมขอตัวกลับก่อน จ๋าจ้าอยากให้อยู่ด้วยแต่เข้าใจว่าผมต้องนอนพัก น้องสาวผมตอนนี้ตีซี้กับพี่พีทไปแล้ว ตัวหอมก็ดูจะไนซ์กับน้องผมนะ เห็นคุยกันเยอะพอสมควร ไอ้เปี๊ยกอยากเดินดูของก่อนกลับบ้าน ผมเป็นห่วงนะครับ แต่ไม่อยากอยู่แล้ว จ๋าจ้าก็โตแล้ว ปล่อย ๆ ไปเถอะ อีกอย่างพี่พีทก็บอกว่าจะช่วยดูให้ สรุปคือสามคนนั้นไปเดินซื้อของด้วยกันครับ

   “พี่ไม่กลับบ้านนะ”

   “อ้าว นอนคอนโดเหรอคะ?”

   “อืม บอกที่บ้านด้วย”

   “โอเคค่ะ บาย”

   “อย่าซนนะเปี๊ยก”

   “เค้าไม่เปี๊ยก!!”








---------------------------------------
จ๋าจ้ารู้เรื่องแล้ววววววววว จริง ๆ นางก็ไม่ได้ปิดบังนะ แต่ไม่คนถามนางเอง (กำ)
ตอนนี้เหมือนจะยังไงไม่รู้นะ ขออภัยด้วยคับ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ
บายยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 10-02-2017 20:22:06
เปงห่วงละซี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2017 20:32:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 10-02-2017 20:36:32
ตัวหอมค่าตัวแพงมาก พูดกับจริงใจ วลีเดียว  :m15:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-02-2017 20:42:21
จริงใจมีคู่แข่งน่ากลัวมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-02-2017 20:44:29
จ๋าจ้าน่ารักสดใสมากๆ เลิฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-02-2017 20:44:43
เด๋วตัวหอมต้องแวะไปดูน้องจริงใจที่คอนโดแน่ๆ #มโนไปก่อน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-02-2017 20:56:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 10-02-2017 21:06:09
ตัวหอมต้องรีบไปดูแลจริงใจน้าา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2017 21:16:49
จริงใจ ฉลาด ความสามารถสูง
ความรับผิดชอบก็สูงตามไปด้วย
บีบบังคับตัวเองมากไป พักผ่อนน้อย เครียดอีก
เลือดกำเดาไหลนี่น่ากลัวนะ
จาจ้า พลิกล็อกเลย
คิดว่าหวงพี่ชาย กลายเป็นหวงณภัคซะนี่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 10-02-2017 21:50:47
ตามมาจากเรื่องจันทร์เจ้าติดตามน๊าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 10-02-2017 21:57:54
ค่าตัวแพงจริงๆ นายเอกตอนนี้ ตกลงนภัคนี่ชอบจริงใจบ้างหรือยัง ถ้ายังจะยุให้คนอื่นไปซะ เพราะเรารู้สึกว่ามันเริ่มเนือยๆเฉื่อยๆ ไม่ถึงจุดพีคที่นางจะรู้ใจซักที
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-02-2017 22:00:42
จ๋าจ้า ค่าตัวได้ร้อยเล่นล้าน บทพูดหนูน่าจะมากกว่าจริงใจกะภัครวมกันทั้งเรื่อง 5555  น่ารักได้อีกยัยเปี๊ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2017 22:05:24
 o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 10-02-2017 23:27:13
แสดงว่าตัวหอมก็แอบสังเกตจริงใจอยู่ตลอดเวลาน่ะสิถึงรู้ว่าจริงใจเริ่มมีอาการแย่ แหมแอบเป็นห่วงกันด้วย :o8:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 10-02-2017 23:57:04
ตัวหอมมาแล้นนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-02-2017 00:26:17
ชอบพี่น้องเขาคุยกัน :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-02-2017 00:42:40
ง่อววววววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: oillilo ที่ 11-02-2017 02:23:04
ตัวหอมมาดูแลน้องด้วยยยยย น้องน่าวงวาร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 11-02-2017 06:40:25
จริงใจไหวมั้ย ??!!

กำเดาไหลบ่อย ไม่ดีน๊า พักผ่อนบ้าง

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-02-2017 16:51:28
อยากมีพี่ชายแบบจักรพรรดิ~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-02-2017 17:30:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-02-2017 21:58:19
  o13 o13 o13
:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 11-02-2017 22:04:50
พี่ภัคมาดูแลน้องหน่อยยยย
   :mew2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 12-02-2017 09:24:55
รอตอนต่อไปค้าบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 12-02-2017 12:45:51
 :mew1: :mew1: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 12-02-2017 21:05:14
จริงใจเด็กขี้บ่น
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 21 ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว | 10-2-60 | P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 14-02-2017 18:59:23
คิดถึงแล้วนะมาต่อเหอะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 17-02-2017 20:51:34
ความที่ 22
ผมกับอาการไบโพลาร์







   กริ้ง~ กริ้ง~

   เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงกดกริ่งซ้ำ ๆ ยกมือเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ออกไปดูที่จออินเตอร์คอมว่าใครมารบกวนตอนสี่ทุ่มแบบนี้ ทว่าเมื่อภาพในจอปรากฏขึ้น ร่างกายของผมก็นิ่งค้างราวกับถูกแช่แข็ง เสียงกดกริ่งรัว ๆ ดังมาอีกครั้ง พอได้สติก็รีบวิ่งไปเปิดประตู ทั้ง ๆ ที่กดปลดล็อกจากอินเตอร์คอมก็ได้

   “ช้า” คนพูดเบียดผมผ่านประตูเข้ามา

   “คุณมาได้ไง?” ถามด้วยความแปลกใจ ความง่วงที่มีปลิวหายไปหมดตั้งแต่เปิดอินเตอร์คอมแล้วเจอหน้าเขาแล้ว ตัวหอมพ่นลมหายใจใส่วางกระเป๋าบนโต๊ะกลางก่อนทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างที่โซฟา

   “นายไม่เอาน้ำให้แขกดื่มเหรอ?”

   “เอาอะไรล่ะ?”

   “อะไรก็ได้” วางแก้วน้ำให้เขา ตัวหอมยังไม่พูดอะไร แต่สอดส่องสายตามองรอบห้องด้วยความสนใจ ทั้ง ๆ ที่เคยมาครั้งหนึ่งแล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่าตื่นเต้นอะไร

   “บอกได้หรือยังครับ? ทำไมถึงมาหาผมได้?”

   “..........”

   คนอายุมากกว่าโน้มตัวไปคว้าน้ำมาดื่ม ผมอมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ขยับเข้าไปใกล้เขาจนช่องว่างระหว่างเราเหลือไม่มาก เท่านั้นไม่พอผมยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกด้วย

   “คิดถึงผมอ่ะดิ?”

   “ประสาท”

   “เหรอ แล้วมาทำไมครับ หือ? หรือว่าเป็นห่วงผม”

   “จิ๊!”

   “น่ารักว่ะ ขอจูบได้ป่ะ?”

   “อะ ไอ้เด็กบ้า!” ตัวหอมเอนตัวหนี ผมโน้มตามไปจนเขาแทบจะนอนราบกับโซฟา ใบหน้าที่กำลังจะชนกันนั้นชะงักไป ผมผละออกมา จ้องหน้าตัวหอมนิ่ง ๆ “มองทำไม!”

   “คุณไปดื่มมาเหรอ?” ถามเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขา ถ้าให้สังเกต ชุดที่ใส่คือคนละชุดกันกับเมื่อเราเจอกันที่ห้าง

   “อืม” ตาเรียวช้อนขึ้นมอง ผมกลืนน้ำลายอึกกับสายตายั่วยวน เมาทีไรมีเรื่องทุกที เตรียมใจไว้ก่อนดีกว่า ผมก้มลงไปดูดดึงริมฝีปากสีแดงอย่างอดใจไม่ไหว ตัวหอมผลักหน้าผมออก มือสวยวางทาบไว้ที่หน้าผากแล้วเลื่อนมาที่จมูก มุมปากของผมขยับขึ้น มองเข้าไปในตาของเขา

   “ผมหายแล้ว” คนตัวเล็กขมวดคิ้ว ผมรวบมือของเขามาจูบ “ผมคิดถึงคุณ”

   “ตอแหล”

   “จริง ๆ ครับ” กดริมฝีปากลงไปอีกครั้งและผละออก ตัวหอมจ้องหน้าผมนิ่ง เมื่อเขาดันตัวลุกขึ้นผมจึงต้องถอยออกมา และเขาก็ทำในสิ่งที่ผมต้องเผลอกลั้นหายใจ ตัวหอมขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของผมโดยที่เราหันหน้าเข้าหากัน ริมฝีปากสีแดงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะ

   “ใจเต้นแรงจริง ๆ นะ”

   มือเรียวทาบลงที่อกข้างซ้าย ผมมองหน้าเขา รอดูว่าจะทำอะไร เขาลูบฝ่ามือวนไปทั่วแผ่นอกกว้าง ก่อนจะอ้อมขึ้นไปที่ด้านหลังแล้วสอดเข้าไปในกลุ่มผม ตัวหอมกระชากผมผมไม่แรงนักเพื่อให้แหงนหน้าขึ้น เขายกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างร้ายกาจ โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน กลิ่นหอมจากตัวเขาทำเอาสมองของผมขาวโพลน มันชัดเจนมากจนผมเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ แม้จะมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่ แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบ

   ณภัคเอียงใบหน้าเล็กน้อย ผมเม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว เขายิ้มมุมปากอีกครั้งราวกับขบขันกับปฏิกิริยาของผม ปลายจมูกรั้นนั้นชนเข้ากับแก้มผม ก่อนที่เขาจะเริ่มคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วใบหน้า และมาจบที่ริมฝีปาก ตัวหอมกดริมฝีปากของตัวเองลงมา เขาเม้มและกัดเบา ๆ ผมเปิดปากขึ้นและจูบตอบ เรียวลิ้นเล็กสอดแทรกเข้ามา เขาควานหาและเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผมเล่น

   “อื้อ” เสียงครางดังออกมาจากเราทั้งคู่ แข่งกับเสียงจูบและเสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย ผมเอนหลังพิงกับพนักโซฟา ยกมือขึ้นวางบนเอวคอดและบีบเคล้นเบา ๆ ตัวหอมผละริมฝีปากออก ผมลืมตาขึ้นมาสบกับเขา นัยน์ตาเรียวนั้นฉ่ำปรือ ริมฝีปากของเรามีหยาดน้ำสีใสเป็นตัวเชื่อมเอาไว้ก่อนที่มันจะขาดไป

   “คุณก็คิดถึงผมใช่ไหม?”

   ตัวหอมไม่ตอบ เข้ายื่นหน้ามาใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมแล้วดึงออกเบา ๆ ใบหน้าสวยย้ายลงไปที่ซอกคอของผม ฟันขาวขบกัดและครูดแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนลงไปที่อก พรมจูบไปทั่ว ไม่ไว้แม้กระทั่งยอดอก คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ ขยับลงไปเรื่อย ๆ ผมหายใจติดขัดทันทีเมื่อตอนนี้เขาลงไปนั่งคุกเข่าที่ช่องว่างระหว่างขาของผมแล้ว

   “คุณ...จะไม่ทำมันใช่ไหม?”

   “ทำอะไรเหรอ?” เขาเอียงหน้าถาม ยกยิ้มซุกซน มือเรียวสวยทั้งสองข้างนั้นวางอยู่บนหน้าขา ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือขวาขึ้นมาอย่างช้า ๆ

   “คุณแม่ง”

   “ไม่อยากให้ฉันทำเหรอ?”

   “ผมกลัวว่าคุณจะล้อเล่นกับผมต่างหาก”

   “ฮะฮะ” เขาหัวเราะ “คิดมากจังเลยนะ”

   “ณภัค!!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดังเมื่อเขาแตะริมฝีปากลงที่หน้าท้องและค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงช่วงกลางลำตัวของผมผ่านเนื้อผ้า ณภัคเงยหน้าขึ้นมามองผมตาขวาง คิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ มือของเขาจึงเลื่อนไปจับมันไว้แล้วเคล้นคลึงไม่เบานัก   

   “ร้องทำไมเล่า! ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ!”

   “เพราะไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้ไงเล่า!”

   “นายมันบ้าชะมัดเลย”

   “โอ๊ย! อยากบีบมันแรงสิครับ”

   “น่าหมั่นไส้”

   “อึก! อ่า”

   ณภัคคือมนุษย์โลกที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ!!

   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องเขินอาย ทั้งที่ปกติค่อนข้างหน้าด้านด้วยซ้ำ ตัวหอมช้อนตามองยั่วขณะมือเรียวค่อย ๆ เลื่อนหัวกางเกงวอร์มของผมลงช้า ๆ ผมเกร็งจนปวดกล้ามเนื้อไปหมด เพียงไม่นานเขาก็จับมันออกมา

   “ไอ้เด็กโรคจิต”

   “คุณนั่นแหละที่โรคจิต”

   “หื่นชะมัด” เขาว่ากลั้วหัวเราะพลางขยับมือขึ้นลงไปด้วย ใครกันแน่ที่หื่นวะ! “ยิ่งนายกลัว มันยิ่งน่าแกล้งไม่รู้เหรอ?”

   เขายืดตัวขึ้น ผมถึงกับกลั้นหายใจเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของเขาเป่ารดส่วนนั้นของผม ตอนนี้ขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกเย็นสันคอแบบแปลก ๆ ตัวหอมยิ้มยั่วอีกครั้ง ผมเม้มปากแน่นขณะที่มองคนอายุมากกว่ากำลังเล่นสนุกกับร่างกายของผม มือเรียวทั้งสองข้างโอบประคองลูกชายของผมเอาไว้ ผมหันหน้าไปทางอื่นทันทีเมื่อริมฝีปากของเขาแตะโดนมัน แม้เพียงแผ่วเบาในจังหวะแรกแต่ผมก็ไม่กล้ามอง

   “ณะ ณภัค... อ่า” ผมส่งมือไปจับศีรษะของเขาไว้พลางแยกขาออกกว้าง ตัวหอมช้อนตาขึ้นมองขณะที่ริมฝีปากสีแดงของเขากำลังรังแกผมอยู่ เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วแทบสติแตก มันทั้งดูซุกซน เซ็กซี่ และยั่วยวน ผมขอบอกไว้อีกครั้งเลยว่าเขาเป็นมนุษย์โลกที่ร้ายกาจที่สุดตั้งแต่ผมเคยเจอ

   “ภะ ภัค...” ผมเรียกเขาเสียงสั่น มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากสำหรับผม ตัวหอมเร่งจังหวะมือรูดรั้งส่วนที่เหลือให้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันริมฝีปากของเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างเกินคาด ยามที่เรียวลิ้นตวัดวนผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกทุกครั้ง

   เมื่อเวลาผ่านไปสักพักจนร่างกายผมทนไม่ไหว เกร็งตัวก่อนที่จะปลดปล่อยทุกอย่างออกมา ผมหายใจหอบเหมือนกับวิ่งมานานทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าตัวหอมสำลัก มีหยดน้ำสีขุ่นเลอะริมฝีปากและคางของเขา

   ตัวหอมตวัดตามองฉับพลางใช้หลังมือปาดคราบที่เปื้อนริมฝีปากออก

   “นายจะเสร็จทำไมไม่บอกเล่า! เยอะชะมัด” เขาบ่นแล้วลุกออกไป

   คืออะไรวะ ความผิดผมเหรอ ก็มันบอกไม่ทัน ในเมื่ออมไปลึกขนาดนั้น ผมแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วจึงตามเขาไป ตัวหอมกำลังบ้วนปากอยู่ ตาเรียวมองผมเคือง ๆ ก่อนหันไปจัดการล้างปากตัวเองต่อ เขาบีบยาสีฟันใส่แปรง ก่อนจะขัดแรง ๆ จนผมกลัวว่าเลือดเขาจะออก เขาหันข้างให้เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ เท้าแขนไว้หนึ่งข้าง แล้วหันมามองผม

   “คุณดื่มอะไรมา?” เขาเลิกคิ้ว “ถ้าไม่เมาคุณจะไม่ทำแบบนี้ใช่ไหม?”

   ตัวหอมบ้วนฟองทิ้ง ก่อนจะบีบยาสีฟันอีกรอบ แล้วเริ่มแปรงฟันอีกครั้ง เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายรอบจนผมต้องกลอกตา และเขาไม่ตอบคำถามของผมด้วยซ้ำ

   “พอแล้ว!” แย่งแปรงสีฟันในมือเขาออกแล้วโยนมันลงในกล่องเมื่อเขาทำท่าจะบีบยาสีฟันอีก “ถ้ารังเกียจมากขนาดนี้จะทำทำไมวะ”

   “อย่ามาพูดวะกับฉันนะ!”

   “คุณจะเอายังไงกับผมกันแน่ สนุกมากเหรอที่ได้เล่นกับความรู้สึกของผม”

   “อะไรนะ...”

   “อย่าทำแบบนี้กับผมเลย ขอร้องเหอะ คุณทำให้ผมมีหวังแล้วก็เป็นคนโยนความหวังของผมทิ้งอีก”

   “........”

   “ผมไม่ใช่ของเล่นนะครับ”

   “แล้วฉันบอกว่านายเป็นของเล่นงั้นเหรอ!”

   “ก็ดูที่คุณทำสิ พอเหงาก็มา พอหมดสนุกแล้วก็ผลักผมไปไกล ๆ ไม่คิดแบบนั้นได้ยังไงวะ”

   “นายมันงี่เง่า! เป็นไบโพลาร์หรือไง เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยแท้ ๆ แล้วตอนนี้มาเหวี่ยงฉันทำไม”

   “คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้ารังเกียจก็ไม่ต้องทำตั้งแต่แรกดิ”

   “นายเป็นคนที่คิดไปเองเก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย” ณภัคเสยผมขึ้น เขากอดอกแล้วจ้องหน้าผม “นายควรจะคิดได้ตั้งแต่ที่ฉันใช้ปากให้นายแล้ว! นายคิดว่าคนอย่างฉันจะทำแบบนั้นให้ใครงั้นเหรอ!”

   “คุณแปรงฟันตั้งหลายรอบ” เขาสูดลมหายใจเขาลึกแล้วพ่นมันออกมาราวกับเหนื่อยหน่ายใจ

   “มันคือครั้งแรกที่ฉันทำ มันคือครั้งแรกที่ฉันกลืนน้ำของใครสักคนเข้าไป รสชาติมันประหลาด นายเข้าใจไหมว่ามันไม่อร่อย เหมือนที่นายกินปลาดิบแล้วจะอ้วกออกมา ถึงจะคายไปแล้วแต่กลิ่นของมันยังติดอยู่ ฉันก็เป็นแบบนั้น นายเห็นว่าฉันแปรงฟันไปหลายครั้งแล้วใช่ไหม และฉันจะทำอีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะตอนนี้มันยังคลุ้งอยู่ในลำคอของฉันอยู่เลย!”

   ตัวหอมหอบหายใจเมื่อสิ้นสุดการพูดประโยคยาว ๆ เขาจ้องผมด้วยตาวาวโรจน์ ผมได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ งงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมาก ๆ จะว่ายังไงดีล่ะ... ก็ท่าทางเขามันบอกผมนี่ว่ารังเกียจ จะไม่ให้คิดแบบนั้นได้ยังไงเล่า แล้วนี่ณภัคนะเว้ย! ณภัค ณภัคที่ไม่เคยจะสนใจผมเลย

   “ผมกลัวใจคุณ”

   “ไอ้เด็กเด๋อเอ๊ย! นายคิดว่าที่ฉันออรัลให้นายเพราะอะไร”

   “แกล้งผม”

   “ปัญญาอ่อน” คำง่าย ๆ แต่ความหมายสุดลึกล้ำ... ดิ่งเข้ากลางใจอย่างจัง ตัวหอมมองผมด้วยสายที่สอดคล้องกับคำพูดมาก ๆ เขาหันกลับเข้าหาเคาน์เตอร์ รองน้ำขึ้นล้างหน้าและริมฝีปาก

   โคตรงง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะ พอคิดแล้วผมก็ไปเหวี่ยงเขาก่อนจริง ๆ งี่เง่าชะมัดเลยว่ะ

   “คุณจะแปรงฟันอีกเหรอ?”

   “เออ!”

   “มันแย่ขนาดนั้นเหรอ?”

   เขาจิปาก จิกตามอง “ลองกินบ้างไหมล่ะ!”

   “เอาดิ” ตัวหอมมองผมด้วยหางตา ผมก้าวเข้าไปใกล้ “คุณบอกว่ามันยังคลุ้งอยู่ในปากคุณอยู่ งั้นผมลองจากในปากคุณเลยได้ป่ะ?”

   “ลามปาม!” ตัวหอมถ่มฟองยาสีฟันทิ้งแล้วล้างปาก ผมมองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกไปก่อนจะก้าวไปรั้งเอวบางไว้ และกอดเขาจากด้านหลัง

   “ผมจะได้เข้าใจความรู้สึกคุณไง...”

   “กินของตัวเองไปสิ!”

   “ของผมก็อยู่ในปากคุณไม่ใช่เหรอครับ?” ณภัคเอียงหน้าหนีเมื่อผมเม้มที่ติ่งหูของเขา ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมา ผมหมุนตัวเขาให้มันมาเผชิญหน้ากัน โอบเอวคอดเอาไว้ด้วยแขนหนึ่งข้าง และอีกข้างจับที่ท้ายทอยของเขาไว้ แนบริมฝีปากลงไปโดยที่ไม่ให้เขาตั้งตัว เพราะเป็นขณะเดียวกันกับที่ตัวหอมกำลังจะพูด ผมจึงสามารถสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปได้โดยไม่เสียเวลา

   “อะ อื้อ” เสียงครางหลุดออกมาเมื่อผมดูดกลืนลมหายใจของเขาอย่างหนักหน่วง ผมบดเบียดร่างกายเราให้แนบชิดกันเรื่อย ๆ จนไร้ช่องว่าง ร่างกายของเราเริ่มแผ่ความร้อนออกมาจนรู้สึกได้ ผมดันเขาให้ถอยหลังไปกระทั่งชนกับกำแพง ลูบไล้มือไปตามร่างกายของเขา ก่อนสอดเข้าไปในเสื้อและสัมผัสผิวขาวเนียนโดยตรง

   “อย่าทำรอย!” เขาบอกพร้อมกับจิกหัวผมให้ผละออกจากลำคอระหง ผมจึงกัดมันแทนที่จะดูด กัดไม่แรงพอที่จะขึ้นเป็นรอยฟันหรอก แค่พอให้หายมันเขี้ยว

   “อะ อื้ม ไม่ทำในห้องน้ำ” เมื่อบอกแบบนั้นผมจึงต้องพาเขาออกมา ดันร่างคนตัวเล็กกว่าให้นอนราบกับพื้นเตียง ผมเข้าไปซุกไซ้ลำคอของเขาอีกครั้ง แล้วเลื่อนตัวลงต่ำเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันมือก็วุ่นกับการถอดกางเกงของคนที่อยู่ใต้ร่าง

   ผมเลิกเสื้อของเขาขึ้น กดจูบไปที่แผ่นอกขาวแล้วถอดมันออกไปทางศีรษะ ตัวหอมเองก็ส่งมือมาดึงเสื้อผมออกเช่นกัน ทันทีเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าสัญชาตญาณความดิบเถื่อนภายในก็ถูกปลุกขึ้นมา และแล้วบทเพลงก็ถูกบรรเลงขึ้นไปตามทำนองของมัน...




   ตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู้เช้าวันใหม่แล้ว ผมนอนหงายมองเพดาน ในขณะที่ตัวหอมนอนคว่ำและหันหน้าไปอีกทาง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างของเราเอาไว้ เหมือนอยู่ในช่วงสำนึกผิดหลังภารกิจจบลง พูดไปงั้น ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรหรอก สองยกที่ทำไปโคตรจะสูญเสียพลังงาน ตอนนี้ผมหิวมาก แต่อยากนอนโง่ ๆ บนเตียงเฉย ๆ เพราะขี้เกียจ

   “คุณ”

   “อือ...”

   “หิวไหมครับ?”

   “อืม”

   “ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผมหันหน้าไปมองเขา ตัวหอมเองก็หันหน้ามาเช่นกัน เห็นแผ่นหลังบางเปลือยเปล่าของเขาแบบนี้แล้วโคตรจะปลุกความหื่นในตัวผมเลย คนอะไรจะเซ็กซี่แม้กระทั้งขี้เกียจ

   “ที่ไหน?”

   “แถวนี้แหละครับ”

   “ดึกขนาดนี้แล้วจะมีร้านอาหารเปิดอยู่หรือไง ไม่ใช่พาฉันไปร้านสะดวกซื้อนะ”

   “ไม่หรอก” บอกว่า พลิกตัวไปนอนแบบเข้าแล้วหันหน้าเข้าหา ผมขยับเข้าไปจนใบหน้าเราอยู่ใกล้กัน ตัวหอมขมวดคิ้วมอง “ไปอาบน้ำสิครับ”

   “นายก็ไปสิ”

   “ผมขี้เกียจ”

   “ฉันด้วย” ผมกระตุกยิ้ม อยากจูบเขาฉิบหายเลยตอนนี้

   “นาย...”

   “ครับ?”

   “นายไม่เคยมีแฟนจริงเหรอ?” ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยก่อนพยักหน้า “มีเซ็กส์กับฉันคนแรกแน่หรือไง”

   “ผมดูเชี่ยวขนาดนั้นเหรอครับ”

   “ตอบ”

   “อือ กับคุณคนแรก ครั้งแรกของผมคุณก็ได้ไป จูบแรกก็ด้วย”

   “ต้องดีใจไหม?”

   “แล้วแต่ใจจะปรารถนาเลยครับ”

   “กวนตีน”

   ผมยักคิ้วรับ “ถามทำไมเหรอครับ สงสัยอะไร”

   “เปล่า”

   “เหรอ แล้วผมถามคุณได้ไหม?” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วพยักหน้า ตอนนี้ผมชักลำบากใจละ กลัวถามไปแล้วเขาไม่พอใจ

   “จะถามก็ถามมา”

   “ผมกำลังคิดคำพูดอยู่ ใจเย็นสิ”

   “คิดบ้าอะไร จะถามว่าครั้งแรกของฉันใช่นายหรือเปล่าเหรอ”

   ผมเบ้ปาก “ไม่อ่ะ ผมรู้ว่าไม่ใช่”

   “แล้วรู้สึกยังไงที่รู้ว่าฉันไม่บริสุทธิ์?”

   ผมยังไม่ตอบในทันทีและเงียบไปนานมาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาเรียวรีของเขา แววตาที่เรียบนิ่งทว่าหากมองเข้าไปลึก ๆ แล้วจะเห็นความสั่นไหวจาง ๆ ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่าเขาค่อนข้างคาดหวังกับคำตอบ ผมระบายยิ้มบาง ยื่นมือไปลูบหัวของเขา ตัวหอมกลอกตามองตำแหน่งมือของผม ส่งเสียงรำคาญแต่ก็ไม่ปัดออก

   “ไม่รู้สึกยังไงครับ ผมเฉย ๆ” ผมว่า “ผมไม่มายด์ว่าคุณจะบริสุทธิ์ไหม ผมว่าเรื่องเซ็กส์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนที่คุณต้องมีออกซิเจนเพื่อหายใจ”

   “พูดอะไรเข้าใจยากชะมัด”

   “ซึ้งล่ะสิ”

   “ไร้สาระ” เขาบึนปากใส่ หลังจากนั้นเราก็นอนมองหน้ากันนิ่ง ๆ อยู่เกือบห้านาที “ฉันเคยมีแฟนมาแล้วสามคน และฉันจะมีอะไรแค่กับแฟนตัวเอง”

   “ผมคือ special type สินะ” ผมพูดติดตลก แต่ตัวหอมดันพยักหน้าซะงั้น

   “ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ให้นายทำ”

   “..........”

   “คงจะง่ายอย่างที่ใครเขาว่านั่นแหละ”

   “โคตรไม่ชอบเวลาที่คุณว่าตัวเอง” ตัวหอมไหวไหล่ ผมปัดนิ้วจับปอยผมเขาไปทัดหู แล้วไล้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มเนียนเบา ๆ “คุณอาจจะตกหลุมรักผมแบบไม่รู้ตัวก็ได้”

   “ฮอล~ ฉันไปอาบน้ำล่ะ”

   “หึหึ ผมอาบด้วย”

   “สาระแน!”

   “อาบพร้อมกันจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไงครับ หิวจะแย่” ผมว่า ตัวหอมไม่พูดอะไรแต่แน่นอนว่าเขาไม่ยอม เพราะท่าทางที่รีบไปห้องน้ำนั้นบ่งบอกชัดเจน ผมไม่รอช้า วิ่งเข้าไปช้อนตัวเขาและอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนจะใช้เท้าปิดประตูและวางเขาลงในโซนอาบน้ำก่อนเปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลรดเราทั้งคู่

   “ไอ้เด็กเปรต!!!”




   “เลือก ๆ สักตัวสิครับ” ผมบอกคนที่ยืนขมวดคิ้วหน้าตู้เสื้อผ้าอยู่นาน ตัวหอมหันมาจิกตาใส่ ผมแต่งตัวเสร็จไปแล้ว แต่ตัวหอมยังไม่แม้แต่จะได้เสื้อด้วยซ้ำ

   “ฉันใส่ชุดนายได้ที่ไหนกันเล่า!”

   “ผมหิว”

   “จิ๊! ตัวนี้ของใคร?” เขาหยิบกางเกงขาสั้นสีขาวขึ้นมา “จันทร์เจ้า”

   “แฟนพี่กาลน่ะเหรอ”

   “อือ” ตัวหอมพยักหน้าก่อนสวมกางเกง ได้ยินเขาบ่นว่าหลวมนิดหน่อยแล้วจึงยัดชายเสื้อด้านหน้าเข้าไปในกางเกง

   จากการที่ได้ใกล้ชิด ตัวหอมเอวเล็กมาก และคนละไซส์กับพี่ชายผมเลย เขาเป็นคนที่สูงในระดับมาตรฐานผู้ชายไทย และมีหุ่นเพรียวบางแต่ไม่ใช่ว่ามีแต่กระดูก ขาเล็กเรียวยาว ในส่วนของจันทร์เจ้านั้นจะตรงข้าม พี่ชายผมสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ ตัวเตี้ย ๆ ตัน ๆ เนื้อหนาเป็นนิ้วหากระดูกแทบไม่เจอ ขาก็ใหญ่ (พูดเกินจริงไปสองเบอร์ แต่สูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบคือเรื่องจริงครับ) แต่เอวดันเล็ก เพราะงี้มั้งตัวหอมเลยใส่กางเกงไอ้หมูได้โดยที่เอวหลวมนิดหน่อย โคตรเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

   “มันหลวมนิดหน่อยจริง ๆ เหรอ?”

   “ไม่ค่อยนิดหน่อยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มาก”

   “ชุดจ๋าจ้าอยู่ลิ้นชักชั้นสามจากข้างบนฝั่งซ้ายครับ” สุดท้ายแล้วตัวหอมก็เลือกที่จะหยิบกางเกงของจ๋าจ้ามาใส่ ผมขมวดคิ้วมอง กางเกงมันอยู่เหนือเข่าเขาอีกนะ แล้วขาขาว ๆ นั่น ผมไม่อยากให้ใครเห็นนะเว้ย

   “ข้างนอกอากาศเย็นใส่ขายาวไม่ดีกว่าเหรอครับ”

   “ไม่ ถ้านายยังไม่พาไปสักทีฉันจะโมโหแล้ว” ผมเบะปาก ยังไงก็ทำให้เขาเปลี่ยนกางเกงไม่ได้ ผมเดินไปคว้าเสื้อฮู้ดในตู้มาสวมทับเสื้อยืดที่ใส่อยู่ ก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋า ตัวหอมเองก็เช่นกัน เขาโยนกุญแจรถมาให้ผม รับเกือบไม่ทันแหนะ

   เป็นอันสรุปได้ว่าจะไปหาอะไรกินด้วยรถของเขาและผมต้องเป็นคนขับ

   “นายมีใบขับขี่หรือเปล่า?”

   “หึ” สั่นหัวเป็นขับตอบ ตัวหอมชะงักมือที่กำลังคาดเบลท์พร้อมหันมามองหน้า “ดึกแล้ว ไม่มีตำรวจหรอก”

   “มักง่าย”

   “มาขับไหมล่ะครับ?” สิ่งที่ผมได้มาคือตาขวาง ๆ ของเขา ผมขับรถไปเงียบ ๆ ส่วนตัวหอมก็เล่นโทรศัพท์ไปเงียบ ๆ เช่นกัน

   ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย เพราะตอนนี้มันดึกมาก ถนนจึงแทบจะไม่มีรถเลย ตัวหอมเงยหน้าขึ้น เขามองไปรอบ ๆ แล้วหันมามองหน้าผม

   “คุณกิน street food ได้หรือเปล่า?”

   “ไม่รู้”

   “ก็แย่ละ”

   “ดึกขนาดนี้แล้วจะมีร้านเปิดอยู่อีกหรือไง”

   “มีสิครับ ผมมาบ่อย ไปกันเถอะ” ผมบอกแล้วเปิดประตูรถลงมาก่อน ลมพัดปะทะกายเบา ๆ แต่เพราะนี่เป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่หน้าหนาว อากาศจึงค่อนข้างเย็น แม้จะมีความอบอ้าวอยู่บ้างก็เถอะ ผมดันใส่ขาสั้นมาด้วยสิ คิดแล้วก็มองไปยังอีกคนที่ใส่สั้นยิ่งกว่า แถมเสื้อยังเป็นแขนสั้นอีกด้วย

   “หนาวไหมครับ?”

   “นิดหน่อย”

   “ในรถมีเสื้อผ้าสำรองไหม คุณน่าจะเปลี่ยนกางเกง” เขาขมวดคิ้ว ก่อนดึงกุญแจรถจากมือผมไปแล้วยัดกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูปใส่มือผมแทน เขาเดินไปที่หลังรถ ผมก็ตามไปดู มีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ พอเปิดออกก็มีชุดให้เปลี่ยน เขาจึงกลับขึ้นไปในรถอีกครั้ง

   ที่ให้เขาเปลี่ยนกางเกงเพราะกลัวเขาจะหนาว และก็หวงด้วยครับ ผมไม่อยากให้ใครมองขาขาว ๆ ของเขา แม้จะดึกมากแล้ว แต่คนก็ยังมีอยู่พอสมควรนะ อย่างเช่นพวกที่ดื่มเสร็จแล้วมาหาอะไรกิน พวกที่นอนไม่หลับแล้วออกมาข้างนอก หรือกลุ่มคนที่หิวโหยช่วงดึกแบบผมกับเขา

   เมื่อณภัคออกมาเราถึงเดินไปด้วยกัน ตัวหอมคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือตัวเองไป ส่วนกล้องนั้นผมไม่คืนให้ เพราะจะเล่นเอง เพิ่งรู้ว่าเขาชอบถ่ายรูปจนมีกล้องจริงจังก็วันนี้แหละ นึกว่าถ่ายจากมือถืออย่างเดียว ด้วยความที่เป็นหลานชายช่างภาพมืออาชีพที่มีฝีมือไม่เป็นรองใคร ทำให้ผมได้รับการออสโมซิสความสามารถนั้นมาด้วย ผมถอดฝาครอบเลนส์ออก ยกกล้องขึ้นในระดับสายตา หันไปหาคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก่อนกดชัตเตอร์เก็บภาพเขาเอาไว้

   ภาพด้านข้างของตัวหอมที่มีแสงไฟจากข้างทางอยู่ในส่วนประกอบของภาพนั้นออกมาไม่เลวเลย

   คนถูกแอบถ่ายหันมาขมวดคิ้วใส่ ผมที่ยังไม่ยกกล้องลงจึงกดชัตเตอร์ถ่ายเขาไปเรื่อย ๆ จนตัวหอมเลิกสนใจ ตัวหอมเป็นคนที่ดูดีอยู่แล้ว พอใส่เสื้อของผมยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ดีกับใจผมนี่แหละ เห็นว่ามีเสื้ออยู่ในกระเป๋าของเขานะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงยังเลือกที่จะใส่เสื้อของผม

   “ถ่ายรูปไหม? ผมถ่ายให้”

   “ถ่ายอะไร?”

   “ไปยืนที่กลางถนนสิ” ผมบอก ตัวหอมจิปากแต่ก็เดินไปตามที่ผมบอก เขาหันมามองกล้องและทำหน้านิ่ง ๆ ผมลั่นชัตเตอร์ไปแล้วยกกล้องลงคล้องไว้ที่คอตามเดิม แค่ช็อตเดียวก็พอแล้ว ยังไงมันก็ออกมาดูดี

   “คุณเคยมาแถวนี้ไหม?” ผมถามเขาระหว่างที่เรากำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร ก่อนเข้ามาตัวหอมถึงกับหยุดยืนมองนิ่ง ๆ

   “เคย แต่ไม่เคยมาร้านนี้”

   “ดี ไว้มาครั้งหน้าคุณจะได้คิดถึงผม”

   “คิดว่าฉันจะมาอีกงั้นเหรอ?”

   “อือ” ตัวหอมกลอกตาไปมาเหมือนรำคาญและเหนื่อยใจ ผมอมยิ้มขณะมองหน้าเขา

   ผมจะทำหลาย ๆ อย่างที่เป็นครั้งแรกของเขา และทุกครั้งที่เขากลับไปตรงจุดนั้น เขาจะได้คิดถึงว่าครั้งแรกที่เขาได้ทำอะไรแบบนี้น่ะ เขามากับผม









--------------------------------
ฮริ้งงงงงงง #จักรภัค มาแล้ววววววววววววว
จริง ๆ จะอัพเมื่อวานก็ได้นะ แต่ติดหวีด #เกรทพอร์ช อยู่ 555555555555555555
สำหรับตอนนี้คือแปรปรวนเวอร์ อารมณ์สวิงมาก คือเป็นไรอ่ะ เป็นบ้าเหรอ สปอยไปในทวิตเตอร์เมื่อวานละ ฮา~
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านเด้อค่า และขอโทษด้วยที่อัพช้า คือมีอะไรทำหลายอย่างแล้วไม่มีเวลาเขียนเรื่องนี้ TwT
ไว้เจอกันตอนหน้า จุ๊บ ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: กล้วยปั่น ที่ 17-02-2017 21:12:29
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-02-2017 21:26:07
ดีต่อใจจจจจจจจ
ภัคก็ปากแข็งไปนิด แต่ก็แสดงออกมากกว่าก่อนเยอะ
สู้ต่อไปนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 17-02-2017 21:43:45
งื้อออออ น่ารักอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-02-2017 21:46:23
 :-[ :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-02-2017 22:02:42
จริงใจของป้าาา บางทีหนูก็ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่บางทีหนูก็น่าโดนขบหัวเหมือนกันนะลูกกก

ฮาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 17-02-2017 22:05:31
เขาได้กันอีกแล้ววววววว :ling1: :ling1:

รอตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 17-02-2017 22:13:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 17-02-2017 22:18:35
นึกว่าจะไม่มาต่อแล้วอ่ะรอตอนต่อไปค้าบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2017 22:24:32
 :pig4: :pig4:

ไปหวีด #เกรทพอร์ช มาเหมือนกันค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-02-2017 22:25:12
ดีงาม ภัคจอมให้จริงใจเยอะมากกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2017 22:27:34
ดีงามจริงๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2017 23:06:02
 :pig4: เปิดปากสักที
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 17-02-2017 23:13:06
จริงใจสู้ๆ
พี่ภัคเริ่มอ่อนมั่งละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 17-02-2017 23:18:02
2ครั้งแล้ว แต่ไม่มีคำว่าแฟนหรือคำว่าหึงหวงได้ อยู่ในสถานะไหนกันเนี่ย ลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดแล้วนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 17-02-2017 23:47:52
ฮอลลลลลลลลล ฟินล่ะสิ JJ นายฟินแน่ๆ พี่รู้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-02-2017 23:55:07
แจ้ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-02-2017 05:55:25
ณภัค คง คิดในใจว่า...นี่ขนาดตัวเองเป็นคนแรกนะเนี๊ย  อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-02-2017 08:30:57
เด็กจริงใจโรแมนติกนะเนี่ย

ไม่เสียแรงที่เฝ้าฟูมฟักทะนุถนอม คริคริ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-02-2017 09:37:55
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 18-02-2017 10:35:37
จริงใจเป็นเด็กขี้บ่นและชอบคิดไปเอง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-02-2017 14:24:50
แปรปรวนกันไป...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 18-02-2017 23:30:24
น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-02-2017 00:08:09
ว้ายยย กรีดร้องค่ะ ไม่ง่ายหรอกตัวหอม แค่กับจริงใจ ยอมได้

เค้าเหมือนจะสวีทกันเนาะ ดีต่อใจ
ตอนนี้ว่าเป็นหนักแล้ว หลังจากนี้จริงใจคลั่งหนักแน่

เป็นห่วงล่ะสิ ถึงกับดื่มย้อมใจมาหา 5555 น่ารักนะนั่น
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-02-2017 09:18:32
ได้กันไม่ทันตั้งตัว55555 นึกว่าฝัน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-02-2017 13:14:22
สู้ต่อไปนะ จริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 19 ผมกับการพบเจอ | 31-1-60 | P.14
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 19-02-2017 21:23:34
พอไม่ได้เจอก็คิดถึงเขาเนอะพี่ภัค
น่ารัก ชอบที่โพสรูป แคปชั่นว่า วอแวบอย น่ารักกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 19-02-2017 22:01:53
จริงใจเป็นเด็กน่ารำคาญค่ะ แถมยังชอบคิดเองเออเอง พี่ภัคอย่าไปชอบเขาเลย ยกจริงใจให้เราเถอะ พลีสสสสส เราชอบจริงใจมาก ///โดนพี่ภัคถีบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: TheP ที่ 19-02-2017 22:27:50
จริงใจนี่ขอมาเลี้ยงได้ไหมอ่ะ เด็กอะไรน่าฟัดจริงๆ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 19-02-2017 23:28:37
งุ้ยเขินานน อยากเปงเมียจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 22-02-2017 22:39:07
จริงใจดูเป็นผู้ใหญ่และเด็กน้อย  สู้ต่อไปนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 22 ผมกับอาการไบโพลาร์ | 17-2-60 | P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 23-02-2017 15:08:17
อยากอ่านต่อแล้วมาต่อเห้อะะะะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 24-02-2017 00:05:54
ความที่ 23
ผมกับเจ้ากรรมนายเวร







   “อึ้งอะไร ทานสิครับ” ผมบอกกับคนที่นั่งจ้องอาหารด้วยความตกใจ ตาเรียวชำเลืองมามองที่ผม หน้าเขาดูตลกจนนึกอยากหัวเราะ คงนับแคลในหัวอยู่แน่ ๆ

   “เป็ดย่างตอนตีหนึ่งนี่ตลกมากเหรอ?”

   “ถ้าไม่เกรงใจจะพาไปกินขาหมู”

   “ก็แย่ละ” ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อตัวหอมตอบกลับด้วยคำพูดติดปากของผม และดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัว ผมมองคนที่ตักอาหารทานด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ แบบนี้มันเข้าข่ายหากใกล้ชิดสนิทกับใครก็จะติดพฤติกรรมของคนนั้นมาแบบไม่รู้ตัวได้หรือเปล่า?

   “คั่วไก่ต่อไหมครับ?”

   ตัวหอมจ้องหน้าผม “เป็ดเมื่อกี้ยังไม่ย่อยเลย”

   ย่อยก็แย่ละ เพิ่งออกจากร้านมาไม่ถึงห้านาที ผมไม่ให้ความสนใจกับคำปฏิเสธกลาย ๆ ของเขา ก้าวเข้าไปในร้านคั่วไก่พร้อมสั่งมาสองที่ ตัวหอมมองรอบร้านด้วยสายตาหวาดระแวง ก็เข้าใจนะ ด้วยไลฟ์สไตล์ของเขาที่ปกติจะทานอาหารที่ร้านค่อนข้างมีระดับและความสะอาดเป็นเลิศ เมื่อเทียบกับร้านที่ออกแนวสตรีทฟู้ดแบบนี้แล้วคนละเกรด เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ตัวหอมจ้องมันอย่างชั่งใจ ระหว่างนั้นผมก็ส่งช้อนส้อมที่เช็ดแล้วให้เขาไปหนึ่งคู่ แล้วตัวเองก็เริ่มทาน

   “ไม่ทานเหรอครับ?”

   “มัน...” ตัวหอมกัดปาก

   “มันโอเค” ผมบอก ไม่ได้หมายถึงอาหารแต่หมายถึงระดับความสะอาด ตัวหอมถอนหายใจ สุดท้ายแล้วก็ตักคั่วไก่ทาน เขานิ่งไปหลังจากกินไปคำแรก ผมไม่มองให้เขากดดัน แต่ถึงจะก้มหน้าก็ยังเห็นว่าเขาตักคำที่สองตามไปติด ๆ ไม่นานก็เพิ่มเป็นสาม สี่ ห้า จนกระทั่งหมดจาน...

   “เป็นไงบ้าง?”

   “ฉันจะอ้วก”

   “อ่อนหัด” ตัวหอมถลึงตามอง เห็นสภาพเขาไม่ค่อยไหวจึงเลือกที่จะนั่งกันสักพัก ให้อาหารที่ทานไปย่อยสักนิดแล้วจึงเดินต่อ

   ผมพาตัวหอมแวะร้านนั้น เข้าร้านนี้เรื่อย ๆ แม้เจ้าตัวจะบอกว่าอิ่มจนกินไม่ไหวและกลัวอ้วนยังไง เมื่อผมสั่งมาเขาก็ทานอยู่ดี แม้จะกินไม่หมดแต่ก็กินไปได้ค่อนข้างเยอะ

   “ถ้ายังกินอีกฉันอ้วกจริง ๆ แน่”

   “อ้วกก็ดี จะได้เคลียร์พื้นที่ หึหึ”

   “เด็กนรก”

   “ก็แย่ละ ไปกันครับ กินขนมไหม?”

   “จะตีสามแล้วยังมีร้านเปิดอยู่อีกเหรอ!?”

   “มีบางร้านเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยนะครับ” ผมว่า กดชัตเตอร์เก็บภาพหน้างง ๆ ของเขาไปด้วย

   “นั่นร้านอะไร?” ก้านนิ้วเรียวชี้ไปยังร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

   “ก๋วยเตี๋ยว ไปไหม?” สีหน้าดูลังเลแต่แววตาบอกว่าอยากไป ผมไม่รอคำตอบ คว้ามือของเขาแล้วพาข้ามถนน “เอาอะไรดีครับ?”

   “นายจะเอาอะไร?”

   “บะหมี่ต้มยำทะเลครับ” ผมบอกเขาและบอกกับคนที่มารับออเดอร์กลาย ๆ

   “เอาเหมือนกัน”

   พยักหน้ารับ หันไปบอกพนักงานว่าเอาน้ำเปล่าสองขวด

   รออยู่สักพักก็ได้ก๋วยเตี๋ยวมา ร้านนี้ผมเคยมากินแล้วกับพวก Histasia ตอนอยู่ซ้อมดนตรีกันดึก ๆ รสชาติจัดจ้านถูกปากดีด้วยความที่ผมชอบรสจัดแล้วเครื่องมันถึงใจ ร้านนี้จัดอยู่ใน favorite list ของผมได้เลย

   ด้วยความที่ไม่มีวัฒนธรรมถ่ายรูปก่อนทานผมจึงจัดการมันทันทีที่มาวางบนโต๊ะ แต่ตัวหอมไม่ใช่ กว่าเขาจะกินก็เสียเวลากับการหามุมถ่ายรูปอยู่นาน รู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง ไม่ต้องเอาออกมาดูก็รู้ว่าเป็นแจ้งเตือนจากคนตรงข้าม

   “ซี้ด...” เงยหน้าขึ้นมองหลังจากได้ยินเสียงสูดปากจากตัวหอม ริมฝีปากของเขาแดงจัด มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่ปลายจมูกและไรผม อากาศด้านนอกเย็นนะครับ แต่ความมหัศจรรย์คือหากก้าวเข้ามาในร้านแล้วจะอบอ้าวทันทีแม้จะเป็นร้านแบบเปิดก็ตาม พัดลมในร้านไม่สามารถช่วยซับเหงื่อออกไปได้ เมื่อความร้อนจากอากาศและความเผ็ดร้อนของอาหารมาเจอกันมันจึงปฏิสนธิออกมาเป็นตัวหอมในสภาพแบบนี้

   “เผ็ดเหรอครับ?” เขาพยักหน้า แต่ก็ยังคงทานต่อ อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่าย โคตรน่าเอ็นดู ปากแดง ๆ แก้มแดง ๆ เห็นแล้วอยากจูบ “หยุดกินสิ”

   “มันหยุดไม่ได้ ฟึด” ตัวหอมสูดน้ำมูก ผมดึงกระดาษทิชชู่ไปให้แต่เขาสั่นหัว

   “มันไม่สกปรก”

   “ไม่!” เออ แล้วแต่เลย

   “นี่” เลิกคิ้วขึ้นเมื่อถูกเรียกและเตะเท้าพร้อมกัน “ไอ้นั่นคืออะไร?” ผมมองตามสายตาเขา มันหยุดอยู่ที่คนที่นั่งอยู่ถัดไปสองสามโต๊ะ ที่เขาหมายถึงคงเป็นสิ่งที่คนนั้นกำลังทาน

   “กวยจั๊บ” ชีวิตนี้เขารู้จักแค่สปาเก็ตตี้จริง ๆ เหรอวะ “อยากกินเหรอ?”

   “อือ”

   “ไม่กลัวอ้วนแล้วหรือไงครับ?”

   “กลัวทันหรือไง?”

   “หึหึ คุณกินเครื่องในไหมครับ?”

   “ไม่” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินไปสั่งกวยจั๊บมาหนึ่งชามแบบไม่ใส่เครื่องใน ดันไปให้เขาปรุง ตัวหอมกินไม่แค่สองสามคำก็วางช้อน เขาแค่อยากลอง ไม่ได้อยากกิน

   “เป็นไง?”

   “ก็ดี กินสิ”

   “หาคนรับผิดชอบชัด ๆ” ตัวหอมไหวไหล่และดันชามกวยจั๊บมาทางผม ผมหยิบช้อนอันใหม่มา

   “ช่วยกันสิ” ผมดันกลับไปให้มันอยู่ตรงกลาง ตัวหอมจิปาก มือข้างหนึ่งเขี่ยโทรศัพท์ อีกครั้งถือช้อนค้างเอาไว้ ใช้เวลาค่อนข้างนานกับการกินกวยจั๊บชามเดียวแถมยังสองคน เนื่องจากทานไปเยอะมากแล้วมันจึงค่อนข้างเนือย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พาเขาเข้าร้านขนมหวาน

   “คุณกินขนมไทยไหมครับ?”

   “ไม่ชอบกะทิ”

   ก็แปลว่ากินได้อยู่... แต่ก็คงไม่ชอบจริง ๆ เพราะหลังจากชิมลอดช่องไปคำเดียวเขาก็วางช้อนลงแล้วกดโทรศัพท์เล่น มีแค่ผมที่ทานอยู่คนเดียว

   “ฉันกินไม่ไหวแล้ว”

   “พอผมสั่งมาคุณก็กินอยู่ดี” การพูดประโยคนั้นด้วยใบหน้าเรียบ ๆ ทำให้ผมได้รับฝ่ามือมาเป็นรางวัล เบ้ปากพลางลูบต้นแขนตัวเอง

   “ช่วงนี้คุณว่างไหม?” ผมถาม ตอนนี้เรามาอยู่ในร้านขนมปังแล้วครับ คนที่บอกว่ากินไม่ไหวก็กินด้วย

   “ไม่รู้ ทำไม?”

   “ไปเที่ยวกัน” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ผมจะไปเที่ยวก่อนเปิดเทอม ไปด้วยกันไหมครับ?”

   “ที่ไหน?”

   “เขาใหญ่”

   “วันไหน”

   “ถ้าเมื่อวานคุณไม่มาหาผมก็กะจะไปวันนี้ แล้วถ้าคุณไม่ไปด้วยผมจะไปพรุ่งนี้ หากคุณไปก็แล้วแต่คุณสะดวก” ตัวหอมนิ่งคิด “วันนี้คุณมีเรียนไหม?”

   “ควิซบ่ายสอง”

   “ครับ กลับเลยดีกว่า คุณจะได้นอน”

   “อือ”

   ก่อนกลับจริง ๆ ก็แวะซื้อปาท่องโก๋ที่ร้านเปิดพอดีกลับมาด้วย เอาเข้าจริงถ้านอนตอนนี้ได้เป็นกรดไหลย้อนแน่ ๆ ผมเปลี่ยนชุดแล้ว แต่ออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เพราะไม่ง่วง อยากนอนมากนะครับแต่มันไม่ง่วง ทางเลือกสุดท้ายคือมารื้อหนังดู ผมไม่ได้มีธุระไปไหน จะนอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตัวหอมเขามีเรียนบ่ายสอง ถ้าเข้านอนตอนนี้แล้วตื่นเที่ยงเขาจะได้นอนหลายชั่วโมงอยู่นะ แต่ทำไมคนที่มีอะไรต้องทำถึงมานั่งตาปรือหน้านิ่วอยู่ข้างผม

   “ไม่ไปนอนล่ะครับ”

   “นายมียาระบายไหม?”

   “ก็แย่ละ” หน้าเขาจริงจังมาก แถมยังกุมท้องอยู่ตลอด หลังจากกินไปเหมือนอดอยากก็เพิ่งมาสำนึกผิดว่าไม่ควรยัดห่าแบบนั้น เขาเหมือนโดนฟรีซไปเลยเมื่อชั่งน้ำหนักแล้วพบว่ามันขึ้นมาหนึ่งกิโลกรัม ผมได้แต่กลอกตา ก็เพิ่งกินเสร็จ มันก็ยังไม่ย่อยป่ะ งงอะไรวะ

   “ง่วงก็ไปนอนครับ อย่าเพ้อ หรืออยากนอนกับผม?”

   “ฝันอยู่เหรอ จิ๊!” เขาว่าก่อนจิปากใส่จากนั้นก็เดินตึงตังเข้าห้องไป อะไรวะ แซวแค่นี้ทำมาเป็น หรือจะคิดจริงจัง หึหึ

   ผมควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เข้าไปแอพพลิเคชั่นสนทนาแล้วส่งข้อความไปหาคนด้านใน

   04:28 J9 : หลับให้สนิทนะครับ

   ข้อความขึ้นมาอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ ผมเองก็ปล่อยผ่านตามนิสัยช่างแม่ง เปิดดูอย่างอื่นบ้าง เข้าดูแจ้งเตือนที่เด้ง ๆ ขึ้นมาตั้งแต่อยู่ร้านอาหาร เป็นรูปที่ตัวหอมโพสต์ลงสตอรี่และแบบปกติ ส่วนใหญ่ก็รูปกับข้าวและรูปตัวเขาเอง แต่มีบางรูปที่ติดผมไปด้วย แต่ไม่เห็นหน้าหรอกครับ เดากันยากเพราะเห็นแค่ช่วงแขน แต่ทุกรูปเป็นรูปที่ผมถ่าย คำบรรยายไม่ได้น่าสนใจเท่าเครดิตโง่ ๆ ที่มีอยู่ทุกรูป

   #SnapByWoWaeBoy

   หึ วอแวบอยนั่นหมายถึงใครอื่นไม่ได้หรอกนอกจากผม ไม่คิดว่าเขาจะตั้งชื่อให้ผมด้วย แม้ความหมายมันค่อนข้างจะ... ช่างเถอะ ผมไม่มายด์ ก็เหมือนที่ผมเรียกเขาว่าตัวหอมนั่นแหละ หลังจากดูรูปแล้วก็ไล่อ่านความเห็นของคนอื่นบ้าง ดึกแล้วนะ แต่ยังมีคนมาแสดงความคิดเห็นเยอะพอสมควร ผมดูเรื่อย ๆ วนดูรูปเขาอยู่แบบนั้นจนกระทั่งมาเจอรูปรูปหนึ่งแล้วต้องขมวดคิ้ว

   คืออะไร... รูปถูกโพสต์ตั้งแต่ช่วงสองสามทุ่ม ที่ผมไม่เห็นเพราะมันคือรูปที่ถูกแท็กมา ภาพนั้นคือภาพตัวหอมถ่ายคู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก ความใกล้ชิดสนิทสนมเกินคนรู้จักทั่วไปทำให้ผมกดรีพอร์ตแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย

   กดล็อกโทรศัพท์แล้วโยนมันทิ้งไป ผมหงุดหงิดอีกแล้ว

   ผมเปลี่ยนหนังออกแล้วใส่แผ่นเกมเข้าไปแทน เล่นไปจนแปดโมงเช้า รู้สึกตาล้าแล้วถึงจะเข้าไปนอน แต่ให้ตายเถอะ! ตัวหอมล็อกห้องครับ ร้ายนักนะ! มีกุญแจสำรองอยู่ด้านนอก ไม่อย่างนั้นผมได้นอนที่โซฟาแน่ พอเปิดประตูเข้ามาได้ก็เจอโจรขโมยห้องนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โคมไฟยังไม่ได้ปิดเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวผมต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบความมืด

   เข้าไปล้างเท้าและเปลี่ยนชุดนอน แล้วจึงสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ก่อนหลับตาลง เพียงไม่นานผมก็หลับไปเพราะความง่วงที่กัดกิน...





   [ ณภัค’s ]

   ร่างบางขยับตัวอย่างรำคาญก่อนจะลืมตาขึ้น คิ้วขมวดเมื่อเห็นวัตถุบางอย่างในระยะประชิด ผมขยี้ตา แล้วตั้งสติ ตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่า ผมตื่นก่อนที่นาฬิกาจะปลุกเพราะลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่าปะทะผิวกาย หน้าของเด็กนี่อยู่ใกล้กับผมมากจนเห็นรอยสิวหรืออะไรก็ตามบนหน้าของเจ้าของ แต่หน้ามันใสเป็นบ้า... เบ้ปากอย่างหมั่นไส้

   ขยับออกมาหน่อยเพราะมันใกล้เกินไป นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าเด็กนี่ชัด ๆ ไล่มองตั้งแต่คิ้วดกดำที่เรียงตัวพาดเหนือดวงตา นัยน์ตาที่ตอนนี้ถูกปิดสนิท ขนตายาวค่อนข้างงอนแนบไปกับผิว จมูกโด่งเป็นสันสวยรับกับริมฝีปากบางหยักเป็นกระจับ ริมฝีปากสีชมพูแลดูสุขภาพดีทำให้ผมเผลอมองอยู่นาน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของของมันจะเป็นเด็กผู้ชายนิสัยห่าม ๆ พูดจาหมาไม่แดก(ในบางที) และค่อนข้างกวนตีน

   อยากทำอะไรสักอย่างให้หายหมั่นไส้ แต่ผมเองก็ยังไม่อยากรับมือกับความเด็กเปรตนี่สักเท่าไหร่หากมันตื่นมา จึงเลือกที่จะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ผมอาบน้ำและเปลี่ยนไปสวมชุดนักศึกษาที่มีอยู่ติดกระเป๋าสำรอง ซึ่งเอามาทิ้งไว้ข้างบนตั้งแต่ก่อนออกไปหาอะไรกินเมื่อกลางดึก

   พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วโมโหอยู่ลึก ๆ แม้ตอนนี้หน้าท้องของผมจะกลับมาแบนราบเหมือนเดิมแล้วก็ตาม เจ้าเด็กนั่นพาผมตะลุยกินแหลกโดยไม่สนใจว่ามันเวลาเท่าไหร่แล้วสมควรกินไหม รวมทั้งยังไม่แคร์แคลลอรี่ที่ตามมาอีกด้วย ที่น่าโมโหสุด ๆ คือผมบ้าจี้กินตามมันทุกอย่างนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อว่าอาหารราคาไม่แพงแบบนั้นจะรสชาติอร่อยแบบไม่คาดคิด ตั้งแต่เจอเด็กนั่นก็ดูเหมือนไลฟ์สไตล์ของผมจะบิดเบี้ยวรวมทั้งถูกกัดเซาะต่อเติมเพิ่มเข้ามา

   จากที่ไม่เคยทำอะไรก็ได้ทำ ไม่เคยทานก็ได้ทาน

   ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ .....เหรอ?



   “จิ๊!” จิปากขณะมองกระจกแล้วเห็นว่ามีรอยระเรื่อที่ต้นคอ ไอ้เด็กบ้านั่นมันทำรอยไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อารมณ์เตลิดจนไม่รู้ตัวเลยหรือไง เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเอง เรื่องราวต่าง ๆ ก็ไหลวนเข้ามาในหัว ตั้งแต่ที่เจอกันที่ห้างจนมาถึงตอนที่ผมมากดกริ่งห้องของเจ้านั่นและจบลงที่เตียง...

   ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากไปเจอเจ้าเด็กประสาทเสียนี่เลย คุณเชื่อเรื่องความบังเอิญไหม? คิดว่ามันบังเอิญเหรอ? หึ ไม่เลย มันคือความตั้งใจของพีท เพื่อนผมเห็นรูปที่ถูกโพสต์ลง SNS ซึ่งคือรูปของจักรพรรดิที่กำลังคุกเข่านวดเท้าให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ พีทกรี๊ดไปหนึ่งรอบ ก่อนจะหาพิกัดว่าเด็กนั่นอยู่ตรงไหน เพราะตอนนั้นผมกับพีทอยู่ที่ห้างนั้นพอดี

   สุดท้ายก็เจอ และที่พีคคือเด็กผู้หญิงคนนั้นชนเพื่อนผมเข้าพอดี แต่ที่พีคกว่าเพราะพีทมันตั้งใจเดินไปให้ถูกชน การต้องทนฟังพวกเขาคุยกันทำให้ผมหงุดหงิดจนอยากเดินหนี แต่กลับทำไม่ได้เพราะโดนดึงเอาไว้ ซ้ำร้ายงูพิษอย่างพีทดันเปิดประเด็นว่าจักรพรรดิจีบผมให้เด็กผู้หญิงคนนั้นโวยวาย เหวอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะนอกจากจะเป็นน้องสาวแล้วเด็กคนนั้นยังบอกว่าชอบผม ผม...ที่ชอบผู้ชาย...

   พอได้ลองคุยปรากฏว่าเข้ากันได้ จ๋าจ้าน่ารักกว่าที่คิด พีทเองก็คล้ายจะถูกชะตา ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นน้องสาวของจักรพรรดิ แต่เป็นเพราะตัวของจ๋าจ้าเอง ผมมีเพื่อนผู้หญิงคนเดียวคือรพินทร์ การต้องคุยกับผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่ผมโปรดปรานเท่าไหร่ ผมขี้รำคาญ ถ้าเจอประเภทพูดไม่รู้เรื่องจะกลอกตาใส่แบบไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ผู้หญิงเสียงสองยิ่งน่ารำคาญ แต่เหมือนจ๋าจ้าจะเป็นข้อยกเว้น

   น้องไม่น่ารำคาญและไม่ใช่ผู้หญิงเสียงสองที่ผมเกลียด นิสัยออกไปแนวลุย ๆ ด้วยซ้ำ แมนกว่าพีทอีกถ้าไม่คิดไปเอง ดูจากการพูดคุยกับพี่ชายแล้วก็ค่อยข้างเอาเรื่องทีเดียว... เราสามคนไปชอปด้วยกันหลังจากทานอาหารเสร็จ เนื่องจากพี่ของน้องกลับไปก่อนเพราะอยากนอน

   ผมค่อนข้างตกใจที่จู่ ๆ เจ้าเด็กนั่นก็มีเลือดไหลที่จมูก สังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่ที่เจ้าเด็กนั่นกำมือแน่นและก้มหน้าบีบขมับ ยิ่งรู้ว่ามันเกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ไม่ใช่ธุระของตัวเองแท้ ๆ ก่อนกลับ... จ๋าจ้าบอกกับผมว่า ‘ตอนนี้ไม่ชอบพี่ภัคแล้ว แต่อยากได้เป็นพี่สะใภ้แทน’ บอกตรง ๆ ว่าผมค่อนข้างแปลกใจ ทำไมถึงได้ยอมรับแบบง่าย ๆ ทั้งที่จักรพรรดิก็ไม่มีท่าทางจะเบี่ยงเบน ทำไมถึงไม่ห้ามเมื่อคนในครอบครัวรักชอบเพศเดียวกัน...

   ทำไม...ถึงได้ต่างจากบ้านของผมนัก

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่เยอะ คนบนเตียงยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ถ้าออกไปเลย เจ้าเด็กนั่นจะว่ายังไงนะ... สะบัดหัวไล่ความคิด ทำไมผมต้องไปคิดแบบนั้นด้วย จากจะทำอะไรเสียงดังเพื่อให้เจ้าของห้องตื่น แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหากนอนไม่พอเจ้าเด็กนั่นจะเกิดอาการสำออย

   ผมใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการสำรวจห้อง ถอนหายใจออกมาหน่อย ๆ มันไม่มีอะไรให้สำรวจเลย การตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา โทนห้องเทาขาวที่ดูแล้วสบายตาดี ผมออกไปที่ด้านนอก ห้องนั่งเล่นก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก แต่ผมชอบชะมัด... เข้าไปนั่งที่โซฟา พลันในหัวก็มีภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดฉายเข้ามา

   ผมเม้มปาก ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่มีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จะบอกว่าเมาก็เกินไปหน่อย ทั้งที่สติก็มี ปวดหัวเลย เด็กนั่นเป็นใครวะ ทำไมผมถึงกับใช้ปากให้ทั้งที่ไม่เคยทำให้ใครแม้จะโดนขอร้องอย่างไรก็ตาม แต่กับจักรพรรดิ....ผมทำให้ทั้งที่เจ้านั่นไม่ได้เปิดปากบอกด้วยซ้ำ

   ปัง!

   สะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงประตู เจ้าของห้องอยู่ในชุดวอร์มขายาวแขนยาวสีเทา ใบหน้าบู้บี้งัวเงีย มาทิ้งตัวนอนคว่ำก่อนค่อย ๆ เลื่อนมาจนหน้าติดกับต้นขาของผมแต่ไม่ได้ขึ้นมานอนตัก เล่นอะไรของมัน... มือหนายื่นมาสะเปะสะปะแล้วคว้ามือผมไปจับ จักรพรรดิเอียงหน้าเข้าหา ปลายจมูกโด่งชนกับต้นขาผม ริมฝีปากบางสีชมพูอ้าขึ้นแล้วขบนิ้วผมเหมือนหนูแทะฝักข้าวโพด

   อะไร เป็นบ้าเหรอ

   “หิว...” เสียงแหบห้าวส่งออกมา พลางกัดแทะนิ้วและมือผมไปด้วย

   “ก็ไปกินข้าว”

   “ง่วง” ผมกลอกตาซ้ายขวา “คุณจะไปเมื่อไหร่?”

   “ตอนนี้”

   “กินข้าวกับผมก่อน เหงา”

   “ตอแหล”

   “อือ ป่ะ” ไอ้เด็กตัวสูงลุกขึ้น ผมเมินมือที่ส่งมาแล้วเดินออกไปใส่รองเท้า จักรพรรดิเดินตามมา แล้วสวมรองเท้าแตะ ไลฟ์สไตล์ของเรามันต่างกันจริง ๆ

   ตอนนี้จักรพรรดิเป็นแค่เด็กธรรมดาที่แต่งตัวได้สบายโคตร ๆ ด้วยการใส่ชุดวอร์มกับรองเท้าแตะก็สามารถออกจากบ้านได้แล้ว ผิดลุคเมื่อวานโดนสิ้นเชิง การใส่สูทผูกไทนั่นมันอะไรกัน มันคนเดียวกับเด็กกะโปโลนี่จริง ๆ เหรอ

   ยอมรับก็ได้ว่าเมื่อวานเจ้าเด็กนั่นมันหล่อจริง ๆ จักรพรรดิดูดีในชุดสูท และชุดยังช่วยเสริมให้มันดูโตเกินวัย นอกจากนั้นยังสร้างภาพลักษณ์ผิด ๆ ได้อีกด้วย (อย่าให้สภาพแวดล้อมภายนอกหลอกคุณได้) ผมจะไม่อะไรมากกับจักรพรรดิเวอร์ชั่นใส่สูท เพราะแค่พีทมันหวีดถึงความผัวของเด็กนั่นผมก็รำคาญจะแย่อยู่แล้ว

   เมื่อเข้ามาถึงในลิฟต์ เด็กเจ้าของคอนโดก็เข้าไปยืนพิงมุมเพื่อหลับ เด็กนี่มีความสนใจอย่างอื่นนอกจากเรื่องนอนหรือเปล่า เพียงไม่นานเอวของผมก็ถูกรั้งไปกอดและไหล่ต้องรองรับน้ำหนักหัวของคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เถียงกับตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมไม่ผลักออก แต่ถ้าทำอย่างนั้นผมต้องด่าตัวเองอีกอยู่ดี สะดีดสะดิ้งไปเพื่ออะไร เหมือนเดจาวู สภาพตอนนี้ไม่ต่างจากครั้งแรกที่ผมมาที่นี่เลย จู่ ๆ ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายภาพที่สะท้อนจากกระจก อัพโหลดลงโซเชียลพร้อมกับคำบรรยายอีโมจิมองบนตัวเดียว

   phiitplease hello bitches
   rapinthana whoooooooo who’s heeeeeeee
   papapapaya คนนั้นแน่เลย จำข้อนิ้วเขาได้ อร๊ายยยยยย

   ผมหลุดหัวเราะออกมา จนป่านนี้แล้วรพินทร์ก็ยังไม่รู้ว่าผู้ชายปริศนาที่อยู่กับผมเป็นใคร คลื่นครามพีทก็ไม่บอกนาง เหมือนทุกคนตั้งใจจะแกล้งนาง สมน้ำหน้า ใครใช้ให้ปลีกวิเวกขนาดนั้น แล้วในส่วนที่จำข้อนิ้วได้นี่คืออะไร เว่อร์วังไปไหนวะ

   ผมเขย่าไหล่ให้คนที่ฟุบอยู่ตื่นขึ้นเมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นกราวด์ ไม่แน่ใจว่าเด็กนั่นมองทางเห็นหรือเปล่าเพราะท่าทางที่ค่อนข้างงัวเงียและยังมีฮู้ดของเสื้อวอร์มแขนยาวที่คลุมหัวอยู่อีก

   “จะกินข้าวหรือจะนอน”

   “กิน” เสียงยานคางดังมาก่อนจะยื่นมือมาคว้ามือผมไปแล้วจูงไปสักที่ จนมาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง เด็กประหลาดเอนหลังพิงพนักและนั่งตัวตรงพร้อมกับกอดอกตัวเองไว้หลังจากสั่งอาหารไปแล้ว จะหลับอีกรอบแน่ ๆ

   “นายเข้าห้องมาได้ยังไง?”

   “กุญแจอยู่ข้างนอกครับ” เพราะผมล็อกห้องเอาไว้ หงุดหงิดมันนั่นแหละ ชอบกวนประสาท แต่ผมคงคิดน้อยไป เจ้าของห้องจะไม่มีกุญแจสำรองได้ยังไง “ผมลืมถาม”

   จักรพรรดิเปิดฮู้ดออกเล็กน้อย โน้มตัวมาข้างหน้าและเท้าศอกกับโต๊ะ

   “อะไร?”

   “เมื่อวานจ๋าจ้าทำคุณลำบากใจหรือเปล่า?”

   “ไม่” อย่างที่บอกว่าน้องน่ารัก ผมไม่ได้ลำบากใจอะไร แค่อึดอัดในช่วงแรก แต่เพราะความเป็นกันเองและช่างคุยของน้องทำให้เราเข้ากันได้ไม่ยาก

   “ไอ้เปี๊ยกพูดอะไรเกี่ยวกับผมหรือเปล่า?” ผมยิ้มมุมปากกับคำถาม จักรพรรดิขมวดคิ้ว แต่ผมไม่ตอบอะไร

   พูดสิ พูดเยอะมาก ผมไม่ได้เป็นคนถามหรอก ส่วนใหญ่จะเป็นพีท และจ๋าจ้าก็ตอบทุกคำถาม บางทีก็เล่าออกมาเองด้วยซ้ำ เจ้าเด็กตรงข้ามผมมันไม่ได้นิ่งเลยสักนิด ออกจะเด๋อมาก ๆ อารมณ์ประมาณภาพหน้าซองกับของข้างในไม่ตรงกัน หลอกลวงผู้บริโภคชัด ๆ

   “เล่ามา” ผมสั่นหัวช้า ๆ ประจวบเหมาะกับที่อาหารมาเสิร์ฟ พอมีของกินจักรพรรดิก็เลิกสนใจผม จัดการของกินตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา ทุกครั้งที่มีของกิน ผมจะกลายเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นละอองที่ล่องลอยมาในอากาศเท่านั้น

   น่ารำคาญ

   “อุ๊ย... บังเอิญจัง” แทบจะวางช้อน ผมกลอกตาทันที ไม่อยากมองสักนิดแต่มันดันเดินเข้ามาหาถึงโต๊ะ จักรพรรดิเหลือบมองเพียงแค่แวบเดียวแล้วกลับไปกินต่อ “ขอนั่งด้วยคนได้ไหม แตมมาคนเดียว”

   “ไม่” ผมบอกไปคำเดียว เด็กเปรตนั่นชักสีหน้าใส่ เป็นแบบนั้นเพราะจักรพรรดิไม่ได้มองน่ะสิ อีเด็กนี่มันตอแหลจะตายไป “อิ่มแล้วใช่มะ!?”

   ผมถามแต่ไม่รอคำตอบ เมื่อจักรพรรดิวางช้อนผมก็คว้าข้อมือเด็กนั่นกับใบเสร็จแล้วไปจ่ายค่าอาหาร

   “ผมยังไม่ดื่มน้ำเลย” เมื่อพูดแบบนั้น ผมจึงดันให้แวะเข้าร้านสะดวกซื้อ “ยุ่งยากไหมเนี่ย”

   “อย่าพูดมาก”

   “หวงผมเหรอ?” เอียงตัวมาด้านหลังพร้อมกับทำหน้าหลงตัวเอง ผมเบ้ปาก เขกหน้าผากมันไปที แต่อีกคนกลับยกยิ้มมุมปากเสียอย่างนั้น

   หวงเหรอ? นิดหนึ่งมั้ง แต่ความจริงผมรำคาญอีเด็กเวรนั่นมากกว่า ไม่รู้จะโผล่หัวมาทำไม ไม่คิดว่าความบังเอิญจะรุนแรงขนาดนี้ และไม่น่าเชื่อเลยว่าภีมจะคบกับเด็กคนนั้นมาได้นาน อ๋อ คงจะศีลเสมอกัน

   “คุณชอบแบบไหน?” จักรพรรดิถาม ผมเลิกคิ้วงง ก่อนจะจิกตามองเมื่อก้านนิ้วยาวชี้ไปยังของที่มาอยู่บนชั้นหน้าแคชเชียร์

   “ไม่ชอบ”

   “โอเค จะไม่ได้ต้องซื้อ”

   “ไม่มีก็ไม่ทำ”

   “เรื่องมากจังเลยครับ” พูดคล้ายเหนื่อยใจ ทว่าริมฝีปากกลับยิ้มยียวน เด็กนั่นคว้าถุงยางอนามัยมาสองกล่องแล้ววางให้พนักงานคิดเงิน

   บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบนี้แหละ

   “คุณจะไปเลยไหม? ผมง่วง”

   “นี่คือไล่?”

   “เปล่า ถ้ายังก็ไปนอนด้วยกัน” ผมก้าวถอยหลังเมื่อเห็นท่าทางคุกคามของเด็กนั่น บางทีผมก็ตั้งรับไม่ถูก “หึหึ”

   “ขึ้นห้องไปเลยไป!”

   “รอส่งคุณก่อน” พูดทั้งที่ยังตาแดงอยู่ ง่วงอะไรขนาดนั้น ยังนอนไม่พออีกเหรอ ผมเบ้ปาก เปิดประตูเข้าไปในรถ ในขณะที่กำลังสตาร์ทเครื่องยนต์ โทรศัพท์ก็มีเสียงเตือนข้อความเข้ามา จึงต้องเอามาดูก่อน

   - ภัคว่างไหม พี่อยากเจอ -

   มือบางกำโทรศัพท์แน่นโดยอัตโนมัติรวมถึงฟันที่ขบกัดริมฝีปากจนเจ็บ ตัวผมสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกปวด หลับตาลงและสูดหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติ   

   จะอยากเจอผมไปเพื่ออะไร...

   ก๊อก ก๊อก

   ผมสะดุ้ง ปล่อยโทรศัพท์ให้หลุดมือ ก่อนหันไปมองด้านข้างแล้วลดกระจกลง

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ?” จักรพรรดิถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ผมสั่นหัวเป็นคำตอบ

   “...นาย จะไปเที่ยวเมื่อไหร่นะ?”

   “พรุ่งนี้ครับ ทำไม?”

   “ฉันไปด้วย”









------------------------------------------
ฮายยยยยยยยยยยยยยยย~
ยังไม่ลืมใช่มั้ยยยย ขอโทษที่อัพช้าค่า มีเรื่องต้องให้ตบตี
เหนื่อยมากกกกกกกกกกกก ถ้าหายไปนี่ยังไม่ตายนะคะ พักใจแป๊บ 5555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอภัยหากมีคำผิด (บอกไว้ก็ดีเด้อจะเข้ามาแก้ทีหลัง)
ไว้เจอกันตอนหน้าคับ
บายยยยยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 24-02-2017 00:48:08
น่อววววววว วอแวบอย ทำไมตอนนี้ ความพีคทะลุเลย ต้องยกผลประโยชน์ให้จำเลยป่าววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-02-2017 00:54:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-02-2017 01:11:19
 :katai1:

ไอ้คู่เวรกรรมนี่ จริงใจไปเตะมันเลยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-02-2017 02:27:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 24-02-2017 06:49:59
เขินจักรจุงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-02-2017 06:57:33
 :z13:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 24-02-2017 07:15:07
ไปเที่ยวกันสองคนหรือป่าวหว่า ถ้าสองคนก็คงดีสิจะได้พัฒนาขึ้นไปอีก ตัวหอมจะได้มีรูปอัพเพิ่ม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 24-02-2017 08:25:04
แปะไว้ก่อน รอเลิกงาน

 :z3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 24-02-2017 08:46:47
ไม่อยากให้จริงใจยอมภัคจนเกินไป เมินบ้างไม่แคร์บ้างก็ดี นางจะได้รีบๆ รู้ตัว ขอตัวกระตุ้นหน่อยก็ดีเอาแบบน่ารักไม่แพ้นาง เพราะเรายังมีอารมณ์มั่นไส้นางเยอะอยู่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 24-02-2017 08:47:26
ชอบๆรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-02-2017 09:08:20
รักจริงใจมากกกกกกกกกก

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2017 09:35:08
พี่ของภัคแท้ๆ หรือเปล่า
ภัค เริ่มเข้าได้กับวอแวบอยและ
มึความหวั่นไหวบ้างแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 24-02-2017 09:37:07
รอค่ะ ชอบจังค่ะที่คนเขียน เขียนแบบเป็นซีรี่ต่อเนื่องของแต่ละคน อ่านตั้งแต่คู่ของ ไรเฟิลกับควอท เจ้ากับฟ้า มินทร์กับมีน ทิวากับจันทร์เจ้า วนมาถีงจริงใจกับภัค ทำให้เรายังเห็นชีวิตของแต่ละคนอยู่ ให้หายคิดถึงสนุกจ๊ะ รอตอนต่อไป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 24-02-2017 10:33:25
จริงใจ หนูมีความกร๊าวใจป้ามากเลยลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 24-02-2017 10:38:14
 :really2: :really2: :really2: :really2:

รอตอนต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 24-02-2017 11:07:11
รอค่ะรอ

รอเค้าไปเที่ยวด้วยกัน

อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 24-02-2017 11:41:59
ชอบอ่ะ  วอแวบอย
ชอบให้ภัคอัพรูปน้องแบบไม่ให้เห็นว่าใคร
ฮื่อออออ เขิน
 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-02-2017 12:06:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-02-2017 12:07:50
ใครส่งข้อความมา?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2017 15:03:28
จริงใจ ณภัค  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ณภัค เปิดใจให้วอแวบอย แล้วใช่มั้ย
เพราะมีความห่วงใย มีความยอมรับตัวตน
ปฏิบัติกับจริงใจ เต็มที่แบบไม่เคยมีให้ใคร
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-02-2017 17:58:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 24-02-2017 19:29:28

ฮือออออ ขำวอแวบอย เอ็นดูณภัคนะ
ถึงจะเหมือนเรื่องเยอะ แต่จริงๆนางก็กินทุกอย่างอะ
ขำมาก ตรงจำข้อนิ้วได้555555555555
่เป็นอะไรที่อ่านไป เบ้ปากไป หมั่นไส้จริงใจอะ
แบบบบบ แหมมมมม มีองมีอ้อน แหมมมมมมม
รออ่านตอนต่ไปค่าาาาาาา จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-02-2017 20:05:48
เก็บกระเป๋ารอ  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-02-2017 00:25:20
สู้ๆ กันเด้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 25-02-2017 06:08:24
จริงใจจัดการมันเลยย เอาให้เละ 
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 25-02-2017 07:30:07
ขอฉากที่เขาแซ่บกันที่เขาใหญ่ได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2017 12:08:21
น่ารักไม่ไหวแล้ว

จริงใจมีความอ้อล้อ ทำเนียน ทำตัวชิล แล้วพาฟินได้อีก
ณภัคทำปากแข็งนะ ที่จริงก็ทั้งห่วง ทั้งหวง แถมยังอยากให้สนใจตลอดด้วย

ตัวหอมเป็นอะไร ใครมาป่วนอีก เด็กวอแวเป็นห่วงนะ อย่าใช้น้องเพื่อเลี่ยงใครล่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 01-03-2017 14:49:33
ก็แย่ล่ะ น้องจริงใจเวลาอยู่กับพี่ภัคแล้วมันน่ารักดีจริงๆ
ตอนหน้าเค้าจะไปสวีทกัน(หรือเปล่า) ที่ตจว.แล้ว
รอๆ ดูโมเม้นท์หวานๆ ของคู่นี้ ><
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 23 ผมกับเจ้ากรรมนายเวร | 24-2-60 | P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 01-03-2017 21:53:00
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 03-03-2017 20:11:56
ความที่ 24
ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว






   [ ณภัค’s ]

   ผมมาถึงมหาวิทยาลัยด้วยสภาพที่สติไม่ค่อยเต็มร้อยสักเท่าไหร่ เพราะข้อความนั้นข้อความเดียว คำแค่ไม่กี่คำแต่กลับรุนแรงกับผมเหลือเกิน ผมเดินขึ้นตึกช้า ๆ ไม่รีบร้อนเพราะยังเหลือเวลาอีกพอสมควร เมื่อเดินผ่านใครก็มีแต่คนหันมองและไปซุบซิบนินทา จิปากอย่างรำคาญ คนพวกนี้ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้เอาแต่ยุ่งเรื่องคนอื่น

   “ภัค หวัดดีจ้า~” มองเจ้าของเสียง เบลล์พุ่งเข้ามาหาพร้อมยิ้มสดใส ผมพยักหน้าเนือย ๆ “เป็นอะไรอะ ไม่สบายเหรอ?”

   “เหนื่อย” ตอบสั้น ๆ แล้วไปนั่งที่ประจำของตัวเอง ควานหาหูฟังในกระเป๋าออกมา เพื่อเป็นสัญญาณห้ามรบกวนและตัดขาดจากโลกภายนอก ระหว่างนั้นก็โทรศัพท์เล่นไปพลาง ตอบข้อความไปด้วย ผมไม่ได้ติดโทรศัพท์ แค่ไม่มีอะไรทำเลยต้องเอามันขึ้นมากดเล่น จะให้นั่งเฉย ๆ มองนก มองฟ้า มองคนที่ผ่านไปมาก็ดูจะไม่ใช่ หน้าตาปกติแค่อยู่เฉย ๆ ก็หาเรื่องอยู่แล้ว ถ้าต้องไปมองใครคงโดนลากไปตบ

   13:38 rapin : จะไม่มีใครบอกจริง ๆ ใช่ไหมว่าผู้คนนั้นเป็นใคร!
   13:45 rapin : อิห่า! อ่านไม่ตอบ พวกเวร!

   ผมหลุดขำเบา ๆ เหตุมันเกิดจากรูปที่ผมโพสต์เมื่อตอนสาย ๆ รพินทร์แคปมาแล้วเอามาลงในกลุ่มแชท ถามว่าคนที่เกาะหลังผมอยู่เป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครตอบนาง

   13:45 phiit : กูเรียนอยู่อีสันขวาน
   13:46 rapin : ตอแหลนังตุ๊ด เรียนบ้าไรแอบเล่นมือถือ
   13:46 คลื่น : ตีกัน ๆ
   13:46 K้hram : รำคาญ
   13:47 phiit : อีตัวต้นเรื่องมันอยู่ไหน มึงอย่าซุ่มออกมาเดี๋ยวนี้!
   13:47 phak : -_-
   13:47 rapin : ผู้คือใครวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง!
   13:49 phak : เสือก
   13:49 rapin : *อีโมจิดอกไม้แบบนับไม่ถ้วน*
   13:51 phak : พวกมึง...

   มีข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเครื่องหมายคำถามและสติ๊กเกอร์อยากรู้อยากเห็นจากพวกมันคนละตัว

   13:51 phak : กูมีควิซ

   จากนั้นพวกมันก็ด่าผมหาว่าทำให้พวกมันเสียเวลา ช่วยไม่ได้ พวกมึงอยากเสือกเอง ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เมื่อถึงเวลาอาจารย์ก็เดินเข้ามาในคลาส เกริ่นนำเล็กน้อยเกี่ยวกับควิซ ก่อนจะแจกข้อสอบ ...ผมใช้เวลาในการทำควิซไปพอสมควร ยากชะมัด แต่ก็พอทำได้ เอากระดาษไปส่งให้กับอาจารย์เมื่อทำเสร็จและทบทวนไปหลายรอบแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีก ทางเดียวที่ผมเลือกคือกลับที่พัก

   จังหวะการเดินของผมค่อย ๆ ลดระดับลงเมื่อมองไปเห็นใครเข้า หัวใจผมเต้นระรัวจนอึดอัด เผลอกำมือเข้าหากันแน่น คนคนนั้นเมื่อเห็นผมก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก ผมจ้องหน้าเขานิ่งเมื่อผู้ชายคนนั้นมาหยุดตรงหน้า

   “มาทำไม?”

   “พี่บอกแล้วว่าอยากเจอภัค”

   “ผมอยากเจอคุณเหรอ?”

   “ภัค”

   “กลับไป อย่ามาเข้าใกล้ผม เดี๋ยวก็โดนมองไม่ดีหรอก”

   “อย่าพูดแบบนั้น” ผมแค่นยิ้ม เชิดหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า

   “หึ กลับไปได้แล้ว”

   “จะไม่ไปกับพี่จริง ๆ ใช่ไหม?”

   “.......”

   “โอเคครับ ถ้าภัคไม่ไปพี่ก็ไม่ไป” เขายิ้มไม่สะทกสะท้าน แต่คนที่อารมณ์เสียคือตัวผมเอง หงุดหงิดทั้งเขาและคนอื่นที่มองมา

   “น่ารำคาญ!” ผมเอ่ยเสียงกระแทก ก่อนเดินชนไหล่เขาขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู ผู้ชายคนนั้นยิ้มพึงพอใจแล้วมานั่งในตำแหน่งคนขับ เนื่องจากผมนั่งเฉย ๆ เขาจึงโน้มตัวมาดึงเบลท์ไปคาดให้ ผมมองออกไปนอกรถ มือหนาวางบนหัวแล้วขยี้เบา ๆ คล้ายมันเขี้ยว ผมจิปาก ปัดมือเขาออกอย่างรำคาญ

   “กับพี่ชายก็ยังเย็นชาด้วยนะ”

   “หึ!” แค่นเสียงใส่ คนเป็นพี่ชายหัวเราะในลำคอ สักพักเขาก็เลี้ยวเขาไปจอดที่ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แห่งหนึ่งที่อยู่ค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัย

   “สวัสดีครับคุณณภัท” คุณณภัทยิ้มให้คนที่เขามาทัก “ภัคมาด้วยเหรอ ไม่เจอกันนานนะ สบายดีใช่ไหม?”

   “สวัสดีครับ” ไม่ตอบคำถามแต่ยกมือไหว้ เขาเป็นเพื่อนของณภัทและเป็นเจ้าของร้าน

   “มุมของเรายังว่าใช่ไหม?”

   “ว่าง ๆ ภัทกับน้องภัคอยากดื่มอะไร เดี๋ยวชงไปให้”

   “อืม... รบกวนด้วยนะ”

   หลังจากสั่งเครื่องดื่มและของทานเล่นไปแล้ว ณภัทก็เดินนำผมไปยังมุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

   “ภัคมีเรียนต่อหรือเปล่า?” ผมมองคนถามอย่างไม่พอใจ ณภัทยิ้มเหมือนขบขันเมื่อเห็นผมหงุดหงิด เขายกเครื่องดื่มขึ้นจิบอย่างไม่ทุกร้อน

   “คุณน่าจะสืบเรื่องผมมาแล้วนะครับ”

   “พี่ต้องแพ้ให้ภัคอีกแล้วใช่ไหม?”

   ผมกลอกตา “มีอะไรก็พูดมา คุณคงไม่เสียเวลางานแสนมีค่ามาเพื่อดื่มกาแฟกับผมหรอกนะ”

   “ยังชอบประชดเหมือนเดิม” หมอนั่นเอ่ย “พี่แค่อยากเจอน้องบ้าง”

   “เพื่ออะไร?”

   “เราไม่กลับบ้านมาหลายเดือน พี่คิดถึง”

   “คิดถึง!? ว้าว! น่าประทับใจจังเลย”

   “พี่พูดจริง ๆ กลับบ้านบ้างนะภัค มีคนรอน้องอยู่”

   “หึ” ผมยิ้มหยัน “รอด่าหรือไง”

   “ภัค” ณภัทเรียกเสียงจริงจัง มือหนาส่งมาคว้ามือผมไปจับไว้ ผมพยายามดึงออกแต่ไม่สำเร็จ “ไม่ว่าภัคจะคิดยังไง แต่มีคนรอภัคกลับบ้านอยู่จริง ๆ อย่างน้อยก็พี่”

   ผมเบือนหน้าหนี

   “ผมไม่อยากเจอเขากับพวกมัน” น้ำเสียงของผมแผ่วเบา หันกลับมามองหน้าณภภัทด้วยแววตาที่กร้าวขึ้น มือหนาเกลี่ยมือผมราวกับจะบอกให้ใจเย็น ๆ

   “พี่เข้าใจครับ แม้ภัคจะไม่อยากเจอคนที่นั่น แต่บ้านหลังนั้นคือบ้านของภัค ไม่กลับไปเยี่ยมบ้านหน่อยหรอ อีกอย่าง... ป้านิดเขาคิดถึง”

   พ่นลมออกจากปากเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคน ป้านิดคือแม่บ้านที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่ยังเด็กจนถึงตอนนี้ ท่านรักผมมากและคอยสอนทุกอย่าง และป้านิดก็จัดว่าเป็นคนสำคัญสำหรับผม

   “ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้”

   “แค่จะกลับก็ดีมากแล้ว” ณภัทยิ้มอบอุ่น แววตาของเขาแสดงออกว่าดีใจและยินดีจริง ๆ กับการที่ผมบอกว่าจะกลับบ้าน

   ผม...คิดถูกแล้วใช่ไหม?

   “ภัค”

   “อือ?”

   “พี่ขออะไรอีกอย่างได้ไหม? แทนตัวเองว่าภัคกับพี่เหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า?”

   “.....ไม่รู้”

   เราอยู่ที่คาเฟ่นานพอสมควร ส่วนมากจะเป็นณภัทที่ชวนคุย ผมเองก็ถามคำตอบคำเพราะไม่มีอะไรจะพูด และผมไม่อยากคุยกับเขา ณภัทมาส่งผมที่มหาวิทยาลัยเพราะรถผมจอดอยู่นี่ แล้วเขาก็กลับไปทำงาน ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะทิ้งงานที่แสนสำคัญมาหาผมได้

   ช่างน่าประทับใจจริง ๆ

   เหอะ

   ในกลุ่มแชทค่อนข้างปั่นป่วนกับเรื่องที่ผมขึ้นรถไปกับภัท เพราะมีพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านถ่ายรูปผมไปโพสต์นินทาว่าผมควงผู้ชายคนใหม่อีกแล้ว พวกเพื่อน ๆ ผมมันเลยค่อนข้างฮือฮาเพราะรู้ว่าผมแทบจะไม่คุยกับคนในครอบครัวแล้ว มีความยินดีปนแปลกใจ เพราะพวกมันอยากให้ผมกลับบ้านเหมือนกัน ถึงกับนัดออกไปฉลองเลยด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ไปเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด

   เรื่องนี้ก็ค่อนข้างกวนใจอยู่เหมือนกัน ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไปนะครับ แต่ก็ดันออกปากไปแล้วเพราะอารมณ์ชั่ววูบ มันจึงเกิดความลังเล ไอ้เด็กช่างวอแวนั่นก็ขยันส่งข้อความมาก่อกวนเหลือเกิน

   มัวแต่คิดเรื่องอื่น รู้ตัวอีกทีก็ขับรถมาถึงคอนโดมิเนียมหรูเสียแล้ว ผมผ่านเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายได้เพราะยามจำหน้าผมได้ตั้งแต่ยังที่คบกับภีมอยู่ ผมนั่งอยู่ในรถ กดโทรศัพท์หาคนที่นัดผมมา ที่จริงเจ้าเด็กนั่นบอกจะขับสปอร์ตไบค์ไปด้วยซ้ำ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมกันล่ะ ไกลก็ไกล แดดก็ร้อน แล้วไหนจะกระเป๋าสัมภาระอีก จะเอาไปไว้ตรงไหน เถียงกันอยู่นานกับเรื่องนี้สุดท้ายเจ้าเด็กนั่นก็ต้องยอม ลองไม่ยอมสิ ผมยกเลิกทริปนี้แน่!

   ก๊อก ก๊อก

   ปลดล็อกประตูให้อีกคนเข้ามา จักรพรรดิกลับเปิดประตูฝั่งผมออก เด็กนั่นวางแขนบนหลังคารถแล้วโน้มตัวลงมา

   “ผมขับให้” คิ้วผมขมวด เกือบจะลุกออกจากเบาะไปแล้วเพราะขี้เกียจขับรถ แต่จำได้ว่าเด็กนี่ยังไม่มีใบขับขี่แล้วจะขับได้ยังไง ผมไม่อยากเสี่ยงโดนตำรวจจับนะเว้ย ปากที่กำลังจะอ้าเถียงจำต้องหุบฉับเมื่อเผลอสบตาเด็กนั่นเข้า ดวงตาเรียวคมเป็นประกายแวววาวตรึงสายตา รวมทั้งริมฝีปากบางเป็นทรงสวยซึ่งกำลังคลี่ยิ้มบางเบา ดูละมุนจนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง รู้ตัวอีกทีผมก็ย้ายตังเองไปเบาะข้างคนขับเสียแล้ว...

   จักรพรรดิเดาะลิ้นพอใจก่อนโยนกระเป๋าเป้ใบโตไปไว้ที่เบาะหลังแล้วสอดตัวเข้ามานั่งในรถ มองสำรวจ เช็กรอบรถแล้วหันมามองหน้าผม

   “น้ำมันจะหมดนะ” ผมชะโงกเข้าไปดู พบว่าน้ำมันเหลือน้อยกว่าครึ่งถัง เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไรอีก ผมนั่งตัวเกร็งเมื่อจักรพรรดิวางมือข้างหนึ่งที่หลังเบาะของผม ก่อนที่จะเอี้ยวตัวไปมองด้านหลัง แล้วจึงเริ่มถอยรถออก ใบหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่ได้คิดอะไรทำให้ผมเผลอมอง เมื่อสบตากันอีกครั้งผมก็รีบหันไปทางอื่น ก่อนต้องก่นด่าตัวเองในใจกับท่าทางเด๋อ ๆ ของตัวเอง แถมยังไปใจเต้นแรงกับมันอีก

   น่าอายเป็นบ้า

   “คุณทานอะไรหรือยัง?” พยักหน้าตอบ เมื่อเช้าทานขนมปังโง่ ๆ ไปแล้ว ตอนนี้มันก็ค่อนข้างสายแล้วล่ะ

   หลังจากแวะเติมน้ำมัน เจ้าเด็กนั่นก็หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อก่อนกลับออกมาพร้อมถุงสินค้าถุงใหญ่ ทิ้งลงที่ตักของผม แล้วขับรถออกไปโดยไม่พูดอะไร ผมเปิดดูข้างใน มีเครื่องดื่ม ขนม และของกินหลายอย่าง เบ้ปากนิดหน่อย ความจริงแล้วไม่ชอบมาก ๆ ที่รถจะมีกลิ่น แต่การเลือกเปิดกล่องข้าวผัดกะเพราะหมูไข่ดาวขึ้นมาถือเป็นการกบฏตัวเองอย่างร้ายแรงที่มีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต กลิ่นพริกแสบขึ้นจมูก คนที่ขับรถอยู่หันมามองแล้วดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม สายตาเหมือนหงุดหงิดครู่หนึ่งแล้วหน้าก็กลับไปเป็นปกติคือนิ่ง ๆ ไม่รู้สึกรู้สา

   ถ้าจะมาทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นจะซื้อมาทำไมล่ะ

   (มารู้ทีหลังว่าที่มันหงุดหงิดเพราะกะเพรากล่องนั้นเขาตั้งใจซื้อมากินเอง....)

   “จิ๊!” เป็นผมเองที่จิปาก การใช้ช้อนส้อมพลาสติกค่อนข้างลำบาก จากปกติก็สาหัสแล้ว ยิ่งมาอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมแบบนี้ด้วย มันจึงทุลักทุเลพอสมควร นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมทานอาหารกล่องแช่แข็งแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะทานในร้านอาหารจริงจังเป็นกิจจะลักษณะไปเลยมากกว่า ได้ลองแล้ว...ก็ไม่แย่ (แต่โซเดียมเยอะฉิบหายเลย)

   RRRRRR~

   ระหว่างที่ผมกำลังตบตีกับการกินนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เผลอจับกระเป๋าตัวเองตามความเคยชิน แต่ไม่ใช่ของผม จักรพรรดิหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ

   “ครับผม ... ออกแล้วครับ กำลังขับรถ ... ครับ ไม่ขับเร็ว ... ครับ ... ครับ”

   ผมเบ้ปากระหว่างที่ฟังบทสนทนานั้น ไม่ขับเร็วบ้าอะไรกันล่ะ นั่นมันเปิดร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปอีกนะ

   ทิ้งกล่องเปล่าที่ทานหมดแล้วใส่ถุงอีกใบที่ว่างอยู่แยกเป็นถุงขยะ หลังจากดื่มน้ำไปแล้วผมก็รื้อหาอีกว่ามีอะไรน่าทานบ้าง ช่วงนี้ผมทานเยอะมากโดยไม่แยแสแคลลอรี่หรือน้ำหนักจะขึ้นอะไรแล้ว พอได้กินแล้วหยุดไม่ได้ นานาจิตตัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จะทรุดตอนที่ต้องไปเบิร์นออก เหนื่อยฉิบหาย

   “กินด้วย” เสียงแหบเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ผมชะงักก่อนงับฟันลงบนขนมปังนุ่มของแซนด์วิชไส้กรอกชีส

   “ฉันต้องป้อนไหม?”

   “ไม่อ่ะ รุงรัง” ผมชักงงว่าเด็กนี่มันชอบผมจริงหรือเปล่า บางครั้งก็วอแวจนรำคาญ บางครั้งก็เฉยชาจนสับสน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีหลัง ผมกลอกตา ส่งแซนด์วิชอีกชิ้นที่เหลืออยู่ไปให้คนที่กำลังขับรถ

   “ขอบคุณครับ”

   “อือ” ครางรับสั้น ๆ แค่นั้น ระหว่างเราไม่มีเสียงพูดคุยอะไร ในรถถูกคลอไปด้วยเสียงเพลงเบา ๆ ที่ผมเปิดทิ้งไว้ และเสียงกรอบแกรบจากการเสียดสีของถุงพลาสติก

   เมื่อทานแซนด์วิชหมดผมก็ไม่ทานอะไรต่ออีกเพราะท้องอัดแน่นไปหมดแล้ว จักรพรรดิยื่นมือที่มีรอยมันเลอะอยู่มาทางผม กลอกตาก่อนจะต้องดึงกระดาษไปเช็ดให้ เด็กนั่นบอกขอบคุณ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับ ปรับเบาะลงเล็กน้อย เอนตัวพิงเบาะและหันหน้าไปด้านคนขับ

   ผมไล่มองลำแขนยาวไปจบที่มือหนาซึ่งวางอยู่บนเกียร์ เนื่องจากขับรถด้วยมือเดียว การที่เจ้าตัวถกแขนเสื้อฮู้ดขึ้นไปอยู่บริเวณข้อศอกนั้นทำให้ผมเห็นเส้นเลือดที่นูนขึ้นมาตั้งแต่หลังมือไปจนถึงลำแขน เม้มปากอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นอีกเรื่องที่พีทกรี๊ดเด็กนี่มาก มันบอกว่าเซ็กซี่ เห็นเส้นเลือดแขนแล้วอยากเห็นอีกว่าจะมีตรงไหนอีกที่มีเส้นเลือดพาดนูนแบบนี้ เมื่อนึกไปถึงคำพูดของพีท ผมก็เกลียดตัวเองที่ภาพ ตรงไหนอีก มันลอยเข้ามาในหัว

   โคตรแย่ โรคจิตชะมัด

   ผมละสายตาจากท่อนแขนแข็งแรงไปสำรวจหน้าคนขับ ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง ริมฝีปากไม่มีรอยยิ้ม สายตาเพ่งมองไปด้านหน้า โฟกัสกับการมองถนน การที่สวมแว่นกันแดดขณะขับรถมันดูเท่นะ ยอมรับแบบทิ้งฟอร์มทุกอย่างเลยว่าใจสั่น แล้วยิ่งบวกกับการขับรถมือเดียวนั่นอีก ให้ตายเถอะ เกราะของผมเหมือนกำลังร้าว

   ผมแพ้ทางคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงชอบคนอายุมากกว่า แต่ในส่วนของเด็กคนนี้... แน่ใจว่าเหรอว่านี่คือเด็กมัธยมปลายอายุสิบเจ็ดปีจริง ๆ ความเป็นผู้ใหญ่ของเขามันค่อนข้างสูง

   นั่นคืออีกหนึ่งสาเหตุที่ผมตบตีกับตัวเองอยู่ ถึงได้เป็นคนย้อนแย้งเมื่ออยู่กับเจ้าเด็กนี่ไง

   จู่ ๆ คำที่พีทเคยพูดไว้ก็เข้ามา

   ‘น้องจริงใจเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดที่ความผัวแรงมาก!!’

   อือ... ผมเริ่มจะเห็นด้วยกับมันแล้ว




   ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอตื่นขึ้นมาก็เจอกับข้างทางที่เต็มไปด้วยป่าเขาสีเขียวแล้ว ผมควานหาน้ำในถุงมาดื่ม ชักจะรู้สึกหิวขึ้นมาอีกแล้วแฮะ ทำไมผมกินเยอะจังเลยวะ ระหว่างนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพข้างทางอัพโหลดเป็น Stories

   “ใกล้ถึงยัง?”

   “ถึงแล้ว” เมื่อจบคำผมก็มองเห็นป้ายขนาดใหญ่เข้าพอดี ‘ไร่วนิดา’ เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยมาเลยสักครั้ง ไม่นานรถยนต์ของผมก็ถูกขับมาจอดที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติโอบอ้อม

   “กระเป๋าคุณล่ะ?”

   “ด้านหลัง” เมื่อได้คำตอบก็เปิดท้ายรถขึ้นแล้วยกกระเป๋าเสื้อผ้าของผมออกมาแล้วถือเข้าไปด้วย ผมเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกเกร็ง ๆ นิดหน่อย

   “คุณหนู มาแล้วเหรอคะ?”

   “สวัสดีครับพี่แจง” จักรพรรดิยกมือไหว้ผู้หญิงที่เข้ามา “นี่รุ่นพี่ครับ ชื่อณภัค”

   “ยินดีต้อนรับนะคะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มให้ผม

   “ขอบคุณครับ...”

   “คุณยายล่ะครับ?”

   “อยู่ข้างในค่ะ เข้าไปเลยไหมคะ?” เด็กข้าง ๆ พยักหน้า ก่อนยกกระเป๋าเบี่ยงหลบพร้อมส่ายหน้าเมื่อพี่แจงจะเอื้อมไปถือ

   “สวัสดีครับนายหญิง” ผมได้แต่ยืนมึน ๆ อยู่กลางห้องนั่งเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก มองจักรพรรดิเข้าไปกอดผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยสง่าอยู่อย่างออดอ้อน ผมขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นไม่นึกว่าจะมีมุมแบบนี้

   “ยัยแจง ให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านฉันได้ยังไง!” เด็กขี้วอแวกลอกตากับคำพูดนั้น ทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วผละออก

   “มุกนี้จะเล่นจนผมเรียนจบเลยไหมครับ?”

   “ปากดี!” และแล้วเจ้าเด็กนั่นก็โดนตบปากไปทีหนึ่ง ตบเบาจังแฮะ... “อ้าว นี่ใช่ไหมเพื่อนที่บอกว่าจะมาด้วย หน้าตาน่ารักเชียว มานั่งลูก”

   “อ เอ่อ... สวัสดีครับ”

   เธอยิ้ม มองผมอย่างสำรวจ สายตาไม่ได้คุกคามหรือทำให้รู้สึกไม่ดี แต่มันแสดงออกถึงความเอ็นดูจนผมทำตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงออกไปดี... คนเราจะเอ็นดูใครสักคนจากครั้งแรกที่เจอกันได้เลยเหรอ?

   “ชื่ออะไรจ๊ะ?”

   “ณภัคครับ”

   “ป๋าไม่อยู่เหรอครับนายหญิง?” นายหญิงหันไปมองคนพูดตาขวาง แต่เด็กนั่นก็ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร ออกแนวยียวนด้วยซ้ำ

   “เห็นไหมคะ?”

   “ขอโทษที่ถามโง่ ๆ ครับนายหญิงตะวันพราว”

   “ดีค่ะคุณจักรพรรดิ ป๋าอยู่ในไร่ค่ะ”

   “ครับ”

   อืม... ครอบครัวนี้น่ากลัวกว่าที่คิด

   “ผมเอาของไปเก็บดีกว่า จัดห้องไว้แล้วใช่ไหมครับ?”

   “จัดไว้แล้ว อยู่ห้องตรงข้ามกับห้องหนูนั่นแหละ”

   “เดี๋ยว!” ผมเรียกเขาไว้ก่อนจะเดินออกไป “ฉันนอนที่ไหน?”

   “ที่นี่ไงครับ” เจ้าเด็กนั่นว่าจบก็ก้าวฉับ ๆ ไปเลย แถมยังเอากระเป๋าของผมไปด้วยอีก ทิ้งให้ผมทำหน้าโง่ ๆ โดยไม่ทันได้เถียงอะไร

   อะไรของมันวะ! ให้ผมนอนที่นี่เนี่ยนะ!

   “ไม่สะดวกจะนอนที่นี่เหรอจ๊ะ?”

   “เอ่อ... ผม ผมเกรงใจ”

   “ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก นอนที่นี่แหละดีแล้ว”

   “ผมนอนโรงแรมหรือรีสอร์ทก็ได้...”

   “จะไปนอนให้เสียเงินทำไมกัน มา ๆ ไปในครัวดีกว่า คงจะหิวแล้วสิ”

   สุดท้ายผมก็ต้องตามท่านเข้าไปในครัวจนได้...

   “เอ่อ... ผมต้องเรียกคุณว่าอะไรเหรอครับ?”

   “เรียกยายก็ได้จ๊ะ” ผมตาโต ยายเลยเหรอ ไม่คิดว่าจะแก่ขนาดนี้ ยังสาวยังสวยอยู่เลย แถมหุ่นยังดี สุขภาพก็แข็งแรงด้วย!

   “ขอโทษนะครับ... ผมถามได้ไหมคุณยายอายุเท่าไหร่?”

   “ทายสิ”

   “ห้า...”

   “ผิดจ๊ะ หกแล้วล่ะ”

   “โห ยังสวยอยู่เลยครับ”

   “แหม ช่างพูดเอาใจคนแก่” ท่านว่าพลางหัวเราะ “แล้วเรามารู้จักกับเด็กปีศาจนั่นได้ยังไงล่ะ?”

   “เด็กปีศาจ?” ผมทวนคำ ก็คงมีคนเดียวคือเด็กเวรนั่นแหละ อือ เด็กปีศาจก็เข้าดีแฮะ “เรื่องมันค่อนข้างจะ...”

   “ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรจ๊ะ ยายแค่สงสัยเฉย ๆ ปกติจริงใจไม่สนิทกับใครง่าย ๆ แม้แต่เพื่อนเขายังไม่เคยพามาที่ไร่เลยล่ะ”

   “.......”

   “หนูคงจะพิเศษกับเขา”

   ผมถึงกับกลั้นหายใจ ใบหน้าของท่านยังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ความกังวลที่ไม่รู้ว่ากังวลอะไรคล้าย ๆ จะหายไป ผมยิ้มแห้งตอบกลับ ไม่นานจักรพรรดิก็เข้ามา และเริ่มกินข้าวโดยไม่พูดอะไร

   ไอ้เด็กนี่... กับอาหารนี่ไม่ได้เลยใช่ไหม

   เมื่อทานอาหารเที่ยงในตอนบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ถูกฉุดมาด้านนอกด้วยความไม่เต็มใจ ขอย้อนไปตอนกินข้าวก่อน มีแค่ผมและจักรพรรดิทานอยู่สองคนเท่านั้นเพราะคนอื่น ๆ ทานไปแล้ว ผมกินไปเยอะมาก

   1...เพราะหิว
   2...เพราะมันอร่อย
   3...เพราะมันอร่อย
   .
   .
   .
   10...เพราะมันอร่อย

   กินเสร็จก็เพิ่งสำนึกได้ว่าไม่น่าเลย แน่นท้องไปหมด คาดว่าถ้าอยู่ที่นี่เรื่อย ๆ ตัวผมบวมแน่นอน นี่ก็ไม่รู้จะอยู่กี่วัน





   “คุณขับเป็นไหม?” เด็กตัวสูงเอ่ยถาม เจ้าเด็กนั่นอยู่ในชุดเดิม ส่วนผมขึ้นไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่ใส่สบายและกันร้อนมากกว่าเดิม เพราะเจ้าเด็กนรกนี่บอกจะพาไปทัวร์ไร่

   “ไม่” มองรถคันใหญ่ที่ลักษณะเหมือนมอเตอร์ไซค์แต่มีสี่ล้อด้วยสายตาหวาดระแวง ผมไม่รู้ว่าชื่อของมันคืออะไร แต่ถ้าไม่ใช่รถยนต์ผมก็ขับไม่เป็น

   “งั้นซ้อนผมแล้วกัน” คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแหละ จักรพรรดิตวัดขาคร่อมเจ้ามอเตอร์ไซค์สี่ล้อด้วยความคล่องตัว ผมลังเลนิดหน่อย ก่อนจะวางมือบนไหล่กว่างแล้วดันตัวเองขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง จากการสั่งสมประสบการณ์ซ้อนสปอร์ตไบค์มาแล้วทำให้ทำมีความพัฒนาขึ้น...บ้าง

   “ขับดี ๆ นะจริงใจ อย่าไปแกล้งพี่เขา”

   “ครับนายหญิง”

   “เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ อยากรู้อะไรก็ถามจริงใจได้เลย” ผมยิ้มและพยักหน้ารับคำพูดของคุณยายตะวันพราว

   แม้จะเป็นช่วงบ่าย แต่ด้วยความที่มีต้นไม้ล้อมรอบเต็มไปหมดทำให้ไม่ร้อนมาก ลมเย็น ๆ พัดปะทะกับผิวหน้ายามที่รถเคลื่อนตัวออกไป ผมแหงนหน้าขึ้นรับลม รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

   รถ ATV หยุดเคลื่อนไหว (รู้แล้วว่ามันคืออะไรเพราะเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตด้วยคำว่า ‘มอเตอร์ไซค์สี่ล้อ’) คนขับดับเครื่องยนต์แล้วกระโดดลงไปยืนที่พื้น โดยผมยังนั่งอยู่บนเบาะ

   “เดินเล่นกัน” ได้ยินแบบนั้นจึงกระโดดลงไปบ้าง เจ้ารถบ้านี่ก็สูงจังเลย! “คุณชอบกินองุ่นไหม?”

   “กินได้” เมื่อพูดจบ เจ้าเด็กตัวสูงก็เอื้อมมือไปเด็ดองุ่นจากต้นมาหนึ่งพวงเล็ก ๆ ก่อนจะเช็ดกับชายเสื้อของตัวเองแล้วส่งมาให้ผม ผมรับมาถือทั้งที่สายตายังคงมองหน้ามันอยู่ จะให้ผมทั้งที่ยังไม่เช็ดก็ได้ป่ะ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย แล้วผมควรรู้สึกยังไงอ่ะ? ประทับใจเหรอ แต่หน้าคนทำมันโคตรจะนิ่งและเฉยชาเลย สับสนฉิบหาย

   “กินดิครับ”

   สั่งกูอีก...

   ผมงับองุ่นครึ่งหนึ่งก่อน มันค่อนข้างลูกใหญ่นะครับ ทันทีที่กัด น้ำหวานในผลไม้ก็แตกซ่านในปาก ผมเบ้หน้านิดหน่อยเมื่อรับรสเปรี้ยวขององุ่นแต่ก็มีรสหวานแทรกเข้ามาด้วย หลังจากเคี้ยวครึ่งแรกไปแล้วก็งับอีกครึ่งตาม ผมแบมือไปข้างหน้าเมื่อกลืนไปทั้งหมด หลานเจ้าของไร่หัวเราะพึงพอใจก่อนจะส่งผลองุ่นที่เช็ดแล้วมาให้ผมทั้งพวง จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อย ๆ และผมก็เด็ดองุ่นทานไปด้วย

   อร่อยชะมัด... กินสด ๆ จะต้นแล้วอารมณ์ต่างจากซื้อกินมากเลย มันสดชื่นกว่าโข

   ชักชอบที่นี่แล้วแฮะ...

   “ไร่วนิดานอกจากมีองุ่นแล้ว ยังมีโรงบ่มไวน์ โรงงานแปรรูป คอกม้า ร้านค้าที่ขายสินค้าของไร่ แล้วก็มีสวนสตรอว์เบอร์รี่ด้วยครับ” ผมตาโตขณะฟัง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาและอยากไปทัวร์ทุกที่ ในขณะเดียวกันผมก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไปด้วย

   “อยากไปที่ไหนไหมครับ?”

   “......” ผมนิ่งคิด “คอกม้า”

   “โอเค”

   ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย จักรพรรดิถอดแว่นกันแดดออกแล้วเอาไปใส่ที่ท้ายทอยแทน (ถ้าตกผมจะเหยียบซ้ำให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู) จากนั้นจึงพาผมเดินไปทางตาม ระหว่างนั้นหากมีคนงานผ่านมาพวกเขาก็จะทักทายหรือทำความเคารพเจ้าเด็กนี่ด้วย

   “ตัวนี้เป็นของลูกชายเจ้าของไร่ ชื่อภูผา อายุมากกว่าผมอีก” บอกพร้อมกับลูบคอม้าตัวโต ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะว่ากลัว ภูผาตัวใหญ่มาก สูงกว่าผมเยอะมาก สง่างามและน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก และในนี้ยังมีม้าอยู่หลายตัวด้วย “คุณขี่ม้าเป็นไหม?”

   “ไม่แน่ใจ”

   “ก็แย่ละ” ผมบุ้ยปาก ไม่แน่ใจจริง ๆ นี่ เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว แม่จะเป็นคนพาผมไปและเราจะขี่ม้าด้วยกัน ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ ผมก็ไม่ได้ขี่ม้าอีกแล้ว...

   “เคยเป็น แต่ไม่ได้ขี่นานแล้ว เลยไม่แน่ใจไงเล่า!”

   “โวยวายทำไมอะ เป็นบ้าเหรอ” ไอ้เด็กห่านี่! ผมถลึงตาใส่ มันเบ้ปากกลับ แล้วเดินออกไป ผมจะทำอะไรนอกจากตามไปล่ะครับ ที่นี่ถิ่นมันนี่ จะทำอะไรกับผมก็ได้ไง ชิ! ไม่น่ามาด้วยเลย

   “อ้าว คุณจริงใจ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

   “เพิ่งมาครับ จอมทัพอยู่ไหนเหรอครับ?”

   “อยู่ที่คอกด้านนอกครับ” จักรพรรดิพยักหน้ารับคำคนงาน และแล้วก็มาถึงคอกด้านนอก ข้างในมีม้าอยู่หลายตัว เด็กนั่นบอกให้ผมรออยู่ด้านนอกก่อนที่ตัวเองจะกระโดดข้ามรั้วเข้าไป เด็กตัวสูงเดินเข้าไปหาม้าตัวหนึ่งที่มีขนสีน้ำตาลมันเงา ตัวสูงสง่า ขายาว นั่นคงจะเป็นจอมทัพ...

   ฮี่~!

   ผมสะดุ้งและผงะถอยหลังเมื่อได้ยินเสียงม้าร้อง ทั้ง ๆ ที่อยู่ค่อนข้างไกลพอสมควร ทำไมถึงได้ตกใจง่ายจังเลยวะ

   “ลองไหม?” ส่ายหน้าหวือทันที แล้วยังขยับถอยหลังออกไปอีก จักรพรรดิดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม มือหนาลูบตามตัวของจอมทัพขณะที่พามายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว “ไหนบอกว่าเคยขี่ กลัวอะไรครับ?”

   “มันสูง”

   “ผมอยู่ด้วยไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย”

   กลัวเพราะอยู่กับแกนั่นแหละ! เด็กนี่มันไว้ใจได้ที่ไหนกัน เดี๋ยวพอมีโอกาสก็แกล้งผมอีก

   “เข้ามาครับ”

   “ไม่!”

   “ณภัค เข้ามาครับ อย่าดื้อ”

   “บอกมันอย่าร้องสิ!”

   “เฮ้อ...” เด็กนั่นถอนหายใจ ลูบเนื้อ ลูบตัวม้าจอมทัพ พอเจ้าสัตว์สี่เท้านั้นสงบลงและหยุดร้องผมก็ปืนข้ามรั้วไม้สีขาวเข้าไป ก็คนมันขี้เกียจเดินอ้อมไปที่ประตูนี่!

   ฮี้!!

   “เฮ้ ๆ เป็นเด็กดีหน่อย” จักรพรรดิบอกม้าตัวเอง แต่จอมทัพยังคงดีดดิ้นหวีดร้องอยู่ดี ผมถอนหลังหลบ มือยาว ๆ ของเด็กปีศาจก็คว้าหมับเข้าและออกแรงกระชากจนผมเซถลาเข้าไปหาจอมทัพ


   โว้ย!! ถ้าผมโดนม้าเตะนะ ผมแบนเด็กเวรนี่เลยคอยดู!!!!









-----------------------------------
ฮายยยยยยยยย มาแล้วค่าาา หายไปนานยังไม่ตายเด้อ 5555555555
ในส่วนของตอนนี้นั้นนนนนนนน ก็แล้วแต่ทุกคนจะพิจารณา
ตอนหน้ายังอยู่ที่ไร่นะจ๊ะ สองนางจะทำอะไรที่ไร่วนิดาบ้างก็ต้องรออ่านเด้อ
คุณภัคเขาเลี้ยงง่ายเนอะ มีอะไรให้กินก็กิน ให้อะไรก็กิน ส่วนคนง่าย ๆ อย่างจริงใจนั่นเรื่องมากเว่อ #อ้าว 555555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค้าาาาา
ฝากไว้สักนิด ตอนนี้พี่มีนกับรามินทร์เปิดจองแล้วเด้อค่า เข้าไปดูรายละเอียดในเพจได้นะคะ
ช่วยจ่ายค่าเทอมให้พี่มีนหน่อยนะคับ /ช้อนตามองอ้อน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 03-03-2017 20:40:03
ทำไมณภัคน่ารักขนาดนี้!!!  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 03-03-2017 20:42:24
คือตอนนี้ก็ดูยาวนะ แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามัรสั้นจัง อารมย์คล้ายๆกับเข้าไปอยู่ในไร่ด้วยเลยอ่ะ กำลังสนุกอยู่เลย

มาต่อไวๆเด้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-03-2017 20:51:56
แจ้ะ นางมีปมหลายอย่างจัง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-03-2017 21:11:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 03-03-2017 21:17:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-03-2017 21:20:32
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 03-03-2017 22:06:00
 :pig4:
หวานมั้ยน้าาา555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-03-2017 22:06:26
จริงๆภัคก็ว่าจริงใจไม่ได้นะ ตอนนี้เอาอะไรให้กินภัคก็อร่อยไปหมดเหมือนกันนะเนี่ย ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 03-03-2017 22:24:05
สะไภ้เล็กแห่งไร่วนิดามาฝากตัวกับคุณยายตะวันพราวแล้วว
ถ้ามาจ๊ะกับพี่ฟ้ากันที่ไร่คงสนุกกิลึก  :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 03-03-2017 22:46:17
 :z3: :z3: เอาอีกๆ.. :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-03-2017 22:49:27
ตอนนี้น่ารักทั้งคู่เลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 03-03-2017 23:05:58
จริงใจมีความผัวแรงมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-03-2017 23:06:32
อารมณ์เหมือภัคเป็นนางเอกที่หลงเข้าไปอยู่ในไร่ของพ่อเลี้ยงหนุ่ม แต่ในความเป็นจริงคือโดนอิเด็กไบโพล่าจอมโวยวายและวอแวกำลังนำเที่ยวแบบฮาร์ดคอ 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 03-03-2017 23:42:51
มีความโรแมนติก^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 04-03-2017 00:03:47
หลงเด็กปีศาจเข้าไปเต็มๆ

อยากได้แบบจริงใจสักคนคงดี :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-03-2017 00:43:36
 :hao3: มีชีวิตชีวาขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-03-2017 09:02:47
ณภัค คนมีอดีต เลยไม่เปิดใจรับใคร หวังว่าคงไม่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่นะคะ

ภัคมีความย้อนแย้ง ชอบจริงใจไปแล้วแหละ แต่ไม่อยากยอมรับ 5555
แถมยังคิดย้อนภาพให้เขินเองอีก น่ารักนะคนเรา

จริงใจก็ตลก จะทำขรึมไปเพื่อ ภัคเค้าอยากให้สนใจบ้าง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 05-03-2017 09:28:22
 :z10:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 06-03-2017 12:50:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2017 15:08:52
ชอบที่พีทว่า
‘น้องจริงใจเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดที่ความผัวแรงมาก!!’
 “...........ปกติจริงใจไม่สนิทกับใครง่าย ๆ
แม้แต่เพื่อนเขายังไม่เคยพามาที่ไร่เลยล่ะ”
  “หนูคงจะพิเศษกับเขา”
ใช่เลย ณภัค พิเศษโคตรสำหรับเด็กปีศาจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-03-2017 16:40:36
ฟีลบ้านไร่น่ารัก~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: zirconsan ที่ 07-03-2017 14:13:47
ตามทันแล้ว แงงงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 24 ผมกับหัวใจที่เริ่มสั่นไหว | 3-3-60 | P.18
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 08-03-2017 19:04:51
สนุกอ่ะ จริงใจมีความผัวมาก เห็นด้วยกะพีท :hao3:
 มาต่อเร็วๆ น๊าาาาา :hao7:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 08-03-2017 22:57:24
ความที่ 25
ผมกับเด็กบ้า







   [ ณภัค’s ]

   ผมเกลียดสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าจักรพรรดิ!!!! เกลียด เกลียดมาก ๆ

   ไอ้เด็กเวรนั่นมันใจร้ายกับผมมาก ถึงแม้ว่าผมจะเคยขี่ม้า แต่ก็ไม่ได้ขี่นานแล้วใช่ไหมล่ะ มันต้องไม่คุ้นชินบ้างสิ ยิ่งจอมทัพค่อนข้างดุกับคนแปลกหน้าอย่างผมอีก ความกลัว ความกังวลยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่ แต่ไอ้เด็กบ้านั่นยังบังคับให้ผมเข้าใกล้จอมทัพอยู่ได้ ไม่เห็นเหรอว่ามันจะถีบผมกระเด็นอยู่แล้ว ไอ้ม้าไร้คุณธรรม!!!!

   น่าหงุดหงิดทั้งม้า ทั้งเจ้าของ!!!!

   “หนึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ คุณยังเข้าใกล้จอมทัพไม่ได้เลยนะ”

   “ไม่ได้ก็ไม่เข้า ไม่ขี่แล้ว!”

   “ยอมแพ้แล้วเหรอ”

   “เออ!!!!” ผมตะคอกใส่ มองเด็กตัวสูงตาขวางแล้วเดินหนีหน้าบึ้งออกจากระยะของจักรพรรดิกับจอมทัพ ร้อนก็ร้อน โมโหก็โมโห ผมมาทำบ้าอะไรที่นี่วะ!!

   ฮี้!!~

   ไม่ต้องมาร้องเลยไอ้ม้าหน้ายาว!

   “จอมทัพอยากเล่นกับคุณนะครับ”

   “ฉันไม่อยาก!”

   “โห เสียใจเลย ไม่ต้องร้องนะจอมทัพ” ว่าแล้วก็ลูบหัวปลอบม้า

   “ปัญญาอ่อน!”

   “หึ มาเร็วครับ จอมทัพแค่แหย่คุณเล่นเท่านั้นแหละ”

   แหย่บ้าอะไรเล่า ม้ามันจะไปรู้เรื่องที่ไหนกัน!

   “มานี่สิครับ คราวนี้คุณจับมันได้แน่นอน”

   ผมยังคงกอดอกหน้าบึ้ง ไม่ตอบรับ ไม่ขยับเขยื้อน

   “คุณไม่อยากเอาชนะมันเหรอครับ?”

   ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก จอมทัพน่าหมั่นไส้จะตาย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะเล่นตัวเหรอ ฮึ่ย! น่าหงุดหงิด ถ้าเป็นคนผมฝนเล็บไปข่วนหน้าแล้ว!

   เจ้าม้าขี้เก๊ก!

   “ถ้ามันยังพยศฉันกลับบ้านแน่”

   “หึหึ ครับ ๆ”

   รวบรวมกำลังใจไปต่อสู้กับม้าจอมดื้ออยู่สักพักผมก็ก้าวเข้าไป จอมทัพกระทืบเท้ากับพื้น กระโดดขึ้นจนกลายเป็นยืนสองขาพร้อมกับร้องเสียงดัง ผมจะทำอะไรได้นอกจากถอยหลังล่ะ ทำไมจอมทัพถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้ ผมตีสนิทมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ เหนื่อย! ตัวอื่นจะดื้อเหมือนเขาหรือเปล่า ถือตัวไม่ต่างจากเจ้าของเลย ใครแตะตัวไม่ได้เลยใช่ไหม

   เจ้าม้าหยิ่ง!!!

   “จอมทัพ” จอมทัพคล้ายสงบลงเมื่อถูกเรียกเสียงเข้มโดยเจ้าของ มือหนาจับที่สายจูงบังคับให้มันอยู่เฉย ๆ “เข้ามาสิครับ”

   “จอมทัพจะฆ่าฉัน”

   “ก็แย่ละ จอมทัพจะฆ่าคุณทำไม”

   “มันไม่ชอบฉัน”

   “เฮ้อ.... มานี่ครับ มายืนข้างผมนี่ จอมทัพแค่ยังไม่คุ้นกับคุณเท่านั้นเอง” คนพูดดึงมือผมให้ไปยืนข้าง ๆ เมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับจอมทัพผมก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ตัวสูงเป็นเปรตทั้งม้าทั้งคน!

   “วางเบา ๆ แบบนี้ แล้วลูบมันครับ” จักรพรรดิวางมือผมบนหน้าของจอมทัพ มือหนายังคงวางทับบนมือของผม และบังคับให้ลูบหัวจอมทัพ ผมเกร็งจนรู้สึกได้ แต่จักรพรรดิไม่ให้ผมได้มีโอกาสดึงมือออก ผมจึงต้องลูบหัวจอมทัพไปอย่างช่วยไม่ได้ ในคราแรกจอมทัพค่อนข้างต่อต้านตามประสาม้าถือตัว ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในช่วงหลัง ตอนนั้นเองจักรพรรดิจึงปล่อยมือออกและให้ผมทำความคุ้นเคยกับจอมทัพด้วยตัวเอง โดยที่เขาก็ยืนอยู่ข้าง ๆ

   “ลองเปลี่ยนไปลูบที่อื่นบ้างสิครับ” ผมย้ายมือไปตามที่เสียงบอก ตอนนี้จอมทัพยืนสงบให้ผมลูบไล้ร่างกาย บทจะเชื่องก็เชื่องขึ้นมาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ

   “ขึ้นไปไหมครับ?”

   “มันสูงไป...”

   “ไม่ตกหรอก เชื่อผม” จักรพรรดิยิ้มอ่อน ๆ ส่งมาให้

   รอยยิ้มลวงโลก ผมไม่ซึ้งหรอก จ๋าจ้าบอกมาหมดแล้ว

   “ใช้มือซ้ายจับบังเหียนไว้นะครับ สอดเท้าซ้ายไปเหยียบโกรน ส่วนมือขวาจับอานเอาไว้ ยกตัวขึ้นแล้วกวาดขาไปคร่อมนะ” ผมนิ่งไปเมื่อฟังเสียงของเด็กตัวโตที่เอ่ยบอกอย่างใจเย็น จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ผมคุ้นเคยดีดังเข้ามาในหัว

   “น้องภัคจับตรงนี้นะคะ แล้วเอาเท้าสอดเข้าไปเหยียบตรงนี้ค่ะ มืออีกข้างจับอานไว้นะคะ จากนั้นก็ปืนขึ้นเลยค่ะ”

   “ไม่เอา... ภัคกลัว”

   “ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่น่ากลัวนะลูก”

   “ม้าตัวโต ภัคไม่อยากขึ้น”

   “ม้าไม่ทำร้ายภัคหรอกนะคะ ขึ้นเร็ว คุณแม่จะช่วยสอนไง หรือจะให้คุณครูมาสอนคะ?”

   “ไม่เอา ให้คุณแม่สอน แต่ภัคกลัวตก”

   “โธ่ เด็กน้อยของแม่ ไม่ตกค่ะลูก แม่ก็อยู่ด้วยนะ ไม่ต้องกลัว”

   “แต่.....”

   “ใครกันที่บอกคุณแม่ว่าอยากเรียนขี่ม้า แต่พอมาแล้วกลับกลัวเสียอย่างนั้นเลย”

   “ก็ม้าน่ากลัวนี่นา...”

   “ม้าไม่น่ากลัวหรอกค่ะ น้องภัคแค่คิดไปเอง ถ้าภัคขี่ม้าเป็นแล้ว เราจะได้ขี่ด้วยกันไงคะ น้องภัคคงไม่อยากนั่งเบื่อ ๆ รอคุณแม่ขี่ม้าใช่ไหมล่า?”

   “...........”

   “ถ้าน้องภัคเก่งแล้วก็จะแข่งกับพี่ภัทได้นะคะ คราวนี้พี่ภัทก็ล้อภัคไม่ได้แล้วนะ”

   “ภัคจะชนะพี่ภัทให้ได้”

   “แค่ขึ้นขี่ม้ายังไม่กล้า จะมาเอาชนะพี่น่ะ เร็วไปร้อยปีแล้ว!”

   “พี่ภัทหุบปากไปเลย! ภัคจะเก่งกว่าพี่เลยคอยดู!”

   “มีเป้าหมายแล้วใช่ไหมคะ? คราวนี้น้องภัคขึ้นไปเลย เดี๋ยวคุณแม่ช่วย...”


   “ภัค”

   “.........”

   “ณภัค!!!”

   “ฮะ เฮือก!!”

   “เป็นอะไรครับ?”

   “ปละ เปล่า...”

   “จะเปล่าได้ยังไง คุณกำลังร้องไห้” ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสิ้นคำบอกเล่า ยกมือแตะใบหน้าตัวเองปรากฏว่ามันเปียกชื้นด้วยน้ำตาจริง ๆ ผมปล่อยมือจากสายบังเหียน ก้าวถอยหลังไปอย่างช้า ๆ โดยมีสายตาของจักรพรรดิและจอมทัพมองตาม

   ผมหันหลัง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก ไม่น่าเชื่อว่าจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมเจ็บที่หัวใจเป็นบ้าเลย

   “คุณจะไม่ขี่แล้วก็ได้นะ”

   “ฉันจะขี่ ขอเวลาแป๊บหนึ่ง”

   สาเหตุที่ผมเรียนขี่ม้าก็เพราะแม่ และสาเหตุที่ผมหยุดขี่ม้าก็เพราะแม่เช่นกัน... แต่ตอนนี้ผมต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ ต้องทำลายกำแพงที่สร้างขึ้นมาเองให้ได้ ในเมื่อแม่รักการขี่ม้ามาก และตอนนี้ผมได้มีโอกาสอีกครั้ง ผมจะทำมัน ผมจะขี่ม้าแทนแม่เอง...

   “คุณโอเคจริง ๆ นะ”

   “อืม” ตอบรับคำนิ่ง ๆ สิ่งที่เคยเรียนตั้งแต่เด็กเริ่มวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ผมปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของจอมทัพในโดยที่จักรพรรดิไม่ต้องช่วย แม้มันจะค่อนข้างทุลักทุเลอยู่ก็ตาม จักรพรรดิช่วยจูงจอมทัพในตอนแรก แต่หลังจากเวลาผ่านไปสักพักก็ปล่อยให้ผมอยู่กับจอมทัพตามลำพัง โดยที่เจ้าของตัวจริง นั่งมองอยู่บนรั้วไม้

   เมื่อก่อนผมไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เพราะกลัวมาก แต่พอแม่ช่วยความกลัวก็ลดลงจนในที่สุดก็ชอบม้าจนได้ และเมื่อมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิตผม ก็ทำให้ผมกลัวที่จะขี่ม้าไปเลย และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นซ้ำ ผมกำลังก้าวผ่านความกลัวของตัวเองและกำลังจะกลับไปชอบการขี่ม้าอีกครั้ง...

   “คุณสวยมาก”

   คนที่นั่งอยู่บนรั้วเอ่ยขึ้นมาผมพาจอมทัพให้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาหลังจากขี่เล่นอยู่หลายชั่วโมง

   ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นผมคงจะตอบกลับด้วยการมองตาขวาง แต่ตอนนี้ผมยักคิ้วกลับไปและยิ้มให้ ยิ้มที่ไม่เคยยิ้มให้เด็กผู้ชายคนนี้เลย จักรพรรดิยิ้มตอบกลับมา เป็นยิ้มบางเบาที่ดูละมุนจนแปลกตา ทว่านัยน์ตาคมที่กำลังส่องประกายแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ

   “ก็พอจะรู้อยู่นะ”

   “หน้าด้านขึ้นเยอะนะครับ”

   “ไอ้เด็กเวร!”

   “หึหึ เป็นไงบ้าง สนุกไหม?”

   “อือ แต่จอมทัพโคตรเล่นตัว กว่าจะเชื่อง”

   “นี่ก็เชื่องจนจะเป็นหมาแล้ว ปกตินอกจากผมกับคนดูแลก็ไม่มีใครได้จับหรอก หวงตัว”

   “เหมือนนาย” จักรพรรดิยักคิ้วหนึ่งข้างและทำหน้ายียวน “แต่จอมทัพหล่อกว่านายนะ”

   ฮี้!!~

   นี่ก็ร้องรู้จังหวะจังเลย...

   “ช่างเถอะ ยังไงผมก็หล่ออยู่ดี” ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ “กลับกันไหมครับ เริ่มเย็นแล้ว”

   “อือ”

   นั่ง ATV กลับมาถึงบ้าน อยู่คุยกับนายหญิงพักหนึ่ง (เรียกตามเด็กปีศาจจนได้) ท่านถามถึงว่าไปทำอะไรบ้าง ก่อนจะไล่ผมและจักรพรรดิไปอาบน้ำให้สบายตัว ถ้าหากอยากพักผ่อนก็อยู่บนห้องได้เลย ถึงเวลาอาหารเย็นจะให้คนขึ้นมาตาม หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วผมก็มานอนกลิ้งบนเตียง

   ที่ห้องนี้ไม่ได้มีของตกแต่งหรือของใช้ส่วนตัวอะไรมาก เหมือนจะเป็นห้องรับรองแขก ลุกจากเตียงไปที่หน้าต่างซึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ มองออกเป็นเห็นวิวภูเขาด้วย ...สวยจัง ถ้าได้อยู่ที่นี่สุขภาพจิตผมต้องดีมากแน่ ๆ แค่มายังไม่ถึงวันผมยังรู้สึกดียิ่งกว่าหลายปีที่ผ่านมามัดรวมกันเลย

   โคตรเยียวยาจิตใจ

   RRRR~

   ระหว่างที่กำลังชมวิวอยู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ทิ้งตัวนอนคว่ำบนเตียง กดรับสายวีดีโอคอลแบบกลุ่มที่ตอนนี้มีรพินทร์กำลังโชว์กินมะม่วงน้ำปลาหวาน...

   (“ฮายยย ตุ๊ด”)

   “หน้ามึงง่ะ”

   (“อยู่ไหนคะยู ได้ข่าวว่าหนีเที่ยว”)

   “อยู่ไหนก็ได้โตแล้ว” พินทร์ถลึงตาใส่ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ สักพักพีทก็เข้ามาคุยด้วย

   (“มึงอยู่ไหน!!!”)

   “ไม่บอก!”

   (“อีสันขวาน”)

   (“ด่ามันค่ะ ด่ามันเยอะ ๆ ด่ามันอีก!”) ผมกลอกตาใส่พวกมันสองคน ไม่สนใจคำพูดไร้สาระพวกนั้น

   (“ว้าย แฝดมาแล้ว!”) พินทร์กรีดร้องเมื่อเห็นชื่อล็อกอินของคลื่นเด้งขึ้นมา แต่คนที่เสนอหน้ามากลับเป็นคราม เอาเถอะ พวกมันคงอยู่ด้วยกันนั่นแหละ

   (“ไปเที่ยวที่ไหน? จะตอบดี ๆ หรือให้ตามถึงที่”) พูดขนาดนี้แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ครามพูดจริงแน่ ต่อให้ไม่รู้ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คำตอบ ผมไม่เสี่ยงกับไอ้แฝดหรอก

   แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา พร้อมกับเด็กตัวโตที่โผล่มาแค่หัว ผมพลิกตัวไปกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกับหัวเตียง เด็กปีศาจขยับปากถามว่าเข้าไปได้ไหม ยังไม่ได้ทันได้ครุ่นคิดดี ๆ ก็เผลอพยักหน้าไปแล้ว เจ้าเด็กนั่นจึงเดินเข้ามา และยังขึ้นมานอนบนเตียงของผมด้วย!!

   (“บอกได้หรือยัง?”) เสียงเข้มของครามดังย้ำ ผมจึงบอกสถานที่ออกไป ไอ้เด็กผีที่อยู่ข้าง ๆ ก็หันมามองอย่างสนใจ

   (“แล้วนี่มึงไปกับใคร น้องจริงใจของกูเหรอ?”)

   (“ใครคือน้องจริงใจ!!!”) รพินทร์แว้ด ผมกลอกตาและถอนหายใจทันที

   (“วอแวบอย?”) ครามขยี้ซ้ำอีกรอบ เมื่อผมเงียบไม่ตอบก็กลายเป็นคำตอบให้มันไปเสียอย่างนั้น

   (“อีดอกกกกกกกก งามหน้ามาก!”)

   (“เดี๋ยวนี้เลเวลอัพถึงขั้นหนีตามผู้ชายแล้วเหรอเมีย”)

   “ไอ้เหี้ยคลื่น!” ผมหน้าคนที่เพิ่งโผล่เข้ามาเบียดครามออกจากจอ

   (“น้องจริงใจคือใครว้าาาาา!”) รพินทร์ทิ้งมะม่วงน้ำปลาหวานไปแล้วเรียบร้อย มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่ไม่ได้คำตอบสักที

   (“ชะนีมึงกลับถ้ำมึงไป๊”)

   (“คราม ครามช่วยพินทร์ด้วย~”) ร้องหาคราม เพราะครามมีความเป็นมนุษย์มากที่สุด แต่แล้วครามก็ทำเพียงแค่แสยะยิ้มตอมกลับ โดยไม่เอ่ยใด ๆ ออกมา ทำเอาพีทกับคลื่นหัวเราะร่วนพึงพอใจ

   (“เออ จำไว้เลยพวกแก! แต่ว่าน้องจริงใจเหรอวะ ชื่อโคตรคุ้นเลย”) พินทร์ทำหน้างงแล้วนึก ผมกัดปาก ใจเต้นตุ่ม ๆ ต่อม ๆ แต่แล้วนางก็บอกว่านึกไม่ออกแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

   “อือ!” ผมส่งเสียงออกไปอย่างรำคาญเมื่อเด็กเจ้าของบ้านเริ่มเข้ามาวอแว พยายามดันหัวของมันออก จะมุดอะไรนักหนาเล่า!!

   (“เป็นไรอะ?”)

   “ยุ่ง!”

   (“กูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว! เอาน้องจริงใจของกูมาซิ!”)

   “สาระแน!”

   (“หวงเหรอ?”) อ้าวคราม ทำไมทำกันแบบนี้ล่ะ? คราวนี้ไอ้เด็กที่กำลังนอนเบียดผมอยู่ผงกหัวขึ้นมา ก่อนจะขยับตัว แทรกศีรษะลอดผ่านช่องแขนของผมที่ถือโทรศัพท์เอาไว้ พีทกรีดร้องเสียงแหลม ผมยกมือข้างที่ว่างกดหัวเด็กจักรพรรดิไว้ทันที

   อย่าได้โผล่มาเชียวนะมึง!

   (“ฮือออ วอแวบอยของณภัคเหรอ โผล่หน้ามาดูหน่อยยยยยยยย”) รพินทร์ทำเสียงงอแง ผมถลึงตาใส่จักรพรรดิ มันยกยิ้มเหมือนสนุก หน้าง่วง ๆ นั่นดูเจ้าเล่ห์ขึ้นทันตา

   (“วอแวบอยของณภัคก็มาว่ะ หึหึ”) คลื่นแซว ผมจิปากไม่สบอารมณ์ และพยายามกดหัวเด็กเวรนี่ไว้ไม่ให้โผล่มาเสนอหน้า แม้จะมีส่วนของผมยุ่ง ๆ โผล่ไปในจอของผมบ้างก็เถอะ

   “Damn it! แค่นี้นะ ไม่คุยแล้ว!” ผมกดออกจากการสนทนาทันทีที่พูดจบ โยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่ว่างของเตียง

   ต้องจัดการไอ้เด็กเวรนี้แล้ว

   “ทำไมไม่ให้พี่พินทร์เห็นหน้าผมล่ะ?”

   “รู้จักเหรอ?” เด็กกวนประสาทไหวไหล่ “ตอบมา!”

   “อือ ก็เขาเป็นน้องแฟนพี่ชายผมป่ะ แต่เขาสวยเลยส่องเยอะหน่อย”

   “เหอะ! ชอบมากก็ไปจีบเลยดิ”

   “ไม่ ผมมีคนที่ชอบแล้ว คุณไม่รู้เหรอ?”

   “เรื่องของนาย!!” ผมใช้หมอนใบโตตีหน้ามันไปด้วยความหงุดหงิด ไอ้เด็กบ้านี่มันจะทำให้ผมประสาทเสียเข้าสักวันจริง ๆ นะ

   “หึหึ ผมรู้จักแค่ชื่อนั่นแหละครับ ไม่เคยคุยหรอก ไม่อย่างนั้นเขาก็รู้แล้วสิว่าเป็นผม”

   “...........”

   “ผมไม่ได้ชอบพี่พินทร์จริง ๆ นะ ...ไม่ต้องหวงผมหรอกครับ”

   ตาของผมเบิกขึ้น ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนว่าผมหวง ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กนี่เพ้อเจ้อชะมัดเลย

   “คิดไปเอง!” ว่าแล้วก็ตั้งใจจะลุกออกจากเตียง แต่ขาถึงพื้นไม่ถึงนาที เอวผมก็ถูกกระชากไปด้านหลังจนต้องล้มไปนอนบนเตียงอีกครั้ง ไอ้เด็กเจ้าของบ้านดึงตัวผมให้ขึ้นไปนั่งทับหน้าท้อง ขาสองข้างชันขึ้น เป็นกำแพง มือกับรวบผมไว้ไม่ให้ทุบ

   ผมตัวเบาถึงขนาดจะบังคับจับแต่งให้อยู่ท่าไหนก็ได้งั้นเหรอ!

   “ปากแข็ง”

   “บ้าอะไรเล่า! ปล่อยฉัน!”

   “ไม่ครับ” คนพูดยักคิ้วใส่และยิ้มยียวน ผมได้แต่ขบฟันอย่างทำอะไรไม่ได้ จักรพรรดิเหมือนจะพอใจมากทีเดียว ในเมื่อขัดขืนไม่ได้แล้วก็ช่างแม่งเหอะ ผมถอนหายใจ เอนตัวไปพิงหลังกับขาแกร่งที่ชันขึ้น

   อือ... แบบนี้ค่อยนั่งสบายหน่อย

   “อ้วนขึ้นใช่ป่ะ?”

   “ไม่อ้วน!” เอาจริง ๆ ผมก็ชักจะไม่มั่นใจในหุ่นตัวเองขึ้นมาแล้ว เพราะช่วงนี้ทานเยอะมาก แถมยังทานดึกอีก ก็ตั้งแต่รู้จักเด็กเวรนี่นั่นแหละ!

   “ขาใหญ่”

   เพี๊ยะ!!

   ตีมือซน ๆ ที่บีบต้นขาของผมเต็มแรง ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!!! นิสัยเสียจริง ๆ เลย ผมเกลียดมัน!!!!!!

   “หึหึ ดูแก้มดิ ยืดได้ด้วย เท่ว่ะ เหนียงก็มาแล้วนะ แขนก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นนะครับ”

   “หุบปาก!” ผมตะหวาดลั่น แต่คนที่อยู่ข้างล่างก็ยังเอาแต่ทำหน้ากวนส้นตีนและคอยบีบจับเนื้อตัวผมไปด้วย พูดเกินไปแล้ว! ไม่ขนาดนั้นเสียหน่อย ผมยังปกติดีทุกยัง น้ำหนักก็ขึ้นมาแค่สองกิโลกรัมเองด้วยซ้ำ!

   “ลดน้ำหนักไหมครับ ขาคุณใหญ่อ่ะ เวลายกพาดไหล่แล้วมันหนัก”

   “ไอ้บ้า!!!”

   ไอ้คนบ้าเสียหัวเราะเสียงดัง รีบยกมือป้องกันจากการฟาดมือไร้ทิศทางของผม หนอย!!! ไอ้เด็กนรก กล้าพูดได้ยังไงว่าขาผมใหญ่!!! ตายซะเถอะ!!!

   “โอ๊ย ๆ พอแล้วครับ”

   “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ!”

   “คุณขาสวยมาก เหมือนตะเกียบเลย!”

   “ตอแหล!!!”

   “เป็นรอยเลย”

   “สมน้ำหน้า!” ผมเมินรอยเล็บของตัวเองบนลำแขนแกร่ง สมควรแล้วนี่ ใครใช้ให้มาว่าผมกันล่ะ ว่าผมอ้วนนักใช่ไหม ได้!! ผมยิ้มเหี้ยมในใจ ก่อนจะขยับตัวแล้วพับขาขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งขัดสมาธิบนตัวของไอ้เด็กเวร ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงไปให้เต็มที่เลย!

   “เอางี้เหรอ”

   “แล้วจะทำไม หึ!”

   “หึ” เด็กปีศาจแสยะยิ้ม ในขณะที่ผมไม่ทันระวังตัวเจ้าเด็กตัวโตก็ผุดตัวลุกขึ้นพร้อมกับแยกขาออก นั่นทำให้ผมหงายหลัง ก่อนเจ้าเด็กนั่นจะใช้เข่าแยกขาผมออกจากกันแล้วเข้ามาแทรกกลาง ทุกอย่างมันเร็วมากจนสมองของผมประมวลผลไม่ทัน และไม่ได้วิธีป้องกันตัว จักรพรรดิยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก โน้มหน้าลงต่ำจนหน้าเราแทบชิดกัน ผมขยับตัวไม่ได้เนื่องจากถูกทับอยู่ เด็กนี่น้ำหนักน้อยที่ไหนกันเล่า!!!

   “คุณทำตัวเองนะ”

   “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ!” จักรพรรดิยิ้มเย็น จากนั้นก็แนบปากมาบนปากผมโดยที่ไม่มีโอกาสขัดขืนหรือตั้งตัวด้วยซ้ำ ไอ้เด็กนรกขบเม้มและหยอกเย้าอยู่ด้านนอกและกัดไม่เบานัก ผมทุบไหล่กว้างแรง ๆ เพราะรู้สึกเจ็บ

   ไอ้เด็กบ้านี่จูบทีไรทำผมเจ็บทุกทีเลย!

   “อย่ามาจูบฉันนะ!”

   “ผมจะจูบ”

   “นิสัยเสีย อื้อ!!” มันกดจูบลงมาอีกครั้ง ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มกวนประสาท ผมถลึงตาใส่ จักรพรรดิปล้ำจูบผมซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งจนผมรำคาญ ตั้งสติดี ๆ แล้วยอมโอนอ่อน เมื่อมันเผลอไม่ระวังตัวผมก็ค่อย ๆ งอเท้าเข้ามาแล้วถีบหน้าท้องเป็นลอนสวยไปเต็มแรง เมื่อไร้การพันธนาการผมก็รีบลงจากเตียงไปยืนที่พื้น เว้นระยะไกลจากเด็กเวรนั่นด้วย

   “ถีบผมทำไมวะ!?”

   “เสือก!”

   “แค่จูบเองทำไมต้องไม่ให้จูบด้วย” จักรพรรดิพูดพร้อมสีหน้าแสดงออกว่าไม่สบอารมณ์ เดี๋ยว ๆ คนที่ต้องไม่สบอารมณ์นั่นมันฉันหรือเปล่า!!

   “ก็ฉันไม่ให้จูบ!”

   “คุณกินลูกผมเป็นล้านตัวแล้วนะ จะเล่นตัวทำไมครับ”

   อะ ไอ้เด็กเหี้ย!!!!

   ผมได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ พูดอะไรไม่ออก จักรพรรดิขมวดคิ้วเป็นปม หน้ายุ่ง ๆ ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มคล้ายเด็กโดนขัดใจ ตาคม ๆ จ้องมองมาที่ผมด้วยความขุ่นมัว ไอ้เด็กเวรนี่ชักจะเกินไปแล้วจริง ๆ นะ!!!





(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 08-03-2017 22:58:59





   ก๊อก ก๊อก

   หันไปที่ประตูขวับ แล้ววิ่งไปเปิด พบว่าเป็นพี่แจง

   “มื้อเย็นพร้อมแล้วค่ะ”

   “ครับ” ผมรับคำแล้วลงไปพร้อมกับเธอเลย ปล่อยเด็กงี่เง่าอยู่บนห้องนั่นแหละ

   “น้องภัคมาพอดี มานั่งเลยลูกมา” ผมยิ้มให้กับนายหญิงก่อนจะยกมือไหว้คนแปลกหน้าสองคนที่มารู้เมื่อคุณยายแนะนำว่าเป็นคุณตาและเป็นคุณทวดของเจ้าเด็กนิสัยเสีย ไม่น่าเชื่อว่าอายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรงและดูหนุ่มอยู่เลย

   “สวัสดีครับ” หลานเจ้าของบ้านเข้ามาพอดีพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง

   “จะมากี่วันคราวนี้?”

   “ไม่รู้ครับ มีอะไรกินบ้างครับ หิว”

   “หิวก็ตักข้าว รอใครล่ะ” ผมได้แต่เหลือบมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำตัวยังไง

   “บ้านนี้ก็แบบนี้แหละ ไม่ต้องกลัวนะหนู” ยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้คุณทวด ก่อนผงกหัวเป็นเชิงขอบคุณจักรพรรดิที่ตักข้าวให้ บ้านนี้ไม่ได้มีแม่บ้านมาตักข้าวรินน้ำหรือยืนเฝ้าเหมือนที่บ้านณภัท ซึ่งผมชอบความง่าย ๆ ที่นี่มากกว่า... ถ้าอบอุ่นสักครึ่งที่บ้านหลังนี้ผมคงกลับบ้านบ่อย ๆ

   “ทานเยอะ ๆ ล่ะ”

   “ครับ...”

   มื้อนี้ก็เป็นอีกมื้อที่ผมทานเยอะ เนื่องจากบรรยากาศและรสชาติของอาหารที่ถูกปาก มีหลายอย่างที่ไม่เคยทานแต่พอลองแล้วชอบก็ทานเรื่อย ๆ คุณยายที่คอยตักใส่จานให้บ่อย ๆ ก็เป็นสาเหตุที่ผมทานเยอะเหมือนกัน และคุณทวดชวนผมคุยเยอะมาก ถามเยอะแต่ผมไม่นึกรำคาญ และยังเต็มใจตอบอีกด้วย ส่วนคุณตาที่จักรพรรดิเรียกว่าป๋า ผมกลัวท่านในตอนแรกเพราะหน้าดุ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าใจดีแล้วยังขี้เล่น แถมยังน่ารักมากอีก

   นึกอิจฉาจักรพรรดิที่เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีแบบนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   “พรุ่งนี้เช้าผมจะพาจอมทัพไปวิ่ง คุณจะไปด้วยไหม?”

   “เช้าแค่ไหน?”

   “ประมาณหกโมงครับ ไปไหมล่ะ?”

   “ถ้านายขี่จอมทัพแล้วฉันล่ะ?”

   “ขี่ผม”

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที มองหน้าคนพูดอย่างเอือมระอา ไม่มีความเขินอายใด ๆ ทั้งนั้นนอกจากรับไม่ได้กับความมั่นหน้าของมัน ให้ตายเถอะ เด็กนี่....

   “มีม้าหลายตัวน่า... คุณจะขี่ตัวไหนก็ได้”

   “ฉันจะขี่จอมทัพ”

   “ก็แย่ละ ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที สรุปคุณจะไปด้วยใช่ไหม?”

   “อืม”

   “ครับ ไปนอนเถอะ หลับให้สนิทนะครับ”

   “อืม....” ผมครางรับด้วยเสียงอ่อนลง เจ้าเด็กขี้วอแวก็ถอยหลังเดินเข้าห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้าม ส่วนผมก็ปิดประตูแล้วเดินไปนั่งบนเตียง

   ตือดึ๊ง!

   22:31 J9 : ถ้านอนไม่หลับก็มานอนกับผมนะ
   22:31 np : ปุ่มบล็อกอยู่ตรงไหนนะ
   22:31 J9 : ตรงนี้
   22:31 J9 : *ส่งรูปช่วงล่างของตัวเอง(ใส่กางเกงอยู่)*

   “อะ ไอ้เด็กเวร!”

   ผมอ่านไม่ตอบ โยนมือถือทิ้ง ยกมือปิดหน้าตัวเอง มันร้อนผ่าวไปหมด เจ้าเด็กนั่นมันจะกล้าเกินไปแล้ว! ถึงผมจะแรดแต่ก็ไม่ได้หื่นกามแบบนั้นป่ะวะ แล้วนึกยังไงถึงได้ส่งรูปแบบนี้มากัน ป่านนี้คงจะหัวเราะผมอยู่แน่ ๆ ฮึ่ย! น่าโมโหชะมัดเลย




   ผมตื่นขึ้นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง เข้าไปล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนชุด ก่อนจะลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน ไม่เจอใครอยู่เลยเดินออกไปนอกบ้าน สูดอากาศยามเช้าเข้าปอด มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เป็นอากาศไม่ที่เคยพบเจอที่เมืองหลวง และที่สำคัญผมไม่เคยตื่นเช้าแบบนี้

   อากาศที่ค่อนข้างเย็นทำให้ผมห่อไหล่เข้า ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีบางอย่างวางบนไหล่ ผมหันไปมอง พบว่าเป็นจักรพรรดิ เด็กนั่นคลุมเสื้อให้ผมด้วยใบหน้านิ่ง ๆ

   “ขอบใจ”

   “อากาศเย็นยังจะใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อีก”

   “ใครจะไปรู้ล่ะ!” เพราะเคยชินกับอากาศร้อนอบอ้าว และไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีหน้าหนาว ผมจึงไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวแบบกันหนาวจริง ๆ มา

   “จะทานอะไรก่อนไหมครับ?”

   “ยังไม่หิว” แค่กับข้าวที่ทานเมื่อคืนก็ไม่รู้ว่าย่อยหมดหรือยัง

   “ไปกัน”

   ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงคอกมาด้วย  ATV คันเดิม จอมทัพเมื่อเห็นเจ้านายเข้าไปหาก็ส่งเสียงทักทาย ผมลูบหัวมันไปพลางขณะรอเด็กปีศาจไปพาม้าอีกตัวมา

   “ตัวนี้ใจดี ขี่ง่าย แต่คุณก็ต้องทำความคุ้นเคยกับมันอยู่ดี”

   “อืม” พยักหน้าเข้าใจ ผมผละมือจากจอมทัพไปหาม้าอีกตัว ตัวนี้มีชื่อว่าปิยะ เป็นตัวผู้ ปิยะยืนนิ่ง ๆ ให้ผมลูบตัว ท่าทางสบายจนน่าหมั่นไส้ เมื่อเห็นว่าโอเคแล้วผมจึงปืนขึ้นไปนั่งบนหลังของปิยะที่มีอานวางไว้เรียบร้อยแล้วโดยมีจักรพรรดิช่วยดูอยู่ ปิยะไม่สูงมากเหมือนจอมทัพ ผมจึงไม่ค่อยกลัว

   “โอเคนะครับ?”

   “อือ”

    จักรพรรดิควบม้าออกไปก่อน ท่าทางที่มีเสน่ห์เหลือล้นทำให้ผมเผลอมองค้าง ก่อนดึงสติแล้วรีบตามไป ไม่อย่างนั้นผมหลงทางแน่ พาม้าทั้งสองวิ่งออกกำลังกายอยู่ร่วมชั่วโมงได้ เหนื่อยทั้งคนทั้งม้า... เราหยุดอยู่ที่ลานกว้าง บริเวณเกือบท้ายไร่

   “อยากกลับบ้านหรือยังครับ?”

   “มีที่ไหนจะพาไปหรือไง?” ผมตอบกลับด้วยคำถาม จักรพรรดิไหวไหล่ “จะพาไปก็พาไป ไม่ต้องพูดมาก”

   แอบเห็นว่าไอ้เด็กนั่นแสยะยิ้ม ผมหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร เราขี่ม้าคู่กันไปช้า ๆ จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าจะพาไปที่ไหน ผมเลือกที่จะไม่ถามเพราะรู้ว่าไม่มีทางได้คำตอบแน่นอน ไว้ไปถึงก็รู้เองนั่นแหละ คงไม่พาผมไปฆ่าหรอก เหตุจูงใจไม่มีนี่...

   “ถึงแล้วครับ” คนพูดบอกก่อนกระโดดลงจากหลังม้า แล้วผูกเชือกจอมทัพไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ผมมองสถานที่ที่ถูกพามาตาค้าง มันคือน้ำตกที่สวยมากเลยทีเดียว เพราะยังตะลึงกับความงามของธรรมชาติผมจึงยอมให้เด็กอายุน้อยกว่าอุ้มลงจากหลังมาอย่างว่าง่าย ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ แล้วหยุดที่ริมตะหลิ่ง

   “มีที่แบบนี้ด้วยเหรอ...”

   “ชอบเหรอครับ?”

   “อือ... น้ำเย็นชะมัด” ผมตอบก่อนบ่นออกมาหลังจากย่อตัวนั่งแล้วจุ่มมือลงในน้ำ

   “เล่นไหม?”

   “ไม่” ยังไม่อยากตายนะครับ น้ำเย็นขนาดนี้ใครจะไปเล่นกันล่ะ ไอ้เด็กที่พามาหัวเราะในลำคอ ผมลุกขึ้นยืน แตะน้ำกับแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วหันมองรอบ ๆ ก่อนจะไปเห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก

   “นั่นบ้านของใคร?”

   “ลูกเจ้าของไร่”

   “อ๋อ”

   “คุณหิวหรือยังไง? กลับไหม?”

   “แป๊บ” ผมบอกก่อนควักโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป น่าเสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้รูปที่สวยและมีคุณภาพมากกว่ากล้องสมาร์ทโฟน เมื่อถ่ายรูปจนพอใจก็กลับไปที่บ้านเพื่อทานมื้อเช้า

   “นายจะไปไหน?” ถามคนที่เหมือนจะออกไปข้างนอก เจ้าเด็กนั่นเงยหน้ามามองเพราะกำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่

   “ไปรีสอร์ทข้าง ๆ จะไปด้วยเหรอ?” ผมถอนหายใจ ไม่ได้อยากไปไหนด้วยหรอก แต่การที่ทิ้งผมไว้คนเดียวมันใช่เรื่องหรือไง แล้วผมรู้จักใครบ้างล่ะนอกจากมัน “จะไปด้วยกันก็มาครับ”

   “ไกลหรือเปล่า?”

   “ไม่หรอก ไปกัน”

   ผมเดินตามออกไป เมื่อขึ้นไปนั่งบน ATV แล้วก็นึกว่าจะไปเลย แต่คนที่ทำหน้าที่ขับกลับเอี้ยวตัวกลับมา เด็กตัวโตถอดแว่นกันที่สวมอยู่ออกมาใส่ให้ผมแทน รวมทั้งหมวกด้วย ผมขมวดคิ้ว มองอย่างไม่เข้าใจและนึกรำคาญนิดหน่อย

   “เดี๋ยวคุณร้อนแล้วผมโดนเหวี่ยงอีก” พูดจบก็ยักคิ้วกวนประสาท ผมทุบไหล่กว้างไปอย่างหมั่นไส้ จักรพรรดิดึงฮู้ดของไปคลุมศีรษะก่อนจะขับรถออกไป

   จากไร่วนิดาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงรีสอร์ทอาจด้วยเพราะคนขับขับเร็ว ผมไม่รู้ว่ารีสอร์ทชื่อว่าอะไรเพราะอ่านป้ายไม่ทัน จักรพรรดิจอดรถไว้ที่ด้านหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน เห็นยืนคุยกับพนักงานที่รีเซปชั่น อันดับแรกที่มาถึงผมมองทุกอย่างอย่างสำรวจ การตกแต่งที่ลงตัวและบรรยากาศรอบ ๆ ที่นั้นทำให้ความอยากเข้าพักสูงมา

   ดีเลย ผมจะได้ถามเรื่องห้องว่าง...

   “น้าชุบอยู่ไหมครับ?”

   “คุณลูกชุบอยู่ที่คลินิกกับคุณกรีซค่ะ”

   “แล้วทราบไม่ครับว่าทั้งสองจะเข้ามาที่รีสอร์ทเมื่อไหร่?”

   “คุณทั้งสองไม่ได้บอกไว้นะคะ ถ้ายังไงให้โทรศัพท์ไปถามไหมคะ?”

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ” ได้แต่ยืนฟังเงียบ ๆ ผมไม่รู้ว่าบุคคลทั้งสองที่เด็กนี่มาหาคือใคร และไม่ถามเพราะไม่มีความสำคัญอะไรกับผมด้วย เมื่อจักรพรรดิผละออกไปแล้ว ผมจึงเข้าไปสอบถามพนักงานบ้าง

   “มีห้องว่างไหมครับ?”

   “ขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ห้องพักที่รีสอร์ทเต็มหมดแล้วค่ะ” บุ้ยปากขัดใจ ก่อนพยักหน้ารับแล้วผละออก เห็นเด็กที่พามามองผมเขม็งแถมยังขมวดคิ้วด้วยอีก

   “อะไร?”

   “จะพักที่นี่เหรอครับ?”

   “ไม่รู้สิ แล้วจะไปที่ไหนต่อ?” ผมถามเรื่องอื่น ตอนนี้ถ้าหากเห็นหน้ายุ่ง ๆ คิ้วขมวดแล้วก็จงรู้ไว้เลยว่าอีเด็กนี่กำลังงอแง ถ้าหากมีการดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มด้วยแล้วล่ะก็ คุณเขาอารมณ์เสียอย่างสมบูรณ์แบบ

   นิสัยเสียใช้ได้เลย...

   “จิ๊!”

   “งี่เง่า” ผมบีบแก้มมันแรง ๆ แล้วเดินหนีออกไปที่หน้ารีสอร์ท ไม่นานเด็กนั่นก็ตามมา ก่อนจะกลับไปที่ไร่ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปเดินเล่นในไร่องุ่น แต่เป็นสวนสตรอว์เบอร์รี่แทน

   สิ่งมีชีวิตที่ชอบการทานสตรอว์เบอร์รี่อย่างผมจึงแฮปปี้มาก

   “กินได้ป่ะ?”

   “ครับ” ตอบรับสั้น ๆ หน้ายังคงมีความเหมือนจะนิ่งและไม่สนใจอยู่ ผมเบ้ปาก งอแงบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ย่อตัวลงไปนั่งยอง ๆ เอื้อมมือไปเด็ดผลไม้สีแดงออกมา เช็ด ๆ ออกก่อนจะกัดมันเข้าปาก ผมจุดยิ้มที่มุมปากกับรสชาติที่ถูกใจ จึงเก็บใส่มือมาสามสี่ลูกแล้วเดินกลับไปหาหลานเจ้าของไร่

   “เป็นอะไร?”

   “เปล่า” เชื่อได้มากมั้ง ในเมื่อไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ผมไม่สนใจแล้ว ปกติก็เป็นคนขี้รำคาญ หงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้แล้วมันจึงห้ามสีหน้าตัวเองไม่อยู่ ผมก้าวเข้าไปใกล้จนเกือบชิด เนื่องจากเจ้าเด็กนิสัยเสียไม่ได้ยืนเต็มความสูงเพราะสะโพกกับรั้วไม้จึงทำให้เราเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกัน ยื่นมือไปบีบแก้มทั้งสองข้างบังคับให้อ้าปาก ก่อนจะยัดสตรอว์เบอร์เข้าไปทั้งผล จากนั้นจึงย้ายมือจากการบีบแก้มไปปิดปากแทน จักรพรรดิมองผมตาขวาง เคี้ยวเฉย ๆ ไม่เป็นเหรอ ทำไมต้องมากัดมือผมด้วย

   เป็นบ้าหรือไง!

   “เด็กนิสัยเสีย”

   “คุณก็นิสัยเสีย” เด็กนั่นว่า ผมกอดอกมองหน้าอย่างหาเรื่อง เด็กปีศาจคว้ามือผมไปก่อนจะเอาผ้าผืนบางออกมาแล้วเช็ดมือที่เปื้อนให้

   บริเวณตรงนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคน แต่ยังมีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ อยู่ด้วย ประหลาดใจนิดหน่อยที่กล้าทำอะไรแบบนี้ท่ามกลางสายตาของใครหลายคน แถมเจ้าตัวยังมีศักดิ์เป็นถึงหลานชายเจ้าของไร่ ถึงแม้นักท่องเที่ยวบางคนจะไม่รู้จัก แต่คนงานต้องรู้จักมันแน่ ๆ ไม่กลัวถูกจับไปเป็นประเด็นนินทาเลยเหรอ

   “เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง สกปรก”

   “ปากดี”

   จักรพรรดิเบ้ปากแล้วดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม “ไปกัน ร้อน”

   รู้สึกตอนบทบาทสลับกันแปลก ๆ

   “สวัสดีค่าคุณจริงใจ” มีเสียงทักมาตั้งแต่เปิดประตู

   ผมมองสถานที่แห่งนี้อย่างสนใจก่อนแยกตัวออกจากเด็กปีศาจ ที่นี่คือร้านค้าของไร่วนิดาที่จักรพรรดิเคยบอกว่า รวมสินค้าหลายอย่างที่เป็นผลิตภัณฑ์จากทางไร่ หรือของชาวบ้านที่เอามาวางขายเป็นที่ระลึก ผมเดินตรงไปยังตู้แช่และหยิบเอาน้ำสตรอว์เบอร์รี่ออกมาหนึ่งขวด มันเป็นขวดทรงสูงเรียว ๆ ธรรมดาแต่ผมชอบขวดมากเลย เปิดฝาขวดดื่มน้ำดับกระหาย ไว้ค่อยไปจ่ายเงินทีหลัง...

   “ชิมได้นะคะ” เหลือบไปมองคนพูด เป็นเด็กน่าจะอายุสิบกว่าขวบ เธอเปิดฝากระปุกที่มีผลไม้อบแห้งอยู่ในนั้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้วผมก็ต้องชิมสินะ...

   “เป็นไงบ้างครับ?”

   “อันนี้อร่อย” ผมชี้ไปยังสตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง หลังจากชิมไปชิ้นหนึ่งก็รู้สึกชอบอย่างบอกไม่ถูก มันอร่อยครับ สินค้าพวกของกินหรือขนมจะมีส่วนที่ใส่กระปุกไว้ให้ชิมด้วย ถ้าชอบก็ซื้อ ทำนองนั้น...

   “ไม่ต้องเอาไปเยอะ” จักรพรรดิหยิบซองขนมในตะกร้าผมออก

   “อะไรล่ะ ฉันจะเอากลับกรุงเทพด้วย”

   “วันกลับค่อยมาเอาครับ”

   “เดี๋ยวหมดก่อน” ที่วางอยู่บนชั้นก็ไม่เยอะด้วย

   “ไม่หมดหรอกน่า ไว้วันกลับค่อยแวะมา เผลอ ๆ คุณจะได้ทั้งองุ่นทั้งสตรอว์เบอร์กลับไปด้วยเป็นลังแบบไม่ต้องเสียเงินเลยด้วยซ้ำ” คนพูดก็พูดไป มือก็หยิบของออกไปวางบนชั้นตามเดิม เอาแค่ที่เหลือไม่กี่ห่อไปคิดตังค์แล้วจูงมือผมออกจากร้านเฉยเลย

   เด็กเหี้ยก็คือเด็กเหี้ยอยู่วันยันค่ำ




   “คุณชอบที่นี่ไหม?” พยักหน้าตอบแบบไม่คิดเมื่อสิ้นสุดคำถาม ปากไม่ว่างเพราะกำลังทานไอศกรีมองุ่นโฮมเมดอยู่ ไม่มีเหตุผลที่ไม่ชอบที่นี่ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ที่ชิงช้าข้าง ๆ บ้าน ถัดไปไม่ไกลมีน้ำตกจำลองประดับอยู่ ฟังเสียงน้ำกระทบกับกลุ่มหินก็เพลินดี

   “ถ้าผมชวนมาอีกคุณจะมาไหม?”

   “........” กลอกตาไปมองคนข้าง ๆ จักรพรรดิจ้องหน้าผมรอคำตอบพร้อมคิ้วขมวดเล็ก

   “ตอบสิครับ”

   “อยากให้มาเหรอ?” ผมย้อน เด็กนั่นพยักหน้าหงึกหงัก “ทำตัวเป็นเด็กดีแล้วฉันจะเก็บไปพิจารณา”

   ใช้ช้อนเคาะหน้าผากไปหนึ่งที คนถูกทำร้ายร่างกายเบ้ปากก่อนดุนลิ้น

   คำตอบของผมมันผุดขึ้นมาตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว... ตัดสินใจไม่ยาก ผมมาแน่ ถ้ามีโอกาสได้มาน่ะนะ...








--------------------------------
เลามาแล้ว เลาขอโทษ เลาหวีด #เกรทพอร์ช อยู่ ฮือ
เกรทพอร์ชน่ารักมากเลยอ่ะแง ส่องแท็กแล้วออกไม่ได้ ความแฟนแบบฟฟฟฟหวใกฟสวหาใกหวสานี่มันบ้าอะไรกัน
ทำไมต้องมาชิปคนที่เป็นแฟนกันด้วย ฮือออออออ /ล้องงงง
สำหรับตอนนี้อาจจะมีคำผิดอยู่เยอะนะคะ เนื่องจากความเสียสติของเราเอง TwT /ขอโทษ
ตอนที่แล้วคือจริงใจไม่ได้เป็นไบโพลาร์หรอกค่ะ นางเป็นบ้า 555555555555555555
ฝากเอ็นดูนางด้วยนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ
บายยยยยย

แจ้งข่าว double M (https://www.facebook.com/heartbreakxrs/photos/a.1226080170741652.1073741828.1224785980871071/1636733516342980/?type=3&theater)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-03-2017 23:26:44
ตายๆ มีความผัวอะไรเบอร์นั้น แค่เด้กม.ปลายเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 08-03-2017 23:43:40
เราไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ยยยยย
ฮืออออ ดีใจมาก
ชอบตอนที่คอลคุยกับเพื่อนมาก
วอแวบอยสุดๆ  ฮื้อ
ตอนตบตีกันบนเตียงเราก็ชอบ55555
ปล.เราก็ชอบเกรทพอร์ช ฮื้อออออ
น้องพอร์ชน่ารักมากเลย เอ็นดู
แต่ว่าตอนนี้เราแอบนอกใจไปพอร์ช×ค่อนคลุงล่ะ
555555555555555
นางสองคนต่อปากต่อคำกันได้น่ารักดี
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-03-2017 23:52:52
จริงใจลูกแม่    แกล้วณภัคอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-03-2017 23:53:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-03-2017 23:55:22
หวีดไปอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 09-03-2017 00:05:30
วอแวบอยนี่หน้านังเซฮุนลอยมาเลยอะ555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 09-03-2017 00:08:20
อยากไปไร่บ้างอ่ะ บอกพิกัดมาโดยด่วน^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-03-2017 00:10:50
น่ารัก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 09-03-2017 00:43:08
จริงใจนี่ ม.ปลายใช่ไหมมมมมลูก5555555 :ling2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2017 00:57:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2017 06:09:05
เด็กปีศาจ ยังไงก็เป็นปีศาจ  :jul3:
แต่เด็กปีศาจ รักชอบแต่ภัคเท่านั้นนะ
อยู่ที่ไร่แล้วภัค มีความสุข
ก็มาอีกสิจริงใจ ชวนแล้วนี่นะ
 “คุณสวยมาก” ภัคยอมฟังที่จริงใจชมด้วย  :z3:
ปกติพูดแบบนี้รึ เหอะ.....ทั้งเหวี่ยงทั้งวีน นี่ยิ้มรับซะอีก
เพื่อนๆภัค ปั่นป่วนภัคหนีเที่ยว
ชอบบบ บรรยากาศสนิทสนมของภัค จริงใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 09-03-2017 06:29:23
ชอบมากรอตอนต่อไปอีกน๊าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-03-2017 06:39:18
มีความวอแวและงอแงบอยสูงมากน้องจริงใจ 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-03-2017 08:56:24
จริงใจมีความผัวแรงมากกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-03-2017 09:34:54
จริงใจก็ชวนบ่อยๆสิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 09-03-2017 10:20:22
ทำไมจริงใจใช้คำพูดร้ายกาจแบบนี้ละลูก

กินลูกเลิกอะไรกัน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 09-03-2017 10:44:09
วอแวบอย
แอร๊ยยยยยยยยยย
มีลูกชุบกับกรีซโผล่มาด้วยยยย
แม้จะมาแต่ชื่อก็ตามมม

 :mew1:
หวีดเกรทพอร์ชเหมือนกันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2017 12:19:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 09-03-2017 19:06:44
ตอนนี้หวานจังงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 09-03-2017 19:37:47
กินลูกอะไรงงจังเด้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-03-2017 19:54:26
าน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-03-2017 13:44:03
คบเด็กต้องทำใจจจจจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-03-2017 16:04:21
ปลื้มมาก จริงใจมีความจริงใจมากจริงๆ ชัดเจน งอแง ก่อกวน ปั่นป่วน วอแว แถมมีความหื่นมาเต็ม 5555

ณภัคน่ารัก ปากแข็ง ดื้อ แอบมีความลับ แต่ทำไงได้ หลงเด็กนิสัยเสียไปแล้ว

ชอบค่ะ ตอนจริงใจงอแง แล้วกวนประสาท ณภัคมีความแอบง้อ ฟิน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 10-03-2017 17:32:39
ิฮิ้ววววว...ตัวหอมติดใจบรรยากาศ ผลไม้ หรือหลานชายเจ้าของไร่คะ  :hao3:
มีแอบตอบรับในใจไว้แล้วด้วยอ่ะ เด็กปีศาจเตรียมดีใจไว้ได้เลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 10-03-2017 20:12:15
 :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: LYPO ที่ 10-03-2017 20:34:28
รอการยอมรับตัวเองอย่างเต็มร้อยของณภัค จริงๆตอนนี้ภัคก็ซึมซับความจริงใจไปบ้างไม่มากก็น้อยแล้ว
อยากเห็นตอนที่นภัครู้ตัวสักทีว่าได้ครอบครองของแรร์อยู่ ความผัวของจริงใจนี่เลอค่ามากจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-03-2017 12:56:48
ชอบคำพูดคำจาจริงใจมาก ขอกรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 11-03-2017 13:27:29
จริงใจเด็กขี้แกล้ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 25 ผมกับเด็กบ้า | 8-3-60 | P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 16-03-2017 21:13:21
มาต่อได้แล้วน๊าาา
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 18-03-2017 21:00:12
ความที่ 26
ผมกับความสงสัย





   เคาะปากกากับโต๊ะอย่างเบื่อหน่ายขณะที่ทอดสายตาไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้ผมเปิดเทอมแล้ว มันค่อนข้างน่าเบื่อนิดหน่อย เพราะไอ้เนตรก็ไม่ค่อยกวน มันซึมไปเยอะและพูดน้อยกว่าปกติ สาเหตุคงเพราะเรื่องผู้หญิงคนนั้น บอกให้เลิกก็ไม่ทำ กระแดะว่าไม่อยากบอกเลิกก่อน

    “เป็นไรวะ ถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ”

    “เปล่า” ผมสั่นหัวปฏิเสธ ไอ้เนตรหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ

    “บอกกูได้นะมึง ระบายออกมาบ้างในใจมึงอ่ะ”

    “อือ ๆ”

    “เอ๊ะ! ไอ้นี่ อย่าทำหน้าเบื่อใส่กูเด้!!”

    “หุบปาก!” ผมตะคอก ไอ้เนตรหุบปากฉับทันที แต่แล้วเสียงแห่งความพินาศก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง ผมถอนหายใจเซ็งในขณะที่ไอ้เนตรสะดุ้งกลัว

    “จักรพรรดิ! ภูวเนตร! ออกมาแก้โจทย์ข้อสิบสองกับสิบสาม!”

    “ก็แย่ละ” พึมพำกับตัวเอง ก่อนลุกออกไปหน้าห้อง ถือปากกาไวท์บอร์ดไว้ในมือ ก่อนเหลือกตาขึ้นฟ้า เดินไปขอดูโจทย์จากคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุด “ขอดูโจทย์หน่อยครับ”

    “หนะ นี่จ้ะ...” ออมหมุนหนังสือให้ ผมกวาดตามอง จำไว้ในสมองแล้วกับไปขีดเขียนบนกระดาน เพียงไม่นานก็เสร็จ ปิดฝาและวางปากกาลง จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปนั่งที่ ไม่ถึงนาทีไอ้เนตรก็ตามมา

    “แม่ง...ถ้ามึงไม่สอนให้ก่อนเรียนนะ กูตายแน่อ่ะ”

    “ไหว้กูสิ”

    “ควัย!” ยกยิ้มมุมปาก ผมควงปากกาในมือเล่น เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เสียงพร่ำสอนของครูไม่ได้เข้าหู อ้าปากหาววอด ไอ้เนตรก็ไม่ต่าง

    “ส่งงานให้กูด้วย” โยนสมุดวิชาคณิตศาสตร์ให้ไอ้เนตร มันยิ้มดี๊ด๊า รีบเปิดสมุดของผมแล้วจดตามยิก ๆ

   ส้นตีน...

   ครืด ครืด

   ตาที่ปิดลงจำต้องเปิดขึ้นเนื่องจากแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางในช่องโต๊ะ ยื่นมือไปยกมันขึ้นดูว่าใครส่งอะไรมา หลังจากนั้นก็เก็บมันไว้ที่เดิม เห็นไอ้เนตรมองด้วยความอยากเสือก แต่ผมเลือกที่จะหลับตาตัดความหวังของมัน

   เหมือนปกติ แจ้งเตือนจากคนเดิม ๆ ตัวหอมอัพอะไรสักอย่าง ไว้จบคาบค่อยเข้าไปดู ถึงแม้จะไม่ตั้งใจเรียนแต่ก็ควรให้เกียรติคนสอนหน่อย แต่ปกติผมก็ไม่เล่นโทรศัพท์ในเวลาเรียนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเหตุจริง ๆ

   ความสัมพันธ์ของผมกับตัวหอมยังเป็นเหมือนเดิม คือไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน ผมอยากชัดเจนแต่ก็ไม่ได้เร่งรัดเขา ตอนนี้ตัวหอมก็เปิดใจให้ผมมากขึ้น มันดีแล้ว เราอยู่ที่ไร่วนิดาสามสี่วันรวมเสาร์อาทิตย์ ต้องกลับเพราะตัวหอมมีเรียน ผมที่ยังปิดเทอมอยู่จึงเก็บกระเป๋าแบ็กแพ็กขับสปอร์ตไบค์ไปเที่ยวต่อคนเดียว ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ไร่ ผมเห็นตัวหอมยิ้มเยอะขึ้น ท่าทางมีความสุขต่างจากปกติแล้วทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย ทุกคนดูจะเอ็นดูเขามาก โดยเฉพาะนายหญิงกับคุณทวด คุณตาก็ชอบแกล้งเขานะครับ คนฟอร์มเยอะก็งี้ อยากเล่นด้วยแต่ไม่ยอมเข้าหาดี ๆ แม้จะโดยคุณยายเอ็ดไปหลายครั้งก็ยังแกล้งตัวหอมเรื่อย ๆ

   สำหรับทริปนี้ผมประทับใจ



   เก็บของใส่กระเป๋าเมื่อเวลาเรียนมาถึง ปฏิเสธการชวนไปเที่ยวของไอ้เนตรเนื่องจากคุณจอมจิตตรีส่งข้อความมาบอกให้รีบกลับบ้าน และยังไม่บอกอีกด้วยว่าเรื่องอะไร

   “จริงใจจะกลับแล้วเหรอ...?” ผมกับเนตรมองหน้ากัน มันยิ้มกวนตีน ตบไหล่ผมแล้วเดินออกจากห้องผม ตอนนี้ผมจึงเผชิญหน้ากับออมอยู่คนเดียว

   “อือ มีอะไรเหรอ?”

   “เอ่อ... คือว่า...” เธอเม้มปาก มองหน้าผมสลับกับก้มหน้าด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

   “พูดมาสิ”

   “คือ... เดินไปคุยไปได้ไหม?” พยักหน้ารับ ออมระบายยิ้ม วิ่งไปเอากระเป๋าตัวเองแล้วรีบกลับมาหาผม นึกขำเบา ๆ กับท่าทางนั้น น่ารักนะ แต่โทษที ผมไม่รู้สึกอะไรด้วย

   “ปิดเทอมจริงใจทำอะไรบ้างเหรอ?”

   “หลายอย่าง ทั่ว ๆ ไป”

   “เราเห็นรูปจริงใจที่น้องจ๋าจ้าโพสต์ลง ดูน่าเที่ยวมากเลย”

   “ว่าง ๆ ก็ไปเที่ยวสิ” ผมว่า ที่ออมเห็นรูปของผมอาจเพราะฟอลน้องสาวผมอยู่ จ๋าจ้าเซฟรูปของผมไปโพสต์อีกที ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเอาไปรีอัพโหลดทำไม และที่เธอไม่เห็นจากแอคเคานต์ของผมโดยตรงเนื่องจากผมตั้งไพรเวทและผมก็ไม่ได้กดรับคำขอของออมด้วย

   ไม่ได้มีแค่ออมหรอก ทุกคนที่ส่งรีเควสมานั่นแหละ มีเป็นพัน ผมก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น ขี้เกียจเข้าไปกดลบ

   ผมหยุดเดิน หันไปมองเพื่อนร่วมห้อง เธอชะงักก่อนเงยหน้ามาสบตา

   “เราไปล่ะ”

   “จริงใจไม่ออกด้านหน้าโรงเรียนเหรอ?”

   “เอารถมาน่ะ”

   “อะ อืม ขับรถดี ๆ นะ เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”

   “ครับ” ผมรับคำแล้วแยกตัวไปอีกทาง ไม่ได้หันกลับไปมองอีก

   เมื่อมาถึงบ้านผมแทบอยากจะตอบตกลงคำชวนของไอ้เนตร ผมโดนหลอก! คุณจอมจิตตรีหลอกให้ผมรีบกลับบ้านเพื่อที่จะไปงานเลี้ยงบ้าอะไรก็ไม่รู้ ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ไปยังไงเธอก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังขู่จะยึดรถของผมอีก ให้ตายเถอะ! บ้านนี้ใช้ระบอบเผด็จการหรือไง ทำไมถึงได้ไม่ฟังอะไรเลย น่าหงุดหงิดเป็นบ้า ผมต้องไปปั้นหน้าอีกแล้วเหรอ!

   “จริงใจ... พี่ไม่อยากไปเลยอ่า...”

   “เค้าด้วย...”

   “เหอะ เหอะ”

   ครับ โดนหลอกแบบทริปเปิ้ล จะอ้างเรื่องชุดก็ไม่ได้เพราะคุณจอมสั่งมาให้หมดแล้ว จันทร์เจ้าดุนหัวกับอกผมอย่างงอแง ส่วนจ๋าจ้าก็เดินหน้าบึ้งไปที่ห้องตัวเอง เพราะจะถูกคุณแม่ลากออกไปร้านทำผมอีก

   สู้นะ...

   ผมมองชุดที่ต้องใส่ แม่ต้องให้คนมาจัดการไว้แน่ ๆ มีโพสต์อิทบอกไว้ด้วยว่าต้องใส่อะไรบ้างและห้ามไม่ให้ขัดคำสั่งอีก แม่นะแม่ รู้ว่าแพ้ก็สั่งอยู่นั่นแหละ ถอนหายใจเฮือก เอาโทรศัพท์มือถือที่เล่นมาทั้งวันไปชาร์จแบตเตอร์รี่ทิ้งไว้ก่อนเข้าไปอาบน้ำ

   เนื่องจากว่าผมเป็นผู้ชาย ไม่ได้มีความละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิง จึงแต่งตัวเพียงแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ การใส่สูทผูกเนกไทแบบนี้โคตรอึดอัดเลยให้ตายเหอะ เดินมาที่หน้ากระจกบานใหญ่ มีโพสต์อิทแปะไว้อีกว่าให้ทำผมแบบไหน ผมแยกเขี้ยว เป่าผมให้แห้งแล้วจัดมันด้วยมูสกับเจล เปิดหน้าผากอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำ ไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่เนื่องจากผมขับมอเตอร์ไซค์ ต่อให้เซ็ตผมไปยังไง สุดท้ายก็เสียทรงเพราะหมวกกันน็อกอยู่ดี

   ไม่ต้องคิดอะไรเองเลย นอกจากชุดกับทรงผมแล้ว ยังมีโพสต์อิทอยู่ที่ตู้นาฬิกาของผมอีก จำเป็นต้องหยิบเรือนสีเงินออกมาใส่ ทำเกินคำสั่งด้วยการคว้าสร้อยข้อมือที่จันทร์เจ้าซื้อให้กับตุ้มหูแป้นวงกลมสีเงินธรรมดามาใส่ เช็กสภาพตัวเองในกระจกอีกรอบก่อนออกจากห้องแต่งตัวมา

   เหมือนสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่น่าเชื่อว่าจะมีข้อความจากสิ่งมีชีวิตประเภทไม่ทักใครก่อนอย่างณภัคเข้ามา

   Np : เบื่อ
   J9 : หาอะไรทำดิครับ
   Np : ตอบช้า!
   J9 : ผมอาบน้ำอยู่

   ขนาดทางข้อความยังเหวี่ยงได้ ตอนนี้เขาต้องทำหน้าบึ้งหน้างออยู่แน่ ผมเก็บโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ใส่ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนคว้ากุญแจรถมาถือเอาไว้

   เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็เตรียมเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน โดยที่ผมมีจันทร์เจ้าเกาะมาด้วย ใช้เวลาในการเดินทางสักพักก็มาถึงที่หมาย ผมกับจันทร์เจ้ายืนรออยู่หน้างาน เพราะมาถึงก่อน ไอ้หมูอ้วนเอนตัวมาซบแขนของผม เห็นตากลมปรือปรอยจึงไม่ได้ว่าอะไร แต่แล้วเมื่อผมมองเห็นใครเข้าก็เดินออกไปทันทีโดยที่ไม่บอกพี่ก่อน

   “พี่ฟ้าาาาา น้าจ้าวววววววว”

   “ไง ลูกหมู”

   “หนูคิดถึงที่สุดเลย!!~”

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้น้าเจ้ากับพี่ฟ้า เพราะจันทร์เจ้ามัวแต่ตื่นเต้น เลยไม่ได้ไหว้สักที

   “ทำไมไม่มีใครบอกหนูว่าน้าเจ้ากับพี่ฟ้าจะมา”

   “เซอร์ไพรส์ไง” น้าเจ้าพูด ส่งยิ้มหล่อมาด้วย น้าเจ้ายกแขนกอดคอจันทร์เจ้า ขณะที่มองทั้งสองคนออดอ้อนกันผมกับพี่ฟ้าก็กลอกตาไปมา

   “ไม่เข้าไปล่ะ รออะไรกัน?”

   “รอแม่ อีกสักพักคงจะถึงครับ” ผมตอบน้าเจ้า

   “นี่ขับมอเตอร์ไซค์กันมาเหรอครับ?”

   “ครับ” ยิ้มอ้อนทันทีที่ตอบจบ พี่ฟ้ามองตาเขียวปั๊ด พี่ฟ้าไม่ค่อยชอบที่ผมขับมอเตอร์ไซค์สักเท่าไหร่ พูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่ามันอันตราย แต่ชอบไปแล้วนี่หว่า ทำไงได้

   ผมรีบเอาใจด้วยการปัดปอยผมของพี่ฟ้าออกให้ ผมยาวถูกมัดเป็นมวยยุ่ง ๆ ไว้กลางศีรษะ ถ้าปล่อยลงก็คงยาวไปถึงกลางหลัง แถมด้วยการกอดอีกทีเน้น ๆ คนที่กำลังจะบ่นจึงได้แต่เงียบ น้าเจ้าหัวเราะเบา ๆ และเมื่อทำอะไรหลานอย่างผมไม่ได้คนโดนค้อนก็คือน้าเจ้าไง

   “น้าเจ้าขา พี่ฟ้าขา สวัสดีค่ะ”

   “สวัสดีครับ”

   “เจเจ! ใครให้หนูแต่งตัวแบบนี้ครับ?!” พี่ฟ้าหน้ายุ่ง จับไหล่จ๋าจ้าหมุนไปมา ไปเปี๊ยกมองงง ๆ ก่อนเข้าไปกอดเอวอ้อนอีกคน จ๋าจ้าอยู่ในชุดเดรสสีโอล์ดโรส สีชมพูแบบที่เจ้าตัวไม่ชอบ แต่คงเพราะโดนแม่แกล้งแน่นอนถึงได้ใส่แบบนี้

   “คุณแม่ขาให้หนูแต่งค่ะ พี่ฟ้าขาหนูไม่ชอบเลย”

   “พี่จอมครับ!”

   “น่า ๆ นาน ๆ ที ทำตัวเป็นจงอางหวงไข่ไปได้” คุณจอมจิตตรีเอ่ยสบาย ๆ แต่ทำเอาคนหวงหลานหัวร้อนไปหมด ไม่ว่าจะกี่ปี พี่ฟ้าก็หวงพวกเราไม่เลิก ตอนจันทร์เจ้าจะมีแฟนถึงได้ดราม่ากันน้ำตาแตก ไม่อยากจะนึกว่าถ้ารู้เรื่องผม... ฉิบหายแน่นอนครับ

   เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว พวกเราก็พูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป แต่ส่วนใหญ่จะแซวจันทร์เจ้ากันมากกว่า หมูอ้วนหน้างอ อ้อนใครก็มีแต่คนหักหลัง แต่ก็ยังบ่นพึมพำว่าหิวไม่หยุดปาก แม้จะถูกเบรกยังไงก็ไม่สามารถหยุดความอยากอาหารของจันทร์เจ้าได้ ท่าทางเหมือนจะแคร์แต่ก็ไม่แคร์ จนกระทั่งแฟนเขาเข้ามา ถึงได้หันไปอ้อนแฟนโดยไม่สนใจริมฝีปากที่เบะคว่ำของพี่ฟ้าสักนิด หลังจากทิวากาลพาจันทร์เจ้าไปหาอะไรทานไม่นาน ครอบครัวของแฟนพี่ก็เข้ามาทักทาย

   พูดคุยปกติ ถามนั่นนี่บ้างพอเป็นพิธีและไม่ละลาบละล้วงเกินไป ส่วนใหญ่ผมจะเงียบให้คนอื่นพูด จนกระทั่งน้องสาวของทิวากาลพูดขึ้นมา

   “น้องจริงใจ? หน้าคุ้น ๆ นะคะ” ผมเลิกคิ้วมองคนทัก พี่รพินทร์คิ้วขมวดขณะมองหน้าผม

   โลกจะกลมอะไรขนาดนั้น

   คิดในใจ แต่ไม่พูดออกไป ผมรู้จักเธอ เพราะเธอคือเพื่อนของตัวหอม และที่เธอคุ้น ๆ ก็อาจจะเพราะผมคือน้องชายของจันทร์เจ้าแล้วอาจจะเคยเห็นรูป และเป็นวอแวบอยในรูปของตัวหอม หรือบางทีเพื่อนเธออาจจะหลุดชื่อผมออกไปบ้าง...

   “พินทร์รู้จักน้องเหรอลูก?” คุณแม่ของพี่รพินทร์ถาม

   “ไม่แน่ใจค่ะ แต่พินทร์รู้สึกคุ้น เหมือนเคยมีคนรู้จักพูดถึง...”

   “หน้าผมโหลมั้งครับ” ผมว่าไม่จริงจัง และไม่ได้ไขข้อสงสัยอะไร

   “หูย! ขอคนหน้าหล่อ ๆ แบบนี้สักสิบคนสิคะ โหลจริงหรือเปล่า”

   “พินทร์!”

   “อุ๊ย... ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ”

   “ผมขอตัวนะครับ” ผมพูดและยิ้มนิดหน่อย ไปหาจันทร์เจ้าดีกว่า อยู่ตรงนี้มีแต่ผู้หญิง ค่อนข้างจะอึดอัด

   จันทร์เจ้ายึดบริเวณใกล้โต๊ะอาหาร เห็นยืนอยู่กับมิเกลและไม่นานพี่วินเซนต์กับพี่ดไวท์ก็ตามมาทักทาย ยืนคุยกันอยู่สักพักจึงเลือกที่จะหาที่นั่ง เพราะจันทร์เจ้าต้องการกินอย่างจริงจัง เมื่อไอ้หมูอิ่มแล้วพวกเราถึงได้ออกจากที่นั่งตรงมุมหนึ่งเพื่อที่คนอื่นจะได้นั่งบ้าง (แต่จันทร์เจ้ายังคงคุมโทนด้วยการกินไม่หยุดอยู่ดี ห้ามจนขี้เกียจจะห้ามแล้ว)

   ด้วยความไม่ค่อยได้เจอกัน พอได้เจอก็มีเรื่องมาพูดคุยมากมาย ถ้าหากไม่ได้คิดไปเองดูเหมือนพวกเราทั้งหกคนจะเป็นจุดสนใจพอสมควร สำหรับมิเกลกับพี่วินเซนต์แค่สีผมก็เด่นมากแล้ว ทั้งยังเป็นถึงลูกชายของครอบครัวที่มีชื่อเสียงอีก และยังออกงานบ่อย ๆ เห็นได้ตามโทรทัศน์และหนังสือเป็นเรื่องปกติ

   พี่ดไวท์ก็ไม่ค่อยต่างจากฝรั่งสองคนที่แล้วเท่าไหร่ และทิวากาลเองก็หน้าตาโดดเด่น ครอบครัวเขาก็เป็นที่รู้จัก จึงไม่แปลกที่คนจะให้ความสนใจและพาลูกสาวมาแวะเวียนพูดคุยบ้าง เราพอจะจัดการและรับมือได้นะครับ แต่มนุษย์ป้าบางประเภทก็สาหัสเกินไปจริง ๆ แต่โชคดีที่จ๋าจ้ามาพอดี จึงช่วยจัดการคุณป้าคนนั้นกับลูกสาวของเธอไปได้

   เมื่อเหตุการณ์สงบจึงขอตัวไปหาพ่อกับแม่ตามที่จ๋าจ้ามาส่งสาสน์ไว้

   “จริงใจมานี่เร็ว” เดินเข้าไปหาคุณจอมจิตตรีที่อยู่ในชุดราตรีสีเลือดนก

   “มีอะไรครับแม่?”

   “มีผู้ใหญ่หลายคนอยากรู้จักลูกน่ะ”

   “ก็แย่ละ” พูดเสียงเบาแต่ไม่พ้นหูแม่หรอก ผมถึงได้โดนตีแขนนี่ไง

   “ยิ้มหน่อยเด็กดี” ยิงฟันใส่แม่ โดยมีพ่อหัวเราะอยู่ข้าง ๆ คุณจอมกลอกตาก่อนจะเลิกสนใจไปเอง

   “นี่ลูกชายคุณจอมเหรอคะ? หน้าตาดีเชียว” หันไปมองเจ้าของเสียง เป็นผู้หญิงที่น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับแม่ของผม อาจจะน้อยกว่า... หรือยังไงไม่ทราบ ข้าง ๆ เธอมีผู้ชายที่หน้าตาคล้ายเธอยืนอยู่ด้วย

   “ใช่ค่ะ ลูกชายคนกลาง จริงใจ นี่คุณมัลลิกา”

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ เธอยิ้มพร้อมกับรับไหว้

   “เรียกน้าลินก็ได้จ้ะ ส่วนนี่ลูกชายของลินเอง” คุณมัลลิกาผายมือไปที่ผู้ชายข้าง ๆ เหมือนประโยคหลังจะพูดกับพ่อแม่ผมมากกว่า

   “สวัสดีครับ ผมชื่อเลย์”

   “แม่ครับ... ผมเบื่อ” ผมก้มไปกระซิบกับแม่ คุณจอมยกมือขึ้นตบศีรษะเบา ๆ ผมจึงซบหน้ากับไหล่ของแม่เสียเลย

   “แหม ดูท่าลูกชายพี่จอมจะขี้อ้อนนะคะเนี่ย”

   “ใช่จ้ะ”

   “เบื่อ” ผมพูดอีก ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นที่มองมา เหมือนสำรวจหาอะไรสักอย่าง

   “อดทนหน่อย” ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มอย่างที่ชอบทำ พ่อก็ไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากหัวเราะสะใจ

   “จริงใจ...ชื่อน่ารักดีนะครับ ป้าจอมตั้งสร้างสรรค์จัง” ลูกชายคุณมัลลิกาพูด เหมือนคิ้วแม่จะกระตุกตอนถูกเรียกว่าป้า

   “เพราะความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญน่ะจ้ะ ป้าก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อให้ลูกชาย ลูกจะได้เป็นคนจริงใจเหมือนกับชื่อ” แม่พูดยิ้ม ๆ ทว่าดูเหมือนคนฟังจะหน้าเจื่อนไป

   “ว้าว! ความคิดดีจังเลยค่ะ”

   “ขอบคุณค่ะ”

   “คุณจิรภาสครับ พวกเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ?” ขยับเข้าไปถามพ่อ หลังจากสังเกตการณ์มาสักระยะ

   “อืม... มีนิดหน่อยครับ จอมไม่ชอบลิน”

   “ก็แย่ละ”

   “หึหึ” คุณพ่อยักคิ้ว สังคมใส่หน้ากากนี่น่ากลัวจริง ๆ ขนาดไม่ชอบกันยังยิ้มและพูดจาดี ๆ ให้กันได้

   เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด

   มนุษย์โลกช่างเข้าใจยากจริง ๆ

   แม่ใช้ข้ออ้างในการพาผมไปแนะนำให้คนอื่นรู้จักเป็นการแยกตัวจากคุณมัลลิกา ผมต้องยิ้มจนเมื่อยหน้า

   “นั่นพี่ตรีภพ” พ่อชี้ไปยังทิศหนึ่ง แม่ก็มองตามแล้วพยักหน้า จากนั้นก็จูงมือผมเข้าไปหา

   เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากตรงนี้สักทีวะ

   “สวัสดีครับพี่ภพ”

   “อ้าว สวัสดี”

   “นี่ลูกชายคนกลางของผมครับ” ผมยกมือไหว้เมื่อพ่อแนะนำ เรียกด้วยสรรพนามแบบนี้คงจะสนิทกันพอสมควร

   “ชื่ออะไรล่ะ?”

   “จักรพรรดิครับ” ผมตอบ คุณตรีภพเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปาก

   “ทำไมพี่ภพถึงได้อยู่คนเดียวล่ะคะ?”

   “เจ้าภัทอยู่อีกด้านน่ะ”

   “อ๋อ... เมื่อกี้จอมเจอลินกับเลย์ เพิ่งคุยกันเมื่อสักครู่เอง”

   “อืม” ตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปคุยกับพ่อของผม ผมมองหน้าแม่ ท่านจึงกระซิบบอกว่าคุณตรีภพกับคุณมัลลิกาเป็นสามีภรรยากัน

   “อยากกลับบ้าน...”

   “โตแล้ว อย่างอแง” ผมดุนลิ้นอีกรอบ แม่ชอบขัดใจอยู่เรื่อยเลย งานมันน่าเบื่อนี่ครับ ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนวัยทำงานที่ต้องมาใส่หน้ากากคุยกันตามประสาคนทำธุรกิจ รวมทั้งยังหอบลูกหลานมาโชว์ตัวแนะนำคนนั้นทีคนนี้ที บางประเภทก็แนะนำเพื่อให้รู้จักเฉย ๆ บางประเภทก็แนะนำเพื่อหวังผลบางอย่าง ซึ่งมันค่อนข้างจะน่าเบื่อ

   “ผมไปห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” บอกกับคุณจอม ก่อนค้อมศีรษะให้รุ่นพี่ของพ่อเล็กน้อยแล้วเดินออกมา

   เมื่อผมเดินเข้าไปก็มีคนสวนออกมาพอดี ไหล่ของผมกับเขาคนนั้นกระแทกกันเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ และดูท่าว่าคนนั้นจะอายุมากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ ผมไม่ได้สนใจ เมื่อทำธุระเสร็จก็มาล้างมือ (ไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อหนีนะเว้ย อยากเข้าห้องน้ำจริง ๆ) แต่ระหว่างที่กำลังล้างมืออยู่นั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่วางอยู่ขอบอ่างล้างมือเข้าพอดี

   เช็ดมือให้แห้งก่อนจะหยิบมันมาดู ปรากฏว่ามันคือกระเป๋าสตางค์ครับ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าใครจะเป็นเจ้าของกระเป๋าใบนี้ หากจะเปิดดูก็คล้ายจะเสียมารยาทไป แต่มันจำเป็นนี่ว่า ถ้าไม่ดูจะรู้ไหมว่ามันเป็นของใคร

   shit!!

   ผมสบถในใจหลังจากเห็นบัตรประชาชนของเจ้าของกระเป๋า ในนั้นมีชื่อระบุไว้ว่า ’ณภัท ไชยพัฒน์สวัสดิ์’ เมื่อดูรูปก็เห็นว่าเป็นคนที่เดินสวนกับผมก่อนเข้าห้องน้ำ แต่จุดพีคมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่ที่นามสกุลต่างหากเล่า!! นี่มันนามสกุลของตัวหอม ผมส่องเขาทุกวันจนจำได้ขึ้นใจอยู่แล้วว่าเขาชื่ออะไร

   คนนั้นเป็นใครวะ พี่ชายตัวหอมเหรอ แย่ละ ไม่ได้หาข้อมูลเรื่องครอบครัวของเขาด้วยสิ...

   ในขณะที่กำลังพิมพ์ข้อความค้นหาในอินเทอร์เน็ต ก็มีแจ้งเตือนจากแม่มาตามเสียก่อน ผมจึงต้องเก็บโทรศัพท์เอาไว้ เมื่อมาถึงแล้วก็พบว่าเจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่ผมเก็บได้ก็ยืนอยู่ด้วย เท่านั้นไม่พอยังมีคุณมัลลิกากับลูกชายของเธอด้วย

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีครับ” เขารับคำพร้อมกับระบายยิ้ม

   “ผมเก็บได้ในห้องน้ำ ขอโทษที่ถือวิสาสะเปิดดูครับ” ผมพูดแล้วส่งกระเป๋าสตางค์คือเจ้าของ เขาเบิกตา คลำตามตัวของตัวเองแล้วจึงยื่นมือมารับไป

   คลำทำไมวะ ก็กระเป๋ามันอยู่กับผม มันจะมีอยู่ในตัวคุณได้ไง

   “ขอบคุณครับ ไปลืมทิ้งไว้ได้ยังไงเนี่ย”

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “จริงใจรู้จักพี่เขาด้วยเหรอลูก?”

   “เปล่าครับแม่ เดินสวนกันในห้องน้ำน่ะ แล้วผมจำหน้าพี่เขาได้จากรูปในบัตร”

   “ทำไมภัทขี้ลืมแบบนี้ล่ะจ๊ะ ถ้าจริงใจไม่เจอแล้วเอามาคืนให้ เกิดหายไปคงแย่” คุณมัลลิกาเอ่ย แต่ณภัทมองคนพูดด้วยหางตาและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

   ผมขมวดคิ้วระหว่างมองภาพนั้น ไม่อยากคิดอะไรไม่ดีแต่จิตใต้สำนึกกับสมองไม่เคยฟัง และส่วนใหญ่การสันนิษฐานของผมจะเป็นจริงแทบทุกครั้ง... คุณมัลลิกากับเลย์ยังมองออกว่าเป็นแม่ลูกกัน เพราะหน้าตาที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่คุณณภัทไม่มีความคล้ายเลย เขาเหมือนคุณตรีภพมากกว่า ก็จริงอยู่ที่ว่าลูกบางคนอาจจะเหมือนพ่อ หรือแม่ หรือปู่ย่าตายายอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าลูกจะมองแม่ด้วยหางตาและสีหน้าเย็นชาแบบนั้นเหรอ?

   แล้วอีกอย่าง... ถึงตัวหอมจะไม่มีความคล้ายคุณมัลลิกา แต่ดวงตาของเขาก็คมเหมือนคุณตรีภพอยู่นะครับ

   “ฮ้าว...”

   “จริงใจง่วงเหรอครับ?” เลย์เป็นคนถาม ผมมองหน้า ก่อนพยักหน้าและตอบกลับไปตามมารยาท

   “ครับ”

   “จะสี่ทุ่มแล้วนี่เนอะ...”

   “ผมกลับก่อนได้ไหมครับแม่ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนด้วย”

   “อืม ได้สิ ขับรถดี ๆ นะ”

   “ครับ”

   “ขอบคุณที่เก็บกระเป๋าไว้ให้พี่นะครับ ไว้เจอกันโอกาสหน้านะ”

   “ครับ”

   “รบกวนภัทสอนงานให้ลูกชายอาได้ไหมคะเนี่ย”

   “ได้ครับ ไม่มีปัญหา ใช่ไหมครับจริงใจ?”

   “อ่า... ครับ”

   ...แล้วผมพูดอะไรเป็นบ้างนอกจากคำว่า ครับ วะ?

   “ผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

   อ๋อ สวัสดีนี่เอง




   ขณะที่กำลังจะสวมหมวกกันน็อก ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดูก่อน เห็นข้อความจากตัวหอมส่งมาบอกว่าหิว และยังบอกอีกด้วยว่าให้ซื้อของกินไปให้ ผมยกยิ้ม เก็บสมาร์ทโฟนไว้ สวมหมวกกันน็อกก่อนออกรถไปยังคอนโดของเขา เมื่อมาถึงก็โทรศัพท์ไปหาอีกคน รออยู่สักพักเขาก็มาพร้อมกับกระเป๋าใบกลางที่พอจะใส่ของได้เยอะและยังมีหมวกกันน็อกถูกอุ้มมาด้วย

   “กระเป๋าอะไรครับ?”

   “เสื้อผ้า”

   “จะหนีตามผมเหรอ?”

   “ปัญญาอ่อน ไปได้แล้วฉันหิว”

   “ยังไม่ทานอะไรเหรอครับ?” คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้า “ทำไมไม่หาอะไรกิน เกิดปวดท้องขึ้นมาจะทำยังไง”

   “โอ๊ย! ไม่ต้องบ่น จะพาไปหาอะไรกินได้หรือยัง”

   “เฮ้อ มานี่” ผมดึงเขาเข้ามา สวมหมวกกันน็อกให้และเช็กความเรียบร้อย ก่อนจะพาไปหาร้านอาหาร

   อยู่ที่งานผมก็ทานไม่ค่อยเยอะ เรียกว่าไม่ได้ทานเลยก็คงได้ เมื่อได้กลิ่นอาหารน้ำย่อยในกระเพาะกับทำงานทันที

   “ทำไมแต่งตัวแบบนี้”

   “หล่อป่ะ?” ตัวหอมทำหน้าแหยงกับคำถาม “ผมไปงานมา โคตรน่าเบื่อ”

   “งานอะไร?”

   “ไม่รู้ครับ จำไม่ได้ ทำไมคุณไม่ไปล่ะ?”

   “ไม่อยากไป” เขาว่า ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก ตาเรียวรีเบิกขึ้นและเป็นประกายวิบวับ รสชาติอาหารคงจะถูกใจพอสมควร ผมมองหน้าเขา ตัดสินใจถามออกไปแม้รู้สึกว่าความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ

   เอาเหอะ ยังไงผมก็จะถามอยู่ดีนั่นแหละ

   “ผมเจอครอบครัวของคุณด้วย เลยแปลกใจที่คุณไม่ไป”

   ตัวหอมชะงัก เหลือบตาขึ้นมามอง เขาวางช้อนส้อมลงและยืดตัวนั่งตัวตรง ใบหน้าที่เคยสดใสเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง นัยน์ตาวิบวับก็หายไปเหลือเพียงความเย็นชาเท่านั้น...

   “ครอบครัวฉัน?”

   “ครับ คุณลุงตรีภพ คุณภัท คุณมัลลิกาและคุณเลย์”

   “หึ” ณภัคแสยะยิ้มเมื่อถึงสองชื่อสุดท้าย ดวงตาของเขาเย็นยะเยือกขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

   “มีอะไรเหรอครับ?”

   “เปล่า ฉันอิ่มแล้ว คิดเงินสิ”

   ผมไม่ทำตามที่เขาบอก เพราะตัวหอมเพิ่งทานไปแค่นิดเดียว จึงเปลี่ยนเรื่องอื่นมาคุย แม้อารมณ์ของเขาจะยังไม่ปกติแต่ก็ทานอาหารอีกครั้ง ผมเก็บเรื่องที่สงสัยไว้ ตอนนี้ความอยากรู้พุ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก เอาไปถามแม่ได้หรือเปล่า แม่ของผมจะรู้ใช่ไหม หรือในอินเทอร์เน็ตจะมีบอก

   ส่วนอีกเรื่องที่ต้องถามกับณภัคเองนั่นก็คือทำไมเขาถึงได้เย็นชาขึ้นเมื่อพูดถึงครอบครัว

   หรือนี่จะคือปมในทิวากาลเคยบอกไว้...











---------------------------------------
หายไปหลายวันมาก ยังไม่ตายนะคะ 55555555555555555
ตบตีกับจันทร์เจ้าอยู่ ฮือ ใกล้จะปลดบ่วงได้แล้ว กี้ดดดดดดด
สำหรับตอนนี้นั้น.... แล้วแต่ทุกคนจะพิจารณาค่ะ (ฮาาาา)
จะอัพตั้งแต่สองทุ่มละ แต่ไปใช้แรงงานเป็นกรรมกรอยู่เลยมาช้า TwT
หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า ♥


ปล. พี่มีนเปิดจองแล้วนะคะ สนใจอ่านรายละเอียดที่โพสต์ปักหมุดในเพจเลยจ้า
ช่วยส่งเสียพี่มีนกับรามินทร์ให้มีค่าเทอมด้วยนะคะ พลีส~
 :mew2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 18-03-2017 21:17:16
ทำไมเลย์ชื่อไม่เข้าพวกเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 18-03-2017 21:41:22
เอาแล้ว บทตาพี่ภัทเริ่มเพิ่มมาเรื่อยๆแล้ว ทีมน้องจริงใจอย่างเราก็ขอเอาใจช่วยให้จริงใจชนะใจพี่ภัคได้เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 18-03-2017 21:47:34
มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-03-2017 22:02:16
พ่อตัวหอม มีภรรยาใหม่สินะ
แล้วเลย์ คือน้องต่างมารดาของตัวหอม
ตัวหอมถึง ไม่สนใจครอบครัวตัวเอง
จันทร์เจ้า ยังชอบกินเหมือนเดิม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-03-2017 22:06:08
เลย์นี่ลูกคุณมัลลิการึป่าว ตัวหอม กะคนในงานนี่น่าจะลูกเมียเก่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: oillilo ที่ 18-03-2017 22:31:30
 :-[ รู้สึกถึงความใกล้กันอีกนิดของจริงใจกะณภัคร สู้ๆนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-03-2017 22:41:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: LYPO ที่ 18-03-2017 22:41:44
หัวจัยยไม่แข็งแรง...ถ้ามีดราม่าขอให้เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวหอมยิ่งเปิดใจ ยิ่งเทมาทางเด็กปีศาจ แล้วให้เด็กปีศาจปล่อยพลังทำลายความดราม่านั้นพาตัวหอมหลุดพ้นปมตัวเองออกมาเถอะค่ะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-03-2017 22:44:06
ปัญหาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-03-2017 22:53:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-03-2017 23:10:51
ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ


มีเด็กปีศาจอยู่ใกล้ๆไม่ต้องกลัวหรอกนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-03-2017 23:15:18
แล้วตัวหอมเก็บเสื้อผ้าไปไหนอ่า มาต่อไวๆเด้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-03-2017 23:57:11
เห่อ. คนรวยส่วนใหญ่ต้องมีปัญหาแบบนี้หรา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-03-2017 00:14:34
ยัยคุณมัลิกากะเลย์นี่ ลูกเมียใหม่รึเปล่า เดาๆๆๆ.  :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-03-2017 01:13:54
พ่อแต่งงานใหม่?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-03-2017 08:18:59
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-03-2017 10:26:59
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 19-03-2017 14:55:11
อย่าหายไปแบบนี้อีกนะใจคอไม่ดีเลย55555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-03-2017 00:17:19
ว้ายยยย จริงใจ ปกติไม่ยุ่งใคร พอเป็นเรื่องตัวหอม ต่อมอยากรู้ทำงานรัวๆ นะคะ
ตัวหอมทำมาบ่น มาอ้อนนะ เนียน แถมยังแบกกระเป๋ามาด้วย ค้างชัวร์ คิดถึงเค้าล่ะสิ

จันทร์เจ้าโผล่มาแปบ แต่จุใจมากกว่าอะไรทั้งนั้น อิ่มไหมคะหนู 5555

พี่ฟ้ายังคงหวงไม่เปลี่ยน

คงไม่มีเรื่องวุ่นนะคะ สงสารณภัคนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 20-03-2017 18:42:10
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 26 ผมกับความสงสัย | 18-3-60 | P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-03-2017 20:20:10
จริงใจต้อง่วยพี่เขาอยู่ข้างและหาของกินอร่อยๆทำให้ตัวหอมอารมณ์ดีนะ 555 
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 22-03-2017 21:35:03
ความที่ 27
ผมกับสิ่งที่ต้องทำ




   ตัวหอมเงียบไปและทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่พูดเรื่องครอบครัวของเขา ผมไม่ได้เซ้าซี้เพราะไม่ใช่นิสัย อีกอย่างถ้าตัวหอมจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ผมก็ขี้เกียจง้อ ตอนนี้ผมนั่งขัดสมาธิพิงหลังกับหัวเตียง ในมือมีโทรศัพท์อยู่ ปลายนิ้วแตะไปยังตัวอักษรทีละตัวจนเป็นคำแล้วกดค้นหา

   ไชยพัฒน์สวัสดิ์

   นั่นคือคำที่ผมเขียนลงในช่องค้นหา เพียงไม่นานก็มีหน้าเว็บขึ้นมาเรียงกันเป็นพรืด ชำเลืองสายตามองไปยังสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งในห้อง ตัวหอมยืมแล็ปท็อปของผมไปแล้วทำอะไรไม่รู้อยู่ที่บีนเบดริมหน้าต่าง

   ตรีภพ ไชยพัฒน์สวัสดิ์ คู่สมรส ณธิตา ไชยพัฒน์สวัสดิ์

   ฉิบหาย... เพียงแค่อ่านบรรทัดแรกผมก็สบถคำนี้ออกมาในใจ เลื่อนสายตาไปบรรทัดต่อไปซึ่งระบุเอาไว้ว่ามีณภัทและณภัคเป็นบุตรชาย แล้วคุณมัลลิกากับเลย์ล่ะ? สองคนนั้นเป็นอะไรกับคุณลุงตรีภพ และเกี่ยวข้องยังไงกับไชยพัฒน์สวัสดิ์ แม่บอกว่าคุณมัลลิกาคือภรรยาแล้วทำไมคู่สมรสถึงได้เป็นชื่อ ณธิตา...

   ผมอ่านจนจบบทความนั้นแล้วพิมพ์ชื่อคุณมัลลิกาลงไปในช่องค้นหา ไล่สายตาอ่านข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณมัลลิกาเป็นภรรยาใหม่ของคุณลุงตรีภพและเลย์เป็นลูกติด แต่คุณลุงกับภรรยาใหม่มีลูกด้วยกันหนึ่งคน และที่สำคัญก็คือ....

   คุณณธิตาหรือคุณแม่ของตัวหอมเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว.....

   ตั้งแต่อ่านอะไรพวกนี้ผมได้แต่พูดคำว่าฉิบหายออกมา ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมท่าทางเขาถึงได้เปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว

   ตอนนี้ตัวหอมอยู่ปีสอง อายุประมาณยี่สิบ ถ้าตอนแม่ของเขาเสียก็คงประมาณสิบห้า... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ

   ผมพ่นลมหายใจ กดลบประวัติการค้นหาแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไป ลุกจากเตียงไปหาคนที่นั่งเล่นแล็ปท็อปอยู่ ทิ้งตัวนั่งซ้อนด้านหลังของเขาและโอบแขนกอดเอวบางพร้อมกับเกยคางบนไหล่แคบ

   “ทำอะไรครับ?” ผมถาม แต่คนถูกถามไม่ตอบ จึงเรียกร้องความสนใจด้วยการงับผิวเนื้อขาว ๆ

   “อย่ากวน”

   “สนใจผมหน่อยสิ”

   “วอแว”

   ดุนจมูกกับลำคอระหง ตัวหอมขยับตัวจะหนีแต่เพราะผมรัดไว้จึงทำไม่สำเร็จ โดนหยิกแขนไปเต็มแรงผมจึงได้หยุดก่อกวน ยกขึ้นมาดู ผิวผมมีรอยแดงประดับอยู่ เดาะลิ้นหลังจากที่เห็น ก่อนจะรัดเอวบางไว้และเกยคางบนไหล่เขาเหมือนเดิม นั่งมองสิ่งที่เขากำลังทำเงียบ ๆ ตัวหอมกำลังอ่านเท็กซ์จากไฟล์ในอีเมล

   แต่สิ่งที่สะดุดตาผมนั่นก็คือแท็บที่ถัดไปสองแท็บซึ่งเมื่อเพ่งอ่านก็จับใจความได้ว่าคือหน้าต่างเกี่ยวกับข่าวเรื่องงานเลี้ยงเมื่อตอนเย็น... กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอกระชับวงแขนแน่นขึ้นก็ตอนเจ้าของร่างบอบบางร้องประท้วง ผมขบริมฝีปากตัวเอง จ้องมองเสี้ยวหน้าเขานิ่ง ๆ ที่ผมสงสัยว่าทำไมเขาไม่มีความคล้ายคุณมัลลิกา นั่นก็เพราะเขาไม่ใช่ลูกของเธอ จนกระทั่งได้เห็นรูปคุณณธิตา

   ...ผมก็ไม่แปลกใจแล้วว่าเขาหน้าตาดีเหมือนใคร

   “พรุ่งนี้มีเรียนไหมครับ?”

   “แปดโมง”

   “ผมไปส่งนะ”

   “นายไม่ไปโรงเรียนหรือไง?” เขาหันมาถาม เหมือนตัวหอมจะชะงักไปหลังจากเห็นว่าหน้าเราอยู่ใกล้กันมาก

   “ไปครับ แต่จะไปส่งคุณ”

   “วุ่นวาย”

   “ช่างผมเถอะน่า ปิดเครื่องแล้วไปนอนกันเถอะ”

   “นายก็ไปนอนสิ! ฉันยังไม่ง่วง”

   “แต่ผมง่วงแล้ว” บอกก่อนจะเอื้อมมือไปปิดแล็ปท็อปโดยไม่สนใจว่าเขาจะทำอะไรค้างไว้อยู่หรือไม่ ตัวหอมจิกตาขวาง ขบฟันกรอดเหมือนอยากขย้ำคอให้ตาย ๆ ไปซะ

   ลุกขึ้นจากบีนเบดแล้วไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง จากนั้นจึงปิดไฟหลักในห้องนอน คนอายุมากกว่ากลอกตาไปมา สุดท้ายก็ปีนขึ้นเตียงไป

   “ทำไมคุณถึงไม่ชอบความมืดเหรอครับ?”

   “ไม่ใช่เรื่องของนาย”

   “ผมอยากรู้”

   “หยุดวอแวแล้วนอนได้แล้วน่า”

   “บอกหน่อยดิ” ขยับเข้าไปใกล้ ซบหน้าผากกับหัวไหล่พลางเหลือบตาขึ้นมอง ตัวหอมมองด้วยหางตาแล้วจิปากไม่สบอารมณ์

   “นอกจากชอบวอแวแล้วยังทำตัวเหมือนหมาอีก”

   “ณภัค...” ลงทุนเรียกชื่อเสียงอ่อน เห็นว่าตัวหอมทำหน้าแหยง ๆ

   “โดนเจ้าของทิ้งเหรอ หางลู่หูตกเชียว”

   “ก็แย่ละ แต่คุณสนใจจะรับไปเลี้ยงไหม ผมเลี้ยงง่ายนะ แค่ไม่ขัดใจก็พอ”

   “เด็กเปรต”

   “หึหึ อย่าเปลี่ยนเรื่องดิ จะไม่บอกผมจริง ๆ เหรอครับ?” ตัวหอมถอนหายใจเป็นคำตอบ “โอเค ไม่บอกก็ได้ ผมไม่ถามแล้ว”

   “........”

   “หลับให้สนิทนะครับ”

   “..........”

   ไม่มีเสียงตอบกลับมา ผมพลิกตัวนอนหงาย มองเพดานนิ่ง ๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลง รู้สึกได้ว่าคนข้าง ๆ ขยับตัวไปมาแต่ผมไม่ได้ลืมตามอง และไม่รู้ว่าหลับไปเมื่อไหร่ ผมตื่นขึ้นด้วยความเคยชิน เหมือนจะเป็นข้อดีที่วันไหนต้องไปโรงเรียนจะตื่นได้เองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกา แต่ถ้าวันหยุด ไม่เฉียดเที่ยงผมไม่ตื่น

   รู้สึกหนัก ๆ ที่แขนจึงหันไปมอง ก็พบว่ามีคนอายุมากกว่าซบกับแขนของผมอยู่ แถมมือเล็ก ๆ นั่นยังจับแขนผมไว้อีกด้วย ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่รู้ตัว แต่ที่รู้ ๆ คือ ใจสั่นฉิบหาย ...ผมมองเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนขยับตัวเบา ๆ เพื่อเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมา และเข้าไปที่กล้องถ่ายรูป ถ่ายภาพตัวหอมที่กำลังนอนหลับสนิทยังคงซุกหน้ากับต้นแขนผมอยู่และมีหน้าผมในเฟรมแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น กดอัพโหลดลงในแอคเคานต์ลับของตัวเองพร้อมกับแฮชแท็ก

   #wowaeboyandhisstrawberryshortcake
   [วอแวบอยกับสตรอว์เบอร์รี่ชอร์ทเค้กของเขา]

   ไม่รู้ทำไมถึงเป็นสตรอว์เบอร์รี่ชอร์ทเค้กเหมือนกัน บางทีผมอาจจะหิว คำนี้มันเข้ามาในหัวก่อนเลยเขียน ๆ ไปงั้น แต่พอมาคิดแล้วเขาก็เหมือนชอร์ทเค้กจริง ๆ ...ผิวเขาขาวเหมือนเนื้อครีม เนียนนุ่นคล้ายกับสปันจ์เค้ก ริมฝีปากสีแดงแทนด้วยสตรอว์เบอร์รี่ เพียงแค่อยู่ใกล้ก็ได้กลิ่นหอม ๆ หากเมื่อลิ้มลอง ความหวานก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งปาก ตัดกับรสเปรี้ยวอย่างพอดี... อ่า นึกแล้วชักอยากกินชอร์ทเค้กขึ้นมาแฮะ

   ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว ถือโอกาสเปลี่ยนชื่อไปเลยดีกว่า ชื่อเดิมที่จันทร์เจ้าตั้งให้กากฉิบหาย ให้ความรู้สึกผิดพลาดเหมือนสมัครอีเมลครั้งแรก

   ผมเก็บโทรศัพท์เอาไว้และหลับตาลงทันทีเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกจากเครื่องตัวหอมดังขึ้น จากนั้นไม่นานเขาก็ขยับตัว ผมทำเป็นหลับเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับผมหรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรครับ นอกจากแรงกดที่แก้มด้วยนิ้วและเสียงหึอย่างหมั่นไส้ ผมลืมตาขึ้นหลังจากสิ้นสุดเสียงปิดประตู เบ้ปากออกเล็กน้อยก่อนจะยันตัวลุกขึ้น คว้าโทรศัพท์มาดูเวลาอีกรอบ เข้าไปเล่นเกมระหว่างรอใช้ห้องน้ำ

   เกือบหลับไปแล้วถ้าไม่ได้แรงสะกิดจากคนอายุมากกว่า ผมเหลือบตามองเขา ตัวหอมอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำของผม

   “ไปอาบน้ำ”

   “อือ...” ครางรับด้วยอาการง่วง ๆ เล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป

   “ทานอะไรก่อนไหมครับ?” ผมถามตัวหอมหลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ผมอยู่ในชุดนักเรียนและสวมทับด้วยบอมเบอร์แจ็กเก็ตเพื่อกันแดด ส่วนตัวหอมก็อยู่ในชุดนักศึกษาและมีแจ็กเก็ตยีนส์ของผมทับด้านนอก ด้วยความตัวใหญ่ของเสื้อทำให้มันตกลงไปเกือบจะคลุมสะโพกของเขา ส่วนแขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นหลายทบเหมือนกัน

   อารมณ์เหมือนเด็กที่เอาเสื้อคนอื่นมาใส่

   ก็น่ารักดี

   “จะทันหรือเปล่า”

   “คุณทันหรือเปล่าล่ะ?”

   “ฉันมีเรียนแปดโมงครึ่ง”

   “ทันครับ ไปกันเถอะ”

   “แล้วนายล่ะ?”

   “ผมตั้งใจจะไปสายอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรนะ” การที่เป็นนักเรียนดีเด่นข้อดีมันก็อยู่ตรงนี้แหละ ไปสายได้โดยไม่ต้องถูกหมายหัวอะไรเพราะไม่มีประวัติเสียหาย ผมแอบไม่เข้าใจนิดหน่อย พวกที่ไปสายระหว่างแปดโมงถึงแปดโมงครึ่งถูกกักตัวเอาไว้และจะถูกทำโทษพร้อมกับลงบันทึกชื่อ แต่กลุ่มคนที่ไปสายหลังจากแปดโมงครึ่งแล้วกลับไม่โดนอะไรเลย...

   เพราะมันไม่มีคนเฝ้าเหรอ? เออช่างแม่งเหอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม เพราะผมเองก็อยู่ในประเภทหลังแปดโมงครึ่ง

   “ไปสายไม่ถูกทำโทษหรือไง?” เขาถามระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ลิฟต์

   “ไม่โดน ผมเป็นนักเรียนดีเด่น”

   “หน้าอย่างนายเนี่ยนะ”

   “หน้าอย่างผมนี่แหละครับ ทำไม ข้องใจเหรอ?”

   “หน้าตาเป็นเด็กเกเรชะมัด นายน่าจะอยู่พวกห้องท้าย ๆ”

   “ผมอยู่ห้อง A ครับ ไม่ได้อวด บอกเฉย ๆ” ตัวหอมทำหน้าราวกับสิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องโกหก “คุณก็เห็นเกรดผมแล้วนี่”

   “หยุดพูด”

   “Don’t judge a book by its cover.(อย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปก) ไม่เคยได้ยินเหรอ?”

   “เออ หยุดพูด”

   “หึ”

   “ฉันเกลียดเสียงหัวเราะนาย”

   “แต่ผมชอบเสียงหัวเราะคุณนะครับ”

   ก้มลงไปพูดเสียงแผ่วใกล้ ๆ หู ตัวหอมย่นคอลงและขยับตัวหนีพร้อมกับดันหน้าผมออก ไม่นานลิฟต์ก็เปิด เราจึงเดินออกไป มาถึงรถก็สวมหมวกกันน็อกให้เขา อืม... การขึ้นรถเริ่มคล่องแล้ว แต่ใส่หมวกนี่ยังไงก็ใส่ไม่ได้ มีหัวร้อนและตบตีกับหมวกตลอด ...เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จผมก็ไปส่งเขาที่มหาวิทยาลัย ขณะนี้ตัวหอมกำลังหน้ายุ่งพลางจัดทรงทรงผมตัวเองอยู่

   “คุณเลิกเรียนกี่โมง?”

   “ไม่บอก”

   “อ้าว แล้วผมจะมารับถูกเหรอ?”

   “ใครจะให้นายมารับกัน” ผมมองเขาด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่เห็นหรอกว่ากำลังดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มเพราะผมไม่ได้ถอดหมวกกันน็อกออก “ฉันจะไปธุระกับพีท ไม่ต้องมา”

   “อือ” พูดไปแค่นั้นก่อนเลื่อนกระจกกันลมลง ขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถมือเล็กของอีกคนก็ยื่นมาดึงกุญแจออก

   “เอาคืนมาครับ”

   “เลิกงี่เง่าดิ”

   “ผมงี่เง่าเมื่อไหร่?” ตัวหอมหน้ายุ่งคิ้วขมวด คงอยากจะทำอะไรสักอย่างกับผม ฟันขาวขบริมฝีปากของตัวเอง ก่อนที่เขาจะใช้กุญแจรถในมือเคาะตำแหน่งหน้าผากผ่านหมวกกันน็อก ผมจับข้อมือเล็กเอาไว้แล้วพูดเสียงนิ่ง

   “อย่าเล่น”

   “.........”

   “ขอกุญแจรถคืนด้วยครับ”

   “ก็บอกให้เลิกงี่เง่า”

   “ผมไม่ได้งี่เง่าจะเลิกได้ยังไงล่ะ?” ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปงี่เง่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเป็นเขาก็ว่าไปอย่าง... “เพื่อนรักคุณมาแล้ว”

   ตัวหอมเอี้ยวคอไปมองก่อนจะหันกลับมาเบ้ปากและเหลือกตาขึ้นฟ้า เพื่อนรักของเขาที่ผมพูดถึงนั้น คือผู้หญิงที่เคยเจอตอนไปหาเขาที่คาเฟ่อ่านหนังสือ ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร

   “จะไปไหนก็ไปเลย”

   “เอากุญแจมาดิ”

   “จิ๊!”

   “หึหึ ผมไปล่ะ” ยื่นมือไปคว้ากุญแจจากเขามา ก่อนที่เพื่อนรักของเขาจะมาถึงผมก็บิดรถออกไป

   อืม... ไม่อยากจะเดาว่าถ้าได้เจอกันนี้คุณเขาจะพิโรธขนาดไหน

   ผมมาถึงโรงเรียนตอนเกือบจะจบคาบแรกแล้ว ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วจึงแวะร้านขนมหน้าโรงเรียนก่อนแล้วรอให้จบวิชาแรกถึงได้เข้าไป เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าห้องเรียนแค่เท้าเดียวไอ้เนตรก็รีบพุ่งเข้ามาตบหัวผมป๊าบ เชี่ยเอ๊ย! หลบไม่ทัน ผมจึงได้แต่มองมันตาขวาง

   “จะมาสายทำไมไม่บอกกู กูจะได้มาบ้าง!”

   “สัด”

   “แม่ง มึงปล่อยให้กูอยู่คนเดียวอ่ะ กูเหงา”

   “ตอแหล เมื่อเช้ามีเรียนอะไรบ้าง?”

   “ไม่บอก! หยิ่ง!”

   “เรื่องของมึง” ไอ้เนตรเบะปาก ด้วยความหมั่นไส้จึงถีบมันไปที เหวี่ยงกระเป๋าไปวางบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหน้าห้อง

   “มะ มีอะไรเหรอ..?”

   “เมื่อเช้าอาจารย์สั่งงานอะไรบ้างครับ?” ผมถามออม ตอนนี้เหมือนสติของเธอยังไม่ค่อยมานะ เพราะเอาแต่มองผมแล้วกะพริบตาปริบ ๆ

   “อะ อ๋อ” ออมตอบรับก่อนจะบอกผมว่ามีงานอะไรบ้าง “ทำไมจริงใจมาสายเหรอ?”

   “มีธุระน่ะ ขอบคุณนะ” พูดจบก็ส่งยิ้มให้แล้วจึงกลับไปนั่งที่โต๊ะ ไอ้เนตรหรี่ตามอง ไม่ให้มันเอ่ยปากเห่าอะไรผมก็จ้องมันด้วยสายตานิ่ง ๆ มันจึงหุบปากฉับ

   แซวจังเลยกูกับออมเนี่ย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น




   “นัดซ้อมกันเหอะ” เหลือบตามองคนพูดทันทีที่มันพูดจบ ข้าวฟ่างแสดงอาการเหมือนคนติดยาที่ไม่ได้เสพมาหลายวันแล้วลงแดงตาย

   “เอา ๆ” ไจ่ไจ๋รีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น ผมจึงกลอกตาไปสบกับวาฬ มันมองหน้าผมด้วยสายตาเนือย ๆ และใบหน้านิ่งเฉย และสีหน้ากับแววตาของผมก็คงไม่ต่างจากมัน...

   “มึงคิดเหมือนกูใช่ไหมจักรพรรดิ”

   ผมแสยะยิ้มก่อนจะแค่นเสียงออกมา “หึ”

   “พวกมึงแม่ง ขี้เกียจซ้อมก็ออกจากวงไปเลย”

   “ไปไหมมึง?” วาฬถามทีเล่นทีจริง แต่คนที่ดิ้นคือหัวหน้าวงนั่นแหละ มาท้าแล้วก็โวยวาย เป็นไรอะ บ้าเหรอ?

   “เอาดิ”

   “พี่จริงใจกับพี่วาฬจะออกจากวงเหรอ ทำไมทำงี้อะ!?” มือคีย์บอร์ดของวงว่าขึ้นบ้าง

   “เออ ด่ามันเลยไจ๋ ด่าพวกมัน มันทรยศเรา ดังแล้วแยกวง อกตัญญู” ผมมองข้าวฟ่างด้วยสายตารำคาญ อกตัญญูหน้ามึง...

   “ทำไมไม่บอกกันดี ๆ ไจ๋ออกด้วย!”

   “อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา” ข้าวฟ่างหน้าเหวอไปสักพักก่อนจะพูดออกมา ไจ่ไจ๋เลี้ยวแบบแหกโค้งไปแล้วก็หัวเราะ ไอ้วาฬกับไอ้เนตรเองก็ด้วย ผมได้แต่สั่นหัวไปมา

   ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง คนยังอยู่เต็มโรงอาหาร เสียงคุยดังไปหมด และวันนี้ไม่รู้ทำไมถึงมานั่งด้วยกันได้ อาจจะเพราะโต๊ะไม่พอหรือบางคนอาจจะโดนเพื่อนทิ้งไปกินข้าวกับแฟน (ไม่ได้พาดพิงข้าวฟ่างเลยจริง ๆ ครับ) แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่ตรงที่ข้าวฟ่างส่งข้อความมาในแชทกลุ่มบอกให้นัดรวมพล มานั่งทานข้าวด้วยกันเพราะมันมีเรื่องจะคุยด้วย จนตอนนี้ทานข้าวไปจนครึ่งจานแล้วมันยังไม่เล่าธุระของมันเลย

   “มึงมีอะไรจะพูดเมื่อไหร่จะพูดสักที” ผมจ้องหน้ามัน ข้าวฟ่างยืดตัวนั่งหลังตรง ยกน้ำขึ้นดื่มจากนั้นก็ทำท่าจะเริ่มพูด

   “คืองี้....” แล้วมันก็เงียบไปเพราะยิ้มให้ใครสักคน

   “ของฟ่างป่ะ?”

   “เฮ้ย! ไปอยู่กับแตมได้ไง ขอบคุณมาก ๆ” ผมขมวดคิ้วมองระหว่างทั้งสองคน เข้าฟ่างรับปากกาจากคนมาใหม่แล้วมองมันอย่างกับเจอลูกที่หายตัวไป ส่วนอีกคนนั้นคือเฌอแตม แฟนของแฟนเก่าตัวหอม คนที่เจอที่คอนโดแล้วบอกผมว่าเป็นเพื่อนข้าวฟ่าง นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมเจอคนนี้ที่โรงเรียน

   ปกติไม่ได้สนใจเลยไม่รู้ว่าเคยเจอกันหรือเปล่า

   “เห็นมันตกอยู่บนพื้นอ่ะ คุ้น ๆ ว่าเคยเห็นฟ่างใช้เลยเอามาถาม” ข้าวฟ่างยิ้มแทนคำพูด “ขอนั่งด้วยได้หรือเปล่า แตมหาโต๊ะไม่ได้อ่ะ”

   “เอาดิ”

   มึงไม่คิดจะถามความเห็นจากใครเลยใช่ไหม ฮึ?

   เฌอแตมยิ้มกว้างแล้วทิ้งตัวนั่งที่ว่างข้าง ๆ ผมเพราะมันเหลืออยู่ที่เดียว ข้างผมอีกฝั่งคือภูวเนตร ส่วนฝังตรงข้ามก็คือข้าวฟ่าง ไจ่ไจ๋และก็วาฬ

   “ไม่ค่อยเจอน้องจริงใจที่คอนโดเลยนะ”

   ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ แต่ที่รู้สึกคือสายตาของทุกคนแม่งจ้องมาที่ผมเป็นจุดเดียว ความเสือกของพวกมึงนี่มัน...

   “พี่จริงใจสนิทกับพี่แตมเหรอ?” ผมสั่นหัว “อ้าว”

   “พี่เคยเจอจริงใจที่คอนโดน่ะ พอดีน้องจริงใจพักอยู่ที่เดียวกับแฟนพี่”

   “อ๋อ.....” พวกมันลากเสียงยาว

   “เสน่ห์แรงสัด ๆ” ไอ้เนตรเอนตัวมากระซิบข้างหูก่อนจะหัวเราะเมื่อผมมองมันด้วยหางตา

   แรงก็แย่ละ

   “กับพี่ภัคเป็นยังไงบ้างเหรอ?”

   “fuck” ผมสบถออกมาเสียงไม่เบานักหลังจบคำถามจากเพื่อนข้าวฟ่าง เฌอแตมยังคงมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ใบหน้า

   “ใครคือพี่ภัค?”

   “โอ๊ะ! พี่ทำให้น้องจริงใจลำบากใจหรือเปล่านะ”

   “เสือก” อันนี้บอกกับพวกที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็น ในส่วนของข้าวฟ่างที่รู้เรื่องอยู่แล้วมันก็มองผมอย่างเยาะเย้ยและสมน้ำหน้า ส่วนเฌอแตมเองก็เหมือนจะพอใจกับการกระทำของตัวเอง

   หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดอะไรอีก เมื่อทานข้าวเสร็จก็เอาโทรศัพท์ของมากดเล่น เข้าไปดูโซเชียลบ้างแล้วก็ออก ตัวหอมไม่ได้อัพเดตอะไรมากมายนัก แต่ตอนนี้ผมเริ่มเบื่อ ๆ ที่จะตามส่องเขาละ

   “รายละเอียดงานประกวดดนตรีออกมาแล้วนะมึง” จู่ ๆ ข้าวฟ่างก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมละสายตาจากโทรศัพท์ไปมองหน้ามัน คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน “เขาจะจัดประกวดช่วงกลาง ๆ ปลาย ๆ เดือนหน้าอ่ะ”

   “มึงจะกลางหรือปลายพี่ฟ่าง?” ไอ้เนตรมันถาม อืม ผมก็งงกับคำพูดมันเหมือนกัน

   “ค่อนไปปลายอ่ะ”

   “โห ช่วงนั้นโคตรยุ่งเลยนี่หว่า” วาฬว่าขึ้นบ้าง ก็จริงอย่างที่มันพูด ช่วงปลายของเดือนสุดท้ายของปีมีงานอะไรเยอะแยะไปหมด พวกผมที่อยู่ ม.5 ก็ต้องเป็นสตาฟฟ์ทุกอย่างไม่ว่าจะกีฬาสี วิชาการ เทศกาล หรือแม้กระทั่งงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกรุ่นพี่อย่าง ม.6 จะไม่ได้ทำอะไรแล้ว เพราะต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยกัน งานหนักจึงตกมาอยู่ที่ปีพวกผมไง

   ฉิบหายแน่ถ้ามันส่งใบสมัครประกวดดนตรีไป

   “มึง!! มันน่าสนใจ! ถ้าชนะได้เงินรางวัลเป็นแสนเลยนะเว้ย!”

   “กูมีเงินเยอะแล้ว บ้านกูรวยมาก” ผมว่าเสียงเนือย ข้าวฟ่างเบ้ปากกลอกตาแทบจะสามร้อยหกสิบองศา

   “ผมอยากประกวดนะ ถือเป็นประสบการณ์ด้วย” น้องเล็กพูดแบบนี้จะว่าอะไรได้ล่ะ ถึงจะชอบแกล้งมันให้งอแง แต่ทุกคนในวงก็โคตรจะตามใจและโอ๋มันเหมือนกัน ข้าวฟ่างยิ้มกว้างเมื่อมีแนวร่วม วาฬก็น่าจะสนใจอยู่เหมือนกันแต่ลังเลเพราะมีภาระเยอะ ส่วนผมเองก็ไม่อยากขัดอะไรหรอก แต่ผมไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวให้เหนื่อยเพิ่มไง

   “งานช่วงสิ้นปีมีเยอะก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ามึงจะต้องทำคนเดียวนี่หว่า”

   ผมถอนหายใจเฮือก ไอ้เนตรพูดเหมือนผมเป็นพวกขี้เกียจและรักความสบาย

   “สรุปคือจะลงให้ได้?”

   ข้าวฟ่างพยักหน้าหงึกหงัก

   “เรื่องของมึง”

   “เยส!!!” มันชูแขนขึ้นสูงและร้องดีใจ “ซ้อมหลังเลิกเรียนนี้เลย”

   “พ่อง!!!” คราวนี้พวกผมร้องขึ้นพร้อมกัน

   “เราต้องฟิตนะพวกมึง!”

   “คึกอะไรขนาดนี้วะ?” วาฬมันถามพร้อมใบหน้ายุ่ง ๆ

   “พวกหัวใจวายมันก็ลง เราต้องไม่แพ้มัน!”

   “ถ้ามึงไม่ลงประกวดมึงจะไม่แพ้นะ”

   “มึงหุบปากไปจักรพรรดิ มึงไม่รู้หรอกว่าไอ้เหี้ยนั่นมันหยามกูมากแค่ไหน กูต้องชนะมันให้ได้!!”

   ผมส่ายหัวกับอุดมการณ์ของมัน เออ เรื่องของมึง!




   “กูอยากกินหนมปังสังหยา ไปกันเหอะมึง” ไอ้เนตรพูดขึ้นระหว่างที่เรากำลังเดินลงบันไดเพื่อไปที่ลานจอดรถ ตอนนี้เลิกเรียนแล้วครับ

   “ที่ไหน?”

   “แถวมหาวิทยาลัยพี่จันทร์เจ้าไง ร้านที่มึงเคยซื้อมาอ่ะ อร่อยดี”

   “ไกลเหี้ย ๆ”

   “ไปเหอะ กูเสี้ยน”

   ผมหรี่ตามองมัน “เอาเหตุผลจริง ๆ มา”

   “มายด์โทรมาชวนไปดูหนัง”

   “กูว่าละ... ยังไม่เลิกอีกเหรอ?”

   “มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยบอกเลิกผู้หญิง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็รู้นิสัยข้อนี้ของมันดี เวลาคบใครไม่เคยจะบอกเลิกเขาหรอก และไม่ทำตัวเหี้ยอย่างเช่นคุยกับคนอื่นซ้อนเพื่อให้โดนบอกเลิกด้วย สำหรับไอ้เนตร ถ้ามันรักคือรักฉิบหาย ถ้าความรู้สึกไม่เหมือนเดิมเมื่อไหร่มันจะเฉื่อยกับทุกอย่างทันที แล้วผู้หญิงเขาจะรู้สึกได้และก็เริ่มเบื่อกับความเนือยของมันและเป็นคนบอกเลิกเอง

   จากนั้นภูวเนตรก็กลับมาแฮปปี้อีกครั้ง

   อันนี้ก็จัดว่าเหี้ยนะ แต่ไม่ได้อยู่เลเวลที่สูงมาก

   เหี้ยแบบทุลักทุเล

   “ข้าวฟ่างนัดซ้อมไง”

   “บอกว่าไปกินหนมปังปิ้งกับกูไง”

   “ก็แย่ละ”

   ผมนิ่งคิด ว่าจะเอายังไงดี สายตาหมา ๆ ของไอ้เนตรก็ชวนให้น่าสงสารอยู่นะ แล้วผมมันเป็นพวกรักสัตว์ด้วยสิ... พิมพ์ข้อความส่งไปในแชทกลุ่มของ HISTASIA บอกว่าวันนี้ไม่ไปซ้อมเพราะพาเนตรไปกินขนมปัง ข้าวฟ่างโวยวายและวาฬกับไจ่ไจ๋ส่งสติ๊กเกอร์ดีใจมา จากนั้นข้าวฟ่างมันก็บอกโอเคเพราะยังไม่จองห้อง

   ไอ้เวรเอ๊ย!

   ระหว่างที่กำลังจะใส่หมวกกันน็อกอยู่นั้นผมก็หันไปมองไอ้เนตร อยู่ ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะพร้อมกับแววตาเป็นประกาย

   “เนตร!”

   “ว่า!”

   “มึงชวนมายด์มาด้วยดิ”









-----------------------------------------------
ถือว่ามาเร็วแหละเนอะ 555555 เอาจริง ๆ เหงา วันนี้ก็ป่วนเพจ ฮือ อยากมีคนเล่นด้วย ; _ ;
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า บายยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 22-03-2017 22:01:33
ณภัคของเลาาาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2017 22:06:50
พ่อณภัค มีภรรยาใหม่ หลังแม่ณภัคเสีย ?
ณภัค ช่วงนั้นอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ
จะไม่อยากกลับบ้านก็น่าอยู่หรอก
เด็กปีศาจ จัดให้เอง
จัดให้เนตร มายด์
จะเลิก หรือจะดีกัน  :katai1: :katai1: :katai1:
จบๆ ไปซะที
เฌอแตม ไม่เสือกสิ จุ้นจ้านจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-03-2017 22:21:09
เกลียดนังแตมจัง :z6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 22-03-2017 22:31:20
เรื่องครอบครัวของภัคนี่น่าจะมีอะไรมากกว่านี้
แต่เห็นนิสัยยัยแม่เลี้ยงตอนที่แล้วก็ไม่แปลกที่ณภัคจะไม่อยากกลับบ้าน
จริงใจเนี่ยะน้า จะเสน่ห์แรงไปไหนเยอะแยะ
คือรำคาญแทน  ทั้งนังแตมกับยัยแอ๊บแบ๊วเพื่อนรักณภัคอีก
แถมอีกคนคือออม นี่ว่าออมคงเข้าข้างตัวเองว่าจริงใจชอบแหง
ดีใจที่มาเร็วค่ะ คึคึคึคึคึ
ถ้าเหงาอยากมีคนเล่นด้วย ต้องมาอัพบ่อยๆน้า เค้ารอเล่นด้วยอยู่55555555
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ จุ๊บๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 22-03-2017 22:57:51
ซงซารณภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 22-03-2017 23:16:28
เอาเฌอแตมไปเก็บที
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-03-2017 23:20:33
วอแวจะทำอะไร ดูไม่น่าไว้ใจ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-03-2017 00:06:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: LYPO ที่ 23-03-2017 00:11:54
ทำไมสั้น!!!   :hao5:
จะมายาวแค่ไหนก็ด้ายยยแต่ขอถี่ๆน้าาา คิดถึงจริงจายยยหนักมาก
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-03-2017 00:16:57
แหนะ จะทำอะไรอีกละลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-03-2017 00:25:19
 :เฮ้อ:

ความวุ่นวายนั้น เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-03-2017 00:31:00
จริงใจจะทำอะไรคะ?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-03-2017 01:17:19
มีแผนจะทำอะไรอีก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-03-2017 08:23:35
จะทำไรร้ายๆแน่เลยวอแวบอย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 23-03-2017 08:39:51
จริงใจจะจัดการให้เนตรตาสว่างขึ้นหรอออ  :hao4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 23-03-2017 09:08:38
แหม่แฮชแทก นี่มันนนนน แหม่~~~~

วอแวบอย
จะทำอะไรลูก

 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-03-2017 10:14:56
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-03-2017 11:10:13
จริงใจจะทำอะไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2017 12:18:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-03-2017 16:58:15
จริงใจจะทำอะไร!?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 23-03-2017 17:41:47
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-03-2017 18:01:48
โอ๊ยยย ดีงาม มีความวอแว วุ่นวาย ดูแล มีความอยากไปค้างคืนด้วยกันไปอีก

ภัครู้ด้วยว่าจริงใจเคือง แต่บอกงอแง เลยโดนเมินซะงั้น 5555 มีง้อค่ะ น่ารักดี
จริงใจกวนประสาท ก่อกวนแล้วชอบปล่อยทิ้ง

จริงใจจะทำไรน่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 23-03-2017 19:33:22
น้องวอแวของพี่ตัวหอมจะทำอะไรกันนะ เพราะว่าคำพูดของน้องวอแวมันไม่น่าไว้ใจเท่าไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-03-2017 08:35:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 24-03-2017 17:46:41
วอแวบอยคิดจะทำอะไรคะ
ระวังเจอคนตัวหอมงอนนะ
เดี๋ยวก็ได้อุทานก็แย่ล่ะรัวๆหรอก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 24-03-2017 20:38:54
เราเสียใจจังเราจะไม่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วอ่ะ.
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-03-2017 21:20:06
จริงใจวางแผนไรอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-03-2017 17:00:29
 :hao5: รอนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 26-03-2017 02:02:07
เราเสียใจจังเราจะไม่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วอ่ะ.



วายยยยยยยยย? ทำไมจะไม่อ่านแล้วอ่าคะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 26-03-2017 16:43:50
ป่าวหรอกไม่เลิกอ่านหรอกเราแค่กำลังจะตายเฉยๆอ่ะถ้ายังไม่ตายก็จะอ่านเรื่อยๆน่ะ.❤️
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 27 ผมกับสิ่งที่ต้องทำ | 22-3-60 | P.21
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 26-03-2017 20:04:54
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 28-03-2017 20:41:17

ความที่ 28
ผมกับลางสังหรณ์




   “ทำไมเนตรไม่บอกว่าจริงใจมาด้วยล่ะ มายด์จะได้ชวนแตงกวามาด้วย”

   “เนตรก็ไม่รู้ว่ามันจะมาด้วย”

   ไอ้ตอแหลเอ๊ย!

   “ครับ ผมเสนอหน้าเองครับ”

   “ฮ่าฮ่า จริงใจตลกจังเลย” มายด์หัวเราะเสียงใส ผมยิ้มนิดหน่อยพอเป็นมารยาท มองไอ้เนตรกับแฟนมันแล้วโคตรจะอึดอัด   

   เวลาเรารู้ด้านมืดของใครแล้วมันก็ยากที่จะมองเขาดี ๆ ได้นะครับ อย่างตอนนี้ที่มายด์ยิ้มให้เพื่อนผม พอลับหลังก็ไม่รู้ว่าเธอยิ้มแบบนี้ให้กับใครบ้าง

   “ไปห้องน้ำแป๊บนะ” ผมพยักหน้ารับคำของเนตรเพราะกำลังตักพุดดิ้งทานพอดี ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือแค่ผมกับมายด์เท่านั้น

   ผมเงยหน้าสบตากับเธอ มายด์ส่งยิ้มมาให้และผมก็ยิ้มตอบ ยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มตามมารยาทหรือยิ้มฝืน ๆ ที่มุมปาก แต่ก็ไม่รู้นะว่ายิ้มที่ผมส่งไปให้มันคือยิ้มยังไงเพราะผมไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่ามายด์หน้าแดงขึ้นมา

   “มีอะไรเหรอ?”

   “เปล่า แค่มองเฉย ๆ” พูดจบก็ยิ้มไปอีกที “คบกับเนตรเป็นยังไงบ้างครับ?”

   “ก็เรื่อย ๆ นะ เนตรก็เทคแคร์ดี”

   “เหรอ มันเป็นคนค่อนข้างน่าเบื่อนะ ไม่รู้สึกเหรอ?”

   “ช่วงหลัง ๆ มานี้ก็รู้สึกบ้าง แฮะ ๆ ทำไมเหรอ?”

   “ก็แค่ถามดู”

   “อ่า...”

   “ขอเบอร์ได้ป่ะ?”

   “ฮะ!!?” มายด์ร้องตกใจพร้อมกับเบิกตากว้าง ผมเลิกคิ้วเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด เธอยกมือเกาแก้มก่อนจะบอกตัวเลขสิบหลักมา “เอาไปทำไมอะ?”

   “ไม่รู้ดิ ขอบคุณครับ” ยิ้มมุมปากหลังพูดจบ หลุบสายตามองมือเรียวที่ขยับไปมาอยู่บนโต๊ะ ผมเลื่อนมือตัวเองเข้าไปใกล้ และใช้ปลายนิ้วแตะที่นิ้วของมายด์ เธอมองผมตาโต เมื่อเห็นว่าผมยิ้มอยู่แก้มขาวก็ขึ้นซับสีแดงระเรื่อ ก่อนที่เธอจะชักมือกลับและหลบสายตา เพราะเนตรเดินมาพอดี

   “มีไรวะ?”

   “เปล่า” ผมบอก เนตรมองผมสลับกับมมายด์งง ๆ แต่ก็ไม่ถามอะไร

   RRRRR~

   ผมทิ้งช้อนลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดูจากชื่อเห็นว่าพี่ชายโทรมาจึงกดรับ

   “ว่า?”

   (“จริงใจอยู่นมปังเหรอ?”)

   “รู้ได้ไง?”

   (“เบสท์เอารูปให้ดูอ่ะ มีคนแอบถ่ายมา”) ผมขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบร้าน ก็ไม่เห็นว่ามีใครน่าสงสัยอะไร (“จริงใจ พี่อยากกินนมปั่น...”)

   “อยู่ไหน?”

   (“อยู่คณะ”)

   “เลิกเรียนยังอะ ออกมาดิ ขี้เกียจเข้าไป”

   จันทร์เจ้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลง ผมวางสายและมองที่ยังฝั่งตรงข้าม

   “มึงจะกลับยัง?”

   “เริ่มอิ่มละ มึงจะไปแล้วเหรอ?”

   “อืม จันทร์เจ้าจะมา”

   เนตรพยักหน้า “มายด์อยากไปไหนต่อไหมครับ?”

   “เอ่อ... มายด์ว่าจะไปซื้อของต่อน่ะ ถ้าเนตรไม่สะดวกมายด์ไปคนเดียวก็ได้”

   “เดี๋ยวเนตรไปด้วย งั้นไปกันเลยดีกว่าไหม จะไม่ได้ต้องกลับค่ำมาก”

   “อือ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ”

   มองเผิน ๆ ก็เหมือนแฟนกันปกติทั่วไป ถ้าหากผมไม่บังเอิญไปรู้ว่ามายด์คบคนอื่นซ้อนอยู่ผมก็คงเชื่อว่าเธอชอบไอ้เนตรจริง ๆ สองคนนั้นขอตัวกลับไปก่อน ผมเองก็โอเค ดีเสียอีกที่ต้องอยู่คนเดียว ระหว่างที่รอจันทร์เจ้ามาหาก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น และหาต้นตอของโพสต์ที่ทำให้จันทร์เจ้ารู้ที่อยู่ผมด้วย ถ้าไอ้หมูรู้ ตัวหอมก็ต้องรู้สิวะ

   แล้วอะไรคือการอัพสตอรี่ตัวเองกำลังกลอกตาขึ้นฟ้าพร้อมกับมีอีโมติค่อนมองบนอยู่ข้าง ๆ

   “Hello Mister Devil!”

   “Hello Mister Fat.”

   “พี่ไม่ใช่ไขมันสักหน่อย!” จันทร์เจ้าหน้ามุ่ยตอบกลับมา ผมยกมุมปากขึ้น อยู่เฉย ๆ ให้พี่ตี หน้างออยู่ไม่นานก็ตาวาววับขณะมองตู้ขนม “จริงใจมาทำอะไรที่นี่อ่ะ?”

   “มาทำอะไรก็ได้โตแล้ว”

   “กวนตีน” ผมยักไหล่ “ตอบดี ๆ สิ”

   “ดี ๆ”

   “จริงใจ!”

   “หึ พาไอ้เนตรมาเดตกับแฟน”

   “อ้าว เนตรมาเดตกับแฟนแล้วจริงใจเสนอหน้ามาทำไมอะ?” ผมไม่ตอบอะไร นั่นก็เลยทำให้จันทร์เจ้าขี้เกียจจะกวน “จริงใจ พี่หิว”

   “กินอยู่แท้ ๆ”

   “หิวข้าวอ่ะ นี่มันขนมนะ”

   “เฮ้อ...”

   “นะนะ ไปกินข้าวกัน”

   “แฟนพี่ล่ะ ทำไมไม่ให้พาไป?”

   “พี่ทิวาไม่ว่าง จริงใจไปกับพี่หน่อย เลี้ยงพี่ด้วย พี่ไม่มีตังค์” จันทร์เจ้ายิ้มหน้าหมาใส่ ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วจึง ไปจ่ายเงินค่าขนมที่กินอยู่แล้วคว้ากระเป๋าไปสะพาย นั่นยิ่งทำให้พี่ยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ ปากจะฉีกอยู่ละ

   “ทำไมมีหมวกสองใบ!?” นิ้วขาว ๆ ชี้ไปที่หมวกกันน็อกแถมยังทำตาโตใส่ผมอีก “ให้ใครซ้อนมา บอกพี่เดี๋ยวนี้นะ!”

   “รู้อยู่แล้วป่ะ” ผมว่า ก่อนดึงพี่เข้ามาใกล้และสวมหมวกลงไปไม่ให้ได้พูดอีก มีแค่แววตาที่สื่อออกมาว่ารู้สึกยังไง ในใจจันทร์เจ้าก็คงจะด่าผมอยู่นั่นแหละ ตาขุ่นขนาดนั้นน่ะ

   “สนิทกันมากเหรอ?”

   “ไม่เท่าไหร่ ไปเหอะ อยากไปร้านไหน?”

   “ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้าวฟ่างไหม?” พยักหน้าตอบ อยู่ไม่ค่อยไกลด้วย ไปก็ดี ตั้งแต่วันที่เจอหมูเน่าก็ยังไม่ได้ไปอีกเลย

   ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวของพี่ข้าวโอ๊ต จริง ๆ ร้านนี้เหมือนจะเป็นธุรกิจเสริมของพี่เขามากกว่า เพราะพี่โอ๊ตก็มีงานประจำอยู่แล้วคืองานที่บ้านของเขานั่นแหละ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ทำเพราะชอบกิน และมีสูตรจากแม่ของภรรยาด้วยก็เลยเปิดร้านมันซะเลย

   “พี่รู้ได้ไงว่าเค้าอยู่ร้านนมปัง?” ผมถามจันทร์เจ้าหลังจากที่เราสั่งก๋วยเตี๋ยวกันไปแล้ว

   “ก็บอกแล้วว่ามีคนโพสต์รูปลง”

   “รูปไหน?”

   “นี่ ๆ เบสท์เอาให้ดูอ่ะ พี่เลยเห็น” แล้วพี่ก็โยนโทรศัพท์มาให้ดู เป็นรูปแอบถ่ายจากด้านข้าง ในรูปมีสามคน แต่คนที่ถูกสติ๊กเกอร์ปิดหน้าไว้คือมายด์ ผมกลอกตาแล้วโยนโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ

   “เดี๋ยวนี้ฮ็อตเนอะ”

   “น่ารำคาญ”

   “หึหึ มาถ่ายรูปกัน” จันทร์เจ้าเปิดเข้ากล้องถ่ายรูป เมื่อยื่นแขนออกไปแล้วก็ขมวดคิ้ว “จริงใจถือนะ หน้าพี่กลมมากเลย”

   ผมรับโทรศัพท์มา กลอกตาไปมองพี่ “มองจากดาวอังคารก็เห็นหน้าพี่ป่ะ? อ้วนขนาดนี้”

   เมื่อจันทร์เจ้าถลึงตาและทำหน้าเหวอผมก็กดชัตเตอร์ไปรัว ๆ ไม่รู้ว่าได้ไปกี่ภาพ แล้วก็ส่งคืนให้จันทร์เจ้า

   พี่ชายหน้ายุ่ง คงจะเลือกรูปอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่ามีที่ใช้ได้หรือเปล่านะ แต่ผมหล่อทุกรูป รู้แค่นี้

   “จริงใจบล็อกพี่เหรอ? ทำหาชื่อไม่เจออะ”

   “เปลี่ยนชื่อ”

   “โหวววว เปลี่ยนทำไม เปลี่ยนว่าอะไรรรรร”

   “jkpaswyt”

   “โห นี่ชื่อแอคเคานต์หรือหลับตาพิมพ์อะ”

   “จิ๊!”

   “จริงใจเปลี่ยนชื่อทำไม ที่พี่ตั้งให้ออกจะชิค แล้วดูดิ ตั้งเองแล้วเหมือนจับสลากได้เลยอะ โห ไม่แนวเลย”

   ผมปล่อยให้จันทร์เจ้าบ่นไปคนเดียว เป็นบ้าอะไรไม่รู้พูดมากชะมัด พูดจนรำคาญก็ยังไม่หยุดพูด ทางออกที่ดีคืออย่าไปสนใจนั่นแหละ

   “กดไลค์ด้วย!” กลอกตาใส่แม่ง “เร็วสิ!”

   “รำคาญ!”

   “ไลค์ ไลค์ ไลค์!”  ผมแทบจะเอาชามก๋วยเตี๋ยวคว่ำใส่หัวจันทร์เจ้า จำใจเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วกดไลค์แบบส่ง ๆ ก่อนโยนโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ

   “จะกลับบ้านเลยไหม?”

   “อือ กลับแหละ จริงใจอะ กลับป่ะ หรือรอใคร?”

   “ต้องรอใคร?”

   “ฮึ!” หมูอ้วนปล่อยเสียงออกจมูกเชิดหน้าขึ้น พองแก้มอมลมเหมือนอึ่งอ่าง “ขอลูกชิ้นหน่อย~”

   “ไม่” ผมตอบกลับแล้วคีบลูกชิ้นเข้าปากก่อนที่จะโดนขโมย จันทร์เจ้าหน้างอก่อนจะสั่งลูกชิ้นลวกมาต่างหาก แค่นั้นก็จบแล้วป่ะ จะวอแวเพื่ออะไร

   “จริงใจ”

   “หือ?”

   “อยากกินอีก...” ผมกะพริบตาปริบ ๆ เลื่อนสายตาไปมองชามก๋วยเตี๋ยวที่พี่ทานไปแล้วแล้วก็มองหน้าคนพูดอีกที

   “เอาจริงเหรอ?”

   “จริง ๆ ก็อิ่มแล้วนะ แต่อยากกินอีก”

   “แดกแบบนี้เมื่อไหร่จะผอม?”

   “พี่ก็ไม่ได้อยากผอมป่ะ พี่อยากกิน” ถอนหายใจเฮือก “จริงใจกินกับพี่นะ ถ้ากินคนเดียวก็ไม่หมดอ่ะ.... พี่คร้าบบบ ขอบะหมี่แห้งหนึ่งที่ฮะ”

   ถามกูยัง?

   คือผมก็กินไปสองแล้วนะเว้ย มันอิ่มมากแล้วเพราะก่อนหน้านั้นก็เพิ่งทานขนมมา จันทร์เจ้าจะเอางี้จริง ๆ ดิ ทิวากาลเลี้ยงยังไงให้อดอยากขนาดนี้วะ กลับบ้านเราไหมจันทิมันตุ์...

   “เอ่อ... ขอโทษนะคะ”

   “ครับ?” จันทร์เจ้าตอบรับคนที่เขามาทัก ผมก็หันมองนิดหน่อยแล้วก้มหน้าลงกดโทรศัพท์เล่น

   “ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”

   “ถ่ายรูปใครเหรอฮะ?”

   “เอ่อ... ทั้งคู่ก็ได้ค่ะ”

   “อ๋อ จะถ่ายกับน้องใช่ไหม ถามเขาเลยครับ” ผมทำเป็นไม่ได้ยินและไม่เงยหน้าสบตาใคร “จริงใจ!”

   “What?”

   “พี่เขาขอถ่ายรูปอ่ะ อย่าหยิ่งดิ”

   ผมย่นจมูก ทำไมต้องพกกล้องโปรมาร้านก๋วยเตี๋ยวกันด้วยวะ แล้วนั่นเลนส์หรือกล้องดูดาว กลัว...

   “ไม่เอา เขิน”

   “ตอแหลชะมัดเลย ถ่ายเลยครับ แบบนี้เขาโอเคแล้ว” อืม ก็นั่นแหละ ผมไม่ได้หยิ่งหรอกแค่ไม่ชอบเวลาโดนลุกล้ำความเป็นส่วนตัว พี่คนนั้นเหมือนจะลังเลว่าผมโอเคจริงหรือเปล่า แต่พอผมพยักหน้าเขาก็รีบยกกล้องขึ้นเหมือนกลัวผมจะเปลี่ยนใจ

   “จริงใจยิ้มหน่อยสิ”

   ผมแยกเขี้ยวหลังจากจบคำพูดของจันทร์เจ้า ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่ถ่ายรูปอยู่ เธอลดระดับกล้องลงก่อนจะขอถ่ายรูปคู่ระหว่างผมกับจันทร์เจ้าแล้วบอกว่าจะเอาไปลงเพจอะไรสักอย่าง ซึ่งจันทร์เจ้าก็ให้ความร่วมมือดีโคตร ๆ เลย ระหว่างที่กำลังนั่งเซ็ง ๆ เพราะจันทร์เจ้ากำลังเจรจาเรื่องการขอชื่อแอคเคานต์โซเชียลของเราอยู่นั้น พนักงานก็ยกบะหมี่แห้งมาให้พอดี แอบเห็นจันทร์เจ้ามองด้วยหางตาเมื่อผมคีบหมูเข้าปาก

   สูญเสียไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่ากินแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก...

   “เดี๋ยวมานะ ไปห้องน้ำแป๊บ” จันทร์เจ้าพยักหน้ารับ แล้วหันกลับไปคุยกับพี่คนนั้นต่อ คือ... ยังไม่จบอีกเหรอวะ

   หลังจากไปห้องน้ำมาแล้วเจอกับพี่โอ๊ตพอดีเลยคุยกันนิดหน่อย ก่อนจะออกมา ผมเดินช้าลงไม่ใช่ว่าเพราะใกล้ถึงโต๊ะ แต่เป็นเพราะคนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ ๆ นั้นต่างหาก ผมขมวดคิ้วแม้เราจะสบตากันอยู่ ที่บอกว่าจะไปกับพี่พีทผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาร้านก๋วยเตี๋ยวหรอก

   คิดไปเองได้หรือเปล่าว่ามาที่นี่เพราะเห็นรูปที่จันทร์เจ้าโพสต์ลงแล้วเช็กอินไว้

   “จริงใจ พี่อยากกินไอศกรีมมะพร้าว”

   “กินอีกละ” ผมบ่นพร้องกับทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบตากับคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังจันทร์เจ้าพอดี มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้มแสยะ

   “เฮลโหลวววววว สนใจผมหน่อยคร้าบบบบ~” ผมเลื่อนสายตาไปที่พี่เมื่อจันทร์เจ้าดีดนิ้วใส่หน้า หมูอ้วนหน้าบึ้งตึงคล้ายคนไม่พอใจ ผมจึงยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทให้มันฟูขึ้น จันทร์เจ้ามองตาขวางกว่าเดิม ผมจึงคีบลูกชิ้นไปยัดใส่ปากให้

   “จริงใจ”

   “อะไร? ถ้าจะกินอีกไม่ให้กินแล้วนะ”

   “จิ๊! เออ ไหนบอกว่ามาเดต ทำไมตอนพี่ไปหาแล้วจริงใจอยู่คนเดียว”

   “อยู่ให้พี่แหกอกเหรอ?” ผมยักคิ้วกวน จันทร์เจ้าหรี่ตามอง “ไล่กลับไปละ”

   “ใครอะ! น้องออมเหรอ?”

   “ไร้สาระ จะมาเดตกับออมทำไม?”

   “อ้าว ไม่ได้ชอบกันอยู่เหรอ”

   “แค่เพื่อนครับพี่” จันทร์เจ้าเบะปาก ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับออมก็ยังจะแซวอยู่นั่นแหละ “ก็รู้ป่ะว่าไม่ได้ชอบ เลิกพูดได้ละ เค้ามากับไอ้เนตรหรอก”

   “อ๋อ มาเดตกับเนตรนี่เอง ค่อยสบายใจหน่อย”

   “อือ แล้วแต่เลย”

   ครืด

   คว้าโทรศัพท์มาดูก่อนที่จันทร์เจ้าจะฉกไป เดี๋ยวนี้ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านกว่าเมื่อก่อนอีก ถึงจะใส่รหัสล็อกเอาไว้ก็ไม่ควรให้อยู่ใกล้มือ

   ณภ. @naphaknp
   รำคาญ

   ครืด
   16:47 phiit : ง้อด้วยนะคะ
   16:50 J9 : ?

   ข้อความขึ้นอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ ผมขมวดคิ้ว มองข้ามหลังของจันทร์เจ้าไป ตัวหอมก็ทำหน้าปกตินี่หว่า ไม่ได้มีท่าทีจะงอนเลยนะ พี่พีทเล่นกูละ

   “โอ๊ยอิ่ม!” หมูอ้วนร้องขึ้นหลังจากทานไอศกรีมไปหมดถ้วย ไม่อิ่มก็ให้มันรู้ไปสิ ทานไปเยอะขนาดนั้น

   “กลับไหม?”

   “จริงใจมีนัดที่ไหนหรือเปล่า?”

   ผมสั่นหัวแล้วถามกลับ “มีเหรอ?”

   “ไม่มี”

   “ไม่มีก็กลับบ้าน เดี๋ยวเกเรใหญ่แล้วนะ บ้านช่องไม่รู้จักกลับ นอนแต่บ้านผู้ชาย”

   “โอ้โหววววววววว” จันทร์เจ้าเบิกตาโต แทบจะลุกขึ้นเท้าเอวมองหน้าผม “ตัวเองไม่เกเรเลยเนอะ บ้านช่องกลับมากดิ ช่วงนี้จริงใจใจแตกมากเลยนะ ออกไปข้างนอกตลอด แรดใหญ่แล้ว เห็นว่าไม่ดุแล้วได้ใจใช่ไหม!”

   “ใจเย็น นี่น้องไง จำไม่ได้เหรอ?”

   “จำไม่ได้! ถ้าวันนี้ไม่กลับไปนอนที่บ้านจะไล่ออกจากกองมรดก!”

   “เป็นบ้าเหรอ เพ้ออะไร ไปจ่ายตังค์”

   “หึ! พี่จะฟ้องพี่ฟ้าว่าจริงใจใจแตก!”

   “ครับ ๆ” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าไปด้วยบวกกับสีหน้านิ่ง ๆ เนือย ๆ ทำให้จันทร์เจ้ายื่นมือมาหยิกแก้ม ก่อนจะดึงใบเสร็จแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่คงจะแรงไปหน่อยเพราะดันเลื่อนเก้าอี้ไปชนกับเก้าอี้ของพี่พีทเข้าพอดี

   “ขอโทษครับ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ” หมูอ้วนค้อมหัวให้อีกทีและยิ้มแหยะ ๆ

   “เด๋อ”

   “จิ๊! จริงใจไปจ่ายเลยนะ เอาเงินจริงใจนั่นแหละ ไป!”

   “เป็นบ้าเหรอมาเกรี้ยวกราดใส่?”

   จันทร์เจ้าถลึงตาใส่ ผมไม่อยู่ให้ด่าจึงรีบชิ่งไปจ่ายตังค์ก่อนที่ไอ้หมูผีจะลั่นไปสั่งอะไรมากินอีก จริง ๆ จะเรียกมาเก็บที่โต๊ะก็ได้ป่ะ? ยุ่งยากอะไรอีก ระหว่างที่รอเงินทอนผมจึงสั่งชานมไข่มุกมาหนึ่งแก้ว เมื่อกลับไปที่โต๊ะ จันทร์เจ้าก็มองด้วยหางตา ด่าอยู่แน่ ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่สั่งให้เขาด้วย

   “กลับเหอะ ง่วง”

   “หยะ....”

   “ไม่ต้องอยากกินอะไรแล้ว แค่นี้ตัวก็จะแตกอยู่ละ”

   “พี่ยังไม่อยากกลับบ้านเลย ไปเที่ยวกันเถอะ”

   “เที่ยวเหี้ยไร”

   เพี๊ยะ

   “อย่ามาพูดไม่เพราะ” ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม ปากแตกเลยว่ะ ตอนจันทร์เจ้าตบมาผมดันกัดปากตัวเองด้วย

   “อ้าว จะกลับกันแล้วเหรอครับ?”

   “สวัสดีครับพี่โอ๊ต กำลังจะกลับแล้วฮะ จริงใจงอแงหนักมาก”

   “ก็แย่ละ”

   “คิคิ กลับก่อนนะคร้าบบบ ไว้วันหลังจะมาใหม่”

   “ครับผม เอ้อ จริงใจ ถ้าเจอข้าวฟ่างฝากบอกมันด้วยว่าให้กลับบ้านบ้างไม่ใช่อยู่แต่ห้องซ้อม”

   “ครับ”

   “ข้าวฟ่างเหมือนจริงใจเลยอ่ะ ลืมทุกอย่างถ้าได้อยู่ที่สิ่งที่ชอบ” ผมยักคิ้ว ยืนล้วงกระเป๋ารอจันทร์เจ้าเก็บของ ชักช้าว่ะ

   “ถ้าไม่ติดว่าชิป จริงใจออม พี่จะชิป จริงใจข้าวฟ่าง แล้วนะเนี่ย”

   “ฉิบหายน่ะสิ”

   “ชอบอ่ะ ตั้ลล้ากกกก”

   “เร็ว ๆ อยากกลับบ้าน”

   “ถ้าจริงใจชอบหนึ่งในสองคนนี้พี่ให้ผ่านเลยอ่ะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นต้องมาสแกนก่อนนะ”

   จันทร์เจ้าแม่งกวนตีน จงใจเก็บของช้า ๆ เพราะจะพูดอะไรแบบนี้ให้ตัวหอมได้ยินแน่ ๆ โคตรร้าย แล้วดูสายตาตัวหอมที่มองผมดิ ทำไมพี่ผมเป็นคนแบบนี้วะ เห็นมุมปากที่ยกยิ้มพอใจของพี่ชายแล้วอยากหาอะไรฟาดจริง ๆ อะไรหล่อหลอมให้กลายเป็นคนแบบนี้ จันทร์เจ้าฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะเดินนำผมออกจากร้านไป

   และในจังหวะที่ผมกำลังเดินผ่านโต๊ะของตัวหอมนั้น... ผมหันไปมองเขา แต่เขามองหน้าและคุยกับพี่พีทอยู่ ผมจึงยื่นมือไปวางบนศีรษะของเขา ขยี้เบา ๆ แล้วเดินออกจากร้าน ไม่ได้มองว่าเขาทำหน้ายังไง...




   เมื่อมาถึงบ้าน ผมก็แยกตัวขึ้นห้อง ไม่สนใจจันทร์เจ้าที่เข้ามาวอแวเพราะผมโคตรหัวร้อนกับสิ่งที่เขาทำ เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาจากห้องน้ำจึงไปนั่งประจำที่ที่กลองชุด ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นมันสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่างอแงไปแล้วหรือยัง ผมเล่นกลองไปคนเดียวจนกระทั่งถึงเวลาทานอาหารเย็น ที่รู้เพราะมีแม่บ้านขึ้นมาตาม ไม่อย่างนั้นคงเล่นไปยาว ๆ

   “จริงใจจะไปหนายยยย”

   “ยุ่ง!” จันทร์เจ้าหน้างอ แต่ผมไม่สนใจ เดินหนีขึ้นห้องตัวเองหลังทานข้าวและนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นพอเป็นพิธี

   ผมทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำการบ้าน คว้าโทรศัพท์มาดู มีรายการแจ้งเตือนขึ้นมาจนรกจอ สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะรูปที่ถูกขอถ่ายไปเมื่อตอนเย็น เวลามีความเห็นใหม่ก็มีป๊อปอัพมาเพราะชื่อผมถูกแท็กอยู่ในนั้น ก็เพราะจันทร์เจ้าอีกนั่นแหละที่ไปบอกชื่อแอคเคานต์ผมให้เขา เดี๋ยวกูปิดบัญชีแม่ง รำคาญ

   แต่... ถ้าปิดไปแล้วจะเอาอะไรส่องตัวหอมวะ

   เออ ทนรำคาญก็ได้!

   ผมเข้าไปดูโปรไฟล์ของตัวหอม เขาไม่ได้อัพรูป แต่ stories เยอะฉิบหาย กดดูแล้วก็แท็บ ๆ ให้มันผ่าน ๆ ไปเร็ว คุณเข้าใจผมไหม อารมณ์อยากดูทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ อือ... นั่นแหละ

   ครืด
   นาย ๆ รับรีเควสเราหน่อยสิ

   คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ผมไม่กดเข้าไปอ่านข้อความเต็ม ๆ ที่ส่งมาใน DM อ่านแค่นั้นก็รู้เรื่องแล้ว จึงปัดป๊อปอัพทิ้ง มีข้อความทำนองนี้เข้ามาเยอะมาก แต่ผมไม่ได้อ่าน ถ้าไม่ก่อกวนมากเกินไปก็จะปล่อยไว้ แต่ถ้าเกินจุดความอดทนเมื่อไหร่ ไม่ผมปิดแอคเคานต์ก็บล็อกพวกเขานั่นแหละ

   โยนโทรศัพท์ไปวางบนโต๊ะก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์และเอื้อมมือไปคว้ากีตาร์โปร่งสีน้ำตาลมาวางบนตัก ผมกรีดนิ้วเล่นไปเรื่อย ๆ อย่างคนไม่มีอะไรทำ ทั้งที่คอมพิวเตอร์เปิดหน้าเอกสารเอาไว้พิมพ์รายงาน... ถอนหายใจออกมา เอาโทรศัพท์มากดอีกครั้ง เข้าไปยังแอพพลิเคชั่นหนึ่งแล้วไปยังรายชื่อที่ต้องเข้าประจำ ผมกดส่งสติ๊กเกอร์โง่ ๆ ไปหนึ่งตัว เพราะข้อความล่าสุดส่งมาจากฝั่งนั้นและผมไม่ได้ตอบกลับ

   น่าแปลกที่ไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว ปกติไม่ต่ำกว่าสิบนาทีถึงจะตอบกลับมาได้ อันนี้ผมไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เมื่อตอนเขาส่งมาทางเราก็ตอบกลับไปทันที แต่อีกฝ่ายกลับหายไปดื้อ ๆ แบบนั้น คืออะไรวะ พลังชีวิตหมดเหรอ หรือพิมพ์ข้อความเสร็จแล้วถูกดึงไปอีกมิติ

   ควรได้รับการวิจัย...

   21:24 J9 : ผมโทรไปนะ
   21:26 np : *อีโมจิมองบน”

   ผมกดโทรออกในรูปแบบของวีดีโอ ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเพราะควานหาที่ตั้งโทรศัพท์อยู่ ทางฝั่งนั้นเองก็ไม่ได้พูด ดูจากสภาพคือตัวหอมอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ

   (“สวัสดีค่าน้องจริงใจ~”) คิ้วขมวดหากันเมื่อเห็นอีกคนโผล่เข้ามาในจอ พี่พีททักทายเสียงสดใส

   “....ไรอะ?”

   (“มีอะไร?”) ตัวหอมเอ่ยเสียงเรียบ ภาพสั่น ๆ เหมือนเขาพยายามจะตั้งโทรศัพท์กับอะไรสั่งอย่าง

   “เปล่า โทรหาไม่ได้เหรอ?”

   (“หึ”)

   (“มันงอนหนูอยู่นะลูก”)

   “หืม? งอนผมเหรอ? เรื่องอะไรครับ?” เพราะคำพูดของพี่พีทผมจึงต้องละสายตาจากคอมพิวเตอร์ไปมองที่จอโทรศัพท์

   (“ไร้สาระ ฉันจะงอนนายทำไมกัน?”)

   (“ตอแหล!”)

   (“สาระแน!”)

   (“คืองี้นะคะ”) ผมเงียบ เพรากำลังตั้งใจฟัง พี่พีทเอนหัวพิงไหล่ของตัวหอมเพื่อที่จะเห็นหน้าในจอ แม้ตัวหอมจะพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่หลุด (“มันได้ยินว่าน้องจริงใจไปเดตไงคะ ก็เลยเป็นผีบ้าไปเลย”)

   (“มึงสิบ้า”)

   “อ๋อ.... ผมไม่ได้ไปเดตนะ ไปกับเพื่อน”

   (“หึ”)

   ก๊อก ก๊อก

   ผมหันไปมองประตูห้องด้วยระบบออโตเมติก บอกคนที่อยู่อีกฝั่งว่าแป๊บหนึ่งก่อนจะลุกไปเปิดประตู เจอจันทร์เจ้ายืนอยู่พร้อมกับนมหนึ่งแก้ว ผมเลิกคิ้วไปเป็นเชิงถาม ไม่เบี่ยงตัวให้พี่เข้ามาในห้องด้วย

   “จริงใจทำอะไรอยู่เหรอ?”

   “การบ้าน”

   “พี่เข้าไปได้ไหม?”

   “หึ จะเข้ามาทำไม?”

   “อยากฟังเพลงก่อนนอน” จันทร์เจ้ากะพริบตาปริบ ๆ มันอ้อนให้โบกมากกว่าใจอ่อน แล้วสุดท้ายจันทร์เจ้าก็เบียดตัวเข้ามาห้องผมจนได้นั่นแหละ...

   “พี่เอานมมาให้ด้วย จริงใจจะได้โตไว ๆ”

   “ยังต้องโตอีกเหรอ?” แค่นี้เป็นยักษ์แล้วไหม เมื่อดื่มนมหมดแก้วแล้วผมก็ส่งคืนไปให้พี่ “ออกไปได้ละ”

   “หูย ไรอะ เพิ่งเข้ามาเอง”

   “จะทำการบ้าน อย่ากวนดิ”

   “ก็ได้ ๆ รีบเข้านอนนะ เดี๋ยวไม่โต”

   “บอกตัวเองเถอะไอ้เตี้ย”

   “แง่ง!”

   “ไปสักที รำคาญ”

   “ฮึ! ไปก็ได้ หลับให้สนิทนะ” สะบัดเสียงใส่แต่ก่อนไปก็เขย่งตัวขึ้นมาหอมแก้มผม ได้แต่สั่นหัวเบา ๆ ผมกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือ วีดีโอคอลยังไม่ถูกตัดไป ก่อนที่จะได้เรียกเขา เสียงเตือนข้อความก็ดังมาพอดี ผมจึงล็อกกินในคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปดู คนส่งคือข้าวฟ่าง เป็นลิงก์คลิปวีดีโอเพลงเพลงหนึ่ง เปิดลิ้นชั้นเอาหูฟังออกมา จากนั้นก็ฟังเพลงที่ข้าวฟ่างมันส่งมา

   หลังจากสามนาทีที่เพลงจบก็ส่งข้อความไปบอกมันว่าก็ดี ข้าวฟ่างโวยวายพอเป็นพิธีและส่งเพลงมาให้ผมอีก ระหว่างที่กำลังรอเพลงใหม่อยู่นั้น เสียงโวยวายก็ดังมา ไม่ใช่จากวีดีโอที่ผมเปิด แต่จากอีกฝั่งของโทรศัพท์ ลดระดับเสียงลงจนเกือบจะหายไป เลื่อนสายตามอง พบว่าตอนนี้หน้าจอที่ปรากฏเป็นเพียงภาพสีดำเพราะกล้องถูกคว่ำเอาไว้

   ผมขมวดคิ้ว จึงกดหยุดวีดีโอเอาไว้ กำลังจะส่งเสียงออกไปแต่เสียงคุยกันจากฝั่งนั้นดังมาเสียก่อน

   (“โวยวายเหี้ยไรของมึง!?”)

   (“มึง!! มึงดูนี่!!”) เสียงของตัวหอมดูตื่นเต้นและตกใจอย่างบอกไม่ถูก ผมได้แต่ทำหน้ายุ่งและดุนลิ้นรอจังหวะ

   รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดี...

   (“เหี้ยไรเนี่ย ก็แค่อีเมล”)

   (“มึงอ่านชื่อคนส่งสิอีสันขวาน!”)

   (“จิ๊! เฮ้ย! นั่นชื่อพี่คิงนี่... มึงกดเข้าไปอ่านดิ”) ผมขบฟันกัดริมฝีปากของตัวเอง หัวใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ผมไม่รู้จักดังมา

   (“พี่คิงส่งเมลให้กู!”)
   (“โอ๊ย เห็นแล้ว ไหน ส่งมาว่าไงวะ ‘สวัสดีครับน้องภัค พี่คิงเองนะ พี่จะกลับไทยอีกไม่นาน หวังว่าเราจะได้พบกันนะครับ’ เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!! อีดอก!! หัวใจกูเต้นแรงฉิบหาย!”)

   (“กูก็เต้นแรงเหมือนกันนั่นแหละ พี่คิงจะกลับมาแล้ว ทำไงดี...”)

   (“ทำหน้าให้สวยแล้วไปเจอเขาไงอีดอก ไม่เจอกันตั้งนาน พี่เขาจะหล่อเหมือนเดิมไหมมึง!”)

   (“นั่นสิ... จะเป็นไงบ้างนะ”)

   (“ภัค...”)

   (“ว่า?”)

   (“มึงวางสายจากน้องจริงใจหรือยัง?”)

   เกิดความเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เสียงกุกกักจะดังมาอีกครั้งจากการยกโทรศัพท์ขึ้น ผมเพ่งสายตามองไปที่จอคอมพิวเตอร์ ทำเหมือนไม่สนใจทั้งที่กำลังคิดจนปวดหัว

   (“ยัง...”) ตัวหอมเว้นวรรคไปก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง (“ไม่ได้ยินหรอกมั้ง....”)

   หึ

   สูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำที่ว่า ใส่หูฟังอยู่ไม่ได้ยินหรอก...





------------------------
อ่า.... ความวุ่นวายนี้มันบ้าอะไรกัน...



ถึงคุณ  Bk borz.
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่ว่าอ่านข้อความแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เราส่ง PM ไปหาไม่รู้ว่าเห็นหรือเปล่า เป็นห่วงนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 28-03-2017 20:55:19
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-03-2017 21:00:33
เอาแล้วไง?? รักแรกจะกลับมาหรอณภัค แล้วจริงใจของเราล่ะ เอาไปไว้ที่ไหนน~~ อย่าทำกับจริงใจแบบนี้น๊าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-03-2017 21:08:26
TT ภัคคค ทำไมทำร้ายน้องอย่างนี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-03-2017 21:12:38
จันทร์เจ้า ยุ่งกับจริงใจมากกกกก
เอาคืนที่เด็กปีศาจ ที่เคยกวนจันทร์เจ้าตอบเริ่มคบทิวาปะ
คิง เป็นคนรักของภัค ก่อนไปนอกใช่มั้ย
งานเข้า วอแวบอยและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 28-03-2017 21:19:14
เอ้าาา ณภัค แย่ละ รอง้อจริงใจได้เลยนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-03-2017 21:27:17
โอ้ ไม่นะ
นอกจากตอนนี้ภัคจะโผล่มาติ๊ดเดียวแล้ว
เรื่องก็กำลังจะวุ่นวายไปอีก :katai1:
เครียดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-03-2017 21:35:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 28-03-2017 21:35:24
ภัค ทำไมทำอย่างนี้ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-03-2017 21:44:23
อืม....
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 28-03-2017 21:47:08
ณภัคดี๊ด๊าใส่ผู้ชายอื่นจนได้นอ เข้าสู่#ทีมจริงใจ อะเกน
สูญเสียกันไปเท่าไหร่ละกับการลืมคิดถึงความรู้สึกน้องจริงใจ ว่าไงภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-03-2017 21:49:05
าเอาแล้วไง   งานนี้เราของอยู่ทีมจริงใจ   ถ้าตัวหอมทำจริงใจเสียใจนะ เราจะงอน!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 28-03-2017 21:56:23
เอาแล้วๆ งานนี้จะเข้าใครหว่าระหว่างตัวหอมหรือจริงใจ งานนี้ท่าจะงานใหญ่มีเคืองกันนานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-03-2017 22:05:39
วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-03-2017 22:09:20
จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 28-03-2017 22:26:31
โอ่ยตายยยย รอตอนหน้าไม่ไหวแล้วววว :mew5:
มาด่วนค่าาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-03-2017 22:41:03
ลำไยนภัค จริงใจจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามไปจนอีกเมื่อไหร่ เขาอยากกลับไปเอาผัวเก่าก็ปล่อยเขาเถอะ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงวนลูปอยู่อย่างนี้ เราว่านายมีค่ากว่านั้นนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-03-2017 23:12:26
แย่ๆบอกเลยว่าเรางอนเธอณภัค



ทำแบบนี้เหมือนไม่แคร์จริงใจเลยสักนิด


เราโกรธเธอ ณภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 28-03-2017 23:23:55
จริงใจไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้จริงๆอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 28-03-2017 23:28:35
ตัวหอมมมมมมม
มันยังไงงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: zirconsan ที่ 28-03-2017 23:50:26
ถ้าณภัคไม่เอาจริงใจ เราจะเอาแทนละนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 29-03-2017 00:39:33
หยุดทำร้ายคนอ่านด้วยการปล่อยให้ค้าง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 29-03-2017 06:33:16
ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วงเรารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ถ้ายังมีโอกาสก็จะติดตามเรื่อยๆเรารักเรื่องนี้มากเราเครียดแค่ไหนก็ตามรู้สึกแย่แค่ไหนก็ตามแต่มาอ่านนิยายเรื่องนี้ก็จะหายหมดเราจะติดตามเท่าที่เราจะติดตามได้น่ะรักคนเขียนน่ะ.❤️
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-03-2017 09:09:04
คิงคือใคร?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-03-2017 09:49:14
ไงละ ไม่ชัดเจน ไม่จิงจังโดนบ้างสมควร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-03-2017 10:06:41
โอ้!!!!!!รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Bravo!! ที่ 29-03-2017 10:54:27
สงสารจริงใจอ่ะ พยายามทำทุกอย่าแล้วดูที่ได้ตอบแทน.... :o12:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 29-03-2017 10:54:52
สงสารวอแวบอยของเค้า จริงใจควรจะได้เจอคนที่เห็นค่าเขามากกว่านี้อะ #ทีมจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-03-2017 13:51:17
พี่คิงคือใครคะภัค หวีดมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-03-2017 16:27:03
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-03-2017 18:37:14
สงสารจริงใจอ่ะ มีแต่วิ่งตาม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 29-03-2017 21:24:19
ไม่นะตัวหอม รักแรกจะกลับมา
แต่ความสัมพันธ์กับวอแวบอยก็ยังไม่คืบหน้า
แววของความวุ่นวายโผล่มาให้เห็นแล้วอะ
ก็แย่ล่ะ เตรียมตัวเครียดล่วงหน้าเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 28 ผมกับลางสังหรณ์ | 28-3-60 | P.22
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-03-2017 19:34:09
ทำไมทุกคนรังแกจริงใจแบบนี้ จริงใจจะไม่ทนนะ

ตัวหอมคะ อย่าเนียนค่ะ ตอนแรกยังเคืองอยู่เลย ทำไมเปลี่ยนโหมดไว
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 01-04-2017 20:09:24
ความที่ 29
ผมกับการรีวิว





ช่วงนี้ผมค่อยข้างยุ่ง ยุ่งมาก ๆ ทั้งซ้อมดนตรี เตรียมงานวิชาการที่กำลังจะมีเร็ว ๆ นี้ และต้องวางแผนเรื่องงานกีฬาสีอีกด้วย  บางวันหลังเลิกเรียนก็ต้องเข้าห้องมืดเพราะพ่อเรียกให้ไปศึกษางาน โคตรอยากย้ายตัวเองไปอยู่บนดาวอังคาร อีกสักพักผมจะหนีไปอยู่ในป่าแล้ว ปวดหัว

“เอาน้ำไหม?” หันมองคนที่ยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ โคตรได้จังหวะ

“ขอบคุณครับ” ผมบอกหลังจากที่คว้าขวดน้ำมา แล้วเปิดดื่มมันตรงนั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธในเมื่อเขายื่นสิ่งที่เรากำลังต้องการมาให้

“น้องจริงใจเวลามีเหงื่อนี่เซ็กซี่ดีเนอะ”

“ก็แย่ละ”

“แล้วนี่จะกลับตึกเรียนเมื่อไหร่?” เหลือบตามองคนถามก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เวลาเที่ยงครึ่งโดยประมาณ ผมเพิ่งเล่นบอลเสร็จ จริง ๆ ไม่เชิงว่าเสร็จ แต่ขอเปลี่ยนตัวออกมาเพราะขี้เกียจเล่นแล้ว ก็ยิงเข้าไปตั้งสองประตู มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าชนะแล้ว

ที่ต้องมาเล่นก็เพราะผมถูกเพื่อนที่อยู่คนละห้องลากไป ชีวิตนี้ไม่ได้สนิทแค่กับไอ้เนตรครับ ถึงจะปลีกวิเวกแต่ก็มีสังคมนะ ส่วนไอ้เนตรยังวิ่งตามบอลอยู่กลางสนามอยู่เลย ไม่เข้าใจ ทำไมผมยอมให้พวกมันลากไปเล่นวะ โคตรร้อน

“อ้าว เงียบใส่อีก”

“อะไร?”

“พี่ถามว่าจะกลับตึกเมื่อไหร่?”

“เมื่อไหร่ก็ได้โตแล้ว”

“ถ้าไม่หล่อพี่จะด่าว่ากวนตีน” ผมไหวไหล่ไม่สนใจกับคำพูดของเพื่อนข้าวฟ่าง ผมก็ไม่รู้ว่าเฌอแตมมานั่งดูบอลกลางอากาศร้อนแบบนี้ได้ยังไง จะพูดว่าเพราะผมก็ดูจะหลงตัวเองเกินไปหน่อย

ผมก้าวขาขึ้นไปบนอัฒจันทร์ นั่งบนชั้นสองก่อนจะก้มไปหยิบกระเป๋าของตัวเองซึ่งวางไว้ที่ชั้นหนึ่งขึ้นมา รูดซิปเอาโทรศัพท์มาเปิดดู มีข้อความจากกลุ่ม HISTASIA กดเข้าไปดูและกดตอบ วันนี้ไม่มีนัดซ้อมเพราะไจ่ไจ๋ไม่ว่าง ได้ยินน้องไม่สบายต้องรีบกลับไปช่วยดูแล ก็ดี ผมก็ขี้เกียจ อยากกลับบ้านจะแย่ skip ไปตอนเลิกเรียนเลยได้ไหม

“น้องจริงใจ ถ่ายรูปกัน” เฌอแตมสะกิดเรียก ด้วยสัญชาตญาณผมจึงเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ไปมอง รุ่นพี่คนนั้นยกมือถือของตัวเองขึ้น ส่วนผมที่กว่าจะรู้ตัวเสียงชัตเตอร์ก็ดังลั่นในหัวแล้ว

“โห เด๋ออ่ะ แต่ยังหล่ออยู่ คิคิ” เขายื่นโทรศัพท์มาให้ดู ด้วยความที่เฌอแตมนั่งอยู่ชั้นล่างไปหนึ่งชั้นและเขาเอนตัวไปด้านหลังด้วยรูปที่ออกมาจึงเหมือนเขากำลังพิงกับต้นขาของผมอยู่

jetaimesht mentioned you in a story.

ผมดูแค่นั้นแล้วกดออก ไม่รู้หรอกว่าที่เขาทำอยู่คือต้องการอะไร มาตีสนิทผมทำไม จะช่างแม่งก็ขัดกับความรู้สึกอยากรู้ลึก ๆ

“น้องจริงใจสนิทกับพี่ภัคมากไหม?” มองคนพูดด้วยหางตาแทนการตอบคำถาม เฌอแตมยังยิ้มไม่รู้สึกอะไร เมื่อเห็นผมเงียบเขาก็พยายามจะเร่ง แต่ผมก็ยังคงเงียบและจิปากให้รู้ว่าเริ่มไม่สบอารมณ์นั่นแหละเขาถึงได้หยุด

กับตัวหอมผมไม่รู้ว่าตัวเองสนิทกับเขาไหม ระหว่างเรามันเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งชื่อไม่ถูก จากที่มันเหมือนจะดีขึ้นตั้งแต่ที่ไปไร่วนิดาจนกลับมา แต่ดูมันจะลดระดับลง... ถ้าให้นับ คงเมื่อวันที่ผมวีดีโอคอลไปแล้วเขาอ่านอีเมลจากผู้ชายที่ชื่อคิง แม้จะผ่านมาเพียงแค่สองสามวันแต่มันรู้สึกได้จริง ๆ ตอนนี้ความสนใจของเขาพุ่งไปยังผู้ชายคนนั้นซึ่งไม่ใช่ผม

ผมไม่รู้ว่าคิงเป็นใคร มีความสำคัญอะไรกับตัวหอม แต่ถ้าเขากลับมา... เมื่อวานตอนเย็นหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเราก็เพิ่งเจอกัน ตอนนั้นมีพี่คลื่นอยู่ด้วย เขาก็หลุดเล่าเรื่องผู้ชายคนนั้นให้พี่คลื่นฟัง ผมแสดงออกเหมือนไม่สนใจ แต่ใครจะรู้ว่าข้างในโคตรฟุ้งซ่าน

เมื่อเลิกเรียนผมต้องเข้าไปเคลียร์เอกสารบ้าอะไรไม่รู้ที่ชมรม เพราผมเป็นประธาน ซึ่งก็ทำตัวไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ตำแหน่งนี้ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความซวย วันนั้นผมไม่มาโรงเรียน และที่ชมรมมีการคัดเลือกประธานชมรมคนใหม่ คัดเลือกโดยการเลือกตั้งขนาดย่อม ให้คนในชมรมลงมติ ผลโหวตสูงสุดคือชื่อของผม และเพราะไม่ได้มาจึงคัดค้านอะไรไม่ได้

ปีก่อนนั้นพี่ไต้ฝุ่นคือประธานชมรมและตอนนั้นผมอยู่ม.3 ปีแล้วประธานชมรมคือข้าวฟ่าง และปีนี้.... ผมจะไม่พูดถึง
ที่เด็ก ม.5 อย่างผมได้ตำแหน่งนี้มาเพราะว่า ม.6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชมรมแล้วครับ ถ้า ม.6 ยังอยู่ผมก็จะให้ข้าวฟ่างนั่นแหละเป็น ขี้เกียจรับผิดชอบอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมเป็นคนเห็นแก่ส่วนรวมมากเหรอวะ ทำไมถึงเลือกกันวะ

เสียเวลาที่ชมรมไปกว่าครึ่งชั่วโมง กว่าจะกลับถึงบ้านอีก แล้วยังต้องโดนจ๋าจ้ามาป่วน โคตรปวดหัว ถ้าไม่ใช่น้องผมจะดีดให้ออกไปออกโลกเลย

น่ารำคาญ



“พี่จริงใจขา!!”

“อะไร?”

“พี่จริงใจไปสนิทกับพี่เฌอแตมได้ยังไงอะ!?”

ผมขมวดคิ้วมองหน้าไอ้เปี๊ยก “อะไรวะ?” ผลักน้องออกแล้วเดินเข้าไปในบ้าน พลางดึงชายเสื้อออกจากกางเกงไปด้วย

จ๋าจ้าวิ่งตามเข้ามาดักหน้า “พี่เฌอแตมไง! เพื่อนพี่ฟ่างอ่ะ ตอนกลางวันพี่แตมก็อัพสตอรี่ มีพี่จริงใจอยู่ในนั้นด้วย”

“อ๋อ ไม่ได้สนิท”

“จริงเหรอ!? แล้วทำไมไปคุยกันได้ล่ะ เนี่ย มีคนถ่ายรูปไปแล้วโพสต์ลงทวิตเตอร์ด้วย เรือผีสุดอ่ะ มีแฮชแท็ก จริงแตม ด้วย! พี่จริงใจไม่ต้องไปส่องนะ แล้วอย่าคว่ำเรือด้วย”

ภาษาเหี้ยอะไรวะ! แล้วเรือผีคืออะไร เรือที่มีผีเหรอ จะไปอยู่ทำไมอะ

“บ้าอะไรเนี่ย”

“งืม ๆ ช่างมันเถอะ สรุปพี่สนิทกับพี่แตมไหม?”

“ก็บอกว่าไม่ไง”

“แล้วทำไมไปคุยกันได้อะคะ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน ทำไม ชอบเหรอ?”

“ก็ชอบแหละ น่ารักดี สวย เคะตัวน้อย ๆ งี้ ลึก ๆ เค้าแอบชิปจริงแตมตั้งแต่ยังไม่มีโมเมนต์อะไรเลยนะ แบบ... เห็นหน้าพี่แตมแล้วจินตนาการก็พุ่งสูงเลย”

“ฉิบหายน่ะสิ” ชิปบ้าชิปบออะไร ตั้งแต่จันทร์เจ้าละ พูดไม่รู้เรื่อง

จ๋าจ้าตามผมขึ้นมาถึงห้องนอน คุยไม่หยุดแม้ผมจะเปลี่ยนชุดอยู่ก็ตาม จากที่ฟังมาไอ้เปี๊ยกคงรู้จักเฌอแตมอยู่พอสมควร

“ทำไมไปรู้จักเขา”

“เขาน่ารัก เนี่ย พี่แตมเคยถ่ายแบบด้วยนะคะ” แล้วก็เสิร์ชอินเทอร์เน็ตมาให้ผมดู

“ไม่ได้อยากรู้”

“โธ่ พี่จริงใจน่ะ! แต่ดีละ หรือเค้าจะเลิกชิปจริงแตมดี มานั่งเรือจักรภัคดีกว่า”

“จักรภัค?”

“ช่าย~ ก็เอาชื่อของพี่จริงใจกับชื่อพี่ภัคมารวมกัน แล้วทาดา!!! ออกมาเป็นจักรภัค! เรือนี้ดีนะพี่จริงใจ ไม่วุ่นวาย เพราะมีเค้าอยู่คนเดียว ฮือ”

ผมถอนหายใจแรง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าน้องพูดถึงอะไร เรือเหี้ยอะไรวะ ไม่รู้เรื่องโว้ย!!!

มีอย่างเดียวที่ชอบคือคำว่า จักรภัค

ไม่รู้สิ แค่ชอบ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ

“พี่จริงใจขาไปตีแบดกันค่ะ”

“อืม ไปเปลี่ยนชุดดิ ออกกำลังกายบ้าง ไอ้อ้วน!”

“โว้ย!!!” จ๋าจ้าแหกปากแล้วเดินปึงปังออกจากห้องผมไป

ลงมาข้างล่างก็เจอน้าเจ้ากับพี่ฟ้ากำลังเข้ามาในบ้านพอดี ผมยกมือไหว้ เพราะโดนจ๋าจ้าตัดหน้าเข้าไปกอดพี่ฟ้าแล้ว ได้แต่กลอกตาเซ็ง ๆ รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอน้าเจ้ากับพี่ฟ้าสักเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่เมื่อวันงานเลี้ยงก็เจอกันอยู่ อาจเป็นเพราะทั้งคู่ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ เลยรู้สึกคิดถึงมากกว่าปกติ

ไว้ผมไปสิงที่บ้านไม่ก็ออฟฟิศของน้าเจ้าดีกว่า ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนด้วย มีอะไรให้หมกมุ่นน่าจะดี

“จะไปไหนกัน?” เป็นพี่ฟ้าที่เอ่ยถาม

“ตีแบดค่ะ พี่ฟ้าขาเล่นด้วยกันไหมคะ?”

“อ๋อ ดีละ ออกกำลังกายบ้าง พี่ฟ้าไม่เล่นด้วยหรอก แค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่แล้ว”

“แง่วววว”

เมื่อเป็นแบบนั้นจึงมีผมกับจ๋าจ้าที่ออกมาเล่นแบดมินตันกัน สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นที่ประลองของเรา เมื่อก่อนตรงนี้เคยมีหมาวิ่งเล่นด้วย แต่มันตายไปแล้วเพราะถูกรถชน ตอนนั้นพวกเราสามคนยังเรียนประถมกันอยู่เลย พอมันตาย จันทร์เจ้าก็ร้องไห้จนเสียสติ ที่บ้านเลยลงมติกันว่าห้ามเลี้ยงอะไรอีก เราทำตามโดยไม่ขัดอะไร แต่ว่าในใจลึก ๆ แล้วผมอยากเลี้ยงหมาสักตัวนะ

“โอ๊ยยยย เหนื่อยยยยย” ไอ้เปี๊ยกโวยวายหลังจากเล่นกันไปเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง หอบแฮ่กหมดสภาพ ผมฟูกระเซิงเหมือนคนบ้า

“อ่อนหัด”

“โห ก็ดูพี่จริงใจเล่นสิ เค้าอยู่ตรงกลางพี่ก็ตีไปด้านหลัง พอเค้าไปด้านหลังพี่ก็หยอดลงด้านหน้า พอเค้าไปทางซ้ายก็ตีไปทางขวา เค้าอยู่ทางขวาก็ไปทางซ้าย วิ่งจนเหนื่อยแล้ว แต่ตัวเองยืนอยู่กับที่เนี่ยนะ ไม่ยุติธรรมเลย!!!”

มันก็ต้องเป็นแบบนั้นป่ะวะ ผมจะทำให้ตัวเองเหนื่อยทำไม ผมต้องทำยังไงก็ได้ให้ฝ่ายตรงข้ามแพ้สิ ทำไมผมต้องเจนเทิลในการแข่งขันด้วย ในเมื่อแต่ละคนก็ต้องการชัยชนะไม่ต่างกัน

“เค้าไม่เล่นกับพี่แล้ว”

ก็แล้วแต่เลย

“เจเจจจจจจจจจจ~~~~~” เล่นมาได้สักเกือบชั่วโมงต่อมา เสียงแสบแก้วหู(ที่ผมคิดเอง)ของจันทร์เจ้าก็แผดลั่นพร้อมกับมนุษย์ที่คอสเพลย์เป็นหมูก็วิ่งเข้ามา ผมกับจ๋าจ้าพร้อมใจกันหลบไปคนละทาง ทำให้จันทร์เจ้ากอดอกหน้าบึ้งไม่พอใจ ไอ้เปี๊ยกยกมือไหว้แฟนของพี่ที่เดินมาด้วย ก่อนจะพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยแต่จันทร์เจ้าดันสะเหล่อหวงแฟนกับน้องขึ้นมา สุดท้ายไอ้เปี๊ยกกับหมูอ้วนก็วิ่งไล่เตะกัน

“ไง” ผมหันไปมองคนทักแล้วไหวไหล่ แฟนพี่ชายเดินเข้ามาหาเพราะไอ้หมูยังไล่เตะน้องไม่เสร็จ

“ไม่ไง”

“กับภัคด้วยใช่ไหม?”

เชี่ยเอ๊ย!

“ก็แย่ละ”

“หึหึ ยังไม่ใจอ่อนอีกหรอ”

ผมเบะปาก กลอกตาไปมาเป็นคำตอบ ควงไม้แบดมินตันเล่นไปพลาง ไม่อยากจะพูดถึงให้ช้ำใจ ตัวหอมยังไม่ใจอ่อนสักนิด แต่ดีหน่อยที่ให้ไปเจอได้ แม่ง อย่างกับเป็นชู้จริง ๆ นะ เขาไม่ได้กีดกันผมเหมือนเมื่อตอนเจอกันแรก ๆ แล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด มัน... พูดยากว่ะ ช่วงนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย

“ยากกว่าปลูกต้นไม้ให้โตในวันเดียว ยิ่งคนชื่อคิงบ้าบออะไรนั่นอีก”

“หือ? เคยเจอแล้วเหรอ?”

“ไม่เคย ได้ยินเขาพูดกับเพื่อน พี่รู้จักเหรอ?”

ทิวากาลพยักหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่น ทำให้ผมขมวดคิ้วตามไปด้วย

“งานหยาบละ นั่นรักแรกภัคเลย”

“ก็เหี้ยละ”

เหี้ยแบบเหี้ย เหี้ยอ่ะ!! เหี้ยที่ไม่ใช่คำสร้อย แล้วถ้าคนชื่อคิงกลับมาตัวหอมก็จะทิ้งผมใช่ไหม? คนที่เขารักกลับมาแล้วนี่... ไอ้ห่า กูนี่ดราม่านำไปก่อนเลย

“เหี้ยจริง ๆ บอกจันทร์เจ้าหรือยัง?”

ผมสั่นหัว เอาจริง ๆ อยากบอกนะ แต่ยังไม่อยากบอกตอนนี้ ไม่ใช่ว่าจะปิดบัง แต่ต้องการความมั่นใจไง หากเป็นไปได้ก็อยากบอกตอนที่ได้เป็นแฟนแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ชายจะเข้าใจหรือเปล่า ถึงตอนนั้นผมอาจจะต้องซื้อโรงงานขนมมาง้อเลยก็ได้

“บอกอะไรเหรอ!?” ผมเหลือบมองพี่ชายที่วิ่งเข้ามาหาทำตาแป๋ว แก้มกลม ๆ แดงระเรื่อ ไรผมชื้นเหงื่อเนื่องจากอากาศร้อนและการวิ่งไล่เตะจ๋าจ้า

“บอกว่าวันนี้พี่ฟ้ากับน้าเจ้ามา และพี่ฟ้าทำเค้กส้มไว้ด้วย”

“จริงอะ!!!!!” ไอ้หมูผีทำตาโต วิ่งเข้าบ้านทิ้งทุกคนไว้ด้านนอก

“ลืมกูอีกละ” ทิวากาลบ่น

“ไม่สำคัญก็งี้”

“เบอร์ภัคเบอร์อะไรนะ”

“ก็แย่ละ เข้าบ้านดิ ต้องให้ปูพรมแดงหรอ หรือต้องจุดธูป”

ต้องให้โมโห น่ารำคาญจริง ๆ

เข้ามาในบ้านก็เจอกับจันทร์เจ้ากำลังคลอเคลียพี่ฟ้าอยู่ คุยเรื่องปกติไม่นานก็วกเข้าไปหาอาหาร พี่ฟ้าเกือบลุกไปทำให้แล้วแต่เพราะทิวากาลบอกขัดว่าทานข้าวมาแล้วก่อนมาที่นี่พี่ฟ้าจึงยกเลิกอุดมการณ์และน้าเจ้าก็ห้ามเช่นกัน

“ตัวบวมเป็นโอ่งแล้ว”

“ผอมเป็นก้างอย่างจริงใจไม่เห็นน่ามอง”

“ก้างก็แย่ละ”

“น้าาาา ทำให้หนูเถอะน้า หนูเรียนมาก็เหนื้อยเหนื่อย ต้องมาฟังคำพูดที่มันเนกาทีฟจากจริงใจอีก ใจหนูบอบช้ำมากเลย หนูต้องการสิ่งเยียวยา หนูต้องฮีลตัวเองกลับมาให้ได้ เมื่อแป้งทาร์ตถูกอบจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่าม หมูกระทะจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!”

เชิดหน้าใส่ผมแล้วหันกลับไปอ้อนพี่ฟ้าเฉยเลย แล้วไอ้ที่พูด ๆ มานี่มันเชื่อมโยงกันอะไรตรงไหนงั้นเหรอ? ขอความสัมพันธ์หน่อยได้ไหม เพ้อเจ้อฉิบหาย ขนาดแฟนยังบอกว่าเพ้อเจ้อ แต่สุดท้ายแล้วพี่ฟ้าก็พ่ายแพ้ต่อความจันทร์เจ้าอยู่ดี ขออะไรไม่เคยไม่ให้สักอย่าง

“เจเจอยากกินอะไรไหม?”

“หนูอยากกินเยอะแยะเลย”

“พี่ฟ้าไม่ได้ถามหนูนะ”

“เอ๋า หนูก็เจเจนะ” พี่ฟ้าถอนหายใจเฮือกก่อนขยำแก้มของจันทร์เจ้า หมูอ้วนหัวเราะพอใจแล้วเข้าไปวอแวน้าเจ้าที่อยู่ไม่ไกล

ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์แล้วเดินเข้าไปกอดพี่ฟ้าที่กำลังยุ่งอยู่หน้าเตาจากด้านหลัง เกยคางไว้บนไหล่แล้วมองสิ่งที่พี่ฟ้ากำลังทำ

“อ้อนอะไร?”

“จริงใจต้องทำอะไรผิดมาแน่ ๆ เลยพี่ฟ้า ถึงได้ออเซาะแบบนี้!”

“หือ จริงหรือเปล่า?” พี่ฟ้าหันมาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วย แต่ไม่ได้จริงจังอะไร

“ก็แย่ละ”

“จริงแน่เลยพี่ฟ้า จริงใจต้องไปทำอะไรผิดมาแน่นอน!!” ผมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาที่จันทร์เจ้ายัดเยียดให้เพราะพี่ฟ้าหรี่ตามองแบบเริ่มจับผิดจริง ๆ แล้ว พี่ชายผมแม่งโคตรจะตัววุ่นวายเลย ทำไมไม่ไปหาแฟนตัวเองวะ ทิ้งไว้เล่นเกมกับจ๋าจ้าได้ยังไง

“จันทร์เจ้าทำนาฬิกาพี่ฟ้าตกนะ เป็นรอยด้วย”

“ฮะ!! / เฮ้ย!!” จันทร์เจ้ากับพี่ฟ้าร้องขึ้นมาพร้อมกัน ผมยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ผละออกจากพี่ฟ้าแล้วกลับไปนั่งบนเคาน์เตอร์เหมือนเดิมและฉกปีกไก่ทอดที่พี่ฟ้าทำไว้มากินด้วย

“พะ พี่ฟ้า หนูไม่ได้ตั้งใจ”

“เจเจทำเรือนไหนตก”

“เรือนสีดำที่พี่ฟ้าซื้อมาเมื่อสามเดือนก่อน.. หนูแค่จะเอามาทำความสะอาดให้ แต่ว่ามันหลุดมือ...”

“เจเจ...” พี่ฟ้าครางเสียงอ่อนทำท่าจะเข้าไปขยำไอ้หมู จันทร์เจ้าวิ่งไปหาน้าเจ้ากะจะให้ช่วย แต่ความฉิบหายคือมือป้อม ๆ เหมือนแง่งขิงนั่นคว้าเข้าที่แขนน้าเจ้าตอนกำลังร่อนแป้งเค้กพอดี แล้วสุดท้ายก็... ตู้ม! ชามผสมหลุดจากมือ แป้งเค้กลอยฟุ้งท่วมห้องครัวบ้านอัศวโยธินทร์ จบการรีวิว

พี่ฟ้าที่เห็นเหตุการณ์แล้วก็ถอยออกมาทอดไก่ต่อ ไม่งั้นโดนน้าเจ้าโยนลงเครื่องวิปแน่นอน

“จันทร์เจ้า!”

“แง! น้าเจ้าหนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวหนูช่วยนะ” จากจะช่วยเก็บกลายเป็นว่าวุ่นวายกว่าเดิม ผมกับพี่ฟ้าสื่อสารกันด้วยสายตา เอาจริง ๆ คือกลัวใจว่าน้าเจ้าจะเกรี้ยวกราดมาก จันทร์เจ้าก็คงรู้สึกเหมือนกันเพราะลนลานไปหมด สุดท้ายแล้วจึงถอยออกไปยืนไกล ๆ และให้แม่บ้านเก็บกวาด ซึ่งก็ดีแล้ว ไม่ใช่อะไร กลัวไม่ได้กินเค้ก....

“ออกไปเล่นข้างนอกเถอะลูกหมู”

“หนู... ก็ได้” รับคำเสียงหงอยแล้วก้มหน้าเดินออกไป น่าสงสารฉิบหายแต่ก็เจือ ๆ ไปกับความรู้สึกตลก แค่น้าเจ้ามองก็หดหัวเข้ากระดองแล้ว เราจะไม่ค่อยกล้าดื้อกับน้าเจ้า ใจดีก็จริง แต่ตอนดุโคตรน่ากลัว กับพี่ฟ้านี่งอแงได้เต็มที่ เพราะแพ้ทางหลานทุกคน ขออะไรได้หมด ตามใจพวกผมแบบสุด ๆ และโอ๋มาก แล้วจากนั้นพี่ฟ้าก็จะโดนน้าเจ้าดุอีกที ..........

“ช่วงนี้งานยุ่งไหมครับ?”

“พี่ฟ้าเพิ่งปิดโปรเจกต์ เจ้าจะไปกระบี่วันมะรืน” เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม “มีถ่ายภาพ ใช่ไหมมึง?”

“อืม”

“อยากไปด้วย”

“มีเรียนนี่ อดนะครับ” ผมเดาะลิ้น รู้สึกเซ็งขึ้นมา

ที่เคยบอกว่าน้าเจ้าเข้าไปช่วยทำงานที่บริษัทตอนนี้ก็ยังทำอยู่ เรื่องการเป็นช่างภาพก็ยังไม่ทิ้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ลงมือเอง น้าเจ้าจะอยู่ในส่วนบริหารและเข้าไปทำงานบางครั้งเมื่อลูกค้ารายใหญ่ต้องการและระบุมา ผมเคยเป็นไปช่วยเป็นลูกมือหลายครั้ง สนุกดี แต่จะให้ไปทำแบบน้าเจ้าผมก็ไม่เอา ผมชอบการถ่ายรูป แต่ไม่ได้ชอบมันมากพอที่จะยึดมาเป็นอาชีพ การต้องเจอกับคนมาก ๆ ไม่ใช่วิถีของผม สิ่งมีชีวิตอย่างผมอยู่ค่อนข้างยากกับมนุษย์โลกที่ไม่มีความสนิทกัน

เพราะฉะนั้น ไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่า

“โคตรเหนื่อย ลาออกจากงานดีไหมวะ กลับไปทำไร่กับป๋าดีกว่า”

“คิดว่าจะทิ้งงานได้?”

“โปรเจกต์ก็จบแล้วอ่ะ ทิ้งอะไรกัน”

“เจ้านายมึงจะให้ออกหรือไง”

“ช่างเจ้านายดิ ไม่ให้ออกก็จะออก อะไรก็โยนให้กู สถาปนิกในบริษัทมีตั้งเยอะ”

“เขาป้อนงานให้มึงแปลว่าเขาเชื่อในฝีมือของมึงหรือเปล่า จะทำอะไรก็คิดดี ๆ อย่าทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ มึงซื้อเวลาคืนกลับมาไม่ได้ถ้าทำพลาดไปแล้ว”

ผมนั่งเงียบ ๆ ฟังน้าเจ้ากับพี่ฟ้าคุยกันพลางคิดตามไปด้วย

“.......”

“เข้าใจไหม”

“หยุดพูดดิ๊ รำคาญ”

“ก็เป็นแบบนี้”

“ไม่คุยกับมึงละ จริงใจเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

“เรื่อย ๆ ครับ” ตอบแล้วตักเค้กส้มที่พี่ฟ้าทำไว้ก่อนหน้านั้นเข้าปาก เนื่องจากจานไก่ทอดถูกยกไปแล้ว ผมจึงอดแดกด้วยประการฉะนี้

โคตรเศร้า

“ได้ยินว่าช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านนี่ มีแฟนเหรอครับ?”

“แค่ก ๆ” ผมไอเพราะสำลัก น้าเจ้ายิ้มมุมปากในขณะที่พี่ฟ้าขมวดคิ้วและจ้องหน้าผมเขม็ง “เปล่าครับ ไม่ได้มีแฟน”

“หึ”

เกลียดเสียงหึของน้าเจ้าตอนนี้ชะมัดเลย เหมือนปีศาจ

“ไม่ค่อยกลับบ้านแล้วไปนอนที่ไหน?” คราวนี้พี่ฟ้าเป็นคนถาม

“คอนโดครับ”

“ช่วงนี้ไปบ่อยเหรอ?”

“ไม่บ่อยเลย คิดกันไปเองอ่ะ”

“เจเจมีแฟนเหรอ?” ผมส่ายหัวเป็นคำตอบในพี่ฟ้า แต่คนอายุมากกว่ายังขมวดคิ้วอยู่ “จริงนะ?”

“ครับ” ผมว่าผมรีบไปจากตรงนี้ดีกว่า รอยยิ้มน้าเจ้าโคตรจะไม่น่าไว้ใจเลย เหมือนพร้อมจะทำให้ผมน็อกตลอดเวลา ให้ตายเถอะ รู้สึกระแวงไปหมด

“เจเจไปตามพี่ลงมาเร็ว ทุกคนน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”

“ครับ” รับคำพี่ฟ้าแล้วเดินออกจากห้องครัวไป อีกเดี๋ยวก็ได้เวลามื้อเย็นแล้ว และพ่อกับแม่ก็คงกลับจากทำงาน คุณตากับคุณยายกลับมาจากไปพบเพื่อน จากนั้นจะได้ทานข้าวกับทั้งครอบครัว

ผมเปิดประตูห้องนอนของจันทร์เจ้าเข้าไปแบบไม่เคาะก่อนพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่าพี่ฟ้าให้มาตาม ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการที่เกือบได้เห็นคนจูบกันแบบเต็มตา ไอ้หมูยังนั่งเกยอยู่บนตักทิวากาลอยู่เลย ไวไฟฉิบหาย สองคนนั้นหันมามองผมตาขุ่นไม่พอใจ ผมเลิกคิ้ว กอดอกและเอนตัวพิงกรอบประตู มีปัญหากันหรือไง น่าเบื่อ

“ให้ไว” ผมเร่ง ไม่สนใจว่าสองคนนั้นจะด่าผมว่าเป็นปีศาจหรือตัวขัดขวางความสุขยังไง การกวนตีนที่สำเร็จคือการทำให้อีกฝ่ายหัวเสียได้ ซึ่งผมทำสำเร็จ ไม่มีอะไรแฮปปี้ไปกว่านี้แล้วครับ นี่อ้างอิงมาจากการรีวิวของหลาย ๆ คน

ผมยิ้มอย่างที่จันทร์เจ้าเคยบอกว่ามันเป็นยิ้มปีศาจ กวักมือเรียกให้พี่ชายเข้ามาหา ไอ้หมูที่ดูท่าจะมีความแค้นอยู่เต็มกระเป๋าถึงได้วิ่งเข้ามาหาแล้วปล่อยกำปั้นใส่หน้าท้องผมไปหนึ่งที แต่ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยสักนิด อาจเพราะผมเกร็งตัวทัน แต่ถ้าจันทร์เจ้าเอาจริงก็คงมีจุกบ้าง ไอ้หมูผีนั่นหมัดหนักจะตายไป

พอมาถึงข้างล่างก็ไปคลอเคลียพี่ฟ้า รีบบอกว่าโดนผมกลั่นแกล้ง ทุกคนรุมทำร้ายผมน่ะสิ ใครมันจะไปยอมวะ

“ทำอะไรพี่อีกแล้วล่ะ?”

“ผมเปล่านะครับน้าเจ้า แค่เปิดประตูเข้าไปขัดจังหวะตอนเขาจะจูบกันพอดี”

“เจเจ”

ผมยกยิ้มมุมปากและยักคิ้วให้จันทร์เจ้าเมื่อไอ้หมูผีถูกพี่ฟ้าเรียกด้วยเสียงเข้ม ๆ จันทร์เจ้ายิ้มหน้าโง่ รีบอ้อนก่อนจะโดนดุ ทิวากาลเองก็โดนพี่ฟ้าคาดโทษด้วยแต่ดูไม่ค่อยจะรู้สึกอะไร จากนั้นผมกับจันทร์เจ้าก็ตีกันอีกครั้ง โดยคราวนี้มีจ๋าจ้าร่วมด้วย เล่นกันจนเหนื่อยก็ถึงเวลาทานอาหารเพื่อเติมพลัง

ให้ตายเถอะ นี่มันเป็นการเสียพลังชีวิตที่โคตรจะดีกับใจ



หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเราก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นตามธรรมเนียมที่ทำมาตลอด เพราะวันนี้อยู่กันครบทุกคนที่บ้านจึงคึกครื้นเป็นพิเศษ จากปกติก็ป่วนอยู่แล้ว วันนี้มาแบบเลเวลอัพทะลุออกไปนอกอวกาศ  จนเวลาผ่านไปกว่าสี่ทุ่ม ผมจึงขอตัวขึ้นไปบนห้อง ต่อให้จ๋าจ้าจะงอแงเพราะไม่มีคนเล่นเกมด้วยผมก็ไม่ได้สนใจแล้ว ตอนนี้รู้สึกอยากพัก เหนียวตัวตั้งแต่เล่นแบดมินตัน ยังไม่ได้อาบน้ำเลย

พอได้อยู่คนเดียวก็มีเวลาอยู่กับตัวเอง ได้คิดแค่เรื่องของตัวเอง พุ่งสายตาไปยังเพดานห้องด้านบน ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำและคว้าโทรศัพท์มือถือมากดดู ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนผมก็ทิ้งโทรศัพท์ไวบนห้องแล้วไปใช้ชีวิตกับคนในครอบครัว อย่างที่เคยบอก โทรศัพท์มือถือไม่ได้จำเป็นถ้าผมอยู่กับสิ่งที่ชอบในโลกของความเป็นจริง ปัดนิ้วเลื่อนดูอะไรมากมายที่แสดงขึ้นบนจอ สาเหตุก็เพราะจันทร์เจ้าแอบถ่ายรูปตอนผมกอดพี่ฟ้าจากด้านหลังไปโพสต์ลง SNS หมูอ้วนนั่นมีแฟนคลับเยอะไง แถมยังแท็กชื่อผมในรูปอีก พอมีคนกดถูกใจหรือคอมเมนต์มันก็มาแจ้งเตือนของผมด้วย น่ารำคาญชะมัดเลย

ผมเข้าไปดูข้อความ เลื่อนดูผ่าน ๆ ก่อนจะค้างไว้ที่ชื่อชื่อหนึ่งซึ่งยังไม่ได้กดเข้าไปอ่าน ซึ่งนั่นก็คือชื่อของตัวหอม... ผมเดาะลิ้น ไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปดีไหม ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ยังไม่รู้ว่ามีคนชื่อคิงอยู่บนโลกผมอาจจะเป็นเด็กน้อยที่ดีใจเวลาคนที่ชอบส่งข้อความมา ตอนนี้ความรู้สึกผมมันเปลี่ยนไปว่ะ มันขี้เกียจ ไม่อยากตอบ ยิ่งรู้มาจากทิวากาลว่าผู้ชายคนนั้นคือรักแรกของเขาแล้วผมก็เลยยิ่งเฟล แล้วคำพูดของเขาที่พูดกับเพื่อนอีก   

เพราะผมไม่ได้ยินหรอกเลยไม่เป็นอะไร

แล้วถ้าเกิดเขารู้ว่าผมได้ยินล่ะ? จะเป็นอะไรหรือเปล่า?

เขาจะปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเขาจะอธิบายให้ผมเข้าใจ

ทำให้ผมรู้หน่อยได้ไหมว่าผมมีความสำคัญอะไรในชีวิตของเขาหรือเปล่า

ให้เป็นแค่คนที่นึกถึงเวลาหิวก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ

 จากที่คิดว่าตัวหอมอาจจะมีความรู้สึกอะไรกับผมบ้าง ตอนนี้ผมเริ่มไม่อยากคิดแบบนั้นแล้วว่ะ โคตรเหนื่อย แล้วตอนนี้มีอะไรให้ทำให้เหนื่อยหลายอย่าง เรื่องตัวหอมที่ไม่ค่อยจะมีอะไรคีบหน้าเลยทำให้ผมรู้สึกเซ็ง พอ กูไม่เอาแล้วไอ้สัด! นึกแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่มันเหมือนกับมีงานต้องทำแล้วคิดว่าช่างแม่ง ไม่ทำละ จะเป็นไงก็ช่าง แต่ตัดภาพไปอีกห้านาทีจากนั้น เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานชิ้นนั้น

กากฉิบหาย

จบการรีวิว






-----------------------------
มาแล้วววววววววววววววววววว เห็นไหมว่าเราไม่หลอก มองเราเป็นคนยังไงกัน  :hao7:
ตอนนี้ไม่มีณภัคเลยอ่ะ 55555555555555555 ขอ how to เขียนนิยายยังไงไม่ให้ยืดเยื้อด้วยค่ะ ฮือ
อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครบ้าง ขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ บายยยยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 01-04-2017 20:21:08
เอาจริงนี่รำคาญจริงใจนะ  ไม่ชอบรำคาญทำไมไม่เลี่ยงไม่บอกไปปากมีไม่พูดไปละไม่ชอบอย่ามายุ่งปล่อยให้มารุงรังชีวิตทำไม  อ่านตั้งแต่ชะนีเบลละแล้วหงุดหงิดมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 01-04-2017 20:23:15
ขอตัวกระตุ้นที่เลอค่าทางฝั่งจริงใจบ้างเถอะ ไม่งั้นมันก็วนอยู่แบบนี้ จริงใจคอยตามคอยง้อ นภัคไม่สนไม่แคร์ไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราหมั่นไส้นายเอกมากขอบอกเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-04-2017 20:42:41
หึหึ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 01-04-2017 20:51:20
อ่านตอนนี้แล้วแอบเจ็บปวดแทนจริงใจ นี่รอคอยวันที่ภัคจะได้รู้สึกบ้างว่าจริงใจไม่ใช่ของตาย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 01-04-2017 21:09:15
อยากในภัคแสดงออกมากกว่านี้แล้วอ่ะ สงสารจริงใจของตาย ถถถถถถ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-04-2017 21:19:24
จริงใจงอนนานๆเลยยยยยยย หนับหนุนๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-04-2017 21:33:58
สงสารจริงใจ
หาแฟนใหม่เถอะลูก  :katai1:
ลำไยลำยองณภัคมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-04-2017 21:55:09
จริงใจไม่ค่อยพูด ณภัคก็ปากแข็งอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2017 22:10:42
ไม่รู้ว่าทำไม ณภัค ถึงเลิกกับคิง
คิงไปเรียนนอกเลยห่าง แล้วเลิก
หรือคิง มีคนใหม่
แต่กับจริงใจ ณภัค ไม่มีความผูกพัน
ไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นถึงความจริงใจ
ที่วอแวบอยมีให้เลยหรือ
อยากอ่านพาร์ทของณภัคบ้าง
รำคาญเชอแตม มาทำตัวตามติดเพื่ออะไร
เหมือนหาข่าวณภัค หรือชอบวอแวบอย
หรืออยากกวนโมโหณภัค
จริงใจไม่ชอบเชอแตม ก็ห่างๆสิ ให้เข้าใกล้ทำไม
ทีออม ยังห่างได้ คนนี้ดูไม่น่าจะมาดีจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-04-2017 22:30:19
โถ จริงใจของป้า

ถ้าหนูอยากได้ความชัดเจนจากคนแบบภัค หนูต้องพูดต้องถามนะลูก คนนั้นก็ท่าเยอะ คนนี้ก็ปากหนัก เมื่อไรมันจะรู้เรื่องกันล่ะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 01-04-2017 22:31:31
บางทีก้รำคานจริงใจนะ
แต่บางทีความจิงใจ แม่งโคตรตรงกับนี่เลย
ภัคก้เฉยยยยยย จนแบบ เออออ *มองบน*

แต่บ้านจิงใจนี่หน้าปวดหัวเนอะ เยอะเเยะ ปวดหัว
มีความสุขแบบเกินอ่ะ 555 #แอบอิจฉาคอรบครัวมีคสามสุขสนุกสนานกันเต้มที่ดี
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-04-2017 22:40:48
จริงใจนอยแล้ว ณภัคจะรู้บ้างป่าว แล้วอย่างนี้จะคืบหน้าหรือป่าว อย่างที่พูดว่ายากอยู่แล้วยิ่งยากขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 01-04-2017 22:42:34
เราว่ามันดีออกที่มีคนมายุ่งกับจริงใจ ถึงนี่จะรำคาญก็เถอะ แต่ก็ทำให้รู้ว่าจริงใจมันไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับณภัคอะ คนอื่นที่เค้าต้องการจริงใจก็มี
ไม่ใช่ของตายเด้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-04-2017 22:53:47
เลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องนภัคดีกว่า ช่างเขาเถอะ ไม่อยากสนใจละ


รักจริงใจนะลูก :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-04-2017 23:18:45
รอดูต่อไปว่ายกนี้ใครจะวิน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-04-2017 23:30:40
เมื่อไรจะลุ่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-04-2017 00:02:28
ไหนๆ ภัคก็จะมีเรื่องรักแรกแล้ว จริงใจก็มีทั้งชะนีและเกย์น้อยมาติดอีก เรื่องมันจะยิ่งวุ่นแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-04-2017 02:07:41
เอาจริง เราเริ่มรำคาญณภัคแล้วอะ
ทำเหมือนจริงใจเป็นชู้ๆจริงๆอะแหละ
มัวแต่ถืออยู่นั่นแหละว่าไม่คบเด็ก
คิดว่ามีตัวเลือกอยู่คนเดียวหรอ
เฮ้อ เริ่มโมโห 
อยากให้ณภัครู้สึกบ้างว่าจริงใจสำคัญ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-04-2017 06:44:44
ใจริงใจนอยหนักมาก  ใจจริงก็สงสาร  แต่เป็นห่วงมากกว่าดูน้องหมกมุ่นมาก  อยากได้ตัวกระตุ้น  ไม่เอาแล้วฟิลนี้ ทำไมมีแค่จริงใจที่คิดมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-04-2017 06:46:21
อยู่ช่วงสับสนวุ่นวายใจ อยากจะเลิกแต่ทำไม่ได้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 02-04-2017 08:38:54
พอๆกัน แต่หนักกว่าคือคนที่คิดจะกรี๊ดกร๊าดรักเก่า นั่นคือเค้ายังไม่ได้รักใครใหม่ไง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-04-2017 12:57:52
ควรสงสารจริงใจดีมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 02-04-2017 16:52:18
ทีมจริงใจ ไม่ว่าใครจะว่าไงนี่ก็ทีมจริงใจ เรารักเขา 555555555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 02-04-2017 20:00:57
สงสารวอแวบอย
ตัวหอมเคยสนใจน้องบ้างมั้ยนั่น
ยิ่งรักแรกเค้าจะกลับมาด้วย
หูยยย..ปวดใจแทนวอแวบอยเลยอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ลูกหมู ที่ 02-04-2017 20:31:14
นี้มันอะรายยยยกานนนนนน ย้ากกกกกก!!!!!! ทามมมมายยยต้องทรมานกันจิตใจฉันเยียงนี้ได้ เจ็บปวด :katai1: :z6: :z3: :ling3: :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 29 ผมกับการรีวิว | 1-4-60 | P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-04-2017 23:26:21
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 08-04-2017 20:06:30
ความที่ 30
ผมกับความประสาทเสีย






   [ ณภัค’s ]

   “ทำหน้าให้มันสนุกหน่อย” ผมเอนตัวหนีรพินทร์ที่ขยับมาใกล้ เริ่มเมาแล้วแน่ถึงได้ทำตัวระรานแบบนี้ ตอนนี้เราอยู่กันที่ผับแห่งหนึ่ง ต้นเหตุของการมาที่นี่ก็คือรพินทร์ส่งข้อความมาในกลุ่มและตอแยจนทุกคนตกลงมา

   “มาเที่ยวกับเพื่อนอย่าเอาแต่เล่นโทรศัพท์สิวะเมีย” คลื่นว่าต่อจากพินทร์ ผมกลอกตาไปมา กดล็อกโทรศัพท์แต่ยังไม่เก็บใส่กระเป๋า

   “วอแวบอยไม่ตอบข้อความหรือไง” เหลือบมองคนพูด ครามยกยิ้มมุมปากหลังพูดจบแล้วยกเหล้าขึ้นดื่ม

   “น้องเบื่อแล้วแหง” จบท้ายด้วยพีท พูดได้ดีจนอยากเอาขวดเหล้าตีหัว

   เบื่อหน้ามึงสิ!

   “อะ! จะมีใครบอกฉันได้หรือยังว่าวอแวบอยคือใคร!?”

   “มานี่ชะนี เดี๋ยวกูจะบอกบุญ” ผมจ้องหน้าพีทเขม็ง แต่มันไม่สนใจ กวักมือเรียกรพินทร์ คนนั้นก็ใจง่ายรีบย้ายตัวเองไปหาพีททันที ให้ตายเถอะ! ไอ้พวกเวรนี่! แล้วคลื่นกับครามไม่ช่วยอะไรผมเลย แถมคลื่นยังไม่สุมหัวกับพวกมันอีก

   “กรี๊ด!!! นี่มันน้องจริงใจ!!” รพินทร์กรีดร้องขึ้นมา ตาคม ๆ มองมาที่ผมและเหมือนจะเข้ามาเขย่าคอให้รู้แล้วรู้รอด “ล้อเล่นป่ะเนี่ย! น้องจริงใจเนี่ยนะ! เฮ้ย เป็นไปได้ไง!?”

   “รู้จักเหรอ?”

   “อืม น้องเป็นน้องของแฟนพี่กาลไง โห โคตรงง ทำไมเป็นน้องจริงใจไปได้วะ”

   “กูก็งงเนี่ยทำไมน้องจริงใจถึงได้มาจิกมัน”

   “ใช่มะ!” รพินทร์รับคำกับพีทอย่างเข้ากัน “มึงไม่ชอบเด็กไม่ใช่เหรอ ทำไมยอมให้น้องจิก”

   “ไม่รู้”

   “สเป็กกับคนที่ใช่บางทีมันก็คนละคนกันนะ”

   “เหยดดด น้องกูครับน้องกู”

   คลื่นเหมือนคนบ้า ปกติครามก็พูดอะไรแบบนี้อยู่แล้วยังไม่ชินอีกหรือไงกัน

   “แล้วนี่ที่บ้านน้องรู้เรื่องหรือเปล่า?” รพินทร์ถาม ผมสั่นหัวเป็นคำตอบ “ที่บ้านไม่รู้หรือมึงไม่รู้”

   “กูไม่รู้”

   “เยี่ยม!”

   “ทำไม บ้านนั้นไม่โอเคเหรอ?”

   “โอเคนะคราม แบบดีอ่ะ เป็นครอบครัวที่ดีมาก ดีทุกอย่าง ทัศนคติอะไรงี้ดีหมด แล้วจากที่รู้มาพวกเขาไม่เคยห้ามลูกเลยนะไม่ว่าจะทำอะไร ดีมากจนงงว่ามีครอบครัวแบบนี้บนโลกด้วยเหรอ”

   “ดีก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”

   “ก็จริง แต่ถ้าดีมากขนาดนั้นก็เริ่มเครียดละ” หลังจากเสริมคำพูดคราม พีทก็หันมามองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น

   “อะไร?”

   “ที่บอกว่าที่บ้านโอเค แล้วเขาโอเคจริง ๆ เหรอวะ แล้วแบบ...”

   “จะพูดว่ากูร่านก็พูดมา”

   “เหี้ย! ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย! แล้วมึงร่านที่ไหน เดี๋ยวกูตบปาก”

   ผมร้องเหอะในลำคอ ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนล่ะ ถ้าที่บ้านนั้นโอเคกับการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายได้ เรื่องที่เขาจะรับไม่ได้ก็คงมีไม่กี่อย่างนั่นก็คือคนของลูกชายมันไม่ดีและสำส่อน

   แบบผม?

   “จะกังวลอะไรกัน คิดว่ากูจะเป็นแฟนกับเด็กนั่นเหรอ?”

   “อ้าว ที่วอแวกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้คิดจะเป็นแฟนกันน้องมันเหรอเมีย?”

   คราวนี้ทุกคนมองผมเป็นตาเดียว ผมไม่ได้ตอบอะไร ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่ม เอาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันโอเคดีแล้ว...สำหรับผม

   “แล้วนี่พี่คิงก็จะกลับมา มึงจะทำยังไงต่อ”

   “ไม่คิดอะไรก็บอกไป อย่าไปให้ความหวังเด็กมัน ถ้าทุกอย่างบานปลายมันจะยิ่งแย่ ภัคอาจจะไม่เป็นไร เพราะไม่ได้รู้สึก แต่กับเด็กคนนั้นมันไม่ใช่”

   “อืม ไอ้ครามพูดถูก จะทำอะไรก็คิดดี ๆ”

   “ทำไมเข้าข้างเด็กนั่นจัง นี่เพื่อนหรือเปล่า?”

   “เพราะมึงเป็นเพื่อนนั่นแหละพวกกูถึงได้พูดแบบนั้น ถ้าพลาดไปแล้วมึงกลับไปแก้อะไรไม่ได้นะเว้ย”

   “จริงสุด!”

   ปิดท้ายด้วยรพินทร์

   ผมถอนหายใจเฮือก เพราะคำพูดของพวกนั้นแหละจะทำให้ผมปวดหัวตายอยู่แล้ว หมดอารมณ์จะสนุก ผมนั่งดื่มเงียบ ๆ พลางคิดอะไรในหัวไปคนเดียว บนโต๊ะตอนนี้มีแค่ผมกับครามที่นั่งกันอยู่ เพราะพีทกับพินทร์ออกไปเต้น และคลื่นก็ไปจิกผู้หญิง

   “คิดมากเลยดิ”

   “พูดบ้าอะไรไม่รู้ ปวดประสารทแล้วเนี่ย รู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองจะแตก”

   “ก็ดีแล้วที่มีความรู้สึก”

   ไม่รู้ทำไมถึงได้สะอึกไปกับคำพูดของคราม คนพูดเอนตัวพิงพนักและยกเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบาย ๆ ต่างกับผมที่รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา

   ให้ตายเถอะ ความรู้สึกพวกนี้มันบ้าอะไรกัน

   เรียวลิ้นแลบเลียริมฝีปาก ความต้องการบางอย่างพัดวูบเข้ามาจนร่างกายสั่นเทา ครามมองหน้าผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง

   “อยากเหรอ?”

   “อืม มีป่ะ?”

   “ไม่พกแล้ว?”

   “อือ” ตอบได้แค่นั้น ตาคมของครามหรี่มองก่อนจะโยนกล่องซิกกาแลตพร้อมกับไฟแช็กมาให้

   “อย่าเกินสอง”

   “ไม่รู้” ผมว่าแล้วเดินออกไปที่โซนสำหรับสูบบุหรี่หลังจากได้ของที่ต้องการ

   เมื่อก่อนผมจะมีบุหรี่ติดกระเป๋าเอาไว้ แต่ตั้งแต่ที่เด็กวอแวบอยนั่นบอกให้ผมเลิกสูบและยึดของผมไป ผมก็ไม่ได้พกอีก นั่นเป็นกล่องสุดท้ายพอดี และขี้เกียจไปซื้อใหม่

   ได้ลองมันครั้งแรกเพราะคลื่นกับคราม เห็นพวกมันสูบเลยขอลอง ก็ไม่แย่อะไร แต่ก็ไม่ประทับใจ แต่ไป ๆ มา ๆ ดันมีพกไว้เฉย ผมไม่ได้ติดบุหรี่ที่ต้องสูบทุกวัน หรือถ้าวันไหนขาดแล้วจะเป็นจะตาย ผมแค่ใช้มันในวันที่มีอะไรให้คิดหนัก ๆ ซึ่งมันช่วยได้ในระดับหนึ่ง เหมือนมีคนเคยบอกว่าการสูบบุหรี่ทำให้สมองโล่งเพราะกลไกล deep breath จากการสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นแค่ข้ออ้างเพราะต้องการสารนิโคติน

   ขยับเข้าไปอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของห้อง พิงไหล่กับกำแพงก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การพิมพ์ชื่อชื่อหนึ่งไปในช่องค้นหาจะเป็นสิ่งที่ต้องทำประจำเมื่อจับโทรศัพท์ เด็กวอแวบอยนั่นยังไม่ตอบข้อความที่ผมส่งไปตั้งแต่ตอนเย็นเลยด้วยซ้ำ ทำบ้าอะไรอยู่ ไม่เห็นหรือตั้งใจเมิน

   วันนี้ผมส่งข้อความไปหาเด็กนั่นหลายครั้งทั้งที่ไม่ค่อยทำ แถมยังโทรหาอีกหลายสายด้วย แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใด ๆ มันน่าสงสัยมาเลยนะ... หรือจะเบื่อผมแล้วอย่างที่พีทพูดจริง ๆ

   จะบอกว่าไม่เล่นโทรศัพท์เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าเด็กบ้านั่นยังไปกดไลค์รูปที่แฟนพี่กาลโพสต์ลงอยู่เลย ตอนเห็นรูปผมเบลอไปนิดหน่อย มันเป็นภาพที่เด็กนั่นกอดใครคนหนึ่งจากข้างหลังและเอาคางวางไว้บนไหล่ ที่เบลอเพราะนั่นคือสิ่งที่เจ้านั่นเคยทำกับผม พอเข้าไปดูจากชื่อที่แท็กไว้ถึงรู้ว่าคนผมยาวที่มองข้างหลังแล้วเหมือนผู้หญิงนั้นคือคุณเพลิงฟ้า

   ผมรู้จักเพราะเขาเป็นสถาปนิกที่ผมชื่นชอบ งานออกแบบของเขาแต่ละชิ้นมันเจ๋งมาก เคยคิดกับตัวเอง ถ้าจะสร้างบ้าน ผมจะจ้างเขา ต่อให้ต้องจ่ายเงินมากแค่ไหน ผมก็จะจ่าย เพื่อที่จะให้คุณเพลิงฟ้าออกแบบให้

   ในแอคเคานต์ของคุณเพลิงฟ้ามีรูปภาพของเด็กวอแวบอยอยู่เยอะเลย และนอกจากนั้นยังมีรูปน้องจ๋าจ้าและจันทร์เจ้าอยู่อีกด้วย กว่าจะรู้ตัวผมก็ดูจนไปถึงรูปสุดท้ายแล้ว พอจะไปดูแอคเคานต์ที่ถูกตั้งด้วยชื่อเหมือนหลับตาพิมพ์บ้างก็ต้องหงุดหงิดเพราะมันถูกตั้งเป็นไพรเวท จากจำนวน followers ที่มีไม่ถึงร้อย ระดับความหงุดหงิดจึงลดลงมา เพราะเดาเอาว่าเด็กเวรนั่นไม่รับรีเควสจากใครเลย

   ส่งสติ๊กเกอร์โง่ ๆ ไปอีกหลายตัวแต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับมาอยู่ดี นอนไปแล้วเหรอ? แต่ตอนนี้มันยังไม่ดึกมากเลยนะ... บ้าเอ๊ย! ทำไมผมถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้นะ

   เงยหน้าจากโทรศัพท์เมื่อรู้สึกว่าถูกคุกคาม มีเงาจากคนที่ตัวใหญ่กว่าสาดทับลงมาบนตัวของผม พอเห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้นมา ผมคาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วผลักมันออก ในขณะที่จะก้าวผ่านไปข้อมือของผมก็ถูกคว้าเอาไว้และถูกผลักให้ไปติดกำแพง

   “จะรีบหนีไปไหน?”

   “อย่ามายุ่ง!” ผมกระแทกเสียงใส่ และปัดมือหนาที่บีบไหล่อยู่ออก

   “เจอผัวเก่าแล้วเสียใจขนาดนั้นเลย?”

   “เออ ยังไม่ตายไปอีกหรือไง”

   “ปากดี” มันพูดแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะต้องถอยออกไปเพราะผมดีดเถ้าบุหรี่ใส่ ภีมมองเหมือนจะโกรธก่อนยกยิ้มร้าย ผมเชิดหน้าขึ้นมองอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน

   หายจากวงจรชีวิตไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังวนมาเจอกันอยู่อีก น่าเบื่อชะมัด

   “เหอะ”

   “ขอบ้างดิ” ยังไม่ทันได้รับคำอนุญาต บุหรี่ที่เกือบหมดมวนแล้วในมือผมก็ถูกแย่งไป ภีมสูดสารนิโคตินเข้าปอดก่อนโน้มหน้าลงต่ำให้อยู่ระดับเดียวกับผมแล้วพ่นควันออกมา ผมเบือนหน้าหนีเพราะควันเข้าจมูก คนทำยิ้มร้ายคีบบุหรี่ออกจากปากแล้วยื่นไปด้านข้าง ยันแขนข้างหนึ่งกับกำแพงเพื่อกันผมไว้จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะชิดกัน เพียงไม่กี่วินาทีถัดมาไอ้เวรนั่นก็แนบริมฝีปากลงมาที่ปากของผม ผมหันหน้าหนีพร้อมผลักออกแล้วจากนั้นก็ตบหน้ามันไปเต็มแรง ไอ้เหี้ยนั่นแสยะยิ้ม โน้มหน้าลงมาใกล้ผมอีกครั้งแต่ผมพยายามขืนตัวเองไว้ไม่ให้มันจูบผมได้อีก

   เวรเอ๊ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!

   แชะ!

   ผมหรี่ตาเมื่อแสงแฟลชสาดเข้ามา เมื่อเห็นคนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพไว้ก็แทบอยากพังตึกนี้ทิ้ง

   “จับได้คาหนังคาเขาเลยนะพี่ภีม มารำลึกความหลังกับแฟนเก่าแล้วทิ้งแตมไว้คนเดียวใช้ได้ที่ไหนกัน” ไอ้เด็กเปรตนั่นพูดพร้อมกับยิ้มยียวน

   “ช่วยไม่ได้นี่ เมียเก่าพี่ยั่ว...ขนาดนี้” ไอ้เหี้ยพี่ภีมมองผมด้วยสายตาคุกคามพร้อมกับเลียริมฝีปาก “ปากยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ” ผมกำมือแน่น แย่งบุหรี่ในมือหมอนั่นคือมาก่อนจะจี้ไฟบนหลังมือของมัน โยนซิกกาแลตทิ้งแล้วเดินออกมา ได้ยินเสียงมันหัวเราะแล้วอยากอาเจียน

   สะอิดสะเอียนเป็นบ้า

   “ถ้าน้องจริงใจเห็นรูปนี้จะเป็นยังไงน้า...”

   “ลบทิ้งเดี๋ยวนี้” จากที่ว่าจะออกไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้กลับต้องอยู่ต่อเพราะเด็กเวรนั่นมันพูดขึ้นมาเมื่อผมกำลังเดินผ่าน

   “ภาพแรร์แบบนี้ลบก็เสียดายแย่เลย ให้น้องจริงใจดูก่อนดีกว่าครับ พี่ภัคว่าดีไหม” เฌอแตมยกยิ้มด้วยท่าทีที่เหนือกว่า ผมกระชากคอเสื้อของมันเข้ามาแล้วผลักเข้าไปชนกับกำแพงด้านหลังก่อนจะกระชับแรงให้มากขึ้นจนไอ้เด็กสาระแนนี่หน้าเหยเก

   “Bitch boy!”


   “ท่าทางหงุดหงิดกว่าเดิมนะ”

   “เจอเรื่องไม่ดีมาก ๆ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า”

   “เจอไรวะ เล่าดิเมีย” ผมจิปากใส่คลื่น มีผู้หญิงอยู่ข้าง ๆ ยังเสนอหน้ามาเรียกผมเมียอีก ไอ้เวรเอ๊ย! ทีแรกจะไม่เล่า แต่พอสบสายตากดดันจากครามแล้วเลยต้องเล่าให้ฟัง ครามแค่คิ้วขมวดตอนฟัง แต่คนที่ขึ้นคือคลื่นมากกว่า ไอ้บ้านี่แทบจะไปถล่มเขาถึงโต๊ะถ้าไม่ติดว่าครามปรามไว้

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย! อย่าให้เจอ”

   “เก่งนักเหรอมึง”

   “เออดิ เมื่อไหร่แม่งจะเลิกวุ่นวายกับเมียกูสักที”

   “คงต้องกรวดน้ำให้มันบ่อย ๆ”

   “ป่ะ พรุ่งนี้กูพาไปวัด”

   “ก็แย่ละ” พูดพึมพำออกไป ก่อนเม้มปากเมื่อนึกได้ว่ามันเป็นคำติดปากของใคร ถ้าอยู่ด้วยกันผมจะได้ยินประโยคนี้ไม่ต่ำกว่าห้ารอบในหนึ่งวัน แม้แต่ในข้อความยังมีส่งมาเรื่อย ๆ ผมคิดว่ามันน่ารำคาญที่เอาแต่พูดคำซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ แต่ตอนนี้ผมกลับติดคำนี้มาใช้ด้วยอย่างไม่รู้ตัว

   เด็กเวรนั่น... จะเกินไปแล้ว

   “แล้วเมียมันใช่คนที่พีทบอกว่าถ่ายรูปกับจริงใจลง story ไหม?”

   “อืม”

   “ผัวเมียคู่นี้แม่งต้องการอะไรวะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรคลื่นไป

   ประเด็นเก่าที่ลืมไปแล้วทำให้ผมนึกถึงอีกเมื่อมันถูกหยิบขึ้นมา เรื่อง story นั่นผมเห็นจากพีทเพราะมันแคปส่งมาให้ดู (ไอ้บ้านั่นมีแอคเคานต์สำรองเอาไว้ส่องต่างหาก) ตอนนั้นผมมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง นิ่งจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่

   รูปใกล้ชิดกันพอสมควรขนาดนั้นคงจะสนิทกันนั่นแหละ อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยนี่ ผมพยายามจะไม่สนใจแล้วแต่มันก็ห้ามตัวเองไม่ได้อยู่ดี ทำไมต้องเป็นมันด้วยวะ คนที่ทำให้ผมต้องเลิกกับแฟน คนที่เข้ามาเป็นมือที่สาม และตอนนี้มันยังไปทำตัวตีสนิทกับจักรพรรดิอีก ใจคอจะแย่งทุกคนไปจากผมใช่ไหม แล้วไหนบอกว่าไม่ชอบไง ทำไมถึงยอมให้มันเข้าใกล้ได้ล่ะ? หงุดหงิด!

   เราดื่มกันจนเวลาล่วงเลยมาตีหนึ่ง พีทกับรพินทร์ดื่มหนักจนเมาหลับไปแล้วจึงตกลงกันว่าจะกลับ แฝดทำหน้าที่รับผิดชอบสองคนนั้นและพากลับไปนอนด้วย เพราะจะไปส่งบ้านด้วยสภาพแบบนั้นมีหวังโดนพ่อแม่พวกมันด่าแน่ ส่วนผม ดื่มไปพอสมควรแต่ก็เริ่มจะสร่างแล้วเพราะเรื่องเวร ๆ พวกนั้น อีกอย่างผมเอารถมาเอง จึงมีกฎเหล็กคือห้ามทำตัวเองเมา

   ผมขับรถไปเรื่อย ๆ เพราะมันดึกมากแล้วและถนนค่อนข้างโล่งจึงเปิดประทุนออก อากาศยามดึกพัดปะทะผิวทำให้ตัวสั่นเล็กน้อย เส้นผมปลิวไปตามแรงลม ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก แม้มันจะไม่สุดก็ตาม ความเร็วของรถค่อย ๆ ลดลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมถนน กว่าจะรู้ตัวผมก็หักรถเข้าไปจอดและลงไปยืนอยู่หน้าร้านเสียแล้ว

   “จะเอาอะไรไอ้หนุ่ม?”

   “เอ่อ...” เหลือบตามองป้ายเมนูที่ตัวอักษรเริ่มขาด ๆ หาย ๆ ถ้าบอกว่าไม่เอาแม่ค้าเขาจะเอามีดสับคอผมหรือเปล่า...? “ข้าวมันไก่ครับ”

   “รอแป๊บ ไปหาโต๊ะนั่งรอเลยจ้า”

   ผมหันซ้ายหันขวา กะพริบตาปริบ ๆ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่ง เอาปลายนิ้วไปแตะ ๆ บนผิวโต๊ะแล้วก็ขนลุกเกรียวขึ้นมา คราบมันติดมือจนต้องรีบหาอะไรเช็ด อยากร้องไห้ชะมัดเลย อะไรทำให้ผมแวะเข้ามาเนี่ย ไม่ได้หิวสักหน่อย

   รอไม่นานข้าวมันไก่ที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ยิ้มแหย่ให้แม่ค้า พอได้กลิ่นหอม ๆ ลอยกรุ่นขึ้นมาแล้วท้องก็ร้องโครก ให้ตาย ผมต้องกินข้าวมันไก่ตอนตีหนึ่งจริง ๆ ใช่ไหม เฮ้อ... สงสัยว่านอกจากคำพูด ผมยังติดนิสัยทานอะไรดึก ๆ และสตรีทฟู้ดจากเด็กนั่นมาด้วย

   ผมถ่ายรูปจานข้าวมันไก่นั้นลงใน story พร้อมกับแคปชั่นประหลาดหนึ่งประโยคที่พออ่านแล้วก็คิดว่าไม่น่าเลย...

   Think of someone... (นึกถึงใครบางคน...)
   real__khram replied to your story.
   Him? (คนนี้เหรอ?) > @/jkpaswyt
   phaknp no!!! (ไม่ใช่โว้ย!!!)

   ผมตอบกลับครามแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก่อนตักข้าวมันไก่ทานด้วยความเกรี้ยวกราดอ่อน ๆ ดึกแล้วก็ควรไปนอนไม่ใช่มาก่อกวนคนอื่นแบบนี้! ครามเป็นคนที่กวนตีนทีแล้วจะทำให้ร้อนตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าขึ้นมาศีรษะ

   น่าเบื่อ!






(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 08-04-2017 20:07:33






   [ จักรพรรดิ’s ]

   ผมยกยิ้มมุมปากพลางแค่นหัวเราะหลังจากตื่นมาแล้วเปิดโทรศัพท์ดูแล้วพบการแจ้งเตือนหลาย ๆ อย่างจากตัวหอม โคตรจะมหัศจรรย์ อยากตอบกลับนะ แต่ไม่รู้จะตอบอะไร จริง ๆ เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ผมมองข้ามไป แต่เขาก็ยังส่งมาเยอะมากจนผมต้องปิดเครื่องไปเลย

   เอาล่ะ... ถึงคราวที่จะไม่สนใจเขาบ้าง

   ให้มันรู้กันไปเลยว่าคนที่ตามอยู่คนเดียวนั้นรู้สึกยังไง ผมเหนื่อยแล้ว และผมไม่อยากวิ่งต่อ ขอแวะพักข้างทางก่อนแล้วกัน ส่วนถ้าหายเหนื่อยแล้วจะวิ่งต่อไปไหมหรือจะหยุดพักแล้วเดินกลับทางเดิมก็ค่อยว่ากันอีกที

   โยนโทรศัพท์ไปบนเตียงหลังจากตอบข้อความพี่พีทแล้วเข้าไปอาบน้ำเพื่อที่จะแต่งตัวไปโรงเรียน พี่พีทส่งข้อความมาถามว่าผมกับเพื่อนเขาทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบเป็นตัวอักษรแต่ส่งสติ๊กเกอร์แสยะยิ้มไปหนึ่งตัวถ้วน ตอนนี้ยังเช้าอยู่ พี่เขายังไม่ตื่นมาตอบหรอก เห็นเมื่อวานไปแฮงก์เอาท์กันด้วยนี่ ท่าทางจะดื่มเยอะกันทั้งกลุ่ม

   อากาศวันนี้ดูหม่น ๆ ไม่ค่อยมีแดดคล้ายฝนจะตก ผมจึงไม่ขับรถไปเอง ระหว่างที่หลับตาอยู่นั้นก็โดยสะกิดโดยจ๋าจ้าที่นั่งอยู่ข้างกัน ไอ้เปี๊ยกยื่นโทรศัพท์มาให้ผมด้วย มันคือรูปข้าวมันไก่ที่ถูกอัพโหลดลงตอนประมาณหกเจ็ดชั่วโมงที่แล้ว

   “พี่ภัคโคตรแกร่ง กินข้าวมันไก่ดึก ๆ แล้วหุ่นยังผอมอ่ะ”

   “อืม” ครางรับสั้น ๆ แล้วเลื่อนหูฟังที่คล้องอยู่ที่คอมาครอบหู ไม่ได้เปิดเพลงหรอก แต่เป็นการตัดสิ่งรบกวนออกไป สตอรี่นั้นผมเห็นแล้ว ที่บอกว่านึกถึงใครสักคนนั่น ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่ามันคือผม

   ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ะ เขาน่าจะคิดถึงรักแรกของเขามากกว่า

   อ้าว ดึงดราม่าเฉยเลย

   เมื่อมาถึงโรงเรียนก็แยกกันกับน้องไปคนละทาง เรียน ๆ เล่น ๆ ไปตามเรื่องราว ช่วงที่มีเวลาพัก ผมต้องคอยหลบไม่ให้ไอ้เนตรสาระแนกับโทรศัพท์ตลอด อยู่ยากมาก แต่ก็ทำตัวเอง พิมพ์ข้อความตอบกลับไปเร็ว ๆ แล้วต้องรีบล็อกจอเอาไว้

   “ท่าทางมีความลับนะมึง”

   “ไร?”

   “คุยกับสาวที่ไหนวะ มาดูดิ๊!”

   “ก็แย่ละ”

   “มีความลับกับกูเหรอ ไอ้ห่า จำไว้ ๆ งอน!” ภูวเนตรสะบัดหน้างอนแล้วเดินหนีผมไปหาเพื่อนที่เตะบอลกันอยู่ที่ลานกิจกรรม ผมเบะปากกับความบ้าบอของมัน ไม่ใช่ว่าความลับหรอก แต่บอกตอนนี้ไม่ได้ รอไปก่อนแล้วกัน...

   ครืด
   12:34 ม า ย ด์ : จริงใจทานข้าวแล้วเหรอ เรายังไม่ได้กินเลยอ่ะ ฮือ
   12:34 J9 : อ้าว ทำไมล่ะ ไปหาอะไรทานสิครับ เดี๋ยวปวดท้องนะ
   12:34 ม า ย ด์ : ช่วยงานอาจารย์เพิ่งเสร็จค่า
   12:35 ม า ย ด์ : ท้องร้องแรงมากเลยจริงใจ TwT
   12:35 J9 : น่าสงสารเนอะ
   12:35 J9 : *รูปของกิน*
   12:36 ม า ย ด์ : กรี๊ดดดด โกรธมาก!!!
   12:36 ม า ย ด์ : บล็อก!!!!

   ผมคุยกับมายด์ต่ออีกนิดหน่อยแล้วเก็บโทรศัพท์เอาไว้แล้วเปิดเพลงฟัง ตั้งแต่วันที่ขอเบอร์ไป ผมก็คุยกับมายด์เยอะขึ้น เธอก็น่ารักดีนะ แอบรู้สึกผิดกับไอ้เนตรที่มาคุยอะไรแบบนี้กับแฟน แต่ก็ช่วยไม่ได้... แล้วบางที... การที่ผมดได้คุยกับคนอื่นบ้าง น่าจะทำให้ผมลืม ๆ ตัวหอมไปได้ง่ายหน่อย

   มีเรื่องอื่นให้คิดบ้าง จะได้ไม่ต้องคิดถึงแต่เขาคนเดียว




   [ ณภัค’s ]

   “ร้องไห้ทำไมครับ”

   “ป้าดีใจนี่คะ”


   ร่างบางคิ้วขมวดพร้อมกับพลิกตัวหนีเมื่อได้ยินเสียงรบกวน สักพักก็รู้สึกถึงสัมผัสที่หน้าผากจึงค่อย ๆ ปรือตาขึ้น พอเห็นว่าเป็นใครก็หลับตาลงและจมหลงสู่ห้วงนิทราได้อย่างไม่ยากเย็นเพราะมือหนาที่ลูบหัวกล่อมเบา ๆ

   ผมตื่นมาอีกครั้งเมื่อแสงตะวันสาดส่องเข้ามาแยงตา ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วนอนนิ่ง ๆ บนเตียง กลอกตามองรอบ ๆ ห้อง หันไปมองที่ประตูเมื่อมีเสียงเคาะ ไม่นานก็มีคนเข้ามา

   “ตื่นแล้วหรือคะคุณหนูของป้า?”

   ขยับตัวนั่งพิงกับหัวเตียงพร้อมกางแขนออก ป้านิดเดินเข้ามากอด ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นมาจากคนแก่

   “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะคุณหนู”

   ครับ... ผมกลับบ้าน

   เมื่อคืนหลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ขับรถไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาจอดที่หน้าบ้านแล้ว เพราะมีกุญแจที่ณภัทให้ไว้ผมจึงไม่ต้องเรียกให้คนมาเปิด ถ้าไม่มีไฟทางเดินให้พอมองเห็นผมจะวนรถกลับคอนโดไปแล้วเพราะมันดึกและมืดมาก แต่ถึงอย่างนั้น เพียงแค่ลงจากรถตัวผมก็สั่นทึม กว่าจะมาถึงห้องนอนของตัวเองได้ก็แทบแย่ เพราะบรรยากาศที่ทำให้นึกถึงเรื่องบางอย่างที่เคยเกิดขึ้น...

   “หิวไหมคะ?” พยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ “ไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวป้าลงไปเตรียมกับข้าวให้”

   ป้านิดลูบหัวผมพลางยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของคนแก่ขึ้นสีแดงช้ำและบวมเล็กน้อย ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปเยอะแค่ไหน ผมระบายยิ้มส่งไปให้ แค่นั้นป้านิดก็น้ำตาแตกอีกรอบ

   “ร้องไห้ทำไม?”

   “ป้าดีใจที่คุณหนูกลับบ้าน”

   “ถ้ากลับมาแล้วร้องไห้ จะไม่กลับแล้วนะ”

   “ไม่ร้องแล้วค่ะ ป้าไม่ร้อง” ป้านิดรีบเช็ดน้ำตา ผมเองก็ช่วยเช็ดออกให้ เธอส่งยิ้มมาก่อนไล่ผมไปอาบน้ำอีกครั้ง

   ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า แถมตอนเช้ายังโดนณภัทมากวนอีก ตื่นเกือบบ่ายถือว่าเก่งแล้ว ปกติถ้าดื่มแล้วนอนดึกด้วยผมตื่นอีกทีก็ตอนเย็นเลย ผมแต่งตัวด้วยชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวธรรมดา เสื้อผ้า ของใช้ทุกอย่างของผมยังอยู่เหมือนเดิม ข้าวของในห้องทุกอย่าง การจัดแต่งเองก็เหมือนกัน มันยังอยู่ที่เดิมเหมือนตอนที่ผมเคยอยู่บ้านหลังนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับป้านิดที่คอยดูแลให้

   แต่ต้องถามหน่อยว่าทำไมถึงได้ล็อกห้องผมไว้ ถ้าไม่มีกุญแจเมื่อคืนคงได้นอนหน้าห้องแน่

   ผมเดินช้า ๆ เพื่อมองสำรวจรอบบ้าน บ้านเหรอ ไม่ได้กลับมานานขนาดไหนแล้วยังจำไม่ได้เลย บรรยากาศเปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ ความอบอุ่นแทบไม่เหลือ

   “คุณหนูนั่งเลยค่ะ เดี๋ยวป้ายกข้าวมาให้นะคะ” ผมนั่งลงที่โต๊ะทานข้าว โต๊ะใหญ่มากแต่กลับนั่งทานอยู่คนเดียว ไม่นานป้านิดก็ยกอาหารมาให้ ทุกอย่างล้วนเป็นของโปรดผมทั้งนั้น

   “ขอบคุณครับ”

   “ทานเยอะ ๆ นะคะ”

   “อืม...”

   “เป็นยังไงบ้างคะ?” ป้านิดถามหลังจากผมตักข้าวคำแรกเข้าปาก พยักหน้าให้กับเธอแล้วกลับมาทานข้าวต่อ ฝีมือการทำอาหารของป้านิดยังอร่อยเหมือนเดิม จากการรู้จักกับเด็กปีศาจทำให้การกินของผมเลเวลอัพขึ้นมาจนสามารถทานอาหารได้หมดเกลี้ยง ไม่รู้ว่าอยู่กับตัวเองนานเกินไปหรือเปล่า เมื่อเงยหน้าขึ้นถึงกับตกใจเพราะมีหลายคนที่มาแอบมองผมอยู่

   คิ้วขมวดเข้าหากันพลางไล่สายตามองเหล่าเมดที่ทั้งอายุมากและน้อย แต่หลาย ๆ คนผมก็คุ้นหน้าทั้งนั้น

   “มีอะไรกัน?”

   “เจ้าพวกนี้อยากมาดูคุณหนูน่ะค่ะ”

   “ผมไม่ใช่ของแปลก”

   “โธ่ คุณหนูไม่กลับบ้านเสียนาน พอกลับมาพวกเราเลยอยากมาเจอค่ะ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น ผมเม้มริมฝีปาก ไม่คิดว่าจะมีคนรอผมด้วยแฮะ...

   “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”

   ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะไม่ได้อยากกลับมา แต่การที่มีใครพูดด้วยแบบนี้มันทำให้รู้สึกปั่นป่วนในอกพิกล ระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคนเหล่านั้นส่งยิ้มกลับมาให้

   “มายืนทำอะไรกันตรงนี้” รอยยิ้มผมหายไปหลังจากเสียงของคนที่ไม่ต้องการได้ยินดังมา กลอกตาขึ้นฟ้าแล้วดึงหน้านิ่ง คนมาใหม่ดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่ หึ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี

   “มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

   “ผมอิ่มแล้วเก็บโต๊ะเลย” ผมบอกแล้วลุกขึ้น จงใจเมินไม่ตอบคำถาม “ป้านิดครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

   “ค่ะคุณหนู”

   “ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ?” แขนของผมถูกจับเอาไว้ ผมปรายตามองมือนั้นแล้วมองหน้าคนพูด สะบัดแขนออกให้รู้ว่ารังเกียจ ผมไม่ตอบอะไรกลับเหมือนเดิมแล้วเดินออกจากห้องอาหารโดยมีป้านิดตามมา ส่วนเมดคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่

   “คุณหนูมีเรื่องอะไรหรือคะ?” ป้านิดถามเมื่อเรามาถึงห้องนอนของผม

   “ทำไมต้องล็อกห้องของผม?”

   “เพิ่งจะมาล็อกไม่นานหรอกค่ะ คุณเลย์เธอชอบเข้ามาในห้องของคุณหนูแล้วเอาของของคุณหนูไปใช้บ้าง ทั้งที่คุณภัทก็ห้ามอยู่หลายครั้งว่าไม่ให้เข้ามาในนี้แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง จนคุณภัทสั่งให้ล็อกห้องคุณหนูไว้ค่ะ”

   เสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ผมแทบห้ามตัวเองไม่ให้ไปเขย่าคอไอ้เวรนั่นไม่ได้ ให้ตายเถอะ นอกจากมาอาศัยบ้านเขาอยู่แล้วยังจะเป็นขโมยอีกหรือไง เงินก็มีหรือเปล่าอยากได้ทำไมไม่ซื้อใช้เองเล่า น่าหงุดหงิดเป็นบ้าเลย!

   “มันเอาอะไรไปบ้าง?”

   “เธอเอามาคืนทุกอย่างแล้วค่ะ เพราะคุณภัทสั่ง”

   “เอาของที่มันเคยใช้ออกมาให้หมดแล้วไปตามคนอื่น ๆ ขึ้นมาครับ”

   “คุณหนูจะทำอะไรคะ?” ผมยังไม่ตอบ ป้านิดเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เมื่อของทุกอย่างมาวางรวมกันแล้วก็มากกว่าสิบชิ้นหากรวมกับเสื้อผ้าด้วย

   ให้ตายเถอะ แม้แต่เสื้อผ้าผมมันยังเอาไปใส่ด้วยงั้นเหรอ! และเสื้อผ้าบางตัวผมก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ (ได้รู้จากป้านิดมาอีกว่าณภัทซื้อมาให้แต่ผมไม่เคยได้ใช้เพราะไม่ได้กลับบ้าน)

   “อยากได้อันไหนก็เลือกเอา” เมดห้าหกคนเบิกตาโต มองหน้ากันเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด

   “คุณหนูคะ...”

   “ผมไม่มีทางใช้ของที่ไอ้งูพิษนั่นมันเอาไปใช้หรอก ถ้าไม่เอาก็เอาไปทิ้งให้หมด”

   “คุณหนูจะให้พวกเราจริง ๆ เหรอคะ!?”

   “อืม”

   “ขอบคุณนะคะคุณหนู พวกเราจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ”

   “แล้วแต่เถอะ มันเป็นของพวกเธอแล้ว จะใช้ยังไงก็เรื่องของพวกเธอ” ผมพูดเรียบ ๆ ก่อนเดินผ่านไปหยิบกระเป๋าที่ถือมาด้วยเมื่อวานมา และเดินไปที่ประตู มือยังไม่ทันได้แตะด้ามจับเสียงป้านิดก็ดังมาก่อน

   “คุณหนูจะไปไหนหรือคะ?”

   “ผมจะกลับคอนโด”

   “ตอนนี้เลยเหรอคะ อยู่ก่อนไม่ได้หรือคะคุณหนู นาน ๆ จะกลับมาที ป้ายังไม่หายคิดถึงเลย” ผมหลับตาถอนหายใจเฮือก แค่ป้านิดคนเดียวก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้วยังมีเมดที่อยู่ในห้องพยักหน้าเห็นด้วยและส่งสายตาขอร้องมาอีก

   “อยู่รอเจอคุณท่านก่อนเถอะนะคะ”

   “จะไม่อยู่ก็เพราะแบบนี้แหละ”

   “โธ่ คุณหนูของป้า ถ้าอย่างนั้นรอคุณภัทนะคะ วันนี้คุณภัทแทบจะไม่ไปทำงานเพราะจะรอคุณหนูตื่นเลย แต่ดันมีประชุมด่วนเข้ามาเสียก่อนจึงทิ้งไม่ได้ เธอกำชับหลายครั้งเลยค่ะว่าให้ป้าพูดให้คุณหนูอยู่รอเธอให้ได้ อยู่ต่ออีกนิดนะคะ”

   “.......”

   “คุณภัทดีใจมากนะคะที่คุณหนูกลับมา อย่าทำให้เธอต้องผิดหวังหากกลับบ้านมาแล้วไม่เจอคุณหนูเลยนะคะ”

   “เหอะ พูดขนาดนี้ถ้าผมกลับคงเป็นคนใจร้ายมากใช่ไหม?”

   “ไม่หรอกค่ะ คุณหนูของป้าน่ารักจะตาย ใช่ไหมพวกแก?” เออ ดี มีการหาพวกด้วย

   “ใช่ค่า!! คุณหนูอยู่ต่อนะคะ พวกเราอยากมองคุณหนูนาน ๆ”

   “อือ! ก็ได้!”

   “เย้!!”

   ให้ตายเหอะ นี่มันเป็นเรื่องน่ารำคาญที่ทำให้ผมยิ้มออกมาเฉยเลย

   “ผมจะไปข้างล่างไม่ได้กลับคอนโด!” ชิงตะโกนบอกไปก่อนป้านิดและเหล่าเมดจะเอ่ยปาก ผมโยนกระเป๋าไปไว้บนเตียง ถือแค่โทรศัพท์ออกมาด้วย

   ก็ว่าทำไมมันเงียบนัก เพราะแบตเตอร์รี่หมดนี่เอง กลับไปเอากุญแจรถเพื่อที่จะไปหาแบตเตอร์รี่สำรองที่ทิ้งเอาไว้ เมื่อเปิดเครื่องก็มีแจ้งเตือนหลายอย่างจากใครหลายคนเด้งเข้ามาจนน่ารำคาญ แต่ที่น่ารำคาญมาก ๆ เลยก็คือมันไม่มีการแจ้งเตือนจากไอ้เด็กวอแวบอยเลยสักอย่าง!

   รู้ว่าไปโรงเรียนแต่เวลาว่างก็มีหรือเปล่า ทำไมแค่ตอบข้อความผมมันสาหัสมากหรือไง เล่นตัวเหรอไอ้เด็กเวร ไม่สนใจฉันใช่ไหม ได้! ก็เองก็จะไม่สนใจนายเหมือนกัน!

   14:35 np : แค่ตอบข้อความมันจะตายหรือไง!
   14:35 np : อินเทอร์เน็ตหมดเหรอ หรือมีโทรศัพท์เอาไว้ทับกระดาษ!
   14:35 np : สหาทกใสหวกมดวหสว








--------------------------
/ยิ้มแห้ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-04-2017 20:21:54
ต้องแบบนี้สิจริงใจพี่ชอบ. ทำดีมากค่ะลูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2017 20:23:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 08-04-2017 20:31:21
ดีแล้วจริงใจพักบ้างอะไรบ้าง นางยังอยากเอาคนชื่อคิงอยู่ขืนใจอ่อนตอนนี้มีแต่เจ็บกับเจ็บ อยากเห็นนภัคดิ้น กับพี่เพลิงฟ้าก็ดีนะ(ขออนุญาตน้าเจ้าด้วย555)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-04-2017 20:36:04
ตัดสินใจกับความรู้สึกตัวเองก่อนเถอะณภัค
ไม่ใช่ให้จริงใจวิ่งตามเธอ พอรักแรกเธอกลับมาเธอก็จะทิ้งเค้าไป  :katai1:นิสัยไม่ดีเลยนะยะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 08-04-2017 20:51:01
ทำไมฉันร้องไห้

555665
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2017 20:53:03
ทีใครทีมัน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 08-04-2017 21:05:02
ภัครู้สึกตื่นตัวมากขึ้นนั่นถือว่าดีมากกกกกกสำหรับภัคแล้วนะ
แต่วอแวบอยจ๊ะ ถ้าหนูยังเป็นคนช่างแม่ง ไม่อะไรแบบนี้ต่อไป หนูจะไม่น่ารักนะคะ และการคุยกับมาย... เดี๋ยวก่อนจ้า นั่นแฟนเพื่อน ต่อให้นางอ่อย นางก็คือแฟนเพื่อนไหมอ่ะ
เราว่าจุดนี้ จริงใจนั่นแหละที่ทำให้เรื่องแย่มากกว่าภัค เราไม่โอเคกับสิ่งที่จริงใจทำอ่ะ เราเป็นเนตรเราจะโกรธมากนะ ต่อให้รู้นิสัยแฟนตัวเองก็เถอะ - -*
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-04-2017 21:29:27
เพลีย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 08-04-2017 21:29:58
ทีมจริงใจ เราว่าเรื่อง มาย จริงใจมีเหตุผล เราเชื่อใจเขา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-04-2017 21:51:28
วอแวบอย ไม่ตามวอแวภัค ภัค ก็ตื่นตัว ร้อนรนและ
ที่จริงใจ คุยกับมายด์
เพราะจะให้เพื่อนเห็นชัดๆว่ามายด์เป็นคนอย่างไรสินะ
ภีม ทำตัวทุเรศ เสื่อม พอกับแตม ที่ชอบยั่วจริงใจ
เลย์ ลูกแม่เลี้ยง แม่ยึดพ่อมาได้
เลยอยากยึดข้าวของๆภัคบ้าง โลภทั้งแม่ทั้งลูก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 08-04-2017 21:56:40
ชูป้ายไฟเชียร์จริงใจค่าาา เอาให้ตัวหอมหัวหมุนบ้าง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-04-2017 22:33:39
คนิารมณ์ร้อนแบบภัคต้องเจอแบบจริงใจ  กดดันไปเรื่อยๆ เอาให้ทนไม่ไหวจนต้องตามไปถึงที่เลยยิ่งดี 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 08-04-2017 22:38:38
ภัคก็มีเหตุผลของภัคนะ ที่อ่านๆมาแล้วรู้สึกจริงใจจีบภัคจริงๆหรือล้อเล่นก็ไม่รู้ดูจากคำพูดและการกระทำนางบางทีเหมือนสนใจแต่บางทีก็ช่างแม่งคือคนโดนจีบอ่ะเขารู้สึกไม่แน่นอนกับอารมณ์เธอนะจริงใจ แล้วยิ่งคนมีแผลในใจแบบภัคแล้วยิ่งเชื่อคนยากนางเริ่มให้ขนาดนี้ก็ถือว่านางก็แคร์จริงใจเหมือนกันนะ แต่กรณีแฟนเก่าอ่ะ เขาจากกันด้วยดีมั้ง พอนึกถึงคนที่เคยดีกับเรามาแม้จะป็นอดีตแล้วแต่ได้ยินหรือนึกถึงมันก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ ส่วนจริงใจค่ะเราเชื่อว่านายจะไม่ทิ้งภัคเหมือนคนอื่นๆใช่มั้ย นางน่าสงสารนะ พักได้แต่ห้ามท้อนะสู้ต่อไปไม่มีใครเหมาะกับภัคเท่านายแล้วนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-04-2017 23:03:05
ดูไปดูมาก็เล่นๆ กันทั้งคู่ อืมมมมมม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-04-2017 23:07:01
ปวดหัวเลย  :mew5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2017 23:10:11
55555 ใครตอบก่อนแพ้หรอจริงใจ ตัวหอมของขึ้นละนะ พร้อมเหวี่ยงแล้วด้วย

จริงใจก็อค่อยากรู้อะเนาะ แล้วดันมาได้ยินแบบนั้นอีก ไม่แปลกที่จะอาการหนัก
แต่ที่หนักกว่า ก็ตัวหอมนี่แหละ อย่าถึงขั้นบุกไปหานะ

จริงใจคุยกับแฟนเนตรทำไม จะทำอะไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-04-2017 23:23:48
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 09-04-2017 00:14:30
เป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวย เพราะทั้งสองฝ่ายต่างสับสนในตัวเอง

จริงใจก็เด็ก คิดว่าตัวเองคูล เจ๋ง โลกหมุนรอบตัวเอง

ตัวหอมก็เด็กมีปม จึงแสดงความรู้สึกออกมาอย่างประดักประเดิด

เราเลยอยากให้จริงใจกับณภัคไม่สมหวังในตอนนี้ แล้วมาเจอกันอีกทีตอนจริงใจโตแล้วอ่ะ จะได้พิสูจน์ว่าที่ผ่านมาคือรักหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 09-04-2017 02:30:10
คนนึงจริงจังแต่ก็ไม่จริงใจ อีกคนก็จริงใจไม่จริงจังช่างแม่งทุกเรื่อง แย่มากทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-04-2017 06:49:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 09-04-2017 09:22:35
 :katai4: :katai4: :katai4: อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-04-2017 12:02:17
ค่อยดูว่าใครจะหมดความอดทนก่อน
เกมส์นี้ใครทนไม่ไหวก่อนแพ้ใช่ม่ะ 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2017 16:33:33
30ตอนแล้วน้า~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 09-04-2017 17:39:32
ได้เวลาวอแวบอยเอาคืนแล้ววววว หึหึ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 09-04-2017 23:22:04
พอกันทั้งคู่ ไม่มีความแน่นอนจริงจังกันสักคน
ทั้งตัวหอมทั้งวอแวบอยอ่านแล้วเพลียแทน
นี่แววว่าเรื่องยุ่งๆจากคนรอบข้างสองคนจะเข้ามาอีกเยอะ
ทั้งสองฝั่งเลยแล้วยิ่งไม่มีความแน่นอนทั้งสองฝ่าย
ไม่อยากคิดอ่ะว่ามันจะก็แย่ล่ะขนาดไหน เหอๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 30 ผมกับความประสาทเสีย | 8-4-60 | P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 10-04-2017 11:54:25
สงสัยเพราะเราทีมจริงใจ เราเลยรู้สึกเชื่อใจจริงใจในประเด็นมายด์ แต่ก็แอบรำเพื่อนแบบเนตรนะ คือรู้อยู่แก่ใจแต่เตือนยังไงก็ไม่ฟังเนี่ย (คนเตือนนี่ทั้งเอือมทั้งท้อ จะช่างแม่งก็ทำได้ไม่สุดเพราะนั่นก็เพื่อนเรา เฮ้อ​ออ//อินสุด เราเคยเจอ เราเข้าใจจริงใจนะประเด็นนี้) ส่วนประเด็นตัวหอมนี่ดีละ เว้นระยะสักหน่อย ตัวหอมจะได้ทบทวนตัวเองเยอะๆ คนถูกตามแบบภัคอาจจะโอเคกับสถานะปัจจุบัน แต่ฝ่ายตามที่ตามแบบไม่รู้จะจบลงยังไงแถมมีเหตุการณ์มาบั่นทอนกำลังใจเป็นระยะๆเป็นนี่นี่ก็ท้อจ้า ส่วนภัคถ้ากังวลเรื่องครอบครัวน้อง ก็ลุกมาพิสูจน์สิว่าตัวเองไม่ได้เป็นงั้น ถ้าเคยเป็นก็แสดงให้เห็นไปเลยว่าตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ภัคไม่เคยลุกมาอธิบายประเด็นนี้เลยมัวแต่ช่างแม่ง กับคนบางประเภทเนี่ยก็ช่างแม่งได้ แต่กับคนบางกลุ่ม เช่นครอบครัวของคนรักเนี่ย เราก็ควรลุกมาพูดลุกมาพิสูจน์ ไม่ควรช่างแม่งข่า
ป.ล. เราว่าจริงใจนี่ค่อนข้างชัดเจนต่อภัคมากเลยนะ ขนาดนางติสต์แตกขนาดนั้นแต่นางยังยอมพูดหรือยอมภัคในหลายๆครั้งเลย
ป.ล.2 อินสุดๆ อินมากๆไม่ได้อินอย่างนี้นานแล้ว ขอบคุณคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 14-04-2017 21:00:13
ความที่ 31
ผมกับใจพัง ๆ






   หงุดหงิดกับเด็กปีศาจไม่พอยังต้องมาหงุดหงิดกับสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไรในโลกอย่างพวกงูพิษนี่ด้วยงั้นเหรอ ผมมองคนที่เข้ามายืนกอดอกอยู่ข้างหน้าอย่างเอาเรื่อง เพราะผมยังนั่งอยู่ในรถแต่ไม่ได้ปิดประตู งูมันถึงเลื้อยเข้ามาได้ เอื้อมมือจะไปปิดประตูรถ แต่โดนมันดึงเอาไว้ก่อน

   ทำไมผมถึงมาเจอแต่สิ่งน่ารำคาญด้วยนะ

   “จะไปไหน?”

   “ยุ่ง!”

   “ถ้าไม่ไปไหนยืมรถหน่อยดิ จะไปหาเพื่อน”

   “ก็แย่ละ”

   “หืม?”

   “จิ๊! บอกว่าอย่ามายุ่ง!!”

   “อะไรกัน ขอแค่ยืมรถแค่นี้ให้ไม่ได้เหรอ?”

   “รถนายก็มีป่ะ! เป็นขอทานเหรอต้องมาขอคนอื่นเขาแบบนี้”

   “มากไปแล้วนะ”

   “เหอะ!” ผมไม่สนใจมันอีก พอกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นละอองมันก็หัวเสียเดินฟึดฟัดออกไป ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ผมนี่แหละที่ต้องหัวเสีย คนบ้าอะไรมาขอของคนอื่นแบบหน้าด้าน ๆ ทั้งที่ของตัวเองก็มี ทำไม หรือเพราะของที่มีเจ้าของอยู่แล้วมันน่าสนใจมากกว่า

   ชอบแย่งของของคนอื่นทั้งแม่ทั้งลูก

   น่าขยะแขยง!

   กริ๊ง!

   เสียงแจ้งเตือนดังมาทำให้ผมเลิกสนใจไอ้เวรนั่น

   15:04 J9 : เป็นบ้าเหรอ?
   15:04 np : เออ

   ผมเม้มปากแน่นระหว่างรอข้อความตอบกลับ หัวใจยิ่งเต้นแรงเมื่อเห็นว่ามันขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ผ่านไปเกือบจะห้านาทีก็ไม่มีอะไรกลับมา มันจะมากไปแล้วนะ!!!

   กดออกจากแอพพลิเคชั่นสนทนาแล้วเข้าไปยังรายชื่อผู้ติดต่อ ผมเลื่อนหาแล้วไปหยุดที่หมวด W

   Dialling... wowae boy

   รอสายไม่นาน เสียงสัญญาณดังไม่ถึงสามครั้งก็เงียบไป ไม่ใช่เพราะปลายทางรับสาย แต่มันตัดสายต่างหากเล่า!! ผมมองโทรศัพท์ที่ขึ้น Call ended แล้วตบตีกับตัวเอง ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ขัดใจไปหมดแบบนี้!!!!

   กลับขึ้นไปบนห้อง ไล่ตอบข้อความที่มีคนส่งมา แม้จะขี้เกียจก็เถอะ แถมปล่อยไว้ยังมีตัวเลขแจ้งเตือนให้รำคาญอีก จะอ่านไม่ตอบก็ไม่ได้ น่าเบื่อ เนื่องจากวันนี้ผมไม่ได้ไปเรียน จึงต้องตามงานจากแชทกลุ่ม แต่ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่เลยต้องส่งข้อความไปหาเบลล์ ข้อดีของเธอคือตรงนี้แหละ เพื่อนที่คณะผมไม่มีหรอก ใครจะอยากเป็นเพื่อนกับณภัคล่ะ ณภัคนะ ณภัคไง ณภัคที่มีแต่ข่าวฉาวและเรื่องเสียหาย หึ เวลาที่คนพวกนั้นเรียกชื่อผมมันไม่ได้หมายถึงชื่อของผมหรอก มันเหมือนเป็นชื่อเรียกของคนประเภทหนึ่ง เช่น ง่าย? อธิบายให้เข้าใจหน่อยก็คงประมาณว่า อย่ามาทำตัวณภัคได้ป่ะ!? แปลก็คืออย่าทำตัวง่ายนั่นแหละ

   ไร้สาระสิ้นดี


   ปัง!

   หันไปต้นเหตุของเสียงด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนมันค่อย ๆ เจือไปด้วยความเกลียดชังเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนที่ทำอะไรไร้มารยาทแบบนี้ ผมก้าวลงจากเตียงแล้วเผชิญหน้ากับพวกมัน

   “น้องภัคจะกลับบ้านทำไมไม่บอกก่อนล่ะจ๊ะ แม่จะได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับ” ผู้หญิงแพศยาคนนั้นพูดเสียงหวานที่เล่นเอาผมแทบขย้อนอาหารที่ทานไปออกมา

   “ออกไป”

   “อย่าไล่แม่แบบนี้สิจ๊ะ แม่รีบกลับจากทำงานเพื่อมาเจอลูกเลยนะ”

   “ไม่ใช่ว่ารีบกลับมาเพราะมีตัวอะไรไปฟ้องเหรอ?” ผมเหยียดยิ้มเมื่อคนพวกนั้นฉายสีหน้าไม่พอใจ ที่รีบมานี่ก็เพราะลูกมันไปฟ้องนั่นแหละ เหอะ! นอกจากไม่มีสมองแล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อยากได้ของของคนอื่น พอเจ้าของไม่ให้ก็วิ่งไปฟ้องแม่ คนเรานี่น่าสมเพชจังเลยน้า...

   “รีบกลับเพราะอยากเจอภัคต่างหากล่ะจ้ะ”

   “จะตอแหลก็ทำให้มันน่าเชื่อกว่านี้หน่อย เขาไม่อยู่ไม่ต้องเสแสร้งหรอกนะ”

   “เด็กเวร...”

   “เป็นตัวของตัวแล้วมันไม่อึดอัดใช่ไหมล่ะ? ควรจะทำตั้งนานแล้วนะ หึ” สองแม่ลูกนั่นกำมือแน่นมองหน้าผมอย่างเครียดแค้น ผมแสยะยิ้มแล้วหลุบสายตามองเหยียด คนพวกนี้มันก็แค่สิ่งไร้ค่าในสายตาของผมนั่นแหละ

   “หึ เพราะทำตัวแบบนี้ไงพี่ภพถึงได้เฉดหัวแกออกจากบ้าน”

   “ไม่ใช่เพราะพวกแกคอยเสี้ยมเหรอ”

   “ปากดีไปเถอะเดี๋ยวก็ได้ไปอยู่กับแม่ของแก!”

   เพล้ง!!!

   ผมปาแจกันที่วางอยู่ที่โต๊ะใกล้ ๆ เฉียดหัวสองแม่ลูกนั่นไปกระทบกับกำแพงด้านหลังตั้งแต่มันยังพูดไม่ทันจบประโยคดี พวกมันร้องตกใจแล้วผงะกันไปคนละทาง ผมกำหมัดแน่น มองพวกมันสายตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยโทสะ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ถ้าพูดถึงแม่ผมผมไม่มีทางยอม

   “แก ไอ้เด็กนิสัยเสีย ไม่มีมารยาท!”

   “มารยาทของฉันไม่ได้มีไว้ใช้กับสิ่งมีชีวิตอย่างพวกแก! ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้!!”

   “ปากเก่งไปเถอะ พี่ภพกลับมาแกแย่แน่”

   “จะคอยดู” เมื่อพูดจบผมก็เดินผ่านพวกมันออกไป เจอแม่บ้านยืนอยู่หน้าห้องสองสามคน เมื่อผมปรายตามองคนพวกนั้นก็รีบหลบ ดูจากอาการก็รู้แล้วว่าเป็นพวกของงูพิษนั่น

   “เกิดอะไรขึ้นคะคุณผู้หญิง” ผมแค่นเสียงในลำคอเมื่อได้ยินสรรพนามที่แม่บ้านนั้นเอ่ยออกมา งูพิษสองแม่ลูกมองผมตาแข็งผมเองก็มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว

   “แกดูลูกฉันสิ แม่อุตส่าห์เข้าไปหาถึงห้องแต่กลับทำร้ายกันถึงเลือดตกยางออก”

   “ไปทำแผลกันเถอะค่ะคุณผู้หญิง”

   พอกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง ประสาท!

   แจกันที่ผมปาไปมันไม่โดนส่วนไหนของร่างกายเลยด้วยซ้ำ แล้วเลือดที่หลังมือนั่นมาจากไหน ห่างไกลองศาที่ผมปาคนละซีกโลก อย่าบอกว่าไปเอาเศษแจกันมากรีดเองน่ะ ทุ่มทุนสร้างเกินเบอร์ จะเอาไว้ออเซาะเขาหรือไง น่ารำคาญชะมัด

   “คุณหนูคะ”

   “ให้คนเข้าไปทำความสะอาดห้องผมด้วย” ผมบอกป้านิดที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามา ไม่อยู่ให้ถามผมก็เดินหนีไปทางอื่น เนื่องจากงูพิษพวกนั้นลงไปที่ชั้นล่างแล้ว และผมไม่มีทางไปในที่ที่มีพวกนั้นอยู่


   ผมเปิดประตูห้องห้องหนึ่งเข้าไปซึ่งมีเจ้าของคือณภัท กลิ่นเย็น ๆ สมกับบุคลิกเจ้าของห้องปะทะเข้าจมูก ตาเรียวมองสำรวจรอบห้อง และหยุดไว้ที่กรอบรูปสามอันบนโต๊ะ รูปแรกเป็นรูปตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กประถมโดยมีเขาอุ้มอยู่บนแขนและข้าง ๆ นั้นคือแม่ที่ยิ้มกว้างและกอดคอณภัท รูปถัดไปเป็นรูปผม แม่และณภัทถ่ายด้วยกันสามคน สถานที่น่าจะเป็นคอกม้า และรูปสุดท้ายคือรูปคู่ของผมกับเจ้าของห้อง

   ไอ้บ้าเอ๊ย!

   ผมสบถอยู่ในใจ อารมณ์ครุ่นมัวจากมองแม่ลูกมหาภัยคล้ายจะเบาลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของณภัท ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง จริง ๆ แล้วณภัทไม่ได้มีความผิดอะไรเลยด้วยซ้ำแต่ผมก็พาลโกรธไปด้วย หรือผมควรจะปรับความรู้สึกของตัวเองใหม่ดี....


   มือบางพยายามปัดสิ่งที่ก่อกวนออก คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของใครสักคน เมื่อหลับอีกครั้งไม่ได้แล้วจึงลืมตาขึ้น

   “เด็กขี้เซา แอบเข้าห้องพี่ก็ไม่บอกกัน นึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก”

   “กลับแล้วจะทำไม”

   “พี่ก็จะเสียใจไง”

   “เหอะ!” ผมปัดมือหนาที่ลูบหัวออก หันหน้าหนีรอยยิ้มอ่อนโยนของเจ้าของห้อง

   “ทำไมถึงมาห้องพี่ล่ะ?”

   “มาไม่ได้หรือไง”

   “ได้สิ พี่แค่อยากรู้”

   “ก็ห้องมันสกปรกเลยต้องทำความสะอาด”

   “ขนาดนั้น?” ถามแบบนี้คงมีคนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้แล้วแน่

   “อือ แค่พวกนั้นเฉียดตัวไปที่ไหน ตรงนั้นมันก็กลายเป็นสถานที่ไม่ไปควรไปทั้งนั้นแหละ”

   “เจ้าคิดเจ้าแค้น”

   ผมมองณภัทตาขวาง ว่าแต่ผมกลับไม่ดูตัวเอง ทั้งที่เขาก็ไม่สามารถมองคนพวกนั้นในแง่ดีได้ ทั้งที่เขาก็ไม่สามารถให้อภัยพวกนั้นได้เหมือนผม

   “เจ็บตัวหรือเปล่า?” ผมสั่นหัวเป็นคำตอบ เมื่อณภัทจงใจเปลี่ยนเรื่อง ผมจะปล่อย ๆ มันไปก็ได้ “ดีแล้ว ลุกไปล้างหน้าเถอะ จะหกโมงเย็นแล้ว”

   หือ ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาโทรศัพท์ก่อนไปเจอมันวางอยู่ที่โต๊ะ จำได้ว่าไม่ได้เอาไปวางตรงนั้นนี่หว่า ผมกดหน้าจอดู ก็ยังไม่มีการตอบกลับจากวอแวบอย... ผมไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือไง ทำไมต้องเมินด้วยวะ

   “มีอะไรเหรอ?”

   “เปล่า!” เผลอกระแทกเสียงไปเพราะกำลังหงุดหงิด ผมกัดริมฝีปากตัวเองและเหลือบมองณภัท คนอายุมากกว่านิ่งไปก่อนจะยิ้มออกมา

   “ได้คุยกับคิงหรือเปล่าครับ ได้ยินว่าจะกลับมาแล้ว” ชะงักมือที่กำลังพิมพ์ข้อความไปโวยวายกับพีทเรื่องที่โดนเมินแบบไม่ทราบสาเหตุ

   พี่คิงเหรอ... คุยหรือเปล่า ผมเห็นแค่อีเมลฉบับนั้น ผมไม่ได้ตอบกลับเพราะไม่รู้จะตอบอะไร

   “หึ” ผมสั่นหัวประกอบด้วย

   “ไม่ได้คุยกันเลยเหรอ?”

   “คุยช่วงแรกที่ไปจากนั้นก็ไม่ได้คุย เพิ่งมีอีเมลมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ไม่ได้ตอบกลับ”

   “อือฮึ ภัคไปล้างหน้าเถอะ ลงไปข้างล่างกัน”

   ผมยืนนิ่งเมื่อมาถึงบันไดชั้นสุดท้าย สายตาจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ชนิดหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้ามาหาณภัท คนอายุมากกว่าย่อตัวลงและรับเด็กคนนั้นขึ้นไปอุ้มก่อนหอมแก้มยุ้ยไปฟอดใหญ่ ผมหอบหายใจแรง ก้าวถอยไปด้านหลังขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่สองคนนั้น ลมหายใจสะดุดไปเมื่อเด็กที่ณภัทอุ้มอยู่หันมาสบตาผมเข้าพอดี

   “น้องพิชญ์สวัสดีพี่ภัคหรือยัง?”

   “สวัสดีคับ” เด็กนั่นยกมือไหว้ผมแม้จะงงว่าผมเป็นใคร

   “อยากอุ้มน้องไหม?”

   “ไม่” ผมตอบเสียงแข็ง เด็กที่ณภัทอุ้มอยู่เอียงหน้ามอง ผมเบียนหน้าไปทางอื่น ได้ยินเสียงณภัทถอนหายใจออกมา

   “ไปที่ห้องนั่งเล่นกัน”

   เดินตามคนตัวสูงไป เมื่อมาที่ห้องนั่งเล่นผมก็ยืนนิ่ง เหลือกตาขึ้นมองฟ้า พ่นลมหายใจออกแรง ๆ เพราะตรงนั้นมีคนที่ผมเกลียดอยู่ด้วย ณภัทก็ทำหน้าเซ็ง คนพวกนั้นเมื่อเห็นเราก็แสร้งยิ้มหวาน น่าขยะแขยงเป็นบ้า

   “น้องพิชญ์มาหาแม่สิลูก” เด็กที่ณภัทอุ้มอยู่งอแงไม่น้อยเมื่อโดนเรียกแต่ก็วิ่งเข้าไปหา ผู้หญิงคนนั้นช้อนตัวเด็กวัยอนุบาลขึ้นไปนั่งตักและกอดหอมด้วยท่าทางรักใคร่ ผมมองแล้วจะอ้วก

   “ป้านิดอยู่ไหน?”

   “เอ่อ... อยู่ในครัวค่ะ” หลังจากได้คำตอบผมก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที เข้าไปเจอป้านิดกำลังทำอาหาร พวกแม่บ้านที่อยู่ในนั้นมองมาที่ผมเกร็ง ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

   “มีอะไรหรือคะคุณหนู?”

   “เบื่อ”

   “เป็นงั้นไป มาลองทำอาหารไหมคะ?”

   “ไม่เอาอ่ะ ภัคกลับดีไหมป้านิด”

   “ไม่ดีค่ะ อยู่ทานมื้อเย็นก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคุณผู้ชายก็กลับมาแล้วค่ะ”

   “นั่นแหละจะทำให้ทานไม่ลง”

   “ไม่พูดแบบนั้นสิคะ” ป้านิดดุพร้อมกับตีแขนของผมเบา ๆ ผมมุ่ยหน้า กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย กินข้าวกับณภัทยังพอไหว แต่ถ้าต้องร่วมโต๊ะกับคนพวกนั้นผมต้องทานอะไรไม่ลงและต้องอาเจียนออกมาแน่น แค่คิดก็เหมือนของทุกอย่างจะตีขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ

   “ไปนั่งเล่นในสวนไหมคะ?” ป้าคงจะเห็นท่าทางของผมถึงได้เอ่ยชวน พยักหน้ารับส่ง ๆ ป้านิดหันไปสั่งแม่บ้านให้ดูแลเรื่องอาหารแล้วจูงมือผมออกไปที่สวนของบ้าน


   “ของพวกนั้น...”

   “ของเล่นคุณหนูพิชญ์ค่ะ คุณผู้ชายท่านสั่งมาไว้”

   ผมแค่นหัวเราะ เพิ่งได้สังเกตว่าบริเวณสนามหญ้าตรงนี้มีของเล่นเด็กอยู่เยอะแยะราวกับเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อม

   “ครอบครัวอบอุ่นไปอีก”

   “จริง ๆ แล้วคุณหนูพิชญ์น่าสงสารนะคะ คุณลินเธอไม่ค่อยสนใจดูแลสักเท่าไหร่” ผมเบะปากขณะฟังป้านิดเล่า จากที่จับใจความได้คือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักสนุก ไม่ค่อยอยู่บ้าน ชอบออกไปผลาญเงินข้างนอกและทิ้งขวางลูกให้พี่เลี้ยงดูแล แต่เด็กคนนั้นก็ท่าทางไม่ได้ขาดความอบอุ่นอะไร ออกจะได้รับความรักมากมาย ทั้งจากเขา ณภัท ป้านิด และแม่บ้านคนอื่น ๆ อีก ครอบครัวก็สมบูรณ์แบบ มีพ่อแม่ครบทุกคน มีอะไรน่าสงสารกัน

   “ไม่เห็นน่าสงสารตรงไหนเลย”

   “เพราะคุณหนูมีอคติไงคะ”

   “เหอะ”

   “ป้าอยากให้คุณหนูเปิดใจนะคะ อย่างน้อยคุณหนูพิชญ์ก็เป็นน้องชายของคุณหนู” มือของผมกำเข้าหากัน น้องชายเหรอ? ผมไม่มีน้อง ผมเป็นลูกคนเล็ก เด็กนั่นไม่ใช่น้องผม และผมไม่คิดจะนับเอาสายเลือดชั่ว ๆ นั่นมาเป็นครอบครัวด้วย

   “ขนลุกจะแย่”

   “คุณหนู...” ป้านิดเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ป้ารู้ค่ะว่าคุณหนูเกลียดคุณลิน แต่คุณหนูพิชญ์เป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร ป้าไม่อยากให้ความเกลียดชังมันทำให้คุณหนูของป้ามองโลกในแง่ร้ายนะคะ”

   “หึ! จะให้ภัคทำดีกับพวกมันเหรอ บอกให้ไปตายยังง่ายกว่าอีก ภัคไม่มีวันมองมันในแง่ดีหรอก แต่ถ้าพวกมันตายก็ไม่แน่”

   “อย่าพูดอย่างนี้สิคะคุณหนู  ไม่ดีเลยนะคะ ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรตายทั้งนั้นแหละค่ะ”

   “แล้วแม่ภัคสมควรตายเหรอ!”

   ถ้าไม่มีมัน ถ้าไม่มีผู้หญิงเลว ๆ คนนั้น ถ้ามันไม่เข้ามาในบ้าน แม่ก็จะยังอยู่ แม่จะไม่ทิ้งผมไปอยู่ในที่ไกล ๆ แบบนี้ ครอบครัวของเราก็จะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ทุกอย่างมันพังทลาย เมื่อพวกงูพิษนั่นเข้ามา

   มันเป็นรุ่นน้องของแม่ผม ตอนนั้นผมยังเรียนมัธยมต้นแต่ก็รู้เรื่องทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแม่เพราะโดนสามีที่เลิกกันไปแล้วขู่ทำร้าย แม่ก็ช่วยและให้เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านพร้อมกับลูกชายของมันซึ่งก็คือเลย์ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้นครึ่งปี

   ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ต่อหน้าคนอื่นก็ดีแสนดี แต่พอลับหลังก็เป็นผู้หญิงแย่ ๆ คนหนึ่ง ตอบแทนบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือด้วยการแทงข้างหลัง ทำตัวต่ำตมด้วยการเป็นชู้กับสามีของผู้มีพระคุณ ทำลายครอบครัวของเขาพังจนไม่เหลือชิ้นดี

   แบบนั้นจะให้มองมันในแง่ดีงั้นเหรอ!!






(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 14-04-2017 21:01:21




   “คุณหนูของป้า...”

   “เกิดอะไรขึ้นครับป้านิด?” ผมหลับตานิ่งสงบสติอารมณ์ไม่ให้เหวี่ยงณภัทที่พาลูกของผู้หญิงคนนั้นมาด้วย เด็กนั่นรีบซุกหน้าหลบกับขาของณภัทหลังจากมองหน้าผม

   “เอ่อ...”

   “พามันมาทำไม?”

   “เรียกใครว่ามัน?” เหลือบสายตามองณภัทเขม็ง คนอายุมากกว่าก็มองผมอยู่เช่นกัน ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มก่อนยิ้มเย้ยหยัน

   รักกันจังนะ

   “อย่าเดินหนี”

   “จะเอาอะไร!?”

   “พี่ถามไม่ได้ยินเหรอ!?”

   “คุณหนูคะ ใจเย็น ๆ กันนะคะ”

   “คุณพาใครมาล่ะ!?”

   “น้องพิชญ์ไม่ใช่มันภัค อย่าเรียกน้องแบบนั้น”

   ผมมองณภัทแล้วเสยผมขึ้นด้วยความหงุดหงิด ส่งสายตาขุ่นมัวไปยังเด็กที่เกาะขาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของผม เด็กนั่นเมื่อเจอผมมองก็รีบหลบ นั่นทำให้ณภัทเหมือนจะโกรธผมมากขึ้น

   “ป้านิด ผมกลับแล้วนะ”

   “คุณหนูคะ....”

   “ภัคครับ พี่อยากทานข้าวกับน้องนะ” คนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

   “คุณก็มีน้องของคุณอยู่แล้วนี่ ผมจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่สำคัญหรอก”

   “ภัค”

   “ภัค” ดวงตาของผมแข็งกร้าวและพุ่งไปที่คนเรียก เด็กคนนั้นพูดตามณภัท ตากลมนั่นมองแป๋ว แหงนหน้ามองณภัทแล้วสลับมาที่ผม ณภัทย่อตัวไปนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กคนนั้น

   “พี่ภัคกำลังจะกลับ น้องพิชญ์ชวนพี่ภัคอยู่ก่อนได้ไหมครับ?”

   “กลับทำไมคับ?”

   “พี่ภัคไม่อยากทานข้าวกับเรา ทำยังไงดีครับน้องพิชญ์?”

   จะให้เด็กนั้นพูดให้ผมอยู่เหรอ ฝันไปเถอะ!!!

   “พี่ภัค!” ผมหยุดชะงักหลังจากเดินออกมาจากตรงนั้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยอนุบาลร้องเรียกพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งเข้ามากอดขาผมไว้ เด็กนั่นแหงนหน้ามองผม ผมมองนิ่ง ๆ เพื่อบังคับให้ปล่อยมือออก แต่ไม่รู้ว่าณภัทเสี้ยมยังไง เจ้าเด็กนี่ถึงได้เกาะหนึบเป็นตุ๊กแก

   “ปล่อย”

   “ม่าย~ พี่ภัทบอกให้พี่ภัคอยู่ด้วย”

   “อย่าทำร้ายน้องนะภัค”

   แม่งเอ๊ย!!

   อยากสะบัดขาให้ตุ๊กแกที่เกาะอยู่กระเด็นไปไกล ๆ แต่ทำได้แค่เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด น่ารำคาญเป็นบ้า ผมไม่น่ากลับมาที่นี่เลย ให้ตายเถอะ!!!

   “พี่ภัค... ทานข้าวกันน้า”

   “...........”

   “นะน้า พิชญ์อยากกิงด้วย”

   “ฉันไม่อยาก! ปล่อยสักที รำคาญ!!”

   “ฮึก ฮึก แง”

   ผมหลับตานิ่งเพื่อข่มอารมณ์เมื่อเด็กนั่นร้องไห้ ผมไม่ชอบเด็กก็เพราะแบบนี้ และมันพาลไปถึงสเป็กด้วย ผมเกลียดการที่ต้องเอาใจใคร เกลียดเวลาที่เด็กมันร้องไห้งอแง เกลียดเสียงหวีดร้องแสบแก้วหู ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือเด็กโต ถ้าอายุน้อยกว่าผมผมก็จัดว่าเป็นเด็กทั้งหมด นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่สาเหตุอีกส่วนก็มาจากเด็กนี้ เด็กที่เกิดมาทำครอบครัวผมพัง

   ตอนนั้นแม่ของมันมาร้องไห้และบอกกับแม่ผมว่าตั้งท้องกับคนที่ทำให้ผมเกิดมา นับตั้งแต่นั้นครอบครัวของเราก็เปลี่ยนไป แม่ของผมจากที่เป็นผู้หญิงที่มีความสุขอยู่เสมอก็เป็นคนไม่ยิ้มมากเหมือนเมื่อก่อน เมื่อรู้ว่าแม่ผมเห็นแก่เด็กในท้อง ผู้หญิงแพศยานั่นก็เอาเด็กมาเป็นข้ออ้างว่าอยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์เพื่อยกระดับตัวเองอย่างหน้าด้าน ๆ

   ครับ... แม่ยอมอย่างจำใจ ใครจะอยากให้สามีของตัวเองมีเมียอีกคนกันล่ะ?

   นับตั้งแต่นั้น มันก็วางอำนาจทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นแค่ผู้อาศัย ต่อหน้าเขาก็ทำตัวแสนดีอ่อนหวาน แต่พอเขาไม่อยู่ก็เป็นอีกอย่าง ความเสแสร้งนั่นทำให้ผมเกลียดมันเข้าไส้ เมื่อเด็กถูกคลอดออกมา แม่ผมตั้งชื่อว่า ณพิชญ์ ซึ่งแปลว่า นักปราชญ์ แม่เลี้ยงดูเด็กนั่นอย่างดีราวกับเป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง และคนที่เป็นแม่จริง ๆ พอคลอดออกมาแล้วก็ไม่สนใจใยดีเลยด้วยซ้ำถ้าหากเขาคนนั้นไม่อยู่

   ถึงแม้แม่จะคอยบอกอยู่เสมอว่าเด็กกับแม่ของมันเป็นคนละคนกัน ผมควรจะแยกแยะเพราะเด็กไม่รู้เรื่องอะไร กี่ปีมาแล้วล่ะ ผมทำได้ที่ไหนกัน ในเมื่อมันเกลียดไปแล้ว จะให้เลิกเกลียดง่าย ๆ มันเป็นไปได้เหรอ ผมโกรธและไม่พอใจมาก ตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กมัธยมที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย รู้สึกยังไงผมแสดงออกไปแบบนั้น ผมไม่ได้เสแสร้งเหมือนสองแม่ลูกงูพิษนั่นทำ ผมกลายเป็นเด็กนิสัยแย่เพราะคำพูดยุยงของคนพวกนั้น ผมทะเลาะกับเขาเพราะเขาเชื่อคนอื่นมากกว่าผมที่เป็นลูกแท้ ๆ เขาไม่ฟังความเห็นของผม และไม่คิดจะทำอะไรกับปัญหานี้

   เขาไม่นึกถึงความรู้สึกของแม่ด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกยังไง แม้แต่ตอนแม่ป่วย ผมบอกว่าสาเหตุมันก็เพราะปัญหาพวกนี้แต่เขากลับบอกว่ามันไร้สาระ แม่จะป่วยเพราะแบบนี้ได้ยังไง เหอะ! แล้วการที่ต้องทนเห็นคนของตัวเองไปเสพสุขกับผู้หญิงคนอื่นนี่แม่ผมต้องมีความสุขเหรอ ปากของเขาก็บอกว่าไม่รู้สึกอะไร ถ้าไม่รู้สึกก็ไม่ควรจะยุ่งสิ จะไปมีความสัมพันธ์ทางกายกับมันทำไม

   ผมอยากฆ่าพวกมันให้ตาย ๆ ไปซะ

   แต่ถ้าผมทำแบบนั้นจริง ๆ ผมก็จะกลายเป็นฆาตกรไม่ต่างจากพวกมัน คนที่ผมเกลียดแสนเกลียด!


   และอีกอย่างที่ทำให้ผมไม่ชอบคบกับคนที่เด็กกว่า นั่นก็เพราะเขา เพราะเขาคนนั้นอายุน้อยกว่าแม่ของผมไง...



   “ร้องไห้ทำไมครับตัวเล็ก?” เสียงของณภัทดึงผมกลับมาจากความคิด ปรายสายตามองทั้งคู่ด้วยความรำคาญ

   “พี่ ฮึก พี่ภัคเสียงดัง ฮึก พิชญ์ พิชญ์กลัว”

   “พี่ภัคไม่ได้ตั้งใจครับ หยุดร้องนะ เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันนะครับ วันนี้ป้านิดทำของโปรดน้องพิชญ์ด้วยนะ”

   “จริงเหยอ!?”

   “จริง เพราะฉะนั้นหยุดร้องก่อนเร็ว” ผมอยากเดินหนีไปนะ แต่ข้อมือผมถูกณภัทกำเอาไว้ พอผมพยายามบิดออก มันก็ถูกกำแน่นจนเจ็บกระดูกไปหมด ป้านิดไม่ได้อยู่ตรงนี้เพราะขอตัวเข้าไปดูงานในครัวตั้งนานแล้ว จึงไม่มีใครช่วยผม ณภัทยังคงคุยปลอบใจเด็กขี้แง ขายาวก้าวกลับเข้าไปในบ้าน คิดว่าจะหลุดพ้นจากบ่วงนี้แล้ว แต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายกลับฉุดกระชากลากผมไปด้วย

   เวรเอ๊ย!!!

   เมื่อเข้ามาถึงห้องอาหาร ที่ตอนนี้เริ่มมีอาหารถูกจัดเรียงเอาไว้ ผมทิ้งตัวนั่งในส่วนที่เป็นหัวโต๊ะ แน่นอนว่ามันคือที่ของคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านหลังนี้ ณภัทมองหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร เขานั่งที่ของตัวเองซึ่งอยู่ตัวแรกฝั่งซ้ายมือของผม ถัดไปเป็นเด็กตุ๊กแกที่ถูกอุ้มเข้ามาด้วย

   พอถึงเวลามื้อค่ำ สองแม่ลูกนั่นมองผมราวกับเห็นผี คงไม่คิดว่าผมจะไปนั่งที่เขาแบบนี้ แล้วไงล่ะ? ใครสนงั้นเหรอ แม้แต่เขาที่จ้องมาผมยังไม่มองตอบเลย ถ้านั่งที่อื่นแล้วจะตาย ก็ตายไปเลยแล้วกัน

   “ดีจังนะครับ วันนี้อยู่กันครบเลย”

   “นั่นสิเลย์ ดีจริง ๆ เลยน้า”

   ความอยากอาหารของผมลดลงจนแทบติดลบเมื่อสองแม่ลูกนั่นพูดขึ้นมา ต่อให้มองจากนอกโลกก็รู้ว่าสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่นั้นเสแสร้งขนาดไหน

   “ภัค ภัค”

   “อย่ายุ่ง!” ตุ๊กแกเด็กทำหน้าบูดเมื่อผมปฏิเสธ แขนก็สั้น ๆ ยังจะอยากตักกับข้าวให้ผมอีก

   “ภัค พี่ภัค เอา ๆ”

   “ไม่!”

   “อื้อ!”

   ผมยังคงไม่สนใจ ณพิชญ์พยายามที่จะเอื้อมมา จนในที่สุดกุ้งตัวหนึ่งก็มาวางแหมะในจานของผมด้วยฝีมือของตุ๊กแกเผือกโดยมีณภัทเป็นคนให้ความช่วยเหลือ พอตักอาหารให้ผมได้ เด็กนั่นก็กลับไปนั่งที่ ยิ้มกว้างปรบมือแปะ ๆ

   น่ารำคาญจัง

   “ตักให้แค่พี่ภัคเหรอ?”

   “พี่ภัทอยากเอาเหรอครับ? งั้นพิชญ์ตักให้ด้วยก็ได้” ผมเกือบหลุดหัวเราะเมื่อเจ้าตุ๊กแกตักได้แค่ผักไปให้ณภัท เนื่องจากมือเล็ก ๆ นั่นไม่ค่อยจะมีแรง มือสั่นจนกุ้งตัวโตร่วงกลับไปในจานเดิม

   “ขอบคุณครับ”

   “น้องพิชญ์ตักให้พี่เลย์บ้างสิครับ”

   “งุ้ย” ตุ๊กแกบุ้ยปาก แล้วยืนขึ้นบนเก้าอี้ของตัวเองเพื่อที่จะตักอาหารใส่จานให้คนที่อยู่ตรงข้าม สุดท้ายเด็กนั่นก็ต้องตักให้ทุกคน “น้องพิชญ์ให้คุณพ่อด้วย”

   “อืม” เขาครางรับสั้น ๆ ตุ๊กแกกลับไปทานอาหารของตัวเองเหมือน แต่ก็ยังคงพูดเจื้อยแจ้วกับณภัทไม่หยุด

   “น้องภัคจะค้างที่นี่ไหมจ๊ะ?” ผมไม่ตอบที่ผู้หญิงคนนั้นถาม เคี้ยวข้าวในปากช้า ๆ ไม่สนใจอะไรจนถูกณภัทเตะขา

   “พี่ว่าภัคน่าจะค้างสักคืนนะครับ นาน ๆ จะกลับบ้านที จะได้หายคิดถึงหน่อย”

   “นั่นสิ นอนค้างสักคืนนะจ๊ะ น้ามีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย จริงไหมคะพี่ภพ?” ผู้หญิงคนนั้นหันไปขอความเห็นจากเขา แต่เขาไม่พูดอะไรตอบ ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากได้ยินเสียงเขาหรอก แต่ต้องเห็นหน้าแบบนี้ก็แทบจะกลืนข้าวไม่ลง

   สองแม่ลูกนั่นชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเพราะแสดงอาการอะไรมากมายไม่ได้ และหลังจากนั้นทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ

   “อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้แล้วคิดถึงพี่ณัชนะคะ”

   เคร้ง!

   ทิ้งช้อนส้อมในมือให้กระทบกับจานอย่างคนไร้มารยาท กอดอกมองคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจและแข็งกร้าว

   “ไม่ต้องสะเออะ”

   “ทำไมพูดกับแม่พี่อย่างนั้นล่ะน้องภัค”

   “แม่ผิดเองแหละเลย์ที่ไปพูดแบบนั้น น้องภัคคงจะคิดถึงพี่ณัช น้าขอโทษนะจ๊ะ”

   “ตอแหล” พูดเสียงไม่เบานัก และทุกคนก็ได้ยินรวมทั้งเขาคนนั้น เขาจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่คล้ายจะดุ แต่ผมไม่สนใจ ซ้ำยังจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปอย่างอึดอัด ผมทานข้าวไม่ลงจึงนั่งกอดอกนิ่ง ๆ พอเริ่มเบื่อก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น

   “ไม่เล่นโทรศัพท์บนโต๊ะทานข้าวสิคะน้องภัค”

   “จิ๊!”

   “อย่าทำตัวไร้มารยาทในบ้านของฉัน” ผมตวัดสายตามองคนพูด ไม่เจอกันมาตั้งนาน พอเอ่ยประโยคแรกขึ้นมาก็ช่างน่าประทับใจจริง ๆ

   “พี่ภพอย่าว่าน้องภัคเลยค่ะ ภัคคงจะเบื่อ”

   “เบื่อก็ออกไปที่อื่นไม่ใช่ทำตัวเหมือนพวกไม่ได้รับการสั่งสอนแบบนี้”

   “พ่ออย่าว่าน้องครับ”

   “เพราะมีแกให้ท้ายมันถึงได้เป็นคนแบบนี้!”

   “ภัคไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ณภัทห้ามเมื่อผมกำลังจะอ้าปากก่อนที่จะบอกให้ป้านิดพาพิชญ์ออกไป

   “เหอะ! กลับล่ะ” ผมลุกจากเก้าอี้ เพียงแค่หันหลัง เสียงของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดก็ดังมาพร้อมกับประโยคที่ทำให้ผมต้องยืนนิ่งและแค่นยิ้มออกมา

   “จะทำตัวเสเพลยังไงก็ทำแต่อย่าให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน แค่นี้ก็ขายขี้หน้าเขาจะแย่”

   “รออ่านข่าวพรุ่งนี้เลยแล้วกัน เอาให้เสื่อมจนขึ้นหน้าหนึ่งเลยน่าจะดี คุณว่างั้นไหม?”

   “นับวันยิ่งทำตัวเหมือนพวกไม่มีคนสั่งสอน”

   “พ่อ!!”

   “เงียบไปซะภัท เลิกให้ท้ายมันได้แล้ว ทำตัวเหลวไหลขึ้นทุกวัน ฉันต้องอับอายใครเท่าไหร่ที่มีลูกอย่างมัน!”

   ผมพยายามข่มความรู้สึก เชิดหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่เขา ทำไมเหรอ มีลูกอย่างผมแล้วมันแย่มากนักเหรอ ถ้าอย่างนั้นจะมีผมทำไมเล่า!

   “พี่ภพคะ ใจเย็น ๆ นะคะ” ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น มันเดินเข้าใกล้ผมแล้วยกมือขึ้นโอบกอด ผมสะบัดออกด้วยความรังเกียจ แต่คนเสแสร้งก็คือคนเสแสร้ง แค่แรงสะบัดไม่มากก็เซไปชนกับโต๊ะอาหารและทรุดไปนั่งกับพื้นพร้อมร้องโอดโอยเหมือนคนใกล้ตาย

   ตอแหลเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ

   “ภัค ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย แค่แผลที่มือของแม่พี่ยังไม่พออีกเหรอครับ” ผมกับภัทพ่นลมหายใจและเสยผมขึ้นพร้อมกัน ความหงุดหงิดวิ่งพล่านจนร้อนไปทั้งตัว ผมมองเลย์ที่รีบวิ่งเข้าไปประคองแม่ของมันและถามไถ่ราวกับจะตายไปในอีกสองวินาทีข้างหน้า

   “แม่ไม่เป็นอะไรมากหรอกเลย์ โอ๊ย!”

   “แม่ครับ!” กลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย หมุนตัวเพื่อที่จะออกไปจากตรงนี้

   “สิ่งที่แกควรทำคือพูดว่าขอโทษ” แขนของผมถูกกระชากกลับไป เชิดหน้าขึ้นมองและสะบัดออก ผมจ้องหน้าเขา เขาเองก็จ้องหน้าผมอยู่ แม้มันจะดูน่ากลัว แต่บอกไว้เลยว่าผมไม่กลัว ต่อให้เขาจะทำอะไร ผมก็ไม่กลัว!

   “ไม่! คุณอยากพูดก็พูดเองสิ”

   “แกนี่มัน... ออกไปจากบ้านฉัน”

   “พ่อ!!!” ณภัทตวาดเสียงดังจนผมสะดุ้ง

   “คิดว่าอยากอยู่นักหรือไง!”

   “คุณผู้ชายคะ ใจเย็น ๆ นะคะ อย่าดุคุณหนูเลยค่ะ” ป้านิดที่มาจากไหนไม่รู้เข้ามายืนบังผมไว้แล้วพูดกับเขา ณภัทเองก็ลุกขึ้นมายืนข้าง ๆ และกอดไหล่ผมไว้ก่อนพาผมเดินออกไปจากตรงนั้น



   “พี่ภัค!” ตอนนี้กำลังหงุดหงิดจึงไม่พูดอะไร แม้จะรำคาญณพิชญ์อยู่ก็ตาม ไม่นานคนที่อยู่ในห้องอาหารก็เดินออกมา ที่ผมยังไม่ไปเพราะมีณพิชญ์กอดขาอยู่นี่ไง เด็กก็ไม่รู้เรื่องอะไร แหงนหน้ายิ้มยิงฟันให้ผมอยู่ได้

   “น้องภัคอย่าเพิ่งกลับนะจ๊ะ ให้คุณพ่อใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกันดี ๆ นะ”

   “อย่ามายุ่ง” ณภัทพูดเสียงนิ่ง ผู้หญิงคนนั้นยังปั้นหน้าไม่ถือสาเพราะเขายังอยู่

   ผมแกะพิชญ์ออกแล้วเดินผ่านทุกคนขึ้นไปชั้นสองเพื่อที่จะเก็บของบางส่วน พอลงมาเกือบถึงชั้นล่าง ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งขึ้นมาขวางหน้าและจับแขนของผมไว้ ผมสะบัดออกทันทีแล้วเดินผ่านไป แต่จังหวะที่กำลังจะสวนกันนั้น จู่ ๆ มันก็เบี่ยงตัวมาให้ผมชนและกลิ้งตกบันไดไป

   ยืนหลับตานิ่งพยายามข่มอารมณ์ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของใครหลายคน เมื่อลืมตาขึ้นก็เพียงแค่มองด้วยสายตาวางเปล่า ผู้หญิงคนนั้นนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นและมีน้ำตาไหลอาบแก้มข้าง ๆ กันคือลูกของมัน แค่นเสียงในลำคอก่อนเบนสายตาไปที่เจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาผม

   เพี๊ยะ!

   ใบหน้าของผมหันไปตามแรงตบ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเขาที่มองผมด้วยสายตาดุดัน ผมผลักณภัทออกและเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง ซีกหน้าข้างที่โดนตบมันชาจนไม่รู้สึกอะไร รวมถึงใจของผม...

   ทะเลาะกับเขาครั้งแรกก็เพราะผู้หญิงคนนี้

   ถูกเขาด่าครั้งแรกก็เพราะผู้หญิงคนนี้

   และถูกเขาตีครั้งแรกก็เพราะผู้หญิงคนนี้

   ผมคิดว่าต่อให้เราจะทะเลาะหรือมีเรื่องหมางเมินกันยังไง ผมก็ยังคงสำคัญเพราะเป็นลูกของเขา แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ดูเหมือน... ผมจะให้ความสำคัญตัวเองผิดไป




   “เจ็บมากไหมครับ?” ไม่ได้ตอบคำถามของณภัท มือหนาลูบแก้มของผมแผ่วเบา ผมแค่นยิ้ม พ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย

   ขยับเข้าไปใกล้และกอดพี่ชายเอาไว้หลังจากไม่เคยกอดมาหลายปี

   “ไม่กลับมาแล้วนะ” ผมพูดออกไป ณภัทกอดตอบแน่นทั้งลูบหัวและลูบหลัง ได้ยินเสียงป้านิดร้องไห้อยู่ด้วย ตอนนี้เราอยู่ที่โรงจอดรถ เพราะผมจะไปแล้วและมีณภัทกับป้านิดมาส่ง

   “พี่ขอโทษ ภัคไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้เลย”

   “หึ ช่างเถอะ อยู่บ้านนี้ก็ระวังงูพิษด้วยแล้วกัน ชุกชุมเหลือเกิน”

   “เด็กบ้า ... พี่จะไม่ได้เจอภัคอีกแล้วเหรอ?”

   “อยากเจอก็ไปหาดิ” ผมพูดเหวี่ยง ๆ ณภัทหัวเราะในลำคอแล้วกระชับกอดผมให้แน่นขึ้น ผมซบหน้ากับอกของคนที่เป็นพี่ชาย ความอบอุ่นทำให้ใจของผมมันไม่แหลกละเอียดไปมากกว่านี้ ยอมรับตรง ๆ ว่ายังไงซะผมก็ต้องการความอบอุ่นจากครอบครัวอยู่ดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนครอบครัวของผมจะมีแค่ณภัท...

   “คุณหนูดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ”

   อ๋อ... มีป้านิดอีกคน

   “ป้านิดก็เหมือนกันนั่นแหละ”

   “ป้าต้องคิดถึงคุณหนูมากแน่ ๆ เลยค่ะ”

   “โทรหาก็ได้ ถ้าว่างภัคก็รับตลอด ไม่ต้องร้องแล้ว อายป่ะเนี่ย”

   “โธ่ คุณหนูก็...” ผละออกจากกอดของณภัทเพื่อเข้าไปกอดป้านิด เพียงเท่านั้นเธอก็ร้องไห้ก็มาอีกละรอก เฮ้อ ทำคนแก่ร้องไห้จะบาปไหม ทุกวันนี้แต้มบุญก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย

   “ไปนะ”

   “ดูแลตัวเองดี ๆ นะ มีอะไรก็โทรมาหาพี่”

   “อืม เหมือนกัน”

   เมื่อขับรถออกมาได้สักระยะหนึ่ง ความเข้มแข็งของผมก็ค่อย ๆ สลายไป ก้อนสะอึกตีขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ หลังจากนั้นไม่นานน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลลงมา ในเมื่ออยู่คนเดียวผมก็ไม่จำเป็นต้องอายใคร เสียงร้องไห้ดังก้องรถ ผมร้องไห้คนเดียวโดยไม่มีใครปลอบใจ นอกจากเสียงสะอื้นของตัวเองก็มีเพียงเสียงของสายฝนที่ผมได้ยิน เมื่อเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองมันอ่อนแอมากแค่ไหน ทำเป็นเก่งแต่ลึก ๆ ข้างในนั้นมันโคตรกระจอก

   หักรถเข้าไปจอดที่ข้างทางเมื่อรู้สึกขับต่อไปไม่ไหว ผมยกขาขึ้นมาและซบหน้ากับเข่าของตัวเอง ด้วยสภาพแบบนี้ผมควรอยู่คนเดียวมากกว่า

   ผมอยากอยู่คนเดียว

   แต่ถ้าหากมีใครสักคนอยู่ด้วยตอนนี้มันต้องดีมากกว่าแน่ ๆ







-----------------------------------
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดในมุมของณภัค...
แล้วจริงใจก็ยังเมินพี่เขาอยู่ แง
มาแล้วนะ อย่างอแงนะ มาช้าแต่ยาวมากเลยนะ ต้องทดแทนกันได้สิ 5555555
อาจจะมีคำผิดอยู่เยอะนะคะ ถ้าเจอก็บอกได้เน้อ จะได้เข้ามาแก้
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า ♥

*อัพตอนพิเศษมนุษย์แฟนเด็กไปเมื่อวาน ใครยังไม่อ่านก็แวะเข้าไปอ่านนะคะ *-*
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 14-04-2017 21:13:05
อ่านพาร์ททั้งของจริงใจและภัค บอกตรงๆน่ารำคาญมากอ่านแล้วหงุดหงิดลำใย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 14-04-2017 21:23:36
คุณพ่ออะไรจะติดฮีหลงฮีขนาดนั้นอะ
นี่ก็ลูกปะคะ เกลียดทั้งพ่อแม่ลูกตอแหลเลย
อิแม่เลี้ยงน่าโดนแฉความร่านให้อยู่ไม่ได้
อ้อ นังขอทานเรย์ด้วย
สงสารณภัคนะแต่ยังคงทีมจริงใจจ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 14-04-2017 21:45:14
ณภัคของเราาาา :o12:
จริงใจรีบมาดูใจนะลูกกกก ฮืออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 14-04-2017 21:50:39
อืมมมมม ภูมิหลังทางครอบครัวของจริงใจกับตัวหอมนี่คือคนละขั้วสุด ก็เหมาะที่จะมาเติมเต็มกันและกันนะ แต่ตัวหอมก็ต้องแสดงความรู้สึกหรือเปิดโลกของตัวเองให้จริงใจรับรู้มากกว่านี้เพราะจริงใจคงจะรู้เองยากอะ คนรอบข้างก็คงจะไม่มีใครเล่าแน่ แต่คิดว่าถ้าจริงใจรู้น้องจะอยู่เคียงข้างตัวหอมนะ (อาจแสดงออกแปลกๆในแบบของจริงใจ) ถ้ารู้สถานการณ์น้องก็คงรู้อะว่าต้องปรับการแสดงออกประมาณไหน และยังแอบคิดด้วยว่าครอบครัวของเจเจน่าจะช่วยเยียวยาปมของตัวหอมให้ดีขึ้นได้นิดนึง (กรณีที่ผ่านด่านแล้ว)อะ
ป.ล.อยากส่งละครไทยไปให้คุณพ่อณภัคดูเป็นกรณีตัวอย่างจังค่ะ จะได้รู้เท่าทันเมีย
ป.ล.แค่อ่านบรรยากาศบ้านนี้ก็อยากกรีดร้อง ทึ้งหัวแทนณภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2017 21:56:05
 :o12:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-04-2017 21:57:57
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-04-2017 21:58:13
มองไม่ออกว่าจะจบแฮปปี้เอนกันตอนไหน ??!??!!
คนนึงก็เริ่มท้อ... พอเห็นเค้าไม่สนก็จะเมินบ้าง
อึกคนก็ตั้งแง่  มีอคติกับคนอายุน้อยกว่า ตรรกะนี้มันก็ไม่ได้ใช้ได้กะทุกคนป่ะ
เห้อออ... รู้สึกถึงความเวิ่นเว้อของทั้งคู่  อ่านไปละอึดอัดแทนจริงๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-04-2017 22:29:23
เครียด!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: PloySupawadee ที่ 14-04-2017 22:36:32
ยิ่งอ่านเรื่องครอบครัวของ ภัค ยิ่งอึดอัด ทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงหน้าด้านกันขนาดนี้ คนเป็นพ่อจะโง่ขนาดนี้เลยเหรอ เราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกจริง ๆ รึเปล่า แต่ถ้าเราเป็นภัคโคตรรู้สึกแย่ชิบหาย ทำไมต้องให้มาอยู่ในบ้าน ครอบครัวที่อบอุ่นพังหมด ถึงจะรู้สุดท้ายจุดจบของผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีทางไปได้ดีตลอดหรอก แต่แม่ง เหี้ยเชิบ ตอนนี้อยู่ทีมภัค แต่เรื่องจริงใย ยังไงเราก็อยู่ทีมจริงใจนะ 555 พี่ชายภัคก็นะ ก็รู้อยู่ว่ามันแย่ยังจะให้อยู่ทานข้าวอีก ส่วนคนพ่อ ไม่รู้สึกเลยหรอว่าคำพูดผูหญิงคนนั้นกับลูกชายมันตอแหล เป็นถึงเจ้านายคนไม่น่าจะโง่นะ ทำไมโง่ละ.หงุดหงิดมาก อึดอัดสุด เลย อยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก โคตรอึดอัด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 14-04-2017 22:37:32
นี่ค้างแรงมากนะ แม่งผิดกันหมดล่ะ ทุกคนเลยอ่ะ จริงใจตกลงจีบณภัคเพราะอะไร  เอาจริงๆภัคน่าสงสารมากนะนางพยายามแข็งแรงในแบบของนางแต่ใครจะรู้ว่าบางเป็นแก้วขนาดไหน ไม่ผิดหรอกที่ภัคจะแสดงออกแบบนี้ ส่วนจริงใจเราไม่เห็นความจริงใจของนายเลยอ่ะ บอกว่าชอบเขา แต่ดูดิการกระทำแม่งก็ไม่ต่างจากคนอื่นเท่าไรอ่ะ อึดอัดแทนสูควรจับเข่าคุยกันนะ ถ้าพูดไม่ฟังแนะนำให้จริงใจจับกดแล้วถามไปด้วยรับรองรู้ทุกเรื่องที่คาใจอ่ะ โอ๊ย...หงิดมาก เชื่อเราเรียนมา ฮ่าๆ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-04-2017 22:38:47
กลัวใจภัคคะ  คือมาโดนเทในช่วงเวลาแบบนี้ ถ้าไม่บุกเองก็คงยิ่งสร้างกำแพง  งานหินแน่เลยจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2017 22:49:47
งงพ่อมาก บ้าบอจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-04-2017 23:09:29
จริงใจลูก เลิกงอนพี่เขาแปปนึงสิ มาอยู่ข้างๆพี่เขาที :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 14-04-2017 23:47:57
ร้องไห้!!!!!!!!!!!!!!!
ณภัคฉันนนนนน นางต้องเข็มแข็งมากซินะ
ณภัทช่วยอะไรไม่ได้เลย ได้ตะโกน ยืนห้าม แต่ทำไรไม่ได้ เฮ้อออออ

วอแวบอย ถ้ายังเป้นยังแบบนี่ก้เลิกยุ่งไปณภัค เราต้องหยิ่งและสวยของเราต่อไป เขาไม่สนจะทำไรก้แล้วแต่ อย่าไปแคร์ให้มันมากกกกกก เชิดเข้าไว้


อัพไว้ๆหน่อยน้าาาา เรารอนานมากเลยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-04-2017 23:55:36
นี่อ่านไปร้องไห้ไปจริงนะเนี่ย อินมากกกกก สงสารณภัค

ทำไมคุณพ่อต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ ถึงจะบอกว่าบุคลิคเป็นแบบนี้ ไม่ค่อยพูดหรืออะไรยังไง ก็ควรฟัง หรือสังเกต หรือพิจารณาอะไรก่อนไหม?

อหหหหห ร้ายทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ โอ้ยยยยย แย่อ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-04-2017 00:01:21
อีกนานมั้ยคะ กว่าพ่อของณภัคจะตาสว่าง อึดอัดแทนณภัค

มาต่อเร็วๆ น๊าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-04-2017 00:11:26
มันยืดๆนะ...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 15-04-2017 02:47:40
ชีวิตเราเหมือนภัคเลยนะ แต่เราทำอะไรไม่ได้เพราะต้องพึ่งพ่ออยู่ เกลียดเมียใหม่จริงๆ แต่น้องเราเฉยๆ เราเล่นได้ เราพยายามคิดว่าเขาไม่รุ้เรื่องอะไรอ่ะ แต่เอาจริงๆ มันทำใจยากนะ...ภัคเป็นคนแบบนี้ เราพอเข้าใจนะ
แต่จริงใจอ่ะ ทำไมเป็นคนแบบนั้น เราไม่เข้าใจ5555 ครอบครัวดูจะอบอุ่นแท้ๆ ทำไมถึงช่างแม่งขนาดนั้นอ่ะ งง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-04-2017 06:04:30
เหอะๆ ด่าลูกตัวเองว่าทำตัวให้อายขายขี้หน้า

ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ มันทำให้ลูกอายบ้างหลอ

ต่ำตมกว่าก้ออีพวกผู้ใหญ่ที่ไม่มองตัวเอง แล้วโทดแต่คนอื่นเนี่ยละ ตายๆไปจะได้จบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 15-04-2017 06:33:18
 :monkeysad: โอ้ยยยย สงสาร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2017 07:05:29
ในบ้านไม่มีกล้องวงจรปิดหรือ
เปิดให้พ่อที่ตาปิดดูซะ ตาจะได้สว่าง
พ่อ ที่ไม่มีจรรยา กล้าเป็นชู้กับเพื่อนเมีย
จนมีลูกใหม่กับเมียน้อยโผล่มา
ทำร้ายจิตใจจนเมียแท้จริง ช้ำใจตาย
ทุเรศกับพ่อที่ใฝ่ตัญหาราคะ จนลืมผิดถูกชั่วดี
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-04-2017 07:22:18
เรื่องแม่เลี้ยงสตอเนี้ยเป็นอะไรที่น่าตบมาก หมั่นไส้สุด แล้วณภัคก็ไม่ข่มอารมณ์เลยทำให้เค้าเล่นละครได้ตามเกส์เค้า ถ้ารู้จักข่มอารมณ์เค้าก็ทำอะไรเราไม่ได้ สู้ๆ นะณภัค :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2017 08:23:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 15-04-2017 11:14:58
ภัคสู้นะ
น้องจริงใจ มาวอแวพี่ภัคหน่อยเร็วววววว

 :ling2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 15-04-2017 11:45:36
การกระทำแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่าเป็นพ่อคนได้นะเนี่ย
หลงเมียใหม่จนไม่มองรอบข้าง แย่มากๆ
วอแวอย่าเมินภัคเลย รีบกลับมาทำคะแนนเร๊ววว!! ช่วงอ่อนแอ น่าจะทำคะแนนได้ดี
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-04-2017 18:44:34
ความบ้าตัณหาคงบังตาจนมองหาความจริงไม่เจอสินะ เหอะ :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 15-04-2017 20:00:19
จริงใจ มาหาพี่ภัคหน่อย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-04-2017 23:26:02
สงสารตัวหอม จริงใจมานอยด์ใส่ไม่พอ ยังมาเจอที่บ้านทำให้เม้งอีก
ณภัคน่าสงสารนะ คือรู้เห็น แล้วเก็บอารมณ์ไม่ไหว แต่ดีที่ณภัทกลับมาหาน้อง 

พ่อเป็นบุคคลไม่น่าพูดถึง ก็น่าจะทำลืมๆไปเหอะ ทำขนาดนี้ ดูไม่ออกขนาดนั้นเลย

จริงใจ ตัวหอมต้องการคนอยู่ด้วยนะ แล้วก็ไม่ได้จะกลับไปหาคนนั้นสักหน่อย กลับมาเหอะนะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 19-04-2017 22:00:15
ความที่ 32
ผมกับเรื่องบ้าบอ







   ผมรู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

   “เป็นอะไรไปจริงใจ?”

   “ไม่รู้ครับ” คนฟังคำตอบร้องอ้าวออกมา ผมเดาะลิ้นพลางเขี่ยข้าวในจาน รู้ว่ามันไม่ดีแต่ห้ามตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่อยากอาหารเลยแม้มันจะน่าทานสักแค่ไหนก็ตาม

   ทำไมถึงได้คิดถึงเขาวะ

   ทานข้าวเสร็จเกือบ ๆ หนึ่งทุ่ม ผมนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติ คิ้วขมวดตลอดเวลาและในหัวเอาแต่คิดฟุ้งซ่านถึงณภัค รำคาญตัวเองที่สะบัดเรื่องเขาทิ้งไม่ได้สักที

   “กังวลอะไร?” จันทร์เจ้าที่นั่งอยู่ติดกันถามเสียงเบา ผมเหลือบตามองพี่ จันทร์เจ้าเอนหัวมาพิงอกแล้วมองจอโทรศัพท์ของผมที่เปิดค้างไว้ในโปรแกรมสนทนาและปลายนิ้วของผมก็อยู่ตรงชื่อของตัวหอมพอดี...

   “ตอบดิ”

   “ไม่รู้จะตอบอะไร”

   “เหรอ ส่งมาเยอะขนาดนั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

   “ช่างเถอะ”

   “เอาจริงงะ จะช่างแม่งกับทุกเรื่องเลยเหรอ?” ผมไม่ตอบ กดล็อกหน้าจอแล้วกำโทรศัพท์เอาไว้ จันทร์เจ้าแสยะยิ้ม ผละออกไปนั่งตรง ๆ แล้วส่งปลายนิ้วมาคลึงที่คิ้วผมก่อนย้ายไปจิ้มแก้ม

   “อยากติดต่อเขาก็ติดต่อไปสิ เจ้าเด็กขี้เก๊ก” ผมจิปากแล้วลุกออกมาจากห้องนั่งเล่น กดโทรศัพท์โทรออกมาหาเบอร์ที่จำได้แม่น รอสายอยู่นานแต่ไม่มีคนรับเลย ผมกดโทรออกซ้ำ ๆ คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่หลังจากโทรไปมากกว่าห้าสายแล้วแต่ตัวหอมก็ยังไม่รับ

   “รับสิวะ!” พูดกับโทรศัพท์ในมือ สายที่สิบกว่าผ่านไปแล้ว พ่นลมหายใจแรง ๆ เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ทุกคนมองหน้าแต่ไม่ได้ถามอะไร มีเพียงจันทร์เจ้านั่นแหละ

   “เป็นไง?”

   “ไม่รับ”

   “โทรไปกี่สาย?”

   “เกือบยี่สิบ”

   “เฮ้ย!!!” จันทร์เจ้าอุทานเสียงดัง ทำให้คนอื่น ๆ หันมาให้ความสนใจและเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น หมูอ้วนบอกว่าไม่มีอะไรแล้วลากผมออกมา “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมโทรไปเยอะขนาดนั้นแต่ไม่รับสายเลย”

   “ไม่รู้” ผมว่าพลางรัวนิ้วมือพิมพ์ข้อความส่งไปหาตัวหอมด้วย เอาคืนผมเหรอวะ ที่ผมไม่ได้รับสายเพราะไม่ว่างจริง ๆ นะแม้อีกสาเหตุที่ไม่รับคือไม่อยากรับก็เถอะ

   “จริงใจโทรหาเพื่อนเขาไหม? มีเบอร์หรือเปล่า?” ไม่ได้ตอบพี่ แต่สลับแอพพลิเคชั่นไปที่โทรศัพท์แล้วเลื่อนหาเบอร์ของพี่พีท

   (“สวัสดีค่าน้องจริงใจ”)

   “ภัคอยู่กับพี่หรือเปล่าครับ ผมโทรหาเขาแต่เขาไม่รับสาย”

   (“หือ มันไม่ได้อยู่กับพี่นะคะ พี่กลับบ้าน”)

   “เหรอ? แล้วกับพี่คลื่นพี่ครามล่ะครับ?”

   (“คลื่น คราม ไปต่างจังหวัดตั้งแต่บ่ายยังไม่กลับนะคะ ภัคไม่อยู่กับแฝดแน่นอน มีอะไรหรือเปล่า?”)

   “พี่ช่วยโทรหาเขาได้ไหม ผมโทรไปแล้วเขาไม่รับ รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะครับ”

   (“ได้ค่ะ ๆ เดี๋ยวยังไงพี่โทรหาอีกทีนะคะ”)

   “ครับ” ผมเป่าลมออกจากปากหลังจากวางสายจากพี่พีทและเฝ้ามองโทรศัพท์ในมือเพื่อรอสายโทรเข้ามา

   “ไม่คิดจะบอกพี่หน่อยเหรอ?”

   “รู้อยู่แล้วนี่...”

   “อือ แต่พี่อยากรู้จากจริงใจมากกว่านะ” จ้องตากับพี่ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากเล่าให้ฟัง ไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้วนี่นะ เล่า ๆ ไปบ้างก็ดี เก็บไว้คนเดียวเดี๋ยวได้หัวระเบิดตาย

   “จริงจังกับเขาใช่ไหม?”

   “อือ แต่ไม่รู้ว่าเขาจริงจังกับเค้าไหม”

   “แย่จัง...”

   “มากจริง ๆ”

   “จริงใจรู้จักกับพี่ภัคนานแค่ไหน?”

   “สามเดือนกว่ามั้ง” จะว่านานก็นาน จะไม่ว่าไม่นานก็ไม่นาน แล้วแต่ความรู้สึกของแต่ละคน สำหรับผมผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันพอหรือยังกับการรู้จักกัน...


   RRRRR!~

   เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นขัดการพูดคุยของเรา ผมรีบกดรับเมื่อพี่พีทโทรกลับมา แม้ใจจะหวังให้เป็นณภัคก็เถอะ...

   “ว่าไงครับ?”

   (“มันไม่รับสายพี่เหมือนกันค่ะ โทรไปจนโทรศัพท์จะระเบิดแล้ว พี่โทรเช็กกับที่คอนโดมันเขาก็บอกไม่เห็นมันนะคะ ทำยังไงดี...”)

   “เวร.... พี่พีทพอรู้ไหมครับว่ามีที่ไหนบ้างที่ภัคจะไป?”

   (“นึกไม่ออกเลยค่ะ โอ๊ย!! หายไปไหนของมันเนี่ย! น้องจริงใจขา เดี๋ยวให้ครามช่วยตามมันให้นะคะแล้วจะโทรกลับไปบอกอีกที”) เขาไม่รอให้ผมพูดตอบอะไรก็วางสายไป

   ผมกำมือแน่น ทุบเข้ากับกำแพง จันทร์เจ้าเบิกตาโตและรีบจับมือผมเอาไว้

   “เกิดอะไรขึ้น!”

   “เขาไม่รับสายเพื่อน และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่ไหน”

   “จริงใจต้องใจเย็น ๆ นะ ไม่มีอะไรหรอกนะ” จันทร์เจ้าพยายามกล่อม แต่มันไร้ประโยชน์ในเมื่อผมคิดไปไกลแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มโทษตัวเองที่ไม่ยอมตอบข้อความและรับสายจากเขา ลางสังหรณ์ความกังวลของผมมันถูก ให้ตาย ผมน่าจะเอะใจ เพราะเซนส์เรื่องแบบนี้ผมค่อนข้างแม่น

   จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า เขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ตอนนี้ฝนยิ่งตกอยู่ด้วย จะเป็นอันตรายอะไรไหม

   RRRRR!~

   มีเบอร์แปลกที่ผมไม่ได้บันทึกไว้โทรเข้ามาแต่ผมก็รับสายทันที เพราะหวังอยู่ลึก ๆ ว่าจะเป็นณภัค

   (“กูเอง คราม”)

   “ครับ”

   (“ภัคอยู่แถว xx ช่วยไปดูให้หน่อย”)

   “พี่ติดต่อเขาได้แล้วเหรอ?”

   (“ไม่ ตามจาก GPS...ฝากด้วย หวังว่ากูจะไว้ใจมึงได้”)

   “หึ ผมไม่ให้เขาเป็นอะไรหรอก”

   วางสายจากพี่คราม ผมกลับขึ้นไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุด แต่จันทร์เจ้าตามมาและแย่งกุญแจจากผมไป เกือบจะโวยวายพี่ แต่ถูกให้เหตุผลว่าฝนมันตกและผมขับสปอร์ตไบค์ไปไม่ได้

   “เดี๋ยวพี่ขับให้” จันทร์เจ้าบอกหลังจากโยนเสื้อฮู้ดมาให้ใส่ทับเสื้อยืด จากนั้นผมก็ถูกลากไปที่ชั้นล่าง หมูอ้วนตะโกนบอกทุกคนว่าจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ได้อยู่รอตอบคำถามใคร

   ผมคอยบอกทางจันทร์เจ้าที่ขับรถอยู่และโทรหาตัวหอมไปด้วย

   “แถวนี้ฝนตกหนักจัง” ใช่ แถวนี้ฝนตกหนักมากกว่าแถวบ้านอีก ความกังวลจึงเพิ่มมากขึ้น แล้วยิ่งหงุดหงิดเมื่อจันทร์เจ้าขับรถค่อนข้างช้า แม้มันควรจะเป็นแบบนั้นเพราะถนนลื่นก็ตาม



   ครืด

   ผมกดโทรศัพท์ดูเมื่อมันมีการแจ้งเตือนเข้ามา ทีแรกจะไม่สนใจเพราะเป็นแค่ไฮไลต์จากแอพพลิเคชั่นหนึ่ง แต่เพราะเนื้อหาของข่าวผมจึงกดเข้าไปดู

   เกิดอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำที่บริเวณ xx เนื่องจากฝนตกหนัก...

   เผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ เงียบมากจนจันทร์เจ้าหันมามอง ผมกลืนน้ำลายลงคอพยายามปัดความคิดไปเองของตัวเองออกไปแล้วเปิดเข้าไปดูข้อความเต็ม ๆ

   “มีอะไร?”

   “มีรถคว่ำแถวนี้ ...ไม่ใช่เขา”

   “ดีแล้ว” เพราะอุบัติเหตุมันอยู่แถวบริเวณตัวหอมอยู่ พอมันไม่ใช่ ผมจึงโล่งอกมาก แต่ทว่าความกังวลก็ไม่หาย

   มันไม่หายไปหรอก จนกว่าจะเจอตัวเขา

   “อ้วน ขับช้า ๆ ดิ๊” บอกจันทร์เจ้าแล้วพยายามเพ่งสายตามองออกไปด้านนอกของรถ อุปสรรคตอนนี้คือเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและความมืดที่ทำให้มองเห็นลำบาก แถวนี้แทบจะไม่มีไฟข้างถนนเลย

   “จอด”

   “เจอแล้วเหรอ?”

   “อือ นั่นรถเขา รออยู่นี่นะ หรือจะกลับไปก่อน?”

   “ไม่เป็นไร พี่รออยู่นี่แหละ ค่อยไปพร้อมกัน จริงใจเอาร่มไปด้วย!”

   รับร่มจากจันทร์เจ้ามากางแล้วลงจากรถไป ผมเดินไปยังรถยนต์ที่ผมจำได้ดีซึ่งจอดอยู่ริมถนน ไฟฉุกเฉินไม่ได้ถูกเปิดเอาไว้ แต่รถยังสตาร์ทเครื่องไว้อยู่ ด้วยความที่ติดฟิล์มทึบทำให้ผมไม่สามารถมองเข้าไปข้างในได้ เมื่อจะเปิดประตูก็ปรากฏว่ามันล็อก ผมทุบกระจกรถของตัวหอมแรง ๆ หลายที จนตอนนี้ตัวผมเริ่มเปียกเพราะฝนที่สาดเข้ามา


   ปัง ปัง ปัง!

   “ณภัค!!!” ผมตะโกนแข่งกับสายฝนและทุบกระจกเรียกคนข้างในไปด้วย นานพอสมควรในความรู้สึกกว่าที่คนข้างในจะเปิดประตูออกมา ผมเซถอยหลังไปเล็กน้อยเนื่องจากถูกโถมตัวเข้าใส่ ตัวหอมกอดคอผมไว้แน่นและยังซบหน้ากับอกผมด้วย หัวผมขาวโพลนไปชั่วคราวเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากเขา พอเป็นแบบนี้ก็ลืมความรู้สึกทุกอย่างไปหมด ผมกอดเขาเอาไว้แน่นโดยไม่พูดอะไร

   “เป็นไงบ้าง?”

   “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ผมบอกจันทร์เจ้าแล้วค้นหาผ้าหรือเสื้อที่พอจะใช้ได้หลังรถ “พี่กลับไปก่อนนะ เค้าจะขับรถให้เขา”

   “อือ... ก็ได้ พี่จะไปคอนโดทิวานะ”

   “อืม”

   “ขับรถระวังด้วย”

   “ครับ”

   รับคำจันทร์เจ้าแล้วกลับไปที่รถของณภัค ผมเปิดประตูไปนั่งฝั่งคนขับ วางผ้าขนหนูบนศีรษะของคนอายุมากกว่า เขาเอียงหน้ามามองแต่ยังคงกอดเข่าตัวเองอยู่ เมื่อเขาเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ ผมจึงจัดการใช้ผ้านั้นห่มให้เขา ก่อนจะผละออกมา ถอดเสื้อฮู้ดตัวนอกของตัวเองออกแล้วโยนไปด้านหลัง เพราะต้องกางร่มกันฝนให้เขา ตัวผมจึงเปียกมากกว่า ไม่ได้ถึงกับเปียกโชก แต่ก็ไม่สบายตัวอยู่ดี

   ก่อนจะออกรถ ผมใช้แขนข้างหนึ่งดันตัวหอมให้ไปชิดกับเบาะแล้วโน้มตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ ในจังหวะที่ผมผละตัวกลับ ผ้าที่ผมคลุมให้เขาก็มาวางอยู่ในหัวผมแทน พร้อมกับแรงขยี้เบา ๆ สองสามที ก่อนวางไว้นิ่ง ๆ ผมมองตัวหอมที่กลับไปนั่งชันขาและวางคางไว้บนเข่าตัวเอง สายตาของเขาดูว่างเปล่าแต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้นซะทีเดียว มันดูสับสันวุ่นวายจนผมนึกปวดหัว

   “ผมไม่เอา” อีกคนหน้ายุ่งเมื่อผมพูดและส่งผ้าคืนไปให้ อาจจะอยู่ในช่วงขี้เกียจพูด จึงไม่เอ่ยอะไร

   ภายในรถตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งมาถึงคอนโด ระหว่างเรายังไม่มีใครพูดอะไร ผมอยากถามหลายอย่าง แต่ณภัคดูไม่พร้อมเลย เพราะฉะนั้นจึงเงียบไว้ก่อนดีกว่า เมื่อมีแสงไฟเพียงพอ ถึงได้เห็นว่านัยน์ตาเรียวคมของเขานั้นบวมช้ำและแดงก่ำ และที่ทำให้ผมขมวดคิ้วยุ่งก็คือปรางแก้มขาวที่มีรอยฝ่ามือประทับอยู่

   ณภัคหันมามองหน้าผม อาจเพราะภาพที่ผมจ้องเขามันสะท้อนผ่านกระจกลิฟต์ ไม่ทันได้พูดอะไร กล่องโดยสารก็เปิดออก คนข้าง ๆ ผมพ่นลมหายใจออกและยืนนิ่ง แล้วก็เป็นผมเองที่จูงมือเขาออกมา นอกจากนั้นยังจัดการค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋าถือของเขาด้วย เพราะเจ้าตัวดูไม่อยากจะทำอะไรเลย

   “ไปอาบน้ำครับ”

   “นายจะไปไหน?”

   “ผมจะกลับ”

   “ฉันไม่อาบ...”

   “เพราะ?”

   “อย่ากลับ...”

   หึ

   เผลอหลุดหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้เห็นอีกคนถลึงตาใส่อย่างที่คิดแฮะ ตอนนี้มีเพียงสายตาที่ส่งมาอย่างเว้าวอน ที่ไม่ยอมไปอาบน้ำเพราะกลัวผมจะกลับเหรอ แล้วเป็นแบบนี้ควรทำยังไง สิ่งมีชีวิตอย่างผมเหมือนเกิดมาเพื่อพ่ายแพ้ต่อณภัคแล้วก็ตายไปอยู่แล้วนี่

   “ไปอาบน้ำครับ เดี๋ยวไม่สบาย ผมไม่กลับหรอก”

   “จริงนะ?” พยักหน้ายืนยัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ “ถ้านายหายไปฉันตามไปฆ่าถึงที่แน่”

   “ครับ ๆ ไปอาบน้ำ”

   ผมทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ตัวหอมมองหน้าเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป กว่าห้านาทีเลยมั้งเขาถึงยอมไปอาบน้ำ ผมพ่นลมหายใจออกมาเมื่อณภัคไม่อยู่ ยกมือขึ้นบีบขมับ ควรจะทำยังไงกับตอนนี้ดี แต่ก่อนอื่นต้องส่งข้อความไปรายงานสถานการณ์ให้เพื่อนเขารู้ก่อน และส่งข้อความไปบอกจันทร์เจ้าว่ามาถึงแล้ว หมูอ้วนส่งสติ๊กเกอร์กลับมาหนึ่งตัวแล้วก็หายไป

   “อาบน้ำหรือวิ่งผ่าน?” คนถูกถามกัดปาก ไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำที่เขากลับออกมา อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่แต่งตัวเลยด้วยซ้ำ “กลับเข้าไปอาบน้ำครับ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ไปไหน”

   “......”

   “ให้เข้าไปด้วยไหมครับ?”

   “อือ”

   ก็แย่ละ พูดเล่นเฉย ๆ แต่เอาจริงเหรอ

   สุดท้ายผมก็ต้องเข้ามาในห้องน้ำกับเขาด้วย ปากหาเรื่องจริง ๆ น่าตลกฉิบหาย คนมีฟอร์มต้องมาทิ้งฟอร์มเพราะกลัวผมจะหนี ต้องดีใจไหมเนี่ย การนั่งเฝ้าตัวหอมอาบน้ำไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรเลยนอกจากง่วงมาก เมื่อไหร่จะได้รับอิสระเสียที แม้จะได้เห็นเรือนร่างขาวเนียนที่ขยับตัวไปมาอยู่ใต้สายน้ำก็ตาม มันเห็นไม่ชัดเพราะ เพราะไอน้ำเกาะกระจก ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว

   ผมนั่งกอดอกอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า หลับตาลงและเอนหลังพิงกำแพงห้อง เมื่อได้อยู่เฉย ๆ ก็คล้ายว่าความเหนื่อยจะถาโถมเข้ามา วันนี้ผมทำอะไรหลายอย่างมาก ทั้งเรียน ซ้อมดนตรี ประชุมเรื่องงานกีฬาสี และยังต้องไปซ้อมกีฬาให้รุ่นน้องอีก แถมยังมีเรื่องให้เครียดซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องตัวหอมหรอก

    “...เสร็จแล้วเหรอ?”

    “อือ”

   ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์ ตัวหอมมองตามไม่วางตา วางมือบนกลุ่มผมเปียกชื้นก่อนจะบอก “ผมไปข้างนอกนะ”

    “ไม่”

    “โตแล้ว ไม่งอแงดิ ผมไม่ไปไหนหรอก”

    “โกหก”

   “ผมเคยโกหกคุณที่ไหน เช็ดผมให้แห้งแล้วไปแต่งตัว จะได้มาคุยกัน” เมื่อพูดจบผมก็เดินออกมา

   เข้าไปเปิดดูตู้เย็นว่ามีอะไรพอจะทำอาหารได้บ้าง ถอนหายใจเฮือก ใช้ชีวิตอยู่ยังไงกับขนมปังหมดอายุเมื่อสามวันที่แล้ววะ ผมโยนมันทิ้งถังขยะ ขโมยโยเกิร์ตที่จะหมดอายุในอีกสองวันข้างหน้ามากิน โยเกิร์ตยังไม่ทันหมดถ้วย เจ้าของห้องก็ออกมาแล้ว แต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าไหร่ และผมก็ยังไม่แห้งดีด้วยซ้ำ

   ไม่รู้ว่าจะกลัวผมหายอะไรนักหนา

   “คุยกันได้ยัง?”

   “เรื่องอะไร?”

   “ทุกเรื่อง” ณภัคกัดริมฝีปากของตัวเอง นัยน์ตามีความสั่นไหวไม่น้อย แต่ผมไม่ยอมช่างแม่งเหมือนที่ผ่านมาแล้ว

   “ผมให้เวลาทำใจก็ได้ ระหว่างนั้นก็โทรไปหาเพื่อนคุณด้วย พวกเขาเป็นห่วงมาก”

   “อะ.. อือ”

   “นายจะไปไหน...?”

   “ห้องทิวากาล”

   “ไม่ไปได้ไหม?”

   ผมกระตุกยิ้ม มองไปที่คนอายุมากกว่าด้วยสายตาวาว ๆ

   “อ้อนผมสิครับ”

   ณภัคกัดริมฝีปากขบคิด มือเรียวลดโทรศัพท์ลงแล้วสืบเท้าเข้ามาใกล้จนระยะห่างของเราห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ใบหน้าดูดีแหงนขึ้นมอง ดวงตาเรียวที่โดยปกติจะไม่ส่องประกายใด ๆ ตอนนี้กำลังฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตา เมื่อช้อนมองแบบนี้ก็ยิ่งเสริมให้น่ารังแก ...เหมือนลูกแกะที่กำลังขอร้องให้หมาป่าไว้ชีวิต

   “อยู่กับฉันนะ...”

   หึ

   “......”

   “อย่าไป...”

   “ทำไมล่ะ?”

   “ฉัน... อยากให้นายอยู่ด้วย...” ผมเงียบ “อย่าทิ้งฉันเลยนะ”

   ผมตวัดแขนล็อกคอตัวหอมเข้ามาและกอดเขาด้วยแขนข้างเดียว แค่คำพูดผมก็แย่แล้ว นี่แถมน้ำตามาด้วย จะยืนมองเฉย ๆ ก็เกินไปหน่อย คนอายุมากกว่ากำเสื้อผมไว้ขณะที่ซบหน้ากับอกและพึมพำว่าอย่าทิ้งเขาซ้ำ ๆ



   เดินไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่งโดยที่ตัวหอมก็ไม่ได้ปล่อยผมให้เป็นอิสระ นอกจากไม่ปล่อยแล้วยังนั่งตักผมและกอดคอไว้อีกต่างหาก อยากบอกว่าผมไม่หายไปไหนหรอก แต่พูดไปก็เท่านั้น เขาไม่ฟังอยู่ดี ตบผมของเขาเบา ๆ และไม่พูดอะไร ตอนนี้ณภัคกำลังอ่อนแอ เรื่องที่เจอมาคงจะหนักพอสมควรถึงได้มีอาการแบบนี้ เขาต้องการใครสักคนอยู่ด้วยในเวลาที่อ่อนแอ

   แต่ผมก็ไม่รู้ หากวันหนึ่งเขาเข้มแข็งขึ้นมา เขาจะยังต้องการผมอยู่หรือไม่...

   “คุณหิวไหม?” ผมถามขึ้นหลังจากที่ตัวหอมวางสายจากเพื่อนแล้ว ตอนคุยเขาก็ยังเกาะผมเป็นลูกลิงอยู่ และยังเปิดลำโพงให้ผมได้ยินอีกว่าคุยอะไรกันกับเพื่อนบ้าง ผมเลยพอจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาถึงได้มีสภาพแบบนั้น และสาเหตุของรอยฝ่ามือที่หน้า

   อืม... พูดอะไรไม่ออกเลย

   “ไม่อยากกิน”

   “หิวไหมครับ?”

   “....ก็ได้”

   “เด็กดี”

   “ฉันอายุมากกว่านาย”

   “อ้าว ลืม”

   งับ!

   ผมซี้ดปากเมื่อฟันคม ๆ กัดเข้าที่ต้นคอ เลือกได้ดี เลือกตรงที่ไม่มีเนื้อผ้าปิดด้วย เยี่ยม! ด้วยความหมั่นไส้หรืออะไรก็แล้วแต่ผมจึงกัดผิวขาว ๆ นั่นคืนบ้าง ตัวหอมผละออกมามองผมด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ผมมองสำรวจเครื่องหน้าสวย ดวงตาค่อนข้างช้ำ ปลายจมูกก็แดงเรื่อ แถมแก้มยังมีรอยฝ่ามือจองพื้นที่ไว้เต็ม มุมปากดูเหมือนจะช้ำด้วยเล็ก ๆ

   “มองทำไม?”

   “ไม่อยากเล่าอะไรให้ผมฟังบ้างเหรอ?”

   “...นายก็ได้ยินที่ฉันคุยกับเพื่อนแล้วนี่”

   “ผมอยากให้คุยเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไม่อยากเล่าผมก็เข้าใจ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับคุณนี่---” เสียงของผมหายไป เพราะคนอายุมากกว่าที่กดริมฝีปากลงมาปิดปากผมเอาไว้

   “เงียบไปเลย”

   “ไม่จริงเหรอ? เห็นไหม คุณก็ตอบผมไม่ได้ ตอนนี้คุณอยากให้ผมอยู่ด้วย อีกสิบนาทีข้างหน้าคุณอาจจะไล่ผมไปก็ได้”

   “.....”

   “เอาตรง ๆ ป่ะ เหนื่อย”

   ณภัคเงียบไป ตาเรียวกลอกไปมาราวกับหาที่วางสายตาไม่ได้

   “เบื่อ...เหรอ?”

   ผมเดาะลิ้น ก่อนที่จะตอบอะไรออกไปเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นมา คิดว่าเป็นจันทร์เจ้าที่โทรมาตาม แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ชื่อที่แสดงอยู่บนจอคือชื่อของผู้หญิงที่เป็นแฟนกับเพื่อนสนิทของผม ผมดันตัวหอมให้ลงจากตัก แต่อีกคนกลับไม่ยอมขยับ เขามองชื่อบนจอและมองหน้าผม ฟันขาวขบริมฝีปากตัวเอง แขนเรียวยกขึ้นกอดรอบคอผมไว้แน่น

   ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ก็ได้นะ

   ผมรับโทรศัพท์โดยที่มีณภัคอยู่ด้วยนั่นแหละ

   “สวัสดีครับ”

   (“จริงใจนอนแล้วเหรอ มายด์กวนหรือเปล่า?”)

   “ไม่กวนครับ คุยได้”

   (“ดีจัง ตอนนี้จริงใจทำอะไรอยู่เหรอ?”)

   “ไม่ได้ทำอะไรครับ”

   (“อ่า.. เอ่อ...”)

   “มีอะไรเหรอครับ?”

   (“คือ... ไปดูหนังกันไหม?”)

   “หืม? ดูหนังเหรอ เอาสิ วันไหนดี? อ๊ะ!” ผมร้องออกมาเพราะถูกดึงผมจนหน้าหงาย คนทำถลึงตามองราวกับผมไปฆ่าล้างโคตรครอบครัวเขา

   (“โอเคค่ะ เดี๋ยวมายด์บอกอีกทะ----”) ได้ฟังยังไม่จบประโยคดีโทรศัพท์ของผมก็ถูกแย่งไป ตัวหอมกดตัดสายแล้วโยนมันทิ้ง เขาเปลี่ยนจากนั่งหันข้างบนตักผมเป็นยืนเข่าคร่อมเอาไว้แทน มือเรียวบีบแก้มให้แหงนหน้าขึ้น ผมยกยิ้มมุมปากยั่วโมโหคนอายุมากกว่า

   “คุยกับใคร!?”

   “คุยกับใครก็ได้โตแล้ว”

   “นายจะทิ้งฉันเหรอ?”

   “ผมพูดแบบนั้นตอนไหน?”

   “นายคุยกับคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร...?”

   “คุณไม่รู้จักหรอก”

   “ก็บอกมาสิ!” รีบจับมือเรียวไว้ก่อนที่จะฟาดลงบนอก ผมผลักเขาออกแล้วยืนขึ้นพร้อมกับหันหลังให้ ยังไม่ทันได้เดินไปไหนแขนก็ถูกคว้าเอาไว้

   ความจริงก็ไม่ได้จะหนีไปไหนหรอก ผมตั้งใจจะลดความหัวร้อนของตัวเองลงก่อนสักหน่อยแล้วค่อยคุยกับเขา แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่เข้าใจ

   “ออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว กลับมาที่คุยค้างไว้สักทีครับ”

   “.......”

   “ถ้าผมมีความสำคัญอะไรกับคุณบ้าง ก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยเถอะครับ”

   “...มันพูดยาก”

   ก็จริง ถ้าหากสลับกันบ้าง ผมก็ไม่อยากเล่าให้ใครฟัง ในเมื่อพอจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากที่เขาคุยกับเพื่อนแล้ว ผมก็คงไม่จำเป็นต้องถามอีก เห็นสีหน้าลำบากใจและตาสั่น ๆ ของเขาแล้วก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาที่เอาแต่ใจเกินไป

   ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม และดึงเจ้าของห้องให้นั่งลงบนตัก ณภัคก้มหน้ามองต่ำ ผมคว้ามือเล็กที่ขยับยุกยิกเหมือนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนมาจับไว้ ก่อนจะกดศีรษะของเขาให้ลงมาซบไหล่

   “ไม่บอกก็ได้”

   “แต่ว่านาย...”

   “ช่างเหอะ ผมรู้แล้ว” จากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นมาระหว่างเรา “คุณ...”

   “หือ?”

   “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับที่คุณไม่ชอบความมืดหรือเปล่าครับ?”

   “...อืม” ระหว่างที่รอฟัง ผมก็ลูบผมเขาเล่นไปด้วย “ฉันเคยถูกขังไว้ในห้องชั้นใต้ดิน”

   “.......”

   “ในนั้นมันมืดมาก และแทบไม่มีอากาศเลย มันจะไม่อะไรหรอกถ้าไม่ถูกตัดไฟ”

   “ทำไมถึงถูกขังล่ะ?”

   “ไม่รู้สิ ฉันถูกหลอกให้ลงไปในนั้น แม่บ้านบอกว่าณภัทรอฉันอยู่ข้างล่าง พอไปถึงก็ไม่มีใคร เมื่อฉันจะออกจากห้องก็พบว่าประตูมันล็อก และไม่นานไฟก็ถูกตัดพร้อมกับเครื่องปรับอากาศที่ดับลงด้วย และฉันอยู่ในนั้นมากกว่าหนึ่งวัน ...รู้สึกเหมือนจะตายเลย”

   ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือและยังหอบหายใจหนักอีกด้วย มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นแน่...

   “พอออกมาได้... ก็ต้องมารู้อีกว่าแม่ทิ้งฉันไปแล้ว...”

   เกลียด เกลียดความคิดไปเองของตัวเองแล้วแม่งดันตรงกับความจริง

   ผมกอดเขาให้แน่นขึ้น ให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว

   “ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่ชอบความมืด...”

   “ขอบคุณครับ ที่เล่าให้ฟัง” กดริมฝีปากลงที่ข้างแก้มของเขาเบา ๆ “อยากร้องไห้อีกไหมครับ?”

   “ไม่ ฉันร้องมามากพอแล้ว”

   “คนเก่ง”

   สิ้นคำนั้นของผม เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก มันเงียบไปนานจนผมคิดว่าตัวหอมอาจจะหลับไปแล้ว เมื่อขยับตัวจะดันให้เขานอนดี ๆ แขนเล็ก ๆ ก็บีบแขนผมไว้ แล้วยังเงยหน้ามามองตาขวางอีก


   “นึกว่าหลับแล้ว”

   “นายจะไปเหรอ?”

   “อยากให้อยู่เหรอ?” เขาไม่ตอบ ผมขยับออกมานั่งขัดสามาธิและหันหน้าเขาหาณภัคที่นั่งชันขาอยู่ข้างหน้า ให้นั่งตักนาน ๆ มันก็เมื่อยนะ “ว่าไง อยากให้ผมอยู่ด้วยเหรอ?”

   “...อืม”

   “ผมโทรหาพี่พีทให้ไหม?”

   “นายจะไม่อยู่กับฉันเหรอ?”

   “พรุ่งนี้ผมต้องไปโรงเรียนนะครับ ไม่มีชุดไง”

   “ไม่มีชุดใส่ไปดูหนังกับผู้หญิงคนนั้นล่ะสิ”

   “ผู้หญิงคนนั้นที่ไหน บ้าแล้ว”

   “ที่นายคุยโทรศัพท์ด้วยไง เบื่อฉันล่ะสิ จะทิ้งฉันใช่ไหม อือ จะไปก็ไปเลย ใคร ๆ ก็ทิ้งฉันอยู่แล้วนี่”

   ให้ตาย ไม่รู้จะหน้าบึ้งหรือยิ้มดี อาการงอแงของเขามันก็...น่ารักดีนะ แกล้งให้ร้องไห้ดีไหม แต่ผมไม่ชอบน้ำตาเขาเลยว่ะ

   “ใครจะทิ้งคุณกัน”

   “นายไง! นายไม่รับโทรศัพท์ฉัน ไม่ตอบข้อความด้วย แถมยังคุยกับผู้หญิงอีก แล้วไหนจะไปถ่ายรูปคู่กับไอ้เด็กผีนั่นด้วย!”

   “มันไม่มีอะไร” ผมว่าแล้วบอกถึงเหตุผลถึงสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ คนอายุมากกว่าหรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อ แต่เพราะผมไม่เคยโกหก เขาถึงเลิกจับผิด ผมไม่มีอะไรจะปิดบังเขานะ เพียงแค่เขาถาม ผมก็จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เพราะผมมีตัวอย่างจากการไม่คุยกันให้เห็นแล้ว ว่ามันทำให้เรื่องเลวร้ายมากขนาดไหน

   “คุณนั่นแหละที่จะทิ้งผม”

   “ฉันจะทิ้งนายยังไง นายนั่นแหละ นายเมินฉัน”

   “เออ เมิน ก็ไม่พอใจ พอมีคนที่ชื่อคิงอะไรนั่นคุณก็ไม่สนใจผม”

   “นาย... ได้ยินเหรอ?”

   “ครับ ผมได้ยิน ได้ยินว่าเสียงของคุณมันดีใจขนาดไหน”

   เชี่ย พูดแล้วก็เจ็บ ทำไมต้องพูดอะไรแบบนี้ด้วยวะ ตัวหอมกะพริบตาปริบ ๆ เหมือนพูดไม่อะไรไม่ออก ผมแสยะยิ้มก่อนจะนั่งหันข้างให้เขาและยกแขนขึ้นกอดอก

   “พี่คิง... เป็นรักแรกของฉัน”

   “รู้แล้ว ทิวากาลบอก” เขาเงียบ “ถ้าไม่อยากให้ผมอยู่ด้วยก็ไล่ผมนะครับ เพราะผมไปจากคุณเองไม่ได้”

   “ไม่ไล่...”

   “รอให้เขามาก่อนเถอะแล้วคอยดูกัน”

   “ถ้าไม่อยากให้อยู่ ก็ต้องไล่ไปตั้งนานแล้วสิ...”

   เมื่อได้สบกับนัยน์ตาเรียวของเขาผมก็ทนไม่ไหวจนต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้และแนบริมฝีปากลงไปบนปากสีแดง ๆ ของเขา ตัวหอมเอนตัวจนแผ่นหลังแนบกับโซฟา ผมสอดมือเข้าไปประคองท้ายทอยของเขาเอาไว้และกดจูบให้กระชับขึ้น เลาะเล็มกลีบปากนิ่ม ก่อนจะค่อย ๆ สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไป

   เสียงหอบหายใจของเราดังประสานกันเมื่อผละริมฝีปากออกมา เรามองตากัน และเป็นเขาที่กดศีรษะผมลงไปรับจูบอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานก็ต้องผละออกเพราะมีเสียงกริ่งจากหน้าประตูดังมาขัดจังหวะ ตัวหอมมีสีหน้ามึนงง ในขณะที่ผมทึ้งหัวและจิปากอย่างหงุดหงิด การกดกริ่งด้วยจังหวะบ้าบอแบบนั้นมีอยู่คนเดียวที่ผมรู้จัก

   จันทร์เจ้าไงเล่า!!!

   “กลับบ้าน!”

   หมูอ้วนร้องสั่งเมื่อผมเปิดประตู ตาคมจ้องพี่ชายเขม็ง แต่อีกคนกลับไม่กลัวอะไร ข้างหลังนั้นคือทิวากาลที่ยืนอยู่ด้วย ตากลม ๆ ของจันทร์เจ้าตวัดมองไปด้านหลังผมอย่างไม่เป็นมิตร ผมขยับไปบังตัวหอมเอาไว้ และสายตานั้นมันจึงทิ่มแทงผมแทน

   ไอ้หมูผีกระชากแขนของผมแล้วลากออกไปที่ลิฟต์ เกิดมาแรงเยอะอะไรตอนนี้วะ!

   หันไปมองด้านหลัง ณภัคกำลังหน้าเหวอ

   “อ้วน แฟนอ้วนกอดเขาอยู่”

   “ว่าไงนะ!” หมูผีหันขวับไปมอง เห็นทิวากาลกำลังกอดตัวหอมของผมอยู่พอดี เหมือนหน้ากลม ๆ จะกลายเป็นสีแดง

   “พี่ทิวา เราจะกลับบ้าน!”








--------------------------------
โอ้โหหหหหหหห จะอัพตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนตอนนี้ 4 ทุ่มละ ขอโทษษษษษษษษษ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้า บายยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 19-04-2017 22:17:45
ทำไมจันทร์เจ้าเกรี้ยวกราด เป็นอะไรหมูอ้วนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 19-04-2017 22:27:41
นี่มันเรื่องอารายกานนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 19-04-2017 22:32:12
หมูอ้วนเป็นรายยยนย :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-04-2017 22:36:08
จริงใจเยอะอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-04-2017 22:58:19
ถือว่าเคลียกันแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 19-04-2017 23:02:03
จันทร์เจ้าเป็นไรอีกอ่ะ อยู่ๆ ก็เป็นลมบ้าหมูงี้หรอ
ตอนอยู่บ้านเหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์ของจริงใจกับภัคแล้วปะ... อยู่ๆ มาเกรียวกราดคืองงเวอร์ ไปเลยไป ไอพี่น้องคู่นี้ ทิวาจัดการเคลมภัคไปเลย หมั่นไส้จริง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 19-04-2017 23:06:03
โอ้น :ling1:ตัดจบแบบนี้อีกและอ่ะ รู้สึกกำลังเพลินๆอยู่เลย จบซะและ :ling3: :katai4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 19-04-2017 23:21:26
แอบคิดว่าคนที่มาเจอภัคจะเป้นครามกับคลื่นนะ
หรือไม่ก้คิงไปเลย เอาให้จิงใจมันจุกอกไปเลย
ไม่รุ้อ่ะเราไม่ปลื้มพระเอกเรื่องนี้ แต่ชอบจันทร์เจ้ากับภัคมาก จิงใจแบบยื้อทำอะไรก้ไม่รุ้ หรืออาจเพราะความคิดเป้นโตเลยดูเยอะเเยะไปหมด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 19-04-2017 23:31:24
หมู เกรี้ยวกราดอะไรคะลูก หิวเหรอ เนื้อย่างมั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 19-04-2017 23:36:45
เกิดอารมณหวงน้องขึ้นมาหรือไงหมูน้อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-04-2017 23:57:18
เจ้าหมูแก้มกลมเกรี้ยวกราดทำไมมม :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-04-2017 00:18:39
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-04-2017 01:26:24
ตกลงอ้วนจะห่วงใครมากกว่ากันเนี่ย 555 มือนึงน้อง อีกมือก็เเฟนหรอ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 20-04-2017 02:16:12
โหยยยย สงสารภัค คือเราเป็นคนกลัวที่แคบ แค่โดนขังในที่แบบนั้นแค่5นาที เราก็แย่แล้วนะ แต่ภัคเจอแบบ... อิพ่อควรรีบตาสว่างนะคะ ก่อนที่ลูกจะตายไปก่อน คนทำภัคคือไม่ใช่แค่ร้ายแล้ว เข้าข่ายอำมหิตค่ะ
ป.ล. ฉันรักความเถรตรงของจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-04-2017 06:31:50
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-04-2017 06:55:01
โหยยยย สงสารภัค คือเราเป็นคนกลัวที่แคบ แค่โดนขังในที่แบบนั้นแค่5นาที เราก็แย่แล้วนะ แต่ภัคเจอแบบ... อิพ่อควรรีบตาสว่างนะคะ ก่อนที่ลูกจะตายไปก่อน คนทำภัคคือไม่ใช่แค่ร้ายแล้ว เข้าข่ายอำมหิตค่ะ
ป.ล. ฉันรักความเถรตรงของจริงใจ

นี่ตั้งใจเอาให้ถึงตายเลยนะเนี่ย
ฆาตกรรมชัดๆ แย่งผัวเพื่อน แล้วยังจะฆ่าลูกเขาอีกด้วย
คนทำคงเป็นนังเมียน้อยสินะ เลว ชาติชั่ว
จะ คอยดูจุดจบ นังมารร้าย :ling1: :ling1: :ling1:

หมูอ้วน รู้อะไรที่เกี่ยวกับภัค ใช่คิง รักแรกของภัค หรือเปล่า
เลยทั้งโกรธ ทั้งสงสารเด็กปีศาจ มาดึงกลับบ้านซะเลย

ก็เข้าใจทั้งภัค ทั้งวอแวบอย
เรื่องมันหน่วง จากภัคก่อน วอแวเลยทำตัวไม่ถูก
ไหนจะไม่ชอบเด็ก การกระทำที่ไม่เหมือนคบ
ไหนจะแฟนเก่า การสื่อสาร ตัดสินใจผิดพลาด
มันกระทบทั้งภัค ทั้งจริงใจ
แต่หมูอ้วนกระตุ้นได้ถูกจังหวะนะ เลยตามหาภัคกัน
ไม่งั้นจริงใจ จะเสียภัคไป

มายด์ นี่เมื่อไร จริงใจจะตัดจบ
ให้เพื่อนรักได้รู้เช่น เห็นนางชั่ว
คบคนไปเรื่อย ทั้งที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-04-2017 08:15:32
จันทร์เจ้าแกล้งจริงใจแน่ๆเลย 55555

จริงใจคนแมนของแม่ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-04-2017 15:06:48
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-04-2017 16:35:10
หมูแสดงอิทธิฤทธิ์
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 20-04-2017 19:28:39
พีคตรงหมูอ้วนจะหึงทิวาหรือหวงน้องนี่แหละ ฮ่าๆๆ o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 21-04-2017 11:06:53
ปมเยอะก็กรรไกรตัดซะนะ รำคาญแทน ชูนิ่วกลางใส่หน้าแม่เลี้ยงเลยไป แล้วพูดว่าอิชอกการี มันซึ้งแน่ แล้วเรื่องทั้งคู่ถ้าจะเคลียร์กันยาก เจอทะเลาะกันนะ นี่ :z6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 21-04-2017 23:16:56
หมูอ้วนเป็นอะไรล่ะนั่น หวงน้องเหรอ
หรือหิว 5555
ตัวหอมกับวอแวบอยจะเอาไงกันคะ
ตกลงอะไร ยังไง อ่านๆไปเริ่มไม่แน่ใจ
เหมือนเล่นๆ ไม่จริงใจกันทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-04-2017 00:01:55
ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนอะไรของเรื่องไหม
แต่ที่จริงใจ แอบคุยกับแฟนเพื่อนสนิท คือชั่วมากอะ ในความคิดเรานะ
อภัยกับความอินของเรา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-04-2017 09:56:51
โอ๊ยยยยยน่อออ เป็นอะไรกัน

สงสารณภัค เจอแต่ละเรื่อง แล้วดูพ่อ ยังดีมีณภัท ถึงจะช่วยได้ไม่มาก ก็ดีกว่าไม่มีใครเป็นคนในครอบครัว
เซนส์ดีจริง จริงใจ กว่าจะรู้ตัวว่า เค้าต้องการนะคนเรา ทำซึนไปอีก

ณภัคอ้อนที จริงใจลอยไปเลยค่ะ น่ารัก จริงใจไม่อยากไปหรอกนะ ตัวหอมต้องบอกนะ

แล้วเด็กแก้มกลมเป็นอะไร มาเป็นพายุเลย ฟ้าฟาดแน่ทิวา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 32 ผมกับเรื่องบ้าบอ | 19-4-60 | P.26
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-04-2017 16:10:33
อยากถามจันทร์เจ้าว่า "เป็นบ้าเหรอ?" ขัดจังหวะทำไมคะ ฮึ่ยยย~~
เซงมายด์ด้วย จริงใจอ่อยไว้แบบนี้ระวังจะเป็นปัญหาที่หลังนะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 25-04-2017 22:26:01
ความที่ 33
ผมกับการคุยอย่างจริงจัง





   เมื่อคืน... ผมไม่ได้กลับบ้าน แต่นอนค้างที่คอนโดตัวหอมแทน ที่จันทร์เจ้ามาโวยวายนั้นมันก็แค่แผน หมูอ้วนกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นที่พักของทิวากาล พอผมถามว่าไม่กลับบ้านเหรอ เจ้าตัวก็บอกคำเดียวสั้น ๆ ว่า หลอก ผมเอ๋อแดกไปเลย ทิวากาลก็ไม่ต่างกัน

   พี่ชายยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะต้องหน้าบึ้งเมื่อทิวากาลพูดว่าจะชวนณภัคขึ้นมา ปกติจันทร์เจ้าเข้ากับคนง่าย แต่ผมก็ไม่รู้ทำไม ไอ้อ้วนถึงได้เป็นแบบนี้กับตัวหอม อาจเป็นเพราะผม ที่ไม่บอกเจ้าตัวไปแต่แรก เลยหาเรื่องจะเอาคืน ที่ผมไปขัดขวางทางรักของเขากับทิวากาลด้วย

   อืม ก็เป็นไปได้

   จันทร์เจ้าเหมือนจะกัดตัวหอมตลอดเวลา ส่วนณภัค เขามองพี่ผมเหมือนจะถามว่า เป็นบ้าอะไร ทางสายตา เพราะทิวากาลกับตัวหอมสนิทกันอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องใส่เกราะกับผู้ชายของพี่ ผมเลยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาขึ้นมาอีก จันทร์เจ้าที่นั่งฟังอยู่ด้วย เมื่อได้ยิน การ์ดที่เคยตั้งไว้ ก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างไม่รู้ตัว...

   ทำเหมือนไม่สนใจเขานะ แต่ก็แอบมองบ่อย ๆ เหมือนอยากเล่นด้วย

   พอดึกหน่อย จันทร์เจ้าก็หาววอด ทิวากาลไล่ไปนอน แต่ก็ยังจะลากแขนผมไปด้วย แต่คิดว่าทิวากาลจะยอมเหรอ แฟนพี่ผลักผมกับตัวหอมออกจากห้อง และล็อกตัวจันทร์เจ้าเอาไว้

   จากนั้น... ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

   “พี่ชายนายประหลาด”

   คือคำที่ณภัคพูดหลังจากมาถึงห้อง ผมครางรับคำ เพราะคิดไม่ต่างจากเขา

   หลังจากอาบน้ำ ออกมาเจอตัวหอมนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์เหมือนว่าจะทำงาน (ผมต้องยืมเสื้อผ้าของทิวากาลเพราะไม่มีชุดเปลี่ยน) เขาปิดคอมพิวเตอร์ เมื่อหันมาเห็นผม จากนั้น... เราก็นอนคุยกันจนดึก ในหลาย ๆ เรื่อง ปรับความเข้าใจ และทำความรู้จักกัน ไม่ใช่แค่ผมที่รู้เรื่องของเขาอยู่ฝ่ายเดียว ผม... ก็เล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟังด้วย

   อีกอย่างที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือ... ผมถามเขาว่า ทำไมพี่ครามรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ตัวหอมบอก เพราะเขาเคยหายตัวไปแล้วไม่มีใครติดต่อได้สักคน จนผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่เขากลับบ้านเอง หลังจากนั้น พี่คลื่นกับพี่ครามก็ทำเครื่องติดตามติดตัวณภัคไว้ ซึ่งมันฝังอยู่ในจิวสีดำที่หูซ้ายของเขา และมันถอดออกไม่ได้นอกจากคนใส่ ซึ่งก็คือพี่คราม

   ถึงว่า... ไม่เห็นเขาถอดมันเลย



   “นายจะไม่ไปโรงเรียนหรือไง?”

   “ไม่รู้ครับ”

   “อะไรวะ”

   “ช่างผมเถอะน่า คุณรีบไปแต่งตัวเลย”

   “ทำไม ใจสั่นเหรอ?” คนอายุมากกว่าโน้มตัวเข้ามาหา ทำให้สาบเสื้อคลุมอาบน้ำของเขามันตกลง ผมยิ้ม จากนั้นไม่ถึงวินาทีก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิม

   “ไม่”

   “จิ๊!”

   “ไปแต่งตัว ..หรือจะให้ผมแต่งให้ครับ หืม?”

   “ก็แย่ละ”

   เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งผมไว้คนเดียว

   เดี๋ยวนี้ชักจะพัฒนา ติดคำผมไปใช้บ่อยเกินไปแล้ว เดี๋ยวก็เก็บค่าลิขสิทธิ์เสียเลยนี่

   ตอนนี้เลยแปดโมงเช้าไปแล้ว ตัวหอมมีเรียนสิบโมง ผมตัดสินใจได้แล้วล่ะว่าวันนี้โดดเรียนดีกว่า จะไม่บอกไอ้เนตรเพราะขี้เกียจฟังมันโวยวาย

   “นายจะกลับยังไง?”

   “แท็กซี่”

   “อ่า...”

   “อยากให้อยู่ด้วยเหรอ?” ผมแกล้งกระแซะ ตัวหอมเบ้ปาก ทำท่าขนลุก

   โธ่ ทำมาเป็นไม่ชอบใจ เมื่อคืนใครกันที่กอดผมไว้ไม่ปล่อย

   “ตั้งใจเรียนนะ” พูดพร้อมกับวางมือบนหัวของตัวหอม คนที่อายุมากกว่าแต่ถูกทำเหมือนเป็นเด็กเหลือกตามองมือของผมแล้วปัดออก

   “ลามปาม” ยักไหล่ไม่สำนึก ก่อนสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “เรียกแท็กซี่แล้วเหรอ?”

   “ครับ”

   จากนั้นก็เหมือนมีเดธแอร์ เราแค่มองกันเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ตัวหอมยังยืนอยู่กับผมที่หน้าคอนโด แม้ว่าเขาจะไปเรียนตอนนี้เลยแล้วทิ้งผมไว้คนเดียวก็ได้ เหลือบสายตามองคนอายุมากกว่าที่ตอนนี้กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ผมยกแขนขึ้นไปกอดคอเขาไว้แล้วรั้งให้มายืนใกล้ ๆ เพราะมีคนเดินสวนมาแล้วเกือบจะชนเขา

   อากาศวันนี้ถือว่าดีเพราะไม่ร้อนมาก อาจเพราะผลบุญจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนและอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วย

   “ตอนเย็นให้ผมไปหาไหม?”

   “ว่างเหรอ?”

   “หลังจากซ้อมดนตรีเสร็จก็ว่างครับ”

   “อ้าว ไม่ไปดูหนังเหรอ?” ผมหน้าบึ้ง ตัวหอมหัวเราะหึแล้วบิดแก้มผมไม่เบานัก พอรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไรอยู่เข้าหน่อยก็ขยี้จังเลย ผมไม่น่าบอกเลยว่ะ น่าจะปล่อยให้เขางอแงก่อน อยากรู้ว่าจะทำยังไง

   “ไป แต่ยังไม่รู้เลยว่าวันไหน”

   “จิ๊! ปล่อย ฉันจะไปเรียนแล้ว!”

   “หึ ไม่งอแงน่า...”

   “น่ารำคาญ” คนบอกว่าจะไปเรียนก็ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ผม “ใคร!?”

   ตัวหอมถามเสียงขุ่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา ผมอมยิ้มแล้วโชว์ให้เขาดู คนโทรมาคือไอ้เนตร ผมรับสาย จากนั้นก็รู้เลยว่าความฉิบหายมาเยือนแล้ว... บรรลัยแน่ ลืมไปเลยว่ามีสอบย่อย และไม่สามารถตามไปขอสอบย้อนหลังได้ จากที่ตั้งใจว่าโดดเรียนจึงต้องรีบไปโรงเรียนแทน

   “มีอะไร?”

   “ผมมีสอบว่ะ ต้องไปโรงเรียน”

   “ก็ไปสิ สอบเมื่อไหร่ จะทันหรือเปล่า?”

   พยักหน้าหงึกหงัก ทันแหละ สอบคาบบ่ายนู่น แต่ผมไม่อยากไปไง ขี้เกียจไปแล้ว สอบห่าอะไรวันนี้วะ!

   “แท็กซี่มาแล้ว ฉันไปล่ะ”

   เขาบอกแล้วเดินไปเลย ผมครางรับพลางล้วงกระเป๋าตัวเองระหว่างรอแท็กซี่เข้ามาจอด เดี๋ยว... นอกจากโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีอะไรเลยนี่หว่า...

   “ภัค!!!”

   “.....?”

   “ขอตังค์หน่อยครับ”


   ผมได้เงินจากตัวหอมมาห้าร้อยบาทถ้วน คนมันจะฉิบหายอ่ะเนอะ เพราะเมื่อวานรีบมากจึงหยิบมาแค่โทรศัพท์มือถือ วันนี้ผมจึงไม่มีอะไรติดตัวเลย (แม้แต่ชุดยังเป็นของทิวากาล) หน้างี้ชาไปหมดตอนที่ตัวหอมหัวเราะออกมาเสียงดัง เวรเอ๊ย มีอะไรตลกหรือไงวะ ก็แค่ไม่มีตังค์เนี่ย

   ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่สาธารณะผมจะล็อกคอเขาแล้วปิดปากแดง ๆ ที่กำลังหัวเราะร่าด้วยริมฝีปากของผมเอง!



   “ไอ้สัด ทำไมไม่มาตอนเช้าฮะ!?”

   “ตื่นสาย” ตอบไอ้เนตรไปสั้น ๆ มันทำท่าเหมือนอยากขยำคอผมให้แหลก

   “มาติวให้กูเลย”

   “ก็แย่ละ”

   “แย่แน่ถ้าไม่ติว เมื่อเช้าไอ้วาฬก็มาแต่มึงไม่อยู่ สภาพอย่างหมาอ่ะ”

   “เหมือนมึงอ่ะนะ?”

   “อี--- เออ เหมือนกูก็ได้ มามึง ยังมีเวลาอยู่ ติวให้กูหน่อยดิ”

   ทนรำคาญไม่ไหวจึงยอมติวให้มัน ก็ถือว่าทบทวนตัวเองไปด้วยแล้วกัน จากตอนแรกมีแค่ผมกับไอ้เนตรสองคน ไม่รู้ตอนนี้มีเพื่อนคนอื่นในห้องมามุงจนเกือบสิบตั้งแต่เมื่อไหร่... การสอบย่อยผ่านไปอย่างไม่ยากเย็นสำหรับผม เพราะเรียนมาแล้วไง และก็ยังไม่ลืม ส่วนภูวเนตร... ทั้ง ๆ ที่มันไม่ยากอะไร แต่มันกลับทำให้มันยาก

   เรื่องของแม่ง

   “มึงไปไหนต่อ?”

   “ซ้อมดนตรี มึงอะ? เดทกับแฟน?”

   “ไม่รู้ว่ะ” ผมเลิกคิ้วสูง “ช่วงนี้มายด์ไม่ค่อยสนใจกูละ รอวันถูกบอกเลิกอยู่”

   “ทำไมมึงไม่บอก แหกกฎตัวเองบ้างก็ไม่ตายหรอก”

   “ไม่อ่ะ กูตั้งปณิธานไว้แล้ว ถ้าแค่กฎที่ตัวเองตั้งขึ้นยังทำตามไม่ได้ แล้วจะไปทำตามกฎของคนอื่นได้ยังไงวะ”

   เออ เรื่องของมึงแล้วกัน

   ผมกับเนตรแยกกันแค่นั้น มองตามมันที่ขับรถออกไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือก ผมต้องเร่งแล้วว่ะ ไม่อยากทำอะไรแบบนี้จริง ๆ นะ แต่มันจำเป็น

   มึงต้องเข้าใจกูนะภูวเนตร




   “พี่จริงใจมาแล้ววววววววววว!”

   “อะไร?”

   “พี่ฟ่างจะแดกหัวไจ๋อยู่แล้ว พี่จริงใจช่วยด้วย”

   “มึงมานี่เลยไอ้ไจ๋ มึงมานี่!!!”

   “อะไรวะ?” จะให้กูช่วยอะไรพวกมึงก็บอกกูก่อนได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมส่งสายตาไปหาวาฬที่กำลังลูบคลำเบสลูกรักของมันอยู่ ไอ้วาฬสั่นหัวมาให้ ผมจึงเลิกสนใจมัน

   “ไอ้เหี้ยไจ๋ดิ มึงดูเลยนะจริงใจ ดูน้องมึงเลย กูบอกมันดี ๆ แม่งเสือกมาตะคอกใส่กูเฉย หน้าหมา! สันขวาน เลี้ยงเสียข้าวสุก!”

   “อะไร! ก็พี่ฟ่างนั่นแหละ พูดย้ำ ๆ อยู่ได้ คนเขาฟังมาเป็นสิบรอบแล้ว ไม่รู้เหรอว่ารำคาญ”

   “หุบปากไปเลยมึง!”

   “ไม่!!!”

   “ไอ้ไจ๋!!”

   “พี่จริงใจดูนะ ดูพี่พี่เลยนะ ไจ๋อยู่ของไจ๋ดี ๆ พี่ฟ่างก็มาหาเรื่อง บอกว่าไจ๋ไม่ตั้งใจซ้อม ไม่ตั้งใจบ้าอะไรล่ะ ที่ทำอยู่เนี่ยเล่นหมากเก็บเหรอ! Brainless!”

   “นี่มึงด่ากูไม่มีสมองเหรอไอ้ไจ๋!”

   “ถ้าพี่มีสมองพี่ก็ต้องคิดได้สิ!”

   “หนอยยยยยยย!”

   “เหี้ยไรเนี่ย ไร้สาระ พอเลยพวกมึง”

   “ฮึ่ย!” พวกมันกอดอกสะบัดหน้าหนีกันไปคนละทาง เชี่ย อยากตบสักคนละที

   “ไป ไปประจำที่ของพวกมึงเลยนะ ถ้าไม่ซ้อมกูจะได้กลับ”

   เมื่อผมพูดออกไป ไอ้สองคนนั้นที่ตีกันแทบตายก็วิ่งเข้าไปกอดกันเหมือนรักมากมาย ผมกลอกตาในขณะที่วาฬหัวเราะ จากนั้นเราจึงเริ่มซ้อมกัน... พอมารวมตัวกันและอยู่กับสิ่งที่ชอบเหมือนกันดูคล้ายว่าจะลืมเวลาและสิ่งรอบข้างไป พวกเราซ้อมไปเรื่อย ๆ จริงจังสลับกับเล่นบ้าง จากที่เล่นเพลงเศร้ากันอยู่ดี ๆ จู่ ๆ น้องเล็กก็เปลี่ยนโหมดไปเล่นเพลงช้าง ทำเอาเลี้ยวกลับมาแทบไม่ทัน

   ข้าวฟ่างตะโกนด่า แต่มันก็เล่นตามไจ่ไจ๋ไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่วาฬและตัวผมเอง

   “เชี่ย โคตรมัน”

   “จริงสุดเลยพี่วาฬ สุดยอดอ่ะ เราชนะแน่!”

   “พูดดีมาก มากูซื้อขนมให้แดก”

   “ขอมาการอง”

   “ห่า เล่นของแพงไปอีก ไปขอจริงใจนู่น มันรวย”

   ผมยกนิ้วกลางให้ข้าวฟ่างแทนคำพูดใด ๆ ที่จะออกจากปาก

   “เฮ้ย! จะสองทุ่มแล้ว!”

   “อ้าว เลิกเลย ถึงว่าหิวขนาดนี้” พวกมันสามคนเริ่มเก็บของ ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าใช้เวลาไปนานขนาดนี้

   พอเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็มีสายไม่ได้รับเยอะแยะไปหมด รวมทั้งพวกข้อความอีก

   มีหลายคนโทรมาหา แต่คนแรกที่ผมเลือกจะโทรไปหาเขาก่อนคือ... ณภัค

   (“.........”)

   “คุณครับ”

   (“ทำไมไม่รับสาย?”)

   “ซ้อมดนตรีอยู่ครับ”

   (“เหรอ นึกว่าไปดูหนัง”)

   อ่ะ ประเด็นนี้จะเล่นไม่เลิกใช่ไหม

   “ก็แย่ละ ให้ถ่ายรูปส่งให้ตอนนี้เลยไหม?”

   (“ส่งมาดิ”)

   ณภัคเวอร์ชั่นขี้หวงก็เข้าใจยากเหมือนกันเนอะ ผมสั่นหัวกับตัวเอง วางสายจากเขาไปก่อนแล้วเปิดกล้องหน้าขึ้นมา ยืมโทรศัพท์จากไจ่ไจ๋เพื่อที่จะให้เห็นเวลาบนหน้าจอ จากนั้นก็ส่งรูปไปให้เขาทางโปรแกรมแชท

   (“โทรศัพท์ใคร?”)

   “น้องครับ เชื่อยังว่าอยู่ห้องดนตรี”

   (“ก็ได้...”)

   “เฮ้ยพวกมึง จะกลับเลยหรือหาอะไรกินก่อนวะ?” เสียงหัวหน้าวงตะโกนถาม

   “แดก” อันนี้ผมตอบเอง

   “พี่จริงใจเลี้ยง เย้!!”

   ขยับปากด่าแบบไม่มีเสียง ผละออกมาเก็บของของตัวเองบ้าง แต่ก็ยังไม่วางสายจากตัวหอม

   (“ยังไม่ทานข้าวเหรอ?”)

   “ยังครับ เพิ่งซ้อมเสร็จ คุณทานอะไรยัง?”

   (“อือ...”)

   “เป็นอะไรครับ? เบื่อเหรอ?”

   (“นิดหน่อย”)

   “มาหาผมสิ”

   (“นายอยู่กับเพื่อน”)

   “ไม่เป็นไร มาทานข้าวกัน มานะครับ”

   วางสายไปหลังจากตัวหอมตอบตกลง พอหันมาก็เจอกับสามคนนั้นกอดอกหรี่ตามองราวกับผมทำความผิดอะไรเอาไว้ รู้แหละว่าจะเสือก แต่กูไม่ให้เสือก มีปัญหาอะไรหรือไง

   “ถ้าไม่อยากให้กูปากโป้ง มึงต้องเลี้ยงนะน้องจริงใจ”

   กลัวที่ไหนล่ะ ถ้าไม่อยากให้พวกมันรู้ ผมจะชวนตัวหอมมาทำไมกัน



   เราใช้เวลาแค่ไม่นานก็เดินมาถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่รวมหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน เพราะร้านไม่ได้อยู่ไกลจากห้องซ้อมมาก เราจึงเลือกที่จะเดินมา พอได้ที่นั่งก็แย่งกันสั่งอาหารเพราะหิวฉิบหาย ผมสั่งเซ็ทข้าวมาหนึ่งเซ็ทและสั่งมาเผื่อให้ตัวหอมด้วย ไว้อยากกินอะไรค่อยสั่งเพิ่ม

   “เฮ้ย!!” เสียงข้าวฟ่างร้องขึ้นมาท่ามกลางสีหน้างง ๆ ของวาฬและไจ่ไจ๋ ผมยังไม่ได้พูดอะไรนอกจากดันหลังตัวหอมให้นั่งที่เก้าอี้ข้างผม

   เพราะผมบอกให้เขาจอดรถไว้ที่คอนโดผม ผมจึงต้องเดินไปรับเขามาที่ร้านนี่ไง

   “แฟนพี่จริงใจเหรอ?”

   “เปล่า” ผมบอก

   “อ้าว”

   “มาได้ไงอะ สวัสดีครับพี่” ข้าวฟ่างที่รู้ว่าตัวหอมเป็นใครก็ชวนเขาคุย ส่วนสองคนที่เหลือมันพูดมากอยู่แล้ว เข้ากับคนง่าย ไม่นานมันก็คุยกับณภัคจนคนอายุมากกว่าต้องสะกิดให้ผมช่วย

   แต่ก็ดีที่ไม่มีใครถามขึ้นมาอีกว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน เพราะผมเองก็ไม่รู้...

   ทานอาหารกันไปกว่าชั่วโมง ของกินที่สั่งมาเต็มโตก็หมดเกลี้ยง กินคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เหมือนกินตุนไว้เผื่อสามเดือนข้างหน้า สภาพแต่ละคนบอกเลยคืออืด ไม่เว้นแม้แต่ผม อิ่มมากจนต้องนั่งนิ่ง ๆ ผู้รอดชีวิตมีอยู่คนเดียวคือตัวหอม เพราะเขาทานไม่เยอะ

   “เอากระเป๋าเงินพวกมึงมา” ผมยื่นมือไปข้างหน้าพลางกระดิกไปมา วาฬกับข้าวฟ่างยิ้มสนุกและส่งกระเป๋าสตางค์ให้อย่างไม่อิดออด ส่วนไจ่ไจ๋ก็งอแงไปตามระเบียบ

   “เล่นอะไรกัน?” ณภัคถาม

   “คืองี้ครับพี่ ปกติเวลาพวกเรากินข้าวด้วยกันงี้จะเอากระเป๋ามาวางให้พนักงานหยิบอ่ะครับ ถ้าเขาเลือกของใคร คนนั้นก็ต้องเป็นคนจ่าย” วาฬอธิบาย ส่วนผมเอากระเป๋าสตางค์ทั้งสี่ใบ(รวมของตัวเอง)มาวางบนพื้นที่ว่างของโต๊ะ รอพนักงานมาเลือก

   “เอาของฉันไปด้วยสิ”

   “คุณทานไปนิดเดียว”

   “นิดเดียวก็ทานอยู่ดี เอาไปด้วย” โอเค ได้ ถ้าได้จ่ายอย่าร้องไห้แล้วกัน เพราะที่กิน ๆ กันไปเนี่ยหลายบาทแน่ ๆ

   “เลือกเลยครับผม” ข้าวฟ่างบอกกับพนักงานที่ทำหน้ามึนงงกับสถานการณ์ เธอใช้เวลาสักพักก็เลือกหยิบกระเป๋าสตางค์หนังทรงยาวขึ้นมา พวกที่ไม่ใช่เจ้าของก็ถอนหายใจโล่งกันไป

   “คุณโอเคนะ”

   “สบายมาก”

   ครับ ลืมไปว่าสวยและรวยมาก

   กระเป๋าที่พนักงานเลือกคือของตัวหอม อาจเพราะมันต่างจากใบอื่น ๆ ที่วางอยู่ ด้วยลักษณะ และที่สำคัญคือยี่ห้อที่อยู่บนกระเป๋า ไม่ว่าใครก็รู้ว่าแบรนด์นี้มันแพงขนาดไหน ถ้าผมเป็นพนักงานผมก็เลือกของเขานะ เพราะกระเป๋าใบละครึ่งแสนยังซื้อได้ แค่ค่าอาหารไม่กี่พันเขาต้องมีจ่ายแน่ ๆ

   เอาชัวร์ไว้ก่อน



   “เอ้าพวกมึง กราบ!”

   “ขอบคุณคร้าบบบบ!” ข้าวฟ่าง วาฬ และไจ่ไจ๋ถอยไปยืนเรียงหน้ากระดานและพูดออกมาพร้อมกันพร้อมกับยกมือไหว้ตัวหอมโดยมีข้าวฟ่างเป็นคนให้สัญญาณ

   เล่นเหี้ยอะไร

   “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้คร้าบ~”

   “เอ่อ...อืม ไม่เป็นไร”

   “พี่ภัคใจดี๊ใจดี ไม่เหมือนพี่จริงใจเลย มาบ่อย ๆ นะครับ มาดูเราซ้อมดนตรีก็ได้ ไจ่ไจ๋ยินดีต้อนร้าบ~”

   “วาฬก็ยินดีต้อนรับครับพี่ มาได้ตามที่พี่ต้องการเลยครับ”

   “ใช่ ๆ ฟ่างก็ยินดีต้อนรับมาก ๆ เลย มาเจอกันอีกนะครับ”

   ในขณะที่ตัวหอมกำลังมึนงง ผมก็ยื่นมือไปตบหัวพวกมันคนละที

   “หาเรื่องกินฟรีล่ะสิพวกมึง”

   “โหยยยยยย รู้ทัน!”

   “กลับบ้านไปได้ละ ไอ้เวร”

   “มึงนี่มันมารความสุขจริง ๆ เลยจักรพรรดิ” ข้าวฟ่างว่าผม ก่อนจะไปยิ้มแป้นแล้นให้ตัวหอม “ไว้เจอกันอีกนะครับ”

   “อ่า.. ครับ”

   “บ๊ายบายครับ พี่สะใภ้”

   ไอ้ไจ๋! ไอ้เด็กเวร!!




   “อยู่กับเพื่อนก็ขี้เก๊กแบบนี้เหรอ?” ตัวหอมถามขึ้นระหว่างที่กำลังเดินกลับคอนโด ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว แต่ผมยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่เลย ส่วนตัวหอม แต่งตัวราวกับฟุตปาธตรงนี้คือแคทวอล์ค คนละขั้วกับผมเลย

   “ขี้เก๊กอะไร ผมเป็นแบบนี้อยู่แล้วเถอะครับ”

   “หึ คิดว่าอยู่กับเพื่อนจะพูดมาก”

   “ไม่นะ ผมไม่ค่อยชอบพูด ขี้เกียจ คุณล่ะ? อึดอัดไหมครับ?”

   “ไม่ เพื่อนนายตลกดี ไจ่ไจ๋น่ารัก”

   “อย่าให้ภาพลักษณ์ภายนอกของมันหลอกคุณ เด็กผีชัด ๆ”

   “เหมือนนาย”

   “ก็แย่ละ”

   “อ้า! ชื่อวงของพวกนายมาจากอะไรเหรอ?”

   “His plus Fantasia” เขาเลิกคิ้วสงสัย ผมจึงอธิบายเพิ่มเติม คำว่า Histasia คือการเอาคำสองคำมารวมกันให้กลายเป็นคำเดียว แปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ ดนตรีและทำนองเพลงของพวกเขา

   พวกเขาที่ว่าก็คือเราทั้งสี่คน...

   “ไม่เข้าใจอยู่ดี”

   “อืม ช่างแม่ง”

   “นายจะช่างแม่งทุกอย่างเลยหรือไง”

   “ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่”

   “แล้วฉันล่ะ จะช่างแม่งด้วยหรือเปล่า?”

   “ถ้าผมช่างแม่งแล้วจะมายืนอยู่ตรงนี้เหรอครับ?”




   มาถึงคอนโดในเวลาต่อมา... โดยมีอีกคนตามมาด้วย เขาให้เหตุผลว่า ขี้เกียจขับรถ ซึ่ง คืนนี้ผมจะนอนนี่แหละ ดึกแล้ว แม่ก็บอกว่าไม่ต้องกลับบ้าน (โทรกลับบ้านตั้งแต่ก่อนไปหาอะไรกินแล้ว) เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ออกมาด้านนอก เจอตัวหอมกำลังนั่งมองห้องผมอยู่

   “ทำอะไรครับ ชอบเหรอ เห็นมองจังเลย”

   “อือ”

   “มันไม่มีอะไรเลยนะ”

   “ชอบเพราะมันไม่มีอะไร”

   “ชอบเจ้าของห้องด้วยป่ะครับ?”

   “ชอบ คุณเพลิงฟ้าใช่ไหม?”

   ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วเดินหนีเข้าไปในครัวเมื่อได้ฟังคำตอบ ไม่น่าบอกเขาเลยว่าห้องนี้เคยเป็นของใครมาก่อน เขาชอบทุกคน ยกเว้นผม ความจริงที่แสนสะเทือนใจ ผมเอาเบียร์ออกมาสองกระป๋อง สำหรับตัวเองและตัวหอม ก่อนออกไปนั่งกับเขาที่โซฟา

   “นี่...”

   “ครับ?”

   “วันนี้ฉันได้คุยกับพี่คิง”

   นิ่งไปนิดหน่อยแล้วเหลือบตามองเขา ตัวหอมกัดริมฝีปาก คงกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าดีหรือเปล่า

   “พี่เขาบอกจะถึงไทยพรุ่งนี้”

   “เหรอ ตื่นเต้นไหม?”

   “ก็... อืม”

   รักแรกนี่เนอะ จะมาทั้งทีไม่ตื่นเต้นได้ยังไง หึ

   “จะไปรับเขาหรือเปล่า?”

   “มีเรียน” ถ้าไม่มีเรียนก็คงจะไปสินะ... “นายอย่างอแงดิ!”

   “งอแงบ้าไร”

   “ก็นายหน้าบึ้ง แถมยังดุนลิ้นกับแก้มอีก” เมื่อเขาพูดแบบนั้น ผมจึงฉีกยิ้มส่งไปให้แบบฝืน ๆ “ชอบประชด! ที่ฉันบอกเพราะไม่อยากทะเลาะกับนายนะ”

   “ขอบคุณที่กรุณาครับ โอ๊ย!”

   “สมน้ำหน้า!” คนที่ปาหมอนใส่ผมไม่ได้สนใจเลยว่าผมจะเจ็บหรือเปล่า เห็นปากเชิด ๆ แล้วน่าแกล้งฉิบหาย

   “รักแรกกลับมาทั้งที ไม่โดดเรียนไปรับเลยล่ะครับ”

   “อ๋อ จริงด้วย ฉันจะแต่งตัวยังไงดี นายช่วยเลือกหน่อยสิ เอ๊ะ หรือจะให้ฉันช่วยนายด้วย จะไปดูหนังกับสาวนี่นา”

   ขี้ประชดพอกันนั่นแหละ

   “กวนตีน”

   “ชิ!”



   “ถ้าเจอเขาแล้วคุณจะลืมผมไหม ถ้าเจอเขาแล้วคุณจะไล่ผมไปไกล ๆ หรือเปล่า?”

   “ทำไมถามแบบนั้น?”

   “ก็เขาสำคัญกับคุณ เป็นคนที่คุณรัก ซึ่งผม... เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ อ๋อ เป็นเด็กที่คุณไม่ชอบไง”

   โป๊ก!

   “เพ้อเจ้อ” คราวนี้ไม่ใช่หมอน เป็นเป็นมือของเขาที่เขกลงบนหน้าผากของผมเต็ม ๆ

   “ไม่จริง?”


   “จริง”

   นั่นไง

   “ใครจะไปรู้ล่ะ พี่คิงเป็นรักแรกก็จริง แต่คิดว่าฉันจะรักเขาไปตลอดงั้นเหรอ ไม่เจอกันตั้งนานบางทีความรู้สึกมันอาจจะจางไปแล้วก็ได้”

   “มันก็แค่อาจจะนี่ครับ มันก็แค่จาง แต่มันไม่ได้หายไป”

   “นายเมาแล้ว”

   “ผมไม่ได้เมา” ผมเถียงกลับ เบียร์แค่กระป๋องเดียวจะเอาอะไรไปเมาวะ “ถ้าคุณเจอเขาแล้วยังรู้สึกรักเขาอยู่ก็บอกผม ผมจะได้รู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน ผมจะได้ตัดใจจากคุณ”

   “.......”

   “เพราะถ้าหากคุณไม่พูดอะไร และยังทำดีกับผม มันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ เข้าใจไหมครับ?”

   “.........”

   “ผมไม่อยากให้คุณรักเขาหรอก แต่ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณ ผมก็ห้ามไม่ได้”

   “......”

   “อย่าสงสารผม และบอกผมตรง ๆ ว่าคุณรู้สึกยังไง นั่นแหละ... ผมจะขอบคุณมาก ๆ”

   “โอ๊ยยยยย เลิกเพ้อได้แล้ว ก็ชอบนายละ---- oops!”

   เมื่อกี้ว่าอะไรนะ!!

   ผมเบิกตาโต ตัวหอมปิดปากตัวเอง ตาเขาก็เบิกกว้างเช่นกัน เรามองหน้ากันแล้วไม่มีใครพูดอะไร บอกตรง ๆ กูช็อก... และเหมือนตัวหอมจะพูดมันออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ให้ตาย แต่เขาว่าคำพูดตอนเผลอคือคำที่อยู่ลึก ๆ ในใจใช่ไหม?

   “ไม่ต้องมายิ้ม!” ผมไม่ทำตาม แถมยังฉีกยิ้มซะกว้าง “ฉันไม่ได้พูด เมื่อกี้แอดมินสอง...”

   แอดมินสองก็แย่ละ

   “เรามาคุยกันอย่างจริงจังได้ไหม?”

   “อะ อะไร?”

   “คุณคิดยังไงกับเขา?”

   “ฉัน....ไม่รู้ แต่ก็ดีใจที่จะได้เจอพี่คิง แต่ว่า....ฉันก็ไม่อยากเสียนายไป

   “........”

   “จริง ๆ นะ”


   เหมือนว่าจะเข้าใจเขา แต่เอาเข้าจริงก็หน่วงใช่เล่น เอาไงดีวะ หรือให้เขาเจอกันก่อนแล้วค่อยมาเคลียร์เรื่องความรู้สึกกันอีกที ก็ต้องรอดูนั่นแหละ ถ้าคิงกลับมาแล้ว เขาจะทำยังไง ถ้าเลือกเขา ผมก็จะตัดใจ ต่อให้เขาจะบอกว่าไม่อยากเสียผมไปก็ตาม มันไม่แฟร์กับผมเลยนี่ครับ ผมไม่อยู่เป็นตัวสำรองแน่ ๆ ถึงแม้เขาจะบอกว่าชอบผมก็ตาม

   อย่าทำให้ผมผิดหวังก็แล้วกันณภัค

   ไม่อย่างนั้นสิ่งที่คุณไม่อยากให้เกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นแน่ ๆ



   “อืม” ตอบรับไปแค่นั้นเพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

   “นาย...” ผมพ่นลมหายใจออกมา เดาะลิ้นหน่อย ๆ ก่อนแนบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากของเขา

   ความสัมพันธ์ของเรามันค่อนข้างที่จะทุลักทุเล ส่วนตัวผมแล้ว ผมชอบเขาแน่ ๆ และอยากมีเขาอยู่ด้วย แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็พร้อมจะเดินหนีจากเขาทุกเวลา นอกจากจะกลัวใจเขาแล้ว ผมก็กลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกัน การที่ผมเป็นแบบนี้อาจจะดูเหมือนว่าผมไม่จริงจังกับเขา เพราะดูไม่ค่อยสนใจอะไรและช่างแม่งกับทุกอย่าง

   แต่เชื่อเถอะ ผมไม่ล้อเล่นกับเรื่องนี้หรอก

   ในส่วนของณภัค เขามีความหลังที่ไม่ดีกับเรื่องความรัก มีข่าวดีคือ ตัวหอมมีใจให้ผมแล้วแน่จากการที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ แต่ข่าวร้ายคือ ผมไม่ใช่สเป็กของเขาตั้งแต่แรกไง ซึ่งมันไม่แปลกที่จะเกิดความลังเลและสับสน และประเด็นสำคัญ รักแรกของเขากำลังจะกลับมาในไม่ช้า ผมพยายามเข้าใจเขานะ มันคงตัดสินใจยาก เพราะหลาย ๆ อย่างมันพร่ามัวไม่มีความชัดเจน

   ผมเหมือนต้นไม้ที่บางครั้งก็ได้รับการดูแลอย่างดี และบางทีก็ถูกปล่อยปะละเลยจนทำให้ต้นไม้มันแทบจะแห้งตาย แต่พอมันจะตายไปแล้วจริง ๆ ก็มีสายน้ำมาให้ความชุ่มชื้นเสียอย่างงั้น

   “คุณ...เคยมีอะไรกับเขาหรือเปล่า?” ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้หลังจากที่ถอนจูบออกมาแล้ว เห็นปากแดง ๆ กับตาปรือ ๆ แล้วจึงกดริมฝีปากไปอีกรอบ ...มันก็แค่ เป็นการถ่วงเวลาแบบโง่ ๆ ถ้าเกิดคำตอบมันไม่ตรงกับสิ่งที่ผมอยากให้เป็น ก็คงจะเฟลไม่น้อยเลย

   “ไม่” ผมเลิกคิ้วขึ้น “ฉันเคยบอกนายว่าฉันไม่มีเซ็กส์กับคนที่ไม่ใช่แฟน”

   หืม... ไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ

   อ่า... เขาบอกว่ารักแรก ไม่เคยบอกว่าเป็นแฟนเก่าเสียหน่อย...

   “คุณรักเขา”

   “ใช่ เพราะในตอนที่ฉันกำลังแย่ ฉันมีพี่คิงอยู่ข้าง ๆ”

   เรื่องราวเยอะฉิบหาย แค่เรื่องอายุผมก็แพ้แล้ว ยังจะมีการผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาด้วยกันอีก เยี่ยมจริง ๆ

   ถ้าหากในวันที่ล้มลงแล้วมีใครสักคนคอยอยู่ข้าง ๆ ฉุดให้ยืนขึ้นอีกครั้ง เป็นที่พักพิง คอยดูแลเอาใจใส่ และพาก้าวผ่านเรื่องราวแสนสาหัสมาได้ มันก็ไม่แปลกหากเราจะตกหลุมรักคนคนนั้นได้ง่าย ๆ

   ช่วงเวลาที่คนเราอ่อนแอ เป็นเวลาที่เราใจง่ายมากที่สุด

   หวั่นไหวได้ง่าย ๆ เพียงแค่อีกฝ่ายทำดีด้วยแม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น










------------------------------------------
ฮายยยยยยยยยยยยยยยยย มาแล้วววววววว
ตอนนี้แบบ... อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ความแปรปรวน มาก TwT
มีความประสาทเสียอ่อน ๆ 55555555555555
เรื่องความรู้สึกของภัค มันยังไม่เคลียร์ เพราะต้องรอเจอพี่คิงก่อน แต่คุณเขาก็แอบมีใจให้เด็กเด๋อแล้วนะ ; _ ;
สปอยล์ตอนหน้า : จริงใจจะไปเจอมายด์เด้อ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ไว้เจอกัน บายยยยยยย ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 25-04-2017 22:51:04
เราลำใยจริงใจนะ  อ่านจากตอนของจันทร์เจ้ายังรู้สึกว่าลำใยนะแต่ไม่เท่านี้  แล้วจากตอนที่แล้วแอบคุยกับมายด์คือไรคือไม่ชอบการกระทำแบบนี้อ่ะ  ลำใยน่ารำคาญอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 25-04-2017 22:58:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-04-2017 23:05:07
ทุกอย่างที่เป็นณภัค ซับซ้อนมาก
ความคิด การใช้ชีวิต ครอบครัว อดีต ซับซ้อนโคตร
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 25-04-2017 23:05:40
จะว่าหน่วงมันก็ยังไม่ใช่ มันแค่อึนๆ อึมครึมเฉยๆ  :mew4: เคลียกันเร็วๆ หน่อย หนุ่มน้อยเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 25-04-2017 23:06:38
รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวววว มาเร็วๆๆนะฮะ :katai1:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-04-2017 23:27:28
ช่วงเวลาวัดใจทั้ง 2 ฝั่งสินะ
ณภัคบอกไม่มีอะไรกับคนไม่ใช่แฟน? แล้วเคสเด็กปีศาจคืออัลไล? ได้กันไปกี่รอบแล้วห๊าาาาา~~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-04-2017 23:29:23
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-04-2017 23:44:26
ทำไมมันหน่วงๆง่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-04-2017 00:05:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 26-04-2017 00:23:29
ขนาดเราเป็นคนอ่านยังไม่เข้าใจเจตนาเรื่องคุยกับมายด์เลยอ่ะ แล้วเนตรมันจะโอเคหรอ5555555
ส่วนสถานะความสัมพันธ์ ตัวหอมบอกไม่ ยิ้ม กับคนที่ไม่ใช่แฟน แต่หล่อนกับจริงใจยิ้มกันไปแล้วนะ! งี้ก็แฟนปะ555
รอพี่คิงกลับมา เอาให้ชัดแจ้งไปเลยนะณภัค ปล่อยจริงใจไปกับแผนบ้าๆ ของนาง อย่าไปสน!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 26-04-2017 00:26:25
ตาหลกตอนจริงใจยืมเงิน :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 26-04-2017 00:44:26
แปรปรวน และประสาทเสียอ่อนๆตามคนเขียนพูดเลย มันเป็นอะไรที่อธิบายได้ยากมากๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-04-2017 01:22:55
มันจะผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-04-2017 06:31:24
สวิงมาก   อารวมแปรปรวนทั้งเรื่อง 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-04-2017 08:43:09
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 26-04-2017 08:44:38
จริงใจคิดถึงจัง :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-04-2017 08:50:50
ใกล้ละจริงใจอีกนิดนะ มายด์ใกล้จะบอกเลิกเนตรละ แต่เนตรเหตุผลบ้าบอมาก เป็นเหตุผลที่ไม่ควรเป็นเหตุผล=.= นภัคก็ยังวนในอ่างทำร้ายจริงใจไปเรื่อยๆ นายจริงใจก็เป็นเด็กชายช่างแม่งที่เริ่มจะท้อรอกลับไปนอนเลียแผลละ รอติดตามกันต่อไป
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 26-04-2017 09:37:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-04-2017 10:29:14
มีสองมือก็จับมันสองคนเลยภัค วนมันเข้าไป จริงใจมันไม่ไหวมันก็ถอยเอง จบสวยสบายใจฟินๆ ไม่ต้องลงแรง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2017 10:31:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชั้นละสงสารจริงใจจริงๆ
เฮ้อออออ
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-04-2017 13:01:43
 :z6:

ถ้าเข้าใจไม่ผิด จริงใจพยายามแยกเพื่อนโง่ ออกจาก ผู้หญิงแย่ๆใช่ ไหม
นี่ด่าไปก่อนแล้ว เวรรร

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 26-04-2017 17:46:13
ตอนนี้เป็นตอนที่ชอบที่สุดในเรื่องตั้งแต่อ่านมา อาจจะมีคลายปมจากตอนที่แล้วที่ภัคเปิดใจ เลยทำให้ทุกอย่างดูสมูธขึ้น
ในตอนนี้ก็เหมือนสองฝั่งเปิดมากขึ้น พูดยาก
คนนึงปากแข็ง อีกคนขี้กลัวขี้กังวลปิดกั้น
มันเลยออกมาเทาๆ นี่เหมือนเติมสีฟ้า สีชมพูเข้าไป

อยากให้หันหน้าคุยกันทั้งสองฝ่ายแบบเปิดเลยนะ
แต่คิดว่าภัคก็ชอบน้องแล้วแหละ เหลือวัดใจหลังเจอพี่คิง

ส่วน จจ นั้นนนนนนน ตอนนี้ก็แรงอยู่ ส่วนเรื่องมายด์นี่รืออออ จะช่วยเพื่อนหรอ????
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 33 ผมกับการคุยอย่างจริงจัง | 25-4-60 | P.27
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2017 22:55:21
โอ๊ยย ใจหนอใจ ไม่มีความชัดเจน มีแต่จริงใจ

ณภัคใจมาทางวอแวบอยนะ แต่เหมือนยังไม่อยากบอก
จริงใจก็ชัดเจนนะ แต่ขอแค่รอคำยืนยัน พยายามเข้านะ จริงใจก็ได้อยู่ตอนพีคเหมือนกันนะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 01-05-2017 21:40:31
ความที่ 34
ผมกับอาการงอแง





   “จริงใจไม่ชอบเหรอ เราไม่ดูหนังแล้วก็ได้นะคะ” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามก่อนส่ายหน้าเป็นคำตอบ

   “เปล่าครับ ไปซื้อตั๋วเถอะ”

   “ก็ได้ค่ะ ถ้าจริงใจเป็นอะไรบอกมายด์นะ”

   “ครับ” มายด์เดินไปซื้อตั๋วหลังจากที่ผมตอบรับ เหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาทีจะถึงเวลาหนังฉาย จึงเลือกที่จะหาที่นั่งรอแถวนั้น เพราะต่อให้จะไปเดินเล่นหรือหาอะไรทานมันก็ไม่พอ

   ผมเอาโทรศัพท์ที่แบตเตอร์รี่ใกล้จะหมดขึ้นมาเล่นเกม เพราะไม่มีอะไรจะคุยกับมายด์ เผลอไม่นานสิบห้านาทีก็ผ่านไปแล้ว เราเดินเข้าไปในโรงพร้อมกับคนอื่น ๆ ผมให้มายด์เลือกที่นั่งก่อน ส่วนตัวเองค่อยนั่งทีหลัง ระหว่างที่หนังยังไม่ฉายก็คุยกันนิดหน่อย ผมเออออไปตามเรื่องราว เมื่อไฟค่อย ๆ หรี่ลงจนดับไป เราก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

   หนังที่มายด์เลือกมาเป็นหนังรักโรแมนติก ซึ่งมันไม่ใช่ทางของผม ค่อนข้างน่าเบื่อ ผ่านไปแค่ยี่สิบนาทีก็อ้าปากหาววอด ไขว้แขนกอดอกแล้วหลับตาลง เสียงค่อนข้างดัง แต่คนจะนอน ตรงไหนก็นอนได้ทั้งนั้นแหละ

   “จริงใจ”

   “...” ผมลืมตาขึ้นเมื่อถูกเขย่าตัว คิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วมองไปรอบ ๆ หนังจบไปแล้วและคนก็ไม่มีเหลือ นอกจากผมกับมายด์และแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาด

   “จริงใจหลับทั้งเรื่องเลย” เธอว่างอน ๆ เกือบจะช่างแม่งแล้วแต่นึกออกก่อนจึงยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยแล้วยื่นมือไปวางบนหัวของมายด์

   “ไปกันครับ”

   “จริงใจน่ะ!”

   “หืม?”

   “เหมือนมายด์มาดูหนังคนเดียวเลย”

   “....ขอโทษครับ ดีกัน” ยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเพื่อน

   “ก็ได้ แค่ครั้งหน้าห้ามหลับนะคะ”

   “ครับ”

   ถ้าครั้งหน้ามันมีจริงน่ะนะ

   หลังจากดูหนังไปเราก็มาอยู่ในร้านอาหารที่มายด์เป็นคนเลือก

   “ถ่ายรูปกันไหม?”

   “ไม่กลัวเนตรเห็นเหรอครับ?” เกิดเดธแอร์ขึ้นมาทันที ผมเม้มปากในขณะที่มายด์หน้าเจื่อน เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วก้มหน้า

   “เนตรไม่สนใจหรอก”

   “หืม ทำไมล่ะ?”

   “ช่วงนี้เนตรไม่สนใจมายด์เลย ชวนไปไหนก็บ่ายเบี่ยงตลอด”

   “คิดมากหรือเปล่า”

   “ไม่หรอก เนตรต้องเบื่อมายด์แน่ ๆ เลยจริงใจ จริงใจเป็นเพื่อนสนิทเนตรนี่นา จะเข้าข้างเพื่อนใช่ไหมล่า”

   “เปล่าครับ ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ”

   “เฮ้อ... บางทีมายด์ก็เบื่ออ่ะ แล้วก็มีความรู้สึกอยากเลิกขึ้นมาด้วย”

   “อยากเลิกก็เลิกสิ”

   “เราไม่กล้าบอก....”

   ผมเลื่อนมือไปจับมือเล็กเอาไว้ “ปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก เผลอ ๆ อาจจะแย่กว่าเดิม อีกอย่าง... ถ้าเนตรรู้เรื่องของเรา”

   “........”

   “บอกเลิกเนตรเถอะนะครับ”

   “...อืม ค่ะ”

   บิงโก!

   ผมยกยิ้มในใจ ปล่อยมือของมายด์ออกเนื่องจากอาหารถูกยกมาเสิร์ฟพอดี หลังจากทานข้าวเสร็จ มายด์อยากเดินดูของ ผมเองก็เดินดูเป็นเพื่อน จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง  มายด์กลับไปแล้วแต่ผมยังอยู่ที่ศูนย์การค้า ตอนนี้เวลาสองทุ่มแล้ว มีนัดซ้อมดนตรีกับวงตอนสามทุ่มครึ่ง

   วันนี้คงต้องค้างที่คอนโดอีกตามเคย ดึก ๆ ผมก็ไม่อยากขับรถนะ ยิ่งเป็นมอเตอร์ไซค์แล้ว ความอันตรายมันยิ่งสูงกว่ารถยนต์

   “เฮ้ย”

   ความบังเอิญมีอยู่จริง... ผมยกมือไหว้คนอายุมากกว่าสี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พี่คลื่น พี่คราม พี่พีทและพี่พินทร์

   “มาทำอะไรวะ?”

   “ดูหนังครับ” ตอบพี่คลื่น กวาดสายตามองหาเพื่อนของเขาอีกคน แต่ไม่เจอ คิ้วขมวดเข้าหากัน และแล้วความคิดไปเองก็พัดเข้ามา ไม่ใช่ อาจจะไม่ว่างมากับเพื่อนก็ได้

   “คนเดียวเหรอคะ?”

   “เปล่าครับ” แล้วพวกเขาสี่คนก็มองผมด้วยสายตาคมกริบ ผมยักไหล่ ไม่ได้กลัวอะไร ก็เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด “เพื่อนพวกพี่อีกคนล่ะครับ?”

   พวกเขามองหน้ากันและไม่มีใครตอบคำถามของผม เหมือนสิ่งที่พวกเขาแสดงออกมาจะย้ำว่าความคิดไปเองของผมมันจริงไปแล้ว 70% และพี่ครามก็ทำให้ความคิดของผมมันเป็นจริง 100%

   “ไปทานข้าวกับพี่คิง”

   กูว่าแล้ว

   ผมเดาะลิ้น พยักหน้าสองสามที

   บอกไปหรือยังว่าผมเกลียดเซนส์ของตัวเอง ถ้าบอกแล้วก็จะบอกอีก

   “เอ่อ... น้องจริงใจ”

   “ครับ?”

   “ไม่คิดมากนะคะ”

   “หึ”
   ผมต้องคิดมากอะไรล่ะ เขายังไม่คิดเลย ป่านนี้คงมีความสุขกับรักแรกไปแล้วมั้ง


   เบื่อว่ะ อยากดื่มเบียร์ขึ้นมาเฉยเลย

   “ผมขอตัวนะ”

   “เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไปกินข้าวกับพวกกูไหม?”

   “ไม่ล่ะครับ ผมทานแล้ว” ปฏิเสธคำชวนของพี่คลื่นไป ผงกหัวให้พวกเขาเป็นเชิงบอกลา แต่ยังไม่ได้ก้าวไปไหน ก็มีตัวอะไรไม่รู้ว่าเกาะหลังผม

   “I got you! (จับนายได้แล้ว!)” ผมชะงักไปกับน้ำเสียงและสำเนียงคุ้นหู พอหันไปมองก็เจอกลุ่มผมสีแดงที่เห็นบ่อย ๆ จากเด็กฝรั่งอายุสิบห้าที่ค่อนข้างสนิทกัน มิเกลในชุดนักเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ค่าเทอมแพงฉิบหายกำลังฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันทั้งหมดพลางลงจากหลังผมแล้วมายืนข้าง ๆ แทน

   “ไง?”

   “ไม่ไง ยูเดินโคตรเร็วเลย ไอตามเกือบไม่ทัน”

   “หืม เจอนานแล้วเหรอ?” มิเกลพยักหน้าหงึกหงัก

   “Who are them? (ใครอะ?)”

   “เสือก” ตอบไปคำเดียวสั้น ๆ มิเกลจิปากขัดใจก่อนจะหันไปจ้องพวกเขาสี่คนแล้วฉีกยิ้มไปให้

   เป็นลูกนักธุรกิจก็ต้องยิ้มให้เป็น…
   “น้องจริงใจมาดูหนังกับน้องคนนี้เหรอคะ?” พี่พีทถาม และมีพี่แฝดที่ส่งสายตาเอาเรื่องมาให้ ผมไม่ได้ตอบอะไร
มิเกลก็ถามไปด้วยประโยคที่ทำเอาแทบกุมขมับ

   “Your playmate? (กิ๊กยูเหรอ?)”

   Playmate ก็เหี้ยแล้ว

   “Nope! They are my crush’s friends (ไม่ใช่เว้ย! พวกเขาเป็นเพื่อนของคนที่ไอชอบ)”

   “What the freak! (อะไรเนี่ย!)”

   มิเกลเบิกตาโตไม่ต่างจากพี่พีทกับพี่พินทร์ เด็กฝรั่งหันมามองผมแล้วเขย่าแขนไปมา

   “จริงเหรอ! Do you have a crush!? Oh my god. The world will know about this. (ยูมีคนที่ชอบแล้วจริง ๆ เหรอ? เหยดดดดด โลกต้องรู้เรื่องนี้)”

   ผมแย่งโทรศัพท์ในมือของมิเกล แล้วลากตัวมันออกมา พลางกดลบข้อความที่พิมพ์ไว้ทิ้งไปด้วย

   ฉิบหายเถอะ นอกจากพี่ชายผมที่เหมือนเป็นโทรโข่งแล้ว ฝั่งยุโรปก็มีมิเกลนี่แหละ

   ถ้าอยากประกาศเรื่องอะไรแต่ไม่อยากพูดเองก็บอกมิเกลได้เลย การรักษาความลับไม่มีในหมู่เพื่อนสนิท

   ระหว่างที่เดิน ๆ กันอยู่ก็มีคำถามจากมิเกลดังมาไม่หยุดหย่อนจนผมรำคาญ ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง สุดท้ายก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามกลับว่าเจ้าตัวมาทำอะไรที่นี่

   “มาดูร้านกับปาปา เห็นยูแวบ ๆ เลยรีบวิ่งตาม”

   “อ้าว แล้วอาควอทซ์ไม่ว่าหรือไง?”

   “No บอกปาปาแล้วว่าจะมาตามจับ Jay nine and he บอก OK!” เกลียดการทำพูดไทยหนึ่งประโยคแล้วอังกฤษสามประโยคของมันฉิบหาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมก็ติดการพูดแบบนี้มาเหมือนกัน และเจย์ไนน์คือชื่อที่มิเกลใช้เรียกผม

   “อืม จะไปไหนต่อ?”

   “Wherever you go, I will go with you. (แล้วแต่ว่ายูจะไปไหน ไอจะไปด้วย)” พูดจบก็ยิ้มจนตาหยี ถ้าเป็นคนอื่นคงมีละลายไปบ้าง แต่ผมรู้จักมิเกลมาตั้งแต่เด็ก อย่าปล่อยให้เปลือกนอกหลอกเอาได้ นี่มันเด็กผีชัด ๆ

   “Fuck (ก็แย่ละ)”

   “But first, let me buy some foods. So hungryyyyy (แต่ก่อนอื่น ไปซื้ออะไรกินก่อนนะ หิวมากกกกกก)”

   ถูกมิเกลลากไปสั่งอาหารแบบ take away มาด้วยปริมาณที่สามารถเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านได้ จากนั้นผีฝรั่งก็เกาะผมมาที่ห้องซ้อมด้วย ไอ้สามคนที่เหลือตาลุกวาวมองมิเกลเหมือนของแปลก นาน ๆ จะได้เจอตัวจริงเพราะปกติเห็นแค่ในทีวีไม่ก็นิตยาสารหรือตามหนังสือพิมพ์

   ไอ้ฟ่างมากระซิบถามว่าทำไมผมถึงไปรู้จักกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่าง มิเกล เมเยอร์ อัครไพศาลกุล ได้ เมื่อผมตอบกลับว่าขนาดสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างมันผมยังรู้จัก ทำไมนะรู้จักมิเกลไม่ได้ จากนั้นไอ้ฟ่างก็เงียบปาก และเลิกวอแวผมไป เพราะจะไปวอแวมิเกลแทน เด็กฝรั่งนั่นก็ใจดี ยิ้มให้เขาไปทั่วแถมยังคุยเล่นด้วยไม่หยุด

   ผมกลับคอนโดเกือบเที่ยงคืน… ซ้อมเสร็จห้าทุ่มครึ่งแต่ออกมานั่งกินฟาสต์ฟู้ดที่ร้านฝั่งตรงข้ามกับมิเกลระหว่างที่รอมิสเตอร์วินเซนต์มารับกลับ




   จังหวะการเดินของผมค่อย ๆ ลดระดับลงเมื่อออกจากลิฟต์มาแล้วเจอใครบางคนนั่งกอดเข่าอยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเอง ย่อตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ยื่นมือออกไปสัมผัสกลุ่มผมนุ่ม กลิ่นน้ำหอมไม่คุ้นทำเอาผมแสยะยิ้มออกมา คนที่นอนหลับสะดุ้งตื่น ตาเรียวแดงช้ำเล็กน้อยจากอาการง่วงนอน

   “ไปไหนมา…?” ผมไม่ตอบ ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตัวหอมยังอยู่ในชุดนักศึกษา ไม่ต่างจากผมที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน

   เดินไปที่ห้องนอนก่อนที่มือเล็กจะยื่นมาโดนตัว พออาบน้ำออกมาแล้ว ก็เจออีกคนนั่งเหม่ออยู่ที่ปลายเตียง

   “ไปอาบน้ำ”

   “คุยกันก่อน”

   “ไปอาบน้ำครับ” คนถูกสั่งเม้มปากแต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำไป ผมถอนหายใจเฮือก เอาโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอร์รี่หมดตั้งแต่เย็นไปชาร์จ

   กึ่งนั่งกึ่งนอนโง่ ๆ อยู่บนเตียงพลางควงไม้กลองไปด้วย สายตาผมมองไปข้างหน้า ในหัวครุ่นคิดเรื่องอะไรหลายอย่าง เสียงสายน้ำกระทบกับพื้นดังออกมาให้ได้ยิน สักพักมันก็หยุดลงก่อนที่เจ้าของร่างบอบบางจะเดินออกมา ผมมองตามเขาไปเงียบ ๆ มองคนอายุมากกว่าขยับไปตรงนู้นตรงนี้โดยไม่พูดอะไร แม้อีกคนจะส่งสายตาสงสัยมาก็ตาม

   เมื่อแต่งตัวเสร็จ เขาก็ปีนขึ้นมาบนเตียง ผมวางไม้กลองไว้ที่โต๊ะ มองหน้าณภัคนิ่ง ๆ พออีกคนหลบตาก็แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง

   “ทำไมนายไม่รับโทรศัพท์?”

   “แบตหมด” พูดแล้วชี้โทรศัพท์ที่ชาร์จแบตค้างไว้

   “ไปดูหนังมาเหรอ?”

   “ครับ ดูหนังเสร็จก็ไปกินข้าวด้วยกัน”

   “เหรอ... แล้วก็เพิ่งกลับมาเหรอ?”

   “อืม เพิ่งกลับเพราะซ้อมดนตรีอยู่ คุณล่ะ เป็นไงบ้าง?”

   “..........”

   “มีความสุขไหม? เจอเขาแล้วใจเต้นแรงมากหรือเปล่า? ดีใจขนาดไหนที่ได้เจอกัน ลืมผมไปเลยป่ะ!?” ณภัคสะดุ้งเมื่อผมตะคอกเสียงดังในประโยคสุดท้าย ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เผลอไม่พอใจจนได้ ก็ว่าจะไม่หัวร้อนแล้วนะ แต่พอเห็นหน้าเขาแล้วมันไม่ไหวจริง ๆ

   พยายามทำความเข้าใจ เมื่อคิดอีกที ทำไมกูต้องเข้าใจด้วยวะ

   “นายจะไปไหน?”

   “ข้างนอก” ตอบเสียงห้วนแล้วเดินออกไปพร้อมกับผ้าห่มสำรองในตู้และโทรศัพท์ ผมกดเปิดเครื่อง ระหว่างที่รอก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาด้วยความหัวเสีย

   ดึกขนาดนี้แล้วยังมีร้านอาหารหรือบาร์เปิดอยู่ไหมวะ ผมต้องการเบียร์จริง ๆ นะ หงุดหงิดมาจากไหนแค่มีมันผมก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ดีที่ในตู้เย็นยังมีเหลือ ผมเหลือบตามองคนที่เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พลางยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก มืออีกข้างกำลังไล่ดูข้อความที่ถูกส่งมาใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีแบตเตอร์รี่

   “นายไม่ง่วงเหรอ?”

   ผมไม่ได้ตอบตัวหอมเพราะเพ่งสายตาไปที่ข้อความของเพื่อนสนิท ไอ้เนตรส่งมาตอนประมาณสี่ทุ่มได้

   มายด์บอกเลิกกูแล้วว่ะ
   โล่ง แต่ก็หน่วงเหี้ย ๆ
   ใครวะที่ทำให้เขาบอกเลิกกูได้
   ทำไมมึงไม่ตอบกูอะ
   ไอ้เหี้ยเอ๊ย เศร้าอ่อน ๆ ค่อนไปปานกลาง
   อยากกินไมโลปั่นย้อมใจ
   ฮือ


   กูไง... ใครที่มึงถามถึงอ่ะ

   พ่นลมหายใจออกจากปากด้วยความรู้สึกผิด เนตรคงชอบมายด์มากอยู่พอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่ตามจีบแต่แรก อีกอย่างถ้าหากเธอไม่นอกใจเพื่อนผม ถ้ามายด์ซื่อสัตย์กับเนตร พวกเขาคงคบกันไปได้นานกว่านี้ และผมเอาจะไม่ต้องเอาตัวเองไปเป็นมือที่สามเพื่อทำให้มายด์บอกเลิกเนตร เพราะไอ้เวรนั่นไม่ยอมพูดออกไปด้วยเหตุผลที่งี่เง่าฉิบหาย

   00:37 J9 : *ส่งรูปเบียร์ในมือ*

   หลังจากตอบกลับภูวเนตรแล้ว ผมก็ไล่บล็อกช่องทางการติดต่อกับมายด์รวมทั้งลบเบอร์และรีมูฟโปรไฟล์หลังบล็อกทิ้งไปด้วย

   จบสิ้นแล้วกับผู้หญิงคนนี้ ผมไม่ต้องฝืนยิ้มเพื่อเล่นละครอีกต่อไป

   “ง่วงก็ไปนอน”

   “ไม่”

   “อือ แล้วแต่” ผมพูดก่อนกรอกเบียร์เข้าปาก ส่งตาขวาง ๆ ไปมองคนที่อยู่ด้วยเมื่อเขาแย่งมันจากมือผมไปดื่มจนหมด หงุดหงิดที่เขาดื่มหมดนั่นแหละ ในระหว่างที่ตัวหอมเอากระป๋องเปล่าไปทิ้งผมก็ปรับโซฟาให้กลายเป็นที่นอน สะบัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้

   “จะนอนตรงนี้เหรอ...?”

   “อืม” ครางตอบเสียงอ่อย ๆ ของณภัค ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “ปิดไฟให้ด้วยนะ ขอบคุณครับ”

   “นอนด้วย”

   ผมถึงกับเปิดผ้าห่มออก ตอนนี้ตัวหอมนั่งทับส้นเท้าอยู่ข้าง ๆ ผม หน้าจ๋อยจนรู้สึกขำขึ้นมาแวบหนึ่ง ใครจะคิดว่าจะได้เห็น ณภัค ไชยพัฒน์สวัสดิ์ แสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา พอผมเหยียดแขนออกไปด้านข้างเขาก็ทิ้งตัวลงมาหนุนหัวกับแขนของผมทันที

   อ้อนขนาดนี้แล้วจะเอาอะไรไปใจแข็งได้ ถามหน่อยเถอะ

   “อย่าเย็นชากับฉันได้ไหม...”

   เคยรู้สึกผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดไหมครับ?

   ถ้าเคย เราคือเพื่อนกัน

   “...ตอนได้เจอพี่คิง ฉันดีใจและก็ตื่นเต้นมากเลย”

   “อืม”

   “ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนี่นา จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะ” ผมนอนฟังเขาเล่าไปเงียบ ๆ มีบ้างที่ส่งเสียงขัดใจออกไป พอผมจะหลับ เขาก็ปลุกผมขึ้นมา เวรกรรมอะไรต้องมาฟังคนที่ชอบเพ้อถึงรักแรกของเขาวะ

   “ยังรักเขาอยู่ไหม?”

   “รัก”

   ก็เดาคำตอบไว้แล้ว พอได้ยินจริง ๆ ไม่คิดว่าจะจุกขนาดนี้ กูนี่พูดไม่ออกเลย

   “รัก แต่มันไม่เหมือนเมื่อก่อน…”

   “เมื่อก่อนเป็นยังไง?”

   “เมื่อก่อนอยากอยู่ด้วย และคิดถึงตลอด อยากอยู่ใกล้ ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีก็ได้”

   “เหรอ แน่ใจเหรอครับ?”

   “อืม ฉันคงเลิกยึดติดกับพี่คิงแล้วแหละ.. คงเพราะเจอคนที่ทำให้รู้สึกมากกว่าแล้ว” ผมมองเพดานระหว่างที่ฟังเขาพูดแล้วพ่นลมหายใจออกมา คนอายุมากกว่าขยับตัวนอนคว่ำ และตั้งศอกกับพื้นโซฟาเท้าคางมองหน้าผม นิ้วเล็ก ๆ ยื่นมาจิ้มที่หัวคิ้ว

   “คิ้วขมวดเป็นโบว์”

   “ผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกชอบเขานะครับ ถ้ายังชอบเขาอยู่ก็ชอบไปเถอะ เดี๋ยวไปก็เฟดตัวเองไปเองนั่นแหละ”

   “ไม่ให้ไป”

   “หึ ไม่อยากคุยกับคุณแล้วว่ะ ไปนอนไป”

   “ไม่ไป นายเป็นบ้าเหรอ ไม่คุยก็งอแงใส่ พอคุยก็งอแงยิ่งกว่าเดิม เด็กบ้า เอาใจยาก”

   “ไม่ได้บอกให้เอาใจ”

   “อือ ถ้าไม่ทำก็งอแงอีก ทั้งงอน ทั้งประชด นิสัยไม่ดี เด็กเปรต”

   “พูดถึงตัวเองเหรอ?”

   “หึ” เขาส่งเสียงออกมาใบหน้าเชิดขึ้น ปลายนิ้วเล็ก ๆ นั่นยังคงรุงรังกับหน้าของผมอยู่ ตอนนี้มันเลื่อนจากคิ้วไปที่ข้างแก้มและไล้ขึ้นลงไปมา “นายรู้ไหม ตอนที่เจอพี่คิงฉันแทบสติแตกเลย แต่สักพักหน้านายก็เข้ามาอยู่ในหัว จู่ ๆ ก็กลัว ถ้านายรู้ จะโกรธฉันหรือเปล่า”

   “…..”

   “ทำไมต้องทำให้ฉันเป็นบ้าด้วย”

   “อ้าว ไม่ได้บ้าอยู่แล้วเหรอ?”

   ปึก!

   เพราะความปากไวทำให้ได้รับกำปั้นหนัก ๆ ทุบมาที่อก เจ็บใช้ได้

   “ไอ้เด็กเวร”

   “หึ นอนได้แล้วครับ ดึกแล้ว”

   “ไม่อยากนอน”

   “ไปคุยกับเพดานนะ ผมจะนอน” ตัวหอมหน้าบึ้ง ผมหลับตาลงแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบนตา

   “อยากคุยกับนายนี่… ไปดูหนังสนุกหรือเปล่า?”

   “ไม่อ่ะ น่าเบื่อ”

   “หึ จะนัดไปเจอกันอีกไหม?”

   “ไอ้เนตรโดนบอกเลิกแล้ว”

   “นายโดนเพื่อนโกรธแน่”

   ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะอยากนอนมาก ๆ ตอนนี้มันตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ตัวหอมยังขยับตัวยุกยิกไปมา แต่ผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง ผมอยากหลับจริง ๆ นะ เหนื่อยจนแทบไม่อยากขยับตัวเลยด้วยซ้ำและเกือบจะหลับไปแล้วถ้าหากว่าไม่มีปลายนิ้วซน ๆ มาเขี่ยใบหน้าไปมา

   เกือบจะลืมตาขึ้นไปดุถ้าหากเขาไม่พูดอะไรขึ้นมาก่อน...

   “ฉันไม่รู้ว่ารักนายหรือเปล่า”

   “......”

   “แต่ตอนนี้ฉันไม่มีนายไม่ได้”

   จากนั้นก็มีสัมผัสเบา ๆ กดลงที่ริมฝีปากของผม...

   ความเงียบเข้ามาแทนที่เมื่อไม่มีใครพูดอะไร

   
   เปรี้ยง!!!

   “เฮือก!”

   ผมลืมตาขึ้นทันทีเมื่อเสียงฟ้าร้องดังเข้ามา ณภัคสะดุ้งจนตัวโยน เขากำผ้าไว้แน่น นัยน์ตาเรียวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ด้านนอกฝนกำลังตก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันตกตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะไม่ได้ยินอะไรเลย จากนั้นไม่นานไฟในห้องก็ดับลง เหลือเพียงความมืดกับความทรมานของใครอีกคน...

   ตัวหอมเงียบจนผมไม่ได้ยินเสียง ผมเอื้อมมือไปคว้าเขามา พบว่าเขาตัวแข็งทื่อ รีบควานหาโทรศัพท์เพื่อเปิดไฟฉาย แม้มันจะสว่างไม่มาก แต่ช่วยทำให้ณภัคมองเห็น

   “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ครับ”

   “อึก...”

   “ผมอยู่กับคุณนะครับ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว”

   “ฉะ ฉัน... หายใจ ไม่ออก”

   “อย่าเกร็งครับ ใจเย็น ๆ นะ”

   “อึก”

   “คุณรออยู่นี่นะ ผมจะไปหาไฟฉาย”

   “ไม่ อย่า อย่าไป!”

   ตอนนี้ตัวหอมเหมือนเสียสติ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดปลอบและกอดเขาไว้ ลมหายใจของเขายังคงหนักหน่วงเหมือนคนหายใจลำบาก อาการเกร็งของเขาทำให้ผมกลัว จากที่ตัวเล็กอยู่แล้ว ตอนนี้เขายิ่งเล็กนิดเดียว สองมือยกขึ้นปิดหูของตัวเองแล้วเอาแต่ส่ายหน้าไปมาทั้งยังหลับตา ริมฝีปากพึมพำด้วยคำที่ทำเอาผมอึดอัดตามไปด้วย

   “ไม่ ไม่เอา ปล่อยภัคออกไป ปล่อย”

   “ปล่อยภัค ปล่อย!”


   “ณภัค!!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดัง แต่อีกคนเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่ผมส่งออกไปเลย

   “แม่ช่วยด้วย แม่ช่วยภัคด้วย ฮึก”

   “ภัค!! ตั้งสติหน่อย มองหน้าผม”

   “ไม่ ไม่ไป อึก ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”

   “ณภัคลืมตาหน่อย ผมจริงใจไง วอแวบอยของคุณไง” ผมเอ่ยอย่างใจเย็นและแกะมือของเขาที่ปิดหูอยู่ออกไป แสงสว่างจากไฟฉายทำให้ผมเห็นว่าเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

   “วะ วอแวบอยเหรอ...”

   “ครับ ผมอยู่นี่ อยู่กับคุณ”

   “ฮึก”

   “ชู่ ไหนบอกจะไม่ร้องไห้แล้วไงครับ”

   ครืน! เปรี้ยง!

   “เฮือก!”

   ตัวหอมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อฟ้าร้องมาอีก อาการที่เหมือนจะดีขึ้นกลับไปเป็นแบบเดิม ตัวสั่นจนต้องกอดไว้แน่นกว่าเดิม ผมตัดสินใจกดริมฝีปากของตัวเองลงไปเพื่อปิดปากสีสดที่เอาแต่พูดคำเดิม ๆ วนไปวนมาไม่หยุด ผมไม่รอให้เขาปรับตัวอะไรทั้งนั้น ประคองท้ายทอยเอาไว้แล้วขบเม้มริมฝีปากนิ่มเบา ๆ ก่อนจะดันให้นอนราบไปกับโซฟา...

   “แฮ่ก...” เขาหอบหายใจเมื่อผมผละออก ปาดนิ้วเช็ดน้ำลายออกจากริมฝีปากและมองเข้าไปในมองตาฉ่ำปรือ ตัวหอมนิ่งไปแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะจูบของผมหรือเพราะไฟฟ้าที่กลับมาสว่างอีกครั้ง ผมโน้มลงไปจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อเบา ๆ ก่อนจะเช็ดมันออก

   “ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ ผมอยู่นี่นะ”
   .
   .
   .


   ตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยง ที่นอนข้าง ๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ผมเข้าไปล้างหน้าแล้วเดินออกจากห้องนอน เห็นประตูระเบียงถูกปิดไม่สนิทจึงเดาเอาไว้ว่าณภัคอยู่ตรงนั้น

   “ตื่นนานแล้วเหรอครับ?”

   “อืม” อีกฝ่ายตอบรับสั้น ๆ ผมก้าวไปยืนหันหลังพิงราวระเบียงเพื่อมองเขา ขนาดยืนอยู่ห่างแบบนี้ยังได้กลิ่นหอมฟุ้งมาถึงนี่

   “หิวไหม ไปหาอะไรกินกัน”

   “ไปอาบน้ำสิ”

   ขี้เกียจ… ตอบในใจ แต่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อที่จะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันเสาร์ การตื่นสายขนาดนี้จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ว่า ผมต้องไปค่ายมวยตอนบ่ายสองครึ่ง ออกกำลังกายบ้าง ช่วงนี้กินเยอะจนจะเป็นจันทร์เจ้าเวอร์ชั่นสองแล้ว

   “กระเป๋าอะไร?”

   “ชุด”

   “นายจะไปไหน”

   “ไปค่ายมวยครับ” ตัวหอมขมวดคิ้วมองแล้วก็หน้าบึ้งใส่ “อะไรครับ?”

   “จะทิ้งฉันเหรอ?”

   “ทิ้งก็แย่ละ คุณจะไม่กลับบ้านตัวเองหรือไง”

   “ไม่กลับ เอาคีย์การ์ดนายมา”

   “เฮ้ย ได้ไง”

   จะมาขอคีย์การ์ดแล้วเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้งี้เหรอ เกินไปแล้ว! ถึงจะชอบเขาแต่ผมก็หวงโลกของตัวเองมากนะเว้ย ขอมีพื้นที่ของตัวเองหน่อยเถอะ แค่นี้ก็เข้ามาในโลกของผมมากแล้ว ตัวหอมยังคงยืนยันว่าจะขอคีย์การ์ดผมให้ได้ ขอโทษนะ ผมให้ไม่ได้




   “ณภัค!” เสียงตะโกนเรียกชื่อทำให้ผมกับตัวหอมหยุดชะงักและหันไปมองอัตโนมัติ ณภัคพ่นลมหายใจและกรอกตาไปมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

   “ภัคมาทำอะไรเหรอ อ้าวน้อง สวัสดีจ้า”

   “กินข้าว” ตัวหอมตอบสั้น ๆ

   หลังจากที่ตีกันเรื่องการ์ด ผมก็พาเขามาหาอะไรกินแถวที่พักของตัวหอม(เพราะจะมาส่งเขาด้วย) ขณะที่กำลังจะกลับก็ถูกเพื่อนของเขาเรียกเอาไว้ จึงต้องหยุดคุยอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเท่านั้น

   “ไม่เจอภัคไปเรียนเลย เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

   “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

   “อ่า... แล้ววันจันทร์จะไปเรียนไหม? เราเก็บชีทไว้ให้ด้วยนะ ถ้าจะเอาก็บอกได้เลย”

   “อืม ขอบใจ”

   “จ้ะ แล้วนี่ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอ เราว่าจะไปหาอะไรทาน ถ้ายัง ไปด้วยกันไหม?” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้เราสองคน ถ้าตัดนิสัยและการกระทำที่ดูเฟค ๆ ออกผมว่าเพื่อนร่วมคณะของตัวหอมก็ดูเป็นคนดีนะครับ เธอช่วยตัวหอมในเรื่องเรียน และคอยพูดคุยด้วย ซึ่งไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า ในเมื่อมันไม่ได้แย่กับตัวหอม จึงไม่ได้ใส่ใจ

   ถ้าต้องมาเสแสร้งแกล้งทำดีด้วย คนที่อึดอัดของคือตัวของผู้หญิงคนนั้นแหละ

   ผมว่ามันไม่น่าจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นเลยนะ

   ไม่รู้สิ แค่รู้สึกแปลก ๆ อาจเป็นเพราะผมเคยได้ยินเพื่อนของเธอพูดถึงตัวหอมของผมในทางที่ไม่ดี แม้จะไม่ได้ร่วมพูดทับถม แต่ว่าก็ไม่ได้ห้ามนี่ ไม่ใช่เหรอ?

   “ภัค” ผมเรียกตัวหอมคล้ายจะเร่ง

   “โทษทีนะ เรากินไปแล้ว ขอตัวนะ มีธุระต้องไปทำ”

   “โอเคค่ะ ไว้เจอกันที่ม.น้า”

   เราเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่ได้จับมือ แค่เดินข้าง ๆ กันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงรถ ผมบอกกับเขาก่อนจะไปที่รถของตัวเองว่าถ้าไม่อยากอยู่คนเดียวก็ไปหาเพื่อน แม้จะหน้างอแต่ก็พยักหน้ารับ แอบแกล้งแหย่บอกให้ไปหารักแรกของเขา สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาขวาง ๆ

   การที่เขาต้องการผมมากกว่าผู้ชายคนนั้นถือว่าผมชนะ

   แค่นั้นก็พอใจละ

   แยกกับตัวหอมก็ไปยังค่ายมวยที่อยู่ไกลออกไป ใช้เวลาในกลายเดินทางนานพอสมควร ยิ่งถนนค่อนข้างลื่นจึงต้องระวังและขับช้ากว่าปกติ ได้แต่ภาวนาอย่าให้ฝนตกลงมาก่อนที่จะถึงที่หมาย ไม่อย่างนั้นผมเปียกเป็นลูกหมาแน่ ๆ ...ใช้เวลาอยู่ที่ค่ายไปหลายชั่วโมง ครูฝึกซ้อมผมหนักมาก ไม่รู้ว่ามีใครทำอะไรให้ท่านโมโห อ๋อ... ผมเองที่ไปกวนครูก่อน โดนจัดหนักเลยเป็นไงล่ะมึง

   หลังจากนั้นก็กลับคอนโดเพื่อที่จะเตรียมตัวไปซ้อมดนตรีในตอนเย็น ผมได้คุยกับตัวหอมอยู่นิดหน่อย เขาไม่ได้งอแงขอคีย์การ์ดอีก ตอนนี้เขาอยู่กับเพื่อน คงพอจะมีเรื่องอะไรให้ทำพอไม่ให้เบื่อบ้าง ผมเลือกที่จะเก็บข้อความของเขาไว้ตอบทีหลังเพราะอยากให้เขาใช้เวลากับเพื่อนโดยไม่ต้องสนใจโทรศัพท์และผม

   ก็พอจะรู้ว่าทำอะไรอยู่จากข้อความของพี่พีท ที่พิมพ์มาบอกและบางครั้งก็ถ่ายรูปมาให้

   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความสบายใจของผมคือรอยยิ้มของณภัค

   ตลกดี








---------------------------------------
ความณภัคคือ คิงเป็นคนที่อยู่ภัคตอนที่ภัคแย่มาก ๆ (ช่วงที่แม่เสียและทะเลาะกับพ่อ) คอยดูแลเป็นที่พึ่ง คอยให้กำลังใจ ไม่เคยหายไปไหน
ความอ่อนโยนและความห่วงใยจากคิงทำให้ภัครักคิงมาก
ในส่วนของจริงใจ สำหรับภัค จริงใจไม่ใช่ไทป์ของภัคเลย แถมเจอกันครั้งแรกก็ค่อยข้างอคติ ทั้งอายุที่เด็กกว่าและความกวนประสาทของจริงใจ
แต่พออยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นมันก็กลายเป็นว่าภัคผูกพันธ์กับจริงใจไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่ารักจริงใจไหม เพราะยังคิดถึงพี่คิงอยู่ (ซึ่งอาจจะไม่ได้คิดถึงแบบคนรักแล้วก็ได้)
มันอารมณ์ประมาณว่า คนหนึ่งเขาช่างดีกับฉันจะทิ้งเขาลงได้ไง คนหนึ่งเคยทิ้งไปแต่รักไปไม่เคยจางหาย งี้
ภัคลังเล ใช่ ภัคยังไม่แน่ใจในตัวเอง เลยไม่อยากพูดอะไรออกเพราะกลัวมันจะไม่ใช่ความรู้สึกจริง ๆ
คนหนึ่งก็คนที่รักมาก แต่อีกคนก็คือคนที่ทำให้ปั่นป่วนอ่ะเนอะ เฮ้อ ; _ ;
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าคับ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-05-2017 21:50:44
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: firstlove ที่ 01-05-2017 21:58:44
ตอนแรกที่อ่านคือประทับใจทุกอย่างในเรื่องนี้
แต่ถึงตอนนี้บอกเลยว่าเหนื่อยกับทุกอย่างเหมือนกัน
จนอ่านข้ามไปข้ามมา หาจุดลงตัวไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: tkaido ที่ 01-05-2017 22:01:20
เปงแฟนกันเรยค่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 01-05-2017 22:03:43
แงงงงสงสารวอแวบอยยย :hao5:

รอตอนต่อไปงับบบบ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 01-05-2017 22:06:28
เอาจริงยิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิดอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2017 22:07:48
สงสารจริงใจ
มารักกับเจ้มาลูกมาๆๆ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-05-2017 22:10:39
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 01-05-2017 22:13:39
เนตร หนูน่ารักนะลูก
อ่ะ...ยื่นไมโลปั่นเพิ่มวิปครีม
 :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 01-05-2017 22:22:05
คิดถึงวอแวบอย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-05-2017 22:25:24
หวังว่าหลังจากที่จริงใจงอแงแล้วภัคมาง้อคงสบายใจขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-05-2017 22:39:57
ตัวหอม ชัดเจนมากขึ้น ยอมเปิดความในใจ
 “ไม่ไป นายเป็นบ้าเหรอ ไม่คุยก็งอแงใส่ พอคุยก็งอแงยิ่งกว่าเดิม เด็กบ้า เอาใจยาก”
   “ไม่ได้บอกให้เอาใจ”
   “อือ ถ้าไม่ทำก็งอแงอีก ทั้งงอน ทั้งประชด นิสัยไม่ดี เด็กเปรต”

  “ฉันไม่รู้ว่ารักนายหรือเปล่า”
   “แต่ตอนนี้ฉันไม่มีนายไม่ได้”
ซึ่งแต่ก่อนอย่าหวังจะได้ยินคำพูดแบบนี้

มายด์ ยอมบอกเลิกกับเนตรแล้ว
คงไม่มีอะไรที่ทำให้จริงใจ ต้องติดต่อกับมายด์อีก
จริงใจ ทำเพื่อเนตรเพื่อนรักจริงๆ
ไม่รู้เนตร ควรปรับเปลี่ยนตัวเองเรื่องนี้หรือเปล่า
ที่ว่าจะไม่เป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน
ในเมื่อมายด์ เป็นฝ่ายทำไม่ถูก คบซ้อน  :z6: :z6: :z6:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 01-05-2017 22:40:24
มิเกลน่ารักจัง อยากให้เข้ามายุ่งกับจริงใจมากๆ อยากเห็นภัคดิ้นบ้าง นางมัวๆหม่นๆ มาตลอดไม่ชัดเจนซักที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2017 22:42:30
 o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 01-05-2017 23:15:06
ไม่ชัดเจนอ่า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-05-2017 23:53:21
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 02-05-2017 01:19:29
 :ling1:เป็นแฟนกันเถอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-05-2017 05:38:09
ความวุ่นวายที่แท้จริง

จริงใจก็ยังเป็นจริงใจ ถ้าไม่อ่อนให้ ก็จะใจแข็งพอตัวเลย จริงใจจะคิดว่าณภัคไม่รักก็ไม่แปลก
แต่ตอนนี้ยิ่งไม่แปลก ถ้าจริงใจจะดีใจเวอร์ที่ณภัคบอกว่า ขาดไม่ได้ 5555

ณภัคน่ารักนะ มีความอ้อน มีความงอแง แถมรู้ด้วยว่าต้องบอก
ชีวิตอยู่กับบาดแผลมานาน น่าสงสารมากเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะ ณภัคมีวอแวบอยของตัวหอมไง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-05-2017 05:44:25
เมื่อมีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งต่อไป สู้เราเป็นรัดครั้งสุดท้าย ชนะกว่าเห็นๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-05-2017 08:25:22
ไม่ชัดเจนสักที...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-05-2017 10:05:12
ดีงามเนาะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-05-2017 17:34:33
แต่ก่อนอ่านค้างถึงตอนนี้ล่ะออกเลย แบบรับไม่ไหว เหนื่อยใจ ขี้เกียจลุ้นรอใจแข็งล่ะจะกลับมาอ่านต่อ เฮ้อ คนละฟีลกับรักแล้วรอหน่อย รำคาญตรรกะบ้าบออะไรของมันทั้งคู่ แค่บอกกันแค่นี้จะตาย เอาต้องเอาอะไรไปง้างปาก ถ้าอ่านช่วงสอบนะ มีสมองตายไปข้าง คิดหนักคิดหนา โอ๊ยยยย ชีวิตณภัคก็ไม่รู้จะซวยอะไรนักหนา โพดโพ! เหนือสิ่งอื่นใดอยากคาบหัวทั้งคู่เลย บ้ะ ตับกันก็สองรอบแล้ว ถ้าไม่รักไม่ชอบกันจะทำลงอ่อวะ หัวร้อนนนน อินนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-05-2017 19:55:13
เมื่อไรจะชัดเจนอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-05-2017 21:01:00
ค่อยเป็นค่อยไปกันสินะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 02-05-2017 22:38:47
ก็แย่ละ  :a5: ภัคอย่าสับสนนานนะ สงสารวอแวบอยอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-05-2017 04:43:47
ณภัคมีความง้อวอแวบอยนะตอนนี้ ณภัคกลัวเสียงฟ้าร้องมากเลย มีปมอะไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-05-2017 21:49:33
จริงใจนี่เอาแต่ใจพอสมควรเลยนะ แต่ณภัคเริ่มรู้ใจตัวเองแล้ว สู้ๆ อีกนิดเดียวอย่าเพิ่งเบื่อล่ะวอแวบอย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 34 ผมกับอาการงอแง | 1-5-60 | P.28
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 04-05-2017 15:41:32
ยังคงคลุมเครือกันต่อไป เฮ้อออออ...
เมื่อไหร่จะชัดเจนกันล่ะน้อ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 06-05-2017 21:21:33
ความที่ 35
ผมกับ relationshit



   ช่วงสายวันอาทิตย์ หลังจากตื่นนอนแล้วผมก็ไปหาอะไรทาน เนื่องจากวันนี้เป็นวันครอบครัว ผมจึงไม่ได้ออกไปไหน อีกอย่างคือขี้เกียจด้วยครับ ใช้งานร่างกายหนักมาทั้งอาทิตย์ แถมยังปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการไปชกมวยเมื่อวานด้วย วันนี้ฟรี ถึงจะฟรี แต่จะอยู่บ้าน

   ทุกวันอาทิตย์คือวันครอบครัวของบ้านอัศวโยธินทร์ และถึงตอนนี้ผมจะอยู่บ้านฉัตรบดินทร์รัตน์ แต่บ้านนี้ก็ถือธรรมเนียมนี้เหมือนกัน การอยู่บ้านคุณย่า ทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับคุณป้าวิภา

   “ตื่นสายขนาดนี้จะไปทำอะไรกิน”

   เห็นไหม? รักผมมากหรือไงถึงได้หาเรื่องกันบ่อยขนาดนี้

   “ไม่ทำอะไรกินก็อยู่ได้ครับ บ้านผมมีเงิน”

   “ไอ้เด็กนี่” ผมส่งยิ้มกวนไปให้ป้าวิภาแล้วจากนั้นจึงเฟดตัวเองไปยังห้องครัว อันดับแรกคือต้องหาของกินลงท้องเสียก่อน กินเสร็จก็ว่าจะขึ้นห้องไปนอนต่อ วันนี้ไม่มีแพลนจะทำอะไรจริง ๆ

   เคร้ง

   เงยหน้ามองต้นเหตุของเสียง มันคือทับทิมกรอบที่อยู่ในชามเซรามิค ผมยกยิ้มนิดหน่อย เนื่องจากข้าวยังเต็มปากจึงพูดอะไรไม่ได้ เลยยกมือไหว้แทน ป้าวิภาเชิดหน้าคล้ายไม่อยากจะสนใจ นอกจากจะเอาทับทิมกรอบมาให้แล้ว ยังเทน้ำอัญชันมาให้ด้วย เขาคงทำเอง

   อืม... ผมกับป้าวิภาก็ไม่ได้มีแค่โหมดตีกันอย่างเดียวนะ

   “กินเสร็จแล้วก็ล้างด้วย”

   “ครับผม ทราบแล้วครับ”

   ป้าวิภาสั่นหัวแล้วไปเดินออกไป ผมจึงนั่งทานข้าวต่อ พอกินเสร็จแล้วก็เอาไปล้าง ก่อนจะออกไปที่สวนเพราะแม่บ้านบอกว่าปู่กับย่าอยู่ที่นั่น รวมทั้งลุงจอห์นกับป้าด้วย ผมเข้าไปนั่งข้างย่าและเอนหัวซบไหล่คนแก่พร้อมกับสอดแขนไปเกี่ยวแขนย่าและจับมือท่านไว้

   ที่บอกว่าไม่ชอบให้ใครแตะตัวนั่นเรื่องจริง แต่ถ้าผมเริ่มก่อนมันก็อีกเรื่อง และคนในครอบครัวก็เป็นข้อยกเว้น

   “ตื่นแล้วเหรอลูก ทานอะไรหรือยัง?” ย่าถามพร้อมกับตบมือผมเบา ๆ

   “ทานแล้วครับ ทับทิมกรอบกับน้ำอัญชันอร่อยดี”

   “หึ!” คนถูกพูดถึงกอดอกและเชิดหน้าขึ้น แต่ยังปรายสายตามองผมแวบหนึ่ง เฮ้ย! ผมค้นพบความบันเทิงใหม่แล้ว มัวแต่ไปอคติกับคุณป้าวิภาอยู่ตั้งนาน การแกล้งป้ามันก็สนุกดีนะครับ

   “เจมส์กลับหรือเปล่าครับ?”

   “กลับครับ ลุงบอกให้มาเพราะจะมีแขกตอนเย็น”

   “ใครจะมาเหรอครับ?”

   “แฟนเจ้าแจน” ปู่เป็นคนตอบ ผมกะพริบตาหน่อย ๆ ค่อนข้างงง พี่แจนไปมีแฟนตอนไหน แล้วทำไมป้าวิภาถึงยอมให้มี รายนั้นหวงลูกจะตายไป สรุปแล้วว่าป้าวิภาก็ไม่รู้ว่าลูกสาวตัวเองมีแฟน เพิ่งจะรู้ตอนที่พี่แจนโทรมาบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแฟนเขาจะกลับเมืองไทยและอยากเข้ามาไหว้ป้าภากับลุงจอห์น

   ลุงบอกว่าป้าความดันขึ้นไปเลยตอนรู้เรื่อง บ้านแทบแตก พอพี่แจนยืนยันว่าแฟนเขาเป็นคนดีป้าภาก็คลายความหงุดหงิดลงหน่อย

   ถึงแม้ป้าวิภาจะค่อนข้างเป็นมนุษย์ป้า แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ค่อนข้างรับฟังและตามใจลูกอยู่พอสมควร

   เขารักของเขานี่ครับ

   ผมอยู่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเรื่อย ๆ เรื่องงานบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง จนกระทั่งเจมส์มาถึง ผมก็ถูกมันลากขึ้นไปเล่นเกมด้วย และยังต้องฟังมันบ่นเรื่องพี่แจนมีแฟน โคตรน่ารำคาญเลย

   “สวัสดีครับ” เราหันไปมองคนมาใหม่ ผมขมวดคิ้วและจ้องหน้าเขาไม่วางตาเพราะไม่คุ้นหน้า และเจมส์ก็เหมือนกัน แต่มันคงรู้นั่นแหละว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนพี่แจนถึงได้จ้องเหมือนจะเขาไปกัดเขาแบบนั้น

   ก็แขกที่บอกว่าจะมาทานมื้อเย็นด้วยคือแฟนของพี่แจน แล้วผู้ชายคนนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะครับ

   ผู้ชายคนนั้นก็ดูเป็นคนดีนะครับ คงเป็นตามหลักการของคนที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลที่ดี แต่คิ้วของผมเริ่มขมวดเข้าหากันตั้งแต่เขาแนะนำตัว รู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยชื่อตัวเองออกมา ประกอบกับอะไรหลาย ๆ อย่างยิ่งทำให้ผมคิดไปไกล

   เขาชื่อ คิง เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศและเพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน กลับมาเพื่อรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว

   “ทำไมแม่กูหน้าบานจังวะ?” เจมส์เอนตัวมากระซิบกับผม

   “หึ โปรไฟล์ดีขนาดนั้น”

   “จริง ไอ้แจนเลือกได้ดีสัด ๆ เขาไม่น่าตาต่ำมาเอาน้องกูเลย” พี่แจนเป็นแฟนกับเขาได้เกือบสองปีแล้ว คงจะรู้จักกันตั้งแต่ที่แจนไปเรียนภาษา

   “คงเป็นเวรกรรม”

   “เป็นไปได้”

   เรามองหน้ากัน ก่อนยกยิ้มอย่างนึกตลก ถ้าพี่แจนได้ยินคงกรี๊ดใส่พวกผมจนหูพังแน่ ๆ แต่อีกไม่นานพี่แจนก็จะกลับมาแล้ว (ได้ยินจากที่แฟนเขาบอก) ทางมหาวิทยาลัยคงจะเป็นเทอมฤดูหนาวพอดี

   ดี จะได้ฝากซื้อรองเท้ากับกระเป๋า

   ว่าแต่... ผู้ชายคนนั้น ชื่อคิงใช่ไหม เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่กี่วันด้วยใช่ไหม...

   ชื่อคิง... เพิ่งกลับจากต่างประเทศ...

   คิง... จากต่างประเทศ

   คิง... กลับมาได้ไม่กี่วัน

   คิง...

   ไอ้เหี้ย!!!!

   ผมลุกพรวด ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษที่เสียมารยาทแล้วลุกจากห้องนั่งเล่นไปพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกหาผู้ช่วยที่ไม่ค่อยทำหน้าที่สักเท่าไหร่ รอสายอยู่สักพัก เขาก็รับสาย

   (“สวัสดีค่า”)

   “พี่พีท!!”

   (“ว้ายตาย! อะไรคะ มีเรื่องอะไรลูก?”)

   ผมพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะพูดอะไรออกไป

   “ตอนนี้พี่อยู่คนเดียวหรือเปล่าครับ?”

   (“เปล่าจ้า อยู่กับณภัค”)

   “พี่... ช่วยเดินออกไปอยู่คนเดียวสักครู่ได้ไหมครับ?”

   (“น้องไม่อยากให้มึงฟังว่ะ / ดอก!”)

   (“ฮัลโหลค่ะ น้องจริงใจ มีธุระอะไรว่ามาเลยลูก”)

   “พี่พีทมีรูปรักแรกของณภัคไหมครับ ช่วยส่งมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”)

   (“เอ๊ะ? พี่คิงเหรอ?”)

   “ครับ ส่งมาให้ผมหน่อย ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้รูปปัจจุบัน อย่าบอกภัคนะครับ”

   (“ทำไมเหรอคะ?”)

   “อ่า... ผมแค่อยากรู้ว่าผมจะหล่อสู้เขาได้หรือเปล่า ส่งให้ผมหน่อยนะครับ นะครับพี่พีท”

   (“โอ๊ยตาย ได้ค่ะ ๆ ได้ ๆ เดี๋ยวพี่หาให้ ขอมากกว่านี้ก็ได้ อยากได้อะไรพี่จะหามาให้ อ้อนขนาดนี้”)

   “ขอบคุณมากครับ”

   วางสายไปหลังจากเจรจาธุรกิจกันเรียบร้อยแล้ว รออยู่ไม่ถึงห้านาทีก็มีข้อความจากพี่พีทเข้ามา ผมเปิดเข้าไปดูทันที ก่อนจะต้องเม้มปากเมื่อเห็นรูปที่ปรากฏอยู่ในจอ

   ไอ้ฉิบหาย...

   รักแรกของณภัคกับแฟนของพี่แจนคือคนเดียวกัน




   สองวันต่อมา...

   “วันนี้มึงไปซ้อมดนตรีหรือเปล่าวะ?”

   “ไม่” ผมตอบไอ้เนตร ตอนนี้กำลังเดินออกไปจากโรงเรียน วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเองเพราะฝนมันตก ไอ้เนตรก็เช่นกัน ไม่รู้จะตกอะไรนักหนา ทั้ง ๆ ที่นี่ไม่ใช่ฤดูฝนเลยด้วยซ้ำ

   “มึง...”

   “หืม?” ดึงหูฟังออกหนึ่งข้าง ผมหยุดเดินเพราะเนตรมันหยุดและคว้าแขนผมไว้ มองตามสายตาของเพื่อนก็เจอกับเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนโรงเรียนอื่นยืนอยู่บริเวณทางออก ท่าทางกำลังชะเง้อมองหาใครสักคน ผมขมวดคิ้วก่อนจะคลายออกด้วยความไม่สนใจ

   “ยังอ่อนไหวอยู่หรือไง?”

   “อ่อนไหวก็เหี้ย” ไอ้เนตรมันว่า ผมแสยะยิ้มนิดหน่อย เมื่อเราเดินออกไปถึงหน้าโรงเรียน ผู้หญิงคนนั้นก็หันมาเจอ เธอส่งยิ้มมา แต่มันค่อนข้างเป็นยิ้มที่เศร้า ผมหันหลังให้ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายมีเรื่องจะคุยกับเนตร แต่มันไม่ใช่ เธอก้าวเข้ามายืนตรงหน้าของผม

   เหลือบไปมองเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยโดยอัตโนมัติ คิ้วของมันขมวดมุ่นขณะมองแฟนเก่าของมันเอื้อมมือมาคว้าแขนผม เพียงปลายนิ้วสัมผัสไม่นาน ผมก็สะบัดออกแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวถอยหลัง

   “มีเรื่องอะไร?”

   “ทำไมมายด์โทรหาจริงใจไม่ได้ แล้วส่งข้อความไปก็ไม่อ่านด้วย” มายด์ไม่ตอบคำถามของเนตร แต่ดันถามผมแทน คำถามนั้นมันยิ่งทำให้ภูวเนตรไม่เข้าใจไปกันใหญ่ อืม คงถึงเวลาที่ผมต้องบอกมันแล้วล่ะ อาจจะทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ช่างแม่งเหอะ

   “อ๋อ บล็อกไปแล้ว มีอะไรเหรอ?”

   “อะ อะไรนะ? จริงใจบล็อกมายด์ทำไม!?”

   “ไม่มีอะไรจะคุยนี่ ขอตัวนะ”

   “เดี๋ยวสิ!!” เสียงตะโกนของเธอทำให้ผู้คนหันมามอง ผมเองก็มีคนรู้จักเยอะ มันยิ่งน่าสนใจ “ที่พูดแบบนั้นหมายความว่าไง”

   “ตามที่พูด ไม่มีอะไรจะคุย และไม่อยากคุย ไม่เข้าใจเหรอครับ?”

   “เดี๋ยว จริงใจ บอกกูดิ๊ว่านี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน”

   “เนตร จริงใจจีบมายด์”

   “ว่าไงนะ! นี่มึง...!” เนตรส่งมือมาขยุ้มคอเสื้อผมทันที ผมไม่ได้ปัดออก ชำเลืองสายตาไปมองผู้หญิงคนนั้น เธอยกยิ้มเหมือนเหนือกว่า หึ คิดว่าผมกลัวเหรอวะ

   “เปล่า ไม่ได้จีบ กูแค่ทำให้เขาบอกเลิกมึง”

   “ไอ้เวรเอ๊ย!!” มันสบถเสียงดังก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของผม

   “มะ หมายความว่ายังไง นี่จริงใจหลอกมายด์เหรอ?!”

   “ทำนองนั้น” มายด์หน้าเสีย แต่ผมไม่ได้สนใจ “พอดีว่าเนตรมันไม่ยอมเป็นฝ่ายบอกเลิก ผมเลยต้องช่วยไง ขอโทษด้วยนะถ้าหากทำให้เข้าใจผิด”

   “ไอ้ชั่ว”

   “แล้วกับคนที่มีแฟนอยู่แล้วแต่ดันมาคุยกับผู้ชายคนอื่นนี่เรียกว่าอะไร หืม? ชั่วเหรอ? อ่า... หรือว่าร่า----”

   “จริงใจมึงหยุด!” เนตรห้ามก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค มันดันผมออกแล้วไปยืนตรงหน้ามายด์แทนผม “มายด์กลับบ้านเหอะ”

   “เนตร... เนตรก็รู้ด้วยใช่ไหมว่าเพื่อนเนตรหลอกมายด์”

   “เพิ่งรู้วันนี้แหละ แต่ที่มายด์คบซ้อนน่ะ เนตรรู้ตั้งนานแล้ว”

   เธอดูจะอึ้งไปไม่น้อยกับประโยคนั้น

   “ไม่จริงนะ ใครบอกเนตร”

   “คิดว่าใครล่ะครับ?” ผมพูดและก้าวไปข้างหน้า มายด์มองผมตาวาวด้วยความโกรธ

   “เลว ทำให้คนอื่นเลิกกันมีความสุขมากใช่ไหม!”

   “ไม่เท่าไหร่ แต่ก็สนุกดี”

   “สารเลว ฉันไปทำอะไรให้นาย!”

   “ไม่ได้ทำผมหรอก แต่ทำเพื่อนผมไง ถ้าหากคุณไม่นอกใจเพื่อนผม และซื่อสัตย์กับมันเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไหม คิดดูดี ๆ แล้วกัน ถ้าจริงใจกับมันตั้งแรกแล้วจะเสียมันไปไหม!”

   “เพราะนายนั่นแหละที่บอกให้ฉันบอกเลิกเนตร”

   “นั่นเรื่องจริงแล้วจะทำไมเหรอ? ถ้าชอบไอ้เนตรแล้วจะทำตามที่ผมบอกทำไม ถ้าคุณชอบมัน คุณจะไม่หวั่นไหวกับคนอื่นป่ะ? คิดสิคิด!”

   “ไอ้....”

   “ยอมรับเถอะว่าตัวเองมันไม่รู้จักพอ”

   “พอแล้วมึง มายด์กลับไปก่อน”

   “เนตรเป็นเพื่อนกับคนชั่ว ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน”

   “ขนาดแฟนชั่ว ๆ ยังมีมาแล้ว มีเพื่อนชั่ว ๆ บ้างจะเป็นอะไรไป” ผมแสยะยิ้มกับคำพูดของเนตร

   “เนตร!!!”

   “พอเถอะมายด์ คนมองหมดแล้ว กลับบ้านไปเถอะ แล้วเราอย่าเจอกันอีกเลยครับ”

   “มายด์ชอบเนตรนะ”

   ภูวเนตรถอนหายใจเสียดัง ผมถอยหลังออกมาเพื่อให้สองคนนั้นคุยกัน ระหว่างนั้นมีคนที่รู้จักผมเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ผมไม่ได้บอกไป

   “มายด์มีคนคุยด้วยเยอะอยู่แล้วนี่ แค่ไม่มีเนตร ไม่เป็นไรหรอก เนอะ”

   “มายด์ไม่มีใคร เราคืนดีกันได้ไหม มายด์ขอโทษ”

   “ขอโทษเหมือนกันที่ต้องบอกว่าไม่ เนตรไม่ใช่ควายนะเว้ย! ถ้าเลิกกันด้วยเรื่องอื่นอาจจะคุยกันได้ แต่มายด์นอกใจเนตรอ่ะ มายด์มีคนอื่นทั้ง ๆ ที่เราคบกันอยู่ ทำแบบนั้นได้ยังไงวะ! โคตรรับไม่ได้ อย่าทำให้ต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย”

   “ฮึก”

   “เชี่ย ไม่เคยเห็นพี่เนตรมุมนี้เลย” รุ่นน้องที่รู้จักพูดขึ้น ผมแสยะยิ้ม คนเรามีหลายด้านจะตายไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเราจะแสดงด้านไหนออกกมา

   ไอ้เนตรเดินออกไปหลังจากพูดจบโดยไม่หันกลับมามองอีกแม้ว่าแฟนเก่าของมันยืนน้ำตานองอยู่ก็ตาม เธอมองผมด้วยแววตาโกรธจัด สองมือกำแน่นและตัวสั่นเทิ้ม ผมยักคิ้วส่งไปให้ก่อนจะเดินตามไอ้เนตรไป




   “กูอยากต่อยมึงฉิบหาย!”

   “เอาดิ”

   ผัวะ!

   เซนิดหน่อยเมื่อหมัดของภูวเนตรกระทบเข้าที่ใบหน้า ก่อนที่อีกหมัดจะกระแทกเข้าหน้าท้องผมเต็ม ๆ อีกหนึ่งที เชี่ยเอ๊ย หมัดหนักใช้ได้เลย

   “ทำเหี้ยอะไรไม่เคยปรึกษากูก่อนเลย ไอ้ห่า!!!!”

   “หึหึ”

   “หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ มีอะไรน่าขำหรือไง!”

   “มึงไง”

   เนตรยกนิ้วกลางให้ผม “กูกับมึงต้องคุยกันจักรพรรดิ”

   “ไปคาเฟ่นะ อยากกินเค้ก”

   “ควัย!”

   ผมไม่สนใจที่เนตรมันด่า เราเดินมาอีกหน่อยก็ถึงคาเฟ่ใกล้ ๆ โรงเรียน สั่งเครื่องดื่มและขนมได้แล้วก็เดินไปหาที่นั่ง ผมทานไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่ภูวเนตรกอดอกหน้าเครียดมองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “จะเล่าได้หรือยัง?”

   “รีบเหรอ?”

   “เออ”

   “กลับบ้าน?”

   “กระทืบมึงเนี่ยไอ้สัด เร็ว ๆ รีบพูดสักที!”

   “ไม่มีอะไร เห็นมึงไม่ยอมบอกเลิกสักที กูเลยไปอ่อยเขาแล้วบอกให้เขาบอกเลิกมึง”

   “จริง?”

   “อืม”

   “ไอ้เวร ทำอะไรไม่ปรึกษากูสักนิด แล้วมึงไปเล่นกับความรู้สึกเขาอะนะ ไหนบอกไม่เคยล้อเล่นกับอะไรไงวะ”

   ผมไหวไหล่ “ก็ไม่ได้ล้อเล่น กูจริงจังมากเรื่องที่จะทำให้พวกมึงเลิกกัน จุดประสงค์กูคือให้ผู้หญิงคนนั้นบอกเลิกมึง ส่วนเรื่องอ่อย กูไม่นับ”

   “โห ไม่รู้จะด่าว่าอะไรเลย”

   “ทำไม โกรธเหรอ?” ผมถามอย่างไม่แยแสอะไร เจตนาจริง ๆ ที่ไม่ทุกข์ร้อนคือจะกวนตีนมันนั่นแหละ

   “กูเริ่มจะโกรธละ”

   “อย่าโกรธเลย กูเพื่อนมึงนะ”

   “กวนตีนฉิบหาย” ผมยักคิ้ว ไอ้เนตรพ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วเสยผมขึ้น ก่อนจะจ้องหน้าผม “ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะไอ้สัด สาระแนฉิบหาย กูไม่โกรธเพราะมึงเป็นเพื่อนกู และรู้เจตนามึง แต่ถ้าทำอะไรแล้วไม่บอกกูอีก กูเอามึงตายแน่”

   “จ้า กลัวแล้ว”

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย! โว้ยยยยยย!” ท่าทางหัวเสียของภูวเนตรตลกดี ผมจะไม่โมโหที่โดนมันด่าก็แล้วกัน





   ผมแยกกับเนตรหลังจากนั้น มันก็กลับบ้านของมันไป ส่วนผม... จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าบอกให้ซื้อขนมไปให้ ซึ่งร้านที่สองคนนั้นอยากกินอยู่โคตรไกลจากที่ผมอยู่ตอนนี้ แล้วการจราจรตอนเย็นติดขัดเหี้ย ๆ รถไฟฟ้าคนก็เยอะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้บริการมัน สภาพอากาศด้านนอกมีฟ้าครึ้ม ๆ คล้ายว่าฝนจะตกในไม่ช้า

   ไม่เข้าใจ นี่หน้าหนาว ฝนจะตกทำไมไม่ทราบ

   ใช้เวลาสักพักผมก็หลุดพ้นมาจากปลากระป๋องลอยฟ้า ลงจากสถานีแล้วต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้มีฝนตกอยู่ปรอย ๆ ผมมองมันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านขนมเจ้าประจำที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร ระหว่างทางที่กำลังเดินนั้น ฝนกลับตกลงมาหนักกว่าเมื่อสักครู่ ทำให้ผมต้องหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อที่จะเปิดกระเป๋าเอาร่มพับสีดำออกมากาง

   ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาของผมกลับมองเข้าไปเห็นใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านในร้านอาหารหรูนั่น ผมยืนมองนิ่ง ๆ ผ่านกระจกใสของร้าน แม้โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่จะไม่ได้อยู่ใกล้ แต่บริเวณนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นนั่งกัน จึงทำให้ผมสามารถมองทะลุเข้าไปได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง

   ริมฝีปากหยักค่อย ๆ ยกยิ้มจนกลายเป็นรอยยิ้มแสยะ เมื่อคนที่ผมจ้องมองอยู่หันมาสบตากันพอดี สีหน้าของเขาดูตกใจที่เห็นผม นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างขึ้น อาการเมื่อกำลังกลัวบางอย่างทำให้ผมถึงกับแค่นหัวเราะออกมาในลำคอ ผมกำร่มในมือแน่นจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา แต่มันไม่เท่าใจผมตอนนี้หรอก จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นความชาเมื่อผู้ชายอีกคนยื่นมือไปแต่ที่ริมฝีปากของเขาเพื่อเช็ดอาหารที่เลอะออกให้

   เมื่ออยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ผมจึงเลือกเดินออกไปจากตรงนั้น

   สายฝนตกลงมากระทบกับร่างกาย แม้มีร่มอยู่ในมือ แต่ผมกลับไม่ใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง ในเมื่อตัวผมมันเปียกแล้ว จะใช้ร่มไปยังไงตัวผมก็ยังเปียกอยู่ดี

   ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้เลยให้ตายเถอะ

   ถ้าให้เปรียบตัวเองกับสิ่งของ...

   ผมจะเปรียบตัวเองเป็นเทียนไข

   เป็นแค่เทียนไข สำคัญก็แค่ตอนไฟฟ้าดับเท่านั้น ใช้เพื่อทดแทนชั่วคราวก่อนจะถูกโยนทิ้งเอาไว้ในซอกของตู้เก็บของ เมื่อไฟฟ้ามาแล้ว เทียนไขโง่ ๆ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไร แต่เมื่อคิดให้ดีอีกที ใครจะใช้เทียนไขกันวะ ในเมื่อมันมีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าไฟฉาย แถมยังไม่ยุ่งยากเหมือนเทียนไขอีกด้วย

   เอาเข้าจริง เทียนไขก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย...



   ยืนมองสายฝนที่กำลังตกหนักอยู่หน้าคาเฟ่หลังจากซื้อขนมมาเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังตัดสินใจว่าจะกลับอย่างไรดี ต่อให้เรียกแท็กซี่ ก็คงไม่มีใครรับ และหากโทรศัพท์ไปบอกคนที่บ้าน ก็ต้องรอค่อนข้างนาน บางที... อีกสักพัก ฝนอาจจะหยุดตกแล้วก็ได้ ระหว่างนั้น โทรศัพท์ของผมก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา เห็นเป็นรูปจันทร์เจ้า ผมจึงรับสาย

   พี่ชายถามว่าอยู่ไหน เพราะเห็นว่าฝนตกและยังไม่กลับบ้านสักที แถมยังบ่นอีกว่าโทรหาผมยากมากกว่าจะติดต่อได้ ผมบอกเขาไปก่อนจะวางสายลูกหมูบอกจะให้คนที่บ้านคุณย่ามารับ เพราะกลับเองคงไม่ได้และห้ามผมปฏิเสธ อือ... แล้วแต่ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ หลังจากวางสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงโดยไม่สนใจหมายเลขที่ไม่ได้รับและจำนวนข้อความที่ถูกส่งเข้ามา

   ที่จันทร์เจ้าโทรมาไม่ติดเพราะมันอาจจะชนกับคนนั้นพอดี...

   หงิง~

   คิ้วขมวดเข้าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกหมา มันยังส่งเสียงออกมาเรื่อย ๆ ผมมองหาแต่กลับไม่เจอ จึงเลือกที่จะเดินตามเสียงไปดู จนกระทั่งมาถึงบริเวณด้านข้างร้านซึ่งมีพุ่มไม้อยู่หนาทึบและไม่มีกันสาด

   หงิง หงิง

   ผมย่อตัวลง ตอนนี้มองเห็นก้อนสีขมุกขมัวกำลังขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ ยื่นมือเข้าไปใกล้ ก้อนกลม ๆ นั้นสะดุ้งแล้วมองหน้าผม ตากลม ๆ นั่นใสแป๋ว ตัวสั่นระริกจากความหนาว ผมลูบตัวมันเบา ๆ เพื่อให้มันวางใจว่าผมจะไม่ทำร้าย ก่อนจะอุ้มมันออกมาจากพุ่มไม้แล้วพากลับไปยังหน้าคาเฟ่ที่มีที่หลบอยู่ และมีหลายคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

   ไอ้ก้อนมอมแมมครางหงิง ๆ และซุกตัวเข้าหาผม ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับมันดี แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์อยู่ไม่หยุดจนผมรำคาญและบล็อกเบอร์โทรนั้นไป รวมทั้งในโปรแกรมแชทด้วย กลับมาสนใจไอ้ก้อนที่ขดตัวอยู่บนฝ่ามือ ผมจะวางมันลงพื้นแต่มันกลับไม่ยอม ดื้อจังเลยวะตัวแค่นี้ จึงเป็นผมเองที่นั่งลง พอจับตัวมันทีมันก็ครางหงิงออกมา ขนของมันถูกเปรอะไปด้วยเศษดินจนมองแทบไม่เห็นสีขนจริง ๆ ของมัน มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกใจหลังจากเห็นรอยเลือดอยู่บนนั้น ไอ้ก้อนนี่โดนฟัดมาหรือไง โง่จังเลยวะ ไอ้เบื๊อกนี่!

   “เจ้าของมึงอยู่ไหนวะ” ผมพยายามมองหา อาจจะมีใครเป็นเจ้าของ แต่ก็เหมือนจะไม่มี และดูจากอาการโทรม ๆ มอมแมมและค่อนข้างผอมของมันแล้วคงจะอยู่แถวนี้มาสักพัก อาจจะพลัดหลงกับเจ้าของหรือไม่ก็ถูกทิ้ง... ผมสำรวจมันอีกครั้ง เผื่อจะเจออะไร แล้วก็เจอจริง ๆ มันคือปลอกคอที่บนนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เขียนไว้อยู่ ผมรีบโทรออก สอบถามว่าสุนัขหายหรือเปล่า แต่ปลายสายกลับตะคอกใส่และบอกว่าไม่หายเพราะเป็นคนเอาไปปล่อยเอง

   อ่า... คนเรานี่มันจะใจร้ายได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “มึงโดนทิ้งเหมือนกูเลยว่ะ”

   “ไปอยู่ด้วยกันไหมเบื๊อก?”

   หงิง

   ผมเปิดกระเป๋าเอาแจ็กเก็ตออกมาแล้วห่อไอ้เบื๊อกไว้ก่อนจะอุ้มมันขึ้น คงต้องพามันไปหาหมอก่อน ผมถามคนที่ยืนหลบฝนอยู่ว่าแถวนี้มีคลินิกรักษาสัตว์หรือเปล่า เมื่อได้คำตอบว่าอยู่ออกไปนิดหน่อยผมก็รีบไป โดยไม่ลืมบอกขอบคุณด้วย ครั้งนี้ผมกางร่ม เพราะไม่อย่างนั้นไอ้เบื๊อกหนาวกว่าเดิมแน่ ๆ

   “มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?” ผมถามคุณหมอ เขาระบายยิ้มใจดีก่อนจะบอกอาการของไอ้เบื๊อก มันมีอาการบาดเจ็บเพราะอาจถูกหมาแมวเจ้าถิ่นกัดเอา เท้ามีแผลเนื่องจากเดินเยอะและอาจจะป่วยอย่างอื่นด้วย หมอบอกถ้าไม่ดีขึ้นให้กลับมาอีกที

   “น้องฉีดวัคซีนหรือยังครับ?”

   “ไม่ทราบครับ ผมเก็บมาพุ่มไม้ มันโดนทิ้งน่ะครับ”

   “อ้าว แย่เลย แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะ? คนเรานี่ก็ใจร้ายจริง ๆ”

   “อาจจะเลี้ยงเองครับ”

   “ดีจังครับ มีบ้านอยู่แล้วนะตัวเล็ก” คุณหมอก้มไปพูดกับไอ้เบื๊อกแล้วลูบหัวมันด้วยความอ่อนโยนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมอีกครั้ง “ตรงด้านหน้ามีอุปกรณ์และอาหารน้องหมาขายอยู่ ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ”

   “ครับ ขอบคุณครับคุณหมอ”

   ผมออกมาซื้ออุปกรณ์บางส่วน อย่างพวกอาหารเม็ด (มันโตพอที่จะกินได้แล้ว) กรง กระบะทรายและของเล่นนิดหน่อย ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเลี้ยงมันไว้เอง จึงปลดปลอกคอของมันแล้วโยนทิ้งไป ไว้ค่อยสั่งทำให้มันใหม่ กว่าจะถึงบ้านก็ทำเอาเพลียไปเหมือนกัน จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าวิ่งออกมารับ พอเห็นกรงหมาที่ผมถืออยู่ก็พากันทำหน้างง เมื่อผมบอกว่าเก็บได้เพราะมีคนเอาไปทิ้งก็บ่นใหญ่ว่าคนนั้นใจร้าย

   วันนี้หมูผีทั้งสองก็มานอนที่บ้านคุณย่าด้วยครับ

   “ชื่ออะไรอะ?”

   “เบื๊อก”

   “ฮะ? เอาจริงดิ”

   “อือ ดูหน้ามันดิ โคตรโง่”

   “อ่า... จริงด้วย” พี่กับน้องพยักหน้ารับ หลังจากทำความสะอาดเอาเศษดินออกแล้วถึงค่อยน่าดูแลหน่อย ขนของมันเป็นสีน้ำตาลและขาว ตากลม ตัวผอมเล็กน้อยคาดว่าน่าจะไม่ได้กินอะไรหลายวัน ขาสั้น ๆ เป็นเอกลักษณ์ แค่เห็นขาก็รู้เลยว่ามันคือพันธุ์อะไร

   heyjirapinya new member of 3 J broter. His name is Beuak. Follow Beuak’s stories on @beuaksstories

   ผมกดไลค์รูปที่น้องโพสต์ลงหลังจากโพสต์รูปในแอคของตัวเองไปแล้ว (ไม่ใช่รูปเบื๊อก) ไอ้เบื๊อกมีแอคของตัวเองเฉยเลย ตัวตั้งตัวตีก็คือจ๋าจ้ากับจันทร์เจ้า ตอนนี้ก็ไปเล่นกับไอ้เบื๊อกจนมันหลับไปแล้ว ถ้าเอาไปบ้านไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะว่ายังไง แต่เขาไม่ห้ามหรอกถ้าจะเลี้ยงจริง ๆ

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ว่า?”

   “เค้าคุยด้วยหน่อยสิ” เบี่ยงตัวหลบให้น้องเดินเข้ามา จ๋าจ้ามีเรื่องจะคุย แต่ท่าทางที่แสดงออกเหมือนว่าไม่กล้าพูด

   “มีอะไรครับ?”

   “คือ... พี่ภัคโทรหาเค้า” ใบหน้าของผมขรึมขึ้นทันที “ทะเลาะกันเหรอคะ?”

   “เปล่า”

   “แล้ว... เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เสียงพี่ภัคดูไม่ค่อยโอเคเลย”

   “หึ”

   คนที่ไม่โอเคมันควรจะเป็นผมหรือเปล่าวะ ทำไมเขาต้องไม่โอเค

   “พี่เขาบอกว่าโทรหาพี่จริงใจไม่ได้ แล้วพี่ก็ไม่อ่านข้อความด้วย”

   “อ๋อ บล็อกไปแล้ว บอกเขาด้วยแล้วกัน”

   “เฮ้ย! ทำไมอะ! เกี่ยวกับรูปที่พี่โพสต์ด้วยหรือเปล่าคะ?”

   ผมไม่ตอบ แต่เรื่องแบบนี้ก็คงเดาได้แหละ

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมพี่จริงใจไม่ฟังพี่ภัคก่อนล่ะคะ?”

   นั่นสิ ทำไมผมถึงไม่ฟังนะ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะมีเหตุผล แต่ว่า... ผมไม่อยากฟังเขา ไม่อยากได้ยินอะไรจากเขาทั้งนั้น ผมให้เวลาเขาไปเยอะแล้ว ในเมื่อเขาปล่อยมันทิ้งไป ผมก็ช่วยไม่ได้

   ถึงเวลากลับไปใช้ชีวิตแล้วเดิมแล้วจักรพรรดิ



   jkpaswyt thanks for this RELATIONSHIT







(http://i.imgur.com/xs9y1Tt.jpg)


--------------------------------------------
สปอยล์
.
.
.
.
.
*จริงใจคิดไปเอง*


เรารู้ว่ามันยืดเกินไปแล้ว
และเราก็เข้าใจหากคนอ่านจะรู้สึกว่ามันไม่น่าอ่านแล้ว
; __ ;
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 06-05-2017 21:41:34
ง่าาา อะไรยังไง หน่วงไปแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 06-05-2017 21:41:49
ไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะะ ยังรออ่านอยู่เสมอ /กอดดดด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 06-05-2017 21:42:18
ยังอยากอ่านอยู่น้าาา :mew2: เป็นกำลังใจให้นะคะ

รอตอนต่อไปจ้าาา :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-05-2017 21:50:38
ขมวดอีกนิดก็ดีนะคะ รออ่านต่อค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 06-05-2017 21:52:17
ใช่ค่ะ เรื่องมันยืดเกินไปแล้วอ่ะ เบื่ออ่ะ ไม่มีอะไรน่าอ่าน โทดนะถ้ามันจะทำร้ายความรุ้สึก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-05-2017 22:12:04
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-05-2017 22:13:26
สภาวะแบบนี้ มันก็เป็นแบบนี้
รักแรก กลับมา แม้บอกว่าไม่คิดไรอีก
แต่ยังออกไปพบ รักใหม่มาเห็นมันต้องน้อยใจอยู่แล้ว
แต่ว่าไปจริงใจ ก็ไม่ฟังอะไรเลย
ชิงบล็อกไปซะก่อนจะรู้เหตุผล
รู้ความจริงทีหลัง จะเป็นยังไงนะ วอแวบอย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 06-05-2017 22:24:00
สำหรับเรา เราเฉยๆอะไม่ได้ว่ายืดมากอิอิ
คนแต่งอย่าคิดมากกกกก
วอแวบอยถึงเวลาเฟดตัวเองส่วนณภัคก็้ได้เวลาร้อนรนสักที  :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-05-2017 22:30:56
มันจะ shit จริงก็คราวนี้แหละ
ท่าทางรอบนี้จริงใจจะระเบิดจริง ต้องรอดูณภัคเป็นฝ่ายวิ่งตามบ้างแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 06-05-2017 22:39:28
 ไม่ยืดเยื้อหรอกน้าาาา อย่าคิดมาก เราจะตามอ่านเสมอ หลายๆคนก็ยังตามอยู่นะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2017 22:45:28
สำหรับเรามันไม่ได้ยืดอะไรมากมาย
แต่คาเร็กเตอร์ของจริงใจทำให้เราเบื่อ 555555
แต่ก็ยังอยากรู้ว่าคู่นี้จะลงเอยยังไง สู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 06-05-2017 22:51:18
เอาแล้วไง จริงใจแสดงเจตนารมย์ขนาดนี้ มหกรรมการง้อของณภัคจะหนักขนาดไหน สู้ๆ และพร้อมให้กำลังใจกองสนับสนุนอีกแรง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 06-05-2017 23:05:44
สงสารจริงใจเลย. เข้าใจเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-05-2017 23:09:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 06-05-2017 23:21:05
ณภัค ต้องได้รับบทเรียน เส้นทางที่คุณหนูเลือกเอง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 06-05-2017 23:33:32
ยังอยากอ่านอยู่จ้าาาา ตอนนี้ชอบในสิ่งที่จริงใจทำ ปล่อยภัคไปซะ และหวังว่านายจะเย็นชาให้สมกับที่เราคาดหวังนะ หึหึ

ปอลิง.มาต่อเร็วๆนะไรท์มันค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-05-2017 23:49:50
 :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 06-05-2017 23:56:03
คนเขียนอย่าคิดมาก ถ้ายูโอเคเราก็โอเคนะ ^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-05-2017 00:06:33
มาต่อบ่อยๆได้ไหมมม เอาทุกวันเลย
อยากอ่านแบบที่มีน้องเบื้อกเยอะๆด้วย ><
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-05-2017 00:29:15
เบื้อกแย่งซีน อยากเห็นเบื้อกน่ารักขนาดไหน ส่วนจริงใจกับภัคนั้น...คุยกันให้รู้เรื่องเถอะค่ะอย่ามัวแต่หลบเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 07-05-2017 00:46:20
ไม่ๆๆๆ มันกำลังดี ค่อยเป็นค่อยไปสิ
ชอบที่เห็นภัควิ่งตามจริงใจอ่ะ

ปล.คิงนี่หนีไม่พ้นจริงๆนะ  จริงใจต้องมาญาติดีกับคิงอีกนี่สิปัญหา 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 07-05-2017 01:07:19
จริงใจทำไมไม่ฟังภัคล่ะลูก
แต่ก็เข้าใจนะ ตามภัคตลอด
ตอนนี้ภัคต้องวิ่งตามจริงใจบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-05-2017 02:07:59
งานเข้าของจริงแล้วนะพี่ภัค
ดูท่าจริงใจจะเอาจริงด้วย
 :katai5:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอนะคะ สู้ๆค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2017 02:52:19
ได้เวลาวิ่งตาม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 07-05-2017 02:53:32
มันเหมือนเรากำลังตามอ่านบันทึกประจำวันที่เขียนไปเรื่อยๆ ของจริงใจ ซึ่งแทรกเรื่องส่วนของณภัคบ้าง

แต่ละตอนจะมีความซ้ำๆ ก็คือ ผูกปมแล้วไปคลี่คลายตอนถัดไป วนลูปไปเรื่อยๆ พอตามอ่านมาก็จะรู้สึกเบื่อนิดๆ ประมาณอีคู่นี้เป็นแบบนี้อีกละ เรื่องก็ดำเนินไปบนความสัมพันธ์ที่ย่ำอยู่กับที่

อ่านมาจนถึงจุดนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงใจชอบณภัคจริงๆ หรือเปล่า

สิ่งที่ได้จากบทนี้ คือ ความรู้สึกของจริงใจ กูเท แต่เดี๋ยวบทหน้าก็จะคลี่คลาย แล้วคนเขียนก็จะสร้างปมใหม่ๆ อีก ไปจนจบเรื่องนี้ ซึ่งเราที่ตามอ่านอยู่ แม้บางทีจะอ่านข้ามๆ บรรทัดไป แต่ก็คงตามต่อไป เพราะอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร เราอยากให้จบแบบแยกกันไปแล้วกลับมาเจอกันตอนสองคนนี้ "โต" จริงๆ เพราะตอนนี้นางเด็กและน่ารำคาญทั้งคู่เลยบอกตรง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2017 08:04:56
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-05-2017 08:31:48
จริงใจอารมณ์ร้ายและดูน่ากลัว สมแล้วทีจันทร์เจ้ามอบฉายาให้   คราวนี้งานหนักตกอยู่ที่ภัคแล้วว่าจะทำยังไงต่อ  รอชมอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 07-05-2017 12:25:22
 ยังรอติดตามอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 07-05-2017 13:09:32
เอาจริงๆพอจริงใจทำแบบนี้บางทีมันอาจจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ชัดเจนขึ้นก็ได้เพราะที่ผ่านมาไม่จริงใจยอมลงก็คือปล่อยผ่านไปเฉยๆทั้งสองคนแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นความสัมพันธ์ก็ย่ำกับที่แย่ลงด้วยซ้ำ การที่จริงใจขึ้นสุดแบบนี้น่าจะทำให้ณภัคต้องทำอะไรสักอย่างที่มันจริงจังได้แล้ว


สู้ๆค่ะติดามอยู่น้า รอตอนต่อไปค้าบบบบบ
#ทีมวอแวบอย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-05-2017 13:34:41
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 07-05-2017 22:11:58
รอต่อไป รอให้ให้ความเด็กของนางสองคนหายแล้วพร้อมจะรับฟังกันมากกว่านี้ เรารู้สึกว่านี่คือชีวิตคนจริงๆที่หาเหตุผลมาอธิบายความรู้สึกไม่ได้แต่ความผูกพันมามีอยู่นะ หน่วงมากๆ แต่เราลุ้นทุกตอนว่าเมื่อไรมันจะได้กันจริงๆสักที ปัญหาก่อนคบนางเยอะขนาดนี้ หวังว่าตอนรู้จักใจกันดีกว่านี้นางจะรักกันน้ำตาลขึ้นจอนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: farhhhh ที่ 07-05-2017 22:51:02
เราทีมภัค บอกก่อนเลย5555555
จากที่ไรท์เขียนในสปอยล์ว่า จริงใจเข้าใจผิด มันเท่ากับว่าเรื่องนี้จริงใจผิดมะ55555 จริงใจทำตัวเป็นผู้ใหญ่มาตั้งนาน อยู่ๆ ก็มาช่างแม่ง เทแม่ง บล็อคแม่ง ทั้งที่ยังไม่ถามเลยอ่ะ เออก็บอกได้แค่ว่าเธอเทเองนะจริงใจ ถ้าภัคไม่วิ่งตามความสัมพันธ์มันก็จะชิทจริงๆ นั่นแหละ

เนื้อเรื่องมันเฉื่อยจริง แต่เราเบื่อกับนิสัยงงๆ ของจริงใจมากกว่าค่ะ555
เรื่องนี้เป็น 1 ในเรื่องที่เรามักจะเข้ามาเช็กในเล้านะคะว่าอัพหรือยัง555 เราตามอยู่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 07-05-2017 22:59:17
เรื่องมันดูยืดยาว แต่จริงๆแล้วเราว่าทามไลน์ชีวิตเรามันก็มีเรื่องมากเรื่องน้อยแตกต่างกันไป นิยายก็เช่นกัน
ยังตามอ่านวอแวบอยอยู่เรื่อยๆนะคะ
นี่สายโหดรอให้น้องจริงใจเทอยู่ตั้งนาน ฮ่าๆๆ
ทั้งสองฝ่ายก็คงต้องรู้จักปรับตัวกันไปเรื่อยเนอะ
ทีนี้ตาพี่ภัคเป็นฝ่ายโคจรรอบตัวน้องบ้างละ :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 08-05-2017 13:19:14
ภัครต้องรุกแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-05-2017 18:55:09
เอาจริงๆ อ่านรวดเดียวจรถึงตอนปัจจุบันเนี่ย
สงสารจริงใจมากนะ ส่วนภัคคือสงสารแค่ปมในอดีตอะ
อย่าที่ใครๆเค้าว่า คนที่รักมากกว่า เจ็บกว่าเสมอ
จริงใจคือคนที่เริ่มชอบก่อน เข้าหาก่อน จีบก่อน
พยายามทำความเข้าใจก่อน วิ่งตามซ้ำๆ
พอดหนื่อย จะหยุดจะพัก ภัคก้กลับมาสนใจ
เห้ยย คือน้องมันไม่ใช่ของตายไง นึกจะมาก้มางี้
ถึงจริงใจจะเข้าใจผิดจริงๆก้เถอะ แต่ออกมาเจอกันลับหลังนี่ก้2รอบละนะ
จริงใจไปดูหนังกับมายด์ตอนไหนเพื่ออะไรก้บอกภัคก่อนไง
แค่ภัคคือไม่บอก ละถ้าไม่ไปเจอเองก้ไม่รู้ว่าจะบอกมั้ย
มันก้น่าคิดถ้าเรื่องแบบนี้เป็นเราที่ไปยืนจุดเดียวกะจริงใจนะ
ว่าที่เราเจอและรู้เองเนี่ย2ครั้งนะ แล้วมันมีครั้งที่3 4 5 ที่เราไม่รู้รึป่าว
เหมือนพี่ภัคดิสเครดิตตัวเองไปเรื่อยๆเพราะเหนน้องมันแพ้ทางอะ
จริงใจก้ผิดนะที่ไม่ยอมฟัง แต่เอาจจริงๆในจุดนั้นอะ เปนเราคงไม่พร้อมฟังทันทีหรอก
เหมือนโดนหักหลังซ้ำๆไงไม่รู้
โกรธพี่ภัคเลยอะ พูดว่าสำคัญแต่การกระทำไม่เคยพยายามรักษาน้องไว้เลย
จะเคืองจนกว่าจะสำนึกกกเลยอะ สวสารจริงใจจ
รอค่าาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-05-2017 21:28:51
เข้าใจว่าเหมือนจริงใจผิดที่ไม่ยอมคุย
แต่ที่เบื่อมากกว่าคือภัคอ่ะ ทำอะไรให้เคลียร์ๆหน่อยดิ ทำแบบนี้เหมือนจริงใจเป็นของตายมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 08-05-2017 23:01:33
จริงใจจ๋า :mew2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 35 ผมกับ relationshit | 6-5-60 | P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 10-05-2017 00:18:17
เราโรคจิตแน่ๆ ตอนนี้ไม่เชียร์ให้จริงใจฟังณภัคเลยจ้า แต่เชียร์ให้จริงใจใจแข็งนานๆ กลัวว่าจริงใจจะใจไม่แข็งจริงนี่แหละ อย่ารีบใจอ่อนนะ ไม่งั้นจริงใจได้กลับไปเป็นของตายเหมือนเดิมแน่ ให้ณภัคเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้เห็นบ้างเหอะ ว่าจริงใจสำคัญจริงๆอะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 12-05-2017 20:26:31
ความที่ 36
ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์






   [ ณภัค’s ]

   “โว้ย! รำคาญ” พีทร้องขึ้นด้วยความหงุดหงิด แถมยังมองผมด้วยความไม่พอใจอีก อะไรกันเล่า ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย คนผิดคือพวกที่นินทาผมต่างหากล่ะ

   สาเหตุมันมาจากตอนที่เราเดินเข้ามาที่ร้านกาแฟแล้วมีคนที่รู้จักผมคุยกัน มันก็เป็นเรื่องปกติที่เจอแทบทุกวัน นินทากันสนุกปากโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริงหรือไม่ ผมชิน ชินกับการถูกตราหน้าว่าง่าย ร่าน หรือมั่วผู้ชาย แต่ถึงจะรู้สึกว่าชินชากับมัน เอาเข้าจริงลึก ๆ ผมก็โกรธที่มีคนมาว่าแบบนี้

   ผมถูกเพื่อนด่าบ่อย ๆ ว่าทำไมไม่ยอมแก้ตัวหรือปฏิเสธไป เคยแล้ว... แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงคิดว่า ช่างเถอะ จะอธิบายคนที่มีอคติต่อเรา มามองเราในแง่ดีทำไม มันเสียเวลา ในเมื่อเขาไม่ต้องการจะฟัง คำพูดที่จะพูดออกไป ก็เป็นแค่คำแก้ตัวสำหรับพวกเขา

   “เป็นบ้าเหรอ?”

   “เออ กูจะแดกหัวมึงแล้วอีเวร หงุดหงิดมึงมากกว่าพวกเด๋อนั่นอีก”

   “ประสาท”

   “จิ๊! ทำไมมึงไม่พูดไปวะว่าข่าวที่มึงร่านเนี่ยถูกใส่สี”

   “ไม่มีประโยชน์หรอก พูดไปก็หาว่าแถ ช่างแม่ง”

   “กูอยากยีหน้ามึงกับพื้นมากภัค”

   “ก็แย่ละ” พีทถลึงตาใส่ผมก่อนจะไปจิกตามองพวกขี้นินทา

   จุดเริ่มต้นของเรื่องพวกนี้มันมาจากตอนผมอยู่ปีหนึ่ง และตอนนั้นมีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม ผมเองก็คุยไปตามปกติเพราะไม่รู้ว่าเขาเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์อะไร ก็คิดแค่ว่าเป็นรุ่นพี่เท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งมันก็เกิดเรื่องขึ้น
จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงเข้าหาผมถึงคณะแล้วบอกว่าผมไปแย่งแฟนเธอท่ามกลางนักศึกษาเป็นสิบ ๆ คน ผมกลายเป็นคนผิดทั้ง ๆ ที่แฟนของเธอเข้ามาคุยกับผมก่อน ผมกลายเป็นคนร่านทั้ง ๆ ที่อยู่เฉย ๆ ข่าวลือเรื่องผมมั่ว คั่วผู้ชายไม่เลือกหน้าแพร่สะพัดออกไป ตั้งแต่นั้นมาผมก็กลายเป็นคนร่านไปเลย

   สนุกดี

   ถือเป็นสีสันให้ชีวิต

   วันนี้ผมมีนัดไปทานข้าวกับพี่คิงและณภัท และตอนนี้พี่คิงก็มารับแล้ว ผมจึงต้องแยกกับพีท

   “เป็นไงบ้างครับ?”

   “เหนื่อยครับ อยากเรียนจบแล้ว”

   “จบแล้วยิ่งเหนื่อย” ผมย่นจมูกกับคำพูดของพี่คิง พี่เขาหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองถนน ระหว่างนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น เสิร์ชชื่อเข้าไปดูโปรไฟล์ของเด็กปีศาจเหมือนเคยตัว ทั้ง ๆ ที่ก็ดูไม่ได้เพราะมันตั้งไพรเวทไว้แต่ผมก็ยังเข้าไปทุกวัน

   ไม่รู้เป็นบ้าอะไร

   “ยิ้มอะไรครับ?”

   “อ๊ะ! เปล่าครับ” รีบกดล็อกหน้าจอที่ค้างอยู่โปรไฟล์น้องจ๋าจ้าแต่เป็นโพสต์รูปเด็กปีศาจแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋า ได้ยินเสียงพี่คิงหัวเราะดังมา หน้าผมก็ร้อนเห่อ อายจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น



   “ตกใจอะไรครับ?”

   “ไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน...” พี่คิงแย้มยิ้มในขณะที่ผมมองหน้าพี่เขาด้วยความงุนงง ก่อนหน้านั้น... ก่อนหน้าที่ณภัทจะขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ พี่คิงบอกว่าเขามีแฟนแล้วและกำลังจะหมั้นกัน ผมตกใจมาก ไม่เคยรู้ว่าพี่คิงมีแฟน และไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะเร็วแบบนี้

   แฟนพี่คิงเป็นคนไทยที่ไปเรียนต่างประเทศและพักอยู่ละแวกเดียวกัน พวกเขาจึงทำความรู้จักกันจนความสัมพันธ์พัฒนามาเป็นคู่รัก วูบหนึ่งตอนที่ได้ฟัง หัวใจผมมันบีบอัดจนเจ็บไปชั่วขณะก่อนจะค่อย ๆ คลายออกแล้วเปลี่ยนเป็นความโล่งแทน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น คิดว่าตัวเองจะเสียใจมาก มากกว่าที่มานั่งทำหน้าเอ๋อ ๆ เพราะกำลังมึนงง

   “หึหึ”

   “พี่คิงรู้ได้ยังไงว่ารักเขา”

   “อืม... พูดยากแฮะ ถ้าภัครักใครสักคน ภัคจะรู้เอง”

   ผมขมวดคิ้ว ถ้ารู้แล้วจะถามพี่คิงทำไมกัน

   “ตอนนี้ภัครักใครอยู่หรือเปล่าครับ?” จ้องหน้าพี่คิงนิ่ง คนอายุมากกว่าก็จ้องผมอยู่เหมือนกัน พี่เขายกยิ้มเล็กน้อยแต่อ่อนโยนตามแบบฉบับของตัวเอง “ไม่มีเหรอ?”

   “อือ...”

   “งั้น... ตอนพี่ถาม ภัคนึกถึงใครเป็นคนแรกครับ?”

   คราวนี้ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรพี่คิงแถมยังไม่ยอมสบตาอีกด้วย เฉไฉด้วยการตักอาหารทาน

   นึกถึงใครเป็นคนแรกงั้นเหรอ... ไม่อยากจะตอบเลย แต่หลังจากฟังคำถามของพี่คิงจบ ก็มีใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่เจอครั้งแรก ผมยังบอกอีกว่าจะไม่มีทางชอบเด็กนั่นแน่นอน

   ...วอแวบอยนั่นไง

   “ให้พี่ทายไหมครับ?”

   “ทายอะไรกัน พี่คิงจะรู้เหรอว่าภัคชอบหรือรักใครอยู่”

   “หึ ถึงได้ขอทายนี่ไง อืม... คนนั้นไหมนะ ที่ภัคโพสต์รูปเขาลงแต่ไม่เห็นหน้าสักรูป”

   “.....”

   “The boy that you calls ‘Wo wae boy’”

   “พะ พี่คิง...”

   “ว้าว! พี่ทายถูกด้วย”

   “พี่คิงรู้ได้ยังไง... พี่ติดตามภัคอยู่เหรอครับ?” พี่คิงพยักหน้าเป็นคำตอบ “ทำไมภัคไม่รู้ ทำไมถึงไม่ติดต่อภัคมาเลยล่ะครับ?”

   ตอนนี้ผมรู้สึกว่าขอบตาตัวเองมันร้อน ๆ ความน้อยใจวิ่งเข้าใส่จนแทบเซ

   “ที่พี่ไม่ติดต่อภัคเลย เพราะพี่อยากให้ภัคตัดใจและไม่อยากให้ภัคคิดถึงพี่”

   “วะ ว่ายังไงนะ... พี่คิง พี่คิงรู้เหรอว่าภัคคิดยังไง...”

   “รู้ครับ แต่พี่ไม่พูดเพราะเห็นว่าภัคเป็นน้อง”

   “เหอะ... ให้ตายสิ” ผมแหงนหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาถี่ ๆ

   “และที่พี่พูดวันนี้ เพราะพี่มั่นใจ ว่าภัคตัดใจจากพี่ได้แล้ว” ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรพี่คิงกลับไป ณภัทกลับเข้ามาและมองระหว่างผมกับพี่คิงเหมือนอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น นั่งได้ไม่นานณภัทก็ลุกออกไปอีก ท่าทางหัวเสียพอสมควร

   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ”

   “หึ!” ผมเชิดหน้าใส่พี่คิง พี่เขาส่งมือมาขยี้ผมก่อนจะละออกไป ผมลอบถอนหายใจออกมา มั่นใจงั้นเหรอ... ผมไม่ได้รักพี่คิงแล้วจริง ๆ เหรอ แถมพี่คิงยังบอกอีกว่าวอแวบอยคือคนที่ผมรัก

   ถ้าเป็นอย่างที่พี่คิงพูด ผมก็บอกเด็กนั่นได้โดยไม่ต้องลังเลอะไรอีกแล้วใช่ไหม?

   “ยิ้มแบบนี้นึกถึงเด็กคนนั้นอยู่เหรอครับ?”

   “พี่คิงน่ะ!” ผมแหวใส่ ก้มหน้าหลบสายตาที่ส่งมาล้อเลียนไปมองจานอาหารบนโต๊ะก่อนจะม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก พอเริ่มจะควบคุมตัวเองได้แล้วผมจึงเงยหน้าขึ้นกะจะยิ้มให้พี่คิง ที่ทำให้ผมหลุดออกจากความรู้สึกอึดอัดเวร ๆ นั่นสักที แต่ว่าพอผมเงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่ผมเห็นกลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่คิง

   สายตาของผมมองเลยออกด้านนอกร้านผ่านกระจกใส เด็กผู้ชายตัวสูงในชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งกำลังมองผมอยู่ ดวงตาของผมค่อย ๆ เบิกขึ้นช้า ๆ เด็กบ้านั่น... ฝนตกแบบนี้ทำไมไม่รู้จักพกร่ม

   พอหายตกใจก็ต้องขมวดมคิ้ว เมื่อเห็นวอแวบอยแสยะยิ้ม รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมยังกลัวอะไรก็ไม่รู้... ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่มุมปาก

   “กินเลอะเป็นเด็กเลย” ไม่ได้ตอบอะไรกลับพี่คิง เพราะผมละสายตาจากเด็กปีศาจนั่นไม่ได้ จักรพรรดิแค่นยิ้มออกมาคล้ายจะเย้ยหยันอะไรสักอย่าง ...แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น

   ผมลุกพรวดขึ้นจนพี่คิงและณภัทที่เพิ่งเข้ามาผงะไป รีบวิ่งออกไปนอกร้น แต่ว่าเด็กนั่นก็หายไปแล้ว ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหา แต่สายฝนที่สาดลงมาหนัก ๆ ทำให้ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด ผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นเดินไปทางไหน... ยกมือเสยผมอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองที่ช้าเกินไป เด็กบ้านั่นต้องคิดไปเองแน่ ๆ ผมจะทำยังไงดี ทุกวันนี้เหมือนจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ก็ยังไม่เคลียร์เลย ถ้าจักรพรรดิเข้าใจว่าผมยังรักพี่คิงอยู่มันต้องไม่ยอมคุยกับผมแน่

   “ออกมาทำไม?” ไม่ได้ตอบคำถามณภัท เพราะกำลังพยายามโทรศัพท์ไปหาอีกคนแต่กลับไม่มีการรับสายเลย ผมหอบหายใจหนัก ๆ ก่อนตัดสินใจไปตามอีกฝ่าย คงจะเลือกว่าจะไปทางไหน แต่เพียงแค่ผมวิ่งออกไปไม่เท่าไหร่ก็ถูกมือใหญ่ของพี่ชายลากกลับเข้าไปยืนใต้กันสาด

   “ปล่อย!”

   “จะไปไหนครับ?” ผมสะบัดแขนให้หลุดจากณภัท แล้วจากนั้นก็วิ่งออกไปทางฝั่งขวา “เป็นบ้าอะไร! ไม่เห็นเหรอว่าฝนมันตก!”

   ณภัทตะคอกเสียงดังพร้อมกับดึงผมกลับเข้าไปในร้าน แม้ผมพยายามแกะมือหนาออกยังไงก็ไม่ได้ผล ผมกัดปากตัวเอง ขอบตาร้อนผ่าวอย่างขัดใจ และโกรธพี่ชายตัวเอง

   “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น”

   “จู่ ๆ ก็วิ่งออกไปตากฝน” ณภัทพูดพลางคว้าเสื้อสูทที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้มาคลุมให้ผม มือของพี่กำลังปัดผมและเช็ดหยดน้ำที่เปียกไปตามใบหน้าออกให้แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก มัวแต่พยายามส่งข้อความและติดต่อไอ้เด็กบ้านั่น ผมจะร้องไห้แล้วจริง ๆ เพราะเจ้านั่นไม่ยอมตอบหรือรับสายผมเลย

   “มีเรื่องอะไรภัค?”

   “พี่คิง... เด็กนั่น ...ไอ้เด็กบ้านั่น”

   “โอเค พี่เข้าใจแล้วครับ มึงปล่อยน้องก่อน” พี่คิงว่าแล้วหันไปบอกณภัท ก่อนจะพูดดักเหมือนรู้ว่าเพื่อนตัวเองจะถามอะไร “เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทีหลัง”

   “ภัคกลับนะ...”

   “ภัคมากับพี่จะกลับยังไง ฝนตกขนาดนี้อีก รอก่อนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “แต่...”

   “ไม่ดื้อกับพี่นะครับ นั่งลงแล้วทานข้าว” พี่คิงบอกเสียงเข้ม ผมนั่งลงอย่างจำใจ หลังจากที่ดูจนแน่ใจแล้วว่าผมจะไม่ขัดคำสั่ง จึงเรียกณภัทออกไปคุย ถ้าอารมณ์ปกติ ผมคงไม่อยากให้พี่คิงบอกภัทเพราะมันไม่น่าใช่เรื่องสำคัญอะไรที่ต้องรู้ แต่ตอนนี้... จะรู้ไม่รู้ก็ช่างมันเถอะ

   สอดมือเข้าไปขยุ้มเส้นผมของตัวเอง ผมโทรศัพท์ไปหาจักรพรรดิตั้งหลายครั้งแต่ทุกครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ คืออีกฝ่ายไม่ยอมรับโทรศัพท์ของผมเลย แม้กระทั่งข้อความ พิมพ์จนนิ้วจะล็อกอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ชัดเจน การที่เด็กนั่นมาเห็นผมอยู่กับพี่คิงอาจจะทำให้เข้าใจไปว่าผมเลือกพี่คิง แต่ทำไมล่ะ ทำไมไม่ให้ผมได้อธิบายเลย

   ผมมันแย่จนไม่สมควรจะได้รับโอกาสพูดอะไรเลยเหรอ?

   ที่พี่คิงบอกว่าถ้าผมกำลังรักใครสักคนอยู่ ผมจะรู้ว่าคำตอบมันคืออะไร ...ตอนนี้ ผมว่าผมรู้แล้วนะ

    (“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”)

   เสียงอัตโนมัติดังมาให้ได้ยินเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบ ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโด โดยมีณภัทเป็นคนมาส่ง เขาโกรธอยู่พอสมควรที่ผมไม่บอกอะไร แต่จากสภาพของผมแล้ว ณภัทจึงไม่พูดอะไร นอกจากลูบหัวเบา ๆ และบอกว่าเดี๋ยวทุกอย่างจะโอเค ก่อนที่เขาจะกลับไป

   ทิ้งตัวลงที่โซฟา เอาโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง เมื่อโทรออกไป ผลที่ได้มันก็เหมือนเดิม ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ว่างเหรอ หรือแค่ไม่อยากคุยกับผม เลื่อนรีเฟรชหน้าโปรไฟล์ที่ถูกตั้งเป็นไพรเวทเอาไว้ไปเรื่อย ๆ อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะคิดได้ว่าถ้าโทรหาเจ้าตัวไม่ได้ก็ควรจะโทรไปหาคนใกล้ตัวแทน

   คนใกล้ตัวของจักรพรรดิที่ผมรู้จักและมีคอนแท็กต์กันก็มีแค่น้องจ๋าจ้าเท่านั้น...

   (“สวัสดีค่า”)

   “น้องจ๋าจ้าว่างไหมครับ?”

   (“ว่างค่ะ พี่ภัคขามีธุระอะไรเหรอคะ?”)

   “คือ... พี่โทรหาพี่ชายจ๋าจ้าไม่ได้ครับ”

   (“เอ๊ะ อาจจะมีปิดเครื่อง สักครู่นะคะ”) น้องบอก หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงของน้องตะโกนคุยกับพี่ชายอีกคน (“พี่จันทร์เจ้าขา โทรหาพี่จริงใจติดเปล่าคะ? // ติดคร้าบ เพิ่งคุยเมื่อกี้เอง กำลังจะกลับแล้ว มีอะไรเหรอ? // แฮะ เปล่าค่า”)

   (“พี่ภัคขา ยังอยู่ไหมคะ?”)

   “ครับ... พี่ได้ยินแล้ว...”

   (“อ่า... ยังไงพี่ภัคลองดูอีกทีนะคะ เดี๋ยวถ้าพี่จริงใจกลับมาถึงบ้านแล้วจ๋าจ้าจะบอกพี่จริงใจให้โทรกลับหาพี่ภัคด้วย”)

   “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้อง ขอบคุณมากครับ”

   ปล่อยมือลงตามแรงโน้มถ่วง ผมเอนศีรษะไปด้านหลัง มองเพดานแล้วกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะหลับตาลง ความรู้สึกของผมตอนนี้มันชาไปหมดและไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไงดี ตอนรู้ว่าพี่คิงจะไปเรียนต่อต่างประเทศผมยังไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้เลย

   ไหนคนที่บอกว่าจะไม่ไปไหน

   ไหนคนที่บอกว่าจะอยู่กับผม

   และไหนคนที่บอกว่าเป็นของผม...




   “เป็นอะไรหรือเปล่าภัค สีหน้าไม่ค่อยดีเลย?” ผมส่ายหน้าช้า ๆ ให้เบลล์ สภาพผมคงแย่มาก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถาม เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลยด้วยซ้ำ พอเช้ามาตาก็บวมช้ำ คอนซิลเลอร์ก็กลบไม่มิด ซอมบี้ดี ๆ นี่เอง ระหว่างที่เรียน... ผมไม่รู้เรื่องเลย เพราะใจจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องอื่น คอยมองโทรศัพท์บ่อย ๆ ด้วยความหวังว่าจะมีสายโทรเข้าจากคนที่กำลังรอบ้าง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังคงนิ่งสงบ

   วันนี้ผมเลือกที่จะทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยเพราะไม่มีอารมณ์จะออกไปกินข้างนอก แม้แต่พีทยังแปลกใจ

   “มึงได้คุยกับผัวเด็กของมึงไหม?” ผมถามพีท มันมองหน้าและทำหน้างง ลืมไป... ผัวแม่งมีหลายคน เจอใครหล่อก็เรียกเขาว่าผัวหมด “จริงใจ”

   “อ๋อ ไม่ว่ะ น้องไม่ได้ทักกูมาและกูก็ไม่มีเรื่องจะคุยด้วย ทำไม?”

   “.....”

   “ทะเลาะกันเหรอ?”

   “นิดหน่อย เด็กนั่นมันเข้าใจผิด”

   “อ้าว แล้วมึงโทรหาน้องยัง อธิบายให้เข้าใจสิวะ”

   “โทรแล้ว แต่... โดนบล็อก”

   “my gosh!!!” พีทอุทานเสียงดัง มันถึงกับวางช้อนส้อมลงเพื่อยกมือขึ้นทาบอก “ยังไง! ไหนเล่า ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”

   “เมื่อวาน... เด็กนั่นเห็นกูอยู่กับพี่คิงแล้วก็เดินหนีไปเลย พอกูจะตามไปก็ไม่เจอแล้ว แถมโทรไปก็รับสาย ส่งข้อความก็ไม่ตอบ แล้วแม่งก็บล็อกกู ไอ้เหี้ย ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว!” พูดไปขอบตาก็ร้อนผ่าว ผมกำมือแน่น บังคับไม่ให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมา

   “มึง... แคร์น้องเขามากเลยรู้ไหม?”

   “เพิ่งรู้ตอนนี้นี่แหละ”

   “ถ้าติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ก็ไปเจอตัวเลยสิวะ มึงต้องบอกน้องว่ามึงรู้สึกยังไง”

   ผมเม้มปาก มันค่อนข้างสับสน ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไม ผมกลัว กลัวว่าจะโดนผลักไส ซึ่งผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เด็กนั่นทำให้ผมเคยชินกับการมีมันอยู่ข้าง ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มาเดินจากไปแบบนี้ แล้วผมจะทำยังไง...

   “ยังไงกูก็อยู่กับมึงอ่ะ เดี๋ยวตามแฝดกับชะนีมาอยู่กับมึงด้วยเลย”

   “หึ คลื่นครามด่ากูตายห่า”

   “จริง สมน้ำหน้ามึง กั๊กฉิบหาย อีเวร”

   อ้าว... กูผิดเฉยเลย

   เมื่อทานข้าวเสร็จ พีทขอตัวกลับไปก่อนเพราะต้องไปเตรียมตัวพรีเซนต์ ส่วนผม...นั่งอยู่ที่โรงอาหารจนกระทั่งถึงเวลาเรียนจึงเข้าคลาส ช่วงบ่ายนี้ผมมีสติมากขึ้น ไม่ค่อยวอกแวกไปสนใจโทรศัพท์แล้ว เพราะยังไงมันก็ไม่มีสายจากจักรพรรดิอยู่ดี ตั้งใจเอาไว้ เลิกเรียนแล้วผมจะไปคุยกับเด็กนั่นให้รู้เรื่อง ถึงแม้จะไม่มั่นใจเลยว่าต่อให้ไปแล้วจะเจอหรือเปล่า...








(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 12-05-2017 20:29:05





   “นี่ พวกแกรู้ป่ะ ณภัคโดนผู้ชายเทเว้ย” ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองอยู่ในบทสนทนา จึงหยุดและยืนฟัง ว่าคนพวกนั้นจะพูดอะไรต่อ

   เรื่องที่ผมโดนทิ้ง คงมีคนได้ยินจากเมื่อกลางวันที่ผมคุยกับพีทแล้วเอามาเล่าต่อ ลืมไปเลยว่ามีพวกชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่เยอะ ไม่รู้ว่าใส่สีตีไข่กันไปถึงไหนแล้ว

   “หืมมมม พี่ณภัคอ่ะนะ นางไม่เทเขาแล้วเหรอ?”

   “แหมแก ต้องมีโหมดโดนเทบ้างสิ อยากเห็นหน้าผู้ที่เทนางจริง ๆ ว่างานดีขนาดไหน”

   “นั่นสิ หรืออาจจะงั้น ๆ แต่เทเพราะเบื่อนางงี้ ว้ายยย”

   “ว่าไปแก ณภัคนั่นดอกฟ้าเชียวนะ จะโดนเบื่อได้ยังไง คิคิ”

   “ไม่แน่นะโว้ย นางก็ผ่านอะไร ๆ มาเยอะ อาจไม่ถึงใจผู้แล้วป่ะ จากดอกฟ้าก็กลายเป็นดอกหญ้า แล้วก็ถูกทิ้งงี้”

   ผมเหยียดยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้นที่คุยกันอย่างสนุก ที่ตรงนี้มีหลาย ๆ คนที่นั่งเล่นหรือทำงานกันอยู่ ระดับเสียงที่พวกเธอพูดก็ไม่ได้เบาเลยสักนิด แน่นอนว่าคนอื่นต้องได้ยิน และมันก็แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของผมมันต้องแย่ไปมากกว่าเดิม ทว่า...เมื่อผมเข้าไปให้พวกนั้นเห็น เสียงที่คุยกันก็เงียบไป พร้อมใบหน้าที่แสดงออกมาว่าตกใจ

   “เมื่อกี้... พูดว่าอะไรนะ?”

   “เอ่อ...”

   “พูดให้มันเก่งเหมือนลับหลังหน่อย!” ผมตะคอก แต่คนพวกนั้นก็ยังเงียบ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ท่าทางน่าสมเพชจนต้องแค่นหัวเราะ คนเราก็เก่งแต่ลับหลัง พออยู่ต่อหน้ากลับหดหัวเข้ากระดอง

   “จะพูดเรื่องฉันก็พูดไป แต่พูดเรื่องที่มันเป็นความจริงหน่อยเถอะ กลัวคนไม่รู้เหรอว่าโง่ถึงได้แสดงมันออกมามากขนาดนี้”

   “.......”

   “รู้จักใช้สมองให้เก่งเหมือนปากด้วยนะ คิดบ้างก่อนจะทำอะไร อ๋อ ลืม คงคิดไม่ได้เพราะไม่มี ถ้าโลกนี้มีซอมบี้ พวกเธอรอดทั้งกลุ่มแน่”

   “จะมากเกินไปแล้วนะคะ!” หลังจากที่เงียบมานาน หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมา ผมเลิกคิ้ว อะไรคือมากเกินไปงั้นเหรอ?

   “หืม ด่าคนอื่นได้แต่พอโดนบ้างก็ไม่พอใจแบบนี้เหรอ? ไม่น่ารักเลยนะคนดี” ผมก้าวเข้าไปใกล้อีกอีกก้าว ก่อนจะไล่มองหน้าเด็กพวกนี้ทีละคน “ถ้าทำผิดกับคนอื่นไว้ สิ่งที่ต้องพูดคืออะไรนะ?”

   “ขอโทษ...ค่ะ” พูดออกมาคล้ายจะไม่เต็มใจ เด็กปีหนึ่งกลุ่มนี้รีบเก็บของกันใหญ่ ผมเหยียดยิ้มออกมา ตอนด่าอย่างกับโทรโข่ง พอขอโทษอย่างกับลำโพงพัง เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

   “เดี๋ยว” ผมเรียกไว้

   “มีอะไรอีก..คะ?”

   “ดอกหญ้าอย่างฉันก็โดนเบื่อง่าย ๆ และโดนทิ้งง่าย ๆ นั่นแหละ...” ผมเว้นช่วงจังหวะ ระบายยิ้มบางก่อนจะพูดต่อ “จะไปสู้ดอกทองอย่างพวกเธอได้ยังไง”

   สิ้นคำพูดของผม เด็กพวกนั้นก็แสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีคนหัวเราะขึ้นมา คงอายจนต้องรีบหนีไป ...เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว ผมก็เอาโทรศัพท์ออกมาแล้วลองโทรหาวอแวบอยอีกครั้ง แม้จะหวังให้อีกฝ่ายรับสาย แต่ความเป็นจริงผมก็ยังไม่สามารถโทรหามันได้อยู่ดี

   ฝ่าการจราจรมาจนถึงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่พักหลังมานี้มาบ่อยพอสมควร ผมผ่านเข้าไปในตึกอย่างง่ายดายเพราะพนักงานคุ้นหน้า กดลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ เมื่อมาถึงก็ตรงไปยังประตูห้องห้องหนึ่ง รออยู่นานหลังจากกดกริ่งก็ไม่มีคนออกมาเปิดประตูเลย ผมเป่าลมออกจากปาก เจ้าเด็กนั่นอาจจะไม่อยู่ที่นี่ ผมพยายามนึก ที่เจ้าตัวเคยบอกไว้ว่าจะทำอะไรบ้างในแต่ละวัน

   และสิ่งที่ผมนึกออกตอนนี้คือซ้อมดนตรี

   “โทษนะครับ วง Histasia ซ้อมอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” ผมพุ่งเข้าไปที่เคาน์เตอร์ทันทีที่เข้ามาในตึก จำได้แค่ว่าจักรพรรดิเคยบอกว่าห้องซ้อมประจำอยู่แถวนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน จนต้องถามคนที่อยู่แถวนี้มา

   “ซ้อมอยู่ค่ะ” เธอตอบหลังจากเช็กข้อมูลในคอมพิวเตอร์ กว่าจะรู้ว่าอยู่ห้องไหนก็เสียเวลาไปหลายนาที เพราะเป็นกฎที่ระบุไว้ว่าหากไม่มีความจำเป็นอะไรจะไม่ให้คนอื่น(ที่ไม่ได้ลงชื่อใช้ห้องซ้อม)เข้าไปเพราะเป็นการรบกวนคนที่ซ้อม แต่ในกรณีที่มีแจ้งเอาไว้ก่อนจะเป็นข้อยกเว้น ผมต้องอ้างว่าเอาของมาให้หนึ่งในนั้น เธอถึงยอมบอกมา

   ยิ่งเข้าใกล้จุดหมาย ผมก็ยิ่งเกิดอาการประหม่า หัวใจเต้นแรงและไรผมมีเหงื่อออก รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงก็ไม่รู้ ถ้าจักรพรรดิเย็นชาใส่ผม ผมจะทำยังไงนะ จะทำยังไงล่ะ ก็พยายามต่อไปไงโว้ย!

   ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง มองลอดเข้าไปผ่านช่องกระจกตรงประตู เห็นแค่วาฬ พวกเขากำลังซ้อมอยู่ ผมรู้ว่ามันเป็นการรบกวน แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ...ยกมือขึ้นเคาะประตูก่อนจะหลบไปยืนอีกด้าน ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในจะได้ยินหรือเปล่า แต่ผมภาวนาให้ใครสักคนได้ยินและออกมาเปิดประตูให้ผม...

   “อ้าว... สวัสดีครับ” ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ไปให้ข้าวฟ่างที่โผล่ศีรษะออกมา “มาหาจริงใจใช่ไหม เข้ามาสิครับ” เด็กอายุน้อยกว่าเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วเบี่ยงตัวออก ผมเม้มปาก สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงเดินตามข้าวฟ่างเข้าไป

   เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว ทุกเสียงในห้องก็เงียบลง ผมกำสายกระเป๋าบนไหล่ตัวเองแน่น วาฬกับไจ่ไจ๋ส่งเสียงทักทายมาให้ ยิ้มกลับไปให้พวกเขาหน่อย ๆ เพราะสายตาผมจ้องไปยังเด็กผู้ชายที่อยู่ในชุดนักเรียนไม่เป็นระเบียบ เสื้อสีขาวแนบชิดไปกับแผ่นอกเพราะเหงื่อที่ซึมออกมา ทั้งยังปลดกระดุมออกไปสองเม็ดด้วย

   ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะหัวใจเต้นแรงได้ขนาดนี้...

   “งุ้ยยยย มีกำลังใจมาแบบนี้พี่จริงใจสู้ตายแน่อ่ะ!” ไจ่ไจ๋ว่าเสียงใส ไม่ได้สังเกตหน้าพี่ชายเลยว่ามันนิ่งขนาดไหน รวมทั้งแววตานั้นด้วย จักรพรรดิแสยะยิ้มและแค่นเสียงในลำคอ สายตาว่างเปล่าที่มองมาทำให้ผมเย็นวูบไปทั้งตัว

   “เชิญนั่งเลยครับพี่สะใภ้ เดี๋ยวไจ๋โชว์ฝีมือการเล่นคีย์บอร์ดที่เจ๋งที่สุดให้ดู” น้องเล็กสุดของวงยังคงพูดเจื้อยแจ้ว ข้าวฟ่างกับวาฬก็เล่นไปกับไจ่ไจ๋ด้วย มีเพียงคนเดียวที่ยังนิ่งเฉยนั่นก็คือจักรพรรดิ...

   “อ้าวไอ้เวร เล่นสิโว้ย!”

   “เลิก วันนี้พอแค่นี้”

   “อันแนะ! จะรีบกลับไปกับพี่ภัคล่ะสิ ไจ๋รู้ทัน”

   “ไร้สาระ” น้ำเสียงราบเรียบจนผมต้องเหลือบตาขึ้นด้านบน ไม่อย่างนั้นน้ำตาคงร่วงมาแน่ ตั้งแต่เจอกับเด็กนี่เกราะที่ผมใช้ป้องกันตัวเองมันก็ค่อย ๆ ร้าวไป ความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นมันก็แสดงออกมาบ่อยขึ้น ทั้งห้องเงียบไปอีกครั้ง เด็กอีกสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ดูเหมือนว่าจะเริ่มจับกระแสบางอย่างได้แล้ว...

   “พวกมึงซ้อมไปแล้วกัน กูกลับละ” จักรพรรดิบอกเพื่อนแล้วเก็บของก่อนจะออกจากห้องซ้อมไปโดยไม่ให้ใครถามอะไร

   “มี...เรื่องอะไรกันเหรอครับ?”

   “นิดหน่อยน่ะ”

   “อ่า...” จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่พอผมออกจากห้องก็มีเสียงตะโกนของไจ่ไจ๋บอกมาว่าสู้ ๆ

   ผมรีบวิ่งลงจากตึก มองหาว่าจักรพรรดิไปทางไหน คว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะได้ข้ามถนน เด็กนั่นหันมองด้วยสายตาเอาเรื่องพร้อมกับมือที่สะบัดออก แต่ด้วยความหน้าด้านของตัวเองจึงยื่นมือไปคว้าไว้อีกครั้ง

   ต่อให้โดนสะบัดออกสักกี่ครั้งผมก็จะตามคว้ามันทุกครั้งนั้นแหละ!

   “คุยกันก่อน”

   “......”

   “ขอร้องเหอะ คุยกันก่อนได้ไหม” จักรพรรดิสะบัดมือผมออกอีกครั้งแล้วเดินข้ามถนนไป แต่ผมก็ยังคงตามไปอยู่ดี ในเมื่อไม่ไล่ ก็ถือว่าให้โอกาสผมได้พูดก็แล้วกัน...

   “น้องจริงใจ!”

   Shit!

   ผมสบถอยู่ในใจ จ้องไปคนมาใหม่เขม็ง แล้วจักรพรรดิดันหยุดให้มันเข้ามาทักอีก

   “วันนี้ค้างที่นี่เหรอ?”

   “ไม่รู้ มีอะไร?”

   “โห เสียงแข็งเว่อร์ อารมณ์ไม่ดีเหรอครับ?” จักรพรรดิยืนเงียบไม่ได้ตอบกลับ “แค่มาทักทายเอง...”

   “อือ ขอตัว”

   “เดี๋ยว!!” เด็กเวรนั้นเรียกไว้แล้ววิ่งไปดักหน้า ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ ทำไมต้องมายุ่งด้วยวะ! “พรุ่งนี้เข้าประชุมด้วยนะ”

   “ประชุมอะไร?”

   “ประชุมสีไง ประธานสีบอกไว้”

   “เหรอ อืม”

   “น้องจริงใจจะขึ้นห้องเลยเปล่า ไปด้วยสิ” ผมรีบดึงแขนจักรพรรดิแล้วลากไปที่ลิฟต์เร็ว ๆ ไอ้เด็กเวรอีกคนทำหน้าตกใจเหมือนเพิ่งเห็นผม เล่นละครโคตรไม่เนียน ระหว่างที่ลิฟต์เปิดก็มีเสียงคนเรียกมันพอดี ผมจึงผลักจักรพรรดิเข้าไปด้านในและกดปิดทันทีแม้จะได้ยินเสียงตะโกนบอกให้รอก็ตาม

   หึ! รอก็โง่สิ!

   “มีอะไรก็รีบพูดแล้วกลับไปซะ” จักรพรรดิเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงห้องพัก ผมหลับตาลงเพื่อตั้งสติและควบคุมตัวเองไม่ให้พาลเพราะหัวร้อนกับเรื่องเมื่อสักครู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกที เด็กผู้ชายที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายก็จ้องผมอยู่ สายตายังเรียบนิ่งและเฉยชาเหมือนเดิม...

   “เรื่องเมื่อวาน... มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”

   “ผมคิดอะไร?”

   “คิดว่าฉันรักพี่คิง”

   “หึ เหรอ”

   “ก็นาย... ฉันโทรไปนายก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ แถมยัง... บล็อกฉันอีก มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะจริง ๆ เมื่อวานไปกินข้าวกับพี่คิงก็จริงแต่ว่าณภัทก็ไปด้วย ตอนนั้นภัทไปอยู่เพราะไปคุยโทรศัพท์พอดี มันไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”

   “......”

   “พูดอะไรบ้างสิ...”

   “กลับไป”

   “มะ ไม่เอา”

   “เอาตรง ๆ ป่ะ ตอนนี้ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณเลย แม้แต่ชื่อก็ไม่อยากจะได้ยิน”

   ผมนิ่งอึ้ง มองคนพูดตาค้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ในใจวูบโหวงก่อนที่มันจะสั่นรัวด้วยจังหวะที่บีบแน่น ทั้งน้ำเสียง สีหน้า และแววตา เป็นเครื่องบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดออกมา มันมาจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ

   “นาย...”

   “หยุดไว้ตรงนี้เหอะ”

   “ไม่ ไม่เอา!”

   “ไม่เอาอะไร จะมีผมไว้ทำไม ในเมื่อคุณก็มีคนของคุณแล้วนี่! เผื่อเลือกเผื่อทิ้งเหรอ ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง ไปหาคนนั้นของคุณดิ!!” ผมสะดุ้งทุกครั้งที่จักรพรรดิตะคอกเสียงดัง ดวงตาคมแดงก่ำจ้องผมเขม็ง “อ๋อ กลับมาหาผมเพราะเขาไม่เลือกคุณใช่ป่ะ เขาก็แค่มีแฟน แย่งมาสิครับ”

   “ฉันกลับมาหานายเพราะฉันเลือกนายต่างหาก!!”

   “เลือกผม? หืม นี่มุกเหรอ ต้องขำไหม” เด็กตัวสูงก้าวเข้ามาใกล้ มือใหญ่นั้นคว้าไหล่ผมทั้งสองข้างแล้วบีบแน่น ใบหน้าผมเหยเกเพราะความเจ็บแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป “อย่ามาพูดว่าเลือกผมทั้ง ๆ ที่คุณไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกอะไรให้ผม!”

   “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มี! ถ้าไม่มีแล้วฉันจะมาหานายวันนี้ทำไม จะพยายามโทรหาเพื่ออธิบายทำไม! ถ้าไม่มี ไม่รู้สึกอะไร ฉันไม่สนใจนายหรอก นายคิดว่าฉันตามง้อทุกคนหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเป็นนาย ฉันจะแคร์ไหม!! ถ้าหากไม่รู้สึกอะไรกับนาย ฉันจะหวงนายกับไอ้เด็กเวรนั้นเพื่ออะไร!!”

   “คุณก็แค่หวงก้างเท่านั้นแหละ ไม่ได้หวงผมหรอก เลิกให้ความหวังผมสักทีสิวะ!! คนที่คุณหวงคือคิง ไม่ใช่จักรพรรดิ!! แล้วเป็นยังไง พอรู้ว่าเขามีแฟน พอรู้ว่าเขาจะหมั้น เหมือนจะขาดใจตายเลยไหมครับ?”

   “เลิกงี่เง่าสักทีไอ้เด็กเวร! ทำฉันปั่นป่วนขนาดนี้แล้วยังจะพูดอะไรแบบนี้อีกเหรอ ใช่ ฉันจะขาดใจตายเลยล่ะ แต่ไม่ใช่เพราะรู้ว่าพี่คิงมีคนรัก แต่มันเป็นเพราะนายต่างหาก! เพราะนายไม่สนใจฉัน เพราะนายตัดขาดทุกอย่างกับฉัน! เห็นหน้าฉันไหม เห็นสภาพโทรม ๆ นี้หรือเปล่า รู้ไหมมันเป็นเพราะอะไร เพราะคิดมากเรื่องนายจนนอนไม่ได้ไงเล่า!!!”

   “......”

   “กับพี่คิง... มันเป็นอดีตไปแล้ว นายก็รู้แล้วว่าเขามีแฟน ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นเล่า ฉันมันเลวจนแย่งแฟนคนอื่นได้เลยหรือไง...” เสียงของผมค่อย ๆ แผ่วไป ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อความรู้สึกหลาย ๆ อย่างแล่นเข้ามาพร้อมกัน ทั้งโกรธ โมโห เสียใจ และน้อยใจ... ทำไมถึงได้มองผมอย่างนี้ ทำไมถึงบอกให้ผมไปแย่งแฟนคนอื่น ไม่รู้เหรอว่าผมเกลียดคนประเภทนี้ขนาดไหน... ผมรู้ว่าคนที่โดนแย่งแฟนความรู้สึกแย่ขนาดไหน ผมเจอมากับตัวเอง และผมก็เคยเห็น...แม่ของผมที่เป็นทุกข์เพราะถูกแย่งคนรัก

   แล้วทำไม... ผมต้องทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดด้วย

   “ฮึก” ก้มหน้าลงต่ำและพยายามกัดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น มันดูงี่เง่ามากที่ต้องทำอะไรแบบนี้ แต่ผมไม่อยากให้จักรพรรดิได้ยินเลย ผมกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าบีบน้ำตา ไม่ว่าผมจะทำอะไรตอนนี้เด็กนี่ก็คงมองผมไม่ดีแล้วล่ะ

   “ฉันขอโทษที่ที่ทำให้นายต้องรำคาญเพราะความลังเลของฉัน แต่ฉันกลัว... ถ้าหากให้ใจนายไปและยอมง่าย ๆ นายจะทิ้งฉันง่าย ๆ เหมือนกัน ฉันระแวงความรักเพราะมันทำให้ฉันต้องเจ็บปวด ถ้าการกระทำของฉันทำให้นายหงุดหงิดใจ ฉันขอโทษ”

   “ทั้ง ๆ ที่พยายามไม่หวั่นไหวเมื่อนายดูแลเอาใจใส่ สร้างกำแพงไม่ให้นายก้าวเข้ามา ไม่อยากมีนายอยู่ในชีวิต เพราะถ้าวันไหนถูกทิ้ง ฉันจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย...”

   “ครั้งนี้... เป็นการถูกทิ้งที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะตายเลย” ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเด็กมัธยมปลายที่คอยตามติดชีวิตผมมาตลอดสามสี่เดือนนี้ เด็กผู้ชายที่ทำให้คนเกลียดความวุ่นวายอย่างผม รู้สึกรักความวุ่นวายขึ้นมา...

   “ฉันชอบนาย”

   “.......”

   “ชอบนาย...จริง ๆ ต่อให้พูดหรือไม่พูดนายก็จะทิ้งฉันอยู่แล้ว ฉันเลือกที่จะพูดดีกว่า”

   “เลิกเพ้อได้หรือยัง?”

   “มันน่ารำคาญใช่ไหม รู้หรอก...”

   “รู้แล้วก็หุบปากสักที! แม่งเอ๊ย!!!” ผมสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ยังเรียกขวัญจากการตกใจกลับมาไม่ได้ก็ต้องตกใจซ้ำอีกเมื่อคอเสื้อถูกกระชาก แวบแรกคือรู้สึกกลัว กลัวโดนต่อย เพราะเจ้าเด็กนี่หน้าโหดมากทั้งแววตาที่เกรี้ยวกราด แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด

   จากที่นึกว่าจะถูกกระชากเข้าไปต่อย กลับกลายเป็นจูบแทน... ริมฝีปากเป็นกระจับนั้นกระแทกใส่ปากผมค่อนข้างแรง เจ็บ... แต่โวยวายไม่ได้ เด็กตัวสูงเลื่อนมือไปกดท้ายทอยผมเอาไว้ ริมฝีปากก็คอยขบเม้ม ทั้งยังกัดอีกต่างหาก ผมหลับตาลง ปล่อยตัวให้อีกฝ่ายปล้ำจูบอย่างตะกละตะกราม แขนเรียวเอื้อมขึ้นโอบรอบคอคนอายุน้อยกว่า เอียงใบหน้ารับสัมผัสให้ถนัดมากยิ่งขึ้น เผยอริมฝีปากรับเรียวลิ้นร้ายเข้ามา ก่อนจูบตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน...

   ...ขอเวลาผมไปคุยกับเด็กเอาแต่ใจให้รู้เรื่องก่อนนะครับ







-------------------------------
ยาวมากเลย แต่ไม่อยากตัด เดี๋ยวจะยืดไปอีก ตาลายหน่อยนะคะ ; _ ;
จากตอนที่แล้วที่จริงใจน็อตหลุด จริงใจรู้ว่าคิงเป็นแฟนของพี่สาวตัวเอง แต่ภัคไม่รู้ว่าคิงมีแฟนแล้ว เด็กเด๋อของเราเลยคิดไปไกลว่าภัคยังรักคิงอยู่ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านงับ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 12-05-2017 20:44:01
 :z2: :z2:
รออยู่นะอยากหายคาใจ จริงใจนี่มันเรียกว่าซื่อบื้อได้เป่า ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 12-05-2017 20:44:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-05-2017 20:50:07
เคลียร์ให้รู้เรื่อง จริงใจฟังมั้ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-05-2017 20:53:30
  o7 o7 น้ำตาไหลพรากกกก...ในที่สุดก็ยอมรับและพูดกันตรงๆซะที
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-05-2017 21:02:50
ถ้าจริงใจไม่ฟังนะ จะยุให้ภัคไปหาใหม่จริงๆ ด้วย 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-05-2017 21:25:31
ตอนนี้อยู่ทีมภัค  แหม๋...ก็เด็กมันงอแงอะ สงสารคนที่เขาตามง้อ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-05-2017 21:38:08
เห้อก็เด็กอะ รู้สึกว่าจริงใจก็ยังเอาแต่อารมณ์ตัวเองอยู่
สงสารณภัคอะ โถ่ แต่ก็นะ
ผิดทั้งสองคนนั่นละ ก็ทำให้เขาไม่ไว้ใจเอง
จากนี้ก็ค่อยๆคุยกันดีๆแล้วกัน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 12-05-2017 21:43:56
จริงใจฟังภัคหน่อยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 12-05-2017 22:00:33
สงสารภัคคคค จริงใจโหมดนี้น่ากลัวมาก กลัวแล้ว
รอต่อค่ะ ดีกันแล้วใช่มะเนี่ยตกลง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 12-05-2017 22:13:08
ฮือออออ ค้างงงงง :sad4:

รอตอนต่อไปนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 12-05-2017 22:22:07
เข้าใจกันเร็วๆ นะ มาต่ออีกนะคะ รออ่านอยู่กำลังสนุกเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2017 22:35:21
 :เฮ้อ: นึกว่าจะดราม่ากันยาวซะแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 12-05-2017 22:51:46
เคลียร์กันให้เข้าใจนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-05-2017 23:08:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-05-2017 23:27:31
แม้ณภัค ลังเล ไม่แสดงท่าทีว่าชอบจริงใจเหมือนกัน
เพราะอดีตที่พ่อทำกับแม่ เอาเพื่อนแม่เป็นเมีย และเพราะกลัวการถูกทิ้ง
จริงใจ ก็ใจร้อนเกิน ทำไมไม่ยอมฟังที่มาที่ไป อะไรเลย
อยู่ๆ ก็บล็อกเฉยเลย ดูไม่มีเหตุผล
ทำตัวไม่มั่นคงทางอารมณ์ แต่จริงใจก็เด็กจริงๆ
ถ้ารักครั้งนี้ไปไม่รอด ก็เพราะตัวเองมีส่วนทำให้มันพังด้วยเช่นกัน

ณภัค กล้าดีที่เข้าหาเด็กปีศาจ พูดๆให้รู้เรื่อง
จะเลิกก็เลิกแต่บอกให้รู้เหตุผล
และบอกว่าชอบไปเลย พระเจ้าจอช มันยอดมาก  :ling1: :ling1: :ling1:
สุดท้ายก็ดีกันแบบซาบซ่านหัวใจ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ที่ณภัค ด่าพวกดอกทองทั้งหลาย ก็ณภัคเป็นแค่ดอกหญ้านี่นะ
ดี โดนซะมั่ง ว่าเขาไม่ดี แล้วคนดีที่ไหนนินทาคนอื่นดังลั่นสนั่นเลย
ด่าเขาได้ ก็ต้องโดนด่ากลับได้เช่นกัน หึ หึ  ไม่โกงกันนะ   :z6:  :hao3:

ที่ณภัค โดนเม้าท์นินทาไม่เลิก มันมาจากไอ้เลวที่มาจีบณภัคทั้งที่มีแฟนแล้ว
แล้วชะนีแฟนแทนที่จะด่าแฟนตัวเอง ก็มาด่าณภัคซะนี่ มันน่านัก
ก็ไอ้แฟนเลวของตัวเอง มันดีสินะ มันถึงมาจีบคนอื่นทั้งที่มีแฟนคาอยู่รึ
มันต้องด่าแฟนตัวเองก่อนสิ น่าเบื่อจริงๆคนประเภทนี้  :z6: :z6: :z6:

รำคาญตัววุ่นวายที่เข้าหาจริงใจ แชมเปญล่ะสิ
ท่าทางจะชอบจริงใจ ถึงมาจุ้นไม่เลิก
ต้องให้จริงใจ แสดงความปีศาจออกมาละมั้ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-05-2017 23:41:45
เด็กปีศาจจะครองโลกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 12-05-2017 23:59:09
พอกันทั้งคู่เลย ภัคก็มีความลังเล แต่ก็เข้าใจได้ว่ามีเรื่องราวสะเทือนใจเยอะ
แต่จริงใจก็ไม่ฟังไรเลย
คุยกันตรงๆ แบบนี้ดีสุดๆแล้ว

ตอนนี้ภัคเยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-05-2017 00:11:24
เด็กหนอเด็ก

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 13-05-2017 00:13:55
เหนื่อยแทน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-05-2017 00:17:03
เออเคลียร์ๆดันมั่งเหอะ  โตๆกันแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 13-05-2017 00:29:26
จริงใจงี่เง่าอ่ะ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 13-05-2017 06:15:46
ภัคสู้ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 13-05-2017 11:58:48
คุยให้สำเร็จนะ ถึงแม้เด็กมันจะคุยยากสักหน่อย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-05-2017 13:08:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 13-05-2017 18:15:18
การแข็งข้อครั้งนี้นับว่าดี ณภัคจะได้รู้จักร้อนรนแถมได้รู้ใจตัวเองเร็วขึ้นด้วย ไม่งั้นณภัคก็คงจะอมพะนำ+ลังเลอยู่นั่นแหละ แต่จริงใจนี่ดูท่าจะใจแข็งได้ไม่นานนะนั่น แต่ถ้าไม่ได้อ่านพาร์ทณภัค เราก็จะแอบรู้สึกเหมือนณภัคหวงก้าง แต่ไหนๆจริงใจก็หลวมตัวไปฟังตัวหอมเสียนานสองนานละ งั้นก็รวดฟังจนจบแล้วปรับความเข้าใจกันเลยละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-05-2017 18:48:00
เคลียร์กันสักที อึดอัดแทน :ruready
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-05-2017 21:56:54
งุ้ยย!  ก้อแค่นั้นล้า 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 13-05-2017 22:09:31
พีคกันไปอีกกกก  คุยกันดีๆ เน้อ
อย่ารุนแรงมากห้องข้างๆ แอบดูอยู่น้า(มโน) 555555
จริงใจโหมดฮาร์คอ แฮร่!!!

 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-05-2017 00:11:21
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-05-2017 04:19:51
ชอบตอนนี้ที่ภัคลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างอะ
ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองจากข่าวเสียๆหายๆ
ลุกขึ้นมาวิ่งตามความรักของตัวเอง
ลุกขึ้นมาพยายามยื้อโอกาสสุดท้ายของตัวเองไว้
น้ำตาไหลเลยตอนภัคร้องคือร้องตามม
ตอนที่แล้วยังเคืองนางอยู่เลยอะ
ตอนนี้คือใจอ่อนสงสารนางแล้ว เห้ออม
จริงใจก้คงใจอ่อนด้วยเช่นกัน
ร้องไปพูดไปสภาพโทรมๆดูหมดหวังขนาดนั้น
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-05-2017 13:58:57
เปิดใจคุยกันไป รักก็บอกว่ารักจะได้ไม่เสียใจทีหลัง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-05-2017 07:37:02
เรื่องมันกำลังดีขึ้นแล้วใช่ไหมหลังจากนี้ เปิดอกกันขนาดนี้ ชัดเจนกันไปเลยเถอะ!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 36 ผมกับระเบิดแห่งอารมณ์ | 12-5-60 | P.30
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 16-05-2017 08:21:02
ระเบิดใส่กันก็ดีนะ
ปากหนักทั้งคู่ เผื่ออะไรมันจะง่ายขึ้น
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 17-05-2017 21:13:34
ความที่ 37
ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ





   [ ณภัค’s ]

   สาย... สายแล้วยังอยู่บนที่นอน ไม่อยากขยับตัวเลยจริง ๆ กลอกตาไปมองสิ่งมีชีวิตข้าง ๆ อีกฝ่ายก็ยังคงหลับสนิทอยู่ เมื่อวานหลังจากระเบิดอารมณ์ใส่กันไปแล้ว ผมก็แทบจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จูบดูดวิญญาณนั่น เหมือนดูดความจำของผมไปด้วย มีจำได้นิดหน่อยว่าถูกผลักไปที่โซฟา แล้วภาพก็ตัดมาตอนนี้ ที่นอนอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ราวกับเป็นอัมพาต... แค่กระดิกนิ้ว ก็สะเทือนไปทั้งร่าง เวอร์เหรอ? อืม พูดเวอร์ไปจริง ๆ นั่นแหละ

   ผมค่อย ๆ ขยับตัวขึ้น เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่... เมื่อเห็นสภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกแล้วนั้น เวรฉิบ! อย่างกับโดนรุมโทรม เนื้อตัวผมมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด ทั้งรอยกัด รอยบีบ เด็กบ้านั่น... ซาดิสม์เหรอ... กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผม...ไม่ควรทำให้เด็กนั่นโมโหใช่ไหม รุนแรงกว่าปกติขึ้นมาสิบเลเวล ขบฟันกับริมฝีปากตัวเองก่อนต้องสะดุ้งเฮือกเพราะโดนแผลจากเมื่อคืน เด็กนั่นกัดปากผมจนเลือดซึม แล้วผมจะกินอะไรได้บ้างเนี่ย

   โว้ย! เป็น after sex ที่ชีวิตลำบากฉิบหาย

   อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยสบายตัวขึ้นมาหน่อย เสื้อยืดตัวโคร่งของเจ้าของห้องก็ใส่สบายดีเหมือนกัน แต่กว่าจะหากางเกงใส่ได้ก็แทบจะตัดสินใจแก้ผ้าแทนอยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปใกล้เตียง จักรพรรดิยังหลับสนิท ตอนหลับก็น่าเอ็นดูดีอยู่หรอก พอตื่นขึ้นมาดันเทิร์นตัวเองไปเป็นปีศาจ

   phaknp #woweaboy and his dreamland

   ผมบุ้ยปากใส่รูปที่เพิ่งอัพโหลดไปก่อนจะนั่งลงบนเตียง หันหลังให้คนที่นอนอยู่

   ครืด

   กดรับสายทันทีแล้วเดินไปทางอื่น พีทคือคนที่โทรเข้ามา คงจะเห็นรูปที่ผมลงไปแล้ว

   (“โอเคแล้ว!?”)

   “อือ”

   (“ไรวะ ทำไมน้องยอมง่ายจัง”)

   “อ้าว อีเวร”

   (“เออน่า เล่ามาดิ๊ เกิดอะไรขึ้นบ้าง”) ผมถอนหายใจเฮือกก่อนจะเล่าให้มันฟัง ข้าม ๆ ไปบ้างไม่ได้ลงรายละเอียด (“ฟินไหมล่ะอีดอก เข้าใจกันได้ผัวด้วย”)

   “อิจฉาใช่ไหม?”

   (“เออ!!”) พีทเป็นคนตรง ๆ ตรงจนอยากหาอะไรทุบมันสักที... (“กูเห็นรูปน้องที่มึงลงล่ะ หลังน่าซบฉิบหาย!”)

   “ของกู!”

   (“เอ็นดูน้อง แต่เอ็นน้องก็อยากดู”)

   “พีท! ของกู!”


   (“แหม เต็มปากเต็มคำ รำคาญมึงละ แค่นี้แหละ”)

   ผมหน้างอใส่โทรศัพท์หลังจากที่พีทวางสายไป เข้าไปในโซเชียลของตัวเองอีกครั้งก่อนจะลบรูปทิ้ง ก็แค่รูปเด็กนั่นนอนคว่ำทำไมต้องหวีดกันขนาดนี้ด้วย! เพราะไม่ใส่เสื้อเหรอ เวรเอ๊ย! ไม่น่าลงเลย!

   ความไม่พอใจแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจเมื่อมองไปเห็นวันที่ แย่แล้ว!! นี่ไม่ใช่วันหยุด! รีบลุกจากโซฟา เพราะรีบเกินไปทำให้สะดุดล้มหัวเข่ากระแทกพื้นดังปึก! แต่ไม่มีเวลามาหงุดหงิดความซุ่มซ่ามของตัวเองนัก ผมต้องปลุกจักรพรรดิไปโรงเรียน!

   “นาย!!” แผดเสียงร้องเรียกดังลั่นทันทีที่ผลักประตูเข้ามา เด็กตัวสูงพลิกตัวหนีและยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเอาไว้

   “จักรพรรดิ!”

   “Fuck!” เสียงสบถแหบห้าวดังมาจากคนถูกรบกวนการนอน ก็เข้าใจว่าเมื่อคืนนอนดึก แต่ว่า...มันสายแล้วไง เด็กนี่ต้องไปโรงเรียน ส่วนผมน่ะ ถึงจะมีเรียนแต่ไม่เป็นอะไรหรอก ตามทันอยู่แล้ว ยังไงเบลล์ก็เก็บชีทไว้ให้

   “ตื่น! นายต้องไปโรงเรียนนะ!” กระชากผ้าห่มออก ร้องเรียกพร้อมเขย่าตัว เด็กปีศาจลืมตาขึ้นมอง สายตาหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อ่า... ตาปรือ ๆ แดง ๆ หลังตื่นนอนนี่มันก็ดูเซ็กซี่ดีนะ... เวร คิดบ้าอะไรของแกณภัค! “ตื่น!!”

   ปีศาจขี้เซาขมวดคิ้วยุ่ง ริมฝีปากเบะคว่ำอย่างงอแง มือหนายกขึ้นขยี้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งไปใหญ่ ตาคม ๆ นั่นก็ตวัดมองผมอย่างค่อนข้างเอาเรื่องเหมือนกัน... แทนที่จะกลัว ผมกลับรู้สึกตลกมากกว่า อาการงอแงหลังตื่นนอนก็น่าเอ็นดูอยู่เหมือนกัน... แต่แค่นิดหน่อยนะ

   “โทรศัพท์... please” อะไร ตื่นนอนแล้วรวนเหรอ ทำไมต้องพูดไทยคำอังกฤษคำด้วย... ผมมองหาโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัว พอเห็นแล้วก็ส่งไปให้ เด็กปีศาจกด ๆ อะไรอยู่สักพักแล้วแนบหูพร้อมหลับตาลง

   “สวัสดีครับ นายจักรพรรดิ อัศวโยธินทร์ SM5-A ไม่สบายครับ ขอลาหยุดหนึ่งวันครับ” จักรพรรดิพูดรัว ๆ ไม่นานก็วางสาย โทรศัพท์ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี จากนั้นเจ้าของมันก็ฝังตัวไปกับเตียงอีกครั้ง

   ถ้าไม่เห็นเกรดผมไม่มีทางเชื่อแน่ว่านี่คือนักเรียนดีเด่น

   “นี่... จะไม่ตื่นจริง ๆ เหรอ?” โน้มตัวไปและเท้าแขนทั้งสองข้างกับเตียงและใช้เข่าอีกข้างช่วยพยุงไว้ด้วย “มันสายแล้วนะ แล้วฉันก็หิวด้วย”

   “จะ--- เหวอ~” ผมถูกดึงให้ล้มไปบนเตียงและถูกแขนแกร่งล็อกเอาไว้ “นี่”

   “จะนอน”

   “ฉันหิว”

   “นอนก่อนแล้วค่อยกิน”

   “หิว”

   “นอน”

   “ฉันหิวนะ หิวมาก ๆ ด้วย เมื่อคืนก็ไม่ได้กินอะไร... หิว!”

   “กินลูกผมไปเป็นล้าน” อะ ไอ้เด็กเวร!!! ผมอ้าปากค้างเพราะกำลังอึ้ง คนพูดมันพูดขึ้นมาราวกับว่าเป็นประโยคธรรมดา แล้วไม่แยแสอะไรเลยด้วยซ้ำ หลับตาพูดอีกต่างหาก เด็กบ้า!!

   “ไอ้บ้า!”

   “หุบปากครับคนดี รำคาญ”

   พูดจบ... ก็กดริมฝีปากลงบนปากของผมราวกับจะเย็บปากผมไว้ไม่ให้พูดอะไรอีก

   ได้แต่ตีอกชกลม โวยวายอยู่ในใจ พูดอะไรไม่ออก เด็กบ้านี่เรียกผมว่า ‘คนดี’ เหรอ ขนลุกเป็นบ้า ในขณะเดียวกันก็รู้สึกฟินอย่างประหลาด แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าควรจะเขินดีหรือเปล่า รูปประโยคมันค่อนข้างย้อนแย้งนะ ดูที่มันพูดสิ! ทั้งบอกให้หุบปาก ทั้งบอกว่ารำคาญ

   ผมชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไง!!!

   พอจะขยับตัวเพื่อออกไปหาอะไรกินคนเดียวผมก็ถูกรัดไว้จนขยับแทบไม่ได้ กลอกตาไปมา เออ นอนก็ได้ นอนก็นอน!



   เคร้ง!!

   “อื้อ!”

   “Sorry”

   ยกมือขึ้นขยี้ตาพลางดันตัวเองลุกขึ้น เสียงเคร้งเมื่อกี้คงมาจากเจ้าของห้องทำอะไรสักอย่างตก จักรพรรดิอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น คงตื่นไปอาบน้ำได้สักพักแล้ว... อ้าปากหาวแล้วเหยียดแขนบิดขี้เกียจ

   “โอ๊ย!” ข้อเท้าผมถูกกระชาก จิกตามองคนทำอย่างไม่พอใจก่อนจะถีบเข้าที่ท้องของมัน ไอ้เด็กตัวสูงยิ้มมุมปาก โน้มตัวลงมาค้ำแขนทั้งสองข้างกักผมไว้

   “เจ็บนะ ไอ้บ้า!”

   “มีความรู้สึกด้วยเหรอ?” ผมไม่ตอบแต่ถลึงตาใส่ เด็กเวรหัวเราะหึในลำคอก่อนจะหน้าขรึมขึ้นเมื่อหลุบตามองต่ำ “คิสมาร์คไปไหน?”

   ดึงคอเสื้อที่ตกไปขึ้นมาแล้วกำเอาไว้ ผมต้องเอนตัวหนีเมื่อเด็กตัวสูงโน้มลงต่ำยิ่งกว่าเดิม “อ๊า!”

   ร้องเสียงหลงเมื่อเด็กปีศาจฝั่งเขี้ยวลงที่คอโดยยังไม่ทันตั้งตัว จักรพรรดิขบกัดก่อนจะดูดจนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ใช้ฟันขูดอีกทีแล้วผละออก ผมหน้าบึ้งยกมือลูบคอตัวเอง เด็กเวรนั่นมองผลงานแล้วยิ้มพอใจ

   “ไปล้างหน้า จะพาไปกินข้าว”

   โกรธ! บอกเลยว่าโกรธ!

   เดินปึงปังเข้าห้องน้ำ วักน้ำขึ้นสาดใส่หน้าตัวเอง รู้สึกยังไงไม่รู้แต่ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด ไอ้รอยที่ทำไว้มันไม่ได้หายไปไหนหรอก ผมใช้คอนซีลเลอร์กับรองพื้นกลบไว้ต่างหาก กว่าจะปกปิดให้เนียนได้เกลี่ยแล้วเกลี่ยอีก ทำรอยแต่บริเวณที่มองเห็นได้ รอยใหม่ก็คงต้องทำเหมือนกัน นี่มีรอยฟันด้วยแถมยังอยู่ลำคออีก ปาดคอนซีลเลอร์ไปน้ำตาก็ไหลไป ไม่รู้อ่อนไหวอะไรกับอีแค่รอยดูด

   เชี่ย! ผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!

   “อยากกินอะไร?” ผมไม่ตอบคำถาม เดินกระแทกไหล่อีกฝ่ายออกไปด้านนอก เด็กบ้านั่นไม่ได้ง้อผมหรอกนอกจากเดินล้วงกระเป๋าตามมา

   “อยากกินอะไร?”

   “...ไก่”

   “ไก่สดไหม?”

   “อือ น่าสนใจ เอาแบบเลือดโชก ๆ เลยนะ เลือดหัวนายด้วย”

   “หึ” เด็กปีศาจหัวเราะในลำคอก่อนจะยกแขนล็อกคอผมรั้งเข้าไปใกล้ และเพราะผมถูกกอดคอไว้จึงต้องยืนชิดติดกับเด็กตัวสูงนี่อย่างช่วยไม่ได้





   ครืด

   14:27 phiit : น้องจริงใจ so ผัวววววววว
   14:27 phiit : *รูปจริงใจถูกแอบถ่าย*
   14:27 np : ส่วนมึง so เภณี
   14:27 phiit : อีเวร

   ระหว่างรออาหาร ผมจึงเข้าไปส่องรูปที่พีทมันแคปมา เป็นรูปจักพรรดิถูกแอบถ่ายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เด็กตัวสูงก้มหน้ามองสิ่งที่กำลังอุ้มอยู่ เส้นผมเปียกชื้นรวมถึงชุดที่ใส่ คิ้วผมขมวดเข้าหากันเมื่อเลื่อนดูภาพทั้งหมดและอ่านแคปชั่น

   มีน้องหมาโดนทิ้งแต่น้องคนนี้ไปเก็บมาแล้วถามว่า ‘ไปอยู่ด้วยกันไหม’ จุดนั้นคืออยากเป็นหมา เบ้าน้องดีเว่อและมีความผัวเด็กสูงมาก หุ่นก็แซ่บ! *รูปจริงใจอุ้มเจ้าเบื๊อกและรูปซูมเข้าไปช่วงหน้าท้อง*

   ผมอยากกดสแปมมาก ๆ แต่กดเซฟรูปไปแล้วเรียบร้อย... คนให้ความสนใจกับโพสต์นี้เยอะมาก ทั้งถามหาช่องทางการติดต่อและถามชื่อ รวมทั้งหวีดถึงความหล่อและหุ่นดีของเด็กปีศาจ ด้วยความที่เจ้าตัวใส่ชุดนักเรียน เสื้อสีขาวเมื่อเปียกฝนก็แนบไปกับร่างกาย ทำให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวย แม้จะไม่ค่อยชัดแต่ก็มองออกว่าอะไรคืออะไร

   ตอนแรกก็โมโหแต่พอคิดอีกทีคนพวกนั้นก็แค่คุกคามผ่านรูปภาพ แต่ผมน่ะ! ผมได้เห็นของจริงแถมยังได้จับด้วยนะ! ไม่ได้อวด บอกเฉย ๆ

   “นี่...”

   “หืม?” เด็กโข่งลืมตาขึ้นพร้อมกับครางรับ

   “ไม่สบายเหรอ?” เปลี่ยนไปถามคำถามอื่นเพราะเริ่มจะข้องใจกับเสียงที่ค่อยข้างแหบกว่าปกติ แถมดวงตาคมยังแดงน้อย ๆ แม้จะตื่นมานานแล้ว

   “อื้อ” จักรพรรดิพยักหน้ารับ ผมรีบยื่นมือไปแตะหน้าผาก อุ่น ๆ หน่อย คงเพราะตากฝนเมื่อวาน

   “กินยาหรือยัง?” คนถูกถามพยักหน้าอีกครั้ง จากที่ว่าจะถามเรื่องหมาที่เก็บมา เห็นสภาพแล้วจึงเก็บเอาไว้ก่อน...


   หลังจากไปทานข้าวมาเรียบร้อย จักรพรรดิก็กรอกยาตัวเองไปหลายเม็ดแล้วเข้าไปนอน ส่วนผม...ที่ถูกทิ้งไว้กลางห้อง รู้สึกเคว้งคว้างมากจริง ๆ จะให้ไปนอนด้วยผมก็ไม่อยากนอน ทิ้งตัวนั่งบนโซฟา เปิดทีวีเอาไว้แต่ไม่ได้ดูเพราะกำลังเล่นโทรศัพท์ แต่ไม่นานก็มีก้อนบางอย่างทิ้งตัวลงที่ตักของผม จะทำอะไรช่วยปรึกษาก่อนได้ไหม ตามไม่ทันโว้ย!

   “จะไปซ้อมดนตรีหรือเปล่า?”

   “ครับ”

   “แต่ไม่สบายอยู่”

   “แค่หวัด”

   “ตามใจ”

   “ไปด้วยไหม?”

   “ไม่กวนเหรอ?” ถามก่อนจะวางมือบนกลุ่มผมสีดำนุ่มลื่นมือ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมือตัวเองและเห็นใบหน้าด้านข้างของคนที่นอนอยู่ ปรับรูปให้เป็นสีขาวดำและให้เห็นหน้าไม่ชัดก่อนจะโพสต์ลง ความนุ่มลื่นของเส้นผมทำให้ผมสางเล่นอย่างเพลินมือ ก้มมองอีกที คนไม่สบายก็หลับไปแล้ว...

   phaknp #wowaeboy
   phiitplease อี๋ เหม็น
   rapinthana อี๋
   real_khleun อี๋
   real_khram รำคาญ

   แยกเขี้ยวใส่คอมเมนต์ เป็นบ้าอะไรกันต้องมากวนประสาท ผมไล่อ่านคอมเมนต์มีดีบ้างจิกกันบ้างปน ๆ กันไป ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไม่ชอบแล้วจะมายุ่งทำไม ไม่ชอบก็ต่างคนต่างอยู่ไปสิ น่ารำคาญชะมัดเลย แต่แล้วผมก็ต้องเบิกตาโตเหมือนเห็นคอมเมนต์จากคนหนึ่งซึ่งผมไม่คาดคิดว่าจะมี ...พี่ชายของจักรพรรดิมาเมนต์ผมทำไม แถมยัง... ใช้อีโมจิปากคว่ำมาตั้งสามตัวอีก

   ลางร้ายอะไรหรือเปล่าวะ

   ดูเหมือนแฟนพี่กาลจะไม่ค่อยชอบผม ไม่รู้ว่าเพราะหวงน้อง หรือเพราะได้ยินข่าวคาว ๆ เกี่ยวกับตัวของผม

   ถอนหายใจเฮือก กังวลไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ...




   ผมปลุกจักรพรรดิให้ตื่นตอนหกโมงครึ่ง เด็กตัวสูงเดินงัวเงียเข้าไปที่ห้องนอนหลังจากงอแงกับผมอยู่สักพักถึงได้ไปจัดการตัวเอง ส่วนผม... ตอนนี้กำลังทุบขาตัวเองตุบ ๆ เพราะถูกทับเป็นเวลานานจนชาไปหมดทั้งแถบ ไม่รู้ทำไมถึงได้อยู่เฉย ๆ ให้อีกฝ่ายหนุนได้นานขนาดนี้ ทั้งที่หากเป็นเมื่อก่อนผมต้องผลักออกไปตั้งแต่สามวินาทีแรกที่ศีรษะสัมผัสกับต้นขาแล้วแท้ ๆ

   อ๋อ ลืม นี่ไม่ใช่เมื่อก่อน

   “เฮ้ย! พี่ภ้าคคคคค~” ผมผงะเมื่อถูกมือคีย์บอร์ดของวงพุ่งเข้ามา “ดีกันแล้วอ๋ออออออ?” น้องมองสลับระหว่างผมกับจักรพรรดิไปมา ตาตี่ ๆ นั่นวาววับเป็นประกาย

   “อย่าไปคุยกับมัน” เด็กตัวสูงว่าพลางผลักผมให้ออกห่างจากไจ่ไจ๋ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดกระเป๋าหยิบไม้กลองออกมาแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ไจ่ไจ๋บุ้ยปากใส่อย่างงอน ๆ

   ผมนั่งดูพวกเขาซ้อมกันที่เก้าอี้บุนวมตัวยาวที่ตั้งชิดกำแพง เพิ่งเคยเห็นจักรพรรดิในมุมนี้ ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเด็กเด๋อ ๆ กลายเป็นหนุ่มฮ็อตขึ้นมาเลย ตอนที่ควงไม้กลองบอกได้คำเดียวว่าเท่มาก ๆ ถ้าพีทเห็นต้องกรี๊ดจนเส้นเสียงอักเสบแน่ ยิ่งตอนนี้มีเม็ดเหงื่อไหลซึมทำให้ดู so damn hot ขึ้นไปอีก ให้ตาย... ผมชักจะต้านทานคาริสม่านี้ไม่ไหวแล้ว

   “หิวโว้ยยยยยย!” วาฬตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้ง ก่อนที่มือเบสจะโดนมือกลองตบหัวไปป๊าบใหญ่

   “อยากกินหมูทะ!!”

   “เพิ่งกินเมื่อวันก่อนมึงจะแดกอีกแล้วเหรอ?”

   “เมื่อวันก่อนจะส่วนเมื่อวันก่อนสิ ไจ๋อยากกินวันนี้อีก พี่ฟ่างงงไรอ่ะ?”

   “ตะกละฉิบหาย”

   “เอ๋า เรื่องของไจ๋ป่ะ มีพี่จันทร์เจ้าเป็นไอดอลอ่ะ จะทำไม”

   “ปัญญาอ่อน” เด็กปีศาจเบรกทุกอย่างด้วยประโยคเดียว

   “อู้ววว แรงอ่ะ ฟ้องพี่จันทร์เจ้าเลย” ส่วนคนถูกว่าอย่างไจ่ไจ๋ หลังจากบอกอุดมการณ์ของตัวเองไปแล้วก็ก้มหน้ากดโทรศัพท์ ไม่นานก็มีเสียงเรียกเข้าจากของใครสักคนดังขึ้น

   “เวร”

   “อะไรเหรอ?” ถามคนที่เข้ามาค้นโทรศัพท์ จักรพรรดิเอียงหน้าจอมาให้ผมดู มันขึ้นชื่อและรูปของแฟนพี่กาล เจ้าเด็กนั่นกดตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใย

   HISTASIA ทั้งสี่คนอยู่ในช่วงพัก พวกเขานั่งกันอยู่ที่พื้น ข้าวฟ่างพิงหลังกับแอมป์ ไจ่ไจ๋นอนแผ่บนพื้น วาฬนั่งข้าง ๆ ข้าวฟ่าง ส่วนคนสุดท้าย...นั่งอยู่ที่พื้นพลางโยนขวดน้ำเล่นและแขนข้างที่ว่างพาดอยู่บนขาผม...

    “วันนี้มีประชุมแต่มึงไม่ไปโรงเรียน ไอ้เนตรหัวร้อนฉิบหายอ่ะ”

   “ช่างมัน” วอแวบอยบอกอย่างไม่แยแส จริงสิ เมื่อวานเด็กผีนั่นมันบอกให้จักรพรรดิเข้าประชุม แต่ก็จะตื่นก็เกือบจะเลิกเรียนไปแล้ว

   “หิวอ่ะ”

   “ขยันซ้อมให้เหมือนขยันบ่นว่าหิวมั่งไอ้เวร” ไจ่ไจ๋มองข้าวฟ่างด้วยหางตาก่อนที่จะพลิกตัวหนี ส่วนหัวหน้าวงก็บ่นไปเรื่อยอย่างไม่มีใครสนใจ... อืม บางทีข้าวฟ่างก็น่าสงสารเนอะ

   พวกเขาซ้อมกันอีกครั้งราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะตกลงกันเก็บของเพื่อออกไปหาอะไรทาน สาเหตุมาจากที่น้องเล็กของวงงอแงไม่หยุดจนเหล่าพี่ ๆ รำคาญ ผมว่าไจ่ไจ๋น่าเอ็นดูดีออก ทำไมถึงได้โดนทุกคนกลั่นแกล้งก็ไม่รู้ แม้แต่จักรพรรดิยังบอกผมเลยว่าอย่าตามใจไจ่ไจ๋

   “พี่ภัคกินหมูกระทะได้ใช่เปล่าครับ?”

   “อือ”

   “เยี่ยม!” ไจ่ไจ๋ร้องเสียงใสก่อนจะปล่อยมือที่เกาะแขนผมหมุนตัวไปหาอีกสามคนที่เดินอยู่ข้างหลัง “ไปกินหมูกระทะร้านประจำกันนะ”

   “ไกล” ทั้งสามพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

   “ไม่ไกลสักหน่อย เนี่ย พี่ภัคอยากกิน” อ้าว ผมอยากกินตอนไหนเหรอ “พี่จริงใจต้องตามใจพี่ภัคนะ เพราะพี่ภัคอยากกิน ไม่งั้นพี่ภัคจะงอน พี่ภัคบอกไจ๋มา”

   “ร้านหมูกระทะมึงติดแอร์ป่ะ เนื้อนำเข้ามาหรือเปล่า ช้อนส้อมชุบทองไหม มึงถึงบอกณภัคอยากกินเนี่ย”

   ไจ่ไจ๋เบิกตาโตกับการใส่ร้ายป้ายสีผมจากพี่ชายตัวเอง “จริงเหรอพี่ภัค!?”

   “ไปเชื่อมัน” พูดเกินไปแล้ว ผมไม่ได้ติดหรูอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ถึงแม้จะไม่เคยเข้าร้านหมูกระทะแต่ไม่ใช่ว่าผมจะกินไม่ได้นี่นา

   “อ้าว! ทำไมพี่จริงใจเป็นคนแบบนี้อ่ะ ต้องไถ่บาปด้วยการเลี้ยงหมูกระทะไจ๋นะครับ”

   “ไร้สาระ” จักรพรรดิพูดก่อนจะผลักไจ่ไจ๋ออกแล้วเดินแซงขึ้นมากอดคอผมออกจากตึก รู้สึกประหลาดแต่ก็ไม่ได้สะบัดออก เด็กบ้าก็ไม่ได้พูดอะไร

   เมื่อมาถึงร้านหมูกระทะทุกคนก็เหมือนมีหน้าที่ของตัวเอง ผมถูกข้าวฟ่างบอกให้นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ส่วนอีกสี่คนไปตั้งอาหาร ตาเรียวมองไปรอบ ๆ ร้าน เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มาร้านหมูกระทะแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่ไปจะเป็นร้านเนื้อย่างหรือชาบูในห้างมากกว่า แต่ก็ไม่ได้บ่อยเพราะกลัวอ้วน ร้านที่มานี้เป็นร้านแบบเปิด คนเยอะมาก ๆ อากาศร้อนอบอ้าวใช้ได้เลย กลิ่นควันฟุ้งจนฟันธงได้เลยว่าหัวต้องเหม็นแน่นอน ไม่นานทั้งสี่คนก็กลับมาพร้อมกับอาหารสดเต็มไม้เต็มมือ วางจนแทบไม่พอ

   “สั่งเบียร์ไหมมึง?” วาฬขอความเห็น พอหัวหน้าวงพยักหน้าก็ยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

   “อยากกิน!”

   “มึงแดกไม่ได้ สะเหล่อ”

   “ไรอ่ะ ไจ๋อยากกินอ่ะพี่ฟ่าง ไม่ได้เหรอ” ไม่มีใครตอบอะไรไจ่ไจ๋แต่การเงียบนี่แหละคือคำตอบ น้องเล็กเบะปากคว่ำ มองพี่ ๆ ดื่มเบียร์กันตาละห้อย “ไม่ให้ไจ๋กินด้วยจริง ๆ เหรอ...?”

   “หูยยยย โคตรใจร้ายเลย กินโกโก้ก็ได้” น้องน่าสงสารแต่ก็น่าแกล้ง ผมจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย เพราะขนาดตัวเองก็เอาตัวแทบไม่รอด...

   แอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เด็กปีศาจดูจะไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็มีบ้างที่พยักหน้าตอบรับคำพูดของเพื่อน ดวงตาคมไม่เรียบนิ่งรวมทั้งใบหน้า มือวุ่นอยู่กับการแกะเปลือกกุ้ง และไม่นานกุ้งตัวนั้นก็มานอนนิ่งอยู่ในจานของผม... มองกุ้งสีส้มที่ถูกเผาจนสุกสลับกับเด็กอายุสิบเจ็ด จักรพรรดิไม่ได้แสดงท่าทางอะไร ยังคงนิ่งเหมือนเดิม นิ่งจนน่าหมั่นไส้

   “โอ๊ยยย อยากมีคนแกะกุ้งให้บ้างตังเงยยยยยย”

   “แดกเข้าไปทั้งเปลือกเลยมึง!” แล้วไจ่ไจ๋ก็ถูกวาฬกับข้าวฟ่างยัดกุ้งที่ยังไม่แกะเปลือกเข้าปากจนตาเหลือก...




   “จะกลับบ้านเหรอ?” ถามคนอายุน้อยกว่า จักรพรรดิพยักหน้า ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว มีแค่เราอยู่กันสองคนเพราะคนอื่น ๆ กลับแล้ว “มันดึกแล้วนะ”

   “คุณก็กลับได้แล้ว”

   “ค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ?”

   “ไม่ได้” คำตอบเรียบนิ่งแต่เด็ดขาด ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเม้มปาก คือ...ไม่ได้อยากอยู่กับเด็กนี่นะ แต่ผมไม่อยากกลับคอนโดตัวเองไง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

   “อือ ขับรถระวังด้วย”

   “ไม่อยากอยู่คนเดียวหรือไง?”

   “เปล่า”

   “เปล่าก็อย่างอแง ดึกแล้วรีบกลับเหอะ”

   “แล้วนายล่ะ?”

   “ผมก็จะกลับบ้านไง กลับไปได้แล้ว”

   “ทำไมต้องไล่ด้วย!”

   “ไม่ได้ไล่เลย เร็ว ง่วง”

   “จิ๊!” จิปากอย่างค่อนข้างไม่สบอารมณ์ เออ จะไปไหนก็ไปเลย กลับบ้านไปเลย! แม่งเอ๊ย โมโหฉิบหาย อยากจะฝนเล็บแล้วข่วนหน้ามันให้เป็นแผล ผมมองจักรพรรดิตาขวางก่อนจะกระแทกไหล่อีกคนไปที่รถ และต้องจิปากอีกครั้งเมื่อมือที่เอื้อมไปจับด้ามจับประตูถูกกดเอาไว้ แผ่นหลังผมถูกเบียดจนอกแนบชิดกับตัวรถ พอหันกลับไปมองก็เห็นเด็กผีตัวสูงนั่นอยู่ใกล้จนแทบจะสิงแล้ว

   “ปล่อย!”

   “บอกว่าอย่างอแงไง”

   “ฉันงอแงตรงไหน!?”

   “ตรงนี้แหละ ผมบอกให้กลับเพราะเป็นห่วงนะเว้ย”

   “นายไม่อยากอยู่กับฉันต่างหาก!”

   “งี่เง่า” มันว่าก่อนก้มลงมากัดริมฝีปากล่างของผมแล้วผละออก “ค่อยเจอกันวันอื่นไง มันดึกแล้ว ห่วงนะเว้ยเนี่ย!”

   กลอกตาไปมากับคำพูดนั้น ห่วงมากมั้งมาตะคอกใส่เนี่ย

   “เออ จะกลับแล้ว ปล่อยดิ” เด็กปีศาจปล่อยมือและผละออก ผมปัดเนื้อตัวตัวเองและมองมันตาขวาง พออยู่กันสองคนทีไรก็ต้องตีกันตลอด น่าโมโห!

   “ขับรถดี ๆ”

   “อือ”

   “เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหา”

   “อืม ...นายไม่โกรธเรื่องพี่คิงแล้วใช่ไหม?”

   เด็กปีศาจนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะสั่นหัว “เฉย ๆ ผมงี่เง่าด้วย”

   “รู้ตัวนี่!”

   “ได้ทีแล้วเอาใหญ่ กลับได้แล้วครับ ดึกแล้ว ไปนอนบ้าง สภาพอย่างกับศพ น่าเกลียด”

   “นิสัยไม่ดี!” ฟาดแขนคนพูดไปเต็มแรง จักรพรรดิยกยิ้มเหมือนพอใจกับการที่ผมโวยวาย “ฉันกลับแล้ว!”

   “บายครับ”

   “ฮึ่ย!!” เด็กบ้านี่น่าหงุดหงิดจังเลย ทำไมไม่รั้งผมไว้ล่ะ ทำไม!!! “มีอะไรอีก!?” สะบัดเสียงถามเด็กที่เคาะกระจกรถผม เด็กบ้านั่นโน้มศีรษะลงมาแล้วยกยิ้มเล็ก ๆ

   “good night” พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากนั้นจึงรั้งศีรษะผมให้โน้มไปหาแล้วแนบริมฝีปากลงมาแผ่วเบา ผมกะพริบตาปริบ ๆ แตะปลายนิ้วไล้ริมฝีปากตัวเอง ความอุ่นมันยังติดอยู่เลย ก้มหน้างุดเพื่อซ่อนรอยยิ้มแม้ว่าเด็กตัวสูงจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วก็ตาม

   ให้ตายสิ

   ทำไมผมต้องมาเขินเป็นเด็กอ่อนหัดเพราะแค่จูบเบา ๆ แบบนั้นด้วย

   เสียชื่อณภัคหมดเลย!








-----------------------------------


(http://i.imgur.com/iqiTGYn.png)

(http://i.imgur.com/DCc50zD.png)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 17-05-2017 21:28:14
กรี๊ดดดดด ดีกันสักทีค่า คบๆกันไปให้จบๆสักทีค่าาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 17-05-2017 21:35:40
ฮืออออออเขินมาก :katai1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-05-2017 21:39:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-05-2017 21:40:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 17-05-2017 21:42:52
จินตนาการหน้าจริงใจเป็นน้องควานลินแล้วกร๊าวใจแม่มาก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-05-2017 21:45:42
มีความอวดแฟนสูงมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 17-05-2017 21:48:49
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-05-2017 22:07:14
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 17-05-2017 22:16:44
 :z1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 17-05-2017 22:23:47
 :-[  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 17-05-2017 22:38:36
ณภัคคนอวดแฟน
 :hao7: :hao7: :hao7:

อยากมีวอแวบอยเป็นของตัวเองจังเลย
/พี่ภัค ถีบบบบบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 17-05-2017 22:46:03
ในที่สุดก็ดีกันเสียที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-05-2017 22:50:43
ดีกันแล้ว ดีงามต่อหัวใจ
วอแวบอย ณภัค  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เด็กปีศาจ รุนแรงกับภัค ทำรอยเต็มตัว
ภัค ยอมรับกับพีทเต็มปากเต็มคำแล้ว   “พีท! ของกู!”
จริงใจ รู้ตัวด้วยว่า ส่วนหนึ่งตัวเองก็งี่เง่า  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 17-05-2017 23:05:37
เอาอีกๆ มีความงอแงยิ่งกว่าณภัค :katai4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-05-2017 23:09:13
อย่างลูกหมู มีที่ไม่ชอบใครด้วยเหรอ? เหอๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 17-05-2017 23:11:13
วอแวบอยยังคงฮาร์ทคอร์กับภัคอยู่ดี 5555
พ่านแพ้คาริสม่าของวอแวบอยเนอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-05-2017 23:16:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 17-05-2017 23:22:55
สักทีนะ555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-05-2017 00:49:05
อู้หูยยยยย ในส่วนของภาพหลังนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 18-05-2017 01:26:59
จ้าาาาามอบแฮปแท็ก #คอผ2017 ให้เลยจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2017 02:11:34
อือหือ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 18-05-2017 02:15:36
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: zirconsan ที่ 18-05-2017 02:37:04
นี่ก็ลุ้นจนเลิกลุ้น แต่ในที่สุดก็เข้าใจกัน :sad4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 18-05-2017 03:24:52
ถ้าลูกหมูไม่โอเคกับณภัคแบบไม่มีเหตุผลที่ดีพอ เราก็จะไม่โอเคกับลูกหมูเช่นกันนะ  ถ้าความรักของเรายากเท่าไหร่การที่เราช่วยลดอุปสรรค์ในความรักของคนที่เรารักก็ยิ่งต้องทำมากเท่านั้นไม่ใช่หรอ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 18-05-2017 06:54:04
ถ้าลูกหมูไม่โอเคกับณภัคแบบไม่มีเหตุผลที่ดีพอ เราก็จะไม่โอเคกับลูกหมูเช่นกันนะ  ถ้าความรักของเรายากเท่าไหร่การที่เราช่วยลดอุปสรรค์ในความรักของคนที่เรารักก็ยิ่งต้องทำมากเท่านั้นไม่ใช่หรอ

พออ่านเรื่องนี้รู้สึกไม่โอเคกับลูกหมูเหมือนกันคะ ดูนางเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวเกินไป ทีความรักของตัวเองจะเอาให้ได้และเอาจนได้ไม่เห็นสนใจข่าวคาวของพี่กาลเลย แต่พอเรื่องจริงใจ กลับมาตั้งแง่รังเกียภัคจตั้งแต่ยังไม่รู้จักเพียงเพราะข่าวลือ ในเรื่องนี้ ลูกหมูเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก นิสัยแย่มากความเอ็นดูที่เคยมีจากเรื่องนู้นหมดไปเลย กลายเป็นรู้สึกรังเกียจลูกหมูมากตอนนี้.

นักเขียนเขียนดีมากคะ มันเหมือนเราเห็นและรับรู้คนจริงๆ มีความน่ารัก ความเห็นแก่ตัวมีมุมหลายๆมุมคือไม่ใช่จะดีหรือเลวอย่างเดียว. จากเรื่องนู้นลูกหมูน่ารักมากมุ้งมิ้งสุดๆ พอมาเรื่องนี้เราเห็นความเห็นแก่ตัวในตัวคน เห็นการมองด้านเดียวของเด็กโง่ๆ คือนิสัยหรือคาแรกเตอร์ตัวละครไม่เปลี่ยนแต่เหมือนเราได้รูกจักเขาดีขึ้นผ่านอีกแง่อีกมุมหนึ่ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-05-2017 06:56:56
หมั่นไส้และอิจณภัคมากกกกกกก
เด็กปีศาจนี่ไพโบล่าร์สุดๆ ไม่รู้ณภัคจะประสาทตายก่อนไหม 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-05-2017 08:13:33
Nightkiss นะคะ วอแวบอย อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-05-2017 08:36:30
โอ้ยยยย...ตอนนี้มันดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2017 08:59:50
มีความแฟน ง่องแง่ง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 18-05-2017 12:33:11
เราเชื่อว่าจันทร์เจ้าไม่ได้รังเกียจภัคหรอก แต่คงแค่หมั่นไส้จริงใจเฉยๆ

เพราะเราก็หมั่นไส้จริงใจเหมือนกัน ฮ่าาาา  เพราะเราตามอารมณ์ของจริงใจไม่ค่อยทัน ปีศาจจริงๆนั่นแหละ ยังรักจันทร์เจ้าเหมือนเดิม อิอิ

ยังไงก็สู้ๆละกันคู่นี้ กว่าจะดีกันได้ ก็หน่วงกันไปหลายตอน ชอบมาก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: SMILENOTE ที่ 18-05-2017 15:37:40
ชอบนิยายของคุณทุกเรื่องเลย ชอบนิสัยของตัวละครแต่ละคน แปลก ไม่เหมือนกัน แต่ก็กลมกลืน^^
ปล.นิสัยเรานี่คล้ายๆจริงใจเลย 555 ช่างแม่ง!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 18-05-2017 18:15:10
เข้าใจกันซะที
แล้วนี่จะเจอฤทธิ์เดชของหมูอ้วนมั้ยน้อ
ทิวากาลมาเก็บแฟนด่วน 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-05-2017 20:19:53
ชอบภาพนอนคว่ำเด็กปีศาจอะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 18-05-2017 21:08:56
ประเด็นลูกหมู นี่ว่าลูกหมูตั้งแง่กับณภัคเพราะเห็นสภาพเจ็บปวดของจริงใจในหลายๆครั้งแน่เลย ประกอบกับอาการหวงพี่หวงน้องแบบขึ้นสมองของคนบ้านนี้ด้วย แต่นี่คิดว่าไม่รุนแรง น่าจะออกแนวอยากเกรียนน้องเล่นมากกว่า
ส่วนวอแวบอยในตอนนี้นั้นกร๊าวใจพี่มากค่ะ คือปากจัดมากเว้ย แต่ก็เทคแคร์นะ งื้อออออสเปคอะ อยากได้คนนี้ ส่วนภัคนี่แลดูอาการหนัก โดยเฉพาะอาการหวง ถ้าจะขนาดนี้ก็แมนๆใจๆขอน้องเป็นแฟนโลด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 18-05-2017 21:30:08
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-05-2017 22:35:57
ขอผัวเด้กดีๆสักคนได้มะ 5555++
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 19-05-2017 00:36:01
โง้ยยยยย มันดีอ่าาา แต่ดูชีวิตยังรุงรัง ไม่เคลียรรร
รอ ร๊อ รอออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2017 20:36:38
ไม่หวานมาก กำลังดี o18
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 37 ผมกับปีศาจเอาแต่ใจ | 17-5-60 | P.31
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 23-05-2017 04:55:05
รออออออ จริงใจ เด็กเด๋อ 5555
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 24-05-2017 21:00:39
ความที่ 38
ผมกับตัวปัญหา





   “อารมณ์ดีจังน้า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วพี่ฟ้าไม่รู้หรือเปล่าครับ?” ผมอมยิ้ม เข้าไปหอมแก้มพี่ฟ้าที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนจะสปินตัวไปห้องครัว กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับชาเย็นหนึ่งขวด ทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ แฟนน้าชายและเอนหัวพิงกับไหล่ของพี่ฟ้า

   วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมก็ตรงดิ่งมาบ้านน้าเจ้ากับพี่ฟ้า รู้สึกว่าไม่ได้เจอกันนาน โคตรคิดถึง ส่วนสาเหตุที่ผมอารมณ์ดีวันนี้มันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็คนมันไม่ได้มีความทุกข์อะไร ต้องอารมณ์เสียหรือไงล่ะ

   “ไม่มีครับ”

   “แน่ใจ อย่าให้รู้ว่ามีอะไรปิดบังนะ” แหงนหน้าขึ้นไปสบตากับคนอายุมากกว่าแล้วฉีกยิ้มกว้าง พี่ฟ้าหลุดจากการทำหน้าดุเป็นยิ้มตามผม ก่อนจะโน้มมาหอมแก้มของผมฟอดใหญ่

   “น้าเจ้ากลับเมื่อไหร่ครับ?”

   “อีกไม่นานหรอก แล้วนี่เจเจไม่ไปซ้อมดนตรีเหรอครับ?”

   “ไม่ครับ วันนี้หยุด”

   “อือฮึ หิวไหม พี่ฟ้าหาอะไรให้ทาน” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ หยิบแท็ปเล็ตในมือพี่ฟ้าออกแล้วไถลตัวลงไปนอนหนุนตักของพี่ฟ้า “อ้อนขนาดนี้ทำอะไรผิดแน่ ๆ เลย บอกพี่ฟ้ามาเดี๋ยวนี้นะครับ!”

   “ทำผิดอะไรกัน ไม่มีครับ”

   “เจเจมีแฟนเหรอ?” เหลือบตาขึ้นมอง พี่ฟ้ามองผมนิ่งรอคำตอบ ผมยกยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าไปมา ก็ยังไม่มีแฟนนี่ครับ... มีแค่คนที่ชอบเฉย ๆ

   “จริงเหรอ? แล้วรูปที่โพสต์ลงเมื่อวันก่อนล่ะ?”

   “อ่า...” รูป relationshit น่ะเหรอ “มันเป็นความไม่ชัดเจนที่ทำให้ผมรำคาญน่ะ...”

   “มีแฟนจริง ๆ ใช่ไหม!?” มือเรียวบีบคางผมบังคับให้หันหน้าไปมองพร้อมกับถามเสียงเข้ม ดวงตาเรียวคมของพี่ฟ้าจ้องเขม็งจนผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมา...

   “I’m back” หันไปมองตามเสียง น้าเจ้าเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนม ดูจากชื่อร้านแล้วคงซื้อมาให้พี่ฟ้าแน่ ร้านโปรดคุณเพลิงฟ้าเขาครับ รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วมันยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อน้าเจ้าเข้ามาหาพี่ฟ้าถึงโซฟาแล้วโน้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากของแฟนตัวเอง พี่ฟ้าเองก็แหงนหน้ารับอย่างเต็มใจ

   คือ... ผมก็คนนะ ไม่ใช่ธาตุอากาศที่จะทำอะไรโดยไม่สนใจกันขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่มีผมนอนหนุนตักอยู่แท้ ๆ ยังจะแสดงความรักต่อกันโดยไม่ให้ความเห็นใจหลานเลยสักนิด ก็มีตัวอย่างให้เห็นขนาดนี้จะไม่ให้จันทร์เจ้าใจแตกได้ไงวะ

   “จะค้างที่นี่เหรอครับ?” น้าเจ้าถามหลังจากผละจูบจากพี่ฟ้าแล้ว

   “ไม่แน่ใจครับ”

   “อ้าว เจเจจะไม่นอนกับพี่ฟ้าเหรอ?”

   “คืนนี้ผมมีนัดกับพี่ฝรั่ง ไม่แน่ใจว่าจะกลับได้หรือเปล่านี่ครับ”

   “โทรมาสิ จะได้ไปรับ” ผมไม่รับปากอะไร ผุดตัวลุกขึ้น ขโมยขนมที่น้าเจ้าซื้อมาให้พี่ฟ้าไปจัดใส่จานมาทานเอง

   พี่ฝรั่งที่พูดถึงคือพี่วินเซนต์กับพี่ดไวท์ เมื่อตอนกลางวันผมอัพสเตตัสไปว่าอยากดื่มและพี่เขาก็เลยชวนไปคืนนี้ ผมก็โอเคครับ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ไม่ต้องไปโรงเรียน และผมไม่ได้ไปค่ายมวยด้วย ซ้อมดนตรีก็ตอนเย็น ๆ สบาย ตื่นสายขนาดไหนก็ได้ และจะแฮงก์ยังไงก็ได้เช่นกัน

   “มึง... เจเจมีแฟนแล้วไม่บอกกู”

   “หืม?” รีบสั่นหัวปฏิเสธข้อกล่าวหาหลังน้าเจ้าหันมามอง “มีก็บอกว่ามี ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ”

   “ไม่มีจริง ๆ ครับ” ทั้งสองกอดอกในจังหวะเดียวกันราวกับนัดไว้ก่อนแถมยังจ้องหน้าเค้นเอาคำตอบอีก “...มีแค่คนที่ชอบ”

   “หึ” น้าเจ้าส่งเสียงในลำพลางเหยียดยิ้มมุมปากในขณะที่พี่ฟ้านิ่งค้างดวงตาเบิกโพลง

   “เชี่ย... ใจจะวาย”

   “เกินไป” น้าเจ้าดูไม่อะไรแบบนี้ แสดงว่าต้องรู้มาก่อนแน่ ๆ “จะออกไปข้างนอกกี่โมงครับ?”

   “อ่า... ประมาณสองสามทุ่มครับ”

   “เจเจชอบใคร!?”

   “เรื่องของหลานน่า อย่าไปยุ่ง”

   “ได้ไง! เจเจคนโตก็มีแฟนไปแล้ว แล้วนี่เจเจยังจะมีอีกเหรอ โอ๊ยยยย ใจกู” พี่ฟ้ากุมขมับท่าทางเครียด ๆ “เชี่ย เหมือนโดนแย่งลูกไปเลยว่ะ”

   “เพ้อเจ้อ”

   “มึงไม่เดือดร้อนอะไรเลยหรือไง เจเจจะมีแฟนอ่ะ! เป็นคนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ มาหลอกเจเจกูไหมอ่ะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครครับ?!”

   “...ผู้ชายครับ”

   พี่ฟ้านิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ แล้วพึมพำคำว่า ‘กูว่าแล้ว’ ซ้ำ ๆ โดยมีน้าเจ้านั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มแหย่ ๆ ไม่พูดอะไรมาก ท่าทางเครียด ๆ ของพี่ฟ้าเริ่มทำให้ผมเครียดตาม

   “หัวเราะหาพ่อง!”

   “ทำอะไรหลานไม่ได้ก็อย่าพาลกู”

   “จิ๊! เจเจนะเจเจ โอ๊ย กูจะบ้าตาย อุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดี ทำไมแป๊บเดียวถึงได้โตขนาดที่จะมีแฟนแล้ววะ เชี่ย ทำใจไม่ได้ เจ้ามึง กูสะเทือนใจ”

   “อย่าดราม่านะมึง” พี่ฟ้าเบะปากคว่ำ ตาคลอ ๆ ด้วยน้ำตา ผมกลืนน้ำลายอึก อย่าร้องออกมานะ! “แก่จะตายแล้วยังมาทำหน้าอะไรแบบนี้อีก ทุเรศ”

   “เวรกรรมอะไรวะ แฟนก็ไม่สนใจ หลานก็จะทิ้งไปมีแฟนอีก ทำไมพระเจ้าทำกับเพลิงฟ้าแบบนี้อะ เฮ้ย! มาคุยกันหน่อยดิ๊!”

   “พี่ฟ้าเป็นอะไรอะครับ...?”

   “มันเป็นบ้า ปล่อยมันไป” น้าเจ้าพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนแม้พี่ฟ้าจะเดินล่องลอยเหมือนคนเสียสติออกไปนอกบ้านแล้วก็ตาม

   “อ่า... แต่อากาศชื้นแบบนี้ ที่สวนนอกบ้านจะไม่มีกบเหรอครับ?”

   “มี” หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงหวีดร้องโหยหวนมาจากคนที่เรียกตัวเองว่าคนแมน... น้าเจ้าสั่นหัวราวกับเบื่อหน่าย แต่ก็ลุกออกไปหาแฟนตัวเอง

   ผมออกจากบ้านน้าเจ้ากับพี่ฟ้าตอนทุ่มครึ่ง เลือกใช้บริการแท็กซี่เพราะไม่อยากขับรถเอง ระหว่างที่นั่งรถก็แชทคุยกับตัวหอมบ้าง สลับกับจ๋าจ้าที่งอแงใส่ว่าโดนหมาเมิน

   ตอนพาเบื๊อกไปบ้าน แม่มองหน้าเหมือนไม่อยากยอมให้เลี้ยง แต่คงแพ้ความหน้าโง่ของมันจึงเอ็นดูมันไปโดยปริยาย เบื๊อกกลายเป็นขวัญใจของบ้านไปแล้วครับ คุณตาคุณยายก็มีเพื่อนเล่นแก้เหงา นอกจากเป็นหมาแล้วมันยังเป็นตลกด้วย อยู่ดีไม่ว่าดีวิ่งไปชนเสาเฉยเลย เรียกร้องความสนใจเก่งไม่มีใครเกิน ตอนนี้จากตัวผอม ๆ ก็เริ่มมีเนื้อขึ้นมาแล้วครับ ถึงแม้จะเพิ่งมาอยู่กับผมไม่กี่วันก็ตาม จันทร์เจ้าคอยป้อนนั่นป้อนนี่ไม่หยุด กินด้วยกันหนึ่งคนกับหนึ่งตัว แอบกลัว ๆ อยู่บ้างว่าพี่ชายผมจะหน้ามืดแล้วจับไอ้เบื้อกกินหรือเปล่า




   “What’s up!”

   “ไง” ตบมือไฮว์ไฟฟ์กับพี่ฝรั่งทั้งสองแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ร้านที่พี่ฝรั่งนัดมาเป็นร้านเบียร์ที่นั่งดื่มชิล ๆ คุยเล่นกับเพื่อนและมีอาหารหลายอย่างให้สั่ง ทั้งกับข้าวแบบจริงจังและกับแกล้มขำ ๆ

   “มาคนเดียวเหรอ?”

   “ต้องมากับใคร?” มิสเตอร์ดมิสายกยิ้มพราย ใบหน้าหล่อปนสวยนั่นดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที

   “ก็พอรู้ข่าวจากมิเกล” มิเกลเหรอ ผีฝรั่งนั่น ปากสว่างจริง ๆ ผมยักไหล่ รู้ก็รู้เถอะ จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้วนั่นแหละ

   “ทำไมทำหน้างั้นล่ะ?” ผมถามพี่วินเซนต์ เห็นหน้านิ่งอยู่นานแล้ว แม้ปกติจะเป็นแบบนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีรังสีของความหงุดหงิดแพร่ออกมาให้เห็นอย่างตอนนี้

   “ตีกันกับมิเกลดิ”

   “หือ?”

   “มิเกลขอยืมรถมันไปขับแล้วไปชน ไอ้นี่มันก็โมโห มิเกลพอโดนด่าก็โมโหกลบเกลื่อนความผิดซะงั้น แต่พีคสุดคือมิเกลจะฆ่าไอ้บาร์นาบี้นี่แหละ” สิ้นคำเจ้าของเรื่องก็วางแก้วกระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง นัยน์ตาสีฟ้าวาวโรจน์อย่างโกรธจัด

   รู้จักกันมานานก็พอจะรู้ คุณวินเซนต์รักและหวงรถมาก ที่ยอมให้มิเกลเอาไปขับก็ค่อนข้างพีคแล้ว (ปกติแม้แต่น้องก็ไม่ยอมให้แตะ) นี่ยังเอาไปชนด้วย ไม่อยากนึกสภาพมิเกลเลยว่ะ ซ้ำร้ายเด็กผีนั่นยังขู่จะฆ่าบาร์นาบี้ Black King Snake ที่พี่วินเซนต์รักเหมือนลูกอีก อืม... ถ้ามันเข้าโรงพยาบาลผมก็จะไม่แปลกใจ

   “แล้วทิ้งมันไว้บ้านไม่โดนฆ่าหั่นศพไปแล้วเหรอ?”

   “ทิ้งไว้บ้านก็เหี้ยแล้วน้อง ไอ้เวรนี่เอาไปไว้คอนโด วันนี้ก็เอามาเรียนด้วย มิเกลบอกจะเอาบาร์นาบี้ไปทำผัดเผ็ดให้มันกิน”

   “ตัวเล็กแค่นั้นจะไปอิ่มได้ไง?”

   “Jay nine” มิสเตอร์วินเซนต์เรียกผมเสียงนิ่ง ผมยกยิ้มยียวนไม่ได้กลัวกับสายตาดุ ๆ นั่นเลย

   “อาควอท์กับอาไรเฟิลว่าไงอะครับ?”

   “แด๊ดดี้สั่งกักบริเวณ เคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านหลังจากสองทุ่ม หักเงินค่าขนมและห้ามขับรถหกเดือน”

   “โหดสัด” บ้านนี้ตามใจลูกมาก ๆ จะทำอะไรก็ทำไปเลย เรื่องของมึง สุดโต่งยังไงก็ตามใจ แต่ถ้าบทโหด จะลงโทษก็สุด ๆ เหมือนกัน อาควอทซ์ที่ใจดีมาก ๆ นี่อย่าให้ดุเลย ผมยังกลัว



   เวลาผ่านมาจนสี่ทุ่ม พวกเราห้าคนก็สาแก่ใจกันพอสมควรแล้ว ที่บอกว่ามีห้าเพราะจันทร์เจ้ากับทิวากาลมาสมทบ เนื่องจากหมูอ้วนเห็นโลเคชั่นที่คุณดมิสาเช็กอินไว้จึงตามมา อีกอย่างมันอยู่ไม่ไกลจากคอนโดทิวากาลมาก (หมูผีหอบผ้ามาอยู่กับทิวากาลครับ ช่วงใกล้สอบจะให้แฟนเขาติวให้ พี่ฟ้าโวยวายไม่ยอมแทบตาย แต่ก็แพ้ไฟร่า--- ไฟแห่งความมุ่งมั่นจะเอาเอของลูกหมู)

   “ฮ้าวววววว~”

   “กลับไปนอนไป” ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากจันทร์เจ้าที่เอนมาซบไหล่ พี่ชายผมก็ตัวอ่อน ย้ายตัวเองไปซบแฟนเฉย ตกลงจะย้ายสายพันธุ์จริง ๆ ใช่ไหมวะ

   “ยังกินไก่ทอดไม่หมดเยย”

   “อ้วน”

   “นี่! ดไวท์รู้ไหม?” จันทร์เจ้าผุดนั่งตัวตรง โน้มใบหน้าไปด้านหน้าเล็กน้อยพลางสบตากับพี่ดไวท์

   “อะไรครับ?”

   “เราห้ามคนที่ว่าเราอ้วนไม่ได้ แต่เราสามารถเตะปากคนที่ว่าเราอ้วนได้นะ”

   “.......”

   “Piggie win!” มิสเตอร์วินเซนต์เอ่ยขึ้นหลังจากเกิดเดธแอร์ชั่วคราวไป ตอนนี้พี่ดไวท์กลายเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวไปเลย ไม่รู้จะกลัวอะไร จันทร์เจ้าตัวเตี้ยขาสั้นขนาดนั้น จะไปเตะปากใครถึงได้ยังไง...

   ยิ่งดึก ก็ยิ่งคึก สติของแต่ละคนก็ค่อย ๆ หายไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ไม่ใช่กลุ่มพวกผม เกือบห้าทุ่ม จึงเรียกเก็บเงิน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ เรื่องราวปกติดีจนออกมาถึงหน้าร้าน บริเวณด้านนอกจะมีโต๊ะตั้งอยู่ด้วย และมีหลายกลุ่มนั่งดื่มอยู่ มันไม่เป็นไรถ้าหากผมไม่ได้ยินใครสักคนพูดขึ้นมาก่อน

   “เมื่อกี้ก่อนมากูเจอเมียเก่าไอ้ภีมว่ะ”

   “ใครวะ?”

   “ณภัคเศษฐศาสตร์ไงมึง” ผมหยุดยืนนิ่งเมื่อได้ยิน ทำให้จันทร์เจ้าที่เดินตามหลังมาชนเข้าเต็ม ๆ ก่อนที่ลูกหมูจะถาม พวกมันก็พูดขึ้นมาอีก

   “อ๋อ คนที่มีข่าวว่าร่าน ๆ น่ะเหรอวะ แต่แม่งน่าล่อจริง ๆ” ผมจ้องหน้าคนพูดเขม็ง แต่พวกมันยังไม่รู้ตัว มือเริ่มกำเข้าหากันแน่นขึ้น

   “มึงลองขอไอ้ภีมดิวะ ฮ่าฮ่า”

   “เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ?”

   “เลิกแล้วไงวะ ของเคย ๆ สิดีลง่าย ยิ่งณภัคอีก แค่เป็นผู้ชายก็ยอมแล้ว” พวกมันคุยกันแล้วหัวเราะสนุกปาก มีอีกหลายประโยคที่ทำให้ผมแทบเข้าไปต่อยแม่งแรง ๆ ถ้าไม่ติดว่าจันทร์เจ้าจับเอาไว้


   “ไอ้สัด!” ทิวากาลสบถและจ้องมองไปทางเดียวกันกับผม ไม่โกรธก็แย่แล้ว พูดถึงน้องเขาขนาดนั้น   

   “เฮ้ย มองไรวะ!?” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นหันมาสบตากับผมแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ผมแสยะยิ้มและไม่หลบสายตา นั่นยิ่งทำให้มันโมโหกว่าเดิม

   “ทำร้ายร่างกายมีโทษยังไงนะ?”

   “จริงใจ!”

   “สัญญา จะไม่เอาถึงตาย” ผมพูดแล้วผลักจันทร์เจ้าออกก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกนั้นที่เข้ามาหาผมเช่นกัน

   “มีปัญหาอะไรวะ!?” ไหล่ของผมถูกมันผลัก ผมยังไม่ตอบโต้ กลอกตาสำรวจบริเวณรอบ ๆ ตอนนี้เริ่มมีคนให้ความสนใจบ้างแล้ว

   “เปล่า”

   “เปล่าอะไร! ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามึงมองหน้ากู อยากมีเรื่องหรือไง ฮะ!!”

   “จัดแม่งเลยไหม มองหน้ากวนตีกูจริง ๆ” เพื่อนมันอีกคนพูด ผมจึงย้ายสายตาไปที่มันบ้าง ยกยิ้มบาง ๆ แต่ดูเหมือนว่ายิ้มของผมจะไปกวนใจไอ้พวกเวรนั่น “ไอ้เชี่ยนี่!”

   “จริงใจ!!” เสียงจันทร์เจ้าตะโกนเรียกในจังหวะเดียวกันที่หมัดของไอ้เวรนั่นกระทบเข้าไปที่ข้างแก้มผมพอดี ยกมือขึ้นแตะที่แก้มพลางแค่นยิ้ม มองหน้าคนทำด้วยสายตาเรียบนิ่ง ปล่อยให้มันชกท้องอีกหนึ่งทีและก่อนที่หมัดที่สามจะตามมาผมจึงเบี่ยงตัวหลบแล้วปล่อยหมัดสวนเข้าไปที่หน้าท้องของมัน

   “ทำเพื่อนกู อย่าอยู่เลยมึง!” ยกเท้าถีบเพื่อนมันอีกคนที่จะพุ่งเข้ามาจนเซไปด้านหลัง ตามเข้าไปกระชากคอเสื้อของมันแล้วปล่อยหมัดใส่หน้ามันไปรัว ๆ จนเลือดกบปาก ไอ้เหี้ยนี่เป็นหนึ่งในคนที่พูดจาไม่ดีถึงตัวหอม

   “จะพูดอะไรหันใช้สมองบ้าง!” เอ่ยเสียงนิ่งแล้วซัดมันไปอีกหมัด เมื่อมองไปด้านหลังก็เจอพี่ฝรั่งกับทิวากาลกำลังจัดการกับเพื่อนมันอีกสามสี่คนอยู่

   “คนนี้ผมขอ” คุณดมิสาปล่อยมือและผลักไอ้เหี้ยนั่นมาให้ผม ที่ผมแค้นหนักเพราะมันคนที่บอกว่าตัวหอมร่าน ไม่ให้มันโต้ตอบอะไรผมก็ชกมันไปเต็ม ๆ จนหน้าหัน ในจังหวะที่ผมกำลังจัดการมันไอ้เวรที่ผมซัดมันไปก่อนหน้านั้นก็เข้ามาแทรก จนผมต้องผละออก แต่แน่นอนว่าแม่งต้องมีสักคนที่เล่นทีเผลอ

   “จริงใจ! ข้างหลัง!” เสียงของจันทร์เจ้าทำให้ผมหลบได้ทัน ความคุกรุ่นข้างในปะทุแรงขึ้น ผมใช้ความไวของตัวเองคว้าขวดเบียร์มาแล้วฟาดลงที่ศีรษะของไอ้เหี้ยนั่นเต็มแรงจนขวดแก้วแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คนที่ถูกฟาดจะเป็นผมเอง




.
.
.
.
.
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 24-05-2017 21:01:33
.
.
.
.


   เอื้อมมือไปที่กำบริเวณลำคอของมันแล้วกดเอาไว้ มันตาเหลือกพยายามจะแกะมือผมออก แต่ยิ่งขยับ ผมยิ่งเพิ่มแรงกดให้มากขึ้น ใช้ขวดในมือที่กลายเป็นปากฉลามแนบเข้าไปจนชิดใบหน้าของมัน รอยคมของเศษแก้วบาดผิวเมื่อมันขยับตัว แต่มันไม่หนักหนาอะไรหากเทียบกับเลือดจากศีรษะที่ถูกผมตีไปก่อนหน้านั้น

   “ปละ ปล่อยกู..”

   “อย่าพูดถึงณภัคแบบนั้นอีก”

   “มึงเป็นผัวณภัคหรือไง อึก”

   “ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องเสือก”

   “เหอะ ถึงใจมากเหรอวะ ทำไมใคร ๆ ถึงชอบเอา ขอกูลองบ้างดิ อ๊าก!!” ผมกดปากขวดให้แนบกับผิวบริเวณใกล้ริมฝีปากของมันยิ่งกว่าเดิม และนั่นทำให้เกิดเป็นรอยแผลใหม่ขึ้นมา เลือดสีสดไหลซึมจากปากแผล แต่ผมไม่ได้สนใจ

   “ถ้ามึงยังอยากมีปากไว้กินข้าวก็อย่าพูดพล่อย ๆ อีก”

   “อึก แค่ก ๆ ปล่อย ปล่อยกู!!”

   “บอกกูมาว่าณภัคเป็นคนยังไง!!”

   “จริงใจพอแล้ว ไหนบอกจะไม่เอาถึงตายไง” มันก็ยังไม่ใกล้ตายสักหน่อย จันทร์เจ้าแย่งขวดในมือผมไปและดึงผมออกมา ไอ้เหี้ยนั่นรีบยกมือกุมคอตัวเองพร้อมกับไอโขลก มันร้องโวยวายว่าจะแจ้งความและฟ้องร้องทางร้านที่ไม่เข้ามาช่วยเหลืออะไร แจ้งความอะไรล่ะ นี่ผมป้องกันตัวเองนะ ผมถูกทำร้ายก่อนไง...

   ผมกวาดตาไปรอบ ๆ มีหลายคนมามุงดูแต่ไม่เข้ามาช่วยอะไร รวมทั้งพนักงานของทางร้าน แน่นอนอยู่แล้วว่าใครมันจะอยากไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมา ทว่าพอผมตรงเข้าไปหา คนนั้นก็สะดุ้งเฮือกแล้วรีบลดมือถือลง

   “คุณจะโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตก็ได้ มันเรื่องของคุณ แต่ถ้าผมเจอ หากผมจะฟ้องมันก็เรื่องของผมเช่นกัน”

   “จะ จะลบทิ้งเดี๋ยวนี้ครับ” ที่พูดไปนั้นไม่ได้ขู่ เพราะผมพูดจริง และจะทำมันจริงด้วย ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ถ่ายคลิปเอาไว้ คนอื่นก็คงได้ยินที่ผมพูดเหมือนกัน ผมไม่ได้ต้องการทำลายหลักฐาน แม้จะไม่มีคลิปหรือรูปถ่ายจากคนที่เห็นเหตุการณ์ มันก็ยังมีคลิปจากกล้องวงจรปิดของทางร้านอยู่แล้ว

   เพล้ง!

   “FUCK!”


   ดวงตาผมเบิกขึ้นแล้วรีบวิ่งกลับไปที่จุดเดิม เสียงสบถนั่นเป็นของพี่ฝรั่ง ส่วนสาเหตุ... จันทร์เจ้าเอาขวดเบียร์ที่ไหนไม่รู้ฟาดหัวไอ้ปากหมานั่นซ้ำไปอีกที เวร แค่ผละออกไปแป๊บเดียวเกิดอะไรขึ้นวะ!

   “จะตายแล้วยังปากดี ไอ้เวรเอ๊ย!!”

   “มีอะไร?!”

   “ไอ้เหี้ยนี่มันบอกว่าพี่ขายตัว ปากหมาขนาดนี้ไม่ต้องพูดแล้วดีไหม!!!” ทิวากาลรีบเข้าไปรวบตัวแฟนตัวเองไว้ก่อนที่จะเข้าไปตัดลิ้นไอ้เหี้ยนั่นจริง ๆ ถึงแม้จะอยากให้ทำ แต่เรื่องมันคงใหญ่โตแน่ ๆ

   สุดท้ายเรื่องก็จบไปโดยที่พวกนั้นยอมถอยไปเพราะหนึ่งในนั้นแม่งเกิดจำหน้าทิวากาลได้ขึ้นมา เพิ่งรู้ว่าคนของพี่มีอำนาจขนาดนี้เหมือนกัน พวกนั้นได้แผลกันไปเยอะกว่าพวกผม แน่ละ แต่ละคนมีทักษะป้องกันตัวกันอยู่แล้วทั้งนั้น แต่ฝั่งนั้นที่หนักสุดก็มีไอ้เวรนั่นแหละครับ แต่โดนชกก็นับไม่ถ้วนยังมาถูกตีหัวซ้ำอีกสองทีอีก ไหนจะแผลที่หน้า หวังว่าแม่งจะเลิกปากหมาแล้วกัน

   “เค้าไปคุยเรื่องค่าเสียหายนะ” บอกจันทร์เจ้า พี่ชายพยักหน้ารับ ผมจึงผละออกไปโดยมีพี่วินเซนต์มาด้วย การเคลียร์ปัญหาผ่านไปด้วยดี ทางร้านไม่ได้แจ้งความ พวกผมพูดอะไรไปเธอก็เออออด้วยทุกคำ พูดอะไรก็ค่ะตลอด ก็ดี คุยง่าย ๆ จะไม่ต้องเสียเวลา

   “Who is Naphak?” คุณวินเซนต์ถามระหว่างที่เรากำลังกลับไปหาคนที่รออยู่

   “My crush.”

   “ถึงว่า... หัวร้อนขนาดนี้ พามาเจอบ้างสิ”

   “อืม”

   “How much?” ฝรั่งอีกคนร้องถาม ผมชูนิ้วให้ดู ฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับ “กลับเลยไหม?”

   “กลับ เราเหนื่อยมากเลย”

   “ใช่ กานต์สร่างเมาเลยเนี่ย”

   “โทษที ต้องมาเดือดร้อนด้วยเลย”

   “หึ ไม่เป็นไร ถือว่าออกกำลังกาย” พี่วินเซนต์ว่า “งั้นแยกกันเลยแล้วกัน see ya”

   “Bye”



   “นอนไหน?”

   “นอนด้วยดิ ไม่อยากกลับบ้าน”

   จันทร์เจ้ากลอกตา “กลับบ้านได้ก็แย่แล้ว จริงใจโคตรโง่ ไปให้มันต่อยทำไม”

   หมูอ้วนบ่นระหว่างเดินไปที่รถ ขึ้นรถแล้วก็ยังบ่นไม่หยุด จนทิวากาลต้องปิดปาก ผมที่นั่งอยู่ด้านหลังถีบเบาะแรง ๆ เมื่อทิวากาลปิดปากพี่ชายผมด้วยปากตัวเอง เดี๋ยวกูได้มีเรื่องกับพี่เขยอีก ตอนนี้อารมณ์ร้อน ๆ ยังไม่หายดีด้วย แล้วยังเสือกกวนตีนด้วยการย้ายไปดูดคอจันทร์เจ้า เวรเอ๊ย! ไอ้หมูก็อยู่เฉย ๆ ให้เขาทำตามใจ



   “จริงใจมาทำแผล!” ผมถูกพี่ชายล็อกคอจากด้านหลังเมื่อกำลังจะออกจากลิฟต์ที่ชั้นยี่สิบสี่ (ชั้นที่พักของณภัค)

   “ให้เขาทำให้ไง”

   “ดึกขนาดนี้เขานอนแล้ว จริงใจไปกับพี่นะ ไหนบอกจะนอนกับพี่งายยยยยย”

   “ปล่อยโว้ย!”

   “จริงใจไอ้เด็กบ้า! เออ จะไปไหนก็ไปเลย ใช่สิ ก็เป็นแค่พี่ชายหนิ จะไปสำคัญอะไรล่ะ งื่อ!”

   “โง้ยยยย พี่เป็นเหี้ยไรงะ เค้าไปนะ ไนต์ ไนต์” บอกแล้วปลดมือจันทร์เจ้าแล้ววิ่งไปจากลิฟต์ หมูอ้วนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนจะมาบีบคอผมให้ได้แต่โดนทิวากาลดึงเอาไว้ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง ผมจึงหมุนตัวเดินไปตามทางเดินยาว ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง

   แกรก

   “มา--- ทำไมมีแผล ไปทำอะไรมา!!”

   ผมยังไม่ตอบคำถามของเขาแต่ดันให้เข้าไปในห้องก่อนจะก้มลงไปดูดกลืนริมฝีปากสีแดงสดล่อตาล่อใจ ณภัคดิ้นขัดขืนแต่สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อน แขนเรียวยกขึ้นกอดรอบคอ มือของผมโอบที่เอวเขาเอาไว้แล้วดันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโซฟาแล้วผละออก เลื่อนริมฝีปากตัวเองไปหยุดที่ซอกคอของเขาแล้วดูดเม้มจนมันเกิดเป็นรอยขึ้นมา ถึงแม้จะรู้ว่าพอเช้าขึ้นเขาจะใช้เมคอัพกลบมันก็ตาม

   “จะบอกได้ยังว่าไปทำอะไรมา?” เขาถามเสียงนิ่ง สายตาจ้องมองอย่างเค้นเอาคำตอบ น่าหมั่นไส้จนอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากแดง ๆ นั่นอีกที ให้ตายเถอะ คนเรามันจะปากแดงได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “มีเรื่องนิดหน่อยครับ”

   “เรื่องอะไร?” ผมสั่นหัว ก้าวขาข้ามพนักโซฟาไปนั่งพร้อมคว้าหมอนอิงมากอด “บอกมา!”

   “เอาจริงเหรอ?”

   เขาไม่ตอบ มือเรียวส่งมาล็อกหน้าผมแล้วลงแรงบีบ สายตาแน่วแน่บอกว่าถ้าไม่ยอมบอกเล็บคม ๆ จะฝังลงไปในผิวผมในไม่ช้า ผมหลุบตามองแล้วดึงมือนั้นออก ตัวหอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ต่างคนต่างเงียบอยู่หลายนาทีจนสุดท้ายผมก็เลิกแกล้งแล้วบอกเขาไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้บอกอย่างละเอียดหรอก ขี้เกียจพูด

   “ไม่เห็นต้องเอาตัวเองไปเจ็บเพราะเรื่องแค่นี้เลย”

   “ถ้าเป็นเรื่องของคุณ มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ไง”

   “ถึงจะเขินแต่ฉันก็โกรธอยู่ดี” คนเราต้องน่ารักแบบนี้ด้วยเหรอวะ “ยิ่งนายต้องเจ็บตัวเพราะฉัน ฉันยิ่งรู้สึกผิด”

   “ทำแผลให้หน่อยครับ”

   “ฉันทำแผลไม่เป็น”

   อืม ดีจริง ๆ

   ถึงจะบอกว่าทำไม่เป็น แต่เขาก็ทำให้ผม แม้มันจะค่อนข้างทุลักทุเลก็ตาม ตัวหอมทำไม่เป็นคือไม่เป็นจริง ๆ ไม่เป็นถึงขั้นที่ต้องเปิดอินเทอร์เน็ตดูควบคู่ไปทุกขั้นตอน ขนาดว่าชื่อยี่ห้อน้ำยาล้างแผลที่เขามีมันไม่ตรงกับรูปในเว็บที่เขาดู ตัวหอมยังจะไม่ใช้มันแล้วลงไปหาซื้อใหม่เลย แล้วขอถามหน่อย ร้านขายยาที่ไหนมันเปิดตอนเที่ยงคืนบ้าง

   “แผลเยอะชะมัดเลย” เขาบ่นขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการทายาที่หน้าท้องให้ มันช้ำนิดหน่อย ไม่ได้เจ็บอะไรมาก แผลผมมีที่หน้าจากตอนโดนชกครั้งแรก แล้วก็พลาดท่าบ้างแต่ไม่เยอะ มีโดนถีบที่หลังแล้วก็ที่มือขวาของตัวเองที่มันแตกและช้ำเพราะต่อยคนอื่นมากไป

   “นี่…”

   “หืม?”

   “ทำไมไม่อาบน้ำก่อนก็ทำแผล”

   เออว่ะ นั่นน่ะสิ

   “เด๋อเอ๊ย!!” ตัวหอมว่าก่อนจะไล่ผมไปอาบน้ำ แล้วก็ต้องมาทำแผลให้ผมอีกรอบ

   “ทำไมมันช้ำกว่าเมื่อกี้อีก?” เขาถามขณะที่กำลังทายาบนรอยช้ำที่หน้าท้อง ใบหน้าของเขาก้มไปจนผมชนท้องผมอยู่แล้ว

   “ถามมันดูสิ โอ๊ย!!!”

   “กวนตีน” ทำร้ายร่างกายผมแล้วยังจะมาเยาะเย้ยกันอีก น่าตี

   “นอนได้แล้วครับ” ผมพูดก่อนจะยกแขนพาดขวางดวงตาเพราะแสงไฟที่เปิดไว้มันสาดเข้ามา และแขนอีกข้างก็เหยียดออกก่อนจะพับเข้าเมื่อมีบางอย่างทับลงมา ซึ่งนั่นก็คือศีรษะของณภัคนั่นแหละ

   “นายอย่าไปเจ็บตัวแบบนี้อีกนะ” ผมไม่ตอบ เพราะรู้ว่าทำไม่ได้ “รับปากฉันสิ”

   “ไม่อ่ะ เดี๋ยวผิดคำพูด”

   “นี่ยังจะไปมีเรื่องอีกเหรอ?”

   “เปล่า ผมก็อยู่เฉย ๆ แต่เรื่องมันเข้ามาหาเอง ผมป้องกันตัวเองไง คุณก็เหมือนกัน” ยกแขนออกแล้วมองหน้าเขา “อย่าให้ใครมากล่าวหาหรือว่าอะไรคุณอีก ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริงคุณก็ไม่ควรจะได้รับคำพูดแย่ ๆ แบบนั้น”

   “ฉันไม่สนใจ”

   “ผมเริ่มเกลียดความช่างแม่งขึ้นมาแล้ว”

   “นายก็เป็นนี่จะมาเกลียดอะไรล่ะ เด็กบ้า”

   “เอาเถอะครับ ผมไม่ชอบนะเว้ยที่ต้องได้ยินคนพูดถึงคุณไม่ดีอ่ะ ถ้าไม่อยากให้ผมมีเรื่องคุณก็เซฟตัวเองหน่อยสิ เรื่องไหนไม่จริงก็แย้งบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นพูดสนุกปากแล้วไม่สนใจ”

   “นายแคร์เหรอ?”

   “อือ แคร์คุณอ่ะ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้แฮปปี้กับการที่มีคนพูดแบบนั้นหรอก ถึงแม้คุณจะบอกว่าช่างแม่งก็เถอะ มันก็เหมือนกับที่คุณไม่อยากให้ผมมีเรื่องเจ็บตัว ผมเองก็ไม่อยากให้คนมาว่าคุณแบบนั้นเหมือนกัน เข้าใจไหมครับ?”

   “อือ เข้าใจแล้ว…”

   “เด็กดี”

   “ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันอายุมากกว่านาย!”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”

   “เวรเอ๊ย”

   “หึหึ นอนได้แล้ว ง่วง”

   “ฉันไม่ง่วงเลย”

   “แต่ผมง่วง”

   ผมพูดแค่นั้นก่อนทุกอย่างจะเงียบไป คนตัวเล็กกว่าเบียดตัวเข้ามาใกล้ คิ้วผมขมวดเข้าหากัน ไอ้การที่เข้านอนใกล้ ๆ มันก็ดีนะ แต่ข้อเสียคือผมอึดอัดไงครับ ผมชินกับการนอนคนเดียวโดยไม่มีใครนอนข้าง ๆ แต่กรณีนี้คือ ถึงจะไม่สบายตัวสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากผลักไสไง ย้อนแย้งฉิบหายเลยวะ จะเอาสบายกายหรือสบายใจดีวะ

   “นอนได้แล้วครับ”

   “ฉันนอนแล้ว”

   “นอนบ้าอะไร หยุดลูบตัวผมได้แล้ว”

   “ก็… มันเผลอ” เขาว่า เหมือนที่ลูบ ๆ  เนื้อตัวผมไม่หยุดเพราะเผลอจริง ๆ บ้าเอ๊ย เขาไม่อยากนอนเหรอวะ ผมจะประสาทแดกแล้วเนี่ย การต้องสะกดจิตตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายนะ กลับบ้านตอนนี้ยังทันหรือเปล่า หรือผมจะไปก่อกวนจันทร์เจ้ากับทิวากาลดี

   “ก็แย่ละ”

   “ไม่ง่วงอ่ะ ทำไงดี” อ่อยฉิบหายเลย ผมลืมตาขึ้น จ้องหน้าเขา ตอนนี้ตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้ว เขาเอียงคอมองอย่างใสซื่อ อืม ผู้ชายก็มารยาเยอะเหมือนกันนะ ทำเป็นเล่นไป

   “อยากเจ็บตัวเหรอครับ?” ผมถามพลางบีบสะโพกของเขา ตัวหอมขมวดคิ้ว ปัดมือผมออก แต่ยังนั่งอยู่ที่เดิม “ผมไม่มีอารมณ์อ่ะ”

   “ไอ้บ้า ใครบอกจะทำเรื่องแบบนั้นกัน”

   “อ๋อเหรอ” ลากปลายนิ้วไปตามต้นขาขาวที่โผล่พ้นขากางนอนขาสั้นออกมา ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางมองหน้าคนที่บอกจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น ไม่ขัดขืนแบบนี้เขาเรียกให้ท่าไม่รู้เหรอ

   “นอนได้แล้ว!” ดึงแขนของเขาลงมา นั่นทำให้ตัวหอมนอนลงเหมือนเดิม จอมก่อกวนพลิกตัวนอนหันหลังให้ ผมพับแขนข้างที่เขานอนทับอยู่ขึ้นไปใช้ปลายนิ้วเขี่ยใบหน้าเนียนเบา ๆ ตัวหอมจับมือผมไว้ก่อนจะใช้ฟันงับ อาการเหมือนหมาคันฟัน ไม่ต่างจากไอ้เบื๊อกแทะลูกบอลสักเท่าไหร่

   เวลาผ่านไปสักพัก ผมเกือบจะหลับไปแล้วทว่ากลับมีบางอย่างแตะลงที่ริมฝีปาก ผมนอนนิ่ง ๆ โดยไม่ตอบโต้ ปล่อยให้อีกคนเข้าใจว่าผมหลับ ตัวหอมสอดมือไปใต้คอของผม ริมฝีปากนุ่มนิ่มบดเบียดให้กระชับมากยิ่งขึ้น เขาขบเม้มริมฝีปากของผมพลางดูดดึงสลับหนักเบาก่อนที่เขาจะได้ผละออกไป ผมกดท้ายทอยเขาเอาไว้และจูบตอบกลับอย่างดุดัน ตัวหอมก็คงรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ได้หลับ เขาจึงโต้กลับอย่างทันท่วงทีโดยไม่เสียเวลาไปตกใจ

   ร้ายนัก!

   พลิกให้ตัวหอมอยู่ด้านล่าง นัยน์ตาฉ่ำปรือมองมาที่ผม ปลายนิ้วเรียวลูบไล้กรอบหน้าก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนลงต่ำไปเรื่อย ๆ ผ่านลำคอ แผ่นอกหน้าท้องแล้วจนอยู่ที่หัวกางเกงวอร์มที่ผมสวมอยู่

   “รอยก่อนหน้านั้นยังไม่ทันหายดีก็ยั่วผมอีกแล้ว”

   “นายมันอ่อน”

   “หึ แล้วจะรู้ว่าอ่อนหรือแข็ง”

   “อยากรู้เหมือนกัน” เขายกยิ้มยั่ว นอกจากขยันอ่อยแล้วยังขยันทำตัวน่าหมั่นไส้อีก

   คนตัวเล็กผลักผมให้นอนหงายก่อนที่เขาจะก้าวขาขึ้นมานั่งทับช่วงกลางลำตัวของผม สะโพกกลมขยับไปมาบดเบียดยั่วเหย้า ฟันขาวขบริมฝีปากและส่งสายตาเชิญชวน ผมขยับตัวขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง ปัดสาบเสื้อของเขาออกจนไหล่ตกไปข้างหนึ่ง ส่งมือไปรั้งท้ายทอยอีกคนให้เข้ามาใกล้ จากนั้นจึงประกบริมฝีปากลงไปควานหาความหวานภายในโพรงปากเล็ก

   เป็นคราวผมบ้างที่ดันให้อีกฝ่ายนอนราบกับเตียง ริมฝีปากหยักค่อย ๆ เลื่อนออกจากเจลลี่นุ่มไล่ไปตามลำคอระหงดูดเม้มเป็นระยะจนมาถึงแผ่นอกบาง ณภัคหอบหายใจหนัก มือเรียวสวยสอดเข้าไปขยุ้มกลุ่มผมของผม หน้าอกแอ่นขึ้นยามที่ผมจูบเม้มหยอกล้อ

    “อ๊ะ อื้อ...” ยกยิ้มอย่างพึงพอใจที่ทำให้อีกคนครางออกมาได้ ผมกดริมฝีปากลงไปแผ่วเบาที่ตำแหน่งอกข้างซ้ายของเขา มืออีกข้างที่ไม่ได้รองท้ายทอยณภัคเอาไว้ ลูบไล้ไปตามร่างกายขาวเนียนอย่างเพลินมือ คนอายุมากกว่าตัวสั่นระริกทุกครั้งเมื่อผมขยับมือลูบผ่าน

    “ทนไม่ไหวยัง?” ถามอย่างยียวน ณภัคมองค้อนทั้งที่ตาฉ่ำปรือ ร่างกายบอบบางขยับไปมา เรียวขาชันขึ้นบังคับให้ผมแยกขาออกจากกันก่อนที่เขาจะยันตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วเลื่อนมือไปรั้งหัวกางเกงที่ผมสวมอยู่ลง

    “ถามตัวเองเหรอ?”

   ทำไมโลกมนุษย์ถึงมีสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายอย่างณภัคอยู่

   ขณะที่มือนุ่มกำลังเล่นกับผมอยู่นั้นผมเองก็ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว ปัดสาบเสื้อของเขาไปให้พ้นทางก่อนลากมือไปยังกางเกงนอนขาสั้น ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ลูบผิวเนียนตั้งแต่หัวเข่าขึ้นมาถึงต้นขา สอดผ่านขากางเกงไปยังสะโพกนิ่มแล้วบีบขยำอย่างมันเขี้ยว ก้มไปดูดริมฝีปากสีแดงแรง ๆ แล้วผละออกไปหาเจลกับถุงยาง ผมปิดไฟหลักในห้องแล้วเปิดโคมไฟแทน แม้จะยังสว่าง แต่ในก็ไม่เท่าไฟหลัก

    “เจ็บ...” คนตัวเล็กบอกเสียงแผ่ว มือสวยจิกผ้าปูที่นอนแน่น ผมหยุดการเคลื่อนไหว โน้มลงไปจูบปลอบเมื่อผ่อนคลายตัวเองแล้วจึงกดร่างกายเข้าไปจนสุด ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมา เขารัดผมแน่นจนแทบขยับไม่ได้ อยากจะทำแรง ๆ ให้สะใจ แต่ในความเป็นจริงผมต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้ณภัคเจ็บมาก

   เราเพิ่งมีอะไรกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมวันนั้นผมยังเอาแต่ใจตัวเองทำรุนแรงกับเขาอีก ถ้าหากมันไปซ้ำกับแผลเดิมเขาจะแย่เอา

    “ขะ ขยับสิ..อึก!”

    “อืม... ภัค” ผมเรียกชื่อเขาเสียงพร่า เสียงร่างกายกระทบกันดังเป็นจังหวะสอดประสานกับเสียงครางกระเส่า ตัวหอมแหงนหน้าขึ้น แก้มใสแดงระเรื่อ เม็ดเหงื่อผุดพรายไปตามใบหน้า เห็นริมฝีปากสีแดงนั่นแล้วอดใจไม่ไหวจึงก้มไปจูบอีกครั้ง ตัวหอมเกี่ยวแขนรอบลำคอผมก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายดันตัวเองขึ้นมาแล้วอยู่ด้านบนแทน

   ผมกัดฟันแน่นเมื่อเขากดสะโพกลงมาทำให้ผมเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิม อารมณ์ถูกพัดโหม อยากจะกระแทกสวนขึ้นไปแรง ๆ แต่ณภัคไม่ยอมให้ผมขยับตัวเลย เขาแสยะยิ้มร้าย ยกมือเสยผมไปด้านหลัง เล็บคมกรีดเบา ๆ ที่กรอบหน้าก่อนก้มลงจูบที่สันกราม ลิ้นชื้นตวัดเลียก่อนย้ายไปที่ลำคอ เขาดูดเม้มและทำรอยเอาไว้ มือขาววางบนไหล่เพื่อเป็นตัวยึดในการทรงตัวขึ้น เสียงนุ่มครางกระเส่าที่ข้างหู กระตุ้นให้ความต้องการพุ่งสูงขึ้นไปอีก ผมบีบสะโพกกลมแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว ตัวหอมสะดุ้งเฮือก หวีดร้องเสียงหลง ทิ้งตัวสุดแรงจนเขากลืนกินผมทั้งตัว กายบางสั่นสะท้านหายใจหอบ น้ำกามสีขุ่นถูกปลดปล่อยออกมา เลอะทั้งตัวเขาและผมเอง ในขณะที่ตัวหอมไม่ระวังตัวผมก็แกล้งเข้าด้วยการขยับร่างกายแรง ๆ ณภัคอ้าปากค้าง จิกเล็บที่ไหล่ผมจนรู้สึกว่าเล็บมันแทบฝังเข้าเนื้อ

   “อ๊ะ อะ ไอ้บ้า!”

   “จะด่าหรือจะครางเลือกเอาสักอย่าง”

   “เบา อ้า เบา ๆ สิ!”

   “หึ ก่อนหน้านั้นใครบอกแรง ๆ อืม...” เนื่องจากไม่ค่อยถนัดจึงดันให้อีกคนนอนราบ ยกขาเรียวขึ้นพาดบ่าหนึ่งข้างแล้วขยับสะโพกด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ความร้อนวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายรวมทั้งแรงอารมณ์ต่าง ๆ ผมส่งความรู้สึกของตัวเองไปให้ณภัค ร่างกายบอบบางสั่นคลอนไปตามแรงส่ง เมื่อความรู้สึกทุกอย่างแล่นมารวมกันผมก็ยิ่งขยับตัวเร็วขึ้นก่อนจะแช่ตัวนิ่งปล่อยให้ทุกความอึดอัดทรมานทุกอย่างออกมา...

   ผมหยุดทุกอย่างราวกันโปรแกรมที่ถูกตั้งเวลาปิดเอาไว้ หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยจากกิจกรรมที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ยื่นมือไปเช็ดเม็ดเหงื่อออกจากกรอบหน้าสวย ตัวหอมเอียงหน้าซบกับมือของผม

   “อาบน้ำไหมครับ?” ถามหลังจากที่ถอนตัวเองออกมาแล้ว ณภัคพยักหน้าหงึกหงัก ริมฝีปากเบะคว่ำ นัยน์ตาขุ่นมัวเล็กน้อยอาจเพราะไม่ค่อยสบายตัว ผละไปที่ห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างเอาไว้ เมื่อได้อุณหภูมิและระดับที่พอดีจึงไปตามตัวหอมมา เขาค่อนข้างงอแง แต่ยังไม่งี่เง่า ระหว่างที่แช่น้ำก็อ้าปากหาววอด

   กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็เล่นเอาตัวแทบเปื่อย งานนี้ต้องโทษณภัคเลยครับ แกล้งยั่ว แกล้งอ่อยผมอยู่ได้ ผมมันแค่เด็กอายุสิบเจ็ดที่ยังควบคุมตัวเองไม่ดีพอ มีสิ่งเร้าอยู่ตรงหน้าใครมันจะไปทนไหว เมื่อผมลงขย้ำ เขาก็โวยวายบอกทำความสะอาดยาก โทษที ก็ถุงยางมันหมด

   ณภัคแทบหลับคาอ่าง แล้วก็เป็นผมที่ต้องช่วยพยุงไปนอนที่เตียง (ซึ่งเปลี่ยนผ้าปูใหม่แล้วโดยผมเอง) ถ้าไม่พยุงเขาทรุดไปกองกับพื้นแน่นอน

   คืนนี้ เมื่อหัวถึงหมอน เราต่างคนก็พลิกหาท่าสบาย หลับไปในมุมของตัวเอง ต่างคนต่างนอนไม่ได้วอแวเกาะแกะอะไร เพราะเหนื่อยเหลือเกิน ใช้พลังงานไปเยอะจะเพลียก็ไม่แปลกนัก...

   ตอนนี้พลังชีวิตของผมเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหลอด

   แต่พลังใจแม่งพุ่งไปนู่น ดาวอังคาร

   (ถุย)









-----------------------------------------
กานต์ ดไวท์ ดมิสา - คือคนเดียวกัน
จริงใจเรียกพี่ฝรั่งว่าคุณ เพราะมีออร่าบางอย่างที่ทำให้เรียกแบบนั้น
  จากตอนที่แล้ว ที่บอกว่าจันทร์เจ้าเหมือนไม่ชอบภัค
อันนี้เป็นแค่ความคิดของณภัคนะคะ คุณเขา คิดว่า จันทร์เจ้าไม่ชอบตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วจันทร์เจ้าคิดยังไง
อาจจะไม่ชอบจริง ๆ หรือบางทีแค่หมั่นไส้ ดีไม่ดีหมั่นไส้น้องตัวเองด้วยซ้ำ (เจ้าหมูไม่ชอบใครด้วยเหรอ TwT)
  ตัวปัญหาคือกลุ่มคนที่จริงใจมีเรื่องด้วยและณภัคที่วอแวเหลือเกิน
สำหรับตอนนี้คือยาวมากกกกก หกพันกว่าคำเลยเด้อ ถ้าเจอคำผิดรบกวนบอกด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตาม เจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-05-2017 21:28:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 24-05-2017 21:32:14
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 24-05-2017 21:48:44
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 24-05-2017 21:50:06
เราค่อนข้างชอบตอนนี้นะ

ไม่ใช่เพราะมีฉากเรียกเลือดแบบตอนใกล้จบหรอกนะ จริงจริ๊ง

ฮ่าๆ

แต่เรารู้สึกว่า มันค่อนข้างให้ความรู้สึกดี ชมพูวิ้งๆ

เพราะเรารู้สึกว่าคู่นี้นานๆทีจะหวานกัน

แต่พอเริ่มหวานกัน ก็ทำเอาเรานั่งอมยิ้มตลอดตอนเลย

ชอบมาก

ปล. รักตัวละครทุกตัวในทุกเรื่องเลย

ติดตามค่ะ

 :z1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-05-2017 21:52:26
ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พวกปากหมา สมควรโดน
นี่ไง ถึงว่าปากหมา ตายเพราะปาก /เปลี่ยนนิดหน่อยให้ตรงไง

ชอบ ที่่จริงใจ พี่ฟ้าเจอกันหอมแก้มกัน
พี่ฟ้า ยังหลงรัก หวงพวกเจเจ เหมือนลูกต่อไป
ชอบเวลาพี่ฟ้า น้าเจ้าแสดงความรักกัน มัดูสดใส มีความสุข
จริงใจ ยอมรับกับพี่ฟ้า น้าเจ้า ว่ามีคนที่ชอบแล้ว

สังเกตว่าไรท์ ไม่ nc คู่ทิวากาล จันทร์เจ้า เลย
เหมือนอยากให้บริสุทธิ์ แตะต้องไม่ได้
เพิ่งมีพูดถึงตอนนี้ที่ ทิวากาล จันทร์เจ้า กล้าจูบ หอม ดูดคอต่อหน้าจริงใจ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-05-2017 21:52:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-05-2017 22:12:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 24-05-2017 22:32:33
รอตอนต่อไปค่าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 24-05-2017 22:34:21
คือดีอ่ะ จริงใจเจ็บตัวมาแถมมีคนปลอบอีก  เสียน้ำดีกว่าเสียเลือด เนอะ^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 24-05-2017 22:46:15
ฮ่อยยยย น่ารักอ่ะ
มันก็มีมุมหวานหน่อยๆ
ชอบตอนนอนคุยกัน นอนจริงๆนะ
ไม่ใช่ฉากเรียกเลือด 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-05-2017 23:01:41
ชอบหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งแนบรูป ทั้งคำพูด ทั้งภาษา น่าลุ้นดี

โอ๊ยยยย จริงใจ โดนยั่วหรือว่าอยากอยู่แล้ว พอรู้ว่าณภัคชอบแล้ววอแวบอยก็มีอาการของคนชอบกันขึ้นมาทันทีนะ
ตอนไม่พอใจนี่ปิดกั้นมาก คนบ้า

จริงใจสายโหดจ้า ก็ควรโกรธ ใครจะยอมให้มาว่าคนของเรา
แล้วยังไม่สงบปาก พ่วงจันทร์เจ้าไปด้วยอีก เป็นไงล่ะ เจอพลังหมูเข้าไป

ณภัคน่าสงสาร แต่ดีใจที่รู้ตัวเอง กล้าที่จะมาหา แล้วบอก
ณภัคบอบช้ำหนักมาก 55555 แต่ก็สมควร เริ่มก่อนดีนัก

สำหรับจันทร์เจ้าที่ดูเหมือนไม่ชอบณภัค คิดว่าแค่ไม่ปลื้มบ้าง แล้วก็อารมณ์อยากแกล้งจริงใจบ้างมากกว่า

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-05-2017 23:46:24
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2017 23:49:40
ขอสักคนได้มะแบบเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-05-2017 00:26:25
หวานอีกนะ หวานอีกนะ
จันทร์เจ้าน่ารักเสมอออ มีเพลิงฟ้าคนแมนมาแจมด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 25-05-2017 04:07:23
ชอบจัง..ที่จริงจังบอกให้ณภัคปกป้องตัวเอง เพราะว่าจริงใจไม่ชอบที่ต้องโดนกล่าวหาทั้งที่ไม่จริง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-05-2017 04:23:02
ชอบความหวานของคู่นี้อะ
เป็นอะไรที่แบบนึกจะหวานก้หวาน
บางตอนควรจะหวานก้ไม่หวาน555
หวานกันแบบงงๆว่ามายังไงงี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 25-05-2017 05:13:36

   ตอนนี้พลังชีวิตของผมเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหลอด

   แต่พลังใจแม่งพุ่งไปนู่น ดาวอังคาร

หึหึ ก็แย่ละ เด็กเด๋อเอ้ยยย 5555555

วอแวบอย ให้ณภัคเค้าเรียกไป เราขอเรียกว่า เด็กเด๋อ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 25-05-2017 08:05:16
อ่านได้สะใจสุดๆๆ

 :mew1:ช :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-05-2017 08:38:24
เจ็บตัวแต่ได้.....ต่อก็โอเคนะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 25-05-2017 12:44:07
จริงใจแมนๆ ใครจะยอมให้มีใครว่าคนที่เราชอบเนอะ
ณภัครก็ยั่วเกิ้นนนน 555 แต่ฟิน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-05-2017 17:04:23
ชอบจริงใจแบบนี้อ่ะ เด็กมันหัวร้อน แต่มีจิตสำนึกอยู่นะ

รักนะจริงใจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-05-2017 23:17:00
 :mc4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 25-05-2017 23:19:26
ตอนอ่านมนุษย์แฟนเด็ก นี่ไม่เคยมองว่าทิวากาลเท่เลย ไหงตอนนี้รู้สึกฮีเท่ 5555
ส่วนนุ้งจริงใจของพี่นั้น พี่ชอบความห่ามๆปนฮาร์ดคอร์แบบเสมอต้นเสมอปลายของหนูมากค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2017 00:21:50
หลายชื่อทำเอางง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 26-05-2017 08:10:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-05-2017 21:50:38
ออกกำลังกายแล้วหลับสบาย :-[
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 27-05-2017 20:06:29
แหมมมม!!! พอเข้าใจกันอะไรๆ ก็ดี๊ดีนะจริงใจ!!
เพลิงฟ้าคนแมนกับน้าเจ้ามานิดเดียวยังแย่งซีนได้อีก 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 38 ผมกับตัวปัญหา | 24-5-60 | P.32
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 06-06-2017 19:12:42
มารอ น้องจริงใจกับตัวหอมค่ะ
อยากรู้ว่าจันทร์เจ้าคิดยังไงกับณภัค
ถ้าอยู่กับณภัคแล้ว จะมีความจันทร์เจ้าที่แปลว่าน่ารักแค่ไหน
หรือจะเป็น หมูผี ของจริงใจ  :hao3:
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 14-06-2017 20:09:45
ความที่ 39
ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น





   “จักรพรรดิ มานี่หน่อยซิ” เดินแยกจากเพื่อนไปหาอาจารย์ฝ่ายปกครองที่กวักมือเรียก

   “มีอะไรครับ?”

   “ออกไปซื้อของให้ผมหน่อย ตามนี้” อาจารย์ส่งกระดาษแผ่นเล็กที่เขียนชื่อสิ่งของอยู่สามสี่อย่าง ผมคิ้วขมวดนิดหน่อย ก็ค่อนข้างงงนะบางที ทำไมมาใช้ผมวะ ออกไปเองไม่ง่ายกว่าเหรอ? “ผมต้องเข้าประชุมอีกสิบนาที ไปซื้อเองไม่ทัน”

   “ครับ แล้วผมจะออกยังไง ยังไม่เลิกเรียนเลย”  อาจารย์ศุภชัยถอนหายใจก่อนส่งการ์ดมาให้ผมหนึ่งใบ ผมยกยิ้มมุมปาก จึงโดนท่านฟาดเข้าไปที่ไหล่ไปเต็ม ๆ ผลของการเก็บอาการไม่ได้ก็เป็นแบบนี้ การ์ดใบนี้เป็นคล้ายกับใบอนุญาตของทุกอย่างเลยมั้ง ถ้าผมมีบัตรนี้ แค่โชว์ให้ยามหน้าประตูดูก็ออกไปข้างนอกได้โดยไม่โดนถามเหตุผลหรือต้องเขียนใบขออนุญาตของฝ่ายปกครอง อีกอย่างจะออกไปตอนไหนหรือเข้าตอนไหนก็ได้

   ให้แล้วอย่าหวังว่าจะได้คืน หึหึ

   ผมใช้เวลาออกมาซื้อของให้อาจารย์ไม่นานเท่าไหร่ เมื่อกลับมาที่โรงเรียนก็เอาของพวกนั้นไปไว้ในห้องและทิ้งเงินทอนไว้บนโต๊ะพร้อมเขียนโพสต์อิทไว้ เพราะอาจารย์ยังติดประชุมอยู่ ส่วนการ์ดนั่น ก็บอกไปแล้วไงว่าจะไม่คืน เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วผมก็มุ่งไปยังสนามฟุตบอลกลางแจ้งของโรงเรียน

   ช่วงนี้จะเริ่มซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกีฬาสีแล้ว ทางโรงเรียนจึงลดเวลาลง ทำให้เรียนเสร็จเร็วกว่าเวลาปกติหนึ่งชั่วโมง เพื่อที่จะใช้เวลาหลังเรียนเสร็จนั้นซ้อมและจะได้ไม่ต้องเลิกเย็นมาก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นฤดูหนาว แต่ผมกลับไม่ได้สัมผัสความหนาวเลยแม้แต่น้อย แดดแรงยิ่งกว่าไฟในนรก ที่ใส่เสื้อแขนยาวไม่ได้เพราะกันหนาวหรอก กันแดดต่างหาก

   “ไปไหนมาวะ?”

   “ซื้อของให้อาจารย์ศุภชัย” ตอบเนตรไปก่อนจะส่งแก้วชานมไข่มุกที่ซื้อมาเผื่อไปให้มัน เนตรรับไปก็เจาะหลอดดื่มทันที อากาศร้อนขนาดนี้ ได้อะไรเย็น ๆ มาแม่งโคตรสวรรค์ “เป็นไงบ้างวะ?”

   “ก็ดี คุมยากนิดหน่อย มึงย้ายมาดิ” ผมเบะปากและสั่นหัว เนตรเป็นสตาฟฝ่ายสแตนด์ ส่วนผมเป็นฝ่ายกีฬา แต่เอาเข้าใจก็ช่วยมันทุกหน่วยนั่นแหละ

   “เด็กจะได้มีกำลังใจไม่โดดซ้อม”

   “ก็แย่ละ” เด็กที่ขึ้นสแตนด์เป็นมัธยมต้นครับ อย่างม.1 ม.2 แต่ถ้าไม่ใครไม่อยากขึ้นก็ต้องมีอย่างอื่นทำ เช่น เล่นกีฬา ตอนผมอยู่ม.1 ผมก็ไม่ขึ้นนะ ไม่อยากไปนั่งตากแดดร้องเพลงปรบมืออะไรก็ไม่รู้ กีฬาก็ไม่อยากเล่น ลีดหรือถือป้ายอะไรก็ไม่อยากทำ

   จริง ๆ คือขี้เกียจ อยากโดดไปนอนอยู่บ้านมันทั้งสามวัน แต่ความฉิบหายคือผมได้อยู่สีเดียวกันกับจันทร์เจ้าไง หมูผีนั่นลากผมมาด้วยตลอด เลยต้องลงกีฬาตัดปัญหา

   RRRRR~

   ผมหยุดคุยกับเนตรเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏทำให้ผมกดรับทันที

   (“เลิกเรียนยัง?”)

   “อืม ทำไมครับ?”

   (“มารับหน่อย”)

   “หืม คุณอยู่ไหน?”

   (“หน้าโรงเรียนของนาย”) ส่งเสียงฮะ?อยู่ในใจ ก่อนจะวางสายแล้วบอกไอ้เนตรว่าไปหน้าโรงเรียนสักพัก มันพยักหน้ารับไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะถูกเรียกให้ไปช่วยคุมน้อง

   เมื่อมาถึงด้านหน้าก็เจอคนที่โทรมายืนอยู่ ผมขอให้ยามเปิดประตูเล็กให้แล้วออกไปหาเขา

   “มาได้ไง?”

   “ช้า” เขาไม่ตอบแค่บ่นออกมา ในอ้อมแขนเล็กนั่นมีไอ้เบื๊อกอยู่

   ตัวหอมกับไอ้เบื๊อกรู้จักกันมาอาทิตย์กว่า ๆ แล้วล่ะครับ ตอนนี้เลยค่อนข้างซี้กัน ตอนที่พาไปเจอทีแรกตัวหอมดูไม่ค่อนกล้าเข้าใกล้มันเท่าไหร่แม้จะอยากเล่นก็ตาม แต่เบื๊อกมันไปหมาขี้ประจบ ชอบคลอเคลีย ออเซาะให้เล่นด้วย และตัวหอมก็ต้านทานมันไม่ไหว กลายเป็นสนิทกันไปแล้ว และสองสามวันมานี้เขาก็เอาไอ้เบื๊อกไปอยู่คอนโดด้วยอีก

   จันทร์เจ้างอแงว่าโดนแย่งแต่ไม่อะไรมาก เพราะยังไงเจ้าตัวก็ไม่ได้กลับบ้าน (ยังสอบไม่เสร็จ ค้างคอนโดทิวากาลยาว ๆ) เดี๋ยวนี้พัฒนา มีแอบเข้าห้องตัวหอมด้วยครับ แต่หมูผีแก้ตัวว่าจะไปเล่นกับไอ้เบื๊อก

   อืม ก็แล้วแต่

   “ถือนี่หน่อย” ยื่นมือไปรับถุงขนมรวมทั้งของกินอะไรหลาย ๆ อย่างมาถือเมื่อเขาพูด เมื่อมืออีกข้างว่างแล้วเขาจึงกระชับกอดอุ้มไอ้เบื๊อกได้อย่างถนัด

   หมาเวรนี่...

   “ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”

   “ไม่ได้ซื้อ เจอพี่เก่ง เขาเลยให้มา” พยักหน้ารับ จะว่าไปก็ไม่ได้เจอพี่เก่งนานแล้วเหมือนกัน เกือบลืมเขาไปแล้ว ผมแตะหลังตัวหอมเบา ๆ ให้เขาก้าวขาข้ามเข้าไปในเขตโรงเรียน ลุงยามมองหน้า แต่เพราะเป็นผม เขาจึงไม่ถามอะไร แบ่งขนมให้ลุงเอาไว้กิน แล้วเดินไปตามทางเดินข้าง ๆ ณภัค

   “ปล่อยมันลงเดินสิ”

   “ไม่ได้ พื้นมันร้อน เดี๋ยวลักกี้เจ็บเท้า” กลอกตาและพ่นลมหายใจออกมา ตัวหอมโคตรเห่อไอ้เบื๊อกเลย แถมยังตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า ลักกี้ ซึ่งแปลว่าโชคดีนั่นแหละ ไอ้หน้าหมานี่มันก็กระดี๊กระด๊าครับ พอมีชื่อใหม่ก็เชิดหน้าชูคอ กระแดะจริง ๆ เดี๋ยวนี้เรียกเบื๊อกแทบไม่หัน

   หมาเหี้ย ไม่รักดี

   “ปล่อยมันลงครับ เร็ว” ผมย้ำเสียงเข้ม ตัวหอมจิปากขัดใจแต่ก็ปล่อยไอ้เบื๊อกลงแล้วเดินเอง น้ำหนักมันไม่ใช่น้อย ๆ นะ จะไปอุ้มได้ยังไง ตอนนี้ไอ้เบื๊อกอุดมสมบูรณ์มาก อ้วนฉิบหาย กินแล้วก็นอน วัน ๆ แทบไม่ทำอะไร ขี้เกียจเหมือนจันทร์เจ้าไม่มีผิด

   “คุณมายังไง?”

   “ขับรถมา จอดไว้ตรงที่รับฝากฝั่งตรงข้าม”

   “อืม ข้ามถนนเองเหรอ?” ณภัคเบ้ปากก่อนสะบัดหัว เขาเป็นคนที่ข้ามถนนไม่เป็นครับ ไม่รู้จังหวะว่าต้องข้ามตอนไหน ทางม้าลายมีก็ไม่ช่วยอะไร เพราะรถแม่งไม่เคยหยุดให้คนได้ข้ามเลย นี่คงใช้สะพานลอยมา ก็ดีแล้ว เกิดโดนรถชนก็ไม่คุ้มหรอก

   “กรี๊ด น้องหมา น่ารักจังเลย”

   เดินผ่านไปตรงไหนหลาย ๆ คนก็หวีดไอ้เบื๊อกกัน หมาขาสั้นนั่นเดินลิ้นห้อย ส่ายตูดไปมา มีบ้างที่หยุดเดินแล้วหันกลับมามองผมกับตัวหอม

   “เบื๊อก!” ตะโกนเรียกมัน เบื๊อกเบรกเอี๊ยดหัวแทบทิ่ม วิ่งดุ๊กดิ๊กกลับมาหา ผมจึงพามันเดินลัดสนามฟุตบอลเพื่อไปยังอัฒจันทร์

   “นายอยู่สีอะไร?”

   “น้ำเงิน” เขาไม่พูดอะไรอีก จนมาถึงหน้าสแตนด์ มีหลายสายตามองมาที่ผม ทั้งสงสัยและอยากรู้ ซึ่ง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอธิบาย “นั่นเพื่อนสนิทผม ชื่อเนตร” ชี้ไปที่ไอ้เนตรซึ่งตอนนี้กำลังเคี่ยวเข็ญรุ่นน้องให้ร้องเพลง

   คอจะแตกแล้วมั้งนั่น

   “คนที่นายไปแย่งแฟนเขาน่ะเหรอ?”

   “ก็แย่ละ” เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากสีแดง

   “ต้องอยู่ถึงกี่โมง?”

   “กี่โมงก็ได้โตแล้ว” ตัวหอมหลับตานิ่ง ผ่อนลมหายใจระงับอารมณ์ เขาเลิกสนใจผมแล้วหันไปเล่นกับไอ้เบื๊อก เมื่อยืนนาน ๆ ก็เริ่มเมื่อย จึงทิ้งตัวนั่งบนพื้นหญ้าที่มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่สาดมาให้หลบร้อน เปิดถุงดูว่ามีอะไรกินบ้าง

   “มึง” แหงนหน้ามองเพื่อนสนิท มันส่งสายตาไปที่ตัวหอมที่ตอนนี้กำลังวอแวกับไอ้เบื๊อกอยู่

   “ว่า?”

   “ใคร?”

   “ถามดิ”

   “สวัสดีครับพี่ ผมชื่อเนตรเป็นเพื่อนจริงใจ”

   “อืม ณภัค”

   แนะนำตัวได้หยิ่งดีฉิบหาย ไอ้เนตรถึงกับขมวดคิ้ว ถ้าคนจะหมั่นไส้หรือไม่ชอบขี้หน้าก็ไม่แปลก แต่ถ้าสนิทกับเขา จะรู้ว่าเนี่ย ทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้จักใครนอกจากเพื่อนตัวเอง เขาไม่ทำความรู้จักหรือทักทายใครก่อน และเขาจะเฉย ๆ กับคนแปลกหน้า ไม่ยิ้มให้ ไม่มีความเป็นมิตรให้เช่นกัน

   “แฟนมึง?”

   “เปล่า” ณภัคหันขวับมามอง ไอ้เนตรก็งง คนอื่นมองก็เดาได้แหละว่าเป็นอะไรกัน ผมสุงสิงกับคนอื่นเสียที่ไหนล่ะ แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ นี่ ผมไม่ได้ขอ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ความสัมพันธ์ของเรามันไม่มีชื่อเรียกจริง ๆ แต่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหาคำมาจำกัดความหรอก เราต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอะไรกัน

   “My crush”

   “ewwww” เนตรร้อง มือหงิกงอ ทำหน้ารับไม่ได้กับคำพูดของผม เหลือบไปมองคนอายุมากกว่า เขาก้มหน้าเล่นกับไอ้เบื๊อก แต่เห็นได้ว่าปรางแก้มนวลนั้นขึ้นสีแดงอ่อน ๆ

   “พี่คิดดีแล้วเหรอครับจะคบกับจริงใจเนี่ย?”

   “นั่นสิ”

   “ตัดสินใจดี ๆ นะครับ ไอ้เวรนี่นิสัยเสียมาก”

   “รู้”

   สรุปกูมีอะไรดีไหม หืม

   ใช้เวลาไม่นานตัวหอมก็คุ้นเคยกับเนตร เพราะเพื่อนผมมันพูดมาก เข้ากับคนง่าย พูดจนตัวหอมรำคาญเลยมั้งถึงยอมคุยกับมัน และของกินที่ตัวหอมถือมา ก็ถูกเนตรจัดการ

   “เบื๊อก!” ผมเรียก หมาขาสั้นตูดใหญ่หันมองแล้วก็เมินผมไป สะบัดหางไปมาไม่สนใจใยดี คลอเคลียกับตัวหอมลืมผมไปแล้ว “กี้”

   หงิง

   เวร หมาห่า

   ทีอย่างนี้ล่ะวิ่งเข้ามาหาเชียว ไอ้เบื๊อกที่ถูกอัพเกรดเป็นลักกี้นั่งลงตรงหน้าผม ลิ้นมันแลบออกมา ตากลมมองแป๋ว อยากเอากำปั้นทุบมัน แต่ถ้าทำ ผมจะโดนแม่มันทุบอีกที รักกันฉิบหาย เทขนมหมาใส่มือแล้วยื่นไปให้มัน ไอ้เบื๊อกรีบก้มหน้ากินอย่างตะกละตะกราม นิสัยนี้ไม่รู้ว่าเป็นเองโดยสันดาน หรือได้รับวัฒนธรรมจากจันทร์เจ้ามาก็ไม่ทราบ

   “จริงใจ”

   “หืม?”

   “เอ่อ... ว่างไหม? ช่วยไปตีกลองให้ได้หรือเปล่า?” ออมเอ่ยถามอย่างเกรงใจ ผมมองไปที่ตำแหน่งกลอง ตอนนี้ไม่มีคนประจำอยู่ ด้วยความที่ไม่ได้ทำอะไร จึงตอบรับ ก่อนไป บอกไอ้เนตรให้ดูตัวหอมให้ด้วย มันพยักหน้า สายตาไม่น่าไว้ใจ แต่จำต้องปล่อยไว้ ดีกว่าให้ตัวหอมอยู่คนเดียว

   “นี่ไม้กลองจ้ะ” รับจากมือออมมาถือไว้ ผมจ้องหน้าเพื่อนร่วมห้อง เธอยิ้มเจื่อน ๆ แววตาไม่สดใสเหมือนปกติ แต่ผมไม่ได้ถามอะไรออกไปอยู่ดี

   ดีแล้ว

   ตีกลองให้จนถึงตอนเลิก เพราะคนที่ทำหน้าที่นี้แม่งหายหัวไปไหนไม่รู้ ถ้าเจอกูจะโบกให้ อากาศร้อน ทำให้เสื้อนักเรียนที่ผมใส่แนบไปกับร่างกายเนื่องจากเหงื่อออกค่อนข้างเยอะ ผมค้นหาสเปรย์ให้กระเป๋าแล้วฉีดใส่ตัวเอง เป็นคูลลิ่งสเปรย์ ไว้คลายร้อน

   แม่งเอาไม่อยู่ว่ะ

   ทวงคืนฤดูหนาวให้ประเทศไทยได้ไหม

   ไหว้ล่ะ




   “พี่ภ้าคคคคคคค!!”

   “หวัดดี” ตัวหอมหันไปทักไอ้วาฬที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา

   “ไม่รู้ว่าพี่ภัคมา ไม่งั้นมาเล่นด้วยแล้ว”

   “กำลังจะกลับ”

   “โห พลาด ถ้าไอ้ไจ๋รู้ร้องไห้ตายเลย”

   สาระแนอะไรกับคนของกูกันนักหนาวะ

   “นี่พวกมึงรู้กันหมดเลยเหรอว่าไอ้เวรนี่มีแฟน?” เนตรชี้มาที่ผมตรงคำว่าไอ้เวรนี่

   “เออ มึงมันอ่อน”

   “มึงไม่รักกูอ่อ ทำไมไม่บอกกูเลยวะ เชี่ยแม่ง น้อยใจสัด ๆ”

   “เรื่องของมึง” ผมว่า สอดใต้ท้องไอ้เบื๊อกแล้วช้อนมันขึ้นมาก่อนจะพาดไว้หลังคอ

   “มึงก็พาดซะเป็นผ้าพันคอขนมิงค์เลยไอ้สัด” วาฬมันว่าก่อนจะยื่นมือมาแหย่ไอ้เบื๊อก หมานี่ก็ใจง่าย ใครเล่นด้วยก็เล่นกับเขาไม่ทั่ว ไม่ถือเนื้อถือตัวเหมือนแม่มันเลยสักนิด

   “กลับเหอะ” ผมบอกตัวหอม เขาพยักหน้ารับ เดินไปถึงหน้าโรงเรียนด้วยกันก่อนจะแยกไปทางใครทางมัน ผมส่งไอ้เบื๊อกให้ณภัคอุ้ม ขอกุญแจรถจากเขาแล้วเป็นคนขับเอง วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาด้วย

   “ไม่เจอน้องจ๋าจ้าเลย”

   “โดดมั้ง”

   “ได้เหรอ?”

   “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เราโดดกิจกรรมกันบ่อยจะตายไป ไอ้เปี๊ยกคงไปนั่งกินอะไรที่โรงอาหารหรือไม่ก็หาที่นอนในห้องสมุด อาจด้วยความที่น้องถูกทาบทามให้เป็นลีด จึงไม่ต้องมานั่งสแตนด์ และลีดเขาไปซ้อมที่อื่นกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่าวันนี้น้องมีซ้อมหรือเปล่า

   หงิง

   เบื๊อกครางออกมาขณะที่ตัวหอมลูบหัวลูบตัวมันไม่หยุด น่าหมั่นไส้ว่ะ ทำหน้าตาอ้อล้อชะมัด

   “เฮ้ย จะไปไหน!?” ณภัคถามเสียงตื่นเมื่อผมเลี้ยวรถไปในทางที่ไม่คุ้นชิน

   “กลับบ้าน” เขาเบิกตากว้าง ผมยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย เคาะนิ้วกับพวงมาลัยตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอ มืออีกข้างวางอยู่ที่หน้าขา ช่วงที่ติดไฟแดง ผมส่งข้อความเข้าไปในแชทกลุ่มของครอบครัวแล้วว่าจะมีแขกไปที่บ้านและทำอาหารเผื่อด้วย

   วันนี้อยู่บ้านกันทุกคนด้วยสิ

   สนุกแน่


   ใช้เวลาสักพักก็มาถึง แม้ตัวหอมจะยังหน้านิ่งแต่เห็นความกังวลได้ชัดจากแววตาของเขา

   “ถึงบ้านนายแล้วก็ลงสิ ฉันจะกลับ” กลับก็แย่ละ ผมไม่ตอบอะไร รอประตูรั้วเลื่อนไปจนสุดแล้วจึงขับเข้าไปจอดในโรงจอดรถ ลงไปเปิดประตูฝั่งเขาออกกว้าง ไอ้เบื๊อกกระโจนลงทันทีแล้ววิ่งเข้าบ้าน คงไปประจบขออาหาร เพราะนี่ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว มันคงหิว

   “ลงมาครับ”

   “ฉันจะกลับบ้าน”

   “เดี๋ยวค่อยกลับ ลงมา”

   “...........”

   “เร็วครับ”

   “เด็กปีศาจจจจจจจจจ!” เสียงจันทร์เจ้าตะโกนลั่นพร้อมกับเจ้าตัวที่วิ่งพุงกระเพื่อมเข้ามา “ทำไมไม่เข้าบ้านอีก?”

   “นี่ดิ งอแง” บุ้ยปากไปที่ตัวหอม เขากอดอกทำหน้าไม่พอใจใส่ผม จันทร์เจ้าชะโงกหน้าไปดู

   “คุณยายกับน้าเจ้าทำกับข้าวไว้เยอะเลย” พี่ชายผมพูดปากสีชมพูนั่นขยับมุบมิบก่อนจะโน้มตัวไปกดปลดเบลท์แล้วกระชากแขนตัวหอมลงจากรถแล้วลากเข้าบ้านไปเลย แม้ณภัคจะส่งเสียงร้องโวยวายก็ตาม หึ คนไม่ออกกำลังกายอย่างตัวหอมจะไปสู้แรงหมูผีได้ยังไง ถึงจันทร์เจ้าจะเตี้ยแต่เขาออกกำลังกายนะ ทำให้แรงเยอะพอสมควรเลย เยอะไม่เยอะก็จับผมทุ่มได้อ่ะ



   “ไหนเจเจบอกไม่มีแฟนไง!” ผมตกใจเสียงของพี่ฟ้าจนเผลอผงะถอยหลัง พี่ชายคนดีจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง หน้าตาบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ ในมือยังถือมีดอยู่เลย

   “ก็ไม่มีแฟนไง”

   “คนเด็กผู้ชายคนนั้นล่ะ คนที่เจเจพามาด้วยน่ะ”

   “คนพิเศษ”

   “จักรพรรดิ!!!”

   “ใจเย็น อย่าขึ้นเสียง” น้าเจ้าที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ฟ้าพูดขึ้น ตอนนี้เราอยู่ในครัวกัน เพราะผมจะมาหาของว่างไปให้ตัวหอมทานเล่น แต่เจอพี่ฟ้ากับน้าเจ้าและคุณยายกำลังทำอาหารอยู่ และผมก็กลายเป็นสนามอารมณ์ให้พี่ฟ้า

   “โว้ยยยย หงุดหงิด!”

   “ปล่อยให้เป็นเรื่องของหลานไปสิ จะไปคิดแทนเขาทำไม” พี่ฟ้ายิ่งหน้างอเมื่อได้ยินคำพูดของคุณยาย น้าเจ้าก็พยักหน้าเห็นด้วย

   “ไม่ทำแกงเขียวหวานนะ โกรธ!” ผมหน้าเหวอ แต่น้าเจ้าหัวเราะลั่น จึงโดนพี่ฟ้าค้อนเข้าให้ อะไรวะ เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับแกงเขียวหวานเล่า นั่นมันของโปรดผมนะ จะไม่มีได้ยังไงกัน พี่ฟ้าอย่างี่เง่าแล้วเอาเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือสิ

   “พี่ฟ้า”

   ผมครางเสียงอ่อน พี่ฟ้าปรายตามองแล้วสะบัดหน้าหนี เวร แกงเขียวหวานของผม ส่งสายตาละห้อยไปให้พี่ชายคนดี แต่ไม่ได้รับความเมตตาใดใด พี่ฟ้าเก็บวัตถุดิบสำหรับทำแกงเขียวหวานใส่กล่องแล้วเอาไปไว้ในตู้เย็น ผมยิ่งเหวอไปใหญ่ ส่งสายตาให้คุณยายกับน้าเจ้าช่วย แต่ทั้งสองก็เมินผมเหมือนกัน ริมฝีปากขยับยิ้มขบขัน

   เฮ้ย มันไม่แฟร์!

   “จริงใจเป็นไรอะ?” จันทร์เจ้าถามหลังจากผมกระแทกตัวนั่งข้าง ๆ

   “พี่ฟ้าไม่ทำแกงเขียวหวานให้เค้า”

   “ฮะ?” หน้าโง่ ๆ ของพี่ชายเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ผมกลอกตาไปที่ตัวหอม จันทร์เจ้ามองตามก่อนร้องอ๋อเสียงยาวแล้วระเบิดหัวเราะออกมา “สมน้ำหน้า”

   “จิ๊!”

   “มีอะไร?”

   “อยากกินแกงเขียวหวาน” ตัวหอมทำหน้างง จันทร์เจ้าหัวเราะลั่นอีกครั้ง หมูอ้วนล้มกลิ้งไปนอนบนพื้น ตลกมากไหม หืม ตลกมากเหรอ

   “พี่ฟ้างอนที่จริงใจพาแฟนมาเลยไม่ทำของโปรดให้” หมูผีอธิบายหลังจากกลับมาหายใจปกติแล้ว แก้มกลม ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อจากการหัวเราะอย่างหนัก

   “ฉะ ฉันกลับก็ได้”

   “No!!! กลับไม่ได้นะ” จันทร์เจ้าผุดตัวขึ้นนั่ง จ้องหน้าตัวหอมเขม็ง “ยังไม่ได้แกล้งเลย”

   “เดี๋ยว”

   ใครเขามาบอกความคิดกันแบบนี้บ้างวะ แต่จันทร์เจ้าดูจะไม่สนใจอะไร หมูอ้วนเอื้อมมือไปคว้าคุกกี้มาเคี้ยวกร้วม ๆ ปล่อยให้ตัวหอมเหวอแล้วเหวออีก น่าสงสารว่ะ แต่ผมก็อยากแกล้งเขานะ

   “สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทุ้มของน้าเจ้าดังมา ตัวหอมยกมือไหว้ เขากลอกตามาที่ผมเหมือนต้องการตัวช่วย แต่ผมทำเป็นไม่เห็น ขยำพุงนิ่ม ๆ ของไอ้เบื๊อกเล่นแทน

   “สะ สวัสดีครับ”

   “เจ้าชีวันครับ เรียกน้าเจ้าแบบจริงใจก็ได้”

   “ครับ หนะ น้าเจ้า ผม เอ่อ ณภัค”

   “ครับ นี่เพลิงฟ้านะ”

   “สวัสดีครับ” ตัวหอมยกมือไหว้พี่ฟ้าด้วยเหมือนกัน แต่คุณเพลิงฟ้ากลับกอดอกเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่รับไหว้ ณภัคหน้าเสียจนน่าสงสาร จันทร์เจ้ากอดหมอนมองพี่ฟ้าตาปริบ ๆ ก่อนตากลม ๆ นั่นจะมองมาที่ผมแล้วย้ายไปที่ตัวหอม

   “ขอตัว” พูดแค่นั้นแล้วพี่ฟ้าก็ออกจากห้องนั่งเล่นไปทั้งที่มายังไม่ถึงสามนาที ผมเม้มปาก พรูลมหายใจออกมา ย้ายตัวเองไปนั่งข้างตัวหอม เขาเงยหน้ามองผม ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว

   “อย่าไปใส่ใจเลย เดี๋ยวก็หายบ้า” น้าเจ้าบอก จันทร์เจ้าเองก็พยักหน้าหงึกหงัก

   “ผมกลับดีกว่า”

   “อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนครับ มาทั้งที” น้าเจ้าส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ “จริงใจพาพี่เขาไปบนห้องก็ได้นะ เดี๋ยวน้าให้คนไปตาม”

   “ไม่ได้!!!” จันทร์เจ้าร้องขึ้น ตัวสั้น ๆ ผุดลุก “ไม่ได้นะ มันผิดผี!”

   “หนูมาช่วยน้าทำอาหารดีกว่า” แล้วจันทร์เจ้าก็ถูกน้าเจ้าลากคอออกไป...



   “ไปเดินเล่นข้างนอกไหมครับ?” ถามอีกคนเมื่อในห้องนั่งเล่นเหลือแค่เรา สายตาตัวหอมมันละห้อยจนน่าสงสาร และน่าแกล้งไปในเวลาเดียวกัน

   ก็ไม่แปลกใจทำไมคนที่บ้านผมแกล้งเขานัก

   มันน่าทำให้ร้องไห้ไง

   “ตาครับ”

   “อ้าว กลับจากโรงเรียนแล้วเรอะ?”

   “ครับ คุณตา นี่ณภัค” ผมผายมือไปที่คนข้าง ๆ คุณตาทิ้งพลั่วแล้วเข้ามาหาเรา ก็ไม่อยากจะมากวนคนแก่กับต้นไม้นะ แต่ไม่มีที่จะไป ไม่อยากพาขึ้นห้องไง

   “สวัสดีครับ”

   “หวัดดี ๆ ตามสบายนะ” คุณตาพูดอย่างใจดีพร้อมยิ้มให้ ผมยักไหล่เมื่อสบตากับคนแก่เข้าพอดี สายตารู้ทันแบบนั้นไม่ต้องบอกแล้วแหละว่าเป็นอะไรกัน ผมพาตัวหอมเดินดูรอบบ้านเพื่อให้เขาผ่อนคลายขึ้น จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น และทุกคนกลับถึงบ้านกันหมดแล้วจึงพาเขากลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง



   “พี่ภัค!!!” จ๋าจ้าตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอด ณภัคเซไปด้านหลังผมใช้มือดันเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มไป “ทำไมไม่มีใครบอกเค้าเลยว่าพี่ภัคมา?”

   ตอบด้วยการเคาะหัวน้องไปทีหนึ่งแล้วเดินไปนั่งเบียดจันทร์เจ้า หมูอ้วนตาขวางแล้วก็กลับไปสนใจอย่างอื่น

   “ใครน่ะ?”

   “พี่ภัคคือคนที่พี่จริงใจตามจีบค่ะคุณแม่”

   “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มีแฟนไม่บอกแม่เลยนะ”

   “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงพูดคุยของคนที่บ้าน ยื่นเท้าไปเขี่ยพุงไอ้เบื๊อกเล่น

   “จะว่าไปหน้าคุ้นจังเลยแฮะ...”

   “หม่ามะรู้จักพี่ภัคเหรอครับ?”

   “...ลูกชายคนเล็กของพี่ณัชกับพี่ภพไงจอม” เป็นพ่อที่ผมเอ่ยขึ้น แม่เบิกตาโตก่อนดีดนิ้ว คงนึกออกแล้ว คนที่ไม่รู้เรื่องก็ประหลาดใจ แม้ตัวหอมเองยังนิ่งไป

   “จริงด้วย! เหมือนพี่ณัชขนาดนี้จำไม่ได้ยังไงนะ”

   “ระ รู้จักแม่ผมด้วยเหรอ?”

   “ค่ะ น้าเป็นรุ่นน้องพี่ณัชน่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย น้องภัคเป็นยังไงบ้างคะ?”

   “........” ตัวหอมเงียบ เหมือนตอบไม่ถูกมากกว่า ใบหน้าเขายังเต็มไปด้วยความมึนงงอยู่เลย

   “หิวแล้ว ถ้าจะคุยกันผมขอไปทานข้าวก่อนนะ” ทุกอย่างถูกขัดด้วยคำพูดของพี่ฟ้า น้าเจ้าไปอยู่ข้าง ๆ สั่นหัวเหนื่อยหน่าย แต่คุณเขาไม่สนใจ ฉุดมือจันทร์เจ้าออกไปพร้อมกัน

   ที่ห้องอาหาร เมื่อมากันครบแบบนี้จึงดูวุ่นวายกว่าปกติ จันทร์เจ้าตาวาวน้ำลายสอตั้งแต่ได้กลิ่น ส่งสายตาให้ผู้ใหญ่สักคนตักอาหารสักที เจ้าตัวจะได้ทาน เสียงพูดคุยดังไม่หยุด แม้จะพูดในเรื่องภายในครอบครัว แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวหอมรู้สึกเป็นคนนอกหรือส่วนเกิน พ่อแม่ผมก็ถามและพูดคุยกับเขาอยู่ตลอด คุณตาคุณยายก็ด้วย นอกจากนั้น ยังคอยตักอาหารให้ แม้แต่พี่ฟ้า ยังแอบมองบ่อย ๆ อาการเกร็งของเขาลดลงและผ่อนคลายมากขึ้น

   สรุปมื้อนี้ ไม่มีแกงเขียวหวานครับ พี่ฟ้าโคตรใจร้ายเลย มีของโปรดของจันทร์เจ้ากับจ๋าจ้า แต่กลับตัดของผมทิ้ง ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน

   “สรุปบ้านนี้จะไม่มีใครชอบผู้หญิงเลยใช่ไหมครับ?” คุณจิรภาสเอ่ยถามอย่างไม่จริงจังระหว่างทานของหวาน ผมที่กำลังแย่งไข่หวานในถ้วยบัวลอยของจันทร์เจ้าถึงกับชะงักและเหลือบตามอง กะพริบตาปริบ ๆ กันถ้วนหน้า ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นพร้อมกับเดธแอร์ระยะยาว

   “หนู!!” จ๋าจ้าตอบฉะฉานพร้อมชูแขนขึ้นและยิ้มกว้างจนตาหยี เจ้าตัวยิ้มเขินก่อนจะบอกว่าล้อเล่น พี่ฟ้าถึงกับถอยหายใจเฮือก ไม่ใช่เพราะโล่งอกหรืออะไร แต่เพราะหนักใจกับมุกเกรดซีของไอ้เปี๊ยก



   “พี่ฟ้าไม่ชอบณภัคจริง ๆ เหรอครับ?” ผมถาม ตอนนี้พี่ฟ้ากำลังยุ่งอยู่การหาของในตู้เย็น และตรงนี้มีแค่เราสองคนเพราะคนอื่น ๆ อยู่ห้องนั่งเล่นกันหมด พี่ฟ้าไม่ตอบ และไม่สนใจ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ผมถาม

   “เขาชอบพี่ฟ้ามากเลยครับ”

   “.......” มองด้วยหางตา แต่ยัง(พยายาม)นิ่ง

   “เขาปลื้มพี่ฟ้ามานานแล้วนะ ชอบพี่ฟ้ามากกว่าผมอีก แถมยังเคยบอกด้วยว่าถ้าสร้างบ้านจะให้พี่ฟ้าออกแบบให้ แพงแค่ไหนก็จะจ่าย แล้วก็ยังชอบงานพี่ฟ้าทุกชิ้นด้วยครับ”

   “.......”

   “พี่ฟ้าจะไม่ชอบภัคจริง ๆ เหรอ? เขาน่ารักนะครับ”

   “ทำไมเจเจพูดมากจังเลยครับ?” คนถามเท้าเอวมองหน้าหาเรื่อง

   “.....”

   “ไม่ต้องมาฮาร์ดเซลล์ใส่พี่ฟ้าเลยนะ รู้อยู่ว่าพี่ไม่ชอบก็ยังจะขายตรงให้อีก” ผมยิ้ม พี่ฟ้ายกมือขึ้นขยุ้มผมยาวของตัวเอง “ยังแกล้งให้ร้องไห้ไม่ได้เลย”

   “พี่ฟ้า อย่าแกล้งเขา”

   “ก็คนของเจเจน่าแกล้งนี่ครับ ดูตอนทำหน้าเอ๋อ ๆ สิ ตอนเหมือนจะร้องไห้ ตาฉ่ำ ๆ ยิ่งน่ารังแก”

   ก็จริง... แต่ณภัคไปทำหน้าเอ๋อตอนไหนวะ

   “อย่าทำเขาร้องไห้เลยครับ โคตรน่าสงสาร”

   พี่ฟ้ายกยิ้มมุมปาก ดวงตาวาววับราวกับมีแผนร้าย เหมือนผมชี้โพรงให้กระรอกเลยว่ะ!

   “พี่ฟ้า!”

   “หึหึ โดนแน่ เจเจต้องโดน ไม่อย่างนั้นถ้าพี่ยอมง่าย ๆ มันจะไม่แฟร์กับจันทร์เจ้า”

   “พี่ฟ้า....”

   “ไม่ต้องมาอ้อนครับ ออกไปได้แล้วไป ปล่อยเขาไว้คนเดียวได้ยังไงกัน” คนเดียวที่ไหน อยู่กันเต็มบ้าน พี่ฟ้าผิวปากสบายอารมณ์ในขณะที่ผมหน้าบึ้ง

   ไม่ผมก็ตัวหอมนี่แหละ ที่จะโดนแกล้ง

   #PrayForจักรภัค







-----------------------------
ฮัลโหลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
เรากลับมาแล้วววววววววววววววววว
หายไปนานเลย ฮาาาาา อยากที่เคยแจ้งในเพจว่างดอัพสักพักเพราะมีปัญหา
ตอนนี้กลับมาแล้วนะ ถึงปัญหาจะยังมีอยู่ก็เถอะ ฮือ คิดถึงจักรภัคมากๆ คิดถึงคนอ่านด้วย TwT
หวังว่าจะรออ่านกันนะคะ /กะพริบตาปริบ ๆ

(ชื่อตอน 38 กับ 18 ซ้ำกันด้วยแหละ ลืมว่าเคยตั้งแล้ว แฮะ ๆ)


มีข่าวมาแจ้งให้ทราบ : ตอนนี้มนุษย์แฟนเด็ก ทิวากาลกับจันทร์เจ้าเปิดพรีอยู่นะคะ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ในเพจเลยจ้า
และสำหรับ double M รามินทร์และพี่มีน มีรอบสต็อกให้สั่งซื้อค่ะ รายละเอียดอยู่ในเพจเช่นกัน

ขอบคุณค่ะ ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2017 20:44:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 14-06-2017 20:51:36
กรี๊ดดดดดด กลับมาแล้ววคิดถึงวอแวบอยมั๊กมากเลยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 14-06-2017 21:04:14
กลับมาแล้ว เย่ๆ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 14-06-2017 21:06:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-06-2017 21:21:19
มีความคิดถึงอยู่มากมาย :L1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-06-2017 21:34:09
คิดถึงนะ ทั้งจักรภัคและคนเขียนเลย

อยากรู้พี่ฟ้าจะแกล้งน้องภัคยังไง รอๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 14-06-2017 21:36:25
มีความคิดถึงให้คนเขียนเป็นกระสอบ เย้ๆกลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-06-2017 21:40:12
คิดถึงจักรภัคมากๆ เช่น กัน   :กอด1:
ถ้าพี่ฟ้าแกล้งภัคร้องไห้ ต้องโอ๋ด้วยนะจ๊ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2017 22:02:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 14-06-2017 22:13:01
พาเข้าบ้านล้าวววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 14-06-2017 22:32:21
สู้ๆๆๆกับปัญหานะคะ  :กอด1:

รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-06-2017 22:44:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 14-06-2017 22:55:35
ดีจังงงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-06-2017 02:04:00
จริงใจจจจ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-06-2017 05:20:50
เปิดตัวกันแล้วววว โมเมนท์น่ารัก

น่ารัก ณภัค ไปหาจริงใจถึงโรงเรียนเลยอะ คิดถึงล่ะสิ 5555
จริงใจก็ตลก ชอบทำตัวเกรียน แถมเนียนพากลับบ้านเฉย

ชอบโมเมนท์ตอนอยู่ด้วยกัน ไม่ดูแลมาก แต่รู้ว่าใส่ใจ

ตลกจันทร์เจ้า ชอบทำมึน แต่ตั้งใจตลอด
พี่ฟ้าจะแกล้งหนักเลยหรอ อย่าใจร้ายมากนะ




หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-06-2017 08:26:06
ทุกคนรอแล้งภัค
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-06-2017 11:33:02
ตายๆเสร้จพี่ฟ้าอีกล้าวว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-06-2017 12:03:28
เพลิงฟ้า หวงเด็ก เจเจ ทุกคนจริงๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 15-06-2017 12:29:34
 :hao4: เรามองอีกมุมนึงนะว่า  ถึงแม้การที่มาบ้านจริงใจจะโดนแกล้ง (จริงๆแล้วก็คงมีแค่พี่ฟ้ากะจันทร์เจ้า)
แต่ว่าก็ถือเป็นการเปิดตัวและพาเข้าบ้านให้ครอบครัว ผู้ใหญ่ได้รู้จักนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 15-06-2017 12:49:08
พี่ฟ้า แกล้งเบาๆนะ สงสารภัคหน่อย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-06-2017 14:43:20
คิดถึงอ่ะ

เปิดตัวกับครอบครัวละ อบอุ่นไปอีก :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-06-2017 14:49:20
เจ้าเด็กปีศาจต้องโดนหนักๆสิถึงจะถูก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 15-06-2017 15:31:55
บ้านนี้ขี้แกล้งทั้งนั้นเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2017 12:31:56
พี่ฟ้าที่ทำมึนตึงคืออยากจะแกล้งภัคอ่อ ชอบแกล้งภัคกันหมดเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: chuchoo ที่ 18-06-2017 16:43:07
สงสารภัค พี่ฟ้าควรแกล้งเจเจนะไม่ใช่แกล้งภัค งอนพี่ฟ้าละ ชีวิคภัคน่าสงสารจะแย่ละยังต้องมาเจอพี่ฟ้าแกล้งอีก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 39 ผมกับเรื่องสนุก...ของคนอื่น | 14-6-60 | P.33
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 21-06-2017 02:01:16
คิดถึงวอแวบอย
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 22-06-2017 21:24:33
ความที่ 40
ผมกับโชคดี






   ตอนนี้ เวลาประมาณสี่ทุ่มได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ลงมาชั้นล่างก็ไม่เจอคนที่ตามหา เจอแต่พี่ฟ้าที่กำลังเล่นเกมกับจ๋าจ้าอยู่ เมื่อถาม ก็ได้คำตอบว่า ณภัคถูกจันทร์เจ้าฉุดไป สถานที่จึงเปลี่ยน เป็นห้องนอนของหมูผีแทน

   “จันทร์เจ้า!” ผมตะโกนเรียก เจ้าของชื่อผงกหัวขึ้นมามองแล้วก็กลับไปนอนซบอกตัวหอมต่อ แขนป้อม ๆ นั้นตวัดพาดบนเอวบางพร้อมกระชับกอดให้แน่น

   ตีกับพี่นี่ไม่ผิดใช่ไหม

   “คืนเขามา”

   “เขาไรงะ เขาเอเวอร์เรสต์เหรอ”

   “เขาบนหัวพี่อ่ะ!”

   “โอ้โห พูดขนาดนี้ด่าพี่ว่าควายเลยก็ได้”

   “ไอ้ควาย”

   “จริงใจ!!!!!” จันทร์เจ้าแผดเสียงลั่นพร้อมผุดยืนบนเตียง ผมแสยะยิ้ม ไม่สนใจนิ้วสั้น ๆ ที่ชี้มา ก็พูดเองป่ะ จะโวยวายอะไรวะ

   “คืนณภัคให้เค้าดิ”

   “ไม่ให้ พี่ภัคจะนอนกับพี่!”

   “ก็แย่ละ” หมูผียกยิ้มชนะ ล้มลงไปนอนเหมือนเดิมที่มากกว่าเดิมคือขยับเข้าไปเบียดพาดแขนพาดขากอดก่ายตัวหอมเหมือนงูรัดเหยื่อ แต่จันทร์เจ้า ควรเป็นงูหลังกินเหยื่อมากกว่า สงสารตัวหอม ไม่รู้เขาหายใจออกหรือเปล่า กระดูกแหลกละเอียดไปแล้วหรือยัง

   “จะนอนนี่เหรอ?” เมื่อคุยกับจันทร์เจ้าไม่รู้เรื่องจึงไปถามณภัคแทน

   “ใช่!” คนตอบคือพี่ชายผม

   “ถามณภัค อย่าสะเออะ”

   “พูดกันแรงจัง”

   “เรื่องปกติครับ พูดดี ๆ ด้วยไม่ยอมฟัง” ผมว่า จันทร์เจ้าหน้ามุ่ย แต่ไม่นานก็แสยะยิ้มเยาะเย้ยผมเมื่อตัวหอมยกมือลูบหัว

   “จริงใจนิสัยไม่ดีเลยพี่ภัค ทิ้งจริงใจเลยครับ...” น้ำเสียงเริ่มอ้อแอ้เพราะถึงเวลานอน ผมก้าวไปหยุดที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดเอาถุงเท้าออกมาหนึ่งคู่ก่อนที่นั่งปลายเตียง ดึงเท้าพี่ชายมาวางบนตัก ผมใช้มือโอบเท้าจันทร์เจ้าไว้แป๊บหนึ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นแล้วจึงสวมถุงเท้าให้

   “ขอบคุณครับ...”

   “อือ...” จันทร์เจ้าใช้เท้าถีบขาผมเบา ๆ เหมือนจะบอกให้ไปไกล ๆ ก่อนเจ้าตัวจะยกขาก่ายณภัคเหมือนเดิม เวร ไม่ได้สำนึกบุญคุณผมเลยใช่ไหม ยังปวดหัวกับจันทร์เจ้าไม่หาย ความวุ่นวายใหม่ก็เข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องสาวผมเอง

   “ฮายยยยยยยยยยยยยยยย~” ไอ้เปี๊ยกตะโกนลั่นห้องวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงและเข้าไปกอดตัวหอมจากอีกด้าน ผมเหลือกตาขึ้นฟ้า ตอนนี้ตัวหอมนอนอยู่ตรงกลางโดยมีพี่น้องของผมกอดรัดจากคนละฝั่ง แต่คนขี้รำคาญกลับไม่รำคาญ แถมยังยิ้มรับพร้อมกอดตอบอีก

   “พี่ภัคขาตัวห้อมหอม”

   “ใช่ ๆ พี่ภัคตัวห้อมหอม” ไม่พูดเปล่า จันทร์เจ้ายังฝังจมูกไปที่ซอกคอของตัวหอมแล้วสูดดมอีก จ๋าจ้าเองก็วอแวแถวต้นแขน “พี่ภัคตัวหอมมากเลยอ่ะจริงใจ ขนาดยังไม่อาบน้ำ”

   “หมูอ้วน!!”

   “แก้มนิ้มนิ่ม หวาววววววว amezing มาก ๆ เลย” หมูผีกดจมูกลงบนแก้มของตัวหอม ไม่นานก็อ้าปากงับ ผมรีบดึงพี่ตัวเองออก

   “อ้วนนนนนนน ณภัคกินไม่ได้!”

   “กินได้! แก้มพี่ภัคนุ่มเหมือนมาชเมลโลว์เลย”

   “แต่มันไม่ใช่!”

   “จากิงงงงงง ปล่อยพี่!!”

   “ไม่ได้!”

   “โอ๊ยยยยยยย ปล่อยยยยย” จันทร์เจ้าแหกปากกลับมาพร้อมกับสะบัดผมออก แถมยังผลักผมอีก เกือบตกเตียง เวรเอ๊ย ทำไมผมมีพี่ชายแบบนี้วะ แล้วตัวหอมไม่ช่วยอะไรผมเลย เอาแต่นอนหัวเราะกับจ๋าจ้าอยู่ได้ ผมตัดสินใจปล่อยให้จันทร์เจ้าไปตามทาง ก่อนเอื้อมมือไปดึงข้อเท้าตัวหอมเข้ามาหาตัวเองแล้วฉุดแขนให้เขาลุกขึ้นนั่ง หมุนคนตัวบางให้หันหลังให้แล้วจึงรวบมากอด แผ่นหลังบางชิดกับอก ผมยกขาเกี่ยวเขาเอาไว้ด้วย

   “จริงใจขี้โกงอ่ะ ส่งพี่ภัคมาให้พี่เดี๋ยวนี้นะ!”

   “ไม่!”

   “พี่ภัคเป็นของพี่นะ!” ก็แย่ละ ผมยกขาขึ้นเมื่อจันทร์เจ้าเข้ามาใกล้ หมูผีมองแล้วถอยกลับออกไปตั้งหลัก สองพี่สองกระซิบกระซาบกัน ตากลม ๆ มองมาที่ผมเป็นระยะ

   “กลับห้องกัน” พูดเสียงเบาที่ข้างหูณภัค ตัวหอมแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นแล้วอดไม่ได้ จึงก้มลงไปกดจูบที่ข้างแก้มขาวหนึ่งที

   “จริงใจ!!! / พี่จริงใจ!!” สองเสียงตะโกนขึ้นพร้อมกัน ผมมองพี่กับน้องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แม้ทั้งสองจะมองผมมาอย่างอาฆาตก็ตาม

   แล้วจะทำไม แค่หอมแก้มนี่มันจะทำไม หืม หืมมมม

   “พี่จริงใจปล่อยพี่ภัคมานะ!”

   “ใช่! จริงใจไม่มีสิทธิทำกับพี่ภัคแบบนี้นะ”

   “เหรอ แล้วไง?”

   “ปล่อยสิ! ปล่อยยยย ปล่อยพี่ภัคนะ!”   

   “ใช่ ปล่อยพี่ภัคเดี๋ยวนี้เลย พี่ภัคเป็นของเค้านะ”

   “อือฮึ แล้วไงต่อ?”

   “จะปล่อยดี ๆ หรือปล่อยด้วยน้ำตาคะ?” ผมมองน้องด้วยสายตาเหยียด ๆ ไอ้เปี๊ยกควันออกหูไม่พอใจก่อนกระโจนเข้ามาหา จ๋าจ้าวิ่งลงจากเตียงก่อนใช้แขนล็อกคอผมจากด้านหลัง ส่วนจันทร์เจ้าก็แกะแขนและขาของผมที่เกี่ยวตัวหอมเอาไว้ออก

   โดนรุมทั้งสองทางแบบนี้จะรอดได้ยังไงวะ

   “พี่จริงใจจะยอมปล่อยพี่ภัคได้หรือยังไงคะ!?” จ๋าจ้าพยายามเสียงเข้มพร้อมกับเพิ่มแรงรัดคอผมให้มากขึ้น ผมไม่ตอบอะไร กำลังคิดวิธีหาตัวรอด ก่อนอื่นจัดการจันทร์เจ้าเพราะง่ายสุดแล้ว เมื่อคิดดังนั้นจึงยกขาขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะใช้มันตวัดพี่ชายออกไปให้พ้นทาง แล้วจึงใช้ขาข้างนั้นกดช่วงอกของจันทร์เจ้าไว้ ผมปล่อยมือจากตัวหอมและบอกเขาให้หลบไป ก่อนจะจับแขนจ๋าจ้าแล้วเหวี่ยงน้องขึ้นมาทุ่มลงเตียง

   “เล่นแรงไปแล้ว!” ตัวหอมเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าตกใจ แต่ขอโทษ นี่เป็นเรื่องปกติระหว่างพวกเราครับ เล่นกันจนได้เลือดก็เคยมาแล้ว แค่ทุ่มใส่เตียงที่โคตรนุ่มนี่ไม่เป็นอะไรหรอก

   “ฮืออออ พี่จริงใจนิสัยไม่ดี ฮือออออออ เค้าเจ็บอ่า แง”

   “ไม่เล่นละครนะคะจิรภิญญา” ผมว่า เด็กจอมสร้างภาพเบ้ปากใส่ก่อนจะคว้าหมอนมาฟาดผมเต็มแรง

   “จริงใจบอกว่าจ๋าจ้าตอแหลอ่ะ...”

   “พี่จันทร์เจ้า โหยยย ทำไมต้องแปลให้ช้ำด้วยคะ เค้ารู้”

   “อ้าวเหรอ แหะ ๆ” ผลักจ๋าจ้าให้ไปทับจันทร์เจ้า หมูอ้วนเล่นใหญ่ด้วยการแหกปากเสียงดัง ผมถือโอกาสที่สองคนนั้นกำลังเผลอไปลากแขนตัวหอมเพื่อที่จะพาเขาออกไปจากตรงนี้ แต่ยังไม่ถึงไหนผมก็ถูกจันทร์เจ้ากระโดดขี่หลังและตัวหอมก็ถูกจ๋าจ้ากักตัวไว้

   เล่นอะไรกัน เล่นอะไรอีก

   “ลงไปอ้วน”

   “ม่ายยยยย ก็บอกว่าพี่ภัคจะนอนนี่ไง”

   “ได้ไง ภัคต้องนอนกับเค้า”

   “นอนกับจริงใจไม่ได้ มันผิดผีนะรู้เปล่า ไม่ดี ๆ”

   “จิ๊”

   “ไม่จิปากสิ ไม่น่ารักเลย”

   “ลงไปได้ยังอ้วน หนักโว้ย!”

   “ม่ายยยย จริงใจพาไปข้างล่างหน่อยสิ พี่หิว” ผมยืนนิ่ง “ถ้าจริงใจพาไปพี่จะคืนพี่ภัคให้เลยอ่ะ”

   เฮ้อ... สุดท้ายผมก็ต้องแบกจันทร์เจ้าลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อมาถึงครัวหมูผีก็กระโดดลงจากหลังพุ่งเข้าไปหาตู้เย็นก่อนจัดเรียงขนมใส่ถาดแล้ววิ่งฉิวขึ้นห้องไปอีกครั้ง ...ก่อนจะไปนอน ผมก็เข้าร่วมสงครามมื้อดึกกับจ๋าจ้าและจันทร์เจ้า ตัวหอมไม่กินด้วย เขาบอก แค่เห็นก็ขนลุกไปหมดแล้ว และเค้กขนาดสองปอนด์ก็หมดไปภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที... นอกจากเค้กยังมีอย่างอื่นอีกด้วย

   หลังจากทานเสร็จก็ทิ้งตัวนอนอืดกันทั้งพี่ทั้งน้อง โดยที่ผมนอนขวางหนุนหน้าท้องนิ่ม ๆ ของจันทร์เจ้าซึ่งนอนหงายไร้สติอยู่กลางเตียง แขนพาดอยู่ที่อกของผม ตัวหอมนั่งมองพวกเราอย่างสมน้ำหน้าอยู่ไม่ไกล ขาเรียวก่ายทับขาของผม ส่วนจ๋าจ้า เอาถาดลงไปเก็บ เนื่องจากผมกับจันทร์เจ้าเป็นคนเอาขึ้นมาแล้ว ไม่นาน ไอ้เปี๊ยกก็มานอนหนุนพุงจันทร์เจ้าอีกฝั่งหนึ่ง

   “หมดสภาพ”

   “จุกมากเลยอ่ะพี่ภัค”

   “ก็ดู กินอะไรเข้าไปบ้าง”

   “แต่มันอร่อยมากเลยนะคะ หยุดไม่ได้เลย” จ๋าจ้าว่า มีจันทร์เจ้าอือเออเห็นด้วย “เค้าเห็นในตู้เย็นมีมะม่วงด้วย อย่างกินยำอ่ะ”

   “งืม... ไม่ก็กินกับน้ำปลาหวาน ใส่กุ้งแห้งเยอะ ๆ กลิ่นกะปิหอม ๆ งี้ ฮือ อยากกินจังเลย”

   ผมกลืนน้ำลายอึกระหว่างฟังพี่กับน้องสาธยาย แค่จินตนาการตาม น้ำย่อยก็ทำงานอย่างหนักหน่วง

   “กินป่ะ?” ถามออกไป ด้วยความหวังจะได้ฟังการปฏิเสธ

   “กิน!!!” หมูสองตัวตอบอย่างพร้อมเพรียง “จริงใจทำน้ำปลาหวานอร่อย”

   “ยะ ยังจะกินอีกเหรอ...”

   “ความหิวแก้ด้วยการแดกแม่งให้หมด”

   “แต่เราไม่ได้หิวอ่ะจริงใจ เราแค่อยาก...”

   “สรุปไม่กิน?”

   “กิน!!!”

   จากนั้น พวกเราก็ผุดลุกจากเตียงแล้ววิ่งลงบันไดไปชั้นล่างทันที จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าทำหน้าที่ปลอกมะม่วง ส่วนผมทำน้ำปลาหวานและน้ำยำ อยากกินทั้งสองอย่างก็ทำมันทั้งสองอย่างนี่แหละ

   “เปลี่ยนครีมอาบน้ำใหม่เหรอ?” ถามจันทร์เจ้าที่เอามะม่วงมาให้ ผมกดจมูกลงที่ลาดไหล่ของพี่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้คิดไปเอง กลิ่นหอมหวานของช็อกโกแลตทำเอาเผลอกัดผิวขาวเนียนของพี่ชายไปอย่างลืมตัว

   “ใช่ใช่ กลิ่นช็อกโกแลต หอมเนอะ” พยักหน้าหงึกหงักรับคำ “ได้กลิ่นแล้วอยากกินตัวเอง” พูดแล้วก็ยกแขนขึ้นดม ผมสั่นหัวเบา ๆ ก่อนจะจัดการกับมะม่วงให้เรียบร้อย

   แล้วเรื่องอะไรมากินยำมะม่วงกันตอนเที่ยงคืนแล้วแบบนี้ จันทร์เจ้าที่ง่วง ๆ ตอนนี้โคตรอเลิร์ตเลย

   นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ควรปล่อยคนชอบกินอยู่ด้วยกันเลยจริง ๆ




   “ง่วงยัง?” เอ่ยถามคนที่เพิ่งก้าวขึ้นมาบนเตียง ในที่สุดผมก็ได้เขาคืนมาจากพี่น้องแสนน่ารำคาญ ตัวหอมสั่นหัวก่อนทิ้งตัวนอนคว่ำอย่างหมดสภาพ ปลายเท้าเลยออกไปนอกเตียง คงเหนื่อยจากการสู้รบปรบมือกับพวกเราสามพี่น้อง

   “หยิบมือถือให้หน่อย”

   “นอนเหอะ ดึกแล้ว”

   “อาบน้ำแล้วก็ไม่ง่วงเลย...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะหน้าบี้ไปกับที่นอน “ลักกี้ไปไหน?”

   “อยู่กับแม่”

   “อยากเล่นกับลักกี้”

   “งอแง” ตัวหอมจิกตามอง เขาพลิกตัวนอนหงาย นัยน์ตาเรียวมองไปยังเพดานด้านบน ผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่จึงเห็นทุกอย่างที่เขาทำ ริมฝีปากสีแดงค่อย ๆ ขยับเป็นรอยยิ้มก่อนที่ดวงตาจะกลายเป็นสระอิ อดยิ้มตามไม่ได้

   “ขอบคุณนะ”

   “......”

   “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”

   “........ ด้วยความยินดีครับ”

   “ห้าปีแล้วนะ...” ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็รู้สึกวูบอยู่ข้างใน ห้าปี... ตั้งแต่คุณแม่ของเขาจากไป ห้าปี...ที่ไม่มีความสุข

   “มันก็อยู่รอบ ๆ ตัวคุณนั้นแหละครับ เพียงแค่คุณจะมองเห็นมันหรือเปล่า”

   “นั่นสินะ”

   “เลิกเพ้อแล้วนอนกันเหอะ”

   “นอนไปก่อนสิ”

   คนเรานี่แม่ง ทำไมพูดยากจังเลยวะ

   “มานอนโว้ย!”

   เพี๊ยะ!

   ณภัคลุกพรวดมาตบปาก

   “โว้ยกับใคร?”

   “กับใครก็ได้โตแล้ว” เขาจ้องผมด้วยสายตานิ่ง ๆ “พรุ่งนี้มีเรียนไหม?”

   “มี”

   “ไปพร้อมจันทร์เจ้านะ เดี๋ยวผมไปรับตอนกลับ”

   “แล้วรถฉันล่ะ?”

   “ผมใช้เอง”

   “นิสัย” ยักคิ้วส่งไป ตัวหอมเบะปากแล้วนอนลงอีกครั้ง เส้นผมนุ่มคลอเคลียกับต้นขาผม แต่เขาไม่ได้หนุนหรอก แค่นอนใกล้ ๆ ในมือเรียวสวยมีโทรศัพท์เครื่องบางที่เขากำลังใช้ท่องโลกโซเชียล

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   หันไปมองประตู เนื่องจากผมยังไม่ได้ล็อกคนด้านนอกจึงเปิดเข้ามาได้ เป็นพี่ฟ้าที่มาหากลางดึก คนผมยาวยืนมาหยุดที่ปลายเตียง กอดอกมองพวกเราราวกับว่าเป็นเด็ก ๆ ที่ไม่ยอมนอนตามเวลาที่กำหนดไว้

   “ทำไมยังไม่นอนกันอีก”

   “ไม่ง่วงครับ” ณภัคเป็นคนตอบ ส่วนผม ง่วงมาก แต่นอนไม่ได้ เพราะของกินที่กินไปมันยังไม่ย่อย เกิดนอนนะ กรดไหลย้อนแน่นอนไม่ต้องสืบ ไม่รู้หมูอ้วนกับไอ้เปี๊ยกนอนไปหรือยัง

   “ภัคไปนอนกับพี่ฟ้าไหมครับ?”

   “ไม่ครับ”

   “พี่ฟ้าไม่ถามเจเจครับ” ผมกลอกตาไปมา เออ ได้ของเล่นใหม่แล้วนี่ ผมมันจะไปสำคัญอะไรล่ะ

   “ทำไมพี่ฟ้ายังไม่นอนล่ะครับ?”

   “จะนอนแล้วแหละ แต่พี่ฟ้าไปเอาของที่รถมา เห็นไฟในห้องเจเจยังไม่ปิดเลยเข้ามาดู”

   “ถึงจะนอนแล้วก็ไม่ปิดไฟอยู่ดี” พี่ฟ้าเลิกคิ้ว ผมบุ้ยปากไปที่ตัวหอม “เขากลัวความมืด”

   “อ่า... ไม่เป็นไรนะครับ” มือเรียวส่งไปลูบศีรษะของตัวหอมเบา ๆ และมองด้วยสายตาอ่อนโยน “พี่ฟ้าไปดีกว่า รีบนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียน goodnight ครับ”

   “nite nite” ผมว่าหลังจากที่พี่ฟ้าจูบที่แก้มผม อีกคนยิ้มให้ก่อนจะไปหาณภัคแล้วโน้มไปหอมแก้มแล้วจากนั้นก็ย้ายไปจุ๊บปากเบา ๆ ก่อนออกจากห้องยังหันกลับมายิ้มโปรยเสน่ห์ใส่ตัวหอมของผมอีก

   Damn!!!

   พี่ฟ้ายักคิ้วเยาะเย้ยผมด้วย และที่น่าหงุดหงิดคือณภัคเขิน! ใช่ ผมรู้ รู้ว่าเขาชอบพี่ฟ้า ชื่นชมในผลงานหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่การที่เขาเขินเมื่อโดนพี่ฟ้าหอมแล้วจูบแบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ! ปรางแก้มใสขึ้นสีระเรื่อจาง ๆ ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มด้วยความเขินอาย นัยน์ตาเรียวนั้นเป็นประกายวาววับ เชี่ยเอ๊ย! อาการแบบนี้เขาไม่เคยมีให้ผมสักครั้งเลยนะ

   พี่ฟ้า ทำไมพี่ฟ้าทำกับผมแบบนี้!!

   ผมจิปาก สะบัดผ้าห่มออกแล้วสอดตัวลงไป ช่างแม่งกรดไหลย้อนละ กูจะนอน

   ตั้งแต่ทานมื้อค่ำเสร็จและย้ายไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่น พี่ฟ้าก็ยังแกล้งณภัคอยู่ แต่นอกจากพี่ฟ้าก็ไม่มีใครที่แอนตี้เขาไง จันทร์เจ้าเองก็ทำไปเพราะหมั่นไส้ผมทั้งนั้น เขาไม่กังวลมากเพราะแม่ผมคุยด้วยตลอด แล้วยิ่งคุณจอมจิตตรีเป็นรุ่นน้องคุณแม่ของเขาแล้วยิ่งมีเรื่องคุยกันใหญ่

   จุดพีคคือตอนที่แม่เอาอัลบั้มภาพมาให้ตัวหอมดูแล้วเขาเขื่อนแตกตอนเจอรูปแม่ตัวเองนั่นแหละ กว่าจะปลอบให้หยุดร้องไห้ได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน พี่ฟ้าถึงกับเบือนหน้าหนี จ๋าจ้ากับจันทร์เจ้าเกือบร้องไห้ตาม ...ก็บอกแล้ว ว่าณภัคร้องไห้ได้โคตรน่าสงสาร ไอ้ภาพลักษณ์ไม่แคร์ห่าอะไรนั่นหายวับไปกับตา

   นั่นแหละ พี่ฟ้ากับจันทร์เจ้าจึงเลิกแกล้งไม่ชอบเขาแล้วพุ่งเขาไปปลอบจนผมไม่มีที่แทรก สุดท้ายตัวหอมกลายเป็นที่รักของบ้านไปเลย ส่วนผมก็ถูกลืม แม้แต่ไอ้เบื๊อกยังเสนอหน้าเข้าไปร่วมวง

   หมาเวร

   เลี้ยงเสียอาหารเม็ด

   ทรยศไม่มีใครเกิน

   บางทีคนที่พี่ฟ้าตั้งใจจะแกล้งก็คงเป็นผมนี่แหละ สรุปแล้วผมอยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารบ้านนี้

   กลอกตาไปมาใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทเมื่อริมฝีปากนุ่มหยุ่นแตะลงบริเวณมุมปาก พลิกตัวนอนคว่ำ หันหน้าออกไปอีกฝั่ง ซุกมือไว้ใต้หมอน จากนั้นไม่นานมือผมก็ถูกดึงไปจับเอาไว้ ทุกอย่างหยุดนิ่ง ก่อนที่ลมหายใจจะแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอเมื่อเราได้จมเข้าสู้ห้วงแห่งนิทรา...





   [ ณภัค ]

   “อือ...” คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงงัวเงียขึ้นมาจากการก่อกวน รู้สึกถึงมืออุ่นที่ส่งมาเสยกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนที่ยุ่งเหยิ่งขึ้นไปด้านหลัง ดวงตาเรียวที่บวมเล็กน้อยจากการนอนดึกและหลังตื่นนอนถูกลูบเบา ๆ

   “ผมจะไปโรงเรียนแล้ว ชุดคุณอยู่ในโคลสเซ็ตนะครับ” ได้ยินเสียงทุ้มแหบเอ่ยอยู่ใกล้ ๆ พยายามลืมตาขึ้นแม้มันยากเย็น ใบหน้าของเด็กอายุสิบเจ็ดอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ผมหันหน้าหนี ซุกผ้าห่มอย่างขี้เซา

   ยังง่วงอยู่เลย...

   “ขับรถไปเองนะครับ วันนี้ผมไปพร้อมจ๋าจ้า”

   “...ฮื่อ”

   ยังคงได้ยินเสียงพูดดังอยู่เนือง ๆ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เงียบไป ไม่รู้ว่าเพราะอีกคนหยุดพูดแล้ว หรือผมไม่มีสติ... ตื่นมาอีกครั้งด้วยการสะดุ้ง คิ้วขมวดมองไปรอบ ๆ ห้อง ระลึกชาติได้ก็มองพื้นที่ข้าง ๆ ทันที ว่างเปล่าและเย็นเหยียบแปลว่าคงลุกไปนานแล้ว เสียงที่ผมได้ยิน ไม่ใช่ว่าฝันหรอกเหรอ

   บ็อก บ็อก

   ย่อตัวลงไปรับก้อนสีน้ำตาลขาวมาอุ้ม ลักกี้ตะกรุยขาไปมา พร้อมกับพยายามที่จะเลียหน้าผมให้ได้ ภายในบ้านค่อนข้างเงียบ ทุกคนคงออกไปทำงานกันหมดแล้ว แย่จริง ผมดันตื่นสายกว่าเจ้าของบ้าน

   “เชิญที่ห้องอาหารค่ะคุณหนู” แม่บ้านเดินเข้ามาบอกผม ผมจึงต้องเดินตามไป เมื่อเข้ามา ก็เจอพี่ชายเด็กปีศาจนั่งทานข้าวด้วยสีหน้าง่วงงุน

   “morning” เอ่ยทักอรุณสวัสดิ์สั้น ๆ ด้วยการรวบคำ จันทร์เจ้าอ้าปากหาวแต่ก็ยังตักข้าวใส่ปากไม่หยุด

   “นึกว่าไปเรียนกันหมดแล้ว”

   “ฮึ!” แฟนพี่กาลสั่นหัว “เรามีเรียนบ่ายนู่น พี่ภัคงะ?”

   “เหมือนกัน”

   “ฮ้าวววว โอ๊ยยย ง่วง” ยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย ปล่อยลักกี้ลงพื้นแล้วจึงเริ่มทานข้าว เจ้าสุนัขขาสั้นพันธุ์คอร์กี้เดินนเวียนอยู่แถวนี้ไม่ได้ไปไหนไกล บางที่ก็มาตะกรุยขาเพื่อขออาหาร บางทีก็มานอนซุกที่เท้าอย่างออดอ้อน

   เมื่อก่อนผมคิดว่าตัวเองเกลียดสัตว์ ไม่ชอบหมาหรือแมว จนกระทั่งมาเจอลักกี้ ผมก็ยังคงไม่ชอบอยู่ดี ถ้าให้ไปเล่นกับหมาตัวอื่นก็ไม่ทำ แต่ผมชอบลักกี้ ...ลักกี้หรือเบื๊อก มีบางอย่างที่คล้ายกับผม นั่นก็คือเราถูกจักรพรรดิเก็บมาเลี้ยงทั้งคู่ ฟังดูทะแม่งหน่อยก็ช่างมัน ผมก็ไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่ที่เปรียบเทียบตัวเองแบบนี้

   ลักกี้มีชื่ออยู่แล้วแต่ผมไม่ชอบ เจ้าของตั้งชื่อไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย ทว่าพอมาคิดก็คิดไม่ออก มาจบที่ ลักกี้ ลักกี้ที่แปลว่าโชคดี โชคดีที่ถูกพามาดูแล โชคดีที่ได้พบชีวิตใหม่ โชคดีที่ได้เจอเจ้าของที่ดี และโชคดีที่ได้เจอกัน ซึ่งชื่อของผม ...ก็แปลว่าโชคดีเหมือนกัน

   ผมไม่เคยบอกเหตุผลกับจักรพรรดิว่าทำไมต้องเป็นลักกี้ จึงโดนเจ้าเด็กนั้นย้อนกลับว่าชื่อซ้ำกับหมาตัวอื่นไปค่อนโลก ตอนนั้นเถียงไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ เพราะมันก็จริงอย่างเด็กนั่นบอก





   “สวัสดีจ้ะภัค”

   “ไง” ผมทักตอบพร้อมกับยิ้มให้ เบลล์ทำหน้าตกใจจนดูตลก

   ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมถึงดูแฮปปี้กับการเรียนนัก คนรอบข้างก็คล้ายจะสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าถาม ดีแล้ว ผมก็ไม่อยากตอบหรอก ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้นแหละ

   “สวัสดีครับคนสวย คุณคือณภัคใช่ไหมครับ?” ผมผงะถอยหลัง คิ้วขมวดเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนพุ่งเข้ามาทักกลางโรงอาหารแล้วยังรัวภาษาอังกฤษใส่ ฝรั่งสองคนตรงหน้าหน้าคุ้นมาก รู้ว่าคนหนึ่งที่มีผมสีแดงเป็นเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ ส่วนอีกคน เป็นรองเดือน นอกจากนี้ผมก็ไม่รู้ข้อมูลอย่างอื่นอีก

   “มีอะไร?”

   “ไม่มีอะไรครับ เราแค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย”

   “เรื่อง?”

   “อะไรอะแก ทำไมวินเซนต์กับดไวท์เข้าหาณภัคอย่างนั้นล่ะ?” ผมกลอกตาไปมาเมื่อมีเสียงใครไม่รู้พูดขึ้น

   “อย่าบอกว่าสองคนนั้นสนใจณภัคนะ”

   “ไม่รู้สิ แต่ณภัคจะขายให้หรือเปล่า”

   “จะเหลือเหรอ ต่อให้เรียกราคาแพง วินเซนต์กับดไวท์มีปัญญาจ่ายให้อยู่แล้ว”

   “ว้าย ควบสองเลยเหรอแก สามารถเวอร์”

   “ณภัคนะแก สองคนสบายมาก”

   “ขอโทษนะครับหากเสียมารยาท จะพูดอะไรก็ควรจะระวังสักนิด” รอบข้างเงียบกริบเมื่อฝรั่งตัวโตเอ่ยเสียงนิ่ง นัยน์ตาสีฟ้าส่องประกายหงุดหงิดจนไม่มีใครกล้าสบตา ผู้หญิงกลุ่มนั้นก้มหน้าหลบทันที ผมที่ได้ยินบ่อยจนชินจึงยืนนิ่ง ๆ โดยไม่สนใจ แต่กับอีกสองคนนั้น ซึ่งถูกดึงเข้าไปเกี่ยว หากจะไม่สบอารมณ์ก็ไม่แปลก

   “มึงเคยนอนกับเขาไม่ใช่เหรอวะ?”

   “เด็ดไหมวะ กูอยากลองบ้างแต่ได้ยินว่าค่าตัวโคตรสูง”

   “ครั้งหน้าพวกมึงมาลองกับกูดิ” นอกจากกลุ่มผู้หญิงเมื่อสักครู่ยังมีพวกผู้ชายคนอื่นอีกด้วย เมื่อพูดจบก็หัวเราะกันอย่างสนุก ผมกำมือแน่น อยากจะไม่สนใจอย่างที่แล้วมา แต่จู่ ๆ เสียงของวอแวบอยก็ดังเข้ามาในหัว ที่เด็กนั่นเคยพูด ให้ผมปกป้องตัวเองบ้าง ...เสยผมอย่างหงุดหงิด ขนาดตัวไม่อยู่ยังจะมารบกวนระบบความคิดผมอีก

   “เมื่อกี้ว่ายังไงนะ?” คนพวกนั้นแสดงท่าทีตกใจเมื่อผมเข้าหา “พูดอีกสักทีให้ได้ยินชัด ๆ หน่อย ฉันเคยนอนกับนายงั้นเหรอ!!!?”

   “........”

   “ตอบสิวะ!!!” ผมตะคอกด้วยความโมโห “อย่างนายน่ะ มีปัญญาซื้อฉันด้วยเหรอ ถ้ามี บอกมาสิ ซื้อฉันไปเท่าไหร่”

   “มะ หมื่นหนึ่ง” มันตอบอย่างอึกอักหลังจากเงียบไปนาน

   ผมเลิกคิ้วก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา “หนึ่งหมื่นเหรอ? น้อยชะมัด เรตต่ำขนาดนี้คิดว่าฉันยอมหรือไง ต่อให้จ่ายคืนละสิบล้านมันก็ยังน้อยไปเลยด้วยซ้ำ! ถ้าฉันเคยนอนกับนายจริง มันคงเป็นตอนที่นายกำลังฝันอยู่แล้วตื่นมาช่วยตัวเองนั่นแหละ!”

   “เฮ้ย ไหนมึงบอกว่าเคยนอนกับณภัคไง โกหกเหรอวะ!?” เพื่อนมันที่อยู่ด้วยกันเอ่ย

   “แถมยังบอกได้หลายครั้งอีก ณภัคให้ฟรีด้วย” อีกคนที่นั่งอยู่นั้นก็พูดขึ้นบ้าง ไอ้เวรนั่นที่ก้มหน้าาอยู่เหลือบตามามองผมอย่างอาฆาต มันมีสิทธิอะไรมามองผมอย่างนั้น คนที่ควรอาฆาตมันต้องเป็นผมไม่ใช่หรือไง ให้ตายเถอะ

   “ให้ฟรีด้วยเหรอ ฉันใจดีจัง ว้าว! ไม่เคยรู้มาก่อนเลย สงสัยตอนที่เอากันฉันคงไม่ได้สติ ถึงไม่แม้แต่จะรู้จักหรือเคยเห็นนายเลย! คราวหน้าคราวหลังจะพูด จะโม้อะไรกับเพื่อนก็พูดเรื่องจริงหน่อย ทำอะไรเหมือนพวกไม่มีสมอง น่าสมเพช”

   “แล้วนี่วินเซนต์กับดไวท์มาซื้อณภัคด้วยหรือเปล่า?” เสียงผู้หญิงสักคนดังขึ้น ผมไม่ทราบว่าถามเอาคำตอบจริง ๆ หรือพูดกับเพื่อน แต่เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเข้มนั้น จ้องไปอย่างดุดัน

   “สนใจแค่เรื่องของตัวเองเถอะครับ” ถึงไม่ใช่คนถูกว่า แต่ใครได้ยินคงสะอึกไปบ้าง ฝรั่งอีกคนเข้ามาแตะแขนผม เผลอสะบัดออกและมองตาขวาง

   “พวกที่พูด ๆ กันว่าฉันขายเนี่ย เคยซื้อกันหรือไง เคยเห็นฉันนอนกับใครหรือไง!! แล้วถามหน่อย คนอย่างฉันมีความจำเป็นอะไรต้องไปขายตัว ต้องการเงินเหรอ เหอะ แค่ที่มีอยู่ยังไม่รู้ว่าจะใช้หมดก่อนตายหรือเปล่า ประสาท!”

   “ว้า แย่จัง คุณณภัคไม่ได้ขายอย่างที่คนอื่นพูดแบบนี้ เราจะทำยังไงดีล่ะ?” เด็กตาสีฟ้าอมเทาเอ่ยขึ้นเสียงดังก่อนจะหันไปหาอีกคนที่ผมสีแดง ให้ตาย ระหว่างสองคนนี้ใครชื่อวินเซนต์หรือดไวท์นะ ผมแยกไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าหน้าเหมือนกัน แต่เพราะผมไม่รู้ว่าใครเป็นใครต่างหาก

   “พอแล้วดไวท์”

   “โอเค! สรุปแล้วคนนี้ก็คือณภัคนั่นแหละ”

   “แล้วยังไง?” ผมถามกลับ จากนั้นก็คนตัวสูงกว่าก็คว้ามือผมไปจับแถมยังถูกดึงเข้าหาอีก  ทว่าเพียงไม่กี่นาทีเอวของผมก็ถูกคนผมแดงคว้าไป

   “ตอนนี้แหละ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ “Turn up!” จบคำนั้น ผมก็ถูกดันไปชนกับเสาต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ข้อมือทั้งสองข้างถูกรบไว้ด้วยมือข้างเดียวของฝรั่งตัวโต ดวงตาผมเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากบางนั้นโฉบลงมา ...และมันโดนปากผมเต็ม ๆ

   “What the fuck are you doing!!?”

   เสียงของใครสักคนดังมา แล้วหลังจากนั้นเจ้าของเรือนผมสีแดงก็ถูกกระชากออก พร้อมกับใบหน้าที่สะบัดไปตามแรงชก... ผมได้แต่ยืนนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง หัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ผมถูกคุกคามกลางโรงอาหารและมีคนอยู่เต็มไปหมด นอกจากนั้น... คนที่เขามาเจอและชกหน้าฝรั่งคนนั้นไปยัง... ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก

   และสวดภาวนาให้ตัวเองอยู่ในใจ







--------------------------------

ชื่อตอนไม่เข้ากับเนื้อเรื่องก็หวังว่าจะเข้าใจกัน 55555
ช่วงนี้จะอัพช้าหน่อย (จากปกติก็ช้าอยู่แล้ว) เราเริ่มทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม จึงไม่ค่อยมีเวลาเขียนนะคะ อยากแจ้งไว้ก่อน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 22-06-2017 21:54:23
สงสารภัค  :katai2-1: :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 22-06-2017 21:57:08
นภัคยิ้มแล้ววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 22-06-2017 22:15:08
เจเจมาป่าววววววว วินเซนกะดำวท์กะเล่นเกิ๊นนนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 22-06-2017 22:19:17
สู้ๆค้าบบบบบบ :mew3:


รอตอนต่อไปนะคเ :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2017 22:28:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-06-2017 22:45:47
รออ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ทำงานราบรื่นๆๆนะ

โอ๊ยยยย น่ารักมากมายค่ะ พาเข้าบ้าน แถมนอนค้างอีก รักหนักมากเลย
จริงใจชัดเจนมากแล้วนะ แถมเปิดตัวแบบไม่สนใจ เพราะรู้ว่าที่บ้านรับได้ ดีงามมากค่ะ

พี่ฟ้า กับจันทร์เจ้า แกล้งไม่ออกเลย เจอน้ำตาณภัคเข้าไป

คนเรานี่นะ ว่าคนอื่นเสียหายได้ แต่ตัวเองเจอบ้าง กลับไม่ยอม

แล้วดไวท์กับวินเซนต์มาทำไรคะ อย่าบอกนะว่า อยากแกล้งจริงใจ
แล้วคนที่มาเจอเป็นใครน้าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-06-2017 23:02:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2017 23:03:00
ดีใจที่ตอนนี้ภัคมีความสุขที่สุด แล้วไม่ปล่อยให้พวกปากหมาปากปูพูดใส่ร้ายโดยไม่ตอบโต้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 22-06-2017 23:03:36
มีแต่คนรุมรังแกนะ จริงใจ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 22-06-2017 23:22:01
ค้างเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: chuchoo ที่ 22-06-2017 23:27:10
เย้ ในที่สุดณภัคก็ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองแล้ว
ถ้าฟ้ากับจันทร์เจ้าได้รู้เรื่องณภัคอีกจะยิ่งสงสารมากกว่านี้
ถ้าจะแกล้งก็แกล้งจริงใจคนเดียวนะ แต่ดูท่าไม่ต้องถึงมือพี่ฟ้าแล้ว
เพราะดไวท์กับวินเซนต์แกล้งให้แล้ววว รู้สึกสนุกแทนสองหนุ่ม 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-06-2017 23:39:44
ใครมากันนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 23-06-2017 00:07:48
อัลลไรรว้าาา ค้างๆ งัยไม่รู้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2017 01:04:51
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 23-06-2017 01:21:51
เอาเข้าไปเล่นอะไรกันวะเนี่ย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-06-2017 02:49:09
ชีวิตไม่สงบสุขอีกต่อไปเมื่อเจอก๊วนนี้ 55555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-06-2017 02:54:09
ชอบตอนนี้เพราะภัคดูมีความสุขมากกกจริงๆอะ
แถมยังปกป้องตัวเองแล้ววว ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-06-2017 04:46:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2017 05:06:43
วินเซนต์ กับดไวท์ ก็คงได้ยินข่าวณภัคเหมือนกัน
แต่ก็ทำให้พวกปากหอยปากเ-ี้ย พูดอีก
พวกนี้ไม่ปล่อยโอกาสปากเ-ี้ย หลุดไป ก็ เ-ี้ย ประจำอยู่และ
ดีแล้วที่ณภัค จัดใหญ่ใส่พวกเ-ี้ย ซะที

ใช่จริงใจปะ ที่ต่อย แต่คิดว่าเป็นเพื่อนณภัคมากกว่า
ไม่แน่คราวนี้สองหนุ่มฝรั่ง อาจได้คู่นะ  :L2: :L2: :L2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-06-2017 05:18:23
มีแต่คนจ้องจะใช้ณภัคแกล้งจริงใจสินะ 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 23-06-2017 10:56:39
สองคนนี้จะทำอะรายยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-06-2017 12:28:00
อยากจะพุ่งเข้าไปต่อยคนแทน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-06-2017 12:35:05
เดี๋ยวนะ สองคนนี้มาทำอะไรเนี่ยยยยย แกล้งณภัคกันใหญ่เลยครอบครัวเจเจเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 23-06-2017 12:47:46
 :katai1: ค้างอ่ะ.  ณภัคโดนแกล้งอีกแล้วใช่ป่ะ
ชอบตอนที่เจเจรวมตัวกันมากเลยอ่ะดูสนุกสนานดี.  :m4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-06-2017 13:45:05
แกล้งอะไรกันอีก!!!!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 24-06-2017 08:56:37
ในที่สุดภัคก็ตอบโต้คนพวกนั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: SMILENOTE ที่ 24-06-2017 10:16:57
กลุ่มนี้ไว้ใจใครๆไม่ได้จริงๆๆ 555
ขี้แกล้งทั้งกลุ่ม!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 25-06-2017 00:38:45
เจเจใช่มั้ยย
มาจัดการ2ฝรั่งยักษ์นี้เร้วววว :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: FRXNKP ที่ 25-06-2017 18:14:34
เรื่องดูยืดมากแม้ความสัมพันธ์มันคืบหน้ามาเยอะมากก็จริง

แต่พยายามเข้าใจคาเรคเตอร์พระนางปากแข็งทั้งคู่

ปมก็เยอะจีจี แต่ก็น่าสนใจเหมือนกัน แต่สู้ๆจะตามอ่านเด้อ

ps.อย่าว่าเลาเลย #ส่งจริงใจมา #ว่าผมง่ายได้ผมยัง <ให้ตัวหอม สู้วๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-06-2017 21:51:49
วอแวบอยโดนแกล้งตลอด 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 25-06-2017 23:22:04
 :monkeysad: ดีใจ ที่ณภัค มีความสุขซะที

...และต่อจากนี้ก็คงเข้มแข็งมากพอ

ที่จะปกป้องตัวเองจากพวกที่นินทาว่าร้าย ต่างๆนานา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 40 ผมกับโชคดี | 22-6-60 | P.34
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-06-2017 08:11:30
ภัคโดนแกล้งอะไรอีก!?
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 29-06-2017 20:50:16
ความที่ 41
ผมกับเรื่องน่าขัดใจ





   [ ณภัค’s ]



   “Shit! Piggie stop!” เสียงทุ้มตะโกนลั่น น้องจันทร์เจ้าจ้องเด็กผมแดงเขม็ง มือขาวนั้นกำคอเสื้ออีกคนไว้แน่น

   “เราถามว่าทำอะไร!?”

   “ไม่ได้ทำอะไรครับ”

   “วินซ์!!!”

   “เตี้ย ใจเย็นดิ” พี่กาลบอก พร้อมกับเข้าไปแกะแฟนตัวเองออกมา จันทร์เจ้าฮึดอัดขัดใจ คนผมแดงคงชื่อวินเซนต์ ส่วนอีกคนก็ต้องเป็นดไวท์ ดไวท์เข้าไปยืนระหว่างจันทร์เจ้ากับวินเซนต์ เมื่อเป็นแบบนั้น จึงถูกจันทร์เจ้ามองตาขวางไปด้วย

   “ใจเย็นไรอะ ก็สองคนนี้รังแกพี่ภัคของเราอ่ะ!”

   “พี่ภัคของเรา?”

   ตั้งแต่เมื่อวาน ผมกลายเป็นของจันทร์เจ้าและพี่ฟ้าไปแล้วครับ

   “ใช่! พี่ภัคของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น เป็นของเรา ของเราคนเดียว” จันทร์เจ้าพูดพลางขยับเข้าไปมาบังผมเอาไว้ แถมยังกางแขนออกราวกับจะปกป้องอีกด้วย “จะอะไรก็ช่างเถอะ ดไวท์กับวินเซนต์มายุ่งอะไรกับพี่ภัค?”

   “เช็กแชทกลุ่มเราดิ” ดไวท์เป็นคนบอก จากนั้นจันทร์เจ้าก็รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกคนทำตาโต

   “What the hell...”

   “มีอะไร?” พี่กาลถาม

   “นี่อ่ะ ดไวท์ส่งรูปที่วินเซนต์จูบพี่ภัคเข้าแชทกลุ่ม แล้วในกลุ่มนั้นมีจริงใจอยู่ด้วย”

   ก็แย่แล้ว

   “แกล้งจริงใจเหรอ?”

   “ยินดีด้วย ทายถูกล่ะ”

   “เอ้า ไม่บอก จะได้เล่นด้วย คิคิ” อ้าว เป็นงั้นไป สรุปแล้วที่ฝรั่งสองคนนี้เข้ามาหาผมไม่ใช่เพราะจะซื้อหรือหาเรื่อง แต่ต้องการจะแกล้งจักรพรรดิมากกว่า ไม่ยักรู้ว่ารู้จักกันด้วย ปริศนาถูกไข เมื่อไม่มีอะไรแล้วจะตัดสินใจไปหาอะไรทานด้วยกันทั้งห้าคน ทีแรกผมปฏิเสธ แต่ถูกจันทร์เจ้าลากมาด้วย เด็กแก้มกลมของพี่กาลบอกว่าถ้าผมไม่มาจะงอนมาก ๆ

   ได้แต่ยอม ๆ ไปเพื่อตัดปัญหา

   เมื่อรวมตัวกันแบบนี้ก็ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ระหว่างที่เดินออกจากโรงอาหารก็มีแต่คนมอง แต่ละคนก็ดัง ๆ กันทั้งนั้น มีเรื่องให้พวกชอบยุ่งเรื่องคนอื่นไปเม้าท์อีกแล้ว

   จะถือว่าอุทิศตนให้คนพวกนั้นมีอะไรทำก็แล้วกัน


   ร้านอาหารที่เรามา อยู่นอกมหาวิทยาลัยออกมานิดหน่อย คนเลือกคือจันทร์เจ้า ซึ่งไม่มีใครแย้งอะไร ผมเองก็ไม่รู้ว่าอยากทานอะไรจึงเงียบ ๆ ไป หลังจากสั่งอาหารไปหลายอย่าง ดไวท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ยื่นมือออกมากลางโต๊ะพร้อมกระดิกไปมา วินเซนต์ถอนหายใจ แล้วเอาโทรศัพท์วางแปะใส่มือเรียวสวยนั่น ผมเองก็คุ้น ๆ กับธรรมเนียมนี้ แต่ยังไม่แน่ใจจึงอยู่นิ่ง ๆ นึกถึงตอนไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนของจักรพรรดิแล้วต้องเอากระเป๋าสตางค์ออกมา

   “เราฮ็อตมากเลยอ่ะ ต้องแพ้แน่เลย” จันทร์เจ้าว่าเสียงอ่อนก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือให้ดไวท์เหมือนกัน

   “อากาศเหรอ?”

   “ใช่”

   “อ้าว ไม่หักมุมหน่อยเหรอ?” ดไวท์ว่า ส่วนคนถามเมื่อกี้คือวินเซนต์

   “ไม่เอา ขี้เกียจ” จันทร์เจ้ายักไหล่ไม่สนใจ “พี่ภัค พี่ทิวา เอาโทรศัพท์มาเร็ว~”

   “เอาไปทำไม?”

   “ก็เอาไปวางรวมกันไว้ ถ้าของใครมีคนโทรเข้าหรือมีโนติอะไรก่อน คนนั้นต้องจ่ายมื้อนี้”

   นั่นไง...

   พี่กาลสั่นหัวหน่อย ๆ แต่ก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้แฟน มือเล็กแบมาตรงหน้าผม เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ยิ้มแฉ่ง ส่งมันไปให้กับดไวท์ โทรศัพท์ทั้งห้าเครื่องถูกวางเรียงอยู่หัวโต๊ะหนึ่ง เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เราก็ลงมือทานกัน ทว่าสักพัก เสียงเตือนพร้อมกับการสั่นครืดก็ดังขึ้นมา พวกเราหยุดชะงักการทานแล้วหันไปมองต้นเหตุ

   กริ้ง กริ้ง กริ้ง

   ครืด ครืด ครืด


   “Fuck!” ปีหนึ่งทั้งสามสบถขึ้นมาพร้อมกัน จันทร์เจ้าสอดมือขยุ้มผมตัวเองจนมันยุ่ง ดไวท์ตบหน้าผากตัวองส่วนวินเซนต์ถอนหายใจเฮือก

   “เราไม่ต้องจ่ายถูกไหม?” พี่กาลถามผม แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนแฟนต่อยท้องไปทีข้อหาซ้ำเติม

   “ใครส่งอะไรมาตอนนี้อ่า ไม่รู้เรื่องเลย”

   “เข้าพร้อมกับสามคนแบบนี้ไม่มีอะไรนอกจากกลุ่มแล้วล่ะ”

   “ก็จริง”

   “ฮือ จริงใจหรือมิเกลอ่ะ ดไวท์หยิบมือถือให้เราหน่อยครับ”

   “ใคร?”

   “มิเกล โอ้โห เดือดมากอ่ะ มิเกลบอกจะเอาบาร์นาบี้ไปผัดเผ็ดด้วยวินซ์” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อของคนไม่รู้จัก แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมจึงไม่สนใจอะไร

   “ยังไม่เลิกหวงจริงใจอีก” เหลือบตามองคนพูด ไม่รู้ว่าทำหน้ายังไง คนตรงข้ามถึงได้ยิ้มแหย “Sorry”

   “หึ”

   “มิเกลหวงทุกอย่างนั่นแหละ วินเซนต์ มิเกลบอกให้ตอบแชท ไม่อย่างนั้นจะฆ่าบาร์นาบี้”

   “อืม ไว้ก่อน”

   “โอ๊ะ! จริงใจตอบมาแล้ว!”

   “ว่า?”

   “‘Fuck you’ ฮ่า ๆ ๆ”


   RRRRRR~

   ผมสะดุ้ง จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เอื้อมมือไปคว้ามาเมื่อเห็นว่าเป็นของตัวเอง บนหน้าจอปรากฏชื่อของวอแวบอย ผมเหลือบมองทุกคนบนโต๊ะ จันทร์เจ้ายกยิ้มแสยะก่อนจะหันไปยิ้มมุมปากกับปีหนึ่งอีกสองคน

   “ฮัลโหล...”

   (“วินเซนต์ทำอะไรคุณ?”) เลิกคิ้วเล็กน้อย แปลกใจที่เสียงใจเย็นขนาดนี้ นึกว่าจะระเบิดอารมณ์ใส่เสียอีก

   “เปล่า ไม่ได้ทำอะไร”

   (“เขาจูบคุณ”)

   “อืม แต่เขาแค่แกล้งนาย”

   (“ก็จูบคุณอยู่ดี แม่ง!”) ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไรตอบ (“ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”)

   “ร้านอาหาร”

   (“กับ?”)

   “พี่กาล จันทร์เจ้า ดไวท์ วินเซนต์” ปลายสายถอนหายใจเฮือก เราเงียบใส่กันอยู่สัก พักเด็กปีศาจจะบอกว่าช่างแม่ง แล้วขอวางสายไป

   สรุปโกรธหรือไม่โกรธวะ ผมควรทำตัวยังไง

   “พี่ภัคอย่าไปสนใจเลย จริงใจเป็นงี้แหละ ประสาท” จันทร์เจ้าบอก

   “อือ”




   เวลาหมุนผ่านไปจนกระทั่งมาถึงช่วงสอบปลายภาค ผมแทบกลายเป็นศพเพราะมัวแต่ยุ่งกับการอ่านหนังสือ การที่ไม่มีเพื่อนในคณะจึงต้องอ่านเองทั้งหมด แต่ยังดีบ้างที่เบลล์ช่วยติวให้ได้ แต่เธอก็ต้องไปกับกลุ่มเพื่อนของเธอ ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไร สายรหัสก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีใครบ้าง แต่ทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ ๆ ก็มีคนมาทักผมพร้อมกับเอาชีทและสมุดจดมาให้ พร้อมกับบอกว่าเป็นพี่รหัสของผมและอธิบายเรื่องเนื้อหาที่จะออกสอบ แถมบอกแนวข้อสอบให้ผมอีก

   เขายัดใส่มือให้โดยที่ผมยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธอะไร พอหายงง คนนั้นก็หายไปแล้ว อือ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ช่วงนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับผมอยู่พอสมควรเลย เมื่อไปทางไหนก็ตกเป็นเป้าสายตาซึ่งนั่นผมชินแล้ว แต่ที่ไม่ชินคือการได้ยินคนชม จะพูดเองก็กระดากปากหน่อยเพราะฉะนั้นก็ข้าม ๆ ไปแล้วกัน แน่นอนว่าไม่ได้ชมนิสัยผมหรอก

   เรื่องน่ายินดีที่พีทแทบจะฉลองก็คือ เรื่องคาว ๆ ของผมคนแทบไม่พูดถึงกันแล้ว ข่าวลือที่ผมขายตัวหรือมั่วผู้ชายไม่ได้ถูกหยิบมาเป็นเด็นอีกต่อไป แต่ก็ยังมีคนมองด้วยสายตาแปลก ๆ อยู่ดี

   ถอนหายใจเฮือก โยนชีททิ้งแล้วย้ายตัวเองจากโต๊ะเขียนหนังสือไปนอนโง่ ๆ ที่เตียง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดปะทะเข้ากับผิวกาย เมื่อรู้สึกหนาวจึงตลบผ้าห่มขึ้นห่อตัวเองเอาไว้ ตั้งใจจะพักแค่สิบหรือสิบห้านาทีแล้วค่อยไปอ่านหนังสือต่อ ทว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะผมดันหลับไปจริง ๆ จากความอ่อนเพลีย...

   รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็รีบกุรีกุจอไปล้างหน้าให้สดชื่น ตอนนี้เย็นมากแล้ว ท้องของผมร้องประท้วง คว้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มาถือเพื่อที่จะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่ว่าเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก กลิ่นหอมของอาหารก็ทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง ก่อนรีบก้าวเท้าเร็ว ๆ ไปที่ปลายทาง

   ผมยืนนิ่งเมื่อเห็นเจ้าของร่างที่คุ้นตากำลังง่วนอยู่หน้าเตา เหมือนลืมว่าต้องทำอะไร ผมเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผู้บุกรุกหันมาเจอ คิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อยแล้วไปสนใจกับอาหารที่ทำค้างอยู่ต่อ

“เข้ามาได้ยังไง?” แล้วก็เป็นผมที่เปิดปากถามออกไป จักรพรรดิตอบโดยที่ไม่หันมามอง

   “ขอรหัสจากพี่พีท”

   “งูพิษ”

   “ผมโทรหาคุณแล้ว แต่คุณไม่รับสาย” เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้นจึงยกโทรศัพท์ขึ้นดู เพียงแค่กดปุ่ม ก็เห็นแจ้งเตือนบนจอ มีสายไม่ได้รับจากวอแวบอยจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นผมต้องหลับลึกมากแน่ถึงไม่รู้ตัว ทั้งยังปิดเสียงมือถือเอาไว้อีก

   “มานั่งสิครับ” เดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งจักรพรรดิเลื่อนไว้รอ เจ้าเด็กยักษ์ทำอะไรกุกกักอยู่สักครู่ก็มีจานข้าวสวยมาวางอยู่ตรงหน้า ควันลอยฟุ้ง เม็ดข้าวเรียงตัวสวยอยู่ในจาน จากนั้นก็มีจานผัดผักรวมมิตรใส่กุ้งและแกงเขียวหวานไก่ในชามขนาดพอดีมาวางลง กลิ่นหอมของอาหารทำเอาท้องผมร้องโครก เหลือบตามองคนที่อยู่ด้วย เด็กนั่นไม่ได้แสดงท่าทีขบขันอะไร ผมจึงไม่ต้องขายขี้หน้าอะไรมาก

   “ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำส้มครับ?”

   “เปล่า” บอกออกไป และเพียงไม่กี่นาทีก็มีแก้วน้ำเปล่ามาวางให้ จักรพรรดินั่งที่ฝั่งตรงข้าม แต่ตรงหน้าเด็กนั่นไม่มีจานข้าวอยู่ด้วย

   “ไม่กิน?”

   “หึ” เด็กนั่นส่ายหัว “ผมไม่หิว คุณทานเถอะ”

   เมื่อพูดแบบนี้ ผมจึงไม่เซ้าซี้ พอตักข้าวคำแรกเข้าปาก ก็ต้องเงยหน้ามองคนอายุน้อยกว่า

   “ทำเองเหรอ?”

   “อร่อยเหรอ?”

   “ทำเองเหรอ?” ผมถามซ้ำและเน้นเสียงเข้มกว่าเดิมเมื่ออีกคนไม่ตอบคำถาม

   “เอามาจากบ้านแล้วอุ่นอีกที”

   “เหรอ?”

   “อืม” ไอ้เด็กขี้เก๊กนี่ แค่บอกว่า ‘ทำเองครับ’ มันยากนักหรือไงเล่า

   “What’s up อ้วน ทำไรอยู่? ... อ่า กินไรยัง? ...หิวป่ะ? ... หิวก็ลงมา .... อือ อยู่กับเขา... อาฮะ”

   “จันทร์เจ้าเหรอ?” ผมถามหลังจากวอแวบอยวางโทรศัพท์ลง

   “ครับ เดี๋ยวผมมานะ”

   “ไปไหน?”

   “เอากับข้าวไปเซ่นองค์ท่าน ทิวากาลไม่ให้ลงมา” ผมมองจักรพรรดิตักแกงและผัดผักรวมทั้งข้าวใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ “อย่างอแงนะครับ”

   “ไอ้เวร ไปไหนก็ไปเลย”

   ราวสิบนาทีต่อมา เด็กปีศาจก็กลับเข้ามาพอดีกับผมตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก เจ้าเด็กนั่นเดินผ่านไปรื้อหาขนมแล้วออกไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น ซ้ำยังถือวิสาสะเปิดทีวีโดยไม่ขออนุญาต หลังจากล้างจานชามแล้ว ผมก็ถือสตรอว์เบอร์รี่ไปนั่งที่โซฟา ข้าง ๆ วอแวบอย เด็กนั่นขยับตัว ยกแขนวางบนพนักแล้วหันมามองหน้า

   “เหลือสอบกี่วันครับ?”

   “อีกสองวัน วันมะรืนกับวันถัดจากวันมะรืนอ่ะ”

   “อ่า...”

   “ตัดผมเหรอ?” ถามออกไปเมื่อจ้องมองดี ๆ แล้วเห็นสิ่งที่แปลกตา วอแวบอยพยักหน้ารับ

   ทรงผมก็ทรงเดิมคือ undercut แต่ส่วนล่างจะไถสูงหน่อย ส่วนข้างบนยาวนิด ๆ และเหมือนจะตัดด้านหน้าให้สั้นด้วย จากเดิมก่อนที่สามารถรวบไปมัดจุกได้ ตอนนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากทำ คงกลายเป็นขั้วแอปเปิ้ลตั้ง ๆ มากกว่าเพราะมันไม่ยาวพอ ผมบีบสันกรามเด็กปีศาจให้หันหน้ามาหา มองอย่างสำรวจ ช่วงระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอกันนั้นมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง นอกจากทรงผมก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่นับห่วงที่ใบหูบริเวณส่วนบน และจิวสองสามอันที่หูซ้าย ปกติไม่เคยเห็นใส่ อาจเพราะต้องไปโรงเรียน

   ที่เราไม่ได้เจอหันช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพราะว่าต่างคนต่างยุ่ง ผมยุ่งกับการอ่านหนังสือและสอบ จักรพรรดิยุ่งกับการซ้อมดนตรีและกิจกรรมที่โรงเรียน แต่ถึงแม้จะไม่ได้เจอกัน ก็ยังมีโทรศัพท์คุยกันบ้าง ถึงบ้างทีจะต่อสายไว้เฉย ๆ แล้วเงียบใส่กันก็ตาม

   “คิดถึงเหรอ?”

   “ไร้สาระ” ผลักหน้ากวน ๆ นั่นออก วอแวบอยแสยะยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคอ จากนั้นไม่นานผมก็ถูกริมฝีปากซน ๆ ประกบลงมา ถ้าจะดีดดิ้นขัดขืนก็สะดิ้งไปหน่อย ผมจึงเลือกที่จะจูบตอบ แม้มันจะเป็นทางเลือกที่แรดมากก็ตาม

   เออ แล้วจะทำไม แรดกับคนของตัวเองเนี่ย ผิดเหรอ

   ไม่มีวอแวบอยเป็นของตัวเองล่ะสิ หึ

   “พอละ เมื่อยปาก”

   “เด็กเปรต”

   ไอ้เด็กปีศาจยกยิ้มคล้ายพึงพอใจ เลื่อนมือกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ จนผมแหวบอกให้หยุดเพราะเริ่มจะรำคาญ จากนั้นเราก็ตีกันอีก ทว่าทุกอย่างก็ชะงักไปเพราะเสียงของผู้ประกาศข่าวในโทรทัศน์...

   “ตอนนี้ทางตำรวจสามารถจับคนร้ายซึ่งลอบทำร้ายคุณตรีภพ ไชยพัฒสวัสดิ์ ได้แล้วค่ะ โดยทางผู้ต้องหาให้การว่าถูกจ้างวานเพื่อให้ขับรถพุ่งชนรถยนต์ส่วนตัวของคุณตรีภพ ทุกอย่างเป็นเรื่องที่วางแผนเอาไว้แล้ว ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่สันนิษฐานไว้ในตอนแรก”

   ผมปล่อยกล่องสตรอว์เบอร์หลุดมือโดยไม่สนใจ สายตาจ้องไปที่โทรทัศน์ ซึ่งตอนนี้มีภาพเขาในสภาพมีเลือดอาบศีรษะ และรถยนต์ซึ่งค่อนข้างยับเยิน ก่อนภาพจะถูกตัดไปที่โรงพยาบาล ...มะ หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง

   “ภัค”

   “......” คว้าโทรศัพท์ตัวเองมากดโทรออกหาณภัท แต่ไม่ว่ายังอีกฝ่ายก็ไม่รับสายผมเลย

   “คุณจะไปไหน”

   “โรงพยาบาล”

   “เดี๋ยวผมไปด้วย”

   “นาย... ฉัน”

   “ใจเย็นครับ”

   ใจเย็นบ้าอะไรวะ! ตอนนี้ผมแทบจะสติแตกอยู่แล้ว





   จักรพรรดิให้ผมตั้งสติก่อนแล้วถึงยอมพาผมไปโรงพยาบาล เมื่อถึงที่หมายก็รีบเข้าไปสอบถามกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่เพราะเขาพักอยู่ห้อง VIP และยังบอกเอาไว้ว่าห้ามคนอื่นรบกวน ผมอธิบายยังไงคุณพนักงานเธอก็ไม่เข้าใจจนต้องควักบัตรประชาชนออกเพื่อยืนยันว่าผมนามสกุลเดียวกันกับเขาและมีความเกี่ยวข้องกันยังไงถึงได้ถูกปล่อยขึ้นมาได้

   “คะ คุณหนู...” ป้านิดเป็นคนเปิดประตูหลังจากที่จักรพรรดิเคาะขออนุญาต “คุณหนูมาได้ยังไงคะ?”

   “ผมมาไม่ได้เหรอ?” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ผมทั้งโกรธ ทั้งโมโหที่ไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับผมเลย ป้านิดส่ายหน้าน้ำตาคลอ ก่อนเบี่ยงตัวให้พวกผมเข้าไปด้านใน

   มือผมกำแน่นเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขายังหลับอยู่ ที่ศีรษะมีผ้าสีขาวพันเอาไว้ ที่แขนถูกเชื่อมด้วยสายน้ำเกลือ และยังดามเฝือกเอาไว้ด้วย ผมไม่รู้ว่าเขามีแผลที่ไหนอีกบ้าง แต่นอกจากนั้นสิ่งที่ดึงสายตาของผมก็คือในห้องนี้มีเตียงผู้ป่วยอยู่สองเตียง เจ้าของร่างที่จับจองเตียงนั้นคือเด็กชายวัยอนุบาล ทำไม... ทำไมผมพิชญ์ถึงมานอนอยู่ตรงนี้ด้วย

   “ป้านิด”

   “คะ คุณหนู?”
   “บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมจ้องหน้าป้านิด เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าลำบากใจ

   “เพื่อนคุณหนูเหรอคะ?”

   “อย่าเปลี่ยนเรื่องครับ” เอ่ยเสียงเรียบ พยายามข่มอารมณ์ให้ใจเย็น “บอกมาก่อนที่ผมจะโกรธ”

   ป้านิดถอนหายใจหลังจากเบี่ยงประเด็นไปที่วอแวบอยไม่สำเร็จ แล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น จับใจความได้ว่า มีคนลอบทำร้ายเขาและบังเอิญว่าณพิชญ์นั่งรถคันนั้นไปด้วยจึงพลอยโดนลูกหลง สาเหตุที่ผมไม่รู้เรื่องนั้นเพราะณภัทสั่งเอาไว้ว่าไม่ต้องบอกผม เพราะกำลังสอบ รวมทั้งเขา ก็เห็นด้วยกับความคิดของณภัท โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยดูทีวี หนังสือพิมพ์ไม่อ่าน ข่าวคราวอะไรก็ไม่ได้ตาม ยิ่งเป็นช่วงสอบ จุดสนใจเดียวของผมคือหนังสือ ถ้าหากวันนี้ไม่บังเอิญเปิดทีวีไปเจอ ผมคงไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาและณพิชญ์ ถึงอย่างนั้น ป้านิดก็ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

   “แค่ก ๆ ฮะ ฮึก” ขาผมรีบก้าวไปชิดเตียงของณพิชณ์โดยไม่ทันรู้ตัว เด็กตัวขาวนอนดิ้นไปมา ริมฝีปากเบะคว่ำและมีน้ำตาซึมออกมา จากนั้นไม่นานก็ลืมตาขึ้น

   “ฮึก เจ็บ ฮือ”

   ผมไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ไม่กล้าแม้ที่จะเอื้อมมือออกไปหรือพูดอะไรเพื่อปลอบประโลม ไม่เข้าใจตัวเอง ตอนนี้ผมยังมีความรู้สึกไม่ชอบใจณพิชญ์อยู่ แต่เมื่อเห็นเจ้าเด็กนี่เป็นแบบนี้ ผมก็ไม่อยากให้มันเจ็บตัวเหมือนกัน คนบงการคิดอะไรอยู่ ไม่รู้เหรอว่ามีเด็กตัวเล็ก ๆ นั่งไปด้วย จิตใจทำด้วยอะไร

   “พี่ พี่ภัค ฮึก เจ็บ น้องพิชญ์เจ็บ” ตากลมคลอด้วยน้ำตามองมาที่ผม มือเล็ก ๆ นั่นพยายามจะยื่นออกมา ณพิชญ์ร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะสะเทือนเนื่องจากมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ ผมจึงยื่นมือออกไปหามือเล็ก ๆ นั่น เด็กน้อยกำมือผมแน่น เสียงร้องไห้งอแงค่อย ๆ เงียบไปมีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น

   “เจ็บมากไหม?”

   พิชญ์เบะปากคว่ำเป็นคำตอบและพยักหน้ารัว “เจ็บคับ แต่ แต่ว่า ฮึก คุณพ่อ คุณพ่อเจ็บกว่า ฮือ น้องพิชญ์เห็นคุณพ่อเลือดออกเยอะแยะด้วย”

   ผมระบายความรู้สึกอึดอัดข้างในด้วยการพ่นลมหายใจออกมา ค่อย ๆ ผินหน้าไปมองร่างที่นอนอยู่บนเตียงที่ผมหันหลังให้อยู่ ผมจ้องหน้าเขาอยู่นาน กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เมื่อได้ประสานสายตา ก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างทำให้เย็นวูบ ดวงตาคมของเขาเบิกกว้างขึ้น หากมองไม่ผิดเหมือนมันจะมีประกายชั่วคราวก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง

   “แก... มาได้ยังไง?”

   ผมเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำเสียงแหบแห้งนั้นเอ่ยขึ้น มองณพิชญ์ยังรู้สึกดีกว่าอีก เด็กตัวขาวตาปรือเหมือนจะหลับ พอผมมอง ตากลม ๆ นั่นก็เปิดขึ้นทันที

   “น้องพิชญ์ปวดฉี่...”

   “ป้านิดพาไปเข้าห้องน้ำค่ะ” ป้านิดรีบเข้ามาหา แต่ว่าณพิชญ์กลับสะบัดหน้าหนีแล้วมองมาที่ผมแทน

   “ไม่เอา... น้องพิชญ์ให้พี่ภัคพาไป”

   “ให้ป้านิดพาไป”

   “ฮึก ฮึก แง”

   ผมจิปากแล้วผุดตัวลุกขึ้น มือที่กำนิ้วผมอยู่ยิ่งกำแน่นขึ้นไปอีก ณพิชญ์มองผมตาละห้อย น้ำตาเปรอะแก้มน่าสงสาร สุดท้ายผมก็เป็นคนพาเด็กงอแงไปเข้าห้องน้ำ โดยมีป้านิดคอยดูเรื่องสายน้ำเกลือให้ เมื่อเสร็จธุระ เด็กป่วยก็แปลงร่างเป็นตุ๊กแก วอแวให้อุ้ม พอยอมอุ้มก็กอดผมแน่นไม่ยอมลง จนต้องนั่งบนเตียงคนป่วยแล้วมีก้อนขาว ๆ อยู่บนตัก ผมเหลือบไปมองข้าง ๆ ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นจักรพรรดินั่งอยู่ข้างเตียงเขาและกำลังพูดคุยกันอยู่ ตั้งแต่มาถึง ผมก็ลืมไปเลยว่าวอแวบอยมาด้วย

   “แน่ใจเหรอครับว่าคนร้ายที่จับได้ไม่ใช่แพะ?”

   “อืม ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดและกล้องหน้ารถ”

   “มีคนบงการใช่ไหมครับ?” เขาพยักหน้าเป็นคำตอบให้จักรพรรดิ “คงไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นนะครับ”

   “หึ”

   “เรื่องอะไร?” ผมโพลงถามออกไป พวกเขาหันมามองหน้า ผมจ้องกลับเขม็ง ทำไมวอแวบอยถึงได้รู้เรื่องราวมากมาย แต่ผมกลับไม่รู้อะไรเลย “ตอบมาสิว่าเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร!”

   “ใจเย็นดิ” จิกตามองจักรพรรดิ ใจเย็นเหรอ ผมยังต้องใจเย็นอีกหรือไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างแต่ผมไม่รู้เลย สมควรต้องใจเย็นอีกเหรอวะ!

   “พี่ภัค... น้องพิชญ์หิว”

   “จัดอาหารมาสินิด”

   “ค่ะคุณผู้ชาย” ป้านิดรับคำเขาแล้วผละออกไป เป็นจังหวะเดียวกับประตูห้องเปิดพอดี คนที่เขามาคือคุณหมอและพยาบาล รวมทั้งณภัทด้วย

   ณภัทดูตกใจที่เห็นผมอยู่ในนี้ ก่อนที่จะหลบสายตาไปเมื่อผมจ้องเขม็ง ถ้ายังไม่มีใครบอกอะไรผมอีก คอยดูเถอะ จะอาละวาดให้โรงพยาบาลพังแน่!!






----------------------------
มันก็... ไม่มีอะไรมาก
บอกก่อนว่าใกล้จบแล้ว จะไม่ยืดไปมากกว่านี้แล้วค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ไว้เจอกันตอนหน้าครับผม
ขออภัยหากมีคำผิด ไว้จะเข้ามาแก้อีกรอบค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 29-06-2017 21:11:05
ผิดไหมที่งง... เอาเถอะๆยังไงก็ใจเย็นๆกันก่อนล่ะนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 29-06-2017 21:18:28
รอดูโรงพยาบาลพัง  o18
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 29-06-2017 21:19:13
อยากอ่านต่ออ่ะ

ของอแงได้ไหมเนี่ย

 :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-06-2017 21:28:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 29-06-2017 21:29:38
ขอต่อได้ไหมตัว

แอบงงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 29-06-2017 21:31:41
ยืดอีกก็ได้ แค่ได้อ่านก็พอใจ เรื่องเวลาจะนานขนาดไหนก็รอได้นะ สู้ๆ(ให้กำลังใจคนเขียน)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 29-06-2017 21:34:32
 :katai1: รอตอนต่อไปแทบไม่ไหววว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-06-2017 21:59:45
เด็กก้อนน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 29-06-2017 22:00:53
ทำไมวอแวบอยรู้จักพ่อตาได้ไงอ่ะ!?!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 29-06-2017 22:16:31
ณภัคกลายเป็นพี่ภัคของจันทร์เจ้ากับพี่ฟ้าไปแล้วอ่ะ น่าร๊ากกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 29-06-2017 22:26:31
 :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-06-2017 22:37:03
อะไรยังไงเนี่ย

งง? แต่คิดถึงจริงใจ :)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-06-2017 22:42:47
ตอนแรกนึกว่าเป็นจริงใจมาเจอ ที่แท้เป็นจันทร์เจ้าซะงั้น แกล้งจริงใจกันสนุกเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-06-2017 22:59:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2017 23:02:07
แผนร้ายของใคร  :z6: :z6: :z6:
อย่าใช่เมียที่แย่งผัวของเพื่อน กับลูกเลี้ยงนะ  o22

สงสาร ณพิชญ์ พลอยโดนลูกหลงไปด้วย  :mew2:
น้องติดณภัค แจเลย น่ารัก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2017 23:03:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-06-2017 23:37:23
ยืดได้ยังไม่อยากให้จบ   ชอบอ่านวอแวบอยของตัวหอม  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-06-2017 23:52:55
เอาอีกล้าวว องค์แม่จะลงอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 30-06-2017 05:12:27
สงสารภัคเนอะ เรื่องครอบครัว

ให้เคลียร์กันได้ซักทีนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: hpsky ที่ 30-06-2017 06:44:01
ทุกคนรักจริงใจ ถึงรุมแกล้งจริงใจสินะ  :laugh: :laugh:

จริงใจรู้อะไรมาแน่ๆ เรื่องพ่อนภัคเข้าโรงพยาบาล  และที่เปิด TVให้เห็นข่าวนี่ ตั้งใจรึป่าวนะ  :hao4:

ส่วนนภัทร เละแน่   :fire: o18
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-06-2017 08:23:22
น่าจะเป็นเรื่องทางธุรกิจนะ
ที่จริงใจรู้น่าจะเพราะทำงานกับพ่อด้วย
เลยรู้เรื่องวงใน
ใกล้จบแล้วแต่ยังอยากอ่านต่อเรื่อยๆเลยย
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2017 08:33:12
เกิดอะไรขึ้นอีก!?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 30-06-2017 09:23:01
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 41 ผมกับเรื่องน่าขัดใจ | 29-6-60 | P.35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-07-2017 22:59:28
5555 จริงใจโดนแกล้ง ณภัคก็ตามน้ำมาก

จันทร์เจ้าทำหวงนะ ตอนแรกก็แกล้งเค้าจัง

ณภัคน่ารัก ไม่แรดนะ ก็คนมันคิดถึงเนาะ
จริงใจมาหาด้วย ดูแลดีจริง แถมตอนมีเรื่อง ก็อยู่ข้างๆ ตลอด

แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อณภัคถึงเกิดเรื่องได้ น้องพิชญ์น่ารัก เด็กหนอเด็ก
รอตอบคำถามกันยาวเลย
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 05-07-2017 00:33:17
ความที่ 42
ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก





   หลังจากหมอมาตรวจและได้กลับออกไปแล้ว อาการของคุณลุงตรีภพและน้องพิชญ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักระยะ ให้ร่างกายฟื้นฟูแล้วจึงกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ ตอนนี้ตัวหอมถูกน้องชายต่างมารดาเกาะหนึบจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ ถึงแม้เขาอาจจะอยากออกไปจากตรงนี้มาก ๆ ก็ตาม

   “ภัคมาได้ยังไง?” เขาไม่ตอบคำถามพี่ชาย และยังไม่มองหน้า พี่ภัทสบตากับพ่อตัวเอง ก่อนที่ทั้งสองจะมองมาที่ผม ผมไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป พวกเขารู้เพียงว่าผมเป็นลูกชายคนกลางของคุณจิรภาสและคุณจอมจิตตรี แต่ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับณภัค

   “ปล่อย”

   “พี่ภัคไปไหน?” ตัวหอมไม่ได้ตอบอะไรน้องกลับไป เพียงมองด้วยสายตานิ่ง ๆ และใบหน้าเรียบเฉย น้องพิชญ์จึงปลดแขนที่กอดคอเขาออกพร้อมกับขยับลงจากตัก จากนั้นตัวหอมก็ลงจากเตียงแล้วเข้ามาฉุดแขนผม แต่ผมขืนตัวไว้ไม่ลุกตามแรงดึง

   “อะไรครับ?”

   “กลับ”

   “คุณเพิ่งมาเองนะ”

   “ฉันจะกลับ!”

   “อย่าเพิ่งกลับสิ” พี่ภัทเอ่ย ตัวหอมตวัดตามองและเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนแค่นเสียงหึออกมาในลำคอ “ถ้ายังไม่กลับ พี่จะเล่าให้ฟัง”

   ได้ผล ณภัคไม่ต่อต้านมากนัก แต่ก็ต่อรอง ด้วยการให้เล่าเดี๋ยวนั้น พี่ภัทยอมแพ้ ก่อนผายอมือออก เป็นการให้ตัวหอมเดินนำ จากนั้นเขาทั้งคู่ก็ออกจากห้องไป โดยมีน้องพิชญ์มองตามตาละห้อย ป้านิดต้องปลอบว่าเดียวตัวหอมก็กลับมา น้องจึงไม่ร้องไห้ ผมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงคนป่วยเหมือนเดิม ตอนนั้นเอง ถึงได้เห็นว่าถูกคุณลุงตรีภพมองหน้าอยู่

   “รู้จักกับณภัคงั้นเหรอ?”

   “ครับ”

   “ฐานะอะไร?”

   “แฟนครับ” คุณลุงนิ่งไป ป้านิดที่ได้ยินยกมือทาบอก ต่อให้ผมกับเขาเราไม่มีชื่อสถานะเรียกกัน แต่เมื่อมีใครถาม ผมจะตอบว่าแฟน เพราะยังไงมันก็ไม่แตกต่างสักเท่าไหร่ ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คนอื่นได้รู้ถึงเบื้องลึก แค่คำเดียวสั้น ๆ ก็เข้าใจได้หมดแล้ว

   “โกรธเหรอครับ?” ผมถามต่อ คุณลุงยังนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “คุณลุงทราบใช่ไหมครับว่าภัคเป็น homosexual”

   “รู้ เพราะเรื่องนี้ ถึงได้ยิ่งมีปากเสียงกัน”

   “รับไม่ได้เหรอครับ?”

   “เมื่อก่อน” ผมแอบยิ้ม “ตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว”

   “ทำไมไม่บอกเขาล่ะครับ?”

   “หน้าลุงมันยังไม่มอง” คุณลุงยิ้มขื่น ผมไม่ได้พูดอะไร ความรู้สึกข้างในลึก ๆ คงแย่ไม่น้อยเลย จากสายตาที่ท่านมองตัวหอม มันมีแต่ความรักความห่วงใย แต่ความปากหนักและทิฐิ ทำให้แสดงออกไปไม่ได้ “เราล่ะ ไปรู้จักกันได้ยังไง?”

   “เขาใช้ผมหลอกแฟนเก่าที่ตามตื้อขอคืนดีน่ะครับ เลยได้คุยกัน” ท่านพยักหน้า “ไม่ว่าอะไรเหรอครับ?”

   “เรื่องอะไรล่ะ?”

   “ผมกับภัค”

   “ลุงทำผิดกับเขาไว้มาก ถ้าหากอะไรที่จะให้เจ้าเด็กดื้อนั่นมีความสุขสักทีลุงก็ยินดี”

   “นึกว่าจะเป็นเพราะผมเป็นคนดีซะอีก” คุณลุงหัวเราะ ป้านิดที่กำลังดูแลน้องพิชญ์อยู่ก็ด้วย “ผมเพิ่งพาเขาไปที่บ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน”

   “ที่บ้านว่ายังไงล่ะ?”

   “คุณลุงน่าจะรู้ว่าบ้านผมเป็นยังไง”

   “คงไม่โดนแกล้งจนร้องไห้หรอกนะ”

   แสดงว่าสนิทกับบ้านผมพอสมควร

   “ไม่ร้องเพราะโดนแกล้งหรอกครับ แต่ร้องเพราะคุณจอมเอาอัลบั้มรูปที่มีรูปคุณแม่เขามาให้ดู”

   “โธ่ คุณหนูของป้า” ป้านิดรำพึง ส่วนคุณลุงมีสีหน้าเครียดขึงขึ้นมา

   ครืด

   เสียงเลือนประตูทำให้เราหยุดสิ่งที่พูดคุยกันไว้ น้องพิชญ์ตะโกนเรียกพี่ชายเสียงดังพร้อมกับจะพุ่งไปหาแต่คงลืมไปว่าตัวเองไม่สบายอยู่จึงทรุดไปนั่งแปะที่เตียงอย่างเดิม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเบะคว่ำ น้ำตาเอ่อคลอ พี่ภัทรีบเข้าไปปลอบก่อนน้องจะปล่อยโฮ ผมลุกขึ้นยืนเมื่อตัวหอมเดินเข้ามาข้างเตียง นัยน์ตาเรียวจ้องไปที่ผู้เป็นบิดา เมื่อหลบออกมา ก็ต้องขมวดคิ้วเนื่องจากสบตากับคนมาใหม่อีกคน เขาเลิกคิ้วมองผมก่อนจะส่งเสียงออกมา

   “อ้าว น้อง”

   “รู้จักเหรอวะ?” พี่ภัทถาม

   “เออ แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร โทษทีนะครับ พี่ชื่อคิงนะ”

   “จักรพรรดิครับ” บอกออกไป แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วงครับ ผมก็จำคุณไม่ค่อยได้เหมือนกัน”

   “โห คิงกับจักรพรรดิซะด้วย”

   ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำแซวของพี่ภัท ตอนนี้ตัวหอมควรได้รับความสนใจมากกว่า หลุบตาลงต่ำ มือเรียวสวยกำเข้าหากันแน่น เขายังคงไม่ปริปากพูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดยังไง เอื้อมมือไปแตะข้อมือขาว แกะก้านนิ้วที่พับงอออกจากกัน กลายเป็นว่ามือของผมถูกบีบแทน ซึ่งไม่เป็นไร

   “จริงใจ” ผมหยุดนิ่ง หันกลับไปหาคนที่ร้องเรียก “ลุงฝากดูแลเด็กนั่นด้วย”

   “คุณลุงไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว ขอตัวนะครับ” ยกมือไหว้ แล้วออกจากห้องมา รีบเข้าไปหาณภัคที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่ คว้ามือของเขามากุมไว้

   เพื่อให้รู้ว่า ยังมีผมอยู่ด้วย

   เรายังไม่พูดอะไรกัน จนกระทั่งกลับมาถึงคอนโดของตัวหอม ไม่ปล่อยให้เขาเข้าไปที่ห้องนอน ผมก็ดึงเขาเข้ามากอด ตัวหอมไม่ได้ขัดขืน แต่ไม่ได้ตอบรับ ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ และโอบเอวบางเอาไว้

   “ไม่ไหวก็อย่าฝืนครับ อยากร้องไหม?”

   “.....”

   “อยู่กับผม คุณไม่ต้องเข้มแข็งหรอก เดี๋ยวผมดูแลคุณเอง”

   “ฮึก” ตัวหอมยกแขนกอดผมไว้แน่นและส่งเสียงร้องไห้ออกมา ระหว่างผมกับเขาไม่ได้พูดอะไรกัน ผมแค่ปล่อยให้เขาร้องไห้ ระบายความอึดอัดภายในใจออกมา

   กว่าครึ่งชั่วโมงที่ณภัคเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด จนตอนนี้คลายสะอื้นไปบ้างแล้ว มือขาวเช็ดน้ำตาออก ดวงตาบวมช้ำ จมูกแดง ๆ ดูน่ารังแก แต่จะแกล้งอะไรตอนนี้คงไม่เหมาะ ไม่รู้ว่าพี่ภัทคุยอะไรกับเขาบ้าง ถึงได้มีรีแอคชั่นแบบนี้กลับมา ผมไม่ได้ถามออกไปแม้จะอยากรู้ก็ตาม กลัวมันไปกระทบกระเทือนจิตใจแล้วยิ่งแย่ รอให้เขาสบายใจแล้วเล่าให้ฟังเองดีกว่า

   “ตาบวมหมด”

   “น่าเกลียดไหม?”

   “โคตร ๆ” ตัวหอมเบะปาก ยกมือขึ้นจับตาตัวเอง “ไปอาบน้ำล้างหน้าสิครับ”

   “นายไม่ถามเหรอ?”

   ผมส่ายหน้า “คุณล่ะ อยากเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า?”

   “....... มัลลิกาเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุนั่นเพราะแค้นที่ถูกเขาฟ้องหย่า” พอพูดขึ้นมา ตัวหอมก็เหมือนจะร้องไห้อีก ผมพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่พี่ภัทคุยกับเขาก็คงมีมากกว่านี้ แต่มันน่าจะเป็นเรื่องที่เซนส์ซิทีฟและเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาร้องไห้หนักแบบนี้ไม่น่าใช่เพราะแม่เลี้ยงลอบทำร้ายพ่อตัวเอง ให้เดา คงเป็นเพราะเหตุผลจริง ๆ ที่คุณลุงตรีภพฟ้องหย่ามากกว่า

   จะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อลูก และต้องการครอบครัวตัวเองกลับมา

   ท่านรักตัวหอมจะตายไป แต่ลูกชายกลับไม่ยอมเปิดใจรับรู้ เพราะอคติ ทิฐิหรือความโกรธเคืองอะไรก็ตาม

   ที่ผมรู้ เพราะคุณลุงเคยระบายกับพ่อของผม ซึ่งตอนนั้นผมเองก็อยู่ด้วย ...เรื่องของเขา จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้



   “คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”

   “อืม รีบไปเรียนได้แล้ว”

   “มีอะไรโทรหาผมนะ” เขาพยักหน้า ผมมองให้แน่ใจอีกทีก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องเขาเพื่อไปโรงเรียน ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ ก็พิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่พีท บอกเอาไว้ ถ้าว่าขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนตัวหอมหน่อยเพราะอาการไม่ค่อยดี และส่งไปหาพี่ชายตัวเองในแบบเดียวกัน วันนี้จันทร์เจ้าไม่มีสอบ และตอนนี้น่าจะกำลังนอนฝันหวานถึงของกินสักอย่างอยู่

   “สวัสดีน้องจริงใจ ไม่เจอกันนานนะ” เงยหน้าจากโทรศัพท์ หรี่ตามองคนที่เข้ามาทัก เฌอแตมส่งยิ้มมาให้ มาต่อแถวข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   “อือ”

   “ยังเย็นชาเหมือนเดิม” เขาพูด แต่เหมือนไม่ค่อยสนใจอะไร “วันนี้จริงใจจะเข้าไปดูซ้อมไหม?”

   ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ โทรศัพท์ในมือก็สั่งครืด บ่งบอกว่ามีคนโทรเข้า

   “ครับ เป็นไงบ้าง?”

   (“ก็ดี”) น้ำเสียงไม่ดีอย่างที่บอกเลย (“จันทร์เจ้าพาลักกี้มาหา”)

   “วุ่นวายเลยดิ อ่านหนังสือรู้เรื่องหรือเปล่าครับ?”

   (“ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นายทำอะไร เสียงดังจัง”)

   “ผมอยู่โรงอาหาร กำลังซื้อข้าว คุณทานอะไรหรือยัง?”

   (“ยัง จันทร์เจ้าสั่งพิซซ่ากับไก่ทอดไว้ ยังไม่มาส่ง”)

   “พี่กาลไม่ว่าหรือไง”

   (“พี่ทิวาไม่อยู่!!!”) เสียงพี่ชายดังแทรกเข้ามา (“แค่นี้แหละ”)

   “อือ”

   “คุยกับแฟนเหรอ?” เสียงจากคนข้างหลังดังขึ้นเมื่ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

   “ยุ่งอะไร”

   “อ้าว ถ้ามีแฟนแล้วจะได้ไม่ยุ่งไง”

   “อือ คุยกับแฟน เลิกยุ่งได้หรือยัง?” รำคาญ... ต่อคำอยู่ในใจ แม้ไม่พูดออกไปแต่สายตาก็บ่งบอกชัดเจน

   “คนมีเจ้าของแล้วทำไมเสน่ห์แรงจัง ให้ทาย แฟนน้องจริงใจคือพี่ภัคใช่ไหม?” ผมไม่ตอบอะไร “ว้า ต้องชอบแฟนพี่ภัคทุกทีเลยหรือไงนะ”

   “เลิกยุ่งกับผมสักที มีแฟนอยู่แล้วยังจะมาวุ่นวายกับคนอื่นอีก”

   “ใครบอก ตอนนี้พี่โสด เลิกกับพี่ภีมไปแล้ว คนอะไร ครางชื่อแฟนเก่าให้ได้ยิน น้องจริงใจระวังพี่ภัคกับพี่ภีมจะรีเทิร์นล่ะ”

   ผมเหยียดยิ้ม “ขอบคุณที่เตือน แต่ณภัคไม่โง่กลับไปหรอก ขอตัว”

   น่าหงุดหงิด ผมเดินหนีออกจากร้านข้าวแม้ใกล้ถึงคิวแล้วก็ตาม หมดอารมณ์จะกิน ไอ้เหี้ยเอ๊ย ทำไมต้องมาเจออะไรที่น่ารำคาญแบบเฌอแตมด้วยวะ มีมนุษย์โลกที่ไม่สนใจอะไรเลยด้วยเหรอ ศีลธรรมไม่มีเลยหรือไง จิตใต้สำนึกอะไรแบบนั้น สนแค่ความรู้สึกตัวเองเหรอ ถ้าชอบใครก็จะเอามาให้ได้เลยว่างั้น แฟนใครไม่รู้แต่กูอยากได้ งี้เหรอ?

   ประสาท

   เย็นวันนี้ ผมไม่เข้าประชุมสีและยกเลิกการซ้อมดนตรี พวกข้าวฟ่างไม่ว่าอะไร ด้วยเหตุผลที่ผมบอกว่า ตัวหอมกำลังแย่ และไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว และซื้อขนมที่มีส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รี่กลับมาด้วย นอกจากที่ใส่ในขนมแล้ว ก็มีน้ำสตรอว์เบอร์รี่ และสตรอว์เบอร์เป็นผล ทั้งแบบสดและแบบแห้ง

   ได้กินของที่ชอบ น่าจะดีขึ้น

   กดรหัสประตูอาคารเข้ามา (จันทร์เจ้าบอกรหัสมาอีกที) ก็ตรงไปยังชั้นที่พักของตัวหอม ยืนรอให้คนข้างในมาเปิดประตูอยู่สักพัก

   “อ้าว” ผมส่งเสียงออกไป คนที่ออกมาไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่เป็นพี่คราม ไม่ได้เจอกันนานเลยแฮะ

   “ซื้ออะไรมา?”

   “หลายอย่างครับ ภัคล่ะ?”

   “อยู่ข้างใน”

   “น้องจริงใจ~” พี่พีทลุกจากโซฟาเข้ามาหา ผมเบี่ยงตัวหลบด้วยสัญชาตญาณอัตโนมัติ ตัวหอมเงยหน้าจากหหนังสือขึ้นมามองแล้วแบมือ พอผมเลิกคิ้วงง ก้านนิ้วเรียวก็ชี้ไปยังของที่ผมถือมา เอาบางส่วนเข้าไปเก็บในครัว แล้วจึงกลับไปหาเขาพร้อมกับผลไม้สด

   บ็อก!

   เบื๊อกเห่าทัก ผมเลยส่งเท้าไปให้มันแทะ

   “ร้องไห้อีกหรือเปล่า?” คนถูกถามชะงัก ตาเรียวเหลือบมองเล็กน้อยแล้วหลบตา เมื่อไม่ได้คำตอบจากเขา จึงเงยหน้ามองเพื่อนของเขาแทน

   “จะเหลือเหรอ” พี่คลื่นว่า

   “ไอ้เวร”

   “ไม่ต้องมาด่ากูเลย ร้องห่าอะไรนักหนา ตาบวมหมด”

   “จิ๊!”

   “จะไปโรงพยาบาลอีกไหมครับ?” ตัวหอมสั่นหัว “เหรอ? น้องพิชญ์คงชะเง้อรอแย่”

   “ช่างสิ”

   “ร้องไห้แล้วมั้ง”

   “.......”

   “งอแงแน่เลยครับ”

   “เออ! สอบเสร็จเดี๋ยวไป เลิกพูดได้หรือยัง!?”

   ยกยิ้มพอใจ

   มื้อเย็น ตัดสินใจซื้อของมาทำสุกี้ทานกัน เพราะพี่คลื่นอยากกิน แล้วยังโยนหน้าที่ให้ผมทำเพราะอายุน้อยสุด จะโยนไปให้ไอ้เบื๊อกก็ไม่ได้ มันเป็นหมา จึงลากจันทร์เจ้าไปด้วย ทีแรกหมูผีค่อนข้างหงุดหงิด แต่พอพูดถึงของกินก็ทำตาโตเป็นประกายวิบวับตอบรับแต่โดยดี เป็นครั้งแรกที่จันทร์เจ้าได้เจอพี่แฝด (เคยเจอพี่พีทกับพี่พินทร์แล้ว) พี่พินทร์ตามมาสมทบทีหลัง แย่งจันทร์เจ้าไปฟัดจนทิวากาลหงุดหงิดไล่น้องสาวตัวเองกลับ เป็นอะไรที่วุ่นวายดี แต่มันมีข้อดี คือทำให้ตัวหอมลืมเรื่องเครียด ๆ ไป




   วันนี้เขาสอบวันสุดท้าย และผมก็มารับเขาเพื่อพาเขาไปโรงพยาบาล คุณลุงกับน้องพิชญ์อาการดีขึ้น แต่อยู่ในความดูแลของหมอจะดีกว่า ตัวหอมดูเพลีย ๆ ขึ้นรถก็หลับตาไปเลย อาจเพราะอ่านหนังสือดึก ๆ และไม่ค่อยได้นอน ทั้งยังเครียดกับอาการของพ่อและน้องจึงไม่ค่อยมีสมาธิ และต้องพยายามหนักกว่าเดิมเพื่ออ่านบทเรียนให้เข้าใจ

   “พี่ภัค!” น้องพิชญ์ส่งเสียงสดใสมาทันทีที่เห็นพี่ชาย ผมยกมือไหว้คุณลุงและป้านิด แม่บ้านที่คอยดูแล

   จริง ๆ ผมมาเยี่ยมคุณลุงพร้อมพ่อกับแม่ตั้งแต่ท่านเข้าโรงพยาบาลแรก ๆ แล้ว แต่ไม่ได้บอกตัวหอมเพราะเขากำลังสอบและไม่อยากให้กังวล ส่งของเยี่ยมที่ตัวหอมเป็นคนเลือกซื้อให้ป้านิด ผมหลบออกไปนั่งที่โซฟาไม่ไกล ให้ครอบครัวเขาใช้เวลาด้วยกัน

   “พี่ภัคมาหาน้องพิชญ์แล้ว!”

   “พูดมาก”

   “น้องพิชญ์คิดถึง” น้องพิชญ์พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด บ่นให้พี่ชายฟังว่าทั้งเบื่อโรงพยาบาลทั้งอยากกลับบ้านและยังปวดหัวมาก ๆ อีก

   “ออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่เหรอครับ?”

   “สองสามวัน” ผมมองไปที่เฝือกบนแขนคุณลุง “เจ้านี่คงอีกหลายเดือนถึงจะเอาออกได้”

   “แย่เลย”

   “อืม คงทำงานไม่ได้สักพัก ข้างถนัดด้วยสิ” แขนท่านกระแทกกับเบาะและประตูตอนรถเหวี่ยงเนื่องจากโน้มไปกำบังให้น้องพิชญ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

   “ไม่ทำงานสักเดือนสองเดือนจะตายหรือไง” ลูกชายคนกลางบ่นขึ้น ผมยกยิ้มนิดหน่อย ส่วนคุณลุง ท่านเลิกคิ้วมองแต่ไม่พูดอะไร เพราะเหมือนตัวหอมจะบ่นลอย ๆ มากกว่าพูดกับท่านตรง ๆ

   “น้องพิชญ์อยากกินแอปเปิ้ล”

   “เรื่องมาก” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ทิ้งส้มในมือเพื่อที่จะไปหยิบแอปเปิ้ลมาให้ ผมเกือบหลุดหัวเราะเมื่อเขาส่งแอปเปิ้ลให้น้องทั้งลูกโดนไม่ปลอกเปลือก

   “น้องพิชญ์กินไม่ได้”

   “จิ๊!”

   “เดี๋ยวป้าปลอกเปลือกให้ค่ะคุณหนู”

   “ขอบคุณคับ” เด็กน้อยจิ้มแอปเปิ้ลขึ้นมาแล้วส่งไปให้พี่ชาย ตัวหอมเบือนหน้าหนี “พี่ภัคหม่ำ ๆ”

   “ไม่อยากกิน”

   “กิน ๆ”

   “บอกว่าไม่ไง”

   “น้องพิชญ์ป้อน” คนของผมยังทำหน้ารำคาญและไม่เต็มใจ แต่ก็อ้าปากรับผลไม้ที่น้องป้อนให้ น้องพิชญ์ยิ้มกว้าง ปรบมือแปะ ๆ โคตรน่าเอ็นดู

   “น้องพิชญ์ป้อนคุณพ่อด้วย ฮือ น้องพิชญ์ไม่ถึง พี่ภัคป้อนคุณพ่อให้น้องพิชญ์หน่อย”

   ครืด

   เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นพร้อมกับตัวหอมที่ลุกออกไป น้องพิชญ์ถือแอปเปิ้ลค้าง สีหน้าแสดงออกถึงความงุนงง

   “ขอตัวไปดูคุณหนูนะคะ”

   “น้องพิชญ์โดนทิ้งอีกแล้ว” น้ำเสียงน้องน่าสงสารมากจนผมต้องเดินเข้าไปหา

   “เดี๋ยวพี่ภัคก็กลับมา”

   “...พี่ภัคไม่มา ใคร ๆ ก็ทิ้งน้องพิชญ์ คุณแม่ก็ทิ้ง พี่เลย์ก็ทิ้ง”

   “ช่วยอุ้มมาให้ลุงหน่อย”

   “ฮึก” ทันทีที่คุณลุงอ้าแขนรับ น้องก็ล้มตัวซบหน้ากับอกของบิดาแล้วร้องไห้ออกมา

   “ลุงละเลยพวกเขามากจริง ๆ”

   ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ ก่อนจะขอตัวออกไปด้านนอก อยากไปหาตัวหอมนั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จึงลงไปที่ชั้นล่างเพื่อซื้อขนมไปฝากน้องพิชญ์ กินของหวานหน่อยน่าจะลืมเรื่องเศร้า ๆ ไปได้

   ที่น้องบอกว่าใคร ๆ ก็ทิ้งนั้น สาเหตุมาจากตั้งแต่ที่น้องเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ได้เจอแม่และพี่ชายตัวเองเลย แน่ล่ะ ถ้าได้เจอก็แปลกแล้ว คุณมัลลิกาเป็นผู้ว่าจ้างให้คนขับรถตัดหน้ารถที่คุณลุงนั่งจนเกิดอุบัติเหตุ อาจเพราะคับแค้นใจที่ถูกฟ้องหย่า (สาเหตุของการฟ้องหย่าผมไม่ทราบ) เมื่อดูจากกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ ก็สามารถตามจับคนร้ายได้ในเวลาไม่นาน คนจนตรอก ก็ต้องหาทางเอาตัวรอด มันต้องซัดทอดถึงคนบงการอยู่แล้ว พี่ภัทดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายและไม่มีการยอมความใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าตามตัวเจอ ที่ที่เขาต้องไปคือคุก ส่วนเลย์ ผมเองก็ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายหายไปไหน



   “พรุ่งนี้จะไปโรงพยาบาลกี่โมงครับ?”

   “ไม่รู้”

   “ผมคงไปด้วยไม่ได้”

   “อือ” เขารับคำแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องนอนไป หลังจากกลับจากโรงพยาบาลมาก็พูดน้อยกว่าเดิม ไม่รู้คุยอะไรกันกับป้านิด ท่าทางต่อต้านของเขาหายไปถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

   “ผมจะกลับแล้วนะ” คนที่กำลังถอดชุดหันมาขมวดคิ้วใส่ เผลอเลียริมฝีปากเมื่อเห็นแผงอกขาวเนียน เหมือนตัวหอมยังไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนคุกคามทางสายตา

   “ไม่นอนที่นี่?” เขาถามพลางปลดกางเกง มือเรียวคว้าเสื้อคลุมมาใส่ก่อนสอดมือเข้าไปดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกและโยนมันลงตะกร้า ตอนนี้ร่างกายภายในเสื้อคลุมนั่น...ไร้อาภรณ์ปกปิด

   “ไม่ล่ะ ต้องไปโรงเรียน”

   “อือ แล้วนายจะกลับยังไง?”

   “แท็กซี่ครับ” เพราะผมไม่ได้เอารถตัวเองมา รถที่ใช้ไปรับตัวหอมก็ของเขา แท็กซี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ “หรือผมจะนอนที่นี่ดีนะ...”

   “เรื่องของนายสิ” ยกยิ้มเล็กน้อย ตอนนี้ก็ค่อนข้างมืดแล้วสิ ชักขี้เกียจแฮะ

   “จ๋าจ้า พรุ่งนี้เอาชุดพละมาให้พี่ด้วยนะครับ ... อืม ไม่กลับบ้าน”

   หลังวางสายจากน้อง ผมก็โยนเครื่องมือสื่อสารที่ไร้ประโยชน์ไปที่เตียง ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกทีละเม็ด พลางก้าวขาไปข้างหน้าแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกตามเจ้าของห้องเข้าไปด้านใน ณภัคไม่ล็อกห้องน้ำ เพราะที่นี่คืออาณาจักรของเขาและไม่มีใครสามารถเข้ามาวุ่นวายได้ และความชะล่าใจที่คิดว่าผมกลับไปแล้ว มันจะย้อนกลับมาทำร้ายเขา...

   หึ

   จะว่าไปก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน

   มันก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดาสิ...



   “อารมณ์ดีอะไรวะ?” เนตรถามอย่างสงสัย ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร ไอ้เนตรยังคงทำหน้าประหลาด พอผมหลุดหัวเราะ มันก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี

   ไม่มีอะไร ก็แค่... นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมีความสุข

   แม่ไอ้เบื๊อกน่ารักเป็นบ้า







-------------------------
อี๋ เหม็นความรัก
รู้สึกตอนนี้น้ำเน่ามาก คำพูดคำจา 555555555555555
แล้วมาอัพซะดึก มีคนอ่านม้ายยยยยยยยยย

จริง ๆ จะอัพวันพฤหัสค่ะ แต่เพราะว่าบนไว้ ถ้าทดสอบขับรถถนนลื่นผ่านจะมาอัพ แล้วก็ผ่านแบบงง ๆ ไม่แน่ใจว่าผ่านไป แต่ก็เอ้อ ผ่านนั่นแหละ (เย่)

คำผิดมีเยอะแน่ ๆ เดี๋ยวมาแก้นะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน หวังว่าจะชอบ ไว้เจอกันตอนหน้าครับผม~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-07-2017 00:56:32
โอ้ยยยยย พ่อไอ้เบื้อก !!!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: GOLDMIND ที่ 05-07-2017 02:12:34
โอ๊ยยยย ป๋าให้เบื๊อกบ้าม๊ามันขนาดดดดด
รักกันดีแล้วมีความสุข ฮี่ๆๆๆ

คุณพ่อภัคสู้ๆ นะค้าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2017 02:31:04
 :hao3:ดีเนอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-07-2017 03:41:38
อ่านไปก็เบ้ปากหมั่นไส้ณภัคเบาเบา หล่อนจงใจอ่อยน้องใช่ไหม!!!!!

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-07-2017 05:57:42
นังมัลลิกา นี่จะทำอะไรดีๆเป็นมั้ยนะ

ตอนนี้พอถูกฟ้องหย่า นิสัยเลวก็ปรากฏ
ทั้งที่ลูกนางทีเด็กมากๆก็อยู่ด้วย ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ข้อหาพยายามฆ่าก็มา เข้าคุกดัดสันดานดีละ

ชอบน้องพิชญ์ ติดตัวหอม น่ารัก
ตัวหอมเริ่มยอมน้องและ

ตัวหอมไม่อ่อยจริงใจเลย ก็คนจะอาบน้ำ ก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิ จริงปะ
จริงใจไม่อยากกลับบ้านเอง เพราะต้องเรียกแท็กซี่ไง
นอนที่ห้องตัวหอมสะดวกกว่า จริงๆนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 05-07-2017 06:20:42
จริงใจ ฮือออออิออิเด็กบ้า :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 05-07-2017 06:56:58
หมั่นไส้จริงใจ เชอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 05-07-2017 07:12:57
จริงใจเป็นเด็กที่จะไม่ค่อย... (ชั่งเถอะเนอะเพราะตอนนี้ต้องยกให้เขาเลย เพราะเขาเป็นคนอยู่ข้างๆณภัคของเรา)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-07-2017 07:17:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 05-07-2017 07:54:18
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-07-2017 07:56:27
ภัคยังไม่ยอมเปิดใจให้ครอบครัว...
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 05-07-2017 08:27:06
 :katai1: :katai1: เขาทำอะไรกัน555555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-07-2017 08:33:34
อะหืมมมมม....จนได้สินะ  ฟินเลยสิพ่อไอ้เบือก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-07-2017 08:44:01
จริงใจนี่หลงภัคหนักมากกก
คุณพ่อภัคสู้ๆนะ
ภัคใจดีจะตายเดี๋ยวก้ใจอ่อน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 05-07-2017 09:25:18
คนอะไร เห่อแฟน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 05-07-2017 09:28:06
ดีจังที่ภัคมีจริงใจอยู่ด้วย
คุณพ่ออย่าเพิ่งท้อนะคะ สู้ๆแค่นี้ณภัคคงใจอ่อนแย่แล้ว
น้องคงยังแค่ทำตัวไม่ถูก
จะให้ดีเลยปุ๊ปปั๊ปมันคงไม่ได้
อยากให้ภัคกับครอบครัวดีกันเร็วๆ
นี่แอบเอ็นดูน้องพิชญ์ น้องดูเป็นเด็กดี
จริงใจนี่นะ ขี้งก! ตัวเองเห็นณภัคน่ารักคนเดียว
ไม่เห็นเล่าให้คนอ่านฟังบ้างเลย ฮือ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 05-07-2017 10:59:00
 :z1:  :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-07-2017 11:33:11
จริงใจจจทำไรแม่ไอ้เบื๊อก บอกพวกเรามั่ง
น้องพิชญ์น่ารักจัง รอภัคใจอ่อนน้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 05-07-2017 11:36:29
ไม่ได้ยั่ว
ไม่ได้อ่อยอะไรทั้งนั้นเนอะพี่ภัค

เหม็นความรักเวอร์ พ่อแม่ไอ้เบื้อก
 :mew1: :mew1: :mew1:

น้องพิชญ์น่ารักจัง
อยากเห็นพี่ภัคเลี้ยงน้องอีกเยอะ ฮื่อออออ
อะไรที่มันมีเด็กมันน่ารักไปหมด

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 05-07-2017 12:56:51
ฉากในห้องน้ำหายไปไหนอ่าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 05-07-2017 15:57:43
 :z1:  'แม่ไอ้เบื๊อก'น่ารักมากกก...โดยเฉพาะบทบนเตียงใช่มะ หุหุ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-07-2017 20:21:51
พ่อแม่ทำน้องให้เบื้อกอีกแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 05-07-2017 22:29:15
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าจริงใจแรดยังไงก็ไม่รู้

ฮ่า

 :hao3: :ruready
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-07-2017 22:36:44
ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิจริงใจ ว่าแม่ไอเบื๊อกน่ารักยังไง??
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 05-07-2017 22:51:36
 :-[
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-07-2017 22:54:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-07-2017 22:56:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-07-2017 00:40:57
จ้ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-07-2017 05:59:12
ดราม่าแต่ไม่หนักมาก ยังพอทำใจได้

ณภัคจะยังทิฐิก็ไม่แปลก เจอเรื่องทะเลาะกัน ผิดใจกันมาตั้งนาน จะให้ดีกันไว มันเร็วไป
แต่ก็คงรู้สึกแย่ และรู้สึกดีไปพร้อมกัน

ณภัทโดนน้องงอนเลย

จริงใจถึงจะกวนประสาทแต่ก็รักตัวหอมมากนะ ดูแลดีจริง น่ารักดี
แล้วเมื่อคืน ช่วยตัวหอมคลายเครียดหรอ ทำเป็นอารมณ์ดีนะ 5555

น้องพิชญ์น่ารัก เด็กน้อยร้องหาแต่พี่ คิดว่าถูกทิ้ง น่าสงสารด้วย น้องอ่อนไหวง่ายกว่าตัวหอมอีก เพราะแม่ยังไม่สนใจ

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-07-2017 07:57:56
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 42 ผมกับแม่ไอ้เบื๊อก | 5-7-60 | P.36
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 06-07-2017 13:31:18
อยากอ่านฉากเมื่อคืนค่ะคนเขียน ท่ดๆ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 11-07-2017 20:20:19
ความที่ 43
ผมกับกำลังใจ








   “อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันประกวดแล้ว หยุดซ้อมกันดีไหมพวกมึง?”

   หืม?

   ได้แต่มองหัวหน้าวงอย่างงุนงง อะไรของมึง คะยั้นคะยอให้ตั้งใจซ้อมตั้งแต่ก่อนประกวดหลายเดือน พอใกล้วันกลับให้หยุด เป็นบ้าอะไรของมึง

   “ซ้อมมากก็เครียด พักผ่อนกัน”

   “พี่เอาจริงดิ?”

   “เออ”

   “อย่าประมาทไป”

   “พี่ไม่อยากชนะเหรอ? ทำไมต้องหยุดซ้อมอะ?”

   “ก็ไม่อยากหยุดหรอก แต่มันชนกับงานที่โรงเรียนไง เดี๋ยวพวกมึงเหนื่อยเกิน”

   “คิดมาก”

   “ใช่ คิดมาก ไจ๋ว่ามันไม่หนักอะไรซะหน่อย ถือว่าเล่น ๆ ขำ ๆ ไง งานที่โรงเรียนไจ๋ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไร ไม่เหนื่อย” น้องเล็กว่า หน้านิ่วคิ้วขมวดมองพี่ใหญ่

   “วาฬกับจริงใจเป็นสตาฟด้วยไง ดูแลหลายทางเดี๋ยวพังกันหมด”

   “ไร้สาระ พวกกูแยกแยะได้ ไปซ้อมเลย”

   “ไม่เหนื่อยไปแน่นะ?”

   “เออ”

   “ถ้าคิดว่าเหนื่อยเกิน ไว้หนึ่งอาทิตย์ก่อนประกวดเราค่อยหยุดก็ได้ ถือเป็นการผ่อนคลาย จะได้ไม่กดดันตัวเองมากไป”

   “ไจ๋เห็นด้วยกับพี่วาฬ ไม่ต้องหยุดซ้อมหรอก แค่จัดเวลาให้เหมาะสมก็พอ”

   “อย่ามาห่วงพวกผมเลย ตัวเองเหอะ จะเข้ามหา’ลัยอ่ะ”

   “ใช่ ๆ พี่ฟ่างก็ต้องอ่านหนังสือสอบ”

   “โว้ยยย เออ หยุดพูด กูแบ่งเวลาอ่านได้”

   “อืม ไปแยกย้าย” ผมว่าปิดท้าย เราสี่คนเลยแยกกันไปเก็บของ จบการซ้อมของวันนี้





   “กลับมาแล้วครับ” ตะโกนบอกใครไม่รู้ เมื่อถึงบ้านก็ตรงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ล้างเหงื่อไคลที่สะสมมาตลอดทั้งวัน วันนี้ผมมานอนที่บ้านคุณย่า ไม่รู้ทุกคนหายไปไหนกันหมด วันนี้วันเสาร์ด้วยสิ อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะบ่ายสาม

   “Hey broooooooo!~”

   “เหี้ย!”

   “หยาบคาย!” เจ้าของเสียงส่งมือมาตบปาก ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตางง ๆ มาได้ยังไงวะ

   “มองพี่สาวคนสวยแบบนี้ได้ยังไง”

   “มาได้ไง?”

   “นี่อย่าบอกว่านะไม่รู้ว่าพี่กลับมา Oh my gosh! I have been here for 4 days already!”

   “Nobody tell me”

   “What!!”

   “เลิกตะโกนได้แล้ว ปวดหู”

   “จริงใจ!!” ผมกลอกตา ผลักแจนออกไปให้พ้นทางแล้วชิ่งลงบันได

   “จะไปไหนหรือเปล่า?”

   “เปล่า”

   “พี่สาวอยากออกไปข้างนอก น้องชายช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ?” หรี่ตามองความเสแสร้งของแจน พี่สาวส่งยิ้มหวานหยดมาให้ ตากลมกะพริบถี่ ๆ เป็นการออดอ้อน แต่ขอโทษเถอะ มันดูน่ากลัวมากในสายตาของผม

   “ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้!” จากการขอร้องเปลี่ยนเป็นคำสั่ง แววตาก็เปลี่ยนไป ผมไม่ทำตามในทันที ผลักแจนออกแล้วเข้าไปในครัว หาขนมหวานกินดับอารมณ์ขุ่นมัวที่กำลังฟุ้งขึ้น เกือบครึ่งชั่วโมง ถึงขึ้นไปข้างบนและเปลี่ยนชุดสำหรับไปข้างนอกออกมา

   ที่จะไป ไม่ใช่เพราะคำขอร้องของพี่สาว แต่เป็นเพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มีคนโพสต์รูปพร้อมกับเช็กอินเอาไว้

   ไปไหนไม่บอกกันเลยสักคำ

   น่าตี




   ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย แจนถอดหมวกกันน็อกออกพร้อมทำหน้ายุ่งและบ่นร้อนไม่หยุด

   “ผมยุ่งหมดเลย”

   “หึ”

   “เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ” พยักหน้ารับแล้วไปหาที่นั่งรอ ระหว่างนั้นผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เช็กสักหน่อยว่าตอนนี้ตัวหอมอยู่ที่ไหน

   “ป่ะ เสร็จแล้ว” เงยหน้ามองเจ้าของเสียง พี่แจนยืนยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมยุ่ง ๆ ถูกมัดรวบขึ้นเป็นทรงเรียบร้อย

   “โคตรช้า”

   “ก็พี่เป็นผู้หญิง” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ขอควงหน่อยนะค้า”

   พูดจบก็ตวัดแขนเกาะผมทันที ไม่รอให้อนุญาตด้วยซ้ำ แล้วจะขอทำไม

   “สวยไหม?”

   “ไม่”

   “จิ๊!” คุณเขาจิปาก ทิ้งเดรสตัวนั้นกลับไว้ที่ราวเหมือนเดิมแล้วกรีดกรายเลือกชุดอื่นต่อ และชะตากรรมของผมก็ต้องกลายเป็นเบ้ของเธอ

   เชี่ย ไม่น่าไปบ้านคุณย่าวันนี้เลยว่ะ

   เมื่อแชทไปบ่นกับเจมส์ ก็โดนมันหัวเราะเยาะพร้อมสมน้ำหน้า ที่ไม่ยอมกลับบ้านเพราะรู้ว่าแจนอยู่แน่ ๆ แล้วไม่มีใครบอกผมเลย บ้าเอ๊ย!

   “เหนื่อยจัง”

   “ไม่เหนื่อยให้รู้ไปสิ เดินแทบจะทั่วห้างอยู่แล้ว”

   “หยุดบ่นเถอะ ขอร้อง”

   “จะไปไหนอีก?”

   “พี่อยากไปดูกระเป๋าจังเลย” พยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ทว่าก่อนที่เราจะได้ไปกันต่อผมก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมจนพี่สาวแหงนหน้ามอง

   “ทำไมพี่ให้เค้ามาด้วยแทนที่จะเป็นแฟนพี่ล่ะ?”

   “ก็แฟนพี่ติดงานไง”

   “เหรอ... แล้วนั่นใคร?” ผมชี้ออกไปด้านหน้า แจนมองตาม คิ้วโก่งมุ่นเข้าหากันก่อนตาจะเบิกกว้าง

   “เฮ้ย! ทำไมพี่คิงมาอยู่นี่ แล้วผู้หญิงที่อยู่กับพี่คิงเป็นใครเนี่ย”

   “แฟนพี่นอกใจป่ะ?” ผมตั้งคำถามในเชิงยุยง แม้จะค่อนข้างงงที่พี่แจนบอกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ แฟนเขานั้นเป็นผู้หญิง

   “นอกใจเหรอ!? ไม่มีทาง”

   “พี่ดูดิ กับคนข้าง ๆ เขาน่ะ ดูสายตาที่เขามองกันสิ ไหนจะการกระทำพวกนั้นอีก จำเป็นต้องประคองขนาดนั้นหรือไง?”

   “พอค่ะ Stop!”

   ผมยกยิ้มพอใจกับท่าทางของพี่สาวร่วมสายเลือด ยืนกอดอกรอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าพิษรักแรงหึงของผู้หญิงเนี่ย จะดาเมจรุนแรงแค่ไหน

   “จริงใจช่วยพี่หน่อย”

   “หืม?”

   “เล่นเป็นชู้กัน”

   What the freak!

   “น้องแจน!”

   “พะ พี่คิง...” แจนทำท่าตกใจ ขบริมฝีปาก บังคับให้แววตาสั่นไหวราวกับกลัวบางอย่าง ผมแอบกลอกตา แขนเรียวที่กอดแขนผมอยู่กระชับให้แน่นขึ้น เหลือบมองบุคคลทั้งสองข้างหน้าแล้วก็ได้แต่ยืนเฉย ๆ

   “ออกมาข้างนอกทำไมไม่บอกพี่ครับ?”

   “ก็พี่คิงติดงานนี่คะ แจนเลยต้องหาคนอื่นมาเป็นเพื่อน แล้วพี่คิงมากับใครคะ? นอกใจแจนเหรอ?”

   “น้องชายพี่ครับ ณภัคไง ที่เคยเล่าให้ฟัง”

   “น้องชาย!? ไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ?”

   “เสียมารยาท” ผมดึงคอเสื้อแจนกลับมาเมื่อเธอชะโงกหน้าเข้าไปจนแทบชิดตัวหอม

   “ภัค นี่แจน แฟนพี่เองครับ” คิ้วของตัวหอมย่นเข้าหากัน มองผมสลับกับแจนแล้วมองหน้าแฟนแจนอีกที ตาขวาง ๆ ที่มองผมก่อนหน้านั้นค่อย ๆ อ่อนลง

   “ไป” ผมปลดแขนแจนออกพร้อมกับผลักร่างบอบบางไปให้คนรักของเธอ แจนมองตาขวางก่อนจะไปออดอ้อนออเซาะแฟน ผมที่มองอยู่ได้แต่เบ้ปากและทำหน้าพะอืดพะอม รับไม่ได้กับร่างสองของพี่จริง ๆ

   ระหว่างที่แจนกำลังออเซาะแฟนอยู่ ผมก็ฉุดแขนตัวหอมมาแล้วลากเขาออกจากตรงนี้โดยไม่ให้แจนรู้ตัว ไม่อย่างนั้นต้องโดนซักแน่ ซึ่งผมไม่ค่อยอยากตอบสักเท่าไหร่

   “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

   “แฟนรักแรกของคุณไง”

   “ตอบดี ๆ” หันไปมองคนข้าง ๆ ณภัคจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าบึ้งตึงคล้ายไม่สบอารมณ์

   “พี่สาว” ตัวหอมยังคงขมวดคิ้ว แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ผมล็อกคออีกฝ่ายเข้ามาชิด แม้เขาจะพยายามสะบัดออกก็ตาม ก่อนจะพูดอะไรเพิ่มเติม โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็แผดร้องลั่น พบว่าเป็นแจนที่โทรเข้ามา

   “อือ?”

   (“จริงใจอยู่ไหน? แล้วคนนั้นเป็นใคร ทำไมพาไปแบบนั้น บอกพี่มานะ!”)

   “ค่อยคุยกัน กลับเองนะ บาย”

   “แจนเป็นลูกสาวของลุง”

   “.......”

   “หายงอนได้แล้ว”

   ผลที่ได้คือตาเรียว ๆ มองขวาง ตัวหอมขยับปากบ่นอุบ

   “งอนบ้าอะไร”

   “หึงอ่ะดิ?” ผมกระเซ้า เขาจิปาก ไม่ยอมพูดอะไร ซ้ำยังปลดมือผมทิ้งแล้วเดินหนีไปอีก ได้แต่ระบายยิ้มตามหลัง






   “พี่ภัค!!~~” เมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน น้องพิชญ์ก็วิ่งเข้ามาหา พี่ชายคนรองเอียงตัวหลบ ทำเอาน้องกอดอก เบะปากงอน ตัวหอมเหยียดยิ้ม ดันหน้าผากน้องจนหน้าหงายแล้วเดินผ่านไป ผมมองน้องพิชญ์ น้องก็เงยหน้ามองผมเช่นกัน ตากลม ๆ คลอไปด้วยน้ำสีใส ผมย่อตัวลงนั่งให้อยู่ระดับเดียวกัน

   “พี่ชายน้องพิชญ์ซื้อเค้กมาฝาก” ยกถุงขนมในมือให้ดู น้องเอียงหน้า ก่อนเบิกตาโตและยิ้มกว้างจนตาหยี ร่างเล็ก ๆ พุ่งเข้ามากอดผมพร้อมกับยกแขนโอบรอบคอไม่ปล่อย จนต้องอุ้มพาไปข้างใน

   บ็อก บ็อก!

   เบื๊อกวิ่งเข้ามาพันแข้งพันขา ตอนนี้มีบ้านเยอะจนงงไปหมด ไหนจะบ้านอัศวโยธินทร์ ไหนจะฉัตรบดินทร์รัตน์ และไหนพี่ฟ้าจะมาลักพาตัวไปต้มยำทำแกง ทั้งคอนโดตัวหอมอีก ล่าสุดก็ถูกฉุดมาที่อาณาจักรไชยพัฒน์สวัสดิ์ เนื่องจากตอนนี้ตัวหอมปิดเทอมแล้ว เขาจึงกลับมาอยู่ที่บ้าน

   กับคุณพ่อเขาก็เหมือนจะเข้าใจกันแล้วในความมึนตึงกันอยู่ ต่างคนต่างฟอร์มเยอะ ปากแข็งกันทั้งคู่ แต่การที่ตัวหอมยอมมาอยู่บ้านก็ทำเอาแทบฉลอง (พี่ภัทแอบบ่นมา) น้องพี่พิชญ์ดีใจใหญ่มีพี่ชายมาอยู่ด้วย น้องจากพี่เลี้ยงกับแม่บ้านก็ไม่มีใครได้อยู่กับน้องประจำ พี่ภัททำงาน คุณลุงก็ทำงาน มีช่วงนี้ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเลยมีเวลาให้กับลูกคนเล็กมากพอสมควร

   จากที่ตัวหอมเล่าให้ฟัง น้องพิชญ์ไม่ถามถึงแม่กับพี่ชายอีกคนแล้วล่ะครับ


   “ขม” ผมพูดหลังจากงับหัวไหล่เนียนไป

   “มากัดทำไมเล่า!?” เจ้าของห้องดันหัวผมออก ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นให้เหมือนเดิมหลังจากมาครีมเสร็จพร้อมกับกระชับสาบเสื้อเข้าหากัน

   “ทำไมต้องทาครีมเยอะด้วย”

   “ผิวจะได้สวยไง?”

   “ผู้ชายจำเป็นด้วยเหรอ?”

   “เหยียดเพศเหรอ?”

   “ก็แย่ละ แค่ถามป่ะ?”

   ตัวหอมเบะปาก หลังจากทาตัวแล้วก็เริ่มทาหน้า อะไรบ้างไม่รู้เกลื่อนโต๊ะไปหมด ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน ต้องมานวด ๆ ตบ ๆ ให้เนื้อครีมซึมลงผิวอีก ง่วงกันพอดี สำหรับผม ไม่มีทาครีมอะไรหรอก ขี้เกียจ ขนาดหน้ายังไม่ค่อยจะล้างด้วยโฟมเลย ถ้าวันไหนนึกคึกถึงจะหยิบมาใช้ ล้างน้ำเปล่าหน้าก็ไม่มีสิวนะ ไม่ทาครีมหน้าก็ไม่ได้หยาบไง เพราะเหตุนี้ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นในการทาครีมบำรุง

   เสียเวลานอน

   “มองอะไร?”

   “คนเราต้องทำขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

   “นายไม่ทำ?”

   “หึ” สั่นหัวเป็นคำตอบ ไม่ใช่ว่าไม่เคยใช้ครีมบำรุง ตอนใช้ ก็แค่บีบแล้วถู ๆ บนฝ่ามือ แล้วค่อยเอาไปถูบนหน้าไม่กี่วินาทีก็เสร็จ การที่ต้องมานั่งทำอะไรแบบตัวหอม ไม่เคยทำ

   “มานี่ซิ” เขากวักมือเรียก เมื่อผมเข้าไปหา ก็กดไหล่ให้นั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกแทนเขา มือเรียวดันคางผมขึ้น จับเอียงไปมา คิ้วขมวด พึมพำอะไรไม่รู้

   “จับผมขึ้นหน่อย” จับอะไรวะ แค่นี้ก็สั้นอยู่แล้วยังเกะกะอีกเหรอ พอเห็นผมยังนิ่ง เขาก็ถอดผ้าคาดผมบนหัวตัวเองออกมาสวมให้ผมแทน

   “ทำอะไร?”

   “เฉยน่า...” จากนั้น เขาก็หยิบขวดอะไรมาไม่รู้ บีบใส่หลังมือ ก่อนเอามาแต้มบนหน้าผมทีละจุด เอียงตัวหนีและเบะหน้าใส่ความเหนอะหนะ ถูกตบแก้มเบา ๆ เลยต้องอยู่นิ่ง ๆ “นายต้องรู้จักดูแลตัวเองรู้เปล่า”

   “.....”

   “ตอบ!”

   “อือ”

   “ต่อจากนี้ทาครีมด้วย เข้าใจไหม” ผมไม่พูดอะไร หลับตาอ้าปากหาว ตัวหอมยังคงเพ้อเกี่ยวกับวิธีทาครีม ทั้งบอกว่าควรทาตัวไหนก่อนและทาตัวไหนต่อ รวมถึงวิธีการทา ยุ่งยากวุ่นวายจนปล่อยมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เมื่อเขาถามว่าเข้าใจไหม ก็พยักหน้าทั้ง ๆ ทีไม่เข้าใจอะไรเลย

   ตอนนี้มีอยากเดียวที่อยากจะขอ

   ปล่อยผมไปนอนเถอะ

   ไหว้ล่ะ

   ปัง ปัง

   ทั้งผมและตัวหอมหยุดชะงักกับเสียงทุบประตู

   “ทำไมยังไม่นอน?”

   “น้องพิชญ์นอนแล้ว แต่นอนไม่หลับ” คนมาเคาะคือน้องพิชญ์ ยืนตาแดงกอดตุ๊กตาโทรลจากประเทศฟินแลนด์

   “นอนกัน”

   “เฮ้ย! ปล่อยให้ไปนอนห้องตัวเองสิ” ผมไม่สนใจเสียงโวยวาย ปล่อยน้องพิชญ์ลงบนเตียง แล้วตามขึ้นไป ให้น้องนอนอยู่ตรงกลาง

   บ็อก บ็อก

   เหลือบตาไปมอง ไอ้เบื๊อกตะกรุยเตียงพยายามจะปีนขึ้นมาแต่ไม่สามารถ เพราะขามันสั้น จึงถอนใจแล้วนอนแผ่อยู่ข้างเตียงแทน

   “มานอนสิคุณ ดึกแล้วนะ”

   “จิ๊!”

   “nite nite” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยบอกพร้อมกับริมฝีปากที่แตะลงบนแก้ม จากนั้นน้องก็พูดและทำแบบเดียวกับที่ผมต่อพี่ชายตัวเอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับคือ...

   “รำคาญ”

   “งื่อ”

   “หึ goodnight ครับ” หอมแก้มนิ่มเบา ๆ แล้วกระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคน

   จุ๊บ

   “อะไรนักหนา!?”

   “พี่จริงใจบอกว่าจุ๊บพี่ภัคไม่ถึงเลยฝากน้องพิชญ์จุ๊บแทนคับ”

   “น่ารำคาญ นอนกันได้แล้ว ถ้าไม่นอนก็ออกไปนอกห้องเลยไป!”

   “งื่อ... พี่ภัคมีสีแดง ๆ ออกมาด้วย” น้องหมายถึงว่าโกรธ เคยดูการ์ตูนแล้วเวลามันโกรธหรือโมโหจะมีแสงสีแดงกระจายอยู่รอบ ๆ จึงเอามาใช้กับพี่ชายบ้าง

   “พรุ่งนี้พี่จริงใจพาไปเที่ยว” คนอายุน้อยที่สุดผุดตัวขึ้นนั่งทันที่ เพราะไม่ได้ปิดไฟจึงทำให้เห็นตากลม ๆ เบิกกว้างอย่างตื่นเต้น

   “จริงนะ!?”

   “ครับ”

   “เย้! แล้วพี่ภัคไปไหมคับ?” ผมพยักหน้า “ลักกี้ไปไหม?” ผมส่ายหน้า

   “ทำไมลักกี้ไม่ได้ไปล่ะ?”

   “ลักกี้เป็นสัตว์ พาไปด้วยไม่ได้”

   “แย่จัง เดี๋ยวพิชญ์เที่ยวเผื่อนะลักกี้

   หงิง

   นี่ก็ครางรับอย่างกับรู้เรื่อง

   “พี่จริงใจจะพาร้องพิชญ์ไปเที่ยวที่ไหนเหรอ...?”

   “ไป---”

   “เงียบแล้วนอนสักที!”

   “อุ๊ย!” น้องร้องขึ้นแล้วยกมือปิดปาก ผมขำกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น เด็กน้อยตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยวนอนไม่หลับ ตากลม ๆ เหลือบมองผมแล้วอมยิ้มแก้มตุ่ย อดใจไม่ไหว น่ารักจนต้องฟัดแก้มขาวนุ่มให้หายมันเขี้ยว ผมชอบเด็ก เพราะตัวเองก็มีน้องให้ดูแล แถมยังมีหลานมาให้เลี้ยงอีก (ลูกของน้าขลุ่ย) จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่นกับน้องพิชญ์แบบนี้

   เราสองคนพูดกับเสียงเบาคล้ายกระซิบ มีเพียงแค่ลมออกมา เพราะน้องกลัวพี่ชายจะดุ ผมเองก็เลยตามน้ำไปด้วย ไม่นานเด็กน้อยก็อ้าปากหาว ก่อนดวงตากลมโตจะปิดลงและหลับไปในที่สุด

   ตอนนอนก็เบียดผมอยู่หรอก แต่ว่าพอเช้ามากลับเข้าไปมุดอกพี่ชายซะงั้น ส่วนตัวหอมก็กอดน้องไม่รู้ตัว คงคิดว่าเป็นหมอนข้างหรือตุ๊กตา

   ปล่อยให้ทั้งคู่นอนไป ผมอุ้มไอ้เบื๊อกที่นั่งลิ้นห้อยอยู่ข้างเตียงลงไปข้างล่าง เพื่อหามื้อเช้าให้มันกิน





   “ตื่นเต้นอ่า ทำไงดี ฮือ” ไจ่ไจ๋ซอยเท้าอยู่กับที่ ตาตี่ ๆ มองซ้ายมองขวา ถูมือไปมาไม่หยุด ผมนั่งกอดอกอยู่ที่เก้าอี้ ก่อนจะหลับตาลง ถึงแม้ภายนอกจะนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่ข้างในปั่นป่วนไม่น้อยเลย

   วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะประกวดกัน ไจ่ไจ๋เลยมีสภาพเป็นแบบนั้น ส่วนวาฬกับข้าวฟ่าง ก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นัก งานนี้คนค่อนข้างเยอะ เพราะมันตรงกับช่วงเทศกาลปลายปีด้วย นอกจากคนดูที่เยอะ คนที่สมัครเข้าแข่งขันก็เยอะเช่นกัน การสมัครรอบแรกนั้น ทางคณะกรรมการจะคัดเลือกจากคลิปวีดีโอที่แต่ละทีมส่งไปตั้งแต่เมื่อต้นเดือน วงไหนที่มีรายชื่อ จึงจะสามารถขึ้นแสดงบนเวทีได้ ไม่อย่างนั้นหากทุกวงที่สมัครขึ้นประกวดโดยตรง คงใช้เวลานานพอสมควร

   ถึงจะมั่นใจว่ายังไงวงเราก็ต้องเข้ารอบ แต่ตอนประกาศแล้วเห็นชื่อวงตัวเอง ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ

   “กูไปห้องน้ำนะ” หัวหน้าวงบอก

   “ไจ๋ไปด้วย!”

   “รีบกลับมา” ผมพูดแค่นั้น ทั้งสองพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นวาฬขอตัวไปหาครอบครัวที่มาเชียร์ ส่วนผม...คิดว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์มือถือสั่นครืดขึ้นมาเสียก่อน

   “ครับ?”

   (“นายอยู่ไหน?”)

   “หลังเวที คุณล่ะ?”

   (“อยู่ด้านหน้า กับทุกคน”)

   “อืม .....อยากเจอ”

   (“คนนอกเข้าไปได้หรือไง?”)

   “แป๊บนะ”

   “โทษนะครับ คนนอกเข้ามาตรงนี้ได้ไหมครับ?” ผมถามทีมงานโดยที่ยังไม่วางสายจากตัวหอม

   “ญาติหรือเปล่าคะ?”

   “ครับ”

   “ถ้าญาติก็ได้ค่ะ แต่ไม่นานนะคะ จะถึงเวลาแล้ว”

   “ครับ ขอบคุณครับ”

   หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที เจ้าของร่างบอบบางก็มาปรากฏกายตรงหน้าผม

   “ดูไม่จืดเลยนะ”

   “กอดหน่อย” ตัวหอมเลิกคิ้วกับคำพูดของผม ไม่นานก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนเรียวแขนเล็กจะสวมกอดที่รอบเอว ผมโอบไหล่บางแล้วซบหน้าลงไปให้อีกคนลูบหัวเบา ๆ

   “ไม่คิดว่าจะมีมุมนี้”

   “ผมก็มีความรู้สึกนะครับ”

   “เด็ก”

   อายุแค่สิบเจ็ดก็ต้องเด็กป่ะวะ

   “อ้าว พี่ภัคมาไงอะ?” เงยหน้าจากไหล่แคบมองไปด้านหลัง ข้าวฟ่างกลับมาพร้อมกับไจ่ไจ๋และมีวาฬตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

   “ไอ้เราก็คิดว่าแกร่งไม่รู้สึกอะไร โด่ เอาความศรัทธาไจ๋คือมาเลยนะ”

   ผมยกนิ้วกลางให้มัน ปล่อยแขนออกจากการกอดตัวหอมเขาจึงได้หันไปเผชิญหน้าหน้ากับเพื่อนร่วมวงของผม

   “ตื่นเต้นไหม?”

   “มาก ๆ เลยครับ”

   “พี่ภัคกอดไจ๋หน่อยฉิ”

   “กอดกูไหม?”

   “โห พี่จริงใจหวงอะไร นี่น้องนะ”

   “นี่ผัว” ไจ่ไจ๋ตาเหลือก ข้าวฟ่างกับวาฬหัวเราะเสียงดัง หันมามองคนข้าง ๆ แก้มขาวขึ้นสีแดงจาง ๆ แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งราวกับไม่สนใจ

   “อีก 15 นาที วงแรกเตรียมตัวนะครับ!!!” เสียงสตาฟผู้ชายดังแทรกอากาศ

   “ฉันออกไปข้างนอก”

   “ครับ”

   “พี่ภัคเชียร์ไจ๋ด้วยนะ”

   “แน่นอน” ตัวหอมเข้าไปกอดมือคีย์บอร์ดแล้วผละออกไป ไจ่ไจ๋ยังตาเหลือกไม่ได้สติ

   ผัวะ!

   ผมตบหัวมัน

   “มะ เมื่อกี้...พี่ภัคกอดไจ๋”

   “แล้วไง?”

   “ตัวโคตรหอมเลย!!!”

   ป๊าบ!!!

   “โอ๊ย!!”

   “ของกู!”

   “ขี้หวง!!”

   “พอ ๆ ไปเตรียมตัว ขืนมึงตบมันอีกได้ลืมโน้ตแน่ สมองยิ่งไม่ค่อยมีอยู่” หัวหน้าวงกล่าวแล้วแยกผผมกับไจ๋ออกจากกัน

   การแสดงของวงแล้ววงเล่าผ่านไปเรื่อย ๆ เมื่อใกล้ถึงลำดับของตัวเองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากเท่านั้น หัวใจเต้นแรง มือชื้นเหงื่ออยู่พอสมควร

   “เชิญพบกับวงต่อไปกันเลยครับ วงนี้เรียกได้ว่าคนรู้จักเยอะเชียว โอ้โห มีป้ายไฟมาเชียร์ด้วยเหรอครับเนี่ย ไม่ธรรมดาจริง ๆ”

   “ใช่แล้วล่ะค่ะ วงนี้เคยแข่งมามากมายหลายเวทีแล้วนะคะ แถมยังได้รางวัลชนะเลิศมาครองบ่อย ๆ และเป็นที่รู้จักในอินเทอร์เน็ตมากเลยล่ะค่ะ”

   “เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เชิญพบกับ...”

   “Heartattack!!!”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!”

   “พวกแม่งมีไรให้กรี๊ดวะ?” ข้าวฟ่างถามด้วยเสียงเหวี่ยง อย่างที่รู้ ๆ ว่ามันไม่ชอบวงนี้ จากเหม็นหน้าเฉย ๆ เริ่มรุนแรงขึ้น จนกระทั่งแม้แต่เจอหน้าก็ถึงขั้นมีเรื่องชกต่อย ส่วนใหญ่จะเป็นหัวหน้าวงของผมและกับหัวหน้าวงของอีกฝั่ง

   ปัญหามาจากฝ่ายนั้นแย่งผู้หญิงที่ข้าวฟ่างคุยอยู่ไป ด้วยชื่อเสียงหรืออะไรทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะทิ้งข้าวฟ่าง มันก็เลยแค้น

   ระหว่างที่ฮาร์ตแอทแทคกำลังแสดงก็มีหลายคนที่นั่งรออยู่ในนี้พูดถึงอยู่เหมือนกัน ยิ่งได้ยิน ข้าวฟ่างก็ยิ่งไม่พอใจ หัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่เลิก

   “ทำหน้าดี ๆ หน่อยพี่”

   “กูหงุดหงิดแม่ง เสียงร้องก็อย่างกับเป็ด แหวะ”

   “เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะโว้ยยยย” วาฬว่าขำ ๆ แต่อีกคนไม่ขำด้วย ข้าวฟ่าวมองตาขวาง สบถออกมาด้วยความหัวเสีย

   “ได้เหี้ยไรล่ะ มึงจะได้เจอตีนกู”

   “ง่อวววว โหดซะด้วย”

   “ควาย”

   ท่าทางจะอารมณ์เสียแบบกู่ไม่กลับจริง ๆ ไจ๋กับวาฬเลยเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นเพื่อดึงอารมณ์ของหัวหน้าวงกลับมา แต่แล้วความพยายามของพวกมันก็ไม่เป็นผลเมื่อ Heartattack แสดงจบและเข้ามาหลังเวทีพอดี

   “ไง”

   “เสือก” หัวหน้าวงพวกผมตัดสัมพันธไมตรีไปอย่างไร้เยื่อใย แถมยังไปมองเขาตาขวาง จริง ๆ แล้วพวกมันก็ไม่ได้แย่อะไร ผมยังเคยไปแฮงก์เอาท์ด้วยเลย มีแค่ข้าวฟ่างนั่นแหละที่อคติ

   “พวกพี่เจ๋งโคตร!” ไจ่ไจ๋ชมพร้อมชูนิ้วโป้งให้ อีกฝ่ายผงกหัวรับพร้อมขอบคุณ

   “เต็มที่นะ เชียร์อยู่”

   “ขอบคุณ” ผมบอก เหล่ข้าวฟ่างที่กำลังอารมณ์เสียได้ที่ มันจิปากบ่อยครั้ง ท่าทางแบบนั้นยิ่งน่ายั่วโมโหไปใหญ่

   “เชี่ยเอ๊ย ตัวห่าอะไรวะ น่ารำคาญฉิบหาย” คนอายุมากที่สุดในวงปัดมือไปมาราวกับไล่แมลง ผมและคนอื่น ๆ ถอนหายใจเฮือก ก่อน Heartattack จะกลับไปนั่งที่ที่ของตัวเอง

   “ไปซะได้ก็ดี”

   “เรื่องมันก็ตั้งนานแล้วพี่ยังฝังใจอยู่อีก”

   “เรื่องของกู!”

   “พอได้แล้ว เสียสมาธิหมด เดี๋ยวก็ต้องขึ้นแล้ว”

   “เออ ๆ”

   

   “จบไปแล้วอีกหนึ่งวงนะครับ เราไปพบกับวงต่อกันดีกว่านะครับ”

   “วงนี้ก็ไม่ธรรมดานะคะ มีแฟนคลับเยอะทีเดียวเลยค่ะ ทั้งหน้าตาของสมาชิกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไหนจะความสามารถที่ไม่เป็นรองใคร และพวกเขาทั้งสี่คนยังมาจากโรงเรียนเดียวกันอีกนะคะ”

   “แหม พูดขนาดนี้ผมชักอยากรู้จัก คิดว่าผู้ชมทุกท่านก็คงอย่างรู้เหมือนกัน”

   “ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นมาเลยดีกว่าค่ะ”

   “HISTASIA!!!!!”





----------------------
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่า ไว้เจอกันตอนหน้า ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 11-07-2017 20:50:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-07-2017 20:52:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 11-07-2017 21:22:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-07-2017 21:30:35
น้องพิชญ์ น่ารัก
ขำภัค เช้ามากอดน้อง น้องก็ซุกอกพี่

เบื๊อก เป็นหมาหลายเจ้าของ หลายบ้านไปและ

ข้าวฟ่าง แค้นฝังหุ่น แย่งจีบหญิงกันนานเน ป่านนี้ยังไม่หายโกรธ
น่าจะรู้ว่าจริงๆ คนผิดคือแฟนที่เปลี่ยนใจ แฟนแบบนี้รีบๆเลิกไปน่ะดีแล้ว
ชักแปลกๆกับหัวหน้าวงHEARTATACT กับวง HISTASIA  และ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 11-07-2017 21:34:49
เจเจน่าร๊ากกกอ่ะ มีมุมอ้อนๆด้วยยยย ขอแบบนี้อีกเยอะๆได้ป่าววววอิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 11-07-2017 21:54:11
เปิดเรื่องต่อไปได้เลยนะเนี่ย หัวหน้าวงกับหัวหน้าวง ในรั่วมหาลัยเดียวกันอีก^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 11-07-2017 21:58:39
จริงใจอ้อนหรอออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-07-2017 22:10:51
เกลียดเขามากๆก็ระวังจะรักเขาละกัน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2017 22:43:27
 :man1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-07-2017 22:44:45
จริงใจขี้หวงอ่ะ รอประกาศผลการแข่งขันตอนหน้านะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-07-2017 23:21:30
น้องพิชญ์น่ารักไปอีก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: FRXNKP ที่ 11-07-2017 23:30:44
 :katai1: :katai1: :katai1:
ขอการจริงใจ 1 อัตรา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-07-2017 23:42:38
งะเอาอีกจิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-07-2017 23:51:48
น้องพิชญ์น่าเอ็นดูจังเลยย ชอบตอนกอดกับตัวหอมม งื้อออ น่ารักกกกกก
จริงใจโหมดอ้อน ใจละลายยย มีอย่างงี้ด้วยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-07-2017 16:13:30
สู้ๆนะจริงใจ!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-07-2017 20:56:42
เด็กน้อยมีอ้อนให้กอดด้วย น่ารัก~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-07-2017 21:05:53
กำลังใจมาแบบนี้จริงใจตีกลองแตกเลยป่ะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-07-2017 21:54:04
เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะฟ่าง เสร็จแน่ :hao6:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-07-2017 06:52:08
 :pig4: :pig4 รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 43 ผมกับกำลังใจ | 11-7-60 | P.37
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-07-2017 14:06:40
ชอบจริงใจตอนแบบนี้มากเลยค่ะ แสดงออกมากๆๆๆๆ ไม่ทำมึนแล้วปล่อยผ่าน
ก็แบบนี้แหละเนาะ เค้าชัดเจนกันแล้ว  :hao7:

ณภัคหึงหนักมาก 5555 น่ารักมากเลย แล้วดูแกล้งน้อง ปากแข็งไปเหอะนะ แต่น้องพิชญ์ก็รัก

น้องพิชญ์น่ารัก น้องดูบอบบาง แต่ไม่แปลกเนาะ น้องอยู่คนเดียวเยอะ ภัทก็มีเวลาน้อย ตอนนี้เลยมาอ้อนพี่ภัคเพิ่ม พี่จริงใจด้วย

แหมมม ขอกำลังใจแบบถึงตัว แบบเปิดเผย น่ารักกกกก ก ล้านตัว
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 18-07-2017 21:03:56
ความที่ 44
ผมกับความเบลอ







   “เย่!!!!” เสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นพร้อมกับเสียงแก้วกระทบกัน

   ตอนนี้ทุกคนอยู่กันที่บ้านของผม เพื่อเป็นการฉลองที่ HISTASIA ผ่านเข้ารอบต่อไป คุณจอมจิตตรีจึงออกตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารทุกคน หากจะไปที่ร้านก็ไม่สะดวกเพราะมีกันมากกว่าสิบคน จึงมาทำอะไรทานที่บ้านแทน จริง ๆ แม่เตรียมการไว้ตั้งแต่รู้วันที่พวกผมจะประกวดแล้ว คุณเขาบอก จะตกรอบหรือเข้ารอบก็จะทำ อือ เอาเถอะ ตามใจครับ ไม่มีใครขัดใจท่านประธานเธอได้อยู่แล้ว

   “เต็มที่นะเด็ก ๆ ใครอยากได้อะไรบอกได้เลยค่ะ” แต่ละคนยิ้มรับเพราะปากเต็มไปด้วยอาหาร โดยเฉพาะไอ้ไจ๋ แก้มบวมแข่งกับจันทร์เจ้าแล้ว

   “แข่งอีกวันไหน?”

   “หลังปีใหม่” ผมตอบตัวหอมก่อนตักอาหารใส่จานให้เขา

   “ลูกพี่น้องจริงใจสุดยอดมาก พี่เก่งอ้าปากค้างเลย อย่างเท่” พี่เก่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่เยื้องออกไปบอกพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้

   พี่เก่งมาดูพวกผมแสดงด้วย พอรู้ผลเขาก็มาแสดงความยินดี ผมจึงชวนพี่เขามาทานข้าวด้วยกัน ทีแรกพี่เก่งปฏิเสธ แต่แม่ผมออกปากชวนอีกแรง ผลก็อย่างที่เห็น ใครจะปฏิเสธคุณจอมจิตตรีได้ วันนี้ฝรั่งมาด้วย มิเกลส่งสายตาพิฆาตมาเป็นระยะ นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กผีได้เจอตัวหอม คนของผมก็รับรู้ถึงรังสีบางอย่าง ตาเรียวหรี่มองปกติ แต่มันเหมือนเขากำลังหาเรื่อง จ๋าจ้าเข้ามากระซิบถาม ‘พี่ภัคขา กับมิเกลจะตบกันไหมคะพี่จริงใจ?’

   อืม... ไม่รู้เหมือนกัน

   ทุกคนทานอาหารและคุยกันอย่างออกรส เว้นก็แต่ผมที่ส่วนใหญ่จะนั่งฟัง และตอบโต้บ้างเมื่อมีคนคุยด้วย จากคนแปลกหน้าก็เริ่มจะคุ้นเคย แต่ละคนค่อนข้างเป็นกันเองทั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนดึกดื่น หลาย ๆ คนก็ขอตัวกลับ แม้แม่ของผมจะให้พักที่นี่ได้ก็ตาม งานเลี้ยงทุกอย่างต้องมีวันเลิกรา หลังจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย ผมปีนขึ้นเตียง แต่ไม่ลืมไปราตรีสวัสดิ์ไอ้เบื๊อกด้วยการขยำพุงมันไปอีก จึงโดนตัวหอมมองตาขวาง โทษฐานไปทำร้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา

   ความเหนื่อยสะสมมาทั้งวัน ทำให้ผมค่อนข้างเพลีย ปรือตาขึ้นเล็กน้อยหลังจากรู้สึกถึงแรงยวบของเตียง มือของผมถูกดึงไปจับ มีเพียงความเงียบที่โรยตัวอยู่รอบ ๆ จากนั้นไม่นานผมก็ตัดขาดจากโลกภายนอก แล้วจมสู่ห้วงแห่งความฝัน






   ตึ๊ง ตึ๊ง

   เคาะกลองให้จังหวะ จากนั้นเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ ก็เริ่มบรรเลง หลังจบช่วงอินโทรน้ำเสียงนุ่มทว่ามีพลังของข้าวฟ่างเอื้อนเอ่ยบทเพลงตามทำนอง พวกเราเล่นไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีความกดดัน ใส่ความรู้สึกและจิตวิญญาณลงไปตลอดช่วงการแสดง  พวกเราแข่งขันกันหลายรอบจนมาถึงรอบสุดท้าย จะมีเพียงหนึ่งวงเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะจากห้าวง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยหลังจากมองไปด้านล่างเวทีแล้วประสานสายตากับณภัคเข้า เขาส่งยิ้มให้บางเบา

   ผมควงไม้กลองก่อนจะฟาดมันลงในจังหวะดุดันเมื่อเพลงเปลี่ยนอารมณ์ ผู้ชมด้านล่างโยกตัวไปตามจังหวะสนุกสนานของเพลง บ้างก็ลุกขึ้นเต้น เสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อเพลงจบ

   ข้าวฟ่างระบายยิ้ม ปล่อยมือจากกีตาร์เพื่อประคองไมโครโฟน กรอกเสียงผ่านลงไปเพื่อพูดคุยกับคนฟัง รอบนี้มีเวลาทำการแสดงถึงยี่สิบนาที คล้ายกับเป็นมินิคอนเสิร์ต

   “ต่อไปจะเป็นเพลงสุดท้ายจากพวกเราแล้วนะครับ” ผมคว้าน้ำมาเปิดดื่มขณะที่ข้าวฟ่างกำลังพูด “เพลงสุดท้ายนี้ ชื่อเพลง เบลอ เป็นเพลงที่มือกลองของเราเขียนเอง...”

   มันเว้นช่วงเอาไว้ เพราะเสียงกรี๊ดดังขึ้น

   รอบสุดท้ายนี้มีข้อบังคับว่าต้องแสดงเพลงที่แต่งเองหนึ่งเพลง

   “กรี๊ดดังขนาดนี้อยากฟังใช่ไหมครับ?”

   “อยาก!!!”

   “งั้นไปฟังกันเลย!”

   จบคำพูดของข้าวฟ่าง ผมกับมันก็สลับที่กัน เสียงกรี๊ดยิ่งดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม หูแทบแตก ... ยกกีตาร์ไฟฟ้าของข้าวฟ่างขึ้นสะพาย ปรับขาไมค์ให้พอดีกับระดับความสูง กรีดปลายนิ้วบนเส้นสแตนเลสเบา ๆ เสียงกลองให้จังหวะจากข้าวฟ่างดังขึ้น ผมมองลงไปด้านล่าง สบสายตากำลังตัวหอม ...ตลอดเวลาที่ร้องเพลงนี้

   เบลอ เป็นเพลงที่ผมเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกของตัวเอง จากการที่ได้เจอณภัค มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ผมใช้เหตุการณ์ตรงนั้น เรื่องความสัมพันธ์ของเรา ที่มันไม่ชัดเจนเลยสักนิด ความเหนื่อยจากการที่ต้องวิ่งตาม อดทนรอเพื่อให้เขาตอบรับความรู้สึก ท้อแท้จนสิ้นหวัง เบื่อหน่ายกับฝันลม ๆ แล้ง ๆ ทว่าหลังพายุฝนตกหนัก ก้อนเมฆมืดครึ้มต่างพากันเคลื่อนหนี พระอาทิตย์ดวงโตได้มีโอกาสส่องแสงสว่างให้ความอบอุ่น ท้องนภากว้างใหญ่ไร้เมฆบดบัง ฝาหนาค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงร่องรอยบางเบา

   .....บทเพลงท่อนสุดท้ายจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังขึ้น ผมยังไม่ละสายตาจากณภัค เขาเองก็ยังมองผมอยู่เช่นกัน

   เพลงเพลงนี้ เขาไม่รู้ว่าผมเขียนมันขึ้นมา และไม่รู้ว่าเราจะใช้เพลงนี้ในการแสดงรอบสุดท้าย และเรื่องที่ผมมายึดตำแหน่งนักร้องนำที่ผันตัวไปตีกลองชั่วคราวนั้น ก็ไม่มีใครรู้นอกจากพวกเราในวงเท่านั้น


   “สุดยอด!!” ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นเมื่อพวกเรามาถึงหลังเวที ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มประดับ แสดงถึงความสุข ความโล่งใจ ต่อให้ไม่ชนะ ก็ไม่เสียดายอะไร

   “มึงส่งอารมณ์โคตรดี” วาฬชม

   “แน่นอน” จะปฏิเสธก็ไม่ใช่แนวทาง ผมโกหกไม่เก่ง จึงตอบรับไปตรง ๆ จะถ่อมตัวหรือมั่นใจ ยังไงก็โดนด่าอยู่ดี

   “ขอรบกวนเวลาสักนิดนะคะ” ขณะที่เรากำลังคุยกัน ก็มีผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามา ในมือของเธอมีไมโครโฟน ด้านหลังมีผู้ชายถือกล้อง ผมกลอกตาไปมองเพื่อนร่วมวง พวกมันต่างส่งยิ้มให้กล้องและคุณคนนั้น ผมจึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ จะเดินออกไปคงเสียมารยาท

   ผู้จัดตั้งการประกวดครั้งนี้เป็นบริษัทด้านความบันเทิงรายใหญ่ในประเทศ ได้ยินว่าพวกเขาต้องการวงดนตรีหน้าใหม่ไปประดับวงการ หากวงใดได้รับรางวัลชนะเลิศ จะได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงในเครือโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นแล้วยังมีเงินรางวัลมอบให้ รวมทั้งของรางวัลอย่างอื่น ของรางวัลล่อใจขนาดนี้ การมีคนมาสมัครมากมายจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

   การพูดคุยกับทีมงานจบไป พวกผมจึงนั่งเล่นกันระหว่างรอประกาศผล ตอนนี้มีศิลปินจากค่ายผู้จัดทำการแสดงอยู่ มีหลายคนออกไปดู แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม

   ตอนนี้เหนื่อยมาก อยากกลับบ้านไปนอนจะแย่แล้ว

   “หิวว่ะ” ข้าวฟ่างบ่นขึ้น มองซ้ายมองขวามองหาของกิน

   “อือ”

   “มึงหาอะไรให้กินหน่อยดิ” อยากถีบฉิบหาย เพราะวาฬกับไจ๋ออกไปดูคอนเสิร์ต คนถูกใช้จึงเป็นผม น่ารำคาญ

   “อ้าว เวร” เผลอหลุดสบถเมื่อแซนด์วิชปูอัดชิ้นสุดท้ายถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา

   “จะเอาเหรอ?” แทม หัวหน้าวงหัวใจวายถามด้วยสีหน้ากวนประสาท กูไม่แปลกใจละทำไมข้าวฟ่างเกลียดนักหนา

   “เออ”

   “กูจะกิน โทษทีว่ะ ทำไงดี อันสุดท้ายแล้วด้วย”

   “ทำไงดี กูจะเอาไปให้ข้าวฟ่างด้วยว่ะ”

   “เหรอ” จากนั้น... แซนด์วิชปูอัด ก็ถูกวางลงบนถาดเหมือนเดิม

   หึ

   “ทีมมึงไปไหนหมด?”

   “ข้างนอกนู่น มึงล่ะ?”

   “เหมือนกัน เหลือกูกับฟ่าง ไปนั่งด้วยกันไหม?” แทมวาดยิ้ม รีบพยักหน้าตกลงแทบจะทันที




   “ไปนานจังวะ?” ผมไม่ตอบ โยนแซนด์วิชให้มัน ข้าวฟ่างรีบตะปรบพอแกะได้ก็กัดไปคำใหญ่ ความหิวโหยทำให้ไม่สนใจกับใครอีกคนที่เข้ามาด้วย

   “โอ๊ยยย แซนด์วิชปูอัด ที่รักของกู นึกว่าหมดแล้ว”

   “ของแทมน่ะ”

   “แค่ก ๆ”

   “นั่นก็น้ำของแทม”

   พรวด!

   ไอ้เวรเอ๊ย! ถ้าหลบไม่ทันโดนหน้าผมเต็ม ๆ แน่ ส่งสายตาไม่พอใจไปให้คนทำ เพราะมัวแต่สนใจของกินมันจึงไม่หันไปมองด้านหลัง พอเขาส่งน้ำให้ก็รับไปดื่มอึก ๆ แทมกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง

   “มาหาพ่อมึงเหรอ!?”

   “เปล่า มาหามึง”   

   “ควาย ใครอยากเจอมึง”

   “ไม่เป็นไร กูอยากเจอมึงก็พอแล้ว”

   “จิ๊!” ผมได้แต่สั่นหัวระหว่างมองพวกมันเถียงกัน ทำไมต้องมานั่งอยู่ในบรรยากาศประหลาดแบบนี้ด้วย ข้าวฟ่างหน้าบึ้ง ถึงบอกว่าเกลียดแต่พอแทมพูดอะไรด้วยมันก็ตอบกลับทุกอย่าง แล้วก็มาจิปากขัดใจทีหลัง สนุกไอ้แทมล่ะ



   “โคตรมัน!” ไจ่ไจ๋พูดเสียงตื่นเต้นหลังจากกลับเข้ามาในที่พัก หัวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อแต่อีกคนไม่คิดจะสนใจ คอนเสิร์ตจากศิลปินตัวจริงจบไปแล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นการประกาศรางวัล

   ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากเล่นเกมเสร็จ ส่วนไม้กลองก็เสียบไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง เนื่องจากตอนนี้กระเป๋าประจำตัวผมอยู่ที่ณภัค ซึ่งอยู่ด้านนอก

   “ตื่นเต้นว่ะ” ข้าวฟ่างว่า เขย่ามือไปมา

   “อืม”

   “ถ้าเราไม่ชนะจะทำไงวะ?”

   “ไม่ทำไง มาได้ขนาดนี้ก็เหนือความคาดหมายแล้ว”

   “ก็จริง”

   “พี่คิดว่าวงไหนจะชนะ ไม่นับเราอ่ะ?” วาฬที่อยู่อีกด้านถามขึ้น ไอ้ฟ่างทำหน้าคิด แต่มันคงมีคำตอบให้ตัวเองแล้วล่ะ เพราะผมยังมีเลย จะเป็นใครไปได้นอกจาก...

   “หัวใจวาย”

   เห็นไหมล่ะ

   “พูดถึงพวกกูเหรอ?” แทมที่ยืนอยู่ข้างผมชะโงกหน้ามาเพื่อผ่านไปหาข้าวฟ่าง หัวหน้าวงพวกผมจิปาก มองตาขวางแล้วหันไปคุยกับไจ่ไจ๋ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

   “ไปกวนมัน”

   “มันน่าแกล้ง” แทมว่าแล้วขยับไปยืนดี ๆ ระหว่างนั้นพิธีกรก็ประกาศลำดับไปเรื่อย ๆ ผมก็ปรบมือให้ไปตามมารยาท จริง ๆ อยากยืนอยู่นิ่ง ๆ มากกว่า

   “คิดอะไรกับมันหรือเปล่า?”

   “อืม...” มันทำท่าคิด “ก็น่าคิดอยู่นะ”

   “แทม” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงนิ่ง แม้จะอายุมากกว่าแต่ผมไม่เคยกลัว ต่อยมันจนเลือดกบปากก็ทำมาแล้ว ถ้าต้องวางมวยกันอีกมันจะไปน่ากลัวอะไรกัน ไอ้แทมหัวเราะพลางยกมือขึ้นคล้ายว่ายอมแพ้ ก่อนที่จะได้พูดอะไร เสียงพิธีกรสาวก็ดังขัดเสียก่อน

   “ต่อไปนี้เหลือเพียงแค่สองรางวัลแล้วนะคะ”

   หืม... ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมจึงหันไปมองข้าง ๆ รางวังรองชนะเลิศทั้งสามลำดับถูกประกาศไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงที่ 1 และที่ 2 แล้วสองวงที่เหลือก็มีเพียง Heartattack กับ HISTASIA

   ถึงว่า ทำไมข้าวฟ่างขยับตัวไม่หยุดแบบนั้น

   “เรามาประกาศรางวัลชนะเลิศอันดับที่หนึ่งเลยดีกว่านะครับ”

   จากนั้นกลองจังหวะระทึกก็ดังขึ้น คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน ถึงแม้จะรู้ว่าอาจไม่ชนะ แต่ก็อดคาดหวังไม่ได้ ยังไงเราก็ทุ่มเทกับมันไปมาก ได้อะไรติดมือกลับไปบ้างก็คงดี...

   “และวงที่ได้รับรางวัลชนะเลิศก็คือ...”

   จังหวะหัวใจเต้นระรัว เมื่อหันไปมองเพื่อร่วมทีมก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่

   ผมเกลียดช่วงเวลานี้ที่สุด พิธีกรไม่ยอมประกาศเสียที ลุ้นจนขี้เกียจลุ้นแล้ว หมดอารมณ์

   “วงที่ชนะเลิศในการประกวด New Gen Music Contest ได้แก่....!!!!”

   “#%&@=+#”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

   เมื่อกี้ประกาศว่าอะไรนะ เนื่องจากเสียงกรี๊ดที่ค่อนข้างดังทำให้ผมไม่ได้ยิน ข้าวฟ่างเองก็ทำหน้างงไม่ต่างกัน พอหันไปมองข้าง ๆ เห็นแทมฉีกยิ้มกว้าง จึงคิดว่าพวกมันชนะแน่...

   “ขอเชิญ HISTASIA ด้านหน้าด้วยครับ”

   “ปรบมือต้อนรับแชมป์ของเราด้วยค่า!”


   “เฮ้ย!!!” ข้าวฟ่าง ไจ่ไจ๋ และวาฬร้องขึ้นมาพร้อมกัน

   “เราชนะเหรอวะ?”

   “ยินดีด้วย” แทมบอกกับพวกผม

   นั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าวงตัวเองชนะไม่ใช่วงข้าง ๆ

   “ยินดีด้วยนะ” พวกผมยกมือไหว้แล้วรับป้ายรางวัลมา หน้าตาแต่ละคนโคตรเด๋อ ยังไม่หายงงกันเลยครับ

   หลังจากนั้นพวกเขาก็ให้เราพูดความรู้สึก ผมบอกแค่ว่า ขอบคุณ แล้วส่งไมค์ต่อให้คนอื่น พวกเราได้แสดงส่งท้ายอีกหนึ่งเพลง จากนั้นงานก็จบ ก่อนที่ผู้ชมจะทยอยออกจากฮอลล์




   “เราได้จริง ๆ เหรอวะ!!?” แม้ลงมาเก็บของที่ด้านหลังเวทีแล้ว พวกมันก็ยังไม่เชื่อว่าตัวเองชนะกัน แม้แต่ผมเองก็เถอะ คิดว่ายังไง Heartattack ก็ได้แน่ ๆ

   ยอมรับว่าอีกฝ่ายเก่งมาก

   “ในมือพี่คืออะไรล่ะ?” ข้าวฟ่างยกสิ่งของที่ถืออยู่ขึ้นมอง ก่อนรอยยิ้มกว้างอย่างยินดีจะปรากฏ ริมฝีปากสีอ่อนแนบลงบนถ้วยรางวัล

   “เด็กปีศาจ!” จันทร์เจ้ามาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้ามา ผมต้องทิ้งไม้กลองลงเพื่อโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของพี่ชาย “จริงใจเก่งมากเลย!”

   “ร้องไห้เหรอ?”

   “อือ ดีใจมากไปหน่อย แหะ ๆ” ตากลม ๆ นั่นมีรอยแดงจาง ๆ ผมสั่นหัวคล้ายระอา จันทร์เจ้าหันไปแสดงความยินดีกับอีกทั้งสามคน ผมส่งยิ้มให้คนด้านหลัง พ่อกับแม่กำลังมองมา พวกท่านทั้งสองส่งยิ้มมาให้ แถมยังยกนิ้วโป้งให้อีกด้วย

   ผมเดินเข้าไปกอดคุณจอมจิตตรี มือที่โอบอุ้มผมมาต้องแต่เกิดตบหลังผมเบา ๆ

   “เก่งมากจริงใจ แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลยรู้ไหม?”

   “ถ้าผมแพ้ล่ะ?”

   “แค่เป็นลูก ต่อให้ผลจะเป็นยังไง แม่ก็ภูมิใจทั้งนั้น”


   โคตรรักเลย

   “ยินดีด้วยนะครับ”

   “ขอบคุณครับพ่อ” พ่อกับแม่คุยกับผมสักพัก ก่อนจะผละออกไปพูดคุยทักทายผู้ปกครองของเพื่อนในวงผมด้วย อยู่ในนี้มาสักพัก เพิ่งรู้ว่ามีกล้องเข้ามาถ่าย ผมรั้งคอพี่ชายเข้ามา ก้มลงไปกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน

   “ณภัคล่ะ?”

   “รออยู่ข้างนอกอ่ะ”

   “อ่า...”

   “พี่จริงใจขา!!!”

   “อั่ก!” จ๋าจ้ากระโดดเข้ากอดจนรับแทบไม่ทัน “ทำบ้าอะไร?”

   “โง้ย กอดไง กอดดดด กอดกัน คิคิ ดีใจด้วยนะคะ พี่จริงใจของเค้าเท่สุด ๆ เลย”

   “เหรอ? เมื่อกี้หายไปไหนมา?”

   “อุ๊ย... เค้าไปขอถ่ายรูปกับพี่แทมมา แหม... นาน ๆ จะได้เจอนี่นา พี่แทมหล่อจนใจสั่นเลยค่ะ”

   “หึ”

   “โอ๋น้า พี่จริงใจไม่งอนเค้าน้า ดีกัน ๆ กิ้ว ๆ”

   “ไร้สาระ ออกไปเลย”

   “ง่อวววว เขินล่ะสิ” จ๋าจ้าโยกตัวไปมาพร้อมทำหน้าทะเล้น นิ้วเล็ก ๆ ยื่นมาเขี่ยแก้ม จนผมยิ้มออกมาเจ้าตัวถึงพอใจ

   อยู่ข้างในนี้พักหนึ่ง จึงบอกลากับทุกคนแล้วแยกตัวกลับ พ่อกับแม่ชวนคนอื่น ๆ ไปทานข้าวด้วยกัน แต่พวกเขาปฏิเสธเพราะจะไปกับครอบครัวเหมือนกัน ซึ่งพ่อแม่ผมก็เข้าใจ จึงนัดกันไว้โอกาสหน้า




   “จริงใจของพี่ฟ้าเก่งที่สุด” พี่ฟ้าบอกพร้อมกับเข้ามากอด ผมซบหน้ากับไหล่ของพี่ชายคนดีโดยไม่ลืมที่จะกอดตอบ

   “เพราะเป็นจริงใจของพี่ฟ้าไงครับ”

   “โอ๊ย พูดแบบนี้อยากได้อะไรบอก พี่ฟ้าให้ทุกอย่างเลย”

   “ขอไร่วนิดา”

   “ได้! เดี๋ยวบอกป๋าโอนให้เดี๋ยวนี้”

   “อ้าว แล้วหนูล่ะพี่ฟ้า?” จันทร์เจ้าแย้ง

   “หนูด้วย!” จ๋าจ้ายกมือประท้วงบ้าง

   “หนูก็ให้แฟนหนูซื้อให้สิครับ รวยไม่ใช่เหรอ?”

   “จริงด้วย!” ทิวากาลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับสะดุ้ง

   “แต่หนูไม่มีแฟนนะ” จ๋าจ้ารีบท้วง

   “ว้า ไร่ก็มีที่เดียว คงต้องยกให้คนเดียว ไม่ลงตัว งั้นไม่ต้องเอาแล้วเนอะ”

   “อ้าว” เราร้องออกมาพร้อมกัน พี่ฟ้าฉีกยิ้มกว้างแล้วหมุนตัวไปหาน้าเจ้า ปล่อยเราสามพี่น้องทิ้งไว้ด้านหลัง

   ได้พี่ฟ้า ได้!

   “ดีใจด้วยนะคะน้องจริงใจ” พี่พีทเข้ามาบอก

   “ขอบคุณครับ”

   “ตอนน้องจริงใจควงไม้กลองเท่มากเลยค่ะ สุดยอด!” ผมยิ้มรับเมื่อพี่พินทร์ยกนิ้วให้

   “ได้ยินว่าวงที่จะชนะจะได้ออกซิงเกิ้ล จริงเหรอวะ?” คราวนี้เป็นพี่คลื่น

   “เห็นว่าอย่างนั้นครับ เขาคงเรียกเข้าไปคุยรายละเอียดอีกที”

   “หูยยยยยยย ขอลายเซ็นไว้ตอนนี้เลยได้ไหมคะ?” พี่พีททำตาเป็นประกาย ผมเบ้หน้า รู้สึกประหลาดชะมัด

   “เกินไป” แฝดคนน้องผลักหัวเพื่อนสนิท จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทะเลาะกันไปไม่สนใจผมอีก พี่คลื่นยังถูกดึงไปร่วมสงครามด้วยเลย

   “ถ่ายรูปด้วยหน่อย คนจะได้รู้ว่ามีน้องเป็นดารา”

   “ก็แย่ละ” ผมว่า แต่ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ เป็นหุ่นให้พี่แจนถ่ายรูปด้วย พี่สาวฉีกยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะคุยกับพี่พินทร์อย่างถูกคอ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คิ้วของผมก็เลิกขึ้น ขณะมองญาติอีกคน เจมส์ยื่นกำปั้นมา ผมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงส่งมือตัวเองออกไปชนกับมือของพี่ชายอีกคน แค่นั้น ไม่ต้องพูดอะไรมาก

   รอบนี้ฝรั่งไม่ได้มาดู เพราะพวกเขาไปต่างประเทศกัน ก็อยู่ในช่วงเทศกาลสิ้นปีนี่เนอะ จองตั๋วล่วงหน้าตั้งสองเดือน แถมจองที่พักไว้เรียบร้อย จะยกเลิกเพื่อมาดูผมก็เกินไปหน่อย แต่พวกเขายังส่งข้อความมาให้กำลังใจก่อนขึ้นแสดง และหลังจากนั้นยังส่งข้อความกลับมาแสดงความยินดีอีกด้วย คงจะเห็นข่าวจากอินเทอร์เน็ต (ไอ้เนตรก็ไม่ได้มาเหมือนกัน)

   ผมหยุดเดิน หันไปมองด้านหลัง สองคนสุดท้ายเองก็หยุดแล้วมองผมเช่นกัน ผู้ชายตัวสูงวาดยิ้ม เดินเข้ามาตบไหล่ก่อนเลยไปหาแฟนสาวของตัวเอง พี่คิงก็มาด้วย เพราะแจนมา... และอีกคน เขาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาผมอย่างช้า ๆ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เราสบตากันนิ่ง โดยที่ยังไม่พูดอะไร

   “ยินดีด้วย”

   “ขอบคุณครับ”

   “...เพลงสุดท้ายนั่น เพราะดีนะ”

   “หึ”

   หลุดหัวเราะ เมื่อคนไม่ชอบแสดงอารมณ์หน้าหูแดงก่ำ ก้านนิ้วเรียวยกขึ้นถูกจมูกราวกับไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เรื่องเพลงเบลอ แน่นอนว่าผมต้องโดนแซวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่พ่อ แม่ ป้า พี่ น้อง ยันเพื่อน สรุปคือทุกคน จันทร์เจ้านั่นตัวดี ทำเป็นงอแงหาว่าผมแต่งเพลงให้แค่ตัวหอมคนเดียว สุดท้ายก็ปิดท้ายด้วยการแซวจนคนของผมตัวแดงเป็นกุ้งลวก

   “ชอบไหมครับ?” ผมถาม

   “ชอบ”

   “เพลงหรือคนแต่ง” ตัวหอมกลอกตาไปมาราวกับเอือมระอามากมาย

   “ทั้งสองนั้นแหละ”

   ต้องยิ้มกว้าง ๆ ออกมาจนได้เลย ให้ตาย...

   “ผมก็ชอบนะ...”

   “....?”

   “ชอบคุณอ่ะ”

   เห็นริมฝีปากของเขาที่เม้มเข้าเม้มออกเพื่อกลั้นรอยยิ้มแล้วหมั่นไส้แปลก ๆ ผมกลอกตามองรอบ ๆ ทุกคนเดินนำหน้าไปแล้ว และแถวนี้ก็ค่อนข้างมืด  เป็นทางเดินไปลานจอดรถ เมื่อไม่มีอะไรผมจึงจัดการกดริมฝีปากแนบชิดกับกลีบปากสีแดงของเขา เม้มเบา ๆ แล้วกดย้ำไปอีกที

   “จริงใจ! พี่ภัค! เดินเร็ว ๆ ได้ไหมเราหิวมากเลยนะ ค่อยกลับไปจูบกันที่บ้าน!”


   จันทร์เจ้า... ไอ้หมูผี









--------------------------------------------
จันทร์เจ้าผู้ขัดขวางทางรักofficial
คือแบบ ทีแรกว่าจะไม่อัพแล้ว แต่กลัวโดนตบ (ฮา)
ง่วง ง่วงมาก ๆ วันนี้ตื่นเช้าไปเข้าป่ามาแล้วเมื่อคืนไม่ได้นอน (สมน้ำหน้า)
ตัวอะไรกัดไม่รู้ เกาจนคอแดงเถือกไปหมดละ
มีเรื่องจะบอก วันที่ 20 นี้ มนุษย์แฟนเด็กจะปิดจองแล้วนะจ้ะ ใครยังไม่จองรีบจองเด้อ อยากให้อ่านตอนพิเศษ กิกิ
รายละเอียดอยู่ในหน้าบทความมนุษย์แฟนเด็กและในเพจนะคะ (คลิกไปเพจตรงลายเซ็นด้านล่างก็ได้งับ)
และเรื่องสุดท้ายก็คือออออออออออออออออออ.........
ตอนหน้าจักรภัคจบแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาา
ไว้ค่อยมาพร่ำเพ้อตอนนั้นทีเดียว กรั่กๆ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าอีกประมาณ 5 วัน(มั้ง) นี่จะเข้าสู่ช่วงเรียนขับรถอย่างจริงละ อาจไม่มีเวลา
บั๊บบัยยยยยยย♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 18-07-2017 21:22:34
ยินดีกับน้องจริงใจและผองเพื่อนด้วยค่า เย้ๆ
จันทร์เจ้าน่ารักจัง ขัดขวางตลอดเวลา เรื่องของกินต้องมาก่อน 5555
น่ารักก ตอนหน้าจบแล้วเหรออ ขอหวานๆๆๆๆๆน้ำตาลเชื่อมเลยน้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 18-07-2017 21:31:53
 :a5: ตอนหน้าจบ. ยังสนุกอยู่เลย ขอตอนพิเศษด้วยน๊าาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2017 21:36:56
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 18-07-2017 21:42:28
 :laugh: :laugh: จันทร์เจ้า!!!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-07-2017 21:43:09
กำลังจะโรแมนติคแล้วเชียว จันทร์เจ้าขัดคอซะได้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-07-2017 21:52:01
 :-[ วอแวบอย อดใจไม่ไหว ถึงกะต้องขอจุ๊บเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 18-07-2017 21:54:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-07-2017 21:55:14
ขณะอ่านตอนนี้ยังรู้สึกแปลกๆ แบบว่าคล้ายๆจะใกล้ตอนจบ แล้วมันก็ใช่แม้จะเป็นตอนหน้าก็ตาม แอบรู้สึกเสียดายและเสียใจที่เรื่องจักรภัค จะจบแล้ว :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 18-07-2017 21:57:15
หนูจันทร์ลูก..พูดอะไร..คึคึ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-07-2017 21:58:28
ความหิวของจันทร์เจ้าพรากความโรแมนติกหายหมดเลย 555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Vaaanizs ที่ 18-07-2017 22:05:34
ไม่อยากให้จบเล้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: BaNoFfEe ที่ 18-07-2017 22:09:11
ขำลูกหมู คนเค้าจะโรแมนซ์กันไปขัดเค้าอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 18-07-2017 22:17:57
จันทร์เจ้าหมูผี!!!!! ไม่น่าเลย กำลังฟินอยู่เชียว เฮ้อ!!!!!

 :katai1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-07-2017 22:58:51
สนุกกกก  ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แล้ววงดนตรีของเด็กปีศาจ ก็ชนะ
สงสัยชนะเพราะเล่นดี และเพลงที่แต่งเอง "เบลอ"
ตัวหอมก็คงรู้ละว่าเพลงนี้มีที่มาจากตัวเอง

แทม ชอบข้าวฟ่างแล้ว
ยอมยกแซนวิซให้ข้าวฟ่าง
พอ HISTASIA ก็ยินดีด้วย ยิ้มซะเต็มที่ น่ารัก

จันทร์เจ้า ได้ทีแซวจริงใจซะดังเรื่องจูบ
แต่เรื่องหิว เป็นเรื่องจริงๆน่ะแหละ

ขำพี่ฟ้า ทำท่าจะยกไร่วนิดาให้จริงใจ
แต่พอจันทร์เจ้า จ๋าจ้าขอด้วย
ไปๆมาๆ ไม่ให้ใครเลย พี่ฟ้ากวนมาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 18-07-2017 23:01:45
งื่อออ จริงใจโรแมนนนนซ์อ่ะะะะ อิจฉาณภัค

ตอนหน้าจบแล้วหรอม้ายยยยยยน้าาาาาา เจเจยังไม่เข้ามหาลัยเบยยยยย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 18-07-2017 23:05:42
หวานนนน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-07-2017 23:07:53
โอ้ยจันทร์เจ้า :m20:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 18-07-2017 23:22:57
จันทร์เจ้าาาส เค้าสวีทกันอยู่โว้ยยย หวนๆแบบนี้ไม่ค่อยมา สะดุดซะหัวทิ่มเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 19-07-2017 00:22:26
จันทร์เจ้าลูกกก /เรียกทิวามาลากไปเก็บ!!! :hao7:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-07-2017 01:06:28
นี่หวีดตอนจริงใจอ้อนภัคมากกกอะ
ตั้ลล้ากกกกก
เรื่องต่อไปขอเชิญหัวหน้าวงทั้งสองค่าาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-07-2017 01:36:43
ยินดีกับความพยายามด้วยนะจริงใจทั้งเรื่องการแข่งจันและเรื่องความรักเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 19-07-2017 06:40:11
ยินดีกับจริงใจด้วยนะคะ :katai2-1: แต่จันทร์เจ้าคืออะไร5555555555 สงสารจริงใจกับณภัคเลย o13
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-07-2017 15:07:43
งี้ดังละจะวุ่นวายเพิ่มมั้ยเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-07-2017 16:42:44
จริงใจน่ารักของพี่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 19-07-2017 17:31:15
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 19-07-2017 18:40:44
โอ๊ย..ยิ้มแก้มแตก..
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-07-2017 15:51:27
ตอนหน้าจบแล้วเหรอ!?
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-07-2017 06:57:28
โอ๊ยยย จริงใจมีความเรียล มีความหวาน มีความอบอุ่น มีครบแบบผู้ชายคูลๆ
ทำณภัคเขินแล้ว เขินอีก น่ารักที่สุดค่ะ

กรีดร้อง ทีมชนะ ลงแข่งไม่หวัง แต่ก็มีคิดบ้างแหละเนาะ ดีใจด้วย พากันเบลอทั้งเพลง ทั้งคน 5555

แทมชอบข้าวฟ่างหรออ แหย่เหลือเกิน

จันทร์เจ้า ทำไมร้าย แต่พี่ฟ้าร้ายกว่า

จะจบแล้วหรอคะ ฮืออออออ คิดถึงแย่เลยยย มีตอนพิเศษสัก 5 ตอนนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 44 ผมกับความเบลอ | 18-7-60 | P.38
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 23-07-2017 21:08:30
ชอบบบบ น้องจริงใจจจจจจ อยากได้แบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 25-07-2017 20:03:57
ความสุดท้าย
ผมกับเขาและเรื่องของเรา






   “มีเวลามาเรียนด้วยเหรอวะ?”

   “เหอะ” ส่งเสียงอยู่ในคอ ก่อนฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเหมือนเดิม

   “ได้พักบ้างป่ะเนี่ย?” เนตรถามต่อ การที่ผมต้องมาหลับในเวลาเรียนแบบนนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบให้มันได้แล้วนะ

   ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นอะไรที่หนักหน่วงมาก และเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพลงของพวกเราถูกปล่อยมาแล้วหลายเพลง มีทั้งอัลบั้มและซิงเกิ้ล ผลตอบรับค่อนข้างดี เป็นที่พอใจสำหรับท่านประธาน กระแสดีมันก็ดี แต่ไม่ดีตรงที่กูไม่ได้นอนเลย

   ขนาดเวลานอนยังหาแทบไม่ได้ แล้วคิดว่าผมจะได้เจอคนที่บ้านป่ะ? แล้วคนที่บ้านยังไม่ได้เจอ ตัวหอมจะได้เจอเหรอ?

   คิดถึงจะตายอยู่แล้ว

   “เลิกเรียนแล้วไปไหน?”

   “งานเปิดตัวหนังรอบสื่อ”

   “อาฮะ” ไอ้เนตรเงียบไป ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณมาก แต่เคลิ้มจะหลับ มันพูดขึ้นมาอีก “เออนี่...”

   “ปล่อยให้กูนอนได้มะ!?”

   “ครับ ๆ ขอโทษครับ”

   ไอ้เวรนี่ ต้องให้หงุดหงิดก่อนถึงจะคิดได้




   “สวัสดีครับ” เรายกมือไหว้พี่ผู้จัดการ เขามารับผม วาฬ และไจ่ไจ๋ทันทีหลังเลิกเรียน เพื่อไปแต่งหน้าทำผมและแต่งตัว สำหรับงานตอนหนึ่งทุ่ม

   “โอ๊ย ผิวดีจังเลยลูก” เปิดตาขึ้นมองคนพูดเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอีกครั้ง คนพูดคือช่างแต่งหน้า เขากำลังใช้ฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นให้ผม

   “เสร็จแล้วค่า น้องจริงใจแต่งนิดเดียวก็หล่อ”

   “ขอบคุณครับ” เมื่อพูดจบผมก็ลุกออกไป ระหว่างที่รอคนอื่น ๆ ก็เอาโทรศัพท์ออกมาเล่น ผมยังไม่ชอบให้ใครโดนตัวอยู่เหมือนเดิม แต่เมื่อมาอยู่ตรงนี้ ก็ต้องรู้จักปรับตัว ถึงแม้จะค่อยข้างทำใจลำบากก็เถอะ

   17:46 J9 : เบื่อ
   17:55 np : สมน้ำหน้า
   17:56 J9 : อยากเจอ
   17:56 np : *สติ๊กเกอร์มองบน*

   “เรียบร้อยทุกคนแล้วใช่ไหม ไปกัน”

   18:27 J9 : รอผมด้วย

   พิมพ์ข้อความส่งไปครั้งสุดท้ายแล้วเก็บใส่กระเป๋า ผมบอกกับตัวหอมให้ไปรอที่งาน ผมให้บัตรเข้าชมสำหรับเขาไปแล้วหนึ่งใบ ซึ่งเป็นที่นั่งข้างผม (ใช้มารยาขอมา) ผมต้องปรับอารมณ์ก่อนถึงเดินตามคนอื่นเข้าไป ต่อให้อยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วแต่ผมก็ไม่เคยชินกับการเจอคนเยอะ ๆ เลยสักนิด

   “ดูหนังเสร็จแล้วต้องไปถ่ายรูปกับแฟนคลับด้วยนะ”

   พวกผมพยักหน้ารับรู้ ระหว่างที่ดูหนังอยู่ ผมยังไม่เห็นตัวหอมเข้ามาเลย ขยับตัวไปมาบ่อย ๆ เพื่อมองหาเขาจนถูกดุให้อยู่นิ่ง ๆ จนผ่านไปเกือบครึ่งเรื่อง คนที่ผมรอถึงเข้ามา

   “ช้า” ผมกระซิบเสียงเบาเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนข้าง ๆ  คือตัวหอม

   “รถติด”

   “โกหก”

   “อืม”

   ตัวหอมแม่ง!

   ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากอีกคน ผมหน้าบึ้งตึงแม้เขาจะไม่เห็น ถึงจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ผมก็เป็นฝ่ายคว้ามือเขามาจับเอาไว้ ปลายนิ้วเล็กกระดิกไปมา จนผมบีบเอาไว้เขาถึงยอมอยู่เฉย ๆ พวกเราต่างจดจ่ออยู่กับภาพยนตร์ตรงหน้า เหมือนหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวของแต่ละคน แต่ถึงอย่างนั้น มือของเราก็ยังคงสอดประสานกันเอาไว้ไม่ปล่อยออกจากกัน

   “พี่ภัค!” ไจ่ไจ๋กระโดดเข้าไปกอดคนของผมแน่น “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

   “นานแล้ว”

   “อ๋อ บัตรที่ขอไปเอาไปให้คนพิเศษนี่เอง” ผู้จัดการแซว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ HISTASIA รู้ครับว่าผมกับตัวหอมเป็นอะไรกัน พวกเขาถามตั้งแต่วันเซ็นสัญญาว่าใครมีแฟนบ้าง จะได้หาทางป้องกันเผื่อโดนขุดประวัติ ซึ่งในวงมีแค่ผมคนเดียว

   “คุณขับรถมาหรือเปล่าครับ?”

   “อืม”

   “ดี ผมกลับกับเขานะครับ” ผมบอก ขณะที่คว้ามือตัวหอมและกำลังจะก้าวออกไปนั้น เสียงของผู้จัดการก็ดังขึ้งมาขัดขาผมเสียก่อน

   “ต้องไปเจอแฟนคลับ ลืมหรือไง?”

   เออว่ะ ลืมแล้ว พอเจอตัวหอมก็ลืมทุกอย่างเลย




   “ใส่หมวกทำไมครับ?” ผมถามตัวหอม ตอนนี้เรากำลังจะไปหาอะไรทานกัน แยกกับทุกคนหลังจากถ่ายรูปแล้วพูดคุยกับแฟนคลับเสร็จ ของที่ได้รับมาก็เก็บไว้ที่รถของตัวหอม

   “เดินกับเซเลบต้องปลอมตัวน่ะสิ” ผมนิ่วหน้า ตัวหอมยกยิ้มพึงพอใจที่กวนผมได้สำเร็จ โคตรไม่ชอบให้พูดแบบนี้

   “เอาความจริง”

   “ย้อมผมมา”

   “หือ?” ผมปลดฮู้ดที่เขาสวมอยู่ออกแล้วถอดหมวกแก๊ปอีกที ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นเส้นผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลตอนนี้เป็นสีแดงเพลิง

   “ย้อมตั้งแต่เมื่อไหร่?”

   “เมื่อวาน พี่ฟ้าย้อมให้ สวยป่ะ? โคตรชอบ” เขายักคิ้วหลังพูดจบพลางจับผมตัวเอง แต่ผมไม่สนุกด้วยเลย ผมสีแดงแบบนี้เด่นเกินไป คนมองโคตรเยอะ ไม่ชอบโว้ย!!!

   พี่ฟ้านะพี่ฟ้า ทำไมต้องแพร่เชื้อใส่ตัวหอมของผมด้วย!

   “รีบเดินได้แล้ว หิว” มือเล็กดันหลังผมให้ออกเดิน อารมณ์หงุดหงิดเริ่มคลายลงเมื่ออาหารมาเสิร์ฟและตัวหอมทำตัวค่อนข้างน่ารัก คิดจะกลบเกลื่อนความผิดหรือไงวะ บอกไว้ก่อนเลย ไม่สนใจตอนนี้แต่จะไปทบต้นทบดอกทีหลัง

   “กินช้า ๆ” คนตัวเล็กกว่าบอกก่อนจะใช้กระดาษเนื้อนิ่มเช็ดปากให้ “อดอยากมาจากไหน?”

   “หลังจากเที่ยงก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย”

   ซึ่งตอนนี้สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว

   “นายผอมลงนะ” เขาพูดเสียงเครียด ไขว้แขนกอดอกแล้วถอนหายใจ

   “ครับ” ผมรู้ตัว เพราะทำงานหนัก เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยมีไง ข้าวก็กินไม่เป็นเวลา

   “เลือดกำเดาไหลหรือเปล่า?”

   “อือ”

   “จิ๊!!”

   มากกว่าสองครั้งแต่จำไม่ได้ ไม่ได้นับ

   ผมเอื้อมมือไปจับมือเขาแล้วเขย่าเบา ๆ ตัวหอมกำลังอารมณ์เสีย

   “ผมไม่เป็นไร”

   “เหรอ!?”

   “อือ แข็งแรงจะตาย”

   “เดี๋ยวจะได้ตายจริง ๆ”

   “น่า ใจเย็น ๆ ครับ”

   “น่ารำคาญ”

   “หึหึ”

   กว่าตัวหอมจะอารมณ์ดีได้ก็เสียเงินไปมากกว่าแสน เงินเขาทั้งนั้นแหละ ผมมีหน้าที่แค่ถือของให้ กว่าจะได้กลับบ้านก็จวนถึงเวลาห้างปิด ผมแย่งกุญแจรถจากตัวหอมแล้วชิงขับเอง ตอนนี้ผมมีใบขับขี่แล้วนะครับ ปลอดภัยแน่นอน ด่านก็ด่านเถอะ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก

   “คิดถึงผมไหม?”

   “ไม่”

   “จริงเหรอ?”

   “อือ” ตัวหอมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่ปลายนิ้วแต้มครีมเนื้อเย็น ๆ มาป้ายบนหน้าผมก่อนที่เขาจะเกลี่ยให้ทั่ว ได้ยินว่าเป็นครีมบำรุงอะไรสักอย่าง จำไม่ได้

   “ทำไมไม่คิดถึง?”

   “แล้วทำไมต้องคิดถึง ชีวิตฉันมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ”

   “ชีวิตผมก็มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ” ลืมตาขึ้นมองคนที่ยังป้ายครีมบนหน้าผมไม่หยุด ตาเรียวหลุบต่ำเพื่อประสานสายตา “ผมยังคิดถึงคุณเลย”

   “หึ” ริมฝีปากสีแดงเหยียดยิ้ม “จะฟังไว้แล้วกัน”

   “ไม่คิดถึงผมจริงเหรอ?”

   “....” ้เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบ

   “จริงเหรอ?”

   “.....”

   “พี่ภัคครับ”

   “ให้ตาย!” ตัวหอมสบถพร้อมกับเสยผมขึ้นลวก ๆ ก่อนจะทิ้งหลอดครีมในมือไปแล้วประคองใบหน้าของผมขึ้น ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรมากริมฝีปากนุ่มก็แนบลงมา ผมได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ ลุกขึ้นยืนขณะที่ริมฝีปากของเรายังบดเบียดกันอยู่ รวบเอวบางมากอดแล้วค่อย ๆ เดินออกไปที่เตียง ความรู้สึกมากมายถูกถ่ายทอดผ่านทางร่างกาย ทุกจังหวะการขยับตัวหรือเสียงที่หวีดร้อง มันแสดงให้รู้ว่าเราคิดถึงกันมากขนาดไหน...




   “เสร็จหรือยังครับ?”

   “อืม นายถือกระเป๋าให้หน่อย ฉันจะอุ้มลักกี้”

   ก็แย่ละ

   ไอ้หมาเวร

   พ่ายแพ้ต่ออำนาจณภัค ผมถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามหลังเขาไป เมื่อขึ้นรถ คนตัวเล็กกว่าก็ให้ไอ้เบื๊อกนั่งบนตัก หยอกล้อคุยเล่นกันราวกับรู้เรื่องได้แต่ถอนหายใจเซ็ง ๆ เวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำให้เบื๊อกหมาถูกทิ้งข้างถนนหิวโซผอมแห้ง กลายร่างเป็นหมูป่าขาสั้นตูดใหญ่ สงสัยรับวัฒนธรรมจากจันทร์เจ้ามามากเกินไป เดี๋ยวกลับจากเที่ยวจะจับมันลดน้ำหนัก ขายิ่งสั้น ๆ จะรับน้ำหนักตัวไหวได้ยังไง

   “คนอื่น ๆ ล่ะครับ?”

   “ไปเจอกันที่จุดพักรถ”

   คนอื่น ๆ ที่ว่าหมายถึงเพื่อน ๆ ของตัวหอม วันนี้เรากำลังออกเดินทางไปต่างจังหวัดกัน ในช่วงปลายเดือนนี้มีงาน Music and art festival เราจะพักกันที่ไร่วนิดา แม้จะไม่ได้ไกลสถานที่จัดงาน แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากนัก ถือโอกาสไปเที่ยวไร่ด้วยเลย จอมทัพคงรอให้ผมไปหาจนคอยาวเป็นยีราฟ

   “จริงใจกินข้าวยัง?”

   “ยัง”

   “เหรอ นี่ ๆ จริงใจ ลองข้าวร้านนี้สิ น่าอร่อยมากเลย” เมื่อมาถึงจุดพักรถซึ่งเป็นสถานที่นัดพบ จันทร์เจ้าก็ฉุดแขนผมไปร้านขายข้าวทันที หรี่ตามองพี่ชาย ตากลม ๆ นั่นจ้องอาหารหลากหลายอย่างในตู้กระจกตาวาววับ

   “อยากกินเองใช่ไหม?”

   “ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่นะ พี่แค่อยากให้จริงใจได้กินของอร่อย” โกหกไม่เก่งเลยจริง ๆ ผมสั่งข้าวมาแบบพิเศษเพื่อจะแบ่งให้จันทร์เจ้ากินด้วย พี่ชายที่ตอนนี้เริ่มจะบวม ๆ ขึ้นหน่อยยิ้มร่าจนแก้มตึง

   เมื่อได้ข้าวแล้วก็กลับไปที่โต๊ะ นั่งลงข้างตัวหอม เขาได้ก๋วยเตี๋ยวมาทาน ผมตักกินเองสลับกับป้อนจันทร์เจ้าด้วย นั่นก็อ้าปากรับเป็นลูกนก ไม่สนใจแฟนตัวเองที่มองตาเขียวปั๊ด หลังจากจุอาหารกันจนเต็มท้องเราก็ออกเดินทางกันต่อ ซื้อขนมมาไว้กินบนรถด้วย รถที่ใช้เป็นรถผม เพราะฉะนั้นตัวหอมจัดเต็มครับ ไม่ต้องกลัวเลอะ

   สมาชิกร่วมทริปเรามีกันทั้งหมดเก้าคนกับหนึ่งตัว โดยใช้รถสามคัน คันแรกเป็นผม ตัวหอมและไอ้เบื๊อก คันที่สอง พี่แฝดกับพี่พีท คันสุดท้ายเป็นทิวากาล จันทร์เจ้า จ๋าจ้า แล้วก็พี่พินทร์ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมไม่ใช้รถแวนคันเดียวให้จบ ๆ แต่คนละคันแบบนี้ก็ดีครับ ไม่ต้องฟังจันทร์เจ้าบ่นหาของกิน




   “คุณยายจ๋าาาาาา” เมื่อมาถึง จันทร์เจ้าก็วิ่งลงจากรถเข้าไปกอดนายหญิงตะวันพราว

   คนไม่เคยมาก็มองบรรยากาศรอบ ๆ หลังจากทักทายแนะนำตัวกันไปแล้วก็แยกกันไปเก็บของแล้วพักผ่อน หรือใครอยากออกไปไหนก็ไป จันทร์เจ้าพลังงานเหลือล้นมาก ยกมืออาสาจะเป็นไกด์นำเที่ยวเอง ไม่รู้ใส่แบตกี่ก้อน แต่ผมจะนอนครับ ค่อยออกไปตอนเย็นทีเดียว ตัวหอมก็ออกไปเดินเล่นกับเพื่อน ผมไม่ได้ขอให้เขาอยู่ด้วย

   ตื่นมาอีกทีก็สองชั่วโมงให้หลัง ผมไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วลงไปข้างล่าง ไม่เจอใครอยู่เลยว่ะ หายไปไหนกันหมด ผมตัดใจไม่ตามหา แล้วเข้าไปในครัวแทน ปากท้องสำคัญที่สุดครับ

   “จริงใจ!!!”

   “เฮ้ย!” ผมจะกระโดดหนีแต่ไม่พ้น จันทร์เจ้าที่กลายเป็นหมูตกน้ำกอดหมับเข้าเต็ม ๆ ไหนจะจ๋าจ้าที่กระโดดขึ้นขี่หลังอีก

   “พี่จริงใจมัวแต่นอนไม่ไปเที่ยวกับพวกเรา”

   “ปล่อย”

   “ม่ายยยย พี่จะแบ่งปันความสดชื่นให้จริงใจ อยู่เฉย ๆ นะ”

   “ไม่เอาโว้ย!!” ผมสะบัดพี่กับน้องให้หลุด จันทร์เจ้าล้มหงายหลัง ส่วนจ๋าจ้าไหวตัวทันรีบใช้ขาเกี่ยวเอว ตอนนี้ตัวผมจะเปียกตามไปด้วยแล้ว คนอื่น ๆ ก็เอาแต่ยืนดูไม่ยอมช่วยผมเลย ไอ้เบื๊อกเสนอหน้าเข้ามาวิ่งพันแข้งพันขา เกือบเผลอเตะไปแล้ว ดีว่ายั้งทัน ไม่งั้นไส้แตกแน่

   สภาพแต่ละคนหัวเปียกแบบนี้คงไปเล่นน้ำที่น้ำตกมา ไปกันไกลจังเลยวะ





   “อย่าใส่ขาสั้น เสื้อแขนกุดก็ห้าม”

   “เป็นบ้าเหรอ!?”

   “อากาศตอนกลางคืนมันหนาว นี่เป็นห่วง”

   “หวงก็บอกว่าหวง”

   “เปล่า”

   “หึ โอเค จะเปลี่ยนก็ได้” ยิ้มยังไม่ทันพอใจก็ต้องหน้าบึ้งอีกครั้ง มันดีกว่าชุดแรกตรงไหนวะ!

   ตัวหอมเปลี่ยนจากขาสั้นเป็น Ripped Jeans ที่รอยขาดแม่งเยอะฉิบหาย ทำไมตอนจัดกระเป๋าผมถึงไม่เห็นว่ามีตัวนี้วะ แล้วเสื้อนั่นจะบางไปถึงไหน ไม่ต้องใส่เลยดีไหม ไม่ต้องไปแม่งแล้วดีกว่า ดนตรีบ้าอะไรเนี่ย นอนอยู่บ้านนี่แหละ!

   “ณภัค”

   “หือ?”

   “เปลี่ยนชุดเถอะนะครับ”

   “เปลี่ยนแล้วไง”

   “เปลี่ยนอีกไม่ได้เหรอ...?”

   “น้องจริงใจไม่งอแงกับพี่ภัคนะ”

   อ้าว โดนสาป

   ตัวหอมหัวเราะพอใจเมื่อผมเอ๋อไป มือสวยส่งมาตบแก้มเบา ๆ แล้วเดินผ่านไป คิดว่าน้องจริงใจจะงอแงกับพี่ภัคไหมครับ? ตอบเลยว่า งอแงครับ แต่งอแงแล้วพี่ภัคก็ไม่สนใจ

   เวรเอ๊ย!!




   พอลงมาข้างล่างก็เห็นพี่พีทกับพี่พินทร์แต่งตัวไม่ต่างจากตัวหอม อ๋อ คือนัดกันไว้แล้วสินะ

   “ห่า จนนักหรือไงวะ ต้องใส่กางเกงขาด ๆ เนี่ย” พี่คลื่นบ่น ผมพยักหน้าเห็นด้วย แม้จะไม่เข้าใจว่าพี่เขาจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำไม ในเมื่อนี่ก็เพื่อนทั้งหมด อ๋อ คงจะหวงเพื่อนมั้ง

   “ระวังกันด้วยล่ะเด็ก ๆ”

   “คร้าบ~” รับคำนายหญิง จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางไปสถานที่จัดงาน

   ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว งานเริ่มตั้งแต่เที่ยงวันถึงตีสาม ระหว่างทางตัวหอมลดกระจกลงแล้วยื่นหน้าออกไปรับลม ผมจึงเปิดหลังคาให้แทน จะได้สาแก่ใจ ไม่ได้เสี่ยงโดนรถที่ขับสวนมาเกี่ยวหัวไปด้วย แว่นกันแดดที่เสียบอยู่ที่คอเสื้อถูกเอาออกมาใช้ ขับรถจากไร่มาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย ที่จอดรถเป็นลานโล่ง ๆ ซึ่งเสียเวลาหานานมาก

   “ไม่เอากระเป๋าไว้ที่รถล่ะครับ?”

   “ไม่เอา ของเยอะ”

   “โอเค ไปกัน พี่พีทบอกว่ารออยู่ที่ทางเข้า”

   “ทำไมมันไม่บอกฉันเอง แรด”




   “คนเยอะจังเลยค่ะ”

   “จ๋าจ้ามากับพี่พินทร์ค่ะ เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องดูแลกันเองนะคะ”

   “ตบหน้าพี่เลยไหม?”

   “ได้เหรอคะ?” พี่พินทร์ถามพี่ชายและง้างมือเหมือนจะตบจริง ๆ

   “โตแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง”

   “หูย พี่จันทร์เจ้าอ่ะ เค้าเป็นน้องนะ ก็ตัวเองมีแฟนดูแลนี่”

   “ก็หน้าตาดีอ่ะ”

   ผมได้แต่ถอนหายใจ ดุนหลังตัวหอมให้ออกเดิน ก่อนทิวากาล พี่แฝดกับพี่พีทจะตามมา ปล่อยให้ทะเลาะกันอยู่ตรงนั้นแหละ

   “เดินดูก่อนนะ”

   “ครับ”

   นอกจากการแสดงดนตรีแล้วในงานยังมีบูธต่าง ๆ เกี่ยวกับศิลปะมาจัดแสดงด้วย (ก็สมชื่องานนั่นแหละ) นอกจากนั้นยังมีร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแต่งหน้า ตัดผม ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และของจิปาถะ

   “ไปร้านเฮนน่าไหม?”

   “อยากเพนท์เหรอครับ?”

   “นายอยากสักนี่ ลองเพนท์ก่อนสิ”

   “อืม ก็ดี”

   “โอเค” เขารับคำ ก่อนหันไปบอกเพื่อน “กูไปร้านเฮนน่านะ พวกมึงจะไปไหนก็ไป”

   “อ้าวอีเวร ทิ้งเพื่อนไปกับผัวอีก”

   “ความผิดกูเหรอที่มีผัวแล้วมึงไม่มีอะ?”

   “ใครบอก!?”

   “ว่าไงนะ?” ตัวหอมถามเสียงเข้ม จากที่จะเดินไปกับผมเขาก็เข้าไปหาพี่พีทแทน

   “อะไร?”

   “มึงมีผัว?”

   “เออดิ เปลี่ยนทุกวันอ่ะ น้องจริงใจยังเป็นผัวกูเลย”

   “อีร่าน” เขาด่า ก่อนจะพูดเสียงเย็น “อย่าให้รู้ว่ามีแล้วไม่บอกกูนะมึง”

   

   “หวงเพื่อนเหรอครับ?” ผมถามหลังจากที่เราเดินแยกออกมาแล้ว

   “นิดหน่อย กลัวมันโดนหลอก”

   “พี่พีทเก่งจะตาย”

   “ใครบอก มันน่ะโง่ ทำเป็นเก่งไปงั้นแหละ”

   ผมไม่ได้ตอบอะไร เราจึงเดินกันไปเงียบ ๆ พอมาถึงร้านเราก็มองหน้ากัน เห็นว่าคนเยอะจึงตัดสินใจไม่ทำ และเดินดูอย่างอื่น ถ่ายรูประหว่างทางบ้าง ผมยืมกล้องน้าเจ้ามาตัวหนึ่งแลกกับการเป็นเด็กดี รูปส่วนใหญ่เป็นตัวหอมทั้งนั้น

   “ไปกัน”

   “ไปไหนครับ?”

   “พินทร์ส่งข้อความมาบอกว่าอยู่ร้านอาหาร”

   “อ่า...”

   พวกเราไปกันที่ร้านอาหาร ใช้เวลาหาเป็นสิบนาที เนื่องจากร้านอาหารจะอยู่คนละโซน ไม่ได้ปะปนกันมั่ว ๆ

   “ของนายคือ?”

   “Double cheeses bacon beef” ผมบอกพร้อมกับยื่นเบอร์เกอร์ในมือไปให้เขา ตัวหอมโน้มหน้าเข้ามาหาก่อนอ้าปากกัดเข้าไป เรียวลิ้นแลบเลียซอสที่เลอะมุมปากออก แต่มันยังเลอะอยู่ผมจึงเช็ดให้อีกที

   “จริงจายยย ขอพี่กินบ้าง”

   “ของตัวเองก็มี”

   “ไอ้เด็กปีศาจ! ทีพี่ภัคยังให้เลย” ผมยักไหล่ “ใช่สิ เป็นแค่พี่นี่ จะไปสำคัญอะไรล่ะ ขอแค่นี้ก็ไม่ให้หรอก หัวใจของพี่เจ็บแค่ไหนก็ไม่เคยรู้ แย่จริง พี่ทิวาเราขอไก่ทอดเพิ่มได้ไหม หัวใจเราบอบช้ำมาก ต้องเยียวยา”

   ต้องดึงดราม่าแล้ววนกลับไปหาของกินให้ตัวเองตลอด

   “แค่นี้ก็กินให้หมดเถอะอ้วน”

   “โง้ย หมดแล้ว พี่ทิวายังไม่กินหนิ เดี๋ยวเราสั่งให้นะ ชิกเก้นชีสป๊อปอร่อยมาก ๆ เลย ไก่กรอบ ๆ อ่ะ แล้วข้างในก็นุ่ม โรยผงชีสด้วยพี่ทิวา หูยยย สุดยอดเลย”

   โคตรสงสารทิวากาล

   เวรกรรมอะไรต้องมาเจอคนแบบพี่ชายผมวะ

   “แค่ไก่ทอดเองพี่ ซื้อให้น้องมันกินเหอะ น่าสงสาร”

   “เนอะพี่คลื่นเนอะ!” พอมีพวก จันทร์เจ้าก็ไปออเซาะพี่คลื่นทันที

   “ไอ้คลื่นพลาดแล้ว”

   “จริง” พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับตัวหอมที่เข้ามากระซิบ

   “พี่คลื่นรู้เปล่า นอกจากชิกเก้นชีสป๊อปอร่อยแล้ว ร้านก่อนหน้านั้นก็น่ากินมากนะครับ เราแอบส่องมาแล้ว ไว้เราไปชิมกันนะ”

   “.....”

   “โชคดีนะคะพี่คลื่น” น้องสาวผมบอก พี่คลื่นยังทำหน้างงอยู่ หึหึ เดี๋ยวพี่จะรู้สึก




   คิ้วของผมขมวดมุ่น เพ่งสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาคนที่หายไปจากข้างกาย แสงไฟที่ค่อนข้างสลัวทำให้มองหาลำบาก ผู้คนเยอะแยะและแออัดกันไปหมด ตัวหอมของผมหายไปไหนไม่รู้ คลาดสายตาไปแค่แป๊บเดียว ให้ตายเถอะ แล้วจะหาเจอได้ยังไง ต่อให้โทรหาหรือส่งข้อความไปเข้าคงไม่รู้สึกตัว เสียงข้างในดังฉิบหาย

   “พี่เห็นณภัคไหม?” ผมถามพี่ครามที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน

   พี่เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว “พีทก็หาย”

   พี่ครามหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขากดโทรศัพท์หาพี่พีท แต่อีกฝ่ายคงไม่รับถึงได้ทำหน้าหงุดหงิดขนาดนั้น ผมเขย่งตัวขึ้นเพื่อมองหา ก่อนจะไปสะดุดที่บริเวณผู้คนค่อนข้างเยอะหน่อย (ตอนนี้พวกผมอยู่เกือบนอกสุด) เดาะลิ้นจนเกิดเสียงเมื่อเห็นคนนั้นแหงนหน้าขึ้น ดวงตาหลับพริ้ม ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง สะบัดผมและโยกตัวไปตามจังหวะเพลง ท่าทางมีเสน่ห์ชวนมองนั้นทำให้ผมหงุดหงิด เพราะมีสายตาจากหลายคู่มองไปที่เขา

   “เจอแล้วครับ”

   “ไหน?” ชี้นิ้วไปที่จุดหมาย พี่ครามก้าวออกไปก่อนผมเสียอีก

   “อ๊ะ!” ร่างบางส่งเสียงร้องเมื่อผมรั้งเอวของเขาเข้ามาชิดตัว ใบหน้าสวยนั้นเงยขึ้นมอง ดวงตาเรียวหวานฉ่ำ ริมฝีปากสีแดงขยับเป็นรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม ลำแขนเล็กยกขึ้นกอดรอบคอของผมโดยที่มือหนึ่งข้างยังถือแก้วเบียร์ไว้อยู่ จากนั้นเขาก็ซบหน้ากับอกผม

   ระหว่างที่หายตัวออกมาเขาทำตัวแบบนี้ใส่ใครไปบางวะ!

   ได้แต่กัดฟันกรอด หงุดหงิดอยู่คนเดียว เพราะตัวต้นเหตุเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไร หันไปมองพี่ครามบ้าง สภาพรุงรังไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อของเพื่อนรุ่นพี่เคร่งขรึม พี่พีทก็ดูเมาพอสมควร ถึงได้วอแวพี่ครามขนาดนั้น

   อืม ก็ขอให้โชคดี

   “หนีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

   “หนีอะไรเหรอ?” ตัวหอมผละออกจากอก เอียงหน้าถามอย่างใสซื่อ แต่มันออกมายั่วยวนมากกว่าไร้เดียงสา

   “คุณน่ะ... มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”

   “เดินมาไง ถามอะไรแปลกจัง”

   “ตอบดี ๆ ครับ”

   “คิกคิก ใจร้อนจังน้า...” ท่าทางน่าขย้ำแบบนั้นทำให้ผมต้องข่มใจไม่ฉีกเนื้อเขาตรงนี้ ตัวหอมไม่ให้คำตอบผมอยู่ดีว่าหลุดมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เจ้าของกลิ่นหอมขยับตัวตามจังหวะเพลง ทุกท่วงท่าตรึงสายตาผมเอาไว้

   ขนาดผมยังคิดจะขย้ำเขาเลย แล้วคนอื่นจะไม่คิดได้ยังไง sex appeal ของเขามันสูงจะตายไป

   “ทำไมมันยังไม่หมดอีก?” ผมถามถึงเบียร์ในแก้ว แม้จะเป็นแก้วใหญ่ แต่จากระยะเวลามันควรจะหมดได้แล้ว

   “มีคนเติมให้”

   “ใคร?”

   “ไม่รู้ ไม่รู้จัก”

   “ไม่รู้จักแล้วไปดื่มของเขาได้ยังไง?”

   “เขาหล่อ” ตอบน่าตีแล้วยังทำตาใสอีก “อื้อ! หยุดบ่น พูดมากจัง”

   จากนั้นขอบแก้วก็มาติดริมฝีปากผม มือข้างของเขาพยายามบังคับให้ผมเปิดปากก่อนกรอกเบียร์ลงไป จะป้อนหรือจะฆ่ากันเอาดี ๆ ชักจะงง ด้วยความที่มันค่อนข้างทุลักทุเล ของเหลวนั่นจึงไหลเลอะออกจากมุมปาก ก้านนิ้วเรียวปาดมันออกแล้วดึงนิ้วไปดูด ขณะที่ตาก็จ้องมองไม่ละไปไหน ตัวหอมยกแก้วในมือจรดริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะดื่มมันอีกผมก็ชิงแย่งมันมาก่อนแล้วดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไหลผ่านลำคอลงไป รสขมของมันทำเอาต้องเบ้หน้า แต่เหมือนอีกคนจะสนุก หัวเราะอารมณ์ดีทั้ง ๆ ที่มันไม่มีอะไร

   “หนาวไหม?”

   “อือ... เหงื่อออก” แน่สิ เต้นขนาดนั้น แม้เหงื่อจะออก แต่อากาศก็เย็น ด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงของหน้าหนาว และบริเวณรอบ ๆ เป็นป่าและภูเขา ผมถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองออกแล้วคลุมให้เขา สอดมือเข้าไปเสยผมเปียกชื้นขึ้นจากกรอบหน้าสวย ไล้เบา ๆ จนกระทั่งเลื่อนปลายนิ้วไปแตะที่ริมฝีปากสีแดงอย่างไม่รู้ตัว

   ณภัคเผยอริมฝีปากขึ้น ลิ้นสีแดงแตะปลายนิ้วผมพอผิวเผินก่อนจะใช้ฟันขบ แขนที่โอบรอบคอรั้งให้โน้มต่ำ ผมยกยิ้มเล็กน้อยจากนั้นจึงแนบริมฝีปากลงไป โดยไม่สนว่าที่ตรงนี้จะมีคนอื่นอยู่เยอะมากมายสักแค่ไหน ขึ้นชื่อว่าคนอื่น แค่นั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจแล้ว

   “อืม... หนาวจัง” หลังจากผละจูบออก คนตัวเล็กกว่าก็เอียงหน้าซบไหล่ แขนที่เคยโอบคอก็แปรเปลี่ยนมาสวมกอดเข้าที่เอวของผม

   “กอดแน่นขนาดนี้แล้วยังหนาวอยู่อีกเหรอครับ?”

   “อือ... นายต้องกอดแน่นกว่านี้”

   “.......”

   “เข้าใจไหมน้องจริงใจ?”

   “ครับ พี่ภัค”












จบ.









--------------------------------------
สวัสดีค่ะ ตอนจบมาแล้ว ในที่สุดก็มีวันนี้ ฮืออออ บั๊บบัยจักรภัค TwT
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันเปิดเรื่องจนถึงตอนจบนะคะ 8 เดือนเลยอ่ะ โหหหหหห แต่จะว่านานก็นาน จะไม่นานก็ไม่นาน
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ ถึงแม้จะมีบ้างอย่างที่ผิดพลาดและน่าขัดใจแต่ก็ยังไม่ทิ้ง จักรภัค ไป ขอบคุณมาก ๆ เลย
ตั้งใจว่าหลังจริงใจจบจะยังไม่ลงเรื่องใหม่เลยทันที อยากจะพักสักหน่อย
แต่ตอนนี้มีโปรเจ็กต์ collab กับพี่อาโป (@Arpo_Novel) ใช้นามปากกาว่า ARPOBREAKXR ชื่อเรื่อง How to feed Bambi by Chema OᴥO เชมาคนเลี้ยงกวาง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61254.msg3677005#msg3677005) ค่ะ
เป็นเรื่องราวของหนุ่มเชื้อชาติละตินผิวแทนตาคมกับกวางยักษ์ของเขา ไปติดตามอ่านวิธีเลี้ยงกวางของเชมากันได้นะคะ
ฝากไว้เชมากับกวางของเขาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยฮะ อยากให้ช่วยซัพพอร์ตสักหน่อย เชมาจะได้มีกำลังใจในการเลี้ยงกวาง กิกิ
ฝากไว้ด้วยนะคะ

ไปแล้วนะ บั๊บบัย ขอบคุณมาก ๆ ค่าาาาาา ♥
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 25-07-2017 20:57:06
 :a5: :a5: จบ!!!
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 25-07-2017 21:11:20
รักมากมายพูดเลย พูดจากใจจริง ยังไม่อยากให้จบเลย ทำไงดี ถ้างอแงแล้วจะมีใครสนไหม
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-07-2017 21:22:01
 :a5: จบแล้ว  :m15: มีตอนพิเศษมั้ยน้อออ. อยากอ่านอีก  :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 25-07-2017 21:31:16
จบแล้วเหรอคะ

เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-07-2017 21:44:13
อ่านจบแล้ว ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีดีนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-07-2017 21:48:06
เป็นตอนจบที่ไม่เหมือนจบเลยอ่ะ อยู่ด้วยกันตลอดไปนะน้องจริงใจพี่ภัค :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Erh ที่ 25-07-2017 22:00:17
ิใจหายอะ รอรวมเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 25-07-2017 22:37:14
ต้องคิดถึงตัวหอมมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2017 23:21:14
รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-07-2017 23:25:34
จบจิงจังสินะ เห้ออ!! ขอบคุณน้า
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 25-07-2017 23:40:47
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-07-2017 04:21:59
จบซะแล้ววว ต้องคิดถึงจริงใจกับตัวหอมมากแน่ๆเลยอะ
ชอบเรื่องนี้มาก ชอบคาแรกเตอร์ของจริงใจสุด
คือเป็นคนที่ชัดเจนและจริงมจสมชื่อเลยอะ
ชอบในการเปลี้ยนแปลงของณภัคที่ดีขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่มีจริงใจในชีวิต
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 26-07-2017 04:39:58
เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครมาก ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆในผลงานของคุณ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ อบอุ่นมาก รัก

 :กอด1:



หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-07-2017 05:10:12
เง้ออออ.............จบแล้ว ไม่อยากให้จบเลยยยย  :mew2: :mew2: :mew2:
จริงใจ ณภัค  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชนะการแข่งขัน ได้เล่นดนตรีที่ดังสุดๆไปเลย
ได้เซ็นสัญญา ทำเพลง ออกอัลบั้ม
ก็ต้องเหนื่อยมากขึ้น กินข้าวไม่เป็นเวลา
ไม่มีเวลาพบคนในครอบครัว คนรัก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แลกกับการงาน เงิน มีชื่อเสียง
จริงใจ ทำความฝันของตัวเองสำเร็จแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:

รักจันทร์เจ้า มากกกกกก หมูอ้วนพี่ชายเด็กปีศาจ
ยังอวบๆ เพราะรักการกินจนพี่กาล กับจริงใจส่ายหน้า
พอเจอกัน จันทร์เจ้า จ๋าจ้า พี่น้องก็มะรุมมะตุ้มจริงใจกัน น่าร้กกกกกกก
ชอบบบบ ซาบซึ้งกับความรักของพี่น้อง
ทิวากาล จันทร์เจ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

แล้วเรื่องก็จบลง
ขอบคุณไรท์ ทำให้คนอ่านมีความสุข
รอตอนพิเศษนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-07-2017 06:11:47
 :monkeysad: ขอบคุณค่ะ
รอติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-07-2017 09:29:36
จบแล้วเหรอ? จะมีตอนพิเศษไหมน้า~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 26-07-2017 09:44:20
หืมมม...พอจะจบก็จบห้วนๆ งี้เลยเหรอ...อารายกาน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 26-07-2017 09:58:27
 :pig4: :pig4:
 ขอบคุณคนเขียนค่า.. รอตอนพิเศษ หวานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-07-2017 15:12:46
โอ้ยยยยย...เสียดายไม่อยากให้จบ   งื้ออออ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-07-2017 23:53:25
โง้ยยยย~~ พี่ภัคกับน้องจริงใจ หวานไปไม๊คร่าาาาา~~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-07-2017 01:13:57
รักกันดี น่าปลาบปลื้มมากค่ะ น่ารักมาก มีความล้นเสมอต้นเสมอปลาย

จริงใจน่ารักนะ ตั้งแต่ชัดเจนกันมา จริงใจหวงก็บอกหวง ติดภัคมาก เปิดเผยมาก ชอบค่ะ
ภัคก็แอบเกรียน ชอบทำปากแข็ง ทำมึน จริงๆ คือ อยากแกล้ง 55555

น่ารักมาก เค้าหวาน เค้าดูแลกัน เข้าใจกัน จับมัดรวมเลยค่ะ

ตลกลูกหมู เรื่องกินเรื่องใหญ่ ตัวกลมเป็นก้อนแล้ว สงสารทิวา

ครามพีทคืออะไรคะ เปลี่ยนสถานะหรอ

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ แต่งเรื่องไหนก็น่ารัก น่าติดตาม ชอบความเราของบ้านนี้
มีตอนพิเศษแถมก็ดีนะคะ ระหว่างพักแต่งเรื่องใหม่  :mew3:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 31-07-2017 01:47:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 31-07-2017 07:51:29
จริงใจลูกแม่

ิคิดถึงนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 02-08-2017 10:19:13
สนุกมากค่ะ ถึงจะแอบขัดใจเล็กๆของคู่นี้
เพราะกว่าจะรักกันได้ แอบเรื่องมากทั้งคู่
แต่เรื่องอื่นที่อ่านมาชอบทุกเรื่องเลยค่ะ น่ารักทุกเรื่อง
และเรื่องนี้ น้าเจ้ากับพี่ฟ้าออกเยอะ ชอบๆคู่นี้มากเลย ว่าแล้วก็กลับไปอ่านเรื่องของคู่นี้ใหม่อีกรอบ อิอิ
จะติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะคะ ชอบคนแต่งค่ะ แต่งสนุกทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 03-08-2017 21:47:56
ชอบบบเรื่องนี้จังงง ความครบรสที่แท้ทรู  :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: TKdark ที่ 04-08-2017 12:21:25
เอ็นดูความผัวเด็กของจริงใจ  อ่านๆไปก็คิดถึงเพลิงฟ้าคนแมน กับเจ้าหมูแก้มกลม ___^  ขอสเปแบบรวมทุกคนหน่อยนะ Plssssss.
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 31-08-2017 21:26:20
งือ สนุก น่ารักมากค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-09-2017 22:07:02
รวดเร็ว...กระชับ...ฉับไว   อยากอ่านต่อ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 04-10-2017 18:54:21
เป็นเรื่องที่ดี ชอบจริงใจ เด็กอะไรความผัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 22-10-2017 14:13:18
สนุกมาก ๆ ครับ เป็นคู่ที่ลงตัวจริง ๆ จริงใจ-ภัค



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความสุดท้าย ผมกับเขาและเรื่องของเรา | 25-7-60 | P.39
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 29-10-2017 08:02:49
อ่านรวดเดียวจบ
สนุกมากค่ะ มีหลายอารมณ์หลายมิติดี
ชอบทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง และการดำเนินเรื่องเลย
หวีดจริงใจกะตัวหอมหนักมากกกกก
ปล. พีทจะมีแฟนรึเปล่า55555 กะแฝดหรอออออ

อยากอ่านต่อนะคะ คู่นี้ อยากติดตามชีวิตไปยาวๆ
มีสีสันดี

คู่อื่นๆก็อยากอ่านจ้า

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะคนแต่ง
หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 16-12-2017 22:40:18
จักรพรรดิของสังคม









   “น้องจริงใจมองกล้องหน่อยค่ะ”

   “เซลฟ์ฟี่ให้หน่อยค่ะน้องจริงใจ”

   “น้องจริงใจ...”

   บลา บลา บลา

   ผมมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วค่อย ๆ ถอยหลังกลับ คิดผิดแน่ ๆ ที่มาที่นี่วันนี้ วุ่นวายเป็นบ้า ตั้งแต่เด็กปีศาจเริ่มทำงานในวงการบันเทิง ความสงบสุขก็ค่อย ๆ หายไป เจ้าเด็กยักษ์บ่นว่าไม่ได้อยากทำงานตรงนี้ แต่เพราะเพื่อน ๆ ของเขา เขาจึงต้องทิ้งความเป็นส่วนตัวที่หวงแหนไป จักรพรรดิบอกว่า เห็นเพื่อนดีใจมากขนาดนั้นเลยปฏิเสธไม่ลง

   ผมมาที่นี่โดยไม่ได้บอกเด็กนั่นไว้ก่อน และที่รู้เพราะได้ดูตารางงานของเด็กปีศาจบ้าง วันนี้จักรพรรดิมีถ่ายมิวสิกวีดีโอกับนักร้องสาวหน้าใหม่คนหนึ่ง คนของผมรับผมเป็นพระเอก ที่เป็นหนุ่มฮ็อต ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันอยากได้เป็นแฟน และนางเอกหรือนักร้องสาวคนนั้น รับบทเป็นผู้หญิงเฉิ่มไร้ตัวตน แต่วันหนึ่งกลับมีเรื่องทำให้หนุ่มฮ็อตต้องให้ความสนใจเด็กสาวคนนั้น

   อืม ก็น้ำเน่าดี

   และไม่เข้าใจ ทำไมมือกลองจาก HISTASIA ถึงได้มาเป็นพระเอกได้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นนักแสดงเสียหน่อย รู้ว่าหน้าตาเจ้าเด็กนั่นโดดเด่น ยิ่งเมื่อรู้ประวัติก็ยิ่งน่าทึ่งไปใหญ่ เวลาแนะนำตัวและนามสกุลหลุดจากปาก ก็ต้องกลายเป็นจุดสนใจ แฟนคลับผู้หญิงบางคนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกับความเพอร์เฟกต์นั้น เด็กปีศาจเป็นกระแสอยู่พักหนึ่งเพราะนามสกุลของเจ้าตัวเลยล่ะ

   แต่น่าสงสารจัง ความเท่พวกนั้นมันเป็นแค่ภาพลักษณ์การค้า

   ความจริงแล้ว น้องจริงใจของพวกเธอ เป็นแค่เด็กเด๋อ ๆ คนหนึ่งเท่านั้น



   “ทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ?” ผมสะดุ้งแต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกไป คนมาใหม่คือช่างแต่งหน้าประจำวงของจักรพรรดิที่ผมเคยได้คุยด้วยหลายครั้ง

   “ตกใจหมด”

   “ขอโทษค่ะคุณน้อง ไป ๆ ไปนั่งในเตนท์ดีกว่ะ” เดินตามช่างแต่งหน้าร่างผอมเข้าไป เขากรีดมือทักทายคนที่อยู่ข้างในนั้น หลายสายตามองมาที่อย่างใคร่รู้ แต่ผมไม่ได้สบตาหรือพูดคุยกับใคร

   “นั่งตรงนี้ก่อนค่ะคุณน้อง อยากได้อะไรไหมคะ พี่หามาให้”

   “ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ผมบอกแล้วส่งถุงกระดาษในมือไปให้ เขายกมือทาบอก เบิกตาโตราวกับตกใจหนักหนา ก่อนจะยื่นมือออกมารับ

   “ว้าย ขอบคุณค่ะ ของแพงด้วย เกรงใจจัง”

   “ซื้อมาฝาก”

   “ขอบคุณนะคะ ลาภปากเจ้จริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าอยู่โพซิชั่นเดียวกันเจ้จะจูบสักที”

   “ก็แย่ละ” ขนลุกเป็นบ้าเลย

   “แหม มีคำพูดติดปากเหมือนกันเลยนะคะ” ช่างแต่งหน้าร่างผอมส่งสายตากรุ้มกริ่มล้อเลียน ผมได้แต่สั่นหัวกับคำพูดแฝงความนัย

   “หล่อนไปหลอกล่อหนุ่มน้อยที่ไหนมายะ?”

   “อย่างฉันไม่ต้องหลอกย่ะ” ผมนั่งเงียบ ๆ โดยไม่ได้สนใจ แม้จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน

   “ว้าย แล้วนั่นถุงอะไร”

   “ขนมไงหล่อน”

   “แพงด้วยนะนั่น”

   ถุงที่ผมให้เขาไปจุด้วยขนมที่ผมซื้อมาตอนไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อสามสัปดาห์ที่แล้ว ซื้อมาเยอะก็เลยแบ่ง ๆ มา

   “อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

   “สักพักครับ” ตอบผู้จัดการของจักรพรรดิ “เด็กนั่นล่ะ?”

   “นู่น กำลังมา” มองตามมือที่ชี้ไป เห็นเด็กปีศาจเดินคู่มากับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเลิกคิ้วก่อนยกมุมปากขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายของจักรพรรดิ จากนั้นริมฝีปากที่เรียบสนิทเป็นเส้นตรงก็วาดโค้งเป็นรอยยิ้มเพราะหันมาเห็นผมเข้า

   เด็กปีศาจตรงเข้ามาหาทันทีโดยทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ด้านหลังโดยไม่สนใจ

   “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

   “เมื่อวาน”

   “ทำไมไม่บอกผม”

   ผมยักคิ้วไม่ตอบ เอนหลังพิงพนัก เด็กปีศาจลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ ระหว่างนั้นก็มีคนมารุมล้อม ซับเหงื่อ เช็ดหน้า ส่งหน้าให้ดื่ม รวมทั้งเอาพัดลมมาเป่าให้

   บริการดีไปอีก

   “คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่นี่?”

   “บ้านฉันอินเทอร์เน็ตเข้าถึง” เด็กปีศาจขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่พอใจ ผมไม่ได้สะท้านสะเทือนอะไร สับขาขึ้นไขว่ห้าง ก่อนมองสำรวจเด็กผู้ชายตรงหน้า ช่วงปีเดียวที่ผ่านมาเหมือนจะนานแต่ก็ไม่นาน แต่ทำให้เด็กบ้าบอคนหนึ่งโตขึ้นมา ทั้งทางด้านร่างกายและความคิด (แม้บางทีจะไร้สาระอยู่บ้าง) ดูภายนอกเหมือนคนอายุยี่สิบแล้ว ไม่ใช่เพราะแก่ แต่บรรยากาศมันบอกแบบนั้น

   “ถ่ายเสร็จเมื่อไหร่?”

   “เมื่อไหร่ไม่รู้แต่เลิกกองหกโมงเย็น” อืม... ตอนนี้ประมาณบ่ายสอง “หิว”

   “ยังไม่กินอะไรเหรอ?”

   เด็กปีศาจสั่นหัว ก่อนจะยกแขนกอดอกแล้วหลับตาลง เห็นท่าทางอ่อยเพลียแบบนั้นแล้วคำที่เตรียมไว้จะด่าจึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน ผมคิดว่าทานมื้อเที่ยงไปแล้วจึงไม่ได้เอาอาหารมา ที่มีก็แค่พวกขนมไร้สาระไม่อยู่ท้อง

   “รออยู่นี่”

   “ไปไหนครับ?”

   “ซื้อข้าว”

   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เขาก็เอามาให้”

   จริงอย่างที่จักรพรรดิว่า ไม่นานจากนั้นผู้จัดการของเขาก็เอาข้าวมาให้ เป็นข้าวกล่องโง่ ๆ ที่เหมือนมีไว้กินกันตาย เจ้าเด็กนี่ควรกินอะไรที่มันมีประโยชน์มากกว่านี้สิ ถ้ารู้ล่วงหน้าผมจะซื้ออาหารมาให้กินจนพุงกางเลย น่าโมโหชะมัด! เด็กปีศาจวางช้อนลงทั้งที่ยังกินไม่หมด ตาคมนั่นหันมามอง คิ้วเข้มย่นเข้าจนแทบจะหัวกัน ท่าไม่ดีสักเท่าไหร่

   “เป็นอะไร?”

   “จะอ้วก”

   ผมกัดปากข่มอารมณ์ ยื่นมือไปแตะแก้มของคนที่กำลังหน้านิ่ว “กับข้าวไม่อร่อยเหรอ?”

   “ผมรู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้าแล้ว”

   “ทำไมไม่บอกคนดูแล!?”

   “คิดว่าคงไม่เป็นไร”

   “เหอะ!”

   โมโห โมโหมาก ๆ ทำไมถึงไม่ใส่ใจดูแลร่างกายตัวเองเลย ตอนผมป่วยล่ะหัวฟัดหัวเหวี่ยงจะเป็นจะตาย พอตัวเองเป็นบ้างกลับบอกว่าไม่เป็นไร คอยดู ถ้ายังดื้อผมจะปล่อยให้ป่วยยิ่งกว่าเดิม เวลาพักมีชั่วโมงครึ่ง หลังจากกินยาที่ได้จากผู้จัดการแล้วผมก็ไล่ไอ้เด็กปีศาจไปนอนพักทันที เจ้าตัวอิดออดจนต้องบอกถ้าไม่ยอมพักผมจะกลับ ตอนนี้จึงได้มานั่งให้เด็กมันจับมือ โชคดีที่มีกองมีเก้าอี้ที่สามารถกางเกง 180° ได้ ถ้าต้องนอนคอพับบนเก้าอี้ธรรมดาผมจะพาจักรพรรดิกลับบ้านมันเดี๋ยวนั้น!

   เมื่อเลิกกอง ผมก็ลากเด็กปีศาจกลับบ้านทันที ซึ่งตอนนี้ได้ทิ้งตัวนอนบนโซฟาไปแล้ว หน้าก็ยังไม่ล้างด้วยซ้ำ

   บ๊อก บ๊อก

   ลักกี้วิ่งเข้ามาหยุดที่ด้านหน้า สานตามองไปยังร่างที่นอนหลับตาอยู่ คงอยากจะให้เล่นด้วย แต่เมื่อจักรพรรดิยังนิ่ง ลักกี้ก็หงอยลง แต่ไม่วายเข้ามาใกล้กว่าเก่า เจ้าตัวเล็กกระโดดยืนสองขาโดยใช้ขาหน้าเกาะโซฟากับไว้ช่วยพยุง

   บ๊อก บ๊อก

   “ชู่” เสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากหยักทำให้ลักกี้ที่จะเห่าอีกครั้งเงียบไปทันที ครางหงิง ๆ แทน เมื่อจักรพรรดิไม่เล่นด้วย ก็เข้ามาหาผม ลักกี้ตัวโตขึ้นมาก ถึงจะซนแต่ก็เป็นเด็กดี บอกอะไรก็ทำตาม อาจเพราะถูกฝึกมาตั้งแต่ยังเด็ก เล่นกับลักกี้พักหนึ่งผมก็ผละออกไปส่องคนที่หลับอยู่บ้าง เห็นหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางแล้วหงุดหงิด

   “อือ...”

   “อยู่เฉย ๆ” ผมสั่งคนที่ขมวดคิ้ว ปัดมือที่ยกมาดันมือผมออกออกไป จากนั้นจึงค่อย ๆ ใช้ make up remover wipes เช็ดหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ ให้สารเคมีพวกนั้นหลุดออกมา เช็ดหลายรอบอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สะอาด จะเอาเคล็นซิ่งมาล้างให้ก็ไม่สะดวก รอให้เจ้าตัวตื่นมาแล้วไปล้างเองแล้วกัน นี่ก็ดีกว่าก่อนหน้านั้นโข




   สามวันต่อมา

   เด็กปีศาจมีงานเดินแบบ ถ้าหากเดือนที่แล้วไม่มีผลงานเพลงออกมา ผมคงลืมไปแล้ว่าจักรพรรดิเป็นนักดนตรี มีงานอย่างอื่นมากกว่าทำเพลงเสียอีก ทั้งถ่ายแบบ เดินแบบ โฆษณา มิวสิกวีดีโอ แต่สิ่งที่เจ้าเด็กปีศาจไม่ตอบรับเลยก็คืองานละครและภาพยนตร์ ได้ยินบ่นว่าแสดงไม่เป็น และขี้เกียจ

   ผมต้องไปดู เพราะโดนบังคับ คงไม่ต้องบอกว่าใคร งานเริ่มตอนเย็น ซึ่งนี่ยังเช้าอยู่ ไม่รู้ต้องตื่นขึ้นมาทำไมตอนนี้เหมือนกัน เด็กปีศาจก่อกวนจนผมอยากไล่มันออกจากห้อง ง่วงโว้ย คนจะนอน!!

   “รีบไปได้แล้ว!!” ตะโกนไล่พร้อมกับดันศีรษะที่ซุกอยู่ซอกคอออก เด็กปีศาจกอดผมแน่น ริมฝีปากนุ่ม ๆ เย็น ๆ นั้นแนบกับผิว จากนั้นผมก็ทุบหลังมันแรง ๆ เมื่อเจ็บจี๊ดที่คอ ไอ้เด็กเวร คันฟันก็ไปแทะกระดูกเหมือนลักกี้นู่น ไม่ใช่มากัดคอกูแบบนี้ คอยดูนะ ถ้ามีรอยฟันล่ะก็ โดนไล่ไปนอนนอกห้องแน่!!!

   “ไม่อยากไปเลย”

   “....” กลอกตาไปมา ผมปล่อยให้อีกฝ่ายงอแงให้สาแก่ใจ พอเบื่อมันก็ลุกจากตัวผมไปเอง

   “ไปกับผมนะ”

   “ไม่เอา”

   “นะครับ”

   “อย่างอแงดิ ไม่ไป เกะกะ”

   “ไม่เกะกะ”

   ผมเงียบ จ้องเด็กงอแงดุ ๆ จักรพรรดิวอแวให้ผมไปดูเขาบล็อกกิ้งอยู่นานแล้ว ไม่ว่าจะปฏิเสธยังไงก็ไม่ยอมล่าถอย รำคาญจะแย่อยู่แล้ว ไม่ได้อยากใจร้ายนักหรอก แต่งานแบบนั้นคนนอกอย่างผมไม่ควรเข้าไปเกะกะหรือเปล่า เจ้าเด็กบ้าก็เอาแต่ใจเหลือเกิน พอไม่ยอมตามใจก็หน้างอคอหัก

   “ตอนเย็นจะไปดู”

   “อยากให้คุณไปตอนนี้นี่”

   “อย่าดื้อ”

   “ผมไม่มีเพื่อน”

   “ข้าวฟ่างกับวาฬก็ไป ตอแหล” เด็กปีศาจจิปากขัดใจเมื่อหาอะไรมาอ้างอีกไม่ได้ “เดี๋ยวตอนเที่ยงจะพาไปกินข้าว”

   “จริงนะ!?” ตาคมเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นขึ้นมาทันที อย่างกับลักกี้ได้กินขนม

   “อืม หายงอแงยัง”

   “ยังไม่หายเท่าไหร่ แต่ก็ได้ครับ”

   “ดี รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวสาย” จักรพรรดิพยักหน้าหงึก ๆ ผมเดินออกไปส่งที่ประตูห้อง ก่อนไป เจ้าเด็กไวไฟล็อกคอผมเข้าไปจูบหนึ่งที ทว่าจูบทีเดียวนั้นกินเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน เมื่อผละออกก็มองผมตาปรอย ให้ตาย เด็กบ้านี่ จะทำให้ผมเป็นคนนิสัยเสียแล้วรั้งเจ้าตัวไว้ที่ห้องให้ได้เลยใช่ไหม ถ้าไม่ติดว่าจะเสียงานนะ...

   ไม่รอดแน่!

   ผมนี่แหละ ไม่รอดจากเงื้อมมือปีศาจแน่ ๆ

   แค่สบตาก็เหมือนจะละลายลงไปเดี๋ยวนั้น พร้อมจะแผดเผาทุกอย่างเพียงแค่มองจริง ๆ

   เมื่อเด็กปีศาจออกไป ผมก็ฉุดร่างตัวเองไปนอนต่อ อุ้มลักกี้มานอนบนเตียงด้วยด้วย จากนั้นไม่นานก็หลับไปอีกครั้ง จะตื่นอีกทีก็นาฬิกาปลุกดังตอนสิบโมงเช้า ตื่นมาก็ไม่เห็นลักกี้อยู่บนเตียงแล้ว คงออกไปซนข้างนอก ผมเดินไปดู เจ้าสุนัขตัวอ้วนกำลังกินอาหารอยู่ ผมจึงกลับเข้าในห้อง อาบน้ำแล้วแต่งตัว จากนั้นค่อยไปหาอะไรทาน

   ก่อนออกจากห้องก็เล่นกับลักกี้เล็กน้อย วันนี้จะเอาลักกี้ไปฝากไว้กับจันทร์เจ้าที่อยู่ห้องพี่กาลก่อน จากนั้นจึงออกไปยังสถานที่นัดหมาย เมื่อมาถึง ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอออยู่เยื้องกับทางเข้าร้านอาหารที่ผมนัดเด็กปีศาจเอาไว้ เสียงพูดคุยดังมาแว่ว ๆ สลับกับเสียงกรี๊ดเบา ๆ แอบกลอกตาไปมา พอจะรู้แล้วว่าคนที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมนั้นคือใคร

   ผมเดินผ่านคนกลุ่มนั้นเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานต้อนรับอย่างดีพร้อมกับเอ่ยถามว่ามากี่คน เธอเดินนำเข้าไปด้านใน โต๊ะที่ผมได้อยู่ค่อนข้างลึก ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ผมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาเมื่ออยู่กับคนดัง บอกกับพนักงานว่าอีกสักครู่ค่อยมารับออเดอร์ จากนั้นผมจึงส่งข้อความไปบอกคนของประชาชนว่ามาถึงร้านและนั่งอยู่ด้านในเรียบร้อยแล้ว

   “คุณไม่รอผม” ผมเบ้ปากเป็นคำตอบ มาถึงก็งอแงใส่

   “หิวจะตาย สั่งอาหารได้แล้ว” เด็กปีศาจจิปากขัดใจ ก่อนยกมือเรียกพนักงาน

   “รับอะไรดีคะ?” พนักงานสาวเอ่ยถามเสียงหวาน สายตาจ้องมองไปที่จักรพรรดิด้วยประกายของความชื่นชอบ เห็นแล้วชักหงุดหงิด เด็กปีศาจยกมุมปากขึ้นเล็กร้อย ตาของหมอนั่นมองมาที่ผม โดนเหยียบเท้าไปแทนที่จะสลด กลับไม่สำนึกเลย แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน!

   “เอ่อ... ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ?” เด็กปีศาจชะงักก่อนเหลือบมองคนพูด พนักงานสาวมองอย่างมีความหวังพลางกอดเมนูอาหารไว้แนบอก ผมเท้าคางมองนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร อยากรู้เหมือนกันว่าคนของสังคมจะทำยังไง

   จากเด็กที่เกลียดความวุ่นวาย ต้องมาอยู่จุดของความวุ่นวาย

   จากเด็กที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าอะไร ต้องถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวที่ละน้อยไปเรื่อย

   ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง ภายใต้ดวงตาเฉยเมย ภายใต้รอยยิ้มการค้านั้น ไม่มีใครรู้ว่าข้างในใจของเด็กคนนี้ กำลังคิดอะไรอยู่

   “หลังทานเสร็จแล้วกันครับ ผมหิวมาก”

   “ค่ะ ค่ะ”

   พนักงานคนนั้นรีบกลับไป ก็ดี จะได้ส่งออเดอร์สักที ผมทานแค่ขนมปังรองท้องไม่กี่แผ่น หิวจะตายจะตายอยู่แล้ว

   “ต้องไปอีกเมื่อไหร่?”

   “สี่โมงเย็นครับ” อือฮึ พยักหน้ารับรู้ ตอนนี้เที่ยงนิด ๆ มีเวลาว่างอยู่หลายชั่วโมง “คุยอยากไปทำอะไรไหม?”

   “ไม่รู้ นายล่ะ?”

   “อยากเล่นเกม” ผมเลิกคิ้ว เด็กมัธยมปลายปีสุดท้ายยิ้มซน จากนั้นก็ฉุดแขนผมไปยังเกมโซน แลกเหรียญมาเป็นร้อยแหนะ แต่แอบเห็นว่าพนักงานสาวที่รับแลกเหรียญให้เกินจำนวนเงินมาด้วย อำนาจของความหล่อนี้ช่างแรงกล้าจริง ๆ

   “คุณอยากได้ตัวไหนครับ?” ขยับตัวเข้าไปชะโงกดูตุ๊กตาที่อยู่ในตู้ เด็กปีศาจตั้งท่าเตรียมพร้อม

   “อืม.... อันนั้น” ชี้ไปที่ตุ๊กตาสีขาวรูปร่างเหมือนฮิปโปแต่ไม่ใช่ ทันคือตัวโทรล การ์ตูนจากฟินแลนด์

   “ให้น้องพิชญ์เหรอ?”

   “พูดมาก”

   “หึหึ” จักรพรรดิหัวเราะ ยอดเหรียญใส่ตัว มือวางที่ตัวโยกขณะที่สายตาจ้องมองไปยังตุ๊กตาสีขาวนั้นอย่างมุ่งมั่น

   รอบแรกผ่านไป... ไม่ได้ รอบที่สองก็เช่นกัน หวืด

   “เหรียญสุดท้ายละ ถ้าไม่ได้จะไปซื้อที่ร้านแม่งแทน ไอ้ห่า” ผมผุดยิ้มเหยียด เหรียญที่แลกมายังเหลือมากกว่าหนึ่ง แต่เจ้าเด็กนี่มันขี้เกียจแล้วต่างหาก จักรพรรดิยกเหรียญขึ้นแตะริมฝีปากก่อนหยอดลงช่อง

   “สกปรก”

   “เออว่ะ” ไอ้เด็กเด๋อเอ๊ย! จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้หลังมือถูปากแรง ๆ ลืมคิดไปได้ยังไงว่าเหรียญพวกนั้นมันผ่านมือใครมาบ้าง บ้าบอ

   “ถ้าได้คุณต้องเลี้ยงขนมผมนะ”

   “ได้”

   เด็กปีศาจพุ่งความสนใจไปที่ตุ๊กตาในตู้ ขณะเดี๋ยวกันผมก็เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอเอาไว้ ถ้าพลาดผมจะได้เอาไว้ซ้ำเติม แต่ถ้าได้ก็แล้วไป คำพูดเมื่อกี้น่าจะเข้าไปอยู่ในคลิปเหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ

   “Hey! Come on” ผมที่ยืนดูอยู่ก็ลุ้นไปด้วย เจ้าตัวคีบนั่นหนีบตุ๊กตาได้แล้ว ทว่าเมื่อใกล้ถึงช่องมันกลับล่วงลงไป “เฮ้ย!! ได้แล้ว!!” เด็กปีศาจหันมาทางผมแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะย่อไปเอาตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมา “เลิกถ่ายได้แล้ว” มือใหญ่ยื่นมือบังกล้องจนภาพมืดไปหมด ผมจึงกดบันทึกวีดีโอนั้นแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋าไว้

   “จะลงไหม?”

   “อะไร?”

   “วีดีโอเมื่อกี้ไง อวดแฟนคลับ”

   “อ๋อ ก็ได้นะ” พยักหน้ารับเบา ๆ หลังจากอ้าปากรับไอศกรีมเจลาโต้ที่อีกคนป้อนให้ ตอนนี้เรานั่งพักกันอยู่ที่ม้านั่งในห้างครับ คนเยอะนะ แต่ก็นั้นแหละ ณภัค doesn’t care

   ผมเข้าไปในแอพพลิเคชั่นแล้วสลับแอคเคานต์เปลี่ยรเป็นของวอแวบอย ตอนนี้เปิดเป็นพับบลิกแล้วเนื่องจากต้นสังกัดบังคับ จัดการเขียนแคปชั่นให้เรียบร้อยแล้วแล้วจึงกดโพสต์ เพียงแค่ไม่กี่วินาทียอดถูกใจก็ถึงมาเป็นร้อย แยกเขี้ยวให้กับความฮ็อตนี้ ทว่าเมื่อรีเฟรชอีกครั้ง กลับมีความแปลกประหลาดเพิ่มขึ้น เหลือบไปมองเด็กข้าง ๆ ในมือหนาถือโทรศัพท์อยู่ขณะที่ปากคาบถ้วยไอศกรีม หลังจากแคปชั่นถูกอัพเดต ก็มีคอมเมนต์เข้ามาเยอะขึ้นเกี่ยวกับแฮชแท็ก #snapbystrawberryshortcake ที่เพิ่งถูกเพิ่ม เช่น ใครคือสตรอว์เบอร์รี่ชอร์ทเค้ก

   “ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?” คนที่เข้ามาคือเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลาย

   เมื่อเห็นจริงใจพยักหน้า ผมจึงจะลุกออกไป แต่ข้าวของที่อยู่ในมือจักรพรรดิถูกโยนมาให้ผม แม้กระทั่งถ้วยไอศกรีม เออ เอาเถอะ จะอะไรทำ มองเจ้าเด็กปีศาจที่ยืนให้สาว ๆ ถ่ายรูปโดยไม่พูดอะไร เมื่อมีคนแรก ก็ย่อมมีคนต่อ ๆ ไป ราวกับรอจังหวะว่าใครจะเปิด มีหลายคนมองมาที่ผมเหมือนอยากรู้จักว่าเป็นใคร แต่ไม่ได้ให้ความสนใจ

   บางครั้งที่ออกไปข้างนอกกับเด็กปีศาจแล้วแฟนคลับเข้ามาขอโทษถ่ายรูป เหมือนจะมีบางกลุ่มที่จะถ่ายผมด้วย เมื่อผมปฏิเสธ พวกเธอก็โอเค ไม่ได้เซ้าซี้ ทว่าในโซเชียลกลับด่าว่าผมหยิ่งซะงั้น ทั้งนิสัยไม่ดีชอบดึงหน้าบ้างล่ะ แค่พิมพ์ชื่อเด็กปีศาจลงไปในช่องค้นหาก็ขึ้นมาแล้ว ผมไม่แคร์หรอกเพราะไม่มีผลอะไรต่อชีวิตผม ผมก็หน้าอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร จู่ ๆ ต้องมาเปลี่ยนเหรอ บ้าบอ

   เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับจักรพรรดินั้นมีบางคนรู้ บางคนก็ไม่รู้ เราไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้ประกาศ ซึ่งมันเป็นเรื่องของคนสองคน แบบนี้มันดีแล้ว ดีมาก ๆ เราใช้ชีวิตกันปกติ แม้บางทีผมหงุดหงิดมากที่เห็นข่าวสาว ๆ ดารานักร้องหรือนางแบบกับเด็กปีศาจ โมโหจนออยากให้เจ้าเด็กนั่นประกาศออกไปเลยว่ามีแฟนแล้วและแฟนคนนั้นเป็นใคร

   “พี่ พี่เป็นอะไรกับน้องจริงใจเหรอ หนูเจอพี่กับน้องจริงใจบ่อยมากเลย” คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามาหาผม อีกด้านหนึ่ง เด็กปีศาจยังถ่ายรูปกับแฟนคลับอยู่

   “พี่บอกหนูได้ป่ะ สงสัยมาก ๆ เลยเนี่ย” เด็กนี่ใคร นอกจากจะพูดจาไร้มารยาทกับคนไม่รู้จักแล้วยังทำตัวไม่มีมารยาทอีก

   “บางคนเขาบอกว่าพี่เป็นแฟนน้องจริงใจอ่ะ แต่บางคนก็บอกว่าเป็นแค่พี่น้องกันเฉย ๆ หนูงงมากเลย”

   แล้วกูต้องรู้ไหม!?

   ผมนั่งเงียบ ไม่ตอบอะไรฝ่ายนั้น มองนิ่ง ๆ ไม่ได้จิกกัดหรือเหยียดหยาม มองเฉย ๆ ด้วยสายตาปกติ มองนานและค้างไว้ มองจนกว่าจะซ้ำนึกได้ว่าไม่ควรถาม มองจนกว่าจะไปเกิดใหม่ ผมยกยิ้มบาง ๆ เมื่อเธอคนนั้นหน้าเจื่อนแล้วค่อย ๆ ถอยออกไป



   “พี่ภ้าคคคคคคคคคค~” เบี่ยงตัวหลบเจ้าของเสียงที่วิ่งหูตั้งเข้ามาหา ไจ่ไจ๋หน้างอ แต่ก็ยังเข้ามากอดผมอยู่ดี ไม่รู้ติดผมอะไรนัก

   “โหวววววว ของไจ๋ใช่เปล่าาาาาา” เด็กตาตี่เบิกตาโตที่สุดเท่าที่จะทำได้ นิ้วเรียวสวยสมเป็นมือคีย์บอร์ดชี้ไปยังชุดอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ข้างตัวผม

   “อือ ของคนอื่นด้วย”

   “พี่ภัคน่ารักที่สุด!!! รู้ได้ไงว่าไจ๋หิว”

   ไม่รู้ก็แย่ละ ก่อนหน้านั้นประมาณชั่วโมงหนึ่งผมได้รับข้อความจากมือกลอง บอกว่าให้เตรียมอาหารไว้ให้หน่อยเพราะหิวมาก ๆ จากความไม่รู้จะซื้ออะไรมาให้ พอเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นจึงแวะเข้าไปสั่ง ได้ซูชิมาหนึ่งเซ็ตใหญ่ จวบกับนึกขึ้นได้ว่าไจ๋กับวาฬบ่นอยากกินซูชิ นอกจากนั้นยังมีข้าวหน้าต่าง ๆ อีก แล้วจบด้วยขนมอีกหลายอย่าง

   “ขอไจ๋กินเลยได้ไหมครับ?” ถามตาแป๋วสุด ก็ไม่ได้ห้ามหรอก แต่เมื่อมองเลยไปด้านหลังน้องแล้วเจอกับแฟนคลับที่ยืนมองอยู่

   “ไม่ถ่ายรูปกับแฟนคลับก่อนเหรอ?”

   “งื่อ...” น้องงอแง บวกกับท้องร้องโครก “ขอคำหนึ่งครับ”

   น่าสงสารจนต้องยอม ผมหยิบกล่องซูชิมาเปิด ส่งตะเกียบไปให้ไจ่ไจ๋ที่ยืนรออย่างเรียบร้อย ทว่าสายตาคุกคามสุด ๆ

   “อะ” ยกกล่องขึ้นหลังจากเทซอยใส่ช่องว่างเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะที่ไจ่ไจ๋กำลังจะจัดการกับอาหารนั้นก็มีแฟนคลับเข้ามาหาก่อน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้สังเกตว่าไจ่ไจ๋กำลังทำอะไรอยู่ มือคีย์บอร์ดจำใจวางตะเกียบลง ตาเรียวมองซูชิละห้อย ก่อนหันไปจับปากกาวาดลายเซ็นใส่พัดให้แฟนคลับ ผมที่นั่งมองอยู่เห็นแล้วก็สงสาร อีกอย่างน้องก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ ผมจึงคีบแซลม่อนโรลขึ้นมาและส่งไปให้ถึงปาก

   “ฮือออ นางฟ้าของไจ๋” ไจ่ไจ๋เพ้อแล้วอ้าปากงับไป ทำหน้าฟินโอเวอร์จนอยากเอาตะเกียบเคาะหัว

   “หิวอะไรขนาดนั้น”

   “หิวสิครับ ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ”

   “หืม สามคนนั้นก็ยัง?”

   “อือ!” ไจ่ไจ๋ส่งเสียงในลำคอเนื่องจากปากไม่ว่างเพราะเพิ่งรับซูชิที่ผมป้อนเข้าไป ผมมองไปอีกด้าน เด็กปีศาจ วาฬและข้าวฟ่างกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยแฟน ๆ แต่สายตาของเด็กสามคนนั้นมองมาที่ผมด้วยความหมายเดียวกัน

   ‘ขออาหารให้ผมหน่อย’

   นั่นคือสิ่งที่ผมมองเห็น ยิ่งเมื่อผมป้อนไจ่ไจ๋ ก็มองตามตาละห้อย

   “พี่ ๆ ต้องอิจฉาไจ๋แน่เลย” น้องเล็กของวงพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น มือก็เซ็นให้แฟนคลับ ปากนอกจากฉีกยิ้มแล้วยังรับอาหารเข้าสู่กระเพาะอีกด้วย

   “พี่ภัค! ผมกินด้วย!”

   “พี่ฟ่างอย่ามาแย่งงงงง”

   “ความหิวชนะทุกอย่าง” เพราะไจ่ไจ๋กับข้าวฟ่างมัวแต่ตีกัน คนที่ได้กินก่อนจึงเป็นวาฬ มือเบสจับมือผมไปป้อนตัวเองเสร็จสรรพเรียบร้อย ตอนนี้กลายเป็นว่า ผมต้องป้อนอาหารพวกเขาไปด้วยระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งตอนนี้มารวมกันที่นี่หมดละ พอผมหยุดป้อนยังหันมามองค้อนงอแงใส่อีก ให้ตาย นี่มันเด็กสามขวบกันหรือไง อ้าปากรับเป็นลูกนกเชียว

   “เลี้ยงดูยังไงถึงปล่อยให้หิวขนาดนี้ครับ?” ผมถามผู้จัดการหลังจากแฟนคลับกลับกันไปแล้ว ตอนนี้เกือบห้าทุ่มเห็นจะได้

   “แสดงน่ะสิ ก่อนหน้านั้นใช่ว่าจะไม่ได้กินอะไรเลย”

   “อ้าว”

   “กินนิ้ดเดียว ไม่ค่อนกระเพาะไจ๋เลย” น้องเล็กเงยหน้ามาแก้ตัว หลังจากซูชิหมดไป แต่ข้าวที่ซื้อมายังเหลือ พวกเขายังสามารถทานต่อกันได้ ผมเห็นแล้วจะอ้วกแทน ยัดกันเข้าไปได้ยังไง ไม่จุกกันเหรอ ยกเว้นก็แต่จักรพรรดิที่กินข้าวหน้าเนื้ออย่างเดียว เพราะเจ้าตัวไม่กินปลาดิบ

   “กระเพาะแกมันหลุมดำ!”

   “โง้ยยยย” คนถูกว่าลูบหน้าผากป้อย ๆ หลังถูกผู้จัดการจิ้มไป

   “ดึกแล้ว จะกลับเลยไหมครับ?”

   “ทีแรกก็กะจะพาพวกลิงนี่ไปหาอะไรกินก่อน แต่คงต้องเปลี่ยนแพลน”

   “พี่กลับเลยก็ได้ ผมเอารถมา” ข้าวฟ่างร้องบอก

   “สองตัวนี้มีรถที่ไหน แกกับจริงใจพี่ไม่ห่วงหรอก มีคนรับส่งแล้วนี่” อีกคนที่ถูกพาดพิงยักคิ้วตอบโต้

   “เดี๋ยวผมไปส่งไอ้วาฬกับไอ้ไจ๋เองครับ”

   “เอางั้นเรอะ?”

   “ครับ!!” ทั้งสามคนประสานเสียงกัน พี่ผู้จัดการจึงยอมล่าถอย ทิ้งท้ายด้วยการบอกให้กลับดี ๆ และแล้วก็เหลือกันอยู่ห้าคน เด็กทั้งสี่ยังแต่งหน้าเต็มกันอยู่เลย ทำไมไม่ล้างหน้ากันนะ

   “อิ่มยัง?” ผมถาม

   “อิ่มนิดหน่อยครับ”

   “นิดหน่อย!?”

   “โห่ พวกผมเสียพลังงานกันไปเยอะ ที่พี่ภัคซื้อมาก็ช่วยให้คลายหิวในระดับหนึ่ง” หัวหน้าวงว่าขึ้น พระเจ้า กินไปเยอะขนาดนั้นแต่ไม่อิ่มเนี่ยนะ!!!

   “นายล่ะ?” ถามจักรพรรดิที่อยู่ข้าง ๆ บ้าง เจ้าเด็กปีศาจไม่ตอบ แต่ส่งยิ้มแหย ๆ มาแทน

   เออ ไอ้พวกกระเพาะหลุมดำ!!!

   สรุปแล้วว่า หลังจบมื้อยื้อชีวิต ผมต้องพาเหล่ามนุษย์ผู้หิวโหยไปหาอะไรทานอีกอย่างจริงจัง ผมแย้งไปว่าร้านอาหารที่ไหนจะเปิดตอนเที่ยงคืน แต่เด็กทั้งสี่ก็ทำให้ผมประจักรว่ามันมีจริง ๆ

   ได้แต่นั่งมองพวกเขาทานอย่างพูดไม่ออก พะอืดพะอมจะอาเจียนออกมาแทน...



   ตุบ!

   วอแวบอยทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างหมดสภาพ เห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้า กว่าจะกลับถึงคอนโดก็ดึกดื่น

   “ไปอาบน้ำสิ”

   “เหนื่อย”

   “แช่น้ำอุ่นดิ จะได้สบายตัวขึ้น”

   “แช่ด้วยกันป่ะ?” ผงกหัวขึ้นมาตาวาวเชียว

   “ไม่”

   “ไม่แล้วเดินเข้าห้องน้ำทำไมครับ!?”

   “ฉันจะอาบน้ำต่างหาก”

   บ้าบอ แล้วทำไมผมต้องมาเป็นตุ๊กตาให้เด็กบ้านี่กอดด้วยวะ!!!

   “ตัวเปื่อยหมดแล้ว!”

   “วีน วีน ใครไม่ล็อกประตูห้องน้ำครับ หือ?” เด็กบ้าถามพร้อมกับงับหัวไหล่ของผม

   “นี่บ้านฉัน จะล็อกหรือไม่ล็อกก็ได้”

   “อ่อยชัด ๆ”

   “เหอะ! หลงตัวเอง โอ๊ย! เอามือออกไป!” ปีศาจร้ายส่งเสียงหัวเราะในลำคอ มือซุกซนลูบไล้หน้าท้องผมไม่หยุดแม้ผมจะกำไว้แน่นก็ไม่สามารถต้านทานได้ ขณะเดียวกันริมฝีปากนั้นก็ไล่จูบซ้ำแทบจะทั่วลาดไหล่และต้นคอ

   “เหนื่อยไม่ใช่เหรอ นายต้องรีบอาบน้ำ อือ แล้วไปพักสิ”

   “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้หยุด ค่อยพักก็ได้ครับ” จากนั้นก็กระชับร่างผมเข้าไปกอดแนบแน่นจริงกว่าเดิม

   “ฉันจะ อ๊ะ จะฟ้องแฟนคลับนาย”

   “เอาสิ ผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามว่าคุณเป็นใคร อืม ยกสะโพกขึ้นหน่อยครับ”

   WTF!!!

   ทำไมมันกลายมาเป็นแบบนี้ ทำไมผมต้องตกเป็นเครื่องมือของเด็กปีศาจด้วย!!!!!

   จำไว้คราวหน้าคราวหลัง ต้องล็อกประตูห้องน้ำทุกครั้ง!!!





----- DONE -----




ในที่สุดก็มาอัพตอนพิเศษสักที
อ่านแล้วเป็นไงบ้าง ชอบก็หวีด ไม่ชอบก็ด่าได้ค่ะ5555555555555555555555555555555
เรื่องใหม่แต่งจบแล้ว แต่จบในหัวไม่มีแบบตัวอักษร หนูท้อมากเลยค่ะพรี่ T____________T
เคยบอกไว้จะเปิดเรื่องให้เดือนพ.ย. แต่ตอนนี้ธ.ค. ก็ไม่มีวี่แวว มันต้องเป็นพ.ย. ปีหน้าแน่เรย แง
ไว้เจอกันโอกาสหน้างับ แต่จะเมื่อไหร่มารอลุ้นกันจ้า555555555555555


EDIT : ทุกคนนนนนนนนนนนนนนน เดี๋ยวกลับมาแก้คำผิดนะงับ โปรดให้อภัยน้องด้วย T__T
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2017 23:11:13
ดีใจ ได้อ่านตอนพิเศษ  :mew1: :mew1: :mew1:

จริงใจ ภัค  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

โอ้โห จริงใจ เด็กปีศาจ เด่นดังมากกกกก
แฟนคลับเพียบ ทำงานจนเวลาจะกินแทบไม่มี
ทำเอาภัค พลอยยุ่งไปด้วย
ชอบ ที่จริงใจไม่เปลี่ยนแปลง เป็นวอแวบอยของพี่ภัคเหมือนเดิม
รออ่านเรื่องใหม่  :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-12-2017 23:36:41
คิดถึงจริงใจกับณภัค

รออ่านเรื่องใหม่น้าาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 16-12-2017 23:47:22
ชอบความเฉยชานี้ แบบ จะมองก็มองไปดิ อยากรู้ก็ไปหาคำตอบเอง 5555555
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-12-2017 00:13:40
โอ้ ดีใจมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 17-12-2017 00:46:58
คิดถึงพี่ภัคพอดีเลย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 17-12-2017 01:30:47
น้องจริงใจ คนดีของพรี่
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 17-12-2017 02:07:40
คิดถึงวอแวบอย
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-12-2017 05:21:42
น้องจริงใจ น้องงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-12-2017 07:32:32
บ่นๆ วีนๆ แต่ยอมทุกอย่าง  อิอิ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 17-12-2017 08:27:23
น่ารัก .......................   ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: momaynadsini ที่ 17-12-2017 09:21:44
คิดถึงงง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 17-12-2017 11:27:08
คิดถึงงงงงง
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 17-12-2017 13:36:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 17-12-2017 14:42:04
 :mew1: :mew1:  คิดถึงเด็กปีศาจมากกก
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-12-2017 15:37:30
คิดถึง...ขอจันทร์เจ้ากับพี่กาลด้วยได้ไหม พลีส..สสสสสสส   :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 17-12-2017 18:37:26
หวานจุงเล้ยยน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 17-12-2017 20:41:22
 :L2: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 17-12-2017 21:54:13
 :-[ :-[ :mew1: :mew1: คิดถึงมากกกกก ขอตอนพิเศษอีกหน่อยได้มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-12-2017 10:30:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-12-2017 23:26:57
คิดถึง~
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 20-12-2017 20:18:28
ชอบบบบบบบบบบบบ
 :L1:
 :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 23-12-2017 08:18:17
โง้ยยยยยยยยยย จริงใจ ไอ้เด็กปีศาจของพี่(ภัค) คิดถึงมากเลย ตอนนี้กลายเป็นซุปตาร์ไปแล้วสินะ ไว้จะไปขอลายเซนต์เด้อ ม๊วฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 23-12-2017 23:41:50
พลิกล็อคจากที่คิดว่าวอแวมันต้องทำงานบริษัทแล้วให้ณภัคเป็นเลขา มาเป็นนักดนตรีได้ไงวะ ก็แอบหงิดแฟนคลับ รำแฟนคลับบ้างแหละ แต่ช่างเถอะ แฮปปี้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 29-12-2017 00:07:51
คิดถึงณภัคคคคค 
คิดถึงจริงใจด้วย
ขอบคุณที่มีตอนพิเศษให้พอหายคิดถึงนะคะ :กอด1:
เราจะรอติดตามงานใหม่คนแต่งน้า
สู้ๆนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนาา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: heyguy ที่ 01-01-2018 18:51:31
ฮืออออออ ใจบางงงงง น่ารักขั้นสุด อ่านเรื่องนี้แล้วแบบ ดราม่าคืออะไร
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-01-2018 09:13:00
ปลื้มใจค่ะ ได้อ่านตอนพิเศษ 5555
ขอบคุณมากนะคะ มาอีกก็ได้นะ

ชอบณภัคโหมดนี้ เหมือนไม่ตามใจแต่ยิ่งกว่าอะไรไปอีก
แบบว่ายอมอะ แล้วห่วงมาก หวงมากด้วย ชอบมาก

จริงใจก็ยิ่งโตยิ่งอ้อนนะ จะสายดาร์คก็ไม่ใช่ จริงๆ คือมึนและไม่แคร์ใคร
โอ๊ยยย เป็นหนุ่มดังแล้ว แบบนี้มิน่าพี่ถึงขยันมาหา

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ชอบโมเมนท์งอแงกัน สวีทกันแต่ณภัคปากแข็งอะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 09-01-2018 12:55:38
ชอบจังเลย สองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน เป็นคนที่เหมือนไม่แคร์ใครแต่แคร์กันและกันและแคร์คนที่ตัวเองรัก ชอบ ขอบคุณมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 26-01-2018 11:56:43
สนุกมากๆ ขอบคุณค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความที่ 31 ผมกับใจพัง ๆ | 14-4-60 | P.25
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 27-01-2018 22:53:51
พ่อของภัคนี่โง่มาก หลงเมียใหม่อะไรขนาดนั้น ภัคก็ลูกตัวเองแท้ๆไม่ฟังห่านนไรเลย หงุดหงิด
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-01-2018 09:53:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 21-02-2018 21:47:51
อยากดิ้นตาย ทำไมฟินแบบนี้ :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • ความพิเศษ : จักรพรรดิของสังคม | 16-12-60 | P.40
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 21-02-2018 21:48:12
อยากดิ้นตาย ทำไมฟินแบบนี้ :impress2: :-[
หัวข้อ: PRE-ORDER ความจริงใจ : 30th Jan – 10th Mar 2018
เริ่มหัวข้อโดย: HEARTBREAKER ที่ 22-02-2018 05:19:56

(https://i.imgur.com/38pQvGi.jpg)



PRE-ORDER
30th Jan – 10th Mar 2018


รายละเอียด
จำนวน : 3 เล่มจบ
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง : เฉพาะหนังสือ 930 บาท
                             Boxet 1,130 บาท
ตอนพิเศษทั้งหมด : 10 ตอน
ของแถมรอบจัดพิมพ์ครั้งแรก : ที่คั่นหนังสือ 3 ลาย + โปสการ์ด 3 ลาย
ของแถมเฉพาะรอบพรีออเดอร์ : โปสการ์ดลายจิบิ 3 ลาย + ตอนพิเศษ Something Just Like This ( จักรพรรดิอายุ 27 ปี )
ช่องทางการสั่งซื้อ : เพื่อนใจ (http://www.peunjaibooks.com/)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : สำนักพิมพ์ เพื่อนใจ (https://www.facebook.com/book.peunjai/)



ปก 1,2,3

(https://i.imgur.com/M1sHKXv.jpg)

(https://i.imgur.com/z6YQ5HM.jpg)

(https://i.imgur.com/7WhCr6q.jpg)


BOX


(https://i.imgur.com/Aqz5HPm.jpg)
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 26-02-2018 20:35:10
อ่านกี่ครั้งก้ฟินนาเร่  :mew1: :hao7: :katai2-1:รักคนเขียน หาสามีแบบจริงในได้ที่ไหน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 26-02-2018 20:37:06
อ่านกี่ครั้งก้ฟินนาเร่  :mew1: :hao7: :katai2-1:รักคนเขียน หาสามีแบบจริงในได้ที่ไหน
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 05:40:09
หลงรักเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: pond_sn ที่ 28-02-2019 19:19:44
 ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 01-03-2019 03:19:35
จริงใจคนหื่นนน อะไรคือล้าแค่ไหนก็ต้องได้ซุกเมียคะวอแวบอยจริงๆ อยากมีภัคเป็นของตัวเองดูแลเก่งมากกกชอบบบบ
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 04-12-2020 16:33:40
กลับมาอ่านอีกกี่รอบก็ยังสนุกเหมือนเดิม รีรันจันทร์เจ้ากับทิวา,น้าเจ้ากับฟ้า,รามินทร์กับมีนอีกยาว ๆไปจ้า:katai2-1:
หัวข้อ: Re: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 17-10-2021 20:03:43
 :-[