พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] My little boy >>up part4<< 2016.07.30 ended
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: WitchuAon ที่ 23-06-2016 01:33:28
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[OS] My little boy
pairing : Chon x Min
genre : Shota,Drama,Romantic
author : WitchuAon
note : อ่านเบาๆอย่าส่งเสียงดังมันดึกแล้ว :)
ก็แค่เด็กขี้อิจฉาที่ไม่ใครอยากเล่นด้วย
ก็แค่เด็กนิสัยไม่ดีที่ชอบเดินตามพี่ชล
ใช่สิ มิน ไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงพวกนั้นหนิ
พี่ชลเลยไม่สนใจมินเลย
เขาไม่ชอบที่พี่ชลไปเล่นกับเด็กพวกนั้น
เพราะคนพวกนั้นแหละที่ทำให้พี่ชลไม่สนใจมินเลย
‘พี่ชลคนใจร้าย’ ร่างเล็กพึมพัมก่อนที่น้ำตาจะไหลนองเต็มแก้มยุ้ยทั้งสองข้าง
ร่างเล็กของเด็กวัยหกขวบที่กำลังนั่งอยู่บนชิงช้าหลังบ้านปากก็เคี้ยวขนมหยุบหยับไม่มีท่าว่าจะยอมหยุด ดวงตากลมโตมองตรงไปยังรั้วกำแพงที่กั้นเขตบ้านของตัวเองกับพี่ชลไว้
วันนี้ก็ไม่มาเล่นกับมินอีกแล้ว
คนตัวเล็กกระโดดลงจากชิงช้าก่อนจะวิ่งไปเกาะตรงบันใดที่ตัวเองกับพี่ชลเคยเอามาวางพิงกำแพงไว้ใช้ปีนป่ายมาเล่นด้วยกัน
“น้องมินไม่ปีนนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง ร่างเล็กที่เตรียมก้าวขาปีนบันได้สะดุ้งเบาๆก่อนจะหันหน้ามามองคนเป็นพี่ชาย
“ก็น้องมินอยากไปเล่นกับพี่ชลหนิฮะ” ปากเล็กยื่นออกเหมือนโดนขัดใจที่ถูกห้ามไม่ให้ปีนบันได
“วันนี้พี่ชลไปเรียนพิเศษ ไม่ว่างมาเล่นกับมินหรอกครับ” คนเป็นพี่ชายเดินเข้าไปอุ้มน้องชายขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ร่างเล็กซุกหน้าลงบนไหล่ก่อนจะพึมพัมเบาๆให้เขาได้ยิน
“พี่ชลไม่มาเล่นกับมินสองวันแล้ว”
“พี่ชลไม่ว่างหนิครับ มินต้องรอให้พี่ชลกลับจากเรียนพิเศษก่อนนะ” มาร์ชยกมือขึ้นลูบที่หัวทุยๆของน้องชายเบาก่อนจะโยกตัวไปมาเหมือนกำลังกล่อมเด็กให้หลับ
“จริงๆนะ ถ้าพี่ชลมาพี่มาร์ชให้มินไปเล่นกับพี่ชลนะ” ร่างเล็กที่ซุกหน้าอยู่บนไหล่เงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายด้วยแววตาสดใสเหมือนดั่งเคย
“เข้าบ้านก่อนนะอยู่ข้างนอกอากาศหนาว” คนที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ชายพยักหน้าหงึกหงัก แต่สายตาก็ยังไม่วายมองไปที่กำแพงที่มีบันไดวางอยู่นั้นในใจก็หวังลึกๆว่าพี่ชลจะโผล่ขึ้นมา
“เปี๊ยก มันกินไม่ได้แมวเค้าไม่กินหญ้าหรอกนะ” เมื่อตะวันเริ่มคล้อยลาลับขอบฟ้าร่างเล็กที่คุณแม่อนุญาตให้พาแมวน้อยออกมาเดินเล่นเอ่ยขึ้นเมื่อสัตว์เลี้ยงของตัวเองกำลังวิ่งเล่นไปทำท่าจะกินหญ้าที่อยู่หน้าบ้านของพี่ชล
“มานี่เลย ถ้ากินหญ้าอีกจะไม่พาออกมาเดินเล่นแล้วนะ” ร่างเล็กต่อว่าก่อนจะเดินไปอุ้มเปี๊ยกขึ้นมาไว้แนบอก แล้วชะเง้อคอมองลอดประตูหน้าบ้านเข้าไปเผื่อจะเจอพี่ชลของเขา
“มิน~” ร่างเล็กที่มีอายุน้อยกว่าเขาร้องเรียกชื่อก่อนจะวิ่งมาเกาะขอบประตูรั้ว
“เชน ทำไมวิ่งมาคนเดียวล่ะ” เมื่อเห็นอีกคนเกาะขอบประตูรั้วบ้านอยู่มินก็เข้าไปยืนเกาะเหมือนกัน
“เปี๊ยก เปี๊ยก” ร่างเล็กที่ยืนอยู่อีกฟากของรั้วยื่นแขนออกมาลูบหัวแมวน้อยที่อยู่อ้อมกอดของมินเบาก่อนจะเรียกชื่อเจ้าสัตว์เลี้ยงไปมาซ้ำๆ
“พี่ชลกลับมารึยังเชน” คนตัวเล็กที่กำลังอุ้มแมวเอ่ยถามทันทีทั้งๆที่ตะวันเริ่มจะลาลับขอบฟ้าแล้วแต่ทำไมยังไม่เห็นพี่ชลของเขาเลยล่ะ
“ไปเรียน ไปเรียน” ร่างเล็กที่ตอนนี้พูดยังไม่คล่องเท่าไหร่พอได้ยินชื่อพี่ชายก็พูดตามที่คุณแม่บอก
“ฮ่าๆ เปี๊ยก เปี๊ยก” คนอายุน้อยกว่าหัวเราะออกมาเมื่อแมวตัวเล็กเอาหน้าถูไถกับมือที่ยื่นออกมาจับหัวมัน มินหัวเราะกับท่าทางของอีกคนก่อนจะจับมือของเชนไว้แน่นเพื่อให้เปี๊ยกเอาหน้าคลอเครียจนอีกคนหัวเราะงอหงาย
ปิ๊ง....ปิ๊ง....ปิ๊ง....
เสียงกริ่งจักรยานที่ดังขึ้นอยู่ด้านหลังทำให้เด็กน้อยทั้งสองที่กำลังหยอกกันหันไปมองก็พบผู้มาใหม่ทั้งสองที่ซ้อนจักรยานกันมาจอดที่หน้าบ้าน...พี่ชลกับพี่แก้วใจคนสวย
“มิน แมวใครคะทำไมน่ารักจัง” หญิงสาวที่มาใหม่เอ่ยถามคนตัวเล็กที่กำลังอุ้มแมวอยู่อย่างใจดี
“แมวอยู่ในมือใครก็ของคนนั้นแหละ” ร่างเล็กที่เห็นว่าพี่ชลของเขาซ้อนจักรยานมากับคนอื่นก็หน้างอง้ำเกือบจะถึงคอ
“เด็กนิสัยไม่ดี ขอโทษนะครับพี่แก้วใจ” ร่างสูงหันมาต่อว่าคนตัวเล็กกว่าก่อนจะหันไปโค้งศีรษะขอโทษหญิงสาวที่โดนมินทำกริยาไม่น่ารักใส่
“ไม่เป็นไรจ้า อย่าลืมกลับไปอ่านที่พี่จดให้นะ” หญิงสาวที่ควบจักรยานอยู่ตอนนี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ถือสา พอเห็นว่าส่งอีกคนถึงบ้านปลอดภัยก็โบกมือบ้ายบายให้กับเด็กน้อยทั้งสอง เชนโบกมือกลับอย่างอารมณ์ดีส่วนมินก็หันไปมองหน้าคนตัวสูงกว่าก่อนจะเบะปากคว่ำเหมือนจะร้องไห้...ทำไมพี่ชลต้องว่ามินด้วย
“เชนคุณแม่ไปไหน ทำไมออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” ร่างสูงเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจคนตัวเล็กที่มองเขาหน้าคว่ำก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วแล้วก้าวเข้าไป สองขาเล็กกำลังจะก้าวตามเข้าไปด้วยแต่ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อคนตัวสูงที่ก้าวเข้าไปก่อนปิดประตูดังกึกใส่หน้า
“เข้าบ้านกัน เย็นแล้วเดี๋ยวเป็นหวัด” หันไปมองน้องชายตัวเองก่อนก้มลงช้อนคนตัวเล็กแล้วเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้อีกคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านมองตามอย่างไม่เข้าใจแล้วน้ำใสๆก็ไหลลงมาจากดวงตาคู่โต
“เปี๊ยก เปี๊ยก ร้องไห้” คนตัวเล็กที่เอาคางเกยบนบ่าพี่ชายร้องเรียกสัตว์เลี้ยงตัวน้อยก่อนที่จะมองเห็นว่าเจ้าของของมันกำลังยืนอยู่หน้าบ้านทั้งที่น้ำตานองหน้า รู้สึกเสียใจกับการกระทำของร่างสูง
พี่ชลคนใจร้าย
เช้านี้อากาศแจ่มใสที่สำคัญมันเป็นวันหยุดเขาไม่ต้องไปโรงเรียน เขาตอนนี้ที่กำลังเตรียมสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมจนไม่มีเวลามาเล่นกับคนตัวเล็กที่รั้วบ้านติดกันเลย แล้วเขาก็ไม่เข้าใจทำไมพักหลังมานี้มินถึงได้ทำตัวเกเรนักพูดก็ไม่เพราะ ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะเป็นเด็กน่ารักใครเห็นก็เอ็นดูแต่ตอนนี้ชอบมีเรื่องกับเด็กผู้หญิงที่เล่นด้วยกันและที่สำคัญชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจจากเขา เมื่อก่อนก็น่ารักอยู่แล้วแท้แต่ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปนัก
“เปี๊ยก เปี๊ยก” เขาหันมองตามเสียงก็เห็นน้องชายเขาที่วิ่งไล่ตามแมวน้อยออกมาจากบ้านของมิน
“เปี๊ยก มามา” เจ้าตัวเล็กวิ่งเข้าไปคว้าแมวที่กำลังวิ่งหนีอยู่ตอนนี้ แต่วืดจับได้เพียงอากาศ
“เชน อย่าวิ่งออกไปเดี๋ยวรถมา” ร่างเล็กคุ้นตาวิ่งตามออกมา พอเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าไม่ได้วิ่งเลยออกมาบนถนนก็หันไปวิ่งตามตะครุบเจ้าแมวแสนซน
“ถ้าแมวมันดื้อ ทำไมไม่ซื้อปลอกคอมาใส่ล่ะ” คนตัวโตกว่าที่เห็นว่าคงอีกนานกว่าจะวิ่งตามจับได้เลยเป็นฝ่ายวิ่งไปตามจับให้ก่อนจะยื่นเจ้าแมวตัวเล็กมาให้อีกคน
“เปี๊ยก เปี๊ยก เอามาๆ” คนอายุน้อยสุดเมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองเป็นคนจับได้ก็กระโดดดึ๋งๆจะคว้าแมวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“เชนครับ ให้มินอุ้มดีกว่านะเดี๋ยวเปี๊ยกหล่น” เขาหันไปพูดกับน้องชายตัวเองก่อนจะยื่นแมวตัวเล็กไปให้กับอีกคน
“เชนเข้าบ้านกัน” เอื้อมมือมาอุ้มแมวก่อนจะหันไปชวนน้องชายเขาให้ตามเข้าบ้านไปด้วย ไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณซักคำ
“เปี๊ยก เปี๊ยก มินขออุ้มหน่อย” คนที่ตัวเล็กกว่ายื่นมือเข้าไปขออุ้ม แล้วเจ้าของแมวก็ยื่นมาให้ก่อนจจะหันมากำชับ
“อย่าวิ่งออกมาข้างนอกแบบนั้นอีกนะ” คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็วิ่งปร๋อตรงไปสวนหลังบ้านทันที
“อ้าว ชลไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นเข้ามาก่อนสิลูก” แม่ของมิน ที่กำลังเดินเอาขยะออกมาทิ้งหน้าบ้านก็เอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นว่างร่างสูงของเด็กหนุ่มข้างบ้านมายืนอยู่หน้าประตูบ้านของตน
“น้องเล่นกันอยู่หลังบ้านโน่นลูก” แม่ของมิน ยิ้มให้กับเด็กหนุ่มที่เธอเอ็นดูเหมือนลูกชาย อีกคนก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินตามเข้าไป
“มิน ขึ้นๆ ขึ้นไป” พอเดินไปถึงก็ได้ยินเสียงคนอายุน้อยที่กำลังหัดพูดบอกให้อีกคนปีนขึ้นไปบนบันได
“ไม่ปีนเดี๋ยวตกนะ”
“เชนไม่ปีนนะเดี๋ยวคุณแม่ดุ” คนตัวโตกว่าหันไปส่ายหน้าก่อนจะคว้าร่างเล็กของอีกคนที่กำลังก้าวขาสั้นๆนั้นไปที่บันได
“ชล ชล ปีนๆๆ” เมื่อคนตัวเล็กกว่าหันมาเห็นพี่ชายตัวเองก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางบันไดทันที
“ไม่ปีนครับ เชื่อมินเดี๋ยวคุณแม่ดุ” คนตัวสูงว่าก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กให้ไปนั่งเล็กกับแมวน้อยที่ตอนนี้มีเชือกคล้องไม่ให้วิ่งหนีไปไหน ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอยู่
“มิน โกรธพี่เหรอครับ” ร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาน้ำตาคลอแล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านไปปล่อยให้คนตัวสูงกว่ามองตามอย่างเป็นกังวล
ก็แค่เด็กนิสัยไม่ดี ที่ชอบทำตัวเกเร
ก็แค่เด็กคัวเล็กที่คอยวิ่งตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง
ก็แค่เด็กที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจทำให้เขามองได้มิรู้เบื่อ
ก็แค่คนที่เคยทำให้ ชลคนนี้เอาไปนอนละเมอฝันถึงได้
ก็แค่คนที่เขาพยายามปฏิเสธใจตัวเองว่าไม่ได้รักมากเกินกว่าน้องชาย
ก็น้องมันยังเด็ก
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาพาน้องชายตัวเองเข้ามาเล่นกับคนตัวเล็กข้างบ้านอยู่บริเวณสวนหลังบ้านเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นร่างเล็กที่นั่งหันหลังไม่สนใจเขา เอาแต่หยอกล้ออยู่กับน้องชายของเขาอยู่นั่นแหละ ชลกำลังถูกเมิน!
“มิน วันนี้ไม่เอาจูมเปี๊ยกไปเดินเล่นเหรอ” คนตัวสูงทรุดกายลงนั่งข้างก่อนจะแย่งแมวที่อยู่ในมือของร่างบางมาอุ้มไว้บนตัก
“เชนเข้าไปเล่นของเล่นในบ้านกัน” คนตัวเล็กทำท่าจะลุกเดินหนีเข้าบ้านดีที่เขาคว้าข้อมือเล็กนั่นไว้ทัน ก่อนจะจับแมวไปวางไว้บนตักของน้องชายเขา
“งอนอะไรพี่ฮึ คนดี” คนตัวโตกว่าถามก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปจ้องหน้าร่างเล็กที่กำลังก้มหน้างุดอยู่ตอนนี้
“ถอยออกไป ฮื่อ” คนตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่ยื่นมือออกมาผลักคนตัวสูงกว่า
“มิน มิน หิว เปี๊ยกหิว” เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างยื่นมือมาดึงชายเสื้อของร่างเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่
“เชนครับ พาเปี๊ยกไปกินข้าวในบ้านนะ” ชลหันไปบอกน้องชายตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะพยักหน้าแล้วอุ้มเปี๊ยกวิ่งเข้าบ้านไปทันที
“ว่างายยยย โกรธพี่เรื่องอะไรครับ” หมือหนายื่นออกไปดึงแก้มยุ้ยๆของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว
“ฮื่อ ปล่อยนะมินเจ็บ” คนตัวเล็กหันมาโวยวาย แล้วเขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้นัยย์ตากลมโตมีน้ำคลออยู่ข้างใน
“เป็นอะไรโกรธพี่เรื่องอะไรครับ” ย้ายมือหน้าจากที่กำลังดึงแก้มยุ้ยของอีกคนมาเป็นประคองด้วยหน้าเล็กให้แหงนมองหน้าเขาแทน
“เมื่อวาน...ฮึก...พี่ชลปิดประตู..ฮึก...ไม่ยอมให้มินเข้าบ้านด้วย...ฮือ” น้ำตานองอาบสองข้างแก้มยุ้ยด้วยความน้อยใจ ประโยคที่เอ่ยขาดหายกระท่อนกระแท่นเพราะเจ้าตัวต้องกลั้นสะอื้น
“พี่ขอโทษนะครับ ยกโทษให้พี่นะ คราวหลังจะไม่ทำอีกแล้วนะ” ใช้มือหนาเกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลเป็นทางออกจากดวงหน้าเล็ก แค่เห็นน้ำตาเม็ดโตผุดขึ้นมาใจเข้าก็บีบแน่นไปด้วยความรู้สึกผิดแล้ว
“ฮึก...พี่ชลอย่าทำแบบนั้นอีกนะ...”
“ไม่ทำอีกแล้วต่อไปนี้จะมาเล่นด้วยทุกวันเลย นะครับ”
“ห้ามเห็นใครสำคัญกว่ามินด้วย...ฮึก...โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงพวกนั้น” น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วคงไว้ก็แต่เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นช่วงๆ
“สัญญาเลย แต่มินก็ต้องสัญญากับพี่นะว่าจะเป็นเด็กดีเหมือนเดิมห้ามพูดไม่เพราะด้วย นะครับ” แล้วก็ยกนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็กกว่า อีกคนมองอย่างชั่งใจก่อนจะยื่นนิ้วเล็กๆออกมาเกี่ยวไว้ ชลคลี่ยิ้มออกมา ทำไมมินถึงได้น่ารักแบบนี้จนเขาอดใจไม่ไหวค่อยๆก้มหน้าลงไปหวังที่จะสูดความหอมจากแก้มเนียนทั้งสองข้าง
“มิน มิน เปี๊ยกเปี๊ยกอิ่มแล้ว” ชลสะดุ้งก่อนที่จะผละออกจากแก้มเนียนที่เขาเกือบจะสัมผัสอยู่แล้ว ก่อนจะหันไปมองค้อนเจ้าน้องชายตัวแสบที่วิ่งอุ้มแมวตรงมาหา
“เชน ให้เปี๊ยกกินอะไร” คนตัวเล็กที่ยังไม่รู้ประสาหันไปถามเจ้าของอ้อมแขนที่กำลังกอดแมวอยู่
“มาร์ชให้ กินปลาๆ” เจ้าตัวเล็กหันมาตอบก่อนจะทรุดนั่งลงตรงกลางระหว่างมินกับชล โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าคนเป็นพี่ชายเคืองตัวเองไม่มากก็น้อย คนอายุมากที่สุดยกมือขึ้นยีหัวเจ้าน้องชายตัวแสบจนผมกระจายอย่างหมั่นเขี้ยว
“ฮ่าๆๆ หัวเชนเหมือนซุเปอร์ไซย่าเลย” มินที่มองเห็นว่าคนตัวโตยกมือขยี้หัวน้องชายจนตอนนี้ผมของเชนชี้ชี้เด่ไม่เป็นทางก็นั่งหัวเราะอย่างชอบใจ ชลมองร้อยยิ้มแล้วก็เสียงหัวเราะที่เขาได้ยินก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ
น้องยังเด็กเกินไป ขนาดเมื่อซักครู่ที่เขาก้มลงจะหอมแก้มน้องยังไม่รู้เรื่องราวเลย แต่แค่นี้ก็ดีเกินพอแล้วแค่ไม่ต้องเห็นดวงหน้าหมองคล้ำกับน้ำตาเม็ดโตที่ไหลมาจากตากลมโตของคนตัวเล็กก็ดีแค่ไหนแล้ว
ก็แค่เด็กที่อยู่ในห้วงความฝันของพี่ชลเกือบทุกคืน
ก็แค่เด็กที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง....แต่พี่ชลก็ไม่เคยขัดใจซักครั้ง
ก็แค่เด็กที่ตอนนี้พี่ชลเทใจรักเต็มหน้าตักก็แค่นั้นเอง
วันช็อตสั้นๆ คาดว่าจะมีต่อซักสองสามตอน :)
-
:katai2-1: จัดมา พี่ชลรอน้องไม่นานนะ. อิอิ
-
รอต่ออ่ะ ต่อๆๆๆๆๆ :ling1:
-
[OS] My little Anpanman
ก็แค่คนที่ถูกลืม ก็แค่คนที่มินละเลยไม่ใส่ใจ
ก็แค่วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุเก้าขวบของมิน
แต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมมินถึงสนใจแต่ของขวัญของคนอื่น
ใช่สิ เขามันไม่สำคัญแล้วหนิ ของขวัญของชลก็เลยไม่สำคัญด้วย
คงมีความสุขมากสินะถึงได้ยืนคุยสนุกสนานร่าเริงขนาดนั้น
เขามันคนเก่าแล้ว มินจะไปสนใจเพื่อนใหม่อย่าง กิวก็ไม่แปลก
เด็กหนุ่มที่ตอนนี้ถือกล่องของขวัญใบเล็กอยู่ในมือเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวโปรดของคนตัวเล็กเจ้าของวันเกิด ถอนหายใจออกมาก่อนจะทอดสายตามองไปยังบันไดที่พิงอยู่ตรงกำแพงที่กั้นบ้านของเขากับคนตัวเล็ก กี่ปีแล้วนะที่เขาใช้ช่องทางนี้ในการปีนมาเล่นกับมิน ก็คงตั้งแต่ที่รู้ว่าบ้านหลังติดกันมีเด็กน้อยแก้มยุ้ยตาโตเข้ามาอาศัยอยู่นั่นแหละมั้ง
มินย้ายมาตอนที่เขาอายุแค่เพียงสิบขวบ คุณแม่บอกว่าน้องข้างบ้านที่ย้ายมาอยู่ใหม่น่ารักมาก ตอนแรกเขานึกว่าเป็นผู้หญิงแต่ที่ไหนได้ มินของเขากลับเป็นเด็กผู้ชายแก้มยุ้ยตาโตที่กำลังอยู่วัยหัดวิ่งตอนนั้นเขาแอบปีนรั้วบ้านชะโงกหน้าข้ามมามองก็เห็นเด็กน้อยนั่งเล่นอยู่สนามหญ้าหลังบ้านกับพี่ชาย ทันทีที่สบตาเข้ากับร่างเล็กที่แหงนหน้าขึ้นมามองเขาก็เหมือนกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ใช่เขาหลงรักแววตาใสซื่อที่มองสบมาแล้วไหนจะรอยยิ้มไร้เดียงสาที่ส่งมันมาให้เขานั่นอีก
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ขอเข้ามาเล่นกับมินเป็นประจำ คนตัวเล็กก็ติดเขาแจมีเขาที่ไหนที่นั่นก็ต้องมีมิน เฮ้อ...แต่เพราะน้องยังเด็กน้องไม่รู้หรอกว่าที่เขาชอบเข้ามาเล่นด้วยนั้นเป็นว่าอยากอยู่ใกล้คนตัวเล็ก อาการแบบนี้เรียกรักหรือเปล่าเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ถ้าทั้งหมดที่เขาเล่ามามันคืออาการของคนแอบรักเขาก็คงต้องยอมรับ ว่าตอนนี้เขารักมินรักเท่าที่ใจทั้งหมดจะสามารถรักได้
"เฮ้ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ" แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อหันไปมองอย่างแปลกใจ
"คนเยอะ ผมเลยออกมานั่งข้างนอกเฉยๆครับ" บุคคลผู้มาเยือนยกยิ้มมุมปากให้กับคำตอบที่ได้รับ
"เชน ถามหาว่านายไปไหน"
"แค่เชนเหรอครับที่ถาม" ในใจก็ได้แต่หวังว่าใครอีกคนที่เขากำลังเฝ้าคิดถึงจะถามหาเขาบ้าง
"ก็มีคนอื่นนะ แม่นายไงที่ถาม" ทั้งๆที่รู้ว่าอีกคนหมายถึงใครแต่เขาก็ยังเล่นลิ้นไม่ยอมบอกออกไป
"ครับ พี่มาร์ชเดี๋ยวผมเข้าไป" คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าอย่างหงอยๆก่อนจะเดินเข้าบ้านไป โดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องของขวัญที่วางไว้ข้างกายเข้าไปด้วย มาร์ชมองตามร่างของอีกคนก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ สงสัยคงจะน้อยใจมินตอนนี้มัวแต่สนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง เด็กสองคนนี้นี่ยังไง
"ชลๆๆ" คนตัวเล็กที่ตอนนี้พูดจาคล่องแคล่วแล้ววิ่งมาเรียกพี่ชายของตนที่กำลังเดินเข้าบ้านมา
"มินจะเป่าเค้กแล้ว อย่าเสียงดังนะคุณป้าจะปิดไฟแล้วยกเค้กออกมา" คนตัวเล็กดึงชายเสื้อเขาให้โน้มหน้าลงมาอยู่ระดับที่ตัวเองจะสามารถกระซิบเพื่อบอกแผนการกับพี่ชายได้
"แล้วมินอยู่ไหนครับตอนนี้" เด็กหนุ่มก้มลงไปช้อนตัวน้องชายขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะกระซิบถาม
"กล่องอะไร ดูหน่อย" คนตัวเล็กยื่นมือมาคว้ากล่องที่พี่ชายตัวเองถือไว้
"จุ๊ๆ อันนี้ของมินเอามาให้มินเชนไม่เล่นนะ" คนเป็นพี่ชายหันไปกระซิบเมื่อเห็ว่าคนตัวเล็กทำท่าจะแกะกล่องออกดู
"ให้เชนด้วย แบ่งกันได้มั๊ย" คนตัวเล็กหันมามองหน้า
"ของเชนเดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่อันนี้ของมินนะครับ" พอได้ยินว่าจะซื้อให้ใหม่ อีกคนก็พยักหน้าหงึกหงักทันที
"ไปหามินกัน เป่าเค้กๆ" มือป้อมๆยกขึ้นเขย่าไหล่พี่ชายให้พาเดินไปตรงที่ร่างเล็กของเจ้าของวันเกิดยืนอยู่
"มินๆ อยากกินเค้ก" เสียงเรียกจากคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ชายทำให้อีกคนที่กำลังยืนคุยเล่นกับเพื่อนๆหันมามอง
"เชน" เจ้าของวันเกิดหันมายิ้มให้กับคนตัวเล็กกว่า
พรึ่บ
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรไฟที่เคยสว่างก็ดับลงกระทันหันก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องเพลงดังออกมาจากห้องครัวก็เห็นคุณแม่กับพี่มาร์ชเดินถือเค้กออกมาพร้อมกับร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด
“มินอธิษฐานครับ หลับตาอธิษฐานะครับ” คุณแม่ที่ถือเค้กอยู่เอ่ยกับลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตากลมโตที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวช้อนมองหน้าคุณแม่ ก่อนที่ก้มหน้าหลับตาแล้วอธิษฐานอยู่นาน
“มินเป่าๆ จะกินเค้กๆ” เด็กตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของชลเร่งเร้าเจ้าของวันเกิดแล้วก็ได้รับเสียงหัวเราะครืนจากคนมาร่วมงาน คนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าน้องอยากกินเค้กก็ก้มหน้าลงเป่าเทียนจนดับไป แล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคุณแม่แล้วก็พี่ชายแล้วไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้งจนคนตัวเล็กต้องกระพริบตาปริบเพื่อปรับแสง
“ขอบคุณครับ มินดีใจจังที่ทุกคนมางานวันเกิดมิน” คนตัวเล็กขอบคุณแล้วก็ยิ้มจนตาหยี
“ชลปล่อย จะลงกินเค้ก” เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายดิ้นขลุกขลัก พอคนเป็นพี่ชายวางตัวเองลงกับพื้นก็วิ่งเตาะแตะเข้าไปหามินทันที
“มินตัดเค้ก ตัดนะจะกิน” พอวิ่งไปใกล้ก็เกาะหมับเข้าที่แขนแล้วเขย่าน้อยๆอย่างเร่งรัดทันที
“เชนรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปตัดให้” มาร์ชก้มลงไปบอกเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะเดินถือเค้กเข้าครัว เห็นดังนั้นเชนก็วิ่งเตาะแตะตามเข้าไปด้วย
“พี่ชล มินนึกว่าจะไม่มา” เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ชลคนตัวเล็กก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจเพราะตลอดงานแทบจะไม่เห็นเงาของคนตัวสูงเลยด้วยซ้ำ
“มาสิแต่พี่...”
“มินไปดูเปี๊ยกกับหวานเย็นกันตอนนี้กำลังตีกันใหญ่เลย” คนตัวสูงพูดยังไม่จบประโยคดีก็มีเสียงจากคนที่ตัวสูงไล่เลี่ยกับมินวิ่งตัดหน้าเข้าไปฉุดแขนออกแรงดึงนิดหน่อยร่างเล็กก็ก้าวตามคนมาใหม่ไปแล้ว วันนี้เพิ่งจะได้คุยกันเป็นครั้งแรกแต่ก็ถูกเด็กน้อยที่มีนามว่ากิว มาตัดหน้าพาคนตัวเล็กเขาวิ่งออกจากบ้านไปซะก่อน ชลก้มลงมองของขวัญที่อยู่ในมือก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
คงต้องให้วันหลัง
งานวันเกิดมินผ่านมาสามวันแล้ว
แต่มินยังไม่ได้ของขวัญจากพี่ชลเลย
มินไม่เข้าใจพี่ชลลืม หรือว่าพี่ชลไม่มีเวลา
พอมินกลับมาบ้านทีไรก็ไม่เคยจะเจอพี่ชลเลย
ร่างเล็กที่ยืนมองคุณแม่รดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านเอียงคอไปมาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเดี๋ยวอีกหน่อยก็คลาย ซักพักก็ยู่หน้าแล้วส่ายหัว คุณแม่ที่แอบมองอยู่นานเห็นท่าทางน่าหมั่นเขี้ยวเลยคิดอยากจะแกล้งเด็กน้อยตาโตที่กำลังยืนแสดงสีหน้าหลากอารมณ์ ปลายสายยางที่ตอนนี้เบนจากโคนต้นมาเปลี่ยนทิศทางมายังร่างเล็กๆของลูกชายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“คุณแม่น้องมินหนาว” ละอองน้ำที่กระจายตัวลงบนร่างเล็กที่ยืนเหม่ออยู่นั้นทำให้เจ้าตัวถึงกับห่อไหล่ ก่อนจะหันไปมองคุณแม่ด้วยความแปลกใจ
“น้องมินมายืนทำหน้าเครียดอยู่ข้างต้นไม้คุณแม่ คุณแม่ก็เลยกลัวว่าต้นไม่จะเครียดตามก็เลยลองรดน้ำให้น้องมินด้วยเผื่อว่าจะหายเครียด” คุณแม่หันมาอธิบายให้ลูกชายตัวเล็กฟังอย่างอารมณ์ดี แค่ได้เห็นแก้มยุ้ยๆของคนตัวเล็กที่พองลมน้อยๆก็ยิ่งทำให้คุณแม่หัวเราะเข้าไปใหญ่ที่แกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จ
“แต่น้องมินไม่ใช่ต้นไม้นะฮะ รดน้ำมาแบบนี้ถ้าน้องมินเป็นหวัดขึ้นมาจะทำไง” คนตัวเล็กหันไปทำหน้ามุ่ยใส่คุณแม่ แต่ก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนยังยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม
“น้องมินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ถ้าเป็นหวัดมาจะไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆนะ” คุณก็เอ่ยปากไล่ทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าละอองน้ำที่พรมลงบนตัวลูกชายคนเล็กอาจจะทำให้เป็นหวัดได้
“เช็ดผมให้แห้งด้วยนะน้องมิน” คุณแม่ตะโกนไล่หลังไปเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กวิ่งเข้าบ้านไป
เหนื่อย.......เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตเด็กม.4จะเหนื่อยขนาดนี้ ขนาดวันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆเขายังต้องไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนเลย ใครบอกว่าชีวิตม.ปลายสนุก ชลคนนี้ขอค้านหัวชนฝา ตอนนี้ยิ่งใกล้ช่วงปิดเทอมไหนจะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบไหนจะต้องเคลียร์งานที่คั่งค้าง เขาไม่มีความสุขเลย สามวันแล้วที่ไม่ได้เจอมินหลังจากงานวันเกิดของคนตัวเล็กนั่นแหละ ชลมองไปที่หัวเตียงซึ่งตอนนี้มีวัตถุแปลกตาชิ้นหนึ่งวางอยู่ข้างๆโคมไฟ
ของขวัญวันเกิดน้อง...ยังไม่ได้ให้เลย แต่ดึกป่านนี้คนตัวเล็กคงจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง มินจะเหงาเหมือนที่เขาเหงามั๊ยนะไม่ได้เจอกันตั้งสามวันจะมีเพื่อนเล่นรึเปล่า พอนึกมาถึงข้อนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเศร้าลงถนัดตาเขาคงลืมไปสินะว่ามินมีเพื่อนใหม่อย่างกิว คนตัวเล็กคงไม่เหงาหรอกคงมีแค่เขานี่แหละที่ตั้งทนมานั่งคิดถึงนอนคิดถึงอยู่แบบนี้
เสียงนกที่ขับขานอยู่ริมขอบหน้าต่างบอกให้รู้ว่าเช้าวันใหม่มาเยือนแล้ว เช้านี้อากาศแจ่มใสเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา คนที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าผืนหนากระพริบตาปริบๆเพื่อปรับสายตาก่อนจะมองออกไปทางหน้าต่างห้องนอน เมื่อคืนมินเป็นไข้เลยเพราะคุณแม่ใจดีที่อยากรดน้ำให้กับมินต้นนี้ทำให้คนตัวเล็กไข้ขึ้นกระทันหัน
ยังปวดหัวอยู่เลยแล้วแบบนี้ก็ออกไปเล่นกับพี่ชลไม่ได้น่ะสิคนตัวเล็กหน้างอง้ำลงทันใด เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะได้ยินเสียงอ่อนโยนของคนเป็นพี่ชายดังมาให้ได้ยิน
“ไข้ลดรึยังครับ” มาร์ชเดินมานั่งลงที่ข้างเตียงน้องชาย มือหนายื่นไปแตะหน้าผากของคนตัวเล็กก่อนจะชักมือกลับ
“ไข้ยังไม่ลดเลย ลุกขึ้นมาก่อนเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้” ร่างของคนป่วยค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงที่หัวเตียง สายตาก็คอยมองพี่ชายที่เดินถือกะละมังใส่น้ำเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เดี๋ยวคุณแม่จะเอาข้าวแล้วก็ยาขึ้นมาให้นะครับ น้องมินต้องทานยานะจะได้หายป่วยไวๆ” มือที่หน้าที่เช็ดตัวให้น้องชาย ปากก็พร่ำบอกอีกคนก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ป่วยแบบนี้ออกไปเล่นไม่ได้เลย” มาร์ชก้มมองน้องชายตัวเล็ก ก็เห็นว่าแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างตอนนี้แดงเพราะพิษไข้ ก่อนจะก้มลงไปจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของคนตัวเล็ก
“ต้นมินของแม่ วันนี้ไข้ลดรึยังครับ” คุณแม่เดินส่งเสียงมาก่อนตัว มาร์ชที่เห็นว่าคุณแม่เดินถือถาดข้าวเข้ามาก็ทำหน้าที่ลูกที่ดีเดินไปรับถาดนั้นมาถือให้
“ไหนให้แม่กอดซิ ต้นมินไข้ลดรึยัง” คุณแม่ใจดีว่ากอดจะเดินเข้ามาอุ้มลูกชายคนเล็กวางที่ตักแล้วก็ก้มหน้าลงไปใช้หน้าผากแตะเข้ากับหน้าผากของคนตัวเล็กทันที
“เอ๊ ทำไมต้นมินยังร้อนๆอยู่เลยสงสัยวันนี้แดดแรง งั้นมาเติมปุ๋ยกันนะ” คุณแม่หันไปทางลูกชายคนโตที่ทำหน้าที่ถือถาดข้าวของน้องชายก่อนจะบุ้ยใบ้ให้วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
“มาร์ชลงไปเอาข้าวให้เปี๊ยกหน่อย เดี๋ยวแม่จะดูแลต้นมินเอง” มาร์ชได้แต่อมยิ้มให้กับคำพูดของคุณแม่ ดูพูดเข้าสิทำเหมือนกับว่าน้องชายของเขาเป็นต้นไม้อย่างนั้นแหละ
“ต้นมินต้องกินปุ๋ยเข้าไปเยอะๆนะ จะได้หายป่วยเร็วๆ” ข้าวต้มคำสุดท้ายถูกป้อนเข้าปากของป่วย ถึงจะยังป่วยแต่ก็กินเก่งเหมือนเดิม
“คุณแม่ฮะ น้องมินอยากลงไปเล่นกับพี่ชล” คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักเงยหน้าขึ้นมามองอ้อนคนเป็นแม่ทันที
“น้องมินป่วยแบบนี้ออกไปเล่นข้างนอกเดี๋ยวก็ได้เป็นปอดบวมพอดีนะครับ” ก้มลงมองลูกชายคยเล็กให้อ้อมแขนก็อดใจไม่ได้ที่จะกดปลายจมูกลงบนพวงแก้มที่แดงปลั่งของคนป่วยไปเสียฟอดใหญ่
“ทานยาก่อนนะครับ หายแล้วคุณแม่จะให้ไปเล่นกับพี่ชลนะครับ” พอบอกว่าจะได้เล่นกับพี่ชลคยตัวเล็กก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย ก่อนจะอ้าปากรับยาเม็ดโตที่คุณแม่ยื่นมาให้
“ถ้ายังไม่ง่วง ลงไปนั่งเล่นข้างล่างมั๊ยครับ”
“น้องมินปวดหัว เหมือนจะง่วงเลย” คนป่วยยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆแล้วปิดปากหาว
“งั้นต้นมินของแม่ก็นอนนะครับ หายป่วยแล้วค่อยไปเล่นกับพี่ชลนะ” คลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมมาจนถึงอกแล้วก็ก้มหน้าจรดริมฝีปากบางเฉียบลงบนหน้าผากลมมนของต้นมินน้อย
“ฝันดีนะครับคนเก่ง” คนป่วยที่หลับตาพริ้มมีรอยยิ้มเปื้อนดวงหน้าเล็กก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
“เปี๊ยก เปี๊ยก มินบอกว่าห้ามกินมานี่เลย” ร่างเล็กของเด็กชายที่กำลังเดินตามเจ้าแมวพันธุ์สฟริงซ์ที่กำลังอยู่ในช่วงโตเต็มวัยร้องห้ามก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งตึกตักเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชาก ตอนนี้เปี๊ยกโตเกินกว่าที่เชนจะอุ้มไว้ในอ้อมกอดได้
“เชน ทำไมไม่เอาปลอกคอมาใส่ล่ะครับ” มาร์ชเดินมานั่งยองๆลงข้างคนตัวเล็กที่กำลังใช้มือป้อมๆจับที่พุงป่องของแมวไร้ขนนั่น
“เปี๊ยกจะกินหญ้าอีกแล้ว มาร์ชจับออกมาเร็วเดี๋ยวมินมาดุ” พอเห็นว่าเป็นใครที่มานั่งข้างก็หันไปสั่งคนตัวโตทันที มาร์ชยื่นมือออกไปจับเปี๊ยกขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน สงสัยช่วงนี้กินเยอะไปหน่อยตัวหนักขึ้นเยอะเลย
“เอาเปี๊ยกไปเล่นหลังบ้านกันอยู่หน้าบ้านกลัวรถ” มือข้างที่ว่างก็จูงมือเจ้าตัวเล็กให้เดินตามมา
“เมื่อไหร่มินจะหาย” เจ้าตัวเล็กที่เดินตามหลังเขาอยู่เงยหน้าขึ้นมาถาม
“พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
“พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียน ไม่ได้เล่นกับมินน่ะสิ” เจ้าตัวเล็กหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าอีกคนจะหายป่วยวันที่ต้องไปโรงเรียน มาร์ชยิ้มให้กับท่าทางของคนตัวเขาเลยละมือที่จับอยู่กับมือเล็กๆยื่นไปยีหัวอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวเล็กส่ายหน้าไปมาทันทีแล้วมือป้อมๆก็ตีแปะที่ขาเขาเบาๆ
สวนหลังบ้านเป็นอันต้องเงียบเหงาเมื่อตอนนี้มีแค่เจ้าตัวเล็กที่ไล่จับกับเปี๊ยกวิ่งวนไปมาอยู่รอบตัวของมาร์ช เพราะปกติแล้วช่วงวันหยุดสวนหลังบ้านจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเจ้าตัวเล็กที่วิ่งไล่จับแมวอยู่นั่นแล้วก็คนตัวเล็กที่กำลังนอนป่วยอยู่บนห้องแล้วก็มีเด็กหนุ่มอีกคนที่คอยมาเล่นกับน้องๆ มาร์ชนั่งมองเชนที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานไล่จับแมวก่อนจะหัวเราะออกมา เป็นเด็กทำอะไรก็ดูเหมือนจะน่ารักไปหมด คนที่กำลังนั่งดูสัตว์เลี้ยงแสนซนกับเจ้าตัวเล็กข้างบ้านที่พยายามวิ่งไล่จับแมวเป็นต้องละสายตาไปมองบริเวณรั้วบ้านเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น คนที่โผล่มาจากกำแพงอีกฝั่งดูท่าจะตกใจไม่น้อยที่มองเห็นเขานั่งอยู่สวนหลังบ้านแบบนี้
“ชล ทำไมไม่เข้าทางหน้าบ้านดีๆล่ะ” คนอายุมากกว่าถาม
“ผมนึกว่ามินเล่นอยู่หลังบ้านครับ” พอกวาดสายตามองทั่วสวนแล้วก็ไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลย
“มินเป็นไข้ แล้วนี่หายไปไหนตั้งหลายวันไม่เห็นมาเล่นกับน้องเลย” ดวงตาคมไหววูบเมื่อได้ยินว่าคนตัวเล็กที่เขาเฝ้าคิดถึงนั้นไม่สบายก่อนจะละล่ำละลักถาม
“แล้วตอนนี้อยู่ไหนครับ ผมไปเยี่ยมน้องได้มั๊ยครับ” มาร์ชมองอีกคนยิ้มๆก่อนจะพยักหน้า ก่อนจะปีนข้ามรั้วบ้านเข้ามา
“น้องอยู่บนห้อง ตื่นรึยังก็ไม่รู้ลองขึ้นไปดูสิ” มองตามร่างสูงโปรงแล้วสายตาก็เลื่อนลงมาเห็นว่าอีกคนถือกล่องติดมือไปด้วย เห็นตั้งแต่วันเกิดมินแล้วสงสัยจะเป็นของขวัญ คนนึงก็ไม่ค่อยพูดอีกคนนึงก็เด็กเกินไป
ร่างสูงโปร่งที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างเตียงของคนป่วยก่อนจะไล่มองก็เห็นว่าแก้มยุ้ยทั้งสองข้างที่แดงปลั่งเพราะพิษไข้ ร่างเล็กๆที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราพลิกตัวนอนตะแคงก่อนจะละเมออออกมาเบาๆให้คนที่กำลังยืนมองอยู่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างปรากฎลักยิ้มขึ้นมา
“พี่ชล ไม่มาเล่นกับมินเลย” คนป่วยละเมอออกมาเบาๆ อดใจไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปสัมผัสกับแก้มยุ้ยนั่นเบาๆ คนตัวเล็กที่กำลังหลับฝันอยู่กระพริบตาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่บริเวณข้างแก้ม เมื่อสายตาปรับให้มองภาพตรงหน้าชัดเจนก็พึมมพัมออกมาเบาๆ
“พี่ชล” เสียงพูดติดจะงัวเงียเล็กน้อย ค่อยพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วส่งยิ้มหวานมาให้อีกคนที่กำลังยืนมองอยู่
“ทำไมเป็นไข้แบบนี้ล่ะ ฮืม” ทอดเสียงอ่อนโยนถามคนตัวเล็กก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงข้างกัน
“คุณแม่รดน้ำต้นไม้แล้วก็ฉีดมาใส่มิน ก็เลยป่วยเลย” คนตัวเล็กว่าก่อนจะยกมือหนาของอีกคนขึ้นมาสัมผัสบริเวณข้างแก้มเบาๆ
“ตัวร้อนมากเลย มินปวดหัว” ตากลมโตที่มีน้ำคลอเคลือบอยู่ช้อนขึ้นมองเขาอย่างออดอ้อน
“ทานยายังครับ” คนตัวสูงก้มหน้าลงไปถาม อีกคนก็พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอนหัวซบลงตรงต้นแขนหนาทันที
“อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็หายแล้ว” ร่างสูงไล้นิ้วมือไปมาบริเวณแก้มยุ้ยของคนป่วย
“พี่ชลกล่องอะไร ของขวัญมินใช่มั๊ยฮะ” คนป่วยที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในมือของร่างสูงนั้นถือกล่องสี่เหลี่ยมติดมือมาด้วยเอ่ยถามดวงตากลมโตก็เป็นประกายจนคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“พี่ขอโทษนะครับที่เอามาให้ช้า” คนตัวสูงเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด มือเล็กของคนป่วยเอื้อมมาหยิบกล่องที่อยู่ในมือเขาแล้วค่อยๆแกะของขวัญอย่างทะนุถนอม
“อันปังแมน น่ารักจังเลยให้มินจริงๆเหรอ” คนป่วยเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มแก้มแทบปริเมื่อเห็นว่าอีกคนพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“ตอนแรกมินจะงอนพี่ชลแล้วเพราะนึกว่าลืมของขวัญให้มิน” คนตัวเล็กหน้ามุ่ยคางงอง้ำ ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มหวานทันทีที่ ก็ตอนนี้พี่ชลเอาของขวัญมาให้มินแล้วนี่นา
“เอามาให้แล้ว ก็เลิกงอนนะครับ” ก้มลงไปกระซิบข้างแก้มที่กำลังแดงปลั่งอยู่ตอนนี้
“ไม่งอนแล้ว มินจะนอนกอดทุกคืนเลย” คนตัวเล็กก้มลงฟัดเจ้าตุ๊กตาในอ้อมกอดทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำอีกระลอก
ถึงจะมาช้าไปหน่อยก็เถอะ แต่พี่ชลไม่ได้ลืมของขวัญวันเกิดมิน
แล้วของขวัญที่อยู่ในมินก็น่ารักมากเลย พี่ชลรู้ใจมินตลอด
พี่ชลน่ารักแบบนี้ใครจะไปโกรธลงล่ะเนอะ มินรักพี่ชลจัง
น้องมินไม่ใช่ต้นไม้แต่คุณแม่เอาน้ำมารดต้นมินเลยป่วยเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :)
-
น่ารักมากเลยต้นมิน
-
น่ารักอ่ะ รอต่อค่ะ :impress2: :impress2:
-
My little first kiss
เปิดเทอมวันแรก การเริ่มต้นชีวิตมัธยมวันแรกมินตื่นเต้น
จะได้มีเพื่อนใหม่ มินกลัวว่าจะไม่มีใครคุยด้วย
แต่ไม่หรอกคุณแม่บอกว่ามินเป็นเด็กน่ารักใครเห็นก็เอ็นดู
วันนี้พี่มาร์ชบอกว่าจะไปส่งมินที่โรงเรียน
เชนก็จะไปกับมินเพราะอยู่โรงเรียนเดียวกัน
ร่างเล็กยืนหมุนตัวหน้ากระจกเช็กความเรียบร้อยของตัวเองครั้งสุดท้ายก่อนจะยิ้มหวานให้กับเงาในกระจก หมุนตัวไปคว้ากระเป๋านักเรียนวิ่งลงไปข้างล่างทันที
“น้องมินไม่วิ่งลงบันไดนะครับ” พอคนตัวเล็กก้าวกำลังทรุดกายลงนั่งบนโต๊ะอาหารเสียงทุ้มของพี่ชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ก็เอ่ยเตือนทันที
“คือ...มินรีบกลัวว่าพี่มาร์ชจะรอก็เลยต้องรีบวิ่งฮะ” คนตัวเล็กที่รู้ว่าตัวเองทำผิดหันไปหัวเราะแฮะๆให้กับพี่ชายที่ทอดมองมาทางเขาด้วยสายตาอบอุ่น
“วันนี้เชนไปโรงเรียนพร้อมมิน” คนตัวเล็กหันไปคุยกับพี่ชายอย่างอารมณ์ดีก่อนจะได้รับสายตาตำหนิกลับมาเพราะว่ายังเคี้ยวข้าวไม่เสร็จ
“เจ้าตัวแสบวันนี้ยอมไปโรงเรียนง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” มาร์ชหันมาถามน้องชายที่กำลังตักข้าวคำโตเข้าปาก ร่างเล็กพยักหงึกหงักก่อนจะหัวเราะออกมา
“มินบอกเชนว่าถ้าวันนี้ไม่งอแงตอนไปโรงเรียนตอนกลับบ้านจะพาไปกินไอติม” คนเจ้าแผนการยิ้มอย่างภูมิใจกับความสำเร็จของตนที่สามารถหลอกล่อน้องไปโรงเรียนได้
“เชนอยู่ชั้นไหนแล้ว” เจ้าตัวแสบนั่นพอถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนหน่อยก็เริ่มทำตัวงอแงกว่าที่บ้านจะจับยัดใส่รถไปโรงเรียนได้ก็เล่นเอาทุกคนเหงื่อตก
“เชนบอกว่าปีนี้อยู่ชั้นสองฮะ” อีกคนหันไปตอบคำถามด้วยแววตาใสซื่อก่อนจะได้รับสัมผัสหนักๆจากมือของพี่ชายที่กลางหน้าผาก
“โถ่ว พี่ก็เชนบอกมินแบบนั้นหนิฮะ ปีที่แล้วเชนอยู่ชั้นล่างปีนี้เลื่อนชั้นก็เลยได้อยู่ชั้นสอง” คนตัวเล็กลูบหน้าผากตัวเองไปมาเบาๆแล้วตอบให้กระจ่างว่าตนไม่ได้ต้องการจะล้อเล่นเลย แต่เป็นเจ้าตัวแสบต่างหากที่บอกเขามาแบบนั้น
“ทานเสร็จแล้วไปเรียกน้องมาขึ้นรถเลย” ร่างเล็กจัดการยกจานข้าวของตัวเองไปวางไว้บนอ่างล้างจานก่อนจะวิ่งตัวปลิวไปหน้าบ้าน
“เชน~ ไปโรงเรียนกัน” เสียงเรียกที่ดังมาก่อนตัวทำให้คนที่กำลังจูงจักรยานออกมาจากโรงรถเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นร่างเล็กกำลังวิ่งลอดประตูรั้วบ้านเข้ามา
“พี่ชล จะไปโรงเรียนแล้วเหรอฮะ” เมื่อเห็นร่างสูงของพี่ชายข้างบ้านที่กำลังเข็นจักรยานคันใหญ่ออกมาก็ร้องทักทันที
“ไปมหา’ลัย” อีกคนตอบสั้นๆก่อนจะทอดมองคนตัวเล็กที่วันนี้แต่งกายด้วยชุดนักเรียน โตแล้วสินะตอนนี้ก็อยู่มัธยมแล้ว
“พี่ชลวันนี้มินกับเชนจะไปกินไอติมตอนเลิกเรียน พี่ชลไปด้วยกันมั๊ย”
“วันนี้พี่เลิกดึก คงไปด้วยไม่ได้” พอได้ฟังคำตอบคนตัวเล็กก็หน้ามุ่ยลงก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาสดชื่นอย่างรวดเร็ว เพราะพี่ชลไม่ชอบเด็กขี้แง
“มินนนนนน~ ไปโรงเรียนกัน” เจ้าตัวแสบที่เดินถือร้องเท้านักเรียนออกมานั่งใส่อยู่หน้าบ้านส่งเสียงเรียกอู้อี้มาแต่ไกลในปากก็คาบขนมปังไว้หนึ่งแผ่น
“เชนเร็วๆเลย พี่มาร์ชรอนานแล้วนะ” พอหันไปทางเจ้าตัวแสบก็เห็นคุณป้าเดินตามหลังออกมา
“มินป้าฝากน้องหน่อยนะลูก อย่าให้ไปเล่นซนแล้วก็แกล้งเพื่อนที่ไหนนะ” ฝากฝังเจ้าตัวเล็กไว้กับคนอายุมากกว่าก่อนจะยื่นมือไปยีผมจนหัวทุยๆนั่นส่ายไปมา
“คุณแม่เชนเป็นเด็กดีไม่เคยแกล้งใครเลยนะครับ ไปโรงเรียนก่อนนะฮะ” หันไปเถียงมารดาก่อนพาร่างป้อมของตนวิ่งมาหามินที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“คุณป้าครับมินไปแล้วนะครับ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเดินมายืนข้างตัวเองในปากก็ยังเคี้ยวขนมปังไม่หยุด เลยหันไปบอกลาคุณป้า
“มินวันนี้อย่าลืมไอติมที่สัญญาไว้นะ” คนตัวเล็กกว่ากระตุกชายกางเกงของคนที่กำลังจะก้าวออกไปขึ้นรถ
“รู้แล้วไม่ลืมหรอก พี่ชลมินไปเรียนก่อนนะฮะ” หันไปบอกร่างสูงที่ตอนนี้เตรียมควบจักรยานไปเรียนก่อนจะคว้ามือเจ้าตัวแสบให้วิ่งตามมา
“พี่ชล เชนไปเรียนก่อนนะฮะ” เจ้าตัวแสบที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกคว้าแขนวิ่งก่อนจะหันไปบออกพี่ชายของตนที่ตอนนี้ปั่นจักรยานออกไปแล้ว
เพื่อนใหม่อะไรกันมินไม่ชอบเลยทั้งๆที่เปิดเทอมวันแรกแต่ทำไมเจ้าเพื่อนคนนั้นถึงคอยแกล้งมินไม่หยุดหย่อนเลย แบบนี้มินเริ่มจะโมโหแล้วนะ
“มินไม่ชอบเต้เลย” ตอนนี้คุณครูยังอยู่หน้าชั้นเรียนร่างบางจึงทำได้แค่กระซิบกระซาบกับเพื่อนใหม่ข้างๆที่ชื่อ พีท
“มินจุ๊ๆ เดี๋ยวได้ออกไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง” อีกคนหันมาส่งสายตาปรามเพราะกลัวว่าถ้าคุยกันแล้วคุณครูจะสั่งทำโทษ
“โอ๊ย...” เสียงร้องขึ้นไม่เบานักทำให้สายตาของทั้งห้องหันมามองที่คนส่งเสียงทันที
“มินเกิดอะไรขึ้น” คุณครูที่ตอนนี้เริ่มจะจำชื่อนักเรียนในห้องได้แล้วเอ่ยถามเสียงดังทันที
“คนนั้นเขาปากระดาษใส่ผมครับ” เจ้าทุกข์ชี้นิ้วไปยังที่คนที่ทำการแกล้งทันที
“เต้ แกล้งเพื่อนทำไม” คุณครูหันไปถามเด็กเกเรประจำห้อง
“ก็มินเขาแกล้งผมก่อนครับ” คนที่ได้ฉายาว่าเด็กเกเรประจำห้องตั้งแต่วันแรกกล่าวเท็จทันที
“ผมเปล่านะครับ เขานั่นแหละที่แกล้งผม”เจ้าทุกข์หันไปฟ้องต่อ ทำไมเต้เป็นเด็กนิสัยไม่ดีแกล้งคนอื่นก่อนแท้แต่กลับมาโทษว่าเป็นความผิดของเขา
“ออกไปยืนกระต่ายขาเดียวกันทั้งคู่เลย”
“คุณครูครับแต่ว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ” เจ้าทุกข์กล่าวเว้าวอนต่อ ก็มันจริงนี่นาทำไมเขาต้องรับโทษทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนก่อด้วย
“มินจ๊ะแต่เมื่อซักครู่เธอเป็นคนส่งเสียงดังฉะนั้นถือว่าผิดทั้งคู่หน้าประตูนั่นเลย” คนที่โดนกลั่นแกล้งเดินคอตกออกไปยืนนอกห้องทันที แตกต่างกับอีกคนที่ยิ้นระรื่นให้กับผลงานของตัวเอง
“ชื่อมินเหรอ” เด็กเกเรของห้องเอ่ยถาม คนถูกถามทำเป็นมองเมินลงไปยังสนามกลางแจ้งหน้าอาคารเรียน
“พูดด้วยก็ไม่ตอบ ลืมเอาปากมาจากบ้านเหรอ มิน” เด็กเกเรใช้มือผลักไหล่อีกคนเบาๆ จนคนที่ถูกแกล้งตวัดสายตามามองตาขวาง
“เราไม่อยากคุยด้วยกับเด็กนิสัยไม่ดีหรอก” คนโดนแกล้งหน้างอง้ำทันที ก็มีอย่างที่ไหนวันนี้เพิ่งเจอกันวันแรกอีกคนก็เอาแต่แกล้งเขาไม่ยอมหยุดแบบนี้
“ก็เราอยากคุยกับนายถ้าไม่แกล้งนายแบบนี้ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรด้วย” สุ้มเสียงเคอะเขินดังออกมาเรียกให้ดวงตากลมโตหันมามองอย่างแปลกใจ
“แล้วทำไมไม่คุยดีๆกับเราล่ะ ไม่เห็นต้องแกล้งเลย” พอทราบเหตุผลว่าทำไมคนที่โดนแกล้งตลอดทั้งวันก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปกติ
“ก็...เราเขินไม่กล้าคุยด้วย” สีระเรื่อพาดผ่านดวงหน้าของคนเกเร ซึ่งเรียกรอยยิ้มจากดวงหน้าหวานได้ในทันที
“ต่อไปก็คุยกับเราปกตินะ ไม่ต้องแกล้งเราแบบนี้หรอกเราไม่ชอบ” รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้คนเกเรทันที แล้วอีกคนก็เบือนหน้าหนีเพราะไม่อาจทนสบตากับแววหวานซึ้งตรงหน้าได้
“มินเร็วๆ ทำไมช้าแบบนี้ล่ะ” พอปรากฎร่างของคนอายุมากกว่าเจ้าตัวแสบที่มายืนรอที่หน้าอาคารอยู่นานก็เอ่ยเร่งร่างบางทันที
“เดี๋ยวสิเชน เดี๋ยวบอกเพื่อนก่อน” ร่างบางที่เดินลงมากับกลุ่มเพื่อนหันไปบอกเจ้าตัวแสบเมื่อเห็นท่าว่ากำลังจะโดนลากให้เดินตามร่างป้อมนั่นไป
“เรากลับก่อนนะ ไปแล้วนะพีท” ร่างบางหันไปส่งยิ้มสดใสพร้อมโบกมือร่ำลาเพื่อนๆ
“มิน ไปได้ยังหิวแล้วน้า” เจ้าตัวแสบกระตุกมือออกแรงดึงรั้งให้ร่างบางเดินตามตนเองไป คนตัวสูงกว่ามองตามร่างเล็กของน้องชายข้างบ้านด้วยความเอื้อเอ็นดูก่อนจะก้าวเดินตามร่างป้อมๆไป
“มิน เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” เสียงเรียกที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้ขาที่กำลังก้าวเดินชะงักลงทันที
“เราจะบอกว่าพรุ่งนี้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” พอเอื้อนเอ่ยประโยคที่ต้องการเสร็จร่างของคนมาใหม่ก็รีบสาวเท้าวิ่งไปก่อนทันที
“มินคนนั้นใคร ทำไมไปกินข้าวด้วยกัน” เจ้าตัวแสบที่จูงมือเขาอยู่เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความฉงน
“เพื่อนในห้อง กินข้าวด้วยก็ปกติ” ตอบเจ้าตัวแสบเสร็จก็เป็นฝ่ายออกเดินนำหน้าไปก่อน แล้วก็ทำการแกล้งคนตัวเล็กกว่าตัวการก้าวเท้ายาวๆจนอีกคนต้องวิ่งตามหัวซุกหัวซุน
“จะฟ้องพี่ชลว่ามินไปกินข้าวกับเพื่อนผู้ชาย” สรรพนามที่เอ่ยเรียกใครอีกคนทำให้เรียวขาที่กำลังก้าวไปชะลอฝีเท้าลงจนคนตัวเล็กกว่าก้าวตามมาทัน
“เชนอย่าฟ้องนะ ถ้าฟ้องจะไม่พามากินไอติมเด็ดขาด” ซึ่งคำขู่ก็ได้ผลเพราะคนตัวเล็กพยักหน้าขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินนำไปร้านไอติมทันที
เฟรชชีหน้าใส กับการเปิดเทอมปีหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
ทำไมเขาต้องทำอะไรที่มันเป็นการบังคับจิตใจเขาแบบนี้ด้วยล่ะ
เดือนคณะ ทำไมต้องเป็นเขาคนหน้าตาดีกว่าเขาก็มีถมเถไปทำไมต้องเป็นชล
เพราะกิจกรรมการซ้อมประกวดดาวเดือนมหาลัยแบบนี้ทำให้เขาต้องกลับบ้านดึกร่วมอาทิตย์แล้ว
ตอนเช้าก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ซึ่งก็ทำให้เขาไม่ได้เจอกับใครอีกคนที่เฝ้าถวิลหา
เขาเปิดประตูบ้านเข้าไปก็เจอน้องชายที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟาในมือก็ถือสีไม้กำลังทำการบ้านอยู่
“เชนทำไมวันนี้นอนดึกล่ะครับ” ร่างสูงของคนเป็นพี่ชายเดินไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าน้องชายทันที เจ้าตัวแสบเงยหน้าขึ้นมามองคนมาใหม่ทันทีก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“วันนี้มินมาสอนการบ้าน” พอรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ในบ้านด้วยคนตัวสูงก็กวาดสายตาไปทั่วห้องรับแขกทันที แต่ก็ไม่พบใครนอกจากเจ้าตัวแสบที่นอนกลิ้งไปมาอยู่ตรงนี้
“คิกคิก มินไปคุยโทรศัพท์กับแฟน ฝั่งห้องนั่งเล่นโน่น” ยังไม่ทันจะจบประโยคของน้องชายตัวแสบ ร่างสูงที่ได้ฟังใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่แล้วตอนนี้กลับกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
“วันนั้นเชนเห็นคนนั้นมาชวนมินไปกินข้าวเที่ยงด้วย กินข้าวด้วยกันก็ต้องเป็นแฟนกันแหละเนอะ” เจ้าตัวแสบก็ยังคงเจื้อยแจ้วตามประสาเด็กโดยไม่ได้รับรู้เลยว่า คนเป็นพี่ชายตอนนี้หน้าตึงแทบจะปริแตกอยู่แล้ว
“พี่ชลพรุ่งนี้ไปกินไอติมมั๊ย เพื่อนมินคนนั้นก็ไปด้วยนะ” เจ้าตัวแสบหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่เงยหน้าขึ้นมาถามพี่ชาย
“มินให้มาชวนเหรอ” อีกคนถามอย่างมีความหวัง เผื่อว่าคนที่กำลังคุยโทรศัพท์นั้นจะมีแก่ใจนึกถึงเขาบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนตัวเล็กกว่าที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านส่ายหัวทุยๆนั้นไปมาแรงๆ
“เชน กินโกโก้มั๊ยเดี๋ยวชงให้” มินที่โผล่หน้ามาตรงประตูเอ่ยถามเจ้าตัวแสบ ก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปประสานกับคนตัวสูงที่เข้ามานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“พี่ชล กลับดึกจังเลยนะฮะ” มินเอ่ยเสียงแผ่วเพราะเมื่อสบตากับดวงตาสีนิลที่เจือแววโทสะหน่อยๆนั้น ก็ทำให้คำพูดมากมายไหลย้อนกลับเข้ากรุทันที
“เชนการบ้านเสร็จแล้วก็รีบขึ้นไปนอนนะ” คนตัวสูงยกมือขึ้นขยี้หัวน้องชายก่อนจะเดินผ่านอีกคนไปอย่างไม่ใยดี คนตัวเล็กกว่าหันไปมองตามจังหวะก้าวเดินระคนแปลกใจ
“เชน พี่ชลโกรธอะไรทำไมหน้าบึ้งแบบนั้น” เมื่อเห็นอาการแปลกของอีกคนก็รีบวิ่งเข้าไปเค้นคำตอบจากเจ้าตัวเล็กที่กำลังขมักเขม้นกับการบ้านทันที
“เก๊าะ พี่ถามว่ามินไปไหนเค้าเลยตอบไปว่า...” เจ้าตัวแสบเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยแววตาเป็นประกายสดใส แต่ก็ยังกั๊กท้ายประโยคให้อีกคนใจกระตุก ก่อนจะโดนคนอายุมากกว่าหยิกหมับเข้าที่แก้มกลมๆทั้งสองข้าง จนเจ้าตัวร้องโอดโอย
“มินเจ็บ บอกแล้วๆ ไปคุยกับแฟน” เมื่อคำตอบที่หลุดออกจากปากเจ้าตัวแสบนั่น ร่างบางก็ตวัดสายตาเขียวปั๊ดไปมองทันที
“อารายยยย ก็ไปกินข้าวด้วยก็ต้องเป็นแฟนกันสิ” เจ้าตัวแสบยังไม่สำนึกกับความผิดที่ตัวเองก่อไว้ จนอีกคนนึกหมั่นใส้เลยฟาดมือลงบนหัวทุยๆนั่นซักป้าบ แล้วมินก็วิ่งตามคนตัวสูงขึ้นไปข้างบนทันทีปล่อยให้คนที่นอนอยู่บนพื้นหน้าแทบจะทิ่มลงไปจมกองสมุดการบ้าน มองตามย่างไม่เข้าใจ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหันไปมองประตูห้องด้วยความฉงน ลูกบิดประตูที่ส่งเสียงดังกริ๊ก บีบคั้นหัวใจคนตัวเล็กที่ยืนเฝ้ารออยู่หน้าห้องเป็นอย่างมากกลัวเหลือเกินว่าพี่ชลจะไม่เปิดประตูให้
“มิน” คนตัวสูงครางออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเปิดประตูมาปะทะเข้ากับเด็กที่ยืนอยู่หน้าประตูนิ่งเหมือนเด็กที่กำลังจะสารภาพผิด
“พี่ชล เรื่องที่เชนพูดมันไม่ใช่ความจริงนะฮะ” คนตัวเล็กละล่ำละะลักบอก ก่อนจะหลุบตามองปลายเท้าของตัวเอง แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อทันควัน ก็พี่ชลไม่ใส่เสื้อแถมยังมีแค่ผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่นั่น
“แล้วทำไมถึงได้ไปทานข้าวด้วยกันล่ะ หือ” คนตัวสูงเมื่อเห็นปฏิกิริยาเขินอายของอีกคนก็นึกอยากแกล้งจึงก้มหน้าลงไปกระซิบใกล้ๆ
“ฮื่อ....ก็เพื่อนกัน” มือเล็กยกขึ้นมาผลักอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทันทีที่อีกคนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนเกินจำเป็น
“แค่เพื่อนกันงั้นเหรอ” ละใบหน้าคมคายกลับมา มือหนาก็คว้าข้อมือบางของคนที่กำลังก้มหน้าเขินให้เข้ามาในอาณาเขตก่อนจะปิดประตูตามหลังเบาๆ
“พี่ชล ถอยออกไปนะ” มือเล็กยกขึ้นมาผลักใบหน้าของอีกคนที่ก้มต่ำลงมาจนคนตัวเล็กใจเต้นระทึกกับการกระทำของอีกคน
“แค่เพื่อนจริงๆเหรอ” เสียงที่เอ่ยทอดอ่อนโยน มือหนาอีกข้างยกขึ้นมารั้งข้อมือให้ตกลงข้างลำตัว ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้กว่าเดิม
“อ๊ะ...” ริมฝีปากหยักปัดผ่านริมฝีปากบางแผ่วเบาจนอีกคนอุทานออกมาด้วยตกใจกับสัมผัสใกล้ชิด
“หือ แค่เพื่อนจริงๆเหรอ” ใบหน้าคมคายของคนสูงกว่ายังคลอเคลียอยู่ใกล้กับริมฝีปากบางของอีกคน ทำเอาคนที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดกลายๆของชลใจเต้นระทึกกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น
“แค่เพื่อ...” เสียงหวานยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคดี ริมฝีปากหยักที่กำลังคลอเครียก็มอบจูบอ่อนโยนให้กับร่างบางทันที อีกคนตกใจกับสัมผัสชวนวาบหวิวก็ยกมือขึ้นมาเกาะไหล่หนาก่อนจะหลับตาปี๋ทันที
“หายใจ...ไม่ออก” เมื่อคนตัวสูงผละริมปากออก มินก็แทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นถ้าไม่มีวงแขนแข็งแกร่งโอบอุ้มเอาไว้
“ไปบอกเพื่อนคนนั้นด้วยนะ ว่าต้นมินต้นนี้เป็นของพี่ชล” เสียงที่เปล่งออกมาแว่วอารมณ์ดี ก่อนจะกดริมปากหนักๆลงบนสองแก้มนุ่มอย่างอดใจไม่อยู่
“พี่ชล มินเขินนะ” เมื่อลมหายใจกลับมาเป็นปกติคนที่ก้มหน้าเขินก็ยกมือขึ้นผลักอกแกร่งให้ถอยห่างทันที
“มินจะฟ้องคุณป้า” เอาชื่อคุณแม่ของอีกคนมาขู่ทันที เมื่อรู้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“จะฟ้องคุณป้าว่า...พี่จูบมินแบบนี้เหรอครับ” ก่อนจะสาธิตการจูบอีกรอบทำเอาอีกคนตั้งตัวไมทัน จึงได้แต่จำยอมรับจูบอ่อนหวานอย่างจำนน
“มินจะฟ้องพี่มาร์ช พี่ชลคนบ้า” เมื่อคนตัวสูงผละจูบออกมา มือเล็กก็ยกขึ้นผลักอกร่างสูงก่อนจะหมุนตัววิ่งออกจากห้องไป ออกไปทั้งๆที่ใบหน้าและริมฝีปากยังแดงก่ำจากสัมผัสของคนตัวสูงกว่า คนที่แอบฉวยโอกาศขโมยจูบน้องหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขกับการแกล้งคนตัวเล็ก มินของเขาโตแล้วน้องไม่ใช่เด็กตัวเล็กข้างบ้านอีกต่อไป
เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่น้องตัวน้อยข้างบ้านอีกต่อไป
ตอนนี้ต้นมินที่เขาคอยเฝ้าวนเวียนรดน้ำใส่ปุ๋ยเพื่อรอเวลาเจริญเติบโต
ตอนนี้เริ่มโตเป็นหนุ่มไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาอีกต่อไป
สัมผัสที่เขาได้รับ ยังตราตรึงใจอยู่ตรงนี้
หัวใจเอ๋ย ใยถึงได้กระหน่ำเต้นอย่างบ้าคลั่งถึงเพียงนี้
มินของเขา เขาหวงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้นแหละ
น้องมินโตแล้วแต่ยังเป็นผู้เยาว์อยู่นะคะพี่ชล :)
-
เอาล่ะสิต้องรอน้องก่อนนะพี่ชล
-
:mew4: กินเด็ก
-
น่ารัก :man1:
-
เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า เวลาจูบกันทำไมต้องหลับตา
แล้วทำไมเวลาที่โอบกอดกันถึงเป็นช่วงเวลาที่สุขใจเหลือเกิน
ทำไมบางครั้งแค่เดินจับมือกันไม่ต้องเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆออกมา...แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
สองมือที่คอยโอบประคองในยามที่ท้อแท้หรือหมดหวัง
แล้วถ้าทั้งหมดที่ว่าแบบนั้นต้องเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่เป็นแฟนกันใช่ไหม?
แล้วถ้าคนที่ไม่ได้เป็นแฟนกันแต่เคยจูบกัน...แบบนั้นมันแปลว่าอะไร
ร่างเล็กของเด็กวัยหกขวบที่กำลังนั่งอยู่บนชิงช้าหลังบ้านปากก็เคี้ยวขนมหยุบหยับไม่มีท่าว่าจะยอมหยุด ดวงตากลมโตมองตรงไปยังรั้วกำแพงที่กั้นเขตบ้านของตัวเองกับพี่ชลไว้ภาพในวัยเด็กเลือนลางหายไป ภาพเหล่านั้นกำลังถูกซ้อนทับด้วยเรืองร่างสูงโปร่งที่ตอนนี้ในมือก็ยังถือขนมส่วนปากก็ยังเคี้ยวไปมาโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดดวงตาเหม่อมองไปที่รั้วกำแพงที่กางกั้นบ้านของตนเองกับพี่ชลไว้นั้น ตอนนี้ไม่มีบันไดที่เอาไว้ใช้ปีนป่ายไปหากันแล้วมินโตเกินกว่าจะปีนบันไดข้ามไปเล่นกับพี่ชลแล้วภาพความทรงจำตอนวัยเด็กหลั่งไหลเข้ามา เมื่อตอนเด็กพี่ชลต้องสอบเลยไม่ค่อยมีเวลามาหามิน และตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันพี่ชลเป็นผู้ใหญ่เหมือนพี่มาร์ชแล้ว พี่ชลเรียนจบปริญญาแล้วก็ทำงานส่วนมินเพิ่งจะจบมัธยมปลายมาได้ไม่กี่เดือนเอง
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจแผ่วเบาเรียกให้คนตัวเล็กที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่บนสนามหญ้าเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพาร่างป้อมๆของตัวเองคลานเตาะแตะมาเกาะที่ขาของคนที่นั่งอยู่บนชิงช้า
“เมษ มีอะไรครับ” สัมผัสเบาๆที่เรียวขาเรียกให้คนที่กำลังเหม่อลอยก้มลงมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ช้อนดวงตาใสแจ๋วขึ้นมามอง
“กินหนม” คนตัวเล็กเกาะขาเพื่อใช้เป็นที่ทรงตัว ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยชัดเจนนักด้วยวัยที่กำลังหัดพูด มินช้อนคนตัวเล็กขึ้นมานั่งซ้อนตักก่อนจะหยิบขนมยื่นใส่มือเจ้าตัวเล็ก ‘น้องเมษ’ อายุแค่สามขวบลูกชายของคุณน้าเอามาฝากเลี้ยงตอนปิดเทอมโดยให้เหตุผลว่า ‘ก็มินปิดเทอมแล้วน้าฝากดูน้องหน่อยนะลูก’ ถึงน้องจะน่ารักแก้มยุ้ยดวงตากลมใสแจ๋วแค่ไหนแต่ถ้าตลอดช่วงปิดเทอมต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแบบนี้ก็ไม่ไหวหรอก
“มินนนนนนน~” เสียงที่ดังลั่นมาจากบริเวณหน้าบ้านทำให้ร่างเล็กที่กำลังนั่งอยู่บนตักของพี่ชายสะดุ้งเฮือก มินเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเจ้าตัวแสบเชนวิ่งทักๆตรงมา
“เชนอย่าวิ่งเดี๋ยวก็หกล้มหรอก” คนอายุมากกว่าดุอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็เห็นว่าคนมาใหม่นั้นพอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ก้มลงหอบหายใจอยู่นานกว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาใสแจ๋วของเด็กเล็กที่มองมาอย่างสนใจ
“น้องเมษ~ ทำไมแก้มนุ่มแบบนี้” เชนคุกเข่าลงกับพื้นสนามก่อนจะยื่นมือออกมาจับแก้มคนตัวเล็กอย่างเบามือพร้อมกับทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
“โอ้ยยยย ตีทำไมเล่า” คนที่กำลังเคลิ้มร้องออกมาเสียงหลงทันทีเมื่อคนที่กำลังอุ้มน้องตัวน้อยอยู่ยื่นมือมาตบศีรษะจนหน้าแทบคะมำ ส่วนคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายพอเห็นอีกคนทำหน้ามุ่ยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ
“มือสกปรกมาจับแก้มน้อง เดี๋ยวเป็นผื่น” เอ็ดอีกคนเสียงดุ ก่อนจะจัดท่านั่งให้คนตัวเล็กที่กำลังดิ้นขลุกขลักจะลงไปหาอีกคนที่ทำหน้ามุ่ยอยู่พื้น
“แล้วรีบวิ่งมาแบบนี้มีอะไร”
“อ๋อ เกือบลืมเลยจะวิ่งมาบอกว่า...” ท้ายประโยคชะงักอย่างกลั่นแกล้ง เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนชิงช้าตั้งใจฟังยิ่งที่ตนกำลังจะบอกตอนนี้
“พูดมาเดี๋ยวนี้นะเชน ไม่งั้นจะตบให้หน้าทิ่มเลย” ไม่ได้ขู่เปล่ามือบางยกขึ้นเหนือหัวทำท่าจะฟาดลงจริงๆถ้าเจ้าตัวแสบไม่ยอมเฉลยซักที
“เก่งเหลือเกินกับเด็กกับหมาน่ะ” คนที่นั่งอยู่บนหญ้าทำปากยื่นทันทีแล้วก็โดนมือบางจิ้มที่หน้าผากเข้าให้ คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักหัวเราะชอบใจทันทีเมื่อเห็นว่าเชนนั้นโยกหัวไปมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุก
“จำไม่ได้จริงๆเหรอว่าวันนี้วันอะไร” เงยหน้าขึ้นมาสบตาร่างบางที่กำลังมองมาอย่างฉงน
“สมแล้วที่พี่ชลชอบบอกว่าต้นมินต้นนี้ต่อให้โตอีกซักกี่ปีก็เลิกทำหน้าปัญญาอ่อนแบบนี้ไม่ได้” คนโดนต่อว่าหน้าบึ้งขึ้นมาทันควันพี่น้องคู่นี้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะเวลาที่อยากจะแกล้ง
“เมษ~ เราไปฟ้องพี่ชลดีกว่าเนอะว่าคนแถวนี้ลืมวันเกิด” คนที่นั่งอยู่บนหญ้าเอื้อมมือคว้าคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด พอลุกขึ้นยืนได้ก็หันมามองคนที่ตอนนี้มีสีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัดเชนมองมาอย่างเห็นใจ ก็นะตั้งแต่พี่ชลทำงานก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีเวลาให้ต้นมินเลยซักนิด
“หึหึ ลืมวันเกิดพี่ชลแบบนี้รู้นะว่าจะโดนอะไร” นี่คือถ้อยวาจาของคนที่เมื่อซักครู่เพิ่งจะแสดงท่าทีว่าสงสารเขาเหลือเกิน ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับคนตัวเล็กๆที่ดึงทึ้งผมเขาไปมาอย่างอารมณ์ดี
ใครบอกว่ามินลืมวันเกิดพี่ชลไอ้เชนตัวแสบจะไปรู้อะไรใครกันแน่ที่ลืม มีแต่พี่ชลนั่นแหละที่ลืมแล้วก็อ้างดีเหลือเกินว่าติดงานสมัยตอนเรียนก็บอกว่าติดงานมหาลัย พอถึงตอนทำงานก็บอกว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาเคยคิดบ้างมั๊ยว่ามินก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ มินเหม่อมองท้องฟ้าที่ตอนนี้
ความมืดมิเริ่มโรยตัวก่อนจะหันไปมองรั้วกำแพง พี่ชลจะจำได้มั๊ยว่าในทุกๆปีพี่ชลจะจูบมินอยู่สองวันนั่นก็คือวันเกิดของมินแล้วก็วันเกิดของพี่ชล เฮอะ!! คนนิสัยไม่ดีแบบนั้นไม่มีทางมาจำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้หรอก แล้วพี่ชลจะรู้มั๊ยว่ามินไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์แบบนี้เลยนะปากก็บอกว่าต้นมินต้นนี้เป็นของพี่ชลไหนจะสัมผัสที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่ก็ไม่เคยให้ความชัดเจนซักทีว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน เขาร่างบางหลับตาลงอย่างช้าๆ พี่ชลไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ
“เชนอย่าให้น้องเอาของเล่นเข้าปากนะลูก” เสียงมารดาที่ตะโกนออกมาจากห้องครัวทำให้มินที่เดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นชะงักฝีเท้าก่อนจะเปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปทางห้องครัวแทน
“คุณแม่ มินหิวจังเลยครับ” ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่มินที่ยืนซ้อนโอบกอดคุณแม่อยู่นั้นก็ยังคงออดอ้อนคนเป็นแม่ไม่เคยเปลี่ยน
“หือ เพิ่งจะหัวค่ำทำไมวันนี้ต้นมินของแม่ถึงหิวข้าวเร็วจัง” คนเป็นแม่หันมามองหน้าลูกชายคนเล็กที่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไป ก็มินของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว
“เพราะเมษเลยทำให้มินหิวข้าว” มินกระเง้ากระงอดได้ทีก็เอ่ยฟ้องมารดาใหญ่ว่าสาเหตุของการหิวข้าวก็มาจากเจ้าน้องตัวเล็กที่มินทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนั่นแหละ
“มินอย่าหยิบ อันนั้นทำไปทานที่บ้านพี่ชลนะ” มินชะงักมือที่กำลังจะหยิบทอดหมูเข้าปากเมื่อได้ยินมารดาเอ่ยชื่อของใครคนนั้นขึ้นมา ก่อนยู่หัวคิ้วเข้าหากันด้วยความฉงน
“จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้วันอะไร” คนเป็นแม่หันมาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นว่าดวงหน้าหวานตอนนี้เริ่มงอง้ำเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“วันนี้วันเสาร์ แล้วมินก็กำลังจะไปดูอันปังแมนเป็นเพื่อนเมษด้วย” มินว่าเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป
“นิสัยขี้น้อยใจพี่ชลแก้ยังไงก็ไม่เคยหายซักที” คนเป็นแม่เอ่ยออกมาขำๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความเป็นเด็กของลูกชายคนเล็ก
“เมษอย่าเอาของเล่นเข้าปากกกกก~” คนตัวเล็กที่สุดในห้องตอนนี้กำลังถือตุ๊กตาไม้อันจิ๋วทำท่าจะเอาเข้าปากสะดุ้งสุดตัวกับเสียงดังลั่น
“เชนอย่าเสียงดังกับน้องสิ” เสียงทุ้มของคนเป็นพี่ชายเอ่ยปรามเจ้าตัวแสบที่แหกปากดังลั่นจนน้องสะดุ้งสุดตัว
“ก็คุณน้าบอกว่าอย่าให้น้องเอาของเล่นเข้าปาก” เจ้าตัวแสบหันมาตอบพี่ชายก่อนจะคว้าร่างป้อมๆขึ้นมานั่งบนตัก
“เมษอย่าเอาเข้าปากนะเดี๋ยวมันจะติดคอ” ร่างสูงของคนเป็นพี่ชายทอดสายตามองเจ้าตัวแสบที่ตอนนี้กำลังนั่งเป็นเพื่อนเล่นให้กับร่างป้อมๆในอ้อมแขน ตอนเป็นเด็กมินก็เป็นเพื่อนเล่นให้กับเชนแบบนี้ พลันนึกถึงอีกคนรอยยิ้มอ่อนโยนก็พาดผ่านดวงหน้าคมคายของคนตัวสูงทันควัน
“เชน ~ เอาเมษมาอาบน้ำเร็วๆเลย” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล ทำให้อีกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหันไปมองประตูทางเข้าทันทีแต่ก็ไม่พบกับคนที่เขาหวังจะได้เจอ
“เชนเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำให้เมษเอง” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎให้คนเป็นน้องชายได้เห็น เชนส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะยื่นร่างป้อมให้ไปอยู่ในวงแขนของพี่ชาย
“พี่ชลเก็บอาการบ้าง เอาผ้าเช็ดหน้าไหมน้ำลายไหลล่ะนั่น”คนพูดตาพราวอย่างล้อเลียนแล้วก็ได้รับฝ่ามือหนาๆที่ฟาดลงมากลางหน้าผากไว้เป็นของดูต่างหน้าร่างสูงเดินหน้าแป้นแล้นอุ้มเด็กน้อยเดินเข้าไปในห้องน้ำชั้นล่างอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชะงักเท้าเพราะเสียงที่ดังออกมาจากห้องน้ำ
“เชน ถอดเสื้อผ้าน้องก่อนจะเข้ามานะ” เสียงทุ้มของมาร์ชเอ่ยเบาๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นหน้าประตูห้องน้ำ พอเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่นั่งยองๆข้างอ่างอาบน้ำเด็กก็อดที่จะขำไม่ได้กับสีหน้าของคนที่กำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอ้อมกอด
“พี่มาร์ช ผมนึกว่ามินซะอีก” พูดออกมาเสียงอ่อยก่อนจะยื่นเจ้าตัวเล็กให้กับมาร์ชที่ยื่นมืออกมารับ คนอายุมากกว่าได้แต่หัวเราะในลำคออย่างขบขันเมื่อสีหน้าแววตาตอนที่เห็นว่าเป็นเขาอยู่ในห้องน้ำนั่นเหมือนหน้าคนที่กำลังเห็นผี
“มินขึ้นไปอาบน้ำ คงเตรียมตัวไปกินข้าวบ้านโน้นแหละ” บรรจงวางร่างป้อมๆของเด็กน้อยลงในอ่างอาบน้ำเด็ก คนตัวเล็กก็หัวเราคิกคักออกมาเมื่อมองลงในอ่างน้ำเห็นเป็ดน้อยสีเหลืองสดใสลอยแช่น้ำเป็นเพื่อนตน
“คิกคิก” เสียงหัวเราะของเด็กตัวเล็กที่อยู่ในอ่างเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนให้ฉายอยู่บนใบหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสอง
“เหมือนมินเลย” ชลว่าพลางทอดสายตาอ่อนโยนไปยังร่างเล็กที่นั่งเล่นกับเป็ดน้อยในอ่าง
“ตอนเด็กๆมินก็หน้าตาคล้ายๆแบบนี้ แก้มยุ้ยๆแบบนี้” มาร์ชทอดเสียงอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงน้องชาย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้มทั้งสองข้างของคนตัวเล็กเบาๆ แล้วเสียงหัวเราะสดใสก็ดังออกมาจากร่างป้อมๆที่นั่งแช่น้ำอยู่กับคุณเป็ดสีเหลือง
เสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหาร รอยยิ้มสดใสของสมาชิกบนโต๊ะทุกคน ทำให้สายตาของชายหนุ่มเจ้าของวันเกิดทอแสงลงอย่างอ่อนโยนโดยเฉพาะ ตอนนี้กำลังทอดมองไปยังคนที่กำลังทะเลาะแย่งหมูทอดกับเจ้าตัวแสบประจำบ้านจนเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะดังร่วน เขาโตแล้ววันเกิดก็ไม่มีอะไรมากแค่ทานข้าวด้วยกันแล้วคิดว่าวันนี้คุณแม่คงจะเดินถือเค้กมาเซอร์ไพรส์เขาเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา
“มินอย่าแย่งน้องสิลูก” คนเป็นแม่เอ็ดลูกชายคนเล็กบาๆ เมื่อการแย่งยิงหมูทอดชิ้นสุดท้ายยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
“เชนปล่อยเดี๋ยวนี้นะ วางส้อมลงไปเลย” คนอายุมากกว่าถลึงตามองเจ้าตัวแสบที่ตอนนี้ขมักเขม้นกับการแย่งชิงหมูชิ้นนี้เหลือเกิน
“มินปล่อยเดี๋ยวนี้นะ เชนจะเอาชิ้นนี้” สรรพนามที่เคยใช้เรียกคนอายุมากกว่าในวัยเยาว์เอ่ยออกมาทันใด
“ไอ้ตัวแสบปล่อยเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ดวงตากลมโตที่ตอนนี้หรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยขู่
“เชนเอาชิ้นนั้นให้มินซะเดี๋ยวพาไปกินไอติม” ได้ผล เมื่อคนเป็นพี่ชายเอ่ยออกมาพร้อมกับเอาของโปรดมาล่อ เจ้าตัวแสบก็ปล่อยส้อมที่ยื้อแย่งทันที ส่วนผู้ชนะก็กำลังยัดหมูทอดชิ้นนั้นเข้าปากก่อนจะเคี้ยวจนแก้มตุ่ย หันมายักคิ้วให้คนอายุน้อยกว่าเจ็บใจเล่น
“มินนี่นาเมื่อไหร่จะโตซักทีแย่งของกับน้องเป็นเด็กๆไปได้” คุณแม่ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างระอากับอาการเด็กที่ไม่รู้จักโต พอสิ้นคำต่อว่าคนที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ก็หน้างอง้ำทันที
“คุณแม่ มินโตแล้วนะฮะ” เสียงหัวเราะครื้นเครงดังทั่วโต๊ะอาหาร นี่เหรออาการของคนโตแล้ว
“มินไปหยิบเจลลี่ในตู้เย็นให้ป้าหน่อยสิลูก” คุณป้าเอ่ยเสียงหวานก่อนจะส่งสายตามีเลศนัยมาให้คนหน้าหวานที่พยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก
“ชลไม่ต้องลูก ให้น้องไปเอา” ผู้อาวุโสสุดในโต๊ะเอ่ยออกมาแทบจะพร้อมกันเมื่อเห็นว่าร่างสูงของเจ้าของวันเกิดกำลังขยับตัวจะลุกไปเอาเจลลี่ ชลชะงักก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งท่าเดิมพอมินเห็นดังนั้นก็วิ่งถลาเข้าไปในครัวตามคำบอกของคุณป้า ไม่นานนักไฟที่กำลังสว่างก็ดับพรึ่บลงมา ทุกคนเงียบเสียงลงชลยิ้มละมุนเมื่อได้ยินเสียงแว่วหวานที่เขาแสนรักเอื้อนทำนองเพลงที่ฟังคุ้นหู
รอยยิ้มพราวปรากฎบนวงหน้าคมคาย เสียงหัวเราะถูกอกถูกใจจากคนตัวเล็กในอ้อมกอดของมาร์ชทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ไฟสว่างขึ้นพอทอดสายตามองก็เห็นใบหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มหวานหยดมาให้เขาคนถือเค้กวันเกิดปีนี้พิเศษมากกว่าทุกปี
“พี่ชลอธิษฐานสิฮะ” มินถือเค้กมาตรงหน้าเจ้าของวันเกิด สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานนั้นก่อนจะหลับตาอธิษฐานสิ่งที่เขาคิดอยากจะให้มันเป็นจริงในวันนี้
“กิน จะเอา” เสียงเล็กมาพร้อมกับเจ้าตัวที่กำลังดิ้นให้พ้นจากอ้อมกอดมาร์ชเพื่อจะยื่นมือมาคว้าเค้กในมือมิน
“เมษรอแป๊บนึงน้า เดี๋ยวไปตัดเค้กให้” ร่างบางหันมายิ้มให้ร่างป้อมๆที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย ก่อนจะวิ่งเขาไปตัดเค้กให้น้อง
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราทุกคนสนุกสนานกับงานวันเกิดมาก โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบเชนกับน้องเล็กเมษที่เสียงหัวเราะมีให้ได้ยินตลอดทั้งงาน
“มิน คว่ำจานใบนั้นไว้ในถาดพอแล้วลูก” คุณป้าหันมาบอกเจ้าของร่างบางที่กำลังยืนช่วยล้างจานอยู่ในครัว
“ชล ไปส่งน้องที่บ้านหน่อยลูก” เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยจะเข้าวันใหม่แล้วจึงเอ่ยปากเรียกลูกชายให้เดินไปส่งน้องทันที
“ขอบใจมินมากเลยนะลูก” หันไปยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กชายข้างบ้านที่ตอนนี้เติบโตจนเป็นหนุ่มน้อยแล้ว มินพยักหน้ายิ้มก่อนจะเอ่ยขอตัว
“ของขวัญวันเกิดพี่ล่ะ” เสียงทุ้มของคนข้างกายดังขึ้นตอนที่กำลังพ้นประตูบ้าน มินหันไปมองก่อนจะยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นใบหน้างอง้ำของผู้ใหญ่เอาแต่ใจ
“ลืมไว้บนห้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาให้นะฮะ” ร่างสูงที่กำลังเดินจูงมือคนตัวเล็กกว่า ฉุดรั้งมือเล็กให้หยุดเดิน ก่อนจะโน้มใบหน้าคมคายลงไปกระซิบเบาๆที่ข้างแก้มใสว่า
“เดี๋ยวขึ้นไปเอาที่ห้องก็ได้” น้ำเสียงที่มีแววหยอกล้อทำเอาคนที่ได้ฟังถลึงตาใส่แต่ก็ไม่อาจปกปิดแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อจากคำพูดของอีกคน
“พี่ชล มินจะกลับบ้านปล่อย” คนตัวเล็กพริ้วมือออกจากการเกาะกุมของมือหนาแต่ก็ไม่สำเร็จ
“มินครับ” น้ำเสียงที่ทอดอ่อนโยนทำเอาอีกคนที่กำลังโวยวายหยุดการกระทำทันทีก่อนจะช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองสบกับสายตาคมที่สบลงมาอย่างมีความหมาย
“รู้มั๊ยว่าวันนี้พี่อธิษฐานว่าไงตอนเป่าเค้ก” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจก่อนจะละล่ำละลักบอกคนตัวสูงกว่าอย่างจริงจัง
“พี่ชลไม่รู้เหรอว่าถ้าบอกคำอธิษฐานให้คนอื่นฟัง คำอธิษฐานมันจะไม่เป็นจริงนะ” เมื่อเห็นปฏิกิริยาแตกตื่นของร่างบางที่อยู่ตรงหน้าก็เรียกรอยยิ้มขบขันจากใบหน้าคมคายทันที
“แต่พี่เชื่อว่าถ้าคำอธิษฐานนี้ไม่บอกกับมินมันจะไม่เป็นจริงมากกว่า” สายตาคมที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตมีแววอ่อนหวานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“มะ...หมายความว่าไงฮะ” เสียงที่เอ่ยออกมากระท่อนกระแท่นซ้ำยังเสหลบตาคมด้วยการก้มหน้าจ้องมองที่ปลายเท้า
“มินฟังพี่ให้ดีๆนะ” มือหนายื่นไปเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบแววตาคมที่กำลังจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโต คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าน้อยๆ
“คำอธิษฐานตอนเป่าเค้กพี่อธิษฐานว่า...” น้ำเสียงที่ทอดอ่อนหวานทั้งแววตาที่จ้องมองทำให้อีกคนเข่าอ่อนแทบจะยืนไม่ไหวถ้าไม่ได้อ้อมแขนแข็งแกร่งคอยโอบประคองร่างบางอยู่ตอนนี้
“ถ้าวันนี้พี่ขอมินเป็นแฟนขอให้มินตอบตกลงคำขอของพี่” ดวงกลมโตเบิกกว้างกับคำขอนั้น ก่อนที่ริ้วสีแดงจะแล่นเห่อขึ้นบนใบหน้าหวานอย่างห้ามไม่อยู่
“ว่าไงครับจะตอบว่ายังไง” เจ้าของคำถามโน้มใบหน้าคมลงไปกระซิบข้างใบหูด้วยเสียงอ่อนโยน คนตัวเล็กจั๊กจี้จนต้องขยับถอยห่าง
“พี่รักมิน ไม่ใช่รักแบบพี่ชายแต่เป็นรักแบบคนรัก” ทอดเสียงอ่อนหวานบอกคนในอ้อมกอดที่ตอนนี้เขินอายจนต้องก้มหน้าซุกที่อกแกร่งแทนเพราะไม่อาจทนสบตาเจ้าของดวงตาคมที่สบลงมาอย่างมีความหมาย
“ว่าไงครับคนดี จะเป็นแฟนกับพี่มั๊ย หืม?” ริมฝีปากที่เอ่ยคลอเครียอยู่กับซอกคอของคนตัวเล็กกว่าทำเอาร่างบางถึงกับขนลุกซ่ากับสัมผัสบางเบานั้น
“อื้อ...” เสียงหวานดังอู้อี้อยู่กับอกแกร่งก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ
“อื้อ...แปลว่าอะไรครับ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าเขินอายก็รู้สึกอยากแกล้งหนักเข้าไปอีก มือหนาจึงเชยคางมนให้เงยหน้าสบตาเขา
“พี่ชลอย่าทำแบบนี้สิฮะ มินเขินนะ” ยิ่งเห็นดวงตาพราวระยับของร่างสูงที่กำลังโอบกอดตัวเองอยู่นั้นก็ทำเอาคนตัวเล็กกว่าใจสั่นไหวเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
“เขินแล้วยังไงครับ เขินแล้วจะเป็นแฟนพี่มั๊ย” คนที่ดวงตาพราวระยับยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าไล้มือหนาลงบนแก้มนวลที่ตอนนี้เป็นสีแดงเพราะความเขินอาย ดวงตาคมหลุบตามองไปที่เรียวปากที่ปกติช่างเจรจาแต่ตอนนี้กลับไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำใดๆออกมา
“พี่ชลอ่ะ” มือเล็กยกขึ้นฟาดเบาๆที่ต้นแขนของคนขี้แกล้ง ก่อนจะช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองอีกคนอย่างแสนอาย แล้วเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ทำเอาคนฟังยิ้มจนดวงพราวระยับมากขึ้นไปอีก
“มินจะเป็นแฟนพี่ชลฮะ” คนตัวเล็กแสนขี้อายเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำเอาคนมองตาพร่า ร่างสูงก้มหน้าลงแตะหน้าผากเข้ากับคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะแตะริมฝีปากเข้ากับเรียวปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆขบเม้มริมฝีปากล่างเบาๆให้อีกคนเผยอปากรับเรียวลิ้นอุ่นที่กำลังแทรกเข้าไปเพื่อค้นหาความหวานในโพรงปากที่ช่างเจรจา มือหน้าช้อนท้ายทอยของคนตัวเล็กให้อยู่ในองศาพอเหมาะ ก่อนจะบดจูบเร่าร้อนจนอีกคนแทบยืนไม่ติดพื้นได้แต่เกาะไหล่หนาไว้เป็นที่ยึด ร่างสูงผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก้มลงมองดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ซุกลงที่อกแกร่งอีกคราลมหายใจหอบเหมือนกับคนเพิ่งวิ่งระยะทางไกลมา ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนหน้าผากนวลแผ่วเบา
“ของขวัญวันเกิดปีนี้จากมินพิเศษกว่าทุกปีเลยนะ” เสียงที่คลอเครียอยู่ชิดใบหูทำเอาอีกคนใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ชลเลิกแกล้งมินได้แล้ว” เสียงอู้อี้อย่างเง้างอนดังออกมาจากริมฝีปากที่บวมเป่งจากการถูกจูบเมื่อครู่ ร่างสูงที่กำลังโอบกอดคนตัวเล็กในอ้อมกอดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองจะสะดุ้งสุดตัวแทบผละออกจากกันไม่ทันเมื่อเสียงตะโกนดังมาจากประตูบ้าน
“ชล จูบน้องเสร็จแล้วก็เดินไปส่งน้องดีๆด้วยนะลูก” คนเป็นแม่ที่แอบมองอยู่นานเอ่ยเย้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินข้ามธรณีประตูกลับเข้าบ้านไป เจ้าลูกคนนี้ไวไฟเหลือเกินยืนจูบน้องอยู่หน้าบ้าน
“พี่ชลอ่ะ คุณป้าเห็นเลยแล้วแบบนี้มินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” หลังจากหายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อซักครู่คนตัวเล็กที่เขินจนหน้าแดงก็ยกมือขึ้นฟาดที่แขนแกร่งของอีกคนอย่างแรง ก่อนจะรีบเดินหนีแต่ร่างสูงก็ไม่วายเดินตามไปจับมือเล็กที่กำลังก้าวหนีมาเกาะกุมไว้ในอุ้งมือหนาก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตาม วันเกิดปีนี้คงเป็นปีที่พิเศษสำหรับเขามากก็อย่างว่าคนดีก็งี้สวรรค์ย่อมเห็นใจกับคำอธิษฐานของเขาอยู่แล้ว
‘ขอให้มินตอบตกลงเป็นแฟนผมด้วยเถอะ’ เจ้าของคำอธิฐานยิ้มกว้างจนดวงตาคมพราวระยับไม่น้อยหน้าไปกว่าดวงดาวที่กำลังทอประกายบนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้
“ฝันดีนะครับ ต้นมินของพี่ชล” ริมฝีปากอุ่นบรรจงแตะลงบนหน้าผากมนของคนตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นมองเขาตาใส ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะก้มลงสูดกลิ่นหอมจากแก้มนวลทั้งสองข้าง
“ฝันดีฮะพี่ชล” เรียวขาสวยยืดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะแตะเรียวปากลงบนแก้มสากของคนตัวสูงก่อนจะเปิดประตูวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกคนยกมือขึ้นสัมผัสบริเวณที่ริมฝีปากของคนตัวเล็กแตะลงมาก ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสุขใจกับสัมผัสบางเบานั้น
เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่า ว่าทำไมเวลาคนจูบกันถึงต้องหลับตา
ก็เพราะว่าเขาไม่อาจที่จะทนสายตาอ่อนหวานที่กำลังเปิดเปลือยความในใจให้อีกคนได้รับรู้
แล้วทำไมเวลาที่โอบกอดกันถึงเป็นช่วงเวลาที่สุขใจเหลือเกิน
ก็เพราะว่าหัวใจสองดวงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเมื่อเราโอบกอดกันด้วยความรัก
ความรักที่เขาเฝ้าคอยบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก ทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังพูดไม่เป็นภาษา
ต้นมินต้นนี้เขาปลูกเองกับมือดังนั้นวันนี้เขาก็เอื้อมไปไขว่คว้ากับมือตัวเองเช่นกัน
end.
-
เรื่องน่ารักจังเลย
-
อยากลักพาน้องต้นมินกลับบ้านจัง หาได้ที่ไหนอีกไหมค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :hao3:
-
โอ๊ย น่ารักมากก ยิ้มแก้มแตกเลย
-
จะมีเชนมาร์ช หรือ เชนเมษ หรือมาร์ชเชน อีกไหมนะ น่ารักมากกกเลย :o8: :-[
-
น่ารักมากมาย อยากจะขอตอนพิเศษจังค่ะ
-
น่ารักมากกก แงงงงงงง ขอตอนพิเศษษ
-
พี่ชล ต้นมิน :mew1: :mew1: :mew1:
ขอตอนพิเศษๆๆๆๆ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ :call:
-
เป็นเรื่องที่น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป
-
น่ารักจริงจัง อ่านไปยิ้มจนแก้มจะแตก :o8:
-
ละมุนละไม บอกได้เลยว่าละมุนละไม
-
อ๋อยยยยย น่ารักจังเลย. ชอบคุณแม่ของทั้งต้นมินและพี่ชลเลย
-
โคตรน่ารักเลยครับ ..................................... ขอบคุณครับ
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:katai1: :katai1: :katai1:
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เด็กๆน่ารักมากกกกกกกกก พี่ชายข้างบ้านละมุน :-[