พิมพ์หน้านี้ - ความทรงจำ [ the Remember ]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: sakuamru ที่ 24-07-2008 21:59:44
สวัดดีครับ พอดีวันนี้ ผมได้เข้ามาอ่านนิยายแล้วชอบมาก อยากแบ่งปันเรื่องราวที่ได้พบเห็นและอ่านให้เพื่อนๆกันครับ * ผมได้ขอก็อปมาให้อ่านน่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจ ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 1 "..เราไปก่อนนะ ลาก่อน.." เสียงแผ่วของเด็กน้อยหน้าขาวๆ ตรงหน้า ทำให้ก้อนอะไรบ้างอย่างจุกขึ้นในลำคอ รอยยิ้มจางๆเกิดขึ้นบนหน้าเด็กน้อย แต่แววตาเศร้าดูขัดกับรอยยิ้ม เด็กคนนั้นหันหลังกลับเดินไปอย่างช้าค่อยๆ เลือนหายไป ขณะที่เด้กน้อยตัวเล็กๆอีกคนเพิ่งรู้สึกตัว หันไปตะโกนสุดเสียง "นายอย่าลืมเรานะ เดี่ยว......" เด็กคนแรกหันมองพร้อมยิ้มกว้างแล้วเดินจาก ....... กริ๊ง! ๆๆๆๆๆ ...เสียงนาฬิกาปลุก ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้อง เสียงกรีดร้องของมันสามารถกระชากร่างหนึ่งที่อยุ่บนที่นอนกระดอนตัวขึ้นมาเพื่อปิดการทำงานของมัน "นี่ใครเลือกนาฬิกาปลุกเสียงอุบาทว์มาว่ะเนี้ย" เด็กหนุ่มเจ้าของห้องสบถอย่างหัวเสียก่อนนึกขึ้นได้ว่า เป้นคนซื้อมันมาเอง แต่มันก็ได้ผลชะงักนักสำหรับเด็กชาย ผู้นอนขี้เซาแบบเขา เด็กหนุ่มเหลือบตามองปฏิทินแล้วเกาหัวแบบเบื่อหน่าย "วันนี้เปิดเทอมอีกแล้วเหรอ อะไรว่ะ" เขาคิดพลางเตือนตัวเองให้ไปอาบน้ำแล้วรีบไปโรงเรียน วันนี้เป้นวันเปิดเทอมวันแรกของเขา จริงๆแล้วไอ้การขึ้นม.4 นี่มันก้น่าตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะจะได้เจอเพื่อนที่ห่างกันไปเกือบ 2 เดือน คงมีเรื่องที่จะได้คุยสนุกพิลึก แต่เทียบความอิสระในช่วงปิดเทอมแล้ว ทำให้เด็กหนุ่มใจเหี่ยวลงทันตา เด็กหนุ่มยังคงหน้าบูดเมื่อเดินทางไปโรงเรียน ความจริงการนั่งรถเมลล์ไปเรียนนั้นสะดวกดี แต่เพราะระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากเขาจึงตัดสินใจเดินเพราะวันนี้ตื่นเร็วเลยมีเวลาเหลือเฟือ ทางเท้าที่ปูอิฐหยาบที่เรียงทอดยาว กำลังพา เขาเดินมุ่งหน้าไปสู่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ซึ่งเขาเรียนจบม.ต้นมาจากที่นี่ เด้กหนุ่มเดิน ตามองมายังบ้านข้างทางหลังหนึ่งที่ดุเหมือนจะปิดไว้เฉยๆ นานแล้ว แนวรั้วรกรุงรังไปด้วยดอกเล็บมือนางที่เจ้าของบ้านคนเก่าปลูกไว้ เมื่อขาดการตัดแต่งจึงทำให้เป็นเช่นที่เห็น เหมือนกับอุปทานตาเด็กหนุ่มมองไปเห็นเด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน โดยเด้กชายตัวโตตัวขาว กำลังวิ่งหนีในขณะที่เด็กน้อยแก้มยุ้ยอีกคนกำลังวิ่งไล่ตาม"เก่งจริงก็จับเราให้ได้ดิ ไอ้เก่งหน้าหมา" เด็น้อยตัวโตกว่าร้องล้อเลียน " ไอ้บ้าเดี่ยว อย่าหนีนะ "เด็กน้อยผิวขาวเหลืองร้องไล่อย่างขัดใจ ภาพเด้กๆวิ่งไล่กันค่อยจางหาย เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อรู้สึกว่าได้มองเห็นอดีต ช่วงวัยเด็กช่างมีความสุขเหลือเกิน โลกของเก่งตอนนั้นมีแต่พ่อแม่พี่สาว และ "เดี่ยว" ผู้เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก "ตอนนี้เดี่ยวจะเป็นไงมั่งนะ" เด็กหนุ่มคิดเมื่อเห็นบ้านเก่าของเพื่อนวัยเด็ก อาจเป็นเพราะเมื่อเช้าเพิ่งฝันถึง จึงทำให้ภาพเด้กน้อยที่ถูกลืมเลือนฟืนขึ้นมาอีกครั้ง "ตอนนี้สงสัยเรียนอยู่ที่เชียงใหม่มั้ง" เก่งบอกไม่ถูกว่าทำไมจำภาพวัยเด้กของเดี่ยวได้ชัดเจน ทั้งที่ตอนนั้น ไม่ไม่เต็ม 5 ขวบด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเป็นเพื่อนเล่นคนเดียวของช่วงวัยเด็กก้ว่าได้ ตัวเขาเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเดี่ยวต้องย้ายบ้านเพราะอะไร จำได้เพียงลางๆว่า เดี่ยวย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่เชียงใหม่เท่านั้น แต่พี่สาวของเก่งเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่เดี่ยวย้ายไปรับตำแหน่งอะไร ประมาณนี้ และยังล้อด้วยว่าช่วงนั้น เก่งซึมมากอย่างเห้นได้ชัด แต่พอเข้าโรงเรียนก็ดูสดใสขึ้น เก่ง ละสายตาจากบ้านแล้วเดินต่อไปตามทางอิฐ โดยไม่ได้สังเกตุว่าในบ้านมีคนอยู่ ! "เฮ้ย! เก่งหวัดดี" เสียงทักดังมาข้างหลังในขณะที่เก่งกำลังจะเดินเข้าประตูโรงเรียน เด็กหนุ่มหันไปมองรอยยิ้มบนหน้าหวานๆ ของเพื่อนรอยมาก่อน "เออ หวัดดี แก้ว "เก่งทักแล้วหยุดรอเด็กหนุ่มตัวเล็กๆอีกคนที่กำลังเดินมา ไอ้แก้วนั่นเองรู้สึกตัวมันจะสูงขึ้นกว่าเก่าแต่หน้าหวานเหมือนผู้หญิงเหมือนเดิม "เป็นไงมั่งว่ะช่วงปิดเทอม เห็นเอ้งเงียบหายไป" เก่งถามแก้วขณะเดินขึ้นชั้นเรียน "ก็ไม่อะไรหรอก ข้าอยู่บ้านเงียบๆน่ะ บ้างที่ก็ขี่จักรยานไปวาดรูปที่ทุ่งบัวน่ะ"แก้วตอบขณะที่เดินหาห้อง "แล้วเอ็งล่ะ บอกว่าจะไปหาข้าที่บ้านไปวาดรูปกันไง แต่ไม่เห็นมาเลย" แก้วถามมั่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่พูดกันก่อนปิดเทอม "โทษที่คือข้าเอาแต่นอนอยู่บ้านน่ะ ขี้เกียจเลยไม่ได้ไปไหน" เด็กหนุมตอบ "เออ เอ็งดูสูงขึ้น นี่เกือบเท่าข้าแล้ว ไปทำไรมา" เก่งร้องถามแก้วเหมือนจะแซว "แหม! ไอ้เก่ง คนมันถึงวัยแล้วมันก็ต้องมีการพัฒนามั่งดิ เอ็งจะให้ข้าเตี้ยเป็นเด็กประถมอยู่ได้ไงวะ" ไอ้แก้วตอบแล้วมองหน้าแบบเอาเรื่อง "ถึงยังไงกูก้ยังเตี้ยอยู่ดี อยากสูงแบบไอ้พวกรุ่นพี่ ม.6 มั่งจังว่ะ" แก้วพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจขณะที่กำลังเก้าเข้าห้อง " เอาน่าเดี๋ยวเอ็งกะข้าก็สูงเองแหละ ล้อเล่นแค่นี้คิดมาก"เก่งหัวเราะขำเมื่อเห็นเพื่อนจ๋อยลงไป จะว่าไปเพื่อนทุกคนตอนนี้ก้เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายไปหมด ดูกลายเป็นหนุ่มเป้นสาวกันหมด เก่งเองก้เช่นกันความสูงที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากเพียงแต่สูงมากว่าแก้วเล็กน้อย หลังเคารพธงชาติแล้วเมื่อเด็กๆทุกคนถูกปล่อยให้เข้าห้องเรียน ความเงียบก่อนหน้านี้ถูกแทรกด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ของเหล่าเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มสาว ทุกคนมีเรื่องคุยกันเหมือนว่าไม่ได้เจอกันมาแล้วเป็นชาติ ไม่เว้นแม่แต่กลุ้มของเก่ง "นายเป็นไงกันมั่งน่ะ เก่ง แก้ว ปิดเทอมไม่โทรหาเลยไหนว่าจัดนัดไปเที่ยวบ้านแก้วไง " เด็กหญิงหน้าตาน่ารักผิวเหลือง เอ่ยถามเมื่อทุกคนจัดที่นั่งตามใจชอบเรียบร้อยแล้ว "ใช่ เราก้รออยู่ว่าจะไปกันวันไหน แต่ไม่เห้นมีใครโทรมาเลยนะ ว่าไง ไอ้พัฒน์ ไอ้เคน"เด็กหญิงอีกคนเอ่ยบ้าง ผิวสองสีที่ดูเนียนๆไม่ทำให้รู้สึกว่าเธอคนนี้เป้นคนผิวคล้ำ "หยุดเลยพวกเธอสองคน หนอยแน่! แล้วนึกได้ทำไมตัวเองไม่โทรนัดล่ะ จริงๆแล้วพวกเธอก้ขี้เกียจใช่มะ" ไอ้พัฒน์ คนปากกล้าประจำกลุ่ม เอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด "ใช่แล้ว ยายพวกตัวดีทั้งหลาย"ไอ้เคนกับเก่งร้องสนับสนุน "อ้าวแล้วพวกนายล่ะ ทำไมไม่โทร มันก็เหมือนกันแหละใช่ม้า "บีมสาวน้อยตาคมถามแล้วยักคิ้วตอบอย่างท้าทาย "เอ้ย! หยุดเถียงกันได้แล้ว มันพอกันทั้งกลุ่มแหละ หน่อยแน่! โยนกันไปโยนกันมานะไอ้ความผิดเนี้ย วันหลังบอกมาตามตรงว่าไม่อยากไปนะ จะได้ไม่เสียเวลารอ" ไอ้แก้วหน้าหวานร้องห้ามแบบเคืองแล้วนิ่งไป ทุกคนในกลุ่มหันมองเจ้าของเสียง หน้าเสียกันไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่เก่ง เก่งเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้กระตือรือร้นทั้งที่เพื่อนตั้งหน้าตั้งตารอให้ไปเที่ยวบ้าน แก้วยังคงนิ่งไม่หันมาคุยกับเก่งและเพื่อนๆ "เฮ้ย! ไอ้แก้วมันโกรธแล้วดูดิ ไม่น่าเลย"ไอ้พัฒน์หันมากระซิบบอกคนอื่นๆ สองสาวหน้าใสหน้าเสียเพระเป้นต้นเหตุ " ไอ้เก่ง เอ็งไปดึงมันมาที่เดี๋ยวไงพวกเราจะต้องขอโทษมัน "ไอ้พัฒน์กระซิบบอกเก่ง เด็กหนุ่มหันไปอย่างว่าง่าย พลางสะกิดเพื่อนตัวเล็ก "สะกิดทำไม มีไร ห๊า" แก้วตอบกลับมองตาขวาง เก่งและเพื่อนรู้สึกหนาวขึ้นมายังไงไม่รู้ ถึงแม้แก้วจะเป้นคนตัวเล้ก แต่ใจแข็งเหลือเกิน จำได้ว่ามันเคยโกรธไอ้พัฒน์ที่ล้อ มันว่าเป็นกระเทย จนมันไม่ยอมพูดด้วยเกือบเดือน เก่งคิดว่าคราวนี้ดุส่อเค้าว่าจะเป็นแบบเดิมอีกเพราะดูแก้วจะโกรธมาก " มีไรก็พูดมา" มันทำเสียงเย็นชาใส่เก่งและเพื่อน ทำให้ทุกคนต้องสะกิดเกี่ยงกัน "ตกลงมีไรกันแน่ " ไอ้แก้วตาขวางมองเรียงตัว " คือพวกเราขอโทษนะที่ทำให้นายรอน่ะ พวกเราไม่ได้เจตนานะ" แพทถูกดันมาให้เป็นคนเจรจา ส่วนเก่งและเพื่อนคนอื่นพยักหน้าพร้อมกัน " เอาเป้นว่าเรารับคำขอโทษแล้วกันแต่เราจะจำไว้ว่าพวกเธอทำอะไรไว้กับเรา" มันพูดพร้อมมองเรียงตัว แล้วหันหน้าเดินมุ่งหน้าไปที่ประตู ก่อนหันหน้ากลับมามองเก่งและเพื่อนที่หน้าเสียอยู่ พร้อมตะโกนขึ้นว่า " กูล้อเล่นโว้ย !!!! .... ฮ่าๆ ว่าแล้วแก้วก็วิ่งหนีไป ตามด้วยเสียงด่าทอของเพื่อนพร้อมเสียงวิ่งไล่ของเก่ง พัฒน์และ เคน สนั่นห้องเรียนไปหมด นี่! ทุกคนเงียบ ๆ เสียงอาจารย์ที่ปรึกษาดังมาเมื่อเห็นว่าเสียงดังพึมพัมยังไม่เงียบขณะที่เดินเข้ามา เก่งเงียบเสียงและปล่อยมือจากคอเพื่อนตัวเล็ก หลังจากที่จับแก้วได้หลังห้องเรียน และกำลังลากตัวมาให้เพื่อนๆฉลองศรัธทา แต่เสียงอาจารย์เข้ามาขัดจังหวะก่อน "ฝากไว้ก่อนเหอะ เอ็ง" เก่งและเพื่อนคำรามเมื่อเห็นแก้วยิ้มร่าเมื่อรอดตัวไปได้ อาจารย์ท่านนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีเพราะเคยสอนคณิตให้เก่งมาแล้ว แต่ไม่เคยอยู่ในความดุแลของอาจารย์ลักษมี(ชื่ออาจารย์)เลย แต่เก่งคิด ว่าอาจารย์ดุท่าทางใจดี ถึงแม้ว่าจะพยายามทำตัวให้ลูกศิษย์กลัว แต่แววตาและสีหน้าบอกให้ถึงใจใจที่มีความปราณีสูง ห้องของเก่งนั้นส่วนมากเป็นคนคุนเคยกันเพราะเรียนร่วมกันมาตั้งแต่ ม.3 เก่งอยู่ห้อง 2 สายวิทย์ ถึงแม้ไม่ใช่ห้องคิงแบบห้อง1 แต่เก่งกลับดีใจที่มาอยู่ห้องนี้เนื่องจากทุกคนในห้องรักกันดี จนอาจารย์หลายท่านเอ่ยปากชมเด็กห้องของเก่ง "วันนี้มีเด็กใหม่เข้าเรียมรวมกับเราด้วยนะ เพิ่งย้ายมา เอ้าเธอแนะนำตัวซิ" อาจารย์ลักษมีบอก เมื่อเด็กหนุ่มตัวขาวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา "แพทดูดิ หล่ออะ" สาวบีมผู้ก่ากั๋นกระซิบบอกแพทผู้เรียบร้อย โดยที่แพทก้มองเป้าหมายเดียวกับบีม "ผมชื่อณัฐพล ครับยินดีที่ได้รู้จัก" เสียงฮือฮาของสาวในห้องดังขึ้น เมือเด็กหนุ่มตัวสูงขาว เอ่ยแนะนำแล้วยิ้ม "อืมไอ้นี่หน้าขาวชะมัดยาดเลย ตัวแม่งโคตรสูงเลย เอ คุ้นๆ ว่ะ" เก่งคิด แล้วรู้สึกงงตัวเอง ตัวเขาจำได้แน่ว่าไม่เคยเจอไอ้ผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่นี่ ! เก่งพยายามคิดเพราะมั่นใจว่าต้องเคยเจอแน่ แต่ไม่รู้ที่ไหน เก่งจ้องนานจนเด็กหนุ่มยืนหน้าชั้นเรียนสังเกตจึงมองตอบมา แล้วยิ้มมุมปากให้ รอยยิ้มนั้นดูดีใจ แต่มันทำให้เก่งยิ่งงง! วันนี้อีกวันที่วุ่นวายของเก่ง เนื่องจากไหนจะต้องเรียนไหนจะ ต้องเตรียมหาชมรมกิจกรรมเสริม(โรงเรียนบังคับให้เข้า) เก่งหนักใจเนื่องจากชอบหลายอย่างโดย เฉพาะชมรมบาส กับฟุตบอลแต่สุดท้ายก็โดนอาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมลากเข้ามาที่ชมรมจนได้ไอ้แก้วเช่นกัน เก่งรู้สึกเซ็งเมื่อโดนบังคับ ก็ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อตัวเขาเป็นนักกวาดถ้วยรางวัลศิลปกรรมประจำเขตอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เก่งต้องมานั่งอยู่ในห้องศิลปะอีกครั้ง ทั้งที่บอกกะตัวเองไว้แล้วว่า เทอมนี้จะเข้าชมรมบาสให้ได้ " เฮ้ย เบื่อ" เก่งร้องออกมาหลังจากเลิกชมรม พร้อมเตรียมตัวกลับบ้าน " ทำไมว่ะ" ไอ้แก้วร้องถามขณะที่ลงมือเก็บดินสอลงกล่องแล้วใส่กระเป๋า "ก็ข้าเบื่อต้องมานั่งวาดรูปง่ะ ข้าอยากออกไปอยู่ชมรมอื่นมั่ง " เก่งบ่นกะปอดกระแปด " มันสายไปแล้วว่ะ อาจารย์เค้าคงอยากเก็บเอ็งกะข้าไว้ล่ารางวัลน่ะสิ เอาเหอะ เอ็งก็ช่วยจารย์แกหน่อย แล้วค่อยหนีไปเล่นบ้างแกก็คงไม่ว่าหรอแล้วอีกอย่างกิจกรรมมันก็มีวันเดียวเอง "แก้วพูดปลอบแต่เด็กหนุ่มยังคงหน้าหงิก แล้วชวนกันเดินออกมาหน้าประตูโรงเรียน " ไอ้พวกนั้นมันกลับไปหมดแล้วง่ะ เอ็งกะข้ากลับกันมั่งเหอะ" ไอ้แก้วบอก พลางตบไหล่โบกมือลา เก่งเริ่มเดินเงียบเมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนักเรียนใหม่คนนั้น "หน้ามันคุ้นนะ แต่นึกไม่ออก " เก่งขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง คิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบ เสียงกริ้งจักรยานดังรัวๆขึ้น" เฮ้ยหลบๆๆ" เก่งหันมองแล้วรู้สึกว่ามันพุ่งเข้าถึงตัวอย่างรวดเร็ว! "เฮ้ย !" เก่งกระโดดหลบจักรยานลงข้างทาง จักรยานคันนั้นก็หักหนี แล้วชนเข้ากับต้นไม้โครมใหญ่! ก่อนจะล้มลง เก่งมารู้สึกตัวอีกที่ก้เห็นว่าขาตัวเองอยู่ในสระบัวข้างทาง ดีที่น้ำตื้นแค่เข่า ส่วนเจ้าจักรยานซิ่งคันนั้นลิ้มกลิ้งอยู่ตรงนั้น เจ้าของจักรยานหันมามองด้วยสายตาตกใจ "เอ้ย! นายเป็นไรเปล่า เราขอโทษเราเบรกไม่ทัน " ไอ้เด้กใหม่ที่เพิ่งเข้าวันนี้น่ะเอง อ้าวดูดิยังมายิ้มขำอีก "เราไม่เป้นมั้งเนี้ย แค่ลงมาแช่โคลนเล่นเท่านั้นเอง " เก่งพูดกวนกลับ ก็แหมไอ้บ้าเอ้ยเห้นอยู่เนี้ย "นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เอ้า! ขึ้นมา"เด็กใหม่ พูดพร้อมยืนมือมาฉุด " ไม่ต้องเราขึ้นเองได้ " เก่งพูดพร้อมตะกายขึ้นจากบ่อ อย่างทุลักทุเล " วันหลังนายหัดขี่จักรยานให้มันระวังคนมั่งนะ ทำงี้คนอื่นเค้าเดือนร้อน หัเราะทำไม ห๊า" เก่งร้องบอกเมื่อเห้น เด็กหนุ่มตัวสูงหัวเราะสภาพของตน แล้วเดินหนีไป "เอ้ยเดี๋ยวเราไปส่งบ้าน " เด็กหนุ่มตัวขาวสูงตะโกนบอก เก่งหันมองตาขวางใส่ " นายกลับไปหัดขี่จักรยานใหม่ก่อนเหอะแล้ว ไป๊" ว่าแล้วรีบเดินไปด้วยความโกรธ อะไรว่ะไอ้นี่ หัวเราะอยู่ได้ทำคนอื่นเดือดร้อนแท้ๆ " งั้นเอาไว้วันหลังน๊า....." ดุมันยังตะโกนตามอีกไม่ได้สำนึกเลย ไอ้บ้าเอ้ย กวนติงจริงเลย เสียงหัวเราะของหนุ่มน้อยร่างสูงเมื่อกี้ ทำให้เก่งเคืองมากจริงๆ แต่ความรู้สึกที่เหมือนคุ้นเคยกัน ยังคงวนเวียนอยู่นั่นเอง... { มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง } *** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน ..... มาต้อนรับนิยายใหม่ ... :mc4: :mc4: แล้วมาต่อไวๆน้า :bye2:
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 2 เก่ง..กลับถึงบ้านด้วยสภาพโคลนเต็มตัว เสื้อนักเรียนเสียขาวสะอาดมีรอยด่างของโคลนกระเด็นใส่ รองเท้านักเรียนก็เต็มไปด้วยโคลนมากมาย ตัวเขามองสภาพที่เกิดขึ้นกับตัวแล้วนึกถึงลูกหมาที่เพิ่งไปคลุกโคลนมา ไม่รู้สึกเจ็บตัวอะไรแต่เจ็บใจอยู่ลึกๆ เมื่อนึกถึงหน้าขาวๆที่อมยิ้มขำๆและหัวเราะเมื่อ เห็นสภาพของตัวเขาในตอนนี้ ในหัวเก่งยังคงกรุ่นไปด้วยความแค้นที่มันก่อมาจากรอยยิ้มและหัวเราะของไอ้เด็กใหม่หน้าขาวนั่น "เก่ง กลับมาแล้วเหรอ อ้าวทำไมเปื้อนขนาดนี้" แม่ของเก่งตกใจมากเมื่อมองเห็นสภาพของเก่ง "ไม่มีอะไรหรอกแม่แค่เดินไม่ระวังเลยพลาดก้าวลงบ่อบัวริมทางน่ะ " เก่งบอกแม่แต่ไม่ได้บอกหมดทุกอย่าง " โอย!ซุ่มซามเหลือเกินลูกชั้น " คุณนายแม่บ่นเข้าให้แล้ว เก่งไม่อยู่รอฟังเพราะมันต้องกินเวลาไปหลายนาทีแน่กว่าจะจบ แยกตัวไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ เสียงแม่ยังดังอยู่ "นี่เก่งวันนี้ น้าอรมาหาแม่ล่ะ จำน้าอรได้รึเปล่า น้าอรแม่ของเดี่ยวไง" คุณนายแม่ยังคงพูดไปเรื่อย เก่งยังคงนิ่งฟังเสียงแม่ตนในขณะที่ลงมือซักผ้า "น้าอรน่ะ เค้าย้ายกลับมาแล้วนะ เห็นคุณวิทย์น่ะเค้าเข้ามารับตำแหน่งที่นี่อีกครั้ง เลยย้ายกันมาหมด " คุณนายแม่ยังคงบอกเสียงใส " โอยวันนี้ น้าอรเขามา แม่คุยกันซะมันหยดเลย ไม่เจอกันนานเลยที่เดียวสิบกว่าปีนะ" เก่งยังคงเงียบอยู่ในห้องน้ำ จริงๆน่าจะเรียกว่าไม่ได้ฟังมากกว่า เพราะมัวแต่เจ็บใจไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอยู่ "นี่ๆ เดี่ยว ก็ย้ายมาด้วยนะ แต่แม่ยังไม่เจอเลย ไม่รู้หน้าตาเป็นไงมั่ง " เก่งสะดุดหู เดี่ยวเหรอ! เดี่ยวเพื่อนเก่าเนี่ยเหรอย้ายกลับมา เก่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ภาพเด็กน้อยตัวขาวในอดีต โผล่ขึ้นมา หน้าตาเดี่ยวตอนนั้น ตาตี่ตัวขาวๆ ผิวใสที่ใครเห้นเป้นต้องเข้ามาชม ส่วนเก่ง นั้นเป็นเด็กตาโตๆ แก้มยุ้ยแล้วเด็กพ่อแม่ก็ชอบจับแต่งตัวเป้นผู้หญิงเลือเกิน จนใครๆก็คิดว่าเก่งเป็นเด็กผู้หญิง เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องอดีต............ " เรา2 คนเป็นความหวังของโรงเรียนเรานะ ยังไงก็สุดฝีมือแล้วกัน " อาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมบอกกับเก่ง และแก้ว เมื่อถึงเวลาใกล้ที่จะส่งผลงานเข้าประกวด เก่งและแก้วมองหน้ากันอย่างเซ็งๆ "ครับ อาจารย์ " เก่งตอบรับแผ่วๆ แล้วเสียงบ่นก็ดังขึ้นเมื่ออาจารย์เดินออกไป "ทำไมอาจารย์แกเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้เนี้ย แล้วนี่จะทำทันไม๊ มีเวลา อยู่แค่อาทิตย์เดียวเอง " เด็กหนุ่มบ่น หน้าเริ่มง้ำ "เออน่า ดีแล้วล่ะที่มีเวลาให้ตั้ง 1 สัปดาห์นะ ปีที่แล้วน่ะ 3 วัน "แก้วบอกอย่างปลงๆ " ถ้าเราไม่รีบทำซะตั้งแต่ตอนนี้ เสร็จไม่ทันแน่ มาเร็ว! " แก้วพูดพร้อมยิ้มอุปกรณ์ขึ้นมา เก่งเบ้หน้าแต่ก็เดินมายังโต๊ะงานของตน "นีมันอะไรกันนักหนา นี่เพิ่งจะเริ่มเรียนไปได้แค่ครึ่งเดือนเอง แล้วทำไมต้องมานั่งวาดรูป แล้วต้องกลับบ้านเย็นด้วย เฮ้อ! " เก่งคิด " แต่เอาว่ะไหนๆ ก็รับปากอาจารย์ไปแล้ว สุดความสามารถแล้วกัน" เก่งคิดแล้วกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง จับดินสอแล้วจรดมือลงวาดรูป ใจสงบลงเมื่อเริ่มมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ ตึง! เสียงอะไรบ้างอย่างกระทบหน้าต่าง เก่งสะดุ้งเฮือก " เฮ้ย ไรว่ะ " ลุกบาสนั่นเองที่มากระทบหน้าต่าง ดีนะที่ไม่ลอดเข้าไม่งั้นของในนี่กระจายแน่ ไอ้ข้างห้องศิลปกรรมนี่มันเป็นสนามบาสกลางแจ้งนี่ เสียงโวยวายเสียงหัวเราะ พร้อมกับ มีเด็กหนุ่มร่างสูงๆ วิ่งมาเก็บบอล ผิวขาวๆ ที่โผล่ออกมานอกเสื้อกล้ามสีขาว ดูเป็นมันเงาเพราะเหงือ ตามแขนขามีแต่มัดกล้ามแสดงให้เห้นว่าเจ้าของร่างเป็นคนออกกำลังกาย เก่งมองออกไปแล้วขมวดคิ้ว " ไอ้พวกบ้านี่เสียงดังจริง ไม่มีสมาธิเลย" และเหมือนคนโดนมองรู้ตัว เงยหน้ามองมา อ้าวนั่นมันไอ้เด็กใหม่นี่ เด้กหนุ่มตัวสูงขาวเลิกคิ้วเป้นเชิงถามเมื่อเห้นเก่งจ้องแบบเอาเรื่อง แล้วส่งยิ้มให้นิดๆ "มันยิ้มทำไมว่ะ " เก่งขมวดคิ้ว และ หันกลับมาวาดรปต่อ "มองไรว่ะเอ็งอ่ะ" แก้วถาม " เปล่านีไม่มี อะไร แค่รำคาญเสียง" เก่งตอบแล้วพยายามทำสมาธิวาดภาพต่อ แต่สิ่งที่ได้มาแทนสมาธิ คือภาพรอยยิ้มเมื่อกี้ เก่งยังสงสัยว่าเด็กใหม่คนนั้น ยิ้มให้ตนทำไม จะว่าไป ตนก็ไม่ได้คุยอะไรกับเด็กใหม่คนนั้นเลย อาจเป็นเพราะยังเคืองที่หัวเราะเยาะเก่งตอนตกบ่อบัว ถึงแม้จะอยุ่ห้องเดียวกัน เก่งก็ยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่าชื่อเล่นของเด็กใหม่นั่นชื่ออะไร เพราะไม่ได้สนใจใครเลยนอกจาเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น ...... เหลือเวลาอีก 2 วัน แล้ว ที่เก่งต้องส่งรูปเข้าประกวด รูปของเก่งในตอนนี้ เกือบเสร็จแล้ว เหลือเก้บรายละเอียดอีกไม่มากนัก ตอนนี้ในห้องศิลปกรรมมีเก่งอยู่คนเดียว เพราะแก้ววาดรูปเสร็จแล้วจึงกลับบ้านก่อน เก่งมองรูปที่แก้ววาด ภาพสีโปสเตอร์นั่นเป็นเรื่องราวของพราะพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้นั่งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เบื้องหน้ามีสามนางมารคอยร่ายรำหลอกล่อให้หลงไหล ภาพที่แก้ววาดเป็นภาพกึ่งฝันกึ่งจริง เก่งรุ้สึกได้ว่าแววตาของมางมารทั้ง 3 มองเย้ายวนมา ช่างเป็นภาพที่งามจริงๆ เก่งคิด ส่วนภาพของเก่ง เป็นภาพสีน้ำเป็นเรื่องราวตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาจากดาวดึงส์ เก่งตั้งใจอยากมากกับรูปนี้ และรู้สึกภูมิใจเมื่อสิ่งที่อดทนมาตลอดสัปดาห์กำลังจะสำเร็จ "เฮ้ยๆๆๆ! ระวัง" เสียงห้าวๆตะโกนมา เก่งหันไปมองอย่างหัวเสีย " ไอ้บ้า เอ้ยจะแหกปากกันทำไ ....เฮ้ย! " เก่งร้องด่าไม่ทันจบ ลูกบาสพุ่งเข้าใส่อย่างเร็ว! เก่งโดดหลบด้วยสัญชาติญาณ โครม! เก่งลงมานอนกลิ้งอยู่ที่พื้น รู้สึกเจ็บทีข้อมือแปล็บๆ ลูกบาสยังกระดอนอยู่ข้างตัว เก่งเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นรูปของตัวเองล้มลงมากองกับพื้น กลางรูปเป็นรอยเปื้อนที่ลูกบาสกระแทกเมื่อกี้ เก่งเอามือยันตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บที่ข้อมือความโกรธปราดขึ้นหน้า " ใครแม่งทำว่ะ" เก่งตาขวางร้องคำราม "เฮ้ย!เราขอโทษนะ นายเป็นไงมั่ง " เสียงห้าวร้องตกใจดังข้างตัว เขาแหงนหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง " อ๋อ ไอ้เด็กใหม่นี่อีกแล้วเหรอ " เขากัดฟันแน่นพยายามอดกลั้น แต่ไม่เป็นผล " เจ็บตรงไหนรึเปล่า" เด็กหนุ่มตัวขาว เอื้อมมือมาคว้าแขนของเก่ง เขาสะบัดมือออกแล้วลุกขึ้นมองหน้า "นี่นายอีกแล้วเหรอ เมื่อไหร่นายจะเลิกก่อความเดือดร้อนให้คนอื่นซะทีนะ ดูดิสิ่งที่นายทำลงไปน่ะ " เก่งชี้ไปยังรูปที่มีรอยเปื้อน เด็กหนุ่มตัวขาวหน้าเสีย " เราขอโทษ เราไม่ตั้งใจ เรา....." " นายไม่ต้องมาพูดเลย คำขอโทษของนายมันไม่ช่วยอะไรหรอก " เก่งหน้าแดงด้วยความโมโห " แล้วจะให้เราทำไงล่ะ จะให้เราขอโทษนายอีกครั้งก็ได้ถ้ามันทำให้นายพอใจ " เด็กหนุ่มเจ้าของลูกบาสเริ่มหน้าแดงเสียงดัง แสดงถึงว่าเริ่มกำลังไม่พอใจ " นายไม่ต้องทำอไรหรอกแค่อยู่ห่างจากชีวิตเราก็พอ เราเจอนายที่ไรมันซวยทุกที" เก่งร้องตอบ มองอีกฝ่ายด้วยนัยตาขุนเคือง แล้วเดินออกไป ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนนิ่ง............ เก่งรู้สึกหนักใจแทนความโกรธเมือครู่ เมื่อคิดถึงผลงานจะต้องส่งอีก 2 วัน เก่งเองยังไม่แน่ใจเลยว่า จะทำทันรึเปล่า " ทันสิมันต้องทัน ถ้าเราทำตอนนี้ ถ้าใช้เวลาทั้งคืน มันต้องเสร็จทันแน่" เขาคิด พร้อมค้นหาอุปกรณ์ต่างที่ตนเองเก็บไว้ในห้องนอนของตัวเองออกมา แล้วลงมือวาดรูปอีกครั้ง ........ เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วทีข้างบ้านเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ใกล้จะเช้าแล้ว เก่งยังคงไม่ได้นอน เขายังคงนั่งลงสีรูปที่วาดไว้อย่างใจเย็น ตอนนี้ลงสีไปเกือบ 70 % แล้ว แม้ตัวเขาเองรู้สึกได้ว่าง่วงมาก แต่เมื่องานไม่เสร็จเขาก็ยังหยุดไม่ได้ เพราะนี่มันคือความรับผิดชอบของเขาที่ต้องส่งงานให้ทันเพื่อ โรงเรียน นาฬิกากำลังเดินไปอย่างช้าๆ เก่งยังนั่งวาดรูปอยู่ตอนนี้เกือบเสร็จแล้วเหลือรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น นาฬิกาส่งเสียงเหงงหง่าง เตือนให้เขารู้ว่า ถึงเวลาที่ควรจะไปโรงเรียน เขาเดินโซเซออกจากบ้าน รู้สึกมึนงง ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด ปวดข้อมือหนึบ " เรายังตายตอนนี้ไม่ได้ ต้องส่งงานก่อน " เขาสั่งตัวเองดังๆแล้วจึงพยายามเดินไปยังโรงเรียน " เฮ้ย! นายเป็นไรเนี้ย เก่ง" สาวแพทร้องถาม เมื่อเห็นสภาพ เก่งรู้สึกมึนๆและเวียนหัวแต่ยังฝืนยิ้มให้เพื่อนๆ "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรามานะ ไปห้องศิลปกรรมก่อน " เก่งร้องบอกเพื่อนๆ แล้วแยกตัวออกมา ความรู้สึกเหมือนพื้นไหวๆ ตามมาเป็นระยะ เขาเหงือซึมเล็กๆ เมื่อเดินมาถึง พลางหยิบรูปที่เพิ่งวาดเสร็จมาตั้งที่รูปที่เสียไปเมื่อวาน แล้วเริ่มลงมือเก็บรายละเอียดอีกครั้ง เก่ง..วาดรูปเสร็จเมื่อสัญญาณเรียกเคารพธงชาติดังพอดี เขายิ้มกับตัวเองเมื่อภาระเหล่านี้หมดลง รอบตัวดูมันวูบไหวไปหมด เมือเขาลุกขึ้นเดินจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติ เขาพยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อไล่ความมึนงง แล้วจึงเดินไปยังสนามกลางแจ้ง เก่งรู้สึกได้เลยว่าวันนี้เป้นวันที่แดดแรงเหลือเกิน ๆ แต่ทำไมตัวเขาหนาวๆนะ ความมึนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ขาเริ่มสั่นๆ ไม่ไหวแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับบ่าของแก้วที่ยืนข้างหน้าไว้ แก้วหันขวับมาดูพร้อมร้องเสียงหลง " เฮ้ย! ไอ้เก่งมึงหน้าซีด " แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง..... เก่งลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆเมื่อเห้น พัดลมเพดานหมุนวนอยู่ รอบตัวมีแต่สีขาว หันไปอีกทางมีเพื่อนผมครบเซ็ตยืนอยู่หน้าสลอน "เอ้ยจะลุกขึ้นมาทำไม นอนเลยมึง นอนลงไป " เสียงให้เคนไอ้พัฒน์ดุ เมื่อเห็นเขากำลังพยุงตัวขึ้น "เรากะแล้วเชียวว่าแก่งต้องไม่สบาย เห้นหน้าซีดตั้งแต่เช้าแล้ว " แพทพูดขึ้นมา "วันนี้นายนอนไปแล้วกัน เดี๋ยวเราจดงานให้ แก้วบอก เก่งพยักหน้าแล้วยิ้มให้หน้าดูมีสีเลือดขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มาก "ขอบใจมากที่ลากเรามาเข้าห้องพยาบาลจนได้นะ " เขากล่าวขอบใจเพื่อน " ไม่ใช่พวกเราหรอกที่พานายมาน่ะ " แล้วใครล่ะ เขาคิด " แต่เป็นไอ้เด็กใหม่น่ะสิ พอรู้ว่านายเป็นลมมันหน้าตาตื่นรีบอุ้มนายมาห้องพยาบาลเลย" บีมบอกกับเก่ง เขางง นี่จริงเหรอว่ะไอ้นั่นมันมาอุ้มกูจริงรึนี่ แล้วมันทำไปทำไมเนี้ย " เออ เอ็งนอนเหอะพวกข้าไปแล้ว "ไอ้เคนเอ่ยแล้วทุกคนก็พากันทยอยกลับ เก่งยังไม่หลับถึงแม้จะเพลียมาก แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นทำมถึงมาส่งตนทั้งที่เมื่อวาน ตัวเขาเองก็ด่ามันไปแรงเหมือนกัน สักพักเก่งเริ่มเคลิ้มเพราะร่างกายต้องการพัผ่อนอย่างรุนแรง ความคิดสุดท้ายก่อนที่จะหลับก็ยังคงวนเวียนอยู่กับ เด็กหนุ่มร่างสูงคนเดิม กริ๊ง....... เสียงกริ๊งของอาคารเรียน บอกให้รู้ว่าเป้นเวลาเลิกเรียน เก่งตืนมาพร้อมกับหัวที่หนักอึ้งร้อนที่เปลือกตา หัวใจเต้นแรงๆ ปวดเมือยตามเนื้อตัวไปหมด เขาเมื่อเดินออกจาก ห้องพยาบาลแล้วก้ตรงดิ่งหมายจะขึ้นรถกลับบ้านในทันที เมื่อเดินพ้นประตูรั้วโรงเรียนมาเล็กน้อยเก่งรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มันพุ่งขึ้นมาจากกระเพาะ " อ้ว..... แหวะ " ทุกสิ่งทุกอย่างทีอย่างในท้องเคลื่อนที่ออกมาทางปาก เขาหมดแรงเดิมลงนั่งพิงต้นไม่ข้างทาง "นายเป็ไรมากเปล่า" เสียงห้าวๆ ดังขึ้นด้านหลังของเก่ง เขาหันมองเห็นภาพมัวๆว่าเป้นเด็กหนุ่มตัวสูง "นายเด็กใหม่เหรอ " เก่งถามเสียงแผ่ว เหมือนคนหมดแรง คนถูกถามเห็นสภาพแล้วเข้ามาพยุง " เฮ้ย ! นายตัวร้อนจี๋เลยอ่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปส่งบ้านเอง " เก่งทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ เหมือนหุ่นตัวหนึ่งที่ใครจับไปไหนก็ไป ความรู้สึกของเขาตอนนี่คือมึนไปหมด เก่งยังไม่หลับลงไปซะทีเดียว แต่ความมึนงงทำให้ลืมตาไม่ขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเขากำลังโอบใครสักคนอยู่โดยมีมือมาจับข้อมือไว้กันหล่น ส่วนหน้าของเขาก็พิงเข้ากับอะไรไม่รู้อุ่นๆ หอมๆ สบายๆ เสียงห้าวๆ ยังคอยเรียกอยู่ตลอดเวลา " เก่ง นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เรากำลังจะพานายกลับบ้านแล้ว" แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก้ดับวูบลงอีก เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบว่าตนอยู่ในห้องตัวเอง แม้ยังเห็นภาพมัวๆ เพราะพิษไข้ แต่ก็ยังจำได้ เก่งรู้สึกว่ามีสิ่งเย็นๆวูบไปมาบริเวณแขน เมื่อหันหน้าไปดู พบไอ้นายเด็กหน้าขาวตัวสูงคนนั้น กำลังเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้ "เป็นไงมั่งน่ะ นายตัวร้อนจี๋เลย เราเลยเช็ดตัวให้" นายหน้าขาวบอก เอามือมาแตะหน้าผาก " อืมไข้ลดลงแล้ว งั้นต้องกินยาลดไข้ด้วย " คนหน้าขาวบอกพร้อม ยื่นยามาตรงหน้าของเก่ง "อ้าปาก ดิ เอ้านี่น้ำ " เก่งทำตามอย่างว่าง่าย แล้วหันหน้าหนีเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน " และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ ชิงพูดขึ้นมาก่อน "เรื่องเมื่อวาน เราอยากบอกว่าเราขอโทษเราไม่ตั้งใจทำให้งานนายเสียหายนะ เราไม่ว่าอะไรถ้าเก่งจะโกรธเรา แต่ยังไงขอให้ยกโทษให้เท่านั้นได้ไม๊ เก่ง" นายคนหน้าขาวพูดแล้วมองนิ่ง เก่งงง " นายรู้จักชื่อเราได้ไงน่ะ เรากะนายอยู่ในห้องเรียนยังไม่รู้จักกันเลยนะ " "แต่เรารู้จักเก่งนะ รู้จักดีด้วย " นายหน้าขาวพูดแล้วยิ้ม แต่เก่งยิ่งงง "แต่เราไม่รู้จักนายนะ แล้วตกลงนายชื่อเล่นชื่ออะไร " เขาซักอีกฝ่ายเพราะแน่ใจว่าไม่รู้จัก " ชื่อเรา นายก็รู้จักแล้วนะเก่ง แต่นายจำไม่ได้เอง นายลองกลับไปคิดดูให้ดี ว่านายรู้จักเราไม๊ " คนหน้าขาวยังยิ้มขำ "เรากลับบ้านเราแล้วนะ หายไวๆ แล้วกัน ไปล่ะ ไอ้เก่งหน้าหมา " เอ๊ะคำนี้มันคุ้น แต่นึกไม่ออกว่าใครเคยเรียกเราด้วยคำนี้ เก่งสับสนอยู่ไม่น้อย แล้วเราไปรู้จักไอ้บ้านี่ตอนไหนว่ะ จะบอกก็ไม่บอกให้จบ โอย ! ปวดหัว ด้วยฤทธิ์ยา เก่งก็หลับไปพร้อมกับคำถามหลายคำถามที่ยังคาใจอยู่............. { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
เข้ามาต้อนรับน้องใหม่จ้า :mc4: ปล. น้องบอกว่าก๊อปมานี่แสดงว่าไม่ได้แต่งเองใช่มั๊ยค่ะ ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตเจ้าของเรื่องหรือยังเอ่ย :m13:
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 1 "เก่ง กลับมาแล้วเหรอ อ้าวทำไมเปื้อนขนาดนี้" แม่ของเก่งตกใจมากเมื่อมองเห็นสภาพของเก่ง "ไม่มีอะไรหรอกแม่แค่เดินไม่ระวังเลยพลาดก้าวลงบ่อบัวริมทางน่ะ " เก่งบอกแม่แต่ไม่ได้บอกหมดทุกอย่าง " โอย!ซุ่มซามเหลือเกินลูกชั้น " คุณนายแม่บ่นเข้าให้แล้ว เก่งไม่อยู่รอฟังเพราะมันต้องกินเวลาไปหลายนาทีแน่กว่าจะจบ แยกตัวไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ เสียงแม่ยังดังอยู่ "นี่เก่งวันนี้ น้าอรมาหาแม่ล่ะ จำน้าอรได้รึเปล่า น้าอรแม่ของเดี่ยวไง" คุณนายแม่ยังคงพูดไปเรื่อย เก่งยังคงนิ่งฟังเสียงแม่ตนในขณะที่ลงมือซักผ้า "น้าอรน่ะ เค้าย้ายกลับมาแล้วนะ เห็นคุณวิทย์น่ะเค้าเข้ามารับตำแหน่งที่นี่อีกครั้ง เลยย้ายกันมาหมด " คุณนายแม่ยังคงบอกเสียงใส " โอยวันนี้ น้าอรเขามา แม่คุยกันซะมันหยดเลย ไม่เจอกันนานเลยที่เดียวสิบกว่าปีนะ" เก่งยังคงเงียบอยู่ในห้องน้ำ จริงๆน่าจะเรียกว่าไม่ได้ฟังมากกว่า เพราะมัวแต่เจ็บใจไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอยู่ "นี่ๆ เดี่ยว ก็ย้ายมาด้วยนะ แต่แม่ยังไม่เจอเลย ไม่รู้หน้าตาเป็นไงมั่ง " เก่งสะดุดหู เดี่ยวเหรอ! เดี่ยวเพื่อนเก่าเนี่ยเหรอย้ายกลับมา เก่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ภาพเด็กน้อยตัวขาวในอดีต โผล่ขึ้นมา หน้าตาเดี่ยวตอนนั้น ตาตี่ตัวขาวๆ ผิวใสที่ใครเห้นเป้นต้องเข้ามาชม ส่วนเก่ง นั้นเป็นเด็กตาโตๆ แก้มยุ้ยแล้วเด็กพ่อแม่ก็ชอบจับแต่งตัวเป้นผู้หญิงเลือเกิน จนใครๆก็คิดว่าเก่งเป็นเด็กผู้หญิง เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องอดีต............ { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง } ขอเรื่องเดียวครับ . . . ลองจัดย่อหน้าแบบผมดูมะครับ อ่านง่ายกว่าที่ติดกันเป็นรถราที่ถนนวิภาวดีขาออกในวันศุกร์สิ้นเดือน ขอบคุณครับ ภาษาค่อนข้างดีกว่าหลาย ๆ เรื่องในบอร์ด
มาต้อนรับเรื่องใหม่จ้า :mc4: :mc4: :mc4:
"ไอ้เก่งหน้าหมา" :อิอิ1:
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 3 แล้ว...งานประกวดผลงานศิลปกรรมประจำเขตก็ผ่านไป เก่งรู้ข่าวหลังจากที่ส่งผลงานไปแล้วเกือบเดือนว่า แก้วชนะเลิศรางวัลที่ 1 ส่วนเก่งเองก็ได้รางวัลที่ 2 เก่งไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าผลงานตนจะได้รางวัลเพราะเวลาแค่คืนเดียวไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มาก แต่ก็อดภูมิใจกับความสำเร็จไม่ได้จริงๆ อาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมดูหน้าบานมาก เพราะ โรงเรียนของเก่งได้รางวัลที่หนึ่ง 3 ปีซ้อนแล้ว เก่งขำมากเมื่อเห้นอาจารย์เดินหน้าบานออกมาจากห้องผอ. พร้อมเขาและเก่ง ในมือถือถ้วยรางวัลที่ ผอ.เพิ่งไปรับมาวันนี้ " จารย์ขอบใจเรา 2 คนมากนะ ยังไงถ้ามีงานหน้าต้องขอแรงอีก " เก่งตาเหลือกโอย ! อีกแล้วเซ็ง ยังมีงานหน้าอีกเหรอว่ะเนี้ย แก้วมองหน้าเก่งเหมือนรู้ว่าคิดอะไรแล้วขำ "ตาเหลือกเลยเหรอเอ็ง ฮ่ะๆๆๆ " มันหัวเราะเมื่อเห็นเก่งบ่นงึมงำ " เอาน่า งานของโรงเรียนยังไงพวกเราก้ได้ค่าขนมนะ " ก็มันดีตรงนี้แหละ เก่งคิด " เฮ้ย มัน2 ตัวกลับมาแล้ว "บีมสาวน้อยสองสี(ผิว) ร้องตะโกน พลางวิ่งมาจูงมือเก่ง และแก้วลากเข้าห้องเรียน "ดีใจด้วยนะ ทั้ง 2คนเลย " ทุกคนในกลุ่ม บอกมาอย่างยินดี แต่ในตามีเลศนัย " พวกนายได้เงินรางวัลมาเท่าไรน่ะ " ไอ้พัฒน์ถามอย่างกะหยิ่มยิ้มย่อง เอาแล้วไง ถามแบบนี้มีเลศนัย "แล้วพวกนายถามทำไมเหรอ"เก่งถามกลับอย่างรู้ทัน แล้วมองหน้าเค้นหาความจริงจากเพื่อนๆ "ก็พวกเราอยากเลี้ยงฉลองให้พวกนายไง" ไอ้เคนตะโกนออกมาแก้เขิน " พวกนายคิดอะไรทำไมเราจะไม่รู้ หนอย! ทำเป็นอ้ำอึ้ง อยากให้เลี้ยงก็บอกเด่ะ ฮ่าๆๆๆ" เก่งขำเมื่อเพื่อนๆ เมื่อจับไต๋ได้ ทุกคนพากันหัวเราะเขิน แหม!ไอ้มุขนี้ทำมาเป็นสิบครั้งแล้วมั้ง ถ้าไม่รู้ก็โง่เต็มทน เก่งคิด พร้อมหันไปทาง แก้ว " แล้วเอ็งว่าไง" เขาถามเก่ง ที่อมยิ้มขำอยู่ "ก็ดีนะ พวกเราไม่ได้ไปกินอะไรด้วยกันมานานแล้ว "แก้วเห็นดีด้วยกับพวกเพื่อนๆ " งั้นก็ไปร้านโปรดของพวกเราแล้วกัน" แพทกะบีมเสนอ ทุกคนเห็นดีด้วย การคุยสิ้นสุดลงเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องเรียน เก่งเดินกลับมานั่งที่ของตน แต่ดันหันไปเห็นสายตาคมจ้องมา คนหน้าขาวๆ ยิ้มให้เมื่อเห็นเก่งมองตอบ "มันยิ้มให้ใครว่ะ ตูเหรอเนี้ย " เก่งทำหน้าสงสัย คนหน้าขาวยิ้มให้อีก คราวนี้ตัวเขามั่นใจว่ารอยยิ้มที่ส่งมานั้นเป็นของเขาแน่นอน คนส่งยิ้มให้ทำท่าชี้มือไปยังโต๊ะ เก่งงง"อะไรของมันว่ะ " อ้าปากจะร้องถาม "เฮ้ย! นั่งลงเร็ว ไอ้เก่ง" ไอ้แก้วร้องเตือน เมื่อเห็นอาจารย์เริ่มมอง เก่งยังต้องการคำตอบ แต่ช่างเหอะเดี๋ยวค่อยถามมันอีกที ว่าแล้วพร้อมล้วงเข้าในโต๊ะเพื่อหยิบหนังสือเรียน มือสัมผัสอะไรบ้างอย่างในโต๊ะ จึงหยิบมันขึ้น สิ่งที่ปรากฎคือ ตุ๊กตาหมาตัวน้อยสีน้ำตาลอ่อนขนาดที่ไช้ห้อยมือถือ มีป้ายติดคอเขียนคำว่า "keng" มีโน๊ตติดไว้ที่ป้าย "ยินดีด้วยนะ ไอ้เก่งหน้าหมา" ไม่ต้องเดาเลยว่าของใคร เก่งหันหน้าไป ไอ้เด็กใหม่หน้าขาว มันยิ้มตอบรับกว้างจนเห็นลักยิ้ม เก่งรู้สึกได้ว่าหน้าแดงจึงหันกลับมายัดตุ๊กตาลงเป้ "ไอ้นี่มันให้เราทำไมว่ะ" เขาคิดแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็ พยายามตัดใจไม่คิดแล้วเริ่มตั้งใจเรียน แต่ก็สิ่งเหล่านั้นก้ยังวนเวียนอยู่ในหัว เก่ง...เดินครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบหลังจากที่ไปกินไอติมกระทิร้านข้างโรงเรียน ร้านนี้เป็นร้านประจำของพวกเขา เจ้าของร้านเป็นผัวเมียเชื้อจีนวัยกลางคนที่ใจดี มักจะตักไอติมให้เป็นพิเศษให้กับเก่งและพวกเพื่อนๆ เสมอ เวลามากิน วันนี้ทุกคนซัดไอติมกันแหลกเลย กินอยากกับตายอดตายอยาก ขนาดสาวๆ2 คนในกลุ่มยังกินเข้าไปตั้ง 5 ถ้วย พวกนี้นี่มันปอบชัดๆ เก่งคิดแล้วอมยิ้ม เก่งล้วงตุ๊กตาหมามาดู ชูมันขึ้นจ้องพร้อมครุ่นคิด "ตกลงมันให้เราทำไมว่ะ" เ ก่งยังหาคำตอบไม่ได้สักที จะถามมันก้ดันไม่ได้โคจรมาเจอกันเลย ตอนนี้เก่งเริ่มรู้สึกได้ว่า ไอ้เด็กใหม่หน้าขาวนี่มันต้องมีไรบ้างอย่างแน่ ที่แน่ใจคือมันต้องเคยรู้จักเรามาก่อน เพราะดูมันจะรู้ของเขามากเหมือนกัน "ตกลงเจ้านายแกเป็นใครกันแน่ หะ" เก่งบอกกับตุ๊กตา หวังให้มันบอกมา "มันบอกนายไม่ได้หรอก เราสั่งมันไว้ว่าต้องให้นายนึกออกเอง" เขาหันขวับไปตามเสียง เห็นคนหน้าขาว ที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ขี่จักรยานเข้าชิดข้าง มันมาเมื่อไหร่ ว่ะ!ทำไมเงียบจริง เก่งคิด "เราไปส่งป่ะ " ไอ้เด็กใหม่ร้องถาม เก่งส่ายหน้า "เฮ้ย ไม่ต้องเกรงใจมาดิๆๆ" ยังพยายามคะยั้นคะยออยู่ "เรากลับเองได้ " เก่งว่าแล้วเดินหนีไป " เฮ้ยๆ ไม่เอาขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง " เก่งยังคงเดินเฉยไม่รู้ไม่ชี้ กับเสียงของไอ้คนหน้าขาว "ตามใจเรากำลังจะบอกนายอยู่เชียวว่าเราชื่อเล่นชื่อไร " มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มั่งแล้วทำท่าจะถีบจักรยานหนีไป "เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนรอเดี๋ยว " เก่งหันขวับตาโตร้องอย่างลืมตัว คว้าท้ายจักรยานำได้ทันหวุดหวิด คนตัวขาวยิ้มขำอย่างสะใจพร้อมพยักหน้าให้ซ้อนท้ายที่เบาะหลัง " ทำไมถีบช้าจังว่ะ " เก่งบ่นเมื่อรู้สึกได้ว่าไอ้คนถีบพยายามให้มันช้าลง "เออน่าช้าแล้วปลอดภัยไง นายเป็นคนบอกเองให้เราขี่ระวังจักรยานระวัง เราก็ทำอยู่เนี้ย " มันย้อน ห่าเอ๊ย! ที่อย่างงี้ทำเป้นมาพูดดี "นี่ ทำไมนายถึงให้ตุ๊กตาหมากะเราว่ะ " เก่งถามเพราะยังคาใจ คนขี่เงียบ " เอ้ย ทำไมเงียบ บอกมา เร็วดิ " เก่งกระตุกเสื้อนักเรียนที่ชายหลุดนอกกางเกง เร่งให้ตอบ คนขี่จักรยานเหมือนจะรำคาญ ตอบออกมาอย่างเสียไม่ได้ " ก็เห้นมันน่ารักดี ดูเหมาะนาย เราเลยให้ไง ไอ้เก่งหน้าหมา " มันพูดพร้อมหัวเราะ เก่งงง อะไรกันคำนี้อีกแล้ว เคยได้ยินมาก่อนแน่ๆ เขาเงียบนั่งใช้ความคิด รู้สึกมันมีอะไรทะแม่งๆ " โกรธ หรือไงที่เรียกนายแบบนี้ " ไอ้เด็กใหม่ถามเบาเมื่อเห็นเก่งเงียบ " เปล่า นี่ ว่าแต่นายเหอะมาบ้านเราถูกได้ไง "ตามจริงเก่ง งงตั้งแต่ครั้งแรกที่มันหามมาส่งบ้านแล้ว คนขับก้ยังเงียบอีก แต่ได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะเบา จักรยานที่เก่งซ้อนท้ายกำลังผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นตา ตอนนี้ซุ่มไม้เลื้อยหน้าบ้านถูกตัดแต่ง ให้เข้าที่แล้ว นี่บ้านเดี่ยวน่ะเอง ใช่สินะ แม่ของเก่งเพิ่งบอกมานี่เองว่า บ้านน้าอรย้ายกลับมาแล้ว เดี่ยวเองก็เช่นกัน หน้าบ้านมีหญิงวัย 30 ที่ดูดีกว่าอายุจริง ยืนตัดแต่งกิ่งไม้อยู่หน้าบ้าน น้าอรนั่นเอง ! ไอ้เด็กใหม่ จอดจักรยานพร้อมยกมือไหว้ "อ้าวกลับมาแล้วเหรอ อ้าวแล้วนั่นใคร" น้าอรรับไหว้ไอ้หน้าขาวอย่างคุ้นเคย พร้อมถามเมื่อเห็นเก่ง "เก่ง นั้นเก่งใช่ไม๊ ต๊าย! ดูสิโตขึ้นเป็นกองเลย เป็นหนุ่มหน้าหวานไปซะแล้ว " เก่งยกมือไหว้บ้างเมื่อเห็นน้าอร แล้วยิ้มให้อย่างเขิน กับคำชม "น้าเกือบจำไม่ได้แนะ ว่าจะพาเดี่ยวไปไหว้ แม่เรามั่ง แต่ยังไม่ได้ไปเลย ลูกน้าน่ะสิ มันบอกว่าไม่ว่าง " น้าอร พูดแล้วค้อนใส่มาทางเก่ง เขางง ได้ยินเสียงไอ้หน้าขาวหัวเราะเบา " เดี๋ยวผมไปส่ง ไอ้เก่งก่อนนะแม่ " ไอ้หน้าขาวร้องบอกน้าอร น้าอรยิ้มตะดกนบอกเบาๆ " อย่ากลับบ้านค่ำนักนะ เดี่ยว" เอ๊ะ เมื่อกี้นี้น้าอรแกเรียกใครว่าเดี่ยว แล้วไอ้นี่มันเรียกน้าอรว่าแม่เหรอ ...............เฮ้ย! งั้นไอ้นี่ก็คือ ...... ตายห่าแล้วตู เก่งร้องในใจ นั่งอึ้งหน้าแดงกำด้วยความอาย เสียงคนขับ ดังลอยมาแว่วมา พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ "แล้วตกลงตอนนี้รู้รึยังว่าเราเป็นใคร" น้ำเสียงดูเย้ยๆ เก่งกัดฟันแน่นความรู้สึกหลายอย่างปนกัน ทำไมต้องแกล้งกันด้วยว่ะ รู้สึกโกรธจนน้ำตาคลอ เดี่ยวยังคงไม่รู้เรื่อง อารมณ์ดีผิวปากไปเรื่อยๆ ในขณะที่เก่งนิ่งเงียบ เดี่ยวไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เดี่ยวเด็กคนนั้นหายไปไหน เด็กที่ไม่เคยรังแกเขาแบบนี้ เดี่ยวคนที่คอยปลอบเวลาเค้าโดนรังแกอยู่ไหน ! "เอาล่ะถึงบ้านแล้ว" เดี่ยวร้องอย่างร่าเริง หันมามองเก่ง แต่เมื่อเห็นหน้าแดงก่ำและเก่งเงียบจนไม่พูดจนแม้แต่คำเดียว เดี่ยวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เก่งลงจากรถ หันมามองเดี่ยวด้วยสายตาเย็นชา "สนุกมากใช่มะ ที่แกล้งเราได้ ต้องการจะเอาคืนใช่มะที่เราด่านายไปวันนั้น" เก่งเสียงเย็น พยายามระงับอารมณ์ที่มันกำลังขึ้นลงอยู่ตอนนี้ เก่งพูดจบแล้วหนีเข้าบ้าน แต่เดี่ยวคว้าแขนไว้ทัน "เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เก่ง อย่าเพิ่งไป เราไม่ได้แกล้ง เราแค่อยากให้นายนึกออกด้วยตัวนายเองน่ะ " เดี่ยวอธิบาย เก่งไม่อยู่รอฟังสะบัดแขนออกแล้ว หันกลับมามองหน้าเอาเรื่อง " เราไม่เชื่อนาย เดี่ยว! เราไม่เชื่อการกระทำนายมันฟ้องอยู่ นายรีบกลับไปซะ เราไม่มีเรื่องพูดนายแล้ว " เขาไล่แล้ววิ่งเข้าบ้านปิดประตูใส่เดี่ยว " เฮ้ย! เก่ง เดี๋ย......." เดี่ยวตะโกน "เฮ้ยเก่ง ออกมาคุยกันก่อน นายเข้าใจผิดแล้ว เก่งปิดประตู เก่ง" เดี่ยวยังคงตะโกนเยก แต่เก่งไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกะใครตอนนี้ แล้วยิ่งเป็นเดี่ยวด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ความยินดี่ที่จะได้เจอหน้าเพื่อนสนิทวัยเด็กอันตธานหายไป เหลือเพียงความโกรธที่เจือไปด้วยความน้อยใจ เออใช่สิ เรามันโง่เองที่นึกไม่ออก อุตส่าห์ดีใจที่จะได้เจอ กลับมาโดนเยาะเย้ย เก่งนิ่งงันพูดอะไรไม่ออกเมื่อนึกถึงหน้าเดี่ยว ตอนที่เค้าเห็นเก่งตะลึงเมื่อรู้ความจริง ใบหน้ายิ้มนั่น ยังคงลอยวนมาหลอกหลอนให้เก่งเจ็บใจ เก่งกัดฟันพยายามอย่างหนักเพื่อสลัดภาพใบหน้าและเสียงหัวเราะ วันรุ่งขึ้นเก่งไปโรงเรียนพร้อมความขุนเคืองใจไม่หาย เดินเงียบไปเรื่อยๆ เสียงกริ๊งจักรยานที่ดังคุ้นแว่ว "เก่งขึ้นมาเด่ะ ไปพร้อมกัน เราวนไปรับนายที่บ้านแต่ พี่นายว่านายออกมาแล้ว เราเลยรีบมา" ดูจากเสื้อที่ชุ่มเหงือ แล้วเก่งก็พอจะรู้ เก่งไม่พูดหันกลับแล้ววิ่งหนีไป "เฮ้ย เก่ง ไปไหนมาขึ้นรถเร็ว " เดี่ยวตะโกน รีบปั่นจักรยานแล้วปาดมาขวางหน้าเก่งไว้ "นายจะทำอะไร " เก่งตาขวางใส่ "แล้วนายล่ะทำอะไร ทำไม่ไม่ขึ้นรถ " เดี๋ยวมองแบบเอาเรื่องบ้าง ตอนนี้เก่งก็เหงือชุ่มตัวเช่นกัน ความโกรธจากเมื่อคืนยังไม่จาก แต่ตอนนี้มันเริ่มทวีมากขึ้น " ถอย! " เก่งพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา "ไม่" เดี่ยวเองก็ดื้อเช่นกัน แล้วอารมณ์ที่ถูกเก็บไว้มันก็ถูกระเบิดออกมาจนได้ " นายจะมายุ่งอะไรกะเรานักหนา อ๋อยังแกล้งกันไม่พอสินะ ได้ๆ ถ้าอยากแกล้งเราเมื่อไหร่ก้เชิญมาได้ทุกเมื่อนะ เรามันผิดเองที่จำนายไม่ได้ แต่นายก็ไม่ควรมาแกล้งเราด้วยวิธีนี้ อ๋อเรารู้แล้ว นายต้องการให้เราขอโทษที่จำนายไม่ได้ใช่มะ ได้ เราขอโทษนะที่จำนายไม่ได้ เพราะเราไม่คิดว่าคนที่เราเคยเรียกว่าเพื่อนสนิทตอนเด้กมันจะกล้ามาทำแบบนี้ เราผิดหวังจริงๆ" เก่งตะโกนใส่เดี่ยวที่กำลังหน้าแดงด้วยความโกรธ เก่งมองหน้าเดี่ยวด้วยสีหน้าเย็นชา " แล้วนายจะให้เราทำไงเก่ง เราขอโทษนายไปแล้ว เราไม่ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นแค่เราอยากให้นายนึกออกก็แค่นั้น แต่เราก็คิดผิด นายไม่เคยจำสัญญาในตอนเด็กได้เลย เราขอโทษนายแล้วกันที่ทำให้วุ่นวาย " เดี่ยวพูดจบมองหน้าเก่ง เก่งยังคงหน้าแดง ในตามีรอยรื้นๆของน้ำตาอยู่ เก่งหันกลับแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งเดี่ยวให้มองตาม....... แล้ว เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป... เวลากวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยรวมถึง เศษซากของอารมณ์ที่ค้างอยู่ในใจคนทั้งหลายให้พัดพาไปตามกระแส เก่งรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก นี่จะปิดเทอมอีกครั้งแล้ว วันนี้เป็นสอบวันสุดท้ายของเทอมสอง ตลอดเทอมที่ผ่านมาเก่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ใช่แล้วนั่นคือการคุยกันกับเดี่ยว ด้วยแรงทิฏฐิที่มีสูง ทำให้เก่งไม่เคยย่างกรายผ่านเข้าไปในวงโคจรของเดี่ยวเลย เก่งมักหลบสายตาเมื่อเดี่ยวมองมา ก้มหน้าเมื่อเดี่ยวยิ้มให้ และ ปฏิเสธทุกครั้งที่จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับเดี่ยว เก่งรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ไม่ได้โกรธ เดี่ยวแล้ว แต่ทำไมถึงไม่กล้าคุยก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะสายตาของเดี่ยวที่คอยมองมาทำให้เก่งต้องชะงักทุกครั้ง มันเป็นสายตาที่มีแววตาประหลาด เก่งเองก้แปลความหมายในตานั่นไม่ถูกจริงๆ " เฮ้ย นี่ๆ เก่งสมัครไปทัวร์เชียงใหม่ไม๊ " บีมสาวสองสี(ผิว) ตะโกนถามเมื่อ เห็นเก่งเดินออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย " ใครจัดอ่ะ " เขาถาม "อาจารย์ลักษมีไง บ้านแกอยู่เชียงใหม่ แกจะกลับบ้านตอนปิดเทอมนี้ แกเลยจัดทัวร์ไปเที่ยวที่บ้านแกซะเลย " แพทหญิงในกลุ่มอีกคนอธิบาย " เนี้ย อาจารย์แกจัดเฉพาะห้องเราเท่านั้นแหละ แล้วแกก้ทำหนังสือเตรียมขออนุญาติผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผอ. อนุมัติแล้ว เพราะไปแค่ห้องพวกเราห้องเดียว คนไม่เกิน 50 " แพทอฺธิบายยาวยืด "แล้วมีอาจารย์ท่านไหนไปมั่งอ่ะ ก็มีอาจารย์ พิณทิพย์ หมวดสังคมกะอาจารย์ สันติหมวดศิลปะ แล้วก็อาจารย์พีระ อาจารย์ฝ่ายปกครองง่ะ " บีมบอกต่อจากแพท "แล้วตกลงเอ็งจะไปเปล่ากลุ่มเราน่ะไปกันหมดเลยรอถามเอ็งแล้วจะได้ไปลงชื่อน่ะ " ไอ้เคนถามบ้าง "เอ็งก็ไปกะเขาด้วยหรือแก้ว " เก่งหันมาถามแก้วเมื่อ รู้ว่าแก้วก็ไป เก่งแปลกใจจริงๆ เมื่อรู้ว่าแก้วไป เพราะปกติแก้วจะเป็นคนเก็บตัว และงก "ไปดิ ก้ข้ายังไม่เคยไปนี่หว่า เก็บเงินไว้เพียบแล้ว ต้องเอาออกมาใช้บ้างดิ " แก้วตอบอารมณ์ดี "งั้นก็ok ไปกันครบกลุ่มอย่างนี้ สนุกแน่" เก่งและเพื่อนจึงไปลงชื่อเพื่อจองที่นั่ง เก่งไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมองดูอยู่ห่างๆ และตามมาลงชื่อต่อท้ายชื่อเก่ง เมื่อเก่งลงชื่อเสร็จแล้วเดินจากไป ...... สายวันนี้..เก่งนั่งเก็บของ ทบทวนรายการอย่างละเอียดแล้วมองของที่กองไว้อยู่มากมาย ก็แน่ล่ะไปตั้ง 5 วัน 6 คืนนี่ เก่งเอาไปแค่เป้ใบเล็กๆ คงไม่ได้แน่ เก่งเห็นของแล้วกลุ้ม "นี่จะเอาไปหมดนี่ คงไม่ไหวมั้ง ไม่งั้นต้องแบกกระเป๋าไป 2-3 ในแน่" เก่งตัดสินใจเอาเสื้อกันหนาวไปแค่ตัวเดียวเพราะคะเนว่า คงไม่หนาวมาก เขาใช้เวลานานอยู่พอสมควรที่จะยัดสิ่งของมากมายที่กองตรวจหน้าเข้าให้หมด แล้วเช็คของครั้งสุดท้าย "อืม เสื้อ 5 กางเกง 5 เสื้อกันหนาว1 กางเกงใน 5 โฟมถุงเท้า 2 สบู่แปรง เอ! ลืมไรว่ะ อ๋อ!ผ้าเช็คตัว " เขาตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรูดซิบไม่ลืมคว้าถุงขนมมาวางไว้ข้างกันลืม แล้วรอให้ถึงเวลานัดตอน 2 ทุ่มตรง { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 4 เสียงจอแจ้วุ่นวายดังขึ้นตั้งแต่ ยังไม่ทุ่มครึ่งดีนัก หน้าอาคารเรียน เต็มไปด้วยวัยรุ่นหญิงชาย ประมาณ 40 คน เสียงคุย เสียงหัวเราะ เสียงด่าทอ ที่ดังเจื้อยแจ้วอยู่ทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวทึมๆ ของโรงเรียนดูหายไปหมด " ไอ้เด็กพวกนี้มันไม่กลัวผีมั่งเรอะ "อาจารย์พีระ บ่นเมื่อเห้นเด็กๆ ห้อง 2 ส่งเสียงกลบความเงียบ " โห จารย์พี ชั้นว่าผีมากกว่าที่ต้องกลัวพวกมัน " อาจารย์ลักษมี การันตีความแสบของเด็กในปกครองได้เห็นภาพ เก่งมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาขึ้นรถ 15 นาที การเดินมาโรงเรียนตอนค่ำๆ ทำให้สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนแปลกตาไป " เฮ้ยเก่งทางนี้ " ไอ้พัฒน์ ตะโกนเรียกเมื่อเห็นเขา เพื่อนทุกคนในกลุ่มมากันครบเซ็ตแล้ว แพทกะบีมคุยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้เคนกำลังเดินหมากอยู่กะไอ้แก้ว โดยมีไอ้พัฒน์เป็นตัวชี้นำ เก่งเดินตรงไปนั่งยังกลุ่มเพื่อน "เอ้ย ! ตื่นเต้นว่ะ เพิ่งเคยขึ้นเหนือครั้งแรก " เขาบอกเพื่อนๆ " เออ พวกกูก็ครั้งแรกเหมือนพวกมึงน่ะ" ไอ้แก้วร้องบอก ทุกคนหัวเราะขำ เก่งคิดว่าต้องมีการไปปล่อยไก่กันมั่งล่ะ สายตาสะดุดไปเห็น ดวงหน้าขาวจ้องมา จากโต๊ะถัดไป เก่งอึ้ง "ไอ้เดี่ยว มันไปด้วยเหรอวะ " เก่งหันไปกระซิบถามแก้ว "เออดิ ทำไม " "เปล่า ข้าแปลกใจ ก็เห้นมันย้ายมาจากเชียงใหม่ก็เลยไม่นึกว่ามันจะไปเที่ยวด้วย" เก่งเห้นเดี่ยวนั่งเงียบอยู่คนเดียว ดูมันหงอยพิลึก "เด็กๆขึ้นรถได้แล้ว" อาจารย์หมีตะโกนเรียกเมื่อรถมาถึง ตอนนี้เหมือนกับมดเจอของหวานทุกคนฮือกันเข้าไปหมายจับจองที่ที่ต้องการ "หยุด !ๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้" อาจารย์พิณ ผู้เป็นสาวห้าวตะโกนบอก ทุกคนหัวหดเมื่อได้ยินเสียง " แย่งขึ้นกันอยู่นั่นแหละ ค่อยๆขึ้นไปที่ละคน เดี๋ยวจารย์เรียกชื่อแล้วค่อยขึ้นรู้เปล่า แล้วนั่งเรียงตามที่เรียกนะเวลาใครหายจะได้รู้ " อาจารย์พิณ เริ่มเรียกชื่อตามลำดับที่ลงทะเบียน เมื่อไอ้แก้วถูกขานชื่อและเดินขึ้นรถไป เก่งจึงเตรียมตัวเพราะจำได้ว่าลงชื่อต่อจากแก้ว "นายเก่งกาจ" เสียงชื่อเขา "ครับ " เก่งร้องตอบแล้วก้าวขึ้นรถ เอ๊ะทำไมได้นั่งคนเดียวว่ะ เก่งงงเพราะ ไอ้แก้วได้นั่งคู่กะไอ้พัตน์ แล้วตัวเขาเองล่ะจะนั่งคู่ใคร เสียงขานชื่อลอยมาแผ่ว "นายณัฐพล" "ครับ " เสียงตอบแล้วก้าวขึ้นรถ "ไฮ้ ไอ้เดี่ยวนี่ นีไอ้เดี่ยวนั่งข้างกูเรอะ" เก่งคิด แล้วมองเมื่อเห็นเดี่ยวเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วยิ้มให้เล็กๆ " บังเอิญจังนะ " เออสิ โคตรบังเอิญเลย ที่ต้องมานั่งกะเอ็ง เก่งคิด เก่งยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกะเดี่ยว ความรู้สึกหลายอย่างมันปนกันอยู่ในที... เก่งหันไปมองเดี่ยวเมื่อรถออกจากโรงเรียนได้สักพักใหญ่ ดูเดี่ยวจะอึดอัดไม่น้อยที่เดียว ความที่มันขายาวเหลือเกินแล้วต้องมานั่งที่แคบๆ ขาแข้งจึงดูเกะกะไปหมด ช่วงไหล่ที่กว้างของเดี่ยวเบียดเข้ากะต้นแขนเก่ง เก่งพยายามเขยิบเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดกัน แต่เขยิบยังไง ต้นแขนนั่นก็ยังเบียดมาอยู่ดี มือของเก่งวางที่ต้นขาของตัวเอง ที่ติดกับขาใหญ่ของเดี่ยว เก่งรู้สึกได้ถึงความอุ่นของขานั้นผ่านกางเกงยีนส์ที่สวมใส่ เก่งรุ้สูกแปลกๆ จะว่ามันเป็นความอึดอัดก็ไม่ถูก เพราะเค้าก้ไม่ได้รังเกียจอะไรเดี่ยว ทุกคนในรถยังคงคุยกัน ไอ้พัตน์ตั้งตัวเป็น เอ็นเตอร์เทนเนอร์ เอาเทปให้คนขับรถเปิดเสียงดังลั่น อาจารย์ทั้งหลายส่ายด้วยความระอา มันดึงคนนู้นคนนี้มาเต้นไม่เว้นแม้แต่ไอ้แก้วผู้เงียบเฉย ตอนนี้รถเราดูคลายๆ รถกฐินจริงๆ เก่งขำเห็นเพื่อนผมสุดเหวียงกับค่ำคืนนี้ ต่างแบ่งขนมกันกินสนุกสนานเฮฮา โดยไร้แอลกฮอลล์ เก่งคุกเข่ายืดตัวหันหลังไปมองกลุ่มเพื่อนๆ ที่แดนซ์กันสุดชีวิต ไอพัฒน์ชี้ชี้หน้าตะโกน" เฮ้ย มึงน่ะไอ้เก่งมานี่เลย " เก่งยิ้มแล้วชี้มือมาทางเดี่ยว ไอ้พัฒน์รับมุข พร้อมประกาศ "เอาละครับเพื่อน หลังจากที่ผมไปดึงทุกท่านมาร่วมสนุกกันแล้วตอนนี้ยังเหลืออีก 2คนที่ยังไม่มางั้นผมขอเชิญ ไอ้เดี่ยวกะไอ้ เก่งคร้าบ...." เสียงกรี้ดดังสนั่น " เอ้ย! ไม่เอากูเต้นไม่เป็น " ไอ้เดี่ยวตะโกน "นายมาเลยไม่ต้องมาอิดออด เขาเต้นกันทั้งรถแล้วมา" เก่งถึงคราวได้แกล้งเดี่ยวบ้าง ดึงมือที่กำรอบข้อมือใหญ่ๆของเดี่ยว เดี่ยวมองมือแล้วมองหน้าเก่ง แล้วลุกตามแต่โดยดี เสียงโหร้องมือเดี่ยวออกมา หน้าเดี่ยวแดงอย่างเห้นได้ชัด " แต่เราเต้นไม่เป็นนะ " เดี่ยวยังอุธรณ์ เก่งมองหน้าเดี่ยวยิ้มขำ "งั้นเต้นตามเรานะ " เก่งว่าแล้ววาดลวดลายตามลีลาตลกดังหลายคน ไอ้เดี่ยวมองแล้วหน้าเสีย รู้ว่าเสียที่เก่งเข้าให้แล้ว เพื่อนขำกันมากเมื่อเห็นเก่งเต้นท่าแปลก ๆ "ตานายแล้ว " เก่งว่าแล้วยักคิ้วให้ เดี่ยวมองหน้ากัดฟันกรอด " จำไว้นะ " เดี่ยวคำรามข้างหูเก่ง แล้วเดี่ยวก้เริ่มเต้นตามที่เก่งเต้นให้ดู ทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง รวมทั้งตัวเก่งเอง เดี่ยวหน้าแดงไปถึงใบหูขาวๆ ก้มหน้างุดๆ ร้องบอกพัฒน์ว่า พอแล้ว ๆ แล้วเดินกลับที่นั่ง เสียงกรี้ดของสาวยังไล่ตามเดี่ยวไปจนถึงที่นั่ง เก่งอมยอ้มขำสะใจที่ได้แกล้งคืนเดี่ยวบ้าง " สะใจจริงๆ ตอนนี้ตูนอนตายตาหลับแล้วเฟ้ย !!! " ปาร์ตี้รถทัวร์มาเลิกเอาตอนเกือบ เที่ยงคืนมาเมื่อเจอเสียงจารย์พิณ " นี่พวกเธอนอนได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่มีแรงเที่ยวหรอก" ทุกคนจึงเดินกลับที่ เก่งมาเป็นคนสุดท้าย ถึงทีนั่งไอเดี่ยวหลับไปแล้ว แต่ตัวเขาเข้าที่ตัวเองไม่ได้เพราะเดี่ยวนั่งขวาง จึงก้าวขาข้ามขายาวๆที่เกะกะของเดี่ยว ก่อนจะข้ามพ้นมีแรงรัดดึงตัวเก่งลงกับที่นั่งไปชิดตัวเดี่ยว ตอนนี้ตัวเก่งชิดกับเดี่ยวมากเกินไปแล้ว ลมหายใจของเดี่ยวรดแก้มของเก่ง มันถึงกับทำให้เลือดในตัวของเก่งสูบฉีดขึ้นมาทีหน้า ทำให้รู้สึกร้อนไปหมด " เอ้ย! ทำไรอ่ะปล่อยๆๆ " เก่งพยายามดิ้นและร้องเสียงเบาเพราะกลัวเพื่อนได้ยิน โชคดีที่เบาะข้างหลับแล้ว "เมื่อกี้นายแกล้งเราใช่มะ " เก่งไม่ตอบและไม่มองหน้า เมื่อเดี่ยวพยายามมองหน้าเค้นหาความจริง ไวเท่าความคิดหน้าของเดี่ยวโฉบวูบเข้ามาที่แก้มของเก่งปลายจมูก สีแก้มใสของเขาอย่างเบาบาง แต่ถึงอย่างนั้นมันก้ทำให้เลือดของเก่งฉีดขึ้นลงอย่างแรง เก่งอึ้งมอง เด้กหนุ่มตัวโตตรงหน้า เห็นเดี่ยวยิ้มให้ในความมืดตาเป็นประกายวาว ใจเต้นแรงรัวอย่างไรบอกไม่ถูก นานพอดู กว่าเก่งจะเอ่ยออกมาได้ "นายปล่อยมือดิ เราจะนอนแล้ว " เก่งเสียงสั่นเพราะใจที่เต้นรัว คราวนี้เดี่ยวปล่อยมือง่ายดาย เก่งข้ามไปนั่งอยู่ข้างหน้าต่างตัวแข็งไปหมด ทั้งคู่ต่างเงียบงัน เก่งพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อให้การเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ " เรานอนล่ะนะ" เสียงเดี่ยวแผ่วข้างตัวทำให้เก่งหันไปมอง เขาเห้นหน้าขาวใสเอียงหัวซบหน้าลงบนบ่าของเก่ง เก่งรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง มันแปลกในความรู้สึกที่เก่งไม่เคยเป็นมาก่อน เก่งหันมาสำรวจเดี่ยว ตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนเด็กมาก ผิวขาวใสตัดกับไรหนวดที่ครึ้มๆ น้อย ริมฝีปากที่แดงสดแสดงให้เห็นว่าเป้นคนสุขภาพดี ตาที่ดูโตนั้นมีแววคมปลาบรับกับคิ้วดกเข้ม เดี่ยวเปลี่ยนจากเด็กน้อยตาตี่ในวัยเยาว์กลายเป็นหนุมหล่อที่มากไปด้วยสเน่ห์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขณะที่หลับก็ตาม เก่งคิดแลวรู้สึกเคลิ้มๆ เมื่อหลับตาแล้วทุกสิ่งก็วูบมืดลง เก่ง ..ตื่นขึ้นมาเมื่อรถกำลังแล่นเข้าจอดณที่วัดแห่งหนึ่ง "วัดพระธาตุช่อแฮ " ป้ายบอกไว้อย่างนั้นรถแวะพักณ.ที่ตรงนี้เพื่อให้ทุกคน จัดทำธุระของตัวเองและหาข้าวกิน เดี่ยวยังคงหลับ หัวเอียงซบที่บ่าของเก่ง " เอ้ย เดี่ยวๆ นายตื่นดิ" เก่งต้องใช้เวลานานที่เดียวกว่า เดี่ยวจะรู้สึกตัว เด็กหนุ่มยิ้มให้เมื่อเห็นหน้าเก่ง ขณะที่ยังงัวเงียอยู่ "ลุกได้แล้ว ไปล้างหน้าดิ เดี่ยวเค้าจะขึ้นไปไหว้พระธาตุกันแล้ว " เก่งบอกกับเดี่ยวเมื่อเห็นเดี่ยวยังงัวเงีย " อืมๆ ไปดิ " ว่าแล้วเดี่ยวก็คว้าข้อมือจูงเก่งไป เอ๊ะ!ไรเนี้ย เก่งงงกับภาพที่เห็น แล้วนี่มันมาจูงมือทำไมวะ ใจเริ่มเต้นแรงๆ เก่งชักมือกลับ มองอึ้งๆ "เป้นไรอ่ะ ไปดิ เร็วๆ หิวข้าว " ไอ้เดี่ยวยังคงอืมมือมาจับมือเก่งที่เย็นจนชื้นอย่างรู้สึกได้ เดี่ยวยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม แล้วหน้าขาวดูสว่างเมื่อกระทบแสง เก่งเดินตามเหมือนถูกมนต์สะกด .... " โห หนาว "เก่งสั่นงึกๆไม่คิดว่า อากาศจะหนาวได้ขนาดนี้เสื้อกันหนาวที่เอามาไม่ช่วยกันความหนาว ของช่วงเช้าในภาคเหนือได้เลย เก่งกัดฟันเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ หลังจากกินข้าวเสร็จเพื่อขึ้นไปไหว้พระธาตุ ยิ่งขึ้นสูงยิ่งหนาวเหลือเกิน เก่งตัวสั่นไปหมด " หนาวเหรอ " เสียงห้าวถามดังเบาๆมาจากข้างหลัง เดี่ยวถามเมื่อเห้นเขาสั่น เก่งไม่ตอบหันหน้าเดินต่อ ยังไม่ทันก้าวต่อรู้สึกมีผ้าหนาๆอ่นมาคลุมตัว เขาเงยหน้าขึ้นเห็นเดี่ยวถอดเสื้อกันหนาวของเขาออกพลางคลุมไว้ที่ตัวเก่ง "แล้วนายไม่หนาวเหรอ เดี่ยว" เก่งถามเมื่อเห็นตัวเดี่ยวมีแค่เสื้อยืดบางๆ " เราอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็กนะ อากาศแค่นี่ไม่เป้นไรหรอก " เดี่ยวตอบแล้วยิ้มใจดี "งั้นเอาเสื้อเราไปแล้วกัน ใส่แค่นั้นเราว่าไม่พอหรอก " เก่งถอดเสื้อกันหนาวตัวเองแล้วส่งให้เดี่ยว ดีนะที่เสื้อของเก่งตัวใหญ่พอๆ กับของเดี่ยว เดี่ยวรับมาอย่างว่าง่าย พร้อมยกขึ้นดม " อืมหอมจัง ตัวนายหอมอย่างนี้นี่เอง " เดี่ยวจ้อง เด็กหนุ่มรูปร่างบาง เก่งรู้สึกหายใจติดขัด ร้องบอกกับเด็กหนุ่มตรง "เรารีบขึ้นกันไปเหอะ ตามเพื่อนๆ ไม่ทันแล้ว " ว่าแล้วเก่งก็หันหลังกลับเตรียมเดินขึ้นบันได้ต่อ " เดี่ยว! เก่ง " "อะไร " เก่งร้องแล้วหันกลับมา เดี่ยวจับหมวก ของตัวสวมให้เก่ง "ใส่ซะหมอกแรงแรงงี้ เดี๋ยวเป็นหวัด เดี่ยวก้มหน้ามาสวมหมวกกันหน้าชิดกันมาก เก่งร้อนหน้าไปหมด "ไปเหอะ "ว่าแล้วเดี่ยวก้จับมือเก่งจูงขึ้นเนินไป เก่งรู้สึกได้ว่าตัวเองตัวเบาแปลกๆ เหมือนลอยเลื่อนได้อย่างประหลาด หลังจากกราบพระธาตุแล้ว อาจารย์ก็ปล่อยให้พวกทะโมนทั้งหลายเป็นอิสระ ให้ทำอะไรตามใจชอบเป็นเวลา 1 ชม. แล้วก็จะขึ้นรถ เพื่อเดินทางเข้าเชียง เก่งเดินชมวิวที่ที่จุดชมวิวของวัด มองลงไปเห้เป็นป่าและตัวเมืองสลับกัน เก่งนิ่งมองเนินนาน ปล่อยเพื่อนๆ ให้เดินร่อนเรอยู่แถวนั้น "ทำไรอยู่ " เสียงห้าวดังมาจากข้างหลัง เก่งหันไปถึงกับสะดุ้งเมื่อ เห้นเจ้าของเสียงอยู่ใกล้มาก หลังแทบจะชนหน้าอก " เล่นอะไรเนี้ย ! ตกใจหมด" เก่งร้องพลางถอนใจ " โทษที ก็เห็นนิ่งไปนานเป็นห่วงเลยมาดู " เดี่ยวเสียงอ่อย เก่งขำ "ไม่มีไรหรอกแค่เราดูนานๆจะจำภาพวิวไปวาดรูปน่ะ " เก่งอธิบาย " เก่ง เรามีเรื่องอยากบอกนาย นะ " เดี่ยวมองหน้านิ่ง " มีไร " เก่งถามงง " ก็เรื่องนั้นน่ะ จริงแล้วเราไม่คิดจะแกล้งนาย เราอยากจะบอกนายหลายหนแล้วแต่ไม่มีโอกาสเลย เรากลัวว่าถ้านายจำเราไม่ได้แล้วนายจะปฏิเสธเรา เราไม่แน่ใจเพราะตอนนั้นนายยังเด็กกว่าเรา แต่เราอยากบอกว่าเราจำนายได้นะ นายยังเหมือนเดิม น่ารักยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น เก่ง นายยกโทษให้เราได้ไม๊ " เดี่ยวพูดรวดเดียวโดยไม่มองหน้า เก่งเดาได้ว่าเดี่ยวต้องเขินแน่ๆ พูดจบเดี่ยวหันมามองหน้าของเก่ง แววตาดูวิงวอน " เรายกโทษให้นายไม่ได้หรอก " เดี่ยวมองหน้าเก่งแววตาเศร้าวูบขึ้น "นายจะมาให้เรายกโทษให้นายทำไม นายไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย อีกอย่างเรื่องวันนั้นเราลืมไปหมดแล้ว เราไม่ดีเองที่ดันจำหน้านายไม่ได้ แล้วเราก้ไม่กล้าขอโทษนาย เรื่องนี้เราผิดเอง " เก่งพูดออกมาพลางมองดูวิวบ้าง เดี่ยวหันมองตามีแววแปลกใจแล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจ " ถ้างั้นก็เอาเป้นว่า เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก งั้นเอาเป็นว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไม๊ " เดี่ยวพูดออกมาแล้วหันหน้ามายิ้มกับเก่ง พร้อมลุ้น เก่งมองหน้าเดี่ยวอยู่นานพร้อมบอกเสียงที่ได้ยินกันสองคน "อืม" แล้วเก่งก้ยิ้มกว้างให้เดี่ยว ต่างคนต่างแลกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เสียงตะโกนของไอ้พัฒน์ดังมาจากทางด้านหลัง " เอ๊า! ถ่ายรูปหน่อยเร็ว " เก่งหันกลับเป็นจังหวะที่เดี่ยวเอื้อมมือมารั้งเอวของเก่ง ให้ชิดกับตัว เก่งเสียหลักเซ ไหล่ชิดกะทบกับหน้าออกของเดี่ยว "แช๊ะ" แสงแฟลชวูบขึ้นพร้อมความตื่นตะลึง ของเก่ง แต่เดี่ยวยังคงยิ้มหน้าชื่นอยู่ มันกอดเราถ่ายรูป! มันกอดเราถ่ายรูป! เก่งงงกับเหตุการณ็ที่อยู่ตรงนี้เหลือเกิน เสียงหัวเราะขำๆ เริ่มดังขึ้นจากปากของเดี่ยวเมื่อเห้นอาการของ เก่ง วะ!หัวเราะไรรกันนักหนา เก่งคิดแล้วรู้สึกหน้าแดง เมื่อขึ้นรถ เก่งยังคงงงไม่หาย พยายามสงบจิตใจไม่ให้มันฟุ้ง โดยการไม่มองคนที่นั่งข้างๆ แต่สายตาที่มองมาทำให้รู้สึกไม่สงบเอาซะเลย เก่งยังคงนั่งเงียบมองวิวข้างทาง แต่ในหัวดันมีแต่เรื่องเหตุการณ์เมื่อกี้ เต็มไปหมด โอย ! นี่มันวันอะไรกันนี่ นี่เราเป็นอะไรไป เราคิดอะไรอยู่กันแน่ แล้วทำไมเราต้องใจเต้นแรงแบบนี้ ไม่ไหวแล้ว !!! ทำไงดี .......... { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 5 เก่ง...รู้สึกว่าวันนี้ทำไมรู้สึกแปลกๆ เจอแต่เรื่องแปลกๆ คนแปลกๆ และ ที่แปลกมากที่สุดคือตัวเอง ! เขาแปลกใจมากเมื่อเห้นว่าวันนี้ไอ้เดี่ยว ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา หรือไม่ก้มักจะพยายามดึงเขาให้เดินห่างออกจากกลุ่มเพื่อน และที่แปลกมากที่สุด ไปว่าจะไปไหนก็ตามต้องขอจับมือ ! ทำไมมันต้องขอจับมือ ! เก่งพยายามคิดแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งงงกะตัวเอง! " เฮ้ย เก่ง คิดไรอยู่ " เสี่ยงเดี่ยวดังมาข้างหลังทำให้เขาสะดุ้งเฮือก มืออุ่นๆ จับลงที่บ่า " ทำไมนายชอบมาข้างหลังว่ะ ตกใจหมด " เขาบอกเดี่ยวเมื่อหายตกใจ "ก็เห็นนายเหม่อ เดี๋ยวก็ตกบันไดมาหรอก ที่นี่พระธาตุดอยสุเทพนะ ถ้านายตกบันไดที่นี่ถึงตายแน่ " เดี่ยวยิ้มล้อเมื่อเห็นเก่งมองหน้าโกรธๆ "เราจะตกลงไปตายก็เพราะนายแหละ อยู่ๆก็เข้ามาข้างหลัง " เขาร้องเถียง เดี่ยวหัวเราะ " อ้าวเหรอขอโทษ นึกว่านายขึ้นไม่ไหวแล้วเลยมาจะมาเย้ยซะหน่อย " อ้าวนี้ดูถูกกันนี่ เดี๋ยวเถอะไอ้เดี่ยว ! " พูดอย่างนี้มาวิ่งขึ้นบันได แข่งกันไม๊ล่ะ " เก่งร้องท้า เดี่ยวหรี่ตามองยิ้มขำ "แน่ใจนะ " เดี่ยวย้ำ "เออแน่! หรือนายไม่แน่จริง" เก่งยั่ว " ok ได้. ถ้าเราแพ้เราจะยอมเป็นคนรับใช้นายวันหนึ่ง ถ้านายแพ้เรานายต้องยอมให้เราทำอะไรก็ได้วันนึง ok ป่ะ " เดี่ยวบอกพร้อมยักคิ้วให้ เมื่อเห็นเก่งเริ่มคิดหนัก "งั้นก็ได้ เราตกลงตามนั้น งั้นเราไปล่วงหน้าไปก่อนนะ " เก่งตะโกนบอกพร้อมกระโดดกึ่งวิ่งขึ้นบันไดที่ละ2 ขั้น "เฮ้ย ไอ้ขี้โกง รอก่อน!" เดี่ยวเพิ่งไหวตัวทันเมื่อเก่งล่วงหน้าไปไกลแล้ว พักเดียวมีเด็กหนุ่มตัวเล็กๆขาวๆ นั่งหอบหน้าแดงอยู่หน้าประตูทางเข้า ตามมาด้วยเด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนมาล้มตัวลงนั่งหอบหน้าแดงอยู่ข้าง " นายแพ้เราแล้ว เดี่ยว! นายแพ้เรา" เก่งบอกทั้งยังหอบๆ "แพ้กะผีไร นายขี้โกงนี่หว่า " เดี่ยวท้วง " เฮ้ยอย่างงี้แหละ ถูกแล้ว ก็นายได้เปรียบเราอยู่แล้ว นายขายาวกว่านี่ นายก็ต้องต่อให้เราดิ" เก่งเถียงพลางยักคิ้ว " นี่แน่ะไอ้คนเจ้าเล่ห์ " ข้อแขนล่ำรัดเข้าตรงคอเก่ง เจ้าของแขนจงใจให้หน้าเขาซุกไปทีจักกะแร้ "เฮ้ย! ปล่อยๆๆ ไอ้บ้านี่ เหม็นๆๆ ปล่อยๆ "เก่งดิ้นรนเพราะอึดอัด ระดมทุบมือลงที่ไหล่ "ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย " เดี่ยวหัวเราะเสียงดังสะใจ พร้อมจับมือของเก่งไม่ให้ทุบตน ในที่สุดสงครามไข่เน่าก็สิ้นสุดเมื่อเก่งสูดกลิ่นไปเกือบนาที เดี่ยวยังหัวเราะอยู่อย่างชอบใจ แต่เก่งนั้นหน้ากลับกลายเป็นตูดไปแล้ว "บอกให้ปล่อยทำไมไม่ปล่อยวะ เหม็นจักกะแร้นายจะตาย " เก่งด่า พร้อมเช็ดหน้าที่เปื้อนเหงือของอีกฝ่าย "ก็นายชนะเรา นายก็ต้องเป็นเจ้านาย เราก็อยากให้นายดมกลิ่นเราไว้ไง เป็นเจ้านายต้องจำกลิ่นลูกน้องได้รู้ไม๊ เวลาลูกน้องหลบไปไหนจะได้ตามเจอ " เดี่ยวล้อยิ้มๆพร้อมขยี้หัวเก่ง "เป้นไง ตอนนี้จำกลิ่น ลูกน้องคนนี้ได้ยัง " " เอ้ย นี่เราไม่ใช่หมานะ " เก่งเถียง "เอาล่ะครับ คุณท่านครับไม่ต้องโกรธ เราเข้าไปไหว้พระกันได้แล้ว " เดี่ยวลุกขึ้นโค้งพร้อม ยื่นมา " อะไรน่ะ ยื่นมือมาทำไม " จริงๆเก่งรู้คำตอบแล้วแต่ยังแกล้งถาม " อ้าว ก้จูงมือคุณท่านไงครับเดี๋ยวคุณหลง มาครับ เพื่อนคุณท่านไปกันหมดแล้ว" เดี่ยวก้มลงมาคว้ามือแล้วดึง เก่งให้ลุกขึ้น "เฮ้ย ปล่อยๆๆ ไม่ต้องจับมือ เอ้ยปล่อยอายเค้า" เดี่ยวไม่ฟังกุมมือแล้วลากเก่งให้เดินตาม เดี่ยวยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกุมมือลากเก่งไปไหนต่อไหน แต่ตัวเก่งนี้สิ เดินก้มหน้างุดๆด้วยความอาย เมื่อหลายคนเริ่มมอง โดยเฉพราะไอ้แก้วที่ทำตาโตเมื่อหันมาเห็นพอดี เก่งอายจัดกระตึกมือวูบมือหลุดจากมือของเดี่ยวแล้วเดินหนีไปหากลุ่มเพื่อนนของตน "เมือกี้เอ็งไปทำไรมาว่ะ แล้วนี่ทำไมหน้าแดง " แก้วถามเมื่อเห็นสิ่งน่าสงสัย " เฮ้ยเปล่าๆ ไม่มีไร ก็วิ่งขึ้นมาน่ะเลยเหนื่อย แล้วนี่จะเข้าไปไหว้กันยังล่ะ " เก่งรีบเปลี่ยนเรื่อง "เออ ก็กำลังจะเข้าไป เขารอเอ็งคนเดียวแหละ ไปซื้อดอกไม้มาสิ" "เออ" สิ้นเสียงเก่งดอกบัวโผล่พรวดตรงตรงหน้า เก่งมองตามมือ อ่ะ รับไปดิ ซื้อมาเผื่อแล้ว " เก่งรับดอกบัวมาอย่างง " อ้าวยังยืนเซ่ออยู่อีก ไปเร็วเขา เข้าไปกันหมดแล้ว" ว่าแล้วดันหลังเก่งให้รีบ เสียงทุกเสียงเงียบลงเมื่อ เข้ายังโบสถ์ พระพุทธรูปทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาลงมายังทุกคนที่อยู่ที่ห้องโถง เก่งนั่งอยู่หลังสุดโดยมีเดี่ยวนั่งคุกเข่าชิดกัน เก่งหลับตาลงเพื่อให้จิตใจสงบ เก่งไม่ได้อธิฐานขออะไรเพราะตัวเขาคิดว่ามีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ถ้าจะขอแค่ความสงบสุขก็พอ ก้มลงกราบแล้วเอาดอกไม้ไปวางหน้าพระ " เมื่อกี้นายขอะไรเหรอ " เดี่ยวถาม "เราขอความสุข "เก่งตอบแล้วยิ้ม "แล้วนายล่ะ " เก่งถามบ้าง "เรื่องนี้เป้นความลับ " เดี่ยวยิ้มเมื่อเห็นเก่งหน้าง้ำ " ไร ว่ะ ที่ของเราเรายังตอบเลย " เก่งท้วง "เอาน่า ไว้วันหลังเดี๋ยวบอก เออไปเหอะป่านนี้อาจารย์เรียกรวมแล้วมั้ง " เดี่ยวตัดบท พร้อมดึงตัวมือเก่งมากุมไว้อีก แล้วจูงมือให้เดินตาม ... ค่ำนี้ทัวร์นกขมิ้นจบลงด้วยการที่ฝ่ายชายต้องพักที่วัดที่ใกล้บ้านของอาจารย์ลักษมี บ้านของอาจารย์นั้นเป็นร้านขายของที่อยู่ในตัวตลาดกลางคืนและอยู่ใกล้กับวัด บ้านของอาจารย์ลักษมีสนิทกับทางวัดเป็นอย่างดี เพราะช่วยเหลือทางวัดไว้มาก จึงไม่เป็นการยากที่จะขอให้เหล่าๆเด็กชายทั้งหลาย(รวมถึงอาจารย์ผู้ชาย 2 คน) เข้าอาศัยนอน ส่วนเหล่าหญิงสาวทั้งหลายนั้น อาจารย์จัดให้นอนที่บ้านเพื่อความปลอดภัย อาหารเย็นวันนี้ เริ่มต้นขึ้นในเวลาใกล้ค่ำกลางตลาดไนท์บาซ่าร์ เป็นอาหารเย็นในลักษณะแบบบุบเฟ่ คือหากินตามใจตัวใครตัวมัน เก่ง แก้ว เคนและไอ้พัฒน์ตกลงใจที่จะหาไรกินง่ายๆ แต่สาวแพทกับสาวบีมปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกินส้มตำ ไส้อั่ว ข้าวเหนียวให้จงได้ "อะไรกันพวกแกมามาเหนือยังจะมากินอาหารตามสั่งอีก ไม่พัฒนาซะบ้างเลย " บีมค่อนแคะ " อ้าว แล้วไอ้ที่พวกเธออยากจะกินน่ะ ที่กรุงเทพไม่มีรึไง" ไอ้พัฒน์กัดอย่างเหลืออด " ชั้นไม่รู้ แต่มาเหนือทั้งที่ต้องกินอะไรแบบเหนือๆมั่งดิ เอาเป็นว่าเราโหวตเสียงกันดีกว่า" ยายบีมไม่ยอมแพ้ " ได้เลย " ไอ้พัฒน์ยิ้มอย่างมีชัย เพราะเมื่อเห็นว่าฝ่ายชายมีคนเยอะกว่า " ใครอยากกินอาหารเหนือยกมือ " พรึบ! สองสาวยกมือพร้อมกัน ไอ้เคนยกมือตามเพราะโดนยายบีมหยิก ไอ้แก้วเองก็ยกมือ " ก็กูอยากกินไรแซ่บๆๆ "มันบอก " ชนะขาด " บีมยักคิ้วกวนๆใส่คู่กรณี " เออ ไปก็ได้วะ " ไอ้พัฒน์ทำหน้ายักษ์ตอบยายบีม " แล้วว่าแต่ไปร้านไหนดีอ่ะ ท่าทางแถวนี้จะแพง" คำถามของแพททำให้ทุกคนมืดแปดด้าน " ก็บอกแล้ว ว่ากินอาหารตามสั่งดีกว่า " ไอ้พัฒน์ยังไม่ยอมแพ้ " เงียบไปเลย แกน่ะ" บีมเงื้อมือใส่เจ้าของเสียง " นี่ๆ เดี่ยวนายเคยอยู่เชียงใหม่มาก่อนใช่ปะ ช่วยบอกหน่อยดิ " อ้าว! นีไอ้เดี่ยวมาด้วยเรอะ แล้วทำไมเงียบจัง เก่งหันหลังกลับไปมองเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ไอ้เงาที่คอยตามมาน่ะเป็นไอ้เดี่ยวนั่นเอง " ร้านที่อยู่ตรงโน้นไง อร่อยด้วยถูกด้วย " เดี่ยวชี้ไปยังร้านที่ตั้งอยู่ริมทาง ป้ายหน้าร้านเขียนตัวหนังสือล้านนา มีเสียงดนตรีดังหนุงหนิงๆอยู่ข้างใน ทุกคนได้ที่นั่งตรงมุมเล็กข้าง ๆหน้าต่างที่อยู่ใกล้สวน ลมเย็นๆ พัดเอากลิ่นดอกไม้หอมๆ เข้ามา พื้นร้านขัดมันสะท้อนแสงโคมมัวๆที่ดูเหมือนแสงตะเกียง ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูหมือนย้อนยุค " โรแมนติกจังเลย" บีมกะแพทร้องขึ้นพร้อมกัน พัฒน์เบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ " เอาเถอะ! แม่คุณสั่งข้าวมากินเถอะ หิว! " พัฒน์เร่ง เก่งยิ้มขำๆกับคู่นี้ เออ !เจอกันที่ไรกัดกันทุกทีซิน่า ! หันกลับมาอีกทาง เคนกับแพทจ้องตากันนิ่งๆ เก่งงง เอ๊ะไอ้พวกนี้มันชักยังไงๆ แฮะ เก่งยิ้มแล้วพอจะเดาอะไรได้ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วก้มลงมองที่มือ มือเก่งถูกกุมไว้ด้วยมือใหญ่ๆ ของคนข้างที่ยังนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ เขาพยายามชักมือออกแต่ไม่สำเร็จ เก่งนิ่วหน้าจ้องเดี่ยว พร้อมใช้สายตาบังคับให้ปล่อยมือ แต่เดี่ยวก็เฉย หันมากระซิบ "อยู่เฉยๆ สิ อย่าดิ้น ขอจับมือหน่อยไม่ได้หรือไง " เดี่ยวกระซิบพร้อมกับประสานมือกับเก่ง เก่งกระตุกมือกุกกักอยู่ใต้โต๊ะ " เฮ้ย ส้มตำมาแล้ว นี่พวกมึงสนใจกูมั่งสิ" เสียงแก้วเตือนเมื่อเห็นว่าทุกคนในโต๊ะทิ้งมันไปมีโลกส่วนตัวกันหมด !.......... "โอ้ย! อิ่มๆๆ " เก่งร้องขึ้นเมื่อแยกจากเพื่อนๆที่ยังนั่งฟังเพลงอยู่ที่ร้าน โดยมีเดี่ยวแอบเดินตามหลังมาเงียบๆ "นายตามเรามาทำไม ทำไมไม่กลับวัด " เก่งถามเมื่อรู้ว่าเดี่ยวตามมา "เราเป็นห่วง กลัวนายจะหลง " เดี่ยวตอบหน้าเฉย "เฮ้ยเราไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่หลงหรอก นายกลับไปเหอะ "เก่งบอก "อะไร ขอมาเดินด้วยแค่นี้รังเกียจกันเหรอ " เสียงห้าวร้องอย่างน้อยใจ " เออ มีไรป่ะ ก็นายจักกะแร้เหม็น" เก่งล้อ เมื่อเห้นอีกฝ่ายหน้าง้ำ " อ๋อ! งั้นเหรอ " เดี่ยวก้าวเข้าหาเก่งในขณะที่เก่งหัวเราะอย่างลืมตัว แล้วดึงเก่งเข้าหาตัวพร้อมกดจมูกลงบนแก้มใสๆ " เฮ้ย ! ทำไรเนี้ย " เก่งผลักเดี่ยวออกอย่างตกใจเมื่อแก้มโดนกระทบด้วยจมูก " ก็ นายว่าเราตัวเหม็นนี่ เราก็ต้องเก็บกลิ่นหอมๆ มาไว้ในตัว เราจะได้หายเหม็นไง" เดี่ยวพูดช้าๆสบตานานนิ่ง จ้องมองหน้าแดงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ "ไอ้บ้า" เก่งเช็คแก้มแล้วเดินหนี เก่งเดินก้มหน้างุดๆ พยายามไม่สนใจคนที่เดินตามอยู่ข้างหลังที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ! ใจยังคงเต้นรัวไมมีที่ท่าว่าจะสงบลงง่าย นี่มันจะทำไรอยู่ว่ะ หยอกกันแรงไปเปล่าเนี้ย แล้วนี่ตูเป้นไรเนี้ย หน้าแดงอยู่ได้ โอย! เก่งคิด เวลาตอนนี้ถือได้ว่าค่อนข้างดึกแล้ว พระจันทร์ดวงโต ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า ผู้คนยังคงเดินกันขวักไขว่ เก่งพยายามเดินดูของที่เรียงอยู่ข้างทางเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจไอ้เดี่ยวที่เดินตามข้างหลัง แต่มือเดี่ยวที่จับบ่าไว้ทำให้ไม่สมาธิเอาซะเลย " เฮ้ย เราแวะดูร้านนี้หน่อยนะ " เก่งเลี้ยวเข้าข้างทางเมื่อเห็นร้านหยกอยู่ข้างหน้า ตาโตขึ้นด้วยความสนใจ " นายอยากได้เหรอ " เดี่ยวถามเมื่อเห็นเก่งหยิบจี้หยกขึ้นมาชิ้นนึ้งที่แกะเป็นรูปสิงห์ ท่าทางพอใจ " อื้อนี่ มันเท่าได๋ล่ะ " เดี่ยวส่งภาษาเหนือใส่เจ้าของร้านที่อยู่ในชุดผ้าถุง เก่งหันมองด้วยความแปลกใจ " 150 เน้อ " เจ้าของร้านตอบกลับเป็นภาษาเหนือ "ลดไห๋น้อยเน๊อะ เอื้อย เน๊อะ เฮาสิซื๋อไป่ฝากแฟน" เดี่ยวต่ออย่างอารมณ์ดี เจ้าของร้านยิ้มให้ " เฮาล่ดให้กึ่งนึงก้แล๋วกั๋น"ว่าแล้วจัดการใส่ถึงแพร เก่งขำๆ เมื่อได้ยินบทสทนา ไอ้เดี๋ยวมันอู้คำเมืองแล้วน่ารักดีแฮะ เก่งล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบเงินจ่าย แต่ช้ากว่าเดี่ยว เก่งมองหน้าเดี่ยวงงๆ เมื่อเดี่ยวดึงมือออกมาจากร้าน "เฮ้ย!เรายังไม่ได้ซื้อหยกเลยนะ " เก่งบอกเบาเมื่อ เดินออกมาจากร้าน "นายไม่ต้องซื้อหรอก ของนี่มันเป็นของนายน่ะ เราซื้อให้" เก่งยังงงเมื่อเดี่ยวส่งของให้ " แต่นายบอกว่า จะซื้อให้แฟนไม่ใช่เหรอ " " ก้ใช่สิ ก้ซื้อให้แฟนไง " เดี่ยวหันมามองแล้วยิ้มขำๆ แล้วมันเอามาให้เราทำไมว่ะ เอ้ย เก่งสะดุ้ง เมื่อคิดได้ จ้องหน้าเขม็ง " นายคิดไรอยู่อ่ะ " เก่งมองระแวงมาทางเดี่ยว เห็นเดี่ยวหน้าแดงๆ ยิ้มให้อย่างเขิน " ก็เราอยากให้นายน่ะ ช่วยรับไว้แล้วกันนะ " นี่ถ้าตูรับตูต้องเป็นแฟนมันไม๊เนี้ย เก่งคิดแล้วหน้าร้อนวูบๆ " เอ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก รับๆ ไปเหอะ " เดี่ยวยิ้มแล้วเดินตรงมาจับมือมือ " เอ้ย! ปล่อยๆ มาจับมือทำไมเนี้ย " เก่งสะบัดมือยิกๆ เดี่ยวยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม "ทำไมเหรอ จับมือแค่นี้เขินเหรอ แล้วนั่นหน้าแดงทำไม" เขาก้มลงสบตาของอีกฝ่าย เก่งหันหน้าหนีเพราะรู้สึกร้อนที่แก้ม "เปล่า! อยากจับก็จับไปเด่ะ" เก่งก้มหน้าหลบ รับคำแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย เดี่ยวยิ้มพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายรับคำ.. เก่งรู้สึกว่าถนนเส้นที่เดินกลับนี้ทำไมมันไกลจัง ตอนขามาไม่ได้รู้สึกว่ามันไกล อากาศหนาวกลางดึกเช่นนี้มันเย็นเข้าไปถึงข้างในแต่เก่งไม่ได้รู้สึกหนาวเพราะความอบอุ่น ของมืออุ่นๆ ของอีกฝ่ายทำให้ใจเต้นแรง จนทำให้ลืมเรื่องหนาว เดี่ยวหันมามองเมื่อเห็นเก่งเงียบ เขาสะดุดใจกับหน้า ขาวๆ เจือด้วยความแดงของแก้มเพราะอากาศหนาว สีปากก้แดงจัดเช่นกัน เก่งเองก้รู้สึกถึงสายตาที่มองมา เงยหน้ามองเป็นดวงหน้า ขาวๆ ตาคมๆ จ้องอยู่ "หนาวเหรอ" เดี่ยวถามเสียงแผ่ว กระชับมือที่ยังคงกุมไว้ " อือ เราหนาว " เก่งบอกเสียงสั่นๆ "งั้นเราช่วยนะ " เสียงตอบเบาๆนั้นทำให้เก่งใจเต็นรัว และ ยิ่งเต้นแรงขึ้น เมื่อ วงแขนอุ่นรัดร่างเล็กๆของเก่งไปเบียดกับหน้าอก ตัวเดี่ยวอุ่นมากจนเกือบร้อน เก่งไม่รู้ว่าทำไมไม่ดิ้นรนแต่ยังคงตะลึงอยู่ "เราหายหนาวแล้ว ปล่อยดิ" เก่งบอกเมื่อวงแขนนั่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย " แต่เรายังไม่หายหนาวเลย" เดี่ยวอุธรณ์ "ขอเรากอดนายอีกนิดนะ " พูดแล้วหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี " เฮ้ย!ไม่เอาปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็น เราง่วงแล้ว ปล่อยเหอะ" เก่งอ้อนวอน เดี่ยวยังคงมองนิ่งแววตาเชื่อมๆ " งั้นเราขอจูบนายแล้วเราค่อยปล่อยได้มะ " " เฮ้ย! ไอ้บ้า ไม่เอาไม่เล่นนะโว้ย ปล่อยๆ อย่ามาทำไรบ้าๆ นะโว้ย " ไม่มีเสียงตอบจากเดี่ยว มีแต่หน้าเดี่ยวที่กำลังก้มมาอย่างช้า " เฮ้ยไม่เอาๆปล่อยๆ " งานนี้หนีไม่พ้นแน่แล้ว เก่งหลับตาปี๋ สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากที่รดเรี่ยด้วยลมหายใจอุ่นๆ เก่ง มองหน้าอีกฝ่ายงง " เราไม่บังคับนายหรอก " เดี่ยวยิ้มมองเก่งอย่างเอ็นดูพร้อมคลายวงแขน แล้วจูงมือพาเขาเดินเข้าที่พักในวัด เก่งยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิด เดินตามแรงดึงไปอย่างว่าง่าย ...... แล้วการทัวร์ครั้งนี้ก้จบลงหลังจากที่ได้ทุกคนได้ตระเวนไปทั่วเกือบทั้งภาคเหนือ ทุกคนดูเหนื่อยมากกับการเดินทาง ขากลับจึงไม่มีใครคุยกันเลยสักคนคนเดียว แม้แต่ไอ้พัฒน์เอ็นเตอร์เทนเนอร์ตัวดี ไอ้คนที่นั่งข้างๆ เก่งก็หลับเหมือนกัน และก็ดูมันจะฝันดีพิลึก นอนแล้วยังอมยิ้มอีก หน้าขาวๆที่ตัดกับไรเคราครึ้มทียังไม่ได้โกน ยังซบอยู่บนบ่าเหมือนเดิมเหมือนตอนขามา ความจริงรู้สึกหนัก แต่เก่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ และหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเดี่ยวไม่ลงสักที ตัวเขาไม่รู้ว่าเดี่ยวคิดยังไงกันแน่และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เดี่ยวทำลงไปเพราะแค่อยากแกล้งเล่นสนุก หรือเพราะเหตุผลอื่น แต่ตัวเก่งเองนี่สิ ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าคิดกับเดี่ยวแค่เพื่อนเท่านั้น เก่งไม่เคยนึกว่าตนจะมามีความรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน สิ่งนี้มันทำให้เก่งสับสน เดี่ยวอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับตัวเขาก้ได้ เก่งอาจจะต้องเจ็บถ้าจะคิดกับเดี่ยวมากกว่าเพื่อน สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือเก่งต้องรักษามาตราฐานความเป้นเพื่อนให้เที่ยงตรงที่สุด ถ้าเก่งเอียงข้างเมื่อไหร่ละก็ วันนั้นแหละคือต้องเลิกเป็นเพื่อน "เฮ้อ!" เก่งถอนใจเมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะตามมา เขาภาวนากับตัวเองให้พยายามคุมใจตัวเองให้ดี แต่เมื่อเหลือบมองเดี่ยวที่ยังนอนหลับซบบ่าอยู่นั้นเขารู้ทันที่ว่าทำไม่ได้เลย เอาน่า! เขาต้องพยายาม ยังไงต้องทำให้ได้เมื่อกลับบ้านไปแล้ว แต่ตอนนี้ตัวเขาขอตามใจตัวเองสักครั้งนึงก้แล้วกัน เก่งคิดพร้อมเอียงหัวซบลงบนหัวของเดี่ยวที่ยังซบไหลเขาอยู่ พร้อมปล่อยให้ตัวเองหลับไปในขณะที่ยังซบหัวของเดี่ยว ......
:กอด1: :กอด1:
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 6 เก่ง .. รู้สึกว่าการเริ่มต้นใหม่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนี่มันแสนยาก การจะปรับความรู้สึกให้เหมือนเดิมนั้น ทำไมมันทำยากจัง! เขายังคงพยายามสั่งตัวเอง บอกตัวเอง ให้ลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ให้หมด แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกับเดี่ยวเหมือนเดิมอีกครั้ง ถึงแม้ว่าส่วนลึกๆ ยังมีเสียงเรียกร้องมาจากส่วนลึกในใจก้ตาม หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ เก่งยังหมกตัวอยู่กับบ้าน เขาคิดว่าการอยู่สงบๆ คนเดียวมีคงเวลาคิดทบทวนอะไรบ้างอย่างอาจทำให้ใจสงบและลืมสิ่งต่างที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ได้ " เฮ้ย ! เก่ง นี่นายจะนอนไปถึงไหนน่ะ" เสียงกวนประสาทที่ทำให้ใจไม่สงบ แล้วนี่มันทำไมต้องมาทุกวันว่ะ คนกำลังจะทำใจได้ " นายมีไรอ่ะ แล้วมาทำไม เราบอกแล้วว่าเราจะนอนอยู่บ้านไม่อยากออกไปไหน " เขาบอกเดี่ยวที่มองมาอย่างระอา ความจริงนี่บอกกันมาตั้ง 10 กว่าครั้งแล้ว ทำไมมันยังไม่จำอีกว่ะ ! " เฮ้ย นอนมากเดี๋ยวสันหลังยาวกันพอดีดิ ไปๆๆ ไปข้างนอกกันเหอะ " ไอ้เดี่ยวเอ้ย นี่ตูพยายามจะห่างๆมึงนะ แล้วยังมาชวนไปนู้นไปนี่อีก เก่งคิด ความจริงแล้วไอ้เดี่ยวน่ะพยายามชวนเขามาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็จะได้คำตอบ " เราไปไม่ไป เราจะนอน" ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมาแปลกแฮะ มาตามยันห้องนอนเลย แต่ช่างมันก็เขาไม่อยากไปไหนกะมันให้ฟุ้งซ่านอีกนี่! เก่งคิดแล้วพลิกตัวไปอีกทางอย่างไม่ใส่ใจ " เฮ้ย บอกให้ลุกขึ้นเร็ว! " ไอ้เดี่ยวดุ เมื่อเห็นอีกฝ่านนอนเฉย " ตกลงไม่ลุกแน่นะ ได้ๆๆ นายอย่าว่าเราแล้วกันนะ " เดี่ยวกระโดดลงบนเตียงทับตัวเก่งไว้ มื่อใหญ่ๆว่องไวจับเอวอีกฝ่ายพร้อมจับชายเสื้อดึงขึ้น " เฮ้ย! หนัก! ออกไป เอ้ย จะทำไร เฮ้ย!ๆ ปล่อย อย่าทำไรบ้าๆนะโว้ย! " เก่งดิ้นขลุกขลักรู้สึกว่าคิดผิดที่ปล่อยให้เดี่ยวขึ้นมาในห้อง " เราจะพานายไปอาบน้ำไง นี่ต้องถอดกางเกงด้วย!" เดี่ยวร้องพร้อมดึงกางเกงของเก่งลง เก่งยื้อขอบกางเกงไว้สุดฤทธิ์ " เฮ้ย บอกว่าอย่าเล่นอย่างนี้ ปล่อยนาเว้ย ปล่อย ผลัวะ! " เสียงศอกกระทบท้อง เก่งกระโดดหนีมายืมหอบอีกทาง ส่วนเดี่ยวนอนกุมท้องหมดท่า " ทำไมนายต้องเล่นแรงๆด้วยอ่ะ" เดี่ยวร้อง ก็บอกแล้วไม่ฟังนี่ไอ้บ้า เก่งคิด "ก็ นายอยากมาเล่นไรบ้าๆ แบบนี้ทำไมอ่ะ " เก่งบอกหน้าง้ำ " ก้เราอยากให้นายออกไปข้างนอกกะเรานี่ แต่เห้นนายไม่สนใจเรา ก็เลย..." เดี่ยวเสียงอ่อยเมื่อเห็นเก่งยังทำหน้างอ " เออ อย่างอนเด่ะ ไปด้วยกันหน่อยนะ นะ นะ " เสียงอ้อนๆ อีกแล้วโอย แล้วนี่จะทำใจได้ไมเนี้ย "เออ" เขาแพ้อีกแล้ว! " แล้วนี่นายจะไปไหนน่ะ " เก่งถามขณะซ้อนจักรยานที่เดี่ยวเป็นคนขี่ หลังจากที่ออกจากบ้านแต่ยังไม่รู้จุดหมาย "เดี่ยวก็รู้" เดี๋ยวบอก " แล้วบอกตอนนี้ไม่ได้รึไงว่ะ " ทำไมมันลีลาจัง เก่งคิด " เอาน่า เฉยๆ ไว้แล้วดีเอง" เดี่ยวผิวปากอย่างอารมณ์ดี แล้วเลี้ยวจักรยานเข้าวัด " ถึงแล้ว " เสียงเดี่ยวร้องบอกอย่างอารมณ์ดี แต่นี่สิเก่งงง " นี่นายพาเราว่าวัดทำไมน่ะ " เขาถามเพราะเดาไม่ถูกว่ามาทำไม " ก็มาทำบุญไงวันนี้วันพระนะ " เดี่ยวหยิบปิ่นโตแล้วจูงมือเก่งให้เดินตาม เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าเดี่ยวเอาปิ่นโตมาด้วย แล้วนี่ทำไมต้องจูงมือ " เออ เดี่ยว!มือน่ะ ปล่อยได้ไม๊ นี่ในวัดนะ" เดี่ยวหันกลับมามองแล้วยิ้มกว้าง " ก็ได้ๆ แล้วเดี๋ยวออกมาให้เราจูงมืออีกนะ" โห ไม่ได้สำนึกเลย ไอ้หน้าด้าน! ผู้คนยังคงไม่หนาแน่นมากเท่าไร เมื่อพระเริ่มสวดมนต์ให้ศีล อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่ได้เป็นวันพระเทศกาล ผู้คนจึงบางตา มีแต่คนสูงอายุซะส่วนใหญ่ เก่งมองไปรอบตัวบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบทำให้ใจรู้สึกสบาย ความคิดต่างๆในหัวที่เคยรุมเร้ากลับหายไปหมดเมื่อเก่งมาวัด เขาหันไปมองเดี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูท่าทางเดี่ยวเองคงจะรู้สึกสงบเช่นกัน วันนี้ดูหน้าตาอิ่มเอิบใบหน้ามีรอยยิ้มนิดๆ ตั้งฟังพระให้ศีลอยู่เงียบๆ " " นั่งมองหน้าอยู่ได้ พระท่าสวดให้สินให้พรแล้วตั้งใจรับหน่อยสิ" เสียงดุๆของคนถูกมองกล่าวเตือนโดยไม่หันมามองเก่ง " ครับ ๆ คุณท่าน" เก่งร้องล้อขำๆ ตายังมองไอ้หน้าขาว ที่พยายามทำตัวสงบเงียบ แหมๆ วันนี่เคร่งขรึมนะ มาแปลกแฮะ! เก่งหันกลับไปฟังพระสวดมนต์ต่อแล้วยิ้มกับตัวเอง เขารู้สึกดีกับสิ่งรอบตัวแบบนี้จัง รู้สึกใจปลอดโปล่งประหลาดแต่แค่นี้ก็ทำให้เค้ามีความสุขมากๆแล้ว " เฮ้ยๆ ยกกับข้าวมาใส่บาตรดิ เหม่อทำไม" เดี่ยวส่งเตือนเบาๆเมื่อ เห็นเก่งเหม่อๆยิ้ม ๆ" หลับในเหรอ" " เปล่านี่ " เขาบอกพลางยิ้มให้ แล้วเห็นเดี่ยวทำหน้างง มือถือทัพพีค้าง เมื่อเห็นเก่งยิ้มหวานให้ " เป้นไรอ่ะ หยุดทำไมใส่บาตรต่อดิ " เก่งหันมาถามเมื่อเดี่ยวชะงักแล้วก้มหน้าลง " ก็นายยิ้มน่ารักนี่ เราไม่เคยเห็น" เดี่ยวตอบ แล้วมันยังไงแค่ยิ้มเนี่ยนะ! เก่งคิด "ปกติเห็นชอบทำหน้างอใส่เรา เพิ่งเห้นนายยิ้มให้เราแบบน่ารักๆแล้วก้วันนี้แหละ " เดี่ยวยิ้ม อ้าวนี่ชมรึด่าเนี่ย เขาคิดงงกับคำพูดเดี่ยว " เออ วันหลังจะยิ้มมากๆแล้วกัน เดี่ยวคนบางคนมันจะหาว่าเรายิ้มไม่เป็น "เก่งมองเหล่ๆอย่างไม่พอใจ " นั่นไง หน้างออีกแล้ว นี่มาทำบุญแล้วทำหน้างอ เดี๋ยวก็ติดไปตลอดชีวิตหรอก " เดี่ยวล้อเลียน " มาๆกรวดน้ำได้แล้ว เฮ้ยบอกให้เลิกหน้างอไง" เดี่ยวหัวเราะพร้อมขยี้หัวไอ้ตัวเล็กตรงหน้าที่ยังคงหน้างอไม่เลิก!.... "วันนี้มาไม่เสียเที่ยวนะ" เดี่ยวบอกขณะที่ขี่จักรยานกลับบ้าน " อะไรอ่ะ งง" เก่งถามเมื่อรู้สึกงงจริงๆ " ก็พอพานายมาทำบุญแล้ว นายดูสบายใจขึ้นแค่นี้เราก้ว่าคุ้มแล้ว " เสียงพูดที่มีซ่อนความดีใจไว้ ทำให้เก่งอมยิ้ม "เราจำได้ว่าเด้กๆนายชอบมาทำบุญกับยาย แล้วนายจะอารมณ์ดีตลอดเลย ไม่ค่อยงอแง เราเลยพานายไปมั่ง ก็ดูนายเหมือนจะไม่สบายใจอยู่นี่" เดี่ยวถามโดยไม่หันหน้ามอง " เราไม่ได้เป็นไรหรอก แค่รู้สึกเบื่อๆ อ่ะ ขอบใจนะทีเป็นห่วง " เก่งว่า " นายไม่ต้องขอบใจเราหรอก แค่นายยิ้มให้เราเราก็พอใจแล้ว " เก่งรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจซะเหลือเกินเพียงแค่คำพูดคำเดียว ! " วันหลังถ้านายเบื่อบอกเรานะ เดี๋ยวเราไปหา " เดี่ยวเปรยออกมา พอให้เขาได้ยิน เก่งจ้องดูหลังของคนพูดแต่ไม่ได้ตอบรับ รุ้สึกดีใจจริงๆ กับสิ่งที่เดี่ยวบอกมา แต่เก่งคิดว่าต้องห่างกับเดี่ยวไว้ดีกว่า เพราะถ้าอยู่ใกล้กัน ต้องหลุดสิ่งที่เก็บออกมาแน่ เขายังไม่อยากให้เดี่ยวรู้ตอนนี้ เพราะยังไม่มั่นใจว่าเดี่ยวคิดยังไงกันแน่! ฉะนั้นตลอดช่วงปิดเทอม เก่งไม่ได้โทรหาเดี่ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในทางกลับกันเดี่ยวตามมาคอยกวนใจเขาถึงบ้าน จนเก่งเองไม่เวลาที่จะเบื่อเลย โอย ! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่ตูจะเลิกฟุ้งซ่านซะที่ล่ะ ! แล้วก็เปิดเทอมอีกครั้ง คราวนี้เก่งดีใจที่เปิดเทอม ผิดกับตอน ม.4 ที่เบื่อแสนเบื่อ สาเหตุก็เพราะจะได้มาเจอเพื่อนๆอีกครั้ง ตอนนี้เขา อยู่ม.5 แล้ว เริ่มรู้สึกตัวว่าจะทำอะไรเล่นๆ ไม่ได้แล้วเพราะต่อไปต้องใช้เวลาในการเรียนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาลัย ในปีหน้า เหล่าเพื่อนทั้งหลายในกลุ่มตอนนี้จับคู่กันซะแล้ว ดูพวกมันช่างคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง ตอนนี้ก็เหลือแต่ไอ้แก้ว กับตัวเขาที่ยังไม่มีแฟน เก่งอมยิ้มเมื่อเห็นพัฒน์กะบีมตามติดไปไหนด้วยกันทั้งที่ยังคอยต่อปากต่อคำกันอยู่ ส่วนอีกคู่ก็แพทกะเคนที่เป็นคู่หวานแห่งปี ซึ่งเป็นคู่เขาและแก้วคอยตามล้อเลียนอยู่เสมอ แต่เก่งเองก้ดีใจที่พวกนี้มันลงเอยกันได้เพราะเก่งรู้ว่าทุกคนเป็นคนดีและคงจะไม่ทำตัวเสื่อมเสียแน่ๆ " เฮ้อ ! อยากมีแฟนมั่งจัง " เก่งร้องเปรยเมื่อเห็นเพื่อนๆสวีทกันจนน่าอิจฉา " เอ็งก็มีซะสิ รออยู่ทำไม" แก้วตอบเมื่อเห็นเขาบ่นๆ แหมๆ ถ้ามันหาได้ง่ายๆก้ดีซิ ไอ้แก้ว! " เอ็งก็ออกจะน่าตาดี ก้จีบใครซํกคนเข้าสิ แล้วมีคนที่ชอบแล้วยังล่ะ" หน้าบางหน้าแว๊บ เข้ามาในหัวทันที " เฮ้ย " เก่งร้องเสียงหลง ไม่ได้ๆ ไอ้เดี่ยวมันเป็นเพื่อน ห้ามคิดๆ " เอ็งเป้นไรอ่ะ ทำหน้าอย่างงี้ แสดงว่ามีคนที่ชอบแล้วดิ ใครอ่ะ บอกหน่อยดิ" เสียงเร่งเร้าอย่างตื่นเต้าของไอ้แก้วทำให้เขาเขิน " ไม่มีเว้ย คนอย่างกูใครจะมาเอา ว่าแต่เอ็งเหอะมียัง" เก่งถามกลับ " ยังเว้ย! ยังไม่มี ยังไม่ได้คิด ยังไม่โตพอ" แก้วบอก อย่างขึงขัง "เอ้ย เหรอ ของเอ็งยังไม่โตเหรอ" เขาถามพร้อมเหล่มองเป้าไอ้แก้วล้อๆ " ไอ้เฮียนิ กูหมายถึงก้ยังเป็นเด็กอยู่ รอให้เป็นผู้ใหญ่ค่อยคิดเว้ย " เสียงตอบมาพร้อมตีนที่เงื้อขึ้นถีบ เก่งกระโดดหลบทันอย่างหวุดหวิด "มึงอย่าหนี มาให้กูถีบมึงก่อน" ไอ้แก้ววิ่งไล่ตามเก่งที่วิ่งหนีไปล่วงหน้าพร้อมเสียงหัวเราะ เรื่องแฟนเป็นเรื่องทียังคงติดอยู่ในหัวของเก่งตั้งแต่คุยกับไอ้แก้ววันนั้น ทั้งที่ช่วงนี้เก่งยุ่งมากๆ ทั้งเรื่องการเรียนที่หนักขึ้นกว่าช่วง ม.4 ทั้งกิจกรรมของชมรมศิลปกรรมที่เก่งยังโดนลากมาเข้าอีกเป็นครั้งที่2 แล้วเก่งก้ยังพ่วงการเล่นบาสช่วงเย็นกับเพื่อนๆอีก แต่ถึงอย่างนั้นว่างที่ไรก้เป็นได้คิดเรื่องนี่ทุกที ก็จะไม่ให้คิดได้ไง ก้ไอ้เดี่ยวยังคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวเหมือนเดิม นี่มันยังไม่หนำใจอีกรึวะ! ปิดเทอมก็ตามมากวนใจไม่เว้นแต่ละวัน " เก่งกลับบ้านกันยัง วันนี้ไม่ต้องไปเข้าชมรมใช่มะ " เสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ ไอ้นี่มันยังไงนะ ชอบเข้ามาใกล้ๆทุกทีมีโอกาส " ยังไม่กลับ เราจะเล่นบาส นายกลับไปก่อนเดะ" เก่งไม่สนใจยังคงตั้งสมาธิแล้วชู้ตลูกบาส ลงห่วง "แล้วนายจะเล่นคนเดียวเนี้ยนะ" เดี่ยวมองมาทางเขาที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ย หน้าแดงๆมีเหงือซึม " ก็เออสิ เล่นคนเดียวก้ได้นี่" วันนี้พวกไอ้พัฒน์ ไอ้เคนแล้วก้ไอ้แก้วติดธุระกันหมด " งั้นเราเล่นด้วยคน " เดี่ยวพูดพร้อมถอดเสื้อออกเหลือแต่เสื้อกล้าม โห ตัวมันข้าวขาว " แข่งกันดีกว่า เอาอย่างงี้นะใครแพ้ต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก ใครได้ ยี่สิบลูกก่อนชนะ" เดี่ยวก้าวลงมาพร้อมหยิบลูกบาสไว้ในมือ " โหอย่างงี้ก้เอาเปรียบดิ นายเล่นก็เก่ง ตัวก็สูง แล้วดูเราดิ เล่นยังไม่ค่อยเก่งแถมตัวเตี้ยกว่านายตั้งเยอะ" เก่งร้องออกมาเมื่อเห็นว่าถึงเล่นไปก้ไม่มีทางชนะ " งั้นนายก็ยอมแพ้เลย ใช่มะ เออดีเราได้ไม่ต้องเหนือย กะแล้วว่านายต้องไม่กล้าแข่งกะเรา " เดี่ยวร้องเย้ย " ยอมแพ้เหรอ ไม่มีทาง " เก่งว่าพลางแย่งลูกบาสในมือเดี่ยวอย่างว่องไว แล้วชู๊ตลูกไปทันที ลูกบาสดิ่งลงห่วงอย่างแม่นยำ เก่งหันมาทางเดี่ยวแล้วยักคิ้วให้ เดี่ยวหลี่ตามอง " ไม่เบาเลยนี่ อย่างงี้ค่อยน่าสนุกหน่อย " เดี่ยวร้องบอก เก่งและเดี่ยวห่ำหั่นกันอย่างสุดฤทธิ์ พลัดกันรุกไล่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ออมมื่อ เก่งรู้สึกได้ว่าตนใช้พลังงานไปเยอะกว่าเดี่ยวมากเพราะดูจากอาการเหนื่อยที่มากขึ้นในขณะที่เดี่ยวดูไม่เหนื่อยเลย ถึงคราวที่เก่งเป็นฝ่ายบุกเข้าทำคะแนนอีกครั้ง เก่งพยายามใช้ความว่องไวของตัวเองเลี้ยงลูกเข้าประชิดห่วง เพื่อชู๊ตทำคะแนน แต่ไม่สามารถผ่านการกีดขวางของเดี่ยวไปได้ ไอ้เดี่ยวนี่มันตัวใหญ่ยังกำแพง ! แล้วตูจะผ่านไปได้ไงเนี่ย เก่งคิด เมื่อพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สามารถผ่านเดี่ยวไปได้เลย มันทั้งตัวใหญ่ทั้งว่องไวสมกับที่อยู่ชมรมบาส ทำไงดีเพราะตอนนี้เก่งกะเดี่ยวเสมอกันอยู่ ถ้าเขาชู๊ตได้อีกหนึ่งลูกเขาจะชนะ แต่ถ้าเดี่ยวได้ลูกล่ะทุกอย่างก็จบเห่! " นายไม่มีทางผ่านเราไปได้หรอก " เดี่ยวร้องเมื่อเห้นเก่งลังเลเล้กน้อยเมื่อเห็นว่าเข้าวงในไม่สำเร็จ " ยอมแพ้ดีกว่าน่า" เก่งมองหน้าเดี่ยวแล้วเหวี่ยงลูกบาสหลบมือของเดี่ยวที่พยายามแย่งลูกบาสในมือ "นายอย่าฝันไปเลย " เก่งโต้ เอาวะ!เสี่ยงเป็นเสี่ยง เขาชู๊ตลูกขึ้นไปในอากาศเหนือวิถีมือเดี่ยว ใช่แล้วเก่งตัดสินใจชู้ตลูก 3 คะแนน ลูกบาสลอยดิ่งตรงปยังห่วง ตึง! เกือบเข้า แต่ลุกบาสกระทบขอบห่วงแล้วกระดอนออกมา เก่งกระโดดเข้าแย่งลูกที่กำลังจะล่วงมา กะว่าจะซ้ำอีกครั้ง แต่ช้ากว่าเดี่ยวที่กระโดดที่เดียวเท่านั้นก้สามารถคว้าลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศมาไว้ในมือ พร้อมชู๊ตลูกออกไปทันที เก่งพุ่งตัวเข้าหาหวังจะปัดไม่ให้ชู๊ตได้ " ฟุ่บ! เสียงลูกบาสลอดเข้าห่วงลงอย่างแม่นยำ " เฮ้ย พลัก!เสียงเดี่ยวร้องเมื่อเห็นเก่งที่กระโดดปัดลูกบาสเมื่อกี้ เสียหลักทิ้งตัวมาชนเขาอย่างจัง เดี่ยวล้มลงตามแรงชน เก่งทับอยู่บนตัวของเดี่ยวอีกที โดยมีมือของเดี่ยวประคองอยู่ " นายเจ็บ ตรงไหนเปล่า " เดี่ยวถามอีกฝ่ายที่ยังทับตัวของเดี่ยวท่าทางตื่นๆ " เราไม่..ไม่เป้นไรขอบใจนะ" เก่งยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมสำรวจตัว เดี่ยวเองก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บข้อศอก " เฮ้ย นายเลือดออก! ไหลเต็มเลย " เก่งตกใจหน้าซี้ด " ไม่ป้นไรมากนี่ แค่ถลอกนิดเดียวเอง " เดี่ยวบอกอย่างไม่แยแสตัวเอง " เอ้ย! ยังมาพูดอีก มานี่!" เก่งว่าแล้วดึงเดี่ยวให้เดินตาม แสงไฟในห้องพยาบาลส่างขึ้นเมื่อเก่งสับสวิท ตอนนี้อาจารย์ผู้เฝ้ากลับบ้านไปแล้วแต่ภารโรงยังไม่ได้มาปิดห้อง เก่งลากให้เดี่ยวเดินตามมาในห้อง " เฮ้ย บอกแล้วว่าเป้นแผลเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องมาทำแผลหรอก " เดี่ยวยังคงปฏิเสธที่จะไม่ทำแผล "เอ้ย! ไม่ได้เดี๋ยวแผลอักเสบ เอ้ายกแขนขึ้น " เก่งเถียงแล้วเริ่มทำแผล " นายเจ็บมากเปล่าเดี่ยว เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ "เก่งทำความสะอาด ใส่ยาและพันแผลแบบเบามือ เมื่อเห้นอีกฝ่าย นิ่วหน้า " เราไม่เป็นไร แค่นี้มันนิดเดียวเอง ไกลหัวใจ" เดี่ยวยิ้ม " เป้นห่วงเราเหรอ ขอบใจนะ " เดี่ยวมองตาแบบซาบซึ้ง เอาอีกแล้ว มองแบบนี้ โอยตูหน้าแดง " เปล่าซะหน่อย แค่ไม่อยากรู้สึกผิด " เก่งปฏิเสธทันควัน " จริงเหรอ ว้าแย่จัง คิดว่าเป็นห่วง" เก่งแกล้งทำไม่เป็นไม่ได้ยิน " นายไม่เป้นไรก็ดีแล้ว งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ " เก่งเดินนำออกมา โอย!ไอ้เก่งบ้า เอ้ย!เลิกหน้าแดงได้แล้ว เดี๋ยวไอ้เดี่ยวมันก็จับได้หรอก ฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อดวงอาทิตย์รับขอบฟ้า ในความสลัวยังมีรถจักรยานคันนึงถีบไปอย่างๆช้า ดูไม่รีบร้อน เด็กหนุ่มตังใหญ่เป้นคนขี่ส่วนเด็กหนุ่มตังเล็กเป็นคนซ้อนท้าย " เฮ้ย เก่ง วันนี้นายแพ้เราอย่าลืมสัญญานะ " เออ! รู้แล้ว แหมไอ้นี่ทวงจริงๆ กะว่าจะเงียบให้มันลืมซะหน่อย ดันความจำดีอีก เก็งมองเดี่ยวเซ็งๆ เมื่อโดนทวงสัญญา " สัญญาไรอ่ะ ไม่รู้เรื่อง ไม่มีลายลักษณ์อักษร " เก่งยวนเข้าให้ " เฮ้ย ! ไรว่ะ นายจะโกงเราเหรอ" เดี่ยวทำเสียงดุ หันกลับมามอง " คราวนี้นายโดนดีแน่ " " งั้นเหรอ โหกลัวอ่ะ นายจะทำไรเราอ่ะ " เก่งร้องเย้ย พร้อมหัวเราะขำ เมื่อเดี่ยวเงียบ แล้วขี่จักรยานเร็วขึ้นด้วยความโมโห เวลาวูบเดียวเท่านั้น เดี่ยวก็จอดรถหน้าบ้านของตัวเอง " เข้ามาก่อนดิ เราแวะบ้านแป็บเดียว เดี๋ยวไปส่ง" เดี่ยวร้องบอกพร้อมเดิน นำเข้าบ้าน " กลับมาแล้วเหรอ อ้าวเก่ง หวัดดีจ้า วันนี้แวะมาเที่ยวเหรอ" เก่งหวัดดี พร้อมยิ้มรับแทนคำตอบ น้าอรกะน้าโด่งพ่อแม่ของเดี่ยวกำลังช่วยกันทำกับข้าวในครัว ส่วนเดี่ยวเดินแยกขึ้นห้องที่อยู่ชั้นบน " โด่งดูสิ เก่งโตขึ้นมากเลยนะเนี้ย แต่หน้าตายังน่ารักเหมือนตอนเด็กเลย" น้าอรเอ่ยชมเก่งกับน้าโง เก่งยิ้มเขินๆ ดูท่าทางพ่อกะแม่เดี่ยวนี่รักกันดีนะ ยังดูสวีทกันอยู่เลย "ได้ข่าวว่าอยู่ห้องเดียวกะเดี่ยวใช่ไม๊ ยังไงดูเดี่ยวด้วยนะ ไอ้นี่มันขี้เกียจ" น้าโด่งออกตัวฝากฝัง แหม!น้าโด่งครับไม่ต้องฝากหรอก ไอ้นี่มันเรียนเก่งกว่าผมอีก เก่งคิด " วันนี้อยู่กินข้าวกันก่อนนะ " น้าอรร้องชวน แหม ผู้ใหญ่นี่รู้ใจเด็กจริงๆ กะลังหิวเลย ลาภปาก " เดี่ยวๆ ลงมากินข้าวเร็ว " เสียงน้าอรเรียกลูกชายตัวดีลงมา ตึง! ๆๆๆๆ เสียงฝีเท้ารัวกระแทกบันไดลงมา " เดี่ยว! บอกแล้วว่าอย่าวิ่งในบ้าน เดี๋ยวตีตาตุ่มแตกเลย " น้าอรดุลูกชายตัวโต ทีตอนนี้กลายเป็นเด็กชายวัยไม่เกิน 5 ขวบที่อยู่ต่อหน้าแม่ตัวเอง " ตัวโตจะแย่ ยังจะวิ่งอีกเดี๋ยวบ้านก็ถล่มหรอก " น้าอรยังไม่หยุด " นี่แม่บ่นมากแก่เร็วนะ" เดี่ยวเถียงหมุบหมิบๆ กะไม่ให้ได้ยินแต่น้าอรหูดีใช่ย่อย " เพี๊ยะ ! นี่ๆล้อเลียนแม่เหรอ" เสียงมือน้าอรกระทบต้นแขนของเดี่ยว คนโดนตีกระโดดหนีไปมากาะหลังเก่งหวังว่าจะหลบให้พ้นวิถีของแม่ตัวเอง " นี่ๆ พอๆเลย แม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้อายแขกเลย มาๆมากินข้าวได้แล้ว " เสียงน้าโด่งห้ามทัพ เก่งอมยิ้มกลั้นหัวเราะทำหน้าล้อเลียน เดี่ยวทำหน้าดุขึงตาใส่เพื่อให้หยุด อาหารเย็นมื้อนี้เริ่มต้นง่ายๆ ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ เป็นอาหารง่ายๆ แต่อร่อยอย่างบอกไม่ถูก พ่อกับแม่ของเดี่ยวตักกับข้าวให้กันกระหนุงกระหนิง พูดคุยหยอกล้อกันสวีทหวานน่าดู เออ!แฮะ พ่อแม่ไอ้เดี่ยวนี่น่ารักจัง " ดูดิ เก่ง แก่แล้วยังมานั่งสวีทกันอยู่ได้ " เดี่ยวหันมากระซิบนินทาพ่อแม่ " เฮ้ย ได้เดี่ยวนินทาไรพ่อกะแม่ " น้าโด่งเขินเมื่อเห้นเด็กๆ 2 คนนั่งจ้องแล้วอมยิ้ม " แล้ว พี่เกียรติกับ พี่เพ็ญ น่ะ เป็นไงมั่ง ช่วงนี้เห็นว่ายุ่งๆ"น้าโด่งถามถึงพ่อแม่ของเก่ง " พ่อกะแม่ผมช่วงนี้เค้ายุ่งอ่ะครับ พ่อพาลุกค้าไปทัวร์เมืองนอก กลับเดือนหน้า แม่ก็เข้าเวรดึกอ่ะครับ เลยยังไม่ค่อยมีเวลา" เก่งรวบช้อนแล้วดื่มน้ำ ตามพ่อแม่ของเดี่ยวที่อิ่มก่อนหน้าเขา " เหรองั้น นี่ตอนกลางคืนก็ต้องอยู่บ้านกะพี่สาว 2 คนสิ น่าเป็นห่วงนะมีแต่เด้กๆอยู่บ้าน " น้าอรบอกออกมาด้วยนำเสียงกังวล " ใช่ครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกะพี่ชินแล้ว " เก่งรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่ครบครัวของเดี่ยวส่งมาให้ " แม่งั้น คืนนี้ผมขอไปนอนบ้านไอ้เก่งนะ พรุ่งนี่วันเสาร์ไม่ต้องโรงเรียนอยู่เป้นเพื่อนมันได้ทั้งวันเลย" เฮ้ย ไอ้เดี่ยวมึงพูดไรเนี้ย ตูยังไม่ขอร้องเลย " อืมไปสิเดี่ยว เก่งจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อน มีอะไรได้ช่วยเหลือกัน " น้าโด่งสรุป โถ่!น้าโด่งครับ ไอ้ที่น่ากลัวกว่าโจรน่ะลูกน้าแหละ จะอ้าปากปฏิเสธ แต่ช้ากว่าไอ้คนนั่งข้าง " ไอ้เก่งมันตกลงแล้วครับแม่ " เฮ้ย ! ยังไม่พูดไรเลย " งั้นเราไปเอาเสื้อผ้าเลยนะ " เดี่ยวบอก แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน และวิ่งลงมาอีกที่พร้อมเป้ที่ยัดอะไรๆ มาจนตุง เก่งมองอย่างเซ็งๆ " งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยววันหลังมาใหม่ " เก่งยกมือไหว้ " วันหลังก็มาค้างที่นี่มั่งนะ " น้าอรเออชวน เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินนำออกไปนอกบ้าน " เฮ้ย เดี่ยว! นี่เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้นายไปนอนด้วย " เขาหัวเสียเมื่อเห้นเดี่ยวดี้ด๊าเกินเหตุ " เราไม่สนใจว่านายจะยอมรึเปล่า แต่นายต้องทำตามที่เราบอกทุกอย่าง ก็นายเล่นบาสแพ้เรา นายก้ต้องทำตามที่สัญญา เข้าใจ๋" เดี่ยวยักคิ้วเย้ย " ไม่รู้เรื่องสัญญาไร ไม่รู้ก้นายไม่ได้ร่างสัญญาไว้นี่จะเอาไรมาบังคับเรา" เก่งจ้องหน้าตอบแบบลองดี "นายแน่ใจว่านะจะให้เราบังคับ " เจ้าของเสียงห้าวต่ำก้าวเข้ามาประชิดตัวแทบติดกัน รั้งแขนเขาให้เข้ามาชิด " เฮ้ย!ทำไรอ่ะ " อีกฝ่ายไม่ตอบ ยิ้มมุมปาก ก้มลงประชิดพร้อมกดปลายจมูกลงแรงๆที่แก้มของเขา จ๊าก! เอ้ย ! ทำไรเนี้ย !!!!!!!!!
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 7 หน้าเก่งชาวูบเมื่อถูกกระทบอย่างแรงด้วยจมูกของเดี่ยว หัวใจกระตุกอย่างแรงๆ อยู่หลายที ตอนนี้ความเขินไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเดียว แต่มีความโกรธที่มันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอย่างแรงด้วย " เฮ้ย! ไอ้บ้านี่" เก่งสะบัดหน้าออกแล้วชกสวนไปอย่างแรง เดี่ยวหลบแล้วคว้าข้อมือเล็กๆนั่นไว้ได้ แล้วก้มลงหอมแก้มอีกข้าง " เอ้ยปล่อยๆ ทำไมทำแบบนี้วะ " เก่งร้องลั่น " ไม่ปล่อย คนไม่รักษาสัญญาต้องโดนแบบนี้แหละ " เดี่ยวยิ้มสะใจ " ตกลงนายจะทำตามที่สัญญากับเรารึเปล่า " เดี่ยวคาดคั้น " ไม่ทำก็ไม่เป็นไร เราจะได้ทำอย่างอื่นกะนายอีก " “ เอ้ย ๆไม่เอาๆ “ ไอ้บ้านี่มันคิดไรว่ะเนี้ย เก่งคิด " ตกลงว่าไง" หน้าขาวๆก้มลงมาอีก " เฮ้ยๆๆ ยอมแล้วๆเรายอมทำตามนายทุกอย่างแล้ว ปล่อยมือซะที่เด่ะวะ " เก่งร้องลั่น " ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้โตไวๆ งั้นขอค่ารักษาสัญญาก่อน นะ" เดี่ยวก้มลงหอมแก้มแรงๆอีกครั้ง แล้วหัวเราะสะใจ ทันทีที่ปล่อยมือ เก่งกระโดดหนีมายืนตั้งหลักซะ 1 เมตร หน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว " เฮ้ย! เป็นไรน่ะ หน้าแดงเชียวเขินเหรอ" เดี่ยวร้องแซวเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย " แค่นี้ก็เขินเรอะ ที่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราทั้งกอดทั้งหอมไม่เห็นนายจะว่าอะไรเลย" แหม! ไอ้บ้าเอ้ย จะให้ตูเฉยๆได้ไง ตูโตแล้ว ! " เอ้า! ไปกันเหอะ เราอยากไปนอนบ้านนายเต็มแก่แล้ว " เดี่ยวหันมาสั่งแล้วผิวปาก อืมๆๆ! อารมณ์ดีนะ! " อ้าวยังยืนงงอยู่อีก ไปเร็วดิ หรือต้องให้อุ้มไป " เดี่ยวหันมาดุใส่ "ไปแล้ว ๆ " เก่งหน้าหงิกร้องสวนไป เร่งจริงนะไอ้เดี่ยว ฝากไว้ก่อนเหอะ !.... " อ้าว ตัวกลับมาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าล่ะ แล้ว..นั่นใคร" เดี่ยวหันไปมองตามเสียงเมื่อเดินตามเก่งเข้าบ้าน " อ๋อนี่ไอ้เดี่ยว ลูกน้าอรไง ที่เมื่อก่อนเป็นเพื่อนเล่นของเค้าไง " เดี่ยวหวัดดีพร้อมยิ้มกว้างๆให้กับพี่กานต์ พี่สาวของเก่ง " อ้าวเดี่ยวเหรอเนี้ย โห จำไม่ได้เลย โตขึ้นหน้าเปลี่ยนไปนะ " พี่กานต์ร้องบอกอย่างแปลกใจ " แล้วนี่ตัวกินข้าวยังล่ะ" เก่งถามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง " เค้ากินแล้วล่ะ รอตัวไม่ไหวเลยกินก่อน ว่าแต่ตัวเถอะกินไรรึยัง " “เค้ากินข้าวมาจากบ้านเดี่ยวแล้วไม่ต้องเป็นห่วง” แหมน่ารักซะจริงไอ้เก่งนี่มันพูดตัวพูดเค้ากะพี่สาว เดี่ยวมองสำรวจสองคนพี่น้อง แล้วร้องได้คำเดียว โคตรเหมือนกันเลย พี่น้องคู่นี้ เออนะ พี่กานต์ดูเป็นคนสวยน่ารักไม่น้อยเลยที่เดียว ตาโต คมๆหวานๆ ปากจิ้มลิ้มสีชมพูอิ่ม แก้มใสเนียน แล้วนี่ไอ้เก่งนี่มันก็ก๊อปปี้พี่มันมาได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ ดูแล้วอย่างกับฝาแฝด ดีหน่อยที่ไอ้เก่งยังตัวสูงกว่าพี่มันพอสมควร " วันนี้ไอ้เดี่ยวมันขอมาค้างด้วยนะ " เก่งบอกกับพี่ตัวเองไม่หันมองคนถูกกล่าวถึง " อืมตามสบายนะ " พี่กานต์ว่าแล้วยิ้มให้ “ เค้าขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวก็อย่านอนดึกล่ะ “ เก่งร้องบอกพี่แล้วเดินขึ้นห้อง... เดี่ยวมองห้องของเก่งด้วยความรู้สึกแปลกๆ อะโห นี่มันห้องนอนรึ แกลลอรี่ภาพกัน แน่ ตามฝาผนังเต็มไปด้วยภาพวาดของฝีมือเจ้าของห้อง มีทั้งภาพสีน้ำมัน สีน้ำ และ ภาพสีเทียนในตอนเด็กๆ ที่เจ้าของห้องยังอุตสาห์ จัดใส่กรอบมาแขวนไว้ ตรงมุมห้องติดริมหน้าต่างมีขาตั้งภาพอยู่โดยข้างบนยังมีภาพที่วาดค้างไว้ ข้างๆกันเป็นโต๊ะตัวใหญ่ บนโต๊ะมีขวดโหลแก้วใส่ดอกบัวเต็มแน่น ที่เริ่มโรยลงไปบ้างแล้ว ถัดจากโหลแก้วเป็นกองพู่กัน ที่ผ่านการทำความสะอาดแล้ว " โทษทีนะ ห้องรกไปหน่อย ไม่ได้คิดว่าจะมีใครร้องตามมาขอนอนด้วย " เก่งเปิดฉากกัดเพื่อนซะงั้น จริงๆจะเรียกว่าห้องรก นั้นก็ไม่ได้ เพราะเตียงนอนยังจัดไว้อย่างสะอาดเอี่ยม โต๊ะเขียนหนังสือที่ยังเป็นระเบียบดีอยู่ “นายวาดรูปไว้เยอะเลยนะเนี้ย” เดี่ยวมองภาพที่ติดไว้มากมายแล้วคะเนว่าจะมีประมาณ 20 กว่ารูป นั่นยังไม่รวมที่กองไว้กับพื้น ส่วนใหญ่เป็นรูป วิวหรือไม่ก็ดอกไม้ เก่งมองหน้าเดี่ยวที่มองภาพอย่างสนใจ ในใจยังแค้นกรุ่นๆ ไม่หาย โอย!ต้องมานอนกะไอ้บ้านี่อีกเบื่อโว้ย! เก่งทำหน้าเซ็ง “ เป็นไรอ่ะ ทำไมหน้างอ “ เงียบไม่มีเสียงตอบจากเก่ง “ เฮ้ย เป็นไร “ เก่งยังเงียบอีก “ จะบอกดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลังห่ะ” เดี่ยวเหลืออด โดดเข้าหาอย่างหมั่นเขี้ยว ผลั่ก! !! เสียงเท้าเก่งที่เงื้อรอ กระทบกับสีข้าง “ นายเข้ามา เด่ะ เราสู้นาเว้ย “ เก่งร้องบอกตั้งท่ารออย่างเอาจริง “ อูย เออ ๆยอมแล้ว ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย “ เดี่ยวร้องอ้อน สีหน้าไม่ได้แสดงว่าเจ็บปวด “ ก็นายอยากมาเล่นไรแผลงๆนี่หว่า “ “ เราก็ไม่ได้ทำไรแผลงๆแค่จะจับมาคุยกันให้รู้เรื่อง “ เดี่ยวเง้างอดเป็นเด็กๆ “ แหม พูดจาดูดีจังนะ ห่านิ ไม่ได้เล่นแผลงๆเหรอ แล้วไอ้เมื่อเย็น นี่มันอะไร ห๊า” เก่งตวาดอย่างเหลืออด นี่เมื่อกี้ถ้าไม่ถีบมันออกมาก็ไม่รู้ว่าต้องโดนไรอีก “ ก็เค้าแค่ล้อเล่นเอง ตัวโกรธเค้าเหรอ “ เดี่ยวล้อเลียน เก่งมองหน้าเคืองๆ พยายามอย่างหนักที่จะไม่โกรธตอบ เพราะรู้ว่าเดี่ยวกำลังยั่วโมโหตนอยู่ โดยหวังผลอะไรบางอย่าง “ เออ ! อยู่เพ้อเจ้อไปคนเดียวเหอะ เราไปอาบน้ำแล้ว เชิญตามสบายเลย “เก่งโมโหจนต้องเดินหนีเข้าห้องน้ำ “ เฮ้ยอาบน้ำด้วยคนเด่ะ “ ไอ้บ้าหน้าขาวร้องแซว “ หุบปากไปเลย!” เก่งตะโกนตอบเมื่อปิดประตูสนิท โอย! ไอ้เดี่ยวนี่มันยังไง ตามมายียวนกวนบาทาอยู่ได้ แล้วยังคอยจ้องเข้ามาเล่นไรแผลงๆอีก ไอ้นี่นับวันยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย เกิดเผลอขึ้นมาเดี๋ยวเสร็จมันแน่ แล้วนี่ทำไมตูต้องหน้าแดง นี่ตูเขินมันเหรอว่ะเนี้ย แต่ เอ! แล้วทำไมต้องเขิน แล้วเพราะอะไร ...... โอยช่างมันเหอะ ! เลิกคิดดีกว่า เก่งหันไปมองหน้าตัวเองในกระจกห้องน้ำแล้วพบว่า หน้าของเขาแดงจัด ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแดงได้ง่ายๆ เก่ง..ออกจากห้องน้ำด้วยชุดแต่งกายที่มิดชิดอย่างมาก ปกติเขาจะใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น เป็นชุดนอน แต่เพราะวันนี้ดันมีแขกที่ไม่ได้เชิญมานอนด้วย การแต่งตัวเช่นทุกวันอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของท่าน! “ นี่ชุดนอนนายเหรอ เนี้ย” เดี่ยวมองงง เมื่อเห็นเก่งใส่กางเกงผ้าขายาวและเสื้อยืดแขนยาว ตัวใหญ่ “ แล้วนายมีปัญหาอะไร “ เก่งถามเคืองๆ จริงๆคนที่มีปัญหาน่าจะเป็นเก่ง เพราะเหงือที่เริ่มตกจากอากาศที่ร้อนและชุดเสื้อผ้าของเขา “นายไปอาบน้ำได้แล้ว ไอ้ตัวเหม็น “ “คร้าบ..บ เจ้านาย “ เดี่ยวเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย เสียงฝักบัวผสมกับเสียงฮัมเพลงลั่นห้องน้ำ เก่งส่ายหน้าอย่างระอา ! กลิ่นสบู่หอมฟุ้งลอยออกมาจากห้องน้ำเมื่อประตูเปิดออก เก่งนั่งหันหลังทำไม่สนใจ ยังคงวางเฉยนั่งวาดภาพที่ค้างต่ออย่างสงบ แต่หางตายังเหลือบไปมองเดี่ยวที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยดน้ำ “นี่ดึกแล้วนายยังวาดรูปอีกเหรอ” เสียงของเดี่ยว ดังอยู่เหนือหัว เงยหน้าขึ้นจึงพบกับหน้าที่มองมา หยดน้ำจากผมที่เปียก หยดลงมายังใบหน้า และ ลำคอของเก่ง “ นายไปเช็ดตัวให้มันแห้งก่อนเหอะ น้ำหยดใส่รูปเราหมดแล้ว “ จริงๆ เขาไม่อยากมาเห็นเปรตแถวนี้ต่างหาก เดี่ยวหันกลับพลางรื้อกระเป๋าหยิบกางเกงบอลออกมาสวม แล้วนั่งเช็ดผมอยู่ที่เตียง อึ๋ย! นี่จะจ้องมาทำไมฟะ เขาคิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอียงคอมอง “ นี่ๆ ดึกแล้วมานอนกันดีกว่า “ เฮ้ย หูฝาดไม๊เนี้ย มันว่ามานอนกันดีกว่า ! “นายนอนไปก่อนเหอะเราจะทำงานของเราต่อ แล้วนายทำไมไม่ใส่เสื้อวะ” เก่งรำคาญหรืออายไม่แน่ใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเดินไปเดินมาไม่ใส่เสื้อซะที “ทำไมอ่ะ ก็อยู่บ้านเราไม่ใส่เสื้อนอนนี่ นายมีไรเหรอ “ เดี่ยวถามงงๆ “ก็เปล่า ไม่มีไร “ เก่งหันกลับเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมองเดี่ยวมากเกินไปแล้ว ทำไมตัวมันล่ำจังวะ! โคตรแมนเลย “ งั้นก็มานอนดิ มานอนพร้อมกันไง” ทำไมเซ้าซี้จัง ไอ้เดี่ยวนี่ “เอ! ก็บอกแล้วไงว่าให้นอนไปก่อน จะทำงาน! “ เก่งไม่สนใจวาดภาพต่อ “ ไม่เอาดิ มานอนด้วยกันเร็วๆ” ไอ้เดี่ยวร้องเหมือนเด็กเอาแต่ใจอีกรอบ “ จะมาดีๆหรือจะให้ไปอุ้มมา” เมื่อเห็นเก่งไม่สนใจเลยยื่นคำขาด “ เก่งจริงก็เข้ามาดิ “ เก่งร้องท้ากะว่าจะได้ฉลองศรัทาสักทีสองที แต่แล้วก็ร้องเสียงหลง “เฮ้ย ปล่อย! “ เดี่ยวมาจากไหนไม่ทันเห็น รู้อีกทีก็โดนอุ้มตัวลอยวางลงบนเตียง “ นายคิดว่านายดิ้นหลุดไปได้ ก็ลองดู” เดี่ยวเย้ย เมื่อตอนนี้กอดเก่งไว้แน่น นอนคู่กันบนเตียง ตายังคงมองกันนิ่ง “ ปล่อยเราได้แล้ว เราร้อนนะ “ เก่งคิดว่าอาจะมีอะไรเลยเถิดแน่ถ้ายังนอนกอดกันอยู่แบบนี้ “ เหรอ งั้นเราถอดเสื้อให้นะ “ เสียงกระซิบยั่วให้เก่งความคิดเตลิด “ เฮ้ย! ไม่ต้องไม่ร้อนแล้ว ปล่อยมือจากเราดิ “ เก่งเริ่มผ่อนลมหายเพื่อระงับอารมณ์บางอย่าง “ เราไม่ปล่อย วันนี้ขอเรากอดนายนอนก็แล้วกัน ตัวนายหอมดีเราชอบ “ เดี่ยวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จน “ เฮ้ย ไม่เอา ปล่อยเรา เราอึดอัดนาโว้ย” เก่งดิ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเตลิดจนกู่ไม่กลับแล้ว “ นี่เป็นคำสั่งนะ อย่าลืมว่านายต้องทำตามคำสั่งเรา หรืออยากให้เราบังคับอีก “ เดี่ยวใช้ไม้ตาย เออๆ ก็ได้วะอยากกอดก็กอดไป ไอ้บ้าเอ้ย! เก่งบอกไม่ถูกว่ายังไงเพราะตอนนี้มันเป็นความรู้สึกทีประหลาด รู้สึกตื่นเต้นกึ่งเขินอาย แต่ก็ยังรู้สึกพอใจเล็กๆที่ได้รับความอบอุ่นของร่างอีกฝ่าย “ คิดอะไรอยู่เหรอ ทำไมยังไม่นอน“ เสียงนุ่มถามแผ่วๆเมื่อเห็นเก่งยังไม่ยอมหลับตา ทั้งที่ปิดไฟไปแล้ว “แล้วนายล่ะ ทำไมยังไม่นอน” เก่งถามกลับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหลับตาเหมือนกัน “เรารอให้นายหลับก่อนแล้วเราค่อยนอน “ เดี่ยวยิ้มให้ในความมืดสลัว “ งั้นเรานอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ “ เก่งตัดบท “ เก่ง “ เสียงกระซิบเรียก เบามากแต่ก็ยังพอได้ยิน “ มีอะไรอ่ะ “ เขาถามโดยไม่ลืมตา “ ขอเราจูบนายได้ไม๊ “ เอ๊ะๆๆ!สงสัยฝันแน่เลย ฮ่าๆ วันนี้ฝันแปลก “ เก่งได้ยินรึเปล่า เราจูบนายได้ไม๊ “ เฮ้ย !ไม่ใช่ฝันแล้วมั้ง เก่งลืมตาอย่างตกใจ “นายว่าอะไรนะเอาใหม่ดิ “ อาจจะฟังผิดก็ได้มั้ง เขาคิด “ เราอยากจูบนายน่ะ ได้ยินไม๊ว่าเราอยากจูบนาย “ ชัดเลยคราวเก่งตาโต มองเดี่ยวที่ยิ้มให้ “ เฮ้ย! ไม่ได้ๆ ไม่เอาอย่ามาเล่นอะไร บ้าๆนาเว้ย” “ เราไม่ได้เล่น เราเอาจริง นายยังไม่เคยจูบใครใช่มะ งั้นขอเราเป็น first kiss แล้วกันนะ” เดี่ยวพลิกตัวขึ้นทับกันเก่งดิ้นหนี พร้อมจุมพิตลงอย่างแผ่วเบา เก่งตะลึงลืมตัวหัวใจกระตุกเต้นวูบวาบ ความหวานซ่านไปทั่ว ฉับพลันความหวานเปลี่ยนเป็นความซ่านเสียวไปทั่วตัว เมื่อเดี่ยวบดลงริมฝีปากลง พร้อมจูบซ้ำเวียนวนไปมา ลิ้นของเดี่ยวล่วงล้ำเข้ามา เขายิ่งเริ่มสั่น หมดแรงไปดื้อๆ เดี่ยวยังไม่ยอมถอนปากออกไปง่ายๆยังเฝ้าจูบซ้ำเวียนวนเหมือนกับกำลังและเล็มของหวาน “ พอ.. พอ ก่อน พอแล้ว” เก่งกัดฟันร้องออกมาแต่เสียงแผ่วๆ ไปเข้าใจว่าทำไมไม่มีเสียง แต่หายใจแรงๆเหมือนคนเล่นกีฬามาหนักๆ “ เราขอโทษนะ อดใจไม่ไหวจริงๆก็นายมันน่าจูบนี่ “ เก่งยังงง สมองยังไม่สั่งงาน “ นาย.. นายอย่าทำกับเราอย่างนี้ อีก..นะ “ หัวใจเต้นแทบทะลุออกจากอก เขาไม่กล้าสบตาเดี่ยวที่ก้มลงมามอง “ นายนอนเถอะ ถ้านายไม่ชอบเราจะไม่ทำอีก นอนเถอะอย่าคิดมากเลย “ เดี่ยวพลิกตัวกลับมานอนที่เดิมแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ เก่งยังคงลืมตาในความมืด มองคนตรงหน้าอย่างงง รอยจูบเมื่อกี้ยังไม่คลาย มันยังคงเหลือความรู้สึกไว้ที่ริมฝีปากอย่างเบาบาง เก่งเผลอยกมือขึ้นแตะ นี่มันอะไรกันนี่ทำไมเป็นแบบนี้! ทำไมรู้สึกอย่างนี้! เมื่อกี้มันจูบเรา แต่เราไม่โกรธมันเลยเหรอ แล้วนี่เราเป็นอะไรทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย! นี่ความรู้สึกที่เรากดมันไว้มันกลับมาอีกแล้วเหรอ! แล้วทำไงดีล่ะ เขายังไม่อยากให้เดี่ยวรู้ ใช่แล้วเขาต้องพยายามกดมันไว้อีก แต่เสียงเล็กที่มันสั่งมาจากส่วนลึก มันมีอำนาจมากว่า เก่งรู้สึกว่าคราวนี้เค้าห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว เค้าชอบเดี่ยวมากเหลือเกิน ! เก่งไม่สนใจสิ่งที่มันอยู่เถียงกันอยู่ในหัวอีกแล้ว เขาหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงกับอกของเดี่ยว บอกกับตัวเองว่าขอทำตามที่ตัวเองปรารถนาสักครั้ง....
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 8 เก่ง..ลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดอุ่นๆยามเช้า ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา สิ่งแรกที่รู้สึกคือตอนนี้ตนนอนหนุนแขนของเดี่ยว ตัวเขายังแนบชิดกันเหมือนตอนก่อนนอน ลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ปะทะหน้าผ่าวๆ เดี่ยวไม่รู้สึกตัวยังคงนอนหลับตาพริ้ม ไรหนวดเริ่มเขียวขึ้น หน้าตอนหลับของเดี่ยวทำไมชวนมองขนาดนี้ ใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เก่ง ลุกออกจากที่นอนเบาๆเพื่อไม่ให้เดี่ยวรู้สึกตัว แสงแดดอุ่นๆ ทีส่องมากระทบร่างที่นอนหงายอยู่บนเตียง กล้ามเนื้อต่างๆที่ได้สัดส่วนถุกล้อมด้วยผ้าห่มขาวสะอาด ดูเป็นประกายท่ามกลางแสง หน้าอกเปลือยล่ำทอดยาวไปจนถึงหน้าท้องที่อยู่เหนือขอบกางเกง ขนอ่อนรำไร ช่างดูเป็นภาพศิลป์ที่สวยงามน่าเย้ายวน เก่งนั่งลงหยิบกระดานสเก็ตรูปแล้วลงมือวาดภาพที่เห็นตรงหน้า เพื่อเก็บสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นภาพน่าตรึงใจ.... เดี่ยว..งัวเงียตืนขึ้นมาเมื่อแสงแดดเริ่มร้อนแรงขึ้น นี่วันนี้เขาตื่นสายน่าดูเลย ลุกขึ้นมากุมหัวเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น " ทำไปจนได้ซิน่าเรา" เขายิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงมือคืน แต่ก้รู้สึกใจคอไม่ดี " เก่งมันจะเกลียดเราไม๊นะ " เหลียวมองไปรอบห้องแต่ไม่พบร่องรอยของคนที่คิดถึง "นี่มันหายไปไหน คงไม่ได้หลบไปร้องไห้ เหมือนตอนเด็กหรอกนะ " เขาคิดพลางเปิดประตูห้องออกเดินหา เดี่ยวเลี้ยวตามเสียงกุกกักที่เกิดขึ้นในครัว แสงแดดส่องให้เห็น เด็กหนุ่มที่เขาตามหา กำลังทำอะไรง้วนอยู่หน้าเตาไฟ " นายทำไรอ่ะ หอมจัง " เขาเอ่ยปากชม แต่ไม่ได้หมายถึงกับข้าว " ถ้าไม่อยากโดนตะหลิวเคาะหัว ก็ปล่อยมือ! " เก่งไม่หันหน้ามอง แต่รู้สึกได้ว่ามีมือแตะเอวอยู่ " ok เรายอมแพ้ " ว่าแล้วก็ถอยห่างออกมา 1ก้าว "พอยังคับ " " เออ อยู่ตรงนั้นแหละ" เก่งก็ยังไม่หันหน้ามาสักที " ให้เราช่วยป่ะ " เดี่ยวเสนอตัว " งั้นช่วยหยิบจานส่งมาที่เด่ะ " เมื่อเสนอเก่งเลยสนอง กับข้าวร้อนๆ ควันขึ้นฉุยส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ถูกส่งมาวางตรงหน้าของเดี่ยวพร้อมไข่เจียวอีกหนึ่งจาน เก่งตักข้าวร้อนๆ ใส่จานส่งให้ " เอ้ากินซะ" เดี่ยวยังไม่อยากกินข้าวตอนนี้ เพราะเรื่องที่ยังค้างในใจอยู่ ทำไมเค้าดูไม่ออกว่าเก่งคิดยังไง สิ่งที่เค้าเห็นคือความนิ่งเฉย แววตาที่ดูสงบนิ่งทำให้ใจเขาฟ่อลง " เก่ง เรื่องเมื่อคืนน่ะ เรา..." เดี่ยวทำใจให้กล้าแล้วพูดออกมา " นายเลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว ตอนนี้เวลากินข้าวนะ กินซะ" เก่งเบือนหน้าไปอีกทาง เขาอึ่งไม่นึกว่าเก่งจะปฏิเสธไม่พูดเรื่องเมื่อคืน “ รึเก่งมันเกลียดเรา” เมื่อคิดแล้วเดี่ยวรู้สึกใจเหี่ยวลงทันตา " เอ้า! เป็นไร กินข้าวซะที่สิ กับข้าวไม่อร่อยรึไง " เก่งท้วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้ามองข้าว " เปล่า " เดี่ยวเงยหน้าสบตากับตากลมโตคู่นั้น แล้วตักข้าวเข้าปากหลายคำอย่าประชด " จ๊าก ! ร้อน " เดี่ยวคว้าน้ำดื่มตามลงไปอย่างเร็ว รู้สึกได้ถึงลิ้นที่ชาๆ " ฮ่าๆๆ เดี่ยวนายนี้ตลกจัง กินเข้าได้ไงข้าวร้อนขนาดนั้น " เก่งหัวเราะแล้วยิ้มสดใส เดี่ยวมองหน้านั้นอย่างลืมตัว บอกกับตัวเองว่า แม้เก่งจะรังเกียจเขาอย่างไร แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้ต้องทำให้เก่งมารักเขาให้ได้! เก่งยังคงพยายามอย่างหนักที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเดี่ยว นี่มันก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่มันไม่มีทีท่าว่ามันจะกลายเป็นความทรงจำเก่าๆ ไปได้ ก็เมื่อว่างที่ไรเป็นต้องแว๊บเข้าในหัวทุกที ช่วงนี้เก่งไม่อยากปล่อยตัวเองให้ว่าง พยายามหาอะไรทำเพื่อให้ยุ่งตลอดเวลา เช้าเรียน กลางวันวาดรูปในห้องศิลป เย็นเล่นบาส แต่ก็ยังไม่สงบลง อาจเป็นเพราะต้องเจอหน้ากับเดี่ยวทุกวันนั่นเอง " เอ้ย ไอ้เก่งเกิดเรื่องใหญ่แล้วมากะกูเร็ว" ไอ้แก้ววิ่งหน้าตื่นมาฉุดมือเขาให้ออกวิ่งตาม " เฮ้ยมีไร ช้าๆ ใจเย็นเล่าเรื่องมาก่อน" เก่งยื้อมือให้แก้วหยุด "เย็นไม่ได้แล้ว ก็ไอ้พัฒน์อะดิ จับเรา2 คนเป็นเชียร์ลี้ดเดอร์" ไอ้แก้วร้องขึ้นอย่างแค้นเคือง " เฮ้ย! ไอ้แม่ยาย จิงดิ ไอ้เเฮียนิเล่นแรงไปแล้ว " เก่งสบถ " มันอยู่ไหน " "ในห้องเรียน " เก่งวิ่งจี๋ออกไป " เอ้ยไอ้เก่ง รอกูด้วย " " อ้าวไอ้เก่งมาพอดีเลย กูกำลั... พลั่ก! " ไอ้พัฒน์ร้องทักแล้วล้มลงไปกอง เมื่อเจอเก่งทักตอบด้วยเท้า "เฮ้ย มึงเล่นไรว่ะ " " มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เรื่องไรอยู่ดีๆมาจับกูกะไอ้แก้วไปเป็น เชียร์ลีดเดอร์ ห่ะ กูไปตกลงกะมึงตอนไหน" ว่าแล้วเงื้อตีนกะจะซัดอีกที " เฮ้ยอย่าเพิ่งฟังกูก่อน " ไอัพัฒน์ร้องลั่น กระโดดหลบพัลวัล ไอ้แก้วที่วิ่งตามมาที่หลังห้ามทัพไว้ " เฮ้ย มึงอย่าเพิ่งไปทำมัน ฟังเหตุผลมันก่อนดิ" เก่งนิ่ง " เออมึงมีไรว่ามา" " ก็พวกมึงแหละ ผลักภาระให้กูต้องไปเป็นรองประธานกีฬาสีปีนี้ แล้วนี่กูต้องทำทั้งเชียร์ทั้งขบวนพาเหรด กู ไม่มีเวลาไปหาลีดนี่หว่า กูเห็นพวกมึงก็ว่างกู กูเลย ...." ไอ้พัฒน์หลบตา เมื่อเห็นเพื่อนๆ 2คน จ้องเขม็ง " มึงจะให้พวกกูช่วยทำไมมึงไม่ขอ " ไอ้แก้วเสียงดุ " มึงไปถอนชื่อออกให้กู 2 คนเลย กูไม่ว่าง กูก็มีงานของกู กูอายด้วย" เก่งร้องบอกอย่าเอาเรื่อง " มันไม่ทันแล้วอ่ะดิ กูส่งรายชื่อให้อาจารย์ไปแล้ว " ไอ้พัฒน์บอกเสียงอ่อย เตรียมตั้งท่าหนี " เฮ้ย ! " เก่งร้องเสียงหลง "กูไม่เอายังไงกูก็ไม่เป็น " เก่งฉุนขาด " ไม่รู้แหละ ยังไงมึงต้องไปถอนชื่อให้กู มึงรู้ไม๊ กูต้องวาดรูปแสตนเชียร์ ไหนจะต้องร่วมทีมบาสกะพวกมึง แล้วนี่กูต้องไปเป็นลีดอีกพวกมึงจะให้กูทำไง" " เออ ไอ้เก่งกูว่าช่วยมันไปเหอะ ดูท่าทางมันจะหาใครไม่ได้แล้วจริง ๆ เห็นมันกลุ้มใจมาหลายวันแล้ว " ไอ้เคนเข้ามาเกลี้ยกล่อม " แล้วมึงทำไมไม่ได้เป็นอ่ะ " เก่งย้อนถาม " ก็กูเป็นรองประธานฝ่ายสวัสดิการนักกีฬาวันงานกูคงต้องดูแลนักกีฬาดิ " "ไอ้เก่ง กูว่าก็จริงของมันนะ พวกมันก็ยุ่งไม่แพ้เราหรอก ยังไงงานนี้คงต้องช่วยมัน " อ้าวไอ้แก้วอยู่ๆ ก็ใจอ่อนไปเข้าพวกไอ้พัฒน์ได้ไง "นะ ไอ้เก่ง นะนะ ช่วยกูที กุไหว้ล่ะจะให้กูทำไรก็ยอม มึงอยากได้อะไรกูจะหามาให้ไงมึงช่วยกูที่นะ " ไอ้พัฒน์อ้อนวอนจนแทบจะก้มลงกราบ "เออ ก็ได้ มึงอย่าลืมสัญญาแล้วกัน เอางี้เดี๋ยวกูดูแลทีมลีดเดอร์แทนมึงเอง นี่มึงเพิ่งเซ็ตทีมได้ใช่มะ มีใครมั่งอะ" เก่งรับปากอย่างเป็นต่อ ไอ้พัฒน์ดูดีใจขึ้นมาทันตา " ก็มีแพทกะบีมแล้ว จริงๆต้องหา ให้ได้ 6 คน ขาดไป 2 " ไอ้พัฒน์รีบบอก " ตอนนี้แพทกะบีมกำลังติดต่อกับคนมาฝึกหัดอยู่ ยังขาดทีมเชียร์ม.ต้น แล้วก็ดรัมเมเยอร์ " ไอ้เคนเสริม " เดี๋ยวเรื่อง ลีดม.ต้น กูกะเก่งจัดการให้พวกเอ็งไปคุมพาเหรดเหอะ " ไอ้แก้วเสนอ " ok งั้นตกลงตามนี้แหละ " ทุกคนร้องพร้อมกัน ไอ้พัฒน์ทำหน้าซึ้ง " กูขอบใจพวกมึงมากนะ" งานกีฬาสีประจำปี จะเริ่มขึ้นเมื่อต้นฤดูหนาวของทุกปี โดยเด็กม.ปลายจะแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน เริ่มจากม.4 จะต้องเดินพาเหรด และ จัดของสวัสดิการรวม ม.5มีหน้าที่คอยจัดการควบคุมงานเกี่ยวกับการออกแบบพาเหรดทีมเชียร์ลีดเดอร์ ทำสแตนเชียร์ และควบคุมสวัสดิการนักกีฬา โดยที่ต้องเลือกเด็ก ม.5 ขึ้นเป็นรองประธาน ซึ่งปีนี้ไอ้พัฒน์ถูกดันให้เป็น ส่วนม.6 จะรับผิดชอบหาเงินสนับสนุนเข้าสีแล้วก็คุมเชียร์และการแสดงของสี ฉะนั้นหน้าที่หนัก ก็ตกอยู่ที่ม.5 เนื่องจากเด็กม.6 ต้องเตรียมตัวเอ็นทรานซ์ เก่งลืมนึกไปว่างานกีฬาสีนี่มันใกล้เข้ามาแล้ว มีเวลาอีก 2 เดือนเท่านั้น การที่ยังอยู่เฉย โดยที่เพื่อนๆ กำลังวุ่นวายกับงานกีฬาประจำปีทำให้เขาละอายจนต้องรับปากไอ้พัฒน์ไป ทั้งที่ไม่อยาก แต่ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว รับปากแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด! ไอ้แก้วรับหน้าที่ ไปเลือกเฟ้นหาลีดเดอร์ม.ต้น ซึ่งก็ไม่ยากเกินความสามารถเพราะแก้วค่อนข้างสนิทกะเด็กๆ ในเวลาไม่นาน ก็ได้ เด็กหญิงม.3 หน้าตาน่ารัก 3 คน กับเด็กชายหน้าตาดีอีก 3 คนมาทำทีม ส่วนเก่งเอง ดึงเอาเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ ป.6 ด้วยกันมา 2 คน เป็นเด็กหญิงตาคม ชื้อส้ม กะ เด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนของส้มอีกที ชื่อ เบิร์ด มาร่วมทีมม.ปลาย " ดูมันยังขาดสีสันที่มันเจ็บๆอยู่นะ " แพทบอกเมื่อเห็นทีมลีดเดอร์ของสีดูสงบเสงี่ยมเกินไป " งั้นก็หาลีดที่มันเป็น lady ดิ รับรองสีอื่นฮือฮาแน่"บีมออกความเห็นทุกคนฮือฮาเห็นด้วย แล้วทีมก็เซ็ตเสร็จ โดยใช้เวลาแค่ 2 วัน โดยได้ลีด lady มาอีก 3 คน เก่งและเพื่อนๆรู้สึกโล่งใจเมื่องานเดินหน้าไปด้วยดี "ตอนนี้ทีมลีดเป็นไงมั่ง" ไอ้พัฒน์ถามเมื่อเจอยายบีมที่พักซ้อมอยู่ เก่งฝึกซ้อมอย่างตั้งใจเพราะรู้ว่าเวลาเหลือน้อยต่อจากซ้อมลีดเสร็จก็ต้องซ้อมบาสต่อ โดยมี ไอ้พัฒน์ไอ้เคนมาตามเก่งกะแก้วไปซ้อมบาส " ก็โอเค นะ ทุกคนตั้งใจดี ว่าแต่นายน่ะ หาดรัมเมเยอร์ได้ยัง" บีมถามกลับ "ได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะเอามาให้ฝึก แล้วนี่ใครหัดเป็นมั่งน่ะ " " ยังไม่รู้เลย อาจจะเป็นพี่ที่เป็นเมื่อปีที่แล้ว ถ้าไม่มีใครก็ต้องเป็นเก่งแหละ เพราะม.ต้นมันเคยเป็น ดรัมเมเยอร์ไม้ 2นี่" แพทเสนอ " แล้วทำไมแต่แรก ไม่เอามันเป็นดรัมเมเยอร์อ่ะ " ไอ้เคนถามอย่างสงสัย "ก้ตัวมันเล็กเกินไปนี่หว่า" ไอ้พัฒน์บอก อ้าวนี่พวกมึงตูได้ยินนะ หนอยๆ นินทาโคตรดังเลย "เฮ้ย ไอ้เก่งไอ้แก้วไปซ้อมบาสกันได้แล้ว " เสียงไอ้พัฒน์ตะโกนเรียกเมื่อ เห็นเก่งไม่สนใจ " เออ กูมาแล้ว กว่าจะเรียกได้คุยกะสาวๆนานชิบเลย" เก่งร้องแซว ไอ้ 2คนนั้นที่ได้แต่ยิ้มเขิน... " เก่งกลับบ้านกันเหอะ " เสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกเมื่อการซ้อมบาสจบลงตอน 6 โมง เดี่ยวอยู่ในชุดเสื้อกล้าม เพิ่งซ้อมบาสเสร็จพร้อมกับเก่งเมื่อกี้ ขี่จักรยานมารอ " เป็นไงมั่ง เราเห็นนายควบหลายหน้าที ท่าทางจะเหนือย" เดี่ยวร้องถาม เมื่อเห็นสภาพ " อืมเหนือย" เก่งตอบแบบหมดแรง " งั้นทำไมไม่เลือกทำสักอย่างล่ะ ระวังไม่สบายนะ" เดี่ยวถาม " อืมไม่เป็นไรหรอกแค่เล้กน้อย เราสู้ว่ะ " เก่งตอบพร้อมพิงหลังของเดี่ยว "ขอเราพิงหน่อยนะ " ว่าแล้วก็เงียบไป เดี่ยวรู้ได้ทันที่ว่าเก่งหลับไปเพราะเหนือย พยายามขี่จักรยานช้าๆ แต่หัวใจเต้นเร็วขึ้นๆ " เฮ้ยเก่งถึงบ้านแล้ว เก่งๆ" เดี่ยวเขย่าตัวเรียกเบาๆ " หะ อะไร อ๋อถึงบ้านแล้วเหรอขอบใจนะ ! " เก่งเดินงงเข้าบ้าน เดี่ยวยิ้มส่ายหัว ไอ้เก่งนี่มันเหมือนเด็กๆ เลย..... ความแปลกใจเกิดขึ้นกับเก่งเมื่อเห็นเดี่ยวมาด้อมๆ มองๆ เข้ามาในที่ฝึกซ้อมลีดเดอร์ ไอ้นี่มันแอบดูไรว่ะ คนยิ่งเขินๆอยู่ "อ้าวดี่ยวมาแล้วเหรอ มาๆ พี่เนตรรออยู่" เสียงบีมเรียกเดี่ยวที่เดินเด๋อด๋าเข้ามา " พี่เนตรค่ะ นี่ไงดรัมเมเยอร์สีหนู ฝากดูแลด้วยนะพี่ " บีมแนะนำเดี่ยวกับพี่เนตรดรัมเมเยอร์ปีที่แล้ว เก่งงงหนัก เอ๊ะ นี่ไอ้เดี่ยวมันเป็นดรัมเมเยอร์รึเนี้ยแล้วใครลากมันเข้ามาวะ จำได้ว่ามันไม่ค่อยชอบทำตัวเด่น เขามองเดี๋ยวแล้วรู้สึกงง เดี่ยวเห็นเขามองมาจึงยิ้มกว้างให้ " นี่ๆ เก่งรู้จัก ผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ" ส้มถามอย่างตื่นเต้น " อืม ใช่มันเป็นอยู่ห้องเดียวกันกะเราอ่ะ มีไรเหรอ" เก่งซัก "ก็ ไม่มีไรหรอก ..แค่อยากรู้จักน่ะ เราปลื้มเค้าม้าก มาก" โห แหม เสน่ห์แรงจริงนะ โคตรหมั่นไส้เลย! " วันหลังเดี๋ยวเราแนะนำให้รู้จักนะส้ม" เก่งตอบรับแบบแกนๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมไม่พอใจ ! " เฮ้ยเดี่ยว คิดยังไงถึงได้เป็นดรัมเมเยอร์น่ะ แล้วนี่ใครไปลากตัวมา" เก่งซักเมื่อซ้อนท้ายจักรยานกลับบ้าน "ก็ เปล่าซักหน่อยไม่มีใครไปลากมาหรอก พัฒน์มันมาขอแรงก็เลยช่วยน่ะ เราเลยตอบรับเพราะเราจะได้กลับบ้านพร้อมนายไง" เก่งใจเต้นตุบๆ แต่คิดถึงเรื่องของส้มแล้วใจเหี่ยวลง " เดี่ยวนายรู้ตัวรึเปล่าว่านายน่าตาดี" เก่งบอกเบาๆ "อืมขอบใจนะ " เดี่ยวหัวเราะ " มีเพื่อนเราสนใจนายอยู่นะ พรุ่งนี้เราจะมาแนะนำให้นายรู้จัก นายคงไม่รังเกียจเพื่อนเรานะ " เก่งบอกเสียงแผ่ว เหมือนมีไรมาจุกคอ " นายต้องการให้เราทำอย่างนั้นเหรอ ต้องการอย่างนั้นจริงเหรอ" เดี่ยวหยุดรถกระทันหัน เอี้ยวตัวมาถามหน้านิ่ง ราวกับจะหาคำตอบจากเขา " เราอยากให้นายรู้จักส้มนะ ส้มน่ารักเหมาะกับนาย " เก่งไม่สบตาหันไปมองข้างทาง รู้สึกอึดอัด " ถ้านายต้องการอย่างนั้น เราก็จะไม่ขัดนาย "เสียงตอบห้วนแข็ง เดี่ยวหันกลับ ขี่จักรยานเร็วขึ้น ความเงียบเกิดขึ้นเด็กหนุ่มทั้ง 2 คน…. เก่งรู้สึกเหมือนว่าอารมณ์ไม่ค่อยจะเบิกบานในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่แนะนำส้มให้รู้จักกับเดี่ยว 2 คนนี้เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เก่งรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นดาวเคราะห์ที่หลุดวงโคจร รู้สึกเหงาแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแต่มันอึดอัดในอก เมื่อเห็นเดี่ยวนั่งคุยหัวเราะกับส้ม ! เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์ก็จะถึงงานกีฬาสีแล้ว เพื่อนๆ ดูแผนงานที่เซ็ตไว้อย่างภูมิใจ เพราะทุกอย่าง เข้าที่เข้าทางตามที่คำนวณไว้ ตอนนี้ก็ยังคงเหลือ เรื่องเสื้อผ้าของทีมเชียร์ และอุปกรณ์ในการเดินพาเหรดอีกนิดหน่อย ช่วงนี้เก่งเร่งวาด คัตเอาท์ ให้เสร็จก่อนวันงาน ฉะนั้นทุกคนในห้องจึงมาช่วยกัน.ในวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อนช่วยกันลงสีอย่างสนุกสนานในขณะที่เก่ง หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด “ นายมาด้วยเรอะ เดี่ยว วันนี้ไม่ไปเที่ยวกะส้มเหรอ“ เก่งอดถามไม่ได้ ก็จะไม่ให้ถามได้ไงตั้งแต่แนะนำส้มให้เดี่ยว 2 คนนั้นก็คุยกันหนุงหนิงทุกวัน นี่ป่านนี้คงเป็นแฟนกันแล้วมั้ง เก่งเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ “ ก็ว่าจะไปเย็นนี้แหละ แล้วนายไปด้วยกันรึเปล่าล่ะ “ เดี่ยวถามหน้าเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย “ นายไปกัน 2 คนเหอะ วันนี้เราเรามีนัด” ไปให้เลี่ยนรึไง ไม่ไปหรอก! “ แล้วนายจะไปไหน” จะมาสนใจทำไมวะ ตัวมันเองกำลังจะไปเที่ยวกับส้มนี่ “ เราจะไปดูแบบเสื้อผ้าของลีดและก็ดรัมเมเยอร์ด้วย พอดี เบิร์ดมันเก่งด้านนี้” เดี่ยวหันมามองขวับ ตาคมดุจ้องขวางๆ “อ๋อ!ที่แท้ ก็ไปกะไอ้เบิร์ด จะไปเที่ยวกันก็บอกมาดิ ไม่เห็นต้องปิด “ น้ำเสียงเย้ยเยาะของเดี่ยวทำให้เก่งฉุนกึก “ เราไม่เหมือนนายหรอก เราไปเรื่องงานของสีเท่านั้น นายจะคิดยังไงก็เรื่องของนาย “ อารมณ์น้อยใจของเก่งระเบิดออกมาเพราะโดนดูถูก เขาหน้าแดงด้วยความโกรธมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง แล้วหันหลังวิ่งหนีไปอีกทาง เก่งวิ่งหลบมาหลังตึกโรงยิม ก้มหน้าเท้ามือลงกับอ่างล้างหน้า รู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆนองแก้มไปหมด เก่งวักน้ำล้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมต้องร้องไห้ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเค้ายังเข้มแข็งตลอดไม่ใช่หรือ แล้ววันนี้ทำไม ทำไม ! ไม่! เขาไม่ยอม เขาต้องไม่เป็นอย่างนี้ เขาจะอ่อนแออย่างนี้ไม่ได้ ไอ้เดี๋ยวมันมีแฟนไปแล้วก็เรื่องของมัน แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกจุกอยู่ในหน้าอก หายใจสะท้านๆ “ เก่ง มึงเป็นไรไป “ ฝ่ามืออุ่น ของแก้วแตะมาที่บ่า เก่งเงยหน้ามองทั้งที่ น้ำเกาะอยู่เต็มหน้า “ กูไม่เป็นไร แค่ฝุ่นเข้า “ เก่งโกหก แต่แก้วดูออก “ ถ้าฝุ่นมันเข้าตามึงก็เอามันออกสิ ปล่อยให้เคืองแล้วมานั่งร้องไห้ทำไม” แก้วเปรยออกมา เหมือนรู้เรื่อง เก่งมองหน้าแก้ว แล้วยิ้มขมๆ “ ถ้ามันเอาออกได้ง่ายๆ กูก็ไม่ต้องมานั่งร้องไห้หรอก “ เก่งหันหน้าไปอีกทางเมื่อน้ำตาเริ่มคลอ “ เอาวะ สักวัน มึงก็เขี่ยออกเองแหละ เข้มแข็งเข้าไว้นาเว้ย” แก้วกอดคอของเขาพลางให้ยิ้มกำลังใจแก่เพื่อน “ ขอบใจมากว่ะ “ เก่งหันไปยิ้มให้ แต่หางตาเหลือบไปเห็นคนร่างสูงมองมานิ่งๆ สีหน้ายังเรียบเฉย แต่แววตาตัดพ้อ ที่หันหลังเดินกลับไปทำเป็นไม่สนใจ “ นี่ใช่มะผงในตาของนาย “ แก้วถามย้ำว่าเค้าคิดไม่ผิด
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 9 เก่งดูแบบเสื้อผ้าไม่รู้เรื่องเลยตั้งแต่มา เขากลายเป็นก้อนหินที่ถูกเพื่อนลากไปลากมา แพทกะบีมดูแปลกใจที่วันนี้เขาดูแปลกๆ แต่แก้วก็มาช่วยแก้ให้ทุกที “ อ๋อ มันปวดท้องน่ะ เลยไม่ค่อยพูด “ แก้วแหลได้สมบทบาท เก่งมองอึ้งๆ โห น่าได้ตุ๊กตาทอง “ งั้นกลับบ้านก่อนรึเปล่า “ เบิร์ดถามอย่างเป้นห่วง เก่งรู้สึกได้ว่า เบิร์ดห่วงเขามากกว่าเพื่อน แต่เขาไม่ได้ชอบเบิร์ด “ ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรมาก เดินต่อกันเหอะ” เก่งพยายามสลัดความคิดในหัว แล้วสนใจหาเสื้อผ้าต่อ ตาสะดุดกับชุดๆ นึง เป็น สูทสีขาวที่สั้นแค่เอวพอดีตัวข้างในเป็นเสื้อเช็ตผูกด้วยเนกไทด์สีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ คู่กับร้องเท้าดำสนิท มีอินทนู สีดำทองตรงบ่า “ เฮ้ย หยุดก่อน “ เก่งร้องเรียกเพื่อนๆ โดยที่เขาเองเกาะกระจกมองอยู่ “อะไรเหรอแก้ว “ บีมเดินมายืนมองข้าง “ นี่ไงชุกดรัมเมเยอร์ไง แบบนี้เท่ดีนะ “ เก่งคิดภาพที่เดี่ยวใส่ชุดนี้ แล้วรู้สึกว่มันเหมาะกับเดี่ยว “อืมเท่ดีนะ “ แพทเสริม “ แต่น่าจะแพง” แต่ทุกคนก็ตกลงใจที่จะเอาชุดนี้ เพราะเห็นตรงกันว่าเท่ การต่อรองราคาเช่าเกิดขึ้นอยู่นานมาก กว่าที่จะตกลงกันได้ เก่งรู้สึกดีได้ชุดที่เหมาะกับเดี่ยว แต่ก็ใจหี่ยวลงเมื่อรู้ว่าเขาคงไม่มีโอกาสที่จะมองเดี่ยวใส่ชุดนี้หรือ ยิ้มให้เดี่ยว เพราะเดี่ยวมีแฟนแล้ว หน้าที่นี้คงต้องเป็นของแฟนของดี่ยว เก่งรู้สึกจุกจี๊ดขึ้นมา แต่กัดฟันเดินต่อเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย….. “ เฮ้ย ทุกคนพร้อมนะ ต้องลงแข่งแล้ว ทุกคนสู้! “ ไอ้เคน เรียกนักกีฬาในทีม แล้ววิ่งลงสนามเตรียมตัวแข่ง การแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศเริ่มขึ้นก่อนวันงานกีฬาสี 7 วัน การแข่งครั้งนี้เป็นการชิงชัยระหว่างสีฟ้า กับสีเขียว จะว่าไปทีมของเก่งก็มีฝีมืออยู่ไม่น้อย เพราะอุตส่าห์ฝ่าฟันมาจนถึงรอบชิงจนได้ เก่งนั้นยังไม่ได้ลงสนามเลยต้องแต่รอบแรก เพราะเป็นตัวสำรอง แต่ก็ เพราะทุกคนก็ทำได้ดี “ เอ้ย วันนี้เราจะสู้มันได้เหรอวะ ไอ้สีเขียวเนี้ยมันมีนักกีฬาโรงเรียนเยอะ “ ไอ้แก้วบอกออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ดูมีภาษีกว่า “ ทำอย่างกะสีเราไม่มีอย่างงั้นแหละ มีทังไอ้เคน ไอ้พัฒน์ แล้วก็ไอ้เดี่ยว“ เก่งสะอึกเมื่อพูดชื่อนี้ขึ้นมา ดูเหมือนช่วงนี้ชื่อนี้จะกลายเป็นของแสลงไปแล้ว เก่งไม่อยากเอ่ยไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับชื่อนี้ แต่ก็ยังคงต้องเจอหน้าทุกวัน ก็มันซ้อมควงคฑาอยู่ใกล้ๆกันทุกวัน เก่งมองเดี่ยวที่โลดแล่นอยู่ท่ามกลางฝ่ายตรงข้าม หลบหลีกไปมาอย่างชำนาญ สมกับที่เป็นตัวของโรงเรียน เดี่ยวกลายเป็นตัวทำคะแนนของทีมเพราะด้วยความสูงบวกกับความว่องไว เมื่อแต้มเริ่มนำ สีเขียวเริมใช้ความรุนแรงมากขึ้นจนนักกีฬาสีฟ้าบาดเจ็บไปหลายคน หลังครึ่งแรกไม่นานทีมสีของเก่งจึงต้องขอเวลานอก “ ตอนนี้พวกสีเขียวมันเริ่มเล่นแรงแล้ว ยังไงพวกเราอย่าพยายามปะทะกะมัน” ไอ้เคนคนคุมทีมบอกทุกคน “ ไอ้ โอ๊ตมึงเป็นไง ไหวปะ ไอ้เอก มึงพักก่อน ไอ้เก่งมึงลงแทนไอ้เอกแล้วกัน เฮ้ยทุกคนไปโว้ย “ เก่งพยักหน้ารับแล้ววิ่งตามลงสนาม “ นายระวังตัวนะ พวกนั้นมันเล่นแรง” เสียงที่คุ้นเคยบอกมาเบาๆ อย่างเป็นห่วง เก่งหันกลับไปมองแล้วพยักหน้า แม้ยังรู้สึกโกรธ แต่งานต้องมาก่อน ทีมสีเขียวทุกคนยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเก่งเดินลงมาประจำตำแหน่ง “ แม่งเอาเด็กมาเล่นกะเราทำไมว่ะ” เสียงอีกฝ่ายร้องเย้ย เออพวกมึงเดี๋ยวคอยดูกู สิ้นเสียงนกหวีด เก่งเริ่มเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้แป้น โดยที่อีกฝ่ายไม่สนใจ เดี่ยวเห็นช่องส่งลูกให้เก่งรับ เขาโดดรับโดยที่ไม่มีใครป้องกัน แล้วชู๊ตลูกลงห่วงอย่างง่ายดาย! เก่งยักคิ้วให้อย่างสะใจ ไอ้พัฒน์ชูนิ้วโป้งยกย่อง กำลังใจเขาขึ้นมาเป็นกอง ตอนนี้ทีมของเก่งเริ่มทำคะแนนออกห่างแล้ว สีเขียวเองก็เริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สามารถทำคะแนนตีตื้นตามทัน เก่งยังคงตามเก็บคะแนนให้ทีมได้ที่ละ 2 คะแนน ด้วยลูกทีเผลอ ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มรู้ตัวไม่ยอมให้เก่งครองลูก เวลาดำเนินมาจนเหลืออีก 5 นาทีสุดท้าย ทุกคนในทีมกำลังเหนื่อย เก่งเองก็เริ่มไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว เพราะ บาดเจ็บกันทุกคน ไอ้แก้วเองก็ต้องลงมาแทนเพื่อนที่บาดเจ็บ “ พวกนายอดทนหน่อย ใกล้หมดเวลาแล้ว ถ้าเราดึงเวลาไม่ให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้ทุกอย่างก็จบ “ เดี่ยวให้กำลังใจทุกคนแต่มือจับบ่าของเก่งแน่นแล้วบีบเหมือนจะส่งผ่านความอบอุ่นให้แก่เขา “ นายเองก็พยายามหน่อยนะ” เดี่ยวบอกกับเขา เก่งรู้สึกมีกำลังใจบางอย่างทำให้เขาหายเหนื่อย “ เฮ้ย “ เสียงเดี่ยวส่งสัญญาณให้เก่งรับลูกในขณะที่เดี่ยวถูกล้อมอยู่ขยับไม่ได้ เก่งโดดรับลูกไว้กำลังจะเข้าใต้แป้น แต่ติดอยู่ที่ไอ้เด็กสีเขียวที่ตัวใหญ่อย่างกะกำแพง คอยกั้นขวาง จนเก่งไม่สามารถผ่านไปได้ และเริ่มมีคนอื่นมาช่วยรุม เก่งดูเวลามันเหลือเวลาอีกแค่3นาที ต้องทำให้ได้ ! เก่งตัดสินใจชู๊ต ทำลูก 3 คะแนน ลูกลอยละลิ่วลอดมืออีกฝ่ายไปได้ เดี่ยวมองตามกะเข้าซ้ำถ้าลูกไม่ลง “ซ้วบ! ..”ลูกบาสไม่กระแทกห่วงเหมือนคราวที่แล้วแต่คราวนี้ลงอย่างแม่นยำ เก่งกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ทีมสีเขียวอึ้งนึกไม่ถึงว่าจะลง เก่งยักคิ้วให้ไอ้เด็กตัวใหญ่ที่ตามคอยขวาง มันกัดฟันด้วยความเจ็บใจ มองตาขวางขณะเก่งวิ่งไปรวมกับเพื่อนๆ เพื่อเตรียมป้องกันฝ่ายตนเอง “ขออีกลูกแล้วกัน” เก่งคิดเมื่อแย่งลูกมาจากอีกฝ่ายได้ด้วยความว่องไว เตรียมจะชู๊ต ไอ้ตัวใหญ่คนเดิมวิ่งเข้ามาแย่งลูก แล้วชนเข้าเต็มแรง เก่งกระเด็นไปตามแรงชน เสียงเป่านกหวีดดังขึ้น เพื่อให้หยุดการเล่นเพราะมีคนเจ็บ “ เฮ้ย เก่ง” เดี่ยวถลาเข้าคว้าตัวเก่งที่ล้มลงอยู่ที่พื้น แล้วอุ้มออกไปข้างสนาม “ นายเป็นไรมากเปล่า “ เสียงเดี่ยวร้องถามอย่างเป็นห่วง “ เราไม่เป็นไร แค่เจ็บขา นายไปแข่งต่อ ยังไงสีเราต้องชนะ ไปดิ” เก่งสั่งเมื่อทุกคนกำลังรอให้เดี่ยวกลับเข้าแข่งขัน “ งั้นชัยชนะครั้งนี้เรา จะเอามาให้นายให้ได้ “ เดี่ยวบอกเหมือนให้คำสัญญาหันหลังกลับเข้าสนาม เก่งนั่งมองอย่างลุ้นๆ เพราะทุกคนในทีมเหนือยกันหมด เดี่ยวเองก็เหนื่อย แต่ยังคงพยายามทำคะแนนเพิ่ม เหลือ15 วินาทีสุดท้ายแล้ว เดี่ยวได้ครองลูก แต่อยู่ไกลจากแป้นมาก เก่งเห็นเดี่ยวมองมาแล้วยิ้มให้แว็บนึงเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แล้วชู๊ตลูก 3 คะแนนออกไป “ซ้วบ! ... ปรี้ด! “ สัญญาหมดเวลาพร้อมกับลูก 3 คะแนนของเดี่ยวที่ลงห่วงอย่างแม่นยำ ทุกคนในทีมกระโดดตัวลอยเมื่อตัวเองชนะ เสียงโห่รองของกองเชียร์ดังกระหึ่ม เดี่ยวเดินเข้ามาหาเก่งพร้อมย่อตัวลงคุกเข่า “ ลูกเมือกี้มันเป็นของนายนะ เราให้นาย “ เก่งยิ้มกว้างน้ำตาคลอ “ เดี่ยว...ว “ เสียงเรียกที่คุ้น พร้อมร่างๆเล็กที่วิ่งหน้าบานเข้ามา “ สุดยอดเลย ในที่สุดก็ชนะ เก่งจังเลย ดูสิเหงือเต็มเลย ส้มเช็ดให้นะ “ มือน้อยๆของส้มยื่นออกมาซับเหงือที่หน้าของเดี่ยว เก่งเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากเห็นภาพบาดตา เจ็บจี้ดในอก น้ำตาคลอทั้งที่พยายามระงับ “ ไปเหอะ เก่งเดี๋ยวเราพาไปห้องพยาบาล “ แก้วเหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเดินมาหิ้วปีกเขา “เฮ้ยแก้วนายไม่ต้อง เดี๋ยวเราพาไปเอง “ เดี่ยวโพล่งออกมา น้ำเสียงเข้มขึ้น “นายอยู่กับส้มไปนั่นแหละดีแล้ว เราไปกับไอ้แก้วได้” เก่งบอกโดยไม่หันไปมองเดี่ยวที่มองมาแบบตัดพ้อ เมื่อพ้นจากโรงยิมน้ำอุ่นๆก็ไหลนองหน้า อย่างสุดกลั้น “ ไอ้เก่ง เงียบเลยนะมึง อายเค้าบ้างสิ” “ ข้าขอโทษข้าระงับไม่อยู่จริงๆ ข้าทนไม่ไหวจริงๆ” เก่งเสียงเครือ น้ำตาไหลเป็นสาย “ เออ ไม่เป็นไรร้องไห้เสร็จก็กลับมาเข้มแข็งให้ได้ล่ะมึง” แก้วปลอบโดยไม่มองหน้าที่ยังเต็มไปด้วยน้ำของเก่ง “เดี๋ยววันนี้ข้าไปส่งเอ็งเอง ดูท่าทางเอ็งจะเดินไม่ไหว” แก้วบอกพร้อมยิ้มให้เก่ง แต่เก่งไม่รับรู้อะไรนอกจากอกที่มันร้าวราน ความมืดเข้าปกคลุมห้องของเก่งอีกครั้ง ขาของเขาถูกพันผ้าไว้เพื่อลดอาการบวม ขาที่มันเคล็ดไม่ได้มีความรู้สึกเหนือไปกว่า ความเจ็บปวดที่ใจ เขาพยายามลืมภาพที่เห็นในโรงยิมให้หมด เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่ทำไมมันทำไม่ได้ “ นี่ไงล่ะ ผลของการไม่ระงับใจของนาย เป็นยังไงล่ะรสชาดของมันหอมหวานเหมือนที่นายคิดไม๊” เสียงเยาะเย้ยจากจิตตัวเองดังกระหน่ำอยู่ในหัว เก่งก้มหน้าลงปิดหูให้สนิท แต่ไม่สามารถหนีเสียงนั้นไปได้ “นี่เป็นเพราะเรา เก็บมันมาไว้ในใจเรา เราถึงต้องเจ็บอย่างนี้” เก่งคิดย้ำ “ เราต้องลบมันออก “ เขาหันมองไปยังรูปภาพที่บรรจงเขียนด้วยความรู้สึกต่างๆที่มีต่อเดี่ยว รูปนี้วาดจนเกือบเสร็จแล้ว ดวงหน้าในภาพที่หลับใหลยังน่ามอง แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งที่บาดใจ เก่งหันกลับค้นหาบางสิ่งในลิ้นชัก คัตเตอร์อันเล็กๆ ถูกหยิบขึ้นมาถือในมือ เก่งเดินตรงไปยังรูปของเดี่ยวพลางจรดปลายคัตเตอร์ลง มือสั่นๆแต่ใจยังสั่ง " ทำลายมันทิ้งสิ " เก่งมองภาพนิ่ง ดวงหน้าในภาพเหมือนกับจะเว้าวอนไม่ให้ทำ น้ำตาอุ่นไหลลงอย่างไม่รู้ตัว คัดเตอร์ล่วงจากมือ เหมือนกับหัวใจ ที่ถูกใครบางคนทิ้งลงพื้น “ ทำไม่ได้! “เก่งทรุดลงนั่ง ร้องไห้เงียบๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองตัดใจจากเดี่ยวไม่ได้เหมือนกับที่ตัดใจทำลายรูปของเดี่ยวไม่ได้ " เฮ้ย เป็นไงมั่งว่ะ "เสียงถามอย่างเป็นห่วงของไอ้พัฒน์เมื่อเห็นสภาพขาของเก่งที่บวมเป่ง " เออ ไม่เป็นไรแล้วแค่ขาเคล็ดเดี๋ยวก็หาย " เก่งร้องบอกเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้ากังวล " นี่อีก 6 วันจะถึงงานกีฬาสีแล้ว เอ็งจะไหวเหรอ" เสียงทุกคนยังไม่คลายกังวล " เฮ้ย บอกไม่เป็นไรไง ยังไหว นี่ๆเดินให้ดู " เก่งลุกขึ้นเดินแสดงให้รู้ว่าเขาไม่เป็นไร แต่ขายังจี๊ดๆอยู่ " เออ มึงพอเลย เดินมากเดี๋ยวไม่หายหรอก วันนี้งดซ้อมลีดไปก่อนแล้วกัน" ไอ้แก้วร้องขัดขึ้นเมื่อเห็นเขาดันทุรังที่จะเดิน " เฮ้ยไม่เป็นไร บอกแล้วว่ายังไหว มันใกล้วันแล้วนะเว้ย ยังไงก็ต้องซ้อม" เก่งขัด " เออ!ๆ ตามใจละกัน ขี้เกียจเถียง แต่ถ้าไม่ไหวต้องพักนะเว้ย " ไอ้แก้วส่ายหน้าระอาในความดื้อของเขา "ลีดพร้อม ลีดพร้อม 3..4 " เสียงแก้วร้องนำ ลีดเดอร์ทุกคนอยู่ท่าเตรียมพร้อมสำหรับแสดงในเพลงมาร์ชของโรงเรียนซึ่งเป็นเพลงที่ใช้แข่งขัน การซ้อมในอาทิตย์นี้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่เพราะเหลือเวลาอีก5วัน ทุกคนจึงทุ่มเต็มที่ เก่งเองก็เช่นกัน การแข่งขันในเพลงมาร์ชโรงเรียนนี้ต้องใช้ลีดเดอร์ทุกคนในการแสดง จึงใช้เวลาพอสมควรที่จะทำให้พร้อมเพรียงกัน เก่งรู้สึกปวดขาหนึบๆ แต่เขาพยายามเฉยๆกับมัน เพราะการซ้อมอาจชะงักได้ถ้าเขาขอหยุด " นายเป็นไรรึเปล่าน่ะ " เบิร์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องถาม " เปล่านี่เราปกติ "เก่งทำหน้าให้ปกติไม่มีพิรุธ " แต่ขานายดูท่าทางจะเจ็บอยู่นะ " เบิร์ดมองตาไปยังผ้าพันแผลที่ข้อเท้า " อ๋อเรา ไม่เจ็บหรอกแต่ต้องพันผ้าไว้เพราะหมอสั่ง " เก่งบอกยิ้ม " แต่เราว่า " เบิร์ดยังคงข้องใจ " เฮ้ย เราไม่ได้เป็นไรจริงๆ ซ้อมต่อกันได้แล้ว "เก่งตัดบท หันไปซ้อมต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นคนร่างสูงที่กำลังฝึกควงคฑาจ้องมองมาห่างๆ ตาที่มองมาลดต่ำลงมาที่ข้อเท้าที่พันผ้าไว้ แววตาดูเหมือนจะสื่ออะไรบ้างอย่าง เก่งหันหน้ากลับ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองตอบ รู้สึกอึดอัดลึกๆอยู่ในอก นี่มันคงสมเพชเราอยู่สินะ ! “ เดี่ยวๆ” ส้มร้องเรียกเมื่อเห็นเดี่ยวมองมาแล้วยิ้มร่าโบกมือให้ เก่งหันมองไปหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกเรียก รอยยิ้มที่เดี่ยวยิ้มให้ส้ม ทำให้เก่งรู้สึกขมในปากความอึดอัดเกิดขึ้นอย่างมากมาย การซ้อมเป็นไปอย่างเข้มงวดอย่างที่เก่งนึกไม่ถึง เนื่องจากต้องใช้พลังขาในการเดินแปรขบวนลีด เพื่อความสวยงาม ต้องทั้งเดินทั้งวิ่งจนขาของเก่งที่มันบวมอยู่แล้ว ยิ่งบวมมากขึ้น “ เก่ง เราว่านายไม่ไหวแล้วนะ กลับไปพักที่บ้านดีกว่า “ แพทและบีมบอกเมื่อเห็นเก่งเริ่มเดินเขย่งๆ ออกมาเมื่อพักซ้อม “เอ็งรีบกลับบ้านไปเลย เดี๋ยวถ้าหายไม่ทันวันแข่งมันจะลำบาก “ ถูกของไอ้แก้วเพราะถ้าหายไม่ทันทุกคนต้องวุ่นวายแน่ “งั้นเดี๋ยวเรานั่งดูไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวค่อยกลับ “ “ ตามใจ แต่ยังไงต้องรีบกลับนะมึง “ ไอ้แก้วร้องกำกับ แล้วเดิบกลับไปซ้อมต่อ เก่งนั่งมองเพื่อนที่ซ้อมอย่างขะมักเขม้นแล้วรู้สึกตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง เพราะทุกคนต้องรอให้ตนหายก่อนจึงจะซ้อมใหญ่ได้อีกครั้ง แต่นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ต้องรีบหายโดยไว! “ นี่เป็นท่าสุดท้ายที่พี่จะสอนให้นะ เป็นท่ายาก “ เสียงพี่เนตรบอกเดี่ยวที่ซ้อมอยู่ห่างๆ ดังแว่วมา เก่งหันไปมองตาม เดี่ยวกำลังหัดท่านี้อยู่ ใช่!ท่านี่มันยากแน่นอน เป็นท่าที่ต้องเหวี่ยงคฑาให้ขึ้นไปหมุนในอากาศ แล้วต้องใช้มือรับกลับให้ได้ ท่านี่โอกาสเสียงผิดพลาดสูงมาก ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงที่พอดี ถ้ามากหรือน้อยไป ดรัมเมเยอร์จะรับคฑาไม่ได้ “ ท่านี้เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อประธานนะ “ พี่เนตรเสริม เก่งรู้สึกได้ว่าเดี่ยวตั้งใจฝึกฝนมาก พยายามฝึกหัดอยู่หลายครั้ง เก่งเองก็เคยฝึกท่านี้มาก่อน ยังไม่ชำนาญมากแต่ก็พอจะรู้วิธีในการควบคุมการเหวี่ยงคฑาได้ " เก่งๆ มาช่วยสอนเดี่ยวแทนที วันนี้พี่มีธุระ ต้องรีบกลับบ้าน โทษที พี่ไปนะ" พี่เนตรบอกโดยไม่รอคำตอบ แล้วเก็บกระเป๋าแล้วรีบวิ่งกลับบ้านทันที เมื่อวางหูโทรศัพท์ เดี่ยวเดินมายืนตรงหน้านิ่งเหมือนจะรอคำสั่ง เก่งเกลียดการเผชิญหน้ากันในขณะที่ตอนนี้เขาเองก็ยังอ่อนแออยู่มาก " นายฝึกอะไรบ้างมาแล้ว ลองทำให้ดูหน่อย “เก่งบอกเป็นสัญญาณให้เดี่ยวเริ่มต้น เดี่ยวพยักหน้าพร้อมยืดตัวตรง ย่ำเท้าไปมาท่าท่างราวกับทหารเดินสวนสนาม มือก็กวัดแกว่งคฑาอย่างสง่างาม ”ไอ้พัฒน์นี่มันเลือกได้ถูกคนจริงๆ “เก่งคิดนั่นเพราะเดี่ยวดูสมาทร์มาก อย่างที่เก่งนึกไม่ถึง เดี่ยวยังคงควงคฑาด้วยลีลาที่สง่างาม จนถึงท่าสุดท้ายที่ยากที่สุดที่พี่เนตรเพิ่งสอน เดี่ยวเหวี่ยงคฑาไปด้วยแรงที่มี คฑาดรัมเมเยอร์หมุนคว้างขึ้นกลางอากาศ แล้วดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ”เฮ้ย ! ” คฑาลอยไปไกลห่างจากวิถีที่คนเหวี่ยงจะสามารถรับได้ และมันอาจจะหักถ้ากระแทกพื้น แต่มันอยู่ในวิถีของเก่ง เก่งดีดตัวขึ้นรับคฑา ได้ทันก่อนที่จะตกถึงพื้น แรงของไม้ที่ตกมาทำให้เขาเซเล็กน้อย “ โอ้ย !” เก่งล้มพับลงไปนั่ง ขาที่ยังเจ็บยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อเกิดแรงกระแทก เก่งกัดฟันระงับอาการเจ็บ “ เฮ้ย! เก่ง” เดี่ยววิ่งมาเมื่อรู้สึกตัว นั่งลงจับขาข้างที่เก่งนั่งกุมอยู่ “ โอ้ย !เจ็บ อย่าจับปล่อย !” เก่งร้องเมื่อเดี่ยวเปิดผ้าพันแผลออก “ นี่ทำไม่ ปล่อยให้มันบวมขนาดนี้หะ “ เดี่ยวเสียงเข้มขึ้นเมื่อเห็นขาที่บวมของเก่ง “มานี่ “ เก่งลอยวูบขึ้นตามแรงช้อนตัว “ เฮ้ย ปล่อยเราลงนะโว้ย จะพาเราไปไหน “ เก่งร้องลั่นอย่างตกใจ ต่อด้วยความอายก็แล่นตามมาเมื่อเห็นสายตาหลายคู่จ้องมา “ เงียบเหอะน่า เจ็บขนาดนี้ยังมาเถียงอีก “ เดี่ยวร้องดุเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงดิ้นๆ “ ยังฤทธิ์มากเหมือนเดิมนะ” เดี่ยวบอกพร้อมรัดแขนที่อุ้มแน่นขึ้น.....
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 10 หัวใจของเก่งยังเต้นตูมๆ แม้เดี่ยวจะวางเขาลงจากวงแขนให้นั่งลงบนเตียงขาวสะอาดแล้วก็ตาม เดี่ยวหาอะไรกุกกักในห้องพยาบาลที่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ กลับมาอีกครั้งพร้อมกะละมังที่บรรจุน้ำแข็งไว้เต็มเปี่ยม และ ครีมลดอาการปวดกล้ามเนื้อ เดี่ยวคุกเข่าลงตรงหน้าเก่ง เอื้อมมือมาจับข้อเท้าที่บวมเป่งอย่างเบามือ แต่ถึงอย่างงั้น เก่งก็ยังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ เก่ง นายอดทนหน่อยนะ “ เดี่ยวประคองข้อเท้าเล็กๆไว้ในมือ บีบครีมลงที่ข้อเท้า แล้วเริ่มนวดเบา “ เป็นไงมั่ง เจ็บรึเปล่า” เสียงเดี่ยวถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้า “ เราไม่เป็นไร “ เก่งแข็งใจตอบแต่ความเจ็บทวีมากขึ้น “ อดทนอีกนิดนะ “ เก่งหยุดการนวด แล้วจับขาเก่งลงแช่อ่างน้ำแข็ง “ โอ้ย! …!! ปวด “ ความเย็นของน้ำแข็งลามขึ้นมาตามกล้ามเนื้อเหมือนเป็นตะคริว คราวนี้ความปวดทวีมากขึ้น เดี่ยวจับขาเก่งไว้แน่น เมื่อเก่งพยายามชักขาออก “ อดทนหน่อยนะ ต้องแช่ไว้อย่างนี้จะได้หายเร็วๆ” เดี่ยวบอก เมื่อเห็นเก่งกัดฟันแน่น รู้สึกได้ว่าเก่งจะปวดมากเพราะน้ำตาคลอ “ รู้สึกดีขึ้นแล้วรึยัง “ เสียงนุ่มๆ ถามเบาๆ เก่งพยักหน้าแทนคำตอบ “ เมื่อวานนายกลับยังไงน่ะ” เดี่ยวเมื่อเห็นสภาพแล้วเมื่อวานไม่น่าจะกลับได้เอง “ ไอ้แก้วไปส่งเราที่บ้าน” เก่งสวนกลับ ก้อนบางอย่างเคลื่อนมาจุกคอ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน “ทำไมนายไม่กลับพร้อมเรา เรามาหาที่ห้องพยายาบาลแล้วไม่เจอ “ เดี่ยวถามแล้วจ้องหน้านิ่ง “ เรากลับเองได้นายไม่ต้องเป็นห่วง เราอยากให้นายอยู่กับแฟน แล้วไปฉลองกันมากกว่า “ เก่งก้มหน้าลงไม่สบตา ใจวูบไหว “ ที่พูดนี่หมายถึงส้มเหรอ เรากับส้มยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ “ แต่คงเกือบๆแล้วใช่ไม๊ล่ะ อย่ามาโกหกดีกว่า เก่งคิด “ เรารักคนอื่นอยู่แล้ว “ เดี่ยวว่าพลางจ้องตานิ่ง จับมือ " ตอนนี้เค้าอยู่...... " “เฮ้ย ! เก่งเป็นไงมั่ง “ แก้ว แพท บีม และ เพื่อน ๆทีมลีดอีกหลายคนเดินเข้าตะโกนทัก เก่งหันมองพร้อมดึงมือออก เมื่อสายตาส้มมองมาที่มือ “ เออ ไม่เป็นไรแล้ว เดี่ยวมันช่วยนวดให้ “ เก่งยิ้มรับ แกล้งทำไม่เห็นสายตาที่ร้อนแรง “ ถ้าเก่งไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี่ยว เรากลับบ้านกันเถอะ” ส้มพูดแซงขึ้นมาแล้วเดินมาจับแขนเดี่ยว “ วันนี้เราจะไปส่งเก่งที่บ้าน ส้มกลับบ้านเองนะ “ แววตาโกรธฉายวาบขึ้นมาจากตาส้ม “ งั้นก็ ok พรุ่งนี้เจอกันนะ” ส้มหันหลังกลับทันทีเมื่อพูดจบ ปล่อยทิ้งให้เพื่อนๆ งง “ เออ ถ้าเดี่ยวไปส่งไอ้เก่งก็ดีเหมือนกัน งั้นพวกเรากลับบ้านกันเหอะ “ ไอ้แก้วตัวดีทำตัวเป็นพ่อสื่ออีกแล้ว มันต้อนบีม แพทและเพื่อนๆ จนเหลือเดี่ยวอยู่กับเขาแค่ 2 คน “ งั้นเรากลับบ้านเหอะ “ เดี่ยวอมยิ้มขำๆ เมื่อเห็นแก้วเปิดทางให้ “ แล้วนี่จักรยานนายจอดอยุ่ไหนล่ะ เดี๋ยวเราเดินไปเอง “ เก่งรีบบอกก่อนที่จะโดนอุ้มต่อหน้าคนอื่นอีกครั้ง “ เราไม่ได้เอามา “ เดี่ยวตอบแล้วเฉย “ อ้าวแล้วจะกลับไงอ่ะ” หน้าเดี่ยวเปลี่ยนจากเฉยเป็นอมยิ้ม “ ก็กลับอย่างงี้ไง” เดี่ยวคว้าเก่งขึ้นขี่หลัง “เฮ้ย ไม่เอา ปล่อยเราลงนาเว้ย นายปล่อยเราลง ! “ เก่งดิ้นจะลงจากหลังเดี่ยวให้ได้ “ นี่ๆ อย่าดิ้นสิ ถ้าดิ้นมากเดี๋ยวนายจะโดนจูบ“ แรงดิ้นของคนที่อยู่บนหลังหยุดลงในพริบตา แต่ยังมีเสียงอ้อนวอน “ เฮ้ย ปล่อยเราลงเหอะ นะ เราอาย นะ” “ ไม่เห็นต้องอายเลย “ เสียงหัวเราะขำของคนแบกดังลอดมา “ เฮ้ย หัวเราะอะไรน่ะ “ เก่งร้องอย่างเคือง “ เปล่าคับ คุณหนู” เสียงตอบก็ยังคงเจือด้วยเสียงหัวเราะอยู่ดี เก่งรู้สึกได้ว่าตัวเองกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง เด็กที่ครั้งนึงเคยขี่หลังของเดี่ยวยามหกล้มขาเจ็บ แล้วร้องไห้โยเย้ ไม่ยอมเดิน จนเดี่ยวต้องแบกกลับ ตอนนี้เหมือนเขาได้ย้อนไปอดีตทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยมีความสุข เก่งยิ้มกับตัวเองพร้อมรัดแขนรอบคออีกฝ่าย “ พี่เดี่ยว! “ สรรพนามที่เก่งละเลยที่จะเรียกกันมานาน ถูกเรียกขึ้นอีกครั้ง “ หือ มีไรคับ “ เดี่ยวถามเมื่อรู้สึกว่าคางอีกฝ่ายเกยอยู่ที่บ่า “ เราไม่ได้ขี่หลังพี่เดี่ยวมานานแล้วนะ “ “ นั่นดิ นานพอๆกับที่นายเลิกเรียกเราว่าพี่” เดี่ยวตอบแล้วรู้สึกผ่าวๆ เมื่อรู้สึกไอ้ถึงลมหายใจอุ่นๆหอม ๆ รดเรี่ยอยู่ข้างแก้ม “แหม ก็แก่กว่าแค่ 4 เดือนจะให้เรียกพี่ไปตลอดได้ไง “ เก่งเถียง “ ก็ที่เด็กๆนายยังเรียกเลย “ เดี่ยวไม่ยอมแพ้ “ นี่ตกลงคืออยากให้เรียกพี่เดี่ยวใช่มะ “ คนแบกพยักหน้าแทนคำตอบ “งั้นก็ ต้องให้ขี่หลังบ่อยๆ นะ ถ้าให้ขี่หลังเมื่อไหร่จะเรียกพี่เดี่ยวทุกคำเลย “ เก่งตอบรับอย่างสนุก “อ้าวถึงบ้านแล้วนี่ ปล่อยเราลงได้แล้ว “ ไม่มีเสียงตอบรับ แต่คนแบกเดินตรงเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังคนบนหลัง “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปส่งถึงห้องเลย เอากุญแจมา “ เสียงนุ่มๆ สั่งเบา แต่มันก็มีอำนาจให้อีกฝ่ายล้วงกุญแจออกมาได้ “ถึงแล้วปล่อยเราลงดิ ! “ คนแบกยังทำท่าอาลัยอาวรณ์ แล้ววางเก่งลงที่เตียง “ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารับนะ นายห้ามเดินไปเอง ขายังไม่หายดีใช้ขามากไม่ได้ “ เดี่ยวร้องสั่ง “ คับได้ คับ คุณพี่เดี่ยว “ เสียงตอบล้อเลียน ทำให้เดี่ยวยิ้มแล้วหันมาเขกหัวเบา “ นี่แนะ ล้อเลียน กลับแล้วนะพรุ่งนี้เจอกัน บาย “ วันนี้โลกกลายเป็นมีสีสันอีกครั้งสำหรับเก่ง เขาภวนาให้มันยั่งยืนต่ออย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ที่เถอะ.... “ เก่ง!ขาหายแล้วเหรอ “ บีมร้องถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นเก่งเดินเหินได้ตามปกติ ทั้งที่เมื่อวานยังบวมอยู่มาก “ อือ หายเจ็บแล้ว เราได้หมอดี” แถมหมอยังให้ขี่หลังกลับบ้านอีก เก่งคิด “ เออ โล่งอก เป็นห่วงแทบตาย วันนี้ชุดลีดมาแล้วอย่าลืมไปลองนะ“ แพทเอ่ยบ้าง “ เฮ้ยๆเมื่อวานเป็นไงมั่งวะ “ แก้วกระซิบถาม เอ! ดูมันยิ้มแปลกแฮะ “ ก็ดีนี่ ไม่มีไรนะ “ เก่งตอบกลางๆ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนมาไม้ไหน “ เหรอ พวกเอ็งเข้าใจกันดีแล้วใช่ป่ะ เออ ค่อยดีหน่อย อุตส่าห์ช่วย” อ้าวแล้วกันเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิดเลย เก่งถียงไม่ออกอมยิ้มเขินๆ ไอ้แก้วเพื่อนตัวดีดันมาแซวกันได้ “ เก่ง มากับเราหน่อยสิ เรามีเรื่องจะพูดด้วย “ เก่งหันหลังกลับตามเสียง ส้มนั่นเอง สีหน้าเย็นชาทำให้เก่งรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กๆ “ อืมได้สิ “ เก่งรับคำแล้วเดินตามเพราะรู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแรง “ เก่ง เราขอร้องนายอะไรอย่างนึงได้ไม๊ รับปากเรา ไม่สินายสัญญากับเราได้ไม๊ ว่า จะทำตามที่เราขอร้อง “ เสียงขอร้องของส้มฟังดูแปลกๆในความคิดของเก่ง “เธอจะขออะไร บอกเราก่อนได้ไม๊ “ ความรู้สึกแปลกๆในท่าทางส้มทำให้เก่งต้องเอ่ยถาม “ นายสัญญามาก่อน! “ ส้มมองด้วยสายตาที่คมปราด “ ก็ได้ๆเราสัญญา” เก่งยอมแพ้ “ เราต้องการให้นายเลิกยุ่งเกี่ยวกับเดี่ยวซะ! “ ความเย็นชาของเสียงส้มทำให้เก่งรู้สึกหนาวไปถึงหัวใจ แต่มันยังน้อยกว่าถ้อยคำที่ออกมาจากปากของส้ม “ เรากับเดี่ยวเป็นเพื่อนกันนะ “ เก่งนึกไม่ถึงว่าส้มรู้ความในของเขา และกล้าที่จะพูดกันอย่างนี้ “แต่เดี่ยวกับเราเป็นแฟนกัน เราไม่อยากให้นายเข้ามายุ่ง” ส้มมองหน้าอย่างเอาเรื่อง “ ยังไงเดี่ยวก็เลือกเรา” ส้มยิ้มเยาะแล้วหันหลังเดินกลับ ทิ้งเก่งให้ยืนสับสนอยู่คนเดียว! “ เฮ้ย เป็นอะไรไปว่ะ “ เก่งเดินกลับมาถึงโต๊ะที่แก้วนั่งคอยอยู่โดยไม่รู้สึกตัว “ เปล่าไม่เป็นไร” เก่งตอบเสียงแผ่ว ตามองเลยไปยังเดี่ยวที่กำลัง ซ้อมควงคฑา โดยมีส้มคอยนั่งส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ห่าง ก้อนอะไรบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจุกคออีกครั้ง “ เออ งั้น ไปลองชุดกันได้แล้ว “ เก่งเดินตามเสียงแก้วไปอย่างสับสน นี่ตกลงมันเป็นแฟนกันแล้วใช่ไม๊ แล้วที่บอกเมื่อวานมันคืออะไร ตกลงใครโกหกกันแน่! “ เฮ้ย นายใส่ได้ใช่ปะ “ แก้วถามเมื่อเห็นเก่งแต่งตัวเสร็จเดินออกมาส่องกระจกบานใหญ่ในห้องนาฏกรรมของโรงเรียน แต่เก่งไม่ได้สนใจชุดที่ตัวเองใส่ ตายังคงมองคนที่กำลังลองชุดอยู่มุมห้องตรงข้าม ที่เขาไม่รู้ว่าเข้ากันมาตอนไหน “ เดี่ยวเท่จังเลย ดูสิใส่แล้วพอดีตัวเลย ใครเลือกให้นะตาถึงจัง” เก่งมองตามมือของส้มที่ลูบไปตามปกคอ และใบหน้าของเดี่ยว กัดฟันแน่นหันกลับมาอย่างเร็ว แน่แล้วสิ 2 คนนี้เป็นแฟนกันแล้ว ไอ้เก่งเอ้ย โดนหลอกแล้ว! “ไอ้แก้ว ข้ากลับบ้านแล้วนะ “ เก่งเก็บเสื้อเข้าที แล้วบอกกับแก้วเบาๆเสียงสั่นๆ ของเก่งทำให้ ไอ้แก้วหันมองด้วยความฉงน “ นายเป็นอะไรรึเปล่า “ เสียงร้องถามด้วยความเป็นห่วงของแก้ว บีบให้เก่งต้องฝืนตัวเองอีกครั้ง “ ข้าไม่เป็นไรนี่ แค่ปวดหัวอยากกลับไปนอน” เขายิ้มให้จางๆ “ เออถึงว่าหน้าแดง เฮ้ย! เดี่ยว ไอ้เก่งจะกลับบ้านแล้ว“ แก้วหวังดีในสิ่งที่เก่งกำลังต้องการจะหนี “ ไม่เป็นไรเรากลับก่อนดีกว่า เดี่ยวมันต้องไปส่งส้มนี่ “ เก่งกัดฟันบอกปฏิเสธ แล้วหันหลังเดินจะเดินกลับ “ เก่งๆ รอก่อน เดี๋ยวเรากับเดี่ยวจะกลับพร้อมกันเลย รอเรากับเดี่ยวแป๊บนะ “ ส้มตะโกนเรียกเสียงหวานหน้าบานยิ้ม ชื่น แต่ทุกสิ่งของส้มที่แสดงมันตรงกันข้ามในสายตาของเขา นี่ส้มต้องการอะไรกันแน่เขาก็ทำตามที่ต้องการแล้วนี่ ! “ เฮ้ยเก่ง เห็นว่าไม่สบายเหรอ เป็นไรน่ะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่” เดี่ยวเอ่ยถามเมื่อเห็น สีหน้าของเก่ง “ เราไม่เป็นไรนี่แค่ปวดหัวเลยกลับไปนอน” เสียงพูดแผ่วเบาลอดออกจากปากมาจนได้ เก่งไม่แม้แต่จะมองตอบกลับ ยังคงเมินหน้ามองไปทางอื่น “ อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะเก่ง นี่ๆ เดี่ยว ว่าชุดที่ส้มใส่น่ะสวยไม๊” ส้มเป็นห่วงเก่งแบบขอไปทีแล้วหันไปคุยกับเดี่ยวต่อ ตอนนี้เก่งเริ่มเข้าใจแล้วว่าส้มต้องการอะไร ทำไมต้องมาทำให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาขนาดนี้ แค่บอกให้เลิกยุ่งกับเดี่ยวมันเจ็บปวดไม่พอรึไง เก่งอยากจะวิ่งหนีจากบรรยากาศตรงนี้ไปให้พ้น แต่สิ่งที่ทำได้คือเดินตามหลังเดี่ยวและส้มที่ยังสนุกกับการคุย “ ส้ม เราส่งแค่นี้นะ เดี๋ยวเราจะไปส่งเก่งต่อ “ เดี่ยวบอกกับส้มที่หน้างอลงอย่างเห็นได้ชัด “ ก้ได้ พรุ่งนี้เจอกันนะ นี่แนะ “ ส้มบีบจมูกของอีกฝ่ายแล้วยิ้มโบกมือลาวิ่งขึ้นรถ พอ ! พอกันที่ไม่ทนแล้ว เก่งรีบเดินหนีภาพที่เห็นไปทันที “ เฮ้ย เก่งรอเราก่อน “ เสียงตะโกนดังตามมาข้างหลัง เก่งเร่งจังหวะ ให้เร็วขึ้น แต่ยังช้ากว่าคนที่ตะโกนตามเนื่องจากขาที่ยาวกว่า “ เราบอกให้หยุดไง “ เดี่ยวบอกเสียงดุ ยึดบ่าของเก่งไว้แน่น แล้วกระชากให้เขาหันหลังกลับมา “ นายเป็นอะไรทำไมต้องเดินหนีเรา “ เสียงดุอย่างเอาเรื่องเมื่อเก่งพยามแกะมือของเขาออก “ ปล่อยเรา..เราจะกลับบ้าน ”เก่งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ทุกสิ่งทุกอย่างที่กลั้นไว้พังทลายพร้อมน้ำตา “ นายเลิกยุ่งกะเราซะที เราขอร้อง “ เก่งก้มหน้าลงเมื่อน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ เก่ง .. “ เดี่ยวขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “ ทำไม พูดแบบนั้น “ ไม่มีเสียงตอบนอกจากเสียงสะอื้น “ทำไม! “ เดี่ยวถามเสียงดังขึ้นเมื่อเห็นเก่งก้มนิ่ง น้ำตาหยดลงพื้นมากมาย “ เราไม่อยากผิดใจกับส้ม นายเข้าใจเราไม๊ นายกับส้มเป็นแฟนกัน นายก็ควรจะเลิกยุ่งกะเรา “ เก่งร้องออกมาทั้งที่ยังสะอื้น “ ส้มจะไม่พอใจมากนะ ถ้านายยังมาคอยเป็นห่วงเราแทนที่จะเป็นส้ม“ เดี่ยวขมวดคิ้วหน้าเข้มขึ้น เสียงห้าวๆ ตะคอกใส่เก่งที่ยังก้มหน้าสะอื้นไห้ “ทำไมนายต้องคอยยกเราให้ใครต่อใครด้วย เราไม่ใช่ตุ๊กตาที่นายจะเที่ยวยกให้ใครต่อใครก็ได้นะ เรามีความรู้สึกเราเลือกเองได้ว่าเราจะรักใคร “ เดี่ยวกำข้อมือแน่นรอบ แขน “ เจ็บ ปล่อยแขนนะ ปล่อย! “ แรงบีบทำให้เก่งเจ็บ พยายามแกะมันออกแต่แรงกลับหายไปหมดเมื่อใจมันเจ็บปวด น้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด “ ปล่อย !ฮือ.. “ มือเล็กๆกำเข้าทุบไปที่หน้าอกของเดี่ยว “ บอกให้ปล่อยไง ฮือ ๆ ปล่อย! “ เก่งสะอื้นมืออีกข้างก็ยังทุบไปยังอกของเดี่ยวไม่หยุด เหมือนต้องการให้ของเขาเจ็บปวดที่อกเหมือนกับเก่ง เดี่ยวเฉยนิ่งไม่ตอบโต้ “ ทำไมเดี่ยว ทำไมต้องทำอย่างนี้ นายจะเก็บเราไว้ทำไม ก็นายกับส้มเป็นแฟนกันแล้ว เราไม่อยากรู้เห็นเรื่องของนายกะส้มอีกแล้ว เราเจ็บ ปล่อยเราไปซะที ” เก่งร้องฟูมฟามอย่างเหลืออด เดี่ยวมองหน้าเขา แววตาเจ็บปวดฉายออกมาอย่างระงับไม่อยู่ เดี่ยวคลายมือออก ยกมือขึ้นกุมขมับ หยดน้ำใสไหลรินลงมา เดี่ยวหันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาตัวเอง “ เราขอโทษ เก่งเราขอโทษ แต่เราทำไม่ได้“ เสียงบอกเบาๆ ที่เก่งไม่ได้ยิน เดี่ยวยังยืนนิ่งมองเก่งที่เดินจากไป เก่งเดินกึ่งวิ่งหนีออกมาจากเดี่ยว น้ำตายังคงไหลนองหน้า ถึงแม้พยายามจะปาดมันทิ้งไป แต่ก็ไม่เคยแห้งได้เสียที นั่นคงเป็นเพราะ หัวใจมันยังคงเจ็บปวดอยู่สินะ “ ให้มันเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว “ แต่น้ำตายิ่งไหลอย่างจับสาเหตุไม่ได้ “ นี่ทำไมเราร้องไห้” เก่งคิดพร้อมปาดน้ำตาออกให้แห้ง พยายามยิ้มกับตัวเอง “ เราต้องไม่เป็นไร ต้องไม่ร้องไห้ แค่เราต้องเลิกยุ่งกับเดี่ยว แค่นี้....“ แล้วน้ำตาอุ่นก็ทะลักออกมากลบเลือนรอยยิ้มจนหมด หัวใจเต้นช้าๆเหมือนกำลังจะขาดใจ ขาไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อแล้ว “ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เดี่ยวเราอยากบอกนายนะ เรารักนาย “ เก่งทรุดลงนั่งก้มหน้าที่เก้าอี้สาธารณะ ปล่อยให้น้ำตาหยดลงเป็นดวง ซบหน้าลงร้องไห้ไว้อาลัยให้กับคำพูดที่ไม่เคยได้เอ่ยแก่เดี่ยว ลมหนาวต้นฤดูที่พัดมาช่างทรมานกับคนที่กำลังเจ็บปวดเหลือเกิน....
ลงชื่อไว้ เด๋วมาอ่านครับ
:m15: เศร้าอะ .... มาต่อเร็วๆน้า...อยากอ่านฉากตอนคืนดีกันอ่ะ +1 ให้ด้วย..
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 11 ความเย็นของอากาศในช่วงเช้าของต้นฤดูหนาว ทำให้เด็กชายที่ใส่เสื้อยืดบางๆมาแค่ตัวเดียวสั่นสะท้านเมื่อลมพัดผ่านไปเล็กน้อย วันนี้แล้วสินะวันกีฬาของโรงเรียน เขาหยุดอยู่ตรงประตูที่ติดป้าย ” สีฟ้า” แล้วผลักมันเข้าไป " เฮ้ยเก่ง มึงมาแล้วเหรอ มาเร็วมาช่วยกันหน่อย" ภาพความวุ่นวายที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้เก่งถึงกับงงเมื่อเห็นภาพ นี่มันยังเพิ่งตี 5 เท่านั้นเองทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้ ไอ้เก่งผู้มาก่อนเขา กำลังวิ่งวนหยิบโน่นหยิบนี่ให้สาวๆที่กำลังแต่งตัว แต่ใช่ว่าไอ้เก่งจะมาเพียงคนเดียวยังมีไอ้พัฒน์กับไอ้เคนเข้ามายืนเกะกะในห้องด้วย " นี่ๆ พวกนาย ถ้าไม่มีหน้าที่อะไรในนี้ ก็ออกไปซะ ผู้หญิงเค้าจะแต่งตัว " เสียงยายบีมกะยายแพทร้องอย่างเหลืออดเมื่อเห็นสายตาของไอ้พัฒน์ไอ้เคนที่จ้องเอาจ้องเอา " อ้าวก็ที่ไอ้แก้วกะไอ้เก่งมันยังอยู่ได้เลย " ไอ้พัฒน์เถียงแต่ตายังมองจ้องยายบีมไม่วางตา " ก็ พวกมันเป็นลีดนี่ แต่พวกนายไม่ใช่ " คนถูกมองเริ่มรู้ตัว เชิดหน้ากลับไปแต่งหน้าต่อ ปากก็ยังบ่น " พวกนายนี่มันบ้าจริงๆไล่ก็ไม่ไป " "ถ้าไปก็ไม่เจอของดีๆสิ " ไอ้พัฒน์เถียงแล้วยิ้มสมใจที่ได้อยู่ต่อ เก่งยิ้มขำหันไปพยักเพยิดกับไอ้แก้ว ที่ส่ายหน้าอย่างขำ ทุกคนดูมีความสุขดีจัง สวีทกันน่าดูเลย เก่งคิดเมื่อรู้สึกเป็นสุขไปกับความรักของเพื่อนที่ทำให้บรรยากาศรอบข้างเป้นสีชมพู แต่มันยังไม่สามารถฟื้นฟูใจที่มันยังอ่อนแอให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เขาเหลียวมองไปรอบตัว เดี่ยวยังไม่มาหรือนี่ แล้วนี่ทำไมต้องมองหามันเนี้ย เลิกๆ ตัดใจซะ เก่ง คิด " เฮ้ย เก่ง เอ็งไปเปลี่ยนชุดดิ มัวแต่ยืนเอ๋ออยู่นั่นแหละ " อ้าว เออ ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนี่ " เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ " เก่งหยิบชุดของตัวเองที่แขวนไว้ ข้างมีชุดดรัมเมเยอร์ของเดี่ยวอยู่ นี่แสดงว่าเดี่ยวยังไม่มาแน่นอน เก่งมองชุดนิ่งบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก เขาอยากเห็นเดี่ยวใส่ชุดนี้ใกล้ๆจัง แต่คงทำไม่ได้แล้วตอนนี้ เก่งงับประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเบาๆ แล้วจัดการถอดเสื้อผ้ากางเกง แล้วแขวนไว้ ตอนนี้เหลือแต่กางเกงในติดตัวอยู่ " เราเปลี่ยนด้วยคนนะ " เสียงห้าวๆ ดังเหมือนกระซิบข้างๆ หู " เอ้ย ! " เก่งสะดุ้งสุดตัวหันหลังกลับมามองอย่างเร็ว คนหน้าขาวตัวใหญ่ ยืมมองยิ้มๆ อยู่ข้างหลัง " ทำไรน่ะ เล่นงี้เราตกใจนะ " " เราแค่จะบอกนายว่าจะเข้ามาเปลี่ยนชุดด้วย " เดี่ยวพูด แต่สายตาเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย จากหน้าผ่านมายังช่วงอก และ.... " เฮ้ย! มองไร หันหลังไปนะเว้ย " เก่งร้องอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่กางเกงใน " ไปเห็นต้องอายเลย ทำอย่างกับเด็กๆ ไม่เคยเห็น " เดี่ยวไม่พูดเปล่าถอดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่สวมอย่างรวดเร็ว จนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเหมือนกัน " ตอนนี้เราก็เท่าเทียมกันแล้ว " เก่งตาโตตะลึงมอง เฮ้ย! มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้วทำไรนี่ เก่งหันหลังกลับ หลบหน้าเข้ากำแพง มือสั่นพยายามคว้าเสื้อมาสวมให้เสร็จ แต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาชิดเกินไป จนหน้าอกชิดกับแผ่นหลัง แขนล่ำสันยันกำแพงไว้ ลมหายใจกรุ่นๆมาพร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหู " เก่ง เรา...เราจูบนาย ได้ไม๊ " เสียงวิงวอนที่กระซิบแผ่วเบาอย่างแทบจะทำให้เก่งตอบรับด้วยความเขินอาย แต่คำสัญญาที่ให้ไว้กับส้มยังก้องอยู่ในหัวแล่นเข้ามาเตือนสติไว้ทัน " ไม่เดี่ยว เราคุยกันแล้วนะเมื่อวาน นายไม่ควรทำอย่างนี้ " เก่งไม่หันหน้าให้ แข็งใจบอกออกโดยหวังให้อีกฝ่ายถอยห่างโดยไว " เราไม่รับรู้ เรารู้แต่ว่าอยากจูบนายตอนนี้ " มือที่ยันกำแพงไว้เปลี่ยนมารัดเอวจนตัวแนบชิดกัน จมูกและปากของอีกฝ่ายเคลียเคล้าไปตามข้างใบหน้าและซอกคอของเก่ง " เฮ้.. ! " เก่งร้องดังด้วยความตกใจ แต่มืออีกฝ่ายปิดไว้ทัน แต่จมูกก็ยังไม่เลิกซุกไซร้ เก่งดิ้นขลุกขลักแต่ไม่ยักหลุด " ไอ้เก่ง มึงแต่งตังเสร็จยัง ไวๆ หน่อย " เสียงเรียกของได้แก้ว ทำให้เดี่ยวชะงัก แล้วถอนหายใจแรงๆ คลายมือออกจากเอวเก่งแต่ยังคงปิดปากไว้ แต่น้ำอุ่นๆไหลมาถูกมือของเขาที่ปิดปากเก่งไว้ ทำให้เขาแปลกใจ “เก่ง! ..นาย..ทำไม.” เก่งตัวสั่นๆบอกไม่ถูกว่าน้ำตาที่ไหลลงมามันเกิดจากอะไร ความกลัว ความพ่ายแพ้ ความละอาย รึความต้องการ เก่งเอื้อมมือสั่นๆ หยิบกางเกงและเสื้อขึ้นสวม แล้วพรวดพราดออกไป " อ้าวไอ้เก่งเป็นอะไรนี่ หยังกะวิ่งหนีใครมา " ไอ้แก้วถามด้วยความแปลกใจ เห็นหน้าเพื่อนยังมีรอยน้ำตา " เปล่านี่ " เก่งพยายามทำหน้าเป็นปกติ แต่มันไม่ทำให้ไอ้แก้วคลายความสงสัยได้ "งั้น มานี่เดี๋ยวข้าช่วยแต่งตัวให้ " ไอ้แก้วสลัดความสงสัยทิ้งเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบจากไอ้เพื่อนปากแข็ง แก้วอยู่ในชุดที่แต่งเสร็จแล้ว กางเกงผ้าขายาวสีขาวปลายขาบานน้อยๆ เสื้อสีฟ้าเป็นคอจีนเนื้อผ้าเบาบางเห็นไปถึงข้างใน ผ่าลงมาถึงอกไม่มีกระดุม เดินเส้นเงินเส้นทอง ตรงแถบบ่าไล่ลงมาถึงแขนเสื้อที่ยาว แต่แขนเสื้อถูกถลกพับยู่ยี่ขึ้นที่ข้อศอก ข้อมือข้างซ้ายมีริบบิ้นสีฟ้าและทองผูกทิ้งชายยาวถึงศอกจำนวน 3-4 เส้น ที่คอมีสร้อยเงินทำพิเศษเป็นชื่อของแก้วห้อยอยู่ซึ่งทำเพื่อหลีดทุกคน นี่เป็นชุดลีดของทีมม.ปลาย ส่วนชุดลีดชายม.ต้นต่างไปตรงที่เสื้อเป็นเสื้อยืดรัดพอดีตัวสีฟ้า กับกางเกงยีนส์สีกากีหลายกระเป๋า “ นี่เอ็งมาตั้งแต่กี่โมง “ เก่งถามแก้วเมื่อเห็นว่าแต่งตัวเสร็จก่อนคนอื่น “ ก็แต่เช้าแหละ บ้านข้ามาลำบากเลยต้องออกเร็วหน่อย “ แก้วตอบขณะ กำลังผูกโบตรงมืออีกฝ่ายอย่างตั้งใจ เก่งหันมองเพื่อนที่กำลังแต่งตัว แพท และ บีมนั่งคุยกันอยู่อย่างหลบมุม เพื่อหลบสายตาไอ้สองเสือพัฒน์กับเคนทีจ้องเอาจ้องเอา เก่งยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน “ยายแพทยายบีมเอ๋ย ! จะไม่ให้มันมองได้ไงก้พวกแกสวยซะ! “ เก่งคิดเมื่อเห็น เพื่อนสาว2 คนที่ใส่ชุดลีดเรียบร้อยแล้ว เสื้อคอจีนที่ตัดเข้ารูป ผ่าถึงอกเหมือนกันข้างในเป็นเกาะอกสีขาว เนื้อผ้าสีฟ้าน้ำทะเลเป้นคล้ายแพรบางๆ ลวดลายแขก มีดิ้นทองตามลวดลายนั้น ส่วน ท่อนล่างใส่กางเกงบอดี้สูทสีขาว ทับด้วยกระโปรงเนื้อเบาบางพริ้วสีเดียวกันที่ไล่ระดับเฉียงลง มือขวาผูกริบบิ้นไว้เช่นกัน เก่งยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนของเขาอยู่ในอารมณ์แห่งความรัก “ แก้ว ทำไมไม่ไปแต่งหน้า พี่ช่างแกคอยอยู่นะ “ เสียงแพทตะโกนบอก เพราะเหลือแต่ไอ้แก้วกับเขาที่ยังไม่ได้แต่งหน้า “ เราไม่ต้องแต่งหรอก ไม่ชอบอ่ะ”ไอ้แก้วเบ้ปาก หน้างอ เก่งเองก็เห็นด้วย เพราะไม่ชอบ “ ไอ้บ้า แล้วมันจะได้ยังเล่า ออกไปหน้าจืดๆเรอะ “ ไอ้เคนช่วยผสมโรงพราะรู้ดีว่า เขาและเก่งไม่ชอบจึงหาเรื่องแกล้ง “ เออ จะออกไปหน้าจืดอย่างงี้แหละ ทำไมแล้วเอ็งมายุ่งไร ก็คนไม่ชอบ“ ไอ้แก้วหน้างอลงอย่างเห้นได้ชัด พวกเพื่อนหัวเราะขำเมื่อแกล้งไอ้แก้วได้สมใจ “ เอางี้ๆ ไอ้แก้ว ถ้าเอ็งยอมแต่งหน้า ข้ากะไอ้พัฒน์จะให้เอ็งร้อยนึง “ ไอ้พัฒน์ยื่นข้อเสนอ ไอ้ แก้วสายหน้าดิก ๆอย่างไม่แยแส “ ไม่สนเรอะงั้น 2 ร้อย “ ไอ้พัฒน์เสนอต่อ “ ตกลง เอ็งจ่ายมาเลย “ ต่อมงกของไอ้แก้วแตกอีกแล้ว ไอ้พัฒน์ขำก๊าก แต่เก่งตาโตมองอย่างแปลกใจ “ เฮ้ย ไอ้เก่งทำไมมึงเปลี่ยนง่ายงี้อ่ะ เมื่อกี้ยังหยิ่งทระนงอยู่นี่ “ “ ก็แหมเงินมันตั้ง 2 ร้อยนะโว้ย “ ไอ้บ้าแก้วยังคงยิ้มดี้ด้าเมื่อได้เงินมาสมใจ ส่วนเก่งกุมขมับอย่างกลุ้มๆ… เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที. แต่เก่งรู้สึก เหมือนมันนานมากๆ ทรมานที่ต้องอยู่นิ่งๆ ต้องโดนรุมทึ้งจากทั้งช่างแต่งหน้าช่างผม นั่งจนขาชาไปหมด ตลอดเวลาจะได้ยินแต่เสียงคำชม “ ต๊ายน้องหน้าใสจัง เนียนๆ “ “ ผมน้องเนี้ย นิ้มนิ่มนะคะ “ โอย พี่ครับ รู้แล้วแต่ช่วยเร่งหน่อยเหอะ เมื่อย! เก่งคิดอยู่ตลอดเวลาที่นั่งทน ในที่สุดการแต่งหน้าก็เสร็จสิ้น เก่งโล่งใจมากๆ นี่ถ้ารู้ว่ามันต้องทรมานขนาดนี้ รู้งี้ไม่รับปากไอ้พัฒน์ก็ดี เก่งหันหน้าไปมองไอ้แก้วที่ทำหน้าเมื่อยอยู่ข้าง อะโห ไอ้แก้ว เหรอเนี้ย เก่งมองแก้วอย่างงง! แม่งโคตร สวยเลย! “ เฮ้ย ไอ้เก่ง ไอ้แก้ว พวกมึงแต่งหน้าแล้วสวยว่ะ รู้งี้กูจับพวกมึงไปประกวดที่พัทยาดีกว่า “ ไอ้เคนร้องบอกหัวเราะเสียงดัง “ ไอ้พวกเฮียนิ “ ไอ้แก้วถลาเงื้อเท้าไปเสนอให้ แค่อีกฝ่ายหลบทัน “ แน่ะๆ เขิน “ ไอ้เคนวิ่งหนีทันแล้วหัวเราะขำ เพื่อนทุกคนหัวเราะ เก่งมองไปยังกระจก ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกแล้ว ขนตาที่ถูกดัดจนงอนทำให้ตาที่โตยิ่งโตขึ้น ปากทาสีออกส้มๆ แก้มปัดแดงน้อย กากเพชรระยิบระยับน้อยๆอยู่ที่เปลือกตา ผมถุกจับเสยตั้งและยีทำให้ดูยุ่งๆ แข็งมากเพราะโดนฉีดเสปรย์ คิ้วหนาถูกกันจนเหลือจนกลายเป็นคิ้วเรียวบาง “ โถ่ คิ้วตู “ เก่งนิ่วหน้า “ เฮ้ย แพท พี่เค้าแต่งหน้าเข้มไปแล้วมั้ง” เก่งบ่นอุบอิบเมื่อเห็นทุกอย่างบนใบหน้า “ ก้ไม่นี่ เก่ง เค้าแต่งอย่างงี้ ทุกคน “ เก่งหันมองตาม เออจริงด้วย ไอ้เบิร์ดมันยังแต่งจัดกว่าเค้าอีก “ เอาน่าเก่ง ดูดีแล้ว อย่ากังวลเลย อย่างนี้กำลังน่ารัก “ แพทยิ้มให้กำลังใจ “ ขอบใจมาก แต่วันนี้แพทก็สวยมากนะ ไอ้เคนมันแอบชมตั้งหลายรอบแล้ว “ เขายิ้มให้พร้อมแซวแพทที่แค่ได้ยินชื่อไอ้เคนก็หน้าแดง “ บ้า เก่งนี่ เราไม่คุยด้วยแล้ว “ อ้าวพูดแค่นี้ต้องเขินจนเดินหนีเลย ฮ่าๆ ยายแพทเอ้ย เก่งก้มหน้าลงสำรวจตัวเอง “เอ สร้อยชื่อประจำตัวเราอยู่ไหน” เขาก้มมองหาที่พื้น “ เอ! จำได้ว่าว่าไว้บนโต๊ะ นี่แล้วมันหายไปไหน” “ นายกำลังหาอะไรอยู่ “ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง เออ ได้เดี่ยวนี่มันชอบเข้ามาข้างหลังเงียบๆซะจริง แต่เขายังไม่อยากที่จะพูดกับเดี่ยวตอนนี้เพราะมีสายตา ส้มมองอยู่ “ นายหานี่อยู่รึเปล่า “ เดี่ยวยื่นสร้อยที่เงินที่เป็นชื่อของเก่งยื่นให้ “ ขอบใจ “ เก่งเอือมมือคว้า แต่อีกฝ่ายเบี่ยงหนี “ เดี๋ยวเราใส่ให้นายเอง อยู่นิ่งๆ “ เดี่ยวพูดจบก็เดินเข้าชิดตัว เอาสร้อยคาดคอแล้วเอื้อมมือชะโงกหน้าไปมองตรงคอเก่ง เพื่อติดตะขอ แต่ทำไมช้านัก ดูเหมือนว่าเดี่ยวใช้เวลานานเกินไปนะ ลมหายใจก็รดหน้าของเก่งอยู่อย่างไม่ขาดช่วง “ วันนี้นายน่ารักจังเลยนะเก่ง “ เสียงกระซิบบอก ” เก่ง เมื่อกี้นายร้องไห้ทำไม “ เดี่ยวกระซิบถาม แต่เก่งเงียบเพราะยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่สักที “ กลัวเราเหรอ “เสียงของเดี่ยวยังถามมาแต่ไม่มีเสียงตอบจากเก่ง “ นายไม่ต้องกลัวเรานะเราไม่ทำอะไรนายหรอก “ เดี่ยวเปรยเบาๆ ก่อนที่จะเอามือออก เจ้าของเสียงยิ้มหวานให้อย่างเอ็นดู เก่งพยักหน้ารับไม่กล้าเอ่ยตอบ หันกลับจะเดินเลี่ยงออกมา แต่ถูกคว้ามือไว้ “ เก่งเดี๋ยวก่อน ! “ เสียงเรียกเบา “ ไรอีกล่ะ “ เก่งถามแล้วมองมือพลางกระตุกออก “ ช่วยเราหน่อย “ เดี่ยวยื่นเนคไทให้ จริงสิ นี่เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเดี่ยวแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ผูกเนคไท เก่งรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้มายืนมองเดี่ยวที่แต่งชุดนี้อย่างใกล้ๆเหมือนอย่างที่หวัง เดี่ยวดูสมาร์ทมากๆ ร่างสูงๆ นี่เหมาะกับชุดอย่างที่คาดเดา “ ผูกให้เราที เราผูกไม่เป็น “ เดี่ยวร้องวอน สายตาหวานก้มมองตาของเก่ง เก่งเอื้อมมือเขย่งสุดตัวเอาเนคไท คล้องคอเดี่ยว พยายามบังคับไปทีเนคไทที่กำลังผูกปมอยู่ แต่ตายังเลยไปเห็นปากสีสดที่รายรอบไปด้วย ไรหนวด เขียวจางๆ แล้วความซ่านของอารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาเมื่อ นึกถึงเมื่อเช้า “นี่หน้าแดงทำไมน่ะ “เดี่ยวถามเมื่อเห็นอยู่เก่งก็หน้าแดง เอ๊ะ นี่มันมองเขาอยู่ตลอดเลยเหรอ “ เปล่า เราแค่หนาวน่ะ “ เก่งตัดสินใจพูดอะไรสักอย่างแต่พูดออกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเอง โอยนี่เดี๋ยวได้โดนแบบตอนอยู่เชียงใหม่หรอก “ แล้วนายอยากให้เรากอดเหมือนตอนอยู่เชียงใหม่รึเปล่า” เดี่ยวกะซิบ มองมองหน้าแล้วอมยิ้ม เดินประชิดตัวให้เก่งรูดเงื่อนเนคไทให้เข้าที่ “ พูดเป็นเล่นไปได้ “ เก่งบ่นพร้อมรูดเนคไทขึ้นจนรัดคอ “ เฮ้ย จะฆ่ากันเรอะ แล้วอย่ามาเสียดายนะ “ เก่งมองเหล่หน้างอใส่อีกฝ่ายยังคงคลายปมให้ตัวเองหายใจสะดวกขึ้น เก่งเองยังหน้าแดงไม่หยุดสักที เออ ไปดีกว่า ! “ เฮ้ย ไอ้พัฒน์ถ่ายรูปที “ มือของใครบางคนจับเข้าที่ข้อมือเก่งแล้วกระตุกแรงๆ เก่งปลิวตามแรงดึง รู้อีกที่ก็โดนรัดด้วยแขนล่ำที่รอบเอวแน่น อีกมื่อกดไหล่กันดิ้นหนี แสงแฟลชวูบขึ้น เก่งตะลึงงง อีกแล้วเรอะเนี้ย เพื่อนๆอมยิ้มขำกันเป็นแถบ ไอ้แก้วตัวดียิ้มมองชี้ให้แพทและบีมดูเขากับเดี่ยว “ ไอ้บ้าเดี่ยว! ปล่อย ” เก่งคำรามพร้อมถ้องศอกออกไปโดยแรง ได้ผล! ไอ้บ้าหน้าขาวตัวงอ เก่งพุ่งพรวดออกมา อายเพื่อนๆ อย่างมาก ไอ้เดี่ยวนี่มันยังไงนะ นี่กล้าทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนเลยเรอะ โอย อยู่ไม่ได้แล้ว เก่งวิ่งพรวดออกจากห้องไป ตอนนี้ที่หลบภัยที่ดีที่สุดคงจะเป็นห้องน้ำ เก่งยังคงคิดอะไรหนักอยู่หลายอย่าง นี่เพื่อนจะรู้สึกกับเขายังไง แล้วนี่ส้มมันต้องโกรธแน่เลย ไอ้เดี่ยวเอ้ย ทำกันได้ “ เฮ้ย เก่งอยู่ข้างในเปล่า ออกมาได้แล้ว “ เสียงทูตสันธวะไมตรีเข้ามาเจรจาต่อรอง แต่เก่งรู้สึกว่าไอ้คนพูดมันเป็นยมทูตมากกว่า “ นายมีไรล่ะ เดี่ยว “ เก่งตะโกนถามแต่ยังไม่เปิดประตู “ เพื่อนๆให้มาตาม น่ะ เค้าเริ่มเดินขบวนพาเหรดกันแล้ว “ อ้าวเออ จริงด้วยนี่ถึงเวลาตั้งแถวแล้ว แต่ทำไมเพื่อนตูมันต้องให้ไอ้นี่มาตามด้วย ! “นายไปก่อนเดี๋ยวเราตามไป “ เสียงฝีเท้าหายออกไปจากห้องน้ำ เก่งคิดว่าสิ่งไม่ความปลอดภัยคงไปแล้ว จึงเปิดประตูออกมาอย่างสบายใจ “ เฮ้ย ! “ เก่งร้องเมื่อเห็น ไอ้บ้าเดี่ยวยังยืนพิงไหล่อยู่ “ ทำไมนายยังไม่ไปวะ” เก่งถามระแวง “ เราจะรอไปพร้อมนาย “ เดี่ยวพูดพร้อมจับข้อมือดึงลากออกไป “ เฮ้ย ปล่อย เราเดินเองได้ “ เก่งร้องบอก แต่คนเดินหน้ายังกำมือแน่นไม่ปล่อยข้อมือของเขาเลย พาเดินไปยัง ห้องที่แต่งตัว ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว “ เอ้า !นายถือนี่ให้เราด้วย “ ส่งของบางอย่างมา คฑาครัมเมเยอร์ที่ถูกขัดจนหัวคฑาเงาเป็นมัน เชือกถักสีน้ำเงินเข้มเงาๆ พันเกี่ยวกับเชือกสีทองจนสุดปลายแล้วทิ้งชายพู่ลง ตรงยอดหัวคฑามีตุ้งติ้งเล็ก ๆ เป็นตราโรงเรียนห้อยติดอยู่ เก่งมองงง แล้วทำไมไม่ถือเองวะ ! เดี่ยวเดินนำไปยังสนามหญ้าโรงเรียน ที่บัดนี้ มีคนอยู่เต็มสนาม กำลังตั้งแถวเตรียมเดินขบวน รอบข้างสนามมีแสตนเชียร์ของแต่ละสี สแตนสีฟ้าอยู่กึ่งกลางของเส้นขอบสนาม เสียงเด็กคุยกัน เซ็งแซ่ไปหมด ที่สแตนเชียร์มีพี่ม.6 คอยดูแล และบอกให้น้องพร้อมร้องเพลง เด็กทุกคนใส่เสื้อสีเมื่อนั่งรวมกันทำให้เห็นสแตนเชียร์ดูเหมือนมีผืนผ้าสีต่างๆมาคลุมไว้ เก่งยังคงเดินตามเดี่ยว แล้วหยุดเมื่อเห็นเดี่ยว เข้าประจำที่ของตนที่ขบวนพาเหรด “ เก่ง จำที่เราซ้อมท่านั้นได้ไม๊ นายคอยดูเรานะ“ เดี่ยวยิ้มกว้าง สบตาอย่างลึกซึ้ง “ เราจะเอาใจช่วยละกันนะ “ เก่งยิ้มตอบ พลางส่งไม้คฑาให้ เสียงกลองของวงดุริยางรัวขึ้น เป็นจังหวะให้ทุกสีเตรียมเคลื่อนขบวน โรงเรียนของเก่งนั้นถือว่าเป็นโรงเรียนประจำ อำเภอ เวลามีกีฬาสีที่ไรมักจะออกไปเดินขบวนที่ถนนข้างนอกโรงเรียน และ มักจะจัดใหญ่โต ผู้คนรวมทั้งโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงจึงมักให้ความสนใจเป็นพิเศษ วันกีฬาสีจึงมักมีเด็กโรงเรียนอื่นเข้ามาดู เดี่ยวควงคฑาให้สัญญาณแก่ทุกคนให้ออกเดิน แล้วเดินนำหน้าออกไปอย่างสง่างาม เสียงสาวๆ ม.ต้น ที่อยู่สแตนเชียร์ร้องกรีดกราดดังลั่น เมื่อเดี่ยวออกเดิน แหม ไอ้เดี่ยวนี่มันเสน่ห์แรงไม่ตก ! เสียงกลองดังหายไป นานประมาณ ครึ่งชม. แล้วก็ดังมาแว่วอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่า ขบวนพาเหรดกำลังจะกลับมา “ เฮ้ย พวกเราประจำที่ได้แล้ว” แก้วร้องสั่ง เพื่อน และน้องๆ อยู่ในท่าเตรียมพร้อม แล้วก็ตั้งแถวเดินเดินเรียงหนึ่งออกไปกลางสนามหน้าสแตน เสียงกรีดร้องของเด็กๆ ทำให้เก่งรู้สึกประหม่า “ เฮ้ย แก้ว กูตื่นเต้น “ เก่งร้องบอกเมื่อหัวใจเต้นตูมๆเพราะไม่เคยอยู่ต่อหน้าคนมากๆ “ ไม่ใช่มึงคนเดียวหรอก กูก็เป็น “ ไอ้แก้วบอกเสียงสั่น ไม่หันหน้ามามอง “ เก่งนาย สูดลมหายใจลึกนะ “ เก่งทำตามเสียงแนะนำของเบิร์ด “ ขอบใจว่ะ “ เก่งรู้สึกดีขึ้นเมื่อทำตามที่บอก ลีดสีฟ้าทุกคนยืนเรียงแถวยิ้มร่า โดยจัดแถวเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ทีมม.ปลายอยู่ทาง ซ้ายมือ โดยชายยืนซ้อนหลังหญิงห่างกัน 1 ก้าว ทีมม.ต้น อยู่ขวามือ ส่วนทีมเลดี้สุดสดใส ยืนอยู่ 3 คนเรียงหน้า เป็นฐาน เสียงกลองยังดังก้องเข้ามา ขบวนสีเขียวเดินนำมาแล้ว เสียงร้องเพลงของสแตนสีเขียวดังก้อง ลีดทีมสีเขียวเต้นรับขบวนพาเหรดอย่างพร้อมเพรียงกันดูสมบรูณ์แบบ เก่งบอกกับตัวเองว่าต้องเต็มที่เช่นกัน ! แล้วขบวนสีฟ้ามาถึง เมื่อเก่งเห็น ร่างสมาทร์ในชุดที่เขาเลือกเดินเข้าจังหวะกลองมาอย่างสง่างาม เก่งทำหน้าที่ตัวแทนลีด ร้องรับขบวนพาเหรด ตะโกนบอกแสตนเชียร์เสียงก้อง “ ลีดพร้อม ! ลีดพร้อม ! กองเชียร์พร้อม! รัวๆๆ “ ทีมลีดทุกคนรัวมือเป็นสัญญาณ เก่งมองตามไปยังเดี่ยว เห็นว่าเดี่ยวชี่ปลายคฑาเข้ามายังเขา เก่งงงน้อยๆ เมื่อเดี่ยวหยุดย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วตวัดมือเหวี่ยงคฑาขึ้นบนท้องฟ้า “ เฮ้ย !” เก่งมองลุ้นอย่างลืมตัว คฑาหมุนเป็นวงกลมขึ้นไป แล้วดิ่งลงมาด้วยความเร็ว เก่งลืมหายใจลุ้นตัวโก่ง วูบ ! !!! มือใหญ่รับคฑาได้อย่างแม่นยำ ก่อนยิ้มให้ เก่งดีใจยิ้มกว้าง “ไอ้เดี่ยวมันทำได้แล้ว!” เขาต้องให้คำชมเป็นกำลังใจเดี่ยว “รัว ๆ 3...4 “ เก่งตะโกนก้องบอกให้สัญญาณ “ เสียงปรบมือ เป็นจังหวะ ดังกึกก้อง เก่งและลีดทุกคนทำท่ากันอย่างพร้อมเพรียง ตามเสียงร้องเพลงมาร์ชสีฟ้าดังกระหึ่ม เดี่ยวชูไม้คฑาขึ้นเหนือหัวรับคำชม พร้อมยิ้มกว้างมาให้เมื่อเก่งแอบชูนิ้วโป้งให้ ... ขบวนพาเหรดแยกย้ายกลับเข้าสีเมื่อ ผู้อำนวยการเริ่มเปิดงาน ซึ่งต่อจากนี่ก็จะเป็นการแข่งขันกีฑา ทีมลีดม.ปลาย หยุดเปิดโอกาสให้ทีเชียร์ม.ต้นและ ทีม lady ออก โชว์ฝีมือกันก่อน โดยให้ทีมlady เป็นทีมเยือนไปประชันกับลีดตามสีอื่นๆก่อน เก่งแอบดูน้องๆอยู่ข้างสแตนเชียร์ ทุกคนทำกันอย่างเต็มที โดยทีม lady ที่เค้าตั้งทีมขึ้นมานั้น ดูโดดเด่นมากด้วยเครื่องแต่งตัวที่สะดุดตา ด้วยเสื้อแขนตุ๊กตาสีฟ้าสดใส และ กางเกงสีขาวขาสั้นพองๆเหนือเข่า แต่ที่เด่นมากคือ ทุกคนใส่วิกผมบ๊อบติดกิ๊บเพชรเก๋ไก๋ “ เก่งนายมานี่หน่อย ดิ “ เดี่ยวเดินมาข้างหลัง พร้อมดึงแขนให้เดินตาม “ จะพาไปไหนน่ะ “ เก่งงง เมื่อเดินตามแรงมืออีกฝ่ายที่ดึงไป “ นายมีอะไรทำไมต้องมาถึงที่นี่” เก่งงงเมื่อเดี่ยวมาหยุดริมสระน้ำข้างหอประชุม “ แบมือสิ” เดี่ยวสั่ง “ จะทำอะไรน่ะ “ เก่งระแวง แต่ก็แบมือออก เดี่ยววางสร้อยอะไรบางอย่างลงมาในมือ เก่งหยิบขึ้นมาพินิจดู “ นี่มันตุ้งติ้ง ของคฑาดรัมเมเยอร์นี่ “ เก่งมองหน้าเดี่ยวรอคำตอบ “ เราให้นาย รับมันไว้เหอะนะ ” เดี่ยวสบตาแล้วยิ้ม แต่เก่งมีรู้สึกหลายอย่างปนกัน ดีใจแต่ละอายใจเมื่อคิดถึงส้ม ส้มกับเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนเมื่อแยกกันเมื่อเข้าเรียนมัธยม ส้มไม่เคยทำให้เขาต้องเดือนร้อนแต่เขากลับกลับทำร้ายเพื่อน เก่งรู้ว่าส้มชอบเดี่ยวมากเพราะการแสดงออกของส้มที่ผ่านมาทำให้เขาตระหนัก เขาไม่โกรธส้มเลยที่ส้มทำอย่างนั้น แต่รู้สึกว่าเจ็บปวดมากว่าเมื่อต้องผิดใจกับเพื่อน แล้วเขาก็คิดไว้แล้วว่าเรื่องของเขากับเดี่ยวคงนั้นคงไปกันไม่ยืด มันคงเป็นแค่อารมณ์ของเด้กหนุ่ม 2 คนที่สนิทกันมากเกินไปและ ความรักของเพศเดียวกันมันคงไม่ยั่งยืน . เพราะอย่างนั้นส้มควรจะได้เก่งไป และเค้าควรจะตัดใจ “ นาย คิดอะไรอยู่น่ะ “ เดี่ยวเห็นเก่ง เหม่ออย่างเห็นได้ชัดมือกำสร้อยตุ้งติ้งแน่น “ ไม่มีอะไรหรอก นายไม่มีอะไรแล้วใช่ไม๊ งั้นเราไปรวมกับเพื่อนๆก่อนนะ “ เก่งตอบเงียบเดินจากไป ทิ้งเดี่ยวให้ยืนงงนิ่ง…..
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 12 “ เดี่ยวๆ ไปไหนมาน่ะ อาจาย์เรียกรวมถ่ายรูปแล้วนะ “ เสียงของส้มร้องเรียกให้เขาเดินมา ในขณะที่ทุกคนรวมตัวกัน แล้ว เดี่ยวเองยังคงงงกับปฏิกิริยาของเก่ง เขาคิดว่าเมื่อเก่งได้รับตุ้งติ้งไปแล้วน่าจะดีใจแต่นี่กลับตรงกันข้าม ทำไมมีแต่ความนิ่งเฉย เดี่ยวยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะบางครั้งเก่งดูเหมือนจะรักตน ไม่ขัดขืนตน แต่ในบ้างที่ กลับเย็นชา คอยปฏิเสธตน เหมือนมีน้ำแข็งบางๆมาหุ้มไว้ นี่เขาคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่าว่าเก่งคงจะชอบเขาบ้าง แต่ตอนนี้เก่งทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย เดี่ยวพยายามค้นหา ว่าเก่งชอบใครบ้าง แต่คำตอบที่ได้คือไม่มี คนที่เข้ามาก็มีแต่เบิร์ดเท่านั้นที่ดูจะเข้ามาจริงจังกับเก่ง แต่เก่งไม่ได้เล่นด้วย หรือจะเป็นแก้ว ก็เป็นไปไม่ได้ เลยเพราะดูแต่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นสำหรับ 2 คนนี้ แล้วอย่างนั้นเก่งรักใคร ! “ เดี่ยวมายืนนี่นะ ยืนข้างส้ม เราจะได้ถ่ายรูปคู่กัน “ เดี่ยวเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย ส้มเกาะแขนแล้วยิ้มให้ เขายิ้มตอบอย่างแกน ๆ รู้สึกผิดที่ดึงส้มลงมาในเกมส์ของเขา เดี่ยวอยากจะบอกกับส้มตรงๆ ว่าไม่ได้ชอบส้มเลย แต่นึกได้ว่าส้มอาจจะรับไม่ได้ ทำให้เขาต้องระงับแล้วฝืนไว้ แสงแฟลชวูบวาบขึ้น ตาของเดี่ยวยังมองแลเลยมายังเก่งที่ยืนชิดกับแก้ว หรือเขาจะเข้าใจผิด เก่งอาจจะชอบแก้วก็ได้ เดี่ยวขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกอยากจะเข้าไปดึงเก่งออกมาแต่ ก็ได้แต่คิดเท่านั้น !! “ เอ้า ทีมลีดม.ปลายลงเชียร์ได้แล้ว” เสียงของพี่เนตรที่คุมเชียร์อยู่อีกต่อ ร้องบอกให้ทุกคนเตรียมตัว เก่งลุกขึ้นเข้าแถวแล้วเดินนำออกไปกลางสนาม เสียงกรีดร้องดังสั่นอีกครั้งเพราะลีดหนุ่มหล่อสาวสวย ออกไปแสดงเชียร์ แทน ทีมลีด ม.ต้นที่วิ่งกลับเข้ามาพัก เดี่ยวมองตามเก่งที่เดิน ยืดตัวออกไป “น่ารักจริงไอ้เก่งนี่ “ ตาโตๆแก้มใส ที่เค้าต้องการจะจับจะหอม แต่เจ้าของมักไม่ให้ความร่วมมือ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กันเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ เพื่อหักห้ามใจ แต่มันก็ห้ามได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาไม่รู้ว่ารักเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ รู้อีกทีก็เมื่อเขาต้องการเก่งอย่างมาก เดี่ยวนั่งมองเก่งและเพื่อนที่ยังยืนเด่นอยู่กลางสนามท่ามกลางแดด ทุกคนทำสัญญาณมือกันอย่างพร้อมเพรียง เดินแปรขบวนกันอย่างน่าดู เสียงเพลงเชียร์ดังกึกก้องสนาม “ เฮ้ยน้ำ ! “ เสียงของพัฒน์ ที่มือมันยื่นขวดน้ำมาให้ พร้อมหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ อีกข้างนึงมีเคนนั่งลง เดี่ยวรับขวดน้ำแล้วยกกรอกเข้าปาก “ นายมานั่งดูใครอยู่ตรงนี้ “ พัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาของเขาที่ยังคงจ้องมองไปยังกลุ่มลีดเดอร์ม.ปลาย ที่ยังคงวิ่งวนในสนาม “ เรามองคนที่เราชอบอยู่ “ เดี่ยวเลี่ยงที่จะตอบตามตรง “ แล้วใครล่ะ ไอ้เก่ง หรือยายส้ม “ เคนถามตรง เดี่ยวมองหน้าของทั้ง 2คนงงๆ แล้ว ยิ้ม “ แล้วนายคิดว่าใครล่ะ “ เดี่ยวยังคงไม่เอ่ยนามกรของบุคคลที่ 3 ที่เอ่ยถึง “เราคิดว่าเรารู้นะว่านายชอบใคร อยากให้เราบอกนายไม๊“ พัฒน์ยิ้มแล้วหัวเราะเมื่อเริ่มไล่เขาให้จนมุม “ ok ยอมแพ้ ๆ “ เดี่ยวยกมือขึ้นอย่างราบคาบ “ แล้วพวกนายรู้ได้ไงวะ” เดี่ยวถามเพราะสงสัย เคนกับพัฒน์หัวเราะพร้อมกัน “พวกเราแอบสังเกตมาตั้งนานแล้ว ว่านายน่ะชอบตามไอ้เก่งมันซะเหลือเกิน” เคนเอ่ยขึ้น เดี่ยวยิ้มเก้อ ๆ มือของอีกฝ่ายตบลงบนบ่าของเดี่ยว “ เราไม่รู้ว่านายคิดจะทำยังไงกะไอ้เก่งนะ แต่ว่าไอ้เก่งเป็นเพื่อนเรา นายอย่าหลอกมันแล้วกัน” พัฒน์กับเคนพูดอย่างเปิดอกกับเขา เดี่ยวยิ้มรับพร้อมบอกกับตัวเองว่าแน่นอนเขาจะไม่หลอกเก่ง ถ้าเก่งกับเขาตกลงเป็นแฟน แต่แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ! เมื่อไหร่! “ โอย ! พักซะที ร้อนๆ “เสียง บ่นของยายบีมดังก้องมาแต่ไกล เก่งเองก็ร้อนมากเหมือนกัน แต่การบ่นไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้น “ เอ้าสาวๆน้ำจ้า“ เสียงเคนตะโกน ในมือถือกระติกแช่ขวดน้ำแต่หยิบส่งให้แพทแค่คนเดียว “ เฮ้ยไอ้เคน เอ็งลำเอียงนี่ เพื่อนก็อยู่กันครบทุกคนหยิบแจกแค่คนเดียว “ เก่งร้องแซว “แล้วเอ็งจะบ่นทำไมไอ้เก่ง ของเอ็งก็มีแล้ว “เก่งหันตามที่ไอ้เคนพยักหน้าบอก เห็นขวดน้ำที่มีมือใครบางคนถืออยู่ แต่คนถือยังลอยหน้าลอยตา “ เอ้ารับไปสิ หิวน้ำไม่ใช่เหรอ “ เดี่ยวเร่งเก่งรับน้ำมาแต่โดยดีแต่ตามองเขม็งมาทางเพื่อน อ๋อ พวกมึงสุมหัวกันแกล้งตูเรอะ ! “ค่อยๆ กินนะเดี๋ยวสำลัก “ เสียงเตือนดังอยู่ข้างหูเมื่อคนส่งน้ำนั่งแทบจะติดกัน “ อุ๊บ แค่กๆ” เก่งสำลักจนได้ “ ฮ่าๆ นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำเลย “ คนส่งน้ำ หน้าขาวหัวเราะ พร้อมเอามือตบหลังเบาๆ “ พอแล้วไม่ต้อง ขอบคุณ “ เก่งปัดมือของเดี่ยวออกเพราะเหตุผลที่แท้จริงที่เค้าสำลักน้ำ คือสายตาของส้ม “นี่เอ็งเป้นไรวะ เดินวนไปวนมาทำไม กูเวียนหัว” ไอ้แก้วบ่น แต่เก่งยังคงไม่หยุด เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น “ นึกออกแล้ว “ เก่งโพล่งออกมา “ อะไร ของมึงเนี้ย เสียงดังว่ะ “ แก้วถามงง “ ไอ้แก้ว เอ็งมาเป็นแฟนข้าที่เด่ะ “ ไอ้แก้วตาโตร้องด่า “ ไอ้เฮียนิ ไอ้บ้า มึงเป้นไรเนี้ยห่ะ กูไม่เอาด้วยนาโว้ย “ ไอ้แก้วรัวคำด่าเขาเป็นชุด “ กูไม่ได้ให้มึงเป็นจริงๆ แค่แกล้งแสดงน่ะเข้าใจไม๊ “ เก่งบอกสายหน้าอย่างระอา “ เออ โล่งอก กูนึกว่ามึงประสาทกลับไปแล้ว แต่มึงจะทำไปเพื่ออะไรน่ะ “ แก้วซักเขาเพราะเห็นว่านี่มันน่าจะไม่ใช่แค่แกล้งกันสนุกๆ ธรรมดาเท่านั้น “ ข้าอยากให้ ไอ้เดี่ยว มันเลิกมาตามข้า ข้าไม่อยากผิดใจกับส้มวะ เอ็งไม่เห้นส้มมองกูเหรอโคตรน่ากลัวเลย “ เก่งเสียงเบาลงเหมือนกับต้องฝืนใจบางอย่าง “ เอ็งทำอย่างนี้แล้ว ตัวเอ็งล่ะ เอ็งยังชอบมันอยู่ไม่ใช่รึ “ แก้วถามเพราะรู้เรื่องต่างๆมาบ้างแล้ว “ ข้าคิดดีแล้วว่ะ ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ถึงข้าจะกับไอ้เดี่ยวจะมาเป็นแฟนกัน แต่ความสัมพันธ์มันคงไม่ยาวหรอก สู้ข้าตัดใจตอนนี้จะง่ายกว่า“ เก่งยิ้มกลบสีหน้าเจ็บปวดไม่ให้ใครเห็น ทำไมเวลาคิดถึงเรื่องนี้ต้องเจ็บนะ มันก็แค่อารมณ์พาไปเท่านั้นไม่ใช่หรือ “ เออ ถ้าเอ็งคิดว่าดี ข้าก็จะช่วยเอ็ง “ ไอ้แก้วยิ้มปลอบใจแล้วเดินเข้ามา ตบบ่าเบา “ไปเหอะ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวอีก ครึ่งชม.เราต้องแข่งแล้ว “ “ เอาล่ะ อีก 5 นาทีจะแข่งเชียร์ลีดเดอร์แล้ว ใครปวดฉี่ปวดอึก็รีบไปนะ เอ้าสาวๆหน้ามันแล้วโบ๊ะหน้าเร็วเลย “ เสียงพี่เนตรร้องสั่งให้ทุกคนเตรียมตัว “ ทุกคน วันนี้เต็มที่เลยนะเพื่อถ้วยเชียร์” เสียงพี่เนตรร้องสั่งในขณะที่ทุกคนล้วมวงประสานมือกันไว้ “ สีฟ้าสู้! เฮ” เสียงตะโกนเพื่อเรียกกำลังใจดังขึ้นอยู่ข้างสแตนเชียร็ เหมือนเป็นสัญญาณให้เหล่าบรรดากองเชียร์สีฟ้า 300 กว่าชีวิต ที่อยู่บนสแตนเชียร์กรีดร้องดังลั่นต้อนรับลีดเดอร์สีฟ้าทุกคน เสียงกลองทอมบ์ดังรัวๆเมื่อเห็นสัญญาณมือของลีดที่วิ่งออกมาตั้งแถว ทุกคนยิ้มสู้อย่างหึกเหิ้ม เก่งมองดูลีดทุกคนตั้งท่ากันพร้อมเพรียงแล้วตะโกนสั่งเสียงดังก้อง ” รัว ๆๆ3.. 4 …..12 123 12 12 1 “ เสียงปรบมือเป็นรหัสของกองเชียร์สีฟ้าที่ดังก้องสนาม ทีมลีดสีฟ้าทุกคนแสดงรหัสมือกันอย่างเต็มที่ สีอื่นๆ เงียบหันมองเมื่อเห็นสีฟ้าตั้งแถว ยืนเอามือไขว้หลังยืดอกแบบเตรียมพร้อม ! เพลงมาร์ชโรงเรียน กระหึ่มดังก้องไปทั้งโรงเรียน ด้วยเสียงของกองเชียร์ของทุกสี ทีมลีดสีฟ้าโบกรหัสมือพร้อมกับเดินแถวแปรขบวน ทุกคนดูแข็งขัน ริบบิ้นที่ผูกไว้ถูกโบกสะบัดไปตามแรงมือ แดดทีร้อนระอุแต่ทุกคนยังยิ้มสู้ ยังคงแปรขบวนแถวอย่างพร้อมเพรียง เมื่อถึงท่อนสุดท้ายของเพลงมาร์ช เก่งพยักหน้ากับแก้วและเบิร์ดเป็นสัญญาณ ทั้ง 3 แปรขบวนเดินนำออกมา แพทบีม และส้ม ย่ำเท้าตามออกมาอยู่ข้างหลัง ลีด หญิงม.ต้น 3 คน เดินนำออกมาข้างหน้าอย่างซ้อมกันไว้ ส่วน คนอื่นเตรียมใกล้ตำแน่งของตัวที่ทำสัญลักษณ์ไว้ เก่งหันกลับ พยักหน้าส่งลีดชายม.ต้น และ ลีด lady หยิบธงสีฟ้าที่วางไว้ตามจุด ขึ้นโบก แล้วย่ำเท้าอยู่กับที่ นี่เป็นโอกาสของเขามาถึงแล้วเมื่อเพลงมาร์ชจบลง เก่งตะโกนบอกกองเชียร์สีฟ้า “ ลีดพร้อม ลีดพร้อม กองเชียร์ฟ้าพร้อม รหัสมือ 3 รหัสมือ3 รัวๆๆ “ เก่งพยักหน้าพร้อมมองทุกคนอีกครั้ง ทุกคนพยักหน้ารับ งานนี้พราดไม่ได้ เก่งสูดหายใจลึกๆ ตะโกนอีกครั้ง “ ลีดพร้อม “ 3………4 ! สิ้นเสียงเก่งสั่ง กลองทอมบ์ตีกระหน่ำลง เก่ง และ แก้ว ย่อตัวคุกเข่ากระทันหัน แพท และ บีม ก้าวเหยียบไหล่ของฝ่ายชาย ส้มขึ้นเหยียบหลังของเบิร์ด ที่ย่อโค้งตัวลง แพทเหยียบเท้าซ้ายไว้ที่บ่าของเก่งส่วนเท้าขวาเหยียบลงที่สีข้างด้านซ้ายของเบิร์ด ส่วนบีมก็เหยียบสีข้างด้านซ้ายของเบิร์ดไว้เช่นกัน ลีดทุกคนโบกสัญญาณมือหนักแน่นพร้อมเพรียง ลีดชาย และ พวก lady โบกธงจนสะบัดพริ้ว พร้อมเดินกึ่งวิ่งสลับตำแหน่งไปมาตามที่ซ้อม ลีดสาวม.ต้น 3คน โบกสัญลักษณ์มือ พร้อมเคลื่อนไหว คุกเข่าลงหยิบป้ายผ้า” BLUE FIGHT” ชูขึ้น ส่วนคนกลาง โผขึ้นไปข้างหน้า ก้มลงกราบจังหวะเดียวกับสียงสุดท้ายของกลอง ทุกเสียงในสนามเงียบลง และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น จากทุกสี เก่งและ เพื่อนชูมืออย่างดีใจ “ สำเร็จแล้ว !” รอยยิ้มแห่งความดีใจเกิดกับทุกคน เพลงมาร์ชสีฟ้าจากแสตนเชียร์สีฟ้าดังกระหึ่มก้องโรงเรียน เหมือนเป็นการให้เกียรติแก่ทีมลีดเดอร์ “ ลีดทุกคน กลับ “ เก่งตะโกนสั่งเมื่อทุกคนยืนแถวจนเป็นระเบียบ แล้วเดินนำหน้ายืดตัวตรงเรียงหนึ่งกลับสแตนอย่างสง่างาม เสียงกรีดร้องรับก้องไปหมด เก่งตาเหลือบมองข้างสแตนเห็นคนตัวสูงหน้าขาว ยกนิ้ว 2 โป้ง 2นิ้วให้ เก่งยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ... “ทำดีมากเลยนะทุกคน ถ้าได้รางวัลเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง “ พี่เนตรยิ้มร่ามาแต่ไกล ในมือถือน้ำดื่มและผ้าเย็นแจกทีมลีดเดอร์ ที่เหงือโทรมกาย “ ปีที่แล้วถ้วยเชียร์ที่สีเราครองทุกปี ถูกสีชมพูแย่งไป แต่ปีนี่พี่ว่าสีเราต้องแย่งคืนมาได้แน่ๆ “ พี่เนตรบอกย่างเชื่อมั่นทุกคนเองก็คิดอย่างงั้นเช่นกัน “ ตอนนี้พักก่อน เดี๋ยวพักครึ่งแข่งฟุตบอล เราต้องลงกันต่อ “ “ เดี่ยว! ขอบใจนะที่ให้กำลังใจเมื่อกี้นี้น่ะ เราดีใจมากเลย เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ “ เสียงส้มที่ขอบอกขอบใจไอ้คนตัวสูงหน้าขาวที่ยิ้มรับนิ่งๆ ดังแหลมเข้ามา เก่งรู้สึก จี๊ดๆในหัวแปลกๆ ตกลงแล้วมันทำให้ส้มนี่เอง เก่งคิดแล้วใจวูบไหวขึ้นมาทัน แต่ ให้มันเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว... “เอาล่ะ ทุกคนครั้งนี้เป็นการไปประชันกับสีอื่นครั้งสุดท้ายแล้ว ทีม.ปลาย ไป สีชมพูก่อน ที่เหลือ อยู่เฝ้าสแตนนะ “ พี่เนตรร้องสั่งแผนการไปเยือนประชันลีดที่เตรียมไว้ อันที่จริงแล้วลีดจะต้องอยู่สีใครสีมัน แต่ทางผู้อำนวยการเห็นว่า ถ้าเต้นอยู่สีใครสีมันก็จะน่าเบื่อ จึงจัดให้มีการ เดินไปประชันตามสีต่าง เก่งเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นกัน หลังจากที่รับแผนไปแล้ว เก่งและเพื่อนตั้งแถว ยืดตัวตรงเดินไปยังสีชมพู แชมป์เชียร์ปีที่แล้ว ลีดเดอร์สีชมพูตั้งแถวอยู่ในท่าเตรียมรออยู่แล้ว หัวหน้าทีมลีดมองมาแล้วยิ้มเย้ย เก่งเองก็อยู่ในฐานะคนคุมทีมม.ปลาย จ้องกลับแล้วยิ้มตอบแบบไม่เกรงกลัว “ เชิญเจ้าบ้าน ก่อนครับ” เก่งตะโกนบอก อีกฝ่ายพยักหน้า ” ประชันคู่หญิงๆชายๆนะ” หัวหน้าสีชมพูร้องบอกเก่ง แล้วเริ่มสั่ง “รัวๆ ลีดพร้อม ลีดพร้อม 3…4 “ ทีลีดสีฟ้าและชมพู โบกรหัสมือพร้อมกันเพียงแต่ท่าทางไม่เหมือนกันเพราะคนสอนมาจากคนละสำนัก สิ้นเสียงกลองที่ตีเป็นจังหวะรหัส หัวหน้าทีมตะโกนอีกครั้ง “ รัวๆเก่งกระเด้ง 6 ครั้ง 3....4” การประชันเริ่มที่ ส้มที่ยืนหัวแถวซ้ายมือ และจะไล่มาเรื่อยๆคนถึง หัวแถวด้านขวามือที่เก่งยืนอยู่ เสียงเพลงเชียร์ดังกระหึ่ม จนกองเชียร์สีฟ้าที่อยู่ใกล้ หันมอง ส้มเป็นคนแรกที่ต้องเต้น การเต้นเชียร์เพลงนี้จะวัดกันที่ท่าที่ว่าใครเซ็กซี่มากว่ากัน “ โอยตูไม่ถนัดเพลงนี้โว้ย “ เก่งกำลังน้ำท่วมปากจะบอกใครก็ไม่ได้ จำยืนทนให้ใจมันเต็นตูมๆ ท่าเต้นของส้มทำให้กองเชียร์กรีดร้องไม่ขาดปาก แน่นอนส้มทำได้ดี ต่อจากนั้นก็เป็นแพทบีม เบิร์ด และมาถึงไอ้แก้วที่อยู่ก่อนเขา เสียงกรีดดังสนั่นจนสแตนแทบพัง เมื่อไอ้แก้วใช้ท่าลูบเป้าอันลือลั่น ดูมันหน้าแดงสั่นๆ แต่คงสั่นสู้ “ เอาวะ สู้โว้ย! “เก่งฮึดสู้พลางโบกสัญญาณมือ หัวหน้าสีชมพู โชว์ลีลาก่อนในท่าคลายกับเก่ง แล้วหันมายักคิ้วให้ เก่งไม่ยอมแพ้ เอามือข้างหนึ่งจับท้ายทอย อีกมือแปะไว้ใตขอบกางเกงแล้วหมุนเอววนสะบัดน้อยๆ พยายามทำหน้าให้เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงกรี้ดดังลั่น ของกองเชียร์ทั้ง 2 สแตน ทำให้ทุกสีหันมอง เก่งหยุดเมื่อ เสียงร้องเพลงเชียร์หยุด แต่เสียงกรีดร้องยังไม่ยอมหยุด เสียงตะโกนร้องเรียกดังมาจากทุกที่ เก่งสั่งลีดทุกคนให้ก้มหน้าขอบใจ ลีดสีชมพู แล้วเดินตัวตรงกลับสี โอ๊ย! ทำไปได้นะตู “ ไอ้เก่งมึงเต้นโคตรเซ็กซี่เลย “ ไอ้แก้ว ร้องบอกขำๆ เมื่อในขณะยังเดินกลับสี ”มึงพอเลย ไอ้แก้ว กูอายคน “ เก่งบอกแต่หูก็ยังได้ยินเสียง ร้องของสาว ” กรี๊ด พี่เก่งน่ารักจัง” มาตลอดทาง เก่งหันไปยิ้มอายๆแล้วเดินก้มหน้าเข้าสี ตาปะทะกับสายตาของใครบางคนที่ยืนอยู่ ที่ยืนอมยิ้มกลอกตาไปมาอย่างล้อเลียน เก่งยิ่งหน้าแดงหนัก โอย นี่มันมองอยู่ตลอดเลยเรอะเนี้ย เก่งแข็งใจเดินผ่านเดี่ยวโยไม่มองหน้า “ นายนี่เซ็กซี่จังนะ ..หึๆ.. เฮ้ย เก่ง !“ เสียงเปรยที่มาพร้อมเสียงหัวเราะขำ ทำให้เก่งอายจนเดินสุดขาตัวเอง แต่เดี่ยวก็ไวพอตัวคว้าแขนไว้ไม่ให้ล้ม “ เป้นไรน่ะ แซวแค่นี่ขาแข้งอ่อนเลยเหรอ “ เดี่ยวแซวต่อเมื่อเห็นเก่งไม่ได้เจ็บอำไร เพราะยังตีหน้ายักษ์ได้ตามปกติ “ นายไปไกลๆเลย อย่ามากวนประสาทแถวนี้ “ เก่งหัวเสียออกปากไล่เมื่อโดนแซวหนักๆ รู้สึกอยากกระโดดกัดคอไอ้คนตรงหน้าเสียให้ได้ “ เราอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้วนี่ นายจะมาไล่เราได้ไง “ เดี่ยวยังคงลอยหน้าลอยตาพูด เก่งรู้สึกได้ยินเสียงเส้นอะไรบางอย่างขาดดัง “ ผึ่ง !“ อยู่ในหัว อ๋อใช้แล้ว! เส้นความอดทนนั่นเอง เก่งสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กัดฟันแน่น พยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ แล้วบอกออกมา “ ไปดีกว่า อยู่แถวนี้เดี๋ยวได้โดดกัดคอคน “ เก่งร้องบอกแล้วเดินหนี แต่หูยังได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมาอย่างขำ “ จะกัดคอเหรอ ดีๆ เราชอบ จะรอนะ ”เดี่ยวยิ้มแล้วลอยหน้าลอยตาหนีไป โอย ไอ้เดี่ยวไอ้บ้า ไอ้หน้าด้าน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง! โอยเลิกหน้าแดงซะที!
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 12 ( ต่อ ) “ นายเป็นไรน่ะ หน้าบูดเชียว” เดี่ยวย้อยกลับอีกครั้งร้องถามแล้วนั่งลงข้างๆ นี่ ถ้าบอกมันไปว่าเพราะมันนี้มันจะเชื่อไหมวะ เก่งคิด “ เปล่า ไม่มีไรหรอก ร้อนน่ะ “ จริงๆ เซ็เอ็งแหละ ! เก่งคิด แต่ไม่กล้าพูด “งั้นรอแป๊บนึง เดี๋ยวเอาผ้าเย็นมาให้ “ เดี่ยวพูดพร้อมวิ่งออกไป “ เฮ้ย ไม่ต้อ..ง โอย ไม่ได้ฟังกันเลย” เก่งมองตามจิตใจว้าวุ่น “ มาแล้ว คับ “ เสียงเดี่ยวดังขึ้นมาจากข้างหลัง เก่งเงยหน้าขึ้นมอง คนตัวสูงหน้าขาวก้มลงมอง " ขอบใจ นะ " เก่งเอื้อมมือรับ แต่ๆเดี่ยวไม่ยอมให้ พลางแกะผ้าเย็นแล้วซับหน้าเขา เก่งชะงัก “ นายทำไรน่ะ “ เก่งงงกับสิ่งที่ได้รับ " โวยวายทำไมแค่เช็คหน้าให้เนี้ยนะ " เดี่ยวยิ้มกริ่มพลางเช็คหน้าต่อ “ เอามานี่เราเช็ดเองได้ “ เก่งเอื้อมมือคว้า แต่เดี่ยวเบี่ยงมือหนีเหมือนเล่นกะแมว “ เออ นายอยู่นิ่งได้ไม๊ แค่เช็ดให้เนี้ยทำไมต้องวุ่นวาย ” เดี่ยวบ่นเมื่อจับหัวเก่งไว้ไม่ให้ขยับแล้วซับหน้าอย่างทะนุถนอม “เดี่ยวถ้านายทำอย่างนี้ส้มจะเสียใจ ส้มเป็นเพื่อนเรา เราไม่อยากให้เพื่อนเจ็บ ” เก่งเสียงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดี่ยวหยุดนิ่งก้มหน้าต่ำลงมา “นายน่ะหัดห่วงตัวเองซะมั่งนะ ทำตัวเป็นพ่อพระอยู่ได้ นี่มันตัวเรา เราอยากทำอะไร เราก็จะทำอย่างนั้น นายห้ามเราไม่ได้หรอก “ เดี่ยวย้ำชัด “ แต่นายกำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน” เก่งไม่ยอมแพ้ร้องทวง เอาเรื่อง “ ถ้านายยังไม่เงียบอีกเราจะเอาปากเราอุดปากนายที่นี่ ตรงนี้” สีหน้าของอีกฝ่ายดูเอาจริงเอาจัง จนเก่งต้องนิ่งแต่ตายังคงจ้องเขม็งด้วยใจที่เต้นรัว “ นี่เดี่ยวทำไรอยู่น่ะ “ เสียงส้มลอยมา เก่งดีดตัวออกห่างจากเดี่ยว รู้สึกได้ว่าแวบนึงในสายตาของส้มจะมีความไม่พอใจเกิดขึ้น “ เรานั่งคุยกับเก่งอยู่ ส้มมีอะไร รึเปล่า “ “ เดี่ยวไปเป็นเพื่อนส้มหน่อยนะ ส้มจะไปเอากระเป๋า ลืมไว้ที่ชั้น 3 แต่ไม่กล้าไปคนเดียว” ส้มอ้อนวอน แล้วยิ้มน้อยๆ เก่งขมวดคิ้วเพราะรอยยิ้มนั่นดูมีเลศนัย นี่มันไปกันตามลำพัง 2 คน บนอาคารเรียน !!!!! “ เก่ง ยืมเพื่อนแป๊บนึงนะ “ ส้มยิ้ม ย้ำคำว่าเพื่อนอย่างชัดเจน ใช่แล้ว นี่เราลืมไปหรือ ว่าเรากับเดี่ยวเป็นเพื่อนกันอ ส่วนเดี่ยวกับส้มเป็นแฟนกัน 2 คนนี้จะทำไรกันมันก็คงไม่เกี่ยวกับเรา.... พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เป็นสีส้มจับตามตัวตึกอาคารที่สีขาว ให้กลายเป็นสีส้มตามสีของแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ เวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่ดูโรแมนติกที่สุดของสถานที่นี้ ถ้าได้อยู่กับคนที่เรารัก แต่เก่งรู้สึกเบื่อที่จะต้องมานั่งทนปั้นหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นเดี่ยวกับส้มคลอเคลียกัน แต่เก่งก็เป็นนักแสดงที่ดี ที่ไม่มีใครสามารถจับความรู้สึกที่มันเจ็บปวดที่อยู่ลึกๆ ได้เลย นอกจากไอ้แก้วคนเดียวเท่านั้นที่รู้ “ เอ็งหน้างอไม่เลิกเลย นะไอ้เก่ง “ แก้วหันมาตบบ่าเขา ด้วยความเป็นห่วง “ ไม่มีไรหรอก ข้ากำลัง รักษาโรคตาของข้าอยู่” เก่งสีหน้าดีขึ้นรู้สึกถึงความป็นห่วงของเพื่อน “อ๋อ ไอ้โรคน้ำตาไหลน่ะเรอะ เค้าว่ามันต้องรักษาที่หัวใจก่อนนี่ ” แก้วตอบกลับยิ้มๆ “ เออ ข้ารักษาหายแล้วที่หัวใจน่ะ “ เก่งหัวเราะขื่นๆ ความรู้สึกไม่ได้บอกว่าหายแล้ว “ เอ็งโกหก ทำหน้าตาอย่างงี้เรอะ ใครจะไปเชื่อ “ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ เออไอ้แก้วนี่จับได้ทุกทีซินะ “ ข้ากำลังพยายามอยู่ มันต้องสำเร็จเข้าซักวันแหละ “ เก่งยิ้มซึมๆคำตอบที่บอกออกมาไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ ยิ่งเห็นยิ่งเจออยู่ทุกวัน ยิ่งทำใจยาก “ เออน่าไม่ต้องเป็นห่วงช่วงนี้เข้มแข็งแล้ว “ เก่งร้องบอก ฝืนยิ้มกว้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร แต่ขนตาก็ยังคงชื้นไปด้วยน้ำตา “เฮ้ย ไปเข้าแถวหน้าสแตนได้แล้ว ผอ. จะมอบถ้วยแล้ว “ เสียงไอ้พัฒน์ตะโกนเรียก เก่งหันหน้าไปอีกทางปาดน้ำที่ติดขนตาออก แล้วเดินกอดคอไอ้แก้วไปพร้อมกัน “ เก่งเป็นไรรึเปล่า “ แพทร้องถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเก่ง “ ไม่มีไรน่ะเราเหนื่อย แต่หายแล้ว“ เก่งยิ้มแล้วเดินมาเข้าแถวพร้อมเพื่อนๆ ด้านหลังของทีมลีดมีพวกนักกีฬายืนตัวสูงอยู่ ข้างหลังของเก่งเองก็มีเดี่ยวยืนอยู่ เก่งรู้สึกอยากเปลี่ยนที่ยืนแต่เพื่อนคงจะผิดสังเกตจึงต้องวางเฉยไว้ “ เมื่อกี้ทำไมนายต้องกอดคอมากับไอ้แก้ว เป็นอะไร “ เสียงถามดุๆ ดังเบามาจากข้างหลัง พร้อมก้าวมาประชิดด้านหลัง “นายไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก ว่าแต่นายเถอะอย่าทำไรประเจิดประเจ้อ ถ้าโดนจับได้พวกนายจะติดทัณฑ์บน “ เก่งตอบเรียบๆ “ นายนี่ทำตัวไม่น่ารักเลย “ เดี่ยวดุเสียงเข้ม คว้ามือมาบีบต้นแขนของเก่งเหมือนเป็นการลงโทษ เก่งกัดฟันไม่โอดครวญเพราะกลัวว่าเพื่อนๆจะรู้โดยเฉพาะส้ม “เราไม่ใช่ส้มนี่ จะได้น่ารักถูกใจนาย “ ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นไม่แน่ใจมาจากแขนหรือหัวใจ เก่งตัดสินใจเอ่ยปากออกมา พยายามกัดฟันกลั้นน้ำตา หวังให้อีกฝ่ายปล่อยมือ “นายปล่อยมือจากเราได้แล้ว “ เก่งสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย จนแก้วเริ่มหันมอง “ เดี่ยวนายทำอะไรไอ้เก่งมันน่ะ “ ไอ้แก้วร้องถามเมื่อเห็น เขาหน้าแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้ “ นายกำลังทำมันเจ็บนะ ปล่อยมือ “ แก้วเสียงเขียวดึงมืออีกฝ่ายออกโดยแรง แล้วดึงเก่งให้เปลี่ยนที่ยืน “นายมายุ่งอะไรด้วย “ เดี่ยวมองหน้าไอ้แก้วอย่างเอาเรื่อง แต่ไอ้แก้วยิ้มเย็น บอกเสียงชัดเจน “ นายนั่นแหละมายุ่งอะไรด้วย ไอ้เก่งกับเราเป็นแฟนกัน !” เดี่ยวมองอย่างตะลึง หันมองหน้าเก่งเหมือนจะหาคำตอบ แต่เขาไม่มีการตอบรับ ยังคงก้มหน้านิ่ง “อ๋อ อย่างนั้นเหรอ “ เดี่ยวพูดออกมา เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร แววตาที่มองมาดูเศร้าสร้อย วิงวอนและตัดพ้อ เก่งหันกลับไม่พยายามมองตาคู่นั้น สิ่งนี้ที่ทำเพื่อส้มสำเร็จแล้วเพื่อเพื่อนคนนึงของเขา เขาน่าจะดีใจสิ แต่ทำไมเขาไม่ดีใจเลย ช่างเถอะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ อีกหน่อยถ้าเดี่ยวมันคบกับส้มก็คงจะลืมเราไปเอง เก่งพยายามข่มความรู้สึกวุ่นวายๆ “ เก่ง นายไม่เป็นใช่ปะ “ ไอ้แก้วถามเมื่อเห็นเก่งกุมแขนที่โดนบีบ “ อือไม่เป็นไร” เก่งตอบแล้วพยายามไล่น้ำตากลับเข้าที่ “ เหรอ ถ้าไม่เป็นไร ก็ดีแล้ว งั้น เอามา 100 บาท “ เก่งงง เมื่อได้ยินแก้ว พูด “ อะไรวะไอ้แก้ว ข้า งง” “ ก็ค่าจ้างไงที่ขอให้ข้าแกล้งเป็นแฟนเอ็งน่ะ คิดแค่ร้อยบาทเองนะเนี้ย “ ไอ้แก้วพูออกแล้วยิ้มขำ “ โห ไอ้เลว ไอ้มหาสมุทรเรียกพี่ “ เก่งด่าพร้อมกับหัวเราะกับความเค็มของไอ้แก้ว ทั้งที่น้ำตายังคลอ.. เสียงกรีดร้องที่กระหึ่มกองเสียงเพลงมาร์ชสีฟ้าที่จบลงไปนานกว่าครึ่ง ชม. แล้ว แต่มันยังคงดังกึกก้องอยุ่ในหัวของเก่งอยู่ตลอดเวลา ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลา ประกาศผลรางวัลถ้วยเชียร์ เมื่อสิ้นคำว่าสีฟ้าออกจากปากของผอ. เก่งรู้สึกว่าเสียงเหมือนจะลอยขึ้นมาให้ได้ ทุกคนกอดคอกันอย่างดีใจที่ทำสำเร็จ เสียงกรีดกึกก้องสนาม ตอนนั้นไม่รู้ใครดันหลังg-kออกไปแต่รู้อีกที่ถ้วยเชียร์ปีนี้ก็อยู่ในมือเก่งแล้ว ปีนี้สีฟ้าไม่ได้รางวัลถ้วยรวมกีฬา แต่การที่ได้ ถ้วยกองเชียร์กับถ้วยบาสมาครองก็ถือว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมแล้วสำหรับทุกคน “ทุกคน เดี๋ยวอีก 20 นาทีมารวมกันที่นี่นะ พี่จะพาไปเลี้ยง “เสียงพวกพี่ ม.6 ตะโกนบอกเรื่องงานเลี้ยงค่ำนี้ “เอ้ย แก้ว เดี๋ยวข้าไปล้างหน้าก่อนนะ” เก่งร้องบอกไอ้แก้วที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าอยู่ “ เออเดี๋ยวข้าตามไป “ เก่งเดินสะพายเป้เลี้ยวจะขึ้นตึก “ อ้าวประตูปิด ไปหลังโรงยิมก็ได้วะ “ เก่งเดินเลยไปแล้วเลี้ยวซ้าย ความมืดปกคลุมแถวนี้เกือบหมดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาว แต่ท้องฟ้ายังเป็นสีออกแดงม่วงดูสวยดี นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 18.37 น. เก่งวางเป้ลงข้างก๊อกน้ำ ลงมือวักน้ำขึ้นล้างหน้าบีบโฟมแล้วถูกับหน้า เสียงฝีเท้าใครบ้างคนเดินมาหยุดใกล้ตัว ไอ้แก้วแน่เลย แต่ไม่ได้บอกมันนี่ว่า อยู่หลังโรงยิมสงสัยมันคงเดินตามมาเอง เก่งยังไม่ลืมตาเพราะโฟมอาจเข้าตาได้ ร้องสั่งคนที่ยืนข้างๆ “ เฮ้ย เอ็งหยิบผ้าเช็ดหน้าให้หน่อยดิ มือเปียกน่ะ “ เก่งสั่งขณะที่วักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง แล้วคว้ามือเปะปะถูกมือข้อมือที่ถือผ้าขนหนู เฮ้ย มืออย่างงี้มันไม่ใช่ไอ้แก้วแล้วมั้ง ! เก่งลืมตาขึ้นอย่างเร็ว คนตัวสูงยืนหน้านิ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้! “นายมาได้ไงน่ะ “ เก่งความข้องใจเสียงสั่นเพราะตกใจอยู่ไม่น้อย “ ก็เดินตามนายมาน่ะสิ ทำไมนึกว่าผีรึไง “ เสียงเดี่ยวฟังแล้วห้วนๆพิลึก “แล้วนายตามเรามาทำไม “ เก่งรู้สึกไม่ไว้ใจเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก้าวเข้ามาประชิดตัว “ เราอยากรู้ ว่านาย กับ แก้ว เป็นแฟนกันจริงรึเปล่า “ เดี่ยวถามเสียงเย็นทำให้เก่งรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว “ นายได้ยินว่าอย่างไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ “ เก่งแข็งใจตอบแล้วเบี่ยงตัวเลี่ยงออกไป “ เราอยากให้นายยืนยัน “ เดี่ยวคว้าข้อมือเอ่ยเสียงเข้มแววตาที่อยู่ในความมืดฉายแววประหลาด “ เราไม่จำเป็นต้องยืนยันอะไรนี่ นายฟังแค่นี้ไม่เข้าใจรึไง นายถอยไปเราจะไปหาไอ้แก้ว” เก่งร้องออกมาอย่างเหลืออด ผลักอกอีกฝ่ายให้ถอยห่าง “ ทำไมเกลียดเรานักหรือไง “ เดี่ยวจับมือที่ผลักอกไว้แล้วกำแน่น “ ใช่นายเพิ่งรู้หรือไงว่าเรา เกลียด.. “แขนล่ำกดหัวเก่งให้ติดกับหน้าอกจนเก่งหายใจไม่ออก ก่อนที่จะพูดจบ “ไม่! นายอย่าพูดมัน นายอย่าพูด “ เสียงอ้อนวอนดังพึมพำจากปากของเดี่ยว “ เก่งเราขอร้อง อย่าบอกว่าเกลียดเรา เราขอร้อง” เดี่ยวหยุดทุกสิ่งแล้วกดหน้าของเก่งแนบหน้าอกเขาไว้ เสียงเครือเหมือนร้องไห้ “ เราขอร้องนะ อย่าพูดคำนั้นกับเรา” เก่งพยายามผลักตัวออก แรงที่ไม่เท่ากันทำให้ตัวเขาไม่หลุดออกมาง่าย “ ปล่อยหายใจไม่ออก “ แต่แรงกอดกลับเพิ่มขึ้น “ เราบอกให้นายปล่อย ! “ เก่งบอกเสียงแข็ง ผลักอกเต็มแรงจนเซออกมา หน้าแดงด้วยความโมโห “ เราจะพูด เราเกลียดนาย เราเกลียดที่นายทำอย่างนี้กับเรา ทั้งที่นายเป็นแฟนกับส้ม เราเกลียดนายได้ยินรึเปล่า “ เก่งตะโกนตอบทั้งที่น้ำตาคลอ “นายกลับไปได้แล้วไปทำหน้าที่แฟนส้มให้ดี ถ้าส้มรู้เข้าจะเสียใจเราไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ แล้วจำไว้ด้วยว่าเรากับนายเป็นแค่เพื่อนกัน“ เก่งหันหลังกลับ ยันมือเข้ากำแพงหลบตาตัดพ้อ “ ก็ได้ เราจะกลับไปทำหน้าที่ของเรา นายไม่อยากทำให้ส้มเสียใจ แต่รู้ไว้ด้วย นายทำให้เราเสียใจ” เสียงของเดี่ยวเหมือนมีดที่แทงเข้าที่หัวใจ เสียงของเดี่ยวยังก้องอยู่ในหัว นี่เขาทำอะไรลงไป
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 13 เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนคุยกันไม่รู้เรื่อง ควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว สถานที่แบบนี้ไม่ได้เป็นที่ถูกใจของเก่งเลย แต่เพราะหลวมตัวตามมาด้วยแล้วก็ต้องอยู่จนกว่างานเลี้ยงเลิก “ เป็นไงเก่งนั่งหงอย เชียว” พี่เนตรโน้มตัวลงเหมือนจะเลื้อยจากโซฟาข้างๆ ถามเก่ง “ หายใจไม่ออกอ่ะพี่ ผมแพ้ควัน” เก่งตอบตามตรง “ พี่ทำไมต้องมาเลี้ยงที่นี่อ่ะ แล้วมันไม่แพงเหรอ “ ไอ้แก้วถามคำถามอันเกิดจากวิสัยงกของมัน “ ที่นี่เป็นผับของเพื่อนพ่อพี่ยุทธน่ะ เขาลดให้ 50% เลย” พี่เนตรหมายถึงแฟนของพี่เนตรที่เป็นประธานสีปีนี้ “ แล้วนี่ดื่มอะไรกันรึยังล่ะ “ พี่เนตรหันมองรอบโต๊ะ ซึ่งมีแพท บีม พัฒน์และ เคน นั่งอยู่ส่วนเก่งนั่งข้างไอ้แก้วที่ยังทำหน้าที่เป็นนักแสดงตุ๊กตาทองเจ้าบทบาท เพราะโซฟาอีกตัวใกล้ๆกันมีเด็กหนุ่มตัวสูงนั่งนิ่งไม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เก่งเองนั่งคอแข็งนิ่งเงียบเพราะโซฟาอีกตัวมีคู่รักแห่งปีนั่งคลอเคลียกันอยู่ ทำไมต้องชิดกันขนาดนั้นนะ กลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเป็นแฟนกัน “ นี่ๆ เก่งเรากะเดี่ยวสนิทกันมากรึเปล่า” พี่เนตรถามคำถามสะกิดใจ “ไม่ได้สนิทกันหรอกครับ “ เก่งตอบเสียงเข้ม “ อ้าวเหรอ เมื่อเช้าเห็นเดี่ยวมันให้เราถือคฑามาให้มันนึกว่าเราสนิทกะมันซะอีก” นี่พี่เนตรแกจะพูดอะไรเนี้ย เก่งคิดงงแต่ไม่ถามต่อ “ แล้วถือคฑาให้มันเกี่ยวไรกันล่ะ พี่ “ ยายบีมเป็นหนึ่งในบรรดาผู้อดรนทนไม่ได้ที่ต้องเอ่ยถามมา “ อ๋อ ไม่มีไรหรอกส่วนมากเค้าให้คนที่ตัวเองชอบถือให้ น่ะ ” นั่นไงกะแล้วว่าแล้วพี่เนตรพูดแปลก ๆ “ คงบังเอิญหรอกครับ เพราะเมื่อเช้าๆไอ้เดี่ยวไปตามผมที่ห้องน้ำเลยพลาดไม่ได้ให้ส้มถือน่ะ “ เก่งแก้ตัวไปได้อย่างน้ำขุ่น ๆ “ งั้นก็แล้วไป แล้วนี่จะสั่งเครื่องดืมอะไร “ พี่เนตรหันมองไปตามโต๊ะ เห็นพัฒน์กะเคนเท่านั้นที่กินโค้กเจือแอลกฮอลล์ นอกนั้นกินแต่น้ำอัดลมเพียวๆ “ เก่งกะแก้ว ไม่กินเหล้าเรอะ “ พี่เนตรถามด้วยแปลกใจ “ อ๋อ พี่ ไอ้พวกนี้มันกินไม่เป็นหรอก ปกติมันจะพกนมมากิน “คำของไอ้พัฒน์ทำให้พี่เนตรหัวเราะ ” ไอ้พัฒน์มึงเคยยินมะ วัยรุ่นยุคใหม่ห่างไกลอบายมุขน่ะ หาเคยได้ยินไม๊ ”ไอ้แก้ว เถียงขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มหัวเราะกันร่วน เสียงหัวเราะชะงักลงเมื่อบริกรในร้านวางแก้วบรรจุอะไรบางอย่างเป็นสีใสๆ ตรงหน้าเก่ง เขางงมองหน้าบริกรที่ยิ้มให้ “พี่ส่งผิดโต๊ะแล้ว ผมไม่ได้สั่งนะ “ เก่งท้วงเพราะคิดว่าส่งผิด “ ไม่ผิดครับ พี่ผู้ชายโต๊ะนู้นให้เอาเครื่องดื่มมาให้น้องน่ะครับ นี่ครับ “ บริกรส่ง โน้ตให้ เก่งรับมาอ่านอย่างงง ทุกคนในกลุ่มจ้องเขม็ง เขาส่งโน้ตให้เพื่อนที่กำลังสงสัยอ่านต่อ “ อยากรู้จักครับ เดช !“ แก้วอ่านออกเสียง ทุกคนตาโตหันมองหาว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องดืมนี้ ส่วนคนตัวสูงที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ หันมองแว๊บเดียวแล้วหันกลับไปคุยกับคู่ของตัวเองต่อ “ เอาแล้วไงมึงไอ้เก่ง “ ไอ้พัฒน์ร้องเมื่อเห็นเป็นชายวัยทำงานหน้าตาดีคนนึงมองมาที่เก่งแล้วยกแก้วขึ้นแสดงตน เก่งหันมองตาม “ มึงนี่เสน่ห์แรงไม่ตกนะ ไอ้เก่ง “ ไอ้เคนแซวขำๆ ทุกคนหัวเราะกันเกรียว เก่งเหลือบหางตาไปมองเด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งหลังตรง ที่ยังคงนั่งดื่มโดยไม่สนใจเรื่องเขา “เออ มันคงเกลียดเราแล้ว” เก่งยิ้มขมๆจี๊ดที่อกเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองมา เก่งยิ้มน้ำตาคลอ รู้สึกเหงาในใจเป็นที่สุด เมื่อตอนนี้ไม่มีเดี่ยวคอยห่วงเขาอีกแล้ว ชายคนเดิมยังคงยกแก้ว ขึ้นเชิญเก่งให้ดื่ม เก่งมองแก้วเหล้านิ่งก่อนจะยกขึ้นกระดก ทีเดียว หมด! ทุกคนในโต๊ะตาโต เมื่อเห็นเก่งผู้ไม่แตะต้องแอลกฮอลล์กระดกเหล้าเข้าปาก " ไอ้เก่งมึงจะบ้ารึไง นั่นไม่ใช่น้ำเปล่านะ " ไอ้เคนถลึงตามอง " เดี๋ยวเมาตายหรอกไอ้วอดก้านี่มันเหล้าขาวเราดีๆนะโว้ย" เก่งไม่รู้สึกถึงคำพูดของเพื่อน เพราะสิ่งที่ดืมเข้าไปกำลังออกฤทธิ์ รู้สึกร้อนในท้องไปหมด ความร้อนทวีขึ้นมาทั่วร่างกายแล้วตามด้วยความมึนงงในหัว เขารู้สึกเบลอกับสิ่งรอบข้าง " ไม่เป็นไรหรอกน่า " เก่งบอกแต่ความจริงรู้สึกหนักหัวอย่างบอกไม่ถูก เจ้าของเหล้าเจ้าปัญหาเมื่อครู่นี้ เดินลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งแล้วเดินยิ้มกริ่มเข้ามา " หวัดดีครับ ขอพี่นั่งด้วยนะ " หนุ่มหน้าตาดีคนนั้นบอกกับเก่งแล้วนั่งลงโดยไม่รอคำตอบ เก่งมองหน้างงๆ รู้สึกเบลอ ทุกคนในโต๊ะอึ้งกับความใจกล้า " ให้พี่เลี้ยงอีกแก้วนะครับ เอาแบบเดิมนะ" ชายแปลกหน้า บอกพร้อมกวักมือสั่งเครื่องดืม " น้องน่ารักดีพี่อยากรู้จัก ชื่อไรอ่ะครับ " ชายแปลกหน้าชะโงกหน้าเข้ามาคุยใกล้ๆ เพราะเสียงที่อึกทึก เก่งเงียบแทนคำตอบยังคงมึนๆ " เหล้ามาแล้ว ok หมดแก้วนะ " ชายแปลกหน้ายื่นแก้วให้ เก่งซึ่งอยู่ในภาวะครองสติไม่ได้ หันมองพลางกระดกวอดก้าตรงหน้าให้หายลงไปในลำคอ ทำให้ทุกคนมองเขม็ง “เต้นรำกับพี่นะครับ” เก่งส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มแปลกฉุดแขนให้ลุกขึ้นแล้วพาไปกลางกลุ่มคน เก่งมึนงงไปกับคนที่เบียดเสียด มองไปที่ไหนก็เบลอไปหมด ขาอ่อนไม่มีแรง อยากกลับโต๊ะ แต่ถูกแขนอีกฝ่ายรั้งไว้ ” นี่พวกนายห้ามเก่งหน่อยสิ ไอ้นายนี่มันไม่น่าไว้ใจนะ “ แพทบอกทุกคนเพราะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า " ไม่เป็นไรหรอก ดูดิไอ้เก่งมันคอแข็งจะตายกินไป 2 แก้ว ยังไม่ออกอาการเลย "ไอ้เคนบอกไอ้พัฒน์ " ไอ้บ้า คอแข็งกะผีอะไร เนี้ยแหละมันเมาแล้ว มึงดูมันดิเดินทืออย่างนั้น " ไอ้พัฒน์มองเก่งอย่างเป็นห่วง “ ไปเอาเก่งมันกลับมาดีกว่า “ บีมกระวนกระวาย เมื่อเห็นเก่งชักเริ่มพยุงตัวไม่ได้แล้ว “ พวกนายเฉยๆ ไว้ก่อน มันไม่ทำอะไรไอ้เก่งหรอกถ้าพวกเราดูอยู่ ” แก้วกลายเป็นคนทีมีสติที่สุดในตอนนี้ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ ความหนักหัวมีมากขึ้นจนเก่งต้องสะบัดหัวไล่ความมึนงง เขาพยายามเบิกตากว้างเพื่อไม่ให้หลับ แต่ตอนนี้รู้สึกง่วง อยากนอนเหลือ แต่ตอนนี้เขาอยู่กับใครเนี้ยไม่รู้จักเลย “ เออ พี่โทษทีผมจะกลับบ้านแล้ว เพื่อนเรียก ” เก่งบอกเสียงแผ่วมึนหัวแทบประคองตัวไม่อยู่ นี่สงสัยเขาคงจะเมาจริงแล้วมั้ง “ ให้เพื่อนกลับบ้านไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง “ มือที่จับแขนเลื่อนมาจับเอว เก่งโงนเงน มองหน้างงๆ ตาใกล้จะปิด “ ไม่เป็นไรอ่ะพี่ขอบคุณ ” เก่งปลดมือแล้วเดินโงนเงนจะกลับไปยังโต๊ะ “เฮ้ย เนี้ยเดินไม่ไหวแล้ว ไปงั้นพี่ไปส่งเดี๋ยวนี่เลยแล้วกัน ” คนแปลกหน้าคว้าเอวเก่งอีกครั้ง แล้วพาเดิน จะออกจากร้าน แก้วตาไวกว่าเพื่อนวิ่งมาขวางไว้ทัน “ พี่จะเอาเพื่อนผมไปไหนน่ะ “ แก้วถามเสียงเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายไม่กลัวเพราะตัวที่โตกว่ามาก “ ก็พาไปส่งบ้านไง น้องคนนี้เขาบอกให้พาไปส่ง “ เก่งได้ยินเสียงเถียงกันแว่วๆพยายามแกะมือออก “ พี่ไม่ต้องวุ่นวาย เพื่อนผมผมพากลับเองได้ ไปไอ้เก่ง” แก้วพูดพร้อมดึงแขนเก่งแต่อีกฝ่ายไม่ปล่อย มือหนาของใครบางคนตบลงบนบ่าชายแปลกหน้าอย่างแรงพร้อมกระชาก คนแปลกหน้าหันมองเอาเรื่อง “ เฮ้ย ไรว่ะ “ แต่คนตบไหล่ดูท่าทางตัวใหญ่ไม่น้อย ทำให้คนแปลกไม่กล้ามาก “ ไม่มีไรหรอก แค่อยากบอกให้คุณปล่อยมือจากเด็กคนนี้แค่นั้น ” เสียงใครเนี้ยคุ้นๆ เก่งพยายามมองแต่ตาลืมไม่ขึ้น “ แล้วมึงยุ่งไรด้วย ไอ้เด็กเนี้ยมันบอกจะไปกะกู “ รอยยิ้มกวนบาทา ทำให้คนตัวสูงๆ กัดกร้ามแน่น ไอ้คนแปลกหน้าหันกลับไปทางโต๊ะของมัน แล้วพยักหน้า เรียกพวกที่นั่งอยู่อีก 2 คนให้เดินเข้า “ มึงมีปัญหาไรกะเพื่อนกู “ เสียงถามดูเหมือนอยากมีเรื่อง “ ผมบอกให้เพื่อนคุณปล่อยมือจากเด็กคนนี้ เพื่อนคุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเอง “ เสียงห้าวที่ตอบอย่างไม่เกรงกลัว มองหน้าแบบเอาจริง คนฟังยังยิ้มเยาะเพราะเห็นว่าพวกมากกว่า “ กูบอกมึงให้ปล่อยเด็กคนนี้ “ เสียงห้าวต่ำตวาดดังลั่น ของใครคนหนึ่งบอกให้ปล่อยเก่ง “ ไอ้พัฒน์ ไอ้เคน มึงมานี่หน่อยทางนี้มีปัญหาวะ “ ไอ้แก้ว เห็นท่าว่าไอ้คนตัวสูงใหญ่อาจจะโดนรุม ตะโกนเรียกเพื่อนมาเสริมกำลัง ไอ้คนแปลกหน้า 3คนถึงกับผงะ เมื่อเห็นคนมาเพิ่ม “ แล้วทำมึงต้องมาเสือกอะไรเรื่องของกู มึงเป็นไรกับเด็กนี่รึไง “ ไอ้คนที่ยังหิ้วเก่งไว้ถามด้วยเสียงฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าไม่สมหวัง เก่งยังคงพยายามลืมตา แต่เรี่ยวแรงเดินแทบไม่มี “ เออเด็กนี่เป็นแฟนกู มึงทำไม หะ ” เสียงตวาดดังไปจนทั่ว พร้อมมือที่กระชากร่างบางๆของเก่งจากคนแปลกหน้าเข้ามาสู่อ้อมอกอุ่นๆ คนนี้มันใครกัน! .บอกว่าเราเป็นแฟนมันเนี้ย เก่งคิด เก่งพยายามเป็นครั้งสุดท้าย ลืมตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง ถึงแม้เบลอแต่ก็จำได้ เดี่ยวเหรอ ! แล้วทุกอย่างก็วูบลง… เดี่ยวมองร่างเล็กที่เมาหลับคาออกเขา อยากพากลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้แต่เรื่องตรงหน้ายังสะสางไม่เสร็จ! “ มึงจะมาโทษว่ากูหลอกแฟนมึงไม่ได้นะ แฟนมึงยอมกูเอง ” ไอ้คนแปลกคนแรกท้วงแบบเอาตัวรอด “ ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดว่าแฟนกู มึงเจอดีแน่ “ เดี่ยวคำรามมือขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างเอาจริง “แฟนกูเค้าเป็นเด็กดี จำใส่กระโหลกมึงไว้ด้วย” เดี่ยวพูดจบแล้วผลักอกอีกฝ่ายเซไป “ ไป กลับ “ เดี่ยวร้องบอก กับเพื่อนๆของเก่ง ทุกคนลุกพรึบพร้อมกันไม่มีใครอิดออด เดี่ยวยังประคองร่างบางๆที่อยู่ในอ้อมอกรู้สึกโล่งใจที่เก่งปลอดภัยดี “ เราขอบใจนายมากนะ เดี่ยวถ้านายไม่เข้ามาช่วยป่านนี้ไอ้เก่งมันถูกพาไปถึงไหนๆแล้ว “ แก้วและทุกคนบอกขอบใจขณะส่งเขาขึ้นรถแท็กซี่ “ ดูแลเก่งมันด้วย นะ “ แก้วร้องสั่งด้วยความเป็นห่วง เดี่ยวพยักหน้ารับแล้วบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์ เก่งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดหายใจแผ่วเบาดูเหมือนคนหลับมากว่า เดี่ยวรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเก่งไม่ได้เป็นอะไร เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องเป็นห่วงเก่งขนาดนี้ ทั้งที่เก่งเกลียดเขา “ นายรู้จะไม๊ว่านายทำอะไรกับเราไว้บ้าง” เดี่ยวพูดกับเก่งที่กำลังหลับพลางลูบผมเบาๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคำบางคำ รู้สึกมันจะทุเลาลงแล้วเมื่อได้ร่างบางมากอดไว้แนบอก หัวใจของเขาเต้นตูมตามเหลือเกิน บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกบางอย่างมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ใกล้ชิดเก่ง เดี่ยวนึกถึงเรื่องมือเย็นแล้วถอนใจเฮือก “นี่เก่งมันเกลียดเราจริงๆ หรือ ” เดี่ยวมองหน้าคนที่หลับอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับจะคนหาคำตอบ นี่เราจะคงจะเลวมากสินะ เพราะ ตั้งแต่รู้จักเก่งไม่เคยเห็นเกลียดใครสักคน นี่เขาคงเป็นรายแรกมั้งเนี้ย! “เอาไอ้เก่งส่งบ้านมันตอนนี้ มันโดนพ่อแม่ด่าตายเลย” เดี่ยวคิดได้ เมื่อแท็กซี่ขับเลยผ่านบ้านของเดี่ยวมา2-3 ซอยแล้ว เขาสั่งรถให้จอดข้างทางตรงหน้า แท็กซี่ดูงงเพราะไม่มีบ้านคนแต่ก็ตัดสินใจรับเงิน แล้วขับออกไป เดี่ยวเหลือบมองไอ้เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องเช่นเดิม เขาถอนใจเมื่อเห็นบ้านของตนอยู่อีกไกลพอดู ส่วนตุ๊กตาตัวอุ่นที่อยู่ในแขนก็ดันตัวอ่อนปวกเปียก สร้างความลำบากในการเดิน “ แบกขึ้นหลังไปก็ได้ “ เดี่ยวทุลักทุเลพอดูกว่าจะเอาคนเมาขึ้นหลังได้ ลมหนาวยามดึกที่พัดผ่านหนาวเย็นเฉพาะแต่ผิวหนัง หัวใจตอนนี้อบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้คนที่เขารัก ถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรักตอบหรือเปล่า แก้มแดงๆ ของอีกฝ่ายที่ซบลงที่บ่าของเขายังคงหลับสนิท เดี่ยวอยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่มีการขัดขืน ไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยว กับเขา 2คน “ เดี่ยว ...” เสียงแผ่วที่ออกมาจากปากของเก่ง ทำให้เดี่ยวหันไปมอง “ อ้าวละเมอเหรอ “ เขายิ้มขำ เฮ้อ!เด็กเหลือเกิน แต่น้ำอุ่นๆที่ไหลมาโดนที่ต้นคอของเขาทำให้แปลกใจ “ เดี่ยว.. ขอโทษ”เสียงแผ่วๆสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลออกมาทั้งที่ยังหลับ ทำให้เขารู้ว่าเด็กน้อยบนหลังฝันร้ายเรื่องของเขา เดี่ยวมองแก้มที่มีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย แล้วเช็ดมันอย่างเบามือ “ นิ่งซะนะ คนดี” เสียงนุ่มๆ ดังแผ่วปลอบโยนเด็กน้อยที่ร้องไห้ เดี่ยวบอกไม่ถูกถึงน้ำตาของเก่ง ความสงสัยเกิดขึ้นมากมาย ทำไมเก่งร้องไห้ ทั้งที่เก่งเกลียดเขา! ประตูห้องนอนถูกเปิดออก เงาคนตะคุ่มของใครบางคนเดินมาที่เตียงนอน แล้ววางของบางสิ่งลง ไฟสว่างขึ้นเมื่อเดี่ยวกดเปิดสวิตท์ ร่างบางๆของเก่ง นอนแผ่หลากลางเตียงนอน เดี่ยวสายหัวระอา “ นี่มันกินไม่เป็นแล้วกินเข้าไปทำไมวะ “ เดี่ยวบ่นเมื่อเห็นสภาพไม่ได้สติของเก่ง เข็มสั้นนาฬิกาชี้เลยเลข 12 ไปเล็กน้อน “โห นี่มันเที่ยงคืนแล้วเหรอ “ เดี่ยวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าที่บ้านเก่งยังรออยู่แน่ “ หวัดดีครับ พี่กานต์เหรอครับ ครับ เดี่ยวเองครับ “ เดี่ยวกรอกเสียงลง เมื่ออีกฝ่ายพูดตอบ “ เก่งเหรอ อยู่บ้านผมครับ หลับแล้วครับ อ้าวเหรอครับ แล้วจะกลับวันไหนล่ะครับ ไม่เป้นไรครับ ให้อยู่นี่ก่อนก็ได้ครับ ! ไม่เป็นไรครับ “ เดี่ยววางสายโทรศัพท์เมื่อโทรหาคนที่บ้านของเก่ง ข่าวดีที่ว่าบ้านเก่งจะไปต่างจังหวัด 2 วัน ทำให้เขาดีใจ “ นี่เราจะได้นอนกอดไอ้เก่งตั้ง 2 คืนแนะ “ เดี่ยวยิ้ม หันมองร่างที่นอนนิ่งมันเตียงตาเป็นประกาย เสื้อโปโลของเก่งถูกถอด ถึงอย่างนั้นเจ้าของก็ยังไม่รู้ตัว ในความสว่างของแสงไฟ แสดงให้เห็น หน้าตาและเนื้อตัวที่แดงกว่าปกติเพราะฤทธ์แอลกฮอลล์ เดี่ยวชะงักเพราะความฟุ้งซ่านในอารมณ์พล่านไปทั่วตัว เขาถอนหายใจ ระบายอารมณ์ แล้วหันกลับหยิบผ้าแล้วชุบน้ำ ซับไปตามหน้าตาเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไอ้เก่งนี่มันไม่ได้เป็นเด็กแล้วนี่ ถึงแม้จะรูปร่างเล็กแต่ก็มีกล้ามเนื้อน้อยๆ ขนอ่อนรำไรเหนือขอบกางเกงเอวต่ำ ที่สำคัญคือขาวไปหมดทั้งตัว เดี่ยวรู้สึกตัวเองว่าหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ พยายามระงับอำนาจลึกลับอะไรบางอย่างที่พล่านอยู่ในตัว มือเลื่อนผ้าชุบน้ำต่ำลงไปยังหน้าท้องน้อย “ นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ “ เดี่ยวบ่นเมื่อเห็นเก่งยังคงหลับตานิ่ง แล้วแกล้งเขี่ยนิ้วไปมาที่แก้มของเก่งแล้วหยุดวนไปวนมาที่ริมฝีปากหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว “ไม่รู้สึกรึ แล้วแบบนี้หล่ะ “ เดี่ยวล้มตัวลงทับเก่ง จนตัวแนบชิดกัน ลมหายใจแรงๆ ของเขารดไปตามหน้าขาวๆของอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา “นายปลุกไม่ตื่นเองนะ ก็อย่ามาโทษเราที่หลังแล้วกัน” เสียงกระซิบกระเส่าๆเหมือนอารมณ์ของคนพูด เดี่ยวลุกขึ้นถอดเสื้อตัวเองโยนไปอีกทาง ก้มหน้าจนชิดหน้าของเก่ง มองด้วยแววตาประหลาด ยิ้มให้เก่งที่หลับตาพริ้ม แล้วประกบปากลงอย่างร้อนแรง !.....
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 14 ความเย็นของยามเช้าในฤดูหนาว ทำให้เก่งรู้สึกตัวกระชับผ้าห่มแน่น แต่หนักหัวอย่างมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ตายังลืมไม่ขึ้น รอบข้างยังคงมืดสนิท ภาพที่มองดูเบลอๆ ความจำครั้งสุดท้ายที่นึกขึ้นได้คือ ตนอยู่ในผับและเดี่ยวกำลังกอดเขาอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็จำอะไร ไม่ได้ เก่งงัวเงียคิดถึงความฝันของเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่างเป็นความฝันที่เหมือนความจริงมากๆ เขาฝันว่าได้ขี่คอเดี่ยว ฝันว่าเดี่ยวจูบและกอดเขาแล้วก็... โอ้ย ปวดหัว ฝันอะไรบ้าๆก็ไม่รู้ เก่งหยุดคิดแล้วนอนต่อ เพราะปวดหัวจี้ดขึ้นมา “หนาว” เก่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ท้องฟ้าเริ่มสว่างบ้างแล้วแต่ในห้องนอนยังขมุกขมัว เก่งยังคงสลึมสลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น กึ่งจริงกึ่งฝัน “ หนาวเหรอ” เก่งรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงนุ่มห้าวดังมาจากที่ไกลๆเหมือนกับความฝัน แต่ก็มาพร้อมกับความอบอุ่นๆ เก่งหลับไปอีกครั้งพร้อมความอุ่นที่ได้รับจากความฝัน ! เก่งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรสากมากระทบแก้มแรง อาการปวดหัวเหลืออยู่เล็กน้อย เขาลืมตามองแดดที่ส่องเพดาน รู้สึกเหมือนมีมือใครรัดเอวไว้แน่นเก่งคิดว่าตัวเองฝันเพราะ เป็นไปไม่ได้ใครมันจะเข้ามาในห้องเขา! แต่ลมหายใจของใครบางคนรดแก้มเขา เก่งหันขวับไปตามแรงลมหายใจ “ เฮ้ย “ “ นายตื่นแล้วเหรอ เป็นไงมั่งปวดหัวไม๊ “ หน้าขาวๆที่ห่างกันแค่คืบยิ้มทัก “ นายมาที่นี่ได้ไงอ่ะ แล้วทำไมมาอยู่นี่ “ เก่งมองหน้าอีกฝ่ายงง พยายามจะลุกแต่ติดที่แขนของอีกฝ่ายที่ยังรัดเอวไว้แน่น ท่อนบนล่ำๆ ไร้ซึ่งเสื้อคลุมไว้ เดี่ยวนอนทับตัวเขาที่ยังคลุมผ้านวมไว้อย่างมิดชิด “ เราว่านายยังเมาค้างอยู่แน่เลย ที่นี่ไม่ใช่ห้องนายนะ แต่เป็นห้องเรา“ คนตัวโต บอกขำๆ เมื่อเห็นท่าทางของเก่งที่เหมือนเด็กหลงทาง “ทำไมนายไม่พาเราส่งบ้าน วันนี้เราต้องไปต่างจังหวัดกับที่บ้านนะ “ เก่งร้องขึ้นอย่างร้อนรน “ ปล่อยมือดิ เราจะกลับบ้าน “ เก่งแกะมือนั่นออกแล้วเคลื่อนตัวเร็วๆ จากผ้านวม “เฮ้ย “ ผิวที่สัมผัสความเย็นทำให้รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว เขาคว้าผ้านวมไว้ทันก่อนที่จะหลุดจากตัว แล้วจับห่อตัวเองวุ่นวายไปหมด “นาย ถอดเสื้อผ้าเราทำไม นายทำอะไรเรา ” เก่งถามเสียงตื่นๆ ใจเต้นรัวหายปวดหัวปลิดทิ้ง พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ใช่แล้ว ! นั่นมันไม่ฝันนี่หว่า เดี่ยวยันศอกให้อยู่ในท่ากึงนั่งกึงนอน มองหน้าเก่งแล้วกลั้นยิ้มแต่แววตามีแววขบขัน แล้วแกล้งมองสายตาเล้าโลมใส่ “เราถามว่านายทำอะไรเราเมื่อคืน ห๊า ” เด็กหนุ่มตัวเล็กร้องถามอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกว่าสายตาบ้าๆนั่นมันทำให้เขาร้อน “ เปล่านี่ “ เดี่ยวตอบหน้าตาเฉย “ ไอ้โกหก “ เก่ง วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว “ นายเอาเสื้อผ้าเราไปไหน เราจะกลับบ้าน “ “เราเอาไปซักแล้ว “ เดี่ยวยั่ว และหัวเราะขำด้วยความสะใจ แต่เก่งไม่เล่นด้วย วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้า ไม่ยอมแพ้ เดี่ยวสายหน้าอย่างระอากับความดื้อ ก้าวลงจากเตียงเดินมาคว้าเอวเก่ง ลากกลับเตียงแล้วจับโยนให้นอนลง “ นายจะทำไรอ่ะ อย่าทำไรบ้าๆ นาเว้ย “ สถานการณ์เริ่มตึงเรียดเมื่อ เดี่ยวยืนกอดอกทำหน้าดุใส่ “ นายฟังเรามั่งรึเปล่าเราบอกแล้วว่าเอาไปซักแล้ว “ เสียงเข้มขึ้นสงสัยมันกำลังโกรธแน่เลย “ แต่เราจะกลับบ้าน “ เก่งกลัวแต่ไม่ยอมแพ้เถียงแซงขึ้นมา “ แต่ 2 วันนี้นายต้องอยู่ที่นี่เพราะ พี่นายฝากนายไว้กะเรา” เก่งรู้สึกเหมือนโลกจะแตก พี่กานต์ทำไมทำงี้เนี้ย ไอ้นี่มันบ้ากามนะ “เราจะกลับบ้าน เรากลัวที่นี่“ ใช่แล้ว เพราะที่นี่มีนายแหละเลยน่ากลัว เก่งคิด “แล้วนายกลัวอะไรที่นี่ “ ก็เอ็งนั่นแหละ เก่งไม่ตอบแต่มองเขม็งมาที่อีกฝ่าย เดี่ยวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ เราเหรอ “ เสียงถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ให้คำตอบ “นายจะกลัวอะไรเราที่เมื่อก่อนไม่เห็นกลัวเลย “ เดี่ยวเดินยิ้มเยาะจ้องเขาเหมือนจ้องลูกไก่ตัวน้อย “ แล้วที่เมื่อคืนน่ะไม่เห็นปฏิเสธสักคำเลยนี่” เดี่ยวก้าวยาวๆครั้งเดียวก็มานั่งติดเก่งที่ขยับตัวไปจนติดหัวเตียง โอบกอดรัดรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว “ เฮ้ย เดี่ยวนายอย่านะโว้ย อย่าทำไรบ้าๆนะ “ ตอนนี้เก่งเป็นลูกไก่ในกำมือของเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว ลูกไก่ตัวน้อยๆ ก็พยายามดิ้นหนีสุดชีวิต “นายจะดิ้นทำไมเล่า เดี๋ยวเราสอนให้อีกรอบไงเห็นเมื่อคืนไม่รู้สึกตัว ” เดี่ยวยิ้มมองลูกไก่ในมือตาเป็นมัน ปากและจมูกถูลงที่ซอกคอเก่ง ไล่ขึ้นมาที่แก้ม ก่อนที่จะมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ ลูกไก่ที่อยู่ในมือเดี่ยวกลายร่างเป็นหมา กัดหมับเข้าที่คอของเดี่ยวอย่างจัง “ โอ้ย” เดี่ยวปล่อยมือออก เก่งที่ตอนนี้กลายร่างเป็นหมาไล่งับคอของเขาอย่างบ้าเลือด เก่งถอยห่างเหนื่อยๆ จ้องหน้าคนตัวสูงแบบเอาเรื่อง “ Ok ยอมแพ้แล้ว ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว “ เดี่ยวถอยห่างแต่รู้สึกเสียดาย เฮ้อ! นึกว่าเช้านี้จะมีลุ้นซะอีก แต่อีกฝ่ายดันไม่ห้ามร่วมมือ “ตกลงให้เรากลับบ้านได้ยัง “ เก่งเสียงสั่นเพราะใจที่เต้นรัวจากเหตุเมื่อกี้ “ ไม่ได้ เรารับปากพี่นายไว้แล้ว นายอยู่นี่แหละ เราไม่ทำไรนายหรอก “ ถ้าไม่เผลอนะ ! เดี่ยวยิ้มหวานแต่ตาแววเจ้าเล่ห์ “งั้นนายก็ไปเอาเสื้อผ้ามาดิ เราไม่อยากโป๊ ” เก่งหน้าแดง พันผ้านวมคลุมหัวเมื่อเห็นเดี่ยวใช้สายตาไล้ไปตามตัวแทนมือ “ ไม่เห็นต้องอายเลย เด็กๆ นายมาแก้ผ้าอาบน้ำบ้านเราออกจะบ่อย ” เดี่ยวยิ้มกริ่มตายังไม่เลิกมองใจจริงอยากให้เก่งอยู่ในชุดนี้ทั้งวันเลย “ ไอ้บ้าเอ้ย นี่เราโตแล้วนะจะให้มาแก้ผ้าได้ไง นายไปเลย ไปเอาเสื้อผ้ามาให้เราใส่” เก่งรู้สึกอายๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายอ้างว่าเคยเห็นเขาทั้งตัวมาแล้ว “งั้นนายไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวเราหาให้” เก่งเดินกระย่องกระแย่งลากผ้านวมไปเปิดประตูห้องน้ำหันหลังมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมา ก่อนที่จะปล่อยให้ผ้าน่วมให้ร่วงลงไปที่ปลายเท้าแล้วก้าวเข้าห้องน้ำไป เดี่ยวหันมองพอดี รู้สึกหายใจติดขัดเมื่อเห็นเก่งเต็มตาจากด้านหลัง “ไอ้เก่งแม่งโคตรเซ็กซี่เลย! “ อยากเข้าไปอาบน้ำด้วยแต่ก็ยังเข็ดกับคมฟันที่ประทับรอยอยู่ตรงคอ เก่งปิดประตูล็อกแน่นหนา สิ่งแรกที่ทำคือสำรวจดูตัวเอง หน้ากระจก นี่เมื่อคืนเขากับไอ้เดี่ยว......กันเหรอเนี้ย ว้าก! ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่รู้สึกตัววะ โอยไม่น่ากินเข้าไปเลยไอ้เหล้าเนี้ย !!!!? แล้วนี่ต่อไปจะทำไงต่อดี เก่งไม่แน่ใจเลยว่าจะทำตัวปกติกับเดี่ยวได้รึเปล่า แค่ตอนยังไม่มีอะไรกันแค่มองเขาก็สั่นจะแย่ แล้วนี้เรื่องมันเลยเถิดไปจนถึงขนาดนี้แล้วให้ทำไงดี เก่งมองรอยจูบจางที่ต้นคอ เอื้อมมือไปแตะเหมือนโดนของร้อน เหมือนอีกฝ่ายฝากรอยไว้เป็นสัญลักษณ์ให้เขารู้ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นปนกัน นี่เดี่ยวเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ เดี่ยวทำกันเหมือนเขาเป็นแค่สิ่งที่บำบัดความต้องการ ถึงแม้ใครจะบอกว่าเป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันเอาคืนไม่ได้ เก่งสะบัดหน้าไล่ความคิดในหัวออก น้ำเย็นๆนี่คงช่วยให้เราลืมเรื่องบ้าๆ นี่ได้ เรื่องบ้าๆที่จริงๆแล้วเค้าจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ! เดี่ยวยังคงอมยิ้มขำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่นั่งซักเสื้อผ้าให้เก่ง เมื่อคิดถึงเก่งที่ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก เดี่ยวเองรู้สึกเสียดายเรื่องเมื่อคืนมากๆ แต่ก็บอกตัวเองไว้ว่าต้องได้รับความยิมยอมจากอีกฝ่ายก่อน แหม!แต่เมื่อคืนนี้เก่งเป็นอะไรที่ทำให้เค้าอดใจไม่ไหวจริงๆ ทั้งที่เดี่ยวคิดว่าเขาเป็นคนมีความอดทนพอสมควร เดี่ยวขำตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนนั้นในขณะที่อารมณ์พุ่งพล่านร้อนแรงจนเขาคุมสติไม่ได้ ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปตามอารมณ์เหล่านั้น แต่ไอ้คนเมาตัวดีก็คายของเก่าทุกสิ่งที่กินเข้าไปออกมา เลอะทั้งเขาทั้งตัวคนเมา นั่นแหละเดี่ยวถึงได้รู้สึกตัว แล้วก็มาคิดได้ว่าถ้ารอให้เก่งยินยอมมันน่าจะดีกว่านี้ แต่เขารู้สึกสนุกกับการที่จะให้เก่งคิดไปเองว่าเก่งกับเขามีอะไรกันแล้ว เขาจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดเก่งมากๆ เอ! ทำไมเราคิดได้ชั่วร้ายขนาดนี้ แต่เอาเหอะ ร้ายเพราะรักก็แล้วกัน! เก่งย่องออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันช่วงล่างผืนเดียว ปากสั่นเมื่อลมหนาวพัดโชยเข้ามา เขาเหลียวหาเจ้าของห้อง แต่ไม่เห็นใครนอกจากเสื้อผ้ากองหนึ่งวางอยู่บนเตียง เก่งรีบเช็ดตัวให้แห้งโดยเร็วแล้วหยิบกางเกงและเสื้อขึ้นสวม เสื้อตัวใหญ่ใส่แล้วหลวมมีกลิ่นเหงือของเจ้าของบางๆ ใส่แล้วทำให้รู้สึกเหมือนว่าเจ้าของเสื้อมายืนอยู่ใกล้ๆกัน เก่งมองสำรวจห้องดูเรียบง่ายของแต่งห้องน้อยชิ้นแต่ดูเข้ากันผิดกับห้องเขา โต๊ะเขียนหนังสือเต็มไปด้วยตำราวางเรียงราย มีกรอบรูบไม้เรียบๆดูเหมือนทำเองวางอยู่บนโต๊ะในรูปเป็นเด็กชาย2คนคนนึงตัวโตคนนึงตัวเล็ก ยืนประคองกันท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขา “ นี่มันรูปนั้นนี่! “ เก่งเอื้อมหยิบกรอบรูปขึ้นดู มันเป็นรูปที่เขาและเดี่ยวถ่ายด้วยกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ เขาไม่คิดว่ารูปนี้จะมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาเคยขอแล้วไอ้พัฒน์ไม่ยอมให้ เก่งมองสีหน้าของตัวเองในรูป นี่ตอนนั้นตื่นเต้นจนไม่ได้ยิ้มเลยรึนี่ ก็โดนกอดนี่นา! “ นายกำลังดูอะไรอยู่ ” หน้าขาวๆที่ยังไม่ได้โกนหนวดชะโงกหน้ามาจากข้างหลังจนหน้าแทบจะสีกัน เก่งเหลือบตามองแว๊บนึงดูเหมือนคนข้างๆจะยิ้มอยู่ “นายได้รูปนี้มาได้ไงน่ะ” เก่งหันหน้ามาถาม “เราอยากได้เลยขอไอ้พัฒน์มา” โห ไอ้คุณเพื่อนพัฒน์ หนอยๆตูขอไม่ให้ที่คนล่ะรีบประเคนเชียวนะ “ นายก็อยากได้รูปนี้เหรอ” เดี่ยวถามยิ้มเกยคางลงบนบ่าของเก่ง “เปล่า” เก่งสะบัดไหล่ออก พลางถอยห่างจากไอ้บ้ากาม 1ก้าว รู้สึกหน้าแดงๆ แข็งใจถามหาเรื่องกลบเกลื่อน “นายไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอ “ เอ๊ะ! ถามเรื่องอะไรหนาวนี่จะโดนอีกมั้ยเนี้ย เก่งเริ่มระแวง “ ไม่หรอก เมื่อคืนเราได้ความอบอุ่นมาเยอะแล้ว ก็ตัวนายมันอุ่นนี่ ” เข้าเนื้ออีกจนได้ เก่งหน้าแดงก้มหน้าลงซ่อนมันไว้ เดี่ยวยิ้มรู้สึกชอบใจเวลาแซวให้เก่งเขินได้ “ นี่ ๆเลิกหน้าแดงได้แล้ว! ไปกินข้าวกัน ” เสียงของเดี่ยวและมืออุ่นที่คว้าข้อมือให้เดินตาม ทำให้เก่งต้องเงยหน้าขึ้นมองตามไปที่รอยยิ้มกว้างๆที่ถูกส่งมาให้ รอยยิ้มที่ดูสดใสจนเขาต้องเดินตามไปอย่างงงๆ ทั้งที่ตั้งใจจะดึงมือคืนมาแท้! “ไหนอ่ะเดี่ยว ข้าวเช้าที่นายว่า “ เก่งถามอย่างงง เมื่อเห็นบนโต๊ะไม่ได้มีอะไร “ นี่ไงข้าวเช้า “ เดี่ยวชี้ไปที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2ห่อ “ ล้อเล่นใช่มั้ย” เก่งงง หันกลับมามองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา แต่คนตัวสูงส่ายหน้าตอบว่าไม่ได้ล้อเล่น “โทษทีนะ บ้านเราไม่มีไรกินน่ะ พ่อกะแม่ ไปดูงานเมืองนอกเป็นอาทิตย์แล้ว “ เดี่ยวยิ้มแห้งๆ “ เราเลยต้องกินแต่ไอ้นี่แหละ “ เก่งยังคิดว่าเดี่ยวพูดเล่นเดินไปเปิดตู้เย็น โอ้ !นี่มันอะไรกันมีแต่ไข่2-3ใบ กับข้าวเย็นเหลือๆเท่านั้นเรอะเนี้ย เก่งถอนใจเฮือก ไอ้เดี่ยวนี่มันท่าทางอดอยาก “ นายนั่งรอแป๊บนะ “ เดี่ยวมองหน้างงแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ในขณะที่เก่ง เดินไปทำโน่นทำนี่อย่างเร็วๆ จนเดี่ยวมองตามแทบไม่ทัน นี่เก่งจะทำอะไร ! ชั่วเวลาผ่านไปแว๊บเดียว อาหารที่ถูกปรุงสุกใหม่ๆ ก็ถูกเสิร์ฟไว้ตรงหน้า เป็นข้าวผัดไข่ กับไข่น้ำแกงจืด เดี่ยวรู้สึกทึ่งกับความรวดเร็ว มองอาหารตรงหน้า ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในใจ “ นายไม่เห็นต้องลำบากเลย เรากินมาม่าก็ได้ “ เดี่ยวบอกอีกฝ่ายที่กำลังง้วนกับการตักข้าวผัดใส่อีกจาน “ ทำไมกลัวไม่อร่อยรึไง “ เก่งหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ “ เปล่าคร้าบ “ เดี่ยวพูดพลางก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก อืม! อร่อยแฮะ เก่งยิ้มมองเดี่ยวที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวผัดพูนจาน เออไอ้เดี่ยวนี่มันโตแต่ตัวจริงๆ ! อืม ไหล่หนาชะมัดเลย สายตามองไล่ไปเรื่อยๆ จนหยุดที่รอยฟันแดงๆจนเกือบเป็นสีม่วง นี่ท่าทางจะเจ็บมากนะนี่! “ มองอะไรอยู่น่ะ “ เดี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ นั่นนะเป็นไงมั่ง เจ็บเปล่า“ เก่งพยักหน้ามองที่รอยกัดจากคมเขี้ยวของตัวเองบนบ่าของเดี่ยว “ ไม่เป็นไรหรอก เราถือว่าเป็นรอยฝากรัก “ เสียงแซวธรรมดากลับทำให้เก่งร้อนวูบ ที่คอเค้าก็มีเหมือนกันนี่ ! เก่งก้มหน้านิ่ง “ ช่วยไม่ได้นายอยากเล่นอะไรบ้าๆ เอง “ เก่งหงุดหงิดรู้สึกตัวเองเป็นรองไปทุกที ที่พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา “ เก่ง นายไม่อยากรู้เหรอว่าเมื่อคืนเราทำอะไรนายน่ะ “ เดี่ยวเริ่มดำเนินแผนการเมื่อเห็นอีกฝ่ายอวดดีซะเหลือเกิน “ พอแค่นั้นแหละ เรายังไม่อยากคุยเรื่องนั้น “ เก่งผลักจานข้าวตรงหน้าออกแล้วลุกขึ้นหันหลังเดินหนี แต่เดี่ยวคว้ามือไว้ทัน “ อยาเพิ่งไปซิ แต่เราอยากคุยนะ “ “ แต่เราไม่อยากคุย ปล่อย! “ เก่ง หน้าแดง นี่จะมาเอาอะไรอีกนะ เมื่อคืนยังไม่พอเรอะเนี้ย “ อ้าวไม่อยากคุยเรอะ แหมดี เรากำลังอยากทำอย่างอื่นอยู่พอดี “ เดี่ยวบอกเสียงแผ่ว มือดึงร่างที่รั้งไว้ให้เข้ามาสู่อ้อมอก แล้วดันตัวเก่งเข้าชิดกำแพง “ เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ “ เก่งสั่น นี่มันจะทำให้เขารู้รึว่าเมื่อคืนมันเป็นยังไง เก่งออกแรงดัน หน้าอกชิดเข้าเต็มที่แบบแกล้งกันเห็นๆ “ เฮ้ย อย่านะ เมื่อคืนนายก็ทำไปแล้ว ยังจะมาเอาอะไรอีก “ เก่งตะโกน เมื่ออีก ฝ่าย ก้มมาจนชิดเกือบจะได้จูบกันอยู่แล้ว “ นายทำแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกแย่นะ “ เก่งก้มหน้าลง มือที่ไม่มีแรงยังคงพยายามดันหน้าอกอีกฝ่ายออก เดี่ยวชะงัก ถอนใจเฮือกเสียดายรสจูบที่กำลังจะได้รับ “ แล้วถ้าเราทำให้นายสมัครใจล่ะ “ เดี่ยวถามขึ้นบ้าง ทั้งที่ลมหายใจยังคงกรุ่นไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “ ไม่มีทาง “ เก่งยังคงอวดดีอยู่นั่นเอง “ งั้นเรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ “เดี่ยวหมั่นไส้แกมอยากเอาชนะไอ้เด็กตรงหน้านี่เหลือเกิน “ เราขอเวลา ถึงสิ้นปี ถ้าเลยจากวันสุดท้ายของปี นายยอมให้เราจูบแต่โดยดี แสดงว่าเราชนะ และนายต้องยอมเรา “ ฮ่าๆ ไอ้เก่งเอ๋ย เสร็จแน่ มันอีกตั้ง 15วันแน่ะยังไงก็ยังมีโอกาส เดี่ยวยิ้มเยาะเมื่อเห็นเก่ง กัดปากตัวเองแบบไม่ยอมแพ้ แต่หน้าก็แดงเพราะคำ ”ยอมเรา” ที่ได้ยิน “ แต่ถ้าเราไม่ยอมจูบนายภายในวันสิ้นปีนี้ล่ะก็ นายต้องเลิกยุ่งกับเรานะตกลงรึเปล่า “ เก่งเสนอบ้าง เดี่ยวเครียดหน้านิ่งมองหน้าเก่งเหมือนจะหาคำตอบ ตอนนี้เก่งและเขา มีความเสี่ยง 50 : 50 โดยเอาความรู้สึกเก่งเป็นเกณฑ์ตัดสิน นี่เป็นเกมส์ที่มันบ้าชัดๆ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ถ้าเข้าแพ้ต้องเสียเก่งไปแน่ๆ ! “งั้นก็ตกลง “ เก่งกับเดี่ยวบอกพร้อมกัน “งั้นเราควรหาอะไรเป็นตัวสัญญาเพื่อกันคนบางคนโกง” เดี่ยวรีบเสนอเพราะรู้ฤทธิ์ ของคนตรงหน้าดี เก่งมองหน้าแบบไม่สบอารมณ์ หนอยๆ ไอ้เดี่ยวนี่ไม่เชื่อใจกันเลยใช่ไม๊เนี้ย! “มานี่ “ เดี่ยวจูงมือเก่ง พาเข้าห้องนอนอีกครั้ง “ ยื่นมือมา “ เก่งยื่นมือซ้ายให้อย่างว่าง่าย เดี่ยวสวมสร้อยอะไรบางอย่างไว้ที่ข้อมือ “ นี่มันตุ้งติ้งดรัมเมเยอร์นี่“ เก่งถามเมื่อเห็นสายตุ้งติ้งห้อยตราโรงเรียนเส้นเล็ก ที่ได้รับมาจากเดี่ยวเมื่อวาน แต่ตอนนี้กลายเป็นสร้อยข้อมือ “เราอยากให้นายใส่มันไว้ติดตัวน่ะ ให้มันเป็นพยานให้เรา“ เดี่ยวยิ้มเขิน เงยหน้ามองเพดานเมื่อเห็นเก่ง มองหน้าทำเหมือนจะถาม เก่งอมยิ้ม ไอ้เดี่ยวนี่เวลาเขินแล้วน่ารักจังเลย เก่งคิดอะไรได้ ถอดสร้อยเงินชื่อตัวเองออกจากคอ แล้วพันเข้ากับข้อมือของอีกฝ่าย “ ทำอะไรน่ะ “ เดี่ยวถามเมื่อเห็นสร้อยของเก่งที่ข้อมือตนเอง “ ก็แลกของกันไง นี่มันก็เป็นพยานของเรา “ เก่งยิ้มให้แล้วมองที่สร้อยข้อมือที่บรรจุความรู้สึกหลายๆอย่างรวมไว้ “เก่ง โกนหนวดให้เราหน่อยดิ “ เสียงเรียกอีกฝ่ายที่ดังอยู่หน้ากระจก ทำให้เก่งหันมอง ที่คางเจ้าของเสียงมีฟองครีมสีขาวเต็มไปหมด เก่งหน้ายุ่งแต่ก็เดินมาหยิบมีดโกนแต่โดยดี “ ถ้าได้แผลก็อย่าว่าเรานะ “ อืม! สักแผลดีมั้ยนะ ถึงคิดอย่างนั้นแต่เก่งก็ยังโกนอย่างเบามือ จนเสร็จ เจ้าของหน้าที่เพิ่งโกนหนวดล้างครีมที่เหลืออยู่ แล้วลงด้วยอาฟเตอร์เชฟกลิ่นอ่อนๆ เก่งมองอีกฝ่ายแล้วรู้สึกแปลก เดี่ยวนี่มันมีเสน่ห์จัง สายตาของเดี่ยวน่ะเหมือนกับแมวเหลือเกิน เวลาจ้องตาใครคนนั้นจะรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต และต้องยอมทำตามได้โดยง่าย เก่งยอมรับว่าเขาเองก็โดนสายตานั้นสะกดจิตเหมือนกัน หวุดหวิดเกือบยอมให้เดี่ยวจูบเมื่อ2วันที่แล้ว ดีที่ดึงสติกลับมาได้เร็ว เรื่องจะให้ยอมน่ะหรือไม่มีทาง เขาไม่ชอบสิ่งที่เดี่ยวทำอย่างนั้นกับเขาในคืนนั้น มันไม่แฟร์ที่เดี่ยวไม่ให้เกียรติกัน “นี่ ขอบใจนะ” เสียงขอบคุณเมื่อเห็นเก่งมองเงียบๆ “ นี่ดูดินายโกนไม่เกลี้ยง ” เดี่ยวคว้ามือของเขาขึ้นถูตรงคางที่ยังสากๆแล้วเลื่อนมือขึ้นแตะที่ปากจุมพิตมันลงเบาๆ แค่นั้น มันทำให้เก่งพลุ่งพล่านขึ้นได้มากว่าเดิมเป็นหลายเท่า ! เดี่ยวยิ้มกระซิบเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยน “เราขอจูบนายได้มั้ย” แทนที่จะทำให้เก่งเขินอายมันกลับให้ผลตรงกันข้าม นี่มันต้องการที่จะได้แค่นั้นจริงๆเหรอ! เก่งดึงมือกลับ “ เราไปโรงเรียนกันได้แล้ว เรารออยู่หน้าบ้านนะ ” เก่งหันหลังกลับในขณะที่คนตัวสูงมองตามด้วยความผิดหวัง “นี่มันเหลือเวลาอีกกี่วันนะ” เก่งมองดูปฏิทิน อีก9วันก็จะถึงวันสิ้นปี นี่เหลือเวลาอีก9วันแล้วเหรอ เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ช่วงนี้ทำไมสมองเขาคิดมีเรื่องให้คิดมากมายขนาดนี้ ดูมันสันสนวนเวียนไปหมด เก่งถอนใจเฮือกพยายามสนใจรูปที่วาดค้างไว้ตรงหน้า เสียงวิทยุประจำโรงเรียนยังคงเจื้อยแจ้วต่อไป “เพลงต่อไปนะคะเพื่อนๆ คนขอเค้าบอกว่าถึงไม่ใช่วันวาเลนท์ไทน์ แต่เค้าก็อยากขอให้กับคนที่เค้าให้ ”ตุ้งติง” ไว้ค่ะ สาวๆได้ยินแล้วทำใจนะคะ เพลงนี้ดรัมเมเยอร์สีฟ้าเค้าขอมาค่ะ “ เสียงเจื้อยแจ้วของดีเจประจำโรงเรียนหยุดลงลงเมื่อเสียงเปียโนในเพลงดังพลิ้วพราย เก่งหยุดมือนั่งฟังนิ่ง if there were no words , no way to speak, l would still hear you if there were no tears, no way to feel inside, l would still feel you ใช่แล้วนี่มันเพลง valentine นี่เดี่ยวมันขอเพลงนี่ให้ เขาหรือนี่ ! ทำไมมันรู้ว่าเขาชอบเพลงนี้ เสียงเพลงยังคงก้องไปทั้งห้องศิลปกรรม เก่งยังคงนั่งนิ่งความรู้สึกหลายอย่างปนกัน And even if the sun refused the shin , even if romance run out of rhyme You would still have my heart until the end of time , you all I need my love, my valentine …. เสียงเปียโนพลิ้วๆ ดังแว่วผ่านไป แต่เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย ยังคงอยู่ในหัว เก่งเข้าใจความหมายของมันดี นี่เดี่ยวต้องการจะส่งสารรักให้เขาจริงๆ หรือ แค่ต้องการจะเอาชนะ แต่จะยังไงก็ช่างตอนนี้หัวใจมันเปี่ยมล้มไปหมดแล้ว.... เก่งเดินตัวเบาหวิวเข้าห้องเรียน เพื่อนในกลุ่มทุกคนหันมองมาแล้วยิ้มๆ หน้าขาวของใครบางคนที่รวมกลุ่มอยู่ด้วยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน เก่งทำไม่สนใจ เดินเข้ามานั่งข้างแก้วที่เขยิบที่ให้นั่ง “ แก้ว ขอบใจนะเว้ยที่ขอเพลงให้ “เก่งแกล้งทำไม่รู้ว่าใครขอเพลง บอกขอบอกขอบใจแก้วที่นั่งทำหน้างง “ ข้าไม่ได้เป็นคนขอนะ “ แก้วหันมาตอบงงๆ “ เออ ไม่ต้องมาแกล้งอำหรอกน่า “ เก่งยังคงยิ้มแต่ตามองไปยังคนตัวสูงที่นั่งมองมา “ จะใครก็เหอะเราขอบใจนะ “ เก่งหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะตัวเองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว เสียงเดินของใครคนนึงเดินเฉียดเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับ เสียงนุ่มๆดังขึ้น “ เราเต็มใจให้นายนะ” แค่นี้แหละที่ต้องการจะได้ยิน...
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 15 “ เก่ง กลับบ้านกันเหอะ “ เสียงเรียกที่ดังเข้ามาเก่งหันขวับมองออกไป เดี่ยวอยู่ในชุกเสื้อนักเรียนเปียกชุ่ม ยืนอยู่กวักมืออยู่ตรงหน้าประตูห้องศิลปกรรม เก่งเก็บของเข้าที่แล้วเดินตามเสียงออกมานั่งลงตรงที่ซ้อนท้ายจักรยาน “ เก่ง วันนี้นายไปนอนบ้านเรานะ “ เสียงนำเสนอของเดี่ยวกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยเพราะ 9 วันที่ผ่านมาหลังจากทำสัญญากัน เก่งต้องไปนอนเป็นเพื่อนเดี่ยวทุกวัน เพราะพ่อแม่ของเดี่ยวยังไม่กลับ จริงๆก็ไม่ได้อยากไปเลย เพราะถ้าเผลออาจโดนลักหลับไม่รู้ตัวแบบคราวก่อนอีกแน่ แค่นอนด้วยกันยังระแวงจนนอนไม่หลับ แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงเลยซักที “ งั้นนายต้องไปกินข้าวที่บ้านเราก่อนนะ พ่อแม่เราสั่งมา “ ตั้งแต่รู้ว่าเดี่ยวอยู่บ้านคนเดียว คุณนายแม่ของเก่งก็สั่งการเด็ดขาดว่าให้เดี่ยวมากินข้าวที่บ้านทุกวัน เดี่ยวเลยกลายเป็นลูกชายไปอีกคน แต่ไม่ยักยอมนอนที่ห้องเขา ยังยืนยันจะกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง แถมยังลากเขาไปอีกด้วย ชะช้า! รู้นาเว้ยคิดอะไร อย่าหวัง ! เก่งแยกเขี้ยวให้โดยที่คนข้างหน้าที่ยังคงไม่รู้เรื่อง “ เดี่ยว ! “ เสียงเรียกที่หวานใส พร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาหา เดี่ยวหยุดจักรยานร้องทัก “ อ้าวส้มทำไมอยู่เย็นจัง ยังไม่กลับบ้านอีก บอกแล้วไม่ต้องรอ “ “ ไม่เป็นไรหรอกส้มรอได้ “ ส้มยิ้มจนแก้มปริ “ นี่ ขอบใจนะเดี่ยวที่เมื่อกลางวันขอเพลงให้น่ะ แล้วเมื่อไหร่ล่ะจะให้ตุ้งติ้งกะส้มซะที “ เก่งรีบซ่อนมือตัวเองไว้ไม่ให้ส้มเห็นว่าตนสวมอะไรที่ข้อมือ วันนี้ดูส้มจะมีความสุขมากๆ เก่งละอายใจเมื่อรู้ว่าถ้าส้มรู้ความจริงจะต้องเจ็บปวดมากและต้นเหตุมันคือเขา ! “ เดี่ยววันนี้นาย ไปส่งส้มเหอะ เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ” เก่ง ลุกขึ้นจากที่ซ้อน เดี่ยวหันหน้ามองงง “ จะไปไหน “ เสียงที่ถามอย่างเป็นห่วงทำให้เก่งต้องเหลือบไปมอง ส้มที่ยังคงยืนจ้องเขานิ่งเงียบ “เราจะไปซื้อสีน่ะ มันหมดแล้ว “ ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ มองเหมือนต้องการคำตอบจริงๆ “ นายไปส่งส้มเหอะเดี๋ยวเราไปเองได้ร้านมันอยู่ไม่ไกลหรอก ไปแล้วนะ โชคดีนะส้ม” เก่งย้ำก่อนออกวิ่งไปทิ้งให้เดี่ยวยังมองตามแบบไม่เข้าใจ เสียงไฟที่เปิดสว่าง เก่งนั่งเงียบอยู่โต๊ะทำงาน หลังจากเบี้ยวไม่ไปนอนที่บ้านของเดี่ยวตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเย็น ทำให้เก่งมีเวลาพอจะคิดอะไรบางอย่าง เขานั่งมองภาพที่ตัวเองเขียนขึ้น นี่มันนานแล้วมั้งที่เขาไม่ได้ลงสีให้เสร็จ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปวุ่นวายเรื่องอื่นมากจนเกินไป เก่งหยิบพู่กันขึ้นแล้วถอนใจ วันนี้เขายอมรับว่ารู้สึกดีๆกับเดี่ยวมาก มากพอที่จะยอมให้อะไรๆมันเกิดขึ้นในคืนนี้ แต่เมื่อส้มเดินเข้ามาเขาก็ละอายใจเกินกว่าที่ทำอย่างนั้นได้ ส้มเป็นคนที่โชคร้ายมากที่เป็นเพื่อนเขา เก่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำร้ายส้มที่ละน้อย เพราะงั้นเขาเลยต้องขังความรู้สึกตนเองไว้ไม่ให้มันออกมาเพ่นพ่าน เฮ้อ! ไหนใครบอกว่าความรักมันดีไง นี่มันไม่ใช่แล้วนี่ ทำไมมีแต่ความกังวล ความคิดที่สับสน และเสียใจที่ไม่ได้ครอบครอง เก่งถอนใจพยายามทำใจให้สงบ ถึงแม้จะเศร้าแต่ช่วงนี้แต่คงทำใจได้แล้วไม่มีน้ำตาเลย ก็ดี ถ้าถึงเวลาทีแยกจากกันจะได้ไม่เจ็บปวดมาก เก่งลงมือระบายสีรูปของเดี่ยวที่เกือบจะเสร็จ ใส่ความรู้สึกที่มีทุกอย่างลงไปในพู่กัน เหมือนต้องการจะขังบางสิ่งบางอย่างไว้ในรูป ! “เฮ้ย ! สิ้นปีนี้ไปหัวหินกันนะ “ ไอ้พัฒน์ร้องเสนอ ทุกคนเมื่อนั่งกันอยู่ครบท่าทางสนใจ “ ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเงิน” เสียงเพื่อนๆในกลุ่มร้องท้วง “ เฮ้ย เป็นรีสอทร์ลุงเราเอง พักฟรี “ ไอ้พัฒน์นี่แหละลูกคนรวยของจริง เพราะรู้จักกับเจ้าของที่โน้นที่นี่ไปทั่ว “ จริงๆ ลุงเค้าอยากให้ไปพร้อมครอบครัว แต่ช่วงสิ้นปีพ่อแม่งานยุ่งมาก เลยส่งข้าไปเที่ยวแทน” ไอ้พัฒน์เสริม “เหรอ ดีจังเลย งั้นไปๆ ชอบของฟรี “ เสียงแข่งกันพูดด้วยความดีใจ โห เพื่อนตูนี่ไม่ได้เปลี่ยนเลย งกทั้งกลุ่ม! เก่งคิดแล้วยิ้มขำ “ นั่งรถไฟไปดีกว่านะ โรแมนติกดี “ แพทกะบีมเสนอขึ้น แหม!สองสาวนี่มองอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด ไอ้พัฒน์กะไอ้เคนก็พยักหน้ารับตามไปแบบเอาใจ มีไอ้แก้วคนเดียวส่ายหน้าดิกๆ “ ไอ้พวกนี้มันบ้านนอกจริง จะไปโรแมนติกบนรถไฟเนี้ยนะ “ เสียงของไอ้แก้วแดกดันจนคู่รักหวานชื่น ทั้ง2 คู่ตาเขียวใส่ “ เฮ้ยนายก็ไปด้วยกันนะ “ เสียงชวนของไอ้พัฒน์ชวนเดี่ยว ทำให้อีกฝ่ายยิ้มรับเต็มใจ รู้สึกดีใจที่จะได้ไปเทียวกับเก่งอีกครั้ง เผื่อนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพิชิตใจเก่ง เดี่ยวถอนใจเมื่อคิดถึงเวลาที่มันเริ่มกระชั้นเข้ามา นี่เหลือเวลาอีก 5วัน ไม่มั่นใจเลยว่าทำสิ่งที่หวังสำเร็จรึเปล่า ความหวังดูริบหรี่ลงเรื่อย เพราะ อีกฝ่ายยังคงใจแข็งไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเขาจะทำวิธีไหนก็ตาม เดี่ยวเองอยากจะล้มเลิกเสียเดี๋ยวนี้เพราะดูเหมือนความหวังนั้นแทบไม่มี แต่ใจเขาก็ยังหวังลึกๆว่า เก่งอาจจะหันมาตอบรับเขาสักวัน แต่จะมีวันนั้นรึเปล่านะ! เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วถูกเปิดออกโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาตแสดงถึงความคุ้นเคย "เฮ้ย " เก่งตกใจนึกขึ้นได้ว่ารูปเดี่ยวยังตั้งโชว์หราอยู่ที่ขาตั้ง " เก่ง นั่นรูปอะไรน่ะทำไมต้องเอาผ้าคลุมไว้" เสียงถามเห็นเก่ง กระโดดวูบเอาผ้าคลุมรูปที่อยู่บนขาตั้งไว้อย่างรวดเร็ว นี่มันจะเห็นรึเปล่านะ! เก่งตื่นเต้นอยู่มากที่เดียว " ไม่มีอะไรนี่ รูปนั้นเรารักมาก ไม่อยากให้ฝุ่นจับน่ะเลยเก็บไว้อย่างดี " เก่งตอบเลี่ยงๆไม่อยากให้อีกฝ่ายสนใจของที่กำลังพูดถึง " เหรอ ขอเราดูมั่งดิ นะๆ" คนตัวโตอ้อนวอน แล้วหน้ายุ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเห็นเขายังคงนิ่งเงียบ ก้าวยาวๆเข้าไปเปิดผ้าคลุม “เฮ้ย ! “ เก่งมือไวคว้าผ้าคลุมไว้ทันก่อนที่จะภาพจะถูกเผยออกมา เดี่ยวมองงง “ อะไรกัน ขอดูหน่อยไม่ได้รึไง มีอะไรปิดบังรึเปล่า“ เดี่ยวหันมากอดอกมองหน้าเหมือนจะจับผิด " สียังไม่แห้งน่ะ “ เก่งแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปจนได้ “ เอาไว้สักวัน เราจะให้นายดูนะ " ถ้าเราแน่ใจแล้ว! คำพูดประโยคหลังถูกลืนหายไปในลำคอ เก่งยังคงไม่รู้ว่าเขาจะกล้าเอาภาพออกมาให้เดี่ยวดูหรือไม่ ! เก่งถอนใจเฮือกเบื่อที่ต้องมานั่งปิดบังทุกสิ่งที่มี! “ เฮ้ยทำไมเก็บของนานจังอ่ะ มานอนได้แล้วเดี๋ยวตืนสายไปไม่ทันหรอก” เสียงเรียกของเดี่ยวที่มันดังน่ารำคาญ วันนี้เดี่ยวมานอนด้วยเนื่องจาก พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นรถไฟแต่เช้า แต่นี่ดันมาก่อความรำคาญให้เขาอีก จะไม่ให้รำคาญได้ไง เรียกอยู่อย่างนี้มาเป็นครั้งที่5 แล้ว เก่งหน้ายุ้งร้องด่า “ นายก็นอนไปก่อนดิ มารอทำไมเล่า “ “ ก็มันหนาวนี่เรานอนไม่หลับ เร็วดิมานอน ” เดี่ยวร้องอ้อนเป็นเด็ก3 ขวบ “เออๆ นอนก็นอน รำคาญชะมัด “ เก่งล้มตัวลงนอนข้างๆคนตัวใหญ่ที่นอนเกือบเต็มที่ แทบไม่เหลือที่ให้เขานอน “ เขยิบมาดิ เดี๋ยวตกหรอก เฮ้ยหันหน้าไปทางนั้นทำไม หันกลับมา “ เสียงบงการที่ดังอยู่ข้างหูก่อความรำคาญ เก่งไม่สนใจเอาหมอนปิดหูไม่รับรู้ เสียงเงียบลงแล้วแต่ดันมีขาและแขนท่อนใหญ่ๆพาดทับลงมาอย่างจงใจ “ เฮ้ย ! หนัก เอาออกไป “ เก่งจะลุกขึ้นยกขาออกแต่ทำไม่ได้เมื่อโดนแขนที่ทับอยู่กดไว้ “ บอกให้เอาออกไป “ เก่งรู้สึกว่าตัวเองเสียงสั่นเมื่อสัมผัสที่รู้ว่าไม่ได้เฉพาะขาอย่างเดียวเท่านั้นที่ทับอยู่ที่ตัวเขาเพราะรู้สึกได้ว่าสิ่งอะไรบางอย่างอุ่นจัด เบียดเข้าที่สะโพก เก่งนิ่งไม่กล้าขยับ หน้าของอีกฝ่ายแนบมาที่ตนคอ คางสากโดนซอกคอทำให้เก่งขนลุกซู่ “ กลัวเรารึเปล่า” เหมือนคนตัวใหญ่กว่า จะรู้ตัว ถามเก่งออกมา เก่งเงียบแทนคำตอบจะบอกว่ากลัวก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ไอ้ความรู้สึกแปลกที่มันเกิดขึ้นนี่มันอะไร " ไม่ทำอะไรหรอก ขอกอดไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ " เสียงของคนที่คิดว่าเขากลัวยังคงบอกมาอย่างอ่อนโยน “นอนได้แล้ว “ คนตัวใหญ่จับเก่งพลิกตัวหันหน้าเข้าหากันแล้วกอดด้วยวงแขนจนตัวแนบกัน จนเก่งเคลิ้มหลับไป เดี่ยวมองคนร่างเล็กที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน เขาบอกตัวเองว่าขอใช้เวลาให้คุมค่าที่สุดเพราะ วันเวลาตรงนี้มันอาจไม่มีอีกแล้วในอนาคต เฮ้อ! ไม่อยากให้เวลามันผ่านเลยไป เพื่อเขาจะได้อยู่อย่างนี้ไปนานๆ ... เสียงหวูดรถไฟดังลั่นสถานีหัวลำโพง ทำให้เก่งหันมองรถไฟที่เข้าชานชลา ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะได้ขึ้นรถไฟจะมีก็แต่เขาที่ยังง่วงงุน และ แก้วที่เฉยๆ ไปซะะทุกสิ่ง เก่งมองหน้าเพื่อนๆ งง รู้สึกมึนหัวไม่หาย โอยทำไมต้องให้มาแต่เช้านะ บ้านก็อยู่ไกลหัวลำโพงเหลือเกิน ต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เลย เก่งอ้าปากกว้างหาว " นี่ อ้าปากซะแมลงวันบินเข้าไปหลายตัวแล้ว " เสียงแซวมาพร้อมเสียงหัวเราะขำ ทำให้เขาหันกลับไปมองคนพูดด้วยสายตาขุ่นๆ แหม ไอ้เดี่ยว สดชื่นจริงนะ ! ดูหน้าตายังแช่มชื่นเหลือเกินไม่เหมือนคนนอนไม่หลับเลย เมื่อคืนนี้ตัวมันนอนไม่หลับก็ยังมาคอยแกล้งไม่ให้เขาหลับตามไปอีก วันนี้เลยสายเลย เมื่อรถไฟจอดเรียบร้อย กลุ่มของเก่งเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นนั่งจองที่ คนที่ดูตื่นเต้นที่สุด น่าจะเป็นสองสาว แพทกะบีมที่นั่งติดกัน ส่วนไอ้พัฒน์กะไอ้เคน ก็ดีใจเช่นกันที่ได้นั่งมองสองสาวในดวงใจ เก่งนั่งคู่กะแก้วเพราะดึงตัวไว้ทัน ส่วนไอ้คนตัวสูงหน้าขาวตาคม ก้อนั่งคนเดียว ! เก่งเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะเพิ่งเคยนั่งรถไฟ แต่ยังคงง่วงอยุ่ แต่เดี่ยวเป็นคนละเรื่องกันเลยดูไม่ตื่นเต้นนั่งอ่านหนังสือเฉย! “ โห รถไฟออกแล้ว “ เก่งมองรถไฟที่นั่งอยู่เคลื่อนออกจากชานชลาช้า ๆ ตื่นเต้นจนลืมง่วง แต่ก็สะดุดหูเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ “ เฮ้อ ! เด็ก หนอ เด็ก “ เสียงของคนตรงหน้าที่ยังลอยหน้าลอยตาหัวเราะขำๆ เก่งแยกเขี้ยวใส่ พร้อมเตะขาเข้าที่หน้าแข้งอีกฝ่ายอย่างจัง “ โอย ! “ หน้าดุของไอ้คนตัวสูงจ้องตอบ “ ฝากไว้ก่อนเหอะ “ เสียงคำรามดังมา เก่ง ยักคิ้วให้สะใจๆ เดี่ยวแยกเขี้ยวกลับแต่ยังทำอะไรไม่ได้ “ เฮ้ย ไปห้องน้ำเฝ้าของให้ด้วย “ ไอ้แก้วลุกพรวดออกไป คนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้ายิ้มแล้วกระโดดเข้านั่งแทนที่ “อ้าว เฮ้ย ที่ตัวเองมีทำไมไม่นั่งเนี้ย “ เก่งโวยเพราะเริ่มโดนเบียด “ นี่นายทำไมต้องเบียดวะ” แต่เดี่ยวก็ยังไม่ตอบเขยิบเบียดชิดมากขึ้น จนเก่งรู้สึกว่าจะกลายเป็นกล้วยทับ เท่านั้นไม่หนำใจหยิบมือเก่งขึ้นมากุมมันไว้ด้วยกัน เก่งมองหน้าเขม็ง หน้าแดงขึ้น “ เฮ้ยปล่อยเดี๋ยวใครเห็น “ เก่งบอกให้ได้ยินกันแค่ 2 คน “ ไม่เป็นไรเราไม่อาย “เดี่ยวลอยหน้าลอยตาบอกน้ำเสียงยียวน เออ แต่ ตูอายนี่ “ นายทำอย่างนี้ไม่ได้นะ นายมาจับมือเราแล้วแฟนเรามันจะคิดไง “ เก่งหมายถึงไอ้แก้วผู้เป็นแฟนรับจ้างให้เขา ”แล้วอีกอย่างนายก็เป็นแฟนส้มนี่ ส้มน่ะมันเพื่อนเรานะ “ “ นายนี่ทำไมชอบยกเราให้คนอื่นนะ เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้เป้นแฟนกับส้ม แล้วเราก็แน่ใจว่านายไม่ได้เป็นแฟนกับแก้ว ฉะนั้นตอนนี้นายกับเราโสดทั้งคู่ก็จับมือกันได้ “ ดูมันหาเหตุผล ! โคตรหน้าด้านเลย “ นี่ นายมารู้ได้ไงว่าเรากับไอ้แก้วไม่ได้เป็นแฟนกัน หา ! อีกอย่างส้มก็ยืนยันหนักหนาว่านายเป็นแฟน “ ถึงแม้จะโดนจับได้ว่าโกหกแต่เก่งก็ไม่ยอมแพ้ “ เออ เรื่องนั้นน่ะช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ทิ้งเรื่องคนอื่นไปก่อนแล้วกัน ช่วยคิดถึงแต่เรื่องเรา 2 คนเท่านั้น เข้าใจไม๊ “ เอ๊ะ เรื่องของเรา 2 คน นี่ตูกับมัน เป็นแฟนกันเรอะถึงเรียกเรา แต่แค่นั้นอยู่ๆหน้าก็แดงวูบขึ้นมาเฉยๆ เก่งเงียบทันควันหันมองวิวไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ที่ดูยิ้มสดฃื่น “ มาแล้ว..ว “ เสียงไอ้แก้วดังมาก่อนตัวมองมางง เก่งเอากระเป่าทัมมือที่ถูกจับไว้ไม่ให้แก้วสังเกต “ เฮ้ย แก้วขอแลกที่นั่งนะ “ เสียงห้าวของเดี่ยวบอกกับแก้วที่ยังงง แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ อมยิ้ม “ จะนั่งด้วยกันก็ไม่บอกแต่แรก “ แล้วไอ้แก้วเพื่อนผู้แสนดีก็นั่งลงอ่านหนังสือต่อไม่สนใจใคร ปล่อยให้เก่งเผชิญชะตากรรมคนเดียว “ นี่เลิกเบียดเราได้แล้ว เราอึดอัดนะเว้ย “ เก่งชักทนไม่ไหวเพราะ ตอนนี้ตัวเริ่มแบนแล้ว “ ไม่ !จนกว่านายจะขอโทษเราที่เตะขาเรา” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นต่อ เก่งรู้สึกหมั่นไส้น้อยๆ แต่ก็ต้องยอมเพราะอึดอัด “ก็ได้ ขอโทษ” “ ไม่เอา ขอหวานๆดิ “ โอย ไอ้นี่เรื่องมาก “ ขอโทษคร้าบ “ เก่งกัดฟันบอกรู้สึกเสียเชิง งานนี้ต้องเอาคืน “ ก็แค่เนี้ย “ ว่าแล้วนายหน้าขาวก็เขยิบออกแต่มือไม่ยักปล่อย ยังนั่งอมยิ้มสะใจอยู่ได้ มันจะดีกว่านี้แน่ถ้าเก่งไม่ได้ประสานมือไปกับเดี่ยวด้วย! รถ ไฟยังคงแล่นไปเรื่อยจาก ครึ่งชั่วโมง. กลายเป็นสองชั่วโมง จากสอง ชั่วโมงกลายเป็นสามชั่วโมง แต่รถไฟก็ยังไม่ถึงสักที ! นี่มันเพิ่งถึงแค่เพชรบุรีเองรึเนี้ย ทุกคนเริ่มนั่งกระสับกระส่าย รู้สึกเมื่อยก้นกบ สาวๆเริ่มบ่น มีแต่ไอ้แก้วคนเดียวเท่านั้นที่ยังเย้ยเพื่อนด้วยน้ำเสียงมีชัย “ เป็นไงล่ะ โรแมนติกดีมะ “ แพทกะบีมที่นั่งเก้าอี้ อีกฝั่งหนึ่ง ส่งค้อนขวับเข้าให้ เก่งเองก็เมื่อยบวกกับความง่วงที่สะสมมาตั้งแต่เช้า ทำให้นั่งสัปหงก แต่รู้สึกมีมือใหญ่ดันหัวของเก่งอย่างเบามือให้ซบลงกับไหล่หนาๆ เก่งลืมตามองงง ขืนหัวออก “ เอ้านอนลงซิ จะได้หลับสบาย “ เก่งยังคงงงเพราะง่วง “นอนเหอะนะ! “ รู้สึกง่วงเต็มที่ เก่งเอียงหัวลงตามคำสั่ง ยิ้มกับตัวเองแล้วผล่อยหลับไป... { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
น่ารักจังเลย เก่ง+เดี่ยว เดี๋ยวจะตามมาอ่านต่อ
จะมีกุ๊กกิ๊กๆกันที่ทะเลป่าวเนี่ย..อิอิ :m13:
:m23:ติดกันเป็นรถราที่ถนนวิภาวดีขาออกในวันศุกร์สิ้นเดือน 555+ เอาซะนึกภาพออกเรยค้าบบบ
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 16 “เก่งตื่นได้แล้ว ตื่นสิถึงแล้ว “ เสียงกระซิบดังอยู่ใกล้ทำให้เก่งลืมตามองรอบๆอย่างงงๆ ที่นี่ที่ไหน! โอย กำลังหลับสบายเลย เดี่ยวมองสภาพ เก่งที่เพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างขำๆ ทำอย่างกะเด็กหลงทางแน่ะ เหงือที่ซึมจากหน้าของไอ้เด็กตัวน้อยของเขา ยังเปียกอยู่ที่หัวไหล่กลิ่นหอมอ่อนของแป้งเด็กที่เก่งใช้ติดอยู่จางๆ มันทำให้เขาไม่รู้สึกเมื่อยที่โดนพิงไหล่ กลับกันเขารู้สึกเหมือนหัวใจมันย้ายจากหน้าอกมาที่หัวไหล่ หึๆ เรานี่บ้าไปใหญ่แล้ว ! เด็กน้อยของเดี่ยวยังคงงงๆจนเดี่ยวต้องจูงมือลงจากรถไฟ หน้าตาดูสลึมสลือบอกบุญไม่รับเหมือนเด็กอดนอนมากๆทำให้ เดี่ยวมองหน้าอีกฝ่ายขำๆ เฮ้อ!ไอ้เก่งนี่มัน เกิน 5 ขวบรึยังเนี้ย! แล้วเด็กตัวน้อยๆของเดี่ยวก็ทำให้เขาแปลกใจอีกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งรถต่อมายังรีสอสร์เก่งเอาแต่หลับตลอดทาง แต่เมื่อก้าวลงจากรถเข้าสู่รีสอทร์ของลุงไอ้พัฒน์ เก่งก็แปลงกายเป็นเด็กบ้าพลังเปลี่ยนเป็นคนละคนทันตาเห็น จนเดี่ยวตามอารมณ์ไม่ทัน รีสอทร์ของลุงกับป้าของพัฒน์ อยู่ไกลจากหัวหินมาประมาณ 10 กิโลจึงทำให้ดูเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนตากอากาศ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนขาประจำซะเป็นส่วนใหญ่ และมักเป็นแขกชาวต่างประเทศ เพราะ ต่างติดใจบรรยากาศที่ดี และ ความเป็นมิตรตัวเจ้าของ ตัวรีสอท เป็นอาคารทรงปั้นหยาแบบโบราณที่ยังดูไม่เก่า แยกออกเป็นหลังๆ เล็กใหญ่เรียงราย ต้นไม่ใหญ่ร่มครึ้มเย็นสบาย ด้านหน้าเป็นศาลารับลมขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยต้นลีลาวดีต้นใหญ่ๆ ที่โปรยดอกร่วงลงพื้นหญ้าเขียว ชายหาดขาวสะอาด สลับกับโขดหิน เลยออกไปไกลทางซ้ายมือ เป็นหน้าผาเล็กๆมีเส้นทางเดินป่า ที่ทางรีสอทร์จัดไว้ให้นักท่องเที่ยว อาหารทะเลมื้อใหญ่ที่เป็นอภินันทนาการจากลุงกับป้าของไอ้พัฒน์ ถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะอาหารตัวยาว เดี่ยวรู้สึกว่ามันมากมายเกินกว่าคน 7 คนจะกินหมด แต่เมื่อทุกคนเริ่มลงมือกิน มันทำให้เดี่ยวรู้ว่าเค้าคิดผิด เพราะอีก 6 คนที่ร่วมวงกินข้าวกันอยู่นั่น กลายร่างจากเด็กมัธยมเป็นปอบ ! ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะถูกกวาดเรียบโดยใช้เวลาไม่นาน เออนะ ไอ้พวกนี้นี่มันเหมือนกันนี่เองถึงคบกันได้ เดี่ยวยิ้มขำเมื่อเห็นหัวหน้าปอบที่นั่งข้างเขาลูบท้องไล่ความอึดอัด แต่ก็ลุกขึ้นมากินต่อได้เมื่อเจอของหวาน โห ไอ้เก่งนี่มันกินมากขนาดนี้ทำไมไม่โตนะ !. เฮ้อ !ใครได้ไปเป็นแฟนกระเป๋าฉีกแน่ๆ เดี่ยวคิดแล้วหันมองคนข้างๆที่นั่งกินของหวานอย่างมีความสุข เอ แต่ก็นะ! กระเป๋าฉีกก็ยอมวะเรา! “ เฮ้ยๆลุกๆ ไปเล่นน้ำทะเลกันเหอะ “ เก่งตะโกนบอกเพื่อนๆกำลังเอนหลังเคลิ้มๆบนเสื่อที่ปูใต้ต้นลีลาวดี หลังจากฟาดข้าวเที่ยงมื้อใหญ่ “ ไม่อาอ่ะ ง่วง! จานอน ไปเล่นคนเดียวไป๊“ เสียงไอ้แก้วที่ขยับตัวหนีการรังควานของเก่ง ร้องไล่ให้ไปไกลๆ “ กูก็ไม่ไป ร้อน! กลัวดำ “ ไอ้พัฒน์บอกออกมาก่อนเมื่อเห็นเก่งหันมองหลังจากผิดหวังจากไอ้แก้ว “ ไอ้พวกบ้า ไปคนเดียวก็ได้วะ “ เก่งงอนเมื่อไม่มีใครสนใจไปด้วย จะมีก็แต่อีกคนที่ยังไม่หลับทำท่าสนใจจะไปด้วย แต่รอให้เขาชวน เอ มันก็น่าชวนนะ แต่ไม่ชวนดีกว่าเมื่อกลางวันอยากแกล้งตูทำไม ! เก่งมองไปที่ชายหาดที่มี่หมาตัวโตกำลังคุ้ยทรายเล่นอย่างเมามัน อะ เค้าได้เพื่อนเล่นแล้ว เก่งถอดเสื้อออกแล้ววิ่งถลาลงไปเล่นกับเจ้าหมาที่กระดิกหางรอเหมือนรู้กัน เดี่ยวนั่งมองภาพที่เห็นอย่างขำๆ แยกไม่ออกเลยว่าไหนคนไหนหมา เพราะทั้งหมาทั้งคนวิ่งเล่นกลิ้งเกลือกทราย โดดลงน้ำ จนมอมไปด้วยกันทั้งคู่ ผมรองทรงที่เริ่มยาวของเก่ง เปียก สะบัดไปตามแรงวิ่ง ทั้งที่มีทรายเกาะติดอยู่ เนื้อตัวมีทรายเกาะติดไปตามผิวขาว ๆ มันทำให้เดี่ยวไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือ ต้องวางหนังสือลงมองความสดใสที่ดูเย้ายวนนั่นอย่างเพลินตา เสียงหัวเราะร่าเริงที่ ผสมกับเสียงเห่า ดังห่างออกไป เมื่อเก่งเริ่มเดินห่างจากด้านหน้าของรีสอทร์ไปสำรวจยังหน้าผาเล็กที่ห่างออกไปลิบๆ โดยมีเพื่อนที่เพิ่งสนิทกันวันนี้ เดินคลอเคลียขาตามไปชวนเล่นต่อ เดี่ยวยิ้มมุมปากเมื่อคิดอะไรได้แว๊บนึงแล้วถอดเสื้อวิ่งตามออกไป ใกล้กับหน้าผาที่รกครึ้มด้วยต้นไม้เหนือพื้นทรายที่สะอาดราบเรียบ มีปราสาททรายเล็กที่เก่งเพิ่งสร้างขึ้นใหม่ๆ ข้างกันมีเพื่อนใหม่ที่นอนกัดกิ่งไม้อยู่ เก่งรู้สึกสนุกกับการที่ได้เที่ยวทะเล นี่มันนานมากแล้วมั้งที่ไม่ได้มา แดดอุ่นๆทำให้ เก่งล้มตัวลงนอนเหยียดยาวริมชายหาดปล่อยให้คลื่นซัดสาดเข้าหาตัว หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย โดยไม่รู้ว่ามีสายตามองใครบางคนที่หยุดมองอย่างตะลึง เดี่ยวจ้องภาพข้างแล้วรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว เด็กตัวน้อยที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเด็กอย่างที่คิด ตัวขาวๆที่นอนอยู่กลางคลื่นที่ซัดเข้ามา ดูมันช่างเร้าใจ เขาชะมัด! “ เก่ง “ เสียงดังมาจากข้างหลังไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป้นใคร “ทำไมเดินมาไกลจัง มันอันตรายนะ“ เดี่ยวบ่นพร้อมนั่งลงข้างๆแต่อีกฝ่ายที่ลุกขึ้นมานั่งอย่างรำคาญใจ “เรามาดูหน้าผา แล้วนายตามทำไม ”เก่งย้อนถาม “ อ้าวแล้วกันคนอุตสาห์เป็นห่วง “ เฮอะ ! ไอ้อันตรายที่ว่าน่ะนายมากกว่า เก่งคิดระแวง เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากเกิดขึ้นวูบนึง “ นี่ เก่งเราขอคุยเรื่องคืนนั้นหน่อยดิ “ อ้าวไอ้นี่อีกแล้ว ยังคิดไม่ทันขาดตอนเลย เก่งลุกขึ้นมาดื้อๆ “ เรากลับแล้วนะ “ เก่งจะเดินหนีแต่มือที่ไวกว่าดึงไว้ “เดี๋ยวดิ คุยกันก่อน “ เก่งรู้สึกสยองเมื่อเดี่ยวยิ้มแววตาแปลก ๆ “ ไม่เอาจะกลับแล้ว เฮ้ย !“ เดี่ยวไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าเก่งลากเข้าตรงซอกหินที่หน้าผา เก่งใจเต้นตูมสุดขีดเมื่อโดนกดให้นอนลงบนพื้นทรายแล้วโดนอีกฝ่ายทับไว้จนขยับตัวไม่ได้ “ นายจะทำอะไรน่ะ เฮ้ยปล่อย “ เก่งร้องลั่นเมื่อเดี่ยวก้มหน้าลงซุกที่ข้างแก้มแล้วเลื้อยลงมาที่ซอกคอ ช่วงล่างของเดี่ยวกดทับลงอย่างหนักหน่วงจนบางสิ่งที่แข็งๆร้อนจัด บดเบียดเข้ากับสิ่งหนึ่งของเก่งที่เริ่มร้อน “ เดี่ยว อย่า อา “เสียงร้องห้ามเมื่อ เดี่ยวจดปากลงที่หน้าอก วนเวียนจูบไล้จนเก่งสะท้านไปทั้งตัว เก่งหลับตาปี๋ทั้งกลัวทั้งสะท้าน มือของเดี่ยววนเวียนลูบไล้ไปมาที่ท้องน้อยแล้วเลื่อนลงไปจะดึงกางเกงที่เก่งใส่อยู่ “ ไม่ พอแล้ว “ เก่งดึงกางเกงไว้ไม่มันเลื่อนออกไปจากตัว มือพยายามผลักไหล่ของเดี่ยวออก แต่แรงไม่มี เดี่ยวยังคงไม่สนเคลื่อนหน้าลงวนลิ้นที่รอบสะดือ เลื่อนหน้าลงไปยังส่วนที่เก่งพยายามเอามือมาปกปิด แกะมือนั่นออก พรมจูบลงไปจนทั่ว เก่งสะดุ้งตัวแอ่นลอยรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว เดี่ยวมองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ยิ้มอย่างพอใจในผลงานเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนนิ่งสิ้นฤทธิ์ตัวสั่นสะท้าน หอบหน้าแดง อยากจะทำให้มันมากกว่านี้ แต่ต้องรอให้เก่งบอกว่าต้องการเขาก่อน เดี่ยวเคลื่อนตัวมาทับร่างบางไว้อีกครั้ง ก้มหน้าลงหอมแก้มใสๆ ของเก่งที่เบือนหน้าหนีอย่างกลัวๆ น้ำตาเริ่มคลอ “ เป็นไงมั่ง ทีนี่นายรู้รึยังว่าคนที่เค้าจะมีอะไรกัน มันรู้สึกไง “ เดี่ยวกระซิบเสียงแผ่วจมูกยังคงวนเวียนอยุ่ที่แก้มของเก่ง “ แล้วนายมาบอกเราทำไม เราบอกแล้วว่าไม่อยากคุยรู้เรื่องนี้ “ เก่งเถียงแผ่วๆ ตัวสั่นอยู่ใต้ร่างที่ยังนอนทับอยู่ “ เราแค่จะบอกว่าคืนนั้นนายกะเรายังไม่มีอะไรกัน แต่นายไม่ฟังเราเอง เราเลยอยากทำให้นายรู้ ว่ามันเป้นยังไงเผื่อนายจะอยากยอมเราขึ้นมามั่ง “ เดี่ยวบอกอย่างเย้ายั่ว เก่งอายจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย นี่เขาคิดมากไปเองเรอะ ก็ใครจะไปคาดว่ายังบริสุทธิ์อยู่ เล่นแก้ผ้ากันซะงั้น ตอนนี้ความกลัวไม่มีหลงเหลือ กลายเป็นความแค้นใจแทน แต่ยังเงียบอยู่เพราะตกเป็นรอง “ งั้นตกลงนายจะยอมให้เราจูบนายได้รึยัง “ เดี่ยวถามเสียงกระเส่า ก้มหน้าลงจนลมหายใจร้อนรดหน้าเก่ง “ อืม นายหลับตาก่อนนะ “ เก่งบอกเสียงแผ่ว เดี่ยวยิ้มอย่างลิงโลดหลับตาลงพร้อมยื่นหน้าเก่งจูบได้ถนัดๆ ทรายกำใหญ่ถูกโป๊ะเข้าปากของเดี่ยวจาก เก่งที่กำลังโมโห “ เฮ้ย ! ทรายที่ซัดเข้าเต็มปากทำให้เดี่ยวเผลอปล่อยมือจากเก่ง ความโมโหวูบขึ้นมาในหัว เก่งถือโอกาสวิ่งหนี เมื่อเป็นอิสระ แต่เดี่ยวที่ขายาวกว่าวิ่งตามไม่กี่ก้าวก็กระโจนที่เดียวรวบเก่งไว้ในอ้อมแขนได้ “ เฮ้ย ปล่อย !” เก่งดิ้นแรงสุดกำลังจนเดี่ยวที่รวบตัวเขาไว้เสียหลักล้มลง กลางคลื่นที่ซัดสาด “ เล่นแรงอย่างนี้ งั้นนายก็เจอของจริงเลยแล้วกัน “ตาที่มองแบบถมึงทึงทำให้เก่งสั่นไปด้วยความกลัว เดี่ยวคำรามกดเก่งให้นอนลง พร้อมซุกหน้าลงที่ซอกคออีกครั้ง มือ2ข้างเก่งถูกจับกำยันไว้เหนือหัวโดยมือข้างเดียวของเดี่ยว มือข้างที่ว่างกระชากกางเกงของเก่งออกจนมันเลื่อนหลุดไปกองที่เข่า เก่งหัวใจกระตุกวูบจะพยายามดิ้นรนแต่มือยังโดนเดี่ยวกำไว้แน่นไม่หลุด เดี่ยวซุกไซร้ไปทั่วรุนแรงเอาแต่ใจ ก่อนผงกหัวขึ้นมอง เดี่ยวยิ้มสะใจมองดูเก่งไปทั่วตัว แต่มาสะดุดกับหน้าของเก่งนิ่งเงียบมองหน้าเดี่ยวเขม็งสั่นๆน้ำตาทะลักออกมาจากตาเหมือนคนช๊อกหนัก ๆ เดี่ยวหุบยิ้มขมวดคิ้วมอง น้ำตาที่ไหลเป็นสายโดยตัวคนร้องไม่ได้สะอึกสะอื้นแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขารู้สึกใจหายวูบ นี่เขาทำรุนแรงไปเหรอ ! “ เก่ง อย่าร้องไห้ เราไม่ทำอะไรแล้ว อย่าร้อง “ เดี่ยวดึงเก่งตัวที่ยังสั่นๆขึ้นปลอบ กอดไว้เมื่อเห็นเก่งยังคงนิ่งเงียบ “ อย่าเกลียดเรานะเก่ง อย่าเกลียดเรา “ เก่งที่ยังคงนิ่งอยู่ในอ้อมกอดมันทำให้เดี่ยวกลัว “ อย่าร้องนะ เราขอโทษ นายจะว่าเรายังไงก็ได้แต่อย่าเกลียดเรานะ “ เดี่ยวเช็ดน้ำตาให้เก่งแล้วกอดไว้แนบอกแน่นเนิ่นนานไม่มีเสียงพูดจากเดี่ยว มีแต่เสียงหัวใจเต้นรัวที่ด้วยความกลัว นั่นให้เก่งรู้ว่าเดี่ยวคนเดิมกลับมาแล้ว หลังจากที่เดี่ยวอีกคนที่เค้าไม่รู้จักผ่านเข้าทำให้เขากลัว “ เราอยากกลับแล้ว “ เก่งยันตัวออกพลางลุกขึ้น ไม่รู้สึกกลัวแล้ว แต่ขาก็ยังสั่นอยู่ไม่มีแรงเดิน “ ไป ! เราพากลับเอง “ เดี่ยวคว้าเก่งขึ้นขี่หลัง เก่งดูเกร็งๆตัวอย่างระแวง แต่ก็ผ่อนคลายในที่สุด “ ขอบคุณนะ พี่เดี่ยว “ เสียงบอกแผ่วที่ทำให้คนตัวใหญ่ใจคอดีขึ้น นี่เก่งมันหายโกรธแล้วสินะ “ ไม่ต้องขอบใจหรอก ขอแค่ไม่เกลียดเดี่ยวก็พอแล้ว “ เดี่ยวยิ้มกับตัวเองรู้สึกโล่งไปหมด เห็นเก่งกลับกลายเป็นเด็กน้อยคนเดิม ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ นี่ ๆ พี่เดี่ยว อย่าเพิ่งดีใจ ไม่เกลียดแต่ยังไม่หายโกรธนะ “ เก่งรู้สึกหมั่นไส้คนที่ให้ขี่หลังเมื่อรุ้ว่าเขาอารมณ์ดีขึ้น เดินผิวปากเบาอย่างสบายอารมณ์ แต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเตือน “ อ้าวแล้วกัน ยังโกรธอยู่เหรอ อุตสาห์ให้ขี่หลังนะ “ “ ไม่เกี่ยวเลยพี่เดี่ยว เราโกรธนะที่พี่เดี่ยวมาหลอกเรา รู้เปล่าว่าเรารู้สึกแย่ไปเลย “ เก่งบ่นอยู่บนหลังของคนตัวโตที่รู้สึกดีเมื่อเก่งเรียกเขาว่า” พี่ “ เหมือนตอนเด็กๆ “ แล้วจะให้ทำไงถึงจะหายโกรธ “ เดี่ยวถามอย่างเอาใจเมื่อเห็นเด็กน้อยบนหลังกำลังอารมณ์ดี “ ก็อยากให้ทำให้หลายอย่างนะ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก เดี๋ยวคิดออกแล้วบอกได้มั้ยล่ะ” เก่งยิ้มยื่นหน้าไปมองหน้าคนที่กำลังแบกตนอยู่เพื่อให้ขอคำตอบรับ “ ก็ได้ “ แล้วสัญญาผูกมัดก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเดี่ยว เก่งยิ้มรับ “ งั้นตอนนี้ วิ่งกลับห้องไปเล้ย ! “ “ ได้เลย !“ แล้วคนตัวใหญ่ก็ออกวิ่งฉวัดเฉวียนสะบัดไปมาทำท่าทางเหมือนม้าพยศ พาคนที่อยู่บนหลังไปยังห้องพัก เสียงหัวเราะที่ผสมกับเสียงร้องโวยวายของทั้งคู่ดังก้องอยู่ในสายลมของชายทะเล “เอาล่ะ ถึงแล้วครับ “ แล้วม้าพยศตัวใหญ่ก็มาถึงห้องพักขนาดหกคน ในเรือนพักขนาดย่อมที่ลุงกะป้าของพัฒน์จัดไว้ให้ เดี่ยววางเก่งลงแล้วไขกุญแจ เก่งเหนียวตัวจัดก้าวห้องอย่างรีบร้อน “ เราขออาบน้ำก่อนนะ เดี่ยว“ เก่งหยิบเสื้อผ้าแล้วก้าวหายเขาไปในห้องน้ำแล้วงับประตูไว้อย่างรีบๆ เดี่ยวมองตามร่างเล็กตัวขาวที่เดินไม่ใส่เสื้อเข้าห้องน้ำไป จริงๆ อารมณ์ที่มันคุขึ้นมายังไม่สงบลง ก็นะ ! คนที่ก่ออารมณ์ให้เขายังเดินเฉียดไปเฉียดมา แถมเมื่อกี้ยังขี้คอตัวสีกันจนเขาแทบลุกเป็นไฟ แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ ! ทรมานซะจริง เดี่ยวยืนพิงอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ถอนใจเฮือก มือเอื้อมไปหมุนลูกบิดหวังให้มันไม่ล็อค เฮ้ย! ไม่ได้ล็อคนี่ แต่อย่าดีกว่าเดี๋ยวไอ้เก่งมันโกรธอีก แต่ก็........ เอาวะ แค่อาบน้ำด้วยแค่นี้คงไม่โกรธหรอกมั้ง... เสียงฝักบัวดังจนคนข้างในไม่ได้ยินเสียงลูกบิด เดี่ยวถอดกางเกงที่เปื้อนทรายออกแง้มปะตูแล้วปิดล็อคมันอย่างเบามือ เก่งยังคงไม่รู้ว่ามีคนแปลกปลอมยืนดูเขาอาบน้ำอยู่ไม่ห่าง โอยทนไม่ไหวแล้วโวย! ร่างที่อยู่ท่ามกลางน้ำฝักบัวที่รดลงมา เร้าอารมณ์ ซะจนทำให้มือใหญ่ๆของใครบางคนอยู่เอื้อมมากอดข้างหลังอย่างอดไม่ได้ “เฮ้ย “ เก่งสะดุ้งเฮือกตกใจสุดขีด ไม่ต้องคิดแล้วว่าใครเพราะไอ้คนที่ทำงี้ได้มีคนเดียว “ อย่าทำอะไร บ้าๆ นะ” เก่งร้องเตือนอย่างหวั่นๆ รู้สึกว่าคราวนี้อาจไม่รอดเหมือนเมื่อกี้แน่ ทำไงดี แล้วนี่ทำไมตูสะเพร่าขนาดลืมล็อคประตูขนาดนะนี่ “ เราเปล่าทำอะไรนะแค่จะอาบน้ำด้วย ขี้เกียจรอ “ เก่งไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเพราะหลักฐานมันแนบอยู่ที่ด้านหลังเขา และนั่นแหละทำให้เก่งไม่กล้าขยับเพราะถ้าขยับต้องโดนมันแน่ “ คิดว่าเราจะทำอะไรเหรอ “เสียงหัวเราะขำๆเมื่ออีกฝ่ายตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว “ ก็ .... ถ้างั้นก็ปล่อยมือดิ อยากจะอาบก็อาบไปดิ ทำไมต้อง....” เก่งเว้นไว้ไม่พูด รู้สึกอายมากๆที่จะพูดว่าเดี่ยวกำลังกอดเขาอยู่ “ ก็ได้ งั้นนายอาบน้ำให้เราหน่อยนะ “ เดี่ยวกระซิบ จับเก่งให้มาประจันหน้า “ เฮ้ย ไอ้บ้านี่ “ เก่งหลับตาปี๋เมื่อเห็นคนตรงไม่ได้ใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว “ อายทำไม ตอนเด็ก แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันบ่อยจะตาย “ มันจะไปเหมือนได้ไงว่ะ ไอ้เดี่ยว! นี่มันโตแล้วนะ แล้วเอ็งก็ .... “ นี่ๆลืมตาได้แล้ว ใส่กางเกงแล้ว “ เดี่ยวบอกขำๆเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังหลับตาเอาเป็นเอาตายไม่กล้าลืมตามอง จนต้องหยิบกางเกงมาใส่ “ เอ้า ลืมตาสิ “ เก่งค่อยแง้มตาดูนิดหน่อยเมื่อเห้นว่าปลอดภัย เลยลืมตาขึ้นเต็มที่ ถอนใจเฮือก “ ทำไมต้องเล่นอะไรแผลงๆอยู่เรื่อยวะ “ “ก็เรากลัวนายขาดทุนที่วันนี้เราเห็นของนายไปแล้ว เราเลยให้นายดูบ้าง “ คำตอบของเดี่ยวทำให้เก่งอึ้งเงียบหน้าแดงวูบ ไอ้หน้าด้าน ! “ นี่เลิกพูดเรื่องนี้ซะที่ดิ จะให้อาบน้ำให้ก็นั่งลง “ เก่งร้องสั่งเมื่อรู้สึกว่า อีกฝ่ายยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นเขาอาย สายตาที่จ้องมาดูมีแวววูบพิลึก แต่ก็นั่งลงกับพื้นห้องน้ำโดยดี มือเล็กๆของเก่งขยี้แชมพูลงบนหัวของคนตัวโตที่นั่งเอนหลังพิงขาของเขา เสียงคุยของคนนั่งยังเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ชวนคุยเรื่องนู่นเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่เก่งก็ยังคงนิ่งเงียบ มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อย่างเกินจะบรรยาย เฮ้อ อยากอยู่อย่างงี้นานๆจัง ไม่อยากกลับเลย “นี่ทำไมเงียบล่ะ คิดอะไรอยู่ “ เสียงเรียกของเดี่ยวดึงให้เก่งกลับมาสู่ความเป็นจริง ไม่มีเสียงตอบจากเก่งเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง “ เก่ง เราขออะไรนายอย่างนะ อีก 2 วันที่เหลือน่ะ อย่าคิดเรื่องคนอื่นได้ไม๊ “ เสียงอ้อนวอนดังขึ้นพร้อมดวงหน้าที่หันกลับมาสบตา เก่งจ้องตาตอบเหมือนจะค้นหาความจริงจากสายตาที่อ้อนวอน “ ทำไมนายถึงต้องการแบบนั้น “เก่งยังคงมองลึกลงไปในดวงตาคมหวังว่าจะเจอคำตอบอยู่ลึกๆ “เรา..... คือ ... เออ นายอย่าถามเลยทำตามที่เราบอกเถอะ นะ เราขอร้อง เราอยากมีประสบการณ์ดีๆร่วมกับนายเหมือนตอนเด็ก” เพียงนั้นเสียงหัวใจของเก่งก็ทะเลาะกันวุ่นวายไปหมด แล้วจบลงด้วยการที่ฝ่ายสนับสนุนคำพูดเดี่ยวเป็นฝ่ายชนะเพราะสายตาที่มองมาและรอยยิ้มนั่นทำให้เก่งตอบปฏิเสธไม่ลง เฮ้อ !แล้วนี่เขาก็บ้ามากหน้าแดงก่ำไม่เลิกซะที “ งั้นก้ได้ แลกกับที่นายให้เราขี่หลังแล้วกันนะ “ แต่จริงๆเพราะเก่งเองก็ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เฮ้อ!ขอโทษนะส้ม ! ขอลืมสัญญาสัก 2 วันแล้วกัน ....
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 17 “ เฮ้ย! วันนี้นะ มีลุงกะป้าข้าเค้าจัด ปาร์ตี้ฉลองส่งท้ายกันนะ ข้าขอแรงพวกเอ็งหน่อยดิ “ ไอ้พัฒน์แจ้งข่าวทุกคน หลังจากที่พาดข้าวเที่ยงและเตรียมตัวจะออกเที่ยว “ ก็เอาดิ ไม่เสียหายนี่ ดีเลย กำลังเกรงใจเหมือนกันที่มาพักฟรีน่ะ “ ไอ้เคนเสนอทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ แล้วทำไมมาจัดวันนี้ล่ะนี่เพิ่งวันที่ 30 วะ” เก่งถามงง “ ก็ วันที่31 ป้ากะลุงแกไม่อยู่ เลยฉลองล่วงหน้า แต่ลุงพงศ์แกให้ลูกมาคอยดุแลแขกแทนแล้วนะ ” ไอ้พัฒน์อธิบาย “ แล้วนี่ต้องทำไรบ้างล่ะ “ ยายบีมถามแล้วหยิบกระดาษจะจดรายละเอียด “ ก็ทำช่วยกันทำกับข้าวจัดสถานที่ จัดเครื่องดื่มไรประมาณเนี้ย “ ไอ้พัฒน์อธิบายคร่าวๆ “ แล้วแขกล่ะ มีกี่คน “ไอ้แก้วถามขึ้นบ้าง “ ก็ไม่มากนะ ประมาณ 40 คน “ ไอ้พัฒน์บอกแบบธรรมดาๆ แต่เพื่อนตาโต “ หา 40 เนี้ยนะไม่มาก “ ยายบีมโวยวาย “ แล้วนี่มีเวลาเตรียมตัวแค่นี้เองเรอะ โอย ชั้นจะบ้า “ “ นี่อย่าเพิ่งเถียงกันสิ “ ยายแพทรีบห้ามทัพคู่กัดประจำกลุ่ม “ ตอนนี้เขาทำไรกันไปมั่งแล้วน่ะ “ “ ตอนนี้คนงานกำลังจัดไฟน่ะ แต่ยังไม่ได้ทำกับข้าว “ ไอ้พัฒน์บอกเสียงแผ่ว หน้ามุ่ยเมื่อโดนยายบีมดุ “ เออ งั้นข้าว่าเราจัดสถานที่ก่อนแล้วค่อยไปช่วยทำกับข้าวก็ได้ “ ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเมื่อเก่งเสนอ เสียงทุ่มเถียงของคนหลายคนดังลั่นจนแขกที่มาพักต้องหันมองแบบงง ๆ ไอ้พัฒนกับยายบีมยังทะเลาะกันเสียงดังเรื่องแบบการตกแต่งที่แต่ละคนเขียน ไม่มีใครยอมใคร ส่วนเสียงที่ดังอีกเสียงคือไอ้แก้วที่คอยร้องห้ามอย่างรำคาญๆ ทุกอย่างดูวุ่นวาย ไปหมด แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้เพราะทุกคนที่เหลือ นอกจากไอ้พัฒน์กะยายบีม เลือกแบบที่ไอ้แก้ว เขียนเสนอไว้ ผ่านไปกว่ากว่า 3 ชั่วโมง ทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แต่เก่งกับแก้วถูกสองสาวเกณฑ์ให้ไปช่วยทำกับข้าวก่อนที่จะทันเห็นสถานที่ตกแต่งเสร็จสมบรูณ์ ในครัวดูวุ่นวายเพราะมีแม่ครัวกับลูกมือเพียงคนเดียว เมื่อพวกของเก่งมาทำให้ป้าแม่ครัววัย 40 ดีใจจนออกนอกหน้า สั่งการวุ่นวายไปหมด เก่งกับแก้วได้หน้าที่เสียบบาร์บีคิว ส่วนแพทกะบีมนั่งหั่นขนมปังเตรียมทำขนมปังหน้าหมูอยู่ใกล้ๆกัน “ ไอ้เก่ง เมื่อวานมึงไปไหนมา ไปเล่นน้ำแล้วหายไปเลย “ ไอ้แก้วถามแต่หน้าที่อมยิ้มทำให้เก่งรู้ว่าไอ้นี่รู้อะไรดีๆ อีกแล้ว “ แล้ว เอ็งคิดว่าข้าไปไหนล่ะ “ เขาย้อมถามหยั่งเชิง “ เอ็งจะให้ข้าบอกไม๊ ว่าข้าเห็นอะไร “ อ้าว เฮ้ย นี่มันเห็นอะไรเนี้ย !!!!!! “ แหมเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันสนุกเลยนะมึง “ ไอ้แก้วบอกขำๆ “ แล้วพากันเข้าห้องไปเนี้ย ไปทำไรกัน “ “ ก็ไปอาบน้ำดิ มึงถามแปลกๆ “ เก่งบอกแต่ไม่หมดเว้นคำว่า ”อาบน้ำด้วยกัน” ไว้ “ แค่นั้นจริงเรอะ ปิดบังอะไรข้าเปล่า “ โอย! ไอ้เก่งนี่มันอ่านใจออกได้ไงวะ “ไอ้เฮียนิ มึงคิดอะไรอ่ะ “เก่งเขิน ยกตีนเงื้อขึ้นถีบเบา ๆ “ ฮ่าๆ เขินทำไมล่ะมึง ถ้าไม่อะไรมึงเขินทำไม! “ อ้าวเสร็จกันมันรู้จนได้ เก่งหน้างอใส่ไอ้แก้วที่หัวเราะอย่างมีชัย “ เฮ้ย ไม่มีไรจริงๆ นะเว้ย ก็กูอาบน้ำแล้วก็นอนพัก แค่นั้น” ไหนๆก็คิดจะโกหกแล้วเอาให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน “ เออ ไม่มีก็ไม่มี อย่าให้กูจับได้นะ นี่มึงอย่าลืมว่ากูมีสถานะเป็นแฟนมึงอยู่ “ไ อ้แก้วแซวยิ้มๆ แหมๆ ยังแสดงตัวทำหึงได้สมบทบาทเหมือนเดิม “เฮ้ย เก่งแล้วมึงจะเอาไงต่อกับไอ้เดี่ยววะ ดูมันจริงจังกับมึงนะ “ เก่งถอนใจกับคำถามที่มันหาคำตอบได้ยาก “ มันใกล้จบแล้ววะ กูมีเวลาอีก 2 วัน ที่จะอยู่กับมัน แล้วจากนั้นก้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน“ เก่งตอบแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ “ ไอ้เก่งมึงฟังกูนะ มึงไม่เห็นจำเป้นต้องทำเพื่อใครเลย ทำไมไม่ทำตามที่ใจมึงต้องการล่ะ “ เก่งถอนใจอีกเฮือก “ ก็กูบอกแล้ว กูกะมันไม่ยั่งยืนหรอก ปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไป เดี๋ยวกูคงลืมมันไปเอง “ เก่งหันมายิ้ม ยังไงความหวังดีของเพื่อนก็ยังคงทำให้เขายิ้มได้ “ ปล่อยให้มันผ่านไปน่ะดีแล้ว เรื่องของกูกะมันยังไงก็ไม่มีใครรับได้หรอก “ ..... “ เฮ้ย ไอ้เก่งกูไปอาบน้ำก่อนนะ “ เก่งหันกลับไปมอง พยักหน้าเชิงตอบรับ งานตรงหน้ายังเหลือค้างอยู่เล็กน้อย เก่งยังคงนั่งทำไปอย่างเงียบๆ ไม่มีสมาธิในที่จะทำงานตรงหน้าเลยเมื่อนึกถึงเวลาที่กำลังเดินหน้าต่อไป มันช่างรวดเร็วกว่าที่เขาจะคว้ามันเก็บไว้ได้ “ เก่ง “ เสียงของคนที่กำลังคิดถึงดังอยู่ข้างหลัง “ ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำล่ะ นี่มันมืดแล้วนะ “ ร่างสูงๆ เดินออกจากเงามืดเดินมายังที่ที่เขานั่ง “ก็ยังทำไม่เสร็จนี่ นายไปก่อนเหอะ “ เก่งหลบหน้าไม่มองหน้าตอบ การเจอหน้ากันตอนนี้มันทำให้รู้สึกชาๆในใจ “มา เราช่วย “ คนตัวสูงนั่งลงข้างๆอย่างไม่รอคำตอบ เก่งนั่งนิ่งเงียบสบตาอีกฝ่ายแววตาละห้อยโดยไม่รู้ตัว เดี่ยวก็นิ่งเงียบสบตามองเด็กน้อยของเขา เก่งถอนสายตาออกเมื่อรู้ว่าถ้ามากไปกว่านี้ทุกอย่างมันต้องถูกเผยออกมา “ เสร็จแล้ว “ เก่งลุกขึ้นถือถาดของที่เพิ่งทำเสร็จ หันไปวางรวมกับของอื่นๆที่เสร็จแล้ว “ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ” เขาบอกแล้วหันมายิ้มน้อย แล้วก้าวออกจากห้องครัว แต่ก้มีเสียงพูดของคนที่นั่งนิ่งอยู่ดังขึ้น “ เก่ง เราอยากให้นายยอมรับเรา ได้ไม๊ “ เสียงที่ดูวิงวอน ทำให้เก่งชะงักงัน มันยากที่จะให้ตัดสินใจตอนนี้ เพราะความสับสนที่มีมากในใจ เก่งสะบัดหน้าเดินหนีปัญหาที่เกิดขึ้น ทิ้งให้เดี่ยวมองมาด้วยสายตาที่ตัดพ้อ ท้องฟ้าสีชมพูม่วงของช่วงเย็นทำให้ทะเลตอนนี้ดูลึกลับลมทะเลของฤดูหนาวทำให้เก่งขนลุกเพราะความเย็น เส้อโปโลเนื้อบางสีขาวที่สวมไม่ช่วยอะไรเลย ดีหน่อยที่กางเกงขาสามส่วนของเขาค่อนข้างหนา เสียงเพลงดังคลอเบาลอยตามลมมาจากศาลากลางสวน เขาเดินมาจนใกล้ศาลา หยุดมองบรรยากาศของคืนนี้ แสงเทียนที่ถูกจุดส่องประกายวับๆ ไหวไปตามแรงลม ม่านเบาบางที่ติดไว้ปลิ้วสะบัด กลางศาลามีร่างสูงมองมา รอยยิ้มน้อยๆ ถูกส่งมาให้เมื่อเก่งเดินเข้าไปใกล้ “ มาแล้วเหรอ “ เดี่ยวก้าวเข้ามาประชิดตัว เอื้อมมือปัดผมที่ยุ่งเพราะโดนลม “ หวีผมมารึเปล่า” เสียงถามอย่างเอ็นดูก่อนจะล็อกคอให้เก่งเดินตามไปยังโต๊ะ “ “ แล้วคนอื่นละ “ เก่งแกะแขนที่ล็อกคอไม่ยอมปล่อย ถามแก้เขิน เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆหายไปกันหมด “ ไปเดินเล่นกันน่ะ “ แม้จะพูดถึงคนอื่นแต่เดี่ยวก็เอาแต่นั่งเท้าคางจ้องมองเก่ง นั่นทำให้เก่งรู้สึกวูบวาบแปลกๆ “ เราไปเดินเล่นด้วยดีกว่า “ เก่งเดินแหวกริบบิ้นที่ถูกผูกทิ้งชายลงมาจากต้นลาลาวดี ให้ดูเป็นม่านปลิ้วๆ ใจเต้นวูบไหว เก่งเดินเร็วๆมายังชายหาดที่ยังเงียบสงบ ไม่เห้นเงาเพื่อนแม้แต่คนเดียว เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาทำให้เก่งต้องหันมอง เดี่ยวนั่นเอง ที่วิ่งตามมาดึงมื่อเก่งไว้ทันก่อนที่จะเดินหนี “นายจะไปไหน ไอ้พวกนั้นมันไปทางโน้น “ อ้าวแล้วกัน !ถึงว่าไม่มีคนเลย “ นี่นายมาทางนี้ นี่คิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันรึไง “ เดี่ยวเย้าเสียงห้าวต่ำ ทำให้เก่งยิ่งหน้าแดง “ รึว่านายเกิดติดใจ “ “ ไอ้บ้า “ เก่งพึมพำ หน้าแดงจนร้อน คนตัวสูงยิ้มชอบใจดึงเก่งที่หน้ามุ่ยเข้ามากอดคอ พาเดินกลับ “ ล้อเล่นน่า แค่นี่ทำหน้างอไปได้ “ เสียงหัวเราะเมื่อแกล้งเขาให้อายได้ เก่งหันมองไปที่มือที่กอดคอ อมยิ้มกับตัวเอง แล้วเดินตามไปนิ่งๆ เมื่อแขกเริ่มหนาตา เสียงคุยดังระงมไปทั่ว เก่งหันไปมองทางไหนก็เป็น เห็นแต่หัวทอง หัวแดง อยู่เต็มไปหมด ส่วนมากที่จะมาเป็นคู่ฮันนี่มูน รึไม่ก็เป็นคู่สามีภรรยาวัยเกษียณ ทุกคู่ดูสวีทหวาน กันท่ามกลงบรรยากาศโรแมนติก ไม่เว้นแม้แต่ เพื่อนๆของเขา ! “เฮ้ย พัฒน์เป็นไง “ กลุ่มผุ้ชาย 3 คนที่แต่งตัวเหมือนนักศึกษา เดินเข้ามา ทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมอง “ อ้าวพี่พจน์ มาแล้วเหรอ “ ไอ้พัฒน์ทักอย่างคุ้นเคย “ พวกเอ็งนี่พี่ข้าพี่พจน์ลูกลุงกะป้าไง “ “ เออ หวัดดี น้องคับตามสบายนะ พี่พาเพื่อนมาเที่ยวด้วย ไอ้ตัวสูงนี่ชื่อใหญ่ ส่วนไอ้ดำนั่นชื่อโต้ “ สองหนุ่มที่เหลือ พยักหน้าให้ยิ้มๆเมื่อ เก่งและเพื่อนยกมือหวัดดี เพื่อนพี่ไอ้พัฒน์นี่หน้าตาดีกันทุกคนเลย แต่ที่แปลกคือคนที่ชื่อใหญ่มองมาทางที่เก่งนั่งอยู่อย่างตะลึงบวกแปลกใจ นั่นทำให้คนตัวสูงที่นั่งข้างๆเขาเขยิบชิดเข้ามาแล้วคว้ามือขึ้นกุม เก่งงงมองมือ ที่โดนกุม แต่คนตัวสูงยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ยักคิ้วให้กับคนที่มองมา นั่นทำให้เก่งพอจะเข้าใจว่าเดี่ยวกำลังแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ “ เฮ้ย เดี่ยวปล่อยมือ เราอายคน” แต่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แค่เดี่ยวส่งสายตาหวานเยิ้มให้ก็ทำให้เก่งนิ่งลงทันควัน หน้าแดงวูบ เพลงแนวแจ็สเบาๆ ถูกแทนที่ด้วยเพลงแดนซ์ คู่รักหนุ่มสาวหลายคู่ที่กำลังเริ่มได้ที่จากแอลกฮอลล์ เริ่มออกวาดลวดลายกลางฟลอร์ เก่งเดินตามแรงดึงจากสองสาวแพทกะบีมและแก้วให้ออกไปร่วมสนุกด้วย เดี่ยวนั่งมองนิ่งดูเก่งที่เต้นอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน กระดกเครื่องที่ถือเข้าปากเหมือนจะระงับความร้อนจากภายใน เฮ้อ ! ไอ้เดี่ยวเอ้ย สงสัยงานนี้คงได้แห้งเหี่ยวหัวโตแน่ สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มเพื่อนพี่ของไอ้พัฒน์ กวักมือเรียกพวกเขาให้ไปนั่งร่วมโต๊ะ เดี่ยวไม่สบอารมณ์ที่จะไปนั่งด้วยแต่ต้องรักษามารยาท สายตาของไอ้พี่ใหญ่ยังคงมองไปทางเก่ง ทำให้เดี่ยวรู้สึกขวางๆ สักพักคนในกลุ่มก็ขอตัวเข้าไปร่วมเต้นด้วย เหลือแต่เพียงเขากับไอ้พี่ใหญ่ “ พี่มองอะไรแฟนผมนักหนา “ เดี่ยวถามขึ้นมาแบบอดไม่ได้ “ แล้วคนไหนล่ะ แฟนนาย คนขาวๆตาโต นั่นเรอะ “ เสียงถามของอีกฝ่ายแล้วยิ้ม “ เออ นั่นแหละ ! “ แม่งรู้แล้วยังเสือกถามอีก “ เฮ้ย สบายใจได้พี่ไม่ได้มองคนนั้น พี่มองอีกคนนึงอยู่ นั่นน่ะ คนนั้น “ คนตอบพยักหน้าไปยังแก้วที่เต้นอยู่ข้างกับเก่ง เออ แล้วไป ! “ นายนี่ท่าทางหลงน้องตัวขาวนั่นน่าดูเลยนะ “ เสียงไอ้พี่ใหญ่แซวขำ เดี่ยวยิ้มให้อย่างเขิน “ ขอเดาอีกอย่างนะ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันใช่มะ “ เดี่ยวอึ้ง ทำไมรู้วะ “ งง อะสิ ดูจากอาการของน้องนั่นก็รู้แล้ว “ เดี่ยวมองหน้าอีกฝ่ายที่หัวเราะขำๆ “ พยายามเข้านะน้อง พี่เอาใจช่วย เอ้า! ชน “ เดี่ยวกระดกเครื่องดืมเข้าปาก แล้วคิดในใจ มันจะพยายามยังไงก็เหลืออีกแค่วันเดียวแล้ว เฮ้อ! กลุ้ม..... เพลงดังไกลจากจุดที่เก่งยืน รับลมอยู่ เหงือที่ซึมเริ่มแห้งเพราะลมทะเลที่พัดแรง ลมทะเลยามดึกหนาวซะจนเก่งต้องห่อไหล่ เมื่อนึถึงหนาวภาพของเดี่ยวก็ลอยเข้าหัวมา แปลกจริงๆ หนาวที่ไรต้องนึกถึงเดี่ยวทุกที สงสัยโดนกอดจนเคยตัว “ หนาวเหรอ “ เสียงนุ่มดังมาจากข้างหลัง เก่งสะดุ้งเฮือก “ ทำไมชอบมาข้างหลังเงียบวะ นายนี่ “ เก่งบ่นอย่างรำคาญเมื่อให้อีกฝ่ายยิ้ม ตาเป็นประกาย ลมหายใจกรุ่นไปด้วยแอลกฮอลล์ “เมื่อกี้เห็นนายท่าทางหนาวนะ มาเราช่วย “ เดี่ยวดึงมือขอเก่งเข้าหาตัว แต่เก่งยันหน้าอกไว้ทัน “ เฮ้ย! ไม่เอา เหม็นเหล้า นี่นายเมารึเปล่าเนี้ย “ เก่งถามพยายามแกะมือออก แต่มือแข็งๆนั้นแกะออกยากมาก คนตัวสูงยังคงปล่อยให้เก่งแสดงฤทธิ์เดชอยู่ในอ้อมแขนจนพอใจ เสียงหัวเราะขำเกิดขึ้นเมื่อเก่งมองหน้าอย่างขัดใจ สบตาลงมาด้วยแววตาประกายกล้าเข้ม จนเก่งนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด จนต้องก้มหน้าหลบตา เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นเพลงช้าจังหวะเบาๆ เดี่ยวยิ้มให้เก่งที่อยู่ในอ้อมแขน “ เต้นรำกับเรานะ “คำขอที่ทำให้เก่งเงยหน้ามองเดี่ยวนิ่งๆ งงๆ รู้สึกว่าเหมือนหูฝาดแต่รอยยิ้มที่เห็นตรงหน้าบอกให้รู้ว่ามันจริง “ นะครับ “ เสียงอ้อนวอนแผ่วๆจากเดี่ยว มีผลกับหัวใจของเก่งอย่างมาก เก่งก้มหน้าตอบรับ หัวใจเต้นตูมๆอยู่ในอก เดี่ยวเริ่มเคลื่อนตัวไปตามเสียงเพลงก้มมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนัย เก่งรู้สึกว่าตัวเองลอยเบาหวิวไปกับตามการเคลื่อนไหว โอยนี่มันไม่ไหวแล้ว มือข้างหนึ่งของเดี่ยวกดหัวของเก่งให้แนบหน้าอกของตน เก่งสัมผัสได้ถึงเนื้อตัวที่ร้อนผ่าวที่แข็งแกร่ง เสียวหัวใจของเดี่ยวที่เต้นรัวอยู่ในอกนั่นทำให้เก่งต้องเงยหน้าขึ้นมอง “ นายได้ยินเสียงของหัวใจเราไม๊ มันเต้นรัวขนาดนี้เพราะนายนะ” เสียงบอกแผ่วๆ กับลมหายใจร้อนๆทำให้เก่งหวั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเอง หน้าของเดี่ยวเคลื่อนลงมาช้า เก่งหลับตาพร้อมปล่อยใจให้ไปตามอารมณ์ ยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น “ ไอ้เก่ง ! มึงอยู่ไหน “ เสียงเรียกของเพื่อนๆ ทำให้เก่งสะดุ้งผลัดออกของเดี่ยวออก หันไปทางเสียงตะโกนเห็นเพื่อนเรียกอยู่ไกล ๆ เดี่ยวชะงักถอนลมหายใจอย่างเสียดายมองตามเก่งที่วิ่งกลับไปยัง นี่เขาเกือบจะได้จูบแห่งคำสัญญาแล้ว แต่ในที่สุดก็ชวดไปอย่างน่าเสียดาย เดี่ยวมองตามร่างเล็กที่วิ่งหนีไป นี่โอกาสสุดท้ายของเขา หลุดไปแล้ว หรือนี่……. "เฮ้ย ! ไอ้เดี่ยวหายไปไหนเนี้ย “ ไอ้แก้วถามเมื่อถึงห้องพักแล้วไม่เป็นเงาของเพื่อนอีกคน เก่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นเดี่ยวอยู่ในงานตั้งแต่ เขาแยกจากมา “ กูไปตามมันเอง “ เก่งออกเดินกึ่งวิ่งไปยังชายหาด นี่มันเป็นอะไรรึเปล่าเนี้ย เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างประหลาด เก่งวิ่งมาเจอร่างๆหนึ่งนอนนิ่งอยู่กลางชายหาด เขาวิ่งเข้าหาร่างที่นอนนิ่งอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ แต่ร่างนั่นยังหายใจอยู่ เก่งโล่งอก อ๋อมันเมานี่เอง “ เดี่ยว ตื่นๆ นอนตรงนี้ไม่ได้นะ “ นายตัวสูงที่นอนราบอยู่กับพื้นทราย ลืมตาขึ้นคว้ามือของเก่งไว้ แน่น “ เก่งเราอยากอยู่กับนาย 2 คน คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนเรานะ “เสียงอ้อแอ้แผ่วๆของเดี่ยวดังขึ้น เก่งที่นั่งยองมองหน้าอย่างชั่งใจ “ นะ เราข้อร้อง” เสียงอ้อแอ้นั่นอ้อนวอนและมันได้ผลทุกที เก่งนั่งลงอยู่ข้างคนที่ยังนอนแผ่อยู่ที่ชายหาด มองทะเลกลางดึกอย่างเงียบ ๆ อ้อมกอดอุ่นมาพร้อมลมหายใจที่เจือไปด้วยกลิ่นเหล้า “ เก่ง ทำไมใจร้ายกะเรานักนะ ทำไมไม่ตอบรับเราซักที “ คางสากวางลงบนบ่าของเก่งบ่นต่อว่าทั้งที่เสียงอ้อแอ้ “ ตอบรับเราเหอะนะ นะ “ จมูกปากและคากสากเสียดสีไปมาข้างแก้ม คนเมาก็ยังคงพึมพำอยู่ “ นะเก่ง นะ “ เสียงพึมพำเงียบลงคนข้างหลังของเก่งนิ่งเงียบไป อืมหลับไปซะแล้ว แต่ก็แขนยังกอดเขาแน่นอยู่ เก่งมองทะเลที่ซัดสาดไปมาอย่างชั่งใจ สิ่งที่ต้องเลือกตอนนี้มันคือความรัก กับ สังคม เขาจะเลือกอันไหนดี เก่งหลับตาลงแล้วบอกกับตัวเอง ช่างมันเถอะตอนนี้ ขอเป็นแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน.... เก่งลืมตาอีกครั้งเมื่อมีมือบางมือลูบหน้าปลุกให้เขาตื่น งัวเงียลืมตาก็เห็นคนตรงหน้าที่มองมาด้วยตาคมๆ “ นายตื่นแล้วเหรอ “ เก่งเงียบแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองฟ้าที่เพิ่งเริ่มมีแสงรำไร ฟ้า “ เก่งนายดูนั่น “ เดี่ยวลุกมานั่งข้างๆชี้มือไปที่ขอบฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่มาจากเส้นขอบฟ้า แสงสีแดงค่อยเข้มขึ้น เดี่ยวหยิบมือของเก่งมากุมแล้วรั้งให้เขยิบมาใกล้ “ เก่งนายจำตอนนี้ไว้ให้ดีนะ ว่าได้มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งสุดท้ายของปีนี้คู่กับเรา เพราะต่อไปเราอาจไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว นะจำไว้ นะอย่าลืมนะ” พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นทำให้เก่งใจหายนี่มันวันนี้แล้วหรือ ทำไมเวลาเดินเร็วขนาดนี้ .... มือที่ยังจับปะสานกันของเก่งกับเดี่ยว ทำให้สร้อยข้อมือที่ใส่อยู่เกี่ยวกระทบ เพื่อนๆมองมาที่มือของเก่งกับเดี่ยวแล้วยิ้มๆ แต่ไม่มีใครกล้าแซวเพราะหน้าตาของทั้ง 2 คน ไม่ได้แสดงให้รู้ว่ามีความสุข เดี่ยวเองก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา กุมมือของเก่งไว้แน่นเหมือนไม่อยากปล่อยมือนี้อีกเลย หลังจากที่ลาลุงกับป้าของพัฒน์กลับบ้านแล้ว เดี่ยวกับเก่งยังคงนิ่งเงียบแต่ก็กุมมือของกันและกันไว้ไม่ปล่อย ตลอดเวลาที่นั่งรถกลับบ้านมีไม่เสียงพูดหยอกล้อเหมือนตอนขามา มีแต่ตาของทั้งคู่ที่หันมามองสบตากันส่งผ่านความรู้สึกต่างให้กันตลอดทางที่นั่งรถกลับ “เราไปแล้วนะเก่ง “ เสียงเดี่ยวเอ่ยลาหลังจากเดินมาส่งเขาที่บ้าน มือที่กุมประสานกันมาตลอดทางถูกปล่อยออกให้หลุดจากกัน เก่งมองตามร่างสูงๆ ของเดี่ยวเดินหายไปในความมืด ความรู้สึกที่มันปั่นป่วนทำให้เก่งรู้สึกทรมาน มันเหมือนกับหัวใจเป็นอัมพาต รู้สึกชาๆอยู่ในหัวใจ เก่งมองภาพในกระจกเงาในห้องน้ำอยู่อย่างนิ่งเงียบเหมอลอย เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังโต แต่เก่งไม่ได้มองเห็นเงาตัวเอง กลับเห็นแต่หน้าของคนตัวสูงที่เพิ่งลากลับไปเมื่อกี้ ”นายตอบรับเราได้ไม๊ “เสียงคำพูดที่ยังดังก้องอยู่ในหัว เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมไม่ตอบรับเดี่ยว ทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเดี่ยวก็แสดงออกอย่างมาก ว่าคิดมากกว่าเพื่อน ทุกอย่างมันน่าจะลงตัว แต่มันติดอยู่ที่เขาคนเดียวเท่านั้น ! เขากลัวอะไร เก่งมองนาฬิกาที่ผนัง อีกครึ่งชั่วโมงแล้วก็จะเที่ยงคืน วันปีใหม่ใกล้เข้าทุกที การอาบน้ำไม่ทำให้จิตใจดีขึ้น อากาศเย็นของฤดูหนาวดูธรรมดาเมื่อจิตใจยังคงสับสน เก่งพยายามหาคำตอบว่าเพราะอะไร แต่ไม่มีคำตอบอะไรเกิดขึ้น เก่งเดินหยุดมาที่รูปวาดตรงหน้าแล้วดึงผ้าคุลมออก ภาพวาดที่ของเดี่ยวยังคงหลับใหล ทำให้เขารู้สึกอย่างจะเจอกับตัวจริงอีกครั้ง อยากจะคุยด้วยอีกครั้ง เก่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อตนถือหูโทรศัพท์ เสียงรอสายดังนานเหมือนเจ้าของบ้านไม่อยู่ เก่งถอนใจเมื่อไท่มีใครรับสาย จะวางหู “ สวัสดี ครับ “ เสียงที่อยากได้ยินดังลอดมา นั่นทำให้เขานิ่งอุนใจขึ้นอย่างประหลาด “ สวัสดีครับ !” เสียงเรียกอีกครั้งเมื่อเก่งยังไม่พูดอะไร “อืม เราเองนะ” เก่งตอบเสียงสั่นรู้สึกตันๆในลำคอ “ นายเป็นอะไรรึเปล่าเสียงแปลกๆ ไม่สบายเหรอ “ เสียงถามที่ยังคงเป็นห่วง นั่นทำให้เก่งเต็มตื้นในใจน้ำตาคลอ ความรู้สึกอยากเจอหน้ารุนแรงขึ้น เก่งมองนาฬิกาเหลือเวลาอีกไม่ถึง15 นาที “ เดี่ยว เราอยากเจอนาย เดี๋ยวเราไปหานะ “ เก่งวิ่งออกจากบ้านเมื่อวางหูไว้โยไม่รอคำตอบ นี่ยังเหลือเวลาอีกกี่นาทีนะ อีกนาทีจะเที่ยงคืน เวลาเอ๋ยอย่าเดินเร็วนักนะ เก่งใช้เวลาวิ่งมาถึงบ้านของเดี่ยวเกือบ 10 นาที คนที่นั่งรออยู่หน้าบ้านลุกขึ้นยืนรอรับหน้าตาเป็นห่วง “ นายทำไมจะมาตอนนี้ล่ะ มันดึกแล้วนะอันตราย “ เดี่ยวดึงมือให้เก่งเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน เสียงห้าวๆร้องบ่นเมื่อเห็นเขาหายใจแรงด้วยความเหนื่อย “เราจะเอาของขวัญปีใหม่มาให้นายนะ “ เก่งตอบเงยหน้าขึ้นมอง แต่เดี่ยวทำหน้างงเพราะไม่เห็นเขาถือของอะไรมา “ไหนของขวัญ “ เดี่ยวก้มหน้าลงมองหาของขวัญ “ นีไง” เก่งเขย่งสุดตัวจูบปากของเดี่ยวที่ยังไม่ได้ตั้งตัว ยิ้มให้จางๆ เมื่อถอนปากออก เดี่ยวยังคงมองเขานิ่ง “ สุขสันต์วันปีใหม่นะ “ เก่งเอ่ยทั้งน้ำตาคลอ หันหลังเดินกลับ “เดี๋ยว ! เรายังไม่ได้ให้ของขวัญปีใหม่นายเลย” มืออุ่นๆจับบ่าไว้ดึงให้เก่งหันหน้ากลับ แล้วรัดไว้ในอ้อมกอด ก้มหน้าลงจูบ เก่งหลับตารับมันไว้อย่างเต็มใจ เดี่ยวยังคงวนเวียนจูบเขาอยู่เนิ่นนาน เหมือนจะสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เขารู้ เสียงพึมพำ ดังอยู่ข้างหูเมื่อกอดเขาแนบออกไว้ “นายยอมรับเราแล้วใช่ไม๊ “ เก่งพยักหน้าตอบรับบอกกับตัวเองว่าขอทำตามใจตัวเองอีกครั้ง นั่นทำให้คนตัวโตระบายลมหายใจอย่างเป็นสุข “ งั้นเราขอแกะของขวัญที่นายให้วันนี้นะ “เสียงกระซิบกระเส่าๆ ทำให้เก่งหน้าแดง มือแข็งแรงของเดี่ยวอุ้มเก่งพาหายเข้าไปในบ้าน โดยไม่สนใจ ท้องฟ้าที่สว่างไปด้วยพลุที่ถูกจุดฉลองปีใหม่........ { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
แว่ว ๆ มาของความเหงา และ เศร้า .......แต่จบตอนลงด้วยความสุข และ ....อิ่มเอิบในใจ :o8: อยากให้บรรยากาศอย่างนี้คงอยู่นาน..............นาน :o8:
:m1: :m1: กรี๊ดสสสสสสส... แกะเลยๆๆๆ
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 18 จูบที่ร้อนแรงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด เก่งรู้สึกเหมือนจะขาดใจ เมื่ออีกฝ่ายฝั่งหน้าคลอเคลียลงที่แก้มไล่ลงมาที่หน้าอก เก่งสั่นสะท้านกึ่งกลัวกึ่งต้องการ ลมหายใจร้อนๆ ปากและลิ้นอุ่นๆ ยังคงเคลื่อนที่ไปตามแรงอารมณ์ของคนกระทำ เสื้อถูกถลกขึ้น เก่งสะท้านเมื่อความอบอุ่นถูกครอบลงที่หัวนม มือที่เกาะไว้ที่บ่าของเดี่ยว จิกลงอย่างลืมตัวหลับตาปี๋ เดี่ยวเงยหน้าขึ้นมอง หน้านั่นแดงก่ำไปด้วยอารมณ์แรง “ กลัวเหรอ “ เสียงนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเก่งหลับตา “ เก่ง ลืมตาขึ้นสิ “ เสียงเรียกที่อยู่ใกล้ ทำให้เก่งลืมตาขึ้นมอง หน้าขาวตาคม และคางที่เขียวไปด้วยรอยเครากำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม “ครั้งแรก เหรอ “ เก่งหน้าแดงพยักหน้ารับอย่าอายๆ เดี่ยวยิ้มเอ็นดู ” อย่ากลัวเรา “ เดี่ยวพูดพร้อมจัดการกับเสื้อผ้าของเก่งจนเก่งเหลือแต่ตัวเปล่านอนหายใจแรงๆบนเตียงที่ขาวสะอาด มองสำรวจทกส่วนของร่างกายเก่ง นั่นทำให้เก่งแทบละลายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เดี่ยวยิ้มจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองช้าๆ เพื่อดึงความสนใจจากเก่ง ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นเดี่ยวเปลือยทั้งตัวแล้ว แต่นั่นไม่ได้ละเอียดเท่าตอนนี้ ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาของเดี่ยวทำให้เก่งมองอย่างหลงใหล สิ่งนั้นที่อยู่กลางลำตัวแข็งขันและดูใหญ่โตเกินกว่าคาดเดา เดี่ยวยิ้มแววตาเป็นประกายเมื่อเห็นเก่งมองอย่างตื่นตะลึง เก่งหลบสายตาของเดี่ยวที่มองมารู้สึกอายที่โดนจับได้ “ มองเราสิ ทั้งหมดนี่เรายกให้นาย “ เสียงบอกที่เย้ายั่วมาพร้อมร่างกายแข็งที่โถมลงทับเก่ง ผิวที่เสียดสีกันทำให้เขาร้อนจนจะลุกเป็นไฟ “ พร้อมนะ “ เสียงกระซิบแผ่วเบาก่อนก้มลงจูบซ้ำอีกครั้ง มือสองข้างที่เคยเกาะกุมกันไว้ในตอนกลางวันตอนนี้กลับมาเกาะกุมและประสานกันไว้อีกครั้ง สร้อยข้อมือที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันแทนคำสัญญาเกี่ยวพันกันจนแกะไม่ออก เดี่ยวเลื่อนหน้าลงอีกครั้ง ยังวนเวียนจูบไซ้ไปมา มืออีกข้างที่เป็นอิสระลูบไล้ไปทั่วตัวของอีกฝ่าย เก่งครางออกมาตามแรงอารมณ์ที่เดี่ยวนำพาไป มือเกาะที่บ่าของเดี่ยวแน่น เดี่ยวยังคงเคลื่อนหน้าต่ำไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงกึ่งกลางร่างของเก่ง เดี่ยวมองมันไม่วางตา จับมันเคล้าคลึง จนขยายเต็มที เงยหน้ามองเขาแว๊บนึงก่อนจะครอบปากลง “ อา... เดี่ยว “ เก่งสะท้านร้องเสียงแผ่วเมื่อสิ่งๆนั้นของเขา สัมผัสกับความอบอุ่น รู้สึกตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง รู้สึกหวิววูบวาบตลอดเวลาที่ความอบอุ่นนั่นยังคงครอบคลุมสิ่งนั่นของเขา เก่งหอบสะท้านเมื่อเดี่ยวถอนปากออก แล้วกลับมาจูบอย่าร้อนแรงอีกครั้ง สายตาของเดี่ยวยังคงจับจ้องอาการของเก่งตลอดเวลา สายตาคมๆที่มองเขาแบบนั้นทำให้เก่งใจเต้นแทบทะลุจากอก มันดูเซ็กซี่แหลือเกิน สายตานั่นยังฉายแววเป็นปะกายเข้มๆแปลก เหมือนขอร้องอะไรบางอย่าง เดี่ยวยันตัวขึ้น ประกบตัวเข้าหาเก่ง พยายามดันอะไรบางอย่างล่วงล้ำเข้า “โอย! เดี่ยว ... เจ็บ “เก่งนิ่วหน้ากัดฟันข่มความเจ็บที่มันมากขึ้น “ อดทนหน่อยนะเจ็บมากไม๊ “ เดี่ยวหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อเห็นเก่งนิ่งหน้าน้ำตาซึม โอ เด็กน้อยของเขาคงจะเจ็บมาก เดี่ยวเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา ก้มลงจูบปลอบๆ “ อดทนหน่อยนะคนดี ครั้งแรกต้องเจ็บอย่างนี้แหละ“ เดี่ยวปลอบแล้วเริ่มดันตัวเข้าอีกครั้งจนเข้าไปหมด เก่งตัวงอดิ้นรนเมื่อความเจ็บ ปวด ตึงมันมาพร้อมกัน เดี่ยวยังคงนิ่งตรึงร่างของเก่งไว้ให้อยู่นิ่งๆ กดมือที่ปะสานกันไว้ไม่ให้ดิ้นรน “ เก่ง “ เสียงกระซิบแผ่วๆ เดี่ยวทับร่างเล็กนั่นไว้ไม่เคลื่อนไหวและยังคงนิ่งอยู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด “ เก่ง เราต้องการนาย อดทนอีกนิดนะ “ เดี่ยวจ้องหน้าเก่งนิ่ง สายตาคมกล้า ความหยาดเยิ้มของสายตาที่มองมาทำให้เก่งต้องมองตอบเหมือนต้องมนต์ เดี่ยวค่อยเริ่มขยับ ช้าและเบา และเริ่มรุกเร้าแรงขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมเข้มยังคงจ้องมองนิ่งสบตาของเก่งเหมือนบังคับไม่ให้เก่งดิ้นรน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเนิ่นนาน คนร่างเล็กที่อยู่ใต้อ้อมกอดของเดี่ยวเริ่มหอบหายใจแรงและร้องออกมาเบาเมื่อแรงขยับเปลี่ยนเป็นแรงกระแทก เก่ งรู้สึกแปลกไปหมด มันทั้งเจ็บและเสียว ความรู้สึกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตัวทั้งตัวเกร็งเขม็งไปทุกส่วน “เก่ง เราต้องการนาย ได้ยินไม๊ เราต้องการนายมานานแล้ว “ เสียงกระเส่าของเดี่ยวที่บอกพึมพำ มาพร้อมกับแรงกระแทกที่หนักหน่วงขึ้น “ เดี่ยว” แรงนั่นทำให้เก่งถึงจุดที่สุดโดยไม่ต้องทำอะไร ตัวสั่นสะท้านกอดเดี่ยวไว้แน่น “ เก่ง เรา ........” แรงกระแทกรุนแรงครั้งสุดท้าย ทำให้ร่างของเดี่ยวกระตุกถี่หลายครั้ง เดี่ยวยังมองมองหน้าเก่งนิ่งกัดกรามแน่นจนนูนเป็นสัน ตาหยาดเยิ้มมองดูเก่งที่นอนหายใจแรงๆเมื่ออยู่ใต้ร่างของเขาที่ยังกระตุกอยู่ เก่งรู้สึกเสียวซ่านไปหมดทั้งตัว เบาหวิวอย่างประหลาด เดี่ยวถอนลมหายใจยาว เหงือผุดขึ้นเต็มหน้าที่แดงก่ำ “ รู้แล้วใช่ไม๊ว่าเราต้องการนายมากแค่ไหน “ เดียวก้มลงจูบอีกครั้ง แล้วกอดเขาไว้แบนกับอกอุ่น เสียงหัวใจที่เต็นรัวของเดี่ยวเหมือนเพลงกล่อมให้เก่งเคลิ้มหลับลงไปในที่สุด เก่งเคลื่อนหน้าหลบอะไรบางอย่างสาก ๆ ที่กระทบลงมันหน้าของเขาในตอนที่เขายังคงงัวเงียอยู่ เมื่อเห็นว่ายังไม่มีที่ท่าว่าจะรู้สึกตัวก็แกล้งกวนหนักขึ้นโดยเอาคางสากๆมาวนเวียนอยู่ตรงแก้ม เก่งรำคาญปนจักจี้ ลืมตาขึ้นมอง ตาคมๆของคนที่นอนเท้าคาง มองมาด้วยแววตาเอ็นดู “ นี่เมื่อคืนแค่มีอะไรกันรอบเดียว ตื่นสายเลยเหรอ “ เก่งเหลือบมองนาฬิกา โห นี่มัน 10 โมงแล้ว เนื้อตัวที่เปลือยเปล่า ของเก่งยังถูกรัดและเกาะเกี่ยวด้วยตัวที่แข็งแกร่งของเดี่ยว ขาใหญ่ๆที่ก่ายทับทำให้เก่งขยับไม่ได้ จึงต้องชิดกับอยู่กับสิ่งอุ่นของเดี่ยว เก่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วหน้าแดงวูบขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกแปลกที่ไม่เคยรู้มาก่อน ครั้งแรกของเขาเต็มไปด้วยความประทับใจเพราะเดี่ยว ถึงแม้มันจะเจ็บระบมๆไปบ้าง เดี่ยวยังคงมองจ้องตานิ่งตาหวานหยาดเยิ้มสื่ออะไรแปลกอีกครั้ง เอ๊ะ มองอย่างนี้จะ..อีกแล้วเหรอ ! เก่งหลบตาขยับหนีแต่อ้อมแขนนั่นยังรัดแน่นอยู่ “ จะหนีไปไหนน่ะ ให้เรากอดนายก่อนสิ “ เสียงสั่งทำให้เก่งนิ่งไม่กล้าขัดใจ “ เก่ง เราชอบของขวัญปีใหม่ของนายมากนะ เรามีความสุขมากเลย “ เก่งยิ้มเขินๆ เพราะตอนนี้สถานะระหว่างเขากับเดี่ยวเปลี่ยน มันทำให้เก่งเขินจนทำตัวไม่ถูก “ ทำไมเงียบล่ะ คิดอะไรอยู่ รึจะเอาอีกรอบ “ เดี่ยวร้องถามแล้วก้มลงมาหอมแรง มือก็ลูบไล้จนเก่งโวยขึ้น “ ไม่เอาพอแล้ว “ เก่งเขินลุกขึ้นจะวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ แต่เดี่ยวคว้าเอวไว้ทัน กดร่างเก่งไว้ แล้วเอาคางแกล้งถูบ่าของเก่ง “ เฮ้ย ปล่อยจักจี้ ไม่เอา ปล่อย “ เก่งห่อไหล่หนีอย่างจั๊กจี้ เสียงหัวเราะเบาดังขึ้นข้างหูพร้อมจมูก ที่กดลงแรงๆมาที่แก้มเดี่ยวกอดเอวเล็กไว้แน่น “ เราดีใจมากนะที่มีวันนี้ ขอบใจนะที่ตอบรับความรู้สึกของเรา” เสียงนุ่มๆของเดี่ยวบอกออกมา มันทำให้ความอบอุ่นใจเกิดขึ้นมากมายกับเก่ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา... ปีใหม่ปีนี้ช่างเป็นปีใหม่ที่แสนหวานของเก่งจริง ๆ เป็นช่วงที่เขาคิดว่าความสุขมันล้นจนแทบจุกคอหอย เมื่อได้อยู่กับคนที่เขารักในช่วงปีใหม่ หลังจากค่ำคืนนั้น เดี่ยวย้ายมานอนบ้านของเก่งเพราะต้องอยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านของเก่ง เพราะกลายเป็นธรรมเนียมของบ้านเก่งไปแล้วว่าช่วงปีใหม่ทุกคนต้องอยู่บ้านเพื่อทำบุญ เดี่ยวที่แม่ของเขาเอ็นดูเหมือนลูกคนนึงก็เลยถูกดึงให้มาอยู่ที่นี่ด้วย เพราะพ่อแม่ของเดี่ยวยังไม่มีกำหนดกลับ กิจกรรมปีใหม่ของบ้านเก่งที่เก่งคิดว่ามันเหมือนเดิมทุกปี แต่ปีนี้ไม่ธรรมดาเมื่อมีเดี่ยวมาร่วมด้วย ความรู้สึกที่มันวูบวาบเกิดขึ้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน ร้อนไปหมดเมื่อเดี่ยวจงใจเดินเบียดเข้ามาใกล้ แต่เดี่ยวก็ไม่พยายามเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงเพราะเ-kห้ามไว้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากกลัวพ่อแม่และพี่จะรู้ แต่เมื่ออยู่กัน 2 คนในห้อง เก่งมักจะกลายเป็นตุ๊กตา ในคนตัวใหญ่กอดรัด หอมแก้มจนหนำใจ แต่ก็ไม่มีอะไรมากเท่าค่ำคืนนั้น แต่แค่นี้เก่งก็รู้สึกเป็นสุขใจมากๆแล้ว “ เฮ้ย ไอ้เก่ง เป็นไรเนี้ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะช่วงนี้ มีอะไรดีช่วงปีใหม่เหรอ “ เสียงทักของแก้ว ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ “ เปล่านี่ ไม่เป็นไรนี่“ เมื่อคิดถึงเดี่ยว มันทำให้เขาอดนึกถึงเรื่องวันนั้นไม่ได้ “ นี่มึงมีอะไรปิดบังกูรึเปล่า “ โอย อยากเลิกเป็นเพื่อนกับไอ้แก้วบ้านี่จริงทำไมมันจับอะไร ๆ ได้ทุกทีนะ “ ไม่มีไรนี่ กูอารมณ์ดีไม่ได้ไง “ เก่งตอบแบบไม่ใส่ใจ “ ก็ท้องฟ้ามันสวย กูเลยมองนานไปหน่อย ก็เท่านั้น “ เมื่ออารมณ์ดีก็เลยขอกวนเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน “ เออ จ้า ไอ้ศิลปิน ชักเริ่มบ้าแล้วนะมึง ระวังไว้เหอะ ฟ้าสวยๆน่ะ มันจะมาพร้อมพายุใหญ่ “ ไอ้แก้วร้องด่า ทำให้เก่งขำๆ ฟ้าสวยอย่างนี้เนี้ยนะจะมีพายุตามมา ! เก่งปาดเหงือที่ไหลลงเข้าตาของตัวเอง ถึงแม้อากาศของเดือนมกราคมจะยังเย็นอยู่ แต่การออกกำลังกายก็ทำให้ร้อนจนเหงือออก เก่งและเพื่อนกำลังเล่นบาสกันตอนเย็นวันศุกร์ก่อนกลับบ้าน เก่งยังคงวิ่งไล่ปัดป้องไม่ให้ ไอ้พัฒน์ทำคะแนนได้ แต่ไอ้พัฒน์ดันใช่ความสูงของมันให้เป็นประโยชน์ ชู๊ตลูกโด่งเข้าห่วงไปเฉยเลย เดี่ยวที่นั่งมองอยู่ข้างสนามยิ้มแล้วเข้ามาเปลี่ยนตัวกับเก่งที่หน้ามุ่ยเดินออกไป “ เดี๋ยวเราเอาคืนให้เอง แต่นายต้องให้ของตอบแทนเรานะ “ เดี่ยวกระซิบบอกก่อนวิ่งลงสนาม ปล่อยให่เก่งยังยืนหน้าแดงเพราะคำพูดเมื่อกี้นี้ ร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างสนามโดยที่ไมมีใครสนใจ เก่งหันมองเมื่อเด็กหญิงนั่นหยุดตรงหน้าเขา เป็นส้มนั่นเอง “ เก่ง ขอพูดอะไรด้วยหน่อย ตามเรามา “ เสียงนั่นดูเหมือนไม่ใช่ส้มที่อ่อนหวานเพราะมันช่างห้วนและแข็ง “ นายรู้รึเปล่าว่า เดี่ยวบอกเลิกเราแล้ว “ ดูเหมือนส้มจะอัดอั้นเพราะเมื่อเดินมาหลังโรงยิม ก็ระเบิดเสียงใส่ “ เราบอกนายแล้วว่า ให้เลิกยุ่งกับเดี่ยวทำไมพูดไม่รู้เรื่อง “ ส้มมองหน้าอย่างเอาเรื่อง เก่งมองส้มนิ่งไม่โกรธตอบเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ สายตาที่เอาเรื่องของส้มยังคงมองมาที่เก่งแล้วเลื่อนตาลงมองที่ข้อมือของเก่ง “ ตุ้งติ้งนั่นนายได้มาได้ไง “ เก่งยังเงียบบอกไม่ได้ว่าเดี่ยวให้เขา เพราะแค่นี้ ส้มก็เจ็บปวดมากอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าเดี่ยวแค่ใช้ส้มเป็นเครื่องมือเรื่องมันคงไม่จบแน่ๆ แต่การนิ่งเงียบทำให้คนที่กำลังโมโห ยิ่งเพิ่มความโมโหขึ้นมาก “ ตอบมา “ เสียงแหวดังลั่นหลังโรงยิม เก่งหน้าเสียรู้สึกสงสารส้มอย่างมาก “ เราบอกส้มไม่ได้หรอก ส้มอย่ารู้เลย “ เก่งบอกเมื่อรู้สึกผิดอยู่มากๆ “ ไม่ บอกเรามา “ส้มสั่งเสียงแข็ง “ เราเป็นคนให้เก่งเอง “ เสียงบุคคลที่3 ทำให้ส้มหันไปมอง เดี่ยวเดินตามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่คำตอบนั่นทำให้ส้มหน้าเสีย “ เรากับเก่งเป็นแฟนกัน เราไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้ว เราไม่ได้รักส้ม ขอโทษนะที่เราทำแบบนี้ “ เดี่ยวบอกในสิ่งที่ไม่ควรบอกตอนนี้ เป็นผลให้เด็กหญิงตรงหน้าตัวสั่นเทาน้ำตานองหน้า ทั้งๆที่จ้องเก่งและ เดี่ยวเขม็ง “ พวกนายมันทุเรศ “ ส้มหันหน้าวิ่งหนีไป ทิ้งให้เก่งที่ยืนมองตามอย่างรู้สึกผิด “ เดี่ยว! ทำไมใจร้ายอย่างนั้นล่ะ ส้มรักนายมากนะ “ เก่งหน้าเครียดต่อว่าคนตัวสูงตรงที่ยังคงยืนเฉย “ เราว่าเราทำอย่างนี้ดีแล้ว นายต้องการที่ให้เราหลอกส้มต่อไปรึไง “ เดี่ยวบอกเมื่อเห็นเก่งนิ่วหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ “ ถ้าเราทำอย่างนั้น มันก็จะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ที่เรากับนายจะต้องเจ็บ เราไม่อยากให้นายต้องมานั่งร้องไห้ เพราะงั้นให้เรื่องมันจบอย่างนี้ดีแล้ว “ เดี่ยวถอนใจเอื้อมมือจูงเก่งที่ยังคงหน้าเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น.... เรื่องมันจะจบแน่หรือ เก่งรู้สึกกังวลใจยังไงบอกไม่ถูก …. อ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดเขานอนไว้ทั้งคืน ทำให้ให้เก่งตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอารมณ์แจ่มใสจนลืมเรื่องเมื่อเย็นวันศุกร์ไปได้ แต่ผิดกับเดี่ยวที่ยังหงุดหงิดไม่เลิกเพราะยังไม่ได้ตามใจหวัง ก็ช่วยไม่ได้วันนี้มานอนที่ห้องของเก่งนี่นา ถ้าเสียงลอดออกไปจะทำไง “ นี่ เก่งช่วยเราหน่อยสิ “ อ้อมกอดที่ยังคงรัดเอว คางก็ยังเกยอยู่ที่บ่า “ไม่เอา เดี๋ยวแม่ได้ยิน “ “เก่งอ่ะ นะๆ “ เสียงร้องอ้อนๆของเดี่ยวทำให้ เขาใจอ่อน พยักหน้ารับอย่างเขินๆ เดี่ยวยิ้มอย่างพอใจ คว้ามือของเก่งให้กุมไว้ที่ส่วนแข็งของเขา “ ทำสิครับ “ เสียงเตือนเมื่อเห็นเก่งนิ่ง เก่งเองก็รู้สึกตื่นเต้น ครั้งที่แล้วในคืนนั้น ไม่ได้จับต้องส่วนนี้เลย ตอนนี้แค่จับมันอยู่นอกกางเกงก็รู้สึกว่ามันใหญ่ เดี่ยวหายใจแรงเมื่อขึ้นสิ่งนั่นขยายตัวโดยไม่ต้องทำอะไร เดี่ยวดึงกางเกงตัวเองลงที่ข้อเท้าแล้วสะบัดมันออก แล้วจับมือเล็กๆของเก่งกุมมันไว้อีกครั้ง สิ่งนั่นมันช่างร้อน และกำเกือบไม่รอบ เก่งมือสั่นทำอะไรไม่ถูก เสียงหัวเราะเบาๆของคนที่นานราบอยู่ทำให้เก่งหน้าแดงขึ้นอีก “ รูดมือขึ้นลงสิ เด็กน้อย” เก่งทำตามเสียงกระเส่านั่นอย่างช้า “ เร็วขึ้น สิครับ “ เก่งยังคงทำตามเสียงบงการ “ เร็วขึ้นอีก แรงๆด้วยครับ” ร่างแน่นแอ่นกายขึ้นตามแรงมือของเก่ง ร้องพึมพำสั่งเสียงกระเส่า “ อย่างงั้น แรงๆ โอย อา “ ยิ่งทำแรงตัวก็ยิ่งแอ่นตามถี่ “ โอ๊ย! “ เดี่ยวร้องแล้วตัวกระตุกถี่ๆกัดฟันแน่นจนกรามนูน กำมือบีบมือของเก่งไว้แน่น สิ่งที่เก่งจับกระตุกแรงๆ 2 ที่แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาเหมือนอย่างคืนนั้น เดี่ยวถอนใจยิ้มอย่างเป็นสุข ก่อนดึงเก่งมาจูบ แล้วจับถอดเสื้อผ้า “ คราวนี้ใช้ปากสิ “ “ ไม่เอา” เพราะความไม่เคยและสิ่งนั่นของเดี่ยวก็ไม่ใช่เล็ก จึงทำให้เก่งกลัว เก่งลุกขึ้นจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นใส่ แต่โดนรั้งเอวไว้ซะก่อน “ นะเก่งนะ “ โอย อ้อนอีกแล้ว ทำไมต้องใจอ่อนทุกที เก่งมองสิ้งนั้นของเดี่ยวอย่างกลัว ถึงแม้สีจะสดเกือบแดง แต่มันเกินทำใจ เอาวะทำเพราะรักก็แล้วกัน เก่งหลับตาอมสิ่งนั่นเข้าปาก ความรู้สึกร้อนๆ ที่มันเต้นตุ๊บอยู่ในปากทำให้เขาแปลกใจจนต้องมองเจ้าของ เดี่ยวทำหน้าเซ็กซี่มากๆ ครางออกมาเบาอย่างพอใจ สั่งเสียงแผ่ว “ ลึกๆกว่านี้อีกสิครับ “ จะให้ลึกยังไงมันก็ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เก่งรู้สึกว่าคับปากไปหมด เดี่ยวครางแอ่นเอวเข้าออก ให้เข้าลึกกว่านี้ จนเก่งหน้าแดงแทบสำลัก เดี่ยวหายใจหอบรู้สึกตัวเกร็งๆ ดึงเก่งขึ้นแล้วพลิกให้นอนหงายแทน และทำอย่างเดียวกับที่เก่งทำ “ เดี่ยว ..เรา จะไม่ไหวแล้ว “ เดี่ยวใช้เวลาไม่นานปลุกเร้าอารมณ์เก่งจนเกือบถึงจุด “ อย่าเพิ่ง เราต้องถึงพร้อมกัน “ เสียงหัวเราะเบาเมื่อเดี่ยวทับร่างของเก่งไว้ จูบแรงๆ จนเก่งอ่อนยวบไปหมด “ ทนหน่อยนะ “ เดี่ยวเริ่มแทรกของสิ่งนั้นเข้าสู่เก่งอย่างเร็วๆ เก่งเจ็บจนตัวงอ จะร้องออกมา แต่ถูกปากของเดี่ยวอุดไว้แล้วบดปากนุ่มๆ นั่น ไปมาจนเสียวซ่านไปหมด เมื่อเข้าจนสุด เดี่ยวเริ่มขยับตัวในขณะที่ยังจูบเก่งอย่างเอาเป็นเอาตาย แรงกระแทกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเก่งครางอู้อี้ในลำคอ รู้สึกเสียวซ่านจนต้องรับแรงนั่นอย่างลืมตัว แรงกะแทกหนักเข้ามาสู่เก่งอยากต่อเนื่องหลายสิบครั้ง จนในที่สุดเดี่ยวตัวเกร็งถอนปาก จ้องหน้ากัดฟันแน่น ตัวกระตุกหลายครั้ง แต่ยังไม่เลิกขยับตัว เก่งเอง ก็ครางออกมาเบาๆเมื่อตัวเองถึงจุด แล้วหลับตาพริ้มลงด้วยความเหนื่อย “ วันนี้นายเก่งมากเลยนะ “ เสียงชมที่กระซิบข้างหูทำให้เก่งลืมตาขึ้นมอง เดี่ยวยังคงทับร่างของเขาไม่ขยับไปไหน “ เดี่ยว ลุกเหอะเราหนัก “ จริงๆไม่ได้หนักอะไรมาก แต่อยู่อย่างนี้เดี๋ยวมีรอบต่อไปแน่ ตอนนี้เขากำลังเจ็บๆแสบ “ ไปอาบน้ำได้แล้ว นี่เดี๋ยวแม่จะมาแล้ว “ เดี่ยวถอนตัวออกอย่างว่าง่าย แล้วจูงเก่งเข้าไปด้วย นี่สงสัยจะได้อีกรอบแหง เฮ้อ ! ไอ้คนบ้าตัณหาเอ๊ย ! เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเก่งรู้สึกว่ามีความสุขมากๆ เพราะได้อยู่กับเดี่ยวทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้มีอะไรบ่อยๆ เพราะเก่งมักได้เลือดจากการร่วมรัก เดี่ยวเองก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร เพราะไม่อยากให้เขาเจ็บตัว แต่ก็ยังคงตามมาเคล้าเคลีย ไม่ห่างไปไหนเลย ถ้าอยู่กัน 2 ต่อ เอ้อ มีความสุขจัง นี่หล่ะมั้งการที่ได้อยู่กับคนที่รักมันเป็นอย่างนี้นี่เอง “ เป็นอะไร เหม่อเชียว “ เสียงเดี่ยวเตือนสติเมื่อ เก่งเดินยิ้ม “ ทำไมเหรอ อยากเหรอ “ เสียงแซวมาพร้อมกับข้อมือที่โอบเอวไว้ “ เฮ้ย ปล่อย “ เก่งโดดเลี่ยงออกมาเมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มมอง “ ไอ้บ้า “ เก่งเขินวิ่งหนีเข้าห้องเรียนไปคนเดียว วันนี้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างมันดูแปลกชอบกลสำหรับเก่ง เขารู้สึก ว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เขา พอรู้สึกตัวหันไปมองก็หลบตาวูบ ยิ่งเมื่อเวลาเดินคู่กันกับเดี่ยว มักจะมีสายตามองมาพร้อมเสียงกระซิบกระซาบที่เขาจับใจความไม่ได้ “ เดี่ยว นายสังเกตรึเปล่า ช่วงนี้คนโรงเรียนมองเราแปลกนะ “ เก่งบอกเมื่ออยู่กันสองต่อ สองที่สนามบาส “ก็เรามันคนหน้าดีมั้งเลยมีแต่คนมอง ทำไมหึงเหรอ “ เฮ้อ! มาอีกแล้วไอ้คนหลงตัวเอง “ เปล่าไม่ได้หึง ใครอยากได้ก็มาเอาไปสิ “ เล่นแซวกันอย่างนี้ก็เขินแย่สิ เก่งหน้าแดง “ นี่ หึงก็บอกมาตรงๆดิ” แขนที่ตรงเข้ามารัดคอเขา เสียงกระซิบที่แผ่วข้างหูทำให้เก่งหน้าแดงขึ้น เดี่ยวกดปลายจมูกลงอย่างจงใจก่อนที่เก่งจะรู้ตัวแล้ววิ่งหัวเราะหนีไปอย่างขำๆ สิ่งที่ดูแปลกในสายตาของเก่งตอนนี้ชักเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย คนในโรงเรียนดูจะสนใจในความเป็นไปของเขามากเกินพอดี “ ทุเรศวะ “ เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น จนเก่งเริ่มจับใจความได้ นี่2 คนนั่นว่าเราเหรอ แล้วมันเรื่องอะไร “ ไอ้แก้ว มึงว่าช่วงมันแปลกไม๊ วะ “ เก่งถามเพื่อนเพื่อให้แน่ใจว่าคิดไม่ผิด “ เออ ข้าก็ว่าแปลกช่วงนี้เอ็งไปทางไหนก็มีแต่คนมองเอ็งแล้วซุบซิบว่ะ “ ไอ้แก้วสรุปมาตรงใจกับของเขา “แล้วมันเรื่องอะไรวะ ข้างงไม่หมดแล้ว “ “ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันเป็นแบบนี้มา เกือบอาทิตย์แล้ว “ เก่งบอกรู้สึกกังวลอยู่ลึกๆ “ เฮ้ย ! อย่าคิดมากคงไม่มีไรหรอกน่า “ เสียงแก้วบอกกับเขาเพื่อให้เลิกคิด แต่ใครล่ะมันจะหยุดความคิดได้ นี่มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 19 “ เก่ง ! เก่ง ดูนี่เร็ว “ เสียงเรียกของ 2สาวแพทกับบีมดังจนเก่งต้องหยุดมือจากภาพวาดแล้วหันมอง กระดาษอะไรบางอย่างถูก ยื่นมาให้อย่างเร่งรีบ “ ยายบีม ยายแพท มีอะไร ทำไมต้องตื่นเต้น “ เก่งบอกเมื่อเห็นเพื่อนของเขายืนหอบเพราะวิ่งมา เขารับกระดาษตรงหน้าแล้วอ่านมัน “ ไอ้พวกคนวิปริต ไอ้คนหักหลัง แย่งได้แม้กระทั่งแฟนเพื่อน พวกนายมันทุเรศ“ เก่งจะไม่ตกใจหากมันไม่มีรูปของเดี่ยวที่กอดเขาในงานกีฬาสี อยู่ใต้ข้อความ ! “ นี่ ได้มันมาจากไหน “ เก่งถามแพทกับบีมเสียงเข้มตายังดูกระดาษไม่ยอมวาง “ เราเข้าไปดูใน web ของโรงเรียนน่ะ แล้วมันมีนี่ในกระทู้เลยเอามาให้เก่งดู “ “ เฮ้ย เก่ง ! “เสียงไอ้พัฒน์ไอ้เคนวิ่งหน้าตื่นมา “ เฮ้ย รู้เรื่องแล้วยัง “ ไอ้เคนเหลือบมองมายังกระดาษที่เก่งถือ “ อ้าวรู้แล้วเรอะ แล้วนี่ใครทำวะ “ เก่งส่ายหน้าพยายามสูดลมหายใจระงับอาการโกรธ แต่มันไม่เป็นผล “ช่างมันเหอะเรื่องนี้ เดี๋ยวมันก็เงียบไปเองแหละ “ เก่งทำเป็นไม่สนใจแต่เสียงไม่นิ่งเพราะความรู้สึกหลายอย่างประดังเข้า ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย! เก่งนั่งเงียบลงจับพู่กันวาดภาพต่อแต่มือสั่นจนเพื่อนสังเกตได้ พยายามระงับอารมณ์อย่างหนักไม่คิดอะไร ทุกคนในกลุ่มเงียบเมื่อเก่งเกิดปฏิกริยาและสีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเงียบนิ่งเกิดขึ้นเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ “ ไอ้เก่งมึงใจเย็นๆ ก่อน “ เสียงไอ้แก้วที่นั่งวาดภาพอยู่ข้างเอ่ยขึ้นเมื่อจับความรู้สึกจากสีหน้าได้ “ เราไม่เป็นไร อยากอยู่คนเดียว โทษทีนะ“ เก่งเดินแหวกกลุ่มเพื่อนหนีไปอีกทาง ความปรารถนาดีของเพื่อนตอนนี้ไม่สามารถทำให้เขาระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นมากมายของเขาได้ เก่งเดินมาหยุดอยู่ข้างของสนามบาสในโรงยิม ตอนนี้เงียบเพราะไม่มีคนซ้อม ความรู้สึกหดหู่มีมากจนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินต่อ ต้องทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างสนาม นี่ทำไมเป็นแบบนี้ ตัวเขาไม่เคยว่าร้ายใคร ทำไมเขาต้องโดนแบบนี้ ทำไมส้มต้องทำขนาดนี้ การรักคนเพศเดียวกันมันผิดมากนักหรือไงถึงทำกันอย่างนี้ ตอนนี้ในสายตาของทุกคนในโรงเรียน เก่งไม่ต่างจากหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่วิ่งหลงเข้า มีแต่คนรังเกียจ เขาเกลียดสายตาทุกคู่ที่มองเขาแบบนี้เหลือเกิน น้ำตาเริ่มไหลเมื่อจิตใจมันหดหู่อัดอั้นไปหมด เก่งก้มหน้านิ่งน้ำตาหยดลงกับพื้นเป็นรอยดวงๆ นี่คือสิ่งที่เก่งกลัวมาตลอด ทำไมมันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ “ เก่ง “ เสียงทีมาพร้อมมืออุ่นที่บีบบ่าเขาไว้อย่างปลอบโยน “ อย่าร้องไห้ “ เงยหน้าขึ้นมอง เดี่ยวยืนอยู่ตรงหน้า แต่ก็สีหน้าแย่ไม่แพ้กัน แต่ยังคงฝืนปลอบเขาที่กำลังย่ำแย่อยู่ตอนนี้ “ อย่าไปสนใจคนอื่นเลย เดี๋ยวเรื่องมันก็เงียบไปเอง” นั่นเป็นคำพูดที่เก่งคิดว่ามันคงไม่มีวันเป็นจริง เพราะตอนนี้ เหมือนทุกคนพร้อมใจกันประทับรอยไว้บนหน้าผากของเขาและเดี่ยว เป็นรอยที่ แสดงถึงบุคคลที่สังคมส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับซึ่งมันไม่อาจลบออกได้อีกแล้ว “ เดี่ยว เรากลัว “ น้ำตายังคงไหลเป็นสายแบบไม่หยุด “ อย่ากลัวเลย เราอยู่ข้างนาย เราจะดูแลนายเหมือนตอนเด็กเอง “ เดี่ยวดึงเขาเข้ามากอดแต่นั่นไม่ช่วยให้ความรู้สึกกลัวในใจของเก่งจางหายได้ “ กลับบ้านกันเหอะ “ เดี่ยวเช็ดน้ำตาให้เขาแล้วจูงมือพาเดินออกมาจากโรงยิม ถึงแม้จะเย็นมากแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีเด็กนักกีฬาที่ยังไม่กลับบ้านนั่งจับกลุ่มกันอยู่ สายตาทุกคู่มองเขม็งมายังเก่งจนเก่งต้องดึงมือออก “ แม่งคิดไงว่ะ ถึงเลิกกับผู้หญิงมาเอาผู้ชาย “ เสียงพูดคุยดังๆที่จงใจให้ได้ยิน ทำให้เดี่ยวชะงัก “กูว่าไอ้ตัวเล็กนั่นแม่งต้องลีลาเด็ดแน่เลยว่ะ ฮ่าๆๆ” เสียงคุยที่จงใจให้ได้ยินนั่นแทงเข้าที่ใจของเก่งอย่างแรง อายจนไม่รู้จะทำไง เดี่ยวกัดกรามแน่นเดินเข้าหาคนพูดโดยที่เก่งห้ามไม่ทัน “ มึงว่าใคร หะ “ เสียงเข้มเอาเรื่องจนเก่งใจหาย “ เมื่อกี้มึงว่าใคร “ “ใคร แม่งร้อนตัว ก็รับไปสิโว้ย “ เสียงอีกฝ่ายที่ไม่กลัวเกรงตอบขึ้นมา “ กูพูดลอยๆขึ้นมาไม่ได้เอ่ยชื่อมึงสักหน่อย “ เดี่ยวกัดฟันแน่นข่มอารมณ์หันหลังกลับ “ โธ่เอ๊ย ไอ้พวกวิปริตเอากันที่อื่นไม่พอ ต้องมาเอากันต่อที่โรงยิมอีกรึไงวะ “ สายตาของเดี่ยววูบขึ้นอย่างยั้งไม่อยู่ “ พลั่ก! “กำปั้นหนักๆกระแทกเข้าที่ปากคนพูดอย่างจัง จนหงายหลัง “ ไอ้เหี้ย ปากหมานักพวกมึง มึงเก่งจริงมึงเข้ามาเลย” ไอ้คนอีกฝ่ายโจนเข้าใส่เมื่อได้ยินเสียงท้า จนล้มกลิ้งคลุกกันที่พื้นอิฐทั้งคู่ “ เฮ้ย หยุด ” เก่งตะลึง วิ่งเข้าห้ามแต่ถูกลูกหลงมาจนริมฝีปากแตก เซล้ม หลายคนวิ่งเข้ามาจับแยก เมื่อเห็นเดี่ยวชกอีกฝ่ายจนจนนิ่งไป “ เฮ้ย! เก่ง “ เดี่ยวสะบัดตัวออกมาเมื่อเห็นเก่งมีเลือดซึม วิ่งเข้ามาพยุงเก่งให้ลุกขึ้น “ เป็นไรเปล่า “ เก่งส่ายหน้าตอบ แต่สายตามองไปยังไอ้คนที่ล้อเลียนเขา ที่โดนชกจนนอนหมอบ ปากและหัวคิ้วแตก “ พวกมึงจำไว้ให้ดี ถ้ามึงปากหมาอีก มึงโดนอีกแน่ “ เดี่ยวว่าแล้วจูงมือเก่งให้เดินตาม แต่มือที่จูงกลับกำแน่นจนเก่งเจ็บแต่ไม่กล้าร้อง เหมือนเดี่ยวกำลังจะสื่ออะไรให้เขา........ “ เจ็บมั้ย “ เมื่อเห็นแผลแล้วเก่งรู้ว่ามันไม่ใช่น้อยเลย นั่นทำให้เขาอยากจะร้องไห้ แต่ต้องกลั้นไว้จนน้ำตาที่คลอ เพราะถ้าร้องไห้เดี่ยวต้องไม่สบายใจมากกว่านี้แน่ๆ “ ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง “เสียงนุ่มๆของเดี่ยวบอกปฏิเสธและยิ้มให้เมื่อเห็นเก่งทำท่าจะร้องไห้ ในขณะที่เช็ดเลือดแล้วทำแผลให้เขา เดี่ยวนั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขาเสื้อนักเรียนเปื้อนๆถูกถอดออกกองไว้ แผลที่ปากเริ่มเป็นสีม่วงคล้ำแต่เลือดยังซึมอยู่น้อยๆ หัวคิ้วก็ช้ำเกือบแตก ตามตัวมีรอยช้ำเป็นจ้ำๆเล็ก เดี่ยวยังคงนั่งนิ่งมองเก่งที่กำลังน้ำตาคลอไปทำแผลไป “ แล้วแผลนายล่ะ “ เก่งส่ายหัวตอบแต่ตายังมองรอยแผลของคนตรงหน้า “เดี่ยว ทำไมต้องมีเรื่องกับพวกนั้นด้วย “ เดี่ยวนิ่งเมื่อเก่งถาม “ เดี่ยว ตอบมาสิ” “ เราไม่ชอบให้ใครว่านาย “ คำตอบของเดี่ยวไม่ทำให้เก่งดีใจเลย “ เดี่ยว ถ้างั้นนายก็ต้องไปมีเรื่องกับคนทั้งโรงเรียนเลยใช่มั้ย เพราะตอนนี้ใครๆมันก็ว่าเราทั้งนั้น “ เดี่ยวยังคงก้มหน้านิ่ง ถอนใจเฮือกใหญ่ นอนแล้วหลับตาลงไม่สนใจคำพูดของเก่ง “ เดี่ยว ฟังเรานะ นายอย่าทำแบบนี้อีก เราขอร้อง” เก่งนั่งลงข้างคนตัวใหญ่ที่นอนหลับตานิ่ง ไม่สนใจเรื่องที่เขาพูด “ เราขอร้องนะ เราไม่อยากให้นายโดนทัณฑ์บน “ แต่คนนอนก็ยังนอนนิ่งแบบไม่ใส่ใจ เก่งถอนใจเฮือกรู้สึกกลุ้มไปหมด “ ถ้านายหลับแล้วเรากลับบ้านล่ะนะ “ ก่อนที่เก่งจะลุกขึ้นแขนอุ่นก็รัดเอวไว้แน่น คางของคนกอดยังคงวางเกยที่ไหล่เขาเหมือนเดิม เก่งชอบให้เดี่ยวเกยคางไว้อย่างนี้เหลือเกิน “ อย่าเพิ่งไปสิ เรายังไม่หลับเลย “ จมูกโด่งกดลงมาที่แก้มพร้อมเสียงพูด “ งั้นนาย ก็ได้ยินที่เราพูดนะ ทำตามด้วยล่ะ “ เก่งยังคงย้ำเพราะแน่ใจว่าเดี่ยวคงจะไม่ทำตามแน่ “ นายอย่าห่วงเราเลย เราดูแลตัวเองได้” เดี่ยวกอดรัดจนแน่น คางยังคงเกยอยู่ที่บ่านิ่งไม่ไปไหน “ เก่ง คืนนี้นอนนี่นะ “ เก่งเงียบไม่มีคำตอบ ความอบอุ่นในวันนี้ไม่สามารถลบความกังวลใจที่เกิดขึ้นมากมายได้ “ นะ นอนนี่นะ พรุ่งนี้พ่อแม่เรากลับแล้ว อีกหน่อยก็ไม่ค่อยมีโอกาสนอนด้วยกันแล้ว “ เสียงอ้อนวอนนั่นทำให้เก่งไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ลงเลยซักที……… เก่งลืมตาขึ้นในความมืด เวลาเลยเที่ยงคืนมานานแล้ว ทำไมคืนนี้เป็นคืนที่หลับยากสำหรับเขา อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้เขาต้องคิดหนัก ถ้าเกิดขึ้นกับเขาคนเดียวมันก็ยังพอที่จะรับได้ แต่นี่กลับมีเดี่ยวติดเข้ามาด้วย ความจริงเก่งรู้ว่าเดี่ยวนั้นกังวลเรื่องนี้มากไม่แพ้เขา แต่ยังพยายามทำเข้มแข็งไม่สนใจเพราะกลัวว่าเก่งจะยิ่งกังวลหนักขึ้น เก่งมองหน้าเดี่ยวที่มีรอยช้ำอยู่ น้ำตาไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ทำไมเดี่ยวต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาด้วย เขาเองไม่ได้ทำอะไรเพื่อเดี่ยวเลย ถึงแม้เดี่ยวจะบอกว่าทนได้แต่มันคงไม่นานหรอกเพราะคลื่นของสังคมที่มันซัดโถมเข้ามันรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ เก่งคิดว่ามันต้องไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่ ถ้ายังเป็นอย่างนั้นเดี่ยวอาจจะต้องเสียอนาคตเพราะเขา เขาต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ เก่งยังคงมองหน้าคนที่หลับอยู่ข้าง มองเดี่ยวทั้งที่น้ำตายังคงไหล เก่งยังคงมองนิ่งเหมือนจะจำภาพเหล่านี้ไว้ เมื่อตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง “ ขอโทษนะเดี่ยว “ เก่งลูบหน้าของคนตัวสูงที่ยังนอนกอดเขาไว้อย่างเบามือ แกะมือนั่นออก แล้วลุกขึ้นเดินจากห้องนอนของเดี่ยวมายังประตูบ้าน แล้วเปิดประตูออกไปสู่ความมืดภายนอก...... “เก่ง นายกลับไปตอนไหนน่ะเราไม่รู้สึกตัวเลย“ เดี่ยวถามเมื่อเห็นเก่งนั่งอยู่ในห้องเรียนแต่เช้าตรู่ เดินยิ้มเข้าไปพร้อมวางมือลงบนบ่าของเด็กน้อยของเขา แต่อีกฝ่ายปัดมือออกลุกขึ้นเดินหนีไปทั้งที่ยังไม่ได้ตอบอะไร นั่นทำให้เดี่ยวงงมากเพราะอยู่ๆเก่งก็แปลกไปเป็นคนละคนกับเมื่อวาน “ เป็นไรอ่ะ งอนอะไรเรา “ เดี่ยวถามเพราะไม่แน่ใจว่าตนทำอะไรพลาดไปรึเปล่าเมื่อมองสายตาของเก่งที่มองมายังมันดูเย็นชา จนเดี่ยวรู้สึกใจหาย “ นายโกรธอะไรเราน่ะ เก่ง บอกเราสิ “ เดี่ยวเดินตามทันจนคว้าข้อมือไว้ได้ “ เฮ้ย ปล่อยมือ “ เสียงเก่งฟังแปลกดูไม่เหมือนคนเดิม “ ไม่ บอกเรามาก่อนนายโกรธอะไร “ เดี่ยวยังกำมือไว้แน่น “ ไม่มีไร ที่นี่ก็ปล่อยมือได้แล้ว ปล่อย! “ เก่งกระตุกมือกลับแล้ววิ่งหนีหายไป ทิ้งเดี่ยวให้ยังยืนงงกับปฏิกิริยาแปลกๆ หลายวันที่ผ่านมาเดี่ยวรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเก่ง ผิดปกติไปจากเดิม คอยหลบหน้าเขาทุกครั้งที่เจอกัน หนีกลับบ้านก่อน และไม่ยอมพูดคุยด้วยเลยแม้แต่คำเดียว นี่ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเก่งแน่ๆ แต่เดี่ยวยังไม่รู้แค่นั้นแหละว่าอะไร แต่การที่เก่งทำอย่างนี้มันทำให้เดี่ยวเริ่มรู้น้อยใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เก่งโกรธเขารึเปล่า แล้วโกรธเรื่องอะไร เดี่ยวยังคงสงสัยเพราะไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น ยิ่งช่วงนี้ไม่ได้นอนด้วยกันเลยตั้งแต่พ่อแม่กลับมาจากดูงานนั่นทำให้เดี่ยวคิดถึงเด็กน้อยของเขาแทบบ้า เขาอยากรู้ตอนนี้เก่งกำลังจะทำอะไร “ ไอ้แก้ว กูกลับบ้านก่อนนะ “ เสียงเก่งตะโกนบอกเพื่อนเมื่อไอ้แก้วเดินมารอเพื่อจะไปห้องชมรมด้วยกัน “ เฮ้ย วันนี้ต้องเข้าชมรมนี่ ทำไมรีบกลับว่ะ “ เสียงไอ้แก้วถามอย่างสงสัย เก่งรู้ว่าเพื่อนของเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นช่วงนี้แต่ไม่กล้าถามเพราะเห็นเก่งยังนิ่งเงียบดูน่ากลัว “ ถ้าอาจารย์ถามก็บอกแกแล้วกันว่า กูปวดหัว ขอกลับก่อน ไปแล้วนะ “ เก่งไม่สนใจเสียงท้วงติงเดินออกจากโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินพ้นจากประตูโรงเรียน เก่งถอนใจเฮือกรู้สึกเหมือนโยนของหนักอึ้งทิ้งไปจนไปหมด การที่ต้องแบกอะไรไว้คนเดียวโดยที่ยังต้องทำหน้าเฉยๆ ยิ้มชื่นตลอดเวลา มันทำให้รู้สึกเหนือยล้ามากจริงๆ เก่งเดินกลับบ้านมาคนเดียวทางเดิมอย่างเงียบๆ ทางเส้นนี้เขาเดินมาจนคุ้นเคยแล้วเพราะมันมากกว่า 4 ปีที่ต้องเดินมาทางนี้ทุกวัน แต่ไม่มีวันไหนเลยที่กลับบ้านทางนี้แล้วรู้สึกอย่างนี้ รู้สึกทรมานที่ต้องทำอะไรอย่างตอนนี้ เก่งชะงักเมื่อเดินถึงสระบัวริมทาง ร่างใครบางคนยืนมองอยู่เงียบๆ นั่นทำให้เขาก้าวเดินหน้าต่อไปอย่างยากลำบาก แต่ทุกอย่างมันต้องดำเนินต่อไป “ เก่ง “ เสียงเรียกดังๆของเดี่ยวมาพร้อมมือที่คว้าแขนไว้ทัน เมื่อเก่งเดินเลยไม่สนใจ “ ทำไมเดินหนีเรา ไม่เห็นเรารึไง “ เสียงมีแววโกรธแต่คนพูดพยายามระงับอารมณ์ “ แล้วนี่ ช่วงนี้ทำไมต้องคอยหลบหน้าเรา โกรธอะไรทำไมไม่บอก “ “ เราไม่ได้เป็นไรนี่ ปล่อยมือเราจะกลับบ้าน” เก่งร้องบอก แกะมือที่กำแขนออกแต่ไม่หลุดเพราะมือนั่นแข็งแรงเกินกว่าแรงของเขา “ แล้วไอ้ที่เป็นอยู่อย่างนี้มันอะไร บอกเรามา” มือที่เริ่มบีบแรงขึ้นเหมือนจะบังคับให้เก่งบอก ” เจ็บ ปล่อยมือนะเว้ย “ เก่งหน้านิ่วด้วยความเจ็บ เดี่ยว ขอร้องล่ะ อย่าถามอีกเลย ! แต่เดี่ยวก็ยังคงกำแน่นไม่ปล่อย “ ก็บอกมาดิ “ แรงบีบนั่นทำให้เก่งเงยหน้ามองเดี่ยวที่มองมาด้วยสายตาที่ดุคม เดี่ยวขอโทษนะ ! “ เดี่ยวนายยังจำสัญญาตอนที่อยู่หัวหินได้นะ “ เก่งก้มหน้าลงต่ำซ่อนตาที่เริ่มแดง “ เราอยากให้นายเลิกยุ่งกะเราซะที” หน้าของเดี่ยวที่แดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แรงบีบยิ่งมากขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ “ ทำไม หะ ทำไม นายบอกเรามาซิ ว่ามันทำไม “ เดี่ยวถามเสียงดัง อารมณ์โกรธรุนแรงขึ้นเมื่อเก่งยังคงก้มหน้านิ่งไม่มีเสียงตอบกลับมา “ เงียบทำไมเล่า ก็บอกมาเด้! “ แรงเขย่าที่มาจากความโกรธทำให้เก่งนิ่วหน้าเงยขึ้นมองหน้าของเดี่ยวที่โกรธจัด อย่าถามอีกเลย พอแล้ว! “ พูดสิ ! “ “งั้นนายฟังเราดีนะ เราเบื่อนาย เราเบื่อสิ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ มันเป็นเพราะนายที่ทำให้เราต้องอายคน ทีนี้รู้แล้วใช่ไม๊ งั้นก็เลิกยุ่งกับเราซะที “ เก่งแกะมือนั่นจนหลุดเดินหนีไปไวๆ ไม่อยากจะตอบคำถามอะไรอีกแล้ว “ ไม่ เก่งอย่าเพิ่งไป “ เดี่ยวคว้าข้อมือของเขาไว้ทันก่อนที่จะวิ่งหนีไป เสียงสั่นๆ บอกถึงความสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ” แต่เรากับนายรักกันนะ แล้วทำไมต้องให้มันเป็นแบบนี้ “ “แต่ เราไม่ได้รักนาย ปล่อย “ เก่งดึงมือคืนแต่มือกำแน่นเกินกว่าจะสะบัดหลุดได้ การบอกเดี่ยวอย่างนี้ทำให้เขาต้องพยายามกลั้นน้ำตาไว้สุดฤทธิ์ “ เก่ง เราไม่เชื่อนาย นายโกหก ถ้าไม่รักเราแล้ว ทำไมนายต้องยอมเรา ที่นายยอมเราเพราะนายรักเราใช่มั้ย” “แล้วนายเคยได้ยินเราบอกว่าเรารักนายรึยัง ที่เรายอมนายเพราะมันเป็นความต้องการทางกายเท่านั้น นายมันก็แค่อารมณ์ๆหนึ่งของเรา เราไม่ได้คิดว่าจะรัก นายสำคัญตัวผิดไปแล้ว “ เก่งพยายามฝืนยิ้มเยาะทั้งที่น้ำตาคลอ “ ถ้ารู้แล้ว ก็เลิกยุ่งกับเราซะที “ มือที่กำข้อมือเขาไว้แน่นคลายออก สายตาตัดพ้อที่มองมามีแต่คำถาม เก่งหันหน้าหนีหลบหน้าของเดี่ยวเมื่อรู้สึกน้ำตาปริ่มๆเกือบจะไหล พยายามกัดฟันไม่ให้มันไหลออกมา “ เราเข้าใจแล้ว เรามันโง่เอง “ เสียงของเดี่ยวแทงเข้ามาที่ใจ ทำให้เก่งต้องหันมองตามเมื่อคนร่างสูงที่เขารักเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปเรื่อยๆ น้ำตาของเขาที่กลั้นไว้ก็พังทลายเหมือนทำนบแตก เก่งทรุดตัวนั่งลงเงียบๆข้างทางปล่อยให้น้ำตานองหน้าอย่างไม่อายใคร................ “ เฮ้ย ! ไอ้เก่งทำไมตาบวม เป็นไรเปล่า“ เสียงไอ้แก้วถามเมื่อเห็นสภาพของเขาเมื่อโผล่เข้ามาในห้องเรียน นั่นคงเป็นผลมาน้ำตาเมื่อคืน เก่งมองไปทางคนตัวสูงที่คุ้นเคยแว๊บนึงแล้วนั่งลงตรงที่นั่งตัวเอง ไม่มีแววตาที่มองอย่างห่วงใยจากเดี่ยว ไม่แม้แต่จะมองเขา เก่งรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครคนนั้นมาเหลียวแลอีกแล้ว เก่งพยายามกัดฟันข่มไม่ให้น้ำตาไหล ต้องอดทนไว้ ถึงแม้จะอยากคุย อยากมองหน้า แต่ตอนนี้มันคงทำไม่ได้แล้ว ความรู้สึกแว๊บนึงเกิดขึ้นทำให้เขาอยากบอกความจริงทุกอย่างให้เดี่ยวรู้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นทุกอยากต้องเหมือนเดิมอีกครั้งและคราวนี้เรื่องคงไม่เงียบง่าย การเจอหน้ากันช่วงนี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานใจสำหรับเก่งที่ต้องกลายเป็นอากาศธาตุในสายตาของเดี่ยว เดี่ยวคงเจ็บกับคำพูดของเขา แต่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ดีแล้ว ข่าวลือบ้าๆนั่นมันจะได้จบลง เดี่ยวจะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์ทรมานกับสายตาคนอื่น “ไอ้เก่ง พวกกูมีเรื่องจะถามมึง “ เสียงของเพื่อนในกลุ่มที่เดินเข้ามานั่งล้อมรอบ ทำให้เก่งหันมองแว็บนึงแล้วหันไปทำงานต่อ “ มีไรล่ะ ถามมาดิ “ เก่งบอกในขณะที่ยังสนใจกับงานตรงหน้า “ มึงกับไอ้เดี่ยวช่วงนี้เป็นไรกันวะ ไม่เห็นคุยกันเลยนะ “ ไอ้แก้วเริ่มก่อนหลังจากที่เกี่ยงกันอยู่นาน “ ไม่มีไรนี่ ก็แค่ไม่คุยกัน “ เก่งยังคงวาดภาพต่อไปเรื่อยๆ แต่ในใจจี้ดขึ้นเมื่อ พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “ ก็แล้วทำไมไม่คุยกันวะ มันเพราะอะไรล่ะ “ ไอ้เคนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่อึดอัดกับท่าที่ของเก่ง “ กูบอกไม่ได้ พวกมึงอย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไม๊ กูยังไม่อยากบอก “ “ มึงทำไมบอกพวกกูไม่ได้ มึงไม่เห็นพวกกูเป็นเพื่อนหรือไง “ เสียงไอ้พัฒน์ทำให้เก่งหยุดมือ หันกลับมองหน้าทุกคนที่นั่งล้อมวงเขาอยู่ “ เพราะกูเห็นพวกมึงเป็นเพื่อนน่ะสิ กูถึงไม่บอก กูรู้ว่าพวกมึงหวังดี อยากให้กูเข้าใจกับมัน แต่ที่กูไม่คุยกะมันกูมีเหตุผลของกู รอให้ทุกอย่างมันผ่านไปก่อน “แล้วนายกำลังทำอะไรอยู่บอกพวกเราไม่ได้เหรอ “ บีมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพราะ พวกที่ถามก่อนหน้านี้เริ่มโมโห จากการนิ่งเงียบของเก่ง “ เราบอกไมได้ตอนนี้ พวกนายเข้าใจเรานะ ไม่ต้องห่วงเรา เราเข้มแข็งพอ “ เก่งหันมองหน้าเพื่อน ที่มีแต่สายตาที่มองเขาแบบไม่เข้าใจ แล้วหันกลับวาดรูปต่อที่ทั้งเพื่อนยังคงนั่งมองเขาอย่างเงียบๆ เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆทำให้เสียงล่ำลือในตัวของเขาและเดี่ยวเงียบลง พอๆกับที่เดี่ยวและเก่งไม่เคยเฉียดใกล้กันอีกเลย เก่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะทุกคนลืมง่ายหรือเพราะเห็นเก่งกับเดี่ยวต่างฝ่ายต่างทำเหมือนไม่รู้จักกันเรื่องถึงได้เงียบได้ แต่ที่รู้อยู่ตอนนี้คือ เก่งกับเดี่ยวไม่ได้คุยกันอีกเลย แต่ละฝ่ายทำหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนเมื่อเผอิญต้องเดินผ่านกัน มันคงจะดีแน่ถ้าเขากับเดี่ยวเกลียดกัน แต่ไม่ใช่กับเก่ง ในเมื่อเขายังไม่เลิกรักเดี่ยว ทรมานทุกครั้งที่ต้องเจอหน้ากันแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เสียใจแต่ต้องฝืนยิ้มทำร่าเริงเพื่อให้เพื่อนๆที่คอยจับผิดอยู่ไม่ให้สงสัย เก่งเบื่อที่จะต้องทรมานอย่างนี้แล้ว แต่ปมที่ตัวเองผูกไว้ มันแก้ไม่ออกจำต้องปล่อยให้มันรัดตัวเองให้ทรมานต่อไป ลมหนาวผ่านไปพร้อม การสอบปลายภาคของ ม.5 เก่งยุ่งมากจนลืมเรื่องของเดี่ยวไปชั่วขณะ การสอบเป็นสิ่งสำคัญมาก การรักใครแล้วการเรียนตกต่ำมันคงทำให้เขารู้สึกแย่ไปกว่านี้อีกแน่ๆ แต่ว่างเมื่อไหร่ ภาพต่างที่อยู่ในความทรงจำช่วงปีใหม่มักจะผุดขึ้นมาตลอด ความฟุ้งซ่านดูจะมากขึ้นเมื่อปิดเทอม เมื่อไม่มีการติดต่อมา ไม่มีการง้อเหมือนคราวก่อน ความเหงาเริ่มคืบคลานเข้าหาเก่ง จนต้องเก่งตัดสินใจเรียนพิเศษบางที่การมีอะไรทำให้ยุ่งๆอาจคลายเหงาได้บ้าง ถึงแม้จะเบื่อ แต่ดีกว่าการนั่งเศร้าอยู่กับบ้าน แปลกที่ตอนนี้ไม่ร้องไห้ ไม่มีน้ำตา แต่ไม่เคยลืม และคิดถึงทุกครั้งที่มองตุ้งติ้งที่ใส่อยู่ที่ข้อมือ อยากคุยกับเดี่ยวอีกครั้งเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเดี่ยวจะเกลียดเขาแล้ว แต่ยังไงก็อยากคุย..... เก่งก้าวเข้ามาที่ห้องรับแขกด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นน้า น้าอรแม่ของเดี่ยวนั่งอยุ่ที่โซฟาและอีกคนก็เป็นคนที่เขาคุ้นเคย เก่งยกมือไหว้น้าอรที่ยิ้มให้ แต่ตามองไปยังคนร่างสูงที่มองมาด้วยสายตาว่างเปล่า สายตานั่นทำให้เก่งจุกขึ้นมา “เก่ง รีบไปติวรึเปล่า นั่งคุยก่อนสิ “ เสียงแม่ของเก่งบอก “ เก่งสายแล้วแม่ ไปแล้วนะ “ เก่งรีบผลุนผลันออกจากบ้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแม่ เขารู้สึกน้ำตามันกำลังจะไหลหลังจากที่สบตากับตาคู่นั้น ตาที่ไม่มีเขาอีกแล้วตอนนี้ …… สายตานั่นยังคงติดอยู่ในหัวของเก่งจนถึงเปิดเทอม นั่นทำให้เขาไม่กล้าเจอเดี่ยวอีกเลย เก่งกลัวที่เห็นความเย็นชาจากสายตา วันเปิดเทอมวันแรกเก่งเดินออกจากบ้านมาทางเดิม ทางที่เขาเดินไปโรงเรียนตั้งแต่ ม.1 นี่มันก็ เป็นปีที่ 6 แล้ว เส้นทางยังไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่เหมือนกับผู้คนที่สัญจรไปมาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เก่งหยุดยืนมองหน้าบ้านที่เป็นซุ้มไม้เลื้อนดอกหอม หวังลึกๆว่าจะได้เห็นคนตัวสูงขี่จักรยานออกมาจากบ้านแล้วรับเขาไปโรงเรียนด้วยกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่หวังไม่ได้เกิดขึ้น บ้านยังคงเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ เก่งถอนใจเฮือก ความรู้สึกอยากเจอหน้าของเดี่ยวรุนแรงขึ้น แต่ไม่แน่ใจเลยว่าเดี่ยวต้องการเจอเขาหรือไม่ " เฮ้ย เก่งเป็นไงมั่ง ช่วงปิดเทอมหายเงียบไปเลย " เสียงไอ้แก้วร้องทักตบมือลงที่บ่าเบาๆเป็นการทักทาย " ก็ปิดเทอมว่างเลยไปติวอ่ะ แล้วเอ็งล่ะ " เก่งหันมองเพื่อนที่อยู่ข้างหลังนั่งลงอยู่ข้างหลังเขา ตาเหลือบเลยไปมองยังที่นั่งประจำของเดี่ยว สายแล้วทำไมมันยังไม่มา " ทำงานพิเศษว่ะ ไอ้เดี่ยวมันส่งข่าวมายัง แล้ววันไปมึงไปส่งมันรึเปล่าวะ " เก่งงงกับคำถามที่ไอ้แก้วถามเขา " ใครส่งใครวะ ไม่รู้เรื่อง แล้วใครไปไหน " " อ้าว ก็ไปส่งไอ้เดี่ยวไง " เก่งขมวดคิ้ว งุนงงกับคำพูดของเพื่อน " ไอ้แก้ว มึงพูดใหม่ดิ ไอ้เดี่ยวมันไปไหน " "มึงไม่ต้องมาอำกูเลย อย่าบอกว่ามึงไม่รู้ว่ามันไปไหน "เสียงล้อของเพื่อนไม่ได้ทำให้เก่งหายงุนงง นี่มันอะไร เดี่ยวไปไหน " เฮ้ย นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอ ไอ้เดี่ยวมันเอ็นท์ติดทางเหนือแล้วมันก็ไปรายงานตัวแล้วตั้งแต่อาทิตย์ก่อน มันโทรมาบอกกูไว้ “ เก่งอึ้งเงียบแทนคำตอบนี่ไอ้แก้วมันพูดจริงรึแกล้งอำ “กูนึกว่ามึงรู้แล้ว ถึงว่าตอนกูถามมันว่าดีกับมึงรึยัง มันเงียบเลย " เก่งนิ่งรู้สึกว่าชาวูบขึ้นในหัวใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน โกหกใช่มั้ย " กูไม่รู้เรื่องเลย มันไม่ได้บอกกู " เก่งตอบเสียงแผ่ว ใจหายวูบลงรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลย " เฮ้ย เก่งมึงไม่เป็นไรนะ " " ไม่ ไม่เป็นไร “ เก่งเสียงแผ่วมากจนไอ้แก้วมองอย่างจับสังเกต แต่เสียงอาจารย์ที่เดินเข้าห้องมาทำให้แก้วนั่งลงในที่ของตัวเองแต่ตายังคอยเหลือบมองเก่งอยู่ตลอดเวลาเรียน “ กลับมาแล้วเหรอเก่ง “ เก่งยิ้มให้แม่ที่กำลังทำกับข้าวในครัว ” นี่เดี่ยวส่งข่าวมาบ้างรึยังน่ะลูก ไปตั้ง 2 อาทิตย์แล้วนี่ อยู่หอพักคนเดียวซะด้วย “ เก่งหุบยิ้ม นี่แม่ของเขาก็รู้เหรอนี่ “ แม่รู้เรื่องเดี่ยวด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกผมเลย“ ”อ้าวเก่งยังไม่รู้เหรอ แม่นึกว่าเดี่ยวบอกเก่งแล้ว ก็วันนั้นที่น้าอรกับเดี่ยวมาลา เก่งกำลังรีบนี่เลยยังไม่รู้เรื่อง อรกะโด่งน่ะเขาไปประจำอยู่ที่บริษัทแม่ที่เมืองนอก จริงๆ จะเอาเดี่ยวไปด้วย แต่เดี่ยวสอบติดที่เชียงใหม่ซะก่อน เลยปล่อยให้เรียนที่นั่นไป นี่ตอนนี้อรกะโด่งเป้นไงมั่งน้อ ไม่ส่งข่าวเหมือนกัน นี่เก่งอย่าลืมติดต่อหาเดี่ยวนะแม่เป็นห่วง อ้าว เก่งไม่ฟังแม่พูดเลย “ เก่งไม่มีแรงฟังสิ่งที่แม่พูดอีกแล้ว กัดฟันเดินขึ้นห้องตัวเองเงียบๆ เมื่อปิดประตูห้องทุกสิ่งทุกอย่างที่ทนเก็บไว้ก็ระเบิดออกมา เก่งนั่งมองภาพของเดี่ยวที่ตั้งอยู่มุมห้อง มองทั้งที่น้ำตาไหลไม่หยุด เดี่ยว ไปแล้ว ....... ไปโดยไม่บอกลา ....... ไปโดยที่ยังโกรธเขา......เดี่ยวไม่สนใจเขาอีกแล้ว ..... เก่งกอดเข่าแน่นตัวสั่นไปหมด น้ำตายังไม่หยุดไหล รู้สึกเหงาสะท้านอยู่ในใจลึกๆ เมื่อรู้ว่าเดี่ยวไม่สนใจเขาอีกแล้ว ต่อไปนี้เขาจะไม่มีเดี่ยวเคียงข้างอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ลมหน้าร้อนพัดเขามาแรงๆจนกระดาษปลิว เก่งไม่สนใจที่จะเก็บ เพราะสิ่งที่อยากจะเก็บคือ ความรักของเดี่ยวที่เขาทำหลุดมือปลิวหาย ไปกับสายลมในฤดูร้อน { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
:m15: :m15: :m15: อ่านแล้วเศร้าน้ำตาคลอเลยอ่ะ....+1
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 20 ( อวสาน ) เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังรัว ทำให้เก่งต้องนิ่วหน้ามองระหว่างวิ่งวุ่นใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องของตังเอง ไอ้พัฒน์โทรมาอีกแน่เลย เฮ้อเซ็งจะเร่งอะไรกันนักหนาวะ เก่งจะปล่อยให้เพื่อนรอสายนานๆ แต่ก็รำคาญเสียงโทรศัพท์ จนต้องกดรับ “ มึงไรของมึงนักหนาหะ กว่าจะรับโทรศัพท์โคตรนานเลย “เสียงที่พูดมาตามสายดังกวนทีนเขาดีแท้ “กูแต่งตัวอยู่ “ เก่งบอก “ อะไรมึง นี่กูนัดมึงกี่โมง เนี้ย แล้วนี่เพิ่งแต่งตัวมึงจะรอให้ผับมันปิดก่อนรึไงถึงมา “ อ้าวไอ้นี่พูดงี้เรอะ มึงตาย! “ เออ งั้นกูไม่ไปก็ได้ เที่ยวให้สนุกนะพวกมึง “ เก่งพูดแกล้งเสียงเข้มใส่ลงโทรศัพท์ “ เฮ้ย เดี๋ยวๆ ไอ้เก่งอย่าเพิ่งงอน กูล้อเล่น ชิบหายนี่มึงอย่าโกรธจริงดิ ไอ้แก้วมาช่วยกูหน่อย “ ได้ผลแฮะ เก่งยิ้มสะใจ เสียงไอ้แก้วลอดสายมา “ ไอ้เก่งเมื่อไหร่มึงจะเลิกอำมันซักทีวะ “ อ้าวไอ้นี่รู้อีก เก่งหัวเราะขำ “ ฮ่าๆ เออ มันส์ดี พวกมึงล่วงหน้าไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอกูกำลังจะออกจากบ้าน เดี๋ยวไปตามไป เออ ok หวัดดี” เก่งวางสายจากเพื่อนอย่างขำๆ เดินเช็ดหัวที่เพิ่งสระไปมาอยู่ในห้อง หยุดยืนอยู่ตรงรูปของเดี่ยวที่บัดนี้ แขวนอยู่โดดเดี่ยวไม่มีมีรูปอื่นแขวนคู่ไว้เลย ห้องของเก่งดูเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เคยมีรูปติดไว้เยอะแยะมากมายก็กลายเป็นผนังโล่ง ๆ เพราะรูปส่วนใหญ่ที่วาดเก็บไว้ ขายไปบ้าง ให้คนอื่นไปบ้าง จะมีก็แต่รูปนี้แหละ ที่เขายังตัดใจขายไม่ได้สักที รู้สึกหวงแหนมันมากเหลือเกิน เพราะ มันเป็นสิ่งเดี่ยวที่ทำให้เขารู้สึกว่าเดี่ยวยังคงมีเยื้อใยกับเขาอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นการหลอกตัวเองก็ตาม แต่เขายังคงขอหลอกตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ถึงเวลาผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้วก็ตาม แต่ เวลาก็ไม่ทำให้เก่งลืมเรื่องต่างๆได้สักที นั่นเป็นเพราะ เขาไม่อยากลืมหรือไม่พยายามก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะภาพนี้ เพราะเมื่อเก่งมองภาพนี้ที่ไร เหมือนกับได้เจอเดี่ยวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงใกล้ๆกัน เฮ้อ นี่เขายังไม่เลิกเพ้อเจ้ออีก ! หลังจากที่เดี่ยวเอ็นท์ติดเชียงใหม่ ก็ไม่มีข่าวอีกเลย จนถึงทุกวันนี้ เดี่ยวหายเงียบไปเหมือนสายลม จนแม่ของเขาบ่นถึงอยู่บ่อยๆ เก่งมักจะเงียบทุกครั้งที่แม่บ่นถึงลูกชายคนใหม่ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรของเดี่ยวอีกเลยหลังจากที่แยกกัน การแยกจากกันครั้งนั้น มันเจ็บปวดก็จริงอยู่ แต่ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป เก่งเข้มแข็งขึ้นได้ด้วย ความรักของพ่อแม่พี่น้อง ความห่วงใยของเพื่อนๆ ที่มีต่อเขา ไม่มีน้ำตา ไม่นั่งเพ้อคิดถึง เพียงแต่ยังคงไม่ลืม และยังหวังอยู่ลึกว่าจะได้เจอเดี่ยวอีกครั้ง ..... “ อ้าวเฮ้ย !” เก่งมองนาฬิกาแล้วตกใจ เหม่อซะจนลืมเวลาไปเลย เก่งรื้อค้นหานาฬิกาที่เก็บไว้ในลิ้นชัก อยู่ไหนนะ ! แต่ตาดันเจอถุงแพรใบหนึ่ง เก่งสงสัยว่านี่มันคืออะไร จึงแกะแล้วเทออกมาดู จี้หยกรูปสิงห์ สีเขียวใสชิ้นเล็กที่อยู่ในมือของเขา มันทำให้เก่งเห็นภาพของเดี่ยวตอนที่เที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน “ ก็ซื้อให้แฟนไง” เสียงของเดี่ยวที่เคยบอกกับเขา แจ่มชัดขึ้นเมื่อเจอกับสิ่งของเตือนความจำ เก่งยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องตอนนั้น หยกนี่เหมือนบรรจุด้วยความสุขในช่วงเที่ยวเชียงใหม่ไว้ จึงทำให้เขายิ้มออกได้ เพียงแค่เจอมัน เก่งจับมันเกี่ยวกับสร้อยทองคำขาวที่ใส่อยู่ เหมือนกับจะตกลงยอมรับเป็นแฟนกับคนให้ในตอนนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันสายไปแล้ว ....... เก่งลงจากรถเมื่อเวลาเกือบ 3 ทุ่ม เขาห่อไหลเพราะลมหนาวที่พัดมา นี่ถึงหน้าหนาวอีกแล้วเหรอ อีกแล้ว หนาวที่ไรต้องคิดถึงเดี่ยวทุกที เก่งสะบัดหัว ทิ้งความรู้สึกต่างๆออกไป แล้วยื่นบัตรให้พนักงานตรวจก่อน ก้าวเข้าร้าน บรรยากาศในที่นี้ยังไงเมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ถึงแม้ไม่ได้มาเกือบ 5 ปีหลังจากมาครั้งแรกในงานกีฬาสี และเก่งก็ยังไม่ชอบที่จะมาในที่แบบนี้เหมือนเดิม หลังจากที่กวาดตามองหาเพื่อนอยู่นาน ก็เจอกับกลุ่มคนที่ยกมือโบกให้ ทุกคนดูเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจนเก่งรู้สึกแปลกใจนี่แค่ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว ไอ้พัฒน์ดูตัวหนาขึ้น ไอ้เคนสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย สองสาวแพทบีม เปลี่ยนจากสาวน้อยน่ารักกลายเป็นสองสาวสวยที่ไปไหนใครต้องมอง แน่นอน2 คู่นี้ก็ยังคงเป็นคู่รักแหวนแหววกันอยู่นั่นเอง “ เฮ้ย ทำไมช้าจัง “ เสียงไอ้เคนร้องถาม “รถติดน่ะ “ เป็นข้ออ้างที่ยอดฮิตมากสำหรับชาวกรุง “ แล้วนี่ทำไมต้องนัดที่นี่ วะ หายใจไม่ค่อยออกอึดอัด “ ไอ้แก้วส่ายหน้าเมื่อ ได้ยินเข้าพร้อมยักหน้าไปทางไอ้พัฒน์ “ ถามมันดิ “ “ ก็มาระลึกความหลังไง นี่มึงจะเอาอะไร วอดก้าอีกไม๊ “ เสียงของไอ้พัฒน์ยังคงล้อๆทำให้เพื่อนหัวเราะ ชะ!ไอ้นี่ความจำดีนะ “ ไม่เอาอ่ะ เข็ด กูกินโค้กแล้วกัน “ เขาบอกเพื่อนยิ้มๆ เพื่อนยังไงก็ยังเป็นเพื่อนอยู่วันยังค่ำ เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกันเลย “ ไอ้แก้ว มึงจะจบรึยัง แล้วนี่ทำไมไม่ตัดผมวะ “ เก่งหันไปถามไอ้แก้วที่ดูแปลกไปมากกว่าคนอื่น เพราะผมที่ยาวจนเลยหลังที่มัดไว้ตรงท้ายทอย ดูเผินๆ เหมือนผู้หญิงเลยที่เดียวเพราะหน้าตาหวาน แต่ก็มีเคราน้อยๆที่เจ้าตัวตั้งใจไว้มัน เพื่อเบรกความหวาน “ กูกำลังหาวิธิประหยัดเงินอยู่ ถ้ามึงอยากให้กูตัดก็บริจาคเงินมาดิ “ เก่งขำ เออ ไอ้นี่ยังงกเหมือนเดิม “ มึงไม่ต้องตัดหรอก เดี๋ยวกูพาไปประกวดรับรองมึงได้รางวัลแน่ “ เสียงไอ้พัฒน์แซว “ ไอ้เฮียนิ มึงเห็นกูเป็นอะไรเนี้ย ว่าแต่เงินรางวัลน่ะมันเท่าไหร่วะ ถ้าแสนนึงมึงพากูไปวันนี้เลยนะ “ ทุกคนขำก๊าก เมื่อไอ้แก้วปล่อยมุข เสียงคุยยังดังขรมไปหมดในกลุ่มดูเหมือนเพราะไม่ค่อยได้เจอกันเลยมีเรื่องให้คุยมากมาย เก่งนั่งมองทุกคนที่แย่งกันอย่างขำๆ คิดถึงช่วงปีม.6 ที่เขาต้องต่อสู้กับสายตาของของคนในโรงเรียน ก็มีเพื่อนกลุ่มนี้แหละ ที่อยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจจนเขาผ่านช่วงนั้นมาได้ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนมิตรภาพดีๆนี้ได้เลย “ เฮ้ย !ไปห้องน้ำนะ “ เก่งลุกขึ้นไปเดินหลบเหลีกคนที่ยืนนั่งกันอยู่เต็มร้าน ก้มมองพื้นเพราะกลัวเหยียบเท้าของผู้คนที่ยืนกันอยู่ในเงามืด แต่ต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อโดนขวางหน้าไว้ด้วยร่างสูงใหญ่ และแปลกตรงที่เมื่อเขาหลบซ้ายร่างนั้นก็เคลื่อนที่ขวางไว้เช่นเดิม “ ไอ้นี่มันขวางตูทำไมฟะ “ เก่งขมวดคิ้วเงยหน้ามอง “ เฮ้ย ! “ นี่ผีหลอกในผับเรอะ เป็นไปไม่ได้ เก่งตะลึงมองคนตรงหน้า หน้าตาที่ยังคุ้นเคยครึ้มไปด้วยหนวดเครา มองเขาด้วยสายตานิ่งๆ เก่งทำอะไร ไม่ถูกหันหน้าวิ่งกลับมาที่โต๊ะ “ เฮ้ย มึงเป็นไรวะ ทำอย่างกับวิ่งหนีผีมา “ เสียงไอ้แก้วถามเมื่อเห็นเขาหน้าตาตื่นละล่ำละลักบอกเพื่อน “ คือ เมื่อ.กี้กูเจอ... “ ยังไม่ทันตอบ ผีตัวนั้นก็มายืนอยู่ข้างเขา “ เฮ้ย ไอ้เดี่ยว มึงมาได้ไงวะ บังเอิญจังว่ะ “ ไอ้พัฒน์ร้องทัก แต่หน้าไม่ได้บอกถึงความแปลกใจ ดูมันแปลกพิลึก ! เมื่อเห็นเดี่ยวทุกคนในกลุ่ม ต่างพากันร้องถาม มีแต่เก่งคนเดียวที่นั่งเงียบหลบตาคมๆ คู่นั้นที่มองเขานิ่งๆอย่างไม่วางตา เดี่ยวยังคงตอบคำถามของเพื่อนเขาไปเรื่อยๆ โดยที่ยังมองเขาอยู่ เก่งจับความได้ว่าเดี่ยวเรียนจบวิทย์-คอมส์ แล้วก็ทำงานแล้วด้วย แต่เก่งยังสงสัยอยู่ตงิดๆ กับท่าทางของไอ้พัฒน์ ที่วันนี้ มันทำยิ้มแปลก ยักคิ้วให้เขา ไอ้นี่มันนักวางแผนต้องมีไรแน่ๆ “ ไอ้แก้ว มึงรู้ไรบอกกูมานะ นี่ไอ้พัฒน์มันกำลังทำไรวะ “ ไอ้แก้วยิ้มให้แต่ไม่พูด นี่มันทุกคนสุมหัวกันเรอะ เก่งรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเมื่อ ทุกคนยิ้มให้แปลก บวกกับสายตาของเดี่ยวที่ยังมองมาไม่ยอมหยุด ชักรู้สึกอยากจะกลับบ้านตงิดๆแล้ว แต่กลัวเสียฟอร์มเลยต้องนั่งทนต่อไปทั้งที่ตอนนี้ใจเต้นตูมๆ ภาพความทรงจำต่างที่อยากจะลืมมันหวนเข้ามาอีกครั้งเมื่อได้เจอหน้ากัน ความรู้สึกจี้ดกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงตอนที่เดี่ยวไปไม่ลา ความอดทนของเก่งสิ้นสุดลงเมื่อเก่งเริ่มรู้สึกว่าสายตาของเดี่ยวชักไม่ได้มองอย่างเดียวแล้ว มันค่อยเยิ้มหวานขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเพราะมันดื่มหนักรึอะไรสักอย่าง “ เฮ้ย กูกลับแล้ว นะ ดึกแล้ว “ “อะไรมึง เพิ่ง 5ทุ่ม “ เสียงไอ้เคนท้วง “ เออ แต่กูจะกลับแล้ว “ เก่งไม่รอฟังเสียงท้วงติง เดินออกจากร้านอย่างเร็วๆ แต่ต้องชะงักเมื่อมือใหญ่ๆคว้าข้อมือแล้วลากให้เดินตาม “ เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน เรากำลังจะกลับเหมือนกัน “ “ เฮ้ย ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” เก่งบอกพร้อมแกะมืออก แต่เดี่ยวไม่ฟังเสียงลากมาจนถึงรถ คันใหญ่ แล้วจับเขายัดเข้าไปในรถ พร้อมคาดเข็มขัดให้อย่างดี เก่งนั่งเงียบเมื่อ ความคิดในหัวตีกันวุ่นวาย บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่เจอหน้าเดี่ยว บรรยากาศในรถเงียบจนอึดอัดเมื่อ ไม่มีเสียงคุย แม้ไม่มองหน้ากันตรงๆแต่เก่งก็เห็นคนตัวสูงที่ขับรถอยู่เงียบๆ หันมองมาบ่อยๆ มือซ้ายที่กุมเกียร์เลื่อนไปกดปุ่มเครื่องเล่น CD เสียงเปียโนพลิ้วแผ่วของเพลงคุ้นเคยที่เก่งชอบดังขึ้น จนเก่งต้องหันมองหน้าเจ้าของรถ แล้วหันกลับมองข้างทางที่มืดสนิทอยู่ “ เก่งนายเป็นไงมั่ง เรียนจบรึยัง “ เสียงเดี่ยวถามเมื่อเมื่อเห็นเก่งเงียบ “ ใกล้จบแล้วอีก 3เดือน แล้วนายล่ะ เป็นไงมั่ง” เก่งตอบแล้วหันมองเดี่ยวแว๊บนึง เดี่ยวยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังหล่อยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น รูปร่างดูล่ำขึ้นกว่าเดิม ผิดแต่ว่าตาคมนั่นไร้รอยยิ้มในแววตาเหมือนตอนอยู่ม.ปลาย “ เราสบายดี ยังไม่ตาย “ เสียงตอบสะบัดพร้อมตาคมดุจ้องมา เก่งรู้สึกหนาววูบๆขึ้นมาทันทีจนต้องหลบก้มหน้านิ่ง รู้สึกเหมือนว่าเดี่ยวกำลังกัดฟันแน่น ขับรถเร็วขึ้น เวลาไม่ถึงชั่งโมง เดี่ยวก็มาถึงบ้านตัวเอง ขับรถจอดพรืดเข้าไปทันทีที่ประตูอัตโนมัติเปิด “คืนนี้นายนอนนี่แหละ “ เสียงห้าวต่ำที่บอกมาหน้าแดง ลมหายใจแรงๆคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าจางๆ ตัวที่โน้มจากเบาะคนขับทำให้หน้าเกือบชิดเขา นี่ไอ้เดี่ยวมันกำลังจะ....เรา! “ เราจะกลับบ้าน ขอบใจที่มาส่ง “ เก่งลงจากรถรวดเร็ววิ่งทีเดียวไปถึงประตูรั้ว แต่ด้วยขาที่ยาวกว่า เดี่ยววิ่งมากันเก่งไว้ทันที่ประตูรั้ว “ เราบอกให้นายนอนนี่ คืนนี้ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ “ มือขวาคว้าหมับเข้าที่เอวของเก่งแล้วจับลากเข้าบ้าน อีกมือปิดปากไว้ไม่ให้ส่งเสียง เสียงประตูปิดดัง พร้อมกับร่างของเก่งที่ถูกดันติดประตู มือทั้งคู่ของเก่งถูกมือใหญ่กำจนแน่นแล้ว ขึงมันไว้เหนือหัว อีกจับค้างเก่งไว้ไม่ให้เบี่ยงหน้าหนี ริมฝีปากร้อนที่เคลียคลึงไปทั่ว แล้วมาหยุดนิ่งที่ปากของเขา บดปากร้อนๆนั้นลงจนหนาใจแล้วแทรกลิ้นพัวพันอยู่ในปากของเก่ง ร่ายของเดี่ยวที่แนบชิดเบียดอัดร่างเล็กของเก่งไว้ มันร้อนไปหมด เดี่ยวกระแทกอะไรบางอย่างที่แข็งร้อนใส่เขาในขณะที่เบียดอัดกันอยู่ ทั้งหมดนี่ทำให้เก่งสั่นหอบและไร้เรียวแรงไปโดยฉับพลับ เดี่ยวยังคงอารมณ์แรงเหมือนคนฉุดไม่อยู่ จับเก่งลงนอนกับพื้นห้อง จัดการถอดเสื้อผ้าออก แล้วก้มลงซุกไซร้รุนแรง เก่งไร้เรียวแรง เสียงสั่น “ เดี่ยว พอก่อน เราจะกลับบ้าน “ “ นายได้กลับบ้านแน่ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้หรอก “ เดี่ยวเงยหน้าขึ้นบอก พร้อมจัดการเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วโถมทับเก่งที่นอนอยู่กับพื้น กดมือ 2 ข้างของเดี่ยวไว้แน่น ริมฝีปากร้อนๆ จูบลงไปทุกที่ทั้งตัว จนเก่งเผลอครางออกมาไม่รู้ตัว “ เรารู้ว่านายก็ต้องการเราเหมือนกัน นายจะขัดขืนไปทำไม เรา 2 คนมันก็แค่ต้องการกันทางกายไม่ใช่เรอะ นายเป็นคนบอกเอง “ เดี่ยวยิ้มเยาะจับเองเก่งพร้อมแทรกบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในเก่งอย่างรวดเร็ว “ เจ็บ ! “ เก่งงอตัวดิ้นรนให้หลุด แต่เดี่ยวรัดเอวแล้วกดไว้แน่น หน้าเข้มนั่นมองมาอย่างไม่พอใจเมื่อเก่งพยายามผลักตัวหนาๆของเดี่ยวให้ออกไป จนเดี่ยวต้องล็อกเมื่อแล้วจับยันไว้เหนือหัวอีกครั้ง “ ดิ้นทำไมเล่า เราจะทำให้นายรู้ว่า ความต้องการของเรามันมากนาดไหน” เดี่ยวคำรามพร้อมขยับตัวเข้าออก แรงขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจแรงๆ ร้อนกระทบหน้าของเก่ง เก่งหลับตาหนีหน้าดุที่มองเข้าเขม็งเกร็ง เจ็บไปหมดเมื่อเดี่ยวเพิ่มแรงกะแทกให้มากขึ้น “ ลืมตาขึ้นสิ เกลียดเรานักรึไง ถึงหลับตาหนี “ เดี่ยวร้องสั่งเสียงห้าวกระเส่า หายใจหอบ เพิ่มแรงมากขึ้นเพื่อให้เก่งลืมตา “ เจ็บๆเดี่ยวพอแล้ว เจ็บ “ เก่งทนแรงนั้นไม่ไหวลืมตาขึ้นมามองหน้าเดี่ยวสายตาอ้อนวอน “ เจ็บเหรอ แล้วเราละ แล้วที่ทำกับเราล่ะ เราไม่เจ็บรึไง แลกกันไง เราเจ็บใจนายเจ็บกาย เราเจ็บ 4 ปี นายเจ็บแค่คืนนี้ แล้วทุกอย่างก็จบ “ เสียงเดี่ยวยังคงเข้มขึ้นหน้าดุดันจนเก่งน้ำตาไหล “ นายไม่ต้องเป็นห่วงเราไม่ให้นายเจ็บอย่างเดียวแน่ มีอะไรกับเรารับรองนายต้องมีความสุข “ เดี่ยวยิ้มเยาะ เก่งมองหน้าเดี่ยว นี่ไม่ใช่เดี่ยวคนเดิม ไม่ใช่อีกแล้ว เก่งอ่อนแรงทำไม่ได้แม้แต่จะโต้เถียง นอนนิ่งเหมือนตุ๊กตาให้เดี่ยวทำตามใจชอบ หลับตาลงไม่อยากรับรู้อะไรตรงนี้อีกแล้วปล่อยให้คนร่างสูงที่กำลังรุกเร้าเขาอยู่ทำตามอารมณ์ที่รุนแรงต่อไป เสียงห้าวต่ำยังคงพึมพำ “ เราต้องการนาย เก่งเราต้องการนาย ทำไมนายไม่ต้องการเรา “ เสียงของเดี่ยวยังคงถามเสียงกระเส่า เมื่อจับเก่งพลิกไปพลิกมา ตามใจชอบ ท่อนล่างที่ยังขยับกระแทกแรงๆจนเก่งชาไปหมดแล้ว “ เก่งทำไมนายไม่รักเรา ทำไม “เดี่ยวซุกหน้าลงเกลือกลงของแก้มของเก่งที่มีแต่รอยน้ำตา ไม่มีการขัดขืนจากร่างเล็กนั่น เดี่ยวเคลื่อนหน้าจูบเก่ง มือก็เลื่อนไปเคล้าคลึงส่วนนั้นของเก่งจนมันร้อน เดี่ยวขยับตัวแรงขึ้นเรื่อยขณะยังจูบเก่งอยู่ แรงจูบและแรงมือของเดี่ยวทำให้เก่งสั่นสะท้าน ตัวเกร็งไปหมดทุกส่วน จนเผลอรับแรงกระแทกที่เร็วและแรงของเดี่ยว เดี่ยวสนองแรงรับนั้นด้วยแรงกระแทกที่แรงสุดๆ แล้ว ตัวสั่นกระตุก “ เก่ง เรา รั...... โอย !“ เดี่ยวเงยหน้าเชิดขึ้นสูดอากาศเข้าปาก ตัวเกร็งเขม็งเมื่อถึงจุด มือยันพื้น กดเอวชิดบดเบียดเก่ง สิ่งอุ่นๆหลั่งไหลมาอย่างมากมาย เดี่ยวมองเก่งที่นอนหลับตาหอบหายใจเมื่อถึงจุดไปเหมือนกัน ยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนพื้นข้างๆ เดี่ยว เสียงกรนเบาๆของคนข้างๆ ที่มีอะไรกันเมื่อกี้ทำให้เก่งรู้ว่าเดี่ยวหลับไปแล้ว รู้สึกเจ็บแสบไปหมด น้ำตาไหลเมื่อนึกถึงคำพูดของเดี่ยว ที่บอกว่าต้องการแค่ร่างกายของเขา เก่งเสียใจเพราะเพิ่งรู้ว่าเดี่ยวคิดกับเขาแค่นี้ แค่นี้จริงๆ ไม่ได้รัก แค่อยากมีอะไรด้วยแค่นั้น... เก่งหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมแล้วออกจากบ้านของเดี่ยวมายังถนนที่มืดสนิท ความหนาวเย็นของฤดูหนาวยิ่งทำให้เก่งสั้นสะท้าน รู้สึกว่าตอนนี้เหลือตัวคนเดียวจริงๆ ไม่มีความรักที่หวังรออยู่อีกแล้ว แค่คิดก็น้ำตาไหล ทำไมต้องอ่อนแอขนาดนี้นะ เก่งเช็ดน้ำตาจนแห้งสนิท ต่อไปจะไม่ร้องไห้เพราะเดี่ยวอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว ...... “ อืม “ เดี่ยวรู้สึกไอ้ยินเสียงไก่ข้างบ้านขัน แต่ยังงัวเงียตาไม่ลืม คว้ามือหาคนข้างที่เขามีอะไรด้วยเมื่อคืนหวังจะกอดขอความอุ่นจากร่างเล็กนั่นให้หนำใจ แต่เมื่อคว้าก็พบแต่ความว่างเปล่า ความแปลกใจทำให้เขาลืมตาขึ้น ไม่มีเร่างเล็กอุ่นๆของเด็กน้อยของเขา เดี่ยวกวาดตาไปทั่วบ้านหวังจะเจอกับร่างเล็กนั่น ก็พบแต่ความว่างเปล่า เก่งหายไปแล้ว ใจหายวูบเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขายอมรับว่าครั้งนี่อารมณ์มันรุนแรงเกินไป นั่นเพราะ เขาต้องการเก่งมากเหลือเกินขณะเดียวกันก็โกรธ เสียใจที่เก่งไม่รักเขาเลย ทุกอย่างมันผสมกันไปหมดจนเกิดเป็นอารมณ์เมื่อคืน เขาไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะเหล้า เพราะเดี่ยวรู้ตัวว่าไม่ได้เมา แต่เขาทำมาจากข้างในที่มันเรียกร้องมา เดี่ยวลุกขึ้นนั่งกุมขมับตัวเองเมื่อนึกถึงเก่งแล้วรู้สึกใจหาย เมื่อเห็นน้ำตาของเก่ง แต่ก็ยังคงปลอบใจตัวเองว่าเก่งเองก็สมควรโดนแบบนี้ แต่นั้นก็ไม่ทำให้เดี่ยวหายจากความรู้สึกผิด เดี่ยวรู้สึกสับสน เสยผมแรงๆแล้วลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำ แต่เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง จี้หยกรูปสิงห์พร้อมสร้อยทองคำขาวเส้นเล็ก เป็นประกายเมื่อกระทบแสงไฟ จี้หยกนี่เขาเป็นคนซื้อให้เก่ง ตอนนี้มันกลับมาอยู่กับเขาแล้ว เหมือนกับเก่งทิ้งความรักที่เขามีให้คืนมาผ่านจี้หยกนี้ เดี่ยวกำจี้หยกแน่น บอกกับตัวเองว่าครั้งนี้เป็นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้กอดเก่งแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว ..... “ ขอเชิญศิษย์เก่า ร่วมสังสรรค์ และ ประมูลผลงานศิลปะ เพื่อเข้ากองทุนเพื่อการศึกษาเด็กขาดแคลนทุนทรัพย์ เนื่องในวันครบ 95 ปี ของโรงเรียน ในวันที่.... “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่เก่งจะอ่านบัตรเชิญจบ “ อืม ไอ้แก้ว มีไรเหรอ “ เก่งตอบด้วยเสียงเนือยๆ “ เฮ้ย งาน 95 ปี นี่เอ็งมาปะ “ เสียงไอ้แก้วถาม “ อืมไปดิ “ “ เออ อาจารย์สันติ แก ฝากมาบอกว่าให้เอารูปผลงานมาร่วมประมูลด้วยเพราะที่โรงเรียนมีไม่พอ มึงพอมีเหลือมั่งปะ เห็นไอ้พัฒน์บอกมึงฝากมันเอาไปขายหมดแล้ว“ “ ก็พอมีเหลืออยู่ แล้วงานวันไหนวะ กี่โมง“ เก่งตอบแล้วมองรูป ที่ใส่กรอบแขวนไว้โดดเดี่ยวอยู่ในห้อง “ วันศุกร์นี้แหละ เริ่มประมูล 5 โมงเย็นนะ พอเสร็จก็เป็นงานเลี้ยง มาก่อนเวลาซักชั่วโมงนะมึง “ ไอ้แก้ววางสายเมื่อเก่งตอบรับสั้นๆ เก่งยังคงมองภาพวาดตรงหน้านิ่งๆ รู้สึกสับสนวุ่นวายใจไปหมด ลังเลอยู่นานแล้วก็หักใจได้ในที่สุด วิธีนี้มันคงดีที่สุดที่จะช่วยให้เขาตัดใจง่ายขึ้น ถ้าไม่ต้องมานั่งมองรูปนี้ …. วันนี้ที่โรงเรียนเก่าที่จากมา เกือบ 4 ปีจอแจไปด้วยผู้คน ถึงแม้นี่เพิ่ง 4 โมง แต่ก็มีคนจับกลุ่มนั่งคุยกันเฮอาไปทุกที่ นั่นคงเป็นเหล่าบรรดาศิษย์เก่า แก่ง หันมองรอบตัวไปยังสถานที่ที่เคยวิ่งเล่นเคยทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ภาพเก่าๆยังคงชัดเจนเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง วันเวลาที่มีแต่ความสุข “ เฮ้ย พวกกูอยู่นี่ “ ไอ้แก้วตะโกนเรียกเมื่อเห็นเขา หยุดยืนอยู่หน้าหอประชุมที่จัดเป็นที่ให้ศิษย์เก่ามาประมูลภาพ “ เออ รอแป๊บ เดี๋ยวเอารูปไปให้อาจารย์ก่อนนะ “ เก่งก้าวเข้าไปยังห้องประชุมขนาดใหญ่ แอร์เย็นเฉียบ รอบๆ มีภาพวาดติดอยู่เต็มไปหมด ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เด็กๆในชุดนักเรียนเดิน จัดของตามเสียงอาจารย์สันติ ที่ยืนสั่งงานอยู่กลางห้อง เก่งยิ้ม อาจารย์สันตินี่แกยังขี้บ่นเหมือนเดิม “ อ้าวเก่งกาจ มาแล้วเหรอ ไหนๆ รูปที่เอามาน่ะ ขอดูหน่อยซิ “ เก่งส่งให้อย่างว่าง่าย พร้อมช่วยแกะประดาษที่ห่อมา “ อ้าว เป็นรูป portrait (รูปคน)นี่ อืมสวยนะ ได้อารมณ์เหมือนคนนอนหลับจริงๆ แล้วรูปนี่ชื่ออะไรล่ะ “ “ ชื่อ the lover in sleep ครับ“ เก่งนิ่งมองภาพตรงหน้ารู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก เพราะมันอยู่กับเขามามากกว่า 5 ปี เป็นภาพที่เขาใส่ความรู้สึกต่างๆไว้มากมาย จนมันเหมือนเป็นสมุดบันทึกเล่มใหญ่ ที่เก็บความรักของของเขากับบุคคลในภาพไว้มากมาย แต่เปล่าประโยชน์ที่จะเก็บมันไว้เพราะความรักที่เกิดขึ้น ไม่มีใครต้องการอีกแล้วโดยเฉพาะคนคนนั้น “ครูเอาภาพนี้เป็นของชิ้นสุดท้ายแล้วกัน ดูมันมีราคาดี ขอบใจมากเก่งกาจที่ร่วมทำบุญกับโรงเรียน เดี๋ยวเข้ามาดูงานประมูลด้วยนะ ” อาจารย์พีระ ยิ้มขอบอกขอบใจเก่ง จนเก่งเดินออก จากหอประชุมมายังกลุ่มเพื่อน “ เฮ้ย รูปมึงลำดับที่เท่าไหร่วะ “ ไอ้พัฒน์ถามเมื่อเก่งนั่งลงข้างไอ้แก้ว “ ลำดับสุดท้ายวะ “ “ โห งั้นก็แพงดิ กูอุตส่าห์จะมาประมูลเอารูปมึงไปติดที่ร้านกาแฟกู “ ไอ้พัฒน์ร้องอย่างเสียดาย “ แต่ไม่เป็นไรกูสู้ “ ไอ้พัฒน์ยิ้มพร้อมตบกระเป๋า “ นี่ไอ้เดี่ยวไม่มาเหรอ “ ไอ้เคนถามเมื่อเห็นเก่งฉายเดี่ยว เก่งเงียบลงจนเพื่อนสงสัย “ เฮ้ยนี่ยังไม่ดีกันอีกเรอะ วันนั้นกูอุตส่าห์ให้มึง 2 คนกลับบ้านด้วยกัน จะได้เคลียร์กัน “ “เดี่ยวกะกูคงดีกันไม่ได้แล้ว เป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อนแล้ว พวกมึงเลิกคุยเรื่องมันได้แล้ว “ เสียงถอนใจทำให้เพื่อนๆ เงียบลง “ เก่งนายยังไม่ได้เคลียร์กับเดี่ยวใช่ไม๊ เรื่องที่นายบอกเลิกเดี่ยวตอนนั้นน่ะ “ แพทถามขึ้นเมื่อเก่งเงียบจน ทุกคนเริ่มเครียดตาม “ จะเคลียร์หรือไม่เคลียร์ตอนนี้มันก็มีค่าเท่ากันแล้วล่ะแพท ยังไงเรากับเดี่ยวคงต่อกันไม่ติดแล้ว เดี่ยวมันไม่ได้รักเรา มันเลยเวลาที่เราจะคุยกันเรื่องนี้มานานแล้ว “ เก่งตอบยิ้มๆมองหน้าเพื่อนที่ยังนิ่งอึ้ง “ เรื่องนี้ช่างมันเถอะปล่อยให้มันกลายเป็นความทรงจำสำหรับเราไปแล้วกัน “ เก่งยิ้มกว้างทั้งที่น้ำตาคลอ ยิ้มที่เพื่อนต่างพากันถอนใจเมื่อได้เห็น
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 20 ( อวสาน ) และบทส่งท้ายครับ เดี่ยวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ที่เวลามันจวนจะ 5 โมงเย็น แล้ว เขาขับรถมาท่ามกลางความมึนหลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับ ที่เพิ่งโทรมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว “ เดี่ยว นายรีบมาที่หอประชุมโรงเรียน ถ้านายยังรักเก่งอยู่ให้รีบมาให้ทัน ก่อน 5 โมง เรามีเรื่องของเก่งจะบอกนาย “ เสียงนั่นดูฟังคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก แถมยังไม่บอกชื่ออีก เดี่ยวคิดว่าตัวเองช่างเชื่อคนง่ายเหลือเกิน เพราะไม่แน่ใจว่าใครจะเล่นตลกรึเปล่า นี่แค่บอกว่าจะพูดเรื่องของเก่งมันก็ทำให้เขาวุ่นวายจนต้องรีบแล่นออกมา เดี่ยวกระวนกระวายใจเมื่อ รถยังคงติดอยู่ไม่ยอมขยับ มองนาฬิกา นี่มันจะ 5 โมงแล้ว เอาไงดี เดี่ยวถอนใจยังคงสับสนวุ่นวายในหัว นี่เขาเป็นอะไร ทำไมต้องมาทำอะไรบ้าๆอย่างนี้ ต้องการจะรู้เรื่องของเก่งไปทำไม ถึงแม้รู้เก่งก็ยังไม่รักเขาอยู่ดี สู้กลับตอนนี้ยังพอจะทัน เดี่ยวมองดูจุดกลับรถกับไฟจราจรที่กำลังเขียว แล้วเลือกที่จะตรงข้ามแยกไป! รถBMW ของเดี่ยวจอดเข้าที่จอดอย่างรีบๆ เขาวิ่งเข้าห้องประชุมอย่างรีบจนเหงือชุ่มเสื้อ เสียงมือถือดังขึ้นอีกหลังจากที่ เขายืนหันรีหันขวางอยู่นาน “ ฮัล โหล นั่นใครบอกมาว่าเรียกให้มาทำไม “ เดี่ยวเริ่มหงุดหงิดเมื่อเข้ามาแล้วไม่เจอแม้แต่เงาของเก่ง “ นี่ ใจเย็นก่อน หันมาทางขวาแล้วเดินตรงมา “ เดี่ยวทำตามเดินตรงไปจนสุดก็เจอกับ ชายหนุ่มร่างเล็กที่ไว้ผมยาว เดี่ยวกดวางสายด้วยความมึนงง “ นายเองเรอะแก้ว ที่เป็นคนโทรหาเรา “ แก้วยังคงยิ้มให้ “ เดี่ยว นายมาสาย ไป 15 นาทีวะ นายต้องรอให้งานประมูลจบก่อน แล้วเราจะบอกเรื่องไอ้เก่ง “เดี่ยวขมวดคิ้วมองแก้วอย่างไม่เข้าใจ พยายามมองหาเก่ง “ นายมองหาเก่งมันเรอะ มันกลับไปแล้ว มันบอกว่าทันดูของที่มันรักถูกประมูลไม่ได้ “ เดี่ยวงงจะถามแต่ถูกแก้วดักคอไว้ก่อน “ เราว่านายทำตามที่เราบอกดีกว่า อยู่รอจนงานจบแล้วนายจะรู้อะไรดีๆ ไปๆ ไปนั่งตรงนู้นกัน” แก้วชี้มือไปยังที่นั่งที่ยังว่างอยู่ 2 ที่คนที่นั่งถัดไปคือไอ้พัฒน์ บีม ไอ้เคนและแพท “ อ้าวนายมาแล้วเหรอเดี่ยว นายมาไม่ทันไอ้เก่งกลับนะ “ เสียงไอ้พัฒน์บอก แต่เดียวยังคงงงหนัก “ พวกนายเล่นไรกันเนี้ยไม่ขำนะ จะบอกเรื่องอะไรของไอ้เก่งก็รีบบอกมา “ “ พวกเราจะไม่บอกจนกว่างานประมูลจะเลิก ถ้านายทนไม่ไหวก็ตามใจนาย เราก็ไม่อยากให้เก่งมันยุ่งกับคนไม่มีความอดทนอย่างนายหรอก “ เสียงแก้วทำให้เดี่ยวเงียบได้ แต่ก็ยังคงนั่งขมวดคิ้วหงุดหงิดอยู่ การประมูลดำเนินมาจนเกือบ จะ 2 ชั่วโมง เดี่ยวถอนใจไปเกือบ 50 เฮือกได้แล้วมั้งถ้านับกันจริงๆ เบื่อที่จะต้องรออะไรนานๆ เหลือบมองไปทางเพื่อนๆของเก่งทุกคนยังคงทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ “ เอาล่ะคะ ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายแล้วนะคะ ชื่อภาพ the lover in sleep” ค่ะ ศิลปินผู้เขียนภาพคือ เก่งกาจ สินธุวงศ์ “ เสียงฮือฮาจาคนประมูลจนเดี่ยวต้องหันดูภาพนั่น มัน เดี่ยวถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะหน้าคนในภาพเหมือนกับหน้าของเขา “ภาพนี้เขียนเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ เป็นภาพสีน้ำมัน วาดแบบศิลปะคลาสสิกนะคะ เป็นภาพชายหนุ่มที่หลับใหลในยามเข้าที่มีแสงสว่างส่องกระทบตัว ขอเริ่มราคาประมูลที่ 20,000 บาทค่ะ “ นี่มันอะไรกันนี่มันรูปของเขา ! นี่ใครเป็นคนวาด เอ๊ะ! ศิลปินชื่อเก่งกาจ งั้น เก่งเป็นคนวาดรูปเขาไว้หรือนี่ “ นี่ไง ของที่ไอ้เก่งมันรักมาก รักมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ “ เสียงแก้วที่บอกออกมา ทำให้เดี่ยวเริ่มย้อนคิด อะไรบ้างอย่าง ภาพนี้เก่งรักมากหรือ แล้วทำไมมันไม่รักเรา “ แก้ว เราไม่เข้าใจ ถ้าเก่งรักเราทำไมต้องบอกเลิก” เดี่ยวเสียงแผ่ว รู้สึกร้อนรนอยู่ในใจไปหมด “ เพราะมันรักนายยังไงล่ะ รักเลยไม่อยากให้นายเสียชื่อ เพราะรักเลยต้องบอกเลิก “ เดี่ยวหันมองหน้าแก้ว ผู้ซึ่งเป็นคนเขี่ยเศษของความเจ็บปวดที่ติดอยู่ที่ใจให้หลุดออก มองภาพที่เก่งวาดแล้วนึกอยากเจอเก่งเหลือเกินอยากเจอตอนนี้ “ เก่งอยู่ไหนตอนนี้ “ เดี่ยวถามด้วยใจที่ร้อนรน “ เดี่ยวนายมาช้าไปแล้ว ไอ้เก่งมันเลิกรักนายไปแล้ว “ ไอ้พัฒน์แทรกขึ้นมา “ 25,000 บาทครับ “ พร้อมเสนอราคาภาพขึ้นแล้วหันมายิ้มเยาะ “ 25,000 นะคะ มีใครจะเสนอเพิ่มไหมคะ” เสียงของผู้ดำเนินการประมูลยังคงร้องถาม “ เราว่ามันไม่สายหรอก เพราะเรารักเก่ง และเราก็แน่ใจว่าเก่งก็รักเรา 35,000 ครับ “ เดี่ยวบอกพร้อมเสนอราคาให้สูงขึ้น “ 35,000 แล้วนะคะมีใครจะให้ราคาเพิ่มไหมคะ “ “ 40,000 ครับ “ เสียงไอ้พัฒน์บอกพร้อมหันมายักคิ้วให้ “ เราจะเอารูปนี้ไปติดร้านกาแฟเรา เราไม่ให้นายง่ายๆหรอก “ เดี่ยวมองหน้าไอ้พัฒน์ขวางๆ “ เราก็ไม่ยอมนายหรอก 60,000 ครับ “ เดี่ยวบอกแล้วหันไปยักหน้าพัฒน์ เสียงผู้คนฮือฮา เพราะราประมูลเริ่มสูงขึ้น เสียผู้ดำเนินการประมูลยังคงร้องถาม มีใครให้มากว่าอีกไหมคะ เดี่ยวมองหน้าพัฒน์แล้วยักหน้าให้ประมูลสู้กัน “ ok เรายอมแพ้ นายเอารูปนี้ไปเลย “ Ok งั้นจบที่ราคา 60,000 นะคะ เชิญผู้ประมูลมารับรูปด้านหลังนะคะ ต่อไปขอเชิญแขกทุกท่านร่วมสังสรรค์ในงานเลี้ยงคะ “ เดี่ยวผละออกจากกลุ่มเพื่อนของเก่ง เพื่อไปรับรูป แล้วกลับมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน พร้อมหน้าที่ถมึงทึง ” ตอนนี้เก่งมันอยู่ไหน “ เสียงถามที่ร้อนทำให้เพื่อนๆของเก่งหัวเราะขำๆ “ มันไปไหนเราจะไปรู้ได้ไง มันอาจจะไปสถานที่ในภาพมั้ง “ ได้ยินแค่นั้นเดี่ยวก็วิ่งออกไปทันที “ เฮ้ย ขอให้หาเจอนะ “ เดี่ยวขับรถออกจากโรงเรียนเก่า ในหัวยังคงคิด ว่าเก่งไปไหน สถานที่ในภาพนี้มันที่ไหน รึจะเป็นหัวหิน น่าจะเป็นที่นั่น เก่งมุ่งหน้าไปขับรถไปด้วยใจที่ร้อนรน…… เดี่ยวขับรถอย่างร้อนใจกลับมาจาก ไปเที่ยวค้นหาเด็กน้อยของเขาอย่างวุ่นวาย แต่ก็ไม่เจอ สมองยังคงคิดอย่างหนักว่า เก่งไปอยู่ไหน สถานที่ในภาพ คือที่ไหน โอ๊ย คิดไม่ออก เดี่ยวรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อจอดรถอยู่หน้าบ้านของตัวเอง วันนี้สงสัยคงหาไม่เจอแล้ว เขาถอนใจหยิบรูปที่เพิ่งได้มาเดินเข้าบ้านด้วยใจห่อเหี่ยว หลังจากอาบน้ำจนสดชื่นเดี่ยวเดินมาหยุดมองภาพของตัวเองที่เพิ่งแขวนพร้อมครุ่นคิด สถานที่ในภาพงั้นเหรอ เท่าที่จำได้ เก่งมักมานอนห้องเขาแต่ก็ไม่ได้หยิบอุปกรณ์มาด้วย เฮ้ย ! งั้นรูปนี้ต้องวาดในห้องของเก่งสิ โธ่เอ๊ย ! ไมโง่งี้วะตู ตอนนี้ไอ้เก่งมันอยู่บ้านแน่ๆ เดี่ยวผลุนผลันวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไฟที่เปิดสว่างชัดเจนทำให้เห็นพนังที่โล่งไร้รูปแขวนไว้ ผิดกับเมื่อวาน เก่งมากแล้วรู้สึกสะท้อนใจ รู้งี้ไม่เอาไปประมูลก็ดี นั่นเป็นสมบัติที่เค้ารักมากที่สุดเลย ตอนนี้อะไรๆที่เกี่ยวเดี่ยวก็หายไปหมดแล้ว จี้หยกไม่รู้ไปตกหายที่ไหน รูปก้ไม่มี เออยังดีที่เหลือ ตุ้งติ้งเส้นเดียว เฮ้อ ทำอย่างนี้แล้วไม่เห็นตัดได้เลย ยังทรมานกว่าเดิมอีก ไม่เอาไม่คิดแลนอนดีกว่า .... “ เก่ง ! เก่ง! “ เสียงทำให้เก่งชะงัก ใครเรียกวะ ! เขาหน้ายุ่งเดินไปยังระเบียงห้อง ร่างสูงๆคุ้นตาอยู่ในความมืดสลัว แต่ที่เห็นแจ่มชัดที่สุดคงจะเป็นรอยยิ้มกว้างบนหน้าขาวที่ส่งมาให้ “ เก่ง! ออกมาคุยกับเราหน่อยเรามีเรื่องจะคุยด้วย “ “ เราไม่มีอะไรจะคุยกะนายกลับบ้านไปซะ “ แม่งเอ๊ย ตามรังควานกันอยู่ได้แล้วงี้จะตัดใจได้ไง “ เก่ง ! ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้นะ เร็ว ! “ เสียงสั่งที่แสดงให้เห็นว่าโกรธ ทำให้เก่งโกรธวูบขึ้นมาเหมือนกัน “ ไม่ เราไม่ไป นายฝันไปเหอะ “ แล้วหันหลังเดินเข้าห้องทันทีที่พูดจบ “ ไม่ยอมเปิดใช่มั้ย “ เก่งสะใจเมื่อได้ยินเสียงคำรามอย่างขัดใจอยู่ข้างล่าง “ฮ่าๆ สมน้ำหน้า เก่งจริงก็ขึ้นมาให้ได้สิ “ เก่งตะโกนบอกพร้อมล้มตัวลงนอน เสียงของเดี่ยวเงียบไปแล้ว สงสัยคงกลับบ้านไปแล้ว รู้สึกเคลิ้มแต่ต้องตกใจเมื่อมีร่างบางร่างโถมทับเข้ามาจนกระดิกตัวไม่ได้ ผีอำ ! จะไม่น่ากลัวมากไปกว่าคนตัวโตที่นอนทับเขาจนกระดิกไม่ได้ “ นายนี่ยังตัวหอมเหมือนเดิมนะ “ คนตัวใหญ่มีกลิ่นเหงือจาง กล้ามเนื้อชุ่มไปด้วยเหงือลื่นๆ ลมหายใจร้อนรดหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา “วันหลังนายหัดล็อกกระจกบานเลื่อนมั่งนะ เดี๋ยวมีคนปีนขึ้นมาแล้วจะยุ่ง หึๆ” เสียงหัวเราะขำดังมาจากคนร่างใหญ่หายใจแรงๆ ตัวที่เบียดกันชักจะเริ่มร้อนขึ้นมา จนคนตัวใหญ่ชักทนไม่ไหวก้มลงมากดจมูกแรงๆ บนแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว “ เฮ้ย อย่าทำไรนาเว้ย จะคุยไรก็คุยมา “ เก่งดิ้นเพราะมันเริ่มจะมาอีกแล้ว “ นายนี่ยังไงพอเรียกให้คุยกันดีกลับไม่คุย พอเวลาเราอยากคุยไม่คุย นายกลับจะคุย “ เก่งหน้าแดงเพราะแรงที่เบียดมากขึ้นทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่าน “ เก่งนายรักเราทำไมนายไม่บอกเรา “ เสียงเดี่ยวเว้าวอนนัยน์ตาเยิ้มไปหมด “ ใครว่าเรารักนาย เราไม่ได้รักนาย “ เสียงตอบที่สั่นๆเมื่อเดี่ยวก้มหน้าลงมาจนชิด “ เก่งนายนี่ปากแข็งไม่เลิกนะ นอกจากปากแข็งแล้วปากนายยังหวานน่าจูบด้วย “ เดี่ยวยิ้มก่อน ประกบปากลง เก่งหน้าตื่นสะบัดหน้าออก “ เราไม่ได้รักนาย อย่ามาทำบ้าๆงี้นะเว้ย “ “แน่ใจนะ งั้นนายมากับเรา เราจะทำให้นายปฏิเสธไม่ได้ว่านายไม่ได้รักเรา “ คนตัวใหญ่กำข้อมือเก่งไว้จนแน่น แล้วลากเก่งให้เดินตามจนออกมานอกตัวบ้าน “ เฮ้ย ไปไหน ไม่ไป ปล่อยเว้ย “ แต่เดี่ยวทำเหมือนไม่ได้ยินยังคงลากเก่งให้เดินตามต่อไปอย่างเร็ว ๆ จนเก่งเดินตามไม่ทัน “ เฮ้ย พามาบ้านนาย ทำไม ! “ หัวเก่งเริ่มขึ้นอะไรขึ้นมาหลายอย่างขนเริ่มลุกซู่ นี่มันจะพาเรามาทำอย่างว่ารึเปล่าวะ “ ตามเหอะ ยังไม่ทำอะไรตอนนี้หรอ ก “ เหมือนคนเดินนำหน้าจะรู้ตัว บอกออกมาแล้วหัวเราะขำ แต่เก่งไม่ได้ขำด้วยเลย มันว่าจะไม่ทำไรตอนนี้แล้วถ้าเลยตอนนี้ไปมันคงทำงั้นสิ แต่เพราะแกะมือไม่ออก เก่งก็ยังต้องเดินตามแรงดึงจนมาถึงห้องนอนของเดี่ยว “ ที่นายบอกว่านายไม่ได้รักเราแล้ว รูปนี้มันหมายความว่าไง “ เก่งยืนจ้องรูปที่คิดว่าคงจะไม่ได้อีกเจอแล้วอย่างตะลึง “ นายได้รูปนี้มาได้ไง “ เก่งถามขณะที่เอื้อมมือจับภาพอย่างทะนุถนอม รู้สึกดีใจที่ได้เจอสมบัติที่มีค่าของตนอีกครั้ง “ เราประมูลมันมา เพราะเราคิดว่ามันคงเก็บความรักที่นายมีต่อเราไว้ เยอะน่าดู “ เสียงของเดี่ยวมาพร้อมอ้อมกอดอุ่นที่มาจากข้างหลัง “ ตกลงนายจะปฏิเสธอีกเปล่าว่านายไม่รักเรา” อ้อมกอดนั่นรัดแน่นเสียงหัวใจของคนตัวโตดังจนเก่งได้ยิน เก่งตัวเบาหวิวเมื่อคนตัวโตฝังจมูกลงที่แก้มแล้วเลื่อนไปยังซอกคอ รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่มๆ เนื้อตัวเปลือยเปล่า โดยมีเดี่ยวทับอยู่ “ เก่ง นายช่วยบอกยืนยันอีกทีได้มั้ยเราอยากฟัง “ เก่งมองสบตานิ่งกับตาคู่นั้น ตาที่มี่หวานเยิ้มคู่นั้น เก่งหน้าแดงยิ้มตอบ ชะโงกหน้ากระซิบที่ข้างหู “ บอกเราดังได้มั้ยเราไม่ได้ยินเลย “ เสียงของเดี่ยวร้องอ้อน จนเก่งสายหัว “ ก็ได้ เดี่ยว เรารักเดี่ยวนะ รักมานานแล้ว “ คนตัวโต ยิ้มรับพร้อมประกบปากลงเนิ่นนานนำพาเก่งไปสู่อารมณ์ปรารถนา เสียงพึมพำผสมกับเสียงลมหายแรง ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์เร้าร้อนและ แรงกายของคนทั้ง 2 “ เก่ง เราต้องการนาย “ เสียงพึมพำยังคงดังกระซิบข้างหู แรงอารมณ์ของเดี่ยวนำพาแรงกายที่เร่าร้อนและรุนแรงมาเข้ามาสู่เก่ง “ เก่ง..เรารักนาย รักนายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว “ เสียงบอกที่ดังแผ่วกระท่อนแท่นเมื่อเดี่ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัว กอดเก่งไว้จนแน่นอยู่เนิ่นกว่าที่จะคลายอ้อมกอดออก เก่งยิ้มเมื่อได้สิ่งที่รอคอยมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้คำบอกรักจากเดี่ยว......แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้ว ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ...... บทส่งท้าย “ มึงเป็นไงมั่งวะ ช่วงนี้ ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานรับปริญญานะ ก็มึงแหละไม่ยอมบอกก่อน กูเลยกะเวลาไม่ถูก แต่ยังไงกูมีของขวัญไปให้มึงแน่นอน ตอนนี้ที่อังกฤษฝนตกไม่ค่อยชอบวะ ไม่ค่อยได้ไปไหน ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ได้แต่ช่วยงานร้านอาหารของพ่อแม่ไอ้เดี่ยว ช่วงนี้คนโคตรเยอะเลย หัวหมุนไปหมด ไม่น่าเชื่อเลย เปิดมาแค่ 1 ปีเดียวลูกค้าจะเยอะขนาดนี้ เดือนหน้ากูก็จะกลับเมืองไทยแล้วไอ้เดี่ยวมันก็จะกลับพร้อมกันด้วย มันว่ากูไปไหนมันไปด้วย ไอ้นี่ตามติดอย่างกับตังเม ความจริงมันขอให้กูอยู่กับพ่อแม่มันที่อังกฤษเลย แต่กูก็คิดถึงเมืองไทย คิดถึงพ่อแม่แล้วก็พวกมึงก็ เลยกลับเมืองไทยดีกว่า เอาไว้ค่อยไปเยี่ยมพ่อแม่ของไอ้เดี่ยวบ่อยๆแล้วกัน ดีใจมั้ยมึงที่กูคิดถึงพวกมึง อย่าลืมมารับด้วยนะ ไว้ได้วันกลับที่แน่นอนจะโทรมาบอก นี่ๆ ได้ข่าวตอนนี้มึงมีหนุ่มหล่อมาคอยเฝ้าเรอะ ฮ่าๆๆ เสร็จแน่ไอ้แก้ว วันนั้นไอ้พัฒน์มันนินทาให้กูฟังว่าพี่เค้ามาเฝ้ามึงที่ร้านกาแฟไอ้พัฒน์นี้ แหม มึงไปทำอะไรพี่เขาวะถึงได้หลงมึงซะขนาดนั้น นี่ถ้ามึงชอบเขาก็ตอบรับเค้าไปเหอะ รอนานเดี๋ยวก็แก่หรอกมึง แล้วตอนนั้นจะมานั่งเสียใจไม่ได้นะเว้ย กูแนบรูปที่กูไปเทียวมาให้มึงดูด้วย ดูรูปแล้วอย่าอ้วกนะมึง กกูกะไอ้เดี่ยวรักกันนี่ ถ่ายรูปมามันก็ต้องอย่างนี้แหละ ถ้าอิจฉาก้รีบมีซะ เชื่อกูชีวิตคนเรามันสั้นนะเว้ย อะไรที่มึงอยากจะทำมึงก็ทำไปเลย ถ้าไม่เดือนร้อนใคร มึงอย่าเอาอย่างกูที่กว่าจะเข้าใจกับไอ้เดี่ยวก็เกือบจะสาย มันอาจมีคนรับไม่ได้บ้างก็คงต้องปล่อยวะ เพราะไม่นานเขาก็ชินไปเอง แต่นี่พูดจริงนะ ไม่รู้พ่อแม่กูจะร้รึยัง กูยังเสียวๆ อยู่เหมือนกัน กลัวเค้าทำใจไม่ได้ อ้าวโทษทีเริ่มเศร้า เอาเป็นตอนนี้กูมีความสุขดี ที่นีเค้าไม่ค่อยถือเรื่องชายรักชายว่ะ กูกะไอ้เดี่ยวเลยสวีทกันน่าดูเลย อ้อ แล้วอีกอย่างนึง เมื่อไหร่มึงจะสมัคร msn ซะทีวะ กูกะมึงจะได้คุยกันบ่อยกว่านี้ กูขี้เกียจเขียนจดหมาย ถ้ามึงสมัครแล้วให้ให้พัฒน์มันเมลล์ E.mail มึงมาบอกกูด้วย ปล.ห้ามเข้ามาคุยกับกูตอนกูจะนอนนะ เดี๋ยวโดนไอ้เดี่ยวมันบ่นเอา เพราะกูมีไรต้องทำกับมันเยอะเลย ไม่มีเวลาว่ะ อิๆๆ อย่าลืมดูรูปนะมึง คิดถึงนะโวย เก่ง(เพื่อนของมึงแหละ) “ ขำอะไรน่ะแก้ว แล้วนั่นจดหมายใคร พี่เห็นเราอ่านแล้วนั่งยิ้มไปยิ้มมาอยู่ได้ “ เสียงของผู้ชายร่างสูงที่เดินมาจากโต๊ะคอมพิวเตอร์มุมห้องเข้านั่งชิด จนแก้วต้องขยับหนี “ จดหมายเพื่อน ครับ “ “ เหรอ อ่านจบยัง ไปไปนอนกันได้แล้ว “ เสียงพี่ใหญ่ดังมาใกล้หูมือดึงแก้วให้เดินตามไปนอน โอยหน้าแดง ไอ้เก่งนะไอ้เก่งอุตส่าห์จะไม่คิดเรื่องนี้แล้วเชียวเสือกปลุกระดม ไอ้พัฒน์เหมือนกันตัวดีนักนะมึง ปากโป้ง ถ้าเจอกันครบละก็พวกมึงตายแน่ “ เอ้า นอนได้แล้ว “ แก้วหลับตาตามเสียงสั่งปล่อยให้มืออุ่นนั่นรัดให้ความอบอุ่นอีกครั้ง นี่เรื่องของจะเหมือนเรื่องของไอ้เก่งรึเปล่านะ ...........เฮ้ย ! คิดอะไรเนี้ย ... { เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
:เฮ้อ: นิยายดี ๆ จบไปอีกแร๊ะ เสียดาย แต่จบได้อิ่มเอิบใจน่าดูชม o13 o13
สนุกมากเลยครับ :impress2: :impress2: :impress2:
:-[