พิมพ์หน้านี้ - คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: matchty ที่ 06-04-2016 02:32:54

หัวข้อ: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 02:32:54
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย - แนะนำ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 02:39:04
ดีจ้า matchty หรือ แม่มณีเจ้าเก่าเอง

เรื่องนี้เป็นคู่ของอาร์ต x พีท

หนุ่มมาดกวนสไตล์ลูกทุ่ง ปะทะ ลูกคุณหนูที่ชีวิตไม่เคยเจอคำว่าลำบาก

หนึ่งในคู่เพื่อนจากเรื่อง >>> กับดักรักเกมหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51555.0)

ยังไงก็ฝากติดตามอีกซักเรื่องนะคับ กราบบบบบ ^/\^

** นิยายปกติจะอัพวันเว้นวันนะคะ (ถ้าไม่ติดอะไรจริงๆ) **

มีอะไรสอบถามพูดคุยได้ในเพจเลยนะคะ


- MATCHTY-แม่มณี (https://www.facebook.com/gib1matchty) -

สารบัญ

- กัดครั้งที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3351692#msg3351692)   - กัดครั้งที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3351695#msg3351695)
- กัดครั้งที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3351856#msg3351856)   - กัดครั้งที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3351866#msg3351866)
- กัดครั้งที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352774#msg3352774)   - กัดครั้งที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352904#msg3352904)
- กัดครั้งที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352913#msg3352913)   - กัดครั้งที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352917#msg3352917)
- กัดครั้งที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352920#msg3352920)   - กัดครังที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352926#msg3352926)
- กัดครั้งที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352939#msg3352939)   - กัดครั้งที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3352947#msg3352947)
- กัดครั้งที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3355913#msg3355913)   - กัดครั้งที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3362307#msg3362307)
- กัดครั้งที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3367255#msg3367255)   - กัดครั้งที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3371256#msg3371256)
- กัดครั้งที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3375604#msg3375604)   - กัดครั้งที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3378206#msg3378206)
- กัดครั้งที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3390429#msg3390429)   - กัดครั้งที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3393338#msg3393338)
- กัดครั้งที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3396324#msg3396324)   - กัดครั้งที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3398388#msg3398388)
- กัดครั้งที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3402654#msg3402654)   - กัดครั้งที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3405109#msg3405109)
- กัดครั้งที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3410271#msg3410271)   - กัดครั้งที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3412271#msg3412271)
- กัดครั้งที่ 27 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3413667#msg3413667)   - กัดครั้งที่ 27 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3414899#msg3414899)
- กัดครั้งที่ 28 Part ต้น[/url   [url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3416705#msg3416705]- กัดครั้งที่ 28 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3416705#msg3416705)[/size]
- กัดครั้งที่ 29 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3419113#msg3419113)   - กัดครั้งที่ 29 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3421262#msg3421262)
- กัดครั้งที่ 30 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3422109#msg3422109)   - กัดครั้งที่ 30 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3423686#msg3423686)
- กัดครั้งที่ 31 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3425451#msg3425451)   - กัดครั้งที่ 31 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3426280#msg3426280)
- กัดครั้งที่ 32 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3427305#msg3427305)   - กัดครั้งที่ 32 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3429850#msg3429850)
- กัดครั้งที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3432145#msg3432145)   - กัดครั้งที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3434824#msg3434824)
- กัดครั้งที่ 35 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3435701#msg3435701)   - กัดครั้งที่ 35 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3437994#msg3437994)
- กัดครั้งที่ 36 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3439752#msg3439752)   - กัดครั้งที่ 36 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3440479#msg3440479)
- กัดครั้งที่ 37 Part ต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3441189#msg3441189)   - กัดครั้งที่ 37 Part จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3444899#msg3444899)
- กัดครั้งที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3446891#msg3446891)   - กัดครั้งที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3449930#msg3449930)
- กัดครั้งที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3453068#msg3453068)   - กัดครั้งที่ 41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3456155#msg3456155)
- กัดครั้งที่ 42 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3459441#msg3459441)   - กัดครั้งที่ 43 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3463594#msg3463594)
- กัดครั้งที่ 44 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3465967#msg3465967)   - กัดครั้งที่ 45 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3468607#msg3468607)
- กัดครั้งที่ 46 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3470836#msg3470836)   - กัดครั้งที่ 47 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3474402#msg3474402)
- กัดครั้งที่ 48 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3476783#msg3476783)   - กัดครั้งที่ 49 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3479218#msg3479218)
- กัดครั้งที่ 50 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3480140#msg3480140)   - กัดครั้งที่ 51 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3480957#msg3480957)
- กัดครั้งที่ 52 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3481597#msg3481597)   - กัดครั้งที่ 53 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3483600#msg3483600)
- กัดครั้งที่ 54 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3484992#msg3484992)   - กัดครั้งที่55 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3488049#msg3488049)
- กัดครั้งที่ 56 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3489003#msg3489003)   - กัดครั้งที่ 57 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3493463#msg3493463)
- กัดครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52941.msg3494692#msg3494692)
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 02:45:06
กัดครั้งที่
- 1 -
   


   รถมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีชมพูหวานแหววลายกราฟฟิคชายทะเล เคลื่อนตัวเข้ามาจอดช้าๆที่ลานจอดรถด้านหลังคณะวิศวะ โดยเจ้าของรถเลือกที่จะจอดเจ้าสองล้อคู่ใจไว้ที่ประจำซึ่งเป็นที่สำหรับจอดรถยนต์ แต่ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าเอ่ยปากว่าหรือห้าม และปล่อยให้ไอ้สองล้อสีชมพูคันนี้ จอดอยู่ของมันมา 3 ปีแล้ว

   เมื่อดับเครื่องยนต์สนิทเจ้าของรถก็ถอดกุญแจออกและจัดการล็อกคอให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้คนมาขโมยลูกสาวสุดที่รักไปจากอก ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกเต็มใบยี่ห้อดังที่ใช้สำหรับคนขับบิ๊กไบค์ออกจากหัว แล้วนำไปวางลงบนตระกร้ารถด้านหน้าอย่างหวงแหน เพราะมีความใฝ่ฝันว่าสักวันตัวเองจะได้ใช้มันกับบิ๊กไบค์คู่ใจในอนาคต (ถ้ามีปัญญาซื้อ)

   ใบหน้าที่ไร้การปกปิดจากหมวกกันน็อกใบโตก้มลงไปส่องกระจก แล้วลงมือจัดทรงผมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปเปิดเบาะรถเพื่อหยิบเอาผ้าขึ้นมาเช็ดให้ลูกสาวสุดที่รัก ระหว่างที่เช็ดก็ผิวปากคลอไปอย่างอารมณ์ดี

   “พี่อาร์ต!!! แฮ่กๆๆ อยู่นี่เอง” เจ้าของชื่อชะงักมือตัวเองแล้วเงยหน้ามองคนเรียก ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจแล้วหันไปเก็บผ้าลงใต้เบาะรถเหมือนเดิม เพราะดูท่าแล้วเขาคงจะไม่ได้เช็ดรถต่อแน่ๆ

   “มีเหี้ยไร” อาร์ตถามด้วยความรำคาญก่อนจะนั่งลงบนเบาะรถ มองรุ่นน้องที่ยืนหอบเหมือนหมาอย่างไม่ใส่ใจ

   “กะ...เกิดเรื่องแล้วพี่ พวกไอ้ต้ากำลังจะตีกับพวกไอ้โชนหน้าคณะ” รุ่นน้องที่คาบข่าวมาบอกใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกอย่างเห็นได้ชัด

   “สัส!! หาเรื่องให้กูตั้งแต่วันแรก” อาร์ตสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดยกมือขึ้นขยี้ผมจนยุ่ง ก่อนจะเดินไปหน้าคณะด้วยความเร็วเพราะขืนช้าพวกแม่งตีกัน คนซวยจะเป็นเขาขี้เกียจจะมีปัญหากับพวกใหญ่กว่า

   “พวกมึงมีเรื่องเหี้ยอะไรกัน” เสียงตะโกนดุดันที่ดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่จ้องจะเปิดศึกต้องหยุดชะงัก ก่อนจะพากันยืนเงียบและถอยห่างจากกันเมื่อเห็นว่าใครมา

   “เป็นรุ่นพี่กันแล้วเสือกจะมากัดกันไม่อายน้องมันรึไงวะ” อาร์ตถามรุ่นน้องเสียงเข้มแล้วมองไปที่ทุกคนดุๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับเด็กเนิร์ดรูปร่างสูงใหญ่ที่ไม่คุ้นหน้าแต่มีบรรยากาศแปลกๆ

   “ขอโทษครับพี่” ฝุ่นที่ถือว่าเป็นคนใจเย็นที่สุดเอ่ยปากขอโทษออกมาพร้อมกับค้อมหัวให้นิดๆ ทำให้อาร์ตเลิกสนใจเด็กเนิร์ดตรงหน้าแล้วหันมาหารุ่นน้องแทน

   “อย่าสร้างปัญหาตั้งแต่วันแรกถือว่ากูขอ” อาร์ตบอกรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วโบกมือไล่ให้แยกย้าย ก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนที่คงรวมตัวกันอยู่ที่ประจำซุ้มโต๊ะไม้ข้างคณะ

   “เป็นเหี้ยอะไรมึงหน้าเป็นส้นตีน” กลอนเงยหน้าขึ้นมาเจออาร์ตที่เดินเข้ามาด้วยใบถมึงทึงด้วยความแปลกใจ แต่อาร์ตไม่ได้ตอบคำถามอะไรเพื่อนออกไปนอกจากทำหน้าเซ็ง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด

   “บุหรี่ดิ๊” อาร์ตเอ่ยปากขอพร้อมกับกระดิกนิ้วยิกๆก่อนจะรับมาแล้วจุดสูบทันที

   “มาถึงก็อัดมะเร็ง” อ้นว่าด้วยความขำก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทอย่างระอา

   อาร์ตจัดว่าเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อชนิดหาตัวจับได้ยากคนนึง กล้าพูดได้เลยว่าในมหา’ลัยตอนนี้ไม่มีใครหล่อเท่ายกเว้นเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่อยู่คณะบริหาร อดีตเดือนมหา’ลัยที่เฉือนเอาชนะอาร์ตตอนประกวดไปแค่คะแนนเดียว

   ผมสีแดงเพลิงที่ตัดกับผิวสีขาวของเจ้าตัว เจาะที่หางคิ้วและระเบิดหูและรอยสักตัวอักษรทั้งแปดนิ้ว ข้างนึงสักคำว่า ‘KILL’ ส่วนอีกข้างสักเลขโรมัน ‘XVII’ ที่ไม่มีใครรู้ความหมายนอกจากเจ้าตัว และด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับบุคลิกที่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ ทำให้อาร์ตเป็นที่ดึงดูดและจดจำได้ง่าย ไหนจะความดังที่ขึ้นชื่อว่าโหด โฉด เหี้ย เถื่อน ผู้ชายที่มีคำนิยามเหมาะสมกับการเป็นเด็กช่างกล และเป็นคนคุมเด็กวิศวะทั้งหมดยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่ว

   “ว่าไงมึงตกลงมีเรื่องเหี้ยอะไร” กลอนตัดสินใจถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มหายหงุด และนั่งพ่นควันบุหรี่เล่นอย่างไม่ได้สนว่านี่คือสถานศึกษาแต่อย่างใด เพราะคนอย่างไอ้อาร์ตมันสะกดคำว่าสามัญสำนึกไม่เป็น

   “ไม่มีไร...แค่พวกไอ้น้องโชนคนสวยปีสองของไอ้อ้นแม่งจะตีกับไอ้เด็กแว่นปีหนึ่งเพื่อนไอ้กิง” อาร์ตตอบเนือยๆก่อนจะขยี้บุหรี่ลงบนโต๊ะ

   “เอ้า!! ไอ้เหี้ย ช่างบังอาจมายุ่งกับน้องโชนกู” อ้นทำหน้าตาขึงขังเอาเรื่อง จนอาร์ตขว้างก้นบุหรี่ในมือใส่เพราะหมั่นไส้

   “เห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้ของมึงหมดว่างั้น” กลอนส่ายหัวหน่ายๆใส่เพื่อน ไอ้อ้นมันหน้าม่อเห็นใครสวยเห็นใครน่ารักเป็นไม่ได้มันม่อดะ โดยที่มันไม่ได้ดูหนังหน้ารูปร่างตัวเองเลยสักนิดไม่ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหร่ แต่มันเป็นคนที่ตัวบางหน้าหวานบางทีหวานกว่าไอ้คนที่มันไปจีบอีก จะดีหน่อยก็แค่มันสูงถึง 180 ซ.ม.กับเขานี่แหละ ถึงอย่างนั้นปัจจัยโดยรวมของมันก็ทำให้หาแฟนกับเขาไม่ได้สักทีเลยอยู่เป็นโสดไร้คู่จนทุกวันนี้ แต่ถ้ามันลองเปลี่ยนความคิดไปเป็นเมียชาวบ้านมันอาจจะเลิกโสดก็ได้นะ

   “แน่น้อน...แต่ว่านะไอ้อาร์ตทำไมมึงไม่ปล่อยให้มันตีกันวะ น้องโชนจะได้บาดเจ็บกูจะได้เข้าไปดูแล” อ้นบ่นงึมทำหน้าตาเสียดายอย่างสุดซึ้ง อาร์ตทนไม่ไหวล็อกคออีกฝ่ายแล้วตบลงไปบนหัวแรงๆหลายทีติดกัน จนอ้นได้แต่ดิ้นพล่านโวยวายดังลั่นพอหลุดออกมาได้ก็ยกมือขึ้นลูปหัวตัวเองมองค้อนอาร์ตตาคว่ำ

   “ไอ้สัส!! อย่ามาแต๋ว” แต่อาร์ตผู้รักเพื่อนยกตีนขึ้นถีบซ้ำจนอีกฝ่ายตกเก้าอี้

   “มึงแม่ง!! ทำร้ายร่างกายกู กลอนดูมันเดะ” อ้นทำท่าทางกระเง้ากระงอดใส่อาร์ตแล้วเดินไปเกาะแขนกลอนพร้อมกับเอาหัวถูไถไปมาอ้อนๆ

   “พอไอ้สัส” กลอนตบกะโหลกอ้นซ้ำอีกครั้งจนเจ้าตัวนั่งหน้างอ ด่าลมด่าฟ้าที่เพื่อนรุมทำร้าย

   “แล้วไง...มันจะตีกันเพราะอะไร” กลอนเลิกสนใจอ้นแล้วหันมาคุยกับอาร์ตแบบเป็นการเป็นงานแทน เป็นอันรู้กันดีทั้งคณะว่ากลุ่มของพวกไอ้ต้ากับไอ้น้องโชนไม่ถูกกัน จ้องจะกัดกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแต่ไม่ทำสักทีเพราะเกรงใจพวกเขา

   “กูก็ไม่รู้ว่าเรื่องเหี้ยอะไรขี้เกียจจะถามเลยให้พวกมันแยกย้าย” อาร์ตพูดไปแล้วชักสีหน้าไปด้วย

   “มึงน่าจะปล่อยให้ตี กูอยากดูแลน้องโชนนนน” อ้นที่เงียบได้ไม่นานหันมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง

   “ดูแลพ่อง!!! หาเรื่องให้กูต้องเคลียร์ตั้งแต่วันแรกพอๆสัส! กูสละตำแหน่ง” อาร์ตสบถออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่ได้ชอบตำแหน่งหัวโขนที่โดนยัดเยียดให้เป็นเลยสักนิด อยากอยู่สงบๆเข้าวัด ฟังเทศน์ฟังธรรม ไปปลูกป่าชายเลน กูเป็นผู้ชายรักสงบ!!!

   “ทำใจว่ะ...มันไม่มีใครจะเอาเด็กวิศวะทั้งคณะอยู่เหมือนมึงแล้วไอ้อาร์ต” กลอนตบไหล่เพื่อนพร้อมกับยิ้มขำ เขารู้ว่าไอ้อาร์ตมันอึดอัดกับสิ่งที่เป็นแต่ขัดใจพวกรุ่นพี่ไม่ได้ เพราะมันเคยทำมาแล้วหลังจากนั้นชีวิตมันไม่เคยสงบสุข พวกพี่ฮิมที่จ้องจะสืบทอดทายาทอสูรให้มันตามหลอกตามหลอนจนมันต้องยอม ก็ช่วยไม่ได้ละนะตำนาน 10 ต่อ 1 ของมันทุกวันนี้คนก็ยังพูดถึง มีแต่งเติมไปบ้างแต่พื้นเรื่องคือของจริง

   “ว่าแต่เพื่อนไอ้กิงเป็นเด็กแว่นนี่คือยังไง” กลอนถามต่อด้วยความสงสัยไม่เห็นเคยได้ยินว่ากลุ่มของรุ่นน้องที่สนิทมีเพื่อนใส่แว่น

   “ก็ใส่แว่นแต่งตัวเรียบร้อยโคตรๆ ถอดแบบเด็กเรียนในตำนานเป๊ะ” อาร์ตพูดออกไปตามที่เห็น

   “อ้าว!!! งี้ถ้าตีกันไอ้โชนชนะใสๆดิวะ” กลอนพูดขึ้นตามความเข้าใจของตัวเอง

   “กูว่าไม่แน่ว่ะ...ถึงแม่งจะดูแว่นๆเนิร์ดแต่มันแปลกๆ อีกอย่างคบพวกไอ้กิงได้กูว่าไม่น่าจะธรรมดา” อาร์ตพูดต่อตามความรู้สึกลึกๆ เรียกว่าตามสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่ตัวเองมีก็ว่าได้

   “ก็จริงของมึง” กลอนคิดตามแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

   “ว่าแต่ที่มึงหงุดหงิดเรื่องพวกน้องมันแค่นั้นหรอวะ” อ้นถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะปกติคนอย่างไอ้อาร์ตมันหงุกหงุดยาก
 
   “ไม่ใช่!! แต่กูหงุดหงิดเพราะมันมาขัดขวางการแสดงความรักของกูต่อลูกสาว” อาร์ตพูดพร้อมทำหน้าเหวี่ยงอีกครั้งเมื่อนึกถึงฟีโน่คันเก่งพาหนะคู่ใจของตัวเอง

   “ว่าแล้วกูกลับไปเช็ดตัวให้บานชื่นลูกสาวสุดที่รักต่อดีกว่า” อาร์ตลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้กลอนกับอ้นมองหน้ากันด้วยความระอา พวกสาวๆกว่าครึ่งมหา’ลัยจะมีโอกาสรู้บ้างไหม ว่าผู้ชายเถื่อนๆแมนๆอย่างไอ้อาร์ตเพื่อนเขาเป็นคนแบบนี้ เป็นผู้ชายที่ชอบสีชมพูและมีของโปรดเป็นขนมหวานทุกชนิด...

...
...
   
   “ครับ...เดี๋ยวผมจะรีบไปหานะ...เอาที่ไหนมาพูด...รักส้มคนเดียว” เสียงออดอ้อนที่ดังขึ้นเป็นระยะทำให้นาวกับเลิฟเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้กับความหน้าม่อไม่มีลิมิตของเพื่อน

   “อะไร...มองหน้ากูยังงี้ทำไม” พีทที่วางโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักทั้งสองกำลังจ้องตัวเองอยู่แถมยังทำหน้าตาเอื่อมระอาใส่

   “ไอ้หน้าม่อเอ้ยกูขอให้สักวันรถไฟมึงชนกัน” นาวเอ่ยปากแช่งออกมาอย่างหมั่นไส้พร้อมกับส่ายหัวให้ด้วยความเหนื่อยใจ

   “โว๊ะ...อยู่ดีๆมาแช่งกูทีไอ้กั้มมึงไม่เห็นไปว่ามันบ้าง” พีทพาดพิงไปถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้และเป็นลูกคู่กับตัวเองในการไปจีบสาว

   “เออ!! ไอ้กั้มมันก็มีเยอะแต่ถึงมันจะเปลี่ยนบ่อย อย่างน้อยมันก็คบทีละคนไม่เหมือนมึงคบพร้อมกันเป็นสิบ” นาวหันมาเหวี่ยงพร้อมถลึงตาใส่จนพีททำหน้ามุ่ย

   “มึงๆ” แรงสะกิดเบาที่ไหล่ทำให้พีทต้องหันไปมอง ก็เห็นเพื่อนหน้าหวานมดไต่ผู้หญิงอายของไอ้เลิฟกำลังมองมาตาแป๋ว

   “อะไร” พีทถามด้วยความระแวงเพราะเล่นใช้สกิลตาแป๋วเตรียมอ้อนแบบนี้อันตรายสุดๆ

   “หาสาวให้กูบ้างดิ” เลิฟบอกด้วยท่าทางกระตือรือรนส่วนพีทกับนาวมองด้วยความอึ้ง

   “แล้วสาวคณะบริหารมึงล่ะ” นาวที่ตั้งสติได้ก่อนเอ่ยปากถามถึงบุคคลที่เพื่อนบอกว่าไปตามจีบ

   “เขาก็คุยกับกูดีแต่ว่ากูรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งหยอกกูอ่ะ ไม่รู้ดิแม่งบอกไม่ถูกเอาเป็นว่าหาสาวให้กูหน่อยน๊าาาา” เลิฟหันมาเขย่าแขนพีทพร้อมกับช้อนตามองอ้อนๆ

   “อย่าเลยนะมึงกูขอเตือนอย่าไปทำท่าทางทำตาแบบนี้ใส่ตัวผู้ที่ไหน นอกจากพวกเราในกลุ่มเข้าใจไหม” พีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังขืนมันไปเผลอทำกับคนอื่นล่ะก็ ได้มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาจริงๆก็คราวนี้แหละ ก็เพราะไอ้ท่าทางแบบนี้ล่ะมั้งดาวคณะบริหารที่มันมาโม้นักโม้หนาว่าตามจีบ ถึงได้เอาแต่หยอกมันเล่นสนุกไปวันๆ แล้วนี่ยังมีหน้ามาบอกให้หาหญิงให้ทั้งๆที่แม่งทำตัวน่ารักกว่าผู้หญิง โคตรสงสัยเลยตอนที่มันมีแฟนเป็นผู้หญิงตั้งหลายคน พวกผู้หญิงแม่งไม่รู้สึกแปลกๆเหรอวะเขาละงง

   “เลิฟ...พี่ปอมา” นาวที่เหลือบไปเห็นคู่อริของเพื่อน (ที่มันคิดเอาเอง) รีบเอ่ยปากบอก เพราะเห็นหน้าตากลุ้มใจของพีทแล้วกลัวมันจะผูกคอตาย

   “ห๊ะ!! ไหน....มหาาาาา” เลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบปล่อยแขนของพีทแล้วมองหา ก่อนจะร้องเรียกเสียงดังแล้ววิ่งแจ้นไปหาทันที

   “นี่คือยังไงวะมันไม่เอาสาวแล้ว” พีทมองตามหลังด้วยความอึ้ง ไม่ว่าจะคุยอะไรกันอยู่ก็ช่าง ถ้าบอกว่าพี่ปอมามันจะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งแจ้นไปแบบนี้ทุกที

   “ช่างมันเถอะบางทีคนของมันคงถูกกำหนดมาแบบนี้” นาวพูดแล้วก้มลงไปอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้

   “อะไรของมึงวะ” พีทเป็นงงกับคำพูดลอยๆของนาวทันที เพื่อเขาคนนี้มันชอบพูดอะไรที่ชาวบ้านไม่เข้าใจแต่มันเข้าใจอยู่คนเดียว

   “เออน่ะ...มันต้องใช่เวลาเดี๋ยวมึงก็รู้” นาวพูดตัดบทไม่ให้เพื่อนถามต่อเอาเป็นว่าให้เธอเข้าใจคนเดียวพอ

   “เรื่องมึงเหอะ...งั้นกูไปละต้องไปรับหมิว” พีทลุกขึ้นเก็บของใส่เป้แล้วเดินไปหารถตัวเองอย่างรีบร้อน ทิ้งให้นาวมองตามด้วยความระอาเมื่อกี้มันพึ่งบอกรักส้ม ตอนนี้บอกจะไปรับหมิวเอากับความเจ้าชู้ของมันสิให้ตาย

...
...
   
   พีทขับรถออกมาจากคณะด้วยอารมณ์แจ่มใสเรียกว่าดีสุดๆ เพราะกำลังจะไปรับสาวในสต๊อกที่เขาพึ่งจีบมาได้เมื่อวาน และถ้าไม่มีอะไรพลาดคืนนี้คงจะได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันแน่ๆ แค่คิดก็อยากจะเหาะไปหาด้วยความเร็ว

   เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆจังหวะที่กำลังจะเลี้ยงรถออกจากหน้ามหา’ลัย ก็มีมอเตอร์ไซค์คันนึงกำลังขับสวนเข้ามาพอดี ทำให้พีทต้องหักหลบด้วยความตกใจจนรถขึ้นไปเกยบนฟุตบาท ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่คู่กรณีก็หักหลบจนรถล้ม

   เอี๊ยด!!!

   พีทนั่งหายใจแรงตาค้างมือกำพวงมาลัยแน่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งกระพริบตาถี่ๆเพราะยังงงกับเรื่องที่เกิดอย่างกระทันหัน ยกมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อยขึ้นมาลูบอกเบาๆ เมื่อตั้งสติได้ก็รับปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลงจากรถด้วยความเร็ว

   “เหี้ย!!! รถกู!!” พีทโวยออกมาดังลั่นเมื่อเห็นว่ามินิคูเปอร์คันเก่งของตัวเอง ที่พ่อพึ่งถอยให้เป็นของขวัญที่เอนติด ตอนนี้ด้านข้างของตัวรถมีรอยถลอกเป็นทางยาว

   “อ๊ากกก บานชื่นลูกพ่อ” และวินาทีต่อมาเสียงโวยวายของคู่กรณีก็ดังตามมาติดๆ

   พีทหันไปมองตามเสียงทันทีก็เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่พอสมควร สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีชมพูกำลังโวยวายคร่ำครวญเหมือนญาติเสีย พยุงรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูไม่ต่างจากสีหมวกขึ้นมา แล้วเดินวนสำรวจรอบรถทำท่าจะเป็นจะตาย ทั้งๆที่รถมันไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด

   พีทยืนมองท่าทางเหล่านั้นด้วยความโมโห เพราะมันแท้ๆลูกรักเขาถึงเป็นรอยขนาดนี้ แถมแทนที่มันจะสนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเขา มันดันเอาแต่สนรถสังกะบ๊วยของมัน

   “เฮ้ย!! ไอ้แต๋ว” พีทเรียกออกไปเสียงดังเพื่อดึงให้อีกฝ่ายสนใจ และมันก็ได้ผลเพราะเจ้าตัวหยุดนิ่งเลิกคร่ำครวญแล้วหันมาหาเขาทันที

   “มึงว่าใครแต๋ว” เสียงที่ดังออกมาจากหมวกกันน๊อกถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ ส่วนพีทกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างชอบใจ

   ‘สีชมพูทั้งตัวยันอุปกรณ์เสริมนี่มึงแมนสัสๆล่ะมั้ง’


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 02:52:06
กัดครั้งที่
- 2 -

   


   ความเงียบโรยตัวปกคลุมทั่วบริเวณทันทีคนรอบข้างที่มุงดูต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะส่วนมากทุกคนพอจะรู้แล้วว่าใบหน้าภายใต้หมวกกันน๊อคคือใคร และด้วยกิตติศัพท์ดีเยี่ยมอันเป็นที่ล่ำลือของคนๆนี้ ทำให้หลายคนชักเป็นห่วงสวัสดิภาพของผู้ชายหน้าหวานอีกคนที่กำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน

   “เอ้ย!! ถามไม่ได้ยินหรอวะมึงว่าใครแต๋ว” เสียงอู้อี้ที่ดังออกมาจากหมวกกันน๊อคถามด้วยความฉุนเฉียว

   “ว่าหมาแถวๆนี้แหละ” พีทตอบอย่างยียวนกวนประสาทอีกฝ่าย

   “ไหนวะหมา” นอกจากกวนไม่สำเร็จอีกฝ่ายยังพาซื่อมองหาหมาเล่นเอาความดันของพีทเกือบขึ้น

   “มึงถอดหมวกออกมาคุยกับกูดีๆก่อนไหมไอ้นมเย็น” พีทบอกอีกฝ่ายด้วยความใจเย็นถึงแม้ในใจอยากจะบีบคอเต็มที่แล้วก็ตาม ถึงตัวใหญ่กว่าไม่ได้แปลว่าพีทจะกลัวนะเว้ย

   “เออว่ะ...กูว่าแล้วทำไมฟ้าแม่งมืดๆเหมือนฝนจะตก” คู่กรณีเหมือนจะพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองใส่หมวกกันน๊อคอยู่ เลยจัดการถอดออกช้าๆเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและผมสีแดงเพลิง เอกลักษณ์ประจำตัวที่ผ่านมากี่ปีเจ้าตัวก็ย้อมอยู่สีเดียว

   พีทที่เห็นคู่กรณีชัดๆก็อึ้งไปนิดด้วยความตกใจหน้าเริ่มซีด ทำไมเขาโง่แบบนี่วะทุกอย่างที่ได้เห็นมันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว ฟี่โน่สีชมพู หมวกกันน๊อคสีชมพูรอบๆตัวมีสีชมพูแบบนี้คือคนๆเดียวที่พี่รหัสเตือนมา ว่าต้องให้ความเคารพเพราะคือคนที่คุมวิศวะทั้งหมดตอนนี้ ยิ่งไอ้หน้าหล่อๆหัวสีแดงไม่ต้องถามให้มากความก็รู้นี่มันพี่อาร์ตปีสาม ไอ้พีทมึงซวยแล้ว

   “หน้ามึงคุ้นๆว่ะเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนไหม” อาร์ตที่พอได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย พยายามจะเข้าไปมองใกล้แต่อีกฝ่ายก็ถอยหลังหนีแถมก้มหน้าก้มตาหลบ เป็นอะไรของมันวะ

   “โว๊ย!! คุ้นห่าอะไรล่ะมุกจีบสาวรึไงวะ” พีทตวาดด่าอีกฝ่ายด้วยความลืมตัว เพราะรำคาญที่อีกคนพยายามจะจับหน้าตัวเองให้เงยขึ้น พอรู้ตัวก็ยกมือปิดปากตัวเองแน่นทันที ความรู้สึกตอนนี้คืออยากผ่าหมาออกจากปากตัวเองมาก

   “อะไรของมึงวะผีเข้าป่ะเนี่ย” อาร์ตที่จู่ๆก็โดนตวาดผงะถอยด้วยความตกใจ เมื่อกี้เห็นยืนเงียบเป็นหุ่นอยู่ดีๆก็เสือกแหกปากขึ้นมา

   “จะเอายังไงเรื่องรถ”” พีทรีบพูดธุระสำคัญของตัวเองเพราะอยากจะจบเรื่องแล้วแยกย้ายสักที

   “แล้วมึงจะเอายังไงล่ะ” อาร์ตเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะรับผิดชอบต่อลูกสาวเขายังไง

   “สองหมื่นขาดตัวจ่ายสดงดเชื่อเบื่อทวง” พีทที่เข้าใจไปคนละอย่างกับอีกฝ่ายบอกตัวเลขความเสียหายทันที

   “อะไรคือสองหมื่นมึงจะให้กูเหรอเฮ้ย!!มันไม่ได้แพงขนาดนั้นสองพันก็พอ” อาร์ตที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะจ่ายตังค่าซ่อมลูกรักให้รีบปฏิเสธทันที

   “ห๊ะ!! เดี๋ยวนะใครจะให้มึงวะ” พีทที่เริ่มจะสับสนถามย้ำกับอีกฝ่ายตกลงมันกับเขาคุยเรื่องเดียวกันไหม

   “ก็มึงไง” อาร์ตบอกอีกฝ่ายหน้าตายขับรถเหมือนเด็กอนุบาล จนทำเขารถล้มยังมาถามอีกว่าใครจ่าย

   “ห๊า!!! มึงมั่วแล้วมึงเว้ยต้องเป็นคนจ่ายให้กูเห็นไหมว่ารถกูถลอกเป็นแผลเนี่ย” พีทตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รอยถลอกข้างตัวรถ ลืมสิ้นแล้วไอ้ความกลัวความเกรงใจที่โผล่มาแว๊บนึงเมื่อกี้

   “แล้วไงวะรอยแค่นั้นมึงจะเอาตั้งสองหมื่นกูไม่จ่าย” อาร์ตมองไปตามที่อีกฝ่ายชี้แล้วก็ยักไหล่ให้ไม่สนใจ

   “ก็นี่มันรถนอกมึงรู้จักไหมมินิคูเปอร์จะให้ซ่อมสองร้อยเหรอวะ” พีทว่าอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาลอีกสักพักเขาจะเข้าไปบีบคอมันแล้วนะ

   “เออ...ถ้าสองร้อยก็คุยกันได้อยู่ราคาตกลงกันได้” อาร์ตพยักหน้างึกงักพร้อมกับควักเอาแบงค์สีแดงยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน

   “โว๊ย!!! กูประชดกูจะเอาสองหมื่น” พีทตะโกนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโมโหเกิดมายังไม่เคยโมโหใครขนาดนี้เลย

   “กูมีให้มึงสองร้อยทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย” อาร์ตทำหน้าตาจริงจังใส่อีกฝ่ายพร้อมกับชูเงินสองร้อยในมือให้ดู

   “ไอ้ยาจก” พีทด่าอย่างดูถูกทันทีไอ้คนแบบนี้ทำไมเด็กวิศวะถึงให้ความเคารพวะ

   “เฮ้ยๆอย่าเรียกกูยกจกเขาเรียกคนมีรายได้น้อย สองร้อยเนี่ยกูกินข้าวได้ตั้งสองวันนะมึง” อาร์ตบอกอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์บังอาจมาดูถูกเงินสองร้อยของเขา

   “ถ้ามึงจะจนขนาดนี้นะมึงขับรถภาษาเหี้ยอะไรวะถึงให้ไอ้เศษเหล็กสองล้อมาเฉี่ยวรถกู” พีทยังคงด่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้

   "มึงว่ารถใครเศษเหล็กแล้วมึงนั่นแหละขับรถภาษาเหี้ยอะไร" อาร์ตเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันแถมมันกล้าดียังไงมาว่าบานชื่นลูกสาวเขาเป็นเศษเหล็ก

   "มึงว่าใครเหี้ย" พีทถามกลับเหวี่ยงๆเพราะได้ยินอีกฝ่ายว่าตัวเอง

   "มึงกับกูยืนคุยกันสองคนไม่ใช่กูแน่ๆที่เป็นเหี้ยงั้นมึงคิดว่าใคร" อาร์ตถามกลับเสียงยียวนเอานิ้วมือแหย่หูตัวเองเล่น แม่งส่งเสียงแว๊ดๆดังแสบแก้วหูฉิบหาย

   "ไอ้สัส!!" พีทด่าด้วยความหมั่นไส้

   "เออดี...กูเป็นกระต่ายนะ" อาร์ตตอบอย่างไม่ใส่ใจเลือกได้ก็ต้องเลือก

   "ไอ้เหี้ย!!"

   "มึงนี่ยังไงวะกูพึ่งบอกว่าเป็นกระต่ายไปแหม่บๆฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง" อาร์ตหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วส่ายหัวให้หน่ายๆ คนอะไรวะเอาใจยากฉิบหายเดี๋ยวสัสเดี๋ยวเหี้ย

   พีทได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆกับความกวนของอีกฝ่าย อยากจะถีบเข้าสักเปรี้ยงแต่ก็กลัวว่าจะโดนสวนกลับ เลยได้แต่ยืนฮึดฮัดคนเดียวอย่างฉุนเฉียว

   “ไหนกูขอดูใกล้ๆดิรอยเหี้ยอะไรเอาเงินตั้งสองหมื่น” อาร์ตเดินไปทางรถที่จอดอยู่เพื่อจะดูรอยถลอกเจ้าปัญหาที่ว่า แต่ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือสวรรค์เล่นตลก จู่เขาก็สะดุดอะไรไม่รู้ทำให้หมวกกันน๊อคที่ตัวเองถือไว้หลุดมือ ปลิวขึ้นสูงลอยละล่องและตกไปกระแทกที่กระจกรถด้านหลังอย่างจัง

   เพล้ง!!!!

   ความเงียบสงัดปกคลุมรอบบริเวณทันที ทุกสายตาพุ่งไปมองที่เจ้าของรถเป็นตาเดียวเพื่อดูปฏิกิริยา แต่สิ่งที่แสดงออกมาจากใบหน้าหวานคือความเรียบเฉย กับอาการยืนนิ่งสายตาว่างเปล่ามองไปที่รถคันเก่ง ซึ่งตอนนี้กระจกด้านหลังแตกเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่

   อาร์ตที่ตั้งสติได้จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อครู่รีบถลาเข้าไปที่รถด้วยความเร็วสูง ก่อนจะคว้าเอาหมวกกันน๊อคที่ตอนนี้ปลิวเข้าไปอยู่ที่เบาะหลังของรถออกมา จับหมวกในมือพลิกไปพลิกมาเพื่อหารอยขีดข่วน แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าหมวกใบเก่งไม่เป็นอะไร

   หลังจากสำรวจข้าวของตัวเองจนพอใจแล้ว อาร์ตถึงนึกขึ้นมาได้ว่าหมวกใบเก่งปลิวไปกระแทกกับกระจกรถคู่กรณี เหลือบสายตากลับไปมองที่รถเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองอีกคนที่ยืนเงียบผิดปกติ

   “เอ่อ...มึงคืองี้นะ” อาร์ตอ้าปากคุยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆเหมือนปลาขาดน้ำไปให้

   จึ่ก จึ่ก

   “มึง...” เมื่อลองเรียกไปแล้วครั้งแรกไม่เป็นผล เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งเงียบไม่แม้แต่จะขยับตัว อาร์ตเลยเขยิบเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมพร้อมกับเอานิ้วจิ้มบนตัวเบาๆ

   “เฮ้ย! มึง...กูเรียกได้ยินไหมเนี่ย” อาร์ตพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด อุตส่าห์รู้สึกผิดพยายามจะไกล่เกลี่ยแต่เงียบใส่นี่คือไรวะ

   พรึ่บ!!

   พีทหันควับไปมองอาร์ตด้วยใบหน้าถมึงทึงพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง อาร์ตที่เห็นท่าทางแบบนั้นของพีทก็ผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจพร้อมกับขาที่ก้าวถอยหลังแบบอัตโนมัติ

   พีทหันไปเผชิญหน้ากับอาร์ตทั้งตัวตัวก่อนจะเดินเข้าหาช้าๆ ด้านอาร์ตพอพีทขยับเข้ามาใกล้เจ้าตัวก็ถอยหลังออกห่างและสุดท้ายก็โดนต้อนจนหลังชิดกับต้นไม้ หันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางหนีทีไล่ก็ไม่เห็นว่าจะมีช่องว่างตรงไหนให้ชิ่ง เลยตัดสินใจหันมาเผชิญหน้าแทนพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้

   เอื๊อก!!!

   “ใจเย็นๆนะมึงค่อยๆพูดค่อยๆจา” อาร์ตกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังพร้อมพูดกับอีกฝ่ายเสียงหวาน มองแววตาที่จ้องตัวเองอย่างอาฆาตด้วยความระแวง เกิดมาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรแบบนี้ในชีวิตเลยนะให้ตาย หวังว่าไอ้หน้าหวานตรงหน้าเขามันจะไม่โกรธจนพุ่งเข้ามาบีบคอนะ

   หมับ!!

   พีทไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแต่ไปคว้าหมวกกันน็อคในมืออาร์ต ก่อนจะกระชากออกมาด้วยความเร็ว จากนั้นก็หันหลังเดินตรงดิ่งไปหารถมอเตอร์ไซค์สีชมพูที่จอดหวานแหววอยู่ เงื้อมืข้างที่ถือหมวกกันน็อคขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงไปที่ตัวรถ

   “เฮ้ย!!! มึงอย่า!!!” อาร์ตแหกปากร้องเสียงหลงรีบวิ่งมากอดพีท แล้วดึงตัวให้ห่างจากลูกรักที่สุดมือก็พยายามยื้อเอาหมวกในมือเล็กคืน

   “มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ แม่ง!! เหี้ย!! สัส!! ปล่อยกู!!” พีทโวยวายดังลั่นหลังจากที่เงียบมานาน ดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของอาร์ต

   “โอ๊ย!!!” อาร์ตแหกปากดังลั่นเพราะโดนมือของพีทที่ดิ้นไม่หยุดฟาดเข้าที่เบ้าตา จนเผลอปล่อยมือที่ล็อกตัวอีกฝ่ายไว้ เป็นจังหวะให้พีทมีโอกาสตรงดิ่งกลับไปหารถมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง

   “อ๊ากกกก อย่า!!!” อาร์ตโวยวายตาเหลือกถลนวิ่งเอาตัวมากอดลูกรักที่กำลังจะถูกประทุษร้ายไว้แน่น ผลที่ได้คือหมวกกันน็อกที่พีทฟาดลงมาโดนเต็มๆกลางหลัง

   “มึงหลบเดี๋ยวนี้นะไอ้พี่เหี้ย” พีทว่าเสียงเกรี้ยวกราดตาเขียวปั๊ดจ้องมองอาร์ตอย่างอาฆาต วันนี้ถ้าเขาต้องทุบไอ้เศษเหล็กสองล้อนี่ให้แหลกคามือให้ได้คอยดูสิ

   “ไม่!!” อาร์ตปฏิเสธเสียงแข็งจ้องหน้าพีทเขม็ง เอาตัวบังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจเอาไว้เหมือนนกกางปีกปกป้องลูกไม่มีผิด และท่าทีแบบนั้นยิ่งทำให้พีทนึกฉุนไปกันใหญ่

   “หลบ!!” พีทถามเสียงเหวี่ยงมือกำหมวกกันน็อกในมือแน่น

   “กูไม่หลบ!!” อาร์ตเองก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงฉะฉานไม่ยอมแพ้

   “หลบ!!” พีทแหกปากบอกเสียงดังลั่นจ้องหน้าอาร์ตแบบจะกินเลือดกินเนื้อ

   “ก็บอกว่าไม่หลบไงวะมึงนี่แม่งพูดไม่รู้เรื่อง ถ้าจะแตะบานชื่นลูกกูก็ข้ามศพกูไปก่อน” อาร์ตกางแขนออกกว้างเพื่อกันไม่ให้พีทเข้ามาใกล้รถสุดหวงพร้อมทั้งยิ้มมุมปากและยักคิ้วส่งไปให้

   ท่าทางกวนประสาทของอาร์ตที่แสดงออกมาทำเอาพีทอารมณ์ขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ มือข้างที่เงื้อหมวกกันน็อกขึ้นสูงถูกลดลงมาระดับหน้าอก แล้วใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองกอดประคองเอาไว้เหมือนหวงแหนซะเต็มประดา

   “ต้องข้ามศพมึงก่อนใช่ไหม” พีทส่งยิ้มหวานไปให้อาร์ตพร้อมกับถามเสียงเย็น

   “อะ...เออ ข้ามศพกูไปก่อน” อาร์ตตอบตะกุกตะกักรู้สึกระแวงไอ้หน้าหวานตรงหน้าขึ้นมาทันที

   “งั้นมึงตาย!!!” พีทตะโกนสุดเสียงแล้วพุ่งเข้าหาอาร์ตทันที

   “เฮ้ย!! โอ๊ย!!” อาร์ตผงะด้วยความตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็พุ่งเข้าหา ก่อนจะยกมือกันอีกฝ่ายที่กระหน่ำทุบตีลงมาไม่ยั้งปากก็ร้องโอดโอยไม่หยุด

   “มึงได้ตายสมใจแน่ไอ้เหี้ย!!” พีทกระหน่ำเอาหมวกกันน็อกในมือฟาดลงไปตามตัวอาร์ตไม่ยั้ง ชนิดที่ว่าแรงมีเท่าไหร่ใส่ลงไปให้หมดด้วยความแค้น

   ปึ่ก!!!

   หมวกกันน็อกใบเก่งของอาร์ตลงไปกลิ้งอยู่บนพื้นถนนด้วยฝีมือของเจ้าตัว เพราะจงใจปัดออกก่อนที่หัวหรือส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายจะแตกหักบุบสลายจากการที่โดนทุบลงมาไม่ยั้ง เขายืนหายใจหอบเหนื่อยจ้องคู่กรณีหน้าหวานของตัวเองเขม็ง พร้อมทั้งบีบนวดไปตามตัวเพราะตอนนี้รู้สึกปวดไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเท่าลูกหมาแค่นี้ไปเอาแรงมาจากไหนมือหนักฉิบหาย

   พีทเองก็หอบหายใจเหนื่อยไม่แพ้กันเพราะต้องลงแรงฟาด ไหนจะต้องวิ่งไล่ตามเพราะอีกฝ่ายเอาแต่วิ่งหนี แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนสายตาที่ใช้มองไปก็ยังไม่ลดความเกรี้ยวกราดลง

   “มึงตาย!!” พีทตะโกนออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งกระโดดเกาะหลังของอาร์ตแน่น มือก็ฟาดลงไปตามตัวของอีกฝ่ายไม่หยุด

   “โอ๊ย!!! หูกู!!!” อาร์ตร้องเสียงหลงเพราะโดนคนบนหลังงับเข้าที่ใบหูเต็มแรง ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือไอ้คนบนหลังเขามัน
พยายามจะกระชากหูข้างที่เข้าระเบิดเอาไว้ ด้วยความที่กลัวว่าหูตัวเองจะขาดอาร์ตเลยจัดการเหวี่ยงอีกฝ่ายลงพื้นเต็มแรง มือก็ลูบที่หูตัวเองไปมาเพราะความเจ็บ นอกจากจะมือหนักชาติที่แล้วมันต้องเป็นหมาด้วยแน่ๆ

   “มึงหยุด!!!” อาร์ตตะคอกเสียงเข้มแล้วชี้หน้าอีกฝ่ายที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้งให้หยุด แววตาและน้ำเสียงที่ใช้ตอนนี้ไม่เหลือเค้าความขี้เล่นแบบก่อนหน้าเลยสักนิด

   พีทลุกขึ้นยืนสบตากับคนตัวโตกว่าเขม็ง ก่อนจะเม้มปากแน่นมือสองข้างถูกกำเข้าหากัน แววตาไหววูบก่อนที่จะมีน้ำใสๆเอ่อคลอและไหลลงมาในที่สุด

   อาร์ตที่กำลังอยู่ในโหมดโมโหถึงกับอารมณ์ดับสนิท มองใบหน้าหวานที่แดงก่ำและน้ำตานองหน้าด้วยความเหวอ เริ่มที่จะทำตัวไม่ถูกเพราะเกิดมาไม่เคยเผชิญสถานการณ์อะไรแบบนี้

   ‘ว่าแต่ผู้ชายร้องไห้เขาควรทำยังไงดีล่ะวะ’


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 11:54:23
กัดครั้งที่
- 3 -



   "เอ่อ...มึง...คือ..." อาร์ตพยายามจะพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เริ่มจะทำตัวไม่ถูกมือไม้มันดูเกะกะเก้งก้างไปหมด เพราะอันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าอาร์ตจะชอบสีชมพูแต่เขาก็คือผู้ชายแมนๆคนนึง ที่แข็งกระด้างไม่ได้มีความละเอียดอ่อนอะไรเลยสักนิด พอมาเจอกับอะไรแบบนี้ยอมรับเลยว่าทำตัวไม่ถูก ยื่นมือเข้าไปหาคนตรงหน้าแบบกล้าๆกลัวๆ

   หมับ!!

   สัมผัสแผ่วเบาตรงไหล่ทำให้พีททึ่ยืนก้มหน้าน้ำตาซึมอยู่ ตวัดสายตาขึ้นไปมองอย่างขุ่นมัว ยิ่งพอเห็นว่าใครที่เป็นคนมาแตะ ดวงตาฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆยิ่งแสดงความไม่พอใจออกมาเด่นชัด

   อาร์ตชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้สบตากับคนตรงหน้า ยิ่งมองใบหน้านี้ชัดๆก็ยิ่งรู้สึกคุ้นแบบประหลาด มันเหมือนกับ...

   "โอ๊ย!!!!" อาร์ตแหกปากดังลั่นยืนกระโดดขาเดียวเหยงๆหน้าตาบิดเบี้ยวด้วความเจ็บปวด จากการที่โดนอีกฝ่ายกระทืบลงบนฝ่าเท้าเต็มแรง หลังจากที่ความเจ็บเริ่มคลายอาร์ตก็หันมามองหน้ากลับอย่าเอาเรื่อง พีทเองก็ถลึงตามองกลับไม่ยอมแพ้

   "ฮึก...ไอ้เหี้ย...ไอ้หน้าหมา...ฮึก" พีทยืนน้ำตาไหลพรากร้องไห้สะอึกสะอื้นปากก็ด่าอาร์ตไม่หยุด ที่ร้องไห้ไม่ใช่ว่าอ่อนไหวสาวแตกทนความสะเทือนใจไม่ได้ แต่เป็นเพราะโกรธแล้วทำอะไรไม่ได้จนน้ำตาไหลต่างหาก มันเป็นนิสัยที่พยายามจะแก้แล้วแก้ไม่หายสักที เวลาโกรธใครมากๆแล้วทำอะไรไม่ได้เขาจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ทุกครั้ง

   "เฮ้ย! มึงอย่าร้องดิวะอายคนบ้างไหมเนี่ย" อาร์ตพยายามปลอบพีทด้วยความลนลาน แต่ยิ่งปลอบอีกฝ่ายยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม จนอาร์ตต้องยกมือขยี้หัวตัวเองแรงๆอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้และไม่เคยชิน เพราะเขาเป็นประเภทแพ้น้ำตายิ่งมันมาจากอะไรน่ารักๆแบบคนตรงหน้ายิ่งแล้วใหญ่

   ยอมรับเลยว่าผู้ชายตรงหน้าน่ารักน่าฟัดพอสมควร ถึงจะดูสูงแต่ตัวบางอุ้มมือเดียวยังได้เลยมั้ง ตัวก็ขาวปากนิดจมูกหน่อย ทำอะไรแรงๆนิดหน่อยเอวคงหัก แต่ถ้าได้เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตานี้อยู่ใต้ร่างคงสนุกพิลึก...เฮ้ย!! นี่เขาคิดอะไรวะ

   "มองหน้าแล้วทำสายตาหื่นๆคืออะไรวะ" พีทตวาดถามแล้วถอยหลังออกไป ตามองไปที่อาร์ตด้วยความระแวง น้ำตาที่ไหลอยู่หยุดไหลโดยอัตโนมัติ

   "ใคร...ใครทำวะ" อาร์ตทำตีมึนไม่รู้เรื่องใส่อีกฝ่าย ทั้งๆที่ในใจรู้สึกสะอึกไม่น้อยนี่เขาเผลอแสดงออกทางสีหน้าเลยเหรอ

   "ก็มึงและทำ" พีทยกมือชี้หน้าอีกฝ่ายก่อนจะเอาแขนสองข้างกอดตัวเองแน่น เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนทำมิดีมิร้ายยังไงยังงั้น เขาว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆเมื่อกี้ไอ้บ้านี่มันทำตาหื่นมองเขา

   "กูไม่ได้ทำ...แล้วเรื่องรถมึงจะเคลียร์ไหม" อาร์ตทำหน้านิ่งเสียงแข็งจ้องอีกฝ่ายดุๆ เพื่อกลบเกลื่อนความจริง

   "อะ...เออ...แล้วมึงจะรับผิดชอบยังไงเรื่องรถ" พีทเอามือที่กอดตัวเองลงแล้วยืนในท่าทางปกติ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับเข้าไปใกล้อาร์ตตาก็ยังมองอย่างระแวง ก็มันไม่น่าไว้ใจนี่หว่าถึงตอนนี้จะดูไม่ทีอะไรผิดปกติก็เหอะ

   "ดูแล้วก็คงต้องซ่อมมั้ง" อาร์ตเหลือบไปมองรถเจ้าปัญหาด้วยความเซ็ง นี่แม่งวันซวยอะไรของเขาวะ โดนเฉี่ยวจนรถล้มไม่พอเสือกสะดุดจนหมวกไปกระแทกกระจกจนเกิดเรื่อง...เห็นไหมหมวกแม่งเป็นรอยหมด

   "มันไม่คงแต่มันต้องซ่อมไอ้เหี้ย!!" พีทตวาดสุดเสียงรู้สึกโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เส้นเลือดข้างขมับนี่เต้นตุบๆ เกิดมาไม่เคยเจอใครกวนตีนบวกกวนประสาทแบบนี้เลย

   "แค่นี้เองมึงจะโมโหทำไมเนี่ย" อาร์ตมองพีทอย่างเอือมระอาพร้อมส่ายหัวให้น้อยๆ แค่นี้ทำมาเป็นขึ้นของเขาทั้งรถเป็นรอย ทั้งหมวกเกือบพัง แถมร่างกายยังโดนประทุษร้ายยังไม่บ่นสักคำ โวยวายมากเดี๋ยวจับเอาแม่งให้หายซ่า...เฮ้ย! คิดเหี้ยอะไรวะ

   "มึงทำหน้าหื่นทำไมอีกแล้วเนี่ย" พีทโวยวายชี้หน้าอาร์ตแล้วถอยหลังออกไปไกลกว่าเดิม

   "ก็กูบอกว่าไม่ได้ทำไงวะ แล้วมึงจะถอยไปทำเหี้ยอะไรนักหนาขี้เกียจแหกปากคุย" อาร์ตทำเสียงเข้มตาดุใส่อีกฝ่าย พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเดี๋ยวไก่ตื่น...เฮ้ย!! นี่กูเป็นไรของกูวะเนี่ย

   "กูก็ไม่ได้อยากแหกปากแต่หน้าตามึงแม่งไม่น่าไว้ใจ และที่สำคัญรถกูต้องส่งซ่อม" พีทถลึงตาใส่อีกฝ่ายพยายามทำให้ดุที่สุด แล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิดย้ำว่าแค่นิดเดียวเท่านั้น

   "เออ...ซ่อมก็ซ่อมดิวะแค่เนี่ย มึงจะโวยวายทำเหี้ยอะไร" อาร์ตทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่อย่างรำคาญ จนพีทที่เห็นท่าทางแบบนั้นถึงกับเกิดอาการหมั่นไส้ทันที ก็หมาตัวไหนละวะโวยวายตอนบอกว่าเสียสองหมื่นน่ะ

   "สำหรับมึงอาจจะมองว่าแค่นี้ แต่มึงรู้ไหมว่ากว่ากูจะได้รถมาก็ต้องทำอะไรบ้าง ต้องอ่านหนังสือหนักแค่ไหนมึงแม่งพูดง่าย ไอ้เหี้ย สัน..."

   "พอๆ" อาร์ตยกมือขึ้นเบรกพีทที่บ่นไม่หยุด อีกข้างก็กุมขมับตัวเองเอาไว้ หน้าตาน่ารักไหงบ่นเหมือนตาแก่เลยวะ แบบนี้ต่อให้อยากเอาก็ต้องคิดกันก่อนแล้วว่ะ

   "เออ!!" พีทกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิดที่โดนขัด ยกแขนกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีอย่าขัดใจ

   "แล้วรถมึงจะส่งซ่อมที่ไหน" อาร์ตถามเข้าเรื่องหลังจากที่ออกทะเลออกอ่าวกันไปนาน ส่วนบรรดาไทยมุงพอเห็นว่าทั้งคู่คุยกันได้ด้วยดี ก็สลายตัวออกไปทิ้งแค่คู่กรณีเอาไว้เคลียร์กัน

   "มีเบอร์ช่าง" พีทเองก็หันมาพูดเข้าเรื่องเหมือนกัน

   "งั้นก็โทรตาม" อาร์ตสั่งแล้วเดินไปนั่งบนเบาะรถเพื่อรอ ตาก็สำรวจบานชื่นสุดที่รักไปด้วย เขาเอวก็ต้องไปซ่อมนิดหน่อยเหมือนกันนะเนี่ย

   พีทที่เห็นว่าอาร์ตไม่พูดอะไรต่อก็เดินเลี่ยงไปโทรเรียกช่างมารับรถ ก่อนจะโทรไปหาหญิงสาวที่ตัวเองจะไปรับ และแน่นอนโดนด่าจนหูชาเพราะไอ้นมเย็นนั้นคนเดียวเลย ไอ้รุ่นพี่เหี้ย!!

   "อะไร" อาร์ตถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย อยู่ดีๆก็เดินทำหน้าบึ้งตึงมาหาเขา แถมจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อ คือก็รับผิดชอบแล้วไงมีปัญหาอะไรอีกวะ

   "ช่างบอกอีกครึ่งชั่วโมงจะมาลากรถไป" พีทกระเสียงบอกห้วนๆ ซึ่งอาร์ตก็พยักหน้ารับไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร

   "ว่าแต่มึงมีจังจ่ายแน่นะ" พีทถามต่อด้วยความไม่ไว้ใจ ก็ดูสภาพแล้วแม่งไม่น่าจะมีตัง

   "เออ!!" อาร์ตตอบด้วยความรำคาญ มองมาด้วยสายตาแบบนั้นคืออะไรวะ

   "ให้แน่นะ" พีทย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

   "ก็บอกว่าเออไงวะ รับผิดชอบให้แล้วจะเอาอะไรอีกเนี่ย" อาร์ตหันมาถามพร้อมกับกรอกตาขึ้นฟ้า

   "ก็จะรู้ไหมล่ะเมื่อกี้สองหมื่นยังบอกว่ามีสองร้อยอยู่เลย" พีททำหน้าเหวี่ยงใส่

   "จะซ่อมไหม" อาร์ตถามเสียงเรียบจ้องหน้าอีกฝ่ายดุๆ

   "ซ่อม!!" พีทว่าแค่นั้นแล้วหันหน้าหนี

   หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู้ความเงียบ ไม่มีการพูดคุยอะไรอีกระหว่างทั้งคู่จนกระทั่งช่างมา พีทเดินไปคุยอะไรด้วยนิดหน่อยยืนมองช่างลากรถไป แล้วเดินกับมาหาอาร์ตหน้ามุ่ย

   "ช่างบอกให้ตามไปที่อู่" อาร์ตพยักหน้ารับรู้แล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ พีทเห็นแบบนั้นก็เตรียมหันหลังจะเดินไปโบกแท็กซี่ แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกดึงแขนเอาไว้

   "มึงจะไปไหน" อาร์ตเอ่ยปากถาม

   "ไปโบกแท็กซี่ไง" พีทขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย

   "โบกทำไมไปด้วยนี่แหละ" อาร์ตพยักหน้าไปที่เบาะรถเล็กน้อย ส่วนพีทก็มองมอเตอร์ไซค์ด้วยใบหน้าแหยงๆ

   "ไม่เอาอ่ะ" พีทส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน สายตาที่มองไปยังรถบ่งบอกว่าชาตินี้ จะไม่เอาก้นไปสัมผัสลงบนเบาะเด็ดขาด

   "ขึ้นมา" อาร์ตบอกแกมบังคับ มือตบลงบนเบาะด้านหลังเบาๆ

   "ไม่เอากูจะไปแท็กซี่" พีทว่าหน้ามุ่ยหันหลังเดินหนี แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะโดนดึงไว้

   "อะไรอีกล่ะ" พีทหันมาถามพร้อมชักสีหน้าเตรียมเหวี่ยงเต็มที่

   "ก็บอกว่าไปพร้อมกันไง" อาร์ตบอกเสียงยานคางมือก็ดึงแขนพีทให้เข้ามาใกล้ๆ

   "ไม่เอา!! กูจะไปแท็กซี่ปล่อย!!" พีทว่าด้วยความหงุดหงิดพยายามสะบัดแขนตัวเองออก

   "ไม่ได้...มึงลืมรึเปล่าว่ากูไปอู่ซ่อมรถมึงไม่ถูก" คำพูดของอาร์ตทำเอาพีทกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง

   "มึงก็เปิดกูเกิ้ลแม็บดิ...เรียนวิศวะไม่น่าโง่" พีทบอกอีกฝ่ายโดยท้ายประโยคพึมพำเสียงเบา

   "กูได้ยินและกูไม่ได้โง่" อาร์ตว่าดุๆแล้วควักโทรศัพท์มาให้พีทดู

   พอพีทได้เห็นโทรศัพท์ที่ว่าก็แทบลมใส่ มันจะมีปัญญาจ่ายค่่าซ่อมรถให้เขาแน่หรอวะ ถ้าขนาดโทรศัพท์มันยังพกซัมซุงฮีโร่เนี่ย

   "ทีนี้เข้าใจแล้วนะว่ากูเปิดกูเกิ้ลแม็บไม่ได้" อาร์ตว่าหน้าตายแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

   "งั้นก็ไปแท็กซี่ด้วยกัน" พีทยื่นทางเลือกของตัวเองไปให้ เพราะยังไงเขาก็ไม่ยอมขึ้นไอ้เศษเหล็กสองล้อนี่ ไม่รู้ขับๆไปจะล้อหลุดออกมาไหม ที่สำคัญสีชมพูหวานแหววแบบนี้ ให้ตายก็ไม่ยอมนั่งให้อายชาวบ้านแน่ๆ

   "รถกูก็มีจะไปนั่งแท็กซี่ให้เปลืองตังทำไม" อาร์ตถามด้วยความไม่เข้าใจ

   "เดี๋ยวกูจ่ายเอง" พีทบอกอย่างใจป้ำแต่อาร์ตส่ายหัวปฏิเสธทันควัน

   "ไม่เอากูไม่ทิ้งลูกสาวกูไว้โดดเดี่ยวหรอก" อาร์ตบอกพีทด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   "งั้นก็แยกกันไป" พีทตัดบทและหันหลังเดินหนี แล้วก็ต้องเซถอยหลังเล็กน้อยเพราะโดนดึงไว้

   "อะไรของมึงเนี่ย" พีทถามเสียงเหวี่ยงหน้าตาบ่งบอกความหงุดหงิดเต็มที่

   "กูก็บอกอยู่ว่าไปเองไม่ถูก" อาร์ตว่าด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงไม่แพ้กัน

   "ก็แล้วจะเอายังไงล่ะวะ บอกให้ไปแท็กซี่มึงก็ไม่เอา" พีทพูดเสียงดังด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะโมโหอีกครั้ง จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องเตรียมตัวเปิดศึกน้ำลายเต็มที่

   "กูต่างหากที่ต้องถามว่ามึงจะเอายังไงไปกับกูก็จบ หรือมึงมีปัญหาอะไร" อาร์ตถามกลับด้ววน้ำเสียงชวนหาเรื่องไม่แพ้กัน หรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วยิ้มมุมปาก

   "อ๋อออ กูลืมไปมึงมันคนมีเงินขับรถคันเป็นล้าน คงนั่งมอ'ไซค์กับสามัญชนไม่ได้" อาร์ตพูดน้ำเสียงยานคางทำหน้าเข้าอกเข้าใจ แต่มันกวนประสาทเป็นที่สุดในสายตาพีท จนเจ้าตัวต้องกัดฟันกรามกรอดๆเพราะหงุดหงิด

   "รู้ก็ดีไฮโซแบบกูไม่ลดตัวลงไปนั่งซ้อนท้ายไอ้เศษเหล็กสองล้อ ซังกะบ้วยสีโคตรตุ๊ดของมึงแน่ๆ" พีทมองทั้งรถทั้งเจ้าของด้วยสายตาดูถูก ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก่อน เขาก็เลยต้องสนองตามความต้องการซะหน่อย ถึงเรื่องให้ไปตีรันฟันแทงจะไม่เก่งกาจแต่เรื่องปะทะฝีปาก รับรองไม่เป็นสองรองใครคอนเฟิร์มด้วยเกียรติไอ้พีทเลยเอ้า

   "มึงว่าใครตุ๊ด" อาร์ตจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ซึ่งพีทก็อมยิ้มชอบใจที่กวนกลับได้

   "ก็ไม่รู้สินะ" พีทยักไหล่ให้อย่างกวนประสาทแถมยักคิ้วให้พร้อมสรรพ

อาร์ตยืนมองท่าทางกวนๆนั่นจนคิ้วกระตุก สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา และมันทำให้พีทหุบยิ้มลงทันทีอย่างขัดใจ ที่ตัวเองกวนประสาทไม่สำเร็จ

   "มึงว่ากูตุ๊ดใช่ไหม" อาร์ตถามพร้อมกับส่งยิ้มหวานบาดใจ

   "เออ...ทำไม" พีทเชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย

   "กูยอมรับว่าตุ๊ดก็ได้" อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรและขยับเข้าหา แล้วเอื้อมมือไปคว้าเอวอีกฝ่ายเข้ามากอด

   "อะ...ไอ้เหี้ย มึงจะทำอะไรปล่อยนะเว้ย!!" พีทตกใจกับการกระทำของอาร์ตไม่น้อย ก่อนจะพยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากอ้อมแขน

   "แต่กูเป็นตุ๊ดรุกนะ" อาร์ตก้มลงกระซิบที่ข้างหูแล้วหอมแก้มเนียนเต็มแรง

   "ไอ้เหี้ย!!!" พีทที่ตั้งสติจากการโดนจู่โจมกะทันหันได้ ก็เงื้อมือขึ้นสูงหมายจะชกหน้าอีกฝ่าย

   หมับ!!

   ฟอดดดดด

   อาร์ตที่มีปฏิกิริยาค่อนข้างไวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หันไปคว้ามืออีกฝ่ายไว้ได้ทันก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนอีกข้าง

   "อ๊ากกกกก ปล่อยกู!!" พีทโวยวายดังลั่นดิ้นรนขัดขืนหน้าตาตื่น

   "หยุด!!" อาร์ตบอกเสียงเข้มพร้อมกับเก็กหน้านิ่งใส่

   "ถ้ามึงไม่หยุดดิ้นกูจะเปลี่ยนจากหอมแก้มเป็นจูบ แล้วถ้ามึงโวยวายไม่เลิกกูจะลากมึงไปเอา" คำขู่ของอาร์ตทำเอาพีทหับปากสนิทหยุดดิ้น พยักหน้ารับคำสั่งหงึกหงัก

   "ดีมาก...เดินไปขึ้นรถ" อาร์ตสั่งออกมาอีกครั้งซึ่งพีทก็รีบทำตามโดยเร็ว จนอาร์ตได้แต่ยืนยิ้มขำอย่างชอบใจ

   "อะ...ใส่หมวก" อาร์ตคว้าเอาหมวกมาสวมลงบนหันให้พีท ก่อนตัวเองจะขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ทเครื่อง แต่ก่อนจะออกตัวก็ไม่วายดึงมือคนข้างหลังมาโอบเอว ซึ่งก็มีแรงขัดขืนจากคนข้างหลังบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสุดท้ายเขาก็บังคับอีกฝ่ายสำเร็จอยู่ดี

   'ดูๆไปไอ้หน้าอ่อนข้างหลังนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ'



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-04-2016 12:07:54
กัดครั้งที่
- 4 -
   


   หลังจากออกแรงบังคับขู่เข็ญกันได้เป็นผลสำเร็จ อาร์ตก็แว๊นลูกสาวสุดที่รักพาอีกคนมาถึงอู่ซ่อมรถในเวลาไม่นาน ซึ่งระหว่างทางก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นเป็นระยะ

   ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทภายในอู่ซ่อมรถ พีทก็ก้าวขาลงจากรถอย่างไม่รอช้าจัดการถอดหมวกกันน็อคออก แล้วเขวี้ยงใส่คนตรงหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี ตวัดตามองด้วยความไม่พอใจ

   "อูยยยยย" อาร์ตครางออกมาเสียงเบาเพราะเจ็บและจุกไม่น้อย ขมวดคิ้วมุ่นมองใบหน้าหวานที้หน้างอง้ำด้วยความขำ ไม่รู้ว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงทึ่ผ่านมา เขาโดนคนตรงหน้าประทุษร้ายร่างกายไปกี่ครั้งแล้ว แถมเขาก็ยอมให้ทำซะด้วยสิ

   "เฮ้ย!! ยะ...อย่าเข้ามานะมึง" พีทร้องเสียงหลงพูดติดอ่าง เมื่อเห็นว่าอาร์ตเงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นตั้งการ์ดมวยใส่ด้วยท่าทีขึงขัง

   อาร์ตเหล่สายตามองเล็กน้อยแล้วอมยิ้มขำ หันหลังเอาหมวกไปวางใส่ตะกร้ารถ ก่อนจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับพีท พร้อมขยับเข้าหาโดยที่ไม่พูดอะไร

   "ฮะ...เฮ้ย...กะ...กูบอกว่าอย่าเข้ามาไงวะ" พีทพูดตะกุกตะกักถอยหลังหนีอีกฝ่ายที่รุกคืบเข้าหาโดยอัตโนมัติ มือที่ยกตั้งการ์ดไว้เปลี่ยนเป็นมาผลักอกร่างสูงให้ถอยห่างแทน

   ปึ่ก!!!

   เสียงฝ่ามือที่กระทบผนังดังขึ้น พร้อมกับแผ่นหลังของพีทที่สัมผัสความเย็นของผนัง ใบหน้าหวานแสดงอาการแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด หันซ้ายหันขวามองหาทางหนีทีไล่เลิ่กลั่ก เห็นว่าอีกฝั่งไม่มีแขนกันเอาไว้ เลยเบี่ยงตัวหมายจะเดินหนีออกทางนั้นแทน

   ปึ่ก!!!

   แต่ก็ต้องผงะถอยหละงแทบไม่ทัน เพราะอาร์ตยกแขนอีกข้างขึ้นมากันไว้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าพีทตกอยู่ในวงแขนของอาร์ตแทน

   อันที่จริงอาร์ตไม่ได้กะว่าจะทำอะไรพีทแล้ว แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตื่นกลัว ระแวงเขาซะขนาดนั้นมันเลยอดแกล้งไม่ได้

   อาร์ตโน้มใบหน้าเข้าหาพีทช้าๆ ยิ่งทำให้พีทออกอาการแตกตื่นมากกว่าเดิม ตาสองข้างหลับปี๋มือก็ยกขึ้นมาดันอกอีกฝ่ายไว้

   "เอ่อ...ขอโทษนะครับ" เสียงเรียกจากด้านข้างที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้อาร์ตหยุดการกระทำของตัวเอง ส่วนพีทได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลม

   อาร์ตกับพีทสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่พีทจะผลักอาร์ตให้ถอยห่าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ขยับให้แต่โดยดี แล้วทั้งคู่ก็หันไปมองบุคคลที่สามพร้อมกัน

   "อะ...เอ่อ...เถ้าแก่ให้มาเชิญเข้าไปรอด้านในครับ" บุคคลผู้มาใหม่ที่น่าจะเป็นช่างในร้านบอกด้วยน้ำเสียงอึกอัก มองใบหน้าของพีทกับอาร์ตสลับกันไปมา

   "คะ...ครับ" พีทเองก็ตอบรับเสียงอึกอักไม่แพ้กัน รู้สึกขัดเขินกระอักกระอวนใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คิดกันไปไหนถึงไหนแล้ว

   ท่ามกลางความกังวลใจและความอายของพีท อาร์ตกลับอมยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข ใครจะมองหรือคิดอะไรยังไงเขาไม่สนใจหรอก ที่เขาสนคือใบหน้าแหยๆขึ้นสีแดงนิดๆนี่ต่างหาก ยิ่งแกล้งก็ยิ่งสนุก

   "งั้นตามผมเข้าไปด้านในเลยครับ" ช่างว่าแค่นั้นแล้วหันหลังเดินนำ แต่ก่อนหันก็ไม่วายส่งสายตาเคลือบแคลงมามองทั้งคู่

   พีทถลึงตาใส่อาร์ตดุๆพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ แล้วรีบเดินตามช่างเข้าไปในร้าน ทิ้งให้อาร์ตยืนขำกับการโดนขู่ที่แสนน่ารัก ก่อนที่เจ้าตัวเองจะเดินตามหลังเข้าไปข้างในเป็นคนสุดท้าย

   ระหว่างที่ทั้งคู่ถูกทิ้งให้นั่งรออยู่ในห้องรับรองแขก พีทขยับถอยห่างไปนั่งอีกฝั่งของโซฟา นั่งเบียดกับผนังห้องแนบสนิทจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ตาก็เหลือบมองอาร์ตที่นั่งอีกฝั่งอย่างระแวง

   อาร์ตมองท่าทางแบบนั้นแล้วอยากขำออกมาดังๆ นี่ขนาดแค่หอมยังออกอาการกลัวขนาดนั้น ถ้าจับไปเอาจริงๆจะเป็นยังไงวะเนี่ย

   "เฮ้ย!!" อาร์ตส่งเสียงทักไปอย่างนึกสนุก และก็ได้ผลเพราะพีทสะดุ้งเฮือก หันมามองอาร์ตหน้าตาตื่น

   "อะไร!!!" พีทตวาดถามกลับเสียงดังเพื่อข่มความกลัวของตัวเอง ร่างกายเบียดสนิทแนบชิดไปหากำแพงมากกว่าเก่า
   "มึงชื่ออะไร" อาร์ตถามด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้มีท่าทางคุกคามแต่อย่างใด

   "ทำไมกูต้องบอกมึง" พีทถามกลับยียวนตามนิสัย อาร์ตหันไปสบตาแล้วยกยิ้ม ก่อนจะทำท่าพุ่งถลาเข้าใส่

   "อ๊ากกกก ไอ้เหี้ย!! กูชื่อพีท!! ชื่อพีท!! อย่าเข้ามาแม่ง!!" พีทโวยวายดังลั่นยกทั้งมือทั้งเท้าขึ้นมากัน

   "ก็แค่นั้น" อาร์ตยักไหล่ขึ้นแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม ในใจก็เริ่มนึกสนุกกับการแกล้งพีท

   "ชื่อพีท...ลูกพีชน่ะเหรอ"
 
   "ลูกพีชพ่อง!!!" พีทแยกเขี้ยวด่ากลีบทันที ตามนิสัยปากไวของตัวเอง

   "หืม" อาร์ตปรายตามองแล้วทำท่าจะลุกไปหา พีทเห็นแบบนั้นก็ตาเหลือกโวยวายเสียงดัง

   "อ๊ากกกก สัส!! อย่าเข้ามา" พีทรีบลุกขึ้นยืนทันที

   "นั่งลง!!" อาร์ตออกคำสั่งแต่พีทยังไม่ยอมนั่งลง จนอาร์ตต้องส่งสายตากดดันไปให้ เจ้าตัวถึงได้ยอมนั่งลงดีๆแต่ก็พร้อมที่จะกระโจนหนี ถ้าหากสมมุติว่าอาร์ตเข้ามาใกล้ตัวเอง

   "เรียนคณะไหน" อาร์ตถามเรื่อยๆเหมือนไมีมีอะไร แต่ในใจกำลังวางแผนการบางอย่าง

   "เรียน..."

   "อย่าโกหกนะมึง ถ้ากูจับได้ทีหลังมึงจะโดนไม่ใช่น้อย" อาร์ตพูดดักคอขึ้นมาอย่างรู้ทัน จนพีทออกอาการหน้างอออกมาอย่างขัดใจ

   "ปีหนึ่ง...วิ..." พีทอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   "อะไรนะ" อาร์ตขมวดคิ้วพันกันยุ่งเพราะไม่ได้ยิน

   "ปีหนึ่ง วิศวะ" พีทกระแทกเสียงตอบอย่างจำยอม

   "หืม...ปีหนึ่งวิศวะ" อาร์ตทวนคำพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

   "แล้วน้องพีทไม่รู้จักพี่เหรอครับ" อาร์ตส่งยิ้มบางๆไปให้ แต่พีทกลับรู้สึกเสียวสันหลังกับรอยยิ้มนั่น กลืนน้ำลายลงคอเสียงดังรอรับบทลงโทษที่ต้องเกิดแน่ๆ เพราะระบบโซตัสของวิศวะขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้ว รุ่นน้องต้องเคารพรุ่นพี่ยิ่งกับคนตรงหน้าเขายิ่งต้องเคารพ

   อาร์ตมองใบหน้าหวานที่ซีดเผือดอย่างชอบใจพยายามกลั้นขำสุดชีวิต ไอ้เด็กบ้านี่ตลกฉิบหายไม่ต้องให้เจ้าตัวบอกเขาก็เดาได้ ว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาแน่ๆและดูท่าจะรู้ดีพอสมควรเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่หน้าซีดปากสั่นหลบหน้าหลบตาขนาดนี้

   แล้วมันก็แปลกเผลอๆอาจจะเข้าขั้นบ้า ทั้งๆที่รู้ทั้งๆที่กลัวก็ยังกล้า แถมยังจะหาวิธีแถเอาตัวรอดอีก แต่บอกเลยงานนี่ไม่รอดไม่มีการปล่อย ไม่มีอนุโลมอะไรทั้งนั้นไม่งั้นเสียชื่อไอ้อาร์ตขาโหดแย่

   "เอ่อ...คือ...เอ่อ..." พีทอึกอักในการตอบคำถามไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย กรอกตาลอกแลกไปมาสมองประมวลผลอย่างหนักเพื่อหาทางรอด ก่อนจะตัดสินใจเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

   "หืม" อาร์ตส่งเสียงในลำคอเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้รมาสบตา

   แต่พีทที่ทันเห็นรอยยิ้มกวนๆของอาร์ตก็หน้าตึง ความโมโหเริ่มเกิดอีกครั้งอารมณ์อยากเหวี่ยงเริ่มมา เพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนล้อเล่นกับตัวเองอยู่

   "มึงจะเอายังไงกับกูก็ว่ามา" พีทกระชากเสียงถามจ้องอีกฝ่ายตาเขียว ทำให้อาร์ตยกคิ้วขึ้นแล้วมองท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ้าตัวด้วยความแปลกใจ

   "พูดจาไม่เพราะเลยนะน้องพีท กูมึงกับใครครับ" อาร์ตถามเสียงหวานที่จงใจดัดเพื่อกวนประสาท แถมยังส่งยิ้มกว้างจนตาแทบปิดไปให้

   "กับมึงนั่นแหละ" พีทเชิดหน้าใส่อีกฝ่ายอย่างท้าท้าย

   "ไม่เอาไม่พูด ไหนพูดกับพี่ดีๆซิ" อาร์ตขยับเข้าไปใกล้แล้วแกว่งนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าพีท พร้อมกับดัดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนพีทรำคาญยกมือขึ้นมาจับนิ้วของอาร์ตแล้วบีบเต็มแรง

   "กูจะพูดดีเฉพาะคนที่คู่ควรโว๊ย!!!" พีทตะโกนใส่หน้าอาร์ตสุดเสียงบฃ แล้วใช้มือผลักอกอาร์ตให้ถอยห่าง เผลอแป๊บเดียวไอ้บ้านี่ขยับเข้ามาใกล้เขาอีกแล้วให้ตายสิ แต่ไม่ว่าจะออกแรงทุบออกแรงผลักขนาดไหน อีกฝ่ายก็ไม่ขยับแถมยังนั่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร กลายเป็นเขาเองที่หอบเหนื่อยจากการออกแรง

   "จะพูดดีๆไหม" อาร์ตหรี่ตามองพีทเล็กน้อย

   "ไม่" พีทเองก็ตอบเสียงแข็งจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

   "แน่ใจนะ" อาร์ตถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์

   "อะ...เออ!!" พีทพยามบังคับตัวเองให้ตอบอีกฝ่ายเสียงแข็ง ทั้งๆที่ในใจเริ่มฝ่อแลัว

   กร๊อบ! กร๊อบ!

   อาร์ตหักนิ้วตัวเองพร้อมกับบิดคอไปมาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น แสยะยิ้มข่มขวัญพีทจนเจ้าตัวตาโตเกิดอาการผวาอีกครั้ง

   "รุ่นน้องที่ไม่เคารพรุ่นพี่มันก็ต้องจัดการจริงไหม" อาร์ตพูดเสียงเย็นแล้วกำหมัดแน่น

   "อยากทำอะไรก็ทำ กูไม่กลัวสึงหรอก" พีทก็ปากเก่งไปแบบนั้นเอง ทั้งที่ในใจตอนนี้กลัวจนอยากจะร้องไห้ ก่อนจะรีบก้มหน้าหลับตาปึ๋เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงื้อหมัดขึ้นสูง

   ฟอดดดดด

   แต่แทนที่จะกลายเป็นหมัดหนักๆที่ลอยมากระทบหน้า กลับกลายเป็นสัมผัสนุ่มนิ่ม พอค่อยๆลืมตามองก็เห็นว่าเป็นปลายจมูกโด่งของอาร์ตที่หอมแก้มตัวเองอยู่

   "อ๊ากกกกกก ไอ้เหี้ย!! ออกไป!!" พีทตาเหลือกโวยวายดังลั่นด้วยความตกใจ เงื้อฝ่ามือขึ้นสูงหมายจะฝาดมันลงบนหน้าของอาร์ต แต่เจ้าตัวดันรู้ทันยื่นมือมาจับแขนทั้งสองข้างของพีทไว้แน่น

   "อ๊ากกก ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้นะ" พีทถลึงตาใส่ดุๆพยายามสะบัดมือให้หลุดจากกานถูกจับ

   "พูดดีๆ" อาร์ตกระชับมือแน่นกว่าเก่าแล้วบอกพีทอย่างใจเย็น

   "พ่อง!!!" แต่แทนที่จะทำตามสั่งพีทด่าอาร์ตกลับทันที

   ฟอดดดดดด

   "อี๋...ไอ้เหี้ย!! ไอ้ตุ๊ด!! สัส!!" พีทให้พรอาร์ตไฟแล่บพรัอมกับทำหน้าขยะแขยงเต็มที่

   "ยังไม่หยุดใช่ไหม ฟอดดดด" อาร์ตยิ้มมุมปากแล้วก้มลงหอมแก้มพีทอีกข้าง ก่อนจะผละออกมามองหน้าแดงก่ำที่แสดงความรังเกียจด้วยความขำ

   "ไอ้หน้าหมา!! ไอ้ควาย!! ไอ้โรคจิต!!" พีทยังคงด่าออกมาต่อเนื่องไม่หยุด จนอาร์ตต้องส่ายหน้าเพร่ะแต่ละคำที่เจ้าตัวพ่นออกมา เรียกว่าสรรหามาด่าได้จริงๆ

   "ปากดีจริงๆแค่แก้มคงไม่พอแล้วมั้ง" อาร์ตยิ้มหวานแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาพีท โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ปากอิ่มสีแดงตรงหน้า

   "อย่านะมึง ถอยออกไปไอ้หน้าปลาบู่" พีทพยายามดิ้นรนหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปากของคนตรงหน้าใกล้จะถึงปากเขาอยู่แลัว

   "อะ...เอ่อ...ขอโทษนะครับ" แต่แล้วก็มีเสียงคนเรียกขัดจังหวะขึ้น ทำให้พีทถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และอาศัยจังหวะที่อาร์ตเผลอผลักอีกคนออกเต็มแรง แล้วรีบลุกไปยืนอยู่อีกมุมนึงของห้อง

   "สัส! มีอะไร!!" อาร์ตสบถในลำคออย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปมองช่างซ่อมรถตาขวาง ถามอีกฝ่ายเสียงเข้ม

   "คือ...ผมมาแจ้งค่าซ่อมรถน่ะครับ" ช่างตอบคำถามออกไปกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนอีกฝ่ายทำอะไรรึเปล่า ที่ดันเข้ามาขัดจังหวะ

   "เท่าไหร่" อาร์ตถามด้วยเสียงที่ยังหวุดหงิดอยู่

   "4x,xxx ครับ" อาร์ตพยักหนัารับรู้เล็กน้อยแล้วรวักกระเป๋าตังออกมาจากกางเกง

   "แล้วจะได้รถตอนไหน" อาร์ตถามต่อส่วนมือก็เปิดกระเป๋าตังออกเพื่อหยิบเงิน ส่วนพีทได้แต่ยืนจ้องอาร์ตตาโต ไหนมันบอกไม่มีตังวะทำไมตอนนี้มันดูไม่เดือดร้อนที่จะจ่าย

   แต่เหมือนอาร์ตจะรู้ตัวว่าโดนมองอยู่ เลยชะงักมือลงแล้วเก็บกระเป๋าเข้ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนจะเงยหน้ามองพีทด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

   "อะไร!!!" พีทถามเสียงแข็งเริ่มไม่ไว้ใจท่าทีของอีกฝ่าย แต่อาร์ตไม่ตอบอะไรพุ่งเข้ามาล็อกตัวพีทไว้ทันที

   "เฮ้ย!! มึงจะทำอะไร" พีทดิ้นขลุกขลักไปมาหลบมืออาร์ตที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างทุลักทุเล ก่อนจะตาแทบหลุดออกจากเบ้าเมื่อเห็นว่าอาร์ตทำอะไร

   "เอากระเป๋าตังกูมา" พีทพยายามแย่งกระเป๋าตังของตัวเองในมืออาร์ตคืน แต่ก็าำไม่ได้เพราะอาร์ตหันหลังให้ ประกอบกับอีกฝ่ายตัวใหญ่และสูงกว่าเขาพอสมควร ตอนนี้เลยไม่ต่างจากเด็กแย่งของกับผู้ใหญ่เลยสักนิด

   "อะพี่" อาร์ตหยิบเอาบัตรเครดิตในกระเป๋าตังพีทมายื่นให้ช่างซ่อม แต่ช่างลังเลที่จะรับจนอาร์ตต้องมองดุๆอีกฝ่ายถึงยอมรับไว้ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

   "เฮ้ยพี่เดี๋ยว!!" พีทเรียกช่างเสียงหลงจะวิ่งตามไป แต่ก็ไปไม่ได้เพราะโดนอาร์ตดึงคอเสื้อไว้

   "แค่กๆ มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย" พีทไอออกมาเล็กน้อยเพราะโดนเสื้อรัดคอ ก่อนจะถามอาร์ตเสียงเข้มใบหน้าเอาเรื่อง

   อาร์ตไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น นอกจากหยิบเงินแบงค์ห้าร้อยออกมาจากกระเป๋าตังพีท แล้วยัดเงินลงในกระเป๋าเสื้ออีกฝ่าย

   "ห้าร้อยน่าจะพอค่าแท็กซี่เนาะ" อาร์ตบอกพร้อมยิ้ม

   "เดี๋ยวน้องพีทรอรับบัตรคืนจากทางร้านก่อนนะ อย่าลืมถามวันมารับรถด้วยล่ะพี่จะพามา" พีทได้แต่ทำหน้างงใส่เพราะไม่รู้อีกฝ่ายจะเล่นอะไรอีก

   "ส่วนกุญแจรถกับกระเป๋าตัง ไว้น้องพีทพูดเพราะๆได้เมื่อไหร่พี่จะคืนให้" อาร์ตกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหยิกแก้มพีทเล่นเบาๆ ก่อนจะเดินตัวปลิวไปหามอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปทันที ทิ้งให้พีทยืนเอ๋อพร้อมกับประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่จำจนวันตาย

   'เขาโดนไอ้รุ่นพี่นมเย็นนั่นขโมยของ!!'



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 06-04-2016 12:33:08
น่ารักกกกกกกกกก
 :impress2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 06-04-2016 13:11:19
น่าติดตาม เนื้อหาเข้มข้น
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-04-2016 14:02:17
คู่นี้ดูน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: oumpatta ที่ 06-04-2016 14:26:29
สรุปคือตัวเองทำรถเค้ามีรอยแต่เจ้าของรถต้องมาจ่ายเอง????
คืออะไรอ่ะ หน้าด้านไปนะ เป็นรุ่นพี่แล้วทำแบบนี่ได้?

ไม่มีเหตุผลซักนิด แล้วจะไปกลัวมันทำไมอ่ะพีท ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิด
อ่านแล้วได้แต่เซ็ง คือออ?
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-04-2016 16:21:01
ดุเดือด
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 4 (6/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 06-04-2016 21:34:05
พีทน่ารัก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 14:17:36
กัดครั้งที่
- 5 -
   


   "มึงเป็นอะไรของมึงวะ" กลอนขมวดคิ้วถามเพื่อนสนิทด้วยความสงสัยกับพฤติกรรมแปลกประหลาด ที่เจ้าตัวแสดงออกมาได้สักพักแล้ว

   "เออใช่...กูเห็นมึงนั่งส่องกระจกนานละนะ" อ้นเองก็ถามขึ้นมาบ้างเพราะเห็นอาร์ต เอาแต่หันซ้ายหันขวาใส่กระจกในมือไม่พูดไม่จานานแล้ว

   "ห้องมึงนี่เข้ามาทีไรขนลุกทุกทีว่ะแม่ง" ในเมื่อไม่ได้คำตอบอ้นเลยเบนสายตาไปมองรอบๆห้องของอาร์ตแทน ห้องที่เขากล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นห้องที่โคตรไม่น่าเข้ามาเหยียบ ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นห้องเพื่อนเขาไม่มีทางเข้ามานั่งแช่ในนี้นานๆแน่

   "มึงว่าความหล่อกูลดลงป่ะวะ" อาร์ตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตายังจ้องกระจกอย่างเอาเป็นเอาตาย

   "ถามเหี้ยอะไรของมึง" กลอนถึงกับหน้าเหวอหันมามองอาร์ต

   "เออน่า...ตอบกูมาเหอะ" อาร์ตขมวดคิ้วใส่เพื่อน แล้วหันกลับไปส่องกระจกอีกครั้ง

   "นอกจากหน้ามึงที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีแล้วล่ะ" อ้นตอบคำถามแล้วมองอาร์ตอย่างเอือมระอา เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก

   "แล้วทำไมถามขึ้นมาวะ ปกติไม่เห็นมึงจะสนใจ" กลอนเอื้อมมือไปคว้าเอากระจกจากอาร์ตมาถือไว้ เพราะเริ่มจะรำคาญท่าทางชวนเข้าใจผิดของเพื่อน ถ้าไม่เคยไล่กระทืบกันมาก่อนเขาคิดว่ามันเป็นกระเทยควายแน่ๆ

   "มีคนด่าว่ากูหน้าปลาบู่" อาร์ตตอบหน้าเครียด

   "ก๊ากกกก ไอ้เหี้ยใครพูดวะถูกใจฉิบหาย" อ้นหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนตัวเองมีท่าทางประหลาด มันไม่ง่ายเลยนะที่คนอย่างไอ้อาร์ตจะหมดความมั่นใจ เพราะทั้งชีวิตมันตอนนี้ก็มีแค่เรื่องรูปร่างหน้าตาเนี่ยแหละ ที่โดดเด่นกลบความยาจกไส้แห้งของมัน

   "สัส!!" อาร์ตหันไปแยกเขี้ยวใส่อ้นก่อนจะเอื้อมมือไปล็อคคออีกฝ่าย  แล้วระดมตบกะโหลกลงไปไม่ยั้งมือ

   "โอ๊ย!! กูเจ็บ!! ปล่อยกู!!" อ้นดิ้นพรวดพลาดไปมามือก็ฟาดตามตัวอาร์ตไปเรื่อยเพื่อให้ปล่อย ทั้งๆที่ก็ตัวไม่ได้ใหญ่กว่ากันอะไรมากมาย แต่ถ้าหันมาเรื่องใช้กำลังทีไรเป็นได้แพ้แรงทุกที

   "พอๆมึงอย่าไปแกล้งมัน" กลอนที่เห็นสภาพชวนสังเวชของเพื่อนไม่ไหว ตัดสินใจเอ่ยปากบอกให้อาร์ตหยุดมือ ไม่งั้นไอ้อ้นได้โวยวายแหกปากไม่หยุดแน่

   "ไอ้อาร์ต ไอ้เหี้ย!!" พออาร์ตปล่อยมืออ้นก็ค้อนอีกฝ่ายตาคว่ำ แล้วเดินไปหลบหลังกลอนเพื่อใช้เป็นกันชน

   "เดี๊ยะๆมึงโดนอีก" อาร์ตชี้นิ้วไปที่หน้าเพื่อนอย่างคาดโทษ

   "กลอน...มันจะแกล้งกู" อ้นรีบฟ้องกลอนทันทีเหมือนทุกครั้งที่ทำ จนเจ้าตัวได้แต่ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ มีเพื่อนเหมือนมีลูกโตแต่ตัวสมองไม่ค่อยพกมาทั้งคู่ สตินี่ไม่ต้องถามหาไม่มีทางมี อยากจะให้พวกรุ่นน้องมันได้มาเห็นสภาพรุ่นพี่ที่พวกมันกลัวหัวหดจริงๆ โดยเฉพาะห้องนอนสุดสะพรึงของไอ้อาร์ต

   "เวลามึงเอากับเด็กเคยพามาที่ห้องป่ะ" กลอนมองไปรอบห้องด้วยสายตาหนักใจ

   "โรงแรม…พามาห้องวุ่นวายฉิบหาย" อาร์ตตอบอย่างไม่ใส่ใจลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะต้องเตรียมตัวไปทำงานแล้ว

   "เออดีละอย่าให้เขามาเจอห้องซานริโอมึงเลยว่ะ" อ้นพูดแทรกขึ้นมาและจับตุ๊กตาคิตตี้บนเตียงมามองด้วยสายตาปลงๆ

   "ซานริโอกูไม่ดียังไง" อาร์ตหันมาถามเพื่อนอย่างเอาเรื่อง

   "กูสิต้องถามว่ามึงพิศวาสไปแมวชมพูนี่ตรงไหน" อ้นสวนกลับเสียงดังในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาตลอด เพราะห้องทั้งห้องของไอ้อาร์ตมองไปมุมไหน เจอตุ๊กตาคิตตี้กับพองเพื่อนซานริโอแทบทุกตารางนิ้ว มีกันทุกคอลเลกชั่นเลยมั้งถ้าเป็นห้องของสาวน้อยคงน่าเอ็นดูไม่หยอก แต่นี่มันห้องผู้ชายตัวควายๆเรียนวิศวะ

   "คิตตี้ไม่ใช่แมวเป็นเด็กผู้หญิงต่างหาก" อาร์ตตอบในสิ่งที่อ้นไม่ได้สงสัย ก่อนจะหันกลับไปแต่งตัวตามเดิม

   "กูต้องรู้ไหมว่ามันไม่ใช่แมว" อ้นพูดออกมาอย่างปลงตก ซึ่งอาร์ตก็ยักไหล่ให้เล็กน้อย

   ถามว่าพิศวาสอะไรคิตตี้อาร์ตเองก็ตอบไม่ได้ ไม่ได้ชอบหรือคลั่งไคล้เหมือนที่ผู้หญิงเป็นหรอก แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็มีไอ้ตัวสีชมพูนี่เต็มห้อง มันเริ่มจากจุดเล็กๆที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนจนทุกวันนี้เลยล่ะ

   "เฮ้ยอาร์ตมึงแดกป๊อกกี้ด้วยเหรอวะ" กลอนมองไปที่กล่องขนมบนหัวเตียงจำนวนหนึ่ง แล้วหันกับมามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย เพราะเท่าที่จำได้ไอ้อาร์มันไม่กินขนมหวานๆแบบนี้ ถึงมันจะมีความชอบส่วนตัวแปลกๆแต่ไม่ได้รวมไปถึงของกินนะ

   "เปล่า...ของเด็ก" อาร์ตหันมาตอบพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์

   "เด็กไหนวะ" เป็นอ้นที่ถามขึ้นมาเพราะความอยากรู้ จนกลอนที่เป็นคนเปิดประเด็นต้องส่ายหัว เรื่องเสือกต้องยกให้ไอ้อ้นมันจริงๆ เดี๋ยวมันจะเสือกจนได้เรื่องเข้าสักวัน

   "ไม่บอกเว้ย!! แต่น่ารักสัส ตัวเล็ก ขาว ตาโต แก้มป่อง พูดทีนี่เสียงหวานเหี้ยๆ" อาร์ตทำหน้าเคลิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง พูดไปก็จินตนาการถึงคนที่ตัวเองตามจีบอยู่

   "ใครวะ" อ้นพึมพำด้วยความงง สมองก็คิดตามว่ามีผู้หญิงคนไหนที่เข้าข่ายบ้าง

   "เรื่องของมึงแค่ไม่จีบคนเดียวกันกับกูพอ" กลอนว่าอย่างไม่ใส่ใจและไม่คิดจะถามต่อ ถึงลักษณะคนที่ไอ้อาร์ตว่าจะเหมือนคนที่เขาจีบ แต่โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง

   "รับรองว่าคนละคน" อาร์ตบอกเพื่อนอย่างมั่นใจ ก็ที่เขาตามจีบอยู่มันเด็กผู้ชายไม่ใช่เด็กผู้หญิงนี่หว่า

   "อาร์ตมึงไปเอากุญแจรถมินิมาจากไหน" อ้นที่ตาดีเหลือบไปเห็นกุญแจรถมินิคูเปอร์วางอยู่ รีบหยิบมันขึ้นมาถามด้วยความสงสัย หวังว่าเพื่อนเขามันจะไม่ได้ไปขโมยใครมานะ

   "เสือก!!" อาร์ตรีบแย่งมาจากมืออ้นแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองทันที

   "มึงคงไม่ได้ขโมยใครมานะ" อ้นมองหน้าอาร์ตด้วยความไม่ไว้ใจ

   "สัส!! ไม่ใช่...แค่ยึดมาจากเด็กปากเสียคนนึง" อาร์ตพูดขึ้นมาเบาๆพร้อมกับนึกถึงหน้าพีทไปด้วย

   "กูไปทำงานละ...อย่าลืมล็อกห้องให้กูนะ" อาร์ตสั่งเพื่อนแค่นั้นแล้วรีบเดินออกจากห้องไปเพราะกลัวเข้างานสาย โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนที่ตัวเองพูดถึงเจ้าของกุญแจรถ หน้าตามันมีความสุขยิ่งกว่าตอนที่พูดถึงคนที่ตัวเองตามจีบตอนนี้ซะอีก

...
...

   "เป็นเหี้ยไรมึงนั่งหน้าเป็นตูด" นาวอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้หลังจากเห็นพีทนั่งหน้าบึ้ง ชะเงัอคอมองออกไปหน้าคณะเหมือนหาใคร แล้วก็กลับมาพ่นลมหายใจฟึดฟัดอยู่แบบนั้น

   "แล้วนี่มึงก็อีกคนเป็นเหี้ยไร" นาวหันมามองเลิฟที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด บึ้งตึงไม่แพ้กันด้วยความสงสัย

   "เรื่องกูเหอะ...ว่าแต่มึงเป็นไรวะ" พีทว่าแล้วหันมามองเลิฟด้วยความสงสัยเหมือนกัน เพราะถ้านาวไม่ทักขึ้นมาเขาก็คงไม่รู้ว่าไอ้เลิฟมันมีอาการไม่ต่างจากเขา

   "เรื่องของกูเหมือนกัน" เลิฟย้อนคำที่พีทพูดกับนาวด้วยน้ำเสียงกวนๆพร้อมยักคิ้วใหั

   "สัส!!" พีทหันมาด่าทันควันที่โดนยอกย้อน พร้อมกับหยิกแก้มป่องๆของเลิฟอย่างหมันเขี้ยว

   "โอ๊ย!! มึงแม่ง!! บอกกี่รอบแล้วอย่าหยิกแก้ม" เลิฟถลึงตาใส่พีทดุๆ

   "ทำไม? กูหยิกไม่ได้ หวงไว้ให้ว่าที่ผัวมึงเหรอ" พีทได้ทีกวนประสาทกลับไปบ้าง และได้ผลทันควันเพราะเลิฟหน้าบึ้งไปแล้ว

   "ผัวพ่อง!!!" เลิฟเอ่ยปากให้พรเพื่อนทันทีเพราะคำพูดไม่เข้าหู แต่เรียกเสียงหัวเราะสะใจจากพีทได้ดังลั่น

   พีทก็จงใจพูดแหย่เพื่อนไปแบบนั้นเอง เพราะถึงเพื่อนเขามันจะหน้าตาน่ารัก กระเดียดไปทางหวานๆเหมือนพวกเกย์รับไปบ้าง แต่ที่รู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้เลิฟมันก็มีแฟนผู้หญิงตลอด แถมแฟนมันแต่ละคนสวยๆทั้งนั้น เขาเลยค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนจะไม่หันไปเป็นเมียใคร...ล่ะมั้ง

   "ตกลงพวกมึงจะไม่มีใครตอบกูใช่ไหมว่าเป็นอะไรกัน" นาวถามขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เพื่อนปะทะริมฝีปากกันไปนานพอดู

   "ไม่มีไรกูแค่คิดหาวิธีแกล้งไอ้ปออยู่" เลิฟพูดด้วยสีหน้าท่าทางขึงขัง เอาจริงเอาจังยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ จนนาวกับพีทได้แต่ส่ายหัวระอาใจ

   ผวัะ!!!

   "โอ๊ย!!! ตบหัวกูไมเนี่ย" เลิฟลูบหัวตัวเองเบาๆแล้วมองค้อนนาวที่เป็นคนลงมือไปด้วย พยายามส่งสายตากดดันไปให้เจ้าตัวสำนึกผิด แต่อีกกลับไม่ใส่ใจแค่ชำเลืองสายตามามองแล้วกดโทรศัพท์เล่นต่อ

   "แล้วมึงล่ะเป็นไรทำหน้าเป็นส้นตีนกว่าไอ้เลิฟอีก" นาวหันมาถามพีทบ้างพร้อมส่งสายตากดดันเล็กน้อย จนพีทต้องถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะถ้านาวส่งสายตาแบบนี้มา แล้วยังไม่ยอมตอบคำถามล่ะก็ชีวิตจะไร้ความสงบสุขทันที

   "ไม่มีไรแค่หงุดหงิดที่มีคนมากวนตีน" พีทตอบคำถามแบบขอไปที เพราะขี้เกียจอธิบายอะไรมากมาย อีกอย่างถ้าไอ้นาวรู้ว่าเขามีเรื่องกับไอ้พี่อาร์ตละก็มันได้บ่นเขาหูชาแน่ๆ เพื่อเป็นการเซฟตัวเองเขาจะไม่เล่ามากไปกว่านี้เด็ดขาด ให้มันด่าไอ้เลิฟไปคนเดียวก็พอ

   "นี่กูว่านะเลิฟมึงเลิกไปยุ่งกับพี่ปอเหอะว่ะ เขาไม่ใช่ธรรมดานะเว้ยระวังเขาทนไม่ไหวมึงจะซวยเอา" พีทเปลี่ยนเรื่องด้วยการพูดเรื่องของเลิฟขึ้นมาแทน

   นาวเลยได้แต่หรี่ตามองอย่างจับผิดแล้วก็ถอนหายใจ เธอรู้แหละว่าเพื่อนพยายามปิดอะไรตัวเองอยู่ แต่เอาเถอะไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยพีทก็ดูแลตัวเองได้ดีกว่าเลิฟกับเอยแน่ๆ

   "กูเห็นด้วยกับไอ้พีทนะ มึงเลิกยุ่งกับเขาเหอะ กูสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้" นาวสนับสนุนคำพูดของพีทอย่างเห็นด้วย

   "พวกมึงอ่ะคิดมากไม่มีอะไรหรอก" เลิฟทำหน้าระรื่นเถียงเพื่อนอย่างไม่ได้ฟังคำเตือน

   "เออ!! ไอ้คนเก่งระวังเถอะมึง" นาวจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากเลิฟแรงๆด้วยความหมั่นไส้

   "ระวังเหี้ยไร" เลิฟทำหน้างงใส่

   "ระวังจะได้ผัว!!" พีทพูดเน้นคำใส่หูเลิฟ

   "ผัวเหี้ยไรเล่า" เลิฟโวยวายออกมาเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำไปหมดเพราะความเขิน

   "แน่ะๆ หน้าแดงแบบนี้แอบคิดอะไรกับพี่เขาใช่ไหมมึง" พีทได้ทีพูดแซวเลิฟไม่เลิกจนเจ้าตัวต้องก้มหน้าฟุบลงไปกับโต๊ะ พีทเลยหันไปหานาวแล้วยื่นมือไปไฮไฟว์กันด้วยความสะใจ

   การแกล้งไอ้้เลิฟเป็นงานสนุกของกลุ่มเขาจริงๆ เพราะให้ไปแกล้งไอ้กั้มไอ้นั่นมันก็ไม่สะทกสะท้าน แกล้งไอ้เอยนั่นก็เอ๋อจนไม่รู้ว่าโดนแกล้ง มีแต่ไอ้เลิฟนี่แหละที่แกล้งแล้วมีความสุขที่สุด

   "พวกมึงแม่ง!! เป็นเหี้ยไรชอบแกล้งกูวะ" หลังจากตั้งสติได้เลิฟก็เงยหน้าขึ้นมาตวาดเพื่อนเสียงดัง แต่ใบหน้ายังคงแดงก่ำเพราะความเขินที่ไม่รู้ว่าเขินอะไร แต่เขินทุกครั้งที่เพื่อนแซวแบบนี้แล้วก็เถียงไม่เคยออก

   "โวยวายเพื่อ? หรือมึงคิดงั้นกับพี่เขาจริง" พีทหันมาหรี่ตาจับผิดเลิฟ และอีกฝ่ายก็ชะงักไปก่อนจะขมุบขมิบปากไปมา แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม่พูดอะไรอีก

   พีทได้แต่มองปฏิกิริยาทั้งหมดด้วยความอึ้ง หันไปมองหน้านาวดูเจ้าตัวก็อึ้งไม่แพ้กัน มันคงจะไม่เป็นแบบที่เขาคิดใช่ไหม ขอแค่ให้เขาคิดมากทีเถอะ เขาไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจ

   "อะ...เออ เดี๋ยวกูไปร้านค้าพวกมึงเอาอะไรไหม" พีทพยามพูดเปลี่ยนเรื่องหลังจากบรรยากาศเริ่มจะแปลกๆไป

   "เอาน้ำส้ม...เลี้ยงกูด้วย" นาวสั่งของที่ตัวเองต้องการ

   "เลี้ยงไม่ได้ตอนนี้กูจน" พีทแบบมือไปตรงหน้าเพื่อนซึ่งนาวก็เงยหน้ามองกลับงง ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วควักเงินส่งให้

   "พึ่งต้นเดือนไปทำเหี้ยอะไรมาวะ" นาวถามด้วยความสงสัย เพราะปกติถ้าบอกให้เลี้ยงคุณหนูแบบไอ้พีทไม่เคยเกี่ยง มันจะอาสาทำตัวเป็นป๋าควักจ่ายไม่อิดออดตลอด นี่ครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักกันมาที่ได้ยินคำว่าจนจากปากอีกฝ่าย

   "เออน่าอย่าถามมากได้ป่ะ" พีทพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามนาว จะให้บอกได้ไงล่ะว่าตอนนี้ทั้งตัวเหลือเงินแค่สองพัน เพราะไอ้รุ่นพี่เหี้ยนั่นคนเดียวเลย นี่ถ้าพ่อรู้ว่าไปทำรถพังแถมรูดบัตรเกินกำหนด ไม่รู้จะซวยอะไรอีกให้ตายสิ

   "มึงเอาอะไรป่ะเลิฟ" พีทหันมาถามเลิฟที่เอาแต่มุดหน้าอยู่กับโต๊ะ ซึ่งเจ้าตัวก็ส่ายหัวปฏิเสธไปมาเบาๆ

   "เออๆงั้นเดี๋ยวกูมา" พีทลุกขึ้นและเดินตรงไปร้านค้าแต่ก็ไม่วายหันมามองเพื่อนด้วยความสงสัย พยายามคิดว่าที่เพื่อนเป็นแบบนี้เพราะโกรธที่เขาแซว ไม่ใช่เพราะมันไปจี้ใจดำอะไรแบบนั้น ไม่งั้นล่ะเรื่องยุ่งแน่ๆ

   พีทสะบัดหัวตัวเองไปมาเพื่อไบ่ความฟุ้งซ่าน เขาก็แค่คิดมากไปเพื่อนเขามันไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันหรอก รักระหว่างเพศเดียวกันมันมีแต่ความเจ็บปวด ยังไงผู้ชายก็คู่กับผู้หญิงวันยังค่ำนั่นแหละ

   เพราะมัวแต่คิดวุ่นวายอยู่ในหัว เลยทำให้พีทไม่ได้สังเกตุเลยสักนิด ว่าคู่กรณีที่ทำให้ตัวเองอารมณ์เสีย และตามหามาตลอดอาทิตย์กำลังเดินสวนกันไป


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 5 (7/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 07-04-2016 17:04:50
อาร์ตจีบใครอยู่หืมมมมมมมม
มาจีบน้องพีทดีกว่ามา
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:09:50
กัดครั้งที่
- 6 -
   


   พีทก้มลงมองถุงของกินในมือแล้วก็ถอนหายใจออกมา ทั้งที่ตั้งใจว่าไม่ซื้ออะไรเยอะเพราะจะประหยัดเงินที่มีอยู่ตอนนี้  เก็บไว้ใช้จนกว่าจะเจอคนขโมยกระเป๋าตัง สุดท้ายเขาก็แพ้ให้กับความอยากในส่วนลึกของหัวใจ คว้าเอาของกินในร้านมาชนิดที่ไม่สนเงินในกระเป๋าเลยสักนิด

   หลังจากจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยพีทก็หอบหิ้วทุกอย่างเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่ดีสายตาก็มองเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนมานั่งแทนที่อยู่ และมันก็คงจะแค่คุ้นเท่านั้นถ้าหากไอ้คนที่นั่งมันไม่ได้หัวสีแดง

   พีทจ้องแผ่นหลังใหญ่นั้นเขม็งราวกับกลัวว่ามันจะหายไปอีก เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งๆที่เรียนคณะเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่เคยเจอตัวอีกฝ่ายเลย จะไปถามหากับพวกรุ่นพี่ก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงถ้าสมมุติว่าโดนถามกลับมา ขาสองข้างก็พยายามรีบเดินแต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจ จนต้องเปลี่ยนมาวิ่งในที่สุด

   ปึ่ก!!!

   เสียงกระแทกหนักบนโต๊ะทำให้ทุกสายตาหันกลับมามอง ยกเว้นคู่กรณีของพีทที่ไม่คิดจะสนใจและยังคงตั้งหน้าตั้งตาหยอกล้อเพื่อนของเขาอยู่

   “นอกจากป๊อกกี้น้องเลิฟยังชอบกินอะไรอีกไหม” เสียงทุ้มติดทะเล้นเอ่ยถามอย่างใจดี

   “บอกพี่ได้นะวันหลังพี่ซื้อมาฝาก” เจ้าของเสียงยังคงพูดต่อเนื่องโดยไม่คิดจะสนใจคนรอบตัวเลยสักนิด จนพีทที่ยืนอยู่ด้านหลังเกิดอาการขุ่นเคืองจ้องแผ่นหลังอีกฝ่ายเขม็ง ชนิดที่ถ้าสายตาเป็นปืนอาร์ตก็ตัวพรุนไปหมดแล้ว

   “ผมว่าพี่เก็บเงินพี่ไว้ซื้อข้าวกินดีกว่าไหมครับ” พีทพูดเสียงลอดไรฟันด้วยความหมั่นไส้

   เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้อาร์ตตัดสินใจหันกลับไปมอง ก่อนจะกระตุกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาทำให้อาร์ตอยากขำดังๆ ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงจะโมโหเขาไม่น้อยเลยนะเนี่ย

   “อ่า...นี่ใครครับเนี่ยพี่ไม่เคยเห็นเลย” อาร์ตแกล้งทำท่าทางแปลงใจและทำเหมือนไม่รู้จักพีท แถมยังส่งยิ้มทำตัวเป็นรุ่นพี่แสนดีให้พีท

   พีทมองการกระทำของอาร์ตแล้วความโมโหก็วิ่งพล่านไปหมด อยากจะเอากำปั้นไปชกเบ้าตาอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดที่โดนกวนประสาทเข้าให้อีกแล้ว ทั้งๆที่ทำกับเขาไว้ขนาดนั้นยังมาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้จักได้อีก

   อาร์ตพยายามเก๊กหน้าใสซื่อสุดชีวิต พยายามที่จะไม่หลุดเสียงหัวเราะหรือท่าทางแปลกๆอะไรออก เห็นอีกฝ่ายทำท่าฮึดฮัดจ้องตัวเองตาแทบถลนแล้วยิ่งสนุก ไอ้ท่าทางแบบนี้มันยิ่งทำให้โคตรอยากแกล้ง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะอาละวาดใส่เขาแบบไหน

   พีทที่ถึงแม้จะรู้จักคนตรงหน้าได้ไม่นานแต่ก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คิดจะกวนประสาทให้เขาอาละวาดงั้นเหรอ ฝันไปเหอะ!! คนเรามันต้องไม่โง่ซ้ำโง่ซากกับเรื่องเดิมๆโว๊ย!!!!

   พีทสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามตั้งสติและไม่สนใจสายตาท้าทายของอีกฝ่าย ก่อนจะนั้งลงข้างๆและหันมาส่งยิ้มที่บังคับให้น่ารักไปให้

   “สวัสดีครับพี่อาร์ต” พีททักทายอีกฝ่ายด้วยเสียงนอบน้อม ทั้งๆที่ในใจอยากจะลุกเตะก้านคอให้หัก

   “หึ สวัสดีครับรู้จักพี่ด้วยเหรอ” อาร์ตเกือบหลุดขำกับการตอบโต้ไม่ยอมแพ้ของอีกฝ่าย ก็เพราะแบบนี้ไงไอ้เด็กนี่มันถึงน่าแกล้ง

   “รู้จักสิครับ...ใครจะไม่รู้จักพี่อาร์ตสุดโฉด เอ้ย แสนดีล่ะครับ” พีทส่งยิ้มหวานและแอบจิกกัดอีกฝ่ายไปในตัว

   “พี่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับว่าแต่เราชื่ออะไรเอ่ย” อาร์ตเล่นไปตามน้ำในเมื่ออีกฝ่ายอยากเล่น เขาก็เล่นด้วยหน่อยจะเป็นไรไป

   ‘กูรู้โว๊ยว่ามึงไม่ใช่คนดีไม่ต้องบอกกู!!’ พีทตะโกนด่าอีกฝ่ายในใจแต่ปากยังส่งยิ้มที่แทบจะกลายเป็นแสยะ ส่วนตาก็ถลึงใส่ดุๆแบบจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ

   “นี่พี่อาร์ตกับไอ้พีทรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” นาวที่นั่งมองอยู่นานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงการพูดจาจะเหมือนไม่รู้จักกันแต่ท่าทางมันรู้จักกันชัดๆ

   “ใครจะไปรู้จักคนแบบนี้วะ” พีทตวัดหันมาหานาวด้วยใบหน้างอง้ำ

   “หึ ไม่รู้จักหรอกครับ” อาร์ตเองก็ตอบแบบเดียวกันพร้อมกับอมยิ้มขำ ส่วนพีทพอได้ยินคำตอบแบบนั้นจากอีกฝ่ายก็หันกลับมามองด้วยความขุ่นเคือง กล้าพูดได้ไงว่าไม่รู้จักกันทั้งๆที่ทำกับเขาขนาดนั้นเนี่ยนะ

   “เอาเป็นว่าพี่ไปดีกว่า...เดี๋ยววันหลังพี่มาหาใหม่นะครับ” อาร์ตลุกขึ้นยืนยักคิ้วส่งให้พีทด้วยท่าทางกวนประสาท และหันไปบอกลาเลิฟด้วยท่าทางใจดี ก่อนจะเดินออกไปอย่างใจเย็นเพราะคิดว่าอีกไม่กี่นาที ข้างหน้าพีทต้องลุกตามมาแน่ๆ

   พีทมองตามหลังอาร์ตด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด ปากก็พึมพำแช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายไปในตัว อยากจะลุกตามไปเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวเพื่อนจะสงสัย เลยต้องนั่งอยู่เฉยๆทั้งๆที่ใจมันเดินตามอีกฝ่ายออกไปแล้ว

   “เป็นไรของมึง” นาวถามขึ้นด้วยความรำคาญเพราะเห็นอีกฝ่ายกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข

   “ถ้าปวดขี้ก็ไปขี้ก่อนไหม” นาวพูดกัดออกมาด้วยความหมั่นไส้

   “เออ...กูปวดขี้เดียวกูมานะ” คำพูดของนาวเหมือนชี้ทางให้ไม่มีผิด พีทรับเออออรับคำแล้วลุกวิ่งออกไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้เลิฟกับนามมองตามด้วยความงง

   “นี่มันปวดจริงๆเหรอวะ” นาวหันไปถามเลิฟเพื่อขอความเห็น เมื่อกี้เธอก็ประชดไปงั้นเองไม่ได้จริงจัง เลิฟเลยหันมายักไหล่ส่งให้ก่อนจะแกะป๊อกกี้ที่อาร์ตเอามาฝากกิน ส่วนนาวเมื่อได้คำตอบจากเลิฟก็คว้าเอาถุงขนมที่พีททิ้งไว้มาแกะกินอย่างสบายใจ

...
...
   
   “ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!!” พีทตะโกนเรียกคนข้างหน้าสุดเสียง แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจยังตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อ ทำให้พีทต้องออกแรงวิ่งตามด้วยความเร็วเพราะกลัวไม่ทัน

   “แม่ง!!! เรียกไม่มีหูรึไงวะ แฮ่กๆ” พีทวิ่งมาดักหน้าอาร์ตในสภาพกระหืดกระหอบ  เอามือเท้าเอวแล้วถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างโมโห

   “หูน่ะพี่มีครับ...แต่พอดีคนเรียก เรียกไม่เข้าหู” อาร์ตยืนกอดอกส่งยิ้มยียวนให้อีกฝ่าย ทำไมเขาจะไม่ได้ยินล่ะเล่นเหี้ยซะชัดเจนเต็มสองรูหูขนาดนั้น อยากจะบอกไปเหมือนกันนะว่าถ้าจะเรียกเขาเหี้ยแล้วอย่าเรียกว่าพี่ด้วยเลยดูไม่ค่อยจะเคารพกันสักเท่าไหร่

   “พี่จำได้ว่าเคยบอกให้น้องพีทพูดกับพี่เพราะๆนะครับ” อาร์ตส่งยิ้มยียวนไปให้และมองสภาพหอบเหนื่อยของคนตรงหน้าด้วยความสนุก คนอะไรทำไมมันน่าแกล้งได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้สิ ปกติเขาไม่เคยเจอหรอกนะไอ้พวกที่รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วยังปากดีใส่แบบนี้ แต่เล่นมาตะโกนเรียกเขาเหี้ยแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ขืนไอ้พวกที่มันบูชาเขามากๆมาได้ยินเข้าไอ้เด็กนี่จะซวยเอา

   “กูก็จำได้ว่ากูบอกไปแล้วเหมือนกันว่าจะพูดดีๆกับคนที่คู่ควร” พีทตวาดใส่ไม่ยอมแพ้แล้วยืนประจันหน้าแบบไม่กลัว แนกๆน่ะเขากลัวคนตรงหน้าแต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้วโว๊ย!!!

   “งั้นไว้น้องพีทเคารพพี่เมื่อไหร่เราค่อยคุยกันเนาะ” อาร์ตยักไหล่ให้แล้วหันหลังเดินหนีทันที ทำให้พีทต้องรีบคว้าตัวอีกฝ่ายเอาไว้เพราะกว่าจะเจอตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

   “เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” พีทออกแรงดึงแล้วอ้อมไปข้างหน้า ก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายไปชิดกับต้นไม้แถวนั้น

   อาร์ตเองก็ยอมให้ดันไปง่ายๆแบบไม่ขัดขืน เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กพยศแบบพีทจะทำอะไรเขาได้ แล้วไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ดันหลังเขาจนติดต้นไม้แบบนี้

   ปึ่ก! ปึ่ก!

   พีทเท้ามือคร่อมตัวของอาร์ตไว้ทั้งสองข้างเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหนี แล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างข่มขู่ตาเรียวๆเบิกกว้างถลึงใส่จนแทบถลนออกมา แต่มันเป็นภาพที่ชวนน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวในสายตาอาร์ต เจ้าตัวคงคิดว่าไอ้ท่าทางน่ารักๆนี้มันจะทำให้เขากลัวได้ล่ะมั้ง

   “ว่าไงครับ” อาร์ตมองคนตัวเล็กแล้วเม้มปากแน่นกลั้นขำ แต่ในสายตาพีทเหมือนโดนยิ้มเยาะไม่มีผิด

   “เอาของคืนมา” พีททำหน้างอเสียงเหวี่ยงใส่อย่างไม่พอใจ

   “หือ...ที่พี่รับฝากมาน่ะเหรอ” อาร์ตตีหน้าซื่อใส่เหมือนว่าพีทเป็นคนฝากเอาไว้เอง

   “ใครฝากวะ!!! มึงขโมยไป!! แม่ง!!!” พีทตวาดใส่ด้วยความฉุนมือก็ยังคร่อมตัวอีกฝ่ายเอาไว้

   “อ่า...นี่พี่ขโมยมาเหรอไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” อาร์ตทำตาโตยกมือทาบอกตัวเองสร้างความหมั่นไส้ให้พีทอย่างถึงที่สุด จนเจ้าตัวทนไม่ไหวกำหมัดแน่นแล้วง้างขึ้นฟาดไปข้างหน้าเต็มแรง

   อาร์ตที่มีปฏิกิริยาเร็วมากอยู่แล้วเรื่องพวกนี้เพราะไล่กระทืบคนเป็นประจำเมื่อก่อน ยกมือขึ้นมารับกำปั้นของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายจับเอาไว้แน่น ก่อนจะหักข้อมือลงไปไขว้หลังและม้วนตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความเร็ว

   พีทที่โดนพลิกสถานการณ์กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบแถมยังโดนกอดจากทางด้านหลังทั้งตัว ตัดสินใจยกแขนอีกข้างขึ้นหมายจะกระทุ้งศอกใส่ แต่อาร์ตก็รู้ทันใช้มืออีกข้างจับไว้ทันแล้วกอดพีทแน่น

   “ปล่อยไอ้เหี้ย!!” พีทตะคอกใส่พยายามดิ้นให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนกอดแน่น

   “โอ๊ย!! แม่งเจ็บ...เหี้ย!!” พีทหยุดดิ้นแล้วตะโกนด่าแทนเพราะอีกฝ่ายเล่นกอดแน่นจนเหมือนกระดูกจะหัก

   “ปากเนี่ยนะ...มันน่านัก” อาร์ตพูดออกมาด้วยความเหนื่อยใจบอกให้พูดดีๆทำไมไม่เคยฟัง

   “ปากกูมันทำไม!!” พีทที่อยู่ในอารมณ์โมโหเพราะทำอะไรไม่ได้หันหน้ากลับมาตวาดถาม

   “มันน่า...” อาร์ตพูดแค่นั้นแล้วประกบปากลงที่ปากของพีททันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว และใช้จังหวะที่อีกฝ่ายมัวตะลึงสอดลิ้นเข้าไปข้างใน กวาดต้อนหยอกล้อลิ้นเล็กเพื่อชิมความหวาน

   พีทเมื่อได้สติก็กัดลงเต็มแรงตั้งใจให้โดนลิ้นของอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวที่เหมือนรู้ทันเขาไปหมดทุกอย่าง ถอนลิ้นออกไปก่อนในเสี้ยววินาที

   “จูบ” อาร์ตพูดต่อในสิ่งที่ค้างไว้พร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ทำให้พีทสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความโกรธ

   “มึงมาจูบกูทำไมไอ้ตุ๊ด!!” พีทตะโกนด่าด้วยใบหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายที่โดนผู้ชายด้วยกันจูบ แถมยังโดนแบบดีพคิสช่ำชองจนชวนหมั่นไส้อีกต่างหาก

   “งั้นลองมีผัวเป็นตุ๊ดดูไหมน้องพีท” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงยียวน

   “ทะ...ถ้ามึงทำอะไรกู...กูจะบอกไอ้เลิฟ” พีทยกชื่อเพื่อนสนิทขึ้นมาอ้างเสียงสั่น

   “น้องเลิฟเกี่ยวอะไร” อาร์ตถามกลับด้วยความสงสัย

   “กะ...ก็มึงจีบเพื่อนกูอยู่ไม่ใช่รึไง” พีทถามเสียงสั่นตาก็มองไปรอบๆเพื่อหาทางหนี ใจก็ภาวนาให้มีคนเดินผ่านมาทางนี้บ้าง แต่ไม่รู้ว่านี้ป่าช้าหรือมหา’ลัยหาสิ่งมีชีวิตนอกจากเขากับไอ้คนที่กอดอยู่ไม่เจอเลย

   “ถ้ามึงทำอะไรกูนะ...กูจะฟ้องไอ้เลิฟ กูจะไปยุไม่ให้มันคุยกับมึง” คำพูดต่อมาของพีททำเอาอาร์ตมองด้วยความอึ้งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” อาร์ตหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายปล่อยมือที่กอดพีทแล้วเอามากุมท้องตัวเอง ทางด้านพีทที่เป็นอิสระก็รีบถอยห่างทันที

   “หัวเราะเหี้ยไร” พีทถามด้วยความฉุน มีอะไรตลกจนต้องหัวเราะขนาดนั้นด้วยวะ

   “เด็กน้อยเอ้ย!!” อาร์ตส่ายหัวให้เบาๆก่อนจะเดินมายกมือขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่งด้วยความเอ็นดู คิดได้ไงจะเอาเรื่องนี้มาขู่เขากับน้องเลิหก็แค่จีบ จีบไม่ติดก็จบกันไปไม่ใช่แฟนซะหน่อยต้องกลัวอะไรขนาดนั้น จะขู่เขาทั้งทีก็หาเรื่องขู่ซะน่ารักเดี๋ยวพ่อก็จับเอาแม่งตรงนี้ดีไหม

   “แก่กว่าปีสองปีอย่ามาทำเป็นโตกว่านะ” พีททำหน้างอใส่ด้วยความไม่ชอบใจ

   “โอเคๆ” อาร์ตยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้เพราะเดี๋ยวแกล้งไปมากกว่านี้ อีกฝ่ายจะโกรธจริงจัง ขี้เกียจไปตามง้อทีหลัง
 
   ‘แล้วทำไมกูต้องง้อวะ’ อาร์ตสะดุดกับความคิดของตัวเองไม่น้อย ก่อนเลิกคิดและหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน

   “อยากได้ของคืนป่ะ” พีทรีบพยักหน้าขึ้นลงรัวๆให้กับคำถามของอาร์ต

   “งั้นเอางี้” อาร์ตเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากกว่าเดิมแต่พีทก็ถอยหลังหนีเพราะระแวง อาร์ตเลยต้องคว้าเอวอีกฝ่ายไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ

   “คืนนี้มาหาพี่ที่ร้านxyz แล้วเรามาคุยเรื่องของที่พี่ยึดไว้กัน” อาร์ตกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบาแล้วฉวยโอกาสหอมที่แก้มอีกฝ่ายไปหนึ่งที ก่อนจะผละออกมาด้วยความเร็วหันหลังเดินกลับไปในทางที่หลอกให้อีกคนเดินตามมา

   “@#^%$%&(#%)_&@^!!&$*)(++$*&#*@*!” เสียงตะโกนด่าไล่หลังที่ตามมาของพีททำให้อาร์ตยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นโบกไปมาส่งให้อีกฝ่ายทั้งๆที่หันหลัง

   พีทตะโกนแหกปากด่าจนอีกฝ่ายเดินลับตาไป เขาไม่ได้อยากจะไปตามที่อีกฝ่ายนัดเลยสักนิด แต่ถ้าไม่ไปเขาก็ไม่มีตังจะกินข้าวแล้วเหมือนกัน

   ‘เอาไงดีวะ’ พีทเอามือขยี้หัวตัวเองจนยุ่งไปหมดด้วยความโมโห ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปหาเพื่อที่โต๊ะ ไว้ค่อยคิดละกันอีกตั้งนานกว่าจะค่ำ

...
...
   
   พีทเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าบ้านด้วยความคิดไม่ตก ตั้งแต่เมื่อกลางวันจนถึงตอนนี้หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว เขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปตามที่อีกฝ่ายบอกดีรึเปล่า เพราะถ้าไปก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้างแต่ถ้าไม่ไปก็ไม่จะเอาของคืนยังไงดี ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

   “เอาไงดีวะ” พีทพึมพำกับตัวเองด้วยความเครียด

   “อาตี๋!!!!” เสียงเรียกดังกังวานทำให้ขาที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดของพีทชะงักลง ก่อนจะหันไปมองคนเรียกด้วยท่าทางเหรอหรา

   “อะ...อะไรครับป๊า” พีทถามพ่อที่ยืนทำหน้าถมึงทึงด้วยเสียงตะกุกตะกัก

   “นี่มันหมายความว่ายังไง” พ่อของพีทถามเสียงเข้มพร้อมกับโบกกระดาษในมือไปมา

   พีทเพ่งสายตามองกระดาษในมือของพ่อเพื่อมองว่ามันคืออะไร ก่อนจะตาเบิกกว้างแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อรู้แล้วว่าในมือที่พ่อถือคืออะไร แล้วทำไมพ่อถึงต้องโมโหขนาดนั้น ก็นั่นมันใบแจ้งยอดชำระบัตรเครดิตน่ะสิ

   ‘ซวยแล้วมึงไอ้พีท’


2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:17:21
กัดครั้งที่
- 7 -
   


   พีทเดินลากขาไปตามถนนของหมู่บ้านในสภาพหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนฟุตบาตข้างทางแถวนั้น ตาก็มองไปรอบๆข้างที่เงียบสงบไร้ผู้คน มองขึ้นไปบนฟ้าก็เห็นว่ากำลังเปลี่ยนสีบ่งบอกว่าจะมืดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

   "โว๊ย!!!" พีทตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆด้วยความหงุดหงิด ที่เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้เพราะไอ้เหี้ยพี่อาร์ตคนเดียวเลย เพราะมันนั่นแหละเขาถึงต้องเจอแต่เรื่องซวยๆแบบนี้

   ก่อนหน้าที่จะต้องออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้าน เขาพึ่งโดนพ่อเทศนาสั่งสอนจนหูชามา แต่แค่นั้นมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรเลย ถ้าพ่อจะไม่ยื่นคำขาดที่เหมือนฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นออกมา

   พ่อตัดเงินค่าขนมเขาจากวันละพันเหลือวันละสองร้อย เสาร์อาทิตย์และวันไหนที่ไม่มีเรียนงดจ่ายเบี้ยเลี้ยง ตอนแรกเขาก็โดนพ่อลงโทษแค่ตัดเงินนั่นแหละ เพราะเขาตกลงกับพ่อว่าจะไม่รูดบัตรเกินเดือนละสองหมื่น แต่ใบแจ้งยอดที่มาส่งโชว์ยอดว่าเขารูดบัตรไปเกือบแสน ซึ่งมันความผิดเขาที่ไหนกันล่ะมันเหตุสุดวิสัย เขาโดนยัดเยียดให้จ่ายค่าซ่อมรถต่างหาก

   คิดว่าเรื่องคงจะจบแค่นั้นแต่ฟ้าคงไม่สะใจเท่าไหร่ ร้านซ่อมรถดันโทรเข้ามาเบอร์บ้านบอกให้เขาไปรับรถอาทิตย์หน้า เขาเลยโดนพ่อยึดรถเพิ่มแถมด้วยการยกเลิกสัญญาเช่าคอนโดนที่เขาอยู่ตอนนี้ สั่งให้เขากลับมาอยู่บ้านเวลาจะไปเรียนก็ให้คนขับรถไปรับไปส่ง ถ้าจะไปไหนนอกเหนือจากมหา'ลัยให้เขาหาทางไปเอง

   แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาเจอแบบนี้ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสักนิด ทุกอย่างเพราะไอ้เหี้ยพี่อาร์ตคนเดียวเลย ไอ้นมเย็น ไอ้หื่นกาม ไอ้หน้าม่อ ไอ้โรคจิต!

   พีทพึมพำดาอาร์ตในใจไม่หยุด ยิ่งด่ามากเท่าไหรหน้าอาร์ตกับรอยยิ้มกวนประสาทยิ่งฉายภาพเด่นชัด ชัดจนทำให้ความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว

   "พีท" เสียงเรียกที่ดังขึ้นเหนือหัว ทำให้พีทต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่ตาจะเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ

   "พี่หมอ" พีทครางออกมาเสียงแผ่วเบามองคนตรงหน้าด้วยความตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายหลังจากที่พยายามหลบหน้ามานาน

   "ทำไมถึงมานั่งหน้าบ้านพี่ละ" ชายหนุ่มตรงหน้าหรือพี่หมอตามที่พีทเรียก ถามออกมาด้วยความแปลกใจแล้วยื่นมือไปหา ตั้งใจว่าจะช่วยดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน

   เพี๊ยะ!!!

   พีทปัดมือที่ยื่นมาตรงหน้าเต็มแรง ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับถอยห่างอีกฝ่่าย ตาก็มองไปรอบๆอีกครั้งถึงได้รู้สึกตัว ว่าตัวเองเดินใจลอยมาไกลถึงหน้าบ้านของอีกฝ่ายจริงๆ

   พีทเม้มปากแน่นอย่างขัดใจที่เผลอเรอเดินมาถึงนี่ ทั้งๆที่สาบานว่าจะไม่มีทางกลับมาเหยียบอีก และการที่เขาเดินมาที่นี่เพราะรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับแต่ก่อนที่ชอบมาเวลาที่เกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่เคยลืมเรื่องในอดีตได้เลยสักนิด

   "พีท" เสียงเรียกชื่ออย่างอ้อนวอนและโหยหา พร้อมกับยื่นมือมาหาทำให้พีทถอยหลังหนีอัตโนมัติ

   "อย่าเข้ามา" พีทพูดเสียงแข็งแววตาที่ใช้มองคนตรงหน้าสั่นระริกและเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด

   "พีท" แต่อีกฝ่ายยังคงส่งเสียงเรียกด้วยความเว้าวอน

   "บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!!" พีทตวาดออกไปเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพยายามเขยิบเข้ามาใกล้

   "อย่าทำแบบนี้ได้ไหมพีท" อีกฝ่ายยอมหยุดอยู่กับที่โดยดี แต่ยังคงใช้น้ำเสียงที่บ่งบอกความเสียใจเพื่อคุยกับพีท

   "ผมว่าพี่ต่างหากที่ต้องเลิกทำแบบนี้" พีทพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้แข็งกร้าว

   "เราจะคุยกันดีๆไม่ได้แล้วเหรอ พีทจะโกรธพี่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน" น้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดออกมาชวนให้นึกถึงเรื่องในอดีต ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ยังอยู่ในความทรงจำ...จนถึงทุกวันนี้

...
...
   
   "ฮัดชิ่ว! ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ่ว" อาร์ตใช้นิ้วถูที่ปลายจมูกตัวเองไปมาแรงๆ แล้วหันไปตั้งสายกีตาร์ในมือต่อเพราะใกล้เวลาที่ต้องขึ้นเวทีแล้ว
   "เป็นไรว่ะมึงหวัดแดกไงหรือมีคนด่า" ตองรุ่นพี่ที่คณะและเจ้าของร้านเหล้าที่อาร์ตทำงานเอ่ยแซวขึ้น เพราะตั้งแต่อาร์ตเข้ามาจนถึงตอนนี้เขาก็เห็นอีกฝ่ายจามไม่หยุด

   "คงไม่หรอกพี่แต่ถ้าคนด่าก็ไม่แน่" อาร์ตตอบพร้อมกับนึกถึงหน้าเหวี่ยงของพีทไปด้วย รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเจ้าตัวโวยวายอยู่ข้างๆ จนหลุดขำออกมาในที่สุด

   "ขำอะไรของมึงวะแล้วดูทำหน้าทำตามีความสุข...อย่าบอกนะว่ามึงซ่อนสาวไว้แล้วเก็บเงียบ" ตองหรี่ตามองอย่างจับผิด

   "เฮ้ย!! ยังพี่คงโสดอีกนานว่ะ" อาร์ตยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นพัลวัน

   "ให้มันแน่เหอะสัส! กูเห็นมาเยอะละพวกที่บอกว่าโสดอีกนานเนี่ย แป๊บเดียวควงเมียมาเย้ยกูละแม่ง!!" ตองทำหน้าเซ็งออกมา

   "พี่จะหงุดหงิดทำไมวะทุกวันนี้ก็มีเฮียฮิมให้ควงนี่หว่า" อาร์ตแซวด้วยน้ำเสียงกวนประสาท เลยได้ลูกถีบจากตองที่บรรจงประเคนให้เน้นๆด้วยความรัก

   "ขนลุกไอ้สัส!!" ตองทำหน้าสยองขวัญพร้อมกับลูบแขนตัวเองไปมา เรียกเสียงหัวเราะจากอาร์ตได้ดังลั่น

   เป็นอันรู้กันดีอยู่แล้วว่าตองกับฮิมคู่หูสุดโฉดประจำคณะวิศวะวีรกรรมความเหี้ยเยอะขนาดไหน แถมยังตัวควายๆหน้าตาหล่อสัสทั้งคู่ขืนมาเอากันเองนี่คิดภาพไม่ออกเลยว่ะครับ สยองฉิบหายเอากันทีเตียงแม่งคงพัง แถมเดาไม่ออกด้วยว่าใครแม่งจะเสียบใคร หรือจะพลัดกันเสียบวะ? แล้วนี่กูคิดอะไร

   "เป็นเหี้ยไรมึง" ตองมองหน้าอาร์ตอย่างสงสัย เพราะเจ้าตัวเอาแต่ทำหน้าตาประหลาด

   "ตอง...กูมีเรื่องจะคุยด้วย" แต่ยังไม่ทันที่อาร์ตจะตอบอะไรออกไป เสียงทุ้มดุอันคุ้นเคยก็ดังขัดขึ้นจากหน้าประตู ทำให้ทั้งอาร์ตและตองหันไปมองพร้อมกัน

   "ดีเฮีย" อาร์ตทักทายรุ่นพี่คนที่ตัวเองพึ่งนินทาไปอย่างสนิทสนม ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่พยักหน้าทักทายกลับ

   "มีไรวะ" ตองมองหน้าเพื่อนสนิทที่ดูเครียดๆอย่างแปลกใจ

   "อาร์ตกูฝากร้านแป๊บนะ...ถ้าถึงเวลาปิดร้านกูยังไม่กลับมึงสั่งเด็กปิดร้านเลย" ตองหันมาสั่งอาร์ตแล้วเดินตามฮิมออกไปทันที

   "อะไรวะ" อาร์ตมองตามหลังทั้งคู่จนลับสายตา แล้วกลับมาสนใจกีตาร์ในมือตัวเองต่อ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เลยหยิบโทรศัพท์ออกมา พิมพ์ข้อความแล้วกดส่งออกไปยังเบอร์ที่พึ่งได้มาตอนเย็น พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

...
...
   
   พีทหยุดยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าร้านเหล้ากึ่งเอาท์ดอร์ เงยหน้าขึ้นอ่านป้ายชื่อร้านเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง มองเข้าไปในร้านเพื่อมองหาใครบางคนที่นัดตัวเองมา ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในด้วยความลังเลเล็กน้อย

   “กี่ที่ครับ” พนักงานร้านเอ่ยปากทักทายพีทอย่างยิ้มแย้มทันทีที่เจ้าตัวก้าวขาเข้ามาด้านใน

   “เอ่อ...คนเดียวครับ” พีทตอบออกไปด้วยเสียงอึกอักเล็กน้อย พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆด้วยความระแวง ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่เคยไปเที่ยวสถานที่อโคจรแบบนี้ แต่เพราะที่นี่เป็นที่ๆอาร์ตนัดมาต่างหากเขาถึงได้ระแวง เพราะไม่รู้จะโดนอีกฝ่ายแกล้งอะไรอีกไหม

   “งั้นตามมาทางนี้เลยครับ” พนักงานเดินนำพีทเข้าไปด้านในเล็กน้อย จนถึงโต๊ะว่างตัวหนึ่งที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวพอสมควร

   พีทนั่งลงที่โต๊ะตามที่พนักงานนำทางมาช้าๆ สายตาก็ยังคงมองไปรอบๆด้วยความระแวง พร้อมกับหาทางหนีทีไล่ไปในตัวเผื่อเกิดดรณีไม่คาดฝันขึ้น อาจจะดูเหมือนคิดมากไปแต่ด้วยกิตติศัพท์ของอีกฝ่ายที่ได้ยินมา รวมทั้งความกวนประสาทที่เขารับรู้มาแล้วด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้จะเป็นอะไรที่แน่นอนสุด

   “รับอะไรดีครับ” เสียงพนักงานที่ดังขึ้นทำให้พีทเลิกสนใจรอบข้าง แล้วหันมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้าแทน

   “มาการิต้า” พีทเลือกสั่งเครื่องดื่มประเภทค๊อกเทลดีกรีอ่อนๆแทนการสั่งเครื่องดื่มที่ดีกรีหนักๆ ใจจริงไม่ได้อยากสั่งด้วยซ้ำแต่ในเมื่อเข้ามานั่งแล้วมันก็ต้องสั่ง

   “รอสักครู่นะครับ” พนักงานจดออเดอร์เรียบร้อยและหันหลังเพื่อไปส่งออเดอร์ที่บาร์

   “เอ่อ...เดี๋ยวก่อนครับ” พีทรีบเรียกเอาไว้ทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินไป

   “จะรับอะไรเพิ่มครับ” พนักงานหันกลับมาถามพร้อมรอยยิ้ม

   “คือ...พอจะรู้จักคนชื่ออาร์ตไหมครับ” พีทตัดสินใจถามออกไป ถึงจะไม่แน่ใจว่าพนักงานจะรู้จักคนที่เขาถามหาหรือเปล่า แต่มันก็คงดีกว่าให้เขานั่งรอเฉยๆแบบไม่รู้อะไรอย่างนี้

   “อ้อ...พี่อาร์ตมีธุระอะไรรึเปล่าครับ” นับว่าเป็นโชคดีของพีทที่พนักงานคนนี้รู้จักอาร์ต เจ้าตัวเลยหลุดยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งอก

   “เขาอยู่ที่ไหนเหรอครับ...รบกวนช่วยบอดเขาให้ทีนะครับว่าพีทมาหา” พีทรีบขอความช่วยเหลือเหลือทันทีเพราะเขาอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว วันนี้รู้สึกว่าชีวิตเขาจะเจออะไรเยอะแยะไปหมด ถ้าต้องมารองรับความกวนประสาทของไอ้พี่อาร์ตอีกเห็นทีจะไม่ไหว

   “งั้นเดี๋ยวผมตามให้นะครับ” พนักงานค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนจะผละออกไป

   “ถึงจะเป็นต้นเหตุทำให้เจอเรื่องซวยๆ แต่ก็ช่วยไว้เหมือนกันละนะ” พีทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้พร้อมกับยิ้มออกมาจางๆ

   - อย่าลืมนัดของเรานะดาร์ลิ้ง จุ๊บๆ -

   เพราะข้อความบ้าๆบอๆที่จงใจจะกวนประสาทของอาร์ต ทำให้เขาได้สติและไหวตัวทันก่อนที่จะต้องเสียอะไรๆมากไปกว่านี้ให้กับผู้ชายคนนั้น โดยเฉพาะคำว่าความรู้สึกที่โดนทำพังไม่มีชิ้นดี

   “มาการิต้าครับ...พี่อาร์ตฝากมาบอกว่าให้คุณรอแป๊บนึง เดี๋ยวออกมาหานะครับ” หลังจากนั่งใจลอยไปได้สักพัก พนักงานคนเดิมก็กลับมาพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือ และข้อความจากอาร์ตที่ฝากมาให้

   “ขอบคุณนะครับ” พีทเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วหยิบเครื่องดื่มมาจิบเรื่อยๆ สายตาก็มองไปทั่วร้านเพื่อสำรวจโดยรอบอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่ใช่เพื่อหาทางหนีทีไล่อะไรแค่อยากจะดูบรรยากาศในร้านบ้าง

   ร้านที่เขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้เป็นร้านขนาดกลางตั้งอยู่หลังมหา’ลัย ถึงจะบอกว่าเป็นร้านเหล้าแต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวหรือไม่น่าเข้าแบบนั้น กลับกันร้านนี้ให้บรรยากาศที่ดีและน่าเข้ามามากกว่าที่คิดไว้ซะอีก ด้วยตัวร้านตกแต่งในสไตล์วินเทจสีขาวดำไฟรอบร้านก็เป็นสีส้มนวลตา รวมทั้งตัวร้านค่อนข้างโล่งไม่อุดอู้หรือคับแคบเหมือนในผับ แถมยังเป็นร้านกึ่งเอาท์ดอร์ที่ชั้นสองสามารถไปนั่งดื่มชิวๆรับลมเย็นได้ เครื่องดื่มก็รสชาติโอเคใช้ได้พอสมควร
 
   ‘ไว้วันหลังชวนพวกไอ้เลิฟมาบ้างดีกว่า’ พีทนึกถึงกลุ่มเพื่อของตัวเองขึ้นมาทันที ตาก็ยังคงมองรอบๆร้านเหมือนเดิมและพอสังเกตุดีๆ ลูกค้าในร้านแทบจะทั้งหมดเป็นเด็กมหา’ลัยเดียวกันกับเขาทั้งนั้น และถ้าจำไม่ผิดเป็นเด็กวิศวะซะส่วนใหญ่แถมยังมีแต่ตัวเป้งๆของคณะทั้งนั้น

   “นั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เสียงเรียกจากด้านข้างทำให้พีทต้องหัดกลับมามอง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ถึงโต๊ะจะมีน้อยแต่มันก็ยังมีโต๊ะว่างทำไมไม่ไปนั่งโต๊ะอื่นวะ

   “มาร้านนี้ครั้งแรกเหรอพึ่งเคยเห็นหน้า” ผู้ชายตรงหน้านั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามของพีทโดยที่ไม่รอคำอนุญาตและพยายามชวนคุย แต่พีทแค่ปรายตามองแล้วหันหนีอย่างไม่ใส่ใจทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน

   “หึ กินมาการิต้าแสดงว่าคออ่อนใช่ไหมเนี่ย” ผู้ชายคนเดิมยิ้มออกมาอย่างพอใจในท่าทางของพีท พร้อมกับเอ่ยแซวออกมาเมื่อสังเกตุเห็นแก้วเครื่องดื่มที่พีทถืออยู่ แต่พีทยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจเหมือนเดิม

   “พูดด้วยก็ไม่พูดใจร้ายจัง” เสียงอีกฝ่ายพูดตัดพ้อพีทออกมาจนเจ้าตัวต้องกรอกตาไปมาด้วยความรำคาญ จะหันไปด่าก็กลัวจะได้ตีกันอย่างที่บอกไปเขาไม่ถนัดเรื่องใช้กำลัง เลยต้องทนเงียบฟังผู้ชายด้วยกันมาจีบอยู่แบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอหรอกแต่บอกเลยว่าไม่บ่อยนานๆทีจะมีมา ส่วนมากจะเป็นไอ้เลิฟกับไอ้เอยที่เจอ อาจจะเพราะไอ้สองตัวนั้นน่ารักเกินไปละมั้งเขาเลยรอด

   “แล้วนี่มานั่งรอใครรึเปล่าหรือมาคนเดียว” อีกฝ่ายยังคงพูดไม่หยุดและคำถามนี้ที่ทำให้พีทหันมาหาและจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ

   “มารอคน” พีทตอบเสียงเรียบแล้ววางแก้วในมือลง

   “ใครเอ่ย...ผมรู้จักไหมน๊าาาา” คนตรงหน้าส่งยิ้มหวานให้พีท

   “ชื่ออาร์ตน่ะ” พีทเองก็ส่งยิ้มกลับไป

   “อาร์ต...อาร์ตไหน” อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่พีทพูดออกมา
 
   “อาร์ตปีสามวิศวะ รู้จักไหม” คราวนี้พีทตอบออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ยังมาขายขนมจีบอยู่ได้

   “เฮียอาร์ตน่ะเหรอ...อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กเฮียอาร์ต” อีกฝ่ายตาโตและถามพีทกลับเสียงตะกุกตะกัก

   “เออ!!! ถ้ารู้แล้วก็ไปให้พ้นๆหน้ากู รำคาญ!!” พีทกระแทกเสียงตอบอย่างหงุดหงิดพร้อมเอ่ยปากไล่ ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบลุกออกไปทันทีเหมือนกัน ถ้ารู้ว่าอ้างไอ้พี่อาร์ตแล้วจะไล่มันไปได้เร็มขนาดนี้เขาอ้างไปนานละ

   “เป็นอะไรน้องพีททำไมหน้าบึ้ง” เสียงทุ้มกวนประสาทดังขึ้นจาทางด้านหลัง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะอ้อมมาด้านหน้าแล้วนั่งลงพร้อมส่งยิ้มทะเล้นมาให้

   “ช้า!!!” พีทกระแทกเสียงเหวี่ยงใส่อาร์ตจนเจ้าตัวถึงกับเหวอไปด้วยความตกใจ

   “เฮ้ย!! อะไรเนี่ยไปโมโหอะไรมา” อาร์ตถามกลั้วเสียงหัวเราะ เขายังไม่ได้กวนประสาทหรือแกล้งอะไรอีกฝายเลยนะ ไหงเหวี่ยงใส่เขาซะแล้วล่ะวะ

   “เอาของมา” พีทยื่นมือไปข้างหน้าและของตัวเองคืนทันทีไม่อยากเสียเวลากับอีกฝ่ายมากนัก เขาหงุดหงิดจนเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงด้วยและอยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว

   “ถ้าพี่บอกว่ายังไม่ให้ล่ะ” อาร์ตทำเสียงยียวนใส่เพื่อหวังแกล้งอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่ผลที่ได้คือพีทที่นั่งเงียบและมองเขาด้วยท่าทางเฉยสนิท

   “งั้นผมกลับ” พีทพูดแค่นั้นแล้วลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับควักเงินมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สนใจอาร์ตอีก กลายเป็นตัวอาร์ตเองที่มองพีทอย่างตกใจและรีบวิ่งไปคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้

   “เดี๋ยว!!” อาร์ตดึงแขนพีทไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะเดินพ้นหน้าร้าน

   “ปล่อย!!” พีทพูดเสียงแข็งและพยายามแกะมืออาร์ตที่จับแขนตัวเองออก

   “เป็นอะไร” อาร์ตถามออกไปด้วยความเป็นห่วงถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่ไอ้เด็กนี่ต้องเป็นอะไรแน่ๆไม่งั้นคงไม่มีท่าทางแบบนี้

   อาร์ตจับแขนพีทแน่นกว่าเดิมแล้วใช้มืออีกข้างจับหน้าพีทที่ก้มอยู่ให้เงยขึ้น ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆอาร์ตก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก ก่อนจะลากจูงแขนให้เดินไปกับตัวเองโดยไม่สนอาการฮึดฮัดของเจ้าตัว

   “เฮ้ยพวกมึงถ้าพวกเฮียฮิมยังไม่กลับมาก็ปิดร้านเลยนะกูไปทำธุระก่อน” อาร์ตตะโกนสั่งเด็กในร้านแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย ก่อนจะพาพีทเดินมาที่มอเตอร์ไซค์คันโปรดจองตัวเองซึ่งจอดอยู่หลังร้าน

   “อะไร” พีทมองอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจเพราะไม่รู้อีกฝ่ายจะกวนประสาทอะไรเขาอีก แต่อาร์ตไม่ตอบอะไรหยิบหมวกกันน็อคมาสวมลงบนหัวของพีท ซึ่งเจ้าตัวก็ขัดขืนเอามือปัดออกอย่างไม่ยอมทำตาม

   “อยู่นิ่งๆ” อาร์ตเลยต้องพูดเสียงเข้มและมองดุๆพีทถึงยอมอยู่เฉยๆให้อีกฝ่ายสวมหมวกให้ตัวเอง

   อาร์ตยิ้มอย่างพอใจก่อนจะสวมหมวกให้อีกฝ่ายแล้วเดินไปนั่งคร่มบนรถ พร้อมกับตบลงไปที่เบาะหลังแปะๆเพื่อบอกให้พีทเดินลงมานั่ง พีทมองอาร์ตแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างลงอย่างไม่พอ ซึ่งเรียกรอยยิ้มขำจากอาร์ตได้ไม่น้อย

   “เกาะดีๆนะ” อาร์ตจับมือพีทให้มากอดที่เอวตัวเองแล้วสตาร์ทรถ ก่อนจะบิดสองสามทีและพาพีทขับออกจากร้านไป โดยที่พีทได้แต่เงียบและเก็บความสงสัยไว้กับตัวว่าอีกฝ่ายจะพาไปไหน



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:22:50
กัดครั้งที่
- 8 -
   


   รถมอเตอร์ไซค์สีชมพูขับไปเรื่อยๆตามท้องถนนยามราตรี แสงไฟสาดส่องให้เห็นอยู่เป็นระยะพร้อมกับสายลมเย็นที่ปะทะผิวกายเอื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบของคนสองคนที่โดยสารมันอยู่

   พีทมองรอบข้างอย่างเหม่อลอยสายตาไม่ได้โฟกัสต่ออะไร ก่อนจะตัดสินใจถอดหมวกกันน็อกออก เพราะอยากให้หน้าได้สัมผัสกับลมยามค่ำคืน เผื่อว่าความเย็นของมันจะช่วยไล่ความหม่นหมอง ที่ตกเป็นตะกอนอยู่ภายในใจตอนนี้ออกไปได้บ้าง

   สัมผัสอุ่นๆที่แนบลงมาบนแผ่นหลังกับความหนักที่กดทับ ทำให้อาร์ตต้องละสายตาจากถนนแล้วหันกลับมามองด้านหลัง ถึงได้เห็นว่าพีทเอนตัวซบอยู่กับหลังของตัวเอง

   อาร์ตหันกลับไปมองถนนแล้วเผลออมยิ้มออกมา ก่อนจะใช้มืออีกข้างเลื่อนลงมากุมมือของพีท ที่เกาะเอวตัวเองไว้แล้วออกแรงบีบลงไปเบาๆ

   แรงบีบที่มือทำให้พีทหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเองแล้วรีบผละตัวออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอายที่ตัวเองเผลอลืมตัวทำอะไรแปลกๆลงไป

   ดวงตาเรียวสวยมองไปยังแผ่นหลังกว้างอย่างตะหนก คิดในใจว่าจะต้องโดนอีกฝ่ายเอ่ยแซวกวนประสาทมาแน่ๆ แต่ทุกอย่างกับผิดคาดไปหมดเพราะนอกจากจะไม่โดนแซวให้อารมณ์เสีย เจ้าตัวยังทำแค่ขับรถต่อไปเงียบๆและมือที่จับมือเขาไว้หลวมๆ

   พีทเม้มปากแน่นอย่างขัดใจแต่ก็ไม่ได้ดึงมือของตัวเองออกมา ก่อนจะเอาหัวโขกลงไปที่หลังของอาร์ตไม่เบาแต่ก็ไม่ได้แรงมากนัก

   "เฮ้ย!! อะไรเนี่ย...นั่งดีๆอย่าซนดิวะพี่ขับรถอยู่" อาร์ตส่งเสียงโวยวายออกมาพร้อมกับพยายามหันหลังกลับมามองอีกฝ่าย ที่ตั้งหน้าตั้งตาเอาหัวโขกเขาอยู่แบบนั้น

   "หันมาไม...ขับรถไปดิ" พีทงึมงำในลำคอแล้วเอามือดันหน้าอีกฝ่ายให้หันกลับไป พอเห็นว่าหันไปอย่างที่บอกพีทก็เริ่มเอาหัวโขกหลังอาร์ตอีกครั้ง

   "ทำไมซนงี้วะ...แล้วหมวกใส่ให้ก็ดันถอดออก" อาร์ตส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจแล้วเลิกสนใจเด็กดื้อด้านหลัง หันไปตั้งใจขับรถต่อปล่อยให้พีทเอาหัวโขกหลังตัวเองอยู่แบบนั้น

   ในที่สุดหลังจากใช้เวลาขับรถนานพอสมควร บานชื่นลูกสาวสุดรักของอารต์ก็พาเจ้าของมัน พร้อมกับเพื่อนร่วมทางหน้าหวานมาถึงจุดหมาย

   "ถึงละ" อาร์ตจัดการดับเครื่องยนต์แล้วล็อกคอรถให้เรียบร้อย ก่อนจะหันกลับไปรับหมวกกันน็อกจากมือพีท หยิบกระเป๋าเป้ออกมาจากตะกร้ารถแล้ววางหมวกกันน็อกลงไปแทนที่

   พีทยืนมองไปรอบๆด้วยความสงสัย เสียงเพลงลูกทุ่งที่ดังให้ได้ยินแว่วๆกับชิงช้าสวรรค์ที่เห็นไกลๆ ทำเอาคิ้วสวยขมวดกันเป็นปมยุ่งเหยิง

   "อะไร" พีททำหน้ามุยใส่อาร์ตทันทีที่เจ้าตัวมายืนอยู่ข้างๆ

   "งานวัดไง...ไม่รู้จัก?" อาร์ตมองหน้าพีทอย่างเหลือเชื่อ อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนี่ไม่รู้จักจริงๆ

   "รู้จักเว้ย!! แต่พามาทำไมเล่า!!" พีททำหน้าเหวี่ยงใส่อย่างไม่พอใจ ที่เห็นอาร์ตใช้สายตามองตัวเองเหมือนมองเด็กสามสี่ขวบไม่มีผิด ถึงจะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้จักหรอกนะ

   "พามาเที่ยวไง" อาร์ตอมยิ้มพร้อมกับยักคิ้วข้างนึงส่งให้กวนๆ

   "งานวัดเนี่ยนะ" พีทถามอาร์ตเสียงสูงซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับส่งให้เป็นคำตอบ

   "งั้นกลับ" พีทตอบกลับทันทีอย่างไม่คิดเยอะ ก่อนจะหันหลังกลับไปหามอเตอร์ไซค์

   "เดี๋ยว!! จะรีบกลับไปไหนยังไม่ได้เดินเที่ยวงานเลย" อาร์ตคว้าคอเสื้อพีทเอาไว้แทบไม่ทัน ก่อนจะจัดการลากเจ้าตัวให้ถอยห่างจากรถ

   "อะไรเล่า!! บอกว่าไม่อยากเดินไงวะ!! จะกลับบ้าน!!" พีทโวยวายออกมาตามนิสัยพยายามดิ้นรนกลับไปหารถที่จอดอยู่ เดือดร้อนอาร์ตต้องเปลี่ยนจากดึงคอเสื้อเป็นล็อกคออีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ

   "ได้ไงละอุตส่าห์พามาตั้งไกล เดินเที่ยวด้วยกันก่อน" อาร์ตพูดอย่างไม่สนใจท่าทีฮึดฮัดของพีท แถมยังบังคับลากอีกฝ่ายให้เข้าไปใกล้บริเวณงานเรื่อยๆ

   "ปล่อยดิวะ!! บอกว่าไม่ไปไง...จะกลับบ้าน!!" พีทพยายามสะบัดตัวออกจากการแขนของอาร์ตอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ดิ้นไม่หลุดสักที ถึงอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าพอสมควรแต่ก็ไม่น่าจะเรี่ยวแรงต่างกันได้ขนาดนี้

   "ไม่ให้กลับ" อาร์ตพูดออกมาอย่าเอาแต่ใจ และจับตัวพีทให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ

   "ทำไมชอบบังคับวะ" พีทออกอาการหัวเสียไม่น้อยเลยที่ต้องดจออะไรแบบนี้

   "ก็บอกดีๆน้องพีทฟังไหมล่ะ" อาร์ตใช้สายตาดุพีทกลายๆจนเจ้าตัวหน้างอง้ำอย่างขัดใจ

   "ฮึ่ย...แม่ง!!" พีทสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความไม่พอใจ ส่วนอาร์ตก็ได้แต่ยืนอมยิ้มขำกับท่าทางของอีกฝ่าย

   “เอาน่า...ลองเดินดูก่อนสัญญาถ้าไม่ชอบจะรีบพากลับ” อาร์ตพยายามเกลี่ยกล่อมซึ่งพีทก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยออกมา

   "เฮ้ย!! ทำไรวะ" พีทร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆอาร์ตก็จับแขนเขาออก ก่อนที่อีกฝ่ายจะสอดสายกระเป๋าเป้เข้ามาในแขน และเปลี่ยนให้เขาเป็นคนสะพายแทน

   "ฝากหน่อย" อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วลากพีทให้เดินเข้าไปในงาน โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้เถียง

   อาร์ตจูงมือพีทเดินไปจนทั่วงาน เข้าออกร้านค้าร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่น จากตอนแรกพีทที่เดินเที่ยวงานด้วยใบหน้าบึ้งตึง ตอนนี้กลายเป็นว่าเจ้าตัวยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข ดวงตาเรียวมองไปรอบๆงานอย่างสนใจและตื่นเต้นอย่างไม่คิดจะเก๊กฟอร์มอะไรอีก

   จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงโซนเกมรางวัล พีทก็มองไปยังร้านปาลูกโป่งไม่วางตา แสดงความสนใจออกมาจนแม้แต่อาร์ตยังสังเกตเห็น

   "อยากเล่นเหรอ" อาร์ตตัดสินใจลองถามดู เพราะเห็นพีทเอาแต่ยืนจ้องไม่ขยับไปไหน

   "ใครบอก...แค่ดูเฉยๆเหอะ" พีทรีบปฏิเสธออกมาเพราะกลัวเสียฟอร์ม พร้อมกับหันหลังหนีทำเหมือนตัวเองไม่ได้สนใจ ทั้งๆที่ในใจอยากลองเล่นดูบ้างเพราะเคยเห็นในรายการทีวี แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมรับล่ะโดยเฉพาะกับไอ้พี่อาร์ต ไม่มีทางเหอะ

   อาร์ตเลิกคิ้วขึ้นสูงและหรี่ตามองแผ่นหลังเล็ก ก่อนจะส่ายหัวและอมยิ้มขำออกมา ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าอยากลองเล่นดูใจจะขาด จ้องซะขนลูกโป่งจะแตกเพราะสายตาอยู่แล้ว ยังจะมาฟอร์มจัดปากแข็งไม่ยอมรับอีก

   "พี่ครับขอชุดนึง" อาร์ตตัดสินใจเรียกเจ้าของร้านเพื่อขอซื้อลูกดอกมาปาซะเอง เพราะถ้ารอให้อีกคนเอ่ยปากยอมรับว่าอยากเล่น ไม่รู้คืนนี้ทั้งคืนจะยอมพูดไหม

   "อะไรอ่ะ...ไอ้พี่อาร์ตจะเล่นเหรอ" พีทที่ได้ยินอาร์ตพูดรีบหันกลับมาหาทันที พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายตาก็มองลูกดอกในมืออาร์ตไม่วางตา แต่พยายามทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้สนใจ ส่วนอาร์ตที่เห็นทุกอย่างก็ได้แต่นึกขำในใจ ให้กับการวางมาดไม่สนใจของพีท

   "จะปาเลยเหรอ" พีทเอ่ยทักขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอาร์ตง้างแขนเตรียมปาลูกดอก ซึ่งอาร์ตก็แค่เหลือบมองนิดๆไม่ได้พูดอะไร

   "มันก็น่าจะไม่ยากเนาะระยะแค่นี้เอง" เสียงของพีทเอ่ยขัดขึ้นมาอีกในจังหวะที่อาร์ตกำลังจะปา เลยทำให้อาร์ตต้องหยุดมือลงอีกครั้งแล้วเหลือบสายตากลับมามอง

   "เวลาปาก็คงจะคล้ายๆตอนเราเขวี้ยงของแหละเนอะ" เสียงของพีทที่ดังขัดขึ้นมาอีกครั้งทำให้อาร์ตหยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วหันมาหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ซึ่งเจ้าตัวก็แกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่

   "อะไร...มองไม...ปาไปดิ" พีทแกล้งทำไม่พอใจใส่อาร์ตที่หันมามองหน้าตัวเอง ก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่นแล้วก้มหน้าหลบตาอีกฝ่าย

   "น้องพีทลองปาดูไหม" อาร์ตยื่นลูกดอกทั้งหมดในมือไปให้พีท ซึ่งอีกฝ่ายก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันที

   "ไม่เอาหรอก...ไร้สาระ" พีทปฏิเสธเสียงแข็งแล้วทำเป็นเมินไม่สนใจ ทั้งๆที่ในใจอยากจะคว้ามันมาลองปาเล่นใจจะขาด
   อาร์ตละอยากหัวเราะออกมาดังๆให้กับอาการฟอร์มจัดของพีท อะไรมันจะไปปากแข็งกันได้ขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าอยากจะลองใจจะขาดอยู่แล้วแท้ๆ

   "เล่นเหอะ" อาร์ตพูดออกมาอีกครั้งแล้วยื่นลูกดอกไปหาพีท พร้อมกับจ้องหน้าเจ้าตัวนิ่งๆ

   "บังคับอีกละ" พีทแกล้งพูดออกมาด้วยความไม่พอใจแต่คว้าเอาลูกดอกมาไว้ในมือทันที ส่วนแววตาก็สั่นน้อยๆอย่างมีความสุขต่างจากใบหน้าที่ทำเป็นเฉยชาไม่สนใจ แล้วหันกลับไปมองลูกโปงที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า

   อาร์ตได้แต่ส่ายหัวให้กลับท่าทางเด็กน้อยยังไม่โตของพีท ยืนกอดอกมองอีกฝ่ายที่หยิบลูกดอกขึ้นมาเล็งจะปาแล้วยิ้มเอ็นดู นี่มันเจ้าหญิงในหอคอยรึเปล่าวะเนี่ย

   “รู้ป่ะ...ถ้าปาลูกดอกในมือโดนลูกโป่งแตกหมดเลือกตุ๊กตาตัวไหนในร้านก็ได้ตัวนึงนะ” อาร์ตเดินไปเอามือพาดลงบนไหล่พีทแล้วก้มลงบอกเจ้าตัว

   “ตัวไหนก็ได้เหรอ” พีททำตาโตออกมาอย่างสนใจ อาร์ตเลยพยักหน้ารับเบาๆ

   “งั้นปาเอาแม่งทั้งร้านเลย” พีทพูดอย่างหมายมาดแววตาลุกโชน

   “ปาให้โดนซักดอกก่อนเหอะ” อาร์ตอดที่จะเอ่ยขัดออกมาไม่ได้ เลยโดนเจ้าตัวมองค้อนมาวงใหญ่

   แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคำพูดของอาร์ตเป๊ะๆ เพราะยืนปากันรวมครึ่งชั่วโมงยังไม่เฉียดคำว่าเข้าใกล้ความจริงเลยสักครั้ง เพราะลูกดอกที่ปาออกไปไม่เคยทำให้ลูกโป่งแตกได้เลย จนคนปาเริ่มหน้าหงิกงอออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ

   “ไม่ปาแล้วแม่ง!!!” ในที่สุดความอดทนก็หมดพร้อมกับลูกดอกลูกสุดท้ายในมือ พีทหันหลังแล้วเดินหนีออกจากร้านไปทันทีด้วยความไม่พอใจ เขาอุตส่าห์ยืนปาตั้งนานไม่เห็นลูกโป่งมันจะแตกเลยร้านมันต้องโกงเขาแน่ๆ คิดว่าอยากได้นักรึไงไอ้ตุ๊กตาถูกๆนั่นอ่ะไปซื้อในห้างเอาก็ได้

   พีทเดินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สนใจอาร์ตเลยสักนิด จนเวลาผ่านไปพอ สมควรถึงได้พึ่งรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ด้วย เริ่มหันรีหันขวางมองหาอาร์ตด้วยความร้อนรน

   “อ่ะ” พีทสะดุ้งออกมาเล็กน้อยเมื่อมีสัมผัสเย็นเจี๊ยบมาโดนแก้ม พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นอาร์ตที่ยืนอยู่ แล้วเป็นคนเอากระป๋องน้ำมาแตะลงบนแก้มพร้อมรอยยิ้ม

   “เดินไม่ดูทางเล้ย...เดี๋ยวก็หลงหรอกพี่บอกว่าอย่าซนไง” อาร์ตดุออกไปเบาๆพร้อมเสียงหัวเราะ มือก็ยื่นกระป๋องน้ำไปให้พีทที่รับไปแบบงงๆก่อนจะขยี้หัวอีกฝ่ายจนผมยุ่งไปหมด แล้วจูงพีทให้เดินฝ่าฝูงชนไปข้างหน้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าชิงช้าสวรรค์ในงาน

   “อะไร” พีทมองอาร์ตกับกระเช้าชิงช้าอย่างระแวง คงไม่คิดอะไรบ้าๆอย่างลากเขาขึ้นไปนั่งหรอกนะ

   “ชิงช้าไง” อาร์ตทำหน้ามึงใส่จนพีทหน้างออย่างขัดใจ อะไรมันจะกวนประสาทกันได้ตลอดแบบนี้วะ

   “ขึ้นไปชมวิวกัน” อาร์ตพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแล้วลากแขนพีทเดินไปต่อแถวทันที

   “เฮ้ย!!! ไม่เอา...ไม่ขึ้น!!!” พีทโวยวายดังลั่นพยายามขัดขืนเต็มที่ มันใช่เรื่องที่ไหนล่ะผู้ชายสองคนขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์เนี่ย

   “อย่าโวยวายสิน้องพีทคนมองหมดแล้วเห็นไหม” อาร์ตก้มลงไปกระซิบบอกข้างหูพร้อมกับพยักเพยิดให้อีกฝ่ายมองรอบข้าง ซึ่งพีทก็รีบหันมองตามและก็อย่างที่อาร์ตบอกจริงๆคนมองพวกเขาเป็นตาเดียว พีทเลยยืนเงียบแล้วก้มหน้ามองพื้นด้วยความอาย

   “สองคนครับ” อาร์ตจ่ายตังให้กับพนักงานแล้วลากพีทขึ้นไปนั่งบนกระเช้าที่มาจอดตรงหน้าพอดี

   กระเช้าชิงช้าเคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆลมเย็นๆจากที่สูงที่เริ่มปะทะเข้ามา พร้อมกับวิวทิวทัศน์ด้านล่างที่เริ่มเล็กลงทุกขณะ เสียงดนตรีในงานและเสียงผู้คนจอแจเริ่มหายไป กลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนพร้อมกับกระเช้าที่เคลื่อนตัวมาหยุดนิ่งเมื่อถึงจุดสูงสุด

   “เป็นไงชอบไหม” เสียงเรียกจากอาร์ตทำให้พีทที่กำลังมองวิวรอบๆหันกลับหาทันที

   “ก็งั้นๆ” พีททำทียักไหล่ส่งให้อย่างไม่สนใจ จนอาร์ตหลุดขำออกมาให้กับเด็กปากแข็ง

   “ขำไร” พีทถลึงตาใส่อาร์ตอย่างหงุดหงิด จนอาร์ตต้องโบกมือปฏเสธไปมา

   “งั้นๆก็แปลว่าไม่ได้แย่ใช่ไหมล่ะ” อาร์ตเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้มรู้ทันจนพีทหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขิน

   “แย่!!!” พีทปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่ยอมรับพร้อมกับกำหมัดแน่นง้างขึ้นตั้งใจจะทุบลงบนตัวของอีกฝ่าย

   “เฮ้ยๆ งดใช้กำลังพี่เป็นผู้ชายบอบบางห้ามๆ” อาร์ตทำหน้าตื่นกลัวออกมาอย่างเกินจริง พร้อมกับยกแขนกอดตัวเองสะดีดสะดิ้งเหมือนสาวน้อยจะเสียตัว

   “ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!!” พีทตะโกนออกมาอย่างสุดทนแล้วจัดการฟาดลงไปบนตัวอาร์ตเต็มแรง

   “โอ๊ย!! ฮ่าๆ ทำไมขี้หงุดหงิดจังหวะขาดแคลเซียมเหรอ” อาร์ตหัวเราะออกมาดังลั่นที่แกล้งพีทได้สำเร็จ

   “แต่ก็ดีกว่าทำหน้าเศร้าละเนอะ” ประโยคต่อมาของอาร์ตทำให้พีทต้องมองอีกฝ่ายด้วยความตะลึง

   “พี่ไม่รู้หรอกนะเมื่อตอนกลางวันเราไปเจออะไรมา...แต่พี่ว่าหน้าเหวี่ยงๆแบบเนี่ยมันเหมาะกับเรามากกว่า” อาร์ตยังคงพูดออกไปเรื่อยๆพร้อมรอยยิ้ม

   “คราวหลังอย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกนะน้องพีท” อาร์ตยื่นมือไปบีบปลายจมูกรั้นๆของพีท แล้วก็บิดมันไปมาอย่างหมันเขี้ยว พร้อมกับส่งยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูไปให้

   พีทได้แต่มองหน้าอาร์ตอย่างตะลึงงั้นที่อีกฝ่ายตั้งใจกวนประสาทเขามา ทั้งหมดเพื่อทำให้เขาหายเศร้าอย่างนั้นน่ะเหรอ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆเขาลืมเรื่องแย่ๆที่ตัวเองเจอมาทั้งหมด ไม่ได้คิดถึงมันเลยด้วยซ้ำแถมยังสนุกกับงานวัดบ้านๆนี่ ทั้งๆที่ตอนแรกโดนบังคับพามาอย่างไม่เต็มใจ

   พีทก้มหน้าลงมองที่พื้นโดยไม่พูดอะไรรู้สึกสับสนกับอะไรบ้างอย่าง ที่แม้แต่ตัวเองก็อธิบายมันไม่ถูกเหมือนกัน ก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาที่ลูบลงมาบนหัวแผ่วเบา พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นดังออกมาไม่เป็นจังหวะ โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงเต้นได้ขนาดนั้น



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:28:45
กัดครั้งที่
- 9 -
   


   "เดี๋ยวพี่มานะรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าซนนะเว้ย" อาร์ตบอกพีทพร้อมกับขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้กับพีทมาสะพานเอง แล้ววิ่งกลับเข้าไปในงาน

   พีทพยักหน้ารับคำเนือยๆแล้วมองตามแผ่นหลังที่วิ่งหายไปกับฝูงชน ตั้งแต่ลงจากชิงช้ามาจนเดินกลับมาที่รถเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่ายสักคำ อยู่ดีๆก็รู้สึกแปลกๆทำตัวไม่ถูกมือไม้ก็ดูเกะกะเก้งก้างไปหมด ในขณะที่คนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้กลับดูสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรจนน่าหมั่นไส้

   "เฮ้อ!!!" พีทถอนหายใจออกมากลุ้มๆ แล้วนั่งลงบนเบาะรถ มือข้างนึงยกมาลูบลงบนอกตัวเองไปมา

   "เต้นทำเหี้ยไรเนี่ย มึงทะลุออกมาเลยไหมเต้นขนาดนั้น" พีทตบลงบนอกตัวเองปากก็พึมพำไปด้วย

   "เอ้าๆเป็นอะไรเจ็บหน้าอกเหรอ" อาร์ตที่เดินกลับมาเจอพีทฟาดอกตัวเองอยู่ รีบเดินเข้าไปหาด้วยควาทเป็นห่วง เพราะนอกจากจะฟาดเจ้าตัวยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วย

   "ปะ...เปล่าไม่เป็นไรปล่อยดิ" พีทพูดตะกุกตะกักตกใจกับการโผล่มาไม่ทันตั้งตัวของอาร์ต

   "ได้ไง...ให้ดูก่อน" อาร์ตเองก็ไม่ยอมถอยเหมือนกัน จับมือพีทไว้แน่นและทาบฝ่ามือตัวเองลงไปบนอกอีกฝ่าย

   ตึก! ตึก! ตึก!

   เสียงหัวใจเต้นกับสัมผัสที่ฝ่ามือทำให้อาร์ตหลุดยิ้มออกมา พอมองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นแก้มสองข้างกำลังแดงระเรื่อ พร้อมกับที่เจ้าตัวหันหน้าหลบสายตา ชัดเจนทุกอย่างแบบไม่ต้องถาม ไอ้เด็กนี่กำลังเขินเขา

   "ดังเนาะ" อาร์ตทำหน้ากรุ้มกริ้มใส่พีท ตาเป็นประกายวิบวับ

   "อะ...อะไร" พีทหันมาถลึงตาใส่อาร์ตแล้วรีบหันหนี เพราะจู่ๆก็เขินหนักกว่าเดิม

   "นี่...พี่อุตส่าห์พามาเที่ยวขอรางวัลหน่อยดิ" อาร์ตแบมือไปตรงหน้าพีทพร้อมกับกระดิกนิ้วมือยิกๆ

   "ไม่ได้ขอร้องเลย ถอยไปห่างๆดิ๊" พีทขึ้นเสียงใส่อาร์ตเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิน ก่อนจะเอามือดันหน้าอาร์ตที่โน้มเข้ามาใกล้ให้ถอยห่าง

   "ใจร้ายยยยย" อาร์ตลากหางเสียงยาวๆพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่

   "ฮึ่ย..." พีทสะบัดหน้าหนีทำแก้มพองลมอย่างขัดใจที่โดนล้อเลียน

   "อ้าว...งอนอีกละ" อาร์ตขำออกมาเบาๆไร้วี่แววสำนึกผิด จนพีทที่กำลังทำแก้มป่องหน้าบึ้งแก้มพองยิ่งกว่าเดิม

   "โอ๋ๆ พี่ขอโทษไม่งอนเนอะ" อาร์ตเดินไปมองหน้าพีทพร้อมส่งสายตาสำนึกผิดให้ แต่พีทแค่หรี่ตามองแล้วหันหนีไปอีกด้าน

   "โอเค...หายงอนแล้วนะ" อาร์ตจับนิ้วก้อยของพีทมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยตัวเอง แล้วพยักหน้าหงึกหงักพูดเองเออเองว่าพีทหายงอน ก่อนจะหันไปหยิบหมวกกันน๊อกและแขวนเป้ไว้หน้ารถ

   พีทได้แต่อ้าปากพะงาบๆตามองอาร์ตที่ตีมึนด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งกำหมัดแน่นแล้วทุบลงกลางหลังอีกฝ่ายเต็มแรง

   "โอ๊ย!!!" อาร์ตแหกปากออกมาดังลั่นด่วยความเจ็บแบบที่ไม่ได้แกล้งสำออยเหมืิอนทุกที

   พีทกระตุกยิ้มออกมาอย่างสะใจกับเสียงร้องโอดโอยของอาร์ต ไม่เจ็บสิแปลกเขาทุบลงไปเต็มแรงไม่ยั้งขนาดนั้น สมน้ำหน้าชอบกวนประสาทดีนัก คงคิดว่าเขาไม่กล้าทำละมั้งแต่จากที่คลุกคลีกันพอสมควร ไอ้พี่อาร์ตมันไม่ได้น่ากลัวแบบที่คนเขาลือเลยสักนิด ระหว่างกลัวมันกระทืบกลัวมันลวนลามน่าจะใช่กว่า

   "เล่นแรงนะน้องพีทเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย" อาร์ตชี้นิ้วคาดโทษแต่พีทเบะปากยักไหล่ใส่อย่างไม่กลัว

   อาร์ตหรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์แล้วก้มลงหอทแก้มพีทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อกมาสวมให้พีท พร้อมกับเสียงกุญแจสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทิ้งให้พีทหน้าเห่อร้อนอยู่ภายใต้หมวกคนเดียว

...
...

   อาร์ตมองบ้านที่ตัวเองขับรถมาจอดเทียบด้วยความตะลึง สลับกับมองหน้าพีทที่ลงมายืนอยู่ข้างๆไปมา ก่อนจะเกาหัวตัวเองเบาๆและยื่นมือไปรับหมวกที่พีทส่งมาให้

   "อะไร มองหน้าทำไม" พีทถามหาเรื่องเพราะอาร์ตเอาแต่มองหน้า ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ

   "เปล่า...ว่าแต่พรุ่งนี้ไปเรียนไง" อาร์ตตอบปัดไปเพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย

   "ไม่รู้เว้ย...อย่าถามได้ป่ะ" พีทชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด

   "ให้มารับไหม" อาร์ตตบมือลงบนเบาะรถแล้วยักคิ้วส่งให้กวนๆ ยิ่งทำให้พีทหน้างอกว่าเดิมเข้าไปอีก จนอาร์ตต้องขำก๊ากออกมาอย่างชอบใจ พีทเลยทุบเข้าให้เต็มแรงหลายทีรัวๆเพื่อระบายความโกรธ

   "โอ๊ย!!! ฮ่าๆๆๆ" อาร์ตยกมือขึ้นปัดป้องกำปั้นของพีทที่ระดมทุบลงมาไม่ยั้ง ทั้งเจ็บทั้งขำที่แกล้งอีกฝ่ายได้

   ระหว่างทางที่ขับรถมาส่งไอ้ตัวแสบเขาลองถามเรื่องรถไปเพราะเห็นเจ้าตัวเงียบไม่พูดถึง เท่านั้นแหละเสียงแว๊ดๆก็ด่าเขายับมาตลอดทาง พร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดว่าไม่มีรถไปรับสาวเที่ยว ต้องเหมือนเด็กม.ต้นที่พ่อให้รถไปรับส่งเวลาไปเรียน จะไปเองก็กลัวว่าเงินสองร้อยที่ได้จะไม่พอกิน

   "เฮ้ย!! พอได้แล้วชอบทุบจังหวะ" ในที่สุดอาร์ตก็ทนไม่ไหวจับแขนของพีทไว้แน่น เขาเองก็ไม่ใช่คนเหล็กทุบลงมาไม่ยั้งแบบนี้ก็เจ็บเป็นเหมือนกัน แถมอีกฝ่ายก็ไม่ใช่สาวน้อยรูปร่างอรชรอ่อนแอ้น ถึงจะตัวเล็กกว่าพอสมควรแต่ยังไงก็ผู้ชายฟาดมาทีกระดูกจะหลุด

   "ทุบได้แบบเนี่ยแล้วพี่ไม่สวนกลับมีแค่สองคนนะเว้ย" อาร์ตจับแขนที่สะบัดไปมาของพีทแน่นกว่าเก่าแล้วสบตากับพีทนิ่ง

   "แค่แม่กับเมียนะที่ยอม แม่น่ะมีแล้วแต่ตำแหน่งเมียยังว่างนะ" คำพูดของอาร์ตกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ส่งให้ ทำเอาพีทตาโตแก้มแดงปลั่งใบหน้าเห่อร้อน

   "ไปบอกไอ้เลิฟเหอะ" พีทพูดเสียงแข็งแก้อาการเขินที่เกิดขึ้นกระทันหัน แล้วหันหลังจะเดินเข้าบ้านเพราะเริ่มไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน

   "เดี๋ยว" อาร์ตรีบคว้าแขนของพีทไว้แล้วจับตัวอีกฝ่ายให้หันมาหา เลยได้สายตาเหวี่ยงงามๆกับใบหน้าบึ้งตึงแดงก่ำเป็นของแถม

   "อะ...พี่ให้" อาร์ตหยิบเอาตุ๊กตาคิตตี้ตัวเล็กในเป้มาส่งให้พีท

   "ที่ระทึกในเดทแรกของเรา" อาร์ตส่งรอยยิ้มกว้างอบอุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปให้

   พีทรับตุ๊กตามาถือไว้พร้อมกับมองรอยยิ้มของด้วยความเบลอ แล้วละสายตามามองตุ๊กตาในมือของตัวเองด้วยแววตาสับสน พร้อมกับหัวใจที่กลับมาเต้นแรงและส่งเสียงดังอีกครั้ง

   ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วแดงขึ้นไปกว่าเก่าพร้อมกับปากที่พยายามกลั้นยิ้มดีใจ เพราะตุ๊กตาในมือตัวนี้คือตัวที่เขาปาลูกโป่งเอาเป็นเอาตายให้ได้มัน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงถึงไปเอามาให้ แต่ที่แน่ๆเขาพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมผู้หญิงในมหา'ลัยถึงได้ปลื้มผู้ชายคนนี้

   "ขอบคุณที่มาส่ง" พีทยกมือขึ้นไหว้และเอ่ยปากขอบคุณเสียงเบา แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจหน้าเหวอๆของอาร์ต ที่มองมาอย่างประหลาดใจในความนอบน้อมที่ไม่น่าจะมีของตัวเอง

   พีทเดินเข้าห้องนอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมองตุ๊กตาในมืออย่างมีความสุข เขาเป็นแฟนตัวยงของซานริโอเลยล่ะ โดยเฉพาะตุ๊กตาสีชมพูที่รู้จักกันดีในชื่อคิตตี้ ซึ่งเขาชื่นชอบมันเป็นพิเศษทั้งๆที่ตัวเองเกลียดสีชมพู ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มชอบตอนไหนเพราะลืมไปแล้ว จำได้แค่ว่าซื้อมาเก็บสะสมเอาไว้ตั้งแต่ประถมจนตอนมีเต็มบ้านไปหมด ส่วนคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่กลุ่มเพือนสนิทกับคนที่บ้านเท่านั้น

   พีทวางตุ๊กตาลงบนเตียงเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน พอมองไปที่เตียงแล้วเหมือนมีแรงดึงดูดประหลาดทำให้ตาหรี่ปรือด้วยความง่วงงุน เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบจะตีสองแล้ว

   Tru...Tru...Tru...

   เสียงโทรศัพท์ที่ตัวเองพึ่งวางลงบนโต๊ะดังขึ้นมาเบาๆ ทำให้พีทชะงักมือที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อแล้วเดินไปหยิบขึ้นมาดู มองเบอร์ที่โชว์บนจอก็ได้แต่ขมวดคิ้วเพราะไม่คุ้น ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

   "ฮัลโหล"

   "(ยังไม่นอนอีกเหรอ)" เสียงคุ้นหูตอบกลับมาตามสาย

   "ยัง...ว่าแต่ใคร"

   "(อ้าว...ก็พึ่งจะคุยกันอยู่เมื่อกี้ลืมกันซะแล้วน้อยใจว่ะ)" เสียงทะเล้นที่ตอบกลับมาทำเอาพีทตาเบิกกว้าง

   "ไอ้พี่อาร์ต!!!" พีทเสียงดังด้วยความตกใจแล้วรีบวิ่งออกไปที่ระเบียงหน้าห้อง ซึ่งอยู่ด้านหน้าบ้านพอดี

   "(เออพี่เองแล้วเสียงดังทำไมเนี่ยดึกแล้วนะเว้ย)" อาร์ตหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเงยหน้ามองไปทางระเบียง ก่อนจะโบกมือส่งให้พีทเล็กน้อย

   "ก็รู้ว่ามันดึกทำไมยังไม่กลับล่ะวะ" พีทว่าเสียงสะบัดไม่พอใจที่เหมือนโดนอีกฝ่ายดุกลายๆ

   "(ทำเสียงแบบนี้งอนอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย)"

   "ใครงอน...อย่ามั่วนะไอ้พี่อาร์ต"

   "(โอเคๆไม่งอนก็ไม่งอน...ว่าแต่เมมเบอร์พี่ไว้ด้วยนะคราวหลังโทรหาจะได้ไม่ถามอีกว่าใคร)"

   "ใครจะให้โทรมาวะ"

   "(ฮ่าๆไปนอนเหอะพี่ไม่กวนแล้ว)"

   "อือ...แล้วโทรมาทำไม อย่าบอกนะว่าแค่จะให้เมมเบอร์"

   "(เปล่า...พี่แค่ลืมว่ายังไม่ได้บอกราตรีสวัสดิ์เราน่ะ)"

   "..........."

   "(ฝันดีนะน้องพีท)" เสียงทุ้มใจดีสิ้นสุดลงแค่นั้นพร้อมกับสายที่ถูกวางไป ก่อนที่รถมอเตอร์ไซต์สีชมพูจะเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้านหลังใหญ่

   พีทมองตามหลังรถจนกระทั่งหายลับไปจากสายตา ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่วางสายไปแล้วอย่างสับสน ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับพึมพำเบาๆผ่านสายลม

   "ฝันดี"
   
...
...

   พีทหันไปสบตากับนาวอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะหันกลับมามองเลิฟที่นั่งซึมตาแดงเหมือนจะร้องไห้อย่างเห็นใจ แต่ก็จนปัญญาที่จะหาคำมาพูดปลอบเพื่อนเหมือนกัน เขาเลยได้แต่นั่งส่งกำลังใจให้เงียบๆ

   เกือบเดือนที่ผ่านมาชีวิตเขาเหมือนนั่งเรือออกไปกลางทะเลแล้วเจอพายุไม่มีผิด โดนสาวๆในสต๊อกทิ้งไปทีละคนสองคนจนไม่เหลือ สาเหตุเพราะเขาไม่ไปหาและไม่พาเที่ยวเหมือนก่อน ก็จะให้ไปหาได้ยังไงละลำพังเงินสองร้อยที่ได้มาแต่ละวัน เขาเองยังแทบไม่พอใช้เลยจะเอาปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงสาว ชีวิตเข้าสู่สภาวะวิกฤตทางการเงินอย่างแท้จริง

   ไหนจะเรื่องรถที่อุตส่าห์เกลี่ยกล่อมพ่อจนยอมให้ขับรถเหมือนเดิมถ้าซ่อมเสร็จ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้เพราะทางอู่ซ่อมดันโทรมาบอกว่างานไม่เสร็จตามกำหนด แถมยังมีค่าใช่จ่ายเพิ่มขึ้นเกือบสองหมื่นเพราะต้องใช้สีทำรถใหม่ เนื่องจากเขาไปขอให้เปลี่ยนสีทั้งคัน (ก็ไม่ได้คิดว่าจะแพงขนาดนั้นแค่อยากเปลี่ยนสีสะเดาะเคราะห์)

   พ่อนี่แทบจะฆ่าเขาตายตอนได้บิลรายจ่ายรอบสอง ดีนะที่พ่อยังปราณีไม่หักค่าเบี้ยเลี้ยงเขาให้เหลือแค่ร้อยเดียวต่อวัน ขืนเป็นแบบนั้นจริงเขาได้ตายแน่ๆ และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอันน้อยนิดของตัวเอง เขาเลยตัดสินใจไม่พูดเรื่องรถอีกรวมทั้งอยู่เงียบๆไม่โวยวายอะไรทั้งนั้น  ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมทรหดของตัวเองไป

   แต่แค่นั้นเหมือนมันจะไม่ปวดหัวมากพอ ฟ้าถึงได้ส่งผู้ชายสองคนเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขา จนเกือบจะได้กินยาระงับประสาท

   คนนึงเคยหายออกไปจากชีวิตเขาเกือบสี่ปีแบบไม่รู้เหตุผล และตอนนี้ก็พยายามจะกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง

   ส่วนอีกคนต้องเรียกว่าน่าจะเป็นเวรกรรมตั้งแต่ชาติปางก่อน เพราะตั้งแต่มีเหตุครั้งนั้นจนถึงทุกวันนี้ ต้องมีอันได้พบได้เจอได้วนเวียนมาใกล้กันตลอด

   คนแรกมีวิธีแก้ปัญหาแสนจะง่ายแค่หลบหน้าซะไม่ต้องให้เจอก็จบ แต่กับอีกคนมันไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ โผล่มากวนประสาทได้ตลอดเวลา แค่นั้นยังไม่พอนอกจากโผล่หน้ามาให้เห็น ยังขยันโทรขยันส่งข้อความมาหาเป็นว่าเล่น ชนิดที่ว่าเช้าสายเที่ยงบ่ายยันเย็นได้เจอกันตลอด ยิ่งไปกว่านั้นตอนเช้าก่อนมาเรียนและเย็นหลังเลิกเรียน เขาจะมีราชรถสองล้อสีชมพูคอยรับคอยส่งทุกวัน

   พูดเรื่องรถก็ต้องพูดเรื่องเงิน เขาเคยเอ่ยปากทวงเงินค่าซ่อมรถกับไอ้พี่อาร์ตไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการตีมึนไม่รับรู้จากเจ้าตัว เข้าตำราไม่หนีไม่จ่ายเป๊ะๆเขาเลยไม่รู้ว่าที่ไม่ยอมจ่าย เป็นเพราะไม่มีเงินหรือจงใจจะไม่ให้กันแน่

   ถ้าคิดว่านี่คือเรื่ิองปวดหัววุ่นวายชวนตกใจในชีวิตเขาช่วงนี้ล่ะก็ บอกกันตรงนี้เลยว่ายังมีเรื่ิองให้ตกใจกว่านั้นอีก เป็นเรื่องใหญ่มากพอที่ทำเอาทั้งกลุ่มอึ้งกิมกี่ไปเลย เรื่องของไอ้เลิฟกับพี่ปอ...

   ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนี้เขาไปแอบอะไรยังไงกันตอนไหน มารู้กันอีกทีก็ตอนที่เขาได้กันไปแล้วและน่าจะได้กันไปเยอะพอสมควร ก็ถึงกับไอ้เลิฟย้ายสำมะโนครัวไปอยู่คอนโดพี่ปอ ไหนจะคอแดงสภาพอิดโรยเหมือนคนอดนอนมาเรียนเกือบทุกวันอีก แต่สิ่งที่ตามมานอกจากไอ้เรื่องชวนช็อกที่ว่า คือเพื่อนเขาที่ดูเศร้าลงทุกวันตั้งแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยน

   เขาเคยถามว่าระหว่างเลิฟกับพี่ปอคืออะไร แต่ที่เพื่อนเขาตอบกลับมาคือการส่ายหัว กับคำว่าไม่รู้พร้อมกับใบหน้าหมองเศร้า และมันก็มีให้เห็นเป็นระยะตลอดตั้งแต่เจ้าตัวไปอยู่กับพี่ปอ วันนี้ก็เหมือนกันไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันอีกเพื่อนเขาถึงทำหน้าเหมือนจะตายแบบนี้

   เขาสงสารเพื่อนแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้ และสามารถเข้าไปยุ่งได้ขนาดไหนเพราะเจ้าตัวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ทั้งที่เขากับเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเห็นกันตลอดว่าพี่ปอทำอะไรไปมั่วกับใครบ้าง แต่ในเมื่อไอ้เลิฟมันไม่เคยพูดไม่แม้แต่จะด่าพี่ปอให้ฟัง แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม เครียดเรื่องไอ้เลิฟหนักกว่าเรื่องของตัวเองอีก

   ติ๊ด! ติ๊ด!

   เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอให้ได้ยิน ทำให้พีทหยุดความคิดวุ่นวายของตัวเองลง แล้วล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดู ก่อนจะกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งเมื่อเห็นว่ามีข้อความเข้า จากคนที่เขาปวดประสาทด้วยมากที่สุด


   - มาหาที่ห้องน้ำหลังตึกด่วน...ถ้ามาช้าจับหอมแก้ม -
                    The Boss วิศวะ


   พีทถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับข้อความที่ตัวเองพึ่งเปิดอ่าน ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไว้อย่างเดิม แล้วหันมาหาเพื่อนเพื่อขอตัวไปธุระที่โคตรจะไม่สำคัญ แต่ขัดขืนและปฏิเสธไม่ได้

   “ไปห้องน้ำแป๊บนะเดี๋ยวมา” พีทบอกเพื่อนแค่นั้นแล้วลุกเดินออกไปทันที จุดหมายปลายทางที่มุ่งหน้าไปคือห้องน้ำหลังตึก ที่โคตรจะเงียบและวังเวงเป็นที่สุด

...
...
   
   “ช้านะน้องพีท...อยากโดนหอมแก้มใช่ไหม” เสียงทะเล้นกับคำพูดกวนประสาทดังขึ้นให้ได้ยินทันทีที่พีทก้าวขาเข้ามาด้านใน

   “ช้าไรวะห้านาทียังไม่ถึงเลยเนี่ย” พีทชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด

   “ห้านาทีจริงดิพี่นึกว่าเป็นชั่วโมง” อาร์ตยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างมือ แล้วยักคิ้วใส่พีทเพื่อจงใจก่อกวนให้หงุดหงิดเต็มที่

   “ชั่วโมงเหี้....”

   แกร่ก....

   ยังไม่ทันที่พีทจะได้ด่าอาร์ตอย่างใจนึกเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น เรียกความสนใจจากทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี เพราะตอนเย็นๆแบบนี้ไม่ค่อยมีใครมาใช้ห้องน้ำหลังตึกกันหรอก ขนาดกลางวันแดดเปรี้ยงๆคนยังไม่ค่อยจะมาเข้ากันเลย

   “ปอ....” เสียงหวานสั่นเครือคุ้นหูที่ดังขึ้นจากอีกฝากของห้องน้ำ พร้อมกับชื่อของคนที่ทั้งอาร์ตและพีทรู้จักดีที่ได้ยิน ทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนที่คิ้วจะขมวดเป็นปมพันกันยุ่งเหยิง

   ‘ว่าแต่สองคนนี้ที่รู้กันทั้งคณะว่าไม่ถูกกัน ทำมาถึงมาอยู่ในห้องน้ำหลังคณะพร้อมกันทั้งคู่ล่ะ’ อาร์ตได้แต่ยืนสงสัยกับสิ่งที่ตัวเองได้เจอพร้อมกับคำถามมากมายที่วิ่งพล่านในหัว



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:34:14
กัดครั้งที่
- 10 -
   


   ปึก! ปึก! ปึก!

   "อ๊ะๆๆ อ๊าาาาา"

   เสียงกระแทกหนักๆและเสียงร้องครวญครางที่ดังให้ไดยินจากอีกฝั่งของห้องน้ำ ทำเอาใบหน้าขาวของพีทที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำอีกห้อง แดงก่ำและลามไปทั่วทั้งใบหูและลำคอ

   ไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเขาช่วงนี้ถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ แล้วที่ทางในมหา'ลัยก็ตั้งกว้างห้องน้ำก็มีเป็นสิบๆที่ ทำไมต้องมาแจ็กพ๊อตเอาที่นี่และวันนี้พอดี

   เสียงครางระงมและเสียงกระแทกหนักๆยังคงดังเข้ามาในโสตประสาทให้ได้ยินเป็นระยะ แค่เสียงที่ได้ยินไม่ต้องเห็นภาพเขาก็พอจะเดาออกแล้ว ว่าอีกใากของห้องน้ำจะร้อนแรงกันแค่ไหน ก็เพื่อนเขามันเล่นครางซะดังลั่นแบบไม่กลัวเจ็บคอขนาดนั้น

   พีทตัดสินใจหันไปมองอีกคนที่เขาเผลอลากติดมือเข้ามาแอบด้วย เพราะตกใจที่จู่ๆพี่ปอกับไอ้เลิฟก็เข้ามาแถมยังเหมือนจะทะเลาะกันอีก แต่เรื่องกลับตาลปัตรกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้

   แล้วไอ้คนที่อยู่ด้านหลังเขาแทนที่จะตกใจหรือมีปฏิกิริยาอะไรออกมาบ้าง ดันทำตัวไม่ทุกข์ไม่ร้อนสบายๆเหมือนเดินเล่นชมวิว ปากขยับฮัมเพลงออกมาเบาๆเหมือนตนนี้มันมีอะไรให้สุนทรีย์ซะเต็มประดา พอเห็นว่าเขาหันมามองตัวเองอยู่ เจ้าตัวก็ยกยิ้มพร้อมกับตาเป็นประกายวิบวับส่งให้

   พีทที่เห็นท่าทางของอาร์ตก็เกิดอาการหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด กำหมัดเงื้อขึ้นสูงตั้งใจจะทุบฝ่ายแรงที่ขนาดเจอเหตุการณ์แบบนี้ เจ้าตัวยังมีอารมณ์มากวนประสาทได้อีก

   อาร์ตใช้มือรับมือที่กำลังจะฟาดลงมาได้ทัน แล่วเปลี่ยนไปจับข้อมือของพีทไว้แน่น แล้วชี้้มือข้ามหัวไปทางห้องน้ำอีกฝั่ง ก่อนจะเอามาจุ๊ปากตัวเองเพื่อบอกให้พีทเงียบๆ

   "เบาๆสิน้องพีทอยากให้สองคนนั้นรู้รึไงว่าเราอยู่นี่" อาร์ตกระซิบบอกพีทเสียงเบาพร้อมกับทำหน้าใสซื่อ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังทำหน้าระรื่นสบายอกสบายใขอยู่เลย

   "ก็จะกวนประสาททำไมล่ะ" พีทเองก็กระซิบเถียงกลับไปพร้อมกับถลึงตาใส่อีกฝ่ายดุๆ

   "พี่ไม่ได้กวนอะไรเราเลยนะ" อาร์ตตีหน้าซื่อตอบพีทเหมือนตัวเองโดนใส่ร้าย ทั้งที่ตั้งใจจะกวนประสาทอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ

   "ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต" พีทถลึงตาใส่อย่างเหลืออด ซึ่งอาร์ตก็ทำหน้าตายียวนใส่

   "ชู่ว์...อยากให้เขาได้ยินเหรอ" อาร์ตทำเป็นขึงขังดุพีทจนเจ้าตัวต้องถลึงตามองยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับแสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจออกมา

   "ไอ้..."

   "อื้อ...ปอ...อ๊ะ...บะ...เบา...อ๊า"

   พีทชะงักปากที่กำลังอ้าเพื่อจะด่าอาร์ตลง แล้วเม้มแน่นทันที เมื่อได้ยินเสียงกระเส่าที่ดังสวนขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่กลับมาแดงก่ำอีกครั้งหลังจากลืมไปชั่วขณะนึง

   อาร์ตถึงกับหลุดเสียงขำออกมาเล็กน้อย กับท่าทางตื่นตูมและใบหน้าที่ขึ้นสีเพราัความเขินอายของพีท ก่อนจะได้รับสายตาที่มองค้อนมาจากเจ้าตัว

   พีทได้แต่ยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเองพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อน ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอาร์ตที่อยู่ด้วยกันเพราะความเขินจัด สุดท้ายเลยตัดสินใจยืนอยู่เงียบๆไม่พูดอะไรออกมาอีก

   เสียงครางสุขสมของเลิฟที่ดังให้ได้ยินตลอด ทำเอาพีทเม้มปากแน่นยิ่งกว่าเดิม หัวใจเต้นระรัวกระหน่ำจนเหมือนจะพุ่งทะลุอก ขนทุกเส่นในกายลุกชันพร่อมกับความวูบโหวงที่ท้องน้อย

   'ครางเหี้ยอะไรของมึงขนาดนั้นวะไอ้เลิฟ' พีทก่นด่าเลิฟในใจอย่างหงุดหงิด ที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เป็นเพราะไอ้เหี้ยพี่อาร์คนเดียวเลย ดันทะลึ่งนัดมาทำบ้าอะไรไม่รู้ที่ห้องน้ำ พี่ปอก็เหมือนลากเพื่ิอนเขากลับเอาที่ห้องดีๆไม่ได้รึไงกัน

   พีทไม่ใช่หนุ่มน้อยบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไร ไม่ใช่ว่าไร้เดียงสาเรื่องเซ็กซ์ขนาดนั้น เขาเองก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาบ้าง ถึงจะไม่ได้เชี่ยวชาญแต่ก็ไม่ใช่ไม่เคย แต่ที่เขาเขินเพราะต้องมามีส่วนรับรู้ในเซ็กซ์เร้าร้อนของเพื่อนสนิทต่างหาก นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ายังไงตอนเจอไอ้เลิฟ

   "เป็นอะไร" อาร์ตถามขึ้นเสียงเบาเมื่อเห็นว่าพีทเอาแต่ก้มหน้า ซึ่งพีทก็ส่ายหัวไปมาเบาๆเป็นคำตอบ

   "ไหนดูดิ๊" อาร์ตช้อนปลายคางของพีทขึ้นเพรสะหวังจะดูหน้า พีทเองก็ขัดขืนเล็กน้อยไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง

   และวินาทีที่สายตาของทั้งคู่ประสานกันก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง พร้อมกับแรงดึงดูดมหาศาลที่ทำให้ใบหน้าของทั้งสองเคลื่อนหากันช้าๆ

   "อย่า" พีทยกมือขึ้นดันอกของอาร์ตเอาไว้แล้วหันหน้าหนี ในจังหวะที่ริมฝีปากของทัเงคู่กำลังจะแตะกัน พร้อมกับแววตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เป็นตะกอนในใจ

   "ไม่มีใครเคยบอกรึไงว่าอย่าทำหน้าแบบนี้" อาร์ตกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับงับลงบนใบหูนิ่ม แล้วเปลี่ยนมากดจูบลงที้ข้างแก้ม แขนข้างนึงโอบไปที่เอวบางแล้วกอดแน่นเข้าหาตัว ส่วนมือข้างที่ยังว่างก็จับใบหน้าของพีทให้หันมา ก่อนจะประกบปากทาบทับลงเป็นปากนิ่ม

   พีทที่โดนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวได้แต่ตาเบิกกว้าง เผยอปากออกด้วยความตกใจ ซึ่งกลายเป็นเปิดโอกาสให้อาร์ตส่งลิ้นเข้าไปสำรวจภายในอย่างง่ายดาย

   ลิ้นร้อนเลาะเล็มไปทั่วในโพรงปาก กวาดลิ้มชิ้มรสชาติหอมหวานภายใน ไล่ต้อนลิ้นเล็กที่พยายามหดตัวหนี ก่อนที่ลิ้นของผู้รุกล้ำจะเป็นฝ่ายชนะ เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อลิ้นเล็กได้สำเร็จ

   ฝ่ามือเล็กที่ผลักดันแผ่นอกกว้างให้ถอยห่างในครั้งแรก เปลี่ยนเป็นขยุ้มลงบนเสื้อเต็มแรงจนยับยู่ยี่คามือ ใบหน้าเนียนแดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่ถูกพ่ออกจมูกอย่างหอบเหนื่อย รู้สึกได้ว่าตัวเองอาจจะขาดอากาศหายใจในไม่กี่วินาทีข้างหน้าแน่

   "อ๊ะ" พีทหลุดเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายเคลื่อนตัวลงมาขบเม้มที่ซอกคอ พร้อมกับมือซุกซนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาในเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังลูบไล้ไปทั่วผิวกายใต้ร่มผ้าแล้วตอนนี้กำลังส่งนิ้วมาหยอกล้อกับหยอดอกเล็ก

   พีทลมหายใจหอบฮั่กเหมือนคนวิ่งมาเป็นกิโล ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น ดวงตาเรียวปรือปรอยมือสองข้างขยุ้มลงบนเสื้อแน่นกว่าเก่า

   "พะ...พี่อาร์ต...ไม่เอา...ไม่" พีทเอ่ยปากห้ามอาร์ตเสียงกระท่อนกระแท่น สติที่กำลังหลุดลอยเริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นชืดของริมฝีปากที่นาบมาตามแผ่นอก รวมทั้งแรงบีบหนักๆที่สะโพกและปลายนิ้วที่กำลังแตะอยู่ด้านหลัง

   คำพูดของพีทและอาการสั่นน้อยๆของเจ้าตัว ทำให้อาร์ตที่อารมณ์กำลังเตลิดไปไกลได้สติ หยุดการกระทำทุกอย่างของตัวเองลงทันที

   "แม่งเอ้ย" อาร์ตสบถออกมาเบาๆด้วยความฉุน กดจูบลงบนปากบางแรงๆ ก่อนจะนั่งลงบนชักโครกแล้วดึงอีกคนลงมานั่งบนตัก

   "แต่งตัวเร็ว" อาร์ตบอกอีกฝ่ายดุๆ และนั้นถึงทำให้พีทรู้ตัวว่าตอนนี้อยู่ในสภาพล่อแหลมแค่ไหน

มือทั้งสองข้างของพีทพยายามติดกระดุมเสื้อที่โดนปลดออกจนเกลี้ยง แต่ก็ติดผิดติดถูกมือไม้สั่นไปหมด จนอาร์ตต้องเป็นคนมาช่วยติดแทน

   "พี่ขอโทษครับ...ขอโทษนะ" อาร์ตพูดออกมาด้วยเสียงสำนึกผิดแบบไม่เสแสร้ง แขนสองข้่างกอดเอวของพีทเอาไว้หลวมๆ หน้าซบลงบนไล่เล็กแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

   อาร์ตพ้นลมหายใจเข้าออกหนักๆพยายามปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง นึกด่าตัวเองใจใจไม่น้อยที่เผลอทำอะไรโง่ๆ ทั้งที่อดทนมาได้ตั้งนานแล้วแบบนี้คนบนตักเขา ไม่กลัวหรือขยาดเขาไปแล้วรึไง ยิ่งคิดยิ่งอยากเอามือทึ้งกบาลตัวเองแรงๆ

   พีทได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิกร่างกายหรือแม้กระทั่งเสียง หัวใจเต้นโครมครามกระเด้นกระดอนภายในอกกับเหตุการณ์เฉียดเสียตัวที่เกิด ก่อนจะหน้าร้อนขึ้นจนแทบไหม้เมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันสะโพก

   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำเอาพีทลืมทุกอย่าง แล้วหันไปมองหน้าอาร์ตด้วยสีหน้าแตกตื่น ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรนอกจากทำหน้านิ่งๆ

   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งทำเอาพีทสะดุ้งเฮือก มองไปยังบานประตูด้วยความระแวง ก่อนจะหันกลับมามองอาร์ตเลิ่กลั่ก ใครมันมาเคาะอะไรตอนนี้หวังว่าคงจะไม่ใช่พี่ปอหรือไอ้เลิฟหรอกนะ แต่พอเงี่ยหูฟังดีๆเสียงจากฝั่งตรงข้ามก็เงียบไปแล้วเหมือนกัน

   "เดี๋ยวพี่ออกไปเอง" อาร์ตอุ้มพีทลงจากตักแล้วยืนขึ้นก่อนจะเปิดประตูออกไปข้างนอก ถ้าจะเคาะเรียกกันขนาดนี้คนเคาะคงมีเรื่องจะคุยด้วยแหละ พีทได้แต่มองตามหลังอาร์ตที่เดินออกจากห้องน้ำไปตาปริบๆ จะเรียกเอาไว้ก็ไม่ทันจะออกไปด้วยก็ไม่กล้า

   อาร์ตหันไปปิดประตูห้องน้ำทีีตัวเองพึ่งออกมาให้สนิท ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เคาะประตูเรียกใก้ออกมา ก่อนจะยืนเงียบแล้วสบตากันเป็นการหยั่งเชิง

   อาร์ตไล่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ร่างสูงไล่เรี่ยกับเขาตอนนี้ไม่มีเหลือเค้าของไอ้มหาคนดังของคณะเลยสักนิด เหลือแค่หนุ่มหล่อท่าทางเลวคนนึงเท่านั้น ลองกวาดสายตามองบริเวณรอบๆก็ไม่เห็นใครอีก

   "มีอะไร" อาร์ตตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เพราะถ้ารอให้อีกฝ่ายพูดก่อนไม่รู้ชาตินี้มันจะพูดไหม

   ปอละสายตาจากประตูห้องน้ำแล้วหันกลับมามองอาร์ต พร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก สบตาอาร์ตอย่างรู้ทัน

   "พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร" ปอพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์

   "แล้วไง...มึงจะบอกให้กูเลิกยุ่ง" อาร์ตถามกลับด้วยท่าทีสบายๆไม่ได้กลัวอะไรกับคนตรงหน้า

   "........" ปอเลือกที่จะเงียบและมองอาร์ตด้วยสายตานิ่งๆแทน พร้อมกับแสดงท่าทีคุกคามอย่างไม่ปิดบัง

   "มึงจริงจัง?" อาร์ตลองถามออกไปเพราะอยากรู้ ยอมรับว่าค่อนข้างงเหมือนกันที่ปอกับเลิฟมีความสัมพันกันแบบนี้ ก็รู้กันทั้งคณะว่าไม่ถูกกันแต่ดูแล้วคงจะไม่ใช่

   "เรื่องนั้นพี่คงไม่จำเป็นต้องรู้...ผมแค่อยากได้คำตอบ" ปอไม่ตอบอะไรแบะยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉย

   "ถ้ากูบอกว่าไม่ล่ะ" อาร์ตลองหยั่งเชิงเพื่อดูปฏิกิริยา

   "ผมไม่อยากมีปัญหา" ปอยังคงตอบเรื่อยๆแต่อาร์ตสัมผัสได้ชัดถึงความหงุดหงิดที่แผ่ออกมา

   "มึงขู่กู" อาร์ตเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองปอกลับอย่างกดดัน จะมาโดนรุ่นน้องขู่มันก็คงไม่ใช่เรื่องหรอกมั้ง

   "พี่คิดว่าไง" ปอตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทางของอาร์ต แล้วเดินออกไปจากห้องน้ำโดยไม่คิดจะรอคำตอบ

   ท่าทางของปอที่แสดงออกมาทำให้อาร์ตชอบใจไม่น้อย มันมีไม่บ่อยหรอกนะที่จะได้เจอคนจริงแบบนี้ พวกที่ไม่ใช่เก่งแต่ปากหรือเห่าไปวันๆ เหมือนที่มีให้เห็นบ่อยๆเกลื่อนคณะ

   แบบนี้เขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องหาคนสืบทอดตำแหน่งต่อแล้วล่ะ ถึงจะข้ามรุ่นข้ามหัวใครไปบ้างก็ช่างมัน เพราะเขาเองก็ได้มาแบบข้ามรุ่นเหมือนกัน เขาคิดว่าดูคนไม่ผิดหรอกไอ้ปอเนี่ยของจริง ถ้าจะมีปัญหาคงจะเป็นที่ทำยังไงให้มันยอมตกลงต่างหาก คิดแล้วก็กลุ้ม

   อาร์ตตัดสินใจเดินตามหลังปอออกไป เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าไปแล้วจริงๆ ถึงจะกลับมาเรียกพีทออกจากห้องน้ำ ป้องกันไม่ให้พีทออกมาเจอเลิฟไม่งั้นคงทำหน้าใส่กันไม่ถูก

   อาร์ตยื่นมองตามหลังของทั้งคู่ไปเรื่อยๆ เห็นน้องเลิฟเดินแทบจะขาขวิดกันกัน ก่อนที่ไอ้ปอจะเป็นคนอุ้มน้องเดินต่อ เขาละอยากรู้จริงๆว่าไอ้พวกที่จีบๆน้องเหมือนเขา มาเห็นแบบที่เขาเห็นมันจะทำหน้ายังไงกัน

...
...

   หลังจากมองปอกับเลิฟขนหลับสายตา อาร์ตก็หันหลังกลับตั้งใจจะไปเรียกพีทออกมา แต่สิ่งที่เห็นคือพีทที่เดินออกมาจากห้องน้ำ และเดินห่างจากเขาไปไกลพอสมควรแล้ว

   พีทที่ตั้งใจจะย่องหนีกลับบ้านเงียบๆ ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่ออาร์ตหันกลับมาเจอพอดี และไม่ต้องพูดอะไรให้มากความพีทก็ออกตัววิ่งหนีอาร์ต ที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างไม่คิดชีวิต

   เพราะเขาไม่รู้จะทำหน้ายังไงใส่อีกฝ่ายจริงๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นในห้องน้ำ พีทวิ่งมาเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะผ่อนแรงจนกลับมาถึงโต๊ะในที่สุด

   ปึ่ก!!

   เสียงกระแทกโต๊ะหนักๆที่ดังขึ้น ทำให้นาวที่นั่งเฝ้าโต๊ะเงยหน้ามองอย่างตกใจ ก่อนจะอ้าปากตั้งใจจะด่าพีทเต็มที่

   "ไอ้เลิฟอ่ะ แฮ่กๆ" พีทหอบหายใจเหนื่อยๆและถามหาเพื่อนอีกคน

   "มันโทรมาบอกว่ากลับกับพี่ปอแล้ว ว่าแต่มึงเหอะเป็นเหี้ยไร...หนีไรมา" นาวมองพีทด้วยความสงสัยก่อนจะมองไปรอบๆข้าง

   "แล้วมึงจะกลับยัง" พีทหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือแล้วถามนาวด้วยท่าทางร้อนรน

   "กำลังจะกลับ"

   "งั้นกลับเลย...กูไปนอนบ้านมึงนะ" พีทพูดแค่นั้นแล้วกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะของนาวมาถือให้ ก่อนจะจัดการลากอีกฝ่ายให้กลับไปที่รถ

   "เร็วๆดิมึง" พีทเร่งเร้านาวอย่างร้อนรนอยู่ไม่สุข

   "มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย" นาวหันมาตวาดแว๊ดใส่เพื่อนแต่ก็ยอมทำทุกอย่างเร็วอย่างที่พีทต้องการ

...
...
   
   "พีท!!!!" อาร์ตที่วิ่งตามไล่หลังมาตะโกนเรียกเสียงดัง เมื่อเห็นรถที่มีเจ้าตัวนั่งอยู่เคลื่ินออกไป

   อาร์ตย่อตัวลงหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อยที่วิ่งตาม รู้สึกเจ็บบริเวณแผลที่ท้องไม่น้อยไม่รู้ว่าแผลฉีกรึเปล่า ถ้าไม่เป็นเพราะแผลวิ่งด้วยความเร็วแค่นี้ทำไมเขาจะตามอีกฝ่ายไม่ทัน

   "โธ่โว๊ย!!!" อาร์ตจะโกนออกมาสุดเสียงอย่างเดือดดาล โมโหตัวเองที่เสือกมาสำออยเจ็บอะไรเอาตอนนี้ โมโหที่ทำอะไรไม่คิด

   "มึงทำเหี้ยอะไรของมึงว่ะเนี่ย" อาร์ตเอามือทึ้งหัวตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด พร้อมกับความหนักใจที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:44:40
กัดครั้งที่
- 11 -
   


   Tru...Tru...Tru...

   ติ๊ด ติ๊ด

   "เหี้ยพีท!! มึงช่วยทำอะไรสักอย่างกับโทรศัพท์มึงเดี๋ยวนี้เลย ถ้าจะไม่รับสายมึงก็ปิดเครื่องไป" นาวตวาดออกมาด้วยความฉุน หลังจากต้องทนนั่งฟังเสียงโทรศัพท์ของพีทดังอยู่เป็นชั่วโมง โดยที่เจ้าตัวก็หยิบมันขึ้นมาดูแต่ไม่ยอมกดรับซะที

   "ปิดไม่ได้ดิ" พีทหันมาทำหน้ายุ่งเหยิง

   "งั้นมึงก็รับสายซะ" นาวหันไปมองดุๆ

   "กูไม่อยากรับอ่ะ" พีททำหน้าหงอย

   "โว๊ย!!! งั้นเอามากูรับเอง" นาวตะโกนขึ้นสุดเสียงแล้วยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากพีท

   "ไม่เอา!!" พีทปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเอาโทรศัพท์ไปไว้ด้านหลัง

   "เอามา!!" นาวสั่งเสียงเข้มแล้วจ้องพีทนิ่งๆเพื่อกดดัน ซึ่งพีทก็ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมท่าเดียว

   "ถ้ามึงไม่เอามา...ออกจากบ้านกูไปเลย" นาวยื่นคำขาดพร้อมกับยักคิ้วอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

   พีทเม้มปากตัวเองแน่นแล้วช้อนตามองนาวเพื่ออ้อน แต่นาวไม่ใจอ่อนยังคงส่งสายตาบังคับ สุดท้ายพีทเลยต้องวางโทรศัพท์ตัวเองลงบนมือของนาว

   "ก็แค่นั้น" นาวมองโทรศัพท์ในมือที่ส่งเสียงไม่หยุดแล้วขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองพีทเพื่อขอคำตอบ แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าหลบตา

   "เดี๋ยวมึงได้ตอบคำถามกูเยอะแน่ไอ้พีท" นาวว่าเสียงเย็นแล้วกดรับโทรศัพท์

   "(พีทอยู่ไหน)" เสียงร้อนรนดังขึ้นทันทีที่นาวกดรับสาย

   "เอ่อ...พี่อาร์ตนี่นาวนะคะ" นาวบอกคนในสายให้รู้ก่อนจะตวัดตามองพีทอย่างเอาเรื่อง

   "(น้องนาวเหรอ...พีทล่ะอยู่แถวนั้นรึเปล่า)"

   "อยู่ค่ะพี่...แต่มันกำลังยุ่งๆพี่มีอะไรรึเปล่าคะ" นาวเลือกที่จะไม่พูดความจริงทั้งหมดออกไป เพราะเธอเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าพีทกับพี่อาร์ตมีเรื่องอะไรกัน และเกี่ยวข้องกันยังไงถึงได้โทรหากันเป็นสิบๆสายแบบนี้

   "(ยุ่งมากรึเปล่าพี่ขอคุยด้วยได้ไหม)" น้ำเสียงที่อ้อนวอนของอาร์ตทำให้นาวลังเล พร้อมกับความไม่ชอบมาพากลที่ทำให้สงสัย เกิดคำถามวุ่นวายเต็มหัวไปหมดยิ่งกว่่าเรื่องของเลิฟซะอีก

   "ได้ค่ะ" นาวตัดสินใจยื่นโทรศัพท์ให้พีทคุย ซึ่งพีทก็ส่ายหัวเป็นพัลวันพร้อมกับดันโทรศัพท์ให้ถอยห่าง จนนาวต้องจ้องดุๆแกมบังคับพีทถึงได้รับโทรศัพท์มาถือไว้

   พีทมองโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจลังเลที่จะคุยกับคนในสาย เพราะไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำตัวแบบไหน เคยคุยกับอีกฝ่ายยังไงใช้น้ำเสียงแบบไหน มันดูขัดเขินและสับสนในความรู้สึกไปหมด

   "(พีท...ได้ยินพี่ไหม)" น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังขึ้นในสาย ทำเอาพีทใจกระตุกไม่น้อยเหมือนกัน ก่อนจะขานรับอีกฝ่ายเสียงแผ่วเบา

   "ได้ยิน"

   "(ฮ่าๆพี่นึกว่าเราจะไม่ยอมคุยกับพี่ซะอีก)" เสียงหัวเราะฝืนๆของอาร์ตทำให้พีทรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   "คุยดิ...ทำไมจะไม่คุยล่ะ" พีทงึมงำตอบแทบไม่เป็นคำ

   "(ก็เราวิ่งหนีพี่ขนาดนั้น...ก็นึกว่ากลัวจนไม่อยากคุยด้วยแล้ว)"

   "ใครกลัววะ...ไม่มีเหอะ" พีททำหน้าบึ้งเสียงแข็งใส่คนในสายอย่างไม่พอใจ

   "(แล้ววิ่งหนีทำไม)"

   "กะ...ก็มันตกใจนี่หว่า" พีทอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

   "(ไม่กลัวก็ดีแล้ว...อย่าหนีพี่แบบนี้อีกนะใจไม่ดีเลยว่ะ)"

   "อืม"

   "(แล้วนี่พีทอยู่ไหน)"

   "บ้านไอ้นาว...แล้วไอ้พี่อาร์ตอยู่ไหน" พอได้คุยกันจริงๆจากที่คิดไม่ออกว่าจะคุยยังไง พีทก็สามารถกลับมาคุยกับอีกฝ่ายได้ปกติเหมือนไม่เคยเกิดอะไร

   "(อยู่หน้าบ้านพีทเนี่ย)"

   "ไปทำอะไรอ่ะ" พีทถามด้วยความแปลกใจ

   "(ก็เห็นคนบางคนงอนเลยว่าจะมาง้อ...แต่เจ้าตัวเขาดันไม่อยู่)"

   "ง้ออะไรล่ะ...ไม่ได้โกรธสักหน่อย" พีทงึมงำตอบอีกฝ่าย เขาไม่ได้โกรธจริงๆนะแค่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกเอง

   "(พีท...)"

   "อะไร"

   "(อยากเจอ)"

   "อยากเจอทำไม...พรุ่งนี้เดี๋ยวก็เจอ"

   "(อยากเจอตอนนี้...นะ...)" เสียงอ้อนๆที่ดังให้ได้ยินทำเอาพีทใจเต้นรัว หน้าแดงก่ำด้วยความเขิน เกิดมาพึ่งจะเคยโดนผู้ชายด้วยกันอ้อนเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ

   "(พีท...นะครับ)" ปลายสายส่งเสียงอ้อนออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพีทเงียบ ก่อนที่เจ้าตัวจะเม้มปากแน่นใช้ความคิดอย่างหนัก

   "อีกชั่วโมง" พีทอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาแล้วกัดปากแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดที่ตอบออกไปแบบนั้น

   "(พี่รอนะ)"

   สายถูกวางไปแล้วแต่พีทยังคงมองโทรศัพท์ในมือตัวเองนิ่ง พร้อมกับกระพริบตาปริบๆแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอนาว ที่ยืนกอดอกมองมาพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน

   "คุยโทรศัพท์กับใครวะ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่" นาวหรี่ตามองจับผิดแล้วขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ

   "ใครยิ้ม" พีทเถียงเสียงแข็งทำหน้าตาขึงขังใส่

   "หราาาาาา หน้ามึงนี่บานเป็นจานดาวเทียมแล้วไอ้พีท" นาวมองค้อนเพื่อนอย่างหมั่นไส้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

   "ตกลงยังไงวะมึงกับพี่อาร์ตเนี่ย" นาวถามยิ้มๆซึ่งพีทก็สบจาเพื่อนแล้วก้มหลบตา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วบีบมือตัวเองแน่น
   "เอาเหอะไม่อยากบอกก็ช่าง ว่าแต่มึงจะไปหาพี่เขาไม่ใช่เหรอ รีบไปดิเดี๋ยวเขารอนานดึกแล้วด้วย" พีทเงยหน้ามองนาวตาโต ซึ่งอีกฝ่ายกำลังอมยิ้มขำมองมาด้วยสายตาล้อเลียน

   "เฮ้อ!! เพื่อนกูมีพงมีผัวกันหม้ดดด" นาวแกล้งพูดแซวออกมาลอยๆเสียงดัง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดบ้านไป ส่วนพีทได้แต่ทำปากขมุบขมิบใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย

...
...
   
   แสงไฟหน้ารถที่แล่นเข้ามาในซอยตอนกลางคืน สาดกระทบเข้าเต็มหน้าของอาร์ตที่นั่งอยู่ ก่อนที่รถคันนั้นจะจอดสนิทตรงหน้า พร้อมกับร่างเล็กคุ้นตาที่ก้าวลงมาจากรถ

   เจ้าของร่างบางเดินมาหยุดตรงหน้าอาร์ตที่ยืนขึ้นพอดี แล้วแบมือยื่นไปหาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย อาร์ตมองด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ยิ่งทำให้พีทใบหน้างอง้ำมากกว่าเก่าแสดงท่าทางฮึดฮัดขัดใจ

   “ค่ารถ!!” พีทกระแทกเสียงใส่เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย ปกติเงินค่ารถแค่ร้อยสองร้อยเขาไม่ต้องมาแบบมือขอคนอื่นแบบนี้หรอก

   “อ๋อ...เดี๋ยวพี่ไปจ่ายให้” อาร์ตหลุดยิ้มขำออกมาอย่างเอ็นดู ยกมือขึ้นยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งก่อนจะเดินไปจ่ายค่ารถให้ ส่วนพีทก็ได้แต่ยืนเม้มปากแน่นยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง

   “พี่นึกว่าจะต้องรอเก้อแล้วนะเนี่ย” หลังจากจ่ายเงินเสร็จอาร์ตก็เดินกลับมาหาพีท

   “ก็ใครบอกอยากเห็นหน้าวะ เห็นแล้วก็กลับไปดิ” พีทมองค้อนด้วยความหมั่นไส้ที่เห็นอาร์ตยิ้มไม่หุบ

   “เฮ้ย!! มาถึงก็ไล่เลยนั่งรอตั้งนานใจร้ายว่ะ” อาร์ตทำหน้าน้อยใจแล้วพูดตัดพ้อพีทออกมา

   “เออ!!! กลับไปได้ละ” พีทพูดด้วยความหมั่นไส้ในท่าทางสำออยของอาร์ต ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเปิดประตูเข้าบ้าน

   “เดี๋ยว!!!!” อาร์ตร้องเสียงหลงแล้วคว้าแขนพีทเอาไว้ แต่เป็นเพราะรีบร้อนเกินไปทำให้กะแรงพลาด กลายเป็นกระชากอีกฝ่ายเข้าหาตัวเต็มแรง

   “โอ๊ย!!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บที่ดังออกมาจากปากอาร์ต ทำเอาพีทที่โดนกระชากมองหน้าเจ้าตัวเหลอหรา ก่อนจะค่อยๆดันตัวเองออกมาและมองหน้าตาเหยเก ที่แสดงความเจ็บปวดแบบไม่เสแสร้งเหมือนทุกทีของอาร์ตด้วยความกังวล

   “ไอ้พี่อาร์ตเป็นไรอ่ะ” พีทถามเสียงตะกุกตะกัก มองอาร์ตที่เอามือกุมท้องตัวเองด้วยความเป็นห่วง

   “ไม่เป็นไรหรอกโดนแผลเก่าน่ะ” อาร์ตส่งยิ้มแหยๆแล้วบอกอีกฝ่ายให้คลายกังวัล เมื่อกี้เพราะตัวเองดึงอีกฝ่ายแรงเกินจนเกือบล้มเลยเอาตัวเข้าไปรับ มันเลยกระแทกโดนแผลที่ท้องเข้าอย่างจัง

   “ไม่เป็นไรแล้วไมทำหน้างั้นอ่ะ” พีทถามออกไปอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ตาก็มองที่ท้องของอาร์ตเขม็ง

   “เอามาดูดิ๊” พีทตรงเข้าไปพยายามจับมือที่กุมท้องของอาร์ตออก ซึ่งเจ้าเองก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกันเบื้องตัวหลบ และเอามือกันพีทไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเอง

   “ถ้าไม่ให้ดูไม่ต้องมาให้เห็นหน้าเลยนะ” พีทพูดออกมาด้วยความฉุนพร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงใส่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกขู่อีกฝ่ายด้วยเหตุผลติ๊งต๊องแบบนี้ แต่มันก็ดันหลุดปากไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเลยมีแต่ความเงียบ

   ตาสองคู่จ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายดวงตาของคนตัวโตกว่าก็อ่อนแสงลง พร้อมกับที่เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ และค่อยๆเอามือที่กุมท้องตัวเองออก

   “ไหนบอกไม่เป็นไรวะ” พีทพูดด้วยน้ำเสียงโมโหและมองอาร์ตด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกลับมามองที่ท้องซึ่งมีเลือดสีแดงซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา

   “ไปหาหมอไหมอ่ะ” พีทถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง สีหน้าแสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

   “ไม่เป็นไรแค่เลือดซึมทำแผลก็พอ” อาร์ตบอกพร้อมกับลูบแก้มพีทให้สบายใจ

   “งั้นเข้าบ้านกัน” พีทพูดแค่นั้นแล้วจูงมืออาร์ตเดินเข้าบ้านตัวเอง พอเข้ามาถึงด้านในก็หันมองรอบๆเผื่อจะเจอใครบ้าง แต่สิ่งที่เห็นก็มีแค่ความมืดสนิทกับแสงไฟที่เปิดไว้ตรงบันไดเท่านั้น ก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือถึงได้รู้ว่าตอนนี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว

   พีทหันกลับมามองหน้าอาร์ตแว๊บนึงอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจพออีกฝ่ายไปที่ห้องนอนของตัวเอง เพราะจะเรียกแม่บ้านให้ตื่นตอนนี้ก็เกรงใจจะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับก็ทำไม่ลง

   “ไอ้พี่อาร์ตเข้าไปรอข้างในก่อนนะ” พีทเปิดประตูห้องแล้วดันอาร์ตเข้าไปข้างใน ก่อนที่ตัวเองจะเดินลงไปข้างล่างอีกครั้งเพื่อหาอุปกรณ์ทำแผล

   อาร์ตมองตามประตูห้องที่ถูกปิดลงแล้วหันกลับมามองสำรวจรอบๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมากับสิ่งที่ได้เห็น เหมือนเจอภาพเดจาวูไม่มีผิดตุ๊กตาคิดตี้ที่มีอยู่เต็มห้อง มันทำให้เขานึกถึงห้องนอนตัวเองขึ้นมาทันที

   ขณะที่มองไปเรื่อยๆสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับตุ๊กตาตัวนึงที่วางอยู่บนหัวเตียง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆก็ต้องยิ้มออกมาอย่างชอบใจ เพราะมันคือตุ๊กตาตัวเดียวกันกับที่เขาให้ไอ้เด็กดื้อไว้เมื่อตอนนั้น

   หลังจากสำรวจห้องอีกฝ่ายจนพอใจอาร์ตก็ถอดเสื้อของตัวเองออก มองเสื้อสีขาวที่มีเลือดเปื้อนอยู่ด้วยความเซ็ง ก่อนจะทิ้งมันไปกองกับพื้นแล้วนั่งลงบนเตียง ตาก็ก้มมองแผลที่ท้องซึ่งปริออกมาเล็กน้อย

   แผลนี้เขาได้มาเมื่อวานก่อนหลังจากที่ร้องเพลงเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน ดันซวยมาเจอคู่อริที่มันอริกับเขาไปเองของมันคนเดียว ดักรอหาเรื่องเขาอยู่ที่ลานจอดรถพอเขาไม่สนใจ มันเลยเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยการถีบบานชื่นลูกสาวสุดรักเขาโครมเบอเร่อ และนั้นก็เลยทำให้เขากับมันตีกันอตลุดแต่เขาดนซวยหน่อย เพราะอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อควักมีดออกมาจะแทงเขา โชคดีที่ไหวตัวทันก็เลยโดนไปแบบถากๆแต่ก็ลึกเอาการ ส่วนไอ้นั้นเขาก็ส่งมันให้ไปนอนจีบพยาบาลอยู่ ถ้าพยาบาลจะตาต่ำเอามันล่ะนะ

   แกร่ก!!

   เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับพีทที่ถือกล่องพยาบาลกับถาดใส่แก้วนมขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้เท้าดับประตูปิดและล๊อกห้องด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ แล้วหอมหิ้วของทุกอย่างมาหาอาร์ตในสภาพทุลักทุเลพอควร

   “อะ...ถอดเสื้อไมอ่ะ” พีทยื่นแก้วนมไปให้อาร์ตแล้วมองอาร์ต ที่ถอดเสื้อโชว์กล้ามสวยๆของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ

   “ทำแผลก็ต้องถอดเสื้อสิ” อาร์ตรับแก้วนมจากพีทมาแล้วยกขึ้นจิบนิดๆ รสชาติของนมทำเอาเจ้าตัวเบ้หน้าออกมาเล็กน้อย ก็ปกติซัดแต่เหล้าเคล้าแต่เบียร์มั่วนารีนมก็กินจากเต้า ไอ้นมในแก้วนี่ไม่ได้กินหรอก สิ่งที่คิดได้คือคนตรงหน้าเขาลูกคุณหนูตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ

   พีทพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่อาร์ตตอบก่อนจะยื่นกล่องพยาบาลไปให้ อาร์ตเหลือบตามองหน้าพีทเล็กน้อยแต่ไม่ยอมรับกล่องพยาบาลมา แล้วมองหน้าพีทกับของในมือเจ้าตัวสลับไปมาแต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายพีทก็เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง แล้วนั่งลงที่พีทเพื่อทำแผลให้อีกฝ่ายแต่โดยดี โดยมีอาร์ตยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ

   พีทนั่งทำแผลให้อาร์ตไปเงียบๆโดยที่ไม่ถามอะไร ส่วนอาร์ตก็จิบนมในแก้วไปเรื่อยๆก้มมองพีทไม่วางตา สักพักพีททำแผลให้อีกฝ่ายเสร็จแล้วเก็บอุปกรณ์ลงที่เดิม แต่ก็ยังไม่ยอมลุกออกไปไหนจนอาร์ตต้องมองด้วยความสงสัย

   ใบหน้าหวานแสดงอาการลังเลออกมากับสิ่งที่ตัวเองคิด เหลือบตามองอาร์ตเล็กน้อยแล้วกลั้นใจถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกมา

   “ไอ้พี่อาร์ต...เรื่องเมื่อตอนเย็นไม่เป็นไรนะ” พีทถามเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้าไม่น้อยก็อีกฝ่ายจีบเพื่อนเขาอยู่แต่ต้องไปเจออะไรแบบนั้น และเขาเองก็รู้สึกผิดในใจเหมือนกันที่รู้อยู่ก่อนแต่ไม่ยอมบอก

   “เรื่องน้องเลิฟเหรอ” อาร์ตมองเสี้ยวหน้าหงอยๆของพีทแล้วยิ้มออกมา

   “อือ...ไม่เป็นไรนะ” พีทส่งสายตามองอาร์ตอย่างเห็นใจและจับมืออีกฝายมากุมไว้ พร้อมกับลูบหลังมือเบาๆเพื่อปลอบ
 
   “ถ้าพี่อกหักพีทจะปลอบพี่ไหมล่ะ” อาร์ตช้อนคางของพีทขึ้นมาให้เงยหน้าสบตาตัวเอง

   “เกี่ยวไรวะ” พีทขมวดคิ้วมุ่น

   “ตอบก่อน...จะปลอบพี่ป่ะ” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

   “ปลอบไงอ่ะ” พีทถามออกไปด้วยความซื่อ เพราะคิดว่าอาร์ตคงเสียใจมากเลยต้องการคนปลอบใจ

   “เป็นแฟนพี่ดิ๊” อาร์ตพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ห๊ะ!!!” พีทส่งเสียงออกมาในลำคอด้วยความไม่เชื่อหู

   “งั้น...รับพี่ไว้พิจารณาก่อนก็ได้” อาร์ตพลิกฝ่ามือแล้วเป็นฝ่ายกุมมือพีทเอาไว้เอง ก่อนที่จะบีบลงไปบนมือนิ่มเบาๆ

   “พี่มึงบ้าแล้ว...เมาเหรอวะ” พีทพูดเสียงอึกอักในลำคอพยายามดึงมือตัวเองออกมา แต่อีกฝ่ายก็จับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

   “นี่ดูไม่ออกหรือแกล้งไม่รู้ว่าพี่เลิกจีบน้องเลิฟนานแล้ว แต่กำลังจีบเพื่อนน้องเลิฟอยู่ต่างหาก” อาร์ตพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเขารู้ว่าเขากำลังจีบ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้อีกฝ่ายพยายามขีดเส้นกั้น มันเลยทำให้เขาตอดเล็กตอดน้อยไปวันๆไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม

   แต่ด้วยเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาตัดสินใจรุกอีกฝ่ายทันที ก็เล่นทำไปขนาดนั้นจะให้กลับไปทำหน้าแบบเดิมมันคงจะไม่เข้าท่า ในเมื่อมันหลุดไปแล้ววิธีเดียวเขาก้ต้องรุกเร็วเท่านั้นแหละ

   “.................”

   “ถามจริงไม่หวั่นไหวเลยเหรอ” คำพูดต่อมาของอาร์ตทำเอาพีทรู้สึกร้อนหน้าและหัวใจเต้นแรงจนหนวกหู ก่อนจะกระชากมือตัวเองออกมาแรงๆลัลุกขึ้นยืนหันหลังให้ พยายามที่จะไม่สบตาอีกฝ่ายและทำหูทวนลมกับสิ่งที่ได้ยิน

   “มันดึกแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้แล้วกันหาที่นอนเอาเองเลยนะ เดี๋ยวขอไปอาบน้ำก่อน” พีทบอกตะกุกตะกักลิ้นพันกันแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็ว ทิ้งให้อาร์ตมองตามท่าทางเขินอายนั้นอย่างมีความสุข

...
...
   
   พีทยืนผิงประตูห้องน้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำยกมือขึ้นถามออกตัวเองแล้วลูบไปมา พยายามสงบจิตสงบใจและอาการตื่นเต้นที่มีมากจนหงุดหงิด เมื่อตั้งสติได้แล้วก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกเพื่ออาบน้ำ เปิดฝักบัวแล้วเข้าไปยืนใต้สายน้ำเพื่อหวังให้ความเย็นทำให้ตัวเองสงบ แต่เป็นเพราะสติยังมาไม่ครบถ้วนดีทำให้ก้าวพลาดและลื่นลงกระแทกพื้นอย่างจัง

   “โอ๊ย!!!!” เสียงร้องที่ดังออกมาจากห้องน้ำทำให้อาร์ตที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หันไปมองด้วยความตกใจก่อนจะลุกเดินไปที่ประตู แล้วเคาะลงแรงๆด้วยความเป็นห่วง

   ก๊อกๆๆๆ

   “พีทเป็นอะไรรึเปล่า” อาร์ตตะโกนถามเสียงดังด้วยความเป็นห่วง

   “มะ...ไม่...โอ๊ย!!!!” พีทตอบออกไปก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บอีกครั้ง เพราะพยายามพยุงตัวเองขึ้นแต่ดันลื่นแล้วล้มลงมาอีกรอบ

   “เฮ้ย!!! พี่เข้าไปนะ” อาร์ตพูดด้วยความตกใจและลองหมุนลูกบิดดู ปรากฎว่าไม่ได้ล็อกเขาเลยถือวิสาสะเข้าไปด้วยความเป็นห่วง

   “เดี๋ยว!!...ไม่ต้อง!!!” พีทรีบห้ามเสียงหลงเพราะว่าตัวเองโป๊และนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ลืมล็อกประตู แต่ก็ไม่ทันเพราะอาร์ตเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

   “เป็นไร...ล้มเหรอ? เจ็บตรงไหนไหม? ทำไมไม่ระวังเลยวะบอกแล้วว่าอย่าซน” อาร์ตว่าพีทดุๆเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำแล้วช้อนตัวพีทขึ้น อุ้มเดินออกจากห้องน้ำแล้ววางเจ้าตัวลงบนเตียงอย่างเบามือ

   “ดีนะไม่มีตรงไหนเป็นแผล ต้องรอดูพรุ่งนี้ว่าจะช้ำรึเปล่า” อาร์ตมองสำรวจไปทั่วมือก็จับไปเพื่อพลิกดู ก่อนที่จะรู้สึกผิดสังเกตุว่าอีกฝ่ายเงียบผิดปกติไม่โวยวายหรือเถียงออกมา แบบที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประจำ พอเลื่อนสายตาไปมองหน้าก็เห็นเจ้าตัวหน้าแดงก่ำไปหมด

   พอความเป็นห่วงหายไปอาร์ตก็พึงรู้สึกตัวและกวาดตามองไปทั่วตัวคนบนเตียง ถึงได้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังนั่งเปลือยเปล่าตัวขาวเนียนขึ้นสีชมพูทั่วทั้งตัว โดยมีเขากำลังจับขาเล็กทั้งสองข้างอ้าออกว้างในท่าทางล่อแหลมสุดๆ

   “ปะ...ปะ...ปล่อยได้แล้ว” พีทพูดออกมาแทบไม่เป็นคำพยายามหุบขาตัวเองลง แต่ก็โดนอีกฝ่ายกำข้อเท้าเอาไว้แน่น เกิดมาในชีวิตไม่เคยจะได้อยู่ในสภาพน่าอายแบบนี้เลย พอจะเข้าใจความรู้สึกพวกผู้หญิงที่เขาเคยมีอะไรด้วยแล้ว ว่าทำไมถึงได้อายกันนักเวลาต้องอยู่ในสภาพนี้

   พีทเอามือสองข้างลงมาปิดตรงกลางลำตัวให้พ้นจายสายตาอาร์ต ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังกวาดสายตามองไปทั่ว ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายเพื่อขอร้องให้ปล่อยตัวเองสักที รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านมากับสายตาของอาร์ต

   อาร์ตสบตาอ้อนของพีทนิ่งพร้อมกับเสียงที่ตีกันในหัวยุ่งเหยิงไปหมด ก่อนที่อธรรมจะชนะธรรมมะในใจ อาร์ตจัดการดันตัวพีทให้ลงไปนอนราบกับที่นอนแล้วขยับเข้าไปแทรกตรงกลาง

   “อะ” พีทส่งเสียงออกมาเบาๆในลำคอด้วยความตกใจเพราะจู่ๆก็โดนผลักให้นอนลง ก่อนจะออกอาการแต่ตื่นเมื่ออาร์ตขยับมาคร่อมทับตัวเองไว้ อ้าปากเตรียมจะโวยวายก็ทำไม่สำเร็จเพราะอาร์ตประกบจูบลงมาทันที และส่งลิ้นเข้ามาหยอกล้อดูดดึงกับลิ้นตัวเองจนรู้สึกเจ็บไปหมด

   ปลายลิ้นที่ถูกดูดดึงรู้สึกเจ็บจนชาพร้อมกับอากาศหายใจที่ใกล้จะหมดลง เพราะถูกพรากไปกับจูบเร้าร้อนที่อีกฝ่ายบรรจงมอบให้ เสียงน้ำลายที่เกิดจากการแลกลิ้นดังขึ้นให้ได้ยินอยู่ในหู แผ่นอกบางแอ่นขึ้นเพราะความเสียวซ่านเมื่อมือหนาสะกิดลงมาบนยอดอก ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะจูบไล่ลงมาที่ซอกคอเนียนระหงและดูดเม้มเป็นระยะ

   “สัส!!!” อาร์ตสบถขึ้นมาในลำคอเบาๆพยายามบังคับตัวเองให้หยุดและซุกหน้าลงกับอกของพีทนิ่ง สมองส่วนดีที่มีอยู่น้อยนิดของเขามันท้วงขึ้นมาว่าไม่ให้ทำ เพราะทำแบบนี้ไม่ต่างจากเขาบังคับข่มขืนอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “หยุดพี่พีทขอร้อง” อาร์ตเงยหน้าสบตากับพีทแล้วพูดออกมาด้วยลมหายใจหอบ พยายามข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองเต็มที่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ได้เลยเถิดแน่ๆ เขาไม่ได้เป้นสุภาพบุรุษหรอกแต่อยากได้แบบเต็มใจไม่ใช่ฉวยโอกาส

   พีทนอนหายใจรวยรินด้วยความรู้สึกที่หมุนวนอยู่ในช่องท้องไม่ต่างกัน ปรือตาขึ้นมองอาร์ตเบลอๆกรอกตาไปมาด้วยความสับสน ความคิดในหัวกำลังตีกันวุ่นวายสมองมันห้ามแต่ร่างกายกลับชอบสัมผัสที่ได้รับ ก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่นแล้วตัดสินใจทำบางอย่างที่คิดว่าบ้าและเสี่ยงที่สุดในชีวิตลงไป

   พีทเลื่อนมือของตัวเองมาบีบที่แขนอาร์ตและจิกเล็บลงไปเต็มแรง ก่อนจะดันตัวเองขึ้นและจูบลงบนปากอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย พร้อมกับอาร์ตที่ชะค้างด้วยความตะลึงและเสียงบางอย่างในหัวที่ขาดลง



2 Be Con...
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-04-2016 18:50:45
กัดครั้งที่
- 12 -
   


   อาร์ตมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนใต้ร่างที่แดงก่ำก็หลุดยิ้มออกมา ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆบนแก้มใสแล้วยื่นมือไปจับที่ปลายคาง บังคับให้เจ้าตัวหันกลับมาสบตา

   ริมฝีปากของอาร์ตก้มลงประกบจูบบดขยี้ปากบางอีกครั้ง ตามด้วยลิ้นที่แทรกเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากนิ่ม ลิ้นร้อนสำรวจไปตามไรฟันที่เรียงตัวสวยก่อนเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็ก ที่ให้ความร่วมมือแลกลิ้นตอบสนองดูดดึงอย่างไม่ยอมแพ้
 
   ฝ่ามือหนาฟ้อนเฟ้นบีบเค่นหนักๆไปทั่วกายบาง จนผิวขาวจัดขึ้นรอยมือจนทั้ว ก่อนที่ริมฝีปากจะผละออกห่างแล้วไล่ขบเม้มลงมาที่ซอกคอ ดูดดึงสร้างรอยรัก กระจายไปทั่วเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

   แผ่นหลังของพีทแอนขึ้นจนตัวลอยจากพื้น เพราะสัมผัสของปลายลิ้นที่ละเลงอยู่บนยอดอก และนิ้วซุกซนที่บดขยี้ปลายยอดอีกข้างอย่างรุนแรง ความเสียวซ่านเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นโอบกอดอีกฝ่ายแน่น
 
   ปลายเล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง เพื่อระบายความรู้สึกบางอย่างภายในที่กำลังพุ่งขึ้นสูง ยอดอกสองข้างแดงช้ำบวมเป่งและเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย จากปลายลิ้นร้อนที่ละเลงดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยสลับไปมาทั้งสองข้าง

   "ซี๊ด...อ๊ะ" พีทหลุดเสียงครางออกมาด้วยความเสียว เมื่อฟันคมกัดลงมาที่จุกนมและเลียซ้ำจนมันแข็งเป็นไต แผ่นหลังบางแอ่นขึ้นอย่างเชิญชวนเพื่อให้ลิ้นร้อนหยอกล้อยอดอกได้ถนัดขึ้น

   อาร์ตละริมฝีปากจากยอดอกสีสวยอย่างเชื่องช้า แล้วดูดเม้มสร้างรอยไล่ลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ อ้าปากงับลงไปและส่งปลายลิ้นเลียวนรอบสะดือสวย แล้วไล่ริมฝีปากต่ำลงไปกว่าเดิมจนถึงกลางลำตัว

   อาร์ตกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางคาดหวังจากคนใต้ร่าง ก่อนจะจงใจแนบริมฝีปากลงใกล้ๆแก่นกายน่ารัก ที่กำลังเริ่มชูชันและมีน้ำใสๆปริ่มตรงส่วนปลาย กดจูบดูดเม้มหนักๆไปทั่วบริเวณโคนขาอ่อนแต่ไม่ยอมสัมผัสจุดอ่อนไหว

   "ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!! แม่ง!!" พีทตวาดตวาดเสียงดังพร้อมกับแสดงอาการฮึดฮัดออกมา เพราะขัดใจที่อีกฝ่ายเอาแต่แกล้งทั้งที่ในเวลาแบบนี้ ดันตัวเองขึ้นจากที่นอนแล้วยกมือทึ้งหัวอาร์ตแรงๆด้วยความโมโห

   "อ๊าาาาา" พีทครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อแก่นกายของตัวเองโดนอาร์ตกำเอาไว้แน่น แถมเจ้าตัวยังใช้นิ้วมืิอขยี้ลงที่ส่วนปลายและขยับขึ้นลงรัวเร็ว

   "อึ่ก...พะ...พี่อาร์ต" พีทครางเรียกชื่อเสียงหวานฟันคมกัดลงบนปากตัวเองแน่น ปรือตามองอาร์ตอย่างออดอ้อนขอร้องให้ช่วยตัวเอง

   "ไม่ได้...รอพี่ก่อนสิ" อาร์ตกระซิบลงที่ข้างหูและกดจูบแก้มนิ่ม ส่วนมือที่กำแก่นกายของพีทไว้ก็หยุดนิ่ง พร้อมทั้งใช้นิ้วมือกดส่วนปลายเอาไว้ไม่ให้ปลดปล่อย จนพีทได้แต่ใบหน้าแดงก่ำบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน

   อาร์ตดันพีทให้ลงไปนอนที่เดิมก่อนจะจัดการรูดซิบกางเกงลง และควักเอาท่อนลำบวมเป่งที่ขยายขนาดดีดผึงขึ้นทันทีที่เป็นอิสระ แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้พีทมากกว่าเดิม จัดการรวบท่อนลำของตัวเองและแก่นกายของพีทเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ขยับส่วนอ่อนไหวขึ้นลงรัวเร็วรุนแรงไปพร้อมๆกัน ก่อนที่พีทจะกระตุกเกร็งและปลดหยาดน้ำสีขาวขุ่นออกมา

   อาร์ตยิ้มพอใจให้กับสภาพหอบเหนื่อยและเย้ายวนของพีท ก่อนจะโน้มตัวลงไปประกบจูบอย่างเร่าร้อน พร้อมทั้งส่งนิ้วมือชำแรกเข้าไปที่ด้านหลังช้าๆเพื่อเปิดทาง

   "อึ่ก" พีทสะดุ้งออกมาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แทรกเข้ามาภายใน ก่อนที่ด้านในเริ่มตอดรัดอย่างรุนแรงทันที ราวกับจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอมไม่ให้ลุกล้ำเข้ามามากกว่าเดิม

   อาร์ตยังคงวนเวียนประกบจูบไม่ห่าง นิ้วมือที่สอดแทรกเข้าไปเริ่มขยับออกช้าๆเพื่อให้อีกฝ่ายปรับสภาพ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปและขยับรัวเร็วขึ้น พร้อมทั้งภายในของพีทที่ตอดรัดนิ้วทั้งสามระรัว

   "อ๊าาาาาาา" พีทครางออกมาเสียงหลงเมื่อนิ้วแทงเข้าไปโดนจุดกระสันอย่างจัง อาร์ตที่เห็นแบบนั้นก็กระตุกยิ้มชอบใจ ขยับนิ้วแทงเข้าไปด้านในที่จุดเดิมซ้ำๆ จนพีทถึงกลับบิดเร้าเกร็งมือจิกผ้าปูที่นอนแน่น ปลดปล่อยเสียงครางดังต่อเนื่องพร้อมทั้งสะโพกบางที่ขยับรับนิ้วมือ รวมทั้งแก่นกายที่กลับมาขยายขนาดอีกครั้ง

   "อื้อ...ไอ้พี่อาร์ต" พีทประท้วงเสียงสั่นอย่างขัดใจที่จู่ๆอาร์ตก็ดึงนิ้วทั้งหมดออก ทำเอาสวรรค์ที่กำลังเห็นอยู่รำไรล่มลงไม่เป็นท่า

   "ใจเย็นๆคนดี" อาร์ตบอกพีทเสียงแหบพร่าอย่างอดกลั้น จับขาของพีทให้อ้าออกกว้างยิ่งกว่า แล้วจับเอาท่อนลำที่ขยายขนาดจนแทบระเบิดของตัวเองถูไถวนเวียนไปมาตรงปากทางเข้า ตาก็จ้องช่องทางสีสดที่ขมิบถี่รัวรอคอยอย่างหื่นกระหาย

   "มีเจลหรืออะไรที่ล่อลื่นได้บ้างไหม" อาร์ตถามออกมาจนแทบไม่เป็นคำ มือข้างนึงยังคงจับท่อนลำถูไถช่องทางรักอย่างยั่วเย้า ส่วนมืออีกข้างก็ส่งไปบดบี้ยอดอกเพื่อกระตุ้นอีกทาง

   พีทส่ายหัวจนผมกระจายบนปรือตามองอาร์ตอย่างอ้อนวอน เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายจะให้ไปหาเจลมาจากไหนล่ะ

   "สัส!!" อาร์ตสบถออกมาในลำคอด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาพีทอีกครั้งเพื่อบอกบางอย่าง

   "ครั้งแรกใช่ไหม" อาร์ตถามออกมาด้วยเสียงจริงจัง ส่วนพีทก็ได้แต่พยักหน้าตอบด้วยสมองที่ค่อนข้างเบลอ

   "งั้นพีทต้องทนเจ็บหน่อยนะ" อาร์ตกระซิบบอกข้างหูพร้อมทั้งขบเม้มหยอกล้อไปด้วย

   "และพี่ไม่มีถุงยางเราคงต้องสด" พอได้ยินคำว่าสดออกจากปากของอาร์ต พีทถึงกับตาโตสติหวนคืนในทันที

   "มะ...ไม่เอาสดนะไอ้พี่อาร์ต" พีทรีบกระถดตัวถอยห่างมือก็ดันตัวอาร์ตไปด้วย ต้องเป็นฝ่ายรับแถมยังต้องโดนเสียบสด มีอารมณ์แค่ไหนเขาก็คงไม่เสี่ยงเหมือนกัน ยิ่งไอ้พี่อาร์ตขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้อีกด้วย เขาไม่ยอมเสี่ยงแน่ๆให้ตายก็ไม่เอา

   "อื้อ...ปล่อยนะ" พีทส่งเสียงครางประท้วงผะแผ่ว พยายามดิ้นให้หลุดจากมืออาร์ตที่จับเอาไว้แน่น

   "ไม่ได้แล้วคนดี...พี่หยุดไม่ได้แล้ว" อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไร้การล้อเล่น ก่อนจะเริ่มจู่โจมปลุกเร้าอารมณ์คนใต้ร่างอีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มโอนอ่อนก็จับขาเรียวให้อ้ากว้าง และเอาท่อนลำมาจ่อทางเข้าก่อนจะดันเข้าไป

   "เจ็บ" พีทครางเสียงแผ่วพร่อมกับหยาดน้ำใสคลอบริเวณหางตา

   "หัวเข้าไปก็ไม่เจ็บแล้ว" อาร์ตบอกเสียงพร่ายกมือลูบแก้มพีทเบาๆเพื่อปลอบ พยายามบังคับตัวเองเต็มที่ให้ค่อยๆเข้าไปช้าๆ

   เพราะเห็นว่าอาร์ตเหงื่อซึมออกมาทั่วทั้งตัวและเกร็งจนเห็นเส้นเลือด รวมทั้งการสอดใส่ที่อีกฝ่ายดูระมัดระวังจนผิดปกติ พีทเลยตัดสินใจดันตัวเองขึ้นไปดูด้วยความสงสัย ก่อนจะตาเบิกโพรงกับสิ่งที่ได้เจอและออกแรงดิ้นอย่างรุนแรง จนท่อนลำที่พึ่งเข้าไปได้แค่ส่วนปลายหลุดออกมา

   พีทดันอาร์ตออกเต็มแรงและพลิกตัวคลานหนีด้วยความกลัว ให้เขารับไอ้ท่อนใหญ่ๆนั้นเข้ามาในตัวก็พอทนแล้ว แต่นี่ไอ้พี่อาร์ตมันยังซาดิสต์ฝังมุกลงไปอีกขืนรับเข้ามาเขาได้ตายแน่ๆ ทีนี้ก็เข้าใจเลยทำไมเจ้าตัวถึงออกอาการหงุดหงิดตอนรู้ว่าไม่มีเจล แบบนี้ต่อให้มีเจลมันก็ต้องเจ็บมากแน่ๆ

   อาร์ตคว้าเอาข้อเท้าของพีทไว้ได้ทันก่อนจะกระชากทีเดียว คนตัวเล็กก็ไถลกลับมานอนใต้ร่างเหมือนเดิม จัดการพลิกพีทให้นอนคว่ำแล้วรวบแขนเล็กสองข้างมาไขว้ไว้ด้านหลัง กดตัวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นจับสะโพกให้ยกสูงขึ้น ขยับไปซ้อนด้านหลังเอาเข่าของตัวเองสอดเข้าไป เพื่ออ้าขาพีทให้แยกออกกว้าง

   "ไอ้พี่อาร์ตไม่เอานะ...กูกลัว...แม่ง!!" พีทพยายามส่งเสียงประท้วงพร้อมกับส่ายหัวไปมา

   "พีทผิดเองที่ยั่วพี่" อาร์ตพูดแค่นั้นก่อนจะโน้มตัวดูดเม้มทั่วแผ่นหลังเนียน มือข้างที่ว่างก็ส่งไปหยอกล้อยอดอกทางด้านหน้า แล้วเลื่อนลงมาหาแก่นกายน่ารักเพื่อปลุกเร้า

   "อ๊ะ...อ๊าาาาา" พีทขยับสะโพกตามแรงชักนำที่รุนแรง ก่อนจะปลดปล่อยออกมาจนเต็มฝ่ามือหนา
อาร์ตใช้นิ้วมือที่เปียกชุ่มด้วยน้ำรักของพีทป้ายลงไปที่ด้านหลัง ก่อนจะแทงนิ้วมือทั้งสามเข่าไปพร้อมๆกันก่อนจะขยับเข้าออกรุนแรง เพื่อขยายให้สามารถรับอะไรที่ใหญ่กว่านั้นได้

   "อย่าเกร็งนะ" อาร์ตกระซิบบอกพร้อมทั้งดึงนิ้วมือออก และจับท่อนลำพร้อมรบไปจ่อทางด้านหลัง

   "ไม่เอ...อ๊าาาาาาา...ฮึก...เจ็บ" พีทครางออกมาดังลั่นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา รู้สึกเจ็บไปหมดตรงช่องทางรักจุกไปทั่วบริเวณท้องน้อย เพราะอีกฝ่ายเข้ามาครั้งเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว

   "อึ่ก...แน่นฉิบ" อาร์ตพึมพำในลำคอพยายามแช่ตัวเองนิ่งๆไม่ให้ขยับเพื่อรอให้อีกฝ่่ายปรับตัว ทั้งที่ภายในกำลังตอดรัดตัวตนของเขาอย่างบ้าคลั่ง จนมันแทบจะแตกคารูรัดๆนี่อยู่แล้ว

   "ฮึก...มันเจ็บ...ฮึก...ปล่อยนะ...เอาออกไป...ฮึก..." พีทร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดอย่างน่าสงสาร พยายามดิ้นรนให้อาร์ตปล่อยตัวเองเพราะความเจ็บที่ได้รับมันทำให้กลัว แต่ยิ่งเจ้าตัวดิ้นมากเท่าไหร่ภายในก็ยิ่งตอดรัดมากเท่านั้น

   "พีทอย่าดิ้น!!" อาร์ตพูดเสียงเข้มจนเกือบกลายเป็นตะคอก เพราะกลัวว่าจะทนไม่ไหวแล้วทำอะไรที่มันรุนแรงมากกว่านี้ลงไป

   "ฮึก...พี่อาร์ตใจร้าย" พีทตัดพ้อออกมาด้วยความน้อยใจที่อาร์ตไม่ฟังคำขอ แถมยังตะคอกใส่เหมืิอนไม่พอใจ เม้มปากตัวเองแน่นร้องไห้ออกมาเงียบๆ

   "ชู่...ไม่ร้องนะครับคนดี...พี่ขอโทษ" อาร์ตปล่อยมือที่จับแขนของพีทออก แล้วโน้มตัวลงไปจูบซับแผ่นหลังเพื่อปลอบใจ มือก็เลื่อนไปกอบกุมแก่นกายอีกฝ่ายที่หดตัวลงไปเพื่อปลุกเร้าอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างก็หยอกล้อหน้าอกช่วยอีกทาง

   "อื้อ...แต่มันเจ็บ" พีทกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อความเสียวซ่านเริ่มกลับมาอีกครั้ง

   "เดี๋ยวก็ดี" อาร์ตจับหน้าของพีทให้หันมารับจูบ พร้อมทั้งขยับสะโพกถอนแก่นกายออกเกือบหมด และกระแทกกลับเข้าไปอีกครั้งอย่างรุนแรง

   "อ๊าาาาาาาาา" พีทครางออกมาดังลั่นไม่ขาดสายกับความเจ็บปนเสียวทีีได้รับ ตัวของพีทเริ่มโยกคลอนน้อยๆตามแรงขยับเข้าออกอันเชื่องช้า แต่เน้นหนักทุกจังหวะจนรู้สึกจุกไปทั้งท้องน้อย

   พั่บ พั่บ พั่บ

   "อ๊ะๆๆๆๆ"

   เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังคลอกับเสียงครางหวานๆระงมลั่นห้อง จังหวะการสอดใส่ที่เนิบช้าเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว

   "อ๊ะ...อื้อ...พี่อาร์ต...อ๊าาาาาา..." พีทครางเสียงสั่นพร้อมกับตัวที่โยกคลอนอย่างรุนแรงตามแรงกระแทกกระทั้น รู้สึกสุขสมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งเจ็บทั้งเสียวจนแทบขาดใจ

   "อย่างนั้นแหละคนดี...รัดแน่นๆครางเรียกพี่ดังๆ" อาร์ตพูดด้วยเสียงแหบพร่าโน้มตัวลงกัดไหล่เนียนจนเลือดซึม มือจับสะโพกบางเอาไว้แน่นและกระแทกกระทั้นท่อนลำเข้าออกช่องทางรักอย่างรุนแรง ยิ่งภายในตอดรัดมากเท่าไหร่อาร์ตยิ่งตั้งหน้าตั้งตาอัดกระแทกเข้าไปมากเท่านั้น

   "อ๊ะๆๆๆ...อึ่ก" พีทสะบัดหน้าถูไถไปมากับหมอนมือกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายอารมณ์ ช่องทางรักเจ็บแสบทุกครั้งที่ตัวตนอีกฝ่ายขยับเข้าออก ผนังนุ่มภายในสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตและขรุขระที่สอดแทรก

   "อ๊าาาาาา" พีทครางลั่นอีกครั้งเมื่อจู่ๆอาร์ตก็จับพลิกตัวให้หันมานอนหงายทั้งที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ ก่อนที่อาร์ตจะจับขาเรียวให้อ้าออกกว้างและดันขึ้นสูงจนสะโพกลอยเหนือพื้น  จากนั้นก็อัดกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง

   "อ๊ะๆๆๆๆๆๆ" อาร์ตบดสะโพกกระแทกกระทั้นเข้าออกรุนแรง ซอยถี่ยิบอย่างไม่คิดผ่อนแรงหมุนควงสะโพกสลับไปมา จนคนโดนกระทำแบบพีทได้แต่นอนดิ้นพล่านส่งเสียงคราง

   อาร์ตตั้งหน้าตั้งตากระแทกเข้าไปไม่หยุด สอดรับกับสะโพกบางที่ส่ายร่อนและช่องทางที่ตอดรัดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนเน้นหนักในครั้งสุดท้ายแล้วปลดปล่อยออกมาจนล้น พร้อมกันกับพีทที่ปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าท้องเนียน

   "อ๊าาาาาาา"

   อาร์ตก้มมองพีทที่นอนหายใจกระเส่าด้วยสายตาร้อนแรง ใช้นิ้วมือป้ายน้ำรักที่หน้าท้องขึ้นมาก่อนจะส่งเข้าไปในโพรงปากนุ่ม พร้อมกับมืออีกข้างที่ขยี้ยอดอกอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากออกมาอย่างชอบใจ เมื่อพีทอ้าปากดูดดึงนิ้วมือของตัวเองและส่งลิ้นไล่เลียไปทั่ว รวมทั้งช่องทางรักที่กลับมาตอดรัดอีกครั้ง

   อาร์ตดึงนิ้วมือออกมาจากโพรงปากนุ่ม ก่อนจะก้มลงประกบจูบแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน พร้อมกับสะโพกที่ขยับเข้าออกเพื่อเริ่มยกต่อไปอีกครั้ง

   นอกจากจะถูกตาถูกใจดูแล้วเรื่องบนเตียงก็คงจะเข้ากันได้ดีและคงจะดีมากเป็นพิเศษ เขาว่าคืนนี้คงได้ศึกษาจังหวะกับคนตัวเล็กทั้งคืน ก็ถ้าเด็กมันจะยั่วเขาได้ขนาดนี้ล่ะนะ

   "อ๊าาา...พี่อาร์ต" เสียงหวานครางลั่นขึ้นมาอีกครั้งและคงจะดังแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาร์ตจะพอใจ



2 Be Con...
+++++++++++
คุยกันซักนิดนะยูว์

ตอนนี้นิยายลงครบทุกตอนที่มีในสต๊อกแล้วนะคะ
หลังจากนี้จะอัพเฉลี่ยอาทิตย์ละสองตอน
เรื่องนี้เป็นแนวเบา เกรียนๆ ฮาๆ ไม่เน้นดราม่า
อาจจะมีมาให้เห็นบ้างเพื่อไม่ขาดอรรถรส
รักคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 6 - 12 (7/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-04-2016 21:34:28
อะจ๊า ฝังมุกซะด้วย  :ling1:
พีทถึงดิ้นหนี  :heaven
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 6 - 12 (7/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-04-2016 22:32:57
อิย๊ะะะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 6 - 12 (7/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2016 03:31:59
ฟ้าเหลืองแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 11-04-2016 14:26:03
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 13 -



            อาร์ตสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน เพราะไอร้อนจากคนในอ้อมกอดที่แผ่ออกมาจนรู้ทำให้รู้สึกตัว อาร์ตลุกขึ้นนั่งในสภาพที่ยังตื่นไม่เต็มตาเท่าไหร่ เหลือบตามองคนข้างกายด้วยความเป็นห่วงลองเอาฝ่ามือไปสัมผัสดู ถึงได้แน่ใจว่าอีกคนไม่สบายไปแล้วจริงๆไม่ใช่ว่าตัวเองละเมอ



            อาร์ตคว้าเอากางเกงที่เขวี้ยงทิ้งเมื่อคืนขึ้นมามาใส่ หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาถึงได้รู้ว่าตอนนี้พึ่งจะเที่ยงเท่านั้้นเอง หันหลังก้าวขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้า สะบัดหัวไปมาเล็กน้อยเพื่อไล่ความง่วงงุน



            เขาจะมีสภาพแบบนี้ก็คงไม่แปลกจำได้ลางๆ ว่าตัวเองปล่อยให้อีกคนได้นอนตอนพระอาทิตย์โผล่มาให้เห็นเข้าไปแล้ว และนี้พึ่งจะเที่ยงแสดงว่าเขาได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ตากวาดมองไปรอบๆห้องน้ำก่อนจะเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กมาลองน้ำ พร้อมกับหยิบผ้าผืนเล็กเพื่อออกไปเช็ดตัวให้คนที่นอนซมอยู่



            อาร์ตวางกะละมังในมือลงที่หัวเตียง เดินไปปิดแอร์และเปิดประตูระเบียงเพื่อให้อากาศถ่ายเท ก่อนจะกลับมานั่งลงที่ข้างเตียงหยิบผ้าชุบน้ำแล้วบิดจนหมาด เลิกผ้าห่มออกจากร่างบางที่นอนกระสับกระส่าย แล้วลงมือเช็ดไปตามลำตัวทีละจุดช้าๆเพื่อไล่ความร้อนในร่างกาย

            “อื้อ” พีทส่งเสียงครางประท้วงในลำคอ มือเล็กพยายามปัดสิ่งที่มาวุ่นวายบนตัวพร้อมทั้งพลิกตัวหนีด้วยความรำคาญ



            อาร์ตได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทางของพีท คนมันดื้อขนาดไม่รู้สึกตัวก็ยังดื้อ ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดลงไปบนลำตัวขาวผ่องที่ตอนนี้มีรอยแดงกระจายไปทั่วต่อไป จนกระทั่งถึงขาเรียวยาวที่เปื้อนคราบอารยธรรมเมื่อคืน เช็ดทำความสะอาดไปเรื่อยพร้อมกับสมองที่นึกขึ้นมาได้ ว่าหลังจบศึกรักกันไปคนตัวเล็กไม่ได้ทำความสะอาดข้างในแน่ๆ



            เมื่อคิดได้แบบนั้นอาร์ตก็หยุดมือตัวเองลงจัดการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นเพื่อพาไปห้องน้ำ เข้ามาด้านในก็พาตัวเองนั่งลงบนฝาชักโครกโดยที่ให้พีทนั่งบนตัก เอื้อมมือไปเปิดฝักบัวแล้วดันนิ้วชี้เข้าไปในช่องทางรัก ก่อนจะควานนิ้วเพื่อล้วงเอาสิ่งที่ตัวเองปลดปล่อยภายในออกมา



            “อ่ะ...อื้อ…พี่อาร์ต” พีทปรือตาขึ้นมามองเพราะความเจ็บแสบที่ได้รับทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา สมองเบลอไปหมดทำให้สิ่งที่เห็นค่อนข้างพร่ามัวแต่มองออกว่าเงาลางๆตรงหน้าคือใคร ร่างกายมันหนักอึ้งเหมือนโดนถ่วงด้วยหินหัวมันปวดจนแทบจะระเบิดเอกสาร



            “หนาว...พีทปวดหัว” พีทพึมพำออกมาเสียงแผ่วยกแขนโอบคออาร์ต พร้อมทั้งถูไถหัวไปมาที่แผ่นอกอ้อนๆ



            อาการหนาวสั่นและท่าทางออดอ้อนที่แสดงออกของพีท ทำเอาอาร์ตได้แต่นั่งอมยิ้มชอบใจเหมือนคนบ้า ทั้งที่ในใจก็รู้สึกสงสารที่เป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายเป็นขนาดนี้  แต่ลึกๆข้างในมันโคตรจะมีความสุขยิ่งเห็นทั่วผิวขาวๆ เป็นรอยแดงที่เกิดจากฝีมือตัวเองแล้วยิ่งมีความสุข ก็มันเป็นหลักฐานว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้เป็นของเขา




            หลังจากแน่ใจว่าทำความสะอาดให้เรียบร้อย อาร์ตก็จัดการอุ้มพีทขึ้นและเดินไปวางเจ้าตัวลงบนที่นอนอย่างเบามือ แล้วเดินไปหาเสื้อผ้ามาใส่ให้คนป่วยแต่ก่อนจะลงมือก็จับขาเรียวแยกออกกว้าง เพื่อดูช่องทางรักของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเพราะเมื่อคืนเขาเองก็รุนแรงไม่น้อย



            อาร์ตพ้นลมหายใจออกมาหนักๆเมื่อเห็นในสิ่งที่ต้องการ ช่องทางรักสีสดตอนนี้ค่อนข้างบวมและแดงช้ำ ปากทางเข้าเผยอออกเล็กน้อยและมีร่องรอยฉีกขาดแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร มือหนาถูกยกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองแรงๆด้วยความหงุดหงิด ปากก็สบถด่าตัวเองไปมาไม่หยุด ก่อนจะลงมือใส่เสื้อผ้าให้คนตัวเล็กและโน้มตัวไปกดจูบลงบนหน้าผากแผ่วเบา




            “พารา...กินได้ป่ะวะ” อาร์ตขมวดคิ้วมุ่นมองแผงยาในมือที่คุ้ยออกมาจากกล่องยาเมื่อคืน ลังเลใจไม่น้อยเพราะไม่รู้ว่าจะเอาให้คนตัวเล็กกินดีไหม แต่ทั้งกล่องก็ไม่มียาอะไรแล้วเหมือนกันนอกจากพาราในมือ แต่ก็อีกนั้นแหละอีกฝ่ายยังไม่มีอะไรรองท้องเลยด้วยซ้ำให้กินยาไปมันจะกัดกระเพาะรึเปล่าก็ไม่รู้ เห็นเขาเป็นแบบนี้จริงๆไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอกนะ



            “เอาวะ” อาร์ตมองยาในมืออย่างชั่งใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วถือของทั้งสองอย่างไปหาคนที่นอนซมอยู่



            “พีทครับ...ตื่นมากินยาเร็ว” อาร์ตวางแก้วน้ำลงบนหัวเตียง ก่อนจะเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น



            “อื้อ...” พีทส่งเสียงครางประท้วงในลำคอแผ่วเบาแต่ไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด อาร์ตเลยตัดสินใจส่งยาในมือเข้าปากตัวเองและตามด้วยน้ำ ก่อนจะก้มลงประกบจูบอีกฝ่ายเพื่อป้อนยาแทน



            อาร์ตผละออกมามองใบหน้าที่นอนไม่รู้สึกตัวด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ยาพาราที่ป้อนไปนั้นจะช่วยได้แค่ไหน แต่มันก็คงดีกว่าปล่อยอีกฝ่ายให้นอนซมอยู่แบบนี้




            จากนั้นอาร์ตก็ลุกขึ้นมายืนข้างเตียงยกมือลูบแก้มเนียนที่แดงปลั่งเพราะพิษไข้แล้วผละออกห่างก่อนจะเดินไปอาบน้ำเพราะตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปข้างนอก เพื่อหาซื้อยารวมถึงข้าวมาให้คนป่วยกินและถ้ายังไม่หายคงต้องหอบกันไปหาหมอ



            ...

            ...



            หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวรวมทั้งเช็ดตัวให้พีทอีกรอบเสร็จเรียบร้อย อาร์ตก็เดินลงมาข้างล่างเงียบๆพร้อมกับระลึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ ตัวเองไม่ได้อยู่ที่หอพักแต่มานอนที่บ้านของพีท ระหว่างทางสายตาก็มองไปรอบๆบ้านอย่างสนใจ



            “เหี้ย!! บ้านใหญ่อย่างกับวัง ดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ” อาร์ตพึมพำแผ่วเบาพร้อมส่ายหัวและขำให้กับความคิดตัวเอง สิ่งที่เปรียบไม่ได้เกินจริงเลยสักนิดและเขาก็เป็นหมาวัดที่กำลังเด็ดดอกฟ้ามาชม แถมข้ามขั้นเด็ดไปไกลเพราะเล่นสอยลงมากอดไปแล้วด้วย ได้แค่หวังว่าผู้ปกครองของดอกฟ้าจะไม่ดุล่ะนะ



            “อุ้ย!! เข้ามาได้ไงคะ” เสียงทักอย่างตกใจที่ดังขึ้น ทำให้อาร์ตหลุดจากความคิดทั้งหมดแล้วหันไปมองคนทักด้วยความสนใจ ก่อนจะส่งรอยยิ้มละมุนอันเป็นเอกลักษณ์ไปให้คนตรงหน้า



            “มากับน้องพีทน่ะครับ...เมื่อคืน” อาร์ตยังคงส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่มองมาด้วยความไม่ไว้ใจ



            “อ้อ...เพื่อนคุณหนูเหรอคะ” เมื่อได้รับคำตอบอีกฝ่ายก็แสดงท่าทีเป็นมิตรขึ้น พร้อมส่งยิ้มกลับมาให้



            “ครับ” อาร์ตตอบพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆเพื่อยืนยัน ในใจอยากจะตอบออกไปว่าไม่ใช่เพื่อแต่เป็นผัวก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นลมเอา



            “งั้นคุณจะทานเช้าเลยไหมคะป้าจะได้สั่งให้เด็กตั้งโต๊ะ” หญิงวัยกลางคนหรือหัวหน้าแม่บ้านที่พ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงของพีท เอ่ยปากถามอาร์ตด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอ็นดู ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งๆที่เจอกันครั้งแรก เธอถึงได้รู้สึกถูกชะตาพ่อรูปหล่อที่เป็นเพื่อนคุณหนูคนนี้นัก



            อาร์ตที่เกิดมาพึ่งเคยเจอคนแสดงความนอบน้อมในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกใส่ ก็เกิดอาการกระอักกระอ่วนในใจแปลกๆเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยไปให้




            “เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับ” อาร์ตปฎิเสธออกไปด้วยความเกรงใจ เกิดมาโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงเวลาหิวก็หากินเองตลอด ไม่เคยมีหรอกคนจะมาถามแล้วหาข้าวให้กินแบบนี้ เห็นแบบนี้ยิ่งเห็นความต่างในชีวิตตัวเองกับว่าที่เมียชัดเจน น้องพีทของเขานี่ลูกคุณหนูตัวจริงเสียงจริงแบบไม่ต้องแอ๊บแน่นอน



            “งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ” หัวหน้าแม่บ้านส่งยิ้มให้อาร์ตเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน เพื่อจะไปจัดการงานบ้านที่ยังทำค้างเอาไว้



            “เอ่อ...ป้าครับ” อาร์ตส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็หันกลับมาส่งยิ้มเป็นคำถาม



            “ป้าพอจะบอกได้ไหมครับว่าร้านขายยาอยู่ตรงไหน” อาร์ตเอ่ยถามในสิ่งที่ต้องการออกไป เพราะมันคงจะดีกว่ามานั่งเดาสุ่มงมโข่งหาเองให้เสียเวลา



            “ปากซอยทางเข้าหมู่บ้านค่ะ...ว่าแต่คุณไม่สบายเหรอคะ” หัวหน้าแม่บ้านถามด้วยความเป็นห่วง




            “ไม่ใช่ผมหรอกครับ...แต่เป็นน้องพีท”




            “ตายแล้ว...ไปหาหมอดีกว่าไหมคะ” อีกฝ่ายถามอาร์ตด้วยสีหน้าท่าทางตกใจและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด



            “เอ่อ...ไม่ต้องหรอกครับแค่หวัดธรรมดา” อาร์ตตอบกลับไม่เต็มเสียงและหลบตาคนสูงวัยกว่าอย่างคนมีความผิด ขืนหิ้วกันไปโรง’บาลมีหวังรู้หมดว่าป่วยเพราะอะไร แล้วเขาคงไม่แคล้วเข้าตะรางข้อหาพรากผู้เยาว์ ว่าที่เมียจะกำพร้าผัวเอาได้เลยนะ...ไม่ดีๆ



            “แน่ใจนะคะ คุณหนูเธอยิ่งเป็นเด็กป่วยง่ายๆอยู่” อีกฝ่ายยังคงถามด้วยใบหน้ากังวล



            “แน่ใจครับ ผมคิดว่าเช็ดตัวกินยานอนพักผ่อนคงดีขึ้น” อาร์ตยืนยันเสียงแข็ง



            “ถ้าคุณยืนยันแบบนั้นป้าก็โล่งอกค่ะ ยังไงให้ป้าดูคุณหนูเองก็ได้นะคะเกรงใจคุณ”




            “ไม่เป็นไรครับไม่รบกวนเลยผมเต็มใจ แต่ฝากป้าทำอะไรอ่อนๆไว้ให้คนป่วยกินหน่อยได้ไหมครับ”



            “ได้ค่ะ ยังไงถ้าคุณจะออกไป เอารถมอเตอร์ไซค์ของหลานชายป้าขับไปก็ได้นะคะ”



            “ขอบคุณนะครับ” อาร์ตยกมือไหว้นอมน้อมเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนสูงวัยได้ไม่ยาก



            “ขับรถระวังๆนะคะ งั้นป้าขอตัวไปทำข้าวต้มเสร็จแล้วจะให้เด็กยกขึ้นไปให้ข้างบนนะคะ”




            “ขอบคุณนะครับ” อาร์ตยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับมองตามอีกฝ่ายที่เดินจากไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วรีบออกไปซื้อยาทันที



            ...

            ...



            แกร๊ก!!



            อาร์ตเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งหลังจากหายไปซื้อยาพักใหญ่ และก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจไม่น้อยที่เห็นคนป่วยลุกขึ้นมานั่ง และมองมาที่เขาเขม็งใบหน้าหวานงอง้ำแสดงความไม่พอใจออกมา



            “ไปไหนมา” พีทถามด้วยเสียงค่อนข้างแหบพร่าแต่แฝงความไม่พอใจ เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะป้าอุ่นเอาข้าวมาให้ พอมองไปรอบๆแล้วไม่เห็นใครอีกคนอยู่ในห้อง เลยรู้สึกหงุดหงิดโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



            “ซื้อยา” อาร์ตยกถุงยาในมือขึ้นแล้วแกว่งไปมา พีทมองตามแล้วพยักหน้ารับรู้แต่ไม่พูดอะไร ก่อนจะนอนลงไปตามเดิมพร้อมทั้งหันหน้าหนีไปอีกทาง



            อาร์ตมองท่าทางแบบนั้นด้วยความงงก่อนจะยิ้มออกมาและส่ายหัวเบาๆ เดินเอายามาวางไว้บนหัวเตียงพร้อมทั้งเอามือมาอังหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้ ก่อนจะแกะเอาเจลลดไข้ไปแปะไว้บนหัวคนตัวเล็ก



            “ทำอะไร” พีทเค้นเสียงถามด้วยความตกใจเพราะจู่ๆอีกฝ่ายก็จับขาเขาอ้าออกกว้าง แถมยังถอดกางเกงออกอีกจะดิ้นจะขัดขืนก็ไม่มีแรง หวังว่าไอ้พี่อาร์ตมันคงไม่อุตริทำอะไรบ้าๆนะ



            “ไม่ทำอะไรน่าจะทายาให้” อาร์ตแกว่งหลอดยาในมือให้พีทดู ก่อนจะเปิดฝาบีบยาออกมาแล้วป้ายลงไปที่ด้านหลัง



            “อะ...อื้อ” พีทครางออกมาแผ่วเบาด้วยความเจ็บปนแสบ สัมผัสได้ถึงความเย็นของตัวยาและนิ้วมือที่บรรจงทาให้



            “อ่ะ...เสร็จแล้ว” อาร์ตส่งยิ้มและส่งสายตาวิบวับไปให้พีท จนเจ้าตัวต้องหลบสายตาด้วยความเขิน ใจอยากจะอ้าปากด่าแบบที่ชอบทำ แต่ตอนนี้นอนเฉยๆยังเหนื่อยเลย




            จุ๊บบบบบ



          อาร์ตยืดตัวขึ้นไปจูบปากพีทด้วยความหมันเขี้ยว และสิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาเอาเรื่องของอีกฝ่าย ที่จ้องมองมาแบบกินเลือดกินเนื้อตาแทบจะถลนออกจากเบ้า อาร์ตเลยก้มลงไปหอมแก้มซ้ำอีกครั้งเป็นของแถม



            “ฮ่าๆๆๆ” อาร์ตหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเดินเลี่ยงไปล้างมือในห้องน้ำ ทิ้งให้พีทนอนฮึดฮัดใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอยู่คนเดียว



            อาร์ตกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับมองชามข้าวต้มบนโต๊ะสลับกับใบหน้าของพีทไปมา ก่อนจะเดินไปถือขึ้นมาไว้ในมือแล้วเดินไปนั่งลงข้างเตียง



            “พีท...ทำไมไม่กินข้าวล่ะเย็นหมดแล้วนะ” อาร์ตยกมือลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ซึ่งเจ้าตัวไม่ตอบอะไรนอกจากนอนหันหลังให้ เป็นอาการที่แสดงออกให้รู้ว่ากำลังงอนเขาอีกแน่นอน



            “พีท” ส่งเสียงเรียกอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ยังทำเฉย



            "พีทครับอย่าดื้อ...ลุกมากินข้าวกินยาเร็ว" อาร์ตยังคงไม่ละความพยายามส่งเสียงเรียกต่อไป



            "..........." พีททำเป็นหูทวนลมไม่สนใจต่อไป เรียกได้เรียกไปสิไม่สนใจซะอย่างจะทำอะไรเขาได้



            "เราไม่สบายอยู่นะอย่าดื้อลุกเร็ว" อาร์ตบอกอย่างอ่อนใจอะไรมันจะช่างต่อต้านและขยันดื้อกับเขาได้ขนาดนั้น นี่ทั้งๆที่ไม่สบายอยู่นะยังจะซ่าอีก



            "ก็ที่เป็นแบบนี้มันเพราะใครล่ะ" พีทเถียงออกมาเสียงเบาแต่อาร์ตก็ได้ยิน แถมยังจับน้ำเสียงได้ด้วยว่ากำลังไม่พอใจสุดๆ



            "เพราะพีทเลย...ใครใช้ให้น่ารัก น่าฟัด น่าเอ..." อาร์ตโยนความผิดให้พีททันทีแบบไม่คิดเยอะ



            "พอๆๆเลยแม่ง!!" พีทที่โดนกวนประสาทเค้นเสียงโวยวายออกมา



            "นี่พี่จริงจังนะ" อาร์ตทำเสียงขึงขังเพื่อยืนยันขำพูดของตัวเอง



            "ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!!" พีทหันกลับมาตวาดใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขิน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีนอนหันหลังให้แบบเดิม



            "อ้าว...งอนอีกละ อย่างอนพี่เลยนะครับคนดี พี่ขอโทษดีกันนะ" อาร์ตส่งเสียงอ้อนพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยแล้วแกว่งไปมา



            "........." พีทที่เห็นอารืตทำแบบนั้นก็นอนอมยิ้มชอบใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ



            "ไม่หายงอนจับจูบนะ" อาร์ตลองเปลี่ยนมาขู่บ้างแต่พีทก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม



            ".........."



            "ไม่มองหน้าก็จับจูบ" อาร์ตยังคงขู่ต่อไปแต่ก็เหมือนเดิมพีทยังคงเงียบ



            "............"



            "ไม่พูดด้วยพี่ก็จับจูบ" อาร์ตลองขู่ไปอีกครั้งและรอบนี้ก็ได้ผล เพราะพีทยอมพลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาสักที



            "นี่จะจูบให้ได้เลยใช่ไหม คิดอย่างอื่นบ้างป่ะถามจริง" พีทถามอาร์ตด้วยใบหน้าบึ้งตึง มองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มทะเล้นของอารืตด้วยความหมั่นไส้



            "คิดดิ....แต่มันต้องรอให้เด็กดื้อหายป่วยก่อน...เนาะ" อาร์ตอมยิ้มกวนแล้วตอบแบบสองงาสองง่าม



            "ไอ้เหี้ย..." พีทหน้าแดงขึ้นอีกครั้งทันทีกับคำตอบของอาร์ต พร้อมกับอ้าปากเรียกขานสรรพนามที่สองของอาร์ตไปด้วย



            "ต่อไปนี้เหี้ยคำนึงต่อหนึ่งยกนะ" อาร์ตหรี่ตามองแล้วขู่ออกไปถึงจะไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ให้เมียมาเรียกเหี้ยเช้าเหี้ยเย็นแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน สู้ครางเสียงหวานๆเรียกพี่อาร์ตจะดีกว่า



            "อะ อะ ไอ้เหี้ย" พีทมองอาร์ตตาโตและด่าออกไปด้วยความชิน



            "นั่นไงบวกหนึ่ง" อาร์ตยักคิ้วกวนประสาทส่งให้ มาลองดูกันเขายังไงก็ได้ให้เรียกเหี้ยทั้งชีวิตยังได้ แต่ก็เป็นไปตามเงื่อนไขแล้วกันนะ

            "ไอ้เหี...ฮึ่ย...แม่ง!!" พีทที่อ้าปากจะด่าอีกครั้งยอมหยุดลง แล้วฮึดฮัดออกมาอย่างหงุดหงิด



            "หึ หึ กินข้าวกินยาเร็วรีบๆหาย พี่จะได้ทำในสิ่งที่คิด" อาร์ตขำออกมาในลำคออย่างพอใจแต่ก็ไม่วายแหย่พีททิ้งท้าย ก่อนจะพยุงเจ้าตัวให้ลุกขึ้นนั่งแล้วลงมือป้อนข้าวและส่งยาให้กินเป็นการปิดท้าย



            Tru…Tru…Tru…



          เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำให้ทั้งพีทและอาร์ตหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนจะเป็นอาร์ตที่เดินไปรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นของตัวเอง



            “ครับพี่” อาร์ตส่งเสียงทักทายปลายสายเมื่อรู้ว่าใครโทรมา



            “(เอออาร์ตวันนี้มึงเข้าร้านเร็วหน่อยได้ไหมวะ)”



            “ได้พี่...แล้วจะให้เข้ากี่โมง” อาร์ตตอบตกลงทันทีพร้อมกับเดินเอาชามข้าวไปวางที่โต๊ะมุมห้อง



            “(หกโมงได้ไหมวะ)”



            “หกโมง...ดะ...” อารืตที่กำลังจะตอบตกลงอีกครั้งหันไปสบตากับพีทที่มองมาพอดี เล่นเอาชะงักคำพูดของตัวเองแทบไม่ทัน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวไหมว่ามองเขาด้วยสายตาแบบไหน แต่เขานี่ใจสั่นไปหมดกับไอ้สายตาอ้อนและท่าทางหงอยๆของเจ้าตัว



            “(อาร์ต...ไอ้อาร์ต)”



            “โทษทีว่ะพี่...วันนี้ผมขอหยุดงานได้ป่ะวะ” อาร์ตตัดสินใจเปลี่ยนเป็นหยุดงานแทนเพราะนอกจากโดนอ้อนทางสายตาแล้ว ในใจเขาก็ไม่อยากทิ้งคนตัวเล็กไว้ทั้งๆที่ยังป่วยเหมือนกัน



            พีทที่ได้ยินแบบนั้นแววตาที่กำลังเศร้าก็เปลี่ยนมาเป็นประกายทันที พร้อมทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ



            “(อ้าว ไม่ว่างเหรอวะมีอะไรรึเปล่า)”



            “เปล่าพี่...พอดีต้องเฝ้าเด็กป่วยว่ะ เห็นหน้าหงอยแล้วไม่อยากทิ้ง”



            “(ห๊ะ...นี่มึงไปติดเด็กที่ไหนวะ)”



            “เอาน่า...เจอหน้าเดี๋ยวเล่าให้ฟังแค่นี้นะพี่” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วรีบวางสายไป หันมาสบตากับคนบนเตียงที่นอนยิ้มพอใจ เห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความขำปนเอ็นดู ก่อนจะถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ของพีทที่ไปค้นมาใส่เมื่อเช้าออก แล้วเดินกลับไปหาพร้อมทั้งล้มตัวนอนข้างๆและดึงอีกฝ่ายมากอด



            "มองไม" พีทถามอีกฝ่ายอย่างหาเรื่องกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง



            "มองเมีย" อาร์ตตอบหน้าตายพร้อมทั้งยักคิ้วให้



            "ใครเมีย...ไม่มีเหอะ" พีทอ้อมแอ้มปฏิเสธเสียงเบา พร้อมกับก้มหน้างุดหลบสายตาวิบวับของอีกฝ่าย



            "อ้าว...งั้น...พี่มองหน้าแฟนก็ได้" อาร์ตทำตีมึนเล่นตามน้ำไป



            "ตลก...โสดเว้ย!! ไม่มีแฟน" พีทโวยวายออกมาอย่างไม่ยอมรับ



            "เฮ้ย!! อย่าบอกนะแค่กิ๊กกันน่ะ" อาร์ตก้มลงมองพีทตาโต



            "เออ!! หน้าแบบนี้ให้เป็นกิ๊กก็ดีละ" พีทยักคิ้วส่งคืนให้บ้างแล้วเอามือไปบิดจมูกอาร์ตแรงๆ



            "โหยยย ใจร้ายว่ะได้เราแล้วก็ทิ้งๆขว้างๆ แถมยังให้เป็นแค่กิ๊ก" อาร์ตแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่พีท พร้อมทั้งตีหน้าเศร้าที่เด็กอนุบาลเห็นก็รู้ว่าแกล้งทำ



            "ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!! ใครได้ใครกันแน่วะ พูดดีๆนะ แม่ง!!!" พีทโวยวายลั่นด้วยความโมโหปนเขินอาย พูดออกมาได้หน้าด้านๆคนที่เสียมันเขาต่างหากล่ะ



            "ฮ่าๆ จริงๆให้พี่อยู่ตำแหน่งไหนก็ได้นะ เป็นอะไรก็ได้" อาร์ตหัวเราะชอบใจและสบตาพีทด้วยแววตาจริงจังแต่อ่อนโยน



            "แต่ตรงนี้เป็นของพี่" อาร์ตพูดพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าผาก



            "ตรงนี้ก็ของพี่" แล้วก็ย้ายมาจูบลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง



            "ตรงนี้ก็เป็นของพี่" เลื่อนมาจูบลงบนแก้มใส



            “ทั้งหมดนี้เป็นของพี่” ไล่จูบที่ริมฝีปาก ปลายจมูก ซอกคอขาว และหลังมือเล็กเป็นที่สุดท้าย



            "เป็นของพี่แล้วนะ...อะไรที่เราผ่านมาพี่จะไม่ถาม แต่ต่อไปนี้อย่าให้ใครแตะเราง่ายๆอีกนะครับ...พี่หวง" อาร์ตว่าพร้อมรอยยิ้มละมุน อบอุ่นและอ่อนโยน



            โดยที่พีทได้แต่ตาพร่าเขินอายไปกับสิ่งเหล่านั้น สายตามองไปยังใบหน้าหล่อเหลาอย่างสับสน พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นดังยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยเต้นมา

 

2 Be Con...

+++++++++++++

คุยกันซักนิดนะยูว์

ไม่มีอะไรนอกจากจะบอกว่า

อิจอีนู๋พีท เกลียดนางแรง บอกเลย

ตั้งใจว่าหลังเรียบจบจะให้ไอ้พี่อาร์ต

ไปเป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลกับโรงงานน้ำมัน

ขยันหวาน ขยันเลี่ยนเหลือเกินพอคุณ

รักคนอ่านคับ ^^

ปล.ที่ช้าเพราะยุ่งเรื่องงาน มันใกล้วันหยุดยาว ขออภัย
[/color]
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13 (11/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-04-2016 18:07:00
อ่านจบต้องกรีดร้องเรียกหาพี่อาร์ตตตตตตตตต
ดีงามม
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13 (11/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-04-2016 21:17:47
แวะมาปาดก่อนค่าา อ้ายย คู่นี้ ดีใจจังได้อ่านแล้ว
จะติดตามนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13 (11/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-04-2016 22:53:10
พีทขี้ดื้ออออ ฮืออ แต่เด็กดื้อก็น่ารักกก
ว่าแต่พี่หมออะไรนั่นคือไรอะ
เคยรักกันมาก่อนหรอ ยังไงอะ คึคึ
รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13 (11/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 12-04-2016 02:17:57
โอ๊ยๆๆๆรถน้ำตาลก็มา
อิจน้องพีทจริงจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 13 (11/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 13-04-2016 10:38:34
รู้สึกว่าพี่อาร์ตน่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 20-04-2016 12:38:58
กัดครั้งที่
- 14 -



   สรุปแล้วตลอดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาอาร์ตก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากนอนเฝ้าคนป่วย เพราะแค่ตั้งท่าจะออกไปทำงานไอ้หน้าขาวๆค่อนไปทางซีดเซียวของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเป็นงอล้ำบึ่้งตึงทันที เขาเลยต้องล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองแล้วมาเฝ้าเจ้าตัวต่อเงียบๆ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกคุณเมียหมาดๆเหลือเกินว่าถ้าพี่ไม่ไปทำงาน เราจะอดตายกันทั้งคู่ในอนาคตนะที่รัก…

   ระหว่างที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพื่อดูแลคนป่วยตลอดระยะเวลาสองวัน เขาไม่เคยได้เจอหน้าคนในบ้านคนอื่นเลยนอกจากป้าอิ่มกับไอ้เด็กดื้อ มารู้เอาทีหลังจากคำบอกเล่าของป้าอิ่มว่าบ้านนี้มีสมาชิกอาศัยอยู่ในบ้านทั้งหมดสามคน ประกอบไปด้วยเจ้าสัวพิชิตพอของพีท ตัวพีทเองและลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงอีกหนึ่งคน ส่วนแม่ของพีทเสียไปตั้งแต่เจ้าตัวยังแบเบาะ

   และก็เป็นปกติอยู่แล้วที่จะไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากพีท เพราะหัวหน้าครอบครัวอย่างเจ้าสัวพิชิตต้องเดินทางไปคุยธุรกิจที่ต่างประเทศเป็นประจำ ส่วนอีกคนที่เป็นสมาชิกของบ้านก็นานๆถึงจะกลับมาสักครั้ง เพราะมีที่พักอยู่ใกล้มหา’ลัยเรียนคณะบริหารปีสามที่เดียวกับเขา และชื่อไมล์….มันดูคุ้นจนเขาหวั่นใจ

   พอได้ฟังสิ่งที่ป้าอิ่มเล่มออกมายิ่งทำให้เขาหนักใจ เพราะเด็กดื้อของเขาไม่ใช่แค่ลูกคุณหนูทั่วๆไปแต่ไฮโซเอาเรื่อง ความรวยนี่น่าจะพอๆกับไอ้ปิงเพื่อนเขาเลยคิดไปแล้วก็กลุ้ม ทำไมคบใครที่ไรจะต้องเจอแต่คนรวยกว่าทุกที เกาะเมียกินซะดีไหมวะถ้าดวงจะมันจะมุ่งมาทางนี้
 
   “ก็ว่าไปนั่น” อาร์ตหัวเราะออกมาเบาๆให้กับความคิดตัวเอง คนอย่างไอ้อาร์ตให้ตายก็ไม่เกาะใครกินเด็ดขาด (ยกเว้นบังคับเพื่อนเลี้ยงเหล้านะ) แต่ก็ถือว่าเขาโคตรโชคดีที่ไม่เจอพ่อของพีท ยังไม่พร้อมจะเจอตอนนี้เพราะยังไม่มีเงินจ่ายค่าสินสอด

   “อ้าว!! คุณอาร์ตตื่นแต่เช้าเลยนะคะ ป้ายังไม่ทันได้ตั้งโต๊ะเลย” เสียงป้าอุ่นแม่บ้านร่างท้วมผู้แสนใจดีเอ่ยทักอาร์ตด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่กลางโถงบ้านในเวลาเช้าตรู่

   “อรุณสวัสดิ์ครับป้าอุ่น” อาร์ตหัดไปยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า แล้วตรงเข้าไปช่วยถือของที่อีกฝ่ายหอบพะรุงพะรังเต็มสองมือ

   “ขอบคุณนะคะคุณอาร์ต” ป้าอุ่นพูดพร้อมรอยยิ้มละไมรวมทั้งส่งสายตาเอ็นดูให้อาร์ต ก่อนจะเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปทางห้องครัว
   “ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ” อาร์ตถามทันทีหลังจากวางของในมือทั้งหมดลงบนโต๊ะ

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ช่วยป้าหิ้วของช่วยก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว คุณไปนั่งรอข้างนอกเถอะคะป้าทำแป๊บเดียว” ป้าอุ่นพูดออกมาด้วยความเกรงใจ เพราะจะให้เพื่อนคุณหนูมาช่วยงานคงไม่เหมาะ แค่ช่วยดูแลคุณหนูให้ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว ปกติก็จะมีลูกมือตลอดแต่เผอิญว่าเด็กสองคนนั้นลากลับต่างจังหวัดพร้อมกัน เลยทำให้คนแก่ๆอย่างเธอทำเองคนเดียวทุกอย่าง

   “ไม่เป็นไรหรอกครับผมอยากช่วย” อาร์ตขันอาสาอย่างแข็งขันทำเอาป้าอุ่นยิ้มปลื้มอย่างชอบใจ

   “จะดีเหรอคะคุณ” ป้าอุ่นถามอีกครั้งลังเลใจไม่น้อยที่จะให้เพื่อนเจ้านายช่วย

   “ดีครับ...ดีมากด้วยเชื่อผม” อาร์ตพยักหน้าหงึกหงักยืนยันเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเกรงใจอะไรเขามากมาย คนที่ควรเกรงใจมันน่าจะเป็นเขามากกว่า

   “ก็ได้ค่ะ...ว่าแต่คุณอาร์ตทำอะไรเป็นบ้างคะ เคยเข้าครัวรึเปล่า” ป้าอุ่นยอมตามใจอาร์ตและมองเจ้าตัวด้วยความเอ็นดู ในบรรดาเพื่อคุณหนูหลายๆคนถ้าไม่นับพวกคุณเลิฟ ก็ไม่เห็นจะมีใครนิสัยน่ารักแบบคุณอาร์ตเลยสักคน

   “โหยยย ป้าอุ่นไม่รู้อะไรซะแล้วครับผมเนี่ยอาร์ตเชฟกระทะเหล็ก” อาร์ตยักคิ้วส่งให้ป้าอุ่นอย่างทะเล้นพร้อมกับคว้าเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมลงบนตัวอย่างทะมัดทะแมง

   “ฮ่าๆๆ งั้นป้าจะรอดูฝีมือเชฟนะคะ” ป้าอุ่นหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหาร พร้อมกับคอยบอกให้ลูกมือหมาดๆทำตามคำสั่ง พร้อมกับยอมรับในใจว่าอาร์ตไม่ได้มีดีแค่โม้จริงๆ

   ...
   ...

   พีทเดินลงมาชั้นล่างของบ้านในสภาพแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย ตาก็มองไปทั่วบ้านเพื่อมองหาใครบางคนที่อยู่กับเขาตลอดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเช้าเขาตื่นขึ้นมาเพราะนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงดังลั่น ซึ่งเขาเป็นคนไม่เคยตั้งนาฬิกาปลุกเลยสักครั้งในชีวิตเพราะไม่ชอบเสียงของมัน และก็ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเท่าไหร่ที่ต้องใช้เพราะป้าอุ่นจะเดินมาปลุกประจำอยู่แล้ว

   แต่เช้านี้เป็นเช้าที่แปลกออกไปทุกครั้งเพราะนอกจากป้าอุ่นจะไม่มาปลุก ยังมีเสียงนาฬิกาที่เขาสุดแสนเกลียดดังทะลุโสตประสาทอีก และอีกคนที่อยู่กับเขาก็ไม่รู้หายหัวไปไหนถ้าเดาไม่ผิดเรื่องนาฬิกาก็ฝีมือเจ้าตัวแน่ๆ

   กวาดสายตามองจนทั่วในที่สุดก็เจอคนที่มองหาซึ่งกำลังเดินออกมาจากทางห้องครัว ด้วยความใจร้อนพีทเลยรีบสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายตั้งใจจะด่าให้หูชา ข้อหาที่กวนประสาทและทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ยังไม่ทันถึงตัวอาร์ตก็หันมาสบตากับเข้ากับเขาซะก่อน

   พีทถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายเต็มตาเพราะมันดูไม่จืดเอาซะเลย ผมด้านหน้าถูกมัดเป็นจุกทรงน้ำพุใบหน้ามันเยิ้ม และที่สำคัญเจ้าตัวกำลังสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววมีระบายลูกไม้ด้านข้าง นี่ไอ้พี่อาร์ตมันนึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาเนี่ย

   “อ้าว...น้องพีทตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะยังไม่ตื่นพี่กำลังจะไปปลุก” อาร์ตส่งยิ้มหวานไปให้พร้อมกับถอนผ้ากันเปื้อนออก

   “อือ...นี่พี่มึงทำอะไร” พีทพยักหน้าให้พร้อมกับไล่สายตามองสำรวจไปทั่วตัวอาร์ต

   “อ้อ...นี่นะเหรอ ฮะๆไม่บอกเดี๋ยวไม่เซอร์ไพรซ์” อาร์ตว่าพร้อมกับยิ้มแบบมีเลสนัย

   “เออๆจะทำไรก็เรื่องของพี่เหอะ แต่ไปอาบน้ำก่อนดีไหมวะ” พีทมองอาร์ตแล้วทำหน้าแหยใส่

   “โอเค รับคำสังครับที่รัก” อาร์ตยิ้มทะเล้นใส่พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มขาวของพีท

   ฟอดดดดด

   “อ่ะ...เหี้ย!!” พีทยกมือขึ้นจับที่แก้มตัวเองแล้วมองอาร์ตตาโตด้วยความตกใจ

   “เหี้ยอีกแล้วบวกกับของเก่านี่เป็นสิบแล้วนะน้องพีท” อาร์ตทำเสียงดุแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ใส่พีท

   “อะไรเล่า!! ก็ใครใช้ให้ทำอะไรบ้าๆแบบนี้วะ” พีทถลึงตาใส่และเถียงกลับไม่ยอมแพ้ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะเขินจัด ตาล่อกแล่กมองไปทั่วบริเวณนั้นเพราะกลัวใครมาเห็นเข้า

   “ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่า” อาร์ตว่าอย่างไม่ใส่ใจและโน้มตัวหอมแก้มพีทอีกข้าง

   ฟอดดดดด

   “อ่ะ...ไอ้เหี้...” พีทยกมือขึ้นฟาดลงไปบนตัวอาร์ตเต็มแรงพร้อมกับเอ่ยปากด่า แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดีก็โดนอีกฝ่ายยกมือขึ้นห้ามไว้

   “อย่านะน้องพีทติดเป็นนิสัยแล้วนะเรา เดี๋ยวไอ้สิบกว่ายกที่นับได้พี่ทำจริงๆนะ” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ได้ดุอะไร แต่กลับทำให้พีทยอมเงียบและฟังรวมทั้งไม่กล้าเถียงออกไป

   “เออ!! ขู่เข้าไปดิ ไปอาบน้ำเลย” พีทยังคงเถียงออกไปด้วยนิสัยไม่ยอมคนแต่แต่ก็แผ่วเบาเพราะความเกรงอีกฝ่าย ก่อนจะยกมือดันหลังอาร์ตให้กลับขึ้นไปบนห้องนอน ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะในห้องอาหารเพื่อรอทานข้าว

   ...
   ...

   อาร์ตกลับลงมาอีกครั้งในชุดนักศึกษาเรียบร้อย ชุดเก่าที่ใส่มาตั้งแต่คืนวันศุกร์นั่นแหละได้ป้าอุ่นเอาไปซักให้ ตอนป้าแกเห็นเลือดที่เปื้อนเสื้อตกอกตกใจกันน่าดูเขาต้องอธิบายซะยืดยาว

   เดินเข้ามาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นว่าพีทนั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับป้าอุ่นที่ค่อยทยอยจัดโต๊ะ อาร์ตเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างพีทแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ทำเอาเจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย

   “อะไร” พีทเอ่ยปากถามออกไปอย่างอดไม่ได้เพราะอาร์ตเล่นจ้องเขม็งแต่ไม่พูดอะไร

   “ทำไมน้องพีทไม่ช่วยป้าอุ่นล่ะ เห็นไหมว่าป้าทำคนเดียว” อาร์ตบอกเสียงเรียบแต่เหมือนจะดุพีทกลายๆ

   “ทำไมต้องทำหน้าที่ป้าอุ่น” พีทเถียงออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็ไม่เคยทำมันไม่ใช่หน้าที่สักหน่อย แล้วทำไมเขาจะต้องทำด้วย

   “น้ำใจไงครับน้องพีทป้าอุ่นทำคนเดียวพีทไม่รู้สึกอะไรเหรอ” อาร์ตสอนพร้อมรอยยิ้มแต่ทำเอาพีทหน้าบึ้งเพราะคิดว่าโดนดุ

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอาร์ตคุณหนูเธอไม่เคยทำ” ป้าอุ่นรีบเอ่ยปากห้ามทัพเพราะกลัวจะทะเลาะกันใหญ่โต แต่ทำเอาพีทหน้าบึ้งกว่าเดิมเพราะคิดว่าป้าอุ่นเข้าข้างอาร์ต

   “สบายจนเคยตัวน่ะสิครับ” อาร์ตส่ายหัวเบาๆและเดินไปช่วยป้าอุ่นจัดโต๊ะ ทิ้งให้พีทนั่งเกาะอกหน้าหงิกมองตามด้วยความไม่พอใจ

   “ขอบคุณนะคะคุณอาร์ตช่วยป้าตลอดเลย นี่ถ้าคุณหนูเป็นผู้หญิงป้าจะยุให้คุณจีบ คุณผู้ชายจะได้มีลูกเขยดีๆแบบคุณ” ป้าอุ่นพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมือก็ง่วนอยู่กับการตั้งสำรับอาหาร

   “หึ หึ ครับ” อาร์ตกลั้วหัวเราะในลำคออย่างชอบใจพร้อมกับหันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พีท ในใจอยากจะบอกป้าอุ่นใจจะขาดว่าต่อให้คุณหนูป้าเป็นผู้ชาย เขาก็พร้อมเป็นเขยบ้านนี้อย่างเต็มใจ

   “ไอ้บ้า” พีทขมุบขมิบปากด่าออกมาพร้อมกับก้มหน้างุดมองตักตัวเองด้วยความเขิน ใบหน้าขาวแดงก่ำลามไปทั่วจนถึงลำคอ

   “งั้นป้าไปแล้วนะคะ” ป้าอุ่นยิ้มละไมพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ทิ้งให้อาร์ตกับพีทอยู่กันสองคนท่ามกลางลูกระเบิดที่เจ้าตัวทิ้งไว้อย่างไม่ตั้งใจ

   “พ่อดุไหม” อาร์ตถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้พีทที่นั่งเขินอยู่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความไม่เข้าใจ

   “พี่จะได้ตั้งรับถูกว่าควรเข้าหาแบบไหน” คำพูดต่อมาของอาร์ตยิ่งทำให้พีทขมวดคิ้วพันกันยุ่ง

   “ป้าอุ่นชอบแบบพี่แล้วพีทว่าพี่จะผ่านด่านพ่อพีทไหมในฐานะลูกเขย” อาร์ตจ้องหน้าพีทตรงๆด้วยสายตาวิบวับพร้อมกับเน้นหนักคำพูดสุดท้ายของตัวเอง

   “อะ...อะ...ไอ้...กินข้าวไปเลยไป!!” พีทโวยวายออกมาตะกุกตะกักแล้วหันไปตักข้าวเข้าปากแก้เขิน ส่วนอารืตที่เห็นท่าทางน่ารักๆของเจ้าตัวก็หัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ

   “อ่ะ...อันนี้พี่ทำเอง” อาร์ตตักกับข้าวใส่ในจานให้พีทซึ่งพีทก็เหลือบตามองนิดอย่างไม่เชื่อ แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เจออีกฝ่ายในสภาพสวมผ้ากันเปื้อนก็น่าจะมีความเป็นไปได้

   “ก็งั้นๆกินเพราะไม่อยากให้เสียน้ำใจหรอก” พีทแกล้งทำเป็นว่าไม่อร่อยทั้งที่อาหารฝีมืออีกฝ่ายรสชาติถูกปากไม่น้อย

   “แค่งั้นๆก็ดีใจแล้ว” อาร์ตว่ายิ้มๆพร้อมกับตักอย่างอื่นใส่จานพีทเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงพูดคุยที่ดังออกมาเป็นระยะไม่ขาดสายระหว่างคนทั้งคู่

   ...
   ...

   “นี่จะไปเรียนกันเลยใช้ไหมคะคุณทั้งสอง” ป้าอุ่นที่เดินออกมาส่งหน้าบ้านเอ่ยปากถาม พร้อมกับเรียกคนขับรถมาให้เพื่อจะได้ไปส่งทั้งคู่ที่มหา’ลัย

   “ใช่ครับป้า” พีทพยักหน้าน้อยๆก่อนจะก้าวขาขึ้นรถที่ขับมาจอดเทียบพอดี

   “ผมลานะครับป้า” อาร์ตยกมือไหว้คนสูงวัยอย่างนอบน้อม ซึ่งป้าอุ่นก็รับไหว้อย่างเอ็นดู

   “ไหว้พระค่ะคุณไว้วันหลังมาเที่ยวอีกนะคะ”

   “จะชวนทำไมป้าเกะกะ” พีทอดที่จะว่าขึ้นมาบ้างไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้ เจอหน้ากันแค่สองวันทำเหมือนสนิทกันมาเป็นปี

   “คุณหนู” ป้าอุ่นดุพีทออกไปเบาๆจนเจ้าตัวหน้างอไม่พอใจแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

   “เด็กขี้หวงน่ะครับป้า” อาร์ตเอ่ยเย้าพีทด้วยความเอ็นดูแต่โดนพีทตวัดหน้ากลับมาถลึงตาใส่

   “ไม่โตสีกทีค่ะ” ป้าอุ่นส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจแต่ทำเอาพีทหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า

   “ไปกันเถอะค่ะคุณเดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

   “ครับป้า ผมลาอีกครั้งนะครับ” อาร์ตว่าแล้วเดินไปที่รถกำลังจะก้าวขาขึ้นไปนั่งแต่พีทยื่นมือมาขวางไว้

   “ใครจะให้ไปด้วย” พีทถามด้วยความกวนส่วนอาร์ตก็หรี่ตามองอีกฝ่าย

   “ไม่ให้ไป” อาร์ตลองถามเพื่อความแน่ใจ

   “ใช่” พีทพยักหน้ารับพร้อมกับยักคิ้วส่งให้แบบเหนือกว่า

   “โอเค...งั้นก็อย่าเถลไถลนะ” อาร์ตไม่ต่อความอะไรกับพีทถอยห่างจากรถ ก่อนจะเดินออกไปทางหน้าบ้านทิ้งให้พีทมองตามด้วยความตกใจ

   พีทนั่งหน้าเสียมองตามอาร์ตอยู่ในรถอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขาแค่จะกวนอีกฝ่ายเล่นเพราะหมั่นไส้ไม่ได้ตั้งใจจะให้ไปเองแบบนั้นซะหน่อย ไอ้พี่อาร์ตไอ้นิสัยไม่ดี

   “ตามไปง้อสิคะคุณหนู” ป้าอุ่นเอ่ยปากบอกเพราะเห็นพีทเอาแต่นั่งเงียบ

   “ง้อทำไม” พีทว่าแล้วแกล้งทำไม่สนใจ

   “ผิดก็แค่ขอโทษนะคะ”

   พีทนิ่งคิดกับคำพูดของป้าอุ่นกำมือทั้งสองข้างแน่น ตัดสินใจคว้าเอากระเป๋าตัวเองขึ้นมาแล้วเดินลงจากรถ ก่อนจะวิ่งตามร่างสูงที่เห็นอยู่ลิบๆไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้ป้าอุ่นมองตามหลังด้วยความเอ็นดู

   ...
   ...

   “พี่อาร์ต!! พี่อาร์ต!! ไอ้พี่อาร์ต!!” พีทตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่เดินเรื่อยๆไม่สนใจตัวเองสุดเสียง

   อาร์ตที่ได้ยินเสียงเรียกก็หยุดชะงักก่อนจะหันหลังกลับไปมอง แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหน้าคนที่ตัวเองพึ่งจากมาไม่ถึงสิบนาที สบสายตาเหวี่ยงๆที่มองกลับมาของเจ้าตัวเล็กน้อย

   “หยุดอยู่ตรงนั้นห้ามขยับ” พีทสั่งเสียงเขียวก่อนจะเดินเข้าไปหาอาร์ตด้วยใบหน้าบึ้งตึง

   “ทำไมมาอยู่นี่” อาร์ตเอ่ยปากถามพร้อมกับมองสภาพกระหืดกระหอบของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

   “ก็ใครใช้ให้เดินหนีมาล่ะ” พีทว่าเหวี่ยงๆ

   “พีทไล่พี่เองนะ” อาร์ตบอกกลับเสียงเรียบ   

   “ไม่ได้ไล่!!”

   “ไล่ครับ”

   “บอกว่าไม่ได้ไล่ไง!!”

   “..........” เพราะเถียงกันไม่จบสิ้นอาร์ตเลยเลือกที่จะเงียบและมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ทำเอาพีทหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย

   “ก็ไม่ได้ไล่จริงๆแค่จะแกล้งเฉยๆ...ขอโทษ” พีทงึมงำบอกแผ่วเบากร้อมกับก้มหน้าลงมองพื้น

   อาร์ตที่ได้ยินคำขอโทษก็มองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ก่อนจะอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู นี่อย่าบอกนะว่าเด็กดื้อกำลังง้อเขาอยู่

   “พี่อาร์ต...ขอโทษ...อย่าโกรธนะ” พีทจับเสื้อของอาร์ตแล้วดึงเบาๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองมันน่าเอ็นดูขนาดไหน

   “พี่ไม่ได้โกรธ” อาร์ตลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ

   “ไม่ได้โกรธแล้วเดินหนีมาทำไม” พีทช้อนตามองอาร์ตปริบๆ

   “ก็พีทไล่”

   “บอกว่าไม่ได้ไล่ไง” พีทเถียงกลับด้วยใบหน้าบึ้งตึง

   “โอเคๆไม่ไล่ก็ไม่ไล่แต่พี่ไม่ได้โกรธเราหรอก” อาร์ตยกมือขึ้นสองข้างอย่างย้อมแพ้เพระขืนเถียงต่อ คงกลายเป็เขาเนี่ยแหละที่ต้องเป็นฝ่ายง้อแถมดูท่าจะง้อยากซะด้วย

   “แน่นะ” พีทถามด้วยใบหน้าที่ยังบึ้งตึงอยู่ ซึ่งอาร์ตก็พยักหน้ารับออกไปเลยทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้างอย่างชอบใจ

   “งั้นไปเรียนกัน” พีทว่าแล้วเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปทางเข้าหน้าหมู่บ้าน ซึ่งอาร์ตก็ส่ายหัวหน่ายๆให้กับความเด็กของเจ้าตัว ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปเดินข้างๆยกมือขึ้นพาดบ่าอีกฝ่ายแล้วเดินไปพร้อมๆกัน

   “เออพี่อาร์ตเราจะไปมหา’ลัยยังไงอ่ะ” พีทถามออกมาด้วยความสงสัยหลังจากออกเดินได้สักพัก

   “รถไง” อาร์ตว่าส่วนพีทพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ

   “งั้นถึงหน้าถนนใหญ่รีบโบกแท็กซี่เลยนะมันร้อน” พีทว่าอย่างหมายมาดและนึกถึงแอร์เย็นๆของรถที่จะได้นั่งในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

   “แท็กซี่อะไร” อาร์ตหยุดเดินแล้วขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย

   “อ้าว...ก็โบกแท็กซี่ไปมหา’ลัยไง” พีททำหน้าเหลอหรามองอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจเหมือนกัน

   “ใครบอกจะพาไปแท็กซี่”

   “ไม่ไปแท็กซี่แล้วจะไปรถอะไรล่ะ”

   “ก็รถสองประตูยี่สิบหน้าต่างไง” อาร์ตยักคิ้วส่งให้

   “รถอะไรวะ...อย่าบอกนะ” พีทขมวดคิ้วด้วยความงงก่อนจะตาโตเมื่อเห็นรถคันนึงที่ลักษณะตรงกันเป๊ะตามที่อาร์ตบอกกำลังขับผ่านหน้าไป

   “ใช่” อาร์ตพยักหน้ายืนยัน

   “ไม่เอา” พีททำหน้าแหยงส่ายกัวปฎิเสธทันควันเขาไม่เคยขึ้นไอ้รถที่ว่านี่เลยนะ

   “เอาน่าลองสักครั้งในชีวิตจะได้รู้” อาร์ตพยายามพูดโน้มน้าว

   “ไม่อยากลองเลยแท็กซี่ไม่ได้เหรอ” พีทพยายามอ้อนอีกฝ่าย

   “น้องพีทมีคังแค่สองร้อยนะอย่าลืมและพี่ก็มีพอๆกัน นั่งแท็กซี่ไปเรียนอดตายทั้งคู่นะเออ”

   “ง่ะ...แต่ว่า” พีทยังคงพยายามดื้อดึง

   “เอาน่า...เดี๋ยวก็ชิน” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วลากพีทเดินต่อไปยังป้ายรถเมล์ใกล้ๆ

   พีทเดินตามอาร์ตต้อยๆพร้อมกับโอดครวญอยู่ในใจและน้ำตาที่หลั่งริน ถ้ารู้ว่าตามมาแล้วชีวิตต้องเจออะไรแบบนี้เขาไม่ตามมาหรอก ลืมคิดไปได้ยังไงว่าไอ้พี่อาร์ตมันจนแล้วเขาจะเป็นยังไงล่ะที่นี้ กับการขึ้นยานพาหนะสองประตูยี่สิบหน้าต่างที่เรียกว่ารถเมล์ครั้งแรกในชีวิต

   ‘จะรอดไหมวะไอ้พีทเอ้ย!!’


2 Be Con...

+++++++++++

มีผัวจนต้องทำใจพีทเอ้ย
เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ
รักคนอ่านคับ^^
[/color]
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14 (20/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 22-04-2016 11:26:48
เพิ่งจะเห็นว่ามีเรื่องนี้ด้วย แยกคู่ใครคู่มันไปเลยก็ดี
ตอนแรกก็ว่ารุนแรงเลือดสาด แต่หลังๆมาหวานใช่ย่อย
แต่ความปากร้าย ปากไว ของน้องพีทนี่ยังเหมือนเดิม
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่อาร์ตคงช่วยแก้นิสัยนี้ได้ :hao3:
และคิดว่าน้องพีทคงต้องปรับตัวกับอะไรอีกหลายอย่าง
อย่างแรกก็เรื่องการนั่งรถเมล์ก่อนเลย :laugh: สู้ๆนะน้องพีท
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14 (20/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 22-04-2016 16:20:12
เพิ่งจะเห็นว่ามีเรื่องนี้ด้วย แยกคู่ใครคู่มันไปเลยก็ดี
ตอนแรกก็ว่ารุนแรงเลือดสาด แต่หลังๆมาหวานใช่ย่อย
แต่ความปากร้าย ปากไว ของน้องพีทนี่ยังเหมือนเดิม
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่อาร์ตคงช่วยแก้นิสัยนี้ได้ :hao3:
และคิดว่าน้องพีทคงต้องปรับตัวกับอะไรอีกหลายอย่าง
อย่างแรกก็เรื่องการนั่งรถเมล์ก่อนเลย :laugh: สู้ๆนะน้องพีท
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ

ขอบคุณมากนะคะเม้นท์ให้ตลอดเลย คนเขียนกะโดดกอดดดดด
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14 (20/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-04-2016 21:21:12
 o13
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14 (20/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-04-2016 21:29:15
 :-[
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 14 (20/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-04-2016 18:21:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-04-2016 13:25:58
กัดครั้งที่
- 15 -




   พีทเดินสะโหลสะเหลหมดแรงเข้าไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะมาหินอ่อนหน้าคณะ ที่เขามีสภาพเหมือนคนใกล้ตายแบบนี้เพราะพึ่งผ่านสงครามกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมา การขึ้นรถเมล์ครั้งแรกเรียกได้ว่าเป็นที่น่าจดจำ และจะจำไปทั้งชีวิตว่าชาตินี้เขาจะไม่ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ไอ้ยานพาหนะที่จ่ายค่าโดยสารแสนถูกแต่แลกมาด้วยความทรมานแบบนี้ เขาไม่เอาอีกแรก

   เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมหน้าหวานๆตัวบางๆแบบไอ้เลิฟถึงขึ้นไอ้รถบ้านี่มาเรียนได้ ร้อนก็ร้อนคนก็เยอะเบียดกันจนจะเป็นปลากระป๋อง ไหนจะเสียงดังวุ่นวายรวมทั้งกลิ่นเหงื่อกลิ่นน้ำหอมใครต่อใครก็ไม่รู้ผสมกันมั่วไปหมด แค่คิดกลิ่นก็ลอยมาแล้วอยากจะอ๊วกออกมาเดี๋ยวนี้เลย

   “แหวะ” ไวเท่าความคิดพีทดีดตัวขึ้นจากการนอนซบบนโต๊ะทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนจะอ๊วก ก่อนจะสะบัดหัวเบาๆแล้วทำหน้าแหยงเบะปากออกมาจากนั้นก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกรอบ

   “ไหวไหมเนี่ยน้องพีท” อาร์ตที่นั่งมองมานานถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแค่ขึ้นรถเมล์อีกฝ่ายจะออกอาการแย่ขนาดนี้

   “ยังไม่ตาย!!” พีทมองค้อนอาร์ตด้วยความเคืองก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นหน้าอีกฝ่ายตอนนี้เลยให้ตายสิเพราะกลัวอดใจลุกไปบีบคอไม่ไหว

   “งั้นรอแป๊บนึง” อาร์ตลูบหัวพีทแล้วก้มลงหอมลงบนกลุ่มผมนิ่มก่อนจะลุกเดินออกไป

   พีทดีดตัวเองขึ้นจากโต๊ะด้วยความตกใจมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ แล้วยกมือลูบผมตัวเองปากบ่นงึมงำตามหลังอีกฝ่ายก่อนจะฟุบตัวลงกับโต๊ะอีกรอบ พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำและหัวใจที่เต้นกระหน่ำเหมือนตีกลอง เขาว่าสักวันตัวเองต้องหัวใจวายตายเพราะไอ้พี่อาร์ตแน่ๆ

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่พีทนั่งฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่แบบนั้น กระทั่งมีสัมผัสเย็นๆมาโดนที่ข้างแก้มจนสะดุ้งพอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นอาร์ตที่นั่งส่งยิ้มให้ พร้อมกับในมืออีกฝ่ายที่มีผ้าเย็นและกำลังเช็ดหน้าให้ตัวเองอย่างเบามือ พีทมองการกระทำของอาร์ตด้วยแววตาสั่นไหวพร้อมกับความรู้สึกคันยุบยิบประหลาดที่หัวใจ

   “พอแล้ว” พีทปัดมือของอาร์ตออกเพราะกลัวความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเองมันจะเลยเถิด เรื่องทางกายน่ะช่างมันสนุกทั้งคู่ถือว่าวินวินแต่เรื่องของหัวใจเขาไม่อยากปล่อยให้มันเลยเถิด ห้ามได้ก็ต้องห้ามเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้เวลาเจ็บมามันไม่คุ้มเลยสักนิด

   “อยู่เฉยๆ” อาร์ตว่าแล้วยังคงเช็ดหน้าให้พีทต่อ

   “บอกว่าไม่ต้องไง” พีทเองก็พยายามปัดมืออาร์ตออกพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี

   “อย่าดื้อสิ” อาร์ตดุอย่างไม่จริงจังแล้วใช้มือข้างที่ว่างรวบมือพีทที่อยู่ไม่สุขเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ไล่เช็ดไปตามโครงหน้าสวยที่ชื้นเหงื่อและซีดเล็กน้อย

   “อย่าทำแบบนี้ได้ป่ะ” พีทพึมพำออกมาเสียงแผ่ว

   “ทำอะไร” อาร์ตยังคงไล่เช็ดไปทั่วใบหน้าและลำคอของอีกฝ่ายจนตอนนี้ใบหน้าขาวเริ่มกลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง

   “ก็แบบที่ทำอยู่เนี่ย” พีทก้มหลบไม่กล้ามองอาร์ตตรงๆดวงตาสั่นไหวเหมือนคนกำลังสับสนจนอาร์ตยังรู้สึกได้

   “ห้ามยากนะ” อาร์ตว่าออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น

   “ถ้ารักขึ้นมาจะทำไงล่ะวะ” พีทพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วแต่อาร์ตก็หูดีพอจะได้ยินทั้งๆที่มันเบาแสนเบา

   “ก็รักดิ” อาร์ตก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถอยห่างออกมาเล็กน้อยมองดูพีทที่เงยหน้ามามองตาโตอย่างชอบใจ

   “ไม่!!” พีทตอบเสียงแข็งพร้อมกับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง จนอาร์ตที่นั่งมองอยู่อยากจะลากกลับห้องไปแก้อาการซึนของอีกฝ่าย

   “ดีขึ้นรึยัง” อาร์ตถามออกมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงถึงจะดูภายนอกตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะดีขึ้นอย่างที่ตัวเองคิดรึเปล่า

   “ถามไรหน่อยดิ” พีทหันกลับมาเผชิญหน้ากับอาร์ตอีกครั้งพร้อมกับเม้มปากแน่น

   “ว่า” อาร์ตยิ้มให้เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเด็กดื้อจะถามอะไร

   “ไอ้เหี้ยพี่อาร์ตมีเหตุผลไรถึงมาชอบวะ...หน้าแบบพี่แม่งหาคนอื่นก็ได้ป่ะ" พีทตัดสินใจถามในสิ่งที่คาใจเพราะเมื่อคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า นิสัยแบบเขาไม่เห็นจะมีอะไรให้ชอบลงเลยทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง แถมถ้าไปเทียบกับไอ้เลิฟที่พี่อาร์ตมันจีบแต่แรกเขายิ่งไม่น่ามีอะไรให้ชอบ

   "ไม่มีเหตุผลหรอก...ชอบก็คือชอบรักก็คือรัก" อาร์ตตอบด้วยท่าทางสบายๆมือก็หยิบขวดน้ำเปล่ามาเปิดและส่งให้พีท

   “พี่มึงบ้าอีกละชอบไม่มีเหตุผลมีทึ่ไหนวะ" พีทเถียงออกไปหน้างอกับคำตอบที่ได้รับ มือก็รับขวดน้ำที่อีกฝ่ายส่งให้มาถือไว้

   "พี่จะบอกให้นะถ้าเรารักใครจริงๆสักคนเราไม่มีเหตุผลหรอกว่ารักเขาไปทำไม แต่ถ้าเราต้องหาเหตุผลเพื่อจะรักใครสักค แบบนั้นมันไม่เรียกว่าความรักหรอกนะ เพราะว่าเรากำลังฝืนตัวเองให้รักเข้าใจไหมไอ้ดื้อ" อาร์ตดีดหน้าผากพีทเบาๆอย่างเอ็นดูพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้

   “..........” พีทก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกสั่นไหวอย่างรุนแรง อ้าปากงับหลอดแล้วเคี้ยวเล่นไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

   “ได้เวลาพี่ไปเรียนล่ะ” อาร์ตก้มดูเวลาแล้วลุกขึ้นยืน ส่วนพีทก็พยักหน้างึกงักรับรู้แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

   “เลิกเรียนกี่โมง” อาร์ตถามเพราะจะได้จัดตารางถูก

   “เที่ยง” พีทงึมงำตอบนั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้น

   “งั้นเที่ยงพี่รอที่โรงฝึกนะ”

   “บอกไม” พีทตีรวนทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่อาร์ตบอก

   “ให้ไปหาไง”

   “ใครจะไปวะ”

   “พี่รอนะครับ”

   “........” น้ำเสียงออดอ้อนที่อาร์ตพูดออกมาทำให้พีทได้แต่เงียบอย่างไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ยอมรับโดยดีเลยว่าตัวเองแพ้ทางอีกฝ่ายจริงๆ
   อาร์ตยิ้มออกมาด้วยความพอใจที่เห็นพีทนิ่งเงียบ เพราะการเงียบของเจ้าตัวมีอยู่แค่สองอย่างไม่งอนก็ยอมทำตาม และจากสถานการณ์แบบนี้เจ้าตัวยอมทำตามที่เขาบอกแน่นอน

   “พี่ไปแล้วนะ” อาร์ตก้มลงหอมแก้มเนียนอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะรีบผละออกอย่างรวดเร้ว แล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปทันทีก่อนอีกฝ่ายจะรู้ตัว

   “ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!!” พีทตะโกนไล่หลังสุดเสียงยกมือขึ้นมาจับแก้มด้วยความเขิน พึ่งจะมารู้สึกตัวว่าโดนขโมยหอมแก้มก็ตอนที่อีกฝ่ายเดินไปใกล้แล้ว ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้อายคนบ้างไหมวะแล้วคิดบางไหมถ้าคนเห็นจะเป็นยังไง

   “ทำงานหนักไปแล้วมึง” พีทพึมพำกับตัวเองมือนึงถูแก้มข้างที่ถูกหอมไปมาอีกมือยกขึ้นมาทาบหน้าอกข้างซ้าย ที่ตอนนี้ก้อนเนื้อด้านในเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาให้ได้ ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะทั้งๆอย่างนั้น

   ...
   ...

   "พวกมึงกูไปก่อนนะ" พีทหันไปบอกเพื่อนทันทีที่อาจารย์บอกเลิกชั้นมือก็กวาดทุกอย่างลงกระเป๋าด้วยความรีบร้อน

   "อ้าว...ไม่กินข้าวก่อนเหรอวะ แล้วนี่มึงจะรีบไปไหน" นาวถามพีทด้วยความสงสัยมันจำเป็นอะไรที่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยเหรอ

   "มีธุระว่ะ" พีทยักคิ้วส่งให้นาวกวนๆพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม

   "ธุระอะไรของมึงยิ้มหน้าบานเป็นจานแบบนี้" นาวเอื้อมมือไปหยิกแก้มพีทด้วยความหมั่นไส้

   "เรื่องกูน่า" พีทปัดมือนาวออกจากแก้มของตัวเองแล้วทำหน้ามุ่ยใส่

   "เดี๋ยวปวดท้องหรอกมึงกินข้าวไม่ตรงเวลา" เลิฟเตือนพีทด้วยความเป็นห่วง

   "เดี๋ยวกินน่า" พีทตอบเสียงยานคางก้มหน้าหลบตาเพื่อนเหมือนทำอะไรผิด เห็นพีทดูมาดแมนที่สุดในบรรดาเพื่อนทั้งกลุ่ม แต่มันก็แค่ภายนอกเท่านั้นเพราะที่จริงแล้ว ภายในของพีทคือคุณหนูจ๋าที่ถ้ากินข้าวผิดเวลาก็จะปวดท้อง กระหม่อมบางชนิดโดนแค่ไอฝนก็เป็นหวัดได้ง่ายๆ ต่างจากเลิฟที่ร่างกายดูบอบบางกว่า แต่ด้านสุขภาพภายในถือว่าแข็งแรงกว่าพีทพอควร

   “แล้วนี่กูไปได้ยัง” พีททำท่ากวนโอ๊ยใส่เพื่อนจนนาวต้องโยนปากกาในมือใส่เพราะหมั่นไส้

   “โอ๊ย!! มึงแม่งใช่ความรุนแรง” พีทบ่นกระปอดกระแปดใส่นาวทำท่าทางเหมือนเจ็บมากมายมาย

   “เออ!! วันหลังกูจะโยนมีดหยิบปากกามาคืนกูด้วย แล้วจะไปไหนก็ไป” นาวสั่งอย่างไม่สนใจท่าทีโอดครวญเกินจริงของพีท

   “โยนใส่กูยังมาใช้กูเก็บให้อีก...เอ้า” พีทบ่นแต่ก็ยอมก้มลงไปเก็บปากกาที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาให้นาวแต่โดยดี

   “ไปละนะ” พีทส่งยิ้มร่าเริงแล้วรีบวิ่งออกจาห้องเรียนไปเพราะกลัวจะปล่อยให้ใครบางคนรอนาน

   “มันรีบไปไหนวะ...นัดสาว?” เลิฟมองตามหลังพีทไปจนลับสายตาหันกลับมาสบตานาวอย่างขอคำตอบ

   “กูว่าไม่น่าจะใช่...ช่างเรื่องมันเหอะ มึงอ่ะรีบเก็บของเดี๋ยวพ่อมึงรอนานก็ทำหน้ายักษ์อีก” นาวตัดบทเพราะขี้เกียจคิดออกปากไล่เลิฟให้เก็บของ
   “กูก็เห็นจะเร็วจะช้าทำหน้าแบบนั้นตลอด” เลิฟบ่นงึมงำให้คนที่นาวพูดผาดพิงถึง

   “เออจริง...วันหลังมึงลองถามพี่เขาบ้างนะ ทำหน้านิ่งๆแบบนั้นไม่เมื่อยหน้าไง” นาวหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือแล้วเดินนำหน้าเลิฟไป ส่วนเลิฟก็ได้แต่หัวเราะคิกคักกับคำพูดของเพื่อนและเดินตามกันออกไป

   ...
   ...

   พีทที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องเรียนจนถึงทางหน้าตึกต้องหยุดชะงักเบรกจนหัวแทบถิ่มพื้น เมื่อสายตาดันไปสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เพ่งมองดีๆเพื่อความแน่ใจก็เห็นว่าเป็นคนเดียวกันกับที่คิด เลยรีบหลบฉากไปยืนแอบอยู่หลังเสาด้วยหัวใจเต้นระทึก

   “แม่งมาโผล่นี่ได้ไงวะ” พีทยื่นหน้าออกไปมองแล้วก็หลบเข้ามาด้วยความวิตก ในหัวคิดหาวิธีที่จะเดินออกไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็นเพราะเขาไม่พร้อมที่จะเจอและไม่อยากเจอ

   “เอาไงดีวะ” พีทบ่นงึมงำยื่นหน้าไปมองเป็นระยะ

   “อ้าว...มึงมาทำไรอยู่นี่” เลิฟที่เดินมาพร้อมนาวเอ่ยถามพีทด้วยความแปลกใจ เพราะเห็นอีกฝ่ายเดินลงมาตั้งนานแล้วแถมตอนนี้ยังมาทำท่าทางลับๆล่อๆอีก

   “นี่มึงหลบอะไร” นาวหันไปมองตามสายตาของพีทบ้างแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเพื่อนหลบอะไร

   “กูหลบนั่นไง” พีทเอาหน้าแนบลงไปกับเสาที่ตัวเองใช้หลบอยู่แล้วชี้มือไปทางผู้ชายตัวสูงใส่แว่นตาที่ยืนไม่ไกลเท่าไหร่

   “อาฮะ...แล้วมึงหลบทำไม” เลิฟพยักหน้ารับรู้แต่ไม่เข้าใจว่าพีทจะหลบอีกฝ่ายทำไม ดูด้วยตาก็ไม่เห็นว่าคนที่พีทหลบจะมีอันตรายตรงไหนออกจะดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ...ยกเว้นแต่ว่า

   “อย่าบอกนะว่ามึงไปแย่งแฟนเขาล้าเขาตามมากระทืบ” เลิฟถามพีทตาโตเพราะคิดได้แต่กรณีนี้เท่านั้น เป็นอันรู้กันดีในกลุ่มว่าพีทค่อนข้างเจ้าชู้ควงสาวไม่ซ้ำจะไปแย่งแฟนคนอื่นนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

   ผัวะ!!

   “ใช่ที่ไหนล่ะมึงถึงเจ้าชู้แต่กูไม่แย่งแฟนชาวบ้านโว๊ย!!” พีทตบหัวเลิฟไปทีให้กับความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าตัว

   “อ้าว...งั้นมึงก็บอกมาดิว่าหลบทำไม” เลิฟถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจยกมือลูบหัวที่โดนตบไปมา

   “จะเถียงกันอีกนานไหมเขาเดินมานู้นแล้ว” นาวพยักหน้าไปทางด้านหลังของเพื่อนทั้งสองคน ซึ่งตอนนี้คนที่พีทหลบอยู่กำลังสาวเท้าตรงเข้ามาทางนี้แล้ว

   “ฉิบหาย” พีทอุทานออกมาแล้วหันหลังเตรียมจะเดินหนีแต่ก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายเดินเข้ามาถึงตัวก่อน

   “พีท...คุยกับพี่หน่อยได้ไหม” แรงดึงที่แขนเบาๆกับน้ำเสียงอ้อนวอนที่ได้ยินทำให้พีทหยุดชะงัก แววตาสั่นระริกพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหวอย่างรุนแรง

   “มึง” นาวเอามือแตะที่ไหล่ของพีทเพื่อเรียกสติเพราะเห็นเพื่อนยืนก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร

   “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” พีทพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามคุมให้นิ่งที่สุด แต่ไม่ยอมหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย

   “พี่ขอคุยด้วยแป๊บเดียวได้ไหม” อีกฝ่ายยังคงเอ่ยปากขอร้อง

   “บอกแล้วไงว่าไม่คุย...ปล่อย” พีทพูดเสียงแข็งพยามยามสะบัดแขนให้หลุดจากมืออีกฝ่ายแต่ก็ทำไมสำเร็จ

   “พี่ไม่ปล่อย” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงแข็งไม่แพ้กันมือที่จับแขนพีทไว้บีบแน่นลงมากกว่าเดิม

   “พี่หมอบอกให้ปล่อยไงวะ” พีทตวาดออกมาอย่างเหลืออด

   “พี่จะปล่อยก็ต่อเมื่อพีทยอมคุยกับพี่ก่อน” พี่หมอที่พีทเรียกพูดเสียงรอดไรฟันและพยายามลากพีทให้เดินตาม ส่วนพีทเองก็ขัดขืนจนกลายเป้นว่าทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมา

   เลิฟกับนาวมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เพราะทุกอย่างมันเดิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าตอนนี้พีทกำลังจะโดนใครก็ไม่รู้ลากตัวไป

   “เฮ้ย!! หยุดนะเว้ย!!” เลิฟผลักผู้ชายใส่แว่นให้ออกห่างจากเพื่อนเต็มแรงจนฝ่ายนั้นถึงกับเซเล็กน้อย ก่อนจะลากพีทให้ไปยืนข้างหลังตัวเองและเป็นฝ่ายยืนประจัญหน้ากับคู่กรณีของเพื่อนแทน

   “หลีก!!” อีกฝ่ายตวาดเลิฟดังลั่นและพยายามเข้ามาดึงพีทไปกับตัวเอง ซึ่งเลิฟก็ไม่ยอมเอาตัวกันไว้เต็มที่โดยมีนาวคอยช่วยอีกแรง

   “เลิฟ...” พีทก้มลงมองเพื่อนที่ตัวเล็กกว่าด้วยความซึ้งใจที่เจ้าตัวพยายามปกป้องเขา ทั้งๆที่ตัวเองก็ใช่จะเก่งเรื่องทะเลาะวิวาทแถมปอดแหกพอๆกับเขาเนี่ยแหละ ถ้าจะมีใครถนัดเรื่องตีกับชาวบ้านคงเป็นไอ้กั้มแค่คนเดียว

   “ไม่ต้องกลัวนะมึง” เลิฟปลอบเพื่อนไม่ให้กลัวทั้งๆที่ตัวเองกลัวจะแย่ตาก็จ้องคนตรงหน้าเขม็ง

   “ฉันว่าคุณกลับไปเถอะค่ะอย่าให้ต้องเรียกรปภ.เลย” นาวบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็นเพราะกลัวสถานการณ์จะบานปลาย ถ้าสเกิดอะไรขึ้นพวกเธอสามคนไม่มีปัญญาสู้หรอกการันตีด้วยเกียรติเลยล่ะ

   “พี่กลับไปเหอะผมไม่อยากคุย” พีทออกปากไล่อีกฝ่ายอีกครั้งมือก็ดึงแขนเลิฟเอาไว้ เพราะถึงจะไม่มีฝีมือเชิงต่อสู้แต่ไอ้เลิฟมันถนัดเรื่องเรียกตีนชาวบ้าน เดี๋ยวมันจะไปทำอะไรให้เขาตีนกระตุกขึ้นมาจะพากันซวยเอา

   “ไม่!! พีทต้องไปกับพี่เดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจและใช้จังหวะที่ทุกคนเผลอคว้าเอาแขนพีทและกระชากเข้าหาตัวเต็มแรง

   “เฮ้ย!! ปล่อยเพื่อนกูนะ” เลิฟตะโกนดังลั่นและยกเท้าถีบอีกฝ่ายอย่างลืมตัว ก่อนทุกคนจะชะงักค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่ตัวคนถีบเองยังตกใจ

   “คือ...คือ” เลิฟมองทุกคนเลิ่กลั่กและถอยห่างอย่างรวดเร็วเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจแค่ห่วงเพื่อนเลยเผลอถีบออกไป

   “มึง!!” อีกฝ่ายพูดเสียงรอดไรฟันและเดินย่างสุมเข้ามาหาเลิฟอย่างคุกคาม กระชากคอเสื้อเลิฟเข้าหาตัวเองและง้างหมัดขึ้นสูง

   “อย่านะพี่หมอ!!” พีทตะโกนห้ามดังลั่นก่อนเดินตรงเข้าไปหาทั้งคู่แกะมือที่กำคอเสื้อเลิฟออก ก่อนจะดึงเจ้าตัวให้มาหลบที่ด้านหลัง จากนั้นก็เงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรงพร้อมกับมองด้วยสีหน้าดุดัน

   “พีทตบพี่เหรอ...ปกป้องมันทำไมมันเป็นอะไรกับเรา” พี่หมอตวาดเสียงดังและชี้หน้าเลิฟอย่างโกรธเคือง พยายามเข้าไปทำร้ายเลิฟทั้งๆที่พีทยืนบังอยู่

   “ทำอะไร” เสียงเรียบนิ่งที่ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับการปรากฎตัวของปอที่เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทุกคน ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้งพร้อมกับที่พี่หมอยอมถอยออกไป

   “พี่ปอ” พีทก้มหลบตาดุๆของปอด้วยความกลัว

   “ตกลงมีเรื่องอะไร” ปอถามออกมาอีกครั้งพร้อมกับปลายตามองหน้าทุกคนนิ่งๆ

   “หลีกไปผมมีเรื่องจะคุยกับพีท” เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ปอหันกลับไปมองและพิจารณาอีกฝ่ายเงียบๆก่อนจะหันกัลับมาหาพีท

   “รู้จัก” ปอถามพีทซึ่งเจ้าตัวไม่ตอบแต่เลือกที่จะเงียบ

   “มึงจะคุยไหม” ปอถามต่อดุๆซึ่งพีทก็ส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน

   “น้องกูมันไม่อยากคุยมึงกลับไปได้แล้ว” ปอหันกลับไปบอกคนแปลกหน้าด้วยเสียงราบเรียบแต่ปล่อยรังสีคุกคามอีกฝ่ายเต็มที่
 
   อีกฝ่ายมีท่าทีลังเลเล็กน้อยพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปให้พีทแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จนในที่สุดเจ้าตัวก็ต้องยอมแพ้และเลือกจะกลับไปแต่โดยดี เพราะไม่อยากเสี่ยงมีเรื่องกับคนมาใหม่ที่ดูจะไม่ธรรมดาเท่าไหร่นัก

   “แล้วพี่จะมาหาใหม่นะ” พีทหมอพูดทิ้งท้ายและหันหลังเดินกลับไป

   “เฮ้อ!!” พีทถอหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่พี่หมอยอมกลับไปดีๆ เงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหุบแทบไม่ทันเมื่อเจอสายตาจ้องเขม็งจากทุกคน

   “เล่ามา” นาวกับเลิฟประสานเสียงถามอย่างคาดคั้นส่วนปอก็เดินหนีไปอีกทางเพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน

   “เรื่องมันยาว” พีทอ้อมแอ้มบอกเพื่อเสียงเบา

   “ยาวก็เล่ากูจะฟัง” นาวถลึงตาใส่แล้วดันพีทให้นั่งลงที่โต๊ะไม้

   “กูว่าเรื่องนี้มึงบอกพี่อาร์ตไว้หน่อยก็ดีนะ” ปอที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นมาอย่างหวังดีเพราะรู้ความสัมพันธ์ของอาร์ตกับพีท

   “ทำไมต้องบอกพี่อาร์ตอ่ะ” เลิฟมองหน้าปอกับพีทสลับกันไปมาซึ่งไม่ต่างจากนาวเท่าไหร่

   “เสือกเรื่องของผัวเมีย” ปอว่าเลิฟดุๆแต่แทนที่จะเป็นเลิฟที่กลัวกลับเป็นพีทที่นั่งหน้าซีดเหงื่อตกแทน

   “ผัวเมีย!!” นาวกับเลิฟประสานเสียงดังลั่นมองพีทอย่างเหลือเชื่อ ขนาดนาวที่พอจะรู้อะไรมาบ้างยังอดตกใจไม่ได้

   “คือ...” พีททำตาล่อกแล่กสมองพยายามหาข้อแก้ตัวที่น่าเชื่อถือ

   “เล่า!!!” นาวกับเลิฟประสานเสียงและจ้องพีทอย่างคาดคั้น
 
   ‘วันซวยอะไรวะเนี่ย’ พีทได้แต่โอดครวญในใจและนั่งคอตกอย่างยอมรับชะตากรรม วันนี้เขาคงโดนเพื่อนซักฟอกจนซีดทั้งตัวแน่ๆ พี่ปอนะพี่ปออุตส่าห์นึกขอบคุณที่โผล่มาช่วยทันเวลาดันทะลึ่งพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าไม่ติดว่ากลัวโดนสวนกลับมาปางตายจะลุกไปชกให้เบ้าตาเขียวสักที

   
2 Be Con...
++++++++++
ตอนนี้แลดูป่วงๆ
พี่หมอมันมีบทนะช่วงแรกๆมาเป็นผีไปก่อน
บทค่อนข้างสำคัญด้วย รอลุ้นกันไป
ที่เดากันว่ามันเป็นใครก็ตามนั้นแหละ
รักคนอ่านจ้า ^^
[/color]
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 27-04-2016 19:16:21
นึกเห็นใจนาวขึ้นมาซะแล้ว ต่อจากน้องเลิฟก็พีท
กว่าจะลงเอยกันได้ก็ต้องมีเรื่องมาทดสอบกันสักหน่อย
พี่หมอคนนี้ท่าทางจะมาป่วนอีกยาว มีเบื้องลึกเบื้องหลังกันมาก่อนด้วย
ทางที่ดีทำตามคำแนะนำของพี่ปอดีกว่าจ้ะน้องพีท
เชื่อพี่ปอสิ พี่ปอรู้ดี โชกโชนขนาดนี้  :laugh:
ตอนนี้ทำให้รู้ว่าพี่อาร์ตไม่ได้เถื่อนเป็นอย่างเดียวนะ :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
ป.ล. ไม่ว่าเรื่องของตัวเองหรือของเพื่อนน้องเลิฟก็น่าเอ็นดูเสมอ


หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-04-2016 00:34:03
โอ๊ยยย น้องเลิฟ หนูแมนมาก ถถถถถ
อิพี่หมอ ท่าจะมาป่วนมิใช่น้อย
อิปอนี่ก็นะ จุดประเด็น เค้ารู้หมดว่าน้องพีทกะอิพี่อาร์ตไปถึงไหนๆแล้ว กร๊ากกกก :laugh3:

รอตอนต่อไปค่ะ :katai2-1:

ปล. ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สิงเล้า มาเจอเรื่องนี้คือลงไปแล้ว 15 ตอน เลยได้อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2016 03:06:01
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: loukmoo ที่ 28-04-2016 03:36:59
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-04-2016 15:20:17
น่ารักอะ  อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 15 (27/04/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-04-2016 20:10:11
 :mew3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-05-2016 14:13:59

กัดครั้งที่

- 16 -

 

 

            อาร์ตเดินผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีตรงไปที่โรงฝึกทางด้านหลังคณะ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก็เห็นว่าใกล้ได้เวลานัดกับเด็กดื้อของตัวเองแล้ว ขายาวภายใต้กางเกงยีนส์ขาดๆจึงรีบเดินไปยังจุดนัดหมาย

 

            "ดีพี่" อาร์ตส่งเสียงทักทายรุ่นพี่ของตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาลูกสาวสุดรัก ที่เอามาจอดทิ้งไว้ให้รุ่นน้องซ่อมให้ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง

 

            "ค่าซ่อมเท่าไหร่วะ" อาร์ตเดินวนรอบรถและสำรวจจนทั่วอย่างหาจุดตกหล่น

 

            "ไม่เป็นไรพี่ แต่ขอเหอะเลิกเอามาให้ผมซ่อมได้ป่ะ เรียนเครื่องกลไม่ได้เรียนช่างยนต์นะเว้ย" รุ่นน้องที่ชื่อวินบ่นกระปอดกระแปดให้อาร์ตด้วยความเซ็ง เพราะทุกครั้งที่รถของรุ่นพี่หน้าเทวดาแต่นิสัยปีศาจพังทีไร เขาจะต้องเป็นคนรับเคราะห์เป็นช่างซ่อมประจำตัวอีกฝ่ายทุกที

 

            "ก็ใครใช้ให้บ้านมึงเป็นร้านซ่อมวะ...พูดมากนะมึง" อาร์ตเดินมาตบหัววินด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินไปนั่งลงกับพวกกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ที่สนิทกัน

 

            "ได้ข่าวมึงกกเด็กจนเกงานเหรอวะ" กลอนหรี่ตามองอาร์ตอย่างจับผิด

 

            "เด็กมันน่ากก" อาร์ตยักคิ้วส่งให้กลอนกวนๆพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก

 

            "เรื่องจริง" อ้นที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามขึ้นพร้อมกับมองอาร์ตอย่างเหลือเชื่อ

 

            "อะไรยังไงวะ กูก็นึกว่าพี่ตองแม่งอำ" อ้นซักต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตาเป็นประกายวิบวับ ก่อนจะแหกปากดังลั่นร้องโอดโอยออกมาเพราะโดนตบหัว

 

            ผัวะ!!

 

 

            "โอ๊ย!! พี่ตองแม่งหัวคนนะพี่ไม่ใช่ลูกเทนนิสตบซะเห็นดาว" อ้นโวยวายใส่ตองยกมือลูบหัวตัวเองไปมา

 

            "ลามปามนะมึง...แล้วตกลงยังไงวะ" ตองชี้นิ้วคาดโทษอ้นแล้วหันมาถามอาร์ตต่อ

 

            "ก็ไม่แล้วไงวะพี่" อาร์ตยักไหล่ให้แบบไม่ยีหระ

 

            "นี่กูชักงงกับมึงยังไงกันแน่วะ" กลอนขมวดคิ้วเป็นปมเพราะยิ่งถามยิ่งงง

 

            "ง่ายๆมึงได้น้องมันยัง" อ้นถามตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเพราะไม่รู้จะเสียเวลาทำไม ในเมื่อที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ก็แค่อยากรู้ว่าได้ไม่ได้แค่นั้น

 

 

            "หึ" อาร์ตไม่ตอบแต่กระตุกยิ้มและหัวเราะในลำคอ แค่นั้นก็ถือว่าตอบคำถามทุกคนได้เป็นอย่างดี

 

            "จริงจังเหรอวะคนนี้" ตองถามด้วยความสงสัย

 

 

            “นี่พี่เห็นผมเป็นคนยังไงวะ” อาร์ตส่ายหัวน้อยๆกับคำพูดของรุ่นพี่

 

            “คนเหี้ยๆคนนึง” ตองเองก็หันมาตอบกลับหน้าตายแถมด้วยการตบไหล่ให้กำลังใจเบาๆ

 

            “ก๊ากกกกกกกกกก พี่ตองแม่งตอบถูกใจว่ะมาจูบทีดิ” อ้นหัวเราะออกมาอย่าสะใจและหันไปทำปากจู๋ใส่ตองตามประสาคนกวน แต่ก็ต้องหน้าเหวอตาโตด้วยความตกใจเพราะโดนตองจูบกลับตามคำขอ

 

            “เฮ้ย!! เล่นไรวะพี่” อ้นยกหลังมือถูปากตัวเองจนแดงไปหมดพร้อมกับมองตองด้วยความระแวง

 

            “ก็มึงขอจูบ” ตองว่าหน้าตาย

 

            “พี่แม่งเข้าใจคำว่ามุกป่ะ...มุกอ่ะแม่ง!!” อ้อนโวยวายหน้างอมองตองด้วยความเคือง ส่วนตองเองก็ยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วหันกลับมาหาอาร์ตซึ่งเจ้าตัวกำลังมองมาด้วยสายตาจับผิด

 

            “ของผมน่ะจริงจังแต่พี่ล่ะจริงจังรึเปล่า” อาร์ตสบตาตองอย่างรู้กัน

 

            “มึงหวงลูกสาวรึไง”ตองเองก็ยิ้มมุมปากตอบทีเล่นทีจริง

 

            “ผมมีลูกสาวกับเขาคนเดียวพี่ว่าควรหวงไหมล่ะ” อาร์ตเองก็ตอบยิ้มๆ

 

            “กูขอละกัน” คำขอของตองทำให้อาร์ตยกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่คนสนิทจะขอกันตรงๆ ในเมื่ออีกฝ่ายทำตัวเงียบมานานและไม่เคยจะแสดงท่าทางอะไรเลย มันต้องมีอะไรแน่ๆที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจลุกแบบนี้

 

            “คุยอะไรกันวะ...แล้วมึงไปมีลูกสาวตอนไหน” อ้นถามขึ้นเพราะนั่งฟังมานานแต่ไม่รู้ว่าอาร์ตกับตองหมายถึงใคร

 

 

            “โง่ฉิบหาย” อาร์ตถอนหายใจออกมาและทำหน้าเอือมใส่ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

 

            “มึงนี่แม่งโง่” กลอนเอานิ้วจิ้มที่หัวอ้นแรงๆด้วยความหมั่นไส้

 

            “อะไรพวกมึงวะอยู่ดีๆมาว่ากู” อ้นทำหน้าเอ๋อมองเพื่อนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ

 

            “อยากได้ก็เอาไปเหอะพี่ ถ้าจะให้ดีสอนให้มันฉลาดขึ้นด้วยนะ” อาร์ตหันมาบอกตองแล้วผลักหัวอ้นอีกทีด้วยความหมั่นไส้ สงสัยต้องรอให้เป็นเมียเขาก่อนมั้งถึงจะรู้ตัวโง่ฉิบหาย

 

 

            “เออๆกูมันโง่แต่เรื่องเด็กที่มึงไปกกยังไม่เคลียร์นะเว้ย” อ้นยอมรับแต่โดยดีเพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะและตอนนี้อยากรู้เรื่องของเพื่อนมากกว่า

 

            “เออใช่...มึงเลิกจีบน้องเลิฟแล้วว่างั้น” กลอนเองก็ถามด้วยความสงสัยไม่แพ้กันพึ่งรู้ว่าจีบเด็กคนเดียวกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่มาบอกว่าได้เด็กใหม่เล่นเอางงกันไปหมด

 

            “ผัวน้องมันเฝ้าขนาดนั้นมึงยังกล้าถามอีกเนาะ” อาร์ตมองเพื่อนด้วยความหน่ายก็เห็นเห็นกันถ้วนหน้าว่าน้องมันมีผัวแถมผัวน้องก็ไม่ใช่คนไกล ที่สำคัญเขาเลิกจีบน้องเลิฟตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าน้องมีเจ้าของซะอีกแค่ไม่ได้บอกใคร

 

 

            “ก็ใครจะไปรู้กูเห็นมึงอยากได้ใครมึงสนที่ไหน” กลอนว่าในสิ่งที่รับรู้เกี่ยวกับเพื่อมาโดยตลอด ไอ้อาร์ตมันชอบเอาหน้ากับรอยยิ้มเทวดาไปหลอกชาวบ้านพอได้มันก็ทิ้ง เลวได้โล่เลยล่ะนิสัยมัน

 

            “คนนี้รักจริงหวังแต่งเว้ย แต่น้องแม่งดื้อฉิบหาย” อาร์ตว่าแล้วก็อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงหน้าเด็กดื้อของตัวเอง

 

            “เป็นเอามากนะมึงก็แม่งอยากเห็นหน้า” กลอนมองอาร์ตด้วยความไม่เชื่อสายตาอยากจะเห็นเด็กที่ว่านี่ใจจะขาด

 

            “เดี๋ยวได้เห็น” อาร์ตยักคิ้วส่งให้กวนๆแต่ไม่ยอมบอกว่าเด็กคนนั้นคือใคร ไว้ให้เห็นพร้อมกันตอนน้องมาหาเขา

 

            “กูเองก็อยากเห็นนะเด็กมึง” เสียงกวนประสาทที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้อาร์ตหันกลับไปมอง ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

 

            “หวัดดีพี่ตอง” คนมาใหม่ยกมือไหว้ตองและหันมาจ้องอาร์ตกวนๆ

 

            “เออ...แล้วทำไมมึงโผล่มาแถวนี้วะชาติ” ตองก็รับไหว้รุ่นน้องและชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้ เพราะรู้กันดีว่าชาติไม่ลงรอยกันกับกลุ่มอาร์ตโดยเฉพาะกับตัวอาร์ตเอง

 

 

            สาเหตุคงมาจากที่ไอ้ฮิมเพื่อนเขาเอาตำแหน่งบอสวิศวะให้ไอ้อาร์ตแทนที่จะเป็นไอ้ชาติซึ่งเป็นรุ่นพี่ แต่เขาคิดว่านอกจากเรื่องนี้น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นเพราะดูไอ้ชาติจะเกลียดไอ้อาร์ตเข้าเส้น และตัวไอ้อาร์ตเองก็พยายามเลี่ยงปะทะกับชาติตลอด

 

            “มาเดินเล่นน่ะพี่ แต่ดันมาได้ยินอะไรน่าสนใจ” ชาติว่าแต่จ้องอาร์ตไม่วางตา

 

            “กวนตีน” อ้นพึมพำออกมาด้วยความหมั่นไส้

 

            “มึงว่าอะไรนะ” ชาติหันไปถามอ้นเสียงแข็งแต่เจ้าตัวลอยหน้าลอยตาทำหูทวนลมใส่

 

            “ขอโทษแทนเพื่อนผมละกันพี่ที่มันปากไม่ดี” อาร์ตเอ่ยปากขอโทษแทนเพื่อนเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราวอะไร

 

 

            “หึ...บอกเพื่อนมึงอย่าให้มันบ่อยละกัน” ชาติว่าแล้วหรี่ตามองอาร์ต

 

            “มึงมีแฟนเหรอวะ” ชาติถามด้วยท่าทางเรื่อยๆแต่อาร์ตออกอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

 

            “กูหวังว่ามึงจะจำที่มึงทำได้นะ...มันไม่จบง่ายๆแค่เวลาผ่านไปแน่” ชาติทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วเดินจากไป ส่วนอาร์ตได้แต่มองตามหลังด้วยความไม่สบายใจ

 

            “โรคจิตฉิบหายเรื่องแม่งผ่านมาเป็นชาติเสือกขุดมาพูดไม่เลิก” อ้นออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจและตวัดตามองอาร์ตเหวี่ยงๆ

 

            “มึงก็เหมือนกันแม่ง!! ยอมเหี้ยอะไรนักหนาวะ” อ้นโวยวายใส่อาร์ตด้วยความโมโหที่เพื่อเอาแต่ยอมไม่เคยโต้ตอบอะไรเลย

 

            “ช่างเขาเหอะก็กูผิดจริง” อาร์ตว่ายิ้มๆแต่ในใจก็เครียดไม่น้อย

 

            “งั้นมึงก็รับผิดไปเหอะ” อ้นถลึงตาใส่และสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

 

            “กูว่าจะถามหลายทีละมึงมีเรื่องอะไรกันมาวะ” ตองถามด้วยความอยากรู้

 

            “เรื่องของพระเอกควายๆกับตัวร้ายปัญญาอ่อน” อ้นหันมากระแทกเสียงตอบแทนอาร์ตเพราะยังหงุดหงิด แต่ทำเอาตองหลุดขำกับท่าทางน่ารักๆของเจ้าตัว

 

            “ตามที่มันว่าแหละพี่” อาร์ตพูดตัดบทส่วนตองก็ไม่ถามต่อเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากเล่า

 

 

            “พี่อาร์ต!! มีคนมาหา” เสียงของรุ่นน้องตะโกนบอกมาจากอีกฟากพร้อมกับทุกสายตาที่หันไปมองตาม สิ่งที่ทุกคนเห็นคือใบหน้าน่ารักของเด็กผู้ชายคนนึงและอาร์ตที่ยิ้มร่าลุกเดินไปหา


            “ช้านะน้องพีท” อาร์ตแกล้งทำเสียงดุใส่พีทเรียกใบหน้างอง้ำจากอีกฝ่ายได้ทันที



            “งั้นกลับแล้วแม่ง” พีทว่าเสียงเหวี่ยงสะบัดหน้าหันไปอีกทางเตรียมเดินหนี



            “เอ้า...งอนอีกแล้ว” อาร์ตรีบคว้าแขนพีทเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว ส่วนพีทก็แอบอมยิ้มด้วยความชอบใจ จริงๆเจ้าตัวก็แกล้งงอนไปแบบนั้นเองเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงอาร์ตก็ต้องง้อ



            “นี่น้องพีทแกล้งงอนพี่ใช่ไหม” อาร์ตหรี่ตามองอย่างจับผิดเพราะเมื่อกี้เหมือนจะเห็นเด็กดื้อแอบยิ้ม



            "ใครแกล้ง" พีทรีบเงยหน้ามองถลึงตาใส่ทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนจนอาร์ตหลุดหัวเราะออกมา



            "แน่ใจ" อาร์ตถามย้ำพีทเลยพยักหน้าหงึกงักรับ



            ฟอดดดดดด



          เพี๊ยะ!!!




            ภาพที่อาร์ตก้มลงหอมแก้มพีทและภาพที่พีทฟาดมือลงบนหน้าอาร์ต รวมทั้งเสียงดังก้องของเนื้อกระทบเนื้อทำให้ทุกคนตรงนั้นมองมาที่ทั้งคู่ด้วยความตะลึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน



            เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณทันทีพร้อมกับคนอื่นๆที่มองมา ทางพีทด้วยความเป็นห่วง และมองอาร์ตที่ยืนนิ่งสนิทอย่างลุ้นในปฏิกิริยาที่อาร์ตจะแสดงออกมา เพราะถึงจะเดาๆกันได้ว่าพีทคือเด็กคนที่ว่าของอาร์ต แต่ไม่รู้ว่าสำคัญขนาดที่ตบอาร์ตแล้วจะไม่โดนสวนรึเปล่า



            อาร์ตยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองแล้วหันมาสบตากับพีทที่ยืนหน้าซีด ตาเบิกกว้างมองมือตัวเองสลับกับหน้าอาร์ตเลิ่กลักด้วยความตกใจ



            "ไอ้....." กลอนที่ตั้งใจจะห้ามเพื่อนเพราะเห็นท่าทางทางแปลกๆ ก่อนจะหยุดชะงักและกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง



            "เจ็บไหมวะ" พีทมองแก้มแดงเถือกของอาร์ตแหยๆแล้วเอื้อมมือไปแตะ



            "หูยยย เจ็บดิมือไม่ใช่เบาตบมาได้" อาร์ตใช้ลิ้นดุนแก้มตัวเองใช้สายตามองพีทอย่างตัดพ้อ



            "ก็ใครใช้ให้หอมเล่า" พีททุบลงไปบนอกอาร์ตอีกทีด้วยความหมั่นไส้ เล่นหอมลงมาแบบนั้นคนเยอะแยะไม่ตกใจจนชกก็ดีแค่ไหนละ



            "ก็ใครใช้ให้น่ารักล่ะ" อาร์ตเถียงพร้อมตีมึนใส่ เรียกใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากพีททันที



            กลอนที่ยืนมองอาร์ตก้อร้อก้อติกเด็กรุ่นน้องที่พึ่งนึกออกว่าคือเพื่อนในกลุ่มเลิฟ ส่ายหัวไปมาด้วยความหน่ายกับอาการหน้าเป็นภาชนะของเพื่อน ก่อนจะหันไปสบตาอ้นที่ออกอาการเอือมระอาไม่แพ้กัน แล้วทรุดตัวลงนั่งเลิกสนใจปล่อยให้อาร์ตขายขนมจีบไป




            "ไปนั่งกับเพื่อนพี่ปะ" อาร์ตจับมือพีทแล้วออกแรงดึงให้เดินตาม ซึ่งเจ้าตัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธจนผมกระจายแถมยังขืนตัวเอาไว้ แต่สุดท้ายก็แพ้แรงต้องเดินตามไปในที่สุด




            "นั่งตรงนี้" อาร์ตดันตัวพีทให้นั่งลงตรงที่ว่างส่วยตัวเองก็ขยับลงมานั่งข้างๆ เอื้อมมือไปกอดเอวบางไว้หลวมๆจนคนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะอมยิ้มไปตามๆกัน



            พีทถึงกับสะดุ้งออกอาการเก้อเขินกับสายตาทุกคนที่มองมา หยิกลงไปที่แขนอาร์ตแรงๆเพื่อให้ปล่อยแต่ยิ่งหยิกอาร์ตยิ่งกอดแน่น จนสุดท้ายพีทต้องยอมแพ้และหันไปถลึงตาใส่อาร์ตด้วยความเคือง



            "ชื่อพีทใช่ไหม" อ้นทักทายพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ส่วนพีทมองอ้นด้วยความแปลกใจ



            "พี่รู้จักผมด้วยเหรอ" พีทชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและถามไม่คิดว่ารุ่นพี่จะรู้จัก เพราะเขาเองก็ไม่เคยคุยด้วยอาจจะเคยเห็นหน้าบ้าง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะก๋วนเดียวกันกับที่มาขายขนมจีบเพื่อนเขา พี่หน้าโฉดที่นั่งข้างๆกันก็ใช่ยกเว้นคนหน้าตายนะเขาไม่เคยเห็น



            "มันรู้จักเราเพราะจีบน้องเลิฟน่ะ" อาร์ตก้มบอกข้างหูพีทเลยพยักหน้าหงึกงักรับรู้ ก่อนที่คิ้วจะขมวดเป็นปมเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก



            "พี่มึงก็ด้วยเหมือนกันแหละ" พีทว่าเสียงแข็งและสะบัดหน้าหนีด้วยความหมั่นไส้ ทำมาว่าคนอื่นตัวเองก็จีบไอ้เลิฟเหมือนกันเหอะ



            "อ้าว...ซวยเลยกู" อาร์ตทำหน้าเหวอยกมือเกาหัวตัวเองสบตากับเพื่อนที่มองมาอย่างสมน้ำหน้า ก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพีทอย่างอ่อนใจ



            "สมน้ำหน้า" อ้นเยาะเย้ยออกมาอย่างสะใจ



            "สัส" อาร์ตแยกเขี้ยวใส่อ้นใจอยากจะดึงเพื่อนมาตบกะโหลก แต่เกรงใจว่าที่ผัวเพื่อนอย่างพี่ตองเลยต้องยิ่งไว้



            "แล้วน้องเป็นอะไรกับเพื่อนพี่ครับ" กลอนถามพีทอย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ทำเอาพีทหันมามองด้วยความเร็วจนคอแทบหัก ก่อนจะเอ่ยปากตอบทันควัน



            "รุ่นน้องครับ" พีทตอบเสียงดังฟังชัดท่าทางขึงขังแล้วหันมาทำตาดุใส่อาร์ต ออกอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่รู้ว่าอาร์ตพูดอะไรไปบ้าง อีกฝ่ายถึงได้มาถามและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่เขาแบบนี้



            "รุ่นน้อง" กลอนทวนคำพูดของพีทแล้วหรี่ตามองซึ่งพีทก็ก้มหน้าหลบทันที ก่อนจะหันไปหาอาร์ตเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม



            "ตามใจเขารุ่นพี่...รุ่นน้อง" อาร์ตชี้นิ้วที่ตัวเองแล้วชี้ไปทางพีทพร้อมกับยักคิ้วกวนๆส่งให้เพื่อน



            "ไอ้พี่อาร์ตไปกันได้ยัง" พีทดึงเสื้ออาร์ตแล้วเร่งอีกฝ่ายเพราะไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้นาน มันทำตัวไม่ถูกและไม่รู้จะทำหน้ายังไงในเมื่อพวกรุ่นเอาแต่มองมาที่เขา แถมแต่ละคนยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้อีก



            "จะรีบไปไหนล่ะอยู่คุยกับพวกพี่ก่อน" อ้นพูดดักคอขึ้นมาพร้อมกับย้ายตัวเองมานั่งข้างๆพีท ส่วนพีทก็เขยิบตัวหนีจนตัวเบียดกับอาร์ตมองอ้นด้วยความระแวง



            "ดูๆดีเราก็น่ารักนะเนี่ย" อ้นเอื้อมมือมาลูบแก้มพีทพร้อมทำตากรุ้มกริ้มใส่




            เพี๊ยะ!!!




            พีทปัดมืออ้นออกจากแก้มตัวเองแล้วกระเถิบถอยห่างกว่าเดิม จนแทบจะนั่งเกยตักอาร์ตส่งสายตาขู่อ้นไม่ให้เข้าใกล้ จนตัวอ้นหลุดขำออกมาแม้แต่อาร์ตเองก็ยังขำ ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่คิดจะห้ามเพื่อนที่กำลังแกล้งพีทอยู่



            "มีแฟนรึยังครับ...พี่จีบได้ไหม" อ้นรุกต่อด้วยความสนุกส่วนพีทนี่หน้าบึ้งแสดงออกชัดว่าไม่พอใจ



            "ไม่ให้จีบ" พีทตอบเสียงแข็งและถลึงตาใส่อ้น



            "แฟนไม่มีก็ให้เขาจีบไปสิ" อาร์ตกระซิบที่ข้างหูพีทผสมโรงช่วยเพื่อนแกล้งอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก พีทที่ได้ยินแบบนั้นหันกลับมาหาอาร์ตแล้วมองด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะขยับถอยห่างทำท่าจะลุกขึ้นยืน



            อาร์ตที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของพีทก็รีบคว้าแขนเจ้าตัวเอาไว้ ใช้แรงที่มากกว่าบังคับพีทที่พยายามสะบัดแขนออกให้นั่งนิ่งๆ เพราะรู้ว่าตัวเองแกล้งอีกฝ่ายแรงไป



            ด้านพีทที่โดนดึงไว้หันกลับมาสบสายตาอ้อนวอนของอาร์ตก็ใจอ่อน ยอมนั่งลงตามที่อีกฝ่ายต้องการแต่ไม่พูดอะไรเพราะยังน้อยใจอยู่ ทั้งๆที่อาร์ตพูดออกมาคือเรื่องจริงเขาไม่มีแฟน และไม่ได้เป็นอะไรกับอีกคนจะโดนพูดใส่แบบนั้นก็ไม่แปลก แต่ไม่รู้ทำต้องเสียใจขนาดนี้เหมือนกัน



            "กลับไปนั่งที่เดิมไป" อาร์ตไล่อ้นเสียงเรียบไม่เหลือแววขี้เล่น ตัวอ้นเองก็ได้แต่ยิ้มแหยไม่กล้าเล่นต่อเหมือนกัน



            "กลับกัน...กูกลับก่อนนะ" อาร์ตบอกพีทและหันไปลาเพื่อนและรุ่นพี่ ก่อนดึงพีทให้ลุกขึ้นตามแล้วจูงไปที่รถ



            "อ้าว...กลับแล้วเหรอเฮีย" วินที่นั่งเฝ้ารถให้อาร์ตอยู่ถามด้วยความแปลกใจ ตาก็เหลือบมองพีทที่ยืนอยู่อยู่ด้านหลังไปด้วย



            "ใครวะเฮีย" วินลากอาร์ตให้ห่างออกมาแล้วกระซิบกระซาบถาม ตาก็มองพีทอย่างสนใจ



            "ซ้อมึง" อาร์ตตอบกลับเสียงเบาเพราะไม่อยากให้พีทได้ยิน



            "จริง!!" วินถามเสียงหลงมองพีทตาโต



            "เออ" อาร์ตตบหัววินไปทีด้วยความหมั่นไส้



            "งั้นต้องฝากตัว" วินว่าและตั้งท่าจะเข้าไปแนะนำตัวกับพีท จนอาร์ตคว้าคอเสื้อเอาไว้แทบไม่ทัน



            "ไม่ต้อง" อาร์ตว่าและตบหัววินซ้ำข้อหารู้มากไม่ถูกเวลา



            "อ้าว...ไมอ่ะเฮีย" วินทำหน้างงใส่มือก็ลูบหัวไปด้วย



            "งอนกูอยู่" อาร์ตว่าแล้วทำหน้าหนักใจ



            "อ้อ" วินพยักหน้าหงึกงักเข้าใจแล้วหันไปส่งยิ้มให้ซ้อตัวเอง เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เฮียอาร์ตควงผู้ชายเพราะรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าเฮียแกได้ทั้งชายและหญิงแต่หนักไปทางชายซะส่วนมาก แกบอกผู้ชายมันไม่ท้องสบายกว่าเอากับผู้หญิง ถ้าอะไรที่ทำให้ตกใจคือเรื่องที่เฮียบอกผู้ชายหน้าอ่อนข้างหลังเป็นซ้อต่างหาก เฮียไม่เคยแนะนำใครแบบนี้เลยนะไอ้วินละอะเมซิ่ง



            "วันหลังถ้าเจอซ้อมึงที่ไหนก็ฝากดูด้วยละกัน" อาร์ตว่าวินเองก็พยักหน้ารับคำสั่ง



            "กูไปละ" อาร์ตตบไหล่วินเบาๆก่อนจะเข็นรถดลับมาหาพีทที่ยืนรออยู่



            "กลับกัน" อาร์ตออกปากชวนแล้วเข็นรถเดินนำออกไปให้ห่างจากที่เดิม ระหว่างทางก็เหลือบมองพีทเป็นระยะก่อนจะจอดรถไว้ข้างทางใต้ต้นไม้ เมื่อเห็นว่าห่างออกมาจากจุดเดิมพอสมควร



            "กินอะไรมารึยัง" อาร์ตเดินไปจูงมือพีทมาที่รถก่อนตัวเองจะเป็นฝ่ายนั่งลงบนเบาะ แล้วดึงพีทให้มายืนระหว่างขาทั้งสองข้างกอดเอวบางไว้หลวมๆ



            พีทส่ายหัวน้อยๆตอบอาร์ตมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าหงอยๆ แค่ประโยคพูดเล่นของอาร์ตซึ่งมันไม่มีอะไรแท้ๆ แต่ทำเอาเจ็บจี๊ดที่ใจไม่น้อย



            "หาอะไรกินก่อนไหม" อาร์ตถามเสียงอ่อนโยนยกมือลูบแก้มใสเบาๆ



            "ไม่หิว" พีทว่าเสียงอ่อยหน้าหงอย ความอยากอาหารที่มีในตอนแรกหายเกลี้ยง



            "งั้นไปไหนไหม" อาร์ตเอ่ยปากชวนหวังจะให้บรรยากาศดีขึ้น ยอมรับว่าเจอโหมดนี้ของเด็กดื้อเข้าไปเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ปกติเวลาไม่พอใจก็โวยวายใส่ตลอดเป็นแบบนี้เล่นเอาเขาใจแกว่ง



            "ไม่เอา...อยากกลับบ้าน" พีทส่ายหัวปฏิเสธท่าทางเซื่องซึมไม่เลิก จนอาร์ตต้องถอนหายใจออกมา



            "พีทครับ" อาร์ตจับหน้าอีกฝ่ายให้หันมาสบตากันตรงๆ



            "พี่ขอโทษนะที่ปากไม่ดี...สัญญาจะไม่พูดแบบนั้นอีก" อาร์ตพูดพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าอีกฝ่าย พีทมองการกระทำของอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้จริงๆว่าอาร์ตจะสื่ออะไร



            "ยกโทษให้พี่นะครับ...สัญญาจะพูดอีก...นะ" อาร์ตทำเสียงอ้อนแล้วแกว่งนิ้วก้อยไปมาตรงหน้าพีท




            "อือ" พีทยกนิ้วก้อยตัวเองมาเกี่ยวกับอาร์ตและตอบรับในลำคอแผ่วเบา หัวใจมันอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด



            "โอเค...งั้นเรากลับกัน" อาร์ตหยิบหมวกกันน็อกมาสวมให้พีทแล้วหันไปคร่อมลงบนรถ ตบมือลงที่เบาะด้านหลังแปะๆ



            พีทขยับขึ้นไปนั่งตามอย่างว่าง่าย พอนั่งแล้วก็เอนไปพิงหลังอาร์ตทั้งตัว ก่อนจะเริ่มใช้หัวโขกลงไปที่หลังอีกฝ่ายเบาๆ



            อาร์ตที่โดนทำแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆหันมามองพีทด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทรถแล้วขับพาเด็กดื้อออกจากมหา'ลัยไป



2 Be Con...



++++++++++

เปิดตัวซ้ออย่างสมบูรณ์

รู้สึกเลี่ยนกับไอ้คู่นี้

อะไรมันจะหวานกันขนาดนั้น

เฮียอาร์ตนี่จัดเป็นผู้ชายขี้อ่อย ขี้อ้อน ขี้เอ.... 555

รักคนอ่านคับ ^^

ปล.

- ตอนหน้าเตรียมผ้าเช็ดหน้า

- ใครอยากสู่ขอเฮียสิ้นเดือนเตรียมตัว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 16 (03/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2016 19:54:05
เตรียมผ้าเช็ดหน้าซับเลือดหรือซับน้ำตาหว่าาาาา
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 09-05-2016 14:13:39
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 17 -



            พีทแหงนมองตึกสูงไม่มากสภาพกลางเก่ากลางใหม่ด้วยความฉงน ก่อนจะละสายตาจากตึกแล้วหันไปมองอาร์ตที่กำลังล็อครถอยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพามาที่นี่ทำไมในเมื่อบอกจะพาเขากลับบ้าน



            “ป่ะ” หลังจากจัดการรถตัวเองเสร็จเรียบร้อยอาร์ตก็หันมาส่งยิ้มให้พีท แล้วคว้าไปที่ข้อมือเล็กจากนั้นก็จูงอีกฝ่ายเข้าไปในตัวตึก



“ไปไหน” พีทถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆท่าทางยังคงหงอยเหมือนเดิม ถึงอาร์ตจะพูดแบบนั้นมาแล้วแต่คนพอได้นอยด์แล้วมันเลยยาว



“ห้องพี่ไง” อาร์ตหันมาตอบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม



“ไม่ไป” พีทหยุดเดินแล้วขืนตัวเองเอาไว้



“ไปเหอะนี่ไม่ใช่จะพาใครเข้าห้องง่ายๆนะ” อาร์ตว่าแล้วออกแรงดึงพีทให้เดินต่อ



“ไม่เอาไหนพี่บอกจะพากลับบ้านไง” พีทท้วงหน้างอง้ำอย่างขัดใจตอนนี่อยู่ในสาภสวะที่อยากจะงี่เง่าเป็นที่สุด



“พี่ไม่ได้โกหกนิ…กลับบ้านไง…บ้านพี่” อาร์ตทำหน้าทะเล้นใส่อย่างกวนโอ๊ยจนพีทที่ยืนหน้างอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแทน



“เอาน่า…มาเที่ยวไง” อาร์ตยกมือขยี้หัวพีทเบาๆพร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆ จนพีทเผลอพยักหน้าลงตามใจอีกฝ่ายอย่างลืมตัว



“งั้นปะ” อาร์ตยิ้มกว้างน้ำเสียงร่าเริงแล้วจูงมือพีทไปขึ้นลิฟต์ที่อยู่ข้างหน้า



ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์อาร์ตแตะนู้นแตะนี้ตามตัวพีทจนเจ้าตัวรำคาญต้องไปถลึงตาใส่เป็นระยะ แต่พอถลึงตาใส่นอกจากอาร์ตจะไม่กลัวยังเข้ามานัวเนียยิ่งกว่าเก่า และตอนนี้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พีทเพื่อหอมแก้ม ซึ่งพีทต้องใช้ฝ่ามือดันหน้าเอาไว้อย่างสุดชีวิต



“อุ้ย…” เสียงร้องเบาด้วยความตกใจทำให้พีทกับอาร์ตที่ยื้อยุดกันอยู่ ผละออกจากกันอัตโนมัติแล้วหันไปมองทางเสียงพร้อมกัน ก็เจอหญิงสาวคนหนึ่งยืนมองมาที่พวกเขาจากด้านนอกลิฟต์ด้วยสายตาตกตะลึง



บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนเป็นกระอักกระอวนขึ้นทันที พีทได้แต่หน้าแดงซ่านส่งยิ้มแหยๆให้สาวเจ้า ซึ่งฝ่ายนั้นก็ส่งยิ้มตอบกลับด้วยใบหน้าจืดเจื่อนไม่แพ้กัน ก่อนที่พีทจะก้มต่ำมองพื้นด้วยความอาย ไม่กล้าเงยหน้ามองใครทั้งนั้น แตกต่างจากอาร์ตที่ยืนหน้าตายไม่สะทกสะท้านต่ออะไรเลย



“ขอตัวนะครับ” อาร์ตพูดทำลายความเงียบและเอื้อมไปจับมือพีทเอาไว้ เพราะมัวแต่หยอกเด็กดื้ออยู่เลยไม่รู้ตัวว่าลิฟต์ถึงชั้นของห้องพักตัวเองแล้ว



“คะ…ค่ะ” หญิงสาวตอบรับตะกุกตะกักแล้วขยับเบี่ยงตัวหลบให้ทั้งคู่ จังหวะที่เดินสวนออกมาอาร์ตก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาจูงพีทกลับห้องทิ้งให้อีกฝ่ายตาพร่าไปกับรอยยิ้มเทวดาของเจ้าตัว



“รับรองว่าพีทจะชอบห้องพี่” อาร์ตบอกด้วยความมั่นใจจนพีทเกิดอาการหมั่นไส้ แค่ห้องพักในหอพักนักศึกษาธรรมดามันจะมีอะไรให้ตื่นเต้น



แกร๊ก!!



“เชิญครับคุณหนู” อาร์ตผลักประตูห้องเปิดออกกว้างแล้วค้อมตัวลงผายมือให้พีทเดินเข้าไปในห้อง



พีทหรี่ตามองท่าทางโอเวอร์ของอาร์ตแล้วเบะปากออกด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในตามคำชวนในใจก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่ามันมีอะไรให้เขาต้องชอบก็แค่ห้องพักธรรมดาๆ



แล้วพีทก็ได้คำตอบเมื่อเห็นภายในห้อง แววตาที่มองอาร์ตด้วยความเอือมระอาเปลี่ยนเป็นประกายระยิบระยับ ใบหน้าเหงาหงอยก่อนนั้นเปลี่ยนเป็นใบหน้ามีความสุขทันที



“อารมณ์ดีขึ้นรึยัง” อาร์ตเดินมากอดเอวพีทจากทางด้านหลังแล้วก้มลงถามชิดใบหู



ส่วนพีทเองไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะเอาแต่สนใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น ก่อนจะแกะมืออาร์ตออกแล้วสาวเท้าเข้าไปหาบรรดาของสะสมและตุ๊กตาคิตตี้ที่อยู่ข้างหน้า เขาเคยบอกใช่ไหมว่าชอบคิตตี้เจอแบบนี้มันฟินที่สุด



พีทเดินหยิบคิตตี้ตัวนั้นตัวนี้ขึ้นมาดูอย่างสนุกสนาน บางตัวก็เป็นคอลเล็คชั่นหายากที่เขาอยากได้แต่ซื้อไม่ทัน แล้วไปหยุดอยู่ที่กล่องดนตรีแบบสโนว์บอล มีคิตตี้ในชุดแซนตี้กับผองเพื่อนซานริโอ้อยู่ด้านใน ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสนใจและมีความอยากได้



“อยากได้เหรอ” อาร์ตที่ยืนมองอยู่นานเดินมากอดเอวแล้วก้มลงถาม ซึ่งพีทก็พยักหน้ารัวๆมือก็หมุนสโนบอลไปมา



“ไหนลองอ้อนดิ๊แล้วจะให้” อาร์ตยักคิ้วกวนประสาทใส่พีทแล้วไปนั่งลงบนเตียง โดยดึงอีกฝ่ายลงมานั่งบนตักตัวเองด้วย



“ไม่เอาก็ได้เหอะ” พีทหันมามองค้อนอาร์ตแล้วกลับไปสนใจของในมือต่อ แล้วหมุนใต้ฐานของสโนว์บอลจนเหิดเสียงดนตรีขึ้น



ฟอดดดดดด



“อ้อนหน่อยก็ไม่ได้…อุตส่าห์พามาห้องคนแรกเลยนะ” อาร์ตก้มลงหอมและแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ตาก็มองพีทด้วยความเอ็นดู เขาเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าหงอยไม่เลิกเลยตั้งใจพามาห้อง คิดว่าถ้าเจ้าตัวได้เห็นในสิ่งที่ชอบคงอารมณ์ดีขึ้นซึ่งก็ได้ผลจริงๆ ต้องขอบคุณตัวเองที่สะสมตุ๊กตาแต๋วแตกนี่ไว้พอดี ต่อไปนี้คงมีเหตุผลอีกอย่างที่จะสะสมมันต่อไป



“พี่อาร์ตชอบคิตตี้เหรอ” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะดูจากลักษณะภายนอกของอาร์ตไม่น่าจะสะสมอะไรแบบนี้ แต่คิดไปคิดมาการที่อีกฝ่ายขับรถสีชมพูไปไหนมาไหนก็คงไม่แปลก อีกอย่างไอ้พี่อาร์ตนี่ศูนย์รวมความแปลกเลยนะ




“เปล่าหรอกไม่ได้ชอบ แต่พอได้ซื้อไปๆมาๆเลยเต็มห้องเลยทีนี้…ว่าแต่พีทเถอะท่าทางจะชอบนะที่ห้องพี่ก็เห็นเรามีเต็มไปหมด” อาร์ตตอบตามความจริงเขาไม่ได้ชอบคิตตี้ไม่ได้ชอบสีชมพูแค่มันมีผลทางใจเท่านั้น เลยทำให้สะสมกันมาเรื่อยๆรู้อีกทีเต็มห้องไปหมด



“อือ…จำไม่ได้ว่าเริ่มชอบตอนไหนแต่ชอบ” พีทหมุนดนตรีสโนว์บอลอีกครั้งแสดงความอยากได้อย่างจริงจัง จนไม่ได้สนอาร์ตที่เอาแต่นัวเนียหาเศษหาเลยตัวเองเลยสักนิด



“พี่คุ้นหน้าพีทจริงๆนะ” จู่ๆอาร์ตก็พูดขึ้นมาหลังจากจ้องพีทมานาน เขาเคยบอกใช่ไหมว่าคุ้นแต่แค่จำไม่ได้ว่าเจอกันที่ไหน



“มุกจีบสาวเหรอ” พีทหันมายิ้มขำให้เพราะคิดว่าอาร์ตหยอดตัวเองอีกแล้ว



“จริงๆคุ้นแต่นึกไม่ออก” อาร์ตขมวดคิ้วยุ่งและจ้องพีทเขม็งเหมือนใช้ความคิด



“สงสัยหน้าโหลมั้ง” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วไปสนของในมือต่อ



“คิตตี้ในห้องอยากได้ตัวไหนพี่ให้น้องพีทเลยนะ แถมตัวกับหัวใจเจ้าของมันด้วย” อาร์ตยิ้มทะเล้นใส่พีท แต่ทำเอาเจ้าตัวชะงักนิ่งตามมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ



“คิตตี้น่ะเอาแต่หัวใจกับตัวเจ้าของไม่เอาหรอก...ไม่รู้จะเอาไปทำไม” พีทอ้อมแอ้มตอบออกไปใจก็เต้นระรัวเพราะเขิน



“นี่เห็นคิตตี้ดีกว่าพี่เหรอแบบนี่ต้องเอาไปเผาทิ้ง” อาร์ตแกล้งทำเสียงขึงขังใส่และแย่งขิงออกจากมือพีท



“เฮ้ย!! นี่พี่มึงจริงจังป่ะ เอาคืนมา” พีทโวยวายแล้วรีบแย่งของในมืออาร์ตกลับมา ก่อนจะกอดเอาไว้อย่างหวงแหนเหมือนว่าเป็นของตัวเอง



“หวงจังนะถ้ามีคนขอจะให้เขาไหมเนี่ย” อาร์ตส่ายหัวและมองพีทด้วยความขำ



“ไม่ให้!!” พีทเองก็ตอบทันควันก่อนจะชะงักเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก



“แต่ก็เคยให้นะ” คำพูดต่อมาของพีททำเอาอาร์ตต้องก้มมองด้วยความสนใจ



“ตอนม.ต้นเคยให้พวงกุญแจคิตตี้กับคนนึงไป…แถมคอลเล็คชั่นหายากด้วย” พีทพยักหน้าหงึกงักกับตัวเองและขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด



“หืม…ขี้งกแบบนี้เนี่ยนะ” อาร์ตเอ่ยเย้าออกไปอย่างไม่เชื่อเลยโดนพีทค้อนให้เบาๆ



“เออ!! งกๆแบบนี้แหละก็ตอนนั้นคนนั้นน่าสงสารนี่นา” พีททำหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย



“น่าสงสาร” อาร์ตถามด้วยความสงสัยสงสารเลยให้คิตตี้มันก็ยังไงอยู่นะ



“อือ…จำได้ว่าเจอคนนั้นตอนฝนตก นั่งตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำอยู่ริมฟุตบาทใส่ชุดรด.หัวเกรียน” พีทพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่ลืมไปนานและไม่เคยนึกถึงออกมาเล่าให้อาร์จฟัง



“แล้วจำหน้าเขาได้ไหม” อาร์ตถามด้วยความสนใจ พีทเองก็นิ่งคิกไปสักพักก่อนจะส่ายหัว



“ไม่ได้อ่ะลืม…จำได้แค่ว่าน่าสงสารเลยให้ไป” พีทว่าแล่วหมุนสโนว์บอลต่อเพราะเสียงดนตรีดับไปแล้ว



“ปลาทองเอ้ย!!” อาร์ตว่าแล้วเอามือยีหัวพีทจนยุ่ง



“ก็มันจำไม่ได้นิ…แถมให้ไปไม่รู้จะเก็บไว้รึเปล่าเหอะ เอาไปทิ้งแล้วมั้ง” พีทปัดมืออาร์ตออกจากหัวแรงๆพร้อมกับหน้างอใส่ไม่พอใจที่โดนว่า



“เขาอาจจะเก็บไว้ก็ได้” อาร์ตว่ายิ้มๆแล้วหยิกแก้มพีทเล่น



“ดี!! ถ้าเห็นหน้าจะไปทวงคืน” พีทว่าอย่างหมายมั่น



“ทวงได้ไงพีทบอกจำหน้าเขาไม่ได้” อาร์ตขัดขึ้นมาอย่างนึกขำ



“เออ…นั่นดิ” พีททำหน้าเซ็งเมื่อนึกขึ้น



“พี่อาร์ตหิวข้าว” พีทบอกอาร์ตเพราะท้องเริ่มร้องด้วยความหิว พอสบายใจความอยากอาหารก็กลับมาเยือน



“แล้วตอนถามที่มหา’ลัยทำเล่นตัวบอกไม่หิว” อาร์ตเอ่ยเย้าพร้อมส่งสายตาล้อเลียนไปให้พีท



“ก็ตอนนี้หิวแล้วหาให้กินได้ไหมล่ะ ไม่ได้ก็จะกลับไปกินที่บ้าน” พีทยักคิ้วใส่อาร์ตอย่างท้าทายเพราะรู้ว่ายังไงอาร์ตก็ต้องทำตาม



“รู้ว่ายอมก็เอาใหญ่เนอะคนเรา” อาร์ตบิดปลายจมูกพีทด้วยความหมันเขี้ยวพร้อมกับฉกจมูกหอมแก้มใสไปอีกที



“ยอมให้คนเดียวนะพี่บอกเลย” อาร์ตยกพื้นลงจากตักไปนั่งที่ว่างบนเตียงก่อนตัวเองจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เพื่อไปหาอะไรมาให้เด็กดื้อกินตามที่เจ้าตัวต้องการ ส่วนพีทก็ยิ้มหน้าบ้านชอบใจที่มีคนคอยตามใจตัวเอง



“รอไหวไหม? หิวมากรึเปล่า” ก่อนเดินออกจากห้องไปอาร์ตยังไม่วายหันกลับมาถามด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะหิวจนรอไม่ไหว



“ก็หิว...แต่รอได้” พีทส่งยิ้มให้อาร์ตอย่างน่ารักแล้วหันไปสนใจของสะสมในห้องต่อ



“งั้นรอพี่แป๊บเดียวอย่าซนนะ” อาร์ตพูดแหย่ทิ้งท้ายแล้วรับเดินออกจากห้องไปเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องโวยวายตามหลัง



“ไม่ใช่เด็กนะ!!” และเป็นอย่างที่อาร์ตคิดเอาไว้ไม่มีผิดเพราะพีทโวยวายไล่หลังทันทีพร้อมใบหน้างอง้ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองแล้วเริ่มสำรวจไปรอบๆห้องของอาร์ต



ห้องพักของอาร์ตค่อนข้างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยจนคนสำรวจอย่างพีทค่อนข้างแปลกใจ ข้าวของทุกอย่างในห้องโดยรวมก็เหมือนห้องผู้ชายปกติทั่วไป ถ้าจะมีอะไรผิดปกติก็คงจะเป็นคิตตี้ที่มีอยู่เกลื่อนห้องเท่านั้น




“ร้อนแหะ” พีทบ่นออกมาหน้ามุ่ยเพราะภายในห้องพักของอาร์ตไม่ได้เปิดแอร์ มีแค่พัดลมติดผนังและหน้าต่างที่เปิดเอาไว้เพื่อให้ลมเข้าเท่านั้นคอยให้ความเย็น ประกอบกลับพีทค้นข้าวของในห้องของอาร์ตดูอย่างถือวิสาสะเลยยิ่งทำให้ร้อนกันไปใหญ่



“ทำไมไปนานจัง...อาบน้ำดีกว่า” พีทขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันรีหันขวางไปทั่วห้องก่อนจะตัดสินใจอาบน้ำ เพราะหวังจะให้ความเย็นจากน้ำช่วยคลายร้อนและลดอาการเหนียวตัวที่เป็นอยู่



...

...



อาร์ตหอบถุงของกินพะรุงพะรังกลับเข้ามาห้องพักเต็มสองมือหลังจากที่ใช้เวลาไปพอควร เปิดประตูเข้ามาในห้องก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นคนที่เขาบอกให้รอ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงน้ำและเสียงฮัมเพลงแผ่วเบาดังมาจากในห้องน้ำให้ได้ยินแว่วๆ




อาร์ตจัดการเดินไปเทอาหารใส่จานและยกมาวางรออีกคนที่โต๊ะ แล้วใช้สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวด้วยความขำเมื่อเห็นสภาพห้องที่โดนค้นจนข้าวของกระจาย ถึงจะไม่ได้เสียหายอะไรแต่ก็ทำสภาพห้องรกไปพอควร



“เด็กดื้อเอ้ย” อาร์ตให้คนในห้องน้ำแล้วลงมือเก็บข้าวของให้เข้าที่ ก่อนจะมายืนกอดอกรอเจ้าตัวที่หน้าห้องน้ำ



“ฮ้า!! สดชื่น!! เฮ้ย!!” พีทเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกลู่อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาร์ตยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ



“มายืนทำอะไรตรงนี้เงียบๆเนี่ย” พีทถามแล้วมองอาร์ตที่เอาแต่ยืนเงียบมองตัวเองด้วยความแปลกใจ



“เสื้อ” อาร์ตพึมพำออกมาเสียงเบาแล้วใช้สายตาสำรวจไปทั่วรางกายของพีท



“ก็มันไม่มีเสื้อผ้าใส่ยืมก่อนไม่ได้รึไงล่ะ” พีทว่าหน้ามุ่ยแล้วเดินผ่านหน้าอาร์ตไป เพราะไม่อยากใส่เสื้อผ้าชุดเก่าที่เหม็นเหงื่อของตัวเอง เขาเลยไปค้นเอาเสื้อผ้าในตู้ของไอ้พี่อาร์ตมาใส่แก้ขัดก็เท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าของตัวเองก็ถอดกองทิ้งไว้ในห้องน้ำนั่นแหละ



“ข้าว!!!” พีทส่งเสียงดังทำตาโตแล้ววิ่งถลาไปที่โต๊ะซึ่งวางอาหารเอาไว้เต็ม ลงมือตักกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจอาร์ตที่ยืนมองอยู่เลยสักนิด



“ทำไมอาบน้ำล่ะ” อาร์ตเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วอ้าปากงับเอาข้าวในช้อนพีทที่พึ่งตักมากิน ก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆรอฟังคำตอบ



“ก็มันร้อน” พีทว่าแล้วตักข้าวขึ้นมาใหม่แต่ก็โดนอาร์ตแยงกินอีกเหมือนเดิม



“แอร์มีไม่เปิด” อาร์ตว่าแล้วส่ายหัวน้อยๆก่อนจะยื่นหน้าไปทางพีทเพื่ออ้าปากกินข้าวในช้อนอีก



“เฮ้ย!! หิวก็หาช้อนมาตักกินดีๆดิ” พีทว่าหน้ามุ่ยพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี



“ไม่ได้หิว...พี่ไปอาบน้ำบ้างดีกว่า” อาร์ตว่าแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะไปก็แวะหอมแก้มพีท และไม่ลืมที่จะเดินไปปิดหน้าต่างเปิดแอร์ให้




พีทมองตามไล่หลังจนอีกฝ่ายหายเข้าไปในห้องน้ำ ขมุบขมิบปากด่าและยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเอง ก่อนจะลงมือกินข้าวต่อไปเงียบๆคนเดียว



“อิ่มแล้ว” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาพีทที่เล่นโทรศัพท์อยู่สะดุ้งโหยง ก่อนจะตวัดสายตามามองอาร์ตแล้วเอามือดันหน้าอีกฝ่ายให้ถอยห่าง




“อือ” พีทตอบแล้วกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ อาร์ตเลยเดินกลับไปที่โต๊ะก็เห็นว่าพีทเก็บเรียบร้อยแล้ว โดยการเอาจานที่อาหารเกลี้ยงหมดจดไปโยนทิ้งไว้ในซิงค์ให้



“นี่กินหรือสูบ” อาร์ตหันกลับมาถามด้วยความอึ้งเพราะอาหารที่เขาซื้อมามันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ



“ก็มันหิวนิ!!” พีทเงยหน้าขึ้นมาเถียงแล้วมองค้อนสบตาอาร์ตที่สงสัยตามามองอย่างรับไม่ได้



“กินเยอะแบบนี้สงสัยพี่ต้องทำงานหนักสองเท่าแล้วมั้งถึงจะเลี้ยงได้” อาร์ตบ่นออกมาเบาๆให้ได้ยินแล้วลงมือล้างจานอย่างคล่องแคล้ว



“เก่งนะเนี่ยจ้างไปเป็นคนล้างจานที่บ้านได้ป่ะ” พีทเดินมาชะโงกมองอาร์ตล้างจานแล้วทำหน้าตากวนประสาทใส่



“ปากดี” อาร์ตดีดฟองจากน้ำยาล้างจานใส่หน้าพีทด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ



"ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!" พีทโวยวายด่าดังลั่นด้วยความเคืองก่อนจะเดินไปเปิดเอาน้ำจากก๊อกข้างๆมาล้างฟองออกจากหน้า



"เอาอีกแล้ว...เหี้ยอีกแล้วนะน้องพีท" อาร์ตว่าอย่างเอือมๆสอนกี่ทีไม่เคยจำให้ตายสิ



“แบร่~~” พีทแลบลิ้นปริ้นตาใส่อาร์ตอย่างไม่สนใจก่อนจะหันหลังให้เตรียมเดินหนี



“มานี่เลยไอ้ดื้อ” อาร์ตล้างมือแล้วหันกลับมาคว้าเอวของพีทไว้ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนว่าพีทตัวเบามากมายทั้งๆที่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน



“เฮ้ย!! ไอ้พี่อาร์ตปล่อย!!” พีทดิ้นขลุกขลักไปมาเบาๆในอ้อมกอดอาร์ตมือก็คว้าคออีกฝ่ายเอาไว้แน่นเพราะกลัวตก



ตุ๊บ!!!



อาร์ตโยนพีทลงกลางเตียงเบาๆก่อนที่จะพาตัวเองมาคร่อมทับ มือสองข้างก็จับข้อมือเล็กของคนใต้ร่างเอาไว้แน่นเพื่อกันอีกฝ่ายดิ้นหนี



"เราตกลงกันว่ายังไงนะ เหี้ยคำนึงต่อยกนึงใช่ไหม รอบนี้พี่ไม่ขู่แล้วนะ" อาร์ตพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งมองพีทด้วยแววตาที่แฝงความร้อนแรงอย่างไม่คิดจะปิดบัง



"ไม่ด่าพี่มึงก็จะทำอยู่ดีแหละ" พีทอ้อมแอ้มเถียงกลับไม่เต็มเสียงก่อนจะหันหน้าหนีหลบหน้าอีกฝ่ายเพราะไม่กล้าสบตาตรงๆ



"รู้ขนาดนี้ก็ยังตามมา...แบบนี้พี่ว่าเราสมยอมได้ใช่ไหม" อาร์ตโน้มตัวลงไปถามชิดใบหน้าเนียน



"ไม่รู้..." พีทพึมพำตอบแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง



"กูจะบ้า...ทำไมน่ารักงี้วะ" อาร์ตโอดครวญข้างใบหูพีทแล้วกดจมูกลงบนแก้มใส ก่อนจะจับหน้าอีกฝ่ายให้หันมาสบตากัน พร้อมใบหน้าคมที่โน้มตัวลงไปประกบจูบปากบางตรงหน้าแผ่วเบา

 


           



2 Be Con...

++++++++++

ว่าจะให้ได้เสียเลือดกันซะหน่อย

แต่ถ้าเขียนต่อตอนจะยาวเกินเลยจำเป็นต้องตัดจบ

และไหนๆก็ได้ตัดเลยต้องตัดจบสไตล์เรา

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

รักคนอ่านจ้า ^^

 

           
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 17 (09/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2016 19:26:12
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 17 (09/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 11-05-2016 14:10:40
บทจะหวานก็ทำได้ไม่เลวเลยนะเนี่ย
ทำตัวน่ารักอย่างนี้ก็เป็นนะน้องพีท :hao3:
แอบระแวงคนที่ชื่อชาติจังเลย ไม่น่าไว้ใจมากๆ
อย่าได้มาลากน้องพีทไปเกี่ยวข้องเลยนะ
น้องแค่ผ่านมาแล้วถูกตาต้องใจพี่อาร์ตเท่านั้นเอง
เรื่องบาดหมางก็ไปจัดการกันเองสองคนนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 13-05-2016 10:35:14
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 18 -



                อาร์ตขบเม้มไล่เลียไปทั่วริมฝีปากบางก่อนจะค่อยๆผละออกมาอย่างอ่อยอิ่ง แนบหน้าผากตัวเองลงกับหน้าผากคนใต้ล่างแล้วสบตาเรียวสวยอย่างสื่อความหมาย



                “พี่ขอได้ป้ะ” อาร์ตถามเสียงแหบพร่าใช้ปลายจมูกคลอเคลียไม่ห่าง



                “จะมาขออะไรเล่า” พีทประท้วงออกมาเสียงเบาพร้อมแก้มเนียนที่แดงปลั่งด้วยความอาย มือทุบลงไปบนอกของคนที่คร่อมทับทั้งตัวด้วยแรงที่ไม่มากนัก



                “ขออนุญาตไง” อาร์ตว่าแล้วส่งสายตาเป็นประกายวิบวับให้พีท จนพีทอดหมั่นไส้ไม่ได้ฟาดลงไปที่อกของอาร์ตอีกครั้งแบบไม่ยั้งแรง



                “ไม่ต้องละหมดอารมณ์” พีทแกล้งว่าเสียงแข็งสะบัดหน้าหนีเพราะเขินสายตาที่เหมือนจะเขมือบตัวเองเข้าไปทั้งตัวของอาร์ต



                “แต่พี่กำลังได้ที่เลยนะ” อาร์ตว่าเสียงพร่าแล้วจับมือเล็กที่ยันหน้าอกตัวเองมากุมไว้ กดจูบลงไปที่หลังมือบางแผ่วเบาแล้วไล่ไปจนทั่วพื้นที่ ก่อนจะอ้าปากงับเอานิ้วมือเรียวเล็กแล้วไล่เลียดูดดึงไปจนทั่วทุกนิ้ว



                ความเย็นจากน้ำลายที่สัมผัสลงบนปลายนิ้วทำให้พีทรีบชักมือหนี แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจนึกเพราะอาร์ตจับเอาไว้แน่นแถมยังส่งปลายลิ้นไล่เลียลงมากลางฝ่ามือ ก่อให้เกิดพลังงานบางอย่างวิ่งพล่านไปทั่วร่างจนพีทพยายามจะชักมือออกจากการเกาะกุมอีกครั้ง



                อาร์ตยอมปล่อยมือออกโดยดีแล้วเปลี่ยนเป้าหมายจากฝ่ามือนิ่มมาเป็นซอกคอขาวแทน ซุกไซร้ดูดเม้มไปทั่วต้นคอจนเกิดรอยแดงแทบทุกตารางนิ้ว ฝ่ามือหนาก็ไม่อยู่นิ่งเฉยล้วงเข้าไปในเสื้อยืดตัวใหญ่แล้วลงมือบีบเค้นไปทั่ว ก่อนจะส่งไปสะกิดยอดอกอย่างหยอกล้อจนพีทดิ้นพล่านแอ่นอกเข้าหาฝ่ามือ ส่วนปากหนาได้รูปก็วกจากซอกคอขึ้นมาประกบจูบพร้อมทั้งส่งลิ้นเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากนุ่ม ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดดูดดึงหยอกล้อลิ้นเล็กที่ให้ความร่วมมืออย่างเร่าร้อน



                “อื้อ” พีทส่งเสียงครางประท้วงในลำคอพร้อมยกมือดันที่แผ่นอกกว้างเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณให้คนที่เอาแต่บดจูบไม่ยั้งได้รู้ตัวว่าเขากำลังจะขาดอากาศหายใจ



                อาร์ตยอมถอยห่างออกมาตามคำขอแต่ยังคงใช้ริมฝีปากคลอเคลียขบเม้มอยู่ไม่ห่าง แล้วเลื่อนฝ่ามือที่บีบเค้นเนื้อนิ่มใต้เสื้ออออกมาจากนั้นก็จัดการกระชากที่เดียวให้พ้นตัว ตามมาด้วยการถอดกางเกงออกจากขาเรียวแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะส่งสายตาโลมเลียจ้องร่างกายขาวผ่องของพีทอย่างไม่คิดปิดบังความหื่นกระหาย



                พีททนสบสายตาร้อนแรงของอาร์ตไม่ไหวจนต้องหลบสายตา ใบหน้าและลำตัวแดงก่ำไปหมดเพราะความเขินจัด ส่วนอาร์ตได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆอย่างชอบใจกับท่าทางน่ารักๆที่คนใต้ร่างแสดงออก ก่อนจะหันมาถอดเสื้อตัวเองออกบ้างแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่รู้ทิศทาง จากนั้นก็พุ่งตรงบดขยี้จูบเร่าร้อนให้อีกฝ่ายมือก็บีบเค้นหยอกล้อไปทั่วทั้งตัวบาง



                “อะ...อื้อ” พีทส่งเสียงครางประท้วงในลำคออย่างต่อเนื่องกับจูบรุนแรงและแรงบีบเค้นหนักหน่วงที่อาร์ตมอบให้ ก่อนจะเอามือยันอกอีกฝ่ายให้ถอยห่างอีกครั้ง



                อาร์ตยอมผละออกตามแรงผลักของมือเล็กตาจ้องมองคนใต้ร่างเขม็ง แววตาเรียบเฉยไม่แสดงอะไรแต่พีทกลับรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของอีกฝ่าย แววตาสีรัตติกาลดูเหมือนจะเข้มขึ้นและมืดมิดกว่าทุกครั้งอย่างเห็นได้ชัด



                “คะ...คือพี่อาร์ต” พีทเอ่ยปากตะกุกตะกักเพราะรู้สึกประหม่าและกลัวท่าทางของอาร์ต เขาไม่ได้จะเล่นตัวอะไรหรอกแต่พอนึกถึงสิ่งที่เจอเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา มันก็เกิดความกลัวแทรกคความกล้าชนิดแซงนำหน้าไม่เห็นฝุ่น



                “ครับ” อาร์ตขานรับเสียงพร่าปากและจมูกรวมทั้งฝ่ามือยังคงซุกไซร้ฟอนเฟ้นคลอเคลียปลุกเร้าอารมณ์ไม่ห่าง



                “คือ..ว่า...มัน” พีทพูดได้แค่นั้นแล้วก็เลือกที่จะเงียบเม้มปากตัวเองไว้แน่นไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกไป ดวงตาสวยสั่นระริกก่อนจะเหลือบไปมองกลางลำตัวของอาร์ต ที่ตอนนี้เห็นความต้องการที่ขยายขนาดคับแน่นดุนดันเนื้อผ้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด



                “หืม...ไม่ต้องกลัว” อาร์ตไล่มองตามสายตาของพีทก็รู้ความหมายที่เจ้าตัวจะสื่อ แล้วขบเม้มติ่งหูเล็กเพื่อหยอกล้อและปลอบโยน



                “ตะ...แต่ว่า” พีทยังคงประท้วงออกมาไม่ได้อยากจะงอแง แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามความรู้สกและสัญชาตญาณล้วนๆ



                “เชื่อพี่สิ” อาร์ตบอกเสียงเรียบสบตากับพีทตรงๆเหมือนเป็นการบังคับกลายๆให้เชื่อในสิ่งที่บอก พร้อมทั้งจับขาเรียวแยกออกกว้างมากขึ้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไปตรงกลาง



                “แต่...” พีทพยายามจะพูดต่อแต่ก็ต้องหยุดทุกอย่างลงเมื่ออาร์ตตัดสินใจปิดปากคนตัวเล็ก ด้วยการบดจูบอันหนักหน่วงและร้อนแรงพร้อมทั้งส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหยอกล้อดูดดึงจนแทบจะขาดติดกัน ฝ่ามือก็บีบเค้นไปทั่วกายส่วนกลางลำตัวก็บดเบียดกับแก่นกายน่ารักอย่างยั่วเย้า จนพีทแอ่นสะโพกตามอย่างลืมตัวบดเบียดกับกลางลำตัวใต้ลมผ้าของอาร์ตตามแรงอารมณ์



                อาร์ตยังคงวนเวียนบกจูบริมฝีปากบางไม่ห่างสะโพกก็บดเบียดปลุกเร้าอารมณ์อยู่แบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนฝ่ามือจับเข้าที่ข้อมือเล็กทั้งสองข้างแล้วดันขึ้นไปเหนือหัว จัดการรวบเอาไว้ด้วยมือเดียวส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปทางโต๊ะเตี้ยข้างเตียง เปิดลิ้นชักออกอย่างเบามือควานหาสิ่งที่ต้องการและหยิบมันออกมา ใช้จังหวะที่พีทมัวเมากับการปลุกเร้าด้วยฝีมือตัวเองมัดข้อมือเล็กทั้งสองข้างเข้าด้วยกันและตรึงไว้กับหัวเตียง



                “อื้อ...” พีทออกแรงดิ้นไปมาเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลกับตัวเอง ก่อนจะเกิดอาการแตกตื่นและดิ้นหนักขึ้นจนเป็นต่อต้าน มองข้อมือที่โดนมัดเอาไว้กับอาร์ตสลับกันไปมาด้วยความหวาดระแวง



                “ปล่อย” พีทอกเสียงสั่นน้ำตาคลอด้วยความกลัวร่างกายสะดุ้งน้อยๆเมื่ออาร์ตยื่นมือมาหา



                “ชู่...ไม่ต้องกลัวพี่ไม่ทำร้ายเราหรอก” อาร์ตแตะฝ่ามือลงที่แก้มเนียนและโน้มตัวไปกระซิบปลอบที่ข้างหูแล้วอ้าปากงับที่ต้นคอขาวเบาๆ ส่วนพีทได้แต่นอนตัวแข็งทื่ออย่างไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดอาร์ตได้แค่ไหน



                อาร์ตเหลือบตามองใบหน้าตื่นตกใจของพีทเล็กน้อยสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของเจ้าตัว แต่อาร์ตก็ไม่ได้สนใจซุกไซร้ปลายจมูกและขบเม้มสร้างรอยที่ต้นคอขาวตามเดิม มือก็บีบเค้นลำตัวบางหนักหน่วงก่อนจะส่งปลายนิ้วขึ้นมาสะกิดยอดอกสีสวยอย่างหยอกล้อ รวมทั้งริมฝีปากที่ไล่ขบเม้มลงมาจนเจอยอดอกอีกข้างอ้าปากงับลงไปและดูดดึงเหมือนทารกดูดนมแม่ไม่มีผิด



“โอ๊ย!! อ๊ะ...” พีทสะดุ้งสุดเบาๆส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะโดนอาร์ตกัดลงบนยอดอกตัวเองเต็มแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครางหวานและแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากร้อนเมื่ออาร์ตลงลิ้นเลียซ้ำและดูดเม้มเบาๆ



อาร์ตผละออกจากยอดอกทั้งสองข้างและพรมจูบลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องแบนราบ ส่งลิ้นเลียวนที่หลุมสะดือสวยเล็กน้อยและกัดลงไปด้วยความหมันเขี้ยว ก่อนจะกดจูบไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงกลางลำตัว อาร์ตผละถอยห่างเล็กน้อยและดันขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นสูงจนชิดแผ่นอก มองช่องทางสีสวยที่ปรากฏให้เห็นด้วยสายตาหื่นกระหายแบบไม่ปิดบัง



พีทออกแรงดิ้นขลุกขลักเบาด้วยความเขินอายที่ต้องเปิดเผยตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นถึงขนาดนี้ ยิ่งสบตาที่มองมาอย่างร้อนแรงของอาร์ตยิ่งเขินหนักจนอยากจะให้ตัวเองจมหายไปกับที่นอน ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างติดขัดหัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะกลั้นหายใจด้วยมองความตะลึงเมื่ออาร์ตค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าใกล้



“พี่อาร์ต...ไม่เอา...อ๊ะ...” พีทดิ้นด้วยแรงที่มากขึ้นเพื่อปฏิเสธในสิ่งที่อาร์ตกำลังจะทำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลุดครางหวานเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะที่โดนผิวกาย



อาร์ตกดขาเรียวเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหนีกัดลงไปที่แก้มก้นขาว ก่อนจะส่งปลายลิ้นเลียวนช่องทางรักสีสวยที่ปิดสนิท จากนั้นก็จัดการห้อลิ้นและจ้วงแทงลงไปเพื่อเปิดทาง



พีทถึงกับดิ้นพล่านส่ายสะโพกตามการปรนเปรอของปลายลิ้นซุกซนของอีกฝ่าย ช่องทางรักบีบรัดลิ้นร้อนที่แทงเข้ามาไม่หยุดตอดรัดเรียกร้องอะไรที่มากกว่านั้นอย่างไม่รู้ตัว




อาร์ตเหลือบตามองพีทที่นอนบิดเร่าระทวยเนื้อตัวขึ้นสีชมพูระเรื่อด้วยความชอบใจ ก่อนจะผละออกและเลื่อนขึ้นไปจูบลงริมฝีปากบางแผ่วเบา จัดการปลดเชือกที่มัดโยงไว้กับหัวเตียงออกดึงพีทให้ลุกขึ้นนั่งแล้วจับให้หันไปอีกด้านทั้งตัว โดยที่ให้แผ่นหลังเล็กแนบเข้ากับอกตัวเองส่วนด้านหน้าหันออกไปด้านนอก



“พะ...พะ...พี่อาร์ต” พีทเรียกเสียงสั่นใบหน้าขาวแดงก่ำพยายามหุบขาที่อาร์ตจับแยกออกกว้างจนเป็นรูปตัวเอ็มเข้า มองภาพที่สะท้อนในกระจกที่เป็นประตูตู้เสื้อผ้าด้วยความเขินอาย อยากจะไม่มองก็ทำไม่ได้เพราะอาร์ตบังคับจับใบหน้าให้มอง



อาร์ตกัดลงที่ต้นคอด้านหลังไล่ลงมาจนถึงหัวไหล่มือเลื่อนลงไปกอบกุมแก่นกายเล็กและขยับขึ้นลงเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็บีบเค้นสะโพกกลมหนักหน่วงก่อนจะส่งปลายนิ้วเข้าด้านใน ขยับเข้าออกพร้อมกับมืออีกข้างที่ขยับแก่นกายเล็กสอดประสานกันอย่างปลุกเร้าอารมณ์



“อะ...อื้อ...อื้มมม” พีทส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะพร้อมกับสะโพกบางที่ขยับส่ายร่อนสอดรับกับนิ้วมือและฝ่ามือหนา



อาร์ตขยับมือและนิ้วมือด้วยความเร็วมากขึ้นพร้อมทั้งสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มเพื่อขยายช่องทาง สัมผัสได้ถึงการตอดรัดถี่ยิบภายในและแก่นกายในมือที่เกร็งกระตุกใกล้ปลดปล่อย อาร์ตหยุดการกระทำทุกอย่างของตัวเองลงรวมทั้งถอนนิ้วมือทั้งหมดออกมา ข้างที่จับแก่นกายอีกฝ่ายเอาไว้ก็บีบมันไว้แน่นใช้นิ้วหัวแม่มือกดปิดตรงส่วนปลายเพื่อไม่ให้ปลดปล่อย



“อ๊ะ...อื้อ...พี่อาร์ต” พีทครางเรียกอาร์ตเสียงสั่นมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ฝ่ามือสองข้างที่โดนมัดไว้บีบเข้าหากันแน่นสะโพกบางพยายามขยับน้อยๆส่งสัญญาณให้อาร์ตขยับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อาร์ตสนใจแถมยังหยุดทุกอย่างนิ่งจนพีทใจแทบขาด ช้อนตาที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำใสๆมองอาร์ตอย่างออดอ้อนขอร้องให้ช่วยปลดปล่อย



“ครับ” อาร์ตกระซิบถามเสียงพร่าขบเม้มติ่งหูนิ่มเล่นส่งปลายลิ้นเลียวนไปทั่ว มือยังคงบีบแก่นกานในมือแน่นไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือตามที่อีกฝ่ายร้องขอ



“พี่อาร์ต...อ๊ะ...ยะ...อย่าแกล้งน้อง...อื้อออ” พีทเอ่ยปากตะกุกตะกักข้อร้องอีกครั้งพร้อมเสียงครางหวานหู แต่นอกจากอาร์ตจะไม่ทำตามที่ขอยังจัดการขยี้หัวแม่มือไล่วนที่ปลายยอดอ่อนไหว กระตุ้นให้พีทแทบคลั่งแทนจนเจ้าตัวดิ้นพล่านแก่นกายในมือใหญ่ปวดหนึบ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวทรมานเพราะไม่ได้รับการปลดปล่อย



พีทเอี้ยวตัวไปหาอาร์ตพยายามบดจูบอีกฝ่ายอย่างสะเปะสะปะ ส่วนสะโพกก็บดเบียดเข้าหาแก่นกายที่ดุนดันอยู่ทางด้านหลังไปมา จนในที่สุดอาร์ตก็เป็นฝ่ายทนการยั่วเย้าไม่ไหวส่งนิ้วมือไปบดขยี้ยอดอกเล็ก ที่ตอนนี้แดงช้ำแข็งเป็นไตสู้มือสะกิดหยอกล้อรุนแรง



“ยกสะโพกขึ้น” อาร์ตสั่งเสียงเข้มซึ่งพีทก็ทำตามอย่างว่าง่ายค่อยยกสะโพกตัวเองให้ลอยสูงขึ้นเล็กน้อย อาร์ตจัดการดึงท่อนลำบวมเป่งของตัวเองออกมาจากกางเกงแล้วสาวขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะจับมันให้ตั้งตรงแล้วดึงสะโพกบางให้ลงมาคร่อมทับพร้อมกับเด้งสวนเข้าไปที่เดียวจนมิด



“อ๊าาาาา...เจ็บ...ฮึก...” พีทครางออกมาดังลั่นด้วยความจุกและเจ็บจากการที่ต้องรับอีกฝ่ายเข้ามากะทันหัน ลำตัวบางถึงกับทรุดเอนพิงอีกฝ่ายอย่างอ่อนแรงน้ำตาไหลซึมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นในความเจ็บปวดก็ยังมีความสุขสมและเสียวซ่านแบบแปลกประหลาดแทรกเข้ามา



“อ๊ะ...อ๊าาาาา...อึก..” พีทส่งเสียงครางออกมาอีกครั้งเพราะอาร์ตถอนตัวตนออกไปและแทงสวนกลับเข้ามาอย่างหนักหน่วง ความใหญ่โตและขรุขระที่แทรกเข้ามาครูดกับผนังภายในทำให้พีทใจแทบขาด เจ็บแต่เสียวอย่างบอกไม่ถูกแถมรู้สึกว่าไม่พอจนอยากให้อีกฝ่ายทำรุนแรงกว่านี้



“อื้ม...อ๊ะ...อ๊าาาาา” พีทบดขยี้สะโพกส่ายร่อนรับเข้ากับจังหวะของอาร์ตที่แทงสวนเข้ามาช้าๆแต่หน่วง ก่อนที่สายตาจะบังเอิญเหลือบมองไปที่กระจกด้านหน้า



ภาพที่ปรากฏให้เห็นในกระจกคือสภาพหน้าอายของตัวเองที่โดนจับอ้าขาออกกว้างไม่ต่างจากผู้หญิง และท่อนลำขนาดใหญ่ที่ฝังมุกหลายเม็ดกำลังผลุบเข้าผลุบออกที่ช่องทางด้านหลังของตัวเอง ใบหน้าหวานถึงกับเห่อร้อนแดงซ่านขึ้นทันทีแต่ถึงอย่างนั้นกับรู้สึกมีอารมณ์กับสิ่งที่ได้เห็นยิ่งกว่าเก่า



“อึก...อย่าตอดขนาดนั้นน้องพีท” อาร์ตครางบอกออกมาเสียงเข้มเมื่อจู่ช่องทางรักของพีทก็ตอดรัดถี่รัวขึ้น จนตัวเองแทบจะปลดปล่อยออกมาทั้งอย่างนั้น แต่ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุเพราะนอกจากพีทจะไม่ฟังยังขมิบช่องทางรักถี่รัวขึ้น แถมด้วยการขยับสะโพกขย่มสวนกับอาร์ตที่กระแทกตัวเองเข้ามา



“ดื้อนักใช่ไหม” อาร์ตส่งเสียงลอดไรฟันก้มลงกัดที่ซอกคอขาวเต็มแรงจนเลือดซิบก่อนจะถอนตัวเองออกมา จัดการผลักพีทให้ลงไปกับที่นอนแล้วดึงสะโพกกลมขึ้นจนอีกฝ่ายอยู่ในสภาพคลานสี่ขา จับท่อนลำตัวเองจ่อตรงปากทางเข้าและแทงสวนเข้าไปเต็มแรงแบบไม่ยั้ง



“อ๊าาาาา” พีทครางลั่นอย่างห้ามไม่อยู่ฟุบตัวลงไปกับที่นอนส่วนมือก้ขยุ้มผ้าเอาไว้แน่นเพื่อระบาย



พั่บ! พั่บ! พั่บ!



เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังคลอไปกับเสียงครางหวานระงมไปทั้งห้อง อาร์ตจับสะโพกพีทไว้แน่นและกระแทกตัวเองเข้าออกอย่างรุนแรง จนตัวของพีทโยกคลอนสั่นไหวถูไถไปมากับที่นอน



“อ๊ะๆๆๆๆ” พีทครางออกมาไม่ขาดสายสะโพกขยับสอดรับกับแรงกระแทกทางด้านหลังที่อัดเข้ามา ส่ายร่อนยั่วเย้าจนอาร์ตต้องรัวตัวตนเข้าไปอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าเก่า



อาร์ตหมุนควงสะโพกและแทงสวนเข้าไปไม่ยั้งภายในของอีกฝ่ายตอดรัดเข้ารุนแรงจนแทบคลั่ง โน้มตัวเองลงไปชิดแผ่นหลังเนียนและกัดลงไปพร้อมทั้งพรมจูบไปทั่วอย่างหลงใหล ก่อนจะยื่นมือไปจับหน้าอีกฝ่ายให้หันมาแล้วบดจูบลงไปอย่างรุนแรง ส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อส่วนสะโพกก็ยังคงทำกน้าที่กระแทกกระทั้นเข้าออกหนักหน่วง



“อื้อ...อื้ม...” พีทครางเบาๆในลำคอปเปิดปากตอบรับจูบของอาร์ตอย่างเต็มใจ ช่องทางหลังเจ็บจนแสบกับการที่อีกฝ่ายทำรุนแรง ทั้งๆอย่างนั้นกลับสุขสมและมัวเมากับความรุนแรงที่ได้รับ



“อืม...อย่างนั้น...คนดี” อาร์ตส่งเสียงออกมาอย่างพอใจที่พีทตอบสนองต่อความรุนแรงของตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้ มือหนาบีบเค้นที่แก้มก้นขาวรุนแรงจนแทบจะเละคามือส่วนอีกข้างก็ส่งไปกอบกุมแก่นกายเล็กไว้ บีบมันเอาไว้แน่นและขยับให้อย่างรุนแรงจนพีทปลดปล่อยไปหลายต่อหลายครั้ง




“อ๊ะๆๆๆๆ” พีททั้งส่งเสียงครางทั้งกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นจนเจ็บมือเพื่อระบายความเสียว เริ่มรู้สึกเจ็บแสบและระบมทางด้านหลังแต่กลับไม่อยากให้อาร์ตหยุด ยิ่งอีกฝ่ายกระแทกกระทั้นเข้ามาด้วยความเร็วและแรงยิ่งชอบ



“อ๊ะ...อ๊าาาาา” พีททรุดตัวลงไปแนบกับที่นอนอย่างหมดแรงพร้อมกับปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือหนา ด้านหลังยังคงสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่ใส่เข้ามาไม่ยั้งอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่คนบนตัวจะเกร็งกระตุกเล็กน้อยและฉีดพ่นความอุ่นร้อนเข้ามาภายใน



แปะๆ



“พีท” อาร์ตตบลงที่แก้มเนียนเบาๆพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนนิ่ง ก่อนจะค่อยๆดึงตัวเองออกมาและจับตัวของพีทให้พลิกกลับมานอนหงาย



“โอเคไหม” อาร์ตมองท่าทางอ่อนแรงและดวงตาเหม่อลอยของพีทด้วยความเป็นห่วง โน้มตัวลงไปกดจูบหน้าผากและขมับชื้นเหงื่อของเจ้าตัวเพื่อขอโทษที่ทำรุนแรง



พีทเลื่อนสายตามามองอาร์ตและไม่พูดอะไรนอกจากยื่นข้อมือที่ยังคงโดนมัดไปหา เป้นการบอกกลายๆให้แกะออกให้ซึ่งอาร์ตก็ทำตามแต่โดยดี ข้อมือที่ไร้เชือกพันธนาการตอนนี้ขึ้นรอยแดงและถลอกเล็กน้อย




“ขอโทษครับ” อาร์ตพึมพำแผ่วเบาและดึงข้อมือพีทมาจูบเพื่อขอโทษ แต่พีทชักแขนหนีแล้วไม่พูดอะไรนอกจากมองหน้าอาร์ต จนอาร์ตเริ่มใจเสียกับท่าทีของอีกฝ่าย



“พี่...” คำพูดที่กำลังจะปล่อยออกมาของอาร์ตถูกตัดบทด้วยจูบร้อนแรงจากพีท และแขนเรียวเล็กที่ยกขึ้นโอบกอดที่คอของอาร์ตและบังคับให้โน้มลงมาหา



อาร์ตชะงักไปเล็กน้อยกับการกระทำของพีทก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างพอใจ วงแขนแกร่งโอบกระชับคนตัวเล็กแน่นและดึงให้มาคร่อมทับบนตัว ก่อนจะจูบตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้และเตรียมตัวเริ่มเพลงรักบทต่อไป



...

...



“อื้อ” อาร์ตเหลือบตามองพีทที่นอนสลบไสลเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆถอนแก่นกายออกมา มองสำรวจไปทั่วกายขาวที่ตอนนี้แดงจ้ำเต็มไปด้วยรอยฝันและรอยจูบอย่างหลงใหล ขาเรียวขาวและผ้าปูที่นอนเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่น หันกลับไปมองนอกหน้าต่างก็เห็นท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีบ่งบอกว่ากำลังจะสิ้นแสงในอีกไม่กี่นาที



อาร์ตถอนหายใจออกมาเบาๆและยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขลุกอยู่กับพีทนานขนาดนี้ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีเซ็กซ์แบบลืมเวลา จำได้ว่าตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้จะมืดนับไปก็สี่ห้าชั่วโมงเห็นจะได้ เอากันมันเสียไปคนละกี่น้ำนี่ไม่ได้นับ แต่ที่แน่ๆเด็กดื้อของเขานอนหมดสภาพสิ้นความซ่าไปเลยหวังแค่ว่าจะไม่ป่วยอีกครั้งก็เท่านั้น




อาร์ตช้อนตัวพีทขึ้นอย่างเบามือและอุ้มพาเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดให้ อีกฝ่ายก็ส่งเสียงครางประท้วงออกมาเป็นระยะเพราะถูกรบกวนการนอนแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อลงมืออาบน้ำให้เสร็จก็อุ้มอีกฝ่ายออกมาวางไว้บนโซฟาและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะผละออกไปที่เตียงลงมือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่แล้วกลับมาอุ้มคนตัวเล็กให้ไปนอนบนเตียง หลังจากนั้นถึงไปจัดการกับตัวเองบ้างเพื่อที่จะได้เตรียมตัวออกไปทำงาน



...

...



อาร์ตกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากออกไปหาซื้ออะไรมาไว้ให้คนนอนหลับกิน เพราะกลัวกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาและหิวตอนตัวเองไม่อยู่ เอาของกินที่ซื้อมาไปแช่ใส่ตู้เย็นไว้และเดินกลับไปหาพีทที่เตียง ยืนมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มอย่างสุขใจจนหลุดอมยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างและกดจมูกลงหอมแก้มเนียนแผ่วเบา



“พีทครับ” อาร์ตเขย่าตัวพีทอย่างเบามือพร้อมทั้งส่งเสียงเรียก



“อื้อ” พีทส่งเสียงประท้วงในลำคอและขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยปรือตาขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ขมวดคิ้วตวัดตามองด้วยความไม่พอใจ



“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ” อาร์ตลูบหัวพีทอย่างอ่อนโยนแต่พีทที่ได้ยินแบบนั้นหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า



“อย่างอนพี่เลยเกงานมาสองวันแล้วเนี่ยวันนี้ต้องไปทำ ไม่งั้นโดนไล่ออกไม่มีเงินเลี้ยงเมียแถมไม่รู้ท้องด้วยรึเปล่าเดี๋ยวอดตายทั้งบ้านนะ” อาร์ตทำหน้าขึงขังยกมือลูบหน้าท้องพีทเบาๆ ดูจริงจังจนพีทหมั่นไส้กำฝ่ามือแน่นแล้วทุบลงไปที่แขนของอาร์ตเต็มแรง



“โอ๊ย!!!” อาร์ตร้องเสียงหลงลูบแขนข้างที่ถูกทำร้ายไปมา



“กวนตีน” พีทพึมพำด่าเสียงเบามองค้อนอย่างหมั่นไส้กับความกวนประสาทของอาร์ต จำเป็นต้องตอบคำถามแบบนั้นไหมท้องบ้าท้องบออะไรล่ะ ถนัดจริงๆเรื่องทำให้เขาอายเนี่ย



“ฮ่าๆพี่ไปแล้วนะสัญญาจะไม่กลับดึก” อาร์ตหัวเราะด้วยความชอบใจมือก็ลูบแก้มใสของพีทไปด้วย



“สี่ทุ่ม” พีทกำหนดเวลาให้และจ้องอาร์ตแบบบังคับใบหน้างอง้ำ



“โอเคไม่เกินสี่ทุ่มถึงห้อง” อาร์ตยอมรับคำสั่งแต่โดยดีพีทถึงยอมยิ้มออกมา



“มีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นถ้าหิวก็ลุกขึ้นมาอุ่นกินนะ...ใช้ไมโครเวฟเป็นใช่ไหม” อาร์ตถามด้วยความไม่มั่นใจเพราะดูแล้วพีทคงไม่เคยทำอะไรเองแน่ๆ



“เป็น!!!” พีทกระแทกเสียงตอบแล้วตวัดตามองอาร์ตด้วยความมาพอใจ นี่คิดว่าเขาเป็นคนยังไงแค่ไมโครเวฟอย่างเขาก็ใช้เป็นเหอะ



“ครับๆอย่าลืมกินยาด้วยนะ” อาร์ตยิ้มขำแล้วชี้นิ้วไปบนหัวเตียง



“ยา?” พีทมองตามแล้วหันกลับมาถามด้วยความสงสัย ถึงจะเมื่อยตามตัวเหมือนชิ้นส่วนจะหลุดแต่เขาก็ไม่ได้ป่วยนะ



“แก้อักเสบ...กินกันไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหว” อาร์ตว่าด้วยท่าทางธรรมดาแต่เรียกเลือดขึ้นไปวิ่งจนแดงซ่านเต็มหน้าพีท



“รีบไปเลย” พีทผลักอาร์ตลงจากเตียงด้วยความเขินจัด ส่วนอาร์ตก็นั่งหัวเราะอย่างชอบใจเพราะที่พูดไม่ได้ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเขินแค่เป็นห่วง



“งั้นพี่ละสี่ทุ่มจะกลับมานอนกอด” อาร์ตว่าแล้วโน้มตัวลงไปหอมหน้าผากข้างแก้มก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากบาง



“อื้อ...ไปได้แล้ว” พีทดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยยกมือดันหน้าอาร์ตออกเพราะอีกฝ่ายจูบไม่เลิก



“ครับๆไปแล้ว” อาร์ตจูบเบาๆทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไปแต่โดยดี



พีทมองตามจนเห็นว่าอาร์ตออกจาห้องไปถึงค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ร่างกายปวดเมื่อยไปหมดโดยเฉพาะสะโพกที่ไม่รูเลยว่าจะเดินเหมือนคนปกติได้ไหม เอื้อมมือไปหยิบถุงยาบนหัวเตียงมาเปิดดูข้างในก็เห็นว่ามียาเต็มไปหมด ลดไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย สารพัดจนขี้เกียจจะดู



“เชี่ยวชาญจังนะ” พีทมองถุงยาในมือแล้วพึมพำว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะแกะเอายาแก้อักเสบออกมา กินไว้ก่อนก็ดีเหมือนกันถึงตอนนี้จะมั่นใจว่าไม่ป่วยแต่ดึกๆอาจจะป่วยก็ได้



พีทหยิบยาเข้าปากตามด้วยน้ำที่อาร์ตเอามาวางไว้ให้กินเรียบร้อยก็ล้มตัวลงนอน ใช้เวลาไม่นานความง่วงงุนก็เริ่มเข้ามาครอบงำอีกครั้งแล้วก็เดินทางเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันในเวลาไม่ช้า



...

...



“อ้าวเฮียพึ่งจะไปทำงานเหรอ” วินที่พึ่งกลับเข้ามาห้องพักถามรุ่นพี่ด้วยความแปลกใจ เพราะปกติเวลานี้อีกฝ่ายไม่น่าจะอยู่ที่ห้องแล้ว



“เออ...สายบ้างไรบ้างเปลี่ยนบรรยากาศ” อาร์ตยักคิ้วส่งให้รุ่นน้องกวนๆมือก็ใส่รองเท้าไปด้วย



“ไม่ล็อกประตูเหรอเฮีย” วินถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าอาร์ตสะพายกระเป๋ากีตาร์เดินไปเลย โดยที่ยังทิ้งประตู้ห้องเอาไว้ไม่จัดการล็อกให้เรียบร้อย



“ไม่ล็อก...ซ้อมึงนอนอยู่ข้างใน” อาร์ตว่าและเดินต่ออย่างไม่คิดอะไร ผิดกับวินที่มองตามหลังและหันกลับมามองประตูห้องอาร์ตตาโต นี่เฮียเอาจริงใช่ไหมวะคนนี้ถึงกล้าพามานอนไป้ห้องซานริโอ้โคตรมุ้งมิ้งเนี่ย




“ไอ้วิน!!!” อาร์ตที่เดินห่างไปพอสมควรหันกลับมาตะโกนเรียกวินเสียงดัง



“คะ..ครับเฮีย” วินหันมาขานรับยังคงอึ้งกับสิงที่เจออยู่



“เดี๋ยวมึงแวะมาดูเมียกูให้ด้วยนะสักสองทุ่มมาเคาะประตูเรียกให้ลุกขึ้นกินข้าวให้กูหน่อย” อาร์ตสั่งออกไปเพราะนึกขึ้นได้ว่าพีทคงนอนยาวและไม่ตื่นมากินข้าวแน่ โทรมาก็คงจะไม่รับสายเดาจากไอ้นิสัยโคตรดื้อโคตรรั้นได้ไม่ยาก เขาเองก็ไม่รู้จะกลับมาทันสี่ทุ่มอย่างที่รับปากรึเปล่างานพิเศษแบบเขาทำเนี่ยเลิกกันตีสองก็เร็วสุดแล้ว



“ได้เฮีย” วินพยักรับอาร์ตเลยวางใจและหันหลังเดินต่อ ส่วนวินก็มองบานประตูที่ปิดสนิทและยกมือเกาหัวตัวเองเบาๆ ไอ้มาดูให้น่ะไม่ใช่ปัญหาหรอกแต่เฮียก็น่าจะบอกเขาสักนิดนะว่าซ้อชื่ออะไร...





2 Be Con...

+++++++++++

หวังว่าคงจะได้ซับเลือดกันบ้าง

SM กันเบาๆ จะมีมากกว่านี้มั้ยถามใจดู

ใครที่เดาว่าพี่อาร์ตโรคจิต พี่มันไม่ถึงกับจิตนะ

แค่เป็นผู้ชายที่รวมความแปลกหลายๆอย่างไว้กับตัว

รักคนอ่านคับ ^^

ปล.ไอ้ที่สปอยไว้ในเพจมันคือเหตุการณ์ล่วงหน้า

ที่อีกสักพักใหญ่ๆจะเกิดนะจ๊ะ



 

 

 

 

               

 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 18 (13/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2016 15:09:27
เรียกเลือด
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 18 (13/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-05-2016 22:53:13
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 30-05-2016 11:21:56
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 19



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



ปัง! ปัง! ปัง!



เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นระรัวพอได้ยินเปลี่ยนเป็นเสียงทุบหนักๆในเวลาต่อมา หลังจากที่วินพยายามเคาะประตูเรียกคนในห้องอยู่เป็นนานสองนานแต่ไม่มีทีท่าว่าคนด้านในจะได้ยินเลยสักนิด วินชั่งใจรออีกสักพักเมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังเงียบอยู่เลยง้างมือขึ้นตั้งใจจะทุบลงไปอีก ถ้าครั้งนี้คนด้านในยังไม่เปิดประตูให้อีกเขาคงจำเป็นต้องพังห้องเฮียอาร์ต เพราะทำเสียงดังขนาดนี้แล้วไม่ได้ยินขอสันนิฐานว่าซ้ออาจจะตายแล้วก็ได้



แอ๊ดดดดดดดด



ปัง!!!!!!!!



ยังไม่ทันที่วินจะลงมือทุบประตูอีกครั้งอย่างใจนึกบานประตูก็ถูกเปิดออกอัดกระแทกผนังอย่างแรง ตามมาด้วยใบหน้าเหวี่ยงวีนบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวของคนที่มาเปิดได้เป็นอย่างดี ใบหน้าหล่อแบบน่ารักๆของซ้อที่เขาเห็นครั้งเดียวก็จำได้มองมาอย่างไม่เป็นมิตร ดวงตาเรียวแต่ไม่ถึงกับตี่จ้องเขม็งเหมือนพร้อมจะด่าเขาทันทีถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู



“คือ...” วินอึกอักเล็กน้อยไม่รู้จะเริ่มการสนทนายังไงดีกับคนตรงหน้า น่ากลัวฉิบหายผัวเมียคู่นี้ถึงจะในคนละความหมายก็เหอะ



“คืออะไร” พีทกระแทกเสียงใส่แบบไม่สบอารมณ์คนพึ่งจะนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็โดนก่อกวน อุตส่าห์ทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูยังจะเคาะต่ออยู่ได้ ชีวิตนี้ไม่เคยเคาะประตูรึไงต้องลากสังขารมาเปิดประตูให้รู้ไหมว่ามันทรมานขนาดไหนน่ะ



“ขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหมค่อยคุยกัน” วินพนักหน้าเข้าไปข้างในห้องเพราะตอนนี้คนอื่นๆที่อาศัยร่วมตึกกำลังเปิดประตูห้องออกมาดู และส่งสายตามองด้วยความไม่พอใจเพราะเสียงที่เขาเคาะประตูกับเสียงคุยกันมันดังพอสมควร



“บ้าไงวะอยู่ดีๆมาขอเข้าห้องคนอื่น...รู้จักก็ไม่ใช่” พีทมองคนตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจมือก็เอื้อมไปดึงประตูที่เปิดกว้างให้งับเข้ามา



“ผมไม่รู้จักซ้อแต่รู้จักกับผัวซ้อนะ” วินตอบหน้าตายต่างจากหน้าของพีทที่ขึ้นเครื่องหมายคำถาม



“ซ้อ” พีททวนคำชี้นิ้วมาที่ตัวเองงงๆ



“อือ” วินพยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วอาศัยจังหวะที่พีทเผลอแทรกตัวเข้าไปในห้อง



“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” พีทที่พึ่งรู้สึกตัวร้องออกมาเสียงหลงปิดประตูห้องแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปยังจุดที่วางเครื่องครัว



“เฮียสั่งให้ซ้อกินข้าว” วินบอกและลงมือค้นเอาอาหารที่อาร์ตซื้อไว้ในตู้เย็นออกมา แกะถุงเทใส่ชามและเอาเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟให้ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว



“เดี๋ยวนะใครเฮีย? ใครซ้อ?” พีทคว้ามือที่วุ่นวายกับการแกะถุงอาหารของอีกฝ่ายเอาไว้และถามด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้เขาไม่เข้าใจอะไรเลยมันงงไปหมดงงจนที่ง่วงๆนี่ตื่นเต็มตา



“เฮียก็เฮียอาร์ตไง” วินว่าและดึงข้อมือตัวเองออกจากมือพีทจัดการกับถุงอาหารที่เหลือตรงหน้าต่อ



“ส่วนซ้อก็ซ้อไง...เมียเฮีย” คำพูดเรียบๆไม่คิดอะไรของวินเรียกสีแดงได้เต็มหน้าของพีท เจ้าตัวได้แต่อ้าปากพะงาบๆคิดหาคำพูดที่จะบอกอีกฝ่าย



“ไม่ใช่เมียเว้ย!! อย่าเรียกซ้อด้วย” พีทละล่ำละลักบอกจนลิ้นพันกันแทบจะพูดไม่เป็นคำมือไม้โบกไปมาเป็นพัลวันใบหน้าขาวแดงก่ำด้วยความอาย



“ไม่ได้หรอกเฮียสั่ง” วินว่าอย่างไม่สนใจท่าทางของพีทหันกลับไปเปิดไมโครเวฟและหยิบอาหารที่อุ่นเสร็จออกมา



“อะ...กินข้าว” วินวางจานอาหารลงตรงหน้าพีทและเลือกที่จะไม่สนใจอาการแปลกๆของอีกฝ่าย



“ไม่กิน...เลิกเรียกซ้อก่อน” พีทผลักจานอาหารตรงหน้าออกแล้วกอดอกมองอย่างไม่พอใจ



“เฮียบอกถ้าซ้อไม่กินพรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียน” วินว่าหน้าตายแกล้งขู่ไปอย่างนั้นเอง แต่ดูแล้วน่าจะได้ผลเพราะซ้อของเขารีบคว้าจานข้าวมาตักกินมันทีทันใด



“ไม่ได้กลัวหรอกนะแค่หิว” พีทว่าอย่างวางฟอร์มตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ส่วนวินก็ได้แต่ส่ายหัวอมยิ้มขำไม่พูดอะไร



“เออนี่...ชื่อไรอ่ะหน้าคุ้นๆ” พีทถามออกไปทั้งๆที่เคี้ยวข้าวเต็มปาก ตาก็จ้องมองไปหน้าอีกฝ่ายไปด้วยรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน



“วิน...แล้วซ้อล่ะชื่อไร” วินบอกพร้อมถามกลับเพราะคุยกันมาตั้งนานรู้จักกันร่วมวันเต็มๆ(ที่จริงเขารู้จักอีกฝ่ายเองคนเดียวล่ะนะ) จนถึงตอนนี้ที่มานั่งหาข้าวให้กันกินเขายังไม่รู้จักชื่อของซ้อเลย ทั้งที่ทำเหมือนคนสนิทกันเป็นชาติ



“พีท...รู้ชื่อแล้วเลิกเรียกซ้อด้วย” พีทว่ามือก็ตักข้าวเข้าปากกินเรื่อยๆ



“ไม่ได้หรอกเฮียสั่ง” วินยังยืนยันคำตอบเดิมอย่างแข็งขันเพราะคำสั่งเฮียคือเด็ดขาด ยกเว้นว่าเฮียจะกลัวเมียล่ะนะคำสั่งซ้อถึงจะสูงสุด



“ชิ...เพิ่มหน่อย” พีทส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอตัวเอง หยิบจานข้าวที่เกลี้ยงเป็นปลิดทิ้งส่งไปให้ วินที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม วินเองก็รับไปและตักข้าวเพิ่มให้โดยไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจนึกอยากถามเหมือนกันว่าเจ้าตัวไม่หิวไม่ใช่เหรอ แต่ก็กลัวจะเสียบรรยากาศเลยเลือกจะเงียบแทนดีกว่า



“คุ้นๆหน้าว่ะ” พีทรับจานข้าวมาแล้วตักเข้าปากกินด้วยความหิว ตาก็ยังมองวินอย่างสงสัยพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก



“ถ้าซ้อเรียนวิศวะก็คงจะคุ้นหน้าผมแหละ ผมปีสองวิดวะเครื่องกล” คำพูดของวินทำให้พีทถึงบางอ้อในทันที ก็ว่าแล้วทำไมถึงคุ้นหน้าที่แท้ก็รุ่นพี่ในคณะ แต่เดี๋ยวนะ...รุ่นพี่งั้นเหรอ



‘เหี้ยแล้ว!!!’



พีทอุทานในใจดังลั่นเมื่อนึกอะไรออกมือที่จับช้อนถึงกับอ่อนแรง ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มหวานหยดแต่เหมือนแสยะยิ้มไปให้ เขาเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าคณะเขาเคร่งเรื่องความเคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง แล้วนี่เขาปีนเกลียวรุ่นพี่ไปไม่รู้กี่เกลียวแล้ว แถมยังต้องล่าลายเซ็นปีสองให้ครบถึงจะผ่านการรับน้อง อย่าว่าแต่เกียร์ที่จะได้เลยเอาให้ไม่โดนซ่อมก่อนดีไหม ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ทุกทีโง่ในเรื่องไม่ควรโง่นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตความเป็นอยู่เลยนะเว้ย



‘พีทบอกเลยพีทไม่ได้แข็งแกร่งอย่างภายนอกหรอก...พีทอ่อนไหว ฮืออออออ’




“ซ้อเป็นไร...ปวดท้องเหรอ” วินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ออกมา ขืนเป็นอะไรตอนนี้เขาตายคาตีนเฮียแน่ๆ



“เปล่าครับพี่” พีทตอบเสียงอ่อยพร้อมกับสรรพนามเรียกขานที่เปลี่ยนไป หวังว่าไอ้พี่วินมันจะเห็นใจรุ่นน้องตัวน้อยๆอย่างเขาบ้างนะ



“หือ...” วินมองพีทตาโตมองหน้าที่จืดเจื่อนของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของซ้อตอนนี้เรียกได้ว่าไม่เหลือเค้าความกวน ความถือดีก่อนหน้าเลยสักนิด



“เมื่อกี้ซ้อเรียกผมว่าอะไรนะ” วินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด



“พี่ไง” พีทตอบเสียงอ่อยแต่ก็แฝงความเหวี่ยงนิดๆตามนิสัย คราวนี้วินออกอาการเหวอหนักยิ่งกว่าเก่ามองหน้าพีทด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามเก็บอาการเหวี่ยง เห็นแบบนี้ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมเฮียถึงจีบ ซ้อของเขามันน่ารักจริงๆนะแถมโคตรน่าแกล้ง



“คุยแบบเดิมเถอะซ้อ” วินบอกพีทอย่างเป็นกันเองทั้งที่ในใจอยากจะแกล้ง แต่ไม่พร้อมเสี่ยงกับตีนผัวซ้อจริงๆ



“ได้เหรอ” พีทถามย้ำเพื่อความแน่ใจเพราะอึดอัดเหมือนกันที่ต้องมานั่งสุภาพ



“อือ...” วินพยักหน้ายืนยันส่งให้



“ก็ตามตำแหน่งยังไงซ้อก็ใหญ่กว่าล่ะนะ” วินว่าเพราะเอาจริงๆไม่ใช่แค่เขาหรอกเด็กวิศวะคนอื่นๆก็ต้องเรียกงี้ อภิสิทธิ์พิเศษเฉพาะเมียบอสเลยนะ



“ไอ้ตำแหน่งซ้อนี่มันใหญ่ขนาดนั้นเลย” พีทถามด้วยความสนใจตาเป็นประกายวิบวับ



“ก็ใหญ่พอที่หลายคนจะต้องเคารพ...เมียบอสนิ” วินตอบเรื่อยๆและคว้าเอาจานข้าวจากพีทไปล้างให้




พีทพยักหน้าหงึกงักกับตัวเองต่อข้อมูลที่พึ่งได้รับรู้สึกเหมือนตัวเองตัวใหญ่ขึ้นยังไงพิกล ไอ้ตำแหน่งซ้อนี่ดูไปมันก็ใหญ่ดีเหมือนกันนะ ระหว่างที่กำลังนั่งภูมิใจกับตำแหน่งใหม่ที่ได้มาแบบงงๆสมองก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็ถ้าตำแหน่งมันจะใหญ่อย่างที่ว่าเขาก็ควรหาประโยชน์จากมันสิ อย่างเช่นเรื่องล่าลายเซ็น...



“นี่ไอ้พี่วิน” พีทเรียกพร้อมส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้ ผิดกับวินที่ได้รับรอยยิ้มหวานหยดจากพีทแต่กับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล



...

...



“กูกลับได้ยังวะ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นจากนาฬิกาข้อมือแล้วถามเพื่อนพร้อมคิ้วที่ขมวดพันกันยุ่ง



“พึ่งจะเที่ยงคืนรีบไปไหนวะ” ตองเป็นคนตอบแทนทุกคนพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าที่ชงเสร็จไปให้อาร์ต



“ช่ายยยยย...ปกติตีสามก็ไม่เห็นรีบ” อ้นว่าเสียงยานคางแล้วหัวเราะคิกคักสะใจที่แกล้งเพื่อนได้




“กูก็ว่างั้นมีอะไรให้รีบ” กลอนพูดออกมาบ้างแล้วกระตุกยิ้มสะใจไม่ต่างกัน




“กวนตีน” อาร์ตยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเบาๆแล้วส่ายหัวด้วยความหน่าย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่ตอนนี้กำลังรุมแกล้งเขา




“ผิดเวลานิดหน่อยเมียมึงไม่โกรธหรอก” ตองว่าพร้อมกับตบไหล่อาร์ตให้กำลังใจ ซึ่งอาร์ตได้แต่ส่งยิ้มให้ทั้งที่ในใจอยากจะแหกปากบอกเหลือเกิน ว่าไม่โกรธจริงๆ...ไม่โกรธน้อยน่ะนะ



“ถ้าแฟนพี่เขาจะงี่เง่าขนาดนั้น ก็เลิกกับเขามาคบกับเนยดีกว่า” เนยเอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากที่นั่งเงียบมานาน พร้อมกับส่งยิ้มหวานออดอ้อนไปให้



เนยคือผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่ารัก เด็กคณะนิเทศฯเกย์รับคนดังของมหา’ลัยที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงในหลายๆความหมาย เป็นหนึ่งในคู่นอนที่อาร์ตชอบและขึ้นเตียงด้วยบ่อยที่สุด จนหลายคนเดาว่าเนยเนี่ยแหละว่าที่ซ้ออีกคนของวิศวะแน่ๆ



“ไม่ได้หรอก” อาร์ตตอบพร้อมรอยิ้มละไมเมื่อนึกถึงหน้าเหวี่ยงๆของอีกคน พนันได้เลยว่าถ้าเขากลับไปคงอาละวาดแน่ๆ เมื่อเกือบๆสี่ทุ่มเห็นแต่ไอ้วินโทรมาฟ้องว่าโดนซ้อจิกหัวใช้เยี่ยงทาส คิดแล้วก็อยากหายตัวไปนอนกอดจริงๆนะ



“พี่อาร์ตใจร้ายกับเนยมากเลยนะ” เนยว่าอย่างกระเง้ากระงอดแล้วพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนตักของอาร์ต รู้สึกเกลียดคนที่ตัวเองไม่เคยเห็นหน้าอย่างพีทขึ้นมาทันที รู้บ้างไหมว่าเขาอยากจะได้รอยยิ้มแบบนี้จากพี่อาร์ตขนาดไหน พยายามแทบตายแต่ไม่เคยได้ ในขณะที่ใครก็ไม่รู้อยู่ๆก็มาคว้ามันไปทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลย



เนยรู้จักกับอาร์ตมานานและเป็นคนพิเศษของอาร์ตมาตลอด ถึงจะไม่ใช่แฟนกันแต่กล้าพูดเต็มปากว่าพิเศษกว่าคนอื่น พิเศษจนทุกคนและแม้แต่เจ้าตัวเองก็หวัง คิดไปไกลว่าจะได้ยืนอยู่ข้างๆ จนมาวันนี้ที่อาร์ตโทรมาและนัดให้ออกมาหา



เนยจำวินาทีที่ตัวเองรับโทรศัพท์ได้ดีความดีใจมันเอ่อล้นไปหมด ได้ยินมาเหมือนกันว่าช่วงนี้ที่อาร์ตหายไปเพราะกำลังติดเด็กใหม่ แต่การที่อีกฝ่ายโทรหาแสดงว่าคงเบื่อเด็กคนนั้นแล้วความหวั่นใจที่มีลอยหายไปในทันที สำหรับเขาแล้วยังไงก็ได้ขอแค่พี่อาร์ตกลับมา จะไปหาใครอีกกี่คนก็เรื่องของเขาสุดท้ายพี่อาร์ตก็จะรู้เองว่าใครดีที่สุด เขาเชื่อมาแบบนั้นตลอด



จนวันนี้เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาทั้งๆที่ฝนไม่ตกเขาโดนบอกตัดขาดความสัมพันธ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายเจอตัวจริงแล้วและคนนั้นไม่ใช่เขา รอยยิ้มที่พี่อาร์ตแสดงออกเวลาพูดถึงใครคนนั้นมันทำให้เขาเจ็บจนอยากจะอาละวาด แต่ไม่หรอกเขาไม่ทำเพราะพี่อาร์ตไม่ชอบคนแบบนี้ จะกำจัดศัตรูมันต้องวางแผนให้รัดกุม



“แต่ถ้าไปกับคนนั้นไม่ดี...เนยยังรอพี่นะฮะ” เนยส่งยิ้มหวานให้อาร์ตพร้อมกับก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ



ฮิ้ววววววววววววว



เสียงโห่แซวดังขึ้นสนั่นทันทีกับสิ่งที่เกิดจนเนยนั่งหน้าแดงอายม้วนต้วนอย่างมีจริต ซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอของอาร์ต ส่วนอาร์ตได้แต่ส่ายหัวด้วยความขำกับเสียงโห่แซวของเพื่อนๆ ก่อนจะก้มลงมองเสี้ยวหน้าของเนยและยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ



เขาเองก็เคยคิดจะหยุดตัวเองกับเนยเหมือนกันแต่ไม่รู้ทำไมถึงหยุดไม่ได้ ทั้งที่เนยก็ดีทุกอย่างขยันเอาใจขี้อ้อนว่าง่าย เมื่อเทียบกับอีกคนที่เขาต้องตามเอาใจตามง้อมองด้วยตา...เนยก็ดีกว่าเห็นๆ แต่อย่างว่าเรื่องของหัวใจมันพูดกันยากเขามีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น และไม่เสียดายเลยที่ต้องจบกับเนยไปทั้งๆแบบนี้




“อย่ารอพี่เลย...เนยรอพี่มานานแล้ว” คำพูดของอาร์ตทำเอาเนยรู้สึกจุกแบบไม่ต้องเสแสร้งเหมือนทุกครั้ง มันเหมือนว่าต่อให้ยังไงจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าเขาก็ไม่มีหวัง



“แค่เกิดมาหล่อ...ไม่มีจะแดกก็ชนะได้ หน้าตาแม่งชนะทุกสิ่ง” อ้นโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นท่าทาภาพออดอ้อนออเซาะของอาร์ตกับเนย พร้อมกับทำหน้าเสียใจซะเต็มประดาเรียกเสียงหัวเราะเฮลั่นได้ดังรอบโต๊ะ อ้นอยากมีแบบนี้บ้างทำไมอ้นไม่เคยได้วะแห้วแม่งได้ตลอด



“เรื่องพวกนี้มันอยู่กับวาสนา...มีเมียไม่รุ่งมึงก็ลองมีผัวดูดิวะ...ใช่ไหมเฮีย” กลอนตบไหล่อ้อนที่หมดอาลัยตายอยากเบาๆ ก่อนจะหันไปยักคิ้วส่งตองที่นั่งอยู่ข้างอ้น



“หึ” ตองหัวเราะในลำคอแต่ไม่พูดอะไรออกมาแล้วหันไปแย่งแก้วเหล้าออกจากมืออ้นมาถือไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแก้วน้ำอัดลมให้แทน



“เฮ้ยเฮีย!! เอาแก้มผมมา” อ้อนโวยวายดังลั่นพยายามแย่งแก้วตัวเองคืน



“หยุด!! ไม่งั้นกูจับซ่อม” ตองว่าดุๆพร้อมกับชี้นิ้วห้ามเรียกใบหน้างอง้ำจากอ้อนทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะให้ไปจิบแก้วน้ำในมือด้วยความเซ็ง พี่ตองแม่งโรคจิตผ่านมาสามปีแล้วยังจะซ่อมไม่เลิก



“ฉิบหาย” อ้นครางออกมาเสียงแผ่วเมื่อหันหน้าหนีรุ่นพี่แต่ดันไปเจอคนไม่คาดฝันแทน พร้อมๆกับเสียงเฮฮารอบข้างที่เงียบลงแบบไม่ได้นัดหมาย



“สัสอาร์ต” อ้นเอามือสะกิดเพื่อนยิกๆด้วยท่าทางร้อนรนแล้วชี้ไม้ชีมือไปทางด้านหลัง




“อะไรวะ” อาร์ตขมวดคิ้วมุ่นกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของอ้นก่อนจะหันหลังกลับไปมองตาม ก่อนจะหัวใจหล่นลงไปแทบจะถึงตาตุ่มเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เขาคิดว่านอนอยู่ที่ห้อง กับใบหน้าเจื่อนๆของไอ้วินที่ส่งยิ้มแหยๆมาให้



“น้องพีท…” อาร์ตครางเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงแผ่วก่อนจะรีบผลักร่างเล็กที่นั่งบนตักให้ลงไปอย่างลนลาน กลัวว่าเด็กดื้อของเขาจะเข้าใจผิดหรือคิดไปไกล แต่ไม่ว่าอาร์ตจะพยายามผลักคนบนตัวให้ลงไปแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่ยอมกระดิกแถมยังเกาะเขาแน่นยิ่งกว่าปลิง



พีทมองหน้าอาร์ตที่ออกอาการหวั่นวิตกสลับกับมองใบหน้าหวานของผู้ชายอีกคนที่อยู่บนตัก ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรทั้งๆที่ในใจเดือดจนเป็นลาวาในภูเขาไฟใกล้ระเบิด



พีทยืนกำหมัดและเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อระงับความรู้สึกที่กำลังตีวนขึ้นมาในอก มันจุกและเจ็บจนพูดไม่ออกน้ำตาเหมือนจะไหลยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นคนบอกเขาเองแท้ๆว่าสี่ทุ่มจะกลับแต่นี่มันหมายความยังไง นอกจากสี่ทุ่มไม่กลับยังมานั่งให้ไอ้หน้าแต๋วนี่ออเซาะแล้วทิ้งเขาที่สภาพกึ่งๆยับให้นอนรอที่ห้อง ถ้าเขาไม่มาตามจะต้องโง่อีกนานแค่ไหนวะ หน้าไหนก็สันดานเดียวกันหมด



“พีท!!!” อาร์ตร้องเรียกเสียงหลงผลักร่างเล็กบนตักลงไปกลิ้งบนพื้นอย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าพีทหันหลังเดินหนีไปโดยที่ไม่พูดหรือโวยวายอะไรเลย



“โอ๊ย!!! เนยเจ็บนะฮะ” เสียงเล็กๆประท้วงออกมาอย่างกระเง้ากระงอด



พีทที่หยุดเดินเพราะเสียงเรียกของอาร์ตหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนจะกำหมัดแน่นเมื่อเลื่อนสายตาไปเจอใครอีกคนกำลังเกาะแขนอาร์ตอยู่ แล้วก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเมื่อสายตาไปปะทะกับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างท้าทาย



“พี่อาร์ตฮะ คืนนี้ไปค้างกับเนยนะฮะ เนยจะเซอร์วิสแบบที่พี่อาร์ตชอบทั้งคืนเลย” เนยออดอ้อนเสียงหวานพร้อมเขย่งขึ้นหอมแก้มอาร์ตเบาๆกอดแขนอาร์ตแน่นขึ้นและส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้พีท ไม่ต้องให้ใครบอกเนยเองก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าผู้ชายตรงหน้าคือสาเหตุที่ทำให้พี่อาร์ตมาบอกเลิกยุ่งกับเขาแน่ๆ แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมละในเมื่อเขามาก่อนอยากได้มันก็ต้องสู้กันสักตั้ง



พีทถึงกับหน้าตึงที่โดนประกาศสงครามซึ่งๆหน้าจ้องตากับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างกวนโมโหไม่วางตา ถ้าเกิดเป็นในการ์ตูนคงได้เห็นประกายไฟออกจากตามาฟาดฟันกัน หรือไม่ก็มีรูปสัตว์ดุร้ายสองตัวเป็นแบ็กกราวระหว่าง



“ซ้อ…” วินยอมเสี่ยงตายส่งเสียงเรียกออกไปเพราะบรรยากาศชักจะมาคุ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือตาเขียวปั๊ดที่สะบัดมามองอย่างกินเลือดกินเนื้อจากพีท ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปทำสงครามสายตาต่อ



“เฮีย…” วินเปลี่ยนเป้าหมายไปหาอาร์ตเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอือกเมื่ออาร์ตมองอยู่ก่อนแล้วอย่างคาดโทษ พอหันไปมองคนอื่นๆแต่ละคนก็ไม่ได้สนใจชีวิตน้อยๆของไอ้วินเลยสักนิด



“พีทครับ พี่…” อาร์ตดึงแขนออกจากอ้อมกอดของเนยแล้วเดินไปหาพีท ตั้งใจจะรีบอธิบายทุกอย่างเพราะกลัวีกฝ่ายเข้าใจผิด และเรื่องมันจะยุ่งเหยิงพันกันอีรุงตังนังมากไปกว่านี้



“........” พีทเหลือบตามองหน้าอาร์ตเล็กน้อยและสะบัดข้อมือออกจากกาาเกาะกุมของอาร์ต ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนอาร์ตที่โต๊ะ



“เอาสักหน่อยไหมน้อง” อ้นยื่นแก้วเหล้าให้พีทอย่างนึกสนุก แต่ยังไม่ทันที่พีทจะรับจากมืออ้นอาร์ตก็คว้าไปกินแทน



“อยู่เฉยๆเลยสัส!!” อาร์ตตบหัวอ้นพร้อมกับมองดุๆแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพีท แล้วยื่นมือไปดึงมือของพีทมากุมเอาไว้

เนยที่เห็นแบบนั้นก็ตามมาสบทบแล้วนั่งลงข้างๆอาร์ต กอดแขนของอาร์ตพร้อมทั้งซบลงไปที่ไหล่ รวมทั้งส่งสายตาท้าทามาให้พีท



พีทกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บกระตุกมือออกจากมืออาร์ต แล้วไปคว้าเอาแก้วเหล้าจากมือกลอนที่กำลังยกขึ้นเพื่อดื่มมากระดกเข้าปากรวดเดียว



ปึ่ก!!!!



พีทวางแก้วเปล่ากระแทกโต๊ะเสียงดังแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเนย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากส่งกลับไปให้



‘เดี๋ยวรู้เลยไอ้หน้าหวาน ผัวกูใครก็ห้ามยุ่งโว๊ย!!!’



2 Be Con...


++++++++++++++

ยังไม่ไม่ตายคับพี่น้อง

แค่ยุ่งๆผสมอู้ แต่กลับมาละ

รักคนอ่านคับ ^^

ปล.เปิดจองอาร์ตพีทละนะ รายละเอียดสอบถามทางแฟนเพจจ้า



 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19 (30/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2016 12:39:20
ต้องเอาให้ตาย!!!!
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19 (30/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 30-05-2016 16:43:28
อาร์ตก็เป็นบ้าใบ้ ไล่ให้เลิกเกาะแกะดิ๊  เห็นละหมั่นเขี้ยวอาร์ตนะนี่ อยากเตะก้านคอ ทำตัวเป็นปฝพระเอกหนังไทยอีกละ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19 (30/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-05-2016 18:17:35
จัดการนังเนยเสร็จ ลุยคนของเราต่อ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19 (30/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2016 18:55:07
พีทจัดการเลย เอาให้อีเฮียอาร์ตเข็ด
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 19 (30/05/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 01-06-2016 10:52:43
น้องพีทคงเห็นว่าบ่ายเบี่ยงไปก็ไม่เป็นผล ยอมรับเลยแล้วกัน
น่าปลื้มออกได้เป็นซ้อใหญ่แห่งวิศวะ อำนาจอยู่ในมือเห็นๆ :laugh:
แค่พี่อาร์ตยอมสยบคนอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะนะ
เหลือก็แต่มือที่สาม ประกาศสงครามกันโต้งๆขนาดนี้
น้องเนยก็น่ารักดี ไปหาคนที่เขารักเราดีกว่านะน้องนะ
อย่ามาทำให้ชีวิตครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยกเลย :hao3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-06-2016 13:50:38
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 20 -



                ‘ว่าแต่มันต้องทำยังไงวะ’




พีทคิดในหัวอย่างเหนื่อยใจจนอยากยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่งั้นก็ใช้มือทึ้งหัวตัวเองแรงๆแทนไอ้คิดน่ะใครๆมันก็คิดได้แต่ปฏิบัตินี่สิเขาทำกันยังไง กรี๊ดใส่หน้าแล้วกระชากหัวมาตบเหมือนละครหลังข่าวก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่ เสียภาพพจน์ความเป็นชายหมดไอ้ของแบบนั้นเขาต้องให้ผู้หญิงทำกัน



                ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!



                แก้วในมือถูกพีทกำจนแน่นเหมือนจะแตกละเอียดในไม่ช้า เจ้าตัวจับแก้วในมือกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเป็นจังหวะด้วยความหงุดหงิด ตาก็มองภาพออเซาะฉอเลาะของเนยที่เอนตัวซบอกเกาะแขนอาร์ตเขม็ง รู้สึกอยากให้ตัวเองเกิดเป็นผู้หญิงก็วันนี้แหละ พ่อจะกระชากออกมาตบให้คว่ำ



                เนยกับพีทตอนนี้เหมือนงูจงอางกับพังพอนไม่มีผิด ต่างฝ่ายต่างนั่งจ้องหน้าส่งรังสีอาฆาตฟาดฟันใส่กันอย่างไม่มีใครยอมถอย ถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่คงได้กระโจนใส่กันในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ทำให้ผู้คนรอบข้างได้แต่นั่งมองด้วยความลุ้นระทึกหายใจไม่ทั่วท้อง แม้แต่เสียงก็ยังไม่มีใครกล้าเปล่งมันออกมาให้ได้ยิน




                ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเหตุการณ์ตรงหน้า ตัวต้นเหตุอย่างอาร์ตกลับนิ่งเฉยมองทุกอย่างด้วยแววตาไหวระริกเป็นประกายแห่งความชอบใจ แต่พยายามข่มทุกอย่างให้นิ่งและไม่กระโตกกระตากแสดงออกอะไรไป ทั้งที่ในใจตอนนี้อยากจะโห่ร้องดังๆและดึงเด็กดื้อมากอดจูบให้หนำใจ จากนั้นก็ลากขึ้นเตียงไปจัดหนักสักรอบสองรอบ อะไรมันจะน่ารักได้ขนาดนี้วะ...ให้ตายเถอะ



ตอนแรกเขาตั้งใจจะรีบอธิบายทุกอย่างให้พีทฟังเพราะไม่อยากให้เข้าใจผิด และทำให้บรรยากาศดีๆระหว่างเราพังลงด้วยเรื่องงี่เง่า แต่ว่ามันก็แค่ความคิดในตอนแรกเท่านั้นตอนที่น้องไม่ได้แสดงปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา ปฏิกิริยาที่เข้าใจกันได้ง่ายๆว่า ‘หึง’



เขาเองก็ไม่ได้อยากจะล้อเล่นกับความรู้สึกน้องแต่ว่าเขาเองก็คนๆนึงเหมือนกัน ถึงจะหน้ามึนชนิดที่ชาวบ้านเรียกว่าหน้าด้านถึงจะเดาออกว่าน้องรู้สึกกับเขายังไง แต่เขาก็อยากให้น้องพูดหรือแสดงอะไรออกมมากกว่านี้บ้าง เพื่อความแน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียวจริงๆและสถานกราณ์ตอนนี้มันก็เอื้ออำนวยให้พิสูจน์ จะปล่อยไปก็คงจะหาโอกาสแบบนี้ได้ยาก



ตอนนี้น้องเองก็คงยังไม่รู้ตัวแน่ๆว่าตัวเองแสดงอาการท่าทางแบบไหนออกมา แต่เขานี่สิดีใจจนเนื้อเต้นแทบจะทำนิ่งต่อไปไหว บอกรักไปก็ทำมึนไม่ยอมรับรู้แต่ยอมให้เขากอดทั้งๆที่ปากบอกไม่ใช่แฟน ให้เขาวนเวียนใกล้ๆคอยเข้ามาอ้อนให้หลงแต่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ แถมตอนนี้มีออฟชั่นเสริมเป็นอาการหึงหวงเหลือแค่คำพูดแล้วล่ะที่น้องยังไม่หลุดปากออกมา




“พี่อาร์ตฮะ” เสียงเรียกอ้อนๆข้างตัวทำให้อาร์ตหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วหันไปมองเนยที่นั่งซบตัวเองอยู่



“พี่อาร์ตวันนี้ไปส่งเนยที่ห้องได้ไหมฮะ” เนยอ้อนเสียงหวานพร้อมกับทำตาปริบๆเหมือนลูกแมวส่งให้อาร์ต ก่อนจะปรายตาไปมองพีทที่จ้องตัวเองเขม็งและส่งยิ้มเยาะท้าทายไปให้



“นะฮะพี่อาร์ต” เนยอ้อนขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเอาหัวถูไถที่ไหล่ของอาร์ตไปมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ตอบรับอะไร



ทางด้านพีทที่เห็นท่าทางแบบนั้นของเนยก็แทบจะพุ่งเข้าใส่ จนวินที่ยืนอยู่ใกล้ๆต้องรีบมาจับตัวเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาบอกอาร์ตให้เลิกเล่นอะไรบ้าๆ ในขณะที่อ้นกลับยุส่งอย่างนึกสนุกไม่ต่างจากคนอื่นที่นั่งมองอย่างชอบใจ



พีทกำแก้วแน่นยิ่งกว่าเก่าเพราะความโมโหแต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ทั้งที่หวงจนแทบบ้าไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง แต่จะให้ไปตบกันแย่งผู้ชายบอกเลยไอ้พีทไม่ทำ แต่จะปล่อยไปเฉยๆให้มานั่งเยาะเย้ยหยามหน้ากันแบบนี้มันยอมไม่ได้



“พี่อาร์ตฮะ…คืนนี้ค้างห้องเนยนะฮะ” เนยที่เห็นว่าพีทเอาแต่นั่งจ้องไม่ทำอะไรตัวเองก็ยิ่งได้ใจ ลงมือออดอ้อนอาร์ตต่อท้าทายพีทอย่างต่อเนื่อง ในใจก็นึกสะใจที่พีทไม่กล้าทำอะไรตัวเอง ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เกย์โดยกำเนิดคงโดนแล้วมาเป็น เลยไม่กล้าจะแสดงออกอะไรมากหน้าบางกลัวอาย คนแบบนี้ไม่เห็นจะมีอะไรให้เขาต้องยอมเสียพี่อาร์ตไปเลย ไม่กล้าก็นั่งหวงอยู่แบบนั้นแหละ



“หึ...ฮะๆ” เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาเบาๆจากพีททำให้เนยขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่หันไปมองเหมือนกันด้วยความแปลกใจ แม้แต่ตัวอาร์ตเองก็ยังสงสัยและตามอารมณ์ของพีทไม่ทัน



“หัวเราะอะไร” เนยถามด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆมองพีทที่เอาแต่หัวเราะด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยิ่งเห็นสายตาของพีทที่มองมาอย่างตลกขบขันยิ่งไม่พอใจ



ส่วนอาร์ตยังคงเลือกที่จะเงียบรอดูท่าทีต่อไป เขาเองอยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กดื้อจะทำอะไร แต่ให้เดาจากท่าทางเจ้าตัวคงคิดอะไรออกแล้วแน่ๆ ดูรอยยิ้มแสบๆนั่นก็รู้แต่ที่ไม่รู้คือคิดอะไรได้แค่นั้น



“ไอ้พี่วิน” พีทไม่ตอบคำถามเนยแต่หันไปเรียกวินที่อยู่ใกล้ๆแทน ส่งผลให้เนยแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าชัดเจนที่โดนเมิน



“อะไรครับซ้อ” วินขานรับด้วยความไม่เข้าใจยังคงงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของพีทอยู่



“เคยเห็นแรดตัวผู้ไหม” คำถามของพีททำเอาวินคิ้วขมวดพันกัน ตามไม่ทันจริงๆว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร



“ไม่แน่ใจครับ” วินตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไอ้แรดน่ะใครๆก็เคยเห็น แต่เขาไม่รู้หรอกว่าตัวไหนมันตัวผู้ตัวเมีย อีกอย่างเขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ในคำถามของซ้อเลยให้ตายสิ



“งั้นอยากแน่ใจไหม” พีทยังคงถามต่อด้วยท่าทางใจเย็นหยิบแก้วเหล้าที่อ้นเติมให้มาจิบอย่างสบายอารมณ์



“อะ...เอ่อ...คือ…ก็ได้ครับ” วินออกอาการลังเลไม่น้อยไม่กล้าตอบรัยอะไรออกไป เพราะกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวในเรื่องแปลกๆ ตั้งใจจะปฏิเสธแต่ก็โดนพีทถลึงตาใส่แบบบังคับ เลยต้องจำยอมตอบนามใจออกไป



“นั่นไง…แรดตัวผู้” พีทเน้นคำให้ได้ยินชัดๆอย่างทั่วถึงก่อนจะปรายตาไปทางเนย



“ไม่ต้องไปไกลถึงสวนสัตว์ก็มีให้เห็นตัวเป็นๆ แถมแรดพอๆกับตัวเมีย” คำพูดต่อมาของพีททำเอาทุกคนอ้าปากค้างมองมาที่เจ้าตัวอย่างตกตะลึง แม้แต่ตัวอาร์ตเองยังอึ้งกับความแรงที่ไม่คิดว่าพีทจะมี ขนาดพอจะสัมผัสและรู้ถึงความปากร้ายของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะหลอกด่าได้เจ็บขนาดนี้ เล่นเอาเนยที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงได้แต่อ้าปากพะงาบๆเลยทีเดียว



“มึงด่าใครแรด” เนยตวาดถามเสียงดังใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห ผิดกับพีทที่ท่าทางสบายๆแถมยังกระตุกยิ้มมุมปากกวนๆส่งให้ บอกแล้วว่าให้ตบให้ใช้กำลังเขาไม่ทำแต่ถ้าเรื่องด่าขอให้บอก การันตีว่าหมานี่วิ่งกันเป็นฝูงชนิดนับสายพันธุ์ไม่ถูกเลยล่ะ



“อ้าว...สรุปแรดเหรอ? แรดสินะ” พีทเอียงคอน้อยๆและทำหน้าใสซื่อใส่เนย ทำตัวเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากคนรอบข้างได้ทั่วสารทิศ บางคนก็ถึงกับยกนิ้วโป้งส่งให้อาร์ตเป็นการบอกว่านับถือในความแสบของพีท ขนาดตองยังส่งซิกชอบใจบอกอาร์ตกลายๆว่าซ้อคนใหม่ของวิศวะสอบผ่าน



ตรงข้ามกับเนยที่หน้าแดงก่ำด้วยความอายปนโมโหที่โดนเอาคืน ได้แต่ยืนเม้มปากกำหมัดอย่างขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะเบนมาหาอาร์ตและเกาะแขนอีกฝ่ายแน่นเพื่อหาตัวช่วย



“พี่อาร์ตฮะเขาว่าเนย” เนยทำหน้าตาน่าสงสารเขย่าแขนฟ้องอาร์ต แถมบีบน้ำตาเพิ่มเข้าไปอย่างมีจริตเพื่อขอความเห็นใจ แต่อาร์ตกลับไม่ได้สนใจท่าทางนั้นของเนยเลยสักนิด เพราะเจ้าตัวมัวแต่อมยิ้มกลั้นขำกับการกระทำของพีท



“พี่อาร์ต” เนยเรียกเสียงดังด้วยความฉุนเมื่ออาร์ตไม่สนใจตัวเอง แถมยังผสมโรงหัวเราะไปกับคนอื่นๆอีกด้วย



“ฮ่าๆเนยว่าไงนะ” อาร์ตพยายามกลั้นขำและหันไปถามเพราะเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจฟัง



“พี่อาร์ต!!” เนยออกอาการกระเง้ากระงอดส่งสายตาตัดพ้อไปให้อาร์ต จนพีทที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้วหมั่นไส้ลุกขึ้นยืนพรวดพราด



“ไอ้พี่อาร์ต!!!” พีทตวาดเรียกเสียงเขียวตาก็จ้องเนยแบบกินเลือดกินเนื้อ



“ครับ” อาร์ตแกล้งขานรับเสียงอ่อยและทำหน้าเป็นหมาหงอยส่งให้พีท



“กลับห้อง!!!” พีทสั่งเสียงเข้มแล้วออกเดินนำไม่อยากอยู่ตรงนี้นานกว่าเดิมแม้แต่วินาทีเดียว กลัวอดใจไม่ไหวมือไม้ลั่นเผลอยกเท้าถีบโครมออกไปแล้วชาวบ้านจะได้ตกใจกันมากกว่านี้



"จ่ะ" อาร์ตรับคำแล้วลุกขึ้นเดินตามอย่างว่าง่ายวินาทีนี้น้องสั่งให้คลานตามเขาก็เต็มใจทำเลยล่ะ ความรู้สึกนี่แบบโคตรจะปลื้มถ้ารู้ล่วงหน้าทำไปนานแล้ว



"ไม่ได้นะ...ไหนพี่อาร์ตบอกคืนนี้จะอยู่กับเนยล่ะฮะ" เนยโวยวายออกมาทันทีพร้อมกับรีบเดินตามไปดึงแขนอาร์ตไว้ไม่ให้เดินไปกับพีท ยื้อเอาไว้สุดแรงจนอาร์ตต้องหยุดเดินรวมทั้งพีทที่ต้องพลอยหยุดไปด้วย



"หลบ!!!...เมื่อกี้มึงว่าไงนะใครจะอยู่กับมึง" พีทผลักอาร์ตให้หลบทางด้วยความฉุนก่อนจะเอาตัวเองมายืนประจันหน้ากับเนยแทน




"หูหนวกเหรอ.....ก็พี่อาร์ตไง" เนยเงยหน้าขึ้นตอบพีทอย่างไม่สะทกสะท้านแม้ว่าตัวเองจะตัวเล็กกว่าพีทมากพอควร แถมยังยักคิ้วกวนประสาทส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่กลัวตาย



"แน่ใจ" พีทก้มลงมองคนที่ตัวเตี้ยกว่าแล้วส่งยิ้มเย็นไปให้



"เออ!!" เนยกระแทกเสียงตอบพร้อมถลึงตาใส่อย่างไม่คิดจะยอมแพ้ ยังไงวันนี้เขาก็ไม่ให้พี่อาร์ตกลับไปกับไอ้หน้าวอกนี่หรอก



"ได้...กูให้อยู่" พีทว่าพร้อมกับยิ้มกริ่มละมุนละไมส่งให้ กลายเป็นเนยเองที่ต้องตกใจผสมงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของพีทแววตาเริ่มมองที่พีทด้วยความระแวงไม่ไว้ใจ




"แต่กูจะอยู่ด้วย" พีทเองก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายงงนานพูดประโยคต่อมาในทันทีพร้อมกับรอยิ้มเมื่อครู่ที่หายไปทันควัน



"กูไม่ให้มึงอยู่" เนยเองก็สวนกลับเสียงแข็งทันที



"อันนั้นก็เรื่องของมึง.....แต่กูจะอยู่" พีทว่าอย่างไม่สนใจแถมยักไหล่ให้อย่างไม่ยีหระต่อท่าทางของเนย



"งั้นอยู่ให้ถึงตอนกูขึ้นเตียงกับพี่อาร์ตละกัน" เนยท้าทายออกไปด้วยความหมั่นไส้และเหมือนจะได้ผล เพราะใบหน้าที่แสดงความเหนือกว่าของพีทเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันที



"แล้วไงล่ะเปิดห้องเลยไหมกูจะได้เตรียมตัว" แต่มันก็แค่แป๊บเดียวเพราะพีทก็กลับมาตั้งสติได้และสวนกลับทันที



"มึงจะเตรียมตัวอะไร" เนยมองหน้าพีทด้วยความไม่เข้าใจ



"ก็มึงจะพาพี่อาร์ตไปทำอะไรล่ะกูจะทำด้วยไง" พีทกอดอกแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้เนยแล้วค่อยๆเดินรุกคืบเข้าหาอีกฝ่าย



"มึงหมายความว่าไง" เนยเดินถอยหลังหนีพีทและมองอีกฝ่ายด้วยความระแวง สัญชาตญาณในตัวร้องเตือนถึงความไม่ชอบมาพากล



"ไปเป็นผัวมึงเพิ่มไงเคยลองไหมสามพี...กูจะจัดให้ถึงใจเลย" พีทคว้าเอวของเนยแล้วดึงเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับใช้มืออีกข้างเชยปลายคางของเจ้าตัวขึ้น ส่วนเนยที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนเอาคืนด้วยวิธีแบบนี้ก็ได้แต่ยืนตะลึงนิ่งค้างอยู่ในอ้อมกอดของพีท



"เฮ้ย!!! น้องพีท" อาร์ตถึงกับร้องเสียงหลงมองพีทอย่างตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวจะเล่นแบบนี้ ก่อนจะปรี่เข้าไปกระชากตัวพีทออกมาจากเนยแล้วกอดไว้แน่น พอเหลือบไปมองเนยก็อยากจะร้องไห้ทำไมยืนหน้าแดงแบบนั้นวะ



"ซ้อ!!!" วินเองก็อุทานออกมาเสียงดังไม่แพ้กันมองพีทด้วยความเหลือเชื่อ ดูจากภายนอกซ้อเขาไม่น่าจะปากร้ายหรือทำอะไรแบบนี้ได้เลย




"แร็งส์!!!!" อ้นครางออกมาเบาๆไม่คิดเหมือนกันว่าเพื่อนสะไภ้จะแรงได้ขนาดนี้ คนเรานี่มันดูภายนอกไม่ได้จริงๆ



“กลับเดี๋ยวนี้เลยน้องพีท” อาร์ตว่าเสียงเข้มพร้อมกับกอดพีทไว้แน่น ไอ้ความสนุกก่อนหน้าปลิวหายเปลี่ยนเป็นความเครียดแทน ชาวบ้านที่ไหนเขาหึงผัวกับกิ๊กแล้วเลือกกำจัดกิ๊กผัวด้วยการอาสาไปเป็นผัวอีกฝ่ายบ้าง อยากจะผ่ากะโหลกเมียเด็กตัวเองออกมาดูจริงๆว่าคิดอะไรในหัว



“ถ้าอยากได้ผัวเพิ่มก็บอกนะ” พีทตะโกนบอกเนยอีกครั้งอย่างชอบใจยิ่งเห็นอีกฝ่ายเงียบยิ่งได้ใจ ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นกับใครอยู่ ถึงเขาจะมีผัวและผัวคนแรกแต่ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั้นจะหน่อมแน้มไม่เคยมีเมียมาก่อน เห็นแบบนี้เขาก็เสือผู้หญิงคนนึงเหมือนกันนะแถมกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าทำหน้าที่ผัวได้ดีกว่าหน้าที่เมียเป็นไหนๆ ท้าให้เลือกเลยว่าจะเอาสวรรค์ชั้นไหน...จัดได้ถึงใจแน่นอน



“พอๆกลับห้องเลยน้องพีท...ไอ้วินไปส่งเนยด้วย” อาร์ตหันไปสั่งรุ่นวินเพราะถึงยังไงเขาก็ไม่อยากให้เนยกลับคนเดียว ยอมรับว่าเป็นห่วงแต่ก็ในฐานะพี่น้องเท่านั้น



“ครับเฮีย” วินเองก็รับคำแล้วจูงมือเนยที่ยังตะลึงไม่เลิกพาไปขึ้นรถเพื่อส่งกลับบ้าน



พีทที่เห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของอาร์ตก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แล้วเดินหนีออกไปอย่าไม่พอใจ อาร์ตเลยได้แต่มองตามแล้วส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันกลับมาหาพวกเพื่อนและรุ่นี่ของตัวเอง



“กลับก่อนนะพวกมึง...ผมกลับนะพี่” อาร์ตบอกลาเพื่อนและยกมือไหว้ตองซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับและโบกมือไล่



“ฮ่าๆ ง้อดีๆนะมึงบอกเลยเพื่อนสะไภ้คนนี้ก็ให้ผ่าน” อ้นตะโกนตามหลังอาร์ตแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ อาร์ตเลยหันกลับมาชูนิ้วกลางส่งให้เป็นการสั่งลาก่อนจะรีบวิ่งตามหลังพีทที่เดินห่างออกไป




“ปล่อย!!!” พีทว่าเสียงแข็งใส่อาร์ตและพยายามสะบัดแขนที่โดนจับให้หลุด แต่อาร์ตก็ไม่สนใจจัดการลากพีทไปหามอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้หลังร้านแล้วหยิบหมวกกันน็อคมาสวมให้ตามปกติ พีทที่กำลังอารมณ์ขุ่นมัวเลยไม่ยอมง่ายๆแล้วกระชากหมวกมาถือเอาไว้เอง ก่อนจะยกกำปั้นทุบลงไปบนอกอาร์ตเต็มแรงเพื่อระบายความโกรธ



“โอ๊ย!!!” อาร์ตร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บยกมือขึ้นลูบอกตัวเองไปมา หันไปสบตาเจ้าของฝ่ามืออรหันต์ก็เจอสายตาดุๆของอีกฝ่ายที่ถลึงมองมาด้วยความไม่พอใจ แถมด้วยการชี้หน้าคาดโทษเขาอย่างเอาเรื่องแต่มันก็ทำให้อุ่นใจ อย่างน้อยๆถ้าน้องมีอารมณ์โมโหแสดงว่าไม่งอนเท่าไหร่ถ้าเงียบแล้วไม่พูดอันนี้คงต้องคิดหนัก



“กลับห้องเลยเนอะ” อาร์ตถามเสียงนุ่มใบหน้าเปื้อนยิ้มทำมึนใส่ ผิดกับพีทที่ยืนใบหน้างอง้ำจ้องอาร์ตเขม็ง



“เออ!!!” พีทกระแทกเสียงตอบแล้วเขวี้ยงหมวกกันน็อกในมือใส่อาร์ต ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปึงปังไปนั่งคร่อมบนรถรอกอดอกสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทางอย่างงอนๆ ส่วนอาร์ตที่โดนฤทธิ์หมวกบินกะทันหันก็ได้แต่ยืนตัวงอเพราะจุก



อาร์ตได้แต่ส่ายหัวเบาๆให้กับความแสนงอนที่น่ารักน่าเอ็นดูของพีท แล้วเดินเข้าไปหาเจ้าตัวเพื่อสวมหมวกให้อีกครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายๆเพราะพีทยกมือปัดทิ้งตลอดเวลา แถมเอี้ยวตัวหนีไม่ยอมให้เข้าใกล้



“พีท” อาร์ตทำเสียงดุใส่เพื่อหวังให้เจ้าตัวอยู่นิ่งๆ และมันก็ได้ผลเพราะพีทหยุดอยู่เฉยๆทันที แต่ดวงตาเรียวกลับมีน้ำใสๆคลอให้เห็น



“เฮ้ย!! ไม่เอาอย่าร้อง พี่ไม่ได้ว่า” อาร์ตถึงกับออกอาการร้อนรนเพราะไม่คิดว่าพีทจะร้องไห้ ก็เมื่อกี้ยังเก่งกล้าสามารถแสดงอภินิหารอยู่เลย อารมณ์อะไรมันจะเปลี่ยนกันเร็วขนาดนั้น



พีทมองอาร์ตด้วยสายตาตัดพ้อแบบที่ตัวเองไม่รู้ตัว แล้วกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมา จู่ก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมาซะงั้นเขาไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย มันดูอ่อนไหวง่ายไปกับทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวเอง



“จะทำอะไรพี่ก็ได้แต่ขอร้องอย่าพึ่งตัดสินกัน ให้พี่ได้อธิบายก่อนนะครับ” อาร์ตจับปลายคางพีทให้หันมาหาแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้



“พี่ยอมรับผิดทุกอย่างเลย” รอยยิ้มของอาร์ตกับคำพูดที่เจ้าตัวส่งออกมา ทำให้พีทพยักหน้ายอมรับอย่างลืมตัว ไอ้พี่อาร์ตมันฉลาดรู้ดีว่าเขาแพ้ทางถึงได้ทำอะไรแบบนี้ โคตรนิสัยเสียเหอะ... อย่าให้ถึงทีเขาบางละกัน ส่วนอาร์ตได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจกับท่าทางของพีท



“กลับห้องเรานะ” อาร์ตใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้มใสของพีทแล้วหันไปขึ้นรถเพื่อพาอีกฝ่ายกลับ



ปึ่ก!!!



“อุ่ก!!!” อาร์ตถึงกับครางออกมาในลำคอเมื่อโดนพีทที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง เอาหัวที่สวมหมวกกันน็อกเรียบร้อยโขกเข้ากลางหลังเต็มแรง ทั้งเจ็บทั้งขำไม่รู้ว่ากว่าเจ้าตัวจะหายงอน เขาจะช้ำในตายก่อนไหมแรงไม่น้อยเลยนะเห็นตัวเล็กๆแบบนี้



พีทยังเอาหัวโขกหลังอาร์ตต่อเนื่องเพื่อระบายความรู้สึกหลายอย่างในใจ แต่คำว่า ‘กลับห้องเรานะ’ ที่อีกฝ่ายพูดเมื่อกี้มันอุ่นวาบไปทั้งใจ จนเขาหุบยิ้มไม่ลงเลยล่ะ





2 Be Con...

+++++++++++++++

เขียนไปก็แบบ พีทมันแต๋วไป ปากจัดไปมั้ยหว่า

แต่ก็เอาเหอะ...คิดซะว่าอรรถรส!!!

คู่นี้เค้าจะฟิลเบาๆมุ้งมิ้ง ดราม่ามีแต่จะมาช้า

แต่ไม่ต้องห่วงไม่หนัก มันต้องฟิลกู๊กเป็นหลัก

รักคนอ่านจ้า ^^

 ปล.นิยายเปิดจองแล้วนะ แต่ตามกฎเล้าลงไม่ได้
ยังไงสอบถามทางแฟนเพจแล้วกันเด้อ



 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 20 (03/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-06-2016 17:04:10
รีบกลับห้องไปง้อเมียเลยพี่อาร์ต
เมียดุมาก( ไม่ดุเดี๋ยวเอาพี่อาร์ตไม่อยู่ )
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 20 (03/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2016 17:04:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 20 (03/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2016 18:30:23
แรงดีพี่ชอบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 07-06-2016 13:14:12
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 21 -



“ไอ้พี่อาร์ตจอดรถ จอด!!” พีทเอามือฟาดที่หลังของอาร์ตเพื่อให้หยุดรถเมื่อมาถึงหน้าปากซอยของหอพักอาร์ต



“มีอะไรรึเปล่า” อาร์ตเอ่ยปากถามหลังจากชะลอรถเข้าไปจอดข้างทางตามที่พีทต้องการ มือก็ยื่นรับเอาหมวกกันน็อกที่เจ้าตัวถอดออกมาถือไว้ให้



“เซเว่น” พีทพยักเพยิดหน้าไปทางเซเว่นที่อยู่ไม่ไกล



“หิว...ยังไม่กินข้าวเหรอ” อาร์ตถามด้วยความเป็นห่วง



“เปล่า” พีทตอบหน้ามุ่ยแล้วเดินนำหน้าเข้าเซเว่นไป



“งานเข้าละกู” อาร์ตยกมือเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ วางหมวกลงในตะกร้ารถแล้วรีบเดินตามพีทเข้าไปข้างใน ดูจากสีหน้าเมื่อกี้แล้วยังโกรธเขาไม่หายแน่ๆ ไม่รู้ง้อแล้วจะหายงอนง่ายๆรึเปล่าชักจะเริ่มกลุ้มใจ



ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบเข้าใบหน้าทันทีที่ประตูเปิดออก ทำให้อาร์ตเบ้หน้าเล็กน้อยกับอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆกลับไปให้พนักงานร้านตามประสาคนอัธยาศัยดี ผลที่ได้คือสาวเจ้าที่อายม้วนต้วนหน้าแดงอย่างไม่คิดจะปิดบัง จนเจ้าของรอยยิ้มแบบอาร์ตเกิดอาการประหม่าไปไม่น้อยเหมือนกัน



อาร์ตเลิกสนใจพนักงานคนที่ว่าแล้วหันมองหาคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาก่อนหน้าแทน ก่อนจะต้องยิ้มแหยๆส่งไปให้อีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวกำลังยืนมองมาเขม็ง ปลดปล่อยรังสีความไม่พอใจออกมาจนอาร์ตที่ยืนห่างเป็นเมตรสัมผัสได้ อ้าปากตั้งใจจะเรียกแต่อีกฝ่ายก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปทางอื่น ทิ้งให้อาร์ตมองตามแล้วถอนหายใจเบาๆด้วยความกลุ้ม



“ซื้ออะไรน่ะ” อาร์ตมองของในตะกร้าที่พีทหยิบใส่จนเกือบเต็มแถมยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดหยิบด้วยความสงสัย



“เป็นแผลเหรอ...ตรงไหน” อาร์ตหยิบของในตะกร้าขึ้นมาดูก่อนจะรีบวางกลับลงที่เดิม แล้วหันมาจับตัวพีทเพื่อสำรวจหาบาดแผลด้วยความตกใจ



“ปล่อย” พีทสะบัดตัวออกจากมืออาร์ตแล้วตั้งหน้าตั้งตาหยิบแอลกอฮอลล์ล้างแผล รวมทั้งน้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างแผลใส่ตะกร้าจนหมดชั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกเดินตรงไปอีกชั้นใกล้ๆแล้วคว้าเอาน้ำยาเดทตอลใส่ลงตะกร้าตามไปอีกสองขวดใหญ่ๆ



อาร์ตมองการกระทำของพีทด้วยความสงสัยขนาดหนักแต่เลือกที่จะไม่ถามอะไรออกไป แล้วเดินตามพีทเงียบๆอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะความผิดที่ปักกลางหลังชิ้นเบอเร่อ ก่อนจะเหลือบไปเห็นบางอย่างที่อยู่ในตู้แช่แล้วหลุดยิ้มออกมาอย่างชอบใจ จัดการเปิดตู้แล้วคว้าเอามาถือไว้เท่าที่สองมือตัวเองจะถือได้ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้สิ่งที่เขาจะซื้อเนี่ยมันจะทำให้น้องหายงอนไหม แต่ก็หวังว่ามันจะทำให้น้องอารมณ์ดีขึ้นสักนิดก็พอ



“ไอ้พี่อาร์ต!! เร็วๆดิ๊ทำอะไรเนี่ย” เสียงเหวี่ยงๆที่ดังข้ามฝากกับใบหน้าหงิกงอของพีท ทำใหอาร์ตรู้สึกตัวแล้วรีบหอบหิ้วของในมือเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็ว



“ทำอะไรอยู่...แล้วนั่นอะไร” พีทมองของในมืออาร์ตด้วยความสงสัยก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่ออาร์ตค่อยๆวางทุกอย่างลงที่เคาท์เตอร์คิดเงิน



“พีทน่าจะชอบ” อาร์ตยิ้มกว้างแล้วหยิบขวดน้ำแร่ที่ทำรูปทรงเป็นคิตตี้แกว่งไปมาเบาๆตรงหน้าพีท



“ไม่ได้ช่วยหรอกนะ” พีทว่าอย่างรู้ทันความคิดของอาร์ตทำเอารอยยิ้มกว้างของเจ้าตัวถึงกับจ๋อยสนิท



“จ่ายตังด้วย” พีทพยายามกลั้นยิ้มให้กับท่าทางหงอยๆของอาร์ตแล้วรีบเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก ก่อนที่จะหลุดฟอร์มของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ใจ อาร์ตได้แต่มองตามแล้วก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันมาจ่ายเงินตามคำสั่ง



“เขาน่ารักดีนะคะ” ระหว่างคิดเงินพนักงานก็เอ่ยปากชวนคุยและมองตามหลังพีทเหมือนที่อาร์ตมอง



“ใช่ครับน่ารักแล้วก็ดื้อมากด้วย” อาร์ตเองก็ตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร



“เหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็มองออกไปทางหน้าร้าน



“ผมไปทำให้เขาโกรธนะครับ” อาร์ตยิ้มละไมอย่างเหนื่อยอ่อน



“น้องชายขี้งอนแบบนี้ลำบากแย่เลยนะคะ” หญิงสาวพูดต่ออย่างเห็นใจ



“ไม่ลำบากหรอกครับแล้วก็ไม่ใช่น้องชาย...แฟนผมเอง” คำตอบของอาร์ตเรียกสีหน้าตกใจจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี ก่อนจะมองหน้าอาร์ตสลับกับพีทที่อยู่นอกร้านไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ



“แฟนงั้นเหรอคะ” หญิงสาวลองถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มและการพยักหน้ายืนยันจากอาร์ต



“ครับ...ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ” อาร์ตไม่ได้ใส่ใจท่าทางของหญิงสาวเท่าไหร่ หยิบกระเปาคิดมาเพื่อจะจ่ายเงินเมื่อเห็นว่าใส่ถุงเรียบร้อย



“4xx ค่ะ” อาร์ตยื่นแบงค์ห้าร้อยให้อีกฝ่ายไปก่อนจะรับเงินทอนมา แล้วคว้าเอาถุงใส่ของหิ้วออกไปหาพีทที่รออยู่นอกร้าน ทิ้งให้พนักงานสาวมองตามอย่างเสียดายในความหล่อของทั้งคู่



“ช้า!! ยืนขายขนมจีบเขาอยู่รึไง” พีทกอดอกและทำหน้าบึ้งตึงใส่จนอาร์ตที่หิ้วของเดินมาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เขาจะทำไว้เลยว่าเวลาเด็กดื้อของเขางอนน้องพร้อมที่จะพาลและเหวี่ยงกับทุกสิ่ง



“ไม่กล้าจีบใครหรอก...เมียพี่ดุ” อาร์ตยักคิ้วส่งให้พีทกวนๆเลยโดนพีททุบเอาด้วยความหมั่นไส้ บอกเลยว่าไม่ได้เบาๆมุ้งมิ้งน่ารักเหมือนหนังรักวัยใส แต่แรงที่ใช้ทุบนี่เจ็บจนสะเทือนยันตับไตไส้พุงน้องควรจะเบามือกับเขาบ้าง



“เก็บของไปเลยไป” พีทว่าพร้อมใบหน้าแดงเพราะความเขินขนาดเขาโกรธอยู่ไอ้พี่อาร์ตมันยังกระล่อนใส่ได้ ยอมในความหน้ามึนของพี่มันจริงๆ



“ครับๆว่าแต่น้องพีทซื้อของพวกนี้ไปทำไมเนี่ย” อาร์ตหยิบหมวกกันน็อกในตะกร้าส่งให้พีทแล้วยัดถุงของลงไปแทนที่ ก่อนจะเดินมานั่งลงบนรถเพื่อเตรียมพาอีกฝ่ายกลับห้อง



“ไม่ถามสักเรื่องได้มะ...ครับรถไปเลยไปง่วง” พีทตอบรวนอาร์ตแล้วเร่งให้อีกฝ่ายพากลับห้อง อาร์ตเลยได้แต่เก็บความสงสัยของตัวเองไว้แล้วสตาร์ทรถพากลับตามที่เจ้าตัวต้องการ



...

...



“ให้พี่เอาของไว้ไหน” อาร์ตถามแล้วชูถุงของในมือขึ้นก่อนจะหันไปล็อกประตูห้องให้เรียบร้อย



“เอาวางไว้ที่โต๊ะเลย” พีทส่งเสียงตอบกลับมาส่วนตัวเองเดินหายไปที่ระเบียงห้อง




อาร์ตมองตามแต่ไม่คิดจะถามเซ้าซี้อะไรเดินเอาของไปวางไว้ตามที่อีกฝ่ายสั่ง แล้วหยิบเอาขวดน้ำที่ซื้อมาไปแช่ตู้เย็นให้เรียบร้อย หันกลับมาอกทีก็เจอพีทยืนอยู่พร้อมผ้าเช็ดตัวและกะละมังในมือ



“ถอดชุดออกมา” พีทยื่นผ้าเช็ดตัวให้อาร์ตแล้ววางกะละมังลงบนโต๊ะ



“ห๊ะ” อาร์ตทำหน้าเหวอด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ดีๆก็สั่งให้เขาแก้ผ้าใครจะไปเข้าใจล่ะ



“เร็วๆ” พีทส่งเสียงเร่งด้วยใบหน้างอง้ำ อาร์ตเลยจำเป็นต้องคว้าผ้าเช็ดตัวมาแล้วถอดเสื้อผ้าตามที่อีกฝ่ายต้องการ




“เอามา...บ๊อกเซอร์กับกางเกงในด้วย” พีทยื่นมือไปรับเสื้อผ้าจากอาร์ตและสั่งต่อด้วยใบหน้าแดงก่ำ อาร์ตเองก็ถอดออกยื่นให้อีกฝ่ายด้วยความงง



“เฮ้ย!!!” อาร์ตถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสิ่งที่พีททำพร้อมกับคำถามในหัวที่ได้รับการเฉลยสักที ว่าของทั้งหมดพีทซื้อมันมาทำอะไร



พีทโยนเสื้อผ้าทุกอย่างของอาร์ตลงในกะละมันตรงหน้า จากนั้นก็คว้าเอาถุงมาเปิดหยิบแอลกอฮอลล์กับน้ำเกลือเทลงไปในกะละมังจนหมดทุกขวด ก่อนจะขย้ำให้ทุกอย่างเข้าไปในเสื้อผ้าทั้งหมดจนแน่ใจว่าไม่มีตรงไหนไม่โดนน้ำถึงหยุดมือ ใจจริงเขาอยากจะใช้แอลลกอฮอลล์ทั้งหมดเพื่อประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแต่ติดที่ว่าเซเว่นมันมีไม่พอ คิดแล้วยิ่งโมโหนั่งนัวเนียกันอยู่ได้เขาต้องฆ่าเอาเชื้อโรคออกให้หมด ของๆเขาคนของเขาก็ต้องเป็นของเขาเขาสิจะให้มีกลิ่นใครไม่รู้มาติดไม่ได้



“ไปอาบน้ำ...แล้วก็ใช้นี่อาบออกมาดีๆนะ” พีทสั่งเสียงเข้มยัดขวดเดทตอลใส่มืออาร์ตทั้งสองขวด



“ต้องขนาดนี้เลยเหรอ” อาร์ตมองใบหน้าบึ้งตึงสลับกับขวดเดทตอลในมือด้วยความอึ้ง ไม่คิดเลยว่าน้องจะหึงได้รุนแรงขนาดนี้



“เออ!! ถ้าไม่ทำไม่ต้องมาจับ!!” พีทกระแทกเสียงใส่แล้วเดินหนีไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่เตียงนอน ส่วนอาร์ตก็ได้แต่เดินคอตกเข้าไปอาบน้ำตามคำสั่งแต่โดยดี พร้อมกับอยากจะบอกน้องเหลือเกินว่าถ้าให้เทเดทตอลสองขวดผสมน้ำอาบ ผัวน้องคงจะตัวเปื่อยจนได้หามเข้าโรง’บาลมากกว่าที่จะสะอาดอย่างที่น้องต้องการ



...

...



อาร์ตกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งด้วยสภาพหัวเปียกลู่และผ่านการฆ่าเชื้อเรียบร้อย สายตาขี้เล่นสอดส่องไปทั่วห้องเพื่อมองหาอีกคน ก่อนจะสะดุดเข้ากับก้อนกลมๆที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียงเจ้าตัวเลยเดินเข้าไปหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ



“เป็นอะไร” อาร์ตเอามือไปนวดตรงหว่างคิ้วของพีทเบาๆ เพราะเห็นอีกฝ่ายนอนขมวดคิ้วหน้าบึ้งเหมือนคนคิดหนัก



“พี่...” พีทเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบาก่อนจะพลิกตัวนอนหงายหันมาเผชิญหน้ากับอาร์ต



“หืม” อาร์ตขานรับในลำคอเบาๆแล้วโน้มตัวเท้าแขนคร่อมพีทเอาไว้



“เลิกยุ่งกับผมเหอะว่ะ...ต่างคนต่างอยู่ได้ไหมกลับไปเป็นแบบเมื่อก่อน...ผมไหว้ก็ได้” พีทมองอาร์ตด้วยสายตาสั่นไหวอ้อนวอนเหมือนคนหมดหนทาง น้ำเสียงที่เปล่งออกไปก็ไม่มั่นคงมีแต่ความสับสนอยู่ในนั้นเต็มไปหมด




“เฮ้ย!! นี่โกรธพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” อาร์ตถึงกับตาเบิกโพรงตกใจกับคำพูดของพีท รับรู้ได้ถึงเส้นประสาททุกเส้นในร่างกายของตัวเองกำลังเครียดขึง สมองคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงต่อไปดี




แต่ก่อนที่จะได้วิตกจริตไปกันใหญ่พีทก็ส่ายหน้าเบาๆส่งให้ เพื่อบอกให้รู้ว่าที่พูดไม่ใช่เพราะโกรธ อาร์ตเลยได้แต่ถอนหายใจโล่งอกแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าไม่โกรธแล้วน้องจะอยากเลิกยุ่งกับเขาทำไม



“ทำไมถึงไม่อยากอยู่ใกล้พี่ล่ะ...พี่ทำให้เราอึดอัด” อาร์ตถามออกไปด้วยน้ำเสียงแฝงความเศร้าแบบไม่ได้เสแสร้งแกล้งหยอกเหมือนทุกครั้ง ใจมันโหวงๆหวิวๆปวดหนึบขึ้นมาทันที



“เปล่า...แต่กูไม่ชอบเลยว่ะพี่” พีทส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวันจนผมกระจาย



“ไม่ชอบ?” เครื่องหมายคำถามลอยขึ้นเต็มหัวอาร์ตไปหมดยิ่งอีกฝ่ายพูดยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ



“ไม่ใช่ไม่ชอบแบบนั้น...พี่มึงเข้าใจกูไหมเนี่ย” ใบหน้าของพีทงอง้ำใส่อาร์ตด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจตัวเองสักที



“เดี๋ยวนะ...คืออะไรยังไง...ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆสิ” อาร์ตดึงพีทให้ลุกขึ้นนั่งแล้วบังคับเจ้าตัวให้มองหน้ากันตรงๆ ขืนพูดวกไปวนมากันอยู่แบบนี้คืนนี้ทั้งคืนก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง



“ฮึ่ย...พี่มึงเข้าใจไหมเนี่ย...บอกว่าไม่ชอบไง ให้เลิกยุ่งไงแล้วจะมาจับทำไมวะ” พีทฟาดลงไปบนมือของอาร์ตไม่ยั้งเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย



“อย่างี่เง่าพีท...พูดดีๆ” อาร์ตว่าเสียงดุจนพีทหยุดการกระทำของตัวเองแล้วเม้มปากแน่น อาร์ตเลยจัดการอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตักโอบแขนกอดเอาไว้หลวมๆ



“ก็มันไม่ชอบไง...ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ทำไมต้องโมโหแล้วทำตัวเหมือนผู้หญิงด้วยวะ แม่ง!!!”  พีทกระแทกเสียงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดใบหน้างอง้ำลงยิ่งกว่าเก่า บ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้จริงๆ



ในระหว่างที่พีทไล่อาร์ตให้ไปอาบน้ำเลยมีช่วงเวลาที่ทำให้ได้อยู่คนเดียว และนั่นเองที่ทำให้ได้คิดย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ภาพการกระทำบ้าๆของตัวเองไหลย้อนกลับเข้ามาเหมือนเล่นวิดีโอ มันทำให้รู้สึกอายตัวเองที่ทำอะไรแบบนั้นลงไปและที่มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกกลัว เขากลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด เขาควรเลิกยุ่งกับไอ้พี่อาร์ตซะก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปจริงๆ



อาร์ตก้มลงมองใบหน้ายุ่งเหยิงสลับกับเขินอายของพีทด้วยความสุขในหัวใจแบบแทบจะล้นออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นเรียกว่าได้ผลดีเกิดคาดทะลุเป้าหมายไปไกลลิบลับเลยล่ะ ถ้าเขาจับน้องกดและจัดหนักๆให้รางวัลความน่ารักของน้องสักสามวันสามคืน เขาจะดูเป็นคนหมกมุ่นหรือหื่นกามไหมวะไม่ไหวจริงๆกับความน่าฟัด



“เข้าใจที่พูดไหมเนี่ย” เสียงเหวี่ยงๆที่ดังมาจากพีทพร้อมกับใบหน้าหงุดของเจ้าตัว ทำให้อาร์ตต้องหยุดความคิดในหัวที่ตั้งใจจะทำเข้าสักวันลง ก่อนเจ้าตัวจะกอดคนบนตักแน่นจนกระดูกแทบหักแทน



“เข้าใจแต่พี่ไม่ทำตาม” คำพูดของอาร์ตทำเอาพีทถลึงตามองไม่พอใจทันที ถ้าเข้าใจแล้วทำไมไม่ยอมทำตามวะไอ้พี่เลว



“สิ่งที่พีทเป็นมันไม่ได้แย่หรอก...พี่ชอบจะตาย”




“ชอบบ้าอะไรวะ...ไม่เอา แล้วที่เป็นอยู่เนี่ยแหละที่เรียกว่าแย่”



“งั้นใครที่เขาหึงแฟนเขาก็แย่หมดนะสิ” คำพูดต่อมาและนัยน์ตาพราวระยับของอาร์ตที่ใช้มองมา ทำเอาพีทหยุดชะงักคำที่จะเถียงต่อก่อนใบหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนสี ไล่ลามลงไปตามใบหูและลำคออย่างรวดเร็ว



“กะ...กะ...ก็นั่นเขาแฟนกัน อีกอย่างไม่ได้หึงสักหน่อยแค่หมั่นไส้เหอะ” พีทเถียงกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแล้วก้มหน้าหงุดไม่กล้าสบตากับอาร์ต



“หืม...ไม่หึงจริงอ่ะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจจะได้มีคนตามหึงกับเขาบ้าง แบบนี้ไปยุ่งกับใครไปทั่วเหมือนเดิมก็ได้สินะ ไม่มีเจ้าของนี่นา” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แล้วก็รอดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายอย่างมีความสุข



“ไอ้พี่อาร์ต!!!” และก็เป็นอย่างที่คิดเพราะพีทหันมาตวาดแว๊ดใส่พร้อมกับมองมาอย่างเอาเรื่อง จนอาร์ตหลุดยิ้มออกมาอย่างพอใจ นี่ขนาดไม่หึงนะ



“หึงก็ยอมรับเหอะน่า” อาร์ตเอ่ยกระเซ้า



“บอกว่าไม่หึงไง” พีทก็เถียงกลับอย่างไม่ลดราวาศอก ไม่ยอมรับซะอย่างใครจะทำไม



“โอเคๆพี่ยอมแพ้ ไม่หึงก็ไม่หึง” อาร์ตยกสองมือขึ้นเพื่อบอกว่ายอมแพ้และไม่คิดจะเถียงต่อ เถียงให้ตายอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมรับหรอก



“น้องพีท”




“อะไร”



“พี่รักน้องพีทนะ”



“................” น้ำเสียงจริงจังที่อาร์ตใช้พูดออกมาทำให้พีทนั่งเงียบและไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำบอกรักจากอาร์ต แต่มันเป็นครั้งแรกจริงๆที่อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนี้



“แล้วพีทล่ะ...รู้สึกรักหรือชอบพี่บ้างรึยัง” อาร์ตลองถามออกไปตรงๆแบบวัดใจและวัดดวง เขาดึงดันวุ่นวายกับน้องอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอดบางทีน้องอาจจะไม่ชอบเขาจริงๆก็ได้ แต่ที่ถามไม่ใช่คิดว่าจะตัดใจหรอกนะแค่ถ้ามันผิดแผนจะได้กลับลำปรับแผนใหม่



พีทคิดไม่ตกว่าจะตอบยังไงดีให้กับคำถามของอาร์ต คำตอบมันมีในหัวใจอยู่แล้วแต่ยังไม่กล้าพอที่จะยอมรับ เจ้าตัวเม้มปากตัวเองแน่นอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย



จุ๊บ



สัมผัสแผ่วเบานุ่มนวลที่แนบลงมาบนริมฝีปากและจางให้ไปอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา ทำเอาอาร์ตยิ้มกว้างออกมาเหมือนคนบ้า ก้มลงมองคนบนตักที่เอาหน้าซุกไหล่ตัวเองอย่างมีความสุข ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆไม่ได้กระเซ้าเย้าแหย่ให้เจ้าตัวรู้สึกอายไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับคำตอบ



“พี่คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมกับจูบนี้” อาร์ตกดจูบลงที่ข้างขมับอีกฝ่ายแผ่วเบา



“ไม่รู้เว้ย” พีทตอบเสียงอู้อี้ซ่อนใบหน้าแดงก่ำไว้กับซอกคอของอาร์ต



“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ...ตกลงไหม” อาร์ตลูบหัวลูบหลังพีทไปเรื่อยๆแล้วรอคอยคำตอบ



“ทำไมต้องอยากได้คำนี้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ได้นิ เป็นแฟนเดี๋ยวก็เลิก...พอเบื่อก็ทิ้ง” พีทพูดแผ่วเบาไม่ต่างจากกระซิบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเศร้าและเหมือนมีอะไรบางอย่างข้างในใจ จนอาร์ตต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน



“ยิ่งผู้ชายด้วยกัน...มันสู้ผู้หญิงไม่ได้หรอก” เกิดความเงียบปกคลุมทั้งคู่ทันทีในประโยคต่อมาของพีท ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่พูดอะไรออกมา คนนึงจมอยู่ในอดีตที่ฝังใจและเป็นแผลจนถึงทุกวันนี้ ส่วนอีกคนจมอยู่กับความสงสัยและอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด



“ยังต้องเดินทางอีกแสนไกล ยังต้องเดียวดายอีกนาน เธอต้องการอ้อมกอดบ้างไหม

ยังต้องมีวันที่มืดหม่นที่ต้องทนทรมาน เธอต้องการรักไหม

ใครข้างบนคงต้องรู้ว่ามันโหดร้าย จึงกำหนดมาให้ต้องมีคนข้างกาย

ทำให้วันนี้เราได้เจอ...ก็ขอให้เธอมั่นใจ

...ที่เขาว่าความรักยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องเสียใจมาก

แต่ฉันว่าสิ่งนั้นที่ทำร้ายจิตใจ นั่นคือความไม่รัก

เธออย่าคิดมากเกินไป ให้ถามตัวเองอยู่ตรงไหนแล้วเป็นสุขใจ ก็พอ...

รักเหอะ ฉันจะมีชีวิตนี้เพื่อเธอ...รักเหอะ ฉันจะอยู่เคียงข้างเสมอ

ไม่ว่าจะดีเราก็พร้อมจะรับมา ไม่ว่าจะร้ายเราก็พร้อมจะฟันฝ่า

เธอเชื่อไหมรักแท้ยังมี อยู่ตรงนี้แค่ยื่นมือมา

จะสุขจะทุกข์เราก็พร้อมจะรับมา จะดีจะร้ายเราก็พร้อมไปฟันฝ่า

เธอเชื่อไหมรักแท้ยังมี อยู่ตรงนี้แค่ยื่นมือมา...รักเหอะ”



อาร์ตโยกตัวคนในอ้อมกอดเบาๆเพื่อปลอบประโลม เขาไม่รู้ว่าน้องไปเจออะไรมาถึงดูมีอะไรในใจแบบนั้น แต่เขาอยากให้น้องไม่มองโลกในแง่ร้ายอยากเป็นคนที่ทำให้น้องมองเห็นอะไรดีๆ เขาอาจจะไม่ใช่รักแท้หรือรักสุดท้ายของน้องเพราะอนาคตมันไม่มีใครบอกหรือกำหนดได้ แต่เขาอยากให้น้องรับรู้ว่าโลกนี้มันกว้างรักแท้และรักดีๆมันมีอยู่จริง เหมือนกับเขาที่เคยได้รับและโดนฉุดขึ้นมาจากความมืดด้วยมือเล็กๆของใครคนหนี่ง



เสียงทุ่มนุ่มที่ร้องเพลงออกมาอย่างไพเราะข้างหูพร้อมกับแรงโอบกอด ทำให้พีทน้ำตาไหลออกมาทั้งรอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจมันอิ่มเอิบพองโตเหมือนต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำพรวนดินไม่มีผิด



“เลี่ยนว่ะ” แต่พีทก็ยังคงเป็นพีทจะให้เขินอายแบบปกติก็คงไม่ได้ เลยต้องแสดงออกในลักษณะนี้ทำท่าเหมือนไม่ชอบใจ ทั้งๆที่ใจเต้นเหมือนตีกลอง



“ยังขาดกีตาร์นะแค่นี้ไม่เลี่ยนหรอก” อาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะ



“ร้องเพลงให้เหมือนจีบสาว” พีทว่ากัดเบาๆแก้อาการเขินของตัวเอง



“แล้วจีบติดไหมล่ะ” อาร์ตถามกลับอย่างยียวน



“ห้ามเจ้าชู้”



“ห๊ะ!!” จู่พีทก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงเล่นเอาอาร์ตถึงกับตามไม่ทัน แถมเจ้าตัวยังเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขม็งอีก



“ตอบ!!!”




“อ่า...ครับ” อาร์ตที่เริ่มจะเข้าใจอะไรลางๆรีบตอบรับทันที



“ห้ามนอกใจ”



“สัญญา”



“ห้ามขัดใจ”



“อันนี้พี่ขอดูเป็นกรณีไปได้ไหม”



“ชิ...ห้ามดุด้วย”



“ปกติพี่ก็ไม่เคยดุพีทนะ” อาร์ตตอบโต้ทุกคำของพีทอย่างกวนประสาทจนพีทหน้างอง้ำขัดใจ มาขอเขาเป็นแฟนแต่เล่นพูดขัดได้ทุกคำมันน่าคบไหมเนี่ย



“แล้วพีทล่ะตกลงเป็นแฟนกันได้รึยัง” อาร์ตเอ่ยปากถามกลับบ้างด้วยแววตาพราวระยับ จนพีทอยากจะยกมือข่วนหน้าให้เสียโฉมซะให้เข็ด



“อยากเป็นก็เป็นแม่ง!!!” พีทว่าเสียงสะบัดแล้วทุบหลังอาร์ตแรงๆแก้เขิน ส่วนอาร์ตก็เจ็บไปตามระเบียบแต่สุขมากกว่า ในที่สุดก็ได้แฟนกับเขาสักทีปิดคณะฉลองเลยดีไหมพรุ่งนี้





2 Be Con...



+++++++++++++

งือ...เอาเฮียแพ็คใส่ถุงให้ที

เฮียอาร์ตของบ่าววววว

ใครอยากได้เฮียไม่ต้องดักตีหัวฉุดนะ

แนะนำให้คุยดีๆ...เฮียใจดี

แต่กับเมียเฮียเราไม่แน่ใจ...

รักคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 21 (07/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 07-06-2016 15:04:50
เขินกันน่ารักเชียว แต่สงสารพี่อาร์ต งอนทีเจ็บตัวไม่น้อย
รักก็บอกว่ารัก หึงก็บอกว่าหึงกันไป แต่แสดงออกขนาดนี้ไม่บอกก็รู้นะ :hao3:
พี่อาร์ตต้องทำงานอย่างหนักแล้วล่ะ พีทนี่คุณหนูตัวจริงเลย
จะโกรธจะงอนยังไงก็ยังยอมกลับด้วยกัน น่ารักไม่น้อย
ต่อไปอย่าได้ทดสอบความรู้สึกกันอย่างนี้อีกล่ะพี่อาร์ต
เพราะถ้าคนๆนั้นไม่ใช่เนยล่ะก็ คนที่ไปอาจจะเป็นน้องพีทก็ได้
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:


หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 21 (07/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2016 18:50:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 10-06-2016 16:38:07
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 22 -



"น้องพีทครับทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหม" อาร์ตก้มมองพีทที่กำลังนั่งหน้าหงิกหน้างออยู่บนเบาะมอเตอร์ไซด์ แล้วหยิกแก้มเจ้าตัวเบาๆอย่างเอ็นดู



"เรื่องของหน้ากูเหอะ...แล้วพี่มึงพามาที่นี่ทำไมเนี่ย" พีทว่าอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงตาก็มองไปยังรอบๆสถานที่ที่ถูกพามาด้วยการบังคับอย่างไม่พอใจ จะให้พอใจได้ยังไงละก็ดูที่ๆอีกฝ่ายพาเขามาสิ ต้อนรับสถานะการเป็นแฟนกันวันแรกด้วยการพามาออกเดตที่วัด...โรแมนติกไหมล่ะ



"เอาน่า...เดินแต่ห้างเที่ยวแต่ผับเข้าวัดเข้าวาบ้างเถอะชีวิตจะได้สงบขึ้น ไม่งั้นก็ถือซะว่าพี่พามาทำบุญผูกดวงชาติหน้าจะได้เป็นแฟนกันอีก" อาร์ตบอกกวนๆแล้วจัดการลากพีทเข้าไปในโบสถ์ที่เห็นอยู่ไม่ไกล



"ทำเหมือนพี่มึงไม่เป็นแบบกู...แล้วนี่จะจูงมือทำไมเดินเองได้...ปล่อย!!!" พีทพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ปากก็ร้องโวยวายไปตลอดทางเดินเพราะเขินสายตาที่ผู้คนมองมา



"เลิกโวยวายแล้วเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ได้ละ" อาร์ตปล่อยมือแล้วดันหลังพีทเบาๆให้เข้าไปข้างในก่อนจะเดินหายไปทางด้านนอก ทิ้งให้พีทมองค้อนตามหลังอย่างไม่พอใจที่โดนบังคับทุกอย่าง



"อะ...มองหน้าทำไมรับไปดิ" อาร์ตยื่นดอกไม้ธูปเทียนที่เดินไปซื้อมาให้พีท พร้อมกับอมยิ้มขำให้กับสายตาที่อีกฝ่ายมองมา ก็เจ้าตัวเล่นมองเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดไม่มีผิด



พีทรับดอกไม้มาไว้ในมืออย่างงงๆไม่คิดว่าคนอย่างอาร์ตจะทำอะไรพวกนี้เป็น ก่อนจะนำไปถวายที่พระประธานองค์ใหญ่ภายในโบสถ์ แล้วกลับมาจุดธูปเทียนเพื่อไหว้พระหลับตาลงและก้มลงอธิษฐานขอพรในใจ จากนั้นก็คลานไปปักธูปลงบนกระถางด้านหน้า พอหันกลับมาก็เจออาร์ตกำลังนั่งมองตัวเองตาไม่กระพริบพร้อมรอยยิ้มจางๆที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน



"พี่มึงมองทำไมเนี่ย" พีทถามด้วยความสงสัยปนระแวงกับสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมา



"น้องพีทรู้ไหมว่าทำไมคนถึงต้องหลับตาเวลาอธิษฐานขอพร" อาร์ตเอ่ยปากถามพร้อมรอยยิ้ม



“ถามอะไรวะ” พีทมองอาร์ตด้วยความงุนงงไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายจะสื่อ



“ที่เราต้องหลับตาอธิษฐานขอพรเพราะสิ่งสวยงามบนโลกที่แท้จริง เรามองมันไม่เห็นด้วยตาแต่มันจะรู้สึกได้ด้วยใจ” อาร์ตส่งยิ้มและบอกพีทด้วยท่าทางอ่อนโยน



“............”



“มันก็เหมือนกับความรักที่ต่อให้เราไม่เคยได้ยินคำว่ารัก แต่มันก็รู้สึกได้ว่ามันคือความรัก” อาร์ตหันมาสบตาพีทอย่างสื่อความหมายจนเจ้าตัวต้องหลบตาแล้วหันหน้าหนี พร้อมๆกับหัวใจที่มันเต้นระรัวจนเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอกให้ได้เดี๋ยวนั้น



‘นี่จิตใจทำด้วยอะไรวะมานั่งหยอดอยู่ในโบสถ์ พี่มึงจะให้พระประธานที่ตั้งอยู่กลางโบสถ์เป็นพยานให้กับความหน้าด้านของตัวเองรึไง’ พีททำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจแต่ใบหน้าขาวกับแดงซ่านไปหมด พร้อมกับริมฝีปากที่พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้เต็มที่



ส่วนอาร์ตก็นั่งกลั้นขำชอบใจที่ทำให้พีทนั่งอายหน้าแดงได้ ก่อนจะหันไปกราบลาองค์พระที่ตั้งอยู่ภายในโบสถ์พร้อมทั้งขอโทษขอโพยท่านในใจ ที่มานั่งจีบแฟนตัวเองต่อหน้าท่านถึงท่านจะไม่มีชีวิตก็เถอะ รู้ว่าควรสำรวมรู้ว่ามันไม่ถูกและเสี่ยงต่อบาปจะกินกบาล แต่ว่านะเห็นน้องแล้วมันอยากแกล้งถ้าพระท่านเคยมีความรัก ท่านจะต้องเข้าใจและให้อภัย...ก็หวังว่านะ



อาร์ตยกมือขึ้นยีผมพีทจนยุ่งเลยโดนเจ้าตัวฟาดกลับมาพร้อมใบหน้าเหวี่ยงวีนอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนที่อาร์ตจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำพีทออกจากโบสถ์โดยไม่ลืมก้มลงกราบลาองค์พระอีกครั้ง



“กลับยัง” พีทถามหลังจากที่สวมรองเท้าเสร็จและคิดว่าอาร์ตคงไม่น่าจะมีธุระอะไรกับที่วัดแล้ว



“อีกเดี๋ยวนะ” อาร์ตว่าแล้วเดินเลี่ยงไปยังร้านดอกไม้ที่ขายในวัด ก่อนจะเลือกซื้อเอาพวงมาลัยพวงใหญ่หนึ่งพวง ออกเดินนำพีทไปทางด้านหลังของวัดโดยไม่พูดอะไร



พีทมองการกระทำของอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจ อยากจะเอ่ยปากถามแต่บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายบอกเขากลายๆว่าไม่ควร เลยตัดสินใจเดินตามหลังไปเงียบๆตาก็มองไปยังรอบอย่างสนใจ



ที่จริงแล้ววันนี้ทั้งอาร์ตและพีทต่างมีเรียนทั้งคู่ แต่เพราะเมื่อคืนกว่าจะเคลียร์กันเสร็จก็ล่วงเลยเกือบสว่าง ทำให้ตื่นสายไปเรียนไม่ทันกันตามระเบียบ ถึงอย่างนั้นต่อให้ไม่ตื่นสายอาร์ตก็หยุดเรียนวันนี้อยู่ดี



วัดที่อาร์ตพาพีทมาเป็นวัดขนาดกลางและตั้งห่างออกมาทางนอกเมืองเล็กน้อยและอาจจะเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและวัดก็ไม่ใช่วัดที่เป็นที่รู้จักในคนหมู่มากเท่าไหร่ด้วยส่วนหนึ่ง บรรยากาศภายในเลยค่อนข้างเงียบสงบมีผู้คนให้เห็นแค่ประปรายเท่านั้น



เดินมาได้สักพักก็เจอโกฐเก็บกระดูกที่ตั้งอยู่เรียงราย พีทเดินตามหลังอาร์ตเข้าไปภายในที่ตั้งโกฐเหล่านั้นเรื่อยๆ พร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดลงที่หน้าโกฐอันหนึ่ง



พีทได้แต่ยืนมองเสี้ยวหน้าของคนรักที่ดูแปลกตาไป ใบหน้าขี้เล่นที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นเป็นประจำตอนนี้กลับเคร่งขรึมเหมือนไม่ใช่เจ้าตัว ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองยังรูปภาพที่ติดอยู่ตรงหน้าโกฐ เป็นภาพของหญิงสาวที่ค่อนข้างจัดว่าสวยคนหนึ่ง จากที่เห็นคนในรูปอายุยังน้อยแต่ที้ชวนสงสัยคืออีกฝ่ายเกี่ยวข้องยังไงและเป็นอะไรกับอาร์ต



“ทำไมทำหน้างั้น” เสียงของอาร์ตทำให้พีทได้สติกลับมา ก่อนที่เจ้าตัวจะละสายตาจากรูปบนโกฐ เห็นพวงมาลัยถูกวางเอาไว้เรียบร้อยพร้อมอาร์ตที่กำลังยิ้มให้



“ปะ...กลับกันได้แล้ว” อาร์ตเอื้อมมือไปจับแขนพีทแล้วจูงออกไป ระหว่างทางไม่มีการพูดคุยอะไรทั้งนั้นระหว่างทั้งคู่ จนกระทั่งเดินมาถึงรถที่จอดอยู่และในจังหวะที่อาร์ตจะหันไปนั่งคร่อมบนรถ พีทก็กระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆจนเจ้าตัวต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ



“พี่อาร์ต...คือ...ที่โกฐ” และเป็นพีทเองที่ทนความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหว ตัดสินใจเอ่ยปากถามในที่สุดแต่ก็ถามออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองถามออกไปแบบนี้ดีแล้วรึเปล่า



“อ้อ...น้องสาวรุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ พอดีแวะมาวัดนี้พี่เลยไปไหว้ไม่มีอะไรไรหรอก” อาร์ตตอบพร้อมรอยยิ้มและท่าทีปกติทำให้พีทถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก



“อะไร...อย่าบอกนะว่าคิดว่าเป็นแฟนเก่าพี่” อาร์ตถามพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะ



“ปะ...เปล่าสักหน่อย...พี่มึงมั่วละ” พีทปฏิเสธตะกุกตะกักใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายเพราะโดนรู้ทัน



“ฮ่าๆเพ้อเจ้อเหมือนกันนะเรา” อาร์ตหัวเราะลั่นอย่างชอบใจเลยโดนพีทมองค้อนด้วยความเคือง

“ไอ้พี่อาร์ต!! อ้าว...นั่นพี่ชาตินี่หว่า มาทำอะไรแถวนี้วะ” พีทที่เงื้อมือขึ้นสูงตั้งใจจะฟาดอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ต้องชะงักมือลง และเปลี่ยนเป็นชี้ไปที่รุ่นพี่ของคณะแทน



“น่าจะมาซื้อล๊อตเตอร์รี่” อาร์ตตอบกวนๆพร้อมกับหันไปมองตามที่พีทบอก



“กวนตีน” พีทพึมพำด่าออกมากับความกวนของอาร์ต ไม่รู้ก็ตอบไม่รู้ดิวะจะกวนประสาททำไม ถึงวัดมันจะมีแผงล๊อตเตอร์รี่ขายอยู่จริงๆก็เหอะ



“ฮ่าๆปะๆเลิกหน้างอ” อาร์ตหัวเราะออกมาแล้วเดินไปที่รถเลิกสนใจรุ่นพี่ของตัวเอง ก่อนจะพากันขับรถออกจากวัดไป










“ที่ไหนเนี่ย” พีทมองบ้านไม้ขนาดกลางตรงหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะหันกลับมามองอาร์ตอย่างขอคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพาเขามาที่ไหนอีกแล้ว



“เข้าไปข้างในปะ” อาร์ตไม่ตอบคำถามแต่เดินนำพีทเข้าไปข้างในแทน ทิ้งให้พีทมองตามหน้ามุ่ยและเดินตามเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้



“นี่ไอ้พี่อาร์ต…”




“พี่อาร์ต!!! แม่ครูพี่อาร์ตมา!!!” แต่ยังไม่ทันที่พีทจะได้ถามอะไรต่อ ก็มีเด็กๆทั้งที่โตแล้วและกำลังจะโตวิ่งออกมา ก่อนที่เด็กๆเหล่านั้นจะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดีใจที่ได้เจออาร์ต



“ฮ่าๆเบาๆ” อาร์ตยกมือกอดเด็กๆที่วิ่งเข้ามาหา ก่อนจะส่งรอยยิ้มทักทายพูดคุยอย่างสนุกสนาน ผิดกับพีทที่ยืนมองทุกอย่างด้วยความงงและตามสถานการณ์ไม่ทัน



“เดี๋ยวรอพี่อยู่นี่แป๊บนึงนะ” อาร์ตหันมาบอกพีทก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน ส่วนพีทที่อ้าปากจะเรียกเอาไว้ก็ไม่ทันแล้ว



พีทยืนหันรีหันขวางทำตัวไม่ถูกท่ามกลางสายาของเด็กน้อยที่มองมาอย่างสนใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะส่งยิ้มแหยๆไปให้เพื่อหวังให้บรรยากาศดีขึ้น และมันก็ได้ผลทันทีที่พีทยิ้มบรรดาเด็กๆก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาจนเจ้าตัวถอยหลังล้มลงไปกองกับพีทบ้าน

“พี่ชื่อไรอ่ะ”



“เป็นเพื่อนพี่อาร์ตเหรอ”



“มาเล่นกัน”



“หยู๊ดดดดดด” คำถามสารพัดที่ถูกส่งมาให้อย่างต่อเนื่องทำเอาพีทที่โดนรุมถึงกับเวียนหัว ต้องยกทั้งมือและส่งเสียงห้ามให้เด็กหยุดพูดก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ในใจก็นึกเคืองไอ้คนที่พามาแล้วทิ้งเอาไว้ท่ามกลางเด็กนับสิบชีวิตไม่น้อย ไล่สายตามองไปทั่วก็เจอดวงตาใสแจ๋วที่มองกลับมาอย่างไร้เดียงสา แถมยังดูตื่นเต้นที่จะทำความรู้จักกับเขาซะเหลือเกิน



‘เอาไงดีวะ’ พีทได้แต่ส่งยิ้มแหยๆและยกมือเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆ พร้อมกับคิดไม่ตกว่าจะรับมมือเด็กๆพวกนี้ยังไงดี



...

...



“จะกลับแล้วเหรอลูก” เสียงของหญิงสูงวัยเอ่ยถามอาร์ตอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ



“ต้องกลับแล้วล่ะครับแม่ครู ผมไม่ได้ลางานไว้ ที่จริงอยากจะอยู่ด้วยนานๆใจจะขาด” อาร์ตส่งยิ้มให้กับหญิงสูงวัยที่ตัวเองเรียกว่าแม่ครูอย่างประจบ



“ไม่ต้องมาประจบ...มากี่ทีก็พูดคำนี้ตลอดพวกน้องๆก็บ่นคิดถึง น่าจะอยู่รอน้องกลับจากโรงเรียนก่อน” แม่ครูบ่นออกมาและมองค้อนให้กับจอมกระล่อนอย่างอาร์ตด้วยความหมั่นไส้



“ฮ่าๆเบื่อจังรู้ทันผมตลอด” อาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะแล้วช่วยพยุงแม่ครูให้ลุกขึ้นยืน



“แม่เลี้ยงของแม่มาแต่เล็กแต่น้อย มีอะไรบ้างที่แม่ไม่รู้ทันเราน่ะเจ้าอาร์ต” แม่ครูว่าพร้อมกับหยิกลงที่ต้นแขนอาร์ตเบาๆ



“ว่าแต่นั่นพาใครมาด้วยล่ะ” แม่ครูเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเดินออกมาเจอเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังหยอกล้อกับเด็กๆที่ท่านอุปการะอยู่อย่างสนุกสนาน



“แม่ครูว่าเป็นไงบ้างครับ” อาร์ตไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่จะถามแทน ก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นพีทกำลังโดนเด็กๆรุมทับ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็รับมือได้เพราะในวินาทีต่อมา พีทก็จัดการอุ้มเด็กคนนั้นออกแล้วลงมือจั๊กจี๊ที่เอวจนเด็กน้อยดิ้นพล่าน เสียงหัวเราะสนุกสนานของทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ เลยดังก้องบ้านไม้หลังเล็กเต็มไปหมด



“อืม...แม่ก็ว่าน่ารักดี” แม่ครูมองพีทแล้วพูดออกมาตามที่คิดก่อนจะหันกลับมาหาอาร์ตที่ยืนยิ้มร่าอยู่



“แล้วแม่ครูชอบไหมครับ”




“ก็ชอบ…ว่าแต่ถามทำไม” แม่ครูถามด้วยความฉงน



“ก็เนี่ยผมพาลูกสะไภ้มาหาแม่ครู” อาร์ตบอกพร้อมกับยิ้มทะเล้นส่งให้



“ตาเถร!!!” แม่ครูถึงกับตาโตยกมือขึ้นทาบอกกับสิ่งที่ได้ยิน



“ตาเถรที่ไหนละครับมีแต่ผมเนี่ย...โอ๊ย!!” อาร์ตว่าอย่างยียวนเลยโดนแม่ครูฟาดเข้าให้ โทษฐานเล่นไม่รู้เวล่ำเวลา



“จริงๆเลยยังจะมากวนอีก...แต่นั่นผู้ชายนะลูก” แม่ครูยังคงตกใจไม่หายมองหน้าอาร์ตสลับกับเด็กหนุ่มอีกคนไปมา ผู้ชายมีคนรักเป็นผู้ชายฟ้าจะผ่าเอาไหมเล่า



“ก็ผู้ชายแหละครับ” อาร์ตยิ้มให้เหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ก็ธรรมดาในสังคมสมัยนี้ล่ะนะแต่คนสมัยก่อนคงจะไม่ชินเท่าไหร่



“แม่ล่ะตามเด็กสมัยนี้ไม่ทัน” แม่ครูส่ายหัวอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเดินตามแรงจูงของอาร์ต แล้วทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาใกล้ๆ



“น้องพีท” อาร์ตส่งเสียงเรียกแล้วกวักมือให้อีกฝ่ายมาหา พีทชะงักไปเล็กน้อยแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง มองอาร์ตกับหญิงสูงวัยสลับกันไปมาก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่แบบงงๆ



“นี่แม่ครู” อาร์ตแนะนำสั้นๆทันทีที่พีทเดินเข้ามาหา



“สวัสดีครับ” พีทเองก็ยกมือไหว้คนสูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงที่พื้นใกล้ๆกับอาร์ต



“ไหว้พระเถอะลูก” แม่ครูรับไหว้พีทแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยปากถามต่ออย่างเป็นกันเอง



“ว่าแต่ชื่ออะไรนะเรา”



“ชื่อพีทครับ”




“เป็นแฟนตาอาร์ตเหรอ” คำถามต่อมาของแม่ครูเล่นเอาพีทตาเหลือกหันกลับไปมองอาร์ตทันที เห็นอีกฝ่ายยิ้มหน้าบานอย่างไม่สะทกสะท้านส่งให้พอหันกลับไปหาแม่ครู ตั้งใจจะปฏิเสธก็ไม่กล้าทำเมื่อเจอแววตาอ่อนโยนจริงใจที่มองมา



“คะ...ครับ” พีทก้มหน้าหงุดมองตักตัวเองด้วยความประหม่า ก่อนจะเอาศอกกระทุ้งเข้าไปที่ท้องอาร์ตอย่างหมั่นไส้ ที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ปรึกษากันเลยสักนิด



“โอ๊ย!!! แม่ครูดูซิครับผมโดนทำร้ายร่างกาย” อาร์ตส่งเสียงร้องโวยวายออกมาเกินจริงแล้วฟ้องแม่ครูอย่างประจบประแจง พีทเลยถลึงตามองจนตาแทบหลุดจากเบ้า ส่วนแม่ครูก็ยิ้มขำเอ็นดูพร้อมส่ายหัวน้อยๆ



“เข้ามาใกล้ๆแม่ซิ” แม่ครูกวักมือเรียกพีทให้เข้าไปหาซึ่งเจ้าตัวก็คลานเข้าไปอย่างว่าง่าย



“หน้าตาผิวพรรณดีดูเป็นคนมีชาติมีตระกูล” แม่ครูเอ่ยออกมาหลังจากได้ใช้สายตาสำรวจพีทใกล้ๆ ซึ่งอาร์ตก็พยักหน้าเห็นด้วยทุกคำเพราะพีทมองแค่แว๊บเดียวก็รูเลยว่าลูกคุณหนู ยิ่งนิสัยและการใช้ชีวิตของเจ้าตัวยิ่งบ่งบอกชัด



“ไปทำอีท่าไหนล่ะถึงได้โดนพี่เขาหลอกเอา” คำพูดต่อมาของแม่ครูทำเอาอาร์ตหน้าเหวอ ส่วนพีทหลุดขำออกมาอย่างชอบใจ



“ผมจีบน้องด้วยความพยายามนะครับแม่ครู” อาร์ตโอดครวญประท้วงออกมาเมื่อโดนหักหลังกันกลางอากาศ



“ใช่ครับแม่ครูพี่อาร์ตน่ะหลอกผม...แถมบังคับด้วยนะครับ” พีทได้ทีรีบฟ้องเข้าให้อย่างประจบ



“นั่นไง...แม่ว่าอยู่แล้วเชียว” แม่ครูตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่รับมุกที่พีทส่งให้ ทำเอาอาร์ตไปไม่เป็นส่วนพีทก็หัวเราะไม่หยุด



หลังจากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยสอบถามกันอย่างถูกคอ โดยมีเด็กๆในบ้านเข้ามากวนเรียกเสียงหัวเราะอยู่เป็นระยะ จนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเย็นอาร์ตกับพีทถึงขอตัวกลับที่พัก



“ขับรถกันดีๆนะลูก” แม่ครูเอ่ยกำชับด้วยความเป็นห่วงหลังจากมายืนส่งอาร์ตกับพีทที่รถ



“พวกผมลาแล้วนะครับ” อาร์ตว่าแล้วเดินมากอดแม่ครูเบาๆก่อนจะียกมือไหว้อย่างนอบน้อม



“ผมกลับก่อนนะครับ” พีทเดินมากอดแม่ครูบ้างแล้วยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินไปสมทบกับอาร์ตที่รถ



“ไหว้พระเถอะลูก...อย่าลืมแวะมากันอีกล่ะ” แม่ครูยิ้มให้อย่างอ่อนโยน



“อาร์ต” แต่ก่อนที่จะได้ไปไหนแม่ครูก็ส่งเสียงเรีนกเอาไว้ จนเจ้าของชื่อหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ



“อดีตก็คืออดีตนะลูก” คำพูดของแม่ครูที่พูดให้ได้ยินกันสองคน ทำเอาดวงตาอ่อนโยนขี้เล่นของอาร์ตไหววูบเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะคลี่ยิ้มบางๆส่งให้คนที่ตัวเองเคารพ ก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทรถแล้วขับออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร










“ที่ไหนอีกเนี่ย” พีทมองตึกแถวตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ทั้งวันตัวเองโดนอีกฝ่ายลากไปนั่นมานี่จนหัวหมุนไปหมด



“ร้านข้าวไง...เข้าไปข้างในกัน” อาร์ตว่าแล้วจูงมือพีทเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน



“กินได้ไหม” อาร์ตถามเพื่อความแน่ใจเพราะไม่รู้ว่าคุณหนูแบบพีทจะเคยกินอาหารตามสั่งจากร้านข้าวข้างทางแบบนี้ไหม



“กินได้” พีทพยักหนัาเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาออกจากหน้า ปกติเขากินแต่ข้าวในห้างตามร้านดังๆก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินข้าวข้างทางแบบนี้ แต่เลี่ยงได้เขาก็เลี่ยงล่ะนะก็ที่ร้านแบบนี้มันทั้งร้อนและดูไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่



“กินได้แน่นะ” อาร์ตถามอีกครั้งอย่างเป็นห่วงแล้วเอื้อมมือไปเหงื่อให้ เห็นนั่งร้อนแบบนี้แล้วสงสารเหมือนกันเขาพาน้องมาลำบากแท้ๆ



“กินได้น่า” พีทยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจังเพราะไม่อยากให้อาร์ตคิดมาก



“งั้นกินอะไรดี”




“อะไรก็ได้” พีทตอบปัดเพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมาก



“อะไรก็ได้เขาไม่มีขายหรอกนะ” อาร์ตเอ่ยเย้าออกมาอย่างอดไม่อยู่เลยโดนพีทถลึงตาใส่ดุๆ ข้อหาที่เจ้าตัวกวนประสาท



“ฮ่าๆงั้นคะน้าหมูกรอบแล้วกันเนาะ” อาร์ตว่าซึ่งพีทก็พยักหน้ารับ จากนั้นอาร์ตเลยเรียกแม่ค้ามารับออเดอร์ แล้วลงมือสั่งอย่างคล่องแคล่ว



“หืม...มีอะไร” อาร์ตที่หันกลับมาเจอสายตาของพีท ที่จ้องเหมือนอยากจะพูดอะไรก็อดแปลกใจไม่ได้



“คือ...ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่า...ที่บ้านนนั้นแบบ...พี่เป็น...เอ่อ…” พีทพยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อที่จะถามแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกไป จนสุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบแทน



“เป็นเด็กกำพร้าน่ะเหรอ” อาร์ตที่พอจะเข้าใจในสิ่งที่พี่จะสื่อพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสบายๆ



“อือ” พีทพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วเงียบลงเหมือนเดิม เขารู้เรื่องนี้ตอนที่อาร์ตทิ้งเขาไว้กับเด็กๆในบ้านหลังนั้นนั่นแหละ คุยกันไปคุยกันมาถึงได้รู้ว่าที่ๆอาร์ตพาไปคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และอาร์ตก็ถูกเลี้ยงดูมาจากที่นี่เป็นเด็กคนนึงในอุปการะของบ้านหลังนี้



“สงสารพี่เหรอ” อาร์ตถามพร้อมกับส่งยิ้มให้จางๆ



“ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่พี่ไม่เป็นไรหรอกชินแล้ว”อาร์ตเอื้อมมือไปลูบหัวพีทอย่างอ่อนโยน แต่พีทกับรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงมากับฝ่ามือ รอยยิ้มและคำพูดของอีกฝ่าย




“ไม่เป็นไรนะ...อาร์ตยังมีน้อง” พีทจับมือใหญ่ของอาร์ตมากุมไว้แล้วลูบเบาๆเพื่อส่งผ่านกำลังใจ เขาคิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่บ้าง เพราะเขาเองก็ไม่มีแม่เหมือนกัน ความเหงาความอิจฉาเวลาเห็นครอบครัวคนอื่นอยู่กันพร้อมหน้าเป็นยังไงเขาเองก็เคยสัมผัส แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีพ่อและชีวิตก็ไม่ลำบากแถมไม่มีแม่เขาก็เคยเห็นรูปถ่าย แต่พี่อาร์ตไม่มีใครไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปด้วยซ้ำ



อาร์ตมองใบหน้าที่แสดงความสงสารเสียใจอย่างไม่เสแสร้งของพีทแล้วยิ้มออกมาอย่างสุขใจ จะบอกว่าไม่เป็นไรไม่เหงาไม่อยากเห็นหน้าพ่อแม่ก็งจะโกหก แต่นั่นมันเป็นความรู้สึกที่ผ่านมานานแล้วจนถึงตอนนี้เวลานี้ จะเห็นหรือไม่เห็นก็มีค่าเท่ากันเพราะเขาชินแล้ว คิดดูอีกทีไม่ต้องรับรู้ไม่ต้องเจอไม่ต้องเห็นหน้ากันจะดีกว่า ในเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ของเขาก็มีความสุขดีในแบบของมัน



“ขอบคุณนะครับ” อาร์ตยกมือไปกุมบนมือของพีทอีกชั้นแล้วบีบมันเบาๆ



‘ขอบคุณที่ช่วยพี่เป็นครั้งที่สอง’





2 Be Con...

++++++++++++++

มากันแบบมึนๆมีความเปลี่ยนฟิลลิ่งเบาๆ

ไร้สาระมาเยอะพาไปหาสาระกันบ้าง

รักคนอ่านจ้า ^^





 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 22 (10/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2016 02:44:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 22 (10/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-06-2016 13:16:45
จะดราม่าไหมครับเนี่ย รักกันนานๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 22 (10/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-06-2016 13:32:11
พี่อาร์ตเป็นเด็กกำพร้า ในขณะที่พีทเป็นลูกคนรวย
ดราม่าเรื่องพ่อพีทมาเต็มๆ :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 16-06-2016 13:33:51
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By machty



กัดครั้งที่

- 23 -



หลังจากวันที่ได้รับรู้ชีวิตส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายเวลาก็ผ่านเลยไปหลายวัน คนที่พีทคิดว่าน่าสงสารกลับไม่ได้ทำตัวให้น่าเห็นใจเลยสักนิด แถมยังทำตัวกวนประสาทยิ่งกว่าเดิมสำออยออดอ้อนยิ่งกว่าผู้หญิง จนบางทีเขาก็อยากถามที่ควรทำแบบนั้นน่าจะเป็นเขารึเปล่า



วันนี้เขามาเรียนตามปกติโดยปราศจากเงาของอีกคน เพราะเจ้าตัวไม่มีเรียนในขณะที่เขามีเรียนเช้าและประชุมรุ่นตอนบ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์ยอมตื่เช้ามาส่งเขา ทั้งๆที่ตัวเองก็นอนดึกมากแล้วและเขาก็บอกไปแล้วว่ามาเองได้ แถมบอกว่าเที่ยงจะโทรมาหาซึ่งตอนนี้เลยเวลามาสิบนาที เสียงโทรศัพท์ก็ยังไม่ดังพี่มันนอนไม่ตื่นหรือทำอะไร



“โทรศัพท์มันมีอะไรวะ” กั้มที่นั่งฝั่งตรงข้ามชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ในมือพีทด้วยความสงสัย



“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า” กั้มถอยกลับไปนั่งตามเดิมพร้อมจ้องหน้าพีทอย่างแปลกใจปนสงสัย เพราะเห็นเจ้าตัวเอาแต่จ้องโทรศัพท์หน้านิ่วคิ้วขมวด



“จะมีอะไรล่ะมันกำลังรอโทรศัพท์ผัว...โทรไปเองก็สิ้นเรื่อง” นาวว่ากัดอย่างหมั่นไส้ในท่าทีของพีท



“ผัวเหี้ยไรล่ะ...มึงอย่ามั่ว” พีทปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมรับแต่ใบหน้าขึ้นสีแดงเป็นริ้ว



“จ้าๆไม่ใช่ผัวแต่ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยาม ทุกวันนี้บ้านช่องก็ไม่กลับหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนหอเขา แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นอะไรกันวะกั้ม” นาวเหลือบตามองพีทอย่างเอือมระอาแล้วเอ่ยปากจิกกัดอย่างหมั่นไส้



“มีผัวแล้วก็ยอมรับดีๆไหนๆก็แรดขนาดหนีตามเขาแล้วอย่าอายเลย” กั้มเอื้อมมือไปตบไหล่พีทเบาๆอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่แฝงไปด้วยความกวนประสาทและสะใจที่ได้แกล้งเพื่อน



“พวกมึงนี่แม่ง!! บอกว่าไม่ใช่ผัวไงวะ” พีททำเสียงแข็งท่าทางขึงขังเถียงเพื่อนหน้าดำหน้าแดง แต่ไม่ได้ทำให้เพื่อนเชื่อได้เลยสักนิด นอกจากจะไม่เชื่อทั้งนาวและกั้มยังส่งยิ้มล้อเลียนให้ด้วย



“พีทจะมีสามีได้ไง...พีทเป็นผู้ชายนะ” เอยเงยหน้าจากรูบิกในมือแล้วพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากฟังเพื่อนที่เอาแต่เถียงกันมานาน ใบหน้าหวานแสดงความไม่เข้าใจออกมาอย่างไม่เสแสร้ง



“นี่กูชักสงสารพี่กิงเวรกรรมของพี่เขาจริงๆดันมาชอบเอ๋อๆแบบไอ้เอย” นาวมองหน้าเอยอย่างอ่อนใจแล้วถอนหายใจดังเฮือก



“ตอนนี้มันก็ยังไม่รู้เลยมั้งว่าโดนเขาจีบ” กั้มเองก็ส่ายหัวออกมาอย่างเหนื่อยใจ



“อ้าว” เอยทำมู่ทู่ใส่เพื่อนเล็กน้อยเพราะเคืองที่อยู่ๆก็โดนว่า



“โง่กว่าไอ้เลิฟก็ไอ้เอ๋อเอยเนี่ยแหละ” แม้แต่พีทที่เป็นฝ่ายโดนแซวยังอดพูดออกมาด้วยความเอือมไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเพื่อนสองคนของตัวเองรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเขารู้กันตั้งนานละถ้าจะรุมแซวกันขนาดนี้



ไอ้เอยนี่ที่ตามคนไม่ค่อยทันเพราะเป็นเด็กอนามัย พ่อแม่เลี้ยงเหมือนไข่ในหินก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่ไอ้เลิฟนี่สิแฟนก็เคยมีทำงานกลางคืนมาก่อน ชีวิตรันทดเหมือนนางเอกละครหลังข่าว ทำไมมันยังคงความโง่ความใสซื่อไว้กับตัวได้ประนึ่งเกลือรักษาความเค็ม หรือมันจะเป็นอย่างที่เขาว่ากันคนดีเจออะไรมามันก็ดีอยู่วันยังค่ำ คิดแล้วเหนื่อยใจเพราะดีแบบนี้ไงถึงได้ตามหลังพี่ปอต้อยๆ



ผัวะ!!!



“ด่าอะไรกูหมาพีท” เลิฟที่พึ่งตามมาทีหลังตบหัวพีทเบาๆ เพราะได้ยินว่าเพื่อนกำลังนินทาก่อนจะนั่งลงที่ว่างข้าง



“ด่าว่ามึงโง่ไง...แล้วนี่ไม่ไปกินข้าวกับผัว” พีทว่าและถามกลับด้วยความแปลกใจ เพราะเป็นอันรู้กันดีว่าเลิฟแทบจะไม่เคยห่างพี่ปอ ตัวติดกันยิ่งกว่าที่เขาตัวติดกับไอ้พี่อาร์ต เวลาที่เลิฟจะมานั่งรวมกลุ่มกับพวกเขาแบบนี้ไม่มีหรอก



“ปอกลับไปแล้วน่ะ” เลิฟตอบออกมาเสียงแผ่วเบาแล้วหลุบตามองตักตัวเอง



“อ้าว…พี่เขาไม่เข้าประชุมเหรอวะ” พีทหันไปถามตาโตเพราะบ่ายนี้มีประชุมจากพวกรุ่นพี่ ถ้าไม่เข้านี่ถือว่าไม่ผ่านรุ่นเลยนะ แต่คิดอีกทีใครจะกล้าทำอะไรพี่แกล่ะแค่ปรายตามองก็สยองแล้ว ขนาดพวกรุ่นพี่ที่ชอบกร่างใส่รุ่นน้องจะหาเรื่องพี่ปอเพราะเห็นอยู่ในมาดเด็กเรียน จนทุกวันนี้ยังไม่กล้าเดินเฉียดพี่เขาเลยไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา



“ไม่รู้สิ...นี่พวกมึงกินข้าวยัง” เลิฟหันมาถามเพื่อนเสียงร่าเริงพร้อมรอยยิ้ม แต่คนที่เป็นเพื่อนกันมานานก็มองออกว่าเจ้าตัวฝืนทำ



“ไม่เป็นไรนะเลิฟ” แม้แต่เอยที่ตามอะไรใครไม่ค่อยทันยังรู้สึกได้ และอดไม่ได้ที่จะกอดอีกฝ่ายเพื่อให้ปลอบโยน



“ให้กูไปด่าพี่ปอให้มะ” พีทว่าขึ้นมาบ้างอย่างหงุดหงิด



“เอาดิ...มึงกล้าด่าเหรอ” เลิฟว่ายิ้มๆแต่พีททำหน้าแหยงๆพร้อมส่ายหัวไปมา



“แล้วก็ปากดี” นาวส่งสายตามองพีทอย่างดูถูก



“ว่าแต่กูมึงกล้าไหมล่ะ” พีทเถียงกลับพร้อมถลึงตาใส่นาว



“ถึงเวลากูกล้าทำยิ่งกว่าด่าอีก” นาวว่าด้วยท่าทางจริงจัง



“เดี๋ยวกูจะรอดู” พีทมองนาวอย่างไม่เชื่อ



“พอๆแดกข้าวกัดกันอยู่ได้” กั้มรีบห้ามทัพก่อนที่เพื่อนจะเถียงกันไม่จบ



“เออ!!!” นาวกับพีทกระแทกเสียงตอบพร้อมกันและเปลี่ยนเป็นเถียงกันทางสายตาแทน จนเลิฟหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ที่ดีขึ้น ส่วนกั้มส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจแล้วเลิกสนใจกินข้าวไปเงียบๆ และเอยที่พยายามห้ามพีทกับนาวอย่างสุดชีวิตเพราะคิดว่าทั้งคู่ทะเลาะกันจริงๆ



“ไอ้ป๊อดเอ้ย” นาวว่าออกมาลอยๆแต่กระทบพีทเต็มๆ



“นาวอย่าชวนพีททะเลาะสิ” เอยยังคงพยายามห้ามปราม ส่วนกั้มกับเลิฟเลิกสนใจไปนานแล้วเพราะสองคนนี้ปะทะฝีปากกันประจำ และเอยก็บ้าจี้ตามห้ามแบบนี้ทุกครั้ง



“ใครป๊อดวะ...เฮ้ย!!!” พีทที่ตั้งท่าจะเถียงต้องร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีน้ำเย็นจัดราดลงมาใส่จนเปียกชุ่มทั้งตัว และไม่ใช่แต่พีทที่ตกใจแม้แต่เพื่อนและคนอื่นในโรงอาหารก็หันมามองเป็นตาเดียว



พีทลุกขึ้นยืนมองสภาพเปียกปอนของตัวเองอย่างหัวเสีย แล้วหันกลับไปหาคู่กรณีอย่างเอาเรื่องที่ซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่เขา แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ก่อนจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาที่มองกลับมาแบบไม่เป็นมิตร



หญิงสาวปราสายตามองพีทตั้งแต่หัวจรดเท้าแสดงออกถึงความเป็นศัตรู ก่อนจะเหยียดยิ้มให้และเดินผ่านโดยกระแทกไหล่พีทแรงๆอย่างจงใจ และไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยปากขอโทษอะไรทั้งนั้น



พีทมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยความงุนงง หันกลับมาหากลุ่มเพื่อนเพื่อหาคำตอบทัังหมดก็แสดงอาการงงไม่ต่างกัน จนในที่สุดพีทก็ได้แต่ก้มมองสภาพของตัวเองและถอนหายใจออกม าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม



“อะไรของมันวะ” นาวพูดเสียงแข็งมองตามหลังอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์



“มึงไปฟันเขาและทิ้งป่าววะ” กั้มเองก็มองตามและพูดในสิ่งที่คิดว่าใกล้เคียงความจริงที่สุดออกมา



“ฟันเหี้ยไรล่ะ...หน้ากูยังไม่เคยเห็นเลยเหอะ ดีนะน้ำแม่งเป็นน้ำเปล่า ซวยฉิบ” พีทบ่นงึมงำค่อนข้างจะหัวเสียไม่น้อย แต่ก็ต้องอยู่เฉยๆเพราะทำอะไรไม่ได้



“หรือว่าเด็กเก่าผัวมึง” นาวว่าขึ้นมาบ้างและนั่นทำให้พีทหยุดคิดตาม



“ไม่หรอกมั้ง” พีทปฏิเสธออกมาำม่เต็มเสียงเท่าไหร่ มันอาจจะจริงอย่างที่นาวพูดเพราะไอ้พี่อาร์ตเป็นคนเจ้าชู้แถมหน้าตาดี คงจะไม่ได้มีแค่ไอ้แต๋วเนยคนเดียวที่เป็นคู่ขา แต่ถ้าใช่อย่างที่ว่าพวกนั้นรู้ได้ไงว่าเขาเป็นอะไรกับพี่อาร์ต ในเมื่อเขาเองไม่เคยไปพูดที่ไหนและมั่นใจว่าพี่อาร์ตเองก็ไม่น่าจะพูด



“งั้นมันจะทำแบบนี้กับมึงทำไม ในเมื่อมึงก็บอกว่าไม่ใช่เด็กมึง” นาวตั้งคำถามขึ้นมาอย่างสงสัย



“หรือกูจะได้เขาตอนเมาวะ” พีทพึมพำขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ พอหันหลังกับไปมองก็เห็นสาวเจ้าจ้องมาที่ตัวเองอย่างกินเลือดกินเนื้อ



“มึงนี่…..” แต่ยังไม่ทันที่นาวจะได้เอ่ยปากให้พรอะไรพีทต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน



Tru…Tru...Tru…



“ช้า!!!” พีทกระแทกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างหงุดหงิด ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะร่วนดังมาจากปลายสาย



“(ฮ่าๆๆโทษทีครับพี่พึ่งตื่น...รอพี่เหรอ)”



“ไม่ได้รอ...ใครจะรอวะ” พีทว่าเสียงสะบัดแล้วส่งสัญญาณบอกเพื่อนว่าจะไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก พร้อมกับได้รับสายตาล้อเลียนจากนาวกับกั้ม ส่วนเลิฟกับเอยที่ไม่รู้อะไรก็ได้แต่มองตามงงๆ



“(กินข้าวรึยัง)”



“กินจนจะกินอีกรอบแล้ว พี่มึงเหอะกินอะไรยัง” พีทว่าพร้อมกับเดินตรงออกไปทางออกโรงอาหาร และเป็นความบังเอิญที่ทางเดินต้องผ่านโต๊ะของหญิงสาวที่ทำน้ำหกใส่เขาพอดี



“หน้าด้าน” จังหวะที่เดินผ่านหญิงสาวคนเดิมก็พูดขึ้นมาลอยๆแต่เหมือนจงใจให้พีทได้ยิน จนพีทต้องหยุดชะงักหันกลับมามองด้วยความฉงน แต่หญิงสาวกลับทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรสร้างความหงุดหงิดให้พีทไม่น้อย



“(น้องพีทได้ยินพี่ไหม)”




“ห๊ะ...อะไรนะ” เสียงเรียกของอาร์ตทำให้พีทเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้น และเดินออกไปข้างนอกด้วยความเร็ว



“(พี่ถามว่าเลิกเรียนรึยังครับจะได้ไปรับ...เหม่ออะไรน่ะเรา)”




“ไม่ได้เหม่อพอดีเห็นสาวสวย” พีทตอบกลับกวนๆซึ่งไม่ได้โกหกสักนิด ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆแต่ค่อนไปทางสวยสยองนะ



“(นี่พี่ควรจะหึงไหมครับ)”



“เรื่องของพี่มึงเหอะ...ขอถามอะไรอย่างดิ” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจเพราะฟังจากน้ำเสียงหัวเราะร่วนของปลายสาย เจ้าตัวก็ไม่น่าจะใส่ใจอะไรเหมือนกัน สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือคำพูดของนาวต่างหาก



“(ถาม?)”



“นอกจากไอ้แต๋วเนยเด็กเก่าพี่...พี่เคยคั่วเด็กคนอื่นในมอบ้างป่ะ” พีทตัดสินใจถามออกไปตรงๆเพราะขี้เกียจจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา



“(มีอะไรรึเปล่าพีท)”



“ตอบมาเหอะน่า”




“(ก็มีบ้างตามประสาแต่ไม่ได้แบบเนย...พีทแน่ใจนะว่าไม่มีอะไร)”



“ไม่มีหรอกแค่เห็นพี่มึงหน้าม่อเลยสงสัย” พีทตอบปัดเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเป็นราวอะไร ยิ่งคนในสายทำเสียงนิ่งๆแบบที่ไม่ค่อยทำยิ่งไม่น่าเล่าอะไรเยอะ เดี๋ยวทะลึ่งมาตบผู้หญิงละงามไส้เลยทีนี้



“(โอเคไม่มีก็ไม่มีแต่ถ้ามีพีทต้องบอกพี่นะ)”



“อือ”



“(แล้วว่าไงให้พี่ไปรับไหม)”



“ไม่ต้องอ่ะเดี๋ยวประชุมต่อตอนบ่ายเนี่ยไม่รู้เลิกกี่โมง” พีททำหน้าเซ็งทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้



“(งั้นไว้เลิกโทรมาละกันพี่ออกไปรับ...ไปเข้าประชุมได้แล้วเดี๋ยวโดนทำโทษหรอก)”




“ลองใครด่าดูดิพ่อจะสั่งคนใหญ่กว่าไปตืบ...ให้รู้ซะบ้างเนี่ยใคร” พีทว่าด้วยน้ำเสียงแบบไม่กลัวเกรงจนอาร์ตหลุดหัวเราะออกมา



“(เล่นเส้นเหรอเราถามเขารึยังว่าจะช่วยไหม)”



“อาร์ตกล้าปล่อยให้น้องโดนทำโทษเหรอ” พีทส่งเสียงอ้อนไปตามสาย



“(โอเคพี่ยอม...ไปเขาประชุมได้แล้วครับ)”



“อือ...พี่มึงอย่าลืมกินข้าวนะ” พีทกำชับด้วยความเป็นห่วงก่อนจะกดวางสายมองเวลาในโทรศัพท์ก็เลยไปพอควรแล้ว นาวเองก็ส่งข้อความมาบอกว่าตัวเองไปเข้าประชุมก่อนพีทถึงได้รีบจ้ำอ้าวเดินไปที่คณะบ้าง ถึงจะบอกว่าเล่นเส้นเอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้าหรอกแถมยังดูเอาเปรียบคนอื่นเกินไป




ส่วนเรื่องของผู้หญิงที่ดูเหมือนจงใจจะเข้ามาหาเรื่องคนนั้นก็คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะเขาไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัดของอีกฝ่ายบางทีอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่นาวคิด แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาก็ไม่รู้จะรับมือยังไงเหมือนกัน ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้หญิงยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาควรจะนึกถึงมากที่สุดคือภาวนาให้ตัวเองไปทันเข้าประชุมจะดีกว่า



...

...



แกร่ก…..



เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออกกว้างในช่วงเย็น พร้อมกับการปรากฎตัวของร่างบางในสภาพเหนื่อยอ่อน ทำเอาอาร์ตที่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ขมวดคิ้วมุ่น



“เหนื่อยแม่ง!!!” พีทโวยวายดังลั่นพร้อมกับถอดรองเท้าเหวี่ยงทิ้งอย่างหงุดหงิด ตามด้วยเนคไทด์เข็มขัดที่เหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ก่อนเจ้าตัวจะโยนกระเป๋าเป้ไปกองที่โซฟา แล้วเดินไปนั่งหน้างออยู่บนเตียง



“ทำไมเลิกเร็วล่ะ” อาร์ตถามอย่างแปลกใจเพราะวางสายจากพีทไปประมาณบ่ายโมงตอนนี้ก็บ่ายสามเท่านั้นเอง



“ไม่รู้แม่ง...ไอ้พี่วินจำไว้เลยนะแม่ง” พีทตอบกลับอย่างใส่อารมณ์ปากก็บ่นพึมพำด่าวินไม่หยุด



“แล้วทำไมไม่โทรหาพี่ล่ะจะได้ไปรับ” อาร์ตว่าอย่างไม่ใส่ใจอาการพาลของอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายของพีทให้เข้าที่



“ติดรถไอ้พี่วินมาเลยไม่โทร...อย่าให้เจอหน้าอีกนะมึงตายแน่” พีทยังคงหงุดหงิดไม่เลิกแถมยังแสดงความอาฆาตใส่วินไม่ลดละ จนอาร์ตอดแปลกใจไม่ได้เพราะว่ากันตามตรง วินนี้เหมือนเบ๊คนที่สองของน้องรองจากเขาเลยนะ แถมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยซ้อว่าไงวินว่าตาม ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนเด็กดื้อของเขาถึงโมโหมันแบบนี้



“ไอ้วินมันทำอะไรให้” อาร์ตเดินมานั่งลงข้างๆแล้วจัดการอุ้มพีทขึ้นนั่งตัก จมูกโด่งก็คลอเคลียสูดความหอมของแก้มเนียนไปด้วย



“ก็แม่ง...ไอ้พี่วินมันสั่งวิ่งรอบสนามกลางแดดเปรี้ยงๆตั้งห้ารอบ” พีทว่าเสียงเขียวใบหน้าแสดงความโกรธแบบจริงจัง



“ทำไมล่ะ” อาร์ตถามอย่างแปลกใจ



“แค่เข้าสายนิดหน่อยทำไมต้องสั่งวิ่งวะ...อย่าให้เจอนะแค้นนี้ต้องชำระ” พีทว่าอย่างหมายมาดในหัวมีแผนฆาตกรรมวินเอาไว้เพียบ



“มันก็ทำตามหน้าที่” อาร์ตพยายามพูดแก้ตัวแทนรุ่นน้องคนสนิท ผลที่ได้คือตาเขียวปั๊ดจากพีทที่มองมา



“แล้วไงแต่นี่ซ้อไง...เข้าใจไหมว่าซ้ออ่ะ” พีทชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแสดงอาการงอแงเหมือนเด็กโดนขัดใจ จนอาร์ตได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ไม่ได้อยากบอกให้ใครรู้แท้ๆ ทีแบบนี้มาทำโวยวาย



“งั้นก็บอกทุกคนไปว่าเราเป็นแฟนพี่” อาร์ตลองว่าแหย่ไปเพราะรู้ดีว่าพีทจะตอบยังไง



“ไม่เอาอ่ะไว้รับน้องจบก่อน” พีทส่ายหัวปฏิเสธทันทีเพราะไม่ชอบที่จะต้องเป็นจุดสนใจ และได้รับการปฏิบัติตัวด้วยเป็นพิเศษ ถ้าบอกไปว่าเป็นแฟนพี่อาร์ตยังไงพวกรุ่นพี่ก็คงไม่กล้าลงโทษอะไรเขามากมาย แต่แบบนั้นมันต้องแลกกับความเคารพจากทุกคนที่มีต่อพี่อาร์ตเหมือนกัน ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น



“งั้นก็เลิกบ่นแล้วค่อยไปแกล้งไอ้วินทีหลัง”




“อย่าพูดชื่อพี่มันได้ป่ะคิดแล้วแค้นโคตรเมื่อยเลยเนี่ย แล้วพวกพี่แม่งโคตรลำเอียงรอบที่แล้วไอ้เลิฟสายไม่เห็นจะทำโทษอะไรเลย รอบนี้พี่ปอก็ไม่เข้าปะชุมถ้าพวกพี่ๆมันยังไม่ทำอะไรสองคนนี้นะกุจะประท้วง อำนาจมืดชัดๆ” พีทยังคงบ่นงึมงำด้วยใบหน้างอง้ำ เจ้าตัวคงจะโกรธจริงจังรอบนี้คิดๆไปแล้วก็สงสารวินที่ต้องรับกรรม



“โมโหขนาดนี้ทำไมน้องพีทไม่จัดการไอ้วินตั้งแต่แรกเลยล่ะปล่อยมันกลับห้องทำไม” อาร์ตว่าอย่างสงสัยก็กลับมาหอพร้อมกันทำไมไม่จัดการไปซะตั้งแต่แรก



“มึงดูสภาพกูดิพี่คิดว่ากูมีแรงไหมนี่ก็แทบคลานกลับห้องแล้วเหอะ” พีทหันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่อาร์ต



“ฮ่าๆก็ตอนนี้พี่เห็นเราดูไม่เป็นไรเลย”




“ก็หายเหนื่อยแล้วไง โว๊ะ!!!” พีทส่งเสียงในลำคอเบาๆที่อาร์ตไม่ได้อย่างใจตัวเองสักอย่าง กรณีแบบนี้ที่เขากำลังโมโหอยู่พี่มันควรจะเข้าข้างเออออตามสิ ไม่ใช่มาพูดจากวนประสาททำตัวเป็นพระปางห้ามญาตให้เสียอารมณ์แบบนี้



“เด็กดื้อเอ้ย” อาร์ตอดที่จะว่าออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้เลยเจอพีทหันกลับมามองหน้าทันควัน



“ใครเด็กวะ!! แล้วนี่พี่มึงจะเลิกลูบได้ยังเนี่ย” พีทโวยวายดังลั่นพร้อมกับจับมือซุกซนของอาร์ตที่ล้วงเข้ามาในเสื้อและลูบไล้บนลำตัวเขาไม่หยุด




“อ๊ะ...ไอ้พี่อาร์ต” พีทถึงกับร้องเสียงหลงเมื่ออาร์ตใช้ปลายนิ้วบดขยี้ลงไปที่ยอดอกแรงๆ



“หืม...เรียกทำไมครับ” อาร์ตตอบเสียงงึมงำในลำคอเพราะปากไม่ว่ากำลังขบเม้มที่ซอกคอขาวอยู่ ส่วนมือก็ยังคงหยอกล้อยอดอกเล็กอย่างต่อเนื่อง มืออีกข้างก็เลื้อยหายเข้าไปในกางเกงของพีท



“อื้อ...อ๊ะ....ไอ้พี่อาร์ตหื่นอะไรวะแม่ง!!!” พีทโวยวายออกมาเบาๆใบหน้าเริ่มแดงก่ำตามแรงอารมณ์ที่ได้รับการปลุกเร้า



“อย่าโวยวายสิน้องพีท” อาร์ตดุแกมหยอกพีทเบาๆมือและริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ก่อกวนสร้างความปั่นป่วนให้อีกฝ่าย



“หยุด...อื้อ...อ๊ะ...หยุด...อืม...บอกให้หยุดไงวะ” พีทว่าเสียงเขียวและจับมือที่หยอกล้อแก่นกาตัวเองแน่น แล้วหันกลับมามองอาร์ตตาขวาง



“ใจร้าย” อาร์ตทำหน้าตาหงอยใส่พีทอย่างออดอ้อน



“ไม่ต้องมาอ้อนเลยไอ้หื่น” พีทเองก็พยายามใจแข็งไม่สนใจท่าทางของอาร์ตทั้งที่ใจอ่อนยวบไปหมด



“นะ...ไม่ได้เหรอ” อาร์ตสบตาพีทอย่างมีความหวังแล้วส่งเสียงอ้อนเข้าไปอีก ส่วนพีทก็ได้แต่สบตาเหมือนลูกแมวขี้อ้อนของอาร์ตโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายก็ต้องเม้มปากตัวเองแน่นอย่างชั่งใจก่อนจะปล่อยมือที่จับอีกฝ่ายเอาไว้



“พี่มึงแม่งก็แบบนี้ทุกที” พีทพึมพำตอบออกมาเสียงแผ่วอย่างยอมแพ้ พร้อมกับที่อาร์ตยิ้มกว้างออกมาอย่างชอบใจ และจากนั้นลูกแมวตัวน้อยก็กลายร่างเป็นพ่อเสือตัวใหญ่



“น่ารักที่สุดเมียพี่” อาร์ตยิ้มทะเล้นแล้วดึงพีทเข้ามาประกบจูบในทันที





2 Be Con...

+++++++++++++++

ตอนหน้าเค้าต้องได้กันค่ะ 55

รักคนอ่านจ้า ^^



 

 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 23 (16/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-06-2016 14:07:24
งานนี้มีตบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 23 (16/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-06-2016 15:00:58
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 23 (16/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-06-2016 22:36:06
นาว เพื่อนพีทโดนหมั่นไส้ นาวตบคืนให้พีทหน่อยซิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 23 (16/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 17-06-2016 14:46:07
พี่อาร์ตได้ทั้งแฟนได้ทั้งลูกสินะ พีทฮาเกินไปแล้ว :m20:
ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ (ซึ่งเขารู้กันหมดแล้ว)
แต่มาโวยวายกับพี่มัน คืออยากให้พี่เขาจัดการให้ว่างั้น :hao3:
ให้มันรู้กันไปว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร พีทมันน่ารักจริงๆ
แล้วพี่อาร์ตจะทำยังไงล่ะ ปลอบเด็กก่อนแล้วกันเนาะ
เรื่องอื่นค่อยว่ากัน :-[ ตอนหน้าๆ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-06-2016 21:30:57
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 24 -



                “อ๊ะ...อืม…” พีทส่งเสียงครางอืออึงดังอยู่ในลำคอเป็นระยะ ริมฝีปากขบเม้มแลกเอนไซม์กับอาร์ตไม่ยอมห่าง เรียวลิ้นเองก็ผลัดกันเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อไม่ยอมกัน



ฝ่ามือเล็กเอื้อมขึ้นไปขยุ้มเส้นผมอาร์ตจนเจ้าตัวรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นปลายนิ้วซุกซนก็ยังไม่หยุดสะกิดเขี่ยที่ยอดอกเล็ก ในขณะที่ปากยังคงทำหน้าที่บดจูบได้ดีไม่ขาดช่วง



อาร์ตเคลื่อนฝ่ามือออกจากแผ่นอกบางอย่างอ่อยอิ่ง แล้วค่อยปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายทีละเม็ด มืออีกข้างที่ว่างก็ปลดกระดุมกางเกง ส่วนริมฝีปากก็ผละออกมาดูดเม้มที่หลังคอเบาๆ



อาร์ตไล่ริมฝีปากดูดเม้มลงมาที่ลาดไหล่ ส่งปลายลิ้นไล่เลียลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง พร้อมกับถอดเสื้อออกจากร่างบางแล้วเขวี้ยงทิ้งไม่ไยดี



“อ๊ะ…ซี้ดดด” พีทสะดุ้งเล็กน้อยและหลุดเสียงร้องเพราะความเจ็บออกมาเบาๆ เมื่ออาร์ตกัดลงมาที่ต้นคอเต็มแรงตามด้วยการเลียซ้ำให้แสบเล่นๆ จนพีทต้องหันมามองค้อนและหยิกลงบนท่อนแขนแกร่งแรงๆเป็นการเอาคืน



อาร์ตสบตาเอาเรื่องของอีกฝ่ายแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะจับฝ่ามือเล็กนั้นขึ้นมาจูบแล้ววกกลับไปหอมแก้มใส ที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด



“หอม” อาร์ตว่าพร้อมกับระดมหอมแก้มพีทไม่หยุดทั้งสองข้าง



“อือ...พอได้แล้ว...หอมอะไรล่ะมีแต่เหงื่อ” พีทเถียงกลับเสียงแผ่วเขินอายไม่น้อยกับคำหวานของอาร์ต ทั้งที่ควรจะชินเพราะเจ้าตัวสรรหาคำพูดหวานๆมาพูดใส่ตลอดแท้ๆ แต่มันไม่เคยชินเลยสักทีแถมยังเขินตามได้ทุกครั้ง



“เถียงเก่งจริงๆ” อาร์ตส่ายหัวอย่างอ่อนใจก่อนจะขบเม้มริมฝีปากลงที่ซอกคอ พร้อมๆกับฝ่ามือที่เลื้อยหายเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่าย จากนั้นก็กอบกุมแก่นกายเล็กที่กำลังตื่นตัวไว้ในฝ่ามือ แล้วขยับมันเบาๆอย่างหยอกเย้า



“อ๊ะ...อืม...อื้อ” พีทหลุดเสียงครางออกมาผะแผ่วเมื่ออาร์ตนวดคลึงเบาๆที่แก่นกายและลูกบอลแฝด แผ่นหลังเล็กเอนผิงแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง ใบหน้าแหงนเงยเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้น



“อาร์ต...อื้อ...ระ...เร็ว” พีทร้องขอออกมาเสียงสั่นเพื่อให้อาร์ตขยับฝ่ามือเร็วขึ้น สะโพกบางขยับเล็กน้อยตามการนำของฝ่ามือ แก่นกายรู้สึกปวดหนึบไปหมดเพราะต้องการปลดปล่อย



อาร์ตเองก็ไม่ได้ใจร้ายจัดการขยับฝ่ามือระรัวเร็ว พร้อมทั้งส่งปลายนิ้วไปนวดคลึงตรงส่วนปลายยอดเพื่อเพิ่มความเสียวให้ มืออีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วบดขยี้ที่ยอดอกเล็ก ส่วนริมฝีปากก็คลอเคลียดูดเม้มไปตามซอกคอและลาดไหล่



“อ๊ะ...อ๊าาาาาาา” ในที่สุดพีทก็ปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือหนา พร้อมกับเอนซบอาร์ตในสภาพหมดแรง



“อย่าพึ่งเหนื่อยสิ” อาร์ตกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับกัดลงไปเบาๆที่ใบหูนิ่ม



“พีท...ยืนขึ้นหน่อย” อาร์ตบอกพร้อมกับพีทที่ลุกขึ้นยืนตามอย่างว่าง่ายด้วยขาที่สั่นระริก จากนั้นอาร์ตก็จับพีทให้หันกลับมาเผชิญหน้า แล้วจัดการดึงกางเกงลงมาตามขาเรียวก่อนจะตบเบาๆที่ต้นขาตัวเอง เป็นการเรียกให้พีทกลับมานั่งลงที่เดิม



พีทถกขาออกจากกางเกงที่ลงไปกองตรงข้อเท้า แล้วเดินเข้าไปนั่งคร่อมลงบนตักอาร์ตอย่างว่าง่าย ก่อนจะโดนอาร์ตกระชากต้นคอเข้าไปกดจูบบดขยี้อย่างเร้าร้อน



“อื้มมมมม” พีทส่งเสียงครางเป็นระยะในลำคอปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อจนเกิดเสียงดัง พร้อมกับล้วงฝ่ามือเข้าไปในเสื้อของอาร์ตลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังกว้าง ก่อนจะจับที่ชายเสื้ออีกฝ่ายแล้วจัดการถอดออกให้โดยที่เจ้าตัวให้ความร่วมมืออย่างดี



อาร์ตผละริมฝีปากถอยห่างออกมาแล้วพรมจูบลงมาตามข้างแก้ม ปลายคาง วกกลับไปส่งปลายลิ้นหยอกเย้าใบหูนิ่ม ไล่ปลายลิ้นดูดดึงสร้างรอยเรื่อยมาถึงซอกคอขาว กดจูบลงมาจนถึงแผ่นอกบางขาวผ่อง จากนั้นก็ตวัดปลายลิ้นหยอกเอินยอดอกเล็ก ส่วนอีกข้างก็ส่งปลายนิ้วไปบดขยี้อย่างเท่าเทียม



อาร์ตอ้าปากงับลงไปดูดดึงยอดอกอย่างหื่นกระหาย ละเลงลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนแข็งขึ้นเป็นไต ก่อนจะสลับมาหยอกเอินอีกข้างบ้าง ส่วนฝ่ามือหนาก็บีบเค้นไปตามลำตัวขาวผ่องจนขึ้นรอยมือ



“อ๊ะ...ซี๊ดดดด…อืม…” พีทสะดุ้งสุดตัวและส่งเสียงครางออกมา รู้สึกเจ็บไม่น้อยที่อาร์ตกัดลงบนจุกนมเต็มแรงอย่างจงใจ แต่มันก็มาพร้อมกับความเสียวอย่างถึงใจ



สะโพกบางของพีทส่ายร่อนบดเบียดลงบนท่อนลำโป้งนูนใต้ร่มผ้าของอาร์ตอย่างยั่วเย้า ยอดอกแอ่นเข้าหาริมฝีปากหนาอย่างเต็มใจ มือเล็กจิกลงที่ไหล่กว้างแน่นเพราะความสาดเสียวที่กำลังตีวนในช่องท้องไม่หยุด



“พีทครับ...คนดี...อ้าปากหน่อย” อาร์ตกระซิบบอกเสียงพร่ารู้สึกปวดหนึบไปหมดที่ช่วงล่าง จนต้องบีบเค้นที่สะโพกอีกฝ่ายแรงๆเพื่อระบายอารมณ์



“อ๊าาาาา” พีทหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้งก่อนจะเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็งับลงไปที่ปลายนิ้วของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดูดดึงนิ้วทั้งสามจนชุ่มน้ำลาย แล้วเปลี่ยนเป็นประกบจูบกับอาร์ตต่อทันที



อาร์ตไล่ปลายนิ้วลงไปหยอกล้อตรงปากทางเข้า มืออีกข้างก็บีบแก้มก้นนิ่มจนแทบจะเละคามือ ก่อนจะดันนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบขยับเข้าออกช้าๆ แล้วเพิ่มนิ้วที่สองที่สามเข้าไปตามลำดับ



“อ๊ะ...อึ่ก…ลึกกว่านี้อีกพี่อาร์ต” พีทร้องขอเสียงสั่นเมื่ออาร์ตขยับนิ้วรัวเร็วแถมด้วยการใช้นิ้วเปิดอ้าขยายช่องทาง จนพีทถึงกับดิ้นพล่านด้วยความต้องการท่วมท้น อยากได้อะไรที่ใหญ่กว่านิ้วอะไรที่คุ้นเคยดีเข้ามาเติมเต็ม



“นิ้วมันลึกได้แค่นี้แหละน้องพีท” อาร์ตเอ่ยเย้าพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ เลยโดนกำปั้นพิฆาตทุบเข้ากลางหลังเต็มรัก



ปึ่ก!!!!



“อุ่ก!!...ทำร้ายร่างกายกันตลอด” อาร์ตนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะขยับนิ้วเข้าออกรัวเร็วที่ช่องทางรักเป็นการเอาคืน



“อ๊ะ...ก็ใครชะ...อื้อ…ใช่...อ๊า...ให้กวนตีนล่ะ” พีทเถียงกลับอย่างไม่ลดลาวาศอก ช่องทางรักก็ตอดรัดนิ้วเรียวของอาร์ตถี่ยิบ



“ปากดี” อาร์ตกัดบนริมฝีปากของพีทอย่างหมั่นเขี้ยว พร้อมกับถอนนิ้วทั้งหมดออกมาเพื่อเปลี่ยนเป็นท่อนลำของตัวเองแทน



“อาร์ตไม่สดนะ” พีทบอกอาร์ตเสียงกระท่อนกระแท่น จนอาร์ตที่กำลังจะหยิบอาวุธออกมารบต้องชะงักและมองพีทด้วยความไม่เข้าใจ



“น้องยังไม่ได้เตรียมตัว” พีทว่าพร้อมใบหน้าแดงก่ำก่อนจะรีบซุกลงที่ซอกคอเพราะความอาย เขาเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากการหลอกถามเลิฟ ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าไปเขินไปและมันทำให้เขารู้ ว่าการมีผัวสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องดูแลเตรียมตัวสารพัด



“เข้าใจแล้วครับ” อาร์ตหอมแก้มพีทแรงๆให้กับความน่ารัก ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบถุงยางที่ลิ้นชักหัวเตียงพร้อมกับเจลหล่อลื่น



“ใส่ให้หน่อย” อาร์ตยื่นถุงยางให้พีทซึ่งเจ้าตัวก็รับไว้ และลงไปนั่งตรงหว่างขาเพื่อทำตามสั่งอย่างไม่อิดออด แต่ก่อนที่พีทจะได้ลงมือทำอะไรอาร์ตก็ยื่นนิ้วลงมาแตะที่ริมฝีปาก แล้วนวดคลึงไปมาเบาๆอย่างยั่วเย้า



“ใช้ปากนะ” คำพูดของอาร์ตทำเอาพีทตาโตพร้อมใบหน้าแดงซ่าน ก่อนเจ้าตัวจะเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารับคำเบาๆ



ทันทีที่ท่อนลำของอาร์ตได้รับการปลดปล่อยออกมาจากพันธนาการ มันก็ดีดผึงขึ้นชี้หน้าพีทในสภาพพร้อมรบโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก พีทจับรวบท่อนลำใหญ่โตนั้นเอาไว้แล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตมันเบาๆที่ส่วยปลายอย่างรักใคร่แล้วอ้าปากครอบลงไป จัดการผงกหัวขึ้นลงเป็นจังหวะจากนั้นก็ผละออกมาเล็กน้อย



พีทเปลี่ยนเป้าหมายไปหาลูกบอลแฝดด้านล่างแล้วอ้าอมหยอกล้อไปมา จากนั้นก็ส่งปลายลิ้นไล่เลียไปตามความยาวของท่อนลำ หมุนวนเน้นปลายลิ้นที่ส่วนหัวอย่างหนักหน่วงแล้วถอยห่างออกมา



พีทหยิบถุงยางขึ้นมาแล้วแกะมันด้วยปากหยิบไปสวมลงบนส่วนหัวของท่อนลำตรงหน้า และเปลี่ยนไปใช้ริมฝีปากครอบทับดันลงไปจุดสุดความยาว สวมใส่ด้วยปากให้อีกฝ่ายตามคำขอ



“พอแล้วน้องพีทขึ้นมา” อาร์ตว่าเสียงพร่าแล้วกระชากตัวพีทขึ้นมาในทีเดียว แล้วจัดการจับตัวอีกฝ่ายให้มานั่งคร่อมทับที่หน้าตัก ท่อนลำตอนนี้ปวดหนึบไปหมดด้วยความทรมานที่อยากจะปลดปล่อย แทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ตั้งแต่เด็กดื้อหยอกล้อกับอาวุธของตัวเอง



“ยกสะโพก” อาร์ตกระซิบบอกที่ข้างหูพร้อมทั้งส่งปลายลิ้นไปเลียวนอย่างหยอกเย้า จับอาวุธพร้อมรบของตัวเองให้ตั้งตรงช่องทางรัก แล้วอัดสวนกระแทกเข้าไปทีเดียวในจังหวะเดียวกันกับที่พีทกดตัวลงมา



“อ๊าาาาาาาา” พีทส่งเสียงครางออกมาดังลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมาอย่างห้ามอยู่ ก่อนจะทรุดตัวซบลงไปที่ไหล่กว้างอย่างหมดแรง ช่องทางรักรู้สึกแสบและจุกไปหมดทั่วบริเวณท้องน้อย รับรู้ได้ดีถึงความใหญ่โตที่อยู่ภายในร่างกาย



“โอเคไหม” อาร์ตกดจูบลงที่ขมับชื้นเหงื่อของพีทและพยายามบังคับตัวเองให้อยู่นิ่งๆ เพื่อรออีกฝ่ายปรับสภาพให้ได้ซะก่อนทั้งที่อยากขยับใจจะขาด ยิ่งช่องทางรักตอดรัดถี่ยิบแบบนี้ยิ่งอยากกระแทกกระทั้นเข้าออกจนแทบบ้า



“โอเหี้ยไรล่ะทั้งเจ็บทั้งจุกบอกกี่รอบแล้วว่าอย่าเข้ามาแบบนี้ไอ้โรคจิต” พีทเงยหน้าขึ้นมามองอาร์ตตาเขียวปั๊ดและฟาดลงไปบนแผ่นอกอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ



“ฮ่าๆไม่ชอบจริงดิ” อาร์ตทำหน้าล้อเลียนพร้อมกับกระแทกสะโพกเข้าหาเพื่อเอาคืน



“อ๊าาาาาาาา”




หลังจากนั้นก็ไร้เสียงตอบโต้ใดๆระหว่างคนทั้งคู่นอกจากเสียงครางระงมอันสุขสมของพีท และเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังประสานควบคู่กันไป พีทกับอาร์ตต่างสาดใส่ความต้องการอันเร่าร้อนใส่กันอย่างไม่มีออมแรง ยิ่งอาร์ตกระแทกกระทั้นด้วยแรงที่มากเท่าไหร่ พีทก็ขย่มสวนกลับด้วยแรงที่มากเท่ากันอย่างเท่าเทียม



พั่บ! พั่บ! พั่บ!



“อ๊ะๆๆๆ...อาร์ต...อ๊าาา” ร่างทั้งร่างของพีทโยกคลอนไปหมดตามแรงที่อัดกระแทกเข้ามา ใบหน้าแหงนเงยไปทางด้านหลังส่งเสียงครางเรียกชื่ออาร์ตไม่หยุด



อาร์ตตั้งหน้าตั้งตารัวกระแทกใส่เข้าไปไม่ยั้งและเน้นหนักในทุกจังหวะ มือหนาเอื้อมไปบีบเค้นแก้มก้นนิ่มทั้งสองข้างอย่างมันมือ ส่วนปากและลิ้นก็ละเลงหยอกล้อยอดอกชูชันตรงหน้าสลับไปมาไม่หยุด จนพีทได้แต่ดิ้นพล่านครางระงมขย่มสะโพกสวนเปิดรับทุกจังหวะการสอดใส่ และไม่นานพีทก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาเลอะเต็มหน้าท้องตัวเองและอาร์ต ก่อนจะซวนเซซบลงที่ไหล่กว้างอย่างหมดแรง



อาร์ตยกตัวพีทที่อ่อนแรงขึ้นจากตักแล้ววางร่างเล็กไว้บนเตียงกว้าง ก่อนจะตามมาคร่อมทับแล้วจับขาเรียวอ้าออกกว้างพร้อมทั้งดันขึ้นไปจนสะโพกบางลอยสูงจากที่นอน นัยน์ตาสีรัตติกาลที่ตอนดำสนิทกว่าทุกๆครั้งมองช่องทางรักบวมช้ำตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย ก้มลงส่งปลายลิ้นเลียวนทักทายอย่างห้ามใจไม่อยู่แล้วเปลี่ยนเป็นจับท่อนลำบวมเป่งของตัวเองถูไถไปมา




“อาร์ต...อย่าแกล้ง...เข้ามา” พีทครางประท้วงเสียงสั่นพร้อมทั้งขมิบช่องทางรักรัวเร็วอย่างเชื้อเชิญ




อาร์ตถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเมื่อเจอการยั่วยวนของพีท จัดการกระแทกตัวตนเข้าไปข้างในอย่างไม่รอช้าจากนั้นก็ถอดถอนออกมาจนเกือบหมดแล้วอัดกระแทกเสยกลับเข้าไปเต็มแรง ไม่เร่งเร้าจังหวะแต่เน้นหนักในทุกสัมผัสเข้าออก



“อ๊ะ...อาร์ต...อ๊ะ...ตรงนั้น” พีทแทบจะขาดใจตายให้ได้เดี๋ยวนั้นเมื่ออาร์ตกระแทกเข้ามาโดนจุดกระสันภายในปากทางรักรู้สึกระบบและแสบไปหมดจากการเสียดสที่หนักหน่วง ทั้งที่เมื่อก่อนกลัวแต่ตอนนี้เขากลับชอบและเสพติดเซ็กซ์ที่รุนแรง ยิ่งเวลาที่ความขรุขระของมุกขยับไปมาเสียดสีกับผนังนุ่มภายในเขายิ่งชอบ และหลงรักสัมผัสเร่าร้อนที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด



ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!



พั่บ! พั่บ! พั่บ!



เสียงหัวเตียงกระแทกกับผนังห้องสอดประสานเป็นจังหวะกับเนื้อที่กระทบกัน ช่องทางรักตอดรัดท่อนลำที่ผลุบเข้าออกของอาร์ตถี่ยิบ อาร์ตหมุนควงสะโพกและอัดเสยกระแทกเข้าไปอย่างหนักหน่วง ทุกแรงอัดกระแทกสร้างความจุกไปหมดทั่วช่องท้องของพีทแต่มันมาพร้อมความสาดเสียวจนแทบขาดใจ



“อ๊ะ...เจ็บ...อ๊าาาา” พีทครางออกมาเสียงสั่นรู้สึกแสบริเวณยอดอกไม่น้อย เมื่ออาร์ตกัดลงไปบนจุกนมเต็มแรงจนนึกว่าจะทำให้ขาด แล้วตามด้วยการพรมจูบไปทั่วแผ่นอกบางฝากรอยจูบรอยฟันนับไม่ถ้วน



“อ๊ะๆๆๆ...จุก...ช้าหน่อย...อ๊ะๆๆ...อาร์ต” พีทหลุดครางออกมาดังลั่นเมื่อจู่ๆอาร์ตก็เปลี่ยนจังหวะการขยับเป็นรัวเร็ว กระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างรุนแรงถี่ยิบจนตัวพีทสั่นไหวโยกคลอนตามแรงอัดอย่างรุนแรง สะโพกบางถูกดันขึ้นสูงจนเหลือแค่ลำตัวท่อนบนที่ยังติดบนที่นอน



“อึ่ก...แน่นฉิบ” อาร์ตพึมพำเสียงพร่าแล้วตั้งหน้าตั้งตากดท่อนลำอัดกระแทกเข้าไปไม่ยั้ง ไม่สนใจฝ่ามือเล็กของพีทที่พยายามดันหน้าท้องแกร่งให้ผ่อนแรง ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดผสมสุขสมของอีกฝ่ายยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้ลุกหือ ซอยกระแทกรุนแรงถี่ยิบจนช่องทางรักแดงช้ำไปหมด



“อ๊ะๆๆๆๆๆ” พีทส่ายร่อนสะโพกรับการกระแทกรุนแรงของอาร์ตเป็นอย่างดี ช่องทางรักตอดรัดท่อนลำถี่ยิบทั้งเจ็บทั้งเสียวใจแทบขาด แขนสองข้างยกขึ้นโอบกอดกายแกร่งแน่นริมฝีปากประกบจูบแลกลิ้นกับอีกฝ่ายอย่างโหยหา ปลายเล็บจิกลงไปที่แผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความซ่านเสียว



“อ๊าาาาาาา” พีทครางออกมาสุดเสียงพร้อมกลับปลดปล่อยออกมาอีกครั้งและทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง



อาร์ตจัดการเร่งเครื่องกระแทกรัวซอยเข้าออกถี่ยิบด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะเน้นหนักอีกสองสามครั้งและปลดปล่อยออกมาเต็มถุงยางในไม่ช้า อาร์ตยังคงแช่ตัวเองนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักเพื่อปรับจังหวะการหายใจ แล้วค่อยๆดึงตัวเองออกมาและถอดถุงยางออกทิ้งลงที่ข้างเตียงอย่างไม่ใยดี



สายตามองร่างอ่อนระทวยของพีทด้วยความต้องการที่ยังไม่ลดลง หยิบถุงยางอีกชิ้นขึ้นมาสวมใส่แล้วจับร่างอ่อนแรงของพีทให้พลิกคว่ำ ดึงสะโพกบางให้ยกขึ้นสูงและสอดใส่ตัวตนเข้าไปข้างในอีกครั้ง



“อ๊าาา” พีทครางออกมาอีกครั้งรู้สึกแสบไปหมดที่ช่องทางรักเมื่ออาร์ตสอดใส่เข้ามาช้าๆ เหมือนจงใจให้รับรู้ถึงความขรุขระที่กำลังครูดไปทั่วผนังนุ่ม เป็นผลให้ภายในกลับมาตอดรัดตัวตนของอีกฝ่ายถี่ยิบในทันที



“อึ่ก...อื้อ...อ๊ะๆๆๆ”




หลังจากเข้าไปจนหมดอาร์ตก็กระชับสะโพกบางแน่นบีบแก้มก้นขาวจนขึ้นรอยมือ และอัดกระแทกเข้าใส่ไม่ยั้งรัวเร็วจนคนใต้ร่างสั่นสะเทือนไปทั้งตัว



พีทครางระงมดังลั่นห้องใบหน้าหวานส่ายไปมากับพื้นที่นอน มือเล็กขยุ้มที่ผ้าปูแน่นจนแทบจะขาดคามือ ลำตัวท่อนบนโยกคลอนถูกไถไปมากับเตียงอย่างรุนแรง ในขณะที่ช่องทางรักถูกอัดกระแทกเข้าหาด้วยจังหวะรักที่หนักหน่วง



อาร์ตอัดกระแทกรุนแรงจนสุดความยาวสลับกับหมุนควงไปมาชนิดไม่ผ่อนแรง เร่งเครื่องซอยเข้าหาสะโพกบางถี่ยิบยิ่งใกล้ปลดปล่อยยิ่งใส่ไม่ยั้ง ช่องทางรักของพีทเองก็ตอดรัดระรัวอย่างถึงใจจนแทบคลั่ง



“อ๊าาาาาา / อืม.....” เสียงครางแห่งความสุขสมดังออกมาจากปากของทั้งคู่พร้อมกับการปลดปล่อยอีกครั้ง พีททรุดตัวลงกับที่นอนทันทีอย่างหมดสภาพลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอาร์ตเองก็ลมหายใจถี่กระชั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่




อาร์ตดึงตัวเองออกมาช้าและถอดถุงยางลงไปกองไว้ที่เดียวกัน โน้มตัวลงจูบที่สะโพกบางไล่ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงหลังคอแล้วดูดเม้มแรงๆจนขึ้นรอยแดง มือหนาลูบหัวชื้นเหงื่อของคนใต้ร่างเบาๆกดจูบลงที่หน้าผากเนียน แก้มใส และริมฝีปากแดงช้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทับอีกฝ่ายทั้งตัว



“เหนื่อยเหรอ” อาร์ตถามพร้อมกับจมูกโด่งที่คลอเคลียไม่ห่าง



“อือ” พีทตอบเสียงเนือยๆและพยักหน้ารับอย่างหมดแรง



“เหนื่อยได้ไงนอนเฉยๆหรือเหนื่อยเพราะใช้เสียงเยอะ” อาร์ตล้อเลียนอีกฝ่ายพร้อมหัวเราะเบาๆในลำคอ



“ไอ้พี่อาร์ต!!!” พีทตวาดเสียงเขียวแต่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน พร้อมกับใช้หลังมือฟาดลงไปที่คนบนตัวแต่แรงที่ใช้ไม่ต่างกับสะกิดเท่าไหร่



“ฮ่าๆๆสงสัยจะเหนื่อยจริง” อาร์ตหัวเราะออกมาอย่างชอบใจแล้วกดจูบที่แก้มใสอย่างหมันเขี้ยว



“พี่แม่ง!! กวนตีน ลุกเลย...หนัก” พีทมองค้อนอาร์ตอย่างหมั่นไส้กับท่าทางระริกรี้ของอีกฝ่าย แล้วขยับตัวยุกยิกไปมาเพื่อให้อีกฝ่ายขยับออกไป ตัวไม่ใช่เล็กๆนอนทับลงมาจนเขาแทบจะจมหายไปกับที่นอน



“ไม่ลุก” อาร์ตว่าอย่างยียวนและนอนนิ่งไม่ยอมขยับ



“ไอ้พี่อาร์ต!!!” พีทโวยวายออกมาดังลั่นแล้วกระทุ้งข้อศอกเข้าใสท้องอาร์ตเต็มแรง



“อุ่ก!! หายเหนื่อยแล้วเหรอ” อาร์ตถึงกับจุกไปเมื่อเจอศอกพิฆาตจากพีทและมองอีกฝ่ายอย่างเหลือเชื่อ เมื่อกี้ยังไม่มีแรงอยู่เลยไปเอาแรงจากไหนมาทำร้ายร่างกายเขาอีกแล้วเนี่ย



“สม...ลุกได้แล้วมันหนัก” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจ



“ครับๆ” อาร์ตลุกออกตามคำสั่งแล้วเปลี่ยนเป็นตวัดตัวของพีทขึ้นมานอนทับตัวเองแทน



“รุนแรงตลอดทุบจนพี่จะช้ำในหมดแล้วเนี่ย” อาร์ตบ่นงึมงำออกมาเบาๆ



“ก็พี่มึงโรคจิตเองบอกดีๆก็ไม่ฟัง” พีทมองค้อนอีกฝ่ายและเอื้อมมือขึ้นไปบิดหูด้วยความหมั่นไส้



“เฮ้ย!! บิดหูเลยเหรอ” อาร์ตมองพีทด้วยความอึ้งนอกจากแม่ครูที่เลี้ยงมา ไม่เคยมีใครกล้าบิดหูแบบนี้เลยนะ



“แล้วจะทำไม” พีทถลึงตาใส่ดุๆที่เห็นอาร์ตโวยวายตามด้วยการบิดหูอีกข้างเป็นของแถม



“ไม่ทำไมครับ...ไม่กล้ามีปัญหากับเมียเลย” อาร์ตยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้



“ดีมาก” พีทผงกหัวขึ้นมองแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆเป็นรางวัลที่ไม่หือ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนซบที่แผ่นอกกว้างตามเดิม



“รางวัลดีแบบนี้ให้ยอมทั้งชีวิตยังได้เลย” อาร์ตว่าพร้อมมองคนบนตัวด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความรัก



“ให้ได้อย่างปากว่าเหอะ” พีทพึมพำเถียงออกมาเสียงแผ่ว



“ลองอยู่กับพี่จนแก่สิจะได้รู้ว่าจริงไหม” คำพูดของอาร์ตทำให้พีทผงกหัวขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายทันที เห็นอีกฝ่ายที่มองด้วยสายตาจริงจังพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน



“ไม่รับปากต้องดูความประพฤติ” พีทยักคิ้วส่งให้อย่างกวนๆ



“ฮ่าๆงั้นต้องทำตัวดีๆแล้วสิกลัวเด็กทิ้ง” อาร์ตหัวเราะชอบใจกับความกวนของพีทแล้วกดจูบที่ริมฝีปากพีทแรงๆอย่างหมันเขี้ยว



“ให้รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ” พีทตบลงบนอกอาร์ตแปะๆแล้วยักคิ้วส่งให้ ก่อนจะโน้มตัวจุ๊บอีกฝ่ายคืนแล้วผละออกมาที่ซอกคอ



“อึ่ก...ทำอะไร” อาร์ตรู้สึกเจ็บที่ต้นคอจนต้องนิ่วหน้าและเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย



“อยู่เฉยๆสิ” พีทเงยหน้าขึ้นมาว่าดุๆแล้วก้มลงไปที่ซอกคออีกครั้ง งับลงไปเบาที่ต้นคอแล้วดูดเม้มจนขึ้นรอยแดง



“ตกลงทำอะไร” อาร์ตขมวดคิ้วอมยิ้มให้กับท่าทางเจ้าเล่ห์ของพีท



“ทำให้รู้ว่ามีเจ้าของไง” พีทว่าแล้วจิ้มนิ้วลงไปบนรอยคิสมาร์กที่ตัวเองทำแรงๆ



“หวง?”



“ไม่หวงเหอะแต่นอกใจตาย” พีทว่าพร้อมถลึงตาใส่



“ฮ่าๆโอเคๆไม่หวงนะ” อาร์ตหัวเราะร่าอย่างชอบใจ



“เออ!! เข้าที่พูดใช่ไหม” พีทกระแทกเสียงตอบและจับหน้าอาร์ตให้หันมามองตัวเอง พร้อมทำตาดุข่มขู่ใส่อีกฝ่าย



“ครับ” อาร์ตยิ้มจนตาหยีแล้วลูบไล้แผ่นหลังบางไปมา



“ดีมาก...แล้วนี่พี่มึงไม่ไปทำงานเหรอ” พีทถามขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้เพราะพึ่งสังเกตว่าท้องฟ้าข้างน้องกำลังเปลี่ยนสี




“ขี้เกียจแล้ว...ไม่ไปได้ไหมอยากอยู่กับเมีย” อาร์ตว่าหน้างอทำตัวงอแงจนพีทหลุดขำออกมา



“คิดว่าน่ารักเหรอทำแบบนี้ ลุกได้แล้วไปอาบน้ำเดี๋ยวก็โดนพี่ตองด่า” พีทส่ายหัวเล็กน้อยแล้วดันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มลงไปอีกรอบ เมื่ออาร์ตดึงลงไปเหมือนเดิมแล้วบกแขนกอดไว้แน่น



“ช่างเฮียตองเหอะ” อาร์ตว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วระดมจูบไปทั่วหน้าพีทไม่หยุด



“คิกๆไอ้พี่อาร์ตมันจั๊กจี้หยุดเดี๋ยวนี้เลยแม่ง” พีทย่นหน้าหลบเป็นพัลวันแล้วใช้ฝ่ามือดันปลายคางของอาร์ตเอาไว้



“อยากหยุดก็หยุดแต่อยู่ห้องคนเดียวนะ” คำพูดของพีททำให้อาร์ตขมวดคิ้วมุ่นทันที



“หมายความว่าไง?”



“ต้องออกไปทำรายงานกลุ่มที่บ้านไอ้นาวเข้าใจไหม...ที่นี้ลุกไปอาบน้ำไปทำงานได้ยัง” พีทตอบแล้วบิดปลายจมูกโด่งไปมาอย่างหมันเขี้ยว



“เซ็งฉิบ” อาร์ตกรอกตาไปมาแล้วดันพีทให้ลงไปนอนข้างๆก่อนจะลุกขึ้นแต่โดยดี



“เก็บถุงยางไปทิ้งดีๆแล้วรีบอาบด้วย” พีทบอกแล้วพลิกตัวเองนอนคว่ำซุกหน้าลงที่หมอนใบโต



“จ้า” อาร์ตรับคำแล้วก้าวขาลงไปเก็บถุงยางทิ้งใส่ถังขยะ ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งมองร่างขาวโพลนเปลือยเปล่าที่นอนคว่ำหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะก้มลงกัดที่แก้มก้นขาวเต็มแรงด้วยความหมันเขี้ยว



“โอ๊ย!!!” พีทร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเอาเรื่อง



“ไอ้พี่อาร์ต!!!” พีทตวาดลั่นแล้วคว้าหมอนใบโตที่วางข้างๆเขวี้ยงไปใส่อาร์ตเต็มแรง



“ฮ่าๆๆ” อาร์ตหัวเราะลั่นที่แกล้งพีทได้แล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรู้งาน ทิ้งให้พีทนั่งมองตามด้วยความขุ่นเคืองที่เอาคืนไม่สำเร็จ





2 Be Con...



++++++++++++++++

โอ๊ย!!!! มีความหมั่นไส้ มีความอิจเบอร์ใหญ่มาก

อยากได้เฮีย...แพ็คเฮียใส่ถุงให้ที

 หวานกันจนรถอ้อยคว่ำ บ้าบอที่สุด

ใครใช้ให้เขียนแบบนี้

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

ปล.ขออภัยที่ช้า กราบบบบบบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 24 (19/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2016 00:20:54
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 24 (19/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-06-2016 01:15:17
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 24 (19/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 23-06-2016 13:17:56
แม้เราจะเป็นรองเรื่องบนเตียง แต่เรื่องอื่นๆเราต้องคุมเนาะพีท
ห้าวหาญสมกับเป็นซ้อใหญ่แห่งวิศวะ :laugh: ให้มันรู้กันไป
น่ารักอย่างนี้จะไม่ให้พี่อาร์ตทั้งรักทั้วหลงได้ยังไงกัน
ถึงขั้นไปหลอกถามเคล็ดลับการครองเรือนมาจากน้องเลิฟมาซะด้วย
พี่อาร์ตจะไปไหนเสีย ได้แต่ก้มหน้าทำงานเลี้ยงน้องไปสิ
แต่ไม่ว่าจะหนักแค่ไหนพี่อาร์ตก็พร้อมสู้แหละ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1 และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 26-06-2016 20:53:17
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 25 -



                “ให้พี่มารับกี่โมง” อาร์ตมองไปยังบ้านทาวน์เฮ้าส์ตรงหน้าที่เพิ่งจะได้มีโอกาสมาครั้งแรกอย่างสนใจ ก่อนจะหันกลับมาหาพีทที่ยืนถอดหมวกกันน๊อคอยู่ข้างรถ



                “ไม่รู้ว่างานจะเสร็จกี่โมงดิ...พี่มึงไม่ต้องมาก็ได้เผื่อมันดึก” พีทว่าออกมาด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้อีกฝ่ายขับรถมากลางค่ำกลางคืน




                “แล้วน้องพีทจะกลับยังไงล่ะ” อาร์ตถามพร้อมกับยื่นมือไปรับหมวกในมืออีกฝ่ายมาใส่ในตะกร้ารถ หมวกใบใหม่ที่เขาซื้อให้น้องสีชมพูหวานแหววติดสติกเกอร์ลายคิตตี้ จำได้ว่าเจ้าตัวโวยวายจนเขวี้ยงหมวกใส่ตอนที่เห็นมันครั้งแรก ส่วนเขาก็ทั้งเจ็บทั้งขำไปตามระเบียบจะว่าเขาจงใจกวนมันก็ใช่ ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เวลาน้องโมโหแล้วน่รักขนาดนั้น



                “แท็กซี่...ไม่งั้นก็นอนนี่”




                “ตามใจแต่ถ้าดึกมากก็นอนที่นี่เลย ถ้าจะกลับเดี๋ยวพี่มารับ” คำตอบย้อนแย้งของอาร์ตทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าอาร์ตด้วยความเซ็ง บอกว่าตามใจแต่จะมารับตกลงเขากับพี่มันคุยกันรู้เรื่องไหม



                “ก็บอกว่าไม่ต้องมารับไงเดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับเอง” พีทว่าเสียงเนือยๆย้ำคำพูดของตัวเองอีกรอบ



                “น้องพีทอย่าดื้อสิเดี๋ยวพี่มารับ” อาร์ตเองก็ไม่ยอมเหมือนกันเขาห่วงของเขาถึงจะเป็นผู้ชายใช่ว่าจะไม่เกิดอันตราย ยิ่งดูออกว่าเป็นคนมีฐานะแบบเด็กดื้อของเขาเนี่ยยิ่งน่าห่วง แบรนเนมตั้งแต่หัวจรดเท้านาฬิกาเรือนเดียวก็หลายหมื่นแล้ว ถ้าเจอคนไม่ดีขึ้นมาเขาไม่อยากจะคิดเลย



                “ทำไมพี่มึงพูดไม่รู้เรื่องเนี่ย” พีทว่าด้วยใบหน้าบึ้งตึงและน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด



                “พี่พูดรู้เรื่องครับแต่พี่ห่วงของพี่ เป็นอะไรไปพี่จะไปหาแบบนี้คืนที่ไหน” อาร์ตเอื้อมมือไปดึงแขนพีทให้เขยิบเข้ามาใกล้ แล้วยกมือลูบลงไปที่หัวอีกฝ่ายพร้อมทั้งอธิบายอย่างใจเย็น ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหอะไรกับท่าทางของพีท



                “ก็ได้...ถ้าดึกจะนอนนี่แต่ถ้าไม่ดึกเดี๋ยวกลับเอง ไม่งั้นก็จะแวะไปหาที่ร้าน” พีทอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาอย่างเสียไม่ได้ ในใจก็แอบค้านคำพูดของอาร์ตไม่หยุด



“เถียงในใจใช่ไหมเนี่ย” อาร์ตหยิกแก้มพีทอย่างรู้ทันพร้อมกับส่ายหัวเหนื่อยใจให้กับความรั้นของอีกฝ่าย



“อะไร...พี่มึงอย่ามั่ว” พีททำตีมึนไม่ยอมรับทั้งที่แอบสะดุ้งเล็กน้อยที่โดนจับได้



“เถียงไปเถอะแค่ทำตามก็พอ” อาร์ตว่ายิ้มๆเลยได้ค้อนวงโตจากพีทเป็นรางวัล



“เออ...กลับไปได้แล้ว” พีทยู่หน้าใส่อย่างขัดใจแล้วยกมือดันอาร์ตเบาๆ



“หมดประโยชน์แล้วไล่เลยนะ” อาร์ตตัดพ้ออย่างไม่จริงจังและยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับแขนพีทไว้



“ก็คุยรู้เรื่องแล้วไงกลับไปเร็ว” พีทพยายามแกะแขนตัวเองออกและดันตัวอาร์ตเบาๆ



“เร่งจังมีอะไรรึเปล่าหรือซ่อนกิ๊กไว้” อาร์ตถามเสียงดุและจ้องหน้าพีทเขม็ง



“กิ๊กบ้าอะไรล่ะ!! เดี๋ยวเพื่อนออกมาเห็น” พีทตวาดแว๊ดใส่และมองกลับอย่างเอาเรื่อง



“ก็ให้เห็นสิ...ทำไม? อาย?” อาร์ตยิ้มมุมปากยียวนใส่แถมด้วยการกระตุกแขนพีทเบาๆ จนอีกฝ่ายเซเข้าหาแล้วกอดเอวบางไว้หลวมๆ



“ปล่อยเลยไอ้พี่อาร์ตเดี๋ยวเพื่อนเห็น” พีทฟาดลงไปตามแขนของอาร์ตให้ปล่อยและพยายามสะบัดตัวให้หลุด อาร์ตเลยยิ่งกระชับอ้อมแขนกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเก่า



“ถ้าเห็นแล้วมันทำไมล่ะ” อาร์ตยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเก่าแล้วมองพีทด้วยแววตาพราวระยับ



“อายดิพวกแม่งชอบแซว” พีทงึมงำตอบในลำคอแล้วทำหน้ายู่ใส่อาร์ต



“ฮ่าๆโอเคงั้นพี่ไปละ...แต่ก่อนไปมาให้หอมก่อน” ไม่พูดแค่ปากเพราะอาร์ตยื่นมือทั้งสองเข้าไปจับที่หน้าของพีท แล้วพยายามบังคับโน้มหน้าอีกฝ่ายลงมาหอม



“ไอ้พี่อาร์ต!! ไม่เล่นนะแม่ง!!” พีทโวยวายดังลั่นดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ ยกมือดันหน้าอาร์ตที่ยื่นเข้ามาใกล้เอาไว้อย่างสุดกำลัง



“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้พีทหันกลับไปมองด้านหลังทันที ก่อนที่ใบหน้าขาวจะแดงก่ำไปหมดเมื่อเห็นว่าใครเป็นเจ้าของเสียง



ฟอดดดดดดดดด



“ชื่นใจ” ในช่วงที่พีทมัวแต่ยืนตะลึงอาร์ตก็อาศัยจังหวะนั้นหอมเข้าที่แก้มใสเต็มแรง




“อะ...ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!!” พีทที่โดจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองด้วยความตกใจ หันไปทุบกำปั้นลงบนตัวอาร์ตเต็มแรงแล้วหันกลับมาหาบุคคลที่สามอีกคนที่ยืนอยู่



“คือ...คือ...มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะเว้ย” พีทปฏิเสธออกไปเสียงตะกุกตะกักแล้วก้มหน้าหลบสายตารู้ทันที่อีกฝ่ายมองมาเป็นพัลวัน



“มึงรู้ได้ไงว่ากูคิดอะไร” นาวจีบปากจีบคอทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พีทพร้อมทั้งส่งสายตาล้อเลียนไปให้



“กะ...ก็มึง...กูรู้ก็แล้วกัน!! ฮึ่ย!! ไอ้พี่อาร์ตแม่ง!!!” พีทเมื่อไม่รู้จะเถียงเพื่อนว่ายังไงเลยหันไปทุบอาร์ตแรงๆด้วยความอายปนหงุดหงิด



“โอ๊ย!! เกี่ยวอะไรกับพี่เนี่ย” อาร์ตถามพร้อมหัวเราะในลำคอแล้วจับมือที่ทุบลงมาไม่ยั้งของพีทเอาไว้ เพราะขืนปล่อยให้เจ้าตัวทุบแก้เขินแบบนี้เห็นทีเขาได้ช้ำในตาย



“ว่าแต่มึงเหอะในบ้านไม่มีที่อยู่รึไงถึงมายืนอยู่หน้าบ้านเนี่ย” พีทหันไปถามนาวเสียงเหวี่ยงแสดงอาการพาลแบบเด็กไม่รู้จักโตใส่เพื่อนหลังจากทำร้ายร่างกายอาร์ตไม่ได้แล้ว จนทั้งนาวและอาร์ตต้องหันมาสบตากันแล้วส่ายหัวไปมาด้วยความหน่าย



“ก็นี่บ้านกูไหม? จะเดินไปไหนก็เรื่องของกู ไอ้คนที่มายืนอ้อนผัวมากกว่ามั้งที่มันผิดที่ผิดทาง” คำพูดของนาวทำเอาพีทใบหน้าแดงเถือกยิ่งกว่าเก่าลามไปทั่วทั้งลำคอและใบหู ส่วนนาวก็ยืนกระตุกยิ้มมุมปากชอบใจกับปฎิกิริยาของเพื่อน



“ใครผัวกู!!!” พีททำหน้าตาขึงขังและเถียงนาวเสียงแข็งแต่ไม่กล้าสบตา จนนาวหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้กระทั่งอาร์ตก็ยังผสมโรงหัวเราะไปกับความตีมึนของพีท ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่ยืนเม้มปากแน่นทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้น



“ฮึ่ย!! แม่ง!! กลับไปเลยไป!!!” สุดท้ายพีทก็ทนสายตาล้อเลียนของเพื่อนที่มองมาไม่ได้ ออกปากไล่อาร์ตอย่างเหลืออดแล้วสะบัดหน้าหนีเดินเข้าบ้านไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้อีกสองชีวิตที่เหลือมองตามหลังไปแบบงงๆ



“เป็นเอามากแหะไอ้นี่” นาวพึมพำเสียงเบาแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ




“เวลามันอยู่กับพี่มันก็เป็นแบบนี้เหรอคะ” นาวหันกลับมาถามอาร์ตด้วยความแปลกใจ เพราะปกติเวลาพีทอยู่กับพวกเธอเจ้าตัวจะไม่เป็นแบบนี้ ถึงจะไม่ได้มาดแมนอะไรมากมายขนาดนั้นแต่รับรองว่าพีทไม่ดูนุ่มนิ่มแน่นอน มันเลยทำให้อดตกใจกับท่าทางสาวน้อยที่พึ่งเคยเห็นจากอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกไม่ได้



“แบบไหนครับ” อาร์ตทำหน้างงใส่นาวเพราะไม่เข้าใจในคำถามของอีกฝ่าย




“ก็แบบ...เรียกว่าอะไรดีล่ะ สาวน้อย ขี้เหวี่ยงเหมือนผู้หญิงเวลาเป็นเมนส์” นาวอธิบายท่าทางของพีทด้วยใบหน้าแสดงอาการคิดหนัก



“พี่ก็เห็นเหวี่ยงๆแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ” อาร์ตตอบเสียงกลั้วหัวเราะส่วนนาวทำหน้าแหยรับไม่ได้ออกมาทันที



“แล้วนี่น้องไม่ถามเหรอเรื่องพี่กับ...” อาร์ตถามพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าไปในตัวบ้านเห็นพีทกำลังยืนมองมาทางนี้และหน้าบึ้งอยู่ เลยส่งยิ้มหวานพร้อมกับโบกมือให้เจ้าตัวเลยแยกเขี้ยวใส่และสะบัดหน้าหนี



“อ๋อ...เขารู้กันหมดทั้งคณะแล้วมั้งพี่แสดงออกขนาดนี้ มีแค่มันนั่นแหละที่คิดว่าชาวบ้านเขาไม่รู้...อ้อ ไอ้เลิฟด้วยอีกคนที่ไม่รู้” นาวว่าไปส่ายหัวไปด้วยความหน่ายถึงจะแปลกใจบ้างที่จู่ๆ คนที่เคยจีบเลิฟอย่างพี่อาร์ตไปเป็นแฟนพีทซะอย่างนั้น แต่ก็นั่นแหละเรื่องของคนสองคนเธอไม่มีสิทธิ์ยุ่งตราบใดที่เพื่อนเธอไม่ได้เสียใจ และไม่คิดจะถามเพราะรู้ไปก็เท่านั้นมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้มีความสุขกันก็ดีแล้ว ถ้าให้ยุ่งเรื่องพีทเธอไปยุ่งเรื่องเลิฟยังจะดีกว่าเพราะพี่อาร์ตดูเป็นคนดีกว่าพี่ปอหลายขุม



“ฮ่าๆพี่ก็คิดว่างั้นแต่เจ้าตัวเขาไม่ให้พูด” อาร์ตหัวเราะออกมาเบาๆอย่างอารมณ์ดี รู้สึกถูกชะตากับรุ่นน้องผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ เขาพอจะรู้จักน้องบ้างเพราะไปตามจีบน้องเลิฟนานสองนานแต่ไม่เคยได้คุยเป็นการส่วนตัวเท่าไหร่ ต้องเรียกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกันเลยทำให้เห็นอะไรดีๆในตัวผู้หญิงคนนี้ การพูดคุยที่เหมือนไม่มีอะไรแต่ถ้าไม่โง่จะรู้เลยว่าน้องนาวเป็นผู้หญิงที่ฉลาด วางตัวก็ดีแถมน่ากลัวนิดๆใครได้ไปเป็นแฟนไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย



“ก็มันบ้า” นาวพึมพำด่าพีทออกมาด้วยความหมั่นไส้



“ฮ่าๆงั้นพี่ไปก่อนนะครับ” อาร์ตเอ่ยปากขอตัวหลังจากมองเวลาบนหน้าปัดว่าใกล้จะสาย แล้วหันไปสตาร์ทรถเพื่อขับไปทำงานโดยมีนาวยกมือไหว้ลาและยืนส่ง



นาวมองมอเตอร์ไซค์สีชมพูที่เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตาถึงได้หันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เดินพ้นรั้วบ้านมายังไม่ทันจะได้เปิดประตูสายตาก็เหลือบไปเห็นพีทยืนชะเง้อคอมองออกไปที่ถนน เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแทน



“ชะเง้อมองขนาดนั้นทำไมมึงไม่ไปส่งพี่เขาล่ะ” เสียงของนาวที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาพีทสะดุ้งไปเล็กน้อย แล้วหันกลับมามองนาวด้วยสีหน้าเหลอหลาก่อนจะรีบกลับมาทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไร



“พอๆเลิกเก๊กกูรำคาญเข้าบ้านได้ละ” นาวยกมือขึ้นห้ามพีทที่กำลังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งคงไม่พ้นเรื่องปฏิเสธว่าไม่ได้สนใจพี่อาร์ต ทั้งๆที่ชะเง้อคอยาวมองตามเป็นกะเหรี่ยงนั่นแหละ



พีทถึงกับหุบปากลงทันควันพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงไม่พอใจที่โดนนาวขัด ก่อนจะเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปอย่างว่าง่ายแต่ปากขมุบขมิบว่านาวไม่หยุด จนกระทั่งเดินเข้ามาในตัวบ้านเห็นเลิฟนั่งอยู่เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปหาอีกฝ่ายแทน




“หมาเลิฟมาทำรายงานผัวไม่ว่าเหรอ” พีทเอ่ยปากถามเพื่อนอย่างหาเรื่องกวนประสาทเพราะหาที่ลงไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือการส่ายหัวเบาๆและการก้มหน้าก้มตาเขียนทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้เขียน



“มันเป็นไร” พีทหันไปขมุบขมิบปากถามนาวแบบไม่ออกเสียงซึ่งนาวก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะตั้งแต่มาถึงเลิฟก็นั่งเงียบแบบนี้



“กูไม่เป็นไรมาทำงานเหอะจะได้เสร็จๆ” เลิฟเงยหน้าขึ้นมาบอกเพื่อนแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะตบมือลงที่พื้นเพื่อส่งสัญญาณให้เพื่อนนั่ง



“เออๆทำงาน...ไอ้พีทกูสั่งเคเอฟซีกับพิซซ่ามามึงจ่ายตังด้วยนะ” นาวเองก็นั่งลงโดยดีถึงแม้จะสงสัยในท่าทีของเลิฟก็ตาม ก่อนจะหันไปบอกพีทอย่างนึกขึ้นได้



“อ้าว...แล้วทำไมเป็นกูจ่ายวะ” พีทโวยวายออกมาดังลั่นเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากนาวกับเลิฟทันที



“น่าๆป๋าพีทไม่มีสาวต้องไปเปย์แล้วนี่หว่าเลี้ยงเพื่อนแค่นี้ไม่ตายหรอก” นาวยื่นมือไปตบไหล่พีทเบาๆอย่างไม่สนใจใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย



“กูไม่...” พีทอ้าปากจะปฏิเสธก็ต้องหุบลงทันควันเมื่อเจอนาวยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้า ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย



“ถ้ามึงโวยวายกูจะปริ้นแจกคนทั้งคณะ” นาวยักคิ้วพร้อมกระตุกยิ้มส่งให้อย่างเป็นต่อ ส่วนพีทได้แต่ปากพะงาบๆช็ด้วยความช็อค



“อะไรอ่า...” เลิฟที่เห็นเพื่อนสองคนทำท่าทางมีความลับชะโงกหน้าเข้าไปใกล้บ้าง หวังจะดูสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์ของนาวว่าคืออะไร



“มึงเก็บเลย...กูจ่ายเองพอใจยัง” พีทตะโกนดังลั่นแล้วกระชากคอเสื้อเลิฟเอาไว้แทบไม่ทัน



“ก็แค่นั้น” นาวยักไหล่อย่างพอใจแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าทันที



“อะไรอ่า...กูก็อยากเห็นนะ” เลิฟว่าพร้อมทำแก้มป่องปากยื่นหน้างอง้ำที่ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว



“มึงไม่ต้องยุ่งเลยหมาเลิฟ...จำไว้เลยนะมึงเชี่ยนาว” พีทผลักหัวเลิฟเบาๆแล้วหันชี้หน้าคาดโทษนาวด้วยความเคือง ซึ่งเจ้าตัวก็ยักไหล่ให้อย่างไม่ยี่หระ



พีทได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันฮึดฮัดไปมาด้วยความไม่พอใจ ดีนะที่พ่อเขายกเลิกไอ้มาตรการเงินสดวันละสองร้อยนั่นไปแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีปัญญามาจ่ายค่าอาหารที่นาวสั่งไป ถึงอย่างนั้นก็เถอะไอ้นาวมันไปแอบถ่ายรูปเขากับไอ้พี่อาร์ตตอนไหน จะไม่เดือดร้อนอะไรเลยถ้ารูปนั้นไม่ใช่รูปที่เขายืนจูบกับไอ้พี่อาร์ตอยู่ คิดแล้วอยากตายชะมัด



...

...



“สัส!! ที่คอมึงนี่ชัดไปนะ” ไมล์จิ้มนิ้วลงไปที่ต้นคอตัวเองและเอ่ยทักอาร์ตด้วยความหมั่นไส้



“อะไรวะ” อาร์ตชะงักมือที่กำลังจะยกแก้วขึ้นแล้วหันไปมองเพื่อนด้วยความงง



“คอมึงไง...กลัวคนไม่รู้ว่ามีเมีย” ไมล์ว่าอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือมาจิ้มลงที่ต้นคอของอาร์ตแรงๆ



“อ้อ...งั้นมั้ง” อาร์ตยกมือขึ้นจับที่ต้นคอตัวเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สร้างความหมั่นไส้ให้เพื่อนร่วมโต๊ะจนทุกคนพร้อมใจกันปาฝาขวดเหล้าขนมบนโต๊ะใส่ไม่ยั้ง



“เป็นเอามากนะมึงวันหลังพามาแนะนำบ้าง” ปิงที่นั่งเงียบๆมานานพูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาดื่ม



“เบาๆมึงเดี๋ยวเมา” อาร์ตยื่นมือมาดึงแก้วเหล้าออกจากมือปิงแล้วมองอีกฝ่ายดุๆ



“เมาก็แบกกูไปส่งห้องดิ” ปิงว่าอย่างไม่ใสใจก่อนจะแย่งแก้วจากมืออาร์ตมาดื่มต่อ



“ปล่อยมันช่วงนี้ทะเลาะกับเมีย” ไมล์ตบไหล่อาร์ตเบาๆเพื่อห้ามและปล่อยให้ปิงดื่มต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งอาร์ตก็ได้แต่ถอนหายใจและมองอย่างเป็นห่วง



“เลิกทำหน้าเหมือนแบกโลกได้แล้วสัส!! มันไม่มีอะไรหรอกแดกๆเข้าไป” ไมล์ส่ายหัวให้กับความคิดมากของอาร์ตเรื่องก็ผ่านมาหลายปีแล้วยังไม่ลืมอีก



“เออ” อาร์ตรับคำอย่างแกนๆแล้วพยายามไม่คิดอะไรมากก่อนจะหันไปยกแก้วชนกับคนอื่นๆ



วันนี้สุดท้ายอาร์ตก็ต้องหยุดงานอย่างปากว่าเพราะเป็นวันเกิดของ ‘ไมล์’ เพื่อนสนิทสมัยม.ปลายอีกคนนึงที่เรียนอยู่คณะบริหาร  กลุ่มเขามีทั้งหมด 5 คน เขา อ้น กลอนเรียนวิศวะ ส่วนไมล์กับปิงเรียนบริหาร ตอนเรียนจบม.6 ก็ไม่ได้นัดกันหรืออะไร แต่เพราะบังเอิญหรือกรรมก็ไม่รู้ดันสอบติดมาเรียนมหา’ลัยเดียวกันหมดซะอย่างนั้น เลยได้คบกันยาวมาเรื่อยจนทุกวันนี้แค่ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน เพราะเรียนกันคนละคณะนานๆจะนัดมาสังสรรค์กันแบบนี้สักที



“ถ่านไฟเก่ามันคุรึไงวะถึงมานั่งแดกเหล้าด้วยกันแบบนี้” คำพูดชวนหาเรื่องที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้ทุกคนหันไปมองทันที ก่อนจะพากันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร



“หวัดดีพี่” เป็นปิงที่ได้สติก่อนเอ่ยทักทายชาติอย่างคนรู้จักกันดี เพราะอีกฝ่ายเคยเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่ามาก่อน



“ว่าไงมึงสองคนกลับมาเอากันแล้ว” ชาติที่ออกอาการมึนนิดๆมองหน้าปิงอย่างดูถูกแล้วยิ้มเยาะออกมา




“เมาแล้วพี่ก็กลับเหอะว่ะ” อ้นลุกขึ้นประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยความโมโหแล้วเอ่ยปากไล่เสียงแข็ง



“มึงกล้าขึ้นเสียงใส่กูเหรอวะ” ชาติผลักอกอ้นแรงๆอย่างหาเรื่องก่อนจะหันกลับมามองอาร์ตด้วยแววตาโกรธเคือง กลอนเองก็ลุกขึ้นมาขวางระหว่างอ้นกับชาติเอาไว้แววตาวาวโรจน์ อยู่ในสภาพพร้อมมีเรื่องได้ทุกเมื่อถ้าเกิดอะไรขึ้น



“พอๆกลับๆพวกกูขอโทษแทนมันละกัน มันเมาพูดเหี้ยอะไรไปไม่ได้คิดหรอก” เพื่อนชาติรีบเข้ามาห้ามแล้วรีบลากอีกฝ่ายออกไปก่อนจะเกิดเรื่อง




“แม่งเหี้ย!! ตั้งหลายปีแล้วเสือกไม่จบ” อ้นกระแทกตัวลงนั่งด้วยท่าทางฮึดฮัดก่อนจะยกแก้วเทเหล้าเข้าปากไม่ยั้ง



“ช่างเขาเหอะ” อาร์ตว่ายิ้มๆ



“มึงแม่งก็พูดแบบนี้ทั้งปีกูบอกให้กระทืบมันมึงก็ไม่ทำ” อ้นยังคงพูดเสียงออกมาเสียงแข็งและไม่มีทีท่าว่าจะหายโมโหง่าย จนอาร์ตต้องส่ายหัวไปมาด้วยความเหนื่อยใจก่อนจะหันกลับไปมองปิง ที่นั่งหน้าเรียบสนิทไม่ยินดียินร้ายกับอะไร



“กูขอโทษนะเว้ย” อาร์ตยื่นมือไปตบที่หลังมือปิงเบาๆแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ



“เออ” ปิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆก่อนจะหันไปดวลเหล้ากับอ้นแทน ทิ้งให้อาร์ตนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองไปเงียบๆ



...

...



“ขอตรวจบัตรด้วยครับ” พนักงานหน้าเหี้ยมเอ่ยปากขึ้นถามพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าพีททันทีที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปข้างใน



“ผมแค่เข้ามาหาพี่ชายข้างในอ่ะครับ” พีทส่งยิ้มแหยไปให้พร้อมชี้ไม้ชี้มือเข้าไปข้างในผับหรู แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าถมึงทึงจากอีกฝ่ายทำเอาพีทถอนหายใจด้วยความเซ็ง จะให้เขาเอาบัตรที่ไหนไปยื่นล่ะในเมื่ออายุยังไม่ถึงยี่สิบยื่นไปก็เท่านั้น



“ผมเป็นน้องชายพี่ไมล์เพื่อนสนิทลูกชายเจ้าของผับอ่ะ พี่ให้ผมเข้าไปได้ยัง” พีทต่อรองด้วยการใช้เส้นสายนิดหน่อยและมันก็ได้ผลเพราะแค่นั้นพนักงานพี่เหี้ยมก็เปิดทางให้ทันที พีทเลยเดินเข้าไปด้านในแบบสบายใจเส้นใหญ่มันก็ดีแบบเนี่ยแหละ ไม่งั้นไม่มีทางได้เข้าผับหรูแถมโคตรเข้มงวดของที่นี่ได้หรอก ส่วนตอนนี้สิ่งที่เขาต้องระวังอย่างเดียวในผับคือพี่ปอหวังว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่ละกัน ไม่งั้นได้โดนโยนออกจากผับรอบสองในเวลาไม่กี่เดือนแน่ๆ



หลังจากที่ทำรายงานไปได้สักพักและดูท่าว่าคงจะไม่เสร็จในคืนนี้แน่ๆ พวกเขาเลยแยกย้ายกันกลับบ้านโดยที่พีทอาสาไปส่งเลิฟที่หอพักของเจ้าตัว ซึ่งก็แปลกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนกลับหอและไร้เงาพี่ปอมารับ แต่เลิฟบอกว่าแวะมาเอาของเดี๋ยวพี่ปอตามมาเขาเลยไม่เซ้าซี้อะไร ส่วนตัวเขาก็แวะมาหาพี่อาร์ตที่นี่ตามที่ไอ้พี่วินรายงาน



แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่พีทเห็นตรงหน้าทำเอาของขึ้นจากที่กะว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอ ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วกระชากด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพื่อนเขาอยู่คนเดียวที่หอแล้วพี่มันมานั่งให้สาวนัวเนียคืออะไรวะ ถึงพี่มันจะนั่งเฉยๆเป็นตอไม้ไม่ได้เล่นด้วยก็เหอะแต่มันควรไล่ดิเว้ย ไม่ใช่นั่งให้เขาลวนลามลูบไล้อยู่แบบนี้



“มีอะไร” ปอเงยหน้ามามองพีทดุๆหลังจากที่โดนอีกฝ่ายกระชากให้หันไปหา



“เพื่อนผมอยู่หอคนเดียว” พีทว่าเสียงเข้มแล้วกำหมัดแน่นมองหน้าปออย่างเอาเรื่อง



“แล้วไง...อีกอย่างกูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอายุไม่ถึงห้ามเข้า” ปอว่าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปอีกทาง แต่พีทเองก็ไม่ยอมรีบไปเดินขวางหน้าเจ้าตัวเอาไว้เลยโดนปอผลักออกให้พ้นทาง



“เลิฟมันร้องไห้” พีทตัดสินใจตะโกนขึ้นตามหลังและเหมือนจะได้ผลเพราะปอถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่ เขาก็พูดไปงั้นแหละว่าไอ้เลิฟมันร้องไห้ อย่าว่าแต่ร้องเลยจะด่าพี่ปอให้ได้ยินสักแอะก็ไม่มี อะไรจะไปรักไปบูชาปกป้องกันขนาดนั้นพี่มันเลยทำตัวเป็นราชาอยู่แบบเนี่ย



“..............” ปอเหลือบสายตามามองพีทเล็กน้อยและเดินต่อพยายามทำตัวไม่สนใจกับสิ่งที่พีทพูด แต่พีทเองก็ตาไวมากพอที่จะเห็นปฏิกิริยาของเจ้าตัว



“บางทีผมก็คิดนะว่าควรหาคนเช็ดน้ำตาให้มัน” พีทลองหย่อนระเบิดลูกใหญ่ลงไปและภาวนาให้มันได้ผล




“อย่าเสือก” ปอหันกลับมาทำเสียงเข้มและจ้องพีทเหมือนจะขย้ำก่อนจะเดินออกไปทันที ทิ้งให้พีทกับผู้หญิงอีกคนยืนงงตามไม่ทันกับปฎิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนที่พีทจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจที่แกล้งปอได้ แบบนี้ไอ้พี่ปอมันรักเพื่อนเขาแล้วแน่ๆแต่ท่าเยอะ...เยอะจนอยากจะแบ่งความกะล่อนไอ้พี่อาร์ตไปให้ เพื่อนเขาจะได้เลิกเสียใจกับความบ้าของพี่มันสักที



“กูช่วยมึงได้เท่านี้นะเว้ยหมาเลิฟ” พีทพึมพำออกมาเสียงเบาแล้วเดินต่อเพื่อเข้าไปหาอาร์ตที่อยู่ข้างใน รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้กวนประสาทคน แถมเป็นคนที่ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสกวนได้ง่ายๆซะด้วย



พีทเดินผิวปากเดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆอย่างคนอารมณ์ดีเป็นที่สุด ตาก็มองสาวๆที่ยักย้ายส่ายสะโพกด้วยความเสียดาย ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนแล้วคงได้ควงกลับบ้านสักคนสองคน ติดที่ว่าตอนนี้เป็นได้แค่ฝันลมๆแล้งๆเขาไม่อยากมีปัญหาครอบครัวหรอกนะ




จากอารมณ์ชื่นมื่นของพีทเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นห่อเหี่ยวในทันใด ยังไงเขาก็เคยเป็นผัวคนอื่นมาก่อนมันเลยอดคิดถึงวันวานไม่ได้ เดินไปได้สักพักก็เห็นหน้าไอ้พี่อาร์ตอยู่ไม่ไกลอารมณ์เลยกลับมาแจ่มใสอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ปากยกยิ้มกว้างและรีบสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็ว แต่ก็ต้องมีอันให้หยุดชะงักเมื่อจู่ๆก็มีมือปริศนามาดึงเอาไว้



“น้องพีท” เสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาพีทหันกลับไปมอง ก่อนจะตาโตแทบถลนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร



“พี่หมอ” พีทเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบาพร้อมกับหัวใจที่เต้นระทึก ไม่ใช่ว่าดีใจที่ได้เจอแต่กำลังคิดว่านี่มันวันซวยอะไรของตัวเองต่างหาก หรือมันจะเป็นกรรมที่เขาไปแกล้งพี่ปอเมื่อกี้แต่มันก็ตามเร็วเกินไปหน่อยมั้ง



2 Be Con...



+++++++++++++++++

เป็นอีกหนึ่งตอนที่มาหลายอารมณ์

และมาให้ทุกคนได้เดาทางเพิ่มมากขึ้น

หลายคนก็เดาถูกกันนะ 555

แว๊บเอาปอเลิฟมาให้หายคิดถึงด้วย

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.นิยายเดินทางมาครึ่งเรื่องแล้ว

อีกไม่นานก็จบ เรื่องนี้เบาๆ ไม่เครียด

เน้นโรแมนติกคอมเมดี้นะจ๊ะ

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 25 (26/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2016 21:16:41
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 25 (26/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 27-06-2016 14:28:39
หลากหลายอารมณ์จริงๆนั่นแหละ แต่ก็เป็นไปในทางที่ดี
น้องเลิฟกับพี่ปอยังแวบมาหน่อยนึง น้องเลิฟยังน่ารักเหมือนเดิม
พี่หมอหลังจากที่ห่างหายไปจากชีวิตพีทสักพัก ในที่สุดก็กลับมา
มาเยือนถึงถิ่นพี่ปอ แถมยังมีพี่อาร์ตอยู่ด้วยอย่างนี้นี่ยังไง
แต่ดีนะพี่อาร์ตจะได้รู้กันไป รอให้พีทบอกก็คงจะลืมกันไปอีก
กัดไม่ปล่อยอย่างนี้ต้องเอาให้เด็ดขาดกันไปเลย :m19:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 25 (26/06/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-06-2016 18:59:43
สนุกๆ อ่านถึงตอนที่ 13 ล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้อ่านต่อ




ชอบพี่อาร์ตน้องพีท จุงเบย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 29-06-2016 12:46:24
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 26 -



“พี่มีอะไรก็ว่ามาดีกว่า” พีทว่าเสียงเรียบแล้วเขยิบตัวถอยห่างอีกฝ่าย พร้อมกับส่งสายตาไปไปมองด้วยความหวาดระแวง



“พี่ดีใจนะครับที่ได้เจอพีทที่นี่” คนตรงหน้าแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเหลือล้น พร้อมทั้งขยับตัวเข้ามาใกล้จนพีทผงะถอยหนีแทบไม่ทัน



“รีบๆคุยธุระของพี่มาเถอะครับผมจะได้รีบไปหาเพื่อน” พีทตัดบทโดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเท่าไหร่ ที่ไม่กล้าเจอหน้าเมื่อก่อนเพราะกลัวตัวเองจะใจอ่อน แต่ตอนนี้ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอนก็ไม่มีประโยชน์



“ยังโกรธพี่เหรอ” อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่พีทเผลอแล้วคว้าเอาแขนมาจับไว้แน่น พร้อมทั้งส่งน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่เคยทำในอดีต



“ปล่อย” พีทว่าเสียงแข็งและมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ



“ยังโกรธพี่จริงๆด้วยสินะ” อีกฝ่ายพึมพำแผ่วเบาและมองพีทด้วยท่าทางสำนึกผิด จนพีทได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง



“พี่บังคับผมออกมาข้างนอกเพื่อที่จะพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ ถ้าใช่เอาเป็นว่าผมรับรู้และให้อภัย...ขอตัวนะครับ” พีทชักสีหน้าใส่ด้วยความเซ็ง เขาอุตส่าห์ตามออกมาง่ายๆเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะคุยอะไรที่มันสำคัญจริงๆ สุดท้ายก็พ้นคำพูดเดิมๆที่พูดตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้



“เปล่า...พี่อยากอธิบายและขอโอกาส” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ความโมโหของพีทแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตวัดสายตากลับมาด้วยความโกรธเคืองอย่างไม่คิดจะปิดบัง อธิบาย...ขอโอกาสงั้นเหรอ ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นตัวอะไร



“ผมจะให้พี่อธิบายแต่โอกาสผมไม่มีให้พี่แล้ว” พีทหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้งและใช้สายตาที่มีแต่ความเย็นชามองอีกฝ่าย



“ถ้าพีทยังโกรธพี่ก็ไม่เป็นไรไว้วันหลังเราคุยกันใหม่ก็ได้” พี่หมอถอนหายใจออกมาเบาๆและยอมถอยห่างจากพีทง่ายๆ เพราะคิดว่าสิ่งที่พีทแสดงออกตอนนี้คือการประชดจากอารมณ์โกรธที่ยังมีอยู่



“ถ้าพี่ไม่พูดวันนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้วผมไม่อยากฟัง” พีทว่าแล้วเดินผ่านอีกฝ่ายไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่เดินไปได้ไม่ไกลก็มีอันให้หยุดชะงักอีกครั้ง




พีทกรอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่ายแล้วถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่เจอหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญ และนั้นเป็นเหมือนการส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่าพีทไม่ได้ล้อเล่นหรือประชดประชันอย่างที่เจ้าตัวเข้าใจ



“พี่ขอโทษที่ทิ้งเราไปตอนนั้นแต่พี่เหตุผลนะ” พี่หมอตะโกนสวนขึ้นมาทันทีก่อนที่พีทจะได้พูดอะไร มือที่จับแขนพีทเอาไว้ถูกบีบเข้าหากันแน่นจนเจ้าตัวนิ่วหน้าออกมา




“ครับ...ผมรับรู้ทีนี้ก็ปล่อยผมได้แล้ว” น้ำเสียงราบเรียบและท่าทางเฉยเมยที่พีทแสดงออก ทำให้พี่หมอได้แต่ส่งสายตามาตัดพ้อกับการกระทำของเจ้าตัว




“ให้โอกาสพี่นะครับเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” พี่หมอส่งเสียงอ้อนวอนและลูบฝ่ามือของพีทเบาๆ เหมือนสมัยก่อนเวลาที่พีทโกรธอีกฝ่ายจะง้อด้วยวิธีนี้ เป็นการบอกให้รู้ว่าถึงยังไงก็ยังจำเรื่องระหว่างทั้งสองคนได้ดี



“ผม...” แววตาของพีทไหววูบพร้อมกับความรู้สึกที่สั่นคลอน ความทรงจำในอดีตหวนคืนมาเหมือนเปิดวิดีโอซ้ำ พร้อมๆกับที่ได้รับรู้ว่าตัวเองยังมีเยื่อใยกับคนๆนี้ ความรู้สึกที่มันเรียกว่าตัดไม่ขาด



“ปล่อยเถอะครับ” แต่สุดท้ายพีทก็เลือกชักมือกลับออกมาด้วยความเร็ว เมื่อใบหน้าของใครบางคนลอยขึ้นมาในหัว เมื่อกี้ยอมรับเลยว่าเขาหวั่นไหวกับคนตรงหน้าทั้งที่พยายามใจแข็ง และตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกผิดและเกลียดตัวเองเป็นที่สุด




“พีท...ฟังพี่ก่อนได้ไหม ตอนนั้นพี่จำเป็นต้องไปมันเป็นอนาคตของพี่ แต่ตอนนี้พี่กลับมาแล้วไงเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” คำแก้ตัวโง่ๆที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย ทำให้พีทกระตุกยิ้มเยาะขึ้นมาในทันที รู้สึกสมเพชตัวเองที่หวั่นไหวง่ายๆกับคำพูดไม่กี่คำกับการกระทำไม่กี่อย่าง



“แต่พี่เลือกอนาคตของพี่แล้วพี่ก็เลือกต่อไปเหอะ” พีทว่าเสียงแข็งภายในใจนึกถึงแต่หน้าอาร์ตเต็มไปหมด รู้สึกอยากได้อ้อมกอดจากอีกฝ่ายอยากขอโทษที่หวั่นไหวง่ายๆ ถึงจะแค่พริบตาเดียวแต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้นมา



การกระทำไวกว่าสมองขาสองข้างของพีทเดินตรงออกไปข้างหน้าทันที แต่ก็มีแรงปะทะโถมเข้าหาพร้อมแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามา บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้



“ปล่อย...ให้เราจบกันแค่นี้เหอะพี่” พีทยืนนิ่งไม่ไหวติงและพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง



“พี่ไม่ปล่อย...พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้พีทเสียใจอีก เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” เสียงอู้อี้ที่หลุดออกมาเต็มไปด้วยการอ้อนวอนขอโอกาส จนคนได้ยินแบบพีทเกือบจะใจอ่อนอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่ามีใครคนนึงที่คอยฉุดรั้งความรู้สึกและหัวใจเอาไว้



“ผมมีแฟนแล้ว” คำพูดต่อมาของพีททำให้แรงกอดรัดหายไป แปรเปลี่ยนเป็นแรงกระชากที่จับให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าความอ้อนวอนข้อร้องเหมือนก่อนหน้า



“ไม่จริง” พี่หมอบีบจ้องพีทด้วยแววตาแข็งกร้าวน้ำตาที่ไหลลงมาเมื่อครู่ หายไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็วจนเหมือนเรื่องโกหก มือบีบที่ไหล่ทั้งสองข้างของพีทแน่นเหมือนจงใจให้เจ็บ



“พี่หมอ...พี่แทน ปล่อยผม” พีทพยายามแกะมือที่บีบแน่นยิ่งกว่าคีมของอีกฝ่ายออก ไหล่ทั้งสองข้างตอนนี้ปวดร้าวไปหมดเพราะแรงส่งจากอีกฝ่าย เริ่มหวาดระแวงขึ้นมากับท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออก



“ว่ายังไงพีทที่พูดเมื่อกี้โกหกพี่ใช่ไหม” แรงบีบจากอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวพร้อมกับการเขย่าร่างกายพีทอย่างรุนแรงไม่หยุด



ปึ่ก!!!



“โอ๊ย!! พี่มันบ้าไปแล้ว” พีทส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อแผ่นหลังถูกอัดกระแทกเข้ากับกำแพง จากการพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากน้ำมือของอีกฝ่าย



“พี่ขอโทษครับ...แต่พีทก็ไม่น่าทำให้พี่โมโห” แทนไทหรือพี่หมอรีบปล่อยมือออกจากแขนพีท แล้วละล่ำละลักเอ่ยปากขอโทษเสียงสั่น ส่วนพีทอาศัยจังหวะที่ตัวเองได้รับอิสระถอยห่างอีกฝ่ายทันที



“จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของพี่...แต่ผมพูดเรื่องจริง” พีทว่าเสียงเข้มเน้นหนักทุกคำพูดให้อีกฝ่ายรับรู้ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปในทางที่มา รู้สึกโมโหจนไม่อยากเห็นหน้าหรือใช้อากาศหายใจร่วมกับคนๆนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว



“ผู้ชายคนนั้น...มันรู้รึเปล่าว่าตัวเองเป็นเครื่องมือที่พีทใช้ประชดพี่” เสียงตะโกนถามดังไล่หลังไม่ได้ทำให้พีทสนใจเจ้าตัวยังคนเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนประโยคต่อมาที่ทำให้พีทต้องหยุดชะงักอยู่กับที่และหันกลับไปมองอีกฝ่ายทันที



“พูดบ้าอะไร” พีทขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ และที่มากยิ่งกว่านั้นทำไมแทนไทถึงรู้ว่าแฟนเขาเป็นผู้ชาย ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรกมันดูหลอกลวงสับสนจนเขาตามไม่ทัน



“ผู้ชายที่อยู่กับพีทตลอดเวลาช่วงนี้คือแฟนใหม่ที่ว่าใช่ไหม” แทนไทพูดออกมาด้วยท่าทางใจเย็น



“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” พีทถามกลับเสียงแข็งถึงจะรู้สึกสับสนปนแปลกใจกับทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเพราะมันดูขัดแย้งกันไปหมด แต่ตอนนี้เขาแน่ใจอย่างนึงว่าสิ่งที่แทนไทแสดงออกตั้งแต่ต้นมันคือละครฉากใหญ่ที่ต้องการให้เขาใจอ่อน และอีกฝ่ายยังรู้แม้กระทั่งว่าเขามีแฟนแล้ว



“พีท...พี่ขอร้องอย่าทำร้ายคนอื่นเพื่อประชดพี่เลยนะ พี่ขอโทษพี่ยอมรับผิดแล้ว” แทนไทสาวเท้าเข้ามาใกล้พีทก่อนจะดึงเข้าไปกอด



“พี่พูดบ้าอะไรเนี่ย!!!” พีทผลักแทนไทที่กอดตัวเองออกเต็มแรงมองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่รู้จริงๆว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไรและต้องการอะไร




“ต้องให้มีอีกกี่คนกลายเป็นเครื่องมือที่พีทเอามาประชดพี่” แทนไทถอนหายใจออกมาแล้วยกมือขึ้นเสยผมตัวเอง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้พีทแล้วกุมมือเจ้าตัวไว้



“ผมไม่ได้เอาเขาประชดพี่” พีทปฏิเสธเสียงแข็งแต่แววตาสั่นไหวอย่างรุนแรง



“แน่ใจเหรอพีท...งั้นพีทจะบอกว่าทุกคนที่ผ่านมารวมทั้งคนนี้พีทคบเขาเพราะรักงั้นเหรอ” คำถามของแทนไททำให้พีทมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ



“ตกใจเหรอที่พี่รู้…ไม่เป็นไรนะพี่เข้าใจ แค่พีทไปบอกเลิกเขาซะแล้วเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม...นะครับ” แทนไทบีบฝ่ามือพีทเบาๆก่อนจะกดปลายจมูกลงที่แก้มเนียน และถอยห่างออกมามองอย่างอ้อนวอน



“ผมไม่รู้ว่าพี่รู้ได้ยังไง...แต่เขาไม่เหมือนคนอื่น” พีทปรายตามองอีกฝ่ายแล้วดึงมือตัวเองออกมา ใช่...พี่อาร์ตไม่เหมือนคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา มีความหมายมากมายกว่าทุกๆคน



“พีทลืมพี่ได้จริงๆเหรอ เริ่มใหม่ได้จริงๆทั้งๆที่เรารักพี่จนไม่เคยรักใครตั้งแต่วันที่เราเลิกกันงั้นเหรอ” แทนไทถามเสียงเข้มและสบตากับพีทเพื่อหาคำตอบ



“............” พีทได้แต่ยืนเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะส่วนลึกของหัวใจเขาลืมคนตรงหน้าไม่ได้จริงๆ ที่ไม่ลืมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความรู้สึกไหน โกรธ เกลียด ฝังใจ แต่มันไม่ใช่ความรักอีกแล้วแน่นอน



“ว่ายังไงล่ะพีทตอบพี่มาสิ” แทนไทยังคงรุกหนักพยายามกดดันให้พีทตอบคำถาม



“พี่ต้องการอะไรกันแน่” ในที่สุดพีทก็ตวาดถามออกไปเสียงดังลั่นด้วยความโมโห เพราะขี้เกียจจะเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายเอง และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกดดันเขาด้วยคำพูดบ้าๆพวกนี้



“ที่พีททำอยู่ตอนนี้คือการประชดพี่ พีทไม่ได้รักเขาแค่คบเพราะอยากลืมพี่แค่นั้นเอง ไม่งั้นพีทก็ตอบพี่ได้แล้วสิว่าลืมพี่ไปแล้ว...เรื่องของพี่มันลืมไม่ได้ง่ายๆขนาดนั้นใช่ไหม”



“ผมถามว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่!! พี่จะพูดวกไปวนมากับเรื่องนี้ทำไมวะ” พีทตวาดใส่ด้วยความหงุดเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม แถมยังพูดจาวกไปวนมาเหมือนจงใจกวนประสาทมากกว่าเอาคำตอบ



“งั้นพีทก็ตอบพี่มาสิว่าไม่ได้รักมัน” แทนไทถามกลับเสียงเรียบและจ้องพีทเขม็งไม่วางตา



“เออ!! ผมไม่ได้รักเขาพอใจรึยัง!!” พีทตัดสินใจตะโกนตอบออกไปอย่างที่อีกฝ่ายต้องการเพื่อตัดรำคาญ ถ้าในเมื่ออยากฟังคำพูดโง่ๆแค่นี้เขาก็จะพูดให้ เรื่องระหว่างเขากับอีกฝ่ายจะได้จบสักที แค่นี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลามากพอแล้ว



ใบหน้าเรียบสนิทของแทนไทเปลี่ยนเป็นแสดงความพอใจในทันทีที่พีทพูดประโยคนั้นออกมา ก่อนที่เจ้าตัวจะกระตุกยิ้มมุมปากและเดินเข้าไปหาพีทอีกครั้ง เอื้อมมือไปดึงพีทเข้ามากอดไว้แน่นแล้วกดจูบลงที่ข้างขมับ



“ขอบคุณนะครับ” แทนไทกระซิบบอกที่ข้างหูก่อนจะถอยห่างและส่งยิ้มให้พีท ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปทางอีกด้านโดยไม่พูดอะไรอีก

พีทได้แต่มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ คำพูดที่กระซิบบอกแผ่วเบาการกระทำเมื่อครู่รวมทั้งรอยยิ้มแปลกๆของอีกฝ่ายในตอนท้าย มันทำให้พีทงุนงงและรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่ยืนคิดหาคำตอบสักพักพีทก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็เห็นว่าใช้เวลาไปนานพอสมควร เลยตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเข้าไปข้างในผับอีกครั้ง ป่านนี้พี่อาร์ตคงรอเขาและกำลังเป้นห่วงอยู่แน่ๆ ก็อีกฝ่ายชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กอยู่เรื่อยอะไรนิดหน่อยก็ห่วงไปหมด

ในจังหวะที่พีทกำลังจะเดินพ้นหัวมุมตึกเพื่อไปยังจุดที่เป็นทางเข้าก็ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ ดวงตาเรียวเบิกโพรงด้วยความตกใจหัวใจเต้นระรัวเหมือนตีกลอง ฝ่ามือทั้งสองข้างเปียกชื้นชุ่มไปด้วยเหงื่อความกังวลมากมายมหาศาลแล่นเข้าใส่เหมือนห่าฝน

“พี่อาร์ต...” พีทครางเรียกชื่อคนตรงหน้าที่มองกลับมาด้วยสายว่างเปล่า เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนและตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือความหมายของการกระทำแปลกๆทั้งหมดของแทนไท คำพูดและรอยยิ้มสุดท้ายที่อีกฝ่ายส่งให้ก่อนจากไป เขาเข้าใจทั้งหมดเลยว่าอีกฝ่ายทำไปทำไม 

...
...

แทนไทเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมรอยยิ้มมุมปากแห่งความพอใจกับการกระทำของตัวเอง เขาไม่ใช่เพิ่งจะรู้เรื่องของพีทกับแฟนใหม่แต่รู้มาได้สักพักแล้ว แค่คิดไม่ถึงว่าเวลาไม่กี่เดือนผู้ชายคนนี้จะทำให้หัวใจของพีทเปลี่ยนไปจากเขาได้ และนั้นมันทำให้เขาร้อนรนอยู่ไม่สุขจนต้องลงมือทำอะไรบางอย่างทั้งๆที่คิดว่าไม่ต้องรีบพีทก็จะกลับมา

เขาพยายามวนเวียนหาโอกาสหลายครั้งที่จะเข้าใกล้เพื่อจะได้ปรับความเข้าใจกับอีกฝ่าย แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยได้โอกาสมันมอันให้ต้องคลาดกันตลอด ไปหาที่บ้านก็จะต้องพบกับคำตอบที่ว่าพีทไม่อยู่ทุกครั้ง ไปหาที่มหา’ลัยก็ต้องโดนเพื่อนพีทขัดขวางตลอด จนมาวันนี้เหมือนเทพีแห่งโชคเปิดทางและเข้าข้างเขาทำให้มีดอกาสได้มาเจอน้องด้วยความบังเอิญ

และแน่นอนเขาไม่ยอมเสียเวลาอะไรทั้งนั้นจัดการลากพีทออกมาเพื่อหวังจะงอนง้อและให้ขอเราเป็นเหมือนเดิม แต่มันไม่ได้ง่ายเลยเมื่อท่าทีของพีทที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ถึงมันจะความหวั่นไหวอยู่ในแววตาให้เห็นบ้างแต่เขามองออกว่ามันไม่ใช่ความรักอีกแล้ว

และในจังหวะที่กำลังคิดหาทางออกสายตาก็บังเอิญไปเห็นเงาของใครบางคนยืนหลบมุมอยู่ เมื่อเพ่งสายตาไปมองเขาถึงได้รู้ว่าเงานั่นเป็นของใครพร้อมกับแผนการบางอย่างที่ลอยขึ้นมาในหัว และเสียงกู่ก้องกรีดร้องยินดีที่ดังขึ้นไม่หยุด ทุกอย่างวันนี้มันดูเปิดทางและเป็นใจให้เขาไปแทบทุกอย่างหลังจากที่พลาดมาตลอด

เขาจงใจพูดจากวนประสาทวกไปวนมาเพื่อใช้กดดันให้พีทโมโห ลงทุนเล่นละครตบตาเพื่อบีบให้พีทอึดอัดและสุดท้ายก็เข้าแผน พีทตะโกนคำนั้นออกมาเพราะหวังจะตัดรำคาญตามนิสัย โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนนอกจากเขาได้ยิน

การทำให้คนรักกันแตกหักมันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ยิ่งถ้าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เพิ่งเกิดได้ไม่นานมันยิ่งทำลายง่ายแค่ปลายนิ้วสะกิด เขาแค่หย่อนความระแวงลงไปในความสัมพันธ์บางเบานั่นและหลังจากนั้นก็รอผลลับ มันอาจจะไม่ได้ผลในทันทีแต่มันจะกลายเป็นแผลที่ร้าวลึกลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็คือคนชนะและพีทก็จะต้องกลับมาหาเขาอย่างไม่มีข้อแม้

เขาเคยโง่ทิ้งของสำคัญไปเพียงเพราะกลัวคำคน เพียงแค่อนาคตโง่ๆจนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ จนวันนี้วันที่รู้ตัวเขาถึงได้กลับมาและเขาจะต้องไม่มือเปล่ากลับไป เขาจะทำทุกอย่างให้ได้น้องคืนและเขาสัญญาจากหัวใจเลยว่าครั้งนี้จะไม่มีทางปล่อยให้น้องหลุดมือไปอีกแล้ว

...
...

อาร์ตยืนมองใบหน้าซีดเผือดและดวงตาฉายแววความตกใจของคนตงหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร ไม่คิดแม้แต่จะถามหรือแสดงอาการอะไรออกไปทั้งนั้นนอกจากนิ่งเฉย ก่อนจะตัดสินใจหันหลังแล้วเดินกลับไปข้างหน้าผับเพื่อไปสมทบกับเพื่อนๆที่รออยู่

ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่เขากำลังรอพีทอยู่นั้นสายตาก็หันไปเจออีกฝ่ายยืนคุยกับใครบางคนอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะโดนคนๆนั้นลากออกไปทำให้เขารับลุกขึ้นตามไปด้วยความตกใจปนเป็นห่วง ในจังหวะที่ตามไปจนจะถึงตัวทั้งคู่เขาก็เจอทั้งสองคนกำลังคุยกัน ถึงแม้พีทจะมีอาการไม่พอใจแต่มันก็แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าทั้งสองรู้จักและสนิทสนมกันพอสมควร และมันทำให้เขาแปลกใจเพราะไม่เคยได้ยินพีทพูดถึงคนๆนี้ ผู้ชายที่ดูภูมิฐาน สุขุม มีความรู้ ดูเป็นผู้ใหญ่ มันเลยทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะแอบอยู่ตรงนั้นและไม่เดินเข้าไป

ด้วยระยะห่างจากจุดที่เขาอยู่กับคนทั้งคู่มันทำให้เขาไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่าเสียงแว่วๆที่จับใจความอะไรไม่ได้ แต่สิ่งรับรู้และสัมผัสได้ด้วยตาคือภาพการกระทำทุกอย่างของทั้งสอง ความสนิทสนมที่มากเกินกว่าคนรู้จักมันทำให้เขายืนมองและกำหมัดแน่น

ภาพที่คนรักของตัวเองกำลังโดนคนอื่นทั้งกอดทั้งหอม โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือแสดงออกอะไรมันทำให้หัวใจเขาเจ็บหนึบไปหมด แต่มันก็ไม่ร้ายแรงเท่าประโยคสุดท้ายที่พีทตะโกนออกมา หัวใจที่ตอนนี้ว่าเจ็บมันยิ่งกว่าเจ็บจนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบาย

ร่างกายชาดิกไปหมดขาสองข้างเหมือนถูกตรึงให้ยืนอยู่กับที่ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับไปไหน ยิ่งเห็นสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายตอนเดินมาเจอเขายิ่งจุกจนพูดไม่ออก มันเลยทำให้เขาเลือกที่จะเงียบหรือเอ่ยปากถามอะไรออกไป เพราะรู้ว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะรับฟังอย่างใจเย็น หรือมีสมองมากพอที่จะคิดหาเหตุผลของการกระทำทั้งหมดของพีทในตอนนี้

“ตกลงเจอเมียมึงไหม” ไมล์ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นอาร์ตเดินกลับมา ก่อนจะมองไปรอบๆข้างเพื่อหาคนอื่น

“ไม่เจอ” อาร์ตตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยืนเงียบ จนไมล์และเพื่อนคนอื่นๆต้องมองด้วยความแปลกใจกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น

“อ้าวพีท...ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” เสียงไมล์ดังขึ้นอีกครั้งด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นพีทในสภาพหอบเหนื่อย เดินโผล่ออกมาจากทางเดียวกันกับที่อาร์ตเดินมาเมื่อครู่

“พี่ไมล์...” พีทครางชื่อพี่ชายตัวเองออกมาด้วยความแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ ไม่ต่างจากอาร์ตที่มองไมล์สลับกับพีทด้วยความแปลกใจไม่ต่างกัน

ด้านกลอนกับอ้นก็หันมาสบตากันและส่งสายตาเป็นคำถามไปหาอาร์ตด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้อาร์ตบอกเองว่าไม่เจอพีทแต่จู่ๆพีทก็โผล่มาแถมดูท่าทางไม่ปกติทั้งคู่ แต่ไม่ว่าจะสงสัยยังไงก็ไม่ได้คำตอบทั้งคู้เลยได้แต่ยืนรอดูท่าทีต่อไปเงียบๆ

“เออพี่เอง...ว่าแต่ทำไมเราโผล่มาท่นี่ล่ะหนีเที่ยวอีกแล้วใช่ไหม” ไมล์ที่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรเอ่ยหยอกเย้าพีทตามความเคยชิน ยกมือขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายจนฟูแล้วกอดคอพาพาพีทเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอาร์ต

“นี่พวกมึงน้องกูเองชื่อพีท” ไมล์แนะนำพีทกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่พีทส่งสายตาไปหาอาร์ตอย่างอ้อนวอนแต่สิ่งที่ได้กลับมา คือสายตาจากอาร์ตที่มองกลับมาอย่างว่างเปล่าไม่แสดงอะไรในนั้น

“สวัสดีครับพี่ชื่อปิงนะน้องพีท” ปิงเป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายพีทพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างใจดี ผิดกับพีทที่ยิ้มตอบกลับเจื่อนๆและพยายามส่งสายตาไปหาอาร์ตไม่หยุด

“เอ่อ...พี่ชื่ออ้นนะส่วนนี่ไอ้กลอน” อ้นที่พอจะจับบรรยากาศมาคุระหว่างอาร์ตกับพีทได้ตั้งแต่ทีแรก ก็แนะนำตัวเองกับกลอนไปแบบตามน้ำ ก่อนจะลอบมองทั้งคู่ไม่วางตาด้วยความเป็นห่วง

“ส่วนนี่ไอ้อาร์ตบอสใหญ่วิศวะ มีปัญหากับใครฟ้องมันได้เลย” ไมล์แนะนำอาร์ตให้พีทรู้จักพร้อมทั้งหัวเราะออกมาไม่หยุด ก่อนจะปล่อยตัวพีทแล้วยื่นมือไปตบไหล่อารืตเบาๆ

“นี่น้องกูที่เคยเล่าให้ฟังฝากด้วยนะมึง กวนตีนนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไร” ไมล์ที่ได้โอกาสเอ่ยปากฝากฝังพีทกับอาร์ตทันทีเพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนแล้ว

“เออ” อาร์ตพยักหน้ารับคำไมล์เล็กน้อยก่อนจะปรายตามามองพีทอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ ก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเป็นก้มหน้ามองพื้นหลบสายตาเขาแทน

“มึงสองคนด้วยฝากน้องกูด้วยนะ” ไมล์หันมาพูดกับอ้นและกลอนบ้าง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้แต่ยิ้มตอบรับแหยๆอยากบอกใจจะขาดว่าไม่ต้องฝากก็ดูแลกันดีอยู่แล้วโดยเฉพาะอาร์ต

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วกูกลับก่อนนะ” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆแล้วหันหลังเดินไปทันที ท่ามกลางความงุนงงและตกใจจากทุกคน

“อาร์ต...” พีทเรียกอาร์ตเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ หลังจากที่พยายามฝืนกลั้นมันเอาไว้มาสักพัก

“เฮ้ย!!!” อ้นกับกลอนร้องออกมาด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนปิงได้แต่มองด้วยความแปลกใจ

                “พีท...ร้องไห้ทำไม” ไมล์เองก็ตกใจไม่น้อยพยายามดึงพีทเข้ามากอดปลอบเพราะไม่รู้ว่าน้องชายร้องไห้ทำไม

                “อาร์ต...” พีทดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของไมล์และส่งเสียงเรียกอาร์ตที่เดินทิ้งห่างออกไปอีกครั้ง

                “แม่งเอ้ย!!” อาร์ตสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมตัวเองและขยี้แรงๆด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับพีทที่ยืนร้องไห้จนตัวโยน

                “นี่มันเรื่องอะไรวะ” ไมล์ถามขึ้นและมองหน้าอาร์ตกับพีทสลับกันไปมาด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากความเงียบของอาร์ตและเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังต่อเนื่องไม่หยุดจากพีท

2 Be Con...

++++++++++++++++++
นานๆไอ้พี่หมอมันถึงจะมีบท
เวลามาเขาก็ควรมาให้สมศักดิ์ศรี
ส่วนอาร์ตกับพีท ไม่มีอะไรหรอกจริงๆ
รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 01-07-2016 14:39:05
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 27 -


Part ต้น


“ตกลงจะมีใครอธิบายอะไรให้กูฟังได้บ้างไหม” ไมล์ตัดสินใจพูดขึ้นในที่สุดหลังจากอดทนยืนเงียบอยู่นาน เพื่อหวังจะให้มีใครสักคนตรงนี้ช่วยบอกหรือเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง แต่จนแล้วจนรอดนอกจากความเงียบกับเสียงสะอื้นจากพีทก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย



“ไว้วันหลังละกัน...กูกลับก่อนนะ” อาร์ตละสายตาจากการมองพีทแล้วหันกลับมาสบตากับไมล์แทน แววตาที่ใช้มองออกไปมีแต่ความเหนื่อยอ่อนจนไมล์รู้สึกได้



“เออ” ไมล์พยักหน้าตอบรับแล้วเดินอ้อมไปตรงหน้าพีท ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังด้วยความหนักใจผสมปนเปไปกับความสงสัยที่ลอยเต็มหัวไปหมด อยากคาดคั้นหาความจริงแต่ก็รู้ว่าไม่ควรเลยจำเป็นต้องเงียบและอึดอัดใจแบบนี้



“พีทกลับบ้านกับพี่นะ” ไมล์เลือกที่จะวางความสงสัยทั้งหมดเอาไว้แล้วเอ่ยปากชวนพีทกลับบ้านอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าตัวไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากสายตาที่มองไปหาอาร์ตตลอดเวลา




อาร์ตหันกลับมาสบตากับพีทอีกครั้งก่อนจะถอนหาใจออกมาไม่ต่างกับไมล์ เห็นดวงตาแดงช้ำและเสียงสะอึกสะอื้นจากการร้องไห้จนตัวโยนก็นึกสงสาร แต่ฑิฐิในใจที่มีมันมากเกินกว่าจะให้อภัยกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายได้ง่ายๆ เลยเลือกที่จะใจแข็งและหันหลังเดินกลับไปที่รถของตัวเองมากกว่าจะยืนรอคำอธิบายอะไร




เขาไม่ได้โกรธอีกฝ่ายจนถึงขั้นให้อภัยกันไม่ได้ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความโกรธด้วยซ้ำแต่มันคือความน้อยใจ และรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะตีหน้าทำตัวเป็นผู้ชายแสนดีได้ต่อได้ในสถานการณ์แบบนี้ เขาอยากให้ตัวเองได้มีเวลาปรับความรู้สึกและอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ก่อนจะฟังคำอธิบายของน้อง เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นตัวเขาเองเนี่ยแหละที่จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น



อาร์ตหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาเตรียมจะใส่พยายามไม่มองย้อนกลับไปข้างหลัง และทำตัวเองให้นิ่งที่สุดเพราะกลัวว่าจะลืมตัวทำร้ายจิตใจของใครอีกคนไป แต่ในจังหวะที่อาร์ตกำลังจะก้าวขาขึ้นคร่อมบนมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ก็มีแรงกระตุกเบาๆที่ชายเสื้อทำให้เขาต้องหันกลับไปมองพร้อมกับตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพีทเดินมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และกำลังกำเสื้อของเขาแน่น



“น้องกลับด้วย” พีทพึมพำบอกเสียงสั่นแล้วช้อนตาขึ้นมองอาร์ตอย่างขอร้อง จนอาร์ตต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งและหลบตาอีกฝ่าย พร้อมกับแกะมือเล็กที่กำชายเสื้อไม่ยอมปล่อยออก



“วันนี้กลับไปนอนบ้าน” คำพูดราบเรียบของอาร์ตที่ไม่ได้ต่างจากการไล่ทางอ้อม ทำเอามือที่กำเอาไว้แน่นของพีทถึงกับอ่อนแรงยอมปล่อยออกจากชายเสื้ออีกฝ่ายง่ายๆ




“ไม่เอา” พีทส่ายหัวไปมาไม่หยุดและเปลี่ยนไปจับที่ท่อนแขนของอาร์ตแน่น เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนได้ยินเสียงสะอื้นอย่างชัดเจน หัวใจมันสั่นไหวไปด้วยความเสียใจและความกลัวอย่างรุนแรง เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายโดนโกรธหรือได้รับการปฏิบัติที่แสนจะเย็นชาจากอีกฝ่ายแบบนี้




“ไมล์...มึงพาน้องกลับไปก่อน” อาร์ตเลือกที่จะหันไปเลือกไมล์แทนการคุยกับพีทเพื่อตัดปัญหา



“พีทกลับบ้านกับพี่นะ...พรุ่งนี้คุณลุงกลับบ้านด้วยเราต้องไปเจอนะ” ไมล์เดินเข้ามากล่อมให้พีทกลับบ้านตามที่อาร์ตบอก และก็พยายามดึงมือของพีทออกจากแขนของเพื่อนไปด้วย



ไมล์พยักหน้าส่งให้อาร์ตเล็กน้อยและดึงพีทเข้าหาตัวเอง ส่วนอาร์ตก็พยักหน้ารับสบตากับเพื่อนอย่างเข้าใจกันแล้วปรายตามาทางพีทเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปหารถเพื่อจะได้ขับกลับห้องพัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นก็มีแรงปะทะหนักๆพุ่งเข้าใส่พร้อมด้วยแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง



“อาร์ต...ฮึก...อย่าทิ้งน้อง...พาน้องไปด้วย” พีทกอดอาร์ตเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป เอนหน้าซบกับแผ่นหลังกว้างและร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้นไม่หยุด ไม่สนใจแม้กระทั่งพี่ชายที่เกลี่ยกล่อมให้กลับบ้านด้วยกัน รู้แค่ว่าตอนนี้จะไม่ยอมปล่อยให้คนในอ้อมกอดห่างตัวเด็ดขาด เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปกลัวว่าจะโดนทิ้ง



“พีท...ปล่อยพี่ก่อน” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน



“ไม่เอา...น้องขอโทษ...อาร์ต...น้องขอโทษ...อย่าเลิกกับน้องนะ...ไม่เอา” นอกจากพีทจะไม่ยอมปล่อยเจ้าตัวยังกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น




“พี่บอกให้ปล่อยก่อนไง” อาร์ตว่าพร้อมกับดึงแขนพีทออกจากเอวของตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง



พีทมองแขนทั้งสองข้างของตัวเองที่ถูกผลักไสออกมาอย่างใจสลาย และปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอยู่แบบนั้นโดยไม่คิดจะพูดอะไรอีก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังหรือส่งเสียงสะอื้นออกไปเพราะคงทนไม่ไหวอีกแล้วแน่ๆ ถ้าจะต้องเจอสายตาท่าทางเย็นชาของอาร์ตอีกครั้ง



“พีท...” เสียงเรียกที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้พีทสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้าวถอยหลัง มือสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ตาก็ก้มลงมองที่พื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาใครทั้งนั้น




อาร์ตถอนหายใจออกมาอีกครั้งและไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วของวัน มองร่างเล็กตรงหน้าที่สะอื้นฮักหอบตัวโยนด้วยความสงสาร น้ำใสๆที่หยุดลงบนพื้นอย่างต่อเนื่องทำให้อาร์ตปวดใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายเสียใจ



“พีทครับ” อาร์ตส่งเสียงเรียกออกไปอีกครั้งและครั้งนี้ได้ผลเพราะพีทเงยหน้าขึ้นมามองในทันที ดวงตาแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักสั่นระริกด้วยความรู้สึกเอ่อล้นภายใน เมื่อเสียงที่อาร์ตใช้เรียกมันกลับมาเป็นโทนเสียงเดิมที่คุ้นเคย เสียงของอบอุ่นอ่อนโยนแฝงความขี้เล่นเสียงของผู้ชายใจดี เสียงเดิมของไอ้พี่อาร์ตของเข้า



“เฮ้อ...มานี่มา” และแทบจะทันทีที่ประโยคคำพูดของอาร์ตสิ้นสุดร่างทั้งร่างของพีทก็โผเข้าหาอาร์ตเต็มแรง แขนทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้แน่นปล่อยเสียงโฮออกมาอย่างไม่มีกั๊กอะไรอีก



“ชู่...ไม่เอาไม่ร้องแล้ว” อาร์ตโยกคนตัวเล็กในอ้อมกอดไปมาเบาๆ มือหนายกขึ้นลูบหัวลูบหลังเพื่อปลอบโยน พร้อมทั้งกดจมูกหอมลงที่หน้าผากเนียนเป็นระยะ



“น้องขอโทษ...ขอโทษนะอาร์ต” พีทพึมพำขอโทษไม่หยุดและซุกหน้าลงบนอกของอาร์ตอยู่แบบนั้น



“ครับ...แต่พีทต้องอธิบายทุกอย่างให้พี่ฟังเข้าใจไหม” อาร์ตว่าและพีทก็พยักหน้ารับกับอกอย่าแข็งขัน จนอาร์ตอดยิ้มให้กับความน่ารักนั้นไม่ได้



“งั้นปะ...กลับห้องกัน” อาร์ตดันพีทออกห่างเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนให้ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้เพื่อที่อีกฝ่ายจะไม่ต้องคิดมาก



“ไหน...ยิ้มให้พี่ก่อนเร็ว” อาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยกนิ้วไปแตะที่ข้างริมฝีปากของพีท ก่อนจะดันมันขึ้นเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายยิ้มออกมา



“ฮึก...ฮือออ...พี่มึงแม่ง” พีทว่าเสียงอู้อี้น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันต่างกันเพราะน้ำตาที่ไหลมันคือน้ำตาแห่งความสุข




“อ้าวกรรม...ทำไมร้องไห้อีกแล้วล่ะ” อาร์ตหน้าเหวอไปไม่น้อยเมื่อเจอเข้าไปแบบนี้ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้พีทเป็นพัลวัน



“ฮะๆ...ปวดตาอ่ะ” พีทยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ ความเสียใจจากเหตุการณ์ก่อนหน้าถูกพัดหายวับไปกับตาเหมือนเรื่องโกหก และตอนนี้มันกำลังถูกแทนที่ด้วยความสุข ถ้าใครมองหาเจ้าชายในชีวิตจริงสักคน เขากล้าพูดได้เต็มปากว่าคนตรงหน้าเขาเนี่ยแหละเจ้าชาย...ถึงจะเป็นเจ้าชายยาจกก็เถอะ



“ดีกันแล้วใช่ไหม” เสียงราบเรียบที่ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้อาร์ตกับพีทหันไปมองพร้อมกัน สิ่งที่เจอคือใบหน้าฉีกยิ้มกว้างจากไมล์ก่อนที่อีกฝ่ายจะหุบยิ้มลงทันควัน



“กูว่าเราคงต้องมีอะไรคุยกันหน่อยจริงไหม...เพื่อน” ไมล์ว่าพร้อมกับจ้องหน้าอาร์ตเขม็ง



“ก็คงงั้น” อาร์ตตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆส่งให้ สงสัยก่อนจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดกับน้องเขาคงต้องเคลียร์กับพี่ชายน้องก่อน และไม่รู้คืนนี้ทั้งคืนจะเคลียร์จบไหมดูท่าทางเพื่อนเขาจะหวงน้องไม่น้อยเลย

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part ต้น (01/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-07-2016 14:50:44
โชคดีนะพี่อาร์ต
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part ต้น (01/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-07-2016 15:12:24
ต้องเตรียมอุปกรณ์ทำแผลไว้รอพี่อาร์ตไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part ต้น (01/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-07-2016 16:34:01
เฮ้อ โล่งอก กังวลกลัวว่าจะงอนยาว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-07-2016 09:50:44
27

Part จบ

“ดูมึงคุ้นเคยกับบ้านกูดีนะ” ไมล์ทักขึ้นเสียงเรียบและมองอาร์ตด้วยสายตาไร้ความเป็นมิตร ส่งรังสีอำมหิตเข้าฟาดฟันตลอดเวลาตั้งแต่อยู่ที่ผับจนถึงบ้านไม่หยุด เหมือนว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน



“ก็กูมาบ่อย” อาร์ตตอบตรงๆอย่างไม่ใส่ใจตั้งแต่คบกับน้องมาเขาก็ไปมาหาสู่บ้านนี้ตลอด จนสนิทกับคนงานในบ้านเหมือนรู้จักกันมาแรมปีโดยเฉพาะกับแม่บ้านใหญ่ชองที่นี่ ไม่เห็นจะน่าแปลกตรงไหนคนที่แปลกคือไอ้ไมล์ต่างหากเขามาจนนับครั้งไม่ถ้วน ทำไมไม่เคยเจอมันอยู่ในบ้านเลยทั้งๆที่เจอกันในมหา’ลัยแทบทุกวัน



“เต็มปากเต็มคำนะมึง” ไมล์ว่าออกมาเสียงลอดไรฟันมองหน้าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ส้นเท้ามันคอยกระตุกตลอดเวลาจนต้องใช้ความพยายามข่มใจเต็มที่ ไม่ให้ยกขึ้นหวี่ยงไปฟาดหน้าหล่อๆที่กวนส้นเหลือเกินของมันซะก่อน



“พีทกลับไปรอที่ห้อง...พี่ขอคุยกับไอ้อาร์ตแป่บนึง” ไมล์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อระงับความหงุดหงิดในใจ แล้วหันไปเอ่ยปากไล่พีทให้ไปรอที่ห้องเพื่อที่ตัวเองจะได้เคลียร์กับเพื่อนสะดวกขึ้น



“ไม่!! ทำไมพีทต้องไปวะ จะเคลียร์ไรจะคุยไรก็พูดตอนนี้เลยดิ” พีทปฎิเสธทันควันแบบไม่ต้องคิดมากพร้อมกับชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจใส่ไมล์



“เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว” ไมล์ว่าเสียงแข็งรู้สึกขัดใจที่พีทไม่ฟังคำสั่งตัวเอง



“ก็เรื่องที่คุยมันเรื่องพีทป่ะวะ...งั้นพีทก็มีสิทธิ์จะอยู่ด้วย” พีทเองก็ไม่ยอมยังคงยืนกรานเสียงแข็งที่จะอยู่ด้วย




“พีท!!!” ไมล์ขึ้นเสียงใส่พีทแล้วจ้องอีกฝ่ายดุๆ ส่วนพีทเองก็จ้องตากลับไม่ยอมแพ้เช่นกัน



“พีทครับ...ขึ้นไปรอบนห้องก่อนพี่คุยกับไอ้ไมล์แป๊บเดียวนะ” อาร์ตตัดสินใจพูดขึ้นขัดจังหวะส่งครามทางสายตาของสองพี่น้องเพื่อเป็นการจบปัญหา ผลที่ได้คือไมล์ตวัดสายตามามองเขียวปั๊ดและพีทที่ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ



“มึงไม่ต้องมาสั่งน้องกู...กูสั่งของกูได้” ไมล์ว่าเสียงแข็ง



“ไม่ไป!! พี่ไมล์ไม่ต้องมาสั่ง” พีทว่าเสียงแข็งไม่ต่างกันแล้วหันไปทำสงครามสายตากับไมล์อีกรอบ จนอาร์ตต้องกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง



“เออ...งั้นก็คุยกันไปละกัน เสร็จแล้วเรียกนะจะไปนอน” อาร์ตบอกเสียงเนือยๆแล้วหันหลังเดินไปทางบันไดบ้านทันที




“เดี๋ยว!!!” และแทบจะทันทีที่อาร์ตหันหลังสองพี่น้องอย่างไมล์กับพีทก็ส่งเสียงเรียกเจ้าตัวเอาไว้ดังลั่น



“มึงไม่ต้องมาเนียนเลย” ไมล์เดินไปดักหน้าอาร์ตเอาไว้แล้วมองอย่างเอาเรื่อง ตามด้วยพีทที่เดินไปแทรกกลางระหว่างทั้งคู่แล้วถลึงตาใส่ไมล์อย่างเอาเรื่อง



“กลับขึ้นห้องไปเดี๋ยวนี้เลยนะพีท” ไมล์สั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ใครได้ยินก้ต้องรีบทำตามแต่มันใช้ไม่เคยได้ผลกับพีท เพราะนอกจากจะไม่ทำตามง่ายๆยังไม่ได้มีความเกรงกลัวอะไรด้วยซ้ำ



“ไม่!!!” พีทปฏิเสธออกมาอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำจนไมล์ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความปวดหัว



“พีท...ไปรอพี่ที่ห้อง” น้ำเสียงจริงจังที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ทั้งไมล์และพีทหันไปมองพร้อมกัน ก็เห็นอาร์ตมองกลับมายังทั้งคู่ด้วยแววตาไร้ความล้อเล่น



“แต่ว่า...” พีทยังคงไม่ยอมง่ายๆส่งเสียงค้านออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่ออาร์ตส่งสายตามองกลับมาดุๆ



“มึงจะทำให้น้องกูกลัวทำไมเนี่ย” ไมล์รีบแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแบบนั้นแล้วรีบดึงพีทให้ถอยห่างออกมา ถึงจะทำเป็นขึงขังใส่น้องแค่ไหนไมล์ก็ไม่เคยดุน้องได้แบบจริงๆจังๆสักครั้ง แถมถ้าอีกฝ่ายได้อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนโกรธไม่เคยลงสักที บ่อเกิดความเอาแต่ใจส่วนนึงของพีทก็มาจากเขาเนี่ยแหละที่ตามใจอีกฝ่ายจนเคยตัว อยากได้อะไรทำผิดอะไรมาก็เป็นเขาที่คอยช่วยตลอดเลยทำให้พีทไม่ค่อยจะกลัวเขาเท่าไหร่ พอมาเห็นน้องที่ตัวเองไม่เคยใจร้ายด้วยลงเลยสักครั้งกำลังโดนเพื่อนตัวเองดุ มันเลยอดห่วงน้องและโกรธเพื่อนไม่ได้



“มึงจะคุยกับกูไหม...ถ้าคุยก็หุบปาก” นอกจากจะส่งเสียงดุใส่พีทแล้วอาร์ตยังเผื่อแผ่ความดุไปให้เพื่อนอย่างไมล์ด้วยอีกคน และนั้นทำให้ไมล์ต้องยืนเงียบไปตามๆกันเพราะรู้นิสัยของอาร์ตดีว่าเป็นยังไง




“ขึ้นไปข้างบน” อาร์ตพูดอีกครั้งด้วยเสียงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์



“อือ” พีทอ้อมแอ้มตอบและพยักหน้ารับหงอยๆส่งสายตามองไปทางไมล์ละห้อยเพื่อให้ช่วย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะนอกจากไมล์จะไม่ช่วยยังหลบสายตาด้วยซ้ำ เพราะเจ้าตัวกลัวจะใจอ่อนกับน้องและที่สำคัญเขาอยากคุยกับอาร์ตให้รู้เรื่องแล้วเหมือนกัน



“เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไป” อาร์ตส่งยิ้มให้พีทพร้อมทั้งก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายขึ้นไปข้างบน ส่วนไมล์ได้แต่มองภาพตรงหน้าตาโตจนแทบถลนออกนอกเบ้า อ้าปากพะงาบๆเหมือนคนขาดอากาศหายใจสีหน้าแสดงออกถึงความรับไม่ได้อย่างถึงที่สุด



“ไอ้สัส!! นั่นน้องกู” ไมล์กระแทกเสียงใส่อาร์ตอย่างเอาเรื่องทันทีที่คล้อยหลังพีทไป



“แล้วไงน้องมึงแต่เมียกู” อาร์ตว่าหน้าตายแล้วกระตุกยิ้มส่งให้อย่างเยาะเย้ย




“มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยว่ามึงไปรู้จักกับน้องกูได้ยังไง ที่ไหนเมื่อไหร่” ไมล์ล็อกคออาร์ตแล้วลากให้เดินมาทางสนามหญ้าข้างบ้าน ก่อนจะหยุดยืนกอดอกถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าขึงขัง



“ก็เจอที่มอนั่นแหละรถน้องมึงที่พังก็ฝีมือกู” อาร์ตตอบด้วยท่าทางสบายๆแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวใกล้ๆ ตอนแรกก็แอบหวั่นใจกับท่าทางของไมล์อยู่เหมือนกัน แต่ดูท่าเขาจะคิดมากไปเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้อะไรมากแค่มีอาการประสาทเสียหวงน้องแบบปกติธรรมดาทั่วไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีถ้าเกิดว่าเพื่อนเขางี่เง่าไร้เหตุผลขึ้นมาขี้เกียจวางมวยกับพี่เขยตัวเอง



“มึงเองน่ะเหรอไอ้เหี้ยที่น้องกูพูดถึง” ไมล์ถามออกมาอย่างเหลือเชื่อเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนพีทเคยโทรมาด่าคนๆนึงที่ทำรถพังให้เขาฟัง ไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆว่าจะเป็นเพื่อนตัวเองแต่ตอนนั้นก็เห็นพีทเกลียดไอ้คนนั้นเข้าไส้ แล้วไปพลาดท่าเสียทียังไงถึงไปเสร็จเพื่อนเขาได้ล่ะ



“อือ” อาร์ตพยักหน้าตอบเพื่อนเล็กน้อยพร้อมกับนึกสงสัยในใจว่าเมียเด็กตัวเองไปเล่าอะไรให้เพื่อนเขาฟังบ้าง ไอ้ไมล์มันถึงได้ทำหน้าตาพิลึกกึกกือแบบนี้ใส่



“มึงไปทำอีท่าไหนน้องกูถึงเสร็จมึงเนี่ย” ไมล์ถามออกไปตรงๆพร้อมกับมองตาอาร์ตเพื่อหาคำตอบไปในตัว



“ก็ทำทุกท่า” อาร์ตกระตุกยิ้มกวนประสาทพร้อมทำตาวิบวับใส่ไมล์จนอีกฝ่ายอ้าปากตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้



“มึง...นี่มึง...ไอ้เพื่อนเหี้ย” ไมล์ชี้นิ้วด่าอาร์ตด้วยเสียงตะกุกตะกักสมองพยายามคิดหาคำมาด่า สุดท้ายก็ได้แต่ยืนฮึดฮัดเพราะนึกคำไม่ออก



“เรื่องนั้นช่างเหอะ...ที่กูอยากคุยกับมึงไม่ใช่เรื่องนี้” รักจากตั้งสติได้ไมล์ก็เปลี่ยนเข้าโหมดจริงจังจนอาร์ตต้องหันกลับมามองเพื่อนด้วยความจริงจังไม่ต่างกัน



“มึงคิดยังไงกับน้องกู...รัก หรือมึงแค่เล่นๆ” ไมล์หันมาสบตาอาร์ตด้วยแววตาสงบนิ่งรอคอยคำตอบอย่างใจเย็น ที่เขาต้องถามเพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าเป็นยังไง เหี้ยระดับไหนคือรู้ไส้รู้พุงกันหมด และนั้นมันเลยทำให้เขากลัวว่าพีทจะเสียใจ



“ถ้ามึงไม่จริงจังกูขอนะในฐานะเพื่อนเลิกยุ่งกับน้องกูไป” ไมล์เอ่ยปากขอร้องตรงๆเขาไม่รู้ว่าอาร์ตกับพีทผูกพันธ์กันไปแล้วระดับไหน แต่จากเรื่องที่เห็นน้องชายเขาแค่อาร์ตมากพอควรเลยล่ะ



“พูดเอาๆมึงคิดจะให้กูตอบบ้างไหม” อาร์ตทำกลับอย่างสบายอารมร์จนใบหน้านิ่งๆของไมล์เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันควัน



“มึงกูตอบมาสิวะเหี้ยนิ” ไมล์ว่ากลับด้วยความหงุดหงิดที่เห็นอาร์ตทำเป็นเล่น



“งั้นมึงสบายใจได้เลยกูรักน้องมึงจริงๆ” อาร์ตเองก็ตอบตรงแบบไม่อ้อมค้อมจนไมล์ยกคิ้วขึ้นสูงมองเจ้าตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ



“มึงจะบอกว่ามึงรักน้องกูจริงๆทั้งที่น้องกูสันดานแบบนั้นเนี่ยนะ” ไมล์ถามเสียงสูงมองอารืตอย่างจับผิด



“ทำไม...สันดานเมียกูเป็นยังไง” อาร์ตถามกลับเสียงแข็ง



“ก็งี่เง่า เอาแต่ใจ เด็กไม่รู้จักโต ติดความสบาย แถมเหวี่ยงฉิบหาย” ไมล์ตอบกึ่งๆบ่นพีทไปในตัว



“เออ” อาร์ตว่าพร้อมกลั้วหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อสมองก็คิดภาพตามที่ไมล์ว่าไปด้วย



“มึงจะบอกว่ารักน้องกูทั้งๆที่ไอ้ปิงยังเอามึงไม่อยู่เนี่ยนะ” ไมล์ถามออกมาอีกครั้งอย่างเหลือเชื่อ



“กับไอ้ปิงมันคนละเรื่องกัน...แล้วจะพูดถึงทำเหี้ยอะไรวะ” อาร์ตว่าออกมาด้วยความหงุดหงิด



“เออๆกูขอโทษ...แล้วมึงคิดจะเล่าเรื่องนั้นให้น้องกูฟังไหม” ไมล์ที่รู้ว่าตัวเองพูดเรื่องที่จี้แผลเก่าของเพื่อนรีบเอ่ยปากขอโทษ พร้อมกับถามต่อทันทีเมื่อไหนๆก็ลากเข้าเรื่องนี้มาแล้ว



“เล่า...แต่อีกสักพัก” อาร์ตว่าเพราะไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรแค่รอเวลาเท่านั้น รอให้ตัวเองพร้อมที่จะพูดและรอให้แน่ใจว่าน้องได้ฟังแล้วจะไม่มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เพราะเรื่องที่จะเล่าก็จัดว่าเป็นส่วนเหี้ยๆในชีวิตที่เขาทำเลยล่ะ



ไมล์สบตาอาร์ตอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วเดินไปนั่งลงที่ว่างข้างๆอาร์ตในสภาพหมดอาลัยตายอยาก จนอาร์ตมองด้วยความขำแกมสมเพช



“ถ้ากูจำไม่ผิดมึงเคยบอกว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ” อารืตถามขึ้นในสิ่งที่ตัวเองสงสัยเพราะเท่าที่จำได้ไมล์เคยบอกว่าเป็นลูกคนเดียว และพีทเองก็เป็นลูกคนเดียวทำไมกลายเป็นว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันไปได้




“พีทไม่ใช่น้องแท้ๆกูแค่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อพีทเป็นลุงกูเอง” ไมล์ตอบด้วยน้ำเสียงเนือย ส่วนอาร์ตก็หายข้องใจทันทีเพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าทำไมไม่เคยเจอไมล์ที่บ้านหลังนี้เลย และอีกอย่างเขาก็เคยไปเที่ยวบ้านไมล์ไปนอนเลยด้วยซ้ำซึ่งมันคนละหลังกับที่นี่



“อืม...แล้วมึงรู้จักแฟนเก่าของพีทบ้างไหม” คำถามต่อมาของอาร์ตทำให้ไมล์หันกลับมามองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่เจอพิรุธอะไรจากอีกฝ่ายเลยไม่คิดอะไรมาก



“กูจำไม่ได้หรอก เห็นแบบนี้น้องกูก็มีเด็กในสต๊อกพอๆกับมึงกับกูเนี่ย กับเรื่องผู้หญิงน้องกูไม่ใช่เล่นๆหรอกนะระวังไว้ให้ดีเหอะมึง” ไมล์พูดขู่อาร์ตพร้อมกับกระตุกยิ้มส่งให้



“แล้วกับผู้ชายล่ะ” อาร์ตถามต่อเรื่อยๆเพราะที่เขาสงสัยและอยากรู้ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง แต่เป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้นต่างหาก



“อันนี้ไม่รู้ว่ะ...ว่าแต่มึงถามทำไม” ไมล์พยายามนึกแต่นึกไม่ออกเลยหันมาถามอาร์ตกลับ เพราะไม่เข้าใจว่าอาร์ตจะถามเรื่องนี้ไปทำไม



“ไม่มีอะไรแค่อยากรู้” อาร์ตตอบปัดๆไปเพราะไม่อยากพูดมาก ซึ่งไมล์เองก็ไม่เซ้าซี้ถามเอาคำตอบต่อ



“ว่าแต่ที่ผับมึงทะเลาะอะไรกับน้องกู” ไมล์ถามกลับไปบ้างเพราะความเป็นห่วง การที่พีทร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องเล่นๆ



“ไปถามน้องมึงสิ” อาร์ตว่ากวนๆแต่เป็นอันรู้กันว่าไม่ตอบคำถาม ไมล์เลยได้แต่กรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง



“เออ!!!” ไมล์กระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิดเพราะต่อให้ไปถามพีทจริง นั่นก็คงจะกวนประสาทเขามาไม่ต่างกันหรอก



“เฮ้อ!! กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมียเด็กมึงที่ว่าคือน้องกู...โลกกลมแบบนี้โคตรทำร้ายจิตใจกูฉิบหาย” ไมล์โอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวดจนอาร์ตได้แต่ส่ายหน้าให้ด้วยความหน่าย



“ถ้ากูรู้ว่าพีทเป็นน้องมึงกูจับทำเมียตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วเหมือนกัน” อาร์ตพึมพำออกมาเบาๆจนไมล์ต้องมองด้วยความไม่เข้าใจ



“หมายความว่าไงวะ...อย่าบอกนะว่า” ไมล์ขมวดคิ้วเป้นปมก่อนจะตาโตเบิกกว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก



“โลกกลมสัสๆ...กลมไปแล้วไอ้เหี้ย” ไมล์ถึงกับครางออกมาด้วยความอึ้งส่วนอาร์ตก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะได้กลับไปห้องนอนของพีท



“กูกลับห้องก่อนนะน้องมึงรอแล้วป่านนี้” อาร์ตว่าแล้วหันหลังเดินไปแบบไม่คิดจะรอคำตอบ



“เฮ้ย!! มึงห้ามทำอะไรน้องกูนะไอ้สัส!!” ไมล์ตะโกนไล่หลังด้วยความหวงน้องถึงจะรู้ว่ามันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็เหอะ



“เออ...ไอ้ไมล์” อาร์ตที่เดินไปไกลพอสมควรหยุดชะงักแล้วหันกลับมาเรีกยไมล์เสียงดังเพราะนึกอะไรขึ้นได้ ส่วนไมล์ก็มองกลับไปด้วยความแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะคุยอะไรด้วยอีก



“กูลืมบอกว่ะ...กูได้น้องมึงเป็นเมียครั้งแรกก็ที่นี่เนี่ยแหละ” อาร์ตกระตุกยิ้มเยาะเย้ยแล้วหันหลังเดินกลับเข้าบ้านทันทีที่พูดจบ ถึงให้ไมล์ยืนอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดออกซิเจนอยู่ตรงนั้น




“ไอ้เพื่อนเหี้ย!!!” ไมล์ตะโกนไล่หลังด้วยความโมโหปนเจ็บใจก่อนจะยืนน้ำตาตกในกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่เคยอยากจะกระทืบเพื่อตัวเองมาก่อนเลยในชีวิตจนมาวันนี้เนี่ยแหละ ถ้าน้องเขยที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนมันจะกวนตีนขนาดนี้นะให้ตายเถอะ!! 



2 Be Con...



+++++++++++++++++++

เบาๆเรื่อยๆฮาๆ ไม่เน้นดราม่า

เราจะ Feel Good ไปด้วยกันนะจ๊ะ

เฮ้อ!!! อยากจะมีเจ้าชายยาจกแบบนี้บ้างในชีวิตจริง

เฮียอาร์ตของบ่าวววววววววว


รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ (03/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-07-2016 10:00:21
พี่อาร์ตกวนทีน รีบไปหาเมียไป๊
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ (03/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-07-2016 12:53:40
พี่อาร์ตจะถามพีทเรื่องแฟนเก่าไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ (03/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-07-2016 13:21:50
พี่ไมล์น่าจะต่อยปากไปทีโทษฐานกวนตีนดีนัก
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ (03/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2016 14:40:32
แพ้ทางน้อง
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 27 Part จบ (03/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 04-07-2016 20:45:31
คิดว่่าจะดราม่าซะแล้ว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 05-07-2016 14:34:43
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 28 -


Part ต้น

แกร่ก…



เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นฝ่าความเงียบแบบกะทันหัน ทำเอาพีทที่นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองสะดุ้งตกใจจนสุดตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหน้าไปมองทางประตูห้องและสบตากับอาร์ตเข้าพอดี



อาร์ตสบตาตื่นๆของพีทเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปปิดประตูพร้อมทั้งล็อกห้องให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้ามาถึงกลางห้องแล้วจัดการถอดเสื้อตัวเองออกเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา



ความเงียบที่เกิดขึ้นทำเอาพีทรู้สึกประหม่าไม่น้อยจนเกร็งมือกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างลืมตัว ในใจตอนนี้มีเป็นล้านคำพูดที่จะเอ่ยแต่ไม่รู้จะเริ่มมันยังไง เลยได้แต่นั่งมองอาร์ตที่เดินไปมารอบห้องในสภาพถอดเสื้อโชว์กล้ามอยู่แบบนั้น



“อาบน้ำแล้วใช่ไหม...งั้นนอนเลยไม่ต้องรอเดี๋ยวพี่อาบน้ำแป๊บเดียว” อาร์ตหันกลับมาบอกพีทแค่นั้นก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที



“อะ...เฮ้อ!!!” พีทที่ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนถึงคอ นอนหน้ามุ่ยฟังเสียงน้ำที่ดังลอดออกมาให้ได้ยินเบาๆพร้อมกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อย



แกร่ก…



เสียงน้ำที่หยุดไหลพร้อมกับเสียงเปิดประตูเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ อาร์ตที่เดินออกมาในสภาพเส้นผมเปียกลู่หยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดหัว สายตาก็มองคนบนเตียงที่ลืมตาแป๋วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย



“ทำไมไม่ใส่เสื้อเนี่ย...ผมก็ไม่เช็ดให้แห้ง” พีทบ่นงึมงำออกมาเบาแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะแย่งผ้าในมีอาร์ตแล้วเช็ดผมให้อีกฝ่ายแทน



“มันร้อน” อาร์ตว่าแล้วปล่อยให้พีทเช็ดผมให้เงียบๆ



“แอร์เย็นขนาดนี้เนี่ยนะ” พีทถามเสียงสูงอย่างแปลกใจ ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายขี้ร้อนแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้



“พอได้แล้วเข้านอนเถอะ” อาร์ตว่าหลังจากที่ปล่อยให้พีทเช็ดผมไปซักพัก แล้วคว้าเอาผ้าจากมือไปแขวนไว้ที่ราวในห้องน้ำ ก่อนจะเดินกลับมานอนลงที่เตียงโดยไม่ลืมคว้าตัวพีทมากอด พร้อมกับหลับตาลงช้าๆโดยที่ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม



พีทได้แต่นอนตัวเกร็งในอ้อมกอดของอาร์ต รู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับการกระทำที่ปกติของอีกฝ่ายทั้งๆที่เกิดเรื่องแบบนั้นมา แล้งไหนจะที่เจ้าตัวบอกจะเคลียร์กับเขาแต่กลับไม่พูดอะไรเลย มันทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก



เวลาผ่านไปสักพักอาร์ตที่แกล้งทำเป็นหลับลืมตาขึ้นช้าๆแล้วมองคนในอ้อมกอดเล็กน้อย ความจริงเขาก็อยากจะถามในสิ่งที่เห็นอยากจะเคลียร์ให้จบ แต่พอเห็นหน้าหงอยๆของอีกฝ่ายก็ทำใจคาดคั้นเอาคำตอบไม่ลง แต่ไม่ได้คิดจะปล่อยผ่านอะไรก็แค่ยังไม่ถามวันนี้เท่านั้น



“อาร์ต...” เสียงเรียกที่ดังขึ้นให้ได้ยินเบาๆทำเอาอาร์ตที่กำลังจะปิดตาลงเพื่อข่มตานอนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และก้มมองคนในอ้อมกอดด้วยความแปลกใจเพราะนึกว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว



“อาร์ต...หลับรึยัง” พีทเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังเงียบอยู่



“ยัง” เสียงทุ้มที่ตอบขึ้นสั้นๆเป็นสัญญาณบ่งบอกให้พีทรู้ว่าอาร์ตเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เจ้าตัวนอนกรอกตาไปมาอย่างคนคิดหนักก่อนจะตัดสินใจพูดทำลายความเงียบอีกครั้ง



“ตอนอยู่ข้างล่างคุยอะไรกับพี่ไมล์อ่ะ” พีทพยายามหาทางชวนคุยเพราะต้องการทำลายความอึดอัดที่มีอยู่ในตอนนี้ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ว่าอะไรแต่มันรู้สึกได้ถึงความกดดันแบบประหลาด จนทำให้ไม่สามารถนิ่งเฉยแล้วปล่อยผ่านไปได้



“เรื่อยเปื่อย...มันก็ถามเรื่องพีทแหละ...หวงน้อง” อาร์ตเองก็ตอบเรื่อยๆพยายามให้ความร่วมมือกับพีทเต็มที่เพราะรู้ว่าบรรยากาศตอนนี้ระหว่างทั้งคู่ มันกำลังเต็มไปด้วยก้อนมวลของความอึดอัดและความไม่เข้าใจกัน



“พี่ไมล์มันไม่ได้ทำอะไรอาร์ตใช่ป่ะ”




“หึ...อย่างไอ้ไมล์มันจะมีปัญญาทำอะไร” อาร์ตยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อยกับคำถามของพีทพร้อมกับนึกไปถึงหน้าของไมล์ ไม่ใช่ว่าจะดูถูกอะไรเพื่อนแต่ไอ้ไมล์มันสู้เขาไม่ได้หรอกมันเป็นประเภทเดียวกันกับไอ้อ้น ใจสู้แต่สังขารไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่



และก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งระหว่างทั้งคู่จนพีทต้องขมวดคิ้วพันกันยุ่ง เมื่อจู่ๆอาร์ตก็กลายเป็นพวกถามคำตอบคำขึ้นมาซะอย่างนั้น ในหัวกำลังตีกันวุ่นวายเพราะไม่รู้จะชวนเข้าเรื่องที่อยากจะอธิบายยังไง ตั้งใจจะรอให้อีกฝ่ายถามเจ้าตัวก็ดันเงียบใส่



“อาร์ต...” พีทส่งเสียงเรียกอีกครั้งแบบกล้าๆกลัวๆหลังจากเงียบไปได้สักพัก



“หืม” อาร์ตขานรับในลำคอเบาๆแล้วกลับไปเงียบเหมือนเดิม



“ไม่ถามเรื่องที่ผับเหรอ” พีทถามเสียงเบาก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างหวั่นใจ



“ถาม...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้” อาร์ตว่า



“แต่น้องอยากตอบตอนนี้” พีทพลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับอาร์ตพร้อมกับช้อนตามองอ้อนๆ ใจจริงเขาเองก็ยังไม่อยากจะพูดตอนนี้เท่าไหร่ แต่เขาไม่ชอบที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ถึงจะใจดีเหมือนเดิม อ่อนโยนเหมือนเดิมแต่ลึกๆมันไม่เหมือนเดิม มันมีความห่างที่บอกไม่ถูกระหว่างเขากับอีกฝ่ายและเขาไม่ชอบมันเลย ถ้าต้องรอให้พร้อมค่อยพูดแล้วอาร์ตเป็นแบบนี้ เขายอมพูดทั้งๆที่ไม่พร้อมแล้วได้ไอ้พี่อาร์ตคนเดิมของเขากลับมาดีกว่า



“พร้อมตอบรึไง” อาร์ตก้มลงสบตาแล้วเกลี่ยเส้นผมที่ปิดหน้าของอีกฝ่ายออกเบาๆ



“อือ” พีทว่าพร้อมกับพยักหน้างึกงักแข็งขัน ส่วนอาร์ตก็มองหน้าพีทอย่างชั่งใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เคลียร์ๆกันไปให้มันจบก็คงดีกว่าทิ้งไว้เขาเองก็จะได้รู้สถานะแน่ชัดของตัวเองด้วย ว่าสิ่งที่ได้ยินมันคืออะไรกันแน่ความจริงมันเป็นแบบนั้นหรือมีมากกว่านั้น



“เขาเป็นใคร” อาร์ตถามเสียงนิ่งด้วยท่าทางปกติแต่พีทรับรู้ได้ถึงความโกรธมากมายมหาศาลที่เจ้าตัวแผ่มันออกมา



“พี่หมอ...เขาชื่อแทนเป็นแฟนเก่าน้องเอง” พีทอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงช้อนตามองอาร์ตอย่างกล้าๆกลัวๆ



“เขาเป็นแฟนคนแรกคบกันตั้งแต่อยู่ม.สาม” พีทว่าเสียงตะกุกตะกักแทบไม่เป็นคำ



“แล้วรู้จักกันได้ยังไง” อาร์ตถามต่อด้วยเสียงราบเรียบขัดกับอารมณ์ข้างในที่ร้อนเป็นไฟแต่พยายามกดเอาไว้



“เขาเป็นลูกคนรู้จักของพ่อมาเป็นครูสอนพิเศษ”




“แล้วที่มันพูดหมายความว่าไง” คำถามต่อมาของอาร์ตทำเอาพีทต้องเม้มปากแน่นดวงตาไหวระริก สมองพยายามคิดหาคำอธิบายและบอกเล่าที่ดีที่สุด ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้น



“พี่หมอเป็นคนเก่ง ฉลาด หน้าตาดี เอาใจเก่ง คล้ายๆกับอาร์ตเลยแหละ” พีทเล่าออกมาเสียงแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิด ส่วนอาร์ตถึงกับเผลอกำหมัดแน่นกับสิ่งที่ได้ยินหัวใจมันปวดหนึบขึ้นมาในทันที แต่ก็เลือกที่จะเงียบฟังพีทเล่าต่ออย่างอดทนและใจเย็น



“เพราะแบบนี้มั้งตอนเขาบอกชอบและขอคบเลยตกลง...ใจง่ายเนาะ” จบประโยคนี้พีทก็เงียบลงไปอีกครั้งด้วยความขมขื่นพร้อมกับยกยิ้มเยาะให้ตัวเอง




“แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด...พี่หมอเปลี่ยนไปเขามีคนอื่น” พีทเริ่มเล่าต่ออีกครั้งด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยก่อนจะกัดปากตัวเองจนเจ็บ ความรู้สึกทุกอย่างเริ่มตีวนผสมกันขึ้นมาจุกอยู่ที่อก แล้วก็แทบร้องไห้ออกมาเมื่ออาร์ตยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยน



“เขาเป็นคนบอกว่าผู้ชายด้วยกันมันไปกันไม่รอด...ยังไงผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง” พีทกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมานึกถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็อยากจะร้องไห้ทุกที มือเล่นไปกุมฝ่ามืออาร์ตแล้วบีบลงไปแรงๆเพื่อขอกำลังใจ ความทรงจำแย่ๆกับคนเลวๆแต่ไม่รู้ทำไมถึงจำได้ไม่เคยลืมไปสักที



“ตอนนั้นมันเหมือนเคว้งเหมือนหมดทุกอย่างในชีวิต น้องเลยคบกับคนอื่นไปทั่วเพื่อประชดเขา เรียกร้องตวามสนใจเพื่อให้เขากลับมา แต่ก็เท่านั้นเขาไม่เห็นจะสนใจเลย” พีทซุกหน้าลงกับอกอาร์ตแล้วกอดอีกฝ่ายแน่นซึ่งอาร์ตเองก็กอดตอบ




“งั้นพี่ก็เป็นอีกคนที่เราใช้ประชดเขา” อาร์ตว่าออกมาเสียงเรียบนิ่งแต่เจือไปด้วยความขมขื่นอย่างปิดไม่มิด ว่าจะไม่เป็นอะไรมากแต่เอาเข้าจริงมันเจ็บไม่น้อยเลยเหมือนกัน



“ไม่ใช่นะ!!!” พีทรีบปฏิเสธดังลั่นเงยหน้าขึ้นมองอาร์ตด้วยความตกใจ รู้สึกเจ็บไม่ต่างกันที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าทรมานแบบนี้




“น้องไม่เคยเอาอาร์ตประชดเขานะ ที่ผ่านมาก็มีแค่ผู้หญิงที่น้องใช้ทำแบบนั้นเพราะอยากให้เขารู้ว่าน้องก็คบผู้หญิงได้ อาร์ตเชื่อน้องนะ” พีทลุกขึ้นนั่งแล้วเขย่าตัวอาร์ตไปมาอย่างร้อนรนดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆคลอหน่วย



“แต่ก็ไม่ได้รัก” อาร์ตพูดเสียงเบาไม่ต่างจากระซิบแต่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของทั้งตัวเองและคนฟัง พร้อมๆกับหยาดน้ำตาเม็ดโตค่อยๆไหลลงมาอาบใบหน้าเนียนของพีท



2 Be Con...

 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part ต้น (05/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-07-2016 14:58:57
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part ต้น (05/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-07-2016 16:14:22
คำคมบาดใจแท้
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part ต้น (05/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-07-2016 16:20:56
แล้วตกลงน้องพีทนี่ไม่ซิงใช่หรือเปล่าไอ่เราก็นึกว่าเคยเอาแต่ผู้หญิงเสียอีก กลายเป็นว่าเคยเป็นเมียคนอื่นมาก่อน เจ็บปวดแทนอาร์ต กลับไปคบปิงไหม? 5555 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part ต้น (05/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 05-07-2016 16:21:36
หลังจากที่หวานชื่นเฮฮากันมาสักพัก ก็มาเบรกกันด้วยน้ำตาสักนิด
เดี๋ยวจะหาว่าพี่อาร์ตกับน้องพีทเครียดไม่เป็น  :hao3:
คราวนี้มาทั้งแฟนเก่าทั้งพี่ชาย ได้เคลียร์ทีเดียวเลย
แล้วพี่อาร์ตจะทำยังไงต่อไปล่ะพี่ เขามาสร้างความร้าวฉานอย่างนี้
ตัวเองทิ้งน้องไปแล้วยังจะมีหน้ามาขอโอกาสอีกเหรอ
หรือคิดว่าเดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้างมากขึ้นก็เลยจะเปิดตัวว่างั้น
พีทอย่าร้องไห้กับเรื่องนี้อีกนะ เดี๋ยวพี่อาร์ตจะหาว่าอาลัยรักเก่า
ที่เหลือให้พี่เขาจัดการ น้องแค่ทำตัวน่ารักๆก็พอ :-[
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 06-07-2016 15:17:31
กัดครั้งที่ 28

Part จบ

ผัวะ!!!



“โอ๊ย!!!” อาร์ตร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บ เมื่อมีอะไรหนักๆกระทบลงมาที่ใบหน้าจนสะบัดไปอีกทางแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับเกิดอาการหน้ามืดสมองมึนงงมองเห็นดาวลอยวิบวับไปมา ก่อนจะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่ทาบทับลงมาบนตัว และยังไม่ทันจะได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดีนัก ก็มีแรงกระทบหนักๆฟาดใส่ตามลงมาแบบไม่ยั้งอีกครั้ง



“เฮ้ย!!! โอ๊ย!!!” อาร์ตร้องโอดครวญด้วยความเจ็บจากการโดนประทุษร้ายร่างกาย ได้แต่ยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดบังหมัดที่ระดมซัดลงมาไม่ยั้ง



“เดี๋ยว!!! พอ!!!” อาร์ตตะคอกเสียงดุออกมาอย่างลืมตัวพร้อมกับรวบจับมือที่ระดมทุบลงมาเอาไว้แน่น ก่อนจะต้องชะงักค้างเมื่อหันมาเจอกับเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของพีท ในแววตาที่มองกลับมาเต็มไปด้วยความเสียใจ



“ฮึก...เหี้ย...ฮึก...ไอ้เหี้ย” พีทร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนสะบัดแขนที่โดนจับไว้จนหลุด แล้วพยายามคลานนี้เพื่อไปให้พ้นจากตรงนั้น จนอาร์ตต้องรีบคว้าตัวมากอดเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ



“พีท...จะไปไหน อย่าดิ้นสิอยู่เฉยๆ” อาร์ตกอดตัวพีทไว้แน่นยิ่งกว่าเก่าเมื่ออีกฝ่ายออกแรงดิ้นอย่างรุนแรง



“ปล่อย...กูบอกให้ปล่อยไง!!!” พีทตะคอกออกมาเสียงดังลั่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นและทุบตีลงไปบนร่างของอาร์ตด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ยิ่งทำอีกฝ่ายก็ยิ่งกอดแน่นมากขึ้นกว่าเดิมจนพีทต้องยอมแพ้และยอมอยู่นิ่งๆร้องไห้ออกมา



“พีท...ชู่...พี่ขอโทษครับ” อาร์ตโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมาเบาๆพร้อมทั้งกดจูบลงข้างขมับเพื่อปลอบโยน เริ่มรู้สึกตัวว่าคำพูดเมื่อครู่ของตัวเองกำลังทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็คงโกหกเขาตั้งใจพูดออกไปแบบนั้น แค่อยากได้ยินน้องยืนยันกลับมาว่าไม่จริงแต่คิดไม่ถึงว่าปฎิกริยาจากอีกฝ่ายจะออกมาทางตรงข้ามแบบนี้



“พูดออกมาแบบนี้ได้ยังไงวะ...ไม่รักกูจะยอมนอนให้มึงเอาแบบนี้รึไง...ฮึก...เหี้ย!! แม่ง!! กูไม่ง้อมึงแล้วอยากจะคิดส้นตีนอะไรมึงคิดไปเลย...ฮึก” พีทตัดพ้อออกมาเสียงเจือสะอื้นไม่หยุด มือก็กำแน่นและเริ่มทุบลงบนตัวอาร์ตอีกครั้ง



“แต่พีทพูดเองกับปากพี่ก็ได้ยินชัดขนาดนั้นจะไม่ให้เสียใจเลยเหรอ ไหนจะนอมให้เขากอดเขาจูบอีก” อาร์ตแกล้งตัดพ้อกลับมุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างยินดี ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเครียดจริงๆความรู้สึกมันขึ้นมาจุกรวมกันอยู่ที่อก แต่พอเจอน้องด่ามาแบบนี้ทุกอย่างมันหายวับไปกับตา เหมือนเจอคนชี้ทางให้ตาสว่างไม่มีผิด



“ฮึก...ก็ไม่ได้ตั้งใจ ไอ้เหี้ยพี่หมอมันเซ้าซี้...ฮึก...เลยพูดตัดรำคาญ แม่ง!! ใครจะไปคิดว่าจะมาได้ยินวะ” คำพูดบอกเล่าของพีททำให้ประสาทอาร์ตตึงขึ้นมาทันทีคิ้วสองข้างขมวดพันกันเป็นปม



“หมายความว่ายังไง” อาร์ตถามเสียงเรียบมือก็ลูบหัวลูบหลังพีทไปด้วยเพื่อปลอบโยน



“ไม่รู้...จู่ๆพี่หมอมันก็ถามเซ้าซี้ไม่เลิกว่าไม่รักพี่มึงใช่ไหม รำคาญเลยเออออกับมันไปจะได้จบๆ แล้วเรื่องที่โดนมันจูบอ่ะไม่ได้ตั้งใจ มันทำไม่ให้ตั้งตัวเข้าใจไหมวะ แล้วจะให้ทำยังไงแหกปากโวยวายตหน้ามันเหมือนผู้หญิงเหรอ ถึงจะมีผัวกูก็ผู้ชายนะเว้ยแค่นั้นเองจะสะดิ้งไปทำเหี้ยอะไรวะ” พีทโวยวายเสียงดังพร้อมกับน้ำตาแห่งความน้อยใจที่ไหลออกมาไม่หยุด ผิดกับอาร์ตที่ใบหน้าแสดงความเคร่งขรึมขึ้นยิ่งกว่าเก่า



“มันหลอกให้เราพูดเหรอ” อาร์ตถามย้ำพร้อมกับสมองที่เริ่มคิดอะไรบางอย่างได้



“ไม่รู้...งั่ม” พีทว่าแล้วอ้าปากงับลงบนไหล่อาร์ตเต็มแรงเพื่อเอาคืนที่อีกฝ่ายทำให้เสียใจ



“โอ๊ย!! เป็นหมารึไงเนี่ย” คมเขี้ยวที่งับลงมาทำเอาอาร์ตเจ็บไม่น้อยพนันได้เลยว่ามันต้องขึ้นรอยฟันเผลอๆอาจจะได้เลือดด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นความเจ็บที่เกิดไม่ได้ทำให้สิ่งที่คิดอยู่หายไปแต่อย่างใด แถมยังทำให้ความคิดมันเด่นชัดขึ้นยิ่งกว่าเดิม



ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจากการที่ได้ฟังน้องบอกมาแสดงว่าทุกอย่างถูกจัดฉาก โดยที่น้องถูกใช้เป็นเครื่องมือทำให้เขาเข้าใจผิดแบบไม่รู้ตัว ถ้าเกิดว่าเขาวู่วามหรือน้องงี่เง่าละก็ทุกอย่างคงเข้าแผนของอีกฝ่ายแน่ๆ เขาคงต้องระวังไว้บ้างแล้วล่ะเพราะไม่รู้ว่ารอบหน้าอีกฝ่ายจะทำอะไรอีก




“แล้วสรุปรักพี่รึเปล่าล่ะ” อาร์ตทำน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ใส่พีทพร้อมทั้งหอมลงแก้มนิ่ม



“ไม่รัก!!” พีทปฎิเสธเสียงแข็งเงยหน้าขึ้นมามองอาร์ตอย่างโกรธๆ



“บอกพี่ไม่ได้เหรอครับว่ารักกันรึเปล่า...หืม” อาร์ตยิ้มออกมาบางๆและเกลี่ยแก้มใสเล่นอย่างเบามือ



“ถ้าบอกแล้วอาร์ตจะไม่บอกเลิกทีหลังใช่ไหม” พีทถามเสียงแผ่วเบาช้อนตามองอาร์ตด้วยความหวั่นใจ เพราะไม่อยากบอกรักใครแล้วสุดท้ายคำว่ารักที่ให้ไปมันกลายเป็นของไร้ค่า เขายังกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมันฝังใจจนเกินไป



“เราจะเลิกกันตอนที่เราไม่รักกันแล้วเท่านั้นเข้าใจไหม” อาร์ตกระซิบบอกเสียงนิ้มเช็ดหยาดน้ำตาที่เกาะตามใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา



“และถ้าวันไหนที่พี่ทิ้งพีทไป...ไม่ใช่เพราะพี่ไม่รักแต่เป็นเพราะพี่ดูแลเราไม่ดีเข้าใจไหม” อาร์ตจับใบหน้าของพีทให้หันมาสบตากันตรงๆและบอกออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



“อาร์ตจะทิ้งเหรอ” พีทถามเสียงสั่นเครือดวงตาไหวระริกอีกครั้ง



“รักขนาดนี้ใครจะทิ้งลง” อาร์ตว่าแล้วกดจูบที่ปากบางเบาๆก่อนจะผละออกมาพร้อมส่งยิ้มให้



“อือ” พีทพยักหน้ารับรู้แล้วกอดอาร์ตแน่นซุกใบหน้าลงที่ซอกคอแล้วถูไถไปมาอ้อนๆ



“น้องก็รักอาร์ตนะ” เสียงอู้อี้ที่ดังออกมาให้ได้ยินเบาๆเรียกรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าอาร์ตทันที




“แต่อย่าให้ใครมาแตะเราแบบวันนี้อีกนะ ถ้าพี่เห็นพี่จะทำโทษเรา” อาร์ตบอกเสียงดุเพราะนึกถึงที่ไรไอ้ความหงุดหงิดที่พึ่งหายไปมันก็กลับมาทุกที



“ถ้าทำอีกให้ตีมือเลยเอ้า” พีทดันตัวเองออกจากซอกคออาร์ตแล้วแบบมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย พร้อมกับทำตาแป๋วใส่จนอาร์ตต้องหลุดยิ้มขำออกมา



“ฮ่าๆพี่ไม่ตีหรอก...แต่จะไม่ให้ลุกจากเตียง” อาร์ตกระซิบบอกที่ข้างหูแล้วกดจูบหนักๆลงบนแก้มอย่างมันเขี้ยว




“ไม่ผิดก็แทบไม่ได้ลุกแล้วปะวะ” พีทงึมงำเถียงกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ



“แล้วก็อย่าเข้าใกล้ไอ้หมอเหี้ยอีกเข้าใจไหม ห่างๆออกมาเลยพี่ว่ามันไม่เลิกวุ่นวายกับพีทแค่นี้แน่ แล้วก็ไม่ต้องไปด่ามันเหี้ยพี่ด่าได้คนเดียวเข้าใจไหม” อาร์ตสั่งเสียงเข้มใบหน้าจริงจังแต่คนฟังอย่างพีทถึงกับขมวดคิ้วมุ่น



“ทำไมอ่ะ” พีทถามด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงโดนสั่งห้ามไม่ให้ด่าพี่หมอว่าเหี้ย แต่อาร์ตกลับด่าซะเองแบบเต็มปากเต็มคำ



“คำว่าเหี้ยของเราเอาไว้ด่าพี่ก็พอแล้ว พี่หวง” อาร์ตว่าออกมาหน้านิ่งแต่เรียกเลือดไปวิ่งบนหน้าพีทได้ไม่อยาก คนบ้าอะไรหวงแม้กระทั่งคำด่าแถมด่าว่าเหี้ยเนี่ยนะ



“แล้วที่บอกว่าควงสาวประชดมันนี่คือยังไง ก่อนมาเจอพี่ก็ทำประชดมันเหรอ” อาร์ตถามอีกครั้งแต่รอบนี้ถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้แฝงความรู้สึกด้านลบอะไร



“เปล่า” พีทส่ายหัวปฎิเสธเบาๆ อาร์ตเลยยกคิ้วแล้วมองหน้าเจ้าตัวด้วยความแปลกใจ



“แรกๆอ่ะใช่หลังๆอ่ะชอบ” พีทอ้อมแอ้มตอบแล้วยิ้มกว้างให้อาร์ต จนอาร์ตต้องส่ายหน้าด้วยความหน่ายก่อนจะดีดหน้าผากเจ้าตัวเบาๆด้วยความหมั่นไส้




“เพราะงี้สินะมินิคูเปอร์ถึงมีประกันชั้นสาม” อาร์ตเอ่ยเย้าเรื่องในอดีตที่พีทเก็บเป็นความลับไว้ แต่เขาได้รู้ตอนเอาเงินค่าซ่อมรถมาคืนน้อง เขาเองก็นึกสงสัยมาตลอดเหมือนกันว่าทำไมรถคันเป็นล้านไม่มีประกัน ที่ไหนได้ไม่ใช่รถไม่มีประกันแต่ไอ้แสบของเขา ดันเอาเงินที่จะสมัครกรมธรรม์ประกันภัยรถไปเปย์สาวหมด เงินเลยเหลือทำประกันแค่ชั้นสาม แถมเก็บเงียบไม่ยอมบอกพ่อตีหน้าตายว่าจ่ายไปแล้วพร้อมกับตอนจองรถค่าจองรถ มาโดนจับได้ก็ตอนเกิดเรื่องกับเขานั่นแหละ อุทาหรณ์สอนใจพ่อแม่เลยว่าอย่าไว้ใจลูกเรื่องเงิน



“โหย...อย่าพูดดิ นี่ป๊ายังไม่คืนรถให้เลยนะ” พีทว่าหน้างอ นึกถึงรถคันเก่งที่ได้สัมผัสไม่ถึงเดือนอย่างสะเทือนใจ นั่งมินิคูเปอร์ได้แป๊บเดียวชีวิตก็ผกผันให้มาเป็นสก๊อย รัยทดได้มากกว่านี้ไหมชีวิต



“สมควร...โอเคแล้วใช่ไหมงั้นนอนกันดึกแล้ว” อาร์ตวถามเพื่อความแน่ใจซึ่งพีทก็พยักหน้ารับ อารืตเลยดันเจ้าตัวลงนอนก่อนจะล้มตัวลงนอนตาม โดยไม่ลืมดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น



ฟอดดดด



“ฝันดีนะอาร์ต” พีทพลิกตัวหันกลับมาหาอาร์ตแล้วหอมแก้มอีกฝ่าย ก่อนจะซุกหน้าลงบนอกกว้างด้วยความเขิน รู้สึกสบายใจจนเหมือนเรื่องที่เกิดก่อนหน้าเป็นเรื่องโกหก

“หึ หึ ฝันดีครับ” อาร์ตหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมนิ่ม กระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะปิดตาลงช้าๆเพื่อพักผ่อน หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะไม่เจออะไรยุ่งๆอีกก็พอ


...

...



ปึ่ก!!!

แก้วถูกวางกระแทกลงบนเคาท์เตอร์บาร์ตรงหน้าเสียงดัง มือหนาที่บีบแก้วในมือแน่นจนหน้ากลัวว่ามันจะแตกไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง เดือดร้อนจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ทนไม่ไหวต้องมางัดแก้วในมือออก



“พี่เป็นอะไร” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง



“ไม่ต้องมายุ่ง!!!” ชายหนุ่มตะคอกลับดังลั่นอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะคว้าเอาแก้วใบเดิมมารินเหล้าใส่แล้วเทกรอกลงคอเหมือนกระหาย



“พี่...พอได้แล้ว...พี่เมาแล้วนะ” หญิงสาวพยายามเอ่ยห้ามปรามแต่ก็ต้องเซล้มไปกองที่พีท เมื่อโดนอีกฝ่ายสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี



“อึ่ก...ทำไมล่ะ...ทำไมถึงหักหลังพี่พิม...ทำแบบนี้ทำไม!!!” ใบหน้าหล่อเหลาหัดไปตวาดใส่หญิงสาวดังลั่น แววตาที่มองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด



“ฮึก...พิมขอโทษ...” เสียงหวานเอ่ยขอโทษสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองไม่ขาดสาย ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนเรื่องทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป





2 Be Con...

++++++++++++++

ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี

เฮียนี่มันเฮียจริงๆ

จบไปประเด็นนึง ส่วนอะไรยังไงค่อยว่ากันเนาะ

เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกก

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part จบ (06/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-07-2016 16:44:33
เคลียร์กันเข้าใจแล้ว ว่าแต่พี่อาร์ตหวงแม้กระทั่งด่าว่าเหี้ย  o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 28 Part จบ (06/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2016 19:38:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-07-2016 16:26:32
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 29 -


Part ต้น



“พิมจะทำให้พี่เสียใจไปตลอดชีวิตที่ทำแบบนี้กับพิม!!”



“พิม…อย่า!!!”




ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด



“อย่า!!!...เฮือกกก” อาร์ตตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมๆกับที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อไหลท่วมกายไปหมดทั้งๆที่เปิดแอร์ไว้ค่อนข้างเย็นจัด ก่อนจะหันหน้าไปทางโต๊ะข้างเตียงแล้วกดปิดนาฬิกาที่ส่งเสียงดังเตือนไม่หยุด



มือหนายกขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงแล้วคว้าเอาซองบุหรี่เดินออกไปที่นอกระเบียง จัดการจุดขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันสีขาวออกจากปากช้าๆ สายตาเหม่อมองออกไปบนฟ้ากว้างที่ตอนนี้กำลังจะฉายแสงแห่งวันใหม่



อาร์ตถอนหายใจออกมาหนักๆด้วยความเครียดก่อนจะขยี้ก้นบุหรี่ลงบนระเบียง เขาไม่ใช่สิงห์รมควันบุหรี่กับเขานี่แทบจะไม่ถูกกัน ด้วยงานที่เขาทำเลยจำเป็นต้องเลี่ยงให้ไกล แต่นานๆครั้งก็หยิบขึ้นมาสูบแบบนี้เวลาที่เครียด



สายตาเหลือบมองกลับเข้าไปในห้อง เห็นวันที่ในปฏิทินก็พอจะเข้าเหตุผลที่ตัวเองฝัน เป็นแบบนี้มาตลอดในระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นการตอกย้ำอยู่เสมอ ว่าต่อให้ไม่นึกถึง ไม่ใส่ใจ หรือกระทั่งลืมไปแล้วยังไงก็ตาม แต่ถ้าใกล้ถึงวันนี้ของทุกปีทีไรเขาจะต้องฝัน...ฝันถึงเหตุการณ์ในอดีต



แกร่ก…



เสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้น ไม่ได้ทำให้อาร์ตที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองรู้สึกตัวแต่อย่างใด ดวงตายังคงเหม่อมองออกไปข้างนอกอยู่แบบนั้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกถึงใครอีกคนในห้องด้วยซ้ำ แม้กระทั่งแสงแดดที่เริ่มสาดส่งอย่างแรงกล้าก็ทำอะไรเจ้าตัวไม่ได้



พีทที่กลับมาห้องในตอนเช้าสาละวนกับการเก็บอาหารทุกอย่าง ที่แม่นมยัดใส่มือฝากมาให้อาร์ตลงในตู้กับข้าว เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็มองออกไปนอกระเบียงด้วยความแปลกใจ เพราะปกติถ้าเขากลับมาเจ้าของห้องจะต้องเข้ามานัวเนียวุ่นวายไม่หยุด แต่นี้เขากลับมาตั้งนานแล้วอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัวถึงการมาของเขาด้วยซ้ำ



“อาร์ต” พีทตัดสินใจส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายออกไป เมื่อแน่ใจแล้วว่าถ้าไม่เรียกเจ้าตัวก็คงจะไม่รู้ถึงการมาของเขา



“อ้าว...มาตอนไหนเนี่ย” อาร์ตสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองพีทที่ยืนพิงประตูระเบียงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้บางๆพร้อมทั้งเดินเข้าหาและก้มลงหอมแก้มอีกฝ่าย



“กลิ่นบุหรี่...พี่มึงสูบเหรอ” พีททำจมูกฟุดฟิดไปมาและดมหากลิ่นรอบๆตัวของอาร์ต ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อแน่ใจว่าจมูกตัวเองไม่ได้เพี้ยน



“นิดหน่อยน่ะ” อาร์ตว่ายิ้มๆดึงแขนพีทให้เดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตรงโต๊ะทานข้าว



“มีอะไรรึเปล่า” พีทถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะปกติอาร์ตจะไม่สูบบุหรี่ อยู่ดีๆหยิบขึ้นมาสูบแบบนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้แน่ๆ



“เครียดนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไร...ไหนมานี่ดิ๊คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” อาร์ตตอบแบบขอไปทีแล้วกวักมือเรียกพีทให้เดินมาหา



“อย่าเว่อร์ได้ป่ะ...ห่างยังไม่ถึงวันเลยเนี่ย” พีทว่ายิ้มๆด้วยความหมั่นไส้แล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เลยโดนอารืตดึงเข้าไปก่อนและซบหน้าลงที่ท้องอย่างอ้อนๆ



“แล้วกลับบ้านเป็นไง...ป๊าว่างไงบ้าง” อาร์ตถามเสียงอู้อี้



“ก็จะว่าอะไรบ่นเหมือนเดิมอ่ะดิ” พีทว่าหน้างอเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพ่อของตัวเอง จนอาร์ตที่จับน้ำเสียงเหวี่ยงของเจ้าตัวได้ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา



ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเข้าใจผิดตอนนั้นอาร์ตก็มีโอกาสได้เจอเจ้าสัวใหญ่พ่อของพีท หรือพ่อตาของตัวเองสักทีหลังจากที่คลาดกันมาหลายครั้ง โดยที่เขาซึ่งถูกอีกฝ่ายเข้าใจตามคำบอกเล่าของพีทว่าเป็นรุ่นพี่ที่มาอาศัยอยู่ด้วย โดนฝากฝังให้ดูแลพีทแถมยังเล่าวีรกรรมแสบๆของเด็กดื้อให้ฟังเป็นของแถม ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดทำให้ทุกวันหยุดพีทจะกลับไปนอนที่บ้าน




“อาร์ต...ไม่โกรธน้องใช่ไหมที่บอกป๊าว่าเราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกัน” พีทถามออกไปเสียงแผ่ว อดรู้สึกผิดในใจลึกๆไม่ได้ที่ต้องโกหกพ่อแถมยังต้องปิดบังความสัมพันธ์ของตัวเองกับอีกฝ่ายอีก



“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจ” อาร์ตลูบแก้มเนียนของพีทเบาๆเพื่อให้เจ้าตัวคลายกังวล เขาไม่โกรธน้องเลยสักนิดที่ไม่กล้าพูดความจริงเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะเดินไปบอกคนในครอบครัวว่าตัวเองมีคนรักเป็นผู้ชาย




แต่ถ้าถามว่าเขารู้สึกอึดอัดกับเรื่องที่ต้องปิดบังในตอนนี้ไหม เขาก็ยอมรับตรงๆว่ามันอึดอัดไม่น้อยเลยที่พูดอะไรไม่ได้ ต้องยิ้มรับและทำหน้าเป็นรุ่นพี่แสนดีคอยฟังพ่อของน้องพูดถึงเรื่องอนาคตของน้อง ที่ไม่ได้มีเขาข้องเกี่ยวอยู่ในนั้นมันทำเอาเจ็บหนึบในหัวใจไม่น้อยเลย ไหนจะความไว้ใจที่พ่อของน้องมีให้เขาฐานะคนที่ดูแลลูกชายมันยิ่งทำให้เขากังวล เพราะสุดท้ายแล้วเขาเนี่ยแหละที่จะหักหลังความไว้ใจทั้งหมดของพ่อน้อง



“อาร์ต...นมฝากของกินมาให้เพียบเลย” พีทพูดขึ้นทำลายความเงียบระหว่างทั้งคู่ก่อนจะผละออกไปที่ตู้กับข้าว แล้วหยิบถุงบัวลอยไข่หวานออกมาแกว่งไปมา




“นมนี่น่ารักจริง” อาร์ตยิ้มออกมาอย่างดีใจแล้วเดินตรงดิ่งไปคว้าเอาถุงขนมในมือพีทมาแกะใส่ชาม จากนั้นก็นั่งตักกินอย่างเอร็ดอร่อย



“รักกันจนไม่เห็นหัวแล้วเนี่ย...อะไรๆก็เอาไปฝากคุณอาร์ตนะคะ” พีททำเสียงเล็กเสียงน้อยออกมาด้วยความหมั่นไส้



“ฮ่าๆงอนอะไร น้อยใจนมรักพี่มากกว่าหรือน้อยใจที่พี่รักนม” อาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะมือก็ตักขนมเข้าปากไม่หยุด



“แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ...พูดให้งง” พีทว่าหน้ายุ่งแล้วเดินมานั่งลงที่ตักของอาร์ต เลยโดนอีกฝ่ายหอมแก้มเข้าให้ด้วยความเอ็นดู



“แต่ดีนะที่นมแกไม่ว่าอะไรตอนรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน” พีททำหน้าแหยงออกมาเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ไม่นานมานี้ จำได้ติดตาเลยล่ะตอนที่นมทำหน้าเหมือนเห็นผีจนเกือบเป็นลม เพราะดันมาเห็นตอนเขากับไอ้พี่อาร์ตกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ความผิดของพี่มันคนเดียวเลยที่ทะลึ่งลืมล็อกประตูห้อง ดีนะที่เป็นนมถ้าเป็นพ่อล่ะก็ไม่อยากจะคิด



หลังจากนั้นนมก็ถามชนิดที่ฟอกจนขาวซีดไปทั้งตัว แถมยังสั่งสอนเรื่องชิงสุกก่อนห่ามให้ระมัดระวังเรื่องประเจิดประเจ้อไปอีกร่วมชั่วโมงกว่าๆ แนะนำการใช้ชีวิตคู่ฝากฝังเขาให้ไอ้พี่อาร์ตดูแลเป็นการปิดท้าย เล่นเอาเขาถึงกับอึ้งแต่อีกคนนี่ยิ้มหน้าระรื่นรับทุกคำ เพราะนอกจากนมจะไม่ขวางยังสนับสนุนด้วยซ้ำ ดูได้จากของฝากพวกนี้เลยเขากลับบ้านทีไรได้กลับมาเต็มมือทุกที



“ก็ดีแล้วไง...พี่จะได้มีคนช่วยตอนไปขอเรากับพ่อ” อาร์ตว่ายิ้มๆแล้วตักขนมป้อนพีทบ้าง



“อึ่ย...หวานอ่ะ พี่มึงกินได้ไงเนี่ยเดี๋ยวเบาหวานก็ถามหา” พีทกลืนก้อนบัวลอยลงคอด้วยใบหน้าแหยงๆ มองอาร์ตที่กินแบบไม่ยั้งแล้วอดขนลุกแทนไม่ได้




“อร่อยจะตาย” อาร์ตว่าแล้วตั้งหน้าตั้งตากินต่อ พีทเลยได้แต่ส่ายหัวหน่ายๆให้กับความชอบอะไรหวานๆของอาร์ต เพราะถ้าเห็นขนามหวานเมื่อไหร่เจ้าตัวกินหายเรียบทุกที แต่จำกัดแค่พวกขนมไทยเท่านั้นด้วยนะพวกเค้กตามร้านเบเกอรี่นี่ไม่กิน เห็นแบบนี้ก็เหอะโคตรจะเรื่องมากเลย



“อะ...อื้อ...อื้ม” พีทส่งเสียงอึกอักประท้วงในลำคอเมื่อจู่ๆก็โดนอาร์ตประกบจูบแบบกะทันหัน แถมยังดันก้อนบัวลอยเข้ามาในปากจนเขาเผลอกลืนลงไป



“กินของหวานแล้วขอของคาวต่อได้ป่ะ” อาร์ตว่าพร้อมกับรอยยิ้มหื่น



“ห๊ะ!!!” พีทตาโตแทบถลนด้วยความตกใจก่อนจะหน้าแดงซ่านเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ดุนดันสะโพกอยู่ อายจนแทบซุกหน้าหนีเพราะไม่รู้ตัวจริงๆว่าไปทำอะไรอีกฝ่ายถึงได้คึกขึ้นมาแบบนี้



>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part ต้น (08/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-07-2016 20:25:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 11-07-2016 10:19:43
กัดครั้งที่ 29

Part จบ


“จะ...ใจเย็น ๆ นะไอ้พี่อาร์ต ไม่ได้นะเว้ย วันนี้มีเรียนเช้า” พีทเอ่ยปากห้ามเสียงสั่น มือก็ยกขึ้นลูบแผ่นอกอีกฝ่ายเบาๆเพื่อเรียกสติ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองเป็นการเติมเชื้อไฟดี ๆ นี่เอง



“ทันน่า...รอบเดียวเอง” อาร์ตงึมงำตอบเสียงอู้อี้ ปากและจมูกซุกไซร้ซอกคอของพีทไม่หยุด มือเองก็ไม่นิ่งเฉยล้วงเขาไปลูกไล้ทั่วแผ่นหลังเนียน จนชุดนักศึกษาที่พีทแต่งมาเรียนร้อยจากบ้านรุดรุ่ยไปหมด



“แต่นี่มันแปดโมงแล้ว พี่มึงยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ ไหนบอกจะไปส่งที่มอไง” พีทหาขออ้างมาตอบโต้อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามข่มความรู้สึกวาบหวิวที่โดนปลุกเร้าอย่างเต็มที่



“20 นาที ไม่ขาดไม่เกิน ไม่เพิ่มยก ไม่ต่อเวลา” อาร์ตเองก็ยกเหตุผลขึ้นมาต่อรองอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน และไม่ได้สนอาการขัดขืนเล็ก ๆ ของพีทด้วย ก่อนจะจับพีทให้ลุกขึ้นยืนแล้วเปลี่ยนให้หันหน้ามาหา พร้อมกับดึงให้ลงมานั่งคร่อมที่ตัก



“แต่ว่า...” พีทยังคงมีความลังเล เพราะกลัวว่าถ้าตามใจอาร์ตไปแล้ว มันจะเลยเถิดจนเข้าเรียนไม่ทัน ความอยากกับความกังวลตีกันยุ่งเหยิงไปหมด



“นะครับ” อาร์ตทำเสียงอ้อนตาหวานใส่พีท จนพีททนใจแข็งไม่ไหวพยักหน้าตกลงในที่สุด



ฟอดดดดดด



อาร์ตกดปลายจมูกสูดความหอมของแก้มเนียนอย่างพอใจ มือหนาปลดกางเกงของพีทอย่างคล่องแคล่วโดยดึงให้พ้นสะโพกบางเล็กน้อย ก่อนจะคว้าแก่นกายน่ารักใต้ชั้นในเนื้อนิ่มมากอบกุมอย่างเบามือ จัดการขยับขึ้นลงช้า ๆ จนมันเริ่มขยายตัวผงกหัวขึ้นสู้มือ



“อื้อ...” พีทส่งเสียงในลำคอแผ่วเบา ตาปรือปรอยด้วยความวาบวาม ขนทั่วกายเริ่มลุกชันเพราะความเสียวที่โจมตีเข้ามาเป็นระยะ จนต้องโน้มตัวลงประกบจูบกับอีกฝ่ายเพื่อบรรเทาความรู้สึก



อาร์ตอ้าปากตอบรับริมฝีปากที่เคลื่อนเข้าหาอย่างว่าง่าย สอดลิ้นส่งเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อในโพรงปากนุ่มอย่างเต็มใจ ส่วนมือก็ยังทำหน้าที่ได้ดีแบบไม่ขาดตกบกพร่องขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ปลายนิ้วมือไล่วนอยู่ที่ปลายยอกอย่างหยอกล้อ จนสัมผัสถึงน้ำที่ปริ่มขึ้นมา



“อือ...อืม...” พีทวนเวียนแลกลิ้นกับอาร์ตอย่างดุเดือดไม่ยอมแพ้ ตอบสนองอีกฝ่ายที่บดขยี้ใส่มาอย่างหนำใจ สะโพกบางบดเบือดส่ายวนกับท่อนลำที่ดุนดันใต้เนื้อผ้าอย่างยั่วเย้า แขนเล็กโอบกอดร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้แน่น



อาร์ตผละออกห่างเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนจุดหมายไปที่ใบหูนิ่ม ขบกัดหยอกเย้าเบา ๆ และส่งปลายลิ้นเลียวนทักทาย ก่อนจะซุกไซร้ลงมายังต้นคอขาว ดูดเม้มสร้างรอยรักจนแดงเป็นจ้ำ มือข้างที่ว่างก็ปลดกระดุมเสื้อออกอย่างชำนาญ แล้วไล่ริมฝีปากต่ำลงมาจนถึงจุกนมสีชมพูสวย



“อ๊ะ...” พีทหลุดเสียงข้างออกมาผะแผ่ว เมื่อยอดอกทั้งสองข้างถูกสัมผัสหยอกเย้าพร้อมกัน จากทั้งมือและปากของอาร์ต ปลายลิ้นที่บรรจงเกี่ยวกระหวัดหยอกเอินที่ยอดอก รวมทั้งนิ้วมือที่บดบี้ลงมายังยอดอกอีกข้าง สร้างความสาดเสียวและปั่นป่วนอารมณ์ จนพีทต้องแอ่นอกเข้าหามือและปากด้วยความชอบใจอย่างถึงที่สุด



อาร์ตละเลงปลายลิ้นและใช้ปลายนิ้วขยี้ลงไปอย่างเมามัน จนยอดอกทั้งสองข้างบวมเป่งและแข็งเป็นไต ทำให้อาร์ตอดใจไม่ไหวต้องงับลงไปแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะผละออกมาและวกขึ้นไปซุกไซ้ที่ซอกคอ ข้างแก้ม และประกบปากแลกลิ้นกับพีทอย่างดูดดื่มอีกครั้ง



“อ๊ะ...อ๊าาา” พีทครางออกมาเป็นระยะ มือเล็กจิกลงไปบนไหล่กว้าง เมื่อใกล้จะได้รับการปลดปล่อยความอึดอัด และไม่นานร่างทั้งร่างก็กระตุกเกร็ง และปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาเต็มฝ่ามือของอาร์ต



อาร์ตกดจูบลงที่ข้างขมับของพีท แล้วเลื่อนฝ่ามือไปยังสะโพกด้านหลัง ใช้สองนิ้วสอดเข้าไปเปิดช่องทางรักพร้อม ๆ กัน โดยอาศัยสิ่งที่คนตัวเล็กปลดปล่อยมาเป็นสารล่อลื่น




อาร์ตขยับนิ้วเข้าออกหมุนวนและเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป ทำซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นเพื่อให้ช่องทางรักขยายขนาดมากพอที่จะตอบรับอะไรที่ใหญ่กว่านิ้วเข้าไป โดยมีสะโพกของพีทที่ขยับตามและตอดรัดนิ้วเป็นระยะ



“ขยับขึ้นหน่อย” อาร์ตกระซิบบอกเสียงพร่า และพีทเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเล็กน้อย



อาร์ตจัดการดึงตัวตนของตัวเองออกมา ซึ่งตอนนี้มันกำลังขยายขนาดบวมเป่งจนน่ากลัว พีทที่เห็นแบบนั้นได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อยที่ต้องรับมันเข้าไปทั้งหมด ถึงแม้จะเคย ๆ มาแล้วก็อดกลัวไม่ได้



พีทจับลงบนท่อนลำที่เห็นอย่างเบามือ ขยับมันขึ้นลงเล็กน้อยจนมีน้ำใส ๆ ปริ่มที่ส่วนปลาย ประคองมันให้ตั้งตรงกับช่องทางรัก และค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปกลืนกิน



“อ๊าาาาาา” พีทครางออกมาดังลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด น้ำใส ๆ เออคลอขึ้นที่ดวงตา ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเซซบลงไปบนตัวของอาร์ต เมื่อจู่ ๆ อาร์ตก็กดตัวของพีทให้กลืนกินท่อนลำในครั้งเดียว แถมด้วยการสวนสะโพกเข้าใส่เต็มแรง จนตอนนี้รู้สึกจุก เจ็บ และเสียวแทบขาดใจ



“อ๊ะ...อ๊าาา” และแทบจะไม่ให้เว้นจังหวะหายใจ อาร์ตพยุงร่างอ่อนปวกเปียกของพีทขึ้น และกดร่างบางลงมาตอบรับกับสะโพกหนาที่แทงสวนขึ้นไป




“อ๊ะ ๆ ๆ ๆ...เบาอาร์ต...มันจุก...อ๊าาา” พีทส่งเสียงบอกอาร์ตกระท่อนกระแท่น ร่างทั้งร่างสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น ช่องทางรักตอดรัดท่อนลำของอีกฝ่ายระรัว



“อืม...ถ้าช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันนะ” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ก่อนจะจับเอวบางไว้แน่นและแทงสวนขึ้นไปเน้น ๆ จนพีทครางอื้ออึงลั่นห้อง



พั่บ! พั่บ! พั่บ!



“อ๊าาาา...อ๊ะ ๆ ๆ” เสียงของเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางอย่างสุขสมของพีทดังก้องในห้อง สะโพกบางขย่มสวนส่ายร่อนตอบรับท่อนลำที่ขยับสวนอย่างถึงใจ ช่องทางรักตอดรับถี่ยิบทุกสัมผัสของการกระแทก ความเจ็บที่มาพร้อมกับความเสียวปนจุกทำเอาพีทหลงมัวเมา ยิ่งอาร์ตขยับกายกระแทกกระทั้นเข้ามาเท่าไหร่ พีทยิ่งครางออกมาเสียงดังอย่างสุขสม



“อ๊าาา...แฮ่ก ๆ” เสียงครางสุดท้ายดังออกมาพร้อมกับร่างที่ทรุดลงอย่างหมดแรง และปลดปล่อยออกมาอีกครั้งภายในร่างกายรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่อัดฉีดเข้ามา




“เหนื่อยง่ายจริง” อาร์ตเอ่ยแซวขึ้นพร้อมกับจูบลงข้างขมับชื่นเหงื่อ จัดการพยุงร่างเล็กบนตัวขึ้นและดันอีกฝ่ายให้พลิกคว่ำลงกับโต๊ะด้านหน้า



“อาร์ต...เรียน” พีทบอกเสียงสั่น ส่ายหัวปฏิเสธไปมากับโต๊ะ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ



“ทันน่า เวลาเหลือเฝือเชื่อพี่” อาร์ตเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังและว่าอย่างเอาแต่ใจ เลิกเสื้อนักศึกษาของพีทขึ้นไปกองด้านบน แล้วจูบลงบนแผ่นหลังเนียนตรงหน้า พร้อมกับกดท่อนลำเข้าไปยังช่องทางรักอีกครั้ง



“อาร์ตแม่ง!! ...อ๊าาา” พีทประท้วงและมองค้อนคนด้านหลังด้วยความเคือง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครางระงม เมื่ออาร์ตขยับสะโพกกระแทกเข้าหา



“อย่าเพิ่งด่าเลยคนดี ไว้ค่อยด่าทีหลังนะน้องพีท” อาร์ตว่าอย่างหยอกเย้า ก่อนจะกระชับฝ่ามือจับสะโพกบางของพีทแน่น กระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างรุนแรง



...

...



“พีทครับ พี่ขอโทษ” อาร์ตว่าเสียงอ่อย ๆ และส่งสายตามองหน้าพีทอย่างสำนึกผิด แต่พีทไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากปรายตามอง ดึงข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย และสะบัดหน้าหนีเตรียมเดินเข้าไปยังตึกเรียนข้างหน้า



“ปล่อย!!” พีทว่าเสียงแข็ง พยามยามสะบัดแขนปลาหมึกของอาร์ตที่กอดเอวตัวเองออก และไม่ยอมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เพราะยังโกรธที่เจ้าตัวไม่รักษาคำพูด แถมยังเอาแต่ใจไม่ได้นึกถึงเขาที่ต้องมานั่งเรียนเลยสักนิด ถึงจะมาเข้าเรียนทันเวลาแต่ปวดไปหมดทั้งตัวแบบนี้ คิดว่ามันจะเรียนรู้เรื่องไหมล่ะ



“โกรธพี่จริง ๆ เหรอ งั้นให้ตีเป็นการเอาคืน...โอ๊ย!!!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคดี อาร์ตก็ต้องร้องออกมาเสียงหลง เมื่อพีทฟาดฝ่ามือใส่หน้าเต็ม ๆ แบบไม่ยั้งแรง ทำเอาหน้าชาไปทั้งแถบ



“เฮ้ย!! เอาจริงดิ” อาร์ตหันกลับมามองพีทอย่างเหลือเชื่อ ยกมือลูบแก้มตัวเองไปมาเพราะความเจ็บ ไม่ต้องส่องกระจกก็พอจะเดาสภาพหน้าตัวเองตอนนี้ออก คงขึ้นรอยฝ่ามือชัดระดับ full HD ทั้ง 5 นิ้วครบถ้วนแน่ ๆ



“อย่าโกรธพี่เลยนะ ขอโทษนะครับ” อาร์ตส่งเสียงอ้อนไม่หยุด ดึงร่างบางเข้าหาและกอดเอาไว้แน่น รู้ว่ารอบนี้คนตัวเล็กคงโกรธจริง ๆ เพราะพีทค่อนข้างซีเรียสเรื่องเรียนพอสมควร



“พี่มึงก็แบบนี้ทุกที บอกว่าพอทำไมไม่ฟังวะ” พีทพูดออกมาอย่างงอน ๆ หลังจากที่ยืนเงียบมานาน ยกมือขึ้นลูบแก้มอีกฝ่ายที่ตัวเองตบจนขึ้นรอยแดงเบา ๆ



“ก็ใครใช้ให้น้องพีทน่ารักล่ะ...โอ๊ย!!!” อาร์ตร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บอีกครั้ง เมื่อโดนพีทบิดหูเต็มแรงเหมือนตั้งใจจะเอาให้ขาดคามือ



“สม!! กวนตีนดีนัก” พีทถลึงตาใส่ดุ ๆ และยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ



“ทำไมชอบทำร้ายร่างกายตลอด อย่าให้เอาคืนนะ” อาร์ตบ่นงึมงำในลำคอ และยกมือลูบที่หูตัวเองไปมา



“ทำไม...จะทำอะไร” พีทถามกลับเสียงแข็งอย่างเอาเรื่อง



“จะเอา...ไม่ให้ลุกจากเตียงเลย” อาร์ตหันมาตอบ เน้นเสียงที่คำว่า ‘เอา’ เป็นพิเศษ พร้อมทักยักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พีท



“ฮึ่ย...พี่มึงแม่ง!! กวนตีน!! สำนึกผิดบ้างไหมเนี่ย โกรธอยู่นะเว้ย” พีทออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน



“ฮ่า ๆ เอาน่า ขอโทษแล้วไง เลิกทำหน้างอได้แล้ว เดี๋ยวไม่สวยนะ” อาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะ



“ใครอยากสวยวะ ผู้ชายเว้ย!!” พีทว่าเสียงสะบัด ยกฝ่ามือดันหน้าอาร์ตที่ยื่นเข้ามาใกล้ให้ถอยห่าง



“ก็น้องพีทแหละสวย ยิ่งตอนโยกบนตัวนะยิ่งสวย” อาร์ตว่าเสียงพร่าแบบที่ชอบทำเวลาเกิดอารมณ์ พร้อมทั้งยิ้มหื่น ๆ ส่งให้



“กลับห้องไปเลยแม่ง!! สมองมีแต่เรื่องกาม ๆ” พีทเอ่ยปากไล่อย่างเหลืออด ส่วนคนโดนไล่อย่างอาร์ตเอาแต่หัวเราะร่าอย่างชอบใจ



“ฮ่า ๆ พี่กลับก็ได้ วันนี้เลิกกี่โมง เรียนวิชาเดียวใช่ไหม ให้มารับรึเปล่า” อาร์ตใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้มใสเล่นเบา ๆ ระหว่างรอคำตอบจากอีกฝ่าย



“เดี๋ยวเลิกเรียนโทรหา” พีทว่าหน้ามุ่ยเพราะยังเคืองที่โดนกวนประสาทอยู่



“โอเค งั้นพี่ไปแล้วนะ” อาร์ตว่าแล้วลุกขึ้นหอมแก้มพีท ก่อนจะกลับมานั่งลงบนรถแล้วขับออกไป



พีทยืนอมยิ้มมองตามหลังของอาร์ตแล้วส่ายหัวไปมาหน่าย ๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปใต้ตึกเพื่อขึ้นห้องเรียน แต่เดินเข้ามาในตึกได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีใครบางคนมายืนขวางหน้าเอาไว้



“อ่า...หวัดดีครับพี่ มีอะไรกับผมเปล่าครับ” พีทยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายและถามออกไปด้วยความแปลกใจ เขาพอจะจำได้ว่าอีกฝ่ายคือรุ่นพี่ แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร



“เป็นแฟนไอ้อาร์ตเหรอ” อีกฝ่ายถามออกมาและจ้องหน้าพีทเขม็ง



“มีอะไรรึเปล่าครับ” พีทไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามกลับ เพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย



“ก็เปล่า...แค่อยากทำความรู้จักแฟนรุ่นน้องน่ะ” อีกฝ่ายว่ายิ้ม ๆ



“ครับ” พีทพยักหน้ารับคำอีกฝ่ายเบา ๆ



“สรุปเป็นแฟนจริง ๆ สินะ” อีกฝ่ายถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ



“ดูมันรักเรามากเลยเนาะ...แต่น่าจะระวังหน่อยนะหอมแก้มกันที่โล่ง ๆ แบบนั้น อาจารย์มาเห็นจะซวยเอา” อีกฝ่ายพูดต่อพร้อมกับเอ่ยแซวและเตือนอย่างหวังดี




“คะ...ครับ” พีทรับคำตะกุกตะกักใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขิน ในใจก็นึกก่นด่าอาร์ตไม่หยุด



“รักแบบนี้...แสดงว่ามันคงลืมคนเก่าแล้ว” คำพูดต่อมาของอีกฝ่าย ทำเอาพีทต้องมองหน้าด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วสวยผูกกันเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด



“หมายความว่ายังไง” พีทถามออกไปด้วยความสงสัย แต่อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มออกมา



“พี่ชื่อชาติ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ” อีกฝ่ายแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้พีทยืนงงและสงสัยกับเรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้อยู่แบบนั้น




“อะไรของเขาวะ” พีทพึมพำกับตัวเอง และยกมือเกาหัวเบา ๆ ก่อนจะไม่ใส่ใจและเดินไปขึ้นลิฟต์ตรงหน้า เพื่อเข้าเรียนก่อนที่จะสายจนโดนเช็คขาด





2 Be Con...



+++++++++++++

ให้เสียเลือดกันเบาๆ

พร้อมกับอ้าแขนต้อนรับชาติ

เราจะมุ่งหน้าเข้าหาปมพี่อาร์ตไปด้วยหัน (เหรอ?)

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part จบ (11/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 11-07-2016 10:39:03
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part จบ (11/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-07-2016 19:02:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 29 Part จบ (11/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 11-07-2016 21:17:19
ให้คิดซะว่าอะไรที่เข้ามาทำให้ชีวิตรักเราคลอนแคลน
นั่นคือบททดสอบ และต้องผ่านมันไปให้ได้ทั้งสองคน
คนชื่อชาตินี่ท่าทางจะเอาเรื่องอยู่นะ ไม่น่าไว้ใจสุดๆ
หากเกิดอะไรขึ้นมาวิ่งเข้าหาพี่อาร์ตอย่างเดียวเลยนะ
พีทยิ่งงงๆกับชีวิตอยู่ จะตามใครเขาทันมั๊ยเนี่ย :เฮ้อ:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 12-07-2016 12:20:43
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 30 -

Part ต้น


                “งั้นเจอกันในคลาสหน้านะคะนักศึกษา” ทันทีที่สิ้นเสียงอาจารย์บอกเลิกชั่วโมงเรียน ร่างทั้งร่างที่นั่งตัวตรงตั้งใจเรียนของพีทก็ฟุบลงกับโต๊ะอย่างหมดสภาพ




                “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจเหนื่อย ๆ ที่ดังออกมาจากพีท เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้กระทั้งปอผู้ไม่เคยสนใจใครที่อยู่บริเวณนั้น ยังต้องหันมามองเจ้าตัวด้วยความสงสัย



                “เป็นไรอ่ะหมาพีท” เลิฟหันมาถามเพื่อนที่อยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรงด้วยความเป็นห่วง



                “สงสัยเมื่อคืนจะหนัก” นาวที่นั่งขนาบข้างอีกด้านของพีทตอบแทรกขึ้นมาแทน โดยแฝงการเหน็บแนมไปในตัวอย่างขำ ๆ



                “เมื่อคืนเหี้ยไรล่ะ เมื่อเช้าเนี่ยแหละ แม่ง!!!” พีทกระแทกเสียงตอบด้วยความหงุดหงิด เรียกตาโตเบิกถลนของนาวได้เป็นอย่างดี พร้อมกับมองหน้าพีทด้วยความอึ้ง




                “นี่มึงโดนจริงดิ” นาวถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้โดนเพื่อนประชด เพราะเธอก็แค่เอ่ยปากเหน็บแนมเอ่ยแซวตามนิสัย  ไม่ได้คิดจริงจังตามที่พูดเลยสักนิด และไม่คิดด้วยว่าพีทจะยอมรับออกมาตรง ๆ แบบนี้




                “เออ!! ปวดตัวฉิบหาย” พีทบ่นงึมงำเสียงอู้อี้ นอนฟุบอยู่กับโต๊ะอย่างหมดสภาพ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองใครทั้งนั้น เนื้อตัวตอนนี้มันปวดเมื่อยไปหมด มีอะไรกับไอ้พี่อาร์ตแต่ละทีร่างกายรับภาระไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ



                “พี่มันซาดิสต์เหรอวะ” นาวถามด้วยใบหน้าแหย ๆ อายก็อายนะที่ต้องมาคุยเรื่องแบบนี้กับเพื่อน แต่ความอยากรู้ของเธอมันมีมากกว่า



                “ไม่...มั้ง...” พีทตอบคำถามด้วยน้ำเสียงลังเลไม่น้อย สมองคิดย้อนกับไปหาพฤติกรรมบนเตียงของอาร์ต ฝังมุก รุนแรง เล่นอะไรแปลก ๆ หรือพี่มันจะซาดิสต์จริง แล้วเขาที่นอนกับพี่มันแบบให้ความร่วมมือเต็มที่ล่ะ จะให้เรียกว่าอะไร มาโซคิสม์งั้นเหรอ?



                “ไม่ใช่ละ” พีทผงกหัวขึ้นมานั่งตัวตรง หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบคนคิดหนัก




                “ไม่ใช่อะไรของมึง” นาวถามกลับด้วยความงง เพราะจู่ ๆ พีทก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาและก็พุดว่าไม่ใช่ เล่นเอาซะเธอที่นั่งใกล้ตกใจหมด



                “เปล่า...เออเลิฟ” พีทตอบปฏิเสธนาวแล้วหันไปเรียกเลิฟ ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ส่วนพี่ปอไม่รู้ตอนนี้หายไปไหนแล้ว



                “หือ” เลิฟส่งเสียงในลำคอตอบรับ ส่วนตาก็สนใจแต่รูปแมวในโทรศัพท์



                “เวลามึงโดนพี่ปอเอา มึงทำยังไงถึงดูสบาย ๆ ไม่เป็นเหี้ยไรเลยวะ หรือพี่มันไม่ได้ทำมึงแรง” พีทถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง เขานึกสงสัยมานานแล้ว ว่าจะถามก็หลายรอบ บอบบางอ่อนแอ้นแบบไอ้เลิฟทำไมมันดูปกติ คอแดงจ้ำมาแทบทุกวันแบบนี้ ไม่มีทางที่พี่ปอจะออมมือชัวร์



                “มะ...มึง...ถามเหี้ยอะไรเนี่ย” เลิฟถามกลับเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ตาโตๆเบิกกว้างยิ่งกว่าเก่ามองพีทด้วยความอึ้ง



                “เออน่าตอบมากูอยากรู้” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจท่าทางเขินอายของเลิฟ ตาก็ยังจ้องเขม็งที่หน้าของเลิฟเพื่อรอคำตอบ



                “ก็ชินมั้ง” เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อแก้เขิน



                “มึงก็ยังจะตอบมันเนาะ” นาวที่นั่งฟังบ่นออกมาเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัวหน่าย ๆ



                “เหรอ...แล้วทำไมกูไม่ชินวะ” พีทพึมพำออกมาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง



                “หรือว่าพี่ปอมันเล็ก...ชะอุ้ย แฮ่ ๆ” พีทที่หันกลับไปถามต่อเพราะยังไม่หายสงสัย ต้องหยุดชะงักและยิ้มแหยออกมา เมื่อหันไปเจอปอที่กลับมาตอนไหนไม่รู้ ยืนตีหน้ายักษ์อยู่ข้าง ๆ เลิฟ



                “กลับ” ปอปรายตามองพีทดุ ๆ แต่ไม่พูดอะไร ซึ่งแค่นั้นก็เรียกขนทุกเส้นบนตัวของพีทให้ยืนตรงได้ไม่ยาก ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปเรียกเลิฟ และคว้ากระเป๋าของเลิฟไปถือเอง



                “กูกลับก่อนนะ” เลิฟหันมาบอกลาเพื่อนเสียงอ่อย ก่อนจะรีบเดินตามหลังปอออกไป



                “ว่านอนสอนง่ายดีเนาะ บอกหันซ้ายก็ซ้ายจริง ๆ” พีทพึมพำออกมาตามหลังเลิฟด้วยความหน่าย ซึ่งนาวก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย



                “แต่เมื่อกี้ตกใจฉิบหาย นึกว่าจะโดนฆ่าแล้วกู” พีทถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก



                “สมควร...สักวันมึงได้โดนดีแน่ ปากดีนัก” นาวว่าแล้วยื่นมือไปดึงปากพีทแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้



                “โอ๊ย!! มึงแม่ง!! นี่ไอ้พี่อาร์ตยังไม่กล้าทำกูเลยนะ” พีทโวยวายดังลั่น ปัดมือของนาวออกแล้วถูปากตัวเองไปมา ก่อนจะส่งสายตามองค้อนนาวด้วยความเคือง



                “ก็นั่นผัวมึง...แต่กูไม่ใช่” นาวว่าอย่างไม่สนใจ แถมด้วยการตบหัวพีทเบา ๆ เพื่อตอกย้ำ



                “กลับปะ” นาวลุกขึ้นแล้วเดินนำพีทออกจากห้องเรียนทันที เพราะตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เธอกับพีทสองคนเท่านั้น



                “รอด้วยดิวะ” พีทรีบลุกตามหน้ามุ่ย ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปเดินข้าง ๆ นาว



                “ว่าแต่กินข้าวที่ไหนดี...มึงกินกับกูใช่ไหม” นาวเอ่ยถามอย่างขอความเห็นเพื่อความแน่ใจ เพราะทุกวันนี้เธอแทบจะต้องกินข้าวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว ก็เล่นมีแฟนมีคู่กันไปหมดคนโสดแบบเธอก็ต้องดูแลตัวเอง เหลือไอ้กั้มอีกคนที่ยังโสด ถ้ามันมีแฟนเธอก็เปล่าเปลี่ยวโดยสมบูรณ์



                ครืด...ครืด...



            ยังไม่ทันที่พีทจะเอ่ยปากตอบอะไรนาวออกไป แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงก็เรียกความสนใจทั้งหมดไปทันที มือเรียวล้วงเข้าไปแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นว่าใครที่ส่งข้อความมา



                “น้องพีทกินข้าวรึยังครับ อย่าพึ่งกินนะ เดี๋ยวพี่ออกไปกินด้วยนะคนดี” นาวจีบปากจีบคอทำเสียงเล็กเสียงน้อย อ่านประโยคที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนมาให้พีท



                “อะไรเดี๋ยวนี้มีน้องพงน้องพีท คนดงคนดี” นาวเอ่ยแซวต่อทันทีอย่างสนุกสนาน ผิดกับพีทที่หน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึง




                “ไรมึงเนี่ย แล้วนี่ไรใครให้อ่านวะ” พีททำเสียงเหวี่ยงใส่นาว เพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง




                “ใครใช้ให้มึงทำตัวมีพิรุธ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองโทศัพท์ล่ะ” นาวหรี่ตามองและส่งสายตากระเซ้าเย้าแหย่พีทไม่เลิก



                “งี้กูก็ต้องกินข้าวคนเดียวแล้วดิ” นาวว่ายิ้ม ๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพื่อนมีความสุขก็ดีแล้ว ส่วนไม่ได้รีบแต่ถ้าเนื้อคู่จะมาก็ไม่ว่านะ



                “ไม่!!!” พีทพูดเสียงแข็งใบหน้าขึงขัง จนนาวที่ตามการเปลี่ยนแปลงอารมณ์แบบปุบปับของพีทไม่ทัน ต้องขมวดคิ้วมองหน้าเจ้าตัวด้วยความไม่เข้าใจ



                “กูจะไปกินข้าวกับมึง” พีทจับตัวนาวให้หันมาเผชิญหน้า แล้วทำเสียงจริงจังใส่อีกฝ่าย



                “อ้าว...แล้วพี่อาร์ตล่ะ เขาจะมาหามึงนะ”




                “ก็ให้มาไง...แต่กูจะไปกินข้าวกับมึง” พีทพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์



                “หน้าตามึงตอนนี้โคตรชั่วร้ายเลย” นาวหรี่ตามองพีทและพยายามเดาความคิดอีกฝ่าย



                “เอาน่า...ปะ ๆ กินข้าว มื้อนี้ป๊าเลี้ยงเอง” พีทตัดบทแล้วยกมือขึ้นพาดไหล่นาว ก่อนจะกอดลากให้เดินไปด้วยกัน



                ‘ไอ้พี่เหี้ย โทษฐานที่ทำกูปวดตัวจนเรียนแทบไม่รู้เรื่อง เดินหากูให้เหนื่อยตายไปเลย’ พีทคิดในใจอย่างมีความสุข ถือว่าเป็นการเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ โทษฐานที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจละกัน

               

>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part ต้น (12/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2016 12:55:17
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part ต้น (12/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-07-2016 17:48:14
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part ต้น (12/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-07-2016 20:53:12
(ไอ้)พี่ชาตินี่ตัวการขัดขวางความรักเลยนะเนี่ย จะดราม่าตรงนี้สินะ T^T
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 14-07-2016 16:30:55
กัดครั้งที่
- 30 -

Part จบ



“ไหนมึงบอกเลี้ยงไงวะ” นาวถามเสียงอู้อี้ เพราะเคี้ยวอาหารไว้เต็มปาก หันมองใบหน้าด้านข้างของพีท อีกฝ่ายก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน



“ยังไงก็กินฟรี กิน ๆ เข้าไปเหอะ” พีทกลืนอาหารลงคอได้ก็ส่งเสียงตอบกลับนาว ก่อนจะหันกลับไปกวาดทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเพาะ



“โทษนะครับเอาอันนี้ นี้ นี้ เพิ่มอีกอย่างละสองครับ” พีทกวักมือเรียกพนักงานให้มาหา แล้วกางเมนูออกชี้นิ้วสั่งแบบไม่ยั้ง ก่อนจะหันกลับมากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย



“หมาพีท...มึงพอได้แล้วเหี้ย จะสั่งอะไรนักหนาวะ” เลิฟที่นั่งฝั่งตรงข้ามและเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างมาตลอด เอ่ยปรามเพื่อนอย่างอดไม่อยู่



“ไม่เป็นไรหรอกเลิฟ แค่นี้พี่ชายปรางขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” ปรางที่นั่งอยู่ข้างเลิฟ บอกให้เจ้าตัวที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ให้สบายใจ



“แต่ว่า...” เลิฟพยายามจะค้าน เพราะถึงจะบอกว่าอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็รู้สึกเกรงใจเจ้าของเงินอยู่ดี



“จริงอย่างที่ปรางว่า มึงอ่ะคิดมาก ผัวมึงรวย แค่นี้ไม่สะเทือนเชื่อกู” พีทพยักหน้าหงึกงักเห็นด้วยกับปรางแล้วตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ตาก็มองเมนูอาหารเพื่อจะสั่งเพิ่มไปด้วย



จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญก็ว่าได้ เขาพานาวมากินข้าวที่ห้างแล้วมาเจอเลิฟกับพี่ปอกำลังเดินซื้อของพอดี และเหมือนความบังเอิญจะซ้ำซ้อน ดันเจอคนรู้จักของทั้งตัวเองและของเลิฟด้วยพร้อม ๆ กัน  คุยไปคุยมาเลยสรุปที่เลิฟจะอยู่เที่ยวกับพวกเขาต่อ ในขณะที่พี่ปอจะลากไอ้เลิฟกลับ สุดท้ายเดือดร้อนปรางซึ่งเป็นน้องสาวพี่ปอต้องช่วยพูด พี่ปอแกก็ไม่ยอม จนไอ้เลิฟเหมือนจะร้องไห้ พี่ปอแกให้อยู่ต่อแบบอัตโนมัติเดี๋ยวนั้นเลย เลิฟถึงได้อยู่ต่อและตัวพี่ปอก็กลับห้องไปก่อน



แต่ก่อนที่ตัวจะไปพี่ปอแกยังอุตส่าห์ทิ้งบัตรเครดิต กับเงินสดนิดหน่อยไว้ให้ไอ้เลิฟซื้อของ เล่นเอาเขากับคนอื่น ๆ หันมามองหน้า และส่งสายตาแบบคิดอย่างเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย คือพี่ปอไม่เคยนิยามความสัมพันธ์ หรือระบุสถานะที่ชัดเจนอะไรให้เพื่อนเขาเลย แต่การกระทำชัดและขัดกับคำพูดตลอด ดูง่าย ๆ ได้จากเรื่องครั้งนี้




และด้วยที่ว่ามาทั้งหมดรวมกับความหมั่นไส้ ที่ทุกคนมีให้กับความปากแข็งของพี่ปอ เลยตกลงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่าจะยัดเหยียดความเป็นเจ้ามือตลอดทริปนี้ให้พี่ปอ ส่วนไอ้เลิฟก็ได้แต่เงียบเถียงใครไม่ได้ เพราะทุกคนรวมหัวกันทำการนี้โดยเฉพาะ



“นี่ทุกคน ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว เราไปหาอะไรดื่มกันดีไหมคะ” พี่ลิซ่าสาวสวยลูกครึงที่เป็นเพื่อนของปอ เอ่ยปากชวนทุกคนหลังทานอะไรเสร็จแล้ว



“งั้น...เลิฟกลับบ้านเลยนะครับ” เลิฟขอตัวทันที ตาก็มองนาฬิกาข้อมืออยู่เป็นระยะ



“ไม่ได้ค่ะ...เลิฟต้องไปนะ” ลิซ่าออกปากสั่งห้ามทันควัน จนทุกคนต้องมองที่เจ้าตัวเป็นตาเดียว



“ทำไมล่ะครับ” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะมองไม่เห็นความจำเป็นอะไรแล้วที่เลิฟจะต้องอยู่ต่อ ส่วนเขาเองก็ตั้งใจว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน แค่นี้ไอ้พี่เหี้ยของเขาก็ประสาทกินแล้ว โทรศัพท์นี่สั่นเป็นเจ้าเข้าไม่หยุด ถ้าเปิดเสียงคนคงด่ากันตาย



“ก็ถ้าน้องเลิฟกลับ ใครจะเป็นเจ้ามือล่ะคะ” คำพูดของลิซ่าทำให้ทุกคนหายข้องใจ แต่แค่นั้นไม่น่าจะใช้เหตุผลทั้งหมดที่รั้งเลิฟไว้ ดูจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของลิซ่าก็พอจะรู้ ว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้นแน่ๆ



“ที่สำคัญนะคะ” ลิซ่าพูดทิ้งช่วงแล้วหันไปมองเลิฟด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาคนอื่น ๆ แล้วยกยิ้มอย่างคนนึกอะไร ๆ สนุก ๆ ออก



“ไม่มีใครอยากเห็นปอเปลี่ยนสีหน้าบ้างเหรอ” คำพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาจากลิซ่า ทำให้ทุกคนคิดตามและอยากเห็นเหมือน ๆ กัน



“เลิฟ...ไปแดกเหล้าปะ” พีทตัดสินใจร่วมมือกับลิซ่าแบบไม่ต้องคิดเยอะ จากที่ตั้งใจจะกลับห้องก็เปลี่ยนเป้าหมายในทันที ก็การแกล้งคนแบบพี่ปอมันสนุกกว่ากันเยอะ ส่วนไอ้พี่อาร์ตเดี๋ยวค่อยโทรบอกละกัน



...

...



อาร์ตกดโทรศัพท์โทรออกซ้ำ ๆ จนเครื่องแทบพัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายว่างแต่ไม่มีคนรับ ส่งข้อความไปหาเจ้าตัวอ่านแต่ไม่ตอบ ทำเอาอาร์ตได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมองจอสี่เหลี่ยมในมืออย่างกลุ้มใจ



“ไอ้แสบเอ้ย!!” อาร์ตพึมพำว่าพีทด้วยความหน่าย ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะโดนพีทเอาคืนด้วยวิธีนี้ เขาก็อุตส่าห์รีบมารับแต่สุดท้ายก็มาเก้อ โดนหลอกให้เดินหาเกือบทั่วมหา’ลัย มารู้หลังจากนั้นนานพอควรจากปากของไอ้วิน ว่าเด็กดื้อของเขาออกไปข้างนอกนานแล้ว แถมโทรหาไม่ตัดสายแต่ไม่รับ เล่นเอาเขาปวดหัวไปพอสมควร



“เฮีย...เอาไงต่อ” วินที่นั่งอยู่ด้วยกันถามขึ้นเสียงอ้อมแอ้ม เพราะกลัวโดนลูกหลงเนื่องจากไม่แน่ใจ ว่าตอนนี้อาร์ตอยุ่ในอารมณ์ไหน



“กลับดิวะ” อาร์ตตอบแบบเซ็งๆแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เพราะต่อให้ทู่ซี้นั่งรอไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร



“อ่า...แต่ซ้อบอกว่าอยู่xx เฮียไม่ไปหาเหรอ” วินทำหน้ามึนใส่อาร์ต แล้วยืนโทรศัพท์ที่มีข้อความของพีทส่งให้อาร์ตดู



ผัวะ!!!



“แล้วทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่ทีแรกวะ” อาร์ตตบหัววินเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะแย่งโทรศัพท์ในมือของอีกฝ่ายมาดู แล้วก็ต้องส่ายหัวไปมาแบบเหนื่อยใจ เมื่อเห็นรูปที่พีทส่งมาพร้อมกับข้อความ รูปที่เจ้าตัวแลบลิ้นปลิ้นตาใส่กล้องเป็นลิงหลอกเจ้า แล้วกับกับมาบอกไอ้วินด้วยว่าส่งให้เขาดู



“เดี๋ยวพ่อจะตามไปตีตูดถึงที่เลยไอ้ดื้อ” อาร์ตพึมพำออกมาอย่างหมายมาด ก่อนจะโยนโทรศัพท์คืนให้วินอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรับทันไหม



“อ้าวเฮีย...สรุปไปไหนอ่ะ กลับห้องหรือไปรับซ้อ!!!” วินตะโกนถามไล่หลังอาร์ตที่เดินห่างไปไกลพอสมควร เพราะต้องตอบคำถามพีทที่พิมพ์มาถามไม่หยุด



“ไปหาเมียซิโว๊ย!!” อาร์ตตะโกนตอบกลับมาดังลั่น ก่อนจะคร่อมลงบนรถแล้วขับออกไป ทิ้งให้วินมองตามและตอบคำถามพีทอยู่ตรงนั้น



...

...



พีทยักคิ้วกวนประสาทส่งให้อาร์ตที่นั่งจ้องเขม็งตั้งแต่มาถึงอย่างท้าทาย ก่อนจะหันไปยิ้มหวานและรับเลี้ยงดริ้งจากคนแปลกหน้า ที่แวะเวียนมาส่งให้อยู่เรื่อย ๆ หลังจากที่เลิฟกลับไปยิ่งมาเพิ่มมากขึ้น



“มองทำไม มีไรก็พูดดิ” พีทลอยหน้าลอยตากวนประสาทอาร์ต ยกแก้วเหล้าฟรีขึ้นมาจิบเยาะเย้ย



“ไม่มีอะไรหรอกครับ” อาร์ตว่ายิ้ม ๆ แล้วดึงแก้วในมือของพีทขึ้นมาแย่งกิน



“เดี๋ยวเราไปว่ากันที่ห้องดีกว่าเนาะ คุยกันเรื่องเจ้าของแก้วเหล้าพวกนี้เป็นไง” อาร์ตชี้นิ้วไปตามแก้วเหล้าจำนวนนึงบนโต๊ะ ก่อนจะส่งยิ้มเย็นชวนเสียวสันหลังไปให้พีท



“อะ...อะไร แค่ของฟรีเหอะ” พีทเถียงกลับทันทีด้วยเสียงตะกุกตะกัก มองหน้าอาร์ตที่เอาแต่จ้องเขม็งเลิ่กลั่ก



“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ เสียงสั่นทำไม” อาร์ตยังคงยิ้มให้และยกนิ้วมือเกลี่ยแก้มใสเล่นเบา ๆ ส่วนพีทกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง ตอนนี้ในหัวคิดไปสารพัดด้วยความกลัว



“ใครสั่นวะ ไม่มีเหอะ” พีทเถียงเสียงแข็งถลึงตาใส่อาร์ต อาร์ตเลยยกยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรต่อ ยิ่งสร้างความกดดันให้พีทจนหายใจไม่ทั่วท้อง



“มึงจะกลับแล้ว” อาร์ตถามออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นต้าลุกขึ้นยืน




“เปล่าพี่จะเดินไปดูพี่ปิงแกหน่อย” ชื่อที่ต้าพูดออกมาเรียกความสนใจจากอาร์ตได้เป็นอย่างดี จนต้องเอ่ยปากถามกลับอย่างสงสัย



“ไอ้ปิงทำไม” อาร์ตว่าพร้อมกับคิ้วที่ผูกกันเป้นปม



“ก็เพิ่งจับได้ว่าเมียมีกิ๊กดิพี่ คาหนังคาเขาเลย นั่งกินเหล้าอยู่มุมนู้นอ่ะเห็นไหม” ต้าว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปทางซ้ายมือ ซึ่งมองเห็นผู้ชานคนนึงกำลังนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ข้าง ๆ มีผู้หญิงกับผู้ชายอีกคนคอยห้ามแต่เหมือนจะไม่เป็นผล



“เดี๋ยวกูไปเอง” อาร์ตวางแก้วในมือตัวเองลงแล้วลุกขึ้นยืน



“เอางั้นก็ได้พี่” ต้าว่าก่อนจะนั่งลง ไม่ได้พูดขัดอะไรออกไป เพราะคิดว่าให้เพื่อนอย่างอาร์ตไปดูอีกฝ่ายน่าจะดีกว่า



“อาร์ตไปไหน” พีทถามด้วยความสงสัย เอื้อมมือมาดึงแขนอาร์ตไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินผ่านไป



“ไปดูไอ้ปิงน่ะ” อาร์ตว่าแล้วชี้ไปทางที่ปิงนั่งอยู่



“จะไปด้วยไหม” อาร์ตเอ่ยปากชวนเมียเห็นว่าพีทมองหงอย ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็รีบพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปหาปิงที่นั่งอยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์ ห่างออกไปเล็กน้อยทางซ้ายมือ



อาร์ตมองแผ่นหลังของปิงแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะปล่อยมือจากพีทแล้วเดินเข้าไปหา พร้อมทั้งดันตัวฝุ่นรุ่นน้องอีกคนในขณะ ที่ตอนนี้อยู่ข้าง ๆ ปิงให้เขยิบออก แล้วแทรกตัวเองเข้าไปยืนแทนที่



“ปิง” แรงสัมผัสที่ไหล่กับน้ำเสียงคุ้นหู ทำให้ปิงที่เอาแต่ดื่มแบบไม่สนใจใครหยุดชะงัก ก่อนหันมาหาอาร์ตและเงยหน้ามองทันที



“อาร์ต” แววตาสั่น ๆ และน้ำเสียงเจ็บปวดที่ปิงแสดงออก ทำเอาอาร์ตใจหายไม่น้อย



“ไม่เป็นไร” อาร์ตพูดได้แค่นั้นเพราะไม่กล้าเอ่ยปากอะไรต่อ กลัวมันจะกระทบจิตใจของปิง เพราะอย่างที่รู้กันว่าปิงมีแฟนคนเดียวและคบกันมานานมาก เหตุการณ์ที่เกิดคงหนักพอควรสำหรับอีกฝ่าย



“อย่าทิ้งกู” ปิงว่าออกมาเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่ของอาร์ตแล้วบีบมืออาร์ตแน่น




“กูอยู่นี่ ไม่เป็นไร” อาร์ตพูดปลอบและลูบหัวปิงเบา ๆ




การกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นของอาร์ตกับปิง อยู่ในสายตาของพีทที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา เจ้าตัวยกมือขึ้นลูกอกตัวเองไปมาช้า ๆ รู้สึกหน่วงที่หัวใจขึ้นมาแบบแปลก ๆ ทั้งที่ตัวเองยืนอยู่ตรงนี้ด้วยแท้ ๆ แต่ทำไมอาร์ต ที่เคยสนใจเขาตลอดเวลา ถึงทำเหมือนลืมไปเลยว่าเขายังอยู่ตรงนี้ทั้งคน



“พีท...กลับห้องไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปส่งไอ้ปิง ฝุ่นพี่ฝากไปส่งน้องด้วย” คำพูดของอาร์ตที่ดังขึ้น เรียกให้พีทหลุดออกจากความคิดตัวเองทันที แต่ยังไม่ทันที่พีทจะตอบอะไรออกไป อาร์ตก็พยุงตัวปิงเดินออกไปแล้ว



พีทได้แต่ยืนมองตามด้วยความนิ่งงัน รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก เกิดตะกอนบางอย่างตีวนอยู่ในความรู้สึก เป็นความรู้สึกคนละแบบกับที่เกิดกับเนยโดยสินเชิง ความรู้สึกที่คล้าย ๆ กับตอนเกิดกับพี่หมอไม่มีผิด



“อ้าว...ทำไมไม่ตามไปล่ะ” เสียงทักที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้พีทต้องหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่เมื่อตอนเช้าอีกครั้งที่นี่



“แปลกเนาะ...แฟนก็ยืนอยู่นี่ทั้งคน เลือกเพื่อนมากกว่า” ชาติที่เป็นหนึ่งในคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มและมองพีทด้วยสายตาแปลก ๆ แต่แฝงความสะใจอยู่ในนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก




พีทกำมือทั้งสองข้างแน่นคนรู้สึกเจ็บ ตะกอนความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ถูกกวนจนลอยขึ้นมามากกว่าที่เป็น ดวงตาเรียวสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านทังหมดทิ้ง




“ก็เขาเป็นเพื่อนกัน” พีทพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา ทั้งที่สมองคิดได้แบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันก็ยังเจ็บอยู่ดี



2 Be Con...



++++++++++++++++

อืม.....ไม่มีอะไรจะพูด

ไว้อาลัยให้เฮีย

หนักแน่นพีท หนักแน่นนะเว้ย

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^


หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ (14/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2016 19:34:00
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ (14/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-07-2016 23:22:26
 :o :o :o :o :o :o

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ (14/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-07-2016 12:33:01
หวายๆ  :ruready
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ (14/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-07-2016 12:41:28
ทำไมทำแบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 30 Part จบ (14/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 15-07-2016 14:35:54
หนักแน่นไว้พีท อย่าให้ใครมาทำให้ไขว้เขวได้
อย่าเพิ่งงอแงตอนนี้ มีคนจ้องจะเข้ามาเสียบเยอะแยะ
ด้วยความรักเพื่อนก็เลยไม่ทันคิดอะไรมากมาย
ไอ้ความไม่คิดอะไรนี่แหละ ทำคนทะเลาะกันมานักต่อนัก
คงได้แต่บอกว่าหนักแน่นไว้นะ พี่อาร์ตรักพีทมากนะจ๊ะ :hao3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-07-2016 07:00:48
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 31 -

Part ต้น



ดวงตาเรียวหรี่ปรือขึ้นช้า ๆ ในช่วงสายของอีกวัน กระพริบถี่ ๆ เล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัสสายตา เมื่อประสาทสัมผัสตื่นเต็มที่ ถึงได้รับรู้ถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง ไล่สายตาลงไปถึงได้เห็นท่อนแขนพาดอยู่ตรงช่วงเอว



พีทพลิกตัวหันกลับไปมอง โดยพยายามขยับร่างกายให้เบาที่สุด เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา มือเล็กบรรจงยกแขนของคนรักออกจากตัวอย่างเบามือ และเริ่มลงมือสำรวจทันที



สายตาไล่มองไปทั่วร่างกายคนตรงหน้า พยายามหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะโผล่เล็ดลอดมาให้เห็น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อไม่ว่าจะมองยังไงหรือหาแค่ไหน ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ไปมากกว่าการที่อีกฝ่ายไม่กลับมาทั้งคืน



เมื่อคืนหลังจากที่พี่ฝุ่นรุ่นพี่ในคณะมาส่งเขาถึงห้อง เขาก็นั่งถ่างตารออีกคนจนดึก โทรศัพท์ก็ไร้วี่แววจะติดต่อมา โทรไปก็ไม่รับสาย จนสุดท้ายก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เจอว่านอนอยู่ข้างๆแล้ว



คิ้วของพีทขมวดเข้าหากันเป็นปม ความรู้สึกหงุดหงิดในหัวใจเริ่มตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งเห็นหน้าอีกฝ่ายหลับตาพริ้มไม่รู้สึกรู้สายิ่งหงุดหงิด เงื้อฝ่ามือขึ้นสูงแล้วบรรจงฟาดลงไปที่ใบหน้าแบบเน้นๆทันที



เพี๊ยะ!!!



“โอ๊ย!!!” อาร์ตสะดุ้งสุดตัวร้องออกมาเสียงหลง ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเหมือนติดสปริงเอาไว้ หน้าตามึนงงยกมือลูบแก้มไปมาด้วยความเจ็บ ก่อนจะเจอพีทนั่งหน้าหงิกงออยู่ตรงหน้า



“อะไรเนี่ยคนดี ตบพี่ทำไมครับ” อาร์ตถามด้วยความมึงงง เอื้อมมือไปคว้าเอาตัวพีทมากอด แล้วก้มลงหอมแก้มเนียนทั้งซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว



“หน้างอแบบนี้ งอนอะไรพี่อีกเนี่ย” อาร์ตบิดปลายจมูกรั้นของพีทเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามไปให้



“ถ้าไม่รู้ก็โง่อยู่แบบนั้นแหละ” พีททำตาขวางใส่แล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเคือง



“เมื่อคืนไอ้ฝุ่นมาส่งถึงห้องใช่ไหม” อาร์ตเปลี่ยนเป็นถามถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทันที เมื่อนึกขึ้นมาได้และพอจะเดาออกแล้วว่าโนโกรธเรื่องอะไร



“ถ้าจะมาถามตอนนี้ไม่ต้องถามหรอก” พีทหันกลับมาถลึงตาดุใส่แล้วสะบัดหน้าอีกครั้ง



“ขอโทษครับ เมื่อคืนไอ้ปิงเมาเหมือนหมา พี่เลยต้องไปส่งมันที่คอนโด” อาร์ตหอมแก้มพีทแล้วโยกตัวอีกฝ่ายไปมาเบา ๆ




                “แล้วทำไมต้องทิ้งไว้ล่ะ” พีทพูดออกมาอย่างน้อยใจ ท่าทางเซื่องซึมจนอาร์ตสะท้อนใจ



                “พี่ห่วงไอ้ปิงจนลืมคิด ขอโทษนะครับ” อาร์ตยอมรับออกมาตรง ๆ และขอโทษออกไป เมื่อคืนเขาห่วงเพื่อนจนลืมนึกถึงน้องไปจริง ๆ



                “แล้วถ้าเกิดอะไรอีกอาร์ตก็จะลืมแบบนี้เหรอ” พีทถามกลับเสียงเบาและเต็มไปด้วยความเสียใจ



                “ไปกันใหญ่แล้วคนดี พี่ขอโทษกับเรื่องเมื่อคืนที่ทำพีทคิดมาก ไม่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก แต่จะพยายามไม่ให้เป็นแบบนี้อีก ยกโทษให้พี่นะครับ” อาร์ตบอกเสียงออดอ้อน กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ปลายจมูกก็คลอเคลียที่แก้มเนียนไม่ห่าง



                “ปกติเขาต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอีกไม่ใช่เหรอ” พีทงึมงำว่าออกมา คิ้วพันกันยุ่งให้กับคำพูดของอาร์ต



                “ก็ถ้าสัญญาไปพี่ทำไม่ได้ขึ้นมาจะว่ายังไงล่ะ” อาร์ตว่าพร้อมหัวเราะในลำคออกมาเล็กน้อย



                “กวนตีน...ไม่หายโกรธหรอก” พีททำเสียงแข็งใส่ด้วยความไม่พอใจ มีอย่างที่ไหนเขากำลังน้อยใจ แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าทางชอบใจแบบนี้ ไอ้พี่อาร์ตมันโรคจิตชอบเห็นเขาเหวี่ยง



                “แล้วต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธล่ะ” อาร์ตชะโงกหน้าไปมองพีทแล้วสบตาอีกฝ่ายเพื่อขอคำตอบ



                “ง่าย ๆ” พีทยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดึงแขนที่กอดตัวเองออกแล้วลุกไปยืนที่ข้างเตียง ส่วนอาร์ตได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ และเดาไม่ออกว่าพีทจะทำอะไร



                “เดือนนึง” พีทว่าพร้อมกับยกนิ้วชี้ตั้งขึ้นแล้วยื่นไปที่หน้าอาร์ต



                “อะไรเดือนนึง” อาร์ตขมวดคิ้วมุ่น แล้วสบตาระยิบระยับแฝงความสนุกสนานของพีทอย่างไม่ไว้ใจ




                “เดือนนึงนับจากวันนี้ ห้ามกอด ห้ามจูบ ห้ามหอม ห้ามจับ ห้ามสัมผัสอะไรทั้งนั้น ที่สำคัญ...ห้ามเอา!!!” พีทว่าออกมาพร้อมรอยยิ้มแห่งความสะใจ ผิดกับอาร์ตที่พอได้ยินถึงกับหน้าซีดเหมือนคนจะตายให้ได้เดี๋ยวนั้น



                “เฮ้ย!! นี่พี่ผิดอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ห้ามกันขนาดนี้พี่ตายพอดี” อาร์ตโอดครวญออกมาทันที หน้าตาแสดงความทุรนทุรายอย่างปากว่า จนพีทที่มองอยู่ต้องหลุดขำออกมาเสียง



                “ฮ่า ๆ สม!! ถ้ามันจะตายก็ให้มันตายเลย” พีทกอดอกมองอาร์ตอย่างสะใจ เขาไม่ใช่ว่าเพิ่งจะคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้หรอกนะ เมื่อคืนเขาไม่ได้นั่งรออีกฝ่ายเฉย ๆ แต่คิดวิธีเอาคืนไปด้วย และดูมันจะได้ผลดีเกินกว่าที่วาดเอาไว้ในหัวเยอะ




                “ขอลดลงเหลือวันเดียวได้ไหม” อาร์ตเอ่ยปากต่อรองแล้วส่งสายตาอ้อนวอนพีทเต็มที่ กระพริบตาปริบ ๆ เพื่อขอความเห็นใจ จนพีทมองเห็นอาร์ตมีใบหูตกและหางลู่เป็นหมาน้อยเลยทีเดียว



                “ตลกละ” พีททำเสียงแข็งใส่ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ รู้สึกหมั่นไส้คนตัวโตเป็นที่สุด แค่เดือนเดียวทำเป็นจะตาย แล้วมีอย่างที่ไหนต่อรองให้เหลือวันเดียว



                “งั้นขอหอม ขอกอดได้ป่ะ” อาร์ตยื่นข้อเสนออย่างเจ้าเล่ห์ เพราะถ้ากอดได้หอมได้ที่เหลือไม่เกินฝีมือเขาแน่นอน



                “งั้นเพิ่มเป็นสองเดือนดีไหม” พีทที่รู้ทันความคิดของอาร์ตสวนกลับอย่างหมั่นไส้



                “เดือนเดียวก็จะตายแล้วนะน้องพีท” อาร์ตว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนใกล้จะตาย ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโดนเอาคืนเจ็บแสบแบบนี้



                “ไว้ตายจะพิจารณาอีกที” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันตัวเดินหนี เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียน



                “จับมือก็ไม่ได้เหรอ” อาร์ตยังคงส่งเสียงออดอ้อนอย่างมีความหวัง ทำให้พีทชะงักเท้าตัวเองแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าอาร์ตอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้แล้วเดินกลับไปหา ซึ่งอาร์ตเองก็ยิ้มรับเพราะคิดว่าพีทคงใจอ่อนแล้ว



                “ไม่!!!” แต่กลายเป็นว่าพีทปฏิเสธเสียงแข็งแล้วทำหน้าบึ้งมองอาร์ต ไร้วี่แววความใจอ่อนใด ๆ ทั้งสิ้น



                “เอาจริงดิ” อาร์ตถามอีกครั้งอย่างสิ้นหวัง



                “เออ!!!” คำปฏิเสธตอกย้ำอีกครั้งของพีททำเอาอาร์ตคอตกอย่างคนหมดแรง



                “อาร์ตควรเรียนรู้นะว่าอย่าทำให้น้องน้อยใจ” พีทยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่าย ก่อนจะขยับถอยห่างออกมา



                “ครับ” อาร์ตรับคำอย่างหมดอาลัยตายยาก สมองกำลังคิดหาทางช่วยเหลือตัวเองต่อจากนี้อีกหนึ่งเดือน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาอยากยังไปทำกับคนอื่นได้ แต่ตอนนี้แค่คิดก็ทำไม่ได้แล้ว หรือเขาจะไล่น้องกลับไปนอนบ้านสักเดือนนึงดี ไม่เห็นหน้ามันอาจจะช่วยชีวิตเขาได้ แต่คิดอีกทีขืนทำแบบนั้นน้อยเขาไปกันใหญ่อีก ยิ่งคิดยิ่งเครียดขาว ๆ เนียน ๆ อยู่ตรงหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้เป็นเดือน ๆ นี่มันนรกชัด ๆ  หนีไปบวชสักเดือนดีไหม




                “อาร์ต~~” เสียงหวานที่ดังขึ้นไม่ไกล ทำให้อาร์ตต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะตาเหลือกแทบถลนออกนอกเบ้ากับภาพตรงหน้า



                “ร้อนเนอะ” พีทในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัวส่งยิ้มเยาะให้อาร์ตอย่างสะใจ ก่อนจะเหวี่ยงกางเกงนอนที่เพิ่งจะถอดออกเมื่อกี้ไปให้อาร์ต แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกแบบที่จงใจทำเพื่อยั่วอีกฝ่ายไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้อาร์ตอ้าปากค้างมองตามพร้อมกับอาการฮึดฮัด



                “หว่า...เสียดายจัง วันนี้ต้องอาบน้ำคนเดียว” พีทยื่นหน้าออกมาส่งเสียงกวนประสาทอาร์ตแล้วปิดประตูห้องน้ำ ก่อนจะหัวเราะลั่นด้วยความสะใจที่ได้แกล้งอาร์ต




                “แสบนักนะไอ้ดื้อ” อาร์ตเข่นเขี้ยวให้กับคนในห้องน้ำอย่างเคืองใจ ปกติไอ้มาถอดผ้ายั่วแบบนี้ไม่มีทางได้เห็นหรอก ยอมรับว่าโดนเอาคืนได้เจ็บแสบจริง ๆ ครบเดือนเมื่อไหร่เดียวรู้กัน พ่อจะล่อให้ลุกออกจากเตียงไม่ได้เลย



>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part ต้น (17/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2016 00:42:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part ต้น (17/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-07-2016 10:31:25
ลืม :a5: โห เอาจริงๆนะ พูดแบบนี้ก็ไปเอาเพื่อนเถอะ

ต่อไปมีอะไรอีกก็ใช้คำว่าลืมอีก ไม่ไหวๆ  :ling2:

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 18-07-2016 12:54:58
กัดครั้งที่
- 31 -

Part จบ              



               “หน้าตาเป็นส้นตีนมากสัดอาร์ต เมียไม่ให้เอาไงวะ” อ้นเอ่ยปากแซวไปตามประสา แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ากับอาร์ต ก่อนจะผงะถอยหลังเล็กน้อยเมื่อปะทะเข้ากับสายตาดุ ๆ ของอีกฝ่ายที่ตวัดมามอง



                “เออ!!” อาร์ตกระแทกเสียงตอบแล้วหันไปหยิบบุหรี่มวนที่สองมาอัดเข้าปอดด้วยความหงุดหงิด




                “พูดจริง” อ้นถามหน้าตาตื่นก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจออกมาดังลั่น เมื่อเห็นใบหน้าของอาร์ตหงิกงอขึ้นทันทีที่ถาม



                “มึงไปทำอะไรวะ” ปิงถามขึ้นอย่างสงสัย



                “เพราะมึงไงไอ้เหี้ย” อาร์ตหันมาว่าปิงด้วยความพาล ก่อนจะขยี้บุหรี่ลงบนโต๊ะเพื่อดับมัน แล้วหันไปจ้องหน้าปิงอยางเอาเรื่อง



                “กู...เกี่ยวเหี้ยไรเนี่ย” ปิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วทำหน้างงใส่อาร์ต



                “เพราะกูต้องแบกมึงกลับวันนั้นไงครับ เมียกูเลยงอนเนี่ย” อาร์ตว่าหน้ามุ่ยแล้วฟุบหน้าลงไปแนบกับโต๊ะอย่างหมดแรง



“กูไม่ได้ขอร้องมึงนิ” ปิงว่าอย่างไม่ใส่ใจ เรียกให้อาร์ตต้องเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าตัวทันที



“ไม่ขอเลยนะครับ สัด!! ดึงเสื้อกูแน่นขนาดนั้น ปากก็อย่าทิ้งกู หูลู่หางตก มึงไม่ได้ขอกูเลยครับน้องปิง” อาร์ตฉีกยิ้มพร้อมประชดประชันใส่ปิง แล้วเอื้อมมือไปจับปลายคางปิงขยับเล่นอย่างหยอกเย้า



“...........” ปิงไม่ได้โต้เถียงอะไรออกมานอกจากสบตาอาร์ตนิ่งๆ นั้นทำให้อาร์ตแปลกใจกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่น้อย



ป๊อก!!!



“เดี๋ยวก็เจอคนใหม่ว่ะมึง ตอนนี้ก็อยู่โสดๆไปก่อนล่ะกัน” อาร์ตดีดหน้าผากของปิงเบา ๆ และปลอบอีกฝ่ายให้หายเศร้า ไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้ไหม แต่ก็ดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย



“เออจริง!!! หล่อ ๆ แบบมึงนี่อีกเดี๋ยวก็ได้ ปล่อยนุ่นมันไปเหอะ” อ้นเอื้อมมือมาตบบ่าให้กำลังใจปิงอีกแรง รู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายสำหรับอีกฝ่ายที่จะลืม เพราะระยะเวลาที่ผ่านมามันไม่ใช่น้อย ๆ เลย ยิ่งกับคนไม่เจ้าชู้แบบปิงคงต้องใช้เวลาสักพัก



“มึงมันอ่อนโยนพร่ำเพรื่อ” ปิงพึมพำแทรกขึ้นมาเบา ๆ แล้วสบตากับอาร์ตนิ่ง ๆ ก่อนจะหันหน้าหนีโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ



“ทำไม...เขินเหรอน้องปิง” อาร์ตยิ้มทะเล้นชอบใจ แล้วเอานิ้วจิ้มลงบนแก้มปิงเพื่อก่อกวน



“เอาไปแหย่เมียมึงเหอะ” ปิงพูดอย่างไร้อารมณ์แล้วปัดมืออาร์ตทิ้ง



“อย่าพูดถึงเมีย กูคิดถึง กูอยากฟัด” อาร์ตทำเสียงจริงจัง ท่าทางเหมือนคนกำลังจะลงแดงในอีกไม่ช้า



“ฮ่า ๆ กูล่ะสมน้ำหน้า สภาพใกล้ตายฉิบหาย” อ้นหัวเราะออกมาอย่างสะใจกับท่าทางจะเป็นจะตายของอาร์ต พร้อมกับส่งสายตามองแบบสมเพช



“แล้วนี่มึงจะไปกันกี่โมง” อ้นถามขึ้นมาหลังจากผ่านไปสักพัก



“น้องมาก็ไป” อาร์ตเปลี่ยนน้ำเสียงและท่าทางเป็นจริงจังทันที



“สรุปมึงจะพาน้องไปด้วยจริง ๆ แน่ใจเหรอวะ” อ้นถามด้วยน้ำเสียงแสดงความกังวลออกมา



“พาไปน่ะดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้รู้จากปากคนอื่น อีกอย่างกูก็ไม่ได้คิดจะปิดอะไร” อาร์ตยิ้มออกมาน้อย ๆ



“ก็จริงของมึง” อ้นพยักหน้างึกงักอย่างเห็นด้วย



“ถ้าคิดจะบอกเขาก็อย่าเสือกทำหน้าแบบนั้น” ปิงหันมาว่าเสียงเรียบ แล้วมองหน้าตาที่ดูแฝงความเศร้าของอาร์ต



“กูแค่เหนื่อย” อาร์ตตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจแล้วยิ้มออกมา ทั้งที่ในใจไม่ได้ยิ้มตามการแสดงออก นึกถึงสิ่งที่จะต้องไปเจอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็อดหนักใจไม่ได้



“ครั้งแรกเลยนะที่มึงโกหกไม่เนียน” ปิงว่าออกไปตรง ๆ



“มึงก็ไปว่ามัน กูเห็นมันเป็นแบบนี้ทุกปีแหละถ้าวันนี้” อ้นเอาศอกถองปิงเบา ๆ เพื่อปรามไม่ให้พูดจี้ใจดำอาร์ต



“เครียดไปก็เท่านั้น สักวันเขาก็ต้องรู้ เรื่องเหี้ย ๆ ในชีวิตคน ไม่ใช่แค่มึงที่มีคนเดียว” ปิงพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเงียบไปเหมือนเดิม แต่มันเรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นที่มุมปากของอาร์ตได้ทันที



“ปลอบพี่เหรอน้องปิง” อาร์ตทำหน้าทะเล้นเอ่ยเย้าปิงด้วยน้ำเสียงร่าเริง ปิงหันกลับมามองอาร์ตอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วชูนิ้วกลางใส่หน้าเจ้าตัวโดยที่ไม่พูดอะไร



“ฮ่า ๆ รอยากโดนเหรอวะ แต่เสียใจมีเมียแล้วเว้ย” อาร์ตที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ปุบปับ ยักคิ้วส่งให้ปิงอย่างกวนประสาท



ปิงเลยได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วส่ายหน้าหน่าย ๆ อย่างเหนื่อยใจ พร้อมกับคิดว่าไม่น่าหลวมตัวไปห่วงอีกฝ่ายเลย ก่อนจะตัดสินใจหันหน้าหนีไปอีกทาง



“ขอบใจ” คำพูดต่อมาของอาร์ต ทำเอาปิงต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมา



“เออ” ปิงตอบรับเสียงแข็งแล้วเลิกสนใจอาร์ต หันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดแทน เพราะทนนิ่งเฉยกับข้อความที่เด้งเข้ามาไม่หยุดไม่ได้



อาร์ตที่เห็นว่าปิงเลิกสนใจตัวเองและเข้าไปในโลกส่วนตัว ก็หันกลับมานั่งเงียบ ๆ และจมอยู่กับความคิดของตัวเองบ้าง พร้อมกับรอเวลาที่กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องในอดีตอีกครั้ง










“เฮ้ย ๆ แกดูดิ” หญิงสาวที่กำลังเดินอยู่ในใต้ตึก และกำลังจะเดินผ่านโต๊ะที่พวกอาร์ตนั่งรวมกลุ่มกัน หันไปสะกิดเรียกเพื่อนอีกคนและชี้ชวนให้มองตาม




“อ่ะ...นั่นมันพี่อาร์ตพี่ปิงนิ” หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อได้เห็นหนุ่มหล่อประจำมหา’ลัยอยู่กันพร้อมหน้า



“พวกพี่เขาสนิทกันเนอะ” หญิงสาวคนแรกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมองภาพที่อาร์ตกระเซ้าเย้าแหย่ปิงไม่วาง



“อือ...หรือว่าที่เขาลือจะจริงอ่ะแก” อีกคนที่มองไม่วางตาเช่นกัน พูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้กับข่าวลือของมหา’ลัย ที่เล่าต่อ ๆ กันมา



“ไม่หรอกมั้งแก ถ้าเขากิ๊กกันจริงเสียดายแย่เลย” หญิงสาวค้านเพื่อนด้วยน้ำเสียงลังเลใจ แล้วหญิงสาวทั้งคู่ก็ถกเถียงประเด็นนี้กันไปเรื่อย ๆ ตามประสา



พีทที่บังเอิญเดินมาได้ยินที่ทั้งคู่คุยกัน มองตามหลังนักศึกษาหญิงทั้งสองไปจนลับสายตา ก่อนจะหันหน้าไปยังทางที่ทั้งคู่มอง คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันทันทีกับภาพที่ได้เห็น การหยอกล้อของอาร์ตกับปิงทำให้พีทรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจอีกครั้ง ความรู้สึกเดียวกับเมื่อตอนที่เกิดในผับไม่มีผิด



“เจ็บมือไหมน่ะ” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้พีทสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำมือแน่น จนเล็บจิกลงไปที่ฝ่ามือ



“พี่มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” พีทคลายมือที่กำของตัวเองลง แล้วหันกลับไปเผชิญหน้าอีก พร้อมกับพิจารณาคนตรงหน้าไปในตัว



“ฮ่า ๆ ไม่ต้องระแวงพี่ขนาดนั้นหรอก พี่มาดีนะ” ชาติว่าพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขบขัน



“คนมาดีเขาไม่ทำตัวเป็นสโตกเกอร์แบบพี่หรอกครับ” พีทจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง และพูดในสิ่งที่คิดออกไปตรง ๆ เพราะคิดว่าการที่เจออีกฝ่ายบ่อย ๆ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่



“อย่าใส่ร้ายกันสิน้อง” ชาติกระตุกยิ้มและตอบกลับอย่างยียวน



“เรื่องพี่เหอะ ว่าแต่พี่มีอะไรกับผม” พีทถามกลับด้วยความรำคาญ และอยากรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย ที่รู้สึกว่าช่วงนี้โผล่มาวนเวียนกับเขาเหลือเกิน



“พี่ไม่ได้มีอะไรกับน้องหรอก” ชาติยังคงตอบวกวน จนพีทหน้าบึ้งทันทีเพราะโดนกวนประสาท



“พี่แค่อยากทำความรู้จักน่ะ” ชาติพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่ยังคงประดับบนหน้า



“แต่ผมไม่อยากรู้จักพี่” พีทสวนกลับเสียงแข็ง เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากชาติ



“อ่า...ก็แค่พี่อยากสนิทกับน้องบ้างแบบนั้น” ชาติว่าแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังของพีท



พีทขมวดคิ้วมุ่นกับท่าทางของชาติ ก่อนจะหันหลังกลับไปมองตาม และภาพที่ได้เห็นทำให้ตะกอนบางอย่างตีวนอย่างบ้าคลั่ง



ภาพของผู้ชายสองคน ภาพของอาร์ตกับปิง ที่หยอกล้อกันไม่ต่างจากคนรัก





2 Be Con...

++++++++++++++++

อืม...ไม่รู้จะคุยอัลไล

เอาเป็นว่า หนักแน่นนะลูก หนักแน่น

คิดถึงสิ่งที่เฮียมันทำให้มาตลอด

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part จบ (18/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 18-07-2016 18:52:57
นับวันพีทเราจะอารมณ์สาวน้อยขึ้นทุกวัน
ยุขึ้นง่ายซะด้วยสิ อย่าได้มีอะไรมาสะกิดเชียว
นี่พี่อาร์ตยังไม่รู้เรื่องรู้ราวสินะ สงสัยเดือนเดียวไม่พอ
เพิ่งจะรับปากน้องไปหยกๆ มาหยอกเขาอีกละ
คงเป็นโอกาสทองของคนที่คิดจะเข้ามาสร้างความร้าวฉาน
เห็นอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะหนักแน่นได้นานแค่ไหนน่ะสิ :เฮ้อ:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 31 Part จบ (18/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2016 23:03:19
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-07-2016 17:00:25
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 32 -

Part ต้น



เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมในทันที พีทยังคงยืนนิ่งมองภาพคนทั้งคู่อยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่ได้คิดจะขยับหรือเดินไปหา คลายมือที่เริ่มกำแน่นของตัวเองออกอีกครั้ง สะบัดหัวไปมาแรง ๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่านในใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปหาชาติ แล้วสบสายตายียวนกลับตรง ๆ



“หึ” ชาติหัวเราะในคอ เห็นแววตาถือดีที่พีทมองมา ก็อดชอบใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้



“หัวเราะอะไร” พีทถามเสียงแข็ง ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบเลยจริง ๆ เวลาที่เห็นใครทำเหมือนเขาเป็นตัวตลก



“เปล่า...แค่สนใจ” ชาติกระตุกยิ้มแล้วยื่นมือมาตรงหน้าพีท ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยลงไปที่แก้มเนียนเบา ๆ



เพี๊ยะ!!



พีทปัดมือชาติออกทันควัน และขยับตัวถอยห่างออกไปเล็กน้อย สายตามองไปที่ชาติด้วยความระแวง อะไรบางอย่างมันคอยเตือนว่สภายใต้รอยยิ้มของชาติ อีกฝ่ายมีอะไรแอบแฝง



หมับ!!!



“จะทำอะไร” อาร์ตถามเสียงแข็ง และคว้ามือที่ยื่นมาที่หน้าพีทเอาไว้แน่น พร้อมกับออกแรงบีบลงไป ก่อนจะเคลื่อนตัวมาบังพีทเอาไว้ ตาก็จ้องไปที่ใบหน้าของชาติเขม็ง



ระหว่างที่อาร์ตนั่งคุยเล่นกับเพื่อนรอพีทอยู่นั้น ด้วยความที่รู้สึกว่านานผิดปกติตั้งใจจะโทรตาม จังหวะนั้นเองอ้นที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็หันไปเห็นพีทพอดี เลยสะกิดเรียกอาร์ตให้หันกลับไปดู



วินาทีนั้นหัวใจอาร์ตแทบหล่นลงไปที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นชาติยืนอยู่กับพีท ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือใบหน้าด้านข้างของพีท ที่แสดงออกให้เห็นถึงความหวั่นวิตก



อาร์ตลุกขึ้นยืนทันทีเหมือนตัวติดสปริง ก่อนจะรีบสาวเท้าด้วยความไวที่สุดเข้าไปหา รู้สึกร้อนใจไปหมดเพราะไม่รู้ว่าชาติคุยอะไรกับพีท เจ้าตัวถึงได้แสดงอาการและท่าทางแบบนั้นออกมา



“อ้าวเฮียอาร์ต…มีอะไรกับผมไม่ทราบ” ชาติยกยิ้มและทักทายอาร์ตกลับอย่างยียวน สบตาอาร์ตเล็กน้อยก่อนจะมองผ่านไปสบตาพีททางด้านหลังแทน



“พี่ต่างหากมีธุระอะไร” อาร์ตถามกลับอย่างใจเย็น เหมือนที่เคยทำมาตลอดในทุก ๆ ครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน



“ทำไมผมต้องบอกเฮียละครับ ผมไม่ได้มีธุระกับเฮียสักหน่อย เฮียจะอยากรู้ไปทำไม” ชาติตอบกลับด้วยถ้อยคำสุภาพเกินจริง และพูดแดกดันอาร์ตด้วยสรรพนามที่รุ่นน้องในคณะใช้เรียก



“ผมจะไม่ยุ่ง ถ้าไม่ใช้ว่าคนที่พี่มีธุระด้วยเป็นแฟนผม” อาร์ตว่าเสียงเรียบและปล่อยมือที่จับชาติไว้ให้เป็นอิสระ



“อ้าว...แฟนเหรอ เพิ่งรู้” ชาติแสร้งทำตาโตตกใจเกินจริง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ



“งั้นพี่ไปแล้วนะครับน้อง ไว้อยากรู้อะไรดี ๆ มาหาพี่แล้วกัน” ชาติพูดทิ้งท้ายและมองอาร์ตด้วยสายตาชิงชัง ก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่ไป



“เดี๋ยวพี่!!” อาร์ตส่งเสียงเรียกเอาไว้ก่อนที่ชาติจะเดินไปไกล ซึ่งชาติเองก็หยุดยืนรอฟังแต่ไม่ได้หันกลับมา



“อย่ายุ่งกับน้อง ผมขอได้ไหม” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมันทำให้ชาติหันกลับมาหา ก่อนที่อีกฝ่ายจะสบตากลับอาร์ตนิ่ง



           “มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ทำอะไรคนนอกอยู่แล้ว เพราะกูไม่เหี้ยเหมือนมึง” ชาติพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว




อาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่อย่างน้อยคำตอบของชาติก็ทำให้เขาเบาใจ ชาติเป็นคนที่พูดคำไหนคือคำนั้นเขารู้ดี ถ้าไม่เกิดเรื่องของพิม ตอนนี้เขากับชาติก็คงจะยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกัน



“พี่ชาติเขาทำอะไรรึเปล่า” อาร์ตหันกลับมาถามพีทด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบที่แก้มนิ่มเบา ๆ



“เปล่า...แล้วใครใช้ให้จับ อยากโดนขยายเวลาเหรอ” พีทว่าเสียงเสียงแข็ง แล้วปลายตามองหน้ากับมือของอาร์ตสลับไปมา



“นี่ยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย” อาร์ตหยุดมือตัวเองแทบไม่ทัน แล้วรีบชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว



“เออ!! เดี๊ยะ ๆ” พีทถลึงตาใส่อาร์ตอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินนำหน้าไปที่โต๊ะ ซึ่งมีกลุ่มเพื่อนของอาร์ตนั่งรออยู่



“ทำไมมันหูลู่หางตกกลับมาแบบนั้น” อ้นถามพีทแล้วมองอาร์ตที่เดินตามหลังมา ในสภาพเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างด้วยความแปลกใจ



“สำออย” พีทว่ากัดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงข้าง ๆ กับอ้น แทนการนั่งลงข้าง ๆ ปิงที่อยู่ใกล้กว่า เพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในความรู้สึกอยู่ตอนนี้ และก็เหมือนฟ้าจงใจแกล้ง เพราะทั้งที่ตั้งใจจะหลบแต่ดันสบตาเข้าให้พอดี



ปิงเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมาเจอพีทที่มองตัวเองอยู่ เป็นเพราะไม่เคยคุยอะไรกันมาก่อน ปิงเลยส่งยิ้มให้เพื่อทำความรู้จัก ก่อนจะต้องทำหน้างงเมื่อพีทหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้ปิงต้องยกมือเกาทายทอยตัวเองแก้เก้อ



พีทยกมือขึ้นมาลูกอกตัวเองไปมา พยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ไอ้ความตะขิดตะขวงใจกับอีกฝ่ายมันยังคงมีอยู่ แต่พอได้จ้องกันชัด ๆ ยอมรับเลยว่าพี่ปิงโคตรหล่อ กำลังพิจารณาใบหน้าสมบูรณ์แบบนั่นด้วยความอิจฉา อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็หันมาหาและยิ้มให้ เล่นเอาหัวใจเกือบวาย ตกใจจนเผลอหลบหันหน้าหนี



แต่ไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่อีกฝ่ายได้เป็นเดือนมหา’ลัย แทนที่จะเป็นไอ้พี่อาร์ตของเขา ความหล่อของพี่ปิงนี่ระดับทำลายล้าง หล่อกว่าไอ้พี่อาร์ตอีก พาลให้นึกถึงหน้ายักษ์อำมหิตของพี่ปอ นั่นก็หล่อแถมหล่อกว่าด้วยซ้ำ ถ้ายิ้มได้แบบคนพี่บ้าง ทั้งสาวทั้งหนุ่มคงตายเกลื่อนมหา’ลัย



ว่าแต่เขาเป็นบ้าอะไรมานั่งชื่นชมความหล่อของผู้ชายด้วยกัน แถมยังมานั่งเขินใจเต้นเข้าไปอีก ความเป็นสาวน้อยที่เกิดขึ้นนี่คืออะไรกัน อย่าบอกนะว่าเขาก้าวขาสู่การเป็นรับอย่างเต็มตัว



“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ” อ้นยื่นหน้าเข้าไปมองพีทใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย เพราะเห็นอีกฝ่ายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมด



“ไม่จริงอ่ะ” พีทพึมพำกับตัวเองไปมา พยายามไม่รับความจริง เพราะรู้สึกรับตัวเองไม่ได้



“อาร์ต...กูว่าพาเมียมึงไปหาหมอเหอะ” อ้นหันไปบอกอาร์ตอย่างจริงจัง



“กวนตีนละไอ้พี่อ้น” พีทแยกเขี้ยวใส่อ้นพร้อมทั้งตวัดสายตาไม่พอใจใส่ ก่อนจะหันกลับมาหาอาร์ตที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ฝั่งตรงข้าม



“ว่าแต่มึงเหอะจะพาไปไหน” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะโดนอาร์ตรบเร้าจะพาไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่ว่าจะถามยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ



“งั้นก็ไปได้แล้วเดี๋ยวค่ำ” แต่เป็นปิงที่พูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะเดินนำหน้าออกไป



“พี่ปิงไปด้วยเหรอ” พีทมองตามหลังปิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับอาร์ตเพื่อขอคำตอบ



“อือ” อาร์ตยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าส่งให้ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทำให้พีทต้องยืนตามและเดินอ้อมโต๊ะไปหา



“กูไปก่อนนะอ้น” อาร์ตบอกเพื่อนก่อนจะยื่นมือไปกุมมือพีทไว้



“บอกว่าห้ามจับไง” พีทยู่หน้าใส่อาร์ตและพยายามชักมือกลับ



“เอาน่า…ขอจับหน่อยเหอะ พี่กำลังอ่อนแอนะ” อาร์ตยิ้มทะเล้นแล้วกระชับฝ่ามือแน่นกว่าเก่า



พีทที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า เลือกที่จะเงียบและยอมให้อาร์ตกุมมือแต่โดยดี เพราะวินาทีที่สบตากันเมื่อครู่ อะไรบางอย่างบอกให้เขารู้ ว่าภายใต้รอยยิ้มทะเล้นของอีกฝ่าย มันกำลังมีความทุกข์หลบซ่อนอยู่ในนั้น



“อนุโลมแค่แป๊บเดียวนะ” พีทพึมพำบอกแล้วบีบมืออีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอาร์ตได้ไม่ยาก ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกันเดินไปสมทบกับปิง ที่เดินนำออกไปก่อนหน้า



>>> 50% <<<



หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part ต้น (19/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-07-2016 23:09:11
อีพี่อาร์ตมีเรื่องไรกะอีพี่ชาติหว่าาาาาา
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part ต้น (19/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 20-07-2016 00:50:31
เป็นอีกเรื่องที่สนุก รอติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 22-07-2016 11:45:51
กัดครั้งที่
- 32 -


Part จบ


พีทมองสถานที่ตรงหน้าตัวเองที่เคยมีโอกาสได้มาเมื่อไม่นานมานี้ด้วยความแปลกใจ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองอาร์ต ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเพื่อขอคำตอบ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้คลายความสงสัยอะไรให้นอกจากส่งยิ้ม และถือช่อดอกไม้ที่แวะซื้อระหว่างทางมาที่นี่เดินนำเข้าไปด้านในพร้อมกับปิง



พีทได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของทั้งสองคนด้วยความสงสัยที่มากขึ้น และไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมอาร์ตถึงได้พาเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง กลับมายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดแห่งนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร แล้วทำไมถึงต้องมีปิงร่วมเดินทางมาด้วย



คำถามมากมากำลังวนเวียนไปมาอยู่ในหัวพีทไม่หยุด หลายครั้งในระหว่างที่เดินตามหลังของทั้งคู่เขาอยากจะเอ่ยปากถาม แต่บรรยากาศที่ทั้งสองแผ่ออกมาให้สัมผัสได้นั้น มันทำให้ตัวเขาไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไรออกไป และเลือกที่จะเดินตามและลอบมองทั้งคู่อย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่ามันมีความอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างเราสามคน




ความคุ้นเคยต่อสถานที่นี่ระหว่างปิงกับอาร์ต ความผูกพันธ์บางอย่างที่ทั้งคู่มีต่อกัน ยิ่งเขาได้สังเกตใกล้ๆ ยิ่งมองเห็นมันได้ชัดเจน มันมีเยื่อใยอะไรบางอย่างระหว่างคนทั้งคู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และเขาไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกมันฟ้องให้รับรู้ ว่าปิงสำคัญกับคนรักของเขา



พีทหยุดชะงักการก้าวเดินเล็กน้อยเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าตัวเองถูกพามาตรงจุดไหน ตาเรียวเหลือบมองไปทั่วบริเวณอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะรีบสาวเท้าด้วยความเร็วเพื่อเดินให้ทันคนด้านหน้า ที่เริ่มจะเดินทิ้งห่างออกไปทุกที



ปึ่ก!!!



“โอ๊ะ...แฮ่ๆ ขอโทษครับ” พีทส่งยิ้มแหยๆให้ปิงก่อนจะเขยิบถอยห่างออกมาเล็กน้อย เมื่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าเดินชนคนข้างหน้าเพราะเอาแต่มองทางเดินด้านหลัง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากส่งยิ้มจางๆมาให้และเดินต่อไปเงียบๆ



พีทเองก็ไม่รอช้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายออกเดินก็รีบสาวเท้าตามแบบกระชั้นชิด ก่อนที่คนเดินนำหน้าสุดอย่างอาร์ตจะหยุดลงตรงหน้าโกฐอันหนึ่ง โกฐเดียวกันกับที่เขาเคยได้เห็นมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ รูปผู้หญิงเจ้าของโกฐยังคงส่งยิ้มสวยงามเหมือนเดิม ถ้าจะมีอะไรที่แตกต่างไปกว่าเดิม คงจะเป็นที่รอบๆ บริเวณมีดอกไม้วางไว้ค่อนข้างมาก




ปิงแทรกตัวเข้าไปยืนทางด้านหน้าแทนอาร์ต ก่อนจะวางดอกไม้ในมือลงตรงที่ว่างหน้าโกศ และพนมมือขึ้นไหว้ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ขยับถอยห่างออกมาเพื่อหลีกทางให้อาร์ตเข้าไปแทนที่




อาร์ตยืนมองโกศตรงหน้าและสบตากับคนในรูปเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงแล้ววางช่อดอกไม้ในมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและสบตากับคนในรูปอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับภาพในอดีตที่ไหลย้อนกลับเข้ามา ภาพเหล่านั้นที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เคยจางหายจากความทรงจำ เสียงหวานใสที่เคยพูดคุยเคียงข้างในวันวานยังคงดังก้องในหู  รวมทั้งความเจ็บปวดทั้งหมดที่ย้อนกลับมาทำร้ายซ้ำๆ



‘แล้วพี่จะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับพิม’




เสียงเกรี้ยวกราดตัดพ้อด้วยความเจ็บปวดในวันนั้น ดวงตาสวยที่มองกลับมาด้วยความเจ็บแค้น และการกระทำของตัวเองที่ทำลงไปในตอนนั้น นำพามาซึ่งความสูญเสียและเจ็บปวดของใครต่อหลายคน



‘ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบขนาดนั้นเลย’



‘ก็มันชอบนี่ค่ะ...ว่าแต่พี่อาร์ตเถอะ ทำไมถึงรู้ว่าพิมชอบดอกคาเนชั่น’



‘พี่รู้แล้วกันน่า’



‘แต่ก็ขอบคุณนะคะ...แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักที่สุดเลย’



‘แล้วรักหรือเปล่าล่ะ’



‘…..พิม.....’



สัมผัสแผ่วเบาที่แตะลงมาบนไหล่ทำให้อาร์ตลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นว่าเป็นปิงที่มองมาด้วยส่ายตาแสดงความเป็นห่วง อาร์ตเลยส่งยิ้มไปให้พร้อมกับพยักหน้าเพื่อบอกให้รู้ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร



“พิม...4 ปีแล้วนะ พี่ไม่รู้ว่าพิมยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่า แต่ถ้าพิมยังอยู่ตรงนี้ พี่อยากให้พิมรู้ว่าพี่ขอโทษ ขอโทษกับทุกๆ อย่างที่พี่เคยทำ” อาร์ตเอื้อมมือไปแตะที่รูปถ่ายตรงหน้า ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายที่ล่วงลับไปแล้วแผ่วเบา เขาไม่รู้ว่าพิมจะได้ยินในสิ่งที่เฝ้าพร่ำบอกมาตลอดหลายปีนี้หรือเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้แล้วมันดีขึ้นยังไง แต่เขาอยากบอกไม่ได้หวังการให้อภัย แต่แค่อยากให้รู้ว่าเขาเสียใจที่ทำทุกอย่างลงไป หากย้อนเวลาได้เขาจะไม่ทำมันเลยจริงๆ




พีทยืนมองแผ่นหลังกว้างและใบหน้าด้านข้างที่เศร้าสร้อยของอาร์ตอย่างอึดอัด เขารู้สึกจุกในอกแต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ายืนมองเงียบๆ อยู่ตรงนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรหรือมีปัญหาอะไรกับผู้หญิงในรูป อยากเขาไปกอดปลอดเหมือนที่อีกฝ่ายทำเวลาที่เขาเสียใจ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันทำให้เขาไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ ไม่กล้าเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนอีกสองคนตรงหน้า



เขาได้แต่ยืนมองดูภาพความสนิทสนมของปิงกับอาร์ตด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบขึ้นมา ภาพความเป็นห่วงเป็นใยที่ทั้งคู่แสดงออกมันทำให้อึดอัดทรมาน ทำได้แค่ยืนมองแต่เข้าไปแทรกอะไรไม่ได้ ความรู้สึกอิจฉาแล่นขึ้นมาจนจุกอก ทั้งๆ ที่คนที่ควรยืนข้างๆ และปลอบโยนในเวลาแบบนี้ มันควรจะเป็นเขาไม่ใช่เหรอ



“น้องพีท” เสียงเรียกจากอาร์ตที่ดังขึ้น ทำให้พีทที่กำลังโดนความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเข้าโจมตี เงยหน้าไปมองด้วยความสงสัย



“มานี่เร็ว” อาร์ตส่งยิ้มอ่อนโยนให้พีท ก่อนจะกวักมือเรียกพีทให้เดินเข้าไปหา ซึ่งพีทเองก็เดินไปตามที่อีกฝ่ายเรียกอย่างว่าง่าย



“ไรอ่ะ” พีทเอ่ยถามและมองหน้าอาร์ตด้วยความงุนงง



“จำที่นี่ได้ใช่ไหม” อาร์ตเอื้อมมือมาคว้ามือของพีทไปกุมเอาไว้ แล้วออกแรงกระตุกเล็กน้อยให้ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเก่า



“อือ” พีทพยักหน้าส่งให้ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อที่นี่เป็นสถานที่เดทแรกหลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกับอีกฝ่าย แต่ถึงจะจำได้เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องพาเขามาที่นี่อีก



“แล้วพามาทำไมอ่ะ” พีทถามออกไปพร้อมกับสายตาที่เหลือบไปมองผู้หญิงในรูป ไม่ได้อยากจะมองเลยสักนิดแต่ไม่รู้ทำไม เหมือนมันมีอะไรบางอย่างบอกให้เขามอง และพยายามบอกให้เขารู้ว่าสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ตอนนี้ มันต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับคนในรูปแน่ๆ



“พามาชวนคุย” อาร์ตว่าพร้อมอมยิ้มเล็กที่มุมปาก ซึ่งเรียกสายตาที่ตวัดมามองค้อนด้วยความขุ่นเคืองจากพีทได้ทันที



“ไม่กวนสักวันจะตายไหม” พีทว่าด้วยใบหน้าบึ้งตึง กำลังซีเรียสกันอยู่แท้ๆ ยังจะมีอารมณ์มากวนประสาทเขาอีก แล้วจะเล่นตรงไหนไม่เล่น มาเล่นในวัดท่ามกลางโกฐนับสิบ แถมเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดินแบบนี้ มันใช่เรื่องไหมล่ะ




“ฮะๆ ก็เห็นทำหน้าเครียด” อาร์ตว่าพร้อมกับเอานิ้วโป้งมาคลึงตรงหว่างคิ้วของพีท



“ใครกันแน่ที่เครียด” พีทว่าพร้อมกับยื่นมือไปจับที่แก้มของอีกฝ่าย พร้อมทั้งส่งสายตาแสดงความห่วงใยไปให้



“คงจะพี่มั้ง” อาร์ตตอบเสียงเบา พร้อมกับยกมือขึ้นไปทาบลงบนหลังมือของพีทที่วางอยู่บนแก้มของตัวเอง ก่อนจะดึงลงมาและสอดนิ้วมือเข้าไปกุมประสานไว้กับอีกฝ่าย แล้วส่งแรงบีบลงไปที่มือเล็กเบาๆ และสบตากับพีทเล็กน้อย



“ผู้หญิงในรูป...คนในโกฐ” อาร์ตเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาพร้อมกับหันไปมองที่รูปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับพีทอีกครั้ง



“เขาชื่อพิม...เป็นน้องสาวพี่ชาติ” คำพูดต่อมาของอาร์ตทำเอาพีทเบิกตากว้าง แล้วมองที่รูปสลับกับหน้าของอาร์ตไปมา



“ห๊า!!!!” พีทส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เรียกว่าช็อคไปไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับรู้ ในสมองเกิดคำถามมากมายเต็มไปหมด



“อือ” อาร์ตพยักหน้าและส่งยิ้มให้น้อยๆ



“เขาตายเพราะพี่” อาร์ตเอ่ยคำพูดต่อมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามเค้นออกมาจากลำคอ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ พร้อมออกแรงบีบลงไปที่มือเล็กมากกว่าเดิม



สายลมยามเย็นที่พัดผ่านผิวกาย และเสียงเสียดสีของต้นไม้ เป็นแค่สองสิ่งที่ทำให้รอบข้างไม่เงียบสงบ ท่ามกลางคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น และไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ ระหว่างกัน




สิ่งที่ช่วยยืนยันให้พีทได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด หรือว่าเป็นการพูดเล่นแบบที่อีกฝ่ายชอบทำ คือแรงบีบหนักๆ ที่ฝ่ามือ รวมทั้งใบหน้าที่แสดงความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด แบบที่ไม่เคยได้เห็นเลยสักครั้งจากอีกฝ่าย




‘ผู้หญิงในรูปเป็นน้องสาวพี่ชาติ และยิ่งกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ตายเพราะคนรักของเขา’



2 Be Con...

++++++++++++++++

ตอนหน้าเราจะมาเฉลยปมเฮียกัน

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.อยากได้อดีตเฮียแบบจัดเต็มหรือเอาพอประมาณดี เพราะพีทจะถูกเบลอจากเรื่องนี้ไปพักนึง
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part จบ (22/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 22-07-2016 15:38:45
ตามแต่ประสงค์ ของผู้แต่งเบยจัดมา  เตรียมใจไว้แล้ว มาม่าชัวร์    :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part จบ (22/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-07-2016 17:01:46
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 32 Part จบ (22/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 23-07-2016 23:38:03
รออ่านด้วยต่ะ เพิ่งเขามาอ่านรวด้เดียวเลย รอติดตามต่อนะคะ อ่านแล้วน่ารักดี
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 25-07-2016 04:50:54
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 33 -



                มีใครสักคนเคยบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งบนโลก ถ้าเสียไปแล้วเราจะเอาคืนไม่ได้ มันคือเวลา คำพูด โอกาส เขาไม่เคยเชื่อคำพูดของคนเหล่านั้น จนถึงวันที่เขาได้เรียนรู้มันด้วยตัวเอง คำพูดที่ใช้ทำร้ายจิตใจ เวลาที่ใช้ไปอย่างไร้ค่า และโอกาสที่ไม่มีทางหวนกลับมาให้แก้ตัว ในวันนี้ทุกๆ อย่างมันกำลังย้อนกลับมาเอาคืน เป็นรอยแผลที่ฝังในความทรงจำและหัวใจ ไม่มีทางที่จะหายไปจากชีวิต



                4 ปีก่อน...



                “โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! มึงแม่งเบาๆ หน่อยได้ไหมวะ มือหรือส้นตีนหนักฉิบหาย” เสียงโวยวายดังออกมาเป็นระยะไม่ขาดสาย พร้อมกับมือของคนเจ็บที่พยายามปัดมือของคนที่ทำแผลให้ทิ้ง รวมทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่พยายามหันหนี ซึ่งก็ไม่ได้เป็นผลอะไรเพราะอีกฝ่ายก็พยายามทำแผลให้อย่างไม่ลดละ



                “มึงอยู่เฉยๆ ได้ไหมวะ” คนทำแผลส่งเสียงบอกดุๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับหน้าคนเจ็บให้หันมา พร้อมบังคับให้เจ้าตัวอยู่นิ่งๆ ก่อนจะลงมือทำแผลต่ออย่างชำนาญ



                “พี่อาร์ตก็อยู่นิ่งๆ ให้พี่ปิงทำแผลดีๆ สิคะ ยุกยิกไปมาเหมือนเด็กไปได้” เสียงหวานที่หวานไม่แพ้กับใบหน้าของหญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมทั้งส่งสายตามองหน้าของ ‘อาร์ต’ หรือคนเจ็บอย่างตำหนิ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายอีกคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้อาร์ตอยู่



                “มัวแต่ทำแผลให้พี่อาร์ต แล้วพี่ปิงไม่เป็นอะไรเหรอคะ ที่มุมปากน่ะ” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วมือแตะลงมุมปากของตัวเอง ตรงจุดเดียวกันกับที่อีกฝ่ายมีรายฟกช้ำ พร้อมทั้งส่งสายตาเป็นห่วงไปให้อย่างไม่ปิดบัง



                “ให้พิมช่วยทำแผลให้ไหมคะ” หญิงสาวคนเดิมหรือ ‘พิม’ เอ่ยปากถามอีกครั้ง พร้อมกับแสดงท่าทางกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย



                “ไม่เป็นไร...ขอบคุณนะ” ปิงปฎิเสธหญิงสาวอย่างนิ่มนวลพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ เพราะเกรงใจและไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย



                “แต่ว่า...” พิมค้านออกมาเสียงเบา แต่ก็ต้องยอมเมื่อปิงยังยืนยันคำเดิมและไม่คิดจะอ่อนข้อ



                “ทำไมถามแต่ไอ้ปิงล่ะ พี่นั่งเจ็บอยู่นี่ พิมควรสนใจพี่มากกว่านะ แฟนใครวะโคตรลำเอียง” อาร์ตพูดแทรกขึ้นมาบ้างและส่งสายตาตัดพ้อไปให้พิม



                “อย่างพี่อาร์ตน่ะ เขาเรียกว่าสมควรค่ะ ชอบทะเลาะชกต่อยกับคนอื่นไปเรื่อย แล้วยังชอบลากพี่ปิงเข้าไปโดนลูกหลงด้วยตลอด นี่ถ้าพี่ปิงเป็นอะไรมากกว่านี้ พิมจะโกรธพี่อาร์ตจริงๆ ด้วย” พิมว่าอาร์ตด้วยน้ำเสียงออกห้วนและใส่อารมณ์ แววตาที่ใช้มองอาร์ตก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแบบไม่ปิดบัง



                “น้องพิมไม่ต้องไปว่าไอ้อาร์ตมันหรอกครับ พี่ไปช่วยมันเอง” ปิงบอกหญิงสาวเสียงนุ่ม เพราะต้องการให้อีกอีกฝ่าใจเย็น เนื่องจากเห็นแล้สว่าสีหน้าของอาร์ตเริ่มเปลี่ยนไป



                “ห่วงเหี้ยอะไรมันนักหนาวะ เมียมันก็นั่งอยู่ตรงนี้ เขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ตกลงว่าพิมเป็นแฟนใครกันแน่” อาร์ตถามเสียงแข็งกึ่งๆ จะกลายเป็นตะคอก ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธจัด



                “พี่อาร์ตหาเรื่องพิมเหรอคะ” พิมตวัดสายตามาจ้องหน้าอาร์ตตรงๆ และถามกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจเช่นกัน



                “พอๆ สองคนนี้นี่ยังไงวะ พักหลังๆ ทะเลาะกันตลอด มึงก็หาเรื่องน้องกูไอ้อาร์ต พิมก็เหมือนกันไปว่าอะไรมันขนาดนั้น” ชาติที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของพิม เอ่ยปากห้ามน้องสาวของตัวเองกับรุ่นน้องคนสนิท



                “พิมไม่ได้อยากทะเลาะ พิมแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้มีเรื่อง ไม่อยากให้พี่อาร์ตพาใครไปเดือดร้อนด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่อาร์ตรับผิดชอบไหวเหรอคะ” พิมอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดแฝงอยู่ในนั้น



                “ห่วงพี่หรือห่วงใคร...มึงพอได้ละ” อาร์ตพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังแสดงความกรุ่นโกรธ ก่อนจะปัดมือปิงที่กำลังทำแผลให้ทิ้งอย่างไม่ใยดี



                “พิมกลับแล้วนะคะพี่ชาติ” พิมหันไปบอกพี่ชายของตัวเอง แล้วคว้าเอากระเป๋านักเรียนเดินผ่านอาร์ตออกจากห้องเรียนไป โดยไม่แม้แต่จะชายตามองหน้าอาร์ตที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเลยสักนิด



                “ปิงคะ” นุ่นหรือแฟนของปิงที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นาน ตัดสินใจลุกเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่



                “ครับ” ปิงเบือนสายตาจากการมองเพื่อนสนิทของตัวเองมาหานุ่น ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของอีกฝ่าย



                “ไม่มีอะไรหรอก” ปิงเอ่ยปลอบและขยี้มือลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม



                “แต่ว่า...” นุ่นท้วงออกมาเสียงเบา ตาก็เหลือบมองใบหน้าถมึงทึงของอาร์ตไปด้วย ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวลเพราะกลัวว่าปิงกับอาร์ตจะมีปัญหากัน



                “กูว่ามึงก็พูดกับน้องพิมแรงไปนะ” ปิงเดินไปหยุดตรงหน้าอาร์ตและมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองที่โดนพาลใส่แต่อย่างใด



                “กูขอโทษว่ะ...ผมขอโทษนะนุ่น...พี่ด้วยว่ะ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นมองปิง แล้วเอ่ยปากขอโทษทุกคนที่พลั้งปากพูดไม่คิดออกไป



                “ไม่เป็นไร” ปิงว่าแล้วตบไหล่อาร์ตเบาๆ



                “ไม่คิดจะโกรธกูเลยหรือไง” อาร์ตว่าและมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิท พยายามค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาของอีกฝ่าย



                “ถ้าคิด...กูคงมีเรื่องให้โกรธมึงเป็นล้าน” ปิงว่าอย่างไม่ถือสาและยิ้มให้อีกฝ่ายจางๆ



                “ไปตามน้องพิมเหอะ เดินหายไปไหนแล้วไม่รู้” ปิงพูดเตือนในสิ่งที่อาร์ตควรทำ



                “เออๆ เหี้ย!! แม่ง!!” อาร์ตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียและเดินนอกจาห้องไปด้วยความเร็ว



                “ดีพี่ชาติ...มันรีบไปไหนของมันวะ” อ้นที่เพิ่งจะเดินเข้ามาพร้อมกับกลอนและไมล์ เอ่ยทักทายและมองตามท่าทางรีบร้อนของอาร์ตอย่างไม่เข้าใจ



                “จะอะไร มันทะเลาะกับน้องกูอีกน่ะสิ” ชาติตอบคำถามและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย



                “ทะเลาะกันอีกละ ขยันเนาะ” อ้นว่าขำๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะช่วงนี้เห็นอาร์ตกับพิมทะเลาะกันจนชินตา



                “เออ...ปล่อยมันไปง้อกัน เราไปเตะบอลเหอะ” ชาติเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปกอดคออ้นและชวนกันไปเตะบอลตามปกติเหมือนทุกวัน



                ...

                ...



                “พิม...พี่ให้” อาร์ตยื่นช่อดอกไม่ช่อใหญ่ที่ลงทุนเก็บเงินซื้อมันมาไปให้พิม พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ลงความเห็นว่ามันอ่อนโยนให้ไปด้วย




                “ให้พิมเหรอคะ” พิมเองก็รับมาด้วยความงุนงง แต่ก็ยิ้มพอใจให้กับช่อดอกไม้ในมือ



                “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบขนาดนั้นเลย” อาร์ตถามพร้อมกับอมยิ้มเอ็นดูอีกฝ่าย รู้สึกโล่งออกที่เห็นว่าพิมชอบมัน เพราะเขาตั้งใจจะซื้อมาเอาใจอีกฝ่ายโดยเฉพาะ เพราะไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันพักหลังๆมานี้ เขากับอีกฝ่ายถึงได้ขยันทะเลาะและมีปัญหากันเหลือเกิน เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่เคยหยุด เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นคบกันมาเป็นปีไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง เลยแอบบหวังอยู่ลึกๆ ว่าดอกไม้ช่อนี้จะช่วยให้มีจุดในการดึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิมให้ดีขึ้น



                “ก็มันชอบนี่คะ ว่าแต่พี่อาร์ตเถอะ ทำไมถึงรู้ว่าพิมชอบดอกคาเนชั่น” พิมถามด้วยความสงสัยเพราะจำได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกอีกฝ่าย ปลายจมูกก็ก้มลงสูดความหอมจากดอกไม้เป็นระยะ



                “พี่รู้แล้วกันน่า” อาร์ตพยายามตอบเลี่ยงๆ ไม่กล้าพูดความจริง เพราะข้อมูลพวกนี้เขาได้มาจากปิงเพื่อนสนิทของเขาเอง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ที่ทำไมพิมถึงเลือกบอกปิงแต่ไม่บอกตัวเองก็ตาม



                “แต่ก็ขอบคุณนะคะ...แฟนใครไม่รู้น่ารักที่สุดเลย” พิมเอ่ยเย้าออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากอะไรไป



                “แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” อาร์ตลองถามออกไปในสิ่งที่อยากได้คำตอบมาตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่คบกันมา เพราะถึงแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าแฟนกัน แต่อีกฝ่ายไม่เคยบอกรักเขาเลยสักครั้ง แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธคำบอกรักของเขาเหมือนกัน



                “พิม...พี่อาร์ตค่ะที่จริง...” พิมอึดอัดไม่น้อยกับคำถามของอาร์ต ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดจะบอกอีกฝ่าย



                “ว่าแต่พิมชวนพี่มาที่นี่ทำไม” อาร์ตที่จับเค้าลางอะไรบางอย่างในท่าทางและน้ำเสียงนั้น รีบเอ่ยปากแทรกขึ้นเพราะกลัวว่าจะต้องได้ยินอะไร



                “แถวนี้บรรยากาศดีเนาะ” อาร์ตเฉไฉพยายามไม่รับรู้ท่าทางลำบากใจของพิม เสตามองไปรอบๆ ข้างพยายามไม่หันมาสบตาอีกฝ่าย



                “พี่อาร์ตคะ...ที่จริงพิมมีเรื่องจะคุยด้วย” พิมพยายามส่งเสียงแทรกคำพูดของอาร์ต ที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจงใจจะทำเป็นไม่รับรู้อย่างเต็มที่



                “พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย...ว่าหลังโรงเรียนเรามีที่สวยๆแบบนี้” อาร์ตยังคงพูดไปเรื่อยอย่างไม่สนใจความต้องการของพิม




                “พี่อาร์ตคะ!!” พิมตัดสินใจตะโกนเรียกเสียงดัง และเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายเพื่อเผชิญหน้า



                “คุยกับพิมก่อนนะคะ” พิมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เมื่อเห็นว่าอาร์ตหันมาสนใจตัวเองแล้ว



                “พิมจะคุยอะไร” อาร์ตถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ภาวนาในใจให้ความรู้สึกกลัวตอนนี้เป็นการคิดมากไปเอง



                “พิมคิดว่าพี่อาร์ตก็คงรู้ดี ว่าพิมจะพูดอะไร” พิมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างกัน



                “พี่ไม่รู้...ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” อาร์ตสบตากับพิมด้วยอาการสั่นไหวอย่างปิดไม่มิด



                “พี่อาร์ตคะ...พิมคิดว่า...”



                “เรากลับกันเถอะ ป่านนี้พวกพี่ชาติรอแล้ว” อาร์ตพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ปกติที่สุด ก่อนจะคว้าเอามือของพิมมากุมเอาไว้ และออกแรงดึงเบาๆเพื่อพาเดินกลับไปในทางที่ทั้งคู่เดินมา



                “พี่อาร์ตคะ...อย่าทำแบบนี้ได้ไหม” พิมขืนตัวเองไว้และไม่ยอมเดินตาม ก่อนจะออกแรงดึงกลับเบาๆ เพื่อบังคับให้อาร์ตหันกลับมา



                “อย่าฝืนต่อเลยนะคะ...พี่ก็รู้ดีว่าเราไปกันไม่ได้แล้ว เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะคะ” พิมตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะพูดออกมาในรวดเดียว เพราะกลัวว่าอาร์ตจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากรับฟังอีก ที่เธอนัดอีกฝ่ายมาวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก



                “ทำไม...ถ้าพี่ผิด...พี่ขอโทษได้ไหม...พี่สัญญา จะไม่ทำให้พิมเสียใจอีก” อาร์ตพยายามเค้นคำพูดอ้อนวอน และฝืนส่งยิ้มออกไปให้อีกฝ่าย คว้าเอามือคนตรงหน้ามากุมเอาไว้และส่งสายตาขอร้อง ขอโอกาสอย่างสุดความสามารถ



                เขาไม่รู้จริงๆ ว่าไปทำอะไรให้พิมโกรธถึงขั้นบอกเลิก แต่เขายอมไม่ได้จริงๆ ที่ต้องจบกันไปแบบนี้ เขายอมเปลี่ยนตัวเองมากกว่าที่เปลี่ยนในตอนนี้ก็ได้ ขอแค่อีกฝ่ายเอาคำพูดเมื่อกี้กลับไป




                “พิมขอโทษนะคะ...พี่ชาย” พิมบอกเสียงแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลม ก่อนจะชักมือที่โดนกุมไว้กลับมาและเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้อีกคนยืนอยู่กลับความเจ็บที่เหมือนตายทั้งเป็นตรงนั้นคนเดียว



                ...

                ...



                “พิม...เดี๋ยว...คุยกับพี่ก่อน” อาร์ตเดินตามมาและดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อรั้งให้หยุดมาคุยกัน



                “ปล่อย” พิมดึงแขนตัวเองออกจากมือของอีกฝ่าย มองหน้าอาร์ตอย่างรำคาญและหันหลังกลับเพื่อเดินต่อ



                “พิมเป็นอะไร โกรธอะไร แล้วทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นใส่นุ่น” อาร์ตดึงแขนของพิมเอาไว้อีกครั้ง และเอ่ยถามในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยความไม่เข้าใจ การกระทำของพิมหลายๆ อย่างและหลายๆ ครั้ง ที่พยายามจะเข้าไปวุ่นวายกับปิงตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ มันทำให้หลายคนเกิดความอึดอัดและลำบากใจไม่น้อย จนเกือบจะทำให้นุ่นกับปิงทะเละกันด้วยซ้ำไป



                “พิมจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของพิม เราเลิกกันแล้ว พี่อาร์ตไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตของพิม” พิมหันกลับมาบอกอาร์ตเสียงแข็ง และคำพูดนั้นก็ทำให้อาร์ตรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน




                “ปล่อยแขนพิมด้วยค่ะ” พิมกระตุกแขนตัวเองเบาๆเพื่อส่งสัญญาณให้อาร์ตรู้ตัว



                “พี่รู้ว่าเราเลิกกันแล้วไม่ต้องย้ำหรอก” อาร์ตยอมปล่อยมือจากแขนเล็กแต่โดยดี และย้ำคำพูดที่โดนตอกหน้าอย่างเจ็บปวด หมดแรงและเหนื่อยไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากอีกฝ่าย




                ตอนที่คนรอบข้างรู้ว่าเขาสองคนเลิกกัน ต่างมีคำถามเข้ามากมายมายว่าทำไมและเพราะอะไร แต่ไม่เคยมีใครได้คำตอบที่แท้จริงจากปากทั้งคู่ เพราะแม้แต่ตัวอาร์ตเองก็ยังไม่เคยรู้เหตุผลที่แท้จริงของการเลิกราในครั้งนี้เลยสักนิด แล้วจะนับประสาอะไรกับคนอื่น ถึงแบบนั้นอาร์ตก็ยังคงเทียวไล่เที่ยวขื่อตามง้องอนพิมตลอด เพราะคิดว่ายังไงซะอีกฝ่ายคงใจอ่อนเข้าสักวัน แต่เปล่าเลยพิมไม่เคยใจอ่อนและตีตัวห่างออกไปมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ



                “งั้นพิมขอร้องได้ไหมคะ เลิกวุ่นวายกับพิมสักที พิมไม่อยากให้พี่ปิงเข้าใจผิด” พิมเอ่ยปากขอร้องด้วยสีหน้าลำบากใจ ซึ่งนั้นมันทำให้คิ้วของอาร์ตขมวดชนกันทันที



                “หมายความว่าไง พี่ตามง้อพิมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง” อาร์ตถามเสียงแข็งและจ้องหน้าพิมเขม็ง



                “มะ...ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ” พิมตอบด้วยน้ำเสียงอึกอักและพยายามหลบสายตาที่มองมาของอาร์ต



                “ตอบมาพิม!!! มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง” อาร์ตจับไหล่ของพิมแน่นและออกแรงบีบลงไปไม่น้อย พร้อมส่งสายตามองอย่างคาดคั้น



                “บอกว่าไม่มีอะไรไงคะ!!!” พิมปฏิเสธเสียแข็งและพยายามแกะมืออาร์ตที่บีบไหลตัวเองออก เพราะรู้สึกเจ็บไปหมดจากแรงบีบของอีกฝ่าย



                “ตอบมา!!!” อาร์ตตะคอกใส่ดังลั่นด้วยความโมโห ความรู้สึกที่สัมผัสได้ตลอดเวลาที่คบกันมา เริ่มย้อนกลับมาให้ได้คิดอีกครั้ง



                “ก็พิมบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีไง!!!” พิมเองก็ตวาดกลับไปด้วยความโมโหไม่แพ้กัน มองหน้าอาร์ตด้วยความไม่พอใจที่โดนคาดคั้น



                “ตอบมาพิม!!! พี่บอกให้พูดไงวะ!! มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง!!” อาร์ตยังคงตะคอกใส่พิมด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่อยู่ แววตาสีดำเข้มขึ้นกว่าเก่าเพราะความโมโห




                “เกี่ยวที่พิมรักพี่ปิงไง!!!” พิมตวาดตอบออกไปอย่างเหลืออด ในเมื่ออยากได้ยินนักเธอก็จะพูดไหนๆ เรื่องมันก็มาไกลขนาดนี้แล้ว



                แขนสองข้างที่จับไหล่ของพิมไว้ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างหมดแรง ขาสองข้างและร่างกายเหมือนจะยืนไม่อยู่ อาร์ตเงยหน้ามองคนที่ได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งเป็นแฟนกันอย่างเจ็บปวด สับสน และไม่เข้าใจ มึนงงเหมือนมีใครชกลงมาที่หน้าซ้ำๆ โดยที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตอบโต้อะไร




                “ตั้งแต่เมื่อไหร่...พิมคิดแบบนี้กับไอ้ปิงตั้งแต่เมื่อไหร่” อาร์ตตามด้วยเสียงขาดห้วงมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้เหมือนคนแปลกหน้าไม่มีผิด




                “ตอบสิวะ!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดเหี้ยๆแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน!!” อาร์ตเปลี่ยนเป็นตะคอกใส่อีกฝ่ายอีกครั้งอย่างเหลืออด ความโมโห ความเจ็บปวดมากมายกำลังถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง ถึงจะเคยคิดแต่พอได้รับรู้มันเจ็บจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ด้วยซ้ำ



                “ตั้งแต่แรก...พิมรักพี่ปิงตั้งแต่แรก พิมไม่เคยรักพี่เลย” คำพูดแผ่วเบาที่ปนเสียงสะอื้นของพิม ทำให้อาร์ตซวนเซเกือบจะยืนไม่อยู่ เหมือนโลกกำลังกลับด้านไม่มีผิด นี่สินะเหตุผลที่อีกฝ่ายแสดงออกเวลาอยู่กับปิงมาตลอด เป็นเขาที่โง่เองหลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น



                “แต่ปิงมันมีนุ่นแล้ว มันมีแฟนแล้ว” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน สมองยังคงสับสนและคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น



                “แล้วยังไง...พิมเจอพี่ปิงก่อน รักมาก่อนด้วยซ้ำ นุ่นนั้นแหละที่มาแย่งพี่ปิงไป!!!” พิมตวาดใส่อาร์ตดังลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม



                “ก็แล้วทำไมไม่คบกับมัน!! มาคบกับพี่ทำไม!! ทำแบบนี้ทำไมวะ!!” อาร์ตขึ้นเสียงใส่ด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด แววตาที่มองพิมเต็มไปด้วยความดุดัน ก่อนจะเดินไปบีบไหล่เล็กๆ นั่นเต็มแรง และเขย่าร่างของอีกฝ่ายจนสั่นคลอนอย่างรุนแรง



                “โอ๊ย!! พิมเจ็บนะคะ ปล่อยพิมนะ” พิมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก มองอาร์ตด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายในสภาพนี้เลยสักครั้ง



                “ไอ้สัดอาร์ต!! ปล่อยน้องกู!!” ชาติที่เดินตามออกมาด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับทุกคน ตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรุ่นน้องที่สนิทกันอย่างอาร์ต กำลังทำท่าเหมือนจะทำร้ายร่างกายน้องสาวตัวเอง



                ผัวะ!!!



                “กูบอกให้ปล่อยไงวะ” ชาติชกลงไปบนหน้าอาร์ตเต็มแรง จนอาร์ตเซลงไปนั่งกองกับพื้น ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาน้องสาวตัวเองด้วยความเป็นห่วง



                “ฮะๆ” อาร์ตหัวเราะเยาะตัวเองด้วยความสมเพชในความโง่ ยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ซึมออกมาตรงมุมปาก และเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ตัวเองรักด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมกับหัวใจที่มันเจ็บจนชา



...

...     

       

ปึ่ก!!!

แก้วถูกวางกระแทกลงบนเคาท์เตอร์บาร์ตรงหน้าเสียงดัง มือหนาบีบแก้วในมือแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะแตกไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง เดือดร้อนจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ทนไม่ไหวต้องมางัดแก้วในมือออก

“พี่เป็นอะไร” เสียงหวานของพิมเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องมายุ่ง!!!” อาร์ตตะคอกกลับดังลั่นอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะคว้าเอาแก้วใบเดิมมารินเหล้าใส่แล้วเทกรอกลงคอเหมือนกระหาย

“พี่...พอได้แล้ว...พี่เมาแล้วนะ” พิมพยายามเอ่ยห้ามปรามแต่ก็ต้องเซล้มไปกองที่พื้น เมื่อโดนอีกฝ่ายสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

“อึ่ก...ทำไมล่ะ...ทำไมถึงหักหลังพี่พิม...ทำแบบนี้ทำไม!!!” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตวาดใส่พิมดังลั่น แววตาที่มองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ฮึก...พิมขอโทษ...” เสียงหวานเอ่ยขอโทษสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองไม่ขาดสาย เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆที่จะให้มันเกิดเรื่องขนาดนี้

“ฮะๆ กูแม่งโง่ฉิบหายเลย” อาร์ตลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที โดยไม่แม้แต่จะใส่ใจหรือเหลียวแลพิมที่นั่งกองอยู่ตรงนั้นเลยสักนิด ตรงดิ่งไปที่ถนนใหญ่หน้าร้านเหล้าเจ้าประจำ และโบกรถแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้

...
...

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูห้องพักในยามวิกาล ทำให้ปิงที่กำลังนั่งทำการบ้านหยุดชะงัก และมองไปยังบานประตูด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะดงขึ้นอีกครั้ง

“ไอ้อาร์ต” ปิงมองสภาพเมามายของเพื่อนสนิทตัวเองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามไปให้รปภ.ประจำคอนโด

“ผมจำได้ว่าเขาเป็นเพื่อคุณปิงน่ะครับ ผมเลยพาเขามาส่งที่ห้อง” รปภ.ตอบข้อสงสัยให้ปิง ซึ่งนั่นทำให้ปิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเดินไปพยุงร่างของอาร์ตที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองเล็กน้อยไว้แทน

“ขอบคุณมากนะครับ” ปิงเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ ซึ่งทางนั้นก็ค้อมหัวให้เล็กน้อยและเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ปิงถอนหายใจออกมาเบาๆ กับสภาพของคนในอ้อมกอดก่อนจะส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ และพยุงอีกฝ่ายเข้าไปในห้องพักอย่างทุลักทุเล เพราะขนาดของร่างกายที่ไม่ได้ต่างกันมากแถมตัวเองยังตัวเล็กกว่า เลยทำให้ลำบากกันพอสมควร

ปึ่ก!!

ในจังหวะที่ปิงหันหลับไปเพื่อปิดประตูห้อง ร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงกระแทกกลับประตูห้องเต็มแรง ตามด้วยริมฝีปากที่ประกบจูบอย่างดุดัน รวมทั้งเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามาและเกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างรุนแรง

“อื้อ...อึ่ก” ปิงพยายามขัดขืนแรงกอดรัดจากอาร์ตอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะสะบัดอย่างสุดแรงจนอีกฝ่ายถอยห่างออกไป แล้วเงื้อหมัดชกสุดแรงจนอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น

ผัวะ!!!

“แฮ่กๆ มึงทำเหี้ยอะไร!!” ปิงตวาดถามอาร์ตอย่างโมโห และมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

อาร์ตไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหันกลับมามองปิงนิ่งๆ ไร้วี่แววของคนเมาเมื่อครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนและเดินมาประจันหน้ากับปิง ยกมือขึ้นทาบทับลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายและลูบมันแผ่วเบา

“มึงชอบกูใช่ไหมปิง ไม่ใช่ในแบบเพื่อนแต่แบบคนรัก” คำถามของอาร์ตทำเอาดวงตาของปิงเบิกโพลงอย่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าความลับที่ปิดมาตลอดจะโดนอีกฝ่ายล่วงรู้

“กู...” ปิงพยายามปฏิเสธเสียงอึกอัก แต่ก็พูดอะไรต่อไม่ได้เมื่ออาร์ตยกมือขึ้นมาปิดปากไว้

“อย่าโกหกกู เพราะกูไม่ได้โง่” อาร์ตพูดขึ้นอย่างรู้ทัน อย่างที่บอกเขาไม่ได้โง่และรู้มาตลอดถึงความรู้สึกของปิง แต่เขาทำเป็นมองไม่เห็นมัน ทำเป็นไม่สนใจ แต่วันนี้เขาตัดสินใจจะมองมัน

“กูเลิกกับพิมแล้ว...มึงคิดว่าไง” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ มือก็ลูบไล้ตามโครงหน้าสมบูรณ์แบบของปิงแผ่วเบา

“ไม่อยากได้กูเป็นของมึงบ้างเหรอ” ประโยคต่อมาของอาร์ตทำเอาปิงตกใจไม่น้อย ก่อนจะมองหน้าของเพื่อนสนิทที่แอบคิดไม่ซื่อมาตลอดอย่างสับสน

“มึงหมายความว่าไง” ปิงถามออกไปอย่างไม่เข้าใจเพราะตามความคิดของอาร์ตไม่ทัน

“คำตอบมึงจะได้จากร่างกาย” อาร์ตพูดเพียงแค่นั้นและประกบจูบปิดปากปิงในทันที พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ที่จะเปลี่ยนไป

2 Be Con...
+++++++++++++
อ๊ากกกกกกกกก เป็นตอนที่เขียนแล้วบีบความรู้สึกตัวเองมากอีกตอนนึง
ยอมรับเลยว่าไม่อยากเขียน แต่ถ้าไม่เขียนเรื่องก็ไม่จบ
อย่าพึ่งเกลี่ยดเฮียมันนะ นึกถึงความดี 30 ตอนที่ผ่านมาของเฮียไว้ 555
ตอนหน้าจะเป็นอดีตอีกตอนของเฮียค่ะ (ว่าจะให้จบตอนเดียวมันไม่ได้ง่ะ)
สตรองไว้นะคะคนอ่าน
รักและขอบคุณคนอ่านค่ะ ^^
ปล.อดีตที่มาช้าเราก็ต้องจัดให้สมศักดิ์ศรี
กราบบบบบบบบบบบ
 
 
 

               

 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 33 (25/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-07-2016 18:52:18
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 28-07-2016 10:27:44
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 34 -



                “มึงเลิกกับนุ่นเหรอวะ” อาร์ตถามปิงทันทีที่อยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างร้อนใจ ผิดกับใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมาของอีกฝ่าย และนั่นยิ่งทำให้อาร์ตร้อนรนยิ่งกว่าเก่าจนแสดงออกมาหมดทั้งสีหน้าและท่าทาง



                “มึงเลิกทำไม” อาร์ตถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด มือบีบที่ไหล่สองข้างของปิงแน่นเพื่อคาดคั้น เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าเงียบ



                “ตอบกูดิวะปิง!!” จากน้ำเสียงปกติเปลี่ยนเป็นตะคอกทันที เมื่อไม่ว่าจะยังไงปิงก็ไม่แสดงอะไรออกมานอกจากความเงียบ



                “มันไม่เกี่ยวกับมึง” ปิงว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย และจับมือทั้งสองข้างของอาร์ตออกจากไหล่ตัวเอง ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกมาเล็กน้อย



                “มึงกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวไหม” อาร์ตจ้องหน้าปิงเขม็งและเอ่ยถามเสียงเข้ม



                “กูน่ะรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่...มึงต่างหากรู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่” ปิงจ้องหน้าอาร์ตกลับไปตรงๆ แบบไม่หลบสายตา



                “มึงอยากจะพูดอะไร” อาร์ตจ้องเข้าไปในดวงตาของปิง สายตาของทั้งคู่มองกันและกันอย่างแน่วแน่ และต่างฝ่ายต่างรู้ทุกอย่างผ่านแววตาที่แสดงออก



                “ช่างเหอะ...กูกับนุ่นยังไงมันก็ต้องเป็นแบบนี้” ปิงเอ่ยตัดบทเพราะไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ และหันหลังเพื่อจะได้เดินกลับห้องเรียน



                “มึงแน่ใจนะว่าไม่เกี่ยวกับกู” อาร์ตคว้าแขนของปิงและออกแรงดึงเบาๆ ให้กันกลับมาเผชิญหน้า



                “แล้วมึงคิดว่าไง” ปิงเลือกที่จะไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา จนอาร์ตสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน



                “ปิง!!! มึงอย่างี่เง่าได้ไหมวะ” อาร์ตตะคอกใส่ปิงอย่างดุดันและบีบลงบนแขนเต็มแรง



                “กูเหรอที่งี่เง่า ใครกันแน่วะอาร์ต มึงก็รู้ว่าที่กูพูดมันเป็นเรื่องจริง ถ้ามึงไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ มึงก้าวขาข้ามเส้นมาทำไม!!” ในที่สุดปิงก็ระเบิดอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ภายในตลอดออกมาบ้าง หลังจากที่พยายามนิ่งเฉยมานาน แววตาเรียบนิ่งเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไม่ต่างจากอาร์ต



                “มึงจะให้กูอยู่เงียบๆ เหมือนเด็กที่มึงกกไปทั่วน่ะเหรอ กูทำให้มึงไม่ได้หรอก” ปิงพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ และกระชากแขนตัวเองออกมาจากมือของอาร์ต



“และที่กูเลิกกับนุ่นไม่ใช่เพราะว่าอยากแย่งมึงกับเด็กพวกนั้น แต่จะให้กูคบกับนุ่นต่อทั้งที่กูไม่ได้รักเขา ทั้งๆ ที่อ้าขาให้มึงเอา กูทำไม่ได้ว่ะ กูทำ...ทั้งๆ ที่ไม่รักเหมือนมึงไม่ได้” ปิงสบตาอาร์ตอย่างเจ็บปวด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันนั้น ปิงพยายามจะไม่คิดอะไรมาตลอด แต่สุดท้ายเขาก็คือคนๆ หนึ่ง ที่พอถึงที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดมันผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก จะด่าว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ผิดที่โดดลงไปเล่นกับไฟ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะเผาตัวเอง จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้เดินหน้าต่อก็ไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่เหลือให้ทำได้ตอนนี้ คือไม่ให้ใครมาโดนไฟเผาจนตายทั้งเป็นแบบเขาเพิ่ม



“ก็รู้ว่าเจ็บมึงทนทำไม” อาร์ตมองปิงด้วยแววตาที่ทรมานไม่แพ้กัน รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน คนที่รักตัวเองอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ทุกครั้งที่คิดจะหยุดความมืดในหัวใจมันชนะความคิดดีๆ ได้ตลอด และภาพใบหน้าบิดเบี้ยวของใครอีกคนที่เขาปรารถนาจะได้เห็น เมื่อวันที่เจ้าตัวได้รู้ความจริง มันคอยเป็นแรงผลักดันให้เขายังเดินหน้าเหยียบย่ำความรู้สึกของปิงต่อไป



“เพราะกูยังเชื่อใจมึงไง” ปิงพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้อาร์ตยืนมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ ลับสายตาไป ด้วยความรู้สึกภายในที่ตีวนและส่งสัญญาณว่าใกล้จะพังลงในอีกไม่นาน



...

...



“พี่ปิงคะ คือ...พิมแอบชอบพี่มานานแล้ว ถ้าพี่ปิงยังไม่มีใคร ลองคบกับพิมได้ไหมคะ” พิมตัดสินใจรวบรวมความกล้าหลังจากที่ลังเลมานาน แล้วในที่สุดก็ลงมือทำในสิ่งที่หัวใจเธอเรียกร้องมาตลอด โดยการนัดปิงออกมาเพื่อบอกสิ่งที่อยู่ภายในใจ และก็ตั้งความหวังว่าปิงจะตอบรับคำขอของเธอในครั้งนี้



“น้องพิมว่าอะไรนะครับ” ปิงขมวดคิ้วเป็นปมและเอ่ยทวนคำพูดของอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ




“พิมชอบพี่ค่ะ เป็นแฟนกับพิมนะคะ” พิมพูดออกไปรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน ก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย




“น้องพิม...พี่เป็นเพื่อนสนิทไอ้อาร์ตนะครับ” ปิงมองใบหน้าหวานแดงก่ำที่มีรอยยิ้ม และสายตาความหวังที่มองอย่างหนักใจ



“พิมรู้ค่ะ แต่ว่า...พิมเลิกกับพี่อาร์ตไปแล้วนะคะ นานแล้วด้วย พี่อาร์ตไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ” พิมรีบเอ่ยปากอธิบาย ใบหน้าหวานแสดงความวิตกกังวลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างในเวลาไม่นาน




“พี่รู้ครับว่าเลิกกันนานแล้ว แต่พี่ขอโทษนะครับ พี่คงตอบรับความรู้สึกน้องพิมไม่ได้” ปิงเรียบเรียงคำพูดที่คิดว่าจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายน้อยที่สุด และเอ่ยออกไปอย่างหนักใจ ซึ่งนั้นทำให้รอยยิ้มกว้างหุบลง ใบหน้าหวานซีดเซียวไปถนัดตา รวมทั้งแววตาคู่สวยที่อ่อนแสงลง แสดงความถึงความสับสนและผิดหวังอย่างเด่นชัด



“ทำไมล่ะคะ...ในเมื่อตอนนี้พี่เลิกกับแฟนไปแล้ว และพิมก็เลิกกับพี่อาร์ตไปแล้วเหมือนกัน หรือว่าพี่ปิงไม่พอใจพิมตรงไหน บอกพิมได้นะคะ พิมเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่ได้นะคะ” พิมปรี่เข้ามาจับแขนของปิงไว้แน่น ละล่ำละลักพูดออกมาเสียงสั่นเครือ ความผิดหวังที่ไม่คิดว่าจะได้รับเข้าโจมตีความรู้สึกอย่างรุนแรง




ทำไมกัน เพราะอะไร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันควรเป็นไปตามที่เธอคิด พี่ปิงไม่มีใครข้างๆ แล้ว และเธอก็พยายามทำตัวเองให้เป็นแบบที่ปิงชอบมากที่สุด สาวน้อย อ่อนหวาน น่าทะนุถนอม เธอเป็นแบบนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมสิ่งที่ได้กลับมาคือคำปฏิเสธ มันผิดพลาดอะไรตรงไหนกัน



“หรือว่าพี่กลัวมีปัญหากับพี่อาร์ตคะ ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพิมอธิบายเรื่องนี้กับพี่อาร์ตเอง” พิมพยายามส่งยิ้มไปให้ แต่ก้ต้องหุบยิ้มลงทันควัน เมื่อปิงมองมาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะดึงมือของเธอออกจากแขนของเจ้าตัว และขยับถอยห่างออกไปเล็กน้อย



“พี่ไม่ได้กลัวมีปัญหา แต่พี่มีคนที่รักแล้วครับ” ปิงบอกออกไปตามตรงและไม่กล้าสบตาพิมเท่าไหร่นัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคนที่ตัวเองรักคือใคร



“ไม่จริง!!” พิมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองและพึมพำไปมากับตัวเอง แววตาสั่นไหวอย่างรุนแรง มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ปิงจะมีคนในใจ ในเมื่อเธอตามสืบเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมาตลอด เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่มีทางที่มันจะรอดหูรอดตาเธอไปได้เด็ดขาด



“ใคร!! อีนั่นมันเป็นใคร!!” พิมตวาดถามออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว หลุดจากการควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง ตาคู่สวยที่เคยฉายแววอ่อนหวานมาตลอด เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดันอย่างน่ากลัว




ปิงถึงกับผงะถอยหลังออกห่างอีกฝ่ายด้วยความตกใจ กับท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนของพิม มองอีกฝ่ายที่คล้ายคนสติหลุดอย่างหวาดระแวง ก่อนที่แขนสองข้างจะเจ็บไปหมดเมื่ออีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหา และจิกเล็บลงไปบนแขนเต็มแรง



“ตอบพิมมาสิคะว่ามันเป็นใคร!!!” พิมตวาดถามอย่างเกรี้ยวกราด ในหัวคิดถึงผู้หญิงทุกคนรอบๆ ตัวปิงทั้งหมด ในอกมันร้อนรุมเหมือนมีใครเอาไฟมาสุม



“น้องพิม!!” ปิงตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อเรียกสติของอีกฝาย และมันก็ได้ผลเมื่อพิมหยุดอาละวาดและมองปิงอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนักและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นต่อหน้าต่อตาปิง จนปิงที่มองเห็นภาพแบบนั้นอดสงสารไม่ได้ และยื่นมือไปหาอีกฝ่ายเพื่อหมายจะพยุงขึ้นมา



“ไม่ต้อง” แต่แล้วก็มีเสียงที่ห้ามเอาไว้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของอาร์ต



อาร์ตแค่ปรายตามองหน้าปิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปแทรกระหว่างคนทั้งคู่ และเป็นฝ่ายพยุงพิมขึ้นมาแทน จากนั้นก็ขยับถอยห่างออกมา มองไปที่พิมด้วยสายตาว่างเปล่า



“ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่” พิมเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ มองอาร์ตที่มาอยู่ตรงนี้ด้วยความแปลกใจ




“แฟนพี่อยู่ไหนพี่ก็ต้องอยู่ตรงนั้นสิ” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง แต่แววตาที่ใช้มองพิมเต้มไปด้วยความเย็นชา จนแม้แต่ปิงที่ยืนอยู่ด้านหลังยังสัมผัสได้



“แฟน? ใคร?” พิมถามด้วยความไม่เข้าใจมองหน้าอาร์ตเพื่อขอคำตอบ ก่อนจะตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง เมื่ออาร์ตเลื่อนมือไปกุมมือของปิง แล้วยกมันขึ้นจูบพร้อมทั้งส่งยิ้มเยาะเย้ยมาให้



“ไม่จริง!!” พิมตวาดดังลั่นและมองที่อาร์ตกับปิงด้วยแววตาแข็งกร้าว



“อย่าล้อเล่นแบบนี้ มันไม่ตลก และพิมไม่ชอบ!!” พิมส่งเสียงใส่ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดแบบที่ไม่เคยทำให้ใครเห็น แววตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก จ้องมองที่ใบหน้าของอาร์ตอย่างกรุ่นโกรธ



“ถ้าแบบนี้ยังคิดว่าพี่ล้อเล่นอยู่ไหม” อาร์ตว่าแล้วหันไปดึงหน้าปิงเข้ามาประกบจูบ ก่อนจะผละออกและหันมาสบตากับพิมที่มองอย่างตะลึงด้วยท่าทีปกติ เหมือนเรื่องที่เพิ่งจะทำลงไปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ



“กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่จริง!!!” พิมที่ต้องมาเห็นภาพเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ยกมือสองข้างขึ้นปิดหูตัวเองและส่ายหน้าไปมาไม่หยุด ไม่อยากรับรู้อะไรที่อาร์ตพยายามจะบอกทั้งนั้น น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วเริ่มไหลลงมาเหมือนทำนบแตกอีกครั้ง



“จริงสิพิม คนที่ไอ้ปิงรักคือพี่ และพี่ก็ไม่ใช่แค่แฟนแต่เป็นผัว” อาร์ตบอกพิมเสียงเหี้ยม มองภาพทุรนทุรายของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสะใจ




“ไม่จริงใช่ไหมคะพี่ปิง มันไม่จริงใช่ไหม” พิมหันไปสบตาปิงอย่างอ้อนวอน ภาวนาให้สิ่งที่อาร์ตพูดมันเป็นแค่วาจาเลื่อนลอย และเป็นมุกตลกที่ต้องการให้เธอเสียใจแค่นั้น แต่คำขอกลับไม่เป็นผลเพราะปิงไม่ตอบคำถามใดๆ นอกจากหลบสายตาและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง



“กรี๊ดดดดดดดดดดดด...ไม่จริง...ไม่จริง” พิมกรีดร้องโหยหวนออกมาดังก้องไปทั่วบริเวณอย่างใจสลาย ทรุดตัวลงคุดคู้ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ปากพึมพำไปมาด้วยคำเดิมซ้ำๆ



ปิงมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ แต่ไม่ได้คิดจะให้ความช่วยเหลือหรือพูดอะไรออกมา ส่วนอ่านมองทุกอย่างด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนคนไร้หัวใจ ไม่มีแม้กระทั่งความสงสาร เห็นใจ มีความความสะใจที่เห็นคนตรงหน้าเหมือนตายทั้งเป็น



“พี่ทำแบบนี้ทำไม” พิมเอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากที่ร้องไห้อย่างหนักไปพักใหญ่



“พี่คิดว่าทำแบบนี้แล้วพิมจะกลับไปรักพี่เหรอ!!!” พิมหันกลับมาตวาดกร้าวใส่หน้าอาร์ต ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ และหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ



“มันไม่มีทาง เพราะว่าพิมไม่เคยรัก!! และไม่คิดจะรัก!! ไอ้เด็กกำพร้ากระจอกๆ แบบพี่!!”



“แล้วมายุ่งกับพี่ตั้งแต่แรกทำไม!!” อาร์ตตะคอกกลับอย่างดุดัน ทุกคำพูดที่อีกฝ่ายด่าทอออกมา มันเสียดแทงลึกเข้าไปในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออก



“เพราะพี่มันโง่ไง!!” พิมว่าพร้อมกับส่งรอยยิ้มเยาะเย้ย ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



“แต่คนโง่แบบพี่ก็ทำให้พิมเจ็บได้เหมือนกัน” อาร์ตเองก็เฉือดเฉือนคำพูดกลับไปอย่างเจ็บแสบ แต่พิมกลับไม่แสดงออกการโกรธเกรี้ยวออกมาอีกนอกจากยิ้มรับ



“คิกๆๆ” พิมหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน จนทำให้อาร์ตกับปิงต้องมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ



“ไม่เป็นไรนะคะพี่ปิง ยังไงพิมก็รับในสิ่งที่พี่เป็นได้ และพิมจะทำให้พี่เป็นของพิมนะคะ” พิมพูดเสียงอ่อนหวานกับปิง พร้อมทั้งเดินมาจับหน้าของเจ้าตัวแผ่วเบา แสดงความรักใคร่ที่ทำให้ปิงถึงกับผงะและถอยหลังหนีในทันที เพราะเหมือนมีสัญญาณอันตรายอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายส่งออกมา



“ส่วนพี่” พิมตวัดกลับมาหาอาร์ต สายตาที่ใช้มองเต็มไปด้วยความแค้นเคือง



“แล้วพี่จะเสียใจที่ทำแบบนี้กับพิม!!!” พิมพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอาฆาต และส่งสายตาจงเกลียดจงชังไปให้อาร์ต ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าและเดินจากไป



อาร์ตมองตามหลังอดีตคนรักด้วยความไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แววตาและน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้เมื่อครู่ มันไม่ใช่แค่น้ำเสียงของคนที่โกรธเคืองกันธรรมดา แต่มันเป็นเสียงที่คนใช้เวลาเกลียดกันอย่างแท้จริง รวมทั้งคำพูดทิ้งท้ายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา มันทำให้อาร์ตเริ่มคิดไม่ตก



“สะใจมึงหรือยัง” เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้อาร์ตหลุดจากความคิดของตัวเอง และหันกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้นทันที



“กูถามว่ามึงสะใจแล้วหรือยัง” ปิงเอ่ยปากถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอาร์ตยังยืนเงียบ



“กู...กู...” อาร์ตออกอาการอึกอัก พยายามคิดหาคำพูดเพื่อที่จะตอบคำถาม แต่จนแล้วจนรอดก้หาไม่ได้ สุดท้ายเลยต่องยื่นนิ่งเงียบเหมือนเดิม



“ถ้าสะใจแล้วก็พอ...อย่าให้กูผิดหวังกับมึงไปมากกว่านี้เลย” ปิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ชัดเจนในทุกคำพูด สายตาที่มองอาร์ตมันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก




“กูขอ...”




“อย่าพูดคำนั้น เพราะกูไม่ได้อยากได้ยิน และกูไม่ได้โทษมึง” ปิงพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อรุ้ว่าอาร์ตจะพูดอะไรออกมา



“ถ้ารู้สึกผิดจริงก็พอได้แล้ว...กูไม่อยากเสียเพื่อนของกูไป” ปิงพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านอาร์ตไป ทิ้งให้อาร์ตยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่เริ่มพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง




‘เขาควรจะยิ้ม ควรจะหัวเราะ ควรมีความสุขกับชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมกันนะมันถึงได้มีแต่ความรู้สึกเกลียดตัวเองอยู่เต็มไปหมดแบบนี้’



...

...



“มีอะไร” อาร์ตเอ่ยปากถามขึ้นในทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย




           “เข้ามาข้างในก่อนสิคะ” พิมส่งยิ้มหวานให้อาร์ต และเปิดประตูบ้านให้พร้อมกับเดินนำเข้าไป ซึ่งอาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตามเข้าไปข้างในอย่างไม่อิดออด



ตั้งแต่เกิดเรื่องราวในวันนั้นอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไปมาก พิมคอยตามตื้อปิงตลอดเวลาและหาเรื่องอาร์ตได้ในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส แถมนิสัยใจคอยังเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ต่างกับที่ทุกคนเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง




พิมกลายเป็นผู้หญิงปากร้าย ขี้โมโห และดูน่ากลัวในบางเวลา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อฟาดฟันกับอาร์ตในการแย่งปิง ทั้งๆ ที่อาร์ตเองก็ไม่ได้คิดจะวุ่นวายอะไรด้วยแล้ว พอทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจนึกพิมก็จะอาละวาด ล่าสุดคือการประกาสกร้าวไปทั่วว่าที่อาร์ตกับตัวเองเลิกกัน เพราะอาร์ตเป็นเกย์แอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง และมันทำให้ความสัมพันธ์ของอาร์ตกับคนรอบข้างแทบจะดิ่งลงเหว




ในขณะที่อาร์ตเริ่มจะปลงตกกับชีวิต อยู่ๆ เบอร์โทรศัพท์ที่เคยหายไปนานก็มีสายโทรเข้ามา และนัดเขาออกมาเจอที่บ้านเพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง ซึ่งอาร์ตก็ยินยอมพร้อมใจมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เพราะอยากจะจบเรื่องบ้าๆ ที่ตัวเองเป็นคนก่อนขึ้นนี่สักที



“เข้าไปคุยกันในห้องเถอะค่ะ” พิมเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกและเดินนำเข้าไป อาร์ตมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมตามเข้าไป เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบพิมคงทำอะไรเขาไม่ได้



“นี่มันอะไร” อาร์ตถึงกับครางออกมาอย่างตกตะลึงในลำคอ เมื่อได้เห็นภายในห้องนอนของพิมเป็นครั้งแรก สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างเหลือเชื่อ ขนในกายทุกเส้นลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ นี่สินะเหตุผลที่ตลอดเวลาอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าห้องนอนของตัวเอง



“เห็นแล้วใช่ไหมคะ” พิมถามเสียงราบเรียบก่อนจะเดินลงไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน และหยิบรูปภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาตระกองกอดอย่างหวงแหน



“พี่เห็นความรักที่พิมมีให้พี่ปิงแล้วใช่ไหมคะ” พิมบอกอาร์ตด้วยสายตาที่เลื่อนลอยพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆให้




“นี่มันผิดปกติแล้ว” อาร์ตแย้งออกมาทันที มองสิ่งของในห้องนอนของพิมด้วยความขยะแขยง เพราะแทบจะทุกตารางนิ้วมันมีรูปของปิงในอิริยาบถต่างๆ แปะกระจายอยู่เต็มไปหมด



“ไม่!! พิมไม่ได้ผิดปกติ พี่นั่นแหละผิดปกติ!! ไอ้เกย์โรคจิต” พิมตวาดเสียงดุดันจ้องมองอาร์ตด้วยแววตาแข็งกร้าว



“ทำไม...ทั้งๆ ที่พิมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบที่พี่ปิงชอบ แต่ทำไมพี่ปิงยังไม่เป็นของปิง ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่...เพราะพี่นั่นแหละ!!” พิมพึมพำกับตัวเองไปมาซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะหันมาตวาดใส่อาร์ตเสียงกร้าว ซึ่งทุกอย่างเปลี่ยนเร็วไปมาชนิดที่อาร์ตตามไม่ทัน เขาไม่รู้ว่าพิมเป็นอะไรแต่อาการแบบนี้มันเหมือนคนมีอาการทางจิต



“พี่อาร์ต...” อยู่ๆ พิมก็มีท่าทีที่อ่อนลง และเรียกอาร์ตเสียงหวาน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าหาอาร์ตและคว้าเอาแขนอีกฝ่ายขึ้นมาจับ



“พี่คืนพี่ปิงให้พิมนะคะ...อย่าแย่งพี่ปิงไป” พิมจับฝ่ามือใหญ่ของอาร์ตขึ้นแนบแก้ม ซึ่งอาร์ตที่มองการกระทำเหล่านั้นได้แต่ยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะตอบอะไรออกไป เพราะไมรู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไร และนั้นมันทำให้พิมไม่พอใจ



“โอ๊ย!!” อาร์ตถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่ออยู่ๆ พิมก็จิกเล็บลงมาบนเนื้อและกอดแขนเอาไว้แน่นพยายามสะบัดออกก็ไม่หลุด ทั้งๆ ที่พิมตัวเล็กนิดเดียวแต่ตอนนี้กลับเอาแรงมากมายพวกนี้มาจากไหนไม่รู้




“ตอบมาสิคะ ว่าพี่จะเลิกยุ่งกับพี่ปิง...ตอบสิคะ” พิมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แววตาที่ใช้มองกลับแข็งกร้าว ดุดัน ขู่บังคับ



“พี่ว่าพิมต้องไปหาหมอ...พี่จะบอกพี่ชาติให้” อาร์ตกระชากแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพิมได้สำเร็จ และหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทันที เพราะไม่อยากจะอยู่ในห้องที่ชวนสะอิดสะเอียนมากไปกว่านี้



“หยุด!! ถ้าพี่ไม่หยุด พิมยิงแน่” แต่แล้วอาร์ตก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงเรียกแข็งกร้าวผสมขู่บังคับจากพิม และทันทีที่หันกลับไปหัวใจของเขาก็แทบจะหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม ตีรันฟันแทงมาก็เยอะแต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้เผชิญหน้ากับปืน




“พิมจะทำอะไร...วางลงเดี๋ยวนี้นะ” อาร์ตสั่งเสียงเข้ม แต่นอกจากพิมจะไม่ฟังยังจงใจเล็งเข้าที่หัวของอาร์ตด้วยซ้ำ



“ตอบมา!!! รับปากกับพิมมา ว่าพี่จะเลิกยุ่งกับพี่ปิง!!!” พิมตวาดลั่น น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเต็มไปหมด พร้อมๆ กับที่ปืนในมือปัดป่ายไปมาอย่างน่ากลัว



“ใจเย็นๆ นะพิม พี่รับปาก พี่จะไม่ยุ่งกับไอ้ปิงอีก วางปืนนะครับ” อาร์ตพยายามเกลี่ยกล่อมพิมให้ใจเย็น ตอนนี้หัวใจเต้นรัวไปหมด ความรู้สึกกดดันกำลังถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรต่อ



“จริงๆ นะคะ พี่รับปากพิมนะ” พิมส่งยิ้มหวานให้อาร์ตพร้อมกับลดปืนในมือลง ซึ่งนั้นมันทำให้อาร์ตหายใจออกมาอย่างโล่งอก




“ส่งปืนมาให้พี่นะ” อาร์ตบอกอย่างอ่อนโยนและเขยิบเข้าไปใกล้พร้อมทั้งยื่นมือไปขอปืนจากพิม ซึ่งพิมเองก็ยื่นให้แต่โดยดี



แต่ในวินาทีที่ปืนสัมผัสลงบนมืออาร์ตพิมก็กระชากตัวของอาร์ตเข้าหาเต็มแรง พร้อมๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และรอยยิ้มร้ายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน



“จะทำอะไร” อาร์ตถามขึ้นด้วยความตกใจ มองฝ่ามือของตัวเองที่จับอยู่บนปืนพร้อมกับมือของพิมด้วยใจระทึก พยายามจะสะบัดออกหลุดแต่ก็ไม่สำเร็จ และไม่กล้าที่จะใช้แรงในการยื้อแย่ง เพราะท่วงท่าในตอนนี้มันเสี่ยงที่จะเกิดปืนลั่นได้ง่ายๆ



“พิมบอกแล้วว่าพี่มันโง่ ในเมื่อพี่ปิงไม่รักพิมและพิมไม่มีความสุข คนแบบพี่ก็ไม่ควรจะมีเหมือนกัน!!” พิมพูดเสียงเหี้ยมและแสยะยิ้มใส่อาร์ตอย่างน่ากลัว ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ



“พิมบอกแล้วใช่ไหมคะว่าพี่จะต้องเสียใจที่ทำแบบนั้นกับพิม” พิมพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน




ปัง!!!!!



“พิม!!!”



เสียงปืนที่ดังก้องกัมปนาทในห้องนอนเล็ก กลิ่นเขม่าดินปืนและกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้ง เสียงร้องตะโกนโวยวายจากคนรอบข้าง และร่างเล็กของหญิงสาวที่ค่อยๆ ทรุดตัวลงต่อหน้า รอยยิ้มแห่งชัยชนะที่ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ทุกอย่างคือจุดเริ่มต้นของนรกในใจที่หนักอึ้งเหมือนปืนที่อยู่บนมือในวันนั้น







2 Be Con...



++++++++++++++++

ตอนหน้ากลับไปหาปัจจุบันกัน

กลับไปหามุมมองคนอื่นๆ ในเรื่องที่เกิดขึ้น

พร้อมกับเหตุการณ์เพิ่มเติมจากปากเฮีย

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล. ความรักมัธยมใครบอกว่าใสๆวัยขบเผาะ


ปลล.รองจากแฮ็คพิมคือตัวละครที่คนเขียนรัก
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 34 (28/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 28-07-2016 11:38:06
เอาความรู้สึกแรกเลยนะ โคตรสะใจ โหยซูฮกอาร์ตเลย เป็นการแก้แค้นที่แซ่บมากๆๆๆๆ
ความรู้สึกถัดมา เจ็บไปกับปิง เอ....เหมือนจะเจ็บกว่าไหม???555+
แลดูปิงชิลๆไม่โกรธไรอาร์ตมากมาย แต่ถ้าทำใจได้ก็เป็นผลดีกับตัวปิงเองอ่ะเนอะ^^
ความรู้สึกสุดท้าย โอ้!!! อินี่มันคนบ้านี่หว่า กำๆๆๆๆๆเฮียเราเจอะคนบ้าเบอร์นี้เข้าไป
เฮ้อ ทำได้แค่ถอนใจสงสารจริงๆค่ะ
แล้วอิตาพี่ชาตินี่จะมาโกรธมาแค้นอะไร????
ไม่รู้หรอไงว่าพิมมันบ้า หรือว่าป่วยพอๆกันกับยัยคนน้อง โกรธแทนเฮียค่ะ^^



หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 34 (28/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2016 18:15:07
 :katai1: :katai1: :katai1:  เอ่มมม น้องจะว่าไงหว่า คงทำใจไม่ได้แน่ๆเลย เฮ้ออ เป็นใครกผ้คงขอเวลาแระ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 34 (28/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2016 22:43:52
ตามอ่านทันแล้วตั้งแต่เรื่องพี่ปอ น้องเลิฟ จนถึงพี่อาร์ต น้องพีท สนุกมากเรื่องน่าติดตาม :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 29-07-2016 14:40:29
กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 35 -


Part ต้น


                เพราะหัวใจรักบริสุทธิ์ในวันวานถูกตอบแทนด้วยความผิดหวังและคำหลอกลวง อาร์ตจึงเลือกจะสะท้อนความเสียใจทั้งหมดของตัวเองด้วยการเอาคืน วันนั้นเขาตัดสินใจขว้างก้อนหินที่เรียกว่าความเสียใจออกจากตัวเองจนสุดแรง โดยที่ไม่ได้คิดว่าสุดท้ายแล้วก้อนหินก้อนนั้นก็ต้องตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง ซ้ำร้ายยิ่งกว่าคือจุดที่หินหล่นลงมากระทบมันคือผืนน้ำ ยิ่งแรงตกกระทบมากเท่าไหร่ น้ำยิ่งกระจายออกเป็นวงคลื่นมากขึ้นเท่านั้น


                เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะความแค้นเคืองจากเรื่องเล็กๆ ที่เรียกได้ว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง นำพาความเจ็บปวดให้แตกกระจายเป็นวงกว้าง หลายคนต้องเจ็บปวดแต่ที่มากไปกว่านั้นคือการสูญเสีย พิมผิดที่ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคนที่เลวที่สุดคือตัวของเขาเอง



                ภาพของวันวานยังคงสะท้อนอยู่ในความทรงจำไม่เลือนหาย ใบหน้าเจ็บปวดของปิง แววตาโกรธแค้นของชาติ เสียงร่ำไห้เหมือนใจจะขาดของครอบครัวพิม สายตาผิดหวังจากแม่ครูที่เป็นดั่งผู้ให้กำเนิด และรอยยิ้มสะใจสุดท้ายจากพิม มันยังคงวนเวียนตอกย้ำอยู่ซ้ำๆ




แม้หลายคนจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขากับการตายของพิม เขาเองก็อยากจะหลอกตัวเองแบบนั้นว่ามันไม่ใช่ แต่ในส่วนลึกของหัวใจเขารู้ดีว่าหลอกตัวเองไม่ได้ ถ้าเขาเลือกที่จะยอมรับความผิดหวังและเป็นผู้แพ้แต่โดยดีในวันนั้น  วันนี้ เวลานี้ ก็คงจะไม่มีใครสูญเสีย ไม่มีใครเสียใจ และคงไม่ได้เห็นสายตาผิดหวังจากคนที่เขารักอีกครั้ง



สายลมเย็นรอบข้างยังคงพัดผ่านผิวกายเอื่อยๆ แสงจากพระอาทิตย์ที่เลื่อนคล้อยต่ำใกล้ลาลับขอบฟ้า เสียงกิ่งไม้เสียดสีปลิวไสวหยอกล้อกับสายลมยังคงส่งเสียงให้ได้ยินเป็นระยะ ท่ามกลางความเงียบไร้คำเอื้อนเอ่ยใดๆ จากผู้รับฟังที่อยู่ตรงนั้น สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าของอาร์ตรับรู้ในสิ่งที่เขาบอกเล่า คือสีหน้าเจ็บปวดและแววตาผิดหวังที่ส่งผ่านอย่างไม่มีปิดบัง




“พีท...” อาร์ตเค้นเสียงจากลำคอเพื่อเรียกอีกฝ่ายแล้วยื่นมือเข้าหา แต่ก็ต้องหยุดชะงักและไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าเรียก เมื่ออีกฝ่ายขยับกายถอยห่างและมองกลับมาด้วยแววตาแบบที่เขากลัวไม่มีผิด แววตาผิดหวัง เจ็บปวด สับสน ไม่เชื่อใจ ทั้งๆ ที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสุดท้ายต้องเจอกับอะไรแบบนี้ แต่พออยู่ในสถานการณ์จริง สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เจอมันต่างกันลิบลับ ความเจ็บปวดมันต่างกันราวฟ้ากับเหว



“อ่ะ...คือ...” พีทส่งเสียงอึกอักออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะขยับถอยหนี แต่ร่างกายมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีมือของอาร์ตก็ถูกเจ้าตัวชักกลับไปแล้ว พร้อมกับแววตาเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมองกลับมา



“กูไปรอที่รถ” ปิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นตัดสินใจเอ่ยแทรกขึ้นมา ยื่นฝ่ามือไปตบลงบนไหล่ของอาร์ตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ และหันมาส่งยิ้มให้พีท ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อให้ทั้งคู่ได้เคลียร์กัน



พีทได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ของปิง ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับอาร์ต และก้มหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ได้รับรู้อย่างกะทันหันมันทำให้เขามองหน้าอาร์ตตรงๆ ไม่ได้ ความรู้สึกภายในตอนนี้มันหลากหลายและพันกันจนแยกไม่ออก แต่ที่มากไปกว่านั้นคืออาร์ตสำหรับเขาตอนนี้เหมือนคนแปลกหน้าไม่มีผิด



เรื่องราวในอดีตของอีกฝ่ายมีผลกระทบต่อความรู้สึกของเขาในตอนนี้พอสมควร สมองเขารับรู้ทุกอย่างว่าเรื่องที่เล่ามาคือเรื่องราวในอดีต แต่จะให้เขาทำใจยิ้มรับได้เหมือนไม่มีอะไรเขาคงทำให้ไม่ได้ ไหนจะเรื่องของปิงที่มันเกี่ยวโยงกับอาร์ตมากกว่าที่เขาคิด และที่สำคัญมากกว่านั้นเขาไม่แน่ใจในความรู้สึกระหว่างอาร์ตกับปิง เขายอมรับว่ามันสับสนจนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ



“กลับห้องเลยไหม? เย็นแล้ว” อาร์ตถามขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆ ที่ดูฝืนเต็มทนไปให้พีท




“วันนี้จะกลับไปนอนบ้าน” พีทส่ายหัวและพึมพำบอกแผ่วเบา แต่อาร์ตที่ได้ยินแบบนั้นเหมือนมีใครเอามือมาบีบคอไว้ไม่มีผิด จุกจนหายใจแทบไม่ออก



“แค่กลับไปนอนใช่ไหม” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ในลำคอแห้งผากแทบจะกลายเป็นผง สายตาที่ใช้มองหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความทรมานและขอร้อง ขออย่าให้คนตรงหน้าตัดสินใจอะไรแบบที่เขากลัวก็พอ



“ไม่รู้...” พีทพึมพำตอบแผ่วเบาด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากกระซิบในครั้งแรก และก้มหน้างุดไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากับอาร์ต และการกระทำเหล่านั้นทั้งหมดมันทำให้อาร์ตปวดใจ



“งั้นพี่ไปส่งนะครับ” อาร์ตเอ่ยปากอาสาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ปกติที่สุด



“อือ” พีทเงยหน้าขึ้นสบตากับอาร์ตเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า และส่งเสียงตอบรับเบาๆ ในลำคอ ซึ่งนั้นมันทำให้อาร์ตยังพอยิ้มออกมาได้บ้าง เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าพีทไม่ได้ตัดรอน แค่อาจจะขอเวลาคิด



“เดี๋ยวไปรอที่รถนะ” พีทบอกและตั้งท่าจะเดินหนีทันที เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงให้กับบรรยากาสแบบนี้



“ครับ” อาร์ตตอบรับแผ่วเบาพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ แม้ว่ามันจะดูฝืนเต็มทนแล่วก็ตามที



พีทมองรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายที่ได้รับมาตลอดด้วยความรู้สึกผิด เพราะไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องพยายามมากแค่ไหนที่จะส่งยิ้มออกมา ในอกมันไหววูบและสั่นอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบ ทำไมต้องยิ้มออกมาทั้งๆ ที่รุ้สึกแย่ เขาไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ และรอยยิ้มในตอนนี้มันคือรอยยิ้มที่จะสื่ออะไรกันแน่




พีทมองอาร์ตที่ไม่ว่าอะไรก็ยิ้มด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปในทันที เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความโมโหที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเป็นเพราะอะไร เพราะเรื่องราวในอดีตของอีกฝ่าย เพราะความรู้สึกระหว่างปิงกับอาร์ตที่ยังคลุมเครือ หรือเป็นเพราะรอยยิ้มแสนทรมานของอีกฝ่ายเมื่อกี้กันแน่ เขาไม่รู้เลย...ไม่รู้จริงๆ



แปะ แปะ แปะ



เสียงปรบมือที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับการปรากฏตัวของชาติ ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับอาร์ตเท่าไหร่ นอกจากการหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายตรงๆ



“แมนจริงๆ เล่าซะหมดเปลือก ถามจริงมึงไม่อายกับความระยำของตัวเองเหรอวะ” ชาติพูดใส่หน้าอาร์ตด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างเต็มที่ สายตาที่ใช้มองอดีตรุ่นน้องคนสนิทเต็มไปด้วยความเกลียดชัง



“แต่ดูท่าความแมนของมึงจะไม่ค่อยดีว่ะ อย่างว่าแหละใครมันจะรับคนเหี้ยๆ ได้” ชาติยังคงพูดจาเยาะเย้ยไม่หยุด และมองอาร์ตอย่างสมเพช




อันที่จริงเขายืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว ไม่ได้สะกดรอยตามอะไรแบบนั้นหรอก แค่วันนี้คือวันครบรอบวันตายของน้องสาวเขา และเขาก็จะมาอยู่กับน้องจนฟ้ามืดแบบนี้ประจำ แถมยังได้กระทืบอาร์ตในทุกๆ ปีเพราะอีกฝ่ายต้องมาไหว้ศพ แต่ปีนี้เขาเลือกที่จะไม่อาละวาดและรอดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆ ซึ่งมันสร้างความสะใจกับเขาที่สุด




เขารอมานานแล้ว รอวันที่อาร์ตจะรักใครสักคน และโดนปฎิเสธเหมือนที่น้องเขาโดน หน้าตาบิดเบี้ยวทรมานของอาร์ตคือสิ่งที่เขารอคอย ในเมื่อน้องเขาตามแบบไม่มีความสุข อาร์ตเองก็จะอยู่แบบมีความสุขไม่ได้เหมือนกัน



“พี่ไม่เหนื่อยเหรอวะ” อาร์ตที่ยืนนิ่งเงียบฟังคำถากถางมานานเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเหนื่อยใจ หลายคนบอกให้เขาทำร้ายชาติเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เลิกวุ่นวาย แต่เขาไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ เพราะการที่ชาติเป็นแบบนี้มันคือหนึ่งในความผิดของเขา เป็นความรับผิดชอบที่เขาต้องทนและก้มหน้ารับ



“ผมไม่ได้อะไรหรอกนะที่พี่จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมแค่อยากรู้ พี่ไม่เหนื่อยเหรอวะ ทำไมผมเหนื่อยวะ” อาร์ตบอกแค่นั้นแล้วหันหลังเดินหนีไปจากตรงนั้นทันที ที่พุดไปเมื่อกี้เขาพูดจากใจจริง ไม่ใช่จะหนีจากความผิดที่ก่อไว้ แต่ว่าเขาเหนื่อย เหนื่อยกับทุกอย่างที่มันดูเหมือนวนเวียนไม่จบไม่สิ้น และเขาอยากให้ชาติเลิกวนเวียนกับมัน ไม่ใช่เพื่อเขาจะได้รู้สึกดีขึ้นแต่มันเพื่อตัวของชาติเองทั้งนั้น ไม่ว่าชาติจะหยุดหรือไม่หยุดยังไงเขาก็ต้องอยู่กับนรกที่ตวเองสร้างไปทั้งชีวิตอยู่ดี



คิดๆ ไปแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ทำตัวเป็นพระเอกแต่ตอนนี้เหมือนจะตายซะให้ได้ เจ็บจนตื้อไปหมด แค่สายตาผิดหวังที่พีทมองมา ก็เหมือนน้องเอาดาบตัดคอโดยที่ไม่ต้องพุดแล้ว นึกถึงคำพูดของอ้นที่เคยเหน็บแหนมให้ได้ยินบ่อยๆขึ้นมาทันที เขานี่มันทำตัวเป็น ‘พระเอกโง่ๆ’ ส่วนพี่ชาติก็ ‘ตัวร้ายปัญญาอ่อน’ จริงๆ แต่ไหนๆ เขาก็โง่แล้ว พีทจะเห็นใจและให้โอกาสคนโง่ๆ แบบเขาไหม



>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-07-2016 14:45:23
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-07-2016 16:29:45
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-07-2016 16:30:51
ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มา ใช้แต่ตัวนี้แหละ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: บี๋ย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-07-2016 21:33:57
 พี่ชาติมึงก็เนอะไม่เหนื่อยบ้างงัย o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 29-07-2016 23:21:22
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว
เราขอสารรูปเราอ่านคำด่าแล้วแปลไม่ออก 55
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 01-08-2016 11:31:16
กัดครั้งที่
- 35 -

Part จบ


รถยนต์คันหรูของปิงเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ ตามถนนในหมู่บ้าน ก่อนจะจอดนิ่งและดับเครื่องยนต์ลงที่หน้าบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง โดยที่ตลอดระยะเวลาการเดินทางไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างผู้ร่วมโดยสารทั้งสิ้น ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง



“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” พีทพูดขอบคุณเสียงเบา ซึ่งนับว่าเป็นประโยคพูดคุยประโยคแรกหลังจากเงียบมานาน เจ้าตัวยกมือไหว้คนอายุมากกว่าทั้งคู่ และจัดการเปิดประตูรถลงไปโดยไม่คิดจะลีลาหรือพูดอะไรมากกว่านั้น



อาร์ตถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอึ้ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถและเดินตามลงไป มือหนาคว้าเอาแขนเล็กไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหายเข้าไปในประตูรั้วบานใหญ่ จากนั้นกระตุกมันเบาๆ เพื่อให้เจ้าตัวหันกลับมาเผชิญหน้า



ปี้นๆ



แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน เสียงบีบแตรรถที่ดังจากทางหน้าบ้านก็เรียกความสนใจออกไปแทน พร้อมกับกระจกรถหรูที่เลื่อนลงและใบหน้าของเจ้าสัวพิชิตที่ยื่นออกมาส่งยิ้มให้



“สวัสดีครับ” อาร์ตยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเบาๆ



“มายืนทำอะไรกันตรงนี้ เข้าไปคุยในบ้านสิ” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากชวนและเลื่อนกระจกรถปิด พร้อมกับรถที่เคลื่อนตัวเข้าบ้านไป



“เดี๋ยวตามเข้าไป พี่ไปบอกไอ้ปิงก่อน” อาร์ตยกมือขึ้นลูบหัวพีทเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับหงอยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน



อาร์ตมองตามและยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาปิงที่รถ เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเขาจะเข้าไปข้านบ้านสักพัก แต่พอเดินมาถึงรถก็เห็นปิงคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด  เขาเลยแค่เคาะกระจกรถและส่งสัญญาณมือบอกอีกฝ่ายว่าจะเข้าไปด้านใน ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับรู้และจดจ่ออยู่กับการคุยโทรศัพท์ ที่ดูท่าแล้วน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างกับคนในสายแน่ๆ



อาร์ตทิ้งให้ปิงที่ดูจะอิจฉาเขาด้วยการมีปัญหาเป็นของตัวเองไว้เบื้องหลัง แล้วรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนาน ก่อนจะยกมือไหว้อีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าสัวพิชิตนั่งรออยู่แล้ว



“ไหว้พระเถอะ นั่งลงคุยกันก่อนสิ” เจ้าสัวพิชิตยกมือรับไหว้และเชื้อเชิญให้อาร์ตนั่งลงเพื่อคุยกัน ซึ่งอาร์ตเองก็เลือกนั่งลงโซฟาตัวใกล้ๆ กับที่พีทนั่งอยู่



“เป็นไงมาไงล่ะถึงได้มากันซะดึก” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากถามเรียบเรื่อยพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ ตาของท่านก็มองใบหน้าลูกชายเพียงคนเดียวกับเพื่อนรุ่นพี่ด้วยความแปลกใจ ยิ่งเห็นใบหน้างอง้ำเหมือนโดนใครขัดใจของพีท ท่านยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าคงต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้หอบกันมาบ้านท่านดึกดื่นแบบนี้



“พอดีน้องพีทเขาคิดถึงบ้านนะครับ” อาร์ตตอบพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่รู้สึกเป็นกังวลไปด้วย




“ฮ่าๆ เจ้าพีทมันคิดถึงบ้าน หรือว่าเราไปขัดใจอะไรเข้า เลยงอแงกลับมาบ้านกันแน่” เจ้าสัวพิชิตพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ เอื้อมมือไปขยี้หัวของพีทที่นั่งใกล้ๆ จนฟูฟ่อง



“อะไรเล่าป๊า!!! อยากกลับมานอนเองเหอะ คิดถึงไม่ได้หรือไง” พีทโวยวายออกมาเสียงดัง ใบหน้างอง้ำอย่างขัดใจ ก่อนจะกอดคนเป็นพ่อแน่นแล้วเอาหน้าซุกอกอยู่แบบนั้น




“ถ้าไม่มีปัญหา หน้าอย่างเราจะกลับมาบ้านเหรอ” เจ้าสัวพิชิตยกมือกอดลูกชายเบาๆ แล้วมองด้วยสายตาเอ็นดู




“ชิ...แล้วทำไมป๊าไม่คิดว่าไอ้พี่อาร์ตมันสร้างปัญหาให้ จนผมต้องหนีกับมานอนบ้านบ้างล่ะ” พีทว่าเสียงอู้อี้แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาใคร




“จริงเหรอเจ้าอาร์ต แกล้งลูกชายลุงจนมันหนีกลับบ้านเหรอ” เจ้าสัวพิชิตแกล้งหันมาถามอาร์ต แต่คำพูดแฝงด้วยความติดตลก ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พีทพูดเลยสักนิด เพราะท่านรู้ดีว่าลูกชายท่านนิสัยเป็นยังไง




“ก็ทำให้น้องโกรธจริงๆ ล่ะครับ” อาร์ตยิ้มจืดๆ และพูดออกไปในสิ่งที่รู้กันแค่สองคนกับพีท แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะชอบใจได้จากเจ้าสัวพิชิตไม่หยุด



“อุตส่าห์ฝากฝังให้ช่วยดัดนิสัยไม่โตสักทีของเจ้าพีท ทำไมกลายเป็นยอมตามใจและให้ท้ายลูกลุงอีกคนซะล่ะ” เจ้าสัวพิชิตว่าพร้อมหัวเราะออกมาไม่หยุด เรียกรอยยิ้มจางๆ จากอาร์ต และอาการค้อนตาคว่ำจากพีทได้เป็นอย่างดี



“พี่มันไม่เคยตามใจเลยเหอะ ป๊าอย่าเข้าข้างได้ป่ะ” พีทว่าเสียงสะบัดและซุกหน้าลงกับอกของพ่ออีกครั้ง




“ทำใจหน่อยนะที่ต้องมาเป็นพี่ชายคนไม่รู้จักโตแบบเจ้าพีทมัน” เจ้าสัวพิชิตพูดต่อเรื่อยๆ พร้อมรอยยิ้ม แต่เหมือนยื่นมือมาบีบคอทั้งอาร์ตและพีทพร้อมๆ กันไม่มีผิด




“ครับ” อาร์ตตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน แต่ยังคงพยายามรักษาความนิ่ง และส่งยิ้มออกไปเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ



“ไม่ได้อยากให้มาเป็นพี่ชายซะหน่อย ให้พี่ไมล์มันเป็นไปคนเดียวก็พอแล้ว” พีทพึมพำประท้วงออกมาเสียงแผ่วเบา รู้สึกจุกอกไม่น้อยเหมือนกันกับคำพูดของพ่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับฟังเฉยๆ



“ไปรบกวนพี่เขาขนาดนั้น ไม่ให้เป็นพี่ชาย แล้วจะใหเขาเป็นอะไร… อย่าถือสาลูกลุงเลยนะ” ประโยคแรกเจ้าสัวพิชิตพูดกับลูกชายด้วยความระอา ก่อนจะหันมาบอกอาร์ตอย่างเกรงใจ เพราะรู้ว่าลูกชายไปรบกวนอีกฝ่ายเอาไว้มาก โดยที่ไม่ได้สักเกตุอาการกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นเลยสักนิด



“เอาเถอะ ว่าแต่ตกลงจะนอนนี่ใช่ไหม” เจ้าสัวพิชิตเปลี่ยนมาถามไถ่แทน และเลิกสนใจเหตุผลที่พีทกลับมานอนบ้าน ซึ่งพีทก็พยักหน้ารับหงึกงักในกับแผ่นอก



“แล้วเราล่ะ จะนอนนี่ด้วยกันไหมหรือกลับหอ” เจ้าสัวพิชิตหันมาถามอาร์ตอีกคนด้วยความเป็นห่วง



“ไม่ล่ะครับ ผมคงกลับไปนอนหอ” อาร์ตตอบพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเจ้าสัวพิชิตก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของท่าน



“งั้นลุงขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ งานที่บริษัทยุ่งจริงๆ เมื่อไหร่เจ้าพีทจะเรียนจบก็ไม่รู้ จะได้มาช่วยงานสักที ลูกชายคนเดียวหวังว่าฝากผีฝากไข้ได้บ้างล่ะนะ” เจ้าสัวพิชิตบ่นออกมาพร้อมหัวเราะในลำคอ มือก็เอื้อมไปขยี้หัวลูกชายจนยุ่งไปหมด



“บ่นอีกละป๊า รีบไปพักเลย” พีทว่าหน้าบึ้ง มือก็ดันพ่อให้เดินไปเร็วๆ



“เออๆ ไอ้ลูกคนนี้ คุยกันดีๆ ล่ะ” เจ้าสัวพิชิตเขกหัวพีทหนึ่งทีเป็นการสั่งลาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินไปและทิ้งให้อาร์ตกับพีทอยู่ด้วยกันสองคน ท่ามกลางความอึดอัดที่เกิดขึ้นมาในทันที



“เอ่อ...คือ…” พีทอึกอักในลำคอ พยายามหาคำพูดเพื่อคลายความตึงเครียด แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่ออาร์ตพูดสวนขึ้นมาซะก่อน



“พรุ่งนี้ให้พี่มารับไหม” อาร์ตถามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก



“อือ” พีทตอบรับเสียงเบาและสบตาอาร์ตเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาหลบไปมองอย่างอื่น



“ให้พี่มารับไหม” อาร์ตยังคงถามต่อด้วยท่าทางปกติ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการส่ายหัวปฏิเสธจนผมกระจายจากพีท ทำให้อาร์ตต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ



“งั้นพี่กลับก่อนนะ” อาร์ตบอกและลุกขึ้นยืนทันที เพราะไม่อยากนั่งตรงนี้นานๆ กลัวว่าจะยิ่งทำให้เกิดความอึดอัดระหว่าตัวเองกับพีทมากขึ้น



“กลับดีๆ นะ” พีทพึมพำบอกแผ่วเบาและช้อนตามองอาร์ตด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็ไม่ได้จะอยากทำแบบนี้แต่ว่าเขายังไม่พร้อมจริงๆ



“ถึงห้องเดี๋ยวพี่ข้อความมาบอก” อาร์ตว่าและยื่นมือมาลูบแก้มเนียนของพีท ก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินออกจากตรงนั้น ใจจริงเขาอยากโทรมากว่าส่งข้อความ แต่อีกฝ่ายคงยังไม่พร้อมจะคุยกับเขาตอนนี้ ได้แค่นี้ในเวลาแบบนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว



พีทมองตามแผ่นหลังกว้างของอาร์ตด้วยความเหงาหงอย ก่อนจะพรู่ลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด ในหัวมีความคิดวิ่งชนกันให้วุ่นวายไปหมด จนสุดท้ายเจ้าตัวต้องสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่านออกไป แล้วก้าวขาเดินกลับห้องนอนที่นานๆ จะกลับมานอนสักครั้ง ด้วยสภาพของหัวใจที่หนักอึ้ง และความอ้างว้างที่เกิดขึ้นมาแบบที่ไม่เคยเป็น นานขนาดไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้นอนคนเดียวแบบนี้










อาร์ตเดินลากขากลับอแกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยสภาพซังกะตาย ก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดสนิทอยู่ไม่ไกล จัดการเปิดประตูแล้วเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง




“ไงมึง โดนอะไรมา” ปิงหันมาถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับความขำที่ได้เห็นสภาพใกล้ตายของอาร์ต นานทีปีหนจะได้เห็นสักครั้ง จนอยากยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก



“ยังไหว มึงเหอะยังไงวะ ทะเลาะกันหนักดิ” อาร์ตถามกลับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะจำได้ว่าก่อนเข้าไปในบ้าน เห็นปิงกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางเคร่งเครียด ถึงตอนนี้นจะไม่ได้ถามแต่เขาก็พอจะเดาออกว่าคนในสายเป็นใคร



“กูไม่ได้ทะเลาะ มันทะเลาะของมันคนเดียว” ปิงว่าด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความไม่สบอารมณ์



“มึงก็ใจเย็นๆ หน่อย น้องมันก็คงคิดมากเหมือนของกูนี่ล่ะมั้ง” อาร์ตบอกด้วยความปลง



“คิดเหี้ยอะไรเยอะแยะ ต้องให้ชัดเจนขนาดไหนวะ” ปิงว่าด้วยใบหน้าที่แสดงความหงุดหงิดออกมาอีกครั้ง



“นั่นสิ ต้องชัดเจนขนาดไหน” อาร์ตพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของปิง



"ชีวิตนี้ กูไม่เคยคิดเลยนะว่าจะต้องมีปัญหากับคนอื่น เพราะเรื่องของมึงอีก กูขอให้จบแค่สองครั้งในชีวิตพอนะ" ปิงถอนหายใจออกมาและมองเสี้ยวหน้าของอาร์ตด้วยความเซ็ง แค่ความสิ้นคิดในวัยเด็ก ใครจะไปนึกว่ามันจะลากมาให้ปวดหัวจนถึงทุกวันนี้



"มึงอย่าตอกย้ำกูได้ไหมน้องปิง" อาร์ตกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง กับคำพูดทิ่มแทงของปิง



"ยังกวนตีนได้ แสดงว่าไม่ตาย" ปิงว่าอย่างไม่ใส่ใจกับอาการเหล่านั้นของอาร์ต



"กูเคยตายมาแล้ว จะตายอีกรอบ ศพกูก็คงไม่เละไปกว่านี้มั้ง ว่าแต่มึงเหอะเอาไงต่อ" อาร์ตถอนหายใจอีกครั้งและพูดติดตลก ฝืนยิ้มออกมาแต่ก็จืดเจื่อนเต็มที



"แดกเด็กมีแต่เรื่องปวดหัว" ปิงส่ายหัวอย่างหน่ายๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงความหนักใจออกมาอย่างที่พูด



"ฮ่าๆ อย่างน้อยของกูก็น่ารักกว่าของมึง" อาร์ตที่เห็นความหนักใจของปิงก็พอได้หัวเราะออกมาบ้าง




"เออ!!!" ปิงหันมากระแทกเสียงตอบอาร์ตอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบริเวณนั้น




วันยุ่งๆ และหนักหน่วงของชีวิตผ่านไปอีกหนึ่งวัน หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นนอนมาชีวิตจะได้รับข่าวดี พอให้ได้ยิ้มออกมาบ้างล่ะกัน





2 Be Con...

++++++++++++++++++++++++++

ยังคงมึนๆอึนๆ หน่วงกันเบาๆ

แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ

ความรักบางครั้งมันก็ต้องมีความขมบ้าง


รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part จบ (01/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-08-2016 12:45:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part ต้น (29/07/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 01-08-2016 14:22:09
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว
เราขอสารรูปเราอ่านคำด่าแล้วแปลไม่ออก 55
5555555 ลำไย แปลว่า น่ารำคาญหรือทำตัวเพ้อเจ้อนะคะใช้กับความเยอะก็ได้ 
มะม่วง แปลว่า โง่นะคะ
Iran แปลตรงตัวด็ประทศอิหร่านแหละคะแต่ออกเสียงสำเนียงแบบฝรั่งนะคะคุณ
คือรีบพิมพ์ไปหน่อยนะคะเลยอาจจเงาะไป (เงาะแปลว่างงนะคะคุณ)  :impress3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part จบ (01/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-08-2016 19:02:43
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 35 Part จบ (01/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-08-2016 20:21:38
ถ้าเป็นพีทคงต้องขอเงียบๆคนเดียวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไงดี
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 03-08-2016 15:11:56
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่


- 36 -

Part ต้น


“โกรธกันแล้วในใจของเธอมีความสุขไหม...โกรธกับฉันจะทำให้เธอดีใจใช่ไหม” เสียงทุ้มนุ่มไพเราะที่ดังคลอกับเสียงกีตาร์ ทำให้พีทเหลือบตาไปมองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาเหมือนเดิมอย่างไม่ใส่ใจ




                “นี่มึงทะเลาะอะไรกับพี่เขาวะ” และเป็นนาวเองที่ทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามออกมา ตาก็มองรุ่นพี่ตัวโตของตัวเองที่กำลังนั่งร้องเพลงดีดกีตาร์ไปด้วยอย่างสงสัย



                “ไม่มีอะไรหรอก มึงอย่าสนใจเลย” พีทตอบปัดไปอย่างไม่ใส่ใจ นาวเลยได้แต่ถอนหายใจและพยักหน้าหงึกงักเข้าใจตามที่พีทบอก ส่วนตาก็ยังมองไปที่โต๊ะของอาร์ตเป็นระยะ



                “เธอไม่ยอมเปิดใจเข้าหากัน...ก็บอกให้ฉันรู้ทีโกรธกันแล้วมันดีอย่างไร” เสียงร้องเพลงของอาร์ตยังดังแว่วให้ได้ยินเรื่อยๆ แต่พีททำเป็นหูทวนลมทำเป็นไม่ใส่ใจ จนทำให้คนร้องอย่างอาร์หน้าหมองลงไปไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องต่อไป



                นับจากวันที่เกิดเรื่องก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่ไม่ว่าจะทำยังไงพีทก็ยังคงเงียบ ไม่มีปฎิกิริยาหรือคำตอบอะไรให้กับอาร์ต อีกฝ่ายยังคงกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง ไม่ยอมอยู่กับเขาหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม โทรสัพท์โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย สิ่งที่ทำได้คือส่งข้อความไปหา ซึ่งยังดีหน่อยที่พีทยังตอบข้อความกลับมาบ้าง



                ยอมรับกันตรงๆ ในชีวิตลูกผู้ชายอย่างไอ้อาร์ต ไม่เคยจะต้องมาปวดหัวกับการง้อใครขนาดนี้เลย ง้อเมียกับง้อแฟนความยากมันต่างกัน แต่ความสำคัญมันก็ต่างกันด้วยล่ะนะ




                “เฮ้ยสัดอาร์ต!! มานั่งดีดกีตาร์ง้อสาวไหนวะ / น้อออ ง้อสาวที่ไหนพี่!!”  เสียงเอ่ยปากแซวจากเพื่อนและรุ่นน้องมีเป็นระยะ เรียกได้ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะใครๆ ก็อยากรู้กันทั้งนั้นว่าผู้หญิงคนไหนที่ทำให้อาร์ตลงทุน หอบกีตาร์มาร้องเพลงง้ออยู่หน้าคณะแบบนี้ได้



                “อย่าแซวเยอะไอ้สัด!! เดี๋ยวงอนกูกว่าเดิม” อาร์ตโวยวายใส่คนแซวเล็กน้อย




                “ไหนใครวะทำให้ระดับเฮียอาร์ตเสียฟอร์ม” เสียงแซวยังคงดังขึ้นมาไม่หยุดท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนาน ที่เห็นคนอย่างอาร์ตต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้



                “ในคณะเนี่ยแหละ” อาร์ตว่าแล้วปรายตามองไปทางพีทเล็กน้อย ซึ่งอีกฝ่ายก็นั่งลุกลี้ลุกลนใบหูแดงก่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไปไม่นิ่งเฉยอย่างที่แสดงออก



                “เฮ้ย!! จริง!! ใครวะ!!” เสียงร้องโวยวายแสดงความตกใจดังขึ้นทันทีเมื่ออาร์ตพูดแบบนั้น ก่อนที่ทุกคนจะกรูกันเข้ามาหาอาร์ตเพื่อคาดคั้น




                “เรื่องเสือกนี่ขอให้บอกจริงๆ” อ้นบ่นออกมาและส่ายหัวอย่างระอา ก่อนจะขยับถอยห่างออกไป



                “พูดแบบนี้แสดงว่าพวกมึงรู้ว่าใครใช่ไหม” แล้วทุกคนก็เบนเข็มไปทางอ้นกับกลอนที่นั่งอยู่ด้วยแทน เมื่อถามอะไรไปอาร์ตก็เอาแต่ยิ้มไม่ตอบคำถาม



                “มึงเห็นมันอยู่กับใครบ่อยๆ ช่วงนี้ก็คนนั้นแหละ” กลอนว่าแล้วกระตุกยิ้ม ทำเอาบรรดาคนอยากรู้ขมวดคิ้วพันกันยุ่ง คิดหาคนๆ นั้นกันจ้าละหวั่น



“นาว!! กับบ้านเหอะ” พีทพูดขึ้นเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำหัวใจเต้นระทึก พร้อมกับเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋าด้วยอาการมือไม้สั่น และรีบลุกขึ้นเดินจูงมือนาวออกไปที่ลานจอดรถ  พยายามไม่สนใจกลุ่มของอาร์ตที่นั่งอยู่บริเวณนั้น



“ดื้อ...พี่คิดถึง” แต่ในจังหวะที่พีทกำลังจะเดินผ่านไปนั้น เสียงของอาร์ตก็ดังฝ่าความวุ่นวายขึ้นมา พอหันกลับไปก็เจอสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาอย่างออดอ้อน ทำเอาใบหน้าของพีทร้อนผ่าวขึ้นสีแดงในทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสะบัดหน้าแล้วเดินหนีด้วยความเร็ว



“เฮ้อ!!” อาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ และนั่งมองตามแผ่นหลังเล็กด้วยสายตาละห้อย




“เอาน่ามึง ให้เวลาน้องมันหน่อย” กลอนว่าและตบไหล่อาร์ตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ



“กูรู้...แต่รับโทรศัพท์กูบ้างก็ยังดี” อาร์ตว่าเสียงแผ่วและนั่งคอตกหมดสภาพ จนกลอนอย่างจะขำออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ เพราะเป็นโอกาสหายากจริงๆ ที่จะเห็นคนแบบอาร์ตนั่งสลดหดหู่แบบนี้ คงต้องขอบคุณคนที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ล่ะนะ ที่ทำให้พวกเขาและอีกหลายๆ คนได้รับโอกาสงามๆ แบบนี้



“อย่างน้อยน้องมันก็ตอบข้อความมึงไม่ใช่เหรอวะ” กลอนว่ายิ้มๆ ซึ่งอาร์ตก็พยักหน้ารับเนือยๆ ยังดีที่ตอบข้อความ เพราะถ้าแม้แต่ข้อความก็ยังไม่ตอบเขาอาจจะเป็นหนักกว่านี้



“เฮ้ย!! พวกมึงสองตัวน่ะ มาช่วยกูตอบคำภามเดี่ยวนี้เลย โดยเฉพาะมึงเหี้ยอาร์ต แม่งสร้างเรื่องและโยนขี้ให้กู” เสียงของอ้นที่ดังโวยวายขึ้นมาขัด ทำให้อาร์ตและกลอนต้องหันไปมองก่อนทั้งคู่จะยิ้มขำออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังโดนรุมสาดคำถามเรื่องบุคคลปริศนาที่อาร์ตลงทุนมานั่งร้องเพลงง้ออยู่ ในระหว่างที่อาร์ตปลีกตัวออกมาส่งเสียงอ้อนวอนพีท



“มึงไปช่วยดิ๊” กลอนว่าพร้อมกับผลักไหล่อาร์ตให้เดินไป



“ขี้เกียจ” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วหยิบกีตาร์ของตัวเอง และเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ซึ่งกลอนพอเห็นแบบนั้นก็เดินตามออกไปบ้าง ทิ้งให้อ้อนยืนรับชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อคนเดียวอยู่แบบนั้น



...

...



“เดี๋ยวไอ้พีท!! มึงจะรีบไปไล่ควายที่ไหนเนี่ย” นาวส่งเสียงประท้วงออกมาแล้วสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของพีท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายออกแรงดึงพีทให้หยุดยืนอยู่กับที่



“อะไรเล่า มึงจะหยุดเดินทำไมเนี่ย” พีทว่าออกมาหน้ามุ่ยก่อนจะพยายามดึงนาวให้เดินต่อ พร้อมทั้งหันซ้ายหันขวาตลอดเวลาเหมือนกลัวจะมีใครตามมา



“มึงนั่นแหละจะรีบเดินไปไหน” นาวสะบัดมือของพีททิ้งแล้ว แล้วยืนเท้าเอวหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงอาการลุกลี้ลุกลนออกมาไม่หยุด



“ก็เปล่า...รีบกลับบ้านไง” พีทหันมาฉีกยิ้มกว้างให้นาว



“มึงแน่ใจ” นาวถามย้ำพร้อมกับส่งสายตาว่าไม่เชื่อไปให้



“เออ” พีทว่าด้วยท่าทางขึงขังพร้อมพยักหน้าหงึกงัก ยิ่งทำให้นาวผิดสังเกตไปกันใหญ่



“บอกกูมาตรงๆ มึงหนีอะไร หรือทะเลาะอะไรกับพี่เขา”




“ไม่ได้หนี ไม่มีอะไรจริงๆ” พีทอ้อมแอ้มปฏิเสธเสียงเบา แต่ไม่ยอมสบตากับนาวที่มองมา



“ตามใจมึง ไม่เล่าก็ไม่ต้องเล่า ให้มันอกแตกตายอยู่แบบนั้นแหละ” นาวถอนหายใจออกมาและส่ายหัวด้วยความเซ็ง ก่อนจะเป็นฝ่ายออกเดินไปหารถที่จอดไว้เอง แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อถูกดึงเอาไว้



“อะไร” นาวหันมามองหน้าพีทพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น




“คือ...จริงๆ มันก็มีเรื่องนิดหน่อย” พีทว่าเสียงเบาพร้อมส่งยิ้มแหยให้นาว



“จะพูดอะไรก็พูดมาอย่าลีลา” นาวยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองพีทดุๆ คนตรงหน้าเธอตอนนี้เหมือนเด็กอายุ 3-4 ขวบไม่มีผิด



“จะเล่าไงดีวะ...เรื่องแม่งยาวอ่ะ” พีททำหน้าหนักใจและยกมือเกาหัวตัวเองจนยุ่งเหมือนคนจนปัญญา



“แล้วมึงจะเล่าไม่เล่าล่ะ”



“เล่าดิ แต่กูยังไม่รู้จะเริ่มยังไง” พีทว่าด้วยท่าทางหงอยๆ จนนาวต้องส่ายหัวออกมาด้วยความอ่อนใจ




“งั้นไปคุยกันที่บ้านกู ระหว่างนี้มึงก็นั่งเรียบเรียงคำพูดให้ดีละกัน ตกลงไหม” นาวว่าและมองหน้าพีทอย่างขอคำตอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่าง่าย



“ก็ตามนี้ กลับบ้านกัน” นาวสรุปทุกอย่างและเดินนำพีทไปที่รถโดยที่เธอเป็นคนขับเอง เพื่อปล่อยให้พีทคิดทบทวนในสิ่งที่จะพูด พร้อมกับที่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายคือบ้านพักของตัวเอง



>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น (03/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-08-2016 17:02:57
อย่าเยอะพีชอย่าเยอะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น (03/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2016 18:43:57
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น (03/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-08-2016 21:26:34
เล่าให้นาวฟังเลยพีช แล้วให้นาวเคาะหัวซักทีนึง ไม่ให้พี่อาร์ตแก้ตัวไรเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น (03/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 03-08-2016 21:31:26
เล่าเลยคะน้องพีทเพราะเจ้ก็ไม่อยากให้เก็บไว้เดียวหรอกคะคุณพวกเธออ  :serius2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part ต้น (03/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: munoy ที่ 04-08-2016 00:41:14
เลาให้นาวฟัง เดี๋ยวพีทก็คิดได้

ชาตินี่ก็มันน่านักใใใ :angry2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 04-08-2016 16:54:54
กัดครั้งที่
- 36 -

Part จบ



“แล้วมึงก็เลยหลบหน้าพี่เขาเป็นอาทิตย์เนี่ยนะ” นาวถามพีทเสียงสูงและมองพีทเหมือนตัวประหลาด



“เออ” พีทตอบรับด้วยใบหน้าหงึกงอ เมื่อเห็นว่านาวกำลังส่งสายตามามองอย่างตำหนิ หลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง แต่ถึงจะบอกว่าทั้งหมดมันก็แค่เรื่องความสัมพันธ์ของไอ้พี่อาร์ตกับพี่ปิงล่ะนะ เรื่องอื่นนอกจากนั้นเขาไม่ได้เล่า เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะมองครรักของเขายังไงถ้ารู้เรื่องแบบนั้น



“มึงนี่ปัญญาอ่อนเนาะ” นาวว่าและส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ทำเอาใบหน้าของพีทงอง้ำลงยิ่งกว่าเก่า



“กูปัญญาอ่อนตรงไหน เขาเคยเป็นแฟนกัน แถมทุกวันนี้แม่งก็สนิทกันฉิบหายเลยเหอะ” พีทว่าออกมาอย่างอึดอัด



“แล้ว” แต่นาวกับทำหน้าไม่เฉยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก แถมยังถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ ติดไปทางกวนประสาทกลับมา ทำเอาพีทอยากจะพ่นไฟใสหน้าเพื่อนเหมือนตัวเองเป็นก็อตซิลล่าซะเดี๋ยวนั้น



“แล้วเหรอ ก็เขาเป็นแฟนกันไง มึงเข้าใจกูป่ะเนี่ย และพี่มันก็ดูมีเยื่อมีใย มีลับลมคมในกันอ่ะ แถมแม่งวันนั้นที่ผับมันทิ้งกู แล้วแบกแฟนเก่าไปส่งที่ห้อง ไอ้พี่เหี้ย” พีทเบะปากและบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์




“ก็เขาเพื่อนกัน แล้วเขาเมาไหมมึง ก็ต้องไปส่งป่ะวะ” นาวตอบอย่างใจเย็น



“แต่กูเป็นแฟน ทำไมมันทิ้งกูล่ะ” พีทแย้งออกมาอีกอย่างไม่ยอมแพ้



“เขาก็ให้พี่ฝุ่นไปส่งมึงไง” นาวยังคงตอบคำถามเรื่อยๆ ไม่ได้มีอารมณ์ร่มกับพีทแต่อย่างใด




“แล้วทำไมพี่มันไม่ให้พี่ฝุ่นไปส่งพี่ปิงล่ะ” พีทยังคงหาคำมาเถียงแย้งความใจเย็นของนาวได้เรื่อยๆ จนสุดนาวต้องถอนหายใจออกมาเสียงดังด้วยความเบื่อหน่าย



“ก็นั่นน่ะสิ มึงสงสัยขนาดนี้แทนที่จะมาบ่นมาถามกับกู ทำไมมึงไม่ถามพี่เขาไป บ่นกับกูน่ะบ่นได้กับเขาทำไมไม่พูดไม่ถามไปให้จบๆ ปากมึงอมอะไรไว้” นาวยื่นมือมาบีบปากของพีทแรงๆ แล้วบิดไปมา พร้อมกับส่งสายตาเอือมระอาไปให้



“ก็กูไม่กล้านี่หว่า กลัวพี่มันหาว่ากูงี่เง่า คิดเล็กคิดน้อยอ่ะ” พีทหน้าหมองลงและพูดออกมาด้วยท่าทางหงอยๆ



“ตอนมึงอยู่กับเขามึงไม่เคยงี่เง่าเลยว่างั้น” นาวย้อนถามกลับทันควันพร้อมยิ้มขำ ทำเอาพีทมองค้อนด้วยความเคืองที่โดนว่า



“กูไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยแม่ง อะไรก็ไม่รู้ กูไม่ใช่ไม่เชื่อใจนะเว้ย แต่มึงเข้าใจกูป่ะว่ากูรู้สึกไม่ดีเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน ยิ่งมารู้ว่าเขาคบกันมาก่อนกูยิ่งคิด” พีทฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอย่างหมดแรงก่อนจะบ่นงึมงำออกมาอีกครั้ง



“แล้วมึงดูนะพี่ปิงแม่งดีกว่ากูทุกอย่างเลยนะเว้ย แถมใครๆ ก็บอกว่าเขาเหมาะกัน ขนาดนั้นไอ้พี่อาร์ตมันยังทิ้งเลยแล้วมึงดูกูดิ เหี้ย!! แม่ง!! เข้าใจกูไหมเนี่ย” พีทโวยวายเสียงดังและเงยหน้าขึ้นมามองนาวอย่างหงุดหงิด




“กูไม่เข้าใจมึงหรอก” แต่สิ่งที่นาวตอบรับกลับมา คือใบหน้าเรียบเฉยและคำพูดที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เล่นเอาพีทอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ที่เขาบ่นเป็นคุ้งเป็นแควนี่เพื่ออะไร



“ขอบใจ” พีทว่าแล้วฟุบลงกับโต๊ะอย่างอ่อนแรง



“ที่กูบอกว่าไม่เข้าใจเพราะกูไม่ใช่มึงไง แต่ว่านะเว้ยกูแค่จะบอกมึงในฐานะที่กูเป็นเพื่อน มึงอย่ารักคนๆ นึงเพราะคำพูดของเขา และอย่าเลิกรักเขาเพราะคำพูดของคนอื่น” นาวว่าและส่งยิ้มให้พีท



“ก่อนที่มึงจะโกรธ จะเกลียด ไม่เชื่อใจ หรือคิดเหี้ยอะไรก็ช่าง มึงถามตัวเองก่อนว่าวันนั้น วันที่มึงตัดสินใจที่จะรัก มึงรักเขาเพราะอะไร” คำพูดต่อมาของนาวทำให้พีทคิดตามและมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับใครอีกคน เขากำลังเป็นอย่างที่นาวว่าไม่มีผิด เขากำลังคิดตามคำพูดของคนรอบข้างมากเกินไป จนมันทำร้ายตัวเองกับคนที่ตัวเองรัก



“กู....” พีทพูดไม่ออกได้แต่นั่งซึมและหลุบตามองพื้น



“และที่สำคัญนะพี่ปิงเขาน่ะแฟนเก่า แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ มึงคือแฟนพี่อาร์ต มึงมีสิทธิ์ที่จะระแวง สงสัย และมีสิทธิ์ที่จะถาม ถ้าเขารักมึงเขาต้องตอบมึงได้” นาวพูดต่อเรื่อยๆ พร้อมกับพีทที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ



“อีกอย่างเพื่อนกูที่ชื่อพีทเนี่ย มันเป็นคนปากหมา เก็บความสงสัยอะไรได้ไม่นาน มีอะไรมันก็พูดตรงๆ คิดแบบไหนพูดแบบนั้น มึงเป็นคนแบบนั้น ถ้าเกลียดตัวเองที่เป็นตอนนี้มึงก็กลับไปเป็นแบบเดิมที่มึงเคยเป็น” นาวว่าแล้วยื่นมื่อไปตบลงบนหัวพีทเบาๆ



“แต่ก็นั้นแหละ มันก็แค่คำแนะนำจากคนโสดที่ไม่เคยมีแฟนอย่างกูล่ะนะ อาจจะไม่ถูกก็ได้” นาวยิ้มขำออกมาและส่ายหัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะต้องเซเกือบล้มเมื่อมีแรงหนักๆ ปะทะใส่ตัว พร้อมกับแรงกอดรัดแน่นๆ



“อะไรของมึงเนีย” นาวมองพีทที่วิ่งมากอดเหมือนลูกลิงด้วยความขำ



“ขอบใจมึงนะเว้ย” พีทงึมงำในลำคอและเอาหน้าซุกกลับไหล่นาวอยู่แบบนั้น



“เออ!!! กูก็นึกว่ามีเหี้ยอะไรใหญ่โต กลับไปหาพี่เขาได้แล้ว เคลียร์ให้จบๆ งอนเกินงามคราวนี้ผัวมึงทิ้งแน่ๆ” นาวอดที่จะว่าด้วยความหมั่นไส้ออกมาไม่ได้




“ปากหมาละมึง” พีทว่าหน้าหงึกแยกเขี้ยวใส่นาว



“แล้วไม่ใช่หมาแบบกูเหรอที่นั่งฟังมึงบ่นเนี่ย” นาวเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนแรงๆ อย่างเหลืออด



“และก็ปล่อยกูได้แล้ว กอดทำเหี้ยอะไร ขนลุก” นาวว่าพร้อมกับดิ้นขยุกขยิกไปมา ทำท่าทางขนลุกอย่างที่ปากว่าจริงๆ



“มึงควรจะดีใจนะที่คนหน้าตาดีระดับกูกอดมึงเนี่ย” พีทยอมปล่อยนาวและยืนกอดอกมองนาวอย่างเหนือกว่า



ผัวะ!!!



“สบายใจแล้วก็ปากดีทันที มึงนี่มัน” นาวว่าและตบหัวพีทเต้มแรงอย่างเหลืออด



“โอ๊ย!!! นาวแม่ง!!! ป๊ากูยังไม่เคยตบเลยนะ” พีทโวยวายลั่นยกมือลูบหัวตัวเองไปมา ก่อนจะเหลือบตามองค้อนนาวที่เดินหายเข้าไปในครัว



“ก็กูไม่ใช่ป๊ามึงไง พูดมากกลับบ้านไปหาผัวเลยไป” นาวตะโกนตอบโต้ออกมาจากในครัวเสียงดัง



“กูไปแน่ มึงไม่ต้องไล่หรอก” พีทเองก็ตะดกนเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้




และหลังจากนั้นก็เกิดสงครามน้ำลายขึ้นระหว่างนาวกับพีทลั่นบ้าน พร้อมๆ กับที่พีทตั้งมั่นในใจแล้วว่า พรุ่งนี้เขาจะกลับไปหาอาร์ต กลับไปถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย และเลิกงี่เง่าเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่นาวว่าสักที



...

...



“อ้าว...พี่ฝุ่นมาทำอะไรอ่ะ” พีทถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าฝุ่นมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าหอพักของอาร์ตตั้งแต่เช้าตรู่



“เอ่อ...คือพี่” ฝุ่นที่โดนทักกะทันหันเกิดอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด จนพีทถึงกับงงและไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะตกใจทำไม



“หรือพี่มีธุระอะไรกับพี่อาร์ตป่ะครับ” พีทถามต่อในสิ่งที่คิดขึ้นมาได้ เพราะถ้าเด็กวิศวะมาโผล่แถวนี้ คงไม่พ้นมาหาไอ้พี่อาร์ตนั่นแหละ



“อะ...เออ ใช่ๆ” ฝุ่นพยักหน้ารับหงึกงักแข็งขัน



“อ้อ...ผมก็กำลังจะไปหาพี่อาร์ตเหมือนกัน ไปพร้อมผมก็ได้นะพี่” พีทว่าพร้อมกับเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน



พีทกับฝุ่นเดินมุ่นหน้าไปทางห้องพีกของอาร์ตเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่ตลอดเวลาที่เดินด้วยกันพีทสังเกตเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนจากฝุ่นได้ตลอดเวลา รวมถึงความตึงเครียดที่เจ้าตัวแผ่ออกมาจนสัมผัสได้



“ใจเย็นนะพี่ ผมเปิดประตูแป๊บ” พีทบอกฝุ่นและล้วงกุญแจออกมาเปิดประตูห้อง



แกร่ก...



และทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ใจของพีทก็แทบจะร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที สมองมึนงงเหมือนมีใครเอาของแข็งมาฟาดลงหนักๆ ที่หัว



“เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่ถึงไม่รับโทรศัพท์ผม” เสียงของฝุ่นดังขึ้นอย่างเจ็บปวด ก่อนที่เจ้าตัวเดินหนีไปในทันที ทิ้งให้พีทยืนนิ่งตะลึงงันอยู่หน้าห้องพักเพียงคนเดียว ขาสองข้างมันแข็งและอ่อนแรงจนไม่สามารถก้าวขาออกไปจากตรงนั้นได้ พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแรงอย่างเจ็บปวด



ภาพของปิงที่ยืนอยู่กลางห้องในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แผ่นอกกว้างมีรอยแดงเป็นจ้ำที่พีทรู้ดีว่าคือรอยอะไรกระจายอยู่ทั่ว สภาพเตียงนอนที่เละเทะไปหมด และเสี้ยวหน้าของอาร์ตที่นอนหลับตากพริ้มจมหายไปกับหมอนใบโต ในสภาพเปลือยเปล่ามีผ้าห่มปิดช่วงล่างหมิ่นเหม่



พีทหันกลับมาเผชิญหน้ากับปิงอย่างขอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้จากอีกฝ่ายคือใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอะไร และนั้นยิ่งทำให้พีทอยากจะหายไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด



2 Be Con...



++++++++++++++++++++

เหอ เหอ

ไม่มีอะไรจะพูด

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part จบ (04/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2016 18:54:11
 :katai1: :katai1: :katai1:   เกิดอะไรขึ้นหว่ามา อีพี่อาร์ตกะปิงทำไรกันอะ เฮ้อออ ถ้าทำจริงๆคงไม่มีไรต้องแก้ตัวแระอาร์ต
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part จบ (04/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-08-2016 22:02:08
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 36 Part จบ (04/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 04-08-2016 23:35:47
เฮ้ยยยย.....นี่มันเกิดอะไรขึ้น ????
ขอให้ไม่เป็นอย่างที่เห็นแล้วกัน เฮ้อ.....ถอนใจแรงๆอีกที
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-08-2016 11:37:31
เฮอะเหอ  :katai3: :katai3:

ตามนั้นนะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-08-2016 12:59:00
ชั้นมาปูเสื่อรอตั้งแต่พี่ขึ้นหัว บทที่ 37 เลยนะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 05-08-2016 13:05:21
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 37 -

Part ต้น



หมับ!!



แรงดึงรั้งที่แขนในระหว่างที่พีทกำลังหันกลับเพื่อออกจากห้องพัก ทำให้เจ้าตัวต้องหันกลับมามองด้วยความงุนงง ก่อนคิ้วสองข้างจะขมวดเข้าหากันจนเกือบชิด เมื่อเห็นว่าคนที่ดึงแขนของตัวเองไว้คือปิง จนต้องสบตาคมของปิงเล็กน้อยอย่างขอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้กลับมายังคงเป็นความเรียบเฉยจากอีกฝ่าย ทำเอาพีทต้องกระชากแขนกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น



“ขอร้อง...อย่าคิดไปเองเหมือนไอ้คนเมื่อกี้” ปิงพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้สนใจในสภาพล่อแหลมของตัวเองเลยสักนิด ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงพีทให้กลับเข้ามาในห้องพัก และเอี้ยวตัวไปปิดประตูห้องให้เรียบร้อย




ผัวะ!!!



และในจังหวะที่ปิงหันหน้ากลับมาเพื่อจะอธิบายกับสภาพของตัวเอง รวมทั้งสภาพของห้องที่มันเละไปหมดให้พีทฟัง ก็มีแรงกระทบหนักๆ ปะทะเข้าที่ใบหน้าอย่างจังแบบไม่ทันให้ตั้งตัว จนเขาถึงกับเซถอยหลังเล็กน้อยพร้อมกับรสเค็มปร่าที่รู้สึกในปาก



"พวกพี่ทำเหี้ยอะไรกันวะ!!" พีทตะโกนใส่หน้าปิงสุดเสียงด้วยความโมโห พร้อมกับที่ดวงตาจ้องมองปิงด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังและสาวเท้าเดินเข้าไปที่เตียงนอน ซึ่งมีร่างของอาร์ตนอนหลับอยู่



"มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้เหี้ยอาร์ต" พีทแหกปากดังลั่นใส่อาร์ตอย่างฉุนเฉียว แววตาที่ใช้มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและแค้นเคือง ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะเล่นบทนางเอกอยู่เหมือนกันด้วยการเดินจากไปเงียบๆ แต่พอไอ้พี่ปิงมันดึงแขนเอาไว้เท่านั้นแหละเขาเลยได้สติ ว่าคนแบบไอ้พีทมันไม่เหมาะกับบทแบบนี้...มึงตายคู่แน่ไอ้พวกเหี้ย



“มึงตายไอ้เหี้ย!!!” พีทว่าออกมาสุดเสียง ก่อนจะกระโจนใส่ร่างที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ทันที ระดมใช้กำปั้นทุบลงไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างไม่ยั้งมือ ทั้งยิกทั้งข่วนจนแผ่นหลังกว้างเกิดรอยแดงและเลือดไหลซึมออกมา



“เฮ้ย!! อะไรวะ!! โอ๊ย!! เหี้ย!!” อาร์ตที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันเพราะความเจ็บทางร่างกายที่ได้รับ พลิกตัวนอนหงายยกมือปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน สมองยังคงมึนงงและเกิดอาการเบลอเล็กน้อยอย่างตามเหตุการณ์ไม่ทัน รู้แค่ว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังพยายามทำร้ายร่างกายตัวเองอยู่



“อ้าว...น้องพีท!!!” หลังจากใช้เวลาประมวลผลจากเหตุการณ์ตรงหน้าไปพอควร อาร์ตก็จับกำปั้นที่ระดมทุบลงมาให้หยุดนิ่งได้สักที ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างและยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ถึงแม้จะยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงโดนกระหน่ำทุบไม่ยั้งก็เถอะ แต่ความดีใจที่ได้เห็นหน้ามันมีมากกว่าความสงสัยทั้งหมด



“มึงมันเหี้ย!!” พีทตะโกนด่าใส่หน้าอาร์ตด้วยอาการหอบเหนื่อย ดวงตาแดงก่ำเพราะความโมโหและพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ก่อนจะกระชากแขนที่ถูกจับไว้แน่นออกมาแล้วถอยลงไปยืนข้างเตียง หันมองหน้าอาร์ตกับปิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเจ็บปวดสลับกันไปมา



พีทยืนหายใจหอบเหนื่อยกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเลือดซึม พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาช้าๆ อย่างห้ามไม่ไหวอีกต่อไป หัวใจมันเจ็บปวดเหมือนโดนใครเอามือมาบีบไว้ไม่มีผิด รู้สึกบนหัวของตัวเองกำลังมีเขางอกออกมาทั้งๆ ที่เกิดเป็นคน



อาร์ตที่เห็นพีทยืนร้องไห้ก็ตกใจและงงไปหมด เพราะไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเกิดอาการแบบนั้น ยิ่งสายตาที่มองมาอย่างแค้นเคือง เจ็บปวด ยิ่งทำให้เขางงไปกันใหญ่ เหลือบมองไปทางปิงเพื่อขอคำตอบก็ได้รับมาแค่ใบหน้าเรียบเฉย และการกระตุกยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทจากอีกฝ่าย แถมด้วยการที่เจ้าตัวยกมือขึ้นกอดอกยืนพิงประตูส่งสายตามองทุกอย่างด้วยความสนุก เป็นสัญญาณบ่งบอกให้อาร์ตรู้ว่าปิงไม่คิดจะไขความกระจ่างอะไรทั้งนั้น



“เฮ้ย!! เดี๋ยว!!” ในจังหวะที่อาร์ตกำลังจะลุกขึ้นไปปลอบพีทที่ยืนร้องไห้จนตัวโยน เจ้าตัวก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงและถอยหลังกลับแทบไม่ทัน เมื่อพีทเดินไปคว้าเอากีตาร์ที่วางอยู่มุมห้องขึ้นมา แล้วถือเดินดุ่มๆ เข้ามาหาพร้อมทั้งเงื้อมือขึ้นสูงเตรียมฟาดลงมา



“มึงอย่าอยู่เลยไอ้เหี้ย!! แดกไม่เลือก เพื่อนฝูงก็ไม่เว้น สารเลว!!!” พีทด่ากราดอย่างไม่คิดจะไว้หน้า แล้วฟาดกีตาร์ในมือลงไปเต็มแรง วันนี้เขาจะเอาเลือดหัวไอ้พี่อาร์ตออกมาเซ่นความเจ็บปวดของเขาให้ได้ พอมันตายเขาจะถือว่าระหว่างเราหมดเวรหมดกรรมต่อกัน




“เฮ้ย!! จะเอาให้ตายเลยหรือไงเนี่ย แล้วนี่อะไรครับมาถึงก็ใส่ไม่ยั้งเลย” อาร์ตรับกีตาร์มรณะที่ฟาดลงมาได้ทันท่วงที ก่อนจะดึงมันออกจากมือเล็กแล้วโยนไปทางปลายเตียง จากนั้นก็จัดการกระชากเอาตัวพีทมากอดเอาไว้แน่น แล้วมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายอย่างขอคำตอบ



“มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” พีทดิ้นขลุกขลักอย่างรุนแรงเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอด รู้สึกรังเกียจอ้อมกอดของอาร์ตทั้งที่เมื่อก่อนชอบมัน ไม่อยากให้อีกฝ่ายมาแตะเนื้อต้องตัวความรู้สึกในตอนนี้ ถ้าเขาถือมีดในมือเขาจะแทงให้มิดด้าม จะเฉือนไอ้อาร์ตฝังมุกทิ้งแล้วไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นจะเอามจับกรอกปากให้เจ้าของมันกิน เอาให้สมกับความรู้สึกที่มันแย่มาตลอดระยะเวลาเกือบเดือน



“ฮ่าๆ” ในที่สุดปิงที่ยืนเก๊กหน้านิ่งยืนดูเหตุการณ์มาตลอดก็หลุดหัวเราะออกมาจนตัวงอ เลยได้รับสายตาดุๆ จากพีทที่ตวัดมองอย่างไม่ชอบใจทันที



“มึงหัวเราะเหี้ยอะไร!!” พีทตะคอกถามปิงอย่างโกรธๆ และหลุดคำหยาบคายใส่อย่างไม่เกรงใจ

“เปล่า” แต่ปิงไม่ได้ถือสาโบกมือปฏิเสธไปมาแถมยังอมยิ้มมองพีทอย่างเอ็นดู ผิดกับพีทที่เห็นท่าทางแบบนั้นจากอีกฝ่ายยิ่งเพิ่มความโกรธเข้าไปอีก



“แอบแดกของเหลือจากชาวบ้าน ทำตัวเป็นชู้กับแฟนคนอื่นยังมีหน้ามายิ้มอีกเหรอวะ หน้าด้าน!!” พีทเอ่ยปากด่าปิงด้วยถอยคำหยาบคายอย่างลืมตัว เพราะหงุดหงิดที่อีกฝ่ายทำหน้าระรื่นไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่เขากำลังเสียใจ



“พีท!!!” อาร์ตตะคอกใส่พีทเสียงดุดันและบีบแขนเล็กแน่น ก่อนจะจับอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากันพร้อมทั้งส่งสายตามองอย่างตำหนิ




“ไอ้อาร์ต!!!” ปิงตะคอกใส่อาร์ตเสียงดังไม่แพ้กันเมื่อเห็นว่าพีทนั่งตัวสั่น และแขนเล็กในมือของอาร์ตที่กำลังโดนบีบอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตัดสินใจเดินไปกระชากพีทให้ลุกขึ้นมาและดันให้ไปอยู่ข้างหลังตัวเอง



“มึงกำลังทำน้องกลัว” ปิงว่าและส่งสายตามองอาร์ตดุๆ




“ฮึก...ไอ้เหี้ย” พีทพึมพำด่าอ่านเสียงสั่น ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความตกใจอยู่ด้านหลังของปิง เมื่อกี้เขากลัวอาร์ตขึ้นมาจริงๆ อย่างที่ปิงว่า เพราะมันไม่บ่อยเลยที่อีกฝ่ายจะโมโหใส่แบบนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยมี เขารู้ว่าตัวเองผิดที่พูดไม่ดีออกไป แต่เขาไม่ได้ตั้งใจมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ อีกอย่างพี่ปิงเองก็กวนประสาทเขาทำไมไม่ว่าอีกฝ่ายบ้าง



“สัดเอ้ย!!” อาร์ตสบถในลำคอออกมาอย่างหงุดหงิด ยกมือขยี้หัวตัวเองแรงๆ ให้หายบ้า เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กลัวหรือปกป้องปิง แต่เขาไม่อยากให้เพื่อนมองน้องไม่ดี ไม่อยากให้ใครว่าน้องเป็นเด็กก้าวร้าว ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่



“โว๊ย!!! พวกมึงจะเสียงดังกันอีกนานไหม ถ้านานก็ออกไปคุยกันที่อื่นกูจะนอน” แต่แล้วในระหว่างความตึงเครียดของทั้งสามคน ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมาพร้อมๆ กับร่างของใครบางคน ที่ลุกขึ้นมาจากพื้นข้างเตียงของอีกฝั่ง ในสภาพหัวฟูท่อนบนเปลือยเปล่าแผ่นอกมรอยแดงจ้ำกระจายทั่ว ท่อนล่างสวมบ็อกเซอร์แค่ตัวเดียวไม่ต่างจากอาร์ตที่นั่งอยู่บนเตียงในตอนนี้ แถมเจ้าตัวยังตวัดสายตามามองทุกคนอย่างไม่พอใจ



“ไอ้พี่อ้น...” พีทครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างตกใจ ก่อนตาเรียวๆ ของตัวเองจะเบิกกว้าง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้



“อย่าบอกนะว่าพวกมึงเล่น 3P!!!” พีทตะโกนออกมาดังลั่นและขยับถอยห่างไปยืนอีกมุมหนึ่งของห้อง มองทั้งสามคนที่เหลือด้วยความระแวง



“เฮ้ย!!!” และทั้งสามคนที่เหลือก็ตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน มองไปที่พีทอย่างเหลือเชื่อในความคิด



แกร่ก...



ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างหยั่งเชิงอยู่นั้น เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่ร่างของกลอนเดินออกมา ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไม่ต่างจากปิง




“พวกมึงเสียงดังเหี้ยอะไรกันวะ อ้าว...น้องพีท มาได้ไง” กลอนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เอ่ยทักพีทพร้อมร้อยยิ้ม ก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้เย็นแล้วเปิดเอาน้ำออกมาดื่ม แบบไม่ได้สนใจบรรยากาศกระอักกระอ่วนของสี่ชีวิตที่เหลือเลยสักนิด




ในขณะที่พีทอ้าปากค้าง น้ำตาหยุดไหล ความรู้สึกด้านลบพัดหายไปหมดและถูกแทนที่ด้วยความจริงที่เริ่มมองเห็นลางๆ เหลือบตามองไปทางปิงก็เห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มล้อเลียนมาให้ รับรู้ได้ทันทีถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนแทบไหม้ ตอนนี้เขาอยากหายตัวไปให้เร็วที่สุด...โคตรจะอายเลย



>>> 50% <<<
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-08-2016 13:18:07
 :z3: :z3: :z3: ไม่ใช่3P ละ นี่มัน 4P แล้วพีช  :jul3:

เฮอะเหอพระยาค่ะ  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-08-2016 14:41:25
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-08-2016 15:08:19
กลายเป็น 4p ไปซะแล้ววววว :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part ต้น (5/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 05-08-2016 18:31:04
 :m20:ทำไมมันน่าขำอย่างนี้.
ขอบคุณคะ :3123:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part จบ
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 10-08-2016 17:27:03
กัดครั้งที่
- 37 -

Part จบ



“ฮ่าๆ โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! กูขำ ไม่ไหวละสัด!!” อ้นหัวเราะงอหงายออกมาอย่างสะใจดังลั่น มือหนึ่งตบลงไปบนที่นอนไม่หยุด อีกมือก็ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างมากุมท้องเอาไว้ เพราะเริ่มจุกเนื่องจากหัวเราะเกินพิกัด



“จะหัวเราะอีกนานไหม” พีทถามเสียงแข็งใบหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางเมื่อเจอสายตาล้อเลียนจากทุกคน




“ฮ่าๆ น่าจะนานมันหยุดลำบาก” อ้นตอบทั้งๆ ที่ยังหัวเราะ ก่อนจะลงมือทายาให้อาร์ต



“มึงต้องถ่ายรูปบาดแผลบนแผ่นหลังนี่ไว้นะสัดอาร์ต อนุสรณ์ความรักจากเมียมึงเลยนะเว้ย” อ้นยังพูดล้อเลียนออกมาไม่เลิก มือก็บรรจงทายาไปตามรอยแผลบนตัวของอาร์ต



“เออ!!! ไม่ต้องถ่ายรูปกูก็จำจนตาย” อาร์ตบ่นออกมาพร้อมกับเบ้หน้าเล็กน้อย เพราะรู้สึกแสบแผลที่โดนยาป้าย



“กูก็จำจนตาย” ปิงพูดขึ้นมาบ้างและปรายตามองพีทเล็กน้อย ก่อนจะยกมือแตะที่มุมปากซึ่งขึ้นรอยช้ำจากฝีมือของพีท



“เรื่องนี้เล่าต่อได้จนวันตาย” กลอนที่ยืนกอดอกมองทุกอย่างพูดขึ้นมาบ้าง และไม่วายแซวพีทผ่านทางสายตา



“ก็ใครจะไปรู้ล่ะแม่ง!!” พีทอ้อมแอ้มเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ไม่กล้าสบตาใครในห้องทั้งนั้น



ต้องบอกว่าเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ทำให้คนอย่างพีทโคตรอาย เพราะที่เขาโมโห ฟาดงวงฟาดงาจะเป็นจะตาย ทั้งหมดคือเรื่องเข้าผิด จริงๆ แล้วที่ทุกคนอยู่ในสภาพกึ่งๆ เปลือย เพราะเมื่อคืนไอ้พี่อาร์ตชวนเพื่อนมากินเหล้าย้อมใจที่เขาไม่กลับห้อง เมาแล้วสภาพห้องเลยเละเทะไปอย่างที่เห็น และก็ดันบังเอิญที่เขามาเห็นฉากชวนคิดพอดี




“มานี่ดิ๊ดื้อ” อาร์ตกวักมือเรียกพีทให้เดินเข้ามาหา ซึ่งเจ้าตัวก็เดินหน้าบึ้งกระแทกเท้าปึงปังเข้าไปใกล้อย่างว่าง่าย



“ไหนขอดูหน้าคนขี้หึงหน่อย...” อาร์ตส่งยิ้มล้อเลียนและทำตากรุ้มกริ่มใส่พีท ก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ลงมานั่งบนตัก โดยที่เจ้าตัวมีอาการขัดขืนเล็กน้อย



“อย่ามาล้อนะแม่ง...แค่นี้ก็อายจะตายแล้ว” พีทว่าเสียงสะบัดก่อนจะเปลี่ยนเป็นพึมพำแผ่วเบาในตอนท้าย แล้วเอาหน้าซุกลงที่ไหล่ของอาร์ตเพื่อซ่อนความอาย



ฟอดดดดดดด



“ไว้ใจกันบ้างไหมเนี่ย” อาร์ตก้มลงหอมแก้มเนียนและส่ายหัวอย่างอ่อนใจให้คนบนตัก



ก็ใครใช้ให้พี่มึงไม่น่าไว้ใจล่ะ” พีทเงยหน้าขึ้นมาว่าเสียงแข็งทำหน้างอใส่อาร์ต จนอีกฝ่ายอดใจไม่ไหวกดจูบที่ปากนิ่มตรงหน้าทันที



“อื้อ” พีทดิ้นขลุกขลักไปมาเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ เนื่องจากอาร์ตบดจูบลงมาเนิ่นนาน ก่อนจะต้องผละออกจากกันในที่เพราะโดนขัดด้วยฝีมือของไมล์ ที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการออกไปหาอะไรกินที่ตลาด



“พอๆ ไอ้สัด!! เกรงใจกูด้วย เหี้ยอาร์ตมึงนี่แม่ง!!” ไมล์ว่าเสียงแข็งพยายามกระชากตัวพีทออกจากอาร์ต แต่อาร์ตเองก็ไม่ยอมกอดตัวพีทไว้แน่น พร้อมทำหน้ากวนประสาทท้าทายไมล์



“ก็นี่เมียกู” อาร์ตยักคิ้วใส่ไมล์แล้วก้มลงหอมแก้มพีททั้งสองข้างเพื่อยั่วโมโห



“ไอ้สัด!!” ไมล์ตะโกนลั่นพร้อมกับพยายามดึงพีทให้ถอยห่าง เดือดร้อนถึงกลอนต้องมาจับไมล์เอาไว้



“พอๆ เล่นอะไรช่วยดูอายุพวกมึงด้วย” กลอนเอ่ยห้ามอย่างเหนื่อยใจ มือก็ดึงตัวไมล์เอาไว้ไม่ให้อาละวาด



“กูไม่ได้เล่น!! กูเกลียดมัน” ไมล์โอดครวญออกมาไม่หยุด ก่อนจะแทบผูกคอตายเมื่อเจอสายตาของพีทที่มองมาแบบสมเพช ไหนจะเสียงหัวเราะเยาะเย้ยประกอบของอาร์ต ทำเอาไมล์หมดแรงโดยอัตโนมัติ



"น้องมีอะไรอยากคุยกับพี่ใช่ไหมครับ" ปิงตัดสินใจถามขึ้นหลังจากเงียบมานาน



"คือ...เอ่อ..." และเป็นพีทเองที่ออกอาการอึกอัก ไม่กล้าเอ่ยปากถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป




"พูดมาเลยครับไม่ต้องเกรงใจ" ปิงส่งรอยยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เพราะอยากเคลียร์ทุกอย่างให้จบๆ ไปเหมือนกัน



"พี่...ตอนนี้รู้สึกยังไงกับพี่อาร์ตกันแน่" พีทโพล่งถามออกไปอย่างเร็วในรวดเดียว ก่อนจะหลับตาปี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองใคร

"รัก" ปิงตอบออกมาสั้นๆ พร้อมกับสบตาอาร์ตอย่างมีเลศนัย



"แต่พี่ก็รู้ว่าอาร์ตกับผม" พีทถึงกับลืมตาขึ้นมามองด้วยความตกใจ จ้องใบหน้านิ่งเฉยของปิงจนคิ้วขมวดพันกันยุ่งเหยิงไปหมด



"แฟน? แล้วทำไมครับ" ปิงว่าด้วยท่าทางสบายๆ แต่ท่าทางเหล่านั้นมันดูเหมือนจงใจกวนประสาทไม่มีผิดในสายตาของพีท



"ก็..." อ้าปากตั้งใจจะอธิบาย แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อโดนอีกฝ่ายเอ่ยขัดขึ้นมา



          "มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่เลยนะ" ปิงกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ และกอดอกมองพีทอย่างคนเหนือกว่า ทำเอาคิ้วของพีทถึงกับกระตุกยิกๆ ด้วยความหงุดหงิด



"พี่หมายความว่าไง จะแย่งเหรอ" พีทถามเสียงแข็งและดิ้นลงจากตักอาร์ตไปยืนจ้องหน้าปิงเขม็งแทน



"แล้วถ้าพี่แย่งล่ะครับ น้องคิดว่าสู้ได้เหรอ" ปิงว่าและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะตวัดตัวพีทเข้ามาในอ้อมกอด



"อึ่ก.....ก็...ก็" พีทมองหน้าที่ใกล้กันแค่ลมหายใจรดต้นคอของปิงอย่างไม่ชอบใจ อึกอักในลำคอพยายามหาคำพูดมาตอกหน้าอีกฝ่าย



"แค่นี้ก็รู้แล้วครับว่าใครชนะ" ปิงกระตุกยิ้มอีกครั้งแล้วสบตากับพีท ผลที่ได้คือใบหน้าของเจ้าตัวที่งอง้ำลงทันควัน



"อย่ามาโมเมนะเว้ย ไอ้เหี้ยพี่อาร์ตน่ะผัวผม พี่ไม่มีสิทธิ์!!!" พีทโวยวายออกมาดังลั่นด้วยความโมโห ใบหน้าขาวแดงก่ำไปหมดอย่างเห็นได้ชัด มือสองข้างถูกกำแน่นตาจ้องหน้าปิงเขม็ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นงงแทนเมื่อจู่ๆ ปิงก็ขำออกมา



“ขำอะไร” พีทถามเสียงแข็งไม่พอใจที่ปิงเอาแต่ขำ พอหันมองไปที่คนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน



“พี่ไม่แย่งหรอกครับ” ปิงว่าเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้



“จริงนะ” พีทถามและมองหน้าปิงด้วยความระแวง จนปิงต้องพยักหน้างึกงักเพื่อยืนยันอีกรอบ



“ไม่เชื่ออ่ะ...พวกพี่แม่งพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ” พีทยังไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ปิงบอกง่ายๆ ใช้สายตามองที่อีกฝ่ายอย่างจับผิด



“ฮ่าๆ แล้วทำยังไงถึงจะเชื่อล่ะ” ปิงถามไปหัวเราะไปไม่หยุด แล้วมองพีทด้วยสายตาเอ็นดู



“ไม่รู้ดิ...อยากเชื่อแต่ก็ไม่อยากเชื่ออ่ะ” พีททำหน้ามุ่ยใส่




“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้น้องเชื่อ แต่พี่บอกได้แค่ว่าเรื่องของพี่สองคน มันจบแล้ว จบทุกอย่างตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน และพี่เลือกคำว่าเพื่อนมากกว่าคำอื่น” ปิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมทั้งส่งยิ้มให้




พีทสบตาปิงเนิ่นนานเพื่อหาความผิดปกติในแววตาอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้กลับมามีแค่ความจริงใจที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝง เมื่อหันกลับไปมองอาร์ตก็เจอสายตาที่ไม่ต่างกับของปิง สายตาที่บ่งบอกว่าเรื่องทุกอย่างระหว่างทั้งคู่มันจบไปแล้วจริงๆ



“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้น้องคิดมาก พี่คงติดนิสัยที่มีไอ้อาร์ตอยู่ข้างๆ มาตลอด เลยไม่ได้คิดว่ามันมีแฟนแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะครับพี่จะไม่ทำอะไรให้น้องไม่สบายใจอีก” ปิงว่าและลูบหัวพีทอย่างเอ็นดู



“ขอบคุณครับ” พีทอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาก้มหน้างุดมองพื้นเพราะเริ่มวางตัวไม่ถูก จากที่คิดว่าคงต้องฟาดฟันเอาเป็นเอาตายกับคนตรงหน้า กลายเป็นว่ามันไม่มีอะไรเลยและอีกฝ่ายก็ยอมขอโทษพร้อมอธิบายทั้งหมด ทำให้ใจที่ห่อเหี่ยวมาตลอดเริ่มพองโตขึ้นมา ถึงจะยังไม่เต็มร้อยแต่มันก็ดีขึ้นกว่าเก่า ที่เหลือคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ความจริงใจของอีกฝ่าย



“พี่พอจะรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมไอ้อาร์ตถึงหลงน้อง” จู่ๆ ปิงก็พูดขึ้นมาพร้อมกับเกลี่ยแก้มเนียนของพีทเบาๆ ทำเอาพีทตกใจเงยหน้าขึ้นมองปิงทันที แล้วใบหน้าขาวก็ต้องเปลี่ยนเป้นแดงก่ำด้วยความเขิน เมื่อเจอสายตากรุ้มกริ่มปนกระล่อนของปิงที่มองมา



“ผมก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมพี่สองคนถึงเป็นแฟนกันไม่ได้” พีทว่าออกมาพร้อมกับพยายามหลบสายตาของปิงเป็นพัลวัน จู่ๆ ก็เขินอีกฝ่ายขึ้นมาซะอย่างนั้น ยิ่งปิงยิ้มน้อยๆ ทำตาเจ้าชู้ใส่ รวมกับใบ้หน้าหล่าเหลาของเจ้าตัวยิ่งทำให้พีทใจเต้นเสียงดัง



“รู้ว่า” ปิงยังคงจ้องพีทไม่วางตา ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเขินก็ยิ่งจ้องอย่างนึกสนุก



“ก็พี่สองคนแม่งกระล่อนเหมือนกันน่ะสิ!!” พีทว่าเสียงดังและชี้หน้าปิงอย่างเหลืออด ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายควรจะสลดและไม่กล้าสู้หน้าเขาเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมถึงได้มาทำท่าทางเจ้าชู้มาทำอ่อยเขาแทนล่ะ



“งั้นน้องก็ควรรู้ว่าสิ่งที่พี่สองคนเหมือนกันอีกอย่างคือสเปคคนที่คบ” ปิงว่าพร้อมกับยื่นหน้าไปชิดกับพีทก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียน พีทที่โดนจู๋โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนตัวแข็งตาโตใบหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูกอยู่แบบนั้น



“เฮ้ย!! สัดปิง!! เมียกู!!” แม้แต่อาร์ตยังต้องโวยวายออกมาดังลั่นเพราะไม่คิดว่าปิงจะทำอะไรแบบนี้ มือคว้าเอาตัวพีทมาก่อนไว้แน่นและจ้องปิงด้วยความเคือง



“แล้วน้องพีทจะไปเขินมันทำไมเนี่ย” อาร์ตยังคงโวยวายออกมาไม่หยุดเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำเขินอายของพีท ออกอาการหงุดหงิดอย่างจะตบกะโหลกเพื่อนและฟาดก้นเมียสักที



“ก็มันเขินนี่แม่ง!!!” พีทเถียงเสียงเบาก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่อาร์ต



“หึ หึ ไม่มีอะไรแล้วงั้นกูกลับก่อนนะ” ปิงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดีหลังแกล้งทุกคนได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไปที่หน้าประตู



“รีบไปไหนวะ” อาร์ตอดที่จะถามออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ เพราะสังเกตุมานานแล้วว่าปิงมีท่าทีลุกลี้ลุกรนอยู่ไม่สุขตลอดเวลา



“ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหม” ปิงว่าเสียงเรียบแล้วหันหน้ากลับเพื่อเดินต่อ



“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนเหรอวะ” อ้นว่าแล้วหรี่ตามองปิงอย่างจับผิด



“ไปง้อเด็ก...พอใจหรือยัง” ปิงชักสีหน้าใส่ด้วยความเซ็ง แต่ทำให้พีทต้องหันกลับมามองปิงตาโต



“เด็กไหนอ่ะพี่” พีทถามขึ้นทันที ถึงจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างแต่ความชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านของพีทยังคงเส้นคงวา



“แล้วจะไปอยากรู้กับเขาทำไมเนี่ย” อาร์ตยีหัวพีทจนฟูแล้วส่งเสียงอย่างไม่จริงจังไปให้



“ก็มันอยากรู้นิ” พีทปัดมือของอาร์ตออกจากหัวและมองหน้าปิงเพื่อขอคำตอบ



“เด็กที่มันมาพร้อมน้องไงครับ” ปิงว่าเนือยๆ แต่ทำเอาตาของพีทโตยิ่งกว่าเก่า



“หมายความว่า...” พีทว่าเสียงเบาและมองหน้าปิงอย่างเหลือเชื่อ คงไม่ใช่แบบที่เขาคิดใช่ไหม



“ง้อดีๆ ล่ะมึงขี้งอนฉิบหาย” กลอนว่าแล้วเดินไปตบไหล่ให้กำลังใจปิง



“เออ...น้องพีทครับ” แต่ก่อนที่ปิงจะไปเจ้าตัวก็ส่งเสียงเรียกพีท จนพีทต้องหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ



“อย่าคิดมากเรื่องพี่เลย เอาเวลาไปถามไอ้อาร์ตเรื่องพวงกุญแจคิตตี้ดีกว่านะ พี่ว่าน้องคงรู้จักใช่ไหม” ปิงว่าทิ้งท้ายพร้อมกับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินจากไปทั้งอย่างนั้น โดยทิ้งระเบิดอีกลูกไว้ให้กับอาร์ตแทนข้อหาหมั่นไส้ ถือว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เขาต้องวุ่นวาย



“สัด!!” อาร์ตถึงกับสบถออกมาอย่างแค้นเคืองเมื่อเพื่อนเอาความลับตัวเองมาขาย ความลับที่ตั้งใจจะไม่พูดให้พีทฟังเด็ดขาด ก่อนจะต้องยิ้มแห้งๆ เมื่อเจอสายตาพิฆาตที่มองมาอย่างคาดคั้นของพีท



“งั้นพวกกูกลับบ้างดีกว่า” แล้วเพื่อนคนที่เหลือก็กลับไปกันอย่างรู้งาน ทิ้งให้อาร์ตอยู่กับพีทแค่สองคนในห้อง



“หมายความว่าไง” พีทจ้องหน้าอาร์ตเขม็งอย่างต้องการคำตอบ ในขณะที่อาร์ตได้แต่ยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีนิดๆ




‘เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาเห็นคนหน้าด้านอย่างไอ้พี่อาร์ตเขิน!!’ พีทถึงกับพึมพำในใจอย่างตกตะลึง



2 Be Con...

++++++++++++++++++++++

ขออภัยที่หายไปนาน งานยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้จริงๆ


รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part จบ (10/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2016 18:22:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part จบ (10/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 10-08-2016 18:39:36
หนูพีทเมนส์ไม่มาเหรอลูกเหวี่ยงแหลกรานเชียววส่สรเฮียสมหน้า 5555  :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part จบ (10/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-08-2016 21:27:38
ปิงนี่กะล่อนจริงๆ แถมยังหว่านเสน่ห์ใส่พีทอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 37 Part จบ (10/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 11-08-2016 16:46:54
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 13-08-2016 13:41:12
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่


- 38 -



                “เอ่อ...พี่ว่าพี่ไปอาบน้ำดีกว่า” อาร์ตปล่อยคนตัวเล็กในอ้อมกอดออกทันที หลังจากที่เหลือกันแค่สองคนในห้อง ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่มีวี่แววว่าจะอาบน้ำง่ายๆ



                พีทหรี่ตามองพฤติกรรมลุกรี้ลุกรนของอาร์ตอย่างจับผิด ในใจตอนนี้เต้นรัวเหมือนจังหวะตีกลองไม่มีผิด หัวก็นึกถึงคำพูดของปิงที่บอกก่อนจากไป ทุกอย่างมันวนเวียนไปมาไม่หยุด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ปิงพูดจะใช่เรื่องเดียวกันกับที่คิดตอนนี้ไหม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี



                “อาร์ต...” พีทลุกขึ้นเดินตามและดึงแขนของอาร์ตเอาไว้ พร้อมกับเดินอ้อมไปดักหน้าเพื่อจะถามความจริงให้รู้เรื่อง แต่พอเขาเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายก็หันหลังหนี เดือดร้อนต้องเดินอ้อมไปหาอีกครั้งและก็เหมือนเดิมคือโดนหันหลังให้



                “พี่มึงจะหันตัวหนีทำไมเนี่ย” พีทว่าด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ใบหน้าหวานเริ่มงอง้ำแสดงความไม่พอใจ



                “ก็น้องพีทจะมาเดินดักหน้าพี่ทำไมล่ะ” อาร์ตเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ตัวก็พยายามเบี่ยงหลบพีทที่เดินดักหน้าดักหลังอยู่แบบนั้น



                “โอ๊ย!!! พี่มึงหยุดอยู่เฉยๆเดี๋ยวนี้เลยนะ” สุดท้ายพีทก็โวยวายออกมาอย่างเหลืออดกับการไม่หยุดนิ่งของอีกฝ่าย สองมือยื่นไปจับตัวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้หันหนี แต่ถึงอย่างนั้นอาร์ตก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาสบตากันอยู่ดี ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้พีทมากขึ้นกว่าเก่า



                “พี่มึงหันหน้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ” พีทบอกเสียงเข้มแต่อาร์ตก็ยังคงยืนเฉยไม่ทำตาม



                “อาร์ต.....” พีทเรียกเสียงยานคางแต่ติดอ้อนหน่อยๆ อีกครั้ง จนในที่สุดอาร์ตก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วยอมหันมาสบตาคนเรียกแบบพีทในที่สุด



                “ครับ” อาร์ตขานรับสั้นๆ พร้อมกับใบหน้าคมที่ขึ้นสีเล็กน้อย



                “เรื่องพวงกุญแจที่พี่ปิงพูดหมายความว่ายังไง” พีทถามพร้อมกับดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ



                “ไม่มีอะไรหรอก ไอ้ปิงมันก็พูดไปเรื่อย” อาร์ตตอบเลี่ยงๆ แล้วก็หลบสายตาของพีท



                “อาร์ต...” พีทยื่นมือไปจับหน้าของอาร์ตให้หันกลับมาสบตากัน แล้วเขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากลงบนปากของอีกฝ่ายแผ่วเบา




                “น้องอยากรู้...นะ” พีทพูดเสียงอ้อนและส่งยิ้มอย่างน่ารักไปให้ ทำเอาอาร์ตถึงกับตะลึงยืนตาพร่ามัวหลงไปกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย



                “ครับ” อาร์ตถอนหายหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะยืนคอตกขานรับอย่างยอมแพ้หลุดลุ่ย ไม่รู้อีกฝ่ายไปหัดเรื่องแบบนี้มาจากไหน แต่ให้รู้ไว้เลยทำขนาดนี้อยากได้อะไรจากเขาเอาไปให้หมดเลย ยินดีให้ทุกอย่างแบบไม่ทวงคืน



                พีทยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจกับชัยชนะเล็กๆ ของตัวเองในครั้งนี้ ไม่เสียแรงเลยจริงๆ ที่ขโมยท่าทางของเพื่อนสนิทอย่างเลิฟมาใช้ เพราะนอกจากจะได้ผลดียังได้ผลเกินคาด เห็นทีเขาคงต้องเอามาใช้บ่อยๆ ซะแล้ว



“เฮ้อ...มานี่มา” อาร์ตถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วก้มลงหยิบอะไรบางอย่างที่ใต้เตียงออกมามา มันเป็นกล่องเหล็กขนาดใหญ่พอสมควร จัดการเปิดกล่องนั้นออกและหยิบบางอย่างมาถือไว้ในมือ



อาร์ตลุกขึ้นไปนั่งลงที่ปลายเตียง แล้วกวักมือเรียกพีทให้เดินมาหา ซึ่งเจ้าตัวก็ทำตามอย่างว่างง่ายพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักให้ไม่หยุด ก่อนที่อาร์ตจะดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงบนตัก และบังคับให้หันหน้าไปทางอื่น



“ห้ามหันมา” อาร์ตบอกเสียงเข้มเมื่อพีททำท่าจะหันกลับมา ก่อนจะซุกหน้าลงบนซอกคอของอีกฝ่าย และกดจูบสูดความหอมอยู่แบบนั้น แขนสองข้างก็โอบกอดเอวบางไว้แน่น



พีทดิ้นขยุกขยิกไปมาไม่อยู่สุข พยายามเบี่ยงตัวหันกลับไปหาอาร์ตอยู่แบบนั้น เพราะใจร้อนอยากฟังเรื่องทั้งหมด เดือดร้อนอาร์ตต้องลงแรงกอดรัดเจ้าตัวแน่นกว่าเก่า



“อยู่นิ่งๆ สิ” อาร์ตอดที่จะส่งเสียงดุออกไปไม่ได้ เพราะขนาดกอดเอาไว้แน่นพีทก็ยังอุตส่าห์ดิ้นไปมาไม่หยุด



“อย่ามาดุนะแม่ง!!” พีทใบหน้างอง้ำอย่างขัดใจ ขึ้นเสียงใส่อาร์ตด้วยความหงุดหงิด



“ขี้หงุดหงิดว่ะ” อาร์ตพึมพำที่ซอกคอขาวก่อนจะผงกหัวขึ้นมาหอมแก้มเนียน



“แบมือเร็ว” อาร์ตสั่งเสียงนุ่มที่ข้างหู



“แบไม” พีทว่าด้วยใบหน้าที่ยังคงบึ้งตึง แต่ก็ยอมแบมือออกตามที่อีกฝ่ายบอกโดยดี



แล้วหัวใจของพีทก็เต้นรัวแรงจนแทบจะทะลุอก เมื่อเห็นสิ่งของบางอย่างที่อาร์ตนำมาวางลงบนฝ่ามือ ใบหน้ารีบหันกลับหลังไปหาอีกฝ่ายในทันที



“บอกว่าอย่าหันมาไง” แต่ก็เป็นอันต้องหันกลับไปข้างหน้าเหมือนเดิม เพราะโดนอาร์ตเอามือมาจับไว้ทันและบังคับไม่ให้หัน พร้อมกับเสียงดุไม่จริงจังจากเจ้าตัว



“พวงกุญแจนี่มัน…” พีทพึมพำแผ่วเบาพร้อมกับมองพวงกุญแจในมือไม่วางตา รอยยิ้มกว้างประดับทั้งบนใบหน้าและดวงตา หัวใจเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง



“อืม...อันเดียวกัน” อาร์ตพยักหน้างึกงักอยู่ที่ซอกคอของพีท รู้สึกอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยคิดเลยว่าความลับที่อุตส่าห์เก็บงำมานาน และตั้งใจจะเก็บไปจนตายไม่พูดออกมาจะแตกเอาง่ายๆ ด้วยฝีมือของเพื่อนสนิทที่เอามันมาขายเพื่อเอาคืน



มันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคนอื่นที่จะบอก แต่สำหรับคนอย่างอาร์ตมันคือเรื่องที่ใหญ่ เหตุผลง่ายๆ เลยคือเขาอายที่จะพูด ว่าคนที่ได้พวงกุญแจจากน้องในอดีต ไอ้หัวเกรียนคนนั้นคือเขาเอง ในเมื่อน้องจำหน้าและจำรายละเอียดเกี่ยวกับวันนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ ใครมันจะไปกล้าเสนอหน้าบอกว่าตัวเอง



“ทำไมวันนั้นพี่มึงไม่บอกว่าเป็นตัวเองล่ะ” พีทถามออกมาเสียงเบา ตกใจให้กับความบังเอิญอันเหลือเชื่อ สมองคิดย้อนไปถึงวันแรกๆ ที่เจอกัน นี่สินะเหตุผลที่ตอนนั้นอาร์ตทักว่าคุ้นๆ หน้าเขา



“ก็คนบางคนจำอะไรไม่ได้เลย ใครมันจะกล้าบอกวะ” อาร์ตพึมพำตอบเสียงเบา



“ก็แค่ให้ไปเฉยๆ ไหมล่ะ ใครจะไปนั่งสนใจวะ” พีทเถียงกลับในทันทีด้วยความเคืองใจ ที่เหมือนโดนอาร์ตตัดพ้อกลายๆ แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่คิดด้วยว่าอีกฝ่ายจะเก็บไว้ ไอ้พวงกุญแจแต๋วแตกในสายตาผู้ชายทั่วๆ ไปอันนี้น่ะ



“พีทไม่สนแต่คนที่ได้ของเขาสนนะ และอะไรบางอย่างมันก็มีค่ามากกว่านั้น” คำพูดกำกวมของอาร์ตทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ




“หมายความว่าไง” พีทถามและพยายามหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย และก็เหมือนเดิมคือโดนจับไว้ไม่ให้หัน และนั่นก็สร้างความหงุดหงิดใจให้ไม่น้อย



“จำได้หรือเปล่าว่าตัวเองพูดอะไรตอนที่ให้มันมา” คำถามของอาร์ตทำให้พีทพยายามคิดย้อนไป แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก ภาพความทรงจำในวันวานมันลางเลือนและเป็นแค่เงาจางๆ เท่านั้น



...

...



อาร์ตเดินฝ่าสายฝนเรื่อยๆ อย่างไม่คิดจะสนใจสภาพเปียกปอนของตัวเอง ภาพใบหน้าเจ็บปวดของผู้สูญเสียในงานศพของพิม ใบหน้าเกรี้ยวกราดที่อยากฆ่าเขาให้ตายตกไปตามกันของชาติ ความเสียใจที่ฉายชัดออกมาผ่านใบหน้าของกลุ่มเพื่อนสนิท และแววตาแห่งความผิดหวังจากผู้มีพระคุณที่เหมือนผู้ให้กำเนิด ยังวนเวียนไปมาอยู่ในหัวไม่หยุด



 เขาไม่รู้ว่าพาตัวเองออกมาจากงานศพได้ยังไง รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ขาสองข้างพาเดินออกมาไกลแล้ว สิ่งที่จำได้มีแค่สายตาของคนเหล่านั้นที่มองมา แรงกระทบหนักๆ จากหมัดของชาติที่ซัดเข้าใส่ไม่ยั้ง เสียงสาปแช่งที่ก่นด่าไม่หยุด เขากลายเป็นฆาตกรที่รอวันพิพากษา ไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำ คำพูดของคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรไม่มีความหมาย เขาเป็นจำเลยที่ลงมือฆ่าพิมเพราะความหึงหวง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่



เอี๊ยด!!! โครม!!!



เฮ้ย!!! กรี๊ดดดดดดดดดดด



เสียงล้อรถที่บดกับพื้นถนนดังสนั่นและเสียงโวยวายของผู้คนรอบข้างที่ดังสนั่น ทำให้อาร์ตมองไปยังถนนเบื้องหน้าทันที ภาพที่เห็นคือความชุลมุนวุ่นวายจากเหล่าผู้คน และหมาตัวหนึ่งที่นอนหายใจรวยรินเลือดท่วมตัวบนกลางถนน พร้อมๆ กับอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ถ้าเขาก้าวขาออกไปให้รถชนแบบนั้น ตายไปทั้งๆ แบบนั้นมันจะดีกว่าหรือเปล่า มันจะชดเชยในสิ่งที่พี่ชาติสูญเสีย เพื่อนทุกคนจะกลับมามองเขาด้วยสายตาที่เหมือนเดิมไหม มันจะไม่ทำให้แม่ครูต้องก้มหัวร้องขอเพื่อช่วยเหลือเขาหรือเปล่า และถ้าเขาจากไปจริงจะมีคนเสียใจบ้างไหมหรือไม่มีเลย



ผลั่ก!!!



ในระหว่างที่อาร์ตมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็มีอันให้ต้องล้มลงไปนั่งกองกับพื้นแบบไม่เป็นท่าจากการที่โดนคนที่วิ่งวุ่นไปมาแถวนั้นชนเอา แต่ถึงอย่างนั้นอาร์ตก็ไม่ได้ใส่ใจกับสภาพของตัวเองเท่าไหร่ ทิ้งตัวให้นั่งอยู่บนฟุตบาทที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำ และปล่อยให้สายฝนจากฟ้าตกกระทบใส่ร่างกายอยู่แบบนั้น



ไม่รู้ว่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนั้นนานแค่ไหน จนกระทั่งเริ่มรับรู้ว่าสายฝนที่หล่นลงมาไม่ได้สัมผัสที่ตัวแล้ว และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเพื่อที่จะมองท้องฟ้า สิ่งที่เจอทำให้เขารู้ว่าฝนไม่ได้หยุดตก แต่เป็นเพราะใครบางคนที่เอาร่มมากางให้ กับใบหน้าที่มองมาอย่างสงสัยของเด็กผู้ชายเจ้าของร่ม



“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมมานั่งตากฝนแบบนี้ล่ะ” คำพูดเจื้อแจ้วที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง ทำให้อาร์ตเหลือบมองนิดๆ ก่อนจะหันหน้าหนีอย่างไม่สนใจ



“ทะเลาะกับที่บ้านมาเหรอ” แต่ท่าทางของอาร์ตไม่ได้ทำให้เด็กคนนั้นรู้สึกไม่ดี กลับกันอีกฝ่ายยังพยายามที่จะคุยด้วยให้ได้ด้วยซ้ำ



“โห...หน้ามีแต่แผล พี่ไปทะเลาะกับใครมาเนี่ย” เสียงใสๆ ยังคงดังเข้ามาในโสตประสาทไม่หยุด จนอาร์ตต้องตวัดสายตากลับไปมองคนพูดด้วยความรำคาญ



“ยุ่ง!!” อาร์ตส่งเสียงตะคอกใส่ดุๆ และลุกขึ้นยืนเพื่อหวังจะเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโดนดึงแขนเอาไว้ ตั้งใจว่าจะหันกลับไปด่าก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อเจออีกฝ่ายมองกลับมาตาแป๋ว



“อะ...ผมให้” มือเล็กๆ ที่ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง และแกะออกจากกันก่อนจะยื่นมาให้ ทำเอาอาร์ตขมวดคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมยื่นมือออกไปรับแต่โดยดี



“ปัญญาอ่อน” อาร์ตว่าออกมาทันทีที่เห็นของในมือ มองพวงกุญแจคิตตี้ด้วยความเฉยชา



“โหย...ปาก อุตส่าห์ให้ของหายากเลยนะ” อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยใส่อาร์ตทันที



“งั้นเอาคืนไป” อาร์ตยื่นคืนให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล เพราะไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดกับของที่ได้มา



“ไม่เอาหรอก ให้แล้วผมไม่เอาคืน” อีกฝ่ายส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวันพร้อมกับถอยออกห่าง



“เวลาผมรู้สึกแย่เห็นคิตตี้แล้วจะมีความสุข ผมแบ่งความสุขให้พี่นะ” อีกฝ่ายส่งยิ้มกว้างอย่างน่ารักให้อาร์ต จนคนได้รับหัวใจสั่นไหวด้วยความรู้สึกอึดอัดภายในอย่างรุนแรง ความสุขงั้นเหรอ...



“ถ้าทะเลาะกับใครแล้วรู้สึกผิดก็ไปขอโทษเขานะพี่ จะได้ไม่ต้องมานั่งหน้าเศร้าตากฝนแบบนี้” อีกฝ่ายยังคงพูดเจื้อแจ้วออกมาไม่หยุด แต่ทุกคำพูดมันแฝงไปด้วยความห่วงใยที่มองให้ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน



“ถ้าขอโทษแล้วเขาไม่ให้อภัยล่ะ” อาร์ตถามออกไปเสียงแหบพร่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าถึงภามออกไป รู้แค่ว่าในตอนนี้เขาอยากได้ใครสักคนที่รับฟัง



“พี่ไปทำให้ใครโกรธอ่ะ...แต่ว่านะป๊าผมเคยบอกว ถ้าเราตั้งใจขอโทษสักวันคนที่เขาโกรธเราเขาจะให้อภัย” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริงและส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้อาร์ต



“แล้ว...”



“คุณหนูคะ” แต่ยังไม่ทันที่อาร์ตจะได้พูดอะไรต่อ เสียงตะโกนเรียกจากใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นมา พร้อมๆ กับที่อีกฝ่ายทำตาโตตกใจ ท่าทางลุกลี้ลุกลน



“ผมต้องไปแล้วนะพี่...นมเรียกแล้ว” อีกฝ่ายว่าแค่นั้นก่อนจะออกตัววิ่ง ทิ้งให้อาร์ตยืนมองพวงกุญแจในมือนิ่ง



“พี่!!!” แต่แล้วเสียงตะโกนเรียกก็ทำให้อาร์ตต้องละสายตาจากของในมือ เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่ยืนห่างออกไปพอสมควร



“สีชมพู!!” สิ่งที่อีกฝ่ายตะโกนออกมาทำให้อาร์ตขมวดคิ้วมุ่น



“เขาบอกว่าสีชมพูเป็นสีแห่งความรัก ความรักทำให้คนมีความสุข” อีกฝ่ายยังคงตะโกนบอกออกมาไม่หยุด ส่วนอาร์ตก็ยืนตั้งใจฟังในสิ่งที่เจ้าตัวพูด



“สีชมพูทำให้มีความสุข สู้ๆ นะพี่” อีกฝ่ายโบกมือให้ไปมาไม่หยุดพร้อมทั้งรอยยิ้มสดใส ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งหายไปจากบริเวณนั้น



มันก็แค่คำพูดไร้สาระของเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าคนหนึ่ง ของที่ได้มาก็ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาค่างวดอะไร แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกในหัวใจมันถึงเหมือนได้รับการเยียวยารักษา



ฝนหยุดตกไปแล้ว ท้องฟ้ากำลังกลับมาสว่างสดใส ถ้าเขาเชื่อในสิ่งที่เด็กคนนั้นพูด สักวันจะได้รับการให้อภัยไหม ถ้าสีชมพูคือตัวแทนแห่งความสุขจริง ฝนที่ตกในใจเขาวันนี้มันจะหยุดตกหรือเปล่า...



...

...



คำบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ขาดหายไปจากความทรงจำ ทำให้ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ไม่หยุด เขาจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรแบบนั้น จำหน้าคนๆ นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่หนึ่งที่แฝงมากับความรู้สึกทั้งหมดคือใจหาย ถ้าวันนั้นเขาไม่เดินเข้าไป เขาอาจจะไม่ได้เจอคนๆ นี้แล้วสินะ



“หลังจากนั้นพี่กลับบ้านไปหาแม่ครู เล่าเรื่องทุกอย่างทั้งหมดและสู้คดี เกือบจะไม่รอดจากคุกแล้วด้วยซ้ำ เพราะหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์มันอ่อน ปืนกระบอกนั้นก็มีลายมือพี่” อาร์ตเล่าต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่น



“เงินที่จะใช้ในการสู้คดีก็น้อยลงทุกวัน เพราะแค่ประกันตัวพี่ออกมาตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง แม่ครูก็แทบจะใช้เงินจากการดูแลบ้านทั้งหมดมาช่วย ทางบ้านพี่ชาติเขามีเงินและมีเส้นสายพอควร ฟ้องร้องสู้คดีแบบไม่ยอมเหมือนกัน เพราะตั้งใจจะเอาพี่เข้าคุกให้ได้ พี่เองก็เกือบๆ ตัดใจแล้ว”




“แล้วทำไมถึงชนะล่ะ” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะจากที่ฟังมันปิดประตูแพ้ทุกทาง ต่อให้บริสุทธิ์แค่ไหนแต่ไม่ว่าจะที่ใดบนโลก อำนาจเงินบันดาลหลายอย่างได้มากกว่าที่คิด



“ไอ้ปิง...มันมาช่วย ทำให้เรื่องเข้าไปพิสูจน์หาหลักฐานกันใหม่อีกรอบ หลังจากที่ตำรวจแทบจะไม่หาหลักฐานอะไรเลย และสุดท้ายพี่ก็ชนะคดีถูกสรุปง่ายๆ ว่าอุบัติเหตุพร้อมกับจบเรื่องกันไป” อาร์ตเล่าต่อเรื่อยๆ อย่างไม่คิดปิดบังอะไร



“ถึงว่าสิพี่ชาติเขาดูไม่ค่อยชอบหน้าพี่มึงกับพี่ปิงเท่าไหร่ แต่ว่าพี่มึงเกือบติดคุกนะทำไมไม่ฟ้องกลับล่ะ” พีทว่าออกมาหน้ามุ่ยไม่พอใจ และพาลโกรธเคืองไปหาชาติทันที



“ฮ่าๆ แค่นั้นพี่ชาติเขาก็เสียใจแล้วพี่เองก็ไม่ได้ติดคุก ถึงจะไม่ได้ฆ่าพิมตายกับมือแต่ที่เขาตายต้นเหตุก็จากพี่ทั้งนั้น คดีความพี่ไม่ผิดก็จริงแต่เรื่องทั้งหมดมันจะไม่เกิดถ้าพี่ไม่ทำแบบนั้น และหลังจากนั้นพี่ก็ทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่ไปเอาหน้ารับตีนใคร” อาร์ตถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างเหนื่อยใจ แต่ก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกทั้งหมดกับการที่ได้เล่าเรื่องราวใอดีต เอาหน้าซุกซอกคอของพีทแล้วถูไถไปมา



“พี่มึงเลยทำตัวเป็นพระเอกรับความผิดทุกอย่าง ยอมให้ไอ้พี่ชาติโขกสับเนี่ยนะ” พีทเบะปากออกมาด้วยความหมั่นไส้ให้กับสิ่งที่อาร์ตทำตอนนี้



“เขาไม่ได้โขกสับเหอะไอ้ดื้อ พี่ไม่ใช่นางทาสนะเว้ยแค่ไม่อยากมีเรื่องกับเขา ที่สำคัญพี่ชาติเขาไม่ใช่ไม่รู้เขารู้ทุกอย่าง แค่ยังรับความจริงไม่ได้” อาร์ตแก้ต่างให้ชาติอย่างใจเย็น



“รับไม่ได้ที่น้องสาวตายหรือน้องสาวเป็นโรคประสาท” พีทอดที่จะว่าเหน็บแหนมออกมาไม่ได้ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกโมโหแทนคนรัก



“หืม...รู้ได้ไงว่าพิมเป็นโรคประสาท” อาร์ตถามกลับทันทีด้วยความแปลกใจ เขามั่นใจว่าไม่ได้เล่าเรื่องนี้ออกไปนะ เพราะอยากให้เกียรติคนตายไปแล้วอย่างพิม แล้วคนบนตักเขาไปรู้มาจากไหนล่ะ



“ถ้ามีสมองใครได้ฟังก็รู้หมดแหละ สรุปว่าประสาทจริงใช่ไหมล่ะ” พีทว่าเสียงเนือยๆ พร้อมกับกรอกตาไปมา




“อืม...พิมเคยรักษาตัวมาแล้วจนคนที่บ้านคิดว่าหายดี จนพี่ไปกระตุ้นเขานั่นแหละมันเลยเกิดเรื่อง” อาร์ตว่า



“เออ...คิดๆ ไปพี่มึงก็เลวเนาะ ทำไปได้” พีทว่าพร้อมกับส่ายหัวไปมา



“เมียครับ...ถ้าจะด่าพี่ขนาดนี้เอามีดมาแทงเหอะ” อาร์ตโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด เพราะไม่คิดว่าจะโดนพีทด่าตรงๆ แบบนี้



“ก็เรื่องจริง พี่มึงจะโวยวายทำไม” พีทว่าอย่างไม่ใส่ใจ อย่างที่บอกนั่นแหละเรื่องจริงทั้งนั้น



“แต่ไม่คิดเลยนะว่าพี่มึงจะเก็บไว้ด้วย” พีทพึมพำออกมาแผ่วเบา พร้อมกับมองพวงกุญแจในมืออย่างสุขใจ



“ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเก็บเหมือนกันรู้ตัวอีกที่พี่ก็ซื้อเก็บเต็มไปหมด พอมองมันแล้วมีความสุขรวมทั้งชอบสีชมพูไปด้วยเฉยเลย” อาร์ตว่าพร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆ




“ซื้อมาตั้งเอาไว้เกลื่อนห้อง สงสัยรอเจ้าของมันมั้ง” อาร์ตว่าต่อเสียงแผ่วเบาแต่เรียกสีแดงขึ้นเป็นริ้วๆบนหน้าพีททันที



“เออดี...เดี๋ยวจะขนกลับไปไว้บ้านให้หมด” พีทว่าแล้วพยายามกลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตก และท่าทางน่ารักๆ นั่นก็ทำให้อาร์ตอดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มเจ้าตัวทันทีอย่างมันเขี้ยว



“รู้ไหมว่าพวงกุญแจเล็กๆ อันเนี่ย กับคำพูดของพีทวันนั้นช่วยอะไรพี่ไว้” อาร์ตพูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยน แขนโอบกอดเอวบางเอาไว้แน่น มือก็เลื่อนไปประสานเข้ากับมือเล็กทั้งสองข้าง เกาะกุมเอาไว้อย่างไม่คิดที่จะปล่อย



“มันทำให้คนๆ นึงที่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ลุกขึ้นสู้และหันหน้ามาเผชิญกับความจริง” อาร์ตยังคงพูดเรื่อยๆ พร้อมกับวางคางไว้บนไหล่มน



“อย่ามาเว่อเหอะ” พีทเอ่ยขัดอาร์ตด้วยความเขินพร้อมกับเอนตัวพิงอกของอีกฝ่าย ปากก็ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู ซึ่งอาร์ตก็ได้แต่มองอย่างเอ็นดูและขำออกมาเบาๆ



"พีทเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า ความบังเอิญ โชคชะตา พรหมลิขิตหรืออะไรก็ได้...แต่พี่เชื่อนะและเชื่อมาตลอด ว่าเจ้าของพวงกุญแจในวันนั้น คือพรหมลิขิตของพี่" คำพูดต่อมาของอาร์ตทำให้พีทต้องหันกลับไปมองอีกฝ่ายทันที และครั้งนี้ก็ไม่ถูกขัดขวางแต่อย่างใด



ตาสองคู่จ้องมองกันเนิ่นนานด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้น พร้อมกับหัวใจของทั้งคู่ที่ไม่ได้เต้นเสียงดังแต่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อนที่ใบหน้าจะเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ





2 Be Con...



++++++++++++++++++++

น้ออออออออออออออออออ มีความน้ำเน่าและซีรี่ย์เกาหลีมาก

พยายามเขียนให้โรแมนติกที่สุดแล้วนะ

หวังว่าจะมีความละมุน อบอุ่น โรแมนติก

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.เมื่อวานเบี้ยวเพราะพาแม่เที่ยว เนื่องในโอกาสวันแม่

เลยขอเวลาให้ครอบครัวนิดนึงนะคะ ไม่โกรธเนาะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-08-2016 14:25:10
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-08-2016 18:01:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-08-2016 10:59:34
หมดเรื่องซะทีนะ มีความสุขซะที :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 14-08-2016 12:03:40
น้ำเน่าแบบอดยิ้มไม่ได้เลยละค้าา  o18
แต่อินังพิมพ์นี่ตายๆไปแล้วอย่าพูดถึงเถอะค่ะ
ส่วนอิ Here พี่ชาติก็รอให้มันรับความจริงได้ก่อนนะคะ
อีกสักหน่อยคงขนลำไยมาทั้งลำพูนแล้วมั้ง  :angry2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer_love ที่ 14-08-2016 13:39:36
สนุกครัยติดตาม
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-08-2016 15:49:06
ชอบเวลาอาร์ตกะพีททะเลาะกัน ปากพีทนี่นะ ไวดีมากเลย 5555555
สนุกดี น้ำเน่าคล้ายคลึงละครช่องน้อยสี 555555
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-08-2016 23:56:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 38 (13/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer_love ที่ 15-08-2016 15:45:38
 :ling1: :z13:รอ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 39
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-08-2016 18:06:41
คุ่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 39 -



                ใบหน้าของทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันช้าๆ เหมือนมีแรงดึงดูด จนกระทั่งริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา ต่างฝ่ายต่างกดจูบกันและกันอย่างนุ่มนวลกดย้ำซ้ำๆ จนพอใจ




อาร์ตถอยห่างออกมาเล็กน้อยแล้วสบตาของพีทที่มองมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาใบหน้าเนียนอีกครั้ง และดูดเม้มวนเวียนชิมความหวานจากปากนิ่ม เมื่อพอใจแล้วก็แทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากเล็ก



“อืม…” พีทส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ อย่างพึงพอใจ ในขณะที่ส่งลิ้นของตัวเองเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของอีกฝ่ายไปมา แขนเรียวยกขึ้นคล้องรอบคอของอาร์ตแน่น และลำตัวที่บดเบียดอีกฝ่ายไม่หยุด



ฝ่ามือหนาของอาร์ตเคลื่อนเข้าไปใต้ร่มผ้าของคนบนตัก ลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังเนียนแล้ววกกลับมาทางด้านหน้า บีบเค้นเล็กน้อยตามลำตัวขาวผ่อง ก่อนจะส่งปลายนิ้วไปทักทายที่ยอดอก



“อื้อ...อืม…” พีทส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอไม่ขาดช่วง ลมหายใจหอบเหนื่อยจากความเสียวซ่าน รู้สึกเจ็บที่ยอดอกไม่น้อยเมื่อถูกบดขยี้อย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างกลับแอ่นอกเข้าหาฝ่ามืออย่างไม่ลดล่ะ



ฝ่ามือเล็กเลื่อนขึ้นไปขยุ้มกลุ่มผมสีแดงของอาร์ตจนยุ่งเหยิง ปากก็บดจูบแลกลิ้นกับอีกฝ่ายไม่หยุด สะโพกบางก็บดเบียดส่ายร่อนบนตักแกร่งไปมา



อาร์ตอาศัยจังหวะที่พีทหลงมัวเมาไปกับการโอ้โลมของตัวเอง จัดการดึงเสื้อยืดตัวบางของอีกฝ่ายออกและโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงไปตามลำตัวขาวผ่อง



พีทแหงนเงยหายใจหอบกระเส่า สะบัดไปมาจนเส้นผมแตกกระจาย ยิ่งริมฝีปากร้อนดูดเม้มลงมาบนผิวกาย ยิ่งรู้สึกวาบหวามไปทั่วผิวกายจนขนลุกชัน



“นะ...ไหนบอกจะไปอาบน้ำไง” พีทพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ขาดห้วงแทบจะไม่เป็นคำ พร้อมกับที่ฝ่ามือทั้งสองข้างขยุ้มบนกลุ่มผมสีแดง ที่ตอนนี้กำลังคลอเคลียกับยอดอกตัวเอง



“ขี้เกียจแล้ว” อาร์ตงึมงำตอบเสียงอู้อี้ เพราะปากกำลังดูดกลืนจุกนมตรงหน้า ก่อนจะถอยออกห่างและยกพีทด้วยแรงมหาศาล ที่คนโดนยกเองยังตกใจกับเรี่ยวแรงนั้น ให้หันเข้าหาและนั่งคร่อมบนตัก



“เล่นอะไรวะ ตกใจหมด” พีททุบลงไปที่ไหล่ของอาร์ตด้วยแรงที่ไม่มากนัก เพราะตกใจจากการกระทำเมื่อครู่ของอีกฝ่าย




“เล่นที่ไหนล่ะ” อาร์ตว่าและก้มลงกัดที่จุกนมเป็นการเอาคืน



“อ๊ะ...ซี๊ด...เจ็บนะแม่ง” พีทถึงกับสะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บไม่น้อย แต่มันมาพร้อมกับความเสียวเมื่อโดนลิ้นซุกซนเลียซ้ำ ก่อนจะต้องเปลี่ยนเป็นแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากช่ำชอง เมื่ออีกฝ่ายดูดดึงไม่หยุด



“อื้อ...อาร์ตแม่ง...หยุดเลยนะ ยังไม่ครบเดือนเลยอย่ามาเนียน” พีทตบลงที่แผ่นหลังของอาร์ตเพื่อห้าม เมื่อฝ่ามือหนาเลื้อยเข้ามาด้านในกางเกง และนิ้วซุกซนกำลังไล่วนที่ปากทางรักด้านหลัง



“อนุโลมได้ไหมล่ะครับ” อาร์ตงึมงำตอบพร้อมกับยิ้มขำให้พีท ที่เหตุการณ์เลยเถิดมาจนป่านนี้แล้ว อีกฝ่ายยังจะมาทวงสัญญาเก่าเก็บอยู่อีก




“อ๊ะ...มะ...ไม่...อื้อ” พีทปฏิเสธเสียงสั่นก่อนจะซวนเซซุกใบหน้าลงที่ไหล่ของอาร์ต เมื่อโดนอีกฝ่ายโจมตีที่ส่วนหน้า



มือหนากำรอบแก่นกายน่ารักไว้แน่น ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบวนที่ส่วนปลายยอดและกดไล่ไปตามรอยแยก จนมีน้ำใสๆ ปริ่มล้นออกมาให้เห็น



“คราวหลังถ้าจะห้ามก็อย่าให้ความร่วมมือตั้งแต่แรก” อาร์ตกดจูบกลีบปากนิ่มตรงหน้าอีกครั้ง และส่งนิ้วเรียวเข้าไปในช่องทางรักพร้อมกันสองนิ้ว จากนั้นก็ขยับเข้าออกช้าๆ และแทรกนิ้วเข้าไปเพิ่ม



“อุ่ก...อื้อ...อึ่ก” พีทส่งเสียงประท้วงในลำคอเพราะความคับแน่นที่ด้านหลัง และเจ็บไม่น้อยจากการที่โดนขยายช่องทางแบบกะทันหัน เนื่องจากห่างหายกับเรื่องนี้ไปเกือบเดือนทำให้ปรับตัวไม่ทัน



อาร์ตถอนนิ้วมือทั้งหมดออกมา และจัดการพลิกตัวพีทลงไปนอนแผ่หลาบนเตียง จากนั้นก็ตามไปคร่อมทับใช้จมูกคลอเคลียข้างแก้มไม่ห่าง



“คิดถึงจะตายห่า” อาร์ตพึมพำชิดใบหู แล้วระดมจูบทั่วใบหน้าของพีทไม่หยุด



“ฮะๆ พอได้แล้ว จั๊กจี้แม่ง” พีทหันหน้าหลบปากอาร์ตเป็นพัลวัน มือก็คอยดันใบหน้าของอีกฝ่ายให้ถอยห่าง



“ไม่...คราวหลังโกรธยังไงก็ต้องรับโทรศัพท์รู้ไหม” อาร์ตจับมือเล็กที่ดันหน้าของตัวเองไว้ แล้วหันมากดจูบลงบนหลังมือแทน



“คนโกรธที่ไหนเขารับโทรศัพท์ล่ะ” พีทตอบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อย ลำตัวบิดเร่าไปมาเพราะความวาบหวาม มือใหญ่บรรจงลูบไล้ไม่หยุด



“เถียงตลอด” อาร์ตกดจูบลงที่แก้มเนียนอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะผละออกเล็กน้อยแล้วตาเจ้าชู้ใส่พีท



“ทำตาแบบนี้ใส่ทำไม จะอ่อยเหรออาร์ต” พีทอมยิ้มขวยเขินแล้วยกมือลูบแก้มอาร์ตเบาๆ



“แล้วอ่อยติดไหมล่ะ” อาร์ตก้มลงกระซิบถามชิดปากปากบาง ดวงตาส่องประกายวิบวับแสดงความเจ้าเล่ห์



“ไอ้หน้าม่อ” พีทว่าด้วยความหมั่นไส้แล้วใช้ฟันงับลงที่ริมฝีปากล่างของอาร์ต กัดดึงเล่นไปมาก่อนจะแนบปากตัวเองประกบและแทรกลิ้นเข้าไปภายใน บดจูบดูดดึงอย่างหนักหน่วงพร้อมกับท่อนแขนที่ยกขึ้นคล้องลำคอคนด้านบน ให้โน้มลงมาใกล้เพื่อจะได้จูบถนัดขึ้น



อาร์ตบีบเค้นหนักๆ ไปทั่วลำตัวขาวผ่อง ปากก็บดจูบตอบสนองคนใต้ร่างแบบไม่ขาดตอน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดจูบที่ข้างแก้มและไล่ลงมาที่ซอกคอ ดูดเม้มสร้างรอยจนพอใจถึงยอมถอยห่าง และไล่จูบลงมาจนถึงแผ่นอกบางก่อนจะแวะทักทายที่ยอดอกชูชัน



พีทถึงกับผวาสุดตัวเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนแนบลงมาบนผิวกาย ก่อนนอนบิดเร่าแอ่นอกเข้าหาเมื่อปลายลิ้นร้อนตวัดเลียที่ยอดอก พร้อมกับที่อีกข้างก็โดนนิ้วมือบดขยี้ไม่ต่างกัน



อาร์ตละเลงปลายลิ้นยอดอกสีสดทั้งสองข้างสลับไปมา จนมันแข็งเป็นไตสู้กับลิ้นที่ไล่เลีย จากนั้นอาร์ตก็แนบริมฝีปากพรมจูบไปทั่วแผ่นอก ไล่เลียดูดดึงตามผิวขาวผ่องเรื่อยมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ ส่งปลายลิ้นเข้าไปเลียวนทักทายหลุมสะดือสวย และอ้าปากงับลงที่ท้องเนียนจนขึ้นรอยฟัน



“อ๊ะ” พีทส่งเสียงครางในลำคอแผ่วเบา รู้สึกได้ว่าขนทั่วกายลุกชัน ภายในช่องท้องเสียววูบอย่างบอกไม่ถูก รวมทั้งส่วนกลางลำตัวที่เริ่มแสดงปฏิกิริยาตื่นตัวภายในกางเกงอีกครั้ง หลังจากสงบนิ่งลงไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้



อาร์ตกดจูบเรื่อยลงมาจนถึงขอบกางเกง เลยจัดการใช้มือทั้งสองข้างปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางออกทันที ระหว่างที่ค่อยๆ ดึงกางเกงเนื้อหนาออกจากขาเรียว ริมฝีก็กดจูบตามติดเรื่อยลงมาไม่ยอมห่าง จนกระทั่งปราการชิ้นสำคัญหลุดพ้นร่างกายออกไป



อาร์ตแยกขาเรียวให้อ้าออกกว้างไล่ดูดเม้มไปทั่วโคนขาอ่อนทั้งสองข้าง ก่อนจะดันสะโพกมนให้ยกขึ้นสูงจนเห็นช่องทางรักได้ถนัด จัดการยื่นหน้าเข้าไปใกล้และส่งปลายลิ้นเข้าไปเลียวนที่ปากทาง ตวัดปลายลิ้นไล่ขึ้นไปหาลูกบอลแฝดตรงหน้า แล้วอ้าอมเข้ามาไว้ในปากหยอกล้อสลับไปมาทั้งสองลูก จากนั้นก็จูบซับไปตามความยาวของแก่นกายน่ารักจนถึงปลายยอด ดูดเม้มที่ส่วนปลายแรงๆ ตามด้วยการครอบปากลงไป



“อ๊ะ...อื้อ” พีทครางเสียงกระเส่าบิดเร่าไปมาจนแผ่นหลังแอ่นลอยขึ้นจากที่นอน มือสองข้างขยุ้มลงบนเส้นผมของอาร์ตแน่น สะโพกขยับส่ายร่อนไปตามจังหวะชักนำของริมฝีปากหนา ความอุ่นร้อนและความชื้นแฉะที่สัมผัสบนแก่นกายทำให้พีทแทบคลั่ง ความสาดเสียวมากมายมหาศาลกำลังถาโถมเข้าใส่ไม่หยุด จนต้องเด้งสะโพกส่วนเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายไม่ยั้ง



“อะ...อาร์ต...แฮ่ก...อื้อ...เร็ว” พีทสั่งด้วยน้ำเสียงกระท่อนแท่นแทบไม่เป็นคำ สะโพกยังคงรัวใส่โพรงปากไม่หยุดเมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย ซึ่งอาร์ตเองก็ไม่ใจร้ายจัดการผงกหัวขยับขึ้นลงให้รัวเร็ว และในที่สุดพีทก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาจนเต็มปาก



“อ๊าาาา” พีทครางออกมาเสียงดังอย่างสุขสมแต่ยังไม่พอใจทั้งๆ ที่เพิ่งจะปลดปล่อยออกมา มือเล็กไขว่คว้าไปมาสะเปะสะปะ ดวงตาเรียวมองอาร์ตอย่างขอร้อง ริมฝีปากบวมช้ำเผยอขึ้นอย่างเชิญชวน



อาร์ตไล่สายตาไปตัวลำตัวขาวผ่องที่ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูทั้งตัวอย่างพอใจ จับขาเรียวทั้งสองข้างให้อ้าออกกว้างมากขึ้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไป มือหนาจับเอาท่อนลำบวมเป่งที่ขยายขนาดขึ้นอย่างน่ากลัว เห็นเส้นเอ็นเส้นเลือดรวมทั้งมุกที่ฝังไว้อย่างเห็นได้ชัดออกมา จัดการชักมันขึ้นลงช้าๆ จนมีน้ำใสๆ ปริ่มตรงส่วนปลาย จากนั้นก็จับไปไล่วนยั่วเย้าที่ช่องทางรักซึ่งกำลังขมิบระรัวเชิญชวนอย่างหยอกเย้า



“อาร์ต...อย่าแกล้ง เข้ามา” พีทร้องบอกด้วยเสียงกระเส่าและลมหายใจหอบเหนื่อยที่เต็มไปด้วยความต้องการ ดวงตาฉ่ำวาวช้อนมองอย่างออดอ้อนพร้อมกับสะโพกที่แอ่นเชิญชวนโดยที่ไม่รู้ตัว



“ไม่ได้แกล้งแต่น้องพีทพร้อมแล้วเหรอ” อาร์ตถามเสียงพร่าและมองพีทด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ จับแก่นกายถูวนที่ปากทางเข้าไปมาไม่หยุดพร้อมกับดันส่วนหัวเข้าไปเล็กน้อยและดึงออกมา ทำซ้ำๆ อยู่แบบนั้นเพื่อก่อกวน



“เข้ามาเดี๋ยวนี้เลยแม่ง!!! อย่ากวนตีน” พีทตวาดแหวทันทีด้วยความโมโห อยากจะลุกขึ้นเอาเล็บข่วนหน้าหล่อๆ ให้เสียโฉมด้วยความหมั่นไส้ รู้ทั้งว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนอีกฝ่ายก็ยังหาเรื่องมากวนประสาทได้แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้



“หึ หึ ขี้โมโหจริงๆ คนเรา” อาร์ตว่าอย่างไม่จริงจังและจัดการดันท่อนลำเข้าไปในช่องทางรักทันที



ปึ่ก!!!



“อ๊าาาาา” พีทครางออกมาดังลั่นทันทีเมื่ออาร์ตเข้ามาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว และยังเข้ามาในครั้งเดียวจนสุดความยาว โดยที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอะไรให้มากไปกว่าก่อนหน้านั้นที่ทำ ส่งผลให้ช่องทางที่โดนขยายออกกว้างอย่างกะทันหันสร้างความเจ็บปวดไม่น้อยเลยให้กับพีท



“เจ็บนะแม่ง!!” พีทตวัดสายตามองอาร์ตด้วยความขุ่นเคือง เจ็บหนึบไปหมดทั่วบริเวณปากทางเข้า



“ก็น้องพีทบอกเองนะว่าให้รีบๆ เข้าไป” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะดึงท่อนลำที่โดนบีบรัดถี่ยิบออกมาจนเกือบสุด



“ก็ไม่ต้องรับขนาดนั้นไหม อ๊าาาา” พีทเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมกับครางออกมาเป็นระยะ ใบหน้าเนียนเบ้ออกเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงขยับ



“ไม่อยากให้เมียรอ” อาร์ตว่าพร้อมกับอัดเสยสะโพกกลับเข้าไปเต็มแรง




“ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!! แม่งจุกนะเว้ย” พีทโวยวายออกมาดังลั่นพร้อมกับทุบลงไปที่แขนของอาร์ตเต็มแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจิกเล็บลงไปที่ท่อนแขนแทน เมื่ออาร์ตเริ่มขยับตัวเองอีกครั้ง



“เลิกด่าได้แล้ว” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วก้มลงประกบจูบเพื่อปิดปากอีกฝ่าย พร้อมกับสะโพกที่ขยับออกและกระแทกกลับเข้าไปอย่างหนักหน่วง ยิ่งช่องทางรักตอดรัดถี่ยิบอาร์ตยิ่งเพิ่มความแรงในการอัดกระแทกไม่ยั้ง



“อ๊ะๆๆๆ อาร์ต อ๊าาาา” พีทส่งเสียงครางระงมสลับกับเรียกชื่ออาร์ตไม่หยุด ลำตัวโยกคลอนสั่นไหวรุนแรงไปตามแรงอักกระแทกที่รัวเร็ว สะโพกบางส่ายร่อนขยับสวนรับความหนักหน่วงที่เข้าหาอย่างไม่ยอมแพ้ แขนสองข้างยกขึ้นโอบกอดกายแกร่งแน่น



อาร์ตตั้งหน้าตั้งตาอัดกระแทกเข้าใส่สะโพกบางไม่ยั้ง ยิ่งช่องทางรักคับแน่นตอดรัดถี่ยิบอาร์ตยิ่งแทบคลั่ง โหมกระแทกเข้าหาอย่างไม่กลัวว่าเอวบางๆ ของอีกฝ่ายจะหัก กลับกันยิ่งเห็นอีกฝ่ายบิดเร่าหน้าตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เสียงตรางหวานหูที่ดังระงมให้ได้ยินไม่ขาด ยิ่งทำให้อาร์ตเพิ่มแรงมากขึ้นและมากขึ้น อยากให้เอวบางๆ นี่หักขามือตัวเองด้วยซ้ำ



“อ๊ะๆๆๆ” เสียงครางของพีทยังคงดังชัดเจนต่อเนื่อง เรียวขาทั้งสองข้างเกี่ยวสะโพกของคนที่ขยับโยกบนตัวไว้แน่น มือจิกเกร็งลงไปบนผ้าปูที่นอนด้วยความสาดเสียวจนเกินบรรยาย เจ็บทุกครั้งที่ท่อนลำใหญ่โตขยับเข้าออกอย่างรุนแรง แต่มันคือความสุขสมที่เขาเองกับเสพติดและชื่นชอบ



อาร์ตมองใบหน้าที่สะบัดไปมาบนหมอนของพีทอย่างพอใจ บรรจงควบกระแทกรัวสะโพกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งมองเห็นใบหน้าเจ็บปวดปนสุขสมของพีทยิ่งมีความสุข



อาร์ตยอมรับว่าตัวเองมีรสนิยมบนเตียงค่อนข้างรุนแรง อาจจะไม่ถึงกับซาดิตส์แต่ไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป เขาชื่นชอบที่จะเห็นคู่นอนมีสีหน้าเจ็บปวดปนความสุขแบบที่คนใต้ร่างเป็นในตอนนี้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาไปฝังมุกเพราะทุกครั้งที่ใช้งาน เขาจะได้เห็นสีหน้าในแบบที่ตัวเองชอบ



ช่วงแรกเขากลัวว่าพีทจะรับไม่ได้ แต่เขาคิดผิดเพราะนอกจากอีกฝ่ายจะรับได้ เจ้าตัวยังตอบสนองกลับอย่างถึงใจทุกครั้งแถมยังชอบด้วยซ้ำไป ดูได้จากสะโพกที่ส่ายร่อนรับแรกกระแทกในตอนนี้ มันไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือปฏิเสธอะไรเลย



“อ๊ะๆๆๆ อาร์ต...แรงๆ” พีทร้องขอออกมาเสียงสั่น เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่ลดลง และแทบจะในทันทีที่ร้องของอีกฝ่ายก็เริ่มรัวใส่ไม่ยั้ง



อาร์ตจับสะโพกเล็กไว้แน่นและอัดกระใส่รัวเร็ว เมื่อเริ่มทนไม่ไหวและอยากปลดปล่อยออกมาเต็มที ซึ่งไม่ต่างจากพีทที่ใกล้จะปลดปล่อยอีกครั้งเหมือนกัน



“อ๊ะๆๆๆ อาร์ต...อื้อ...อ๊าาาาาา” และในเวลาไม่นานพีทก็ครางออกมาสุดเสียง พร้อมกับปลดปล่อยออกมาจนเปื้อนหน้าท้องของตัวเอง ส่วนอาร์ตที่เห็นแบบนั้นก็โหมกระแทกเข้าใส่ไม่ยั้ง และปลดปล่อยตามพีทออกมาในที่สุด



           พีทนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เหงื่อไหลซึมออกมาตามขมับและไรผม ช่องท้องรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดพ่นเข้ามา



“อ๊ะ” พีทนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่ออาร์ตถอนท่อนลำออกไป ก่อนจะหลับตาพริ้มรับสัมผัสของริมฝีปากที่แนบลงมาบนหน้าผาก



“เหนื่อยล่ะสิ” อาร์ตส่งยิ้มล้อเลียนให้พีทและลูบเหงื่อที่เกาะตามใบหน้าออกให้ ก่อนจะบิดปลายจมูกรั้นไปมาอย่างหยอกเย้า



พีทมองการกระทำของอาร์ตแล้วยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าของเจ้าตัวเบาๆ ดันตัวขึ้นเล็กน้อยและแนบปากไปสัมผัสที่ปากของอีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนพร้อมส่งยิ้มหวานให้



เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ระหว่างเราคบกันไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ แต่ทำไมกันนะถึงรักได้มากมายขนาดนี้ รักแบบหาคำตอบให้ตัวเองและคนอื่นไม่ได้ รู้แค่ว่าทุกอย่างที่เกิดมันคือความรักจริงๆ ไม่ใช่ความหลง และพร้อมที่จะแลกทุกอย่างเพื่อรักษาเอาไว้



“ทำตาหวานใส่อยากเพิ่มยกเหรอ” อาร์ตถามด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม เมื่อเห็นพีททำตาปรือปรอยฉ่ำวาวใส่



“หัวสมองให้มันไกลจากเรื่องนี้บ้างก็ได้นะ” พีทหุบยิ้มแทบจะทันทีและมองอาร์ตด้วยความเอือมระอา



“เลิกทำตัวน่ารักสิ พี่จะได้ไม่รักไม่หลงอยู่แบบนี้” อาร์ตทิ้งตัวลงนอนทับพีทและงึมงำที่ข้างหู และกดจูบย้ำๆ ที่ข้างแก้มไม่หยุด



ส่วนพีทได้แต่เหลือบตามองอย่างหมั่นไส้ให้กับคำหวานของอาร์ต นี่ขนาดเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันยังอดใจสั่นและเขินตามไม่ได้ แล้วถ้าเป็นผู้หญิงจะขนาดไหนกัน



“ของแบบนี้มันห้ามยากนะ อ่อนแอก็แพ้ไปดิ” พีทหันไปสบตาพร้อมกับยักคิ้วส่งให้



“หลงตัวเองไปไหมครับเมีย” อาร์ตว่าพร้อมกับขำเบาๆ ในลำคอ



“หลงไม่หลงไม่รู้ ที่รู้ๆ แถวนี้ก็มีคนมาหลงล่ะวะ” พีทยักคิ้วใส่อาร์ตแบบคนถือไพ่เหนือกว่า จนอาร์ตอดใจไม่ไหวระดมจูบไปทั่วใบหน้าทันที



“เออหลง...หลงจะตายห่าแล้ว” อาร์ตยอมรับอย่างไม่อิดออดและซุกหน้าลงที่ซอกคอพีท และนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่แบบนั้น



“พี่มึงลุกเร็ว” พีทส่งเสียงเรียกและขยุกขยิกไปมาเพื่อให้อีกฝ่ายขยับตัว



“ไม่เอา...อยากนอนกอดเมีย” อาร์ตพึมพำออกมาและดูกเม้มลงแรงๆที่ซอกคอ ไม่ยอมขยับตัวแสดงความงอแงเหมือนเด็กออกมาจนพีทหลุดขำ



“พี่มึงอย่างอแงดิ ลุกเร็ว” พีทว่าและยกมือดันตัวอาร์ตให้ลุกขึ้น



“น้องพีทนั่นแหละอย่างดื้อ นอนเฉยๆ ไปเลย” อาร์ตเถียงแบบไม่ยอมแพ้และกอดพีทแน่น



“อาร์ตแต่น้องเหนียวตัวนะเว้ย ข้างหลังก็เหนอะหนะไปหมดแล้วเนี่ย ถ้าคราวหลังอยากนอนกอดก็ใส่ถุงยาง” พีทบิดหูอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ และจ้องอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบึ้งตึง



“โอเคๆ งั้นไปอาบน้ำแล้วค่อยกลับมานอนกอด” อาร์ตว่าอย่างยอมแพ้และอุ้มพีทขึ้นแล้วพาเดินไปห้องน้ำ



“ไปเองก็ได้นะ” พีทบอกเสียงเบาเพราะรู้สึกเขินที่ต้องถูกอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวแบบนี้



“เดินเองไม่ไหวหรอก” อาร์ตว่าและเดินต่อเรื่อยๆ



“ว่าแต่แค่อาบน้ำอย่างเดียวจริงดิ ไม่สนอีกสักยกในห้องน้ำเหรอ” อาร์ตว่าและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้



“อยากอดสักครึ่งปีไหมอาร์ต” พีทส่งยิ้มหวานกลับไปให้ แต่ทำเอาอาร์ตเสียวสันหลังวาบ



“แค่แหย่เล่นเอง น้องพีทอย่าจริงจังสิ” อาร์ตแกล้งทำเป็นเหมือนพูดเล่น แต่ไม่ยอมสบตาพีทตรงๆ เวลาพูด



“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ท่องไว้นะอาร์ต ครึ่งปี” พีทลูบแก้มของอาร์ตเบาๆ และส่งยิ้มหงานให้ไม่หยุด ผิดกับอาร์ตที่ยิ้มแหยตอบกลับ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง เหมือนจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง สัญญาณที่ผู้ชายทั่วไปเกือบจะได้สัมผัสทุกคน สัญญาณที่เรียกว่า…



‘โรคกลัวเมีย’



2 Be Con...



+++++++++++++++

อืดท้องกันมาสักพัก ขาดเลือดเพิ่มไปด้วยล่ะกัน

ก๊ากกกกกกกกกก nc ก็มาดับความมาม่า

นิยายมันฟิลกู๊ดความสะเทือนตับก็เอาไปกรุ๊บกริบพอเนาะ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.

- นิยายช่วงนี้จะช้าไปจนกว่าจะเคลียร์ต้นฉบับเรื่องนี้สมบูรณ์เน้อ

- ตอนต่อไปเจอกันวันเสาร์ ไม่ก็ วันอาทิตย์

- สิ้นเดือนปิดลงชื่อจองแล้วนะ ใครลงชื่อแล้วอย่าลืมโอนตังเด้อ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 39 (17/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-08-2016 18:40:35
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 39 (17/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-08-2016 08:48:43
ว้ายยยย กลัวเมียยยยย 5555555
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 39 (17/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-08-2016 10:29:41
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 39 (17/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-08-2016 22:07:59
อ่านแบบยาวๆ เลยค่ะ
อาร์ตไม่รอด 555
พีทคือเหวี่ยงได้ทุกสถานการณ์

สุดท้ายก็เคลียร์กันแล้ว เข้าใจกันแล้ว
ไม่ง่ายเลยนะกับการฟัง แต่ไม่พูดกัน คนง้อก็รอไป

นาวน่ารัก ช่วยเพื่อนได้เยอะ รู้ทันชาวบ้าน 555

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 22-08-2016 02:06:56
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 40 -



หลังจากจบเรื่องราววุ่นวายของเหตุการณ์ในอดีต พีทก็ต้องรับมืออาร์ตที่เอาคืนด้วยการจัดหนักจัดเต็มทุกวัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นแค่อาทิตย์ละ 2-3 วัน กลายเป็นว่าอีกฝ่ายกวนเขาได้ทุกคืน ผลที่ตามมาคือการไปเรียนในสภาพซอมบี้ผ่านศึกทุกวัน และมันทำให้เขาขยาดที่จะลงโทษอีกฝ่ายด้วยวิธีแบบนี้อีก เพราะสุดท้ายผลของมันย้อนกลับมาหาเขาทั้งหมด ยังดีที่ช่วงสอบอีกฝ่ายยังมีสมองปล่อยให้เขาอ่านหนังสือ แต่ก็นั่นแหละพ้นช่วงสอบและตลอดปิดเทอมคือเขารับกรรม



แต่อย่างน้อยพอเปิดเทอมใหม่มาก็มีเรื่องดีๆ ต้อนรับพีทบ้าง นั่นก็คือผลสอบที่ออกมาได้ดีอย่างที่ตั้งใจสมกับที่อ่านหนังสือเกือบตาย และการรับน้องสุดนรกที่สิ้นสุดลงสักทีหลังจากตลอดเทอมแรกที่ผ่านมา เขาโดนรุ่นพี่แกล้งสารพัดใช้ให้ทำอะไรพิสดารตลอด ดีหน่อยที่ไม่ได้เหนื่อยเองทั้งหมด




“เห่ออะไรขนาดนั้นน้องพีท” อาร์ตเอยปากแซวและส่งสายตาล้อเลียนให้พีท เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอมยิ้มมองของในมือไม่วางตา แถมด้วยการทำหน้าภูมิอกภูมิใจเหมือนได้รับเหรียญกล้าหาญ



“ก็กว่าจะได้มาเกือบตายเลยนี่หว่า” พีทหันมาค้อนอาร์ตตาคว่ำด้วยความเคืองที่โดนแซว ก่อนจะหันไปมองของในมือแล้วทำตาเคลิ้มอีกรอบ



พีทเพิ่งจะได้ไอ้ของในมือมาเมื่อเช้านี้เองมันเลยอดที่จะดีใจไม่ได้ ก็กว่าจะได้มามันไม่ง่ายเลยแค่ไอ้ของชิ้นเล็กๆ ที่คิดมาตลอดว่าทำไมต้องทนเพื่อให้ได้มันมา แต่ตอนนี้เขารู้เลยว่าได้มาแล้วมันรู้สึกดียังไง เท่านี้เขาก็เป็นเด็กวิศวะเต็มตัวแล้ว



“เกือบตายตรงไหนครับซ้อ ผมไม่เห็นซ้อจะได้ทำอะไรเลย” น้ำเสียงเนิบนาบโทนเดียวของวินที่แทรกขึ้นมา ทำให้พีทหุบยิ้มแทบไม่ทันและชักสีหน้าไม่พอใจทันที



“พูดงี้มึงหาเรื่องเหรอไอ้พี่วิน” พีทตวัดตามองวินอย่างเอาเรื่อง และทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าใส่ทันทีถ้าอีกฝ่ายตอบไม่เข้าหู



“ผมแค่พูดความจริงนะครับซ้อ” วินตอบด้วยใบหน้านิ่งสนิทและเสียงเนิบนาบเหมือนเดิมไม่มีผิด ซึ่งมันกวนประสาทในสายตาของพีทเป็นที่สุด



“กูให้โอกาสอีกรอบ มึงพูดใหม่เลยนะไอ้พี่วิน” พีทกดเสียงต่ำและทำท่าทางข่มขู่วิน



“ผมไม่ชอบโกหกครับ” วินปฏิเสธทันทีแบบไม่คิดเยอะ ทำเอาพีทแยกเขี้ยวและพุ่งเข้าใส่ทันที เดือดร้อนอาร์ตที่นั่งมองมานานต้องดึงตัวพีทเอาไว้



“ปล่อยเลยนะไอ้พี่อาร์ต วันนี้กูจะตบกะโหลกไอ้พี่วินให้ได้” พีทโวยวายดังลั่นและดิ้นไปมาไม่หยุด พยายามที่จะพุ่งเข้าหาวินให้ได้ เพราะหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเถียงได้ทุกคำ



“อย่าเลยครับซ้อไม่ไหวหรอกผมสงสาร” วินออกปากห้ามและนั่งนิ่งทำหน้าตายกวนโอ๊ยใส่



“ไม่ไหวอะไร สงสารทำไม คิดว่าตัวใหญ่กว่าจะไม่กล้าสู้หรือไง” พีทถลึงตาใส่ด้วยความโมโหเพราะคิดว่าวินดูถูกตัวเอง



“เปล่าครับ...ผมสงสารตัวเองผมไม่ถนัดเรื่องใช้กำลังครับ” วินรีบก้มหัวยอมแพ้ให้พีทแบบไม่ลีลา



“เอาน่าน้องพีทไอ้วินมันก็ยอมแล้วปล่อยมันไปเถอะ อีกอย่างถ้าไม่ได้มันล่าลายเซนต์ให้ น้องพีทจะได้เกียร์ที่อยู่ในมือตอนนี้ไหมครับ” อาร์ตลูบหลังพีทให้ใจเย็นแล้วดึงอีกฝ่ายลงนั่งที่ตัก และมีวินคอยพยักหน้างึกงักเห็นด้วยกับคำพูดของอาร์ต



“บุญคุณมากไหม” พีทชักสีหน้าอย่างหงุดและมองวินเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ



“ถ้าคิดว่าเป็นบุญคุณขอบคุณผมก็ได้นะครับซ้อ” วินฉีกยิ้มกว้างใส่พีทอย่างประจบ ผลที่ได้คือพีทที่แทบจะลุกขึ้นไปบีบคอ



“ทะลึ่งละ ยังไม่ได้คิดบัญชีตอนรับน้องเลยนะ” พีทชีหน้าคาดโทษวินอย่างแค้นเคือง



“โธ่ซ้อ...ไอ้วินทำตามหน้าที่ทั้งนั้น” วินโคลงหัวเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้พีท



“ก็พี่บอกแล้วว่าให้บอกไปว่าเด็กพี่ก็ไม่เชื่อ” อาร์ตพูดแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากที่ปล่อยให้พีทกับวินปะทะริมฝีปากกันนานพอควร




“ไม่เอา!! แล้วนี่มือพี่มึงอยู่นิ่งๆได้ไหมวะ” พีทปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะยิกลงบนหลังมือซุกซนของอาร์ต ที่ตอนนี้เอาแต่คอยลูบไล้ตามเนื้อตัวเขาไม่หยุด นี่ยังไม่นับที่จมูกอีกฝ่ายที่เอาแต่วนเวียนหอมแก้มนะ คนอะไรทำไมมันหาเศษหาเลยกับเขาได้ตลอดเวลา สมองมีแต่เรื่องใต้สะดือจริงๆ ให้ตายสิ



“โอ๊ย!! ทำไมน้องพีทชอบทำร้ายร่างกายพี่เนี่ย” อาร์ตสะบัดมือที่โดนพีทยิกไปมา ก่อนจะกดจมูกลงหอมแก้มอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว แขนสองข้างสอดเข้าไปที่เอวบางและกอดไว้แน่นพร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่เล็ก



“ไม่อยากให้ทำก็หัดอยู่นิ่งๆ ดิวะ” พีททำเสียงดุใส่อาร์ตแต่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน



“แบบนี้ต้องเอาคืน” อาร์ตกระซิบบอกพีทด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์



“เอาคืนอะไร” พีทถามกลับด้วยน้ำเสียงสะบัดแสดงความไม่พอใจแล้วจ้องหน้าอาร์ตเขม็ง



“ก็จะจับฉีดยาเอาให้ครางทั้งคืนเลยไง” อาร์ตว่าพร้อมกับยิ้มหื่นกามใส่พีท



“ไอ้เหี้ย!!!” พีทโวยวายดังลั่นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำยิ่งกว่าเก่า และตอนนี้กำลังลามไปถึงลำคอและใบหู



“เอ่อ...” วินกำลังอ้าปากจะพูดแทรกตัดสินใจหุบปากและนั่งมองคนทั้งคู่หยอกล้อกันแทน อยากจะสะกิดบอกใจแทบขาดว่าให้สนใจไอ้วินที่นั่งตัวโตๆ ตรงนี้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะถ้าขัดอารมณ์สวีทของทั้งคู่ เขาอาจจะซวยโดนเตะขึ้นมาก็ได้ เพราะฉะนั้นไอ้วินนั่งมองอย่างอิจฉาได้...ไอ้วินไม่เป็นไร



...

...



พีทเดินเข้ามาในโรงยิมของมหา’ลัยหลังจากที่ซ้อมวิ่งเสร็จ เพราะโดนโยนหน้าที่นักกีฬาเจ้าลมกรดให้จากอาร์ต โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ถามความสมัครใจของเขาเลยสักนิด แถมยังเผด็จการลงชื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำให้เขาเลี่ยงไม่ได้ต้องก้มหน้าฝึกซ้อมไป เผื่อจะได้สักเหรียญมาฝากคณะในงานกีฬามหา’ลัยที่จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้



“ซ้อ!!! ทางนี้ๆ” เสียงเรียกดังลั่นที่ดังขึ้นมาจากอีกฝากของโรงยิม ทำเอาพีทหันไปมองอย่างเร็วจนคอแทบหัก ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาวินที่ยืนโบกมือเรียก ท่ามกลางสายตาคนนับสิบที่มองมาอย่างสนใจปนสงสัย กับสรรพนามที่วินตะโกนเรียกขานเมื่อกี้



“เรียกอะไรของมึงเนี่ยไอ้พี่วิน อายคนแม่ง!!” พีทกระซิบกระซาบด่าวินพร้อมใบหน้าแดงก่ำ ตาก็เหลือบมองรอบๆ ข้างตลอดเวลา



“อายทำไมอ่ะซ้อเรื่องจริงทั้งนั้น” วินถามกลับหน้าตายและบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในสิ่งที่ตัวเองพูด



“จริงเหี้ยไรล่ะ” พีทกระซิบด่าลอดไรฟันถลึงตามองวินดุๆ



“อะไรตรงไหนที่ไม่จริงล่ะซ้อ” วินต่อปากต่อคำกับพีทไม่หยุดคิ้วขมวดพันกันยุ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมพีทจะต้องปฏิเสธความจริง



“ไปถามเฮียมึงสิ” พีทกระแทกเสียงตอบวินแล้วสะบัดตัวเดินหนีไปหาเลิฟ ที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวข้างล่างอัฒจันทร์ ทิ้งให้วินยืนเกาหัวมองตามด้วยความไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น




“ทำหน้าเป็นส้นตีนอีกแล้วหาเรื่องอะไรให้ผัวง้ออีกล่ะ” นาวเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นพีทเดินกระแทกเท้าปึงปัง ใบหน้าบูดบึ้งเข้ามาหา



“นี่มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย” พีทกระแทกตัวนั่งข้างๆ เลิฟแล้วมองค้อนนาวตาคว่ำอย่างไม่ยอมรับ ว่าตัวเองกำลังเกิดอาการงอนอาร์ตอย่างที่เพื่อทักจริงๆ



ถ้าถามว่าพีทงอนอะไรอาร์ตอีกคงต้องย้อนกลับไปที่ประโยคสนทนาของตัวเองกับวินเมื่อกี้ วินเข้าใจว่าที่เขาไม่ให้เรียกซ้อเพราะอายแต่ที่จริงเขากำลังไม่พอใจต่างหาก เพราะรับน้องจบมาจะเป็นเดือนแล้วอาร์ตยังไม่ทำอะไรให้ชัดเจนสักที ไม่ยอมบอกคนอื่นว่าเรากำลังคบกันอยู่ปล่อยให้ทุกคนเดากันไปเองอยู่ได้




ถึงแม้ว่าทีแรกจะเป็นเขาเองที่ห้ามไม่ให้พูดก็เถอะแต่ให้พูดแล้วทำไมไม่พูดล่ะ ไม่เข้าใจว่าลืมหรือจงใจแกล้งเขาให้หมดความอดทนแล้วพูดก่อน แต่ฝันไปเถอะในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเขาก็ไม่พูด มาลองเล่นสงครามประสาทกันดูสักตั้ง เพราะเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่คนจะรับรู้หรือไม่รับรู้อยู่แล้ว ในเมื่อเขากับอาร์ตเรารู้ดีอยู่แล้วว่าเรารักกันและผ่านอะไรมาพอสมควร เรื่องมือที่สามเขากล้าบอกเลยว่าสั่นคลอนความรู้สึกเขายาก ก็แค่รำคาญพวกผู้หญิงและผู้ชายบางคนที่เขามาเกาะแกะอีกฝ่ายไม่เลิกเท่านั้น เลยอยากแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของไอ้คนที่พวกนั้นอ่อยอยู่



“เห็นว่าตั้งแต่มึงมีผัวแล้วฮอร์โมนเพศเมียของมึงมันพลุ่งพล่าน ขยันสร้างเรื่องให้ผัวง้อตลอดเวลาไง” นาวฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยักคิ้วให้พีท เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้เป็นอย่างดี



“แหมชะนีอย่าแซวเพื่อสิคะแค่นี้ความแมนมันก็ไม่เหลือแล้ว ใช่ป่ะคะเพื่อนสาว” โดม หรือ โดมมี่ กระเทยสาวหน้าหล่อที่ดีกรีเป็นถึงเดือนคณะวิศวะปีนี้ เอ่ยปากแซวพีทอย่างสนุกสนาน



“เพื่อนสาวพ่อง!!! แล้วนี่มึงมานั่งเสนอหน้าอะไรตรงนี้ สืบราชการลับไปให้คณะมึงหรือไง” พีทแยกเขี้ยวใส่โดมพร้อมกับถลึงตาโตใส่ ก่อนจะหันไปหาเรื่องเอยที่นั่งเล่นรูบิคอยุ่ด้วยความพาล



“พี่กิงให้มาน่ะครับ” เอยตอบตรงๆ โดยที่ไม่ได้สนใจอาการพาลของพีท จะเรียกว่าไม่สนใจคงไม่ถูกต้องบอกว่าไม่รู้ตัวว่าโดนพาลใส่มากกว่า



“มาเฝ้าผัวก็บอก” พีทถามเอยด้วยน้ำเสียงกวนประสาทและส่งยิ้มยียวนให้ จนคนอื่นๆ ได้แต่ส่ายหัวให้กับความเด็กไม่รู้จักโตของเจ้าตัว




“พีทเข้าใจผิดแล้วครับพี่กิงไม่ใช่สามีผมหรอก สถานะตอนนี้ของเราคือแฟนกัน จะเป็นสามีภรรยากันได้เราต้องผ่านการแต่งงาน จด.....”



“พอๆ กูเข้าใจมึงแล้ว” พีทยกมือขึ้นห้ามเอยแทบไม่ทัน พร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง



“แต่พีทต้องให้ผมอธิบายก่อนนะครับเดี๋ยวเข้าใจผิดอีก” เอยวางรูบิคลงที่ตักแล้วจ้องพีทด้วยสีหน้าจริงจัง ตั้งท่าจะอธิบายสถานะของตัวเองให้พีทเข้าใจ



“ไม่ต้อง...กูเข้าใจ” พีทยกมือห้ามอีกครั้งและเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ



“แต่ว่า...” เอยที่เห็นสีหน้าของพีทก็ตั้งใจจะอธิบายให้ได้ เพราะคิดว่าพีทไม่น่าจะเข้าใจเท่าไหร่



“กูเข้าใจจริงๆ เอย...นาว...ช่วยกูด้วย” พีทเรียกหานาวอย่างต้องการความช่วยเหลือ เบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอย่างจนปัญญา รู้สึกว่าตัวเองพลาดมหาศาลที่ไปพาลใส่เอย ทำไมไม่พาลใส่เลิฟอย่างที่เคยทำเป็นปกติก็ไม่รู้



“สมน้ำหน้า” นาวมองพีทอย่างสมเพชแล้วก็ไม่สนใจปล่อยให้เอยนั่งอธิบายกับพีทอยู่แบบนั้น ส่วนพีทก็ได้แต่นั่งน้ำตานองในใจฟังเอยอธิบายอะไรก็ไม่รู้วนไปวนมาไม่หยุด



ปัง!!!



แต่ในระหว่างที่พีทกำลังคิดหาวิธีทำให้เอยหยุดพูดก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น จนคนทั้งโรงยิมและตัวเขาเองต้องมองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ


สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือลูกบาสลูกนึงที่กระเด็นออกมาจากผนัง หลังจากที่ปะทะเข้ากับกำแพงด้วยแรงมหาศาล เฉียดใบหน้าของรุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยกับเลิฟไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนที่ลูกบาสจะกลิ้งช้าๆ และหยุดนิ่งในที่สุด



“เฮ้ย!!! มึงทำเหี้ยไรวะปอ” กิงโวยวายดังลั่นและถามปอที่ยืนอยู่กลางสนามด้วยใบหน้าเรียบอย่างตกใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เท่าไหร่นัก เพราะทุกคนก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน



“หลุดมือ” แต่ตัวต้นเหตุแบบปอกลับตอบทุกคนเสียงเรียบตาจ้องไปที่รุ่นพี่ที่นั่งข้างเลิฟไม่วางตา



พีทกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังแล้วมองหน้าเพื่อนคนอื่นๆ ที่มีอาการไม่ต่างกันอย่างเลิ่กลั่ก ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มกดดันซึ่งแผ่มาจากคนที่บอกว่าลูกบอลหลุดมือนั่นแหละ




“อ่า...ผมควรบอกพี่ปอดีไหมครับว่ามันไม่ได้เรียกว่าหลุดมือแต่เขาเรียกว่าปาใส่” เอยพูดขึ้นเสียงเบาแล้วมองหน้าปอที่ยืนอยู่กลางสนาม สลับไปมากับหน้าเลิฟที่กำลังตกใจไม่แพ้คนอื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“มึงก็เดินไปบอกเองสิ” พีทกระซิบกระซาบบอกเอยพร้อมกับกระแทกไหร่ให้เดินไป แต่เอยที่อ่านบรรยากาศรอบข้างไม่ค่อยออกยังส่ายหน้าจนผมกระจาย




“เลิฟ...ถือลูกบาสไปให้พี่ปอหน่อย” นาวบอกเลิฟที่นั่งข้างกันทันทีเพราะไม่อยากให้บรรยากาศกดดันไปมากกว่านี้ ซึ่งเจ้าตัวก็หยิบลูกบาสเดินไปหาปอที่ยืนอยู่กลางสนามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก



“พี่ปอแม่งน่ากลัวเหี้ย” พีทพึมพำออกมาเสียงเบาพอให้ได้ยินกันในกลุ่ม ซึ่งทุกคนก็ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยเป็นทิวแถว




“แต่กูกรี๊ดมาก...หึงโหดอ่ะมึง คนอะไรทำไมหล่อได้ขนาดนี้ ถ้ากูเอะใจเร็วกว่านี้ไม่ถึงมือไอ้เลิฟกูบอกเลย ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าขนาดใส่แว่นก็ยังหล่อเลย แต่กูไม่คิดว่าถอดแว่นแล้วจะหล่อขนาดนี้” โดมทำหน้าเคลิ้มฝันบิดตัวไปมาและบ่นเสียดายไม่หยุด จนพีทต้องส่ายหัวให้ด้วยความหน่ายในความบ้าของโดม




ต้องบอกว่าเรื่องที่ปอกับเลิฟเป็นแฟนกันสร้างความฮือฮาให้คนทั้งคณะไม่น้อย เป็นข่าวต้อนรับการเปิดเทอมใหม่ที่เรียกว่าโด่งดังไปทั่ว พร้อมกับที่ได้รับรู้ว่าหนุ่มหล่อที่ทุกคนเห็นว่าไปไหนมาไหนกับเลิฟบ่อยๆ แท้จริงแล้วก็คือมหาปอที่รู้จักกันดี ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือเค้ามหาปอแต่กลายเป็นหนุ่มหล่อร้าย ที่หลายคนถึงกับบ่นด้วยความเสียดายในความตาถั่ว




“น้องพีท...เหนื่อย” เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของอาร์ตที่เดินอ่อนแรงเข้ามาหา ทำให้พีทต้องหันหน้าไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะชักสีหน้ารำคาญไส้อย่างหมั่นไส้กับการแสดงเกินจริงของอีกฝ่าย



“สม” พีทกระแทกเสียงใส่แล้วหันไปหยิบน้ำมายื่นให้อีกฝ่าย



“ใจร้าย” อาร์ตทำเสียงกระเง้างอดใส่พีทแล้วรับน้ำมาดื่ม ส่วนพีทที่ทำเก็กหน้าขรึมใส่ก็หลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเห็นคนตัวโตๆ แบบอาร์ตทำสะดีดสะดิ้งแต๋วแตกใส่



“กวนตีน...แล้วนี่เลิกซ้อมแล้วเหรอ” พีทพึมพำด่าพร้อมหัวเราะเบาๆ มือก็หยิบผ้าเย็นเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอให้อาร์ต ซึ่งทุกอย่างทำไปโดยอัตโนมัติแบบที่อาร์ตไม่ได้ขอ เรียกว่าทำไปตามความรู้สึกล้วนๆ แต่มันเรียกรอยยิ้มของคนที่มองเห็นได้เป็นอย่างดี



“อือ...ก็ไอ้ห่าปอทำขนาดนั้นใครจะมีอารมณ์ซ้อมต่อ” อาร์ตบ่นออกมาด้วยความเซ็งที่เลิกซ้อมก่อนเวลา



“งั้นพวกกูกลับก่อนนะ...กลับแล้วนะคะพี่อาร์ต” นาวบอกลาพีทพร้อมกับยกมือไหว้อาร์ต เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันแล้ว



“เออ...เจอกันพรุ่งนี้” พีทโบกมือลาเพื่อนแล้วหันกลับมาเช็ดหน้าให้อาร์ตต่อ



“นี่พี่มึงซ้อมหนักเลยเหนื่อยหรือว่าแก่วะ” พีทถามขึ้นอย่างกวนประสาทเมื่อเห็นว่าอาร์ตนั่งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยเสียงดัง



“ให้พูดใหม่...ใครแก่” อาร์ตจับมือของพีทที่เช็ดหน้าตัวเองให้อยู่เฉยๆ แล้วจ้องตาพีทที่มองมาอย่างท้าทายเขม็ง



“คนแก่ไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองแก่หรอก” พีทว่ากลับอย่างไม่กลัวพร้อมกับยักคิ้วกวนประสาทใส่อีกฝ่าย



“งั้นเดี๋ยวคืนนี่มาพิสูจน์แรงคนแก่กัน” อาร์ตก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูก่อนจะขโมยหอมแก้มพีท



“พี่มึงเล่นอะไรวะ” พีทโวยวายออกมาทันทีด้วยความตกใจรีบมองรอบข้างด้วยความเลิ่กลั่ก แล้วก็เจอเข้ากับสายตาทุกคนที่มองมาแบบล้อเลียน ทำเอาใบหน้าขาวแดงก่ำด้วยความอายทันที ก้มหน้างุดมองตักตัวเองไม่กล้ามองรอบข้าง ถึงแม้ว่าคนที่เหลือในโรงยิมตอนนี้จะมีแค่คนที่สนิทกันก็ตาม



“แค่นี้ก็เขินเหรอดื้อ” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงทะเล้นปนล้อเลียน มือก็หยิกแก้มพีทไปมาอย่างเย้าแหย่



“ไม่ได้เขินเหอะ” พีทเถียงเสียงเบาอย่างไม่ยอมรับ ทั้งที่ตอนนี้ร้อนไปทั้งหน้าและแม้กระทั่งใบหูก็แดงก่ำแสดงหลักฐานอยู่ทนโท่



“เฮ้ยๆ ไปจีบกันที่บ้านไป” เสียงตะโกนไล่จากเพื่อนๆ ของอาร์ต ทำเอาพีทหน้าแดงยิ่งกว่าเก่าอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนอาร์ตก็เอาแต่ยิ้มชอบใจเหมือนคนบ้า



“เออๆ ขอโทษที่กูทำให้อิจฉา” อาร์ตตะโกนตอบเพื่อนเสียงดังแบบไม่อาย เลยโดนพีทหยิกเข้าให้ที่สีข้างด้วยความหมั่นไส้



“ซี๊ด!! มือนี่มันยังไงวะเดี๋ยวตีเดี๋ยวหยิก” อาร์ตบ่นงึมงำแล้วดึงมือพีทขึ้นมาจูบเพื่อเอาคืน



ฮิ้ววววววววว




ผลที่ได้คือใบหน้าแดงก่ำขั้นสูงสุดจากพีทและเสียงโห่แซวจากลุ่มเพื่อนที่ดังมาไม่หยุด จนพีทต้องซุกหน้าที่เห่อร้อนจนแทบใหม้ของตัวลงกับอกของอาร์ต



“พอๆ ไอ้สัด!! เมียกูเขิน” อาร์ตห้ามเพื่อนที่เอาแต่แซวไม่หยุดด้วยความชอบใจ ก่อนจะก้มลงจูบที่ข้างขมัยพีทด้วยความมันเขี้ยว



“แซวเหี้ยอะไรวะ” พีทบ่นพึมพำด่าพวกรุ่นพี่ไม่หยุดส่วนอาร์ตเองก็เอาแต่หัวเราะ จนพีทต้องทุบลงไปที่กลางหลังอาร์ตเต็มแรงด้วยความเคือง



“โอ๊ย!!! ฮ่าๆ” อาร์ตถึงกับเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนจะส่ายหัวไปมาแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ



“จะหัวเราะอีกนานไหม” พีทดันตัวเองออกจากอกของอาร์ตแล้วมองด้วยตาวาววับ



“หึ...โอเคร...หยุดแล้วครับ...หึ” อาร์ตยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองสุดชีวิต



“ไอ้พี่อาร์ต!!” พีทตวาดดังลั่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง




“อย่างอนสิใครใช้ให้น่ารักล่ะ...กลับห้องกัน” อาร์ตยีผมพีทจนยุ่งด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้าเอาของทุกอย่างมาถือไว้เอง



“เฮ้ย!!! คิดว่าหนักไหมเนี่ย” แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปไหนอาร์ตก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ พีทก็กระโดดขึ้นมาเกาะหลังเอาไว้แน่น



“ไม่สน” พีทว่าและเกาะแน่นมากกว่าเดิม ส่วนอาร์ตก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความหน่าย ก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ขึ้นมาขี้หลังดีๆ



“กอดแน่นๆ เดี๋ยวตก” อาร์ตบอกอีกครั้งก่อนจะออกเดินในสภาพที่หิ้วของเต็มสองมือ และมีลูกลิงตัวใหญ่เกาะบนหลังด้วยอีกหนึ่งตัว



พีทซุกหน้าลงกับไหล่ของอาร์ตโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองอะไรทั้งนั้น พร้อมกับเริ่มคิดว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้แล้วว่าเป็นแฟนกับอาร์ต ก็ขนาดแค่เพื่อนๆ อาร์ตที่รู้ไม่กี่คนยังแซวเขาขนาดนี้ ถ้ารู้กันทั้งคณะเขาจะกล้ามาเรียนเรียนไหมเนี่ย





2 Be Con...



++++++++++++++++

เรื่อยๆมาเรียงๆ พักหัวใจกันบ้างนะทู้กโคนนนนน

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

ปล.

- ตอนหน้าไม่อังคารก็พุธเน้อ

- เน็ตบ้านทำคนเขียนเพลียใจมาก กว่าจะได้อัพ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40 (22/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 22-08-2016 06:37:17
ตอนนี้น่ารักมากค่ะ คือให้พักหัวใจก่อนม่าชามใหม่หรือเปล่าคะ^^
พี่วินกะน้องเอยมึนได้กวนปนน่ารักจริงๆ
เฮียของพีทก็หวานออกสื่อซะจนพีทไม่น่าจะต้องห่วงการเปิดตัวเป็นแฟนแล้วเนาะ
ปอเลิฟมาน้อยๆแต่รุนแรงเร้าใจไม่เคยทำให้ผิดหวัง
รักน้องนาวโดมมี่พี่กิงและตัวละครทั้งหมดในเรื่องนี้มากๆค่ะ
อยากอ่านเรื่องราวของทุกคนไปเรื่อยๆอีกนานๆเพราะแม่มณีเขียนได้สนุกน่าติดตามทุกคู่
ติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอและขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40 (22/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-08-2016 12:45:03
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40 (22/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-08-2016 13:02:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40 (22/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-08-2016 12:53:38
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 40 (22/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 23-08-2016 16:00:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 26-08-2016 09:05:11
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 41 -



“จอดตรงหน้าร้านเลยพี่” พีทบอกวินมอเตอร์ไซค์ที่ตัวเองโดยสารมาให้จอด เมื่อเห็นว่าจุดหมายที่ต้องการอยู่ตรงหน้า และแทบจะทันทีที่บอกรถก็จอดสนิทตรงทางเข้าพอดิบพอดีเหมือนจับวาง



“อะพี่ไม่ต้องทอน” พีทยื่นเงินเป็นค่าโดยสารให้อีกฝ่ายพร้อมกับถอดหมากกันน๊อกคืน ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในร้านตรงหน้าเพราะตัวเองมาสาย



วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งกีฬามหา’ลัย และเพื่อฉลองสิ้นสุดการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยตลอดระยะเวลาหลายเดือนของเด็กวิศวะ รวมทั้งเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่กับการเป็นเด็กวิศวะเต็มตัว หลังจากได้รับเกียร์กันแล้วของเหล่าปีหนึ่ง บรรดารุ่นพี่เลยลงทุนปิดร้านเหล้าหลังมหา’ลัยฉลอง



โดยร้านที่ใช้จัดงานก็ไม่ใช่ร้านคนอื่นคนไกล ก็ร้าน ‘xyz’ ของตองกับฮิมนั่นแหละ ร้านที่เด็กวิศวะรู้จักและคุ้นเคยดี เรียกว่าเงินทองไม่รั่วไหลไปไหนไกล



พีทกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนขาแทบจะขวิด ในใจก็นึกก่นด่าต้นเหตุที่ทำให้มาสายไม่หยุด เพราะมัวแต่นั่งรอไอ้บ้าบางตัวที่ห้องแท้ๆ เขาถึงสายขนาดนี้ แถมรอแล้วอีกฝ่ายก็ไม่โผล่หัวมาด้วยซ้ำ จนสุดท้ายเขาต้องถ่อสังขารมาที่งานเอง



“ไอ้พีทๆ ทางนี้” เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในงาน เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นโดมที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกอยู่ พีทเลยรีบสาวเท้าเข้าไปหาเพื่อด้วยความไว



“ทำอะไรอยู่วะงานจะเริ่มแล้วเนี่ย” โดมว่าแล้วเดินนำพีทไปยังโต๊ะที่เพื่อนคนอื่นๆ นั่งอยู่



“รอเหี้ย!!” พีทกระแทกเสียงตอบด้วยความหงุดหงิดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆ หายใจเข้าออกเสียงดังใบหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์




“ห๊ะ...พี่อาร์ตน่ะนะ” นาวถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ ผลที่ได้คือใบหน้าบูดสนิทของพีทที่แทนคำตอบได้ทุกอย่าง



“กูก็ว่าแล้วทำไมเห็นพี่เขาคนเดียวไม่เห็นมึง”




“เออ!! แล้วนี่มึงเห็นมันอยู่ไหน” พีทถามกลับพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ งาน



“หลังเวทีมั้งเห็นบอกจะโชว์อะไรสักอย่าง” นาวว่าตามสิ่งที่ได้ยินคนเขาคุยกันในงาน



“โชว์? อะไรวะ” พีทถามกลับทันทีด้วยความแปลกใจ ว่าอีกฝ่ายจะจัดโชว์อะไรแล้วทำไมเขาไม่รู้



“มึงยังไม่รู้แล้วกูจะรู้ไหม” นาวปรายตามองพีทด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเลิกสนใจเจ้าตัวแล้วนั่งกินอาหารบนโต๊ะไปเรื่อยๆ



พีทที่โดนเพื่อนเมินเต็มรูปแบบก็ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองทางอื่นเพื่อหาใครบางคนแทน และก็เหมือนเป็นใจเพราะแค่หันไปก็เจอเข้ากับร่างสูงของอาร์ตทันที



พีทลุกขึ้นยืนทันควันตั้งใจจะเดินไปหาอาร์ต แต่อีกฝ่ายที่หันมาเจอเข้าพอดีกลับทำหน้าตกใจแล้วหันหลังเดินหนีไปทันที ทำเอาพีทได้แต่ยืนอ้าปากค้างด้วยความไม่เข้าใจ ว่าอีกฝ่ายจะตกใจแล้วหลบหน้าตัวเองทำไม แบบนี้มันทำตัวมีพิรุธชัดๆ



พีททรุดตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมกับในสมองที่ครุ่นคิดไม่หยุด ทำไมเขาเพิ่งจะมาสังเกตุกันนะว่าอีกฝ่ายทำตัวประหลาด ทำตัวมีลับลมคมในกับเขา เหมือนกำลังแอบทำอะไรอยู่สักอย่าง



“กูว่าไอ้พี่อาร์ตมันต้องหาเรื่องแกล้งอะไรกูแน่ๆ” พีทหันไปคุยกับนาวด้วยสีหน้าหวาดระแวง



“ทำไมมึงคิดงั้น” นาวหันมาถามตาโต



“ก็พี่มันแปลกๆ มันต้องคิดแกล้งอะไรกูแน่ๆ” พีทสบตากับนาวด้วยสีหน้ามั่นใจในความคิดของตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องถนัดของอาร์ตอยู่แล้ว แถมเมื่อตอนเช้าเขาก็หนีไปมหา’ลัยคนเดียวพอตกเย็นเลยโดนทิ้งให้มาเองแบบนี้ไงล่ะ




“คิดมากว่ะมึง” นาวส่ายหัวเบาๆ ให้กับความช่างคิดของพีท



“กูว่ากูไม่ได้คิดมาก พี่มันไม่ค่อยปล่อยกูไปไหนมาไหนคนเดียว แต่วันนี้มันทิ้งกูมางานก่อน กูว่ามันต้องแอบทำอะไรไม่ดีแน่ๆ หรือว่าแม่งซุกกิ๊ก” พีททำเสียงจริงจังพร้อมกับใบหน้าที่ขึงขัง ทำเอานาวหลุดขำออกมาเสียงดัง



“ฮ่าๆ มึงก็คิดไปได้เนาะพี่เขารักมึงจะตาย” นาวส่ายหัวไปมาและหัวเราะออกมาไม่หยุด จนพีทได้แต่นั่งทำหน้าบึ้งมองค้อนนาวแบบเคืองๆ



“เอาน่าอีพีทอย่าฟุ้งซ่านนั่งสวยๆไปค่ะ” โดมที่นั่งฟังมานานพูดขึ้นมาบ้าง แล้วหันไปสบตากับนาวอย่างรู้กัน



“สวยพ่อง!!” พีทถลึงตาใส่โดมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะสะบัดหน้าหันหนีไปทางอื่น เหม่อมองบรรยากาศรอบๆ ร้าน ที่ตอนนี้เหล่าเด็กวิศวะกำลังเดินไปมาให้ควั่ก บางคนก็กำลังยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง



ในขณะที่รอบกายรายล้อมไปด้วยผู้คนท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน ทั้งๆ ที่เพื่อนก็นั่งอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด ทั้งที่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงรู้สึกเหงาแบบแปลกๆ



“เฮ้อ!!!” พีทถอนหายใจออกมาเสียงดัง ตาก็กวาดมองหาใครบางคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหน รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่เหมือนว่าตัวเองจะติดอีกฝ่ายมากเกินไป ห่างแค่นี้ต้องมานั่งชะเง้อมองหาซะแล้ว



“ถอนหายใจทำไมน้องพีท” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้พีทเงยหน้าขึ้นมองทันที ก่อนใบหน้าหงอยเหงาจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร



“มาทำไม” พีทถามเสียงแข็งแสดงความงอนออกมาแบบไม่ปิดบัง



“แวะมาหาก่อนไงกลัวคนแถวนี้งอน” อาร์ตก้มลงประสานสายตากับพีทแล้วอมยิ้มน้อยๆ



“แล้วเมื่อกี้หลบทำไม” พีทหรี่ตามองอย่างจับผิดแต่อาร์ตกับส่งยิ้มให้แบบไม่สะทกสะท้าน



“ไม่บอก” อาร์ตกระตุกยิ้มมุมปากแล้วยกมือขึ้นบิดปลายจมูกของพีทเบาๆ



“พี่ไปแล้วนะ” อาร์ตกดจูบลงบนหน้าผากเนียนแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขยับถอยห่างออกมาเล็กน้อย



“ไอ้เหี้….” พีทลุกขึ้นยืนอ้าปากโวยวายใส่ทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้มากนักเพราะอาร์ตยกนิ้วขึ้นมาแตะตรงปากเป็นเชิงห้าม



“ชู่...คนมองนะน้องพีท” คำพูดของอาร์ตทำให้พีทต้องหันมองรอบข้างบ้าง และก็จริงอย่างที่อาร์ตบอกหลายคนกำลังมองมาที่พวกเขาอย่างสนใจ ซึ่งมันทำให้พีทยอมเงียบและยืนฮึดฮัดขัดใจอยู่แบบนั้น ผิดกับอาร์ตที่ดวงตาไหวระริกด้วยความสนุกที่แกล้งพีทได้



“ไปไหนก็ไปเลยแม่ง” พีทกัดฟันบอกอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะกระแทกตัวนั่งลงเหมือนเดิม



“เดี๋ยวกลับไปง้อที่ห้องนะดื้อ” อาร์ตฉวยโอกาสตอนที่พีทเผลอก้มลงหอมแก้มเนียนอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าเดินหนีหายกลับเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พีทนั่งตาโตตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น



“อาร์ตแม่ง!!” พีทพึมพำด่าอาร์ตแบบไม่เต็มเสียง ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อกลบสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างล้อเลียน



“แหม...เมื่อกี้นั่งเฉาเป็นหมาป่วย พอผัวโผล่มาหาแป๊บเดียวยิ้มหน้าบานไม่หุบเลยนะมึง” โดมดัดเสียงเล็กเสียงน้อยว่าพีทด้วยความหมั่นใส้ กับท่าทางกระดี๋กระด๋าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำของเจ้าตัว



“เพื่อนกูแต๋วแตกโดยสมบูรณ์” นาวถอนหายใจออกมาแล้วมองพีทอย่างปลงๆ



“ใครแต๋ววะ กูเนี่ยแมนๆ เตะบอลเว้ย” พีทเงยหน้าขึ้นมาเถียงทันทีอย่างไม่ยอมแพ้



“จ้า...พ่อคนแมนนนนน” นาวลากเสียงยาวใส่และดึงแก้มพีทแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้



“เหี้ย!! เจ็บนะเว้ย” พีทโวยวายแล้วยกมือขึ้นถูแก้มตัวเองไปมา ตาก็มองค้อนนาวประหลับประเหลือก




“มึงก็ไปแกล้งมันแค่นี้ก็สาวแตกกู่ไม่กลับละฮ่าๆ” โดมว่าแล้วหัวเราะดังลั่นก่อนจะยื่นมือไปไฮไฟว์กับนาวด้วยความสะใจ



“แน่จริงพวกมึงอย่ารุมดิวะ” พีทชี้หน้าคาดโทษเพื่อนทั้งสองอย่างแค้นเคือง




“น้อง!! น้องครับ!! น้องคนนั้นแหละ” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกันไปมากกว่านี้ เสียงเรียกที่ดังออกมาจากลำโพงก็ดึงความสนใจของทั้งสามคนทันที ก่อนที่ทั้งหมดจะหันหาว่าใครกันที่โดนเรียก



“ไม่ต้องหันหรอกครับพี่เรียกน้องนั่นแหละ” ประโยคต่อมาที่ดังขึ้นทำให้พีทหยุดมองหาแล้วเปลี่ยนสายตาไปยังด้านในสุดของร้านแทน ก่อนที่คิ้วสองข้างจะขมวดจนแทบจะชนกันเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูด




พีทชักสีหน้าใส่อาร์ตที่นั่งถือไมค์อยู่ไม่ไกล และกำลังมองมาที่ตัวเองด้วยสายตากวนประสาทอย่างหงุดหงิด เขาก็ว่าแล้วเชียวว่าทำไมเสียงมันคุ้นๆ หู แล้วนี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรกันแน่ถึงเรียกเขาผ่านไมค์ขนาดนั้น แต่มันกำลังทำให้คนอื่นพากันหันมามองเขาเป็นตาเดียว



พีทถลึงตาใส่อาร์ตดุๆ เพื่อให้หยุดทำอะไรก็ตามที่กำลังคิดจะทำอยู่ เพราะตอนนี้ดูจากสีหน้าและแววตาของอาร์ตแล้วเขาไม่ไว้ใจเลยสักนิด ความรู้สึกมันกำลังฟ้องเขาว่าอีกฝ่ายจะต้องทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาอายแน่ๆ



“อย่าเอาแต่คุย...ฟังรุ่นพี่ด้วยครับ” อาร์ตไม่ได้สนใจกับท่าทางข่มขู่ของพีทเลยสักนิด แถมยังพูดแหย่อีกฝ่ายผ่านไมค์ให้ได้ยินกันทั่วร้าน ทำเอาคนโดนว่าอย่างพีทถึงกับหน้าบูดบึ้งและจ้องอาร์ตเขม็งไม่วางตา



“ทำหน้าแบบนั้นใส่พี่ทำไมครับน้องหรือมีปัญหา” อาร์ตแกล้งทำเสียงดุใส่พีทและถามเจ้าตัวอย่างหาเรื่อง ทำเอาพีทออกอาการเหวอไม่น้อยเพราะตามไม่ทัน



“มีปัญหามากนักออกมานี้ดีกว่าครับ” คราวนี้อาร์ตถึงกับส่งเสียงเรียกพีทให้เดินไปหาอย่างดุดัน แววตาไร้ความล้อเล่นพร้อมกับใบหน้าที่เรียบสนิท ทำเอาบรรยากาศรอบข้างถึงกับกดดันทันทีพร้อมกับที่ทุกสายตาพุ่งไปทางพีท



พีทมองคนอื่นๆ เลิ่กลั่กด้วยความตกใจ ก่อนจะมองอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะหายสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ จู่ๆ ไฟในร้านก็ดับลงไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน ก่อนที่ไฟจะติดอีกครั้งพร้อมกับอาร์ตที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้าพีท และเสียงกีตาร์ที่ดังคลอขึ้นมาเบาๆ

 

“เหม่อมองบนฟ้าไกล จ้องมองด้วยความสงสัย

ว่าใครกันนะใคร ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน

มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ”



พีทถึงกับอ้าปากค้างทำตัวไม่ถูกมองอาร์ตที่ยืนร้องเพลงตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนใบหน้าขาวจะแดงก่ำด้วยความเขินอายเมื่อตอนนี้ทุกคนในร้าน ต่างพากันเดินมารุมล้อมและมองอย่างสนใจบางคนถึงกับส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ แต่เหมือนว่าแค่นี้พีทจะยังอายไม่พอเพราะอาร์ตเอื้อมมือข้างที่ว่างไปจับมือพีทขึ้นมากุมไว้



“ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้ หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย ฉันขอได้ไหม”



                อาร์ตร้องเพลงไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข มือที่กุมมือของพีทเอาไว้กระชับแน่นขึ้นและบีบเบาๆ ตาก็จ้องมองใบหน้าของพีทด้วยประกายวิบวับที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก



                ‘ปล่อย’ พีทขมุบปากเป็นคำแบบไม่ได้ยินเสียงและกระตุกมือตัวเองออกจากมือใหญ่ แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายบีบเอาไว้แน่น แถมยังส่งสายตามาดุพีทกลายๆ เพื่อบังคับให้อยู่นิ่งๆ



“เมื่อก่อนลมหายใจ ก็คิดว่าเป็นของฉัน
แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริงๆ ลมหายใจคือเธอเท่านั้น
มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุผลจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง

ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้ หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย ฉันขอได้ไหม”



                ฮิ้วววววววววววววว



                ทันทีที่เสียงร้องเพลงจบลงเสียงผิวปากโห่ร้องปรบมือก็ดังลั่น พร้อมกับใบหน้าของพีทที่เห่อร้อนจนแทบไหม้อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองใครทั้งนั้นนอกจากก้มหน้ามองเท้าตัวเอง



                “ไอ้เหี้ย!!!” สุดท้ายพีทก็ทนยืนตกเป็นเป้าสายตาต่อไปไมไหว เงยหน้าขึ้นมาตะโกนด่าอาร์ตดังลั่นด้วยความอายปนโมโห ง้างมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงไปบนตัวอาร์ตเต็มแรง ก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังเดินออกไปนอกร้าน ท่ามกลางเสียงตะโกนแซวที่ดังไล่หลังไม่หยุด



                “ซี๊ด” อาร์ตถึงกับครางออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บเมื่อเจอฝ่ามือพิฆาตของพีท ก่อนที่จะอมยิ้มยืนมองตามแผ่นหลังเล็กที่ฝ่าวงล้อมออกไป



                “เดี๋ยวๆ อะไรยังไงเนี่ยเฮีย / ยังไงวะสัดอาร์ต” และเมื่อเป้าหมายในการถามเหลือแค่อาร์ตเพียงคนเดียว ทุกคนก็ต่างพากันเข้ามารุมถามอาร์ตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันจ้าละหวั่น เพราะเรียกว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพรซ์ที่ทุกคนคิดไม่ถึงจากรุ่นพี่จริงๆ อย่าว่าแต่รุ่นน้องปีหนึ่งเลย ปีสองหรือแม้แต่ปีสามเองก็ยังตกใจและต้องการความจริงจากปากอาร์ตไม่แพ้กัน



                “ก็พวกมึงอยากเจอไม่ใช่เหรอ กูก็พามาให้เจอแล้วไง” อาร์ตตอบด้วยน้ำเสียงยียวนและกระตุกยิ้มมุมปากส่งให้ทุกคน



                “ขอเคลียร์ๆดิ๊เฮีย / สัด” ทุกสายตายังคงจ้องเขม็งไปที่อาร์ตอย่างคาดคั้น เมื่อคำตอบที่อาร์ตให้ยังไม่ชัดพอในความรู้สึก



                “เมียกูเองพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็หลีก” อาร์ตว่าพร้อมกับพยายามแหวกทางเพื่อเดินไปหาพีท โดยที่ไม่สนสีหน้าตกใจและเสียงฮือฮาของทุกคนเลยสักนิด



                “มีเหี้ยไรไว้คุยพรุ่งนี้กูไปง้อเมียก่อน” อาร์ตตะโกนทิ้งท้ายอีกครั้งก่อนจะออกตัววิ่งด้วยความเร็ว ทิ้งให้คนจำนวนมากมึนงงจับต้นชนปลายเรื่องราวกันไปเอง



                ...

                ...



                ฟอดดดดดด



                อาร์ตสอดแขนเข้าไปกอดเอวของพีทที่นั่งหันหลังอยู่บนเบาะรถ พร้อมกับก้มลงหอมแก้มเนียนและใช้ปลายจมูกคลอเคลียอยู่แบบนั้น



                “งอนพี่เหรอครับ” อาร์ตชะโงกหน้าไปถามพีทที่นั่งหน้าตาบูดบึ้ง



                “อย่างอนพี่เลยทำเพราะรักล้วนๆ เลยนะ” อาร์ตกระพริบตาปริบๆ ใส่พีทพร้อมกับแกล้งทำหน้าสลด แต่พีทที่รู้ทันยกมือขึ้นตบลงไปเต็มๆ หน้าทันทีแบบไม่ออมแรง



                “โอ๊ย!! โหดไปแล้วเมีย” อาร์ตโวยออกมาเสียงดังก่อจะก้มลงหอมแก้มพีทเป็นการเอาคืน



                “พี่มึงแกล้งแรงไปแล้วนะอายคนนะเว้ย” พีทตัดพ้ออาร์ตด้วยใบหน้างอง้ำ เพราะสิ่งที่อาร์ตทำในร้านเมื่อกี้มันไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรเลย นอกจากทำให้อายกับการประกาศบอกชาวบ้านว่าเราเป็นอะไรกัน ด้วยวิธีที่คนปกติเขาไม่ทำกันยกเว้นพวกไม่ปกติแบบอาร์ต



                “ไม่ได้แกล้งเลย ก็น้องพีทบอกเองว่าให้บอกทุกคนได้หลังรับน้องไง” อาร์ตเถียงกลับหน้าตายไร้วี่แววสำนึกผิดโดยสิ้นเชิง ผลที่ได้เลยโดนพีทตบเข้าที่หน้าไปอีกที



                “บอกวิธีอื่นก็ได้ไหมวะ”




                “ได้แต่ไม่ทำ...แบบนี้แหละดีแล้วคนรู้ทีเดียวทั้งคณะ” อาร์ตกระตุกยิ้มแล้วยักคิ้วส่งให้พีทแบบกวนโอ๊ย ที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อตัวน้องทั้งนั้น น้องจะได้เลิกอายสักทีเวลามีใครมาแซวส่วนเขาก็ได้อวดเมียให้คนรู้จักสักที ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย




                “แต่มันอายนะแม่ง” พีทโวยวายใส่อาร์ตด้วยความเคืองที่อีกฝ่ายทำอะไรแบบไม่ปรึกษา แค่คิดว่าพรุ่งนี้ตอนไปเรียนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง พีทก็แทบอยากจะลาหยุดยาวทั้งเทอมเดี๋ยวนี้เลย



                “เอาน่า...พวกมันแซวแป๊บๆเดี๋ยวก็เบื่อ” อาร์ตเอ่ยปลอบไม่ให้พีทคิดมากแล้วเอาคางไปเกยที่ไหล่เล็กไว้ แขนก็โอบกระชับลำตัวอีกฝ่ายไว้แน่น ตาก็ลอบมองใบหน้าที่ดูคิดมากของพีทด้วยความขำ



                “น้องพีทครับ” อาร์ตส่งเสียงเรียกอีกครั้งหลังจากที่ยืนเงียบมานาน



                “อะไร” พีทถามกลับเสียงแข็งใบหน้ายังคงบึ้งตึงไม่เปลี่ยน



                “แบมือหน่อย” คำสั่งของอาร์ตทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมแบมือออกตามที่อีกฝ่ายต้องการโดยดี ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อเห็นของที่อาร์ตวางลงบนมือ



                “นี่มัน...” พีทพึมพำแผ่วเบาพร้อมกับพยายามกลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตก



                “จำได้ไหมว่ารุ่นพี่เขาบอกว่าเกียร์สำหรับเด็กวิศวะหมายถึงอะไร” อาร์ตถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย



                “เกียร์คือหัวใจของเด็กวิศวะ” พีทตอบคำถามของอาร์ตด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หัวใจที่เงียบสงบมาตลอดตอนนี้กำลังเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่




                “สามปีเลยนะที่มันอยู่กับพี่มาตลอดและพี่ไม่เคยให้ใคร” อาร์ตยังคงพูดเรื่อยๆ เหมือนมันไม่ได้มีอะไรสำคัญ แต่ผิดกับคนฟังแบบพีทที่รู้ดีว่ามันมีความหมายมากมายแค่ไหน



                “เขาบอกว่าเกียร์เป็นหัวใจของเด็กวิศวะ” อาร์ตเดินอ้อมมายืนตรงหน้าพีทแล้วก้มลงสบตาอย่างสื่อความหมาย




                “และถ้าฝากเกียร์ไว้กับใครแสดงว่าฝากหัวใจไว้กับคนนั้น” อาร์ตหยิบเกียร์ของตัวเองที่ห้อยอยู่บนสร้อยข้อมือที่พีทถือไว้ขึ้นมา ก่อนจะบรรจงสวมลงไปบนข้อมือเล็กของอีกฝ่าย



                “ได้หัวใจพี่ไปแล้ว...ดูแลมันดีๆ นะดื้อ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพีทอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ยิ้มที่ทำให้พีทหัวใจเต้นแรงแต่เต็มไปด้วยความสุขจนแทบจะล้นออกมา




                “อือ” พีทพยักหน้ารับคำแล้วรีบก้มหลบสายตาของอาร์ต ก็สายตาของคนทั้งคณะที่มองมาอย่างล้อเลียนเมื่อกี้ ยังไม่ทำให้เขาเขินได้เท่ากับสายตาของอาร์ตที่มองมาตอนนี้เลยน่ะสิ





2 Be Con...



++++++++++++++++++

เปิดตัวซ้อกันไปแบบสวยงามสไตล์เฮีย

เปิดทีเดียวเอาให้รู้กันทั้งคณะ

เฮียนี่มันเฮียจริงๆ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.

- เป็นตอนที่ป่วงๆ งงๆ แก้แล้วก็ยังงง

สุดท้ายเลยต้องปล่อยไปแบบนี้ เหอ เหอ

- ไม่นัดวันอัพละ เพราะนัดไปก็เบี้ยวเฉย

รู้สึกผิดจริงจัง แต่มันสุดวิสัยพูดไปเหมือนแก้ตัว

ก็แก้ตัวแหละ 555

เอาเป็นว่า เก๊าขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดด

^/\^

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 26-08-2016 11:48:11
เฮีย!! จะน่ารักไปละนะอิจแทนพีทจังม๊วกกก  :hao7: :hao5:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-08-2016 12:19:19
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-08-2016 13:22:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-08-2016 15:13:10
เปิดตัว ครั้งเดียวรู้กันทั่ว
สมเป็นพี่อาร์ตเจงเจง
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 26-08-2016 15:33:48
 :o8:   :-[   :o8:   :-[  โอ๊ยยยยยยยยเฮียยยยยยยยยยยยยย  มดขึ้นจอ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 26-08-2016 15:46:44
อ่านแล้วฟินยิ้มแก้มแตก

จากนั้นนึกเสียดายอยู่2ข้อ

1.เสียดายที่เป็นเพียงนิยาย เป็นเพียงตัวหนังสือ อยากเห็นของจริงๆแบบเรื่องจริงๆ
เบื่อคู่จิ้น อยากเกาะขอบเตียงฟินกะคู่เรียล  :hao6:
2.เสียดายที่เกิดมาเป็นผู้หญิงอ่ะ5555+ :hao5:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-08-2016 18:47:05
หวานหยด
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-08-2016 20:15:24
น้องพีชเขินรุนแรงมาก พี่อาร์ตน่วมทั้งตัวแน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 41 (26/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-08-2016 20:19:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 30-08-2016 17:52:35
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 42 -



แสงแดดในตอนสายของวันใหม่ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาสาดกระทบภายในห้อง ทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทหรี่ปรือขึ้นเล็กน้อย และกระพริบถี่ๆ เพื่อไล่ความง่วงงุน ก่อนที่มือหนาจะควานไปมาทั่วหัวเตียง



คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมเมื่อเห็นเวลาที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ จัดการวางมันลงที่เดิมและลุกขึ้นนั่ง ยกมือขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่องไม่เป็นทรง



“พีท...ดื้อ...เมียครับ” อาร์ตเขย่าตัวคนที่นอนหลับตาพริ้มข้างๆ เล็กน้อย ปากก็ขานเรียกไม่หยุดเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น



“อื้อ…” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงครางประท้วงงึมงำในลำคอ ตามด้วยการพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าซุกเข้ากับหมอนใบโต



อาร์ตนั่งมองภาพเหล่านั้นแล้วอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าวันนี้เด็กดื้อของเขามีเรียนเช้า และถ้าเขาไม่ปลุกจนเจ้าตัวตื่นสายไปเข้าเรียนไม่ทัน เขาก็จะโดนงอนใส่ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสักนิด



“ดื้อ...ตื่นเร็ววันนี้เรียนเช้านะ” อาร์ตก้มลงเรียกชิดใบหูพร้อมกับขบเล่นเบาๆ แล้วฉวยโอกาสหอมแก้มอีกฝ่ายไปในตัว



“อื้อ...อาร์ตอย่ากวนง่วง!!” พีทส่งเสียงประท้วงออกมาแทบไม่เป็นคำ มือปัดปลายจมูกที่คลอเคลียไปมาไม่เลิกให้ออกห่างด้วยความรำคาญ



“ถ้าเข้าเรียนสายห้ามงอแงนะ” อาร์ตส่ายหัวไปมาพร้อมกับอมยิ้มขำ แล้วบิดปลายจมูกรั้นของพีทเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว



“วันนี้จารย์ยกคลาสเลิกกวนได้แล้ว” พีทปัดมืออาร์ตทิ้งอีกครั้งพร้อมกับหรี่ตามองด้วยสายตาเหวี่ยงๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะความง่วง



“ถึงว่าสิ…” อาร์ตพึมพำกับตัวเองแผ่วเบาแล้วนึกย้อนไปถึงเมื่อคืน เขาก็ว่าแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายให้เชาจัดหนักขนาดนั้น ที่แท้เจ้าตัวก็ไม่มีเรียนนี่เอง ส่วนเขาก็มีเรียนวิชาเดียวตอนบ่ายสาม



“ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน พี่จะได้ไม่ต้องลุกมาปลุก” อาร์ตบ่นให้พีทอย่างไม่จริงจัง แล้วล้มตัวลงนอนทับอีกฝ่าย



“จะให้บอกตอนไหนวะ” พีทว่ากลับทั้งๆ ที่ยังหลับตา น้ำเสียงที่ใช้บ่งบอกความไม่พอใจ อย่าว่าแต่บอกเลยเมื่อคืนเขาได้ทำอะไรบ้างนอกจากนอนคราง



“นั่นสิ” อาร์ตกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วจูบซับหลังคอของพีทไม่หยุด



“อื้อ...อาร์ตอย่าทำรอย” พีทครางประท้วงเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูดที่หลังคอ



“ทำไมล่ะ” อาร์ตถามด้วยความแปลกใจ เพราะปกติตัวเองทำรอยไว้ตรงไหนอีกฝ่ายก็ไม่เคยห้าม



“พวกที่คณะแม่งล้อ” พีทบอกด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย นึกถึงช่วงสัปดาห์ก่อนที่โดนกระหน่ำแซวเพราะรอยแดงจ้ำที่หลังคอ ซึ่งแต่ละคนแซวจนเขาอยากกัดลิ้นตาย



ทั้งที่เขาอุตส่าห์ตีมึนไม่ยอมรับเรื่องผัวๆ เมียๆ ที่ทุกคนพยายามยกมาแซว แต่ต้องมาตกม้าตายทำมึนต่อไม่สำเร็จเพราะไอ้รอยจูบมหาประลัยนั่นแหละ อย่าคิดว่าแค่รอยจูบมันไม่สำคัญ จูบต้นคอมันก็ปกติแต่ถ้าจูบหลังคอเมื่อไหร่ มันตีความได้อย่างเดียวว่าอยู่ในตำแหน่งไหน รอยจูบผิดที่ชีวิตก็เปลี่ยน



“ฮ่าๆ แค่นั้นเอง” อาร์ตขำในลำคอเบาๆ ให้กับอดีตผลงานของตัวเองที่จงใจทำ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมากดจูบที่ลาดไหล่เล็กแทน



“ไม่ต้องมาหัวเราะชอบใจเลยไอ้โรคจิต!!” พีทตวาดแหวขึ้นมาอย่างเหลืออด พร้อมกับเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วทึ้งผมอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจทำ เพราะเขาเอาคืนที่โดนทำให้อายในงานเลี้ยงด้วยการตีมึน พี่มันเลยเอาคืนเขาด้วยการประกาศความสัมพันธ์ซ้ำอีกรอบ ดูดหลังคอแดงเป็นจ้ำจนคนรุมแซวเขาหนักกว่าเก่า



“ใครโรคจิต” อาร์ตตีมึนไม่รับรู้แล้วกดจูบไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่า มือก็บีบเค้นลำตัวนุ่มนิ่มไม่หยุด ไล่ริมฝีปากมาเรื่อยจนถึงบั้นท้ายกลม อ้าปากออกกว้างแล้วงับลงไปเต็มแรงอย่างมันเขี้ยว



“โอ๊ย!! เจ็บนะแม่ง!!” พีทโวยวายดังลั่นด้วยความเคือง ก่อนร่างทั้งร่างจะถูกจับพลิกให้นอนหงาย พร้อมกับขาทั้งสองข้างที่โดนจับอ้าออกกว้าง และอาร์ตที่เข้ามาแทรกตรงกลางอย่างรวดเร็ว



“เมื่อคืนยังไม่พอหรือไง” พีทถามด้วยใบหน้าแดงก่ำไม่กล้าสบตาคนบนตัว ช่วงล่างสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตของอีกฝ่ายที่ดุนดันไม่หยุด



“ไม่” อาร์ตยิ้มหื่นส่งให้คนใต้ร่าง แล้วจัดการส่งนิ้วเข้าไปทักทายข้างในช่องทางรัก



“อ๊ะ...รอบเดียวนะอาร์ต ตอนเย็นนัดติวหนังสือใต้คณะ” พีทบอกอาร์ตเสียงสั่น แก่นกายน่ารักตื่นตัวขึ้นทันทีที่นิ้วมือซุกซนสอดเข้ามาในร่างกาย โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้แตะต้องอะไรมากไปกว่าการขยับนิ้วเข้าออกที่ด้านหลัง



เขายอมรับว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก เขาเรียนรู้และเคยชินไปแล้วว่าด้านหลังของตัวเองมีความสุขขนาดไหนเวลาถูกเติมเต็ม เรียกว่าถูกอีกฝ่ายจับเปลี่ยนเป็นฝ่ายรับโดยสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งคงเพราะเขาเองก็ไม่ได้แมนแท้ 100% ไม่งั้นแฟนคนแรกคงไม่ใช่พี่หมอ อีกอย่างอยู่ในฐานะนี้ก็สะดวกดีมีคนตามใจ



“คิดอะไรอยู่” อาร์ตขมวดคิ้มมุ่นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเหมือนจะไม่ได้สนใจตัวเองเท่าไหร่ จัดการเพิ่มนิ้วเข้าไปในช่องทางรักทันทีอีกสองนิ้ว แล้วขยับเข้าออกรัวเร็วเพราะความหงุดหงิดที่โดนเมิน



“ตอบเร็วคิดอะไรอยู่” อาร์ตถามเสียงเข้มแล้วหยุดขยับนิ้ว เปลี่ยนเป็นแยกนิ้วมือออกกว้างเพื่อขยายช่องทางแทน



พีทช้อนตามองอาร์ตเล็กน้อยแล้วเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ เรื่องอะไรเขาจะบอกอีกฝ่ายว่ากำลังคิดถึงเจ้าตัวอยู่กันล่ะ แค่นี้อาร์ตก็ได้ใจจนกู่ไม่กลับแล้ว



“พีทครับ” อาร์ตเรียกเสียงหวานแล้วจ้องหน้าพีทเขม็ง แต่พีทก็ยังไม่ยอมตอบคำถามและเปลี่ยนเป็นขมิบช่องทางรัก ตอดรัดนิ้วเรียวของอาร์ตถี่รัวอย่างยั่วเย้า



“ดื้ออย่ายั่วนะ” อาร์ตดุเบาๆ ด้วยเสียงแหบพร่า แต่ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุเพราะพีทขมิบถี่ยิบ พร้อมกับยกฝ่ามือเล็กๆ ลูบแผ่นอกกว้างไปมา ตามด้วยการยกตัวขึ้นจูบปากอาร์ตแผ่วเบา



“โอเคพี่ยอม” อาร์ตถอนนิ้วทั้งหมดออกทันที เอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นมาเทชโลมทั่วท่อนลำ ใช้มือสาวมันขึ้นลงเล็กน้อยแล้วจับไปจ่อที่ช่องทางบวมช้ำ จากนั้นจัดการดันเข้าไปในครั้งเดียวจนสุดความยาว



“อ๊าาาาาา” พีทครางเสียงสั่นผวาโอบกอดอาร์ตสุดตัว เล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังอีกฝ่ายเต็มแรงเพื่อระบายความเสียวซ่าน ขาเรียวสองข้างยกขึ้นคล้องกับเอวสอบไว้อย่างรู้งาน



อาร์ตขยับสะโพกช้าๆ สาวเข้าออกเป็นจังหวะแต่หนักหน่วง มือหนาทั้งสองข้างบีบเค้นไปทั่วลำตัวขาวผ่อง ก่อนจะเลื่อนมาบดขยี้ที่ยอดอกเล็กทั้งสองข้าง




“อ๊ะๆๆ...อื้ม…” พีทส่งเสียงครางออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ลำตัวบิดเร่าไปมาด้วยความวาบหวาม ยอดอกสองข้างเจ็บไปหมดจากการถูกบดบี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแข็งเป็นไตสู้นิ้วมือซุกซน ส่วนด่านล่างก็เสียวไม่แพ้กันจากการถูกกระแทกกระทั้น



“อ๊ะ...อ๊าาา...อื้อ…” พีทครางออกมาไม่หยุด ลำตัวโยกคลอนไปมาให้กับแรงกระแทกที่มากขึ้น จนต้องจิกเล็บลงที่ท่อนแขนแกร่งเพื่อระบายความรู้สึก



อาร์ตที่เห็นหน้าตาบิดเบี้ยวไปด้วยความสุขสมของพีทก็สติแทบขาด เกือบจะอัดสะโพกเข้าหาเอวบางแบบไม่ยั้งแรง แต่ก็จำเป็นต้องดึงรั้งสติตัวเองเอาไว้ ให้เคลื่อนตัวเข้าออกไม่รุนแรง เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กช้ำไปกว่านี้



อาร์ตก้มลงประกบจูบพีทที่ครางออกมาจนเสียงแหบตั้งแต่เมื่อคืน ส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กในโพรงปากนุ่ม ก่อนจะผละออกไล่จูบลงมาที่แนวกรอบหน้า เรื่อยลงมาจนถึงซอกคอขาวดูดเม้มเพิ่มรอยแดงลงไปอย่างอดไม่อยู่ ส่วนนิ้วมือก็สะกิดเขี่ยจุกนมเล็กอยู่แบบนั้น สะโพกก็สาวเข้าออกไม่ได้หยุด



“อ๊ะ...อ๊าาาาา” พีทส่ายร่อนสะโพกไปมาและเด้งสวนรับจังหวะของอาร์ต พร้อมกับขมิบตอดรัดท่อนลำของอีกฝ่ายไม่หยุด จนสุดท้ายอาร์ตก็ทนไม่ไหวสติหลุด ผละตัวเองออกแล้วดันสะโพกมนขึ้นสูง มือกระชับที่เอวบางแน่นจากนั้นก็อัดกระแทกเข้าออกเต็มแรง



“อ๊ะๆๆๆๆ อาร์ตมันจุก...บะ...เบา...อ๊ะๆๆ อาร์ต...อ๊าาาาา” พีทตัวโยกไหวไปมาอย่างรุนแรงจากการกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงและถี่ยิบ ทั้งเจ็บทั้งเสียวไปหมดรวมทั้งจุกจนต้องเอ่ยปากออกห้าม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นำพาคนที่สติหลุดไปแล้วอย่างอาร์ตได้ เพราะแทนที่จะหยุดเจ้าตัวกลับซอยถี่ๆ เน้นหนักทุกจังหวะเข้าออก จนพีทได้แต่ครางระงมร้องเรียกไม่เป็นภาษา



“อ๊าาาาาาา” พีทครางออกมาดังลั่นพร้อมกับร่างกายที่กระตุกน้อยๆ ก่อนจะปลดปล่อยหยาดน้ำที่แทบจะไม่เหลือให้ไหลออกมาที่หน้าท้อง นอนหายใจรวยรินหอบเหนื่อยอย่างหมดแรง




อาร์ตกระชับฝ่ามือที่สะโพกบางแน่นขึ้นเมื่อส่งพีทจนถึงฝั่ง ก่อนตัวเองจะกระแทกเข้าออกถี่ยิบและเน้นหนักในสองสามครั้งสุดท้าย ปลดปล่อยทุกอย่างตามคนตัวเล็กไปติดๆ ส่วนพีทได้แต่ครางตอบรับเบาๆ ในลำคอ เพราะแทบจะไม่มีเสียงให้พูดอยู่แล้ว



“อ๊ะ” พีทนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่ออาร์ตดึงตัวเองออกไป ก่อนจะนอนหอบไม่พูดอะไรอยู่แบบนั้น



“กินน้ำไหม” อาร์ตถามพร้อมกับยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของพีท พร้อมกับกดจูบลงไปที่แก้มนิ่ม



พีทไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับ รู้สึกว่าลำคอแห้งผากไปหมดและเหนื่อยเกินกว่าจะกระดิกตัวไปไหน ทั้งๆ ที่เช้านี้ไม่ได้รุนแรงออกจะอ่อนโยนเกินไปด้วยซ้ำสำหรับอาร์ต คงเป็นเพราะร่างกายแบกรับความเหนื่อยสะสมจากเมื่อคืน เขาถึงได้หมดสภาพเอาง่ายๆ แบบนี้



“งั้นรอก่อน” อาร์ตว่าแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาให้พีท



“ลุกไหวไหม” อาร์ตที่กลับมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พีทและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาเบาๆ อาร์ตวางแก้วน้ำในมือลงที่หัวเตียง แล้วพยุงพีทให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะหยิบน้ำมายื่นให้




“ไหวไหมดื้อ” อาร์ตยกมือขึ้นอังหน้าผากพีทเพื่อวัดไข้ มองใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด เวลาหน้ามืดขึ้นมาทีไรเขาใส่คนตัวบางไม่ยั้งทุกที ยิ่งอีกฝ่ายตามใจไม่เคยขัดเขาก็ยิ่งได้ใจ



“ไหว” พีทตอบด้วยเสียงที่แหบเล็กน้อย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนืดหน่อย แต่อย่างอื่นก็ปกติดี



“งั้นอาบน้ำปะ จะได้ไปหาข้าวกินแล้วกินยา” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วจัดการช้อนตัวพีทขึ้น อุ้มเดินไปห้องน้ำทันทีอย่างไม่รอช้า









“ไหวไหมเนี่ย” อาร์ตถามพีทที่นั่งคอตกพร้อมจะหลับตลอดเวลาอยู่บนเตียง



“ง่วงอ่ะ” พีทงึมงำตอบแผ่วเบาแล้วคว้าเอามาห่มมาคลุมร่างเปลือเปล่าของตัวเอง ก่อนจะล้มตัวลงนอนไปทั้งอย่างนั้น



“เฮ้ย!! อย่านอนเดี๋ยวรอกินข้าวกินยาค่อยนอน” อาร์ตรีบเดินมาดึงคนที่ตั้งท่าจะหลับให้ลุกขึ้นมา และจับตัวอีกฝ่ายบังคับไม่ให้นอนลงไปอีก



“อาร์ตแม่ง!! ก็มันง่วงข้างหลังก็เจ็บเนี่ย” พีทโวยวายออกมาดังลั่นแล้วชักสีหน้าใส่อาร์ตอย่างหงุดหงิด ตาเรียวถลึงมองอีกฝ่ายดุๆ ที่โดนขัดใจ



“เจ็บมากไหมไหนพี่ดูดิ๊” อาร์ตถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย และพยายามจะแยกขาเรียวออกเพื่อดูด้านหลัง



“เฮ้ย!!! ไม่ต้อง” พีทส่งเสียงห้ามด้วนความตกใจ มือเล็กพยายามผลักไสอีกฝ่ายให้ถอยห่าง แต่สุดท้ายก็แพ้แรงโดนผลักให้นอนราบกับที่นอน ขาสองข้างถูกจับแยกออกกว้างทันที



“พี่มึงแม่ง” พีทพึมพำด่าอีกฝ่ายพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าที่เห่อร้อนของตัวเองทั้งสองข้าง รู้สึกอายจนตัวแทบไหม้เมื่อเห็นว่าอาร์ตจดๆ จ้องๆ ที่ด้านหลังของตัวเอง ถึงแม้อีกฝ่ายจะมองมันด้วยสายตาเป็นห่วงไม่เคลือบแฝงอะไร แต่การที่ต้องมาอ้าขาให้สำรวจแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้จะทำอะไร มันก็ทำให้เขาอายได้เหมือนกัน



“เดี๋ยวพี่ทายาให้” อาร์ตว่าแล้วลุกขึ้นไปหยิบหลอดยาที่โต๊ะข้างเตียง หลังจากสำรวจเรียบร้อยแล้ว



“มะ...ไม่ต้องเดี๋ยวทาเอง” พีทเอ่ยห้ามเสียงสั่นด้วยความเขินอาย มือก็จับมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น



“มองเห็นหรือไง พี่ทาให้น่ะดีแล้ว” อาร์ตว่าอย่างไม่สนใจกับท่าทางของพีท จับมือเล็กที่คอยห้ามให้ออกห่างพร้อมทั้งเปิดฝาหลอดยา



“กูอายแม่ง!!” พีทตวาดแหวด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตวัดตามองอาร์ตด้วยความเคือง




“อายทำไมเห็นกันจนจะทะลุหมดละ” อาร์ตส่ายหัวให้พีทด้วยความหน่าย ก่อนจะดันเจ้าตัวให้นอนลงแล้วจับขาให้แยกออกกว้างอีกครั้ง



“บวมฉิบหายเลยว่ะน้องพีท” อาร์ตเอ่ยปากบอกพีทพร้อมกับมองปากทางบวมช้ำไม่วางตา



“แล้วพี่มึงจะบอกกูทำไมเนี่ย” พีทส่งเสียงว่าด้วยความเคืองปนอาย มือยื่นไปทุบไหล่ของอาร์ตที่ขยันแกล้งเต็มแรง



“โอ๊ย!! ฮ่าๆ ก็เผื่ออยากรู้ไง” อาร์ตหัวเราะร่วนอย่างชอบใจที่แกล้งพีทได้ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบปากอีกฝ่ายที่นอนทำตาวาวใส่ด้วยความมันเขี้ยว



“แต่บวมขนาดนี้สงสัยพี่ต้องอดไปหลายวัน” อาร์ตพึมพำไม่หยุดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความเสียดาย จนพีทต้องทุบเข้าให้อีกครั้งด้วยความหมั่นไส้



“แค่นี้ก็พอไหมล่ะ” พีทว่าแล้วถลึงตาใส่อาร์ตดุๆ



“พอครับพอ” อาร์ตว่าอย่างยอมแพ้แล้วทายาให้



“พี่ว่าสอดยาด้วยดีกว่า” อาร์ตบอกออกมาอีกครั้งหลังจากพิจารณาความบอบช้ำของพีทอย่างถี่ถ้วน ตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบยาที่ซื้อมาเตรียมไว้อีกครั้ง



“รู้ดีเกินไปแล้วนะแม่ง!!” พีทตะโกนว่าด้วยความอายที่นับวันอาร์ตชักจะรู้มากเรื่องพวกนี้ขึ้นเรื่อยๆ ขยันจัดแจงหานั่นนี้มาไม่หยุดจนเขาตั้งใจไล่ให้ไปเรียนหมอแล้ว



“มีเมียก็ต้องศึกษาไหมครับ” อาร์ตตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะบรรจงสอดเม็ดยาเข้าไปภายในช่องทางรัก




“ขมิบขนาดนี้เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นหรอก” อาร์ตว่าออกมาหลังจากที่สอดยาเข้าไปข้างใน แล้วเห็นพีทขมิบตอดรัดเม็ดยาถี่รัว



“โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! พี่มึงหยุดพูดได้ไหมเนี่ย” พีทโวยวายดังลั่นอย่างเหลืออด ยกมือขึ้นปิดหน้าที่แดงซ่านของตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกอายจนไม่รู้ว่าจะอายยังไงแล้ว



“โอเคๆ ไม่แกล้งละลุกมาใส่เสื้อผ้าเร็วจะได้ไปหาข้าวกิน” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะดึงพีทให้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง



“จะให้ใส่ให้ไหม” อาร์ตว่าดุๆ เมื่อเห็นพีทยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ แต่ถึงอย่างนั้นพีทก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงมองอาร์ตอย่างท้าทาย



“โอเคพี่ใส่ให้” อาร์ตว่าแล้วเดินถือเสื้อผ้ามาใส่ให้อย่างปากว่า ส่วนพีทเองก็นั่งให้อาร์ตจับแต่งตัวเหมือนตุ๊กตาไม่มีผิด เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์ตใส่เสื้อผ้าให้



“งั้นปะไปหาข้าวกินกัน” อาร์ตว่าแล้วฉุดพีทให้ลุกขึ้นยืนหลังจากแต่งตัวให้อีกฝ่ายเสร็จ



“เออ...ชาบูชินะ” พีทบอกและยักคิ้วส่งให้อาร์ตกวนๆ



“กินแพงนะเรา” อาร์ตแกล้งบ่นให้อย่างไม่จริงจัง เพราะนานๆ ครั้งพีทถึงจะชวนไปกินข้าวในห้าง เรียกว่าน้องรับรู้สถานการณ์การเงินผัวเป็นอย่างดี เจ้าตัวเลยไม่เคยงอแงหรือเรียกร้องอะไรเลย



“เลี้ยงเมียได้ไหมล่ะ” พีทขยับเข้ามาใกล้อาร์ตแล้วกอดที่เอวหนาพร้อมกับช้อนตามองอ้อนๆ




“ไม่ได้ก็ได้แหละแบบนี้” อาร์ตว่าแล้วลูบหัวพีทเบาๆ ก่อนจะกอดคอพาคนตัวเล็กไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ เพื่อจะได้กลับมาเข้าเรียนตอนบ่ายทัน



“กินติมด้วยนะ” พีทว่าต่ออย่างได้ที



“คร๊าบๆ รีบไปเร็วพี่ต้องมาเรียนอีก” อาร์ตเองก็ไม่ได้ขัดอะไรแต่เอ่ยปากเร่งแทน ส่วนพีทก็ใส่รองเท้าแล้วเดินนำหน้าออกไปด้วยความเร็วเหมือนลืมความเจ็บ จนอาร์ตต้องส่ายหน้าไปมาด้วยความหน่าย คว้าเอาของทุกอย่างมาถือไว้เช็คความเรียบร้อยในห้องอีกครั้ง ก่อนจะล็อกประตูแล้วสาวเท้าเดินตามหลังพีทไป





2 Be con...



+++++++++++++++++++++++

เรื่อยๆ มาเรียงๆ แปะ NC เบาๆ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 30-08-2016 19:09:55
เฮียคะใช้เมียเสร็จก็เลี้ยงดีๆเถอะคะเฮีย  :hao3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-08-2016 20:36:22
หิวจนลืมเจ็บเลยนะพีท รีบซะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-08-2016 20:46:14
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-08-2016 21:01:50
NC เบาๆ :m25: เฮียจัดหนักน้องพีชตลอด ทั้งคืนไม่พอต่อเช้าอีก เอาซะบวมเลยถนอมน้องนิดนึงเฮีย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-08-2016 21:38:40
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 42 (30/08/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 31-08-2016 09:55:24
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 05-09-2016 10:46:06
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 43 -



รถยนต์คันสวยที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดแทนที่เจ้าสองล้อสีชมพู ซึ่งเคยจอดอยู่จรงนี้ที่เดิมเป็นประจำ ทำให้เหล่าเด็กวิศวะหลายคนที่เดินผ่านไปมาต่างมองด้วยความสนใจ และพยายามจะสอดส่องให้ทะลุเข้าไปในตัวรถ เพื่อมองว่าเจ้าของรถเป็นใครและทำไมถึงกล้าเอารถมาจอดตรงนี้



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



เสียงเคาะกระจกรถเบาๆ เป็นสัญญาณเรียก ไม่ได้ทำให้เจ้าของรถที่อยู่ด้านในสนใจนัก เจ้าตัวแค่เหลือบสายตามองผ่านฟิล์มดำๆ ที่ติดกระจกรถแค่นั้น ก่อนจะหันกลับมานั่งมองพวงมาลัยรถด้วยใบหน้าบูดบึ้งเช่นเดิม



“เฮ้ย!! เรียกไม่ได้ยินเหรอวะ” คนข้างนอกรถตะโกนเสียงดังจนเสียงลอดเข้ามาด้ายในให้ได้ยินแว่วๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ยินว่าพูดอะไรอยู่ดี และถึงแม้จะพอเดาออกว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เจ้าของรถก็ไม่ได้สนใจแถมยังเมินเฉยเหมือนเดิม



ก๊อกๆๆๆ



แต่เสียงเคาะกระจกจากคนด้านนอกยังดังต่อเนื่องไม่หยุด สุดท้ายร่างบางที่นั่งในรถก็ทนรำคาฐไม่ไหว ตัดสินใจปลดล๊อกและผลักประตูเปิดออกไปเต้มแรง



ผลั่ก!!



“อุ่ก!! โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! มึงจะกวนตีนใช่ไหมถึงเปิดประตูกวนส้น...อะ...อ้าว...ซ้อ” คำด่าที่ตะโกนออกมาไม่ยั้ง เนื่องจากโดนประตูรถเปิดอัดใส่ตัวเต็มแรง เปลี่ยนเป็นเสียงเรียกอ่อยๆ ในตอนท้ายเมื่อเห็นว่าเจ้าของรถเป็นใคร



“เออ!! กูเอง...ทีนี้มีปัญหาอะไรอีกไหม” พีทยืนกอดอกมองคนตรงหน้าเขม็ง พร้อมกับชักสีหน้าใส่ด้วยความหงุดหงิด จนอีกฝ่ายได้แต่ส่งยิ้มแหยกลับมาให้



“แฮ่ๆ ไม่มีปัญหาครับซ้อ ไม่กล้ามีเลย” อีกฝ่ายอ้อมแอ้ทตอบกลับไม่เต็มเสียง ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ



“งั้นหลีกกูจะเดิน” พีทบอกเสียงแข็งหันไปคว้าเอากระเป๋าในรถ แล้วถอยออกมาล็อกรถก่อนจะเดินกระแทกไหล่คนตรงหน้าออกไป ทิ้งให้รุ่นพี่ที่มีฐานะน้อยกว่ายืนเาหัวด้วยความมึนงง



“ซ้อแกไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะ” รุ่นพี่ผู้เกือบชะตาขาดหันไปถามเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความสงสัย



“สงสัยทะเลาะกับเฮีย” เพื่อนอีกคนไหวไหล่ส่งให้เพราะคิดไม่ออกเหมือนกัน แต่ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องนี้นั่นแหละ ไม่งั้นหน้าซ้อคงไม่บูดเป็นตูดแบบนั้นหรอก



“ช่างเหอะว่ะ” สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกตัดบทสนทนาเรื่องนี้ เพราะคิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ในเมื่อคู่นี้เขาทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ









“ดีครับซ้อ” เสียงทักทายจากทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ดังมาเป็นระยะตลอดทางที่เดินผ่าน ซึ่งพีทก็พยักหน้าตอบรับหรือทักทายกลับไปบ้างเช่นกัน และไม่ได้รู้สึกแปลกๆ หรืออายอะไร กับการที่ทุกคนต่างพากันเรียกแบบนี้เหมือนเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน ก็ทุกคนพร้อมใจกันแซวและเรียกซ้อกันทั้งคณะ แซวทุกวัน เรียกทุกวัน จากที่อายๆ ก็กลายเป็นชินไปโดยปริยาย แถมเป็นซ้อก็โคตรจะสะดวก แทบจะชี้นกเป็นกระรอก ชี้ไม้เป็นหอไอเฟลอยู่แล้ว ใหญ่กว่าบอสวิศวะก็เมียบอสอย่างพีทเนี่ยแหละ



“ไงซ้อ!!” โดมเอ่ยปากแซวทักทายพีทเสียงใสทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามา




“เออ!!” พีทตอบกลับน้ำเสียงห้วนไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเลิฟแรงๆ



“เป็นไรมึง” เลิฟถามพีทด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า



“ทะเลาะกับผัวอีกสิมึง” โดมว่าอย่างรู้ทันและมองหน้าพีทนิ่งๆ



“เรื่องอะไรอีกล่ะ” เลิฟถามออกมาบ้างเพราะขี้เกียจเดา เนื่องจากพีทขยันทะเลาะกับคนรักเหลือเกิน ทะเลาะกันจนคนรอบข้างชินแต่ไม่เคยมีเรื่องใหญ่สักครั้ง ส่วนมากก็เป็นอีกคนที่แกล้งพีทและพีทก็จะงอนแบบนี้ทุกครั้ง



“ก็ไอ้เหี้ยพี่อาร์ตมัน…” พีทเปิดปากทันทีที่มีคนถาม เพราะอยากจะบ่นตั้งแต่ตอนที่ขับรถมามหา’ลัยแล้ว แค่ยังไม่สบโอกาสจะพูดก็เท่านั้น



“หยุด! ไม่ต้องเล่า...ผัวมึงมาง้อละ” โดมยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อนที่พี่จัได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ แล้วพยักหน้าไปในทิศทางที่เจ้าของร่างสูง ผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์กำลังเดินเข้ามา



“หวัดดีค่ะพี่” โดมยกมือไหว้และทักทายอาร์ตด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ต้องแปลกใจไม่น้อยที่อาร์ตแค่พยักหน้ารับ ไม่ได้พูดจาหยอกล้อหรือเอ่ยแซวตามปกติที่เคยทำ ใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอของอีกฝ่าย ดูเคร่งขรึมจนโดมไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก



“มาก่อนทำไมไม่บอกพี่” อาร์ตเดินไปหยุดตรงหน้าพีทแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ ตาก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างตำหนิ ผลที่ได้คือใบหน้างอง้ำจากอีกฝ่ายและสายตาขุ่นเคืองที่ตวัดมองมา



“บอกทำไมยังไงก็รถคนละคัน” พีทตอบกลับเสียงแข็งช้อนตามองอาร์ตด้วยความไม่พอใจ



“พีทจะทะเลาะพี่เรื่องนี้ให้ได้เลยใช่ไหม” อาร์ตเอ่ยปากถามอย่างอ่อนใจ



“พี่มึงนั่นแหละหาเรื่องทะเลาะว่ะ” พีทเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้




“มันก็แค่เรื่องรถป่ะวะ พี่มึงจะอะไรนักหนา” พีทเอ่ยปากว่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าอาร์ตเงียบ พยายามส่งสายตาไปกดดันให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดและทำตาม




“พี่ตามใจเราทุกอย่างนะพีท แต่อะไรที่ไม่ได้ก็คือไม่ได้” อาร์ตว่าและมองพีทที่ออกอาการงอแงดุๆ



“ก็แค่รถ” พีทยังคงเถียงต่อด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่เข้าใจในสิ่งที่อาร์ตพยายามจะบอกมาตลอดระยะเวลา 2 อาทิตย์



“พี่ยังยืนยันคำเดิม ถ้าพีทจะงอนพี่เพราะเรื่องนี้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะง้อเรา” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้วี่แววล้อเล่น จนพีทที่เป็นคนฟังได้แต่เม้มปากตัวเองแน่น



“พี่ไปเรียนล่ะ” อาร์ตตัดบทและหันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้พีทมองตามด้วยแววตาตัดพ้อ และไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมอีกฝ่ายจะต้องคิดอะไรเยอะ ก็แค่เรื่องรถเท่านั้น



“นี่ทะเลาะกันจริงจังเหรอวะ” โดมตัดสินใจเอ่ยปากถามหลังจากนั่งมองอยู่นาน ส่วนพีทได้แต่เบ้หน้าออกและมองโดมด้วยใบหน้าหงอยๆ ก่อนจะฟุบตัวลงกับโต๊ะเบื้องหน้า ส่วนปากก็ก่นด่าตัดพ้อคนที่เดินจากไปไม่หยุด



ถ้าจะถามว่าพีททะเลาะอะไรกับอาร์ตคงต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน เป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ที่เขาได้กลายเป็นเด็กปี 2 และอาร์ตเป็นรุ่นพี่ปี 4 ด้วยการประพฤติตัวดีรวมถึงผลการเรียนที่สวยงามตลอดระยะเวลาที่โดนลงโทษ สุดท้ายพ่อของเขาก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้แถมด้วยการคืนทั้งรถและคอนโด จำได้ว่าตอนนั้นเขาดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้ทุกอย่างคืน คนแรกที่เขาเลือกมาบอกข่าวดีก็คือไอ้คนที่บอกจะไม่ง้อเขาเมื่อกี้นั่นแหละ



ทุกๆ อย่างมันก็ดูโอเคดีอาร์ตก็ดูยินดีกับเขา แต่พอเขายัดกุญแจรถใส่มือให้พร้อมกับบอกให้ขับ รวมทั้งชวนให้เก็บของย้ายไปอยู่คอนโดด้วยกัน อีกฝ่ายก็ปฏิเสธความหวังดีแถมยังไม่ยอมรับกุญแจรถ สุดท้ายก็กลายเป็นเราทะเลาะกันเพราะเขาเองก็ไม่ยอม และไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธความหวังดีของเขาทำไม ในเมื่อขับมอเตอร์ไซค์อันตรายจะตายแถมร้อนก็ร้อนฝนตกลงมาก็เปียกไปทั้งตัว กันแดดกันฝนอะไรไม่ได้เลย ห้องที่อยู่ตอนนี้ก็คับแคบไม่มีความสะดวกสบายอะไรเลยสักนิด



เขาก็แค่อยากให้คนที่ตัวเองรักสบายขึ้นอยู่ในสถานที่ๆ ดีกว่านี้ เพราะอีกฝ่ายทำงานทุกวันกลับมาก็เหนื่อย ก็แค่อยากช่วยแล้วเขาผิดอะไรล่ะ แค่หวังดีเท่านั้นเอง แต่ดูอีกฝ่ายสิจะอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา แถมยังมาบอกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่อง ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่องแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะไม่ง้อเขา หงุดหงิดโว๊ย!!!! ไอ้ผัวเหี้ย!!!



“ถ้ามึงทำหน้าอึดอัดเหมือนอยากจะตะโกนด่าขนาดนั้น กูแนะนำให้มึงเดินไปแหกปากด่าที่หน้าห้องเรียนเลยค่ะ กูกลัวมึงจะอกแตกตาย” โดมเอ่ยแซวขึ้นมาอย่างขำๆ กับสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาไม่หยุดของพีท เลยได้รับค้อนงามจากอีกฝ่ายที่ตวัดมาให้เป็นการตอบแทน



“กูจะโทรไปด่าไอ้เหี้ยพี่อาร์ตให้ไอ้นาวฟัง” พีทว่าออกมาด้วยน้ำเสียงติดโมโห ก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เตรียมกดโทรไปหานาวที่อยู่ห่างไกลคนละทวีป



“นาวมันนอนไหมมึงจะไปกวนมันทำไม” เลิฟที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์ออกจากมือพีทมาถือไว้ เจ้าตัวเลยได้แต่ชักสีหน้าหงิกงอที่โดนขัดใจ



“โทรไปหาเรื่องให้มันด่า” โดมพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจกับความไม่รู้จักโตของพีท



“เออ!! กูอยากโดนด่า พอมันไม่อยู่ไม่มีใครบ่นคิดถึงว่ะแม่ง” พีทบ่นงึมงำออกมาพร้อมกับใบหน้าที่สลดลงอีกครั้ง ซึ่งไม่ต่างจากเลิฟที่ใบหน้าหงอยลงไม่ต่างกัน



“พวกมึงสองคนนี่เหมือนเด็กขาดแม่เลยเนาะ” โดมว่าด้วยความขำกับท่าทางของเพื่อทั้งสองคน ที่พอขาดนาวไปต่างพากันซึมเศร้านั่งหงอยไปตามๆ กัน



“อีกตั้งหลายปีกว่าจะกลับ” เลิฟพึมพำออกมาบ้างและฟุบหน้าลงกับโต๊ะข้างๆ พีท



“เฮ้อ!!!” พีทหันไปสบตากับเลิฟแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ถึงตอนอยู่ด้วยกันเขาจะชอบบ่นว่านาวทำตัวเหมือนแม่ แต่พออีกฝ่ายหนีไปเรียนต่อเมืองน้องแบบนี้มันก็อดคิดถึงไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็อย่างที่โดมบอกนั่นแหละ นาวนี่เป็นเหมือนแม่ของพวกเขาเลยนะ



“พอๆ ค่ะเลิกซึมเศร้ากูมีครีมตัวใหม่มาแนะนำ ใช้แล้วผิวดีผิวสวยผัวรักผัวหลง” โดมชวนเปลี่ยนเรื่องด้วยความรำคาญ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดครีมที่ว่าให้เพื่อนทั้งสองคนดู และมันก็ดึงความสนใจจากทั้งพีทและเลิฟได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งคู่เลิกซึมและต่างพากันชะโงกหน้ามามองอย่างสนใจ



“ครีมไรอ่ะ” พีทถามและดึงโทรศัพท์ในมือของโดมมาเปิดดูกับเลิฟ พร้อมกับทั้งอ่านสรรพคุณที่บรรยายเอาไว้ไปด้วย



“ครีมนี้พวกเซเลปดังๆ ใช้แล้วบอกกันปากต่อปากว่าดีมากเลยนะมึง” โดมจีบปากจีบคอบอกเพื่อนอย่างคนที่ไปรู้อะไรดีๆ มา เรียกตาของอีกสองคนให้โตแข่งกันอย่างสนใจ



และหลังจากนั้นก็เป็นการคุยแลกเปลี่ยนเรื่องความสวยความงามอย่างออกรสออกชาติ พร้อมๆ กับที่โดมขายครีมให้เพื่อนสนิททั้งสองได้ไปหลายกระปุก เรียกว่าตั้งแต่เพื่อนหน้าหวานของตัวเองต่างพากันมีสามีเป็นตัวเป็นตน ทั้งๆ ที่แหกปากบอกชาวบ้านปาวๆ ว่ามาดแมนสนใจแต่ผู้หญิง แถมบางคนยังเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาแล้วด้วยซ้ำ โดมก็มีรายได้จากอาชีพเสริมพวกนี้เป็นกอบเป็นกำ แถมยังรู้สึกสนุกที่ได้มีเพื่อนสาวไว้คุยเรื่องความงาม นี่ยังไม่นับรวมเพื่อนสาวตัวเล็กนามว่าเอยอีกคนนะ แม้ว่าพวกมันจะไม่ยอมรับว่าตัวเองสาวก็ตามเถอะ



ตั้งแต่เปิดตัวว่ามีผัว...เอ้ย!! สามี เพื่อนของโดมทั้งสามคนนับวันก็ยิ่งฉายความน่ารัก น่าขย้ำ จนกระเทยบึกบึนอย่างโดมได้แต่มองด้วยความอิจฉา ไอ้ที่เกิดมาน่ารักสวยหวานเกินหญิงนับวันก็ยิ่งสวยขึ้น ส่วนไอ้ที่เพิ่งจะมาหัดสวยก็ดูแลตัวเองจนมีพัฒนาการก้าวกระโดดพรวดพราด ชนิดที่เก้งกวางแม้แต่กระเทยบางคน ที่รู้ตัวว่าเบี่ยงเบนกินพวกเดียวกันตั้งแต่เกิดยังตามไม่ทัน นี่ล่ะมั้งที่เขาบอกว่าความรักจะทำให้เราสวยขึ้น คิดแล้วโดมมี่ก็อยากมีคนมาทำให้สวยขึ้นบ้างเหมือนกันนะ แต่นี่อะไรยิ่งดูแลตัวเองก็ยิ่งหล่อแทนที่จะได้ผู้มาเป็นสามีเหมือนไอ้เตี้ยพวกนี้ ดันได้แต่ผู้ที่พร้อมจะมาเป็นเมียกับชะนีที่เสนอตัวเป็นแม่ของลูก กระเทยหล่อมีกรรมจริงๆ



...

...



แกร๊ก...



เสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ทำให้มือเล็กที่กำลังบรรจงทาครีมลงบนหน้าหยุดชะงักลงเล็กน้อย ก่อนเจ้าของร่างบางที่ยืนอยู่หน้ากระจกจะหันไปมองคนที่เพิ่งเข้า แล้วก็เลิกสนใจหันกลับไปทาครีมต่อพ้อมกับเปลี่ยนเป็นลูบไล้โลชั่นไปตามแขนขาเรียว



อาร์ตที่เพิ่งกลับมาจากเลิกเรียนมองภาพของพีทที่ยืนทาครีมด้วยความแปลกใจ ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วสาวเท้าเข้าไปหา สอดแขนสองข้างเข้าไปรอบเอวบางแล้วกอดเอาไว้หลวมๆ



“ทำอะไร” อาร์ตงึมงำถามที่ซอกคอหอมกรุ่นของพีท ปลายจมูกวนเวียนซุกไซร้สูดความหอมไม่หยุด



“ตาบอดเหรอก็เห็นว่าทาครีม” พีทอดที่จะว่าออกไปด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ ก็เห็นอยู่ว่ายืนทาครีมยังมีหน้ามาถาม



“ถึงว่าสิเดี๋ยวนี้ตัวหอมตัวนิ่มขึ้นตั้งเยอะ ทำไมครับกลัวพี่ไม่หลงไปมากกว่านี้หรือไง” อาร์ตว่าแล้วดูดเม้มลาดไหล่เนียนที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา มือก็ลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อแล้วลากผ่านเบาๆ บริเวณหน้าท้อง สร้างความเสียวและปั่นป่วนอารมณ์ให้กับพีทจนขนลุกไม่น้อย



“พี่มึงอย่ามือไวได้ไหมเนี่ย ทาครีมยังไม่เสร็จเห็นไหม” พีททำเสียงดุใส่อาร์ตและออกแรงดิ้นเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกลูบไปมาก่อกวนความรู้สึกสักที



“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ทาให้ดีกว่า” อาร์ตหยุดมือซุกซนของตัวเองแล้วอุ้มพีทขึ้นพาเดินไปที่เตียง วางอีกฝ่ายลงแล้วคว้าเอาขวดโลชั่นใรมือมาถือไว้เอง จากนั้นก็บีบเนื้อครีมลงบนมือแล้วบรรจงลูบไล้ไปทั่วขาเนียนตามด้วยการจูบซับลงไป เรียกได้ว่าฝ่ามือลากเนื้อดครีมผ่านตรงไหรอาร์ตก็จูบตามลงไปตรงนั้น



“พี่มึงทาดีๆ ได้ไหมเนี่ย” พีทอ้อมแอ้มบอกด้วยความเขินอาย ใบหน้าหวานแดงก่ำมองการกระทำของอาร์ตอย่างทำตัวไม่ถูก




จุ๊บ!!



“พี่ก็ทาดีๆ นี่ครับ ตรงไหนที่ไม่ดีล่ะ” อาร์ตยืดตัวขึ้นมาจูบที่ปากของพีทและเอ่ยถามด้วยท่าทางทะเล้น เลยโดนพีทหวดกำปั้นลงไปบนตัวเป็นการแก้เขิน



“ไอ้หื่น” พีทว่าอาร์ตด้วยใบหน้างอง้ำแต่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอาย จนอาร์ตอดใจไม่ไหวดึงพีทเข้ามาหอมซ้ายหอมขวาไม่หยุด



“อื้อ...พอได้แล้ว” พีทดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนของอาร์ต พร้อมกับยกมือดันหน้าอีกฝ่ายให้ถอยห่าง



“พี่หื่นกับดื้อคนเดียวนะไม่ดีหรือไง” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และดึงพีทให้มานั่งลงบนตัก



“ลองพี่มึงไปหื่นกับคนอื่นดูซิ จะตอนแม่งให้สูญพันธ์” พีทหันมาถลึงตามองอาร์ตอย่างข่มขู่ เลยได้รับรอยยิ้มเอ็นดูพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ส่งมาให้จากอีกฝ่าย



“ดุจริงตัวแค่นี้” อาร์ตว่าพร้อมกับขำน้อยๆ ให้กับตาวาวๆ ของพีท และก้มลงจูบปากอีกฝ่ายแรงๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะยกร่างบางลงจากตักแล้วหยิบขวดโลชั่นไปเก็บที่ให้



“นี่ครีมมันเยอะขึ้นป่ะเนี่ยน้องพีท” อาร์ตมองเหล่ากระปุกครีมที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความอึ้ง เพราะจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมันยังไม่เยอะขนาดนี้



“ก็ซื้อมาเพิ่มไงเห็นมันหอมดี” พีทว่าเหมือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็ปกติจริงๆ สำหรับเจ้าตัว เพราะตั้งแต่รู้ตัวว่าคงหันหัวกลับไปเป็นผัวชาวบ้านเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พีทก็ขยันดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นเท่าตัว



ทั้งหมดที่ทำนอกจากเพื่อตัวเอง ก็เพื่อไอ้คนตัวสูงที่ตั้งคำถามอยู่เนี่ยแหละ เพราะเขาไม่ได้เกิดมาสวยแบบไอ้เลิฟหรือน่ารักแบบไอ้เอย เขาเลยต้องดูแลตัวเองมากหน่อย ยิ่งมีแฟนหล่อๆ แบบอาร์ตแถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกัน คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอกมั้งที่เขาจะรู้สึกกังวลว่าจะโดนเบื่อเข้าสักวัน มันเลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาหันมาดูแลตัวเอง เพื่อมัดใจไม่ให้อีกฝ่ายวอกแวก มารยาชายมันก็มีไม่แพ้ผู้หญิงหรอก



“แต่ของเก่ายังไม่หมดเลยนะน้องพีท” อาร์ตอดที่จะเตือนอีกฝ่ายไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวใช้เงินในเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไหร่ ถึงเขาจะชอบที่อีกฝ่ายดูน่าฟัดขึ้นกว่าเดิมเป็นกอง แต่เขาก็รักในแบบที่น้องเป็นอยู่แล้วเลยไม่อยากให้สิ้นเปลืองเรื่องพวกนี้เท่าไหร่



“บ่นว่ะอาร์ตที่เยอะๆ นั่นก็ซื้อมาให้ตัวเองด้วยเหอะ” พีทเถียงกลับด้วยใบหน้างอง้ำไม่พอใจที่โดนดุ



“ไม่ได้บ่นแค่บอก” อาร์ตบอกพีทอย่างอ่อนใจ เขารู้ว่าน้องน่ะเงินใช้เหลือเฟือผิดกับเขาลิบลับ แต่ในฐานะคนรักและโตกว่าเขาก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี



“แล้วก็ไม่ต้องซื้อมาให้พี่หรอก ทีหลังซื้อแค่ของตัวเองก็พอ” อาร์ตพูดต่อและหยิบกระปุกครีมบนโต๊ะขึ้นมาดู โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของตัวเองกำลังสร้างความไม่พอใจให้พีท



“ทำไมพี่มึงชอบขัดใจวะเงินแค่นี้เอง ถ้าไม่อยากได้ก็บอกดิคราวหลังจะได้ไม่ซื้ออะไรให้” พีทว่าออกไปด้วยความน้อยใจเพราะทุกที่ตัวเองซื้ออะไรให้ อีกฝ่ายจะต้องพูดออกมาทำนองนี้ทุกครั้ง ไม่เคยรับอะำรจากเขาเลยตั้งแงาปฏิเสธท่าเดียว



“งอนอะไรอีกเนี่ย” อาร์ตที่ตามอารมณ์ของพีทไม่ทันเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ถ้าจะมีใครขี้เหวี่ยงกว่าผู้หญิงเวลาเป็นวันนั้นของเดือน ก็เมียเขาเนี่ยแกละคนหนึ่ง บทจะเหวี่ยงจะวีนน้องก็เหวี่ยงขึ้นมาเฉยๆ



“งอนอะไร ใครจะกล้างอน ก็พี่มึงบอกว่าจะไม่งอแล้วนิ” พีทสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างเคืองใจ ปล่อยอาการสะบัดสะบิ้งแต๋วแตกออกมาแบบไม่มีกั๊ก ทำเอาคนมองอย่างอาร์ตได้แต่ยืนโคลงหัวอย่างอ่อนใจ



“นี่กำลังเอาเรื่องที่มอมาพาลใช่ไหมเนี่ย” อาร์ตยืนพิงโต๊ะแล้วเอ่ยปากถาม โดยที่ไม่ได้เดินเข้าไปหาแต่อย่างใด



“ใครพาลพูดดีนะแม่ง พี่มึงแหละงี่เง่าบอกให้เอารถไปขับก็ไม่เอา ให้ย้ายออกไปอยู่คอนโดก็ไม่ไป” พีทได้ทีก็เอาเรื่องที่คาใจมาตลอด 2 อาทิตย์ออกมาพูด




“พี่ก็บอกเหตุผลไปแล้วไง เราเองต่างหากที่ไม่ยอม” อาร์ตบอกออกไปอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับเรื่องเดิมๆ ที่เคยคุยกันไปแล้วแต่พีทไม่คิดจะทำความเข้าใจ



“เหตุผลแบบนั้นใครจะไปยอมรับได้วะ” พีทเถียงกลับด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะโมโหขึ้นมาจริงๆ เพราะถึงอาร์ตจะเคยบอกแล้วว่าทำไม แต่เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี ก็ในเมื่อของทุกอย่างมันเป็นของเขา ชีวิตเขา เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาสิ



“เรากำลังจะทะเลาะกันนะพีท” อาร์ตเอ่ยเตือนขึ้นอย่างใจเย็น เมื่อเห็นพีทเริ่มจะใส่อารมณ์ลงไปในคำพูด



“เออ!! ให้มันทะเลาะไปเลย ทำอะไรให้ไม่เคยจะดีหรอก” พีทตะโกนใส่อย่างไม่สนคำเตือน เพราะความโกรธผสมกับความน้อยใจ ที่เห็นอาร์ตแคร์สายตาคนรอบข้างมากกว่าความรู้สึกของตัวเองที่ได้ชื่อว่าแฟน



“พี่ว่ารอพีทอารมณ์ดีเราค่อยคุยกันใหม่ พี่ไปทำงานก่อนแล้วกัน” อาร์ตยังคงแสดงท่าทีใจเย็นไม่ พยายามไม่ใส่ใจอาการพาลโมโหของพีท เพราะรู้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ความคิดตัวเองเกินไป แต่อธิบายอะไรไปตอนนี้คนที่กำบังอารมณ์เสียแบบพีทคงไม่ฟัง



พีทยืนมองท่าทางใจเย็นไม่ทุกข์ร้อนของอาร์ตด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนชุดออกไปทำงานโดยที่ไม่มีท่าทางสนใจตัวเอง ยิ่งเกิดอาการน้อยใจและพาลโมโหไปซะทุกอย่าง



“ถ้าพี่มึงไปทำงานเราเลิกกัน!!” พีทตวาดโพล่งออกไปด้วยความโมโหอย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าอาร์ตหยิบกีตาร์แล้วทำท่าจะเปิดประตูห้องออกไป



อาร์ตชะงักฝ่ามือที่กำลังจะเปิดประตูแล้วหันกลับมามองพีทด้วยใบหน้าที่เรียบสนิท ดวงตาคมที่อ่อนโยนขี้เล่นเสมอตอนนี้เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก จนพีทที่มองอยู่ต้องหลบสายตาและบีบมือตัวเองแน่นอย่างอึดอัด



“ไม่ต้องรอนอนก่อนได้เลย” เสียงราบเรียบที่เปล่งออกมาจากปากของร่างสูง ทำให้พีทบีบมือตัวเองเข้าหากันแน่นกว่าเก่า ขอบตารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที ก่อนจะใจหายเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องที่ดังขึ้นแผ่วเบา และไร้เงาของใครอีกคนแล้วในตอนนี้




อาร์ตไม่ได้แสดงท่าทีรุนแรงหรือต่อว่าอะไรก็จริง เพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจเย็นและโตกว่าอายุพอสมควร แต่พีทก็รู้ตัวดีว่าทำให้อีกฝ่ายโกรธ เขาอยากบอกว่าเขาแค่น้อยใจเลยพูดออกไปไม่คิด และเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดคำนั้นออกไปจริงๆ





2 Be Con...



++++++++++++

กลับมาแล้วจ้า กลังจากหายไปนานนน

ไม่เคยหายไปานขนาดนี้เลยนะเนี่ย

ไม่สบายจ้า เปื่อยมาก เลยพักฟื้น

ตอนนี้ดีขึ้นเลยมาอัพนิยายให้

คิดถึงคนอ่านอ่ะ ฮือออออออออ

ส่วนเฮียกับดื้อก็ให้เขาทะเลาะกันบ้างพอเป็นกระสัย

ชีวิตคนเรารักกันยังไงมันก็ต้องมีบ้างละเนาะ จะได้ไม่เลี่ยน

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

ปล.ทีมหนังสือ อีกสองเดือนนะที่รัก
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-09-2016 11:13:01
............
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-09-2016 13:39:19
เฮียก็นะนังซ้อพีทก็อยากให้เฮียสบายขึ้นเฮียก็ยังปากอข็งโอยยยยรู้สึกปวดหัว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-09-2016 14:00:34
 :m16: :m16: :m16: พีทเอาแต่ใจเกินไปอะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-09-2016 15:40:19
ไปกันไม่รอดละม้าง สงสัยจะมาม่า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 05-09-2016 15:55:15
เอ็นดูพีท^^ เหมือนมองลูกหลานทะเลาะกะแฟน555+

รีบด่วนเลยพีท รีบโทรไปให้นาวด่าไวๆค่ะ เผื่อจะนึกวิธีคุยกะพี่มันได้รู้เรื่อง

นาวจ๋า
พีทกำลังต้องการความช่วยเหลือด่วน....วี๊ว่อๆๆๆ


หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 05-09-2016 17:41:26
จัดมาม่ามาสักกะละมังค่ะคนเขียน  หิวมากตอนนี้   :katai1:   :katai1:   :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-09-2016 21:39:48
เลิกกันไปเลยค๊าาา  :angry2:
แล้วมาดูซิ ใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน
ทะเลาะกันตลอดดดด สมชื่อเรื่อง :z3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-09-2016 22:41:36
พีทเหวี่ยงวีนเกินงามแล้วนะลูก เอาพอดีๆนะ เยอะไปจะไม่มีความสุขนะฟังพี่เค้าบ้าง
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 43 (5/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 07-09-2016 19:25:25
ก่อนอื่นขอโทษคนเขียนก่อนเลยค่ะ ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนาน
อ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้วก็พบว่า พีทงอนเก่งกว่าเลิฟอีกนะ :laugh:
รายนั้นน่ะงอนเก่งแต่เงียบ แต่พีทนี่งอนแบบให้รู้ว่างอนนะ
เหวี่ยงง่ายด้วย เป็นนิสัยของคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจพอสมควร
ดีหน่อยว่าพี่อาร์ต (ของเรา) โตกว่าทั้งนิสัย อายุ และการวางตัว
ไม่อย่างนั้นคงไม่ใจเย็นอย่างนี้แน่ คงได้มีตอบโต้กันไปบ้างแล้วล่ะ
ใจเย็นนะพีท ถ้าสงบแล้วจะมีสติ แล้วจะคิดได้ว่าควรทำยังไง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-09-2016 16:10:44
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 44 -



“ขอบคุณนะครับ” อาร์ตค้อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณลูกค้า ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่มาอุดหนุนในวันนี้ ตามด้วยส่งยิ้มให้เป็นการปิดท้ายก่อนจะก้าวขาลงจากเวที หลังจากที่ขับกล่อมบทเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้จบลง



อาร์ตเก็บกีตาร์ลงกระเป๋าด้วยท่าทางเฉื่อยชา พร้อมกับพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาเป็นระยะ ไร้ความกระตือรือร้นแบบที่เคยเป็น ในทุกๆ ครั้งที่ถึงเวลาเลิกงาน ทำเอาคยรอบข้างต่างพากันมองด้วบความสนใจปนสงสัย กับท่าทีแปลกประหลาดของเจ้าตัว



“ไงมึงไม่รีบกลับห้องเหรอวะ เดี๋ยวเมียมึงก็อาละวาดหรอก” ตองเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าอาร์ตยังคงนั่งนิ่ง ทั้งๆ ที่เลิกงานและเก็บของเสร็จมานานพอสมควรแล้ว



“อีกสักพักว่ะพี่” อาร์ตตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



“ให้กูเดาไหมว่ามึงทะเลาะกับเมียอีกแล้ว” ตองพูดดักคออย่างรู้ทัน เพราะถ้าเป็นปกติตามทุกวัน อาร์ตแทบจะหายตัวกลับห้องไม่มีทางมานั่งแช่ถ่วงเวลาแบบนี้แน่



“นิดหน่อยว่ะพี่เรื่องเดิมๆ” อาร์ตหันกลับมาส่งยิ้มให้ตองบางๆ แต่แฝงความล้าออกมาให้ได้เห็น



“กูว่าไม่น่าจะนิดล่ะมั้ง” ตองหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับความปากแข็งของอาร์ต ก่อนจะเดินเข้าไปหาและตบลงบนบ่าอีกฝ่ายเบาๆ



“ถ้ายังไม่กลับแดกเหล้ากับกูก่อนไหม” ตองว่าพร้อมกับส่งยิ้มเหนื่อยอ่อนไปให้ รอยยิ้มแบบเดียวกันกับอาร์ตในตอนนี้ไม่มีผิด



คำชวนของตองทำให้อาร์ตหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ก่อนที่มุมปากจะกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เพราะดูท่าแล้วคงไม่ได้แต่เขาที่มีเรื่องกลุ้มใจ รุ่นพี่คนสนิทเองก็คงมีเรื่องในใจเหมือนกัน



“พี่เลี้ยงนะ” อาร์ตยักคิ้วส่งให้ตองอย่างกวนโอ๊ย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะตามคำชวนของอีกฝ่าย กลับห้องผิดเวลาสักวันเมียก็คงไม่โกรธกว่าที่เป็นอยู่หรอกมั้ง









พีทนั่งมองเวลาที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ขยับตัวร้อนรนไปมาอยู่ไม่สุข ในใจตอนนี้เหมือนมีไฟมาสุมรวมกันไม่มีผิด




พีทกำลังร้อนใจ ใช่...เขาร้อนใจ เพราะตอนนี้เวลากำลังล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ แต่ยังไร้เงาของใครอีกคน ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่จะโทรมาบอกกล่าวเหมือนทุกครั้ง และไม่ว่าจะโทรไปหามากแค่ไหนก็ไม่มีการตอบรับ



พีทจะไม่กังวลขนาดนี้เลยถ้าหากไม่ใช่ว่าเราเพิ่งทะเลาะกัน ถึงก่อนออกไปอาร์ตจะบอกว่าไม่ต้องรอก็ตาม ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงคิดมากไปสารพัด ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ หรือเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า



พีทพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปตามหาอีกฝ่าย เพราะนั่งอยู่ต่อไปแบบนี้ก็ไม่เกิดอะไร ให้นอนก็คงนอนไม่หลับแน่ๆ




ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ได้ ถึงอาร์ตจะยังโกรธอยู่ หรือเขาต้องตามง้อแต่ขอให้ได้เห็นหน้าก่อน หายไปเงียบๆ แบบนี้ใจคอเขาไม่ดีเลย



พีทสาวเท้าเดินมาหารถของตัวเองด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่แล้วคิ้วสวยได้รูปก็ต้องขมวดเป็นปม เมื่อเหลือบมองไปเห็นว่ารอรถทั้ง 4 ล้อในตอนนี้แบนจนราบไปกับพีท



“เหี้ยเอ้ย!! แบนได้ไงวะ” พีทสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ รถ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ รถเขาที่ยางแบนได้ ทั้งๆ ที่เมื่อกลางวันเขายังขับมันมาจอดแบบดีๆ อยู่เลย และจำได้ว่าก่อนขึ้นห้องรถมันก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร



“อย่าให้กูจับได้นะว่าใครมือบอน กูจะสั่งเด็กวิดวะมาตืบให้ไส้ไหล” พีทสบถด่าคนทำด้วยความแค้นเคือง แล้วง้างขาออกเตะลงไปที่ล้อรถเพื่อระบายความหงุดหงิด ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ รู้แบบนี้เขาลากไอ้พี่วินลงมาด้วยก็ดีไม่น่ารีบจนลืมเลย แต่จะให้เดินกลับขึ้นไปตามก็ขี้เกียจจะโทรหาก็เกรงใจ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยเตะลงไปที่ล้อรถซ้ำๆ อยู่แบบนั้น



“เตะมันไปก็เจ็บเท้าเปล่าๆ นะน้องพีท” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้พีทสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหันหลังกลับไปมองแล้วดวงตาเรียวก็ต้องเบิกกว้างอย่างตะลึง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นใคร



“อ้าปากกว้างแบบนั้นแมลงวันเข้าไปบินเล่นแล้ว” อีกฝ่ายพูดแหย่อย่างเป็นกันเอง พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้



“พี่หมอ...พี่มาอยู่แถวนี้ได้ไง” พีทถามขึ้นทันทีด้วยความแปลกใจ สายตากวาดมองไปรอบบริเวณที่ดึกสงัดไร้ผู้คน ก่อนจะหันกลับมาสบตาอีกฝ่ายเพื่อขอคำตอบ



“บังเอิญน่ะ” แทนไทหรือพี่หมอตามที่พีทเรียกตอบสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจ แต่พีทกลับรู้สึกว่ามันชวนให้สงสัยพิกล



“ฮ่าๆ เพื่อนพี่อยู่แถวนี้น่ะกำลังจะกลับเห็นว่ามีคนก้มๆ เงยๆ อยู่เลยนึกว่าคงต้องการความช่วยเหลือ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นเรา” แทนไทอมยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะอธิบายยาวๆ เมื่อเห็นว่าพีทยังมองอย่างไม่ไว้ใจ



“เพื่อน? พี่มีเพื่อนอยู่แถวนี้ด้วยเหรอ” พีทถามออกไปด้วยความสงสัยที่ยังคงมีอยู่ ก็บริเวณห้องพักของอาร์ตมันมีแค่อพาร์ทเม้นท์เก่าๆ ถึงกลางเก่ากลางใหม่เท่านั้น และคนที่พักอาศัยก็คนหาเช้ากินค่ำกับพวกนักศึกษารายได้น้อย ไม่ได้หรูหราหรือน่าจะมีคนในสังคมระดับเดียวกันกับแบบที่อีกฝ่ายชอบคบหาเป็นเพื่อนเลยสักนิด



“เพื่อนใหม่พี่น่ะเรียนเฉพาะทางด้วยกัน” แทนไทยังคงส่งยิ้มและตอบคำถามแบบปกติ พีทเลยได้แต่พยักหน้ารับรู้ถึงแม้จะยังสงสัยอยู่ก็ตาม



“แล้วนี่พีทมาทำอะไรแถวนี้ดึกๆ ดื่นๆ” แทนไทเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้างเมื่อเห็นว่าพีทมาอยู่ในที่ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ควรจะอยู่เหมือนกัน



“ผมมาค้างห้องแฟนน่ะครับ” พีทตอบออกไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง เพื่อตัดปัญหาและไม่ให้ความหวังกับอีกฝ่าย ถึงแม้ตลอดระยะเวลาเกือบปีมานี้พี่หมอจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรอีก นอกจากการทักทายตามปกติเวลาเจอกัน เพราะพ่อของเราทั้งคู่เป็นเพื่อนกันก็ตาม



“แฟนเรา...คนนั้นน่ะเหรอ?” แทนไทยังคงถามเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้แสดงท่าทางผิดปกติอะไร ซึ่งนั่นมันทำให้คนที่ลอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายตลอดเวลาอย่างพีท รู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันก่อนจะพยักหน้าส่งให้เป็นการตอบรับ



“ว่าแต่เราจะไปไหนล่ะดึกขนาดนี้” แทนไทอดที่จะถามด้วยความแปลกใจไม่ได้




“ไปหาแฟนน่ะครับ” พีทตอบออกไปพร้อมใบหน้าที่เริ่มกลับมาบึ้งตึง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ารถตัวเองโดนเจาะยาง



“แต่คงต้องไปขึ้นแท็กซี่ ไม่รู้ใครมือบอนมาปล่อยลมล้อรถ” พีทบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ใบหน้ายุ่งเหยิงแสดงความอารมณ์เสียออกมา



“งั้นให้พี่ไปส่งไหม” แทนไทเสนอความช่วยเหลือทันที




พีทเหลือบตามองอีกฝ่ายด้วยความลังเลใจ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาอะไรตาม เนื่องจากอาร์ตเคยสั่งห้ามไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับพี่หมอเกินความจำเป็น



“ว่าไงครับ” แทนไทถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพีทยังคงเงียบ




พีทช่างใจอย่างคิดหนักใจหนึ่งก็ไม่อยากไป แต่อีกใจก็ห่วงอาร์ตที่ติดต่อไม่ได้ สมองตอนนี้เลยพยายามคิดอย่างหนัก จนสุดท้ายเจ้าตัวก็พ่นลมหายใจออกมา



“งั้นพี่ช่วยไปส่งผมที่…..” และความห่วงของพีทก็ชนะความระแวงในที่สุด









“พี่พาผมมาที่นี่ทำไม” พีทถามขึ้นทันทีเมื่อรถจอดสนิทตรงหน้าสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง คิ้วสวยขมวดพันกันเป็นปมก่อนจะตวัดตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ



“อย่ามองพี่แบบนั้น ขอพี่ทำธุระแป๊บเดียว” แทนไทว่ายิ้มๆ เมื่อเจอวายตาเหวี่ยงวียของพีทที่ส่งมา



“งั้นเดี๋ยวผมต่อแท็กซี่ไปเอง” พีทว่าแค่นั้นแล้วเปิดประตูลงจากรถอย่างไม่รอช้า เพราะเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล



แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากให้หันกลับไปเต็มแรง พร้อมกับความเจ็บที่ต้นแขนจนต้องเบ้หน้าออกมา



“ปล่อย!!” พีทตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากฝ่ามือของอีกฝ่าย แต่ยิ่งสะบัดแทนไทยิ่งลงแรงบีบแน่นมากกว่าเก่า บีบจนเหมือนต้องการให้กระดูกของพีทหักคามือ



“พี่บอกให้รอแป๊บเดียวไงครับ” แทนไทบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มละมุน แต่แววตาของเจ้าตัวกลับไม่ได้ยิ้มตาม และนั่นมันทำให้พีทรู้สึกกลัว



พีทออกแรงดิ้นรนอย่างรุนแรงด้วยสัญชาตญาณที่ร้องเตือนเสียงดัง ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นผับและไม่ได้เป็นที่เปลี่ยวแต่มันก็คือสถานที่อโคจร เกิดอะไรขึ้นคงไม่มีใครสนใจจะมาช่วยเขา แถมเขายังเป็นผู้ชายใครมองมาก็คงคิดว่าวัยรุ่นตีกันแน่ๆ



“อยู่นิ่งๆ” แทนไทตะคอกใส่เสียงดังพร้อมกับบีบแขนของพีทแน่นขึ้น



ผัวะ!!!




“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!!” พีทตวาดใส่ดังลั่นพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นชกหน้าอีกฝ่าย




“อยากโดนเอาตรงนี้ใช่ไหมวะ” แทนไทตะคอกใส่พีทด้วยความโมโห เขาอุตส่าห์จะกล่อมให้อีกฝ่ายยอมดีๆ แล้วจะมาพยศให้เขาโมโหทำไม



มันไม่ง่ายเลยนะที่โชคจะเข้าข้างเขาแบบวันนี้ บังเอิญจริงๆ ที่เขาได้มาส่งคู่ขากลับห้องพักแถวนี้ เลยได้มีโอกาสเจอกับพีทแบบสองต่อสอง ไร้คนอื่นข้างกายเหมือนทุกครั้งและอีกฝ่ายก็กำลังต้องการความช่วยเหลือพอดี




แทนไทโกรธจนแทบบ้าเมื่อได้ยินพีทพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่ามาค้างบ้านแฟน ไม่ต้องถามก็เดาออกว่าค้างกันแบบไหนและนั่นมันทำให้เขาหงุดหงุดใจ เขาไม่เคยได้แตะต้องอีกฝ่ายเลยนอกจากกอดจูบ ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา 2 - 3 ปี แต่ไอ้คนมาใหม่คบไม่ถึงปีทำไมร่างเล็กตรงหน้าเขาถึงทอดกายให้เชยชม แต่กับเขาในเวลานั้นอีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงมาตลอด




มันเลยทำให้เขาคิดแผนการบ้าๆ นี่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในเมื่อเป็นแฟนไม่ได้ขอให้ได้ชิมร่างขาวผ่องนี่ก็ยังดี ไว้คุยธุระกับเพื่อนเสร็จเมื่อไหร่เขาจะพาพีทไปขึ้นสวรรค์ด้วยกันที่คอนโด เผลอๆ เจ้าตัวอาจจะติดใจลีลาของเขาจนลืมลีลาของผัวคนปัจจุบันก็ได้...ใครจะไปรู้



“ไอ้สัด!!” พีทตะโกนด่าสุดเสียงด้วยความโมโหกับความคิดระยำของอีกฝ่าย และโกรธให้กับความโง่ซ้ำซากของตัวเอง เขาไม่มีทางยอมไปอ้าขาให้ใครเสียบง่ายๆ นอกจากไอ้พี่อาร์ตแน่



เพี๊ยะ!!



“มึงจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ใช่ไหมห๊ะ”



แรงกระทบที่ใบหน้าทำเอาพีทเจ็บจนชาไปหมด สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก ดวงตาเรียวตวัดมองคนตรงหน้าอย่างแค้นเคือง ก่อนจะถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้าอีกฝ่ายทันที



“สัด!!” พีทส่งยิ้มเยาะเย้ยไปให้อีกฝ่ายอย่างสะใจ ก่อนที่ใบหน้าจะสะบัดเต็มแรงพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดในปากที่เพิ่มมากขึ้น









อาร์ตที่เพิ่งกลับมาถึงห้องพักในเวลาเกือบตีสาม ต้องขมวดคิ้วเป็นปมทันทีด้วยความแปลกใจ เมื่อไม่เห็นร่างบางของใครบางคนอยู่ในห้อง เดินเข้าไปดูที่ห้องน้ำก็ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากความเงียบ ตัดสินใจเดินไปที่ระเบียงเพื่อชะโงกดูรถของอีกฝ่ายที่จอดเอาไว้ ว่ารถคันหรูมันยังจอดอยู่ที่เดิมไหมเพราะเมื่อกี้ตอนขึ้นมาเขาก็ลืมสังเกต แต่พอมองลงไปรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิม



อาร์ตหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงเพื่อกดโทรหาอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าปลายทางปิดเครื่อง กดย้ำโทรออกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจสิ่งที่ได้ตอบกลับมาก็เหมือนเดิมไม่มีผิด จนอาร์ตต้องมองโทรศัพท์ในมือที่โชว์เบอร์และรูปของพีทก่อนจะส่ายหัวไปมาด้วยความอ่อนใจ



“ไอ้แสบเอ้ย” อาร์ตบ่นให้พีทเบาๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเอาคืนเขาที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับแต่แบตมันหมดต่างหากล่ะ ก็เล่นทะเลาะกันก่อนออกไปทำงานแบบนั้นเขาเลยลืมชาร์จแบตน่ะสิ



อาร์ตตัดสินใจเดินออกจากห้องแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องของวิน ถ้ารถยังอยูแล้วตัวคนไม่อยู่แบบนี้สถานที่เดียวที่พีทชอบไปเป็นประจำคงไม่พ้นห้องวิน ยืนเคาะเรียกไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตูให้ในสภาพสะลึมสะลือ จนอาร์ตต้องยกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะปกติถ้าพีทมาก่อกวนวินไม่น่าจะได้นอนแบบนี้



“ซ้อมึงล่ะ” อาร์ตถามพร้อมกับมองเข้าไปภายในห้องมืดสนิทของวิน



“ซ้อ?” วินทำหน้างงทันทีที่เจอคำถามของอาร์ต หน้าตาง่วงงุนขึ้นเครื่องหมายคำถามแปะหรา จนคนถามอย่างอาร์ตเริ่มไม่สบายใจ



“ไม่ได้อยู่นี่” อาร์ตถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และสิ่งที่ได้กลับมาคือการส่ายหัวปฏิเสธจนผมกระจายของวิน



ประสาทสัมผัสของอาร์ตตึงเครียดทันทีเมื่อได้คำตอบจากวิน มันแปลกเกินไปแล้วที่พีทจะหายไปดื้อๆ แบบที่แม้แต่วินยังไม่รู้ เพราะด้วยนิสัยของน้องทำไมเขาจะไม่รู้ เวลาอีกฝ่ายโกรธจะต้องอาละวาดเหมือนที่ทะเลาะกับเขาเมื่อกลางวันนั่นแหละ ไอ้หายไปเฉยๆ แบบที่ไม่บอกใครมันไม่ใช่นิสัยของคนที่เขารักเลยสักนิด



“มีไรวะเฮีย” วินเองก็เริ่มแปลกใจไม่ต่างจากอาร์ต เพราะการที่อาร์ตมาถามพีทกลางดึกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันแปลกตรงที่อีกคนไม่ได้อยู่กับเขาแบบทุกทีต่างหาก



“ซ้อมึงหายไป” อาร์ตตอบวินด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแบบที่ไม่ค่อยแสดงบ่อยหนัก




“โทรตามหรือยังเฮีย” วินพยายามที่จะไม่คิดมากตามและบอกในสิ่งที่เป็นไปได้



“ไม่รับ” อาร์ตตอบเสียงเรียบและสบตาวินอย่างเครียดๆ วินเลยเดินกลับเข้าไปในห้องและหยิบโทรศัพท์กดโทรไปหาพีทบ้าง



“ปิดเครื่องว่ะเฮีย” คำตอบของวินทำให้อาร์ตเครียดยิ่งกว่าเก่า เพราะไม่เกิน 5 นาทีที่แล้วเขายังโทรติดแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย



“ซ้ออาจจะกลับบ้านหรือเปล่าเฮีย” วินพยายามพูดให้อาร์ตไม่คิดมากทั้งๆ ที่ตัวเองก็คิดมากไม่ต่างกัน ถึงจะไม่ใช่คนรักแบบที่อาร์ตเป็นแต่เขาเป็นคนสนิท นิสัยซ้อทำไมเขาจะไม่รู้และถ้าจะออกไปไหนอีกฝ่ายต้องมาบังคับเขาไปด้วย



“เดี๋ยวกูไปดูที่บ้าน ส่วนมึงโทรบอกพวกที่สนามตามหาให้กูหน่อย” อาร์ตสั่งอย่างร้อนใจเพราะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ใจมันสั่นไปด้วยความกลัวแบบแปลกๆ เหมือนว่ามันจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับอีกคน ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะเดินไปหยิบกุญแจรถสำรองที่พีทเคยทำให้ แล้วออกแรงวิ่งไปหารถคันที่เคยปฏิเสธที่จะใช้มาตลอด เพื่อขับมันไปหาอีกฝ่ายที่บ้านและหวังว่าตัวเองจะเจอ





2 Be Con...



+++++++++++++++++++++

ตัดให้ขาดเลย ฉับ! ฉับ! ฉับ!

ที่จริงเราสปอยในเพจไว้อีกแบบ แต่พอมาอัพถ้าตัดตามสปอยตอนจะยาวเกิ๊น

เอาเป็นว่าตอนหน้าเรามามันส์กันทีเดียว

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44 (8/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-09-2016 18:09:41
สงสัยคราวที่แล้วพีทไม่เข็ด เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44 (8/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 08-09-2016 18:10:37
เร้วววววเฮียอิเวรพี่หมอมันจะฟันน้องพีทแล้ววววววว  :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44 (8/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-09-2016 18:33:13
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44 (8/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-09-2016 00:07:01
จะช่วยทันไหมล่ะนั่น :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 44 (8/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-09-2016 09:14:42
ตามนั้น
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 11-09-2016 22:10:13
คุ่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 45 -



อาร์ตขับรถมุ่งตรงเข้ามาในบริเวณหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งย่านกลางเมือง ก่อนจะหันหัวรถเข้าจอดสนิทที่หน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นขนาดกลางหลังหนึ่ง จากนั้นก็ดับเครื่องยนต์และเปิดประตูรถลงไปกดออดหน้าบ้านอย่างรีบร้อน



อ๊อด...อ๊อด…



เสียงออดหน้าบ้านดังสนั่นต่อเนื่องแบบที่ไม่คิดว่าตอนนี้เป็นเวลายามวิกาล หรือแม้แต่จะเกรงใจเพื่อนบ้านข้างๆ เพราะคนกดร้อนใจเกินกว่าที่จะรักษามารยาทอะไรทั้งนั้น



และไม่นานเกินรอประตูบ้านก็เปิดออกกว้าง พร้อมกับเจ้าของบ้านที่ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินนำเข้าไปข้างในโดยที่ไม่พูดอะไร



อาร์ตเดินตามหลังปอเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจที่ร้อนรน อยากจะเห็นหน้าคนที่เขาตามหาให้เร็วที่สุด อยากจะเห็นเจ้าของผิวกายขาวผ่องที่กอดนอนทุกคืนกับตา ว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดีและไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่รุ่นน้องบอก



ในระหว่างที่อาร์ตขับรถใกล้จะไปถึงบ้านของพีท โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพร้อมกับเบอร์ของคนที่เขาไม่คิดว่าจะโทรมา ลังเลอยู่ไม่น้อยเหมือนกันในตอนนั้นว่าควรจะรับดีไหม เพราะอารมณ์ของไม่อยากจะคุยหรือเจอใครทั้งนั้นนิกจากพีท แต่สุดท้ายก็ทนฟังเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องไม่หยุดไม่ไหว เลยตัดสินใจกดรับและนั่นทำเอาเขาเลี้ยวรถเปลี่ยนทิศทางไม่ทัน เพราะปลายสายบอกว่าพีทอยู่กับตัวเอง



อาร์ตไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพีทถึงอยู่บ้านปอ แต่เขามั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เพราะพอจะจับน้ำเสียงเคร่งขรึมของปอที่พุดผ่านโทรศัพท์ได้ และมันทำให้เขาร้อนใจจนแทบคลั่ง



หลังจากเดินเข้ามาในบริเวณบ้านสักพัก สายตาของอาร์ตก็ปะทะเข้ากับร่างบางที่คุ้นเคย ท่อนขายาวเร่งความเร็วและเดินแซงหน้าปอเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที ก่อนจะชะลอฝีเท้าในตอนท้ายและหยุดอยู่นิ่งๆ ที่ด้านหลังของอีกฝ่าย



“เจ็บไหมวะมึง” เลิฟถามพีทด้วยความเป็นห่วง แต่พีทไม่ตอบอะไรออกไปนอกจากส่ายหัวเบาๆ เลิฟเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างเหนื่อยใจ เพราะถามอะไรไปพีทก็เอาแต่เงียบ



ในจังหวะที่เลิฟจะพูดอะไรอีกครั้ง สายตาก็เหลือบขึ้นไปปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของอาร์ตเข้าพอดี เจ้าตัวเลยส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย พร้อมกับเหลือบมองพีทไปด้วย แต่ดูแล้วอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวว่าอาร์ตมา เพราะเอาแต่นั่งก้มหน้าเหมือนคนคิดหนัก



“มึง...เดี๋ยวกูมานะ” เลิฟสะกิดพีทเบาๆ เพื่อบอก ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากนั่งเหม่อลอย เลิฟเลยได้แต่ถอนหายใจอีกครั้งให้กับท่าทางนั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนและวางกล่องพยาบาลไว้ที่โต๊ะ



เฮือก!!



แรงสัมผัสที่ไหล่อย่างกะทันหัน ทำให้พีทที่นั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเองสะดุ้งสุดตัว ก่อนร่างทั้งร่างจะผงะถอยหนีโดยอัตโนมัติ และตวัดสายตาหันกลับไปมองเจ้าของมือปริศนาที่มาแตะด้วยแววตาตื่นตระหนก



อาร์ตที่ยื่นมือไปแตะถึงกับชะงัก และมองท่าทางของพีทด้วยความแปลกใจ เพราะอาการผวาสุดตัวของอีกฝ่ายมันไม่ใช่ระดับคนตกใจธรรมดา ไหนจะสายตาที่มองมาหาเขาตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว



“พีท” อาร์ตส่งเสียงเรียกแผ่วเบาเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย ที่ดูจะตกใจจนไม่ได้มองเห็นด้วยซ้ำว่าเป็นเขา ไหล่เล็กภายใต้เสื้อยืดสั่นน้อยๆ ไม่หยุด สิ่งที่คนตรงหน้าแสดงออกมันเริ่มทำให้เขาใจเสีย



“พีทครับ...ดื้อ” อาร์ตส่งเสียงเรียกอีกครั้งพร้อมขยับเข้าไปใกล้ และยื่นมือลงไปแตะที่ใบหน้าของพีทเบาๆ



“อะ” พีทสะดุ้งสุดตัวผวาถอยหลังในทันที จนเกือบจะตกจากโซฟาแต่โชคดีที่อาร์ตคว้าไว้ทัน



“ปล่อย!!” พีทตวาดลั่นพร้อมกับดิ้นรนสุดแรงเกิด จนอาร์ตที่ช่วยพยุงต้องเปลี่ยนเป็นกอดเจ้าตัวเอาไว้แน่น แต่ยิ่งออกแรงกอดมากเท่าไหร่พีทก็ยิ่งเพิ่มแรงดิ้นมากเท่านั้น



อาร์ตตัดสินใจเหวี่ยงร่างของพีทลงไปนอนกับโซฟา ก่อนจะจับแขนเล็กที่ทุบตีไม่หยุดเอาไว้แน่น แต่นั้นยิ่งทำให้พีทออกแรงดิ้นและผลักไสไม่หยุด



“ปล่อย!! ไอ้สัด!! ปล่อยกู...อย่ามาจับ” พีทยกขาถีบและสะบัดตัวหนีอย่างรุนแรง ปากก็ตะโกนด่าทอไม่หยุด แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด



“พีท!!!!” อาร์ตตัดสินใจตะโกนเรียกเสียงดังเพื่อดึงสติของพีทให้กลับมา พร้อมกับออกแรงกดตัวพีทให้อยู่นิ่งๆ จนตัวของอีกฝ่ายแทบจะจมหายไปกับที่นอน



ใบหน้าของอาร์ตแสดงความเคร่งเครียดออกมาในทันที ยิ่งเห็นอาการผวาหวาดกลัวที่พีทแสดงออกยิ่งใจเสีย ความเป็นกังวลโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเจออะไรมา



“..........” พีทหยุดดิ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนใส่อันคุ้นเคย ใบหน้าเนียนที่เอาแต่หันหนีไม่ยอมมองอะไร ค่อยๆ หันกลับมามองตรงหน้า ก่อนที่ดวงตาเรียวสวยจะสั่นระริกอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าใครที่จับตัวเองอยู่



“อาร์ต” พีทส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าแผ่วเบา ก่อนจะยื่นมือที่สั่นน้อยๆ ไปแตะที่ใบหน้าคม



“พี่เองครับ...พี่เอง” อาร์ตตอบรับและเอ่ยย้ำให้พีทแน่ใจว่าคือตัวเอง มือหนายกขึ้นทาบทับฝ่ามือเล็กที่ข้างแก้ม ก่อนจะกุมมันไว้อย่างถนอมแล้วดึงมาจูบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะผละออกไปลูบที่หัวทุยได้รูป แล้วตามด้วยจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผาก



“อาร์ต” พีทผวาเข้ากอดอาร์ตทันทีพร้อมกับปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลออกมาไม่หยุด เมื่อรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือตัวจริงไม่ใช่ภาพหลอน



“ชู่...ไม่เป็นไร...พี่อยู่นี่” อาร์ตโอบกอดพีทเอาไว้แบนอกเพื่อปลอบประโลมคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้ร่างทั้งร่างกำลังสั่นเทาอย่างคนขวัญเสีย



อาร์ตพึมพำพูดปลอบที่ข้างหูไม่ขาด มือหน้าลูบหัวลูบหลังเป็นระยะสลับกับจูบที่ข้างขมับ พร้อมกับคำถามมากมายที่ซัดเข้าใส่ไม่ยั้ง ว่าอีกฝ่ายไปเจออะไรมาถึงกลัวได้ขนาดนี้ กลัวจนร้องไห้อย่างหนักทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของน้องเลย



หลังจากที่ปล่อยให้คนในอ้อมกอดร้องไห้ไปสักระยะ อาร์ตก็ค่อยๆ ดันตัวพีทออกจากอก เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายอาการดีขึ้นและไม่หวาดกลัวเหมือนเมื่อครู่



“หนีเที่ยวไปซนที่ไหนมาครับ” อาร์ตเอ่ยเย้าแหย่พีทเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก มือหนาบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาออกให้แผ่วเบา ดวงตาคมไล่มองไปทั่วกรอบหน้าเรียว ที่ปรากฎรอยเขียวช้ำให้เห็นอย่างชัดเจน ยื่นนิ้วไปแตะมุมปากบางที่เป็นแผลแตกเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาที่ลำคอระหงซึ่งมีรอยแดงจ้ำให้เห็นประปราย



“ไม่ได้ซนสักหน่อย” พีทพึมพำเถียงเสียงเบา มือเล็กบีบลงไปที่ท่อนแขนแกร่งเต็มแรง



“เจ็บไหม...พี่ทายาให้นะ” อาร์ตพูดเรื่อยๆ พร้อมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วเอื้อมมือไปหยิบหลอดยาในกล่อง จากนั้นก็บรรจงทาลงไปบนรอยฟกช้ำอย่างเบามือ



“บอกพี่ได้ไหมไปทำอะไรมา” อาร์ตถามอย่างใจเย็นและทายาให้เรื่อยๆ ด้วยท่าทางปกติไร้วี่แววเกรี้ยวกราด



“ไม่มีอะไรหรอก” พีทบอกเสียงแผ่วแล้วหลบสายตาอาร์ตที่มองมา ฝ่ามือสองข้างเลื่อนมาบีบเข้าหากันแน่น



“บอกไม่ได้เหรอครับ” อาร์ตยังถามอย่างใจเย็นและส่งยิ้มให้ไม่ขาด พร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวพีทเบาๆ



ปอที่ยืนมองทุกอย่างมานานขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ให้กับท่าทีใจเย็นไม่เป็นเดือดเป็นร้อนของอาร์ต ความนิ่งของอีกฝ่ายที่มากจนผิดปกติยิ่งทำให้ปอสงสัย และอยากจะรู้ว่าอาร์ตจะมีวิธีอะไรมาง้างปากพีท เพราะในเมื่อเขาเองก็เค้นถามอยู่เป็นชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่พีทก็ไม่ยอมตอบแถมยังเงียบใส่



“ช่างมันเถอะอาร์ต น้องไม่ได้เป็นอะไร” พีทบอกด้วยน้ำเสียงสั่นไหวจนคนฟังรู้สึกได้ สมองคิดย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ร่างทั้งร่างก็เริ่มสั่นเทาอีกครั้งด้วยความกลัว



ริมฝีปากร้อนชื้นที่พยายามประกบจูบและซุกไซ้ที่ซอกคอ รวมทั้งฝ่ามือหยาบโลนที่บีบเค้นไปตามลำตัวอย่างรุนแรง ทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำและความรู้สึก กลิ่นน้ำหอมที่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายในรถหรูคับแคบ ยิ่งตอกย้ำให้รับรู้ถึงความน่ารังเกียจและกักขฬะของอีกฝ่าย จนอยากจะขย้อนทุกอย่างในกระเพาะออกมาให้หมด



“บอกพี่นะครับคนดี...ใครทำอะไร” อาร์ตเกลี่ยที่แก้มใสเล่นและพยายามพูดเกลี่ยกล่อมพีทอย่างใจเย็น



พีทช้อนตามองอาร์ตด้วยความลังเล ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น แววตาไหววูบไปมาและอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายภายในใจ ก่อนที่ตาเรียวสวยจะหลบตาและมองที่ตักของตัวเอง



“พี่หมอ” พีทบอกอาร์ตเสียงแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับความเงียบ และคำตอบของพีทก็ทำให้ดวงตาที่สงบนิ่งมาตลอดของอาร์ตววโรจน์ขึ้นในทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะปรับให้มันกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม



“เขาทำอะไร” อาร์ตดึงพีทเข้ามากอดแล้วกดจูบที่ข้างขมับ มือก็ลูบหัวพีทอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอาการสั่นน้อยๆ อีกครั้งของคนในอ้อมกอด



“เขา...เขาจะ..ฮึก...ข่ม...” พีทเล่าด้วยเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลออีกครั้ง สองแขนยกขึ้นกอดอาร์ตไว้แน่นพร้อมกับซุกใบหน้าลงที่ไหล่กว้าง ตัวสั่นอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อต้องนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง



หลังจากที่เขาพยายามสู้กับพี่หมออย่างสุดความสามารถ และเหมือนว่าการขัดขืนของเขามันจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ใบหน้าที่เจ็บจนชาเพราะการโดนตบก่อนหน้านั้น ก็ถูกอีกฝ่ายง้างมือตบลงมาซ้ำอีกครั้งเต็มแรง จนตัวของเขาเซลงไปกองไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น



จากนั้นอีกฝ่ายก็ตรงเข้ามากระชากที่ผมเขาเต็มแรง และปล่อยหมัดซัดลงมาซ้ำจนเขามึนไปหมด ตามด้วยอีกสองหมัดหนักๆ ที่ท้องจนเขาต้องนอนขดอย่างหมดสภาพ เขาไม่รู้ว่าพี่หมอพูดอะไรบ้างในตอนนั้นเพราะมันเจ็บจนเบลอไปหมด รู้แค่ว่าตัวเองถูกอุ้มยัดกลับเข้าไปในรถคันหรู จากนั้นอีกฝ่ายก็พยายามที่จะบังคับให้เขายอม และทุกครั้งที่เขาขัดขืนก็จะโดนตบกลับมา



ในตอนนั้นเขากลัวจนคิดอะไรไม่ออกนอกจากภาวนาให้มีคนผ่านมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายแบบเขาจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ในชีวิต มันขยะแขยง หวาดกลัว และอยากจะหายไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด จนในที่สุดเขาก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายดิ้นจนหลุด และตัดสินใจใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่กล่องดวงใจของอีกฝ่าย ก่อนจะกระเสือกกระสนพาร่างกายที่บอบช้ำหนีออกมาจากตรงนั้น และเป็นโชคดีของเขาที่วิ่งมาตัดหน้ารถพี่ปอเขาถึงรอดมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นสัมผัสหยาบคายพวกนั้นมันก็ไม่ยอมหายไปไหน



“แต่...แต่น้องหนีมาได้นะอาร์ต เขาไม่ได้ทำอะไรนะ เชื่อน้องนะ” พีทละล่ำละลักบอกอาร์ตเสียงสั่นเพราะกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิดและไม่เชื่อ



“ไม่ต้องพูดแล้ว พี่เชื่อครับ...พี่เชื่อ” อาร์ตกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นและพูดปลอบไม่หยุด พร้อมกับกดจมูกหอมกลุ่มผมนิ่มซ้ำๆ และโยกตัวร่างเล็กไปมา ทุกสัมผัสที่มอบให้พีทเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ผิดกับแววตาที่ตอนนี้มันว่างเปล่าจนเดาความหมายอะไรไม่ได้




ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนที่อาร์ตนั่งกอดพีทอยู่แบบนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดังออกมาจากร่างเล็ก เขาถึงได้รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายหลับลงไปแล้ว ใบหน้าเนียนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยช้ำแสดงความเหนื่อยล้าออกมา จนคนที่มองเห็นแบบอาร์ตปวดไปทั้งใจ



“ห้องทางซ้ายใช้ได้นะพี่” เสียงทุ้มราบเรียบที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้อาร์ตหลุดออกจากภวังค์แล้วหันกลับไปมองอีกฝ่าย



“จะนอนยังวะ” อาร์ตถามพร้อมกับขยับท่าทางของพีทใหม่



“ทำไม” ปอไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่จะถามกลับแทน พร้อมกับสบตาที่นิ่งสนิทของอาร์ตเพื่อหาคำตอบ



“กูมีเรื่องจะคุยด้วย” อาร์ตบอกพร้อมกับช้อนร่างที่หลับสนิทของพีทแล้วลุกขึ้นยืน



“ผมรอที่สระ” ปอว่าแล้วเดินเลี่ยงออกไปรอที่สระว่ายน้ำตามที่บอกไป ส่วนอาร์ตก็พยักหน้ารับรู้และอุ้มพีทเข้าไปในห้องนอนที่ปอบอก



อาร์ตวางร่างหลับสนิทลงบนที่นอนอย่างเบามือเพราะกลัวทำอีกฝ่ายตื่น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำและมองหาผ้าที่จะเอามาชุบน้ำเช็ดตัวให้อีกฝ่ายได้ เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งที่ข้างๆ ที่นอน



อาร์ตถอดเสื้อผ้าออกจากตัวพีทอย่างเบามือ ก่อนแววตาจะแข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นรอยเขียวช้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้องของอีกฝ่าย ไล่สายตามองไปตามลำตัวขาวผ่องก็เจอกับรอยในลักษณะเดียวกันกระจายไปทั่ว มีขนาดเล็กใหญ่ลดหลั่นกันไปในแต่ละจุด



อาร์ตหลับตาสนิทแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มือกำหมัดแน่นจนขึ้นเส้นเลือด พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ แม้ว่ากำลังใกล้จะสติแตกเข้าไปทุกทีแล้วก็ตาม เมื่อระงับสติอารมณ์ได้อาร์ตก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้พีท ตามด้วยการทายาตามรอยช้ำบนตัวให้ ก่อนจะหยิบชุดนอนที่ถูกวางเอาไว้ซึ่งคงจะเป็นของเลิฟมาใส่ให้ แล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวให้พร้อมกับโน้มตัวแนบริมฝีปากที่หน้าผากเนียนแผ่วเบา



อาร์ตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปยังเบอร์ที่ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว ระหว่างรอสายก็เดินออกจากห้องเพื่อไปหาปอที่ริมสระว่ายน้ำ สักพักปลายสายก็รับและทักทายมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง



“(ว่าไงเฮีย)”



“หาคนให้กูหน่อย” อาร์ตบอกจุดประสงค์ของตัวเองทันทีอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อม



“(หาใครวะเฮีย ใช่คนเดียวกันกับที่ไอ้วินโทรมาบอกให้ผมหาไหม)”



“ไม่ใช่...คนอื่น” อาร์ตบอกเสียงเรียบและก้าวเดินไปยังจุดหมายอย่างไม่รีบร้อน



“(บอกมาเลยเฮีย)”



“ปี 6 เรียนหมอ ม.XX ชื่อแทนไท เอาให้ไวที่สุดว่ามันชอบซุกหัวอยู่ตรงไหน” อาร์ตบอกกำชับกับปลายสายเสียงเข้มในประโยคสุดท้าย แววตาฉายความดุดันตลอดเวลาที่คุยโทรศัพท์



“(มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเฮีย)”



“กูอยากเคาะสนิม” อาร์ตตอบแค่นั้นและตัดสายทิ้งพร้อมๆ กับที่เดินมาถึงริมสระพอดี



“โทษทีว่ะที่ให้รอ” อาร์ตเอ่ยทักแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ปอ



“พี่มีเรื่องจะคุยอะไรกับผม”ปอพ่นควันบุหรี่ออกช้าๆ และถามเข้าประเด็นโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าอาร์ต



“กูมีเรื่องให้ช่วย” อาร์ตเองก็ไม่คิดจะลีลาท่ามากอะไร เอ่ยปากขอร้องในสิ่งที่ต้องการทันที



“ช่วย?” ปอหันกลับมามองหน้าอาร์ตด้วยความแปลกใจ พร้อมกับยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง



“เคลียร์เรื่องให้กูหน่อย” อาร์ตว่าและกระดิกนิ้วขอบุหรี่จากปอมาจุดสูบบ้าง



“หึ...ทำไมพี่ไม่บอกไอ้ปิง” ปอหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างเข้าใจความหมายที่อาร์ตจะสื่อ และยื่นบุหรี่ให้ตามที่อีกฝ่ายขอ



“มึงก็รู้ว่าพี่มึงมันสันดานยังไง” อาร์ตและรับบุหรี่มาจุดสูบ พร้อมกับพ่นควันออกจาปากเอื่อยๆ



“มันอยู่ที่พี่แหละว่าทำตัวให้น่าช่วยไหม ถ้าไม่ทำให้ผมผิดหวังยิ่งกว่าเคลียร์ก็ทำได้” ปอกระตุกยิ้มมุมปากและส่งสายตามองอาร์ตอย่างท้าทาย พร้อมกับปล่อยรังสีคุกคามใส่อาร์ตไม่หยุดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้อาร์ตมองตามหลังพร้อมกับเลือดในกายที่เดือดพล่าน ให้กับสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่มีไม่น้อยหน้ากัน



...

...



พีทกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วงงุนในตอนเช้าของวันใหม่ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตัวเองเผลอหลับไป และตอนนี้ถ้าเดาไม่ผิดก็คงอยู่ในบ้านของพี่ปอ



ขาเรียวก้าวขาลงจากเตียงช้าๆ พร้อมกับเบ้หน้าออกมาเล็กน้อยด้วยความเจ็บ ปวดเมื่อยตามตัวไปหมดจนไม่อยากจะขยับไปไหน นั่งรวบรวมกำลังได้สักพักก็ตัดสินใจพยุงร่างกายบอบช้ำของตัวเองออกไปนอกห้อง ระหว่างนั้นก็กวาดสายตาสอดส่องไปทั่วเพื่อมองหาร่างสูงที่คุ้นเคย



“ตื่นแล้วเหรอ” เลิฟร้องทักในทันทีที่เห็นหน้าพีท ก่อนจะรีบเดินเข้าไปช่วยพยุงอีกฝ่ายไปนั่งที่โซฟา



“ไม่ต้องมองหาหรอก พี่เขาไปเรียน เขาบอกให้มึงหยุดเรียนไปก่อน กูเลยอาสาเฝ้ามึงแทน” เลิฟบอกพีทโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องถามให้เสียเวลา



“อืม” พีทพยักหน้ารับรู้ก่อนจะรับแก้วน้ำที่เลิฟส่งมาให้



“มึงโอเคนะ” เลิฟถามเสียงแผ่วและส่งสายตามองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นว่าพีทพยักหน้าตอบรับ



“เลิฟ...มึงทำยังไงวะ มึงถึงลืม” พีทเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับบีบแก้วน้ำในมือแน่น ความรู้สึกกลัวยังคงติดอยู่ในใจและไม่รู้จะหายไหม เขาเข้าใจเลยว่าทำไมตอนที่เลิฟเจอเรื่องแบบนี้อีกฝ่ายถึงผวาผู้ชายไปพักใหญ่ๆ



“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นนะมึง” เลิฟยื่นแขนไปกอดพีทอย่างให้กำลังใจ และเข้าใจความหวาดกลัวในใจของอีกฝ่ายดี เพราะเขาเองก็ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว มันเลวร้ายจนทำให้คิดมาและระแวงไปนานเหมือนกัน



“กูกลัว” พีทบอกพร้อมกับร่างกายที่สั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาเรียวไหววูบและมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ ทุกอย่างมันเหมือนฝันร้ายที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ ความฝันที่น่ารังเกียจ



“อาร์ต” พีทพึมพำเรียกชื่อคนรักออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงช้าๆ เขาอยากเจอหน้าคนที่เรียกหา ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้ ไม่ได้อยากจะอ่อนแอ และไม่อยากร้องไห้ อยากลืมๆ ไปให้หมด แต่พอสมองว่างภาพทุกอย่างมันก็ปรากฎให้เห็นในหัว



เลิฟได้แต่มองสภาพของพีทที่ดูอ่อนไหวด้วยความหนักใจและเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะปลอบโยนอีกฝ่ายยังไงได้มากกว่าอยู่ข้างๆ เพราะเรื่องที่พีทเจอมันค่อนข้างเลวร้ายเกินไป สำหรับคนที่ชีวิตไม่เคยเจออะไรโหดร้ายเลยแบบอีกฝ่าย เขาก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนของตัวเองจะข้ามผ่านมันไปได้ในเร็ววัน



...

...



อาร์ตนั่งนิ่งเงียบด้วยใบหน้าเรียบสนิทอยู่ซุ้มไม้ที่ประจำ ซึ่งท่าทางของเจ้าตัวทำให้เด็กวิศวะทุกคนออกอาการหวั่นใจ และไม่กล้าที่จะสบตากับอาร์ตเท่าไหร่ อะไรบางอย่างที่อาร์ตแผ่ออกมาไม่หยุดทำให้ทุกคนพยายามเดินเลี่ยง ตอนนี้เลยมีคนสนิทและรุ่นน้องที่ขึ้นชื่อว่าแสบสันเท่านั้นที่กล้าเข้าใกล้ แต่ถึงอย่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไปนอกจากนั่งเงียบๆ



อาร์ตจ้องโทรศัพท์ในมือเขม็งอย่างรอคอย ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเสมอเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นภายใต้ท่าทางสงบนิ่งที่เดาทางไม่ถูก



Tru…Tru…Tru…



และในที่สุดสิ่งที่อาร์ตรอคอยมาตลอดก็มาถึง เสียงโทรศัพท์ในมือกรีดร้องออกมาไม่หยุดราวกับจะบอกข่าวดี ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะกดปุ่มรับสายด้วยท่าทางใจเย็น



“(เจอตัวมันแล้วเฮีย)”




นั่นคือสิ่งที่ปลายสายบอกพร้อมกับอาร์ตที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับสัญญาณแห่งการรอคอยที่สิ้นสุดลง



อาร์ตไม่ชอบเรื่องใช้กำลังในการตัดสินปัญหา เขาเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกอย่างในชีวิตเพราะเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อน และพยายามใช้ชีวิตอย่างสงบมาตลอด โดยที่ไม่คิดจะสนคำท้าทายดูถูกที่วิ่งเข้าหาไม่หยุด ทุกครั้งที่ต้องใช้กำลังเขาทำไปเพราะจวนตัวและเหตุการณ์บังคับแทบทั้งนั้น แต่นี้จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาเต็มใจที่สุดที่จะกระทืบคน





2 Be Con.....



++++++++++++++++

ตอนแรกคิดว่าน่าจะได้กระทืบกันตอนนี้

แต่มณีกะความยาวพลาดอ่ะ เค้าขอโต๊ดนะ ^/\^

ตอนหน้าได้กระทืบจริงจังละ สัญญา

รักและขอบคุณคนอ่านค่า

ปล.มาดึกจนละเหี่ยใจ

 

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 11-09-2016 22:42:15
พีทร่าสงสารจังเลยยยย เฮียต้องห้ามทิ้งพีทอีกนะ ถ้าทิ้งอีกนี่จะยุให้พีทเลิกเลย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-09-2016 23:14:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-09-2016 23:15:08
อิหมอแม่งโรคจิต ดีนะพีทหนีมาได้
วานเฮียเคาะสนิมแรงๆที  :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-09-2016 01:42:36
 :z6: :z2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-09-2016 01:50:10
จะรอดไหมไอ้คนนั้น
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-09-2016 05:13:14
เฮียทำไรก็นึกถึงตัวเองและพีทบ้างนะ อย่าให้หนักเกินไป นึกถึงอนาคตนะเฮีย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-09-2016 14:19:49
คงเป็นการเคาะสนิมที่ไทอาจจะจำไปจนตาย
ก็หวังว่าพี่ปอจะเคลียร์ให้นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 45 (11/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BBG ที่ 13-09-2016 23:14:28
 :katai5:อดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากรุ้ว่าอาร์ตจะทำยังไงกะอีพี่หมอบ้างนะ อยากเห็นโหมดโคตรโหดของอาร์ตจะแย่ละ :ling1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 14-09-2016 17:51:37
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 46 -



                เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังควบคู่ไปกับเสียงโห่ร้องตะเชียร์ไม่หยุดของเหล่าผู้คน การตะโกนท้าทาย ทักทาย หรือแม้แต่บรรดาสาวๆ นุ้งน้อยห่มน้อย ที่ต่างพากันเดินมาแวะเวียนทิ้งสายตายั่วยวน ไม่สามารถที่จะดึงสายตาสีรัตติกาลภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยให้หันไปสนใจได้



                “มึงแน่ใจนะว่ามันจะมาที่นี่” อาร์ตเอ่ยถามรุ่นน้องที่ให้หาข่าวพร้อมกับปรายตามองไปรอบๆ ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้ารุ่นน้องคนเดิมอีกครั้ง




                “แน่ใจดิเฮียสายผมไม่เคยพลาด” รุ่นน้องคนเดิมยืนยันด้วยท่าทีขึงขัง



                “แต่มันเรียนหมอ...หมอแม่งมีเวลามาสนามแข่งรถด้วยเหรอวะ มึงไม่มั่วแน่นะไอ้เจ๋ง” อ้นเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้างด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้พวกเขากับเด็กวิศวะอีกนับสิบคน กำลังพากันนั่งรอคู่กรณีของอาร์ตบนอัฒจรรย์ข้างสนามแข่งรถย่านชานเมือง สถานที่ๆ คนเรียนหมอใกล้จะจบไม่น่าจะมา เพราะความอโคจรของที่นี่มันดูขัดแย้งกับคนที่เรียนเพื่อรักษาคนเกินไป



                “โธ่เจ้อ้น ขนาดพวกเจ้เรียนวิดวะยังมาได้เลย เรียนหมอทำไมจะมาไม่ได้อ่ะ” เจ๋งหรือรุ่นน้องคนเดิมตอบอ้นพร้อมทำหน้ายียวนใส่




                “เจ้พ่อง!! ไอ้สัดเจ๋ง!!” อ้นแยกเขี้ยวใส่ด้วยความโมโหที่โดนกวนประสาท ก่อนจะลุกขึ้นตั้งใจจะยกขาเตะอีกฝ่าย แต่โดนตองที่นั่งข้างๆ ดึงเอาไว้



                “แล้วมันมาทำเหี้ยอะไรที่นี่วะ” กลอนตัดสินใจเป็นคนถามต่อเอง เพราะรำคาญอ้นที่ชอบทำให้เสียเรื่องประจำ



                “ก็มาแข่งรถ หาหญิงไปฟันเหมือนคนอื่นนั่นแหละ” เจ๋งเล่าพร้อมกับยักไหล่ขึ้นกวนๆ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับรู้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมความอโคจรเอาไว้ครบที่สุดที่หนึ่งก็ว่าได้ เหล้า ยาเสพติด การพนัน มั่วเซ็กส์ เด็กขาย ถ้าอยากได้ความจัญไรไปประดับชีวิต ที่นี่ถือว่าให้คุณได้ระดับคุณภาพเลยล่ะ



                “แต่เท่าที่ถามๆ พวกในสนาม บอกว่าไอ้นี่มันไม่ได้มาบ่อย นานๆ มาทีแต่ได้หญิงกลับไปฟันตลอด” เจ๋งเล่าต่อในสิ่งที่ตัวเองรู้มา พร้อมกับทำหน้าหมั่นไส้คนที่พูดถึงไปด้วย



“แล้วมึงแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะมาวันนี้” กลอนถามต่อพร้อมกับกวาดตามองเพื่อหาเป้าหมาย เพราะถึงจะบอกอีกฝ่ายเคยมาที่นี่ แต่ไม่ได้แปลว่าวันนี้จะมาสักหน่อย



“พี่เห็นผู้หญิงสวยๆ ที่ยืนตรงนั้นป่ะ” เจ๋งว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปทางอีกฟากของสนาม ซึ่งกลอนและคนอื่นๆ ก็มองตามพร้อมกับพยักหน้ารับรู้




“แล้วเห็นไอ้หน้าเหี้ยๆ ที่ยืนข้างกันป่ะ” และทุกคนก็พยักหน้ารับรู้พร้อมกันอีกครั้ง เพราะต้องบอกเลยว่าสองคยที่เจ๋งชี้ให้ดูมันโดดเด่นซะเหลือเกิน เหมือนโฉมงามกับอสุรกายไม่มีผิด



“สองคนนี้น่ะเป็นพี่น้องกัน”




“ห๊า!!!” อ้นตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ มองสองคนที่เป็นประเด็นอย่างเหลือเชื่อ



“ตามนั้นแหละ แล้วไอ้คนที่เฮียให้ตามหาดันไปฟันคนสวยแล้วจะทิ้งไง พี่ชายน้องเขาเลยโมโหนัดมาเคลียร์วันนี้ เพราะฉะนั้นยังไงโจทย์เฮียก็ต้องมา” เจ๋งว่าพร้อมกับยักคิ้วส่งให้ทุกคน ด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจกับข้อมูลที่ตัวเองหามา



“อ้าว...แบบนี้มันก็ไม่ได้มีแค่เราที่จะเล่นมันดิวะ เอาไงดีวะอาร์ต” อ้นหันไปถามอาร์ตที่นั่งเงียบกดโทรศัพท์ไม่สนใจโลกอย่างขอความเห็น



“อืม” แต่สิ่งที่อาร์ตตอบกลับมามีแค่เสียงในลำคอเบาๆ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันหมายความว่าอะไร



“เหี้ยละ” อ้นพึมพำออกมาแผ่วเบา แล้วหันหน้าไปสบตากับกลอนด้วยความไม่สบายใจ ซึ่งกลอนเองก็แสดงสีหน้ากังวลออกมาเหมือนกัน เพราะการที่อาร์ตนิ่งเฉยมันคือสัญญาณอันตราย



“พี่ตอง...เฮียแกไหวแน่เหรอ” รุ่นน้องที่ติดสอยหอยตามกันมา เพราะหวังจะได้เห็นความน่ากลัวที่ทุกคนร่ำลือกันของอาร์ต หันไปเอ่ยถามตองที่ยืนมองอยู่เงียบๆ ด้วยความสงสัย



เพราะตั้งแต่ที่ออกจากมหา’ลัยมาถึงที่นี่ บอสของพวกเขายังไม่แสดงท่าทีอะไรเลยนอกจากนั่งเฉยๆ แถมยังนั่งยิ้มกดโทรศัพท์ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ชิลประนึ่งว่ามานั่งเล่นไม่ได้มารอกระทืบคน!!



“หึ...มึงเห็นงั้นเหรอ” ตองหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก



“งั้นดิพี่ เฮียแกดูสบายใจไปไหมวะ” รุ่นน้องคนเดิมยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิด ออกจะหงุดหงิดด้วยซ้ำที่รุ่นพี่ของตัวเอง ไม่ได้มีความน่ากลัวหรือแสดงความน่าเกรงขามอะไรเลย ส่วนรุ่นน้องคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนเป็นทิวแถว



“ให้พวกมึงดูเอาไว้เลย ไม่ใช่ง่ายนะที่คนแบบไอ้อาร์ตมันจะโกรธจริงจัง บอสวิศวะพวกกูไม่ได้จับฉลากเลือกมันมาเป็นหรอกนะ” ตองตอบรุ่นน้องแค่นั้นแล้วก็ยืนมองอาร์ต ที่นั่งกดโทรศัพท์อมยิ้มหัวเราะมือเป็นระวิง



“โกรธ?” รุ่นน้องคนเดิมถามเสียงสูงและมองตองสลับกับอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจ รุ่นพี่ของเขาโกรธตรงไหนมีอะไรแสดงออกว่าอารมณ์ไม่ดี ในเมื่อนั่งยิ้มมีความสุขอยู่แบบนั้น



ตองปรายตามองรุ่นน้องเจ้าคำถามคนเดิมเล็กน้อยแต่ไม่ตอบคำถามอะไร คนทั่วไปไม่รู้ว่าอาร์ตกำลังโกรธก็คงไม่แปลก เพราะอาร์ตเป็นพวกแสดงความโกรธแบบประหลาดๆ ยิ่งภายนอกนิ่งสนิทและอารมณ์ดีมากแค่ใน ยิ่งทุกการกระทำสวนทางทางกับสถาณการณ์มากเท่าไหร่ นั่นแปลว่ากำลังโกรธจัดจนใกล้สติแตก



ครั้งล่าสุดที่ตองเห็นอาร์ตโมโหไม่ถึงกับขนาดนี้ด้วยซ้ำ ก็ตอนที่อีกฝ่ายอยู่ปี 1 และอยู่ในช่วงโดนพวกเขาตามตื้อให้เป็นทายาทอสูร อ้นเพื่อนสนิทของอาร์ตถูกหลอกไปรุมยำเพราะหมั่นไส้อาร์ต จำได้ว่าอาร์ตก็นิ่งเฉยแบบนี้แต่พวกที่เป็นหมาลอบกัด เกือบตายคาตีนของอาร์ต และไอ้ฮิมเพื่อนสนิทของเขาก็โดนไอ้อาร์ตตามมากระทืบถึงที่ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหมั่นไส้ตัวเองจนอ้นพลอยซวยไปด้วย ส่วนผลของวันนั้นเพื่อนเขาแพ้ ถึงจะไม่ได้แพ้หลุดลุ่ยแต่ก็แพ้ และอาร์ตเลยกลายเป็นบอสวิศวะทันที



อีกเหตุผลที่พวกเขารุ่นพี่เต็มใจอยากให้อาร์ตเป็น ไม่ใช่แค่เพราะฝีมือที่เก่ง แต่เพราะอีกฝ่ายใจเย็น ไม่กร่าง แถมยังทำตัวธรรมดาจนเหมือนบ้าด้วยซ้ำไป พวกเขาเลยวางใจที่จะยกตำแหน่งให้ ทั้งๆ ที่มันข้ามรุ่นไปหลายรุ่น



“นั่นไงมันมาแล้ว” เสียงพูดของเจ๋งที่ดังขึ้นเรียกสติของทุกคนได้ทันที พร้อมกับทุกสายตาที่ต่างพากันเพ่งมองลงไปในสนาม เป็นภาพของรถยนต์สีดำยี่ห้อดังคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา ก่อนจะจอดนิ่งสนิทตรงอีกฟากของสนาม ใกล้ๆ กับกลุ่มของหญิงสาวที่เป็นหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้



“เฮ้ย!! สัดอาร์ต!!” อ้นตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปสุดความยาวเพื่อจะรั้งร่างสูงใหญ่ของเพื่อน ที่วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเหลือเชื่อ




แต่สุดท้ายอ้นก็รั้งอาร์ตไว้ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายกระโดดลงจากอัฒจรรย์ ลงไปที่สนามด้านล่างแบบไม่กลัวแข้งขาหัก โชคดีที่พวกเขาไม่ได้นั่งในจุดที่สูง ไม่งั้นคงมีหามส่งโรง’บาลกันก่อน



“นั่งอึ้งอยู่นั่นแหละ ตามสิไอ้เหี้ย” กลอนตบหัวอ้นที่มัวแต่นั่งอ้าปากหวอเต็มแรง ก่อนจะกระโดนลงไปในสนามตามอาร์ต อ้นที่ได้สติก็วิ่งตามไปตั้งใจจะโดดลงไปเท่ๆ แบบเพื่อน แต่พอเห็นความสูงเลยเปลี่ยนใจวิ่งลงทางบันไดแทน




ส่วนตองได้แต่ยืนมองบรรดารุ่นน้องที่วิางกระหืดกระกอบตามหลังอาร์ตไปด้วยความขำ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าเดินตามไปบ้างด้วยท่าทางสบายๆ เพราะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร ไอ้พวกไม่เคยเห็นก็คงอยากเห็น ส่วนไอ้พวกที่สนิทก็ตั้งใจไปช่วยห้ามนั่นแหละ แต่ก็รู้ๆ กันว่าพวกเขามันเลือดร้อนแทบจะทั้งคณะ สุดท้ายคงไม่พ้นช่วยกันออกแรง









อาร์ตที่วิ่งลงมาด้วยความรีบร้อนเมื่อครู่ เปลี่ยนจังหวะเป็นเดินช้าๆ ทันทีเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย ภาพที่เห็นตรงหน้าในตอนนี้คือกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง กำลังยืนล้อมรอบที่รถยนต์คันหรู แต่ดูออกว่าแบ่งเป็นสองฝั่ง เพราะต่างฝ่ายแสดงความเป็นอริอย่างเห็นได้ชัด



แต่ภาพของคนพวกนั้นไม่ได้ทำให้อาร์ตสนใจ ได้เท่ากับภาพของผู้ชายในรถ ที่กำลังนั่งอย่างสบายอกสบายใจเลยสักนิด เขาสาวเท้าเดินเข้าไปให้ไวขึ้นอย่างร้อนใจ ราวกับกลัวว่าคนในรถจะหายไป และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีอาร์ตก็ยืนอยู่ตรงหน้ารถของอีกฝ่าย ท่ามกลางคนสองกลุ่มที่ยืนประจันหน้ากัน



แทนไทแปลกใจไม่น้อยที่เห็นคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้ามายืนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่มุมปากของตัวเองจะยกยิ้มขึ้นและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยาะเย้ย เพราะเขาก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายมาอยู่ตรงนี้เพราะอะไร



อาร์ตยืนสบตากับคนในรถด้วยความนิ่งสงบ ไม่ได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดไม่พอใจอะไร ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้หน้ารถมากขึ้น




“ลงมา” อาร์ตพูดเสียงเรียบและกระดิกนิ้วเรียกอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้คือการนิ่งเฉยไม่หือไม่อือใดๆ ทั้งสิ้นจากแทนไท



ในขณะที่ความโกรธกำลังแล่นเป็นริ้วขึ้นมาไม่หยุด ไหล่ของอาร์ตก็ถูกกระชากให้หันกลับไปเต็มแรง ด้วยฝีมือของใครสักคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตามด้วยการกระชากคอเสื้อและใบหน้าดุดันที่มองมา



“มึงเป็นใครวะ” จิ๊กโก๋หน้าเหี้ยมที่อาร์ตจำได้ว่าเจ๋งบอกว่าคือพี่ชายของผู้หญิงของแทนไท ตะคอกถามอาร์ตเสียงดังอย่างไม่พอใจ พร้อมกับทำหน้าตาที่แสดงความข่มขวัญเต็มที่




“.............” อาร์ตไม่ได้ตอบโต้อะไรอีกฝ่ายออกไป นอกจากปัดมือที่กำคอเสื้อออกด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันหลังกลับไปหาแทนไทที่นั่งอยู่ในรถเหมือนเดิม



“มึงอย่ามาเมินกูนะสัด!!” จิ๊กโก๋คนนั้นตะคอกใส่ด้วยความพอใจ ก่อนจะกระชากตัวอาร์ตให้หันกลับมาหาอีกครั้ง พร้อมกับง้างหมัดขึ้นสูงและหวดลงไปเต็มแรง



ผัวะ!!!



แรงกระทบหนักๆ ที่ใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาใบหน้าของอาร์ตสะบัดไปอีกฝั่งตามแรงกระแทก เจ้าตัวจะถ่มน้ำลายปนเลือดทิ้งและตวัดตากลับมามองอย่างดุดัน และไม่มีมีการพูดพล่ามทำเพลงอะไรให้มากความทั้งนั้น อาร์ตยื่นมือไปกระชากผมของอีกฝ่ายและดึงลงมาฟาดกับหัวเข่าที่ยกกระแทกสวนขึ้นไปเต็มแรง ก่อนจะทิ้งร่างของจิ๊กโก๋คนนั้นลงไปกองกับพื้นตามด้วยการยกเท้ากระทืบซ้ำที่หน้าท้อง จนอีกฝ่ายขดตัวงอร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด



ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้คนฝ่ายของจิ๊กก็คนนั้น ลุกฮือแล้ววิ่งเข้าใสอาร์ตทันทีด้วยความโมโหที่เห็นลูกพี่ของตัวเองถูกทำร้าย แต่ยังไม่ทันที่คนเหล่านั้นจะถึงตัวอาร์ตกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาแทรกกลาง และกั้นไม่ให้พวกของคนที่อาร์ตกระทืบลงไปกองให้เข้ามาใกล้กว่าเก่า



“พวกมึงหลบไอ้เหี้ย!!” คนจากฝ่ายนั้นตะโกนขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว และพยายามที่จะแทรกวงล้อมเข้ามาหาอาร์ต



“ถอยไปไอ้สัด!!” กลุ่มคนที่มาช่วยอาร์ตตะโกนโต้เถียงออกไปด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน พร้อมกับดันอีกฝ่ายให้ถอยห่างและชี้ไม้หน้าสามในมือไปหาเพื่อข่มขู่



“แต่มันเล่นพี่กู” อีกฝ่ายยังไม่ยอมลดละพยายามที่จะเอาคืนอาร์ตที่หยามหน้าลูกพี่ตัวเอง



“พี่มึงทำเฮียกูก่อน!! อีกอย่างเฮียกูไม่ได้อย่างมีเรื่องแค่จะเคลียร์กับไอ้สัดในรถนั้น” ทางฝั่งอาร์ตเองก็แสดงความเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน แต่ก่อนที่อะไรจะยุ่งไปมากกว่านี้คนที่อาร์ตไม่คิดว่าจะมาแล้วก็เดินฝ่าวงล้อมเข้ามา ใบหน้าหล่อเหล่าเย็นชาของอีกฝ่ายปรายตามองทุกคนด้วยสายตาเรียบนิ่ง



“ถ้าพวกมึงยังอยากมีที่ให้กร่าง และมีที่ให้ทำเรื่องเหี้ยๆ ก็ถอยออกไป” คำพูดของปอที่ปรากฏตัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่จะตาเบิกกว้างเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือใคร ก่อนจะพากันถอยห่างออกไปในทันทีแต่ไม่ได้ไปไหนไกล



“กูนึกว่ามึงไม่มา” อาร์ตมองปอที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะคว้าเอาบุหรี่ในมือปอที่จุดไว้ขึ้นมาสูบ



“ไม่ได้ตั้งใจแต่มีคนขายของข้ามถิ่น” ปอว่าเรื่อยๆ ด้วยท่าทางปกติ แต่อาร์ตรู้ดีว่า ‘ของ’ ที่ปอว่าหมายถึงอะไร




“อ้าว...สัดปอมึงมาได้ไงวะ” อ้นที่วิ่งตามมาถึงเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นรุ่นน้องหน้าตายของตัวเองที่นี่



“ขับรถ” ปอตอบอย่างยียวนและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้อ้นยืนอ้าปากค้างที่โดนรุ่นน้องกวนประสาทใส่



อาร์ตมองตามหลังปอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะพ่นควันบุหรี่จากปากเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบอะไร ในเมื่อรุ่นน้องคนสนิทเคลียร์ที่ให้ซะเปิดกว้างขนาดนี้ ถ้าถามว่าทำไมจิ๊กโก๋พวกนี้ถึงกลัวไอ้ปอ ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในแหล่งหาเงินด้านมืดของบ้านอีกฝ่ายน่ะสิ นั่นคือเหตุผลที่เขาขอให้รุ่นน้องคนนี้ช่วย อิทธิพลที่บ้านของอีกฝ่ายมีมันมากจนเคยทำให้คนอย่างเขารอดตะรางมาแล้ว และจะนับประสาอะไรแค่ขอให้ช่วยเคลียร์ที่ให้กระทืบคน แต่ที่ไม่ยอมให้เพื่อนสนิทอย่างปิงช่วยเพราะรำคาญที่จะต้องโดนห้าม เขาเลยให้คนเลือดร้อนแบบไอ้ปอช่วยดีกว่า



อาร์ตทิ้งก้นบุหรี่ที่หมดมวนลงบนพื้นก่อนจะใช้ปลายเท้าขยี้เบาๆ จากนั้นก็เดินกลับไปหาเป้าหมายที่ยังคงนั่งส่งสายตากวนประสาทอยู่ในรถอีกครั้ง




“ลงมา!!” อาร์ตตะคอกดังลั่นและยกเท้าถีบที่หน้ารถเต็มแรง แต่แทนไทยังคงนั่งนิ่งสบตาอาร์ตอย่างท้าทาย พร้อมกับยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้ไม่ลดละ



“กูบอกให้มึงลงมาไงวะ!!” อาร์ตยกเท้าถีบลงไปซ้ำๆ ที่หน้ารถด้วยอารมณ์โมโหแบบที่ไม่คิดจะกั๊กอะไร แต่ไม่ว่าจะทำยังไงแทนไทก็ยังคงนั่งนิ่งกวนประสาทอยู่แบบนั้น ราวกับต้องการท้าทายความอดทนของอาร์ต



อาร์ตหยุดถีบที่หน้ารถและดุนลิ้นที่ข้างแก้ม แล้วหันหลังเดินไปหารุ่นน้องที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะกระชากเอามืดสปาต้าขนาดยาวในมือของอีกฝ่ายมาถือไว้ แล้วเดินกลับไปหาแทนไทที่รถอีกครั้ง



โครม!!!



“เฮ้ย!!”



“เหี้ย!!”



“กรี๊ด!!!”



เสียงร้องโวยวายดังลั่นขึ้นทันทีที่อาร์ตหวดมืดในมือฟันลงไปที่กระโปรงหน้ารถจนยุบ ก่อนจะง้างแขนฟันลงไปซ้ำๆ ไม่ยั้งแรง จนหน้ารถในตอนนี้สภาพยับเยินดูไม่ได้ พร้อมกับใบหน้าเดือดดาลของเจ้าของรถที่แทบคลั่ง เมื่อรถสุดรักสุดหวงของตัวเองเละไม่มีชิ้นดี แต่ถึงอย่างนั้นแทนไทก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถกำพวงมาลัยแน่นไม่ยอมลงมา เพราะหวังจะเล่นสงครามประสาทปั่นหัวอาร์ต ในแบบที่ตัวเองชอบทำกับคนอื่น



“กูบอกให้มึงลงมาไงไอ้สัด!!!” อาร์ตตะโกนดังลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ยกสปาต้าชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยความโมโห ก่อนจะยกยิ้มมุมปากชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง



อาร์ตก้าวขาขึ้นไปยืนบนกระโปรงหน้ารถ แล้วง้างมีดในมือขึ้นสูงก่อนจะหวดเข้าใส่กระจกด้านหน้าเต็มแรง จนมันแตกละเอียดในทันที อาร์ตโยนมีดในมือลงไปที่พื้นถนนก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาร่างของแทนไท แล้วจัดการกระชากด้วยแรงมหาศาลเพื่อดึงอีกฝ่ายให้ออกมาจากรถ



ผัวะ!!



แทนไทอาศัยจังหวะที่อาร์ตมัวแต่ออกแรงดึงตัวเอง ซัดหมัดลงที่หน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง ก่อนจะปลดเซฟตี้เบลล์ที่ตัวเองคาดไว้ออก และยื่นมือไปเปิดประเพื่อที่จะได้ลงจากรถเอง




แต่ก็ไม่ทันอาร์ตที่ลุกขึ้นมาก่อน มือหนาคว้าเข้าที่คอเสื้อของแทนไท และกระชากออกมาทางหน้ารถเต็มแรง ในเมื่อเขาบอกให้มันออกมาดีๆ ตั้งแต่แรกแล้วไม่ออก มันก็ต้องออกในทางพิเศษที่เขาเตรียมเอาไว้ให้



พลั่ก!!!



แทนไทรู้สึกจุกไม่น้อยเมื่อโดนเหวี่ยงลงมากองกับพื้นด้วยแรงมหาศาล ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นอาร์ตเดินเข้ามาหา ทั่วตัวตอนนี้รู้สึกแสบไปหมดจากแผลกระจกบาดเนื่องจากโดนลากออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงส่งสายตามองอาร์ตอย่างท้าทาย



และในจังหวะที่อาร์ตเอาแต่ยืนนิ่งมองหน้าอีกฝ่าย แทนไทก็ลุกขึ้นยืนและถีบเข้าที่ท้องของอาร์ตเต็มแรง จนอาร์ตลงไปนอนกองบนพื้นแบบไม่เป็นท่า จากนั้นแทนไทก็ตามไปคร่อมทับและชกใส่ไม่ยั้ง



ไม่รู้ว่าหมัดต่อกี่หมัดที่กระทบลงบนหน้า อาร์ตรู้สึกเจ็บแต่ยังคงนอนนิ่งอยู่แบบนั้น นอนให้แทนไทชกแบบไม่ตอบโต้ เพื่อเป็นการลงโทษตัวเองที่ปล่อยให้คนรักเจ็บตัว



“นอนเฉยๆ ทำไม หรือว่ากลัว ทำไมมึงไม่เก่งให้ได้แบบเมื่อกี้วะ” แทนไทกระชากผมอาร์ตที่นอนนิางให้หันมามองหน้า ก่อนจะยกยิ้มดูถูกส่งไปให้



อาร์ตปรายตามองแทนไทด้วยสายตาว่างเปล่า และกลายเป็นตัวแทนไทเองที่ต้องผงะเมื่อเจอสายตาแบบนั้นที่มองมา เพราะมันไม่ใช่สายตาขิงคนขี้ขลาดแบบที่ตัวเองดูถูก



“ตากูบ้าง” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วเหวี่ยงแทนไทลงมาที่พื้น ก่อนจะง้างหมัดแล้วชกใส่ลงไปไม่ยั้ง แต่แรงที่ชกนั้นมากมายกว่าที่แทนไททำซะอีก




อาร์ตไม่รู้ว่าตัวเองกระหน่ำชกลงไปกี่หมัด รู้แค่ว่าชกเท่าไหร่ก็ไม่สะใจ จัดการกระชากหัวของอีกฝ่ายขึ้นด้วยความโมโห แล้วจับไปกระแทกที่กระโปรงหน้ารถเต็มแรง



ปึ่ก!!!



ร่างของแทนไทโงนเงนร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า รู้สึกเจ็บไปหมดทั่วบริเวณใบหน้าและส่วนหัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะเอาคืนอาร์ต



แต่ทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงแค่ความหวัง เมื่ออาร์ตเตะเสยที่ปลายคางจนต้องล้มลงไปนอนอีกครั้ง ตามด้วยการยกเท้ากระทืบใส่ลำตัวอีกฝ่ายไม่ยั้ง สลับกับการเตะอัดเข้าสีข้างจนแทนไทขดตัวงอ ยกมือขึ้นกันหัวตัวเองเอาไว้แบบไม่เป็นท่า



ในระหว่างที่อาร์ตซ้อมแทนไทด้วยความโมโหอยู่นั้น เพื่อนของอีกฝ่ายก็พยายามที่จะเข้ามาช่วย แต่กลุ่มของอาร์ตเองคอยกันเอาไว้ เลยทำให้สถานการณ์โดยรวมค่อนข้างตึงเครียด



“กรี๊ดดดด ไอ้เลว!! แกอย่าทำอะไรพี่แทนนะ” เสียงกรี๊ดดังลั่นและแรงกระชากจากทางด้านหลังของหญิงสาว ไม่ได้ทำให้อาร์ตรู้สึกอะไรมากไปกว่ารำคาญ




อาร์ตจัดการเหวี่ยงหญิงสาวที่กำลังมีปัญหากับแทนไททิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจะยกเท้าขึ้นสูงเพื่อเตรียมกระทืบลงไปบนร่างหมดสภาพอีกครั้ง




“มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าทำผัวกู!!” หญิงสาวตวาดอย่างเกรี้ยวกราด และตรงเข้ามาทุบตีอาร์ตไม่หยุด จนอาร์ตต้องเหวี่ยงร่างบางนั่นทิ้งอย่างโมโห



“ถ้าไม่อยากโดนกูตบอย่าเสือก!!” อาร์ตตะคอกเสียงดังและชี้หน้าหน้าอีกฝ่ายอย่างดุดัน ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะหญิงสาวยืนนิ่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะมีคนพาออกไปเพราะกลัวเดินลูกหลง



อาร์ตปรายตามองแทนไทอีกครั้ง และเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างๆ ยื่นมือไปขยุ้มกลุ่มผมของอีกฝ่ายแล้วกระชากให้ขึ้นมาเผชิญหน้ากัน



“มึงทำน้องทำไม” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แววตาที่ใช้มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ



“เกลียดกูทำไมมาทำกู” อาร์ตเค้นเสียงถามและออกแรกดึงผมมากขึ้น พยายามทำตัวเองให้นิ่งที่สุด



“กูเกลียดมึงแล้วไง แต่กูรักน้อง” แทนไทตอบกลับด้วยท่าทางหยิ่งผยองเหมือนเดิม



“มึงรัก!! มึงกล้าพูดเหี้ยๆ ว่ารักงั้นเหรอวะ!!” อาร์ตตะคอกใส่ด้วยความโมโหก่อนจะชกเข้าไปที่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง ขนร่างอ่อนแรงร่วงลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง จากนั้นก็กระชากหัวอีกฝ่ายให้ขึ้นมาเผชิญหน้าอีกครั้ง



“น้องควรจะกลับมาหากู แต่เพราะมึงน้องถึงไม่กลับมา” แทนไทตะคอกใส่หน้าอาร์ตเสียงดัง และกล่าวโทษโดยไม่ได้สำนึกว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวเอง



“ก็ถ้ามึงรักน้อง มึงทิ้งน้องไปทำไมตั้งแต่แรก” อาร์ตโมโหอย่างถึงที่สุดให้กลับความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่าย จัดการจับหัวในมืออัดกระแทกกับรถทันที



“ก็กูกลับมาแล้วไง!! และมึงอย่าคิดว่าแค่นี้กูจะหยุด สักวันน้องก็ต้องเป็นของกู” แทนไทตะโกนท้าทายอย่างไม่กลัวตาย และส่งสายตามองอาร์ตให้รู้ว่าทุกอย่างมันจะไม่จบแค่นี้



“งั้นมึงอย่าอยู่เลย” อาร์ตว่าเสียงเหี้ยม พร้อมกับแววตาที่วาวโรจน์เต็มไปด้วยความโกรธ จัดการลากร่างอ่อนแรงของอีกฝ่ายไปตามพื้นถนน จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรถ



มือหนาปล่อยร่างของแทนไทลงกับพื้น แล้วเปิดประตูรถออกกว้าง จากนั้นก็ยกร่างอ่อนแรงขึ้นแล้ววางส่วนหัวไว้ที่ระหว่างขอบประตู



“ไอ้สัดอาร์ต!! มึงอย่านะไอ้เหี้ย!!” ทั้งกลอนทั้งอ้นตะโกนห้ามดังลั่น เมื่อรู้ว่าอาร์ตจะทำอะไร และออกตัววิ่งสุดแรงเพื่อเข้ามาห้ามให้ทัน เพราะถ้าอาร์ตทำสำเร็จ แทนไทอาร์ตถึงตายและอาร์ตต้องติดคุก



อาร์ตมองเพื่อนที่วิ่งเข้ามาด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับมามองร่างที่สลบไปแล้วของแทนไท มือหนาจับประตูรถไว้แน่นเพื่อที่จะปิดมันเข้าไป ให้อัดกระแทกกับหัวของอีกฝ่าย แค่ปิดประตูเท่านั้นมันจะจบทุกอย่าง




Tru...Tru...Tru…



แต่ยังไม่ทันที่อาร์ตจะได้ลงมือทำอะไร เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้าที่เขาตั้งเอาไว้เฉพาะสำหรับใครอีกคน



อาร์ตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา ก้มมองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออย่างช่างใจ ก่อนจะตัดสินใจกดรับ



“(รับช้า)”



เสียงกระเง้ากระงอดของปรายสายดังออกมาตัดพ้อต่อว่าในทันที และมันทำให้มือของอาร์ตที่จับประตูรถอยู่สั่นเล็กน้อย



“(อาร์ต...ได้ยินน้องไหม ทำไรอยู่เนี่ย)”



เสียงใสๆ หวานหูดังขึ้นต่อว่าเบาๆ ทำให้สติที่ขาดหายไปของอาร์ตเริ่มกลับมา



“ครับ” อาร์ตตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน ลำคอแห้งเป็นผงเหมือนคนขาดน้ำ



“(จะกลับหรือยัง)”



ปรายสายถามออกมาเหมือนทุกครั้งที่กลับบ้านผิดเวลา และมันทำให้หัวใจของอาร์ตสั่นไหวอย่างรุนแรง



“(ไหนบอกจะรีบกลับไง)”



ปลายสายยังคงตัดพ้อต่อว่าไม่หยุด แต่มันทำให้อาร์ตปวดหนึบไปทั้งใจ ยกมือที่สั่นน้อยๆ ของตัวเองมาลูบหน้า และหลับตาลงเรียกสติ



“จะกลับแล้วครับ” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงที่ใช้มันพูดกับอีกฝ่ายเป็นประจำ



“(น้องรอนะ)”



ปลายสายวางไปแล้ว พร้อมกับสติที่หวนกลับคืนมา และรู้สึกตัวว่ากำลังจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป



‘เขาลืมไปได้ยังไงกัน ว่าตัวเองจะต้องกลับบ้าน บ้าน…ที่มีอีกคนรออยู่’





2 Be con...



+++++++++++++++

กลับบ้านนะเฮีย

กลับบ้านไปหาน้อง

เราอย่าล่ะทิ้งแนวทางมุ้งมิ้ง ผู้ชายไร่อ้อยของเราไป

เฮียต้องแสนดี เฮียห้ามโหดร้าย บ่าวรับไม่ได้

ว่าแต่ดทรศัพท์นี่ดังได้เวลาจริงๆ เนาะ

(ไม่เอาสิมณีอย่าแซะตัวเอง 5555)

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

ปล.ไอ้ปอโผล่มาประนึ่งผี ทำไมมันเด่นจัง

บ้าที่สุด!!

 

 

                 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 14-09-2016 18:07:16
เบรคได้ตรงจังหวะดีค่ะ  :mew5: แต่พี่หมอค่ะสนในตบกับน้องหมวยต่อไหมคะมือไม่ต้องเท้าอย่างเดียวคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-09-2016 19:02:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-09-2016 19:11:22
จ่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 14-09-2016 19:37:00
เฮียโหดมากแต่น้องเอาอยู่
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 14-09-2016 20:20:13
โล่งอกอย่างแรงเลยค่ะ

เฮียรีบกลับบ้านไปนอนกกน้องด่วนเลย

นอนกอดน้องอุ่นๆบนเตียงนิ่มๆ ดีกว่านอนหนาวบนพื้นแข็งๆคนเดียวในคุกเนอะ :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-09-2016 20:52:08
หายข้องใจยังทำไมถึงได้เป็นบอสวิศวะ 55555555
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-09-2016 21:38:32
ดีหรือไม่ดี ไม่ตายเนี่ย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 46 (14/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2016 21:43:35
 o22 o22 o22 บอสโหดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ดีนะที่พีทโทรมาเวลานี้พอดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-09-2016 11:31:13
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 47 -



แกร๊ก…

เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวขาไปในห้อง โดยที่พยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าร่างเล็กที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้างจะตื่นขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล



“ซี๊ด” อาร์ตส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อลองเอานิ้วแตะที่แผลมุมปากของตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยสักนิด



ยืนมองสภาพของตัวเองที่สะท้อนในกระจกแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา คิ้วแตก ปากแตก หน้าช้ำ มองยังไงก็รู้ว่าไปมีเรื่องมา หมดปัญญาจะหาข้อแก้ตัวจริงๆ ถ้าโดนถาม




หลังจากที่วางสายจากน้องไป เขาก็ไม่ได้สนใจว่าไอ้หมอเหี้ยมันจะเป็นยังไง แต่คิดว่าคงจะไม่ตายและคงมีคนพามันไปส่งโรง’บาล ส่วนเขาก็รีบบึ่งกลับมาหาน้องที่บ้านไอ้ปอ แต่ขนาดเขาคิดว่าตัวเองรีบแล้ว ดันเจอไอ้ปอเดินลอยชายอยู่ในบ้านก่อนซะอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายกลับมาตอนไหน ซึ่งก็เรื่องของมันเถอะ



อาร์ตมองตัวเองอย่างปลงตก ก่อนจะเลิกสนใจแล้วพาร่างบอบช้ำของตัวเองไปอาบน้ำ แค่แอบหวังว่าพรุ่งนี้สภาพจะพอดูออกว่าเป็นคนไม่ใช่ศพก็พอ



แกร๊ก…



พรึ่บ!!!



เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกแผ่วเบา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แสงไฟในห้องเปิดขึ้น และร่างของคนที่อาร์ตคิดว่าหลับไปแล้ว กำลังยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้างสวิตซ์ไฟ



“ทำไมพี่มึงเพิ่มกลั…อาร์ตหน้าไปโดนอะไรมา” พีทที่กำลังตะเปิดฉากต่อว่าอีกฝ่าย หลังจากที่ต้องนั่งถ่างตารอจนดึก เป็นอันต้องหยุดชะงักแทบไม่ทัน ตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ กับสภาพของอาร์ตที่ได้เห็น



ขาเรียวสาวเท้าเข้าไปหาอาร์ตด้วยความเร็ว ดวงตาเรียวสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะตามรอยฟกช้ำบนใบหน้าของอาร์ตแผ่วเบา จากที่ตอนแรกตั้งใจจะต่อว่าให้หายโมโหที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว แต่พอเห็นสภาพของคนรักความรู้สึกแบบนั้นกลับถูกพัดหายไปหมดและแทนที่ด้วยความเป็นห่วง



“ดูทำหน้า...พี่ไม่เป็นไร ไกลหัวใจเยอะ” อาร์ตที่เห็นพีทยืนหน้าเสียมองตัวเองอยู่ ตัดสินใจพูดออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วงพร้อมกับยกยิ้มมุมปากและยักคิ้วกวนๆ ส่งให้



“กวนตีน” พีทใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อโดนกวนประสาท นิ้วมือที่แตะแผลตรงมุมปากอยู่เปลี่ยนเป็นกดลงไปเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้



“โอ๊ย!! ซี๊ด...เจ็บไหมเนี่ยดื้อ” อาร์ตร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บที่ถูกกระทำจากฝีมือคนรัก ใบหน้าฟกช้ำบิดเบี้ยวไปหมด ดวงตาคมมองหน้าของพีทที่บึ้งสนิทด้วยความขำ



“ไกลหัวใจไม่ใช่เหรอ เอาอีกสักแผลไหม” พีทว่าด้วยใบหน้าที่ยังงอง้ำ พร้อมกับยื่นมือเพื่อจะจิ้มลงไปบนแผลอีกรอบ ส่วนอาร์ตก็รีบกระโดดถอยหลังอย่างไวเพราะไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้



อาร์ตยืนมองหน้าพีทแล้วกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดไปออดอ้อน ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาที่ละนิด คอยลอบสังเกตท่าทางของพีทไปด้วยว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำร้ายร่างกายตัวเองซ้ำอีกแล้วแน่ๆ อาร์ตก็จัดการสอดท่อนแขนของตัวเองทั้งสองข้างเข้าไปที่เอวบางแล้วกระชับอ้อมกอดแน่น



“ดื้อ...ทายาให้หน่อยสิ” อาร์ตส่งเสียงอ้อนและใช้ฝ่ามือลูบเอวพีทไปมา ตาก็กระพริบปริบๆ ไม่เลิก ส่วนพีทไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากยืนทำหน้านิ่งมองอาร์ต



“เนี่ย...อาร์ตเจ๊บเจ็บ” อาร์ตทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ พร้อมกับทำตาอ้อนที่มองยังไงก็ชวนกวนประสาทมากกว่าน่าสงสาร สุดท้ายพีทก็ทนเก็กทำหน้านิ่งต่อไปไม่ไหวหลุดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด



“อะไรนะ...อาร์ตเจ๊บเจ็บ พี่มึงคิดว่าน่ารักเหรอ” พีททวนคำพูดของอาร์ตและพยายามกลั้นขำสุดความสามารถ ไอ้พี่อาร์ตมันก็บ้ากล้าแทนตัวเองด้วยชื่อ ทำอะไรไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลยเหอะ




“พี่ก็คิดว่าน่ารักใช้ได้อยู่นะ” อาร์ตตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง จนพีทเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายจริงจังกับสิ่งที่คิดแค่ไหน



“ไปนั่งดิ” พีทส่ายหัวด้วยความหน่าย ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับอาร์ตไปมากกว่านี้ เอ่ยปากไล่อีกฝ่ายให้ไปนั่งรอที่เตียง ส่วนตัวเองก็เดินไปหยิบกล่องพยาบาลที่โต๊ะใกล้ๆ



“ดีนะที่ไอ้เลิฟมันไม่ได้เอาไปเก็บ” พีทบ่นให้อาร์ตและลงมือทำแผลให้ โดยพยายามลงน้ำหนักมือให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ว่าแต่พี่มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมา” พีทถามออกไปด้วยความอยากรู้ ส่วนมือก็ทำหน้าที่ไม่หยุด



“ฟัดกับหมาเรียนหมอ” อาร์ตตอบเสียงแข็งและดึงตัวพีทลงมานั่งที่ตัก ส่วนพีทที่ได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ชะงักมือ แล้วมองหน้าอาร์ตด้วยความสงสัย



“ห๊ะ!! หมาเรียนหมอ...ใคร?” พีทถามกลับเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อาร์ตพูด มือก็เก็บยาเข้ากล่องก่อนจะลุกขึ้นถือไปวางไว้ที่เดิม



“รู้จักใครเรียนหมอละ”คำพูดต่อมาของอาร์ตทำเอาพีทตาโต และรีบเดินกลับมาหาอาร์ตจนขาแทบขวิด



“อย่าบอกนะ ที่สภาพพี่มึงเป็นแบบนี้เพราะไปฟัดกับไอ้พี่หมอมา” พีทถามเสียงหลงแล้วสำรวจสภาพของอาร์ตอีกครั้ง สภาพไอ้พี่อาร์ตแย่ขนาดนี้มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ



“อย่าเรียกมันว่าพี่ได้ไหม เรียกไอ้สัด ไอ้ส้นตีน เรียกอะไรก็ได้ อ้อ...ยกเว้นเหี้ยด้วยอย่าเรียก” อาร์ตว่าหน้าหงิกและทิ้งตัวลงนอนด้วยความเซ็ง ส่วนพีทก็ยิ้มขำกับท่าทางพาลเหมือนเด็กของอาร์ต



“แล้วเขาเป็นไงบ้างล่ะ” พีทถามออกไปด้วยความอยากรู้ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อาร์ต



“ตายแล้วมั้ง” อาร์ตตอบเสียงแข็งแล้วยกหัวตัวเองขึ้นมาหนุนตักพีท พร้อมกับเอาหน้าซุกท้องแบนราบและกอดเอวอีกฝ่ายแน่น



“ถ้าเขาตายทำไมพี่มึงกลับมาสภาพเหยินแบบนี้ล่ะ” พีทถามขึ้นอีกครั้งและยกมือลูบหัวของอาร์ตเล่นไปมา



“ผิดพลาดทางเทคนิค” อาร์ตงึมงำตอบและซุกหน้าเข้ากับลำตัวของพีทมากขึ้น



“ไม่ใช่ว่าโดนเขารุมมาเหรอ” พีทแกล้งแหย่ด้วยความนึกสนุก ผลที่ได้คืออาร์ตจับมือที่ลูบหัวตัวเองแน่น แล้วพลิกตัวกลับมานอนหงายมองหน้าพีทอย่างเอาเรื่อง



“เมียครับ อย่าดูถูกผัวขนาดนั้นได้ไหม แพ้ใครก็ได้แต่อย่าบอกว่าแพ้ไอ้สัดหมอ” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าโคตรเซ็ง จนพีทต้องขำออกมาจนตัวสั่น



จุ๊บ!!



“ขอบคุณนะ ที่ยอมเจ็บตัวเพื่อน้อง” พีทโน้มตัวลงไปกดจูบที่ปากอาร์ตแผ่วเบา มือเล็กลูบไปตามกรอบหน้าที่เต็มไปด้วยรอบฟกช้ำอย่างเบามือ



“พี่รักพีทนะ ให้เจ็บกว่านี้ก็ได้” อาร์ตส่งยิ้มให้และดึงมือเล็กมาจูบพร้อมกับบีบลงไปเบาๆ



“พอแล้ว เดี๋ยวก็ตายห่าหรอก” พีทว่าและจิ้มนิ้วลงไปที่แผลมุมปากด้วยความหมั่นไส้



“โอ๊ย!!! ทำไมมันชอบแกล้งวะ คิดว่าพี่เจ็บไหมดื้อ” อาร์ตเข่นเขี้ยวออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะดึงพีทให้ลงมาทับตัวเอง และจัดการพลิกตัวขึ้นไปคร่อมทับเอาไว้



“เมื่อกี้พี่มึงยังบอกว่าทนเจ็บได้อยู่เลย” พีทลอยหน้าลอยตาตอบและพยายามจะใช้นิ้วจิ้มลงไปที่แผลของอาร์ตอีก



“พอๆ เลยดื้อ ซนจังวะ” อาร์ตดุแบบไม่จริงจังและจับมือซุกซนของพีทไว้



“ถ้าเจ็บ คราวหลังพี่มึงก็อย่าห้าวแบบนี้อีกเข้าใจไหม” พีทบอกและใช้มือข้างที่ว่างลูบอกของอาร์ตเล่น



“ห่วงเหรอ” อาร์ตถามและส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้พีท ดวงตาวาววับเต็มไปด้วยประกายแห่งความชอบใจ



“ใครห่วงวะ พูดถึงหมาแถวนี้ต่างหาก” พีทตอบยียวนกลับไปบ้างเพราะหมั่นไส้รอยยิ้มพอใจของอาร์ต



“เป็นหมาก็ได้” อาร์ตว่าและระดมจูบทั่วหน้าพีทไม่หยุด



“ฮ่าๆ พอแล้วแม่ง” พีทหัวเราะออกมาเพราะจั๊กจี้ มือเล็กยกขึ้นดันหน้าอีกฝ่ายให้ถอยห่างไม่หยุด



“ไม่หยุด หมามันต้องหยอกเจ้าของนะเมีย” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายจากใบหน้าเนียนมาเป็นซอกคอขาว ซุกไซ้เรื่อยลงมาสลับกับกดจูบไม่หยุด ส่วนมือก็เลื้อยหายเข้าไปในเสื้อยืดตัวบาง บีบเค้นลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ทำเอาขนทั่วกายของพีทลุกชันไม่หยุด



“อาร์ต” พีทส่งเสียงเรียกกระท่อนกระแท่น มือก็พยายามดึงผมอาร์ตแรงๆ เพื่อห้ามปราม



“อ๊ะ...” แล้วพีทก็ต้องหลุดครางออกมาเสียงหลง เพราะนอกจากจะห้ามอาร์ตไม่ได้ อีกฝ่ายยังส่งปลายนิ้วมาสะกิดหยอกล้อที่ยอดอก ตามด้วยการแนบริมฝีปากมาดูดดึงยังข้างที่ว่าง



“อื้อ...อะ...อาร์ต...ไม่เอา...นี่บ้านคนอื่นนะ” พีทเอ่ยห้ามด้วยน้ำเสียงขาดห้วง พยายามดึงสติไม่ให้ลอยตามไปกับการปลุกเร้าของอีกฝ่าย



“ไม่ทำหรอก แต่ขอนิดนึง” อาร์ตงึมงำตอบกับยอดอกที่อยู่ในปาก ก่อนจะผละออกและกดจูบไล่ลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ จากนั้นก็ลุกขึ้นดึงเสื้อของพีทลงเหมือนเดิมและขยับไปจูบที่ปากของอีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทับนิ่งๆ อยู่แบบนั้น



“เจ็บปากแม่งจูบไม่ถนัด ไซ้ก็ไม่ถนัด เอาแรงๆ ก็ไม่ได้ ไว้หายขอเน้นๆ นะดื้อ” อาร์ตพึมพำบอกพีทที่ซอกคอ และกดจบย้ำๆ อยู่แบบนั้นไม่หยุด



“ไอ้เหี้ย!!” พีทที่ได้ยินคำขอถึงกับหน้าขึ้นสีทันที ก่อนที่จะทุบลงบนหลังอาร์ตด้วยความเหลืออด



“อุ่ก!! พี่เจ็บนะดื้อ” อาร์ตโอดครวญออกมาก่อนจะพลิกตัวลงไปนอนข้างๆ แทน



“สม!!” พีทว่าเสียงแข็งและนอนหันหลังให้ รู้สึกหมั่นไส้อีกฝ่ายจนไม่อยากจะเห็นหน้า



“ทุบไปเถอะ ไว้หายจะทบต้นทบดอก” อาร์ตว่าอย่างเจ้าเล่ห์และพลิกตัวมานอนกอด



“เบาๆ มือเป็นไหม รู้จักไหมคำว่าถนอมเนี่ย” พีทหันกลับมามองอาร์ตตาวาว ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดหูซ้ำด้วยความเคือง



“ก็ไม่เห็นช้ำนี่หว่า” อาร์ตว่าอย่างไม่สำนึกแถมยังส่งยิ้มยียวนไปให้พีท



“ไม่คุยกับพีทมึงแล้วแม่ง!!” พีทว่าเสียงสะบัดก่อนจะพลิกตัวหันหนีอีกรอบ ส่วนอาร์ตก็ได้แต่หัวเราะออกมาไมหยุดที่แกล้งพีทได้



“รักดอกจึงหยอกเล่น” อาร์ตขยับเข้าไปกอดและหอมแก้มพีทเต็มแรง



“นอนเลยแม่ง!! ง่วง!!” พีทว่าเสียงแข็งและหลับตาลงทันที เพราะขี้เกียจจะเถียงกับอาร์ต ยิ่งเถียงยิ่งเข้าตัว



“โอเคครับ นอนเนอะ” อาร์ตว่ายิ้มๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุม กระชับแขนที่เอวบางแน่นก่อนจะหลับตาลงบ้าง และไม่นานก็เดินทางเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราในที่สุด



...

...



“ยังไม่ตายนี่มึง” เสียงทักที่ดังขึ้นในตอนเช้า ทำให้อาร์ตที่เดินออกมาจากห้องนอนในสภาพสะลึมสะลือถึงกับตื่นเต็มตา ก่อนจะหันกลับไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ



“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ” อาร์ตถามออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก และมองหน้าปิงด้วยความช็อก



“ทำหน้าแบบนั้นทำไม” ปิงว่าแล้วส่งสายตามองอาร์ตอย่างกดดัน



“กูทำหน้าอะไร” อาร์ตปรับสีหน้าเหวอๆ ของตัวเองให้เป็นปกติทันทีเมื่อโดนทัก แม้ในใจจะโคตรตกใจที่เห็นหน้าของปิงตั้งแต่เช้าแบบนี้ก็เถอะ




“ไม่คิดจะถามกูหน่อยเหรอว่ากูมาทำไม” ปิงว่าเสียงเรียบและจ้องหน้าอาร์ตไม่เลิก



“ก็นี่มันบ้านน้องมึง ทำไมก็ต้องถามวะ” อาร์ตแกล้งเฉไฉทำเป็นไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่ปิงพูด



“มึงคิดว่าจะปิดกูได้เหรอ” ปิงว่าแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยความหน่าย



“แล้วไง มึงเลยตามมาด่ากู” อาร์ตว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม



“กูแค่จะบอกมึงว่า คราวหลังถ้าคิดจะขอความช่วยเหลือใครและไม่อยากให้กูรู้ อย่าเสือกไปขอความช่วยเหลือจากน้องกู เพราะมันถนัดสร้างเรื่องไม่ได้ถนัดเก็บกวาด” ปิงว่าแดกดันอาร์ตและมองอย่างกดดันไม่หยุด



“และกูบอกมึงกี่รอบแล้วว่าอย่าสร้างเรื่องน่ะหะ เวลามึงโมโหเบามือเบาตีนเป็นที่ไหน ถ้าเมื่อคืนเมียมึงไม่โทรมามึงคิดว่าตัวเองจะทำอะไรลงไป” ปิงเปิดฉากบ่นใส่ทันทีจากคำบอกเล่าที่เพื่อนคนอื่นๆ บอกมา



“ก็ถ้าเด็กมึงมันโดนแบบเมียกูบ้างมึงจะเฉยไหมวะ” อาร์ตสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เขารู้ว่าตัวเองใจร้อนแต่แม่งก็สมควรโดนไหมวะ



“ของกูเหรอ ถ้ามันจะตัวเท่าควายแล้วโง่ให้เขาหลอกได้ก็ช่างแม่งเหอะ” ปิงว่าหน้าตายแต่ทำเอาอาร์ตหลุดขำออกมา พร้อมกับคิดภาพฝุ่นที่โดนคนบังคับจะข่มขืน โคตรสยองเลยเหอะ



“เออๆ กูจะจำไว้ แล้วไงมึงคงไม่ได้มาบอกกูแค่นี้หรอกมั้ง” อาร์ตตอบรับปิงอย่างขอไปทีและยกมือขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง ก็เนี่ยแหละเหตุผลที่เขาไม่บอกไอ้ปิงตั้งแต่ทีแรก เพราะมันชอบบ่นไง บ่นเหมือนแม่ไม่มีผิด



“มันอยู่โรง’บาล”




“น่าจะโลงศพ” อาร์ตพูดสวนขึ้นทันทีโดยที่ไม่รอให้ปิงพูดจบ ผลที่ได้เลยโดนฝ่ามืออรหันต์ของปิงที่ฟาดลงกลางหัวเต็มแรง



“สัด!! เล่นหัวนะมึง แล้วไงมันจะเอายังไง” อาร์ตชักสีหน้าใส่ปิงและถามกลับ



“ไม่เอาไง” คำตอบของปิงทำเอาอาร์ตขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจทันที



“หมายความว่าไงวะ”



“กูไม่รู้ เมื่อเช้ากูลองไปสืบๆ ดู มันไม่พูดอะไรเลยนอกจากบอกว่าอุบัติเหตุ” ปิงบอกด้วยน้ำเสียงเครียด



“ระวังไว้หน่อยก็ดีนะมึง กูว่าแม่งไม่จบหรอก” ปิงเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วง และมันก็ทำให้อาร์ตเงียบไปเหมือนกัน เพราะเริ่มจะเดาความคิดของแทนไทไม่ออก เขาเตรียมใจไว้แล้วว่ามันจะต้องมีอะไรตามมาแน่ๆ เบาที่สุดคงโดนดักรุมกระทืบ หนักสุดคงโดนแจ้งความจับ แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเงียบแบบนี้



“ขอบใจว่ะ” อาร์ตตบไหล่ปิงเบาๆ เพื่อขอบคุณ เขาจะโดนอะไรก็ได้ขอแค่อย่างเดียว อย่าทำอะไรคนรักของเขาก็พอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดาใจอีกฝ่ายไม่ถูกเหมือนกัน เพราะความคิดของคนเหี้ยๆ มันจะชอบมีอะไรมาทำให้แปลกใจเสมอแหละ





2 Be Con...



++++++++++++++++++

ไม่รู้จะชวนคุยอะไรนอกจาก...

ไม่หื่น...ไม่ใช่อาร์ต 5555555

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-09-2016 13:12:29
เฮ้อ ไม่จบไม่สิ้น วนไปๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 19-09-2016 13:50:41
อาร์ตอ้อนน่ารักจุง
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-09-2016 15:26:47
เจ็บยังจะหื่อีกนะอีพี่อาร์ต แต่อีแทนไทนี้ไม่จบง่ายๆสินะ อีพี่อาร์ตระวังตัวให้ดีละกัน  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 15:44:50
ให้กำลังใจเฮีย ให้มีแรงสู้รบตบตีต่อไป555+

ให้กำลังใจแม่มณี ให้มีเรื่องสนุกๆแต่งมาให้อ่านอีกเยอะๆนะคะ และขอให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ

ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-09-2016 16:14:13
หมอแทนไทเจอขนาดนี้ยังไม่คิดจะจบอีกเหรอ พ่อแม่บังคับให้เรียนหมอหรือเปล่า
เรียนหมอแต่ทำไมไม่มีสมองคิด เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีไม่ได้แต่เสียชีวิตได้ว่างั้นเถอะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-09-2016 22:57:49
ดีนะที่พีทโทรตามพี่อาร์ตกลับบ้านพอดี ไม่งั้นดราม่าขึ้นอีก อิหมอไม่เข็ดอีกอ่อเจอไปขนาดนี้
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 20-09-2016 05:03:21
ไอ้พี่หมอหมามันยังไม่สำนึกอีกเหรอ เลวจริงๆ เห็นแก่ตัวมากๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 47 (19/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 21-09-2016 18:01:29
คู่นี้นี่ต้องมีอะไรเข้ามาทำให้ต้องเสียน้ำตาอยู่เรื่อยเลย
ครั้งนี้โชคดีที่พีทรอดมาได้ แต่ก็เจ็บตัวไม่น้อยเลย
ต้องขอบคุณปอที่มาได้ถูกจังหวะ อยู่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็อันตรายรอบตัวทั้งนั้น :เฮ้อ:
ต่อไปก็ต้องระวังตัวทั้งสองคน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
พีทเองก็ลดดีกรีความใจร้อนและดื้อดึงลงมาบ้างนะจ๊ะ
หวังว่าครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้พีทได้อีกหนึ่งบทนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 22-09-2016 15:25:46
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 48 -



                พลั่ก!!! ตุ๊บ!!!



                “อ๊ะ...อาร์ต!!!” พีทตวาดใส่อาร์ตสุดเสียง เมื่อจู่ๆ ก็โดนอีกฝ่ายจู่โจมกะทันหันแบบไม่ให้ตั้งตัว จนตอนนี้ได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกว้าง และมีน้ำหนักอีกรวม 80 โลทับอยู่



                “เสียงดังน่ะน้องพีท” อาร์ตขำในลำคอเบาๆ ที่แกล้งพีทได้ และยังนอนนิ่งไม่ไหวติ่งทับพีทอยู่แบบนั้น



                “พี่มึงคิดว่ากูหนักไหมเนี่ย!!” พีทกระทุ้งศอกใส่คนบนตัวอย่างเหลืออด ที่เล่นอะไรเป็นเด็กๆ



                “ทีตอนอื่นทั้งทับทั้งกระแทกไม่เห็นบ่น มีแต่ร้องอ๊างๆ” อาร์ตบ่นงุ้งงิ้งอยู่ข้างหูพีท พร้อมกับกัดใบหูนิ่มเล่น



                “ไอ้เหี้ยพี่อาร์ต!!” พีทตวาดสุดเสียงด้วยความโมโห พร้อมกับใบหน้าเนียนที่แดงซ่านด้วยความเขิน



                “โอเคๆ ไปอาบน้ำดีกว่า เบื่อคนขี้บ่น” อาร์ตว่าให้พีทแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งหายเข้าไปห้องน้ำด้วยความไว ทำให้พีทที่ตั้งใจว่าจะหันกลับมาตบบ้องหูสักทีสองที ได้แต่นั่งฮึดฮัดขมุบขมิบปากด่าอาร์ตอยู่แบบนั้น



                หลังจากผ่านเรื่องราวแย่ๆ มาได้สักพัก อาร์ตก็คุยกับพีทเรื่องรถและคอนโดที่ทะเลาะกันไปจนเกิดเรื่อง เลยได้ข้อสรุปมาว่าทั้งสองคนจะสลับกันมานอนที่คอนโดของพีทกับหอพัก แต่จะไม่มีการย้ายมาอยู่ถาวรใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเรื่องรถก็เหมือนกันจะใช้สลับกับบานชื่นไปเรื่อยๆ ทีแรกพีทก็ไม่ยอมแต่พออาร์ตอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมก็ต้องยอมในที่สุด



                เหตุผลที่อาร์ตยกมามันทำให้พีทต้องก้มหน้ายอมรับทั้งๆ ที่ขัดใจ อาร์ตไม่อยากให้เขาโดนมองว่าทุ่มเงินเลี้ยงผู้ชาย เพราะก่อนหน้าที่จะได้คบกันสงบๆ แบบนี้ เขาเองก็โดนมาไม่น้อยเหมือนกัน จากทั้งบรรดาผู้หญิงของตัวเองที่คบอยู่และไหนจะของอาร์ตอีก เรียกว่าโดนรุมยับเยินหมอไม่รับรักษากันไปพักนึง



                คำครหาหลายอย่างที่ต้องโดนมันสารพัดจนมึนไปหมด ทุกคนแช่งให้เขาโดนทิ้งเร็วๆ ทั้งนั้น แถมยังมีบางคนบ้าจี้หาว่าเขาหลอกล่อ ยั่วยวน ข่มขู่ อาร์ตถึงตกหลุมมาคบกับเขาคนเดียว เขาละอยากบอกใจจะขาดคนโดนหลอกล่อมันเขานี่ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นมีแค่นิ่งเงียบและก้มหน้ารับ พร้อมกับคอยปรามไม่ให้อาร์ตไปอาละวาด ผ่านไปสักพักเรื่องมันก็เงียบ ถ้ามันจะมีอะไรสักอย่างที่ยังทำให้คนอย่างเขาติดใจ ก็คงจะเป็นว่าทำไมแค่คนสองคนจะรักกัน คนอื่นๆ ถึงชอบส.ใส่เกือกเรื่องของเขา



                เพราะเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนั้นแหละเขาถึงต้องยอมรับ เขารู้ว่าอาร์ตห่วงและไม่อยากให้มันมีปัญหาอะไรอีก เพราะมันไม่มีใครว่าอาร์ตเลยคนที่โดนเป็นเขาทั้งขึ้นทั้งล่อง อยากจะเถียงอยากจะรั้นก็ทำไม่ได้ มันน่าหงุดหงิดไหมละ ถ้าคนอย่างไอ้พี่อาร์ตคิดอะไรง่ายๆ เหมือนการแสดงออกก็คงดีสิ เรื่องมันจะง่ายกว่านี้เยอะ คนอย่างไอ้พีทพร้อมเปย์อยู่แล้ว



                “ไปอาบน้ำได้แล้วดื้อ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นและหยดน้ำที่หยดลงมาโดนตัว ทำให้พีทหลุดจากความคิดของตัวเอง และเงยหน้าขึ้นมองอาร์ตก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น



                “เปียก!!” พีทว่าและเอามือดันหน้าอาร์ตให้ถอยห่าง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำบ้าง



                อาร์ตได้แต่ยืนมองตามหลังและส่ายหัวให้ด้วยความขำ กับความขี้เหวี่ยงที่มีได้ตลอดเวลาของพีท ถ้าเป็นคนอื่นคงจะมองว่าน้องเป็นคนเอาแต่ใจ มันก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ แต่ที่คนภายนอกไม่รู้คือและเขาก็ไม่อยากให้รู้ก็คือ น้องขี้อ้อนและน่ารักขนาดไหนเวลาอยู่กันสองคน ที่เห็นว่าเหวี่ยงๆ ก็แค่เหวี่ยงแก้เขิน ที่เห็นว่าปากร้ายก็แค่เป็นคนพูดตรงจนไม่ได้คิดอะไร ถ้าได้มาอยู่ใกล้ๆ น้องแบบเขาทุกวัน ก็จะรู้เหตุผลเองแหละว่าทำไมเขาถึงหลงหัวปักหัวปำ แบบที่น้องไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลยด้วยซ้ำนอกจากที่น้องเป็นอยู่แล้วในทุกๆ วัน แต่ก็นั่นแหละอย่ามาเห็นกับเขาเลย



                “นั่งคิดไรอ่ะ” พีทที่เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นอาร์ตที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงปลายเตียง ก็อดสงสัยไม่ได้จนต้องถามออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย และการกระดิกนิ้วเรียกให้เดินเข้าไปหา



                “อะไร” พีทอ้อมแอ้มถามเสียงเบา เมื่อเดินเข้าไปหยุดยืนที่ระหว่างขาของอาร์ต และสบตาที่ฉายแววระยิบระยับของอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย



                “ไม่รู้จริงดิ” อาร์ตคว้าเข้าที่เอวบางแล้วดึงให้ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้นิ้วมือไต่ไปตามหน้าท้องแบนราบ พร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ไม่หยุด

                “เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่มึงถึงยังไม่ใส่ผ้าเนี่ย” พีทว่าและยื่นมือไปลูบที่แก้มของอาร์ตเล่น



“ก็ขี้เกียจถอดทีหลัง” อาร์ตว่าและแนบริมฝีปากลงที่หน้าท้องเนียน จูบซับสลับกับดูดเม้มแผ่วเบา พร้อมกับดึงพีทให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น จูบไล่ขึ้นไปเรื่อยจนถึงแผ่นอก ก่อนจะหยุดและเงยหน้ามองพีทด้วยสายตาอ้อนวอน



“ไม่ต้องมาทำตาแบบนี้เลย” พีทดึงปลายจมูกโด่งของอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ ที่อีกฝ่ายทำเป็นมาอ้อนทั้งๆ ที่การกระทำเลยไปถึงไหนต่อไหน



“สรุปว่าไม่ขัด” อาร์ตยักคิ้วส่งให้พีทอย่างยียวน แล้วครอบปากลงบนยอดอกสีสวยที่ชูชันเชื้อเชิญตรงหน้า ดูดเม้มละเลงลิ้นที่จุกนมจนมันแข็งเป็นไตคาปาก ก่อนจะงับลงไปเบาๆ และเลียซ้ำ



“อ๊ะ” พีทหลุดเสียงครางออกมาำร้อมกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะอาร์ตงับลงบนจุกนมสีสวยให้ได้เจ็บ ก่อนจะแอ่นอกสู้ป้อนยอดอกเข้าปากซุกซน เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนมาหยอกล้อที่ยอดอกอีกข้าง



มือเล็กลูบไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายแล้วขยุ้มที่กลุ่มผมเต็มแรงด้วยความเสียว จากการที่ฝ่ามือหนาสอดเข้ามาใต้ผ้าเช็ดตัว แล้วลูบไล้ไปจนทั่วโคนขาอ่อน ก่อนจะเปลี่ยนมาทักทายที่แก่นกายน่ารัก พร้อมทั้งขยับมันขึ้นลงช้าๆ จนเริ่มขยายสู้มือ



“นั่งลงเร็ว” อาร์ตบอกเมื่อเห็นว่าพีทเริ่มจะยืนไม่อยู่ พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างปลดผ้าเช็ดตัวของอีกฝ่ายออก รวมทั้งปลดของตัวเองและโยนมันทิ้ง



พีทก้าวขาสั่นๆ ของตัวเองเดินไปคร่อมที่หน้าขาแกร่ง ก่อนจะทรุดตัวนั่งทับอย่างว่าง่าย พร้อมกับยกแขนสองข้างคล้องคอของอาร์ต และประกบปากจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่ม



เรียวลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกันอย่างเร่าร้อน สะโพกบางขยับโยกส่ายร่อนอยู่บนหน้าตักแกร่งอย่างยั่วเย้า ยอดอกที่แข็งเป็นไตจากการปลุกเร้าเสียดสีที่แผ่นอกหนาไปมา



ในที่สุดก็เป็นอาร์ตที่ทนไม่ไหว ต่อการตามใจแบบถึงที่สุดของคนตัวเล็ก มือหนาจัดการดันตัวของพีทให้ถอยห่างทันที



“พี่ไม่ไหวแล้วดื้อ” อาร์ตบอกพีทเสียงแหบพร่า พร้อมกับจูบที่ปากนุ่มและระดมจูบทั่วใบหน้าเนียน ท่อนลำตอนนี้ขยายขนาดขึ้นอย่างน่ากลัว และปวดหนึบไปหมดจนแทบจะระเบิดออกมา



แต่ในขณะที่จะยกพีทลงจากตักเพื่อไปเอาเจลหล่อลื่น มือเล็กของอีกฝ่ายก็เลื่อนมาจับเอาไว้แน่น และค่อยๆ ประคองฝ่ามือเลื่อนขึ้นไปใกล้ริมฝีปาก



ดวงตาเรียวปรือปรอยช้อนมองดวงตาคมหวานฉ่ำ จุมพิมลงที่ฝ่ามือหนาและใช้ปลายลิ้นเลียไปตามความยาวของนิ้ว ก่อนจะอ้าปากงับลงไปและดูดอมจนเปียกชุ่ม จากนั้นก็ดึงออกและจับไปวางที่สะโพกของตัวเอง



การกระทำของพีททำเอาสติอาร์ตเกือบหลุด ท่อนลำที่ปวดหนึบยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ตอนที่นิ้วมือผลุบหายเข้าไปในโพรงปากนุ่ม เขาอยากเปลี่ยนให้มันเป็นน้องชายตัวเองใจจะขาด



จุ๊บ!!



พีทยื่นหน้ามากดจูบริมฝีปากอาร์ตแผ่วเบา พร้อมกับบดเบียดสะโพกไปมา มือเล็กคอยลูบไล้วนเวียนที่แผ่นอกกว้างไม่หยุด พร้อมทั้งกระตุกยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะ



“แสบนักนะดื้อ” อาร์ตเค้นเสียงออกมาอย่างอยากลำบาก พร้อมกับจับมือซุกซนที่ลูบไล้ไม่หยุดเอาไว้แน่น ก่อนจะกระชากคนบนตัวมาบดจูบอน่างมันเขี้ยว



“อื้อ” พีทส่งเสียงครางอืออึงในลำคอ พร้อมกับจูบแลกลิ้นกับอาร์ตอย่างไม่ยอมแพ้ สะโพกบางแอ่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้นิ้วมือที่วนเวียนอยู่ด้านหลังให้เข้ามาได้ง่ายขึ้น



อาร์ตสอดนิ้วมือเข้าไปยังช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิท แล้วขยับเข้าออกเบาๆ เพื่อสร้างความคุ้นชิน ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป แหวกอ้าขยับไปมาไม่หยุดเพื่อขยายช่องทาง เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงจะพร้อมรับตัวเองเข้าไปแล้ว ก็จัดการถอนนิ้วมือทั้งหมดออกมา



“ขยับหน่อยคนดี” อาร์ตกระซิบบอกที่ข้างหูและงับลงไปเบาๆ พร้อมกับจับท่อนลำของตัวเองให้ตั้งตรง และถูวนเวียนไปมาที่ปากทางเข้า



พีทจับที่บ่ากว้างและพยุงตัวเองขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงกลืนกินท่อนลำใหญ่โตของอีกฝ่าย ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไม่น้อยจากความจุกเสียดที่เกิดขึ้น แม้จะพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุดแค่ไหนมันก็เจ็บอยู่ดี



“อ๊าาาา” พีทครางออกมาดังลั่นเมื่ออาร์ตจับตัวเองให้กดทับลงในรวดเดียว ทำให้ตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งจุกไปหมดทั่วบริเวณท้องน้อย จนพีทต้องซุกหน้าลงที่ซอกคออย่างอ่อนแรง



“โอเคหรือยัง” อาร์ตถามอย่างอ่อนโยนและกดจูบที่ขมับชื้นเหงื่อ พร้อมกับลองขยับสะโพกเล็กน้อย หลังจากทิ้งให้พีทได้ปรับตัวสักระยะ



“อือ...อ๊ะ” พีทตอบรับและครางออกมา เมื่ออาร์ตขยับสะโพกแทงสวนเข้ามาเน้นๆ และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง จากที่เป็นฝ่ายถูกควบคุมในตอนแรก ก็กลายเป็นฝ่ายที่ควบคุมจังหวะรักเองทันที




พั่บ! พั่บ! พั่บ!



“อ๊ะๆๆๆๆ” พีทครางลั่นออกมาไม่ขาดสาย ฝ่ามือเล็กจิกลงไปที่ไหล่กว้างเพื่อระบายความเสียว สะโพกบางยกขึ้นและทิ้งตัวลงตอบรับกับสะโพกหนาที่แทงสวนกลัยเข้ามาไม่ยั้ง ใบหน้าหวานแหงนเงยไปด้านหลังพร้อมกับสะบัดไปมา



“อ๊ะ...อ๊าาา” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปหมดด้วยความสุขสม สะโพกบางเร่งขย่มไปมาด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อใกล้ถึงจุดที่ตัวเองจะปลดปล่อย แต่แล้วก็ต้องฝันสลายเมื่อคนตัวโตขี้แกล้ง ใช้ฝ่ามือกำรอบแก่นกายที่ปริ่มน้ำใสๆ ไว้แน่น พร้อมทั้งใช้นิ้วหัวแม่มือดปิดส่วนปลายไว้



“อาร์ต...อย่าแกล้งน้อง” พีทช้อนตามองอาร์ตด้วยความเคือง พร้อมกับพยายามจะจับมือของอาร์ตออก ส่วนสะโพกก็ยังขยับไปมาไม่หยุด



“อย่าซนสิน้องพีท” อาร์ตว่าแล้วมองพีทด้วยแววตาวาววับ พร้อมกับจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่นทั้งสองข้าง




“อาร์ตแม่ง!! ไอ้โรคจิต!! อ๊ะ...” พีทโวยวายเสียงดังลั่น พยายามยื้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุม ก่อนจะหลุดครางแผ่วเมื่ออาร์ตขยับสะโพกแทงสวนเข้ามา



“อ๊ะ...เดี๋ยว!! พี่มึงจะทำอะไร” แล้วพีทก็ต้องส่งเสียงร้องโวยวายด้วยความแตกตื่นอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ อาร์ตก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง โดยที่เขายังนั่งอยู่บนตักและอะไรๆ ก็ยังค้างคากันอยู่



“หึ หึ ดูวิวกัน” อาร์ตหอมลงที่แก้มเนียนและปรายตามองไปทางระเบียงด้านนอก มุมปากกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ พร้อมทั้งประคองตัวพีทไว้แน่นและก้าวออกเดิน




“อ๊ะ...มะ...ไม่เอานะอาร์ต...อ๊าาาา” พีทห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งพยายามดิ้นลง แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคว้าตัวของอาร์ตและกอดไว้แน่นแทน เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะเดินต่อแบบไม่สนใจการประท้วง อีกฝ่ายยังจับตัวพีทยกขึ้นลงสอดรับกับท่อนลำที่คาในกายไม่หยุด



ความเสียดสีภายในที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงทุกครั้งที่อาร์ตก้าวเดิน ทำให้พีทได้แต่ครางเสียงหวานหลับตาพริ้มอย่างพอใจ ช่องทางรักบีบรัดท่อนลำใหญ่ถี่รัวกว่าปกติ เพราะความตื่นเต้นที่จะต้องทำอะไรที่ไม่เคยครั้งแรก



“ไม่เอานะอาร์ต” พีทส่ายหัวปฏิเสธจนผมกระจาย แขนเล็กโอบรอบลำคอของอาร์ตแน่น ไม่ยอมลงจากตัวของอีกฝ่ายตามที่เจ้าตัวต้องการ ดวงตาเรียวมองไปทั่วฟ้ากว้างและระเบียงข้างห้องอย่างตื่นกลัว



“อย่าดื้อสิ” อาร์ตยิ้มขำและเอ่ยปากดุอย่างไม่จริงจัง




“อาร์ตแม่ง!! เดี๋ยวมีคนเห็น” พีททุบที่อกแกร่งของอาร์ตอย่างเหลืออด ที่อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มสนุกไม่ได้สนความกลัวของเขาเลยสักนิด



“นี่มันชั้นสิบนะน้องพีทใครจะเห็น” อาร์ตว่าอย่างไม่สนใจ จัดการปล่อยตัวพีทลงไปยืนที่พื้น แล้วจับตัวอีกฝ่ายให้พลิกหันหน้าไปมองวิวภายนอก ก่อนจะบีบที่สะโพกนิ่มและแทงท่อนลำเข้าไปจนสุดโคน



                “อ๊าาาาา...อึ่ก” พีทส่งเสียงครางออกมาดังลั่น เมื่ออาร์ตแทงสวนเข้ามาในครั้งเดียว ก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อยู่ที่ระเบียงไม่ใช่ในห้อง มือเล็กเกร็งและกำราวระเบียงไว้แน่นเพื่อระบายความเสียว ริมฝีปากสั่นระริกขบเม้มอย่างสุดความสามารถเพื่อกลั้นเสียงร้อง




                อาร์ตจับสะโพกบางไว้แน่นและถอนตัวตนออกมาจนสุดความยาว และแทงสวนกลับเข้าไปแรงๆ เน้นหนักเป็นจังหวะ ทำซ้ำๆ อยู่แบบนั้นจนพอใจ ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นรัวเร็วและเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นถี่ยิบ สลับกับหมุนควงส่ายร่อนเพิ่มความเสียวจนคนร่างแทบขาดใจ




                “อ๊ะ...” พีทเผลอหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ลำตัวบางโยกคลอนอย่างรุนแรงตามแรงส่งที่กระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเพื่อโกยอาการหายใจด้วยความทรมานเพราะส่งเสียงไม่ได้ ดวงตาเรียวเหลือบมองไปยังข้างห้องตลอดเวลาเพราะกลัวใครออกมาเห็น หัวใจเต้นถี่รัวไม่ต่างจากช่องทางรักที่ตอดรัดท่อนลำใหญ่โตถี่ยิบด้วยความตื่นเต้น



                “อ๊ะๆ...อื้อ” พีทปล่อยมือออกจากราวระเบียงแล้วยกขึ้นมาปิดปากทันที เพื่อกลั้นเสียงที่เล็ดลอดออกมา ศีรษะได้รูปสะบัดไปมาเพื่อระบายความอึดอัด ยิ่งสะโพกสอบแทงสวนเข้ามามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใจจะขาดมากเข้าไปทุกที และเหมือนคนตัวโตจะรู้ถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ เพราะอีกฝ่ายจงใจบดกระแทกเข้ามาให้โดนจุดกระสันอยู่ตลอดเวลา



                “อาร์ต...อ๊ะ...อ๊าาาา...อื้อ” ก่อนที่เสียงร้องหวานๆ ของพีทจะเรียกให้ผู้ร่วมอาศัยคนอื่นในตึกให้ออกมาดู อาร์ตก็จัดการจับใบหน้าหวานให้แหงนเงยมาหา และก้มประกบจูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่มเพื่อปิดกลั้นเสียงร้องให้ ส่วนสะโพกสอบก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่อง อัดเสยบดกระแทกใส่เป็นจังหวะอันหนักหน่วง มือหนาก็คอยเกี่ยวเอวบางไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเพิ่มความเร็วบดซอยถี่ยิบเมื่อใกล้จะปลดปล่อย



                “อื้อออออ” พีทครางในลำคออย่างสุขสมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กับที่อาร์ตปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปภายใน จนพีทรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่อัดฉีดเข้ามาในช่องท้อง ก่อนที่ร่างกายจะซวนเซทรุดลงอย่างหมดแรง



                “เฮ้ย!! ดื้อ!!” อาร์ตร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ พีทก็ทิ้งตัวลงอย่างกะทันหันทำเอาคว้าไว้เกือบไม่ทัน เขาประคองร่างอ่อนแรงไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่คนรักจะดูอ่อนแรงขนาดนี้



                “แฮ่กๆ” พีทหอบหายใจเสียงดังอย่างคนหมดแรง รู้สึกเหนื่อยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเรียวปิดลงเพราะอาการมึนหัวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เอนร่างทั้งร่างไปพิงที่แผ่นอกกว้างของอาร์ตอย่างหมดสภาพ



                “พีทได้ยินพี่ไหม” อาร์ตมองใบหน้าซีดๆ ของพีทด้วยความเป็นห่วง ใช่ฝ่ามือตบลงที่แก้มใสเบาๆ เพื่อเรียกสติ ซึ่งพีทไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า และหายใจเสียงดังด้วยความเหนื่อย



                อาร์ตจัดการช้อนตัวพีทเดินกลับเข้าห้องและตรงไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะวางร่างเล็กให้นั่งลงบนฝาชักโครก และเดินเลี่ยงไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ แล้วกลับมาช่วยทำความสะอาดให้พีทที่ดูอ่อนแรงจนน่าเป็นห่วง จากนั้นก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นอีกครั้งเพื่อพาไปแช่น้ำอุ่นที่เปิดทิ้งไว้



                “ไม่สบายหรือเปล่าดื้อ” อาร์ตที่ตามลงไปนั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเครียด ก่อนจะดึงร่างอ่อนแรงของพีทให้เซลงมาซบที่อกของตัวเอง มือหนาลูบไปตามหัวและแก้มใสที่เริ่มกลับมามีเลือดฝาดด้วยความเป็นห่วง



                “เปล่า” พีทตอบเสียงเบาและหลับตาพริ้มเอนพิงอาร์ตด้วยความสบาย เมื่ออีกฝ่ายบีบนวดตามตัวให้



                “แน่ใจนะ” อาร์ตถามย้ำด้วยความไม่สบายใจ มือก็ยังนวดไปตามร่างกายขาวผ่องไปมาไม่หยุด



                “อือ...แค่เหนื่อย” พีทเอี้ยวตัวไปหอมแก้มของอาร์ตเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกังวล เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่พักนี้รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ากว่าปกติแค่นั้นเอง




                “พี่ว่าไปหาหมอดีกว่า” อาร์ตพูดออกมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปสักพัก รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ กับอาการของพีทได้เห็น



                “ไม่เป็นไรจริงๆ นะอาร์ต แค่เหนื่อยเอง” พีทค้านออกมาเพราะคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ก็แค่เหนื่อยง่ายเหมือนที่เคยเป็นเท่านั้นแหละ ตอนเป็นเด็กเขาเคยเป็นแบบนี้พอสักพักมันก็หายเอง เลยไม่รู้จะไปหาหมอให้มันยุ่งยากทำไม



                “ไปหาเหอะ” แต่อาร์ตเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยังคงออกปากคะยั้นคะยอให้พีทยอมด้วยความเป็นห่วง



                “แต่ว่า...” พีทเงยหน้ามองอาร์ตและพยายามจะประท้วง ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเจอสายตาจริงจังแฝงความเป็นห่วงที่มองมาของอาร์ต



                “พี่เป็นห่วง...นะครับ” อาร์ตว่าอีกครั้งพร้อมกับกดจูบที่หน้าผากเนียน ทำให้พีทต้องยอมพยักหน้าตกลงกับอาร์ตในที่สุด



                “ดื้อเป็นแบบนี้บ่อยไหม” อาร์ตถามพร้อมกับคลอเคลียที่ใบหน้าและต้นคอของพีทไม่ห่าง



                “ไม่บ่อยอ่ะ นานๆ เป็นที” พีทตอบออกไปตามความจริง พร้อมกับเอียงคอให้ริมฝีปากซุกซนของอาร์ตดูดเม้มได้ถนัด



                “หรือว่า...” อาร์ตผงกหัวจากซอกคอของพีทและทำหน้าตาตื่นใส่อีกฝ่าย พลอยทำให้พีทตกใจกับท่าทางนั้นไปด้วย



                “ว่าอะไร” พีทถามพร้อมกับขมวดคิ้วพันกันยุ่ง ไม่เข้าใจว่าอาร์ตจะทำหน้าตกใจและน้ำเสียงตื่นเต้นทำไม



                “ท้องป่ะวะ” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดและสบตาพีทอย่างจริงจัง




                “ห๊ะ!! พี่มึงว่าอะไรนะ” พีทอุทานเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหู ถามย้ำคำพูดของอาร์ตเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด



                “น้องพีทไง ท้องหรือเปล่า อยู่ดีๆ ก็เหนื่อยง่าย เวียนหัวแบบนี้ มันอาการคนท้องชัดๆ” อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความจริงจัง




พีทได้แต่มองหน้าคนรักด้วยความอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าความคิดแบบนี้จะออกมาจากหัว ว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทอง และเจ้าของทุนเรียนฟรีแบบอาร์ต ระดับท๊อปของชั้นปีมีสมองคิดได้แค่นี้เนี่ยนะ ผู้ชายที่ไหนมันท้องได้วะ หรือพี่มันทั้งเรียนและทำงานเยอะจนเพี้ยน เขาต้องพาแฟนตัวเองไปเช็คสมองไหม?



“ตลกล่ะ” พีทว่าพร้อมกับฟาดฝ่ามือใส่หน้าอาร์ตเพื่อเรียกสติ



“ฮ่าๆ ตีทำไม ก็แบบเพื่อฟลุ๊คไง หนึ่งในพันล้านงี้” อาร์ตหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรจริงจังหรอกแค่พูดไปแบบนั้นเอง



“ประสาท” พีทว่าและสะบัดหน้าหนีด้วยความเอือมระอา เวลาอาร์ตจะติ๊งต๊องขึ้นมาก็แบบนี้แหละ เด็กอนุบาลก้ยังฉลาดกว่า



“เอ้า...ไม่อยากมีเหรอ ลูกของเราเลยนะ” อาร์ตว่าและยังคงหัวเราะในลำคอไม่หยุด



“ถ้าท้องจริงๆ ขึ้นมาจะทำยังไง” พีทหันกลับมาถามพร้อมกัสบตาอาร์ตนิ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นไม่เลิกเขาก็จะเล่นด้วย



“ท้องก็เลี้ยงดิ” อาร์ตส่งยิ้มให้และใช้ฝ่ามือลูบเบาที่หน้าท้องแบนราบของพีท



“อาหะ...งั้นลูกเราผู้ชายผู้หญิงดี” พีทเอนตัวพิงอาร์ตตามเดิม และเอ่ยปากถามกลับอย่างเริ่มสนุกขึ้นมาบ้าง ส่วนอาการเหนื่อยที่เป็นก่อนหน้าก็ดีขึ้นแล้วเหมือนกัน



“ผู้ชายเลย ผู้ชายเท่านั้น ห้ามเป็นผู้หญิง” คำตอบที่ดูจริงจังของอาร์ตทำเอาพีทขมวดคิ้วด้วยความสงสัย



“ทำไมผู้หญิงไม่ได้” พีทถามกลับทันที ทำไมอาร์ตจะต้องดูอยากได้เด็กผู้ชายขนาดนั้น



“ก็ถ้าผู้หญิง แล้วน่ารักเหมือนแม่ พี่ไม่ต้องมานั่งเตะผู้ชายที่มาตามจีบลูกสาวเราทั้งชีวิตเหรอ” อาร์ตว่าด้วยสีหน้าจริงจังไร้แววล้อเล่น จนพีทได้แต่อ้าปากหวอด้วยความอึ้งก่อนจะตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง



“ฮ่าๆๆๆ” คำตอบของอาร์ตที่ให้มาทำเอาพีทหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังทันที มือเล็กยกขึ้นมากุมหน้าท้องเพราะหัวเราะมากเกินไปจนเจ็บ



“หัวเราะเกินไปแล้วดื้อ” อาร์ตว่าและดึงปลายจมูกพีทด้วยความมันเขี้ยว



“ก็พี่มึงมันบ้าหวงตั้งแต่ยังไม่มี อีกอย่างพี่มึงลืมหรือเปล่าว่าต่อให้เป็นผู้ชายลูกมันก็มีผัวได้ พี่มึงยังมีเมียเป็นผู้ชายเลย ฮ่าๆ” คำพูดของพีททำเอาอาจชะงักค้างด้วยความอึ้ง ก่อนจะทำสีหน้ายุ่งเหยิงแบบคนคิดมากอย่างจริงจัง



“งั้นไม่มีแม่งละ” อาร์ตว่าและกอดพีทไว้แน่น ส่วนพีทก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความหน่ายให้กับระบบความคิดแปลกๆ ของคนรัก กลัวลูกมีผัวเลยไม่มีดีกว่า พี่มันใช้อะไรในการคิดวะ



“ห้ามท้องนะดื้อ” อาร์ตพึมพำบอกพีทที่ซอกคอ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเซ็งแบบไม่คิดจะปิดบัง



“เออๆ ไม่ท้องหรอก” พีทว่าพร้อมกับขำไม่หยุด ยื่นมือไปลูบหัวของอีกฝ่ายที่ซุกซอกคอตัวเองอยู่



“อุตส่าห์ว่าถ้าดื้อท้อง จะถอนเงินหมดบัญชีปิดคณะเลี้ยงเลยนะ แม่งเซ็งว่ะ” อาร์ตพึมพำด้วยเสียงเนือยๆ บ่งบอกความเซ็งอย่างจริงจัง



“พี่มึงชอบเด็กเหรอ” พีทถามด้วยความอยากรู้ เพราะถึงเรื่องที่คุยมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาร์ตดูเซ็งแบบจริงจังไม่ใช่ล้อเล่นเลยสักนิด



“อือ...แต่ไม่มีละ เดี๋ยวลูกมีผัว ป๊ะป๋าทำใจไม่ได้นะหม่ามี๊” อาร์ตว่าและทำท่าทางเสียใจ แถมยังซึมจนพีทต้องขำออกมาไม่หยุด



“คืนนี้นอนฝันว่าลูกมีผัวแน่ๆ ไอ้พี่อาร์ต” พีทกระซิบขู่ที่ข้างหูด้วยความนึกสนุก ก่อนจะหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจเป็นการปิดท้าย ที่เห็นอาร์ตทำหน้าเหมือนคนใจจะขาดออกมา



2 Be Con...



+++++++++++++++++++++

แปะ NC ป่วงๆ พร้อมกับรู้สึกขำอาร์ตแรง

ระบบความคิดของผู้ชายคนนี้มันชวนเข้าใจยากจริงๆ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 22-09-2016 16:28:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2016 18:07:21
พีทเป็นโรคอะไรรึป่าวแต่ไม่รู้ตัว อย่าดราม่ามากนะ สงสาร :o12:ท็อป :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 22-09-2016 18:52:16
ไม่หื่น  ไม่บ้า  ไม่ใช่อาร์ต   :m20:   :m20:   :m20: 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Kkyy0627 ที่ 22-09-2016 18:55:07
ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกหลุมรักคู่นี้ ชอบ อาร์ตพีท มากกกกกกกกกก
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-09-2016 21:01:59
ถ้าพีทท้องจริงนี่ฮาเลยนะ อยากเห็นป๊ะป๋าขี้หวง หวงเมียยันลูก :laugh: แต่หวังว่าจะไม่ดราม่าเป็นโรคอะไรนะ...กลัว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 48 (22/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 22-09-2016 21:09:19
 :hao3: เราก็ลุ้นอยากดูป๊ะป๋าขี้หวงสักหน่อย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 49
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 26-09-2016 00:36:28
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 49 –



                อาร์ตที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันใหม่ ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เมื่อภาพที่เห็นในวันนี้ไม่เหมือนกับในทุกๆ วันที่เห็น มันเป็นภาพของพีทที่แต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย นั่งเคร่งเครียดอ่านชีทในมืออยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งปกติเวลานี้พีทจะยังไม่ตื่นหรือถ้าตื่นก็อยู่ในห้องน้ำ แบบนี้มันเลยค่อนข้างผิดปกติไปพอควร



                “คิ้วพันกันยุ่งแล้วดื้อ เครียดอะไรขนาดนั้น” อาร์ตตัดสินใจเดินเข้าไปหาและกดนิ้วหัวแม่มือลงที่หว่างคิ้วของพีท ก่อนจะออกแรงนวดเบาๆ ให้คลายตัว



                “ก็เนี่ยไม่เข้าใจอ่ะ เช้านี้จารย์ให้ทำควิซดิ” พีททำหน้ายุ่งมากกว่าเก่าแล้วยื่นชีทในมือให้อาร์ตดู ซึ่งอาร์ตก็รับมาอ่านดูคร่าวๆ ก่อนจะยื่นกลับคืนให้



                “ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรกล่ะจะได้ติวให้” อาร์ตว่าและโยกหัวของพีทเบาๆ



                “ก็พี่มึงยุ่งจะตายไม่อยากกวน” พีทอ้อมแอ้มตอบก่อนจะก้มมองชีทมือและทำหน้าเครียดอีกครั้ง



                “แล้วไง...คิดว่ารอดไหม” อาร์ตถามพร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วยความขำปนเอ็นดู เพราะดูจากท่าทางที่พีทแสดงออก แบบนี้ฟันธงได้เลยว่ารอดยาก




                “นี่พี่มึงจะกวนตีนใช่ไหม” พีทเงยหน้าขึ้นมาถลึงตาใส่อาร์ด้วยความเคือง เพราะได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายถึงแม้ว่ามันจะเบาแสนเบา



                “เอ้า...ถามด้วยความเป็นห่วง” อาร์ตยังคงทำหน้าทะเล้นใส่พีท จนพีททนไม่ไหวง้างชีทในมือฟาดเข้าหน้าด้วยความหมั่นไส้



                “คนแม่งยิ่งเครียดๆ ยังจะมากวนประสาทอีก” พีทบ่นกระปอดประแปดใส่อาร์ต ก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าเป้แล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู



                “ไม่รอพี่เหรอ” อาร์ตถามด้วยความงงพร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่ข้างผนัง ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียนของพีท



                “ไม่อ่ะ...มีนัดกับน้องรหัส” พีทยักคิ้วใส่อาร์ตกวนๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ส่งให้



                “แรดเหรอดื้อ” อาร์ตทำหน้าขรึมและเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกแขนสองข้างคร่อมพีทไว้ทั้งตัว



                “ทำไม...อิจฉาดิ” พีทช้อนตามองอาร์ตและยักคิ้วกวนประสาทท้าทายไม่หยุด



                “คิดว่าไง” อาร์ตไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน พร้อมกับหรี่ตามองพีทและขยับหน้าเข้าไปใกล้



                “โอ๋ๆ พี่มึงไม่งอนนะ” พีทจับปลายคางอาร์ตและเขย่าไปมาอย่างล้อเลียนผสมหยอกเย้า รู้สึกชอบใจที่ตัวเองกวนประสาทคนรักได้



                “แล้วนัดทำอะไรกันแต่เช้าครับ” อาร์ตถามและแกล้งจ้องพีทดุๆ เหมือนคนจับผิด จนพีทหลุดขำออกมาอย่างอดไม่อยู่



                “ฮ่าๆ ติดเลี้ยงข้าวน้องมันอ่ะดิ แม่งโทรมาทวงตั้งแต่เช้า” พีทบ่นอุบและทำหน้างอออกมาทันที



                “ถึงว่าสิร้อยวันพันปีไม่เห็นจะตื่นเองได้ถ้าไม่ปลุก” อาร์ตว่ากระทบพีทพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนไปให้ เลยโดนพีททุบเข้าให้ข้อหาพูดไม่เข้าหู



                “ปากดี เดี๋ยวควงน้องวิวเย้ยดีมะ” พีทถลึงตาใส่อาร์ตและเอาน้องรหัสคนสวย ว่าที่ดาวคณะปีนี้มาขู่อาร์ต ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะอีกฝ่ายเงียบไปทันที         




“กล้าก็ลองดู” อาร์ตพูดนิ่มๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวาน แต่ใช้สายตามองพีทแบบที่พีทก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคือยังไง รู้แค่ว่าถ้าทำจริงศพอาจจะไม่สวยสักเท่าไหร่



“ชิ”เมื่อเถียงกลับไม่ได้เพราะไม่กล้า พีทเลยเปลี่ยนเป็นทำหน้างอออกอาการงอนแทน กลายเป็นอาร์ตที่ต้องส่ายหัวออกมาด้วยความอ่อนใจ



“งอนอีกแล้ว เถียงไม่ได้ก็งอนตลอด” อาร์ตบิดปลายจมูกรั้นของพีทด้วยความมันเขี้ยวในความรู้มากของอีกฝ่าย พอเขาทำท่าดุทีไรอีกฝ่ายจะรีบแก้เกมกลับ เปลี่ยนเป็นทำหน้างอใส่ผลเลยกลายเป็นเขาต้องตามงอทุกที



“ใครงอน ไม่ได้งอนเหอะ” พีทหันมาเถียงพร้อมกับทำตาบ่องแบ๊วใส่ แถมยังทำปากจู๋ลอยหน้าลอยตาจนคนมองอย่างอาร์ตทนไม่ไหว ก้มลงกัดที่ริมฝีปากบางอย่างมันเขี้ยว



“โอ๊ย!! เจ็บไหมอาร์ต” พีทดันหน้าอาร์ตอออกและลูบปากตัวเองไปมา ก่อนจะเงยหน้าถลึงตามองอาร์ตดุๆ ผลที่ได้คืออาร์ตขยับเข้ามาประกบปิดปากเจื้อยแจ้วทันที



“อื้อ” พีทส่งเสียงอึกอักประท้วงในลำคอ มือเล็กพยายามผลักคนตัวโตที่คร่อมทับให้ถอยห่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคล้อยตามริมฝีปากร้ายกาจนั้นในที่สุด



ปากเล็กเผยออ้ากว้างมากขึ้น เพื่อให้เรียวลิ้นของอีกฝ่ายสอดเข้ามาได้ถนัด ก่อนที่ลิ้นเล็กจะส่งไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับอีกฝ่ายบ้าง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปโอบที่ลำคอแกร่ง พร้อมกับที่วงแขนของคนตัวโตที่เปลี่ยนมากอดเอวบาง ทั้งยืนแลกจูบกันอย่างดูดดื่มจนแทบจะลืมสิ่งที่ต้องทำ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง



ก๊อกๆ



“ซ้อ!! เฮีย!!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงของวินที่ตะโกนเรียก ทำให้อาร์ตยอมผละออกจากริมฝีปากนุ่ม แต่ยังคงอ่อยอิ่งแทะเล็มอยู่แบบนั้น



“ไอ้วิน!! เดี๋ยวกูเตะแม่ง!!” อาร์ตสบถออกมาด้วยความหงุดหงุด แล้วกดจูบหนักๆ ที่ปากพีทอีกครั้ง ก่อนจะยอมถอยห่างไปยืนดีๆ



“อาร์ตพาลว่ะ” พีทมองค้อนอย่างหมั่นไส้ แล้วก้มลงจัดเสื้อผ้าที่เริ่มจะยับให้เข้าที่



“ก็มันขัดจริงๆ นี่หว่า” อาร์ตเถียงพีทหน้าหงิกแล้วเดินมากอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ



“ไม่ขัดพี่มึงก็ไม่ได้ต่อหรอกนะ” พีทยกมือดันหน้าอาร์ตให้ถอยห่าง พร้อมกับพูดดักคออีกฝ่ายไว้อย่างรู้ทันความคิด



“ก็ไม่ได้จะต่ออะไร” อาร์ตเถียงกลับหน้าตายไม่ยอมรับ พร้อมกับก้มลงหอมแก้มของพีท



“สาบานสิว่าไม่คิด” พีทหรี่ตามองกดดันอาร์ต ผลที่ได้คืออีกฝ่ายรีบหลาบสายตาทันที



“ไอ้หื่นเอ้ย” พีทว่าอย่างเหลืออดพร้อมกับกระทุ้งสอกใส่อาร์ต ที่เอาแต่นัวเนียวุ่ยวายเป็นปลาหมึกด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปเปิดประตูออกไปหาวิน



แอ๊ด!!!



“ผมนึกว่าจะเปิดประตูพรุ่งนี้แล้วนะครับ” วินพูดประชดขึ้นทันทีที่ประตูห้องตรงหน้าเปิดออก



“เว่อละไอ้พี่วิน” พีทว่ากลับพร้อมกับชักสีหน้าใส่ ส่วนวินไม่ได้โต้เถียงอะไรนอกจากยืนทำหน้าเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลาอยู่แบบนั้น



“เฮียเพิ่งตื่นเหรอ” วินหันมาถามอาร์ตบ้าง พร้อมกับไล่สายตามองสภาพรุ่นพี่ที่เคารพตั้งแต่หัวจรดเท้า



“เออ...ฝากดูซ้อมึงให้ด้วย” อาร์ตพยักหน้ารับและฝากฝังกับวินเหมือนทุกครั้ง ที่ตัวเองไม่ได้ไปไหนพร้อมกับพีท



“ฝากอะไรล่ะ ไม่ใช่เด็กนะเว้ย” พีทหันไปว่าอาร์ตหน้างอ เลยโดนอีกฝ่ายยกมือขยี้หัวด้วยความมันเขี้ยว



“รับทราบเฮีย ผมจะดูไม่ให้ซ้อไปอ่อยสาวที่ไหน” วินพึมพำตอบอาร์ตเนิบนาบ แต่คำตอบนั้นทำเอาพีทตาโตแทบถลน ส่วนอาร์ตหรี่ตามองพีทอย่างจับผิด



“มึงพูดดีๆ นะไอ้พี่วิน ใครอ่อยวะ” พีทโวยวายดังลั่น เมื่อจู่ๆ ก็โดนรุ่นพี่คนสนิทขายกันดื้อๆ แถมเขาไม่ได้อ่อยสักหน่อย แค่คุยทักทายรุ่นน้องที่คณะเฉยๆ เหอะ



“อ้าว...ก็ผมเห็นซ้อให้เบอร์น้องเขาไปด้วยนิ” วินแหย่หน้าตาย จนพีทหน้าบูดสนิทอย่างไม่สบอารมณ์



“จริงเหรอดื้อ” อาร์ตที่ยืนมองมานานก็ผสมโรงไปกับวิน แกล้งทำหน้าเครียดเสียงเย็นใส่พีทอย่างนึกสนุก



“ฮึ่ย!! แจกเหี้ยอะไรล่ะ เขารู้กันเกือบทั้งคณะว่ามีผัว ผู้หญิงที่ไหนมันจะมาสนวะ!!” พีทตะโกนใส่หน้าวินกับอาร์ตอย่างเหลืออด ก่อนจะกอดอกสะบัดหน้าหนีทั้งคู่ด้วยความเคืองที่โดนรุมแกล้ง



“อ้าวเหรอ...ผมลืม” วินแกล้งทำท่านึกขึ้นมาได้ และส่งสายตามองพีทอย่างสำนึกผิด แบบที่มองก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ เล่นเอาพีทเดือดจัดพุ่งเข้าหาอย่างเหลืออด



“มึงตาย!!!” พีทโวยวายไม่หยุดพร้อมกับพยายามเหวี่ยงหมัด เตะขาเพื่อทำร้ายวิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะโดนอาร์ตดึงเอาไว้ ส่วนวินก็ยืนทำหน้าตายส่งสายตาท้าทายกวนประสาทพีทอยู่แบบนั้น



“พอๆ เดี๋ยวสายนะดื้อ นัดน้องไว้ไม่ใช่หรือไง มึงด้วยไอ้วินเลิกแกล้ง” อาร์ตตัดสินใจเอ่ยปากสงบศึกระหว่างทั้งคู่แทน เพราะขืนยังปล่อยให้เถียงกันเห็นทีวันนี้คงไม่ได้ไปมหา’ลัยแน่ๆ



“โห่เฮีย...โยนขี้ให้ไอ้วินคนเดียวเลย เมื่อกี้เอียก็เล่นกับผมนะ” วินเกาหัวตัวเองจนยุ่งและบ่นกระปอดกระแอดออกมา เมื่อโดนอาร์ตหักหลังโยนความผิดมาให้รับคนเดียว



“ชิ...ฝากไว้ก่อนนะไอ้พี่วิน” พีทชี้หน้าวินเป็นการคาดโทษ ก่อนจะยอมสงบลงและหันกลับมาหาอาร์ต



“ไปแล้วนะ” พีทว่าแล้วส่งยิ้มให้



“ครับ...ตั้งใจทำควิซล่ะ” อาร์ตส่งยิ้มให้พร้อมกับลูบหัวพีทเพื่อให้กำลังใจ แต่พีทที่ได้ยินคำว่าควิซถึงกับสีหน้าเปลี่ยน เบะปากทำหน้าเหมือนคนป่วยทันที



“พี่มึงพูดทำไม ลืมไปแล้วนะ” พีทออกอาการงอแงใส่อาร์ตเพราะอุตส่าห์ทำลืมไปแล้ว อีกฝ่ายยังขุดขึ้นมาพูดให้เสียอารมณ์อีก



“เอาน่าดื้อ ไม่ได้รอบหน้าค่อยเอาไหม” อาร์ตขำในลำคอเบาๆ พร้อมกับจับหัวของพีทโยกไปมา ซึ่งพีทก็ได้แต่พยักหน้ารับคำหงอยๆ



“ไปได้ละ เดี๋ยวเที่ยงพี่ไปรับ” อาร์ตตัดสินใจเอ่ยปากไล่เพราะกลัวจะยิ่งเสียเวลามากไปกว่านี้



“อือ...ไม่เอารถไปนะ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปกับไอ้พี่วิน และพี่มึงก็ขับรถไปรับห้ามขับบานชื่นไปเข้าใจไหม ฝนยิ่งขยันตกอยู่” พีทหันมากำชับอาร์ตด้วยความเป็นห่วง เพราะอีกฝ่ายชอบขับมอเตอร์ไซค์ตากฝนประจำ




“ครับ” อาร์ตรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะดันหลังพีทเบาๆ ให้เดินออกจากห้อง ซึ่งพีทก็ทำตามแต่ก่อนไปก็ไม่ลืมหันมาหอมแก้มอาร์ต และรีบเดินนำวินออกไปเพราะกลัวโดนล้อ



“เฮียครับ” วินที่ยังไม่ได้เดินตามพีทไป ส่งเสียงเรียกอาร์ตที่ยืนยิ้มไม่หุบเบาๆ



“อะไร” อาร์ตที่ยังหุบยิ้มไม่ได้หันมามองหน้าวิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อเห็นวินทำหน้าจริงจัง



“จะบอกว่าอิจฉา” วินบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบและทำหน้าตายไร้อารมณ์ใส่อาร์ต ก่อนจะเดินตามหลังพีทไปทันที




“ไอ้สัดวิน” อาร์ตพึมพำด่าตามหลังด้วยความปวดหัว ที่โดนรุ่นน้องคนสนิทกวนโอ๊ยเข้าให้บ้าง ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ เริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมคนแบบวินถึงสนิทกับพีท เพราะมีความกวนประสาทในระดับที่เข้ากันได้น่ะสิ



...

...



“หวัดดีค่ะพี่พีท” ‘วิว’ หรือน้องรหัสคนสวย ที่ทำให้หลายคนอิจฉาตาร้อนพีท เอ่ยทักทายพีทด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมส่งรอยยิ้มน่ารักไปให้



“อ่า...หวัดดีครับ” พีทถึงกับตาพร่าให้กับร้อยยิ้มของน้องรหัส เล่นทำเอาเคลิ้มตามไปเหมือนกัน จนต้องยิ้มตอบเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง



“เป็นอะไรคะพี่” วิวถามด้วยความสงสัยเมื่อจู่ๆ พี่รหัสหน้าหวานของตัวเองก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง



“เปล่าๆ” พีทโบกมือไปมาเป็นพัลวันพร้อมกับส่งยิ้มให้ ที่เขาถอนหายใจไม่ใช่ว่านึกเสียดาย หรือแอบคิดอะไรกับน้องรหัสตัวเองแบบนั้นหรอก แต่ถอนหายใจเพราะรู้สึกกลัวตัวเองต่างหากล่ะ




ตอนนี้พีทค่อนข้างกลุ้มใจกับตัวเองพอควร เวลาเห็นผู้ชายหล่อๆ สายตาก็ชอบมองตาม พอเห็นผู้หญิงสวยๆ ก็ชอบมองตามเหมือนกัน จะบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ก็ไม่สนิทปากเพราะเขาก็ยังชอบนมชอบตูดผู้หญิง แต่จะบอกว่ามาดแมนเต็มร้อยก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ มีผัวเป็นตัวเป็นตนเขาไม่เรียกว่าแมนกันหรอกมั้ง ดีนะที่เขารักเดียวใจเดียว ไม่งั้นชีวิตอาจจะต้องปวดหัวกับรสนิยมตัวเองมากไปกว่านี้



“พี่พีทแน่ใจนะคะว่าไม่ได้เป็นอะไร” วิวถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับมองพีทไม่วางตา




“เฮ้ย!! ไม่เป็นอะไรจริงๆ ว่าแต่จะกินไหมข้าว ชักช้าพี่ไม่เลี้ยงนะ” พีททำเสียงขึงขังกลบเกลื่อนความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง



“โอเคค่ะวิวเชื่อ” วิวหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินนำหน้าพีทไปทางโรงอาหาร



“กินไรพี่ไปซื้อให้” พีทถามและอาสาเมื่อหาที่นั่งในโรงอาหารได้เป็นที่เรียบร้อย



“คือ...จริงๆ วิวไม่ได้อยากให้พี่เลี้ยงข้าวหรอกค่ะ” วิวอ้อมแอ้มบอกพีทเสียงเบา พร้อมกับเหลือบตามองเล็กน้อยและหลบสายตาทันควันเมื่อพีทมองมา ริมฝีปากสวยได้รูปถูกเม้มเข้าหากันแน่น พอๆ กับมือที่บีบเข้าหากัน



“อ่า...งั้นมีอะไรครับ” พีทที่เห็นท่าทางแบบนั้นของน้องรหัสก็เปลี่ยนเป็นนั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม และเอ่ยปากถามพร้อมกับมองด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรกันแน่ ถึงได้ยกเอาเรื่องที่เขาติดเลี้ยงข้าวมาอ้าง เพื่อให้เขาออกมาหาแต่เช้าขนาดนี้



“คือ...ว่าวิวมีเรื่องจะถามพี่น่ะค่ะ” วิวพูดเสียงเบาพร้อมกับเหลือบตามองพีทเป็นระยะ ทำเอาพีทยิ่งสงสัยไปกันใหญ่กับท่าทางเหล่านั้น



“ถาม?” พีทจ้องหน้ารุ่นน้องคนสวยเขม็งพร้อมกับลุ้นในใจว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร หวังว่าคงจะไม่ใช่อะไรประเภทสารภาพรักหรอกนะ เพราะบอกเลยไอ้พีทไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร



“พี่สนิทกับพี่อาร์ตเหรอคะ” คำถามของวิวที่ผิดจากที่คิดเอาไว้ ทำให้คราวนี้กลายเป็นพีทขมวดคิ้วขึ้นมาบ้าง



“ก็สนิทแหละครับ” พีทตอบออกไปแต่ไม่ได้ขยายความอะไรมากกว่านั้น เด็กปีหนึ่งเข้าใหม่ไม่กี่เดือนแบบวิวที่ไม่รู้เรื่องของเขากับอาร์ต ก็ไม่แปลกอะไรที่จะสงสัยจนถามเรื่องนี้ออกมา แต่ที่มันแปลกคือท่าทางมีลับลมคมในของอีกฝ่ายต่างหาก



“มีอะไรหรือเปล่าครับ” พีทเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้างอย่างทนรอไม่ไหว เพราะไม่เข้าใจความหมายของคำถามที่อีกฝ่ายถามมา



“แล้วพี่อาร์ตเขามีแฟนหรือยังคะ” วิวถามออกมาและมองพีทด้วยแววตาเป็นประกาย มีความหวังอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น ผิดกับพีทที่มองน้องรหัสของตัวเองด้วยความอึ้ง พร้อมกับนั่งทบทวนสิ่งที่ได้ยินว่าตัวเองไม่ได้หูฟาด



...

...



อาร์ตแต่งตัวอย่างรีบร้อนหลังจากเหลือบไปมองนาฬิกาและเห็นว่าใกล้เที่ยง ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถกับกระเป๋าเงินบนหัวเตียง และก้าวเดินออกไปจากห้องจนขาแทบจะขวิดกัน เพราะกลัวว่าถ้าไปช้ากว่าที่นัดแม่คนที่สองของตัวเองจะพิโรธใส่




วันนี้อาร์ตไม่ได้มีเรียนเหมือนพีทเลยไม่ได้ออกไปมหา’ลัยด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีหน้าที่ไปรับไปส่งอีกฝ่ายเป็นประจำ เรียกว่าเป็นแฟนที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถส่วนตัวก็ว่าได้ ถ้าไม่ติดธุระอะไรจำเป็นจริงๆ หรือมีวินไปด้วยแบบเมื่อเช้า เขาจะไม่ปล่อยให้พีทไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด




อาร์ตเดินไปหยุดอยู่ข้างรถของพีทที่จอดอยู่ข้างรถของตัวเอง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองและคว้านหากุญแจรถ แต่ไม่ว่าจะล้วงยังไงก็เจอแต่กุญแจมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง



“เฮ้อ!!!” อาร์ตถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้หยิบกุญแจรถลงมาด้วย คงเพราะเมื่อกี้รีบมากเกินไปเลยคว้ามาแต่กุญแจมอเตอร์ไซค์




อาร์ตก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง สลับกับเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะตัดสินใจเดิรชนไปหารถคันเก่งของตัวเองแทน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหมวกกันน็อกอยู่บนห้องเหมือนกัน



“อะไรของกูวะ” อาร์ตพึมพำกับตัวเองแล้วยกมือเกาหัวจนยุ่ง ก่อนจะเสียบกุญแจสตาร์ทรถเพราะขี้เกียจเดินกลับขึ้นไปบนห้อง และที่สำคัญมหา’ลัยกับหอพักก็ไม่ได้ไกลกัน ขับรถแค่ 15 นาทีก็ถึง ตำรวจตั้งด่านดักจับก็ไม่มี



เมื่อหาเหตุผลรองรับเพื่อเข้าข้างความคิดของตัวเองได้ อาร์ตก็จัดการสตาร์ทรถและบิดมอเตอร์ไซค์คันเก่งออกไปจากหน้าหอพักทันที แต่ในระหว่างที่ขับออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก จู่ๆ ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็มืดครึมไปหมด พร้อมๆ กับฝนเม็ดใหญ่ที่ค่อยๆ ตกลงมาช้า และเปลี่ยนเป็นเทกระหน่ำอย่างรวดเร็ว



“ฉิบหาย” อาร์ตสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับกรอกตาไปมา ใบหน้าบึ้งตึง ตาเรียวๆ ที่ถลึงจนโตได้อย่างน่ามหัศจรรย์ กับเสียงบ่นไม่หยุดของพีทดังลอยมาตามลม เสมือนว่าเจ้าตัวอยู่ใกล้ๆ ในตอนนี้ และเขาก็แทบจะอยากจอดรถเพื่อยกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากให้รู้แล้วรู้รอด วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของเขาวะ



ระหว่างที่อาร์ตก่นด่าฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ พร้อมกับสอดสายตาเพื่อหาที่จอดรถหลบฝน เนื่องจากสายฝนเทกระหน่ำลงมาไม่หยุดและดูท่าทางจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็มีแสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งสาดเข้ากระทบที่ใบหน้าจนต้องก้มหลบ และก่อนที่อาร์ตจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร รถยนต์คันนั้นก็พุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็ว



“เฮ้ย!!!”



เอี๊ยด!!!!!



โครม!!!!!





2 Be Con...



+++++++++++++++++++++

ขุ่นพระ!!!!

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 49 (26/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-09-2016 00:46:45
อาร์ตเป็นไรมากไหมอะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 49 (26/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-09-2016 11:19:25
อะไรอีกล่ะเนี่ย  อยากจะรู้จริงต่อไปจะเกิดอะไรอีก อาร์ตความจำเสือม ลืมพีท น้องวิวอะไรนั่นก็โผล่มา เฮ้อยาวไปจ้ายาวไป ไม่จบแน่ๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 49 (26/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 26-09-2016 18:11:11
ไอ่คนขับรถคันนั้น คือตั้งใจฆ่าสินะ

สงสัยมากๆอีกอย่าง มันเป็นญาติกะพระพิรุณไม่พอ

มันไปติดสินบนเทพเจ้าองค์ไหนทะไรเหรอ อาร์ตถึงได้ไม่แค่ลืมกุญแจรถยนต์แต่ยังไม่มีหมวกกันน็อกอีก

ถ้ามันจะอำนวยความสะดวกในการเกิดอุบัติเหตุกันlevelนั้นน่ะนะ   :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 49 (26/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-09-2016 20:11:40
เห้ย!!!! อาร์ต อะไร ยังไง  :o :sad3: o9 รอตอนต่อไปค่ะ ค้างแรง
แล้วน้องรหัสพีทถามว่าอาร์ตมีแฟนรึยังกับแฟนเค้าเนี้ยนะ จุดใต้ตำตอเลย พีทจะตอบงัย?
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 27-09-2016 15:37:06
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 50 -



ซ่าๆ



สายฝนที่จู่ๆ ก็เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ไม่ได้เรียกความสนใจของพีทได้เท่ากับคำถามของน้องรหัสที่ถามมาก่อนหน้าเลยสักนิด แถมคำถามเจ้าปัญหาที่ว่ายังวนเวียนวุ่นวายในหัวไม่หยุด




“พี่พีทคะ” วิวลองส่งเสียงทักไปบ้าง เพราะหลังจากที่ถามไปพี่รหัสหน้าหวานก็เอาแต่นิ่งเงียบ แถมยังทำหน้าตาเคร่งเครียดจนเธอหวั่นใจ



“ครับ” พีทขานรับเสียงเรียบ พร้อมกับหันมาหาวิว



“สรุปว่าพี่อาร์ตเขามีแฟนยังคะ” วิวถามย้ำคำเดิมที่พูดไปก่อนหน้า พร้อมกับมองหน้าพีทอย่างรอคอยคำตอย



“แล้ววิวจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ” พีทถามกลับด้วยน้ำเสียงกระด้าง ที่เจ้าตัวพยายามแล้วว่าจะไม่ให้มันห้วนเกินไป ตาก็จ้องไปที่ใบหน้าสวย ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มจะไม่น่ารักสำหรับเขาแล้วเขม็ง



“คือ...ว่าคือ…” วิวสบตากับพีทแล้วรีบก้มหลบ เอ่ยปากพูดกับพีทตะกุกตะกัก ใบหน้าสวยแดงซ่านไปหมดจนถึงใบหู



“วิว…”




Tru...Tru...Tru…



ในขณะที่วิวกำลังจะโพล่งคำพูดบางอย่างออกมา เสียงโทรศัพท์ของพีทก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน เล่นเอาทั้งคนตั้งใจจะพูดและคนตั้งใจฟัง ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง



“พี่รับโทรศัพท์ก่อนนะ” พีทส่งยิ้มแหยให้วิว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดรับ แอบแปลกใจนิดหน่อยเหมือนกัน ที่เบอร์โทรเข้าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย



“ครับ”



“(ไม่ทราบว่าใช่คุณพีรนัฎหรือเปล่าคะ)”



“ใช่ครับกำลังพูด”



“(ติดต่อจากโรงพยาบาล xxx นะคะ)”



“ครับ” พีทตอบรับปลายสายด้วยหัวใจที่จู่ๆ ก็เต้นรัวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ โรง’บาลโทรมาหาเขาทำไม? ใครเป็นอะไร?



“(ทางเราจะโทรมาแจ้งให้ทราบว่าคุณกฤษณกันต์ ประสบอุบัติเหตุ…)”




ตุ๊บ!!!!



พีทไม่รู้ว่าทางปลายสายพูดอะไรออกมาอีกบ้าง รู้แค่ว่าตอนนี้หูสองข้างมันอื้อ ตามันลาย ใจมันสั่นด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ร่างทั้งร่างชาวาบเหมือนโดนน้ำเย็นจัดสาด มือที่ถือโทรศัพท์อ่อนแรงจนปล่อยให้หลุดมือ เสียงในหัวดังก้องวนเวียนเป็นคำเดิมซ้ำๆ ไม่หยุด



‘อาร์ตอยู่โรง’บาล’ พีทพึมพำกับตัวเองเหมือนคนละเมอ ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะออกแรงวิ่งด้วยความเร็วที่สุด เท่าที่ความสามารถของตัวเองจะทำได้



“พี่พีท!!” วิวตะโกนเรียกด้วยความตกใจ พยายามจะรั้งพีทเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายวิ่งออกจากตัวอาคารไปแบบไม่บอกไม่กล่าว



วิวที่ลังเลว่าจะตามพีทออกไปดีไหมด้วยความเป็นห่วงปนสงสัย ว่าอะไรที่ทำให้พี่รหัสของเธอรีบร้อนได้ขนาดนั้น สายตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่หล่นอยู่บนพื้น พร้อมกับเสียงเล็ดลอดจากปลายสายที่ดังออกมา ทำให้เธอตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา แบะกรอกเสียงสนทนาลงไปกับปลายสาย



...

...



พีทวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างไม่กลัวเปียก สมองกำลังสั่งการแค่ว่าต้องไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เขาต้องไปหาอาร์ต



ปี้น! ปี้น!



ระหว่างที่พีทยืนหันรีหันขวางอยู่ริมถนนหน้ามหา’ลัยอยู่นั้น เสียงบีบแตรจากรถยนต์คนหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมๆ กับที่รถคันนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาจอดด้านหน้า



“ว่าไงซ้อ มายืนเล่น MV ตากฝนทำไมตรงนี้” กระจกรถด้านคนขับเลื่อนลงช้าๆ พร้อมกับน้ำเสียงกวนประสาท และใบหน้าของคนที่ไม่ค่อยจะได้เห็นในมหา’ลัยแล้วในช่วงนี้



“ตกลงว่าไง จะไปไหน” ชาติออกปากถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพีทยังยืนนิ่งอยู่ ไม่คิดเหมือนกันว่าการเข้ามาคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจคก่อนจบวันนี้จะได้กับอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่เขาเอาตัวเข้าไปป่วนอยู่พักนึงแล้วไม่ได้อะไร พร้อมๆ กับที่ชีวิตก็ยุ่งหลายเรื่อง เลยแทบจะไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรอีกเลย



“พี่ชาติ!!” พีทเรียกเสียงดังพร้อมกับถลาเข้าไปหาและเกาะประตูรถไว้แน่น



“เฮ้ย!! มีอะไร” ชาติถึงกับผงะด้วยความตกใจ มองใบหน้าวิตกกังวลของพีทด้วยความไม่เข้าใจ



“พี่...พาผมไปส่งโรง’บาลxxxหน่อยได้ไหม” พีทละล่ำละลักขอร้องชาติ พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนอีกฝ่ายอย่างน่าสงสาร



“ขึ้นมาบนรถก่อน” ชาติที่เห็นสภาพเปียกซกและอาการสั่นเทาของพีท ปลดล็อกรถแล้วเรียกอีกฝ่ายให้ขึ้นมาพร้อมกับเบาแอร์ลง ซึ่งพีทพอได้ยินแบบนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งอย่างไว ชาติเมื่อเห็นว่าพีทขึ้นมานั่งเรียบร้อยก็ค้นเอาผ้าผืนเล็กที่เก็บไว้ในรถแล้วยื่นส่งไปให้ พร้อมกับขับรถออกไปจากบริเวณนั้น



ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไปช้าๆ เนื่องจากสภาพอากาศและความหนาแน่นบนท้องถนน ชาติก็คอยเหลือบตามองพีทเป็นระยะด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของอีกฝ่ายดูหวั่นวิตกและสีหน้าแย่เหมือนคนจะร้องไห้อีกไม่ช้า ซึ่งมันทำให้ชาติไม่คิดที่จะพูดจากวนประสาทหรือเย้าแหย่อะไร นอกจากขับรถไปยังสถานที่ๆ อีกฝ่ายบอกมาตั้งแต่ต้น ถึงแม้จะแปลกใจไม่น้อยเหมือนกันว่าอะไรที่เด็กแสบแบบพีทอยู่ในสภาพนี้ได้ อยากจะเอ่ยปากถามไถ่แต่ดูแล้วคงไม่ได้อะไร ชาติเลยเลือกที่จะเงียบและขับรถทำหน้าที่ตัวเองต่อไป



ภายในรถยนต์คันหรูไม่มีบทสนทนาใดๆ ทั้งนั้นระหว่างทั้งคู่ นอกจากเงียบและความกังวลจากพีทที่แผ่ออกมาจนชาติรู้สึกได้ คนตัวเล็กข้างกายชาตินั่งกระสับกระส่ายร้อนรน ชะโงกหน้ามองออกไปที่ท้องถนนเบื้องหน้อยู่เป็นระยะ ราวกับว่ารถที่เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ในขณะนี้ช้าเกินไป ทั้งๆ ที่ในสภาพการจราจรและอากาศแบบนี้ รถวิ่งได้ด้วยความเร็วขนาดนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว




“นั่งดีๆ ไอ้น้อง ใจร้อนไปรถมันก็วิ่งไปไม่ได้เร็วกว่านี้หรอก” สุดท้ายชาติก็อดที่จะทักท้วงออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าพีทลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขจนต้องออกปากบอก



“มันเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอพี่” พีทหันมาถามชาติเสียงสั่น นัยน์ตาแดงก่ำใกล้จะร้องไห้ในอีกไม่ช้า จนคนมองแบบชาติอดสงสารไม่ได้



“มันได้แค่นี้แหละ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ชาติยกมือขึ้นลูบหัวพีทอย่างอ่อนโยน และพูดเสียงนุ่มแบบที่เคยทำเมื่อสมัยน้องสาวยังมีชีวิตอยู่เพื่อปลอบพีท




พีทได้แต่ก้มหน้ากัดปากตัวเองแน่นจนเลือดซิบ พยักหน้างึกงักรับคำชาติ แม้ในใจจะร้อนรนและไม่ได้รับรู้สิ่งที่ชาติบอกเท่าไหร่ เพราะในสมองตอนนี้มีแค่ภาพของอาร์ตลอยวนเวียนอยู่เต็มไปหมด และการรอคอยที่แสนทรมานของพีทก็สิ้นสุดลง เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าไปในโรงพยาบาลที่เป็นจุดหมายในการมาครั้งนี้สักที



ทันทีที่รถจอดสนิทตรงทางเข้าหน้าโรงพยาบาล พีทก็จัดการเปิดประตูลงจากรถและวิ่งตรงเข้าไปในตัวอาคารอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจแม้กระทั่งชาติที่ตะโกนเรียกตามหลัง



“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี” ชาติอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหน่าย ตั้งใจว่าจะมาส่งและกลับเลยแท้ๆ แต่ดูจากท่าทางของพีทที่แสดงออกมาตลอดเวลาที่อยู่ในรถ เขาก็อดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ จะทำใจดำกลับไปแบบไม่สนใจก็ทำไม่ลง เพราะพื้นฐานก็ไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว



เมื่อคิดกับตัวเองได้แบบนั้น ชาติเลยตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้ตามพีทเข้าไปข้างใน เผื่อว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้นร้ายแรง อย่างน้อยเด็กแสบแบบพีทที่ดูลักษณะจะทำอะไรเองไม่เป็นจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วย จนกว่าไอ้คนที่เขาเกลียดขี้หน้าอย่างอาร์ต หรือเพื่อนของอีกฝ่ายจะมา










“ขอโทษนะครับช่วยเช็คให้ผมทีว่านายกฤษณกันต์อยู่ห้องไหน” พีทพุ่งเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลด้วยน้ำเสียงสั่นเทา สติแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกว่าอะไรรอบข้างก็ช้าไปหมดจนอยากจะอาละวาด ฟาดงวงฟาดงาทำลายข้าวของให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วทุกอย่างไม่ได้ใช้เวลานานอะไรเลย แต่เป็นใจของพีทต่างหากที่ร้อนรนจนอยู่ไม่สุข



ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากเร่งคนของทางโรงพยาบาล หูก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วอยู่ไม่ไกล ทำเอาพีทรีบหันไปมองตามเสียงนั้นทันที ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล



“ดื้อ” อาร์ตที่หันมาเจอพีทเข้าพอดีส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย พร้อมกับกวักมือเรียกให้เข้ามาหา ซึ่งเจ้าตัวก็เดินมาอย่างว่าง่าย และเดินมาหยุดยืนอยู่นิ่งๆ ตรงหน้า



“อาร์ต” พีทส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามจะคุ้มสติตัวเองไม่ให้เตลิด ดวงตาที่เริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสสำรวจไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย




มือเล็กที่สั่นน้อยๆ ยกขึ้นไปสัมผัสที่ลำตัวของอาร์ตอย่างเบามือ แตะไปตามบาดแผลที่เห็นด้วยความปวดใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีอะไรบุบสลาย หรือเจ็บหนักตรงไหนมากกว่าที่สายตาเห็น




“หมอว่ายังไงบ้าง” พีทเค้นเสียงถามออกไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่านอกจากบาดแผลถลอกปอกเปิกตามลำตัว และตรงส่วนหัวที่ติดผ้าก๊อตเอาไว้ อีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้นจริงๆ



“แค่แผลถลอกกับหัวแตกน่ะ ที่เหลือไม่เป็นอะไร กำลังรอรับยา” อาร์ตตอบและส่งยิ้มพร้อมกับหมุนตัวให้พีทดู ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวทุยของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อปลอบโยน




“ตากฝนมาเหรอ” อาร์ตแตะแก้มเย็นชืดของพีทและมองใบหน้าซีดเผือด รวมทั้งสภาพเปียกปอนของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง




พีทพยักหน้างึกงักไม่หยุด ขาสองข้างอ่อนแทบจะยืนไม่อยู่ เหมือนว่าพลังงานชีวิตหดหาย แม้จะเห็นแล้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัย แต่ความรู้สึกตอนที่ได้ยินโรงพยาบาลโทรหามันยังไม่จางหายไป คิดขึ้นมาถึงตรงนี้ร่างกายก็เริ่มสั่นไหวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่



“พีท...พี่ไม่เป็นไร” อาร์ตพยายามพูดปลอบเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือเล็กที่ตัวเองจับอยู่ กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง แววตาทรมานของอีกฝ่ายที่มองมาทำให้เขาอดใจหายไม่ได้




“แล้วไปทำอะไร ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้” พีทพึมพำถามขึ้นอีกครั้งหลังจากตั้งสติได้




“อ้อ...รถเฉี่ยวน่ะ” อาร์ตส่งยิ้มแหยให้พีทอย่างคนมีความผิด



“เฉี่ยว?” พีทขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม และจ้องหน้าอาร์ตเขม็ง



“คือ...พี่ขับบานชื่นออกมารับเรา แล้วฝนมันตกหมวกกันน็อกก็ไม่ได้ใส่ มีรถพุ่งออกจากซอยมาพอดีหักหลบเลยเป็นแบบนี้แหละ” อาร์ตว่าและพยายามส่งยิ้มหวานประจบพีท พร้อมกับเตรียมรับคำด่าที่จะต้องตามมาแน่ๆ




แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดไปหมด นอกจาจะไม่ได้ยินเสียงต่อว่าจากพีท อีกฝ่ายยังเงียบและมองมาด้วยสายตาตัดพ้อ จนกลายเป็นอาร์ตเองที่ทำตัวไม่ถูกและไม่รู้จะรับมือกับปฏิกิริยานี้ยังไง



เพียะ!!!



เสียงฝ่ามือที่ฟาดลงบนหน้าดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมกับใบหน้าของอาร์ตที่สะบัดไปตามแรงตบ ซีกหน้าด้านซ้ายถึงกับชาไปทั้งแทบ มองเห็นดาวในเวลากลางวันแสกๆ ทันที



อาร์ตค่อยๆ หันกลับมาหาพีท พร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยความงง อ้าปากเตรียมจะโอดครวญตามแบบปกติที่เคยทำมาตลอดเวลาโดนทำร้ายร่างกาย แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักและเปลี่ยนเป็นตกใจแทน เพราะจากที่คิดว่าพอหันกลับมาคงได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของพีท กลายเป็นอีกฝ่ายยืนน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ปากเล็กถูกกัดแน่นจนเลือดซึมและมองมาที่เขาอย่างเสียใจ



“พี่มึงเล่นอะไร” พีทถามด้วยเสียงเจือสะอื้น พร้อมกับส่งสายตาต่อว่าอาร์ตไม่หยุด



“ดื้อ...พี่” อาร์ตพยายามยื่นมือไปจับมือของพีท แต่อีกฝ่ายชักมือหลบและมองอาร์ตอย่างโกรธเคือง



“บอกแล้วไม่ใช่หรือไงวะว่าอย่าขับมอ’ไซค์ทำไมไม่ฟัง” พีทตะโกนต่อว่าอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกกดดัน เป็นห่วง ทุกๆ อย่างกำลังปะทุออกมาพร้อมกัน



“พี่มึงเห็นว่ามันสนุกเหรอ!!”




“ไม่ใช่ดื้อ คือพี่...” อาร์ตที่เห็นอาการของพีทก็พยายามจะอธิบาย ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก็เอาแต่ถอยหนี



“ไม่ใช่แล้วอะไร พี่มึงเห็นไหมว่ามันเป็นยังไง ถ้าสมมุติว่าหลบไม่ทันมันจะเป็นยังไงวะ!!” พีทตะใส่อาร์ตไม่หยุด เสียงที่เปล่งออกมาสั่นพร่าและดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่สนแม้กระทั่งว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและใครจะมองบ้าง



“ถ้ามึงเป็นอะไรไปคิดบ้างไหมว่ากูจะอยู่ยังไง!!!” สิ้นคำตะโกนต่อว่าอย่างอัดอั้นพีทก็ทรุดตัวลงไปกองกับพีทอย่างคนหมดแรง ปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายใคร ทั้งๆ ที่เขาห่วงอีกฝ่ายจนแทบจะเป็นบ้า แต่เจ้าตัวดันทำหน้าระรื่นพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร รู้บ้างไหมว่าเขารู้สึกยังไงตอนได้รับโทรศัพท์ สมองมันคิดไปสารพัดกลัวไปหมดว่าจะเกิดอะไรร้ายแรง กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก มันไม่ได้สนุกเลยนะที่ต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้ และยังต้องมารับรู้ว่าคนที่เราห่วงแทบขาดใจ ไม่ได้ห่วงตัวเองเลย



“พีท” อาร์ตส่งเสียงเรียกคนตัวเล็กแผ่วเบา พร้อมกับก้มลงช้อนตัวอีกฝ่ายที่ร้องไห้จนตัวโยนขึ้นมากอด ฝ่ามือหนาลูบไปมาไม่หยุดที่แผ่นหลัง ริมฝีปากกดจูบที่ข้างขมับซ้ำๆ เพื่อปลอบโยน




เขาไม่เคยเห็นน้องร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน แม้กระทั่งตอนที่เกิดเรื่องของไอ้หมอ น้องก็ยังไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาขนาดนี้ เสียงสะอื้นที่ดังออกมาอย่างเจ็บปวดไม่ขาดสาย รวมทั้งอ้อมแขนสั่นเทาที่โอบกอดเขาไว้แน่น มันทำให้เขาอดใจหายและปวดใจไม่ได้



ตอนที่ออกจากหอพักมาเขาไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดอะไรจริงๆ แค่ตอนนั้นวินาทีนั้นเขาอยากรีบไปรับน้องที่มหา’ลัย เขาไม่อยากให้น้องรอและไม่อยากให้น้องทำหน้าบึ้ง เขาไม่ได้คิดว่าความรีบของตัวเอง รวมทั้งความมักง่ายที่นานๆ จะมีสักครั้งในชีวิตจะทำให้เกิดเรื่องขึ้น



เพราะจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเส้นทางย่ำแย่ เขามองไม่เห็นถนนข้างหน้าด้วยซ้ำตอนที่ขับรถไป มองเห็นเพียงแค่แสงไฟจากท้ายรถยนต์จากข้างหน้าลางๆ เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดันทุรังขับรถต่อไป รู้ตัวอีกทีก็มีรถเก๋งคันหนึ่งกำลังพุ่งออกมาจากซอย แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่ฝนตก ทำให้รถคันนั้นขับมาด้วยความเร็วไม่มากนัก และเขาก็หักหลบทันเลยได้แค่แผลถลอกกับหัวแตกเล็กน้อยประดับความประมาท



คู่กรณีพาเขามาส่งโรงพยาบาลพร้อมกับรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด พอรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาเลยวานให้พยาบาลโทรตามน้องมารับ เพราะโทรศัพท์ขึ้นอืดตายไปกับน้ำแล้ว




เขาไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ในตอนนั้น คิดแค่ว่าซวยที่เจ็บตัว คิดแค่ว่าจะต้องโดนเหวี่ยงแน่ๆ ถ้าคนตัวเล็กมาเห็นสภาพ ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับบาดแผลตามร่างกาย ไม่ได้คิดถึงแม้กระทั่งความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอีกคนจะเป็นห่วงตัวเองมากมายขนาดไหน



‘เขาผิดเองที่ประเมินความรู้สึกของน้องต่ำไป ผิดเองที่ไม่ฟังคำน้องเตือน ผิดเองที่ดูถูกความห่วงใยของอีกฝ่าย’



“พี่ขอโทษครับ” มันเป็นคำเดียวจริงๆ ในตอนนี้ที่อาร์ตพูดออกจากปากได้ เพราะเขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนที่ดีกว่านี้มาพูด



เขาขอโทษที่ทำให้น้องเป็นห่วง ขอโทษที่คิดอะไรตื้นๆ ขอโทษที่ทำเหมือนชีวิตตัวเองเป็นของเล่น และขอโทษที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าชีวิตของตัวเองมันไม่ใช่แค่ของตัวเอง แต่มันยังเป็นของคนที่เขารัก





2 Be Con...



+++++++++++++++++++

ไม่มีอะไรแค่รู้สึกอยากเห็นเฮียโดนน้องตบ ถถถถถถถถถถถ

แบบที่ตบจริงจังน่ะ และก็หาเรื่องดึงพี่ชาติกลับเข้ามาแค่นั้น

ส่วนเรื่องน้องวิวกับคนที่ขับรถเฉี่ยวเฮีย สองคนนี้เขามีความสำคัญนะ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า^^

ปล.ไม่มีดราม่า ปลากระป๋องแล้ว

เราเน้นฮา เราเน้นเลี่ยน
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50 (27/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ReWill ที่ 27-09-2016 16:56:34
ขอให้ไม่มีมาม่าจิงๆนะ แค่นี้ก้อืดแล้วววว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50 (27/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 27-09-2016 17:24:40
แน่ใจนะว่าไม่มีมาม่า  เริ่มระแวง 5555 :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50 (27/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 27-09-2016 17:25:23
พี่อาร์ตสมควรโดนตบจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50 (27/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-09-2016 17:27:01
นึกว่าจะมาม่า เพิ่มไข่ซะอีก
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 50 (27/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-09-2016 17:33:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 28-09-2016 18:00:37
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 51 -



                “ขอบคุณพี่ชาติมากนะครับที่มาส่ง” พีทยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่อย่างนอบน้อมและส่งยิ้มสดใสไปให้ ซึ่งชาติก็ส่งยิ้มตอบกลับพร้อมทั้งยื่นมือออกจากตัวรถมายีหัวพีทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู



                “ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมที่คุยกันล่ะ” ชาติว่าและยังไม่วายเอ่ยทวงสัญญาที่คุยกันมาตลอดการเดินทาง ตั้งแต่จากโรงพยาบาลจนมาถึงที่นี่



                “ได้เลยพี่ งานนี้ผมเลี้ยงเอง” พีทยกมือตบที่อกตัวเองดังป๊าบๆ แสดงความใจป้ำ จนชาติหลุดขำออกมาเสียงดังอย่างชอบใจ



                “งั้นเดี๋ยวป๊าได้กระเป๋าฉีก” ชาติเองก็ไม่ยอมแพ้กระตุกยิ้มมุมปากยียวนกลับไปบ้าง



                “ไม่มีทาง พ่อผมรวยว่ะพี่ ฮ่าๆๆ” พูดจบพีทก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจกับคำโม้ของตัวเอง จนชาติอดใจไม่ไหวเปิดประตูลงมาจากรถ ตรงเข้ามาล็อกคอพีทและยีหัวเจ้าตัวจนมันฟูฟ่องไปหมด



                “ไอ้ขี้โม้ ลูกผู้ชายพ่อรวยเขาไม่เอามาโม้กันเว้ย!!” ชาติว่าพร้อมกับหัวเราะออกมาไม่หยุด แขนก็หนีบคอของพีทไว้แน่น เห็นอีกฝ่ายพยายามดิ้นให้หลุดก็ยิ่งขำ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ถ้าไม่นับเรื่องที่ไอ้แสบเป็นแฟนของไอ้อาร์ต เขารู้สึกถูกชะตาอีกฝ่ายตั้งแต่แรก ยิ่งคุยด้วยยิ่งรู้สึกเอ็นดู แถมอีกฝ่ายยังช่างฉอเลาะ ต่อปากต่อคำ ทำเอารู้สึกมีชีวิตชีวา ไม่น่าไปตกหลุมพรางเป็นเมียเหี้ยเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ



                “ทำไมจะโม้ไม่ได้วะ เงินพ่อก็เงินผมแหละ โด่!!” พีทที่ดิ้นหลุดออกมาได้ยู่หน้าใส่ชาติ พร้อมกับยกมือลูบผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะแหกปากโวยวายเสียงดังวิ่งหนีไปหลบที่หลังอาร์ต เมื่อเห็นว่าชาติทำท่าจะเดินเข้ามาแกล้งอีกครั้ง



                ชาติที่สาวเท้าเข้าไปหาพีท ตั้งใจว่าจะตบหัวสักทีสองทีเป็นต้องหยุดชะงักลง เมื่อปลายทางที่จะก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่ตัวพีท แต่เป็นร่างสูงใหญ่ของอดีตรุ่นน้องคนสนิทอย่างอาร์ต




                บรรยากาศสนุกสนานเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างกะทันหัน ตาสองคู่ปะทะกันและจ้องกันนิ่งสนิท ไร้ซึ่งคำพูดหรือการแสดงออกทางแววตาใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครที่เป็นฝ่ายหลบตา จนพีทที่อยู่วงนอกได้แต่ลอบมองคนทั้งคู่ด้วยหัวใจลุ้นระทึก และภาวนาว่าไม่ให้ทั้งสองคนนึกเฮี้ยนลงไม้ลงมือกัน



                “พี่ขึ้นห้องก่อนนะ” และเป็นอาร์ตเองที่เลือกจะหันหน้าหนี ก้มลงบอกพีทที่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง และเดินหายเข้าไปในหอพักทันที โดยที่ไม่ได้ฟังคำตอบของพีทหรือสนใจชาติอีก



                พีทได้แต่มองตามหลังของอาร์ตและถอนหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ชาติที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ ซึ่งชาติเองก็ทำแค่เพียงส่งยิ้มน้อยๆ ให้พีท เพื่อไม่ให้อีกฝายสบายใจและไม่ทำให้บรรยากาศตึงเคียดไปมากกว่าที่เป็น



                “อย่าลืมเลี้ยงข้าวนะ พี่ไปละ” ชาติกระตุกยิ้มเล็กน้อยและไม่วายเอ่ยปากทวงสัญญาจากพีทอีก จนคนโดนทวงแบบพีทได้แต่ชักสีหน้าใส่ด้วยความเซ็ง



                “ทวงจังวุ้ย” พีทบ่นพึมพำหน้าหงิก รู้สึกว่าช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ มีแต่คนทวงให้เลี้ยงข้าว ตั้งแต่น้องรหัสยันคนที่เพิ่งจะสนิท ถ้าจะมีแต่คนทวงแบบนี้ไอ้พีทจะหันไปเอาดีด้านเปิดร้านอาหารแล้วนะ นั่งตำแหน่งผู้บริหารโก้ๆ และให้ไอ้พี่อาร์ตเป็นพ่อครัว ไม่ต้องจ้างคนอื่นให้เปลือง เงินทองไม่มีรั่วไหล




                “ทำหน้าพิลึก” ชาติพูดทักขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองพีทอย่างตัวประหลาด ทำเอาพีทที่โดนมองหน้างอยิ่งกว่าเก่า



                “กลับไปเลยไป” พีทเอ่ยปากไล่และดันหลังชาติให้เดินไปที่รถ ซึ่งชาติก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอให้กับความขี้งอนของพีท และยอมเดินตามแรงดันของอีกฝ่ายแต่โดยดี



                “พี่ไปแล้วนะไอ้แสบ” ชาติที่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยเอ่ยปากบอกลาและก้มลงสตาร์ทรถ



                “นี่พี่” แต่ในจังหวะที่กำลังจะกดปิดกระจกรถ เสียงเรียกของพีทก็ดังขึ้นทำให้ชาติต้องหยุดชะงักมือ และหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม



                “พี่ยังโกรธอาร์ตอยู่เหรอ” คำถามของพีททำให้รอยยิ้มของชาติหุบลงทันควัน พร้อมกับเจ้าตัวจ้องหน้าพีทนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด เมื่อเจอสายตาแสดงความกังวลของพีทที่มองมา



                “ไม่รู้วะ แต่เห็นหน้ามันแล้วทำใจไม่ได้” ชาติเอนตัวพิงกับเบารถและพ่นลมหายใจออกมา อย่างที่ตอบไปนั้นแหละ เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีกับอาร์ตตอนนี้ มันยังคงโกรธหรือเกลียดอีกฝ่ายอีกไหม แต่สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้คือเขายังทำใจไม่ได้ แม้มันจะผ่านมาหลายปี แม้ว่าเขาจะรับรู้ทุกอย่าง แม้ว่าความจริงมันจะปรากฏออกมานานแล้วก็ตาม แต่เขายังทำใจไม่ได้



                เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนพาล ไม่ยอมรับความจริง หรืออะไรก็ช่างที่คนอยากจะสรรหามาด่า แต่เขาเป็นคน เขามีความรู้สึก หนึ่งชีวิตที่เขาสูญเสียคือคนที่เขารัก คนที่เขาเคยสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด และคนที่ทำลายมันทิ้งคืออีกคนที่เขารักไม่แพ้กัน คนที่เขาบอกทุกๆ คนเสมอว่าคือน้องชาย



                เขารู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้องสาวของตัวเองกับอาร์ตทุกอย่าง จากคำบอกเล่าของปิงที่ลงทุนมาแก้ตัวแทนอาร์ต ในขณะที่คนทำไม่เคยพูดอะไรเลยนอกจากคำว่าขอโทษ เขารู้ว่าน้องสาวตัวเองผิด แต่อาร์ตเองก็ผิด รวมทั้งตัวเขาที่ผิด พวกเราทุกคนผิด...ผิดที่ใช้อารมณ์ตัดสินทุกอย่างมากกว่าเหตุผล จนสุดท้ายเราก็หันหลังกลับไปแก้อะไรไม่ได้อีก



                เขาโยนความผิดหวังจากการโดนคนที่ตัวเองไว้ใจ เอาความรู้สึกด้านลบมุ่งทำร้ายอาร์ตตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าจะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่เคยตอบโต้และก้มหน้ายอมรับ เขาอยากให้อีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง แก้ตัวอะไรบ้าง บอกเขาคนที่มันเคยเห็นว่าเป็นพี่ชายให้ได้รู้ความจริงจากปากของมันเอง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เคยได้อะไร




                ถ้าสมมุติว่าเขารู้ความจริงจากปากมัน เขาจะให้อภัยได้ไหม เขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยความรู้สึกแย่ๆ ในใจมันก็คงดีขึ้นกว่านี้ ความรู้สึกผิดหวังในตัวของอีกฝ่ายอาจจะน้อยลง แค่ขอให้คนบอกความจริงทุกอย่างเป็นมันไม่ใช่คนอื่น แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เหนื่อยจนต้องหยุด เพราะไม่ว่ายังไงอาร์ตก็คงไม่คิดจะอ้าปากแก้ตัวจนวันตาย และส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะคำถามของอีกฝ่ายในวันนั้น คำที่ถามว่าเขาเหนื่อยไหมกับเรื่องราวทั้งหมด และเขาก็ได้คำตอบว่ามันเหนื่อยจริงๆ



                “พี่...อาร์ตเสียใจนะกับเรื่องที่เกิด” พีทบอกชาติเสียงเศร้า เขาไม่ได้พูดแก้ตัวแทนคนรัก เพราะอาร์ตไม่เคยพูดว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง แต่เขารู้ว่าอาร์ตเสียใจและทุกวันนี้อาร์ตก็ยังเอาดอกไม้ไปให้พิมอยู่




                ชาติหันกลับมองพีทแล้วพยักหน้ารับรู้ เห็นความรักในแววตาของพีทที่แสดงออกมาก็อดที่จะส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้ไม่ได้ เขาเข้าใจในเจตนาของอีกฝ่ายและไม่ได้โกรธอะไร แต่แค่เขายังทำใจไม่ได้ แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม



                “ขอเวลาหน่อยละกัน” ชาติพูดออกมาบ้างในที่สุด เขาไม่อยากรับปากว่าจะกลับมาญาติดีกับอาร์ตได้เหมือนเดิม เพราะเรื่องมันมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือการไม่กดมีด กรีดลงไปบนแผลให้เหวอะหวะกว่าเดิมแค่นั้น



                “ขอเวลานานเนาะ หลายปีแล้วยังไม่พออีก” พีทกรอกตาไปมาให้กับคำพูดของชาติ และอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้จนชาติหลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทางนั้น บรรยาหาศหม่นหมองเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันที



                โป๊ก!!!



                “โอ๊ย!!! เขกไมวะแม่ง!! เจ็บนะเว้ย!!” พีทโวยวายลั่นและยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง มองค้อนชาติด้วยความเคืองเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เขกที่หัวเต็มแรง



                “สม...ไปละ อย่าลืมเลี้ยงข้าวนะ” ชาติอมยิ้มส่งให้และยกมือยีหัวอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว



                “เออๆ ไปเลยแม่ง” พีทเอ่ยปากไล่ด้วยความหงุดหงิด ชาติเลยไม่ต่อปากต่อคำอะไรอีกนอกจากยิ้ม ก่อนจะเลื่อนกระจกรถขึ้นและขับรถออกไป พีทยืนมองตามหลังรถคันหรูจนหลับสายตา แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวตึกเพื่อกลับขึ้นห้องพัก




                หลังจากจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสร็จ พีทกับอาร์ตก็ได้ชาติเป้นคนขับรถมาส่งถึงที่พัก ตอนแรกพีทก็นึกว่าชาติกลับไปแล้ว แต่กลายเป็นอีกฝ่ายยังอยู่เขาเลยวานให้ช่วยมาส่ง ระหว่างทางที่มาอาร์ตกับชาติไม่พูดกันเลยแม้แต่คำเดียว มีแต่เขาที่ชวนชวนชาติคุยไม่หยุด ส่วนอาร์ตเอาแต่นั่งเงียบเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนั้น



                พอได้ลองคุยกับชาติจริงจังพีทถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วชาติเป็นคนกวนประสาทกว่าที่คิด แต่ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรอย่างที่นึกระแวง หรือแอบค่อนขอดด่าในใจอยู่บ่อยๆ กลับกันอีกฝ่ายดูเป็นคนดีและคุยสนุกกว่าที่คิด จนเขาสนิทกับอีกฝ่ายได้ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง จะติดอยู่แค่อย่างเดียวคือชาติไม่ลงรอยกับอาร์ตแค่นั้นแหละ



                แกร๊ก...แอ๊ด...



                เสียงบิดลูกบิดและประตูที่เปิดออกกว้าง ทำให้อาร์ที่นอนเอกเขนกอยู่บนตัวหันกลับไปมองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นใครเจ้าตัวก็หันกลับมาที่เดิม และหลับตาลงช้าๆ ซึ่งนั่นเรียกใบหน้าบูดบึ้งจากพีทได้เป็นอย่างดี



                “เป็นไร” พีทเดินกระแทกเท้าปึงปังเข้าไปหาและนั่งลงที่เตียงแรงๆ




                “เปล่า” อาร์ตตอบแต่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ทำให้พีทชักสีหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ



                “อาร์ต!!” พีทตวาดใส่เสียงดังและดึงหูอาร์ตแรงๆ อย่างเหลืออดที่อีกฝ่ายไม่สนใจตัวเอง



                “เฮ้ย!! พี่ผิดอะไรอีกเนี่ย” อาร์ตลืมตาขึ้นมาและมองพีทด้วยความงง ก่อนจะหยิกแก้มพีทด้วยความมันเขี้ยว



                “ก็พี่มึงเงียบทำไมล่ะ เป็นอะไร” พีทถามหน้าบึ้งและจ้องอาร์ตเขม็ง



                “ไม่ได้เป็นอะไร ง่วงนอน” อาร์ตส่งยิ้มให้และเกลี่ยนิ้วที่แก้มเนียนของอีกฝ่าย



                “แน่ใจนะ” พีทถามย้ำและหรี่ตามองอาร์ตอย่างจับผิด



                “ทำไม” และเป็นอาร์ตเองที่ต้องถามกลับด้วยความสงสัย ว่าทำไมพีทจะต้องแสดงความกังวลออกมาขนาดนั้น



                “ก็นึกว่าโกรธที่คุยกับพี่ชาติ” พีทอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา




                “ไม่โกรธหรอก แต่...” อาร์ตจ้องพีทเขม็งและลากเสียงยาวในตอนท้ายประโยค จนคิ้วของพีทผูกเข้าหากันเป็นปมด้วยความสงสัย



                “แต่อะไร” พีทถามและจ้องอาร์ตตาไม่กระพริบ



                “หวง” อาร์ตยกตัวขึ้นมาจูบที่ปากพีทและกระซิบบอกที่ข้างหู ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิมพร้อมกับส่งสายตามองพีทวิบวับ



                “หวงอะไรเล่า” พีทงึมงำเถียงเสียงเบาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกอาร์ตด้วยความเขิน



                “ฮ่าๆ แล้วคุยอะไรกับพี่ชาติครับ” อาร์ตหัวเราะในลำคอเบาๆ และถามออกไปเพื่อไม่ให้พีทคิดมาก



                “เรื่องพิม” พีทเองก็ตอบออกไปตามตรง ทำเอามือของอาร์ตที่ลูบหัวอยู่ถึงกับหยุดชะงัก




                “อืม” อาร์ตส่งเสียงตอบรับในลำคอและไม่พูดอะไรออกมาอีก ก่อนที่ทั้งคู่จะจมอยู่ในความเงียบ




เรื่องบางเรื่องระยะเวลาหลายปีมันก็รักษาบาดแผลในใจของเราไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดพีทก็หวังให้กาลเวลา ช่วยเยียวยาหัวใจคนรักของเขาให้ดีขึ้น และให้อภัยตัวเองจากใจได้จริงๆ สักทีในสักวันหนึ่ง



...

...



“อาร์ต!!! บอกว่าให้กินยาไง” เสียงตะโกนดุของพีทที่ดังขึ้นกลางวง พร้อมกับเจ้าตัวที่ยืนทำหน้าถมึงทึงและยื่นยาให้ ทำเอาอาร์ตได้แต่ยิ้มแหยและแบบมือออกไปรับยาอย่างช่วยไม่ได้



“ก็ลืมไงดื้อ” อาร์ตเถียงเสียงอ่อยแล้วก็ต้องรีบหุบปากเมื่อเจอสายตาพิฆาตจากพีท




“ลืมหรือไม่คิดจะกิน...กินเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” พีทว่าเสียงแข็งและจ้องหน้าอาร์ตเขม็ง ส่งสายตาบังคับให้อีกฝ่ายกินยา สุดท้ายอาร์ตก็ได้แต่ถอนหายใจและยอมกินยาในที่สุด



                “ขมเหี้ย” อาร์ตทำหน้าแหยและสบถออกมาพร้อมกับกินตามไม่หยุด



                “กว่าจะกินได้ นั่งนี่เดี๋ยวไปเอาข้ามาให้กิน” พีทไม่วายดุอาร์ตอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปร้านข้าวเจ้าประจำ พร้อมกับส่ายหัวหน่ายๆ ให้กับความงอแงของอาร์ต ได้ยินไม่ผิดหรอก งอแง!! อาร์ตโคตรงอแงเลย เขาว่าตัวเองเป็นคนกินยายากแล้วนะ เจออาร์ตเข้าไปเขาต้องขอคารวะ เพราะกว่าอีกฝ่ายจะกินยาได้แต่ละที เขานี่แทบจะง้างปากกรอกยาให้ แถมถ้าเขาเผลอเมื่อไหร่ อาร์ตพร้อมที่จะเอายาไปทิ้งได้ตลอดเวลา แล้วชาตินี้แผลมันจะหายไหมล่ะ นิสัยเด็กจริงๆ เลย



                อาร์ตมองตามหลังพีทที่เดินไปซื้อข้าวมากินด้วยความขำ ที่จริงเขาไม่ได้กินยายากอะไรหรอก แค่อยากจะหาเรื่องอ้อนให้น้องสนใจแค่นั้น และมันก็ได้ผลเพราะอีกฝ่ายโคตรจะสนใจ แถมยังดุเหมือนเขาเป็นเด็กๆ อีกต่างหาก




"โห่...เฮียนี่แม่ง เราก็นึกว่าเก่งจริง" เสียงของรุ่นน้องที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นดังขึ้น พร้อมกับมองหน้าอาร์ตที่ยิ้มระรื่นด้วยความเซ็ง



"ทำไม กูเก่งไม่จริงตรงไหนวะ" อาร์ตยกคิ้วขึ้นและหันมาหารุ่นน้อง พร้อมกับทำหน้าเหลอหราไม่รู้ตัว



"ไอ้เราก็เห็นหือใส่ซ้อ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็กลัวเมีย" รุ่นน้องอีกคนพูดขึ้นมาบ้าง และส่งสายตามองอาร์ตด้วยความเสียศรัทธา เห็นทำท่าทางขึงขังปฏิเสธซ้อเสียงแข็ง พอซ้อถลึงตาใส่นั่งหงอเป็นลูกแมวเลยเหอะ



“อย่างกูเขาไม่ได้เรียกว่ากลัว เขาเรียกว่าเกรงใจ” อาร์ตตอบลูกน้องด้วยท่าทางขึงขัง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากทุกคนให้กลับมา



“โห่!!! เนี่ยแหละเขาเรียกกลัวเมีย!!” แต่แทนที่ทุกคนจะเชื่อ กลายเป็นว่าต่างตะโกนใส่หน้าอาร์ตพร้อมกันเป็นคำเดียว ทำเอาอาร์ตที่โดนสบประมาทลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยกขาจะถีบพวกรุ่นน้องที่พูดแซว



“ซ้อ!! ช่วยด้วย” พวกรุ่นน้องที่เห็นท่าไม่ดี แหกปากเรียกพีทที่ยืนอยู่ไม่ไกลดังลั่น



“อาร์ต!! บอกให้รอเฉยๆ ไง จะลุกขึ้นไปแกล้วพวกมันทำไม!!” พีทที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่หันกลับมาเพราะเสียงเรียก ตวาดใส่อาร์ตดังลั่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายฝืนสังขารเจ็บๆ ลุกขึ้นจะเตะพวกรุ่นน้อง



“จ้า!!! ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง” อาร์ตตะโกนตอบรับพีทำร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ ก่อนจะหันมาชี้หน้าคาดโทษทุกคน และยอมนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม




“อะโด่...เฮียอาร์ตกลัวเมีย!!”



“เหนือกว่าเฮีย ก็ซ้อพีทนี่ละโว๊ย!! ฮ่าๆๆ” บรรดารุ่นน้องต่างพากันหัวเราะเอ่ยปากแซวอย่าวไม่เกรงใจ แถมยังพากันพูดคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด จนอาร์ตได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอือมระอา



คำพูดของบรรดารุ่นน้องที่สบประมาท ไม่ได้ทำให้อาร์ตโกรธหรือโมโหอะไร นอกจากอมยิ้มขำรับคำเอ่ยแซวอย่างเต็มใจ  และไม่แม้แต่จะเถียงหรือแก้ตัวอะไร การที่เขายอมพีทแทบจะทุกอย่างจนหลายคนมองว่ากลัวเมีย จริงๆ เขาไม่ได้กลัวน้องเลย ก็น่ารักขนาดนั้นมีอะไรให้กลัวล่ะ แต่ที่เขายอมเพราะมันเป็นความสุขของคนที่เขารักต่างหาก....



“อะ...กินข้าว” พีทวางจานข้าวลงตรงหน้าอาร์ต ก่อนจะเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม และจัดการกินข้าวของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย แต่พอกินไปได้สักพักก็ต้องหยุดชะงัห เมื่อเห็นว่าอาร์ตไม่ยอมกินข้าวสักที



“ทำไมพี่มึงไม่กินอ่ะ” พีทถามด้วยความสงสัย พร้อมกับวางช้อนในมือลง



“ป้อนหน่อย” อาร์ตส่งยิ้มให้และกระพริบตาใส่พีทปริบๆ



“ตลก...กินเองดิ” พีทเบ้หน้าใส่ และลงมือตักข้าวกินอีกครั้ง



“กินข้าวดิ” พีทต้องหยุดชะงักและหันมาบอกอาร์ตอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่นนิ่งไม่ยอมกิน



“ป้อนหน่อย” อาร์ตพูดคำเดิมและมองพีทอ้อนๆ



“มือก็มี ตักกินเองดิ” พีทบอกเสียงเบา จู่ๆ ก็รู้สึกเขินกับสายตาที่อาร์ตมองมา



“มือเจ็บ” อาร์ตยกมือข้างที่พันแผลไว้ให้พีทดู และยังส่งสายตาอ้อนไม่หยุด



“อีกข้างไง” พีทเองก็ไม่ยอมง่ายๆ เหมือนกัน



“อยากให้เมียป้อน” อาร์ตว่าและยื่นหน้าเข้าไปบอกพีทใกล้ๆ จนพีทถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเพราะเขินจัด



“ถอยไปเลยแม่ง!!” พีทยกมือขึ้นดันหน้าอาร์ตให้ถอยห่าง ก่อนจะเลื่อนจานข้าวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ และตักป้อนให้ตามที่ขอ ส่วนอาร์ตก็อ้าปากรับข้าวที่พีทป้อนให้ และเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุข



“ฮิ้ว!!! โอ๊ย!! เจ็บมืออ่ะซ้อ ป้อนข้าวพวกพี่บ้างดิ” บรรดาคนรอบข้างต่างพากันผิวปาก ส่งเสียงแซวไม่หยุด จนพีทที่หน้าแดงอยู่แล้วแดงลามไปหมดทั้งตัว



“หุบปากเลยแม่ง!!” พีทตะโกนด่าทุกคนด้วยความเขิน พร้อมกับหยิบช้อนที่ไม่ได้ใช้เขวี้ยงใส่ทุกคน เรียกเสียงหัวเราะได้ลั่นโรงอาหาร



“แล้วนี่ก็เหมือนกันจะยิ้มทำไม” พีทหันมาว่าอาร์ตด้วยความพาล เมื่อเจออีกฝ่ายเอาแต่นั่งอมยิ้ม



“สำออยดีนัก ให้เคี้ยวป้อนด้วยเลยไหม” พีทว่าให้อาร์ตด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่แดงก่ำไปหมดเพราะความเขิน



“ได้นะ แต่ดื้อต้องป้อนด้วยปาก” อาร์ตยื่นหน้าไปกินข้าวในช้อน ก่อนจะถอยห่างออกมาและยกยิ้มมุมปาก



“ฮิ้ว!!!!!!!” และคำพูดของอาร์ตก็เรียกเสียงโห่แซวได้อีกครั้งจากทุกคน



“ฮึ่ย!!! กินเองเลยแม่ง!!” พีทกระแทกช้อนลงยนจาน ก่อนจะดันมันคืนให้อาร์ตและสะบัดหน้าหนีด้วยความงอน ผิดกับอาร์ตที่ตักข้าวกินและส่งสายตาล้อเลียนพีทไม่หยุด รู้สึกว่าข้าวมื้อนี้มันอร่อยแบบเป็นพิเศษ



"พี่อาร์ต!! ในที่สุดก็เจอตัวสักที" ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการเอ่ยปากแซวพีท จู่ๆ ร่างของหญิงสาวที่เป็นว่าที่ดาวคณะวิศวะฯ ปีนี้ ก็พุ่งถลาเข้ามาหาอาร์ตด้วยความเร็ว พร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ส่งสายตามองอาร์ตเป็นประกาย



"มีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ" อาร์ตขมวดคิ้วมุ่นและถามน้องรหัสของคนรักด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะตามหาตัวเองทำไม



"พี่คะเป็นของวิวเถอะค่ะ" วิวส่งยิ้มกว้างให้อาร์ตและพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ผิดกับอาร์ตที่นั่งหน้าเหวออ้าปากค้างด้วยความช็อก ซึ่งไม่ต่างจากพีทที่เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว



"เฮ้ย!!!" และหลังจากนั้นทุกคนก็ต่างพร้อมใจประสานเสียงออกมาด้วยความตกใจ




2 Be Con...

+++++++++++++++

โอ๊ย!!! ขำแรง

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

 
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-09-2016 18:39:37
น้องวิวแรงส์มาก.  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-09-2016 19:23:19
วิวแกไม่ได้ตายดีแน่#ซ้อกล่าว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-09-2016 19:24:59
นางแรงส์ มาขอกันง่ายๆ เดี๋ยวเจอซ้อพีทองค์ลง :fire:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mass ที่ 28-09-2016 20:53:45
ชอบบบบบ ดื้อกับอาร์ตน่ารักมาก เฮียคนกลัวเมียเชื่อเมียนี่เจริญนะเฮีย
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 28-09-2016 22:25:34
อินังวิว  อิ Sus! เจ้รับไม่ได้คะ อิชะนีผีกล้านะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-09-2016 11:53:38
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 51 (28/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 29-09-2016 13:06:02
อ้าวววว.....ป้าว่าจะจัดน้องวิวไปหนักๆซะหน่อย แต่คนแต่งขำแรงอ่ะ งั้นป้ารอดูสถานการณ์ก่อนก็ด้ะ^^ :L1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 29-09-2016 17:43:01
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 52 –



“นะ...น้องว่าอะไรนะครับ” อาร์ตที่เพิ่งจะควานหาเสียงตัวเองเจอ หันกลับไปถามวิวด้วยความอึ้ง ที่ดูท่าว่าคงจะยังไม่หายอึ้งง่ายๆ แน่นอน



อาร์ตยอมรับว่าตัวเองช็อกไปไม่น้อย กับการถูกจู่โจมจากเพศตรงข้ามในครั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนผู้หญิงสนใจ แต่มันเป็นครั้งแรกเลยในชีวิตของลูกผู้ชายแบบเขา ที่โดนเพศแม่พูดใส่หน้าว่าขอไปเป็นของตัวเอง



เขาเองก็พอจะรู้ว่าหน้าตาดีกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง เพราะคนรอบข้างใครๆ ก็พูด แถมงานพิเศษที่ทำอยู่ตอนนี้ รายได้ต่อคืนที่เยอะแยะก็เพราะหน้าด้วยส่วนหนึ่ง เรียกได้ว่านอกจากหากินกับเสียง เขาก็หากินกับหน้าตาของตัวเองนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเจอใครมาพูดใส่ตรงๆ แบบนี้ ถ้าต้องการก็เข้าหาแบบมีจริตทั้งนั้น เจอแบบนี้เข้าไปยอมรับว่าไปต่อไม่ถูก ผู้หญิงอะไรทำไมมันตรงได้ขนาดนั้นวะ



“วิวอยากได้พี่ค่ะ” แล้ววิวก็ตอกย้ำอาร์ตอีกครั้งว่าไม่ได้หูฟาด ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ท่าทางขึงขัง และแววตาที่มองมาแบบแน่วแน่ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ




“เอ่อ...” อาร์ตถึงกับพูดไม่ออก ไปไม่เป็น มองวิวด้วยความตะลึง ส่วนคนรอบข้างที่เจอเหตุการณ์ทอคออฟเดอะทาวน์ด้วยกัน ก็พากันเงียบอ้าปากค้างไปตามๆ กัน



“นะคะพี่ วิวไม่เคยทำใครผิดหวังเลยนะคะ” วิวที่เห็นว่าอาร์ตยังมีอาการลังเล ก็รีบปรี่เข้าไปหาและเกาะแขนอีกฝ่ายแน่น พร้อมกับส่งสายตาที่แสดงความต้องการและคิดว่าจริงใจที่สุดไปให้



“พี่มีฟะ...” อาร์ตที่กำลังจะอ้าปากปฏิเสธออกไป ก็มีอันต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้สบสายตากับวิวแบบใกล้ๆ แววตาที่อีกฝ่ายส่งมามันร้อนแรง และแสดงออกถึงความต้องการว่าอยากได้เขาจริงๆ นั่นแหละ แต่มันเหมือนจะไม่ใช่ในความหมายเดียวกันกับที่เขาคิดในตอนแรก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือความหมายไหน



“เฮ้ย!! ไม่ให้” พีทที่ดึงสติของตัวเอง ที่หลุดลอยไปท่องเที่ยวอวกาศอยู่พักนึงได้ พูดแทรกขึ้นมาเสียงดังฟังชัด และลุกขึ้นไปหาอาร์ตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะยกแขนของตัวเองทั้งสองข้างโอบรอบตัวอีกฝ่ายแน่น เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปปิดตาไว้ไม่ให้มองหน้าวิว เพราะกลัวจะไปหลงเสน่ห์หน้าสวยๆ ของน้องรหัส ส่วนตัวเองก็ทำหน้าบึ้งจ้องวิวเขม็ง



“อ้าว...พี่พีทอยู่ด้วยเหรอคะ” วิวที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าพี่รหัสของตัวเองอยู่ด้วย ถามขึ้นด้วยหน้าตาเหลอหราปนแปลกใจ เพราะเธอพยายามที่จะติดต่ออีกฝ่ายมาตลอด ทั้งโทร ทั้งข้อความ ทุกช่องทางที่จะทำให้ติดต่อได้ แต่อีกฝ่ายไม่เคยตอบรับกลับมาเลยสักครั้ง แถมพอไปหาที่ห้องเรียนก็ยังหลบหน้าเธออีก ทำเอาเธองงไปหมดว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร และยังต้องมานั่งร้อนใจอยู่ไม่สุข เพราะคนที่จะทำให้เธอติดต่ออาร์ตได้ดีที่สุดดูไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ควานหาตัวกันมาเป็นอาทิตย์ๆ บทจะเจอก็มาเจอกันเอาง่ายๆ แบบนี้



“เออ!! พี่เอง!!” พีทตอบวิวเสียงแข็ง ตายังจ้องหน้าวิวแบบไม่เป็นมิตร แขนสองข้างก็ยังคงกอดอาร์ตแน่น โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าอาร์ตจะอึดอัดหรือเปล่า



“หวัดดีค่ะพี่” วิวยกมือไหว้พี่และส่งยิ้มให้ โดยไม่ได้รับรู้ถึงรังสีฟาดฟันของพีทที่ปล่อยออกมาเลยสักนิด



“พี่พีทคะ วิวเจอพี่อาร์ตแล้วล่ะ” วิวพูดกับพีทด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับยื่นมือไปจับมือพีทมากุมไว้ และเขย่าไปมาด้วยความดีใจ ทำเอาพีทที่ตั้งท่าจะเปิดศึกถึงกับไปไม่เป็นอีกคน



“โอ๊ย!!! วิวดีใจอ่ะพี่ วิวอยากได้!!” วิวพูดออกมาเสียงดังแถมแสดงอาการ ที่ชาวบ้านเรียกว่าระริกระรี้ออกมา จนพีทถึงกับหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ



“วิว...น้องเป็นผู้หญิงนะครับ” พีทปล่อยแขนออกจากตัวอาร์ต แล้วบอกวิวที่ดูแสดงออกเกินงามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไอ้ความรู้สึกไม่พอใจก็ส่วนหนึ่งนั่นแหละ แต่เขารู้สึกเป็นห่วงวิวมากกว่า เพราะการที่อีกฝ่ายมาพูดปาวๆ ว่าอยากได้อาร์ต มันไม่ใช่แค่จะผิดหวัง แต่อาจจะโดนแกล้งจากพวกแฟนคลับของอาร์ตด้วย



“ค่ะ” วิวตอบรับคำพูดของพี่รหัส และส่งยิ้มให้แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะบอกในสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้วทำไม



“อีกอย่างพี่อาร์ตเขามีแฟนแล้วนะครับ” พีทบอกวิวด้วยน้ำเสียงจริงจัง และสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ



“ห๊ะ!! จริงเหรอคะพี่” วิวถึงกับทำตาโตอุทานออกมาเสียงหลง ก่อนจะหันมามองอาร์ตเพื่อขอคำยืนยัน



“ครับ” อาร์ตตอบอีกฝ่ายเสียงหนักแน่น และจับมือของพีทที่วางบนไหล่มาบีบเบาๆ ถึงเขาจะแน่ใจว่าน้องรหัสคนสวยของคนรักจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ว่าเขาก็ควรบอกความจริงอีกฝ่ายออกไป เพื่อความสบายใจของคนที่เขารัก



“เอาไงล่ะทีนี้” วิวพึมพำกับตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วพันกันยุ่ง ไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดถึงกับขนาดสืบข้อมูลอีกฝ่ายมาไม่แน่นแบบนี้




“มีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ วิวโอเค” หลังจากที่ก้มหน้าเงียบไปสักพัก วิวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาอาร์ตและพูดคำเดิมออกมาด้วยแววตาที่ยังคงแน่วแน่ไม่ลดละ จนพีทที่จากตอนแรกเป็นห่วงเจ้าตัว ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้



“นี่ฟังไม่เข้าใจเหรอว่าผู้ชายเขามีแฟนแล้วน่ะ” พีทว่าเสียงห้วน ใบหน้าบูดบึ้ง และเดินขึ้นมาประจันหน้ากับวิว จนอาร์ตต้องดึงแขนเจ้าตัวไว้เบาๆ เพื่อปรามให้ใจเย็น เพราะกลัวว่าคนรักจะโมโหจนตบผู้หญิงหน้าทิ่ม



“เข้าใจสิคะ วิวฟังภาษาไทยออกนะพี่ ว่าแต่แฟนพี่คนไหนคะพี่อาร์ต วิวจะได้คุยด้วยทีเดียว ถ้าพี่ไม่สะดวกใจจะคุยกับวิวแค่สองคน” วิวหันมาตอบพีทก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ พร้อมกับหันไปคุยกับอาร์ตด้วยน้ำเสียงจริงจัง และท่าทางที่ดูเป็นการเป็นงาน



“คนนี้ไงครับ” อาร์ตบอกเสียงนุ่มและดึงพีทลงมานั่งที่ตัก แขนสองข้างสอดเข้าไปกอดเอวบางแน่น แล้ววางคางลงบนไหล่เล็กพร้อมกับส่งยิ้มให้วิว ซึ่งพีทก็ยอมแบบไม่ขัดขืนเพราะมัวแต่หงุดหงิดวิวอยู่



“ห๊ะ!!! พี่กับพี่พีท” วิวถึงกับอ้าปากค้าง นิ้วไปที่พีทกับอารืตสลับไปมาด้วยความตะลึง พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ เหมือนสมองประมวลผลไม่ทัน

“เออ!! ทีนี่เลิกวุ่นวายได้หรือยัง” พีทกระแทกเสียงตอบวิว และจ้องอีกฝ่ายแบบจะกินเลือดกินเนื้อ


อาร์ตถึงกับอมยิ้มขำออกมาด้วยความชอบใจ กดจมูกลงที่ไหล่ของพีทสลับกับซอกคอย้ำๆ อยู่แบบนั้น ใจอยากจะจับอีกฝ่ายมาจูบให้ปากเจ่อ ให้รางวัลที่หึงได้โคตรน่ารัก แต่ว่าสามัญสำนึกยังคอยเตือนว่าที่นี่คือสถานศึกษา สิ่งที่ทำได้เลยมีแค่นี้เท่านั้น



“พี่เป็นเกย์เหรอคะ” วิวที่ยังคงช็อกกับข่าวใหม่ที่ได้รับ ถามอาร์ตด้วยท่าทางเหมือนคนวิญญาณออกจากร่าง



“เป็นป่ะดื้อ” อาร์ตไม่ตอบคำถามวิว แต่หันไปแหย่พีทที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์แทน



“ไม่รู้!!” พีทที่ตอบเสียงแข็งทำหน้างอใส่อาร์ต บ่งบอกให้อาร์ตรู้ว่าเจ้าตัวกำลังงอน




“งอนอีกแล้ว” อาร์ตบิดปลายจมูกของพีทเล่นและอมยิ้มชอบใจ เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยนะ ทำไมกลายเป็นเขาที่โดนงอนอีกจนได้ก็ไม่รู้



คราวนี้กลายเป็นวิวที่อึ้งจนพูดไม่ออกและไปไม่เป็นบ้าง ได้แต่นั่งอ้าปากค้างมองความสนิทสนม และท่าทางกระหนุงกระหนิงที่อาร์ตกับพีทแสดงออกต่อกันด้วยความช็อก โดยเฉพาะการแสดงออกของพี่รหัส ที่ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา อีกฝ่ายดูไม่เห็นออกเลยสักนิดว่าจะเบี่ยงเบน แถมยังหน้าม่อแซวสาวให้เธอเห็นอยู่เป็นระยะ แล้วดูตอนนี้สิ ไอ้ท่าทางแสนงอน ดูน่ารักน่าทนุถนอมนั่นมันคืออะไรกัน!!!



“ไม่เป็นไรค่ะ วิวบอกแล้วว่ามันไม่ใช่ปัญหา” วิวที่ตั้งสติได้พูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขังและความตั้งใจอันแรงกล้าอีกครั้ง ทำเอาพีทต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง ถ้าอีกฝ่ายจะขนาดนี้ล่ะก็นะ อยากทำอะไรก็ทำเหอะ



“แล้วตกลงน้องมีอะไรกับพี่กันแน่ครับ” อาร์ตตัดสินใจถามขึ้นมาบ้าง เพราะดูแล้วว่าท่าตัวเองยังไม่พูดอะไร วันนี้ทั้งวันคงจะไม่มีทางได้อะไรแน่ๆ และอีกอย่างท่าทางประหลาดชวนน่าสงสัยของรุ่นน้องตรงหน้า มันทำให้เขาอยากจะรู้สาเหตุทั้งหมดแล้วเหมือนกัน



“นี่ค่ะพี่ คือ...”




“วิว!!! ไปเรียนได้แล้วแก ได้เวลาแล้ว”




ยังไม่ทันที่วิวจะได้พูดเรื่องสำคัญของตัวเอง เพื่อนที่นั่งรออยู่ไม่ไกลก็ตะโกนเรียกเสียงดัง ทำเอาเจ้าตัวถึงกับชักสีหน้าออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะก้มลงมองดูเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือ พร้อมกับคิ้วสวยที่ขมวดพันกันยุ่ง เมื่อมันได้เวลาเข้าเรียนแล้วอย่างที่เพื่อบอกจริงๆ




“คืองี้นะคะพี่...”



“วิว!!! เดี๋ยวสาย”




ตั้งว่าจะรับพูดออกไปแท้ๆ แต่สุดท้ายเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีวาสนากับอาร์ตเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องให้คลาดกันได้ตลอดเวลา อย่างวันนี้ทั้งๆ ที่ได้เจอหน้ากันตรงๆ ตัวเป็นๆ แล้วเชียว ดันมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกันอีกแล้ว จะโดดเรียนก็ไม่ได้เพราะมีสอบเก็บคะแนน เวรกรรมอะไรของเธอกันนะ ให้ตายสิ



“วิวต้องรีบไปแล้วค่ะ คงไม่มีเวลาจะอธิบายอะไรมาก” วิวลุกขึ้นยืนและบอกอาร์ตรัวเร็ว แล้วคว้าเอาซองเอกสารที่พกติดตัวไว้ตลอด ตั้งแต่วันที่ได้ดูคลิปนั้นบนยูทูป คลิปที่สะกดสายตาเธอให้ไปไหนไม่ได้ คลิปที่ทำให้เธอดั้นด้นลงทุนสอบเข้าคณะวิศวะฯ แทนที่จะเป็นคณะนิเทศฯ แบบที่เคยตั้งใจเอาไว้ และการลงทุนครั้งนี้ของเธอจะต้องไม่เสียเปล่า เธอต้องได้ตัวอาร์ตกลับไป



“พี่อาร์ตลองอ่านเอกสารสัญญาพวกนี้ดูนะคะ แล้ววิวจะติดต่อมาคุยรายละเอียดแบบเจาะลึกอีกครั้ง ส่วนพี่พีทอย่าปิดเครื่อง อย่าบล็อกเบอร์และช่วยรับสายวิวด้วยนะคะ เพราะวิวอยากได้พี่อาร์ตจริงๆ” วิวหันมากำชับกับพีทเสียงเข้ม ทำเอาพีทถึงกับหน้าเหวอที่ตัวเองโดนเหวี่ยงใส่แบบไม่รู้ตัว




“วิวไปนะคะพี่” วิวยกมือไหว้ทุกคนและส่งยิ้มให้แบบมีความหวัง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปหาเพื่อน ทิ้งไว้แค่ซองเอกสารเจ้าปัญหา และความงงที่ยังไม่ได้รับการไขความจริงสักข้อจากอีกฝ่าย ว่าตกลงที่พูดมาตลอดว่าอยากได้มันคืออะไร



“อะไรของเขาวะ” พีทมองตามหลังของวิวที่วิ่งหายไป และหันมาสบตากับอาร์ตด้วยความงงงวย ซึ่งอาร์ตก็ได้แต่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ เพราะเข้าเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่วิวทำเหมือนกัน



“นี่พี่มึงไม่ได้ไปเล่นของใส่น้องมันจนเพี้ยนใช่ไหม” พีทถามออกไปและหรี่ตามองอาร์ตอย่างจับผิด อารมณ์หึงหวงที่มีในตอนแรกถูกพัดหายกระจุยกระจาย และถูกแทนที่ด้วยความสงสัยในความแปลกประหลาดของวิวซะหมด



“เพ้อเจ้อแล้วครับเมีย” อาร์ตส่ายหัวด้วยความหน่าย ให้กับความคิดที่ดูท่าจะดูหนังมามากเกินไปของพีท พร้อมกับบิดปลายจมูกอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว



และหลังจากนั้นอาร์ตก็เอาแต่นั่งแหย่ หยอกล้อพีทอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ได้สนใจหรือแม้แต่จะจับซองเอกสารอันนั้นขึ้นมาดูเลยสักนิด




...

...



“โอ๊ย!!! กูเหนื่อย กูเหมือนจะตาย” พีทที่เดินฝ่าแสงแดดระหว่างวันจากอีกตึกมายังอีกตึก บ่นกระปอดกระแปดเดินปาดเหงื่อมาตลอดทาง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งและฟุบลงไปกับโต๊ะอย่างหมดสภาพ ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วซีดเผือดไร้สีเลือด ลมหายใจหอบเหนื่อยเหมือนวิ่งมาเป็นสิบๆ โล ทั้งๆ ที่เดินข้ามตึกไม่ถึง 300 เมตรด้วยซ้ำ



“ไหวไหมมึง” เลิฟที่เดินมาด้วยกัน เห็นสภาพของพีทก็อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะช่วงนี้พีทเป็นแบบนี้ตลอด นิดหน่อยก็บ่นเหนื่อย นิดหน่อยก็หน้าซีด ไร้เรี่ยวแรงนอนหมดสภาพ



“ไหวๆ แต่กูเหนื่อย” พีทตอบเสียงอู้อี้ พร้อมกับลมหายใจที่เริ่มกลับมาเป็นปกติ เขาไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ แค่เหนื่อยง่ายไปหน่อยเอง



“มึงไปหาหมอบ้างป่ะเนี่ย” โดมนั่งลงฟังตรงข้ามและยื่นขวดน้ำไปให้ ซึ่งพีทรีบผงกหัวขึ้นและคว้ามาดื่มอึกๆ เหมือนว่าหิวกระหายมากมายอะไรขนาดนั้น



“ไม่ไปอ่ะ ขี้เกียจ กูเคยเป็นเดี๋ยวแม่งก็หาย” พีทที่ดื่มน้ำเสร็จแล้วบอกเพื่อนด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมสีหน้าที่ดูมีเลือดฝาดขึ้น



“แล้วผัวมึงเขารู้ไหมคะว่ามึงเป็นแบบเนี่ย” โดมถามด้วยความสงสัย เพราะคนอย่างพี่อาร์ตไม่น่าจะปล่อยให้พีทอยู่สภาพนี้



“รู้ พี่มันพาไปหาหมอมาแล้วรอบนึง ก็ได้ยาบำรุงร่างกาย พวกเกลือแร่มาแดก” พีทว่าด้วยท่าทางไม่คิดมาก และไม่มีความคิดที่จะไปหาหมออีกครั้งในหัวด้วย เพราะไปหาหมอก็จัดยามาให้แบบเดิมแหละ




“ไม่เป็นอะไรก็ดี กูกลัวมึงจะเป็นอะไรมาก เหนื่อยง่ายแบบนี้เดี๋ยวผัวเอาไม่มันนะคะมึง” โดมไม่วายแหย่พีทให้ได้อาย และส่งยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนไปให้



“สัด!! อีกระเทยสัปดน” พีทเขวี้ยงขวดน้ำในมือที่ยังมือน้ำอยู่ในนั้นครึ่งขวดใส่หน้าโดมเต็มแรง ข้อหาที่อีกฝ่ายพูดจากวนประสาท



“โอ๊ย!! อีพีท!! เดี๋ยวหน้ากูเสียโฉม!!” โดมโวยวายออกมาดังลั่น พร้อมกับควานหากระจกในกระเป๋ามาส่องดูหน้าตัวเอง



“โตแล้วนะพวกมึง” เลิฟพูดขึ้นมาบ้าง และมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนด้วยความเอือมระอา



“ก็กระเท...”



ซ่า!!!



ยังไม่ทันที่พีทจะได้อ้าปากค้านคำพูดของเลิฟไปมากกว่านี้ จู่ๆ ก็มีน้ำเย็นจัดสาดโครมเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง จนเปียกไปหมดทั้งหน้ายันลำตัวท่อนบน แถมเศษเสี้ยวที่กระเด็นหลุดเข้าปากมาก็หวานประแหล่มๆ เหมือนน้ำแดงเจ้าประจำที่ชงกินกันเกลื่อนเมืองไม่มีผิด



“ทำอะไรวะ!!” โดมที่ตั้งสติได้ก่อนเพื่อน ตะคอกถามหญิงสาวที่เป็นคนทำด้วยเสียงดุดัน ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที



“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับผัวคนอื่นสักที!!” แต่แทนที่คนทำจะตอบคำถามของโดม เจ้าตัวกับตะโกนใส่หน้าพีทด้วยความแค้นเคือง พร้อมกับโยนแก้วเปล่าในมือใส่หน้าพีทเต็มแรง



“ผัวคุณน่ะใคร” พีทปาดน้ำแดงออกจากหน้าและเอ่ยถามเสียงเข้ม ตาเรียวจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งด้วยความโมโห ในใจตอนนี้เหมือนจุดไฟสุมไม่มีผิด หน้าระรื่นของอาร์ตโผล่ขึ้นมาในความคิดทันที พี่มันไปเอาผู้หญิงคนนี้ตอนไหน



“อย่ามาทำโง่ ฉันอุตส่าห์ไม่อะไรกับแกแล้วนะอีตุ๊ด แต่แกก็ยังวุ่นวายไม่เลิก” หญิงสาวกอดอกเชิดหน้ามองพีท และส่งยิ้มเยาะถากถางไปให้ ทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสน




“ว่าใครตุ๊ด!! แล้วผัวคุณน่ะใคร” พีทถึงกับคิ้วกระตุกที่โดนหญิงสาวพูดจาดูถูก ถึงเขาจะมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ไม่เคยอยากจะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิง ต้องมาโดนตะโดนใส่หน้าว่าตุ๊ดใครมันจะไม่โมโห และที่สำคัญผัวที่ผู้หญิงคนนี้มาแหกปากปาวๆ น่ะมันใคร



“ถามกลับมาแบบนี้ แสดงว่ามีผัวหลายคนล่ะสิ” หญิงสาวยังคงส่งสายตามองพีทอย่างดูถูก จนพีทได้แต่ยืนกำหมัดแน่นพยายามระงับความโมโหของตัวเอง



“ถ้าผัวผมที่คุณว่าคือไอ้พี่อาร์ตที่เรียนวิศวะล่ะก็ใช่ แต่ถ้าคนที่คุณหมายถึงไม่ใช่คนนี้ ไอ้เหี้ยนั่นมันไม่ใช่ผัวกูครับ” พีทบอกอีกฝ่ายเสียงเย็น และรอคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าคำตอบของคนตรงหน้าเป็นไอ้พี่อาร์ตจริงๆ ล่ะก็ เขาจะตบผู้หญิงเป็นครั้งแรกในชีวิตให้ดู จากนั้นจะตามไปกระทืบไอ้พี่อาร์ตถึงห้องเรียน พร้อมกับลากผู้หญิงหน้างิ้วคนนี้ไปด้วย จากนั้นพ่อจะอัดคลิปประจาน แฉมันลงบนโซเชี่ยล!!



“พี่อาร์ตอะไรของแก ฉันหมายถึงพี่แทนต่างหาก” คำตอบจากอีกฝ่ายที่ตะโกนใส่หน้า ทำให้พีทช็อกยิ่งกว่าชื่อของอาร์ตซะอีก แทนที่ว่าคงไม่ใช่พี่หมอหรอกนะ



“แทน...แทนไทอ่ะนะ” พีทที่เริ่มงงเป็นไก่ตาแตก เอ่ยถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ



“ระลึกได้แล้วเหรอว่ามั่วกับผัวคนอื่น” หญิงสาวยังคงส่งเสียงถากถางพีทไม่หยุด จนพีทมือกระตุกอย่าจะเหวี่ยงไปตบให้หัวทิ่ม



“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่แทนมากไปกว่าเพื่อนร่วมโลก” พีทถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมกับกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง พร้อมกับสมองที่เริ่มจะจำได้ลางๆ ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร ก็ผู้หญิงที่เคยด่าเขาว่าหน้าด้าน พร้อมกับทำน้ำคว่ำใส่หัวเขาที่โรงอาหารประมาณครึ่งปีก่อนไง เขาลืมไปแล้วด้วยนะทำไมยังอุตส่าห์มาหลอกหลอนอีกวะ แถมด้วยเรื่องของไอ้สารเลวนั่นอีก เวรจริงๆ



“ไม่จริง!! ฉันไม่เชื่อ!! ถ้ามันเป็นอย่างที่แกว่า พี่แทนจะบอกเลิกฉันแล้วพูดว่าแกเป็นเมียเขาทำไม” หญิงสาวโวยวายออกมาไม่หยุด อย่างไม่ยอมเชื่อในคำพุดของพีท



“ผมจะไปรู้กับผัวคุณไหมล่ะครับ” พีทก้มมองสภาพของตัวเองด้วยความเซ็ง ทำไมเขาจะต้องมาซวยเพราะเรื่องแบบนี้ด้วยวะ




“แกจะคืนพี่แทนให้ฉันไหม” หญิงสาวตวาดถามพีทอย่างเกรี้ยวกราด จนพีทต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความหน่าย พร้อมกับหันหลังหนีไม่อยากจะคุยกับคนบ้า ส่งเสียงแว้ดๆ อยู่ได้ น่ารำคาญฉิบหาย ไม่หันไปตบกะโหลกข้อหาทำให้เขาเผลอไปโกรธผัวตัวเองก็ดีแค่ไหนละ



“อีตุ๊ด!! นี่แกจะเดินไปไหน” หญฺงสาวยังตะโกนโวยวายไม่ขาดสาย พยายามจะเดินเข้าไปหาพีท แต่โดมเดินเข้ามาขวางหน้าเอาไว้ และสบตาอีกฝ่ายนิ่งๆ



“นี่ชะนี เจ้แนะนำนะคะ ถ้ากระสันอยากได้ผัวคืนขนาดนั้น ซื้อเชือกไปล่ามมันไว้คะ ไม่ใช่มาแหกปากโวยวายแบบนี้ อายเขานะคะลูก มันไม่งาม” โดมจีบปากจีบคอบอกอย่างมีจริต พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ



“กรี๊ดดดดดดดดดดด” และทันทีที่คำพูดของโดมสิ้นสุด หญิงสาวก็กรี๊ดขึ้นมาดังลั่น ทำเอาผู้คนแถวนั้นมองมาเป็นตาเดียวจากที่มองกันแค่ไม่กี่คน



“มึง...ผีเข้าป่ะวะ” เลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ พีท เอ่ยปากถามพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยความหวาดระแวง



“สงสัยแม่งดูละครเยอะ” พีทตอบคำถามเลิฟ และยืนกอดอกมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ดูแบบไม่คิดที่จะห้ามหรือโต้เถียงอะไรอีก อยากทำอะไรเขาปล่อยให้ทำเลย เชิญตามสบาย เอาให้พอใจ ถ้าสมมุติว่าเจ็บคอจะอาสาไปซื้อน้ำมานาวให้ จะได้แหกปากรี๊ดต่อ



“หูย...กูกลัว” โดมถึงกับถอยหลังมายืนขนาบข้างกับพีท และมองหญิงสาวที่เอาแต่ยืนกรี๊ดด้วยความสยอง



“อะไรของชะนีวะ จู่ๆ ก็มาสาดน้ำใส่มึงเฉย แถมวายวายว่าโดนแย่งผัว...ผัวมันใครจะไปแย่ง” โดมพึมพำคุยกับพีท โดยที่มีเลิฟพยักหน้าเห็นด้วยทุกคำพูด




“ทำบุญบ้างนะมึงซวยฉิบหาย” เลิฟตบไหล่พีทเบาๆ พร้อมกับส่งสายตามองด้วยความเห็นใจ ที่อยู่ดีๆ ก็ซวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แถมซวยเพราะคนที่คิดว่าน่าจะหายออกไปจากชีวิตด้วยนะ



“เหนียวสัด!!” พีทบ่นอุบ พร้อมกับลูบตามตัวไปมา ตอนนี้ไอ้น้ำแดงเจ้าปัญหามันทำพิษซะแล้วล่ะ




“ถ้าแกยังไม่หยุดยุ่งกับผัวฉัน ฉันก็ยุ่งกับผัวแกบ้าง” ในจังหวะที่พีทจะเดินหนีและเลิกสนใจ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงขุ่นมัว พร้อมกับจ้องหน้าพีทอย่างแค้นเคือง



“เอาเลยป้า ตามสบาย” พีทหันกลับไปเผชิญหน้าตรงๆ และตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ



“แกท้าฉันเหรอ”




“เปล่า” พีทขยับเขาไปไกล และไล่สายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า



“แต่ผมว่าผัวผมมันมีตาเลือก ว่าอะไรแดกแล้วดีต่อสุขภาพ อะไรแดกแล้วท้องจะเสีย” พีทพูดนิ่มๆ แต่ทำเอาอีกฝ่ายหน้าชาเหมือนโดนตบ พร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยมองเป็นการปิดท้าย



“นี่แก!!” หญิงสาวตวาดลั่นพร้อมกับง้างมือขึ้นสูง และตวัดลงมาเต็มแรง



“นี่คุณ...หน้าผมไม่ใช่ของสาธารณะนะครับ ที่คุณนึกอยากจะตบแล้วก็จะได้ตบง่ายๆ” พีทว่าเสียงเข้มและบีบมือเข้าที่แขนของอีกฝ่าย ที่พยายามจะฟาดลงมาจนขึ้นรอยมือ



“ถ้าไม่อยากเป็นผู้หญิงคนแรกที่โดนผมตบ ก็ช่วยเลิกบ้าแล้วกลับไปเคลียร์กับผัวมึงนู้น” พีทปล่อยแขนของอีกฝ่ายลง และเดินหันหลังหนีด้วยความปวดหัว ก่อนจะยกมือปิดหูแทบไม่ทัน เมื่อหญิงสาวเจ้าปัญหากรี๊ดไล่หลังขึ้นมาเสียงดัง



“โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! กูจะฟ้องผัวกู!!” พีทตะโกนขึ้นมาเสียงดังอย่างเหลืออด พร้อมกับสาวเท้าเดินไปที่ซุ้มโต๊ะไม้ จุดประจำที่อาร์ตกับพ้องเพื่อนรวมตัวกันอยู่ เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้แน่ ไอ้เหี้ยพี่หมอแทนมันต้องโดนเอาคืนรวมทั้งเมียมันด้วย ข้อหาทำเสื้อเขาเปื้อน ทำเขาเปียก ทำเขาปวดหัว ทำเขาประสาทเสีย ที่สำคัญทำกูประสาทหูเกือบเสื่อม!! ฮึ่ย!!





2 Be Con...



++++++++++++++++

นุ้งวิวนางสายฮา นางคือคนที่จะเปลี่ยนชีวิตเฮียเลยนะ นางสำคัญ

สถานีต่อไป เคลียรืเรื่องไอ้พี่หมอกัน

ไม่มีอะไรดราม่าแล้ว เน้นฮา เน้นเลี่ยน เชื่อเราเต๊อะ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-09-2016 18:54:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-09-2016 19:31:17
ตบคะ เจ้หนุนคะน้องพีท  :m31:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-09-2016 20:52:18
ไม่ใช่แร่ะ น้องวิวคงอยากได้อาร์ตไปทำอย่างอื่น
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: pang_mingi ที่ 29-09-2016 23:47:53
โอยยยย สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านทีเดียวห้าสิบสองตอนรวด ฮือออ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 30-09-2016 01:43:25
งื้ออออ หาผู้ที่เหมือนปอกับอาร์ตได้จากที่ไหนเนี้ยอยากได้

จาอาววว ...  แอบลุ้นว่าอาร์ตจะเป็นผู้รากมากดีพลัดพรากจากครอบครัวที่แท้จริงหรืออีกอย่างชีวิตอาจจะดีขึ้นรึเปล่า
ลุ้น.. o13

เราตามมาจากปอกับน้องเลิฟมาเร่งอ่านจนทันชอบมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-09-2016 13:23:36
 :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 30-09-2016 13:41:03
วิวน่าจะเป็นค่ายเพลงอะไรประมาณนี้ เอาอาร์ตไปออกเทป ร้องเพลงเพราะ แถมหล่อขนาดนี้ ดังแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 52 (29/09/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 01-10-2016 08:41:09
น้องวิว นางได้ใจมากเลย แบบมีเมียแล้วก็ไม่เป็นไร
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 53
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 02-10-2016 18:56:25
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 53 –



                “สัดอาร์ต...แม่มึงมา” อ้นที่เผอิญเงยหน้าขึ้นไปเจอพีทที่กำลังเดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล สะกิดเรียกอาร์ตที่เอาแต่วางแผนงานไม่สนใจคนรอบข้าง



                “อะไรวะ” อาร์ตเงยหน้าที่แทบจะจมไปกับกองกระดาษขึ้นมามองอ้น ก่อนจะหันไปมองตามที่อีกฝ่ายชี้ แล้วก็ต้องส่งยิ้มกว้างวางงานทุกอย่างลง เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามาหา



                “ไปทำอะไรมา” อาร์ตก้มลงมองสภาพเลอะเทอะ และตามเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำแดงของพีทอย่างแปลกใจ



                “โดนชะนีตกมันสาดน้ำใส่” พีทว่าหน้างอและกรอกตาไปมา



                “ชะนีตกมัน?” เป็นอาร์ตที่ต้องเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่พีทต้องการจะบอก



                “พี่มึงกูจะฟ้อง” พีทช้อนตามองอาร์ตและเขย่าแขนอีกฝ่ายไม่หยุด พร้อมกับส่งเสียงออดอ้อน



                “ก่อนจะฟ้อง ไปอาบน้ำก่อนไหม” อาร์ตว่ายิ้มๆ และไล่สายตามองพีททั้งตัว เพื่อบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายสภาพแย่ขนาดไหน



                “เออวะ...อาบน้ำดีกว่า แม่งโคตรเหนียวอ่ะ” พีทบ่นอุบและทำหน้าแหยใส่อาร์ต จนอาร์ตต้องส่ายหัวให้กับท่าทางนั้นด้วยความขำ



                “เฮ้ย!! เดี๋ยวกูมานะ” อาร์ตหันไปตะโกนบอกเพื่อนที่กำลังนั่งคุยงานกันอยู่ เพื่อบอกให้รู้ว่าจะอู้งานสักพัก



                “เออๆ ว่าแต่ไปไหนวะ พาเมียไปเอา?”  หนึ่งในกลุ่มเพื่อนตะโกนแซวขึ้นมา พร้อมกับทุกคนที่พากันหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ ทำเอาพีทได้แต่ยืนหน้าแดงเพราะความอาย




                “เออ!! ขอเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงละกัน พอดีกูอึด” อาร์ตตอบกลับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน เลยโดนพีททุบเข้าที่กลางหลังเต็มแรง ข้อหาที่ไม่แก้ตัวแถมยังไปผสมโรงเล่นกับคนอื่นอีก



                “ถ้าจะเอานานขนาดนั้น เมียมึงตายห่าก่อนไหมไอ้สัด!!” กลอนตะโกนสวนขึ้นมาด่าอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ เรียกเสียงฮากระจายจากบรรดาเพื่อนทุกคนได้อีกครั้ง



                “จะไปไหนก็ไป ดูหน้าเมียมึงด้วย จะแดกหัวพวกกูแล้วน่ะ” กลอนโบกมือและเอ่ยปากไล่ เมื่อเห็นว่าพีทยืนหน้าบึ้งมองมาที่พวกตัวเองอย่างไม่พอใจ บ่งบอกว่าถ้ายังไม่เลิกแซว ระเบิดได้ลงกลางวงแน่นอน



                “งั้นกูไปแล้ว ปะดื้อ” อาร์ตเองที่เริ่มรับรู้ได้ถึงรังสีพิฆาตของพีท ที่คอยทิ่มแทงหลังอยู่ตลอดเวลา รีบบอกลาเพื่อนและเลิกเล่นไร้สาระ พร้อมกับคว้ามือพีทแล้วพาอีกฝ่ายเดินออกไปจากบริเวณนั้น



                อาร์ตจูงมือพีทเดินมาเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ไกลจากจุดที่อาร์ตอยู่ก่อนหน้าเท่าไหร่ ก่อนจะมาหยุดลงที่ประตูห้องๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นประตูกระจกสีดำปิดทึบไปทั้งแทบ



“ห้องไรอ่ะ” พีทมองประตูกระจกตรงหน้าด้วยความสนใจ เพราะเข้าเรียนมาได้ปีกว่าๆ เขาไม่เห็นจะเคยรู้ว่ามีห้องแบบนี้ที่คณะ



“ห้องเก็บของน่ะ” อาร์ตว่าแล้วไขกุญแจเพื่อเข้าไปข้างใน



พีทยืนทำหน้างงยิ่งกว่าเก่าให้กับคำตอบของอาร์ต ห้องเก็บของ? แล้วพาเขามาทำไม อย่าบอกนะว่าในนี้มีห้องน้ำ



“เข้ามาได้แล้วดื้อ ยืนมึนอยู่นั่นแหละ” อาร์ตส่งเสียงเรียกเบาๆ เมื่อเดินนำเข้าไปข้างในก่อนได้สักพัก แต่ยังไม่เห็นอีกคนเดินตามเข้ามาสักที



“ปิดประตูด้วย” อาร์ตบอกก่อนที่จะเดินไปเปิดไฟกับแอร์



“เนี่ยนะห้องเก็บของ” พีทถามและมองรอบๆ ห้องด้วยความอึ้ง ถ้าแบบนี้เรียกว่าห้องเก็บของ ก็ไม่ต้องสร้างห้องนั่งเล่นแล้ว



“ก็เนี่ยแหละห้องเก็บของ เห็นไหมของเต็มไปหมด” อาร์ตตอบกลับด้วยท่าทางยียวน ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟาตรงกลางห้อง



พีทปรายตามองอาร์ตแล้วชักสีหน้าใส่เล็กน้อย ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับมามองสำรวจภายในห้องอีกครั้ง อย่างสนใจ



‘ห้องเก็บของ’ ที่อาร์ตบอก เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกลาง ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม คลุมโทนด้วยสีขาวนวลดูสบายตา ภายในมีโซฟาสีน้ำตาลขนาดใหญ่ตั้งเอากลางห้อง มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ครบกว่าที่ห้องของอาร์ตด้วยซ้ำ มีแม้กระทั่งมาม่า ปลากระป๋อง ถ้วย จาน ถ้ามีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ได้เลย




ส่วนอีกมุมห้องที่ว่าง มีพวกเครื่องดนตรี กับชั้นไม้ขนาดกลางวางเอาไว้ มองไปมองมาก็เหมือนห้องเก็บของแบบที่ว่าจริงๆ นั่นแหละ เพราะของในห้องมันดูเยอะแยะ และผสมปนเปกันไปหมด แค่เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเท่านั้นเอง



“สรุปนี่ห้องอะไรอ่ะ” พีทที่สำรวจทุกอย่างจนพอใจ เดินเข้าไปหาอาร์ตตรงโซฟา และจ้องหน้าเพื่อขอคำตอบ



“ห้องเก็บของไง” อาร์ตยังคงตอบยียวนและยิ้มกวนประสาท



“ดีๆ ดิ๊” พีทชักสีหน้าใส่ด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดอีกครั้ง จนอาร์ตต้องหัวเราะออกมาและดึงพีทให้เข้ามาใกล้



“มันเป็นห้องเก็บของจริงๆ พวกพี่ฮิมเขาเลยมายึดแล้วทำใหม่ เอาไว้ใช้เวลามีเรื่องต้องคุยกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้มาใช้กันหรอก ส่วนมากไปสุมหัวที่ร้านเหล้าพี่ตองนู้น” ปากของอาร์ตก็เล่าให้พีทฟังเรื่อยๆ ส่วนมือก็วุ่นวายอยู่กับเสื้อผ้าของพีท



“แล้วงี้พวกอาจารย์เขาไม่ว่าอะไรเหรอ” พีทถามต่อด้วยความสงสัย อยู่ๆ นักศึกษามายึดห้องไว้ใช้ส่วนตัวแบบนี้ พวกอาจารย์ไม่น่าจะอยู่เฉย



“พ่อพี่ฮิมเป็นอธิการฯ” จบคำตอบของอาร์ต พีทก็เลิกสงสัยทุกอย่าง ถ้าเส้นจะใหญ่ขนาดนั้น ยึดเพิ่มอีกสักห้องสองห้องก็ไม่มีใครว่าหรอก



“แล้วนี่พี่มึงจะทำอะไร” พีทขมวดคิ้วเป็นปมแล้วจ้องหน้าอาร์ตเขม็ง ก่อนจะฟาดลงไปบนหลังมือซุกซนของอีกฝ่าย ทำไมน่ะเหรอ? ก็ไอ้พี่อาร์ตมันกำลังถอดเสื้อผ้าเขาน่ะสิ แถมปลดกระดุมเสื้อออกจนจะหมดแล้วด้วย



“อาบน้ำไง” อาร์ตส่งยิ้มกว้างให้พีท และจัดการปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่เหลือต่อ



“ถอดเองก็ได้ไหม...แล้วจะไปอาบที่ไหน” พีทมองค้อนอาร์ตและดึงหูด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะขยับถอยห่างพร้อมจับสาบเสื้อที่โดนปลดกระดุมออกจนหมดเข้าหากัน



“นั่นไงห้องน้ำ” อาร์ตชี้นิ้วไปทางมุมห้องที่อยู่ด้านหลัง พีทมองตามและเดินไปทางนั้นทันที กัาวขาเข้าไปข้างในได้ก็จัดการล็อกประตูให้แน่นหนา เพราะกลัวว่าอาร์ตจะเล่นพิเรนทร์อะไร อย่างที่เจ้าตัวคุยกับเพื่อนก่อนมาที่นี่



อาร์ตนั่งอมยิ้มมองตามหลังท่าทางหวาดระแวงของพีท แล้วส่ายหัวไปมาด้วยความขำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้าห้องน้ำ



ก๊อก! ก๊อก!



“พีทเอาเสื้อผ้าออกมาเร็ว” อาร์ตเคาะประตูและตะโกนบอกคนข้างใน ได้ยินเสียงน้ำที่กระทบกับพื้นจากข้างในแว่วๆ แสดงว่าพีทกำลังอาบอยู่



“เอาไปทำไม” พีทตะโกนถามกลับด้วยความสงสัย ว่าอาร์ตจะเอาเสื้อผ้าตัวเองไปทำไม



“เอามาล้างน้ำออกไง” อาร์ตตะโกนตอบกลับ สภาพเลอะเทอะขนาดนั้นเอาใส่กลับเลยไม่ได้หรอก แค่เห็นยังเหนียวตามเลย



“แล้วจะเอาอะไรใส่อ่ะ” คำตอบของพีททำให้อาร์ตนึกขึ้นได้ ถ้าเอาเสื้อผ้าของอีกฝ่าขมาขยี้ล้างน้ำ แล้วอาบเสร็จจะเอาอะไรใส่



“เอาเสื้อพี่ไปใส่ก่อนแล้วกัน รอแห้งค่อยเปลี่ยนคืน” อาร์ตบอกพร้อมกับถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะเคาะประตูเรียกคนข้างในอีกครั้ง ไม่นานบานประตูก็แง้มออกเล็กน้อย พร้อมกับมือเล็กที่ยื่นออกมาพร้อมเสื้อผ้า



อาร์ตเอื้อมมือไปคว้าเสื้อผ้ามาถือไว้ แล้วยื่นเสื้อของตัวเองเข้าไปแทนที่ ซึ่งพีทรีบหยิบเอาไปแล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง พร้อมรีบลงกลอนราวกับกลัวว่าอาร์ตจะพัวประตูเข้าไปหา



อาร์ตถึงกับหลุดขำให้กับความระแวงไม่เข้าเรื่องของพีท แล้วเดินถือเสื้อในมือออกไปนอกห้อง นั่งลงข้างก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะลงมือขยี้เอาคราบเหนียวจากน้ำหวานออก เสร็จแล้วก็สะบัดตากผึ่งลมที่หน้าห้อง



เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็กลับเข้าไปข้างใน แต่ถึงจะใช้เวลามากไปนานพอควร คนที่อยู่ในห้องน้ำอย่างพีทก็ยังไม่ออกมา ไม่รู้ว่าอาบน้ำหรือนอนหลับกันแน่



...

...



พีทยืนมองสภาพของตัวเองในกระจก แล้วก็อดที่จะอายขึ้นมาไม่ได้ ที่จริงเขาอาบน้ำเสร็จนานแล้ว แต่ไม่กล้าที่จะออกไปทั้งๆ แบบนี้ต่างหาก



สภาพที่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว แถมยังปิดอะไรแทบจะไม่มิด ดีหน่อยที่ข้างล่างยังมีกางเกงในแบบขาสั้น ไม่งั้นคงรู้สึกโล่งโจ้งวาบหวิวไปมากกว่านี้



พีทรวบรวมความกล้าแล้วสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอก ทันทีที่ก้าวขาออกมาหูก็ได้ยินเสียงดนตรี ดังคลอกับเสียงร้องเพลงอันแสนไพเราะ



กวาดสายตาไล่มองตามเสียงไป ก็เจอแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของอาร์ต กำลังนั่งดีดคีย์บอร์ดพร้อมกับร้องเพลงอยู่



พีทเดินเข้าไปหาอาร์ตช้าๆ โดยพยายามให้เงียบที่สุด จนเมื่อเข้าไปใกล้ก็กอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง และชะโงกหน้าข้ามไหล่ลงไปมองคีย์บอร์ด



“พี่มึงเล่นเป็นด้วยเหรอ” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะภาพชินตาที่ได้เห็นเป็นประจำ คืออาร์ตที่นั่งดีดกีตาร์ร้องเพลง ไม่เคยคิดว่าจะเล่นเครื่องดนตรีอย่างอื่นเป็น



“เป็นทุกอย่างแหละ” อาร์ตหยุดมือที่ดีดคีย์บอร์ดลงแล้วหันมาตอบ



“จริง?” พีททำตาโตถามเสียงสูง แล้วมองอาร์ตอย่างเหลือเชื่อ ก็รู้แหละว่าอีกฝ่ายเป็นคนเก่ง แต่บอกว่าเล่นเป็นทุกอย่างนี่ก็ออกจะเกินไปนะ



“อืม...แต่ก็แค่พอเล่นได้ เอาไปเทียบกับพวกเล่นจริงจังไม่ได้หรอก” อาร์ตว่ายิ้มๆ แล้วเริ่มดีดคีย์บอร์ดอีกครั้ง



“พี่มึงไม่นึกอยากเป็นนักร้องบ้างเหรอ” พีทถามขึ้นในสิ่งที่สงสัยมาตลอด เพราะอาร์ตทำงานพิเศษด้านนี้ แถมความสามารถก็เห็นๆ กันอยู่ แต่เจ้าดูไม่กระตือรือร้นหรือสนใจจะเอาดีด้านนี้เลย



“พี่อยากเป็นครู” อาร์ตส่ายหัวเบาๆ และคำตอบนั้นก็ทำเอาพีทตาโต เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเกี่ยวกับความฝันของคนรัก แถมเป็นความฝันที่เรียบง่ายชวนเหลือเชื่อเกินไปสำหรับอีกฝ่าย



“นี่พูดจริง?” พีทถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ คนแบบอาร์ตเนี่ยนะไปเป็นครู โคตรน่าเป็นห่วงเยาวชนของชาติ พากันเรียนไม่รู้เรื่องนั่งมองแต่หน้าครูแน่ๆ



“ทำไม? ไม่เชื่อ?” อาร์ตถามกลับพร้อมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เพราะพีทไม่ใช่คนแรกที่ตกใจกับเรื่องนี้ เพื่อนสนิทเขารวมถึงคนรอบข้างทุกคนก็พากันตกใจหมด คงคิดไม่ถึงกันล่ะมั้งว่าคนอย่างเขาจะฝันแบบนี้



“นิดนึง...แล้วทำไมพี่มึงอยากเป็นครูล่ะ” พีทยังถามต่อเรื่อยๆ ก็อะไรที่เป็นตัวอาร์ตมันชวนให้น่าติดตามจะตาย มีเรื่องมาให้ตกใจได้ตลอดเวลาจริงๆ



“ไม่รู้สิ...อาจจะเป็นเพราะแม่ครูล่ะมั้ง” อาร์ตพึมพำตอบพร้อมนึกย้อนถึงเหตุผล เขาเองก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเป็นครู แต่ภาพจำในหัวตั้งแต่เด็กจนโต คือภาพของผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่เลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี คนที่ให้ความรัก ความอบอุ่น และความรู้ เป็นทั้งครูและแม่ในเวลาเดียวกัน มันคงเป็นอะไรที่ฝังอยู่ในความรู้สึก ที่คนอย่างเขาอยากจะเป็นและทำให้ได้แบบนั้น ในสักวันนึง



“งั้นทำไมพี่มึงไม่เรียนครู” พีทที่ยังคงมีความสงสัยถามต่อไม่หยุด จนอาร์ตต้องเอี่ยวตัวหันกลับไปมองคนรัก ที่ตอนนี้ทำตัวกลายเป็นเจ้าหนูจไไมไปซะแล้วด้วยความขำ



“เรียนครูเราก็ไม่ได้เจอกันสิ” อาร์ตทำตาเป็นประกายวิบวับใส่พีท และยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้



พีทหรี่ตามองอาร์ตแล้วยกมือขึ้นฟาดเข้าเต็มหน้าอีกฝ่าย ข้อหาทำตัวกวนประสาทไม่เป็นเวล่ำเวลา เขาอุตส่าห์ถามเพราะอยากรู้ ดันมาทำเป็นเล่นซะได้



“งอนอีกล่ะ” อาร์ตขำออกมาเบาๆ พร้อมกับรั้งแขนของพีทที่หันหลังจะเดินหนีไว้



"ไม่ได้งอนเว้ย แต่ไม่อยากคุยด้วย" พีทว่าเสียงห้วนและมองค้อนอาร์ตตาคว่ำ



"ไม่งอนจริงดิ" อาร์ตรั้งเอวพีทให้ขยับมายืนที่หว่างขา และหรี่ตามองอย่างรู้ทัน



"เพื่อนเล่นเหรออาร์ต" พีทถลึงตามองอาร์ตดุๆ แต่ทำเอาอาร์ตหลุดขำ ก่อนที่จะไล่สายตาสำรวจตัวพีท



"เลิกเรียนแล้วไปซื้อเสื้อเชิ้ตสักโหลกัน” จู่ๆ อาร์ตก็พูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ จนพีทต้องมองกลับไปด้วยความไม่ไว้ใจ



“ซื้อทำไม?”



“พี่ชอบ” อาร์ตยิ้มกริ่มและยกมือลูบที่ขาอ่อนของพีทไปมา



“หน้าพี่มึงโคตรหื่นเลยว่ะ” พีทยิ้มขำแล้วปล่อยให้อาร์ตลูบอยู่แบบนั้น โดยที่ไม่คิดจะเอ่ยปากห้าม เพราะห้ามไปอาร์ตก็ไม่ฟังอยู่ดี



“กลับห้องไปใส่แบบนี้นอนนะ” อาร์ตทำเสียงอ้อนขอพีท แววตาที่มองไปทั่วทั้งตัวของพีท แสดงออกให้เห็นว่าชอบจริงๆ แบบไม่ปิดบัง ถ้าเขารู้ว่าเสื้อเชิ้ตตัวเดียว น้องใส่มันออกมาแล้วน่าฟัดขนาดนี้นะ เขาจะบังคับให้ใส่ทุกวัน ขาขาวๆ ที่พ้นออกมาจากชายเสื้อ ที่ยาวปิดถึงแค่ต้นขา ขยับทีก็วับๆ แวมๆ ชวนให้ระทึก อยากจะจับแก้ผ้าแล้วฟัดซะเดี๋ยวนี้



“สมองเนี่ยนะ” พีทดึงหูอาร์ตแรงๆ อย่างเหลืออด ส่วนอาร์ตก็เอาแต่นั่งขำชอบใจที่ทำพีทโมโหได้




“ว่าแต่ไปทำอะไรมาถึงเลอะเทอะแบบนี้” อาร์ตที่หยุดหัวเราะได้แล้วเอ่ยปากถามขึ้น หลังจากที่นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนจะพาพีทมาอาบน้ำ อีกฝ่ายทำหน้างอบอกว่ามีเรื่องจะฟ้องเขา



“เออใช่!!” พีททำตาโตและอุทานออกมา เพราะตัวเองก็ลืมไปแล้วเหมือน



“แล้วจะฟ้องอะไร” อาร์ตถามพร้อมกับดึงพีทลงมานั่งตัก



“เมียไอ้พี่หมอมันมาสาดน้ำใส่” พีทรีบฟ้องทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึง พอนึกขึ้นมาได้ก็เริ่มอารมร์เสียอีกครั้ง



“แล้วมันมาสาดใส่ทำไม” อาร์ตเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นขรึมขึ้นทันที จนพีทที่กำลังหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นทำหน้าแหย เพราะไม่คิดว่าจะทำให้อีกคนโมโหตามง่ายขนาดนั้น



“แล้วพี่มึงจะโมโหทำไมเนี่ย” พีทว่าเสียงอ่อยแล้วหันกลับมามองอาร์ต ที่ตอนนี้นั่งทำหน้ายักษ์ไปแล้ว



                “ตกลงมันมาสาดใส่ทำไม” อาร์ตยังคงทำเสียงดุ หน้านิ่งใส่พีท จนพีทชักสีหน้าออกมาด้วยความเซ็ง



                “มันบอกว่าไปยุ่งกับผัวมัน”




                “แล้วไปยุ่งจริงหรือเปล่าล่ะ” คำพูดต่อมาของอาร์ต เรียกใบหน้าบึ้งตึงจากพีทได้ทันควัน



                “ปากหมาละพี่มึง” พีทยกมือตบปากอาร์ตเต็มแรงข้อหาปากไม่ดี พร้อมกับถลึงตาใส่ดุๆ



                “ฮ่าๆ แล้วจะเอายังไง มาฟ้องแบบนี้จะให้พี่ทำอะไร ไปจับมาตบไหม” อาร์ตทำหน้าจริงจังใส่พีท แต่แววตาสั่นระริกด้วยความขำ



                “ตบบ้าอะไรล่ะวะ ก็เพราะไม่รู้จะทำยังไงถึงมาฟ้องเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงนะ ใช้ไอ้พี่วินไปดักเก็บแม่ง” พีทบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง เพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่น



                “แล้วทำไมต้องใช้ไอ้วิน”



                “อ้าว...ทำเองคนก็รู้ดิ” พีทเหลือบตามองอาร์ตและส่ายหัวไปมา พร้อมกับถอนหายใจที่อาร์ตไม่รู้อะไรเอาซะเลย เรื่องเลวๆ ใครเขาให้ลงมือทำเอง มันต้องใช้คนอื่นทำให้ถึงจะถูก



                “ไอ้แสบเอ้ย” อาร์ตขำออกมาเบาๆ แล้วบิดปลายจมูกของพีทด้วยความมันเขี้ยว



                Tru…Tru…Tru…



                ในขณะที่พีทกำลังจะอ้าปากด่าอาร์ต เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน อาร์ตเลยปล่อยตัวพีทให้ลุกออกจากตัก เพื่อไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงโซฟา



                พีทมองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอด้วยความตกใจ ความกังวลเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย จนแม้แต่อาร์ตที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยยังรู้สึกได้




                “ดื้อ...ใครโทรมา” อาร์ตตัดสินใจถามขึ้น เมื่อเห็นพีทยังเอาแต่ยืนจ้องโทรศัพท์ และมีอาการลังเลที่จะกดรับสาย



                พีทเงยหน้าขึ้นจากจอแล้วหันไปสบตากับอาร์ต ใบหน้าเนียนแสดงความเครียดออกมาอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะเดินถือโทรศัพท์มาหาอาร์ตและยื่นให้อีกฝ่ายดู



                อาร์ตมองชื่อที่โชว์บนหน้าจอและเงยหน้าขึ้นมามองพีท พร้อมกับความสงสัยที่ลอยอยู่เต็มหัว ว่าอีกฝ่ายโทรมาหาพีททำไม และทำไมยังกล้าติดต่อมา หรือเป็นเพราะพูดถึงเหี้ย...เหี้ยเลยแสดงตัว



                โทรศัพท์ในมืออาร์ตยังคงส่งเสียงร้องและสั่นเป็นเจ้าเข้าตลอดเวลา โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ และปลายสายก็คงจะไม่ยอมแพ้ เพราะพอสายตัดสักพักมันก็มีสายเรียกเข้า เป็นสายจากคนๆ เดิมที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอว่า...



                ‘แทนไท’







2 Be Con...



+++++++++++++

เคลียร์เรื่องไอ้พี่หมอกันเถอะ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า

หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 53 (2/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-10-2016 22:46:35
จะโทรมาทำไมอี๊กกกกกกก

 :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 53 (2/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2016 00:01:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 53 (2/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-10-2016 10:12:56
 :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 53 (2/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 03-10-2016 15:53:46
ขอ M16A1 สักกระบอกได้ไหมคะเนี่ยอยากยิงชะนีที่มาตกมันกับอิพี่หมอมันเลยเอาแบบม้วนเดียวจบ  :angry2:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 04-10-2016 15:38:29
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 54 -



ดวงตาเรียวมองร้านอาหารชื่อดังตรงหน้าด้วยความหนักใจ แววตาไหววูบเต็มไปด้วยความลังเลในนั้น ลมหายใจถูกพ่นออกมาหนักๆ เพื่อระบายความเครียด ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลังของตัวเอง



“เข้าไปเถอะ” อาร์ตยกมือขึ้นบีบที่ไหล่เล็กเบาๆ และสบตาอย่างให้กำลังใจ



“แต่ว่า…” ถึงอย่างนั้นพีทก็ยังอดที่จะค้านไม่ได้ได้ เพราะครั้งล่าสุดที่ได้เจอกับใครอีกคน มันคือความทรงจำเลวร้ายที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม



“ไม่เป็นไรหรอก...พี่อยู่ด้วย” อาร์ตลูบหัวพีทและกำชับบอกอีกฝ่ายให้มั่นใจ ว่าการเจอกันรอบนี้ของพีทกับแทนไท มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องแย่ๆ อีก ตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนี้



พีทยังคงมีความลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำของอาร์ต ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความกล้า แล้วหันหลังกลับไปผลักประตูกระจกเพื่อเปิดทาง และเป็นคนเดินนำอาร์ตเข้าไปข้างใน




เหตุผลที่เขามาร้านอาหารชื่อดังร้านนี้ สาเหตุสืบเนื่องมาจากสายเรียกเข้าเมื่อเย็นวาน เมื่อจู่ๆ คนที่พีทคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วในชาตินี้ ก็โทรมาหาหลังจากที่เงียบหายไปเหมือนตายจาก



ในตอนแรกเขาลังเลที่จะกดรับสาย เพราะไม่อยากจะติดต่อหรือคุยอะไรกับคนๆ นี้ทั้งนั้น ตั้งใจว่าจะตัดสายทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ แต่อาร์ตกลับห้ามเอาไว้และบอกให้เขารับสาย



ทันทีที่รับสาย และยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ปลายสายก็ชิงบอกจุดประสงค์ของตัวเองมาก่อน ซึ่งสิ่งที่บอกมา ทำเอาพีทในเวลานั้นต้องชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ




แทนไทนัดเจอเขาที่ร้านอาหารนี้ โดยที่ไม่บอกว่าอยากเจอทำไม และยังกำชับให้เขามาหาแค่คนเดียว เขาตั้งใจจะปฏิเสธออกไปเพราะไม่อยากจะเห็นหน้า ไม่อยากเจอกันอีกในตอนนี้ เขาไม่ได้เกลียดอะไรอีกฝ่ายขนาดนั้น แค่ยังทำใจมองผ่านเรื่องที่โดนกระทำไม่ได้



“พี่บอกให้มาคนเดียวไม่ใช่เหรอครับ” แทนไทส่งยิ้มให้พีทและถามขึ้นโดยที่ใช้หางตามองอาร์ตเล็กน้อย



“กูคงปล่อยเมียกูมาเจอเหี้ยคนเดียวหรอก” อาร์ตสวนกลับทันควัน และนั่งลงโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครเชิญ



“ว่างๆ พีทน่าจะฝึกมารยาทการเข้าสังคมให้มันบ้างนะครับ” แทนไทเองก็ไม่ต่างกัน อ้าปากสวนกลับแบบคำต่อคำ




พีทได้แต่ยืนมองหน้าอาร์ตกับแทนไท ที่จ้องหน้ากันเขม็งสลับกันไปมา ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้โต๊ะข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองมาหน้าตาตื่น เขาล่ะกลัวใจจริงๆ ว่าไอ้สองคนนี้มันจะลุกมาตีกัน



“มึงมีเรื่องเหี้ยอะไรก็รีบพูดมา” อาร์ตถามเสียงห้วน



“ทำไมกูต้องบอกมึง” แทนไทถามกลับยียวน ทำเอาอาร์ตฝ่าเท้ากระตุกยิกๆ ไม่หยุด



“แดกตีนไหม” อาร์ตถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่แววตาแสดงให้เห็นว่าจะทำอย่างที่ปากพูดแน่ๆ



“มึงอยาก?” แทนไททำหน้ากวนประสาทใส่อาร์ตอย่างไม่กลัวตาย




“เอ่อ...พี่หมอมีอะไรจะคุยกับผมครับ” พีทรีบพูดแทรกขึ้นเพื่อห้ามทัพ เพราะกลัวว่าถ้าขืนยังปล่อยให้สองคนนี้คุยกันเอง นอกจากจะไม่ได้อะไร อาจจะยังต้องหามกันไปโรงพยาบาลแบบรอบที่แล้ว



“พี่ขอคุยกับพีทแค่สองคนได้ไหม” แทนไทหันมาคุยกับพีทเสียงนุ่ม ผิดกับที่ใช้ต่อปากต่อคำกับอาร์ตลิบลับ



“กูไม่ให้คุย” ยังไม่ทันที่พีทจะได้เป็นฝ่ายตอบอะไร อาร์ตก็สวนขึ้นเสียงห้วนแววตาแข็งกร้าว



“กูไม่ได้ถามมึง” แทนไทเองก็หันกลับไปต่อปากต่อคำกับอาร์ตทันที ด้วยท่าทางและน้ำเสียงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่



พีทต้องกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งให้กับคนทั้งคู่ เขาอุตส่าห์คิดว่าอาร์ตมาด้วยเรื่องมันคงจะง่ายขึ้น และจะได้รู้ถึงจุดประสงค์ที่แทนไทนัดออกมา กลายเป็นว่านั่งมาร่วมสิบนาที เขาไม่ได้อะไรเลยนอกจากดูไอ้บ้าสองตัวนั่งฮึ่มแฮ่ใส่กัน



“อย่างที่พี่อาร์ตบอกละครับ ผมคงไม่สะดวกคุยกับพี่แค่สองคน มีอะไรพี่หมอพูดมาเลยดีกว่า เพราะพวกเราไม่เคยมีความลับอะไรกันอยู่แล้ว” พีทพูดแทรกขึ้นด้วยนำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดทำให้อาร์ตกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ และส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้แทนไท ส่วนตัวของแทนไทเองแววตาถึงกับไหววูบไปกับประโยคเหล่านั้น ก่อนจะรีบปรับมันให้กลับมาปกติในเวลาอันรวดเร็ว



“พี่มาลา” และคำพูดที่หลุดออกจากปากของแทนไท รอยยิ้มแห้งแรง รวมถึงแววตาแฝงความเศร้าหมองที่แสดงออกมา ทำให้ทั้งอาร์ตและพีทต้องหันมามองหน้ากัน เพราะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแทนไทจะนัดมาเจอด้วยเรื่องนี้




“เฮ้อ!!! เดี่ยวพี่ออกไปรอนอกร้าน” อาร์ตถอนหายใจออกมาเสียงดัง หลังจากที่สังเกตท่าทางของแทไทอยู่สักพักจนมั่นใจว่าท่าทีที่แสดงออกมาของอีกฝ่ายไม่ใช่การเสแสร้ง เลยตัดสินใจลุกขึ้นไปรอข้างนอกเพื่อเปิดโอกาสให้พีทกับอดีตคนรักได้คุยกัน เพราะดูแล้วแทนไทคงมีเรื่องจะคุยกับพีทเยอะพอสมควร



“อาร์ต...” พีทดึงชายเสื้อของอาร์ตไว้แน่นด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอาร์ตจะทิ้งตัวเองเอาไว้กับแทนไทแค่สองคน ดวงตาสวยเริ่มฉายแววหวั่นวิตกขึ้นมาอีกครั้ง



“ไม่เป็นไร” อาร์ตยีผมพีทจนฟูฟ่อง และส่งสายตาบอกให้สบายใจว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนสุดท้ายพีทก็พยักหน้าเชื่อคำพูดของอาร์ต



“ขอบใจ” แต่ก่อนที่อาร์ตจะเดินออกไป แทนไทก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ




อาร์ตหันกลับมามองหน้าแทนไทด้วยความประหลาดใจ และกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกระแทกเสียงตอบกลับไป



“เออ!!”



“สัด!” แทนไทบ่นพึมพำตามหลังอาร์ตอย่างหมั่นไส้ รู้สึกมือเท้ามันกระตุกตลอดเวลา อยากจะออกกำลังกับอีกฝ่ายเป้นนัดล้างตาเหลือเกิน



“ไม่ต้องกลัวพี่หรอก” แทนไทยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นท่าทางยุกยิก และมองมาอย่างหวาดระแวงตลอดเวลาของพีท ซึ่งพีทก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งยิ้มแหยๆ เพราะถึงอีกฝ่ายจะดูไม่มีอะไร แต่มันก็อดระแวงในใจไม่ได้อยู่ดี




“พี่ขอโทษนะ” คำพูดอ่อนแรงและรอยยิ้มเศร้าหมองของแทนไท ทำให้พีทหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองและมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา



“พี่อยากบอก...ก่อนจะไปเรียนต่อ” น้ำเสียงจริงใจที่หลุดออกมาจากปากของแทนไท ทำให้พีทถึงกับพูดอะไรไม่ออก นอกจากพยักหน้ารับรู้ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกยังไง รู้แค่ว่าไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะได้ยินคำนี้จากอีกฝ่าย



ที่แทนไทหายไปในช่วงนี้ ก็เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องที่จะไปเรียนต่อ เลยไม่มีเวลาว่างมากพอจะมาวุ่นวายกับพีท ส่วนที่ไม่เอาเรื่องอาร์ต มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรซับซ้อนเลย ก็แค่อีโก้ของลูกผู้ชาย แค่พายแพ้มันก็เจ็บใจมากพอแล้ว แทนไทเลยไม่คิดที่ประจานตัวเองให้อายมากกว่านั้น



“พี่รักเรานะ” จู่ๆ แทนไทก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาพีทตาเบิกโพรงจนแทบจะถลน เพราะตกใจกับคำบอกรักของเจ้าตัว อ้าปากพะงาบๆ พยายามที่จะพูดอะไร สุดท้ายก็ต้องหุบลงเหมือนเดิม เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ และเลือกที่จะเงียบปล่อยให้แทนไทเป็นฝ่ายพูดต่อไป



“พี่ยังพอมีหวังบ้างไหม” คำถามของแทนไท เรียกความเงียบให้ปกคลุมระหว่างทั้งคู่ทันที และต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง



 “ผมเคยรักพี่” ในที่สุดพีทก็ควานหาเสียงตัวเองเจอหลังจากที่เงียบไปนาน และเงยหน้าสบตากับแทนไทแบบไม่หลบ



“แต่ตอนนี้...ผมรักคนอื่นแล้ว” พีทตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมแววตาที่แสดงความมั่งคงของหัวใจ จนแทนไทที่มองเห็นรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งใจ



 “สายไปแล้วสินะ” แทนไทพึมพำออกมาแผ่วเบา มองใบหน้าเรียบเฉย แววตาไม่สะท้อนความรู้สึกใดๆ ของพีทอย่างปวดใจ




เขากำลังจะไปเรียนต่อเฉพาะทางที่เยอรมัน และก่อนไปเขาอยากมาเจอพีท อยากมาขอโทษและบอกความรู้สึกบางอย่างที่ยังค้างอยู่ในใจ มันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่จะลองลงมือทำ ถ้าแววตาคู่สวยคู่นั้นสะท้อนอะไรออกมาบ้าง ตอนที่เขาบอกว่ากำลังจะไปก็คงดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่มีอะไรเลย พร้อมกับความหวังทุกอย่างที่ดับลง



“เขาดูแลพีทดีไหม” แทนไทพยายามถามด้วยน้ำเสียงปกติ พยายามไม่ให้มันสั่นไหวสะท้อนความอ่อนแอข้างใน




“ดี...แต่เพี้ยนไปหน่อย” พีทพยักหน้างึกงัก และยิ้มกว้างออกมาเมื่อพูดถึงคนรัก




“แล้วยังไงอีก” แทนไทถามต่อพร้อมกับยกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ




“ก็....” และหลังจากนั้นพีทก็เล่าถึงวีรกรรมแสบๆ ของอาร์ตให้แทนไทฟังไม่หยุด มีรอยยิ้มสดใสและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลาที่พูดถึงอาร์ต



แทนไทมองท่าทางของพีทแล้วเจ็บไปหมดทั้งใจ เขาไม่เคยทำให้น้องยิ้มได้ขนาดนี้เลยสักครั้งในระหว่างที่เราคบกัน ไม่เคยกล้าแสดงออกว่ารักต่อหน้าคนอื่นเหมือนที่ใครอีกคนทำ นอกจากการทำให้น้องเสียใจซ้ำๆ และสุดท้ายก็ทิ้งไป พอวันที่รู้สึกตัวว่าทำหัวใจหล่นหาย มันก็สายจนกลับไปทำอะไรไม่ได้แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ได้แต่อิจฉาผู้ชายคนนั้น คนที่ได้หัวใจของน้องไป หัวใจที่มันเคยเป็นของเขา แต่เขารักษาไว้ไม่ได้



“พี่ขอโทษ...ขอโทษทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับเรา ยกโทษให้พี่นะครับ” แทนไทส่งยิ้มอย่างเจ็บปวดให้พีท หวังว่าจะได้รับการให้อภัย แมว่าจะไม่มีทางได้ความรักกลับคืนแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือความเงียบ และนั่นมันทำให้แทนไทได้แต่นั่งคอตก



เขาทำเรื่องเลวร้ายกับอีกฝ่ายซ้ำๆ ซากๆ จนเกินจะเยียวยา หรือให้อภัยได้แล้วสินะ แต่เขาไม่โทษน้องเลย เพราะผลที่ได้รับ มันก็เหมาะสมกับการกระทำของเขาแล้ว



“ขอบคุณนะที่ยอมมา กลับกันเถอะ” แทนไทพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับวางเงินสดเอาไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะเดินนำพีทออกไปนอกร้าน ใจจริงเขามีอะไรอยากจะพูดมากมาย แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ คนเลวๆ แบบเขาก็ไม่ควรแก้ตัวอะไรอีก



“กูฝากด้วยนะ” แทนไทตบไหล่อาร์ตและเอ่ยปากฝากฝังพีท แม้จะรู้ว่าอีกคนทำหน้าที่ได้ดีกว่าตัวเองเป็นไหนๆ

อาร์ตเหลือบตามองแทนไทเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไร เพราะถึงอีกฝ่ายจะเลวร้ายขนาดไหนแต่สิ่งหนึ่งที่อาร์ตสัมผัสได้ คือแทนไทรักพีทจริงๆ




“เดี๋ยวพีทแทน!!” พีทที่เงียบมานานตะโกนเรียกแทนไท ที่กำลังเดินคอตกจากไปเสียงดัง ซึ่งเจ้าตัวก็หันกลับมามองหน้าพีทเหลอหราด้วยความสงสัย แต่พีทไม่ได้ไขความกระจ่างอะไรให้นอกจากสาวเท้าเข้าไปใกล้



ผัวะ!!!



หมัดหลุนๆ ที่หนักเอาการกระแทกเข้าที่หน้าแทนไทอย่างจังแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับมึนสมองเห็นดาวแล้ววนเวียนไปมา ก่อนจะสะบัดหัวแรงๆ และมองหน้าพีทอย่างไม่เข้าใจ แม้แต่อาร์ตเองก็ยังสงสัยในการกระทำของคนรักด้วยเหมือนกัน



“หมัดนี้ ถือว่าผมเอาคืนที่ทำเรื่องเหี้ยๆ กับผม” พีทพูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง พร้อมกับสะบัดมือไปมาไล่ความเจ็บ เพราะชกออกไปเต็มแรง



“ผมไม่ให้อภัยพี่ง่ายๆ หรอกนะ แต่เอาเป็นว่า...โชคดีนะพี่” พีทยิ้มกว้างให้อย่างสดใส ซึ่งนั่นมันทำให้แทนไทหลุดยิ้มออกมาเหมือนกัน




“ขอบคุณครับ” แทนไทพึมพำบอกแผ่าเบา ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหันหลังจากไป อย่างน้อยในวันนี้พีทก็ยังส่งยิ้มให้เขาบ้างแล้ว แค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับคนแพ้แล้วล่ะ



“เอาแค่นี้” อาร์ตยกยิ้มมุมปาก เอ่ยถามพีทอย่างยียวน



“เออน่า กลับปะ...หิวข้าว” พีทว่าหน้ามุ่ยและดันหลังอาร์ตให้เดินออกไปจากตรงนี้




“กินไร” อาร์ตเอื้อมมาดึงตัวพีทให้มาเดินข้างๆ ก่อนจะยกมือกอดคอและชวนคุยไปตลอดทาง โดยที่ทั้งคู่ต่างทิ้งเรื่องของแทนไทไว้เบื้องหลัง ให้มันเป็นอดีตที่ผ่านเข้ามาวูบนึงในชีวิตเพื่อให้ได้จำก็พอแล้ว



...

...



“ดื้อ...ตื่นได้แล้ว” อาร์ตใช้ปลายนิ้วเกลี่ยลงไปที่แก้มใส พร้อมกับส่งเสียงเรียกที่ข้างหู เพื่อปลุกให้คนนอนขี้เซาตื่นขึ้นมา



“อื้อ...ถึงแล้วเหรอ” พีทงัวเงียตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียก ก่อนจะขยี้ตาตัวเองไปมาเพื่อไล่ความง่วงที่ยังเกาะอยู่เหมือนปิง เดือดร้อนถึงอาร์ตที่นั่งมองอยู่ต้องยื่นมือมาดึงมือเล็กเอาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้ขยี้ต่อไปเรื่อยๆ จะตาเจ็บเอา



“พอได้แล้ว เดี๋ยวเจ็บตา” อาร์ตว่าพร้อมทั้งรีบไปคว้ามืออีกข้างของพีทมากุมไว้ เพราะพออีกข้างหนึ่งถูกยึดคนรั้นแบบพีทก็พยายามใช้มืออีกข้างที่ว่าง ยกมันขึ้นไปขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง




“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ใส่พี่เลย ขยี้จนตาแดงหมดแล้ว” อาร์ตดุพีทอย่างไม่ยอมตามใจเหมือนกัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้งไม่พอใจที่โดนขัดใส่



“ชิ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ พีทเลยได้แต่หน้าหงิกและส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจออกไป เรียกเสียงหัวเราะจากอาร์ตที่เป็นคนขัดใจอีกฝ่ายได้ไม่อยาก

“หึ หึ ไอ้ดื้อเอ้ย” อาร์ตยื่นมือไปบีบปลายจมูกรั้นของพีทด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะดับเครื่องยนต์และเปิดประตูก้าวลงจากรถไป ทิ้งให้พีทมองค้อนตามหลังทำตาปะหลับปะเหลือกขัดใจอยู่แบบนั้น



“ลงมาได้แล้วดื้อ” อาร์ตที่เดินอ้อมมาอีกฝั่งของตัวรถ เคาะกระจกเรียกพีทที่นั่งขมุบขมิบปากไม่หยุดให้ลงมา พร้อมกับส่ายหัวหน่ายใจให้กับความแสนงอนของอีกฝ่าย



“หิว!!” พีทยอมเปิดประตูรถแล้วลงมายืนข้างๆ อาร์ต พร้อมกับทำหน้าหงิกงอถลึงตาใส่อีกฝ่าย ก่อนจะกระแทกเสียงบอกในสิ่งที่ต้องการและปิดประตูรถอัดกระแทกเสียงดัง




“ตีมือหักซะดีไหม” อาร์ตว่าดุๆ และฟาดลงบนมือของพีท ก่อนจะกดกุญแจล็อกรถและเดินนำออกไป ทิ้งให้พีทมองตามหลังด้วยความเคือง และสะบัดมือไปมาเพราะความเจ็บที่โดนตี



“อาร์ต!!” พีทตะโกนไล่หลังเสียงดัง ก่อนจะวิ่งเข้าหาและง้างมือทุบลงที่กลางหลังอีกฝ่ายเป็นการเอาคืน



“อุ่ก!! พี่ตีดื้อเบาๆ เองนะ” อาร์ตหันมาหาพีทที่ยืนยักคิ้วยียวนอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความจุกปนเจ็บ



“ฮ่าๆ สม!!!” พีทยืนกอดอกหัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินนำเข้าห้างไป



“สรุปจะกินข้าวก่อนใช่ไหมดื้อ” อาร์ตเดินเข้ามากอดคอพีทและก้มลงถามเพื่อความแน่ใจ เพราะอีกฝ่ายอารมณ์ค่อนข้างแปรปวน ตอนนี้บอกหิวไม่ถึง 5 นาทีก็เปลี่ยนใจได้



“อือ...ยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ ที่สำคัญพี่มึงอย่าลืมว่าจ่ายตลอดทริป” พีทหันกลับมายักคิ้วใส่อาร์ตแล้วจับแขนที่พาดไหล่ตัวเองออก ก่อนจะเดินตัวปลิวมองหาร้านอาหารที่ต้องการอย่างสนุกสนาน ส่วนอาร์ตได้แต่ส่ายหัวยืนอมยิ้มก่อนจะรีบเดินตามเจ้าตัวไป



“พี่อาร์ต!!!” เสียงที่ร้องทักขึ้นระหว่างที่ยืนรอคิวหน้าร้านอาหาร ทำให้ทั้งอาร์ตและพีทหันกลับไปมองอย่างสนใจ ก่อนที่พีทจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง และอาร์ตที่กรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง



“มีอะไรครับน้องวิว” อาร์ตส่งยิ้มละมุนและเอ่ยถามเสียงนุ่ม



“พี่เปลี่ยนใจหรือยังคะ” วิวยิ้มแฉ่งและสบตาอาร์ตอย่างมีความหวัง ทำเอาอาร์ตได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ อย่างหนักใจ



ถ้าจะถามว่าที่วิวพูดออกมาคือเรื่องอะไร ก็ต้องเล่าย้อนกลับไปนิดหน่อย เมื่อประมาณต้นสัปดาห์ที่แล้วเห็นจะได้ จู่ๆ วิวก็ดทรมาและนัดเขาออกมาเจอ เขาเองด้วยความที่สงสัยกับท่าทางของอีกฝ่ายและประกอบกับมีเวลาว่างพอดี เลยตัดสินใจตอบรับคำชวนและออกมาเจอ



สิ่งที่ได้ในวันนั้นคือการคุยเรื่องเซ็นสัญญาเป็นศิลปิน พร้อมกับความจริงที่ว่าวิวเป็นลูกสาวของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวมีความสนใจเขามาก เพราะคลิปๆ หนึ่งที่มีคนแอบถ่ายเขาที่ร้านเหล้าของตอง และอัพมันลงบนยูทูบ ซึ่งหลังจากคุยกันเขาก็ตอบปฏิเสธไปตรงๆ เพราะอยากเป็นครู ไม่ได้อยากเป็นดารานักร้อง แม้ว่าจะไม่ได้รังเกียจอะก็ตาม แต่ความฝันที่แท้จริงมันไม่ใช่ทางนี้ ไม่อย่างนั้นเขาเซ็นสัญญาไปเป็นดารากับแมงมองคนอื่นตั้งนานแล้ว ไม่อยู่จนเจอกับน้องวิวหรอก



เขาเองก็คิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นั้น เหมือนกับที่เคยเป็นทุกๆ ครั้ง แต่ใครจะไปนึกว่าน้องวิวจะช่างตื้อได้มากกว่าที่คิด เช้าถึง เย็นถึง โทรศัพท์ แชท ทำทุกทางเพื่อไซโคเขา จนเขาแอบหลอนและพาลไปนึกถึงตอนที่โดนตื้อให้เป็นบอสวิศวะ มันก็เหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ไม่มีผิด



“พี่ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ” อาร์ตตัดสินใจปฏิเสธออกไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแววตาที่ยังมุ่งมันเหมือนเดิมของวิว สมกับที่เจ้าตัวเคยพูดว่าอยากได้เขาเอาไว้จริงๆ



“ไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยววิวมาถามใหม่นะคะ” วิวส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก และยกมือขึ้นโบกลาพร้อมกับวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาพีทกับอาร์ตหันมาสบตากันด้วยความอึ้ง ก่อนจะพากันหลุดขำออกมา



“พี่มึงไม่ลองดูอ่ะ สงสารน้องมัน” พีทชะโงกหน้ามองตามหลังวิวแล้วเอาไหล่กระแทกไหล่อาร์ตเบาๆ



“มันจะไม่ใช่แค่ลองน่ะสิ” อาร์ตส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะจูงมือพีทเดินเข้าร้านอาหาร หลังจากที่ถึงคิวของตัวเองแล้ว พร้อมกับที่เลิกสนใจวิวไปที่จู่ๆ ก็โผล่มา และหายไปอย่างรวดเร็ว คิดว่าอีกไม่นานวิวก็คงจะเบื่อไปเอง...ก็หวังว่าจะอย่างนั้นล่ะนะ



...

...



แกร๊ก...



เสียงประตูห้องนอนดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับร่างๆ หนึ่งที่เดินเข้ามาภายใน สายตามองลงไปบนเตียงกว้างที่มีร่างสองร่างกอดก่ายกันอยู่อย่างไม่บ่งบอกอารมณ์ มองนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดจะส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักนิด จนกระทั่งหนึ่งคนในนั้นเริ่มขยุกขยิกไปมา แสดงอาการว่าตื่นนอนขึ้นมาแล้ว



“ดื้อ...ตื่นดะ...ได้...เฮือก!!!” อาร์ตที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาบนเตียงกว้าง กำลังจะหันไปหอมแก้มคนข้างตัวเพื่อปลุกให้ตื่นนอน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเงาอะไรบางอย่างที่ปลายเตียง ไล่สายตามองตามไปเรื่อยๆ ก็ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่



“ดื้อครับ...ตื่นเร็ว”อาร์ตเขย่าร่างพีทและส่งเสียงเรียกแผ่วเบา แต่สิ่งที่ได้กัลบมาคือพีทที่กอดแน่น และซุกเข้าหาไม่หยุด



“พีทครับ” อาร์ตยังคงพยายามส่งเสียงเรียกคนขี้เซาไม่หยุด



“อาร์ต...น้องง่วง อย่ากวนได้ไหม” พีทงึมงำตอบออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา พร้อมกับซุกหน้าเข้าหาตัวอาร์ต ขาสองข้างโอบกอดไว้แน่น พร้อมกับหลับต่อทันที



อาร์ตละสายตาจากพีทและหันกลับมาส่งยิ้มให้ร่างที่ยืนอยู่ปลายเตียง พร้อมกับส่งยิ้มที่พยายามให้ดูดีที่สุดไปให้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือสายตาดุๆ ที่จ้องกลับมาแบบจะกินเลือดกินเนื้อ



“อื้อ...อาร์ตนอนเร็ว” เสียงของพีทดังงึมงำขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมือเล็กที่พยายามดึงเขาลงไปนอนกอด ซึ่งอาร์ตคงจะลงไปในทันทีเลยละ ถ้าบังเอิญว่าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์คอขาดบาดตายแบบนี้



สถานการณ์ที่มีขายสูงวัยยืนจ้องมองเขม็ง และพร้อมที่จะเอาปืนมายิงเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง สถานการณ์ที่ความแตก แบบที่โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้



‘เขาจะรอดจากกระสุนปืนของคุณพ่อตาไหมวะ’





2 Be Con...



++++++++++++++++++

ปิดจ๊อบเรื่องพี่หมอ

นิยายมันแนวฟิลกู๊ด เพราะฉะนั้นมันก็จะต้องจบเรื่องแบบกู๊ดๆ

ตัวละครก็จะไม่มีใครเลวที่สุด และพร้อมที่จะกลับตัว หุ หุ

ว่าแต่...ซวยแล้วเฮีย!!!

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2016 15:58:33
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 05-10-2016 00:31:25
เอาแว้วววว งานเข้า. เฮียฮาร์ตจะทำยังไงค่อไปละทีนี้
เฮียอาร์ตคนดีสู้ๆนะ ป๊าใจเย็นนะ สงสารน้องพีท
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-10-2016 05:52:09
เต็มๆตา พ่อตา จะรอดมะพี่อาร์ต555
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-10-2016 08:49:46
ไกล้จุดไคลน์แมกแล้ว
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 05-10-2016 17:32:32
 :hao4:  อ่า  เต็ม ๆ ตาคุณพ่อตาเลยค่ะพี่  ขอให้รอดนะคะ   :sad11:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 54 (4/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-10-2016 19:01:30
พ่อตามาละนะเฮีย เตรียมพร้อม  :hao3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 55
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 08-10-2016 16:37:49
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 55 -





                พีทตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันด้วยความรู้สึกสดชื่น ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เรียกว่าเต็มอิ่มสุดๆ พร้อมกับภาพอาหารฝีมือนมอุ่นที่ไม่ได้กินมานาน เพราะว่าแทบจะไม่ได้กลับมานอนบ้านตัวเองเลยช่วงนี้ และรอบนี้เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว ยังหนีบลูกรักของนมอย่างไอ้พี่อาร์ตมาด้วย รับรองว่าอาหารต้องกองเต็มบนโต๊ะ ไม่ต่างจากบุฟเฟต์แน่ๆ



                “ฮ้า...อาร์ตตื่นดะ...หือ” พีทยกแขนสองข้างขึ้นเหนือหัวและบิดขี้เกียจ หันหน้าไปทางด้านข้างตั้งใจจะปลุกใครอีกคนให้ตื่นนอน แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อคนที่คิดว่ายังไม่ตื่น กำลังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงในสภาพที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคร่งเครียด



                “เป็นไรอ่ะ...หิวเหรอ” พีทคลานดุกดิกเข้าไปหาอาร์ต พร้อมกับเอาคางไปวางเกยบนไหล่กว้าง และกดจมูกลงหอมแก้มของอีกฝ่าย พร้อมทั้งยิ้มกว้างทำตาแป๋วส่งไปให้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว



                “ตื่นแล้วเหรอ” อาร์ตหันกลับมาส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ พร้อมกับหอมแก้มเนียนของพีทกลับ และยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าตัวอย่างอ่อนโยน

                “พี่มึงเป็นอะไร” พีทมองเข้าไปในแววตาของอาร์ตด้วยความเป็นกังวล เพราะถึงอีกฝ่ายจะส่งยิ้มมาให้แต่มันมีความตึงเครียดบางอย่างที่สะท้อนออกมาให้สัมผัสได้ มันเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่เขานอนหลับกันแน่



                “ไปอาบน้ำเร็ว” อาร์ตยังไม่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น นอกจากส่งยิ้มที่แฝงไปด้วยความหนักใจให้พีท พรอมกับเอ่ยปากไล่ให้ไปจัดการุระส่วนตัว



                “อาร์ต” พีทยื่นมือไปประคองใบหน้าของอีกฝ่าย และบังคับให้หันมาสบตากันตรงๆ พร้อมกับคาดคั้นเอาคำตอบทางสายตา



                “ป๊ารอข้างล่าง” คำตอบของอาร์ตและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเครียด ทำให้พีทดวงตาเบิกโพรงอย่างตกใจ มือสองข้างที่จับหน้าของอาร์ตไว้ถึงกับอ่อนแรง มันคงไม่ได้มีอะไรแบบที่เขาคิดใช่ไหม



                “ป๊า...รอ...ทะ” พีทถามออกไปด้วยนำเสียงขาดห้วง แววตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความกลัว ในหัวสมองเกิดคำถามมากมายเต็มไปหมด



                “ใจเย็นๆ อาร์ตดึงพีทให้ลงมานั่งที่ตัก ยกมือลูบหลังเล็กไปมา ปากก็กดจูบซ้ำๆ เพื่อปลอบประโลม เขาเองก็กังวลไม่ต่างจากอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่ยังพยายามไม่คิดอะไรไปไกลหรือมากไปกว่านี้



                “แล้วทำไม...” พีทถามเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากกระซิบ ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่อาร์ตอย่างหวั่นวิตก ภาววนาในใจให้ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่กำลังกลัว



                “ป๊าเข้ามาในห้อง...” อาร์ตบอกเล่าเสียงเครียดอย่างปิดไม่มิด และความรู้สึกเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะส่งผ่านถึงคนฟังอย่างพีทเช่นกัน



...

...           




ในตอนเช้าตรู่ของวันนี้ทุกอย่างคงจะเป็นเหมือนเดิม ดังเช่นทุกๆ ครั้งที่อาร์ตได้มาพักที่บ้านหลังนี้ ยกเว้นสำหรับเช้าวันนี้ที่แปลกไป เขาตื่นมาพร้อมกับความตกใจที่วัดระดับค่าไม่ได้ เมื่อเจอบุคคลที่ไม่คาดฝันและไม่คิดว่าจะได้เจอยืนมองอยู่ปลายเตียง พร้อมๆ กับสัญญาณบ่งบอกว่าความลับที่ร่วมกันปกปิดมาหลายปี แตกละเอียดไม่เป็นท่า



            เขาสบตาที่มองมานิ่งๆ แบบเดาอะไรไม่ได้ของพ่อคนรักด้วยความกังวล อยากจะแก้ตัวหรือคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเข้าใจผิด แต่คนตัวเล็กที่นอนข้างกันก็ซุกเข้าหาไม่หยุด และแขนสองข้างของเจ้าตัวก็ยกมาโอบกอดไว้แน่น บ่งบอกได้ดีถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่ระดับรุ่นพี่รุ่นน้องอย่างที่เคยบอกไป ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสัวพิชิตไม่ใช่คนโง่ที่จะดูอะไรพวกนี้ไม่ออก



            “เอ่อ...คือ...ผม” อาร์ตพยายามที่จะหาคำอธิบายเพื่อพูดออกไป แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่มีคำดีๆ อะไรเลยในหัว



            “ถ้าเจ้าพีทตื่นแล้วพาลงไปหาฉันข้างล่างด้วย” แต่ก่อนที่อาร์ตจะได้แก้ตัวอะไร เจ้าสัวพิชิตก็พูดขัดขึ้นมาด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้เอ่ยถาม ต่อว่า หรือแม้แต่แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งอาร์ตที่ยังคงตกใจไม่หายเอาไว้เบื้องหลัง



            อาร์ตได้แต่มองตามหลังผู้สูงวัยที่เดินออกไป พร้อมกับถอนหายใจออกมาจนหมดปอด ไม่ใช่เพราะโล่งอกแต่มันยิ่งกว่าหนักใจ เพราะถ้าหากพ่อของน้องแสดงความโกรธ โมโห หรืออะไรออกมาบ้างมากกว่านิ่งเฉย เขาคงจะรู้สึกคิดมากน้อยกว่านี้ แต่ความเงียบและความนิ่งมันทำให้เขาไม่สบายใจเอาซะเลย



            หลังจากที่ต้องตื่นเต็มตาขึ้นมาด้วยเห็นการณ์ไม่คาดฝัน และสมองมันก็ทื่อเกินกว่าที่จะคิดอะไรออก เขาเลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเผื่อสมองจะโล่ง และคิดหาคำพูดดีๆ อะไรเพื่อมาใช้แก้ตัว อธิบายออกบ้าง




            และนั่นคือเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่สร้างความเครียดสะสมมากมายมหาศาลได้เช้าวันนี้



                ...

                ...



                “ป๊าจะโกรธมากไหม” พีทถามเสียงเครียดหลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด ความกลัวมากมายโจมตเข้ามาที่หัวใจไม่หยุด




                “พี่ไม่รู้” อาร์ตเองได้แต่ตอบคนรักออกไปแบบนั้น เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ไม่รู้อะไรเลย



                “ถ้าป๊าให้เราเลิกกันล่ะ” พีทดันตัวเองออกมาจากอกของอาร์ต แล้วช้อนตาที่เริ่มคลอไปด้วยน้ำใสๆ สิ่งที่แสดงออกในแววตามันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และหวาดกลัวต่ออนาคตที่ยังไม่ได้เกิด แต่มันมีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้สูง

 

                “ไม่เลิก...พี่ไม่เลิก” อาร์ตกอดพีทแน่นพร้อมกับพูดย้ำเสียงหนักแน่น เขาจะไม่มีทางเลิกกับน้องด้วยเหตุผลบ้าๆ แบบนี้แน่ เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้อยู่กับน้องไปจนวันตาย หรือเราจะมีกันแบบนี้ตลอดไปเรื่อยๆ หรือเปล่า แต่ถ้าเขากับน้องจะต้องเลิกกัน มันต้องเป็นเพราะเราคนใดคนหนึ่งไม่รักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะมีใครมาบังคับแยกเราออกจากกัน ถ้าจะทำแบบนั้นจริงให้พาน้องหนีเขาก็จะทำ



                “แล้ว...แล้ว...”




                “ใจเย็นๆ ดื้อ มันต้องไม่มีอะไร รอเจอป๊าก่อนตกลงไหม” อาร์ตดันตัวพีทให้ออกมาจากอก แล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองแก้มนิ่มเอาไว้ พยายามสบตาและพูดเรียกสติไม่ให้อีกฝ่ายคิดอะไรฟุ้งซ่านจนบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง



                “ไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวเราลงไปเจอป๊าด้วยกัน”




                “แต่....” เสียงค้านของพีทถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่ออาร์ตก้มลงจูบปิดปากเพื่อไม่ให้พีทพูดอะไรออกมาได้อีก จนผ่านไปสักพักอาร์ตถึงค่อยๆ ถอยห่าง และสบตาพีทด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นในนั้น



                “เชื่อพี่ มันต้องไม่มีอะไร”




“อื้อ” คำพูดหนักแน่นของอาร์ตที่พยายามสื่อออกมา ทำให้พีทต้องพยักหน้ารับและเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เชื่อว่ามันจะไม่มีอะไร



...

...



บรรยากาศภายในห้องอาหารของบ้านโรจน์เมธีเช้าวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด และรังสีกดดันมากมายมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างประมุขของบ้านอย่าง ‘เจ้าสัวพิชิต โรจน์เมธี’ ไม่มีการเอื้อนเอ่ยใดๆ ทั้งสิ้นออกมาจากปากของท่าน นอกจากความเงียบและท่าทางนิ่งเฉย และอากัปกิริยาเหล่านั้นมันส่งผลถึงอีกสองคนร่วมโต๊ะเต็มๆ



พีทกำมือของตัวเองและบีบมันแน่นจนเจ็บไปหมด เอาแต่นั่งก้มหน้ามองตักตัวเอง ไม่กล้าที่จะเลยหน้าสบตากับใครทั้งนั้น ด้วยว่ามีความผิดใหญ่หลวงเป็นชนักปักหลังอยู่ ในขณะที่อาร์ตก็มีความกังวลไม่แพ้คนรักเช่นกัน แต่เจ้าตัวเลือกที่จะสบตาและเผชิญหน้ากับพ่อของคนรัก มากกว่าที่จะเอาแต่หลบเหมือนที่ผ่านมา



“คือผม...”



“กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากขัดขึ้นเมื่อรู้ว่าอาร์ตจะพูดอะไร




“แต่...”



“อุ่นตักข้าวเลย” เจ้าสัวพิชิตหันไปสั่งแม่บ้านคนสนิท โดยที่ไม่สนใจอาร์ตที่ตั้งท่าจะอธิบาย และนั้นทำให้อีกฝ่ายต้องถอนหายใจออกมาเสียงดัง พร้อมกับยอมอยู่เฉยๆ เพื่อทานข้าวได้สักที



“ฮ้า!!” แล้วความตึงเครียดทั้งหมดก็ถูกพัดหายไปแทบจะในทันที เมื่อจู่ๆ พีทที่เอาแต่นั่งเงียบมานาน ก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงออกมาดังลั่น พร้อมกับอ้าปากพะงาบๆ ใบหน้าแดงก่ำ เหมือนคนกำลังขาดอากาศหายใจขั้นรุนแรง



“ดื้อเป็นอะไร” อาร์ตที่นั่งอยู่ข้างๆ ตกใจไปไม่น้อยเหมือนกัน กับอาการของพีทที่แสดงออกมาอย่างกะทันหัน ยกมือขึ้นลูบหัวลูบหลังพีทไม่หยุดด้วยความเป็นห่วง



“ตายแล้วคุณหนู!! เป็นอะไรมากไหมคะคุณหนู” นมอุ่นเองก็ตกใจไม่แพ้กัน รีบวางของทุกอย่างในมือลง ควานหาเอายาดมที่พกติดตัวตลอดขึ้นมา และเดินมาถือมาจ่อที่ปลายจมูกให้พีท



แล้วความโกลาหลขนาดย่อมๆ ก็เกิดขึ้นทันที และกว่าทุกอย่างจะสลบลงก้กินเวลาผ่านไปนานพอสมควร แต่ถึงรอบข้างจะวุ่นวายมากมายแค่ไหน เจ้าสัวพิชิตก็ยังคงนั่งทานข้าวต่อไปด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน



“ตกลงเป็นอะไร”อาร์ตถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าลมหายใจของพีทกลับมาเป็นปกติแล้ว



“เปล่า...แค่หายใจไม่ทันน่ะ” พีทส่งยิ้มแหยให้อาร์ตแล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาอย่างคนรู้สึกผิด ที่ทำให้ทุกคนต้องมาวุ่นวายตามขนาดนี้



“ห๊ะ...หายใจไม่ทัน?” อาร์ตถึงกับหน้าตาเหลอหรา เมื่อได้ยินคำตอบของพีท หายใจไม่ทันเนี่ยนะ!! แล้วทำไมถึงหายใจไม่ทันล่ะ



“ก็แบบ...แบบ” พีทอึกอักในลำคอ อ้าปากจะตอบแล้วก็ต้องหุบลง เพราะรู้สึกอายที่จะต้องบอกเหตุผลถึงสาเหตุทั้งหมดที่เกิดอาการแบบนี้



“จะมีอะไร ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวฉันดุจนเผลอกลั้นหายใจน่ะ” และคนที่ช่วยเฉลยความสงสัยของอาร์ตก็คือเจ้าสัวพิชิต ที่นั่งทานข้าวเงียบๆ มาตลอด อาร์ตเลยต้องหันกลับมามองหน้าพีทเพื่อขอคำตอบ



ใบหน้าเนียนของพีทขึ้นเป็นริ้วแดงๆ ทันที ดวงตาเรียวช้อนมองอาร์ตเล็กน้อย ก่อนจะรีบเสหลบสายตาเพราะความเขินอาย เป็นอย่างที่พ่อของเขาบอกทุกคำนั่นแหละ เมื่อกี้เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่รู้สึกกดดันและก็ลุ้นมากไปหน่อยจนเผลอกลั้นหายใจ แล้วก็ดันกลั้นเอาไว้นานเกิน รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบขาดอากาศหายใจตาย ถึงได้อ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำแบบเมื่อกี้ไงล่ะ




“เล่นอะไรวะดื้อ ตกใจหมด” อาร์ตอดที่จะดุออกมาไม่ได้ เมื่อกี้อาการของอีกฝ่ายทำเอาเขาหัวใจเกือบวาย แล้วดูตอนนี้สิ พอหายดีทำมาเป็นส่งยิ้มหวานประจบใส่ ทั้งๆ ที่เพิ่งทำคนอื่นห่วงเกือบตาย



“ก็มันลุ้นไงอาร์ต” พีททำหน้างอใส่เมื่อโดนมองมาดุๆ อาร์ตเลยได้แต่พ่นลมหายใจออกมา พร้อมกับส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ



เจ้าสัวพิชิตนั่งทานข้าวและใช้สายตามองคนทั้งคู่ ที่นั่งหยอกล้อกันไปมาแบบที่คงพากันลืมไปแล้ว ว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าท่านอย่างพิจารณา โดยที่ท่านก็ไม่ได้คิดจะห้ามและเลือกที่จะสังเกตต่อไปเรื่อยๆ



เหตุผลที่ท่านยังคงนิ่งได้ขนาดนี้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ได้พบเห็น แต่เป็นเพราะว่าท่านเองก็ระแคะระคาย เรื่องความสัมพันธ์ของลูกชายกับรุ่นพี่คนสนิทคนนี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะทุกๆ ครั้งที่ท่านได้มีโอกาสเจอหน้าทั้งคู่พร้อมกัน มันจะมีอะไรบางอย่างที่ฟ้องออกมาให้ได้เห็น ยิ่งเวลาท่านลองพูดอะไรที่เหมือนเป็นการจี้ใจดำออกไป อย่างเช่นเรื่องให้ลูกชายของท่านแต่งงาน แววตาของเด็กสองคนนี้จะฉายแววหม่นหมองเสมอ ด้วยที่ว่ามาทั้งหมดท่านเลยค่อนข้างทำใจมาก่อนนานพอสมควร แต่ไม่ได้แปลว่าทำใจแล้ว เรื่องทั้งหมดมันจะง่ายหรอกนะ



“เพราะป๊านั่นแหละจะพูดอะไรก็ไม่พูด!!!” เสียงเหวี่ยงๆ ของพีทที่ดังขึ้น ทำให้ความคิดทุกอย่างของเจ้าสัวพิชิตหยุดลง ก่อนที่ท่านจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วปรายตามองใบหน้าบูดบึ้งของลูกชายเล็กน้อย



“พีท” อาร์ตเอ่ยปากปรามคนรักเบาๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มเกิดอาการพาลพาโล เพราะพื้นฐานก็เป็นคนความอดทนต่ำอยู่แล้ว พอมาเจอสถานการณ์กดดันมากๆ เข้า เลยแสดงออกแบบนี้



“ก็มัน...ฮึ่ย!!!” พีทอ้าปากจะเถียงอาร์ตแต่ก็ต้องหุบลงทันควัน เมื่อเจอสายตาดุๆ ของอีกฝ่ายที่มองมา ก่อนจะนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำสะบัดหันหนีไม่มองใครด้วยความงอน จนอาร์ตได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าเบาๆ ซึ่งไม่ต่างจากคนเป็นพ่ออย่างเจ้าสัวพิชิตเท่าไหร่



“ทำไมไม่กินข้าวกันล่ะ” เจ้าสัวพิชิตถามขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เห็นว่าจานข้าวของทั้งสองคนไม่พร่องลงไปเลย



“ยังไม่หิวน่ะครับ” อาร์ตเป็นคนที่ตอบคำถามออกไป เพราะพีทเอาแต่นั่งหน้าบึ้งไม่ยอมมองใคร




“อืม...เรียนเป็นยังไงบ้างล่ะ” คำถามของเจ้าสัวพิชิตที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ทำให้อาร์ตต้องมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ



“จะจบแล้วครับ” ในเมื่อพยายามหาเหตุผลของคำถาม แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ทำให้อาร์ตต้องถอนหายใจอย่างปลงตก และเลือกที่จะตอบคำถามออกไปตรงๆ



“เห็นลูกชายฉันเล่าให้ฟังว่ารอเกียรตินิยมเหรอ” คำถามเรื่อยๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้อาร์ตยิ่งสงสัย แต่ฝ่ายผู้สูงวัยกว่ายังคงทำหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ไขความกระจ่างอะไรให้



“ครับ...”



“อืม...เธอเป็นเด็กกำพร้านิ...ใช่ไหม”



“ใช่ครับ”



“ทำงานเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุ 18 เงินที่เหลือส่วนนึงแบ่งไปช่วยบ้านที่ดูแลมา เรียนเก่งจนสอบชิงทุนเรียนฟรีที่มหา’ลัยนี้ได้...จริงไหม” คำพูดเรื่อยๆ แต่ความหมายกับมีสาระมากมายมหาศาล ทำเอาอาร์ตตาโตเท่าไข่ห่าน เพราะเรื่องที่เจ้าสัวพิชิตพูดมามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาทั้งหมด และที่สำคัญเขามั่นใจว่าไม่ได้เล่าให้ฟังเองแน่ๆ




พีทที่ได้ยินในสิ่งที่พ่อของตัวเองพูด ถึงกับต้องหันหน้ากลับมามองด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เขาเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้พ่อฟัง แล้วทำไมพ่อถึงรู้ละเอียดเหมือนว่ามานอนอยู่ข้างเตียงแบบนี้ล่ะ



“เธอเป็นคนเก่งนะ ฉลาด กตัญญู มีความสามารถ และฉันชอบ” คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ของเจ้าสัวพิชิตที่ส่งมาให้ ส่งผลให้อาร์ตกับพีทต้องหันมาส่งยิ้มให้กันอย่างโล่งอก และอาร์ตไม่เคยนึกอยากขอบคุณตัวเอง ที่ลงทุนเปลี่ยนนิสัยมากมายเท่าครั้งนี้เลย




“แต่ที่ฉันเกลียดที่สุดคือคนโกหก” แต่แล้วคำพูดต่อมาก็ทำเอาทั้งอาร์ตและพีทยิ้มค้าง เมื่อหันกลับไปมองก็เจอแต่สายตาที่มองมาอย่างตำหนิ



“เธอมีอะไรจะบอกฉันไหม” คำถามที่บ่งบอกว่ารู้ดีหมดทุกอย่างของเจ้าสัวพิชิต ทำให้อาร์ตนึกละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้า เพราะรู้ตัวดีว่ากำลังโกหกอะไรผู้ใหญ่อยู่ และโกหกมานานแค่ไหน รวมทั้งไม่รู้ว่าจะต้องโกหกไปถึงเมื่อไหร่



“คือว่า...” พีทที่เห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี พยายามที่จะพูดช่วยคนรัก แต่ก็ต้องหุบปากและก้มหน้าเงียบ เพราะโดนพ่อของตัวเองปรายตามามองดุๆ



“ผมกับน้องเรารักกันครับ” ในที่สุดหลังจากนั่งเงียบไปนาน อาร์ตก็ตัดสินใจพูดขึ้นและสบตาผู้สูงวัยกว่าอย่างแน่วแน่



“รัก...แบบไหนล่ะ”



“คนรักครับ” คำตอบของอาร์ตทำให้เกิดความเงียบอีกครั้ง พร้อมกับที่เจ้าสัวพิชิตมองหน้าลูกชายของท่านเพื่อขอคำตอบ ซึ่งพีทก็พยักหน้างึกงักเพื่อยืนยันในสิ่งที่อาร์ตพูด



“คนรัก...เธอบอกว่าคนรัก แต่เลือกที่จะไม่บอกฉันเกือบ 2 ปีน่ะเหรอ” ถ้อยคำตำหนิที่ดังออกมา ทำให้อาร์ตไม่สามารถจะพูดแก้ตัวอะไรออกไปได้ มากไปกว่าก้มหน้าก้มตาฟังและยอมรับ



“เธอคิดบ้างไหม ว่าถ้าลูกฉันเป็นผู้หญิง เขาจะเสียหายขนาดไหนแล้ว...ตอนนี้ฉันยังไว้ใจอะไรเธอได้อีก” ความเงียบโรยตัวปกคลุมคนทั้งสามอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่โจมตีเข้าใส่ไม่ยั้ง บางครั้งความรักมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่จะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่อาร์ตรู้ว่าเขากำลังโดนตำหนิอย่างรุนแรง ที่ทำอะไรเหมือนไม่เห็นหัวผู้ใหญ่



“ฉันมีลูกชายคนเดียว และฉันอยากให้ลูกฉันแต่งงานเหมือนคนอื่น มีหลานให้ฉันอุ้ม” คำพูดของเจ้าสัวพิชิตทำให้ดวงตาของพีทเบิกโพรงอย่างตกใจ




“ป๊า...ผมไม่แต่ง!! ผมมี...”



“พ่อคุยกับพี่เขาอยู่” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยขัดลูกชายเสียงเข้ม และส่งสายตาบังคับให้เจ้าตัวเงียบ พีทเลยได้แต่มองใบหน้าของพ่อพร้อมกับส่งสายตาตัดพ้อ ก่อนที่หยาดน้ำใสจะค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ม




“ผมขอโทษครับ” อาร์ตพูดแค่นั้นพร้อมกับยกมือไหว้ เพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดได้มากกว่าคำนี้จริงๆ




“ผมรู้ว่าท่านหมายความว่ายังไง ผมคงทำให้ท่านสมหวังไม่ได้ และกำลังทำลายความหวังของท่าน” อาร์ตพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง



“แต่ผมเป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่รักลูกชายท่านจริงๆ” มันมีอะไรอีกมากมายเป็นล้านคำที่อาร์ตอยากจะพูด แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาพูดมันออกมาได้มีแค่คำพูดโง่ๆ พวกนี้เท่านั้น เขาไม่ได้พูดเพื่อเรียกคะแนนความเห็นใจ ไม่ได้พูดเพื่อที่จะเอาหน้า แต่เขาพูดเพราะถ้าสุดท้ายแล้ว เขาต้องเจออะไรแบบที่กำลังกลัว อย่างน้อยเขาก็ได้บอก ว่ามันไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากคำว่ารัก



“ขอบใจที่รักลูกฉัน...แต่ความรักมันกินไม่ได้” เหมือนปิดประตูโอกาสแล้วทุกๆ ทางในคำพูดนั้น มันไม่มีความล้อเล่นอะไรเลยในแววตาของเจ้าสัวพิชิต และมันกำลังบ่องบอกไม่ว่ายังไงอาร์ตก็ต้องยอมรับ



“ขอบคุณที่ดูแลลูกฉันมาตลอด ต่อไปนี้ไม่ต้องแล้ว ฉันจะให้เขากลับมาอยู่บ้าน”




“ป๊า!!!” พีทตะโกนดังลั่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาจนตัวโยน แขนสองข้างโอบกอดอาร์ตแน่น ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างพร้อมกับส่ายไปมาอย่างไม่ยอมรับ




“ชู่...ไม่ร้องนะครับ” อาร์ตยกมือสั่นเทาแทบจะไร้เรียวแรงของตัวเอง ลูบหัวของคนรักเพื่อปลอบโยน ปากก็พร่ำบอกไม่ให้อีกฝ่ายร้องไห้ ทั้งๆ ที่เขาเองก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สมองมันมึนงงคิดหาทางอะไรไม่ออกจริงๆ ทั้งที่เคยเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะต้องเกินขึ้นจริง และเขาทำใจไม่ได้ถ้าจะต้องให้เลิกกัน




ความปวดหนึบที่อกข้างซ้าย เสียงหัวใจที่เต้นช้าเหมือนกำลังจะหยุดลง สัมผัสเปียกชื้นที่แผ่นอก รวมทั้งร่างสั่นเทาในอ้อมกอด กำลังตอกย้ำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นเรื่องจริงที่เขากำลังเผชิญ เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรับฟัง แม้แต่จะทำให้คนรักหยุดร้องไห้เขาก็ยังทำไม่ได้ เขามันก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ถึงจะดูยิ่งใหญ่ในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน แต่มันไม่ได้มากพอที่จะต่อสู้อะไรกับผู้ใหญ่ได้




‘แล้วสุดท้ายชีวิตก็สอนให้เขารู้ ความรักไม่ได้ชนะทุกสิ่ง และดอกฟ้าไม่มีทางคู่กับหมาวัด’





2 Be Con...

+++++++++++++++

ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากว่า...

นิยายเรื่องนี้ฟิลกู๊ดนะจ๊ะ เชื่อเราเถอะ

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 55 (8/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-10-2016 18:32:48
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 55 (8/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 09-10-2016 14:19:12
 :monkeysad:

ไม่น่ะ อาร์ตผู้น่าสงสาร ชีวิตหมาวัดใครๆก็ไม่ต้องการ
 :m15:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 55 (8/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2016 16:48:17
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ครูไปเป็นนักร้องแทนใช่ไหม
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 55 (8/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 09-10-2016 16:58:43
เป็นแผนของพ่อที่จะคอยสังเกตุพฤติกรรมทั้งคู่แน่ๆเลยว่าจะรักกันจริงรึเปล่า เพราะพ่อพูดเองว่าชอบอาร์ต
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 09-10-2016 22:04:07
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 56 -





                ดอกฟ้าไม่มีทางคู่กับหมาวัด.....



            ยกเว้นหมาวัดแบบเขาไว้ตัวหนึ่งละกัน...



                “นั่งยิ้มบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น รีบมาช่วยจัดของเข้าห้องดิ๊” เสียงตวาดแหวที่ดังขึ้น ทำให้อาร์ตที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนปลายเตียง ต้องเงยขึ้นมองหน้าเจ้าของเสียงพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้อย่างประจบ



                “ยังจะนั่งยิ้มอีก มาช่วยจัดของดิ๊” พีทเท้าเอวยืนตีหน้ายักษ์ใส่อาร์ต ปากก็ส่งเสียงบ่นไม่หยุดด้วยความเหนื่อย เพราะในขณะที่ตัวเองจัดของเข้าห้องจนหัวฟู อีกคนดันนั่งอมยิ้มมีความสุขอู้งานอยู่ได้



                “ยังไม่แก่ขี้บ่นจังวะดื้อ” อาร์ตลุกขึ้นเดินไปหาคนตรงหน้า สอดแขนเข้าไปกอดที่เอวบาง แล้วก้มลงหอมแก้มด้วยความมันเขี้ยว



                “ก็แทนที่จะรีบจัดของให้มันเสร็จ นั่งเล่นอยู่นั่นแหละ มันจะเสร็จสักทีไหมล่ะห๊ะ!!” พีทถลึงตาดุๆ ใส่อาร์ตที่เอาแต่ทำหน้าทะเล้นใส่ พร้อมกับยกมือดึงหูของอีกฝ่ายเต็มแรง



                “โอ๊ยๆ เบาดื้อ กลัวแล้วครับ” อาร์ตโอดครวญออกมาไม่หยุด ใบหูโน้มต่ำลงตามแรงดึงจากฝ่ามือเล็ก แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหนอาร์ตก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนออกจากเอวอีกฝ่าย แถมปากยังยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ



                “หยุดยิ้มได้ไหมวะ หมั่นไส้!!” พีทปล่อยมือออกจากใบหูของอาร์ต แล้วเปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นมาดันใบหน้าอีกฝ่ายให้ถอยห่างแทน



                “ดีใจก็ต้องยิ้มนะเมีย” อาร์ตยักคิ้วส่งให้กวนๆ แล้วอุ้มตัวอีกฝ่ายไปที่เตียง บังคับให้นั่งลงบนตักของตัวเอง วางคางเกยไว้บนไหล่เล็กพร้อมทั้งสอดแขนเข้าไปกอดที่เอว



                “ทำมายิ้ม แล้วเมื่อวานใครวะทำหน้าเหมือนหมาถูกเชือด” พีทกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมสีแดงตรงไหล่ พร้อมกับยกแขนกอดตอบอีกฝ่ายแน่น



                “ว่าแต่คนอื่น ทีตัวเองร้องไห้ไม่พูดถึง” อาร์ตเถียงงึมงำอยู่กับซอกคอขาว ขบเม้มสลับกับกดจูบไม่หยุด



                “ก็แม่งตกใจนี่หว่า นึกว่าจะตายแล้วนะเว้ย” พีทพึมพำออกมาหงอยๆ พร้อมกับใบหน้าที่สลดลงไปเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวาน หัวใจมันพาลเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ามันแค่บททดสอบบทหนึ่ง ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น



                “แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน” อาร์ตดันตัวเองออกมาจากซอกคอขาว ใช้มือประคองใบหน้าเนียนให้หันมาสบตา ก่อนจะส่งรอยยิ้มอบอุ่นมอบให้



                “อือ...แล้วถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันพี่มึงจะทำไง” พีทโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนหน้าผากชิดกันกับหน้าผากของอีกฝ่าย



                “นึกไม่ออกเหมือนกัน” อาร์ตตอบออกไปตรงๆ เพราะเมื่อวานเขานึกอะไรไม่ออกจริงๆ สมองว่างเปล่าขาวโพลนเหมือนโดนลบข้อมูล ถึงกับเข้าขั้นเอ๋อไปชั่วคราวเหมือนคอมพิวเตอร์โดนไวรัสอย่างไรอย่างนั้น มันเจ็บที่ใจ หูมันอื้อ สมองมันชา ตาก็โฟกัสภาพอะไรไม่ได้ คล้ายๆ เหมือนจะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต แค่คิดถึงก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาที่ใจอีกแล้ว



                “โคตรไร้ความหวังเลยว่ะอาร์ต ทำตัวเหมือนพระเอกหลังข่าวหน่อยดิวะ ลุกขึ้นมาโวยวาย ข่มขู่ อะไรแบบเนี่ย” พีทเบะปากและมองค้อนอาร์ต พร้อมทั้งถูไถหน้าผากไปมาอ้อนๆ



                “พระเอกหนังทำห่าอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละเมีย แต่นี่ชีวิตจริงและผัวก็คนธรรมดานะครับ” อาร์ตยกมือขึ้นมาบิดปลายจมูกรั้นของพีทอย่างมันเขี้ยว ไม่รู้สมองบรรจุอะไรไว้บ้าง คิดอะไรแต่ละอย่างสร้างสรรค์จริงๆ



                “คนธรรมดามันก็ต้องทำอะไรป้ะวะ”



                “งั้นเก็บผ้าหนีตามกันไหมล่ะ”




                “โหย...ไม่ได้ดิ ทิ้งป๊าให้อยู่คนเดียวได้ที่ไหน”




                “ทีงี้ทำไมไม่ทำตัวเป็นนางเอกหลังข่าวบ้างล่ะ” อาร์ตย้อนกลับไปบ้าง เพราะที่พูดเมื่อกี้ไม่ได้จริงจังอะไร แค่อยากกวนประสาทคนเก่งก็เท่านั้น เก่งไปทุกเรื่องนั่นแหละ เอาเข้าจริงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง



                “งั้นพี่มึงก็แปลงร่างเป็นไอรอนแมนไปสู้กับป๊าดิ จะได้ไม่ธรรมดา” พีทยักคิ้วส่งให้อย่างยียวน




                “ถ้าดูหนังแล้วเพี้ยนพี่ว่าเลิกดูเหอะ”



                “เขาเรียกว่ามีจินตนาการ”



                “แล้วคนมีจินตนาการ มีวิธีแก้ปัญหายังไงครับ จะเอาอะไรไปสู้กับป๊า” อาร์ตถามกลับไปบ้างด้วยความอยากรู้ ว่าสมองมีจินตนาการตามที่เจ้าตัวบอกโม้ไว้ จะมีวิธีแก้ปัญหายังไงถ้าเรื่องมันจบไม่สวยแบบนี้



                “นั่งร้องไห้แม่งอย่างนั้นแหละ” พีทด้วยความรวดเร็วแบบไม่ต้องผ่านการประมาลผลอะไรเยอะให้เสียเวลา



                “ไอ้แสบเอ้ย” อาร์ตส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ แล้วยื่นหน้าไปกัดแก้มนิ่มจนขึ้นรอยฟัน



                “เรื่องนี้พี่มึงมาถามความเห็นไม่ได้ดิ พี่มึงเป็นช้างเท้าหน้า พี่มึงต้องเป็นคนแก้ปัญหา”



                “ทีแบบนี้ละมาอ้างช้างเท้าหน้า เท้าหลัง” อาร์ตถึงกับยกกำปั้นเขกหัวของพีทด้วยความหมั่นไส้ ทุกทีไม่เห้นจะยอมอะไรง่ายๆ สักอย่าง พอเกิดเรื่องแล้วพักภาระทันที นี่มันเมียใครวะ



                “พี่มึงเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนนี่เป็นควาญช้างไง” พีทจิ้มนิ้วลงไปบนอกอาร์ต และหันมาจิ้มที่ตัวเอง ก่อนจะยักคิ้วและส่งยิ้มทะเล้น พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างสะใจ



                “แบบนี้ก็ได้เหรอ” อาร์ตถามกลับพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ



                “ได้ดิ นี่ใคร พี่พีทนะเฮ้ย!!” พีทยืดตัวตรงและยกมือตบลงบนหน้าอกตัวเองดังป้าบๆ



                “พี่พีทใช่ไหม” อาร์ตหรี่ตามองใบหน้าแสดงความยิ่งใหญ่ของพีทด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับคำงึกงัก



                “งั้นพี่พีทต้องโดนแบบนี้” อาร์ตว่าแค่นั้นและใช้นิ้วมือจิ้มลงบนเอวของพีททันที



                “เฮ้ย!! ฮ่าๆ ไม่เอา พี่มึงแม่งจั๊กจี้นะเว้ย ฮ่าๆ หยุด!!” พีทถึงกับดิ้นเป็นเจ้าเข้า เมื่ออาร์ตส่งนิ้วมาจิ้มที่เอวไม่หยุด




                “ไม่หยุด” อาร์ตเองก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ชอบใจที่เห็นพีทชักดิ้นชักงอ



                “โอ๊ย!! ฮ่าๆ มันปวดท้อง หยุดได้แล้ว” พีทโวยวายดังลั่น ยกมือนอนกุมท้อง แล้วดิ้นไปมาไม่หยุดอยู่บนที่นอน



                “หยุดก็ได้” อาร์ตเห็นสภาพของพีทแล้วก็ตัดสินใจเลิกแกล้ง ก่อนจะยกมือไปเกลี่ยนน้ำตาที่หางตาให้เจ้าตัว ที่มันไหลออกมาเพราะหัวเราะมากเกินไป



                “เล่นเหี้ยไรเนี่ย!!” พีทตวาดใส่พร้อมกับมองค้อนทำตาปะหลับปะเหลือกใส่อาร์ต นอนแผ่หลาหายใจหอบเหนื่อยอย่างหมดสภาพ เพราะใช้พลังงานในการดิ้นมากไป



                “พี่รักดื้อนะ”




                “อะไรเล่า” พีทใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เมื่ออยู่ดีๆ อาร์ตก็บอกรักขึ้นมาซะเฉยๆ แถมยังมาทำตาหวานเยิ้มใส่



                “โคตรรักเลยว่ะ”




                “รู้แล้ว” พีทตอบรับเสียงแผ่ว พร้อมกับพยายามกลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตก ใบหน้าเห่อร้อนจนกลัวว่ามันจะไหม้ในไม่ช้า ก่อนจะหลับตาพริ้มรอคอยสัมผัสจากคนบนตัว ที่กำลังโน้มลงมาใกล้เรื่อยๆ



                “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นเบาๆ ทำเอาทั้งคู่ได้สติ หันออกไปมองทางหน้าประตูห้องด้วยความตกใจ ก่อนจะผละออกจากกันแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเมื่อกี้คือใคร



                “ป๊ามีอะไรหรือเปล่าครับ” อาร์ตที่เป็นฝ่ายได้สติก่อนถามออกไป พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ ให้อย่างคนกลัวความผิด



                “เก็บของเสร็จแล้วเหรอ” เจ้าสัวพิชิตถามพร้อมกับปรายตามองไปรอบๆ ห้องนอน ที่ตอนนี้ยังคงมีของว่างระเกะระกะเต็มไปหมด



                “ยังครับ” พีทที่เพิ่งตั้งสติได้ตอบพ่อตัวเองเสียงแผ่ว แล้วเอาแต่นั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะความอาย



                “แล้วทำไม่รีบทำ” เสียงถามราบเรียบและสายตาที่มองมา ทำเอาทั้งอาร์ตและพีทได้แต่นั่งเงียบ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ในเมื่อหลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนี้



                “รีบจัดได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาข้าวเย็นละ”




                “ครับ” ทั้งอาร์ตและพีทตอบรับเสียงเบา แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าสบตาเจ้าสัวพิชิตตรงๆ




                เจ้าสัวพิชิตยืนมองท่าทางของทั้งคู่และส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองลงโทษเด็กทั้งคู่ ดูท่าทางจะใช้ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะขนาดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสลดกันเลยสักนิด ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาท่านกันจ้าละหวั่น แต่เห็นนะว่าแอบกลั้นยิ้มกันอยู่



                “เดี๋ยวป๊ารอข้างล่าง” เจ้าสัวพิชิตถอนหายใจออกมา และหันหลังเตรียมเดินลงไปข้างล่าง ขี้เกียจจะถือสาอะไรมากมาย เพราะดูแล้วพูดไปก็คงจะไม่ได้ตามสั่ง 100% ไอ้ตัวว่าที่ลูกเขยท่านน่ะยังไม่เท่าไหร่ ปัญหามันอยู่ที่ลูกชายท่านต่างหาก ทั้งดื้อทั้งรั้นขนาดไหนทำไมท่านจะไม่รู้ พนันได้เลยว่าจะต้องหาทางแหกกฎแน่ๆ




                “อาร์ต” แต่ก่อนที่จะเดินไปเจ้าสัวพิชิตก็หันกลับมาส่งเสียงเรียกอาร์ต



                “ครับป๊า” อาร์ตเงยหน้าขึ้นมองทันควัน พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย



                “ป๊าไว้ใจเราได้ใช่ไหม” คำถามที่ตอกย้ำข้อตกลงระหว่างเราของเจ้าสัวพิชิต ทำให้อาร์ตก้มหลบสายตาทันทีพร้อมกับกลั้นยิ้ม



                “ครับ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากที่หุบยิ้มตัวเองได้แล้ว



                “โตกว่าน้อง ให้มันไว้ใจได้นะ” เจ้าสัวพิชิตย้ำอีกครั้งดุๆ ก่อนจะเดินจากไป




                อาร์ตยืดตัวมองตามหลังของเจ้าสัวพิชิต จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายลงไปข้างล่างแล้วจริงๆ ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปหอมแก้มเนียนของพีทที่นั่งข้างกันเต็มแรง



                ฟอดดดด



                “ไหนบอกป๊าว่าไว้ใจได้ไง” พีทหน้ามาหาอาร์ตแล้วหรี่ตามอง ก่อนจะยกฝ่ามือตบลงไปเต็มๆ หน้าอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้



                “แค่หอมไงดื้อ ไม่ได้ผิดข้อตกลงกับเลย” อาร์ตทำตีมึนใส่และลุกขึ้นไปยืนที่พื้น



                “เก็บห้องป้ะ ว่าแต่ขนมาหมดเลยเหรอวะเนี่ย” อาร์ตวนพีทให้กลับมาเก็บห้องต่อ พร้อมกับบ่นให้พีทเบาๆ เมื่อเห็นว่าคิตตี้ทุกตัวที่ซื้อมาเก็บไว้ในหอพัก โดนคนตัวเล็กขนมาจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ



                “ก็พี่มึงบอกว่าให้ไง เอามาแล้วผิดตรงไหน” พีทเถียงกับและลุกลงไปจากเตียงบ้าง



                “จ้าๆ ไม่มีอะไรผิดเลย” อาร์ตทำเสียงกวนโอ๊ยใส่พีท แล้วลงมือเก็บของที่กระอยู่บนพื้นให้เข้าที่ โดยมีพีทที่คอยยืนชี้นิ้วสั่งอยู่ไม่ห่าง



                ...

                ...



                ข้อตกลงระหว่างเจ้าสัวพิชิตกับอาร์ตและพีท มันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง หลังจากที่พีทปล่อยเสียงโฮออกมาอย่างเจ็บปวด และตัวอาร์ตเองที่นั่งซึมด้วยความเจ็บไม่แพ้กัน ท่ามกลางความเสียใจมากมายที่ไม่รู้จะหาทางออกยังไงของทั้งคู่ จู่ๆ เจ้าสัวพิชิตก็ยิ้มออกมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ




มันทำให้พีทที่ซุกอกอาร์ตและร้องไห้จนตัวโยน ต้องผละออกมาและมองหน้าพ่อของตัวเอง ด้วยดวงตาที่แดงช้ำอย่างน่ากลัว ส่วนอาร์ตเองก็หันใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ที่แสดงออกว่ากำลังแย่เต็มทนไปหา ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งสายตาไปให้ผู้สูงวัยกว่าด้วยความไม่เข้าใจ



เจ้าสัวพิชิตไม่ได้จะขัดขวางอะไร แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ท่านพูด พีทต้องกลับมาอยู่บ้านและอาร์ตไม่ต้องดูแลพีทอีก ไม่ใช่ว่าจะให้ทั้งคู่เลิกคบหากัน แต่เพื่อเป็นการสอนให้รู้ว่าคนเราจะได้อะไรมามันไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านเลยจับทั้งคู่แยกจากกัน




ท่านคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะไปเห็นภาพในห้อง คิดว่าจะเรียกมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่บังเอิญว่าความดันมาแตกซะก่อนในความคิดของเด็กทั้งคู่ ท่านเลี้ยงลูกชายแบบตามใจมาตลอด ให้อิสระทั้งความคิด การใช้ชีวิต รวมถึงคนที่ลูกชายท่านจะรัก




แม้จะไม่เห็นด้วยและผิดหวังที่ลูกชายเพียงคนเดียว กลายเป็นคนผิดเพศและรักผู้ชายเหมือนกัน แถมยังอยู่ในตำแหน่ง...นั่นแหละ พูดไปก็ปวดใจเปล่าๆ แต่อย่างที่บอกว่าท่านตามใจลูก เรียกว่าตามใจจนพีทกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ ถ้าจะให้ไปขัดแม้ว่าจะอยากขัดท่านคงไม่ทำ




และอย่างน้อยในความแย่คนที่ลูกชายเลือก ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แม้จะฐานะจะไม่ดี ชาติตระกูลไม่ได้สูงส่งก็ตาม ที่สำคัญถ้าลูกต้องเสียใจแล้วท่านต้องเสียลูกไปเหมือนที่เสียภรรยา ท่านยอมอับอายให้คนในสังคมนินทาว่าร้ายลับหลังในเรื่องนี้ยังดีเสียกว่า



แต่ว่าจะให้ยอมกันง่ายๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันคงไม่ใช่ อะไรก็ตามที่ได้ไปง่ายๆ มันจะไม่มีค่ามากพอให้รักษา ถ้าวันใดวันหนึ่งมาที่เกิดอะไรขึ้นมันก็จะพังได้ง่ายดาย ยิ่งความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มันเปราะบาง และไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนมากจะยอมรับได้




เพื่อพิสูจน์ความรักที่ว่าลูกเขยและลูกชายท่านพูด มันก็จำเป็นต้องใช้ความอดทนมาพิสูจน์กันหน่อย และเพราะท่านเป็นนักธุรกิจ คำพูดมันไม่มีหลักฐานและเป็นการลงทุนที่ไม่มากพอ มันต้องใช้การกระทำและเวลาต่างหาก  ถึงจะเรียกว่าการลงทุนอันสมน้ำสมเนื้อ ถ้าสำเร็จมันจะได้ผลกำไรที่งดงามตามมา



ท่านยื่นข้อเสนอให้ทั้งคู่ง่ายๆ 1 ข้อในคบหากันต่อ แค่ลูกชายท่านต้องกลับมาอยู่บ้าน และห้ามทั้งคู่ไม่ให้มีความสัมพันธ์ทางกายกันอีก ห้ามมีการนอกใจหรือนอกกายระหว่างที่อยู่ในข้อตกลง ไม่ว่าจะมีความต้องการมากขนาดไหนก็ห้าม ถ้าทั้งคู่ผิดข้อตกลงให้ทุกอย่างถือเป็นโมฆะ และจะไม่มีโอกาสให้อีก ร่วมทั้งจะไม่ได้เจอหน้ากันตลอดไป โดยที่ข้อตกลงนี้ไม่มีกำหนดเวลาขึ้นอยู่กับความพอใจของท่านล้วนๆ



เด็กทั้งคู่ก็ยอมรับข้อเสนอของท่านแบบไม่อิดออด เพราะรับรู้ได้ว่ามันคือโอกาสเดียวที่ท่านให้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข้อตกลงง่ายๆ แต่ทำได้ยากก็ตามที มันแค่บทพิสูจน์ความรักในรูปแบบง่ายๆ ที่ท่านอยากทดสอบ และถ้าทั้งคู่ทนไม่ได้ ทำอะไรที่มันผิดข้อตกลงขึ้นมา แสดงว่ามันไม่ใช่ความรักแต่มันคือความหลง เพราะถ้ารักกันจริง เด็กทั้งคู่จะไม่กล้าทำอะไรที่มันเสี่ยงให้ทุกอย่างพังเด็ดขาด และในระหว่างนี้ท่านเองก็จะได้ทำใจยอมรับความจริงไปพลางๆ



...

...



“ผมกลับแล้วนะครับป๊า” อาร์ตยกมือไหว้และขอตัวกลับก่อน หลังจากที่ช่วยพีทจัดของในห้องเรียบร้อย



“ไม่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากชวน พร้อมกับมองนาฬิกาบนฝาผนัง ที่ตอนนี้เพิ่งจะ 5 โมงกว่าๆ




“พอดีผมต้องเตรียมตัวไปทำงานน่ะครับ” อาร์ตบอกออกไปอย่างเกรงใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้ารับรู้



“ป๊า...งั้นผมไปส่งไอ้พี่อาร์ต เดี๋ยวมานะ” พีทพูดขึ้นมาบ้าง พร้อมกับยิ้มแฉ่งส่งให้พ่อ



“พ่อบอกให้เรียกพี่เขาดีๆ ไง” เจ้าสัวพิชิตอดที่จะเอ่ยปากดุลูกชายตัวเองไม่ได้ เพราะเคยบอกกันไปหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกอาร์ตดีๆ



“โธ่พ่อ!! ไอ้พี่อาร์ตมันยังไม่ว่าอะไรเลย ชิ ไปดีกว่า” พีทเถียงพร้อมกับทำหน้างอใส่พ่อ ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินนำออกไปก่อน



“ป๊าขอถามอีกครั้งนะอาร์ต แน่ใจนะว่าทนน้องได้” เจ้าสัวพิชิตมองตามหลังพีทด้วยสายตาเอือมๆ ก่อนจะหันกลับมาถามอาร์ต



“ทนได้ครับ” อาร์ตตอบกลับพร้อมอมยิ้มน้อยๆ



“จะรอดู ไปเถอะ” เจ้าสัวพิชิตยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วยกมือโบกไล่อาร์ต ซึ่งการก็ยกมือไหว้ลาอีกครั้ง ก่อนจะออกไปหาพีทที่ยืนรออยู่ข้างนอก



“คุยอะไรกับป๊า โคตรนาน” พีทถามหน้าบึ้ง เพราะออกมายืนรอตั้งนานอาร์ตเพิ่งจะเดินตามมา



“ป๊ายุให้เลิกกัน”อาร์ตตอบหน้าตาย และเดินไปคร่อมลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์



“เลิกไหมล่ะ...อ่ะหมวก” พีทถามกลับกวนๆ และยื่นหมวกกันน็อกให้



“ไม่เลิก” อาร์ตรับหมวกมาถือไว้ ใช้แขนอีกข้างเกี่ยวเอวของพีทและดึงเข้ามาใกล้



“ขับรถดีๆ นะอาร์ต” พีทบอกและมองหน้าคนรักด้วยความเป็นห่วง ขัดใจไม่น้อยเลยที่บอกให้เอารถไปขับ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเอาไป



“ครับ” อาร์ตรับคำยิ้มและวางหมวกลงบนตะกร้ารถ กอดจะใช้แขนทั้งสองข้างกอดเอวบางไว้หลวมๆ



“ถึงร้านแล้วโทรมา ถ้าไม่รับก็ต้องโทรมาจนกว่าจะรับเข้าใจไหม”



“หึ ครับ” อาร์ตพยักหน้างึกงักและกลั้นขำให้กับท่าทางเป็นห่วงของพีท ที่เจ้าตัวสั่งซะเหมือนว่าเขาเป็นลูกไม่มีผิด ทำไมนับวันเมียเขามันถึงได้น่ารักแบบนี้วะ



“เลิกงานก็ต้องโทร ถึงห้องก็ต้องโทร เข้าใจไหม”



“โอเคครับ” อาร์ตยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียน และผละออกมาพร้อมทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตาย



“เป็นอะไร” พีทมองหน้าอาร์ตแล้วถามด้วยความแปลกใจ ก็ดูอีกฝ่ายสิทำหน้าตาซะน่าสงสารเลย



“พี่ตายแน่เลยว่ะดื้อ” อาร์ตโอดครวญออกมาและซบหน้าลงกับไหล่เล็กอย่างหมดสภาพ



“ป๊าฆ่าพี่ทางอ้อมชัดๆ” อาร์ตบ่นงึมงำกับไหล่ของพีท น้ำเสียงเหมือนคนใกล้จะตายในอีกไม่ช้า แขนสองข้างกระชับกอดพีทแน่น



“เพิ่งวันแรกนะอาร์ต” พีทถึงกับหลุดยิ้มขำให้กับท่าทางของคนรัก นี่แค่วันแรกเองนะยังเป็นขนาดนี้



“ก็พี่กอดของพี่ทุกวันป่ะวะ แล้วทีนี้เงี่ยนมาจะทำไง”




ปึก!!!



“เงี่ยนก็แม่นางทั้งห้าไง ถนัดข้างไหนก็ใช้ข้างนั้น” พีททุบหลังอาร์ตเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ ขนาดจะเป็นจะตาย หัวสมองก็ยังไม่เคยพ้นเรื่องใต้สะดือ



“กูต้องทนกี่ปีวะเนี่ย” อาร์ตบ่นไม่หยุดด้วยความหดหู่ใจ บอกเลยว่าข้อตกลงของป๊าตีโดนจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่างจัง ถ้าเป็นสงคราม ป๊าคือแม่ทัพฝ่ายศัตรูที่เก่งกาจมาก วางแผนการรบมาดี และฆ่ากองทัพของเขาได้ตายเรียบ



เขามันพวกเซ็กส์จัด ถึงจะไม่ได้มีเรื่องพวกนี้ทุกวันก็จริง แต่บอกเลยว่าขาดมันไม่ได้ วันไหนถ้าได้จัดมีเวลาว่างให้ทำ คู่นอนไม่สลบคาอก ฟ้าไม่เหลือง หรือไม่งั้นต้องคู่นอนไม่ไหวจริงๆ เขาถึงยอมหยุด




ก่อนจะมีน้องเป็นตัวเป็นตน เขานี่กอดคอไอ้กลอนสรรหาความจัญไรใส่ชีวิตออกจะบ่อย 3 คนมันดี 4 คน 5 คน เอากันมั่วฉิบหาย เสียบหน้าเสียบหลังรุมผู้หญิงคนเดียวก็ทำมาแล้ว แต่เพราะเขากับไอ้กลอนบ้ากามพอๆ กัน หลังๆ เลยเลิกทำ แยกกันเอาเด็กใครเด็กมัน ไม่งั้นคนโดนเสียบมันจะตายเอา



แล้วดูตอนนี้ มีเมียกับเขาคนเดียว แถมโคตรรักโคตรหลง เข้ากันได้แทบจะทุกอย่าง ดันถูกพ่อตาพรากออกจากอกง่ายๆ กอด จูบ ลูบ คลำ แต่เสียบไม่ได้ แม่งโคตรทรมาน ตกนรกทั้งเป็นชัดๆ จะให้ไปมั่วกับคนอื่นแก้ขัดก็ทำไม่ได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับข้อตกลง หรือว่าเสื่อมจนเสียบใครนอกจากเมียไม่ได้แบบนั้นหรอก เหตุผลของเขาไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น แค่เอากันไม่ใช่เมีย ให้เอาใครก็ทำได้เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่เป็นเพราะถ้าทำไปแล้ว เมียเขาต้องร้องไห้ น้องต้องเสียใจต่าง...เขาถึงไม่ทำ



“โอ๋ๆ แค่นี้ไม่ตายหรอกไอ้หื่น” พีทลูบหัวที่ซุกกับไหล่ตัวเองเบาๆ พร้อมกับขำออกมาไม่หยุด สะใจไม่น้อยที่อาร์ตเป็นแบบนี้ แต่ถึงยังไงก็อดที่จะสงสารไม่ได้เหมือนกัน ก็พี่มันหื่นจะตาย



“อาจจะตาย” อาร์ตตอบแบบหมดแรง จนพีทได้แต่ก้มลงมองอย่างเห็นใจ ก่อนจะอมยิ้มมุมปากเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้



“อาร์ต”



“หือ” อาร์ตคานรับในลำคอ พร้อมกับยอมเงยหน้าขึ้นมาตามแรงดึงของคนในอ้อมกอด



“.....................” พีทก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของอาร์ต ก่อนจะผละออกและส่งยิ้มน่ารักให้



“โอเค...พี่จะทนให้ได้ แต่ดื้อห้ามผิดคำพูด” อาร์ตยิ้มออกมาและเอ่ยกำชับคำพูดที่พีทกระซิบบอก



“เออ...ทำให้ได้ก่อนเหอะ” พีทตอบกลับเสียงแผ่ว พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย



“พี่ไปทำงานดีกว่า” อาร์ตผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ



“อือ...อย่าลืมโทรนะ” พีทว่าและยิ้มหมวกกันน็อกมาใส่ให้เอง เพราะกลัวว่าอาร์ตจะลืมใส่อีก



“ครับ” อาร์ตยื่นหน้าไปกดจูบที่ปากบาง และสตาร์ทก่อนจะขับออกไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้พีทมองตามหลังด้วยความหมั่นไส้



“หื่นเอ้ย” พีทพึมพำตามหลังแผ่วเบา ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน เพื่อไปกินข้าวกับพ่อและรอโทรศัพท์จากอาร์ต





2 Be Con...



+++++++++++++++

ดราม่าเป็นอะไรที่ไม่เหมาะกับอาร์ตพีท

เบาๆ สวยๆ ง่ายๆ หวานเลี่ยน มุ้งมิ้ง รถอ้อยคว่ำ

เนี่ยแหละคือตัวตนนิยายเรื่องนี้

ฟิลกู๊ด และ ฟิน  อันลิมิเต็ด

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-10-2016 22:48:03
อีพี่อาร์ตจะทนได้ไหมเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 09-10-2016 22:58:27
อาร์ต ฉันไม่เชื่อว่าเธอทำได้ 555555555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-10-2016 11:13:13
จะรอดไม๊  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Sorth ที่ 12-10-2016 00:23:17
อยากรู้จัง เขากระซิบไรกันนะ... :hao3:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 12-10-2016 00:43:42
เฮียค่ะสู้ๆคะ น้องพีทก็เชื่อฟังป๊าและเช็คด้วยนะลูก  o18
คือฟิลกู๊ดมากคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 56 (9/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 12-10-2016 10:57:23
คำว่าความลับไม่มีในโลกก็ยังคงเป็นความจริงอยู่นะ
ทั้งสองคนผ่านเรื่องร้ายๆคนร้ายๆมาก็พอสมควร
คราวนี้ถึงทีคุณป๊าบ้าง เอาความจริงใจเข้าแลกก็น่าจะโอ
อีกเรื่องคือ พ่อแม่คงไม่อยากเห็นลูกตัวเองลำบาก
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากให้พี่อาร์ตพิสูจน์ตัวเอง
ความฝันกับความจริงบางครั้งมันก็ไม่สามารถไปด้วยกันได้
ถ้าต้องเลือก เชื่อว่าพี่อาร์ตคงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับน้อง
ระหว่างนี้ก็อดทนนะพี่อาร์ตอย่าเพิ่งลงแดงซะก่อนล่ะ :laugh:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
+1และเป็ดด้วยความคิดถึงค่ะ




หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 17-10-2016 11:54:55
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 57 -





รถยนต์ของอาร์ตพุ่งทะยานบนท้องถนน ด้วยความเร็วเท่าที่กฎจราจรจะอำนวย มุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง ที่ใครอีกคนเช็คอินลงบนหน้าโซเชี่ยล อย่างท้าทายคำสั่งห้ามแบบไม่กลัวเกรง



อารมณ์ของอาร์ตในตอนนี้ ต้องบอกว่าอยู่ในสภาวะก่ำกึ่ง ระหว่างโมโห และขบขัน ไม่รู้เหมือนกันว่าอารมณ์ด้านไหนที่มากกว่า รู้แค่ว่าถ้าเจอหน้าไอ้ตัวแสบ เขาจะจับฟาดก้นซะให้เข็ด โทษฐานพูดอะไรแล้วไม่ฟัง



และจากการขับรถราวกับเหาะของอาร์ต ใช้เวลาเพียงไม่นานนัก ในที่สุดเจ้าตัวก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เหล่าเซเลปคนดัง ลูกหลานไฮโซ รวมทั้งบุคคลสำคัญทางการเมือง นิยมมาพักผ่อน และเป็นที่ๆ อาร์ตคุ้นเคย เรียกว่ารู้จักค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวเพื่อนสนิท และมีโอกาสได้มาเยือนบ่อยครั้ง เมื่อสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา



“อ้าว...คุณอาร์ต สวัสดีครับ” เสียงทักทายด้วยความคุ้นเคยและสนิทสนม ดังขึ้นทันทีที่อาร์ตปรากฎตัวตรงหน้าทางเขา พร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งออกมาจากใบหน้าดุดัน ของบอดี้การ์ดคนสำคัญ ที่มาทำหน้าที่ตรวจตราแทนเจ้านายในวันนี้



“หวัดดีครับพี่เอก” อาร์ตยกมือไหว้กลับ พร้อมเอ่ยทักทาย ลูกน้องคนสนิทของน้องชายเพื่อน



“มาเที่ยวเหรอครับ...น่าจะโทรมาบอกก่อน เราจะได้จัดที่ไว้ให้” เอกถามพร้อมกับหันหาลูกน้อง เพื่อที่จะได้สั่งให้เตรียมโต๊ะที่เป็นส่วนตัวให้อาร์ต ทำเอาอาร์ตรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธเป็นพัลวัน



“เฮ้ย!! เปล่าพี่ ผมไม่ได้มาเที่ยว” อาร์ตบอกอีกด้วยน้ำเสียงที่ปนกลั้วหัวเราะในลำคอ อดที่จะขำไม่ได้กับท่าทางเป็นการเป็นงานของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าจะจริงจังในหน้าที่อะไรขนาดนั้น



“แล้ว…” เอกมองเพื่อนของเจ้านายอีกคนด้วยความสงสัย ไม่ได้มาเที่ยวแล้วอีกฝ่ายจะมาทำไม เพราะคุณปิงก็ไม่ได้เข้ามาวันนี้ และเจ้านายของเขาอย่างคุณปอนานๆ ถึงจะมาสักครั้ง



“มาตามเมียน่ะพี่” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อาร์ตก็ชักสีหน้าด้วยความเซ็ง



“เมีย? คุณพีทน่ะเหรอครับ” เอกอมยิ้มขำให้กับท่าทางของอาร์ต เขาเองก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีท่าทางแบบนั้น ก็ ‘เมีย’ ที่พูดถึง คือเพื่อนสนิทของนายหญิงเขาเอง นิสัยถือว่าซนและดื้อในระดับนึง



“ใช่พี่...เห็นบ้างไหม” อาร์ตพยักหน้างึกงัก และเอ่ยปากถามต่อ



“เหมือนผมจะเห็นแว๊บๆ นะครับ อยู่ตรงโซน A แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม”



“ผมว่าคงใช่แหละ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ” อาร์ตเอ่ยปากบอกลา แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว วันนี้ถ้าไม่ได้ฟาดก้นคน อย่ามาเรียกเขาว่าไอ้อาร์ต



...

...



พีทนั่งมองโทรศัพท์ในมือของตัวเอง สลับกับสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ไม่หยุด เสียงดนตรีเร้าใจและบรรดาสาวสวยมากมาย ที่ต่างพากันยักย้ายส่ายสะโพกล่อตาล่อใจอยู่เบื้องหน้า ไม่ได้เรียกความสนใจใดๆ จากพีทได้ทั้งนั้น แถมภาพของคนเหล่านั้นยังสร้างความหงุดหงิดให้ จนใบหน้าน่ารักหงิกงอไปหมด



พีทกำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่น ปากก็ขมุบขมิบด่าใครอีกคนไม่หยุด เพราะอุตส่าห์เช็คอินสถานที่หนีเที่ยวของตัวเองลงโซเชี่ยล เพื่อหวังจะหลอกล่อให้อีกฝ่ายนั่งไม่ติดและรีบมาหา แต่กลายเป็นว่าเขาเนี่ยแหละที่นั่งไม่ติดและเป็นฝ่ายรอคอยแทน ก็เล่นเช็คอินไปตั้งแต่ผับเพิ่งจะเปิด จนตอนนี้ผับจะปิด ไอ้บ้าบางตัวมันยังไม่โผล่หัวมาเลยน่ะสิ



สาเหตุที่พีทหนีมาเที่ยวคนเดียว ทั้งๆ ที่เคยโดนสั่งห้าม เพราะทะเลาะกับอาร์ตนิดหน่อยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับพีท พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเขา และอีกฝ่ายไม่ว่างจะมาฉลองด้วยเนื่องจากติดงาน เขาคงจะไม่โกรธหรอกถ้าไม่เป็นเพราะว่าเรานัดกันแล้ว อาร์ตจะต้องทำตัวให้ว่างในวันนั้น แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายลืม และดันรับงานในวันที่ควรจะอยู่กับเขา แถมเขาขอรถคันนึงเป็นของขวัญวันเกิด และเป็นของขวัญปลอบใจที่โดนเบี้ยวนัด อีกฝ่ายดันเงียบไม่ตอบรับคำขอ เรียกง่ายๆ ว่าเมินหรือไม่ให้นั่นแหละ



ใน 2 ปีมานี้ เกิดอะไรขึ้นมากมายจนน่าเหลือเชื่อ อย่างแรกเพื่อนสนิทของพีท ‘เลิฟ’ ถูกคนขับรถชนอยู่หน้าคณะในเวลากลางวันแสกๆ เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 อาการในตอนนั้นเรียกว่าสาหัส แม้สุดท้ายจะรอดมาได้ แต่มันก็ต้องแลกกับขาหนึ่งข้าง ไม่ใช่ว่าขาขาดกลายเป็นคนพิการอะไรแบบนั้น เพียงแต่ว่าขาของเพื่อนเขามันใช้การไม่ได้ ต้องผ่าตัดอยู่หลายครั้งรวมทั้งกายภาพบำบัดไม่ขาด จนตอนนี้ก็ยังเดินไม่ได้ปกติเหมือนเดิม ทำให้ต้องดร็อปเรียนชั่วคราว เลยเหลือเขาคนเดียวที่ยังเรียนอยู่



แต่ในความเศร้าก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น อาร์ตเรียนจบแล้ว และคว้าเอาเกียรตินิยมเหรียญทองได้ตามคาด แต่สิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามแผน คืออาร์ตไม่ได้เป็นครูอย่างที่ตั้งใจ แต่กลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในตอนนี้ ซึ่งทำเอาหลายคนแปลกใจ ตกใจ ไปพร้อมๆ กัน เพราะต่างก็พากันรู้ดี ว่าอาร์ตไม่อยากทำงานแบบนี้ ดูได้จากการที่ปฏิเสธแมวมองมาที่เข้ามาชักชวนตลอดหลายปี แต่เหมือนชีวิตคงถูกกำหนดมาแบบนี้ สุดท้ายอาร์ตก็หนีในสิ่งที่ตัวเองเลี่ยงมาตลอดไม่พ้น



อาร์ตเริ่มทำงานในวงการบันเทิงตอนเรียนอยู่ปี 5 ด้วยการถ่ายแบบลงนิตยสารวัยรุ่นเล่มหนึ่ง เพราะต้องการหาเงินไปช่วยบ้านพักเด็กกำพร้าที่เลี้ยงดูตัวเองมาอีกแรงหนึ่ง เนื่องจากตอนนั้นทางบ้านกำลังประสบปัญหาการเงิน จนแค่ลำพังเงินน้อยนิดจากอาชีพเสริมเป็นนักร้องกลางคืนมันไม่พอ และต่อให้เจ้าสัวพิชิตรวมทั้งพีทจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่คนแบบอาร์ตก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ลงมือทำอะไร นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด



คนแรกที่อาร์ตนึกถึงในเวลานั้นก็คือ ‘วิว’ น้องรหัสของพีท ที่ตามตื้อชักชวนอาร์ตอย่างไม่ย่อท้อ และทันทีที่อาร์ตเอ่ยปากว่าอยากลองทำงานวงการบันเทิง เช้าวันรุ่งขึ้นงานถ้ายแบบก็มาวางอยู่ตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มที่สุดแสนจะดีใจของวิว และหลังจากนั้นก็มีงานชิ้นอื่นๆ ทยอยตามมาเรื่อยๆ แต่ส่วนมากยังคงเป็นงานถ่ายแบบ และเดินแบบจากห้องเสื้อ โดยที่ตลอดระเวลาในการทำงาน วิวจะคอยพูดให้อาร์ตยอมเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัดค่ายเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าไม่เคยยอมแพ้และมุ่งมั่น สมกับคำว่า ‘อยากได้’ ที่เจ้าตัวบอกมาจริงๆ



ถึงอย่างนั้นอาร์ตก็ยังไม่ยอมใจอ่อน และยังคงทำงานรับจ๊อบเป็นนายแบบโนเนมอย่างนั้นอยู่เกือบปี จนมีโอกาสได้คุยกับเจ้าสัวพิชิต ท่านเลยแนะนำอาร์ตให้ได้คิดตาม ว่าคนเราโอกาสดีๆ มันไม่ได้วิ่งเข้ามาในชีวิตบ่อยๆ ถ้าคว้าได้ให้รีบคว้า อย่าปล่อยให้มันผ่านไป จนต้องมานั่งคร่ำครวญเสียดายในภายหลัง และนั้นทำให้อาร์ตตัดสินใจก้าวขาเข้าสู่วงการบันเทิง เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในช่วงใกล้จะเรียนจบ




ด้วยรูปร่าง หน้าตาที่โดดเด่น ผสมกับความสามารถที่มี ทำให้อาร์ตโด่งดังได้ภายในเวลารวดเร็ว มีงานวิ่งเข้าชนไม่ขาดสาย เพลงก็ฮิตจนขึ้นติดท็อปชาร์ต แม้กระทั่งช่องโทรทัศน์ที่คอยยื่นบทให้ไปแสดงละครไม่ขาด เรียกว่าเป็นขาขึ้นและช่วงเวลาโกยเงินอย่างแท้จริง



ส่วนพีทวินาทีแรกที่อาร์ตตัดสินใจ ก้าวเดินไปในเส้นทางวงการบันเทิง เจ้าตัวก็เกิดอาการไม่พอใจเล็กน้อย เพราะรู้สึกหวงคนรักที่ต้องมีคนมาตามกรี๊ด แต่พอเห็นรายได้ที่อีกฝ่ายได้รับในการทำงาน ที่นับวันจะยิ่งได้ค่าตัวเพิ่มขึ้น กลายเป็นพีทเองที่รวมหัวกับวิวยัดงานให้อาร์ตทำ แล้วตัวเองก็มานั่งรับเงินสบายๆ อยู่บ้าน แถมยังทำตัวเป็นคนรักที่ดี เก็บตัวอยู่เงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นแฟนกับอีกฝ่าย เพราะกลัวอาร์ตจะชื่อเสียงเสียหาย ทำให้รายได้มันหดลง เรียกว่าเต็มใจทำทุกอย่าง โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอกทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีใครสั่งห้ามเลยสักนิด



“สนุกพอหรือยัง” เสียงเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความตำหนิ ดังขึ้นฝ่าเสียงดนตรีอยู่ตรงหน้า ทำให้พีทที่กำลังจ้องโทรศัพท์อยู่จนตาแทบถลน ต้องเงยหน้าขึ้นมองในทันที พร้อมกับที่ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ



“ยัง” พีทกระแทกเสียงตอบ และหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ หันหน้าหนีทำเป็นไม่พอใจใส่อาร์ต



“อย่าทำแบบนี้ใส่พี่นะดื้อ ใครกันแน่ที่ผิด” อาร์ตแย่งแก้วออกจากมือพีท และส่งสายตามองอีกฝ่ายดุๆ



“ทำอะไร” พีทลอยหน้าลอยตาตอบแบบไม่สำนึก ว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิดอยู่



“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย” อาร์ตสายหัวอย่างอ่อนใจ และพยายามฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อที่จะได้พากลับบ้านด้วยกัน



“ไม่เอา...ไม่กลับ” พีทพยายามขืนตัวเต็มที่ และเอามือจับโต๊ะไว้แน่น



“กลับ” อาร์ตบอกเสียงแข็งและเอื้อมมือเข้าไปใกล้ ตั้งใจที่จะอุ้มอีกฝ่ายกลับ เพราะขี้เกียจจะเถียงด้วยแล้ว



“เฮ้ย!! ไม่เอา!! บอกว่าไม่กลับไง” พีทเอี้ยวตัวหลบและฟาดฝ่ามือไปที่แขนของอาร์ตไม่หยุด




“อย่าดิ้นดิ” อาร์ตเองก็ไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บไม่น้อยกับฝ่ามือที่ระดมฟาดไม่ยั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดความตั้งใจลงได้



“อยากให้กลับ ก็ซื้อรถให้ก่อนดิ” พีทเองก็ไม่ยอมแพ้ ยื่นข้อต่อรองให้อีกฝ่ายทันที มือก็ยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างเอาไว้ พร้อมทั้งยักส่งให้กวนๆ ไม่หยุด



“.............” แต่อาร์ตไม่ได้ตอบอะไร นอกจากจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ส่วนพีทก็ยกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า



“ดื้อ...ตอนนี้คนกำลังมอง และพี่ว่าอีกไม่นานคนรู้แน่ว่าพี่เป็นใคร” จู่ๆ อาร์ตก็พูดในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ขอ ทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็หันมองรอบข้างตามที่อีกฝ่ายบอก ซึ่งก็เห็นว่าหลายคนเริ่มมองมาทางนี้อย่างสนใจ



“ถ้าไม่อยากให้คนรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน รับกลับบ้านดีไหมครับ” อาร์ตส่งยิ้มให้และพูดอย่างใจเย็น



“เออ!!! กลับก็ได้แม่ง!!” พีทกระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ ที่จู่ๆ เกมก็พลิกกลายเป็นตัวเองที่แพ้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ไม่อยากให้คนจับได้จนกลายเป็นข่าว และกระทบต่อหน้าที่การงานของอาร์ต เพราะนั่นมันหมายถึงรายได้ที่จะลดลงแน่นอน



“ขี้งก” อาร์ตหลุดขำออกมาเบาๆ และยื่นมือไปบิดปลายจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว ถ้าเป็นเรื่องที่จะกระทบต่อรายได้ของเขา ไม่ต้องทำอะไรมากให้เหนื่อยแรง พีทจะหยุดทุกอย่างและเชื่อฟังอย่างง่ายดายทันที ไม่รู้ว่าไปเอาไอ้นิสัยขี้งกกแบบนี้มาจากไหน ทั้งที่แต่ก่อนไม่เห็นเป็น สงสัยจะบ่มเพาะมาตั้งสมัยที่เขาไม่มีเงินเท่าไหร่



“เออ!! จะกลับไหมบ้านอ่ะ” พีทกระแทกเสียงใส่และมองอาร์ตตาขวาง แสดงความไม่พอใจออกมา จนอาร์ตได้แต่ถอนหายใจ ว่าคงไม่พ้นกลับบ้านไปได้ง้อกันยาว



“กลับครับ”




“เดินดิ...ชิ” พีทบอกด้วยใบหน้างอง้ำ ก่อนจะสะบัดตัวเป็นคนเดินนำออกไปแทน



“ขอโทษนะคะ” แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาดักข้างหน้า และส่งยิ้มยั่วยวนไปให้อาร์ต โดยที่ไม่ได้สนใจพีทที่ยืนอยู่ด้วยเลยสัดนิด



“ครับ” อาร์ตจำเป็นต้องหยุดเดินและคุยด้วย เพราะโดนหญิงสาวแปลกหน้าขวางเอาไว้ไม่ให้เดิน



“มีนนะคะ...แล้วคุณ…” หญิงสาวแนะนำตัวเอง และส่งสายตาเชิญชวนให้แบบไม่ปิดบัง



“ครับ” แต่อาร์ตแค่ตอบรับสั้นๆ โดยที่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ตามที่อีกฝ่ายได้เปิดทางมาก่อนหน้า



“แหม...ลึกลับซะด้วย แต่ไม่เป็นไรค่ะ มีนชอบ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” แต่แทนที่หญิงสาวจะรู้สึกเสียหน้า ในการโดนปฏิเสธแบบอ้อมๆ ครั้งนี้ เจ้าตัวกลับรู้สึกสนุกและสนใจอาร์ตมากขึ้น



“คุณนี่หน้าคุ้นๆ นะคะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” หญิงสาวยังคงพยายามชวนคุยต่อ พร้อมทั้งยื่นมือไปหา เพื่อที่จะลูบลงบนแผ่นอกกว้าง ที่เธอมั่นใจว่าถ้าถอดเสื้อผ้าออกมา มันคงจะมีอะไรให้ตื่นเต้นมากกว่าภายนอก



แต่ยังไม่ได้สัมผัสอย่างที่ใจปราถนา มือเรียวสวยก็ถูกมือปริศนากำเอาไว้แน่น เมื่อเลื่อนสายตามองตาม ก็เห็นว่าเป็นผู้ชายอีกคนที่สูงกว่าเธอเล็กน้อย และรูปร่างหน้าตาน่ารักชวนให้สนใจไม่น้อยเลย



“มีอะไรกับฉันหรือเปล่าค่ะ” หญิงสาวหันมาสนคนใหม่ตรงหน้า และส่งสายตายั่วยวนไปให้ ถ้าเธอพลาดจากคนแรก อย่างน้อยเธอก็ยังมีหนุ่มน้อยน่ารักนี่อีกคน



พีทมองการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า แล้วก็ต้องกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งขั้นสูงสุด ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เรียกว่านานเป็นชาติมาแล้ว ไอ้ท่าทางเชิญชวนแบบนี้ของอีกฝ่าย รับรองว่าคนอย่างเขากินเบ็ดที่ยื่นมาแน่ๆ แต่ตอนนี้นอกจากเขาจะไม่กิน เขายังจะเขวี้ยงเบ็ดคืนใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ อ่อยใครไม่อ่อย มาอ่อยคนของเขาทำไมวะ



“เปล่าครับ...แต่รบกวนคุณช่วยเอามือ และเอาตัวของคุณออกไปให้ห่างๆ ผู้ชายคนนี้ด้วยครับ” พีทส่งยิ้มหวานจนตาหยีไปให้ พร้อมกับแทรกตัวเองไปอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่



“คะ” หญิงสาวทำหน้างุนงง และมองการกระทำจองพีทอย่างไม่เข้าใจ



“ผมกับแฟนขอตัวกลับบ้านก่อนะครับ รบกวนช่วยหลีกทางด้วย” พีทยังคงฉีกยิ้มส่งให้ไม่หุบ แต่แววตาที่ใช้มองกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ



“ฟะ...แฟน หมายความว่าไงคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก และมองหน้าอาร์ตกับพีทสลับกันไปมา ใบหน้าแสนเย้ายวนเริ่มซีดเผือด



“ก็ตามนั้นแหละครับ” อาร์ตอมยิ้มขำส่งให้หญิงสาว ก่อนจะสอดแขนเข้าไปกอดที่เอวบางและก้มลงจูบที่ข้างขมับของพีท เพื่อยืนยันทุกอย่างผ่านการกระทำ



“เป็นเกย์แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกย่ะ!! เสียเวลาชะมัด” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่ พร้อมกับชักสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ทิ้งให้อาร์ตยืนมองตามด้วยความขำ ส่วนพีทยืนหน้าหงิกงอบอกบุญไม่รับ



“ปล่อย!!” พีทกระแทกเสียงใส่อาร์ตอย่างไม่พอใจ และหยิกลงบนแขนของอีกฝ่ายที่กอดอยู่เต็มแรง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางฮึดฮัด จนอาร์ตได้แต่มองตามและส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ พร้อมกับขำในลำคอเบาๆ ให้กับท่าทางเหล่านั้น



“งอนอะไรดื้อ พี่ไม่ได้ผิดนะ” อาร์ตที่เดินตามหลังออกมา พูดกับพีทที่ยืนกอดอก ใบหน้างอง้ำยิ้มๆ เลยได้รับสายตามองค้แนกลับมาเต็มๆ



“เออ!! ไม่ผิดหรอก ไอ้คนหล่อ!!” พีทพูดประชดประชันใส่ด้วยความหมั่นไส้



“ไม่เถียงละกัน เพราะอันนี้เรื่องจริง” คำพูดของอาร์ตถึงกับทำให้พีทเบ้หน้า เบะปากใส่อีกฝ่ายทันที




“แต่บอกว่าแฟนกันแบบนั้น เขาคงไม่เอาไปบอกนักข่าวหรอกเนอะ น่าจะจำพี่ไม่ได้หรอก” อาร์ตลองพูดลอยๆ เพื่อแหย่พีท เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังหน้างอไม่เลิก และก็ได้ผลทันที เพราะใบหน้างอง้ำของพีทค่อยเปลี่ยนเป็นจืดเจื่อน พร้อมกับดวงตาที่เบิกโพรงขึ้นด้วยความตกใจ



“ลืมอ่ะ...ทำไงดี” พีทหันไปถามความเห็นอาร์ตอย่างร้อนรน ใบหน้าเนียนแสดงความกังวลออกมาแบบจริงจัง



“ไม่ทำ...เพราะพี่ชอบ คราวหลังก็ลืมบ่อยๆ นะ” อาร์ตตอบอย่างไม่สนใจ และผิวปากออกมาแบบอารมณ์ดี ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ และเปิดประตูเข้าไปนั่ง



“เฮ้ย!! ไม่ได้ดิ” พีทโวยวายดังลั่น และเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถบ้าง จากนั้นก็ส่งเสียงพูดไปมาเรื่องเดิมไม่หยุด จนอาร์ตได้แต่ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเลิกสนใจและขับรถกลับบ้านทันที เพราะอยากจะพักผ่อนบ้างแล้ว หลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน









พีทยังคงใบหน้าบึ้งตึง แสดงความไม่พอใจใส่อาร์ตไม่หยุด ยิ่งอาร์ตเดินไปมารอบห้อง แบบที่ไม่สนใจอาการของตัวเอง ก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น



“นั่งหน้างอทำไม ไปอาบน้ำเร็ว จะได้นอน” อาร์ตที่ทำเหมือนไม่รู้ตัวว่าโดนโกรธ เอ่ยปากไล่พีทให้ไปอาบน้ำ ด้วยท่าทางที่เป็นปกติทุกอย่าง จนพีททนไม่ไหว คว้าเอาหมอนใบโตบนเตียง เขวี้ยงไปใส่อีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโมโห



“เฮ้ย!! เขวี้ยงมาทำไม” อาร์ตนับหมอนเอาไว้ได้ทัน และเอ่ยปากถามพีทด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเอาความหงุดหงิดของพีทพุ่งขึ้นจนแทบจะทะลุหลังคา คว้าเอาหมอนอีกใบเขวี้ยงตามไปในทันที



“เขวี้ยงหมอนลงจากเตียงแบบนี้ อยากนอนที่พื้นเหรอ” อาร์ตยังคงแกล้งไขสือ ไม่รับรู้ความโกรธที่พีทแสดงออกมา แววตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความสนุก



“ไอ้เหี้ย!!!” พีทตะโกนด่าอย่างเหลืออด ก่อนจะคว้าเอาโคมไฟตรงหัวเตียงขึ้นมา และง้างมือขึ้นสูงอย่างน่ากลัว



“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ” อาร์ตร้องห้ามแทบไม่ทัน ก่อนจะเดินถือหมอนทั้งสองใบไปวางคืนบนเตียง และดึงโคมไฟออกจากมือพีทกลับไปวางที่เดิม



“กะเอาให้ตายเลยหรือไงแค่เนี่ย” อาร์ตบ่นอุบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดสภาพ วันนี้เขาทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่ม แถมยังต้องลากสังขารรีบบึ่งรถไปผับ เพื่อรับเด็กดื้อกลับบ้าน เรียกว่าตอนนี้พลังงานหมดก๊อกเลยทีเดียว



พีทปลายตามองอาร์ตเล็กน้อย นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน แต่ความหมั่นไส้มีมากกว่า เพราะฉะนั้นเขาจะนั่งหน้างอ ทำงอนอยู่แบบนี้แหละใครจะทำไม



“ดูทำหน้า...จะไม่พูดกับพี่จริงดิ” อาร์ตขยับตัวมานอนหนุนตักพีท และโอบแขนไปรอบเอวบาง พร้อมกับซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบ



“หึ เที่ยงคืนยัง” อาร์ตงึมงำถามออกมา โดยที่ใบหน้ายังซุกกับหน้าท้อง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบจากพีทเท่านั้น



“ดื้อ...เที่ยงคืนยัง” อาร์ตเองก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาถามไม่หยุด



“เออ!!” พีทกระแทกเสียงตอบด้วยความรำคาญ ส่วนอาร์ตก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ ที่ทำให้พีทพูดได้สำเร็จ



“แบมือ” อาร์ตเปลี่ยนเป็นนอนหงาย และส่งยิ้มให้พีท



“เร็วดิ” เพราะทนการรบเร้าของอาร์ตไม่ไหว สุดท้ายพีทเลยต้องยอมแบบมือออกตามสั่ง ก่อนจะทำหน้าฉงนคิ้วขมวด เมื่อเห็นว่าอาร์ตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง



“สุขสันต์วันเกิด เลิกงอนพี่ได้แล้ว”




พีทมองกุญแจรถยนต์บนมือของตัวเองด้วยคสามตะลึง เพราะไม่คิดว่าอาร์ตจะซื้อให้จริงๆ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเรื่องนี้เลย และเอาแต่เงียบใส่ท่าเดียว



รอยยิ้มแสนดีใจที่กระจายอยู่เต็มใยหน้าน่ารักของพีท ทำให้อาร์ตที่นอนมองอยู่ อดที่จะยิ้มตามได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนแบบเขาคงให้ไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ถึงจะไม่ได้มีมากมายอะไร เขาก็สามารถให้ในสิ่งที่น้องขอได้ ถึงจะทำให้เครียดไม่น้อยตอนจ่ายตัง แต่ถ้าเป็นความสุขของคนที่เขารัก แค่นี้ก็ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่น้องไม่ขอเครื่องบิน หรือยานอวกาศกับเขา



“เดี๋ยวพรุ่งนี้โชว์รูมจะขับรถมาให้ รอรับละกัน”




“อือ” พีทพยักหน้ารับคำงึกงัก มองกุญแจในมืออย่างชอบใจ



“รถบ้าอะไรก็ไม่รู้ โคตรแพง ขับแล้วแม่งจะเหาะได้หรือไง” อาร์ตบ่นงึมงำออกมาไม่หยุด ก่อนจะลุกขึ้นและเปลี่ยนไปนอนแผ่กลางเตียงตามเดิม



“ไม่กี่ล้านเอง” พีทเถียงเสียงเบา พร้อมกับขำในลำคอ



“ครับเมีย...นี่ทบต้นทบดอกที่แต่ก่อนไม่มีปัญญาซื้ออะไรให้หรือเปล่า”



“ไอ้บ้า...ไม่ใช่เหอะ” พีททุบลงบนอกอาร์ตเบาๆ ให้กับความช่างคิดของอีกฝ่าย ก่อนจะขยับตัวขึ้นไปนอนเกยบนตัวของอาร์ต



“เอาเหอะ ถ้าขอแบบนี้บ่อยๆ ไว้หมดตัว พี่จะมาเกาะเมียกิน” อาร์ตว่าและหลับตาลงช้าๆ มือก็ลูบแผ่นหลังเล็กที่มานอนอ้อนไปมา



“อาร์ต...ขอบคุณนะครับ” พีทดันตัวเองขึ้นแลกดจูบที่แก้มอาร์ตแผ่วเบา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิม



“หืม...แค่เนี่ย” อาร์ตลืมตาขึ้นมองและเอ่ยปากเย้า



จุ๊บ!!



พีทเลยดันตัวเองขึ้นอีกครั้ง และกดจูบลงไปที่แก้มอีกข้าง ก่อนจะผละถอยห่าง เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังไม่พอใจของอาร์ต เลยกดจูบลงอีกครั้งที่ปลายคาง



“พอหรือยัง” พีทถามพร้อมกับกลั้นยิ้มเอาไว้




“ยัง” อาร์ตว่าและสบตากับพีทอย่างสื่อความหมาย



และไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ พีทจัดการแนบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากของอีกฝ่ายทันที กดจูบดูดเม้มซ้ำๆ อยู่แบบนั้นจนพอใจ ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากที่เปิดรับอย่างว่าง่าย




ปลายลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกันไปมา ดูดดึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนลิ้นแทบจะรวมกันเป็นอันเดียว ร่างกายบดเบียดเข้าหากันไม่หยุด มือเล็กลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นอกหนา ในขณะที่มือหนาบีบเค้นรุนแรงไปทั่วลำตัวบอบบาง



“พอ” แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ อาร์ตก็จัดการดันพีทออกห่าง และกดศีรษะเล็กแนบอก ยกมือกอดอีกฝ่ายแน่น พยายายข่มอารมณ์ที่กำลังเริ่มปะทุขึ้นมา



“แฮ่กๆๆ” พีทนอนหอบหายใจเสียงดัง เพราะเกือบจะขาดอากาศหายใจ จากจูบมาราธอนเมื่อครู่



“เมื่อไหร่ป๊ะจะเลิกทรมานพี่วะ” อาร์ตโอดครวญออกมาอย่างทรมาน เพราะตั้งแต่วันนั้นที่จนถึงตอนนี้ สองปีแล้วที่เขาไม่ได้มีอะไรกับน้องเลย นอกจากกอดจูบใสๆ แบบเด็กอนุบาล ถึงแม้ว่าตอนนี้ป๊าจะอนุญาตให้มานอนค้างคืนกับน้องบ้าง แต่ว่ายังห้ามเรื่องอย่างว่ากับเขาอยู่ ป๊าจะรู้บ้างไหมว่าเขาทรมาน และใกล้จะหมดความอดทนลงทุกวัน



“ไม่รู้” พีทตอบเสียงแผ่ว เพราะไม่ใช่แค่อาร์ตที่ทรมาน เขาเองก็เหมือนกัน อยากกลับไปแนบชิดกับอีกฝ่าย เหมือนที่เคยได้ทำก่อนนั้น



“นอนเถอะ” อาร์ตกดจูบที่กลุ่มผมนิ่ม และพลิกตัวอีกฝ่ายลงไปนอนที่เตียง



“ไม่อาบน้ำเหรอ” พีทช้อนตามองอาร์ตอย่างล้อเลียน ชอบใจที่เห็นว่าอาร์ตอยู่ในสภาพงุ่นง่าน



“อย่ายั่ว พี่ยังจำที่บอกวันนั้นได้นะ”



“ไว้ให้ป๊าใจอ่อนก่อนเหอะ ค่อยมาทวง” พีทยู่หน้าใส่เล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัว



อาร์ตบีบปลายจมูกพีทอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเดินไปปิดไฟและกลับมาที่เตียง ทรุดตัวลงนอนแล้วแทรกตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา สอดแขนไปกอดที่เอวบางแล้วกอดแน่น พร้อมกับหบับตาลงช้าๆ เพื่อข่มอารมณ์ทุกอย่างให้สงบ เพราะอย่างน้อยก็ยังได้กลับมานอนกอดกัน บนเตียงเดียวกัน และตื่นนอนมาเห็นหน้ากัน





2 Be Con...



++++++++++++++++++

ขอโทษที่หายไปนานนะ

เนื่องจากช่วงต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา คนเขียนค่อนข้างยุ่งกับงานประจำ

และประจวบเหมาะกับที่คนไทยทั้งประเทศได้รับข่าวร้ายที่สุด

นั่นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2559 ที่ผ่านมา

ทำให้ตัวคนเขียนทำการหยุดอัพนิยายไป เพื่อน้อมถวายอาลัยแด่พระองค์ท่าน

หลังจากนี้จะกลับมาทำการอัพตามปกติค่ะ

ปล.ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 17-10-2016 12:10:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-10-2016 12:48:28
หูย ป๊า  สองปีแล้วนะที่อาร์ตไม่ได้ชวนน้องพีทออกกำลังกายในร่มอ่ะ
ป๊ารีบๆใจอ่อนเถอะ สงสารลูกเขยเถอะนะป๊า :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-10-2016 13:38:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 17-10-2016 15:48:42
สงสารคนหื่นจะอกแตกตาย  ตอนหน้าขอให้ป๊ายกเลิกข้อตกลงนะอาร์ตนะ 55555 :laugh:  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2016 16:23:40
อดทนดีเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 57 (17/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-10-2016 17:02:45
จะจบแล้วหราเนี้ย อาร์ตทำงานเลี้ยงเมียแล้วเนอะ เมื่อไหร่ป๊าจะเลิกทรมานอาร์ตนะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END
เริ่มหัวข้อโดย: matchty ที่ 19-10-2016 15:23:37
By matchty



กัดครั้งสุดท้าย

- You Are My Destiny –

( รัก...พรหมลิขิต )





                ในที่สุดพีทก็จบการศึกษากับเขาสักที ถึงแม้จะมีแอบเกเร เรียนๆ เล่นๆ สอบตก คะแนนห่วยบ้างเป็นบางวิชา แต่สุดท้ายก็เรียนจบมาจนได้ ถึงจะไม่ได้เกียรตินิยมตามที่หวัง เพราะโง่เกินที่จะคว้ามันมาครองได้ แต่เกรดเฉลี่ยที่จบออกมาบอกเลยว่างดงามพอควรอยู่เหมือนกัน



                เขาก็ไม่ได้อยากจะโม้อะไรให้มันมากความ เพราะคนมันเก่งตั้งแต่เกิด นี่ถ้าไม่เกรงใจเกียรตินิยมเขาก็ทำได้เหมือนกัน ติดที่ว่ากลัวพ่อจะดีใจจนเป็นลม เขาก็เลยยั้งๆ ความสามารถเอาไว้ เพราะแค่นี้เจ้าสัวพิชิตก็ยิ้มหน้าบานอยู่แล้วที่ลูกชายเรียนจบน่ะ ตื่นเต้นดีใจมากกว่าคนเรียนจบแบบเขาซะอีก



                แต่ถึงจะดีใจแค่ไหนมันก็มีแอบเหงาๆ อยู่บ้าง เพราะวันแห่งความสำเร็จในชีวิตของเขา ดันขาดคนสำคัญไปหลายคนพอสมควร คนแรกก็ไอ้เลิฟ ที่ได้แต่โทรมาแสดงความยินดีด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ เพราะมันเป้นคนเดียวในบรรดากลุ่มเขาที่เรียนไม่จบ และยังไม่หายดีพอที่จะมาแสดงความยินดีด้วยตัวเองได้ ส่วนไอ้นาวก็ยุ่งเรื่องเรียนจบเหมือนกัน เลยได้แต่สไกป์แสดงความยินดีกันไป ภาพร่วมเฟรมในชุดรับปริญญาวันนี้เลยมีแค่เขา ไอ้กั้ม ไอ้เนยแค่ 3 คน



                แต่ในความหงอยหงอยของชีวิตก็ดันมีเรื่องให้ช็อกสุดๆ อยู่เหมือนกัน เรียกว่าโคตรจะเซอร์ไพรซ์เลยล่ะ เพราะจู่ๆ ไอ้พี่วินอดีตเบ้ประจำตัวของเขา ดันหอบดอกไม้มาแสดงความยินดี พร้อมกับการ์ดเชิญไปงานแต่งน่ะสิ แถมเจ้าสาวนี่เขาบอกได้คำเดียวว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน สวยแบบที่ไม่น่าตาต่ำมาคว้าไอ้พี่วินไปทำผัว ตอนนี้นอกจากที่คนรอบข้างจะแสดงความยินดีกับเขา ก็พากันแห่ไปอิจฉาไอ้พี่วินหมด




                ในระหว่างที่ทุกคนต่างพากันยิ้มแย้มอย่างมีความสุข พีทก็แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเหงา ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าในวันนี้ ข้างกายเขาขาดคนสำคัญไปหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือ...อาร์ต




                เขาไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายไม่ได้มา แต่มันก็มีน้อยใจบ้างเป็นธรรมดา เขารู้ว่าอีกฝ่ายพยายามแล้วที่จะยกเลิกงาน เพื่อที่จะแสดงความยินดีกับเขาในวันนี้ จะเป็นเขาเองที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียงาน ก็โชว์แมนไง สุดท้ายเลยมานั่งเหี่ยวอยู่แบบนี้



                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด



                แต่แล้วความคิดของพีทก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงกรี๊ดดังขึ้นสนั่นตรงหน้าคณะ ก่อนที่หัวใจจะเต้นรัวแรงเมื่อเห็นเงาร่างคุ้นตาของใครบางคน ที่กำลังก้าวเดินตรงมาหาพร้อมกับคิตตี้ตัวใหญ่ในมือ



                “ดีใจด้วยนะครับบันฑิตใหม่” อาร์ตยื่นตุ๊กตาตัวโตในมือให้พีท พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างล้อเลียน



                “ทำไมมาได้ล่ะ” พีทถามเสียงแผ่วพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือก็ยื่นไปรับตุ๊กตาจากอีกฝ่ายมาถือไว้



                “หนีงานมา”



                “เฮ้ย!! จริงดิ” พีทถึงกับทำตาโตทันที



                “ล้อเล่น งานมันเสร็จเร็ว นึกว่าจะไม่ทันแล้วเหมือนกันนะเนี่ย” อาร์ตอมยิ้มขำแล้วยกมือยีหัวพีทด้วยความเอ็นดู



                “กวนตีน ตกใจหมด แม่ง!!” พีทว่าหน้างอแล้วยกตุ๊กตาฟาดอาร์ตด้วยความหมั่นไส้



                “ฮ่าๆ ว่าแต่ชอบป้ะ ของขวัญ” อาร์ตหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ แล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มใสเล่น



                “อืม” พีทยิ้มเขินแล้วเอาหน้าซุกเข้ากับตุ๊กตา ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จู่ๆ ถึงได้เขินขึ้นมา



                “กอดป้ะ”



                “ห๊ะ!!” พีทเงยหน้ามองอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้หูฟาด เมื่ออาร์ตค่อยๆ กางแขนออก และในวินาทีนั่นพีทก็โผเข้าหาอ้อมกอดของอีกฝ่ายทันที



                อาร์ตกดจูบลงที่กลุ่มผมนุ่มซ้ำๆ มือก็ลูบแผ่นหลังเล็กไปมาไม่หยุด รู้สึกดีใจและภูมิใจไม่น้อยเลยกับคนรัก ที่ได้เห็นอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในชีวิตไปอีกขั้น



                ฟอดดดด



                “ขอบคุณนะอาร์ต” พีทเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มอีกฝ่าย และส่งยิ้มไปให้อย่างน่ารัก ทำเอาอาร์ตถึงกับตาพร่าไปหมด



                “เฮ้ยๆ พอๆ จะหวานอะไรกัน ช่วยเกรงใจพวกกูด้วย” แต่แล้วบรรยากาศที่เริ้มเป็นสีชมพูก็ถูกขัดจนล่มไม่เป็นท่า ด้วยน้ำมือของอ้นที่ทนอิจฉาปนหมั่นไส้ทั้งคู่ไม่ไหว



                พีทที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป ก็ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ก่อนจะซุกหน้าลงกับแผ่นออกกว้างของอาร์ต เพื่อหนีสายตาทุกคนที่มองมาอย่างสนใจและล้อเลียน



                “กิ้วๆ เขินเหรอน้อง”



                “ฮิ้ววววววว สาบานว่าแสดงความยินดีรับปริญญา ไม่ใช่ขอแต่งงาน”



                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”



                เสียงโห่ร้องตะโกนแซว และเสียงกรี๊ดสนั่นจากคนรอบข้าง ทำเอาพีทไม่กล้าที่จะเงยหน้าออกมาจากอก เพราะนี้มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่เขาเผลอทำความแตกเองตลอดแบบนี้



                “พอๆ เลิกแซว เดี๋ยวกูซวยอีก” อาร์ตออกปากห้ามทุกคนอย่างไม่จริงจัง แขนก็กอดพีทไว้แน่น พร้อมกับมองหลายคนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้วยรอยยิ้ม พนันได้เลยไม่เกินคืนนี้หรอก รูปของเขากับพีทคงว่อนเน็ต ถือว่าเปิดตัวแฟนต่อสังคมได้แบบโด่งดังดีล่ะนะ



                ...

                ...



                “อ้าวป๊า...จะไปไหนอ่ะ” พีทที่เพิ่งจะกลับมาจากออกไปเที่ยวกับอาร์ต มองกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่หน้าบ้าน สลับกับมองพ่อของตัวเอง ที่อยู่ในสภาพเตรียมตัวเดินทางด้วยความงุนงง



“ออสเตรีย” เจ้าสัวพิชิตส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งให้คนงาน ขนกระเป๋าขึ้นรถ



“ป๊าจะไปทำอะไรที่ออสเตรีย” คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความฉงน เพราะพีทจำไม่เห็นจะได้ว่ามีคู่ค้าอยู่ที่ประเทศออสเตรียด้วย



“ป๊าว่าจะไปเที่ยวสักอาทิตย์” คำตอบของพ่อทำเอาพีทอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง ไปเที่ยวเนี่ยนะ? ไปเที่ยวในวันที่ลูกชายเพิ่งจะเรียนจบ




“ป๊าทำงี้ได้ไงอ่ะ” พีทโวยวายขึ้นทันทีแบบไม่เสียเวลาคิดให้เยอะ ใบหน้าบึ้งตึงมองพ่อตัวเองอย่างไม่พอใจ



“ป๊าทำอะไร” เจ้าสัวพิชิตถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่ได้นำพากับท่าทางของลูกชายเท่าไหร่



“ก็ป๊าจะไปเที่ยวอ่ะ"



"ใช่...ป๊าจะไปเที่ยว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ"



พีทถึงกับทำหน้างอง้ำ เมื่อเห็นว่าพ่อดูจะไม่สนใจตัวเองเท่าไหร่



"ก็ผมเพิ่งรับปริญญาอ่ะ ป๊าควรจะอยู่ฉลองกับผมดิ" พีทพูดอย่างเอาแต่ใจ และก็ออกอาการหัวเสียเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพ่อจะทิ้งตัวเองไว้ และหนีไปเที่ยว ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสำคัญของเขาแท้ๆ



"วันนี้ป๊าอยู่บ้านทั้งวัน ไม่เห็นว่าเราจะอยากอยู่ด้วย ออกไปเที่ยวกับแฟนจนลืมป๊า ยังจะมีหน้ามาโกรธป๊าอีกเหรอ" เจ้าสัวพิชิตส่ายหัวไปมา และถอนหายใจอย่าเอือมระอา ให้กับความเอาแต่ใจของลูกชาย ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ



“ก็ไอ้พี่อาร์ตมันชวน ป๊าก็ว่ามันดิ” คนที่อยู่ๆ ก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยว และโดนโยนความผิดให้แบบอาร์ต ถึงกับต้องหันมองหน้าพีทด้วยความอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะกลายเป็นคนผิดซะได้



“หึๆ ว่าไงล่ะเรา” เจ้าสัวพิชิตหัวเราะเบาๆ ในลำคอ และเอ่ยเย้าอาร์ตอย่างขบขัน



“อ่า...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าผิดได้ยังไง” อาร์ตตอบเนือยๆ พร้อมกับทำหน้าเมื่อยส่งให้เจ้าสัวพิชิต ตอนเขาบอกว่าจะพาไปเที่ยว กระโดดโลดเต้นดีใจซะยกใหญ่ ทีตอนนี้โทษว่าเป็นความผิดเขาซะงั้น



“ความผิดพี่มึงนั่นแหละ...ว่าแต่ป๊าจะไปจริงดิ” พีทแยกเขี้ยวใส่อาร์ต แล้วเดินไปกอดแขนพ่อ แนบใบหน้าซุกกับอกและถูไถไปมา ทำท่าทางอ้อนจนเจ้าสัวพิชิตต้องหลุดหัวเราะออกมา



“จะอ้อนเอาอะไร” เจ้าสัวพิชิตยกมือลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยถามดักคออย่างรู้ทัน



“ฮี่...ของขวัญรับปริญญาอ่ะป๊า” พีทดันตัวเองออกมาจากอกและฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับแบมือไปตรงหน้าของพ่อทันที




“นี่สินะจุดประสงค์หลัก” เจ้าสัวพิชิตส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ท่านคิดเอาไว้อยู่แล้วว่ามันแปลกๆ ปกติเวลาท่านจะไปไหน ไม่เคยเห็นพีทจะโวยวายสักที



“เปล่าสักหน่อย อยากให้ป๊าอยู่ด้วยจริงจริ๊ง” พีทปฏิเสธเสียงสูงเป็นพัลวัน ตาก็เสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตากลับใครทั้งนั้น ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ว่าตัวเองโดนจับได้



“เฮ้อ!!!” เจ้าสัวพิชิตถอนหายใจเสียงดัง และหันไปมองหน้ากับอาร์ตที่ยืนยื้มขำด้วยความเอือมระอา อยากจะหาตัวช่วยขัดใจลูกชาย แต่ดูแล้วคงจะไม่มีหวัง เพราะอาร์ตก็ชอบตามใจพีทแบบท่านนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้นับวันยิ่งเอาแต่ใจหนักข้อขึ้น



“ไปดีกว่า” เจ้าสัวพิชิตไม่ได้ตอบตกลงอะไรกับพีททั้งนั้น และเลือกที่จะเดินไปขึ้นรถทันที ไม่นำพาเสียงโวยวายดังลั่นที่ดังตามหลังมาติดๆ ของลูกชาย



“ป๊า!!! เดี๋ยวดิ ของขวัญผมอ่ะ” พีทยังโวยวายทวงของไม่หยุด แต่เจ้าสัวพิชิตก็ยังคงมองเมิน เจ้าตัวเลยออกอาการงอนสะบัดหน้าหนี



เจ้าสัวพิชิตมองตามหลังลูกชายที่งอนตุ๊บป่อง แล้วก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ นับวันอาการยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ นิดหน่อยงอน  นิดหน่อยไม่พอใจ จนท่านเริ่มคิดว่ามีลูกชายหรือลูกสาว ก่อนจะกวักมือเรียกอาร์ตให้เดินเข้ามาหาแทน



อาร์ตเลิกคิ้วมองผู้สูงวัยกว่าด้วยความฉงน ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรมากก็ตาม แต่คิดว่าคงไม่พ้นเรื่องฝากฝังพีทอีกตามเคนนั่นแหละ



“จำข้อตกลงของเราได้ไหม” คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ทำเอาอาร์ตถึงกับมองเจ้าสัวพิชิตตาโต ก่อนจะพยักหน้างึกงักว่าจำได้ ถ้าเขาลืมสิแปลก



“ผ่านมากี่ปีแล้วนะ”



“2 ปี 4 เดือนครับ” อาร์ตตอบคำถามกลับไปแบบระบุวันชัดเจน เพราะเรียกว่านับวันในหัวทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว



“เธอว่ามันนานไหม”



“นานครับ” อาร์ตตอบทันควันแบบไม่คิดเยอะ และตรงจนเจ้าสัวพิชิตหลุดขำ



“ระยะเวลาพอๆ กับที่เธอแอบคบลูกชายฉันเลยนะ ว่าไหม” เจ้าสัวพิชิตยังคงพูดเรื่อยๆ แต่ทำเอาใบหน้าของอาร์ตซีดลง และส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ผู้สูงวัยกว่า ในใจก็ภาวนาไม่ให้พ่อของคนรักแกล้งอะไรเพิ่ม



“เคยแหกกฎบ้างไหม”



“แค่เกือบๆ แต่ยังครับ” เมื่อโดนถามมา อาร์ตเองก็ตอบตรงๆ เพราะวินาทีนี้ เขาต้องเอาความจริงใจเข้าสู้อย่างเดียวเท่านั้น



“ขอบใจที่เธอไม่โกหก” เจ้าสัวพิชิตส่งยิ้มให้อาร์ตอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



“เอาเถอะ ถึงฉันจะยังขัดใจ และรู้สึกว่าควรจะทำโทษพวกเธออีกนิด แต่ในเมื่อเธอก็ทำตัวดีมาตลอดให้ฉันเห็น เจ้าลูกชายฉันก็เรียนจบแล้ว...ถือว่าฉันให้ของขวัญละกัน”



“มะ...หมายความว่า” อาร์ตถึงกับติดพูดติดอ่าง มองหน้าเจ้าสัวพิชิตจนตาแทบถลน หัวใจเต้นกระหน่ำรัวแรงอย่างบ้าคลั่ง




“อืม” เจ้าสัวพิชิตพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือมาตบที่ไหล่อาร์ต



“เบามือหน่อยล่ะไอ้ลูกเขย เดี๋ยวลูกชายฉันช้ำหมด” คำพูดของเจ้าสัวพิชิตทำให้อาร์ตยิ้มกว้าง ดีใจจนอยากจะโห่ร้องตะโกนให้ลั่นบ้าน แต่ก็ต้องควบคุมมันเอาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าดีใจออกนอกหน้าเกิน เจ้าสัวพิชิตท่านจะเปลี่ยนใจ



“พีท!!!” เจ้าสัวพิชิตหันไปตะโกนเรียกลูกชาย ที่เอาแต่ยืนงอนหันหลังให้ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวหันมามอง ท่านก็กวักมือเรียกให้เข้ามาหา



“อะไรอ่ะป๊า จะให้ของขวัญแล้วเหรอ” พีทที่เดินกระแทกเท้าปึงปัง ใบหน้างอง้ำเข้ามาหา เอ่ยถามขึ้นอย่างกวนโอ๊ย



“ใช่...ป๊าให้ของขวัญ” คำตอบของพ่อทำเอาพีทตาโต แววตาเป็นประกายวิบวับอย่างตื่นเต้น



“อะไรอ่ะป๊า”




“หึ ป๊าฝากอาร์ตไว้ ไปถามพี่เขาดู” พีทถึงกับขมวดคิ้วมุ่น หันมองหน้าอาร์ตทันที ก่อนจะส่งสายตาไปคาดคั้นขอคำตอบ แต่อีกฝ่ายไม่บอกอะไรนอกจากยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่พีทบอกเลยว่าเสียวสันหลีงแปลกๆ




“ป๊าไปแล้วนะ เดี๋ยวตกเครื่อง”



“ครับ...เดินทางปลอดภัยนะครับ” อาร์ตยกมือไหว้ลาอย่างนอบน้อมและส่งยิ้มให้



“ป๊า!! อย่าลืมของฝากนะ” ส่วนพีทเอ่ยทวงของฝากทันที เลยโดนเจ้าสัวพิชิตเขกกะโหลกด้วยคสามหมั่นไส้ ก่อนที่ท่านจะฝากฝังร่ำลาอีกเล็กน้อย และสั่งคนขับรถให้ออกเดินทางได้



พีทยืนมองรถของพ่อที่ขับออกจากบ้านไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมามองหน้าอาร์ตที่ยืนข้างๆ อีกครั้ง และหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างหาความผิดปกติ



“อาร์ต...ป๊าฝากของขวัญอะไรไว้อ่ะ” เมื่อพยายามมองแล้วแต่หาไม่เจอ พีทเลยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ แทน



“อยากรู้” อาร์ตมองหน้าพีทแล้วยิ่มกริ่ม ส่วนพีทก็พยักหน้างึกงักแข็งขัน



“มันอยู่บนห้อง” อาร์ตว่าและยิ้มที่มุมปาก



“จริงดิ...งั้นต้องขึ้นไปดู” พีททำโนด้วยความตื่นเต้น และคว้าเอามืออาร์ต ดึงอีกฝ่ายให้กลับห้องนอนด้วยกัน เพราะอยากจะแกะของขวัญที่พ่อให้ต่อหน้าคนสำคัญ



“อาร์ตรู้ป้ะ ว่าป๊าให้อะไร” พีทถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด ออกอาการตื่นเต้นแบบปิดไม่มิด



“มุก” คำตอบสั้นๆ ของอาร์ต ทำเอาพีทขมวดคิ้วมุ่นและหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันกลับมามองอาร์ตด้วยความไม่เข้าใจ



“เข้าห้องไปเดี๋ยวก็รู้” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางปกติ ก่อนจะเอื้อมมือไปประตูห้องนอน และดันหลังพีทให้เข้าไปข้างใน



“มุก...ทำไมป๊าให้มุกอ่ะ แน่ใจเหรออาร์ตว่าเป็นมุก เอามาแล้วใช่อะไรได้อ่ะ” พีทบ่นงึมงำพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ ที่ของขวัญเป็นมุก ก็เขาไม่ได้เป็นผู้หญิง จะเอามุกมาทำไม



อาร์ตได้ตอบคำถามอะไรพีท นอกจากยิ้มกริ่มและมองเจ้าตัว ที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกขย้ำด้วยสายตาวาววับ วันนี้สัญญาด้วยเกียรติของเขาเลย ถ้าพีทได้นอนก่อนฟ้าสว่าง เขาจะยอมงดกิจกรรมเข้าจังหวะอีก 2 ปี



“อาร์ต!!! ไหนมุกอ่ะ” เสียงตะโกนถามของพีท พร้อมกับร่างเล็กที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างเตียง ทำให้อาร์ตกระตุกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์



“เดี๋ยวพี่หยิบให้ดูครับ” อาร์ตปิดประตูห้องนอนและจัดการล็อกเรียบร้อย พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาพีทอย่างอารมณ์ดี ก็เขากำลังจะได้ทวงสัญญาที่น้องกระซิบบอกเมื่อ 2 ปีก่อนสักที

 

“อย่าหงุดหงิดสิไอ้หื่น ถ้าทนได้ สัญญาว่าจะตามใจทั้งคืน”

 

‘ชีวิตมันทำไมมีความสุขแบบนี้นะ เขาจะจัดเน้นๆ ทั้งคืน พร้อมกับบอกน้องด้วย ว่ามุกน่ะ... จะได้ใช้ทำอะไร’



ปัง!!!!!!



บานประตูที่ปิดลงในค่ำคืนนี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับความรัก มันพร้อมที่จะปิดลงได้เสมอ และเปิดออกได้ในทุกๆ ครั้ง ในวันที่เราอยากจะก้าวเดินออกไป มันไม่เคยมีคำว่าจบบริบูรณ์ในสิ่งที่เรียกว่าความรัก และไม่มีความรักของใครบนโลกที่สมบูรณ์แบบ



แม้ชีวิตอาจจะไม่ได้รักกันจนวันตาย หรือเราอาจจาจต้องจากกันในสักใดวันหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนทั้งคู่ แค่ขอให้นาทีนี้ วินาทีนี้ ในทุกๆ ครั้งที่เปิดปิดประตู ยังคงได้เห็นใบหน้าของคนๆ เดิม คนที่หัวใจมอบคำว่ารัก คนที่หัวใจเชื่อว่ามันคือพรหมลิขิต คนที่ภาวนาในทุกๆ วัน ว่าขอให้เราได้อยู่เคียงข้างกันแบบนี้...ตลอดไป





- FIN -



+++++++++++++++++++

จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้

บอกเลยว่าแอบใจหายเหมือนกัน

บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างผูกพันกับทั้งคู่ ไม่น้อยกว่าปอเลิฟเลย

แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา

หากแม้นมีโอกาส และเหมาะสม

อาจจะได้เจอกันภาค 2 ล่ะมั้ง 555

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้

ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไป

ขอบคุณที่รักอาร์ตพีท

ขอบคุณแทนตัวละครทุกตัวด้วยนะคะ

สุดท้ายแม้มันจะไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบ

แต่ทุกตัวอักษรกลั่นมันมาจากหัวใจเสมอค่ะ

รักและขอบคุณนอ่านนะคะ

ปล.

ตอนพิเศษเจอกันในเล่มนะคะ ไม่แซ่บให้เอาไม้ตีหัว (ย้ายบ้านแพ่บ)

เรื่องต่อไป เจอกันใน ปอเลิฟ 2 ปอเลิฟ spin off และ แสนชังนะคะ

และอีกนิด อย่าทำร้ายเราเลย อาร์ตพีทมันกวนๆ จบมันก็ต้องกวนๆนั่นและ อิ อิ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: pang_mingi ที่ 19-10-2016 15:33:04
สนุกๆมากเลย อ่านทีเดียว50กว่าตอน เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-10-2016 16:08:41
พีท มุกที่พี่อาร์ตว่าพีทคงได้เห็นยันเช้าอ่ะงานนี้ :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 19-10-2016 16:29:01
 :hao7:  พ่อใจดีเน๊อะให้ มุก
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-10-2016 17:23:54
มุก จ้าาาาาา  :pig4: :pig4:

และแล้วก็จบ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 19-10-2016 17:29:49
สนุกมากเลยค่ะ อ่ายรวดเดียวเลย55555555 o13
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-10-2016 18:58:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   ขอบคุณครับบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2016 19:00:19
 :hao7:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 21-10-2016 14:18:25
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ตามมาจากเรื่อง ปอเลิฟ ไม่รู้ว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง...พีทนี่นายเอกคนละแบบกับเลิฟเลย ตรงกันข้ามราว
หน้ามือกับหลังมือ บอกตามตรง งง เหมือนกันว่า อาร์ตมาหลงรักพีทได้ไง เอาแต่ใจ เหวี่ยง วีน แต่ก็นะเวลาเขาอยู่ด้วยกันมุ้งมิ้ง
น่ารักดี จะรอติดตามเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-10-2016 22:23:46
ถึงพีทจะแสนดื้น ขี้งอน เหวี่ยง วีนไปบ้างแต่อาร์ตก็รักพีทมาก อดทนและผ่านอุปสรรคด้วยกัน เสียดายอย่างเดียวตอนจบไม่ได้ดูมุกที่อาร์ตจะให้พีท :laugh:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ รอเรื่องต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-10-2016 15:46:38
 :3123: :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 31-10-2016 21:35:53
แหมพีทมุกของ***เฮียไง 55555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 13-11-2016 23:04:49
สนุกมากๆ. แม้เนื้อเรื่องจะไม่หวือหวา นะ แต่คำผิดเยอะไปหน่อย :mew1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-11-2016 23:38:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 19-11-2016 01:04:19
อ่านรวดเดียว คือดีงามมากๆ อีพี่อาร์ตนี่ก็ตล๊อดตลอด น่ารักดีช๊อบชอบน้องพีท ตอนอ่านตอนจบแอบใจหายแบบ เห๊ยเราดูผูกพันกะตัวละครคิดถเพื่อนแก้งค์น้องพีท มันคงเหงาในวันที่เราไม่มีเพื่อนอยู่ข้างๆ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ ให้อ่านค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 21-11-2016 23:08:41
 o13
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 23-11-2016 14:30:54
พี่อาร์ตกับเด็กดื้อจบไปอีกเรื่องแล้วหรือนี่ เร็วเหมือนกันนะ :hao3:
ต่อไปใครจะมาตีกันให้เราดูอีกล่ะเนี่ย คงจะเหงาแน่ๆ :laugh:
สุดท้ายพี่อาร์ตก็ทำสำเร็จ เรียนจบอย่างงดงาม ความรักก็ผ่านไปด้วยดี
สามารถทำให้พ่อน้องพีทไว้วางใจให้ดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
เรื่องความเอาแต่ใจนี่ไม่ต้องโทษใคร พี่อาร์ตเต็มๆเลย
ทำยังไงได้ล่ะเนอะ คงต้องตามใจกันไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ
ขอให้พี่อาร์ตกับน้องพีทมีความสุขมากๆนะจ๊ะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ จบไปอีกเรื่องแล้วนะ :L2:
+1 และเป็ดค่ะ
ป.ล. เดี๋ยวไปลุ้นพี่ปอกับน้องเลิฟกันต่อ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 23-01-2017 01:23:40
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 15-08-2017 20:38:16
เป็นนิยายที่ครบรส อ่านรวดเดียวจบเลย สนุก มาก ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 19-08-2017 00:25:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-05-2018 10:27:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-05-2018 08:42:43
อ่านรวดเดียวจบเลย
สนุกมาก พออ่านมาถึงตอนจบ
บอกเลยว่าไม่อยากให้จบ
ชอบอาร์ตตามใจน้องตลอดเลย
ผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหน 55555+
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Sasiwan ที่ 10-10-2018 10:19:41
ชอบมากเลยยยยยยยย  :katai2-1: :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-07-2020 13:06:58
คิดถึงเรื่องนี้ ชอบมาก อ่านกี่ครั้งก็สนุก จะกลับมาอ่านอีกรอบละนี่ 555
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 01-08-2020 23:06:40
พีทขี้เหวี่ยง ขี้วีนแต่ก็น่ารักดี พี่อาร์ตก็ช่างตามใจน้องไปทุกเรื่อง ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 09-08-2020 14:50:28
โคตรน่ารักอะ   พีทกวนมึนดีชอบบบครับ