พิมพ์หน้านี้ - ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เห็ดหอม:) ที่ 07-01-2016 18:28:26

หัวข้อ: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 07-01-2016 18:28:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




คำโปรย : แมน นักเขียนนิยายบอยเลิฟ(ที่คิดว่าว่าตัวเอง)หน้าสวย แถมพื้นฐานลึกๆ ยังเป็นคนตลก มาดูกันว่าเขาจะนก หรือเขาจะได้




Chapter 1 : Let me introduce myself




สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน

กระผมนาย ‘แมน’ แฟนไม่มี หน้าตาดีไปวันๆ คันหลังทีไรไม่มีใครช่วยเกา ชอบกินข้าวผัดไข่ แต่ไม่กินแตงกวา อยากเลี้ยงหมา แต่ที่หอไม่ให้ อยากไปตามนักร้องเกาหลี แต่ยังไม่เป็นเศรษฐีเลยไม่เคยไปสักครั้ง ติ่งทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือสำเภา ว่าแล้วผมว่าเราว่าเข้าเรื่องกันเถอะครับ

คำคล้องจองข้างต้นบ่งบอกความเป็นตัวผมได้ครบถ้วนเป็นอย่างดี เนื่องจากการสั่งสมและเก็บประสบการณ์ด้านนิยายมาเป็นเวลานานของผม ตัวเอกมักจะแนะนำตัวในตอนต้นเรื่องซะส่วนใหญ่ ดังนั้น ในยุคที่อะไรๆ ก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด ผมจะเริ่มแนะนำตัวเองอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เสียเวลาดังนี้

ผมชื่อ ‘แมน นันทสิทธิ์’ อย่าแปลกใจที่ชื่อเล่นกับชื่อจริงของผมไม่ได้ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัวเดียวกันเหมือนในนิยายทั่วไป ก็นี่มันเรื่องเล่าชีวิตจริงของผมนี่นา จะให้มันเพอร์เฟ็คเหมือนในนิยายได้ยังไง

ผมเกิดในครอบครัวที่ป๊าเป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่แม่เป็นคนไทยแท้ ครอบครัวทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำพริกสำเร็จรูปแม่ละอองโดยละอองนั้นคือชื่อของคุณยาย เจ้าของต้นตำรับน้ำพริกแต่ดั้งเดิมนั่นเองครับ

ผมมีพี่น้องรวมตัวผมเองเป็น 3 คน ได้แก่ เฮียฮวง อายุ 33 ปี พี่คนโตผู้ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ สถานะ แต่งงานแล้ว มีลูก 2 คน เจ๊หยง อายุ 29 ปี พี่คนรอง สถานะ อยู่อาศัยกับแฟนสาว ไม่ผิดครับ แฟนสาว เจ๊หยงของผมนั้นเป็นผู้หญิงข้ามเพศหรือที่เรียกว่าทอม และตามความเป็นจริงนั้นเธอไม่ให้ผมเรียกเธอว่าเจ๊ด้วย ยกเว้นเวลาอยู่ต่อหน้าป๊ากับแม่ ประกอบอาชีพร้านกาแฟสด และเบเกอรี่ร่วมกับแฟนสาวของเฮียแกนั่นเอง

และคนสุดท้าย กระผม นายแมน...


กำลังงงสินะว่าทำไมชื่อผมไม่เป็นภาษาจีนเหมือนคนอื่นในบ้านเขา...


ผมเองก็เคยสงสัยในตอนเด็กๆ ครับ คิดมาโดยตลอดว่ามันคือปมด้อย แท้จริงแล้วผมอาจไม่ใช่ลูกของแม่กับป๊าก็ได้ พวกท่านจึงไม่ให้ความเท่าเทียมแก่ผมเลย มารู้จากแม่ทีหลังตอนที่โตและพอเข้าใจอะไรแล้วว่า การปฏิสนธิครั้งสุดท้ายของป๊ากับแม่ในวัยที่พวกท่านอายุขึ้นเลข 4 กันแล้ว ในทีแรกแม่ไม่สมยอม แต่ป๊าดึงดันจะเอาให้ได้ แม่จึงยื่นคำขาดว่า ถ้าบังเอิญ พลาดพลั้ง มีผมหลุดออกมา จะต้องให้ตัวเองเป็นคนตั้งชื่อตามแบบที่ตัวเองชอบ


และบังเอิญว่าผมมันมีบุญจริงๆ จึงได้เกิดมาเป็นนายแมนอย่างทุกวันนี้


และเนื่องจากผมเป็นลูกคนสุดท้อง แต่เฮียฮวงก็ได้สร้างหน้าตาชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลด้วยการเป็นหมอให้ป๊ากับแม่แล้ว ส่วนเจ๊หยงก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ลูกหลงอย่างผมจึงไม่ถูกคาดหวังอะไรมากมาย ดังนั้น ปัจจุบันผมศึกษาอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งอย่างสบายๆ ในชั้นปี 4 อายุก็กำลังเอ๊าะๆ ห่างจากเจ๊หยง 7 ปี นั่นคือ 22 ปีนั่นเอง

เนื่องจากอายุผมค่อนข้างห่างกับพี่ๆ ของตัวเองมากพอสมควร ทำให้ผมไม่มีเพื่อนเล่น และกลายเป็นเด็กขี้เหงา ผมได้หาวิธีแก้เหงาตัวเองด้วยการเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน ดูอนิเมะ อ่านนิยาย ติ่งนักร้องเกาหลี ฟังเพลงตะวันตก ติ่งกามิกาเซ่ ติ่งนายแบบ ติ่งเน็ตไอดอล และอีกมากมาย

ซึ่งล้วนแล้วแต่หามีสาระไม่...


นอกจากนั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าการที่ผมทำแต่เรื่องไร้สาระในชีวิต ผมพบว่าผมได้รับอิทธิผลอย่างสูงจากนิยาย และการ์ตูน นั่นคือ...

ผมสนใจแต่เรื่องราวที่เป็นชายรักชาย


และเหนือกว่านั้น ผมได้ค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์อย่างยิ่งในการสรรสร้างผลงานที่เกี่ยวข้องกับรักร่วมเพศ อย่างการแต่งนิยายที่เรียกชื่ออ้างอิงตามภาษาญี่ปุ่นว่า นิยาย Yaoi หรือที่คนทั่วไปจะเรียกกันว่านิยายเกย์นั่นแหละครับ


ผมแต่งนิยายเกย์ครับพี่น้อง และผมทำมันเป็นอาชีพด้วย!


ก็แหม... คณะผมมันไม่ได้เรียนหนักเหมือนพวกหมอ วิศวะ อะไรนั่นนี่ครับ เลยเหลือเวลาว่างเยอะ ไอ้ครั้นจะปล่อยเวลาว่างไว้เฉยๆ มันดูน่าเสียดายออก

ตอนที่ค้นพบตัวเองแรกๆ ผมก็คิดนะว่าควรทำดีไหม ถ้าป๊า แม่ เฮียฮวง และเจ๊หยงรู้เข้าเขาจะหาว่าผมเบี่ยงเบนหรือไม่ แต่พอลองเอาลงเว็บ และมีแฟนคลับตามกรี๊ดกร๊าดนิยายของผมมากมาย ผมก็เลยได้รู้ว่า เอ๊ะ นี่มันก็สนุกดีเหมือนกันนี่หว่า ของแบบนี้ต้องลองเองครับ

และจากการที่ผมเป็นหนุ่มวาย(คล้ายๆ กับสาววายแต่ใช้ในกรณีที่เป็นเพศชายอย่างผม) ผมจึงชอบการออกกำลังกาย และดูแลตัวเองให้มีรูปร่าง และบุกคลิกภาพคล้ายกับตัวละครของนิยายที่ผมแต่ง และชื่นชอบ


เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ เขาถึงได้บอกว่าถ้าจะหาเกย์ ให้ไปหาตามฟิตเนส ไอ้ผมก็ชอบไปฟิสเนตซะด้วยสิ


แต่คงไม่จริงหรอก ผมไม่ใช่เกย์ซะหน่อย ผมแค่แต่งนิยายเกย์เท่านั้นเอง


พูดถึงฟิตเนส ผมเพิ่งจะเล่นเสร็จเมื่อกี้เองครับ ปัจจุบัน ผมกำลังนั่งเช็คคำผิดนิยายตัวเองเป็นรอบที่ร้อย หลังจากโดนเจ๊เจ้าของสำนักพิมพ์โทร.มาจิกให้ส่งต้นฉบับ ทำให้ผมต้องขึ้นลิฟต์จากฟิตเนสหอพัก มาบนห้องของตัวเอง
ผมรู้สึกว่าถ้าให้พูดถึงตัวเองตอนนี้ ผมคงมีลักษณะเป็นเกย์รับ หรือที่เรียกกันเป็นภาษายุ่นว่า เคะ ที่ดีมากๆ เลยล่ะครับ ร่างกายของผมตอนนี้มีมัดกล้ามเนื้อพองาม ผมไม่สูงมาก ตัวค่อนข้างโปร่งเพรียว และมีต้นคอที่เรียวระหง รวมที่มีลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีที่ร้านย้อมให้ยาวระต้นคอ มองยังไงก็สมบูรณ์แบบ


ถึงหน้าตาผมมันจะธรรมดาเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่เรามองๆ ข้ามมันไปก็ได้มั้ง


เอาจริงๆ ก็คือผมดูต้นแบบมาจากนักร้องเกาหลีคนหนึ่งที่ตัวเองชอบนั่นแหละครับ ผมว่าเขามีรูปร่างเป็นเคะที่ผมชอบ เลยพยายามคอสเพลย์ตัวเองเป็นนักร้องคนนั้นซะเลย

น่าเสียดาย ที่ผมเกิดมาเตี้ยเกินกว่าจะเป็นเมะที่ดีได้ ผมจึงไม่ทำได้ดีที่สุดคือการเป็นเคะเท่านั้น


แต่ผมก็เจอแล้วนะครับ คนที่สามารถเป็นเมะอย่างที่ผมชอบได้ ทั้งลักษณะ หน้าตา บรรยากาศรอบๆ ตัว บุคลิกมันใช่มากๆ ผมมักจะเอาเขามาจินตนาการเป็นตัวเอกในนิยายตัวเองบ่อยๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เป็นเดือนคณะของผมเอง ผมรู้จักน้องเขาก็ตอนน้องแกประกวดดาวเดือนนั่นแหละ


ถ้าผมคิดจะมีแฟนสักคน และผมชอบผู้ชายจริงๆ ผมคงจะอยากได้แฟนเป็นน้องคนนี้แน่ เพอร์เฟ็ค ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว ผมน่ะ สะสมรูปน้องเขาไว้ในคอมเป็นอัลบั้มๆ เลยนะครับ มีเกือบทุกอิริยาบถ เซฟมาจากเฟซบุ๊กน้องเขาบ้าง ขอจากสายลับส่วนตัวของตัวเองบ้าง นอกจากนั้นผมยังมีหมอนข้างที่สกรีนลายน้องเขาด้วยล่ะครับ


อะไรนะ ผมได้ยินแว่วๆ เหมือนมีคนบอกว่าผมโรคจิตล่ะ!?


ผมคิดว่าไม่นะครับ มันก็อารมณ์เหมือนพวกคุณคลั่งไคล้ศิลปินสักคนนั่นแหละ นอกจากติดตาม ซัพพอร์ต สูบรูป แต่งฟิค คุณก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ เขา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ อย่าบอกนะครับว่าคุณไม่เคยซื้อหมอนข้าง หมอนอิงสกรีนหน้าศิลปินที่ตัวเองชอบกัน?

ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้นนั่นแหละครับ เปลี่ยนแค่ผมคลั่งไคล้น้องเขาในฐานะที่น้องเขาเป็นเมะแบบที่ผมชอบเท่านั้นเอง


เล่ามาตั้งนาน อยากรู้จักน้องเขาแล้วล่ะสิท่า งั้นผมจะบอกให้พวกคุณรู้ก็ได้ น้องเขาน่ะ ชื่อ....




ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


โอ๊ะ! ใครมาเคาะประตูห้องผมกันนะ

ผมกดเซฟไฟล์งาน แล้วพับฝาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คตัวเองลง ก่อนจะลุกจากโซฟาซึ่งเป็นที่สิงสถิตในขณะนี้ ไปที่ประตูห้อง แล้วเปิดประตูออก


โอ้! พระ! เจ้า!


ผมลอบไล่สายตามองผ้าเช็ดตัวที่ขมวดหลวมๆ พันเป็นปมอย่างหมิ่นเหม่อยู่แถวสะโพก ขึ้นไปยังกล้ามแน่นๆ เป็นลอนที่ประดับไปด้วยหยดน้ำแพรวพราว ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้ากึ่งตะวันตกของคนตรงหน้า


เฮ้ย นี่มัน...


“โทษนะครับ รบกวนช่วยหยิบบ็อกเซอร์ให้ผมที มันปลิวไปอยู่ระเบียงห้องนายน่ะ”


น้องแมทธิว!!!


“อะ.. เอ่อ ได้ รอแป๊บนะ”




ปัง!!!

ผมเผลอกระแทกประตูอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น มือไม้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แอร์ในห้องที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนลงไปฟิตเนสไม่ช่วยบรรเทาอาการหน้าร้อนเพราะความเขินของผมได้เลย ผมเดินขาสั่นๆ เพื่อไปเปิดประตูระเบียงและเดินไปหยิบบ็อกเซอร์สีน้ำเงินเข้มลายสก๊อตของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องมาถือไว้ในมือ พลางจ้องมองมันสลับกับประตูห้อง


น้องแมทธิวตัวเป็นๆ โคตรเหลือเชื่อ!!!


ผมเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง เลยไม่สนิทอะไรกับใครมากมาย ยิ่งกับเดือนคณะอย่างน้องเขานี่มันคนละไลฟ์สไตล์กับผมเลยล่ะ


ตอนนี้เขามายืนเปลือยรอผมอยู่หน้าห้อง และบ็อกเซอร์น้องเขาก็อยู่ในมือผม !


ผมเดินถือมันไปที่ประตูห้อง ชั่งใจว่าจะแอบดมดูสักนิดดีไหม แต่จิตใต้สำนึกด้านดีก็สั่งให้หยุดไว้แค่ความคิด ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจตัวเองที่ติดขัด กับใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุอกออกมาเต้น cover dance รอบห้องพลางค่อยๆ เอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู


น้องเขายังยืนรออยู่เลยอ๊ะ!!!


ผมยื่นบ็อกเซอร์ให้คนตรงหน้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องจะไม่เห็นอาการผิดปกติของผม อันได้แก่ หัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที ใช่เธอหรือนี่ ที่คอยตลอดมานะ มือหนาๆ ของแมทธิวเอื้อมมารับบ็อกเซอร์ผม ซึ่งมันช่างเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์ในสายตาของผมเหลือเกิน

วินาทีที่มือของผมสัมผัสกับมือของแมทธิว ผมก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ในหัวของผมมันตื้อ ยิ่งสายตาเลื่อนไปเห็นไรขนบางๆ ที่หน้าท้องแน่นๆ ซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ เลือดผมมันก็ยิ่งสูบฉีด ผมรู้สึกตาพร่ามัว และโลกเอียง ทำให้ทรงตัวไม่ได้ ผมรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือด และสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลออกมาจากจมูก แต่ก่อนที่โลกของผมจะดับวูบ และมืดสนิทไป ผมก็ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงที่เปลือยท่อนบนตรงหน้า ถลาเข้ามารับร่างของผมไว้


อา... ตายตอนนี้ก็ไม่เสียเปล่าล่ะ ยมบาลเจ้าค่าเอ๋ย...


.
.
.

หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-01-2016 19:10:00
ลืมแปะกฎจ้า
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 07-01-2016 19:44:56
ผมลืมตาขึ้น และกวาดตามองเพดานอันคุ้นเคยของห้องที่อยู่มานับปีได้ ก่อนจะเหลือบลงมองเสื้อที่เปื้อนคราบเลือดของตัวเองอย่างงงๆ


จำได้ว่าน้องแมทธิวเปลือยอกมาทวงบ็อกเซอร์

ฝันหรือเปล่าเนี่ย?


“โอเคยัง?” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหูทำให้ผมสะดุ้งเฮือก และรีบหันไปมองต้นเสียงที่นั่งยองๆ ถือทิชชู่เปื้อนเลือด กับสมุดเลคเชอร์ที่ท่าทางถูกเอามาใช้แทนพัดในมือ


อ้าว ไม่ได้ฝันด้วย!!


“อือฮึ” ผมค่อยยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพิงหลังกับที่เท้าแขนโซฟา และพยายามจะไม่สบตาโดยตรงกับร่างสูงตรงหน้า แต่ไอ้ครั้นจะวางสายตาไว้แถวๆ ซิกแพ็คของน้องเขาก็เกรงว่าจะเลือกกำเดาพุ่งอีกรอบ เลยก้มมองกางเกงกีฬาตัวเองที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเพราะรีบขึ้นมาปั่นนิยาย


“นาย...” แมธทิวพูดแล้วละคำพูดไว้ พลางจ้องหน้าผมที่พยายามหลบตา ผมเม้มปากและเสมองไปทางอื่น


หรือว่าน้องเขาจะรู้ว่าผมเป็นติ่งน้องเขา… ผมคิดพลางมองซ้าย มองขวา หาสิ่งที่แสดงถึงความคลั่งไคล้ที่ผมมีต่อแมธทิว


ก็ไม่นะ...


หรือน้องแมธทิวจะรู้ว่าผมลมจับเพราะคิดอกุศลกับร่างกายของน้องเขา


ไม่นะ ไม่ จะเป็นอย่างนั้นไม่ด๊ายยยยย!!!


“...เพิ่งขึ้นมาจากฟิตเนสใช่ไหมเนี่ย?” แมทธิวพูดพลางเดินไปทิ้งทิชชู่ที่ถังขยะข้างโทรทัศน์ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ กับกล้ามแขนแน่นๆ ของร่างสูง พลันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง


เห็นหุ่นของผู้ชายคนไหน ก็ไม่มีผลต่อจิตใจเท่าหุ่นของน้องแมทธิวเลยจริงๆ

คิดแล้วอยากจะเป็นลมอีกสักรอบ


“อืม” ผมพยักหน้าพลางเสยผมชุ่มเหงื่อตัวเองทีนึง

อ้าว แล้วทำไมผมถึงไปอืมใส่น้องแมทธิวแบบนี้ล่ะเนี้ย...

พี่แมนขอโทษนะครับ ที่พูดไม่เก่ง แต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธอนะ

“รู้สึกเป็นไงบ้าง?” ร่างสูงของแมทธิวนั่งยองๆ ลงข้างๆ โซฟาพลางเอียงคอเพื่อช้อนตามองหน้าผมที่ก้มงุดมองต้นขาตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก


อย่ามองครับ พี่เขิน


“ก็ดี แล้วบ็อกเซอร์นายล่ะ?” ผมพยายามที่จะสบตาสีน้ำตาลอมเขียวใสๆ คู่นั้น


โอย... ให้ตายเถอะ มองตัวจริงใกล้ๆ เทียบกับมองในรูปไม่ติดสักนิด


นี่มันเกินคำว่าปริ่มแล้ว อยากร้องไห้ ป๊าครับ แม่ครับ ช่วยแมนด้วย


“อ๋อ นี่ไง” แมทธิวพูดพลางคว้าเอาบ็อกเซอร์ตัวเดิมที่วางพาดอยู่บนที่เท้าแขนของโซฟาขึ้นมาชูแล้ววางไว้ตามเดิม

“ถูกตัวแล้วใช่ไหม?” ผมพูดพลางพยายามทำเสียงให้นิ่ง แต่มันกลายเป็นเสียงดุไปซะงั้น

“อื้อ ก็ถูกแล้วแหละ” แมทธิวเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพลางมองไปรอบๆ ห้องผม


เฮ้ย อย่ามองมากนะ เดี๋ยวรู้กันพอดีว่าผมติ่งน้องเขาอยู่


“งะ..งั้นก็..”

“ฉันชื่อแมทธิว” ผมที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างรีบกลืนคำพูดลงคอและพยายามอย่างยิ่งที่จะบันทึกทุกประโยคบทสนทนา น้ำเสียงและท่าทางของคนที่นั่งลงตรงที่ว่างบนโซฟาข้างๆ ตัวผม

“เพิ่งย้ายมาห้องข้างๆ ฝากตัวด้วยนะ”


หา!!! จริงดิ!? จริงเหรอ!? น้องแมทธิวอยู่ห้องข้างๆ ห้องผมเหรอ!? จริงจัง!? ไม่หรอก จริงอ๊ะ!?


“อืม...”


อืมอีกแล้ว ผมอืมใส่น้องแมทธิวอีกแล้วล่ะทุกคน!! ทำไมผมต้องเย็นชาใส่น้องเขาด้วย ถ้าน้องเขาเสียใจขึ้นมาผมจะทำยังไง


“ฉันเรียนเศรษฐศาสตร์ปี 1 นะ”


อันนั้นพี่รู้แล้วครับ และพี่แมนก็รู้มากกว่าที่น้องบอกอีกนะเออ


“แล้วนายล่ะ?”

“ชื่อแมน เรียนเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน” เพราะการพยายามคุมเสียงให้นิ่งทำให้ดูเหมือนผมหยิ่ง แย่ๆๆ เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่ค่อยอยากคุยกับใคร แล้วก็เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง

“จริงเหรอ ไม่เห็นเคยเจอเลย”

“ฉันอยู่ปี 4 แล้ว” ผมบอกไปสั้นๆ แต่ดูเป็นการหักหน้าน้องแมทธิวเล็กน้อย เพราะตั้งแต่คุยกันมา น้องเขาก็ไม่รู้ว่าผมเป็นรุ่นพี่

“อ๋อ รุ่นพี่นี่เอง ถึงว่าไม่ค่อยเจอ เพราะปี 4 ไม่ค่อยมีเรียนแล้วสินะครับ เออ ถ้างั้น....” ผมเหลือบมองร่างสูงที่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนที่อยู่ๆ แมทธิวจะหันมามองหน้าผมตรงๆ

“...”

“พี่โหวตใครเป็นเดือนเหรอ?”

“แค่ก แค่ก แค่ก..” ผมสำลักน้ำลายทันทีที่ร่างสูงถามคำถามจบ แล้วยกมือขึ้นปิดปากพลางเสตามองไปทางอื่น

ก็โหวตนายน่ะแหละ จะให้พูดหรือไง ผมก็เขินเป็นนะ

“แค่ก.. จำไม่ได้ ฝากเพื่อนโหวต” ผมว่าพลางเหลือบตามองพลางกลืนน้ำลาย ในใจนึกอยากยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกตามไรผม แต่ก็กลัวน้องเขาจะสงสัยเพราะแอร์ก็เย็นฉ่ำซะขนาดนี้

“โอ้... เสียดายแย่เลยนะครับ”

“ก็... อืม” ผมพยักหน้าน้อยๆ แต่คนที่นั่งข้างๆ ก็จ้องอยู่นั่นแหละ

จ้องอะไรครับ เดี๋ยวพี่แมนก็สึกหรอกหมดกันพอดี

“งั้นผมปะ...”


I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~
I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~


เสียงริงโทนบ่งบอกความติ่งของผมดังแทรกเสียงทุ้มอันรื่นหูของน้องแมทธิวอย่างน่าอารมณ์เสีย ผมเหลือบมองเบอร์ที่ขึ้นโชว์หราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพบว่าเป็นสายที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงจำใจต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลุกพรวดไปยืนคุยนอกระเบียง ท่ามกลางสายตางงงวยสงสัยของแมทธิว

“ฮัลโหล”

(แมน ส่งต้นฉบับมาได้แล้วนะ) เป็นเจ๊เจ้าของสำนักพิมพ์นิยายเกย์ท่านหนึ่งที่เคารพสูงยิ่งรองจากป๊า แม่ เฮียฮวง และเจ๊หยงนั่นเอง ที่ขัดจังหวะการได้สนทนา และใช้อากาศหายใจร่วมกันของผมกับน้องแมทธิว

“รู้แล้ว เจ๊แจงอย่าใจร้อนดิ”

(รู้แล้วมัวทำไรวะ ฉันบอกให้แกรีบส่งตั้งแต่ 5 โมงเย็น นี่มันจะ 6 โมงแล้วนะเว้ย)

“ก็แบบว่า มันมีเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย” ผมว่าพลางเหลือบสายตาไปมองแมทธิวที่ก็กำลังมองมาทางผมอยู่แล้ว

แอร๊ย เขินจัง

(เหตุฉุกเฉินไรวะ?) ผมฟังคำถามของเจ๊ฝนพลันสายตาก็เห็นน้องแมทธิวชี้ไม้ชี้มือไปทางประตู พลางพะงาบปากเป็นคำพูดที่อ่านได้ว่า

‘ไปแล้วนะ’

“ก็แบบว่า...” ผมคิดหาข้ออ้างพลางพยักหน้ารับรู้ให้น้องแมทธิวเล็กน้อย ร่างสูงส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะโบกมือให้ผมเบาๆ

(อะไร เล่าดิๆ) เสียงแสดงความสงสัยแบบปิดไม่มิดดังมาจากปลายสาย เร่งเร้าให้ผมรีบเล่าว่าผมได้เจอรุ่นน้องที่ชื่นชอบมายืนเปลือยท่อนบนเคาะประตูห้องทวงบ็อกเซอร์ และผมก็เป็นลมเพราะน้องเขา


ฝันไปเหอะโว้ย ใครจะไปเล่าความโรคจิตของตัวเองให้คนอื่นฟังกันเล่า!


“เปล่าๆๆๆ เดี๋ยวจะไปส่งเมล์ให้และ แค่นี้นะเจ๊” ผมมองตามน้องแมทธิวที่เดินออกจากห้องและปิดประตูให้ ก่อนจะตัดบทสนทนากับคนในสายเอาดื้อๆ

(อ้าว ไอ้แมน นี่แกโกหกฉันใช่ไหม!!? @#$%^&*(_@!!!)


โทษทีนะเจ๊ แต่ผมไม่พร้อมจะเล่าให้ใครฟังจริงๆ ว่าตอนนี้ผมฟินแค่ไหน

ป๊าครับ แม่ครับ น้องแมทธิวอยู่ห้องๆ ผมครับ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!?







สวัสดีค่า นี่เห็ดเอง เราแต่งนิยายอยู่นานมากแต่ไม่เคยลงจริงจังสักที ใครหลงเข้ามาอ่านติชมนิยายเราเลยนะคะ เราอยากพัฒนาฝีมือ และอยากรู้ข้อดีข้อเสีย ขอบคุณล่วงหน้าค่าาา
  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 07-01-2016 21:31:55
เนื้อเรื่องก็น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2016 22:00:16
 :pig4:
มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 08-01-2016 17:33:59
Chapter 2 : Chance on or Destiny?



อรุณสวัสดิ์ตอนเกือบๆ 8 โมงครับทุกคน

ช่วงเวลาเช้าๆ แบบนี้ ทุกคนคงสงสัยสินะครับว่านายแมนมายืนทำอะไรทำท่าร้อนรนอะไรอยู่หน้าลิฟต์ ไม่ต้องแปลกใจ ที่ผมแทบจะกดปุ่มลิฟต์รัวๆ ก็เพราะว่าผมมีเรียน 8 โมงนั่นเองครับ

และตอนนี้ 7 โมง 50 แล้วครับ

และถึงแม้ว่าหอของผมมันใกล้มหาวิทยาลัยจนสามารถเดินไปเรียนได้แต่มันก็ไม่มีทางที่ผมจะไปถึงคลาสทัน 8 โมงหรอกครับ ดังนั้น ไอ้คนที่อยู่ข้างล่าง ช่วยรีบนิดนึงครับ นายแมนจะไปเรียนสายอยู่แล้วครับ

อาจารย์นะอาจารย์ เปิดสอนรอบเดียวไม่พอ รอบที่เปิดยังเช้าซะจนน่าใจหาย จงใจแกล้งนักศึกษาชัดๆ!

อ่า... แต่มันก็เป็นความผิดของผมเองแหละ ที่มัวกด snooze นาฬิกาปลุกเพราะความง่วง หลังจากที่เมื่อคืนพยายามข่มตาหลับ เพราะภาพน้องแมทธิวเปลือยท่อนบนมานั่งคุยกับผมยังติดตาอยู่ น้ำเสียงทุ้มๆ นุ่มหูก็ดังก้องอยู่ในหัว จนผมนอนเขินบิดตัวเป็นเกลียวกับหมอนข้างสกรีนหน้าน้องแมทธิว แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน


ติ๊ง!

ในที่สุด ลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมรีบแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะเอื้อมมือเตรียมจะกดปิดลิฟต์ แต่หูก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากนอกลิฟต์ซะก่อน

“รอด้วยครับ!” ร่างสูงที่คุ้นเคยเพราะนอนกอดกันอยู่ทุกคืน (ผมกอดหมอนข้างหน้าน้องเขาเองแหละ) แทรกตัวตามเข้าในลิฟต์ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“อ้าว พี่แมน” นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวคู่นั้นหรี่มองผมน้อยๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

เขินก็เขินนะครับ แต่ตอนนี้พี่แมนกำลังจะไปเรียนสายครับ

“หวัดดี” ผมพยักหน้าส่งๆ เหลือบมองเงาสะท้อนที่ลิฟต์เห็นตัวเองทำหน้าประหนึ่งท้องผูก และพร้อมจะเหวี่ยงใส่คนรอบตัวในรัศมี 5 เมตร

ผมไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับน้องแมทธิวเลยอ่ะ หลังจากนี้น้องอาจจะกลัวผม จนเลิกยุ่งกับผมก็ได้
ฮือ พี่มันคนไม่เฟรนด์ลี่ ขอโทษทีนะน้อง

ติ๊ง!
ในที่สุดลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่างสุด ผมเดินออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิด แล้วก้าวฉับๆ โดยไม่ได้บอกลาน้องแมทธิว แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่วินาทีที่จะเข้าเรียนสาย การเรียนผมย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้วครับทุกคน

แหม เห็นผมไร้สาระไปวันๆ แต่ผมก็แยกแยะเป็นนะ

“เดี๋ยวพี่” ผมที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งถูกเสียงทุ้มๆ เรียก ทำให้ฝีเท้ามันชะงักอัตโนมัติ และหันกลับไปมองแมทธิวที่ก้าวยาวๆ ตามผมมา
“จะไปมอใช่ไหม?” น้องแมธทิวเดินเข้ามาประชิดตัวผมที่ยืนเอ๋อด้วยความงง
“อ..อือ ใช่”
“ไปกับผมดิ” พูดเสร็จก็เดินนำผมที่โรงรถ



 รู้ตัวอีกที ผมเดินตามมานั่งอยู่ในรถคันหรูของน้องแมทธิวและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เจ้าของรถสตาร์ทรถและบึ่งตัวออกจากหอ
รถแล่นได้ไม่นาน ผมก็เริ่มหลุดพ้นจากความมึนงง แต่แทนที่อาการใจเต้นตึกตัก และหายใจติดขัด เพราะเป็นผลกระทบจากความใกล้ชิดเกินพอดีของผมกับร่างสูงที่นั่งเป็นสารถีอยู่ข้างๆ


รถแล่นมาจอดหน้าคณะที่ผมกับเจ้าของรถเรียนอยู่ เจ้าของรถหันมามองผู้ร่วมทางอย่างผมเงียบๆ ก่อนจะเริ่มบทสนทนาขึ้น
“พี่เรียนตึกไหน?” น้องแมทธิวดึงกระจกลงมาพร้อมส่องจัดผมสีน้ำตาลไหม้ๆ ของตัวเองพลางเหลือบมองผมที่ทำหน้างงเสมอต้นเสมอปลาย
“จอดตรงนี้ก็ได้” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่กลับถูกคนข้างๆ จับไหล่ไว้เป็นเชิงให้หยุด
“เดี๋ยวครับ” ใจหนึ่งก็อยากกรีดร้องที่ชีวิตไอ้แมนคนนี้จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเดือนคณะที่ตัวเองชื่นชอบขนาดนี้ แต่เหลือบมองนาฬิกาผมก็อยากจะกรีดร้อง

โชคชะตาทำให้ผมพบพาน้องแมทธิว ถูกที่แต่ผิดเวลา

ผมเหลือบมองคนที่รั้งผมไว้กำลังเบนกระจกเหนือหัวมาทางผม พลางจับเส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีของผมขึ้นเป็นเชิงให้จัดทรงผม

อ่ะ จัดก็ได้

“รีบมากเลยเหรอครับ” น้องแมทธิวมองผมแล้วอมยิ้มละลายใจมาให้ผมหนึ่งที
“คลาสเริ่ม 8 โมง” ผมว่าพลางตวัดหางตามองคนข้างๆ

เอาอีกแล้ว ผมแสดงกิริยาไม่ดีต่อน้องแมทธิวอีกแล้วอ่ะ

“อ้าว เหรอครับ นี่มัน 8 โมงแล้วนี่เนาะ” ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วมองผมที่จับผมผมทัดหูลวกๆ
“อืม งั้นฉันไปได้แล้วใช่ไหม?” เสียงนิ่งๆ หลุดออกมาจากปากผมอีกครั้ง

ตายแล้ว ไอ้คนที่พูดถือดีเมื่อกี้มันคือใคร กล้าดียังไงมาประชดประชันใส่น้องแมทธิวมิทราบ!!?

“ครับๆ โชคดีนะครับ” น้องแมทธิวดูงงหน่อยๆ ที่ผมทำตัวเหวี่ยงใส่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรให้ แต่ก็ยังยิ้มให้ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกครั้ง
“อ..เออ..” ผมชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอยยิ้มนั้น
“...ครับ?”
“ขอบใจที่มาส่ง”
“ยินดีครับ” ว่าพลางใช้ใบหน้าลูกครึ่งของตัวเองส่งยิ้มมาให้ผม

อ๊าก เขิน แดดิ้นระดับพัน

ผมก้าวลงจากรถและไม่ลืมที่จะปิดประตูรถให้ รถคันหรูแล่นออกจากตรงหน้าผม จนลับสายตา ก่อนที่ผมจะถอนหายใจ และรีบจ้ำอ้าวขึ้นเรียนอย่างรวดเร็ว



ผมสายไป 5 นาที หลังจากหาที่นั่งให้ตัวเองได้แล้ว อาจารย์ก็เริ่มเช็คชื่อทันที นับว่าผมโชคดีมากๆ ก่อนที่เสียงบรรยายของอาจารย์ประจำวิชาจะเริ่มขึ้นโดยที่มันไม่เข้าหูของผมแม้แต่น้อย

ในหัวของผมตอนนี้มีแต่หน้าน้องแมทธิวในระยะประชิด กับกลิ่นกายหอมๆ ของน้องเขา
สรุปว่าที่ผมรีบมาเข้าเรียนก็เพราะกลัวโดนเช็คขาดเท่านั้นแหละครับ

ผมพยายามทำสมาธิและหยิบสมุดโน้ตแต่งนิยายตัวเองขึ้นมา ก่อนจะทำในสิ่งที่เป็นกิจวัตรยามเข้าห้องเรียน นั่นก็คือการแต่งนิยาย หลังจากที่เพิ่งปิดต้นฉบับส่งเจ๊ฝนไปเมื่อวานตอนเย็น ผมก็ต้องรีบปั่นเรื่องอื่นๆ ที่ดองไว้เป็นไห นั่งเหม่อคิดเนื้อเรื่องไปได้สักสิบนาที อยู่ๆ ก็มีร่างอรชรเดินมานั่งข้างผม

“ไอ้แมน ทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ” เธอชื่อแนทครับ เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีแต่ถ่อย ไม่เข้ากับรูปร่างและหน้าตาตัวเองเท่าไร
“วันนี้กูก็สาย” ผมเหลือบตามองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูสภาพเป็นอีเพิ้งเล็กน้อย ที่โยนกระเป๋าลงกับโต๊ะ และรื้อเอาสมุดเลคเชอร์กับกล่องแว่นออกมา
“แล้วมึงมาก่อนกูได้ไง หอกูอยู่ใกล้มอกว่าหอมึงอีก” แนทสวมแว่นและเปิดสมุดเลคเชอร์ ก่อนจะจดยิก ปากก็บ่นไปด้วย
“ดูดิ๊ กูแต่งหน้าไม่ทัน คอนแทคเลนส์ก็ไม่ทันได้ใส่ แม่ง เดินออกมาคนในหอคงนึกว่าศพ”
“รุ่นน้องมาส่งเลยมาสายนิดหน่อย” ผมเลือกที่จะข้ามประโยคบ่นเรื่องส่วนตัวของแนท แล้วตอบคำถามที่มันถามไว้ทีแรก
“ใครวะ นอกจากกูแล้วมึงรู้จักใครในมอด้วยเหรอ?” แนทเงยหน้ามามองผมเล็กน้อยก่อนจะเพิ่งสายตาไปยังสไลด์ข้างหน้าห้องบรรยายตามเดิม
“ก็สายรหัสกูไง” ผมว่าผมเหลือบมองแนทที่หน้าสดเปลือยสุด
“น้องรหัสมึงเป็นผู้หญิงนะได้ข่าว มึงให้น้องเขามาส่งมึงแงะ?” แนทดันขอบแว่น คิ้วบางที่ถูกกันขวดเป็นปม
เออเว้ย วันนี้แนทหน้าสดมากเลยอ่ะ
“ก็ไม่ได้บอกว่ารุ่นน้องที่มาส่งคือน้องรหัสกูนี่” ผมว่าผมก้มลงเขียนสิ่งที่นึกขึ้นได้ในหัวลงบนสมุด
“แล้วใครมาส่งมึงวะ?” แนทหยุดเขียน และพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่ออาจารย์เริ่มนอกเรื่อง
“มึงก็รู้จัก” ผมบอกใบ้ให้แนทไปงมเข็มในมหาสมุทร แนทมันค่อนข้างเซเลบ รู้จักคนเยอะ จ้างมันก็นึกไม่ออกหรอกครับ
“โอ้ บอกแค่นี้มึงไม่ต้องบอกกูก็ได้นะ” มันประชดผมพลางเริ่มจดอีกครั้งเมื่ออาจารย์ทำท่าเข้าเรื่องที่เรียนอยู่
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอพลางก้มลงเขียนนิยายต่อ

ต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าของผมกับแนทครับ

ต้องเล่าไหมอ่ะ?? ดูจากที่คุยกันก็น่าจะรู้นะว่าผมสนิทกับมันแค่ไหน
เล่านิดนึงก็ได้ ผมกับแนทเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้นครับ บ้านแนททำโรงงานน้ำปลา ใกล้ๆ กับโรงงานน้ำพริกของบ้านผมแหละ
แนทหน้าตาน่ารักครับ ในโลกโซเชียล เน็ตเวิร์กเธอเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ เลยครับ แต่ตัวจริงก็สถุนถ่อยอย่างที่เห็นนี่แหละ ถ้าไม่สนิทกันก็คงยากที่เจ้าหล่อนจะเปิดเผยธาตุแท้
คนชอบคิดว่าผมกับแนทเป็นแฟนกันล่ะ เพราะเราตัวติดกันแทบเป็นปลิง
แนทมันหลอกใช้ผมเป็นไม้กันหมาด้วยการขู่ว่าจะเปิดเผยความลับตั้งแต่สมัยเด็กของผมให้คนรู้จักผมฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมแต่งนิยายวายด้วย

ผมถูกรังแก ถูกบังคับขืนใจให้โดนคิดว่ามีแฟนเป็นผู้หญิง ทั้งที่ความจริงผมสนับสนุนให้ผู้ชายได้กันเองนะ

“เออ แมน เมื่อคืนแก๊งนางฟ้าเขาเม้าธ์กัน” แนทเปิดประเด็นขึ้นกับผม เป็นอันรู้กันว่าถ้า เธอมีเรื่องอะไรก็มักจะมาเล่าให้เพื่อนพ่วงตำแหน่งไม้กันหมาผู้ไม่เข้าสังคมอย่างผมรู้ด้วย จะได้เท่าเทียมและเท่าทันโลก
 “เรื่อง?”
“เรื่องน้องแมทธิวมึงอ่ะ โอ๊ย กูรำคาญแว่นว่ะ” แนททำท่าจะเล่าแต่ก็ยังไม่วายบ่น
“แมทธิวทำไม?” ผมหยุดมือที่กำลังเขียนนิยายแล้วหันไปมองหน้าเปลือยๆ ของเพื่อนตัวเอง
“ก็เมื่อวานเนี้ย มีคนไปเจอน้องเขามีเรื่องในผับแถวๆ มอ” แนทเล่าไปจดไป ผมย้อนนึกถึงเมื่อตอนเช้า
หน้าน้องแมทธิวก็ไม่ได้มีแผลอะไรนะ หรือผมไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่เขิน?
“แล้วไงต่อ?”
“ก็สายบอกมาว่าคู่กรณีเป็นเกย์”
“แล้ว? ทำไมมึงไม่เล่าทีเดียวยาวๆ ล่ะแนท” ผมบ่น ก่อนจะผลักหัวที่รวบผมลวกๆ ของแนท
“เดี๋ยว มึงใจเย็นดิ กูกำลังคิดว่าจะเล่าตรงไหนก่อนดีไง”
“เออ ว่ามา”
“ก็สายของคนในแก๊งกูเล่าว่า น้องโดนเกย์มาจีบในผับ แล้วทีนี้น้องเขาเกลียดเกย์มากเว้ย เลยซัดไอ้เกย์คนนั้นซะร่วง หมัดเดียวน็อคเลยว่ะ” อ๋อ มิน่า ผมถึงไม่เห็นแผลอะไรบนหน้าน้องแมธทิวเลย
“เออ แล้วไงต่อ”
“ทีนี้มันก็มาถึงปมอีกปมนึงของน้องเขาอ่ะแหละ คือทำไมน้องเขาถึงแอนตี้เกย์ขนาดนั้น มึงรู้ป่ะว่าทำไม”
“หึ ไม่รู้ ทำไมๆ?”
“เออ มึงรู้ใช่ไหมว่าน้องเขาอยู่กับแม่ 2 คนอ่ะ?”
“อือ”
“เออ แล้วมึงรู้ป่ะว่าที่น้องเขาอยู่กับแม่แค่ 2 คนเพราะอะไร ก็เพราะว่าพ่อน้องเขาเป็นเกย์เว้ย เลยเลิกกับแม่น้องเขา ก็ประมาณนี้ ไม่รู้ละเอียดเท่าไร แต่หลังจากนั้นน้องก็ฝังใจเกลียดเกย์มากเลยว่ะ น่าสงสาร”

โอ้ นี่ขนาดแนทมันบอกว่ารู้ไม่ค่อยละเอียดนะเนี่ย

“อือ” ผมก้มหน้าลงเขียนนิยายต่อ พยายามอย่างยิ่งที่จะสกัดกลั้นของเหลวใสที่เอ่อคลอหน่วยตาไม่ให้ออกมา

โถ... น้องแมทธิวของพี่

“เฮ้ย มึงโอเคเปล่าวะ?” แนทหันมามองผมที่ก้มหน้าชิดสมุดพลางเขย่าไหล่ผมเบาๆ
“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมว่าพลางเงยหน้าขึ้นหลังจากไล่น้ำตาออกออกหมดแล้ว
“ก็เห็นว่าน้องเขาเกลียดเกย์ เขาอาจจะเกลียดมึงนะ”
“กูไม่ได้เป็นเกย์นะแนท” ผมว่าพลางทำหน้าเบื่อโลก แล้วก้มลงเขียนนิยายต่อ เพราะกลัวจะลืมบทนิยายที่กำลังนึกไว้
“อ้าวเหรอวะ?”
“....”
“เออ ช่างแม่งเหอะ น้องเขาไม่รู้จักมึง แล้วจะมาเกลียดมึงได้ไงเนอะ กร๊าก” แนทขำหมดลุคเซเลบ พลางขยับแว่นให้เข้าที่แล้วจดเลคเชอร์ต่อ

มึงพลาดแล้วล่ะแนท ไม่รู้ซะแล้วว่านายแมนคนนี้น่ะ ได้เห็นไรขนอ่อนของน้องแมทธิวมาแล้วกับตา

เอ่อ แต่หลังจากนี้ผมคงต้องเก็บอาการและรักษาระยะห่างของตัวเองกับน้องเขาเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ ผมไม่อยากถูกชกหน้าหงายเหมือนเกย์คนนั้นหรอกนะ


หลังจากหมดวิชาอันแทนทรหด 3 ชั่วโมงรวด ผมก็ออกจากห้องบรรยายมา พร้อมกับบอกลาแนทที่เตรียมไปพบปะกับเพื่อนนางฟ้าของตัวเอง แดดที่แรงจนผมนึกสงสัยว่าประเทศไทยมีแค่ฤดูร้อนฤดูเดียวหรือเปล่า แผดเผาเผาผมจนแทบจะสลายเป็นผงทันทีที่ย่างก้าวออกมานอกตึก ผมเดินฝ่าแดดไปตรงๆ ลัดเลาะไปตามร่มไม้บ้าง เพื่อจะกลับหอเพราะไม่มีเรียนต่อคาบบ่าย

โอย... ร้อนโว้ย

ผมแวะซื้อข้าวเที่ยง และแวะร้านสะดวกซื้อ กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงหน้าหอ ผมเอาคีย์การ์ดแตะประตูหน้าหอก่อนจะผลักประตู้เข้าไปผมกับแอร์ฉ่ำจนอยากจะกรีดร้องขอบคุณสวรรค์

เหนื่อยโคตรๆ เลยครับพี่น้อง

ผมเดินตรงไปที่ลิฟต์ เห็นว่ามันกำลังทำท่าจะปิดจึงวิ่งไปกดเปิดมันอีกครั้งและแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะพบกับร่างที่คุ้นเคยที่เพิ่งจากกันไม่กี่ชั่วโมง
“อ้าว พี่แมน” ร่างสูงขยับเสื้อนักศึกษาของตัวเองแทนพัดเพราะความร้อนไม่ต่างจากผมส่งยิ้มมาให้

อา... แต่ร่างกายผมนี่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอีกเกือบ 10 องศาเพราะรอยยิ้มของน้องแมทธิวเนี่ยแหละ โอย ทำไมผมเสี่ยวจังเนี่ย

“ไง” ผมทักตอบสั้นๆ แล้วเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองมาก เพราะเรื่องที่แนทเล่ายังติดอยู่ในหัวผมไม่ไปไหน
เดี๋ยวน้องรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อกับน้องเขาแล้วเกิดซัดผมคางเหลืองขึ้นมาทำไง

“วันนี้ร้อนนะครับ”
“อืม ก็นิดหน่อย” นิดหน่อยบ้าอะไร น้องขับรถตากแอร์มายังบ่นว่าร้อน ผมนี่เดินตากแดดมาไม่ไหม้เลยหรือไงล่ะครับ
“แล้วพี่กลับหอ ไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอ” น้องยังคงชวนคุยต่ออย่างอัธยาศัยดีแต่ไอ้ปากเจ้ากรรมของผมนี่สิ
“อืม” อืมอาร้ายยย ให้ตายเถอะ ผมนึกอยากตบปากตัวเองจริงๆ


หลังจากนั้นน้องแมทธิวก็หมดความพยายามที่จะชวนผมคุย เป็นผมก็คงจะเลิก เล่นโดนตอบตัดบทซะขนาดนี้ แถมอากาศก็ร้อนซะจนจะทำให้คนอารมณ์เสียได้ง่าย บรรยากาศในลิฟต์จึงเงียบและน่าอึดอัดอย่างเสียไม่ได้

กึ่ก!

หือ..???

กึ่ก! กึ่ก! พรึ่บ

“เฮ้ย!?/เห้ย!!” อยู่ๆ ลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นชั้นบนก็หยุดกึกอยู่กับที่ ไฟและแอร์ในลิฟต์พร้อมใจกันหยุดทำงาน ผมอุทานออกมาพร้อมๆ กับแมทธิว จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นกดให้เกิดแสงสว่าง แมทธิวที่อยู่ใกล้กับปุ่มต่างๆ บนลิฟต์ เอื้อมมือไปกดกริ่งฉุกเฉินอย่างรู้งาน ก่อนที่น้องจะสนทนากับพนักงานประจำหอ
“โทษนะครับ ลิฟต์มันค้าง มีคนติดอยู่ข้างใน 2 คนครับ”
(ทราบแล้วค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ พอดีอากาศร้อนให้ไฟฟ้ามีปัญหานิดหน่อย รอไม่เกิน 10 นาทีนะคะ เราจะพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดค่ะ)
“ครับ ขอบคุณมากครับ” แมทธิวพูดจบก็หันมาสบตากับผมที่ยืนลุ้นตัวโก่งว่าจะมีทางรอดไหม ตอนนี้ในลิฟต์ทั้งร้อนอบอ้าว ทั้งมืด จนผมรู้สึกหายใจไม่สะดวก จากที่เดินตากแดดแล้วก็เข้ามาโดนแอร์เย็นๆ ในหอ แล้วยังมาเจออากาศร้อนในลิฟต์อีก ทำให้ผมรู้สึกตาลาย คล้ายจะเป็นลมให้ได้
“พี่แมน พี่โอเคไหม ดูหน้าซีดๆ นะ” น้องแมทธิวขยับมาประชิดตัวผม แล้วบีบต้นแขนผมเบาๆ

อย่าใกล้พี่แมนมากครับ พี่แมนหายใจหายคอไม่สะดวก

“อือออ...” ผมครางรับในลำคอ ก่อนจะพยายามก้มหน้าหลบดวงตาที่เป็นประกายเพราะสะท้อนแสงจากโทรศัพท์
“พี่กลัวที่แคบหรือเปล่า มานี่ ขยับมาใกล้ๆ ผม” แมทธิวไม่พูดเปล่ายังจับมือไว้แน่น แล้วตบบ่าผมเบาๆ
“หายใจเข้าลึกๆ นะครับ รอแป๊บเดียว” ผมทำตามที่แมทธิวบอก เงยหน้าอีกทีก็พบกับใบหน้าของร่างสูงที่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ
“ดีขึ้นไหมครับ?” แมทธิวหยิบเอาสัมภาระในมือผม ทั้งกระเป๋า ถุงพลาสติกทั้งหลายไปถือไว้เองก่อนจะงัดเอาสมุดเลคเชอร์ในกระเป๋าตัวเองออกมาพัดให้ผม
“ม..มะ ไม่” ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ แต่ไม่ช่วยอะไรเลยเพราะยิ่งเห็นจมูกโด่งอยู่ใกล้แค่ขยับตัวก็จะแตะกันแล้ว ผมก็หน้าร้อนขึ้นมาอีก แถมยังใจเต้นแรงจนน่ากลัว
“หายใจเข้าลึกๆ...” แมทธิวบอกผมอีกครั้งผมเอามือลูบผมที่ปรกหน้าผากผมขึ้น เท่านั้นแหละ ถึงจุดสิ้นสุดของผมเลย
“มะ..ไม่ไหว” เป็นอีกครั้งที่ผมได้กลิ่นคาวเลือดในโพรงจมูกตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบอีกครั้ง





เห็ดจะพยายามอัพนะคะ มาร่วมกันภาวนาให้มีคนหลงเข้ามาอ่านเยอะๆ กันเถอะค่ะ อย่าลืมรับประทานมื้อเย็นนะคะ ด้วยรัก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-01-2016 19:01:45
พี่แมนโดนฟีโรโมนน้องเล่นงานหรือเป็นลมแดดนะเนี่ย??


หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-01-2016 19:22:34
 :pig4:
จริงเนาะ เวลาที่เราชอบใคร แค่จะยืนแบบปกติยังไงในลิฟ ยังทำไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Greens 26 ที่ 09-01-2016 22:20:18
น่าสนุกจังค่ะ ชอบนิสัยพี่แมน 555 รอๆ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 10-01-2016 10:08:51
Chapter 3 : You got me dizzy



ผมลืมตาและพบกับเพดานห้องอันคุ้นเคยอีกครั้ง แต่เมื่อมองไปรอบๆ ตัว สิ่งที่เห็นกับแตกต่างกันออกไป ผมนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเข้ม กับผ้าที่ถูกเลิกไปกองอยู่ข้างๆ เตียง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เตียงห้องผม เพราะนอกจากการตกแต่งไม่ใช่แล้ว ยังไม่มีหมอนข้างลายน้องแมทธิวอีกด้วย
“เป็นไงมั่งครับ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงของแมทธิวเดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องน้ำ และนั่งลงข้างๆ ผม บนเตียง ก่อนจะส่งยิ้มบางให้
“เอ่อ...” ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง รู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้น้องต้องลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายจึงทำได้แต่หลบสายตา ก้มหน้าแล้วพูดงึมงำ
“ขอโทษทีนะ ลำบากนายอีกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรครับ สบายมาก พี่ตัวเบานิดเดียวเอง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือหนาของแมทธิวกับนวดไหล่ตัวเองเบาๆ ก่อนที่ล้มตัวลงแผ่หลาลงกับเตียง
“....” ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่นอนหลับตา แต่อยู่ๆ แมทธิวก็ลืมตาขึ้น ทำเอาผมหลบสายตาแทบไม่ทัน
“กระเป๋าพี่อยู่ข้างนอกนะครับ” แมทธิวบอกผมพลางส่งยิ้มละมุนมาให้

อา... ผมหลงรอยยิ้มนี้ชะมัด เห็นแล้วทำตัวไม่ถูกเลย

“อ่าฮะ ขอบใจ...”
“พี่คุยไม่เก่งสินะ” ร่างสูงของแมทธิวพลิกตะแคงเข้าหาผม พร้อมๆ กับที่เจ้าตัวยกมือขึ้นเท้ายันหัวเองไว้ แล้วมองผมยิ้มๆ
“อื้อ ก็ทำนองนั้น” ผมพยักหน้าแล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แล้วทดลองสบตากับคนที่นอนยิ้มอยู่ข้างๆ

เออออไปก่อน ขืนบอกว่าเขินเวลาอยู่กับน้องเขาได้โดนจับไต๋พอดี

“แล้วผมชวนคุยอย่างนี้รำคาญรึเปล่า?”

โอย อกอีแป้นของไอ้แมนจะแตก น้องกลัวผมรำคาญหรอกเหรอเนี่ย

“ไม่แน่นอน!” อ้าว แย่ละ เผลอตอบไปซะทันควันเลย ผมรีบหยุดปากตัวเองพลางเสมองคนข้างๆ ที่ยังสายตาจ้องผมไม่ละไปไหน
“ดีจัง ผมคิดว่าพี่จะรำคาญผมซะอีก ถามคำตอบคำทุกที” ใบหน้าแบบฝรั่งของน้องเขากำลังแสดงอาการโล่งใจ โอ๊ย... ผมอยากหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปช็อตเมื่อกี้ชะมัด
“ก็ชวนคุยได้นะ ไม่ได้รำคาญ แต่ชวนคุยกลับไม่เป็น” ผมพูดไปตามที่คิด เห็นน้องแมทธิวหลุดขำ ก่อนที่ร่างสูงจะดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิบ้าง
“พี่สนิทกับพี่แนทเหรอ?” อยู่ๆ แมทธิวก็เปลี่ยนประเด็นชวนคุย ผมแอบเหวอในใจเล็กน้อย เพราะลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกว่าน้องเขาอาจจะแอบชอบแนทก็เป็นได้
“อืม รู้ได้ไง???”
“ก็เมื่อกี้ พี่แนทโทร.มาหาพี่ พอผมรับปุ๊บ พี่เขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า แมน มึงเอาเลคเชอร์กูไปเหรอ? อย่างนี้อ่ะ”
“หา!!?”
“อือฮึ ผมเลยบอกว่าพี่เป็นลม นอนอยู่ในห้องผม ไว้จะให้พี่โทร.กลับ เขาก็เลยวางสายไปงงๆ”

ซวยแล้วไง ใครโทร.มาไม่โทร. ดันเป็นแนทโทร.มาซะนี่

“แล้ว... แล้วแนทได้ถามรึเปล่าว่านายเป็นใคร?”
“ไม่ได้ถามครับ”
“อ้อ...” ผมพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก หวังว่าแนทมันจะไม่สงสัยแล้วมาซักผมทีหลังนะ
“ว่าแต่พี่.. เป็นแฟนพี่แนทเหรอ?” ผมแอบสะดุ้ง แล้วหันมองคนที่ยิ้มแซวผมหลังจากพูดจบประโยค
“เอ่อ...”
“ได้ยินมาว่าพี่แนทมีแฟนแล้ว แต่ไม่เปิดตัวสักที คนเล่ากันว่าเป็นรุ่นเดียวกัน หน้าตี๋ๆ จืดๆ” เหอๆๆ ใครมันไปนินทาว่าผมหน้าจืดวะ หน้าตาผมออกจะใกล้เคียงกับไอดอลเกาหลี
“อ่อ..อืม”
“แต่พี่ก็ไม่ได้หน้าจืดนะ ก็เป็นผู้ชายหน้าตาดีระดับนึงเลย”

ฮะ!
ฮะ!!
ฮะ!!!

เมื่อกี้น้องแมทธิวชมว่าผมหน้าตาดี!!?

ป๊าครับ แม่ครับ น้องแมทธิวชมผมด้วยแหละครับ โฮรว....

“เอ้าๆ เขินเหรอ หูแดงหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” แหงแหละครับน้องแมทธิว ก็เล่นมาชมพี่แมนซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ผมยังรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าร้อน

ทั้งเขิน ทั้งอาย

“โอเคๆ ผมไม่แซวแล้ว อย่าลืมโทร.กลับหาแฟนนะครับ” สรุปว่าน้องแมทธิวเขาก็สรุปเองไปแล้วว่าผมกับแนทเป็นแฟนกันสินะ
“อือ” ผมก็ไม่กล้าแก้ตัวซะด้วย เคยมีประสบการณ์ปฏิเสธเรื่องมันกับผมกับกิ๊กแนทสมัยตอนปี 2 ปรากฏว่าผมโดนมันแหว เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

สรุปว่าก็แนทมันก็ไปแก้ข่าวจนคนเชื่อว่าผมกับมันมีซัมธิงกัน

“งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ” ผมลุกพรวดขึ้นพลางเดินไปเตรียมจะเดินออกจาห้องนอนของน้องเขา
“ครับๆ อย่าลืมโทร.หาพี่แนทนะครับ!! ฮ่าๆๆ” น้องแมทธิวตะโกนไล่หลังผม ผมหันขวับไปมองนิ่งแล้วเดินหนีออกมาเลย

อย่ามาคิดว่าพี่เขินเพราะแนทนะ พี่เขินเพราะนายนั่นแหละ เฮอะ!



เช้าวันรุ่งขึ้น

วันนี้ผมตื่นเวลาเดียวกับเมื่อวานเลยครับ แต่ไม่มีเรียนตอนเช้า ตื่นขึ้นมาผมก็เช็คเฟซบุ๊ก เห็นคนทักแชทมาสองคน คำขอเป็นเพื่อนอีกสองสามคน

ผมเปิดดูแชทก่อนอันดับแรก แชทอันนึงเป็นเจ๊ฝนทักมาคอนเฟิร์มเรื่องต้นฉบับ ส่วนอีกอันนึงเป็นแนททักมาเมื่อตอนตีสอง

Natty Natcha : อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ
                     โทร.กลับด้วย
                     ไม่งั้นความลับมึงรั่วไหลแน่


ขู่ไอ้แมนแบบนี้ คิดว่าจะได้ผลเหรอครับ...

ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วกดโทร.ออกหาเบื่อล่าสุดที่ได้รับสาย

ผมโทร.หาแนทครับ แต่ผมไม่ได้กลัวมันจริงๆ นะ

(ฮัลโหล) เสียงปลายสายงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นนอน ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเพิ่ง 8 โมงเช้า ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“มึงยังไม่ตื่นเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูค่อยโทร.ไปใหม่เนอะ”
(มึงไม่ต้องเลย เคลียร์ให้จบแล้วกูค่อยนอนต่อก็ได้)
“กูไม่อยากฟังเสียงมึงพูดงัวเงียๆ”
(ไม่อยากมึงก็ต้องอยาก เมื่อวานนี้น้องแมทธิวใช่มะ?)
มึงรู้ได้ไงวะแนท!!? ผมตะโดนถามในใจเงียบๆ แต่ปลายสายกลับทำเหมือนอ่านใจผมได้
(มึงไม่ต้องสงสัยหรอกว่ากูรู้ได้ไง มึงชอบเอาคลิปน้องเขาทำนู่นนี่นั่นมาเปิดให้กูดู ทำไมกูจะจำเสียงน้องเขาไม่ได้)
“เออ แล้วไง”
(แล้วมึงไปรู้จัก มักจี่กับน้องเขาได้ไง)
“แล้วตอนคุยกับน้อง เขาไม่ได้เล่าอะไรให้มึงฟังเหรอ?”
(กูไม่ได้ถาม ตอนนั้นยังงงอยู่ สรุปว่าไง)
“ไว้เล่าตอนเจอหน้ากันได้ป่ะ”
(ไม่ได้! เล่าเลย กูอุตส่าห์ตื่นแล้ว)
“มันยาวว่ะแนท ไว้กูเล่าตอนบ่ายนะ กลับไปนอนเหอะ ฝันดี” ผมรีบชิงกดวางสายก่อนจะปิดโทรศัพท์แล้วเดินเข้าครัวบิลด์ อินขนาดเล็กในห้อง เพื่อไปหาอะไรกิน
ตู้เย็นห้องผมมีของกินเยอะมากครับ เนื่องจากป๊า แม่ และบรรดาเฮียของผมกลัวผมอดตาย ทุกครั้งที่กลับบ้านแกจะให้หิ้วของมา ทั้งๆ ที่ร้านสะดวกซื้อกับซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ห่างจากหอระยะทางแค่เดิน 10 ก้าวก็ถึง
เหลือบมองในตู้เย็นที่ส่วนใหญ่เป็นขนมกับของสด ผมตัดสินใจหยิบไข่ไก่กับหมูบดออกมา แล้วหยิบโจ๊กสำเร็จรูปที่อยู่บนหลังตู้เย็นมาวางบนเคาน์เตอร์ ก่อนที่ผมจะตั้งหม้อบนเตาแก็ส และต้มน้ำให้เดือด

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ใครมาแต่เช้าเลย ช่วงนี้ผมจะฮอทไปแล้วนะ

“สวัสดีครับ ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก” ยิ้มละมุนของลูกครึ่งสวีเดนตรงหน้าทำให้ผมอยากเปิดประตู แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง น้องแมทธิวมาเคาะประตูห้องผมครับทุกคน ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากผมด้วย นอกจากจะหน้าตาดี แล้วยังนิสัยอบอุ่น เฟลนด์ลี่ ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่หลงรักน้องเขาตั้งแต่แรกพบ
“อ้อ..อือ ขอบใจนะ” ผมรับถุงน้ำเต้าหู้มาถือไว้ น้องหมุนตัวทำท่าจะเดินกลับห้อง แต่ความโลภมากของผมทำให้ผมตัดสินใจเรียกชื่อรั้งน้องไว้
“แมทธิว!”

โอ้... ผมเรียกชื่อน้องต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ต้องรวบรวมความกล้าจากไส้ตรงผ่านลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร หลอดลม และกล่องเสียงเลยนะ กว่าจะทำให้เส้นเสียงสั่นเป็นคำว่าแมทธิวได้ คิดแล้วเขินจัง แฮ่กๆๆ

“...ครับ?” น้องเขาหันมาทำหน้างงๆ
“เข้ามามากินข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ” พูดออกไปแล้ว กรี๊ด.........
“ได้เหรอครับ” น้องแมทธิวยิ้มกว้างก่อนจะหมุนตัวกลับมาแล้วเดินผ่านตัวผมเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ผมลอบยิ้มเขินเหมือนคนโรคจิต

น้องแมทธิวอารมณ์ดี พี่แมนก็มีความสุขครับ


ผมรีบเดินนำน้องเข้าไปในครัว ก่อนจะจัดแจ้งต้มโจ๊กสำเร็จรูป ใส่หมู และตอกไข่ลงไปง่ายๆ ผมเหลือบมองร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะเท้าแขนกับโต๊ะกินข้าว แล้วมองมาทางผม ทำให้ผมต้องเก๊กว่าไม่ได้มองน้องเขาอยู่
“โจ๊กคนอร์ กินได้ไหม?” ผมถือถ้วยโจ๊กวางตรงหน้าน้องเขา และตรงที่นั่งตัวเอง แมทธิวพยักหน้าให้ผมก่อนจะชวนผมคุย
“กินได้ ผมเป็นคนกินง่าย ปกติผมกินกาแฟแก้วเดียวแล้วก็ไปเรียนเลย แต่วันนี้ตื่นเช้าเลยลงไปข้างล่าง ได้แต่น้ำเต้าหู้มา” น้องว่าพลางชูถุงใส่น้ำเต้าหู้ของตัวเอง ผมหลบสายตาที่มองมาตรงๆ ของแมทธิวด้วยการหมุนตัวไปหยิบแก้วมาใส่น้ำเต้าหู้
“เอาขนมปังเพิ่มด้วยละกัน” ผมบอกแมทธิว ปล่อยให้น้องเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้ว แล้วเดินไปหยิบเนย กับแยมออกมาตั้ง ก่อนจะจัดแจงทาเนยลงบนขนมปังและหย่อนมันลงในเครื่องปิ้ง
หลังจากที่ทำนู่นทำนี่เสร็จแล้ว ผมก็จำใจที่จะต้องมานั่งตรงข้ามน้องเขา แม้ว่าจะเขินแค่ไหนก็ตาม คุณเคยไหมครับ กับใครสักคนหนึ่งที่แค่เขามองคุณ คุณก็จะเขินเขาโดยไม่มีสาเหตุ ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเลยล่ะ ยิ่งน้องชวนคุย และยิ้มให้ ผมนี่ใจเต้นแรง ตัวเบาหวิวเหมือนจะบินได้เลยครับ

นึกถึงเพลงน้องดี เดอะดาวเลยครับ อยู่ข้างเธอแล้ว~ เหมือนตัวเบาๆ~ และมือไม้มันสั่น~ มันล่องลอย~

“พี่แมน พี่แมนครับ!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อน้องแมทธิวเอื้อมมือมาแตะหน้าผมเบาๆ ในขณะที่ผมเผลอจ้องหน้าน้องเขาแล้วคิดไปเชื่อมกับนิยายตัวเอง
“หือ!?”
“พี่แมนนี่ ใจไม่ค่อยอยู่กับตัวเลย มัวแต่คิดถึงพี่แนทเหรอ ฮ่าๆ ขอแยมให้ผมหน่อยครับ” แมทธิวส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผมก่อนจะชี้นิ้วเลยไปยังกระปุกแยมข้างหลัง
“อ๋อ แยม” ผมเอี้ยวตัวไปหยิบกระปุกแยมแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกแก้วน้ำเต้าหู้กระดก

เฮ้ย เดี๋ยวนะ

เมื่อกี้น้องแมธทิวบอกว่าผมเหม่อคิดถึงไอ้แนทเหรอ?

“แค่ก แค่ก แค่ก” ผมถึงกับสำลักน้ำเต้าหู้ ถ้าทำได้ผมจะลุกไปโก่งคออ้วกเลยทีเดียว
“อ้าว เป็นไรครับ?” น้องรีบส่งแก้วน้ำเปล่าให้ผม ผมรีบกระดกก่อนจะเหลือบมองคนตรงหน้า
“แมทธิว...”
“ครับ?” แมทธิวหยุดเป่าโจ๊กแล้วเหลือบตามองผม
“สรุปคิดว่าฉันคบกับแนทจริงๆ ใช่ไหม?”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ ในไอจีกับเฟซก็มีรูปถ่ายติดพี่เยอะเลย” เออ ก็จริง แนทนะแนท ชอบทำให้ชาวบ้านคิดไปไกล

...หาประโยชน์กับเพื่อนฝูง!!!

 “ผมว่าน่ารักดีครับ พี่ดูเป็นคนเงียบๆ ส่วนพี่แนทก็ลุคดูสดใส ฮ่าๆ”
“อืม...” ผมลอบถอนหายใจ ทำไมน้องเขาชอบพูดถึงแนทบ่อยจังนะ

หรือว่าน้องเขา... จะชอบไอ้แนท!!?

“นี่หนังสืออะไรเหรอครับ?”
“!!!” ผมสะดุ้งอีกรอบแล้วมองตามมือของแมทธิวที่เอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมวางทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวมาพลิกดูปก

ไม่นะ นั่นมันเป็นนิยายวายที่ผมเพิ่งซื้อมา!!

“อ๋อ นิยาย” หลังจากที่พลิกดูหน้าปกเล็กน้อยมือหนาก็วางลงก่อนจะก้มหน้ากินโจ๊กตามเดิม

เฮ้อ.... พี่แมนหัวใจจะวายอยู่แล้ว

“นายชอบอ่านนิยายไหม?” ผมตัดสินใจชวนคุยง่ายๆ แล้วเขี่ยหนังสือมาทางตัวเองเพื่อความปลอดภัย
“ก็อ่านได้นะครับ เวลาว่างๆ”
“อ่อ...” งั้นพี่แมนว่าน้องแมทธิวคงไม่อ่านนิยายเกย์หรอกมั้ง
“เอ้อ พี่แมนครับ!”
“ครับ!” ผมสะดุ้งเป็นรอบที่ล้านของเช้านี้พลางขานรับคำเรียก ก่อนจะจับหน้าอกตัวเองที่ใจเต้นรัวตุบๆๆ
“ฮ่าๆ พี่แมนสะดุ้งอีกแล้ว ตลกจัง” ร่างสูงหัวเราะจนตาปิด ก่อนจะมือหนาจะเท้าคางแล้วเอียงคอมองผม
“ก็..” …มัตตกใจนี่หว่า
“ผมแค่จะถามว่าวันนี้มีเรียนกี่โมง พี่จะได้ติดรถผมไปไง ผมมีเรียน 11 โมงครึ่ง”
“อ๋อ ยังไงก็ได้” แต่ผมมีเรียนตั้งบ่ายโมงเลยอ่ะ ช่างเหอะ ไปก่อนเวลาก็ไม่เสียหายอะไร โอกาสที่จะมีคนขับรถเป็นถึงเดือนคณะ ผมไม่อยากพลาดหรอก
“ให้ช่วยล้างอะไรไหมครับ?” คุยไปคุยมาอาหารง่ายๆ บนโต๊ะก็หมดโดยไม่ทันรู้ตัว ผมส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบก่อนจะกระดกน้ำเต้าหู้อึกสุดท้ายลงท้อง
“งั้นถ้าผมจะไปเดี๋ยวมาเคาะประตูเรียกนะครับ ขอบคุณสำหรับมื้อเช้าครับ ไว้จะมาฝากท้องอีกนะ” แมทธิวลุกออกไป แล้วโบกมือลาผมเบาๆ

ฮือ น้องแมทธิวน่ารักเกินไปแล้ว


ผมจัดแจงส่งข้อความไปหาแนทให้รีบไปมอ แทนการการโทร.ไปบอกเพราะเมื่อเช้าผมตัดสายมัน และผมขี้เกียจฟังมันบ่น ประมาณ 11 โมงน้องแมทธิวก็มาเคาะประตูหน้าห้องผม และเดินไปขึ้นรถด้วยกัน
น้องแมทธิววันนี้ ใส่เสื้อนักซึกษากับกางเกงยีนส์สีซีดผิดระเบียบ แต่อภัยได้เพราะน้องเขาหล่อ ที่สำคัญน้องยังใส่รองเท้าผ้าใบและสะพายกระเป๋าเป้ Adidas ยี่ห้อที่ผมชอบ และมีสายหูฟัง Beat เป็นพร๊อบประดับ หล่อเท่ มีสไตล์สุดๆ ยิ่งขับรถหรูๆ ไปมหาวิทยาลัย ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่

ผมโชคดีจังที่ได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถของน้องเขา กรั่กๆ

“ขอบใจที่มาส่งนะ” ผมพูดเบาๆ แมทธิวพยักหน้ารับแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ฮ่าๆ พี่พูดเหมือนเมื่อวานเลย” ผมรีบหลบสายตาอบอุ่นละมุนละไมคู่นั้นก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินมองหาแนทในโรงอาหาร

นั่นไง นั่งอยู่กับแก๊งนางฟ้า ท่าทางมันจะเห็นผมแล้ว ถึงได้โบกมือให้เพื่อนในกลุ่มแล้วลุกออกจากโต๊ะเดินมาทางผม

“แมน มึงทำกูแสบมากนะ” แนทกดเสียงต่ำ ผมมองซ้ายมองขวา เริ่มรู้สึกว่ามีคนมองมาทางผมกับแนทเยอะพอสมควร จึงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบร่างเล็กที่วันนี้ใบหน้าจัดเต็ม
“ไปร้านกาแฟหน้ามอดีไหม คนน้อยๆ ค่อยๆ คุย”
“คุยตรงนี้แหละ กูว้อนท์ และใจร้อนมาก”
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเองแนท”
“...เออ ไปก็ไป”





สวัสดีค่า เมื่อวานด้วยความขี้เกียจจึงไม่ได้อัพทั้งๆ ที่ตั้งใจจะอัพวันละตอน ฮ่าๆๆ เห็ดเช็คคอมเม้นท์ทุกวันเลยค่ะ เห็นคนมาเม้นท์นี่ดีใจเหมือนมงลงหัว เมื่อวานได้ดูเดอะเฟซกันไหมคะ ต่อไปนี้เรียกเราว่า "เห็ดช่า" นะคะ (ล้อเล่น) ไปแล้ว สุขสันต์วันเด็กย้อนหลังค่าาา  :katai5:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 10-01-2016 14:42:45
เนื้อเรื่องน่าสนุกมาก น่ารักใสๆ พี่แมนกับน้องแมททิวแล้วแนทละลือไปลือมาระวังนะ จะซั่มกันจริงๆ ฮาๆ
ปล.ถ้าเว้นบรรทัดจะอ่านง่ายและฟินมากค่ะ  ชอบ ชอบ น่ารักดี  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

+ 1 แต่งออกมาได้น่ารักกุ๊กกิ๊กดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 10-01-2016 15:13:16
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2016 15:26:57
หนุกดีๆๆ. น้องแมทน่าสงสารมีปมเรื่องเกย์ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-01-2016 16:09:17
แมน เธอโชคดีมากนะยะ มีไม่กี่คนหรอกที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่แอบชอบขนาดนี้   :hao5:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 11-01-2016 18:01:25
Chapter 4 : It must be love




“ชาเขียวสองครับ” ผมเงยหน้าสั่งพนักงานหน้าตารุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งหน้าหงิกตรงหน้า

“เอาเค้กไหม?”

“ไดเอทอยู่”

“งั้นเอาเค้กมะพร้าวมาหนึ่งครับ” ผมเค้กสั่งปิดท้าย ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาที่ติดขนตางอนเป็นแพประหนึ่งกันสาด

“กูเห็นนะ” แนทส่งสายตาคาดคั้น ผมไหวไหล่เบาพลางเลิกคิ้วพร้อมถามคำถาม

“เห็นอะไร?”

“มึงนั่งรถมากับน้องแมทธิว”

“อือ แล้วไง”

“เล่ามาให้หมด ก่อนที่กูจะไปบอกน้องแมทธิวว่ามึงคลั่งน้องเขามากถึงขั้นมีคอลเลคชั่นรูปน้องเขาทุกงาน”

“...กูต้องทำตามที่มึงขู่?” ผมถามพลางหันไปรับชาเขียวกับเค้กมาวางบนโต๊ะ

“หรือมึงจะไม่ทำ?”

“เออ เล่าก็ได้” สุดท้ายผมก็เล่าหมดเปลือก ตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อวานซืน เช้าของเมื่อวาน เย็นของเมื่อวาน และตอนเช้าของวันนี้ แนทมีท่าทีตกใจ โอเวอร์แอคติ้งเป็นระยะๆ แทรกด้วยการยิ้มแซวผมยามที่ผมเล่าว่าน้องยิ้มสวยแค่ไหน

“นี่มันพรหมลิขวิดชัดๆ ว่ะแมน”

“พรหมลิขิตเถอะ มึงอย่าเอามุกในนิยายกูมาเล่นเลย ขอร้อง” ผมเลื้อยตัวลงกับโต๊ะ และซุกใบหน้าอมยิ้มลงกับแขนตัวเอง

ผมก็ว่ามันเหมือนพรหมลิขิตถ้าไม่ติดว่า…

“แนท แต่น้องเขาคิดว่ากูเป็นแฟนมึงว่ะ”

“เอ้า แล้วมึงไม่บอกเล่าว่าไม่ใช่” แนทโวยวายแล้วจ้วงเค้กเข้าปาก ไหนว่าไดเอท

“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงไม่มาด่ากูทีหลัง”

“เอ๊า มึงนี่ก็... ถ้าเป็นคนที่มึงชอบก็ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวกูค่อยสร้างกระแสกลบเอาทีหลัง” แนทดีดหน้าผากผมเบาๆ พลางเอามือเท้าคาง

“ลึกๆ กูแค่คิดว่าถ้าน้องเขาคิดว่ากูเป็นแฟนกับมึง กูจะได้เข้าใกล้น้องเขามากขึ้นว่ะ” ผมพูดงึมงำๆ แล้วช้อนตามองแนท

“ทำไมวะ?”

“ก็น้องเขาเกลียดเกย์ ถ้าเขาคิดว่ากูมีแฟนแล้วเขาก็จะได้ไม่สงสัยในตัวกู แล้วก็...”

“แล้วก็อะไร?”

“น้องเขาพูดถึงมึงบ่อย กูแค่คิดว่าน้องเขาชอบมึงหรือเปล่าวะแนท”


ปั่ก!


“โอ๊ะ!” แนทเอามือเขกหัวผมแรงๆ แล้วขยี้ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีที่สีเริ่มหลุดแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงมาอยู่ในระดับเดียวกับผม

“มึงนี่เก่งแค่หลังคีย์บอร์ดสินะ ตัวจริงนี่อ่อนหัดซะจริ๊ง”

“ด่ากูอีก” ผมเบะปากแล้วถอนหายใจ

เฮ้อ... ก็ผมบอกแล้วว่าชีวิตจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนในนิยายซะหน่อย





18.20 น. วันเดียวกัน

ผมเดินสะโหลสะเหลกลับหอด้วยสภาพเนือยๆ เหม่อมองท้องฟ้าที่ยังมีแสงแดดสีส้มๆ ของดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้วก็คิดถึงป๊า กับแม่แล้วก็เฮียฮวง เจ๊หยง ป่านนี้เจ๊หยงกับแฟนคงกลับบ้านแล้ว ส่วนป๊ากับแม่ก็นั่งเช็คบัญชี ผมคงต้องหาเวลากลับบ้านบ้างแล้วแหละ ไว้สอบมิดเทอมเสร็จผมจะกลับเลย ดีไหมนะ?


ปริ๊น! ปริ๊น! ปริ๊น!


เสียงแตรรถที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งแทบตกฟุตบาท ร่างสูงและใบหน้าฝรั่งที่คุ้นตาชะโงกออ   กมาจากรถก่อนจะเอ่ยทักผม

“พี่แมน ไปด้วยกันไหม?” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นนั่งบนรถ

“แวะไหนซุปเปอร์ก่อนได้ไหมครับ?” แมทธิวหันมาถามผมที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถด้วยไม่อยากมองใบหน้าหล่อๆ นั้นให้ใจเต้น ผู้ชายอะไรไม่รู้ หล่อขนาดผู้ชายด้วยกันยังใจเต้น

“เอาสิ” หลังจากนั้นแมทธิวก็เลี้ยวรถเข้ายังที่จอดรถแล้วเดินไปดึงรถเข็น ก่อนจะเข็นมันเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต

ผมเดินตามแมทธิวที่เข็นรถเข็นไปแถวๆ โซนของใช้ส่วนตัว มองร่างสูงหยิบนู่นนี่นั่นใส่ตะกร้าก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“แมทธิว”

“ครับ” ร่างสูงหันมาตามเสียงเรียก ผมลังเลนิดหน่อยว่าจะพูดดีไหมแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไปเพราะเกรงใจคนที่อุตส่าห์หันมาขานรับ

“อยากกินอะไรไหม ฉันจะซื้อขึ้นไปทำ”

“พี่ทำอาหารเป็นเหรอ???” แมทธิวแสดงสีหน้าประหลาดใจ ดูถูกกันเกินไปแล้วนะครับ นี่ใคร นี่พี่แมนนะ พี่ทำได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ พร้อมดูแลน้องแมทธิวตลอดชาตินั่นแหละ

“ก็พอได้” ผมเม้มปากเล็กน้อย และเลือกที่จะพูดถ่อมตัวเอง


ขี้อวดไม่ใช่นิสัยผมครับ แต่ถ้าโลกออนไลน์ล่ะก็ไม่แน่

ก็อย่างที่แนทมันว่าผมแหละครับ ผมมันกร่างแค่หลังคีย์บอร์ด


“อยากกินคาโบนาร่า งั้นไปแถวๆ โซนของสดกัน” พูดจบน้องแมทธิวก็เข็นรถเขนเดินนำผมไป ผมสะกิดแขนน้องสองสามครั้งเป็นเชิงให้หยุด เพื่อจะไปหยิบเส้นสปาเกตตี

หลังจากนั้นน้องก็ปล่อยให้ผมเดินนำไปหยิบนู่นหยิบนี่ โดยมีตัวเองเข็นรถเข็นตาม ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอมยิ้มแก้มปริ เพราะฉากเดินช็อปปิ้งในห้างนี่มันฉากในนิยายผมชัดๆ หวานแหววสุดๆ

“แก ดูผู้ชายคู่นั้นสิ อย่างกับคู่แต่งงานใหม่มาซื้อของเข้าบ้าน”

“เกย์รึเปล่าอ่ะส้ม”

“ฉันว่าใช่นะชมพู่ ดูสิ รุกเดินตามต้อยๆ อยู่ในโอวาทสุดๆ” ผมหันขวับไปมองตามเสียงผู้หญิงที่ดังมาจากข้างหลัง เจ้าหล่อนยังไม่รู้ตัวว่าผมได้ยิน รวมถึงคนที่เลือกชีสอยู่ข้างๆ ผมที่ยังสับสนว่าจะเอายี่ห้อไหนดี ผมมองข้างๆ ที ข้างหลังที เพราะกลัวว่าร่างสูงข้างๆ ได้ยินแล้วจะถลาไปเอาเรื่องชะนีปากเสียข้างหลัง แม้ส่วนตัวผมจะฟินมากก็ตาม ดังนั้น จึงตัดสินใจสะกิดร่างข้างๆ อีกรอบ


วันนี้สะกิดน้องแมทธิวตั้งสองรอบ ผมว่าจะไม่ล้างมือข้างที่สะกิดน้องเขาล่ะครับ

...แลดูโรคจิตเนอะ ผมล้อเล่นครับ

“แมทธิว ไปเลือกเนื้อหมูรอเลย เดี๋ยวฉันเลือกชีสเอง” ผมออกปากไล่ให้น้องเดินไปจากตรงนี้ น้องทำหน้างงๆ ใส่ผมแต่ก็ยอมเดินนำไปแต่โดยดี ผมหันขวับไปมองกลุ่มผู้หญิง 2 คนที่มองมาทางผม ทำให้ผมสบตากับพวกเธอพอดี

“ชู่...” ผมทำเสียงชู่เบาๆ แล้วยิ้มให้พวกเธอ รู้สึกพึงพอใจระดับสิบ ที่มีคนมองว่าผมกับแมทธิวดูเหมือนคู่รักกัน


เดี๋ยวเอาเหตุการณ์วันนี้ไปใส่เพิ่มในนิยายดีกว่า คิกคิก



กว่าผมกับแมทธิวจะซื้อของเสร็จก็เกือบทุ่มนึง ผมช่วยแมทธิวหิ้วของขึ้น พร้อมด้วยความรู้สึกบวก จนหุบยิ้มไม่ได้ แมทธิวเข้าเกียร์ถอยพลางหันมามองหน้าผม แล้วหัวเราะ

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“หือ? อ๋อ ผมเห็นพี่อมยิ้มตั้งแต่อยู่ข้างในแล้ว พี่นั่นแหละมีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า...” ผมเสมองไปนอกหน้าต่างรถและเท้าแขนกับประตูรถแล้วลอบอมยิ้ม ก่อนที่รถจะขับเข้าหอในเวลาไม่กี่นาที





“อ้าว แมทธิว กลับซะดึกเลยเหรอวะ?” ทันทีที่เดินเข้ามาในหอก็เจอกับรุ่นน้องปี 1 คนหนึ่งที่เพิ่งเล่นฟิตเนสเสร็จ ผมจำหน้าน้องเขาได้ เจอกันบ่อยๆ แต่ผมไม่รู้จักน้องเขา

“อืม แวะซุปเปอร์มากับพี่เขามา” แมทธิวชี้นิ้วมาทางผม ขณะที่เรากำลังเดินไปขึ้นลิฟต์

“ใครวะ อ๋อ พี่นี่เอง พี่จำผมได้ป่ะ? เราเจอกันบ่อยๆ” ผมที่พยายามสิงตัวเองกับผนังลิฟต์แล้วถูกชวนคุยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นดังนั้น ผมจึงพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะแกล้งเอาโทรศัพท์มากดเล่น

“พี่เขาชื่อแมน เป็นรุ่นพี่คณะกู พี่แมน นี่โต้” ผมพยักหน้าส่งๆ มือทำหน้าที่เลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อย ตาก็ไม่ยอมเงยขึ้นมอง

“แค่รุ่นพี่เหรอวะ!?” โต้โพล่งออกมา ผมแทบจะสิงกำแพงด้วยความเขิน


ช่วงนี้คนชงบ่อยเกิ๊น เดี๋ยวผมก็หลงรักน้องแมทธิวจริงๆ ซะหรอก

“มึงนี่ เดี๋ยวกูเตะปากแตก” แมทธิวทำท่าจะชกโต้ ซึ่งโต้ก็รับมุกด้วยการตั้งการ์ดแล้วหัวเราะลั่น แต่ผมนี่ เริ่มรู้สึกอารมณ์ติดลบลงทีละนิดและ

“ฮ่าๆๆๆ”


ติ๊ง!

ในที่สุดลิฟต์ก็ถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมเดินแทรกออกมาคนแรก เหลือบมองเงาตัวเองในลิฟต์ว่าเก๊กหน้านิ่งพอหรือยัง พอเห็นแล้วก็อารมณ์เสียกว่าเดิม

ไอ้หน้าจืด หน้าบูดเป็นตูดลิงนั่นมันใครวะ เซ็ง!!!

ผมเดินนำไปที่ห้อง ก่อนจะไขกุญแจห้องแล้วเปิดเข้าไป แมทธิวก้าวยาวๆ ตามผมมาแล้วดันประตูห้องที่ผมเตรียมจะปิด

“เดี๋ยว พี่แมน”

“....” ผมตวัดตามอง เห็นนัยน์ตาสีเทาฉายแววรู้สึกผิดก็ใจวูบ

“พี่อย่าโกรธไอ้โต้มันเลยนะ” น้องแมทธิวส่งแววตาเว้าวอนมายังผม ผมตัดสินใจเลิกดันประตูแล้วปล่อยให้แมทธิวเดินตามเข้า

“ผมเข้าใจนะ เวลาใครมาว่าเราเป็นเกย์ เราก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ผมเองก็ไม่ชอบเกย์”

กรี๊ด นั่นแหละที่พี่โกรธ ไม่เกี่ยวกับน้องโต้หรือใครทั้งนั้น จะย้ำอะไรนักหนาว่าไม่ชอบเกย์ครับน้องแมทธิว

“แต่ไอ้โต้มันล้อเล่น อย่าไปใส่ใจเลยนะครับ” แมทธิวยิ้มหวานแล้วเดินถือถุงตามผมเข้ามาในครัว ผมถอนหายใจก่อนจะหาข้ออ้างให้ตัวเอง

“เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ แต่พี่คุยกับใครไม่เก่งเฉยๆ” เออ มันเกี่ยวกันไหมวะ มันต้องเกี่ยวนั่นแหละ ผมรื้อสารพัดเครื่องเทศออกมาวางบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ทำอาหารออกมา

“ต้มเส้นสปาเกตตีให้ที” ผมพูดสั้นๆ แล้วจัดแจงเตรียมนู่นนี่นั่น

และแล้วผมก็เข้าโหมดจริงจัง ตอนนี้วิญญาณซังกุงได้เข้าสิงผมแล้ว ทุกท่านจงเรียกผมว่า แมนซังกุง นะครับ

ผมเตรียมเครื่องปรุง และส่วนผสมใส่ถ้วยรอไว้ ตอนนี้ผมกำลังหั่นชีสแผ่นแบบรัวๆ ซอยยิกๆ ประหนึ่งเชฟมืออาชีพ แต่พอดีผมยังไม่ถึงขั้นนั้นมีดเลยแฉลบบาดมือผมอย่างจัง

“โอ๊ย..” ผมสะดุ้งตัวโยน รีบชักมือหนีแล้วขว้างมีดออกจากมือร่วงกับพื้นโต๊ะดังเคร้ง จำได้ว่าตอนเรียนชีวะ สมัยมัธยมปลายเขาเรียกอาการนี้ว่า รีเฟลกซ์ แอคชั่น แมทธิวที่กำลังเทน้ำอออกจากหมอต้มสปาเกตตีหันมามองผมอย่างตกใจก่อนจะรีบวางหม้อแล้วเดินเข้ามาดู

แหม อย่างกับฉากในนิยายอีกและ นี่ถ้าน้องแมทธิวก้มลงดูดเลือดที่นิ้วผมซะหน่อย ก็จะคุ้มกับที่โดนมีดบาดมากเลยนะครับ

“เฮ้ย พี่แมน มานี่ๆ ล้างน้ำก่อน”

แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้โรแมนติคเหมือนในนิยาย แมทธิวลากผมไปที่ซิงค์แล้วกดน้ำให้ไหลผ่านแผล ก่อนจะเดินไปตามหาพลาสเตอร์แปะแผล

“พี่แมนๆ ห้องพี่มีพลาสเตอร์ไหมครับ?”

“อยู่ในกล่องใต้ชั้นวางทีวี” ผมตะโกนไป พลางก้มมองเลือดที่ไหลไปกับสายน้ำจากก๊อกและเข่นเขี้ยวฟันอย่างโกรธตัวเอง

น้องแมทธิวเขาทำถูกแล้วล่ะครับ ขืนมัวเอาปากมาดูดเลือดให้ผม เชื้อโรคในน้ำลายได้โดนแผลพอดี นึกแล้วเสียดายความโรแมนติก ฮือ...


ในที่สุดน้องแมทธิวก็กลับมาพร้อมพลาสเตอร์แปะแผลและทิชชู่ น้องวางทั้งสองอย่างลงบนโต๊ะ เป็นเชิงให้ผมทำเอง ก่อนจะเดินกลับไปดูหม้อต้มสปาเกตตี ผมเบะปากน้อยๆ นึกขัดใจที่อะไรๆ กลับไม่เหมือนในนิยาย แต่ก็ก้มหน้ารับชะตากรรม แล้วทำแผล ก่อนจะกลับมาหยิบกระทะเตรียมผัดเส้นเข้ากับเครื่อง


.
.
.

หลังจากที่สปาเกตตีเสร็จผมก็เดินถือจานไปหน้าทีวี พลางชวนให้น้องแมทธิวมานั่งด้วยกันเพราะไม่อยากนั่งจ้องหน้าเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร ผมเปิดทีวี เพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบจนเกินไป เสียงพากย์บอลดังลอดเป็นเสียงแรก ทำให้ผมคว้ารีโมทเตรียมจะเปลี่ยนช่อง

“อ้าว นี่มันแมตช์เมื่อคืนเอามารีรันนี่นา ผมยังไม่ได้ดูเลย” นั่นแหละครับ สุดท้ายผมก็ไม่ได้เปลี่ยนช่อง นั่งดูยาวไปเรื่อยจนกระทั่งกินหมดจานก็ยังไม่จบ สุดท้ายผมจึงผล็อยหลับไปคาทีวี



ผมตื่นมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงโคร้งเคร้งในครัวจึงลุกขึ้นไปดู เห็นร่างสูงของน้องแมทธิวถกแขนเสื้อล้างจานอย่างขะมักเขม้น จึงรีบล้วงโทรศัพท์มาแชะภาพเบาๆ ก่อนจะรีบบอกให้น้องหยุดล้าง

“ทิ้งไว้เถอะ เดี๋ยวฉันล้างเอง” ผมเดินเข้าไปชะโงกหน้าดู จังหวะเดียวกันนั้น แมทธิวก็หันมาพอดี

“จะเสร็จแล้วครับ” ผมงี้แทบหัวใจวาย หน้าน้องแมทธิวระยะใกล้ห่างกันไม่กี่เซ็น เห็นขนตาเป็นแพชัดเจนจนผมต้องรีบถอยกรูดไปตั้งหลัก ก่อนจะครางรับในลำคอ

“อือ ขอบใจ” ผมเดินกลับมาทหน้าทีวีอีกครั้งแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังบอกเวลาสามทุ่มนิดๆ บอลจบไปแล้ว และดูเหมือนว่าผมจะหลับยาวมาก

ในที่สุดเสียงโคร้งเคร้งในครัวก็เงียบลง ผมเดินกลับไปดูอีกทีก็เห็นว่าแมทธิวคว่ำทุกอย่างไว้บนชั้นให้ผมแล้ว เดินกลับมาล้างมือ ผมมองภาพเหล่านั้นเงียบๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่คาดฝันว่าชีวิตนี้ อยู่ดีๆ คนที่ตัวเองคลั่งอย่างสุดกู่จะมากินข้าว ล้างจาน พาไปเรียน รับกลับหอ ฟินสุดๆ จนอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้เลยทีเดียว

“พี่แมน ผมกลับห้องนะครับ” แมทธิวส่งยิ้มให้พลางเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือ ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าเคลิ้มไปแค่ไหน แมทธิวเดินออกจากครัวไปหยิบกระเป๋าหน้าทีวีก่อนจะเปิดประตู และไม่ลืมหันกลับมาบอกลาผมเป็นครั้งสุดท้าย

“ฝันดีล่วงหน้าครับ” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับสั้นๆ

“เช่นกัน”


แกร๊ก!
.
..

....กรี๊ดดดด!!!


พี่แมนคิดว่าพี่แมนคงไม่ได้นอนเพราะน้องแมทธิวนั่นแหละครับ





.
.
.
ฮัลโหลๆ เห็ดคัมแบ็คค่ะ มาบ่อยๆ เบื่อกันแล้วมั้ง กรั่กๆๆ (คุยคนเดียวตลอด) ลองเว้นบรรทัดตามคำแนะนำแล้วค่ะ อ่านง่ายขึ้นจริงๆ ด้วย ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ :pig4: มันเป็นกำลังใจที่ดีมาก... ไปแล้วนะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม

ปล. เราอ้างคอมเม้นท์มาตอบไม่เป็น ขอโทษด้วยค่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 11-01-2016 18:09:08
พี่แมนอุตสาฟินแต่มาตกม้าตายตกน้องแมททิวบอกว่าเกลียเกย์นี่แหละเขาบอกว่าเกลียดสิ่งใดจะได้สิ่งนั้นนะน้องแมททิว ได้พี่แมนชัวๆ ฮาๆ ออกตัวเชียร์พี่แมน  :mc4:
พี่แมนแกก็เนียนเก่งจริงๆนะอยากอยู่ใกล้ๆน้องเขา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

+1
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 11-01-2016 19:03:36
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-01-2016 19:04:37
สวีทกันเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-01-2016 20:17:57
พี่แมนควรรีบเอาหมอนข้างน้องแมทธิวไปหลบไว้ในหลืบนะคะ

นี่ล่ะกลัวใจว่าถ้าน้องมาเจอมันจะกลายเป็นนิยายเอสเอ็มแทนรักใสๆ
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-01-2016 21:35:20
เมื่อไรน้าาา น้องจะเข้าใจตัวเอง จะดราม่าไหมอ่ะะะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-01-2016 23:01:26
ทำไมฟิลมันเหมือนน้องกำลังเนียนเข้าหาหว่า?
หัวข้อ: Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mintny14891 ที่ 11-01-2016 23:06:51
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼ | up ch.5 (13/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 13-01-2016 18:29:00
Chapter 5 : That’s impossible.





นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะที่เด็กฝรั่งคนนี้มันเดินเข้าออกห้องผมโดยไม่มีการเคาะประตูล่วงหน้า

“พี่แมน ผมยืมสมุดเลคเชอร์ของปราณีตหน่อย มะรืนนี้มีควิซย่อย” ร่างสูงในกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวเดินเข้าในห้องแล้วแวะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นออกมากิน

“รอแป๊บนึง” ผมว่าพลางเร่งเช็คคำผิดนิยายหน้าสุดท้าย แต่ก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูซะก่อน

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ?” แมทธิวชะโงกหน้ามามองหน้าจอโน๊คบุ๊ก ทำเอาผมสะดุ้งโหยง และรีบพับหน้าจอโน๊ตบุ๊กแทบไม่ทัน ผมลุกพรวดก่อนจะชี้นิ้วสั่งร่างสูงให้นั่งรอ

“รอแป๊บนึง เดี๋ยวเข้าไปหยิบในห้องนอนมาให้” ว่ากันว่าผู้ชายมักสนิทกันเร็ว แต่ผมก็ไม่คิดว่าเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์นิดๆ จะทำให้เดือนคณะอย่างแมทธิวมาสนิทกับผมได้ง่ายขนาดนี้ ผมสามารถโต้ตอบกับแมทธิวได้ยาวขึ้น และมีภูมิคุ้มกันดวงตา ใบหน้า และรอยยิ้มสูงขึ้น ยกเว้นในระยะประชิดอ่ะนะ ที่ผมยังแพ้ทางน้องอยู่

“ผมเข้าไปดูห้องนอนพี่ด้วยได้ไหมอ่ะ?” เสียงแมทธิวตะโกนดังมาจากข้างนอก ผมที่กำลังรื้อกองหนังสือใจเต้นรัว เหลือบมองไปเห็นรูปแต่ละอากัปกิริยาของร่างสูงที่ถูกอัดใส่กรอบวางไว้ทั่วห้อง และรูปอัดโพราลอยด์ที่แปะตามผนัง กับหมอนข้างลายหน้าแมทธิว ทำให้ต้องรีบตะโกนตอบทันควัน

“ไม่ได้ ห้ามเข้า ถ้าเข้ามาก็ไม่ต้องมาห้องฉันอีก” ผมตบปากตัวเองเบาๆ ที่ไม่ทันคิดก่อนพูด ปากไวกว่าใจตลอด ร่างสูงอึดใจหนึ่ง ในขณะที่ผมยังหาสมุดเลคเชอร์ไม่เจอ

“ผมล้อเล่นเฉยๆ เอง พี่แมนใจร้ายจัง” ผมถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยน้องเขาก็ไม่โกรธเคืองอะไรผม คงจะชินแล้วล่ะมั้ง

“โอ๊ะ พี่แมน รูปล็อคสกรีนพี่นี่มัน...” ผมสะดุ้งอีกครั้ง เหงื่อแตกพลั่ก ทั้งๆ ที่แอร์ก็เย็น คว้าสมุดที่ในที่สุดก็หาเจอ ก่อนจะบึ่งรีบออกจากห้องนอนไปเห็นร่างสูงที่ถือโทรศัพท์ผม โชว์ภาพหน้าจอหราเป็นรูปคู่ผมที่ทำหน้าเอ๋อๆ กับแนทที่มุมกล้องเป๊ะสุดๆ

“เฮ้อ....” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ โชคดีมากที่แนทแอบมาเปลี่ยนเล่นไว้ เพราะอยากแกล้งผมเล่น เพราะผมจำได้ว่ารูปหน้าจอที่ผมตั้งเป็นรูปแมทธิวตอนสมัยรับน้อง

“ฮั่นแน่... เขินเหรอครับ เขินทีไรพี่แมนหน้าแดงทุกที ไม่ต้องเขินหรอกครับ รูปนี้พี่ก็น่ารักดีนะ ฮ่าๆๆ” ผมมองใบหน้าลูกครึ่งที่หัวเราะร่า ก่อนจะทิ้งสมุดเลคเชอร์ลงกับโต๊ะแล้วนั่งเอนหลังกับโซฟา

หัวใจพี่แมนจะวายเสียให้ได้เลย

“เออ พี่แมน พรุ่งนี้ให้ผมไปส่งหรือเปล่า?” เพราะผมติดรถแมทธิววนจนครบทุกวันจันทร์ถึงศุกร์แล้วทำให้ต่างคนต่างพอจำเวลาของแต่ละคนได้ ผมส่ายหน้าน้อยๆ จำได้ว่าวันนี้แมทธิวมีเรียนบ่าย แต่ผมมีเรียนเช้า

“ไม่เป็นไร เกรงใจ” ผมว่าพลางยกโน๊ตบุ๊กที่อยู่บนโซฟาไปวางบนโต๊ะเพื่อให้เหลือที่ว่างให้แมทธิวนั่ง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พรุ่งนี้ผมนัดทำรายงานกับเพื่อน แต่พี่ไปก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมอ่ะ”

“อืม ตามใจนายเลย” ผมว่าพลางหลับตาช้าๆ เพื่อทำสมาธิเรียกขวัญที่กระเจิงให้กลับเข้าร่างตัวเอง

ขวัญเอ๋ย ขวัญมานะไอ้แมน

“พี่แมนครับ”

“หือ?”

“พี่แมนเป็นแฟนกับพี่แนทได้ไงเหรอ?” ผมลืมตาขึ้นเล็กน้อย แล้วเหลือบมองคนข้างๆ ที่นั่งขัดสมาธิตั้งใจฟัง

จะตอบไงวะเนี่ย ไม่ได้เป็นแฟนกับแนทจริงๆ ซะด้วย

“ฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับแนท” ผมหลับตาลงอีกครั้ง ไม่อยากสบตาสีเทาคู่นั้น เบื่อ เห็นแล้วใจสั่น หวั่นไหว

“แล้วก็เลยเป็นกันเหรอ?”

“ไม่ใช่”

“อ้าว แล้วยังไงอ่ะครับ”

“...” คือพี่แมนไม่ได้เป็นแฟนกับแนทอ่ะครับ ผมตอบอย่างนี้ได้ไหม

“แล้วใครขอใครเป็นแฟนก่อนเหรอครับ?”

“แนท..มั้ง” ผมนึกย้อนไปวันที่มีไอ้หน้าหม้อมาจีบมันแล้วมันบอกให้ผมแกล้งเป็นแฟนมัน เพื่อให้ไอ้นั่นมันเลิกยุ่งกับแนท

“อ๋อ พี่แนทนี่ ทำอะไรขัดกับหน้าตาจัง”

“แมทธิว...”

“ครับ?”

“นายชอบแนทเหรอ?” ผมถามตรงๆ พลางลืมตาแล้วเหลือบมองปฏิกิริยาตอบรับ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด แมทธิวหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

โอ๊ย เห็นอย่างนี้แล้วผมเจ็บปวด นี่ผมกลายเป็นคนที่ทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียใจเหรอ

“พี่แนทเป็นแฟนพี่”

“แล้วนายชอบแนทหรือเปล่า?”

“...ก็พี่เขาก็น่ารักดี” แมทธิวตอบทั้งๆ ที่หน้ายังยิ้มอยู่ ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดหัวใจเบาๆ เหมือนมีใครเอาเข็มเล่มเล็กๆ มาทิ่ม

“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่เขาหรอกน่า แค่ปลื้มเฉยๆ ไม่ต้องคิดมากนะ” มือหนาของแมทธิวถือวิสาสะเอื้อมมาลูบหัวผม ผมสะดุ้งอีกครั้ง พลางโยกหัวหลบ แล้วถอยกรูดไปชิดที่เท้าแขน โดยที่แมทธิวมองการกระทำของผมอย่างไม่เข้าใจ

“ช..ชะ ชอบมันก็ได้ มันคงไม่ว่าอะไรหรอก” ผมพยายามโต้ตอบ ขวัญที่อุตส่าห์รวมมากระเจิงหนีหายไปอีกแล้ว

“เอ่อ ไม่เอาหรอก ผมไม่นิยมคนมีเจ้าของแล้ว” แมทธิวว่าพลางเหลือบมองหนังสือบนโต๊ะ

“ผมยืมเล่มนี้ไปอ่านนะ” นั่นไง ว่าแล้ว ผมรีบตะปบหนังสือมาจากมือของแมทธิวแล้วพลิกซ้ายพลิกขวา

“ห้ามทำที่คั่นหายนะ” ก่อนจะเนียนๆ ทำเป็นว่าหวงหนังสือธรรมดา ทั้งที่จริงๆ แล้วเอามาเช็กว่ามันใช่นิยายวายหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

สงสัยต้องปรับปรุงนิสัยวางหนังสือทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วเนี่ย




.
.
.
วันต่อมา

ผมติดรถน้องแมทธิวมาเรียนอีกครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดกับแนทไว้ ทำให้ตอนนี้ผมเคว้งคว้างยืนอยู่กลางโรงอาหารอย่างโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็มีแต่คนไม่รู้จัก ร่างสูงของแมทธิวที่เพิ่งเอารถไปจอดเดินมาแตะไหล่ผมเบาๆ จนผมแอบสะดุ้ง เพราะรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟช็อต

“พี่แนทยังไม่มาเหรอครับ?”

“ลืมโทร.บอกว่าวันนี้จะมาเร็ว” ผมหันไปตอบ และแสดงความเซ็งออกมาทางสายตา

“งั้นนั่งกับผมก็ได้” แมทธิวเดินลากผมไปยังกลุ่มเพื่อนตัวเอง ผมขืนตัวเล็กน้อย เพราะไม่อยากทำความรู้จักใครแต่ก็โดนร่างสูงหันมาทำหน้าดุๆ

“เพื่อนผมไม่กัดพี่หรอกครับ” แล้วขนาดตัวอย่างผมจะไปสู้ลูกครึ่งร่างบึ้กอย่างแมทธิวได้เหรอครับ สุดท้ายผมจึงถูกลากเดินตามไปยังโต๊ะนอกโรงอาหารอย่างช่วยไม่ได้

 ผู้ชายหน้าตาและรูปร่างดีมาก 4 คนนั่งรออยู่ที่โต๊ะหันมามองผู้มาใหม่อย่างผมและแมทธิว หนึ่งในนั้นส่งยิ้มให้ผม และหนึ่งในนั้นเอ่ยทักแมทธิว

“ไง พาใครมาด้วยเนี่ย?” หล่อหมายเลขหนึ่งเขยิบเพื่อให้ผมกับแมทธิวนั่ง แมทธิวกระแอมนิดนึงก่อนจะแนะนำตัวผมอย่างเป็นทางการ

“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือต้นฉบับเลคเชอร์ที่กูลอกตลอดหลายวันที่ผ่านมา รุ่นพี่ปีสี่ ชื่อพี่แมน”

“สวัสดีครับพี่แมน” ผมพยักหน้ารับทีละคน ก่อนจะหันไปสบตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวใสๆ ของแมทธิว

“พี่เขาคุยไม่เก่ง พวกมึงช่วยกันชวนพี่แมนคุยด้วยนะ” ผมขมวดคิ้วเป็นปม และหยิกต้นขาแมทธิวเบาๆ

“โอ๊ยๆๆ ฮ่าๆๆ พี่แมนอย่าโกรธสิครับ พี่ต้องหัดเข้าสังคมบ้างนะ จะให้ชีวิตรู้จักแต่พี่แนทไม่ได้นะครับ” แมทธิวพาดแขนบนบ่าผมแล้วเอาศอกถูคอผมเป็นเชิงหยอก

อ๋า ขนลุก อย่ามาสกินชิพพี่แมนนะ เดี๋ยวพี่แมนหวั่นไหว

“ฉันรู้จักนาย แล้วก็สายรหัสฉันแล้วกัน” ผมพูดนิ่งๆ แล้วเอียงคอหลบแขนหนักๆ ของแมทธิว

“ฮ่าๆๆๆ” คนอื่นๆ บนโต๊ะก็หัวเราะครืนเมื่อผมพูดออกไป เออ ผมก็พูดไปตาจริงนะ มาหัวเราะทำไมล่ะเนี่ย

“นั่นมันคนทั่วไป ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักไม่ใช่เหรอ?” หล่อหมายเลข 2 หัวเราะตาปิด แล้วซบหน้าขำกับหล่อหมายเลข 3

“เดี๋ยวนะๆ แล้วพี่แนทที่ว่านี่ แนทไหน??”

“ก็แนทตี้ ณัชชาไง พี่แมนเป็นแฟนพี่แนท คุ้นๆ หน้าไหม?” แมทธิวออกตัวแทนผมแทบจะทันที ผมหันขวับเตรียมจะอ้าปากบ่น แต่พอเห็นใบหน้าละมุนเปื้อนรอยยิ้มแล้วก็ต้องทำหน้าเฉยเก็บความรู้สึกเขินของตัวเอง

ผมยังแพ้ทางความหล่อน้องแมทธิวอยู่เลยครับ

ว่าแต่ วันนี้ดูเหมือนว่าตึกคณะผมจะคนเยอะเป็นพิเศษนะ แต่พวกนั้นดูจะไม่ใช่เด็กคณะผมซะทีเดียว เพราะแต่ละคนนี่หน้าช่ำชองโลก แถมยังใส่เสื้อช็อป ส่วนพวกที่ไม่ใส่นี่ก็เห็นเอาพาดไว้ที่บ่า

แปลกใจแต่ไม่แสดงออกหรอกนะ

“มองหาพี่แนทเหรอครับ พี่เขายังไม่มาไม่ใช่เหรอ?” ผมสะดุ้งเบาๆ เมื่อแมทธิวร้องทักขึ้น ก่อนจะลอบกรอกตา

ใจเจ้ากรรมของน้องช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ทุกวจีที่เอื้อนเอ่ยจึงมีแต่ชื่อแนท

“เปล่า” ผมมองบน แล้วยกแขนขึ้นมาเท้าคาง ทำตัวหลับในจะได้ไม่ต้องมีใครลำบากใจว่าต้องชวนผมคุย


Rrr… Rrr..


นั่งอยู่สักพักโทรศัพท์สั่น ผมล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมองหนน้าจอที่โชว์หน้าและชื่อคนโทร.เข้า

“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงเบาที่สุด โชคดีที่คนทั้งโต๊ะคุยกันอยู่เลยไม่มีใครสนใจผม

(แมน ช่วยกูด้วย กูอยู่กำลังจะโดนล้อม) เสียงปลายสายฟังดูตื่นตระหนก ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสั่งให้ปลายสายตั้งสติ

“ใจเย็นๆ อยู่ไหน?”

(ใต้ตึกคณะเนี่ยแหละ มองไปกูยังเห็นมึงนั่งกับน้องแมทธิวเลย  แต่พวกแม่งกำลังโอบล้อมกูอยู่เนี่ย จะฝ่าไปก็ไม่รู้มันจะทำอะไรกู ทำยังไงดีมึง? ตะโกนให้คนช่วยดีไหม!?)

“เดี๋ยวกูไปหา รอแป๊บ”

(เร็วๆ มึง พวกแม่งเริ่มกระชับวงล้อมแคบลงๆ แล้ว เฮ้ย...)


ตู๊ด... ตู๊ด...ตู๊ด...


“...!” ปลายสายตัดไป ผมมึนเบลอแต่ยังมีสติพอที่จะลุกพรวดขึ้นมา แล้วเดินจากโต๊ะไปหาแนท

“พี่แมน ไปไหน!?”แมทธิวดึงแขนผมไว้ แล้วช้อนตาถาม

“ปล่อย” ผมพูดเสียงแข็งอย่างเผลอตัว ก่อนจะสะบัดมือน้องออกจากแขน

พี่ขอโทษครับน้องแมทธิว แต่ตอนนี้เพื่อนพี่ย่อมสำคัญกว่าผู้ชายในฝัน

.
.
.
ผมหาจุดที่แนทยืนอยู่ได้ไม่ยากเมื่อตรงนั้นมีนักศึกษาวิศวะกว่า 10 คนยืนล้อมแนทเป็นวงกลมเหมือนเล่นลิงชิงบอล ผมชะงักไปนิดหน่อยด้วยความงงกับความอุกอาจที่กลุ่มคนเหล่านี้ทำกับเพื่อนผม

นี่พวกเอ็งไม่แคร์สายตาชาวบ้านกับยามแถวนี้เลยเหรอ

ในขณะที่ผมยืนเอ๋อ ลังเลใจว่าจะฝ่าวงล้อม แล้วไปกระชากตัวแนทเพื่อพาหนีออกมาดีไหม เหล่านักศึกษาที่ยืนเป็นวงล้อมก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง พร้อมกับที่น้องแมทธิวและผองเพื่อนวิ่งตามผมทันและยืนข้างหลังผมประหนึ่งเป็นแบ็คอัพ

ชั่วอึดใจเหล่านักศึกษาผู้สวมเสื้อช็อปเหล่านั้นก็ดึงดอกกุหลาบที่เหน็บอยู่ภายใต้เสื้อช็อปออกมาถือกันคนละดอกแล้วยื่นมันออกไปข้างหน้าเหมือนทุกคนจะมาขอความรักจากแนท

นี่มันอเมซิ่งมากๆ!!

“นั่นมันแฟนพี่แมนไม่ใช่เหรอวะ?” หล่อหมายเลขหนึ่งเก็บอาการสงสัยไม่อยู่ จึงร้องถามขึ้นลอยๆ


“แนท เป็นแฟนกันนะ!!!”เสียงทุ่มห้าวตะโกนขึ้นมาท่ามกลางความงุนงงของคนที่เดินผ่านไปมา พร้อมกับร่างสูงร่างหนึ่งเดินถือช่อดอกไม้ฝ่าวงล้อมเข้าไปหาแนท

เดี๋ยวนะ หมอนี่ เดือนวิศวะรุ่นผมที่เขาลือกันว่าเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ???

“ทำอะไรของนายอ่ะก้อง?!!” แนทรับดอกไม้มาถืองงๆ ก่อนจะกวาดตามองไปยังบุคคลที่น่าจะเป็นรุ่นน้องในคณะของอดีตเดือนวิศวะอย่างก้องภพ

“ขอความรักจากคนปากแข็ง” สายตาแพรวพราวที่หมอนั่นส่งให้แนท รวมถึงท่าทางสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำเอาผมนี่ถึงขั้นงงเติม er (งงขั้นกว่า)

“ตกลงเป็นจะเป็นแฟนกู เอ้ย.. ก้องไหมครับแนท?!”

“แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ?!” แนทเลิกคิ้ว ถ้าคุยกับผมเจ้าหล่อนคงลอยหน้าลอยตา แต่นี่อยู่ท่ามกลางสายตาธารกำนัน แนทเลยเก็บอาการความกวนอวัยวะเบื้องล่างของตัวเองไว้

ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไปมา สุดท้ายอดีตเดือนวิศวะอย่างนายก้องจึงหันไปสั่งรุ่นน้องตัวเอง

“เฮ้ย พวกมึง แผน B” พูดจบก็อาศัยทีเผลอ อุ้มแนทตัวลอยแล้วพาวิ่งออกไปจากตึกคณะ พร้อมเหล่าลูกสมุนเดินตามประหนึ่งบอดี้การ์ด

ว่าแต่ที่พวกนั้นกำลังทำมันคือการลักพาตัวไม่ใช่เหรอ?!

“พี่แมน” น้ำเสียงงุนงงเจือความเห็นใจของแมทธิวส่งมาพร้อมกับสัมผัสบางเบาบนบ่าผม ในขณะที่ผมยืนติดสตั๊น

แล้ว 4 ปีที่ผมคิดว่านายก้องอะไรเป็นเกย์คืออะไร!?

ไม่แค่นั้น ที่แนทเที่ยวไปบอกคนนั้นคนนี้ว่ากิ๊กกับผม ใครจะแก้ข่าว ก่อนจะลงจากคานยังจะทิ้งปัญหาให้ผมอีก ณัชชานะณัชชา!!!


“พี่แมน” แมทธิวก้าวเท้ายาวๆ ตามผมที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะ ผมนี่อยากจะนั่งลงกับพื้นแล้วเอามือปิดหู หลับตา ส่ายหน้า แต่ทำไม่ได้

รู้แล้วครับว่าพี่ชื่อแมน แฟนไม่มี เพราะเพิ่งโดนอดีตเดือนวิศวะมาฉกไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้น ได้โปรดอย่าเพิ่งถามอะไรพี่ตอนนี้ พี่ยังไม่พร้อมจะตอบ มันเร็วเกินไป พี่ตั้งตัวไม่ทัน!

ผมคว้ากระเป๋าได้ก็วิ่งสี่คูณร้อยเมตรเข้าห้องเรียน ไม่สนใจเสียงนุ่มทุ้มที่ตัวเองชอบฟังนักหนาซึ่งกำลังเรียกรั้งผมไว้




.
.
.
ทุกอย่างมันประดังประเดเหลือเกินครับทุกคน

วันนี้แนทไม่เข้าคลาสตามคาด แต่ก็นั่นแหละ มันไม่มีเช็คชื่อ เจ้าตัวก็รู้ดี แต่วันนี้มันพิเศษตรงที่อาจารย์นัดสอบควิซย่อยวันมะรืน แต่ผมจะไม่บอกแนทหรอก ผมเกลียดมัน

ล้อเล่นครับ ถึงผมไม่บอก เพื่อนคนอื่นก็บอกมันอยู่ดี แนทมันกว้างจะตาย

นอกจากนั้นแล้วผมก็เริ่มสำเหนียกตัวเองได้ว่าโปรเจ็คท์จบผมยังไม่เสร็จเรียบร้อย และอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนดีก็จะสอบไฟนอลแล้ว

ชีวิตมันช่างโหดร้าย.....

แต่สำหรับแนท คงจะไม่มีวลีอะไรเหมาะกับมันนอกจาก ชีวิตดี๊ดีอ่ะ เพราะดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวแล้วทั้งการเรียน การเงิน โดยเฉพาะความรัก เพราะข่าวการคบกันทั้งมันกับนายก้องนั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วสมกับเป็นคงดังในมหาวิทยาลัยทั้งคู่ ซึ่งน่าจะดีแล้วสำหรับไม้กันหมาอย่างผมที่หมดหน้าที่ลงซะที

จะติดก็แต่เด็กฝรั่งข้างห้องนี่แหละที่ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง


ผมไม่อยากดูเป็นคนโกหกในสายตาแมทธิว...


วินาทีนี้เองที่ผมอยากย้อนเวลากลับไปตอนที่ไม่รู้จักแมทธิว แล้วใช้ชีวิตสงบสุข ตามน้องเขาประหนึ่งแฟนคลับตามไอดอลคนหนึ่งเท่านั้น

ดีกว่าต้องให้น้องแมทธิวมารู้จักผม แล้วสักวันต้องรู้ว่าผมมันคนไม่ดีที่โกหกเพราะอยากใกล้ชิดเขา


แมทธิวเกลียดเกย์...


ข้อเท็จจริงนี้ยิ่งตอกย้ำว่าผมควรพาตัวเองออกไปให้ไกลจากน้องเขา เพราะยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ความรู้สึกที่ผมมีต่อร่างสูงนั้นคงไม่หยุดแค่ความชื่นชม และคลั่งไคล้แน่

แมทธิวเป็นคนดี เขาปฏิบัติกับทุกคนอย่างสนิทสนม นั่นคือพื้นฐานของคนที่เป็นคนของสังคม

และผมอาจหลงรักในความดีทั้งหมดที่น้องทำให้ผมทุกๆ วัน

พอคิดถึงตรงนี้ขอบตามันร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“พี่แมน” เสียงอันคุ้นเคยที่ผมได้ยินมาตลอดหลายสัปดาห์ดังขึ้น ผมหันขวับรีบปิดโน้ตบุ๊กที่ตามความเคยชิน แล้วสำรวจหนังสือบนโต๊ะว่ามีเล่มไหนเป็นบอยเลิฟหรือไม่

“พี่แมน...” เสียงบิดลูกบิดพยายามจะเปิดประตูดังขึ้น อารามตกใจทำให้ผมวิ่งถลาไปที่ประตูเพราะกลัวแมทธิวจะเปิดเข้ามาได้

แต่ลืมว่าตัวเองล็อคประตูไปแล้ว

“พี่แมน อยู่ใช่ไหม? เปิดประตูให้ผมหน่อย”

“กลับไปเถอะ” ผมพูดเสียงเบา ไม่หวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

“พี่แมนเหรอ? พี่โอเคไหม? เมื่อเช้าพี่นิ่งไปเลย” น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงอย่างคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่ความห่วงใยแบบคนที่รักกันของแมทธิวถามแสดงว่าเขารู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ที่อีกฟากของประตูห้อง

“แมทธิว...” ผมเพิ่มระดับเสียงให้มากกว่าเดิม และควบคุมไม่ให้เสียงสั่น

มีถ้อยคำเป็นร้อยพันที่ผมอยากจะพูดออกไป แต่ก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงลำคอ

แค่ประตูไม้บางๆ ที่กั้นตรงกลางเท่านั้น...



“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”








หลังจากนี้จะพยายามอัพถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ อาจจะอาทิตย์ละตอน ไม่ค่อยว่างจริงๆ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ค่ะ ด้วยีก จากเห็ดหอม  :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.5 (13/1/59) ใส่คำโปรยด้วย คิกคิก
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 13-01-2016 18:49:52
สงสารพี่แมน  :mew2: :mew2: :mew2:
ไหนแมททิวบอกเกลียดเกย์ไงแล้วทำไมแอบปลื้มพี่แนทละ แถมยังบอกกับพี่แมนที่แอบปลืมนายอยู่อีกแบบนั้น
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.5 (13/1/59) ใส่คำโปรยด้วย คิกคิก
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-01-2016 19:33:01
แนทคะ55555 มีแฟนก็ไม่แก้ข่าวให้เพื่อนก่อนเนอะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.5 (13/1/59) ใส่คำโปรยด้วย คิกคิก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2016 21:54:56
เฮ้อออ เข้าใจผิดกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.5 (13/1/59) ใส่คำโปรยด้วย คิกคิก
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-01-2016 22:14:03
 :pig4:
เรารออ่านตลอด
พี่แมนนนนน คิดมากจนเศร้า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.5 (13/1/59) ใส่คำโปรยด้วย คิกคิก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-01-2016 01:50:47
 :a5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 17-01-2016 13:15:42
Chapter 6 : I miss you like I’m gonna die.




“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

“...” ไม่มีคำพูดใดๆ ดังมาจากอีกฟากของประตูอีก ผมกัดริมฝีปากสั่นๆ ของตัวพลางกำมือแน่น และบังคับไม่ให้น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าไหลอาบหน้า

มันไม่คูลเลยนะผู้ชายจะมาร้องไห้กับเรื่องอะไรแบบนี้

เสียงปิดประตูห้องข้างๆ ดังขึ้น เดาว่าแมทธิวคงเข้าห้องไปแล้ว เขาคงเกลียดผม หรือคงไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่เราจะขาดการติดต่อกัน ผมทรุดลงนั่งพิงประตู ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัว

ผมทำถูกแล้ว ผมบอกตัวเองอย่างนั้น

อย่างน้อยๆ ถ้าเขาจะเกลียดผมตอนนี้ ก็ยังดีกว่าให้เขาเกลียดตัวตนของผม

เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงทนไม่ได้...


.
.
.
หลายวันผ่านไป

แม้ว่าห้องเราจะอยู่ข้างกัน ห่างแค่กำแพงกั้น แต่ว่ามันแสนไกล ผมก็ไม่เจอแมทธิวอีกเลย เขาหายไปจากชีวิตผมอย่างไร้ร่องรอย


ไม่มีเสียงทุ้มที่คอยเรียกชื่อผม
ไม่มีรอยยิ้มละมุนที่ส่งมาเวลาเห็นผมหลุดเก๊ก


หากว่าคุณเคยหลงรักใครสักคน แต่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมากไปกว่าการคิดถึงเขา คุณคงเข้าใจผมในตอนนี้เป็นอย่างดี ...ว่าอาการคิดถึงเหมือนจะขาดใจตายมันเป็นอย่างไร

ผมเคยมีความสุขแค่ได้มองรูป และตามดูน้องอยู่ห่างๆ อย่างหลงใหล แต่พอได้พูดคุยกัน มันก็ต้องการมากกว่านั้น

ไม่ต่างกับยาเสพติดที่พอได้ลองก็มีแต่ต้องการในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดคงเป็นผมเองที่ได้รับผลร้ายจากมัน

ผมปล่อยมือที่กอดเข่าตัวเองอยู่ แล้วยกมันขึ้นยีหัวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซุกหน้าลงกับแขน

‘พี่แมน’


ในหัวผมฉายภาพซ้ำช่วงเวลาที่ผมเคยใช้กับแมทธิว ชัดเจนทั้งภาพ รส กลิ่น เสียง ตั้งแต่วันแรกที่เราคุยกันจนถึงวันที่สุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงเขา แล้วผมกัดปากแน่นกลั่นเสียงสะอื้น

ผมห้ามมันแล้วนะ น้ำตาน่ะ แต่มันไม่ฟังผมเลย ผมเลยต้องปล่อยมันไหลอาบแก้มอย่างนี้ไง





.
.
.
ผมปิดประตูห้อง แล้วหมุนตัวเตรียมจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง ตอนนั้นเองที่สายตาของผมเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินออกมาจากลิฟต์

ผมหันหลังหนี รีบเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพิงประตู แล้วยกมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นมากุมหน้าอกไว้

หัวใจของผมมันเต้นเร็ว และแรงเหมือนจะหลุดออกจากอกเพียงแค่เห็นหน้าแมทธิว ไม่ต่างกับวันแรกที่ร่างสูงนั้นเปลือยท่อนบนมาเคาะประตูห้อง

สมองของผมว่างเปล่า แต่สัญชาตญานของผมสั่งให้เอามือล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเกงออกมา แล้วกดโทร.ออกหาเบอร์ที่แอบสืบมาได้ตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้โทร.สักที
หัวใจผมกำลังทำตามสิ่งที่มันต้องการ ผมยากได้ยินเสียงแมทธิว อีกสักครั้ง...

(ฮัลโหล)

“....” ผมยกมือปิดปากแน่น ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกจากหู   

โอ้แม่เจ้า ผมทำอะไรลงไป  ผมโทร.หาแมทธิว!!!

(ฮัลโหล!?) ปลายสายเรียกซ้ำ ก่อนจะเงียบไปครูหนึ่งแล้วต่อด้วยคำถามที่ทำเอาผมช็อกตายคาโทรศัพท์
   

(พี่แมน นั่นพี่แมนใช่ไหม!?)


น้องรู้ได้ไงว่าเป็นผม!? ผมรีบกดวางโทรศัพท์ แล้วจ้องหน้าจอด้วยอาการงุนงง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเคาะประตู


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่แมน อยู่ในนั้นใช่ไหม!? มาคุยกันหน่อยไม่ได้เหรอ!!?”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมผุดลุกขึ้น ก่อนจะหน้าจ้องประตูด้วยความสับสน สมองกับหัวใจของผมตอนนี้มันทำงานตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

ประตูถูกเคาะอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ทันให้ผมได้ตัดสินใจว่าจะเปิดดีไหม แมทธิวก็เปิดประตูเข้ามาได้เองพร้อมใบหน้านิ่งๆ ของเจ้าตัว

เข้ามาได้ไง..!!?


อ๋อ ผมลืมล็อคห้อง


อาศัยจังหวะที่ต่างคนต่างงง ผมหมุนตัวอย่างรวดเร็ว พาตัวเองไปขังอยู่ในห้องนอน คราวนี้ไม่มีพลาด ผมล็อคประตูอย่างแน่นหนา นั่นทำให้คนด้านนอกต้องเคาะประตูห้องนอนผมอย่างบ้าคลั่ง

“พี่แมน!”

ปัง! ปัง! ปัง!

“พี่แมน ออกมาคุยกันหน่อย ทำไมต้องหลบหน้า พี่โกรธผมเรื่องอะไร” ผมเม้มปากแน่น นั่งกอดเข่ามองประตูจากบนเตียงนอน

ไม่มีทางที่พี่จะบอกเหตุผลที่หลบหน้าแมทธิวหรอก

ปัง! ปัง! ปัง!

“พี่แมน อย่างน้อยผมแค่อยากรู้ว่าพี่ยังสบายดี ออกอยากมาเถอะ”

“...” เสียงเคาะประตูเงียบไป คาดว่าฝ่ายนั้นคงถอดใจ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

“ถ้าพี่ไม่ออกมา ผมจะพังเข้าไปแล้วนะ”

“...!!!” ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองหน้าตื่นขนาดไหน ผมหันไปมองผนังห้องและหมอนข้างตัวเองซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหน้าแมทธิว แล้วรีบลุกจากเตียงไปเปิดประตูอัตโนมัติ ก่อนจะแทรกตัวออกมายืนเผชิญหน้ากับแมทธิว

“...” ผมสบตาเขา ก่อนจะค่อยๆ เบนสายตามองต่ำไปที่เท้าตัวเอง

“พี่แมน” แมทธิวเรียกชื่อผม ก่อนจะเป็นฝ่ายก้มหน้าลงมาสบตาผมซะเอง “ยังเสียใจเรื่องพี่แนทอยู่เหรอ?!”

“เปล่า”

“เปล่าอะไร ตาบวมขนาดนี้ จะบอกว่าโดนชกมาเหรอ?!!” มือหนึ่งของแมทธิวเอื้อมมาจับปลายคางผมให้เงยหน้าขึ้น ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับไหล่ผมยึดไว้

“แมทธิว...” ผมจับมือที่ยึดปลายคางผมให้ออกห่างใบหน้า ก่อนจะสบตาเขาตรงๆ

“ครับ..” แมทธิวปล่อยให้ร่างผมเป็นอิสระ แววตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ จากนั้นมันเปลี่ยนเป็นความเศร้าเล็กๆ “พี่จะไล่ผมไปอีกเหรอ?!”

ใจผมกระตุกวูบ อยากเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้าแล้วลูบหัวผมปลอบใจ แต่มันคงไม่งาม อาจถูกซัดคางเหลืองเหมือนคู่กรณีเก่าของน้องเขา

แต่ถ้าโดนฟัดฟ้าเหลืองนี่ก็อีกเรื่อง

ครับขอโทษครับ นี่ไม่ใช่เวลาเล่นมุกสัปดน

“เปล่า คือ...”

“...”

“...” ผมนึกเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว ก่อนจะถอนหายใจออกมาระดับที่ไม่เหลือคาร์บอกไดออกไซด์ค้างอยู่ในปอด “ฉันหิว”

“ครับ???” แมทธิวเลิกคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวด ตามด้วยรอยยิ้มมึนงง

อยากถ่ายคลิปหน้าหลากอารมณ์ของแมทธิวเมื่อกี้ไว้จังครับ ฮือ น่ารัก อยากได้

“ฉันหิว จะสั่งพิซซ่า กินด้วยกันนะ” ผมตัดบทด้วยการเดินเลี่ยงไปโทร.สั่งพิซซ่า ก่อนจะลอบมองแมทธิวที่พาร่างสูงของตัวเองไปนั่งลงบนโซฟา




.
.
.
ผมนั่งลงข้างๆ แมทธิวบนโซฟาเงียบๆ ใบหน้าคมหันมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเหมือนเคย ไม่โกรธเคืองที่ผมพาลใส่สักนิด

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด ผมไม่ควรโกหกแมทธิวแบบนี้เลย

“แมทธิว...”

ครับ ต่อไปนี้ จะเป็นช่วงนายแมนสารภาพบาป

“ครับ” แมทธิวขยับยกขายาวๆ ขึ้นมาขัดสมาธิ แล้วนั่งจ้องหน้าผมเป็นเด็กโข่ง ผมมองตักหนาของคนฝ่ายตรงข้าม ข่มใจให้ไม่ให้ตัวเองกระโจนไปนั่งบนนั้น

หยุดนะแมน เดี๋ยวนี้ได้คืบจะเอาศอกนะเรา

“จะบอกอะไรหน่อย คือว่า..” ผมเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง มองปฏิกิริยาเอียงหัว แล้วเลิกคิ้วถาม

ไอ้หัวใจนี่ก็เต้นเป็นจังหวะ dubstep เลยโว้ย

“คือฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแนท”

“ครับ ผมรู้” มือหนายกขึ้นวางบนผมที่เริ่มยาวรุงรัง แถมสีก็หลุดจนเริ่มกลับเป็นสีดำเหมือนเดิมแล้วของผม “แต่อย่าพูดถึงคนที่ทำร้ายเราเลย If it reminds you of the memories you did together”

อะไรนะครับ เอาใหม่ซิแมทธิว พี่ตกพาร์ท Listening

เคยแต่ดูคลิป วันนี้น้องแมทธิวมาสปี๊กอิงลิชให้พี่ฟังต่อหน้า นี่มันเกินคุ้มแล้วครับ

“ไม่คือ...”

“ชู่...” แมทธิวยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากบางของตัวเองเป็นเชิงให้ผมเงียบ ภาพตรงหน้าทำให้ผมได้ยินเสียง ป๊อง! ในหู ก่อนที่ในหัวผมจะเต็มไปด้วยคำว่า…

หล่อเหี้ยๆ

หล่อเหมือนเทพเจ้าสักองค์ หล่อจนผมอยากลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นเพื่อสรรเสริญความหล่อเหลานี้

ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ภายใต้ใบหน้าอันเครงขรึม และเรียบเฉยของผม แน่นอนว่ามุมปากของผมไม่กระดิกแม้แต่มิลเดียว แม้จะอยากยิ้มเขินให้ภาพตรงหน้าเต็มที

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ ถ้าพี่ไม่มีใครแล้ว ผมกับเพื่อนผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง”


‘ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง’ (ตัดคำว่ากับเพื่อนผมเพื่อความฟินส่วนบุคคล)


ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่โกหกแมทธิว จะทำเป็นโดนทิ้ง แล้วหลอกใช้ประโยชน์จากความใจดีเพื่อใกล้ชิดแมทธิว มันไม่แมนเลยสักนิด

ผมนายแมน แมนๆ เตะบอลไม่เก่งไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด

“แมทธิว ฟังฉัน...” ผมสูดลมหายใจ “คือฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแนทตั้งแต่ต้นแล้ว เดิมทีฉันก็เป็นแค่ข้ออ้างของแนทเวลาปฏิเสธคนที่เขามาจีบ ฉันไม่ได้เสียใจอะไรทั้งนั้นที่แนทคบก้อง ฉันก็เพื่อนมันเหมือนเดิม”

“...ครับ?” แมทธิวจ้องผมนิ่ง คิ้วสีเดียวกับผมของเจ้าตัวขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แต่ผมยังไม่มีเวลาสนใจ ผมยังพูดไม่จบ ในหัวผมพยายามเรียงร้อยถ้อยคำเพื่อพูดในสิ่งที่ผมคิด

“โอเค ฉันอาจจะงงนิดหน่อยว่ามันไปรู้จักกันตอนไหน แต่....” ผมผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เริ่มรู้ตัวว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมอยากจะพูด “ขอโทษที่โกหกนาย”

ขอโทษ.. นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากจะบอกเขา

ถ้าหลังจากนี้แมทธิวจะเกลียดผม ผมก็คงต้องรับมันให้ได้...

แมทธิวคลายปมที่หัวคิ้ว แล้วใบหน้านิ่งนั้นก็ค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา “งั้นที่พี่หลบหน้าผม ไม่ยอมคุยกับผม ไม่ใช่เพราะเฮิร์ทที่โดนทิ้ง แต่เป็นเพราะผม??”

ดวงตาคมจับจ้องมาที่ใบหน้าผม แต่บาดลึกไปถึงหัวใจ ผมก้มมองต่ำหลบดวงตาคู่นั่น แล้วพยักหน้าส่งๆ เหมือนไม่ใส่ใจ

“แล้วที่ร้องไห้ก็เพราะกลัวผมโกรธด้วยหรือเปล่า?”

“....”

ไม่ใช่ อันนี้เพราะความคิดถึงล้วนๆ

“โห เด็กน้อย” แมทธิวดึงให้ผมขยับไปนั่งใกล้เขามากขึ้น

ใกล้จนได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากตัวแมทธิว

ใกล้จนผมอยากจะขยับอีกนิด แล้วพาตัวเองไปซุกอยู่อ้อมแขนนั้น พร้อมสูดกลิ่นหอมทั้งวันทั้งคืน


“นายก็รู้... ฉันพูดไม่เก่ง” ...เพราะที่ออกจากปากพี่ยังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนล้านของสิ่งที่พี่คิดกับแมทธิวเลยนะ

“ก็ตอนนั้นผมเห็นพี่นิ่งไปเลย นึกว่าช็อกที่แฟนตัวเองโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตา”

อ๋อ ตอนนั้นน่ะเหรอ? ผมแค่ช็อกที่นายก้องอะไรนั่นไม่ใช่เกย์ต่างหาก

อย่างว่าแหละครับ อย่าตัดสินใครแค่สิ่งที่เห็น และคำพูดจากปากคนอื่น

“เอาเป็นว่าผมผิดเองนะครับ ไหนหันหน้ามานี่หน่อยพี่แมน” แมทธิวจับคางผมให้หันจนผมสะบัด ช่างไร้ความอ่อนโยนเสียนี่กระไร “ดูซิร้องไห้จนตาบวม”

นิ้วหัวแม่มือของแมทธิวสัมผัสลงที่ขอบตาล่างของผมอย่างแผ่วเบา แตกต่างโดยสิ้นเชิงตอนจับให้ผมหันหน้าไปหา พร้อมกันนั้นใบหน้าแบบตะวันตกก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“...”

“...”

ใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน… คงเพราะจมูกแมทธิวโด่งเกินไป

วินาทีนั้นมันเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงหัวใจของผมที่ทำงานของมันเป็นอย่างดีแค่เพียงได้มองใบหน้าแมทธิวในระยะประชิดขนาดนี้

และหากว่ามันเป็นฉากหนึ่งในนิยาย คงจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ริมฝีปากเราขยับเข้าหากัน

ผมหลุบมองริมฝีปากบางของแมทธิวตามสัญชาตญาน...


Rrr… Rrrrr….

เสียงโทรศัพท์บ้านดัง พิซซ่าคงมาถึงคอนโดแล้ว แต่โดนยามข้างหน้าดักอย่างไม่ต้องสงสัย ผมจับมือแมทธิวออกจากหน้า แล้วลุกไปรับโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นรัว

ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ตอนที่เราสบตากัน แมทธิวจะรู้สิ่งที่อยู่ในใจผมไหม เขาจะจับได้หรือเปล่า

ได้แต่ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างนั้น เพราะผมได้คำตอบกับตัวเองแล้ว ว่าผมจะขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกัน แล้วเมื่อถึงเวลา ผมสัญญาว่าผมจะไป...





.
.
.
บรรยากาศโคตรอึดอัด

ผมเหลือบมองแมทธิวที่มือหนึ่งถือพิซซ่า อีกมือถือโทรศัพท์ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนผมเองที่ทนไม่ไหวหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์

แมทธิวเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มามองโทรทัศน์นิดหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ต่อ ในขณะที่ผมเพ่งสายตาไปยังโทรทัศน์ตรงหน้า

ตาดู หูฟัง แต่สมองผมไม่รับรู้อะไรกับมันเท่าไร เพราะมัวแต่สงสัยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

แมทธิวรู้ได้ไงว่าเป็นเบอร์ผมตอนผมโทร.ไป จำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ เอ๊ะ หรือเคย...

เสียงพิธีกรรายการเงียบไปเพราะตัดเข้าโฆษณา ตอนนั้นเองผมถึงนึกขึ้นได้ว่าในตู้เย็นมีน้ำแข็ง ควรเอามากินกับน้ำอัดลมบนโต๊ะที่ยังไม่ได้แกะสักขวด

“ไปไหนอ่ะพี่แมน” แมทธิวช้อนตามองผมที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นกะทันหัน

“ไปเอาแก้วกับน้ำแข็ง”



ผมเดินกลับมาพร้อมแก้วใส่น้ำแข็ง 2 ใบ แมทธิวผละจากโทรศัพท์ แล้วเอื้อมมืมารับแก้วไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะก้มลงไปวุ่ยกับหน้าจอเล็กๆ นั้นตามเดิม

“คนคุยเยอะนะ”

“หืม?”  แมทธิวหันมามองหน้าผมที่นั่งลงข้างๆ พลางหยิบพิซซ่าชิ้นใหม่มากัด “ไม่เยอะหรอก ก็ปกติ”

“อือ...” ปกติของคนของสาธารณะแบบนั้นสินะ

“เออ พี่แมน”

“?” ผมเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายแทนการพูดว่า ‘มีอะไร?’

“นิยายที่ผมยืมพี่ไปยังไม่ได้คืนเลยอ่ะ”

“อ๋อ...” ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ “ไม่เป็นไร คืนเมื่อไรก็ได้”

“หึๆ” แมทธิวหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผมจริงจัง “ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้คืนซะแล้ว อยู่ดีๆ  พี่ก็ตัดขาดกับผม”


“เงียบไปเหอะ มันผ่านไปแล้ว” ผมยกแก้วน้ำมาดื่มแก้เก้อ แอบชำเลืองมองปฏิกิริยาอีกฝ่าย พอเห็นแต่รอยยิ้มกับแววตาล้อเลียน ผมเลยตีหน้านิ่ง

“ฮ่าๆๆ” แต่นอกจากน้องแมทธิวจะไม่สลดยังหัวเราะร่วนใส่พี่อีก ผมก็อยากจะโกรธนะ แต่มองความสดใสตรงหน้าแล้วมันก็ได้แต่ปล่อยอีกฝ่ายหัวเราะไป

ผมยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นคนที่กำลังหัวเราะสะดุ้งเพราะโทรศัพท์ในมือสั่น มือหนากดรับมันก่อนจะยกโทรศัพท์แนบหู

“ครับพี่ทราย คิดถึงจัง....” ผมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มละมุนที่ตัวเองชื่นชอบตั้งแต่ยังตามมองอยู่ไกลๆ หูสองข้างฟังเสียงออดอ้อนของแมทธิวกับปลายสาย


อันที่จริงผมก็สงสัยนะ ว่าตอนที่ผมกับน้องไม่เจอกัน อีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่


“หืม จริงๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงพี่ตั้งนาน...”


จะมีผมอยู่ในสักเสี้ยวหนึ่งของความคิดบ้างไหม เพราะผมไม่ได้หวังว่าเขาจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงแมทธิวอยู่แล้ว


“อ๋อ ครับ ถ้างั้นไม่เป็นไร...”


แต่ตอนนี้ ผมพอใจแค่นี้ แค่ได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็ดีแล้ว


“ครับ คร้าบ ทานข้าวเย็นด้วยนะ...”


ผมไม่อยากรู้จักแมทธิวไปมากกว่านี้แล้ว สังคมของเขา ชีวิตของเขา

เรื่องบางเรื่องรู้เยอะไปก็ไม่ดี


 “อ้าวเหรอ งั้นอย่าลืมทานอย่างอื่นแทนนะครับ ฝันดีล่วงหน้าครับ”


ปล่อยให้เราต่างมีโลกของใครของมัน ยังไงซะโลกของผมกับแมทธิวก็ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อยู่แล้ว...







เห็ดมาแล้น หายไปหลายวันอยู่เพราะขี้เกียจพิมพ์  :katai5:  แต่วันนี้เร่งพิมพ์เลย :katai4: เพราะกลัวทุกคนคิดถึง(หลงตัวเองมาก) ไม่มีอะไรมากแค่อยากขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ รักเหมือนเดิม จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-01-2016 13:28:44
โถ พี่แมนคนดี


ตะล่อมน้องสิคะ หว่านเสน่ห์ให้น้องเลย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2016 13:49:56
 :katai1: :katai1: :katai1: ง่าาาาา. อีทรายนี้ใครอะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-01-2016 13:56:41
นายแมน...อย่าร้องไห้อีกนะ น้องแมทธิวเขาคุยกับคนรู้จักเฉยๆ (มั้งนะ)
ป.ล.รักกัน เปิดใจกันเร็วๆ นะทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-01-2016 14:33:30
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 17-01-2016 17:29:06
สนุกดีค่ะ แมทธิวทั้งหล่อ ทั้งอบอุ่น ทั้งนิสัยดี น่ารักมาก
ไม่แปลกที่พี่แมนยิ่งได้รู้จัก จะยิ่งหลงรักอ่ะนะ
ตอนนี้อยากรู้ความรู้สึกทางด้านแมทธิวบ้างจัง
ตกลงเกลียดเกย์จริงเหรอ แล้วที่ว่าชอบแนทนี่ยังไง
คนชื่อทรายเป็นใคร ที่สำคัญ รู้สึกยังไงกับพี่แมนกันแน่จ้ะ
รอตอนต่อไปน้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-01-2016 18:39:30
พี่แมนคนเจียมตัว? ไม่รู้ว่าพี่แมนดราม่าเองหรือว่าจริงๆแล้วมันดราม่ากันแน่
ยังไงก็คงต้องตามกันต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (22/1/59) แก้คำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 20-01-2016 18:56:12
Chapter 7 : Come over me tonight




ผมยืนถือเสื้อยืดย้วยๆ ไว้ในมือตัวเองอยู่หน้ากระจก และจ้องภาพในกระจกที่สะท้อนหน้าท้องที่เริ่มมองไม่เห็นมัดกล้ามเนื้อของผม อันเป็นผลมาจากช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นไปกับเรื่องของแมทธิว

มุมปากผมยกยิ้มขำตัวเอง ก่อนที่ผมจะรีบสวมเสื้อแล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงดิ่งไปยังกองชีทบนโต๊ะหนังสือที่ผมลงทุนรื้อมาเพื่อเอาไปให้คนที่ผมเพิ่งกล่าวถึง

อีกประมาณอาทิตย์นึงก็จะสอบไฟนอลแล้ว เวลาผ่านไปไวจนนึกว่านี่คือนิยาย แต่ผมก็เคลียร์ทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับเรื่องการศึกษาของตัวเอง แถมยังเผื่อแผ่ความหวังดีไปให้แมทธิวด้วยกองชีทมหาศาลที่เจ้าตัวขอมา

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะส่งข้อความบอกให้แมทธิวเข้ามาเอาชีท แต่คิดอีกทีห้องก็อยู่ติดกันแค่นี้ ผมเดินเอาไปให้เองก็ไม่ได้ลำบากเท่าไร คิดได้ดังนั้นผมก็ยกมันมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้อง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ครับๆ” ผมยืนถือชีทรอเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้ ใบหน้าของผมเห่อร้อนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นร่างสูงที่มีกล้ามเนื้อแน่นขึ้นรูปชัดเจนทุกส่วน ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวอวดหุ่นเฟี้ยวมาเปิดประตูให้

โคตรสะเทือนใจ ผมอยากทำได้แบบนี้แต่ไม่มีปัญญา ดูสิครับ โลกไม่ยุติธรรม ผมแค่หยุดออกกำลังกายแป๊บเดียว จะกลับมาเป็นไอ้ขี้ก้างอยู่แล้ว

อย่างนี้มันต้องลงโทษแมทธิว ด้วยการให้ผมกัดกล้ามแขนแน่นๆ นั้นสักครั้ง

“ได้แล้วเหรอ ขอบคุณครับพี่” แมทธิวรับมันไปถือก่อนจะยิ้มขอบคุณ “เออ เข้ามาก่อนสิ ผมว่าจะคืนนิยาย หาแป๊บนึง”

จะดีเหรอ!? ผมคิดในใจ แต่เท้าก้าวเข้าห้องแมทธิวเร็วกว่าความคิดอีก แถมยังมีน้ำใจปิดประตูห้องให้เจ้าของห้องด้วย เป็นไงล่ะ

“น่าจะอยู่ในห้องนอน ผมไปหาเสื้อใส่ด้วย รอแป๊บ” พูดจบก็เดินถือชีทเดินเข้าห้องนอนไป ผมนั่งรอบนโซฟาเงียบๆ มองหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพเกมที่เจ้าตัวเล่นค้างไว้ ก่อนจะหลุบตามองจอยสติคที่ว่างอยู่บนโหน้าโซฟา


แกร๊ก!

เสียงแมทธิวปิดประตูห้องทำให้ผมหันไปมองร่างสูงที่สวมเสื้อออกมาเรียบร้อยแล้ว ในมือของเจ้าตัวถือหนังสือออกมาหาผม ก่อนวางมันลงบนโต๊ะข้างๆ จอยสติค ผมนั่งกอดอกมองเงียบๆ ก่อนจะเปิดปากชวนคุยก่อน

“เล่นเกมตอนนี้อะนะ?” ผมถาม เพราะเห็นว่าใกล้สอบ

“ครับ ทำไมเหรอ มันยังไม่ดึกเลย” แมทธิวว่าพลางหยิบจอยสติคขึ้นมาถือ

ครับ พี่อาจจะสื่อสารพลาดเองทำให้แมทธิวเข้าใจผิด

“เอาสักตาไหม?”

“...” ผมยิ้ม แมทธิวทำหน้าสงสัยคงเพราะไม่ได้เห็นผมยิ้มบ่อยๆ “ก็ดี”



.
.
.
KNOCK OUT!!!
   
“อะไรวะ!?” แมทธิววางจอยสติคลงกับโต๊ะไม่แรงนักแต่มันกระเด้งออกจากโต๊ะร่วงลงพื้น ดีว่าพื้นมีพรมไม่งั้นมีพัง ผมเงยหน้ามองน้องที่ยีหัวตัวเองอย่างหัวเสีย

หึ รู้จักพี่แมนน้อยไป เห็นพี่พูดน้อย คิดว่าจะสอยพี่ง่ายๆ ล่ะสิ

“อีกตาไหม?!” ผมเลิกคิ้ว ไม่ได้จงใจจะท้าทาย แต่อยากยื้อเวลาจะได้ใช้กับแมทธิว

ได้เห็นแมทธิวมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจทำความรู้สึกมันดำดิ่งลึกมากกว่าที่เป็นอยู่

แต่ถามหน่อยเถอะครับ ได้อยู่กับคนที่ตัวเองชอบนานๆ ใครจะปฏิเสธล่ะ ผมคนนึงแหละที่ไม่

“ไม่ชนะไม่นอนครับ” แมทธิวหยิบจอยสติคขึ้นมาหมายมั่นปั้นมือ

กลายเป็นว่าผมก็ได้อยู่กับแมทธิวจนดึกดื่นสมใจทีเดียว



.
.
.

“ชนะอีกแล้ว ฮ่าๆๆ” แมทธิวบุกขึ้นยืน ชูแขน เชิดหน้าดีใจ เหมือนนักฟุตบอลตอนทำประตูได้ ร่างสูงหันมายิ้มกว้าง ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม ผมปรือตามองอีกฝ่ายด้วยความง่วง ก่อนจะพยักหน้าให้ไป

“งั้นพอได้หรือยัง?” ผมเอี้ยวตัวซุกหน้าลงกับแจนที่วางอยู่บนพนักพิงโซฟา หางตาเหลือบเห็นร่างสูงกำลังโน้มตัวลง ชันมือกับหน้าขาของตัวเอง

“ง่วงแล้วแล้วเหรอครับ” เสียงอีกฝ่ายดังชัดอยู่ใกล้หู ผมเงยหน้าอีกทีก็เห็นหน้าของแมทธิวอยู่ห่างแค่คืบ “นอนนี่ก็ได้นะ”

“...!?” ตาปรือแต่สมองผมตื่นมาก ผมซุกหน้าลงกับแขนตามเดิมเพื่อซ่อนรอยยิ้มชั่วร้าย

แมทธิวชวนผมค้าง!!!

“นอนคนเดียวเหงามาก ปกติผมนอนกับแม่ตลอด”

แน้ มีมาอ่อยอีก พูดอย่างนี้พี่แมนรวบหัวรวบหางไม่รู้ด้วยนะ

“โม้... แม่ทูนหัวล่ะสิไม่ว่า” ผมก็บ่นพึมพำของผมเบาๆ เนี่ยแหละ แต่ร่างสูงของแมทธิวอยู่ห่างกับผมแค่นี้เองไง ไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว

“อะไร นี่พี่เห็นผมเป็นพวกชอบนอนกับผู้หญิงไปทั่วเหรอ” แมทธิวดึงแขนผมจนหลุดจากพนักพิงโซฟา ทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ไม่เห็นเป็นไร” ผมเอียงคอ แล้วไหวไหล่ “ฝรั่งกับฟรีเซกส์มันเรื่องปกติ”

เดี๋ยวนี้ไม่เกี่ยวกะฝรั่งไม่ฝรั่งด้วย ทำกันทั่วบ้านทั่วเมืองไทยแล้ว

“แต่ผมเป็นลูกครึ่ง ไม่ได้แบบนั้นบ่อยหรอก” แมทธิวยิ้ม ผมหันขวับ ดูรอยยิ้มมีนัยยะนั่นสิ

พี่ฟังทันหรอกนะ ไม่ทำบ่อยแสดงว่าก็เคยทำใช่ไหม!!

ไม่ได้โกรธหรอกครับ ไม่มีสิทธิ์ และก็พอเดาได้ หน้าตาแบบนี้ไม่น่ารอด แต่พอรู้มันก็แอบผิดหวังนิดนึง

ทีผมยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเลย ทั้งๆ ที่เขียนให้คนได้กันไม่รู้กี่ร้อยตอน

“แล้วจะนอนได้เมื่อไร” ผมทำเป็นง่วงจัดกลบเกลื่อนความรู้สึกเหมือนใครมาเกาหัวใจเล่น
 
“จะรีบไปไหน อีกสักตานะ ผมไม่ได้เล่นมันๆ แบบนี้มานานแล้ว”

“เพื่อนมีก็เล่นกับเพื่อนไป”

“เพื่อนไม่ได้เรื่อง ไม่เทพเหมือนพี่” แมทธิวกะพริบตาถี่ๆ แล้วคว้ามือผมไปถือ “นะๆ จะรีบนอนไปไหน”

ผมกระชากมือกลับแล้วค้อนขวับ ปากพูดออกไปทันใจคิด

“ก็กลัวน้องเปลี่ยนใจไล่พี่กลับห้องไงครับ”

ชะอุ๊ย...

“...”

“....” ผมกัดริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ ระบายยิ้มเฝื่อน “ฮึๆ เหวอเลยเหรอ?”

“พี่แมน...” แมทธิวทำหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “งั้นมานอนนี่ทุกคืนเลยดีไหมล่ะ?!”

“ท้าหรือไง?”

“ไม่ท้า นี่ชวนครับ” ไม่พูดเปล่ายังส่งยิ้มละมุนละไมเชิญชวน ผมสบตาคู่นั้นมองหาบางสิ่งอาจซ่อนอยู่ในนั้น

บางสิ่งที่ทำให้หัวใจผมพองฟู เรียกมันว่า ความพิเศษ

“ปกติพวกอังเดร นนท์ บอสก็ค้างกับผมบ่อย แต่พอย้ายมาอยู่นี่มันก็ไม่มาค้างกับผมสักคน” ผมนี่วืด รู้สึกหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ อับอายกับความคิดตัวเองที่คิดว่าแมทธิวชวนค้างด้วยเป็นเรื่องพิเศษ

“เตรียมตัวเลย ฉันจะหอบข้าวของมานอนที่นี่ทุกวัน อย่ามาเสียใจทีหลังจะหาว่าพี่แมนไม่เตือน” แมทธิวยิ้ม กว้างขึ้น และกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนรอยยิ้มนั้นจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ

“ฮ่าๆๆ จี้ว่ะ พี่พูดโคตรยาว”




.
.
.

“พี่แมน”

“...” เสียงพลิกตัวดังสวบสาบ ผมที่นอนหงาย เกร็งตัว หลับตาอยู่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ลืมตาขึ้นดูความเป็นไปของร่างข้างๆ กาย

กลัวเห็นแล้วอดใจไม่ไหว

“หลับแล้วเหรอ?”

“ใช่... โอ๊ย!” ผมโดนแมทธิวหยิกต้นแขนแรงๆ จนต้องร้องออก ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ฝันดีครับ” ผมลืมตา ก่อนจะหันไปสบตากับแมทธิวที่นอนตะแคงจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว แล้วพยักหน้ารับรู้เบาๆ มองอีกฝ่ายค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ก่อนที่ผมจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราบ้าง

สาบานว่าที่มุมปากยกนี่ไม่ได้ยิ้มนะ กล้ามเนื้อมันกระตุกของมันเอง

แต่รู้อะไรไหม ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว ผมยังไม่หลับเลยครับ

ผมค่อยๆ พลิกตัวนอนตะแคงเพราะกลัวแมทธิวจะตื่น ใจเต้นรัวเมื่อได้จ้องใบหน้ายามหลับของแมทธิว และต้องคอยบังคับมือตัวเองไม่ให้ทำในสิ่งที่มันอยากทำ...

ไม่เกี่ยวกับช่วงล่างของผมและของแมทธิวครับ ผมแค่อยากลองไล้สันจมูกโด่งๆ เท่านั้นเอง อะไร คิดไปไกลกันเรื่อย

หรือจริงๆ ผมหลับไปแล้ว แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี้คือความฝันกันนะ

มนุษย์ย่อมมีกิเลส และความโลภ ผมรู้ซึ้งก็ตอนที่ใจมันเรียกร้องว่าอยากขยับไปใกล้คนที่นอนหลับอยู่ให้ใกล้กว่านี้

ใกล้กว่านี้ เพื่อให้รู้ว่านี่คือความจริง ที่ผมได้นอนอยู่ข้างๆ คนที่ผมคลั่งไคล้มานาน

เอาน่ะแมน โอกาสดีๆ อาจไม่มีอีกแล้วนะ

ผมค่อยๆ กระดึ๊บๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้แมทธิวที่นอนตะแคงท่าเดิมตั้งแต่ยังไม่หลับ จนอยู่ในระยะห่างที่ผมพอใจคือ 1 คืบกับอีก 2.5 เซนติเมตร

อธิบายอาจไม่เข้าใจ เอาไปว่าใกล้จนได้กลิ่นกายหอม ได้ยินเสียง และสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของแมทธิว....

แค่นี้แหละครับที่ผมต้องการ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ในที่ของผม ผมจะไม่บุกรุกพื้นที่ของแมทธิวให้อีกฝ่ายลำบากใจ


หมับ!

แขนแกร่งกวาดมากพาดบนตัวผมจนผมสะดุ้งตัวโยน มือหนาไขว่คว้าสะเปะสะปะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะถูกคว้าไปฝังอยู่ในอ้อมกอด


ที่พูดเมื่อกี้... ขอมีข้อยกเว้นในกรณีที่อีกฝ่ายเชิญชวนให้ผมบุกรุกละกันนะครับ


ผมเหลือบตาขึ้นมองสันกรามแมทธิวและกัดปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจซุกหน้าลงกับอกแกร่ง หลังจากตัดสินใจเลิกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแมทธิวตื่นมาเห็นสภาพนี้

อนาคตเป็นเรื่องของสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และผมจะไม่กังวลกับมันให้เป็นทุกข์ใจอีกแล้ว

คนเราควรมีความสุขกับปัจจุบันไม่ใช่หรือไงกัน!?



.
.
.

“แมน ไม่ไปกับกูจริงๆ เหรอ?” แนทที่เดินตามหลังผมไม่กี่ก้าววางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งตรงข้ามกับผม

“ไปเป็นก้างขวางคอมึง?” แนทมันชวนผมไปกินข้าวครับ แต่แฟนมันไปด้วย

“ไม่เห็นเป็นไรเลย”แนทยื่นมือมาดึงแก้มผมแรงๆ จนยืดออกอย่างน่าเกลียด ผมกรอกตาอย่างเอือมระอา

“จริงจังเลยนะ กูขี้เกียจ” ผมว่าพลางโยกหัวหลบมือแนทที่ทำท่าจะดึงแก้มอีกรอบ แนทจึงเบะปากใส่ผม แล้วไปกดอะไรยุกยิกกับโทรศัพท์ ผมจึงเข้าโหมดหลับใน

ปกติผมเหม่อต้องคิดพล๊อตนิยายนะ แต่เดี๋ยวนี้เหม่อก็คิดถึงแต่ผู้ชายตลอดเลย


คิดถึงไออุ่นจากอ้อมกอดแกร่ง...


ฮะ!!! เดี๋ยวนี้ผมเพ้อเป็นสำนวนนิยายแล้วเหรอ!?

อย่าว่าผมเวอร์วังเลยนะแต่มันอุ่นจริงๆ ตัวน้องก็หอมเป็นกลิ่นสบู่เย็นๆ กล้ามเนื้อหน้าอกนี่แน้น แน่น โดนทีนี่แข็งปั่ก ไม่รู้จะใช้คำว่าฟินได้ไหม ในเมื่อตอนนี้มันสุขจนล้นอก

“แมน! เหม่ออะไรของมึง!?” ผมสะดุ้งมองแนท ก่อนจะเอามือที่เท้าคางอยู่ออก

“กูก็เหม่อเป็นประจำไม่ใช่หรือไง?!”

“กูก็ถามมึงเป็นประจำไม่ใช่หรือไง?!” แนทมองผมตาเขียว แต่ก็จริง มันเหมือนถามไปงั้นตามความเคยชิน แต่เผอิญวันนี้ผมไม่ได้เหม่อเพราะคิดถึงอะไรเดิมๆ นี่สิ...

“ทำไม!!? หรือมึงคิดเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เรื่องจะแต่งให้ผู้ชายได้กันยังไงอย่างทุกที?!”

โอ้โห นี่เจ้าหล่อนมีลูกกรอกหรือผีพรายคอยกระซิบใช่ไหม!? แม่นอย่างกับอ่านใจได้

“หวัดดีแมน” ผมแอบสะดุ้ง เพราะคิดว่ากุมารทองที่แนทอาจจะเลี้ยงไว้ส่งเสียงทุ้มทัก ก่อนที่ความคิดผมจะเตลิดไปไกล เจ้าของเสียงก็ปรากฎตัวขึ้นเป็นร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาด้วยดีกรีอดีตเดือนวิศวะข้างๆ แนท

“หวัดดี” ผมตอบพลางมองแนทยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ ไม่ลืมหันมาถามผมซ้ำอีกรอบ

“ไม่ไปด้วยกันจริงๆ ใช่ป่ะ?”

“อือ”

“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้”



.
.
.

ผมนั่งอึนอยู่ที่เดิมอีกพักหนึ่งหลังจากแนทออกไปกับก้องแล้ว เดิมทีคิดว่าจะกลับหอ แต่แดดมันร้อนจนสู้ไม่ไหว ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง ในขณะที่อีกข้างกดล็อคโทรศัพท์

น่าจะเอารถมาขับอย่างที่ป๊าบอก แต่มาบ่นตอนนี้ก็สายไปและ เรียนจะจบอยู่แล้วเนี่ย

แต่เอามาขับก็ไม่คุ้มอยู่ดี ไปกลับแค่หอกับมหาลัย ผมแทบไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว...


“พี่แมน”

ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพบกับแมทธิวและผองเพื่อนยืนเรียงกันเป็นบอยแบนด์ บอกตรงๆ ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่เหลือชื่ออะไร บางคนก็คุ้นๆ หน้าว่าเคยเจอกันครั้งที่แล้ว

ทำไมเพื่อนเยอะจังวะ

“ทำอะไรเหรอ?” ถ้าบอกว่านั่งเฉยๆ ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ไม่ใส่ใจเกินไปหน่อย ดังนั้น ผมจึง...

“เปล่า” ...ซึ่งคำตอบก็ไม่เมคเซนส์พอกัน

“ผมกำลังจะไปหาอะไรกิน ไปด้วยกันไหมครับ?”

“...ก็ดี” ผมตอบแบบไม่ลังเล ไม่ได้ใจง่ายนะ แต่เกรงใจ 3 คนข้างหลังที่จะต้องรอถ้าหากผมเล่นตัว



.
.
.

“กรุณารอสักครู่ค่ะ” พนักงานตัวบางเดินจากไป คนกลางอย่างแมทธิวที่นั่งข้างๆ ผมจึงเริ่มแนะนำตัวเพื่อนตัวเองให้ผมรู้จัก

“นี่เพื่อนสนิทผมบอส นนท์ อังเดร” แมทธิวชี้นิ้วไล่ทีละคนเรียงจากซ้ายไปขวา “ส่วนนี่พี่แมน รุ่นพี่คณะเรา อยู่ข้างๆ ห้องกูด้วย”

ผมลอบสังเกตเพื่อนแต่ละคนของแมทธิวเงียบๆ เพราะเจ้าตัวบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท ผมเลยคิดว่าอย่างน้อยผมควรจะจำพวกเขาได้

บอสนี่ผมยาวพอๆ กับผมเลยมั้ง เป็นผู้ชายโคตรมีคาริสม่าเพราะหน้าสวย มุมปาก และนัยน์ตายิ้ม ดูเป็นคนอ่านยากเพราะใบหน้าที่ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา และผมคุ้นหน้าเขามากที่สุด

นนท์ ผมอาจต้องถามว่าเหล่ากงลื้อแซ่อะไร หน้าตี๋มาก ตาตี่กว่าผมอีก บางทีอาจจเป็นญาติคนหนึ่งของผมก็เป็นได้

อังเดร ลูกครึ่งที่หน้าออกเอเชียซะมากกว่า แต่ได้ดั้งกับส่วนสูงมาจากตะวันตกเต็มๆ

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

สักพักพนักงานก็มาเสิร์ฟของที่สั่งไป ทุกคนช่วยกันเทของลงหม้อ แล้วนั่งกินเงียบๆ ประหนึ่งธาตุอากาศ โดยมีแมทธิวหันมาคุยด้วยเป็นระยะๆ

เออ เด็กพวกนี้คบได้ ไม่ค่อยมาวุ่นวายกับผม




อัตราเร็วในการจ้วงอาหารเข้าปากเริ่มลดลงตามเวลาที่เพิ่มขึ้น ผมอิ่มเกินจะยัดอะไรลงได้อีก จึงเอาโทรศัพท์ออกมานั่งจิ้มๆ เรื่อยเปื่อย

“อิ่มแล้วเหรอพี่?” แมทธิววางเนื้อลงบนจานแล้วยกแก้วน้ำกระดก ผมพยักหน้าแล้วดื่มน้ำบ้าง “กินน้อยจัง”

“...” ผมไม่ตอบ แต่พยักเพยิดหน้าไปทางนนท์ที่นั่งตรงข้ามผมซึ่งหยุดกินได้สักพักแล้วเหมือนกัน เจ้าตัวเบิกตากว้างเท่าที่ดวงตาแคบๆ ของตัวเองจะทำได้เมื่อรู้ตัวว่าโดนกล่าวถึงเงียบๆ ก่อนจะโวยออกมา

“ไม่ไหวโว้ย มึงระวังเหอะ แดกอิ่มมาก หลับก่อนได้อ่านหนังสือแน่ๆ”



.
.
.

สรุปว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงทั้ง 4 คนในฐานะพี่ในคณะ และเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่กำลังจะพากันไปติวหนังสือต่อหลังกินข้าวเสร็จ เราทั้งหมดเดินออกจากร้าน ก่อนที่แมทธิวจะหยุดกึก

“พวกมึง เดี๋ยวกูไปส่งพี่แมนกลับหอก่อนนะ” แมทธิวพูด ทุกคนพยักหน้ารับรู้ แผมจับต้นแขนแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของน้องไว้

“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้”

“ไม่เป็นไร พี่อุตส่าห์เลี้ยงข้าวพวกผม นะครับ”

“อืม...”



.
.
.

รถหรูแล่นมาเทียบหน้าประตู ผมเอี้ยวตัวปลดเซฟตี้เบลท์ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับแมทธิวที่จ้องผมอยู่แล้ว

“อะไร?”

“...” ไม่พูดแต่ยิ้มหวานให้ผม ผมจึงถามย้ำไปอีก

“มีอะไร?”


“คืนนี้เจอกันนะครับ”






 :z13: แก้คำผิดเล็กน้อยกับตรงส่วนที่เห็ดอ่านแล้วรู้สึกว่ามันงงๆค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านและคอมเมนท์กันเรื่อยๆ ช่วยกันลุ้นและเป็นกำลังใจให้พี่แมนด้วยนะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 20-01-2016 19:55:21
นี้มันคืออารายยย แมททิวไม่ได้แกล้งพี่แมนใช่ม๊ะ!!  แต่ก็ฟินมากอะ ...  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-01-2016 20:04:01
แมทธิวชอบให้ความหวังพี่แมนตลอดๆ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-01-2016 21:26:23
อิน้องแมทธิวคะ เกลียดเกย์แต่อ่อยขนาดนี้คืออะไร
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-01-2016 22:56:00
 :L2: :pig4:

พี่น้อง แบบแมนๆต้อง เพ่ คืนนี้เจอกัน!
 .คืนนี้เจอกันครับ. นี่ เก็บไปคิดเข้าข้างตัวเองได้เลยพี่แมน
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-01-2016 09:07:08
แมทธิว นี่อะไรยังไงกันแน่ อยากรู้ความรู้สึกของแมทธิว  :ling1:
เพื่อน ๆ แมทธิว เหมือนจะไม่ค่อยธรรมดา (คิดไปเองหรือเปล่าเรา 555)
เอาใจช่วยพี่แมน ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 21-01-2016 09:47:05
คืนนี้เจอกันนะครับ !!!!!!

กัดหมอน นอนรอ แมทธิว พี่พร้อมแล้ว เข้ามาสิคะ เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 26-01-2016 13:04:59


ป้าว่าน้องแมทธิวทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ...
พูดจาแบบนี้น้องแมนของป้าก็หวั่นไหวไปไม่เป็นกันพอดี
เพราะฉะนั้น คืนนี้ต้องรีบกลับมานอนให้น้องแมนของป้าขบกล้ามอกเล่นเร็ว ๆ ด้วย (เดี๋ยว ๆ !!)

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-01-2016 19:35:08
แมทธิวคิดอะไรอยู่วว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.7 (20/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 27-01-2016 10:39:19
ถ้าข่าวลือสลับกัน ก้องไม่ได้เป็นเกย์ แมทธิวก็ไม่เกลียดเกย์สินะ

แมนเอ้ยยยย คืนนี้ขอให้ได้ ขอให้โดนนะ คริคริ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.8 (28/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 28-01-2016 16:23:02
Chapter 8 : This may be the last time


ผมเดินเหงื่อแตกพลั่กออกจากฟิตเนส พลางใช้ผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนบ่าเช็ดหน้า หางตาเหลือบไปเห็นร่างของแมทธิวกำลังเดินผ่านประตูเข้ามา

ร่างสูงยกมือทักผม ก่อนจะสาวเท้าเร็วๆ มาหา แล้วคว้าแขนผมที่เตรียมจะเดินไปที่ลิฟต์ไว้เป็นเชิงห้าม ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ “ครับพี่ทราย ขอบคุณมากๆ เลยครับ”


“ติวเสร็จแล้วเหรอ?”

“ครับ” ร่างสูงปล่อยมือจากแขนผม แล้วยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินตามผมไปที่ลิฟต์ “เออ พี่แมน พี่รหัสผมเพิ่งให้ชีทแนวข้อสอบมาใหม่ คงเล่นเกมไม่ได้แล้วแหละ”

“ก็ดีแล้ว อ่านก่อน เกมเล่นวันหลังก็ได้” ผมบอกเพื่อให้ร่างสูงข้างๆ ที่เพิ่งจะกดปุ่มลิฟต์เลิกทำอาการหางลู่ หูตก เหมือนหมาน้อยหงอยเหงา

“พี่แมน ช่วยดูให้หน่อยได้ไหม คืนนี้อะ?”

“หือ...” ดูอะไร พูดเคลียร์ๆ ด้วยนะครับ ไม่งั้นพี่แมนไม่ไปนะ

“นะๆ เนี่ย ปวดหัวมากเลย กลัวอ่านเองไม่รู้เรื่อง”

“ปวดหัวก็พักก่อน”

“แต่อีก 3 วันจะสอบแล้วนะ” จะเอาเกียรตินิยมเลยหรือไง นั่นๆ อย่ามาทำหน้าตาน่าสงสารใส่พี่นะ ไม่รู้หรือไงว่าคนอย่างพี่แมนน่ะ...

“งั้นคืนนี้ที่ห้องนายละกัน”


...มันแพ้แมทธิวตลอดอย่างนี้ไงเล่า





.
.
.

กระจกตรงหน้าผมตอนนี้สะท้อนใบหน้าอมยิ้มของตัวเองอยู่ ผมเหลือบมองขวดน้ำหอมที่นานๆ จะได้ใช้สักครั้งอย่างชั่งใจ

ใส่สักนิดดีไหมนะ?!

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังป้าบกับความคิดชั่ววูบที่แล่นมาในสมอง ก่อนจะหยิบโลชั่นที่ทาตัวประจำขึ้นมาทาแทน

เอาวะ หอมเหมือนกัน ใส่น้ำหอมเดี๋ยวจะชัดไปว่าอ่อยเนอะ




ผมหอบข้างของทั้งโน้ตบุ๊กและหนังสือตัวเองไปห้องแมทธิวด้วย ร่างสูงย้ายตัวเองออกจากห้องนอนมานั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น ในขณะที่ผมนั่งอยู่บนโซฟา

“กินพาราหรือยัง?”

“กินทำไมอ่ะ?” แมทธิวเงยหน้าจากชีทบนโต๊ะ ผมเปิดฝาพับโน้ตบุ๊ก ก่อนจะหันไปตอบ

“ก็บ่นปวดหัวไม่ใช่เหรอ?” ผมจ้องใบหน้าตั้งใจอ่านชีทของแมทธิว “กินดักไว้ซะหน่อย เผื่อป่วยวันสอบ”

“อ๋อ...” แล้วเด็กฝรั่งตัวโตก็พาตัวเองหายเข้าไปในครัว พักหนึ่งก็กลับมานั่งลงกับพื้นตามเดิม

เออ ดี ให้เจ้าของห้องนั่งกับพื้นซะงั้น



ผ่านไปพักใหญ่แมทธิวก็ไม่ท่าทีจะให้ผมสอนอะไร แค่เรียกถามตรงที่สงสัยเป็นช่วงๆ แล้วปล่อยให้ผมนั่งอ่านหนังสือสอบของผมไปตามเรื่องราวท่ามกลางความเงียบของเราสองคน

ซึ่งผมหลงรักความเงียบที่ไม่โดดเดี่ยวนี้จนอยากหยุดเวลาไว้เลยล่ะครับ....





.
.
.

ดึกแล้ว

ผมเลิกอ่านหนังสือมาเล่นเน็ตได้สักพัก แมทธิวเริ่มออกลายขี้เกียจ ชะเง้อชะแง้มองผมจนอย่างจะเรียกให้มานั่งๆ ข้างๆ กันซะให้หมดเรื่อง

เอ๊ะ! หรือจะมานั่งข้างในใจพี่แมนก็ได้นะ

อ๋อ... ก็นั่งอยู่ในใจผมอยู่แล้วนี่เนาะ

“ทำอะไรเหรอ?”

“ดูสีผม” ผมเลื่อนหน้าจอเรื่อยเปื่อยพลางตอบแบบไม่มองหน้าแมทธิว มองมากแต่จับต้องไม่ได้ ไม่อยากมอง ฮึ!

“จะทำเหรอครับ?”

“ไม่ล่ะ” ผมส่ายหัว คงต้องรอมีงานทำแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำดีไหม แต่ก็น่าจะทำสีสว่างๆ ไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ

“เหรอ...” แมทธิวค่อยๆ เหยียดแขนและเลื้อยลงกับโต๊ะ ก่อนจะนอนหนุนแขนยาวๆ ตะแคงหน้ามองมาทางผม “ผมทำบ้างดีไหม สีผมเนี่ย?”

แววตาสีสวยสะท้อนแสงจากหลอดไฟเป็นประกายวิบวับ ผมสบดวงตาคู่นั้น และไม่อาจเก็บความรู้สึกหลงใหลนี้ไว้ได้ ไวเท่าความต้องการ มือของผมเลื่อนไปยีผมสีอ่อนแรงๆ อย่างลืมตัว

“โอ๊ย.. โอ๊ยๆๆ ฮ่าๆๆๆ” แมทธิวเอียงหัวหลบ แล้วคว้ามือผมยึดไว้ ใบหน้าคมครบเครื่องมองดูละมุนอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่อาจละสายตาจากแววตาอ่อนโยนคู่นั้นได้เลย


ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือผมไว้อยู่อย่างนั้น…


“ผมอยากมีพี่หรือไม่ก็น้องจัง” มือหนาจับมือของผมไปแนบแก้มของตัวเอง แล้วหลับตาพริ้ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ

“อืม...” ผมรู้ว่ามันมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจจนต้องค่อยๆ ดึงมืออกจากการเกาะกุม “ไม่ให้พ่อกับแม่มีน้องให้”

“...”

บรรยากาศหวานละมุนหล่นวูบ ใบหน้าเปื้อนยิ้มค่อยๆ คลายลงเป็นความเรียบเฉย และนั่นเองทำให้ผมนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า พ่อแมทธิวเป็นเกย์

“ฉันมีพี่ตั้งหลายคน แต่ไม่มีน้องเลย” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวแมทธิวเบาๆ “มาเป็นน้องชายฉันดีไหม?”

“...”แมทธิวช้อนตาขึ้น มันไม่ได้ดูน่ารักโมเอะแบบสาวน้อย แต่ทำให้ผมอยากจะจิกหมอนกรีดร้องด้วยใจที่เต้นรัว เปรียบเทียบเด็กตรงหน้าไม่ต่างกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่ใหญ่แต่ตัว แต่หัวใจมุ้งมิ้ง ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อระบายความร้อนที่ใบหน้า

ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าตอนนี้กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่แล้วน่ะ



.
.
.
ผมละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กไปมองคนที่หนุนแขนตัวเองต่างหมอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา จ้องได้สักพักก็เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นฉุดร่างของผมลงมานั่งจ้องแมทธิวกับพื้นเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

ริมฝีปากแมทธิวบางแบบชาวตะวันตก ผมชอบเวลามันฉายรอยยิ้มเพราะดูอบอุ่น และทำให้คนมองเขินได้ทุกครั้งโดยเฉพาะเมื่อมองมันคู่กับแววตาสีสวยภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่นั้น

ขนตายาวเป็นสีอ่อนเหมือนสีผมและคิ้วของเขา ผมไล่สายตาลงมาที่สันจมูกโด่งเรื่อยลงถึงปลายจมูก

“แมทธิว”

“...”


“แมทธิว” ผมจับแขนแมทธิวเบาๆ กะปลุกให้ตื่น แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ “แมทธิว ตื่นไปนอนในห้องนะ”

“...” เงียบกริบ

หรือว่าผมต้องจุมพิตเขาเหมือนเจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงนิทรา ร่างสูงถึงจะตื่น

จะดีเหรอ ผมก็เขินนะครับ

“...”

ผมมองดั้งแมทธิวด้วยความอิจฉา ของจริงแน่เหรอ ทำไมมันโด่งได้ขนาดนี้

ผมไล้นิ้วชี้ไปตามสันจมูกโด่งนั้นอย่างแผ่วเบา อยากออกแรงกดอีกนิดเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยตัวเองนะ แต่ไม่ดีกว่า กลัวแมทธิวตื่น

นิ้วชี้ผมไล่มาถึงปลายจมูก และหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางสีสดใส ใจผมเต้นแรง ก่อนจะหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น...

“!!!” แมทธิวลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วสบตากับผม

“...” ริมฝีปากนั้นระบายยิ้มบางออกมา ก่อนที่มือของผมจะถูกจับไว้ด้วยมือหนาของคนเพิ่งตื่น “ไปนอนกันเถอะ”

ผมปล่อยให้แมทธิวฉุดร่างผมให้ลุกขึ้น และเดินจูงมือผมเข้าห้องนอน เพราะผมสมองผมมันไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว






.
.
.

I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~
I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~


เสียงโทรศัพท์ดังเป็นรอบที่เท่าไรไม่ได้นับ แนทเงยหน้าจากหน้าจอโน้ตบุ๊กตัวเองมามองผมด้วยแรงอาฆาต ผมหลบตามันด้วยการจ้องไปที่จอโน้ตบุ๊กตัวเอง แต่ไม่ลืมขยับมือไปคว้าโทรศัพท์มาปิดเสียง


ครืด... ครืด... ครืด...

ผมเหลือบมองโทรศัพท์ที่เปลี่ยนจากส่งเสียงร้องมาเป็นสั่น แล้วเหลือบมองแนทที่พับฝาโน้ตบุ๊กด้วยอาการกระแทกกระทั้น ใบหน้าเจ้าสวยพร้อมเหวี่ยงผมทุกเมื่อ

“จะรับก็รับ ไม่รับก็ปิดเครื่องไปสิ”

ครืด... ครืด... ครืด...

ผมมองโทรศัพท์อีกครั้งอย่างลังเลใจ ก่อนจะสบตากลมโตของเพื่อนสนิท

“หรือจะให้กูรับให้ เอาไหม?”

“...” ผมยิ้มหวานแทนคำตอบ ก่อนจะหยิบมันยื่นไปให้ร่างบางตรงหน้า แนทจิ๊ปากด้วยความหมั่นไส้ แล้วกดรับ

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานฟังดูสดใสร่าเริง ต่างกับตอนคุยกับผมที่เอะอะก็ขู่เข็ญค่อนแคะกันตลอด

“แมนเข้าห้องน้ำค่ะ มีอะไรฝากพี่ไว้แทนได้ไหมเอ่ย?.... ได้ๆ เดี๋ยวพี่บอกให้นะคะ”

“น้องว่าไงบ้าง???” ผมรับโทรศัพท์ที่แนทยื่นคืนมาให้

“รับก็ไม่รับ แต่อยากจะรู้นักนะมึง” แนทกอดอก แล้วเชิดหน้ามองต่ำใส่ผม

น้อยๆ หน่อย ทีตัวเองเล่นตัวกับอดีตเดือนวิศวะคนนั้นตั้งหลายปีผมยังไม่แซวมันเลย

ครับ หมอนั่นมันจีบแนทมาตั้งนานแล้ว แต่แม่ผู้หญิงยิงเรือตรงหน้าผมมันเล่นตัวซะจนฝ่ายนั้นต้องมาเซอร์ไพรส์รวบหัวรวบหางที่ตึกคณะผมวันนั้นนั่นแหละ

“แมทธิวบอกว่าเย็นนี้จะมารับไปช่วยซื้อของเป็นเพื่อน”

“เหรอๆ”

“แหม หมั่นไส้” แนทเบะปากใส่ผม “รู้ว่ามึงไม่มีเรียนซะด้วย นี่ถึงไหนต่อไหนกันแล้วเนี่ย?!”

“พี่น้องกัน” ผมยักคิ้วน้อยๆ กะว่าก็น่าจะหล่อพอตัว

แต่อันที่จริง... ผมกำลังหน้าชื่นอกตรมครับ เพราะยังไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อเจอหน้าแมทธิวของผม

ก็เมื่อคืนแมทธิวนอนกอดผมทั้งคืน ไม่รู้ว่าเกิดอยากสร้างความสนิทสนมกับพี่ชายนอกสายเลือดอย่างผมหรืออะไรถึงได้ทำแบบนี้ใส่กัน

ไหนจะก่อนหน้านั้นที่จับได้ว่าผมลวนลาม แต่กลับส่งยิ้มมาให้...

ผมจะบ้า!!! ถ้าไม่พูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้พี่แมนจะเข้าข้างตัวเองแล้วนะครับว่าแมทธิวก็มีใจให้พี่

“โหย อีดารา อีเซเลบริตี้” เสียงด่าของแนทกระชากความคิดผมกลับสู่โลกความจริง

“มึงไปกับกูไหม?”

“ไปเป็นก้างขวางคอมึงหรือไง!!?” ประโยคคุ้นๆ เหมือนผมเคยพูดใส่มัน ผมยิ้ม แล้วยักไหล่ แบบว่า ไอ ด๊อนท์ แคร์





.
.
.

ผู้ชายตัวโต 2 คนยืนอยู่ตรงแผนกเครื่องสำอาง หน้าเคาท์เตอร์ที่มีลิปสติกหลากสีวางเรียงรายให้ทดลองใช้คงจะเป็นภาพที่ประหลาดตาพอสมควรสำหรับลูกค้า และพนักงาน รวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แมทธิวยืนจิ้มโทรศัพท์ ก่อนจะยกมันแนบหู

“ครับแม่ อยู่หน้าเคาท์เตอร์แล้ว...  โอเคครับ”


และสาเหตุที่พาผมมาอยู่ตรงนี้ก็คือ... แถ่แด้น!  แมทธิวมาซื้อลิปสติกให้แม่นั่นเอง

โธ่... นอกจากอบอุ่นแล้วยังเป็นลูกกตัญญู แมทธิวต้องเป็นพ่อที่ดีของลูกแน่ๆ

แต่แมทธิวคงไม่ได้เป็นพ่อคนแล้วเนอะ เพราะผมมีลูกไม่ได้น่ะสิ

“ยิ้มอะไรพี่แมน”

“ป..ปะ...เปล่า” ผมปฏิเสธตะกุกตะกัก ช่วงนี้ยิ่งทำตัวให้โดนจับได้อยู่ด้วย “แล้วทำไมไม่ชวนเพื่อนนายมา?!”

“ชวนแล้ว มันไม่ยอมมากับผมกันสักคน มันบอกว่าอาย”

เออ ดี แล้วไม่คิดว่าพี่แมนอายบ้างหรือไงครับ

“ก็ชวนเพื่อนผู้หญิงสิ” แค่เอ่ยปากก็ตามมาเป็นพรวนอยู่แล้ว ชิชะ

“เออเนอะ ทำไมผมนึกไม่ถึงนะ” แมทธิวหันมายิ้มให้ผม “แต่มากับพี่ก็ดีแล้ว จะได้อยู่เที่ยวด้วยกันต่อ”

ทำมาปากหวาน อย่าให้รู้ว่าเรียกมาถามเรื่องเมื่อวานที่พี่แมนแอบแต๊ะอั๋งตัวเองละกัน

พี่ยังไม่พร้อมจะให้คำตอบหรอกนะว่าทำไปเพราะมีใจให้!
“พี่แมน ฝากถือโทรศัพท์หน่อยสิ” ผมรับโทรศัพท์มาถืองงๆ ก่อนจะมองร่างสูงที่หยิบลิปสติกสีแดงมาทาบอกหลังมือ แล้วหยิบสีแดงตุ่นๆ อีกแทงข้างๆ กันมาทาทีหลัง

“ขอโทรศัพท์หน่อยครับ” ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้แมทธิวอย่างว่าง่าย นิ้วหัวแม่มือกดถ่ายสีลิปสติกบนหลังมือก่อนจะกดส่งไลน์ไป ครู่เดียวก็มีข้อความตอบกลับมา แมทธิวหันไปหาพนักงานที่ยืนรออยู่สักพักแล้วเพียงแต่ผมไม่ได้เอ่ยถึง เพราะในสายตาพี่แมนนั้นมีแต่แมทธิว

“เอาสีนี้แท่งหนึ่งครับ”

“ได้ค่ะ เชิญชำระเงินด้านนี้ค่ะ” คุณพนักงานสาวยิ้มกว้างที่ขายของได้ ก่อนจะผายมือเชิญแมทธิว มือหนาของร่างสูงคว้าข้อมือผม แล้วออกแรงลากให้เดินตาม

“ขอบคุณค่ะ” พนักงานส่งถุงกระดาษเรียบหรูใส่ลิปสติกให้แมทธิว แล้วยกมือไหว้แต่พองาม ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกจากร้าน



“พี่แมน อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?” แมทธิวถามขึ้นขณะเราทั้งคู่กำลังลงบันไดเลื่อนเพื่อไปหาอะไรกิน

“อะไรก็ได้ ฉันไม่ค่อยหิว”

“เหรอๆ งั้นไปหาอะไรเบาๆ กินแล้วกันเนอะ”

“อือ....”


Rrr… Rrr…Rrrrr…

ผมเหลือบมองโทรศัพท์ในมือแมทธิวที่ส่งเสียงร้องกะทันหัน ร่างสูงกดรับแล้วยกมันแนบหู ในขณะที่พากันลงจากบันไดเลื่อน

“ฮัลโหล...” แมทธิวดึงข้อมือผมให้เดินตาม เมื่อเห็นผมชะลอฝีเท้า เพื่อให้เขาคุยโทรศัพท์ก่อน

“อะไรนะ!!? แล้วตอนนี้แก้มอยู่ไหน!?” ผมหยุดเดินความตกใจ เมื่อมือที่กำลังจูงแขนผมกลายๆ ดึงผมให้หยุดเพราะปลายสาย

“....”

“ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวเราไปหา” แมทธิววางสาย ท่าทางดูร้อนรน จนผมต้องจับแขนอีกฝ่ายเบาๆ เผื่อเรียกสติ “...พี่แมน”

“...???”

“เพื่อนผมเพิ่งเลิกกับแฟน โทร.มาร้องไห้หนักมาก”

“...”

“ผมต้องไปดูแก้ม...” สีหน้าแมทธิวเต็มไปด้วยความเป็นห่วงชัดเจน และมันไม่ต่างกับตอนที่เขาคิดว่าผมโดนแนททิ้ง


ผมรู้... ความเป็นห่วงและทุกสิ่งที่เขามีให้กับทุกคนเท่าๆ กัน

เพราะรู้ดี... ถึงได้เจ็บแปล๊บๆ ที่อกเหมือนมีใครมาขยี้หัวใจอยู่อย่างนี้ไง


“ไป...” ผมแกะมือที่จับอยู่ที่ข้อมือผมออก และมันหลุดอย่างง่ายดาย “ไปเถอะ ดูแลเพื่อนด้วย อย่าให้มีผลกับเรื่องสอบล่ะ”


ผมยิ้ม แล้วหมุนตัวเดินไปจากจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่...

ไม่ใช่อะไร มันขวางทางเดินชาวบ้านเขา

แต่หันหลังไปอีกที แมทธิวก็หายไปจากนั้นแล้วนี่สิ...

ทำไมผมชอบลืมอยู่เรื่อยเลยนะว่ายืนอยู่จุดไหน แล้วมีสิทธิ์อะไรบ้าง





.
.
.

“อ้าว พี่แมน”

บังเอิญ โลกกลม พรมเช็ดเท้า!? หายหน้าหายตาไปหลายวัน แต่มาเดินสวนกันหน้าร้านสะดวกซื้อ!?

แมทธิวที่เพิ่งเดินออกมาร้องทักผมที่กำลังจะเดินเข้าไป ผมมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงนั้นเข้าไปข้างในแบบไม่สนใจ

“พี่แมน มาซื้ออะไรเหรอ?” แมทธิวเดินตามกลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนจะฉวยเอาถุงขนมในอ้อมแขนผมไปถือ ผมหันขวับมองค้อน แล้วเดินนำอีกฝ่ายไปคิดเงินที่เคาท์เตอร์

คงไม่ต้องตอบหรอกเนอะว่าพี่แมนซื้ออะไร เพราะมันก็อยู่ในถุงที่แมทธิวถือนั่นแหละครับ

ผมจ้ำออกจากร้านโดนมีแมทธิวเดินขนาบข้าง ร่างสูงเดินตามผมสบายๆ ด้วยความที่ขายาว แถมยังชวนคุยสร้างบรรยากาศอันดีระหว่างกันด้วย

“ไม่เจอพี่แมนตั้งหลายวันแน่ะ สอบเสร็จหรือยังครับ?”

ไม่อยากจะบอก พี่สอบเสร็จก่อนแมทธิวเป็นชาติแล้ว แน่ะ เพิ่งสอบเสร็จวันนี้ล่ะสิ

อ๋อ ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ก็เพราะมันเป็นเรื่องของแมทธิวไง

“อืม...”

“โห พอดีเลย ผมเพิ่งสอบเสร็จวันนี้เอง” ใบหน้าคมเปื้อนยิ้ม ผมเหลือบตามอง ก่อนจะรีบหันก่อนไปมองทางอื่น

กลัวหวั่นไหว แล้วจะทำในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วไม่ลง

“ทำข้อสอบได้ไหม...”

“แน่นอน คนสอนดีนี่นา” พูดพลางหันมายักคิ้วให้ผม ผมยิ้มเฝื่อน ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินมาถึงประตูหน้าหอ แมทธิวผลักประตูให้ผมเดินเข้าไป


Rrr… Rrr… Rrr…

“ฮัลโหล”


นับตั้งแต่วันที่ทิ้งผมไว้กลางห้าง...


“ไปดิ มึงมารับกูด้วย”


ผมก็สงสัยนะ ว่าเขาหายไปไหน


“ไม่ เผื่อเมากูขี้เกียจขับรถกลับหอเอง”


ไม่ว่าเพราะว่ายุ่งๆ เลยไม่มีเวลามาใส่ใจ หรือเพราะผมไม่ได้สำคัญพอที่แมทธิวจะสนใจความรู้สึกกันก็ตาม...


“เออ เจอกันๆ”


แต่เรื่องของเรามาไกลเกินกว่าจะไปต่อได้แล้ว และถึงแม้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกของผมข้างเดียว…


“แมทธิว ฉันเรียนจบแล้ว”

“หืม... โอ้ ดีใจด้วยนะครับ รับปริญญาเมื่อไร ติดต่อมา เดี๋ยวเตรียมหน้าม้าไปให้ เอาดอกไม้ช่อโตๆ เนอะพี่แมน ฮ่าๆๆ”


“แมทธิว...”


“ครับ?”


“ฉันจะย้ายออกพรุ่งนี้”



...ผมก็ควรจะจบมันด้วยตัวเอง







สวัสดีค่า คิดถึงเห็ดกันล่ะสิ คิกคิก :-[  มาเป็นกำลังใจให้พี่แมนกันด้วยนะคะ ผู้ชายอะไรเซ้นซิทีฟเกิ๊นนน... เนื้อเรื่องอาจไปเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แต่หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ค่ะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.8 (28/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-01-2016 16:53:05
หื้มมมมมมมมมมม

ถ้าพี่แมนไม่บอกน้องแมท จะเป็นยังไง???  :ling1:

เปลี่ยนพระเอกแม่มเลยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.8 (28/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 28-01-2016 19:03:29
ชอบพี่แมนอ่ะ ซื่อๆดี 5555555555555
กลัวใจน้องแมท กลัวฮีจะมาหลอกอ่ะ

นิยายสนุกมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.8 (28/1/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-01-2016 20:06:32
กรี๊ดดดดดดดด คุณเห็ด เอามาอีกตอนบัดเดี๋ยวนี้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (2/2/59) แก้คำผิด
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 01-02-2016 17:45:24
Chapter 9 : Epilogue



เสียงโวยวายกลางดึกเงียบสงัดเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดพอสมควรในหอที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ แมนวางโน้ตบุ๊กบนตักไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา และเหลียวไปมองหน้าประตูห้อง

“ไอ้เหี้ย ยืนดีๆ อย่าทิ้งน้ำหนักตัวสิ กูหนัก”

“ฮ่าๆๆ”

“กูบอกแล้วให้ทิ้งแม่งไว้ที่ร้าน ถ้าจะเมาขนาดนี้”

“Who's drunk!? Nooo way!!!”

"ค_ย"

“ฮ่าๆๆ”


เสียงพูดคุยผสมปนเปกันจนจับใจความไม่ได้เลยว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร แต่ที่แน่ๆ แมนมั่นใจว่าไอ้เสียงตะโกนภาษาอังกฤษไม่น่าจะเป็นของใครนอกจากเด็กฝรั่งข้างห้องเขา


แกร๊ก!

“พี่....” หน้ามึนๆ ของลูกครึ่งหัวเกรียนหันมาเห็นเขาเป็นคนแรก อังเดรพยายามนึกชื่อรุ่นพี่ที่เคยเลี้ยงข้าวตัวเอง แต่มันก็ติดอยู่ที่ปาก คงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองทำงานได้ไม่ดีนัก

“พี่แมน หวัดดีครับ” ส่วนเด็กหนุ่มหน้าตี๋คนนี้นี่ก็หน้าแดงแจ๋เหมือนก้นลิงเชียว

“Hi!” แมทธิวส่งสายตาฉ่ำน้ำมาให้เขา พร้อมร้องทักด้วยเสียงแหบพร่า

แต่ละคน อย่างกับไปนอนแช่แอลกอฮอล์…

“ไปไหนกันมา!?” แมนหันไปถามนนท์ที่น่าจะคุยด้วยรู้เรื่องที่สุด แต่แทนที่จะได้คำตอบ กลับถูกแทรกด้วยคำถามของอังเดรที่ร้องถามเพื่อน

“ตกลงกุญแจห้องมึงอยู่ไหนเนี่ย!!?” หางคิ้วแมนกระตุกน้อยๆ หนุ่มรุ่นพี่เฝ้าบอกตัวเองในใจ

อย่าถือคนบ้า อย่าคนเมาโว้ย

“นนท์”   

“ครับ” คนพูกเรียกยืนตัวตรงเด๊ะ แถมยังตะเบ๊ะแสดงความเคารพ ทิ้งอังเดรให้ประคองแมทธิวคนเดียว

เด็กนนท์นี่ก็เวอร์เกิน...

“ให้แมทธิวเข้ามานี่ก่อน” แมนเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วส่งสายตาบอกให้อังเดรพาเพื่อนตัวเองเข้าในห้อง ร่างสูงไม่ถึงกับไร้สติ ยังพาตัวเองเดินตุ้มปั๊ดตุ้มเป๋เข้ามานั่งบนโซฟาได้



“ไปไหนกันมา?”

“กินเหล้าฉลองจบปีหนึ่งครับ” นนท์ตอบ แล้วยิ้มกว้างเห็นฟันเรียงกันครบทุกซี่ในปาก แมนกระตุกยิ้มมุมปาก

รีบกันจริงนะเด็กพวกนี้ เดี๋ยวเกรดออกรู้เลย!

“แล้วจะกลับกันยังไง?” ที่ถามเพราะเห็นว่าสภาพแต่ละคนเมาแอ๋ไม่ต่างกันเท่าไร อันตรายมากถ้าให้คนใดคนหนึ่งขับรถกลับบ้าน

“บอสรออยู่ข้างล่าง มันไม่เมาเท่าไร อึก” อังเดรตอบ แถมด้วยสะอึกปิดท้าย แมนพยักหน้าส่งๆ ก่อนจะเหลือบมองร่างสูงบนโซฟา

“แมทธิวทิ้งไว้นี่ก็ได้” แมนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย นนท์พยักหน้าเห็นดีเห็นงาม ก่อนจะยกมือท่วมหัวไหว้ลาเขา

“งั้นผมกลับละพี่”

“อืม” แมนกอดอกแล้วพยักหน้ารับ มองสองร่างที่ส่วนสูงต่างกันเป็นช่วงตัวเดินออกจากห้องตัวเองไป



แมนหันกลับมาจ้องใบหน้าที่แดงน้อยๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าเรียวไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่แววตากำลังฉายแววสับสน

ว่าจะไม่ยุ่งด้วยแล้วเชียว...

ความจริงแมนไม่จำเป็นต้องรีบย้ายออกก็ได้ เขายังติดสัญญาเช่าอีกประมาณเดือนหนึ่ง เพราะตอนแรกตั้งใจจะหางานให้ได้ก่อนแล้วค่อยย้ายออก แต่เขาก็จำต้องรีบไป...

เขาไม่อยากจะอยู่นานไปกว่านี้เพื่อรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญไปกว่าคนอื่นๆ ในชีวิตของร่างบนโซฟา...

ยิ่งไปกว่าการไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด คือการทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง... หากวันหนึ่งที่เขาเก็บความรู้สึกที่นับวันยิ่งเอ่อล้นไว้ไม่อยู่

ได้เห็นอีกหลายมุมของคนที่เราชอบก็ยิ่งยากที่จะถอนตัว มีแต่จะเข้าใกล้มากไปอีกเรื่อยๆ


แต่แมทธิวสว่างเหมือนแสงไฟ ยิ่งเข้าใกล้เขาเองนี่แหละจะถูกเผา... และเราก็ไม่มีวันมาบรรจบกันได้


เพราะฉะนั้น แมนะจะหยุด... เพื่อตัวเองและคนที่เขารัก

ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว ขอให้เหลือแต่ความทรงจำดีๆ ระหว่างเขากับแมทธิวก็พอ...


“แค่กๆ” ร่างสูงปรือตาสบตากับแมน ดึงเขาให้ออกจากวังวนความคิดสู่ความเป็นจริงที่มีคนเมาหนึ่งคนนั่งอยู่ในห้อง แมนคลายปมที่หัวคิ้วแล้วปล่อยมือที่กอดอก ก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อไปเอาน้ำเปล่ามาให้แมทธิวดื่ม


ช่างเถอะ... สร่างเมาเดี๋ยวเขาก็ไปแล้ว





แมทธิวหลับตาลง แล้วหนุนหัวกับพนักพิงโซฟา ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนึกถึงใบหน้ายามแสดงอารมณ์อย่างหลากหลากหลายของคนที่เดินหายเข้าไปในครัว

ใบหน้าเรียวนั้นมักจะเรียบเฉย แต่ก็มีบางทีที่ฉายรอยยิ้มออกมาน้อยๆ ด้วยสาเหตุที่แมทธิวไม่อาจทราบได้ บางครั้งดวงตาเรียวนั้นก็ทำเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และมีบ้างบางเวลาที่มันเก็บซ่อนความหงุดหงิดที่เจ้าตัวมีไว้ไม่มิด

ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาชอบมอง และคอยลุ้นว่าร่างโปร่งนั้นจะแสดงสีหน้าแบบไหน


“แมทธิว” เสียงนุ่มๆ ที่ชอบใช้เรียกชื่อเขาดังขึ้น และมันยากสำหรับคนเมาอย่างแมทธิวที่จะแยกว่าเสียงนั้นมาจากความจริง หรือเป็นเพียงความฝัน

ร่างสูงปรือตามองด้วยความมึนเมาและผงกหัวขึ้นมอง

อยู่ตรงนั้น... ร่างของแมนอยู่ตรงหน้าเขา กำลังถือแก้วใส่น้ำเปล่าเดินตรงมาทางนี้

“กินน้ำซะหน่อย” ร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับยื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าแมทธิว

...ดูอย่างตอนนี้สิ แววตาพี่แมนดูสับสน... ใครทำพี่แมนของเขาเป็นแบบนี้นะ แววตาพี่แมนควรเต็มไปด้วยความสุขและประกายของความเพ้อฝันสิ


ริมฝีปากบางของแมทธิวกระตุกยิ้มเมาๆ ขึ้นมา เขายื่นมือไปข้างหน้า ทาบลงบนมือของแมนที่ถือแก้วน้ำ

“เอ่อ...”

...แล้วดูอย่างหน้าพี่แมนตอนนี้สิ ตกใจจนปิดไม่อยู่


แมทธิวออกแรงบีบมือบนแก้วน้ำมากขึ้น แมนสะดุ้งตัวโยน และปล่อยแก้วหลุดจากมือ

ไม่ใช่เพราะแรงบีบบนมือ... แต่เป็นเพราะแววตาสนุกและรู้ทันของแมทธิวต่างหาก


ซ่า!

โชคดีที่แก้วไม่แตกแต่น้ำหกนองเต็มพื้น แมนหลุบตามองน้ำที่พื้น เรื่อยขึ้นมาถึงมือหนาที่ยืดมือของเขาไว้ และหยุดลงที่นัยน์ตาสีประหลาดของแมทธิว

หนุ่มรุ่นพี่จ้องลึกในดวงตาคู่นั้นอย่างลองเชิง แมทธิวฉายรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างชัดเจน แต่แมนไม่สามารถคาดเดาความหมายของรอยยิ้มนั้นได้

ร่างบนโซฟากระชากมือของแมนอย่างแรงจนขยับเข้ามาใกล้ และกระตุกอีกทีจนอีกฝ่ายเสียหลักทรุดลงนั่งบนตักของแมทธิว ดวงตาคมหรี่มองแววตาตระหนกของร่างบนตัก แล้วยกยิ้มพอใจ

กลิ่นหอมหวานเหมือนผลไม้อันเป็นกลิ่นประจำตัวของพี่แมน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเสพติดมัน มือหนายกฝ่ามือในการเกาะกุมขึ้นแตะปลายจมูกตัวเอง สูดกลิ่นหอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนมือนั้นเบาๆ


ราวกับเกิดกระแสไฟฟ้าแล่นปล๊าบไปทั่วกาย ร่างของแมนสั่นสะท้าน สมองสั่งการให้ชักมืออกเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าช้าไปกว่าการกระทำของแมทธิวเพียงเสี้ยวเดียว


ริมฝีปากบางส่งลิ้นลิ้มลองสัมผัสเนียนบนนิ้วเรียว มืออีกข้างโอบเอว ล็อคให้ร่างของแมนอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากพรมจูบไปยังหลังมือ และแขนขาว

“แมทธิว!” แมนชักแขนห่างจากริมฝีปากนั้น และขืนตัวออก ร่างสูงไม่พอใจเท่าไรที่ถูกขัด จึงออกแรงกดแมนให้ชิดเข้ามายิ่งกว่าเดิม แล้วดันใบหน้าเรียวให้แนบกับแผ่นอกแกร่งของเขา แล้วซุกจมูกโด่งลงกับซอกคอที่มีปรอยผมปรกอยู่ประปราย

อยากทำแบบนี้มานาน แต่มีบางอย่างที่บอกแมทธิวว่าทำไม่ได้

เหตุผลของการกระทำ คอยยั้งใจแมทธิวอยู่เสมอ

แอลกอฮอล์ปลุกจิตใต้สำนึกส่วนเลวของคนในตื่น ทุกการกระทำล้วนเป็นไปตามสัญชาตญาณ...

ความต้องการของแมทธิวกำลังได้รับการตอบสนอง เขาประทับริมฝีปากลงบนซอกคอหอมกรุ่นนั้น กัดชิมผิวกายไปทั่วร่างของคนบนตัก


มือหนาอยากสัมผัสความเนียนลื่นมือมากกว่าที่ได้รับจากแขนเรียวที่มีเส้นเอ็นพอสมควร...


ไวเท่าความต้องการ เขาแทรกมือเข้าไปในเสื้อยืดย้วยๆ ของแมน ลูบไล้หน้าท้องที่มีมัดกล้ามเนื้อเบาบาง

“แมทธิว!!!” แมนตะโกนออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก

เขากลัว... นี่ไม่ใช่แมทธิวที่แมนรู้จัก

“แมทธิว!! ตั้งสติ!!! โอ๊ย!!!” แมนงัดตัวเองออกจากอ้อมกอดแน่นหนา ก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อผิวบริเวณไหปลาร้าถูกขบกัดและดูดเม้มอย่างแรง ไวกว่าสมอง สัญชาตญาณสั่งให้แมนเอื้อมมือไปกระชากผมแมทธิวแรงๆ ให้ร่างสูงหยุดการกระทำ

“....”

ได้ผล... แมทธิวหยุดชะงักและเงยหน้ามองเขา... ด้วยแววตาของนักล่า

มันดุดัน ต้องการ และเอาแต่ใจ

อ้อมแขนของแมทธิวคลายออก แม้เพียงนิดเดียวแต่ก็เป็นโอกาสของแมนที่จะพาตัวเองออกจากสถานการณ์อันตรายนี้ ร่างโปร่งดึงคอเสื้อที่ยืดย้วยลงมาถึงไหล่ให้อยู่ในสภาพเดิม และถอยหลังมาตั้งหลัก สายตายังจ้องมองแมทธิวอย่างหยั่งเชิง

และทันทีที่แมนธิวลุกขึ้นยืน แมนก็ออกตัววิ่งตรงดิ่งไปยังห้องนอนทันที


แต่คนธรรมดาอย่างแมนหรือจะสู้คนเมาและขายาวอย่างแมทธิว ร่างสูงโอบแขนข้างหนึ่งรอบเอวแมนและกระชากมันอย่างแรงจนแมนเซมาชิดแผ่นอกแกร่ง ก่อนแมทธิวจะจรดริมฝีปากลงบนใบหู พลางวางมืออีกข้างที่ว่างตรงหว่างขาแมน

บริเวณเป้า...

ไม่มีใครพูด แต่แมนกลับได้ยินว่า ‘หยุดนะ ไม่งั้นตัวประกันเจ็บตัวแน่’ ดังอยู่ในหัว แมนปล่อยมือที่ลูกบิดประตู และยืนนิ่งๆ ให้แมทธิวลูบคลำ ทั้งๆ ที่หัวใจไม่นิ่งเลยสักนิด….มันเต้นถี่รัว เหมือนจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

...ลมหายใจของแมนก็เริ่มไปไม่เป็นจังหวะ เพราะลมหายใจร้อนๆ ผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ที่รดอยู่ตรงต้นคอ



แกร๊ก!

แมทธิวใช้ไหล่ตัวเองดันประตูห้องเบาๆ มันเปิดออกอย่างง่ายดาย แมนเบิกตากว้าง หัวใจที่เต้นระส่ำร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น เมื่อร่างสูงค่อยๆ ดันตัวเขาให้เดินเข้ามาในห้อง และแม้ว่าเขาจะขืนตัวแค่ไหนก็สู้แรงร่างที่มีแต่มัดกล้ามเนื้อของแมทธิวไม่ได้

แม้ว่าเขาจะเก็บของออกเกือบหมดแล้ว แต่ไม่ใช่กับรูปแมทธิวบนผนังห้อง... แมนรู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้

จะให้แมทธิวเห็นรูปตัวเองในห้องนี้ไม่ได้!!!

แมนอาศัยทีเผลอที่ริมฝีปากบางอ่อยอิ่งอยู่ตรงติ่งหูของเขา ผลักแมทธิวออกสุดแรงแล้วมองหาทางหนีทีไล่

จะทำยังไงดีๆๆ!?



ฟรึ่บ!!!

“แมทธิว!!!” เสียงพี่แมนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อแมทธิวผลักร่างโปร่งนั้นลงกับเตียง แล้วตามไปคร่อมทับ

เขาไม่ชอบหรอกนะ เวลาที่รอยยิ้มพี่แมนหายไป กว่าจะได้เห็นมันยากเย็นแสนเข็ญจะตาย แถมแมทธิวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายยิ้มเพราะอะไร...

แต่มาขัดขืนซ้ำๆ ซากๆ แมทธิวก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“แมทธิว!!! จะบ้าหรือไง?!! นายลืมไปแล้วเหรอ นายเกลียดเกย์นะ”

ใช่... เขาเกลียดเกย์ โดยเฉพาะเกย์ที่ชอบมายุ่มย่ามกับเขา น่ารำคาญและน่ารังเกียจที่สุด

พระเจ้าสร้างชายและหญิงให้เกิดมาคู่กัน แล้วคนพวกนั้นยังกล้าทำในสิ่งที่จัดต่อพระเจ้าอีกเหรอ!!?

ที่สำคัญ ไม่ใช่เพราะเกย์หรือไงที่ทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บ...

คนๆ นั้นทำให้แม่เขาต้องเจ็บ... มันสมควรแล้วหรือ?!

“แมทธิว นายเกลียดเกย์นะ อย่าลืมสิ...” น้ำเสียงของแมนอ่อนลง แมทธิวส่งยิ้มบางให้ และส่งแววตาเป็นประกายวิบวับ


ใช่ เขาเกลียดเกย์ แต่พี่แมนไม่ใช่เกย์นี่....

คิดแค่นั้นแมทธิวก็ตะโบมจูบ ลิ้มลองรส และสัมผัสที่โหยหา แมนดิ้นรนด้วยความกลัว มือทั้งสองข้างทั้งจิกและดึงทึ้งกลุ่มผมของร่างที่คร่อมตัวเอง

ผัวะ!!!

และปล่อยหมัดลงบนใบหน้าของแมทธิวเมื่อได้โอกาส

แมทธิวที่โดนชกหน้าสะบัด หันกลับมาจ้องเขาด้วยแววตาวาวโรจน์

สองสายตาสบกัน... และมันนานพอที่แมนจะส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านสายตาของเขาถ้าอีกฝ่ายจะรับรู้มันสักนิด

“โอ๊ย!!! โอ๊ะ โอ๊ย อึก...”

แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น เมื่อสิ่งที่แมนได้รับกลับมาคือการกระทำอันไร้สติตามเป็นสัญชาตญาณ....เหมือนเดียรัจฉานที่ไร้สามัญสำนึก

ก็แค่ถูกข่มขืน ผู้ชายคนหนึ่งจะไปเสียหายอะไร

บางครั้งช่วงชีวิตสักช่วงของเราก็เหมือนกับฉากหนึ่งในนวนิยายนิยายสักเรื่อง...

และแมนก็สงสัยเหลือเกินว่าสิ่งที่เขากำลังเจออยู่นี่มันมาจากนิยายเรื่องไหน





.
.
.

แต่เพราะชีวิตจริงยังไงก็ไม่ใช่นิยาย... ฉากต่อมาหลังการร่วมรักจึงไม่ได้มีพระเอกนอนเคียงข้าง ตระกองกอดแต่อย่างใด...

แผ่นหลังกว้างของแมทธิวที่นั่งอยู่ปลายเตียงคือสิ่งที่แมนเห็ดจากเพดานห้องหลังจากที่ลืมตาตื่นคืนมา ร่างสูงของรุ่นน้องนั้นกำลังเท้าศอกกับต้นขา และรอบตัวมีแต่ความเงียบ

สายไปสินะ...    

แมนรวบรวมสติและความอดทนบังคับให้ตัวเองขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บแปลบแล่นจากส่วนล่างไปทั่วทั้งร่างกาย เขาไม่อยากจะจินตนาการด้วยซ้ำว่าร่างกายภายใต้ผ้าห่มของเขาจะยับเยินขนาดไหน

“แมทธิว” มือสั่นๆ ของแมนยื่นไปข้างหน้า พร้อมกับเสียงเรียกอันแหบพร่าน่าอดสู

แผ่นหลังนั้น... ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน

“!!!” ทันทีที่มือเรียวแตะลงบนบ่าของแมทธิว ร่างสูงก็ปัดมือแมนทิ้ง ก่อนจะผุดลุกขึ้น แล้วเงื้อหมัดขึ้นมา...

“...”

“...” ร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงยีนส์และเปลือยท่อนบนชะงักมือไป โดยที่หมัดแข็งแรงห่างกับหน้าแมนแค่คืบ แมทธิวกัดฟันกรอด จ้องตากับแมนอยู่นาน

“ขอโทษ” เสียงระโหยโรยแรงของแมนที่ แมทธิวได้แต่กัดฟันให้แน่นไปอีกจนเห็นสันกรามนูนเป็นแนวชัดเจนเพื่อข่มใจ...

มือหนาผลักไหล่แมนอย่างแรง ก่อนจะคว้าข้าวของตัวเองที่กองอยู่ตามพื้น แล้วเดินออกจากห้องไป

ริมฝีปากของแมนขยับเบาๆ คล้ายกับอยากจะพูดอะไร แต่ก็ทำได้แค่มองแมทธิวเดินจ้ำออกจากห้อง

แม้ร่างสูงจะเดินออกไปเร็วแค่ไหน แต่ภาพตอนที่แมทธิวเดินจากไปมันช่างเชื่องช้าเหลือเกินในสายตาแมน... ราวกับต้องการให้เขาจดจำมันให้นานที่สุด


ฉากสุดท้ายของเรื่องราวระหว่างเขากับแมทธิว....





.
.
.

รถญี่ปุ่นสีขาวมุกจอดรอรถยุโรปที่แล่นสวนเข้ามาบริเวณทางเข้าหออันคับแคบเกิดกว่ารถสองคันจะวิ่งสวนกันได้ แนทเบนสายตาจากรถหรูคันนั้นมายังร่างของเพื่อนสนิทข้างๆ ก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือ

“แมน ไม่ไปหาหมอจริงๆ เหรอ?” แนทเอื้อมมือไปคว้ามือร้อนจี๋เพราะพิษไข้ของแมนมากุมไว้ พลางใช้ดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตามองเพื่อนด้วยความห่วงใย แมนส่ายหัวช้าๆ พร้อมส่งยิ้มฝืนๆ ให้เพื่อน

“แล้วมึงจะบอกเฮียกับเจ๊ไหม?”

“ไม่...”

“แต่ถ้ามึงกลับบ้านทุกคนก็ต้องรู้อยู่แล้วนะแมน”

“กูยังไม่กลับ...” แมนวางมือทับมือของแนทที่กุมกำลังมือเขาอยู่ “กูไม่ได้อาการหนักขนาดนั้น จะร้องไห้ทำไม?”

“แนท...” สารถีที่ทำตัวเป็นธาตุอากาศมานานส่งเสียงแทรกขึ้น แนทละสายตาจากแมนไปสบตากับก้องผ่านกระจกมองหลัง  “ให้แมนไปนอนห้องเราก่อนก็ได้”

“...มันจะรบกวนแกไปไหม”

“ไม่หรอก...” ก้องเบนสายตามาสบตากับแมนที่มองกระจกอยู่แล้ว “ไม่ต้องเกรงใจนะแมน เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนผมน่ะแหละ”

“เอางั้นนะแมน” แมนมองใบหน้าคลายกังวลของเพื่อนแล้วก็จำใจพยักหน้า แนทยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะส่งสายตาขอบคุณ และเชื่อใจไปยังหนุ่มคนรัก

ดีใจที่แนทได้เจอคนที่ดี... คนที่ดูแลเพื่อนเขาได้

ถูกแล้วที่ผู้ชายดีๆ ต้องคู่กับผู้หญิงสักคน... เหมือนเจ้าชายต้องคู่กับเจ้าหญิง



และนับจากนี้ก็ถึงเวลาที่ตัวประกอบอย่างแมนจะไปจริงๆ ซะที





.

.

.


END



















ล้อเล่นค่ะ



เดี๋ยวมาต่อนะคะ อาจจะไม่ตรงใจใคร แต่หวังว่าจะชอบกันค่ะ ขอบคุณที่ยังอ่าน และคอยเมนท์กัน ติชมได้เหมือนเดิมน้าา ด้วยรัก จากเห็ดหอม

ปล. แอบมาแก้คำผิดเบาๆ ตกใจกับคำก่นด่าน้องแมทมากมาย ฮ่าๆๆ เรื่องนี้ใสๆ แน่นอนค่ะ เห็ดแต่งดราม่าไม่เป็น แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-02-2016 17:52:22
 :a5: ตอนอ่านชื่อตอน

ฮือออออ แมทธิวนิสัยไม่ดีมากมาย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-02-2016 20:11:26
 :L2: :pig4:
เฮือกกก
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2016 20:44:35
เฮ้อออ อีแมทธิว ทำไรแมนเนี่ยะ เกลียดเกย์แต่ทำแมนเพื่อ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 01-02-2016 20:59:40
ตรงลงยังไงกันแน่แมททิว....ทำแบบนี้มารับผิดชอบพี่แมนด้วยนะ ... :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-02-2016 21:51:34
แมทธิวเข้าใจว่าอะไรคะลูกกกกกกกกกกกก
หนูนั้่นแหละขืนใจเค้า พี่แมนเค้าสู้แล้ว
จะโมโหไปเพื่อ?  :z6:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 01-02-2016 23:23:58
อ่า...แกข่มขืนเขานะได้ข่าว

แล้วจะออกอาการแบบนี้เพื่อ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-02-2016 23:42:32
นังแมทธิว นังเกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 02-02-2016 04:15:22
โธ่ พี่แมน  :o12:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-02-2016 13:12:14
เหมือนจะรัก แต่เหมือนจะแกล้ง ปมในใจทำให้เป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ อดีตของคนเราแก้ไขไม่ได้
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.9 (01/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-02-2016 14:46:43


เอ่อ... มันยังไม่จบใช่ไหมคะ?
คือถ้าตัดจบตอนนี้ เนื้อเรื่องจะย้อนแย้งกับชื่อเรื่องในบัดดลเลยนะเอ้า
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
(หวังว่าจะมีอีกนะ...สงสารแมน)  :mew6:


หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 08-02-2016 10:06:09
Chapter 10 : Then, He finally found out.




“อึก... ผมกลับก่อนนะเจ๊” เสียงอ้อแอ้ของชายหนุ่มอายุครึ่งห้าสิบดังขึ้นกลางโต๊ะ ผู้หญิงวัยกลางคน อายุอานามห่างกับแมนเป็นรอบผู้ถูกเรียกว่า ‘เจ๊’ หันมามองใบหน้าเรียวขึ้นสีเลือดฝาดของแมนด้วยความสงสัย

“แกมากับหวานไม่ใช่เหรอ?! หวานมันยังไม่กลับเลย แล้วจะกลับยังไง?”


แน้ ยังจะมาถามให้แมนต้องตอบอีก ไม่เห็นเหรอ ลิ้นพันกันขนาดนี้ กว่าจะออกมาเป็นประโยคมันยากนะ


“โบกแท็กซี่เอา”

“เอางั้นเหรอ งั้นดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน” เจ๊แจงพยักหน้าให้เขาส่งๆ ก่อนจะหันไปบอกให้ผู้ ร่วมโต๊ะคนอื่นๆ “ส่วนพวกเรา ไม่เมาไม่เลิก แฮงก์ได้ ออฟฟิศเปิดบ่ายค้า  กรี๊ดดดด!”

“เฮ้!!! / เย้!!!” ทุกคนขานรับด้วยอย่างเฮฮา แมนมองภาพตรงหน้าด้วยอาการหมดคำพูด


เล่นไปด๊าย... ไม่ดูอายุอานามกันเลยแต่ละคน


“งั้นผมไปแล้วนะ” แมนคว้ากระเป๋ามาสะพาย สียงเพื่อนร่วมบริษัทดังล่หลัง


“กลับดีๆ นะน้องแมนของพี่”

“โชคดีค่ะเฮียแมน”

“เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”

“อืม” แมนโบกมือลา แล้วพาร่างตัวเองเดินสะโหลสะเหลออกจากร้านอาหาร แขนเรียวของเจ้าตัวถูกยกขึ้นมาดม


อื้อหือ กลิ่นเหล่านี่หึ่งอย่างกับไปนอนอาบมา


ดวงตาเรียวแบบชาวไทยเชื้อสายจีน แต่มี 2 ชั้นอย่างไม่น่าเชื่อกะพริบถี่ๆ สู้แสงไฟจากริมทาง รถคันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านไปบนถนน แต็ยังไม่มีวี่แววของแท็กซี่

ไปส่งรถกันหมดหรือไง ทำไมไม่มาสักทีโว้ย ไม่เห็นเหรอว่าพี่ขาไม่มีแรง แถมตาก็จะปิดอยู่แล้วเนี่ย...

...เดี๋ยวก็นอนมันบนฟุตบาทให้รู้แล้วรู้รอดซะนี่


“พี่แมน?”


หือ!?

“พี่แมน!?” คนถูกเรียกหันไปตามต้นเสียง


นั่นมัน... ร่างสูงที่ทำให้เขาผวาตื่นมากว่า 3 ปีอยู่ตรงนั้น!


นี่บอกแมนที ว่าที่เพิ่งกินเข้าไปน่ะเหล้า เขาไม่ได้ไปเสพยาที่ไหนมาใช่ไหม!!?

แล้วทำไมถึงเห็นภาพหลอนออกมาเป็น 3 มิติเลยล่ะวะ!?


“พี่แมน!!?”


รู้แล้วว่าชื่อแมน จะเรียกซ้ำทำไมนักหนา

...เรียกมากๆ ชักเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วนะ!




มือหนาเอื้อมไปคว้าแขนของคนที่ก้าวถอยหลังหนีเขาไปหนึ่งก้าว นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวจ้องมองใบหน้าคนมองด้วยความรู้สึกหลากหลาย

โกรธ? แปลกใจ!? รู้สึกผิด!?


คิดถึง!!?



แมทธิวค่อยๆ เลื่อนมือตัวเองจากท่อนแขนของแมนมายังมือนิ่ม แมนมองตามอย่างมึนงง ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบตาเขา

น้ำใสๆ ที่คลอหน่วยตาของแมนทำให้หัวใจแมทธิวถูกก่อกวนอีกครั้ง...


แม้ว่าอันที่จริงนับจากวันสุดท้ายของการเจอกัน ร่างสูงก็ไม่สามารถทำใจให้นิ่งได้อีกเลยก็ตาม


“...”

“...”

“...!?” แมทธิวรับร่างที่โผกอดตัวเองจนเต็มแรงด้วยความตกใจเล็กน้อย ไหล่กว้างรองรับใบหน้าของแมน ก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ว่าร่างโปร่งนี้ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่เขา

“พี่แมน!!?”




.
.
.
แมทธิวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หยิบเสื้อยืดที่พาดบนบ่ามาสวม แล้วทรุดลงนั่งบนเตียง สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของแมน โดยเฉพาะตรงริมฝีปากของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่อมยิ้มน้อยๆ

เขาจำได้ว่าชอบรุ่นพี่คนนี้แค่ไหน จนวันที่แมทธิวเห็นรูปตัวเองแปะอยู่เต็มผนังห้องนอนของแมน

หลากหลายอารมณ์เกิดขึ้นในตอนนั้น สิ่งที่แรกที่แมทธิวรู้สึกคือ เขาโกรธ...

โกรธที่เหมือนถูกหลอกตลอดเวลาที่รู้จักกัน…

แต่สิ่งที่เขาทำกับพี่แมน... แน่นอน มันเป็นความผิดของเขาเพราะความเจ็บบนใบหน้า และรอยแผลบนตัวก็เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ารุ่นพี่ที่รักของเขาคงไม่ได้สมยอมเท่าไร


‘ฉันจะย้ายออกพรุ่งนี้’


แมทธิวไม่คิดว่านั่นจะเป็นคำบอกลา ก่อนที่พี่แมนจะหายไปจากชีวิตของเขาอย่างไร้ร่องรอย

ติดต่อไม่ได้ ไม่อาจรับรู้ความเป็นไปของคนๆ นั้นอีก

ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเหมือนมีอะไรตกตะกอนในใจ และแมทธิวไม่สามารถเอามันออกไปได้สักที



แมทธิวทิ้งตัวลงนอนตะแคงเข้าหาแมน มองเสี้ยวใบหน้าเนียนตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองมือเรียวที่วางหงายอยู่…

ชายหนุ่มรุ่นน้องค่อยๆ วางมือใหญ่ของตัวเองลงบนฝ่ามือนั้นเพราะกลัวแมนจะตื่น ก่อนจะกระชับการเกาะกุมให้สองมือประสานกันแนบแน่น

แมทธิวไม่รู้ว่าตะกอนที่อยู่ในใจตลอดเวลามันคืออะไร แต่มันหายไปเมื่อเขาเจอกับแมนวันนี้


เขาดีใจจริงๆ ที่ได้เจอพี่แมนอีกครั้ง...




.
.
.
“เฮือก” แมนลืมตาโพลงขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ พ่นลมหายใจออกอย่างโล่งอก

แค่ฝันไปสินะ...

“...” ...ทำไมอยู่ๆ ถึงฝันขึ้นมากันล่ะเนี่ย

“อื้ม...” แมนส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวตะแคง “!!!”


แมทธิวนอนอยู่ตรงหน้าเขา!!!

ฝันซ้อนฝันงั้นเหรอ!?


“...” ใบหน้าแมทธิวจะต้องมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างกับมือของแมนแน่ๆ มือข้างเขาถึงไปงางแปะอยู่บนใบหน้านั้นได้


แมนลากมือลูบไล้แก้มนั้นเบาๆ เรื่อยมาจนถึงสันกรามหยาบมือเพราะไรหนวด

ฝันดีจังเลย...


หมับ!

“เฮ้ย!” แมนร้องขึ้นเสียงดังเมื่อมือของตัวเองถูกทาบด้วยมือใหญ่ของแมทธิว


“พี่แมนเป็นอะไร?!” แมทธิวลุกขึ้นนั่งตามแมนที่อยู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง ใบหน้าของหนุ่มรุ่นพี่เหวอหนักจนเขาแทบหลุดขำ แต่ก็ต้องกลั้นมันไว้ ร่างสูงขยับตัวเข้าไปใกล้ และวางมือบนบ่าแมน


เพี๊ยะ!!!


ใบหน้าของหนุ่มรุ่นน้องสะบัดตามแรงตบ อยากจะโกรธที่อยู่ๆ ก็โดนตบแบบไร้สาเหตุ แต่พอหันกลับมาเห็นแววตาของแมน... เขาก็รู้ว่าแมนมีสิทธิ์ทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ


“ไม่ใช่ฝัน!!?”

“ครับ!?”

“...” แววตางุนงงผสมความอึ้งเบาๆ ของแมนทำให้แมทธิวต้องจับไหล่ของเจ้าตัวให้หันมาคุยกัน “พี่คิดว่าตัวเองฝันอยู่งั้นเหรอ!?”

“...” แมนหลบตาแมทธิว ด้วยการแกล้งเสมองไปทางอื่น
...แต่ไม่นานสายตาแมนก็ต้องเบนกลับมาสนใจมือของตัวเองที่ถูกยกขึ้นโดยคนที่นั่งตรงข้าม



แมทธิวจับมือแมนมาวางทาบบนอกเยื้องไปทางซ้าย ใบหน้าคมต้องแสงสีส้มนวลจากโคมไฟมองดูละมุนจนดึงดูดให้แมนต้องจ้องอยู่อย่างนั้น

“ที่พี่จับอยู่คือร่างกาย แล้วที่มันกำลังเต้นอยู่ก็คือหัวใจผม...”

“...”

“พี่ยังคิดว่าพี่ฝันอยู่หรือเปล่า?”

“...”

“...”

“...”

แมนชักมือกลับ แมทธิวลุกขึ้นไปเปิดไฟจนทั้งห้องสว่าง แมนมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหันไปตามเสียงพูดของแมทธิว

“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ”


“กระเป๋าฉันอยู่ไหน?” แมทธิวชะงักร่างที่ถือแก้วน้ำของตัวเองเมื่อหมุนตัวมาเจอแมนยืนอยู่ข้างหลัง ร่างของแมนในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัวบาง กับกางเกงยีนส์ซีดๆ จ้องหน้าเขานิ่งๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“บนโซฟาครับ” แมทธิวมองเลยจากห้องครัวไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินนำไปหยิบกระเป๋า แมนเดินตามร่างสูงของรุ่นน้องไปติดๆ ก่อนจะรับกระเป๋ามาถือ แล้วเดินตรงไปยังประตู

“พี่แมน!”

“...!!!” แมนไม่ฟังเสียงเรียก มือเรียวเปิดประตูออกสุดความกว้าง ก่อนจะชะงักไปด้วยความช็อก


...มันจะเหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว

ก็ถ้าห้องเขาจะอยู่ตรงข้ามห้องแมทธิวขนาดนี้



“พี่แมน จะกลับแล้วเหรอ?” แมทธิวขยับร่างตัวเองเข้าไปใกล้แมนที่ยืนนิ่งค้างอยู่หน้าประตู แมนหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างชัดเจน หนุ่มรุ่นน้องยิ้มขำใบหน้านั้นอย่างควบคุมไม่ได้ มือหนาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ก่อนจะตรงไปหาแมน “เดี๋ยวผมไปส่งละกันนะ”


ปัง!!!

แมทธิวมองประตูที่ถูกกระแทกอย่างแรง ข้างในใจเต้นตึกตักเหมือนเด็กแรกรุ่นเพิ่งเริ่มรัก ทั้งๆ ที่ถูกแมนพาลใส่โดยไม่รู้สาเหตุแท้ๆ

หรือมันจะถึงเวลาที่เขาจะทำลายกำแพงในใจตัวเองสักที




.
.
.
“แมทธิว” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากหลังร้าน แมทธิวละมือจากโน้ตบุ๊ก และเดินจากหน้าร้านไปตามเสียงเรียก

“ครับแม่” ตรงหน้าแมทธิวคือหญิงวัยกลางคน ใบหน้ามีริ้วรอยประปราย ฉายรอยยิ้มอบอุ่นเป็นพิมพ์เดียวกันกับยิ้มของแมทธิว คุณแม่คนสวยถอดถุงมือกันความร้อนออก ก่อนจะหยิบคุ้กกี้ขึ้นมา

“ลองชิมนี่หน่อย แม่ปรับสูตรใหม่” แมทธิวอ้าปากรับขนมที่คุณแพรวาป้อน ก่อนจะรับตาพริ้ม แสดงอาการเคลิบเคลิ้มออกนอกหน้า

“อื้ม อร่อย แม่แมททำอะไรก็อร่อย”

“ปากหวานจริงนะเรา อร่อยก็ลองชิมคัพเค้กตรงนั้นหน่อยสิ น่าจะเย็นแล้วนะ แม่เอาออกจากเตาได้สักพักแล้ว” แมทธิวเดินตรงไปยังคัพเค้กสีม่วงสวยที่วางเรียงรายบนบนถาด ก่อนจะหยิบชิ้นนึงขึ้นมากัด

“อื้ม อร่อยดีนะครับ”

“จริงหรือเปล่า!? แม่ไม่ค่อยมั่นใจเลย”

“อร่อยจริงๆ นะแมทว่า แต่ถ้าจะวางขายคงต้องเอาไปลองให้ลูกค้าชิมฟรีที่ร้านก่อน ว่าแต่... มันทำมาจากอะไรเหรอครับ?”

“Ube(มันต่อเผือก)น่ะ แอนดี้เอาสูตรมาให้ แม่ว่ามันแปลกดี ไม่เคยเห็นร้านไหนทำเลย”

“...” แมทธิวชะลอความเร็วในการเคี้ยว แววตาครุ่นคิดถึงสิ่งที่ติดอยู่ในใจเป็นหนามยอกอกมานาน “แม่ครับ...”

“หืม?” คุณแพรวาส่งเสียงในลำคอถามลูกชาย พร้อมๆ กับคีบคุ้กกี้ลงโหลแก้ว

“แม่ไม่โกรธเขาแล้วเหรอ!?”

“...” คุณแพรวาละมือจากโหล ก่อนจะหมุนตัวไปคุยกับแมทธิว “เขาไหน?”

“เอดิสัน... ผมหมายถึง แอนดี้...”

“แม่เคยบอกว่าแม่โกรธเขาเหรอแมทธิว???” คุณแพรวาเอียงคอ พร้อมกับสร้อยเงินเส้นเล็กที่ลำคอระหงขยับเล็กน้อย “แล้วทำไมแม่ต้องโกรธเขาด้วยล่ะ!?”

“เขา... เขาหลอกแม่ เขาทำให้แม่ต้องเสียใจ!! ถ้าเขาไม่ได้รักเรา แล้วเขามีแต่งงานกับแม่ทำไม เขามีผมขึ้นมาทำไม!!?”
“แมทรู้ได้ยังไงว่าแอนดี้ไม่รักเรา ทั้งๆ แมทไม่ยอมคุยกับเขามาตั้งนาน”


ใช่แล้ว... ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยมต้นปีที่ 2 แมทธิวกำลังอยู่ในวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ ฮอร์โมนพลุกพล่านและ แปรปรวน

เขารับรู้และเข้าใจโลกเพียงด้านเดียว ฝังใจเสมอมาเพียงเพราะรู้ว่าที่เอดิสันจากไป เพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่กับใครอีกคน... ที่เป็น ผู้ชาย

ตั้งแต่นั้นก็คิดไปเองไปโดยตลอดว่าตัวเองและแม่ถูกหลอก ถ้าแมทธิวยังรู้สึกแย่ขนาดนี้ แม่จะเสียใจขนาดไหน...

ดังนั้น มันจึงกลายเป็นปมในใจให้แมทธิวตั้งแง่กับเกย์ทุกคน ทั้งกับพ่อตัวเอง...

และกับ พี่แมน!?


 “แล้วแม่ไม่เคยโกรธเลยนะ ที่แอนดี้เลือกที่จะไป แม่ไม่โกรธและเสียใจเลยสักนิด ในเมื่อเขาได้มอบสิ่งวิเศษที่สุดให้ชีวิตแม่แล้ว อยู่ตรงหน้าแม่นี่ไง” คุณแพรวาเอื้อมไปลูบแก้มลูกชายอย่างรักใคร่ แมทธิวมองแววตาที่ไม่มีร่องรอยของความเสียใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความเข้าใจที่มีต่อคนรอบข้างของแม่ตัวเอง

“...”

“แมทรู้อะไรไหม แม่เป็นเพื่อนกับแอนดี้มานานแค่ไหนก่อนที่จะมีเรา แม่รู้เกี่ยวกับเขามาตลอด แอนดี้ไม่เคยหลอกแม่ สิ่งที่เขาทำคือการหลอกตัวเอง”

“...”

“เขาหลอกตัวเองว่าจะรักผู้หญิงได้”

“แม่...”

“แมท รู้ไว้ซะ ความรักบังคับไม่ได้ รักก็คือรัก อย่าหาเหตุผลให้มันเลย”

“...........ครับ” แมทธิวกุมมือแม่ที่กุมใบหน้าเขาอยู่มากุมไว้ คุณแพรวายิ้มบางๆ ให้ลูกชายสุดที่รัก

“แม่หวังว่าแมทธิวจะเข้าใจ จำไว้นะลูก... โลกเรามันกว้าง เราจะยึดความรู้สึกตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่ได้”


เราจะยึดความรู้สึกตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่ได้


แวบแรกที่ได้ยินประโยคนี้แมทธิวก็นึกถึงชายหนุ่มรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมา...

เพราะเขาถูกใจพี่แมนมาก ตอนที่เห็นรูปตัวเองบนผนังห้องนอนพี่แมนจึงรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง

พี่แมนหวังอะไรจากตัวเขามาโดยตลอดเวลาที่รู้จักกันเลยงั้นเหรอ!?

แมทธิวโกรธมากในจุดนั้น โกรธจนมองไม่เห็นความจริงที่ว่าตัวเองนั่นแหละ คือคนที่พาตัวเองไปยุ่งกับหนุ่มรุ่นพี่มาโดยตลอด และเขาโกรธจนเกือบพลั้งมือชกใบหน้าซีดเซียวในตอนนั้นลงไป

แต่ทำไม่ลง แมทธิวทำไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงแหบแห้งดังระโหยมาจากปากของพี่แมน


‘ขอโทษ’


ทำไมนะ... ทำไมเขาไม่เคยนึกถึงความเจ็บปวดของพี่แมนเลยสักครั้ง แม้ในวันสุดท้ายก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทำไมในตอนนั้นเขาถึงไม่กล้ายอมรับความรู้สึกตัวเองกันล่ะ มาตอนนี้ก็ย้อนเวลาไปแก้ไขไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือไง!!?


“แม่!!!” แมทธิวยึดไหล่ทั้งสองข้างของคุณแพรวา ดวงตาคมจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นแม่ “แมทเจอคนที่แมทตามหามานานแล้วครับ”

“...หือ!?”

“แมทเข้าใจแล้วว่าทำไมแมทถึงต้องอยากเจอเขาอีกครั้งตลอดเวลาที่ผ่านมา”

“...”

“แมทชอบเขาใช่ไหมแม่!?”

“เดี๋ยว แมทธิว...” คุณแพรวาขยับตัวเล็กน้อย และนั่นทำให้แมทธิวปล่อยมือที่ยึดอยู่บนไหล่ของเธอ “แมทพูดถึงใคร?”

“แมทชอบพี่เขาแน่ๆ เลย แต่มันสายไปแล้ว แมททำร้ายความรู้สึกเขา เขาคงจะเกลียดแมทมากแน่ๆ”

“...” คุณแพรวาฟังลูกชายที่เมินคำถามของตัวเองอย่างตั้งใจ แม้จะไม่รู้ว่าหมายถึงใคร แต่ก็พอเข้าใจสถานการณ์ได้ “ถ้าเขาเกลียด ก็ทำตัวใหม่ให้เขาเห็นสิ”

“แต่...”

“ถ้าเขาโกรธก็ไปง้อ แล้วถ้าเขาไม่ชอบเราก็แค่ไปจีบเขาใหม่” คุณแม่คนสวยลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู ถึงแม้จะตัวโตและดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายไม่ว่าใครก็ต้องการคำแนะนำในช่วงที่สับสนกันทั้งนั้น

“...” แมทธิวค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ คุณแพรวามองใบหน้านั้นด้วยความรัก


“Mathew, You have only one life. DO YOUR BEST!”   









คิดถึงฉันไหมเวลา ที่เธอ ไม่เจอะเจอกัลกับชั้ล... (วิบัติเพื่อเล่นเสียง)  :-[

สวัสดีค่ะ หายไปหลายวัน ลืมเห็ดกันไปหมดแล้วมั้ง เจอคำผิด อ่านแล้วงง ไม่เข้าใจ เมนท์ทิ้งไว้ได้นะคะ ที่สำคัญขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์เสมอมาค่ะ

ด้วยรัก จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2016 12:04:47
โหหห. ไม่เจอกันสามปีเลยอะ นานมากกกกก
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 08-02-2016 12:14:33
สามปีเลยเนี๊ยะ ..  และแมททิวใช้เวลานานนะกว่าจะรู้ว่าตัวเองก็รักพี่แมน...สงสารพี่แมน
กลับไปง้อพี่แมนเดี๋ยวนี้เลย.... :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2016 12:27:52
 :L2: :pig4:

คิดถึงคุณเห็ด รอพี่แมน
อื้มมม ความรักต้องใช้เวลา .. คนที่โชคไม่ดีความรักก็อาจจะมาไวไป หรือช้าไป
ชอบตอนนี้มากที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 08-02-2016 12:39:46
ว่าจะด่าแมทธิวเยอะ ๆ หน่อยจากตอนที่แล้ว มันน่าโมโหจริง ๆ
แต่พอมาเจอตอนนี้ เห็นว่าสำนึกผิด ก็พอค่อยหายโมโหหน่อย แต่ยังหรอกนะ
ขอให้พี่แมน อย่าเพิ่งยอมให้อภัยง่าย ๆ นะคะ ทำเราฝันร้ายมาสามปีเชียวนะ
แมทธิว ยังต้องพิสูจน์ตัวเองให้มาก ๆ กว่านี้อีก เพราะถ้าเราเป็นพี่แมน เราไม่เชื่อง่าย ๆ แน่
ว่าแต่ เรื่องคุณพ่อกับคุณแม่แมทธิวนี่ แมทธิวไม่เคยคุยกับคุณแม่เลยเหรอนี่ คิดเอาเองหมดเลย
คุณแม่เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกดีจริง ๆ นับถือจิตใจคุณแม่เลยล่ะ
ยังคงหมั่นไส้แมทธิว เพราะฉะนั้นขออุปสรรคเยอะ ๆ ให้แมทธิวหน่อย 555
ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 08-02-2016 15:51:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-02-2016 16:59:46
ชอบอะ  สนุกกกกก
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 09-02-2016 10:56:28
ขอวาร์ปไปตอนแมทกดพี่แมนใหม่อีกรอบค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Greens 26 ที่ 09-02-2016 22:00:41
โห้ยยย พี่แมนอย่ายอมง่ายๆนะ เชิดไป เมินได้เมิน เอาให้กระอักเลือดไปเลย!! หมั่นไส้แมททิว ฮึ่ยๆๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2016 22:57:14
แมทนี่หล่อนรอมากี่ปีถึงจะเข้าใจกันยะ...


คุณเห็ดหอมมอยากอ่านต่อแล้ววว


คำผิดน้า


เขาแทบหลุดเขา >>หลุดขำ ไหมตัว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.10 (08/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 10-02-2016 13:42:09


เวลาผ่านไปสามปี ก็ใช่ว่าความเจ็บปวดที่แมนได้รับในคืนนั้นจะหายไปเสียหน่อย
แมทต้องทำอะไรอีกเยอะเลยนะเพื่อซื้อใจพี่แมนกลับมาให้ได้

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^  :pig4:

หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 11-02-2016 17:12:23
Chapter 11 : I don’t actually really like him anymore.




สวัสดีครับ นี่พี่แมนคนเดิม เพิ่มเติมคืออายุ...

ไม่สิ เรื่องอายุใครเขาเอามาพูดกัน เอาใหม่ๆ

สวัสดีครับ กระผมนายแมนคนเดิม เพิ่มเติมคือมีรถขับแล้ว...


ผมเลี้ยวรถออกจากหมู่บ้านจัดสรรย่านคนรวยใจกลางเมืองหลวง ที่นั่งข้างคนขับมีร่างบางของหญิงสาวรุ่นน้อง

“เมื่อคืนกลับถึงบ้านปลอดภัยดีไหมคะ?” เจ้าตัวถามขณะบรรจงวาดลิปสติกสีสดลงบนปาก ผมลอบชักสีหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

“ก็ดี... มั้ง”

“อาแจงนะอาแจง ไหนบอกว่าออฟฟิศเปิดบ่าย สุดท้ายก็ต้องเข้าแต่เช้าอยู่ดี” ทรายพูดพลางดันบังแดดหน้ารถพับเก็บตามเดิม ผมเหลือบมองรุ่นน้องที่ทำงานสุดสวยโฉบของตัวเอง

“...” เช้าเหรอ... นี่ก็เข้างานสายกว่าปกติตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะเนี่ย...

แต่ที่ทรายพูดมาก็จริง อย่างว่า คนเมาทำอะไรไปก็จำไม่ค่อยจะได้หรอก ขาดสติกันทั้งนั้น...



“พี่แมนๆ เดี๋ยวแวะซื้อกาแฟก่อนนะ ร้านที่เปิดใหม่ตรงนั้นอะ”

“อือ...” ผมตบไฟเลี้ยวให้สัญญาณ ก่อนจะเปลี่ยนเลนจากที่กำลังจะยูเทิร์นในอีกไม่ร้อยเมตรข้างหน้า

รถจอดเทียบหน้าร้านกาแฟที่ตกแต่งแบบโมเดิร์น ทรายและผมลงจากรถ ก่อนที่ร่างบางนั้นจะก้าวฉับๆ เข้าร้านไปก่อนผม

ทรายเป็นหลานพี่แจงครับ พ่อของทรายเป็นพี่ชายของพี่แจงที่อายุห่างกันเป็นรอบเหมือนกับผมและพี่น้องของผม

อายุของทรายห่างกับผม 2 ปี ที่สำคัญทรายยังเป็นรุ่นน้องคณะ และมหาวิทยาลัยเดียวกับผมอีกด้วย... และแน่นอนเราไม่รู้จักซึ่งกันและกันสักนิดจนกระทั่งได้มาเจอกันที่บริษัทพี่แจงเนี่ยแหละ


Rrr… Rrrr….

“ฮัลโหลอาแจง... เฮียแมนไปรับ ตอนนี้อยู่ร้านกาแฟที่เปิดใหม่หน้าออฟฟิศค่ะ... อ๋อได้ๆ เดี๋ยวเค้าซื้อไปให้ เจอกันนะ จุ๊บๆ” บทสนทนารวบรัดและปัญญาอ่อนเบาๆ ระหว่างพี่แจงกับทรายจบลงอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากแต่งสีสดนั้นเปลี่ยนมาจีบปากจีบคอสั่งกาแฟกับบาริสต้า

“ลาเต้เย็น 4 แก้ว โกโก้ 1 ชาเขียว 1 ค่ะ ลาเต้เอาหวานน้อยแก้วหนึ่งนะ เฮียกินอะไรไหมอะ” ร่างบางทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ทรงสูง ขาเรียวที่โผล่พ้นกระโปรงเอวสูงความยาวสั้นเลยเข่าขึ้นมาหลายคืบยกขึ้นไขว่ห้างอย่างน่าหวาดเสียว

เห็นเปรี้ยวๆ สเป็กผู้ชายแบบนี้ ใครจะรู้ว่าทรายแต่งนิยายบอยเลิฟนะครับทุกคน

จะว่าไปผมก็สังเกตมาสักแล้วว่าชีวิตตัวเองมักเกี่ยวข้องกับผู้หญิงแนวนี้บ่อยๆ

พวกประเภทสวย แต่นิสัยขัดแย้งกับหน้าตาเนี่ย

ทั้งพี่แจงที่สวย...แต่อายุอานามเลยไปไกลจะหาคู่ตุนาหงัน แนท...ที่คนไม่รู้จักคงมองว่างาม ทั้งรูปลักษณ์และกริยา แถมยังมีว่าที่ซะมีแล้ว...แต่โคตรปากหมา ...และน้องทราย ยังไม่รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

บอกให้ พี่แจงน่ะตัวร้ายกาจ รับผมเข้าทำงานในสำนักพิมพ์ด้วยแผนกการเงิน แต่ใช้งานเยี่ยงทาส ช่วงทำงานใหม่ๆ ให้ทำมันทุกอย่างทั้งงานหลักและงานรอง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แต่ผมรู้หรอก เหตุผลหลักๆ ที่แกรับผมมาทำงานในออฟฟิศน่ะ... ก็เพราะเจ๊แกจะได้ทวงต้นฉบับได้ง่ายขึ้นไง!!!

พอทรายเข้าบริษัทมาผมก็โล่งใจในตอนแรก เพราะผมก็ไม่ใช่คนที่เด็กสุดในออฟฟิศอีกต่อไป เป้าหมายในการโขกสับจึงน่าจะไปตกอยู่ที่ทราย ที่ไหนได้ ทรายนี่มัน Little Evil ชัดๆ

ทุกคนรังแกแมน แมนจะฟ้องป๊า กับแม่!!!

“ลาเต้ร้อนอีกแก้วหนึ่งครับ” ผมทรุดลงนั่ง ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มกับบาริสต้าอีกคนที่ยืนหันหลังล้างมืออยู่ แทนบาริสต้าคนแรกที่จรลีไปชงเครื่องดื่มตามออเดอร์แล้ว

“ครับ...!!?”

“!!!”

“ไงแมทธิว ลูกค้าเยอะไหม?”

“...ก็พอสมควรครับ แค่รับออเดอร์ไม่ได้หยุดเท่านั้นเอง” ตอบคำถามทราย แต่สายตากับรอยยิ้มกลับส่งมาให้ผม

โม้จริงๆ.... แต่ก็จริงของแมทธิวนั่นแหละ จากการมองไปรอบๆ ร้าน ก็เห็นว่าลูกค้าเต็มเกือบทุกโต๊ะ

“นี่แมทธิวน้องรหัสทรายเอง เป็นเจ้าของร้าน” ทรายหันหน้ามาคุยกับผมสลับกับแมทธิว “แมทธิว นี่เฮียแมน รุ่นพี่ที่ทำงาน เคยเรียนคณะเดียวกับเราด้วยนะ แต่พี่ไม่เคยเห็นล่ะ”

“สวัสดีครับพี่แมน” ทำมาเป็นส่งยิ้มให้ คิดว่าผมจะชอบที่ถูกเรียกว่าพี่แมนหรือไง เสียใจ จะไม่มีใครได้เรียกผมว่าพี่แมนอีกแล้ว เพราะมันเป็นคีย์เวิร์ดที่สะเทือนใจผมทุกครั้งที่ได้ยิน

“กาแฟได้แล้วครับ” ลาเต้ 4 แก้วถูกวางลงบนเคาท์เตอร์ ตามด้วยเครื่องดื่มอื่นๆ แก้วทั้งหมดถูกเรียงใส่กล่องกระดาษที่มีหลุมใส่แก้ว เพื่อให้หิ้วได้ที่ละหลายแก้ว

“กาแฟครับพี่แมน...” แก้วลาเต้ร้อนที่ถูกปิดฝาอย่างดีถูกเลื่อนมาตรงหน้าผม โดยความตั้งใจของหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของร้าน ผมหลบสายตาที่จ้องมาแบบโคตรจะจริงจังของแมทธิวด้วยการจ้องมองแก้วกาแฟ ก่อนจะสะดุดสายตากับรูปหัวใจเบี้ยวๆ ซึ่งถูกวาดด้วยปากกาบนทิชชู่ที่พันอยู่บนแก้ว



ผมเงยหน้าขึ้นก็เจอใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้าง มันทำให้ผมต้องกรอกตาและมองบน แล้วใช้ความพยายามไม่ให้เผลอเบะปากออกมา

เพื่ออะไรมิทราบครับ หรือฝังใจว่าผมเป็นเกย์ เลยล้อเล่นกันแบบนี้!?

“ได้ของครบแล้วนะครับ” เสียงชายหนุ่มบาริสต้าดังมาจากเครื่องคิดเงิน ผมคว้ากล่องกระดาษและแก้วกาแฟตัวเองมาถือ ก่อนจะเดินไปหาทรายที่ยืนคิดเงินอยู่

“ค่ะ ป่ะ เฮีย เดี๋ยวละลาย”

“เดี๋ยวผมช่วยถือไปส่งละกันครับ” แมทธิวเดินอ้อมออกจากเคาท์เตอร์ก่อนจะฉวยกล่องกระดาษในมือผมไปหิ้วแทน แล้วเดินตามทรายที่ก้าวฉับๆ อย่างกับรีบไปไล่ควายแบบไม่รอเจ้าของรถแบบผม

“พี่ทราย ทำงานแถวนี้ใช่ไหมครับ?” แมทธิวชวนคุยระหว่างที่เดินผลักประตูกระจกให้ทราย ผมใช้จังหวะนั้นปลดล็อกรถ พร้อมๆ กับที่ทรายชี้นิ้วไปอีกฟากถนน

“ใช่ ตรงนั้นไง” นิ้วเรียวชี้ไปยังอาคารซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กันกับร้านกาแฟ ด้านล่างเปิดที่ตั้งสำนักพิมพ์ของพี่แจง

“อ๋อ...” ผมเหลือบมองแมทธิวที่อยู่ๆ ก็หันมาอ๋อใส่ผม ก่อนที่ผมจะกระตุกแขนทรายเบาๆ

“ขึ้นรถเถอะ”

“เจอกันครับ” ไม่รู้ว่าบอกใคร แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ร่างสูงโบกให้ผมน้อยๆ ทันทีที่รถออกตัว นั่นทำให้ผมอารมณ์ติดลบเพิ่มไปอีกเพราะรู้สึกเหมือนถูกกวนประสาท

โชคชะตา จะเล่นตลกกับชีวิตผมเกินไปแล้วมั้ง...





.
.
.
วันรุ่งขึ้น

“อ้าว แมทธิว มาได้ยังไง?” ทรายลุกจากโต๊ะประจำตัว แล้วเดินตรงไปหาร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าเหมือนเสาไฟฟ้าอยู่กลางห้อง

“ใครอะทราย?” พี่หวานเลื่อนเก้าอี้มีล้อของตัวเองออกมามอง สายตาเปลี่ยนเป็นลุกวาวเมื่อเห็นแมทธิว

“น้องรหัสทรายสมัยเรียนมหาลัยค่ะ ชื่อแมทธิว”

“เฮ้ยๆ พี่ว่าพี่เคยเห็นตามเพจในเฟซนะ เป็นเดือนหรืออะไรทำนองนั้นด้วยใช่ไหมเนี่ย?” ผู้ชาย(ไม่แท้)อีกท่านหนึ่งในออฟฟิศนอกเหนือจากผมลุกขึ้นชี้นิ้ว ทำหน้าทำตาเหมือนรู้จักเสียเต็มประดา

“ครับ เป็นเดือนคณะ” แมทธิวยิ้มรับหน้าตาสดใส สายตากวาดไปรอบๆ ก่อนจะหยุดเมื่อเจอผมที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง

“พี่ชื่อกาย ตรงนั้นหวาน พี่แตน พี่ปอ และตรงมุมห้องน้องแมน...” ผมทำเป็นสนใจงานตรงหน้า ทั้งๆ ที่ในโน้ตบุ๊กเปิดการ์ตูนญี่ปุ่นค้างไว้อยู่

“ครับ ผมแมทธิว”

“แกลืมแนะนำฉัน นังกาย” เจ๊แจงเดินออกจาห้องประจำตำแหน่งที่เจ้าตัวทำแยกไว้มายืนพิงกรอบประตู

“อ๋อ ขอโทษทีเจ๊ ที่ยืนดูอาวุโสตรงนั้นคือพี่แจง บอสของพวกเราเอง” เจ๊แจงแยกเขี้ยวใส่พี่กาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเมื่อสนทนากับแมทธิว

สองมาตรฐานมากครับเจ๊

“ผมเอาขนมมาให้ลองชิมกันครับ ตัวนี้ยังไม่วางขาย อยากรู้ฟีดแบ็คก่อน” แมทธิวชูถุงใส่กล่องขนมในมือขึ้น พี่แจงเดินไปรับมันมาถือ ก่อนที่ทุกคนจะลุกมารุมพี่แจงเหมือนแรงทึ้ง


“พี่แมน ผมขอคุยด้วยแป๊บนึงสิครับ”


“...” ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมที่นั่งนิ่งๆ ทำตัวประหนึ่งลมแอร์ไร้ตัวตน แต่ก็ดันมาถูกจับจ้องโดยสายตาของคนทั้งออฟฟิศเพราะเด็กฝรั่งนั่นคนเดียว

ทรายตวัดหางตาที่กรีดอายไลเนอร์มองมาทางผม พร้อมๆ กับเจ๊แจง และเจ๊คนอื่นๆ ที่ส่งแววตาแฝงความนัยมาให้

“รีบไปสิแมน จะได้รีบกลับมาทำงาน” พี่แจงพนักเพยิดหน้าไปทางประตูหลัง ผมจำใจต้องลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำแมทธิวออกจากออฟฟิศไป


แกร๊ก!

ประตูหลังตัวตึกถูกปิดโดยคนที่เดินตามหลังผมมา แมทธิวหมุนตัวมาเจอผมแล้วส่งยิ้มให้แบบที่เจ้าตัวชอบทำจนติดเป็นนิสัย…

ยิ้มให้ความหวังชาวบ้านเขาไปทั่วตั้งแต่เด็กยันโตเรียนจบแล้วก็ยังไม่เปลี่ยน

“พี่แมน...” ผมเบนสายตาที่เหม่ออย่างไร้จุดหมายกลับมายังร่างตรงหน้า แมทธิวขยับเข้ามาใกล้ พร้อมๆ กับที่ผมถอยหลังหนี “คือผม...”

“...”

“...” เราจ้องตากันอย่างลองเชิง ก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความอึดอัด

“ถ้าจะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงนายละกัน ไม่ได้ตั้งใจจะปิดหรอก แค่มันยังหาโอกาสบอกไม่ได้ซะที”

อันที่ก็ตั้งใจจะหายไปจากชีวิตนายเงียบๆ อยู่แล้วเชียวนะ แต่ดันมาเกิดเรื่องซะก่อนไง...

ไม่รู้ว่าความผิดใครเนาะ...


“นายจะยกโทษให้ฉันได้ใช่ไหม?” ที่ถามก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ไม่ยกโทษให้ก็ไม่มีผลต่อชีวิตผมแล้วล่ะ พูดเลย

“ไม่... พี่แมน...” น้ำเสียงติดจะเว้าวอน แต่ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองเท่าไร เลยรีบตัดบท จะได้ไม่เสี่ยงโดนตัดเงินเดือนเพราะอู้งาน

“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ที่ผ่านมามันก็แค่อดีต ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นแล้ว จบไหม จะได้แยกย้าย?”

“พี่แมน ฟังผมก่อนได้ไหม!?” แมทธิวขยับประชิดตัวผม ผมเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่ทัน จึงถูกมือหนากดทับบนไหล่ทั้งสองข้าง

“...” ผมสบนัยน์สีประหลาด และกวาดตามองทั่วใบหน้าที่เคยหลงใหล ความรู้สึกเก่าๆ ตีตื้นอยู่ในอก แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันล้นออกมาทางสายตาเด็ดขาด “ฉันไม่ชอบนายแล้ว ไม่พอใจอะไรอีกเหรอ?”

“พี่แมน....” แรงกดบนไหล่ผมเบาลง แววตาอ่อนแสงของแมทธิวทำให้ผมต้องค่อยๆ เบือนหน้าหลบสายตา “พี่ไม่ชอบผมแล้วเหรอ?!”

“...”

“จริงเหรอพี่แมน?” มือใหญ่บนบ่าย้ายมากุมใบหน้าของผม ผมดึงมือนั้นออกเบาๆ แล้วจ้องกลับด้วยใบหน้าเย็นชา...

“ใช่”

“แล้วพี่เกลียดผมไหม?”

เกลียดไหม นั่นสิ ทำไมผมไม่เกลียดแมทธิวทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแบบนั้นล่ะ!?...

“...”

“พี่ไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม?” ผมเม้มปาก เมื่อแมทธิวพูดแทรกความคิดของผม

“...” ...ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจึงไม่ได้ตอบไป

“อย่าเกลียดผมเลยนะ...” แมทธิวคงจับทางได้ว่าทุกทีที่ผมเหม่อจะเผลอปล่อยตัว ร่างสูงดึงผมเข้าไปฝังในอ้อมกอดช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นการบังคับผมจนเกินไป ใบหน้าก้มลงมาชิดจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

“เพราะหลังจากนี้ ผมจะจีบพี่เอง”

“!!!”




.
.
.
ผมเดินกลับเข้ามาในออฟฟิศโดยมีแมทธิวด้วยตามหลังเข้ามา ทุกสายตาจับจ้องมายังเราทั้งสอง ก่อนที่แมทธิวจะยิ้มหวาน

“กลับก่อนนะครับ” ร่างสูงยกมือไหว้พี่แจงและคนอื่นๆ ในออฟฟิศ ก่อนจะเดินออกไป ผมมองตามเงียบๆ แล้วเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะบ้าง แต่ก็ถูกน้ำเสียงใส่จริตเกินงามขัดเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ” พี่หวานผู้ซึ่งนั่งกลางห้องดึงแขนผมไว้อย่างรู้งาน ผมก้มมองข้อมือตัวเองที่ถูกดึงเบาๆ แล้วเงยหน้าสบตากับคนรอบห้อง

ทำไมซื้อหวยไม่ถูกว้า... ก็แหงล่ะ ผมไม่ได้เล่นหวย กร๊าก ขำจังเลย

“เฮียแมน... รู้จักกับแมทธิวอยู่แล้วเหรอคะเนี่ย ไม่เห็นบอกทรายเลย?” ทรายเหยียดยิ้มร้าย แววตารู้ทัน ทำเอาผมลอบกลืนน้ำลาย

ก็บอกแล้ว ผู้หญิงรอบตัวผมน่ะร้ายกาจ ผมเป็นฝ่ายโดนกระทำย่ำยี ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้าตลอดๆ

“ก็ทรายไม่ได้ถามพี่”

“แล้วยังไงแมน ที่น้องเขามาที่ออฟฟิศคงไม่ใช่แค่เอาขนมมาให้พวกเจ๊ชิมใช่ไหมจ๊ะ?” เจ๊ปอพูดขึ้น ขณะเดินเฉียดกายผ่านตัวผมในห้องน้ำ ก่อนจะตามด้วยเจ๊แจงที่น็อคผมด้วยประโยคสุดท้าย

“แล้วอีที่เรียกออกไปคุยข้างนอก เพราะแกสองคนมีซัมธิงกัน ถูกไหม!?”

“!!!?”

“ไม่ต้องมาสงสัยว่าพวกเจ๊รู้ได้ไงนะ ฉากแบบนี้เจอในนิยายเป็นพันๆ เรื่องแล้ว บอกไว้ก่อนถ้าคิดจะเล่นตัวพวกเราไม่ยอมแน่” พี่แตนกล่าวปิดท้ายอย่างสวยงาม ก่อนที่ทุกคนยกเว้นพี่กายจะพากันเชิดหน้าจิกตาอย่างพร้อมเพรียง

“แตนพูดถูก เพราะชายได้ชาย คือคติประจำใจของพวกเรา ไป! แยกย้าย!”

แล้วทุกคนก็ประจำที่ตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นเสียแต่รอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวของของกลุ่มคนที่ตั้งตัวเป็นสมาคมนิยมชายได้ชายซึ่งยังคงประดับอยู่บนหน้า ผมเหลือบมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหันไปมองตามแรงตบบนบ่า

“นายน่าจะชินนะ ใช่ไหม?”

“...” ก็จริง ถ้าไม่นับเรื่องพวกนี้ ทุกคนก็ดีกับผมหมด ไม่งั้นผมอยู่มาตั้งเกือบ 3 ปีหรอก ทำใจนะแมนนะ

“...แต่ถ้าเข้าวงการเดียวกับพี่เมื่อไร ขอคำแนะนำได้เสมอนะแมน พี่กายรับสอนฟรีทุกกระบวนท่า จุ๊บ!”

“!” ผมยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้รับแรงกดบนแก้ม ก่อนจะลากร่างตัวเองกลับมานั่งรวบรวมขวัญที่แตกกระเจิงให้กลับมารวมกันตามเดิม

ทำไมชีวิตอันสงบสุขของผมมันมีแต่เรื่องวุ่นวายเข้ามาวะครับ!!?








ขอบคุณสำหรับคนอ่านและคอมเมนท์ที่ทุกท่านมีต่อนิยาย รวมถึงคอมเมนท์ช่วยแก้คำผิดค่ะ (เขินอาย)  :o8:

อาจจะไม่ถูกใจใครไปบ้างหลังจากนี้ แต่หวังจะตามอ่านกันจนจบนะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม

ปล.เผื่อใครลืมเจ๊แจง ลองย้อนกลับไปอ่านตอน 1 ดูนะคะ เจ๊โผล่มาทสงต้นฉบับตั้งแต่ตอนแรกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 11-02-2016 17:33:01
มันต้องอย่างนี้ซิแมททิว "ต่อจากนี้ผมจะจีบพี่เอง" เริศค่ะ เป็นกำลังใจนะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-02-2016 17:44:44
อร๊ายยย. อีแมทธิว พยายามจีบละกันนะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 11-02-2016 19:23:43
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-02-2016 19:29:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-02-2016 20:14:33
รู้ตัวช้าไปนะแมท เสียเวลาที่จะได้หวานกันตั้งหลายปี
แต่ก็เอาเถอะ จีบแบบเก๋ๆ หน่อยแล้วกัน คนแถวนั้นจะได้เอาไปเป็นวัตถุดิบเขียนนิยาย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-02-2016 21:00:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: wan1222 ที่ 11-02-2016 22:20:18
"โอ้.. อีแมท นานน้อ" จริงอยากจพพิมยาวๆแต่นักอ่านมันขี้เกียจเพิ่งเลิกงาน :katai4: :katai4: :katai5: :serius2: :เฮ้อ:
แต่ "น่ารักอ่ะ" :o8: :o8: :-[ :-[ เป็นเรื่องที่น่าติดตามนะ สำนวนก็ดีด้วย(นานๆทีจะเม้นเรื่องที่ถูกใจ) o13 o13  o13 นักเขียนรีบมาแต่งเร็วๆนะ ถึงนักอ่านทำงานดึกแค่ไหนเลิกดึกแค่ไหนจะถ่างตารอครับ ฮุๆๆ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.11 (11/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-02-2016 00:25:43
คำผิด

มันทำให้ผมต้องกรอกตา << กลอกนะคะที่รัก กรอกคือกิริยาแบบเอาน้ำกรอกใส่ขวดน่ะค่ะ


รอตอนต่อน้า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 15-02-2016 16:23:39
Chapter 12 : I see you walk away again.



“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ที่ถูกไหล่หนีบแนบไว้กับหูขณะประตูลิฟต์กำลังเปิดออก พลางใช้มือทั้งสองข้างควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋า

“ถึงแล้ว กำลังออกจากลิฟต์ รอแป๊บนะครับ” ผมเดินออกจากลิฟต์ หมุนตัวเตรียมจะเดินกลับเข้าห้อง ตอนนั้นเองที่หางตาเหลือบไปเห็นร่างของคนที่ไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด ณ เวลานี้กำลังเดินตรงมา

“พี่แมน!!?” แมทธิวสังเกตเห็นผมซะก่อนจึงร้องทัก ผมถอนหายใจแรงๆ แล้วกรอกตาเซ็งๆ “พี่แมน อยู่ที่นี่เหรอ??”

“ฮะ...” รู้ได้ไงวะ...ผมเผลอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วมองตามสายตาแมทธิวที่จ้องมายังคีย์การ์ดผม ก่อนที่ผมจะยัดมันใส่กระเป๋ากางเกง

แต่เก็บตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหมวะ ทำไมผมต้องเกิดมาหน้าตาดีแต่โง่ด้วยเนี่ย....

“เอ่อ... แค่นี้ก่อนนะครับ” ผมกดวางสายตาโทรศัพท์ ก่อนจะเงยหน้าเพื่อสบตากับแมทธิวที่เดินล้วงกระเป๋าเสื้อกันหนาวเข้ามาใกล้ผมยิ่งขึ้น

ร่างสูงหยุดยืนยิ้มแพรวพราว ผมมองเขา และประเมินสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความอึดอัดใจ เพราะมันเป็นอะไรที่.... กลับตัวก็ไม่ได้(เพราะข้างหลังเป็นลิฟต์) ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง(เพราะโดนขวางทางเดิน)


ติ๊ง!

“พี่แมน หลบ” ไม่ทันได้ถามว่าแมทธิวมองอะไรข้างหลังผม ร่างสูงก็ดึงผมให้หลบพ้นหน้าประตูลิฟต์เพื่อเปิดทางให้คนที่เดินออกจากลิฟต์ ผมเซเบาๆ ไปอยู่ในอ้อมอกคนคนฉวยโอกาส ก่อนจะถูกแขนทั้งสองข้างโอบล็อคไว้อย่างแน่นหนา

แหม... อย่างกับฉากในละครหลังข่าว ถามจริง กับคนที่เพิ่งเดินออกจากลิฟต์เมื่อกี้ เตี๊ยมกันมาป่ะเนี่ย?

“ปล่อยได้แล้ว....” ม้าง... คำสุดท้ายอยากใส่เพื่อประชดประชัน แต่มันจะหลุดภาพลักษณ์เจ้าชายเย็นชาของพี่แมนไปหน่อย เลยได้แต่พูดไปสั้นๆ พร้อมตีหน้าเคร่งขรึม แมทธิวตีมึน กระชับอ้อมแขนแล้วก้มมองผมยิ้มๆ

“ไม่ปล่อย บอกก่อนว่าอยู่ห้องไหน?”

“จะรู้ไปทำไม?”

“....ถามแบบนี้ก็ไม่รู้จะตอบยังไงเลยสิ” แมทธิวเงยหน้าเล็กน้อยแล้วกรอกตาครุ่นคิด ก่อนจะก้มลงมาสบตากับผมตามเดิม “แต่ถ้าไม่บอกผมก็จะกอดพี่จนกว่าพี่จะบอกนะ”

ข่นบร้า(วิบัติเพื่อน้ำเสียง) บัดสีบัดเถลิงเป็นที่สุด ที่นี่มีกล้องวงจรปิดนะ ถ้าจะทำอะไรพี่ก็ควรลากเข้าห้องก่อนมิใช่หรือ...

ครับ ขอโทษที่หลุดประเด็น ผมควรเล่นตัวมากกว่านี้เพื่อความสมจริงสินะ...

“…” ผมเอามือกันหน้าอกแน่นๆ และดีดดิ้นเท่าที่พละกำลังของตัวเองจะสู้ไหว

“อย่าดิ้นสิครับ” ใบหน้าแมทธิวขยับเข้ามาใกล้ขึ้นจนเห็นปลายจมูกเราสองคนเฉี่ยวกันเบาๆ สร้างความขนลุกขนชันแต่ผมเป็นอย่างดี ผมเกร็งคอหลบจนเหนียงออก ใบหน้าเหยเกจนเลยคำว่าอุบาศว์ไปไกล “จะไม่บอกจริงๆ เหรอ”

“ไม่วะ...”


“แมน!?”



...โว้ยยยยยย!!?


เสียงทุ้มของบุคคลที่สามดังขึ้นมาจากประตูห้องผมที่อยู่ถัดจากลิฟต์ไปประมาณหนึ่ง ผมที่เตรียมจะตะโกนกลืนคำพูดลงคอแทบไม่ทัน ก่อนที่ทั้งผมและแมทธิวจะหันไปตามเสียงนั้น

“เฮีย” ผมหันไปสบตากับร่างที่ค่อยๆ คลายอ้อมกอดลงช้าๆ จนกลายเป็นปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ผมหันไปมองเห็นสลับกับแมทธิวอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งถลาไปยังห้องตัวเองด้วยความเร็วเสียง แล้วดันหลังเฮียฮวงเข้าห้อง “เข้าห้องเหอะ”


ปัง!!!

ผมปิดประตูแรงๆ ในใจบ่นออดแอดอย่างอารมณ์เสีย

เฮียนะเฮีย โผล่มาไม่รู้จังหวะเล้ย ป่านนี้ไม่บอกเจ้าตัวก็รู้ได้ด้วยตัวเองแล้วแหละว่าห้องผมน่ะอยู่ตรงข้ามห่างกันแค่สามก้าวเดินถึง




.
.
.
“แมน แม่ให้เฮียเอาน้ำพริกมาให้ด้วย อยู่ในห้องครัว เห็นไหม?” เสียงเฮียฮวงประสานกับเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องนั่งเล่น ผมวางแก้วน้ำลงในซิงก์ล้างจานก่อนจะเหลือบมองลังใส่น้ำพริก แล้วถอนหายใจ...

เฮ้อ... นี่กะให้กินยันชาติหน้าเลยหรือไงครับ

“แล้วเฮียจะค้างไหมครับ?” เฮียฮวงเข้ามาทำธุระอะไรสักอย่างเลยแวะมาหาผม ผมเดินออกจากครัวมานั่งลงบนโซฟาข้างๆ เฮีย

ผมกับเฮียไม่ค่อยสนิทกันหรอกครับ ไม่ได้หมายถึงเราไม่ถูกกันนะ แต่ผมเคารพเขาในฐานะเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเพราะช่วงอายุที่ห่างกันมาก ตอนผมยังเด็กเฮียก็เรียนหมอแล้ว พอจบมาเป็นหมอก็งานยุ่งอีก เรียกได้ว่าช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกันแบบพี่น้องแทบจะไม่มีเลย

อย่าว่าแต่กับเฮียเลย กับเจ๊หยงผมก็ยังไม่ค่อยสนิทกันแบบเพื่อนเล่น ทุกคนในบ้านล้วนเอ็นดูผมเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง ไม่รู้ป๊ากะแม่ปลูกฝังอะไรให้พี่ผมนะครับ ความคิดความอ่านถึงได้โตเกินไว ไม่เข้ากับผมเลยสักนิด

คงมีแต่อัครเดช และพรประภาที่เข้าใจผม...

อ้อ... เกือบลืมแนทที่สนิทกันเพราะป๊ากับม๊าแนทส่งน้ำปลามาขายให้โรงงานน้ำพริกของป๊ากับแม่ผม และเพื่อนในอินเทอร์เน็ตตามบอร์ด กระทู้ เกม และแฟนคลับนิยายเท่านั้นแหละ ที่รู้จักและเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของนายแมนคนนี้

“ตอนแรกก็ว่าจะไม่ค้าง แต่เห็นเมื่อกี้แล้ว แมนอยากให้เฮียค้างไหมล่ะ?” เฮียหันหน้ามาคุยกับผม และใช้สายตาแบบคนที่ผ่านโลกมาเยอะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม “แมน คนนั้นใคร?”

“....ก็คนรู้จักห้องตรงข้าม” ผมหลบตาเฮียฮวง เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และถ้าขืนยังจ้อง เฮียต้องรู้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติแน่

“แน่ใจ?...” เฮียฮวงยังไล่ตามมาจ้องตาผม “...เฮียก็นึกว่าเป็นคนที่ทำให้แมนสนิทกับเพื่อนเฮียซะอีก”

เฮียรู้... ได้ยังไง!?

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?” เฮียฮวงยิ้มบางให้ผม ร่างสูงที่แอบลงพุงเบาๆ เอนหลังพิงกับพนักพิงโซฟา เหลือบตามองผม

“เฮียไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของแมนหรอก แค่อยากให้แมนรู้ว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ”

“....”

“มีอะไร ถ้าไม่บอกป๊ากับแม่ก็บอกเฮียไม่ก็เฮียหยงแกบ้าง ถ้ามันร้ายแรงจนทนไม่ไหว อย่าให้มันสายเกินแก้เลยนะแมน”

“...ครับ”

“ครับนี่คือเข้าใจ?”

“ครับเฮีย”

“แล้วสรุปจะให้เฮียอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

อยู่เป็นพี่ไม่ได้เหรอ? กร๊าก ขำจัง

“....ไม่ครับไม่เป็นไร” ผมส่งยิ้มให้เฮีย แล้วก้มมองตักตัวเอง

เรื่องวันนี้สอนผมว่า... ทุกอย่างจะดีขึ้นแค่เราเปิดใจ





.
.
.
“เฮียแมน” ทรายเดินกระแทกส้นเข็ม 4 นิ้วเข้ามาในออฟฟิศ สายตากวาดหาผมตั้งแต่อยู่หน้าประตู “แมทธิวฝากคุ้กกี้มาให้เฮียด้วยค่ะ”

อืม... ใช่สิ เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ที่ผมได้เบเกอรี่พวกนี้ 5 หรือ 6 หรือ 7

บางวันก็เข้ามาให้เอง บางก็ฝากคนอื่นมาให้ เข้าออกออฟฟิศเป็นว่าเล่น เส้นใหญ่นักหรือไง เดี๋ยวเจอเส้นหมี่หมกอย่างไอ้แมนซะก่อนเหอะ

“อือ เอาไปกินสิ” ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ขนมพวกนี้ ถ้าผมอยากกินก็ไปขอเจ๊หยงกินเมื่อไรก็ได้ มันก็คือๆ กัน

“มันมีการ์ดด้วยนะพี่แมน อีพี่กาย เอาไปกินไป เจ๊ปอ เจ๊แตน เจ๊หวาน ลาเต้ได้แล้วค่า”

เออ มันก็มีมาทุกวันไม่ใช่หรือไงแม่คุณ...

ผมหยิบการ์ดใบเล็กๆ ที่ทรายกระชากออกมาจากโหลคุ้กกี้มาวางบนโต๊ะผมขึ้นอ่าน ก่อนจะวางมันบนโต๊ะตามเดิม


‘เย็นนี้กินข้าวกันนะครับ Mathew’


ไม่ดีแก่ใจผมเลย อย่ามาทำอะไรแบบนี้ได้ไหม...





.
.
.
กริ๊งๆ!

เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้นเมื่อประตูถูกเปิด ร้านกาแฟยามเย็นเริ่มมีลูกค้าบางตา ผมเดินไปที่เคาท์เตอร์ที่มีบาริสต้ายืนชงเครื่องดื่มอยู่เสียงดังก๊องแก๊ง

"โทษนะครับ"

"ครับ?"

"แมทธิวอยู่ไหม?"

"อ๋อ เดี๋ยวผมเรียกให้นะ" ชายหนุ่มบาริสต้าเปิดประตูเข้าไปหลังร้าน ผมยืนคอยแค่พักเดียว ร่างสูงของแมทธิวก็เดินออกมา

"พี่แมน" เด็กฝรั่งทำท่าทางเหมือนสุนัขเห็นเจ้าของ ผมมองแมทธิวที่เดินอ้อมเคาท์เตอร์ตรงมา และหยุดยืนยิ้มตรงหน้าผม "ตกลงรับรัก.. เอ้ย นัดผมแล้วเหรอครับ?"

มุกคำผิดถ้าไม่ใช่พี่แมนเล่นไม่ตลกหรอกนะพูดเลย

"..." ผมเงียบ เราทั้งสองเงียบ เป็นแมทธิวที่พยายามจะสานต่อบทสนทนา

"เอ่อ... ฮ่าๆๆ ที่จริงพี่โทร.มาบอกผมก็ได้นะ ผมจะได้ไปรับ"

ใช่ ที่จริงผมเอาเบอร์ที่เจ้าตัวเขียนมาให้ตั้งแต่การ์ดใบแรกๆ ที่แนบมากับขนมเพื่อโทร.ตอบรับนัดเขาก็ได้ ถ้าไม่ติดว่าผมทิ้งการ์ดใบนั้นไปแล้ว และไม่ได้เมมตัวเลขไว้สักตัว

"ฉันเอารถมาทำงาน" ผมพูดแค่นั้น และหวังว่าแมทธิวจะเข้าใจด้วยตัวเองว่าผมต้องการจะขับมันกลับด้วยตัวเอง

"อ๋อ... ครับๆ งั้นให้ผม..."

"เจอกันที่ห้องฉันละกัน"

"เอ่อ... ครับ?"

"ปิดร้านแล้วค่อยไปก็ได้"

"..." ผมยิ้มมุมปาก และเลิกคิ้วขึ้น

"คงไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าห้องฉันอยู่ไหน?"



.
.
.
ออด...

เสียงออดหน้าห้องดังทั้งๆ ที่เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครในเมื่อร้อยวันพันปีที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่แทบจะไม่มีใครแวะเวียนมาเลย

และวันนี้ผมก็นัดแขกไว้แค่คนเดียว จะเป็นใครถ้าไม่ใช่....

แกร๊ก!

"พิซซ่ามาส่งครับ"


...คนส่งพิซซ่า!!?


"..."

"..."

"ครับๆ รอแป๊บนะ" ผมล้วงกระเป๋าหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา แล้วหยิบแบงค์ห้าร้อยออกมาจ่ายค่าพิซซ่า พนักงานตัวเล็กส่งพิซซ่าให้ผม แล้วหมุนตัวเดินจากไป

"พี่แมน..." คราวนี้ไม่ผิดตัวแน่ ผมละมือจากประตูที่เตรียมจะปิด แล้วปล่อยให้แมทธิวเดินตามเข้ามาเอง ในขณะที่ตัวเองเดินกลับมาปิดฝาโน้ตบุ๊ก เคลียร์ของบนโต๊ะหน้าโซฟาไปกองที่พื้น แมทธิวเดินเข้ามาในห้องชิลๆ ก่อนจะหยุดยืนล้วงกระเป๋า แล้วยืดตัวยืนค้ำหัวผม

"พิซซ่านี่ของนาย?"

"ครับ ผมสั่งเอง กะพลาดไปนิด นึกว่าจะมาทันก่อนมันมาส่ง"

"..." ผมไม่พูดอะไร เพียงแต่จัดการเปิดกล่องพิซซ่า แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ

"เหมือนย้อนเวลาไปตอนนั้นเลยนะ" แมทธิวทรุดลงนั่งบนโซฟา ผมเงยหน้ากล่องใส่ไก่ทอด สบตากับแมทธิว แล้วยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง...


แค่บังเอิญพูดออกมาถูกจังหวะ หรือว่าเขาจำได้...?

แต่ภาพเก่าที่กำลังคืนย้อนมา... คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไรสำหรับผม

"แมทธิว..." ผมยืดตัวขึ้นยืน แล้วก้มลงมองใบหน้าแบบฝรั่งๆ นั้น

"ครับ?"

"....กินเถอะ เดี๋ยวชืด"

"พี่แมนเหมือนเดิมเลยนะ..." แมทธิวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบ้าง ทำเอาผมต้องเปลี่ยนจากก้มเป็นเงยหน้าเพื่อให้สบตาเขาได้พอดี "พี่มีอะไรจะบอกผมใช่ไหมครับ?"

ใช่ เป็นเหตุผลที่แมทธิวอยู่ในห้องผมเนี่ยแหละ....

"......ถามอะไรหน่อยได้ไหม?"

"ได้ครับ ถามเยอะก็ได้ถ้าเป็นพี่แมน"

".....ที่พูดคราวที่แล้วนะ ต้องการอะไร?"

"ที่ผมบอกว่าจะจีบพี่น่ะเหรอ?...."

"....อือ"

"ก็หมายความตามที่พูดเลยนี่ครับ มีตรงไหนไม่ชัดเจนด้วยเหรอ?" ผมมองใบหน้าซื่อๆ ที่ประดับด้วยรอยยิ้มสวยอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

"..." เพื่ออะไร? เขาทำแบบนี้ทำไม

"พี่แมนเคยชอบผม ผมก็คิดว่าผมน่าจะยังมีหวังอยู่บ้าง แต่ถ้าพี่ไม่ชอบผมแล้วก็ไม่เป็นไร ผมก็จะจีบพี่ไปเรื่อยๆ จนพี่กว่าพี่จะยอมรับในตัวผม" แมทธิวดึงมือผมขึ้นมากุม "...ขอแค่พี่ให้โอกาสกัน"

โคตรเห็นแก่ตัว...

"คิดบ้างไหมว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำมันสมควรได้รับโอกาสนั้นไหม?" ผมจ้องตาแมทธิวตรงๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุม และไม่แสดงออกอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า

มันด้านชาไปหมดแล้วสำหรับคนๆ นี้

"..."

"ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วนายต้องการอะไร แต่จากนี้ไป เรามาทำเป็นไม่รู้จักกันดีกว่าไหม?"

"..."

"ถือว่าเป็นคำขอโทษจากฉันที่เคยหลอกนายตลอดเวลาที่รู้จักกัน"

"...ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้นพี่แมน" แมทธิวขยับเข้ามาหาผม ในขณะที่ผมก้าวถอยหลังหนี แมทธิวจ้องตาผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ผมยิ้มบางแล้วส่ายหน้า...

เพราะต่อให้เขาพูดอะไรออกมาก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

กว่าจะรักษาแผลมันต้องใช้เวลานาน ผมไม่ต้องการให้คนๆ เดิมมากรีดซ้ำที่แผลเป็นอีกแล้ว...

แมทธิวยิ้ม... เป็นยิ้มที่ขื่นที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจากเขา แขนแกร่งทั้งสองยกขึ้นชูระดับเดียวกับหัวเป็นเชิงยอมแพ้ ก่อนร่างสูงนั้นเดินจากห้องช้าๆ สถานการณ์คุ้นๆ อย่างกับเดจาวู ที่ผมต้องมองอีกฝ่ายเดินจากไป...

และผมหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องรู้สึกเจ็บปวดกับคนๆ นี้

ลาก่อน แมทธิว



.
.
.
ผมนั่งนิ่ง ดวงตาเหม่อลอยไปไกลตามความคิดที่โคตรจะฟุ้งซ่านของตัวเอง ท่าทางแบบนี้ไม่ค่อยแปลกประหลาดนักหรอกสำหรับคนที่รู้จักผมดี ถ้าไม่ติดว่างานเอกสารการเงินของออฟฟิศที่ผมรับผิดชอบอยู่มันไม่เดินเลยสักนิด จนทรายต้องเดินมาตบโต๊ะ

ปัง!

"เฮียแมน!!!" ผมสะดุ้งโหยง ก่อนจะเหลือบตามองรุ่นน้องร่วมออฟฟิศ แล้วดึงเศษสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาตั้งใจฟังที่ทรายพูด "งานเฮียเอามาให้ทรายเถอะค่ะ เหม่อซะขนาดนี้เมื่อไรมันจะเสร็จคะ"

"หา???..." ไม่รอให้ผมอนุญาตมือเรียวก็รวบแฟ้มงานทั้งหมดตรงหน้าผมไป ก่อนจะเดินไปสมทบกับเจ๊แจงที่ออกมาจากห้องประจำตำแหน่งตัวเองสักพักแล้ว

"ไอ้แมนมันเป็นอะไร ทำท่าอย่างกับผัวทิ้ง"

ฉึก! แทงใจดำ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ผมแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบที่ดังลั่นออฟฟิศของเจ๊แจงกับทราย

"หน้าตาเหมือนโดนเทตั้งแต่ยังไม่เริ่มคบ อย่าเรียกว่าโดนทิ้งเลยค่ะอาแจง" อาหลานคู่นี้เขาเป็นลูกคู่ที่ดีต่อกันครับ ผมแอบชำเลืองมองพี่แจงกับทรายที่พร้อมใจกันกรีดตาคมเฉี่ยวด้วยอายไลน์เนอร์เส้นเล็ก ยิ่งเสริมมาดนางร้ายขึ้นไปอีก ดวงตาแต่งแต้มสีสบกันอย่างมีความหมาย ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะขี้เกียจออกปากเถียงให้วุ่นวาย

"เฮ้อ น่าสงสาร ไปซื้อกาแฟมาไป ให้คนอื่นด้วยนะ ฉันเลี้ยง"

"พวกเจ๊เอาเหมือนเดิมนะทราย" พี่ปอพูดขึ้นแทนคนอื่นๆ ซึ่งวุ่นอยู่กับหน้าจอคอม แต่พี่กายนั้นเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำเลยทำหน้างง

"เอาอะไรกันอะ?!"

"อาแจงจะเลี้ยงกาแฟค่ะ เอาอะไรป่ะพี่กาย??" ทรายรับเงินมาจากพี่แจง ในขณะที่พี่กายสบตากับผม

“ไม่รู้ดิ แมนกินอะไรอะ?”

“พี่ไม่กินกาแฟได้ไหมอะทราย?”

“ไม่ได้!!/ไม่ได้ย่ะ!!” ทรายกับพี่แจงโพล่งออกมาแทบจะพร้อมกัน ผมขมวดคิ้วเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ

“ทำไมล่ะ ก็จะกินชามะนาว ไม่ได้เหรอ?”

“เออ ผมก็อยากกินนะเจ๊แจง”

“วุ้ย จะกินอะไรก็สั่งๆ มาเหอะ อย่าลีลา” พี่แจงโวยวาย หางตาแอบสบกับทรายเบาๆ นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก...

ท่าทางแบบนั้น ต้องมีอะไรแน่ๆ

“สรุปว่าพี่กับแมนเอาชามะนาวละกัน ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยถือ” พี่กายตัดบทให้

“ไม่ต้องๆๆ ค่ะ ทรายถือกลับมาเองได้” ทรายฉีกยิ้มจนตาปิด ผมมองตามร่างบางที่เดินตัวปลิวออกจากออฟฟิศไป

น่าสงสัย ท่าทางแบบนี้มันน่าสงสัย...




“ลาเต้ค่ะเจ๊ๆ” แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะของแต่ละคนโดยฝีมือของทราย ผมมองร่างบางในชุดรัดรูปที่เดินตรงไปยังโต๊ะพี่กาย “พี่กายอู้ แอบคุยกับสาละมีจะฟ้องอาแจง”

“ใครผัว นี่เมียพี่”

“หน้าตาอย่างแกเนี่ยนะจะกดใคร” เสียงพี่แตนค่อนแคะเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเจ๊คนอื่นๆ ในออฟฟิศ ทรายเดินขำ ถือแก้วชามะนาวมาทางผม ก่อนจะกระแทกมันลงบนโต๊ะ

“อะ! ชามะนาว กินให้หมดแก้วนะคะ”





ขอบคุณที่อ่าน คอมเมนท์ และแก้คำผิดกันเสมอมาค่ะ มีประโยชน์ต่อเห็ดมาก ดีใจที่มีคนชอบนะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม
ปล. พรุ่งนี้หวยออก ใครซื้อก็ขอให้ถูกรางวัลกันถ้วนหน้านะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 15-02-2016 16:50:19
สงสารแมททิวแต่เห็นใจแมนนะ
ส่วนแมททิวใช้เวลานานไปนะกว่าจะค้นพบใจตัวเอง
แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นฉากสวีทซะทีนะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-02-2016 18:56:50
แมทธิวยอมแพ้แล้วเหรอออ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 16-02-2016 16:14:05


อืม มันก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้บ้างแหละเนอะ
ก็น้องทำแมนเอาไว้หนักนี่ แถมตอนจากก็ดันไม่ได้คุยกันดี ๆ อีก
อดทนหน่อยนะแมธทิว เพื่อพี่แมน... เราต้องผ่านมันไปให้ได้นะพ่อ!

เป็นกำลังใจให้ค่ะ รอติดตามนะคะ ^^  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-02-2016 16:19:21
 :katai2-1:

ปรบมือให้พี่แมน แมนสมชื่อจริง

ปัญหาหัวใจมีแต่ต้องใช้เวลาเยียวยา มาๆกอดสองทีจิ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2016 16:36:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.12 (15/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-02-2016 18:19:59
สู้ๆ นะแมน  :katai4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 16-02-2016 18:38:12
Chapter 13 : Kidnap!?



หลังจากจัดท่านอนให้แมนเรียบร้อยดีแล้ว แมทธิวก็ปิดประตูรถแรงๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามันปิดสนิท ใบหน้าคมหันกลับไปมองผู้สมรู้ร่วมคิดหลายคนที่ยืนเรียงกันหน้าสลอนอยู่หน้าออฟฟิศ

"ผมไปก่อนนะครับ"

"อือ เร็วเหอะ ก่อนที่เฮียแกจะตื่นขึ้นมา"

โอ้โห... โดนยานอนหลับขนาดนี้กว่าจะตื่นก็เช้าของอีกวันได้มั้ง

"ครับพี่ทราย ขอบคุณทุกคนมากครับ" แมทธิวเดินอ้อมไปยังประตูฝั่งคนขับแล้วขึ้นรถไป ก่อนจะเปิดกระจกรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับเพื่อพยักหน้าขอบคุณเหล่าสมาชิกสมาคมนิยมชายได้ชายอีกรอบ แล้วออกรถไป



"หวานรู้สึกเหมือนส่งเจ้าสาวเข้าหอเลย"

"เจ๊ก็รู้สึกเหมือนกัน โหวงๆ เนอะ”

"จริงค่ะ..." ทุกคนยกมือทาบอกปลื้มปริ่มระคนสุขใจ กายไล่สายตามองแต่ละนางในออฟฟิศ ก่อนน้ำเสียงจิกกัดจะออกมาจากปากเขา

"ระวังน้า... เป็นแม่สื่อแม่ชัก เขาว่าจะขึ้นคานซะเอง"

พรึ่บ!!!

หญิงทั้งสาวและวัยกลางคนหันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง กายทำลอยหน้าลอยตา พลางยักไหล่

"ระวังเถ๊อะ... แมนตื่นมารู้ความจริงเมื่อไร..." กายยกมือขึ้นปาดคอ แล้วหมุนตัวเดินเข้าออฟฟิศไป

"เสร็จเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันเถอะ ไปๆ ทำงานค่ะ" ทุกคนยังมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็เดินตามร่างสูงของผู้ชายที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในออฟฟิศเข้าไปทำงานตามคำสั่งของแจง




.
.
.
ถนนหนทางที่เคยเต็มไปด้วยตึกสูงปลูกเรียงเบียดชิดกันทั้งสองข้างทาง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาคารไม่สูงมากสลับกับทุ่งกว้าง แมทธิวขับรถไปอีกไม่นานก็เข้าสู่เขตชุมชนอีกครั้ง

ใช้เวลาอีกไม่นานก็ถึงที่หมาย ร่างสูงหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าหมู่บ้านจัดสรร บรรยากาศในหมู่บ้านยามบ่ายเงียบสงบ แมทธิวสะดุ้งเบาๆ เพราะเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่ดังขึ้น ก่อนที่เขาจะกดหยิบหูฟังบลูทูธมาเสียบหูและกดรับ

"ฮัลโหลครับ"

(แมทธิว... ถึงไหนแล้ว)

"อ๋อ ใกล้ถึงแล้วครับ"

(ทราย อาขอคุยกับแมทธิวหน่อย... ค่ะ แมทธิว อาแจงอยากคุยด้วย)

"ได้ครับ"

(เป็นไงบ้าง แมนตื่นหรือยัง?)

"ยังครับ ฮ่าๆๆ สงสัยใส่ยาลงไปในชาเยอะไปมั้ง"

(แล้วคิดหรือยังว่าถ้าแมนตื่นแล้วจะรับมือยังไง?)

"...." ...ยัง เขาก็ยังไม่ได้คิดไปถึงไว้เลยเหมือนกัน

(น้องแมทธิว... พี่แจงรักแมนเหมือนน้องชายคนนึงนะ สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทำให้แมนเสียใจ)

"แน่นอนครับ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้น..."..อีก

(จ้ะ... ดูแลแมนด้วย อ้อ... อย่าลืม พี่ให้เวลาแค่ 7 วันเท่านั้นนะ)

ติ๊ด!

พี่แจงชิงตัดสายไปก่อน พอดีกับที่แมทธิวจอดรถเทียบหน้าบ้าน แมทธิวเหลือบมองร่างหลับสนิทข้างๆ ความเงียบโรยตัวชั่วขณะ


รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปวันนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่จะทำยังไงในเมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้โอกาสเขาง่ายๆ ก็ต้องมัดมือชกกันแบบนี้แหละ...


ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัวกับเรื่องความรักหรอก...




.
.
.
แมนลืมตาขึ้นช้าๆ เพื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ร่างที่สวมเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยยับเยินเพราะถูกแบกขึ้นบ่าครั้งแล้วครั้งเล่าพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นนั่งกุมหัวอย่างมึนงง


ที่นี่ที่ไหน?


มือเรียวตะปบไปตามกระเป๋ากางเกง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพบว่ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ยังอยู่ แมนมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยัง?!

.....หรือว่า....

เรียกค่าไถ่เหรอ!!?


แมนเบิกตากว้าง พลางยกมือขึ้นปิดปากตัวเองที่เตรียมจะกรีดร้องด้วยความกลัว ก่อนที่จะตั้งสติพาตัวเองมามองโลกตามความเป็นจริง

บ้าสิ ถ้าเรียกค่าไถ่จริงป่านนี้โดนมัดมือมัดเท้าไปแล้ว

แมนสะบัดหัวไล่ความมึน ก่อนจะลุกออกจากเตียงเพื่อเดินสำรวจ มือเรียวแง้มม่านให้เปิดออกเล็กน้อย แสงแดดสีส้มยามเย็นสาดส่องผ่านประตูกระจกมาแยงตาจนแมนต้องปล่อยให้ม่านปิดลงตามเดิม ชายหนุ่มเหลือบมองโต๊ะหนังสือที่วางอยู่ข้างเตียงตรงมุมห้อง ก่อนจะเดินตรงไปหามัน...

มือของแมนหยิบกรอบรูปสีม่วงพาสเทลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา รูปภายในกรอบทำให้มือของเขาเริ่มสั่นน้อยๆ

รูปของแมนที่ทำหน้าเหมือนท้องผูกใส่กล้องในระยะใกล้ และมีร่างสูงของแมทธิวยืนห่างไกลออกไปหลายร้อยเมตรในเฟรมด้วยกัน เป็นรูปคู่เพียงหนึ่งเดียวที่แมนมีกับแมทธิวตั้งแต่เขายังไม่รู้จักกับเด็กคนนั้น และแนทเป็นคนกดถ่ายให้ แมนจำได้

นั่นก็ชัดเจนพอแล้วว่าเจ้าของห้องนี้คือใคร... ในเมื่อนอกจากเขา กับแนท ก็ไม่มีใครเคยเห็นภาพเหล่านี้แล้วนอกจาก...

.
.
.
ในห้องมืดเหมือนเคย มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงที่ทำให้เห็นว่ามีร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง

ใบหน้าเรียวที่เอียงตะแคงหนุนเข่ามีคราบน้ำตาแห้งกรังเปรอะเปื้อนเต็มหน้า ใต้ดวงตาบอบช้ำ และบวมแดงจนดวงตาเรียวเล็กยิ่งแคบไปอีก ริมฝีปากที่กัดกลั่นเสียงสะอื้นค่อยๆ คลายออก และพ่นลมหายใจออกมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกร๊ก!

ประตูห้องถูกเปิดทันทีหลังเสียงเคาะประตูโดยไม่รอให้แมนอนุญาต มันเป็นแบบนี้มาร่วมเดือนแล้วนับตั้งแต่แนทให้เพื่อนมาอยู่ห้องแฟนของตัวเอง และเธอไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อนได้มากกว่านั้นเลย

"แมน แม่แกโทร.มา" ร่างบางเดินมาทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ แมน แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบเพื่อนช้าๆ "...ถามว่าเมื่อไรจะซื้อโทรศัพท์ใหม่"

"..." เหมือนกลับสู่โลกความเป็นจริง แมนสบตากับแนทแล้วเม้มปากแน่น

"แกจะคุยกับแม่ไหม?"

".....อือ" แมนครางรับในลำคอ แนทล้วงโทรศัพท์ออกจากระเป๋า กดโทร.ออก แล้วส่งมันให้เพื่อน


"ครับแม่" แมนขยับตัวนิดหนึ่งออกจากอ้อมแขนเพื่อนสนิท แล้วคลายแขนที่กอดเข่าของตัวเองออก เมื่อได้ยินเสียงนุ่มอันอบอุ่นหัวใจ

(แมนเมื่อไรจะซื้อโทรศัพท์ใหม่ล่ะ มันติดต่อลำบากนะลูก)

"...ครับ... เดี๋ยวซื้อ..."

(แล้วขนของมาไว้บ้านตั้งเป็นเดือนแล้วยังไม่เห็นตัวเราเลย สัญญาเช่าที่นั่นยังไม่หมดอีกเหรอแมน?)

"....ครับ ผม... จะหางานก่อน"

(เอางั้นเหรอ กลับมาช่วยป๊าแกทำงานก็ได้นะแมน)

"ไม่... คือ ครับ ผมอยากหาประสบการณ์ก่อน" แมนยกมือขึ้นขยี้จมูก และกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับรูม่านตาให้เข้ากับความสว่างของห้องที่เพิ่มขึ้นเมื่อแนทลุกไปเปิดไฟ

(จ้า แม่ตามใจลูกหมดนั่นแหละ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ)

"..."

(มีอะไรขาดเหลือบอกพวกเราได้เสมอนะลูก รักแมนนะ)

"ครับ... ครับ" แมนตอบรับเสียงสั่น และถือโทรศัพท์คาอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ปลายสายตัดไปแล้ว

น้ำตาที่กำลังไหลดึงเขาเข้าสู่วังวนแห่งความทรงจำอีกครั้ง

แนทมองภาพน่าหดหู่ใจของเพื่อน มือเรียวของดึงโทรสัพท์ตัวเองออกจากมือแมน ก่อนจะสวมกอดร่างของเพื่อน แล้วลูบหลังเบาๆ

"ฮึก..." แนทได้ยินเสียงสะอื้น มันดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงียบไป บ่าเล็กของหญิงสาวยังคงเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา และแมนค่อยๆ ผละตัวออกจากอ้อมกอดของแนทช้าๆ

แนทมองใบหน้าอิดโรยและเปื้อนคราบน้ำตาของเพื่อนด้วยความสงสารจับใจ ริมฝีปากแต่งสีสดเบ้น้อยๆ แต่เธอก็กัดมันแน่นเพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมาตามเพื่อน นิ้วเรียวสวยของแนทยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแมน

สัมผัสของปลายนิ้วที่ใต้ดวงตาทำให้แมนน้ำตาทะลักออกมายิ่งกว่าเดิม...

เพราะมันทำให้เขานึกถึงคนที่อยากลืมมากที่สุดในตอนนี้

ไหนบอกว่าถ้าไม่เหลือใคร เขาจะมีคนๆ นั้นไง ที่ผ่านมามันไม่เคยมีความหมายอะไรเลยใช่ไหม?

เป็นแค่ความใจดีทั่วๆ ไป... มันก็น่าจะชัดเจนตั้งแต่วันที่แมทธิวจากเขาไปอย่างไร้เยื่อใยแล้วไม่ใช่เหรอ?

ภาพของแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไปชัดเจนในความทรงจำเขาเหมือนมันเกิดขึ้นเมื่อวาน และมันฉายซ้ำในความฝันของแมนอยู่อย่างนั้น

เขาจะโทษใคร... แมนมีสิทธิ์โทษใครในเมื่อคนที่ทำมันพังคือเขาทั้งนั้น เขาหลอกใช้ความใจดีและความใกล้ชิดที่เจ้าตัวมีให้เพื่อสร้างความสุขแค่ชั่วคราวให้ตัวเอง

แมนเข้าใจ แต่ไม่อยากยอมรับมัน...

เราไม่ควรย้อนกลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันแบบนี้ เขาอยากให้แมทธิวกลับมา สถานะอะไรก็ได้...


"ฮึก ขอโทษ อย่าไป... ขอโทษ ฮือ...."

.
.
.


เพล้ง!!!

แมนปากรอบรูปในมือทิ้งลงกับพื้น เขาหอบหายใจอย่างแรง และก้มมองมือสั่นๆ ของตัวเอง ริมฝีปากสั่นน้อยๆ ทำท่าจะขยับพูด


“พี่แมน!!?” แมทธิวแทบจะพังประตูเข้าไปในห้อง เมื่อได้ยินเสียงของแตกดังไปถึงข้างล่าง ภาพของแมนที่นั่งกุมหัวร้องไห้กับเศษกระจกจากกรอบรูปที่แตกกระจายทำให้แมทธิวแทบจะถลาไปยังร่างของแมน

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกนายนะ...” แมนหันไปมองหน้าแมทธิว ริมฝีปากแมนพึมพำคำพูด นัยน์ตาของชายหนุ่มรุ่นพี่ไร้แววของความรู้สึก “ฮึก อย่าเกลียดฉันนะ ฉันไม่ได้จะหลอกนาย อย่าไปจากฉัน...”

“พี่แมน!?...”

“อย่าไป!!! ฮือ....”

“พี่แมน....” แมทธิวประคองร่างแมนให้ลุกยืนพลางใช้เท้าเขี่ยเศษกระจกให้พ้นทาง

“อึก... แค่กๆ ฮือ....” ฝ่ายใหญ่กุมใบหน้าแมนเบาๆ และจับให้มันเงยขึ้น

“พี่แมน!!” แมทธิวส่งเสียงเข้มเรียกสติอีกฝ่าย แมนหยุดสะอื้น มองใบหน้าแมทธิว ดวงตาของชายหนุ่มรุ่นพี่เบิกกว้าง เท้าก้าวถอยหลังหนีจากการประคองของแมทธิว

“ออกไป!!!...” แมนตะโกนสุดเสียง นัยน์ตาไร้แววเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว ร่างทั้งร่างที่สั่นเทาของแมนทำเอาแมทธิวหน้าเสีย “อย่าทำอะไรฉัน... อย่า....”

“พี่แมน!?”

“อย่าทำอะไรกู... ช่วยกูด้วย ใครก็ได้!! อ๊าก....” แมนยกมือขึ้นกุมหัวแล้วร้องออกมาด้วยความทรมาน ใบหน้าและริมฝีปากซีดเซียวนั้นดูไม่สู้ดีนัก ทันทีที่แมนทรุดลงนั่ง แมทธิวก็ถลาไปประคองร่างนั้นไว้อีกครั้ง

“พี่แมน ใจเย็นๆ ครับ”

“ฮือ...”

“ผมไม่ทำอะไรพี่แล้วครับ นะ ขอโทษนะ อย่าร้องไห้นะคนดีของผม” วงแขนแกร่งโอบกอดร่างของแมน มือหนาค่อยๆ ดันศีรษะของรุ่นพี่ซบลงบนบ่าแล้วลูบไล้กลุ่มผมยุ่งเบาๆ ริมฝีปากบางที่กำลังพึมพำคำปลอบโยนพรมจูบเบาบนหน้าผากแมนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พี่แมน แมทธิวขอโทษนะครับ”


แมนร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไป แมทธิวบรรจงจัดท่านอนให้ร่างโปร่งนั้น แล้วนั่งมองอีกฝ่ายอยู่นาน เขาจ้องขอบตาบวมของแมน ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดหยดน้ำตาที่ซึมบริเวณหางตาออก ไล้เรื่อยมาถึงใต้ดวงตาบวมอย่างแผ่วเบา ในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้


บาดแผลทั้งหมดของพี่แมน เขาเป็นคนสร้างขึ้นทั้งนั้น แต่กลับรอให้เวลาผ่านมานานโดยไม่รับรู้ความผิดของตัวเองเลย


มันจะสายเกินไปไหม ถ้าเขาจะรักษาแผลที่ตัวเองเคยสร้างไว้ให้กับคนๆ นี้... แมทธิวถามตัวเองท่ามกลางความเงียบงัน







ขอบคุณนะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-02-2016 00:20:31
ง่าา. พยายามเข้านะแมทธิว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 17-02-2016 03:09:23
 แมททิวสู้ๆนะ  ลบภาพที่เจ็บนั้นให้ได้ อันที่จริงวันนั้นนายก็ไม่ควรหันหลังออกไปแบบนั้นเลยนะ.. :mew6:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 17-02-2016 08:46:31
อย่าให้อภัยง่ายๆค่ะ  :katai1:
ไม่ยอมม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-02-2016 09:49:05
 :เฮ้อ: แมนเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.13 (16/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-02-2016 14:46:30
สงสารน้องแมนจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 18-02-2016 17:35:43
Chapter 14 : You left my heart a mess.



แมทธิวจอดรถยุโรปคันหรูของตัวเองที่ใช้มาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ของขวัญจากการสอบเข้าได้ที่เขาคิดมาตลอดว่าแม่ซื้อมันให้ ก่อนจะได้รู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้ว่าแท้จริงแล้วมันมาจากเอดิสัน คุณพ่อชาวต่างชาติที่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิดเมืองนอนที่ยุโรปกับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน

ขายาวก้าวลงจากรถแล้วเดินควงกุญแจด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างถือถุงใส่สารพัดของกินที่ตัวเองอุตส่าห์เหยียบรถออกไปซื้อมาจากข้างนอก

ร่างสูงวางข้าวของลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนเพื่อปลุกให้คนที่น่าจะยังหลับอยู่ลุกขึ้นมากินข้าวเย็นด้วยกัน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แมทธิวเคาะประตูเบาๆ แค่พอเป็นพิธี แล้วผลักประตูเข้าไปในห้อง ดวงตาคมหรี่ลงแล้วเปลี่ยนเป็นเบิกกว้าง...

...เมื่อพบกับความว่างเปล่าในห้อง


“พี่แมน!?”



.
.
.

“พี่แมน!?” ถุงโจ๊กร่วงลงจากมือหนา แมทธิวที่เพิ่งบึ่งรถกลับมาจากซื้อข้าวและยาแทบจะทรุดลงกับพื้นตามถุงใส่โจ๊ก เมื่อเปิดประตูห้องของชายหนุ่มรุ่นพี่เข้ามาเพื่อพบกับความว่างเปล่า

พี่แมนไปไหน!?

แมทธิวตั้งสติ ตรงปรี่ไปกระชากผ้าห่มออกจากเตียง คราบเลือดและน้ำกามบนนั้นยังอยู่ครบถ้วน เสียงหัวใจในอกของหนุ่มลูกครึ่งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา

ร่างสูงลนลานวิ่งไปเปิดประตูห้องน้ำ ความว่างเปล่าทำให้ชายหนุ่มกระแทกมันปิดตามเดิม แล้ววิ่งออกจากห้องนอนมาด้านนอก สอดส่องสายตาหาร่างที่ควรนอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงไปทั่ว


‘ฉันจะย้ายออกพรุ่งนี้’


ประโยคนั้นดังซ้ำขึ้นมาในหัว แมทธิวล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดโทร.หาแมน

ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย....


I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~
I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~



เสียงเรียกเข้าภาษาประหลาดแต่แมทธิวคุ้นเคยมันเป็นอย่างดีทำให้สีหน้าของหนุ่มลูกครึ่งดีขึ้น ร่างสูงเดินตามเสียงไป... มันดังมาจากในห้องนอน แปลว่าแมนอาจจะยังอยู่ในนั้น

โทรศัพท์ของแมนนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น มือใหญ่ค่อยๆ เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู แล้วกำมันแน่นอย่างไม่รู้ตัว แมทธิวก้มลงหยิบโทรศัพท์ของแมนขึ้นมาดู...

“Fuck!!!”
.
.
.



“ฮัลโหล พี่หมอ...” เสียงของแมนดังมาจากห้องนอน ดึงความสนใจของแมทธิวที่หลงคิดว่าเหตุการณ์กำลังจะซ้ำรอย แมทธิวหันไปมองตามเสียง จังหวะหัวใจที่เต้นรัวค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ ร่างสูงเดินย่องไปหน้าประตูห้องน้ำ หูตั้งใจฟังบทสนทนาที่เล็ดลอดออกมา

“ผมกลับไปเป็นเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ทำไงดี?”

“...”

“!” แมนผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงเจ้าของห้องนั่งเอาศอกเท้าเข่าอยู่บนเตียง แมทธิวหันมาหาเขาตามเสียงเปิดประตู ก่อนจะลุกขึ้นตรงมาประชิดตัว

“หยุดอยู่ตรงนั้น” แมนชี้นิ้วไปที่หน้าแมทธิว แล้วทิ่มนิ้วลงกับพื้นตรงจุดที่ห่างกับตัวเองไปเกือบเมตร ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายส่งสายตาอ้อนวอนมาให้

“พี่แมน ฟังผมอธิบายก่อน...”

“ฉันไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว พาฉันกลับเดี๋ยวนี้” แมนขมวดคิ้วไม่พอใจกับบทสนทนาที่คล้ายกับตัวเองเป็นนางเอกในละครหลังข่าว แมทธิวทำปากยู่เล็กน้อย แล้วใช้ทีเผลอสวมกอดแมนซึ่งกำลังยืนมึนอย่างรวดเร็ว

“พี่แมน อย่าเพิ่งกลับเลยนะ” แมทธิวก้มหน้าผากลงแตะกับหน้าผากแมน ริมฝีปากอมยิ้มเมื่อเห็นแววตาตระหนกที่อีกฝ่ายแสดงออกมา “พี่แจงอุตส่าห์ให้ลางานตั้ง 7 วัน”


อ๋อ นี่สมคบคิดกันหมดเลยสินะ...


“พาฉันกลับ... เดี๋ยวนี้!” แมนผลักอกแมทธิว ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาเอาเรื่อง

“มันมืดแล้วพี่แมน...”

“พาฉันกลับ...”

“ให้โอกาสผมไม่ได้เลยเหรอพี่แมน?” แมทธิวรวบมือแมนที่ปัดป่ายเขาให้ออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะสวมกอดอีกครั้ง แมนทำหน้าหงิกไม่พอใจเมื่อถูกรวบมือ “ผมขอแค่ 7 วัน...”

“...แล้วยังไง?”

“ถ้า 7 วันนี้พี่ไม่รู้สึกอะไรเลย ผมพร้อมจะทำทุกอย่างที่พี่ต้องการ... ไม่เว้นแม้แต่หายไปจากชีวิตพี่ ตลอดไป”

“...”

“...” ความเงียบโรยตัวเมื่อสองสายตาสบประสานเพื่อลองใจกัน แมนเผยอปากคล้ายจะพูด ในหัวพยายามเรียบเรียงประโยคเพื่อต่อรอง

“ฉันขอถามอีกครั้ง ทำแบบนี้... ต้องการอะไร??”

“...ต้องการหัวใจพี่” แมทธิวยกมือแมนมาวางแนบแก้มตัวเอง ชายหนุ่มรุ่นพี่เก็บอาการคันแก้มยุกยิก แล้วเลิกคิ้ว พลางพูดเสียงเรียบ

“เกือบ 3 ปีเลยนะ ไม่สายไปหน่อยหรือไง?”

“มันอาจจะสายไปสำหรับครั้งนั้น แต่ผมกำลังจะเริ่มใหม่ตอนนี้ไงครับ”

“...”

“ความรู้สึกที่พี่เก็บไว้ทั้งหมดตอนนั้น ช่วยให้มันกับผมพร้อมโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีก 7 วันได้ไหมครับ”

“...” แมนกัดริมฝีปากแน่นมาก ก่อนจะกระชากมืออกจากการเกาะกุม แล้วสะบัดหน้าหนี “ฉันไม่ให้!!!”

“ทำไม?...” น้ำเสียงของแมทธิวหล่นวูบ แมนหันกลับมามองหางตาตกๆ ของอีกฝ่ายด้วยอาการยุกยิกหัวใจ
.
.
.
“.....เพราะฉันรู้ว่าถ้าเป็นนาย แค่วันเดียวก็หวั่นไหวแล้วไงโว้ย ไม่เอาหรอก อยู่ด้วยกันตั้ง 7 วัน เขินตายห่าพอดี” แมนทรุดลงนั่งยองๆ แล้วยกมือปิดหน้า เสียงหัวเราะร่วนของแมทธิวที่ดังเข้ามาในโสตประสาทยิ่งทวีความร้อนบนใบหน้าแมนขึ้นไปอีก

สาบานว่าผ่านมาทั้งชีวิตไม่เคยจินตนาการถึงจุดนี้มาก่อน พี่แมนทำตัวไม่ถูกจริงๆ

“ฮ่าๆๆ คนเก่งของผม ไปกินข้าวกันนะ”



“คือจำเป็นต้องจูงมือ?...” แมนก้มมองมือตัวเองแล้วเงยหน้ามองท้ายทอยของร่างที่เดินนำเขาลงบันไดไปที่โต๊ะกินข้าว

“จำเป็นครับ เผื่อพี่หนีผมไปอีก” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ปล่อยมือเขา แล้วเดินหายเข้าไปในครัว แมนมองตามแมทธิวเงียบๆ แล้วเบ้หน้า

ทำมาเป็นพูด... ใครกันแน่ที่หนี

“หาเชือกมาผูกติดกันไว้เลยไหมล่ะ?” แมนบ่นพึมพำคนเดียว แต่คนที่เพิ่งขนถ้วยชามออกจากครัวมาได้ยินชัดแจ๋ว

“เป็นความคิดที่ดีนะครับ”


“พี่แมนกินอะไรดี?” แมทธิวหยิบถุงใส่อาหารออกมาวางเรียงตรงหน้า “มีโจ๊กหมู กับไก่ ผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบกินอะไรเลยซื้อมาทั้งสองอย่าง”

“อือ...” แมนหลุบตามองเมนูที่แมทธิวว่า ก่อนจะเหลือบมองถุงพลาสติกที่อยู่ตรงหน้าแมทธิว

“ฉันอยากกินเกี๊ยวกุ้งตรงหน้านายอะ ได้ไหม?”

“เอ่อ... ครับ” แมทธิวมองถุงข้างชามเปล่าของตัวเอง “ได้สิครับ”

“หึ ล้อเล่น ฉันไม่แย่งของโปรดนายหรอก” แมทธิวมองรอยยิ้มมุมปากของแมน หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“พี่จำได้ด้วยว่าผมชอบกินอะไร... ดีใจจัง”

วืด... แมนได้ยินเสียงอย่างนั้นจริงๆ ในหัว ก่อนที่เขาจะแกล้งกระแอมเบาๆ แล้วเป็นเทโจ๊กใส่ถ้วยกลบเกลื่อน

“นานไหมครับ?”

“...ฮึ่ม อะแฮ่ม หืม?” ...นานอะไร? แมนเลิกคิ้วถาม พลางเอาช้อนคนๆ เขี่ยๆ โจ๊ก

“ก็พี่ชอบผมอยู่นานไหมครับ กว่าเราจะรู้จักกัน” แมทธิวเท้าคางจ้องแก้มที่เริ่มขึ้นสีของแมนยิ้มๆ

“...” แมนเม้มปากแน่น

นานไหม... ก็ตั้งแต่แมทธิวยังเป็นเด็กมัธยมกางเกงน้ำเงินเดินร่อนไปร่อนมาให้โดนถ่ายรูปลงเพจเฟซบุ๊กนับครั้งไม่ถ้วนน่ะ


‘นั่งเลยครับพี่’


ภาพความประทับใจแรกที่แมนเจอแมทธิวตัวเป็นๆ สละที่นั่งให้บนรถไฟฟ้าอย่างบังเอิญยังตราตรึงใจมาจนวันนี้ ทุกๆ อีเวนท์ที่แมทธิวทำ แมนตามเก็บไม่มีตกหล่นนับจากวันนั้น และมันช่างเป็นความสุขล้นเหลือที่แมทธิวเปลือยท่อนบนมาเคาะประตูห้องขอบ็อกเซอร์ที่ปลิวมาตกห้องเขาวันนู้น

ทุกเหตุการณ์ชัดเจนในความทรงจำของแมน ยิ่งกว่าบทเรียนที่เคยเรียนบทไหนๆ

“เอ้า พี่แมนหน้าแดงใหญ่แล้ว คิดอะไรอยู่ครับ?”

“มะ... ไม่ ไม่นี่ โจ๊กมันร้อนเฉยๆ” แมนปฏิเสธลิ้นแทบพันกัน แมทธิวยิ้มขำ

“งั้นเปลี่ยนคำถามเป็น... ทำไมพี่ถึงชอบผมเหรอครับ?”

“...” เออ... นั่นสิ มันก็มีหลายปัจจัย ให้แยกย่อยบรรยายเป็นหัวข้ออาจจะต้องขอเวลาสัก 3 วันในการเรียบเรียงและนำเสนอ

เอาเป็นสรุปสั้นๆ ว่ามันเริ่มจากคลั่งไคล้ และกลายเป็นหลงรักเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันพอไหม?

“เพราะนายหล่อและน่ากินมาก” แมนพูดเบาๆ จงใจกวนประสาท แต่ด้วยระยะห่างแค่นี้ มีเหรอแมทธิวจะไม่ได้ยิน

“.......แล้วผมอร่อยจริงๆ ไหมครับ”

“แค่ก... แค่กๆ ฮึ่ม แค่ก” แมนคว้าน้ำมากระดกแก้อาการสำลักโจ๊ก สายตาอาฆาตถูกส่งไปให้คนตรงหน้า

“ฮ่าๆๆ”

“ตาฉันบ้าง นายบอกว่าจะจีบฉัน นายชอบฉันจริงๆ หรือเพราะอะไร!?”

“วนมาเรื่องนี้อีกและ... ถ้าไม่ชอบจะจีบไหมครับ”

แปร๊ด! แมนหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะสำลักหรือเพราะเขิน

“คนอย่างนายจะมาชอบอะไรฉัน”

“ก็ชอบเพราะแบบนี้ไงครับ” แมทธิวยืนนิ้วไปจิ้มแก้มแดงๆ ของแมน เขาชอบตอนเห็นหน้านิ่งๆ ของแมนแสดงสีหน้าที่หลากหลายและแสดงปฏิกิริยาแบบเกินจะคาดเดา มันดึงดูดชวนให้อยากมองไม่รู้เบื่อ “เหคุผลมากกว่านี้ พี่ต้องเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปอยู่ในโลกของพี่นะ แล้วจะบอกให้ฟังจนเบื่อเลยว่าทำไมต้องเป็นพี่”

“ถึงวันนั้นนายจะไม่พูดแบบนี้”

“พูดแบบนี้แสดงว่าให้โอกาสผม?”

“เอ๊า ถ้าไม่ให้โอกาสจะนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม? อุ๊บ!” แมนยกมือขึ้นปิดปาก แล้วหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บใจ ทำไมเดี๋ยวนี้เขากลายเป็นคนพูดอย่างที่คิดไปซะทุกอย่างเลยเนี่ย...

แต่ก็ใช่ ถ้าไม่ให้โอกาสป่านนี้เขาโทร.เรียกใครมารับกลับไปแล้ว

“ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับพี่แมน ขอบคุณจริงๆ”

“...” แมนเม้มปากแน่น และเบนหน้าหนี แมทธิวยื่นมือไปหยิกแก้มหนุ่มรุ่นพี่เบาๆ แต่เจ้าตัวเกร็งคอหลบจนคอย่นเป็นชั้น

“กินข้าวเถอะพี่แมน กินให้หมดด้วย พี่ผอมลงไปเยอะเลยนะ รู้ตัวเปล่า”

ผอมบ้าอะไร เหนียงออกไม่เห็นเหรอ... แมนบ่นในใจแต่ก็ยิ้มหวานประชดใส่แมทธิว


ความเงียบโรยตัว แมนนั่งกินโจ๊กพลางเหลือบมองร่างสูงที่กดๆ จิ้มๆ โทรศัพท์อย่างคลางแคลงใจ

นี่ไม่ใช่ฝันซ้อนฝันซ้อนๆๆ ฝันใช่ไหม?

เพราะถ้าใช่มันคงเป็นฝันดีที่เขาจะไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลยล่ะ



.
.
.
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆ” แมทธิวงอตัวขำเมื่อเห็นแมนใส่เสื้อยืดของตัวเองเดินมาหยุดตรงหน้า ร่างสูงบนโซฟาไล่สายตามองแมนที่ดูผอมลงไปอีกเมื่ออยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขา

ไหล่เสื้อตกมาอยู่ตรงต้นแขน กับความยาวเกินพอดีจนแทบเป็นเดรส กางเกงบอลตัวโคร่งยาวเลยเข่าลงมานิดหน่อย ภาพรวมของชายหนุ่มรุ่นพี่ตอนนี้เหมือนพวกศิลปินฮิปฮอป

“ขำอะไร เอารหัสไวไฟมา”

“เดี๋ยวผมกดให้ มันยาวครับ” แมนยื่นโทรศัพท์ให้แมทธิวแต่โดยดี ก่อนจะยกแขนยืนกอดอกมองแพขนตาสีอ่อนของรุ่นน้องที่ก้มหน้าจิ้มแป้นพิมพ์ “พี่แมน ให้ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าให้ไหมครับ?”

“หืม ก็ดีนะ พาฉันกลับไปส่งด้วย”

“ไม่เอาแบบนั้นสิครับ”

“งั้นก็ไม่ต้อง อ้อ... มีสายชาร์จไหม?” แมนรับโทรศัพท์จากแมทธิว หนุ่มลูกครึ่งพยักหน้า

“มีครับ อยู่ในห้องนั่นแหละ ลองหาดูนะ” ใบหน้าคมประดับรอยยิ้มไม่พอ แววตายังยิ้มอย่างมีความหมาย

“ยิ้มอะไร?” แมนเอาโทรศัพท์ชี้หน้าแมทธิว ร่างสูงกลั้นยิ้ม ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“ก็อันเดอร์แวร์ พี่แมนจะใส่ของผมเหรอครับ?”

“...” มันปรี๊ด... แมนเข่นเคี้ยวฟัน ใบหน้าเห่อร้อนเพราะความเขิน “ไม่รู้!”

เขาก็แค่ไม่อยากให้แมทธิวรู้รหัสเข้าห้อง ไม่ได้จะเนียนใส่เสื้อผ้าร่างสูงนั่นเลยสักนิด

ไม่มี ไม่เล้ย... เชื่อแมนสิ!




.
.
.
“เฮือก!” เสียงหอบหายใจดังมาจากร่างที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แมทธิวละสายตาจากแท็บเล็ตในมือก็เห็นแมนลืมตาโพลงท่ามกลางแสงไฟสลัว หนุ่มรุ่นพี่หอบหายใจเบาๆ ก่อนจะเบะปากคล้ายจะร้องไห้ออกมา

“พี่แมน?” แมทธิววางแท็บเล็ตลงข้างตัว ก่อนจะขยับไปประคองให้แมนลุกขึ้นนั่ง แมนทำสีกน้าสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลายกังวลในเวลาไล่เลี่ยกัน

“แมทธิว...” ชายหนุ่มรุ่นพี่จ้องหน้า และเรียกชื่อเขาเสียงเบา แมทธิวระบายยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือไปประคองใบหน้าเรียว

“ว่าไงครับ?” แมนมองตามมือที่ไล้กรอบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นสบกับนัยน์ตาสีประหลาดของแมทธิว “ฝันไม่ดีเหรอ?”

“...อือ” แมนเบือนหน้าหนีสัมผัสนั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิม ร่างโปร่งพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้แมทธิว มือเรียวข้างหนึ่งแอบยกขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองที่เต้นตุบๆ จนปวดหนึบ

ไม่รู้ว่ามันเต้นรัวขนาดนี้เพราะฝันร้าย หรือเพราะการกระทำของร่างสูงเมื่อกี้กันแน่

“ฝันเกี่ยวกับผมด้วยใช่ไหม” แมนถูกบังคับให้พลิกตัวมาเจอกับใบหน้าแมทธิวในระยะประชิด เขากัดริมฝีปากแน่น

อัลบั้มภาพความทรงจำถูกเปิดขึ้นทุกครั้งที่เราสบตากัน...

“พี่แมน มีอะไรอยากให้ผมทำไหม?” อย่า... อย่าเอาใบหน้าลูกครึ่งๆ มาใกล้ แล้วทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดใส่กันแบบนี้ “อดีตผมคงกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ผมจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด..”

แมนยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของร่างสูง และส่ายหน้าเป็นเชิงให้หยุดพูด

“...แค่ทำให้ฉันแน่ใจว่าทั้งหมดนี้คือความจริงก็พอ” นัยน์ตาสีเข้มของแมนจ้องลึกไปในนัยน์ตาสีอ่อนของแมทธิว ริมฝีปากบางยิ้ม มือใหญ่ยกมือที่ทาบอยู่บนริมฝีปากตัวเองมาสอดประสานนิ้วมือแน่น ก่อนที่แมทธิวจะขยับร่างตัวเองเข้าสวมกอดแมนไว้หลวมๆ

“งั้นผมกอดพี่ไว้อย่างนี้ดีไหม ตื่นมาพี่จำได้รู้ว่าผมไม่ได้หนีไปไหน และทุกอย่างก็ไม่ใช่ความฝัน”

“...” เอ๊ะ... กล้ามเนื้อปากแมนเป็นอะไรมากไหม ทำไมมันควบคุมไม่ค่อยจะอยู่ แล้วยิ่งสบตากับร่างสูงในความมืดยิ่งเกินจะกลั้นยิ้ม สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจฝังหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง ปากก็บ่นพึมพำอู้อี้ “ขี้โม้จริงๆ”

“ฮ่าๆ ฝันดีครับ” แมทธิวกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมของร่างในอ้อมกอด ก่อนจะร้องโอดโอยเพราะโดนแมนหยิกเข้าที่เอว “โอ๊ยๆ... หยิกผมทำไม?”


“ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้สิ มันเขินโว้ย!!!”








ขอบคุณนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 18-02-2016 17:45:24
แมททิวสู้ๆนะ ชดเชย3 ปีที่หายไปให้ได้ ขอให้แมนใจอ่อนนะ ภายใน 7 วัน อยากให้เห็นฉากสวีททั้งคู่แล้วง่ะแต่แค่นี้ก็น้ำตาลในกระแสเลือดกระเตื้องขึ้นมานิดนึงแล้วนะ .. :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-02-2016 18:49:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 18-02-2016 18:58:21
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-02-2016 19:09:03
 :L2: :pig4:

เราชอบพี่แมนแบบนี้ ไม่อึดอัดเหมือนแต่ก่อน เป็นตัวของตัวเองดี
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-02-2016 20:32:15
ค่อยๆกลับมาจีบกันใหม่ พี่แมนค่อยๆหายนะ เอาความรักของแมทธิวมาเยียวยาเลย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-02-2016 00:25:36
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาแมทธิว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.14 (18/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-02-2016 03:16:09
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 22-02-2016 15:00:29
Chapter 15 : It was my fault.

 

 

 

ฝ่ามือของผมเย็บวาบเมื่อสัมผัสกับราวระเบียงโลหะ อากาศยามเช้าวันนี้เย็นขึ้นมากะทันหันเพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่นึกอยากพัดก็พัดลงมาให้หนาวเล่นๆ ผมยืนขนลุกทอดสายตามองพระสงฆ์ 2 รูปที่เดินผ่านหน้าถนนหน้าบ้าน และหยุดรับบิณฑบาตที่บ้านตรงข้ามกัน ภาพความสงบนี้ชวนให้ผมคิดถึงบ้าน ป๊า และแม่

 

คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล... อยากกลับไปซบลงที่ตรงตักแม่

 

“ฮ้าว...”

 

“ยืนทำอะไรครับ ไม่หนาวเหรอ?” ผมที่กำลังหาวอยู่แทบจะหลุดกรี๊ดออกมาเพราะความตกใจจากแรงสวมกอดข้างหลัง แมทธิวเกยคางบนไหล่ผม ริมฝีปากบ่นออกมาทั้งๆ ที่งัวเงีย “ตื่นเช้าจังเลย ไม่ง่วงบ้างเหรอ?”

 

“...” ...ไม่ง่วงเลยมั้ง ที่หาวนี่ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอเฉยๆ ผมดิ้นยุกยิกพอเป็นพิธี แล้วก็ปล่อยให้คนหน้าทนกอดอยู่อย่างนั้น “นายล่ะ ตื่นมาทำไมแต่เช้า ถ้าง่วงก็ไปนอนต่อไป”

 

“ไม่เอา...” แมทธิวพูดทั้งที่หลับตาพริ้มเอาคางเกยไหล่ผม ผมเหลียวมองรอยยิ้ม แล้วแอบเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะถอนหายใจออกแล้วมองภาพเบื้องล่างต่อไป

 

“เดี๋ยวล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปตลาดกันนะพี่แมน”

 

“หือ...” ผมหันไปมองตามแมทธิวที่ผละออกจากผม แล้วเดินปิดปากหาวเข้าไปในห้อง ก่อนจะหลุบตามองขนแขนตัวเองที่ลุกชันขึ้นเพราะอากาศเย็น

 

พอไม่มีอ้อมกอดนั้นแล้วมันก็หนาวขึ้นมาซะดื้อๆ เลยครับ...

 

 

 

ตลาดสดยามเช้ามีของกินทุกอย่างที่ท่านเรียกหา

 

ร้านหมูปิ้งมองเห็นควันลอยโขมงแต่ไกลส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วน้ำลายเป็นร้านแรกที่แมทธิวกระตุกแขนผมให้หยุดซื้อ ผมรับถุงใส่หมูปิ้งสิบกว่าไม้พร้อมข้าวเหนียวมาถือในขณะที่ร่างสูงควักเงินในกระเป๋าจ่ายให้แม่ค้า ก่อนเราทั้งคู่จะเดินตรงเข้าไปข้างในตลาด

 

"โจ๊กไหมพี่แมน?" แมทฑิวชะลอฝีเท้า ผมหันไปมองร้านโจ๊ก ก่อนจะเบ้และส่ายหน้ารัวๆ โจ๊กของเมื่อคืนยังไม่ย่อยเลยมั้ง

 

"ข้าวต้มไหม? ใส่ตับใส่ไข่ บำรุงเลือด" แมทธิวถามอีกเมื่อเดินผ่านร้านข้ามต้มตั้งอยู่ข้างๆ กัน ผมส่ายหัวเพราะไม่รู้สึกอยากอะไรทำเหลวๆ แหยะๆ โจ๊กเมื่อคืนยังไม่ย่อยเลยด้วยซ้ำมั้ง

 

"อยากกิน..." ...ข้าวมันไก่ ผมเดินนำไปเรื่อยๆ มองข้างทางซ้ายขวาหาร้านข้าวมันไก่

 

"พี่แมน กินกระเพาะปลากัน" แมทธิวดึงผมให้เดินวกกลับไปร้านกระเพาะปลา น้ำข้นหนืดถูกตักใส่ถุง พร้อมเครื่องของมัน แม่ค้าหยิบเส้นหมี่ขาวแยกใส่ถุงปิดท้าย ก่อนจะยื่นมันให้แมทธิว "ป่ะ หาของที่พี่แมนกินกัน"

 

แมทธิวคว้าถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง และของกินอื่นๆ ไปถือ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างโอบไหล่ผม

 

งับ!

 

ผมหันไปกัดมือที่วางบนไหล่ตัวเองแรงๆ จนแมทธิวชักแขนออกแทบไม่ทัน ผมเอียงคอแล้วเหลือบตาไปข้างๆ เพื่อให้ร่างสูงตระหนักถึงผู้คนรอบข้าง "ที่นี่ที่ไหน ดูด้วย"

 

"...ไม่มีใครสนใจเราหรอกครับ" พูดเสร็จก็ทำท่าจะคว้าไหล่ผมไปโอบอีก ผมเบี่ยงตัวหลบแล้วให้ไปยักคิ้วแบบผู้มีชัย

 

ถ้าคิดว่าพี่จะง่ายยังเร็วไปสิบปีนะน้อง...

 

"คิดว่าหน้ากับส่วนสูงตัวเองไม่เด่นเลยว่างั้น!?" ผมเลิกคิ้ว แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

 

"อ๋อ จริงด้วย..." แมทธิวล้วงมือในกระเป๋าเสื้อกันหนาวแล้วยักไหล่ ก่อนจะก้มลงกระซิบเบาๆ ที่ใบหูผม "ขอบคุณที่ชมนะครับ"

 

จะมีสักครั้งที่ผมชนะเด็กคนนี้ไหม ถามใจตัวเอง

 

ผมเดินนำแมทธิวไปยังร้านขนมครก สารพัดหน้าทั้งเผือก ข้าวโพด ต้นหอม ผมหันกลับไปมองหน้าแมทธิว ดูแล้วท่าทางจะกินไม่เลือกเลยสั่งทุกหน้าปนๆ กัน แมทธิวขยับมาประชิดตัวผมเพื่อรับเอาถุงขนมไปถือ

 

"ฉันถือเองก็ได้ไหมล่ะ?" ผมยืนจ้องหน้า แต่พอสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มกว้าง ผมก็สะบัดก้นเดินหนีแมทธิว ร่างสูงหังเราะในลำคอ ก่อนจะตามมากระตุกเสื้อยืดตัวใหญ่ของตัวเองที่ผมใส่อยู่

 

"พี่แมน กินน้ำเต้าหู้ไหม?"

 

ผมมองร้านน้ำเต้าหู้ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว ก่อนจะหันกลับไปสบตาร่างสูง หัวใจเจ้ากรรมแอบเต้นผิดจังหวะเบาๆ เมื่อสบตากับแมทธิว

 

หรือว่าเจ้าตัวจะจำได้ว่ามื้อแรกของเราคือน้ำเต้าหู้ที่ตัวเองซื้อมา?

 

"จ้องผมนี่หิวแล้วสิครับเนี่ย อยากกินผมแทนข้าวใช่ไหม?" พูดแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก คิดว่าหล่อมากป่ะ เออก็หล่ออะแหละนะ พอดีกันกับที่เราทั้งคู่เดินมาถึงร้านน้ำเต้าหู้ ผมจึงไม่ทันได้ต่อปากต่อคำกับแมทธิว

 

 

 "ซื้อของสดแป๊บนึง" ผมบอกแมทธิวที่เดินขนาบข้าง แล้วพาตัวเองไปเดือนผักและเนื้อสัตว์ด้วยความเร็วแสง เอาจริงๆ ผมเลือกไม่เป็นต่างหากมันเลยเร็ว เพราะปกติถ้าคิดจะทำกับข้าว ถ้าไม่ซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ก็มีวัตถุดิบติดครัวอยู่แล้ว ไม่เคยซื้อที่ตลาดเองซะทีอะ พูดเลย

 

 

 

เรากลับจากตลาดและเริ่มกินข้าวเช้าตอนเกือบสิบโมง แมทธิวซึ่งเป็นมนุษย์ประเภทมีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน สามารถยัดทุกอย่างลงกระเพาะได้หมดอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ผมต้องเลือกว่าจะกินอะไรอย่างยากลำบากใจ เพราะทุกอย่างมันน่ากินไปหมดเลย

 

แมทธิวกดโทรศัพท์รัวๆ ก่อนจะยกมันแนบหูแล้วลุกออกจากโต๊ะไป ผมมองตามร่างสูงเงียบๆ แล้วหลุบตามองชามว่างเปล่า หัวใจมันคันยุกยิกเหมือนใครเอาหมามุ่ยมาโรย ก่อนที่ผมจะเก็บถ้วยจานแล้วลุกออกจาไปโต๊ะไปบ้าง

 

 

"พี่แมน" แมทธิวเดินเข้ามาตอนผมตั้งท่าจะล้างซากถ้วยจานชามตรงหน้า ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเจอกับร่างสูงแมทธิวที่เดินมาประชิดตัว "ไม่ต้องล้างหรอก ไว้งั้นแหละ เดี๋ยวผมทำเอง"

 

"ปล่อยฉันทำเถอะ มันว่าง" ผมสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยจนปรอยผมยาวๆ ของตัวเองแทบจิ้มตาแมทธิว

 

"...ดื้อ" แมทธิวพูดเสียงเบา ก่อนจะคว้าหนังยางแถวๆนั้นมารวบผมของผมมัดไว้หลวมๆ

 

ผมนี่แข็งเลยครับ... หมายถึงมือเนี่ย แข็งทื่อ จานเจินล้างต่อไม่ได้เลย

 

"วันนี้ของมาลงที่ร้าย ผมจะเข้ากรุงเทพฯ พี่จะไม่เอาเสื้อผ้าจริงๆ ใช่ไหม?" ผมหันขวับไปสบตากับร่างสูง แล้วหันกลับมาจ้องชามในมือ ก่อนจะคว้าน้ำยาล้างจานมาบีบใส่ฟองน้ำ

 

"เอาได้... เอามาสัก 5-6 ชุด เผื่อไม่ซักเลย อ้อ เอาชุดนอนด้วย"

 

"ตามนั้นเลย ถ้างั้นขอรหัสห้องด้วยครับ" ผมปล่อยจานในมือลงซิงค์จนฟองกระจุยกระจาย แล้วเหลียวหน้าไปมองแมทธิวที่ยืนพิงเคาท์เตอร์

 

ถ้าได้รหัสห้องผมแล้วเขาจะเอาไปทำอะไรไหม?

 

เดี๋ยวนะ... แล้วถ้าเดินแมทธิวเกิดอยากดมบ็อกเซอร์ของผมเหมือนที่ผมเคยแอบคิดเมื่อสมัยตอนนู้นล่ะ

 

"ทำหน้าเคร่งเครียดอะไรครับ กลับไปพี่ค่อยเปลี่ยนรหัสก็ได้นะ"

 

...เออว่ะ ยังไงรหัสห้องผมก็เปลี่ยนทุกปี ตามตัวเลขปีที่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นผมจึงหันกลับไปล้างจานตามเดิม

 

"25xx เอาโน้ตบุ๊กมาให้ด้วยนะ"

 

"ได้ครับ... เอาอะไรอีกไหม?"

 

"อืม..." ผมครุ่นคิด แค่มีโน้ตบุ๊กก็ครอบจักรวาลแล้วนะ... "อ้อ... เอาลังน้ำพริกในครัวมาด้วย!"

 

"ครับ? อ่า... โอเคครับ"

 

คอยดูนะ... พี่แมนจะทำเมนูผัดพริกเผาให้น้องกินทุกวันเลย

 

 

 

 

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีก ซีรี่ส์ที่ฉายในโทรศัพท์ก็จบแล้ว ทำตัวเข้าข่ายกินแล้วนอนแบบนี้จริงๆ ผมมีจุดประสงค์นะ กะว่าส่วนสูงน่าจะเพิ่มขึ้น เพราะว่าสันหลังยาวไง กร๊าก...

 

ผมหยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์ เหลียวมองแสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาก็เดาๆ เอาว่าคงบ่ายแล้ว แดดนี่ร้อนระดับลืมไปเลยว่าเมื่อเช้าเคยหนาวด้วย

 

ผมทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับโซฟาทำท่าแพลงกิ้งด้วยความเบื่อหน่าย นอนได้แป๊บเดียวก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ หางตาเหลือบไปเห็นประตูที่เชื่อห้องนั่งเล่นกับสระว่ายน้ำข้างนอก ผมผิวปากเบาๆ แล้วหรี่ตาลง พลางสาวเท้าออกจากห้องนั่งเล่นไป

 

สระว่ายน้ำความกว้างพอดีๆ รายล้อมด้วยไม้ประดับสีเขียว เดินตรงพ้นส่วนที่เทปูนก็เป็นนามหญ้า ผมเดินวนแค่ตรงส่วนที่เป็นปูน ก่อนจะหาที่ร่มๆ เหมาะๆ ทรุดลงนั่งหย่อนขาลงสระว่ายน้ำ ความเย็นของน้ำข้างใต้ทำให้ผมผ่อนคลาย

 

ผมอยากทบทวนและหาข้อสรุปอะไรหลายๆ อย่างให้กับตัวเอง

 

 

.

.

.

ในหัวแมนเงียบสงบกว่าที่เคยเป็น ไม่ต่างจากรอบตัวที่นานๆ จะมีคนเดินผ่านสักคน มือผอมเรียวค่อยวางทาบบนราวเหล็ก หากจะมีใครสังเกต... บนสะพานลอยแดดจัดตอนเที่ยงตรง แมนยืนอยู่อย่างนี้มาสักพักแล้ว

 

หากว่าเขาคือคนที่ทำมันพัง ทุกอย่างก็กำลังจะจบ...

 

ที่ผ่านมาไม่เคยเปิดรับใคร คนเกลียดความวุ่นวายแบบแมนกำลังเสียใจ และจมอยู่กับความผูกที่เขาพาตัวเองเข้าไปพัน

 

ถ้าตัดสินใจปิดกั้นตั้งแต่แรก เขาคงไม่ต้องถูกเกลียด และกลายมาเป็นยิ่งกว่าคนไม่รู้จักกันแบบนี้

 

ไม่ว่าจะฟังคำพูดจากใคร หรือกำลังใจจะดีแค่ไหน แต่เรื่องราวที่อยู่ในหัวเขามันไม่สามารถจางหายไปได้ง่ายๆ เลยแม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว ความทรงจำเหมือนเทปอัตโนมัติที่ตั้งเวลาเล่นซ้ำในหัว ฉายภาพทุกวัน ทั้งยามหลับและยามตื่น

 

ไม่มีใครช่วยเขาได้ ความทรมานที่เขากำลังเผชิญ ความเศร้า และความผิดพลาดที่เขาได้ทำลงไป แมนไม่รู้ว่าควรบอกใคร เขาเหมือนยืนอยู่ตรงทางตัน

 

แต่วันนี้ เขากำลังจะหลุดพ้นจากมันซะที...

 

"หน้าตาน้องเหมือนคนโดนมีปัญหาในใจนะคะ" แมนละสายตาจากถนนเบื้องล่างที่มีรถราสัญจรไปมาอย่างพลุกพล่านไปยังร่างสมส่วนของหญิงสาวข้างๆ ใบหน้ากลมมีริ้วรอยประปรายแต้มแต่งสีสันอ่อนๆ ฉายรอยยิ้มใจดีมายังเขา "คงไม่ได้กำลังคิดสั้นอยู่ใช่ไหมเอ่ย?"

 

"..."

 

น้ำตาที่อุตส่าห์แห้งเหือดไปหลายวันก็กลับมาไหลพรากอีกครั้งเหมือนเขื่อนพัง แมนปล่อยมือที่เกาะขอบสะพานแล้วทรุดลงนั่ง มือของหญิงสาววางบนบ่าเขา และออกแรงบีบเบาๆ

 

"ลุกเถอะค่ะ หาที่นั่งคุยกันนะ"

 

 

 

 

"นมอุ่นๆ ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นนะ" หญิงสาวแปลกหน้าดันถ้วยนมร้อนมาตรงหน้าเขา แมนยกมันขึ้นจิบช้าๆ พลางสบตากับคนตรงข้าม "พี่ชื่อผึ้งนะคะ เป็นจิตแพทย์"

 

"..." นามบัตรถูกยื่นมาตรงหน้า แมนหยิบมันขึ้นกวาดตาอ่านแล้วเงยหน้ามองใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง "มันแย่มากเลยใช่ไหมคะ?"

 

"..." แมนพยักหน้าตอบเงียบๆ ริมฝีปากล่างถูกขบเม้มเพื่อกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะร่วงผล็อย

 

"น้องชื่ออะไรคะ?"

 

"......แมน"

 

"โอเค น้องแมน ...รู้อะไรไหม สิ่งที่น้องกำลังเป็นมันไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยนะ"

 

ไม่จริงหรอก ทั้งหมดมันคือความผิดของเขาอย่างชัดเจน

 

"ความผิดปกติทางอารมณ์บางครั้งก็เป็นเรื่องของสารเคมีในร่างกายที่ไม่สมดุล น้องแมนพอจะเข้าใจไหมว่าไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นด้วยซ้ำ"

 

แมนส่ายหัว ไม่ว่าจะคิดทางไหนเขาก็พบแค่คำตอบเดิมๆ คือเขาควรหายไปเท่านั้น

 

"เอาอย่างนี้ดีกว่า เรื่องก่อนหน้านี้ เราอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรับผิดชอบมันทั้งหมดนะคะ น้องแมนรู้อะไรไหม ถ้าการรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นของน้องคือการฆ่าตัวตาย หลังจากนี้แหละ มันคือความผิดของเราจริงๆ" รอยยิ้มของหมอผึ้งทำให้ทุกอย่างดูไม่กดดันเกินไป แมนกำลังค่อยๆ คิดตามเธออยู่ เธออ่านมันได้จากแววตาสงสัยคู่นั้น "สงสัยใช่ไหมว่ายังไง?"

 

"..." แมนพยักหน้า วางถ้วยนมในมือลงกับโต๊ะ แต่มือยังกุมรับความอุ่นของแก้วที่แผ่ออกมาอยู่อย่างนั้น

 

"เพราะแมนจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องเจ็บปวดตลอดไปไงคะ" หมอผึ้งเลื่อนเค้กไปตรงหน้าแมน แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้กิน แมนสายหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้ากลมของเธออย่างตั้งใจ "ลองคิดถึงคนที่เห็นเหตุการณ์แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เขาจะฝังใจไหม? ที่ต้องเห็นคนๆ หนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาเขา"

 

"..."

 

"หรือลองคิดถึงคนขับรถที่เราไปตัดหน้ารถเขา แมนว่าเขาจะทุกข์ใจไหมถ้าอยู่ดีๆ ตัวเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนๆ หนึ่งตาย?"

 

"..."

 

"และถ้ามันยังไกลตัวเกินไป แมนก็แค่ลองคิดถึงคนที่เขารักแมน และเป็นห่วงแมน แต่เขาไม่มีสิทธิ์รับรู้และช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่มันรักษาให้หาย เขาจะเสียใจและทุกข์ใจขนาดไหนถ้าหากว่าแมนเป็นอะไรไป..."

 

"........ผม...... ฮึก" น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก้มหน้ามองน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงกระทบพื้นโต๊ะ

 

"พรุ่งนี้พี่ว่างตั้งแต่สิบโมงถึงบ่ายสามนะคะ ถ้าไปคลิกไม่ถูกก็โทร.มาตามเบอร์ที่ให้ไปนะ"

.

.

.

 

 

"ฮัลโหล พี่หมอ"

 

(ว่าไงคะ น้องแมนใช่ไหมเนี่ย?)

 

"ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ทำไงดี?"

 

(หืม โรคซึมเศร้าน่ะเหรอ... อาการเป็นยังไงบ้างล่ะคะ?)

 

"ก็... อยู่ดีๆ ก็แฟลชแบ็คไปตอนวันที่เกิดเรื่อง ควบคุมสติไม่ได้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นอยากตายเหมือนตอนนั้น..." แมนหยุดพูดแล้วพ่นลมหายใจออก "แต่ผมกลัวมันจะหนักขึ้นๆ จนไปอยู่จุดนั้นอีก"

 

(แล้วอยู่ๆ มันก็เป็นเหรอ?)

 

"ก็.... เปล่า ผมเจอเขาอีกครั้ง....."

 

(.....พี่คงต้องบอกว่าพี่ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากให้ยา และรับฟังเป็นที่ปรึกษาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจแมนเอง)

 

"....ผม .....ผมควรทำยังไง?"

 

(มี 2 ทาง จะหนีแบบสุดขั้ว ตัดกันให้ขาดกันไปข้างหนึ่ง... หรือจะเปิดใจให้ตัวเอง แล้วเผชิญหน้ากับมัน เลือกเอา...)

 

 

 

 

"เฮ้ย!"

 

"แว้ก!"

 

ตูม!

 

"แค่กๆๆ" มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทันเลยครับ แมทธิวย่องมาแกล้งให้ผมตกใจด้วยการผลักไหล่ตามด้วยเสียงดังข้างหู ส่วนผมก็ดันบ้าจี้ซะจนเสียหลักร่วงลงสระน้ำ แล้วสำลักอย่างที่เห็น ผมส่งสายตาอาฆาตใส่แมทธิวทันทีที่ตั้งตัวตีขาได้

 

"พี่แมน ขอโทษ! เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้" ร่างสูงวิ่งหายเข้าไปในบ้าน ผมบูบหน้าลูบตา และสูดจมูกด้วยความแสบอย่างหาที่สุดไม่ได้ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นจากสระ พร้อมกับที่แมทธิววิ่งออกมาพร้อมผ้าขนหนู

 

ผมกระชากมันมาห่มตัวเอง แล้วเดินกระแทกเท้าเบี่ยงตัวหลบแมทธิวไป เสียงขอโทษขอโพยของแมทธิวดังไล่หลัง แต่ผมเมินมันอย่างจงใจ

 

ไม่ฟัง ต่อให้พูดอะไร พี่แมนก็จะเอาหูหนีน้องแมทธิว!

 

 

ผมเดินเข้าห้องน้ำข้างล่าง เปิดน้ำใส่อ่าง ในขณะที่ถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกจากตัวเอง ก่อนจะพาตัวเองไปแช่ในอ่างอาบน้ำเหมือนผักเหี่ยวๆ

 

"พี่แมน เสื้อผ้าพี่อะ..." เสียงแมทธิวดังมาจากข้างนอก ผมหลับตาแล้วเป็นไม่ได้ยิน

 

แกร๊ก!

 

"พี่แมน"

 

"เฮ้ย!!!" ผมร้องลั่นเมื่อแมทธิวเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่ม มือวางเสื้อผ้าผมบนเคาท์เตอร์ล้างหน้า ก่อนจะสาวเท้าตรงมายังอ่างอาบน้ำที่ผมนอนแช่อยู่ "เข้ามาทำมะเขืออะไร?!"

 

ผมก็อยากจะลุกขึ้นชี้หน้าด่าอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่ามียางอาย และหุ่นพี่แมนก็ไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มน่าโชว์เหมือนแต่ก่อนแล้ว สุดท้ายเลยทำได้แค่ไถลตัวลงอ่างให้ลึกกว่าเดิมเท่านั้น

 

"เอาเสื้อผ้ามาให้ไงครับ"

 

"เออ! เสร็จแล้วก็ออกไปสิ"

 

"..." แมทธิวเอาหูทวนลม ร่างสูงทรุดนั่งลงกับพื้น แขนแกร่งยกขึ้นมาเท้ากับขอบอ่าง พร้อมใบหน้าคมที่วางเกยทับบนแขนอีกที สายตาของเจ้าตัวจ้องลงมาในอ่างอย่างตั้งใจราวกับกำลังเพ่งสมาธิให้มองทะลุฟองได้ "พี่แมน แมทธิวขอโทษนะ"

 

"...ร..ระ รู้แล้ว ออกไปเถ๊อะ" ผมนี่แทบจะยกมือไหว้ ดวงตาคนมันทำจากเลนส์นูนไม่รู้หรือไง เนี่ย... มันรวมแสงจนร้อนแรงไปหมด ตอนนี้ร่างผมกำลังจะถูกเผาเป็นไฟแล้ว จะจ้องอีกนานไหม

 

"ไม่เอา จนกว่าพี่จะยกโทษให้" แมทธิวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก แขนที่เท้าขอบอ่างของเจ้าตัวปละออก ก่อนมือหนาของแมทธิวจะยื่นมาแตะแก้มผม

 

"โอเคๆๆ ฉันยกโทษให้ ไม่โกรธอะไรนายทั้งนั้นแหละ" ผมหลับตาปี๋ผมคำพูดรัวๆ

 

"...." ความเงียบที่ตอบกลับมาทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าแมทธิวอยู่ห่างแค่คืบ เห็นแล้วพี่แมนลมจะจับ "ขอบคุณครับ"

 

ริมฝีปากอุ่นรับรู้ได้ชัดเจนที่สุดมือผมนอนแช่อยู่ในน้ำเย็นๆ ประทับลงบนหน้าผากของผม ผมสบสายตาแสดงความขอบคุณที่จริงจังเกินกว่าจะเป็นเรื่องแกล้งผมจนตกน้ำก็เลยรู้ตัวว่าหลวมตัวเข้าให้แล้ว

 

แต่เอาจริงๆ ผมไม่เคยโกรธอะไรเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าตัวเองจะเจอสิ่งแย่ๆ แค่ไหน

 

เจ็บแล้วทนอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ...

 

"อย่าแช่นานนะครับ เดี๋ยวเป็นหวัด" ผมมองแมทธิวเดินออกจากห้องน้ำไปโดยไม่ลืมล็อคประตูให้ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้หัวตัวเองจมอยู่ใต้น้ำ

 

ก็แค่หวังว่าน้ำเย็นๆ มันจะดับความร้อนบนใบหน้าผมบ้างเท่านั้นเอง









วันนี้วันมาฆบูชา เห็ดก็เลยมาคะ

ปล. เห็นคำผิด คอมเมนท์ทิ้งไว้ได้เลยค่ะ ขอบคุณที่อ่านและคอมเมนท์กันสม่ำเสมอ ด้วยรัก จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 22-02-2016 15:36:41
ไม่อยากให้พี่แมนเลือกหนีไปจนสุดขั้ว สงสารน้องแมทิวลองเปิดใจเถอะนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-02-2016 16:40:27
ช่วงเวลาที่หายไป พี่แมนต้องเผชิญกับความยากลำบากทางจิตใจมากเลยสินะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-02-2016 18:12:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2016 18:27:53
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-02-2016 19:08:26
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.15 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-02-2016 22:01:21
 :-[
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 29-02-2016 17:02:45
Chapter 16 : We are stared.

 



"...อายุวัณโณ สุขัง... พลัง" ผมยกมือขึ้นจรดหว่างคิ้ว แล้วสวมอีแตะเบอร์ใหญ่ของแมทธิวที่ถอดวางไว้ข้างตัวก่อนหน้านี้ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินเข้าบ้าน เนื่องจากเมื่อวานนั้นผมได้สังเกตการณ์เห็นพระออกบิณฑบาต เช้านี้ผมจึงลุกขึ้นมาทำครัวใส่บาตรเองกับมือ



"โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง"



ผมหันขวับไปตามเสียงเห่าตรงแถวๆ พุ่มไม้ที่กั้นทางเดินกับสระว่ายน้ำ เมื่อวานทั้งวันก็ไม่เห็นหมาเลยสักตัวนะ แล้วตัวอะไรเห่า หรือว่าจะเป็น...



งูเห่า!!?



ผมหัวเราะในลำคอขำมุกตัวเอง ก่อนจะเดินลากแตะเดินเช้าบ้าน เสียงเห่าดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเจ้าตัวการจะโผล่หัวออกมาจากดงต้นไม้เขียว



"โฮ่งๆๆ" น้องหมาพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเฟอร์ใหญ่ ตาแป๋วแหววส่งใบหน้านั้นให้ดูเป็นมิตรต่อสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลก



"เต้าหู้ หยุดเห่า" แมทธิวเดินงัวเงียออกมายืนตรงสระว่ายน้ำ ชะโงกใบหน้าแป้นแล้นผ่านเหล่าต้นไม้ความสูงแค่อกของเจ้าตัวมาคุยกับผม "อรุณสวัสดิ์ครับ"



ผมเดินส่ายหัวอย่างเอือมระอาเข้าบ้าน ก่อนจะมาเผชิญหน้ากับแมทธิวที่เดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กันกับหมาที่เจ้าตัวเรียกว่าเต้าหู้



โอเค แสดงว่าสนิทและไว้เนื้อเชื่อใจกันพอสมควรว่าไม่สกปรก



"ลุกมาทำไม ไปนอนต่อไป" ผมตระเตรียมเครื่องปรุงและส่วนประกอบที่เหลือเพื่อทำมื้อเช้า แมทธิวก้มๆ เงยๆ อยู่แถวตู้บิลด์-อิน ก่อนจะหยิบอาหารสุนัขออกมา แล้วเดินนำสมุนสี่ขาของตัวเองไปที่ประตูหลังบ้าน



"Come on, boy" วุ้ย คุยกับหมาเป็นภาษาอังกฤษด้วย ไม่ได้ยินมานานแล้วนะเนี่ย ผมเหลือบมองร่างสูงที่โดนหมาตัวเขื่องกระโดดตะกุย แล้วหลุดยิ้มออกมา



"Stop! Sit down!" พอสั่งแล้วเต้าหู้มันก็ไม่ทำตาม ผมผละจากระทะที่ตั้งไว้รอน้ำมันเดือด แล้วเดินถือตะหลิวไปยืนค้ำหัวแมทธิว



"หมามันฟังนายไม่รู้เรื่องอะแมทธิว"



"ไม่นะ แอนเดรียสกับป้าแก้วก็ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับมันตลอด" ร่างสูงปลุกปล้ำกับเจ้าตัวขนยาวสีทอง ริมฝีปากก็บ่นพึมพำไปด้วย "ไม่ได้กลับมานานทำเป็นดื้อ คราวหน้าจะไม่ให้เข้าบ้านแล้ว..."



ผมขมวดคิ้ว สรุปว่าหมามันคงฟังไม่ออกสักภาษาน่ะแหละ ดูทุลักทุเลชอบกล



"ถ้าไม่นอนแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันมากินข้าวเช้า..." ผมพูดเสียงเรียบ พอดีกันกับที่อีกฝ่ายปราบพยศสำเร็จ นิ้วชี้สั่งพลางหัวเราะอย่างผู้เหนือกว่า ร่างสูงปัดเนื้อปัดตัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงมาใช้ทีเผลอจับหน้าผมให้หันไปรับแรงกดบนริมฝีปาก



จุ๊บ!



"มอร์นิงคิสครับ"



ฟหกด่าสวง!!!...



ผมกำตะหลิวในมือแน่น ในใจนึกอยากเขวี้ยงตามหลังร่างสูงที่เดินลอยชายขึ้นไปแก้เขิน แต่ก็ทำได้แค่พาลใส่หมาตาดำๆ



"เหมือนกันไม่มีผิดเลยนะ ทั้งหมาทั้งคน!!!"





 

"ไปเที่ยวกันไหมพี่แมน" แมทธิวเดินยิ้มมาหาผมที่ตั้งท่าจะขึ้นบันไดไปเล่นโน้ตบุ๊กบนห้องหลังกินข้าวเสร็จ



"เที่ยว? ที่ไหน?"



"ห้าง ใกล้ๆ นี้"



"นั่นเรียกไปเที่ยวเหรอ?" ผมเดินขึ้นบันได แน่นอนว่าร่างสูงเดินตามขึ้นมาติดๆ



"ไปช็อปปิ้งก็ได้ ไปด้วยกันนะ"



"...ตามใจ" ผมเสร็จก็ปิดประห้องใส่หน้าแมทธิว แล้วกดล็อค "รออยู่ข้างนอกไปละกัน ฉันจะอาบน้ำ!"





 

กว่าจะผมจะจัดการตัวเอง ทำนู่นทำนี่และยุรยาทเยื้องย่างออกจากบ้าน ก็ไปถึงห้างซะบ่าย แมทธิวลงจากรถได้ก็ลากผมไปโรงหนังอย่างไม่รีรอ เราสองคนยืนไล่สายตามองรายชื่อหนังที่เข้าฉาย



"ดูเรื่องอะไรดีพี่แมน"



"ตามใจเลย"



"ได้ไง ต้องตามใจพี่แมนสิ พี่แมนชอบแนวไหนก็ดูอันนั้นแหละ" ผมแทบตาเหลือก อยากจะบอกว่าเรื่องที่เข้าโรงตอนนี้ไม่ชอบสักอย่างแต่ก็กลัวจะเสียน้ำใจเด็กฝรั่งนี่มากเกินไป



"ชอบดูการ์ตูนอะ มีการ์ตูนไหม?"



"โอ้... เหมือนจะออกโรงไปแล้วสิครับเนี่ย ดูอย่างอื่นได้ไหมครับ หนังฮีโร่ แอคชัน พี่แมนชอบอันไหน เลือกเลย"



"..." ผมขมวดคิ้วแน่น ไม่เคยต้องลำบากใจอะไรเยี่ยงนี้มาก่อน ก็คือพี่แมนดูได้หมดไงครับ แต่ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ทำไมต้องคะยั้นคะยอให้เลือก ขอเลือกไปดูคอนเสิร์ตเกาหลีแทนได้ ซารังเฮโยอะไรแบบนั้น



"คิ้วแทบผูกกันเป็นโบว์แล้ว คิดอะไรบอกกันบ้างสิครับ สัญญากันแล้วนะว่าจะให้ผมเข้าไปในโลกของพี่"



"....เฮ้อ... ก็คือ ดูได้หมดไง ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบอะไร ก็บอกว่าตามใจๆ มาเซ้าซี้อยู่นั่น" น้ำเสียงติดจะเหวี่ยงนิดหน่อย ผมรีบมองปฎิกิริยาตอบกลับของอีกฝ่าย กลัวว่าแมทธิวจะเข้าใจผิด



ช่วยเข้าใจพี่แมนสายซึนเดเระด้วยครับ...



"โอเคครับ พี่จะบอกว่าอะไรที่ผมชอบพี่ก็ชอบหมดสินะ ได้ๆ งั้นไปซื้อตั๋วกัน"



....เอ๊อ ก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรที่น้องแมทธิวชอบอะไรพี่ก็ชอบอันนั้นแหละ



เฮ้ย ไม่ใช่สิ ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้โมเมจริงๆ นะแมทธิว

 



.

.

.

"ขออนุญาตเสิร์ฟเมนูที่สั่งค่ะ" น้ำแข็งไสเกล็ดหิมะพูนถ้วยถูกวางลงบนโต๊ะ ผมมองมันสลับกับมองหน้าแมทธิว



"ทำไมครับ ไม่ชอบหรอ?" หลังจากดูหนังเสร็จก็ออกมากินข้าวเย็น ก่อนร่างสูงจะพาผมมานั่งกินของหวานล้างปากโดยที่ผมก็ไม่ขัดขืน



แต่บอกตรงๆ... ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดและ...



"เปล่า..." ไม่ใช่ไม่ชอบเว้ย แต่ผู้ชาย 2 คนในร้านน้ำแข็งไสเกาหลี มันมุ้งมิ้งไปนะบางที



"ผมอยากกินมานานแล้ว หาคนมากินด้วยไม่ได้ซะที" พูดพลางยื่นช้อนมาให้ผม ผมรับมาถือ แล้วมองแมทธิวราดซอสสตรอเบอร์รี่ลงบนกองน้ำแข็ง



“งั้นก็กินคนเดียวไปสิ” ผมว่าพลางเอาช้อนช่วยแมทธิวเจาะน้ำแข็ง คนตรงข้ามส่ายหน้า



“ไม่ล่ะครับ เลี่ยน” พูดเสร็จก็ตักน้ำแข็ง แล้วยื่นช้อนมาตรงหน้าผม ผมทำหน้าสงสัยก็ได้คำตอบเป็นเสียงป้อนข้าวเด็กของแมทธิว “เอ้า อ้าม...”



“คือตักกินเองได้” ผมบอกเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดัน



“ก็ผมอยากป้อนนี่ อ้าปากสิครับ”



งับ! ผมงับน้ำแข็งเข้าปากท่ามกลางใบหน้าพึงพอใจของแมทธิว กับเสียงพูดคุยของโต๊ะข้าง

 



“มะเฟือง!” เสียงเรียกชื่อเพื่อนดังขึ้นเมื่อผมหันไปมอง น้องผู้หญิงผู้ถูกเรียกว่ามะเฟืองเก็บโทรศัพท์หลบแทบไม่ทัน ก่อนจะทำหน้าวีนเหวี่ยงใส่เพื่อน



“จะเรียกดังหาเตี่ยมึงเหรอแตงโม”



เอ่อ... ระดับเสียงที่น้องด่าเพื่อนก็ไม่ได้ได้ต่างกับตอนเพื่อนเรียกน้องเท่าไรเลยนะ



ผมเบนสายตากลับมามองคนตรงข้ามที่ไล่ตักน้ำแข็งไสเรื่อยๆ พลางถอนหายใจ “นายโดนแอบถ่าย รู้ตัวบ้างไหม?”



“เขาแอบถ่ายเราครับ ไม่ได้ถ่ายผม” พูดเสร็จก็ยิ้มบาง ผมประมวลผลอยู่พักหนึ่งก็ถลึงตาใส่แมทธิว



ทำไมเดี๋ยวนี้หน้าด้านหน้าทนจังนะ ทำตัวเหมือนไม่เคยรังเกียจเกย์ รู้อย่างนี้น่าจะจับรวบหัวรวบหางซะตั้งนานแล้ว



และแมทธิวก็ตั้งหน้าตั้งตากินน้ำแข็งไสตรงหน้าแบบไม่ทุกข์ร้อน แม้ว่าสองสาวโต๊ะข้างๆ จะเดินออกจากร้านไปพร้อมรูปของผมกับร่างสูงเป็นอัลบั้ม ผมมองตามไป แอบคิดในใจเหมือนกัน...



ตามออกไปขอรูปน้องเขาดีไหมนะ กร๊าก





 

“หนังสนุกไหมครับวันนี้?” แมทธิวพูดขึ้นขณะเราเดินฝ่าฝูงผู้คนไปลานจอดรถ ผมหันไปสบตาร่างสูง



“ก็ดี” เราเดินข้างกันไปเรื่อยๆ หลังมือแตะกันน้อยๆ ตามแรงเหวี่ยง ก่อนที่แมทธิวจะคว้ามันไปกุมอย่างแนบเนียน



“พี่แมน ไม่ชอบดูหนังเหรอ?” ห้างสรรพสินค้ายามเย็นที่มีผู้คนพลุกพล่าน ท่ามกลางคนที่เดินสวนกันไป และเสียงจอแจ ผมหยุดเดินกลางคัน แล้วเหลือบมองมือของเราที่จับกันอยู่



“...ไม่ต้องฝืนทำอะไรที่ไม่เป็นตัวเองกับฉันหรอก” ผมรู้ เขาทำไปเพราะอยากให้ผมสบายใจ ทั้งหมดทั้งมวล บางทีอาจจะแค่เพื่อชดใช้ความรู้สึกผิด...



แมทธิวปล่อยมือผมออกทันที แล้วเช็ดมือที่ชื้นเหงื่อกับกางเกง…



ก่อนจะคว้ามือผมไปจับอีกครั้ง



ผมเงยหน้า สบตา และมองรอยยิ้มอบอุ่นของอีกฝ่าย



“พี่แมนยังไม่ตอบผมเลยนะ พี่ไม่ชอบดูหนังเหรอ?” มือหนากระตุกให้ผมเร่งฝีเท้าตามตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะชะลอฝีเท้าเมื่อเรากลับมาเดินขนาบข้างกันอีกครั้ง



“...ฉันชอบอยู่บ้าน” ผมก้มหน้ามองพื้น เอาจริงๆ คือหลบสายตาของผู้คนที่มองมายังพวกเรา “หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่วุ่นวาย ที่ๆ ฉันได้เป็นตัวของตัวเอง”



ผมรับรู้ได้ถึงแรงกระชับที่ฝ่ามือ ผมเงยหน้าขึ้น แมทธิวหันไปหน้าเปื้อนรอยยิ้มมาหาผม “งั้นรบกวนพี่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ต้องการกับผมทีนะ... พี่รู้จักผมมามากพอแล้ว ให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวพี่บ้างนะครับ”



“อื้ม...”



เป็นตัวของตัวเองงั้นเหรอ... ถ้าวันหนึ่งที่เขารู้จักผมมากพอ แมทธิวจะยังปฏิบัติกับผมแบบนี้อีกหรือเปล่านะ...



คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นั่นแหละ

 



.

.

.         

“พี่แมน” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหู ผมขยับพลิกตัวนิดหน่อย พลางดึงผ้าห่มมาคลุมโปง



“พี่แมนครับ” ผ้าห่มถูกเลิกออก พร้อมๆ กับเสียงเรียกชื่อผมที่ดังซ้ำอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วไม่พอใจ สมองสั่งให้เปลือกตาค่อยงัดตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อดูหน้าผู้ก่อการรบกวน



ใบหน้าคมที่มีสันกรามและโหนกแก้มชัดเจนแบบชาวตะวันตกเป็นสิ่งแรกที่ผมเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา ผมสีอ่อนยุ่งๆ ของคนตรงหน้าไม่สามารถทำให้เขาดูดีน้อยลงเลย เดี๋ยวนะ... ผมเหมือนเห็นปีกสีขาวเป็นแบ็คกราวน์ หรือนี่จะเป็นเทพเจ้าองค์ไหนหลุดออกมาจากเทพนิยายกันนะ...



“พี่แมน อย่าลืมตาขึ้นมาแล้วหลับต่อแบบนี้สิ” อะไร... ไม่ได้จะหลับ แต่หนังตามันหนักมันเลยตกตามแรงโน้มถ่วงของโลกเว้ย ผมคิดพลางอมยิ้มทั้งๆ ที่ยังหลับตา



“ถ้าไม่ตื่นจะปลุกด้วยปากแล้วนะ” เอ๊า... แล้วที่พูดอยู่ใช้จมูกพูดเราะ!?



ผมรู้สึกได้ถึงเงาที่กำลังทาบลงมา และลมหายใจอุ่นที่รดอยู่ตรงหน้า แม้ว่าเปลือกตาจะปิดอยู่



“จะจูบแล้วนะ”



“อือ...” ผมครางรับในลำคอ จูบเลย... เอาวิญญาณของข้าไปเลยท่านเทพซุส ข้าพร้อมยอมเป็นทาสรองกามารมณ์ของท่านโดยมิขัดขืน



สัมผัสนิ่มหยุ่นบนริมฝีปากชัดเจนจนเกินจริง ผมลืมตาขึ้น และเบิกตากว้างสุดขีด



“อื้อ... หือ!?”



อ้าว ชิบแล้ว ไม่ใช่ฝันเหรอวะเนี่ย!



ริมฝีปากของแมทธิวขยับแรงขึ้น บดเบียด และเคล้าคลึงจนผมยอมเผยอปากให้เจ้าตัวสอดลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนเริ่มลุกล้ำเข้าไปในโพรง ยัดเยียด และจับจังหวะไม่ได้จนเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในปากผม ผมคว้าสะเปะสะปะไปตามร่างกายแน่น สัมผัสของกล้ามเนื้อเต็มมือชวนให้ใจผมเต้นระส่ำ





‘แมทธิว!!! จะบ้าหรือไง?!! นายลืมไปแล้วเหรอ นายเกลียดเกย์นะ’






ภาพความทรงจำย้ำเตือนว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมตื่นเต็มตาก็ตอนที่ได้ยินเสียงในอดีตของตัวเองตะโกนก้องด้วยความหวาดกลัวอยู่ในหัว และไม่สามารถทนหลับตาลงได้อีก เพราะภาพอันโหดร้ายอดีตมันชัดเจนสุดๆ ยิ่งประกอบกับสถานการ์ตรงหน้า



ผัวะ!!!



ผมปล่อยหมัดใส่หน้าแมทธิวแทบจะทันที ใบหน้าแมทธิวสะบัดตามแรงหมัด ผมมองมือตัวเองที่ยังกำหมัดอยู่ แล้วหันไปมองแมทธิวที่ยกมือขึ้นกุมใบหน้า ผมหยัดตัวขึ้นนั่ง คลายหมัดที่กำกำอยู่ และยื่นมือไปตรงหน้าเขาช้าๆ



มือของผมสั่น... จะเป็นยังไงถ้าแมทธิวลุกขึ้นมา และชกหน้าผมเหมือนตอนนั้น?



ผมหลับตาลงช้าๆ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน หูได้ยินเสียงขยับตัวของร่างสูง



บางทีแมทธิวอาจจะแค่ลุกออกไป... ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะผมคงทนไม่ได้ ถ้าต้องเห็นใบหน้าที่แสดงอาการโกรธเกลียดเขา



“ร้องไห้ทำไมครับ?” ผมลืมตาขึ้น เพราะสัมผัสบนแก้ม รอยยิ้มปลอบโยนกำลังส่งมาพร้อมสายตาอ่อนแสง “ผมทำให้พี่กลัวเหรอ?”



“อือ...”



“ไม่ต้องกลัวนะครับคนดี” นิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มผม ก่อนอุ้งมือหนาจะกุมแก้มผมอย่างแผ่วเบา ผมหลุบตามอออองฝ่ามือหนา เผลอเอียงแก้มรับสัมผัสที่ขยับลูบแก้มผมเบาๆ “อยากชกผมอีกสักทีไหมครับ?”



“...” ผมส่ายหน้ารัวๆ แมทธิวยกมืออีกข้างขึ้นมาประกบหน้าผม แล้วขับบีบเบาๆ จนปากจู๋



“งั้นอยากลองเตะผมดูไหมครับ?”



“ไอ้(ไม่)...” ผมส่ายหน้า แมทธิวคลายมือที่บีบหน้าผมออก



“ไม่เหรอ... แต่ผมอยากชดใช้ความผิดนะ บอกผมหน่อยได้ไหมว่าต้องทำยังไง?” แววตาจริงจังสะท้อนใบหน้าจืด กับหัวยุ่งๆ ของผม แมทธิวใช้นิ้วมือค่อยๆ ปัดผมที่ปรกหน้าของผมออก แล้วจับมันทัดหู



“หายไปจากชีวิตฉันสิ” ผมบอกเสียงเรียบ เลิกคิ้ว และยิ้มท้าทาย แมทธิวยิ้มกว้าง แล้วแนบหน้าผากตัวเองลงบนหน้าผากผม



เราสบตากัน... ก่อนริมฝีปากบางของเขาจะประทับลงบนหน้าผากผมแรงๆ



“พี่ก็รู้ว่านั่นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”



“...” ผมมองตามเขาที่ลุกขึ้นเปิดม่านที่ประตูระเบียง บรรยากาศอึมครึมขมุกขมัวทำให้เดาไม่ถูกว่ากี่โมงแล้ว ผมเกาหัวแกรกๆ แล้วขมวดคิ้ว “แมทธิว...”



“ครับ?” ร่างสูงหมุนตัวกลับมาหาผม ผมจ้องหน้าเขาอยู่พักหนึ่ง ตั้งสติว่าตัวเองต้องการอะไร



“นี่กี่โมงแล้ว?”



“สิบโมงกว่าแล้วครับ”



“ฮะ!?” ผมฮะแรงมากจนอ้าปากเป็นตัวโอ แมทธิวทำหน้าสงสัยยิ้มๆ แต่ผมนี่ยกมือยีหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง



หมดกัน... ความคิดที่จะใส่บาตรทุกเช้าของผม!!!













ทุกคนคงลืมเห็ดกันไปหมดแล้ว...

พอดีช่วงนี้ขลุกอยู่กับกู้ไห่ทั้งวันเลยค่ะ(ติดซีรี่ส์เกย์) นี่ก็เพิ่งจะผละออกมาได้ กู้ไห่งอแงใหญ่เลย คงต้องไปแล้ว

ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-02-2016 19:36:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 29-02-2016 20:15:26
งือชอบบบบ รอตอนหน้าค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-02-2016 21:14:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-02-2016 21:18:00
อย่าผลิกเลยนะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-03-2016 00:29:35
รอตอนต่อไปค่า
 :-[
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-03-2016 11:22:41
ผมหลุบตามอออองฝ่ามือหนา >>>> หลุบตามอง นะคะคนดี อ.อ่างเกินซะเยอะเลย


แล้วขับบีบเบาๆ จนปากจู๋ >>จับบีบ ใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 01-03-2016 18:18:04
แมทธิว เอาใจช่วยนะ
เอาใจช่วยพี่แมนด้วย ขอให้พี่แมนหายเร็วๆ
พี่แมนน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.16 (29/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 01-03-2016 22:07:54
รอต่อไปค่ะติดซี่รี่ย์เหมือนกันเลย55555555
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 04-03-2016 20:20:37
Chapter 17 : Throwback when you were touched.





เกือบเที่ยงวันแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของแสงอาทิตย์ บรรยากาศภายนอกอึมครึม และอุณหภูมิก็เย็นระดับที่เปิดแอร์นอนในบ้านยังอุ่นกว่า แมนผลักหัวของสุนัขขนยาวสีทองที่พยายามตะเกียกตะกายมาเลียใบหน้าเขา



“อยู่นิ่งๆ บ้างเหอะ ไม่หนาวหรือไง” แมนยกขาขึ้นนั่งชันเข่า และรวบตัวเต้าหู้มากอดแก้หนาว ริมฝีปากอิ่มหาวออกมาเล็กน้อย สายตาทอดมองผิวน้ำในสระว่ายน้ำตรงหน้าที่กระเพื่อมเบาๆ



แมทธิวเดินผ่านห้องนั่งเล่น เตรียมจะเดินเข้าห้องครัว ร่างสูงชะงักไปเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างของชายหนุ่มรุ่นพี่นั่งเหม่อลอยอย่างเงียบงันอยู่กับสิ่งมีชีวิตขนยาวอีกหนึ่งตัว มือเรียวของแมนขยับลูบบนขนของเต้าหูที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ อย่างสงบช้าๆ ก่อนที่ดวงตาเหม่อลอยของแมนจะเบิกกว้างขึ้น พร้อมรอยยิ้มกว้างประดับขึ้นใบหน้า



ลมเย็นยะเยือกพัดวูบจนผมยาวระต้นคอของแมนปลิวสะบัดจิ้มหน้าจิ้มตา ใบหน้าที่กำลังมีรอยยิ้มประดับอยู่เปลี่ยนเป็นสีหน้าหงุดหงิดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แมนจะยกมือขึ้นปัดปรอยผมที่ปลิวมาปรกหน้าด้วยความรำคาญ





มองเพลินจนแมทธิวลืมตัวตนของตัวเองตอนนี้... ลืมว่าคิดจะทำอะไร และกำลังจะไปไหน ริมฝีปากบางของร่างสูงฉายรอยยิ้มของความสุข



เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์อะไรหลายอย่างให้แมทธิวได้เป็นอย่างดี...



ไม่มีใครที่น่าค้นหาได้เท่าชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้... ไม่มีใครที่ดูเป็นธรรมชาจิและไร้การปรุงแต่งได้เท่าแมน และไม่เคยมีใครทำให้แมทธิวทั้งว้าวุ้นและสงบใจได้มากขนาดนี้มาก่อน



ถ้าการที่เขาอยากเห็นแต่ความสุขและอยากแบ่งปันความรู้สึกอื่นๆ ของแมนมาไว้ที่ตัวเองมันคือ ความรัก เขาก็คงรักชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้สุดใจ





“ทำไมพี่ชอบเหม่อ?” รู้ตัวอีกทีร่างสูงก็สาวเท้าไปนั่งยองๆ ข้างๆ แมนแล้ว ใบหน้าเรียวมีอาการตกใจน้อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นเรียบเฉยตามเดิม



“ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย...” ใบหน้าแมนเชิดขึ้นเล็กน้อย สายตาเบนกลับไปมองผืนน้ำตามเดิม



“แล้วมีผมอยู่ในความคิดพี่บ้างไหมอะ?” แมทธิวยื่นหน้าไปสบตาแมนใกล้ๆ คนถูกจู่โจมยกมือขึ้นดันหน้าผากแมทธิวแทบจะทันที



“ไม่บอก” แมนยกยิ้มบาง พลางใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเขาเบาๆ จนแมทธิวเผยรอยยิ้มกว้าง



“มีอยู่แล้วแหละ แค่มองตาพี่ผมก็เห็นไปถึงของในและ” สายกรุ้มกริ้มจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มของแมน



“ทะลึ่ง!” แมนยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองด้วยท่าทางหวาดกลัวและใบหน้าตกใจเกินจริง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้าเรียบเฉยอย่างรวดเร็ว “พอใจป่ะ?”



“...” ...น่ารักเกินไปแล้ว แมทธิวอยากรวบแมนมากอดแน่นๆ แต่ก็เกรงใจใบหน้าหงิกงอนั้น ดีไม่ดีโดนชกสวนมาอีก เจ็บตัวเพิ่มเปล่าๆ



“มองได้น่ากลัวมาก”



“ฮึ ฮ่าๆ” แมทธิวยิ้มกว้างรับคำพูดของแมน เขาจะถือว่ามันเป็นคำชมละกัน



“...” แมนคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมออก สายตาจับจ้องไปยังรอยช่ำบนใบหน้าคม มือที่กอดเข่าเอื้อมไปแตะมันเบาๆ “เจ็บมากไหม... ขอโทษนะ”



“ไม่เป็นเป็นไรครับ...” รอยยิ้มกว้างยังคงประดับบนใบหน้า มือของแมนถูกดึงไปถุมแล้วบีบเบาๆ “ไปหาอะไรกินกันเถอะ”



เปลี่ยนเรื่องคุยได้หักมุมมาก แมนผุดลุกตามแรงดึงของแมทธิว พร้อมๆ กับเต้าหู้ที่แลบลิ้น ทำตาละห้อยทันทีที่ทั้งคู่เตรียมจะเดินจากไป



“เราไปหาไรกินข้างนอกบ้านกันนะครับ”



แมนมองร่างสูงที่เดินนำหายเข้าไปในบ้าน แล้วสบตากับเจ้าตัวขนยาวข้างๆ ก่อนจะยักไหล่เบาๆ



นี่จงใจเลี่ยงเมนูผัดพริกแมนใช่ป่ะ ถามจริง?

 





.

.

.

รถจักรยานกลางเก่ากลางใหม่ถูกรื้อออกมาสูบใส่ล้อ เพื่อใช้เป็นยานพาหนะมุ่งสู่ร้านอาหารหน้าหมู่บ้าน แมนยืนกอดอกมองแมทธิวที่ขึ้นคร่อมรถพลางขย่มมันเบาๆ ทดสอบความแข็งแรง แล้วถามเสียงเรียบ



“มันจะไม่พังกลางทางเหรอ?”



“ไม่แน่นอน” พูดพลางตบเบาะหลัง และโยกหัวเชิญชวน “ขึ้นมาเลยครับ เดี๋ยวพาซิ่ง”



ทำอย่างกับจะไปได้ไวสักเท่าไร.. แมนยักไหล่ แต่ก็ขึ้นคร่อมจักรยานอย่างไม่อิดออด





 

ผู้ชายไซส์นำเข้าหนึ่งคนกำลังปั่นจักรยาน โดยมีผู้ชายไซส์มาตรฐานชายไทยยืนซ้อนอยู่ข้างหลังคงเป็นภาพที่ประหลาดตาสำหรับผู้อยู่อาศัย นก หนู และสุนัขที่อยู่ในหมู่บ้าน ระยะทางจากบ้านแมทธิวไปหน้าหมู่บ้านนั้นไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลเท่าไร แต่เพราะจักรยานไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้ชายสองคนขึ้นใช้ มันจึงเคลื่อนตัวไปได้ยากลำบากนิดหน่อย



แมนเกาะไหล่แมทธิวแน่นเป็นหลักยึดไม่ให้ร่วงลงไปเพราะท่าซ้อนที่ผาดโผนคือไม่ยอมนั่งซ้อนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นน้อยๆ ปล่อยให้ลมเย็นยะเยือกพัดกระทบหน้าเพื่อสัมผัสอากาศหนาวที่ไม่ได้มาบ่อยๆ ให้มากที่สุด แรงลมที่ปะทะกับใบหน้าทำให้เส้นผมปลิวสะบัด ชายหนุ่มรุ่นพี่ตัดสินใจทรุดลงนั่ง เพื่อจะได้ปล่อยมือจากไหล่กว้างของแมทธิว แล้วเอามือนั้นมาปัดผมที่ปรกหน้า



“หนาว” แมนยกมือขึ้นกอดอก พลางเบนสายตาเหลือบมองข้างทาง เสียงทุ้มที่พูดประยคถัดมาทำเอาเขาต้องหันขวับมามองท้ายทอยของแมทธิว



“หนาวก็กอดผมสิครับ” แมนขมวดคิ้วขึ้นไปอีกค้ลายไม่พอใจ แต่แขนกลับยกขึ้นสวมกอดเอวแมทธิวจากด้านหลังซะแน่น



“ไม่เห็นหายหนาวเลยล่ะ!?”



“พี่ต้องเอาหน้าซบไหล่ผมด้วย ถึงจะหายหนาว”



“นี่ ฉันไม่ได้กินหญ้านะ ไปเอานิสัยขี้อ่อยแบบนี้มาจากไหนมิทราบ” แมนตั้งใจจะหยิกพุงแมทธิว แต่ก็เจอแต่กล้ามเนื้อแน่นๆ แมทธิวหัวเราะร่วน ก่อนจะย้ำเสียงทุ้ม



“ลองทำ แล้วจะรู้ว่าอุ่นจริงไหม”



“...” แมนเบ้ปากอยู่ข้างหลังแถมยังแอบพูดล้อเลียน ก่อนจะซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง ทั้งๆ ที่มือยังสวมกอดร่างสูงของแมทธิว…



แต่แมทธิวพูดถูก เพราะอันที่จริงมันก็อุ่นขึ้นมาอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ... อบอุ่นในหัวใจน่ะนะ

 





.

.

.

อากาศตอนบ่ายอุ่นขึ้นมานิดหน่อย แมนและแมทธิวขลุกอยู่ในห้องนอนตั้งแต่กลับจากกินมื้อเช้าควบบ่ายนอกบ้าน ร่างสูงพลิกตัวนิดหน่อย มาทำเนียนหนุนตักแมนที่นั่งขัดสมาธิเล่นโน้ตบุ๊ก สร้างความทุลักทุเลจนแมนต้องวางโน้ตบุ๊กลงกับเตียง แล้วก้มหน้าสบดวงตาคมของแมทธิว



“ก่อกวนทำไมครับน้องแมทธิว” แมนทำหน้าตาอือมระอา แต่มือกลับยกขึ้นมาลูบหัวแมทธิวเบาๆ อย่างลืมตัว



ให้ตายเถอะ... สมองกับหัวใจทำงานไม่ค่อยสัมพันธ์กันเอาซะเลย



“ก็พี่แมนไม่สนใจผมเลย” แมทธิวเบะปากน้อยๆ แล้วหัวเราะนำลำคอเบาๆ พลางช้อนตาขึ้นจ้องแมนพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อกี้ดูอะไรอยู่เหรอครับ?”



“ดูสีผม...อยากทำ”



“อ๋อ เหรอ ผมทำบ้างดีไหมพี่แมน? ฮ่าๆ” แมทธิวพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ในขณะที่แมนชะงักมือที่ลูบผมแมทธิวไปเพราะประโยคนั้น

 



“ทำอะไรเหรอ?”



“ดูสีผม”



“จะทำเหรอครับ?”



“ไม่ล่ะ”



“เหรอ...” แมทธิวค่อยๆ เหยียดแขนและเลื้อยลงกับโต๊ะ ก่อนจะนอนหนุนแขนยาวๆ ตะแคงหน้ามองมาทางแมน “ผมทำบ้างดีไหม สีผมเนี่ย?”


.

.

.

“ผมอยากมีพี่หรือไม่ก็น้องจัง” มือหนาจับมือของแมนไปแนบแก้มของตัวเอง แล้วหลับตาพริ้ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ



“ฉันมีพี่ตั้งหลายคน แต่ไม่มีน้องเลย” แมนเอื้อมมือไปลูบหัวแมทธิวเบาๆ “มาเป็นน้องชายฉันดีไหม?”



“มาเป็นน้องชายฉันดีไหม?”



“มาเป็นน้องชายฉันดีไหม?”

 



“ขอโทษนะที่หลอกนาย” แมนก้มลงสบตากับแมทธิว และบอกย้ำด้วยเสียงอันแผ่วเบา



อะไรทำให้แมนพูดอย่างนั้นไปตอนนั้น ในเมื่อใจแมนคิดไม่ซื่อกับร่างบนตักเลยสักนิด



“...” แมทธิวหุบยิ้มทำหน้าจริงจัง “ไม่เลย มันไม่ใช่ความผิดของพี่”



“....ฉันคิดเสมอว่าถ้านายรู้ความจริงขึ้นมานายต้องเกลียดฉันแน่ๆ และฉัน... คงอยู่ไม่ได้”



“...”



“วันที่นายจากฉันไป มันเหมือนข้างในฉันแตกสลาย นายจากฉันไปโดยไม่มีคำลา ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ ตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่านายคงจะเกลียดกันแล้ว นายเกลียดฉันแล้ว” แมนก้มลงจนหน้าชิดอก และปล่อยให้หยดน้ำตาร่วงตามแรงโน้มถ่วง แต่แมทธิวที่นอนฟังอยู่กลับทำหน้าประลาดใจ จนต้องผุดลุกนั่ง



“พี่หมายความว่าไง!? พี่พูดเหมือนผมหนีพี่ไป”



“ฉันเข้าใจ แมทธิวฉันได้ยินมาว่านายเกลียดเกย์ มันไม่ผิดที่นายจะคิดว่าฉันเป็นเกย์แบบนั้น”



“ไม่คือ...”



“ถึงฉันจะเข้าใจ แต่ให้ฉันลืมนาย ฉันทำไม่ได้ แมทธิว ฉันจมอยู่กับความคิดพวกนั้น มันตันไปหมด มองไม่เห็นวิธีที่จะลืมเรื่องของเรา ถ้าไม่มีคนมาช่วยฉันเอาไว้ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้ นายเข้าใจเหตุผลที่ฉันไม่อยากรับนายเข้ามาในชีวิตอีกหรือยังล่ะ...”



“พี่แมน คือผม...” แมทธิวสบตาแดงๆ ของแมน แล้วกวาดตามองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแมน มือทั้งสองข้างเอื้อมไปเพื่อจะคว้าร่างตรงหน้า แต่ถูกแมนยกมือยันไว้



“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกแมทธิว ฉันแพ้ใจตัวเองทั้งนั้น... ครั้งนี้ถ้านายจะไปอีก อย่างน้อยก็ช่วยบอกลากันก็พอ” แววตาเหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ และใบหน้าเว้าวอนของแมนอีกทำให้แมทธิวอยากจะจูบปิดปากนั้นให้เงียบไปซะ



“พี่แมน!! ฟังผมก่อนได้ไหม?!!”



“...” แมนสะดุ้งตกใจ ไม่วายยกมือแนบอกอย่างลืมตัว



“ผมคงต้องบอกว่าที่พี่พูดมาทั้งหมดมันไม่ถูกต้อง ผมไม่ใช่คนที่หนีพี่ไป!” แมทธิวกระชากมือแมนออก แล้วใช้แรงยึดข้อมือไว้ แมนทำหน้าเหยเก พลางบิดข้อมือออกเบาๆ ตอนนั้นเองแมทธิวถึงรู้ตัวว่าเผลอใช้ความรุนแรงกับใช้หนุ่มรุ่นพี่ “...ผม... 3 ปีที่ผ่านมา ผมพยายามติดต่อพี่ แต่รู้อะไรไหม พี่นั่นแหละที่หนีผมไป แบบไร้ร่องรอย เหมือนคนหายสาบสูญ”



“...ไม่...!”



“ห้ามเถียง ไม่งั้นผมจะจูบปิดปาก” แมนเบิกตากว้างทำปากพะงาบๆ ใจก็อยากจะท้าทายอีกฝ่าย แต่เห็นท่าทางฉุนเฉียวก็เลยเงียบปากไว้ดีกว่า



“วันนั้นผมอุตส่าห์เหยียบรถเพื่อไปซื้อเข้าเช้ากับยาเพราะเห็นว่าพี่เป็นไข้ อาการแย่ แต่กลับถึงห้องพี่ก็หายไป แล้ว ทางเดียวที่จะติดต่อพี่ได้ก็คือเบอร์ แต่โทรศัพท์พี่ก็ทิ้งไว้ทิ้งห้อง ผมนั่งรอยันเช้าพี่ก็ไม่กลับมา พี่หนีผมทำไม...”



“...” แมนเม้มปากแน่น ก้มหน้าหลบแววตาจริงจังปนเกรี้ยวกราด เขาไม่อาจทนมองมันได้ เพราะมันทำให้... ใจหวาบหวิว?



“ผ่านไปเป็นอาทิตย์... เป็นเดือน... พี่แนทก็ไม่ยอมบอกว่าพี่อยู่ที่ไหน เขาบอกว่าพี่ก็อยู่ห้องเดิม แต่ห้องข้างๆ ผมที่พี่เขาว่ามันมีคนมาเช่าใหม่ตั้งนานแล้ว ผ่านไปเป็นปีผมก็ยังค้างคาใจอยู่กับเรื่องของพี่ ผมเริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้เลย รู้ตัวบ้างไหม!?”



“ฮึก...” แมนบ่อน้ำตาแตกอีกรอบ แมทธิวตกใจไม่น้อยที่เห็นแมนสะอื้นตัวโยนจนต้องคลายแรงที่บีบข้อมือออก และดึงร่างโปร่งนั้นมาอยู่ในอ้อมกอด แมนขยับตามอย่างว่าง่าย ก่อนที่แมทธิวจะอาศัยตัวเองเล่นกล้าม พละกำลังเยอะ ยกตัวแมนมานั่งคร่อมตักตัวเองได้อย่างสบายๆ



“ขอโทษที่ผมตวาด ไม่ร้องนะครับคนเก่ง” แมทธิวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลเลอะไปทั้งหน้า “ดูเหมือนระหว่างเราจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเยอะเลยนะครับ...”



“ฮือ... เอออะสิ น้ำตาที่เสียไปเป็นพันๆ ลิตรของฉัน...” แมนปัดมือแมทธิวให้หลบ แล้วเอามือตัวเองเช็ดน้ำตาแทน ไม่ใช่อะไร มันมีน้ำมูกไหลปนอยู่ด้วย จะปล่อยให้ร่างสูงเช็ดก็รู้สึกผิดในใจไปอีก



“ไม่ต้องร้องนะครับ ต่อไปนี้มีอะไรเราจะพูดกันตรงๆ ไม่มีปิดเนอะ”



“อือ... ฮึก”



ฟุ่บ!



“เฮ้ย!” แมนหยุดสะอื้นไปชั่วขณะเมื่อจู่ๆ ร่างของตัวเองก็ถูกพลิกไปอยู่ข้าใต้ร่างแมทธิว ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้



“งั้น.... ก่อนอื่นบอกผมได้ไหม ที่ผ่านมาพี่คิดยังไงกับผม”



“...หือ???” แมนกะพริบตาปริบๆ ไล่น้ำตา



จะให้สาธยายว่ารู้สึกยังไง มันก็เยอะพอๆ กับอธิบายว่าชอบตรงไหนเลยนะ จะฟังจริงๆ น่ะเหรอ...



“นะ... ตั้งแต่ตอนที่เราเจอกัน พี่รู้สึกกับผมยังไงบ้าง?”



“อืม... น้องแมทธิวใจดี...” เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความคลั่งไคล้ แมนดึงตัวเองกลับไปในสถานะแฟนคลับที่แมทธิวไม่รู้จักเขา แถมแมนยังกรี๊ดกร๊าดร่างสูงอยู่เงียบๆ “หล่อ แล้วยังใจดี มีน้ำใจ ไม่เลือกปฏิบัติกับใคร”



พูดง่ายๆ คือเฟรนด์ลี่เหลือหลาย ทำเอาแฟนคลับอย่างแมนเปลี่ยนจากคลั่งไคล้กลายเป็นหลงรักอย่างบ้าคลั่งแค่ได้ใกล้ชิดกัน



“หน้าตาเหมือนนายแบบฝรั่ง ยิ่งโตยิ่งเหมือนจนฉันเชียร์ให้นายไปเป็นนายแบบ แต่ใครจะรู้ๆ อยู่ๆ นายดันมาโผล่เรียนคณะเดียวกันซะได้ โคตรไม่น่าเชื่อ...”



“ครับ...แล้ว...” แมทธิวขยับหน้าลงไปใกล้อีก แมนเบิกตากว้างๆ เพื่อพิจารณาใบหน้าอีกฝ่าย



“จมูกก็สันเป็นคม เส้นผมเหมือนทำไฮไลท์...” จะพูดท่อนต่อไปแต่นึกขึ้นมาได้ว่าแมทธิวไม่ใช่คุณลำไย “แมทธิว ถามจริงๆ จมูกนั่นไม่ได้ทำมาใช่ไหม?”



“หือ... พี่ก็พิสูจน์มาแล้วไม่ใช่เหรอ?” แมทธิวยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตามีเลศนัย หลังยกขึ้นแตะแก้มแมนเบาๆ



“ต...ตะ..ตอนไหน?”

 

 



สัมผัสแผ่วเบาบนดั้งทำให้แมทธิวรู้สึกตัว เขาเกือบจะยกมือขึ้นปัดเพราะคิดว่าเป็นยุงหรือแมลงวัน ถ้าไม่ติดว่าสัมผัสมาต่อเนื่อง ลากเรื่อยมายังปลายจมูก และจบลงที่ริมฝีปาก



สัมผัสแบบนี้มันต้องมีคนทำ



และในห้องนี้ก็ไม่มีใครนอกจากชายหนุ่มรุ่นพี่



ก่อนหน้าเจ้าตัวเพิ่งออกปากจะเป็นพี่ชายให้เขา แล้วที่ทำอยู่นี่คือสิ่งที่พี่น้องปกติเขาทำกันหรือไง?



นิ้วมือวางค้างไว้อย่างนั้น แมทธิวเดาไม่ออกหรอกว่าเจ้าของนิ้วกำลังทำสิ่งนี้ด้วยสีหน้าแบบไหน แต่ถ้าเขาลืมตาขึ้นตอนนี้ เขาต้องได้เห็นสีหน้าแปลกๆ ของแมนแน่ๆ...



ไวเท่าความคิด แมทธิวก็ลืมตาขึ้นมา รอยยิ้มของแมนหุบลงทันที และนัยน์ตามีความสุขก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก และสับสนพร้อมๆ กัน



แค่นั้นเองก็ทำให้แมทธิวใจหวิวๆ เหมือนตกจากที่สูง



ร่างสูงคิดอะไรไม่ออกนอกจากส่งยิ้มไป และข่มใจให้สงบ



“ไปนอนกันเถอะ” แมทธิวเผลอคว้ามือแมนมากุมเพราะความต้องการส่วนลึกในใจบอกให้เขาสิ่งแบบนี้ทดแทนสิ่งที่เขาอยากทำแต่ทำไม่ได้...


 



“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ ก็ไหนพี่บอกว่าลืมเรื่องของเราไม่ได้ไง...” แมทธิวลากปลายนิ้วไปที่ดั้งของแมน และหยิกปลายจมูกเบาๆ



“อ๋อ เอ่อ... จำได้และ คงไม่ได้ทำและเนอะ พ่อกับแม่ให้มาใช่ม้า...” แมนยิ้มแหยทั้งๆ ที่ปกติเก๊กขรึม แมทธิวหัวเราะขึ้นจมูก ริมฝีปากกระตุกยิ้มชั่วร้าย แววตาแพรวพราวที่ส่งมายิ่งทำให้แมนอยากแทรกตัวเป็นเนื้อเดียวกับผ้าปูที่นอน



“รู้ไหม พี่ทำผมสับสนมากนะ”



“ฉันต้องสับสนมากกว่าไหม รู้ว่าโดนลวนลามยังทำใจเย็น มันให้ความหวังกันชัดๆ”



“ถ้าผมใจร้อนพี่รู้ไหมตอนนั้นผมจะทำอะไร?”



“นายคงจะชกฉันสักทีน่ะสิ ได้ข่าวนายเคยทำ... อื้อ.. อื้ม!!!” ริมฝีปากแมนจำต้องปิดลงเพราะแรงบดขยี้ มือที่ว่างทุบหลังแมทธิวอยู่พักหนึ่งพอเป็นพิธี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบคอตามอารมณ์เคลิ้มของตัวเอง



ใช่แล้ว แมทธิวได้ทำในสิ่งที่อยากทำเมื่อคืนนั้น มีเหรอจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้



ส่วนแมนน่ะเหรอ... โอกาสเป็นของเขาแล้ว จะเล่นตัวไปทำไมเยอะแยะ

 

 

 

เคยไหมคะ แต่งๆ นิยายอยู่ลืมตอนเก่าๆ ที่ตัวเองแต่ง ต้องไปย้อนอ่าน ฮือ เหนื่อย แต่เห็นคอมเมนท์แล้วก็มีกำลังใจจะลงต่อให้จบค่ะ ฮึบ

ช่วงนี้บ้าผู้ชายจีนมากมาย เห็ดเลยใช้เวลาส่วนมากไปกับการตามดูรายการที่ทั้งมีและไม่มีซับที่เขาไปออก ความรักมันมหัศจรรย์ค่ะ ต่อให้เราจะฟังเขาไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม  :mew4:

สุดท้ายนี้ขอบคุณคุณ JustWait  (และท่านอื่นๆ)ค่ะ แก้คำผิดให้เห็ดบ่อยมาก แต่เหมือนเดิม เห็ดอ้างคอมเมนท์มาขอบคุณไม่เป็น ถ้าบังเอิญอ่านที่เห็ดบ่นขอขอบคุณด้วยความจริงใจไว้ ณ ตอนนี้

ไปแล้วค่ะ ขอบคุณที่ยังตามอ่านกัน ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ก็ขอให้อยู่ด้วยกันจนจบนะคะ

ด้วยรัก จากเห็ดหอม
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-03-2016 20:58:45
เคลียร์เรื่องเก่าๆ กันไปและ กลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะน้องแมททิว พี่แมน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-03-2016 21:44:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-03-2016 22:15:33
 :ling1:

รถไฟสวนทางกันสินะตอนนั้น แต่ตอนนี้น้องแมทเดินหน้าเต็มที่แล้ว เฮฮฮฮฮฮฮฮ

ดีใจจริง หวังว่ามาม่าจะไม่ได้มาจากคู่นี้นะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-03-2016 19:15:06
สมหวังสักทีเนอะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-03-2016 22:22:29
 o13
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.17 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-03-2016 17:20:27
ไม่เป็นไรค่า คำผิดตอนนี้นะตัวเอง

ลูบบนขนของเต้าหู > เต้าหู้

ดูเป็นธรรมชาจิ >> ชาติ

ทำให้แมทธิวทั้งว้าวุ้น >> ว้าวุ่น

สายตาจับจ้องไปยังรอยช่ำ >> รอยช้ำ

 มือของแมนถูกดึงไปถุม >> กุม

ถูกรื้อออกมาสูบใส่ล้อ >> อันนี้ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดไหม สูบลมใส่ล้อ หรือเปล่าคะ

เสียงทุ้มที่พูดประยค >> ประโยค

ค้ลายไม่พอใจ > คล้าย

หน้าตาอือมระอา >> เอือม

แล้วหัวเราะนำลำคอ >> ใน ลำคอ ใช่ไหมคะ?

ประลาดใจ >> ตก ห.หีบค่ะ ประหลาด

ใจหวาบหวิว >> ห.หีบจากคำข้างบนมาอยู่นี่เอง555 หมายถึง วาบหวิว หรือเปล่าคะ แต่ส่วนตัวคิดว่าบริบทนี้ใช้ ใจมันหวิวๆ น่าจะเหมาะกว่าค่ะ

อยู่ข้าใต้ >> ข้างใต้

 คงไม่ได้ทำและเนอะ >> อันนี้ภาษาพูดเนอะ แต่ถ้าสะกดตามคำออกเสียง ส่วนตัวเราคิดว่าเป็น แหละ หรือเปล่าคะ
แต่ถ้าผู้เขียนคิดว่าเป็น และ ทิ้งไว้ก็ได้ค่ะ

คิดว่าหมดแล้วว พี่แมนนี่ได้ทีเอาใหญ่นะคะ 55 ว่าไม่ได้ ช่วงเวลากอบโกยของนาง


เราชอบซีรีส์จีนเหมือนกัน ตามดูแบบซับไทยหลายเรื่องเลยค่ะ ดูเสร็จหานิยายมาอ่าน บางทีแบบไทยยังไม่แปลต้องหาแบบอังกฤษ บางเรื่องหาไม่ได้(อาจจะเพราะง่าวเอง) ทำเอาเสียใจเลยทำไมเมื่อก่อนฉันไม่ตั้งใจเรียนภาษาจีนเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 24-03-2016 17:16:50
Chapter 18 : You can’t even remember!!!





“ไม่! เฮือก!!!” ผมผวาตื่นและผุดลุกขึ้นนั่งจนผ้าห่มเลิกออกจากตัว ทั้งจมูกและริมฝีปากร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อหายใจเอาอากาศเข้าปอด ในขณะที่มือก็ยกกุมหน้าอกตรงตำแหน่งขอหัวใจที่เต้นรัว



ใจเย็นๆ สิ... เมื่อกี้ก็แค่ฝัน ตอนนี้ตื่นแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว



หางตาผมเหลือบมองแมทธิว คนที่อยู่กับผมทั้งยามหลับ และยามตื่นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตะแคง



ใบหน้ายามหลับของแมทธิวยังน่าหลงใหลเหมือนเดิม มันอาจไม่ทำให้ใจผมเต้นแรงเหมือนตอนเรารู้จักกันใหม่ แต่ผมประทับใจที่ครั้งที่ได้จ้องมัน



....มันคงแย่มากสินะที่ผมยอมให้เขากลับมาในชีวิต ทั้งๆ ที่ผมต้องเจ็บเพราะเขามานาน



แม้มันจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดที่เรื้อรังมานานก็ตามที...



คิดแล้วอยากจะทุบอกแมทธิวแล้วด่าว่าไอ้บ้ารัวๆ แต่มันจะดูผู้หญิงไปหน่อยเลยไม่ทำ แต่ไม่รู้แหละ ทำให้ผมฝันร้ายก็ต้องรับผิดชอบหน่อยสิ จริงป่ะ!?



ผมขยับตัวเข้าไปหาแมทธิว ขยับแขนที่ขวางอยู่ให้ยกขึ้น แล้วเอาตัวเองเข้าไปแทรกแทนเพื่อซุกแผ่นอกแกร่ง เท่านั้นแหละครับ คนที่หลับอยู่ก็รวบผมไปกอดรัดอย่างแรง พร้อมๆ กับที่เจ้าตัวลืมตา และริมฝีปากบางนั้นคลี่ยิ้ม



เด็กฝรั่งนี่มันร้ายกาจจริงๆ ไอ้ครั้นจะดีดดิ้นตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้วด้วยสิ ดันพาตัวเองไปหาเขาก่อน เสียฟอร์มชะมัด



อะ งั้นยอมให้กอดละกัน



“โอเคหรือยังครับ?” อ้าวเฮ้ย ตื่นนานแล้วทำไมไม่บอก หลอกให้คนอื่นแต๊ะอั๋งตัวเองอยู่ได้



แววตาอ่อนโยนปนสำนึกผิดทอดมองผมพร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าน้อยๆ ความคิดที่จะต่อปากต่อคำหายไปเพราะความห่วงใยที่แสดงออกบนใบหน้านั้น



“ขอโทษนะ ผมทำให้พี่ต้องฝันร้ายแบบนี้”



“ไม่หรอก...” ผมวางมือลงบนกรอบหน้าที่มีไรหนวดขึ้นเป็นตอชวนให้จักจี้ “รู้ไว้เลย ต่อให้นายจะเกลียดฉันจริงๆ ฉันก็จะไม่โทษนายเลยสักนิด”



เพราะความรักบางครั้งก็เป็นเหมือนอาหารรสเลิศใส่ยาพิษ บางคนก็ยอมเจ็บปวดเพื่อให้ได้รู้รสชาติมันสักครั้งก่อนตาย



“...”



“นายคือความทรงจำที่ดีที่สุดของฉันที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งตัวทั้งใจเชียวนะ ถ้าฉันจะโทษว่าเป็นความผิดนาย ฉันโทษที่ตัวเองยอมเจ็บไม่ดีกว่าเหรอ?”



“...” ผมมองเห็นรอยยิ้มกว้าง และมันทำให้ผมยิ้มออกเช่นกัน แมทธิวกระชับอ้อมแขน “งั้น... พี่บอกผมได้ไหมว่าฝันว่าอะไร?”



ผมหุบยิ้มลงทันควัน และหลบสายตาของร่างสูง แมทธิวขยับใบหน้าลงมาชิด และถามซ้ำอีกครั้ง



“ฝันว่าอะไร บอกผมหน่อย”



“...ทำไม?” จะเอาไปเล่นหวยหรือไง



“ก็อยากรู้ บอกหน่อยสิ นะ...” มานะ มาเนอะอะไร วู้... ผมขืนตัวออกพลางหลบตา แต่คนอย่างแมทธิวนะเหรอ ดื้อ รั้น ร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ แต่หล่อ น่ารัก ดังนั้น เมื่อเจ้าตัวขยับริมฝีปากมากระซิบอยู่ตรงใบหู ผมจึงขนลุกเพราะความสยิวกิ้ว แถมยังตัวอ่อนยวบยาบอย่างเลี่ยงไม่ได้



“ว่าไงครับ?”



“บ... บะ... บอกไม่ได้”



“ทำไมล่ะครับ?” ลมหายใจอุ่นรดอยู่ริมใบหู แต่มันทำให้ผมร้อนวูบไปทั้งใบหน้า ระยะประชิดระดับนี้ ถ้าขู่ให้ผมยกบ้านพร้อมที่ดินให้ก็อาจจะสมยอมโดยง่ายดาย



แต่ไม่ใช่กับเรื่องที่ผมฝันโว้ย



จะให้บอกยังไงว่าฝันถึงตอนที่เราแซบกัน มันน่าอายนะ แล้วก็ไม่รู้แมทธิวจะรับได้ไหม... ยังไงก็คนก็เคยฝังใจกับเกย์



“พี่แมน บอกหน่อยไม่ได้เหรอ?” ตอนนี้ริมฝีปากเริ่มเฉียดใบหู และคาดว่าอีกนิดแมทธิวต้องกินหูผมเข้าไปแน่ๆ ผมหลับตาเกร็งตัว รวบรวมลมปราณทั้งห้าเพื่อตะโกนตอบสิ่งที่ร่างสูงสงสัย



“ฝันถึงตอนที่นายเมาน่ะแหละ !!!”



“.......” อ้อมกอดคลายลง พร้อมกับแมทธิวที่เอาริมฝีปากออกห่างจากใบหูผม ผมขยับปากพูดต่อปากคอสั่น



“ต่อให้เป็นเกย์หน้าไหน ก็คงไม่มีใครอยากถูกข่มขืนหรอกนะ....” ผมกวาดจามองใบหน้าคม แมทธิวมีสีหน้าสลดแบบที่ผมเห็นแล้วใจหายวาบ



เกลียดตัวเองที่เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง ทั้งๆ ที่มันถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือไงที่อีกฝ่ายจะสำนึกผิด แมทธิวควรจะโดนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำในส่วนที่ทำแบบนั้นกับผม



ถึงสมองผมจะคิดอย่างนั้น แต่ใจมันรั้นไม่ฟังเหตุผล ดูแล้วเหมือนคนพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม...



“ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดนายหรอก แต่มันก็ยังฝังใจ บางทีถ้านายให้ฉันลงโทษอาจจะหายก็ได้



“จริงเหรอ? ผมต้องทำยังไงอะ พี่บอกผมมาเลย ผมพร้อมทำทุกอย่าง อ้อ ยกเว้นให้หายไปจากชีวิตพี่นะ อันนี้ต่อให้พี่จะเกลียดผมแค่ไหน ผมก็จะไม่ยอมไปแน่ๆ”



“อืม รู้แล้วๆๆ...” ผมขมวดคิ้ว พลางกลอกตาคิด “หลับตาสิ”



“หืม?” แมทธิวเลิกคิ้วสงสัยแต่ก็ทำตามอย่าว่าง่าย ผมอมยิ้ม อาศัยว่าร่างสูงไม่ได้กอดผมแนบแน่นแล้ว ยกมือขึ้นเล็งที่หน้าผาก และ...



เป๊ะ!



ดีดหน้าผมนั้นอย่างแรง จนร่างสูงขมวดคิ้วแน่น พลางปล่อยแขนที่กอดผมไว้



“นี่คือการลงโทษผมเหรอ?”



“อือฮึ” ผมยักคิ้วข้างหนึ่ง มองแมทธิวที่ค่อยๆ เปลี่ยจากใบหน้างุนงงเป็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ผมถูกดึงไปในอ้อมแขนอีกครั้ง เรากอดกันแนบชิด สัมผัสเสียงหัวใจที่เต้นแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน และผมขอเรียกมันว่าจังหวะของความสุข



“ทำตัวแบบนี้ถ้าผมเผลอทำแบบนั้นอีกจะโทษกันไม่ได้แล้วนะ” แมทธิวเขี่ยปรอยผมออกจากหน้าผม ริมฝีปากบางยิ้มชั่วร้าย แต่ขัดกับแววตาอ่อนละมุนที่เจ้าตัวส่งมาใหเ



“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงสมยอมด้วยนั่นแหละนะ” ผมยิ้มมุมปาก ลอยหน้าลอยตาในความมืด แมทธิวย่นจมูกท่าทางคงหมั่นไส้ผม ก่อนที่ร่างสูงจะกดริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากของผม ขยี้เบาๆ พอให้รู้สึกดีแล้วผละออก



“...รู้ไหม ช่วงนี้นายลวนลามฉันถี่มาก” ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เขาก็สนองความต้องการที่ผมเคยมีเมื่อครั้งยังเป็นแฟนคลับตัวน้อยๆ ในบรรดาคนรอบตัวมากมายของแมทธิว คนถูกว่ายิ้มออกมาให้ผมแบบที่เจ้าตัวชอบทำ



“เหรอครับ? แล้วไม่ชอบเหรอ” แมทธิวขยับใบหน้ามาชิด นั่นๆๆ อย่า... อย่าเอาหน้าผากมาแตะ และเอาปลายจมูกมาชนกัน อย่ามาคาดคั้นให้ผมพูดความจริง



“.......ชอบดิ ชอบมาก”



นั่นไง.... ตอบออกไปอย่างกับโดนสะกดจิต เสียงหัวเราะดึงให้ผมรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว ผมยกกำปั้นทุบออกแมทธิว แต่มันลำบากไปเพราะถูกกอดอยู่ เลยเปลี่ยนเป็นบิดหัวนมแทน



“โอ๊ยๆ ฮ่าๆๆ” แมทธิวรวบผมแน่นจนไม่มีช่องว่างให้ขยับตัว “นอนนะครับ เดี๋ยวตื่นมาใส่บาตรไม่ทันแบบเมื่อวานนะ”



“อืม...”



เหมือนคลายปมในใจไปได้อีกอย่าง ผมฝังหน้าลงบนไหล่กว้าง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ และเคลิ้มหลับไป

 

.

.

.

เช้านี้ผมไม่พลาดใส่บาตรเหมือนเมื่อวานแล้ว อากาศยังคงเย็นเหมือนเดิมแม้ว่ามันจะผ่านช่วงเวลาที่ควรหนาวมาเป็นเดือนแล้วก็ตาม ผมยืนขนลุกขนชันเมื่อลมเย็นๆ พัดผ่าน พลางมองพระสงฆ์เดินไปรับบิณฑบาตที่บ้านหลังถัดไป ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเจอแมทธิวที่นั่งเล่นอยู่กับเต้าหู้



ภาพแมทธิวชี้นิ้วสั่งให้หมาตัวใหญ่นั่งลงแต่ก็โดนเจ้าขนยาวตะกายไปถึงเอวสอบ จนแมทธิวต้องเคาะหัวเต้าหู้เบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมายกใหญ่ เป็นภาพที่มองแล้วช่างอบอุ่นหัวใจและทำให้ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าผมก้าวเดินเข้าไปตรงนั้น ทุกอย่างจะพังทลายลงกลายเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของผม



“พี่แมน! เสร็จแล้วเหรอ?” แมทธิวตะโกนเรียก ในขณะที่เต้าหู้ออกตัววิ่งนำร่างสูงมาหาผมเรียบร้อยแล้ว ผมมองแมทธิวก้มหารองเท้าแล้วหัวเราะในใจ หาให้ตายก็ไม่เจอหรอก เพราะมันอยู่ที่เท้าผมนี่! เจ้าสี่ขากระโจนใส่ผมอย่างกระดี๊กระด๊า ผมตั้งหลักรับน้ำหนักไปทันเลยแอบเซเล็กน้อย พอตั้งตัวได้ก็ลูบหัว ลูบตัวมันแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว พลางเหลือบมองคนที่ยืนทำหน้างอเพราะวิ่งมาหาผมไม่ได้



ดูซิดู กับหมายังอิจฉา ผมเคยบอกไปหรือยังว่าแมทธิวกับหมาแบบเต้าหู้น่ะ เหมือนกันไม่มีผิด... ทั้งขนาดตัว ทั้งนิสัย



ผมเดินถือขันเงินเปล่าเข้าบ้าน แมทธิวเดินตามมาระยะประชิด และมีเต้าหู้ตามหลังแมทธิว ช่างให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นหัวหน้าฝูงอะไรสักอย่าง



“พี่แมน สายๆ ไปซื้อของกันหน่อยนะ”



“หืม ก็เอาสิ”





.

.

.

ร่างสูงของแมทธิวเข็นรถเข็นเดินทิ้งห่างผมอยู่ 2-3 ก้าว ผมไล่สายตาจากเท้าไปถึงท้ายทอยพลันสมองมันก็ฉุกคิดถึงอะไรขึ้นมาได้



มันคุ้นๆ นะว่าไหม มาเดินซื้อด้วยกันแบบนี้เนี่ย...



“พี่แมน!!” แมทธิวหยุดเข็นรถแล้วหันมาเรียกผม ผมทำหน้าเหรอหรา แล้วก็พยักหน้าพลางสาวเท้าตามอีกฝ่ายให้ทัน



เราสองคนเดินขนาบข้างไปตามโซนของสดแบบไม่รีบร้อน ดูแล้วท่าทางแมทธิวตั้งใจจะมาซื้ออะไรพวกนี้โดยเฉพาะนั่นแหละ สงสัยจะไม่อยากกินหมู หมึก กุ้ง หุงอุ่นตุ๋นต้มนึ่งและผัดกับน้ำพริกเผาที่ทำให้กินแน่ๆ ไม่ได้การและ ต้องแสดงเสน่ห์ปลายจวักกับอาหารอื่นๆ บ้างแล้ว



“แมทธิวทำชีสบอลดีไหม” ผมหยิบมอสซาเรลล่าชีสขึ้นมาตอนที่เราเดินผ่านตู้แช่ชีส แมทฑิสหยิบมันไปจากมือผมแล้ววางไว้ที่เดิม



“ที่บ้านมีแล้วครับ”



“มีมาร์คาโปนด้วยนะ ซื้อไปลองทำทีรามิสุกันไหม?” ผมเรียกแมทธิวที่ทำท่าจะเข็นรถเข็นไปจากตรงนี้



“ถ้าอยากกินไว้กลับไปกินที่ร้านผมนะครับ มีให้กินทุกอย่างเลย เจ้าของร้านก็กินฟรี” พูดจบก็ยักคิ้วข้างหนึ่งใส่ ผมเบะปากพลางยกมือขึ้นตีแขนแมทธิวเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้



 

“จำปี แกคิดเหมือนที่ฉันคิดไหม?”



“ฉันก็คิดเหมือนแกแหละซ่อนกลิ่น” ผมได้ยินเสียงนางสาวดอก...ไม้ทั้งสองกระซิบกระซาน แน่นอนว่าด้วยระยะห่างและความดังของเสียงเจ้าหล่อน เสียงเหล่านี้ก็ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทของผมอย่างชัดแจ๋ว ผมลอบกลอกตา 360 องศาด้วยความเบื่อหน่าย และไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตถึงเจอแต่สาวๆ ประเภทนี้บ่อยเหลือเกิน



“เขาเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันอะแก”



“ถ่ายรูปไปลงเน็ตดีป่ะ”



เดจาวูกว่านี้ไม่มีอีกและ... ผมเตรียมจะหันไปห้าม แต่ก็ถูกแขนแกร่งของแม?ธิวล็อคคอไว้



“ปล่อยเขาเถอะครับ เนอะ” รอยยิ้มกว้างส่งมา ก่อนที่มือที่ล็อคคออยู่จะเลื่อนมาโอบอยู่ตรงเอว



“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตอนนั้นปล่อยให้ได้ยินซะก็ดี”



.

.

.

“แก ดูผู้ชายคู่นั้นสิ อย่างกับคู่แต่งงานใหม่มาซื้อของเข้าบ้าน”



“เกย์รึเปล่าอ่ะส้ม”



“ฉันว่าใช่นะชมพู่ ดูสิ รุกเดินตามต้อยๆ อยู่ในโอวาทสุดๆ” แมนหันขวับไปมองตามเสียงผู้หญิงที่ดังมาจากข้างหลัง เจ้าหล่อนยังไม่รู้ตัวว่าชายหนุ่มได้ยิน รวมถึงคนที่เลือกชีสอยู่ข้างๆ คนตัวเตี้ยกว่ามองซ้ายมองขวาลุกลี้ลุกลน ก่อนจะสะกิดร่างสูงเบาๆ



“แมทธิว ไปเลือกเนื้อหมูรอเลย เดี๋ยวฉันเลือกชีสเอง” แมนออกปากไล่ให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเดินไปจากตรงนี้ แมทธิวทำหน้างงๆ ใส่เขาแต่ก็ยอมเดินนำไปแต่โดยดี แมนหันขวับไปมองผู้หญิง 2 คนที่มองมาทางนี้อยู่แล้ว ทำให้เขาสบตากับพวกเธอพอดี



“ชู่...” แมนทำเสียงชู่เบาๆ แล้วยิ้มให้พวกเธอ รู้สึกพึงพอใจระดับสิบ ที่มีคนมองว่าตัวเองกับแมทธิวดูเหมือนคู่รักกัน


.

.

.

 

“พี่แมนว่าไงนะ?”



“นายจำตอนเรารู้จักกันใหม่ๆ ได้ป่ะ?”



“...ตอนไหนเหรอ?”



“วันนั้นไง ที่นายแวะซูเปอร์ ซื้อของไปทำคาโบนาร่ากินกันอะ”



“...เหมือนจะจำไม่ได้แฮะ” ทำหน้านึกแป๊บเดียวแล้วก็ตอบผมเลย ผมขมวดคิ้ว ในใจตอนนี้เริ่มงอแงและ มันกำลังโวยวายว่า อะไรวะ จำไม่ได้จริงอะ?!!!



เอ๊อ ก็ไม่สำคัญขนาดนั้นไง เรื่องมันก็หลายปีแล้ว ใครจะมาจำอยู่ได้...



“งั้นก็ช่างมันเหอะ ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก” ผมยิ้มแล้วเดินนำแมทธิวไปเข็นรถซะเอง เฮ้ย ไม่ได้งอนนะ แต่แบบ ถ้าชวนคุยตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะตอบอะ



มีแค่ผมหรือไงที่จำเรื่องระหว่างเรา และอธิบายออกมาเป็นฉากๆ ได้น่ะ!?





 

ผมลงจากรถแทบจะทันทีที่มันจอดสนิท ก่อนจะเปิดประตูหลัง คว้าข้าวของที่ซื้อมาเดินดุ่มๆ ไปวางไว้ในครัว



ผมเดินสวนกับแมทธิวที่เดินตามเข้ามา ร่างสูงอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมรีบพูดขัดขึ้นมาก่อน



“ฉันขึ้นห้องก่อนนะ ดูซีรี่ส์ค้างไว้” ใช่ๆ ผมดูค้างไว้จริงๆ แต่มันตั้งแต่วันนู้น... แล้ว เดี๋ยวต้องไปดูต่อแล้วเนี่ย



“พี่แมน เดี๋ยวก่อนสิ” แมทธิวสาวเท้าเข้ามาใกล้ แล้วทำท่าจะจับศอกผม ผมเบี่ยงตัวหลบเบาๆ จนแมทธิวทำหน้าไม่เข้าใจ “พี่โกรธผมเหรอ ที่จำเรื่องตอนนั้นไม่ได้”



“...” เออ ยอมรับว่าโกรธ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักหรอก... ผมเสมองไปทางอื่นก่อนจะหมุนตัวขึ้นบันได



“พี่แมน ผมขอโทษ...”



“....แมทธิว พอเถอะ”



“...!??” แมทธิวทำหน้าไม่เข้าใจ ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ



“ไม่ใช่ฉันไม่คิดนะ”



“...”



“แต่มันไม่มีเหตุผลเลยนะว่าไหม ที่อยู่ๆ นายก็กลับมา ลักพาตัวฉัน แล้วก็พูดว่าขอโทษซ้ำๆ”



“...”



“นายตอบฉันได้ไหมว่าทั้งหมดที่ทำไม่ใช่แค่เพราะนายอยากแก้ไขความรู้สึกผิดของตัวเองน่ะ!?”









หายไปนานอย่าว่ากัลเหลย เห็ดก็รักทุกคนเหมือนเคยนั่นแหละ ♥

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและคอมเมนท์นิยายเรื่องนี้ค่ะ

ปล. เจอคำผิดบอกทิ้งไว้ได้เหมือนเคยนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-03-2016 18:18:48
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-03-2016 18:28:56
แมทธิว พยายามเข้า เรื่องมันคาราคาซังมานาน จะให้มาดีเหมือนเดิมในไม่กี่วันคงยาก

ขำเดจาวูในซุปเปอร์ฯ เมื่อก่อนเป็นสองสาวผลไม้ ตอนนี้เป็สองสาวดอกไม้ กร๊ากกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 24-03-2016 20:08:26
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2016 20:15:40
จะทะเลาะกันต่อหรือ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 24-03-2016 21:32:46
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-03-2016 22:08:20
เอาน่าแมทธิว เรื่องมันปล่อยทิ้งไปนานแล้วจะให้กลับมาดีเลยคงไม่ได้ มันคงต้องใช้เวลาน่ะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-03-2016 22:09:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.18 (24/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 24-03-2016 23:42:01
การที่แมนจะเชื่อว่าแมทธิวกลับมาเพราะรักเพราะชอบตัวเอง
มันคงเป็นอะไรที่ยากจริงๆ
คงเพราะเคยเจ็บแล้วก็เลยระแวงสินะ
แมทธิวอย่าเพิ่งท้นะ ต้องสู้นะพ่อหนุ่ม
รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.19 (25/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 25-03-2016 19:09:27
Chapter 19 : I’m ready.





แมทธิวไม่ได้คุยกับแมนทั้งครึ่งวันบ่าย



ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าตอนหัวค่ำเริ่มมืดมิด แมนเอาแต่ขลุกอยู่ในห้องนอนแถมยังล็อคประตูอย่างแน่นหนา โดยไม่ได้คิดเลยว่าเจ้าของบ้านอย่างแมทธิวจะเอากุญแจไขเข้าไปเมื่อไรก็ได้



แต่ร่างสูงก็ไม่ได้ทำ เข้าใจว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องการเวลาส่วนตัว  แต่เหตุผลหลักที่จะเรียกว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ แมทธิวมีเซอร์ไพรส์



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



แมทธิวเคาะประตูห้องนอนอย่างใจเย็น ความเงียบที่ตอบกลับมาทำให้ร่างสูงต้องเคาะประตูใหม่อีกครั้ง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“พี่แมน หลับอยู่หรือเปล่า?”

 



“...” แมนเงยหน้าจากโน้ตบุ๊ก เหลือบตามองประตูแวบหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้ามาดูซีรี่ส์ตามเดิม



“ถ้าไม่ได้หลับก็ออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม?”



“..” แมนกดหยุดวิดีโอ แล้วขมวดคิ้ว



ตั้งนานเพิ่งจะมาง้อหรือไง บอกเลย ไม่ใจอ่อนหรอกนะ



“พี่แมน... นะ”



แมนเริ่มชำเลียงมองประตูอย่างลังเล เขามีเหตุผลให้ตัวเองเสมอสำหรับแมทธิว ยิ่งมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่แบบนี้ด้วยล่ะก็... ที่มันน้อยๆ ใจนี่เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



“...เราเสียเวลาไปเพราะผิดใจกันมาหลายปีแล้วนะพี่แมน เราจะยอมเสียเวลาเพิ่มเพราะไม่ยอมพูดกันจริงๆ เหรอ?”



“...” คราวนี้แมนถึงกับพับฝาโน้ตบุ๊ก แล้วลุกจากเตียงไปยืนอยู่หน้าประตู มือกำลูกบิดประตูเหมือนจะลังเล แต่เอาจริงๆ ใจนี่ลอยทะลุไปสู่อ้อมอกแมทธิวเรียบร้อยแล้ว



“เปิดประตูให้ผมเถอะพี่... แมน”





แกร๊ก!



แมทธิวยิ้มเผล่ มองหนุ่มรุ่นพี่ที่เก๊กหน้าขรึม ยืนกอดอกมองตัวเอง แมนคันปากยุบยิบ อยากจะกระแนะหระแหนใส่ร่างสูงที่ไม่มีวี่แววของคนสำนึกผิดตามน้ำเสียงที่พูดก่อนหน้านี้ ยิ่งช่วงนี้เก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ด้วย คิดอะไรใส่ไม่ยั้ง…



อย่างตอนที่เผลอน้อยใจเป็นนางเอกนิยายรักก็เกินความคาดหมายของแมนเหมือนกัน แปรปรวนเหลือเกิน สงสัยเป็นเพราะประเดือนไม่มาตั้ง 20 กว่าปีแน่ๆ



“เดี๋ยวๆๆ” แมทธิวร้องห้ามแทบไม่ทันเมื่อแมนทำท่าจะปิดประตูใส่ ร่างสูงเอามือดันประตูไว้ พลางสบตากับแมนอย่างอ้อนวอน “พี่แมน ออกมาหาผมเถอะนะ ผมมีอะไรจะให้ดู”



แมนกลอกตา ก่อนจะเปิดประตูกว้างแล้วพาตัวเองออกมายืนข้างนอกตามความต้องการของอีกฝ่าย ย้ำว่าของอีกฝ่ายนะ ไม่ใช่ตามใจตัวเองแต่อย่างใด



ข้างนอกมืดจนสายตาปรับแสงไม่ทัน แมนกะพริบตาถี่ๆ พลางกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย



นี่ไฟดับ หม้อแปลงระเบิด แล้วเขาไม่รู้ตัวหรือไง ก็ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อไฟในห้องนอนยังสว่างอยู่ทนโท่เนี่ย...



“ลงไปข้างล่างด้วยกันหน่อยสิครับ” ฝ่ามือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าแมนดื้อๆ แล้วก้าวถอยหลังหนี พลางเหลือบตาจ้องมือหน้าแมทธิว สลับกับมือของเจ้าตัว



อะไร สรุปที่เรียกออกมานี่คือกลัวความมืดใช่ไหม? ที่มาเคาะประตูเรียกก็แค่หาคนลงไปเป็นเพื่อนเองงั้นเหรอ?



“ทำหน้าแบบนี้ คงไม่ได้คิดอะไรแปลกๆ อยู่ใช่ไหมพี่แมน?” แมทธิวยิ้มน้อยๆ และฉวยโอกาสคว้ามือแมนไปจับเอง แล้วออกแรงดึงเบาๆ ให้อีกฝ่ายเดินตามมา





ร่างสูงเดินนำแมนลงบันได อาศัยแสงสลัวหลอดไฟนอกบ้านก็ทำให้ลงถึงชั้นล่างอย่างปลอดภัย แมทธิวจูงมือแมนเลี้ยวพ้นบันได ดวงตาเรียวของชายหนุ่มรุ่นพี่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า



ทั่วทั้งห้องเล่นที่มืดสนิทสว่างได้ด้วยแสงไฟจากเทียนหอมอันเล็กอันน้อยที่วางอยู่ทั่วทุกมุมห้อง กลิ่นหอมของเทียนลอยอบอวลเข้ากับอากาศเย็นๆ เป็นอย่างดี ขนแขนแมนลุกชันตามความประหลาดใจที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มรุ่นพี่ไล่สายตามองตามมือที่จับไปแขนตัวเองไปยังใบหน้าลูกครึ่งของแมทธิว ร่างสูงหันมายิ้มให้กับแมนที่ทำปากพะงาบๆ คล้ายจะพูดอะไร



ลงทุนไปแล้วได้เห็นรีแอคชันประหลาดขนาดนี้แมทธิวก็คิดว่าคุ้มแล้วแหละ



“แมทธิว...”



“ครับ... พี่แมน” รอยยิ้มและสายตาอ่อนละมุน มือหนาปล่อยให้แขนของแมนที่ตัวเองจูงมาเป็นอิสระ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรวบมือทั้งสองข้างมากุมไว้



“มัวทำไร! นี่ไม่ใช่ในนิยายหรือละครนะ!! จุดเทียนทิ้งไว้เดี๋ยวเกิดไฟไหม้ทำยังไง!?” แมนทำท่าจะถลาไปดับเทียน แมทธิวยังไม่ทันได้คิดตามคำพูดแมน ก็ต้องตั้งสติรั้งแขนแมนไม่ให้ถลาเข้าไปดัลเทียนที่เขาอุตส่าห์บรรจงจุดอยู่นาน



“ไม่ไหม้หรอกพี่แมน ใจเย็นๆ ครับ มาทางนี้นะ”แมทธิวปล่อยแขนแมนเป็นอิสระ แล้วออกแรงดันหลังให้เจ้าตัวเดินไปทางประตูที่เชื่อมออกไปหาโต๊ะอาหารมื้อค่ำริมสระว่ายน้ำที่เขาจัดเตรียมไว้



ดวงไฟดวงน้อยใหญ่ห้อยระย้าตามพุ่มไม้รอบสระน้ำ ส่องแสงระยิบระยับตาในความมืดสะท้อนกับผิวน้ำในสระ นัยน์ตาของแมทธิว แมนหันไปสบตาร่างสูงสลับกับมองภาพรอบตัว



“ชอบไหมครับ?” แมทธิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขายินดีและเต็มใจที่จะทำให้พี่แมนมากๆ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวอาจจะไม่ชอบความยุ่งยาก “ผมตั้งใจทำให้ หวังว่าพี่จะไม่บอกว่าไม่ชอบเพราะมันอลังการไปนะครับ”



“...” แมนใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้สบตาสายตาจริงจังที่สะท้อนแสงไฟแพรวพราว ทุกครั้งที่ชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่ตรงหน้าและยิ้มให้เขา



...แมนแทบไม่กล้าก้าวไปใกล้กว่าจุดที่ตัวเองอยู่เพราะกลัวว่าภาพตรงหน้านั้นจะเป็นแค่ความฝัน



มาวันนี้... แมทธิวทั้งใส่ใจและลงทุนกับเขาที่เกลียดความยุ่งยากวุ่นวาย ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเคยชินกับมัน ร่างสูงยอมพาตัวเองอกจากแสงสว่าง เพื่อนำความสว่างมาสู่ชีวิตเขา



ทั้งๆ ที่แมทธิวจะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ แต่ร่างสูงก็ไม่ทำแบบนั้น แมนยิ่งรู้สึกได้เลยว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้รับความพิเศษนี้



“ฉันชอบมันนะ...” แมนเม้มปากแน่น ดวงตาที่แอบมีน้ำตาคลอเหลือบมองแผ่นอกกว้าง แล้วพาตัวเองไปซบมันแบบกล้าๆ กลัวๆ แมทธิวตกใจนิดหน่อยแต่ก็อ้าแขนรับร่างของแมน แล้วโอบกอดอย่างแผ่วเบา แมนแนบใบหน้ากับแผ่นอกกว้างนั้น สัมผัสความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และรับไออุ่นกาย



“พี่แมน ผมขอโทษ...” แมทธิวก้มกระซิบข้างหู  แมนเงยหน้าสบตากับแมทธิวอีกครั้งในอ้อมกอด พลางส่ายหัวช้าๆ



“ไม่...”



“ฟังผมก่อน... ที่ผมพูดว่าขอโทษ และทำไปทั้งหมด มันไม่ใช่เพราะผมรู้สึกผิดที่ทำให้พี่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ผมแค่อยากชดเชยเวลาที่เราควรใช้ร่วมกันตั้งนานแล้ว อยากทำให้พี่ได้รู้สึกดีบ้าง อยากให้พี่รู้ว่าพี่ไม่จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป...”



“ไม่... ไม่ใช่ความผิดนายหรอก” แมนยกมือขึ้นเอื้อมไปลูบผมแมทธิว แล้วยิ้มออกมา “ฉันงี่เง่าเอง ที่หวังว่านายจะจำอะไรเกี่ยวกับเราได้บ้าง”



“ผมยังไม่ทันได้รู้จักพี่ดีพอเลย เรายังไม่ทันได้รู้จักกันให้ดีก็มีเรื่องให้ห่างกันไปซะก่อน” แมทธิวจับมือของแมนออก แล้วเชยคางแมนขึ้น โน้มใบหน้าลงจนหน้าผากแตะกัน “หลังจากนี้ต่างหาก คือเวลาที่เราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน”



“...” แมนกัดริมฝีปากแน่น พลางปล่อยมือที่กอดแมทธิว และขยับตัวยุกยิกเป็นเชิงให้อีกฝ่ายปล่อย



ตอนนี้ปรอทความเขินใกล้แตกแล้ว ต้องพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ก่อน... ใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นพี่เห่อร้อนทั้งๆ ที่อากาศข้างนอกก็ออกจะเย็น



อาจจะเป็นเพราะแมทธิวที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก จนกระทั่งแมนทนความเขินไม่ไหว ต้องทำร้ายร่างกายด้วยการทุบอกแมทธิวระบายความเขิน ตอนนั้นแหละ ที่แมทธิวยอมปล่อยให้แมนเป็นอิสระ



แมทธิวมองใบหน้าขึ้นสี และริมฝีปากสีสด เจ้าตัวคงไมรู้ตัวหรอกว่ามันทำให้ผิวขาวซีดๆ ของตัวเองดูน่ามองมากขึ้นไปอีก แววตาหลุกหลิกที่ไม่ยอมสบมองเขา ริมฝีปากเม้มและปล่อยซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนมันฉ่ำเยิ้มสะท้อนแสงไฟดวงตาเรียวที่ลอบมองเขาขัดกับใบหน้าเรียบเฉยเพื่อเก็บอาการเขิน ช่างเป็นปฏิกิริยาที่ดูแล้วยากเกินความคาดหมายและยากที่จะข่มใจ



แมทธิวกำมือแน่นออย่างสุดทน ก่อนจะกระชากร่างแมนกลับเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วเชยคางกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากแมน



ริมฝีปากที่บดเบียดขยับลากเป็นจังหวะ ขบ และดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างสลับกับจูบซับที่มุมปาก แมนอ้าปากหอบเอาอากาศเข้าปากเมื่อแมทธิวผละริมฝีปากอกมาพรมจูบทั้งใบหน้า พลางมือเรียวของแมนก็ยกขึ้นทาบบนไหล่กว้างเป็นหลักยึด



ปล่อยให้ริมฝีปากแมนเป็นอิสระอยู่พักหนึ่ง แมทธิวก็ประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง มือหนาข้างหนึ่งรั้งเอวแมนให้ร่างกายแนบชิด อีกข้างกดท้ายทอยแมนลงมาเพื่อให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันแนบแน่นยิ่งขึ้น ลิ้นอุ่นเริ่มรุกล้ำแตะสลับและไล้วนไปทั่วโพรงปาก แมนอ้าปากกว้างขึ้น และขยับลิ้นตามอีกฝ่ายเป็นจังหวะเพื่อตอบรับจูบด้วยความรู้สึกเหมือนกินเยลลี่นิ่มๆ



มือหนาของแมทธิวที่รั้งอยู่เอวเริ่มขยับขึ้นไล้วนทั่วแผ่นหลังของแมน  ริมฝีปากเลื่อนมาขบเม้มสันกรามของแมนเรื่อยมาถึงลำคอ ก่อนที่จมูกโงจะฝังลงที่ซอกคอ สูดกลิ่นหอมที่เป็นแบบเดียวกันกับร่างสูง เพราะทั้งครีมอาบน้ำ แชมพู หรือแม้แต่โลชันทาตัว แมนก็ใช้ของแมทธิวทุกอย่าง



มือที่ลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเริ่มเลื่อนลงต่ำมาถึงสะโพก แมทธิวขบลำคอขาวอย่างแรงในจังหวะที่ฝ่ามือหนาบีบแก้มก้นจนแมนร้องเสียงหลง



“เฮ้ย!” คล้ายๆ จะพาสติที่หลุดลอยไปไกลกลับมาได้ แมนใช้มือที่วางอยู่บนไหล่แมทธิวตอนไหนไม่รู้ผลักเจ้าตัวออก พลางถอยกรูดไปยืนตั้งหลัก



 ริมฝีปากสีแดงสดของแมนสั่นน้อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้ และเขาไม่อยากจะยอมรับว่ามันต้องกำลังโหยหาการเติมเต็มจากร่างสูง



“เอ่อ... อะแฮ่ม ขอโทษครับ หึๆ” แมทธิวหัวเราะในลำคอ แล้วยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ พลางก้าวเท้าเข้าไปหาแมน “บรรยากาศมันพาไปนิดหน่อย ลืมนึกไปว่าพี่ยังไม่พร้อม ขอโทษจริงๆ นะ”



“...” แมนลอบกลืนน้ำลาย มองดวงตาเป็นประกายของแมทธิวที่ส่งมาพร้อมใบหน้าหล่อๆ มันช่างเชิญชวนให้เสียตัวได้ง่ายๆ



แมทธิวยิ้มขำกับแววตาอ่านไม่รู้เรื่องของแมน มันดูสับสน ลังเล สงสัย หวาดระแวง น่ารักจนต้องข่มใจอย่างหนักไม่กระชากชายหนุ่มรุ่นพี่มาบดจูบอีกครั้ง ร่างสูงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา



“ผมไม่ทำอะไรแล้วพี่แมน” แมทธิวแตะเบาๆ บนไหล่แมน นัยน์ตาสีเข้มของแมนเหลือบมองฝ่ามือหนาบนไหล่ ใช้เวลาปลอบตัวเอง และทำใจให้สบายอยู่เสี้ยววินาทีจนเลิกเกร็ง “ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวมันเย็นหมด”

 

แมนเงยหน้าจากการหั่นเนื้อเพื่อพบกับแมทธิวที่เท้าคางจ้องหน้าตัวเองอยู่  มือเรียวยกส้อมขึ้นจิ้มเนื้อเข้าปาก ทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เลี่ยงสบตาไม่ได้อยู่ดี



“...อร่อยไหม ผมทำเองเลยนะ”



“อือ” ดักคออย่างนี้แล้วจะตอบอย่างอื่นได้เหรอ แต่มันก็รสชาติดีจริงน่ะแหละนะ



“ดีใจจัง... ผมเพิ่งทำครั้งแรกเลยนะ”



“...หือ!?” แมนชะงักปากที่กำลังเคี้ยว พลางทำสีหน้าเหลือเชื่อ คือรสชาติมันดีจนไม่น่าเชื่อว่าทำครั้งแรก



“แปลกใจล่ะสิ ผมโทร.ไปขอสูตรแม่มา คราวหลังไปกินฝีมือแม่ผมด้วยกันสิ อร่อยกว่านี้อีก”



“...” แมนก้มหน้าลงส่งกระแสจิตคุยกับเนื้อในจานแทนการสบตากับแมทธิว และซ่อนรอยยิ้มร้ายของตัวเอง



พูดแบบนี้เหมือนจะพาแมนไปโชว์ตัวเลยนะ ไม่ไปหรอกนะ เป็นผู้ชายต้องไว้ตัว ถ้าให้แม่มาขอก็ว่าไปอย่าง...



“ท้องจะเสียไหมเนี่ย” แมนบ่นพึมพำเบาๆ แต่ก็ยังกินทุกอย่างตามปกติ แมทธิวยิ้มขำ สายตาจ้องมองแมนทุกการกระทำจนแมนชักเริ่มทนไม่ไหว



“จ้องขนาดนี้กินฉันแทนเลยดีไหม?” แมนวางมีดกับส้อมลง แล้วเลิกคิ้วหน้านิ่งตามแบบฉบับของตัวเอง มองใบหน้าเปื้อนยิ้มแทนที่จะสำนึกผิดของแมทธิวก็ทำให้แมนได้แต่คิดว่า แมทธิวก็คือแมทธิวอยู่วันยังค่ำ



“ได้เหรอครับ”



นั่นไง แมนพูดอะไรผิดที่ไหน



“ไม่ได้น่ะสิ” แมนส่งสายตาอำมหิตพร้อมเบ้ปากใส่แมทธิว เหนื่อยใจกับความสบายๆ ของแมทธิวทั้งๆ ที่เขาวางตัวไม่ถูกจะแย่…



“ล้อเล่น ผมไม่ทำหรอก อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้ จะรอจนกว่าพี่จะพร้อม ให้รอนานแค่ไหนก็รอได้”



แหนะ... มาอีกแล้ว พูดหยอดพูดหว่าน... ไถกลบด้วยเลยไหมล่ะ เผื่อจะออกดอกออกผล



“เฮ้อ!” แมนถอนหายใจประชดออกมาแรงๆ ก่อนจะยัดทุกสิ่งเข้าปากแก้เขิน



ถึงแมทธิวจะพูดเหมือนไม่คิดอะไรจริงจัง... แต่สัมผัสตามใบหน้าและลำคอที่ร่างสูงทิ้งไว้เมื่อครู่นี้ก็ทำให้แมนตัวหวิวๆ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว



 

หลังเสร็จการกินและเก็บกวาดหลังมื้ออาหาร แมทธิวก็พาตัวเองไปอาบน้ำเพราะต้องรีบเคลียร์บัญชีที่ร้าน แมนเข้าไปอาบน้ำที่หลังร่างสูง พอออกมาก็พบว่าไอ้คนที่บอกว่ามีงานต้องเคลียร์ดันนอนกระดิกเท้าอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่บนเตียงซะงั้น



แมนทรุดนั่งลงกับเตียง เช็ดปลายผมที่เปียกน้อยๆ พลางคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อค ก่อนจะลุกเอาผ้าเช็ดตัวไปตากผ้าเช็ดตัวแล้วคลานขึ้นไปบนเตียง เพื่อจะนั่งพิงหัวกับเตียงแบบแมทธิวบ้าง



ร่างสูงชำเลืองตามองที่ว่างบนเตียงข้างๆ ตัวเองที่ยุบตามน้ำหนักตัวของชายหนุ่มรุ่นพี่ ร่างโปร่งในชุดนอนประจำของเจ้าตัว คือกางเกงบอล กับเสื้อยืดตัวโคร่งคอย้วย นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ แมทธิว ก่อนจะชันเข่าขึ้นข้าหงนึ่ง พลางเอนหลังพิงหัวเตียง



แมนปลดล็อคโทรศัพท์อีกรอบ มือไถหน้าจอแต่เหลือบมองร่างสูงข้างๆ เล็กน้อย ดวงตาเรียวหรี่ลงจับผิด แมทธิวทำท่าทางอ่านหนังสือ ทั้งๆ ที่เมือกี้เพิ่งชำเลืองตาจ้องเขาจนแมนรู้สึกได้ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไร แมนจึงเบนสายตากลับมาที่หน้าจอโทรศัพท์ตามเดิม



แมทธิวเบนสายตาออกจากหนังสือมองต่ำไปยังต้นขาเนียนที่โผล่พ้นกางเกงบอล ยิ่งข้างที่แมนชันเข่า กางเกงยิ่งเลิกขึ้นไปถึงโคนขา ขาว เนียน จนแมทธิวเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่



ถึงเขาจะชอบฉวยโอกาสชายหนุ่มรุ่นพี่บ่อยๆ เพราะความน่าหมั่นเขี้ยวของเจ้าตัว แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าอยู่ดีๆ จะเกิดอารมณ์แรงกล้าขนาดว่ามองเห็นขาอ่อนแล้วจะจินตนาการเตลิดเปิดโปงขนาดนี้



“แมทธิว...” เสียงแมนเรียกสติแมทธิวให้เบนสายตากลับมายังหนังสือ ร่างของชายหนุ่มรุ่นพี่ขยับมาใกล้เขา แขนข้างหนึ่งเท้าลงกับเตียง ส่วนอีกมือหยิบหนังสือเขาออกจากมือไปอย่างง่ายดาย



...ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะสมาธิแมทธิวไม่ได้จดจ่ออยู่กับหนังสือในมือตั้งนานแล้ว



“เห็นสายชาร์จไหม?”



“...” แมทธิวลอบมองต่ำเข้าไปในคอเสื้อย้วยๆ ของแมนที่แค่เท้าแขนก็มองทะลุเห็นไปถึงเอว ถ้าเป็นผู้หญิงที่เคยนอนกับเขาที่ผ่านมาทำแบบนี้คงเจออะไรดีๆ อย่างภูเขานมสด 2 ลูก



...แต่พอเป็นพี่แมนคนนี้ นอกจากมองเลยไปเห็นสะดือ ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าดึงดูดใจเลยแม้แต่น้อย



แล้วแมทธิวมวนท้องทำไม…



“แป๊บนะครับ” แมทธิวเอื้อมไปหยิบสายชาร์จที่หัวเตียงฝั่งตัวเองให้แมนรับมันไป ก่อนที่แมนจะวางหนังสือคืนให้แมทธิวตามเดิมบนต้นขา



ขยับขึ้นมาอีกนิดก็เป้าแล้ว... แมทธิวลอบถอนหายใจ พลางหันไปมองแมนที่ก้มลงเสียบสายชาร์จกับปลั๊กไฟข้างล่าง



สะโพกกลมลอยเด่นชัดตรงหน้า แมทธิวเบิกตาขึ้น พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาไม่ควรคิดอะไรแบบนี้... แต่พอเห็นแล้ว ภาพเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำก็วนซ้ำเข้ามาในหัวแมทธิว แถมยังมีภาพตัดสลับเป็นช่วงๆ กับภาพวันนั้นเมื่อหลายปีก่อน



ทั้งๆ ที่เมาจนจำอะไรแทบไม่ได้ แต่ใบหน้าชื้นเหงื่อขึ้นสีของแมนกลับชัดเจนในความทรงจำ ทำเอาร่างสูงปั่นป่วนไปหมด



เขาอยากจะลิ้มลองสัมผัสนั้นอีกสักครั้งจัง...



“!!!” แมทธิวสะบัดหัวไล่ความคิดสัปดนของตัวเองออกไป แมนหันมามองแมทธิวที่ทำท่าทางแปลกๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากน้อยๆ



“เป็นอะไร ง่วงเหรอ?”



“...ครับ” แมทธิวพยักหน้าเบาๆ แล้วยิ้มแหยให้ แมนเม้มปากสลับกับกัดริมฝีปากเหมือนชั่งใจ



“งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง ปิดไฟนอนก่อนเลยก็ได้” แมนลุกขึ้นเดินหายเข้าห้องน้ำไป แมทธิวมองตาม ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก



“เฮ้อ...”



อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวันเพิ่งจะมีวันนี้แหละ ที่มีอาการแบบนี้





 

“แมทธิว...” เสียงแมนดังจากปลายเตียง แมทธิวผงกหัวขึ้นมองแมนที่กำลังยื่นทำหน้าตาแปลกๆ



“ครับ?”



“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว...”



“...?” แมทธิวมองตามแมนที่คลานขึ้นมาบนเตียง คร่อมขาที่วางเหยียดของเขา และขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนร่างโปร่งเคลื่อนมาถึงแผ่นอก



“ฉันน่าจะพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้วล่ะ”



“...”



แมทธิวสบตาแมน พลางขบกรามแน่น ทันทีที่รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนใบหน้านิ่งๆ ของแมน ร่างสูงก็พลิกมาเป็นฝ่ายคร่อมแทน พร้อมๆ กับยึดแขนแมนทั้งสองข้างอย่างแน่นหนา กันเจ้าตัวเปลี่ยนใจ



แมทธิวโน้มใบหน้าลงไปเรื่อยๆ มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง “เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ...”



“หึ”



งั้นก็ไม่มีคำว่ารออีกต่อไป....









นิยายเรื่องนี้มี 21 ตอนจบค่ะ นั่นแปลว่าไม่นับรวมตอนนี้ อีก 2 ตอนก็จะจบแล้ว ฮือ

ขอบคุณทุกคนนะคะ ขอโทษที่ให้รอ สุดท้ายหวังว่าจะชอบกันค่ะ ด้วยรัก จาก เห็ดหอม  :heaven
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.19 (25/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-03-2016 19:34:59
กรี๊ดดดด ตัดฉับได้ค้างมากค่า
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.19 (25/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-03-2016 19:37:09
ตอนนี้พี่แมนจงใจอ่อยใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.19 (25/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-03-2016 19:41:17
อ้ายย แมทธิวน่ารักเอ๊าะ เด็กขี้หื่น555
พี่แมนพูดงี้ ตอนหน้ามีได้เสัยกันใช่ไหมคะ55
อีกสองตอนจะจบแล้วหรอเนี่ยะ
โหยย แอบใจหายเบาๆ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.19 (25/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-03-2016 21:45:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.20 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 26-03-2016 17:53:40
Chapter 20 : How the fuck I did it!!?





เขินว่ะ...

ผมกึ่งนอนกึ่งนั่งพึ่งไหล่หนาขของแมทธิว ริมฝีปากอุ่นยังคลอเคลียทั่วใบหน้าของผม พรมจูบเหมือนจะย้ำเตือนว่าเขาไม่ได้ไปไหน...

เออเนี่ย แต่ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเขิน เข้าใจป่ะ รีบๆ นอนไปได้แล้วไป๊...

“พี่แมน...” โอ๊ย... อีเสียงทุ้มพร่าๆ ของแมทธิวมันจะอีโรติคเกินไปแล้ว ผมเนียนหลับตาแต่ก็ไม่วายโดนเรียกซ้ำ “พี่แมนครับ”

“.........หือ?”

“เจ็บมากไหม?” เป็นคำถามที่ดีน

“อยากลองไหมล่ะ!?” ผมลืมตามองตาขวาง แมทธิวยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชวนหัวใจงอแง จนผมต้องหลบตาอย่างไว

“ถ้าเอาของพี่ยัดมาก็คงไม่เจ็บเท่าไรมั้ง...” บ๊ะ! ผมนี่ตวัดหางตากลับมามองค้อนอีกรอบอัตโนมัติเลย มันขึ้น มันขึ้น!

รู้แล้วว่าขนาดสู้ไม่ได้ แต่ไม่ต้องพูดข่มขนาดนี้ก็ได้ป่ะ หมั่นไส้โว้ย

“ล้อเล่นนะ” แมทธิวก้มลงฝังปลายจมูกลงบนหัวไหล่ผม แล้วพรมจูบเรื่อยขึ้นมาถึงไหปลาร้า และต้นคอ ก่อนจะขบเบาๆ ที่ปลายคาง แล้วขยับขึ้นมาบดจูบบนริมฝีปาก

“...” เราจ้องตากันเล็กน้อยทันทีที่แมทธิวผละริมฝีปากออก นัยน์ตาของเขากำลังยิ้ม ริมฝีปากบางนั้นก็เช่นกัน

“ขอบคุณครับ” แมทธิวกระชับแขนที่โอบไหล่ผมอยู่ให้ผมขยับไปแนบชิดตัวเองยิ่งขึ้น ผมหันไปมองฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนหัวไหล่ตัวเองแล้วกัดแรงๆ

“โอ๊ย!!”

“หึ” ผมมหัวเราะสะใจในลำคอ ก่อนที่ปลายคางของผมจะถูกจับให้หันไปหาแมทธิว

“เดี๋ยวจะหัวเราะไม่ออก” สิ้นประโยค แมทธิวจับตัวผมกดลงกับเตียงอย่างแรง ใจผมกระตุกวูบเพราะความตกใจ ก่อนจะดิ้นพล่านทุรนทุรายเหมือนปลาไหลโดนไฟลน

“แมทธิวอย่า! ไม่ไหวแล้ว...” ผมอ้อนวอนเสียงอ่อนแรง กิจกรรมบนเตียงมันเหนื่อยกว่าคาร์ดิโอสักหนึ่งชั่วโมงอีกครับ นี่ไม่ได้เวอร์นะ เหนื่อยไม่พอ เจ็บคอด้วย ก็ระหว่างใช้กำลังกายมันต้องคราง เหนื่อยแทบขาดใจ

“...” ริมฝีปากบางหยักยิ้มพอใจ แต่แมทธิวก็ไม่วายโน้มใบหน้าลงมาชิดอยู่ดี ผมหลับตาลง รู้สึกได้ถึงสัมผัสนิ่มๆ บนหน้าผาก ก่อนที่ริมฝีปากที่ว่านั้นจะเลื่อนลงมางับเบาๆ บนปลายจมูกของผม “งั้นก็นอนเถอะครับ”

พอใจแล้วร่างสูงก็พลิกตัวออกจากร่างของผมไปนอนราบบนเตียง ไม่วายตบที่ต้นแขนตัวเองเบาๆ ให้ผมขยับไปหนุน

“พี่แมนมานี่” ผมพลิกตัวไปหนุนแขนแมทธิวอย่างว่าง่าย แมทธิวหลุบตามองผม ในขณะที่ผมเหลือบตาขึ้นมองเขา เราสบตากันน้อยๆ และยิ้มให้กัน ก่อนที่มือหนาของแมทธิวจะยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ

“ฝันดีครับ”

 

.

.

.

“พี่แมน โทรศัพท์พี่ดังอะ...” ผมชะงักขาที่กำลังจะก้าวลงอ่างอาบน้ำเพราะเสียงแมทธิวที่ดังมาจากข้างนอก เท่านั้นแหละ ความเจ็บนี้ไม่มีเสียงแล่นปลาบจากสะโพกแผ่กระจายไปทั่วร่าง จนต้องร้องเสียงดังยิ่งกว่าวัวถูกเชือดเพื่อระบายความเจ็บปวด

“อ๊าก!!!”

“พี่แมน เป็นอะไร!!?” มันคงจะดังไปนิด คนที่อยู่ข้างนอกเลยได้ยิน และสติแตกยิ่งกว่าคนเจ็บอย่างผม เพราะแมทธิวตะโกนถามอย่างเดียวไม่พอ… ยังพังประตูห้องน้ำที่กดล็อคอย่างดีเข้ามาด้วย

เออดี... บ้านตัเองจะพังอะไรก็ได้ว่างั้น

“เปล่า ก้าวผิดท่า” นี่ดีนะว่ายืนหลังหลังให้ ไม่งั้นจะตะโกนด่าด้วยความรักและเขินอายไปแล้ว “จะจ้องอีกนานไหม ออกไปได้แล้ว”

ผมหันไปบอกร่างสูงที่ยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเปลือยท่อนบน แต่แมทธิวก็คือแมทธิวที่จะเดินตีมึนมาหาผม พร้อมๆ กับรอยยิ้มมุมปากโคตรเจ้าเล่ห์

“เฮ้ยๆๆ” ร่างของผมลอยหวือไปอยู่อากาศโยเด็กฝรั่งตัวโต เจ้าตัวค่อยๆ หย่อนผมลงในอ่างอาบน้ำช้าๆ ชนิดที่ว่าไม่ให้น้ำกระฉอกสักหยด ก่อนจะกระชากผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออก

หือ กระชากผ้าเช็ดตัวออก!?

“เฮ้ย ทำไร!?” พอแมทธิวก้าวขาเข้ามาในอ่างเท่านั้นแหละ คำถามผมได้คำตอบเลบ อยากจะลุกขึ้นห้ามแต่สังขารดันไม่อำนวย ก็ได้แต่ร้องเฮ้ย แล้วปล่อยให้แมทธิวลงมาในอ่างเต็มตัว

“ขยับหน่อยครับ”

“จะลงมาทำไมเนี่ย...” ผมบ่นอุบแต่ก็ขยับตัวเล็กน้อยให้ร่างสูงนั่งได้ แมทธิวเหยียดขาคร่อมร่างผม ทำเอาผมเกร็งตัวสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้ไปโดนอะไรไม่พึงประสงค์อย่างขาที่สามของแม?ธิว

เฮ้ย คิดไรเนี่ย คิดเองเขินเองจนไม่กล้าหันไปมองหน้าแมธิวแล้ว แล้วเขินทำไม เมื่อคืนทั้งเห็นทั้งจับกันมาหมดแล้ว แต่เฮ้ย มันไม่เหมือนกัน เมื่อคืนมันมืด อารมณ์มันพาไป แต่นี่ไม่ นี่สว่างโล่งแจ้งมากเลยนะ…

“พี่แมน...” แมทธิวยื่นหน้ามาเกยคางบนไหล่ผม ทำเอาผมสะดุ้งใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

คนกำลังทะเลาะกับตัวเอง เขาห้ามขัด ไม่รู้หรือไง

“นั่งเกร็งทำไม มานี่” พูดเสร็จก็ใช้กำลังดึงร่างผมให้ขยับไปชิดแผ่นอกแกร่ง แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกดบ่าผมให้นั่งนิ่งๆ ก่อนที่มันจะขยับมาโอบกอดผมจากด้านหลัง และเลื้อยลงมาถึงหน้าท้องแบนๆ ของผม

“มากไป” ผมหันไปบอกหน้านิ่ง มุมปากกระตุกยิ้มสื่อความหมาย อยากห้เธอรู้ความในใจ

“ฮึๆ” แมทธิวยอมปล่อยมือที่ทำรุ่มร่ามกับผมแล้วยิ้มกว้างมาให้ ผมสะบัดหน้าพรืด อยู่นานกว่านี้รู้สึกเสียเปรียบ เห็นทีผมควรจะรีบอาบรีบออกจากห้องน้ำซะและ

“พี่แมน” แมทธิวจับศอกผมที่กำลังขัดถูร่างกายเป็นเชิงให้หยุด ก่อนจะพูดประโยคสั้นๆ ด้วยเสียงทุ้มที่ผมฟังแล้วพ่ายแพ้ตลอดๆ “หันมาคุยกันหน่อย”

“...” ผมเอี้ยวคอกลับไปหาอีกฝ่าย แมทธิวยังมีสีหน้ามพึงพอใจตามที่ควรจะเป็น  และทันทีที่เขายกปีกแขนผมจนตัวลอย แล้วจับพลิกตัวให้หันไปนั่งเผชิญหน้ากับร่างสูง ผมก็เข้าใจประโยคที่บอกให้หันไปคุยกันหน่อยของเจ้าตัวทันที

เราก็แค่อยากสนทนากัน... ทางสายตา... ไม่ต้องการคำพูดใดๆ แค่สายตาและภาษากายเท่านั้นที่เขาต้องการ ไม่ต่างจากผม

แมทธิวยกหลังมือขึ้นแตะแก้มผมเบาๆ พลางส่งยิ้มบางให้...

ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมใบหน้าน้อง ความรู้สึกทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัว

นี่มันวันที่เท่าไร ครบ 7 วันวันไหน ผมไม่ได้นับเลย แค่รู้ว่าตลอดเวลาที่เราใช้เวลาร่วมกันมันมีความสุขจนลืมวันเวลาไปหมดสิ้น

ผมค่อยๆ ยิ้ม ยิ้มออกมาให้กว้างที่สุด คงไม่มีอะไรมีความสุขไปมากกว่าปัจจุบันที่เราสองคนสบตาและยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกันอีกแล้ว

 



แช่น้ำจนตัวเปื่อยผมก็กลับมานอนวภาพอยู่เตียง ข้าวเขิ้วนี่ถ้าไม่แมทธิวไม่หอบหิ้วมาเสิร์ฟให้ถึงที่ก็คงไม่ได้กิน แมทธิวยืนกอดอกยิ้มขำ ทอดสายตามองผมที่นอนเอาหัวพิงเตียง และยกโน้ตบุ๊กมาวางบนอกเพื่อให้นอนเล่นได้สะดวก

ผมละสายตาจากหน้าจอ แล้วจ้องหน้าแมทธิวตอบด้วยความหมั่นไส้

“อะไรครับ ทำไมมองผมแบบนั้น พี่เชิญชวนผมเองนะ”

“...” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้านี่หงิกเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียแล้วมั้ง “ก็นายมันไม่มีมีน้ำอดน้ำทนเอง!”

โธ่เอ๊ย! รู้ตัวว่าโดนอ่อยแล้วยังทำเป็นทนไม่ได้

“จริงเหรอ? ผมไม่อึดจริงเหรอ..” นั่น... พูดอย่างตีความไปอย่าง แล้วมาทำสายตาเจ้าเล่ห์เพทุบายร้ายกาจอีก พอเลย ไม่ต้องยื่นหน้ามาชิดขนาดนี้ก็ได้โว้ย “งั้นขอผมแก้ตัวได้ไหมครับ?”

“ไม่!” ผมกลอกตาอย่างเอือมระอาใส่อีกฝ่าย แมทธิวทรุดนั่งลงกับเตียงแล้วหัวเราะในลำคอ

“ผมจะเข้าร้าน เอาอะไรไหมพี่แมน?”

“ไปด้วยไหมล่ะ?” ผมพูดทีเล่นทีจริง แบบถ้าให้ไปด้วยก็กะว่าคงไม่กลับมา แต่แมทธิวนี่สิ... หุบยิ้มทำจริงจังขึ้นมาเลย

“พี่ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ?”

“...” อยากสิ... ก็แค่แกล้งเล่น ทำไมต้องทำหน้าขรึมขนาดนั้น ผมพับฝาโน้ตบุ๊กวางข้าวตัว ก่อนจะยกนิ้วจิ้มหว่างคิ้วของแมทธิวแรงๆ “อยากสิ อยากอยู่ด้วยกันตลอดไปเลย!”

“......พี่แมน” นั่น พอู้ว่าโดนแกล้งก็ทำเสียงอ่อนแรงใส่เลย แมทธิวรวบตัวผมไปกอด แล้วฝังจมูกลงบนกลุ่มผมของผมเบาๆ “พี่รู้ไหม เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ถึงแค่พรุ่งนี้เองนะ”

“...!?”

I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~

I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~


“เอ่อ... โทรศัพท์ฉันเอง แป๊บนะ” ผมผละออกจากอ้อมกอดของแมทธิว แล้วตะปบหาโทรศัพท์ที่น่าจะนอนแอ้งแม้งอยู่สักทีบนเตียง

ภาพของคุณนายโรงงานน้ำพริกที่โชว์หราทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย

Mom

“ฮัลโหลครับ”

(แมนลูก ทำงานอยู่เหรอ?)

“เอ่อ... เปล่าครับ” ผมเหลือบมองแมทธิว พลางหลุบตามองมือตัวเองที่ว่างอยู่บนตัก

(อ๋อ... จ้ะ แมน แม่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย แม่รู้นะว่ามันจะดูก้าวก่ายชีวิตลูกเกินไปหน่อย แต่แม่อยากให้แมนกลับมาช่วยงานที่โรงงานได้ไหม?)

“ครับ?!!”

(คือเพื่อนป๊าแกเขาหาตลาดส่งออกนอกให้ได้ แต่แม่อยากให้ลูกช่วย ยังไงลูกก็จบมาทางด้านนี้… ช่วยแม่หน่อยนะแมน)

“....ครับ”

(อืม ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีนะลูก ขอบใจมาก)

“ครับแม่ เดี๋ยวแมนจะรีบเคลียร์ทางนี้แล้วกลับไปครับ”

(จ้า แม่กะป๊ารออยู่นะ ทุกคนคิดถึงแมนมาก โดยเฉพาะเฮียฮวง เห็นบอกว่าจะแวะไปหาแมน ได้เจอเฮียเขาบ้างไหมล่ะลูก?)

“เอ่อ ยังครับ ยัง” ผมเผลอครับหน้าแดกรับประทาน นี่ถ้าเฮียแกแวะมาหาจริงๆ ยังไงก็ไม่เจอหรอก ก็ผมหนีจามมาอยู่กับผู้ชายที่นี่ จะเจอได้ยังไง...

(โอเค งั้นแม่ไม่กวนแล้ว รักลูกนะ)

 

ติ๊ด!

 

“...” ผมวางสายโทรศัพท์ มีแต่ความเงียบเกิดขึ้นไปชั่วขณะ ผมหันไปสบตากับแมทธิว เหม่อมองเข้าไปในนัยน์ตาสีประหลาดนั้นอย่างใช้ความคิด

แม่อยากให้ผมกลับไปช่วยงานที่บ้านนานแล้ว แต่ก็ตามใจผมมาตลอดเพราะเห็นว่าเป็นลูกคนเล็ก ที่โทร.มาขอขนาดนี้ แสดงว่าต้องการให้ช่วยให้เร็วที่สุดจริงๆ นั่นแหละ

“มีอะไรเหรอพี่แมน?” แมทธิวเลิกคิ้วน้อยๆ ในขณะที่ผมไม่รู้จะแสดงอารมณ์ไหนบนใบหน้าดีเลย

“...ฉันต้องกลับกรุงเทพ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“...” แมทธิวมีแววตาไม่เข้าใจ แต่ความเรียบเฉยบนใบหน้าผมคงจะสื่อได้เป็นอย่างดีว่าต่อให้ถามอะไรมาผมก็ไม่พร้อมจะตอบทั้งนั้น

ภายในผมกำลังกระทบกระเทือน คล้ายว่าความสุขของผมกำลังจะจบลง เหลือเพียงแค่ฝุ่นควัน และเศษซากความทรงจำซะแล้ว

“โอเคครับโอเค พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับละกันเนอะ”

“...” ผมหลบตาพร้อมๆ กับที่แมทธิวเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ

“ผมไปทำงานก่อน เจอกันตอนเย็นครับ”





.

.

.

ผมเลื่อนหน้าจอโทณศัพท์รอข้อความตอบกลับจากพี่แจง ทั้งๆ ที่เจ๊แกร่วมมือกับแมทธิวลักพาตัวผมขนาดนี้ แต่หลังจากโดนผู้ชายออดอ้อนจนใจอ่อน ผมก็ไม่เคยโทร.หรือส่งข้อความไปตำหนิเจ๊แกเลยแม้แต่น้อย

พอได้ติดต่อกันอีกที ดันเป็นธุระที่น่าใจหายอย่างการที่ปมจะลาออกจากออฟฟิศซะนี่

“พี่แมน ทำอะไรเหรอ?” แมทธิวที่นอนอยู่ข้างๆ ชะโงกหน้าผ่านไหล่ผมมามองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ ผมรีบกดล็อคหน้าจอ แล้วหันหน้าไปคุยกับร่างสูง

“เปล่า จะนอนยัง ปิดไฟได้เลยนะ”

“ยังอะครับ นี่ยังไม่ดึกเลย”

“เหรอ งั้นฉันนอนก่อนนะ ง่วง” ผมว่าพลางทิ้งหัวลงบนหมอน แมทธิวมองตามเงียบๆ คล้ายอยากจะพูดอะไร ผมพลิกตัวหนีจะได้ไม่เห็นแววตาอีกฝ่ายให้ลำบากใจ แสงไฟในห้องดับลงจากฝีมือของแมทธิวที่ปิดโคมไฟให้ผม เพราะประโยคที่ผมบอกว่าจะนอนแล้ว ผมลอบถอนหายใจ พลันสัมผัสโอบกอดจากด้านหลังก็ทำให้ร่างกายอุ่นวาบ

“พี่แมน หันมาหาผมหน่อย” เสียงกระซิบดังข้างหู มันแผ่วเบาแต่ชัดเจน เพราะมันเป็นเสียงของคนที่ผมหลงรักมาตั้งหลายปี

“...” ผมเงียบและนอนนิ่ง จนแมทธิวกระตุกแขนผมน้อยๆ ผมจึงพลิกตัวไปอยู่ในอ้อมกอดตามที่อีกฝ่ายต้องการ

เกิดเป็นชาย อย่าเล่นตัวมากครับ ยิ่งเหลือเวลานอนซบกันอีกแค่ข้ามคืนนี้ไปแล้วด้วย...

“ทีนี้ใจเราก็ตรงกันแล้วนะครับ”

โอ้โห... เสี่ยวเวอร์!!! คนกำลังซึ้งนี่มาขัดอารมณ์กันมากๆ

ผมแกล้งบิดเนื้อตรงหน้าอกอย่างหมั่นไส้ พรอ้มกับซุกอยู่ในอ้อมแขนให้แนบแน่นแบบไม่มีช่องว่างให้อากาศแทรกได้ เราสองคนไม่พูดอะไร แต่จมูกและริมฝีปากของแมทธิวก็คลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าผมเลย

ความเงียบยามค่ำคืนทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายชัดเจน ผมเงยหน้ามองสันกราม พยายามเติมเต็มความรู้สึกวูบโหวงในใจที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เราก็แค่จะกลับไปเจอโลกความจริง...

แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมขอหยุดเวลาไว้แค่นี้ได้ไหม...

“...” แรงกดแผ่วเบาบนหน้าผาก ทำให้ผมเงยหน้าสูงขึ้นเผื่อสบตากับอีกฝ่าย ท่ามกลางความมืด ร่างสูงส่งแววตาจริงจังมาให้พร้อมรอยยิ้ม

“ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ไปไหน”

...ขอบคุณ ผมบอกเขาในใจ และภาวนาว่าพรุ่งนี้ตื่นมาเรื่องราวทั้งหมดจะไม่ใช่แค่ผมฝันไปฝ่ายเดียว

 



.

.

.

เป็นเช้าที่ยื้อสุดอะไรสุด ตื่นก็สาย ทำบุญตักบาตรอะไร วันนี้ขอบายเลยละกัน

อาบน้ำเสร็จผมก็สวมชุดเดิมที่เป็นชุดเดียวกันกับวันที่ถูกอุ้มมาที่นี่เดินลงจากชั้นล่าง แมทธิวกำลังขนของ ทั้งโน้ตบุ๊กและเสื้อผ้าผมขึ้นรถ ในขณะที่ผมเดินไปรอบบ้านเพื่อซึมซับบรรยากาศของสถาที่ที่เต็มไปด้วยความทรงดีๆ ให้ได้มากที่สุด

ลังใส่น้ำพริกเผาที่ขนมาจากคอนโดผมยังวางอยู่ในครัวอยู่เลย น้ำพริกเพิ่งเปิดกินไปได้แค่ 2-3 กระปุกเอง ไม่รู้ว่าแมทธิวจะเอาไปทำอะไรกินได้ไหม แต่ทิ้งมันไว้ที่นี่ละกัน...

ซากเทียนห้องสีอ่อนที่ถูกจุดยังวางไว้ตามมุมต่างๆ ในห้องนั่งเล่นของบ้าน ผมเดินทะลุออกไปยังสระว่ายน้ำ โชคดีหน่อยที่หลอดไฟเล็กๆ ระโยงรยางค์พวกนั้นถูกเก็บไปแล้ว ผมถอนหายใจด้วยความใจหาย ภาพทุกการกระทำที่แมทธิวทำให้มันฝังลึกอยู่ในหัวอย่างที่คิดจริงๆ นี่แหละ... เหตุผลที่ผมไม่อยากให้เขากลับเข้ามาในชีวิตน่ะ

“พี่แมน เก็ยของเสร็จแล้ว ไปหรือยังครับ?” แมทธิวเดินเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ริมสระ รอยยิ้มของเจ้าตัวยังกว้างและน่ามองเสมอ ผมตีหน้านิ่ง แม้ว่าแววตาคงแสดงสิ่งที่รู้สึกออกมาหมดทุกอย่างก็ตาม

“...” แล้วนี่เต้าหู้ไปไหน... ผมมองเลยตัวแมทธิวไปรอบๆ เพื่อหาเต้าหู้

นี่ผมจะไปแล้วหมามันยังไม่มาลาเลยอะ เศร้าไหมถามใจดู

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ?”

“...” ผมเบ้ปากน้อยๆ แล้วยักไหล่ ก่อนจะถอยหายใจออกมาอีกรอบ “เฮ้อ...”

“เอาน่า พี่แมน ใช่ว่าเรากลับไปแล้วเราจะไม่เจอกันอีกซะเมื่อไร พี่พามาที่นี่ก็แค่มัดมือชกจีบพี่เฉยๆ พี่ใจอ่อนให้ผมบ้างหรือยังล่ะ?!”

“...” ผมไม่ตอบแต่มองตาขุ่น ขนาดนี้ยังจะถาม ทำอะไรไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้าไม่เรียกใจอ่อน ก็ต้องเรียกใจง่ายแล้วแหละ

“นั่นไง อย่างนี้ผมก็จีบพี่ติดแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกันอีกเท่าไรก็ได้ ห้องเราก็อยู่ใกล้แต่ตรงข้ามกันเองนะ” ผมจ้องรอยยิ้มและท่าทางแบะมือยักไหล่ของอีกฝ่าย แล้วยิ้มเฝื่อนออกมา

ช่างเป็นคนที่สดใสและมองโลกในแง่ดีจริงๆ อยากรู้ว่าถ้ารู้ว่าผมกำลังจะเตรียมกลับไปทำงานที่บ้าน เจ้าตัวจะยังพูดแบบนี้อยู่ไหม

“ถ้างั้นเราขึ้นรถกันเถอะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพจะรถติดไปใหญ่”

“อืม...”

 








ขอบคุณมากๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.50 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2016 20:05:07
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.50 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-03-2016 20:39:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.50 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2016 21:04:31
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.50 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-03-2016 01:11:53
ใกล้จบแล้ว คงไม่มาม่าเนอะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.50 (26/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-03-2016 05:52:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 27-03-2016 19:43:39
Chapter 21 : Thank you but I won’t definitely say goodbye.



รถแล่นเข้าสู่สิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย สองข้างทางเริ่มเป็นตึกสูงสลับกับอาคารสำนักงาน และร้านรวงต่างๆ ผมที่นั่งเงียบตลอดทางละสายตาจากวิวรอบข้างมาคุยกับแมทธิว

“แวะส่งฉันที่ออฟฟิศละกัน” แมทธิวพยักหน้า ก่อนจะหันมาหาผม

“ให้ผมรอรับไหม?”

“ไม่ต้อง จะขับรถกลับคอนโดฯ” นับตั้งแต่วันที่ทุกคนรวมหัวกันส่งมอบผมให้แมทธิวก็ไม่รู้ว่าป่านนี้รถผมโดนทุบกระจกเอาอะไรไปบ้างหรือเปล่า เล่นจอดอยู่หน้าออฟฟิศนานขนาดนั้น...

ใช้เวลาไม่นานรถก็แล่นมาจอดเทียบหน้าออฟฟิศพี่แจง ผมปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะลงจากรถ

“เดี๋ยว พี่แมน...”

“ใกล้ถึงคอนโดแล้วโทร.บอกด้วยนะ”

“ทำไม?”

“จะได้สั่งข้าวมากินด้วยกันไง พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะตั้งแต่เช้า”

“....อืม โอเค”

“เจอกันครับ”

ผมลงจากรถ ยืนมองจนแมทธิวขับมันจนลับสายตาไป ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าออฟฟิศ

 

“อ้าว น้องแมน” พี่ปอสังเกตเห็นผมเป็นคนแรกจึงร้องทักออกมา ตอนนั้นเองที่ทุกคนในออฟฟิศวังเกตเห็นผมบ้าง พี่กายยิ้มแหยๆ คล้ายคนมีชนักติดหลัง พี่หวานส่งยิ้มซื่อมาให้ ในขณะที่คนที่น่าจะเป็นหนึ่งในตัวการอย่างทราย...

“เฮียแมน กลับมาแล้วเหรอ ดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะคะ”

...นอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้วยังมีหน้ามาแซว ผมกะพริบเปลือกตาช้าๆ แล้วยิ้มเย็นออกมา

ดีนะว่าพี่แมนเป็นผู้ชายแมนๆ ไม่ทำร้าย เด็ก สตรี และสุนัข ไม่งั้นน้องทรายได้มีเคลียร์บัญชีกับเฮียแมนแน่ๆ

“พี่แจงอยู่ไหม?”

“อยู่ในห้องค่ะ” ทรายยิ้มหวานตอบกลับผม ผมพยักหน้าน้อยๆ ไม่ลืมชี้หน้าคาดโทษ

ฝากไว้ก่อนเถอะ ฝากถาวรเลยด้วย พี่แมนไม่สู้คน

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ผมเคาะประตูห้องที่เปิดอ้าซ่าให้คนเข้าออกได้ตลอดเวลาแบบพอเป็นพิธี แล้วเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามพี่แจง ใบหน้าสวยแอบมีริ้วรอยเงยหน้าจากแฟ้มงานตรงหน้ามามองผม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกยาวๆ

“มาแล้วเหรอ? ไวจนพี่ไม่ทันทำใจเลยนะ”

ไม่รู้ว่าหมายถึงผมมาไว หรือหมายถึงการลาออกของผมนะ ที่ไว…

“....แมนโกรธพี่ใช่ไหม ที่พี่ทำลงไปแบบนั้น”

“ไม่ครับ” ผมยิ้มพลางส่ายหัว ก็มีแวบแรกที่รู้สึกไม่พอใจ คนไว้ใจกัน ไม่น่าทำกันได้ลงคอ แต่ผมก็เข้าใจเจตนาดีของพี่แจงน่ะแหละ

“งั้น... พี่ใช้งานหนักไป หรือเงินเดือนน้อยไปหรือเปล่า?”

“ไม่เลยครับ ทำงานที่นี่ดีมากๆ”

“แล้วจะลาออกทำไมล่ะ!?”

“...ผมต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน” ผมพยายามยิ้มให้เห็นความจริงใจว่าผมไม่ได้โกรธเกลียดที่จะทำงานที่นี่ แต่มีเหตุผลที่ต้องไปจริงๆ

“อืม... เหตุผลแบบนี้รั้งให้ตายก็ไม่มีผลสินะ” พี่แจงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะทำงาน “แล้วจะยังส่งต้นฉบับให้พี่อยู่ไหม?”

“อันนี้ต้องดูอีกทีนะพี่” ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะมีเวลาว่างหรือแรงบันดาลใจจะทำมันอีกไหม

แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ผมรัก และพาผมมาไกลได้ขนาดนี้ก็ตาม....

“เอ่อ... อะ โอเค เรื่องเงินเดือนเดือนสุดท้ายพี่ให้เต็มเดือนละกัน”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้พี่แจง เจ้าหล่อนยกมือห้ามมองตาเขียว ลืมไป... เจ๊แกไม่ชอบให้ใครทำเหมือนตัวเองเป็นผู้อาวุโส

“แล้วจะบอกลาใครหน่อยไหม?”

“ไม่ล่ะครับ” ผมไม่ชอบความรู้สึกของการจากลา แค่ออกจากออฟฟิศไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกซะหน่อย เพราะฉะนั้น เดี๋ยวผมค่อยแอบมาเก็บของที่ออฟฟิศตอนทุกคนไม่อยู่ละกัน...

“บอกหน่อยเหอะ หวานกับกายมันอยากรู้จนแทบจะเข้ามายืนฟังในห้องและ”พี่แจงพยักเพยิดหน้าไปทางประตู ผมมองตามก็เห็นชายไม่จริงหญิงแท้ 2 คนสะดุ้งเพราะโดนจับได้

“...”

 

“แมน แกจะลาออกจริงๆ เหรอ?” นี่คือประโยคแรกจากพี่หวานผู้ซึ่งแอบฟังผมกับพี่แจงคุยกัน เรียกความสนใจของคนในออฟฟิศคนอื่นให้มองผมเป็นตาเดียวอีกครั้ง

เออ วันนี้เป็นจุดสนใจบ่อยดีเว้ย

“ครับ” ผมพยักหน้า ไหนๆ ก็ไหนๆ รู้กันหมดออฟฟิศแล้ว เก็บของที่พอจะขนไปได้เลยละกัน

“ทำไมอะแมน?” พี่แตนเดินมายืนข้างๆ ผมพยายามจะยิ้มให้หน้าไม่ดูเครียดเกินไปนัก แต่พี่กายก็ทำบรรยากาศเสียหมด

“แมนมันโกรธที่พวกเจ๊รวมหัวกันยกมันใส่พานถวายน้องแมทธิวไง”

“จริงเหรอแมน?!”

“เฮียแมนลาออกเพราะโกรธทรายเหรอ!?”

นั่นไง... ไปกันใหญ่แล้วโว้ย!!!

“เฮียแมน ทรายขอโทษ...” ดวงตาคมเฉี่ยวของทรายฉายแววสำนึกผิดเป็นเด็กน้อยเลย มือเรียวบางของเจ้าตัวเกาะแขนผมเบาๆ ผมถอนหายใจออกเป็นรอบที่ล้านของวัน ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวทรายเบาๆ

“ฉันไม่ได้โกรธใครทั้งนั้น”

“แล้วแกลาออกทำไม!?”

“ไปช่วยงานที่บ้าน โอเคไหม?”

“อ๋อ.../อ้อ.../อ้าวเหรอ...” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจกันอย่างง่ายดาย ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะยกกล่อง เตรียมเดินไปขึ้นรถ

“มานี่ พี่ช่วย” พี่กายยกเอากล่องใส่ของที่โคตรจะเบาไปถือ ทุกคนเดินตามผมออกมาหมดออฟฟิศ ยกเว้นพี่แจง ซึ่งท่าทางจะงานหนักมากจริงๆ ทรายช้อนตามองผม ก่อนที่ผมจะเดินอ้อมไปขึ้นรถ

“อย่าลืมแวะมาหาพวกเรานะเฮียแมน”

“อือ แวะแน่ เร็วๆ นี้ด้วย ของยังเก็บไม่หมด” ผมพยักหน้าพลางเดินไปขึ้นรถท่ามกลางใบหน้าเหวอแดกของทุกคนที่รีบเอ่ยคำลา

นี่แหละหนา มนุษย์... ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย

 

ผมกดโทร.ออกหาแมทธิวตามที่ให้สัญญาไว้กับเจ้าตัวตั้งแต่ขับรถออกจากหน้าออฟฟิศ นี่ไม่ได้รีบนะ ก็แค่คิดว่าถ้าจะสั่งอาหารมันต้องใช้เวลาไม่ใช่หรือไง อีกอย่างออฟฟิศกับคอนโดก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก รีบโทร.ตั้งแต่เนิ่นๆ แหละ ถูกแล้ว

“ออกจากออฟฟิศแล้วนะ”

(โอเคครับ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?)

“...” ผมกลอกตาคิดอยู่แป๊บนึง “ไม่มีอะ จะสั่งอะไรก็สั่งละกัน”

“ครับ เจอกันนะ”



.
.
.
ผมเดินออกจากลิฟต์พร้อมกล่องใส่ของที่ขนมาจากออฟฟิศ ก่อนจะมาหยุดล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงหน้าประตูห้องอย่างทุลักทุเล

แกร๊ก!

“!!!”

ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ผมก็ผงะไปกับลูกโป่งสีสวยนับร้อยลูก ทั้งที่มีเชือกห้อยระโยงระยางลอยติดเพดานห้อง กับอีกส่วนที่วางระเกะระกะตามพื้น

มันยากมากที่จะควบคุมไม่ให้ตัวเองกวาดตาไปรอบๆ แล้วผายมือเริงระบำประดุจเจ้าหญิงงามในเทพนิยาย ผมกอดกล่องในมือแน่น ใจเต้นรัว พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าคนที่ทำเซอร์ไพรส์แบบนี้คือ...

“พี่แมน”

“...แมทธิว...”

โครม!

ผมเผลอปล่อยของในมือร่วงแบบเทกระจาด รอยยิ้มสวยของแมทธิวสร้างดาเมจรุนแรงจนเข่าแทบทรุด

ครั้งนี้ผมไม่ได้คิดไปเอง แมทธิวตั้งใจเซอร์ไพรส์ผม ถึงมันจะอลังการเวอร์วีว่าแบบที่คนแบบผมไม่มีทางคุ้นเคยกับมันง่ายๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมชอบและดีใจมาก ทำยังไงดี... กระโดดกอดเลยดีไหม!? ขนาดยังไม่เข้าใจว่าโดนเซอร์ไพรส์เรื่องอะไรนะเนี่ย...

“พี่แมน...” ไม่รอให้ผมตัดสินใจว่าจะแสดงรีแอคชันอะไร แมทธิวก็ส่งเสียงทุ้มมาดึงความสนใจผมไปก่อน ผมมองตามมือร่างสูงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จนกระทั่งมันออกมาพร้อมกับกล่องหนังขนาดเล็ก มือหนาจบลงที่การเปิดฝากล่อง เผยให้เห็นแหวนเกลี้ยงสีเงินที่อยู่ในนั้น

“เป็นแฟนกันนะ”

“!!?”

ว่าอะไรนะ!?

“คบกับผมนะพี่แมน”

“...” ผมจ้องตาแมทธิวอยู่นาน และความจริงจังที่ส่งมานั้นก็ยิ่งทำให้ข้างในอกผมมันวูบแปลกๆ

ผมยิ้ม ฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ปากคอสั่นไปหมด ตอนนี้ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ นะ

มันเป็นช่วงเวลาที่คาดฝันที่ดีที่สุดในชีวิตผม ผมไม่อยากร้องไห้หรอก... แต่คนแมนๆ แบบพี่แมน จะร้องไห้ไม่ได้…

“ขอบคุณนะ...” ผมก้าวเข้าไปหาแมทธิว แล้วปิดกล่องแหวนนั้น พลางสบตาเขา

มันใช้เวลานานแค่ไหน นับตั้งแต่วันที่ผมเป็นแฟนคลับแมทธิว วันที่เรารู้จักกัน ช่วงเวลาที่เราเข้าใจผิด จนถึงวันที่เขากลับมาหาผม และยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้

ทุกช่วงเต็มไปด้วยความทรงจำ ทั้งสุขและทุกข์ ผมไม่เคยคาดฝันว่าจะมีวันที่แมทธิวจะเป็นคนพาตัวเองมาผูกมัดกับผม ความคิดเดิมวนกลับเข้ามาในหัว...

มันดีจนน่าเหลือเชื่อเกินไป

“แต่ฉันคงคบกับนายไม่ได้”

เพราะเกือบ 7 วันที่ผ่านมาผมได้รับความทรงจำดีๆ มามากมาย

เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้

เพราะคนตรงหน้าควรได้เจอใครที่ดีกว่าผม... และผมคงทนไม่ได้ถ้าเรื่องราวของเราต้องมีจุดจบ

“ทำไม...”

“อย่าเข้าใจฉันผิดนะ สิ่งที่นายทำให้ฉัน...ที่ผ่านมามันเป็นความทรงจำที่ดีมาก...”

“...”

“...มากจนฉันคงทนไม่ได้ ถ้าวันนึงเราเลิกกัน และนายจะทิ้งความทรงจำพวกนั้นให้ทำร้ายฉัน” ผมรู้สึกแข้งขาอ่อนจนอยากทรุดลงนั่งกับพื้นไปเลย เมื่อเห็นสีหน้าเจือความไม่เข้าใจปนเจ็บปวดของแมทธิว น้ำตาที่คิดว่าจะไม่ยอมให้มันไหลก็เอ่อล้นขอบตา อาบใบหน้าผม “นายเข้าใจฉันไหมแมทธิว อนาคตนายยังเลือกได้อีกตั้งมากมาย อย่ามาผูกติดตัวเองกับคนอย่างฉันไปมากกว่านี้เลย ถ้าวันนึงนายจะไป”

“พี่แมน...” แมทธิวก้าวเข้ามาวางมือบนบ่าผมเบาๆ แล้วเชยคางผมขึ้นสบตากับเขาโดยตรง “ผมไม่มีอะไรมารับประกันอนาคตหรอก แต่ได้โปรดเชื่อเถอะว่าผมรักพี่ ผมเลือกแล้ว ตัดสินใจแล้วที่จะรักพี่ พี่อย่าปฏิเสธความรักของผมได้ไหม?”

“...”

“...เราไม่ต้องคบกันเป็นแฟนก็ได้นะพี่แมน เราแค่จะเป็นแบบนี้ให้สม่ำเสมอ 1 ปี 5 ปี 10 ปี เรื่อยๆ ไปจนแก่” นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนปลอบใจผม “อยู่ด้วยกันแบบ... เรียกว่าสถานะอะไรดี ความสุขของกันและกันดีไหม?”

เดี๋ยวๆๆ

ผมเผลอชักสีหน้าอัตโนมัติ ไอ้ความสุขของกันและกันมันคือสถานะอะไรล่ะนั่น คู่นอนเหรอ!? ฟินๆ ทั้งคู่แล้วก็แยกทางอย่างนี้อะนะ!?

“แหนะ ทำหน้างออีกและ คิดอะไรแปลกๆ อีกแล้วเหรอครับ?” แมทธิวทำท่าจะขำ ผมเลยปัดมือเขาทิ้งแล้วมองค้อนเบาๆ จนเจ้าตัวใช้หลังมือข้างที่ถูกปัดถทิ้งยกขึ้นปิดปากหัวเราะเบาๆ

เกลียดนักคนรู้ทัน

“ผมหมายถึง เราจะอยู่กันแบบ... ผมอยู่กับพี่แล้วสบายใจ พี่อยู่กับผมแล้วสบายใจ เราก็แค่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ...”

“...” ผมขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจ เออออไปก่อน ให้เขารู้ว่าเราตั้งใจฟังนะ

“อ้อ.. แต่ที่สำคัญคือพี่ห้ามมีใครนะ ห้ามคุยกับผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ผมเองก็จะไม่ยุ่งกับใครอีกเหมือนกัน” แมทธิวพูดพลางเปิดกล่องแหวนอีกรอบ แล้วหยิบมันขึ้นชูตรงหน้าผม “ตกลงตามนี้ไหม!?”

“อือๆ” ผมพยักหน้าเออออตามสเต็ปทั้งๆ ที่สมองผมมันยังประมวลผลไม่เคลียร์เลยด้วยซ้ำ แต่แค่อือสั้นๆ นั่นแหละ รอยยิ้มของแมทธิวก็สว่างจ้าขึ้นทันที

“ถ้างั้นก็ส่งมือมาหน่อยครับ จะสวมแหวนให้” ถึงจะบอกให้ผมส่งมือไป แต่ร่างสูงกลับคว้ามือผมไปเองดื้อๆ ผมมองแหวนเงินที่ค่อยๆ ถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างขวาจนสุดโคนนิ้ว ก่อนจะเงยหน้ามองเขา แต่ร่างสูงดันฉวยโอกาสหอมแก้มผมซะได้

ฟอด~

“ขอบคุณสำหรับความรักใสๆ ที่พี่มีให้ผมตลอดมาครับ ผมรักพี่แมนนะ”

แมทธิวยิ้ม...

ผมก็เลยยิ้มออกมาบ้าง... ทั้งๆ ที่ในใจยังคาราคาซังอยู่ไม่น้อย

ก็ไอ้สถานะที่แมทธิวขอเป็นกับผมมันไม่ใช่ แฟน หรือไงวะครับ!?





FIN.







ขอบคุณมากๆ ค่ะ  :pig4:
เห็ดคงไม่ได้มาไกลขนาดนี้หากไม่มีนักอ่านทุกคน ขอบคุณอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันจนจบ เห็ดรักและซาบซึ้งกับทุกคนมากจริงๆค่ะ ว่างๆ จะมาแก้คำผิดนะคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-03-2016 20:12:54
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-03-2016 20:43:19
พี่แมนคนคิดเยอะ คิดมาก
แต่ก็ตามคนอื้นเขาไม่ทันตลอดด
สถานะความสุขของกันและกัน หูย เหมือนดาราเลยอะ555
แต่ก็ยังดีที่พี่แมนตกลง ไม่งั้นคงช้ำใจทั้งแมทธิวทั้งคนอ่าน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
ขอให้มีผลงานใหม่มาเรื่อยๆยะคะ เราจะติดตามเอง
อิอิ เป็นกำลังใจให้น้า
+1 ให้ด้วยค่า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-03-2016 21:21:33
ไม่ใช่แฟน แต่เป็น "คู่ชีวิต" นะพี่แมน

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
 :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 28-03-2016 00:22:40
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 28-03-2016 23:14:36
 :ruready ไม่ใช่แฟน แต่งเป็นคนรัก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 30-03-2016 11:50:21
อืม เรื่องนี้น่ารักดีชอบนะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน และ  :pig4: มากๆคราบที่เขียนมาให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-03-2016 16:05:51
อ้าว จบแล้ว 555


ขแบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 01-04-2016 19:28:53
ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 02-04-2016 16:47:23
สวัสดีค่ะทุกคน เห็ดจะมาบอกว่า ตอนนี้เห็ดมีช่องทางการติดต่อแล้วค่ะ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊กนะคะ ตอนนี้อาจจะยังไม่มีการอัพเดต แต่อนาคตมีแน่นอนค่ะ(เอ๊ะ! ยังไง)


เพจ facebook : นิยายของเห็ดหอม



ฝากเห็ดหอมไว้ในอ้อมอกของทุกคนด้วยนะคะ ด้วยรัก ♥
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-04-2016 21:38:06
555555 แมนมึนตอนจบ สรุปสถานะไม่ได้
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 04-04-2016 22:17:03
น่ารักดี ใช้ตัวละครคุ้มดีนะ
เสียดายเวลาของทั้งสองคน
แมนคิดมากคิดไปเองหลายเรื่อง ส่วนแมทธิวก็นะ
แต่ถึงตอนนั้นคบกันจริง ก็อาจไม่รอดละมั้ง... คิดซะ
อย่างนี้จะได้สบายใจ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-04-2016 17:03:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: meadthat ที่ 06-04-2016 13:51:02
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 06-04-2016 16:51:22
ตอนเเรกมีความสุขฟินนิดหน่อยตรงกลางเจ็บเผ็ดตอนสุดท้ายกลลมกล่มเป็นรสชาติที่ลงตัว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-04-2016 18:46:14
แมทสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 27-05-2016 00:06:50
สนุกมากเรื่องนี้ แต่กว่าจะได้สุขสมก็หลายปีเลย แมนก็อย่าท่าเยอะนักรักก็คือรักไม่ต้องกลัวอะไรแล้วในเมื่อใจตรงกัน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 27-05-2016 11:46:17
ฟินนนน :hao7:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 28-05-2016 15:16:01
น่ารักมาก :mew3: :mew3:
ขอบคุณนะคะ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 28-05-2016 22:39:35
ชอบอ่าาาาา :katai5: :ling1:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 29-05-2016 20:11:21
มึนงง จบแบบนี้นะเหรอ  :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 30-05-2016 11:32:43
จบแบบงงๆไปบ้าง
แต่เรื่องตอนต้น กับตอนกลางถึงปลายสนุกมากๆครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ครับ
จะขอติดตามอ่านผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เห็ดหอม:) ที่ 30-05-2016 13:37:44
ฮัลโหลลล สวัสดีค่า เห็ดเอง...

แวะเข้ามาถามคนอ่านหน่อยนะคะ พอดีเห็ดใช้เว็บไม่ค่อยเป็น อยากทราบว่าถ้าเห็ดต้องการรีไรท์นิยาย เพื่อแก้คำผิด และบางจุดที่งงๆ (แต่เนื้อเรื่องเหมือนเดิมเป๊ะ) เห็ดไปแก้ได้เลยหรือเปล่าคะ แล้วมันจะขึ้นแจ้งเตือนไปหาคนที่เคยมาตอบกระทู้ไหม(เกรงใจถ้าทุกท่านต้องรับอัพเดทจากเห็ดซ้ำๆ 55555)

ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ ;_;

ด้วยรัก จากเห็ดหอม:)

ปล. ฝากเพจหน่อยนะคะ นิยายของเห็ดหอม https://www.facebook.com/oblb9k (https://www.facebook.com/oblb9k)
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-07-2016 16:12:07
และแล้วก็ลงเอยด้วยดี ฮิ้วววว
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 31-07-2016 20:14:24
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 26-02-2017 12:44:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ชอบค่ะดราม่าไม่เวอร์ น่ารัก จบแบบอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็โอเคค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 07-03-2017 08:51:20
พี่แมนน่ารักไปละ