พิมพ์หน้านี้ - (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: minibearsecret ที่ 01-12-2015 17:32:56

หัวข้อ: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 01-12-2015 17:32:56
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


เรื่องนี้เคยลงไว้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อนานมากกกกก
ขอแทนตัวว่า มินิ นะคะ
เนื่องจากครั้งที่แล้วมินิเคยลงไว้แต่ว่านานไม่มาต่อซักทีเลยอาจจะถูกลบไปแล้ว เลยขอกลับมาลงใหม่นะคะ เรื่องนี้แต่งจบแล้วแต่จะทยอยลงเรื่อยๆ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
รักนักอ่านทุกคน
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: qhanb ที่ 01-12-2015 17:38:27
theyในชื่อเรื่องต้อเปลี่ยนเป็นThemนะคะ เปลี่ยนด้วยน้า
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 01-12-2015 21:26:36
ขอบคุณมากนะคะที่แนะนำ แต่มินิ ผูกพันกับชื่อนี้ไปแล้วอะคะ ขอไม่เปลี่ยนได้ไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 01-12-2015 21:38:48
บทนำ
ปรี๊นๆ
     เสียงเอะอะโวยวายและเสียงรถราบนท้องถนนในเมืองหลวงมันช่างน่ารำคาญมากในความคิดของนักเขียนนิยายหนุ่มไฟแรง ที่ตอนนี้กำลังมีผลงานมากมายเกี่ยวกับความรักใสๆและแนวสยองขวัญที่ไม่สามารถนำมารวมได้แต่บุคคลผู้นี้ก็สามารถทำได้  ความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใครแต่เพราะมีนิสัยส่วนตัวที่ซื่อและขี้ลืมทำให้ชีวิตวันๆหนึ่งของเค้าต้องวุ่นวาย

ครืด ๆ ๆ

  “ฮะ”
  “นายอยู่ไหนแล้ว ใกล้เวลาส่งต้นฉบับแล้วนะ”
  “อ่าว หัวหน้าหรอครับ ขอโทษนะครับพอดีไม่ได้ดูเบอร์”
  “ให้มันได้อย่างนี้สิ”
  “ขอโทษครับ ผมกำลังรีบไปอยู่ครับอีกไม่นานก็ถึงแล้วครับ”
  “ งั้นคุณรีบมานะ ถ้าช้าผมจะลดเงินคุณ”
  “อ่า ไม่ได้นะครับ งั้นผมคงจะต้องรีบ แค่นี้นะครับ”
  “อืมๆ”
     หลังจากวางสายชายหนุ่มร่างเล็กรีบโบกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาก่อนจะบอกปลายทางกับคนขับ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมายแต่ดันมีเหตุการณ์ชวนปวดหัวก่อนนี่สิ

  “ไอ้หนุ่ม เอ็งลืมกระเป๋า”
  “ไม่นี่ครับ ผมไม่มีกระเป๋ามาครับ”
  “อ่าว ก็มันอยู่ข้างๆเอ็งนะ”
  “ผมคิดว่ามันเป็นของลุงซะอีก”
  “งั้นเอ็งช่วยเอาไปส่งแทนลุงหน่อย พอดีลุงต้องรับไปทำธุระต่อ ขอบใจมากนะ”แล้วลุงก็ยื่นกระเป๋ามาแล้วขึ้นรถขับออกไปก่อนที่ผมจะแย้งทัน ซวยแล้วไงไอ้โซฟา แล้วมันของใครวะ งานก็รีบ
    อ้อผมลืมแนะนำตัวเลย สวัสดีครับ ผมชื่อโซฟา มีอาชีพเป็นนักเขียนครับ ถ้าถามว่าหน้าตาผมเป็นแบบไหน อืม คงจะบอกว่าหล่อฮะ ฮ่าๆๆ แต่ผมเซ็งใครๆก็บอกว่าผมน่ารัก ก็แค่ปากสีชมพูอ่อนตากลมโตใสๆแก้วอวบๆแล้วก็ตัวขาวมากๆแค่นี้เอง ดูน่ารักตรงไหนกัน
   ผมตัดสินใจเข้ามาส่งงานก่อนที่จะโดนตัดเงินและที่จะไปโรงพักเพื่อเอากระเป๋าไปส่ง ผมมองไปทางไหนก็เห็นแต่คุณตำรวจกำลังนั่งทำงานกันไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมา ผมมองไปเรื่อยๆก็สะดุดเข้ากับตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง อ่า เอาไปให้นายคนนั้นก็ได้

  “ผมเจอกระเป๋าเลยเอามาคืนครับ”
  “เชิญนั่งกะ...น่ารักหว่ะ”
  “ อะไรนะครับ”
  “อ๋อ เปล่าครับ ผมขอเวลาคุณสักครู่นะครับ”
  “อ่า ครับ”
  “ไม่ทราบว่าคุณเจอกระเป๋านี้ที่ไหนครับ”
  “บนรถแท็กซี่ครับ”
  “คุณได้เปิดดูของข้างในรึยังครับ”
  “ยังครับ”
  “งั้นคุณรอสักครู่นะครับ”
  “ครับ” ผมเห็นตำรวจคนนั้นเปิดกระเป๋าแล้วก็ทำหน้าตกใจก่อนที่จะยิ้มให้
  “เจ้าของกระเป๋าเป็นเพื่อนของผมเองครับ”
  “งั้นฝากคุณตำรวจช่วยคืนให้ด้วยนะครับ ผมจะกลับแล้ว”
  “เดี๋ยวก่อนนะครับ” แล้วหมอนั่นก็หันไปคุยโทรศัพท์ก่อนจะมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มอีกแล้ว “เพื่อนผมบอกว่าอยากจะพบคุณ คุณช่วยรอที่นี่ก่อนได้ไหม”
  “ไม่จำเป็นครับ ผมจะกลับแล้ว ขอตัว”
  “ไม่ได้ครับ”
  “อ๊ะ ทำอะไรของคุณ”
  “ขอโทษครับ”หมอนั่นรีบปล่อยมือออกจากแขนของผมทันที
  “ขอเหตุผมที่มากกว่าการนั่งรอเพื่อนคุณมาสักข้อหน่อยครับ”
  “คุณยังไม่ได้กรอกข้อมูล คุณช่วยไปกรอกให้ผมหน่อยนะครับ”
  “ที่ไหน”
  “ตรงนี้แหละครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”
  “ครับ” แล้วหมอนั่นก็ลุกออกไป จะว่าไปขอไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าเอาของไว้นี่ก็ได้ ยังไงก็กลับมากรอกข้อมูลอยู่แล้ว

    โดนัล #

       ผมเดินไปหยิบแฟ้มแล้วก็เจอเข้ากับไอ้เลนหรือเลนโวเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมที่ตอนนี้มันเป็นหมอไปแล้ว

  “ไงมึง มาทำไรล่ะ คดีฆ่าคนไข้หรอ”
  “นั่นปากหรอวะ สัส กูแค่แวะมาหาเฉยๆพอดีวันนี้ไม่ต้องเข้าเวรหว่ะ”
  “เออมาก็ดีกูว่าจะโทรชวนพวกมึงไปเที่ยวผับใหม่ไอ้บาร์เทนมันพอดี”
  “แล้วชวนไอ้ไลฟ์ลี่กับดีเลย์ยังวะ”
  “ไอ้ไลฟ์ชวนแล้วแต่ไอ้เลย์ยังหว่ะ แต่เดี๋ยวมันก็กำลังมาที่นี้ ค่อยบอกก็ได้”
  “อ่าว มันมาทำไมวะ”
  “พอดีมันทำกระเป๋าตกไว้แล้วมีคนเอาของมันมาคืนที่กูพอดี จะว่าไปเด็กคนนั้นโคตรน่ารักเลยหว่ะ”
  “จริงอ่ะ อยากเห็นหว่ะ”
  “งั้นตามมาดิ”
    ผมทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องแต่กลับไม่พบใครสักคน
  “อ่าวไปไหนวะ รึกลับไปแล้ว”
  “กูว่ายังหว่ะไอ้นัล ถ้าคนน่ารักมึงกลับไปแล้ว แล้วนี่กระเป๋าใคร”
  “ใช่ ของเด็กคนนั้นนี่หว่า”
  “คงไปเข้าห้องน้ำมั้ง เดี๋ยวคงมา”

ก๊อกๆๆ

  “อ่าวไอ้หมอ มาทำไรที่นี่วะ”
  “มาหาไอ้นัลมัน เมิงล่ะไอ้ไลฟ์มาได้ไง”
  “พอดีกูมากับไอ้เลย์มัน มันไปหากูเมื่อเช้ามันบอกว่ากระเป๋าเอกสารมันหาย”
  “แล้วไอ้เลย์ล่ะ”
  “กูอยู่นี่ ไอ้ห่านี่แมร่งเดินไม่รอกู สัส”
  “ก็ข้างนอกมันร้อนนี่หว่า”
  “คร๊าบ คุณชายไลฟ์ ว่าแต่ไหนคนที่เอาของกูมาคืนวะ”
  “ไปห้องน้ำมั้งมึง”

ก๊อกๆๆ

  “ขออนุญาตครับ”
  “น่ารักว่ะ”
  “หือ”
  .
  .
  Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 01-12-2015 22:21:14
เจิมเรื่องใหม่ รออออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 02-12-2015 00:08:04
แวะมารอด้วยคน :katai5:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: faii400130 ที่ 02-12-2015 00:35:41
 :mew1:  เค้าเคยอ่านเรื่องนี้ :hao7:
อยากอ่านต่อๆ  :mew3:รอตอนต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 02-12-2015 20:21:33
บทที่1
     ก๊อกๆๆ

  “ขออนุญาตครับ”
  “น่ารักหว่ะ”
  “หือ”
     ผมมองไปข้างหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงดังขึ้น ตรงหน้าของผมมีชายหนุ่มอยู่ 4 คนแต่ล่ะคนจัดว่าหน้าตาดีมาก พวกเขาคงมีธุระ ผมรีบเดินไปหยิบกระเป๋าก่อนที่จะเดินออกจากห้องทันที

  “เดี๋ยวครับ คุณยังไม่ได้กรอกข้อมูลเลยนะครับ”
  “ก็คุณตำรวจมีแขกไม่ใช่หรอครับ”
  “อ๋อ เจ้าพวกนี้เพื่อนผมครับ แล้วนั่นก็เจ้าของกระเป๋าที่คุณเอามาคืนครับ” ตำรวจคนเดิมพูดก่อนที่จะชี้ไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของผม ที่ใส่สูทแล้วก็กำลังมามองมาที่ผมด้วยสายตาแปลกๆเหมือนกับที่นายตำรวจคนนั้นเคยมอง

  “คุณคงเป็นคนที่เก็บกระเป๋าผมมาใช่ไหมครับ”
  “ครับ”
  “ขอบคุณมานะครับ รบกวนคุณช่วยไปทานข้าวกับผมสักมื้อเพื่อเป็นการตอบ”
  “ไม่ครับ”
  “อะ...อะไรนะครับ”
  “ผมบอกว่าไม่ครับ  แล้วผมต้องเขียนตรงไหนบ้างครับ”
  “เอ่อ... เขียนชื่อจริงแล้วก็นามสกุลตรงนี้ครับ”
  “ครับ” ผมเขียนชื่อและนามสกุลตัวเองลงไป “เสร็จแล้วผมไปก่อนนะครับ”
  “เดี๋ยวครับ”
  “มีอะไรนักหนาคุณตำรวจ แค่เอาของมาคืนนะครับ ไม่ได้ไปปล้นร้านทอง วุ่นวายจังเลย” ผมเบื่อไอ้ห้องสี่เหลี่ยมนี่จะตายอยู่แล้ว และผมก็อึดอัดสายตาคนพวกนี้จนจะบ้าตายแล้ว
  “ขอโทษที่ทำให้คุณอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับเจ้าของนามสกุลหรอครับ”
  “มีอะไรหรอมึง นามสกุลคนน่ารักเป็นไรหรอ”  หือ คนน่ารักมองจ้องไปที่คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของกระเป๋า “อุ้ย แหะ”
  “ก็นามสกุลนี้มัน”
  “ไหนขอพวกกูดูหน่อย” แล้วคนที่เหลือก็เข้าไปดูแฟ้มที่ผมพึ่งจะเขียนเสร็จ จะอะไรกันนักหนากับอีแค่นามสกุล
  “เฮ้ย/เฮ้ย/เฮ้ย” เสียงของสามคนร้องออกมาพร้อมกัน
  “พ่อ”
  “อะไรนะ” นายคนที่ใส่เสื้อกราวน์หันมามองผมก่อนจะให้ผมทวนคำตอบอีกรอบ
  “ก็บอกว่าพ่อ”
  “คุณเป็นลูกคุณอนันต์หรอครับ”
  “ครับ เลิกมองผมแบบนั้นสักที ผมลาเลยแล้วกันครับ”  ผมรีบเดินออกจากที่นั่นหลังจากที่พูดจบกับแค่นามสกุลผู้ส่งออกเพชรรายใหญ่ของประเทศจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา

        หลังจากที่ผมกลับมาจากโรงพักผมก็เข้ามาที่บ้านและเข้าไปในห้องทำงาน เฮ้อวันนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ผมหาอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาตุนเวลาขี้เกียดทำอาหารกิน แกะห่อแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อรอเวลาอาหารเสร็จ ผมใช้เวลาในการแช่ตัวอยู่พอสมควร ความร้อนจากแสงแดดไหนจะความวุ่นวายที่ต้องเจอทำให้ผมต้องแช่น้ำเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยต่างๆ ผมออกมาเพื่อที่จะหยิบมื้อเย็นของวันนี้กินแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

  “ครับ”
  “นี่โซฟา คุณลืมรึยังว่าวันนี้เรามีนัดกันนะ”
  “นัดอะไรครับ หัวหน้า”
  “ผมว่าแล้วว่าคุณต้องลืม ก็พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวผับเปิดใหม่กันนะ คุณห้ามปฏิเสธเพราะคุณรับปากพวกเราไว้แล้ว รีบมาล่ะ”
  “หรอครับ ทำไมผมจำไม่ได้เลย”
  “คุณเคยจำอะไรได้บ้าง”
  “อ่าครับ เดี๋ยวผมรีบไป ประมาณ3ทุ่มเจอกันครับ”
  “ดีมากงั้นรีบมานะ”
  “ครับ” หลังจากนั้นผมก็วางสายแล้วไปกินอาหารที่อุ่นก่อนจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างที่รอเวลาออกไปผับ
     หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เวลา วันนี้ผมออกจากห้องด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวสบายๆกับกางเกงยีนขาเดฟสีดำสนิทกับรองเท้าผ้าใบสีฟ้าคู่โปรด จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนตอนกลางคืนมานานแล้ว เอารถไปเองดีกว่า กลางคืนอันตราย
   ผมขับรถมาได้สักพักก็ถึงที่หมายที่ทางเข้าผู้คนเดินกันไปทั่ว หลากหลายชนชาติ ทำไมคนเราถึงชอบที่ที่คนเยอะๆกันนะ วุ่นวายจะตายชัก ผมเดินเข้าไปภายใน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มและเสียงพูดคุยเอะอะโวยวายบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ผมชักอยากออกจากที่นี่ทันที ผมแพ้แอลกอฮอล์ทุกชนิด แค่ได้กลิ่นก็พะอืดพะอมแล้ว

  “ทางนี่โซฟา”  หัวหน้ากวักมือเรียกผมทันทีที่เห็นหน้าผม ภายในวงมีแต่คนของสำนักพิมพ์หลายคน ออกมาปลดปล่อยกันบ้างจะได้ไม่เบื่อหน่ายชีวิต
  “น้องโซฟาจ้ะ กินอะไรไหมจ้ะ”
  “ไม่ดีกว่าครับ”ผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆนั่งดูคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆหลายคนลุกออกไปวาดลวดลายกลางฟอร์แสงสีมากมายทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าเริ่มเบลอ ไปห้องน้ำสักพักดีกว่า หรือว่าจะกลับเลยดีงั้นไปห้องน้ำก่อนกลับดีกว่า
  “หัวหน้าครับ ผมว่าผมกลับก่อนนะครับ นี่ก็ใกล้จะตี 1 แล้วด้วย”
  “ออ ได้สิ ขอบใจที่มานะโซฟา”
  “ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ”
  “อืม นายด้วยไอ้ลูกชาย” ผมสนิทกับบอกอมากเพราะเค้าเป็นคนที่เป็นกันเองจนทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
  “ครับ” ผมเดินแยกออกมาทางห้องน้ำ
  “ขอโทษนะค่ะ พอดีห้องน้ำชั้นนี้เสีย รบกวนขึ้นไปใช้ทางชั้น 2 ก่อนนะค่ะ”
  “อ่า...ครับ” ผมหันหลังเดินกลับมาทางเก่าก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปทางข้างบน บนนี้ค่อนข้างเงียบกว่าชั้นล่างเล็กน้อย บนนี้มีโต๊ะอยู่ไม่กี่โต๊ะ สวนมากจะนั่งกินกันแบบเงียบๆมากกว่า ผมเดินผ่านมาทางโต๊ะที่มีคนหน้าคุ้นๆนั่งอยู่
  “ทำไมมันคุ้นๆจัง สงสัยจำผิด ช่างเหอะ ง่วงแล้วด้วย” ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำชาย ผมจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ก่อนที่จะออกมาล้างหน้า เฮ้อ สดชื่นขึ้นมาหน่อย ผมเดินออกมาทางเก่าก่อนที่จะเจอกับกลุ่มเดิมที่ตอนนี้หันมามองทางผมทั้งโต๊ะ เค้าอาจจะมองคนอื่นก็ได้ คิดมากเรา
  “นาย...นายคนที่น่ารักอะ”ผมพยายามไม่สนใจเสียงที่ดังขึ้นมาลอยๆจะว่าไปผมก็ไม่ได้น่ารักนะแต่ผมหล่อ ฮ่าๆๆ
  “เดี๋ยวก่อนครับ”ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากโต๊ะนั้นแล้วเอาแขนมาขวางทางเดินของผม จะว่าไปหมอนี่หน้าคุ้นๆจัง
  “มีอะไรหรอครับ”
  “รบกวนเวลามานั่งคุยกันก่อนสักครู่ได้ไหมครับ”
  “คงไม่ได้ครับ ผมรีบ และเราก็ไม่รู้จักกัน”
  “จะว่าไปเราไม่รู้จักกันมันก็จริงนะครับแต่เราเคยเจอกันมาก่อนแน่ๆครับ เมื่อตอนเย็นไงครับ”
  “ผมไปเจอคุณตอนไหน ไม่เห็นจำได้”
  “เฮ้อ งั้นคุณตามมาทางนี้ก่อนครับ”
  “อืมๆ” เพราะความสงสัยของผมเลยยอมที่จะเดินตามหมอนั่นไปที่โต๊ะนั้น เมื่อผมเดินไปจนถึงโต๊ะนั้นทุกคนต่างขยับให้ผมนั่งตรงกลางก่อนที่จะเข้ามาล้อมผมไว้
  “เออ...คือว่า” ผมมองไปที่หน้าหมอนั่นก่อนจะนึก อ๋อ ตำรวจคนนั้น
  “คุณใช่ตำรวจเมื่อตอนเย็นรึเปล่าครับ”
  “ใช่ครับ ดีใจจังที่คุณยังจำผมได้”  หมอนั่นยิ้มทันทีที่ผมพูดจบ มันน่าดีใจตรงไหน
  “พอคุณใส่ชุดธรรมดาแล้วเปลี่ยนไปนะครับ”
  “ครับ”
  “ว่าแต่คุณคือ...” ผมหันไปถามคนที่เดินไปเรียกผม
  “ผมคือเจ้าของกระเป๋าครับ”
  “อ๋อ ครับ”
  “ผมขอถามชื่อเล่นคุณได้ไหมครับ”
  “อ่า...ได้ครับผมชื่อ อึก” ก่อนที่ผมจะพูดจบกลิ่นของแอลกอฮอล์ก็ลอยเข้ามาใกล้ๆผมก่อน “ขอโทษนะครับ ช่วยเอาแอลกอฮอล์ไปห่างๆผมได้ไหมครับ”
  “อ่าว คุณเป็นอะไรมารึเปล่าครับ ผมเป็นหมอบอกผมได้นะ”
  “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่ถูกกับเจ้าพวกนั้นเท่าไหร่”
  “อ่าครับ ว่าแต่คุณชื่อ”
  “อ๋อ ผมชื่อโซฟาครับ เป็นนักเขียน พวกคุณห้ามบอกใครนะครับว่าผมเป็นใคร”
  “ได้ครับ ผมเป็นตำรวจคุณคงจะรู้แล้ว ผมชื่อโดนัลครับ เรียกสั้นๆว่านัลครับ”
  “ครับ”
  “ส่วนผมเป็นหมอ ชื่อเลนโวเรียกว่าเลนก็ได้ครับ”
  “อ่า...ครับ”
  “ผมชื่อไลฟ์ลี่ครับเรียกว่าไลฟ์ก็ได้เป็นทนายว่าความทั่วไปครับ”
  “ครับ”
  “ผมชื่อดีเลย์เรียกว่าเลย์ก็ได้ครับ เป็นเจ้าของสายการบินครับ”
  “อ่า...ครับ”
  “ผมเป็นเจ้าของที่นี่ชื่อบาร์เทนครับ จะว่าไปคุณน่ารักจริงๆนั่นแหละ”
  “ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชายเกรงว่าคำว่าน่ารักมันคงไม่เหมาะ”
  “แต่คุณน่ารักจริงๆนี่ครับ”
  “ถ้าคุณยังจะพูดแบบนั้นต่อก็เรื่องของคุณ ผมขอตัว”
  “เดี๋ยวสิครับ เราพึ่งคุยกับนิดเดียวเองจะรีบกลับไปไหน”
  “ขอโทษนะครับ ผมมีงานมีการทำพรุ่งนี้ คงจะขอเสียมารยาทกลับก่อนนะครับ”
  “โห แรงซะด้วย”
  “คุณว่าไงนะ”
  “ผมบอกว่าคุณปากดีจริงๆด้วย อย่างนี้น่าลอง”
  “ขอโทษนะครับ ผมอยากทราบว่าคุณทำงานอะไรนะครับคุณบาร์เทน”
  “เป็นเจ้าของธุรกิจครับ ทำไมหรอครับ รึว่าสนใจผม”
  “เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากจะรู้ว่านักธุรกิจส่วนมาเค้าพูดจากับคนที่พึ่งรู้จักกันแบบนี้หรอครับไม่น่าเชื่อนะครับ”
  “คุณต้องการบอกอะไรกันแน่”
  “คุณอายุเท่าไหร่กันครับคุณบาร์เทน”
  “26 ทำไม”
  “อายุขนาดนี่น่าจะรู้เรื่องด้วยตัวเองได้แล้วนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วผมก็เดินออกจากผับเพื่อกลับคอนโดยที่ผมไม่สนใจสายตาทั้ง 10 คู่ที่จ้องมาที่ผมจนลับสายตา
     # Perfaceman #
        หลังจากที่โซฟาเดินออกไปพวกผมก็หันกลับมาคุยกันต่อตามจริงพวกผมเห็นตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในผับแล้วแต่ไม่อยากเข้าไปกวนเวลาส่วนตัว จนในที่สุดก็ถึงเวลาของพวกผม
  “เจ็บไหมมึง ไปว่าเขาดีนัก”
  “ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งอยากลอง”
  “มึงพูดผิดพูดใหม่ได้นะโว้ย คนนี้กูเจอก่อน ของกูโว้ย”
  “อย่ามาทำเป็นหวงไอ้นัล เพื่อนกันแฟร์ๆสิวะ”
  “ใช่”
  “นี่พวกมึงชอบคนน่ารักหรอวะ”
  “เค้าชื่อโซฟา”
  “นั่นแหละ”
  “เออ...กูชอบ”
  “กูก็ชอบ”
  “กูด้วย”
  “อืม”
  “สัส พวกมึง”
  “ห่าไรวะ ใครจีบติดก็ได้สิวะ”
  “แต่กูไม่สน กูจะเอา”
  “พวกมึง กูเคยได้ยิน พวกนักเขียนนิยายชอบคิดอะไรแปลกๆ”
  “ยังไงไอ้หมอ”
  “ก็ถ้าเกิดพวกเราเดินเข้าไปบอกว่าชอบแล้วให้เลือก”
  “ก็เลือกไง”
  “แล้วถ้าเกิดเค้าไม่เลือกล่ะ”
  “กูก็ยังไม่เข้าใจ”
  “ไอ้ทนาย ทำไมมึงโง่ กูหมายถึงถ้าเค้าไม่เลือกแต่คบหมดไง”
  “มึงจะว่าโซฟาหลายใจหรอ”
  “ไม่ใช่ แต่กูว่าเค้าน่าจะมีเหตุผลอื่น”
  “งั้นเราก็ไปบอกน้องกันพรุ่งนี้เป็นไง แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอาไงต่อ”
  “แล้วถ้าสมมติว่าโซฟาเลือกทั้งหมดจะทำไง”
  “ก็ไม่ยาก ยังไงเราก็เพื่อนกันคบพร้อมกันหมดนี่แหละ”
  “มึงคิดง่ายเกินไอ้เทน”
  “รึมึงจะถอนตัว”
  “ไม่เอา”
  “งั้นตามนั้นมีใครจะคัดค้านไหม”
  “ไม่”
  “งั้นปิดศาล”
  “ศาลบ้านมึงสิ ไปๆกลับบ้านได้แล้ว”
  “โชคดีเว้ย เจอกันพรุ่งนี้บ้านน้องโซฟา”
  “เออได้ๆ” แล้วหลังจากนั้นหนุ่มๆก็พากันกลับไปยังที่พักของตนเองหลังจากที่บาร์เทนสืบประวัติของโซฟามาให้ พรุ่งนี้พวกเค้าคงจะต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายอีกแน่นอน

     # โซฟา #
     ฮัดเช้ย ใครนินทาเรารึเปล่า นอนต่อดีกว่า พรุ่งนี้รู้สึกไม่ค่อยดีด้วยสิ อยู่บ้านปั่นนิยายเรื่องใหม่ดีกว่า


Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 02-12-2015 22:35:47
รอค่า
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 03-12-2015 06:30:25
ว้าวๆๆๆๆๆ น่าติดตามมากๆๆ
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-12-2015 06:55:41
เอ้ารอกันยาวๆเลยจ้า
นิยายเรื่องใหม่ของโซฟา ลองเขียนแบบ6P ดูไหมจ๊ะ
หมั่นไส้ชื่อแต่ละคนจริงๆ แถมรวยเว่อร์อีกตะหาก
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 03-12-2015 08:28:45
จัดการพวกมันเลยน้องโซ!!!!เห็นแล้วหมั่นไส้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 03-12-2015 08:47:17
รอค่ะรอโซฟาสู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 03-12-2015 21:58:16
บทที่2
     วันนี้ผมตื่นเช้าแบบทุกวันเลยมีเวลาเหลือที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านที่ผมมาอยู่จะมีพระท่านมาเดินบิณฑบาตรอยู่เสมอ ผมเป็นคนที่อยู่กับแม่นมด้วยมั้งท่านชอบสอนให้ผมตักบาตรตอนเช้าผมเลยติดเป็นนิสัยพอย้ายมาอยู่คนเดียวแบบนี้ผมเลยต้องตื่นเช้ามาตักบาตร จะว่าไปพอผมกลับไปบ้านใหญ่ทีไรแม่นมก็จะชวนผมตักทุกทีเมื่อไหร่จะได้กลับไปตักกับท่านอีกนะ พ่อแม่ก็ไม่ค่อยจะกลับมา อีกเป็นเดือนกว่าท่านจะกลับมา ผมจะกลับบ้านช่วงที่พวกท่านกลับมาเพราะจะได้เรียกว่าบ้านได้เต็มปาก
ผมปั่นจักรยานมาเรื่อยๆสวนกับรถหรู 2 คันที่ไม่ค่อยได้เห็นแถวนี้ซักเท่าไหร่ มาหาใครกันนะ จะว่าไปไม่ใช่เรื่องของเรานี่หนา ไปตักบาตรดีกว่า ผมรีบปั่นไปที่หน้าปากซอยไปถึงพระท่านก็มาพอดีเกือบไม่ทัน หลังจากที่ผมตักบาตรเสร็จก็ปั่นคุยเล่นกับพวกป้าๆที่ออกมาตักบาตกันตามปกติทุกวัน จนมาถึงหน้าบ้าน บ้านของผมเป็นบ้าน 2 ชั้นข้างล่างเป็นห้องรับแขกกับห้องครัวและมีห้องน้ำด้านล่าง 1 ห้องส่วนด้านบนจะมีห้องนอน 2 ห้องห้องน้ำ 1 ห้อง แต่ผมใช้แค่ห้องเดียวอีกห้องผมเอาไว้สำหรับรับแขกเวลาที่มีเพื่อนมาหาหรือพี่ที่ทำงานมาหาแต่โดยส่วนมากจะไม่มีใครมาหรอก ออกทะเลมาไกลกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันกัน รถหรูที่ผมเห็นตอนที่สวนกันตอนนี้พวกมันมาจอดที่หน้าบ้านของผมแต่ในรถกลับไม่มีคน ผมหันไปมองในบ้านก่อนไปผมว่าผมล็อกดีแล้วนะ มันเปิดได้ไง รึว่าคนพวกนี้เป็นขโมย

   “นี่พวกนายเป็นใครกัน มาเข้าบ้านคนอื่นได้ยังไง” คนแปลกหน้าทั้ง 5 หันมามองที่ผมก่อนที่จะรีบหันกลับไปทางอื่น อะไรกันมาเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตยังจะมาเมินเจ้าของบ้านอีกหรอ  “มันจะมากไปแล้วนะ ผมถามไม่ได้ยินหรอไง ว่าพวกคุณเป็นใครกัน”
   “ได้ยินแล้วครับแต่.... เออ” นายคนที่ยืนใกล้ผมที่สุดหันกลับมาตอบแต่ก็ทำท่าทางน่าสงสัย
   “ผมว่าคุณไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมครับ” นายคนที่มีคนชุดดำมาด้วยหันมาบอกผมก่อนที่จะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจ
   “ชุดผม” พอมองตัวเองแล้วถึงเข้าใจเพราะชุดที่ผมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีฟ้าอ่อนกับกางเกงยาวเท่าเข่าสีดำพอดีตัวและยิ่งกว่านั้นผมยังลืมถอดแว่นด้วย แต่จะว่าไปมันไม่สุภาพหรอ “ตามจริงชุดผมไม่เกี่ยวอะไรกับการที่พวกคุณมาเข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาตเลยนะครับ”
   “ผมเตือนคุณแล้วนะ”
   “ผมใส่ชุดอยู่บ้านของผมแล้วมันผิดตรงไหนครับ”
   “ผิดตรงที่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่อยู่ตรงนี้แต่ยังมีพวกเรา ซึ่งมันไม่ดีแน่ถ้าคุณจะมายืนยั่วแบบนี้”
   “จะบ้าหรอไง ผมยั่วพวกคุณตอนไหน”
   “กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ชายคนที่เตือนเรื่องชุดหันไปบอกพวกที่เหลือก่อนที่จะเตรียมกระโจนมาทางผมแต่ชายชุดดำข้างหลังจับตัวไว้ก่อน
   “เหวอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน งั้นพวกคุณรออยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหนผมจะลงมาใหม่” ผมรีบชิ่งออกมาจากห้องด้านล่างขึ้นมาที่ห้องนอนแล้วล็อคประตูทันที น่ากลัวมากเลย ผมพอรู้มานะว่าการที่ผมใส่แว่นมันจะ เอิ่ม นั่นแหละช่างมันเถอะ ผมถอดแว่นออกก่อนที่จะเปลี่ยนไปใส่คอนเทคเลนส์แทน แล้วใส่เสื้อเชิ้ตที่พอดีตัวสีขาวกับกางเกงยีนเดฟสีดำที่พอดีตัว อย่างนี้คงไม่ต้องเปลี่ยนอีกรอบนะ หลังจากที่ผมจัดการกับตัวเองเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างจะว่าไปคนพวกนั้นก็หน้าคุ้นๆนะเหมือนเคยเจอที่ไหน

   “มาแล้วครับ”
   “ต่อไปอย่าใส่ชุดแบบนั้นออกไปไหนมาไหนอีกนะ” เจ้าหมอนี่ยังไม่จบกับชุดผมอีกหรอเนี่ย หมอนี่หน้าคุ้นเหมือนกับ ใช่แล้ว
   “ถ้าผมจำไม่ผิด คุณคงเป็นคนปากเสียเมื่อคืนสินะ”
   “หืม” เสียงครางรับในลำคอของคนอื่นๆที่ดูจะแปลกใจ
   “นายว่าฉันปากเสียหรอ”
   “ก็คุณปากเสียจริงๆนี่ครับ”
   “เรื่องเมื่อคืนผมยังไม่ได้เคลียร์เลยนะยังจะมาว่าผมอีก”
   “นิสัยเด็กชะมัด”
   “นี่นาย”
   “พอเถอะทั้งคู่แหละ คือที่พวกเรามาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะมาบอกกับคุณ” นายคนที่ อืม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นทนายส่วนชื่อลืม
   “ขอโทษนะครับคุณทนาย แต่ผมรู้สึกว่าพวกคุณกำลังบุกรุกบ้านผมนะ”
   “ดีใจจังที่จำผมได้แต่ผมมีชื่อนะครับเรียกชื่อผมก็ได้”
   “ขอโทษครับ ผมจำไม่ได้”
   “อ่าว” สีหน้าของนายนั่นตลกจัง
   “ว่าแต่พวกคุณมีเรื่องอะไรล่ะครับ” ผมถามพร้อมกับเดินไปนั่งบนโซฟาที่ว่างตรงข้ามกับพวกเขาที่ต่างจับจองที่นั่งกันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
   “คือพวกเราชอบคุณ”
   “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย...หา พวกคุณว่าอะไรนะ” พระเจ้ากำลังแกล้งผมใช่ไหม หรือว่าผมจะฟังผิดพวกนี่อาจจะชอบผลงานของผมก็ได้
   “พวกเราชอบคุณ”
   “มันไม่ตลกเลยนะคุณหมอ เรื่องแบบนี้ใครให้มาพูดเล่นกัน”
   “พวกผมไม่เคยเอาเรื่องความรู้สึกมาล้อเล่นกันนะครับ” สีหน้าของแต่ละคนจริงจังจนผมเริ่มกลัว
   “พวกคุณจะบ้าหรอ ผมเป็นผู้ชายแล้วพวกคุณก็ยังเป็นผู้ชายด้วย ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจเพราะสมัยนี้อะไรมันก็เปิดหมดแล้วแต่ที่ผมไม่เข้าใจคือคุณใช้คำว่าพวกผม นั่นหมายถึงอะไรครับ”
   “ก็ความหมายตรงตัวครับ พวกผมก็คือพวกผมทุกคน”
   “เพื่อนผมทุกคนมีอาชีพที่แน่นอน หมอนั่นตำรวจ นู่นหมอ นี่ทนาย นั่นเจ้าของสายการบินและผมเป็นมาเฟีย”
   “คุณต้องการจะบอกอะไรผม”
   “ก็ตามนั้น ทุกคนมีหน้าที่การงานที่มั่นคง คุณไม่ต้องกังวลว่าจะลำบากและทุกคนโตพอที่จะรู้ว่าเรื่องไหนควรไม่ควรที่จะตัดสินใจทำและสุดท้ายอย่างที่บอกผมเป็นมาเฟียผมมีอำนาจมีเงินทองมีชื่อเสียงและผมมักจะไม่เคยพลาดถ้าอยากจะได้อะไร”
   “คุณกำลังขู่ผม”
   “ผมเปล่า ผมยอมรับว่าผมเป็นคนอาแต่ใจ แต่เพราะแบบนี้ผมเลยสนใจคุณ”
   “ยังไง”
   “เพราะคุณไม่เคยตามใจผมแม่กระทั่งคำพูด”
   “โรคจิต”
   “นี่ไง ไม่เคยมีใครมาว่าผมแล้วรอดกลับไปได้เลยนะ”
   “ผมควรดีใจไหมครับ” ให้ตายเถอะ นิสัยเด็กจริงๆนั่นแหละหมอนี่โตมายังไงนะ
   “ใช่คุณควรดีใจ”
   “ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นมาเฟียที่ไหนนิสัยเด็กอย่างคุณมาก่อนเลย”
   “พูดเหมือนคุณรู้จักพวกมาเฟียดีอย่างนั้นแหละครับ”
   “นี่คุณดีเลย์ ผมชักจะสงสัยแล้วนะว่าพวกคุณก็สืบหาข้อมูลของผมได้ขนาดรู้ที่ตั้งของบ้านผมแต่กลับไม่รู้ว่าผมใช้ชีวิตแบบไหน” ผมหันกลับไปพูดกับเจ้าของสายการบิน

     ครืด ครืด ครืด
     เสียงโทรศัพท์ที่ผมตั้งสั่นเอาไว้ดังขึ้นขัดกรพูดคุย ใครกล้าโทรมาขัด
 
   “พวกคุณเงียบนะห้ามส่งเสียเชียว” ผมรีบห้ามพวกที่อยู่ในห้องหลังจากที่รู้ว่าใครโทรมา
   “ว่าไง ริเลียม”
   /ฉันคิดถึงแกมากเลยนะโซฟา/
   “คิดถึงก็มาหาสิ พาเจ้าอัลโตมาด้วยนะ”
   /งั้นอีกสองสามวันพวกฉันจะไปนะ มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย/
   “เอางั้นก็ได้ รีบมานะคิดถึงพวกเธอจัง”
   /แหมๆงั้นแค่นี้นะ/
   “ครับๆ” หลังจากที่วางสายเสร็จผมก็ต้องถอนหายใจเสียงดัง นานแล้วที่ไม่ได้เจอเลยจะเป็นยังไงกันบ้างนะ
   “คุยกับสาวต่อหน้าพวกเรา ใจร้ายจริงๆ”
   “ถ้าสาวที่คุณว่าเขาโสดมันคงจะดีมากครับคุณตำรวจ”
   “อ่าว ทำไมล่ะครับ”
   “เฮ้อ ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่เรื่องที่คุยค้างเอาไว้ ถึงไหนแล้วครับ”
   “คุณยังไม่ได้บอกพวกผมเลยว่าคุณตกลงหรือเปล่า”
   “ตกลงอะไรครับ”
   “ก็พวกเราชอบคุณ คุณจะยอมให้จีบไหมครับ”
   “ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะครับ”
   “สำหรับคนอื่นผมไม่สนว่าคุณจะว่ายังไงแต่สำหรับผม ผมไม่ยอมผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้”
   “เหตุผลละครับ”
   “เพราะผมเป็นมาเฟีย”
   “เด็กสุดๆ”
   “ฮึ่ย งั้นผมขอตัว แต่บอกไว้ก่อนนะระวังตัวไว้ให้ดี ผมอยากได้คุณผมก็จะเอา” แล้วหมอนั่นก็เดินจากไปแบบที่คิดว่าเท่ห์
   “หมอนี่สุดๆ เด็กกว่านี้ยังมีอีกไหม”
   “ปกติหมอนั่นไม่ค่อยมาพูดคุยกับใครแบบนี้หรอกนะครับ”
   “จะบอกว่าผมแตกต่างจากคนอื่น”
   “คงจะเป็นอย่างนั้น”
   “เฮ้อ แล้วพวกคุณล่ะ จะเอาไงถ้าผมปฏิเสธ”
   “ก็คงอยู่ที่การตัดสินใจของคุณนั่นแหละครับ”
   “ถ้าผมบอกว่าไม่พวกคุณก็จะเลิกวุ่นวายกับผมใช่ปะ” พวกนี้คุยกันง่ายกว่าที่คิดแฮะ
   “ใช่ครับถ้าคุณบอกว่าไม่ให้เราจีบ พวกเราก็จะไม่จีบคุณ”
   “พวกนายนี่คุยง่ายดีนะ”
   “ใช่ครับพวกเราจะไม่จีบคุณ แต่พวกเราจะถือว่าคุณยอมเป็นแฟนพวกเราแล้วกันนะครับ”
   “ห้ะ” เจ้าพวกนี้โตกันแล้วจริงๆใช่ไหม มัดมือชกแบบนี้ พอพูดเสร็จก็พากันกลับไป ให้ตายเถอะชีวิตของผมจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกไหมเนี่ย ว่าแต่วันนี้เรามีนัดอะไรรึเปล่า มันคุ้นๆ ใช่สิลืมไปเลยว่าจะปั่นนิยาย หลังจากนั้นผมก็พาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวโดยลืมเรื่องที่เคยคุยกับเจ้าพวกนั่นไปเลย

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: leejane ที่ 03-12-2015 23:33:12
จำนวน P ทำตาโต
-..-
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 04-12-2015 12:13:38
ปวดหัวแทนโซฟาเลย
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 04-12-2015 21:01:44
บทที่3
        หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปสามวันตอนนี้ผมคิดแอบหนีกลับมาที่บ้านใหญ่เพื่อหลบภัยแต่สิ่งที่ผมคิดผิดคือเจ้าพวกนั้นมันเอาจริงและแน่นอนแค่ผมก้าวขาออกจากบ้านชายชุดดำที่อยู่หน้าบ้านก็ตามทันทีการหนีกลับบ้านจึงต้องพับเก็บไว้ก่อน ให้ตายเถอะอยู่มาตั้งหลายปีแฟนก็ไม่เคยมีแต่พอบทจะมีดันมาพร้อมกันอีกแต่ที่เซ็งที่สุดดันเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกเนี่ย เรื่องนี้ผมปรึกษากับอัลโตแล้วก็ลิเลียมแล้วสองคนนั้นบอกว่าจะลองสืบประวัติให้แล้วก็ช่วยดูอีกที จะว่าไปนี่ก็ใกล้ถึงเวลานัดของสองคนนั้นแล้ว ผมเดินออกมาจากบ้านแล้วเตรียมรถออกไปรับเจ้าเพื่อสนิทสองคนที่นัดกันไว้วันที่เจ้าพวกนั้นมานั่นแหละ ทันทีที่ผมถอยรถออกมาโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นทันที

   “ครับ”
   “นายจะไปไหน”
   “นั่นใครครับ”
   “นี่นายจำแฟนตัวเองไม่ได้หรอ”
   “ขอโทษนะครับ คุณโทรผิดเบอร์รึเปล่า ผมไม่มีแฟน”
   “โซฟา นายอย่ามากวน ถ้าจะไปไหนเอาคนของฉันไปด้วย”
   “อ๋อ นายเจ้าของผับปากเสียคนนั้นเอง ผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม ถ้าจะตามก็ตามเอง แค่นี้นะผมรีบ”
   “เดี๋ยว”ผมตัดสายโดยไม่ฟังเสียงใครอีกและปิดเครื่องทันที
     วุ่นวายจังผมรีบออกรถและขับวนไปวนมาจนสลัดพวกนั้นหลุด แต่จะว่าไปไม่นานหรอกเดี๋ยวก็ตามเจอ ขับรถมาได้ไม่นานผมก็มาถึงที่สนามบิน ตอนนี้ใกล้เวลาแล้วผมเดินไปรอที่ทางออกของผู้โดยสาร รอไม่นานก็เห็นยัยลิเลียมแล้วก็อัลโตและที่เด่นคงจะเป็นเจ้าการ์ดชุดดำที่เดินตามออกมาอีกกลุ่ม คนของอัลโตอีกนั่นแหละ เอ๊ะผมยังไม่ได้บอกพวกคุณหรอก็เจ้าอัลโตมันเป็นทายาทที่ต้อนนี้กำลังจะเข้ารับตำแหน่งเป็นบอสมาเฟียของอิตาลี จะว่าไปถ้าพูดถึงอัลโตใครๆก็ต่างพากันกลัวความเงียบและเย็นชา แต่สำหรับผมที่เป็นเพื่อนสนิทแล้วก็ลิเลียมที่แต่ก่อนเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ตอนนี้เป็นว่าที่ภรรยาแล้วถือว่าเจ้าอัลโตเป็นบุคคลที่กวนอวัยวะเบื้องล่างมากที่สุด
     การที่หมอนั่นนิ่งก็เฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั่นแต่ถ้าอยู่กันแค่คนคุ้นเคยละก็เจ้าหมอนี่จะกัดจนต้องถวายอวัยวะเบื้องล่างตอบแทนทันที ถามว่าทำไมผมไม่กลัวอำนาจนั่นหรอก็ตอนที่เรียนกันอยู่ที่เมืองนอกเจ้าอัลโตมันเป็นเบ๊ของผมไงและผมก็ทำให้มันกับลิเลียมคู่กันมาถึงทุกวันนี้มันเลยกลายเป็นว่าผมสั่งอะไร บอสมาเฟียคนนี้จะต้องทำตามมิเช่นนั้นมันจะอกหักทันที ส่วนลิเลียมเธอเคยโดนแกล้งและผมก็เป็นเพื่อนที่ดีที่เข้าไปช่วยเธอและสนิทกันมากผมพูดอะไรเธอจะต้องทำอย่างไม่ขัดและถ้าผมสั่งให้เธอเลิกเธอก็ต้องยอม แต่ผมไม่เคยทำแบบนั้นนะเพราะเรื่องนี้ผมเอาไว้ขู่เจ้าอัลโตเท่านั้น ฮ่าๆๆ

      หมับ ฟอด ฟอด

     ร่างของผมเซไปด้านหลังนิดหน่อยเนื่องจากแรงกอดที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวดี ก็คุณเธอเล่นกระโดดมาได้ตัวก็ไม่ได้ต่างกันมาก

   “คิดถึงโซฟามากเลย เรารอเวลามาหาโซฟาตลอดเลย”
   “เราก็คิดถึงลิเลียมกับอัลโตเหมือนกันว่าแต่ อัลโต นายจะเอาเจ้าพวกนั้นมาทำไมเยอะแยะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
   “ก็นิดหน่อย ไปบ้านนายก่อนจะบอก”
   “ตลอด ได้งั้นเรากลับบ้านกันแล้วเย็นนี้จัดปาร์ตี้กันที่บ้านนะ อ๊ะ” ผมเสียการทรงตัวทันทีเนื่องจากมีแรงกระชากย้ำว่ากระชากจริงๆ ทำให้ผมเซไปข้างหลังทันทีและตกไปในอ้อมกอดของใครสักคน
   “โซฟาทำไมคุณทำกับพวกผมแบบนี้ ไหนบอกว่าเป็นแฟนเราทำไมต้องไปกอดกับผู้หญิงคนอื่นด้วย”
   “เดี๋ยวนะพวกนายเป็นใครมากอดเพื่อนฉันทำไม”
   “คุณนั่นแหละเป็นใครมากอดแฟนพวกผมทำไม” คราวนี่เสียงมาจากด้านหลัง อย่าบอกนะว่า
   “ห้ะ แฟน โซฟาคนพวกนี้หรอที่นายบอกให้ฉันกับอัลโตช่วย”
   “อืม” ผมรีบพยักหน้าและพยายามพาตัวเองออกจากอ้อมกอดที่น่าจะเป็นนายบาร์เทนปากเสียแน่นอน
   “ปล่อยหมอนั่นซะ” เสียงเย็นๆดังขึ้นตรงหน้าผม จริงสิเจ้าพวกนี้ไม่เห็นอัลโตกันหรอ
   “นายเป็นคะ” เสียงของบาร์เทนหายไป “อัลโต เบโตร ซีอัลวาร์ ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”
   “เป็นอะไรไอ้เทน” เสียงของนายทนายดังขึ้น แปลกนะผมจำได้ว่าเสียงใครเป็นใครแต่กับจำชื่อเจ้าพวกนี้ไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ
   “หมอนี่เป็นบอสมาเฟียจากอิตาลี” สีหน้าของเจ้าพวกนั่นต่างพากันอึ้งและตามมาด้วยความกังวล
   “ปล่อยได้แล้วมีอะไรไปคุยกันที่บ้าน ถ้าพวกคุณไม่อายก็เรื่องของคุณแต่ผมอาย” ผมรีบพูดและอาศัยช่วงที่หมอนั่นเผลอกระโดดไปหลบอยู่ข้างอัลโต
   “ไปเถอะ”
   “อืม” สิ้นเสียงผมเราก็พากันมาที่รถและผมก็รู้ทันทีว่าเจ้าพวกนี้รู้ได้ยังไงก็เพราะว่าสัญลักษณ์ที่รถตู้ที่เป็นสัญลักษณ์เดียวกับสายการบินที่เพื่อนสนิทผมนั่งมา ฝีมือนายดีเลย์ชัวร์เพราะหมอนั่นเป็นเจ้าของสายการบิน
      พวกเราใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงที่บ้านของผมตอนนี้ที่บ้านผมมีคนเดินวนอยู่รอบบ้านและต่างเป็นคนชุดดำทั้งนั้นทั้งของนายบาร์เทนและของอัลโต ส่วนภายในบ้านผมตอนนี้ก็มีสมาชิกจุอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมแล้ว 8 คนต่างจับจองโซฟากันเป็นที่เรียบร้อยและสุดท้ายผมก็จัดการหาน้ำาต้อนรับแขกตามหน้าที่เจ้าบ้านก็นั่งลงที่โซฟาเดี่ยวข้างลิเลียม

   “พวกนาย นี่ลิเลียมเพื่อนสนิทผมและก็เป็นแฟนของอัลโตแต่จะเป็นภรรยาไหมอันนี้ต้องดูอีกที”
   “ไอ้โซฟา อย่ามาเปลี่ยนคำพูดนะ แกยกลิเลียมให้ฉันแล้วนะโว้ย” เสียงอัลโตบ่นออกมาทันทีที่ผมพูดจบ แต่คงจะแปลกสำหรับเจ้าพวกนั้นก็เล่นพากันอ้าปากค้างกันไปแถบๆ
   “ฮ่าๆๆๆหลุดมาดแล้วเพื่อน” พูดจบอัลโตเหมือนจะนึกได้เลยกลบเกลื่อนด้วยการแผ่รังสีคุกคามทันที “ส่วนนี่อัลโตเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของผม พวกเราสามคนเป็นเพื่อนกันตอนที่เรียนลัดที่อังกฤษ”
   “ส่วนคนพวกนี่เริ่มจากเออ หมอนี่แล้วกัน อ่าหมอนี่เป็นมาเฟียที่ไทยแล้วก็มีธุรกิจเยอะแยะและเป็นเจ้าของผับที่ลิเลียมอยากไปด้วย ส่วนคนนี้หมอนี่เป็นเจ้าของสายการบินที่นายมากันนั่นแหละ และหมอนี่เป็นหมอหมอนั่นเป็นตำรวจและคนสุดท้ายหมอนั่นเป็นทนาย”
   “อ่าว ทำไมนายไม่บอกชื่อล่ะ”
   “แหะๆจำชื่อไม่ได้”
   “นายนี่ไม่เปลี่ยน ยังขี้ลืมเหมือนเดินนะ” เสียงของอัลโตทำให้ผมอายยิ่งกว่าเดิม ก็เยอะนี่จำไม่ได้ผิดตรงไหน
   “ไอ้เพื่อนเลวอย่ามาล้อนะ”
   “ฮ่าๆๆๆ” เสียงของลิเลียมทำพวกเราหยุดทะเลาะกันทันทีก็เธอเล่นหัวเราะไม่รักษาความสวยเลยทีเดียว
   “ว่าแต่ พวกนายเป็นอะไรกับโซฟา”
   “พวกเรามาจีบโซฟา”
   “พวกนาย ทั้งห้าคน”
   “อืม” เจ้าพวกนี้บ้ามาก กล้าพูดต่อหน้าคนอื่นอยู่ได้ว่าจะมาจีบ จิตปะเนี่ย
   “แล้วนายล่ะโซฟา ว่ายังไง”
   “ไม่รู้ หิว ไปหาของกินก่อนนะ” ชิ่งไว้ก่อนดีที่สุด
   “เราไปด้วย” และตามด้วยเสียงวิ่งของลิเลียมที่ตามมา
     ตอนนี้ผมกับลิเลียมกำลังทำอาหารเลี้ยงปาร์ตี้และดูเหมือนว่าเจ้าห้าคนนั้นจะยังอยู่เลี้ยงด้วย ผมปล่อยให้อัลโตเป็นคนรับหน้าแทนแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเจ้าพวกนั้นกลับเข้ากันได้ดีตอนแรกยังเห็นเกร็งกันอยู่เลยแต่นี่กลับคุยเล่นหัวกันแล้ว ให้ตายสิ

     เวลาล่วงมาถึงตอนเย็น และตอนนี้ปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากที่เจ้าพวกนั้นเริ่มสนิทกันกลายเป็นว่าเหล้ายิ่งสร้างความสัมผัสมากขึ้น และเพราะเจ้าพวกนั้นดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผมที่ตอนนี้ต้องระเห็จตัวเองกลับมานั่งที่โต๊ะที่ลิเลียมนั่งอยู่ก่อนแล้วผมกับลิเลียมต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ และจนตอนนี้ก็ได้เวลาแยกย้ายเจ้าพวกนั้นขอตัวกลับบ้านใครบ้านมันและสำหรับลิเลียมกับอัลโตสองคนนี้คงจะต้องค้างที่นี่เพราะผมยังไม่ได้ถามถึงสาเหตุที่หมอนั่นต้องเพิ่มการคุ้มครองเลย งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาแต่กับผมบุคคลที่ไม่ชอบให้งานเลี้ยงเลิกเพราะถ้าเลิกผมก็ต้องคอยมาเก็บกวาดไงครับ ไม่ต้องถามหาน้ำใจของสองเพื่อนซี้ของผมเพราะคุณท่านทั้งสองต่างพากันปิดประตูเข้าห้องนอนกันเรียบร้อย ด้วยเหตุผลว่าเดินทางมาเหนื่อย ให้ตายเถอะทีตอนกินไม่ยักจะเห็นบ่นว่าเหนื่อยวะ หลังจากจัดการบ้านเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง พรุ่งนี้ต้องรีบปั่นต้นฉบับอีกเพราะปล่อยไว้หลายวันแล้ว หลังจากบ่นเสร็จผมก็อาบน้ำแล้วก็เข้านอนเพื่อที่จะรีบตื่นมาเคลียร์งานค้าง ราตรีสวัสดิ์ครับ
Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 04-12-2015 21:09:48
บทที่4
        หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สดใสแต่คงจะไม่ใช่สำหรับผมเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่าแถมยังต้องตื่นมาตอนตีห้ากว่าๆเพราะเจ้าเพื่อนสนิทสุดใจขาดดิ้นของผมทั้งคู่มีอันต้องรีบกลับถิ่นกำเนิดเพราะว่าที่บ้านเกิดปัญหาใหญ่และผมก็ทราบสาเหตุที่อัลโตต้องพาคนมาเยอะเพราะอีกสองสัปดาห์เจ้าอัลโตเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของผมจะเข้าพิธีรับตำแหน่งแทนคุณพ่อสุดขรึมที่ชื่นชอบการต่อสู้ของมันและที่มันมาหาผมก่อนเพราะมันอาจจะไม่ค่อยว่างมาเจออีกและเรื่องที่ทำให้มันกับลิเลียมต้องรีบกลับก็เพราะฝั่งตรงข้ามลอบทำร้ายคนของมันช่วงที่ไม่อยู่ ให้ตายเถอะชีวิตหมอนี่ช่างน่าสงสารแต่ที่น่าสงสารคงเป็นผมที่ต้องถ่างตาตื่นมาส่งทั้งคู่และขากลับผมก็หวิดชนกับรถคันอื่นที่เป็นเพื่อนร่วมทางของผมมาตลอดกว่าจะเข้าบ้านเกือบไปเข้าเฝ้ายมบาลหลายรอบ และเพราะง่วงมากผมเลยเดินเข้าบ้านโดยไม่เอะใจบ้านที่ตอนแรกผมล๊อคไว้ก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนและทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยความง่วง แต่ก็มีอันต้องลืมตาเพราะเตียงของผมร้องได้ ผมรีบกระโดดหลบออกมาจากเตียงแต่คงได้แค่คิดเพราะสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นหมอนข้างดันพลิกตัวผมเข้าไปในอ้อมกอดแทน

   “ปล่อยนะ นายเป็นใครมาอยู่ในห้องผมได้ยังไง แล้วยังมีหน้ามาลวมลามผมอีกถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ก็เสียหายนะ” ผมรีบด่าและทั้งทุบทั้งตีก็ไม่สะเทือนเจ้าโรคจิตสักนิด
   “นายนี่นะ ถ้าไม่ใช่ฉันจะเป็นยังไง เข้าบ้านแต่ดันไม่มองอะไรเลย ซื่อได้โล่เลยวะ”
   “นายนี่เองเจ้าปากเสีย แล้วนายกล้าดียังไงมาเข้าบ้านคนอื่นกันห้ะ”
   “คนอื่นที่ไหน นี่บ้านว่าที่ภรรยาผม”
   “ใครเป็นว่าที่ภรรยานาย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วยจริงด้วย”
   “ถ้านายกล้าร้องก็เอาสิ”
   “ใครอยู่ข้างล่างช่วยด้วย โรคจิตมันกะ อุ๊บ” เสียงของผมหายเข้าไปในปากเพราะริมฝีปากที่คอยแต่จะกัดผมฉกลงมาปิดปากผมทันทีที่ผมคิดจะด่าเขามากไปกว่านี้ ถ้าจูบแบบปากแตะปากจะไม่ว่าเลยแต่หมอนี่ดันสอดลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมอีกแต่ที่ทำให้ผมหัวเสียที่สุดคงจะเป็นเพราะผมไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้แถมยังมีอารมณ์ร่วมอีก ให้ตายเถอะผมเคลิ้มไปกับรสจูบเจ้าปากเสียนี่หรอ และเหมือนหมอนั่นจะรู้ว่าอากาศของผมกำลังจะหมดเลยถอนปากออกไปแบบอ้อยอิ่ง แต่ยังมิวายกดเน้นย้ำลงมาอีกหลายครั้งจนผมต้องเบี่ยงหน้าหนีและรีบโกยอากาศเข้าปอดทันที
   “แฮกๆๆ นาย อึก นายกล้าดียังไงมาจูบผมเนี่ย” ทั้งโกรธทั้งเขินทั้งอายจนตอนนี้ผมยังไม่สามารถสรุปอาการได้เลยได้แต่นอนเฉยๆเพราะเรี่ยวแรงของผมเหมือนโดนดูดออกไปพร้อมกับสัมผัสเมื่อสักครู่
   “ปากเก่งแต่กลับจูบไม่เป็นถามจริงเถอะ นายเคยจูบปะ”
   “เคยไม่เคยมันก็เรื่องของผม ออกไปเลยนะไอ้คนฉวยโอกาส” ผมรีบโวยวายกลบเกลื่อนความอายที่ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยจูบใครและเมื่อกี้ก็เป็นจูบแรกของผมด้วย
   “หึหึ ดีใจจังได้เป็นจูบแรกของนายด้วย”
   “บอกให้ออกไปไง ไอ้คนบ้า”
   “โอเค ไม่แกล้งแล้ว นอนเถอะนายยังนอนไม่พอไม่ใช่หรอ มานี่มานอนดีๆถ้าไม่ฟังจะทำมากกว่าจูบนะ” เจอคำนี้ไปผมว่าง่ายทันทีเลย คุณคิดเอาเถอะแค่จูบยังสู้ไม่ได้ถ้ามากกว่านั้น เหอะๆเสียเอกราชชัวร์
   “แล้วนายจะมากอดผมทำไม”
   “เรียกพี่เทนสิ”
   “อะ...อะไรนะ”
   “ก็นายอายุน้อยกว่าฉันตั้งหลายปี เรียกฉันว่าพี่เทนแล้วก็ตัวเองว่าฟาด้วย”
   “ไม่ ฟาเป็นคำแทนตัวที่ผมเรียกกับคนในบ้านเท่านั้น”
   “ถ้าไม่ทำตามนายได้เป็นเมียฉันจริงๆตอนนี้แน่”
   “โอเค ฟาก็ฟา”
   “ดีมากไหนลองเรียกสิ”
   “เรียกอะไร”
   “ก็ที่บอกไง”
   “ไม่เอา จะนอน”
   “ถ้าไม่เรียกไม่ให้นอน”
   “ปล่อยจะนอน” อยู่ดีๆหมอนั่นก็ยกตัวขึ้นคร่อมผมทันที ให้ตายเถอะจะได้นอนไหมเนี่ย “โอเคๆเรียกแล้ว”
   “ว่ามา ข้อร้องดีๆนะ”
   “อะ..เออคือ....พะ...พี่เทนปล่อยให้ฟานอนนะครับ” จะบ้าตายทำไมต้องเขินด้วยเนี่ย
     ฟอด “น่ารักจัง งั้นนอนไปเถอะ พี่จะไปทำงานแล้ว ฝันดีนะครับเดี๋ยวเที่ยงพี่จะพาไปกินข้าวนะครับ”
   “อืม” ผมไม่เข้าใจนักหรอกแต่ตอบรับแบบขอไปทีเพราะตอนนี้ตาจะปิดแล้วและผมก็จบเข้าสู่ห้วงนิทราทันที

     ผมไมรู้ว่าตัวเองหลับไปนานขนาดไหนแต่ตอนนี้ผมก็ต้องตื่นเพราะโดนแกล้งแต่คนที่แกล้งผมกลับเป็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายเพราะคนอย่าหมอนี่เอาเวลาว่างมาจากไหน ไม่เข้าเวรตรวจคนไข้หรอ ใช่ครับคนที่กำลังเอาขนนกปัดหน้าผมคือคุณหมอผู้เรียบร้อยแต่กลับกวนอารมณ์เพราะชอบเรียกผมว่าคนน่ารักนั่นแหละครับ ผมออกจะหล่อเหอะ
   “คุณหมอไม่มีงานทำหรอครับมากวนผมแบบนี้”
   “วันนี้พี่หมอไม่มีเวรครับ เลยมารับคนน่ารักไปทานข้าวกลางวันด้วย”
   “หืม พี่หมอ” อย่าบอกนะว่า
   “ใช่ครับพวกพี่อายุมากกว่าเรา เพราะฉะนั้นโซฟาต้องเรียกพวกพี่ว่าพี่นะครับ แต่จะเรียกชื่อรึเปล่าก็แล้วแต่ครับ”
   “ง่า คือ แล้วผมต้องแทนตัวเองว่าฟาด้วยไหมเนี่ย”
   “หืม ถ้าได้จะดีมากครับ” คุณพี่หมอยิ้มกว้างทันทีที่พูดจบ ให้ตายเถอะผมแพ้รอยยิ้มพี่แกมากอ่ะ วิ้งมาก
   “ให้ตายเถอะ งั้น พี่ชื่ออะไรอ่ะ ผมจำได้แต่ว่าพี่เป็นหมอ”
   “พี่ชื่อเลนโวครับ”
   “งั้นผมเรียกพี่ว่าพี่หมอเลนเนอะ”
   “ครับ” คือพี่ดีใจผมไม่ว่าแต่ทำไมต้องก้มมาจูบผมด้วย จะบ้าตายนี่พวกเค้าโรคจิตทั้งกลุ่มรึเปล่า แต่พี่หมอ(เอิ่มคือมันเรียกง่ายเฉยๆไม่ใช่ว่าชอบหรอกนะ) ก็แค่จูบเฉยๆไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาแบบพี่เทน(อันนี้เค้าสั่งก็ทำตามหรอกไม่ได้ชอบนะ)
   “เออคือ ผม ปะ..ไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าเนอะ”
   “เดี๋ยว”
   “ครับ”
   “ไหนบอกว่าแทนตัวว่าฟาไง”
   “อ่าคือ งะ..งั้นฟะ..ฟาไปอาบน้ำนะครับพี่หมอเลนช่วยกรุณาลงไปรอข้างล่างจะดีกว่านะครับ”
   “ดีมากครับงั้นเจอกันนะ” ฟอด แล้วพี่แกก็จากไปพร้อมกับสติที่วิ่งออกจากร่างผม ให้ตายเถอะเพื่อนกลุ่มนี้โรคจิตจริงๆ
ผมใช้เวลาในการอาบน้ำและสกิลในการแต่งตัวที่รวดเร็วเพราะผมไม่มั่นใจว่าถ้าช้ากว่านี้พี่หมอ(โรคจิต)เลนแกจะเข้ามาก่อนรึเปล่า ผมจัดการตัวเองเสร็จก็เดินลงมาข้างล่างเจอพี่หมอ(โรคจิต)เลนนั่งรออยู่แล้ว
   “มาแล้วหรอ นี่พี่กำลังจะขึ้นตามเลยนะ” นั่นไงคิดผิดที่ไหนโรคจิตทั้งกลุ่ม
   “ครับ ว่าแต่จะไปกินข้าวที่ไหนครับ”
   “ไม่บอกครับความลับ ไปถึงจะรู้เอง”
   “หวังว่าไปเอาผมไปขายนะ”
   “ฮ่าๆๆไม่มีทางเพราะโซฟาน่ารักขนาดนี่ใครจะทำร้ายได้ลงคอ” เอิ่ม ผมชักจะกลัวความคิดพี่หมอ(โรคจิต)เลนคนนี้ซะแล้วซิ
   “อ่าครับ”ผมจัดการล๊อคบ้านและฝากบ้านไว้กลับพี่ชุดดำที่คอยดูแลบ้านให้ผม(เหมือนมียามประจำบ้านแหะ)และนั่งรถที่พี่หมอ(โรคจิต)เลนเป็นคนขับไป
     พวกเราสองคนใช้เวลาในการเดินทางมาสักพักประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ตอนนี้ยังไม่เปิดให้บริการ ยังไม่เปิดแล้วพามาทำไม สงสัยหน้าผมคงจะออกอาการงงมากเกินไปพี่หมอ(โรคจิต)เลนเลยอธิบายให้

   “ที่นี่เป็นร้านของไอ้เทน มันบอกให้เรามากินที่นี่เพราะส่วนใหญ่พวกพี่จะว่างไม่ค่อยตรงกันแต่วันนี่พวกพี่ว่างกันพอดีเลยนัดกันมากินที่นี่และก็อยากให้โซฟามากินด้วย”
   “อ่า ครับ”
     ผมเดินตามพี่หมอ(โรคจิต)เลนเข้าไปในร้านตอนนี้ภายในร้านเงียบจนผมนึกถึงนิยายสยองขวัญ พี่หมอพาผมเดินไปที่ห้องที่เปิดไฟไว้เพียงห้องเดียวและน่าจะเป็นห้องทำงานมากกว่า พอเดินเข้าไปก็พบคนที่พี่หมอบอก อยู่กันครบ ไม่สิ พี่เทนหาย

   “พี่ทนาย พี่เทนล่ะ” ผมหันไปถามนายทนายพูดน้อยแต่กวนมากก่อนจะมองไปรอบๆห้อง
   “หืม มันไปเอาของเดี๋ยวมา มีอะไรกับมันรึเปล่า”
   “อืม มีเรื่องอยากถามครับ” ผมตอบพี่ทนายก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวพวกพี่ที่เหลือตามมองมาที่ผมเพราะสรรพนามแปลกๆที่พูดออกไปทำให้แต่ละคนงงนิดหน่อย
   “ไอ้เลนมึงทำไรน้องวะทำไมน้องเปลี่ยนไป”เสียงของเจ้าของสายการบินถามพี่หมอเลนเหมือนกระซิบนะแต่ผมได้ยิน
   “เปล่ากูก็แค่บอกว่าเราอายุมากกว่าเลยให้เรียกพี่แทน”
   “อืมแบบนี้ยิ่งน่ารักกว่าเก่าอีกแล้วจะตัดใจได้ไง” อันนี้เสียงพี่ตำรวจ
   “อ่าว โซฟามาแล้วหรอ ขอโทษที่พี่ไม่ได้ไปรับนะ”
   “ไม่เป็นไรครับ เออพี่เทนอันนี้ของพี่เทนป่าว”
   “ไหนครับ” พี่แกเดินมาทางผม
   “สร้อยอันนี้อะ ฟาจำได้ว่าตอนก่อนนอนฟาไม่ได้ใส่นะ”
   “ครับของพี่ พี่ให้โซฟาเก็บไว้ดีๆนะ อันนี้พี่สั่งทำถอดไม่ได้หรอก”
   “อ่า ครับ” พอคุยเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่าผมสองคนไม่ได้อยู่กันแค่สองคนแต่ยังมีอีกสี่ชีวิตที่ตอนนี้นั่งมองมาด้วยสายตาคาดคั่น
   “ไอ้คุณเพื่อนบาร์เทนครับ เห็นทีเรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ”
   “อ่าได้ เอาสิ งั้นโซฟาไปกินข้าวก่อนก็ได้เดี๋ยวพวกพี่ตามไป โรวพาคุณโซฟาไปที่ห้องอาหารสิ”
   “ครับนาย” ชายชุดดำที่คอยอยู่ใกล้ๆพี่เทนเดินเข้ามาพาผมไปที่ห้องอาหาร อ่าว่าแต่พี่เค้าจะคุยอะไรกันนะ แต่ที่สำคัญคือ ผมจะไปสนใจทำไมหาอะไรกินดีกว่า

      อีกด้านหนึ่งภายในห้องทำงานบรรยากาศกดดันต่างเข้าเล่นงานทุกชีวิตภายในห้อง

   “มีอะไรจะพูดไหม”
   “อะไรกันพวกมึง กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะโว้ย”
   “แล้วสร้อยเส้นนั้นคืออะไร”
   “ก็ของแทนใจไง น้องยอมเรียกกูว่าพี่กูเลยให้รางวัลไง”
   “แค่นั้น”
   “อืม”
   “ไม่ใช่มึงหลงน้องแบบพวกกูหรอกนะ”
   “กูไม่ได้หลงน้องนะ แต่กูรักเลย”
   “แรงกว่าพวกกูอีก”
   “ว่าแต่พอน้องเรียกว่าพี่แบบนี้มันก็รู้สึกดีนะ เหมือนขยับเข้าใกล้น้องมากกว่าเดิมอีกขั้น”
   “หึหึ”
   “ไอ้หมอหัวเราะไร เออจะว่าไปมึงไปปลุกน้องยังไงวะน้องดูกลัวๆมึงนะ มึงด้วยไอ้เทน”
   “กูก็ปลุกธรรมดาแต่น้องดันทำตัวน่ารักใสเลยเผลอจูบน้องไป”
   “ไอ้เชี่ยหมอ มึงแอบจูบน้องหรอ”
   “เฮ้ยจูบธรรมดา ปากแตะปากเฉยๆ”
   “เฮ้อโล่ง”
   “มึงจะกังวลอะไร แล้วกูก็มีอะไรจะบอก”
   “อะไร”
   “จูบแรกของโซฟาแมร่งโคตรหวานอะ” แล้วบาร์เทนก็เดินออกไป
   “อย่าบอกนะว่า ไอ้เทนเอาจูบแรกของน้องไปแล้ว ให้ตายเถอะกูเจอน้องก่อนนะโว้ย”
   “ใจเย็นในเมื่อมันเอาไปแล้ว ก็อย่าหมดหวัง ยังไงน้องก็อยู่กับเรา”
   “หึหึ จริงด้วยเรายังมีโอกาสจูบน้องอีกเยอะ”
   “ใช่” สี่เสียงประสานกันและถ้าเกินโซฟามาได้ยินคงจะรีบหนีเจ้าพวกนี้ไปไกลแน่นอน โรคจิตได้อีก

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 20:58:48
บทที่5
        ไม่รู้พวกพี่(โรคจิต)เขาคุยอะไรกันแต่รู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้สิ ก็พอแต่ละคนเดินออกมาทำหน้าแปลกๆ แต่ช่างเหอะไม่เกี่ยวกับผม พอพวกเขามากันครบเราก็เริ่มลงมือกินข้าวเที่ยงกัน จะว่าไปผมลืมเลยว่าวันนี้ต้องปั่นนิยายนี่ พอหลังจากกินเสร็จค่อยขอกลับบ้านดีกว่า
   เราใช่เวลาในการกินสักพักก็เสร็จพวกพี่เขาว่างมากเลยตามผมกลับมาที่บ้านกันหมด ให้ตายเถอะแล้วผมจะทำงานยังไง

   “พี่ตำรวจครับ พี่ชื่ออะไรครับ” ผมหันไปหาพี่ตำรวจที่ตอนนี้นั่งมองหน้าผมไม่ขยับไปไหน เวลาผมทำงานผมมักจะใส่แว่นครับ ไม่รู้ว่ามันน่ามองยังไง
   “หืม พี่ชื่อโดนัลครับ”
   “งั้นพี่โดนัลครับ พี่มีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
   “เปล่านี่ครับ ทำไมหรอ”
   “แล้วพี่มานั่งจ้องหน้าผมทำไมครับ”
   “ก็โซฟาน่ารักนี่ครับ”  แปร๊ด หน้าของผมคงกำลังแดงแน่นอนถึงผมจะบอกว่าผมหล่อแต่พอมีคนมาชมว่าผมน่ารักต่อหน้าแล้วทำสายตาแบบนั้น ต่อให้ไม่ชอบคำนั้นก็หวั่นไหวครับ
   “บ้า” คำเดียวเลยครับที่ผมตอบได้ พล็อตเรื่องที่วางไว้ในความคิดปลิวไปกับคำเมื่อกี้หมดแล้ว
   “ไอ้นัล มึงมานั่งมองน้องโซฟาแบบนี้น้องจะทำงานยังไง น้องต้องการสมาธินะ ใช่ไหมครับ” พี่นกบิน(เจ้าของสายการบิน)หันไปว่าพี่โดนัลก่อนจะบอกกับผม
   “อ่าครับ พี่”
   “พี่ชื่อดีเลย์ครับ”
   “ครับพี่ดีเลย์” ผมหันไปยิ้มให้พี่เขาแล้วก้มลงมาทำงานต่อ
   “เฮ้ยไอ้เลย์เป็นยังไง” ผมรีบหันไปมองพี่ดีเลย์ที่ตอนนี้พี่โดนัลกำลังประคองอยู่
   “พี่หมอๆพี่เลย์เลือดไหลอ่ะ พี่หมออยู่ไหม” พอผมตะโกนได้สักพักพี่หมอกับคนอื่นๆก็วิ่งเข้ามาให้องนั่งเล่นที่ผมทำงาน
   “เฮ้ย ไอ้เลย์เป็นอะไรว่ะ”
   “พี่หมอมัวแต่ถามเดี๋ยวเลือดพี่เขาก็หมดตัวหรอก”
   “ครับๆ” แล้วพี่หมอก็หันไปสั่งพี่ทนายให้ไปเอาน้ำแข็งมาให้พี่แก เสร็จแล้วพี่หมอก็ทำตามที่เรียนมาส่วนผมพอเห็นว่าเลือดหยุดไหลแล้วเลยเลี่ยงมาทำงานต่อ พอดีกลีบเสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังขึ้น
   “ครับ”
   “นี่แม่นะ”
   “คิดถึงคุณหญิงกับคุณชายมากเลย เมื่อไหร่จะกลับมาฮะ ฟารอนานแล้วนะ”
   “ฮ่าๆๆงั้นพ่อกับแม่จะปล่อยให้แกรอต่อไปหนูฟา”
   “คุณชายผมบอกแล้วไงครับว่าฟาเฉยๆไม่เอาหนูฟา”
   “ยังไงแกก็เป็นน้องหนูฟาตลอด”
   “คุณชายอ่ะ”
   “พอแล้วๆ วันนี้แม่กับพ่อจะโทรมาบอกว่าอีกเดือนจะกลับบ้านนะ”
   “จริงหรอฮะ ฟาจะรอนะฮะ”
   “จ้า งั้นไปแล้วนะพอดีพักงานมา”
   “ครับ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ” แล้วสายก็ตัดไปนับว่านี่เป็นเรื่องดีที่ผมต้องการมาก นี่ก็หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอพวกท่าน สงสัยผมจะยิ้มมากไปหน่อยจนพี่หมอต้องเข้ามาทัก
   “เป็นอะไรเรานั่งยิ้มคนเดียว”
   “เดือนหน้าคุณหญิงกับคุณชายกลับบ้านครับ”
   “ใครครับ”
   “แม่กับพ่อผมครับ”
   “ดีใจด้วยนะเห็นว่าไม่ค่อยได้กลับบ้านนี่”
   “ครับพี่หมอ พวกท่านไปทำงานที่ฮ่องกงครับตอนนี้”
   “ครับ ว่าแต่ทำงานเสร็จรึยังเนี่ย”
   “ใกล้แล้วครับ”
   “งั้นตั้งใจทำงานนะ เดี๋ยวพวกพี่ขอตัวก่อนนะ”
   “อ่าว ไปไหนกันครับ”
   “ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ แค่จะออกไปนั่งเล่นกันข้างนอก บรรยากาศกำลังดี”
   “อ่าครับ ตามสบายถ้างานเสร็จฟาจะออกไปหานะครับ”
   “ครับ” แล้วพี่หมอก็เดินออกไป
     จากวันที่ผมเจอกระเป๋าจนมาถึงวันนี้ก็หลายวันแล้วแต่ผมกับรู้สึกมีความสุขกว่าที่ผ่านมา เพราะมีคนมาคอยดูแลหรือเปล่าหรือเพราะมีคนมาคอยห่วงใยเรากันแน่ จากคนที่อยู่คนเดียวมาตั้งนานกลายเป็นว่ามีคนแปลกหน้ามาขอใช้ชีวิตด้วย บ้านที่เคยเงียบเหงากลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา วันหยุดที่ผมปล่อยว่างกลับมีคนมาช่วยเติมสีสันให้มันดีขึ้น ก่อนนอนมีคนส่งขอความมาให้และมีคนคอยเตือนให้กินอาหารให้ตรงเวลา บางครั้งผมก็รู้สึกแปลกๆกับพวกเขานะมันเป็นอะไรที่อธิบายยากแต่ผมคิดว่าอีกไม่นานผมจะรู้คำตอบของอาการนี่ตราบใดที่ผมยังมีพวกเขาอยู่ข้างๆกันไปเรื่อยๆผมจะพบมัน และเมื่อผมคิดว่ามันใช่ผมจะไม่ปล่อยให้มันผ่านเลยไปอีกแล้ว

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:02:39
บทที่6
     Barten Talk
     ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหุ่นนายแบบที่เพศตรงข้ามและเพศเดียวกันหลงใหล ตาคมเข้มสีดำดั่งทะเลยามค่ำคืนที่มืดมิดหากเผลอจ้องตาแล้วยากที่จะละสายตาได้ โครงหน้าได้รูปราวสวรรค์สร้างขึ้นมา งดงามราวเทพบุตร สิ่งที่ชายคนนี้มีทำให้ใครหลายคนต้องอิจฉาทั้งรูปงาม ฐานะดี ฉลาด ที่เป็นที่ต้องการของใครหลายคน ชายคนนี้ไม่ใช่นายแบบไม่ใช่ดาราไม่ใช่นักร้องแต่เขาเป็นมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในประเทศนี้เป็นใหญ่ที่สุดในที่นี้
   “ดีครับผมบาร์เทนว่าที่สามีของน้องโซฟา นึกว่าจะไม่ได้เจอกับทุกคนแล้วยังไงวันนี้มาฟังเรื่องราวของผมกันบ้างนะครับ”
     ผมเป็นลูกชายคนรองของที่บ้านพี่ชายคนโตของผมแต่งงานแล้วครับและก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันหรอกเพราะมันไม่ได้อยู่ที่นี่มันปกครองคนของมันที่ฮ่องกงส่วนน้องชายของผมอยู่กับป๊าม๊าที่จีนครับ ส่วนผมนะหรอครับก็ถูกส่งมาคุมคนที่นี่ตั้งแต่จบปริญญาแล้วครับ ท่านไม่ค่อยจะเข้มงวดกับลูกมากนักเพราะท่านจะสอนให้พวกเราเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมากกว่า ท่านไม่เคยกำหนดว่าที่ของลูกสะใภ้ขอแค่คนคนนั้นสามารถยืนอยู่เคียงข้างลูกชายของท่านได้ในวันที่เจอปัญหาและเป็นคู่ชีวิตที่มีคุณสมบัติที่ผ่านเกณฑ์ และสิ่งที่พี่สะใภ้ขงผมเจอมา อย่าได้พูดถึงโหดมาก
เราปล่อยเรื่องนั้นไปก่อนดีกว่าครับเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เมื่อไม่กี่วันที่แล้วผมขยายกิจการมาเปิดผับใหม่แล้วก็วันนี้เจ้าเพื่อนเกลอแก๊งค์สุดเกรียนที่คบกันมานานจะมาด้วยแต่เมื่อเช้าเหมือนไอ้ดีเลย์จะมีปัญหาเรื่องกระเป๋าเอกสารที่ลูกน้องมันลืมไว้ที่ไหนสักที เอกสารไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกแต่ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจกับคู่แข่งพอสมควรมันเลยให้ไอ้ไลฟ์ช่วยจัดการเพื่อนผมที่ชื่อเลย์มันเป็นเจ้าของสาการบินครับส่วนไอ้ไลฟ์อ่ะมันเป็นทนาย มีแต่คนอิจฉาพวกผมนะครับก็เพื่อนแต่ละคนช่างเป็นสิ่งจำเป็นต่อกันจริงๆ อ่าวผมลืมบอกไปหรอครับว่าผมทำงานอะไรผมเป็นมาเฟียครับอ่าเรียกแบบนั้นโหดไปหรอครับเอาเป็นผู้มีอิทธิพลในโลกมืดก็ได้เนอะ อะไรนะยาวไปงั้นมาเฟียแหละดีแล้ว ฮ่า ๆๆ ผมมีอำนาจมากมายในกำมือผมเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ใครมาขัดใจผมมันก็จะหายไปทันทีแบบหาไม่เจอแม้แต่ศพ ใครๆก็ว่าผมเย็นชา โหดร้าย เลือดเย็นและสุดท้ายผมไม่มีหัวใจ ใครว่ากันล่ะครับ ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้สึกและรักเป็นนะครับเพียงแต่ว่าผมยังมองไม่เห็นคนคนนั้นเลยก็แค่นั้น ผมเป็นเพลย์บอยตัวพ่อมีข่าวกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วแต่ไม่เคยมีใครได้สถานะแฟนจากผมเพราะที่มาคนพวกนั้นเป็นเพียงคู่นอนเท่านั้น
     มาต่อกันดีกว่าหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากพวกมันอีกพอตอนเย็นพวกมันกลับมาที่ผับตามที่นัดแต่มาก่อนเวลาอยู่แล้วพวกมันก็บอกให้ผมเปิดโต๊ะที่นั่งข้างนอกที่ชั้นลอยเพราะมันมีคนที่อยากจะให้ผมเห็น พวกมันบอกว่าน้องคนนี้เป็นลูกชายคนคุณอนันต์กับคุณหญิงรวีผู้ส่งออกเครื่องเพชรรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งผมก็พอจะได้พบและก็คุ้นเคยพอสมควรเพราะผมมักจะซื้อเครื่องเพชรที่นั่นไปฝากม๊าผมบ่อยๆ แต่ผมไม่เห็นจะรู้เลยว่ามีลูกชายด้วย พอเริ่มดึกพวกมันก็บอกผมว่าน้องเขามาแล้ว ผมมองตามไปที่มือของไอ้นัลที่ชี้ไปที่ร่างบางของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในผับของผม แสงไฟสลับในผับทำให้ผมมองไม่ค่อยชัดว่าหน้าตาของเด็กคนนั้นเป็นยังไงรู้แค่ว่าผิวขาวมากเหมือนเรืองแสงได้ในที่มืดเลย
น่ารัก คำนี้เหมาะที่จะบอกกับเด็กคนนั้นเพราะตอนที่น้องเขาเดินผ่านมาที่โต๊ะของพวกผมเลยสังเกตได้มากขึ้นและตอนที่ไอ้นัลไปชวนน้องเขามานั่งที่โต๊ะแสงไฟข้างบนจะสว่างกว่าข้างล่างเลยมองเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่น่ามอง น่ารักยิ่งหว่าใครที่ผมเคยเจอมา ตาโตๆปากนิดจมูกรั้นเหมือนคนที่มีนิสัยดื้อดึงแบบลูกคนรวยและดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าพวกผมหลายปีตอนนี้พวกผมอายุ28น้องน่าจะสักประมาณ18นะดูแล้ว ผมหันไปสั่งให้ลูกน้องไปหาประวัติของเด็กคนนี้มาให้ผม และก่อนจากกันผมยังโดนว่าจาจิกกัดจากริมฝีปากแดงที่น่าลิ้มลองด้วย
     หลังจากที่ผมกลับมาที่คอนโดที่พักลูกน้องก็เขามาพร้อมกับข้อมูลเบื้องต้นแต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปในข้อมูลอื่นๆได้ วางข้อมูลปกปิดตัวเองได้ดี
        ประวัติของน้องทำให้ผมตกใจ อะไรนะน้องอายุ25 อะไรจะหน้าเด็กขนาดนั้น อาชีพนักเขียนของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงประวัติการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่ประเทศไทยที่โรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งหนึ่งและปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากอังกฤษดูเหมือนข้อมูลหายนะผมเลยใช้วิชาการ      แฮ็กข้อมูลที่พี่ชายผมเคยสอนไว้แอบเข้าไปเพื่อตามหาข้อมูลที่เก็บไว้อย่างดีและผมก็ได้มันมา ประวัติที่แท้จริง
   อาชีพรองประธานบริษัทของที่บ้านน้องและเป็นว่าที่ประธานในอนาคต จบปริญญาตรี โทและเอกที่มหาลัยอังกฤษหลักสูตรอินเตอร์ด้านการบริหารเป็นหลักสูตรเรียนลัดจบปริญญาตรีถึงเอกในสี่ปีที่น้อยคนจะทำได้ ไม่น่าเชื่อว่าที่แฟนของผมจะเก่งอะไรขนาดนั้น
        หลังจากวันนั้นมาเรื่อยๆเราก็มีเรื่องที่คอยกระทบกันมาตลอดจนมาวันที่ผมได้รู้ว่าเพื่อนสนิทของโซฟาเป็นบอสมาเฟียนี้เล่นเอาอึ้งมากกว่าเดิม แต่เพื่อนของน้องมีปัญหาและต้องรีบกลับและเป็นโอกาสดีที่ผมจะแกล้งเด็กน้อยของผม พอน้องกลับมาแต่ไม่ระวังตัวเลย เลยโดนทำโทษด้วยการจูบ ไม่น่าเชื่อว่าผมผู้ที่ผ่านเรื่องนี้มามากกลับต้องเกิดอาการตื่นเต้นเพราะสิ่งที่ได้สัมผัส มันหวานมากและการที่น้องทำท่าทางเหมือนไปไม่เป็นยิ่งทำให้อารมณ์ของผมมากขึ้นไปอีกและถ้าไม่หยุดมันอาจจะเลยเถิดไป ผมเลยต้องผละออกมาแบบอ้อยอิ่ง และน้องก็น่ารักมากไม่รู้ว่าเพราะง่วงหรือเพราะว่าน้องใสซื่อมากเกินไปเลยทำให้ผมอดใจไม่ไหวจนต้องประกาศความเป็นเจ้าของด้วยสร้อยที่สั่งทำพิเศษ สร้อยนี้เป็นตัวแทนว่าคนคนนี้คือคนของผมและเป็นคนสำคัญมากด้วย แบบนี้จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งยกเว้นเจาพวกนั้น เพื่อนตัวแสบที่ดันคิดเหมือนผมว่าอยากได้น้องเป็นเมีย ให้ตายถึงเป็นเพื่อนกันเรื่องอื่นยอมได้แต่เรื่องนี้ไม่มีทาง ยังไงโซฟาจะต้องเป็นของพวกผมเท่านั้น และใครที่กล้ามายุ่งกับดวงใจของผมมันจะต้องเจอดี และผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า โซฟานะของพวกผมห้ามยุ่ง

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:07:30
บทที่7
     Lenvo
        ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดกราวสีขาวรีบเร่งเดินไปที่ห้องฉุกเฉินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดแต่ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหนแต่ใบหน้าที่ดูดีก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยแต่กลับยิ่งทรมานหัวใจสาวแท้สาวเทียมที่อยู่รอบกายมากขึ้นกว่าเดิม ภายในห้องฉุกเฉินมีเด็กคนหนึ่งกำลังนอนร้องไห้กุมหัวเข่าที่มีเลือดออกมากมาย

   “ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครเข้าเวร” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามราวกับเสียงกระซิบกับพยาบาลสาวที่เดินอยู่เคียงข้าง
   “คุณหมอท่านอื่นออกไปทำงานนอกสถานที่ค่ะ”
   “ให้ตายเถอะ ถ้ากลับมาผมจะลาหยุดหนึ่งวันไม่เข้าเวรเลยคอยดู”
   “ค่ะ คุณหมอ” พยาบาลสาวทำได้เพียงแค่ตอบสั้นๆเพราะหากชายหนุ่มต้องการหยุดก็ไม่มีใครมาค้านได้เพราะหมอเลนเขาทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้วตอนนี้

      “สวัสดีครับทุกคนวันนี้ถึงคิวของผมกันแล้ว อยากให้คุณลองมาฟังเรื่องราวชีวิตของผมบ้างอย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ”
        ผมมีชื่อว่าเลนโวครับเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวพ่อผมเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หลายสาขารวมถึงที่ผมทำงานอยู่ด้วยครับส่วนแม่ของผมท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งครับ และเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนที่ไม่มีหมออยู่ประจำการหรือเข้าเวรเลย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมยื่นเรื่องของลาหยุดไม่เข้าเวรบ้าง ก็ผมทำงานมาตลอดยังไม่ได้นอนมาสามวันแล้วครับพอพวกหมอคนอื่นมาเข้าเวรกันเหมือนเดิม ผมก็เลยได้โอกาสหยุดบ้างแล้ววันนี้ผมก็มีนัดกันที่ผับของไอ้บาร์เทนเพื่อนรักของผมที่มันเป็นมาเฟีย ใช่ครับคุณอ่านไม่ผิดผมมีเพื่อนเป็นมาเฟียครับและมีเพื่อนหลายอาชีพด้วย
   เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่าวันนี้ผมว่างเลยออกมาหาเพื่อนอีกคนไม่รู้ว่ามันรู้รึยัง ผมมาที่โรงพักที่เพื่อนผมทำงานอยู่มันเป็นตำรวจครับ ก็บอกแล้วไงครับเพื่อนผมมีหลายอาชีพ  ไอ้คนที่เป็นตำรวจมันชื่อโดนัลครับมันเป็นผู้กำกับครับแต่มันบอกว่าชอบที่จะทำงานแบบตำรวจทั่วไปมันเลยชอบออกมานั่งข้างนอกห้องเหมือนหมวดมากกว่าผู้กำกับ
   และเรื่องก็เริ่มครับผมไม่คิดว่าการมาหามันวันนี้จะทำให้ผมเจอคนที่เรียกว่ารักแรกพบของผม ผมเดินเข้าไปใครหลายคนในที่นี้รู้จักผมจึงหยุดทักทายกันและผมก็เดินออกมาเจอกับไอ้นัลที่กำลังหยิบแฟ้มอะไรก็ไม่รู้เลยเข้าไปทักมันเลยบอกว่าจะพาไปดูคนน่ารักที่เอาของมาคืน
     พอเดินเข้ามากลับมีเพียงห้องที่ว่างเปล่ามันบอกว่าเขาอาจจะกลับไปแล้วรึเปล่าแต่ผมเห็นว่ามีกระเป๋าอยู่เราเลยรอและไอ้ดีเลย์กับไอ้ไลฟ์ลี่เพื่อนอีกสองคนของผมก็มา มันเป็นเจ้าของกระเป๋าที่คนคนนั้นเอามาคืน เรากำลังคุยกันไปเรื่อยๆอยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาพวกเราหันไปมอง เพียงครั้งแรกที่เห็นผมบอกกับตัวเองว่านี่ละรักที่ผมรอคอยมันเป็นรักแรกพบของผม ผมไม่อาจจะละสายตาจากหน้าของน้องคนนั้นได้เลยและที่ผมต้องหันไปสนใจคงจะเป็นนามสกุลของน้อง และผมก็รู้ได้ว่าคนตรงหน้าต้องเป็นน้องแน่นอนและคงจะห่างจากผมหลายปีเลยด้วย แล้วน้องก็เดินออกไป ผมมีความรู้สึกว่าเราจะได้เจอกันอีกและครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยน้องไป
        จนเราไปที่ผับกันและสิ่งที่ผมคิดก็เป็นจริงน้องกำลังเดินมาทางนี้ที่โต๊ะของผมไอ้นัลมันเป็นคนไปพามา หลังจากที่ได้คุยกันเราเลยรู้ว่าน้องชื่อโซฟา แค่ชื่อยังน่ารักเลย แล้วก็ถึงเวลาจากลาผมไปตามหาข้อมูลของน้องมาแต่ได้แค่เบื้องต้นเลยให้ไอ้บาร์เทนเป็นคนช่วยและเราก็ได้รู้ประวัติของน้องตามจริงผมคิดว่าน้องจะต้องห่างจากพวกผมซักแปดเก้าปีซะอีกที่ไหนได้ห่างแค่สามปีเองหน้าน้องเด็กมาก และเราก็มีโอกาสได้เจอกันและโมเมว่าเป็นแฟนน้องทีแรกน้องก็โวยวายไม่ยอมแต่ผ่านไปไม่นานน้องก็เริ่มไม่เถียงอะไรและกลายเป็นเรายิ่งใกล้น้องเข้าไปอีกเพราะหลังจากที่น้องรู้ว่าพวกเราอายุมากกว่าน้องมักจะเรียกเราว่าพี่เสมอและแทนตัวเองว่าฟา น่ารักมากกว่าที่ผมคิดอีก
        และวันนั้นผมต้องเป็นคนไปปลุกน้องมากินข้าวเที่ยงเพราะความน่ารักของน้องเลยทำให้ผมเผลอตัวก้มไปแตะปากน้องทีแรกผมคิดว่าน้องจะโวยวายและโกรธผมแต่กลายเป็นว่าน้องแค่เขินแล้วก็หนีไปห้องน้ำ ผมดีใจมากที่น้องเปิดรับพวกผมมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรผมมักจะมีความคิดว่าอยากจะกินน้องตลอดเวลาผมชักอยากจะรู้ว่าเสียงของน้องเวลาที่ครางอยู่ใต้ร่างจะเป็นแบบไหน ผมชักจะกลัวความคิดนี้ของตัวเองด้วย แต่บางครั้งผมก็อยากทำนะฮ่าๆๆ ผมกลัวว่าถ้าน้องรู้จะกลัวผมเลยต้องเก็บอาการมากแต่ยังไงซะน้องก็ต้องเสร็จผม หึหึ

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:14:54
บทที่8
     Donal
        ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่รูปร่างที่สาวๆทั้งหลายหมายปองในชุดผู้พิทักษ์สันติราช ผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติที่เจ้าตัวภูมิใจใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอตลอดเวลา สายตาที่มองมาทำเอาคนที่เห็นต้องใจละลายกันเป็นแถว หล่อร้ายแต่มีดีกรีเป็นถึงผู้กำกับแห่งสถานีตำรวจนี้ก็ใช่ย่อย ไม่เคยมีสาวคนไหนได้เคียงข้างมาเกินสามวัน

   “สวัสดีครับ ผมโดนัลครับ วันนี้ผมมารายงานตัวแล้วครับ เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกับผมดีกว่านะครับ”
   
     ผมเป็นลูกคนเดียวครับอยู่กับพ่อคนเดียวครับเพราะแม่ของผมท่านเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก แต่ผมกลับไม่เคยขาดความอบอุ่นเพราะผมยังมีพ่อที่คอยเข้าใจผมอยู่ตลอด พ่ออยากให้ผมเรียนตำรวจมาตั้งแต่เด็กและผมก็ชอบอาชีพนี้ด้วยตอนนี้เลยดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับที่นี่แต่ส่วนมากผมมักจะทำตัวเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยชอบออกมาทำหน้าที่รับแจ้งความมากกว่านั่งในห้อง ส่วนอดีตผู้กำกับก็พ่อผมนั่นแหละพอท่านเกษียณผมก็รับช่วงต่อทันที ไม่ได้ใช้เส้นนะครับ ความสามารถล้วนๆ ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากครับเพราะพวกมันทำให้ผมไม่เหงา ไม่ว่าอาชีพของเพื่อนบาคนจะขัดกับอาชีพของผมก็ตาม
   ออกนอกเรื่องมาเยอะเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้ผมออกมานั่งที่โต๊ะของพี่หมวดที่สนิทกันพี่แกไปกินขาวครับผมเลยมาทำงานแทน นั่งได้ไม่นานก็มีคนบอกว่าเอาของมาคืน พอหันมามองปุ๊บคนอะไรน่ารักขนาดนี่กันนะ ถ้าผมตั้งข้อหาขโมยหัวใจเจ้าพนักงานเขาจะยอมชดใช้ค่าเสียหายไหมนะ และเพื่อนผมก็มาหาผมไอ้หมอมันมาชวนผมครับมันว่างเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันนักพอเพื่อนผมมันเห็นคุณคนนั้นก็เป็นเหมือนกับผม ก็อย่าที่บอกผมเป็นคนที่รักเพื่อมากแต่สำหรับคนคนนี้ผมกลับไม่อยากยอมเลย
   เราไปที่ผับของเพื่อนผมไอ้คนที่ทีอาชีพขัดกับผมนั่นแหละครับมันเป็นมาเฟียแต่ผมเป็นตำรวจ เรื่องอาชีพผมไม่เอามาปนกับมิตรภาพครับเราเลยคบกันได้ เราคุยกันไปเรื่อยๆจนผมเห็นว่าคนคนนั้นเดินมาทางนี้เลยชวนมาคุยแต่ดูเหมือนเขาจะลืมผม ตอนนั้นผมเสียใจนะครับ น้อยคนมากที่จะลืมผมง่ายขนาดนี้ แต่พอได้เห็นหน้าที่ชัดขึ้นเขาก็จำผมได้ตอนนั้นผมดีใจมากแถมใจยังเต้นแรงอีกด้วย ผมอาจจะชอบเขาแล้วก็ได้ และเราก็ได้รู้ว่าเขาชื่อโซฟาพอคุยกันเสร็จก็แยกย้ายโซฟาขอตัวกลับก่อน ไอ้บาร์เทนไอ้มาเฟียแหละครับมันเอาข้อมูลของเขามาให้ ผมเลยรู้ว่าโซฟาเป็นน้องพวกผมและก็ได้รู้ว่าไอ้พวกนี้มันก็ชอบน้องเหมือนกัน เราเลยคิดที่จะให้น้องเลือก
        วันรุ่งขึ้นพวกผมไปหาน้องเขาที่บ้าน น้องแต่งชุดอยู่บ้านน่ารักมากแถมใส่แว่นด้วย ผมแพ้หนุ่มแว่นครับตามจริงผมเป็นไบครับหลายคนอาจจะไม่รู้แต่พ่อกับเพื่อนของผมรู้ครับ และสิ่งที่ทำให้ผมใจละลายก็ตรงที่ใส่แว่นนี่แหละครับและคงไม่ใช่แค่ผมหรอกครับเพราะคนอื่นก็เหมือนกัน เราเลยไล่น้องไปเปลี่ยนชุดซะ ทีแรกน้องก็งงแต่ก็ไปเพราะไอ้บาร์เทนมันจะตะครุบน้อง น้องเลยหนีไปก่อน พอน้องมาพวกผมเลยบอกเรื่องที่ชอบน้อง น้องตกใจมากและก็ทะเลาะกับไอ้บาร์เทนอีกแต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบ พวกผมเลยเหมาว่าน้องเป็นแฟนแล้ว แล้วก็กลับบ้านใครบ้านมัน ผ่านไปไม่กี่วันไอ้บาร์เทนมันก็โทรมาบอกว่าน้องไปสนามบินของไอ้ดีเลย์ไอ้นี่เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มครับมันเป็นเจ้าของสายการบินแล้วก็หุ้นส่วนสนามบินด้วย
   พอเราไปถึงก็เห็นน้องกอดกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ไอ้บาร์เทนเดินไปดึงน้องออกมาแต่มันก็ตกใจมันบอกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นอีกคนเป็นบอสมาเฟีย ซึ่งก็คือหัวหน้ามาเฟียทั้งโลกนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อว่าน้องมีเพื่อนเป็นคนใหญ่โตขนาดนั้น เรากลับมาคุยกันที่บ้านและพวกผมก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนของน้องและเพื่อนของน้องก็ฝากน้องกับพวกผมเพราะเขาอาจจะไม่ว่างมาเที่ยวอีกเพราะจะเข้าทำงานอะไรนี่แหละผมไม่ค่อยเข้าใจโลกด้านนั้นเท่าไหร่ แต่ก็รับปากว่าจะดูแลให้และพวกเราก็ขอน้องกับเพื่อนน้อง สองคนนั้นบอกว่ารู้เรื่องแล้วและก็สำรวจพวกเราแล้ว บอสมาเฟียนี่น่ากลัวมากเลย
   พออีกพวกเราว่างก็เลยคิดว่าจะให้น้องมากินข้าวด้วยกันเลยให้ไอ้หมอไปตาม พอน้องมาก็ยิ่งทำให้เราอึ้งมากขึ้นก็ไอ้หมอมันบอกว่าพอน้องรู้ว่าเราอายุมากกว่าเลยเรียกว่าพี่และแทนตัวว่าฟา น่ารักมากครับ นี่แหละว่าที่ภรรยาของผมจริงๆ
   ผมชอบน้องมากจนตอนนี้รักเลยครับ ต่อให้ผมต้องเอาชื่อเสียงหรือตำแหน่งมาแลกผมก็ยอม ผมคิดว่าน้องคงจะเป็นคนรักที่ผมรักมากที่สุดตั้งแต่โตมาและน้องจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะรักด้วย เรื่องของอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่แน่น้องอาจจะไม่คบพวกเราก็ได้แต่สิ่งที่แน่นอน คือนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะต้องทำให้น้องรักผมให้ได้ และน้องจะต้องมาเป็นภรรยาของผมแน่นอน

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:17:26
บทที่9
     Lifely
        ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าคมเข้มสมกับชื้อสายเอเชีย รูปร่างที่สมชายชาตรีผนวกกับใบหน้าที่นิ่งสงบยากที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้แนวทางในการเคลื่อนไหว ใบหน้านิ่งที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆจึงทำให้ดูน่าเชื่อถือและน่าเคารพยิ่งขึ้นบวกกับหน้าที่การงานที่เป็นทนายเลยยิ่งทำให้ชายหนุ่มเป็นที่หน้าค้นหามากยิ่งขึ้น แต่ชายหนุ่มไม่เคยส่งสายตาให้ใครนิสัยที่เป็นคนที่นิ่งเงียบบวกกับสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองออกมาทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากที่จะเข้าไปเสี่ยง แต่สายตานั้นกลับดึงดูดเพศตรงข้ามโดยไม่ยาก
   “สวัสดีครับ ผมไลฟ์ลี่ครับ ผมไม่ชอบที่จะพูดอะไรที่มากเกินไป ยกเว้นแค่เรื่องนี้ ถ้าอยากรู้จักผมก็เตรียมฟังนะครับ”
        ผมเป็นลูกคนเดียวครับ พ่อแม่ของผมเสียตั้งแต่ตอนจบมอปลาย ผมไม่ชอบกฎหมายแต่เพราะเรื่องของพวกท่านผมเลยเข้ามาเรียนและเมื่อจบผมก็จัดการเอาผิดคนที่ทำให้พวกท่านเสีย ผมใช้กฎหมายและอำนาจของเพื่อนสนิทในกลุ่มที่เป็นมาเฟียมาช่วยด้วย เพราะเรื่องนี้กฎหมายจัดการอะไรไม่ค่อยได้เท่าที่ควร ผมทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ก่อนที่พวกท่านจะเสีย และผมก็ได้มาเจอกับเพื่อนสนิทกลุ่มนี้ เราคุยกันทุกเรื่องแม้กระทั่งแฟน มีหลายครั้งที่พวกมันจะคอยเชียร์คนนั้นคนนี้ให้กับผม แต่เพราะนิสัยของผมที่ไม่คอยจะชอบเอาใจใคร เลยไม่มีใครทนคบผมได้ หลายคนบอกว่าผมเย็นชาและเงียบเกินไปแต่มันก็เหมาะกับอาชีพของผมดีนะ เวลาว่าความผมมักจะได้รับชัยชนะเสมอเพราะข้อมูลที่ชัดเจนและการว่าความของผมด้วย แต่ตอนนี้ผมมาเป็นทนายประจำของเพื่อนผมที่เป็นเจ้าของสายการบิน มันมักจะมีปัญหาหลายครั้ง มันรวยมันฉลาดแต่บางครั้งมันก็โง่หาที่ติไม่ได้
        นอกเรื่องมาเยอะมาเข้าเรื่องกันเลย วันนั้นไอ้ดีเลย์ที่เป็นเจ้าของสายการบินที่ผมบอกมันลืมของเป็นเอกสารที่ไม่ค่อยสำคัญแต่ถ้าได้คืนจะดีมาก เพราะมันลืมในรถแท็กซี่ และเพราะมันรีบเลยจำไม่ได้ว่าคันไหน มันบอกให้ผมมาช่วยมันหาผมไม่เข้าใจว่าทนายมีหน้าที่ตามหากระเป๋าด้วยหรอ และหาไม่นานไอ้โดนัลหรือไอ้นัลที่ผมเรียกกันก็โทรมาบอกว่ามีคนเจอกระเป๋าเอกสารไอ้เลย์และเอามาคืนแล้วพวกผมเลยต้องไปที่ทำงานไอ้นัลมันแทน ไอ้นัลมันเป็นตำรวจครับมันเป็นผู้กำกับแต่ชอบทำตัวเป็นหมวดเลยมีคนจำผิดบ่อย
        พอมาถึงก็บ่ายกว่าตอนนั้นร้อนมากพอลงรถได้ผมก็เลยเดินเข้ามาก่อนแต่ไอ้เลย์เดินเข้ามาโวยวาย แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับเพราตอนที่พวกผมคุยกันก็มีคนมาเคาะประตู คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้ชายร่างเล็กน่ารัก ผมไม่เคยเจอใครน่ารักขนาดนี้มาก่อน ใจของผมเต้นแรงมากอาการแบบนี้ผมไม่ได้เป็นมานานแล้ว ผมตกหลุมรักคนคนนี้แล้วอย่างจัง และผมก็รู้ต่อมาว่าเขาชื่อโซฟาเพราะเราไปเจอกันที่ผับของไอ้บาร์เทนหรือไอ้เทนไอ้คนนี้มันเป็นมาเฟียที่ผมบอก และเราก็รู้ว่าโซฟาอายุน้อยกว่าเราไม่กี่ปี แต่สิ่งที่ผมตกใจเพราะเพื่อนผมทุกคนก็ชอบโซฟาเหมือนกัน ผมไม่อยากจะแย่งคนที่เพื่อนชอบแต่กลับโซฟาผมกลับไม่คิดที่จะปล่อยมือออกไป ผมเลยบอกพวกมันว่าคนนี้ผมก็ชอบนะ พวกมันเลยบอกว่าเพื่อนกันทำไมจะมีแฟนคนเดียวกันไม่ได้ จะว่าไปเราก็เคยมีแฟนคนเดียวกันมาแล้วแต่ครั้งนั้นเป็นผู้หญิงแต่ที่เลิกเพราะเธอดันหักหลังเราเธอคบผู้ชายคนอื่นอีกคน เมื่อไม่รู้จักพอเราก็ไม่ต้องการ
        เช้าวันต่อมาเรามาทำข้อตกลงกับโซฟา น้องงงอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบพวกเราเลยรวบรัดเอาว่าน้องเป็นแฟน ทีแรกนึกว่าน้องจะโวยวายแล้วก็ด่าแต่เปล่าน้องแค่ตกใจแล้วก็ดูงงๆแค่นั้น หลังจากนั้นพวกเราก็มีเรื่องที่วนเวียนอยู่ใกล้น้องมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนที่ตอนแรกที่รู้ทำเอาเครียดไปตามๆกันก็น้องมีเพื่อนเป็นบอสมาเฟียขนาดไอ้เทนที่ว่าใหญ่พอเจอเพื่อนน้องยังกับเด็กอนุบาลเลยทีเดียว แต่เพื่อนน้องก็นิสัยดีมากไม่ทำให้เราเกร็งและก็บอกว่าถ้าดูแลน้องได้จะยอมให้เป็นเพื่อนเขย อย่างนี้ก็สนุกละสิ
     หลังจากนั้นเราก็นัดกินข้าวและให้ไอ้หมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านน้องไปรับน้องมากินด้วยเพราะเราอยู่กันครบ แต่พอน้องมาก็เหมือนมองหาอะไรสักอย่างผมเลยมองหน้านอง เหมือนน้องจะรู้เลยหันมาถามผม ตอนที่น้องถามผมใจเต้นแรงมากเพราะน้องเรียกผมว่าพี่ถึงแม้จะไม่เรียกชื่อก็เถอะ แค่นั้นก็ทำเอาผมที่ตกลงไปในหลุมของน้องยิ่งตกลงไปลึกกว่าเดิมและดูเหมือนว่าผมจะปีนออกมายากซะแล้ว ผมรู้ว่ามันมีวิธีแต่ใจผมกลับไม่คิดที่จะปีนออกมา
        ตอนที่น้องคุยกับไอ้เทนน้องแทนตัวว่าฟา ทำเอาหลุดมาดจนต้องเรียกไอ้เทนให้มาคุยกัน และก็ได้รู้ว่าไอ้หมอมันแอบจูบน้องแต่ดีนะแค่จูบธรรมดาแต่ไอ้เทนมันดันบอกว่าหวาน คราวนี้แหละของจริงไอ้เทนมันจูบน้องแล้ว ให้ตายเถอะอยู่ดีๆผมก็มีความคิดที่จะพิสูจน์เด็กน้อยของผมซะแล้ว ผมอยากรู้ว่าน้องเป็นคนที่ผมตามหารึเปล่า และถ้าใช่ผมจะต้องทำให้น้องมาเป็นของผมให้ได้ จะว่าไปพวกมันก็ชอบงั้นเอาใหม่ ถ้าน้องเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา น้องจะต้องเป็นของพวกผมให้ได้ ถึงผมจะไม่มีอำนาจแบบไอ้เทนที่คนต่างพากันกลัวแต่อย่าลืมว่าผมเป็นทนาย เรื่องทำหลักฐานนะของถนัด ใครก็ตาที่มายุ่งกับคนของผมระวังตัวไว้ให้ดี ผมอาจจะไม่สั่งคนไปเก็บแบบพวกนั้นแต่ผมจะทำให้คนนั้นทรมานเพราะกฎหมายในมือผมแทน จำไว้โซฟานะของพวกผมอย่ายุ่ง

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:21:01
บทที่10
     Deelay
        ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาที่ชวนเพ้อฝันของสาวแท้สาวเทียมทั่วทุกที่ที่ได้เห็น ผิวขาวที่ดูสว่างสะอาดตาท่วงท่าการก้าวย่างทุกครั้งเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่ใครๆต่างพากันอิจฉา บุคคลที่มีเงินทองกองอยู่ตรงหน้าตั้งแต่วัยเยาว์แต่ไม่เคยถือตัวกับลูกน้องหรือพนักงานของตัวเอง พูดคุยเป็นกันเองจนเป็นที่รักยิ่งของพนักงานบนเครื่องและด้านล่าง ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของเขาทำให้สายการบินประสบผลสำเร็จไปด้วยดียิ่งกว่ารุ่นพ่อที่เป็นผู้ก่อตั้ง ความสามารถและความน่าเชื่อถือในการทำงานทำให้มีไฮโซนางแบบดาราต่างเข้าคิวเพื่อตอบสนองกับร่างตรงหน้าแต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยคิดที่จะสนใจเพราะเขารู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากเขา เมื่อไหร่กันที่จะพบสิ่งที่เรียกว่าความรักที่แท้จริงซักที
      “ดีครับ ผมดีเลย์เอง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับผมกันนะครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจด้วยนะครับ มาฟังกันดีกว่าครับ”
        ผมชื่อดีเลย์ครับเพื่อนๆจะเรียกเลย์เฉยๆเพราะมันง่ายกว่าผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คนครับ คนแรกชื่อไลฟ์ลี่ครับมันเป็นทนายครับตอนที่มันจบผมก็บอกให้มันมาช่วยงานผมด้วยมันก็เลยเป็นทนายให้กับสายการบินของผมด้วยเลย คนต่อมากบาร์เทนครับมันเป็นมาเฟีย ผมก็เลยให้มันส่งคนของมันมาช่วยดูแลความปลอดภัยในสายการบินให้ด้วย คนต่อมาชื่อโดนัลไอ้หมอนี่เป็นตำรวจครับ ฮ่าๆๆกลุ่มผมนี่แปลกครับมาเฟียกับตำรวจเป็นเพื่อนรักกัน ผมขำแทบตายตอนที่ไอ้บาร์เทนกับไอ้โดนัลมันมาบอกว่าพวกมันทำงานอะไร ส่วนคนสุดท้ายมันเป็นหมอครับ ชื่อเลนโว ไอ้นี่ถ้าไม่กวนมันก็จะปลอดภัยครับแต่ถ้ากวนมันนะโดนมันแกล้งให้ยาผิดแน่นอน มันโรคจิตครับชอบแกล้งคนไข้ มันบอกคลายเครียดแต่คนไข้นี่สิเครียดแทน
        นี่แหละครับกลุ่มผม ส่วนครอบครัวของผมคุณพ่อคุณแม่เป็นเจ้าของสายการบินที่ผมทำอยู่พอพวกท่านทำไม่ไหวก็ส่งต่อมาให้ผมเราะพี่สาวผมเธอแต่งงานไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศแล้วครับ นานครั้งกลับมาเยี่ยมแต่พอแม่ผมปลื้มครับก็ลูกพี่สาวผมน่ารักนี่ครับ เห่อกันใหญ่ มีครั้งหนึ่งผมแกล้งพวกท่านบอกว่ามีแฟนผู้ชาย ผมอยากรู้ว่าพวกท่านจะทำยังไง พวกท่านก็ตอบว่าก็เรื่องของผมเพราะท่ามีหลานแล้ว จบเลยครับนี่ผมหมดประโยชน์แล้วครับ
        มาเข้าเรื่องกันดีกว่ายิ่งเล่ายิ่งเศร้า วันนี้ผมรีบครับและรถก็เสียเลยเอาเข้าอู่และขึ้นรถแท็กซี่มาแทนผมว่าผมหยิบของออกมาครับนะครับแต่พอลองหาเลยนึกขึ้นได้ว่าวางเอาไว้ข้างตัวตอนอยู่บนรถ ผมเลยเรียกไอ้ไลฟ์ให้มันมาช่วยหาเพราะมันว่างครับและพอหาไปได้ซักพักไอ้นัลก็โทรมาครับมันบอกว่ามีคนเอากระเป๋าเอกสารมาคืนที่โรงพักครับผมกับไอ้ไลฟ์ก็เลยรีบไปแล้วก็ไปเจอไอ้หมอที่นั่นด้วย พอผมเห็นคนที่เอากระเปามาคืนครั้งแรกผมคิดถึงคำว่ารักที่ตามหาทันที ผมจะชวนเขาไปทานข้าวเพื่อขอบคุณแต่กลับโดนปฏิเสธ ปกติมีแต่คนอยากจะไป แต่นั่นยิ่งทำให้ผมอยากจะรู้จักมากขึ้น
     ตอนที่พวกเรารู้ว่าเขาเป็นลูกคุณอนันต์ยิ่งดีใจเพราะพวกท่านใช้บริการสายการบินของผมบ่อและเคยคุยกันหลายครั้งแต่ไม่เคยรู้ว่าท่านจะมีลูกที่น่ารักขนาดนี้ หลังจากนั้นเราก็เจอเขาที่ผับและรู้ว่าชื่อโซฟาพอคุยกันเสร็จก็ได้รู้ว่าพวกเพื่อนผมชอบน้องเหมือกันเราเลยคิดที่จะแข่งกันจีบแต่ยังไงเราก็ต้องให้น้องมาเป็นแฟนพวกเราอยู่แล้ว
        พอตอนเช้าเราก็ไปบอกว่าน้องเป็นแฟนเรา หลายวันต่อมามีคนบอกว่าบอสมาเฟียจะใช้บริการสายการบินผมเพื่อมาที่ไทยตอนนั้นตื่นเต้นครับเพราะคนคนนี้มีอิทธิพลเยอะมาก เยอะกว่าไอ้บาร์เทนอีก เราเห็นน้องเดินเข้าไปหาชาคนนั้นและเราก็มารู้ว่าน้องเป็นเพื่อนกับบอสมาเฟีย ตอนแรกเราก็เกร็งกันเพราะหมอนี่ไม่ธรรมดาแต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเขาเป็นกันเองมากกว่าที่คิดเพราะเขาบอกว่าเราจะมาเป็นเพื่อนเขยด้วย อันนี้ผมชอบนะ เขาฝากน้องไว้กับพวกเราและบกว่าถ้าพวกเรามีปัญหาอะไรก็บอกได้เดี๋ยวเขาจะช่วย แล้วพอเช้าเขาก็ต้องรีบกลับเพราะมีเรื่องด่วนตอนนั่นเราแยกย้ายแล้วพอตอนเที่ยงเรานัดกันมากินข้าวตอนที่น้องมาแล้วคุยกับไอ้บาร์เทนน้องแทนตัวว่าฟา และเรียกพวกผมว่าพี่อะไรไม่รู้ทำให้ผมคิดว่าถ้าน้องเรียกแบบนั้นตอนที่อยู่บนเตียงมันจะเป็นยังไง แต่ความคิดผมก็โดนไอ้บาร์เทนกระชากหลุดเพราะมันเย้ยพวกผมเรื่องที่มันจูบน้องแล้ว ตอนนั้นอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมต้องคิดแผนการขโมยจูบน้องให้ได้
        ยิ่งรู้จักนานเข้ายิ่งถอนตัวไม่ขึ้น คนอะไรไม่รู้ทำอะไรก็น่ารักให้ตายเถอะผมมองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าโซฟาแล้ว นี่ผมเข้าขั้นโซฟาลิซึ่มใช่ไหมครับ บอกผมที

Tbc.




หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 05-12-2015 21:27:38
บทที่11
     Sofa
        หลังจากวันที่ผมเก็บกระเป๋าและเลยมาถึงเรื่องเสียจูบแรกด้วยจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วผมได้ข่าวว่าคุณเพื่อนรักสุดใจขาดดิ้นของผมก็จะเข้าพิธีแต่งงานกันปลายปีเพราะตอนนี้อัลโตกำลังเข้ารับตำแหน่ง ถ้ายังจำกันได้คุณหญิงคุณชายจะกลับบ้านเดือนนี้ ดีใจจังทุกวันที่ผ่านมาชีวิตผมมีสีสันมากขี้นเพราะเวลาที่พี่คนไหนว่างก็จะมาพาผมไปเที่ยวเพื่อหาแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่อง แต่ที่ผมรู้สึกว่ามันแปลกก็ตรงที่เวลาไปเที่ยวพวกพี่เขามักจะเดินเขามาคลอเคลียใกล้ๆแอบจับมือบ้างแตะตรงนั้นตรงนี้บ้าง วันนี้ผมว่างครับเพิ่งเอางานข้าไปส่งเลยคิดที่จะเข้าไปลองชุดที่ร้านประจำ
        ผมเดินมาห้างดังที่ประจำผมเพราะมันใกล้ที่ทำงานด้วยส่วนหนึ่งผมเดินเข้าไปร้านประจำ พนักงานที่นี่เป็นแฟนนิยายผมครับเลยสนุกเวลามา

   “อ่าว คุณโซฟามาแล้วหรอค่ะ ทางร้านมีเสื้อคอลเลคชั่นใหม่ด้วย สนไหมค่ะ”
   “มาใหม่แล้วหรอครับคุณนุ่น งั้นผมขอดูหน่อย”
   “ทางนี้ค่ะ” ผมเดินตามคุณนุ่น เราสนิทกันเพราะวันนั้นผมหอบงานมาด้วยเธอเลยเข้ามาช่วยแนะนำเพราะผมไม่ว่างเดินดูและคุยกันไปก็รู้ว่าเธอติดตามเรื่องของผมอยู่ก็เลยสนิทกันมาเรื่อยๆ
        วันนี้ผมไม่ได้บอกพวกพี่เขาหรอกว่าไปไหนและปิดเครื่องหนีด้วย ก็ผมอยากมาหาชุดเองนี่ครับไม่อยากให้ใครมาตาม ผมใช้เวลาในการเลือกชุดไปเรื่อยๆพอได้ชุดที่ถูกใจก็เดินเข้าไปลองในห้องลองชุด ตอนที่ผมจะเลื่อนม่านปิดกระมีคนแทรกตัวเข้ามา พี่เทน มาได้ไงนะ

   “ไงตัวแสบ คิดว่าหนีพ้นหรอครับ”
   “พะ....พี่เทน มาได้ไง”
   “เผอิญมีเด็กดื้อแถวนี้หนีมาเที่ยวก็เลยมาตาม ฟาเห็นบ้างไหมครับ หืม” ถามเฉยๆก็ได้เอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไม
   “มะ...ไม่เห็นครับ” ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบไม่ให้หน้าพี่เทนเข้ามาใกล้มากกว่านี้
   “หรอครับ แต่ว่าพี่คิดว่าพี่เจอแล้วนะครับ”
   “อ้ะ อืม”   ไม่ทันได้ท้วงพี่เทนก็เข้ามาจูบผม ตอนแรกก็ไม่ยอมให้ลุกล้ำเข้ามาในปากผมได้แต่อยู่ดีๆพี่เทนก็เอามือมาลูบผ่านยอดอกของผมทำให้เผลอร้อง พอเห็นโอกาสพี่เทนก็ส่งลิ้นร้อนเข้ามาภายในปากผมไล่ต้อนลิ้นผมจนหมดแรง มือที่ผลักตอนแรกกลับการเป็นเกาะบ่าเพื่อประคองตัวเองไม่ให้ล้ม จนอากาศเริ่มหมดพี่เทนก็ปล่อย ร่างของผมแทบทรุดเหมือนโดนดูดเรี่ยวแรงออกไปจนหมดตัว

   “หายดื้อรึยัง นี่เป็นโทษของเด็กดื้อที่ปิดเครื่องหนีพี่”
   “ไม่ได้หนีนะ แค่จะมาซื้อเสื้อเอง”
   “หรอครับ แล้วทำไมต้องปิดเครื่อง”
   “ก็” ใครจะบอกได้เล่าว่าจะมาซื้อเสื้อไปฝากพวกพี่เขา ก็แค่อยากตอบแทนไม่ให้พี่เขารู้ตัว แต่ดันโดนจับได้อีก
   “ก็ อะไรครับ”
   “ปะ...ปล่อยก่อน หายใจไม่ออก”
   “ไม่ครับถ้าไม่บอก”
   “ก็ได้ จะมาซื้อเสื้อให้พวกพี่ พอใจยังครับ”
   “หืม ทำไมล่ะครับ”
   “ก็ตอบแทนที่ช่วยเหลือไง”
   “หึหึ”
   “ปล่อยเลย อายเป็นนะ”
ฟอด “น่ารักจังครับ งั้นเดี๋ยวพี่ช่วย”
   “อืม” แล้วเราก็ออกจากห้องลองชุดมาเลืกเสื้อต่อ  “คุณนุ่นครับ”
   “ค่ะ คุณโซฟา”
   “มาทางนี้หน่อยครับ พี่เทนห้ามมานะ” พี่เทนทำหน้าสงสัยสักพักก็ยอมยืนรอ ผมพาคุณนุ่นเดินออกมาอีกทาง
   “มีอะไรค่ะคุณโซฟา”
   “เอ่อคือ เรื่องชุดที่บอกไว้ เอาไว้ช่วยส่งไปที่บ้านให้วันหลังนะครับเดี๋ยวผมจ่ายเงินไว้ก่อน”
   “ได้ค่ะ ว่าแต่ขอถามได้ไหมค่ะ คุณโซฟาเป็นอะไรกับคุณบาร์เทนหรอค่ะ”
   “เออ....คือ แหะๆ” ผมบอกไม่ถูก นั่นสินะเราเป็นอะไรกับพี่เขานะ พวกพี่เขาบอกว่าเราเป็นแฟนแต่เรายังไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย
   “หรอค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ารู้แล้วอย่าลืมบอกกันนะค่ะ”
   “ครับ”
        ผมเดินออกจากร้านพร้อมพี่เทน มีคนมองมาเยอะเหมือนกัน พี่เทนก็เดินเงียบๆ จะว่าเงียบตั้งแต่ออกจากร้านเลยดีกว่า โกรธอะไรรึเปล่าเนี่ย

   “เออ...คือ”
   “เดี๋ยวพี่ให้คนไปส่งนะครับ พอดีมีธุระ”
   “ครับ” ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ตอนนี้มันรู้สึกแปลกๆในใจ ช่างมันเถอะไม่สนใจเรื่องของเขา ผมเดินแยกออกมาและหลบคนของพี่เทนมาขึ้นแท็กซี่กลับมาที่บ้านใหญ่แทนที่จะเป็นบ้านผม ผมไม่รู้หรอกครับว่าเพราะอะไรแต่ผมอยากเจอคุณหญิงมากเลยตอนนี้ ถึงพวกพี่เขาจะรู้ว่าผมอยู่ที่ไหนแต่ก็เข้ามาไม่ได้หรอกเพราะบ้านผมปลอดภัย ฮ่าๆๆ

   “อ่าว คุณหนูกลับมาแล้วหรอค่ะ ป้านึกว่าจะเข้ามาพร้อมพวกคุณท่าน”
   “เปล่าครับ ผมคิดถึงบ้านนะครับ ว่าแต่คุณหญิงกลับวันไหนครับ”
   “อ่าวพวกท่านไม่ได้บอหรอค่ะ ว่ากำลังจะมาถึงแล้ว”
   “ห้ะ อะไรกันเล่นเป็นเด็ก”
   “ค่ะ ฮ่าๆๆ”
   “งั้นผมไปแอบนอนบนห้องนะครับ ไม่ต้องบอกพวกเขานะครับว่าผมมาแล้ว”
   “ได้ค่ะ”  ผมเดินเข้ามานอนเล่นบนห้อง คิดถึงที่นี่จังนานๆครั้งจะได้เข้ามา ตอนเด็กๆผมสร้างวีรกรรมเอาไว้เยอะเหมือนกัน เฮ้ออยากกลับเป็นเด็กจัง อยู่ดีๆเรื่องวันนี้ก็แทรกเข้ามา เฮ้อ ตกลงพวกเราเป็นแฟนกันจริงๆหรอ ประวัติของแต่ละคนก็ไม่ใช่จะธรรมดา คนแบบพวกเขาจะมารักผู้ชายแบบผมได้ยังไงนะ ผมยอมรับว่ามีความสุขกับทุกเรื่องที่พี่เขาทำแต่บางครั้งผมก็รู้สึกไม่ไว้ใจในตัวของพวกเขาเลย ผมรู้สึกดีที่มีพวกเขาบางครั้งก็เศร้าที่หาเหตุผลว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงเข้าหาผม หวังอะไรรึเปล่า ผมรู้ว่าความคิดนี้มันไม่ดีเพราะจะเป็นการดูถูกน้ำใจของพวกพี่เขา แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้ สังคมวันนี้คบกันเพื่อผลประโยชน์ก็เยอะ แล้วพวกเขาละต้องการอะไร

        ผมไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหนดูข้างนอกแล้วก็เริ่มมืด ผมเดินลงมาข้างล่างเห็นคุณหญิงกับคุณชายกำลังนั่งเล่นกันที่โซฟา

   “มาไม่บอกกันนะครับ”
   “เฮ้ย ไอ้น้องฟาแกมาตอนไหน”
   “มาก่อนคุณชายครับ”
   “แล้วทำไมน้องฟาไม่บอกคุณแม่ค่ะ”
   “ก็แล้วทำไมคุณหญิงกลับมาไม่บอกน้องฟาบ้างละครับ” ผมทำท่างอนคุณหญิงแบบที่ชอบ
   “โอ๋ ไม่งอนนะค่ะ พ่อกับแม่แค่จะมาเซอร์ไพร์น้องฟานะค่ะ”
   “ไม่งอนก็ได้ครับ คุณหญิงหิวอ่ะ ไปกินข้าวนอกบ้านกันนะครับ”
   “หืม ไอ้ตัวแสบ คิดไง ปกติไม่เห็นอยากออกไปไหนด้วยกัน”
   “เปล่าครับ แค่อยากลองเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมาทำงานที่บริษัท ผมคิดว่าผมใช้เวลากับนักเขียนมามากพอแล้ว ผมจะเข้าไปทำงานของผมสักที”
   “เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ”
   “เปล่าครับ ต่อไปนี้ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่นะครับ บ้านนั้นปล่อยขายเลยครับ เดี๋ยวให้คนไปเก็บของละกัน”
   “ตามใจ ก็ดี งั้นเราไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
   “ครับ” ใช่ครับผมคิดแล้วถ้าผมลองห่างพวกเขาและลองทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันผมจะเป็นยังไงและพวกพี่เขาจะเป็นยังไง จะยังเป็นแบบนี้เหมือนเดิม หรือว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ผมอยากพิสูจน์ตัวเองอยากรู้ว่าความจริงแล้วผมรู้สึกกับพวกพี่เขายังไงกันแน่ บางทีผมอาจะรักหรือไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้ ไม่ใช่ว่าผมน้อยใจที่พี่เทนทำแบบนั้นกับผมเลยทำให้คิดแบบนี้ ผมอยากรู้ว่าตกลงผมเป็นอะไรกับพวกเขากันแน่ เป็นคนที่พวกเขารักหรือเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่พวกเขาอยากครอบครองพอได้มาก็เปลี่ยนใหม่ แค่นั้น

   “จะกินอะไรกันดีล่ะน้องหนูฟา”
   “คุณชาย”
   “ฮ่าๆๆ”
   “คุณก็ จะกินอะไรดีค่ะน้องฟา”
   “อืม อาหารอิตาเลียนไหมครับ อยากกินจังไม่ได้กินนานแล้ว”
   “ได้”
         ตอนนี้ผมอยู่บนรถของที่บ้านที่คุณชายเป็นคนขับคุณหญิงนั่งคู่ส่วนผมโดนไล่มานั่งคนเดียวข้างหลัง ตลอด หวานกันเข้าไปเหอะ พวกเราสามคนพ่อแม่ลูกใช้เวลาเดินทางมาที่ภัตตาคารไม่นานก็ถึงเราเดินเข้าไปกดลิฟต์ที่ชั้นอาหารอิตาเลียน บรรยากาสยังเหมือนเดิม

   “สวัสดีครับท่าน มากี่ท่านครับ”
   “สามคนครับ”
   “เชิญทางนี้ครับท่าน” บางทีผมก็ไม่ค่อยชอบตำแหน่งคุณชายเท่าไหร่เวลาไปไหนมันโดดเด่นเกินแต่ก้องทำใจเพราะผมก็ต้องเข้าไปทำงานแบบนั้นแล้ว
        ผมเดินตามคุณหญิงกับคุณชายไปทางที่บริกรคนนั้นพาไป เดินผ่านโต๊ะที่มีคนกลุ่มใหญ่นั่งกันอยู่ ให้ตายเถอะถ้ามันจะบังเอิญขนาดนี้ พวกพี่เขามีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนมีปัญหาอะไรกันและพี่เทนที่ทำหน้านิ่งเรียบเฉยจนน่ากลัว บรรยากาศภายในโต๊ะนั้นดูอึมครึมไม่น่าเข้าใกล้แต่ผมต้องเดินผ่านนี่สิ อยู่ดีๆพี่หมอก็หันมาทางผมและเห็นผมพอดี ก่อนที่จะสะกิดคนอื่นให้หันมามอง ผมก็มองเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน พอถึงเวลาที่ผมต้องเดินผ่านมันเหมือนเวลากำลังจะหยุดลง ไม่ได้ห้ามทักเพราะเราไม่รู้จักกัน นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับตัวเอง จังหวะที่จะเดินพ้นพี่เทนเหมือนจะพูดอะไรแต่ผมเมินหน้ากลับมาและเดินไปนั่งที่ของผมที่ตรงข้ามกับโต๊ะของพวกเขากลายเป็นว่าเราเผชิญหน้ากันทันที ผมไม่หันไปสนใจโต๊ะนั่นแม้แต่น้อยแต่ก็รู้ได้ว่าพวกพี่เขามองมาอยู่

   “รู้จักกันหรอ เห็นมองหน้ากัน”
   “เปล่าครับ แค่เหมือนจะเคยเห็น” ผมตอบคำถามคุณชายแต่ตามองไปที่พวกพี่เขาและดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ว่าผมพูดอะไรเพราะแต่ละคนทำสีหน้าตกใจและดูเศร้าลงทันที ขอโทษนะครับ ผมต้องการเวลา
   "อืม สั่งสิ อยากกินอะไรเดี๋ยวป๋าเลี้ยง”
   “หึหึ” ผมรู้ว่าพ่อรู้ว่าผมไม่ปรกติ ท่านเข้าใจและไม่คาดคั่น ท่านจะรอจนผมจะเล่าเอง
   เราใช้เวลาในการกินข้าวเย็นกันนานพอสมควร ถ้าปรกติผมจะเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้พวกท่านฟังแต่ครั้งนี้ผมไม่เล่าเพราะเรื่องราวที่ผ่านเข้ามามันเป็นเรื่องราวของผมและพวกเขา ผมยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องนั้น ผมทำตัวให้เหมือนเดิมที่สุดไม่ให้คุณหญิงสงสัย ผมรู้ว่าแม่ก็เป็นห่วงแต่ท่านไม่เข้ามาคาดคั่นก็แค่นั้น หลังจากที่เรียกเก็บเงินเราก็ออกมาจากที่นั่น พอลงมาข้างล่างคุณหญิงก็มีสายเข้า
   “น้องฟาแม่จะให้คนที่บ้านมารับนะค่ะ พอดีเพื่อนเก่าของพ่อกับแม่เขานัดมา แม่สัญญาแล้วว่าจะไปหาถ้ากลับมา ขอโทษนะคะ”
   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้”
   “จะดีหรอค่ะ”
   “ครับคุณหญิง ตอนนั้นผมก็นั่งไปทำงานนะครับ”
   “ตามใจค่ะ งั้นแม่กับพ่อไปก่อนนะค่ะ”
   “ครับ”
   “อย่าเถลไถลนะน้องหนูฟา”
   “คุณชาย”
   “ฮ่าๆๆ” แล้วคุณชายกับคุณหญิงก็ขับรถออกไป เฮ้อ เหนื่อยเหมือนกันนะที่ต้องปกปิดแบบนี้
   “ไม่สบายหรอครับโซฟา” เฮือก ผมสะดุ้งทันทีที่มีคนมาพูดข้างหู เสียงนี้มัน
   “พะ....ขอโทษครับ มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
   “น้องฟาเป็นอะไรครับ ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จักกันแบบนี้ด้วย พี่หมอไม่เข้าใจนะครับ”
   “ใช่ครับโซฟา พวกพี่ทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่าครับ หรือว่าไอ้เทนมันทำอะไรอีก” ผมไม่ตอบคำถามของพี่หมอกับพี่ทนาย แต่เลือกที่จะเดินถอยหลังออกมาและทำเหมือนไม่เห็นพวกพี่ที่เหลือ
   “เดี๋ยว โกรธที่พี่ไม่ไปส่งหรอ” พี่เทนจับแขนของผมไว้
   “ปล่อยด้วยครับ” ผมแกะมือของพี่เทนออกจากแขนก่อนจะก้าวถอยออกมาหนึ่งกาว
   “พี่มีธุระด่วนที่พาฟากลับไม่ได้ ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างครับ ฟาก็รู้ว่าพี่มีงานที่อันตรายขนาดไหน พี่ไม่อยากให้ฟาต้องมาเดือดร้อนด้วยนะครับ”
   “ถ้ากลัวเดือดร้อนจะเข้ามายุ่งทำไมครับ”
   “โซฟา” พี่เทนดูเหมือนจะอึ้งกับคำพูดของผม ใช่ครับผมพูดแรงผมรู้ดี แต่มันก็จริงไม่ใช่หรอครับ ถ้าไม่อยากให้ผมเดือดร้อนก็ไม่มายุ่งกันตั้งแต่แรกจะไม่ดีกว่าหรอครับ
   “ไม่ดีเลยนะครับแบบนี้ ทำไมพูดแบบนี้ครับ พวกพี่รักเรานะครับทำไมต้องพูดเหมือนรำคาญกันด้วย” ผมเงียบไม่ตอบพี่โดนัลถึงกับน้ำตาคลอทันที ผมขอโทษนะครับที่ทำแบบนี้แต่เพราะผมอยากจะรู้ว่าตกลงแล้วเรื่องของพวกเรามันคืออะไรกันแน่ ที่ผ่านมาพวกพี่ทำไปเพราะอะไร และต้องการอะไรจากผมจริงๆ
   “ขอตัวนะครับ” ไม่มีใครเข้ามาห้ามผมอีก ผมเลยเลือกที่จะเดินออกมา
   “ได้ ถ้านายต้องการแบบนั้นดีด้วยแล้วไม่ชอบก็อย่ามาว่าฉันร้ายก็แล้วกัน” เสียงของพี่เทนดังขึ้นตามหลังของผม ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง พวกพี่ทุกคนกำลังทำหน้าตาที่เคร่งเครียดใช่ผมรู้ว่าคำพูดผมทำร้ายพวกเขา แต่ถ้าผมยอมมันจะได้อะไร ใครว่าผมงี่เง่าก็ได้ผมแค่อยากจะรู้ว่าพวกเขารักผมจริงหรือแค่ของเล่นชั่วคราว
   “ลาก่อน”ความสุขของผม ประโยคสุดท้ายผมรับรู้คนเดียวก็พอ แล้วผมก็เดินจากพวกเขามา ใช่แล้วครับผมเลือกที่จะทำแบบนี้เองและคงต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย ถ้าหากผมรักพวกพี่จริงผมก็จะยอมเป็นคนบาปที่ทำร้ายคนที่รักแต่ถ้าเกิดพวกพี่คิดว่าผมเป็นแค่ของเล่นผมก็จะทำให้ได้รู้ว่าผมไม่เคยเป็นของเล่นสำหรับใคร
Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 05-12-2015 22:38:59
โอ๊ะโอ น้องฟาจะทำงัยต่อน๊าาาา
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 05-12-2015 23:24:44
 :o8: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 06-12-2015 20:47:07
บทที่12
        หลังจากที่กลับมาวันนั้นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วของที่บ้านหลังนั้นก็ถูกขนกลับมาที่บ้านใหญ่หมดและที่ทำงานผมก็ขอออกจากการเป็นนักเขียนประจำแต่เป็นแค่นักเขียนอิสระแทน หัวหน้าเข้าใจผมครับเรื่องนี้เพราะผมก็อธิบายแล้วแต่ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงก็แค่นั้น ทุกอย่างผ่านไปแบบเงียบสงบใช่มันสงบเกินไป พวกพี่เขาตัดใจแล้วหรอ ก็ดีสินะเราจะได้รู้ตัวเร็วขึ้นบางทีเราอาจจะเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อก็ได้
     ตอนนี้ผมอยู่บนรถคันเก่งที่ผมซื้อมันตอนที่เรียนปอตรี พอร์ชสีน้ำเงินเข้ม ดูน่าค้นหาสีนี้ผมสั่งทำครับหายากเหมือนกันกว่าจะผสมเสร็จให้ได้แบบนี้ หมดไปหลายล้านเหมือนกัน ตอนนั้นคุณชายแทบจะกินหัวผม แต่มันก็ผ่านมานานแล้วช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้มีสิ่งมารบกวนผมนี่สิ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าแต่ดูเหมือน บีเอ็มดับเบิ้ลยูคันข้างหลังจะขับตามออกมาจากซอยบ้านใหญ่แล้ว สงสัยเขาจะไปทางเดียวกัน ผมเลี้ยวเข้ามาที่บริษัทและจอดรถ รถคันนั้นหายไปแล้ว ไม่ได้ตามนี่คิดมากไปได้ ผมเดินเข้าไปที่บริษัทมีหลายคนมองมาผมเลยเดินไปที่ประชาสัมพันธ์คนที่นี่ไม่รู้จักผมหรอกเพราะผมทำงานที่บ้านไม่เข้ามาแต่ต่อไปนี่ผมจะเข้ามาทำงานแล้ว

   “ติดต่ออะไรค่ะ”
   “คุณชื่ออะไรครับ”
   “เอ๋ เออ...ชื่อ พิม ค่ะ”
   “งั้นเดี๋ยวคุณพิมช่วยแจ้งคุณอนันต์ให้หน่อยครับ ว่าโซฟารออยู่ข้างล่าง”
   “สักครู่นะค่ะ” แล้วเธอก็หันไปคุยกับใครสักคนข้างบนก่อนที่จะยื่นมาให้ผม “ท่านประธานจะเรียนสายค่ะ”
   “ครับ คุณชาย”
   “แกก็ขึ้นมาสิ จะให้ฉันลงไปทำไม”
   “คุณชายนั่นแหละลงมา ผมจะรอข้างล่าง”
   “แล้วทำไมไม่ขึ้นมา”
   “ผมจะให้คุณชายลงมาดูอะไรหน่อย”
   “เฮ้อ ก็ได้ มาวันแรกก็หาเรื่องเลยนะ”
   “อย่ามัวแต่บ่นคุณชาย ฟารออยู่เร็ว ไม่รีบฟ้องคุณหญิงนะ”
   “เออ ไอ้น้องหนูโซฟา”
   “คุณชาย”
   “ฮ่าๆๆ” แล้วผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนเธอ ผมหันหลังมานั่งรอที่โซฟารับแขก ประมาณห้านาทีคุณชายก็ลงมา
   “ไง มีอะไรให้ดู”
   “ไม่เห็นจริงอ่ะ” ผมให้คุณชายมองหาสิ่งผิดปรกติ ใช่ครับดูแล้วมันแปล่งๆ ตามหลักที่ผมบอกไว้ ยามต้องมีสามคนประจำหลายประตู ต้นไม่เอย โซฟารับรองเอย แล้วก็อย่างอื่นมันแปลกๆ
   “เออ จริงด้วย ลืมบอกไป ว่ามันมีการปรับเปลี่ยนเรื่องคนนิดหน่อยแล้วก็ของตกแต่ง ตอนนั้นพอดีมันมีเรื่องเข้ามาเยอะเลยลืมบอก”
   “ช่างเหอะ ไปกินกาแฟกัน” ผมชวนคุณชายมากินกาแฟที่ร้านของบริษัท พอเดินเข้ามาก็มีพนักงานหลายคนทำความเคารพคุณชายกัน ว่าแต่ทำไมคนเยอะจัง อยู่ในเวลางานไม่ใช่หรอ
   “เหตุผลที่เรียกลงมา เพื่อมานั่งกินกาแฟ”
   “อืม”
   “นี่ฟา พ่อไม่ได้ว่างขนาดมานั่งเล่นกับแกนะ งานเยอะแยะรออยู่ แกคิดอะไรอยู่”
   “คุณชายจะเครียดทำไม ดูสิขนาดพนักงานยังนั่งคุยกันสบายๆเลยไม่เห็นรีบร้อน” ผมมองเห็นพนักงานที่นั่งเล่นเกมและคุยกันแบบสบายๆไม่สนใจงานมากนัก
   “เฮ้อ เอาหล่ะจะบอกว่าอะไรก็ว่ามา”
   “จัดอบรมพนักงานใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะรวมประชุมด้วย”
   “อะไรนะ ลืมเรื่องนี้เลย”
   “คุณชายอย่าบอกนะว่า คุณชายไม่ได้จัดอบรมพนักงาน”
   “อืม งานมันเยอะ”
   “ให้ตายเถอะ”
   “แกอย่ามาพูดมากไอ้ลูกตัวแสบ ก็เพราะแกไม่เข้ามาทำงานสักทีไง งานมันถึงเยอะขนาดนี้”
   “ไม่ต้องมาโทษผมเลย เป็นประธานเองนะ”
   “พูดเหมือนแกไม่เป็น”
   “ยังไม่เป็น”
   “เดี๋ยวก็เป็น”
   “พอหยุด ไปทำงานเหอะ” หลังจากที่ทิ้งระเบิดไว้ให้พนักงานเสียวสันหลังเล่นก็ชวนคุณชายมาที่ห้องทำงาน ตลอดทางก็มีคนมองมาเยอะเหมือนกัน ก็นะเวลาทำงานผมเคร่งจะตาย เอาง่ายๆพนักงานหลายคนไม่ค่อยจะชอบให้ผมเข้ามาทำงานเลยหล่ะ แต่ก็นะ ใครแคร์ ฮ่าๆๆ
     ผมนั่งทำงานจนเพลินลืมดูเวลา เหมือนคุณชายจะบอกว่ากลับก่อนนะ อืมกี่โมงแล้วนะ ห้ะสามทุ่ม ให้ตายเถอะ ผมจัดการปิดไฟในห้องและลงมาที่รถ ที่บริษัทจะมีพนักงานทำงานสองกะ คือกลางวันกับกลางคืน แต่ประธานแล้วแต่เวลา

   “อ่าวคุณโซฟา ยังไม่กลับหรอค่ะ”
   “อ๋อ ยังครับ ทำงานเพลินไปหน่อย แล้วคุณพิมล่ะครับ” ใช่ครับคนที่ทักผมเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์เมื่อเช้าเองครับ
   “วันนี้แลกเวรเข้ากะกลางคืนด้วย เออ ใช่ค่ะ เมื่อกี้มีคนมาหาคุณแต่ดิฉันคิดว่าคุณกลับแล้วเลยไม่ได้แจ้ง”
   “หืม ใครครับ”
   “ใสชุดตำรวจค่ะ ชื่อโดนัล” พี่โดนัล มาทำไม่กันนะ
   “หรอครับแล้วเขามาคนเดียวรึเปล่า”
   “เปล่าค่ะมากับผู้ชายอีกสองคน คนนึงน่าจะเป็นคุณดีเลย์นะค่ะ ดิฉันเคยเห็นในหนังสือ ส่วนอีกคนสูงๆใสแว่นไม่มีกรอบค่ะ”
   “หรอครับ งั้นขอบคุณมากครับ”
   “มีอะไรรึเปล่าค่ะ”
   “อ๋อ เปล่าครับ งั้นผมกลับก่อน ดูแลตัวเองนะครับ”
   “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะค่ะ”
   “ครับ” พี่โดนัล พี่ดีเลย์ สูงๆใส่แว่นไม่มีกรอบ พี่ทนายเพราะพี่หมอใส่แว่นมีกรอบ สามคนนั้นมาทำอะไรกันนะ บุกมาที่บริษัทเลยหรอ มีแผนอะไรกันนะเห็นเงียบไปนึกว่าจะปล่อยไปแล้ว แล้วใจจะเต้นแรงทำไมนะแค่รู้ว่าบางทีพี่เขาอาจจะยังสนใจอยู่ บ้าแล้ว
        ผมเดินมาที่จอดรถและกำลังจะขึ้นรถก็มีคนมากอดผมจากข้างหลัง
   “หยุดดิ้นนะครับ ถ้าไม่อยากให้พี่ต้องทำร้ายเรา” พี่โดนัล ผมหยุดดิ้นเพราะรู้ว่าเป็นใคร
   “คุณต้องการอะไร ปล่อยผมด้วย” พี่โดนัลคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยผมเลยผลักออกและก้าวถอยให้ห่างออกมา
   “ทำไม่พูดจาห่างเหินกันแบบนี้ครับ ไม่น่ารักเลยนะครับ”
   “ไม่น่ารัก ก็ไม่ต้องมารัก อุ๊บ” เอาแล้วไงเผลอจนได้ ไอ้ฟาทำไมโง่จังว่ะ
   “หึหึ แบบนี้เองหรอ” พี่ทนายเดินออกมาจากด้านหลังรถ อะไรกัน ไม่รู้หรอกพี่ทนายไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะ
   “คุณพูดเรื่องอะไร”
   “อยากพิสูจน์ความรักของพวกพี่สินะ” ไม่จริง รู้ได้ยังไง เก่งเกินไปแล้ว
   “จริงหรอครับ โซฟา พี่เลย์ยอมให้โซฟาพิสูจน์เลยครับ จะให้ตายแทนก็ได้ครับ พี่เลย์รักโซฟาจริงๆนะครับ” อึก อย่าใจอ่อนสิ เดี๋ยวเสียหมด
   “พะ...พูดเรื่องอะไรกัน ผมไม่รู้เรื่องนี่ก็ดึกแล้ว ผมขอตัว”
   “ได้ครับ ตอนนี้พวกพี่ก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร งั้นเราจะทำให้โซฟายอมรับให้ได้เลยคอยดู”
   “แม้ว่าผมจะทำร้ายพวกพี่ขนาดไหนหรอครับ”
   “ครับ พวกเรายอมทุกอย่าง ถ้ามันสามารถพิสูจน์ให้โซฟาเห็นว่าพวกพี่รักเราจริงๆ ไม่ใช่อย่าที่โซฟาเคยรู้มา”
   “งั้นกลับไปเตรียมตัวกันให้ดี แล้วจะได้รู้ว่าจะทำได้กันจริงๆ”
   “เชื่อเถอะครับ เรื่องนี้พวกพี่จิงจังกันจริงๆ”
   “แล้วจะคอยดู” ผมขับรถออกมาทันที ได้เวลาเริ่มแล้วสินะ ก็อย่างที่พี่ดีเลย์บอก ผมได้ยินเรื่องที่พวกพี่เขามีแฟนคนเดียวกันมาก่อนและก็เลิกกันไปเพราะพวกพี่เขาเบื่อ ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่แท้จริงแล้วมันเป็นยังไงแต่ผมก็ยังไม่อยากกลายเป็นของเล่นคั่นเวลาแบบคนคนนั้นให้พวกเขาเล่นแล้วก็เขี่ยทิ้งเวลาเบื่อ อย่ามาว่าผมง่ายเพราะผมร้ายกว่าที่พวกคุณคิด เตรียมใจกันได้เลย

     อีกด้าน

   “พวกกูรู้แล้วว่าน้องเป็นอะไร”
   “รู้ก็พูดมาสัสนัล อย่ามาลีลา”
   “เชี่ยเทน เรื่องนี้เพราะมึง”
   “อย่ามาโทษกู เพราะพวกเราต้องพูดใหม่”
   “จะเถียงกันทำบ้าอะไร ไอ้นัล มึงรู้ก็พูดมา”
   “อย่าใจร้อนดิไอ้หมอ เออ บอกแล้ว น้องเขาอยากพิสูจน์พวกเรา”
   “พิสูจน์พวกเรา ทำไมวะ”
   “ไอ้โง่เทน ประวัติพวกเราดีตายล่ะ”
   “ก็อย่างที่ไอ้นัลบอก ดูจากที่น้องพูดแล้ว น้องคงไปรู้อะไรมา อาจจะเป็นเรื่องที่เรามีแฟนคนเดียวกันมาก่อนก็ได้ ตอนนั้นเราก็แค่อยากลองเล่นเฉๆ อาจจะเพราะแบบนั้นน้องเลยไม่เชื่อว่าเรารักจริง อาจจะแค่เห็นน้องเป็นของเล่นชั่วคราว”
   “มึงคิดแบบนั้นหรอวะไอ้ทนาย แต่กูว่าน้องอาจจะกำลังสับสนรึเปล่า”
   “นั่นก็มีส่วนไอ้เลย์ เพราะตอนที่น้องพูดแววตาของน้องดูสับสนแปลกๆ ต้องให้เวลาน้องในการรับรู้ความรู้สึก”
   “แล้วถ้าน้องไม่รักเราล่ะ”
   “อย่าโง่ไอ้นัล เราก็ใช้โอกาสที่น้องสับสนทำคะแนนเลยสิ เป็นการพิสูจน์เราไปในตัวด้วย”
   “แล้วจะทำยังไงวะ ขนาดผ่านมาตั้งเดือนน้องยังไม่ไว้ใจเลย”
   “ง่ายๆ”
   “อะไรง่ายวะทนาย”
   “น้องอยากเชื่อใจใช่ไหม ก่อนอื่นต้องพิสูจน์ว่าเรารักจริงหวังแต่งไม่ใช่หวังฟัน ก็ต้องเข้าทางผู้ใหญ่”
   “เข้าทางผู้ใหญ่”
   “ใช่เราต้องทำให้คนรอบข้างน้องเข้ามาเป็นพวกเราก่อน”
   “ยังไง”
   “ก่อนอื่นเราต้องคุยกับครอบครัวเรากันก่อน แต่ดูท่าจะง่ายเพราะเราเคยพูดกันก่อนแล้ว และต้องเข้าไปคุยกับพ่อแม่น้อง อันนี้ต้องไม่ให้น้องรู้”
   “อ่าวแล้วถ้าตอนที่เรามัวแต่ทำเรื่องนี้ น้องไปสนใจคนอื่นล่ะ ที่ผ่านมาก็มีมาตลอดเรากันไว้ตลอดแล้วถ้าเรามาสนเรื่องนี้ใครจะกันน้อง”
   “หึหึ ทำให้น้องเป็นของเราก่อน ประกาศจองไว้ก่อน”
   “ยังไงวะไอ้เลย์”
   “แถลงข่าวแมร่งเลยเป็นไง”
   “เจ๋ง”รอยยิ้มร้ายปรากฏแล้ว
     Sofa
   “ฮัดชิ้ว”ใครบ่นอะ หรือว่าไม่สบาย อืมกินยาแล้วนอนดีกว่า อืมตาขวากระตุก สงสัยทำงานมากไป รีบนอนๆ งืมๆ

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 06-12-2015 20:51:40
บทที่13
        ผ่านมาหลายอาทิตย์หลังจากที่พวกเขาบอกไว้ ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร มาหลอกให้ดีใจแล้วก็ทิ้งกันว่าแต่เราจะดีใจทำไม บ้าแล้วสงสัยทำงานเยอะไปหน่อย

   “เออคือ”
   “หืม ครับคุณพิม มีอะไรครับ” ตอนที่ผมจะเดินผ่านคุณพิมเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่คุยกันถูกคอ เธอทำเหมือนมีเรื่องจะพูดแต่ไม่ยอมพูด
   “เออ...มะ ไม่มีอะไรค่ะ”
   “ครับ” อะไรของเขากัน จะว่าไปตั้งแต่เดินจากรถมาแล้ว มีคนมองตลอดแล้วก็หันไปคุย หรือผมแต่งตัวแปลก ผมลืมรูดซิบหรอ ผมก้มลงไปมอง ก็รูดนี่ แล้วมองอะไรกัน
   “คือ” เสียงของคุณพิมดังเรียกอีกครั้ง
   “ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ เหมือนคุณอยากจะพูดอะไรนะครับ หรือว่าผมแต่งตัวผิดกฎ จะว่าไปตั้งแต่ออกจากรถมาก็มีแต่คนมอง รึว่าผมหล่อขึ้น คุณพิมว่าแบบนั้นใช่ไหมครับ”
   “หา เออ คือ คงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ”
   “อ่าว แล้วมองกันทำไมครับ”
   “เมื่อวานตอนกลางคือนคุณไม่ได้ดูข่าวหรอค่ะ”
   “อ๋อ เมื่อวานผมทำงานลืมเวลาครับกลับบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้วพอไปถึงก็นอนเลย”
   “แล้วตอนเช้าไม่ได้อ่านหนังสือพิมหรือดูข่าวหรอค่ะ”
   “หืม ไม่ครับพอดีตื่นสายเลยรีบมาว่าจะมาหาอ่านที่นี่ แล้วมันเกี่ยวกับผมยังไงครับ”
   “งั้นคุณลองเอาไปดูก็ได้ค่ะ แต่มันไม่ละเอียดเหมือนในตอนที่แถลงถ้าสงสัยถามได้นะค่ะ พอดีเก็บทุกรายละเอียด” แล้วเธอก็ยื่นหนังสือพิมมาให้ผม อะไรกัน
   “อ่า ครับ” ก็ยังงงอยู่ดี ผมเดินเข้ามาในคอฟฟี่ชอปใต้ตึกเดินเข้าไปก็มีพนักงานมองมาหลายคน แปลกแหะ
   “สวัสดีค่ะคุณโซฟา วันนี้จะรับอะไรดีค่ะ”
   “อ่า เอานมสดแล้วกันครับเพิ่มวิปครีมด้วยนะ”
   “ค่ะ ว่าแต่วันนี้คุณโซฟายังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะค่ะ”
   “ห๋า พูดผิดแล้วมั้งครับคุณอ้อนผมนี่นะน่ารัก ผมต้องหล่อต่างหาก พูดแบบนี้สาวๆหายหมดสิครับ” คุณอ้อนเป็นพนักงานที่นี่ครับจะว่าไปเธอเป็นทั้งเจ้าของแล้วก็บาริสต้าด้วยฮ่าๆๆครบในหนึ่งเดียว เธอคุยสนุกครับและเป็นแฟนนิยายผม
   “แหม งั้นแบบนี้แฟนคุณจะไม่เสียใจหรอค่ะพูดแบบนี้”
   “เห ผมยังโสดครับ จะมีแฟนได้ไง”
   “อ่าวก็ในข่าวเมื่อคืน”
   “หืมข่าว ตกลงมันมีอะไรกันครับ เมื่อกี้คุณพิมก็บอกให้อ่านนี่ผมก็ว่าจะเข้ามานั่งอ่าน”
   “อ่าวยังไม่รู้หรอค่ะ แหมมีแฟนที่ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังโรแมนติกแบบนี้ น่าอิจฉานะค่ะ”
   “ห้ะ หล่อหรอครับ อะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจ”
   “ก็นี่ไงค่ะ อ่านี่ค่ะหน้านี้” คุณอ้อนหยิบหนังสือพิมพ์ของผมไปเปิดที่หน้าแรกแล้วก็ชี้หัวข้อข่าวที่มีรูปการจัดแถลงข่าวอะไรสักอย่าง อืมจะว่าไปคนในข่าวหน้าคุ้นๆนะ เฮ้ย นี่มันพวกพี่โรคจิตนี่ ทำอะไรกัน
   “แถลงข่าวเปิดตัวแฟนหนุ่มของ Perfaceman ทั้ง 5 คน จะว่าไปใครได้พวกเขาเป็นแฟนนี่คงจะโชคดีเนอะ ว่าไหมคุณอ้อน” ถามแบบนั้นแต่ใจผมกับเจ็บแปล๊บแบบแปลกๆ เขาคงจะเจอคนที่ใช่แล้วก็ได้ แบบนี้เราก็แค่ของเล่นสินะ
   “เอ๋ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะค่ะ ก็คุณ”
   “พี่อ้อนค่ะ คิดเงินด้วยค่ะ”
   “ได้ค่ะ ลองอ่านต่อสิค่ะ แล้วคุณโซฟาจะรู้” แล้วคุณอ้อนก็เดินไปเก็บเงิน ครบจริงๆ ผมก้มลงมาอ่านต่อ หืมหน้านี้สินะ ไหนนะเนื้อหาข่าว อืม นี่ไง ‘ข่าวด่วนข่าวเด่นข่าวดังสำหรับสาวๆที่คิดจะไปเป็นหวานใจของเหล่า Perfaceman งานนี้อกหักกันไปเป็นแถบเพราะเมื่อวานได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดอกว่าที่หวานใจของหนุ่มๆ Perfaceman ทั้ง5คนที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่รักกันมากจนน่าภูมิใจ และที่น่าตกใจคือพวกเขาทั้ง5คนออกมาบอกว่าหลงรักแฟนคนเดียวกันและงานนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆนะค่ะ เพราะงานนี้พวกเขาตกลงกันแล้ว เห็นว่าเข้าทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายแล้วด้วย และทางผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพราะหนุ่มๆเขามีวิธี แต่อันนี้ไม่มีบอกนะค่ะ และที่น่าตกใจยิ่งกว่ามีแฟนคนเดียวกันก็คือ เหล่า Perfaceman มีคนรักเป็นผู้ชายค่ะ ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าพวกเขาเป็นเสือผู้หญิงที่น่ากลัวแต่น่าลอง แต่คราวนี้กลับมาจิงจังกับผู้ชายค่ะ และหลายคนก็สงสัยแล้วสินะค่ะว่าหนุ่มคนนั้นเป็นใคร เรามาดูบทสัมภาษณ์กันดีกว่านะค่ะ
   นักข่าว:ไม่ทราบว่าพวกคุณคบกันมานานรึยังค่ะ
   บาร์เทน:ก็พอสมควรครับ
   นักข่าว:แล้วฝ่ายนั้นคิดยังไงกับเรื่องนี้ค่ะ
   ไลฟ์ลี่:เขายังไม่รู้เรื่องครับ
   นักข่าว:อ่าว แล้วแบบนี้เขาจะรู้หรอค่ะ
   โดนัล:เราไม่ได้อยากให้เขารู้หรอกครับ แต่อยากให้คนที่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเขารู้ ว่าคนนี้ของพวกผม
   นักข่าว:เออ...งะงั้นพอจะบอกได้ไหมค่ะว่าชายหนุ่มที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร
   เลนโว:เขาเป็นคนที่น่ารักมากครับ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เขาเป็นคนมีฐานะครับ แต่กลับชอบทำตัวติดดิน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้นจนตอนนี้ผมคิดว่าเขาต้องการความจริงใจของพวกผม ผมเลยต้องจัดแถลงข่าวครับ
   ดีเลย์:พวกพี่รักเราจริงๆนะ และต่อจากนี้พวกพี่จะพิสูจน์ความรักของพวกพี่ให้เราเห็นให้ได้ โซฟา
นั่นแหละค่ะที่เราได้ข้อมูลมา หลังจากที่ชื่อนั่นหลุดออกมาเราก็จัดการหาข้อมูลและได้ข้อมูลออกมาว่าชายหนุ่มนามว่าโซฟาคนนั้น คือคุณธนากรณ์ โอสฐาปากรณ์ หรือลูกชายคนเดียวของคุณอนันต์และคุณหญิงรวีเจ้าของการส่งออกเครื่องเพชรในเครือ OSTกรุ๊ป หรือที่ตอนนี้กำลังมาแรงเพราะเข้ามาจัดการธุรกิจต่อจากคุณพ่อหลังจากที่ออกไปทำสิ่งที่รักหรือนักเขียนนั่นเอง แต่เราได้ลองติดต่อแล้วดูเหมือนว่าจะยังหาตัวไม่พบ  แต่ยังไงซะเราก็ต้องล้วงลึกกันให้ได้ งานนี้เจ๊จัดให้ค่ะ’

        นี่มันอะไรกันพวกเขาทำอะไร จากความรู้สึกที่เจ็บปวดตอนแรกกลับฟูฟ้องจนตอนนี้ใจเต้นไปเป็นจังหวะแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดความคิด เบอร์พี่เทน

   “อ่านแล้วสินะข่าวนะ”
   “พี่เทน”
   “ใช่ครับ พี่เอง คราวนี้ก็เตรียมตัวให้ข้อมูลดีๆนะครับ ที่รัก”
   “มันไม่ตลกนะพี่เทน เล่นอะไรกัน แล้วคุณชายกับคุณหญิงล่ะท่านจะคิดยังไง ทำอะไรกันห้ะ ผมโกรธแล้วจริงๆด้วย นี่หรอวิธีของพวกพี่ นี่มันใช่วิธีพิสูจน์จริงๆหรอ” อารมณ์ของผมที่ตอนนี้ทั้งกลัว ทั้งรู้สึกผิด ทั้งดีใจและหลายๆอย่าง ทำเอาผมถึงกับ ฟิวส์ ขาดกลางร้าน ไม่สนใจใครหน้าไหนตะโกนด่าปลายสาย

   “ก็พี่บอกแล้วว่าดีด้วยแล้วไม่ชอบ อยากให้ร้าย พวกพี่ก็จะทำ และพี่เคยบอกเราแล้วไงว่าพี่อยากได้ก็จะต้องได้ ฟาคือของพี่ คนอื่นไม่มีสิทธิ จำไว้ แล้วเจอกันที่รัก” สายถูกตัดไป
   “เดี๋ยว ให้ตาย คุณอ้อนนี่ครับไม่ต้องทอน” ผมหยิบเงินมาวางบนโต๊ะก่อนจะลุกออกจากร้านด้วยอาการหัวเสียที่สุด รอบแรกผมแพ้หรอ ให้ตายเถอะร้ายกว่าที่คิด ได้แล้วจะได้เห็นดีกัน อยากจะรู้ถ้าพวกพี่ประกาศว่าผมเป็นของพวกพี่แล้วผมคนนี้กลับควงคนอื่นเดินห้างจะเป็นยังไง แล้วเห็นดีกัน

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 06-12-2015 20:59:31
บทที่14
        หลังจากที่ออกมาจากคอฟฟี่ชอปผมก็เข้ามาที่ห้องทำงานทันทีไม่สนใจว่าใครจะเรียกหรือมีอะไรตอนนี้ผมต้องหาเรื่องทำเพื่อฆ่าเวลา ผมโทรไปนัดลูกค้าที่จะเข้ามาคุยที่บริษัทให้ไปเจอกันที่ร้านอาหารในห้างแทน เขาเรียกว่าการคุยงานแบบสบายๆแต่ก็ผมมีแผนด้วยล่ะ ก็อย่าที่พวกเขาทำ พวกเขากล้าที่จะประกาศผมก็กล้าที่จะหักหน้า อยากจะรู้ถ้าผมทำแบบนี้พวกเขาจะยังรักผมรึเปล่า

   “ขออนุญาตค่ะ”
   “เข้ามาครับ” เสียงของเลขาประจำตัวผมดังขึ้นมาก่อนที่เธอจะเดินเข้ามา
   “คือ ตอนนี้ข้างล่างมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์รองประธานค่ะ”
   “นักข่าว”
   “ค่ะ” อย่าบอกนะว่าพวกเขาเอาจริงอ่ะ งานงอกนี่มันอะไรกันเนี่ย เอ๊ะ เดี๋ยวสิถ้านักข่าวมางานของเราจะง่ายขึ้นรึเปล่า หึหึ อยากเขียนข่าวก็ต้องมาเจอกันหน่อย
   “งั้นเดี๋ยวผมจะออกไปพบลูกค้าช่วยกันให้หน่อยนะครับ”
   “ได้ค่ะ” แล้วเธอก็เดินออกไปสั่งงานตามที่บอก สนุกแน่
        ผมเดินออกจากลิฟต์ก็มีนักข่าวทำท่าจะกรูเข้ามาผมชะงักเล็กน้อย ทำไมเยอะจังอ่ะ มีรปภ.เข้ามากันให้ผมเดินไปที่รถของตัวเองก่อนที่จะขับออกไปแต่ดูก็รู้ว่าพวกนักข่าวอาจจะไม่สิต้องตามมาแน่นอน
     ผมขับมาที่ห้างแล้วจอดรถที่ชั้นจอดรถก่อนที่จะเดินเข้าห้าง ตอนที่เดินเข้ามาก็มีนักข่าวมายื่นรออยู่ประปรายแต่ไม่เข้ามารบกวนเพราะผมนิ่งมาก อัลโตบอกเวลาที่ผมนิ่งจะดูน่ากลัว เพิ่งจะรู้ก็วันนี้ ผมเดินไปเรื่อยๆก็มีเสียงชัตเตอร์ดังเป็นระยะมีคนมองมาที่ผมหลายคนทั้งหญิงและชาย ผมไม่สนใจ งานนี้พวกเขาทำเอาชีวิตผมเปลี่ยนไปเลยไปทางไหนก็มีแต่คนมองมาไม่เป็นส่วนตัวเลย
        ผมเดินมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้อืมอยู่ตรงไหนกันนะ พอพนักงานเห็นผมก็เดินเข้ามาหาและเชิญไปที่ที่จองไว้นักข่าวไม่ได้ตามเข้ามาแต่สังเกตการณ์จากด้านนอกแทน

   “เชิญทางนี้ค่ะ”
   “ครับ” ผมเดินตามพนักงานไปทางด้านส่วนในแต่ติดกับกระจก ผมเลือกเองก็บอกแล้วว่าอยากให้ข่าวฮ่าๆๆ
   “ขอโทษที่มาช้านะครับ เป็นฝ่ายนัดแต่มาช้าซะเอง”
   “ไม่เป็นอะไรครับคุณโซฟา ผมรู้ว่ากว่าจะหลบนักข่าวมันลำบาก”
   “นั่นสินะครับ คุณโจว”
   “จะสั่งอาหารหรือว่าจะคุยงานก่อนดีครับ”
   “คุยก่อนก็ได้นะครับ จะได้เสร็จงานเลย”
   “ครับคุณโซฟา” ผมเริ่มคุยงานเรื่องการลงทุนสาขาใหม่ที่ทางต่างจังหวัดและต้องการทีมงานที่ไว้ใจได้ในการหาสถานที่และก่อสร้าง งานนี้ผมเลยเลือกคุณโจว ผ่านไปสักพักเราก็คุยกันเสร็จ
   “งั้นผมจะเริ่มดำเนินงานพรุ่งนี้นะครับแล้วจะเข้าไปเสนองานให้ดูเป็นระยะ”
   “ได้ครับขอบคุณที่รับงานนะครับ”
   “ทางเราต้องขอบคุณที่คุณเลือกเรามากกว่า คุณโซฟา”
   “ครับ งั้นเราสั่งอาหารกันเลยนะครับจะได้คุยกันด้วย ตามสบายเลยครับ งานเสร็จแล้ว”
   “เอาดิ เก๊กตั้งนาน”
   “เวลาทำงานทำการมึงก็ต้องทำตัวดีๆดิวะ หน้าตาเว้ย”
   “ก็จริงของมึงฟา ไม่ได้เจอกันนานมึงน่ารักขึ้นนะ”
   “สัสโจว นั่นปากหรอ ตั้งแต่มอปลายแล้วนะ เพราะมึงนั่นแหละที่ชอบแกล้งกูคนอื่นเลยบอกว่ากูเป็นเมียมึง เสียหายหมด”
   “อ่าว ที่กูแกล้งมึงกูก็ช่วยมึงนะ ถ้าไม่ได้กูมึงมีผัวนานแล้ว”
   “พอจบ สั่งเหอะก่อนที่พนักงานจะมองนานกว่านี้”
    “เออ” แล้วเราก็สั่งอาหารและพูดคุยเรื่องเก่าๆที่เราเคยเล่นกันเมื่อตอนสมัยอยู่มัธยม ผมมีมันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวครับเพราะผมไม่ค่อยสุงสิงกับใครจะมีก็แต่มันนี่แหละที่ชอบเข้ามาแกล้งแต่เราก็สนิทกันจนได้ คุยกันสักพักโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมไม่ได้ดูว่าใครโทรมาแต่รับเลย ถ้าผมดูสักนิดจะดีกว่านี้

   “ครับ โซฟาครับ”
   “ทำอะไร” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์พี่ทนาย
   “อะไรครับ”
    “พี่ถามว่าโซฟากำลังคิดจะทำอะไรอยู่” เสียงโคตรโหดอ่ะ จะตายไหมวะไม่รู้มาก่อนว่าพี่ทนายจะน่ากลัวขนาดนี้ ไม่ได้ ทำมาขนาดนี้จะเลิกไม่ได้
   “เปล่านี่ครับก็แค่มากินข้าวกับเพื่อน ผู้ชาย เองนะครับ” ผมเน้นคำว่าผู้ชายดังๆให้พี่ทนายได้ยิน ดูจากเสียงฝั่งนั้นแล้วเปิดลำโพงชัวร์
   “โซฟา ได้แล้วเราจะได้รู้กัน” สายตัดไปแล้วพร้อมกับสติผมด้วย รู้สึกไม่ดีเลย
   “เป็นไรมึง หน้าซีดๆนะ”
   “ปะเปล่า ว่าแต่อิ่มยัง”
   “อืม ไปไหนต่อปะกูว่าง”
   “คือ” เอาไงดีนะ จริงด้วยสิ “โจว มึงเป็นเพื่อนกูใช่ป่ะ”
   “เออ ทำไมว่ะ รึว่ามึงหลงรักกูแล้ว”
   “พอเหอะ กูขนลุก กูมีเรื่องจะให้ช่วย”
   “อะไร”
   “มึงเห็นข่าวแล้วใช่ปะ”
   “ก็เห็น ทำไม กูว่าจะถามอยู่ว่ามึงไปมีผัวตอนไหน”
   “เชี่ยโจว ไม่ใช่ผัวเว้ย แค่ดูๆกันอยู่ แต่ตอนนี้กูไม่มั่นใจพวกเขาไงเลยอยากพิสูจน์ แล้วดูที่พวกเขาทำสิ”
   “อ๋อ แถลงข่าวอะนะ ก็ดีนี่ เหมือนพวกเขาจริงจังไง”
   “ยังไม่พอ กูไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ความรู้สึกกูยังไม่พอว่ะ”
   “อืม มึงสับสนตัวเองว่างั้น”
   “ประมาณนั้น”
   “อันนี้มึงต้องหาคำตอบเองว่าตามจริงแล้วมึงคิดยังไงกับพวกเขากันแน่ แต่สำหรับพวกเขากูว่าพวกเขารักมึงว่ะ”
   “ทำไมมึงคิดแบบนั้นล่ะ บางทีเขาอาจจะแค่ต้องการของเล่นก็ได้นะเว้ย พวกเขาเคยทำมาแล้ว”
   “กูเพิ่งรู้ว่ามึงคิดมากเรื่องแบบนี้”
   “ถ้าเป็นมึงล่ะ ถ้ามีคนมาบอกว่าชอบมึงรักมึง แต่กลับเคยมีประวัติแบบนั้น มึงจะทำแบบไหน”
   “มึงคิดว่าพวกเขาอาจจะมาหลอกมึง”
   “อืม ก็มีครั้งแรกก็อาจจะมีครั้งต่อมาเรื่อยๆ”
   “น้องฟาฟังกูนะ”โจวใช้น้ำเสียงและสายตาที่จริงจังมากขึ้น เวลาที่โจวเรียกผมว่าน้องฟาแปลว่ามันกำลังจะสอนอะไรผมแล้ว   “การที่คนเราทำผิดพลาดครั้งหนึ่งแล้วไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องทำผิดพลาดอีกครั้งเสมอไป”
   “มึงจะบอกว่า พวกเขารักกูจริง”
   “เรื่องนั้นกูบอกไม่ได้ เพราะกูไม่ใช่พวกเขา แต่ที่กูอยากบอกคือ ถ้ามึงรู้สึกดีกับพวกเขาจริงๆแล้วแม้ว่ามึงจะไม่รู้ตัวก็ตามแต่กูอยากให้มึงลองเปิดใจดู อย่าเอาอดีตของพวกเขามาปิดกั้นความสุขของมึง ชีวิตคนเราไม่แน่นอนนะ บางทีตอนนี้พวกเขายังตามง้อมึงให้มึงรักแต่วินาทีข้างหน้าไม่มีใครบอกได้ว่าเขาจะยังอยู่ทำแบบนี้อีกต่อไปได้นะ”
   “แต่ว่า”
   “ฟา มึงไม่เคยเป็นคนที่เอาอดีตคนอื่นมาตัดสินปัจจุบันนะ มึงเป็นคนบอกกูเองว่าอดีตเป็นครูของปัจจุบันและอนาคต”
   “กูเข้าใจแล้ว ขอบใจมากโจว แต่ยังไงกูก็อยากมั่นใจมากกว่านี้ ไม่ใช่เพราะอดีตแต่เพราะความมั่นคงของอนาคตต่างหาก แม้ว่ากูจะมองไม่เห็นว่าอนาคตจะเป็นแบบไหนแต่กูก็อยากได้ความมั่นใจว่าอนาคตของกูกับพวกเขาจะยังมีความสุขต่อไปจริงๆ”
   “งั้นกูช่วยเอง งานนี้ทั้งพิสูจน์พวกเขาและตอบปัญหาตัวมึงเองด้วยว่ารู้สึกกับพวกเขาแบบไหน”
   “ทำยังไง”
   “ทำตามที่กูบอกเหอะ งานนี้กูว่าสนุกนะ”
   “หืม หึหึ เอาสิกลับไปสนุกแบบเด็กๆกันเถอะ”
   “งั้นก่อนอื่น เตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกัน”
   “แล้วงานละมึง ไหนบอกพรุ่งนี้จะเริ่มงานกู”
   “ไม่เป็นไรหรอกน่า เป็นหัวหน้าจะเกรียนสักครั้งใครจะมาว่าวะ”
   “หึหึ งั้นจัดไป” เราสองคนเช็คบิลออกมาจากร้านแล้วเดินเที่ยวหาของใช้จำเป็นกันต่อแต่ก็ยังคงมีนักข่าวออกมาให้เห็นบ้างแต่น้อยลงก่อนที่จะได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาทำให้ผมกับโจวต้องหันไปมอง งานงอกมาได้ไง
   “งานเข้าวะมึงฟา”
   “เออ เอาไงดีวะ กูว่าพวกเขายังไม่เห็น หลบก่อน”
   “มาทางนี้” โจวลากแขน ย้ำว่าลากจริงๆมันสูงกว่าผมมากตอนนี้ผมแทบจะลอยตามมันด้วยซ้ำ หมับ ตอนนี้ผมโดนกระชากกลับมาข้างหลังพอหันไปมองเห็นพี่โดนัลที่เป็นคนจับแขนอีกข้างของผมและเป็นคนที่กระชากใช้กระชากอีกแล้ว นี่ผมเป็นคนนะ
   “จะไปไหนกัน” เสียงพี่ทนายดังตามมา ตอนนี้พวกเราเป็นที่สนใจมากขึ้นจากเดิมเพราะพวกเขามากันครบและมีพวกผมอีกสองคนที่ตกเป็นข่าวแถมดูจากรูปการแล้ว ทำไมเหมือนเป็นศึกชิงนายวะ ไม่ยอมทำไมต้องเป็นที่ถูกแย่งอะ ไม่เอา
   “ปล่อย” เสียงพี่บาร์เทนบอกไอ้โจวแต่ไอ้นี่กลับจับแน่นกว่าเดิม
   “ไม่ครับ คุณจะพาน้องฟาไปไหน” เวลาที่มันจะช่วยผมจะเรียกผมว่าน้องฟาตลอดไม่ใช่ว่าผมอ่อนกว่ามันแต่เพราะมันบอกว่าผมเหมือนน้องชายมันมันเลยจะเผลอเรียกเวลาที่ต้องช่วยผม
   “ฟามาหาพี่” พี่โดนัลดึงแขนผมไป
   “น้องฟา” โจวดึงแขนผมกลับ เอาเหอะผมเป็นได้เพียงแค่ตุ๊กตาที่มีแต่คนจะเข้ามารุมรังแก ไม่ใช่แล้วเจ็บจะตายยังมีอารมณ์มาชิวอีก
   “เจ็บ ปล่อยเลย” ผมบอกตอนนี้ข้อมือของผมแดงมากตามจริงมันก็ไม่ได้เจ็บมากหรอกแต่เพราะผมขาวมากไงมันเลยขึ้นรอยจนน่ากลัว
   “พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ” พี่โดนัลรีบปล่อยมือผมผมเลยเซมาทางโจวที่ตอนนี้ประคองผมยืนและเอามือมาโอบเอวผมไว้ก่อนก้มมากระซิบ
   “คนที่รักจะไม่ยอมให้คนที่ตัวเองรักต้องเจ็บเพราะตัวเอง” ฉ่า จริงหรอสติหลุดลอยไปแล้ว หวั่นไหวมากขนาดนี้เลยหรอเราแค่รู้ว่าพี่เขารักเราแค่นี้ปรดติพี่เขาก็บอกอยู่ตลอดแต่มันไม่เห็นจะน่าดีใจขนาดนี่เลย หรือเพราะว่ามันเป็นการกระทำกันแน่ นี่สินะที่ผมต้องการ อยากให้เขาทำให้ผมเห็นว่ารักผมไม่ใช่แค่คำพูด
   “มึง” ผลัวะ เสียงหมัดกระทบหน้าของโจวที่ห่างผมไม่เยอะ
   “เหวอ” ร่างของโจวเซไปข้างหลังเลยทำให้ผมที่โดนกอดเอวไว้เซตามเหมือนจะล้มแต่พี่หมอก็เข้ามารั้งเอวผมไว้ เกือบไปแล้วแต่ว่า กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
   “เกือบไปแล้วนะครับ ไอ้เทนเกือบโดนน้องนะมึง”
   “โทษที ไม่ได้ตั้งใจพอดีอารมณ์มันขึ้น” ผมหันไปมองโจวที่มองมาที่ผมกับพวกเขาก่อนจะเช็ดเลือดที่มุมปาก ห้ะเลือด ผมสลัดตัวออกจากพี่หมอแล้วเข้าไปดูแผลโจวทันที
   “เป็นไงมึง กูขอโทษไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขนาดนี้ กูขอโทษนะโว้ย” ผมรีบขอโทษโจว มันก็จริงผมไม่คิดว่าพี่เทนจะเข้ามาต่อยไอ้โจวแบบนี้
   “ไม่เป็นไร มึงได้ไถ่โทษแน่ เพราะทริปนี้มึงจ่าย”
   “ห้ะ สัสโจวมึงคิดแต่แรกแล้วหรอ ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ไอ้เพื่อนชั่ว” ผมอดที่จะด่ามันไม่ได้
   “ฮ่าๆๆ มึงนี่นะไม่เคยทันกูตลอด” มันพูดเฉยๆผมไม่ว่าแต่การที่มันเอามือมาขยี้ผมของผมนี่สิ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศข้างหลังมันจะแปลกๆนะ

   “ฟาครับ”
   “ผมผิดหวังมากพี่เทน”
   “พี่ก็ผิดหวังเหมือนกัน”
   “ผมทำอะไร”
   “ก็ฟาไปทำหน้าน่ารักใส่มันทำไม พี่ไม่ยอมฟาเป็นแฟนพี่นะครับ พี่ไม่ยอม”
   “พี่เทน” ให้ตายเหอะนี่หรอเหตุผลผมจะบ้าตายแต่คนที่จะตายก่อนน่าจะเป็นไอ้โจวเพราะมันดันขำออกนอกหน้าขนาดนั้น
   “โจว”
   “หึหึ โทษทีพอดีกลั้นไม่ไหว”
   “ฟาครับ ทำไมทำแบบนี้ครับ พวกพี่บอกแล้วไงครับว่าพวกพี่รักเราจริงๆทำไมยังออกมากับคนอื่นอีกครับ พวกพี่ผิดหวังจริงๆ”
   “ถ้าผมออกมากับเพื่อนผมแล้วทำให้พวกพี่ผิดหวังในตัวผม ต่อไปก็ไม่ต้องมาหวังอะไรกับผมอีกต่อไปแล้วครับ ถ้าเชื่อคนอื่นมากกว่าที่จะฟังจากผมเราก็ไม่ต้องมาคุยกัน”
   “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับฟังพี่เลย์ก่อน” พี่ดีเลย์พยายามที่จะเข้ามาอธิบายคำพูดของพี่เทนที่ว่าผม แต่โจวเข้ามาขวางไว้ทำให้พวกพี่เข้ามาไม่ถึงตัวผม
   “นายอย่ามายุ่ง”
   “ถ้าพวกคุณทำให้ผมเห็นไม่ได้ว่ารักเพื่อนของผมจริง ผมคงไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนของผมไปหาพวกคุณแน่ ปากบอกว่ารักแต่กลับเลือกที่จะเชื่อคนอื่นมากกว่ามาถามเจ้าตัว คนรักกันต้องเชื่อใจกันมากกว่านี้นะครับ ถ้ารักน้องฟาจริงก็ทำให้พวกผมเห็นสิครับ แล้วพวกผมจะยอม อย่าลืมนะครับถึงแม้ว่าสองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แต่พวกเขารับรู้เรื่องราวทั้งหมด อย่าคิดที่จะทำอะไรที่ไม่ดีเด็ดขาด เพราะอัลโตเฝ้ามองพวกคุณอยู่เหมือนกัน ผมไม่ได้ขู่ผมแค่เตือนเพราะผมเป็นเพื่อนที่อยู่กับน้องฟามามากกว่าใคร”
   “หือ” ผมหันไปมองหน้าของโจวที่ตอนนี้ไม่มีแววล้อเล่น โจวติดต่อกับอัลโตหรอไหนบอกไม่ถูกกันไงตอนนั้นก็แย่งกันจีบริเลียมไม่ใช่หรอ
   “เดี่ยวค่อยคุย”
   “อืม” ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะมองไปที่พวกพี่เขาที่ทำหน้าหนักใจ
   “ได้ พวกเราจะทำให้เห็นว่าพวกเราเหมาะสมกับโซฟาที่สุดและเป็นคนที่พวกนายจะวางใจได้ พวกเราสัญญา” แล้วพวกพี่เขาก็เดินกลับไปทางเก่า แผ่นหลังของพวกเขาทุกครั้งที่มองมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนเมินใส่แต่ครั้งนี้ผมกับสุขใจไม่รู้ว่าเพราะคำสัญญาหรือเพราะความคุ้นเคยที่บอกกับผมตลอดเวลาว่าพวกเขาจะอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆผม ตลอดไป
   “ไปกันเถอะ เจ็บปาก”
   “ฮ่าๆๆ ทำหล่อตั้งนานเนอะ”
   “ก็นิดหน่อย แถวนี้สาวเยอะ”
   “เฮ้อ ไปๆไปทำแผลกันจะได้เดินทาง” แล้วผมกับโจวก็ออกจากห้างเหมือนกัน ครั้งนี้ผมชนะ แล้วผมจะรอดูนะครับ บทพิสูจน์ของพวกพี่ที่จะทำให้ผมเชื่อมั่นในความรักของพวกพี่ ผมรออยู่นะครับ ว่าที่แฟนของผม

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-12-2015 23:08:42
อูยยยย รู้สึกเจ็บแทนเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: แอลฟาฮาลา~ ที่ 07-12-2015 15:27:10
รอ รอ รอ รอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 08-12-2015 22:11:40
บทที่15
        ตอนนี้ผมกับโจวอยู่กันที่เชียงใหม่ครับ เราเดินทางด้วยรถทัวร์แบบปรกติไม่ได้หรูหรามากมาย เราต้องการที่จะเดินทางไปในที่ที่ไม่มีคนรู้จักเราและเราก็ไม่รู้จักเขา ผมสองคนชอบที่จะไปในที่ที่แปลกใหม่เสมอ ผมเป็นนักเขียนชอบอยู่แล้วที่จะเจอโลกใหม่ๆเพื่อเป็นแรงบันดาลใจส่วนไอ้โจวมันออกหาเหยื่อไปเรื่อยมันเลยตามผมมาตลอด
        หลังจากวันนั้นพวกพี่เขาก็มีเรื่องต้องไปจัดการ พวกเขามีหน้าที่ตอนนี้เราเลยเหมือนกับว่าห่างกันออกไปเรื่อยๆโจวบอกว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงพิสูจน์ใจของทั้งสองฝ่ายว่ายังมั่นคงกับความรู้สึกเหมือนเดิมรึเปล่า พวกผมปิดโทรศัพท์กันทั้งคู่เพราะต้องการพักผ่อนจริงๆส่วนงานที่บริษัทผมให้คุณชายช่วยดูเพราะเป็นการง้อจากท่านทั้งคู้ที่ร่วมมือกับพวกพี่เขางานนี้กลัวผมโกรธเลยยอมให้ผมหนีเที่ยวตามใจชอบ ตามจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะแต่ตอนนั้นผมเสียใจมากกว่า แต่ผมก็ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลุกของพวกท่านเพราะพวกท่านมักจะเข้าใจผมเสมอและรอให้ผมอธิบายทุกเรื่อง และเรื่องคู่ครองพวกท่านไม่เคยคิดจะเข้ามายุ่งอะไรเลยเพราะท่านบอกว่าผมโตแล้วก็ควรที่จะคิดเป็นได้แล้ว
        ตอนนี้ผมสองคนก็มาเดินกันที่ถนนคนเดินท่าแพครับ ที่นี่มีของมาขายเยอะแยะมากมายส่วนมากเป็นสินค้าพื้นเมือง ผมกับโจวเลือกที่จะเดินดูของมากกว่าการซื้อ เราเดินไปเรื่อยๆก็เริ่มหมดแรงเพราะวันนี้เรามาหลายที่มาก เราสองคนใช้เวลาวันหยุดคุ้มเราจะโทรไปอวดเจ้าเพื่อนสองคนที่อยู่อิตาลีด้วย ลิเลียมอิจฉาผมมากที่ได้มาเที่ยวพักผ่อนเพราะตอนนี้พวกเธอต้องคอยเตรียมงานส่วนอัลโตก็ต้องคอยจัดการงานที่ได้รับ

   “นี่โซฟา พรุ่งนี้ไปไหนกันดีวะ” ตอนนี้ผมกับโจวกำลังเดินทางกลับที่พัก เราพักกันที่โรงแรมชื่อดังของที่นี่ทริปของเราไม่ได้มาแค่จังหวัดเดียวนะครับ เราต้องการเปิดหูเปิดตา ดังนั้นเราต้องไปหลายๆที่
   “อืมกะว่าจะขึ้นไปดอยอินทนนท์ก่อนตอนเช้าแล้วก็ว่าจะลงใต้ไปภูเก็ตเลย ดีปะ”
   “หา ภูเก็ต คิดไงวะ”
   “อยากไปทะเลวะ”
   “กูว่ามึงอินดี้ไปนะน้องฟา”
   “ทำไมกลัวใครตามมาไม่ถูกไง”
   “ปะเปล่า ไม่มี๊”หลบตาแถมยังเสียงสูง ทำเหมือนไม่รู้
   “หึหึ กูจะอินดี้กว่านี้อีกโจวเพื่อนเลิฟ อยากจะรู้ว่าจะตามกันยังไง”
   “มะมึงรู้อะไร”
   “เปล่า หรือมีอะไรที่กูต้องรู้วะ”
   “ไม่มี” มึงโกหกไม่เก่งนะเพื่อนเหงื่อตกขนาดนี้ ไม่รู้หรอกนะว่าไปติดสิ้นบนกันตอนไหนถึงเอามันไปเป็นพวกได้ แต่ก็นะ โซฟาซะอย่าง
   “เออ กูลืมไปกูว่าจะบอกลูกน้องว่างานอันใหม่ต้องเปลี่ยนนิดหน่อย เดี๋ยวกูไปโทรบอกก่อนนะ มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลยจะได้ไปกินข้าวกัน” แล้วมันก็เดินหลบออกไป สั่งงานลูกน้องหรือโทรฟ้องใครกันแน่ คิดจะเล่นกันแบบนี้หรอ ได้เพื่อนโจวในเมื่อแปรพรรคก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องร่วมทริปกันแล้ว ระหว่างที่อาบน้ำผมก็คิดแผนการไปเรื่อยๆจนตอนนี้เรามาที่ร้านอาหารแถวโรงแรมผมอยากกินข้าวแบบธรรมดาเลยเลือกที่จะมากินตามร้านทั่วไป ผมบอกให้โจวไปสั่งข้าวส่วนผมจะไปตักน้ำเอง ผมเลือกที่จะซื้อน้ำอัดลมมากินด้วยและซื้อกลับไปกินที่ห้องด้วย หลังจากกินข้าวกันเสร็จเราก็ตรงกับมาที่ห้อง ผมเดินไปที่ห้องครัวเอาขนมกับน้ำออกมากินเล่นพร้อมกับดูหนังไอ้โจวไปอาบน้ำเพราะมันบอกว่าร้อนหลังจากอาบน้ำเสร็จมันก็เดินมาแย่งน้ำผมกินพอไม่ให้มันก็เดินไปหยิบเองมันเลือกขวดที่ยังไม่ได้เปิด มันดูระแวงผมอยู่เหมือนกัน แผนนี้ผมมักจะชอบใช้และได้ผลเสมอ เวลาผ่านไปไม่นานมันก็ง่วงบอกว่าจะไปนอนก่อนให้ผมรีบนอนเพราะต้องเดินทางเช้า
        ผ่านไปสิบนาทีทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบได้ยินแต่เสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ อา สำเร็จ ง่ายๆแค่เปิดฝาก่อนป้ายยาไว้ที่ปากขวดปิดฝาให้สนิทแช่ทิ้งไว้ แค่นี้เพื่อนโจวสุดเลิฟก็หลับถึงเที่ยงพรุ่งนี้แน่นอน ผมเดินไปเก็บของใส่กระเป๋าและหยิบของให้ของผมใส่เข้าไปจัดการเรื่องค่าห้องและกระดาษโน้ตที่มีข้อความสั้นๆ จัดการทุกอย่างเสร็จก็ปิดไฟล็อคห้องจากข้างในเดินจากมา และเริ่มเดินทางอีกครั้งไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราและเราไม่รู้จักใคร ที่ประเทศนี้มีคนรู้จักเรามีคนของพี่เทนอยู่เต็มไปหมด ถ้าคิดจะหนีให้พ้นต้องลองเสี่ยงทำในสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าคิด ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดจะเดินทางออกนอกทั้งทีก็ไปด้วยสายการบินของพี่ดีเลย์เลยเป็นไงกว่าจะรู้ก็เปลี่ยนเครื่องไปหลายที่แล้ว
     ผมจะรอดูนะครับการกระทำที่จะพิสูจน์ว่าพวกพี่รักผมจริงๆ ถึงเวลานั้นผมจะไม่ถามหาเหตุผลอะไรขอแค่พวกพี่ทำได้หัวใจของผมจะเป็นของพวกพี่ทันที

      Perfect Man Talk

        หลังจากวันที่พวกผมได้บอกกับน้องเรื่องการพิสูจน์ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันเราได้สายสืบหรือก็คือโจวเพื่อนของโซฟามาเป็นพวกเรารู้การเคลื่อนไหวของน้องอยู่เสมอ ตอนนี้งานของพวกผมกำลังเร่งเข้ามามีเรื่องต้องสะสาง จนตอนนี้เราแทบจะไม่มีเวลาพักเลย ล่าสุดโจวโทรมาบอกว่าโซฟาอยากไปภูเก็ต ตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่ คิดดูคบมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าน้องอินดี้ขนาดนี้ อยู่เชียงใหม่แต่อยากเล่นน้ำเลยจะไปภูเก็ต ผมเหนื่อยแทนโจวเลยงานนี้ และดูเหมือนว่าน้องจะเริ่มระแคะระคายเรื่องของพวกผมกับโจวแล้ว แต่โจวบอกว่ายังรับมือได้
   “เป็นไงพวกมึง จัดการตัวเองเสร็จยัง”
   “อ่าวไอ้เลย์ มึงว่างหรอวะ”
   “เออดิ งานกูเคลียร์หมดแล้วนี่ก็กะจะหยุดสักพักไม่เขาไปดูซักหน่อยไม่ไหวไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว”
   “อ่าวไอ้เลย์ ไอ้ไลฟ์ล่ะ”
   “มึงมาถามกูกูจะรู้หรอว่ะไอ้หมอ ทำไมมึงจะจ้างมันไปว่าความคดีคนไข้ไง”
   “คดีมึงแหละเชี่ยเลย์ เออว่าแต่มึงละไอ้เทน เป็นไงบ้างน้องสบายดีป่ะว่ะ”
   “อืม ตอนนี้คงจะอยู่ภูเก็ตแล้วมั้ง เมื่อวานอยู่เชียงใหม่แต่อยากไปทะเลเลยไปภูเก็ต”
   “หืม น้องโซฟาแมร่งอินดี้ว่ะ”
   “อ่าวไอ้นัล งานเสร็จแล้วหรอว่ะ”
   “เออ กว่าจะจับได้แมร่งเล่นเส้นเยอะเกิน”
   “แล้วไอ้ไลฟ์ล่ะ”
   “มีอะไรกับกูไอ้นัล”
   “อ่าว กูว่าจะถามซะหน่อย เป็นไงชนะป่ะ”
   “อย่างกูมีหรอจะพลาด”
   “โห่”เสียงร้องที่ดังประสานกันของชายหนุ่มทั้ง4คนดังขึ้นลดความตึงเครียดลงไปได้ไม่น้อยเพราะเวลานี้ทุกคนจัดการงานของตัวเองเสร็จแล้วเลยมีเวลามาช่วยกันคิดเรื่องของว่าที่ภรรยากัน
   “อืม มีอะไรโจว”
   “กำลังจะถึงแล้วผมจะเข้าไป เกิดเรื่องแล้ว”
   “มีอะไรว่ะไอ้เทน”
   “ไม่รู้สิ อยู่ดีๆโจวก็บอกเกิดเรื่อง แล้วมานี่น้องล่ะ”
     ก๊อกๆๆ
   “หวัดดีครับพวกพี่”
   “อ่าว มานั่งก่อนมีอะไรทำไมรีบร้อนจัง ไหนว่าภูเก็ต”
   “ขอพักก่อนพี่หมอ เหนื่อยนะเนี่ย”
   “อะน้ำ”
   “ขอบคุณครับพี่ทนาย” หลังจากกินน้ำเสร็จโจวก็หยิบกระดาษออกมามันเป็นโพสต์อิทสีส้มมีรอยเขียนไว้ “ผมขอโทษครับ ผมโดนหลอกอีกแล้ว”
   “ยังไงครับ พี่ไม่เข้าใจ”
   “เมื่อวานไอ้ฟามันดูเหมือนจะสงสัยผม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรพอกินข้าวเสร็จก็มานั่งเล่นกันแล้วผมก็เริ่มง่วง ตอนนั้นผมคิดว่าเพราะเริ่มดึกเลยขอตัวไปนอน หลังจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกจนวันนี้ตอนเที่ยงผมตื่นมาก็เจอแต่กระดาษแผ่นนี้ติดอยู่ที่มือถือผม ข้างๆกันมีเงินวางอยู่แต่ผมก็หาไอ้ฟาไม่เจอแล้ว ทั้งที่รู้ว่าโดนหลอกแต่ก็ไม่เคยจำได้สักครั้ง ผมนี่โง่จริงๆ”
   “เดี๋ยวก่อนนะ นายบอกว่าหาน้องไม่เจอ ยังไง”
   “ไอ้นัลมึงดูนี่” ผมยื่นกะดาษไปให้มันอ่านข้อความ
   “หาคำตอบให้กับความรู้สึกตัวเองได้เมื่อไหร่ผมจะรอฟังคำพูดคำนั้นอีกครั้ง คำที่มันออกมาจากใจทั้งการกระทำทั้งคำพูด ผมจะเฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่น และรอคอยการพบกันอีกครั้ง อย่าปล่อยให้ผมต้องรอเก้อนะครับ เพราะถ้าช้าเกินไปคำตอบของผมอาจจะเปลี่ยนแปลง”
   “ไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไง”
   “โจวนายพอจพรู้ไหมว่าโซฟาต้องการสื่อถึงอะไร”
   “ผมไม่มั่นใจ แต่ผมว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งตัดสินแล้วครับ”
   “กูรู้แล้วว่าน้องสื่อถึงอะไร”
   “อะไรไอ้เทน”
   “คำว่ารักของเรามันส่งไปไม่ถึงใจของน้องเพราะน้องยังสับสน กูว่าตอนนี้น้องคงหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้วและรอให้เราไปพูดอีกครั้ง กูว่าน้องต้องการได้ยินมันอีกครั้ง ได้ยินมันออกมาจากใจของเรา”
   “แล้วการกระทำล่ะไอ้เทน”
   “กูว่ามึงน่าจะเข้าใจง่ายนะไอ้เลย์ ถ้าเราจริงจังจริงๆ เราต้องตามหาน้องเจอ”
   “พวกกูเข้าใจแล้ว แต่ว่าเราจะหาน้องเจอได้ยังไง”
   “กูสงสัยอยู่อย่าง”
   “อะไรไอ้ไลฟ์”
   “มึงดูนะ ผมจะเฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่น มึงว่ามันเกี่ยวกับที่น้องอยู่รึเปล่า”
   “อืม ก็จริง”
   “งั้นต่อจากนี้ไปเรามาหาคำเฉลยจากคำพูดนี้กัน”
   “สู้ไหมพวกเรา”
   “สู้”
   “เพื่อใคร”
   “เพื่อเมีย” เสียงที่ประสานกันของทั้ง5คนทำเอาชายหนุ่มที่เหลืออยู่อีกคนได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าจะเคร่งเครียดกันขนาดนี้ไหนจะเพื่อเมียนั่นอีก ศึกครั้งนี้แลเห็นแล้วว่าจะต้องเสียเอกราชแน่นอนน้องฟา ฮ่าๆๆ

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 08-12-2015 22:16:37
บทที่16
        ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งเดือนที่ผมมาอยู่ที่นี่ ที่ดินแดนแห่งการเริ่มต้นใหม่ ดินแดนอาทิตย์อุทัย ใช่ครับผมมาที่ญี่ปุ่นถ้าพวกเขาตีความกันได้จะรู้ว่าดินแดนที่เหมาะกับคำพูดของผมดินแดนแห่งแสงอาทิตย์คือที่นี่ แต่มันก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ถ้ารักกันจริงก็คงทำได้
     ตอนนี้ที่นี่เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วผมเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆสนุกไปกับสีสันความแปลกใหม่ของที่นี่ แม้จะอยู่มานานแต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความเบื่อเลย ที่นี่มีอะไรหลายอย่างทำให้ผมไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นๆ ผมตัดขาดจากทุกคนครั้งล่าสุดผมเจอกับคุณหญิงคุณชายที่มาดูงานโดยบังเอิญเราทักทายกันและโดนคุณชายดุว่าเล่นเป็นเด็กๆแต่พวกท่านก็ไม่ได้บอกให้กลับบอกว่าพวกท่านยังรอผมอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ผมคิดถึงพวกท่านนะแต่ทุกครั้งผมจะเข้มแข็งแต่วันนั้นกลับปล่อยน้ำตาออกมาแบบไม่รู้ตัว พวกท่านก็เลยหาเรื่องแซวผมกันใหญ่ นี่ล่ะน๊าครอบครัวผมไม่ปรกติจริงๆ
        ผมเดินไปตามทางไปหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะที่ผมจะมานั่งมองผู้คนและธรรมชาติอยู่ที่นี่จนมืดก่อนที่จะกลับห้องพัก มีคนมาออกกำลังกายกันเป็นประจำ เวลาผ่านไปนานขนาดไหนผมก็ไม่รู้แต่ที่รู้ๆตอนนี้รอบข้างผมเริ่มจะมืดแล้วอากาศคล้ายๆฝนกำลังจะตกลมที่พัดมาเย็นจนเกือบหนาว ผมไม่ชอบฝนเพราะมันทำให้ผมอ่อนแอ เวลาเจอฝนผมจะไม่สบายพอไม่สบายผมจะว่าง่ายและชอบอ้อน ผมว่าไม่หล่ออ่ะมันดูตุ๊ดเกินผมรับไม่ได้ อย่ามองผมแบบนั้นผมแมนนะ แมนมาก ไม่เชื่อหรอ เชื่อผมดิผมออกจะหล่อสาวหลงขนาดนี้ ช่างเหอะกลับห้องดีกว่า
        ผมละสายตาจากครอบครัวนกเป็ดน้ำที่อยู่ในสระก่อนที่จะหันกลับผมสะดุดสายตาเข้ากับร่างที่คุ้นเคยที่ผมเฝ้ารอพวกเขามานาน คงตาฝาดไปสงสัยจะคิดมาก ไม่มีทางที่พวกเขาจะตามหาผมเจอเร็วขนาดนี้เพื่อความแน่ใจผมเดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับที่ผมนั่งเสียงพูดคุยที่คุ้นหูทำเอาใจผมกลับมาเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจฟูและเต้นเร็วจนน่ากลัว กลัวว่าพวกเขาจะได้ยิน พวกเขามาแล้วจริงๆใช่ไหม เขามาตามผมหรือว่า แค่มาทำธุระ ใช่สินะเรางี่เง่าขนาดนี้ใครจะมารอเราใครจะมาทนมาตามง้อ ยิ่งคิดยิ่งสมเพสตัวเอง ขอบตาผมเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง อะไรกันฝนตกแล้วหรอ ทำไมหน้าของผมถึงเปียกได้นะ กลับดีกว่าก่อนที่จะไม่สบาย ผมก้าวถอยหลังเตรียมหมุนตัวกลับแต่เสียงของพี่เทนคนที่คอยแต่จะทะเลาะกับผมดังขึ้นมาก่อน

   “กูมั่นใจว่าน้องอยู่แถวนี้ เมื่อกี้กูเห็นแวบๆ”น้องไหน หมายถึงใคร เราหรอหรือว่า
   “มึงตาฝาดรึเปล่าไอ้เทน กูว่ากลับไปรอที่ห้องโซฟาเหอะ เผื่อน้องจะกลับไปแล้ว”
   “เอาตามที่ไอ้หมอพูดก็ได้ ยังไงน้องก็ต้องกลับห้อง” พวกเขามาตามผมแล้วจริงๆใช่ไหม ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมจากที่รู้สึกเศร้าตอนนี้ผมกับดีใจจนพูดไม่ออกแทน พวกเขาพิสูจน์ให้ผมได้เห็นแล้ว พวกเขารักผมจริง แต่ตอนนี้ผมยังไม่กล้าเจอหน้าพวกเขา ผมยังไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าไปหา ผมกลัวที่จะเผลออ่อนแอร้องไห้กับพวกเขา ไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าผมคิดถึงขนาดไหน ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของพวกเขา ผมถอยหลังออกไกลจากพวกเขาเรื่อยๆตอนนี้ผมหยุดอยู่ที่ริมฟุตบาตทางเท้าตอนนี้มืดแล้วแต่แสงไฟข้างทางกลับทำให้บริเวณนี้ยังคงสว่างอยู่มีคนเดินไปมาจำนวนมากที่ฝั่งตรงข้ามมีรถราสวนกันไปมา ใจของผมสั่นไหวไม่รู้เพราะอะไรแต่แล้วก็ได้รับคำตอบ

      เอี้ยด โครม

        ร่างของผมลอยขึ้นสูงจากพื้นและตกกระทบลงบนถนนเลือดสีแดงไหลออกมาจาทางศีรษะเสียงผู้คนโดยรอบต่างส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัว

   “โซฟา” ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมดังมาจากที่ไกลๆก่อนที่จะมีคนมามุงที่ผมชายหนุ่มห้าคนที่ผมรู้จักต่างอยู่ในอาการที่น่าตกใจ หน้าทุกคนซีดจนน่ากลัว เป็นอะไรกันทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นด้วย
   “โซฟาอย่าหลับนะครับคุยกับพี่หมอนะ” เสียงพี่หมอที่จับมือผมเรียกผมไว้เพื่อเรียกสติของผมที่เริ่มเลือนรางเข้าไปทุกที
   “อึก” ผมกระอักเลือดออกมา “พะ พี่หมอ”
   “ครับโซฟา พวกพี่มารับเราแล้วนะอย่าเป็นอะไรไปนะครับ”
   “ขะ ขอบคุณมากนะครับ แค๊กๆ ทะที่ตามหาผม”
   “พะพอแล้วครับ อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก เอาไว้หายค่อยคุยกันครับ” เสียงของพี่โดนัลบอกกับผมผมหันไปมองก็เห็นไปหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
   “ระร้องไห้ทำไมครับ แค๊กๆ มะไม่หล่อเลยนะครับ อึก” แรงที่จะพูดของผมเริ่มน้อยลง ผมเอือมมือไปเช็ดน้ำตาของพี่โดนัลแต่เพราะมือของผมเปื้อนเลือดเลยทำให้หน้าของพี่โดนัลเปื้อนไปด้วย
   “พอโซฟา ไม่เอา อย่าพูด รถพยาบาลกำลังมาทนอีกนิดนะ” เสียงพีทนายดังขึ้นแม้คำพูดจะเป็นการออกคำสั่งแต่น้ำเสียงของพี่ทนายดูสั่นไหวจนน่ากลัว
   “ผะ ผมอึก แค๊กๆ” ผมกระอักเลือดออกมาอีกครั้งและครั้งนี้เยอะกว่าเดิม “ขะ ขอโทษนะ นะครับ อึก”
   “พะ พอแล้ว ไม่เอาแล้ว อย่าพูดแบบนี้ นายไม่ผิด ไม่ผิดอะไรเลย” เสียงพี่เทนที่สั่นเครือทำให้น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้ง
   “ผะผมขอโทษ กะ กับทุกเรื่อง ขะ ขอบ อึก คุณ ที่ทำเพื่อผม แค๊กๆอึก” ลมหายใจของผมเริ่มสะดุด อ่าจะหมดแรงแล้วหรอ
   “โซฟา” เสียงพวกพี่เขาเรียกผมเสียงสั่นน้ำตาของลูกผู้ชายของพวกเขาไหลลงมาจนน่าสงสารแต่พวกเขากลับไม่คิดที่จะเช็ดออก
   “ขะ ขอให้ผมได้บอกก่อนที่จะไม่มีโอกาส ดะ ได้ไหมครับ”
   “ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้น โซฟาของพวกพี่เข้มแข็งจะตาย ไม่เป็นอะไรหรอก” เสียงของพี่หมอทำให้ผมยิ้ม
   “ผะผม อึก แค๊กๆ ระรัก ผมรักพวกพี่นะ รักมาก จนรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมดีใจนะ ทะที่ได้เกิดมะมาเจอกัน รักมาก รักที่สุด ที่รักของผม” แล้วสติของผมก็ดับไปเสียงที่ได้ยินสุดท้ายคือเสียงของพวกพี่เขาที่เรียกชื่อผมด้วยเสียงที่เจ็บปวด
   “โซฟา” ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่ไหวแล้ว ถึงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันแต่ผมก็ดีใจที่ผมได้บอกพวกพี่แล้ว ความรู้สึกของผม รักมากเลยนะครับ ที่รักของผม

     Perfaceman

        ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องจริง ร่างบางที่เราเฝ้าตามหาอยู่ตรงหน้าแล้วแต่กลับไม่เป็นเรื่องที่น่ายินดี ร่างบางที่ย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่น้องหยุดหายใจ ทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญช่วยกันรักษาอย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกผมเป็นร่างที่ไร้วิญญาณกันแล้ว ไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไร แค่แรงที่จะก้าวเดินแทบจะไม่มี เราแจ้งเรื่องนี้ให้กับพ่อแม่ของน้องแล้ว เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตอนนี้พวกท่านกำลังเดินทางมา ส่วนคนขับที่ก่อเหตุเจ้าตัวเสียชีวิตแล้ว ทางตำรวจลงความเห็นว่าเกิดจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจนเกิดอุบัติเหตุและน้องคือผู้เคราะห์ร้ายที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ตอนนี้ขอแค่น้องปลอดภัยเราก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
        เวลาผ่านไปห้าชั่วโมงทีมแพทย์พากันเดินเข้าออกห้องผ่าตัดกันเป็นว่าเล่นมีหมอออกมาบอกว่าอาการน่าเป็นห่วงให้แจ้งญาติไว้ก่อนเพราะตอนนี้หัวใจของคนไข้เต้นช้าจนต้องใช้ยากระตุ้นความดันลดต่ำจนน่ากลัวและที่น่ากลัวที่สุดน้องเกิดภาวะช็อคตลอดตอนนี้กำลังผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งในสมองออกเพราะปล่อยไว้จะเป็นอันตรายมาก
พวกเราปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆสายตาของเราจ้องมองที่ประตูเพื่อรอให้คุณหมอเดินออกมาบอกว่าน้องปลอดภัยแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่มีใครออกมาสักคน
     แอ๊ด
     เสียงประตูห้องผ่าตัดเปิดออกพร้อมกับร่างของน้องที่อยู่บนเตียงตอนนี้หน้าของน้องซีดจนน่าใจหาย
   “ทางเราต้องย้ายผู้ป่วยไปไว้ในห้องปลอดเชื้อ งดเยี่ยมนะครับ เราต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าเกินสามวัน คนไข้ไม่ฟื้นทางเราต้องรบกวนญาติคนคนไข้ทำใจด้วยนะครับ” แล้วคุณหมอก็พาร่างของน้องไปทางห้องปลอดเชื้อพวกเราได้แต่เดินตามไป ห้องปลอดเชื้อที่นี่มีกระจกใสกั้นระหว่างคนไข้และคนเยี่ยมทำให้เรามองเห็นว่าน้องนอนอยู่ภายใน ร่างกายที่ซีดอยู่แล้วตอนนี้กลับซีดมากขึ้นจนมองไม่เห็นเลือดเลย
   “ครับแม่” ผมรับโทรศัพท์จากแม่ของน้อง
   “แม่ถึงแล้ว ตอนนี้น้องอยู่ไหน”
   “ห้องปลอดเชื้อครับ”
   “ได้” แล้วแม่ของน้องก็วางสาย ท่านเข้มแข็งมากตอนที่ผมบอกผมกลัวว่าท่านจะเป็นลมแต่เปล่าเลยท่านกลับตั้งสติได้และเร่งเดินทางมาที่ทันที
   “น้องล่ะ” พวกผมที่เอาแต่เงียบเงยหน้ามองผู้มาใหม่ ตอนนี้แม่กับพ่อของน้องมาอยู่ที่ตรงนี้แล้ว ผมหลีกทางให้พวกท่าน พอท่านเห็นน้องน้ำตาของคนเป็นแม่ก็ไหลออกมาแบบไร้สียงสะอื้น เป็นการร้องไห้แบบเงียบๆ
   “ลูกต้องไม่เป็นอะไรแน่คุณ”
   “ค่ะ” แม่ของน้องหันกลับไปซบที่ไหล่ของพ่อน้อง สายตาของพ่อน้องดูเจ็บปวดไม่แพ้ใคร และดูท่าจะมากกว่าด้วยซ้ำ
   “พ่อครับ” ท่านยกมือขึ้นมาห้ามผมที่กำลังจะพูด ผมคิดว่าคนอื่นๆก็เหมือนกันแต่ยังไม่กล้าที่จะพูด
   “ไม่เป็นอะไร มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้ พ่อไม่โทษพวกนายหรอก เพราะพวกนายก็เจ็บปวดไม่ได้ต่างกัน”
   “ครับ”พวกผมรับคำกันเบาๆ การที่เราเห็นคนที่เรารักกำลังจะจากไปต่อหน้าต่อตา ใครกันจะทำใจได้ ผมยอมรับว่าผมไม่เคยกลัวหรือร้องไห้ให้กับใครมาก่อน แต่เพราะเป็นน้องเป็นคนที่ผมรักและไม่สามารถรักใครได้อีก ผมจึงไม่เสียใจที่ได้เสียน้ำตาให้กับน้องเลย
   “พวกนายกลับไปพักผ่อนกันก่อนไหม  เอาไว้มาเยี่ยมกันใหม่”
   “ไม่ครับ เราไม่อยากจะห่างไปไหนเลย แม้แต่นาทีเดียว” เสียงของไอ้นัลดูเจ็บปวดมากตอนนี้ ผมเชื่อว่ามันทำใจยากที่เห็นคนที่รักเป็นแบบนี้ พวกมันก็เหมือนผม รักแล้วและรักมาก และสำหรับมัน มันเป็นคนที่อ่อนโยนมากคนหนึ่งมันคงยังช็อคไม่หายเหมือนกัน
   “เอาแบบนี้แล้วกัน กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แบ่งกันไป เพราะเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปพักก่อนเหมือนกัน”
   “ครับ งั้นเดี่ยวกูไอ้นัลไอ้หมอไปก่อน พวกมึงรออยู่ตรงนี้มีอะไรรีบโทรไปนะ”
   “อืมได้” เสียงไอ้ไลฟ์เป็นคนตอบส่วนไอ้เลย์แค่พยักหน้ารับ เฮ้อ คงต้องปล่อยไปก่อนเพราะผมก็อาการไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่
        ผ่านไปสองวันแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง น้องยังคงนอนนิ่งไม่ขยับตัวมีเพียงเส้นชีพจรที่ยังคงวิ่งอยู่เป็นเครื่องยืนยันว่าน้องยังไม่ได้จากเราไปไหน
   โซฟา นายไปอยู่ที่ไหนกันนะ กลับมาได้แล้ว นายรู้ไหมว่ามีคนที่รอนายจนจะเป็นบ้าตายอยู่ตรงนี้หลายคนเลยนะ กลับมาสักทีสิ พวกพี่ยังไม่ได้ทำตามที่นายต้องการเลย นายบอกรักพวกพี่แต่พวกพี่ยังไม่ได้บอกรักนายแบบที่นายต้องการเลยนะ ตื่นมาฟังกันสิโซฟา อย่าทิ้งกันไปแบบนี้นะครับ พวกพี่จะอยู่กันได้หรอครับ กลับมานะครับ ที่รักของพวกพี่ รักโซฟานะครับ

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: defer ที่ 08-12-2015 22:57:29
ชื่อเรื่องน่าจะเป็น

Hate Hard But Love Harder นะคะ ถ้าจะสื่อว่าเกลียดมาก แต่รักมากกว่า
หรือถ้ายึดภาษาไทย all I love is them // all i love is you

หรือถ้าชื่อเดิมก็น่าจะเปลี่ยนให้ถูกไปเลย
เป็น I Hate Them But I love Them

อันนี้แค่เสนอเฉยๆนะ เนื้อเรื่องสนุก ถ้าชื่อสะดุดตาคนจะได้เข้ามาอ่านเยอะ ๆ ^^
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 09-12-2015 01:26:31
หายไวๆนะน้องฟา พี่ๆเค้ารออยู่ :mew2:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: lazyishappy ที่ 09-12-2015 02:44:20
น้องฟาน่ารักกกก แอบเชียร์บาร์เทนเป็นพิเศษ หุๆ ฟื้นเร็วๆนะคะะะ
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 09-12-2015 13:48:27
 :monkeysad:น้องหนูฟาหายไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 09-12-2015 15:38:24
หายไวไวนะลูก
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 09-12-2015 18:16:56
สู้ๆๆๆ นะคะน้องฟา รีบกลับมาหาพี่ๆ ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 09-12-2015 20:01:31
บทที่17
        เข้าวันที่สามแล้ว อาการน้องไม่ได้ดีขึ้นเลย เรารอเพียงแค่ปาฏิหาริย์เท่านั้น ทีมแพทย์หมดวิธีที่จะช่วยเหลือแล้วพวกเขาทำจนสุดความสามารถแล้ว ตอนนี้พวกเราทุกคนมายืนอยู่ที่หน้าห้องปลอดเชื้อมีพวกผมห้าคน พ่อกับแม่น้อง โจว ลิเลียมและอัลโต กว่าที่ลิเลียมจะฟื้นก็ใช้เวลาไม่ต่างกัน พอได้ข่าวเธอก็สลบไปสองวันเต็มๆ ตอนนี้เธอยังร้องไห้ไม่หยุด ขนาดอัลโตบอสมาเฟียก็ยังคงนิ่งสงบแต่ดวงตาบ่งบอกได้ดีว่าผ่านการร้องไห้มาเหมือนกัน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะครบสามวันแล้ว ไม่มีวี่แววว่าน้องจะฟื้น ทุกคนในที่นี้ต่างเงียบไม่มีใครคิดจะพูดอะไรแม้กระทั่งแม่ของน้องที่คอยดูแลพวกเราตลอดสามวัน
     ผลัวะ
        เสียงประตูกระแทกเปิดออกอย่างเร่งรีบจากภายใน เพราะอาการของน้องน่าเป็นห่วงเลยมีหมอคอยเฝ้าตลอด24ชั่วโมง
   “พยาบาลตามมิสเตอร์เคนตะด่วน”
   “ค่ะ”
   “เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉันค่ะ” แม่ของน้องรีบเดินเข้าไปหาคุณหมอสูงวัยที่ดูน่าเชื่อถือ
   “ทางญาติใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้คนไข้เกิดภาวะช็อค ชีพจรหยุดเต้นกะทันหัน ตอนนี้ทางเรากำลังใช้ยากระตุ้น”
   “อะไรนะ” ลิเลียมถามออกมาเสียงสั่นเหมือนไม่อยากจะเชื่อแล้ววิ่งไปเกาะที่กระจกเพื่อมองดูร่างของน้องที่ตอนนี้ถูกทีมแพทย์ฉีดยาพยายามยื้อน้องเอาไว้
   “ใจเย็นๆก่อนครับ ตอนนี้เรากำลังติดต่อไปที่มิสเตอร์เคนตะอยู่ครับ”
   “มิสเตอร์เคนตะ ใครครับ” เสียงของอัลโตดูเรีบยนิ่งแต่ปลายเสียงดูมีความหวัง
   “เขาเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ที่หาตัวจับได้ยาก มีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถบอกอะไรได้มากรอถามเขาเอาได้ครับ แต่เขาจะตอบไหม นั่นเป็นอีกเรื่อง เพราะเราก็เพิ่งได้รับข้อความว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ” หมอคนนั้นดูเลื่อมใสในตัวมิสเตอร์เคนตะอะไรนั่นจัง คงจะเก่งจริงสินะขนาดนายแพทย์ใหญ่ของที่นี่ยังยกย่อง
   “ทางนี้ค่ะ” เสียงของพยาบาลดังเรียกให้พวกเราหันไปมอง ชายหนุ่มร่างโปร่งบางตัวสูงเพรียวแต่ไม่น่าจะเกิน170 ใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตากลับส่องประกายเจ้าเล่ห์ดูน่ากลัวดวงตาสีดำเข้มแบบคนเอเชีย ผิวที่ขาว บอกตามตรงดูสวยมากกว่าหล่อ สองมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงดูไม่ค่อยจะรีบร้อนและไอ้อมยิ้มนั่น คือผมไม่เข้าใจว่านายคนนี้เป็นหมอจริงๆ
   “ทางนี้ครับ” นายแพทย์คนนั้นเดินนำคนที่มาใหม่ก่อนที่จะปิดห้อง เราเห็นนายคนที่ชื่อเคนตะเดินไปที่เตียงของน้องก่อนจะพูดอะไรไม่รู้ฉีดยาที่รับจากนางพยาบาล จากชีพจรที่เต้นช้าเริ่มกลับมาคงที่แต่อยู่ดีๆชีพจรน้องก็หยุดเต้นมีพยาบาลกำลังจะเข้าไปฉีดยาแต่นายเคนตะกลับยกมือห้ามแล้วมองมาที่พวกผมห้าคนก่อนที่จะทำการอุกอาจ มันห้อมแก้มว่าที่เมียผม ผมแทบจะกระโดดไปถีบประตูแต่อัลโตเข้ามาดึงไว้
   “ถ้ามึงไม่ใช่หมอกูไม่เอาไว้แน่ แฟนกูจะตายอยู่แล้วยังมากวนตีนอีก”
   “ใจเย็นไอ้เทน น้องไม่ได้เป็นอะไรแล้ว มึงดูสิ ทุกอย่างเหมือนเดิมแล้ว” ผมมองตามที่ไอ้หมอบอกชีพจรน้องกลับมาเหมือนเดิมแล้ว นายคนที่ชื่อเคนตะยืนมองสักพักก็เดินออกมา
   “แก้มแฟนพวกนายนุ่มเนอะ” หมอนั่นพูดเป็นภาษาไทยกับพวกผม
   “แก”
   “อย่าไอ้เทน” ผมแทบจะเข้าไปต่อยมัน ดูมันยังทำหน้าทำตาอีก
   “ดีครับคุณพ่อคุณแม่” มันหันไปไหว้พ่อกับแม่น้อง ที่กำลังงง
   “อะอืม เออ คุณรู้จัก เออ เราหรอ”
   “รู้จักสิครับ ผมรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟานั่นแหละครับ”
   “หือ ฟา นายเรียกเพื่อนฉันว่าฟาหรอ”
   “อืม ไมอ่ะ”
   “นายเป็นใครกัน ทำไมพวกเราไม่รู้จักนาย แต่นายกลับเรียกน้องฟาแบบสนิทแบบนั้น”
   “น้องฟา นายคงจะเป็นเพื่อนที่ขายเพื่อนคนนั้นสินะ นายนี่เองที่ฟาเล่าให้ฟังว่าเข้าข้างศัตรู หน้าตาก็ดีแต่นิสัย ไม่ๆ”
   “อะ อะไร ขายอะไร แค่ช่วย”
   “หึหึ ช่วยให้แย่กว่าเดิม นึกว่านายจะช่วยได้ดีกว่านี้ สุดท้ายก็ล้มเหลว นี่ถ้าฟาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมไม่มาหรอก”
     ครืด ครืด
   “ครับ อยู่ญี่ปุ่นครับ ไม่ว่างครับไอดอลป่วยจะดูแล ไม่สนครับ อย่าเยอะครับ น่ารำคาญ” แล้วหมอนั่นก็ตัดสายทิ้ง แต่ก็ยังมีเสียงเรียกเข้ามาเรื่อยๆ ตุ๊บ เพล้ง ทุกอย่างรอบตัวเงียบลงทันที ก็อยู่ดีๆหมอนี่ก็ขว้างไอโฟนใสผนังจนแตกกระจายแบบนั้น
   “เออ คือ”
   “อ่า โทษทีครับ เผลอหงุดหงิดจนได้ พวกคนมีความรู้นี่น่ารำคาญเนอะว่าป่ะ ตื้ออยู่ได้”
   “เออ คือ” นายโจวยังคงพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด
   “ครับ จะถามอะไรก็ว่ามาอยากรู้ว่าผมเป็นอะไรกับฟาหรอ อืม ตอนแรกผมเป็นแฟนคลับของฟาแต่เพราะเราคุยกันถูกคอเลยเป็นเพื่อนกันครับ แต่ผมยกให้ฟาเป็นไอดอลหน่ะ นิยายเขาสนุกดีผมชอบ” ดูเหมือนหมอนี่จะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ ก็เล่นดูออกว่าพวกผมคิดอะไรอยู่แบบนี้
   “มิสเตอร์ เคนตะครับ คนไข้เริ่มขยับตัวแล้วครับ”
   “หรอ แหมพูดแค่นี้ทำให้ฟื้นได้ด้วย ไอดอลผม เหลือเชื่อ”
   “เดี๋ยวนายพูดอะไรกับแฟนฉัน”
   “อยากรู้จริงอ่ะ”
   “เออ”
   “ไม่มีมารยาท ไม่น่าช่วยเลยจริงๆสิ”
   “พวกเราก็อยากรู้นะค่ะ”
   “นี่ถ้าคุณโสดผมจะเข้าไปเช็ดน้ำตาให้นะครับ แต่ดูท่า ถ้าผมเข้าไปคงได้ของขวัญเป็นลูกตะกั่วแน่เลย”
   “หึหึ” เสียงอัลโตหัวเราะชอบใจนายคนนั้น
   “นี่พูดสักทีสิ” โจวคงทนไม่ไหว
   “ก็ได้ๆ ผมบอกว่าถ้าไม่ฟื้นพวกคุณจะมีกิ๊ก ฮ่าๆๆ” แล้วหมอนั่นก็เดินเข้าห้องไปดูอาการน้อง ให้ตายสิ หมอนี่มันปรกติรึเปล่าเนี่ย
........................................................
     ผมไม่รู้ว่าที่ที่ผมอยู่คือที่ไหน รอบๆตัวผมมีแต่สีดำมันดูอ้างว้างและมืดมิด น่ากลัว นี่ผมตายแล้วหรอ
   “โซฟากลับมาหาพวกพี่นะครับ พี่รักเรา” เสียงของพี่เทนที่ดังเข้ามาในหัวของผม อะไรกัน ตกลงผมตายรึยังแล้วพี่เทนอยู่ไหน ผมเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆอยู่ดีๆบรรยากาศรอบข้างก็เย็นลงจนหนาวสั่น หายใจไม่ออก เจ็บไปทั้งตัวเลย อึก ไม่ไหวแล้ว ผมดิ้นอย่างทุรนทุรายบนพื้นที่เย็นเฉียบ ปวดไปหมดแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย พี่เทน พี่หมอ พี่ทนาย พี่ไลฟ์ พี่โดนัล ใครก็ได้ช่วยด้วย ฮึกฮือๆๆ ผมกลัวเหลือเกิน ช่วยผมด้วย พาผมออกไปที
   “ถ้าไม่ตื่น สามีหนีไปมีเมียน้อยนะ ฟาคุง” สะเสียงใครกัน สามีใคร ใครคือเมียน้อย ฟาคุงหรอ หรือว่าริวคุง ริวคุงอยู่ไหน นายอยู่ไหน ช่วยด้วย อยู่ดีๆร่างกายผมก็บิดเกร็ง หายใจไม่ออกแล้วสติของผมก็ดับวูบไป
   “ฟาคุง ฟาคุง นายได้ยินไหม ถ้าได้ยินลืมตาขึ้นมาหน่อย” เสียใครกันมารบกวนผมแบบนี้
   “โอ้ย” ผมขยับแขนเพื่อขยี้ตาแบบที่ทำประจำเวลาตื่น แต่แค่ขยับแขนก็ปวดร้าวไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมมองไปรอบห้องเห็นบุรุษพยาบาลและพยาบาลมองมาที่ผมอย่างลุ้นๆ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมต่างหากที่ผมคุ้นเคย ทำไมคุ้นจัง นายเป็นใครกัน
   “เดี๋ยวผมจะย้ายคุณไปที่ห้องพิเศษนะ พวกแฟนคุณจัดการให้แล้ว” แฟนผม ผมมีแฟนด้วยหรอ ผมได้แต่พยักหน้าตอบแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันแสบคอไปหมด ไม่มีแรงที่จะพูดเลย
     ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ห้องพิเศษแล้ว มีคนที่คุ้นหน้าหลายคนอยู่ในห้องรวมทั้งคนที่ผมเห็นตอนฟื้นด้วย
   “จะกินน้ำหรอครับ นี่ครับ” นายคนที่ใสแว่นมีกรอบบอกกับผมแล้วยื่นแก้วน้ำให้ ผมรับมาดื่มก่อนที่จะส่งคืน
   “เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมากไหม” ผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนพูดกับผม เธอเป็นใครกัน ทำไมผมรู้สึกผูกพันขนาดนี้นะ
   “น้องฟา เป็นอะไรครับ บอกคุณชายได้นะ” คุณชาย คุณชาย ทำไมผมถึงคุ้นเคยแบบนี้แต่ผมกลับนึกไม่ออก ผมมองไปรอบๆห้องมองที่หน้าของทุกคน แต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าคนพวกนี้เป็นใครกัน ปวดหัวจัง ผมส่ายหัวเพื่อลดอาการปวดแต่ยิ่งนึกว่าทุกคนเป็นใครมันกลับยิ่งปวดมากขึ้น
   “ฟาคุง ฟาคุง” นายคนที่ผมเห็นตอนตื่นมาคนแรกเดินเข้ามาจับมือผมแล้วจับหน้าก่อนที่จะมองเข้ามาที่ตาของผม คุ้นเคยแต่จำไม่ได้  เกิดอะไรขึ้นผมจำอะไรไม่ได้เลย น้ำตาของผมไหลลงมาจนอาบแก้ม ทำไมผมอ่อนแอขนาดนี่นะ
   “น้องฟา ลูก เป็นอะไรไปค่ะ”
   “พยาบาลฉีดยานอนหลับให้คนไข้ด่วน เร็ว”
   “ค่ะ” แล้วพยาบาลก็เข้ามาฉีดยาผม อาการปวดหัวเริ่มหายไปพร้อมกับสติของผม
.......................................
     Jow Talk
        หลังจากที่โซฟาตื่นขึ้นมา มันดูแปลกๆไป ไม่พูดกับใครแถมแววตาที่มองมากลับดูว่าเปล่าบางครั้งก็สับสน อยู่ดีๆก็ร้องไห้ นายคนที่ชื่อเคนตะอะไรนั้นก็เข้าไปห้ามไว้ และเรียกให้พยาบาลฉีดยาโซฟาทันที เพื่อนผมเป้นอะไรไปกันแน่
   หลังจากนั้นไม่นานโซฟาก็หลับเพราะฤทธิ์ยา นายเคนตะก็จัดการห่มผ้า ก่อนจะมองมาที่พวกผมด้วยสายตาว่างเปล่าที่น่ากลัวก่อนที่จะถอนหายใจแววตากลับมาเหมือนเดิมเจ้าเล่ห์ ผมยอมรับว่าตอนที่เห็นหมอนี่ครั้งแรก ใจผมเต้นแรงจนน่ากลัว หมอนี่เป็นใครกันถึงได้ทำเอาผมใจสั่นขนาดนี่
   “ผมเสียใจด้วยครับ”แล้วหมอนั่นก็พูดหลังจากที่เงียบมานาน
   “ระเรื่องอะไรค่ะ” ลิเลียมเป็นคนถามเพราะดูเธอจะตกใจมากเหมือนกันแต่เธอเข้มแข้งขึ้นมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา
   “ตอนนี้ เท่าที่ดูอาการคร่าวๆ ความทรงจำของคนไข้ ไม่มีอยู่เลยครับ”
   “หมายความว่าไง” เสียงของพี่ทนายของไอ้ฟาถามแบบตกใจมากกว่าโกรธ
   “ฟา จำอะไรไม่ได้ เขาลืมทุกอย่าง ลืมทุกคน เท่าที่ดูเขาจำได้เพียงแค่ตัวเองเท่านั้น และดูแล้ว อาการน่าเป็นห่วงครับ”
   “แล้วเราจะช่วยน้องฟายังไงได้บ้างค่ะ”
   “พรุ่งนี้ผมจะพาเข้าไปทดสอบครับ ต้องรอดูผมทดสอบ ว่าอาการของฟาอยู่ในขั้นไหน ตอนนี้ผมตอบไม่ได้ แต่จากประสบการณ์ ผมว่ามีวิธีครับ ขอโทษนะครับ ผมทำอะไรไม่ได้เลย” นายเคนตะก้มหน้าลงแล้วโค้งพ่อกับแม่โซฟาแล้วก็พวกผม
   “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณช่วยชีวิตลูกเราไว้ แค่นี้ก็เป็นหนี้บุญคุณแล้ว คุณพยายามเต็มที่แล้ว”
   “ยังครับ ผมยังทำไม่มากพอ เรื่องแบบนี้ต้องมีทางแก้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ผมมันอ่อนแอ” เสียงของหมอนั่นสั่น ผมรู้ว่าหมอนั่นเจ็บปวดเหมือนกันที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทั้งทีช่วยให้ฟื้นแล้วแต่ดันมีเรื่องแบบนี้อีก
   “อย่าโทษตัวเอง นายทำดีที่สุดแล้วเอาเวลาที่โทษตัวเองไปหาวิธีช่วยโซฟาดีกว่านะ” ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่กลับเดินเข้าโอบหมอนั่นแล้วดันหน้าให้ซบที่ไหล่ผม ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของหมอนี่ มันปวดใจแปลกๆ
   “ขอบคุณครับ แต่เดี๋ยวก่อน นี่นายคนขายเพื่อนนายกล้าดียังไงไม่กอดผมเนี่ย”
   “เออ คือ แค่ไม่อยากเห็นเด็กร้องไห้หรอก”
   “หึหึ ไม่ใช่เริ่มชอบผมหรอครับ”
   “คะใครชอบนาย อย่ามามั่ว อุตส่าห์ช่วยยังมากวนอีก”
   “ขอบคุณครับ”แค่คำขอบคุณกับน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนกลับทำเอาผมใจสั่น หมอนี่อันตรายกับหัวใจผมเกินไปนะ
   “ไม่เป็นไร” ผมหันหน้าหนีแล้วรีบเดินออกจากห้องพักทันที ใครใช้ให้หมอนั่นยิ้มใส่กันเล่าแค่นี้ก็ใจเต้นแรงจนจะบ้าตายแล้ว
ผมว่างานนี้กว่าโซฟาจะหายผมคงหัวใจวายตายก่อนมันแน่นอน
Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 09-12-2015 20:05:16
บทที่18
        หลังจากที่อาการของผมดีขึ้นก็ถูกย้ายตัวกลับมาที่ประเทศไทย กลับมาที่บ้าน ผมจำได้ ผมจำของใช้วิธีการอยู่ในอดีตก่อนหน้าได้ทั้งหมด แต่ผมกลับจำบุคคลที่อยู่รอบกายไม่ได้เลย ยิ่งพยายามคิดก็จะยิ่งปวดหัว บางครั้งก็จะฝันแปลกๆ เรื่องฝันผมไม่ได้บอกกับคนที่ชื่อเคนตะที่เป็นหมอระจำตัวผม เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น
        ตลอดเวลาหลังจากที่กลับมา คนพวกนั่นก็ยังคงมาดูแลผมและอาศัยอยู่กับผม แต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกันนะ คิดกันไปแล้วใช่ไหม ผมคุ้นเคยพวกเขามากแต่จำไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นร่างกายมักจะสั่งให้ร้องไห้และต้องพูดคำว่าขอโทษ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั่นผมไปทำอะไรให้กับพวกเขากันแน่
   “คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงของคนที่ใส่ชุดกราวนถามก่อนที่คนอื่นจะเดินตามมานั่งที่เก้าอี้ชายหาดที่อยู่ข้างสระน้ำ ตอนนี้ผมกลับมานั่งที่ข้างสระ เพราะไม่มีใครอยู่บ้าน
   “หลายเรื่องครับ” ผมสนิทใจที่จะพูดแต่กลับกลัวที่จะให้ใจ ผมเป็นอะไรก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
เราปล่อยให้เวลาผ่านไปเงียบๆ แต่ไม่ได้แปลว่าอ้างว้างนะครับ
         ตอนนี้ผมกลับอบอุ่นที่มีพวกเขาข้างๆยังไงก็ไม่รู้ ผมยังคงนั่งเล่นมือถือไปเรื่อยๆ มีหลายอย่างที่ผมสนใจ อย่างเช่นรูปถ่ายที่มักจะมีรูปของพวกเขาทั้งคนในท่าทางที่แปลกตาเหมือนแอบถ่ายมากกว่า ผมเคยใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขามาก่อนใช่ไหมนะ หืม ผมเลื่อนลงมาดูที่ภาพของหนังสือพิมพ์ที่มีการพาดหัวข่าวเรื่องการประกาศอะไรสักอย่าง ภาพของพวกเขา และมีรูปของผมเล็กๆตรงข้างล่างมุมขวา เรื่องอะไรกันนะ ผมเปิดเข้าไปเพื่อขยายดู ยิ่งอ่านเนื้อหายิ่งงง แต่แล้วก็มีภาพของการทะเลาะกันของผมที่ห้างกับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนผมชื่อโจว เรื่องที่ผมเดินทางไปที่เชียงใหม่ และสุดท้าย ไปที่ญี่ปุ่น เพราะอะไรกันนะ ผมถึงต้องไป ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว
      เพล้ง
      มือของผมปัดไปโดนแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ ทำให้พวกเขาหยุดคุยและกรูเข้ามาหาผม
   “ฟา เป็นอะไรครับ”
   “ปะ ปวดหัว” ผมพยายามที่จะไม่คิดเพราะเวลาที่คิดจะปวดหัวมาก
   “ฟาครับ ปล่อยมือก่อนนะครับ เอามาให้พี่นะครับ” มีใครบางคนพยายามแกะมือผมแล้วหยิบเอามือถือผมไป
   “พี่ว่า พี่พาฟาไปพักก่อนดีกว่านะครับ”
   “อืม” ผมเหนื่อยจังเลย ไม่ไหวแล้ว  แล้วผมก็ไม่รู้ตัวอีก
............................................................
     น้องหลับไปแล้ว อยู่ดีๆน้องก็หลับไป ตอนแรกคิดว่าสลบแต่พอลองดูอาการกลับพบว่าหลับแทน สงสัยจะเพลียมากเกินไป น้องไม่ค่อยจะยอมนอน เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่น้องโทรมมากกว่าแต่ก่อน เราสงสารน้องแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย

   “เป็นยังไงบ้างไอ้หมอ น้องเป็นไร”
   “น้องแค่เพลียแล้วหลับ ไม่มีอะไร” ไอ้ไลฟ์มันคงจะห่วงน้องมาก แต่ทุกคนก็ห่วงน้องไม่ต่างกัน เพราะพวกเราแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานกันเลย ทุกอย่างดูแย่ไปหมดในตอนนี้
   “น้องทำอะไรอยู่วะ ก่อนหน้านั้น”
   “น้องคงจะพยายามคิดเรื่องพวกเราวะ”
   “กูดีใจนะโว้ยที่น้องพยายามจะจำพวกเรา แต่กูก็สงสารน้องเวลาที่น้องต้องทรมานเพราะคิด ยิ่งตอนที่น้องร้องไห้แล้วบอกขอโทษ ทั้งที่จำไม่ได้แต่ทำเพราะร่างกายมันไปเอง แบบนี้เขาเรียกว่าจิตใต้สำนึกเปล่าวะ”
   “แบบที่ไอ้นัลบอกนั่นแหละ มันเป็นส่วนลึกที่สมองกำลังสั่งการให้ทำ ยังไม่ได้ลบออกไป กูไม่อยากให้น้องโทษตัวเองวะ”
   “แต่เราก็พยายามกันแล้วนะไอ้เลย์”
   “กูเชื่อว่ามันต้องมีวิธี เรายังมีความหวัง แค่เราไม่หมดหวัง เราจะเจอทางออกของปัญหา”
   “นานๆมึงจะดูมีหลักการนะไอ้เทน”
   “อ่าวไอ้หมอ นั่นปากหรอวะ”
   “ฮ่าๆๆ ขำๆ คลายเครียดโว้ย” ตอนนี้พวกเราก็คงต้องเชื่อในความหวังของพวกเราแบบที่ไอ้เทนบอก ตราบใดที่ยังมีความหวัง ทุกอย่างย่อมมีทางออกแน่นอน ผมคิดแบบนั้นนะ รักโซฟานะครับ กลับมาไวไวนะครับ ที่รักของพวกพี่

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 09-12-2015 20:15:54
:call: :call: :pig4: กราบสวัสดีนักอ่านทุกท่าน  ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านผลงานของนักเขียนหน้าใหม่คนนี้ หากผิดพลาดตรงไหนสามารถติชมได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ทางนักเขียนวางพล็อตไว้จนจบแล้ว อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากนัก ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :hao5: :katai4:
ส่วนเรื่องชื่อของนิยายเรื่องนี้ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าทางนักเขียนผูกพันธ์กับชื่อนี้มานาน ไม่ขอเปลี่ยนนะคะ ซึ่งถ้าผิดหลักการหรือสิ่งใด ก็ขอโทษด้วยนะคะ ทางผู้เขียนไม่อยากเปลี่ยนจริงๆ :mew6: :ling2:
ขอบคุณที่เข้ามาติดตาม ขอให้มีความสุขจากทุกตัวอักษรค่ะ

ด้วยรักจากนักเขียน
Cr.Minibear_Secret
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 10-12-2015 23:09:58
บทที่19
        หลังจากที่หลับไป ผมกลับฝันมันเป็นฝันเดิมๆที่พอหลับตาผมมักจะเห็นมัน ผมเห็นตัวเองในอิริยาบถต่างๆทั้งนั่งนอน และทุกครั้งมีพวกเขา คนที่ช่วงนี้มักจะวนเวียนอยู่ข้างๆผม ผมเห็นเด็กผู้ชายกับคนที่บอกว่าเป็นพ่อแม่ผม เห็นช่วงเวลาเด็กของตัวเอง เห็นช่วงวัยรุ่น เห็นช่วงที่เรียนอยู่นอก เห็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผม ทุกอย่างฉายวนไปมาซ้ำๆเหมือนถูกตั้งค่าไว้ และภาพสุดท้ายก่อนที่จะตื่น ภาพของแสงไฟและแรงกระแทกและผมจะสะดุ้งตื่นเสมอ

   “ฟาครับ ฟา เป็นอะไรครับ ตัวสั่นมากเลย” ผมส่ายหัวให้คนที่บอกว่าเป็นหมอพี่เขาชื่อเลนโว ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจนพครับแต่ภาพในฝันมันทำให้ผมกลัว ผมกลัวการพบเจอพวกเขา
   ผมขยับออกห่างจากพี่หมอ ผมไม่พร้อมจะเจอหน้าใครทั้งนั้น ผมลุกขึ้นเดินหนีเข้ามาในห้องน้ำ ผมรู้ว่ามันดูไม่ดีแต่ผมสับสน ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น

     Lenvo
        น้องมักจะนอนดิ้นไปมาเวลาหลับและจะสะดุ้งตื่นแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง น้องตัวสั่นมากและสายตาที่มองมาอ่านไม่ออกเลย มันดูหวาดกลัว เจ็บปวด สงสาร โหยหา เศร้า และปฏิกิริยาที่แสดงออกมาคือการพยายามห่างจากผม น้องแปลกไป เกินอะไรขึ้นกันแน่

   “เป็นอะไรไปไอ้หมอ ทำไมหน้าเครียด น้องเป็นอะไร”
   “น้องแปลกไปไอ้เทน น้องทำท่าเหมือนกลัวกู”
   “มึงทำอะไรน้องละ”
   “เปล่านะโว้ยไอ้นัล พอน้องตื่นมาก็มองมาใช้สายตาแปลกๆ กูอธิบายไม่ถูก แล้วก็หนีเข้าห้องน้ำไป”
   “อืมแปลกจริงๆ”
   “เอ่อ...คือ” เสียงของน้องดังขัดเรื่องที่พวกผมกำลังพูดกัน พวกเราหันไปมองน้อง สายตาแบบนั้นอีกแร้ว สายตาที่เจ็บปวดแบบนั้น
   “ครับ ฟาจะเอาอะไรรึเปล่า”
   “ปะ...เปล่าครับ” แล้วน้องก็เดินหนีไปที่ห้องนั่งเล่น
   “จริงด้วยไอ้หมอ” ผมหันไปมองไอ้ไลฟ์ที่อยู่ดีๆมันก็พูดขึ้น
   “อะไรมึง”
   “สายตาไง พวกมึงเห็นเหมือนกันใช่ไหม”
   “อืม” ทุกคนตอบเหมือนกัน ผิดปกติจริงๆ พวกผมมองหน้ากันสักพักก็เดินตามน้องไปที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้น้องกำลังดูซี่รีย์อยู่ แต่ผมไม่รู้หรอกเรื่องอะไรนั่งอยู่กับไอ้หมออัจฉริยะนั่งแหละ อ้อ ผมลืมบอกไป ไอ้หมอที่ชื่อเคนตะมันเป็นเด็กอัจฉริยะด้านการแพทย์และนิสัยก็ อืม น่าปวดหัวและดูท่ามันดูมุ้งมิ้งกับไอ้โจวเพื่อนฟาด้วย ปล่อยมันไปเถอะ มาสนใจน้องดีกว่า

   “ทำอะไรครับฟา” ผมถามน้อง น้องหันมามองแล้วขยับตัวไปนั่งชิดเคนตะแทนที่จะนั่งใกล้พวกผม ดูท่าแล้วเจ้าหมอเคนตะก็ยังงงเหมือนกัน

         พวกผมหันมามองหน้ากัน มันผิดปกติเกินไป ไอ้เทนเลยลองเอื้อมมือไปจับแขนน้อง น้องสะดุ้งแล้วปัดออกทันที น้องมองด้วยสายตาตกใจแล้วก็ร้องไห้ออกมาพร่ำบอกแต่คำว่าขอโทษ จนพวกผมที่เอาแต่นิ่งเพราะปฏิกิริยานั้นงงไปตามๆกันรวมไอ้หมอเคนตะด้วย

     Sofa
        ผมกำลังหลบหน้าพวกเขาแต่อยู่ดีๆพี่เทนก็เอื้อมมือมาแตะแขนผม ผมเลยเผลอปัดไป ความรู้สึกต่างๆทั้งในฝันและตอนนี้มันตีรวนไปหมด ผมควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องปล่อยน้ำตาออกมา  พี่หมอทำท่าจะเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ผมแต่ผมกลับขยับตัวหนีไปหาริวคุงแทน ใช่ครับ ผมจำริวคุงและพ่อแม่หรือที่ผมเรียกว่าคุณหญิงคุณชายแต่ก่อนได้แล้ว ผมจำทุกอย่างได้แล้วแม้จะไม่แม่นเท่าไหร่แต่มีเพียงพวกเขาที่ยังคงก้ำกึ่งระหว่างเรื่องของความรู้สึกกับความฝันของผม ร่างกายของผมคงจะรับอะไรไม่ค่อยไหวแล้วมั้ง อาการปวดหัวเริ่มเล่นงานอีกครั้งจนต้องยกมือมากุมเอาไว้ ทุกคนทำสีหน้าเจ็บปวดและเศร้าอยู่ดีๆภาพของเหตุการณ์ที่ผมโดนรถชนที่ญี่ปุ่นก็แทรกเข้ามา ภาพของเลือดของผมและน้ำตาของพวกเขา

   “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษที่หนีไป ขอบคุณที่มารับผม ขอบคุณที่รักผม รักพวกพี่เหมือนกัน ผมเชื่อในตัวพวกพี่แล้ว ผมเชื่อแล้ว อย่าทิ้งผมนะ ผมขอโทษ” ทุกอย่างถูกกลอกลับเหมือนเทบที่บันทึกไว้ ภาพฉายเข้ามาทั้งคำพูดในวันนั้นของผมและพวกเขา ผมจำได้แล้ว ผมจำพวกเขาได้แล้ว ความรู้สึกของผมที่มีต่อพวกเขาด้วย ผมจำได้แล้ว ผมรักพวกเขาใช่รักจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว

   “ฟา” เสียงของใครสักคนหนึ่งในพวกเขาพูดออกมา ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงก่อนจะร้องไห้ออกมา
   “พี่เทน ผมขอโทษที่งี่เง่า แทนที่ผมจะคิดถึงความรู้สึกของพี่ก่อนที่จะพูดแบบนั้นไป ผมขอโทษ”
   “ไม่เป็นไร ขอแค่ฟาตอบรับรักพี่ แม้ชีวิตของพี่พี่ก็ยอมสละเพื่อเราได้นะ พี่รักฟานะ”
   “ครับพี่เทน” ผมยิ้มรับคำว่ารักของพี่เทนที่ครั้งหนึ่งผมเคยมองข้ามมันไป
   “พวกพี่ครับ พี่โดนัล พี่หมอ พี่ทนาย พี่ดีเลย์ ผมขอโทษที่ทำให้เสียใจเสียน้ำตา ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้พวกพี่ต้องลำบาก ผมขอโทษ”
   “ไม่ พวกพี่จะไม่โทษเรา เพราะเรื่องของพวกพี่ทำให้เราต้องคิดมากจนต้องหนีไป ทำให้เราต้องเจ็บปวดทั้งตัวและใจ พวกพี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”เสียงของพี่ทนายเป็นคนที่ตอบแทนพวกพี่ที่เหลือที่ตอนนี้ทุกคนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาแต่ปากของทุกคนกลับยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มอบให้ผมมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องและหลังจากนั้น รอยยิ้มที่ผมคิดว่ามันอบอุ่นที่สุด

   “พวกพี่ยังรักผมอยู่ไหม พวกพี่ยังรักฟาอยู่ไหม ฟายังมีสิทธิ์ที่จะเป็นแฟนพวกพี่อยู่ไหมครับ”
   “เป็นสิ่ พวกพี่ยังรักเราเหมือนเดิมและมันจะเพิ่มขึ้นไปทุกวันนะ” พี่เทน บุคคลที่ผมมักจะคอยต่อว่าและหาทางจิกกัดเวลาเผลอตลอดกลับเป็นคนที่ดูแลผมเสมอ ผมรู้ว่าพี่เทนทำงานหนักพี่ทุกคนทำงานหนักแต่พี่เทนมีความเสี่ยงของชีวิตมากกว่าคนอื่น และทุกครั้งพี่เขาจะปกป้องทุกคนและตอนนี้พี่เขาก็เป็คนที่พูดความในใจแทนพวกพี่ที่เหลือ ส่วนพี่ที่เหลือต่างก็มอบรอยยิ้มมาให้ผมเพื่อยืนยันว่าพี่เทนพูดจริง น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้งและครั้งนี้ไม่ใช่ความเสียใจแต่มันเต็มได้วยความดีใจ
“ขอบคุณครับ ผมรักพวกพี่นะ รักมาจนรักใครอีกไม่ได้แล้ว ฮึก รักนะครับ ที่รักของฟา” แล้วสติที่ผมพยายามรั้งไว้ก็หมดไป พอแล้วแค่ได้บอกออกไป พอแล้ว พอแค่นี้และ ดีแร้ว

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 10-12-2015 23:15:34
บทที่20
   “เออ...คือ”
   “ครับ นี่ครับเค้ก ฟาอยากได้อะไรอีกไหมครับเดี๋ยวพี่หมอไปหยิบมาให้”
   “พอก่อนครับ  นี่ไม่ให้ฟาเดินเองเลยหรอครับ” ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ หลังจากที่ความจำของผมกลับมา พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมทำอะไรเองเลย บอกว่าทดแทนช่วงเวลาที่หายไปอะไรก็ไม่รู้
   “ก็พวกพี่เป็นห่วงเรานี่ครับ”
   “ฟาเข้าใจแต่แบบนี้ฟาเกรงใจนะ”
   “เกรงใจทำไมละ เมียคนเดียว”
   “ไอ้พี่เทนบ้า ใครเป็นเมียพี่ไม่ทราบ”
   “งั้นต้องพิสูจน์ก่อนสินะ”
   “ออกไปนะ พี่ทนายช่วยด้วย” ผมรีบหนีไอ้พี่เทนหื่นกามไปหาพี่ทนายที่ตอนนี้กำลังช่วยพี่นัลเตรียมของจัดเลี้ยงอะไรก็ไม่รู้ คุณหญิงกับคุณชายเป็นเจ้าภาพ บอกไม่มีเรื่องแค่อยากจัด ผมไม่เข้าใจหรอกแตแปลกใจที่พวกเขาดันเห็นด้วยนี้แหละ เฮ้อ
   “ไอ้เทน ไปแกล้งน้องทำไม น้องยังไม่หายดีนะ” เสียงพี่หมอที่เข้ามากอดผมจากด้านหลังพูดว่าพี่เทน แต่เดี๋ยวนะ จะมากอดผมทำไมเนี่ย
   “พี่หมอ เนียนนะครับ ปล่อยฟาเลย”
   “พี่หมออุตส่าห์ช่วยนะครับน้องฟา ก็แบบนี้แหละ เรามันคนไม่สำคัญ”
   “โอเคครับ ไม่โกรธนะ ดีกันๆ” ผมว่านะยิ่งอยู่กับพวกเขานานวันผมยิ่งเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที
   “ครับ ดีกัน” ฟอด ดีกันเฉยๆแล้วมาหอมแก้มผมทำไมเนี่ย
   “ไอ้พี่หมอ ฮึ่ย” ผมได้แต่คาดโทษเพราะพี่หมอบ้าเดินออกไปหน้าบ้านหลังจากที่แกล้งผมเสร็จ ผมไม่เข้าใจอีกเรื่อง หลังจากที่ความจำผมกลับมา ตอนนี้ผมว่าผมรู้สึกว่าพวกเขามักจะมาคอยวนเวียนใกล้ผมมากขึ้น ตอดนิดตอดหน่อยก็เอา ไม่เข้าใจพวกเขาคิดอะไรกัน
   “ฟาคุง มานี่หน่อย” ผมหันไปตามเสียงเรียกของริวคุง จากคนรู้จักกลายมาเป็นเพื่อนและตอนนี้ริวคุงคบอยู่กับเจ้าโจวเพื่อนบ้า เหมาะกันดีนะ คนนึงชอบแกล้งอีกคนก็โวยวาย เฮฮาดีนะ ผมว่า
   “มีรัยหรอริวคุง”
   “ฟาคุงเป็นแฟนกับพวกเขามานานยังอ่ะ”
   “อืม นานไหม นานนะ ทำไมหรอ”
   “แล้ว แบบ เคย...เออ..จูบกันยังอ่ะ”
   “เออ....คือ..” เอาแล้วไงถามอะไรเนี่ย เคยจูบไหม มีแต่พี่เทนกับพี่หมอสินะ คนอื่น
   “ยังหรอ”
   “ก็ไม่เชิงนะ แบบว่าไงดี...เคยกับพี่เทนส่วนพี่หมอนี่ถ้านับก็คงใช่แบบแตะปากกันก็ใช่เนอะ” ถามไปร้อนหน้าไปนี่ยังไงกันนะผมเนี่ย
   “จริงหรอ งั้นแปลว่านานแล้วสินะ”
   “อ่าก็ก่อนเกิดเรื่องนั้นแหละ”
   “งั้น ไหนๆก็เป็นแฟนกันแล้ว ทำไมไม่ทำให้เป็นเรื่องปกติละ”
   “ห๋า จะบ้าหรอ นายอย่าเอาความชอบนายมาบอกกันสิริวคุง”
   “ฉันไม่ชอบจูบหรอก ฉันชอบมากกว่านั้น”
   “นายคงไม่เสร็จเจ้าโจวแล้วนะ”
   “หึหึ”
   “จริงอ่ะ”
   “นายก็อีกไม่นานหรอก เชื่อสิ่” ริวคุง ไม่นะ แต่ว่าผมอีกไม่นานนี่มันยังไงกันอ่ะ  ไม่นะ ไม่พร้อมอ่ะ
   “ยืนทำไรคนเดียวครับฟา”
   “ครับ”
   “เป็นอะไรครับ หนีพี่ไปทำไมครับ”
   “เปล่าครับ เออ แล้วพี่ดีเลย์มาทำอะไรตรงนี้หรอครับ”
   “พี่เห็นเราหายไปเลยมาตามครับ พวกนั้นจัดโต๊ะเสร็จแล้ว ไปครับ”
   “เออคือ”
   “ครับ”
   “พี่ดีเลย์ คือ คือว่า”
   “มีอะไรรึเปล่าครับ”
   “ฟาขอถามอะไรได้ไหมครับ”
   “อ่า..ได้ครับ ว่ามาเลย” เสียงที่อ่อนโยนกับสีหน้าที่มีความสุขทำเอาความประหม่าของผมยิ่งมากขึ้นไปอีก
   “พี่ดีเลย์...เออ...ชอบ..จะ..จูบ..ไหมครับ” พอถามเสร็จผมก็ก้มหน้าหนีทันที หน้าของผมตอนนี้ร้อนมากและคงจะแดงมากเลยทีเดียว พี่ดีเลย์เงียบไปนานอสมควร
   “เออ..คือ”
   “ทำไมถึงถามแบบนี้ละครับฟา”
   “ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ” ผมถอยหลังเตรียมเดินหนีแต่พี่ดีเลย์คว้าแขนของผมไว้ซะก่อน ตัวของผมเลยหมุนกลับมาที่เดิม พร้อมกับสัมผัสที่ริมฝีปาก พี่ดีเลย์จูบผม จูบผม ไม่นะ พี่ดีเลย์อาศัยช่วงที่ผมกำลังอึ้งสอดลิ้นเข้ามา ใจของผมเต้นแรงมากไม่ต่างกับตอนของพี่เทนเลย ไม่ตื่นเต้น มันรู้สึกดี จนอธิบายไม่ได้ และ เหนื่อย ใช่ผมหายใจไม่ทันแล้ว เหมือนพี่ดีเลย์จะรู้ตัวเลยผละริมฝีปากออกไปแต่มิวายกดย้ำอีกหลายครั้งจนผมต้องหลบเอาหน้าไปซบที่อกแทน หน้าของผมร้อนมากๆเลย
   “ไม่ใช่พี่ไม่อยากตอบนะครับ เพียงแต่พี่ไม่คิดว่าฟาจะถาม คำตอบของพี่ พี่ไม่ชอบจูบครับ แต่พี่จะชอบก็ต่อเมื่อคนที่พี่จูบคือคนที่พี่รักเท่านั้น แปลว่าที่พี่จูบฟาเพราะพี่รักฟานะครับ”
   “คะ..ครับ” พูดอะไรไม่ออกครับ อายอ่ะ
   “เขินหรอครับ ไหนให้พี่ดูหน่อยเร็ว”
   “ไม่เอา ไปกินข้าวดีกว่า” ผมดันตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ดีเลย์แล้วเลี่ยงหนีมาในบ้าน ตอนนี้มีหลายคนเริ่มหาที่นั่งแล้ว ผมหันไปมองที่ริวคุงหมอนั่นยิ้มแบบมีเลศนัยมาให้ผมพร้อมกับจับปากผมเลยเผลอจับตาม
   “ลองแล้วสินะ”
   “ลองอะไร ริวคุงพูดดีๆนะ” ผมรีบเอามือลงแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
   “ถามตัวเองดีกว่า ปากเจ่อแบบนี้ คงไม่ใช่มดกัดหรอกมั้ง ถ้าใช่มดตัวนี้คงตัวใหญ่น่าดู ที่สำคัญนะฟาคุง มดอ่ะบริหารสายการบินไม่ได้นะ”
   “นาย” ผมได้แต่อ้าปากแต่ไม่มีเสียงพูด นี่ริวคุงเห็นหรอ หรือว่าหมอนั่นแค่ทาย หมอนี่น่ากลัวเกินไปแล้วนะ  โซฟากลัวนะครับ

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 11-12-2015 20:36:37
บทที่21
     หลังจากที่เสียจูบไปให้กับพี่เทนและพี่ดีเลย์แล้ว ตอนนี้ผมเริ่มที่จะระวังตัวมากขึ้น ก็หลังจากที่พวกพี่เขาซุบซิบกันผ่านมาไม่กี่วันต่อมาพวกเขาพยายามเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆและชอบเนียนหอมแก้มผม ตามจริงมันกลายเป็นเรื่องปกตินะตอนหอมเพราะหลังจากที่ผมหายมาก็โดนหอมบ่อยๆแต่ที่ผิดปกติเพราะพวกเขามักจะหอมต่ำลงมาเรื่อยใกล้กับปากผมนี่สิ แต่คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ทำงานดีกว่า
     ตอนนี้ผมกลับเข้ามาทำงานที่บริษัทอีกครั้ง ยอดขายและผลตอบรับดีขึ้นมากกว่าเดิมพอสมควร พนักงานเริ่มที่จะหายเกร็งเวลาที่เจอผมและทำงานเต็มที่กว่าเดิม
วันนี้ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจ เหมือนมีเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น วันนี้พวกพี่ๆออกไปทำงานกันเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้พี่เทนดูเครียดมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้

   “ครับ”ผมรับโทรศัพท์หลังจากที่มีคนโทรเข้ามา
   “ฟาครับ นี่พี่หมอนะครับ”
   “อ่า ครับ พี่หมอมีอะไรหรือเปล่าครับ”
   “คือ ฟาใจเย็นๆนะครับพี่มีเรื่องจะบอก”
   “หืม อะไรหรอครับ”
   “คือว่า ไอ้เทนโดนยิง”
   “ห้ะ พี่เทนโดนยิง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
   “คือตอนนี้มันยังอยู่ในห้องผ่าตัดครับ พ่อของพี่กำลังรักษาอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ กระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญ”
   “อยู่ที่ไหนครับ ผมจะรีบไป”
   “ที่โรงพยาบาลที่พี่ทำงานนี่เลยครับ ใจเย็นๆนะครับ”
   “ครับ” ผมวางสายเสร็จก็รีบเดินออกมาจากห้องทำงานและขับรถของผมไปที่โรงพยาบาลทันที พี่หมอบอกให้ผมใจเย็นแต่นี่พี่เทนนะ แฟนของผมทั้งคน จะไม่ให้ห่วงได้ไง เดี๋ยวนะ นี่ผมแรงมากเลยนะ คิดอะไรเนี่ย บ้าไปแล้ว
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ผมลงจากรถแล้วเดินไปที่ห้องผ่าตัดที่พี่หมอบอกไว้ หน้าห้องมีพี่หมอและพี่คนอื่นๆยืนอยู่
   “เป็นยังไงบ้างครับ”
   “ฟา” เสียงของพี่โดนัลทำให้ผมสงสัย จะตกใจทำไม
   “คะ ใครบอกฟาครับ”
   “ทำไมครับ หรือผมไม่ควรรู้”
   “เปล่าครับคือ” พี่โดนัลดูจะสับสนอะไรสักอย่าง
   “นั่นสินะ ผมไม่ควรมา” ผมหันหลังเดินกลับมาทางเดิม ผมรู้ว่าพี่เทนทำงานอะไร แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ผิดนี่ และคนที่นอนเจ็บในนั้นก็เพื่อนพี่เขาและเป็นแฟนผมด้วย ผมไม่มีสิทธิ์รับรู้หรอ ผมผิดสินะที่เข้ามายุ่งในเรื่องที่ไม่สมควร  นี่ผมผิดอะไร ผมไม่เข้าใจ ตอนนี้ผมน้อยใจเรื่องอะไร ผมน้อยใจที่โดนกันออกจากเรื่องนี้ หรือเพราะสายตาของพี่โดนัลที่มองเหมือนผมไม่มีตัวตนแบบนั้น ผมลองคิดย้อนไปถ้าสิ่งที่ทำให้พี่เทนเป็นแบบนี้มาจากงานตอนนี้อาจจะมีพวกของฝั่งนั้นอยู่ที่นี่และการที่ผมมาอาจจะทำให้ผมอันตรายได้ แต่การมองผมด้วยสายตาแบบนั้นผมว่ายังไงมันก็เจ็บอยู่ดี หรือผมคิดมากไปเอง ช่างเถอะ
     ตอนนี้ผมหยุดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถของผมแต่เสียงฝีเท้าที่เดินตามมานี่ทำเอาผมหลอน หรือที่ผมคิดมันจะเป็นจริง ผมรีบก้าวเพื่อไปให้ถึงรถเร็วขึ้น แต่แรงกระชากจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไป

   “พี่โดนัล”ผมตกใจที่คนที่ดึงแขนผมคือพี่โดนัล คนที่มองผมด้วยสายตาว่างเปล่า
   “ฟาครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น”
   “ครับ” ผมรอให้พี่โดนัลอธิบายต่อไป พี่โดนัลเปลี่ยนจากจับแขนเลื่อนมากุมมือของผมแทน
   “พี่ขอโทษตอนนั้นพี่กำลังเครียดเรื่องคู่อริของไอ้เทนแล้วไหนจะเรื่องคดีความอีก พี่ขอโทษที่ทำแบบนั้นออกไป พี่เสียใจที่ห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้ไหม”
   “ฟาไม่ได้โกรธนะครับ เพียงแค่น้อยใจว่าการที่ฟามามันผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ หรือการที่ฟาเป็นห่วงแฟนของฟามันผิด”
   “ฟาครับฟาห่วงเทนมากขนาดนั้นเลยหรอครับ”
   “ครับ”
   “แล้วถ้าคนที่บาดเจ็บไม่ใช่เทนแต่เป็นพี่หรือคนอื่นที่เหลือ ฟาจะห่วงไหมครับ”
   “พี่โดนัลรู้ไหมว่าพี่พูดอะไรออกมา พี่กำลังดูถูกความรู้สึกของฟานะครับ”
   “พี่แค่อยากรู้ อยากรู้ว่าฟารักพี่มากเท่าไอ้เทนรึเปล่า เท่าคนอื่นรึเปล่า ก็แค่นั้น”
   “พี่โดนัลเป็นอะไรไปครับ ฟาไม่รู้ว่าพี่ไปได้ยินหรือทำอะไรมา แต่ฟาจะบอกพี่โดนัลว่าฟารักพี่ไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นเลย เราะทุกคนคือแฟนของฟา เราผ่านเรื่องราวมามากแล้วนะครับ พี่ไม่เชื่อใจฟาเลยใช่ไหม” ท้ายเสียงของผมสั่นพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วยตาของผม
   “ฟาครับ พี่ขอโทษ พี่เชื่อเพียงแค่พี่อยากได้ยินว่าพี่ก็เป็นคนที่ฟารักเหมือนกัน พี่รักฟานะครับ”
   “ฟาก็รักพี่โดนัลเหมือนกัน”
   “ฟาครับ พี่ ขอจูบได้ไหมครับ”
   “แต่นี่มันลานจอดรถนะครับ”
   “ในรถก็ได้ครับ”
   “ดะเดี๋ยวครับ” อยู่ดีๆพี่โดนัลก็คว้ากุญแจรถผมไปกดปลดล๊อคแล้วดันตัวผมเข้าไปที่เบาะหลังก่อนจะแทรกตัวตามเข้ามา ผมที่ยังมึนๆอยู่เลยไม่ทันได้ท้วงอะไรทั้งสิ้นก็โดนพี่โดนัลประกบปากลงมาทันที ผมที่ตกใจจึงเผลออ้าปากเตรียมจะว่าแต่กลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกคนส่งปลายลิ้นเข้ามาหาผมแทน จูบแบบนี้ผมก็ต้านไม่ไหวสิครับ ทำไมพวกพี่ถึงจูบกันเก่งจังเนี่ย ผมไม่เข้าใจ หลังจากนั้นไม่นานพี่โดนัลก็ปล่อยให้ผมได้หายใจ ผมที่เห็นแบบนั้นเลยรีบโกยอากาศเข้าปอดเต็มที่ เกือบตายแล้วไหมล่ะ นี่จูบหรือดูดวิญญาณกันแน่ ผมมองค้อนพี่โดนัลทันที
   “โอ๋ๆ อย่ามองพี่แบบนั้นสิครับ พี่แค่อยากได้กำลังใจเองนะ”
   “เฮอะ” ผมส่งเสียงขัดใจออกไป เหนื่อยยังกับวิ่งมาไกลหลายกิโล
   “ไปเยี่ยมไอ้เทนกันนะ คราวนี้พี่จะแก้ตัวใหม่ ว่าแต่ใครบอกฟาครับว่าเทนโดนยิง”
   “พี่หมอครับ พี่หมอโทรไปบอก”
   “ครับ” ผมเดินกลับมาที่ห้องพักฟื้นหลังจากที่การผ่าตัดผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย
   “พี่หมอครับพี่เทนเป็นไงบ้าง”
   “ถามมันเองก็ได้ครับ แล้วนี่ไปง้อกันถึงไหนถึงมาช้าขนาดนี้”
   “ง้ออะไร ไม่มีใครงอนสักหน่อย” ผมรีบแก้ตัวทันที ก่อนที่จะเดินไปที่พี่เทนที่ตอนนี้กำลังคุยกับใครสักคนอยู่
   “ไงเรา ตัวแสบ ไอ้หมอบอกว่ารีบมาขนาดนั้นเลยหรอ เป็นห่วงพี่รึไง”
   “ห่วงสิ แฟนฟาทั้งคนนะ” พูดออกไปด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ตามมาคือความเงียบ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
   “ระ หรอ อย่านี้พี่คงตายตา อึก” เสียงของพี่เทนหายไปเพราะผมที่กลัวคำๆนั้น คำว่าตาย ผมกลัวมัน เพราะผมก็เคยเกือบตายมาแล้ว ผมไม่อยากให้ใครพูดแบบนี้ ผมเลยเลือกที่จะปิดปากพี่เทนโดยการใช้ปากของผมปิดมันแทน เพียงแค่ปากแตะกันแต่เรียกเลือดมารวมที่หน้าของเราทั้งคู่ได้
   “ยะ อย่าพูดคำนั้นได้ไหม ฟาไม่อยากได้ยินมัน”
   “ครับ พี่ขอโทษ” พี่เทนกอดผมไว้หน้าของผมซบลงที่ไหล่แกร่งของพี่เทน ผมชอบอยู่ท่านี้จัง อุ่นจังเลย แต่เดี๋ยวนะ
   “อะแฮ่ม อย่าเพิ่งสวีตกันครับ เห็นใจคนที่เหลือด้วยครับ”เสียงพี่ดีเลย์แทรกขึ้นมาผมเลยผละตัวออกมา แต่แรงที่ดันตัวของผมคงจะไปโดนแผลพี่เทนจะอีกฝ่ายทำหน้าเบ้ทันที
   “พี่เทน ฟาขอโทษ”
   “ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่เป็นไร”
   “หึหึ” เสียงหัวเราะของพี่ทนายทำให้เลือดของผมที่รวมอยู่ที่หน้ามันมากกว่าเดิม
   “พี่ทนายหัวเราะทำไมครับ”
   “ไอ้นัล มึงง้อน้องไงว่ะ ทำไมปากน้องดูช้ำๆนะ” ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดปากทันที
   “สงสัยกูดูดแรงไปหน่อย”
   “พี่โดนัล ผมงอนแล้วนะ”
   “งอนหรอครับ งั้นคราวนี้พี่ของ้อนานๆนะครับ”
   “ไอ้พี่โดนัลบ้า” เสียงหัวเราะเกิดขึ้นมาบ่งบอกถึงความสุขของพวกเขาที่มีมากกว่าครั้งไหนๆ แม้จะเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่ดีมาก็ตาม แต่ความรักของพวกเขาก็ยังคงทำให้เรื่องราวต่างๆดูเบาลง เพราะความรักมันมีอนุภาพมากมาย

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 11-12-2015 20:45:41
บทที่22
     หลังจากวันนั้นพี่เทนก็ออกจากโรงพยาบาลมาพักที่บ้านได้แต่แทนที่เขาจะไปที่บ้านเขากลับมาอยู่ที่บ้านผมแทน คุณหญิงกับคุณชายก็ไม่มีวี่แววจะกลับบ้าน บ้านหลังใหญ่เลยมีเพียงผมกับคนงานในบ้าน พี่เทนเลยขอมาอยู่บอกว่าผมจะได้ดูแลสะดวกใครอยากดูแลกันเนี่ย

   “ดีฟาคุง”
   “อ่าวริวคุง มีอะไรรึเปล่า มาแต่เช้าเลย”
   “เปล่า แค่คิดถึง แล้วทำอะไรอยู่ละ”
   “กำลังทำข้าวต้มให้คนป่วยอ่ะ ร้องอยากจะกิน”
   “ดูแลดีนะ”
   “ก็ฟะ” ผมเงียบก่อนจะพูดจบ เป็นอะไรเนี่ย หมู่นี้ผมมักจะพูดแบบนี้อยู่เสมอ
   “อะไรหรอ ฟาคุง”
   “ปะ เปล่าหรอก” ผมหันไปยิ้มแห้งๆให้ริวคุง ก่อนจะเริ่มคนข้าวในหม้อต่อ
   “ฟาคุง ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
   “อืม ได้สิ่ ถ้าเราตอบได้นะ” ผมตอบก่อนจะปิดไฟเพราะข้าวเสร็จพอดีก่อนจะหันกลับมาทางริวคุงที่นั่งมองอยู่ตรงโต๊ะวางของ
   “ทำไมฟาคุงถึงเลือกพวกเขาละ”
   “หืม อะไรหรอ”
   “เหตุผมที่ฟาคุงเลือกพวกเขาทุกคน แทนที่จะเลือกแค่ใครคนใดคนหนึ่ง” ผมเงียบไปกับคำถามนี้ ใช่คำถามนี้ผมเคยถามตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมให้คำตอบตัวเองไม่ได้และเลิกคิดไป จนมาตอนนี้ผมว่าผมน่าจะให้คำตอบตัวเองได้แล้วและสามารถบอกคนอื่นได้เช่นกัน
   “ถ้าถามถึงเหตุผลที่เราเลือกพวกพี่เขา คำตอบเราคือรัก เพราะเรารักพวกเขา รักจนอธิบายอะไรไม่ได้ ใช่แต่ก่อนเราอาจจะมองว่าความรักเป็นเรื่องไร้สาระแต่มาวันนี้ตั้งแต่วันที่พวกเขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเรา มันทำให้เรารู้สึกว่าความรักเป็นสิ่งสำคัญกับเรามาก เมื่อก่อนเรามองว่าความรักเป็นเรื่องล้อเล่น มันจับต้องไม่ได้ทำไมถึงอยากจะเจอทำไมต้องค้นพบ จนมาตอนนี้เรารู้แล้วว่าความรักคืออะไร”   ผมหยุดพูดแล้วยิ้มให้กับริวคุง    “สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าความรักคือเงิน คือหน้าตา คือศักดิ์ศรีหรือคนสองคนที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่สำหรับเรา เราคิดว่าความรักของเราตอนนี้คือพวกเขา รูปแบบความรักของเราคือการมีพวกเขาอยู่ตรงนี้ มีความมั่นคง จริงใจ และเชื่อใจกัน คำพูดของเราอาจจะเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่นแต่มันมีคุณค่ากับเราเสมอ ทุกเหตุการณ์ทุกความทรงจำ ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาให้เรากับพวกเขาได้เรียนรู้และผ่านมันมา ทุกอย่างล้วนมีคุณค่า มีความหมาย”     ผมยิ้มให้กับริวคุงอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าคำพูดของผมไปกระตุ้นอะไรของริวคุงหรือเปล่าเพราะตอนนี้ตาของริวคุงกำลังแดงเหมือนใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว
   “แล้วทำไมถึงเลือกพวกเขาทุกคน แทนที่จะเป็นแค่ใครสักคนละ” นั่นเป็นเสียงของโจว ผมไม่รู้ว่าเจ้าเพื่อนคนนี้มาตอนไหน แต่ผมคิดว่าคงจะมานานจนได้ยินเรื่องทั้งหมดเหมือนกัน
   “การคบใครหลายคนพร้อมกัน คำจำกัดความของมันคือหลายใจ เจ้าชู้ จับปลาสองมือ ใช่ในสายตาคนอื่นเราอาจจะเป็นแบบนั้น แต่สำหรับเรา เราเรียกมันว่าโชคชะตา มีไม่กี่คนบนโลกนี้หรอกนะที่เกิดมาแล้วสามารถแบ่งปันความรักของเราให้กับใครอีกหลายคนได้พร้อมๆกันโดยไม่เอนเอียงไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง ในบ้างครั้งมันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่สามารถเลือกใครได้เพียงคนเดียว เพราะเราไม่สามารถเห็นคนที่เหลือเจ็บได้ ถ้าเราเลือกพวกเขาเพียงคนใดคนหนึ่งอีกสี่คนก็ต้องเจ็บและเราก็จะเจ็บเหมือนกัน พวกเขาทุกคนมีอะไรที่แตกต่างกันไป ทั้งบุคลิก การแสดงออก ความรู้สึกที่เราได้รับ แต่ที่เหมือนกันคือความรักที่พวกเขามอบให้เรา มันทำให้เรามีความสุขเหมือนกัน เราไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่กับใครแล้วดีที่สุดแต่เราสามารถบอกได้ว่าอยู่กับพวกเขาเรามีความสุขที่สุดแล้ว สำหรับพี่เทน พี่เขาเป็นคนที่ชอบกวนเราแต่ก็เรียกเสียงหัวเราะเราได้เสมอ พี่หมอเลนโวเป็นคนที่เจ้าเล่ห์นะในบ้างครั้งเราคิดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงๆพี่หมอเป็นคนดีมากๆพี่หมอจะคอยเป็นห่วงทุกๆคนเสมอเป็นคนที่อบอุ่นเมื่อได้อยู่ด้วย พี่โดนัลเป็นคนสุภาพเสมอต้นเสมอปลายในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะทำอะไรพี่โดนัลจะต้องชอบบอกขอทุกครั้ง และเรื่องที่ขอก็ไม่เคยทำให้เราหนักใจสักครั้ง พี่ดีเลย์เป็นคนเจ้าชู้ ใช่เรารู้สึกแบบนั้นในครั้งแรกที่เจอแต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาพี่ดีเลย์ทำให้เรารู้ว่าที่ผ่านมาเขาทำเพื่อตามหาคนที่เขาต้องการจริงๆ พี่ดีเลย์ไม่ได้เจ้าชู้ พี่เขาเป็นคนที่รักจริง และคนสุดท้าย พี่ทนายที่เราไม่เคยจะเรียกชื่อเพราะเรารู้สึกว่าคำๆนี้เหมาะกับพี่ไลฟ์จริงๆ พี่เขาให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบครอบครัว พี่เขาไม่ค่อยพูดแต่จะสื่อออกจากการกระทำเสมอ เราจะรับรู้ได้ว่าพี่เขาต้องการอะไรเมื่อมองที่ตา พี่ทนายจะแสดงทุกอย่างผ่านสายตาตลอด”
   “น้องฟากำลังจะบอกว่าเพราะแบบนี้เลยทำให้ไม่สามารถเลือกใครได้ เพราะพวกเขาทำให้น้องฟามีความสุขที่อยู่ด้วย” ผมพยักหน้าตอบรับโจว
   “แล้วถ้ามีคนอื่นทำให้ฟาคุงรู้สึกดีละ ฟาคุงจะคบด้วยอีกไหม”
   “ตั้งแต่เราโตมาเราบอกได้ว่าเราปกติ ไม่ได้ชอบผู้ชาย ถึงจะไม่เคยมีแฟนแต่เรามั่นใจว่าเราชอบผู้หญิงมาตลอด นี่แหละที่ทำให้เรารู้ว่าถ้าไม่ใช่พวกเขาเราก็ไม่สามารถรักผู้ชายคนไหนได้แบบนี้ เราไม่ได้ชอบผู้ชายนะ เราไม่เคยรู้สึกดีสักครั้งที่มีผู้ชายมองเราด้วยสายตาแปลก แต่เพราะเป็นพวกเขาคนที่เราให้ใจไปแล้ว แค่พวกเขาเท่านั้นที่เราจะให้ใจ” ผมรู้ว่าหน้าของผมร้อนขนาดไหน การบอกรักพวกเขาทำให้ผมอายเสมอแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินก็ตาม
   “ได้ยินหมดแล้วสินะ คราวนี้จะทำไงต่อไปดีล่ะ” ผมไม่เข้าใจที่โจวพูด “ออกไปสิ พวกเขารออยู่ข้างนอก” ผมเดินออกจากห้องครัวก็เจอดอกกุหลาบวางอยู่ตามทางเดิน ผมเดินตามไปพร้อมเก็บไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันมีทั้งหมดกี่ดอกแต่น่าจะเยอะพอสมควรเพราะกว่าจะถึงที่หมายก็เกือบจะกำไม่หมดแล้ว
     ตอนนี้ผมออกมาหยุดอยู่ที่สนามหน้าบ้านแดดยามเช้ากำลังดีไม่แรงมากเกินไป ไม่นานพวกเขาก็เดินเข้ามาผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร อยู่ดีๆพี่ทนายก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมก่อนจะก้มลงมาจูบที่ปากของผมเพียงแค่ปากแตะกันแค่นั้นแต่ใจของผมกลับสั่นไหวอย่างน่าประหลาดมันอบอุ่นและอ่อนโยนแต่ก็สามารถเรียกเลือดมารวมที่หน้าของผมได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นพวกเขาก็ก็เดินเข้ามาล้อมผมไว้ก่อนจะคุกเข้าลงพร้อมกัน
   “ขอบคุณที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเรา ขอบคุณที่ทำให้เราเรียนรู้ว่าการรักใครสักคนมันดีขนาดไหน ขอบคุณที่ร่วมกันผ่านเหตุการณ์มากมายมาด้วยกัน และจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะก้าวเดินไปด้วยกันตลอดไป”   เสียงของพี่ทนายที่น้อยครั้งจะได้ยิน คนที่ไม่ค่อยพูดอะไรแต่วันนี้กลับพูดเยอะกว่าใคร
   “เรารักฟานะครับ” พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่ากี่ครั้งเมื่อเขาบอกว่ารักผมจะดีใจจนกลั่นน้ำตาไม่ได้เสมอแต่ครั้งนี้คงจะมากกว่านั้นเพราะคำนี้

   “แต่งงานกับพวกพี่นะครับ น้องฟา”

   “ฮึก ครับ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ”
   ผมไม่รู้ว่าน้ำตาในครั้งนี้มาจากไหนแต่ที่ผมรู้คือน้ำตาพวกนี้มาจากความดีใจไม่ใช้ความเสียใจเลย ไม่ว่าคนอื่นจะมองว่าผมเป็นคนหลายใจหรือจับปลาหลายมือขนาดไหน แต่สิ่งที่ผมรู้คือผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมรักพวกเขารักเกินกว่าจะปล่อยมือไปได้ ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่ผมจะทำทุกวันของพวกเราให้ดีที่สุดผมสัญญา

Tbc.
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 11-12-2015 23:03:25
เนื้อเรื่องโดยรวม น่าสนใจอ่านได้เรื่อยๆ แต่เว่นย่อหน้าซักนีดนะจ้ะ มันลายตา อิจฉานายเอกเลกน้อบ o18
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 12-12-2015 09:11:14
หุหุ แล้วคืนวันเข้าหอจะแบ่งกันยังงัยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 12-12-2015 21:42:13
บทส่งท้าย
        ในแต่ละวันเราผ่านการทำสิ่งต่างๆไปตามเวลา ทุกอย่างหมุนไปตามวัฏจักรของมัน หน้าที่ของทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนก็เช่นกัน ซึ่งนั่นไม่แปลกเลยหากถามถึงความรัก ความรักในโลกนี้มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน รักแบบคนสองคน รักข้างเดียว หรือแม้กระทั่งการมีคนรักพร้อมกันหลายคน
         บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสดใสและอบอวลไปด้วยความรัก ไม่ว่าจะมาจาก ครอบครัว ผองเพื่อน และพวกเขา ว่าที่สามีของผม การแต่งงานของเราถึงแม้จะไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างคู่แต่งงานทั่วไปแต่เพราะหน้าตาทางสังคมของเราทำให้การจัดงานในครั้งนี้มีสักขีพยานมากพอที่จะยึดพวกเราเข้าด้วยกันแต่สิ่งที่ยึดพวกเราเข้าด้วยกันจริงๆสิ่งนั้นน่าจะเรียกว่าความรักของพวกเราทั้ง 6 คนมากกว่า

   “มานั่งคิดอะไรคนเดียวครับน้องฟา”
   “น้องฟาตื่นเต้นครับ คุณหญิง คุณชาย”
   “พ่อกับแม่ดีใจนะ ที่เราเจอคนที่รักเราและพร้อมจะก้าวเดินไปพร้อมกัน หน้าที่ของพ่อและแม่จะสมบูรณ์เมื่อเห็นว่าลูกของเราก้าวเดินต่อไปได้ด้วยตนเองแต่จะดีที่สุดเมื่อเราทั้งคู่เห็นว่าคนที่อยู่ข้างกายลูกของเราดีพร้อมและเหมาะสมกับลูกของเราจริงๆ”
   “คุณชาย” ผมน้ำตาคลอกับสิ่งที่พ่อของผมพูด คำพูดของท่านแสดงให้ผมเห็นว่าพวกท่านรักผมมากขนาดไหน
   “ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่ วันนี้วันดีวันมงคล ยิ้มเข้าไว้ลูก”
   “ครับ” ผมยิ้มให้พวกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะเดินออกมาต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน
   “พร้อมรึยังจ้ะ”
   “พร้อมแล้วครับ ลิเลียม”
   “งั้นไปกันเลย” ผมเดินตามลิเลียมออกมา เธอทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวและริวคุงกับอัลโตทำหน้าที่เดินตามหลังผมอีกที  งานวันนี้จะจัดแบบธรรมเนียมไทยคือการสวมแหวนมั่นในตอนเช้าและจัดงานเลี้ยงยามเย็น  มีคนรู้จักทั้งที่ทำงานเก่าแลพนักงานในเครือบริษัทของผมหลายคน มีหลายคนเดินเข้ามาร่วมแสดงความยินดี และเมื่อถึงเวลา ผมจึงเดินไปนั่งที่ที่เตรียมไว้เพื่อทำพิธี
   “เจ้าบ่าวมาแล้วครับ” เสียงของโจวที่ทำหน้าที่พิธีกรภายในงานพูดขึ้นเมื่อถึงเวลาทำพิธี พวกเขาทั้ง 5 คนมาในชุดเดียวกันกับผม สูทสีขาวสะอาดตา รองเท้าคัทชูสีขาวยี่ห้อดัง หลังจากเดินมาถึงที่นั่งแล้วเราเริ่มพิธี ตามที่จัดไว้
   หลังจากจบพิธีในช่วงเช้าเราเลยพักผ่อนและเตรียมตัวในช่วงบ่าย วันนี้ช่วงงานตอนเย็นจะมีนักข่าวเข้ามาทำข่าวจากหลายสำนักเนื่องจากหน้าตาทางสังคมของพวกเราทุกคน
   “เหนื่อยไหมครับฟา” ผมหันไปตามเสียงที่มาจากข้างหลังก่อนจะพบกับรอยยิ้มอบอุ่นของพี่ทนาย วันนี้พี่ทนายดูหล่อมากกว่าทุกวัน
   “นิดหน่อยครับพี่ไลฟ์” ผมยิ้มกลับไปให้ตอบแทนกับความห่วงใยที่ส่งมา
   “แต่พี่ว่าคืนนี้ฟาคงจะเหนื่อยอีกเยอะเลยครับ”
   “ทำไมครับพี่เทน คนเยอะหรอครับ แต่เรามีพนักงานแล้วนะครับ”
   “ซื่อจริงๆ” พวกพี่ทุกคนพากันอมยิ้มหลังจากที่ผมทำหน้างงใส่ ซื่อยังไงก็เรื่องจริงนะ
   “มาว่าฟาทำไมครับ”
   “หึหึ ที่พี่บอกว่าฟาจะเหนื่อย เพราะคืนนี้พวกพี่จะไม่ปล่อยให้ฟานอนยังไงครับ”
   “ไม่ได้หรอกครับ เหนื่อยมาทั้งวัน มาห้ามไม่ให้นอน....เอ๊ะ..” แปร๊ด ให้ตายสิลืมไปได้ไง หลังจบงานมันต้องส่งตัวเข้าหอนี่ ถึงว่าทำไมถึงยิ้มกันแบบนั้น
   “ไม่ต้องเขินหรอกครับ เก็บไว้เขินคืนนี้ดีกว่า”
   “พี่หมอเลน พอเลยไม่คุยด้วยแล้ว”
   “ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของพวกพี่ทั้ง 5 คนดังตามมาทางที่เดินออกมา ขำกันเข้าไป ไม่เผื่อเวลาเตรียมใจเลยรึไงกัน
   “ฟาคุง”
   “อ่าวริวคุง มีอะไรรึป่าว”
   “ฟาคุงพร้อมยัง”
   “เอ๋ พร้อมอะไรอ่ะ”
   “ก็พร้อมทำหน้าที่ภรรยายังไงละ”
   “บะ บ้าหรอ มาถามอะไรแบบนี้กัน”
   “อายหรอ ไม่ต้องอายหรอก คนกันเอง”
   “พอเลย ว่าแต่ริวคุง คือ คือ”
   “ไม่โกหกนะ ครั้งแรกมันต้องเจ็บอยู่แล้ว เพราะตามหลักทฤษฎีแล้วช่องทางนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำเรื่องแบบนี้หรอกนะ อะไรกันทำหน้าแบบนั้นทำไม ยังพูดไม่จบเลยนะ”
   “ก็ริวคุงบอกว่ามันเจ็บ”
   “ใช่มันเจ็บ แต่หลังจากนั้นจะมีความสุขมากๆเลยนะโดยเฉพาะเมื่อคนที่ทำแบบนั้นกับเรา คือคนที่เรารัก”
   “งั้นแปลว่าริวคุงรักโจว”
   “ใช่ เพราะรักถึงยอมให้ไม่ว่าตัวหรือหัวใจ”
   “หวานมาก เลี่ยนเลยเหอะริวคุง”
   “ฮ่าๆๆ ถ้ายังไงเรียกเราได้ตลอดนะ เรายินดี”
   “บ้า ใครจะเรียกกันเล่า” แล้วผมก็เดินหนีออกมา ใครจะบ้าเรียกริวคุงไปดูเวลานั้นกัน แล้วผมจะมามัวคิดเรื่องอะไรกันเนี่ย
        หลังจากนั้นก็ถึงพิธีการตอนเย็นมีคนมาร่วมงานมากกว่าช่วงเช้าและมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์มากหน้าหลายตา จนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธี เมื่อแขกเหรื่อกลับกันไปหมด พนักงานและแม่บ้านจึงเริ่มทำความสะอาดบ้านกัน คุณหญิงคุณชายแยกย้ายกันไปเข้านอนเพราะเริ่มดึกและพรุ่งนี้มีงาน ส่วนเพื่อนๆคนอื่นต่างบอกมีธุระแยกย้ายกันไป แม้กระทั่งริวคุงก็โดนโจวลากออกไป ในเมื่อไม่มีอะไรทำแล้วผมเลยเลือกที่จะเดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จจึงเดินมาที่เตียงว่าจะเดินมาดูโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้ ไม่รู้ป่านนี้ข่าวของผมจะไปถึงไหนกันแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นผมที่ยังไม่ได้แต่งตัวถึงกับสะดุ้งและหันไปมอง พวกพี่ทุกคนยังอยู่ในชุดเมื่อตอนเย็น

   “เตรียมพร้อมเลยหรอครับ”
   “เตรียมพร้อมอะไรครับ ฟาไม่เข้าใจ ว่าแต่เข้ามามีอะไรหรอครับ ไม่ไปพักผ่อนกันหรอครับ” ผมหันไปถามด้วยความเป็นห่วง ก็เหนื่อยกับงานมาทั้งวัน
   “เฮ้อ นี่ตกลงมีเมียหรือลูกว่ะ คงไม่ต้องฝึกเขียนเลยหรอว่ะ”
   “มึงจะบ่นทำไมว่ะไอ้เทน หรือจะเปลี่ยนใจ”
   “สัสนัล กวนตีนละ มาขนาดนี้เปลี่ยนใจได้ไง ไม่เอาหรอก”
   “แต่จะว่าไป แบบนี้น่ารักดีนะ กระตุ้นกูโคตร”
   “พวกพี่คุยอะไรกันอ่ะ แล้วกระตุ้นอะไรครับพี่หมอเลน”
   “ฟาครับ พร้อมไหมครับ”
   “พร้อมอะไรครับพี่เลย์”
   “พร้อมทำหน้าที่ภรรยาพวกพี่ไงครับ”
   “พะ พี่ไลฟ์” จะตกใจก็ตกใจ ไม่คิดว่าพี่ทนายที่เงียบขรึมจะพูดแบบนี้ ไหนจะสายตาที่มองมา มันทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งตกใจ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
   “ไม่รอละ เริ่มเลยดีกว่า”
   “เฮ้ย” เสียงร้องของผมคงไม่ดังพอจะห้ามพวกพี่ทุกคนไป เพราะถ้าห้ามได้ตัวผมคงไม่มาอยู่ใต้ร่างของพี่เทนแบบนี้หรอก
   “ไม่ต้องกลัวนะครับ พวกพี่จะอ่อนโยนกันเราที่สุด”
   “แต่”
   “สัญญาด้วยหัวใจของพวกพี่เลยครับ ที่รัก” คำพูดที่ส่งผ่านความอ่อนโยนพร้อมทั้งสายตาของทุกคน ทำให้ความกลัวของผมเริ่มจะลดลง มีแต่ความตื่นเต้นกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นแทน หลังจากที่ผมพยักหน้าตกลง ริมฝีปากของผมก็ถูกเจ้าของร่างด้านบนครอบครองทันที ความอ่อนโยนทำให้ผมเคลิบเคลิ้มจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่รู้ว่าชุดคลุมหลุดไปเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าผมมีความสุขมากจริงๆ
        ผมไม่รู้นะครับว่าที่ผ่านมาพวกเขาทำตัวแบบไหน พวกเข้าผ่านใครมาบ้าง พบเจออะไรมา แต่สำหรับตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้ง 5 คนพร้อมที่จะหยุดที่ผม พร้อมที่จะมองเพียงแค่ผม ผมก็พร้อมที่จะหยุดและมองเพียงพวกเขาเหมือนกัน ไม่ว่าความรักของพวกเขาคืออะไรรูปแบบไหแต่ความรักและรูปแบบความรักของผมคือพวกเขา ไม่ว่าตอนพบเจอและเริ่มต้นจะเกลียดหรือไม่ชอบกันแค่ไหนแต่วันนี้ผมพบแล้วว่าผมรักพวกเขามากแค่ไหน มากจนไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว

  “ฟารักพวกพี่นะครับ คุณสามี” ผมพูดและยิ้มให้ก่อนที่จะหลับเพราะเหนื่อยจากงานและกิจกรรมที่ผ่านมา
   “พวกพี่ก็รักฟาครับ คุณภรรยาที่น่ารักของพี่” เสียงบอกรักที่ได้ยินทำให้คืนนี้ ผมหลับฝันดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ขอบคุณครับ

The End
หัวข้อ: Re: (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 12-12-2015 21:52:43
:กอด1: สัวสดีค่ะนักอ่านทุกคน ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ  :L2:
สำหรับนิยายเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว หากผิดพลาดตรงไหน ก็ต้องขออภัยด้วยะคะ เพราะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ยังไม่สามารถแต่งได้เหมาะสมเท่าที่ควร
 :hao5: ในนิยายตอนจบอาจจะเป็นการสิ้นสุดการนำเสนอเรื่องราวของพวกเขาทั้ง 6 คน แต่สำหรับความรู้สึกของนักเขียน พวกเขากำลังเริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่ที่สมบูรณ์มากกว่า ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านทุกคนนะคะ :กอด1:
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลงานให้ทุกคนได้อ่านนะคะ แล้วพบกันในผลงานครั้งต่อไปค่ะ
ด้วยรักจากนักเขียน
Cr.Minibear_Secret
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 13-12-2015 00:56:21
มาเร้วไปเร็ว แต่น้องฟาน่ารักค่ะ เสียดายไม่มีเรื่องของริวมาซักหน่อย คู่นี้ื่าจะแซ่บ อิอิ :mew2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 13-12-2015 14:22:28
 o13
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-12-2015 14:42:41
 :L2:  ขอบคุณค่ะ

 :-[  อิจน้องฟามากๆ โซฟานี้กว้างพอสำหรับ5คน กรี้ด
ชอบตรงที่เป็น6Pแบบที่ไม่เน้นเรื่องเซ็กส์ค่ะ NC ไม่ดุเดือด ไม่มี ไม่เป็นไร
แต่มันก็เป็นเพียงนิยายและจินตนาการของคนแต่งอะเนาะ
มันยากเหลือเกินที่จะเป็นจริง แค่คนสองคนสามคนจะให้มารักกันยังว่ายากเลย นี่หกคน
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: fewho ที่ 13-12-2015 19:25:27
อยากจิอ่านตอนพิเศษจังหลังจากได้เสียกันไปแล้ว55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 17-12-2015 22:55:35
อยากให้ปรับเรื่องการเว้นบรรทัดอ่ะค่ะ มันติดกันเกินไป อ่านยากค่ะ

 :z10:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 19-12-2015 12:56:06
อยากอ่านฉากเข้าหอ55555
คงจะลำบากนิดนึงอะนะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 19-12-2015 21:42:47
อยากอ่านฉากเข้าหอ-///-
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 21-12-2015 10:31:28
ได้อ่านอีกครั้งคือมันจบแล้วอ่านแบบจุใจเต็มอิ่มเลยน้องฟาน่ารักพี่ๆก็น่ารัก :กอด1: ขอบคุณนะคะคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 26-12-2015 03:01:07
ช่างเป็น 6p ที่อบอุ่น ขอบคุณค่่าสนุกมาก
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 06-01-2016 00:38:58
น่ารักและอบอุ่น  :-[
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 10-01-2016 20:07:58
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักเริ่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 11-01-2016 12:57:23
ฟาน่าอิจฉามีแฟนที่รักมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 02-02-2016 16:10:44
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 09-08-2018 22:41:25
รู้สึกดีค่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว)(6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 13-08-2018 12:25:30
 :mew1: :pig4: