พิมพ์หน้านี้ - << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 15-06-2015 12:23:19

หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-06-2015 12:23:19


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) 


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด   
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ 
เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
 
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)   


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-06-2015 12:30:18


                                                                   Heart

                                                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                                                     บทนำ


ค.ศ.2128


         ในยุคแห่งความก้าวล้ำของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่แสวงหาการอยู่รอดของชีวิตบนโลกที่เต็มไปด้วย

มลภาวะที่เป็นพิษ ความร้อนของโลกที่สูงขึ้นจากภาวะเรือนกระจกทำให้แผ่นดินแห้งแล้ง เกษตรกรรมลดน้อย พืชพรรณ

ธัญญาหารจากธรรมชาติราคาแพงยิ่งกว่าน้ำมัน ประชากรบนโลกดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารสังเคราะห์



       สเต็มเซลล์ เป็นผลจากการทดลองที่เป็นที่กล่าวขาน ว่าจะสามารถผลิตอวัยวะของร่างกายขึ้นใหม่ โดยนำเซลล์

ของคนที่สมบูรณ์แข็งแรงมาเพาะเนื้อเยื่อแล้วเลี้ยงให้เป็นอวัยวะที่ต้องการนำไปสับเปลี่ยนให้คนป่วย โดยที่ไม่ต้องรอ

การบริจาคจากคนที่เสียชีวิต แต่มันก็เป็นการทดลองที่ยังไม่เสถียร โดยเกิดการผิดพลาดขึ้นในบางครั้ง ที่องค์การ

วิทยาศาสตร์โลก ( World Science Organization:WSO)ต้องปิดเป็นความลับ และยังเกิดกรณีซื้อขายเซลล์ หรือการ

ลักพาตัวคนที่สมบูรณ์ เพื่อขโมยเซลล์ในร่างกายไปใช้จนเจ้าของร่างเสียชีวิต


           สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการต่อต้านจากแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง ที่มีความเห็นว่าการผลิต สเต็มเซลล์

เป็นการฝืนธรรมชาติ ทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี และยังคงยืนยันที่จะใช้การรักษาแก่ผู้ป่วยด้วยวิถีทางแห่งยารักษา

โรค กับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม การต่อต้านนำมาซึ่งความขัดแย้งในองค์กรแพทย์ จนถึงกับมีแพทย์ที่มีฝีมือดีขอถอนตัว

จากองค์กร แล้วไปให้การรักษาอย่างลับๆ แก่ประชากร จนกลายเป็น องค์กรแพทย์ใต้ดิน











stem cell คืออะไร
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือสเต็มเซลล์ เป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มวัย ซึ่งมีความสามารถในการเติบโตไปเป็นเซลล์เม็ดโลหิตแดง เซลล์เม็ดโลหิตขาว เกล็ดโลหิต และส่วนประกอบต่างๆ ของโลหิต
ส่วนไขกระดูก มีลักษณะเป็นโพรงและมีเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มเหมือนเยลลี่ เป็นที่พำนักอาศัยของสเต็มเซลล์ ไขกระดูกนั้น จะพบได้ในแกนกลางกระดูกท่อนใหญ่ๆ ของร่างกาย  เช่น กระดูกแขน  กระดูกขา  กระดูกเชิงกราน เป็นต้น           ไขกระดูกจึงเปรียบเสมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ในการผลิตเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือสเต็มเซลล์นั่นเอง

    นอกเหนือจากสเต็มเซลล์จะมีปริมาณมากอยู่ในไขกระดูกแล้ว สเต็มเซลล์บางส่วนยังกระจายตัวอยู่ในกระแสโลหิตที่ไหลเวียนในร่างกายอีกด้วย  รวมทั้งสายสะดือรกเด็กแรกเกิดก็อุดมไปด้วยสเต็มเซลล์เช่นกัน
สเต็มเซลล์มีหลายชนิดแต่งต่างกัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแต่ละอวัยวะจะมีสเต็มเซลล์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับอวัยวะนั้น ตัวอย่างเช่นเลือดของเราที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดสเต็มเซลล์ที่อยู่ในไขกระดูก นี่คือสเต็มแซลล์จากเนื้อเยื้อที่โตเต็มวัยแล้ว (Adult Stem Cell) นอกจ่างนั้นสเต็มเซลล์จะอยู่ที่ในตัวอ่อนมนุษย์และเมื่อนักวิทยาศาสตร์ปลูกเซลล์เหล่านี้ เซลล์พวกนี้คือ  ”สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์” (Embryonic Stem Cell)  นักวิทยาศาสตร์กำลังตื่นเต้นกับสเต็มเซลล์ตัวอ่อน เพราะว่าหน้าที่ของสเต็มเซลล์ตัวอ่อนที่สามารถสร้างทุกอวัยวะรวมทั้งเนื้อเยื่อในร่างกายในช่วงการเติบโตของมนุษย์  สิ่งที่หมายถึงนี้ก็คือสเต็มเซลล์ตัวอ่อนเป็นเหมือนเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถที่จะถูกพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ของร่างกายได้ ยกตัวอย่างเช่นสเต็มเซลล์เม็ดเลือดสามารถทำได้แต่เลือด แต่สเต็มแซลล์ตัวอ่อน สามารถทำ เลือด, กระดูก, ผิวหนัง, สมอง และอวัยวะอื่นๆได้นอกจากนี้สเต็มแซลล์ตัวอ่อนมีโปรแกรมธรรมชาติที่สามารถสร้างเนื้อเยื่อหรือแม้กระทั่งอวัยวะ ดีกว่าสเต็มเซลล์ที่โตแล้วที่ไม่สามารถที่จะผลิตเซลล์ชนิดอื่นได้  ทำให้สเต็มเซลล์อ่อนมีคุณสมบัติที่สามารถรักษาโรคที่เซลล์เสื่อมได้ สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนที่นักวิทยาศาสตร์เอามาเจริญเติบโตส่วนใหญ่ได้มาจากแซลล์ที่เหลือจากการทำกิ๊ฟ เซลล์ที่เหลือเหล่านี้ถ้าไม่ใช้ก็จะถูกโยนทิ้งไปอยู่แล้ว



สเต็มเซลล์จะเปลี่ยนวิธีที่แพทธ์จะรักษาเราในอนาคตได้อย่างไร

หน้าที่ธรรมชาติของสเต็มเซลล์คือการทำเซลล์ใหม่เพื่อมาทดแทนเซลล์เก่า นักวิทยาศาสตร์จึงคิดว่าสเต็มเซลล์น่าจะสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยจากโรคต่างๆได้ เมื่อผู้ป่วยได้รับสเต็มเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ปลูกมาจากสเต็มเซลล์ ความสามารถในธรรมชาติของสเต็มเซลล์ก็จะทำหน้าที่รักษาโรคนั้นด้วยการซ่อมแซมอวัยวะที่เสื่อมโทรม ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยจากโรคหัวใจล้มเหลวอาจจะได้ประโยชน์จากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เพราะสเต็มเซลล์อาจจะทำหน้าที่ซ่อนแซมหัวใจได้ สเต็มเซลล์ในร่างกายของเราเองไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาบาดแผล เวลาหัวใจวาย สเต็มเซลล์ของหัวใจไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาห้วใจได้ แต่ว่าถ้าหัวใจได้รับสเต็มเซลล์ใหม่เยอะสเต็มเซลล์พ่วงนี้จะมีประสิทธิภาพมากว่า ดังนั้นการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จะช่วยผู้ป่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการรักษาแผลเพราะว่าร่างกายมีสเต็มเซลล์ไม่พอ การใช้สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรคยังไม่สมบูรณ์และยังอยู่ในขั้นวิจัยทดลอง การใช้สเต็มเซลล์รักษาตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยเพราะว่าเซลล์พวกนี้มีโอกาศกลายเป็นเนี้องอกถ้าใช้ไม่ถูกวิธี และถ้าใช้สเต็มเซลล์จากคนอื่นภูมคุ้มกันของเราก็จะปฎิเสธและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ อย่างไรก็ตามสเต็มเซลล์ก็ยังเป็นเซลล์ที่ให้ความหวังสูงและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนการรักษาโรคในไม่นานนี้ ในอนาคตเราอาจจะรู้จักใครสักคนหรื่อตัวเองที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ สเต็มเซลล์เป็นเซลล์ที่ให้ความหวังในทางการแพทย์อย่างมาก ในอนาคตเราอาจจะสามารถใช้สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรงมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคพาร์กินสัน โรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม, โรคเลือดขี้นสมอง, โรคฮันติงตัน, โรคบาดเจ็บไขสันหลังและโรคอื่นๆ อีกมากมาย

ขอบคุณความรู้จาก www.ipscell.com (http://www.ipscell.com)





หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 1 [15/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-06-2015 13:11:17


                                          Heart

                                หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                       บทที่ 1

   
      ปลายมีดคมกรีดลงบนเนื้อเยื่อรูปร่างแปลกประหลาด แล้วอีกมือใช้คีมปลายแหลมกดบีบ

ก่อนจะคีบมันโยนลงในชามรูปไตอย่างมั่นใจเมื่อสามารถตัดมันออกจากอวัยวะของร่างกายได้ 

ผู้กระทำผ่อนลมหายใจเบาๆ อยู่ภายใต้หน้ากากซิลิโคนที่ใส่เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากการผ่าตัด

และใช้เพื่อปิดบังใบหน้าของผู้สวมใส่ไปด้วย ก่อนที่เขาจะยกท่อนแขนปาดเหงื่อบริเวณหน้าผาก


      การผ่าตัดครั้งนี้ยุ่งยากกว่าที่คิด เพราะเนื้อร้ายชิ้นนี้เป็นเนื้อชิ้นใหญ่และอยู่ใกล้กับเนื้อดีของอวัยวะ

ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียเลือดหากคนที่ลงมือไม่มีความแม่นยำและชำนาญพอ เขาใช้เวลาไปมาก

กว่าจะค่อยๆเลาะมันออกจนหมดแล้วลงมือเย็บปิดบาดแผล ในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสมบูรณ์


      เขาถอดถุงมือทิ้งลงตะกร้าแล้วเดินไปล้างมือ ก่อนที่จะผลักประตูห้องผ่าตัดออกไปเผชิญหน้ากับ

ผู้ว่าจ้างที่ปรี่เข้ามาหาทันทีเมื่อเขาก้าวออกไป


           “ลูกชายผมเป็นอย่างไรบ้างครับ เฮอคิวลิส”


            ดวงตาเยือกเย็นหันไปสบกับแววตาห่วงใยจากชายร่างท้วมที่ใช้มืออวบอูมเกาะท่อนแขนเขาไว้


            “ปลอดภัย”


            คำพูดสั้นๆง่ายๆนั้น ทำให้ผู้เป็นบิดาของคนที่นอนสลบอยู่ข้างในถอนหายใจอย่างโล่งอก

พลางยิ้มและกล่าวขอบคุณอย่างละล่ำละลัก


             “ขอบคุณจริงๆ หมอเฮอคิวลิส ถ้าไม่ได้คุณลูกชายคนเดียวของผมต้องตายแน่ๆ ผมไม่น่า

ไปเชื่อพวกดับบลิวเอสโอเลยว่ามันจะเพาะเนื้อเยื่อที่ตับได้สำเร็จ ดูสิ อุตส่าห์หวังว่าลูกจะหายกลับ

เกิดเป็นมะเร็งทับซ้อนไปอีก”


             ผู้เป็นบิดาของคนไข้หยิบกระเป๋าใบหนักส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยังคงใส่หน้ากากซิลิโคนอยู่


            “นี่เงินค่าจ้างสำหรับคุณ สิบล้านเอเชียดอลล่าร์ ผมไม่เสียดายสักนิดที่มันสามารถช่วยลูกผม

ไว้ได้”


              ร่างสูงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรับกระเป๋าใส่เงินมูลค่ามหาศาลมากระชับไว้ในมือ ก่อนที่จะ

เดินจากไปทีมงานผ่าตัดเริ่มทยอยออกมาจากภายในห้อง ผู้เป็นบิดาของคนไข้ตรงเข้าไปถามด้วย

ความสงสัย


             “คุณพยาบาล หมอเฮอคิวลิสตัวจริงเป็นใคร หน้าตาอย่างไร พวกคุณเคยเห็นไหม”


พยาบาลอาวุโสคนหนึ่งหันมาตอบ


              “พวกเราไม่เคยเห็นหน้าของคุณหมอหรอกและไม่มีความจำเป็นด้วย เรารู้แค่ว่าเขาเป็น

หมอที่ต้องคอยมาแก้ไขปัญหาให้คนอย่างพวกคุณที่เชื่อมั่นในคำโฆษณาของดับบลิวเอสโอ

แล้วเกิดผลเสียตามมาอย่างลูกชายของคุณนี่แหละ”


             “ใช่” พยาบาลอีกคนหนึ่งหันมาสนับสนุน


              “แล้วเงินค่าจ้างที่เก็บจากพวกคุณแพงๆ คุณหมอก็นำมันมาเปิดห้องผ่าตัดและห้องพักฟื้นลับๆที่นี่

เพื่อผ่าตัดให้คนที่ได้รับผลกระทบจากการทดลองสเต็มเซลล์ที่ยากจนไงล่ะ”









                ชายหนุ่มร่างสูงขาวใส่แว่นตาทรงเหลี่ยม ยืนขรึมอยู่หน้ากรอบผ้าใบสีขาวที่ขึงจนตึงอยู่ครู่หนึ่ง

แล้วจึงใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มสีลงไปอย่างมั่นใจ เขาใช้สมาธิอยู่กับการระบายสีสันเป็นเวลานาน

จนกระทั่งได้ยินเสียงการเคลื่อนที่ของรถเข็นไฟฟ้าเข้ามาใกล้ จึงได้หยุดมือแล้วหันไปมองหญิงสาว

ผิวขาวหน้าตาหมดจดที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเอ็นดู


              “พี่เอก มัวแต่วาดรูปจนลืมเวลาอีกแล้ว น้องเรียกไปทานข้าวตั้งนานยังไม่ยอมไปเลย”


               สาวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูแต่น่าเสียดายที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็นเป็นหลักหน้ามุ่ยเมื่อเอ่ยกับคน

เป็นพี่ ร่างสูงจึงก้มตัวลงไปสบตากับน้องสาวอย่างรักใคร่


              “โทษทีแอม พี่กำลังมีไอเดียเลยเพลินไปหน่อย”


             สาวน้อยยิ้มกว้างทำหน้าซุกซน กดปุ่มให้รถเข็นเคลื่อนที่มาหยุดหน้าผืนผ้าใบฝีมือของคนเป็นพี่


        “ไหนดูหน่อย คราวนี้รูปอะไร”


          หญิงสาวพิจารณาสีบนผืนผ้าใบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจ


         “เมื่อไหร่พี่เอกจะเลิกวาดรูปแนวแอ็ปสแต็กสีเศร้าๆอย่างนี้เสียทีนะ ดูสิ มีจนเต็มแกลอรี่แล้ว

วาดแนวอื่นไม่ได้เหรอ”


        เอก หรือชื่อจริงว่า ศรุต เลิกคิ้วขำ


          “ทำไมจะให้พี่เลิกล่ะแอม แนวนี้มันก็ขายดีนะ ดูสิคนก็จองรอซื้อเต็มไปหมด”


      “คนคิดอะไรก็มักจะแสดงสิ่งนั้นออกมาในงานศิลปะ แอมว่าในใจพี่เอกมีคงมีแต่เรื่องไม่สดใส”


        น้องสาวพูดจริงจังอย่างห่วงใย


   “แล้วแอมจะให้พี่แก้ปัญหายังไงล่ะ แม่คนช่างคิด”


   ศรุตขยี้ผมคนเป็นน้องเล่น คนบนรถเข็นได้แต่ยกมือปัดป้อง


   “ไม่เห็นจะยาก พี่เอกก็ลองหาแฟนดูสักคน เดี๋ยวหัวใจมันสดใสรูปที่วาดมามันก็สดชื่นตามเองแหละ”


   แอม หรือ ศุภัคชญา ยักคิ้วแผลบทำหน้าทะเล้น ก่อนที่สองพี่น้องจะหันความสนใจไปที่รั้วสูงหน้าบ้านเมื่อ


ได้ยินเสียงเตือนว่ามียานพาหนะมาจอด


         ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแล่นมาจอด ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะยื่นมือมาสแกนลายนิ้วมือ

ตรงหน้าประตูแล้วประตูรั้วก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ ยานยนต์จึงเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าตัวบ้าน

สาวน้อยบนรถเข็นหน้าสุกปลั่งเมื่อเห็นคนที่มาเยือนเดินผิวปากเข้ามาในเขตตัวบ้านอย่างอารมณ์ดี


   “ว่าไง ไอ้เด็กเนิร์ด วันนี้แวะมาได้ไง”


   ศรุตเอ่ยทักอย่างสนิทสนม พลางมองน้องสาวอย่างเอ็นดูเมื่อตอนนี้หน้าเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู

จิรวิชญ์ยิ้มตอบกลับ พลางเผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้สาวน้อยบนรถเข็น


   “ก็คิดถึง ก็เลยเลี้ยวมานี่ก่อนเข้าบ้าน ไม่ได้แวะมาคุยนานแล้ว คิดถึงพี่บ้างไหมแอม”


   ต้นประโยคเขาตอบคนที่อาวุโสสูงกว่า แต่ท้ายประโยคกลับหันไปถามคนที่นั่งหน้าแดง ศุภัคชญาเงยหน้า

มองเพื่อนบ้านที่ไปมาหาสู่กันตั้งแต่วัยเด็กแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ยิ่งเมื่อสบตากับดวงตาที่ก้มต่ำมามอง

เลือดบนใบหน้าก็ฉีดเป็นริ้วจนแดงไปถึงใบหู เมื่อยู่ต่อหน้าพี่ชายข้างบ้านคนนี้ คนที่เคยพูดเจื้อยแจ้ว

กับพี่ชายแท้ๆ กลับกลายเป็นคนขี้อายไปได้


   “ก็ คิดค่ะ”


   สาวน้อยอึกอักตอบ จนจิรวิชญ์ต้องคุกเข่าลง เพื่อให้เห็นใบหน้าสาวน้อยชัดๆ


   “อะไรนะ พี่เจมส์ไม่ได้ยินแอมเลย พูดดังกว่านี้ไม่ได้เหรอ”


   ศุภัคชญายิ่งหน้าแดงเมื่อเห็นกิริยาดังกล่าว ศรุตรีบคว้าคอเสื้อของจิรวิชญ์แล้วดึงขึ้นมา


   “เฮ้ย เกรงใจกันบ้าง คนเป็นพี่ชายยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่นี่ เห็นกันตั้งแต่เกิดแล้วยังจะมาจีบกัน

อยู่ได้”


   แล้วศรุตก็ลากคอเสื้อจิรวิชญ์มานั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขกจนได้


   “งานเป็นไงบ้าง”


   “ก็ดีพี่”


   จิรวิชญ์ตอบ แต่ดวงตากลับมองแต่สาวน้อยที่กดปุ่มรถเข็นให้เคลื่อนที่ตามคำสั่งเพื่อหาเครื่องดื่มมาต้อนรับ

คนมาเยือน


   “ผมได้โปรเจ็คเพาะเนื้อเยื่อส่วนกระดูกต้นขาที่กำลังอยากทำพอดี ก็เลยตั้งใจเป็นพิเศษ”


   จิรวิชญ์ นักวิทยาศาสตร์ในองค์การวิทยาศาสตร์โลก กล่าวอย่างมุ่งมั่นก่อนหันมาคุยอย่างจริงจังกับศรุต


   “ผมรู้ว่าพี่ไม่เห็นด้วยกับการทดลองเหล่านี้ แต่ทุกวันนี้มันก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเพาะสเต็มเซลล์

จนกลายเป็นอวัยวะที่ต้องการได้แล้ว แม้จะยังไม่เสถียร ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกผมที่จะพัฒนาต่อ”


   “พัฒนาแม้ว่าแกจะรู้อยู่ว่า ยัยแอมคือตัวอย่างของผลพวงจากความผิดพลาดงั้นหรือ”


   ศรุตถามเสียงขื่น เมื่อกล่าวถึงน้องสาวที่เกิดมาโชคร้ายที่เป็นอัมพาตที่ขาตั้งแต่แรกเกิด ผู้เป็นบิดา

ต้องแสวงหาการรักษาจนไปพึ่งองค์การวิทยาศาสตร์โลกให้ช่วยเหลือ แต่กลับยิ่งหนักกว่าเดิมเมื่อเด็กหญิง

ตัวน้อยเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ แต่กลับได้รับผลข้างเคียงจนกลายเป็นเนื้อร้ายตามมา


   “นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ผมต้องยิ่งพัฒนา”


   จิรวิชญ์กล่าวหนักแน่น


   “ผมอยากให้แอมหายแล้วเดินได้เหมือนคนอื่น เหมือนอย่างที่พี่ตัดสินใจเรียนแพทย์เพื่อรักษาแอม

และผมก็เสียดายอย่างที่สุดที่พี่วางมือทั้งที่ยังรุ่งโรจน์”


   ศรุตถอนหายใจ


   “พี่ไม่เห็นด้วยกับงานของแก แต่ก็ดีใจที่แกตั้งใจทำงาน เอาเถอะขอให้แกทำสำเร็จตามทฤษฎี

ของแกก็แล้วกัน ว่าแต่มานี่มีอะไรหรือเปล่า”


   จิรวิชญ์ยิ้มกว้าง


   “พรุ่งนี้ผมหยุด ได้เวเคชั่นหลายวัน เลยมาชวนพี่กับแอมไปเที่ยวนอกเมืองกัน ไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้ว”








มีต่ออีกนิด



หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 1 [15/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-06-2015 13:38:40
ต่อกันตรงนี้






                 “นอกเมือง” ของจิรวิชญ์ คือพื้นที่ที่ห่างออกไปจากที่ตั้งของนิวเซ็นเตอร์ ในขณะที่นิวเซ็นเตอร์

เจริญไปด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย แต่รอบนอกออกไปได้ถูกจัดแบ่งเป็นพื้นที่ “โอลด์ทาวน์” เพื่อรักษา

วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุดทั้งสถานที่และธรรมชาติ แม้จะทำได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากน้ำท่วม

ครั้งใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อนได้เข้าทำลายงานประติมากรรมที่มีแต่โบราณจนเกือบหมด ผู้คนที่มาอยู่

”โอลด์ทาวน์” จึงเป็นประชากรที่ไม่นิยมการเปลี่ยนแปลง รวมถึงคนยากจนระดับการศึกษาน้อยที่

ไม่สามารถเข้าไปประกอบอาชีพในนิวเซ็นเตอร์ด้วย


               ยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้า เคลื่อนที่มาในอากาศอย่างเงียบสงบ แล้วค่อยๆเอียงตัวแล่นลงจอด

ในบริเวณที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยว จิรวิชญ์และศรุตกดปุ่มให้ประตูยานยนต์หมุนเปิดก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสอง

จะลงมายืนอยู่ภายนอกแล้วจิรวิชญ์ก็กระวีกระวาดเปิดประตูยานยนต์ด้านหลัง เพื่อดึงรถเข็นไฟฟ้าแบบพับ

ได้ออกมาดึงประกอบเป็นรูปทรงอย่างชำนาญ ก่อนที่จะทำท่าเข้าไปอุ้มคนโดยสารอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

ศรุตดึงคอเสื้อหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านเป็นการห้ามปราม จิรวิชญ์ได้แต่หันกลับยิ้มอย่างเจี๋ยมเจี้ยม 

ต้องปล่อยให้คนเป็นพี่ชายแท้ๆเข้าไปอุ้มน้องสาวออกมาอย่างทะนุถนอมแล้วจึงวางร่างของสาวน้อย

ผู้โชคร้ายลงบนรถเข็น

                ศุภัคชญายิ้มสดชื่นเมื่อได้มาเที่ยวกับพี่ชายสองคนอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้มานาน

ตั้งแต่เธอเริ่มมีเนื้อร้ายต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาล ส่วนพี่ชายของเธอก็กำลังคร่ำเคร่งกับการ

เรียนอย่างหนัก และยิ่งเมื่อบิดามารดาของเธอและศรุตประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอก็ยังไม่ได้มีโอกาส

ได้มาเปิดหูเปิดตาบ่อยนัก คราวนี้จิรวิชญ์ใช้สีข้างดันตัวศรุตออกแล้วแย่งเป็นคนเข็นรถ เขาก้มลงไป

พูดกับสาวน้อย


  “วันนี้ให้พี่เจมส์เป็นสารถีเข็นรถให้นะแอม พี่จะพาแอมเที่ยวทั้งวันเลยนะ”


   หญิงสาวคนเดียวยิ้มพลางพยักหน้ารับ ศรุตได้แต่มองอย่างหมั่นไส้แม้จะรู้อยู่ว่าทั้งสองมีใจให้

กันมานานแล้ว



   ศรุตไม่เคยมีความรัก ถ้าไม่นับรวมถึงความรักในเครือญาติ ชายหนุ่มเห็นเป็นเรื่องน่ารำคาญเสียด้วยซ้ำ

ที่จะต้องแบ่งเวลาไปดูแลใครต่อใคร ชีวิตของเขาจึงมีแต่เรียน และทำงานเวลาว่างแทนที่จะนัดเดทกับผู้หญิง

เขากลับใช้เวลานั้นมาฝึกฝนงานอดิเรกที่กลายมาเป็นอาชีพในตอนนี้หลังจากลาออกจากอาชีพแพทย์

นั่นก็คือวาดรูป ซึ่งก็มีแต่รูปวิวทิวทัศน์และรูปแอ็ปสแต็กที่คนเป็นน้องสาวค่อนขอดบ่อยๆว่ามีแต่แนว

รุนแรง หม่นเศร้า

             แล้วจะให้เขาวาดรูปสดใสได้อย่างไร ก็เขายังไม่รู้เลยว่าความรักเป็นอย่างไร

   แต่ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตเขาจะขาดสีสัน ก็ในเมื่อศรุตก็เป็นผู้ชายที่จัดว่าหล่อเหลา และสมบูรณ์แบบทั้งการเรียน

และฐานะครอบครัว ต้องใช้คำโบราณว่า หัวกระไดบ้านไม่แห้ง เมื่อชายหนุ่มยังอยู่ช่วงวัยรุ่น มีสาวๆเดินเข้า

เดินออกในบ้านไม่เว้นแต่ละวัน จนบิดามารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นระอา แถมยังมีบางครั้งที่รถไฟชนกัน

จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ชายหนุ่มก็ได้แต่ตัดความสัมพันธ์ โดยที่ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะเจ็บช้ำน้ำใจ

หรือเปล่า ศรุตจึงได้ชื่อว่าเป็นเพลบอยหนุ่มเจ้าสำราญในสังคม จนเพิ่งจะมาเพลาๆเมื่อตอนที่จบมาทำงาน

แพทย์นี่เอง


        ชีวิตนี้เขาคงวาดรูปสีสดใสอย่างที่น้องสาวอยากให้ทำไม่ได้ ศรุตบอกกับตัวเองเมื่อเดินตามจิรวิชญ์ที่

เข็นรถให้ศุภัคชญาเดินชมบ้านเรือนรุ่นเก่า



   สายตาที่ไร้จุดหมายของชายหนุ่มหยุดลงเมื่อเดินผ่านพื้นที่ว่างระหว่างตึกที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายต้นไม้

หลังคาทำจากวัสดุโปร่งแสงที่ทำให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านมาได้ ศรุตมองเข้าไปด้านในเห็นต้นไม้หน้าตา

แปลกๆ วางอยู่มากมายต้นไม้ เป็นของหายากในยุคนี้ เมื่อภาวะเรือนกระจกเข้าครอบงำโลก จนสภาพอากาศ

เลวร้ายการเกษตรกรรมตามธรรมชาติจึงแทบจะไม่มี การผลิตผักและผลไม้จึงต้องใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้า

มาช่วย อย่างเช่นอุตสาหกรรมปลูกพืชในน้ำ หรือการใช้ GMO ตัดต่อพันธุกรรมอาหารจนกลายเป็นเรื่องปกติ

ศุภัคชญาเหลือบเห็นคนเป็นพี่ชายชะงัก หญิงสาวจึงบอกให้จิรวิชญ์เข็นรถมาหยุดเคียงข้าง


  “โอ้โห ร้านขายต้นไม้ น่ารักจัง เราแวะดูก่อนนะคะพี่เอก”


  ศุภัคชญาสะกิดพี่ชาย ศรุตจึงยิ้มเป็นทำนองอนุญาต ทั้งหมดจึงได้ตรงเข้าไปในร้าน


   ภายในจัดอย่างมีระเบียบ ด้านข้างสองฝั่งทำเป็นชั้นแบบขั้นบันได แต่ละชั้นจะมีต้นไม้ปลูก

ในกระถางวางอยู่อย่างสวยงาม ตรงพื้นกลางร้านจัดวางด้วยไม้กระถางที่ต้นใหญ่ขึ้นมา บางต้นมีดอกสีสัน

สวยงามให้ได้ยลโฉม ศุภัคชญายิ้มกว้างอย่างถูกใจ

   เสียงเซ็นเซอร์เตือนเมื่อมีลูกค้าเข้าร้านดังขึ้นเป็นเสียงนกร้อง ก่อนที่จะมีเสียงขลุกขลักจากด้านใน


  “สวัสดีคร้าบ เชิญชมต้นไม้สวยๆน่ารักๆคร้าบ”


  เสียงใสนุ่มดังขึ้นจากด้านใน ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว แล้วเดินตรงมาหาคนมาเยือนทั้งสาม



   ทันทีที่ร่างเพรียวบางเดินเร็วๆมาหยุดยืนแล้วเงยหน้ามาสบตา หัวใจของศรุตก็กระตุก

มันสะดุ้งวาบเหมือนเวลาที่หลับสนิท แล้วต้องผวาตื่นเมื่อฝันว่าตกจากที่สูงจนต้องลุกขึ้นมานั่งสงบสติ

อารมณ์ อย่างเช่นตอนนี้ที่เขาได้แต่จ้องมองหน้ายาวเรียวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่หยดลงมาจากไรผม

ใบหน้าเปื้อนคราบดินแต่ก็ยังปกปิดความเนียนนุ่มไม่มิด ปากอิ่มแดงเรื่อกับดวงตาคู่หวานที่จ้องตอบมา

อย่างที่ทำให้ใจเขาแกว่งไม่มีสาเหตุ

   กลับกลายเป็นเจ้าของร้านที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน ปากอิ่มคลี่ยิ้มสดใสก่อนที่จะเอ่ยทักทาย


  “อยากได้ต้นอะไร เข้ามาชมกันก่อนนะครับ”


  ศรุตกระพริบตาเรียกสติแล้วก็ได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้จิรวิชญ์เข็นรถของศุภัชญาผ่านร่างเข้าไปภายใน

ร้านก่อนที่จะเดินตามเข้าไปอย่างงงๆ


  “ต้นไม้สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ ปลูกเองหรือคะ”


  สาวน้อยถามด้วยรอยยิ้ม พลางหยิบต้นไม้ต้นน้อยในกระถางที่วางอยู่บนชั้นวางขึ้นมาชื่นชม 

เจ้าของร้านจึงได้ละสายตาจากร่างสูงแกร่ง ผิวขาวคิ้วเข้ม มาตอบสาวน้อยอย่างใส่ใจ


  “ครับผม ปลูกเองหมดเลย อยากได้ต้นอะไรเป็นพิเศษไหม”


  ศุภัคชญาส่ายหน้า


  “แอมไม่รู้จักต้นไม้เลยค่ะ ไม่รู้เลยว่าชื่ออะไรหน้าตาอย่างไร ก็เลยไม่รู้ว่าอยากได้ต้นอะไรเป็นพิเศษ

แต่อยากเลี้ยงต้นไม้นะ แนะนำแอมหน่อยได้ไหม”


  ศรุตจึงหันไปปรามคนเป็นน้อง


  “เลี้ยงไม่เป็น ปลูกไม่เป็นแล้วจะซื้อไปทำไมล่ะเรา เลี้ยงไปเกิดมันไม่โตตายไป เดี๋ยวก็มาเสียใจร้องไห้อีก”


  ศุภัคชญาหน้าจ๋อย ก่อนที่จะเงยหน้ามาอ้อนคนเป็นพี่


  “ก็แอมเหงานี่พี่เอก อยากมีอะไรทำบ้าง พี่เอกให้แอมลองเลี้ยงต้นไม้นะ นะคะ”


  เจ้าของร้านยืนอมยิ้มฟังพี่น้องเถียงกัน ก่อนที่จะเสนอความเห็น


  “ถ้าปลูกไม่เป็น เดี๋ยวเราสอนให้นะ ไม่ยากหรอก”


  ร่างโปร่งหันไปพูดกับสาวน้อยในรถเข็น เมื่อเห็นว่าอายุน่าจะไล่เลี่ยกัน


  “เธอชื่อแอมเหรอ เราชื่อนัท”


  เสียงแนะนำตัวกับสาวน้อย แต่ดวงตากลับมองไปที่ร่างที่ยืนกอดอกอยู่ด้านข้างเหมือนจะให้รับรู้ไปด้วย


  “เธอเอาต้นไม้ไป แล้วเราจะไปช่วยดูให้ที่บ้านดีไหม”


  ศุภัคชญาตาโต ยิ้มอย่างดีใจ พลางละล่ำละลักถาม


  “จริงเหรอ ไปได้จริงนะ ดีจัง เราจะได้มีเพื่อนคุยด้วย พี่เอกซื้อเถอะนะคะ นะ”


  หญิงสาวคนเดียวหันไปอ้อน จนพี่ชายต้องถอนหายใจ


  “ตามใจ แต่ถ้าเลี้ยงแล้วมันตาย ห้ามร้องไห้นะ”


  ศุภัคชญา ยิ้มรับ


  “ไม่ตายหรอกค่ะ ก็เดี๋ยวนัทจะไปช่วยสอนไง ใช่ไหมนัท แล้วจะให้เราเลี้ยงต้นอะไรดีล่ะ”


  สาวน้อยร่างพิการหันไปพูดคุยกับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนมอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านยิ้มตอบ

ก่อนเดินไปที่ชั้นวางต้นไม้แล้วหยิบกระถางต้นไม้ออกมา


  ต้นไม้รูปร่างแปลกตาอยู่ในกระถางใบพอเหมาะ เป็นใบเดี่ยวฉ่ำน้ำรูปหัวใจ

แต่แทนที่เจ้าของร้านจะส่งให้สาวน้อย กลับเดินเลยไปที่คนเป็นพี่ชายก่อนที่จะยื่นให้


  “เอาต้นนี้ไปนะ เลี้ยงง่ายหน่อย ต้นนี้คือ ต้นโฮย่าที่ชื่อสายพันธุ์ว่า Sweetheart Hoya”


  เจ้าของร้านยื่นต้นไม้ในกระถางน้อยส่งให้ คนที่มองและยื่นมือมารับอย่างงงๆ


  ศรุตรับต้นไม้จากมือเจ้าของร้าน ปลายนิ้วเรียวที่ส่งต้นไม้ให้สัมผัสที่หลังมือเขาเพียงแผ่วเบา

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาร้อนวูบ




                                                  TBC



สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคอนาคตเลยนะจ๊ะ เป็นแนวใสๆไร้มลพิษ ใครชอบอ่านก็ฝากไว้ในอ้อมใจ

ช่วยเม้นท์ติชมบ้างน้า

 :3123: :3123: :3123: :3123:








[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 1 [15/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-06-2015 13:56:20
 :L1:  เจิมค่ะ

ได้ความแปลกใหม่ทุกครั้งที่เปิดเรื่องใหม่เลยนะคะ ใสๆเราชอบ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 1 [15/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-06-2015 14:11:00
น้องนัทจะจีบพี่เอกเหรอคะเนี่ย :-[ .. เขินจังเลยน้า~ ติดตามจ้าา.. :L2:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 1 [15/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-06-2015 12:02:53
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 2 [16/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-06-2015 20:15:09



                                       Heart

                              หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                   บทที่ 2



ศรุตรีบกระชับอุ้งมือกับกระถางต้นไม้และชักมือกลับเพื่อหลีกหนีการแตะต้องจาก

เจ้าของปลายนิ้วเรียวที่เป็นคนเดียวกับเจ้าของตาหวานวิบๆวับๆที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าอาการร้อนซู่ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเป็นเพียงเพราะความขัดเขิน

ที่มีต่อคนแปลกหน้าเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของเจ้าของร้านขายต้นไม้



เสียงเตือนจากนาฬิกาข้อมือที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยดังขึ้นเบาๆ เหมือนเป็นระฆัง

ห้ามยกและเรียกสติศรุตกลับมาได้ เขาก้มหน้าไปมองสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนจอดิสเพลย์

ของนาฬิกาเป็นอักษร Hแล้วจึงรีบเดินออกไปภายนอกของร้าน

ศรุตจึงไม่ทันได้เห็นดวงตาที่มองมาด้วยความหมายลึกซึ้งพร้อมรอยยิ้มที่คลี่ออกทันที

ที่ศรุตคล้อยหลัง ก่อนที่เจ้าของร้านขายต้นไม้จะหันไปพูดคุยให้ความสนใจกับศุภัคชญา



มือที่ถือกระถางต้นไม้รูปหัวใจกดไปที่ปุ่มเล็กๆบนหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นตัวเปิดเครื่องรับสัญญาณ

โทรศัพท์ แล้วหน้าปัดนาฬิกาก็เปลี่ยนเป็นภาพของคนที่ติดต่อเข้ามา ศรุตปรับสีหน้าจริงจัง

ก่อนที่จะเริ่มพูดคุย


“ว่าไงเคน”


ชายหนุ่มบนหน้าปัดนาฬิกาโครงสร้างใบหน้าเป็นลูกครึ่งหน้าตาอารมณ์ดี ใส่แว่นสีดำยิ้มกว้าง

เป็นการทักทาย


“มีงานเข้ามาให้ทำอีกแล้วครับคุณหมอ”


ศรุตหน้าขรึมลง เขาไม่ได้ชอบที่จะต้องทำงานนี้เลย ยิ่งมีคนติดต่อเข้ามามากเท่าใด

ยิ่งแสดงว่าคนที่ได้รับผลร้ายจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากลับมากขึ้นทุกที เขาถอนหายใจแผ่วเบา


“คราวนี้เป็นใคร แล้วเป็นอะไรมาล่ะเคน”


กล่าวถามคนที่ทำหน้าที่นายหน้าติดต่องานกึ่งเลขา ดูแลงานภายใต้อาชีพแพทย์ใต้ดิน

นาม “เฮอคิวลิส”


“เป็นลูกของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งครับหมอ แต่งานนี้ไม่รู้ว่าคุณหมอจะให้รับหรือเปล่า

คนไข้ไม่ได้เกิดเนื้องอกจากการผ่าตัดปลูกถ่ายสเต็มเซลล์  แต่เขาเกิดภาวะภูมิคุ้มกันร่างกาย

ต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย”


แพทย์ในเงามืดขมวดคิ้ว การรักษาเรื่องนี้ไม่ใช่ทางถนัดในเมื่อทางของเขาคือ ศัลยกรรม


“แล้วทำไมเขาติดต่อมาที่ผมได้ล่ะ”


เคนยักไหล่ก่อนอธิบายที่มา


“ไม่ทราบครับหมอ เขาบอกแต่ว่า แพทย์จากดับบลิวเอสโอ ไม่รับผิดชอบอาการลูกเขา

เขาก็เลยต้องหาคนที่เก่งพอที่จะรักษาได้ แต่ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร แล้วเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของ

คุณหมอเลยลองติดต่อมา คุณหมอจะให้ผมทำไงต่อ”


ศรุตนิ่งคิด แล้วตัดสินใจ


“คุณส่งข้อมูลมาให้ผมก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวค่ำวันนี้ผมจะกลับไปดูให้ละเอียด ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย

แต่ถ้าไม่ได้ จะได้ให้หมอคนอื่นมาช่วย”


ชายหนุ่มกดปิดการติดต่อเมื่อเคนรับคำสั่ง ก่อนที่จะมองไปที่บรรดาตึกสูงที่ตั้งอยู่ไกลลิบตา


ธรรมชาติสร้างสรรค์วัฏจักรที่ดีงามมาให้มวลมนุษยชาติแล้ว จะมีก็แต่มนุษย์ที่ไม่ยอมรับ

ความเป็นไปของธรรมชาติ เขาไม่เข้าใจ คนเราจะฝืนธรรมชาติไปเพื่ออะไร







ศรุตเดินกลับเข้ามาภายในร้านต้นไม้เพื่อเห็นภาพสมาชิกที่เหลืออยู่คุยกันอย่างถูกคอ

แม้แต่จิรวิชญ์เองก็ยังดูพูดคุยสนุกสนานกับเจ้าของร้านที่ยิ้มกว้างจนเขานึกค่อนในใจ

จะร่าเริงเกินไปหรือเปล่า


คนเป็นน้องสาวหันมายิ้มให้


“พี่เอก นัทเก่งมากเลยค่ะ รู้จักต้นไม้ในอดีตเยอะแยะเลย”


ศรุตหันไปเลิกคิ้วมองคนเป็นน้อง


“หอสมุดกลางสหประชาชาติก็มีข้อมูลเรื่องต้นไม้มากมาย ถ้าแอมอยากเก่งอย่างเขา

ก็ไปหาข้อมูลได้ พี่ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลก”


คำพูดประโยคเดียวทำให้คนที่เหลือเงียบกริบ ศรุตยักไหล่เมื่อรู้ว่าตนเป็นคนทำลาย

บรรยากาศสนุกสนานไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่ควรจะใส่ใจมากนัก เขาบอกตัวเอง


“กลับกันได้แล้วมั้ง มากันนานแล้ว”


เขาเอ่ยปากกับน้องสาวและน้องชายข้างบ้าน ก่อนที่จะต้องรู้สึก “แปลกๆ”

เมื่อหันไปสบตากับดวงตาคู่หวาน


บ้าฉิบ...


จะมองไปทางอื่นบ้างไม่ได้หรือไงนะ ทำไมเมื่อหันไปจะต้องได้สบตากับดวงตาแวววาว

นั่นทุกครั้ง จนเหมือนเขาจะเข้าไปอยู่ในลานสายตาของเจ้าหนุ่มคนนี้ตลอดเวลา

สายตาคู่นั้นเบนความสนใจไปที่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่นั่งบนรถเข็น


“แล้วเราจะแวะไปหานะแอม พี่เจมส์ด้วยนะครับ ที่อยู่ที่บอกมาหาไม่ยาก

แอมเอาต้นไม้วางที่ระเบียงห้องก็ได้นะ ไม่ต้องรดน้ำบ่อยล่ะวันละนิดก็พอ

แล้วเดี๋ยวเราจะแวะเอาปุ๋ยไปให้”


ศุภัคชญายิ้มกว้างกับเพื่อนใหม่แทนคำขอบคุณ ศรุตส่ายศีรษะอย่างระอา

ก่อนที่ยื่นกระถางต้นไม้ที่ถืออยู่ในมือให้คนเป็นน้อง แล้วชิงเข็นรถเข็นออก

จากร้านอย่างรวดเร็ว








ธนัทมองตามทั้งสามคนไปจนลับตา ก่อนที่แววตาที่ศรุตแอบค่อนขอดว่าแวววาว

จะผ่อนแสงลง เขาเอื้อมมือมาวางบริเวณแผ่นอกด้านซ้ายที่เป็นที่ตั้งของหัวใจ

ราวกับจะปลอบให้มันเต้นช้าลง


ชื่อ เอก งั้นเหรอ


รำพึงเบาๆ เพื่อให้มันฝังรากลงไปในความรู้สึก ปลายนิ้วที่แตะหลังมือแกร่งยัง

ร้อนวูบแม้กระทั่งตอนนี้


ดวงตาดุที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่น กับคิ้วที่มักจะขมวดเป็นปมโดยที่เจ้าของมันคงไม่รู้ตัว

ยังคงวนเวียนจนหนุ่มน้อยแทบจะกลับไปแยกหน่อต้นไม้ที่ทำค้างไว้หลังร้านไม่ได้


ถ้ายิ้มสักหน่อย โลกคงสว่างไสวกว่านี้

ปลายนิ้วที่สัมผัสเพียงหลังมือของคนยิ้มยากวางอยู่ตรงหัวใจ เป็นปณิธานที่ธนัทตั้งไว้

เขาจะเป็นคนที่ทำให้คนๆนี้ยิ้มอย่างสดใสให้ได้









หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 2 [16/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-06-2015 20:59:11
พี่เอกรู้ตัวหรือยังคะเนี่ยว่าถูกน้องนัทเขาจองตัวเอาไว้แล้วน้าา :m3: ..อย่าเพิ่งไปยิ้มให้ใครเสียก่อนล่ะ ^___________^
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 2 [16/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-06-2015 07:37:02
แหมมมมม่ นู๋นี่ไม่ค่อยอ่อยเลยนะนัททททท    :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะ   :')
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 2 [16/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-06-2015 13:30:46
แหม่ ไม่ค่อยจะ...เลยน่ะนัท
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 3 [19/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-06-2015 23:07:53



                                             Heart

                                       หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                          บทที่ 3


           เฮอคิวลิสขมวดคิ้วเมื่อเรียกดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สามมิติ

ที่ฉายแสงอยู่บนโต๊ะ

          คนไข้รายล่าสุดที่ติดต่อเข้ามาอาการแย่กว่าที่คิด เมื่อได้รับการผ่าตัด

เปลี่ยนดวงตาทั้งสองข้างแล้วเกิดอาการที่เรียกว่า ร่างกายปฏิเสธสิ่งแปลกปลอม

จนมีไข้สูงเนื้อเยื่อในร่างกายบวมจากการที่ไตไม่ทำงาน และที่สำคัญ

ดวงตากลับไปมองไม่เห็นอีกครั้ง

          เฮอคิวลิสโบกมือปิดภาพทั้งหมดแล้วหันไปมองจอคอมพิวเตอร์

เรืองแสงอีกจอหนึ่งที่ปรากฏภาพของเคน ลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนรับงาน

พลางถอนหายใจเมื่อสบตา


    “ว่าไงครับคุณหมอ”


    “ยากกว่าที่คิดนะเคน แล้วตอนนี้คนไข้อยู่ที่ไหน”

         
        เคนฉายจอไปด้านหลังของเขาให้เห็นภาพของคนที่นอนหายใจรวยริน

อยู่ในที่ครอบออกซิเจนเบื้องหลัง


     “อยู่ที่คลินิกของคุณหมอนี่แหละครับ พ่อของคนไข้ไม่ยอมไปไหนเลย

จะขอให้คุณหมอช่วยให้ได้”


            เคนถอนหายใจอย่างคนลำบากใจ

       
          “ผมก็รู้ว่ามันเกินกำลัง แต่ก็ไม่รู้จะบอกยังไง คุณหมอมาดูหน่อยได้ไหมครับ”





            ร่างสูงก้าวเข้ามาให้ห้องที่ปรับอากาศไว้จนเย็นฉ่ำ ภายในห้องมีแคปซูลแก้ว

ขนาดพอดีกับตัวคนตั้งอยู่กลางห้อง เฮอคิวลิสเดินตรงไปยังแคปซูลแก้วที่หล่อเลี้ยง

ภายในไว้ด้วยออกซิเจนความดันสูงแล้วนั่งลงข้างๆ เขาเลื่อนเปิดช่องเล็กด้านข้างของ

แคปซูลเพื่อสื่อสารกับร่างที่เคยบอบบางแต่ตอนนี้กำลังบวมเนื่องจากไตไม่ทำงาน

             ร่างที่หายใจรวยรินหันมาตามเสียงที่เลื่อนเปิด แม้ดวงตาจะปรับโฟกัส

ไม่ได้แต่คนที่นอนอยู่ภายในก็พยายามตะแคงหูฟังเสียงที่เกิดขึ้น


         “ใครคะ”


          เสียงแหบโหยแผ่วเบาดังออกมาจากลำคอที่แห้งผาก จากดวงหน้าที่มองออกว่า

เคยสวยใสตามวัยที่ยังแรกรุ่น ล้อมกรอบไปด้วยผมดำยาวที่แห้งกรอบ ทำให้เฮอคิวลิสมอง

อย่างสงสาร


          จะมีอีกกี่ชีวิต ที่ต้องยอมทำเพื่อให้ร่างกายเป็นปกติเหมือนคนอื่น

ยอมแม้กระทั่งเสี่ยงเปลี่ยนอวัยวะ จนไม่คำนึงถึงผลเสียร้ายแรงที่อาจตามมา

คนเป็นแพทย์ทั้งร่างกายและจิตใจเอื้อมมือเข้าไปในช่องเล็กแล้วกุมมือบางกระชับแน่น

เพื่อส่งกำลังใจ เมื่อเห็นสภาพนั้น คนที่นอนอยู่ในแคปซูลอายุมากกว่าคนเป็นน้องสาว

ไม่มากนักยิ่งทำให้เขานึกถึงสภาพของคนเป็นน้อง

          เฮอคิวลิสหันไปสบตากับชายวัยกลางคนที่ยืนอย่างมีความหวังอยู่ข้าง

แคปซูล คนเป็นพ่อที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนเป็นลูกหายเป็นปกติใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากาก

ซิลิโคนเสียเกินครึ่งจนแทบไม่เห็นสีหน้า กล่าวกับเขาอย่างมุ่งมั่น


         “ตกลง ผมจะรักษาลูกสาวของคุณ ถ้าผมรักษาไม่ได้ ผมก็จะไปตามหา

คนที่รักษาได้ มารักษาให้จนได้”

   
           ชายคนนั้นยิ้มทันทีน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้ม เขาคุกเข่าลงต่อหน้า

ร่างที่มองไม่ออกว่าเป็นใคร


        “ขอบคุณครับ เฮอคิวลิส ขอบคุณจริงๆ”


          เฮอคิวลิสพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันความสนใจไปหาร่างที่ตะแคงข้างมาหา

เขาอยู่ในแคปซูลแก้ว แล้วใช้อีกมือกุมมือเขาไว้


   “ช่วยฉันด้วยนะคะ เฮอคิวลิส”


   เขามองใบหน้านั้นแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน


   “คุณชื่ออะไร”


   ใบหน้าที่เงี่ยหูฟังพูดอย่างอ่อนระโหย


   “มีนค่ะ ฉันชื่อมีน”







       เขายืนหลบอยู่ที่มุมตึกเมื่อเห็นร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาเข็นรถให้น้องสาว

ตัวน้อยผ่านมาช้าๆท่ามกลางสวนที่จัดแต่งขึ้นโดยเฉพาะ เด็กหนุ่มผิวขาวเข็นรถเข็นผ่าน

มุมตึกเพื่อพาคนที่นั่งหน้าตาโยเยมาพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยที่ไม่เห็นเจ้าของสายตา

ที่แอบมองอยู่ตรงนี้ ทุกวันๆ

        ร่างสูงเจ้าของดวงตายาวรีที่เพิ่งเติบโตเป็นหนุ่มวัยรุ่น ขมวดคิ้วเมื่อสัมผัส

ถึงบางสิ่งที่แอบมอง เขาหันขวับไปตามที่สัญชาตญาณบอก แต่ก็ไม่เห็นร่างน้อยตัวอวบ

แก้มยุ้ยวัยเดียวกับคนที่นั่งงอแงบนรถเข็น ที่รีบหลบหัวทุยเข้าไปที่เงาตึกอีกครั้ง

เขาแอบเห็น คนที่เป็นวัยรุ่นทำปากจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะหันเหความสนใจ

ไปที่สาวน้อยที่เริ่มร้องไห้แล้วปลอบโยนอย่างรักใคร่



         ธนัทลืมตาจากนิทราแล้วอมยิ้มอย่างผาสุกเมื่อรู้ว่าตนเองฝันถึงสิ่งที่ผ่านมา

ในวัยเด็กอีกครั้ง

        กี่ปีแล้วที่เฝ้าฝันถึงคนที่อยู่ในห้วงความคิด กับคนที่เคยแอบมองในวัยเด็ก

อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะหายไปเมื่อความจำเป็นสิ้นสุด แต่ก็ไม่เคยหายไปจาก

ความทรงจำจนเมื่อพรหมลิขิตเล่นตลกให้คนๆนั้นก้าวเข้ามาหา เขาจำได้ในทันทีที่สบตา

กับดวงตายาวรีที่ขรึมอยู่เสมอคู่นั้น ว่านี่คือคนที่เขาเฝ้าฝันมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา

ตอนนี้คนๆนั้นมาแล้ว กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง และธนัทจะไม่ปล่อยให้คนที่อยู่ในความฝัน

หลุดลอยออกจากชีวิตไปเหมือนตอนวัยเยาว์อีก

       เด็กน้อยตัวอวบอ้วนที่เติบโตมาเป็นวัยรุ่นจนร่างสูงพอๆกับคนที่อยู่ในความฝัน

แต่ก็ยังบางกว่า ใบหน้าเรียวประกอบกับตาหวานชวนฝันที่สาวๆ เคยชมอยู่บ่อยครั้ง

แต่ธนัทก็ไม่เคยให้ความสนใจเป็นพิเศษ

       จะสนใจได้อย่างไร ในเมื่อในใจมีแต่ใครคนนั้น

        เขาสะบัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วลุกจากเตียงนอนเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย

จนสดชื่น ก่อนที่จะออกมาภายนอก คว้าจักรยานยนต์คันเก่ง แล้วกดปุ่มสตาร์ท

จักรยานยนต์ลอยจากพื้นดินขึ้นกลางอากาศแล้วแล่นฉิวตรงไปสู่เข้าสู่ใจกลางนิวเซ็นเตอร์

ใช้เวลาไม่นานธนัทก็มาหยุดอยู่ที่ประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มสแกนลายนิ้วมือ

ศรุตชะงักปลายพู่กันที่กำลังจรดอยู่บนผืนผ้าใบ คิ้วเข้มขมวดชนกันเมื่อได้ยินเสียงเตือนว่า

มีอาคันตุกะที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ร่างสูงวางพู่กันลงกับถาดสีแล้วก้าวเดินไปที่ประตูรั้ว

แต่ก็ไม่ทันกับรถเข็นไฟฟ้าที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปก่อนหน้า พลางเปิดประตูต้อนรับอาคันตุกะ

อย่างตื่นเต้น



        ร่างที่ก้าวเข้ามาในเขตบ้านพร้อมศุภัคชญา เป็นฝ่ายที่ทำให้เจ้าของบ้านชะงัก

เมื่อสบตากับตาหวานๆ ที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มที่สดใส


        “สวัสดีครับ พี่เอก”



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 3 [19/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-06-2015 23:36:11
น้องนัทแอบรักพี่เอกตั้งแต่ยังเล็กเลยเหรอคะเนี่ย งื้อ~ น่ารักจังเลยน้าา >\\\\\\< พี่เอกก็อย่าใจร้ายกับน้องนักสิคะ ยิ่งพี่เอกจิ๊จ๊ะบ่อยๆ น้องนัทก็น้อยใจแย่เลยสิ~
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 3 [19/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-06-2015 08:23:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 3 [19/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 23-06-2015 18:46:50
 :L2:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 3 [19/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-06-2015 20:03:08
ทำไมอ่านแล้วมันตะหงิดว่าจะไม่ฟีลกู๊ดดด ล่ะ ฮ่าาาา
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 4 [24/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-06-2015 13:57:36



                                     Heart

                               หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                    บทที่ 4



       เฮอคิวลิสถอนหายใจแรงๆ เพื่อระบายความเครียดในขณะที่จ้องมองไปยังร่าง

อ่อนแอที่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในแคปซูลออกซิเจนความดันสูง ต้องยอมรับว่า

การรักษาด้านอายุรกรรมไม่ใช่ทางถนัด และยิ่งในคนไข้ที่อาการหนักอย่างมีน

เขาทุ่มเทรักษาตามทฤษฎีมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง หญิงสาวอาการพ้นขีดอันตราย

แต่ยังคงสภาพเดิมอยู่จนเขาต้องตัดสินใจหาตัวช่วย

          เฮอคิวลิสยกข้อมือซ้ายที่มีนาฬิกาขึ้นมากดปุ่มเล็กๆที่หน้าจอ ฟังก์ชันโทรศัพท์

ก็ทำงานเมื่อหน้าจอเรืองแสงสีเขียวฉายขึ้นมาจากหน้าปัดนาฬิกา เขาจึงส่งคำสั่ง

โทรออกด้วยเสียงออกไป


        “หมอชิน”


        รออยู่ไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์ ปรากฏเป็นภาพของชายหนุ่มลูกครึ่งอารมณ์ดี

ในจอเรืองแสง ชายหนุ่มในจอยักคิ้วมาให้เฮอคิวลิสก่อนเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม


    “ว่าไงไอ้เสือ”


     เฮอคิวลิสที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้หน้ากากซิลิโคนหัวเราะหึหึกับความทะเล้นของ

ผู้เป็นเพื่อน ก่อนตอบกลับไปด้วยความคุ้นเคย


   “สบายดี ยังไม่ตาย”

         แพทย์หนุ่มในจอเรืองแสงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบ


   “เออ ไม่ตายก็ดีแล้ว นึกว่าดับบลิวเอสโอตามเฉ่งแล้วเก็บสมองเอ็งไปสต๊าฟเสียแล้ว

มัวแต่เล่นตามเก็บตกเคสหนักๆทั้งนั้นนี่หว่า แล้วนี่ติดต่อมามีอะไรด่วนหรือเปล่า”

           เฮอคิวลิสหน้าขรึมเมื่อคนเป็นเพื่อนถาม เขาใช้มือขวากดปุ่มเรืองแสงสามมิติที่ลอยอยู่

ในอากาศส่งข้อมูลผ่านหน้าจอไปให้อีกฝ่าย แล้วจึงรออยู่ชั่วครู่เพื่อให้อีกฝั่งศึกษาข้อมูล

คนเป็นเพื่อนเมื่ออ่านข้อมูลแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังจนแทบไม่เหลือเค้าคนขี้เล่น


   “แรงนี่หว่า เคสนี้”


         เฮอคิวลิสพยักหน้ายอมรับ


  “ใช่ เกินกำลังและไม่ถนัดด้วย ก็เลยต้องรบกวนเอ็งที่เป็นถึงอาจารย์แพทย์ในมหาวิทยาลัย

ให้มาช่วย ว่าแต่จะมาช่วยในคลินิคเถื่อนๆ ที่มีแต่เครื่องมือเก่าเก็บโบราณ แล้วแถมยังมี

ดับบลิวเอสโอมาแอบส่องบ่อยๆ ไหวไหมล่ะ”


   “เฮ้ยๆ”
 

         คนอารมณ์ดีโบกมือวุ่นวาย


   “ไอ้เรื่องกลัวนี่ไม่ใช่นิสัย แล้วไอ้ที่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ก็เพราะแอบหาเรื่องทำวิจัยไว้ยัน

กับไอ้พวกนั้นแหละ ตกลง ข้าจะช่วย แล้วไอ้คลินิคเถื่อนโบราณเก่าเก็บของเอ็งน่ะอยู่ที่ไหน

บอกพิกัดมา จะได้รีบไปดูคนไข้ชักช้าไม่ทันการนะโว้ย”

      เฮอคิวลิสคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เขาส่งพิกัดที่ตั้งคลินิคไปให้ผู้เป็นเพื่อนแล้วจึงกดปุ่มปิดฟังก์ชันโทรศัพท์

เขาเดินไปนั่งข้างๆแคปซูล เอื้อมมือเข้าไปในช่องเล็กๆเพื่อสัมผัสที่หลังมือของมีนอย่างเห็นใจ

มีนเอื้อมมือมากุมมือเฮอคิวลิสน้ำตาแห่งความท้อแท้หยดไหล


   “ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยและอยู่เป็นเพื่อน เฮอคิวลิส”






        ศรุตเริ่มหงุดหงิดตัวเองที่มัวแต่คอยชำเลืองมองร่างบางที่กำลังคุยและหัวเราะกับศุภัคชญา

อย่างสนุกสนานอยู่เป็นเวลานานจนงานวาดรูปของเขาไม่ขยับ

          ช่างจะหัวเราะร่าเริงเหมือนกับชีวิตไม่เคยเจอเรื่องร้ายแรง นี่ถ้าไม่เป็นห่วงคนเป็นน้องสาว

ไม่มีทางหรอกที่เขาจะมองให้เสียเวลา

          เขาหลับตาลงพยายามรวบรวมสมาธิไว้กับผืนผ้าใบตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นมือที่ถือพู่กันอยู่

เตรียมที่จะจรดมันเพื่อแต้มสี แต่ก็ต้องสะดุ้งจนพู่กันหล่นจากมือร่วงใส่จานสีเมื่อได้ยินเสียงนุ่ม

พูดขึ้นใกล้ตัว


  “วาดรูปอะไรครับพี่เอก”


         ใบหน้าหวานที่เขาลอบมองตอนนี้มาอยู่ใกล้ๆ ยืนเคียงข้างอยู่ตรงหน้าผืนผ้าใบมองงานเขียน

ที่มีอยู่ไม่ถึงครึ่งทางอย่างสนใจ


  “พี่เอกถนัดวาดภาพแอ็บสแต็กหรือครับ แต่ผมว่าสีมันหม่นไปหน่อยนะเพิ่มสีสดใสอีกนิด

จะสวยมากเลย”


          ไม่ได้ขอให้วิจารย์เลยนะ ศรุตย้อนในใจ ภายนอกได้แต่นิ่งเงียบ


   “ไม่สนใจวาดภาพทิวทัศน์บ้างหรือครับ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีจิตรกรคนไหนวาดเลย ว่าแต่...”


       คนหน้าหวานชะงักคำพูด พลางเอียงหน้ามายิ้มให้คนหน้าขรึม


    “ไม่ไปดูต้นไม้กับผมและแอมหรือครับ เห็นมองไปบ่อยๆ”


         ศรุตหน้าตึง เมื่อถูกจับได้ เขาหันไปถามเสียงแข็ง


   “ใคร ใครมองนายกัน เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า ฉันมองยัยแอมหรอกไม่ใช่มองนาย”


             ธนัทหัวเราะพรืดกับท่าทีไว้ตัวของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ


  “คร้าบ ไม่มองก็ไม่มอง ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่ต้องทำหน้าบึ้งอย่างนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวจะเมื่อยแย่”


            หนุ่มน้อยหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะกระเซ้า ยิ่งทำให้หน้าขรึมขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก


   “อ้าว พี่เอกคงไม่เห็น สีเปื้อนที่หน้าแน่ะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้นะ”


           โดยที่ศรุตห้ามไม่ทัน ธนัทคว้ากระดาษทำความสะอาดผืนนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเดินมาใกล้

ใกล้จนลมหายใจของศรุตสะดุดไปจังหวะหนึ่ง และยิ่งเมื่อเจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้นใช้กระดาษ

ทำความสะอาดบรรจงเช็ดรอยสีบนใบหน้าเขาก็ยิ่งยืนนิ่งเหมือนโดนสต๊าฟ


     “พอได้แล้ว”


         ศรุตคว้าข้อมือเรียวข้างนั้นไว้ให้หยุดเช็ด แต่เหมือนมีแรงดึงดูดของสัมผัสที่มือนุ่มที่ทำให้เขา

ค้างมันไว้ในท่านั้น ใบหน้าเนียนของธนัทสุกปลั่งในทันที หนุ่มน้อยหลบสายตาไปทางอื่นก่อน

พึมพำเบาๆ


   “ไม่ให้เช็ด ก็ปล่อยมือผมเถอะครับพี่เอก”


          ศรุตจึงได้รู้สึกตัวและรีบปล่อยข้อมือข้างนั้นอย่างตกใจที่ตนเองเป็นฝ่ายเกาะกุมมือนั้นไว้

ส่วนธนัทแทบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นร่างที่หนากว่ารีบหันหน้า

เข้าหาผืนผ้าใบและหยิบพู่กันมาถือในมือราวกับมีโลกส่วนตัว เขาก็ยิ่งนึกสนุกที่จะเย้าแหย่


   “ตรงนี้ไม่เติมสีชมพูอีกหน่อยหรือครับ โทนจะได้ซอฟลง...”


   “ตรงนี้เพิ่มแบบให้มันคล้ายๆดอกไม้ มันจะสดใสขึ้นนะ...”


   “หยุดพูดเสียทีได้ไหม ชาติก่อนมีคนห้ามพูดเหรอ”


         ศรุตส่งเสียงดังอย่างเหลืออด จนธนัทหัวเราะคิก แหย่คนขี้เก๊กนี่สนุกใช่เล่นเลย


   “อ๊ะ ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ ตะกี้แอมเล่าให้ฟังว่าพี่เอกเป็นหมอ ทำไมเลิกเสียล่ะครับ”


          แววตาเย้าแหย่เมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นแววตาที่บอกความจริงจังในคำพูด

    “ไม่ใช่เรื่องของคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวอย่างนายที่จะต้องรู้”


          ศรุตเอ่ยเสียงเย็นชาจนแววตาซุกซนนั้นอ่อนแสงลง ธนัทลอบถอนหายใจแผ่วเบา


    “คุยอะไรกันคะ พี่เอก นัท”


       รถเข็นไฟฟ้าพาศุภัคชญามาขัดจังหวะอึมครึมได้พอดี ธนัทฝืนคลี่ยิ้มให้สาวน้อย


   “เรามาดูภาพที่พี่เอกวาดน่ะ สวยดีนะ”


            ศุภัคญายิ้มกว้าง


   “ใช่ไหมล่ะ เราบอกแล้วว่าพี่ชายเราวาดรูปสวย เสียอย่างเดียวมีแต่สีมืดๆ นี่เราบอก

ตั้งหลายทีแล้วนะว่าให้หาแฟนหัวใจมันจะได้สดใสใช้สีสว่างๆได้เสียที ก็เพราะโสดอยู่

อย่างนี้สีที่ใช้มันเลยมืดสนิท”


   “ยัยแอม”


           ศรุตถลึงตาใส่น้องสาว พลางเหลือบมองคนที่ยืนยิ้ม


  “พูดน้อยๆหน่อยเถอะเรา”


          ศุภัคชญาหัวเราะอย่างถูกใจ


    “โอเค๊ โอเค ไม่กวนแล้วก็ได้ ไปเหอะนัท ไปดูรูปต้นไม้ในคอมพิวเตอร์ในบ้านกันดีกว่า


         ปล่อยตาฤาษีขี้เก๊กวาดรูปไปคนเดียวเหอะ”

            สาวน้อยชักชวนเพื่อนใหม่ พลางบังคับรถเข็นไฟฟ้าให้หมุนกลับเข้าไปในบ้าน 

ธนัทเดินตามศุภัคชญา แต่ก็ไม่วายยิ้มพราย ก่อนหันมาพูดกับศรุตทิ้งท้าย



  “อย่าลืมนะครับพี่เอก คิดจะวาดรูปทิวทัศน์บอกผมเลยนะ ผมจะพาไป”


TBC



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 4 [24/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-06-2015 14:17:19
จิ้มๆ ก่อน
พี่เอกคะ อย่าเพิ่งซึนค่ะ 555555
นัทบุกมาอ่อยถึงที่แล้ว พี่ต้องต้อนรับดีๆ สิคะ หึๆๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 4 [24/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-06-2015 14:40:46
พี่เอกยอมๆ น้องเห้อ~ น้องนัทอุตส่าห์เสนอตัวมาเป็นไกด์ให้เลยนะค้าา ^^
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 4 [24/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-06-2015 18:45:18
พี่เอกเสร็จน้องนัทแน่ 55555
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 4 [24/06/15] นิยายแนว feel good
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-06-2015 19:11:06
พี่เอกนี่ก็เย็นชาจังน๊าาาา  :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะรอออ   :')
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 5 [27/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-06-2015 19:19:16



                                            Heart

                                  หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                         บทที่ 5



      เฮอคิวลิสอ่านผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของมีนอย่างพึงพอใจ เมื่ออาการบวมเริ่มหายไป

โดยการรักษาจากยาตัวใหม่ที่นำมาใช้โดย หมอชิน เพื่อนสนิทที่กำลังนั่งเล่นเกมจากจอเรืองแสง

สามมิติ เขาซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากากซิลิโคนเช่นเดียวกับเฮอคิวลิส เพื่อเป็นการป้องกัน

เชื้อโรคไปสู่คนไข้พลางเหลือบมองมีนเป็นระยะ


     เฮอคิวลิสคลี่ยิ้มภายใต้หน้ากากเมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นเพื่อน นายแพทย์ชินวุฒิกับท่วงท่าร่าเริง

ตลอดเวลาแต่เรียนเก่งและจริงจังกับการรักษาคนไข้เสมอ ไม่ผิดหวังจริงๆที่ไปขอความช่วยเหลือ

ในตอนนี้มีนไม่ต้องนอนในแคปซูลออกซิเจนความดันสูงอีกแล้ว แต่ยังคงต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ

และได้รับการช่วยด้วยออกซิเจนเพียงเล็กน้อย เฮอคิวลิสเดินไปตบบ่าคนเป็นเพื่อนเบาๆ


“ขอบใจนะที่มาช่วย คนไข้ดีขึ้นมากเหลือแต่เรื่องดวงตาที่มองไม่เห็น”


หมอชินถอนหายใจ


“นั่นสิ เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาให้จอประสาทตาฟื้นตัวอาจจะดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่”


เฮอคิวลิสขมวดคิ้ว ก่อนรำพึงเบาๆ


“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ งั้นให้มีนกลับไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วเอ็งไปเยี่ยมเป็นระยะดีไหม”


หมอชินนิ่งคิด


“งั้นก็ได้ แต่ข้ายังเปิดเผยตัวไม่ได้นะโว้ย ไอ้ยาที่เอามารักษานี่ยังอยู่ในการวิจัยขั้นสุดท้ายอยู่เลย

เดี๋ยวโดนส่อง”


เฮอคิวลิสตัดสินใจ


“ใช้ชื่อร่วมกับข้าไหม ไหนๆก็ยอมลงเรือลำเดียวกันแล้ว”


หมอชินเปิดปากหัวเราะ


“เออ เอาดิ มาเป็นหมอใต้ดินเวลาว่างๆกับเอ็งก็ดีเหมือนกัน เบื่อพวกนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง

จะแย่อยู่แล้ว”


เฮอคิวลิสยื่นมือมาให้คนเป็นเพื่อนจับ


“ยินดีต้อนรับ”








      ศรุตหน้ามุ่ยตั้งแต่ขับยานยนต์เคลื่อนที่จากบ้านมาถึงโอลด์ทาวน์ เมื่อต้องมาที่นี่แทนจิรวิชญ์

ที่ส่งเสียงมาอ้อนวอนทางโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า


“น่า พี่เอก ไปแทนหน่อยงานเข้าจริงๆ”


จิรวิชญ์โอดโอยมาทางหน้าจอเรืองแสง


“สัญญากับแอมไว้ว่าจะไปรับต้นไม้ต้นใหม่ที่ร้านเจ้านัทมาให้แอม ถ้าไม่ได้มาเดี๋ยวคุณเธอ

จะงอนขี้เกียจง้อ”


“แกก็ไปวันที่ว่างก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปวันนี้เลย”


จำได้ว่าเขาพูดเสียงขุ่นเมื่อได้ยินสิ่งที่จิรวิชญ์ร้องขอ


“โอ้ยพี่ ไม่ว่างไปอีกนานเลย จริงๆมีวันนี้วันเดียวแหละที่ว่าง แต่บังเอิญไอ้เนื้อเยื่อที่เพาะไว้

มันดันได้ผลดีจนต้องรีบกลับไปดู นะพี่เอกนะ ช่วยหน่อยนะทำเป็นไม่รู้ฤทธิ์เวลายัยแอม

งอนไปได้”


จิรวิชญ์รบเร้าจนเขาทนไม่ได้แล้วก็ต้องมาที่นี่ ตอนนี้

       ศรุตเดินผ่านบ้านเรือนเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่ายิ่งใกล้ถึงร้านต้นไม้หัวใจ

ก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น เขาอยากจะยืดเวลาที่จะเห็นหน้าเจ้าของร้านต้นไม้ให้นานออกไปให้มากที่สุด

ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเมื่ออยู่ใกล้เจ้าเด็กที่ชื่อธนัทหัวใจเขามันถึงได้เต้นผิดจังหวะ

ตลอดเวลา


แต่ระยะทางก็มีข้อจำกัด เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าร้านต้นไม้ในที่สุด

ศรุตถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อก้าวผ่านหน้าร้านและเสียงเซ็นเซอร์ที่ตั้งไว้เป็นเสียงนกร้องดังขึ้น

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงขลุกขลักจากด้านใน


“มาแล้วครับ มาแล้ว อยากได้ต้นไม้ต้นไหนเลือกได้เลยครับ อ้าว พี่เอก”


ศรุตยืนอึ้ง เมื่อได้สบตากับดวงตาเป็นประกายคู่นั้นอีกครั้ง


    ธนัทคลี่ยิ้มเมื่อเห็นคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางร้านโดยไม่ได้ตั้งใจว่าคนๆนี้จะมาเยือน ยิ่งเมื่อเห็นท่าทาง

สับสนทำอะไรไม่ถูกเขายิ่งนึกขำ คนที่ยืนอยู่กลางร้านจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้ผิวหน้าขาวๆของเขา

มันสุกปลั่งเป็นสีชมพูไปทั้งหน้าแล้ว และมันยิ่งทำให้หัวใจของธนัทพองโตเหมือนลูกโป่ง

หนุ่มน้อยก้าวตรงไปหยุดยืนที่หน้าคนเป็นลูกค้า ก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่ม


“มารับต้นไม้แทนพี่เจมส์หรือครับ”


ศรุตมองมาอย่างสงสัย


“เจมส์โทรมาบอกหรือว่าฉันจะมารับต้นไม้แทน”


ธนัทยักไหล่เอียงหน้ามองก่อนยักคิ้วให้อย่างทะเล้น


“เปล่าครับ พี่เจมส์ไม่ได้โทรมา พอดีว่าผมฉลาด ฮะๆ ล้อเล่น เดาเอาน่ะครับเพราะคิดว่า

พี่เอกคงไม่มาถ้าไม่จำเป็น”


ศรุตหน้าตึงเมื่อถูกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าดักคอ เขารีบเอ่ยถามถึงธุระที่จำเป็นต้องมา

“ไหนล่ะ ต้นไม้”


ธนัทหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อเห็นท่าทีระวังตัวของศรุต นี่ธนัทกำลังสงสัยว่าตัวเขา

มีอะไรให้กลัวมากขนาดนั้นเลยหรือ หนุ่มน้อยถามตัวเองก่อนที่จะโค้งและผายมือให้คน

ที่ยืนตัวแข็งเป็นการเชื้อเชิญ


“เชิญครับคุณลูกค้าผมกำลังจัดให้ ตามผมมาด้านในเลยดีกว่า”


แล้วธนัทก็เดินยิ้มกริ่มนำหน้าโดยมีคนที่ปั้นสีหน้าบึ้งตึงเดินตามมาห่างๆ ผ่านประตูกระจก

เล็กๆ ที่กั้นเขตหน้าร้านเข้าไปด้านใน


เมื่อผ่านประตูกระจกกั้นก้าวสู่เขตหลังร้านเข้าไปเต็มตัวและได้มองอย่างเต็มตา ศรุตก็รู้สึกทึ่ง

ในสิ่งที่เห็น  พื้นที่ด้านหลังร้านกว้างกว่าที่คิด ขอบเขตทั้งหมดถูกกั้นไว้ด้วยเรือนกระจกที่สามารถ

รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ได้ และภายในถูกปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะกับการปลูกต้นไม้ไม่ร้อน

อบอ้าวอย่างภายนอก ต้นไม้ถูกวางอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้นวาง มีท่อส่งน้ำกระจายอยู่ด้านบน

เขาหันมามองหนุ่มน้อยอย่างประหลาดใจ


“ทั้งหมดนี่ นายทำคนเดียวหรือ”


ธนัทยิ้มรับอย่างภูมิใจ


“ใช่ครับ พี่เอก มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมรักและอยากจะทำ ผมอยากให้โลกนี้กลับมามีสีเขียวสดใสและมี

อากาศดีเหมือนธรรมชาติสมัยก่อน ผมอาจจะยังทำไม่ได้ตอนนี้แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

ดวงตาที่ขุ่นมัวเมื่อตอนที่เดินเข้ามาในร้านบัดนี้เริ่มฉายแววอ่อนโยน เมื่อได้ยินความฝันของคนที่มี

ชีวิตชีวาท่ามกลางสีเขียวของใบไม้และสีสันของดอกไม้หลากชนิดที่ปลูกกับมือ  เสียงที่เอ่ยถามต่อมา

จึงนุ่มลงกว่าที่ธนัทเคยได้ยิน


“แล้วคราวนี้จะเอาต้นอะไรให้ยัยแอมล่ะ”


ธนัทยิ้มกว้าง ก่อนเดินไปคว้าต้นไม้ใบเล็กๆอยู่บนก้านเดียวกันที่เจ้าของคล้องกระถางไว้ด้วยลวดสาม

เส้น ด้านบนเป็นตะขอมายื่นให้ศรุต

ศรุตมองอย่างสนใจ เขารับมันมายกขึ้นดูก่อนเอ่ยถามเจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้น


“มันชื่อต้นอะไร”


คนปลูกยิ้มอ่อนโยน ธนัทแอบสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆเพื่อระงับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้เห็น

คนตรงหน้าเลิกขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัวเป็นครั้งแรก


“มันอยู่ในสายพันธุ์ที่เรียกว่าเดฟ ครับพี่เอก ต้นนี้ชื่อว่า หัวใจล้านดวง”


ศรุตชะงักเมื่อได้ยินชื่อต้นไม้ เขาเงยหน้าสบตากับธนัทที่มองตอบมาด้วยสายตาที่เขาอ่านไม่ออก



“ต้นไม้มันมีหัวใจได้เป็นล้านดวง แต่คนเรามันมีหัวใจแค่ดวงเดียวนะครับพี่เอก มันเลยให้ใคร

ได้แค่ครั้งเดียว”


          TBC





เพลิงพ่าย นิยาย Bracon Incest
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ เข้าไปอ่านและติชมกันได้ น้อมรับทุกคอมเม้นท์

เพลิงพ่าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43444.0)


น้าใสของผม น้ำข้นน่ะของเขา แต่งตอนพิเศษ วันวิสาขบูชา
เมื่อพี่ก่อพาน้องเท็นไปเวียนเทียนยามหัวค่ำ และกลับมา ที่ห้องยามดึก
ไปอ่านกันได้เลย

น้ำใสของผม น้ำข้นน่ะของเขา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44494.0)










[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 5 [27/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-06-2015 20:16:51
จิ้มๆๆ
คู่น้องนี่รู้ดีจริงๆ เปิดทางให้พี่ชายอยู่กับว่าที่แฟน คึๆๆ
หนูนัทแอบหยอดตอนท้ายนิดๆ นะ ดูท่าพ่อพระเอกของเราจะเป็นคนที่ซึนซะแล้วละม้างงง
รอตอนต่อไปฮับ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 5 [27/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-06-2015 20:44:55
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 5 [27/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-06-2015 21:05:43
เริ่มมีอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ละ หุหุ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 5 [27/06/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-06-2015 21:24:37
น้องนัทนี่ก็..ขยันหยอดพี่เอกจริงๆ เลยน้าา :-[ อ่านแล้วใจเต้นตูมตามไม่แพ้กันเลย ^^
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 6 [01/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-07-2015 20:18:49



                                    Heart

                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                 บทที่ 6




“ขอบคุณจริงๆเฮอคิวลิส”


ชายวัยกลางคนผู้เป็นบิดาของมีนคนไข้คนล่าสุดของเขาเอ่ยอย่างดีใจ

เมื่อเห็นคนเป็นลูกกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มีเพียงสายออกซิเจนเส้นเล็ก

ใส่ไว้ที่จมูก อาการบวมตามร่างหายไปจนกลับไปเป็นสาวน้อยวัยใสที่หน้าตา

หมดจดงดงามตามเดิม


“บอกกับคุณตรงๆ ว่าเคสลูกสาวของคุณผมแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

คงต้องไปขอบคุณเพื่อนของผมที่หาวิธีมาช่วยจนสำเร็จ”


เฮอคิวลิสผายมือไปที่คนรักษาตัวจริงที่ปิดบังใบหน้าไว้ด้วยหน้ากากซิลิโคน

เช่นเดียวกับเฮอคิวลิส


ชายหนุ่มก้มหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับรอยยิ้มและการโค้งศีรษะขอบคุณ

จากผู้เป็นบิดาของหญิงสาวในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียงของมีน


“อย่างไรก็ต้องขอบคุณหมอทั้งสองคนที่ทำให้ลูกผมพ้นความตายมาได้

และนี่ครับเงินสิบล้านเอเชียดอลล่าร์อย่างที่ตกลงไว้”


บิดาของมีนยกกระเป๋าใส่เงินส่งให้เฮอคิวลิส เขารับมันมาถือไว้ในมือ


“แต่ต้องบอกคุณอีกอย่าง ที่เรารักษาได้มีเพียงอาการภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้าน

สิ่งแปลกปลอมของมีนเท่านั้น แต่สำหรับดวงตาที่ยังมองไม่เห็นคงต้องใช้เวลา

ให้จอประสาทตายุบบวมและคืนสภาพ  โดยที่เราก็บอกไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน”


ชินมองมีนอย่างเห็นใจ มือหนาเกาะกุมที่มือบางเพื่อให้กำลังใจ


"สู้นะ มีน ต้องมีสักวันที่คุณจะมองเห็น แล้วผมจะหาเวลาไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลนะ”


นายแพทย์หนุ่มอารมณ์ดีกล่าวเสียงนุ่ม มีนยิ้มรับ


“ขอบคุณมากนะคะที่ให้กำลังใจมีนตลอดเลย ไม่ว่าคุณหมอจะเป็นใครมีนจะไม่ลืมเลย”


เขากระชับมืออุ่นอีกครั้งก่อนที่จะเดินหันหลังให้สาวน้อย

มีนกะพริบตาถี่ๆเมื่ออยู่ๆ แสงสว่างพร่าเลือนแทรกเข้ามาในความมืดมิด

หญิงสาวทำได้แค่เพ่งสายตาที่มัวราวกับมีเมฆหมอกมาบดบังมองร่างที่หันหลังเดินจากไป

โดยไม่เห็นใบหน้า จากหนึ่งคนเดินไปรวมกับอีกหนึ่งคน แล้วทั้งสองก็เดินออกไปจากห้องนี้


“ขอบคุณนะ เฮอคิวลิส”


มีนพึมพำเบาๆ


คนเป็นบิดามองตามนายแพทย์หนุ่มทั้งสองที่เดินออกไปจากคลินิคลับจนสุดสายตา

ก่อนหันมาถามเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ยังทำงานอยู่ในห้องพักฟื้น


“คุณพยาบาล หมอเฮอคิวลิสเป็นใครพวกคุณเคยเห็นหน้าไหม”


พยาบาลอาวุโสทำหน้าเบื่อหน่ายกับคำถามที่ได้ยินบ่อยครั้งเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง


“พวกเราไม่เคยเห็นหน้าของคุณหมอหรอกและไม่มีความจำเป็นด้วย เรารู้แค่ว่าเขาเป็นหมอ

ที่ต้องคอยมาแก้ไขปัญหาให้คนอย่างพวกคุณที่เชื่อมั่นในคำโฆษณาของดับบลิวเอสโอ

แล้วเกิดผลเสียตามมาอย่างลูกสาวของคุณนี่แหละ”


พยาบาลคนเดิมตอบด้วยถ้อยคำเดิมๆที่ต้องตอบเป็นประจำเช่นกัน








ศรุตขับยานยนต์ไฟฟ้ามาจอดหน้าบ้านตัวเองแล้วหิ้วต้นเดฟ “หัวใจล้านดวง” เดินเข้าบ้านอย่างงงๆ

คำพูดประโยคนั้นกับแววตาที่เขาไม่กล้าคาดเดาถึงความหมาย คล้ายจะสะกดให้หัวสมองของเขา

มันว่างเปล่าราวกับข้อมูลทั้งหมดถูกดีลีททิ้งไปจากคอมพิวเตอร์


“ต้นไม้มันมีหัวใจได้เป็นล้านดวงแต่คนเรามันมีหัวใจแค่ดวงเดียวนะครับพี่เอก

มันเลยให้ใครได้แค่ครั้งเดียว”



มีแต่ประโยคนี้เท่านั้นที่มันหมุนวนกลับไปกลับมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกือบจะทำให้เขาขับยานยนต์ไฟฟ้า

ไปชนกับยานยนต์ผู้อื่นกลางอากาศเสียหลายรอบ กว่าจะขับจากโอลด์ทาวน์มาถึงนิวซิตี้และแล่นลงจอดที่

หน้าบ้าน


ศรุตถือต้นเดฟหัวใจล้านดวงมาวางบนโต๊ะที่เขาใช้วางจานสีก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ

เขาเท้าแขนกับโต๊ะแล้วใช้หลังมือประสานรองไว้ใต้คางโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เจ้าต้นไม้ใน

กระถางเล็ก


เจ้าเด็กธนัทนั่นพูดอะไรต่อจากนั้นนะ


ศรุตนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องเมื่อธนัทพูดประโยคนั้นจบ


“ในเมื่อหัวใจมันมีดวงเดียวแล้วทำไมนายไม่เก็บไว้กับตัว จะเอาหัวใจตัวเองไปให้คนอื่นทำไม”


เขาเอ่ยถามเมื่อเจ้าเด็กธนัทพูดจาในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นที่ศรุตยอมรับว่ามันสวย

และหวานวางอยู่บนเครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนมองกลับมาอย่างลึกซึ้ง เขายิ่งวางตัวไม่ถูก


“บางทีเราก็ไม่อยากเก็บมันไว้กับตัวหรอกครับพี่เอก”


เสียงทุ่มนุ่มตอบกลับมา


“บางทีเราก็อยากที่จะให้หัวใจกับใครบางคน เพื่อที่จะให้คนๆนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรามีให้”


ศรุตจำได้ว่าเขาขมวดคิ้วอีกครั้ง


“ความรู้สึกอะไรของนายที่ต้องบอกด้วยหัวใจ”


เจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าช้อนตามองเขา จนศรุตรู้สึกได้อีกครั้งถึงระดับการเต้นของหัวใจที่เร็ว

และแรงขึ้น หลังจากที่พอจะควบคุมได้อยู่พักใหญ่


ธนัทก้าวเดินมาหาเขาก้าวหนึ่ง พอดีกับที่เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง


“ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่งการได้ด้วยสมอง แต่ต้องใช้ความรู้สึกจากหัวใจที่เราเรียกกันว่า

ความรักไงครับพี่เอก”



ศรุตนิ่งอึ้ง เขามองผ่านเลนส์จากแว่นสายตากรอบดำที่สวมใส่เป็นประจำไปสบตากับดวงตา

คู่นั้นราวกับมีมนต์สะกด ธนัทก้าวเดินมาหาอีกก้าวแต่คราวนี้เขาได้แต่ยืนนิ่งไม่ได้ถอยหลังหนี

เมื่อร่างบางเอื้อมฝ่ามือเรียวมาวางทาบไว้ตรงหน้าอกด้านซ้ายที่เป็นที่ตั้งของหัวใจของเขา


“ถ้าพี่เอกมีความรัก ก็จะเข้าใจ”


เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่มันกลับเนิ่นนานในความรู้สึกที่ปล่อยให้ธนัทวางมือสัมผัสที่หัวใจ

ศรุตหลับตาลงเรียกสติกลับมาหาตัว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนที่จะยืดตัว

เต็มความสูงเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกักราวกับหนุ่มน้อยที่ขาดความมั่นใจ


“ดะ เดี๋ยว ฉัน กลับก่อนล่ะ มานานแล้ว ปะ ไปนะ”


แล้วเขาก็หันหลังกลับ เดินดุ่มๆ ออกจากร้านพร้อมเจ้าต้นเดฟชื่อประหลาดเพื่อที่จะมานั่งวนเวียน

คิดย้อนไปมาอยู่ตอนนี้


เสียงรถเข็นไฟฟ้าของศุภัคชญาผู้เป็นน้องสาวดังขึ้นใกล้ๆ ปลุกให้เขาหลุดจากภวังค์แล้วหันไปมอง

คนเป็นน้อง


“พี่เอกเป็นอะไร แอมเรียกตั้งนานไม่หือไม่อือเลย”


ศุภัคชญาต่อว่าเสียงไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ


“แอมเรียกพี่ตอนไหน ไม่เห็นได้ยินเลย”


“อ้าว แอมเรียกตั้งแต่พี่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว พี่เอกก็เดินใจลอยเข้ามาไม่สนใจเสียงแอม

พี่เป็นอะไรเนี่ย แล้วไหนนัทฝากต้นอะไรมาให้คะ”


สาวน้อยบังคับรถเข็นจนมาอยู่ใกล้โต๊ะ พลางมองอย่างสนใจ


“ว้าว ต้นนี้แปลกดีเนอะ มันชื่ออะไรพี่เอก”


ศรุตมองตรงไปที่ต้นไม้ในกระถาง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว


“หัวใจล้านดวง”


ศุภัคชญาทำตาเชื่อมยิ้มพราวเมื่อได้ยิน


“โอ้ ชื่อโรแมนติคจังเลย แอมจะเอาไปแขวนที่หลังบ้าน”


“อย่าเลยแอม”


ศรุตเอ่ยห้ามเสียงดัง แล้วก็ต้องหลบสายตาคนเป็นน้องก่อนเอ่ยเสียงอึกอักอยู่ในคอ


“ต้นนี้พี่ขอนะ”


แล้วเขาก็ไม่รอฟังคำตอบจากศุภัคชญาที่ทำหน้างงๆ เมื่อเห็นคนเป็นพี่ชายคว้าลวด

ที่แขวนกระถางต้นไม้แล้วเดินหนีเข้าห้องที่อยู่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว





ชายหนุ่มหน้าคมผิวขาวใส่แว่นสายตากรอบดำยกกระถางใบน้อยที่บรรจุต้นไม้ขึ้นแขวน

ที่ระเบียงนอกห้อง แล้วยืนนิ่งมองมันอยู่นาน


ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่งการได้ด้วยสมอง แต่ต้องใช้ความรู้สึกจากหัวใจที่เรา

เรียกกันว่า ความรัก



ชาตินี้เขาจะเข้าใจมันบ้างไหม ชายหนุ่มถามตัวเองในใจ



TBC

 :n1: :n1:




หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 6 [01/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-07-2015 20:26:51
อ้าวๆๆ~ พี่เอกหวั่นไหวกะน้องนัทเข้าอย่างจังเลยนะเนี่ยย -..-
นัทก็อ่อยพี่แกเบาๆ
เอกมีการยึดต้นหัวใจฯ ไว้เป็นของตัวเองเฉย 5555
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 6 [01/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-07-2015 20:56:06
พี่เอกคนบ้านี่~ ทั้งทื่อและก็ทึ่มเหลือเกินนะคะเนี่ย น้องนัทอุตส่าห์รุกขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกน้อ  ̄ε  ̄
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 6 [01/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-07-2015 13:38:01
หัวใจคนขายก็ได้มาแล้ว ยังจะยึดต้นไม้น้องไว้อีกนะพี่เอก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-07-2015 19:43:29



                                            Heart

                                     หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                          บทที่ 7



“ผมไม่สนใจว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่ผมคิดว่าความคิดและข้อมูลที่ได้พบเจอมามันถูกต้อง

ผมต้องการให้คนที่เชื่อในสิ่งที่คุณพูดได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด”


เฮอคิวลิสกล่าวอย่างเย็นชากับอีกฝ่ายที่ดั้นด้นเสาะหาเบอร์โทรศัพท์ของเขา และติดต่อเข้ามา

เพื่อต่อว่า เฮอคิวลิสยินยอมพูดคุยด้วยแต่ยอมแค่เพียงระบบเสียงเท่านั้น เขาไม่ยินยอมเปิดเผย

ใบหน้าทางจอภาพ อีกฝั่งที่โทรศัพท์เข้ามาจึงไม่ได้เห็นหน้าตาที่ปรากฏรอยยิ้มเชิงเยาะของเฮอคิวลิส

ผู้อำนวยการองค์การวิทยาศาสตร์โลก ที่มีชื่อว่าสุทัศน์ คงไม่ยอมลดตัวลงมาคุยกับเขาถ้าเขาไม่ได้เสนอ

หน้าตีพิมพ์บทความลงในวารสารทางการแพทย์ชื่อดังเพื่อตีแผ่ด้านเลวร้ายของการผ่าตัดปรับเปลี่ยน

อวัยวะที่มาจากการเพาะเนื้อเยื่อสเต็มเซลล์


“โธ่เอ๊ย เฮอคิวลิส ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใครเป็นหมอเถื่อนมาจากไหน”


เสียงนายสุทัศน์สบถ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“การทดลองทางวิทยาศาสตร์มันก็ต้องมีการผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าเทียบกับความสำเร็จที่ได้ความ

ผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันก็มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ที่คนที่ยินยอมให้ปรับเปลี่ยนต้องยอมรับความเสี่ยง”


เฮอคิวลิสขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน


“แม้ว่าความเสี่ยงนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตที่เลวร้ายงั้นหรือ”


เขาเอ่ยตอบเสียงแข็ง


“ถ้าคุณเกิดมาด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ คุณก็ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่เกิดมาพิการ หรือมีโรค

ประจำตัวหรอกว่าพวกเขาอยากที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ

และยินยอมที่จะเสี่ยงชีวิตแลกมา ทำไมเหรอ ในเมื่อชีวิตที่ไม่สมประกอบของพวกเขามันก็เหมือน

ตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”


เฮอคิวลิสกัดฟันเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของนายสุทัศน์ เขาปิดโทรศัพท์ลงทันทีด้วยความไม่พอใจ

ทำไมเขาจะไม่เข้าใจในเมื่อเขาก็มีน้องสาวที่พิการอย่างที่นายสุทัศน์พูด และรู้ดีว่าคนเป็นน้องดีใจแค่ไหน

ตอนที่ผ่าตัดเปลี่ยนขาแล้วสามารถเดินได้เหมือนคนปกติ แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือตอนที่ขาที่เปลี่ยนใหม่

เกิดเนื้อร้ายขึ้นและเข้าครองพื้นที่ไปถึงระบบประสาท กว่าเขาจะค่อยๆผ่าตัดเลาะเนื้อเยื่อที่เป็นเซลล์ร้าย

คุกคามชีวิตออกจากต้นขาจนหมด คนเป็นน้องสาวก็ต้องบอบช้ำยิ่งกว่าตอนผ่าตัดเปลี่ยนขา

และต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตามเดิม


ให้คิดอย่างไร เขาก็ไม่มีวันที่จะเห็นดีเห็นงามไปกับองค์การวิทยาศาสตร์โลก








ธนัทกะพริบตาถี่ๆเมื่อเพิ่งตื่นจากนิทราในยามเช้าตรู่ เขาลุกขึ้นบิดตัวขับไล่อาการเมื่อยขบก่อนที่จะ

ลุกจากที่นอนไปอาบน้ำ หนุ่มน้อยเดินออกมาจากตึกแถวด้านหน้าฟาร์มต้นไม้ที่เขาใช้อยู่อาศัยห้องหนึ่ง

แล้วเข้าไปในร้านเริ่มงานดูแลต้นไม้อย่างที่ทำเป็นกิจวัตร


แต่วันนี้เขาทำด้วยรอยยิ้มที่สดใสเป็นพิเศษ เมื่อคิดถึงความฝันก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา

ในความฝัน มันเป็นดินแดนวิเศษที่เขาไม่เคยเห็นกับสีเขียวของพรรณไม้ที่เขียวชอุ่มไปตลอดภูเขาสูงใน

ตอนกลางวัน พอตกกลางคืนท้องฟ้าก็ดารดาษไปด้วยหมู่ดาวนับพันที่แข่งกันส่องแสงระยิบระยับไปทั่ว

พรมสีดำของท้องฟ้า ธนัทแทบจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเย็นชื้นในความฝันเสียด้วยซ้ำและยิ่งเมื่อใครบางคน

ในความฝันเดินเข้ามาใช้ผ้าผืนอุ่นห่มมาที่ร่างของเขาแล้วสวมกอดไว้ ตัวเขาหันไปยิ้มให้อย่างคุ้นเคยก่อนที่เขา

จะสะดุ้งตื่นจากนิทราอย่างเสียดาย


ท่าจะเป็นเอามากนะ ธนัท


ธนัทยิ้มให้ต้นไม้ที่เขารดน้ำอยู่ เมื่อขำตัวเองที่เขาคิดถึงคนที่ชอบขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลาจนเก็บไปฝัน

เขาทำงานที่รักและขายต้นไม้ไปถึงช่วงบ่าย ธนัทก็ปิดร้านเมื่อห้ามปรามความคิดถึงที่มีตลอดวันไม่ได้

หนุ่มน้อยคว้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขึ้นมา แล้วขับมันลอยขึ้นไปในอากาศตรงเข้าสู่นิวซิตี้เพื่อที่จะมาจอด

และสแกนลายนิ้วมือที่รั้วบ้านหลังหนึ่ง ที่เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไปเมื่อศุภัคชญาได้ลงข้อมูลของเขา

เพิ่มเติมให้แล้ว



มาที่นี่เพื่อที่จะได้เห็นหน้าใครบางคน หน้าเข้มผิวขาวใส่แว่นกรอบดำยืนนิ่งอยู่หน้าผืนผ้าใบอยู่ที่


ลานกว้างหน้าบ้าน มีเพียงปลายนิ้วที่ขยับเพื่อแต่งแต้มสีเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าคนที่ธนัทตั้งใจมาหาไม่ใช่หุ่นยนต์

ศรุตเหลือบมองคนที่เดินยิ้มเข้ามา เขาพยายามรักษาระดับการแสดงออกไว้เพียงเพื่อจะปกปิดอาการหัวใจ

เต้นผิดจังหวะของตัวเอง ไม่แปลกใจที่เห็นธนัทเดินเข้ามาในบ้าน แต่สิ่งที่แปลกใจตนเองนั่นคือทำไม

เขากลับยินดีที่ได้เห็นหน้าหนุ่มน้อยคนนี้


“สวัสดีครับพี่เอก”


แขกที่มาเยือนส่งข้อความทักทาย เขาได้แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ


“มาหาแอมเหรอ แอมไม่อยู่ไปซื้อของกับเจมส์”


ธนัทอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าที่เขามองเห็นและจับได้ว่าศรุตกำลังปิดบังความเก้อกระดากของตัวเองอยู่


“มาหาหัวใจครับ”


หนุ่มน้อยตอบกวนๆ แล้วก็แทบจะหัวเราะเมื่อศรุตยืนทำตาปริบๆ


“หมายถึงต้นโฮย่ากับหัวใจล้านดวงน่ะครับพี่เอก วันนี้หยิบปุ๋ยติดมือมาด้วยเดี๋ยวผมใส่ให้”


ศรุตเพิ่งได้สติ เขาวางพู่กันในมือลงบนถาดสี


“งั้นรอที่นี่ก่อน จะไปเอาต้นไม้มาให้”


ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน ธนัทถือโอกาสนี้เดินมาดูภาพที่อยู่บนผืนผ้าใบ

หนุ่มน้อยเอียงคอเมื่อเห็น เขานิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะหยิบสีที่วางเป็นระเบียบอยู่ในกล่องบนโต๊ะมาบีบใส่

ช่องที่ว่างในถาดสี แล้วจึงหยิบพู่กันมาป้ายสีลงไปในผืนผ้าใบ


“นายทำอะไร”


เสียงเจ้าของบ้านดังขึ้นธนัทจึงได้หยุดมือ และหันมาสบตากับศรุตที่หอบกระถางต้นไม้มาวางบนโต๊ะ


“ก็เห็นว่า ถ้ามุมนี้มันมีสีแบบนี้อยู่มันจะสวยขึ้น ขอโทษครับพี่เอกที่ก้าวก่ายเห็นแล้วมันอดใจไม่ได้”


ธนัทยอมรับ ศรุตหันไปมองผืนผ้าใบอีกครั้งอย่างพิจารณาเมื่อเห็นสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากฝีมือของเขา


มันดูดีขึ้นมาจริงๆ ศรุตยอมรับกับตนเอง เขาหันมาให้ความสนใจกับคนมือบอนที่มีฝีมืออีกครั้ง


“ก็โอเคล่ะนะ ดูใช้ได้ ชอบวาดรูปด้วยเหรอนายน่ะ”


ศรุตเอ่ยถาม ธนัทยิ้มรับ

ทำไมจะไม่ชอบ ในเมื่อเขายืนแอบมองจิตรกรหนุ่มน้อยที่พยายามจับน้องสาวตัวเล็กให้นั่งนิ่งๆเป็นแบบ

อยู่ที่มุมตึกตั้งแต่เด็ก และเป็นสิ่งเดียวที่ธนัทพยายามที่จะเรียนรู้และฝึกฝนได้เพื่อที่จะเข้าใจความคิด

ของคนที่เขาแอบมอง


“มาครับ เดี๋ยวผมใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ก่อน”


ธนัทวิ่งกลับไปที่รถ เปิดช่องเก็บของแล้วคว้ากระป๋องสเปรย์ใส่น้ำผสมปุ๋ยเคมีก่อนวิ่งกลับมาที่โต๊ะ

หนุ่มน้อยบรรจงฉีดน้ำปุ๋ยใส่ต้นโฮย่า ใช้ช้อนปลูกอันเล็กพรวนดินให้ส่วนหัวใจล้านดวงเขาก็เด็ดกิ่ง

ที่งอกยาวออก มาเสียบลงไปกับกาบมะพร้าวที่อยู่ในกระถาง




ศรุตมองธนัทที่ตั้งใจทำงานอย่างเพลิดเพลิน เขาไม่รู้เลยว่าความรู้สึกสดใสที่มาพร้อมธนัทมัน

แทรกซึมเข้ามาตอนไหน มารู้ตัวอีกทีเมื่อธนัทยืดตัวตรงเงยหน้าขึ้นมาสบตา เขาก็แทบจะหุบรอยยิ้มไม่ทัน

จิตกรหนุ่มมองหน้าคนที่มาดูแลต้นไม้แล้วก็นึกขำ เมื่อสเปรย์น้ำที่ฉีดลงไปมันไปทำให้ผิวหน้าของดิน

ในกระถางเปียกและกระเด็นมาโดนใบหน้า ธนัทใช้มือป้ายเช็ดอย่างไม่ใส่ใจจนมันทิ้งคราบเป็นรอยดิน

บนหน้าหวาน


“นายนี่พอสนใจอะไรก็ลืมอย่างอื่นไปหมด ทำตัวเหมือนเด็กๆเลยนะ”


ศรุตพึมพำพลางเอื้อมมือขึ้นไปปัดคราบดินบนผิวหน้านุ่ม แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้สัมผัสหน้าเรียวและสบตา

กับดวงตาคู่หวานทำให้เขาแทบลืมทุกอย่างเมื่อได้สบตาใกล้ๆ ดวงตาที่ใสราวกับกระจกเรียกร้องให้มือ

ที่ปัดคราบดินเลื่อนไปลูบไล้ที่แก้มเนียนก่อนที่จะเลื่อนต่ำมาเชยคางมนแล้วดึงมาใกล้

ตัวเขาเองก็โน้มตัวเข้าหาราวกับมีแรงดึงดูด ใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายก่อนที่สติของเขา

จะกลับคืนมาเพราะเสียงยานยนต์ที่จิรวิชญ์ขับเคลื่อนเข้ามาจอด ศรุตกะพริบตาปริบๆ เขารีบละมือจาก

ดวงหน้าหวานอย่างตกใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแล้วรีบหันหน้าเข้าหาผืนผ้าที่ลงสีค้างไว้ราวกับไม่อยากให้ธนัท

เห็นความสับสนที่เกิดขึ้นกับเขา


นั่นมันผู้ชายด้วยกันนะ ไอ้เอก ไอ้บ้า


เขาก่นด่าตัวเองในใจ เขาจะหวั่นไหวไปกับผู้ชายด้วยกันได้อย่างไร


“นัท คิดถึงจัง มานานหรือยัง”


เสียงศุภัคชญาดังมาก่อนตัวที่มีจิรวิชญ์เข็นรถตรงมาในวงสนทนา ศรุตได้ยินเสียงทั้งสามคุยอะไรกัน


แต่เขาจับใจความไม่ได้ ในเมื่อสมองยังคงสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

สิ่งที่เขาพอจะได้ยินคือเสียงที่ศุภัคชญาชวนธนัทไปทำอาหารในห้องครัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนุ่มน้อยเรียกขาน


“พี่เอกครับ”


เขาค่อยๆหันไปมองจึงเห็นรอยยิ้มของธนัทที่พูดก่อนเดินตามหลังจิรวิชญ์และศุภัคชญาเข้าไปในตัวบ้าน


“ผมดีใจนะที่วันนี้พี่เอกยิ้มได้เสียที พี่เอกรู้ไหมรอยยิ้มของพี่ทำให้โลกสดใสขึ้นอีกเยอะเลย”






TBC


 :n1: :n1:









หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-07-2015 20:47:20
จิ้มมม
เลขสวยจริงๆ บทที่ 7 วันที่ 7 เดือน 7 *O*
น้องนัทมันหยอดอีกแล้ววว มีเก็บไปฝันด้วย มโนเก่งนะเรา 555555
พี่เอกหวั่นไหวก็บอกกก 555
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-07-2015 21:47:41
พี่เอกคะ? ความรักไม่มีคำว่า ผิด หรือคำว่า ถูก หรอกค่ะ แค่พี่รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปเช่นนั้นก็พอ ซื่อตรงกับตัวเองให้เหมือนกับตอนที่สวมบทบาทเป็น 'เฮอคิวลิส' มันจะดีมากๆ เลยนะคะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-07-2015 21:51:22
น้องนัทอ่ะลืมสิ่งรอบข้างเวลาตั้ฃใจทำอะไร
แต่ขุ่นพี่เอกอ่ะชอบลืมตัวเวลาน้องนัทอยุ่ข้างๆ นะค๊าาา
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-07-2015 22:33:18
ดองไว้อ่าน มาอ่านอีกทีจุใจเลย   คนเขียนบอกว่าใสๆ  แต่ท่าทางจะเป็นใสๆในความขุ่นสินะคะ   เรื่องของวิทยาศาสน์ปะทะกับธรรมชาติ

ชอบงานคนเขียนตรงความแปลกใหม่นี่แหละค่ะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 7 [07/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 11-07-2015 21:43:35
ชอบผลงานของคุณ Belove ทุกเรื่องเลย ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนเขียนผลิตนิยายน่าอ่านออกมาให้พวกเราได้ยลไปนานๆนะงับ :กอด1:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 8 [15/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-07-2015 18:06:48



                                   Heart

                         หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                บทที่ 8



ร่างบางของหญิงสาวที่ค่อยๆเดินโดยใช้ไม้เท้าที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางหยุดชะงักลง

ดวงตาคมสวยที่ตอนนี้มองเห็นเพียงเลือนลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านหลัง


เสียงนั้นคุ้นเคยเสียจนมีนต้องหันหลังกลับไปแล้วพยายามเพ่งมอง

แม้สายตาจะยังโฟกัสไม่ชัดเนื่องจากจอประสาทรับภาพยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ แต่ในความหม่นมัว

มีนกลับจำแผ่นหลังกว้างที่หันหลังให้นั้นได้อย่างแม่นยำ


ใช่..มันต้องเป็นแผ่นหลังของคนๆเดียวกับที่เดินจากเธอไปที่คลีนิคลับแห่งนั้น มีนรำพึงในใจ


ไม่รอช้า เธอรีบก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทันกับแผ่นหลังนั้นก่อนที่มันจะสายเกินไป

ด้วยความที่สายตายังพร่ามัวและปรับระยะทางไม่ได้ประกอบกับความรีบร้อน มีนก้าวพรวดจนไม่รอให้

ไม้เท้านำทางชี้นำ และเมื่อเธอก้าวเข้าไปหาจุดหมายอย่างรวดเร็วจนเกือบชนแผ่นหลังกว้าง

ระบบเสียงเซ็นเซอร์ของไม้เท้าก็ดังขึ้นเพื่อเตือนถึงสิ่งกีดขวางตรงหน้า เจ้าของแผ่นหลังจึงสะดุ้ง

และหันหลังกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาน ร่างบอบบางของมีนจึงชนเข้ากับอกกว้าง

ของเจ้าของแผ่นหลังเข้าอย่างจัง


เสียงอุทานด้วยความตกใจจากคนที่มาพร้อมกับเจ้าของแผ่นหลังดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องเบาๆของมีน 

หญิงสาวพยายามก้มหน้าทรงตัวโดยมีมือแกร่งคว้าท่อนแขนเรียวเล็กไว้ได้ทันก่อนที่มีนจะร่วงไปกองกับพื้น

มีนจึงไม่ทันได้เห็นดวงตายาวรีที่ชะงักเมื่อเห็นคนที่เดินปรี่เข้ามาชน



“พี่สาว เป็นอะไรมากไหมคะ เจ็บตัวไหนหรือเปล่า”



เสียงใสที่ดังขึ้นในระดับต่ำกว่าสายตาถามอย่างเป็นห่วงทำให้มีนต้องเพ่งมองจึงเห็นได้ลางๆ

ว่าเจ้าของเสียงนั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้า มีนรีบคลี่ยิ้มก่อนกล่าวตอบ


“ไม่เจ็บตรงไหนเลยค่ะ ขอโทษทีนะคะที่เดินมาชน พอดีได้ยินเสียงพูดที่คุ้นหูก็เลยรีบร้อนเดินมา”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนมีแต่คุณที่เกือบล้ม”


เสียงคุ้นหูที่มาจากแผ่นหลังที่คุ้นตาเอ่ยขึ้น  ยิ่งทำให้มีนยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะส่งเสียงดัง


“เฮอคิวลิส คุณคือเฮอคิวลิสใช่ไหมคะ”


ร่างสูงกระพริบตาถี่ๆ เมื่อเอ่ยคำตอบออกมา


“ผมคงไม่ใช่คนที่คุณรู้จัก”



สาวน้อยบนรถเข็นมองผู้หญิงที่เดินมาชนอย่างพิจารณา ด้วยอุปกรณ์ที่ถือมาประกอบกับสถานที่เกิดเหตุ

เป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สังกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก็พอเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในคนที่เกิดมา

โชคร้ายเช่นเดียวกับเธอ สาวน้อยจึงยิ้มกว้างให้ก่อนเอ่ยอย่างสดใส


“พี่สาวคนสวยคะ พี่ชายแอมไม่ได้ชื่อเฮอคิวลิสค่ะ พี่ชายแอมชื่อเอก”









ศรุตก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนี้ด้วยเมื่อเขาหอบหิ้วผืนผ้าใบที่มีภาพแอ็บสแต็กใส่กรอบสวย

ขึ้นยานยนต์ไฟฟ้าขับตรงมาสู่โอลด์ทาวน์อย่างรวดเร็ว


ใจก็กระหวัดคิดไปถึงตอนที่วางพู่กันลงบนถาดสีก่อนที่จะยืนพิจารณาอย่างพึงใจ เมื่อเห็นความสวยงาม

แปลกตาแม้กระทั่งน้องสาวที่บังคับรถเข็นไฟฟ้ามาดูด้วยก็ยังมองอย่างแปลกใจ



“โห พี่เอก รูปนี้สวยมากเลยนะ พอพี่เปลี่ยนมาใช้สีโทนนี้มันดูสดใสอย่างไม่น่าเชื่อเห็นไหมแอมบอกตั้ง

หลายทีแล้วให้พี่ใช้สีสดๆบ้างพี่ก็ไม่เคยเชื่อ แล้วนี่เป็นไง พอวาดจริงๆ ก็สวยใช่ไหมล่ะ”


“มุมที่สีแปลกไปไม่ใช่ฝีมือพี่หรอกแอม”


พี่ชายพึมพำพอได้ยินดวงตายังคงจับจ้องที่ภาพวาด ศุภัคชญายิ่งแปลกใจ


“อ้าว แล้วฝีมือใครล่ะ”


ดวงตาที่เคยนิ่งสนิท บัดนี้ไหวระริกราวกับน้ำใสที่มีคลื่นกระทบเบาบางเมื่อเอ่ยชื่อคนมือบอนที่แอบช่วยจน

ได้เรื่อง


“ฝีมือนัท”



เขายิ่งไม่เข้าใจ เมื่อยิ่งมองภาพวาดครั้งใดหัวสมองก็ยิ่งว้าวุ่น

มันเหมือนมีมดตัวน้อยเข้าไปอาศัยอยู่ในโพรงไซนัสแล้วก่อกวนยุกยิก จนไม่มีสมาธิที่จะทำอย่างอื่น

นอกเหนือไปจากคิดถึงหน้าเรียวนุ่มของคนที่จับพู่กันมาแอบวาดมัน เขายังจำได้แม้แต่เสียงของลมหายใจ

แผ่วเบาและความเนียนนุ่มของใบหน้าที่ได้สัมผัส ราวกับมันได้ฝังลึกเข้าไปในส่วนฟรอนทอลโลบของสมอง

ที่มีส่วนสำคัญในเรื่องความทรงจำ



ว้าวุ่นจนเขาตัดสินใจคว้าภาพนี้เดินทางมาหาสาเหตุของมัน เพื่อที่จะมาเห็นคนที่เป็นสาเหตุของความว้าวุ่น

กำลังเข็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาจอดที่หน้าร้านแล้วเตรียมจะปิดประตูด้านหน้า


ธนัทชะงักเมื่อเห็นร่างสูงในลานสายตา หนุ่มน้อยเงยหน้ามองก่อนที่จะคลี่ยิ้มกว้าง


“พี่เอก”


เสียงนุ่มดังเข้าไปสะท้อนในชั้นหูค้อน ทั่ง โกลน สั่นไหวมากระทบที่หัวใจจนอัตราการเต้นระส่ำระสาย

ศรุตพยายามสุดชีวิตที่จะวางหน้านิ่งเมื่อเดินตรงไปหยุดหน้าร่างบางก่อนส่งกรอบภาพในมือให้



“เอาภาพที่นายมือบอนแอบวาดมาให้ ภาพแบบนี้คงขายใครไม่ได้หรอก”


ธนัทรับภาพมาจากศรุตแล้วยิ้มด้วยดวงตาที่เป็นประกายเมื่อก้มไปมอง ภาพที่เขาและชายตรงหน้า

มีส่วนร่วมในการวาดด้วยกัน หนุ่มน้อยช้อนตาขึ้นมามองด้วยดวงตาที่ใสราวกระจก



“ขอบคุณนะครับพี่เอก ผมจะเก็บไว้อย่างดีที่สุด”


อย่ามองแบบนั้นได้ไหม


ศรุตกู่ร้องในใจเมื่อสบตากับธนัท เจ้าเด็กคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าเขาต้องสงบสติอารมณ์มากมาย

เพียงไรที่จะซ่อนพิรุธในใจไว้


“แล้วนี่จะไปไหน”


เขาเบนความสนใจของธนัทด้วยคำถาม


“จะไปรับต้นไม้ต้นใหม่ที่ฟาร์มของคนรู้จักครับ พี่เอกไปด้วยกันไหม”


ศรุตเลิกคิ้ว


“ไปได้หรือ”


“ไปได้สิครับ รอเดี๋ยวนะ”


ธนัทวิ่งเอาภาพไปเก็บในร้าน ก่อนที่จะออกมาปิดร้านอย่างรวดเร็วแล้วก็วิ่งมาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์

ไฟฟ้าเพื่อที่จะขี่มันมาจอดอยู่ตรงหน้าศรุต


“ขึ้นมาเลยครับพี่เอก”


ศรุตก้าวขาขึ้นซ้อนหลังอย่างเก้ๆกังๆ ธนัทหัวเราะเบาๆแล้วบิดคันเร่งให้มอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวลอยขึ้น

กลางอากาศแล้วแล่นฉิวไปสู่จุดหมาย





ธนัทบังคับให้ยานพาหนะของเขาแล่นลงสู่พื้นผิวอย่างนุ่มนวล ศรุตก้าวขาลงยืนแล้วเอ่ยถามอย่างงงๆ



“ถึงแล้วหรือ”


ธนัทส่ายหน้าเร็วๆเป็นคำตอบ พลางยิ้มขำหน้าตาเลิ่กลั่กของศรุต


“ไม่ถึงแล้วลงจอดทำไม”


“ผมอยากให้พี่เอกแวะดูทิวทัศน์ที่นี่ก่อน”


คำพูดของหนุ่มน้อยทำให้ศรุตต้องเงยหน้า กวาดสายตามองรอบตัวแล้วก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น

ที่ราบกว้างที่มีพื้นที่ต่อลงมาจากบริเวณลาดเอียงของเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป มองเห็นอยู่ตรงหน้า

ห่างไปไม่ไกลนัก เป็นลำธารเส้นเล็กทอดตัวยาวลงมาจากเนินเขาที่เห็นลิบๆ กลางที่ราบกว้าง

มีสีเขียวทองจากผืนทุ่งหญ้า ราวกับเป็นผืนพรมกำมะหยี่ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง



“ทุ่งหญ้าสะวันน่าเกิดใหม่ที่น้อยคนนักจะได้เห็น พี่เอกเป็นหนึ่งในนั้น สวยไหมครับ”


สวย…


ศรุตรำพึงในใจ ยิ่งสายลมพัดเอื่อยหยอกล้อกับยอดหญ้าให้เอนลู่ไปตามลมยิ่งทำให้เขามองอย่างตะลึงลาน

เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่หันด้านข้างให้ จมูกโด่งรั้นรับกับตาหวานที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองไปที่ลำธาร

ใสเบื้องหน้า สายลมร้อนพัดบางเบาละเรื่อยให้ปอยผมตกลงมาปรกหน้าผากมน ศรุตอดใจไม่อยู่ที่จะเอื้อมมือ

ไปปัดเบาๆ ให้พ้นใบหน้าหวาน


ให้ตายเถอะ!!


คนตรงหน้าจะรู้บ้างไหมว่าตอนนี้เขาต้องหักห้ามใจเท่าไหร่ ที่จะไม่เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าแล้วดึงมาแนบชิด

คนตรงหน้าจะรู้บ้างไหมว่าเขาต้องหักห้ามตัวเอง ไม่ให้มีความรู้สึกนึกคิดราวกับเป็นหนุ่มน้อยในวัยที่ริจะมี

ความรัก!




TBC


 :n1: :n1:












หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 8 [15/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-07-2015 18:14:15
น้องมันจะรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าทำให้อิพี่เอกอาการหนักขึ้นทุกวัน 55555
เขินอิพี่เอกจัง :-[ เขินแทนนัทด้วย 555
มีนแอบคิดอะไรกะพี่เอกป่ะเนี่ย -_-+ อย่านะ! ผู้ชายคนนี้ธนัทจอง! วะฮะฮ่าๆ!
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 9 [20/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-07-2015 22:44:08



                               Heart

                       หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                            บทที่ 9



มีนก้มลงมองแก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้า มือเรียวค่อยๆเลื่อนมาช้าๆจนถึงแก้ว

แล้วหยิบมันขึ้นมา อีกมือหนึ่งเลื่อนมาจับที่หลอดก่อนดูดน้ำหวานใสในแก้วได้


ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของศรุตที่นั่งอยู่ตรงข้าม หน้าขรึมยิ้มน้อยๆ

เมื่อได้รู้ว่ามีนอาการดีขึ้น  ศุภัคชญานั่งมองมีนพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

เมื่อเห็นความสวยหวานของใบหน้าที่เธอรู้สึกถูกชะตาเมื่อได้รู้จักจนชวนมานั่ง

ที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลเมื่อรอผลตรวจ


“พี่มีน สวยจังค่ะ”


ศุภัคชญาเอ่ยปากอย่างชื่นชมเมื่อนั่งจ้องอยู่นานจนมีนอดยิ้มด้วยความเขินไม่ได้


“ขอบคุณนะคะแอม พี่แยกไม่ค่อยออกหรอกว่าความสวยเป็นยังไง พี่มองอะไรไม่เห็น

ตั้งแต่เด็กๆ”


“พี่มีนผ่าตัดเปลี่ยนตาหรือคะ”


ศุภัคชญาถามด้วยความอยากรู้ มีนพยักหน้ารับ


“ใช่ค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่นานนี้ที่ดับบลิวเอสโอ พี่เพิ่งมีโอกาสมองเห็นอยู่ไม่นาน

ก็เกิดอาการร่างกายไม่รับสิ่งแปลกปลอมจนเกือบตายไปแล้ว โชคดีที่ได้พบหมอที่มี

ความสามารถอย่างเฮอคิวลิส แอมเคยได้ยินชื่อไหมคะ”


โชคดีของเธอที่มีนยังมองไม่ชัด เลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจื่อนๆของเธอ ศุภัคชญาคิดในใจ

ก่อนหันไปสบตาคนเป็นพี่ชาย ศรุตมองตรงไปที่มีนอย่างพิจารณา


“ตอนนี้ดวงตาคุณเป็นไงบ้าง เห็นชัดหรือยัง”


เสียงนุ่มเรียบดังขึ้นจากศรุต ทำให้มีนยิ้มกว้างได้มากขึ้น


“ฉันเริ่มมองเห็นได้มากขึ้นแล้วค่ะแม้จะยังเลือนลางและมัวๆ อยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังมอง

เห็นแสงสว่าง ไม่ได้มืดมนเหมือนที่ผ่านมา ขอบคุณนะคะ”


ศรุตนิ่งฟัง ใบหน้าเรียบเฉยมีร่องรอยของความเมตตาฉายออกมา


“ขอบคุณสำหรับอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย”


มีนหัวเราะน้อยๆ เผยให้เห็นฟันสวยเรียงเป็นระเบียบที่ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูมีเสน่ห์


“ขอบคุณสำหรับอะไรก็ได้ค่ะ อย่างน้อยก็ความรู้สึกดีๆที่คุณมีให้ฉัน”


เสียงเตือนจากนาฬิกาดังขึ้น มีนก้มลงใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อความเรืองแสงที่มีอักษรนูน

ขึ้นมาสำหรับคนมองไม่เห็น


“พ่อมารับแล้ว ฉันต้องกลับก่อน พี่ไปก่อนนะคะแอมแล้วเจอกันอีกนะ”


มีนหันไปพูดกับศุภัคชญา แล้วหันมาเพ่งมองใบหน้าของศรุตอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนช้าๆ


“แล้วพบกันใหม่นะคะ คุณเอก”


มีนหันหลังกลับเดินออกไปพร้อมไม้เท้าช่วยเหลือ หญิงสาวยิ้มกว้างกับตัวเอง


“แล้วพบกันใหม่ เฮอคิวลิส”







แสงแดดจากดวงอาทิตย์ยามสายของวันส่องตรงมายังโลกจนอากาศร้อนระอุ ยิ่งในยุค

ที่มีแต่ภาวะเรือนกระจกอากาศก็ยิ่งร้อนแล้งหนักขึ้นกว่าเดิม แต่มันไม่ได้มีผลอะไรตอนนี้

โดยเฉพาะกับเขา


ท่ามกลางทุ่งหญ้าและดอกไม้ดอกเล็กที่ขึ้นแซมเป็นระยะกับลำธารที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

สายลมพัดเอื่อยแม้จะหอบเอาลมร้อนมาบ้าง แต่เมื่อยืนอยู่เคียงข้างกับคนที่ยกมือขึ้น

ปัดปอยผมให้แล้วรีบชักมือลงก่อนที่จะหลบตาด้วยความเก้อกระดาก ที่นี่คือสวรรค์สำหรับเขา


“ชอบไหมครับ”



ธนัทเอ่ยถามทำลายความเงียบ แต่คำถามนั้นยิ่งทำให้ศรุตวางสีหน้าไม่ถูกจนธนัทถึงกับ

หัวเราะเบาๆ


“ผมหมายถึง พี่เอกชอบที่นี่ไหม”



ศรุตพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแม้จะรู้สึกว่ามันช่างยากเย็นกว่าตอนลงมีดผ่าตัดชิ้นเนื้อ

ครั้งแรกเสียอีก



“ชอบ สวยมาก นายรู้จักที่นี่ได้ไง”


“รู้จักตอนที่จะไปฟาร์มเพาะต้นไม้ที่เรากำลังจะไปนี่แหละครับ ตอนนั้นรู้จักกับเจ้าของฟาร์มใหม่ๆ

เขาชวนไปดูต้นไม้ พอผ่านมาตรงนี้ก็เลยลงมาจอดดูและก็เลยแวะมาทุกครั้งที่มาทางนี้”


ศรุตทอดสายตาไปมองรอบๆอย่างชื่นชม


“ทำไมไม่มีใครรู้จักที่นี่”


“ก็เพราะว่าที่นี่มันอยู่ไกลเกินกว่าคนในพื้นที่นิวซิตี้จะยอมเสียเวลามาชื่นชมไงครับ”


ธนัทหันไปหลิ่วตา ยักคิ้วให้ศรุต


“ผมบอกพี่เอกแล้วว่าถ้าอยากดูวิวสวยๆผมจะพามา”


ศรุตเห็นกิริยานั้นก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้ เขาเหลือบตามองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างกาย

อย่างใส่ใจมากขึ้น


เด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมากกว่าที่เห็นเพียงแค่ร่างบางและใบหน้าที่หวาน

ยิ่งกว่าผู้หญิง มันทำให้เขาอยากค้นหาและรู้จักมากขึ้นโดยที่เขาก็ไม่รู้สาเหตุ


“นายอยู่คนเดียวหรือ มีญาติพี่น้องหรือเปล่า”


“มีสิครับพี่เอก ผมมีพ่อครับ”


“อ้าว แล้วทำไมอยู่คนเดียว พ่อนายไม่ว่าเหรอหรือมีปัญหาอะไรกัน”


ศรุตเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยเพราะเห็นธนัทขลุกอยู่กับต้นไม้ที่ร้านอยู่คนเดียวตลอดเวลา


ธนัทยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อพูดถึงคนเป็นพ่อ


“ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอกครับออกจะรักกันมากเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับคนอื่นพ่ออาจจะ

ดูดุเข้มงวดไปบ้าง แต่กับผมพ่อเป็นพ่อที่รักและใจดีกับลูกมาก”


“อ้าว แล้วถ้าพ่อนายเข้มงวดอย่างที่นายว่า ทำไมถึงได้ยอมให้นายมาอยู่คนเดียวได้ล่ะ”


“เพราะพ่อรู้ว่าความสุขอย่างเดียวของผมคือต้นไม้ แม้ว่าพ่อจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่พ่อก็ยอม

ให้ผมทำในสิ่งที่ผมรัก”


อยู่ๆธนัทก็หันขวับมามองจนศรุตสะดุ้งในใจ


“พี่เอก รู้จักความรักไหมครับ”


ศรุตอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำถาม


“รู้จักสิ อย่างรักยัยแอม รักการวาดรูป”


ธนัทส่ายหน้า


“รักจนรู้สึกว่าเรายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้คนที่เรารักมีความสุข แม้เราจะต้องสูญเสียอะไร

ไปบ้างเราก็ยอม พี่เคยรู้สึกอย่างนั้นไหม”


ศรุตนิ่งคิดแล้วก็ส่ายหน้า


“ทำไมจะต้องทำอย่างนั้น ฉันว่าคนเรามันก็มีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่เห็นต้องมีความรัก

โอเค.. เราอาจจะรักใครบ้างแต่ไม่เห็นต้องไปทำอะไรที่วุ่นวายเสียสละอะไรที่ยิ่งใหญ่

นายคิดหรือว่าคนที่เรารักจะดีใจถ้ารู้ว่าเราต้องทำอะไรเพื่อเขามากมาย”



ธนัทฟังความเห็นของศรุตแล้วก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ


“มันไม่ใช่สิ่งที่เราเรียกว่า ต้องทำ ครับพี่เอก”


หนุ่มน้อยหน้าหวานค้านเบาๆ


“มันเป็นสิ่งที่เรา อยากทำ ให้กับคนที่เรารัก มันคือการให้ ให้โดยที่เราไม่ได้หวังอะไรมาก

ไปกว่าความสุขของคนที่เราอยากให้”


ธนัทหันร่างมาเพื่อเผชิญหน้ากับศรุต


“ตอนนี้แค่พี่เอกยังไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร สักวันหนึ่งเมื่อพี่เอกมีความรักพี่เอกก็จะรู้ว่า

ความสุขจากการให้และทำให้คนที่เรารักมีความสุข มันมีความหมายแค่ไหน”


หนุ่มน้อยก้าวมาเพียงครึ่งก้าว เขาก็อยู่ใกล้จนแทบสัมผัสได้กับคนที่ยืนอึ้ง

ธนัทเอื้อมมือไปดึงแว่นกรอบดำที่ศรุตใส่เป็นประจำออกจากใบหน้าช้าๆ

โดยที่ศรุตก็ไม่มีสติพอที่จะเอ่ยห้าม



“ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิดนะครับพี่เอก อะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบไขว่คว้าเพราะเราก็ไม่รู้ว่าเรา

จะมีชีวิตยืนยาวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้ารู้แล้วว่าอะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบทำอย่างเช่นตอนนี้ที่ผมอยากจะ...”



ธนัทหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นเมื่อสบตากับดวงตาที่ปราศจากสิ่งกำบังของศรุต ดวงตาที่เต็มไปด้วย

ความสับสนและลมหายใจร้อนผ่าวที่ขาดช่วงเป็นระยะ คงมีแต่เพียงเขาที่มั่นใจ



มั่นใจที่จะเอียงหน้าไปหาริมฝีปากได้รูปของศรุตแล้วทาบริมฝีปากตัวเองลงไปแนบแน่น


โดยที่ศรุตไม่ทันได้ตั้งตัว







TBC


 :n1: :n1:




หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 9 [20/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 21-07-2015 00:51:23
มีนคะ..ซึ้งใจที่คุณหมอช่วยชีวิตเอาไว้อีกครั้งน่ะก็ได้อยู่หรอก แต่ถ้ามากเกินไปกว่านั้น เห็นทีเราคงจะต้องห้ามเสียแล้วล่ะค่ะ เพราะสำหรับพี่เอกน่ะ น้องนัทเขาหวงมากกกกก.. :-[ ถึงขนาดกับจูบจับจองให้พี่เอกรับรู้แล้วด้วยน้าา >\\<
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 9 [20/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-07-2015 08:35:01
เขาจูบกันแล้วเจ้าค่าเอ๊ยยย >///<
แถมอิน้องยังรุกจูบก่อนด้วย 5555
ทีนี้จะเอายังไงต่อดีล่ะคะพี่เอกกก หึหึ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 9 [20/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-07-2015 10:16:47
เค้าจุ้บกันแล้ววววว คึคึ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-07-2015 08:59:25

                                  Heart

                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                 บทที่ 10


“คุณมันดื้อที่สุด”


นายสุทัศน์ ผู้อำนวยการองค์การวิทยาศาสตร์โลก ตะคอกผ่านจอเรืองแสงด้วย

สีหน้าหงุดหงิด


องค์การของเขาสูญเสียลูกค้าชั้นดีไปอีกหนึ่งคน เมื่อบิดาของหญิงสาวที่มาผ่าตัด

เปลี่ยนดวงตาไม่มีความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหาเมื่อบุตรสาวได้รับผลกระทบร้ายแรง

และขอปฏิเสธการรักษา


ที่เจ็บใจก็คือ ได้ข่าวมาว่าอดีตนักการเมืองคนนั้นนำบุตรสาวมารักษากับเฮอคิวลิส

แล้วอาการกลับดีขึ้นด้วย สุทัศน์หงุดหงิดจนต้องติดต่อมาหาเฮอคิวลิสอีกครั้ง


เขาไม่รู้ว่าเจ้าหมอหนุ่มที่ปกปิดหน้าตามันเป็นใคร แต่ก็ยอมรับอยู่ในใจว่าเจ้าหมอ

ที่ไม่ได้อยู่ในองค์กรแพทย์คนนี้มีฝีมือและมีทีมงานที่พร้อมมาก ถ้าเพียงแต่จะยอม

อยู่ในโอวาทบ้าง


เฮอคิวลิสนั่งมองจอเรืองแสงพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายสุทัศน์

จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแค่ไหนที่พ่อของมีนย้ายการรักษาจากโรงพยาบาลของดับบลิวเอสโอ

เพื่อมารักษาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่นายแพทย์ชินวุฒิสังกัดอยู่ตามคำแนะนำของ

เขาเอง


องค์การวิทยาศาสตร์โลกต้องสูญเสียทั้งรายได้และชื่อเสียง นั่นอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์ใหญ่

ของเขา จุดมุ่งหมายของเฮอคิวลิสมีเพียงเยียวยาให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้า

ทางเทคโนโลยี ได้มีชีวิตรอดอยู่บนโลกร้อนๆ แห่งนี้ เมื่อผู้คนรับทราบถึงข้อเสียมากขึ้น

เขาก็จะวางมือ


“อาจไม่เท่าที่คุณดื้อ”


เขาตอบโต้ด้วยท่าทีเย็นชาเช่นเคย ยิ่งทำให้นายสุทัศน์แทบเต้น


“ความจริงคุณก็เป็นคนมีฝีมือ”


สุทัศน์พูด เมื่อระงับความเดือดดาลลงได้


“ถ้าคุณอยากจะก้าวหน้าในเรื่องงาน คุณมาทำงานให้ดับบลิวเอสโอสิ ทีนี้ ถ้าคุณอยากจะทดลอง

หรือฝึกฝีมือให้เก่งกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ได้”


แววตาเย็นชาของคนอ่อนวัยกว่าปรากฏร่องรอยของโทสะเมื่อได้ยินการทาบทามจากผู้สูงวัย

 เฮอคิวลิสไม่นึกว่าสุทัศน์จะกล้าชวนเขาเข้าร่วมองค์กร


“ผมขอปฏิเสธ ผมไม่เคยเห็นชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งทดลองเหมือนพวกคุณ”


เขากล่าวอย่างไม่มีเยื่อใย ยิ่งทำให้สุทัศน์โมโห


“เฮอคิวลิส ผมจะคอยดู คอยวันที่คุณต้องเจอกับเหตุการณ์ที่คุณต้องสูญเสียแล้วกลับมาขอร้องผม”


“คงไม่มีวันนั้น”


เฮอคิวลิสกล่าวด้วยความหยิ่งยโสก่อนปิดการติดต่อลง









ศรุตรู้สึกเหมือนตอนทดลองวิทยาศาสตร์ในบทที่ต้องใช้ไฟฟ้าแล้วเขาเผลอไปถูกปลายสายไฟ

จนสะดุ้งเมื่อมีกระแสไฟจำนวนหนึ่งผ่านเข้ามาทางผิวหนัง


ความรู้สึกร้อนวูบมันแล่นจากริมฝีปากที่ประกบแน่นพุ่งตรงไปจุดระเบิดที่สมองจนมันสว่างวาบ

ก่อนที่ความรู้สึกนั้นมันจะวิ่งวนกลับไปกลับมาทั่วร่าง ความรู้สึกที่เนิ่นนานนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที

ในเวลาบนโลก ก่อนที่เขาจะผงะและผลักร่างบางให้ห่างออกจากตัว พร้อมกับที่ตัวเขาก็ก้าวถอยหลัง

ไปด้วยความตกใจ


ตกใจกับการกระทำที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และตกใจกับความรู้สึกของตนเอง


“นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”


ศรุตยกหลังมือขึ้นเช็ดปากด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาถูกเจ้าเด็กวัยรุ่นจู่โจม

ด้วยการจูบ


“ผู้ชายด้วยกันนะ ทำแบบนี้ได้ยังไง”


มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกสำหรับการจูบ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาในท่าทีที่เงียบขรึมเขามักจะถูกสาวๆ

เป็นฝ่ายจู่โจม ก่อนที่เขาจะแสดงให้ผู้หญิงเหล่านั้นรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแมวที่จะมาหยอกล้อแต่เขาคือ

สิงห์หนุ่มที่แข็งแรงและเชี่ยวชาญแค่ไหน


แต่มันต้องไม่ใช่กับผู้ชายด้วยกัน

แต่มันต้องไม่ใช่กับความรู้สึกที่เขาดันเคลิบเคลิ้มไปด้วยอย่างนี้


ศรุตชะงักหลังมือค้างอยู่ในอากาศเมื่อเหลือบตาขึ้นมองร่างที่เขาผลักจนเซถอยหลัง มองกลับมา

ด้วยดวงตาที่ทำให้หัวใจเขาหล่นวูบ


“ผมขอโทษ”


ยิ่งเสียงเบาที่หลุดออกมา ยิ่งทำให้ศรุตใจหาย


ดวงตาที่สดใสราวกับกระจก มาถึงตอนนี้สลดลงและหม่นเทากับปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมา

ธนัทกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก การที่ถูกผลักไสออกมาทำให้เขารู้ว่าการกระทำของเขา

มันเป็นที่น่ารังเกียจแค่ไหนในความคิดของศรุต


ถ้าอย่างนั้น การที่หนุ่มน้อยสังเกตเห็นแววตาที่เริ่มสดใสและรอยยิ้มที่ศรุตมีให้เขา

อาจจะเป็นเพียงการที่เขาเข้าใจผิดไปเองก็ได้


“ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ผมลืมนึกไปว่าคนอื่นเขาไม่ได้คิดเหมือนกันกับผม...”


ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังเข้ามา จนธนัทรู้สึกแสบร้อนไปที่โพรงจมูกและร้อนชื้นที่ดวงตา


“มันไม่ใช่...”


ศรุตใจหายเมื่อมองเห็นปลายจมูกแดงก่ำและดวงตาราวกับแก้วที่เขาแอบมองบ่อยๆก็คลอไปด้วย

หยาดน้ำ


“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนัท”


ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นคนที่ยืนคอตกอยู่ตรงหน้าเศร้าสร้อย เขาก็อยากที่จะเข้าไปดึงตัวให้เข้ามาอยู่

ในอ้อมกอดแล้วปลอบโยนเรียกรอยยิ้มกลับคืนมา ยิ่งเห็นขนยายาวกระพริบถี่ๆ ชื้นไปด้วยน้ำตา

เขาก็อยากจะประทับริมฝีปากกดทับลงไปเพื่อเช็ดมันให้สิ้นซากความเสียใจ


ธนัทพยักหน้าน้อยๆ เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่จบประโยคของเขา ดวงตาคู่เศร้าหรุบลง


“ถ้าพี่เอกรังเกียจผมก็ขอโทษอีกครั้ง เรารีบไปกันเถอะครับเดี๋ยวแดดจะแรงกว่านี้”


ธนัทก้าวตรงมาที่เขาเพื่อที่จะสวมแว่นกรอบดำคืนให้ ศรุตสบตากับธนัทผ่านการบดบังจากแว่น

คู่นี้อีกครั้ง


ร่างบางหันหลังให้ศรุตยกหลังมือป้ายแรงๆไปที่ดวงตาเพื่อเช็ดน้ำตาที่หยดลงมา ก่อนที่จะก้าวเดิน

ไปยังพาหนะ


ศรุตทนไม่ได้ กับการเข้าใจผิด


ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิด อะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบไขว่คว้า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิต

ยืนยาวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้ารู้แล้วว่าอะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบทำ


คำพูดของเด็กหนุ่มลอยเข้ามาในความคิด


ศรุตเอื้อมมือมาดึงแว่นกรอบดำที่ปิดบังสิ่งที่เขามองเห็นให้คลุมเครือแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี

แล้วเท้าของศรุตก็ก้าวเดินไปทันทีอย่างที่ใจต้องการ


เขาก้าวเร็วๆ ตามธนัทเพื่อที่จะกระชากแขนข้างหนึ่งแล้วรั้งให้ร่างบางนั้นหันกลับมาก่อนที่อีกมือ

จะจับล็อคที่ปลายคางเรียวแล้วแนบริมฝีปากของเขาไปบนปากแดงเรื่อนั้นอย่างรวดเร็ว




มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ค่อยๆแล่นจากที่จอดขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนที่ไปสู่จุดหมายโดยที่คนบังคับ

มองตรงไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ กับใบหน้าที่แดงเรื่อ


หนุ่มน้อยอยากจะให้จุดหมายอยู่ไกลออกไปอีกเมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนที่เลื่อนมาโอบรัดรอบเอวจาก

ผู้โดยสารที่ซ้อนอยู่เบื้องหลัง







TBC

 :n1: :n1:




หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-07-2015 09:24:55
คำพูดของน้องนัทสื่อไปถึงใจของพี่เอกจนได้สิน่าา.. ^_______^ หน้าบานกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเน้ออ :-[ ดีใจกับน้องนัทด้วยนะค้าาา~
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-07-2015 11:34:05
โอ้ยๆๆๆ หวานๆ เขินๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 26-07-2015 11:38:50
ทำดีมากศรุต บางครั้งการกระทำก็เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนนะเออ อย่าซึน
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-07-2015 18:06:46
มีนต้องชอบพี่เอกแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-07-2015 18:26:00
บางครั้งคิดมากไปก็ลำบากนะ   ให้ความรู้สึกชี้นำน่าจะดีกว่าในบางบริบท
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-07-2015 17:39:41
แรกๆ เล่นเอาเราหน่วงเลยอ่ะ T^T
แต่ตอนท้ายนี่หวานเชียะ >///<
เขินวุ้ย -//-
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 10 [26/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 31-07-2015 16:11:56
ชีวิตมันสั้นอยากทำอะไรก็รีบๆนะพี่เอก   :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะรอออออ   :')
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 31-07-2015 19:25:36



                           Heart

                  หัวใจนี้มีเพียงเธอ
                      บทที่ 11





ความอบอุ่นแผ่ซ่านวิ่งตามเส้นเลือดเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

เมื่อริมฝีปากของศรุตประกบมาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว


ทันทีที่แขนถูกดึงรั้งให้หยุดก้าวธนัทจึงหันร่างกลับมาตามแรงเหนี่ยว

โดยอัตโนมัติ  ใบหน้าที่หันมามองศรุตจึงเต็มไปด้วยคำถาม


จะหยุดกันไว้เพื่ออะไรถ้าในใจคิดสวนทางกัน นี่คือสิ่งที่เขาส่งผ่านดวงตาคู่หวาน

ไปให้คนที่หยุดเขาไว้


ไม่มีคำตอบจากดวงตาคู่ขรึมนอกจากปลายนิ้วจากมืออีกข้างที่เอื้อมมาจับยึดปลายคาง

ของเขาไว้แล้วเหนี่ยวเข้าหาจนใบหน้ายื่นเข้ามาในระยะประชิด ก่อนที่ศรุตจะเอียงหน้ามา

จนได้องศาแล้วก็ใช้ริมฝีปากปิดแนบจนสนิทอย่างที่หนุ่มน้อยก็ไม่คาดฝันว่าศรุตจะกล้า


สัมผัสแรกจากคนที่ธนัทใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กช่างอบอุ่นจนแทบปรับสภาพจิตใจไม่ทัน

ร่างกายของเขาจึงตอบสนองด้วยการสั่นสะท้านอย่างที่ตัวเขาเองก็ควบคุมไม่ได้ 

ราวกับศรุตจะรับรู้มือข้างที่จับกุมท่อนแขนไว้จึงเลื่อนมาที่เอวคอดแล้วโอบกระชับ

ร่างบางจนใกล้ชิด


ธนัทรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นอุ่นของศรุตแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากเป็นเชิงขออนุญาต

ก่อนที่หนุ่มน้อยจะสะดุ้งเมื่อมันลุกล้ำเข้ามาเกี่ยวกระหวัดในช่องปากเมื่อเขาเผลอตัว

เผยอกลีบปากรับอย่างคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนมันจะหลุด

ออกมาข้างนอก ธนัทยืนอย่างไร้เรี่ยวแรงจนต้องใช้มือข้างหนึ่งยึดบ่ากว้างและอีกข้าง

เหนี่ยวต้นคอของศรุตเป็นหลักยึด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้มันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์

ของศรุตให้เตลิดจนแทบกู่ไม่กลับ ก่อนที่ทั้งสองจะสะดุ้งสุดตัวและแยกออกจากกัน

ไปยืนหายใจหอบเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณข้อความดังขึ้นจากนาฬิกาข้อมือของธนัท


ธนัทพยายามสูดลมหายใจเข้าไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองกลั้นหายใจจนแทบหมดอากาศในร่างกาย

ซ้ำหัวสมองยังว่างโล่งจนเกือบลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก ยิ่งเงยหน้าสบตากับศรุตหนุ่มน้อยก็รีบ

หันหลังให้เพราะไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความขัดเขิน


ศรุตเองก็ต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติกลับคืน เมื่อเขาได้แต่ยืนนิ่งมองร่างบาง

ที่หันหลังให้และกดปุ่มอ่านข้อความจากนาฬิกา


นี่เขาทำมันลงไปแล้ว ทำสิ่งที่มาจากสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่มีหลักการและเหตุผล

ใช้อ้างอิง เหมือนอย่างที่เขายึดไว้มาตลอดชีวิต เขาไม่อยากจะยอมรับว่านี่คือความสุข

ที่เขาอยากจะไขว่คว้า

ดวงตาที่เคยนิ่งขรึมเป็นนิจตอนนี้กลับมีแต่ความเก้อเขิน เมื่อเจ้าของใบหน้าแดงจัด

ที่เขาเพิ่งสัมผัสไปนั้น หันกลับมาช้าๆ ด้วยแววตาที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน


“เอ่อ...เจ้าของฟาร์มที่เราจะไป เขาส่งข้อความมาหาเพราะเห็นเราไปช้ากว่าเวลา

ที่บอกเขาไป”


ธนัทเลือกที่จะไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น


“เรา...รีบไปกันเถอะครับพี่เอก เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วงมากกว่านี้”


แล้วหนุ่มน้อยก็หันหลังให้ศรุตอีกครั้งเพื่อเดินนำไปที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยใบหน้าที่เจือไปด้วย

รอยยิ้มแห่งความหวามไหว ศรุตเองก็ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อได้เห็นสีหน้าของหนุ่มน้อย

ก่อนที่เขาจะเดินตามไปและซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว



มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าค่อยๆแล่นจากที่จอดขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนที่ไปสู่จุดหมาย

โดยที่คนบังคับมองตรงไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ กับใบหน้าที่แดงเรื่อ

สายลมที่พาหนะขับเคลื่อนผ่านพัดเอากลิ่นกายของคนบังคับรถลอยเข้ามา

ในประสาทการรับกลิ่นของศรุต ชายหนุ่มสูดหายใจช้าๆก่อนสอดแขนทั้งสองข้าง

ไปโอบรัดรอบเอวบางนั้นไว้


ชายหนุ่มอยากจะให้จุดหมายอยู่ไกลออกไปอีก เมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนข้างหนึ่ง

ที่วางทาบลงมาแนบสนิทอยู่บนท่อนแขนของเขา




ศรุตหยุดยืนแล้วมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ท่ามกลางโลกที่ร้อนและแห้งแล้งไปด้วยภาวะเรือนกระจกที่ทุกคนหนีไปอยู่ในเมืองหลวง

ที่เต็มไปด้วยสาธารณูปโภคแล้วทอดทิ้งผืนดินแตกระแหงไว้เบื้องหลังอย่างไม่เห็นคุณค่า

แต่พื้นที่ตรงหน้าเขาตอนนี้กลับปรากฏสีเขียวของพันธุ์ไม้ต่างๆแม้จะไม่ได้กว้างใหญ่

สุดสายตาแต่ก็มากพอที่จะทำให้เขาตื่นตาตื่นใจ

ไม่ใช่แค่ต้นไม้ที่เขาไม่รู้จักชื่อ สิ่งที่ทำให้คนเป็นอดีตนายแพทย์ที่ปัจจุบันดำรงชีวิต

ด้วยการวาดรูปต้องทึ่งมากไปอีก ก็คือเหล่าบรรดาหุ่นยนต์รูปร่างแปลกประหลาดทั้งหลาย

ไม่ต่ำกว่าสิบตัว ที่กำลังทำงาน บ้างก็รดน้ำต้นไม้บ้างก็แต่งกิ่งต้นไม้ ธนัทที่ยืนอยู่เบื้องหลังศรุต

คลี่ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของชายหนุ่ม


เขาอยากเห็นรอยยิ้มอย่างนี้ รอยยิ้มที่สดใสที่ทำให้โลกสว่างไสวจากศรุต

หนุ่มน้อยไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ยึดมั่นกับความรู้สึกพิเศษที่มีต่อชายคนนี้

ชายคนที่ธนัทแอบมองตั้งแต่เด็ก ทั้งในเวลาที่ตื่นอยู่หรือจะเก็บไปฝันในยามนิทรา

แม้เหตุการณ์บางอย่างและเวลาจะพาให้เขาแยกจากไป แต่ศรุตก็ยังวนเวียนอยู่ใน

ความคิดคำนึงของเขาตลอดมา จนกระทั่งเขาได้มาพบเจอศรุตอีกครั้ง

แม้ในปัจจุบันนี้คนจะเชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่า แต่หนุ่มน้อยยังเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต

ในเมื่อเขาได้พบชายคนนี้อีกครั้ง เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอดคือทำทุกอย่าง

ให้ศรุตมีความสุข ธนัทจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป เขาก้าวมายืนเคียงข้างหันไปมอง

เสี้ยวหน้าคมด้วยรอยยิ้ม


“สวยไหมครับพี่เอก”


“สวยมาก เจ้าของที่นี่เก่งมากที่ทำได้ขนาดนี้”


ศรุตกล่าวชื่นชมจากใจ


“เดี๋ยวไว้รอชมต่อหน้าก็แล้วกันครับตอนนี้เจ้าของฟาร์มอยู่ในโรงเรือนเพาะต้นกล้า

สักพักคงออกมา ตอนนี้เราไปดูต้นไม้ที่ผมจะมารับวันนี้ดีกว่า”


ธนัทหันรีหันขวางอยู่สักครู่ก่อนที่จะยิ้มเมื่อเห็นจุดหมายที่เขาตามหาวางอยู่ใต้ร่มจากผ้าใบบังแดด

เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ศอกของศรุตเพื่อชักชวนให้เดินไปใกล้ ต้นไม้ในกระถางเป็นไม้พุ่มมีใบเป็นแฉก

ส่วนดอกมีขนาดแค่หัวแม่มือห้อยลงจากกิ่งมีหลายดอกอยู่ในกิ่งเดียวกัน สีชมพูของมันเรียกรอยยิ้มกว้าง

บนใบหน้าของศรุตได้ เขาเอื้อมมือไปแตะที่กลีบบางอย่างทะนุถนอม


“ชื่อต้นอะไร”

ศรุตถามอย่างสนใจ


“ไม่มีชื่อภาษาไทยหรอกครับ ชื่อภาษาอังกฤษชื่อว่า Bleeding Heart โลหิตแห่งหัวใจ

แล้วก็มีภาษาเยอรมัน TraenendesHerz หัวใจเจ้าน้ำตา”


ศรุตชะงักเมื่อได้ยิน สวยแต่เศร้า เขาจำกัดความ ฟังชื่อแล้วก็ใจหายใครช่างตั้งชื่อ

ให้สิ่งที่สวยงามขนาดนี้ให้ชวนหดหู่


“ไม่เลี้ยงได้ไหม”


เขาหลุดปาก ก่อนหันไปสบตากับธนัทด้วยดวงตาที่เป็นกังวล


“ชื่อของมันเศร้าเกินไป”


ยังไม่ทันที่ธนัทจะตอบรับหรือปฏิเสธเสียงตะโกนโหวกเหวกอย่างยินดีก็ดังขึ้น

ทั้งศรุตและธนัทต่างหันไปมองพร้อมกัน

ร่างผอมเก้งก้างผิวขาวเดินมาจากแปลงที่ยกร่องขึ้นปลูกต้นไม้ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ปิดบัง

เมื่อมาถึงจุดที่ศรุตยืนอยู่กับธนัท


ศรุตไม่ทันรู้สึกตัวว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงคิ้วขมวดแน่นเมื่อร่างเก้งก้างนั้น

สวมกอดธนัทอย่างแนบแน่นทันทีที่ก้าวมาถึงและที่สำคัญธนัทก็กอดร่างนั้นกลับ

พร้อมหัวเราะอย่างสนิทสนม ก่อนที่จะปล่อยแล้วหันมาแนะนำ


“พี่เอกครับ นี่คือพี่ภาม วิศวกรหุ่นยนต์คนเก่งที่หันมาเอาดีด้านปลูกต้นไม้”




TBC
 :n1: :n1:








[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 31-07-2015 19:36:39
หวานเชียะ เขิน -///-
พี่เอกของหมู่เฮาเริ่มหึงแล้ววว คึๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 31-07-2015 20:04:26
เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-07-2015 20:27:00
แน่ะๆๆ แอบหึงสิ่ท่าพี่เอก
ที่เห็นนัทกอดคนอื่นอ่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-08-2015 15:11:09
พอรู้ใจตัวเองปุ๊บ..อาการหวงน้องนัทก็ถามหาเลยนะคะพี่เอก~ :-[
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 11 [31/07/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-08-2015 15:45:38
พี่เอกหึงนัทไม่อยากให้กอดกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2015 20:58:37



                               Heart


                          หัวใจนี้มีเพียงเธอ


                              บทที่ 12





“พี่มีน ทางนี้”


ศุภัคชญาโบกมือไปมาอย่างยินดีเมื่อเห็นมีนเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าของตึกผู้ป่วยนอก

และเมื่อร่างบางของมีนหันมาเห็นศุภัคชญารวมทั้งคนที่ยืนขรึมอยู่เบื้องหลังรถเข็นไฟฟ้า

มีนก็ยิ้มกว้างแล้วเดินมาหาอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าเซ็นเซอร์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับมีนอีกแล้ว

ในตอนนี้ เมื่อดวงตาของเธอกลับคืนสภาพเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะมีเพียงแดดจ้าที่มีผล

หญิงสาวก็แก้ไขเพียงใส่แว่นกันแดดเวลาออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอก


มีนหยุดยืนต่อหน้าคู่พี่น้อง ดวงตาของหญิงสาวจ้องตรงแน่วแน่ไปที่ศรุต

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนที่เธอปักใจเชื่อว่าเป็นเฮอคิวลิสชัดเจน

ขอบตาของมีนร้อนผ่าวไปด้วยความตื้นตันที่เธอยังได้รับโอกาสนี้ โอกาสที่จะได้เห็นหน้า

ของคนที่คอยให้กำลังใจในยามที่เธออ่อนแอ จนความรู้สึกดีๆเหล่านั้นมันยังหล่อเลี้ยงอยู่ในใจ

ของมีนตลอดเวลา


“สวัสดีค่ะคุณเอก สวัสดีค่ะแอม ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ”


“นั่นสิคะพี่มีน ดีใจจังที่ได้พบกันอีก แอมกับพี่เอกยังคุยกันเรื่องพี่มีนอยู่เลย”


คำพูดของศุภัคชญายิ่งทำให้มีนยิ้มสดใสเมื่อสบตากับศรุต


“ดวงตาของคุณกลับมาเป็นปกติแล้วหรือ”


ศรุตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปรานี มีนรีบพยักหน้ารับ


“ค่ะ ฉันมองเห็นชัดเจนแล้ว วันนี้ฉันถึงได้ดีใจมากที่ได้พบคุณ เพราะได้เห็นหน้า

ของคุณชัดๆเป็นครั้งแรกคุณหน้าตาดีและจิตใจดียิ่งกว่าหน้าตาเสียอีก”


ในเมื่อได้เจอกับคนดีแล้ว ฉันอยากชนะใจคุณ เฮอคิวลิสของฉัน


มีนพูดต่อในใจ


ยังไม่ทันที่ศรุตจะพูดตอบ เขาเหลือบไปเห็นนายแพทย์ชินวุฒิที่ก้มหน้าก้มตาเดิน

อยู่ตรงระเบียงทางเดิน ชายหนุ่มจึงตะโกนเรียกไว้ ชินวุฒิชะงักและเมื่อเงยหน้า

มามองศรุตที่เรียก เขาจึงเดินมาสมทบอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยไอ้เสือ เป็นไงบ้างวะ”


ชินวุฒิยิ้มแย้มทักทาย ศรุตยิ้มรับ


“สบายดี เอ่อ...”


ศรุตกระพริบตาให้ชินวุฒิก่อนพูดต่อ


“เฮ้ย ชิน สาวสวยคนนี้คือ มีน คนไข้ที่เคยผ่าตัดตากับดับบลิวเอสโอ มีนครับ

คนนี้คือนายแพทย์ชินวุฒิ อายุรแพทย์ที่เก่งที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา”


ทั้งสองหันมาสบตากันแล้วก็ต้องอึ้งกับความรู้สึกที่ต่างกันไป


สำหรับมีน รู้สึกคุ้นในน้ำเสียงของนายแพทย์ชินวุฒิตั้งแต่เขาพูดคุยกับศรุต

ส่วนชินวุฒิ ได้แต่ยืนอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าและสบตากับมีนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

นับตั้งแต่เคยให้การรักษาที่คลินิคลับความรู้สึกจึงเต็มไปด้วยความห่วงใย

แต่ชินวุฒิก็รู้ตัวว่าพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากคำว่า


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีน”





เขาหงุดหงิด

ศรุตยอมรับกับตัวเอง

ก็อาการที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด จนเขาต้องสูดลมหายใจ

เข้าออกเพื่อควบคุมตัวเองอยู่บ่อยครั้ง อาการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเห็นความสนิทสนมระหว่าง

ธนัทกับเจ้าเก้งก้างที่ชื่อภามจนถึงตอนนี้แม้จะผ่านมาสองวันแต่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น

ซ้ำร้ายมันจะมากขึ้นทุกทีที่เวลาดำเนินไป เมื่อตลอดเวลาในหัวสมองของศรุตมีแต่ใบหน้า

ของเจ้าเด็กชื่อธนัทลอยวนเวียนอยู่ไปมา ตั้งแต่ดวงตาคู่หวานจมูกโด่งได้รูปโดยเฉพาะริมฝีปาก

แดงเรื่อที่คลี่ยิ้มทุกครั้งเวลาที่เขาแอบมอง เหมือนมันเรียกร้องให้เขาปรี่เข้าไปสัมผัสบดเบียด

และเล็มความหวานเหมือนที่เขาได้เคยลองลิ้มชิมรสมาแล้วครั้งหนึ่ง


นี่คงจะยิ้มยั่วยวนคนอื่นอย่างนี้ไปทั่วสินะ

เขาหน้าบึ้งอยู่ต่อหน้าแผ่นผ้าใบผืนขาว มือที่จับพู่กันชะงักอยู่นานแล้วเพราะผู้เป็นเจ้าของ

ไม่มีสมาธิพอที่จะจรดมันลงไปบนผืนผ้าให้เป็นรูปร่างที่สวยงามได้

ยิ่งคิดถึงตอนที่ธนัทโปรยยิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวสวยแล้วปรี่เข้าไปกอดรัดกับภามอย่างสนิทสนม

พร้อมกับพูดคุยอย่างสนุกสนานกันอยู่สองคน ราวกับจะมองเห็นตัวเขาเป็นแค่ต้นไม้เล็กๆ

ต้นหนึ่งที่ประดับอยู่ในสวน


เขายืนกัดฟันกรอดมองภาพนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม้กระทั่งตอนที่เข้าไปช่วยยกกระถางต้นไม้

หอบหิ้วกลับมาถึงโอลด์ทาวน์ และเดินกลับไปขึ้นรถขับเคลื่อนไฟฟ้าของเขาทันที โดยไม่ยอม

แม้แต่จะเอ่ยคำร่ำลา


“โธ่โว้ย!”


ศรุตใช้พู่กันจุ่มลงในจานสีเร็วๆ ปาดมันแรงๆ ไปมาบนผืนผ้า จนเกิดเป็นรอยสีที่ไม่เป็นรูปทรง

และผืนผ้าใบแทบทะลุก่อนที่เขาจะชะงักเมื่อท่อนแขนของเขาถูกดึงไว้ด้วยมือของใครบางคน

เขาหันขวับไปมองเจ้าของมือด้วยดวงตาที่โกรธเกรี้ยว ยิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นใครศรุตรีบกระชากท่อนแขน

ของตนออกจากการเกาะกุม แล้วหันหน้ากลับกระแทกพู่กันลงในจานสีอย่างไม่สบอารมณ์


“มาทำไม ใครใช้ให้มา”


คำทักทายเสียงห้วนส่งผลให้คนมาเยือนหน้าเสีย แขนที่ถูกสลัดเมื่อครู่ลดลงแนบตัวเมื่อเอ่ยตอบเสียงแผ่ว


“ไม่มีใครใช้ให้มาหรอกครับ มาเพราะเป็นห่วง อยู่ๆ วันนั้นพี่เอกก็เงียบไป ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า”


ศรุตแค่นยิ้ม


“เฮอะ...ห่วงอะไร ห่วงว่าจะโง่ให้หลอกจริงๆหรือเปล่างั้นเหรอ ผ่านมาสองวันเพิ่งจะคิดเป็นห่วง

ทำไมไม่รอให้ตายซะก่อนแล้วค่อยคิดได้ล่ะ”


น้ำเสียงกระแทกกระทั้นทำให้บรรยากาศตึงเครียด ความเงียบเข้ามาเยือนเมื่อประโยคนั้นจบลง

 ศรุตอดใจไว้ไม่ได้ที่จะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าเผือดสีของหนุ่มน้อย

ธนัทกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าค่อยๆซีดลงเมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันนั่นตั้งแต่

ต้นประโยค และพอสิ้นสุดคำพูดจากศรุต หน้าเนียนก็แทบไม่มีสีเลือด


มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายตรงหน้า เขาไม่เข้าใจอารมณ์เดือดพล่านที่ศรุตกำลังเป็นอยู่ สิ่งที่ธนัททำได้ตอนนี้

มีแค่กระพริบตาขับไล่ความเปียกชื้นที่มาเยือนพร้อมทั้งกลั้นสะอื้นเพื่อตอบโต้ในสิ่งที่ศรุตกำลังเข้าใจผิด


“ที่เพิ่งมาเพราะผมมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการต้นไม้ลงดิน แล้วที่พี่คิดว่าผมจะหลอกอะไรพี่น่ะ ผมไม่เข้าใจ

คนอย่างผมนี่นะจะหลอกอะไรพี่ได้”


ศรุตมองหน้าเนียนที่คอยหลอกหลอนเขามาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ

แล้วยังมีจมูกโด่งที่แดงก่ำ ริมฝีปากที่เขาจำได้ว่ามันหวานแค่ไหน ตอนนี้เจ้าตัวใช้ปลายฟันขบไว้

เพื่อห้ามอาการสั่นระริกจนแทบห้อเลือด


ฮึ…มารยาสาไถย

นี่คงใช้วิธีนี้หลอกล่อคนอื่นให้ตกหลุมพรางสินะ


“หยุดทำหน้าอินโนเซนท์เสียทีเถอะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะใช้ไอ้หน้าไร้เดียงสานี่ ไปหลอกคนอื่น

มาแล้วกี่คน แต่ขอร้องอย่ามาใช้กับฉัน”


น้ำตาที่คลออยู่หยดลงมาทันที ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ธนัทไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดทั้งหมดจะออกมา

จากปากคนที่อยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เด็ก หนุ่มน้อยอยากจะยกมือขึ้นทุบตีตัวเองให้มันเจ็บปวด

เผื่อว่ามันอาจจะช่วยกลบความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นในจิตใจได้

ศรุตอยากจะกัดปากตัวเองเมื่อหยุดไม่อยู่ที่จะพูดระบายโทสะออกไป ยิ่งเมื่อเห็นธนัทยืนอึ้ง

หยดน้ำใสเปรอะเปื้อนเป็นคราบอยู่บนใบหน้า ใจของเขาก็อ่อนยวบจนแทบจะถลาเข้าไปดึงร่างบาง

มาปลอบโยนในอ้อมกอด สิ่งที่รั้งเขาไว้มีเพียงเยื่อบางๆของทิฐิในใจเท่านั้น แต่เมื่อเห็นธนัทยืดตัวขึ้น

ลำคอเชิดตรง ดวงตามองมาที่เขาอย่างตัดพ้อ แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยคำพูดเสียงแข็งใส่บ้าง ศรุตก็กลับ

เดือดดาลยิ่งกว่าเก่า


“ผมไม่รู้นะว่าทำไมพี่เอกถึงได้มองว่าผมเป็นคนหลอกลวง แต่ก็โอเค ถ้าพี่อยากให้ผมไปหาคนอื่น

เพื่อไปหลอกเค้าอย่างที่พี่กล่าวหา ผมก็จะไป”


ธนัทยกมือเช็ดน้ำตา สบตากับศรุตด้วยความน้อยใจอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังให้ศรุต

แล้วก้าวเดินจากไป ศรุตใจหายกับการกระทำของธนัท เขาทนไม่ได้ที่เห็นหนุ่มน้อยหันหลังให้เขา

จิตกรหนุ่มก้าวยาวๆ ตามหลังเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามทัน เขากระชากแขนให้ธนัทผวากลับมาตามแรง

เหนี่ยวรั้งแล้วใช้มือแกร่งบีบที่ปลายคางจนธนัทหน้าเหยเก ศรุตเค้นเสียงต่ำหนักใส่หน้าธนัทที่มองมา

อย่างตกใจ


“นายไม่มีสิทธิ์หันหลังให้ฉัน ถ้าฉันยังไม่อนุญาต”


ก่อนที่ธนัทจะร้องออกมา ศรุตก็กดริมฝีปากลงไปบนปากได้รูปอย่างรวดเร็วและรุนแรง

แม้ว่าธนัทจะพยายามเม้มปากหนีพลางใช้มือทุบไปที่แผ่นหลังศรุตก็ไม่สน

เขาขบไปที่ริมฝีปากล่างของธนัทจนห้อเลือด หนุ่มน้อยเผลอตัวอุทานด้วยความเจ็บ

ศรุตรีบใช้โอกาสนี้ส่งปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากแล้วบดเบียดคลุกเคล้าด้วยอารมณ์คุกรุ่น

จนธนัทแข้งขาอ่อนยวบเพราะเกือบขาดอากาศหายใจ



TBC

 :monkeysad: :monkeysad:


หึงโหดไปแล้วอิพี่เอก ฮึ่ยๆๆๆ  :serius2: :serius2:






หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-08-2015 21:39:38
หันหลังค่ะพี่เอก..หันมาให้เราลงแส้เสียดีๆ มีอย่างที่ไหนพอน้องนัทมาง้อตัวเองถึงที่ก็ว่าน้องปาวๆ ทั้งที่ยังไม่ได้สอบถามความจริงอะไรจากน้องเลยสักนิด แล้วแต่ละอย่างที่ออกมาจากปากนี่น้า สะเทือนใจคนฟังสุดๆ ไปเลย o18
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-08-2015 22:55:18
นี่พี่เอก หึงโหดมากกกก
มาดสุขุมหายไปไหนหมด พูดแบบนี้น้องเสียใจแย่
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-08-2015 23:13:08
แหมะ เหมือนอ่านไม่จุใจอ่ะ อยากได้ยาววววววววว อ่านกันให้ตาแฉะไปเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-08-2015 23:34:17
ปากไม่ดีเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-08-2015 04:48:39
อิพี่เอกแม่งปากเสีย -*-
ทำธนัทร้องไห้เลย
แต่ที่ใจร้ายกว่าคือคนเขียน ตัดจริงตัดจังงง T^T
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 12 [05/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-08-2015 05:09:25
หมั่นไส้ค่ะ จะซึนไปไหนคะพี่เอก  เดี๋ยวอกจะแตกตายนะคะ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 13 [08/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-08-2015 21:41:57



                                 Heart

                           หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                บทที่ 13


น้ำตาของธนัทยังคงไหลลงมาเป็นทางทั้งจากความตกใจและเสียใจเนื่องด้วยการกระทำ

ของศรุต การกระทำที่จาบจ้วงหยาบคายอย่างที่เขานึกไม่ถึงว่าจะมาจากคนที่ธนัทรักจนหมดใจ


การกระทำที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปทำอะไรให้ศรุตบรรลุโทสะได้มากขนาดนี้

แต่ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอันใดก็ตาม ศรุตไม่มีสิทธิ์ที่จะพิพากษาและลงทัณฑ์ด้วยความรุนแรง


ความทะนงตัวบังเกิดขึ้นในความคิดของธนัท ถึงแม้ว่าเขาจะรักศรุตมากแค่ไหนแต่เขาจะไม่ยอม

ให้ศรุตมาทำแบบนี้เพราะเขาไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร


ธนัทรวบรวมแรงเท่าที่มีอยู่ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วกระทืบไปที่เท้าข้างที่อยู่ฝั่งเดียวกันของศรุตเต็ม

กำลังจนศรุตสะดุ้งและร้องอุทานดังลั่น และทันทีที่ธนัทเป็นอิสระเขาฟาดฝ่ามือมากระทบใบหน้า

ของศรุตสุดแรงที่เขาจะมี  ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบยังไม่หนำใจหนุ่มน้อยยังผลักร่างของศรุต

จนเซไปชนแผ่นผ้าใบล้มระเนระนาด


เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลง ธนัทจึงได้มีเวลายืนหอบเอาอากาศเข้าไปจนแทบสำลักและเมื่อตั้งตัวได้

แววตาตัดพ้อนั้นก็ฉายชัดซ้ำมาอีกครั้งเมื่อมองไปยังศรุตที่ยกมือขึ้นกุมซีกใบหน้าที่มีรอยแดงเห่อขึ้นมา

อย่างชัดเจน


“ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตถ้าผมจะหันหลังให้ใครสักคน ชีวิตผมก็ยังเป็นของผม ไม่ต้องให้ใครมาสั่ง”


เสียงแข็งๆที่ธนัทไม่เคยใช้กับใครถูกนำมาใช้กับศรุต ยิ่งรักมากความน้อยใจก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นหลายเท่ากับ

สิ่งที่ศรุตกระทำไว้กับตน

ศรุตนิ่งงัน ความเจ็บปวดที่ถูกธนัทตบหน้าเรียกสติกลับคืนมาสู่เขา นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป หัวใจยิ่งหล่นวูบ

เมื่อเห็นร่างบางส่งสายตาแห่งความน้อยใจ ตัดพ้อ ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนหันหลังให้เขาแล้ววิ่งไป

ที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันเก่งแล้วบังคับมันให้ขับเคลื่อนหนีไปโดยที่คำห้ามปรามยังไม่ทันหลุดจากปาก


ศรุตได้แต่นิ่งมองจนธนัทหายไปลับตา ร่างสูงจึงได้เดินมาใช้แขนกวาดจานสีที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก

หล่นกระจายลงพื้นอย่างหงุดหงิด


“โว้ยยย”


“อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น”


เสียงศุภัคชญาดังขึ้นมาก่อนที่ตัวจะตามมาบนรถเข็นไฟฟ้า หญิงสาวได้ยินเสียงตะโกนลั่นของคนเป็นพี่

จึงวางมือจากงานให้ครัวออกมาภายนอก เพื่อที่จะเห็นพี่ชายทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กแล้วยกสองมือขึ้น

กุมศีรษะท่ามกลางข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มพื้น


“พี่เอกเป็นอะไร”


ศุภัคชญาวางมือบนบ่าของพี่ชาย แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอเชื่อว่าเป็นเรื่องรุนแรงเพราะเธอไม่

เคยเห็นอาการสติแตกของคนเป็นพี่ขนาดนี้


“แอม พี่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”


เขาเงยหน้าคุยกับน้องสาวเสียงแห้ง


“แอมเคยคิดถึงใครสักคนวนเวียนอยู่อย่างนั้นโดยหาสาเหตุไม่ได้ไหม อยากเห็นหน้า อยากคุยด้วย แล้ว

ก็ไม่ชอบเวลาที่คนๆนั้นไปแสดงท่าทีสนิทสนมกับคนอื่น”


ศุภัคชญาพิจารณาหน้าหมองของพี่ชายอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ


“อย่าบอกนะว่าพี่เอกกำลังมีความรัก”


ศรุตชะงักเมื่อคำพูดของคนเป็นน้องเหมือนไม้แหลมที่แทงเข้าไปตรงจุดบอดของหัวใจพอดิบพอดี

ความรู้สึกที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล่นปลาบตั้งแต่สมองลงสู่เท้ากับอะไรบางอย่างที่เค้าไม่อยากจะ

ยอมรับกับตัวเอง


นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรัก


กับเด็กคนนั้น หนุ่มน้อยหน้าหวานที่เขาเพิ่งทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ


ศุภัคชญาเลิกคิ้วมองคนเป็นพี่อย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรมากเพราะรู้ดีว่าถ้าคนเป็นพี่

ไม่ยอมบอกเองก็ไม่มีทางได้รู้ หญิงสาวจึงหันรีหันขวางมองไปทางประตูรั้ว


“แล้วนัทล่ะคะ แอมนัดกับนัทไว้ นี่กำลังทำของกินไว้รอรับอยู่เลย เมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงรถแว่วๆ แล้วหายไปไหน

เสียล่ะ”


“มาแล้ว แล้วก็ไปแล้ว”


“คะ”


ศุภัคชญาทำหน้างงๆ เมื่อได้ยิน


“อ้าว ทำไมนัทรีบกลับ”


หญิงสาวยิ่งงงหนักเมื่ออยู่ๆคนเป็นพี่ชายก็ลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วก้าวยาวๆไปที่รถ


ศุภัคชญาได้แต่ตะโกนตามหลัง


“พี่เอกจะรีบไปไหน”


คำตอบที่ได้จากพี่ชายก่อนที่ศรุตจะบังคับให้ยานยนต์ไฟฟ้าลอยขึ้นไปในอากาศก็คือ


“จะไปตามนัทกลับมาไง”


หญิงสาวมองยานยนต์ไฟฟ้าที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนหายไปลับตา สมองของเธอหมุนติ้วทำงาน

อย่างรวดเร็ว


ความรัก พี่เอกหงุดหงิด นัท...


เป็นไปไม่ได้


ศุภัคชญาเบิ่งตากว้างอย่างตกใจ ถึงแม้เธอจะอยากให้พี่ชายมีความรักแต่มันต้องไม่ใช่กับธนัท

ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน แม้ว่าเธอกับธนัทจะคบหากันเป็นเพื่อนก็ยากที่ศุภัคชญาจะยอมรับได้

หญิงสาวนิ่งคิดก่อนที่จะตัดสินใจบังคับให้รถเข็นไฟฟ้ากลับเข้าไปในตัวบ้าน ตรงเข้าไปหา

คอมพิวเตอร์เมนบอร์ดแล้วกดฟังค์ชั่นโทรศัพท์


“พี่มีนหรือคะ นี่แอมเองค่ะ”





ธนัทกลับมาถึงร้านต้นไม้ด้วยเปลือกตาที่บวมเป่งและดวงตาที่ยังแดงก่ำ น้ำตาภายนอกเหือดแห้งไปแล้ว

แต่ภายในมันยังไหลรินต่อเนื่อง หนุ่มน้อยจอดรถไว้หน้าร้านแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านหลังก่อนที่เขา

จะก้าวไปสู่เรือนกระจก โลกแห่งต้นไม้ที่ไม่มีวันทำร้ายเขา เหมือนใครบางคน


เดินไปที่ต้นไม้ต้นเล็กที่เพิ่งหอบหิ้วมาจากสวนของภามที่เขาเพิ่งจัดการปลูกลงดิน

ดอกสีชมพูสวยยังคงเกาะติดอยู่บนกิ่ง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กที่เขาใช้เวลานั่งขุดดินแล้วเอื้อมมือ

ไปลูบกลีบดอกแผ่วเบา


Bleeding Heart ชื่อมันช่างเศร้าเหมือนเขาตอนนี้ น้ำตาที่ว่าเหือดแห้งไปไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง

หนุ่มน้อยชันเข่าขึ้นมาแล้วซุกหน้าลงสะอึกสะอื้นอย่างไม่อายใครเมื่อได้อยู่คนเดียว


ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับศรุตในเมื่อตอนขาไปที่สวนของภาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังดูไปได้ดี ริมฝีปาก

ที่บรรจงจูบมากับความหวานที่มียังคงฝังแน่นอยู่ในความรู้สึก แล้วเกิดอะไรขึ้นตอนกลับมาจากสวน

จนกระทั่งถึงวันนี้ กับเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ศรุตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ธนัทเอื้อมมือมาแตะที่

ริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา เขายังรู้สึกเจ็บจากรอยกัดขบเม้มจากจุมพิตที่รุนแรงนั่น แต่ก็ไม่เท่ากับที่เจ็บตรงหัวใจ


เสียงประตูทางเข้าเรือนกระจกดังขึ้น ธนัทเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ สบตากันอยู่ครู่

หนึ่งก่อนที่เขาจะเบือนหน้ากลับหันไปให้ความสนใจกับต้นไม้ต้นน้อยที่อยู่ตรงหน้า

ศรุตยืนมองร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่หน้าตันไม้ด้วยดวงตาที่สำนึกผิดกับอารมณ์รุนแรงที่ทำลงไป


สมควรแล้วที่ธนัทจะเบือนหน้าหนี เขาถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้าไปใกล้ธนัท จิตกรหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง

กับพื้นดินเคียงข้างกับธนัทและนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ กลายเป็นธนัทที่อดรนทนไม่ได้กับความเงียบหนุ่มน้อย

เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา


“มาทำไม ใครใช้ให้มา”


ศรุตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยินเสียงแข็งจากร่างที่นั่งอยู่ข้างๆเขาได้แต่ตอบกลับเบาๆ


“มาเอง เป็นห่วงว่าเจ็บมากหรือเปล่า”


ธนัทแค่นยิ้ม ดวงตายังคงจับจ้องที่ต้น Bleeding heart ราวกับจะมองให้ทะลุกลีบบอบบางสีชมพูนั่น


“ยังไม่ตายหรอกครับ ไม่ต้องเป็นกังวล”


ศรุตกระพริบตาปริบๆเมื่อได้ยิน เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าเรียวที่ยังมีคราบน้ำตาเปื้อนเป็นทางอยู่บน

แก้มเนียนด้วยหัวใจที่หดเล็กลง ร่างสูงใช้แขนรั้งให้ร่างนั้นหล่นจากเก้าอี้ตัวน้อยก่อนที่จะดึงให้ธนัท

เอนกายมาพาดอยู่บนตัก แม้หนุ่มน้อยจะดิ้นรนศรุตก็รั้งต้นแขนให้ธนัทหยุดนิ่ง เขาใช้ปลายนิ้วค่อยๆ

ลูบไล้เช็ดคราบน้ำตาออกจนหมดจากใบหน้าของธนัทก่อนที่จะเลื่อนมาแตะตรงริมฝีปากที่มีร่องรอย

บอบช้ำจากฝีมือของเขา


“เจ็บมากไหม”


เขาถามอย่างเสียใจ


“ฉัน...ขอโทษ”


ธนัทเมินหน้าไปทางอื่น เขาบอกตัวเองว่าอย่าได้ใจอ่อนให้กับคนที่มีสีหน้าสลดอยู่ตอนนี้ง่ายๆเจ็บแล้วต้องจำ


“ถ้านายจะให้โอกาสฉันได้อธิบายเหตุผลบ้าง”


คนหน้าขรึมคิ้วขมวดเป็นปมกล่าวเสียงอ่อยๆ ดวงตาใสราวกับกระจกเป็นฝ่ายจ้องตากับศรุตด้วยโทสะบ้าง

เขาไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงไปมาของคนที่กำลังประคองให้เขานิ่งอยู่บนตัก เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย


“ผมไม่เห็นว่าพี่เอกจะมีเหตุผลตรงไหน”


ธนัทเสียงดังใส่หน้าศรุต


“ผมเห็นแต่อารมณ์เกรี้ยวกราดที่แสดงใส่ผม ผมไม่ใช่ถังขยะที่ต้องคอยมารองรับอารมณ์ อุ๊บ...”

เสียงขาดหายไปเพราะมันถูกปิดด้วยปากของศรุต



TBC



 :n1: :n1:






เกมพิศวาสซาตานร้าย ลงบทพิเศษแล้วนะคะ


อ่าน เกมพิศวาสซาตานร้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46102.0)


และกำลังจะเริ่มให้โอนเงินสั่งซื้อพรุ่งนี้นะคะ

 :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 13 [08/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-08-2015 21:42:45
ตัดอีกแล้ววว
โคตรค้างเลยยย
อิพี่เอกน่าจะรู้ตัวละว่าชอบนัท
แต่ดูท่าน้องสาวจะเริ่มป่วง -_-* ไปดึงมีนเข้ามาทำม้าย :hao7:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 13 [08/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-08-2015 22:12:04
เอะอะจูบๆๆ นะพี่เอก ฮ่าๆๆ
แต่ว่าน้องแอมจะโทรหามีนทำไมหว่า
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 13 [08/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-08-2015 22:33:11
แอมรับไม่ได้ตรงไหนคะ? ในเมื่อพี่เอกเขาเลือกแล้วว่าจะรักนัท แทนที่จะแสดงความยินดีกับพี่ชาย แต่นี่ไม่~ ดันเลือกที่จะเข้าไปยุ่มย่ามกับความรักของเขาทั้งสองคนเสียอย่างนั้นล่ะ หรือทั้งชีวิตนี้แอมคิดเพียงแค่ว่าความสุขของตัวเองเท่านั้นที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เฮ้อ~ เราว่านะ..ความหวังดีที่เห็นแก่ตัวแบบนี้แอมเก็บเข้ากรุไปเถอะนะคะ o18
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 13 [08/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-08-2015 04:08:41
อินังน้องแอม หล่อนกำลังจะทำอะไร จะขัดขวางความรักของนัทกับพี่เอกหรือไง ถึงได้โทรหาชะนีมีนเนี่ย :m16:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-08-2015 12:51:34



                                 Heart

                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                บทที่ 14



ธนัทรู้สึกเหมือนตัวเขาเบาหวิวจนแทบจะลอยได้

อารมณ์ที่ประดังเข้ามาทั้งความโกรธ น้อยใจ เสียใจ พลันแตกกระจายหายไปทั้งหมด

ที่มีอยู่ตอนนี้คือความหวิวไหวที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เมื่อศรุตบรรจงจุมพิตอย่างนุ่มนวล


มันช่างแตกต่างจากจูบแรกท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทอง จูบที่บอกถึงความวู่วาม สันสน งงงัน

และยิ่งต่างจากจูบที่เต็มไปด้วยโทสะ กราดเกรี้ยว รุนแรง ที่เกิดขึ้น ณ บ้านของศรุต


แต่ตอนนี้ เวลานี้  ศรุตทาบริมฝีปากลงไปปิดเสียงต่อว่าของเขา จนเสียงนั้นมีเพียงแค่อึกอัก

พึมพำอยู่ในลำคอเมื่อแนบริมฝีปากจนสนิท คนชำนาญการจูบอย่างศรุตก็ค่อยๆบังคับให้เขา

เปิดปากขึ้นรับจูบที่บดเบียด ในตอนแรกธนัทพยายามที่จะกัดฟันไว้ไม่ให้ปลายลิ้นอุ่นของศรุต

ล่วงล้ำเข้ามาภายในได้แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อศรุตใช้ปลายนิ้วบีบเบาๆเป็นการบังคับอยู่ตรงปลายคาง

และในที่สุดด้วยสติที่กำลังเตลิดธนัทก็ต้องยอมให้ศรุตล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากหวานจนได้


มือหนาอีกข้างวางแนบอยู่ที่ต้นคอแล้วบังคับให้หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นรับกับใบหน้าของเขาเท่านี้

จุมพิตของศรุตก็สมบูรณ์แบบ ลิ้นอุ่นตรงเข้าคลุกเคล้าเบียดร้อนจนหนุ่มน้อยแทบละลาย

ศรุตไล่ชิมความหวานไปทุกที่ จนเขารู้สึกได้ว่าไม่มีฟันซี่ไหนของธนัทที่ศรุตจะไม่แตะต้องไปถึง

ธนัทรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวาน คำขอโทษ คำปลอบประโลม จากจุมพิตของคนที่เขารักจนหมดใจ

ราวกับศรุตจะแสดงให้เขาได้รับรู้จากจุมพิตที่เนิ่นนานนี้


หนุ่มน้อยแทบจะเตลิดไปมากกว่านี้เมื่อมือที่จับอยู่ปลายคาง ค่อยๆ เลื่อนลงมาวางทาบอยู่

ที่สีข้างแนบไปกับเสื้อตัวบางอย่างจงใจ ธนัทต้องกลั้นใจเรียกสติกลับคืนมาก่อนที่เขาจะวางมือ

ทาบไปกับมือแกร่งอีกชั้นหนึ่งเป็นการปราม แล้วใช้อีกมือผลักที่แผ่นอกกว้างเบาๆ

ศรุตถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง เขาถอนหายใจยาวลึกเมื่อสบตากับธนัทด้วยดวงตาแวววับ

หนุ่มน้อยร้อนซู่ใบทั่วใบหน้าเมื่อรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีด หน้าเนียนแดงไปด้วยเลือดฝาดไปถึงใบหู

จนเขาต้องหลบตาไปมองทางอื่น


“คราวนี้อารมณ์ไหนอีกล่ะ ผมตามไม่ทันแล้ว”


ธนัทอุบอิบต่อว่าเบาๆ ก่อนที่เขาจะถูกศรุตดันร่างให้นั่งกับพื้นแล้วหันหน้ามาเผชิญซึ่งกัน


“ฉันคิดว่า ฉันชอบนาย”


“ฮะ อะไรนะครับ”


ธนัทอุทานอย่างแปลกใจพร้อมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังจากศรุต หนุ่มน้อยใช้นิ้วแคะหูตัวเอง

ก่อนถามออกไปอีกครั้ง


“ขออีกทีได้ไหมครับ ช้าๆ ชัดๆ”


ศรุตพรายยิ้มเมื่อได้ยิน


“ขออีกทีนี่ขออะไร ขอให้พูดใหม่ หรือขอให้จูบใหม่อีกรอบแบบช้าๆ ชัดๆ”


ใบหน้าที่เกือบเป็นปกติของหนุ่มน้อย กลับมาแดงเรื่ออีกครั้งจากคำพูดหน้าตายของศรุต


“พี่เอกครับ”


“โอเค ฉันคิดว่า ฉันชอบนาย ช้าและชัดพอไหม”


ศรุตรีบชิงพูดเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นของธนัท


“แล้วที่หงุดหงิดอารมณ์เสียก็เพราะเห็นนายไปกอดแถมคุยกับไอ้แห้งภามอะไรนั่นซะสนิทสนม

ตอนนั้นนึกอยากจะเข้าไปจับแยกแล้วโยนมันไปดาวอังคารมากเลย รู้ไหม”


ธนัทอ้าปากหวอก่อนที่จะค่อยๆ คลี่ยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินความในใจจากศรุต

แถมเมื่อเห็นคนตรงหน้าเก๊กขรึมทั้งที่โหนกแก้มแดงเรื่อ เสียงหัวเราะก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

คราวนี้เป็นคราวของศรุตบ้างที่ต้องปั้นหน้าตายทั้งที่รู้สึกเก้อเขินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ชายหนุ่มยกมือขึ้นบีบปลายคางธนัทเบาๆ เมื่อเห็นยังหัวเราะไม่หยุด


“ถ้ายังไม่หยุดหัวเราะ ระวังจะโดนปิดปากอีกรอบนะ”


ธนัทพยายามกลั้นหัวเราะจนสำเร็จ ดวงตาคู่หวานกลับมาสดใสอีกครั้งหนุ่มน้อยเอื้อมมือมาลูบไล้


ใบหน้าของศรุตข้างที่ยังมีรอยมือของเขาปรากฏอยู่


“เจ็บมากไหมครับ ผมขอโทษที่ตบหน้าพี่เอก”


ศรุตส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นมาเกาะกุมมือนุ่มอีกชั้นหนึ่ง


“ถ้าเทียบกับที่ฉันทำให้นายเจ็บและร้องไห้ นี่ก็สมควรแล้ว”


ดวงตาใสราวกระจกคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุขสมหวัง

ธนัทยิ้มให้ศรุตอีกครั้ง


“ขอบคุณมากสำหรับความรู้สึกดีๆที่พี่มีให้ผม ผมมีความสุขมากที่ความรักของผมที่มีต่อพี่ไม่สูญเปล่า”

ศรุตยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน


“นายเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันไม่อยากจะเก็บหัวใจไว้กับตัว ถ้าคนเราอยากจะให้หัวใจที่มีดวงเดียว

กับใครสักคนเพื่อบอกถึงความรู้สึกที่เขามี”


ศรุตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของธนัท


“สำหรับหัวใจของฉัน ขอให้นายเป็นคนเก็บรักษาไว้ได้ไหม”


น้ำตาแห่งความปีติหยดลงมาผ่านร่องแก้ม เมื่อธนัทได้ยินประโยคนี้หนุ่มน้อยพยักหน้ารับด้วยความตื้นตัน


“ด้วยความเต็มใจครับ และสำหรับหัวใจของผมพี่เอกคงรู้แล้วว่ามันอยู่กับพี่ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน”


...ตั้งแต่เด็ก...


ธนัทต่อคำพูดในใจ ก่อนที่เขาจะถูกดึงตัวให้เข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นที่เขาฝันถึงมาตลอด


“ผมขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”


หนุ่มน้อยส่งเสียงอู้อี้อยู่กับแผ่นอกกว้าง


“พี่เอกเลิกเรียกตัวเองว่าฉัน แล้วเรียกผมว่านายเถอะนะ”


ศรุตดันตัวธนัทออกจากอก แล้วใช้มือบีบที่จมูกเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว


“ได้สิ งั้นพี่จะเรียกตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกนายว่านัท โอเคไหม”


หนุ่มน้อยรีบพยักหน้าอย่างถูกใจ


“งั้นพี่เป็นฝ่ายขอบ้าง”


จิตกรหนุ่มทำตาดุใส่ พร้อมส่งเสียงเข้ม


“ห้ามนายไปทำตัวสนิทสนมเป็นพิเศษกับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่ได้ พี่ไม่ชอบ”


ธนัททำตาโตเมื่อได้ยิน แต่ในใจหนุ่มน้อยก็อดพองโตไม่ได้เมื่อรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ศรุตแสดงออกว่า

หึงและหวงเขาแค่ไหน


“โห พี่เอกครับ ถ้าขนาดนั้นผมคงต้องย้ายไปอยู่นอกกาแล็คซี่แล้วมั้ง จะได้คุยกับเอเลี่ยน

ไม่ต้องคุยกับคน”


“นัท”


ศรุคเรียกชื่อเสียงเข้มแล้วจึงโถมตัวเข้าใส่จนธนัทหงายหลังลงไปนอนกับพื้นดิน

ศรุตเอนกายไปทับร่างบางพร้อมกับก้มหน้าไปใกล้


“เอเลี่ยนก็ไม่ได้”


ศรุตพูดเป็นคำสุดท้ายก่อนก้มลงไปดื่มด่ำความหวานจากกลีบปากแดงเรื่ออีกครั้ง





ยานยนต์ไฟฟ้าค่อยๆ แล่นลงจอด แล้วศรุตกับธนัทก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความสุข

ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในบ้าน

ศรุตเกาะเกี่ยววงแขนของธนัทไว้ขณะเดินไปที่โต๊ะอาหารและเมื่อเห็นศุภัคชญากับจิรวิชญ์

ที่กำลังจัดวางอาหารมองตรงมาศรุตจึงได้ยอมคลายมือออกจากการเกาะกุม


“อ้าวเจมส์ วันนี้หยุดหรือไงถึงมาได้”


จิรวิชญ์ยิ้มให้กับพี่ชายข้างบ้าน


“คร้าบ ทำงานหนักก็ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างดิเดี๋ยวสมองแตกตายกันพอดี แล้วนี่พี่เอกไปรับนัทมาเหรอ

ถึงมาด้วยกันได้”


ศรุตได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อฟังคำถาม ธนัทเหลียวไปมองอย่างเข้าใจก่อนเป็นฝ่ายตอบ


“ใช่ครับ พอดีมีธุระด่วน ไปได้ต้นไม้ต้นใหม่มาปลูกแล้วมันยังไม่แข็งแรงเลยรีบกลับไปดูก่อน

พี่เอกเค้ากลัวเสียเวลาที่แอมนัดไว้เลยขับรถไปรับมา”


จิรวิชญ์พยักหน้ารับรู้ จะมีก็แต่ศุภัคชญาที่ทำหน้าแปลกๆเมื่อมองไปที่เพื่อนใหม่กับพี่ชาย


“แล้วปากของนัทไปโดนอะไรมา ทำไมมันช้ำอย่างนั้นล่ะ”


หญิงสาวคนเดียวเอ่ยถามอย่างแคลงใจ ธนัทจึงเป็นฝ่ายหน้าเจื่อนบ้างเมื่อคิดหาข้อแก้ตัว


“คือ...เรานอนดิ้นตกเตียงเมื่อคืนน่ะ ปากกระแทกพื้นเลยเป็นอย่างนี้แหละ”


ศุภัคชญามองอย่างไม่เชื่อถือ แต่ก็พยักหน้าเออออ


“กับข้าวเรียบร้อยแล้วนั่งกันได้เลยค่ะ แต่อย่าเพิ่งทานกันนะรอแขกของแอมอีกคนนึงก่อน”


ศรุตขยับตัวให้ธนัทนั่งคู่กับเขาพลางมองน้องสาวอย่างแปลกใจ


“อะไรกัน แอมมีแขกด้วยเหรอ พี่ไม่เห็นรู้เลย”


ศุภัคชญาที่บังคับรถเข็นไฟฟ้าให้ไปอยู่คู่กับจิรวิชญ์พูดตอบพี่ชาย


“ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรอกค่ะ พี่เอกก็รู้จักดี อ้าว...มาพอดี”


ศุภัคชญาทำท่าตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงเซ็นเซอร์ดังจากประตูรั้ว หญิงสาวรีบบังคับรถเข็นไฟฟ้าหายไป

ทางหน้าบ้านก่อนที่จะกลับมาพร้อมร่างโปร่งบาง ผมดำขลับปล่อยยาวสยายไปถึงกลางหลังกับ

ชุดเดรสสีน้ำทะเลเรียบหรูที่ขับผิวให้ผ่องขึ้น อาคันตุกะคนใหม่คลี่ยิ้มกว้าง เมื่อเดินตรงมาจนถึง

โต๊ะอาหารพร้อมรถเข็นของศุภัคชญา


ศุภัคชญายิ้มแย้มเมื่อเอ่ยแนะนำ


“พี่เจมส์ นัท สาวสวยคืนนี้ชื่อ มีน จ้ะ”



TBC

 :n1: :n1:








หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 12-08-2015 13:13:19
จิ้มมม
เขาคบกันแล้ววว
แต่ขัดใจแอม ทำงี้ได้ไง -*- โวะ!
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-08-2015 13:53:24
หวังว่าพี่เอกจะไม่ตามใจน้องสาวมากเสียจนลืมแคร์ความรู้สึกของน้องนัทนะคะ -*-
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-08-2015 14:35:49
พี่เอกกับนัทปรับความเข้าใจกันแล้ว  :katai2-1:  แต่ก็กลัวคุณน้องแอมจะจับคู่ให้พี่เอกกับมีนนี่สิ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-08-2015 14:48:50
พี่ชายที่แสนดี ดีจนเกินไป :z3:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 14 [12/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-08-2015 16:29:02
แอมชวนมีนมาทำมายยยยย
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-08-2015 17:56:47



                                   Heart

                              หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                  บทที่ 15



ยานยนต์ไฟฟ้าลอยขึ้นกลางอากาศแล้วแล่นออกจากเขตบ้านไกลจนลับสายตา

ของสองสาวที่ยืนมองด้วยความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน

ศุภัคชญาบังคับให้รถเข็นเลื่อนเข้ามาใกล้แล้วหยุดอยู่เคียงข้างร่างบางที่ทอดสายตา

ติดตามศรุตซึ่งอยู่ในยานยนต์คันนั้นจากไปพร้อมธนัท


“เป็นยังไงบ้างคะพี่มีน เมื่อได้เห็นด้วยตาและได้ยินด้วยหูแล้วพี่มีนคิดเหมือนที่แอม

คิดหรือเปล่า”


มีนถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความหนักใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บนโต๊ะอาหาร ตั้งแต่เธอเหยียบย่าง

เข้าไปและศุภัคชญาจัดให้เธอนั่งเคียงข้างอีกด้านหนึ่งของศรุต ถึงแม้รอยยิ้มเพียงเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน

จะเผื่อแผ่มาถึง แต่เมื่อเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความแปลกใจที่ได้เห็นการปรากฏตัวของเธอ

เมื่อนำไปเทียบกับยิ้มกว้างอย่างอบอุ่นที่หันไปมอบให้หนุ่มน้อยที่เธอเพิ่งรู้จัก มีนก็รู้สึกปวดหนึบในใจ

อย่างบอกไม่ถูก


ยิ่งเมื่อเห็นการดูแลเทคแคร์ตลอดมื้ออาหาร ในขณะที่เขาหันกลับมาพูดคุยกับเธอนับครั้งได้

หัวคิ้วสวยก็ขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด

เป็นไปได้หรือที่คนอย่างเฮอคิวลิสของเธอจะมีรสนิยมไปชอบเพศเดียวกัน หญิงสาวตระหนก

ในความคิดของตัวเอง ก่อนที่จะหันไปสบตากับศุภัคชญาด้วยความไม่แน่ใจ


“น้องแอมให้พี่มาเห็นมารับรู้เพื่ออะไรคะ”


สาวน้อยในรถเข็นสบตาตอบมีนด้วยความอัดอั้น


“แอมเพิ่งสังเกตเห็นวันนี้เองว่าท่าทีที่พี่เอกมีต่อนัทเปลี่ยนไป จริงๆ แล้วแอมชอบนัทในความเป็นเพื่อนนะคะ

แต่แอมรับไม่ได้ถ้านัทจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นกับพี่เอกพี่ชายคนเดียวของแอม”


ศุภัคชญามองมีนอย่างตัดสินใจ


“แอมจะบอกความลับพี่มีนเรื่องนึง เป็นเรื่องที่ลับที่สุดของพี่เอกก็คือเรื่องเดียวกับที่พี่มีนสงสัย

พี่เอกคือเฮอคิวลิสจริงๆ”


มีนอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง ในที่สุดข้อสงสัยที่เธอมีก็เปิดเผย ศรุตคือเฮอคิวลิส


“แอมดูออกว่าพี่มีนชอบพี่เอกเพราะพี่เอกช่วยชีวิตพี่มีนไว้ ใช่ไหมคะ”


“ใช่ แอมเข้าใจถูกต้องแล้ว พี่รักเฮอคิวลิส ดังนั้นถ้าพี่เอกของแอมคือเฮอคิวลิส พี่ก็รักพี่เอก”


มีนตอบรับอย่างมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง ทำให้ศุภัคชญายิ้มอย่างพึงพอใจ


“แล้วทำไม พี่มีนจะไม่ลองเอาชนะใจพี่เอกดูหน่อยล่ะคะ พี่มีนสวยและน่ารักออกอย่างนี้ใครๆ

ก็รักพี่มีนได้ไม่ยาก แล้วแอมจะช่วยพี่มีนด้วย พี่มีนคิดว่าจะทำให้พี่แอมหันกลับมาในทางที่ถูกต้องได้ไหม”


มีนชะงักกับคำถามและข้อเสนอของศุภัคชญา


ชีวิตที่เฉียดตายมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้มีนรู้ถึงคุณค่าของทุกวินาทีที่ผ่านไป จะเป็นไรไปถ้าเธอจะทำทุกอย่าง

เพื่อให้ได้คนที่เธอรักมาครอบครองเพื่อความสุขของเธอ


“ตกลงตามนั้นจ้ะแอม”


มีนตอบรับข้อเสนอ

อิริยาบททั้งหมดของศุภัคชญาและมีนอยู่ในสายตาของจิรวิชญ์ ที่มองอยู่ไกลออกไปด้วยความสงสัย





แสงสว่างลับขอบฟ้าไปแล้วเมื่อศรุตขับยานยนต์ไฟฟ้ามาส่งธนัทที่โอลทาวน์ ความมืดที่ปกคลุมโดยรอบ

ทำให้ศรุตหันมองไปมาอย่างแปลกใจ

เมืองท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เงียบสงบ ยิ่งเมื่อค่ำลงแสงจากไฟฟ้าที่ส่องสว่างจากที่พักอาศัยมีเพียงเล็กน้อย

พอใช้สอย เมื่อเทียบกับในตัวเมืองที่ไม่มีวันหลับใหลอย่างในนิวซิตี้ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ ชายหนุ่มกลับเริ่มนึกชอบ

กับบรรยากาศแบบนี้และยิ่งเมื่อเดินตามธนัทเข้าไปในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ 


ศรุตเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าผ่านเพดานกระจก เขาถึงกับอึ้งในความงามของดวงจันทร์ที่ส่องแสงสุกสกาว

ข่มดวงดาวระยิบระยับที่ลอยเกลื่อนผืนฟ้าสีดำ ราวกับเป็นฉากส่งให้ทุกอย่างยิ่งงดงามเป็นทวีคูณ

ชายหนุ่มรีบเอ่ยห้ามเมื่อได้ยินธนัทกำลังจะออกคำสั่งเปิดไฟด้วยเสียง ก่อนที่จะเดินมาหยุดต่อหน้าธนัท

ในความมืด


“ทำไมไม่ให้เปิดไฟล่ะครับ แล้วจะมองอะไรเห็น”


ธนัทเอ่ยถามด้วยความสงสัยกับการกระทำของศรุต ที่เงยหน้ามองขึ้นไปมองท้องฟ้า


“พี่ไม่เคยเห็นท้องฟ้า ดวงจันทร์ ดวงดาว อย่างนี้มานานมากแล้ว ขอดูชัดๆ หน่อยเถอะมันสวยมากเลย”


ธนัทอมยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ ก็ความสดใสอย่างนี้มิใช่หรือที่เขาอยากจะเห็น

จากศรุต


“ดีใจนะที่พี่เอกชอบ นึกว่าจะเบื่อกับความเงียบของบรรยากาศแถวนี้เสียอีก”


ศรุตละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้ามามองความระยิบระยับจากดวงตาของธนัทราวกับจะอวดแสงแข่งกับ

ดวงดาวเบื้องบน


“ไม่เบื่อเลย แถมชอบอีกต่างหาก ยิ่งถ้ามีนัทอยู่ด้วยยิ่งชอบมาก”


ธนัทหัวเราะคิกกับคำหวานที่เพิ่งเคยได้ยินจากศรุตเป็นครั้งแรก หนุ่มน้อยนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินจากหน้าขรึมๆ

ของคนตรงหน้า ส่วนศรุตเมื่อเห็นใบหน้าหวานๆ ที่กำลังกลั้นหัวเราะ เขาก็อดใจไว้ไม่อยู่ที่จะเอื้อมไปรั้ง

เอวคอดให้ขยับเข้ามาใกล้ แล้วใช้มือบีบจมูกโด่งอย่างมันเขี้ยว


“หัวเราะอะไรนักหนา เจ้าเด็กทะเล้น”


ธนัทพยายามกลั้นหัวเราะจนสำเร็จแล้วส่งยิ้มหวานให้คนที่อยู่ใกล้จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ


“ไม่นึกว่าพี่เอกจะพูดหวานๆ เป็นกับเขาด้วย”


ธนัทได้ยินศรุตทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเหมือนเด็กถูกขัดใจ ก่อนที่ร่างจะยิ่งถูกดึงเข้าไปชิดใกล้จนแทบไม่เหลือ

ช่องว่าง


“ก็พูดกับนัทคนเดียวเท่านั้น นี่...รู้อะไรไหม”


ศรุตตั้งคำถามเมื่อยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แก้มเนียนอย่างอ่อนโยน


“ที่พี่ต้องยอมแพ้ก็เพราะยิ้มหวานๆ อย่างนี้แหละ ขอร้องเลยนะว่าอย่าไปยิ้มให้ใครอย่างนี้อีกมีให้พี่

คนเดียวพอ”



“คร้าบผม”


หนุ่มน้อยส่งเสียงล้อเลียนด้วยดวงหน้าซุกซน จดศรุตต้องหอมไปที่หน้าผากมนอย่างเอ็นดูแล้วดึง

ร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด


ธนัทหัวใจเต้นแรงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น มันช่างคุ้นเคยกับสัมผัส ผนวกกับบรรยากาศชุ่มชื้นของ

พรรณไม้และดวงดาวที่ดารดาษบนท้องฟ้า จนต้องน้ำตาซึมกับความรู้สึกที่ราวกับหลุดออกมาจาก

ความฝันที่เกิดขึ้นกับเขาบ่อยครั้ง


ศรุตลูบแผ่นหลังของหนุ่มน้อยเบาๆ เมื่อธนัทซุกหน้ากับบ่ากว้างอย่างโหยหา เขาเอ่ยถามอย่างใส่ใจ


“เป็นอะไรไปอีกล่ะ อยู่ๆก็เงียบไป”


ธนัทดันตัวเองให้พ้นบ่าอันอบอุ่น แล้วพูดเสียงนุ่ม


“มันเหมือนในความฝันเลยครับ พี่เอกรู้ไหม ผมฝันถึงบรรยากาศแบบนี้บ่อยมาก แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่า

มันจะมีวันเป็นไปได้จนกระทั่งวันนี้”


ศรุตมองสบตาที่ใสราวกระจก


“ลืมมันไปซะว่าเป็นความฝัน ในเมื่อตอนนี้มันคือความจริงที่จับต้องได้”


เขาดึงมือนุ่มของธนัทมาวางไว้แนบแก้มของเขา


“ความจริงคือพี่อยู่ตรงนี้กับนัท ความจริงที่ว่าพี่รักนัท และเรารักกัน”


ทันทีที่คำพูดจบลงศรุตก็โน้มใบหน้าไปแนบชิดประกบริมฝีปากจนแนบสนิท มือแกร่งดึงร่างบาง

เข้ามาใกล้ จนต้นขาต่างบดเบียดแนบแน่น

ศรุตใช้ฝ่ามือวางที่กึ่งกลางระหว่างท้ายทอยกับต้นคอแล้วดันศีรษะหนุ่มน้อยเข้ามา ริมฝีปากของธนัท

ก็ยิ่งตอบรับเมื่อเขาส่งปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไป


“อื้มม…”


ธนัททนไม่ไหวจนต้องส่งเสียงครางกับความหวานที่ศรุตปรนเปรอให้ และเมื่อยิ่งศรุตปล่อยให้

ริมฝีปากของธนัทเป็นอิสระแต่กลับเลื่อนเป้าหมายเมื่อใบหน้าคมวางแนบที่ต้นคอขาวเนียน

แล้วเม้มไปเบาๆ เสียงครางยิ่งดังลึกมาจากลำคอของหนุ่มน้อย


หัวใจของธนัทเต้นรัวเร็วจนรู้สึกได้เมื่อมือหนาค่อยๆ สอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดสแปนเด็กซ์เนื้อดี ก่อนจะไป

หยุดนิ่งกับเนื้อเนียนที่แผ่นหลัง เขาค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนที่ธนัทจะค่อยๆดันตัวศรุต

ออกอย่างยากเย็น ศรุตมองธนัทด้วยความเสียดายแกมสงสัย ธนัทยกมือขึ้นลูบไปที่ใบหน้า

ของศรุตอย่างขอลุแก่โทษ


“ผมยังไม่พร้อมครับพี่เอก ขอโทษนะ”


ศรุตเองก็พยายามควบคุมตัวเองอย่างยากลำบากที่รู้สึกปรารถนาในตัวหนุ่มน้อยมากขึ้นทุกที

เขายิ้มอย่างเข้าใจ


“ไม่เป็นไร พี่ก็ขอโทษเหมือนกัน มันคงเร็วไป”


ศรุตถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเห็นแววตาหมองลงของธนัท


“พี่จะรอนะ รอวันที่นัทพร้อม แต่ตอนนี้ดึกแล้วพี่คงต้องกลับเสียทีเดี๋ยวยายแอมเป็นห่วงแย่”


เขามองหน้าหวานที่เริ่มดีขึ้นมาบ้าง


“ก่อนกลับขอจูบลาอีกสักรอบได้ไหม นัทครับ”


น้ำเสียงที่เรียกชื่อธนัทแผ่วเบาอ่อนโยนและหวานละมุนจนหนุ่มน้อยต้องเป็นฝ่ายเอียงหน้าไปประกบ

ริมฝีปากนั้นอย่างห้ามใจไม่อยู่ก่อนที่ศรุตจะลาจากไปอย่างอ้อยอิ่ง ท่ามกลางดวงดาวและดวงจันทร์

ที่ลอยอยู่กลางฟ้า






TBC

 :n1: :n1:





หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-08-2015 19:58:56
แอมรับไม่ได้ซะงั้น ไม่เห็นหรอว่าพี่เอกกับนัทเวลาอยู่ด้วยกันเค้าน่ารักขนาดไหน
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-08-2015 20:21:36
เจ้ากี้เจ้าการนะคะคุณน้องแอม  :m16:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-08-2015 10:58:10
หมั่นไส้แอมกะมีนอ่ะ -_-^
ไปยุ่งเรื่องของเขาจริงวุ้ย

พี่เอกกะนัทนี่หวานกันจริงๆ :-[
รอวันที่นัทพร้อม คิกๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-08-2015 11:38:33
ความรักที่พี่เอกกับนัทมีมันจะถูกหรือว่าจะผิดก็ไม่ใช่หน้าที่ที่แอมจะมาตัดสินแทนใครได้หรอกนะคะ :m16:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 15 [17/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 22-08-2015 11:41:28
เฮ้อ...
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-08-2015 20:34:42



                                     Heart

                              หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                   บทที่ 16




“เฮ้ย อะไรนะ พูดใหม่อีกที มึงอะนะชอบผู้ชายด้วยกัน”


แล้วนายแพทย์ชินวุฒิก็หัวเราะลั่นเมื่อคำพูดของเขาจบลง

ศรุตหรือเฮอคิวลิสขณะที่อยู่ในคลินิกลับนั่งหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนเป็นเพื่อน

เขาคว้าปากกาเขียนจอLCD ขึ้นมาแล้วขว้างใส่ชินวุฒิ ดีว่าชินวุฒิมือไวรับไว้ทันก่อนที่จะค่อยๆ

เบรกเสียงหัวเราะของตนเพราะรู้ว่าคนเป็นเพื่อนเริ่มเคือง


“เอาจริงเหรอวะไอ้เอก แล้วจะเอาไอ้เสือเงียบกินผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเพื่อนกูไปไว้ไหน”


ชินวุฒิหยอกเอินศรุตได้แต่ถอนใจ


“ทำไงได้ล่ะไม่ทันตั้งตัว รู้สึกตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”


คราวนี้ชินวุฒิหยุดหัวเราะ แล้วหันมาจริงจัง


“แล้วมึงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างเหรอ ที่ไปหลงรักผู้ชายด้วยกัน”


ศรุตนิ่งอึ้ง เขานึกเรียบเรียงความรู้สึกทั้งหมดตั้งแต่รู้จักธนัทจนถึงวันนี้เพื่อตอบคำถามคนเป็นเพื่อน


“ตอนแรกก็ไม่อยากจะยอมรับความจริงหรอก รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่พอเข้าใจความรู้สึกตัวเอง

มันก็ยอมรับได้ แล้วยิ่งพอได้ เอ่อ...ก็ยิ่งชอบ”


“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวนะ”


ชินวุฒิยกมือห้ามไว้


“มึงเคลียร์ก่อนเลย ไอ้ เอ่อ ของมึงแล้วละไว้ให้กูเข้าใจเองเนี่ย ช่วยบอกกูหน่อยว่ามันคือ

เอ่อ อะไรของมึง หรือว่า อย่าบอกนะว่ามึง…”


ชินวุฒิทำตาเหลือกเมื่อเห็นโหนกแก้มของคนเป็นเพื่อนเริ่มมีสีชมพูอย่างที่เขาไม่เคยเห็น


“กูแค่จูบ มึงอย่าเพิ่งคิดไปไกลกว่านั้น”


ศรุตอ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่วเบา ชินวุฒิได้ยินแล้วก็ยกปลายนิ้วนวดขมับ


“โอยเอก มึง...แค่ได้จูบมึงยังเป็นเอามาก นี่ถ้ามึงได้อะไรๆ มากกว่านั้น กูว่ามึงหนักกว่านี้แน่

แล้วนี่น้องสาวสุดที่รักของมึงรู้หรือยัง”


ศรุตส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจ ชินวุฒิเห็นแล้วก็อดมองด้วยความเห็นใจไม่ได้


“ไม่ใช่แค่น้องมึงนะ ผู้หญิงที่อยู่ล้อมรอบตัวมึงอีกล่ะ มึงจะบอกเค้ายังไง”


คราวนี้ศรุตเงยหน้ามองชินวุฒิบ้าง


“ตอนนี้กูไม่ได้คบกับใคร”


“แล้วมีนล่ะ”


สายตาของชินวุฒิมีร่องรอยหวั่นไหวเมื่อกล่าวถึงชื่อนี้ ยิ่งทำให้ศรุตงงงันหนักกว่าเดิม


“มีนมาเกี่ยวอะไรด้วย”


“อย่าบอกนะว่าพอมึงหันไปชอบผู้ชายด้วยกันแล้วมึงดูไม่ออก เมื่อคราวที่เจอที่โรงพยาบาล


คราวก่อนโน้นกูดูแวบเดียวก็รู้ว่าเค้าสนใจมึงอยู่”


ปลายเสียงที่เปลี่ยนไป ทำให้ศรุตมองเพื่อนอย่างสงสัย


“ชิน มึง...ไอ้ที่มาคลินิกบ่อยๆ ตอนที่เค้ามารักษาตัวนี่เป็นเพราะมึงชอบมีนเหรอ”


“แล้วแปลกตรงไหน”


ชินวุฒิย้อนถาม


“มีนทั้งสวย น่ารัก แถมยังน่าสงสารอีกกูไม่ชอบสิแปลก แต่ถึงชอบก็คงทำอะไรไม่ได้ในเมื่อในสมอง

ของมีนมีแต่เฮอคิวลิสเต็มไปหมด กูก็คงเป็นได้แค่ผู้ช่วยพระเอก”


ศรุตเลิกคิ้วที่ได้ฟังคำตอบจากคนเป็นเพื่อน


ชินวุฒิชอบมีน
















ศรุตวางพู่กันลงบนจานสีแล้วก้าวถอยหลังมามองภาพวาดที่เสร็จสิ้นลงอย่างพึงพอใจ

นานเท่าใดแล้วที่เขาเปลี่ยนมาวาดภาพแอ็ปสแต็กโดยว่างเว้นจากการวาดภาพทิวทัศน์

อย่างที่เคยชอบมากในอดีตจนกระทั่งเมื่อได้มาพบธนัทที่ทำให้โลกของเขาขยายขนาดขึ้น

หลุดพ้นจากกรอบที่มีแค่นิวซิตี้ที่กว้างใหญ่ออกสู่โลกที่กว้างกว่า เขาจึงได้หันกลับมาวาดภาพ

ทิวทัศน์อีกครั้ง และภาพเซ็ทนี้ก็เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก จิตกรหนุ่มยอมรับว่า

ตั้งแต่เขาและธนัทเข้าใจความรู้สึกของกันและกันจนเวลาล่วงเลยมาเกือบสองเดือน

ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากมาย


ธนัทพาเขาไปในที่ที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายไป ศรุตได้เรียนรู้เรื่องต่างๆจากธนัทจนเขาคิดขนาดว่า

หนุ่มน้อยที่เขาตกหลุมรักช่างรู้จักโลกกว้างมากกว่าเขาที่มีอายุมากกว่าและยิ่งเมื่อได้ใกล้ชิด

ศรุตบอกกับตัวเองได้เลยว่า ความรักที่มีให้หนุ่มน้อยช่างมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งความปรารถนา

ที่จะได้เป็นเจ้าของร่างกายที่เนียนนุ่มนั้นก็ยิ่งโหมกระพืออยู่ในจิตใจ


“ผมขอเวลาอีกนิด”


น้ำเสียงเว้าวอนอ้อนออดรวมทั้งดวงตาเศร้าสร้อยนั่นก็ช่างทำให้เขาใจอ่อนได้เสมอ

เมื่อร่างกายเกิดความต้องการตามธรรมชาติและจำเป็นต้องหักห้ามมันไว้เมื่อธนัทยังไม่ยินยอม


“ผมไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นของพี่เอกแต่ผมมีความจำเป็นจริงๆ ที่ยังเป็นไม่ได้ตอนนี้

ขอเวลาอีกสักนิด แล้วผมจะเป็นของพี่ทั้งตัวและหัวใจ”


เมื่อได้ยินคำพูดนั้นศรุตก็ได้แต่ถอนหายใจ และรอคอย


เสียงก้าวเดินตรงเข้ามาในการรับรู้ ศรุตยิ้มอย่างยินดี


“นัท อ้าว มีนหรือ”


ยิ้มกว้างนั้นค่อยๆคลายลงจนเหลือเพียงบางเบาเมื่อเหลือให้หญิงสาว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความหนักใจ

พักหลังมามีนและแอมสนิทกันอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มมองว่าอาจจะเป็นเพราะทั้งสองผ่านชะตากรรม

อันเลวร้ายจากการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะจึงทำให้คบหากันได้ นี่คือเหตุผลที่ศรุตพยายามนำมาหักล้าง

เหตุผลที่ว่า มีนกำลังพยายามยัดเยียดตัวเองมาให้เขา


หญิงสาวหน้าตาคมเข้มฝืนยิ้มมาให้เขาเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว เธอเดินก้าวมาใกล้แล้วมองทาง

ชายหนุ่มด้วยดวงตาที่ไม่มีความรื่นเริงหลงเหลืออยู่


“ทำไมคะ คิดว่าเป็นนัทหรือ พี่เอกคงเสียใจที่เป็นมีน”


น้ำเสียงตัดพ้อนั้น ทำให้ศรุตลอบถอนใจ


“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกมีน พี่ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แขกมาบ้านพี่ก็ยินดีต้อนรับเสมอ”


“แขก นี่พี่เอกยังคงมองมีนว่าเป็นแขก แล้วนัทล่ะคะเป็นแขกของพี่เอกด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่

ทำไมพี่ปฏิบัติต่อแขกสองคนของพี่ไม่เท่าเทียมกันเลย”


ศรุตอึ้งเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เขามองมีนอย่างแปลกใจที่หญิงสาวเริ่มหลุดจากการควบคุมตนเอง


“มีน ใจเย็นสิ”


มีนสบตากับชายหนุ่มด้วยดวงตาแดงก่ำเมื่อนึกน้อยใจชายตรงหน้ากับการกระทำที่เหมือนไม่มีเธอ

อยู่ในสายตาตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายรักและแสดงออกให้รู้ หญิงสาวไม่เชื่อว่าศรุต

จะโง่จนดูไม่ออก เหลือเพียงอย่างเดียวคือเขาไม่มีใจให้เธอ


กลับกันกับเด็กหนุ่มที่ชื่อธนัท มีนเห็นศรุตยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแลเทคแคร์ทุกเวลาที่ผู้ชายคนนี้มาที่บ้าน

เวลาเดียวกับที่เธอมา ศรุตจะเห็นเธอเป็นแค่ “เพื่อนของแอม” เท่านั้น แล้วยิ่งถ้าเป็นเวลาที่พวกเขา

อยู่กันตามลำพัง การแสดงออกจะชัดเจนแค่ไหน หญิงสาวคิดอย่างปวดใจ


มีอะไรที่ผู้หญิงอย่างเธอจะสู้ไม่ได้ มีนดึงความมั่นใจในตัวเองออกมา เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวไปหา

ร่างสูงนั้นจนใกล้ชิด มือเรียววางทาบไว้ที่แผ่นอกกว้างผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มแล้วหญิงสาวจึงเงยหน้า

ไปมองหน้าคมที่อยู่ใกล้แค่คืบ


“มีนรู้ ว่าพี่เอกก็รู้ว่ามีนคิดยังไงกับพี่เอก”


“มีน อย่าทำอย่างนี้”


ศรุตกล่าวห้ามเสียงเข้มพร้อมด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ถ้าเป็นสมัยก่อนเพียงแค่มีนรุกแค่นี้เขาก็กระโจนรับ

อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเมื่อเขาได้เจอกับธนัท

ศรุตพยายามใช้มือดันไหล่หญิงสาวให้ออกจากตัวอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

เมื่อมีนยิ่งเบียดตัวแนบชิดและคว้ามือข้างหนึ่งของศรุตมาวางแนบที่แก้มของเธอ


“พี่เอก ดูมีนให้เต็มตา มีนสวยไม่พอสำหรับพี่เอกหรือคะ หรือว่า...”


มีนคว้ามืออีกข้างของศรุตบังคับให้มาวางที่เอวบาง


“มีนรูปร่างไม่ดีในสายตาของพี่เอก พี่ช่วยบอกมีนมาหน่อย”


“มีน หยุดได้แล้ว”


ศรุตส่งเสียงดุออกไปและพยายามจะชักมือกลับ แต่ดูเหมือนจะยากเย็นเหลือเกินเมื่อในตอนนี้มีนฟิวส์ขาด

เสียแล้ว หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมายเอื้อมมือทั้งสองไปโน้มคอของศรุตอย่างแน่นหนาก่อนพูดอย่างท้าทาย


“ธรรมชาติสร้างให้ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิง พี่เอกคงไม่ปฏิเสธ มีนไม่รู้ว่านัทไปทำยังไงพี่เอกถึงได้หลงหัวปักหัวปำ

แต่มีนไม่ยอม”


มีนมองศรุตอย่างหลงใหล


“มีนรักพี่เอก เฮอคิวลิสต้องเป็นของมีน มีนจะทำให้พี่เอกลืมความสัมพันธ์จอมปลอมกับผู้ชายด้วยกัน

แล้วหันมารักมีน”


จบประโยค มีนก็ทำในสิ่งที่ศรุตคาดไม่ถึง


หญิงสาวโน้มคอศรุตลงมาแล้วส่งริมฝีปากของเธอไปบดเบียดแนบแน่นกับริมฝีปากของชายหนุ่มโดยที่

ศรุตไม่ทันตั้งตัว


รวมทั้งคนที่เพิ่งมาถึงและจอดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอยู่หน้าประตูรั้วที่มองเข้ามาเห็นอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน


ดวงตาคู่หวานปวดร้าวเมื่อเห็นภาพนั้น

ชายหนุ่มร่างสูงสง่ากับหญิงสาวที่สวยและอ่อนหวานยืนจูบกันที่ลานกว้างหน้าบ้าน

ไม่ได้ดูแปลกตาสำหรับผู้พบเห็น และดูเหมาะสมกันด้วยซ้ำกับภาพลักษณ์ภายนอก

ธนัทกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนที่จะกลับหลังเดินไปที่ยานพาหนะคู่ใจ

สตาร์ทเครื่องและขับมันลอยขึ้นไปกลางอากาศด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำ








TBC





 :mew6: :mew6:






หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-08-2015 20:45:10



                                     Heart

                               หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                    บทที่ 17



“หยุดเดี๋ยวนี้นะมีน นี่คุณคิดอะไรของคุณ”


ชายหนุ่มกระชากเสียงห้วนหลังจากที่เบี่ยงตัวออกจากการกอดรัดและผลักไหล่

หญิงสาวจนเซพ้นตัว เกิดมาในชีวิตนี้ศรุตไม่เคยโมโหและรู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนไหน

จนกระทั่งวินาทีนี้กับมีน


ใบหน้ากลับมาเครียดขรึมกรุ่นด้วยโทสะกับสิ่งที่มีนทำ แต่สิ่งที่ทำได้คือต้องยืนกัดฟันระงับอารมณ์

เนื่องจากไม่อยากที่จะต่อว่าคนที่เป็นผู้หญิง


“พี่เอก เกิดอะไรขึ้นคะ”


ศุภัคชญาโผล่หน้าออกมาจากในบ้านพร้อมจิรวิชญ์ และเมื่อเห็นมีนยืนนิ่งมือทั้งสองกำแน่นน้ำตาไหลพราก

ศุภัคชญาถึงกับอุทานด้วยความตกใจก่อนที่จะบังคับรถเข็นไฟฟ้าเข้ามาหยุดเคียงข้างมีนอย่างรวดเร็ว


“พี่เอกทำอะไรพี่มีน”


ศุภัคชญากล่าวเสียงเข้มกับพี่ชายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ส่งผลให้คนเป็นพี่หันมามองแล้วสบถในลำคอ

อย่างฉุนเฉียว


“เธอถามพี่หรือแอม ถามว่าพี่ทำอะไรเพื่อนเธอ เธอลองถามเพื่อนเธอดีกว่าว่าทำอะไรลงไป”


ศุภัคชญามองหน้าพี่ชายแล้วหันไปสบตากับมีน หญิงสาวพอจะเดาเรื่องได้จึงเอ่ยเสียงดัง


“พอกันที แอมจะไม่ทนกับพี่เอกอีกแล้ว เรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นเพราะพี่เอกนั่นแหละ ที่ดันไปชอบนัท

ทั้งๆที่มีผู้หญิงที่เหมาะสมอย่างพี่มีนอยู่แล้ว แอมรับไม่ได้ที่พี่เอกจะไปชอบผู้ชายด้วยกัน”


เมื่อได้ยินที่ศุภัคชญาพูด ทั้งศรุตและจิรวิชญ์ต่างก็ยืนอึ้ง ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป

จิรวิชญ์มองหน้าศรุตสลับกับศุภัคชญาอย่างคาดไม่ถึง เขาอุทานเสียงแผ่ว


“พี่เอกชอบนัทเหรอ ชอบแบบแฟนเนี่ยนะ”


ส่วนศรุตอึ้งเพราะนึกไม่ถึงว่าศุภัคชญาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งที่เขายังไม่ได้บอกให้รู้


“แอมอย่าบอกนะว่ารู้อยู่แล้ว แล้วก็ทำตัวเป็นแม่สื่อพามีนมาเพราะเหตุผลนี้”


ชายหนุ่มครางเสียงเบาด้วยความผิดหวังในตัวน้องสาว ศุภัคชญาเชิดหน้าขึ้นด้วยทิฐิ


“แล้วถ้าใช่ พี่เอกจะทำไม อย่ามองแอมด้วยสายตาแบบนี้นะ”


ศุภัคชญาตะโกนเสียงด้งเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และคาดไม่ถึงจากพี่ชาย

เธอผิดอะไรที่อยากให้พี่ชายที่เธอรักพบเจอแต่สิ่งที่ดีและถูกต้อง แล้วทำไมเธอต้องมาถูกลงโทษ

ด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากศรุต


“พี่เสียใจที่เธอไม่เข้าใจพี่ ทั้งที่เธอเป็นคนเดียวที่น่าจะเข้าใจ”


ศรุตพูดเสียงเย็นชาใส่น้องสาว


“พี่บังคับใจให้เลิกรักนัทไม่ได้ พอๆกับที่ทำใจให้รักมีนอย่างที่เธอต้องการไม่ได้เพราะความรัก

มันถูกสั่งการด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยสมอง”


เขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่เพื่อให้น้องสาวได้คิดตาม


“ความรักมันไม่เกี่ยวกับเพศ แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่คนสองคนจะมีให้กันส่วนคุณนะ มีน...”


เขาหันไปมองด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว จนมีนสะดุ้งวาบ


“เลิกเพ้อฝันกับไอ้เรื่องวีรบุรุษเฮอคิวลิสอะไรนี่ได้แล้ว ใช่ผมคือเฮอคิวลิส...แล้วไง พ่อคุณจ่ายให้ผม

มาสิบล้านเอเชียดอลล่าร์เพื่อแลกกับชีวิตคุณ ผมก็ทำไปเพื่อเงิน ผมไม่ได้วิเศษอะไรอย่างที่คุณคิดสักนิด

แต่ถ้าคุณอยากจะเพ้อหาคนที่ช่วยคุณจริงๆน่ะ  โน่น ไปเพ้อหาไอ้หมอชินวุฒิเพื่อนผม มันเป็นคนช่วยคุณไว้

ไม่ใช่ผม”


จบประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตที่ศรุตเคยพูดมา ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ

ศรุตมองหน้าทั้งศุภัคชญาและมีนสลับกันก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อระงับโทสะ

แล้วจึงหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นชั้นสองเข้าไปในห้องส่วนตัว อีกสามคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงกระแทกประตูอย่างดังของศรุต


มีนเป็นคนแรกที่ได้สติ หญิงสาวยกปลายนิ้วขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงถือดี


“พี่ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะคะแอม ถ้าทำให้พี่เอกเลิกรักนัทไม่ได้ พี่ก็จะทำให้นัทไปให้พ้นจากพี่เอก”


มีนเงยหน้าขึ้นไปมองห้องของศรุตบนชั้นสองอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป

ที่ยานยนต์ไฟฟ้าของเธอ คงเหลือทิ้งไว้แต่ศุภัคชญากับจิรวิชญ์ หญิงสาวหน้าหมองลงเมื่อเห็นท่าทีที่ระอุ

ด้วยโทสะของคนเป็นพี่

ศุภัคชญาบังคับรถเข็นให้มาเคียงข้างจิรวิชญ์แล้วกล่าวทั้งน้ำตา


“พี่เจมส์ ทำไมพี่เอกไม่เข้าใจแอมเลย”


จิรวิชญ์ถอนหายใจเมื่อเรื่องที่สงสัยทั้งหมดกระจ่างแล้ว เขาคุกเข่าลงจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับศุภัคชญา

แล้วกล่าวอย่างใจเย็น


“แต่คราวนี้พี่คิดว่าแอมเป็นฝ่ายไม่เข้าใจพี่เอกต่างหาก”


“พี่เจมส์ นี่พี่เข้าข้างพี่เอกกับนัทหรือคะ”


หญิงสาวถามอย่างขัดใจ จิรวิชญ์ส่ายหน้าปฏิเสธ


“พี่ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ พี่พูดตามความเป็นจริง พี่เอกเป็นพี่ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของแอม

เขาทำทุกอย่างเพื่อแอมมาตลอด ทั้งเรื่องเรียนหมอเพื่อมารักษาแอมและยังเรื่องอื่นๆอีกตั้งมากมาย

แอมคิดดูว่าพี่เอกเสียสละเพื่อแอมขนาดไหน”


ศุภัคชญานิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดเตือนสติจากจิรวิชญ์


“นี่คือสิ่งเดียวที่พี่เอกจะมีความสุขได้แม้มันจะดูไม่เหมือนคนอื่น แต่ก็เป็นสิ่งที่พี่เอกเลือกแล้ว ถ้าแอมขัดขวาง

คิดดูสิว่าพี่เอกจะเสียใจแค่ไหน ยกตัวอย่างๆง่ายอย่างเรื่องเราสองคน ถ้าเราถูกขัดขวางบ้างแอมจะรู้สึกยังไง”


เสียงนุ่มที่พูดอย่างใจเย็นเรียกสติคืนมาจากหญิงสาว ศุภัคชญาคิดตามคำพูดของจิรวิชญ์ก่อนที่ร้องไห้ออกมา

ด้วยความเสียใจ




ธนัทจอดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินตรงมาที่หน้าร้านต้นไม้ของตนด้วยดวงตาที่ยังแดงเรื่อ

ก่อนที่จะต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นคนที่นั่งคอยอยู่ที่หน้าร้าน

เป็นภามนั่นเองที่มาคอยอยู่ เมื่อเห็นเจ้าของร้านเดินกลับมาจึงลุกขึ้นยืนและเมื่อมองเห็นสีหน้าของธนัท

ภามเลยขมวดคิ้วแน่น


ดูไม่ยากเลยสำหรับคนที่อ่อนไหวอย่างธนัทที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ถึงแม้หนุ่มน้อยจะพยายามปรับสีหน้า

เพียงใดเขาก็ดูออกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง


“พี่ภามมานานแล้วเหรอ ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมาจะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก”


ออกไปให้เห็นภาพบาดใจ หนุ่มน้อยพูดต่อในใจ พลางเปิดประตูร้านและเดินนำภามเข้าไปด้านใน

เรือนกระจก


“ก็ไม่ได้นึกว่าจะมาเหมือนกัน มีธุระทางฝั่งตะวันออกขากลับเลยแวะมาหา เอาปุ๋ยสูตรใหม่มาให้

ก็แกเล่นไม่ไปที่ฟาร์มเลยนี่หว่า”


ภามต่อว่าพลางยื่นขวดแก้วขวดเล็กให้ก่อนที่จะอธิบายวิธีผสมปุ๋ยสูตรใหม่ วิศวกรหุ่นยนต์ที่หันมาเอาดี

ด้านปลูกพืชมองดวงตาที่เหม่อลอยโดยที่ไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย จนเขาต้องหยุดแล้ว

เรียกดังๆ


“นัท เฮ้ย เป็นอะไรวะ สติไม่อยู่กับตัวเลย มีเรื่องอะไรกันแน่เล่าให้ฟังหน่อย”


ธนัทถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันมาสบตากับภาม


“พี่ภาม ก่อนพี่กับแฟนจะลงเอยกันได้มีปัญหาเยอะไหม”


ธนัทถามอย่างคนที่รู้จักภามเป็นอย่างดี ฝ่ายถูกถามก็ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย


“ปัญหาน่ะมันเยอะอยู่แล้ว อุปสรรคมันเป็นตัวพิสูจน์รักแท้นะโว้ย ว่าแต่ถามทำไม หรือว่าแก

เกิดมีความรักขึ้นมาแล้ว กับใครวะ”


ธนัทถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ภามฟัง เมื่อฟังจบแล้วฝ่ายที่ถอนหายใจ

กลับเป็นภามบ้าง


“เฮ้อ ไอ้นัท ในที่สุดแกก็ดันมามีความรักที่มีปัญหา แต่ก็ทำไงได้ มันห้ามกันไม่ได้นี่หว่า

แต่ทางแก้ปัญหามันก็มีนะ”


ภามตบบ่าธนัทเพื่อปลอบใจ


“อันดับแรกแกจะต้องเชื่อมั่นในความรักที่มีต่อกัน ว่าแกรักเค้าแล้วเค้าก็รักแก อย่าหวั่นไหว

ไปกับอุปสรรคง่ายๆ ส่วนข้อต่อไป นอกจากไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคแล้วแกจะต้องสู้กับมันด้วย

อย่างผู้หญิงที่มาเกาะแกะน่ะ แกต้องรู้ว่าเพราะคนของแกเค้าไม่เล่นด้วย ถึงต้องใช้วิธีนี้

ไอ้นัท...แกไม่ใช่ตัวละครในนิยายประโลมโลกเมื่อเกือบร้อยปีก่อนนะที่ต้องเล่นตามเกมคนอื่น

แกต้องอยู่เหนือเกมส์ให้ได้”



จบคำสั่งสอนอันยืดยาวภามก็ถอนหายใจเฮือก ส่วนธนัทได้แต่นิ่งคิดตามที่ภามแนะนำ


จริงสินะ ถ้าความรักไม่มีความเชื่อมั่นให้แก่กัน มันก็คงจะไปไม่รอด

เขาต้องเชื่อมั่นในตัวศรุตไม่ใช่มัวแต่กังวลกับภาพที่เห็นเพียงไม่กี่วินาที


ธนัทคลี่ยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาหันไปดึงตัวภามมากอดเร็วๆอย่างซาบซึ้ง


“ขอบคุณมากพี่ภามที่เตือนสติ ผมสบายใจขึ้นมากเลย”


“เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่น้องกัน ยิ้มได้แล้วสิ ถ้างั้นไปเตรียมผสมปุ๋ยสูตรใหม่ได้แล้ว จะได้อยู่ช่วยดูให้”


ธนัทลุกขึ้นไปหยิบถังใบใหญ่และอุปกรณ์ใส่น้ำมาเตรียมไว้ ก่อนที่เขาจะถอดนาฬิกาข้อมือวางไว้

บนโต๊ะตัวเล็กแล้วหยิบถุงมือกันสารเคมีมาเตรียมสวม แต่ยังไม่ทันจะเริ่มต้น ธนัทและภามก็ต้องชะงัก

เมื่อได้ยินเสียงเซ็นเซอร์เตือนเป็นเสียงนกร้องภายนอก


หนุ่มน้อยเจ้าของดวงตาคู่หวานเจ้าของร้านรีบวางถุงมือลงแล้วส่งเสียงทักทายก่อนที่จะสืบเท้า

ตามเสียง


“คร้าบ มาแล้วครับ สนใจต้นไม้ต้นไหน เชิญเลือกชมก่อนได้ครับ อะ..อ้าว คุณมีน”


เสียงนุ่มขาดหายไปในลำคอ เมื่อโผล่พ้นจากประตูกั้นไปสู่ส่วนร้านค้า เขาก็ต้องเผชิญหน้า

กับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด


ร่างผอมบางยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้กับเขาอยู่กลางร้าน ผมดำขลับถูกปล่อยให้ยาวสยายอ

ยู่กลางหลังและเมื่อหญิงสาวหันกลับมาเผชิญหน้า มือทั้งสองกอดอกอย่างไว้ตัว พอๆกับใบหน้าหวาน

ที่เชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ที่สำคัญมิใช่มีแค่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่มาเยี่ยมเยือนถึงร้าน

ธนัทเห็นชายรูปร่างล่ำสันยืนทำหน้าถมึงทึงคุมเชิงไว้ที่ประตู


ภามที่โผล่หน้าออกมาดูทำตาเหลือกหน้าซีดเผือด ก่อนที่เขาจะผลุบกลับไปยืนหันรีหันขวาง

อยู่ในเรือนกระจก


“ตายห่ะ ไอ้นัท ข้าศึกบุกถึงถิ่น จะช่วยน้องยังไงดีว้า คิดสิโว้ยไอ้ภาม”


สมองของภามทำงานอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะก้าวยาวๆไปที่โต๊ะตัวเล็ก แล้วหยิบนาฬิกาของธนัท

ขึ้นมากดหาฟังค์ชั่นโทรศัพท์ทันที




TBC

 :ling3: :ling3:





ฝากนิยายแนวพีเรียดของเราด้วยจ้า ตั้งใจแต่งเต็มที่เลย

บัลลังก์รักใต้เงาแค้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47755.0)



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-08-2015 20:59:47
โหยยย มีน
ถ้ารอดชีวิตมาแล้วเป็นแบบนี้ ไม่น่ารอดเลย ชิส์
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 22-08-2015 21:13:48
อิมีนนี่ชักเอาใหญ่ -_-^^ เยอะไปละๆ
พี่เอกรีบตามมาช่วยน้องหน่อยเร้ววว
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-08-2015 22:02:49
ผู้ชายเขาปฏิเสธว่า 'ไม่ได้ชอบเธอ' ชัดเจนขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่หยุดอีกนะคะมีน เป็นอะไรมากไหมเนี่ย? o12
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 16-17 [22/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-08-2015 22:23:03
พี่ภามโทรหาพี่เอกรึเปล่า :hao4:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-08-2015 19:09:09




                                      Heart

                                 หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                       บทที่18




ศรุตนอนแผ่หราอยู่บนเตียงอย่างหนักใจ ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปตามคาดหวัง

ยิ่งศุภัคชญาที่เป็นน้องสาวยอมรับเรื่องความรักระหว่างเขากับธนัทไม่ได้

ยิ่งทำให้ศรุตกลัดกลุ้มจนต้องใช้มือกุมขมับ


เขาผงกหัวขึ้นมองประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะอยู่ด้านนอก ศรุตถอนหายใจออกมา

ก่อนส่งเสียงอนุญาตแล้วดันตัวเองขึ้นมานั่ง เมื่อประตูเปิดกว้างเขาจึงเห็นศุภัคชญา

ที่มีใบหน้าเศร้าสร้อยกับจิรวิชญ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง


“พี่เอก แอมเค้ามีอะไรจะคุยกับพี่แน่ะ”



จิรวิชญ์พูดเปิดทางก่อนที่จะช่วยเข็นรถจนหญิงสาวมาหยุดต่อหน้าผู้เป็นพี่ชาย

ศรุตเลิกคิ้วแทนคำถามเมื่อมองหน้าศุภัคชญาที่ผ่านการร้องไห้จนจมูกแดงก่ำ

หญิงสาวอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่แล้วจึงร้องไห้โฮออกมา


“พี่เอก แอมขอโทษ แอมผิดเองที่มัวนึกถึงแต่ตัวเองจนลืมนึกถึงความสุขของพี่”


ศุภัคชญาโผเข้ากอดศรุตจนเกือบจะหล่นจากรถเข็น คนเป็นพี่ต้องรีบรับร่างนั้น

เข้ามาในอ้อมกอด


“ต่อไปนี้พี่เอกจะทำอะไรแอมจะไม่ขัดขวางอีกแล้ว แอมจะเป็นน้องที่ดี

พี่เอกยกโทษให้แอมนะอย่าโกรธอย่าเกลียดแอมเลย”


ศรุตกอดศุภัคชญาพลางยกมือลูบที่ผมนุ่มอย่างอ่อนโยน


“พี่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดแอมเลย พี่จะเกลียดได้ยังไงแอมเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่

แค่ไม่สบายใจที่แอมไม่เข้าใจพี่เท่านั้นเอง”


คำพูดอันอ่อนโยนเสมอกับน้องสาวทำให้ศุภัคชญาร้องไห้หนักกว่าเดิมด้วยความรู้สึกผิด

จนจิรวิชญ์ต้องดึงตัวของหญิงสาวออกมาจากอ้อมกอดของศรุตแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้


“แอมหยุดร้องเถอะตาบวมหมดแล้ว พี่เอกยกโทษให้แล้วก็สบายใจได้”


ศุภัคชญาพยักหน้ากลั้นสะอื้นก่อนที่ทุกคนจะชะงักเมื่อเสียงเตือนจากนาฬิกาข้อมือของศรุต

ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นสัญญาณโทรศัพท์ของธนัทชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างยินดีแล้วรีบกดรับอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดแน่นเมื่อภาพจากจอเรืองแสงกลับเป็นภามไม่ใช่ธนัท


“ฮัลโหล ฮัลโหล คุณเอก วู้ๆๆๆๆ”


ภามรีบพูดด้วยหน้าตาตื่นตกใจ ศรุตรีบถามกลับอย่างขุ่นใจ


“คุณภาม ทำไมถึงมาใช้นาฬิกาของนัทได้”


“โอ๊ยคุณเอกอย่าเพิ่งมาหึงตอนนี้เลย รีบมาที่ร้านไอ้นัทด่วนเลยนะ รู้ไหมมันกำลังจะแย่”


ภามรีบชิงพูดก่อน ศรุตยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นอย่างสงสัย


“นัทเป็นอะไร”


ภามยกมือเกาศีรษะก่อนจะรีบวิ่งไปทีประตูแล้วแอบโผล่หน้าไปใช้นาฬิกาส่องให้ศรุต

เห็นภาพคนบุกรุก แล้วรีบหลบกลับมาในเรือนกระจก พลางพูดอย่างตื่นเต้น


“ทีนี้รู้หรือยัง ว่าไอ้นัทจะแย่จากอะไร”


“มีน!”


ศรุตอุทานอย่างตกใจ พร้อมๆกับจิรวิชญ์และศุภัคชญาที่เห็นภาพไปด้วยก็ต่างนึกไม่ถึงว่า

มีนจะสืบหาและบุกไปที่ร้านของธนัทอย่างรวดเร็วได้ขนาดนี้ ร่างสูงผุดลุกอย่างรวดเร็วและผลุนผลัน

วิ่งออกไปจากห้องโดยมีเสียงศุภัคชญาตะโกนตามหลัง


“พี่เอก ระวังตัวนะ”










ท่องไว้ ว่าต้องเชื่อใจพี่เอก


ธนัทพูดกับตัวเองในใจราวกับจะช่วยปลุกปลอบให้ความกล้ากลับคืนมาสู่จิตใจที่เปราะบาง

เขาสบตากับดวงตาที่ผ่านการร้องไห้ของมีนอย่างตรงไปตรงมา พลางเหลือบมองร่างหนา

ของคนที่มีนพามาเป็นระยะ ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศก่อนที่เขาจะเอ่ยคำพูดทำลายมันลง


“คุณมีนมาที่ร้านผม อยากได้ต้นไม้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะได้หาให้”


ดวงตาที่มองตรงมามีร่องรอยของความเจ็บช้ำ ร่างบางของมีนตรงเข้ามาหาธนัทแล้วหยุด


อยู่ตรงหน้า หญิงสาวเอ่ยคำพูดที่ธนัทเดาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้


“พี่ไม่ได้อยากได้ต้นไม้ ที่มานี่เพื่อมาบอกนัทว่าพี่รักพี่เอก”


ดวงตาหวานของธนัทวูบไหว แม้จะพอเดาได้แต่เมื่อได้ยินอย่างชัดเจนถึงเจตนาของหญิงสาว

หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะบีบเต้นด้วยความเจ็บปวด


“ชีวิตของพี่ผ่านการเฉียดตายมาแล้วครั้งหนึ่งพี่เอกเป็นคนช่วยชีวิตพี่ไว้ ผู้ชายคนนี้จึงเป็นทั้งหมด

ของชีวิตพี่ นัทเข้าใจพี่ใช่ไหม”


ธนัทลอบสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ เพื่อระงับความรู้สึกที่ประดังเข้ามาแล้วตอบมีนออกไป

ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“ผมเข้าใจ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณมีนมาบอกผมเพื่ออะไร”


ดวงตาคู่ช้ำของมีนสั่นไหวจนสังเกตได้ น้ำเสียงที่พูดต่อสั่นเครืออย่างยากที่จะห้าม


“เพื่อให้นัทถอยออกไปจากชีวิตพี่เอก อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่านัทคิดอย่างไรกับพี่เอก”


หนุ่มน้อยรู้สึกปวดหนึบตั้งแต่หัวใจไปถึงสมอง เมื่อในที่สุดมีนก็พูดอย่างตรงประเด็นถึงจุดประสงค์

ที่มาเยือนถึงถิ่น เขากระพริบตาถี่ๆ ขับไล่ความรู้สึกนี้ แล้วพยายามกดเสียงพูดให้ราบเรียบที่สุด


เท่าที่จะทำได้



“ถ้าผมถอยออกไปจากชีวิตพี่เอกอย่างที่คุณมีนต้องการ แล้วคุณมีนรู้ได้ยังไงว่าคุณมีนจะได้ในสิ่งที่คาดหวัง”


คำพูดของธนัททำให้ดวงตาของมีนลุกวาบด้วยความขุ่นเคือง


ทำไมจะแปลความหมายของผู้ชายที่หน้าหวานราวกับผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ว่าต่อให้เขาหลบทางให้


ก็ไม่มีทางที่ศรุตจะหันมามองเธอ


มีนเชิดหน้าขึ้นอย่างอย่างคนที่มั่นใจในตัวเอง ร่างบางสืบเท้าเข้ามาใกล้แล้วเดินเฉียดจนไหล่กระทบ

กับต้นแขนของธนัทผ่านไปยังชั้นวางต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง หญิงสาวเหลือบสายตามองไปรอบร้าน

ก่อนที่จะแค่นยิ้มที่มุมปาก


“ร้านต้นไม้ของนัทสวยดีนะคะพี่ไม่เคยเห็นต้นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อน ดูสิ ต้นนี้ดอกสีชมพูสวยจัง”


มีนเอื้อมมือไปลูบไล้กลีบดอกสีชมพูบอบบางของต้น Bleeding heart ที่ธนัทเพาะมันขึ้นมาจาก


ต้นแรกแล้วแยกมาใส่กระถางไว้ หญิงสาวปลิดมันลงจากกิ่งมาอยู่ในอุ้งมืออย่างรวดเร็ว


“มันคงน่าเสียดายถ้าต้นไม้จะเฉาตายก่อนเวลาของมัน”


หญิงสาวกำมือแน่นและเมื่อแบมือมาอีกครั้ง ธนัทเห็นกลีบสีชมพูสวยของต้นไม้ที่เขารักช้ำคามือของมีน

และแขกที่มาเยือนยังไม่หยุดแค่นั้นเมื่อเธอเอื้อมมือไปเด็ดกลีบดอกสีชมพูสวยมาอีกหนึ่งดอกมาอยู่ใน


มืออีกครั้ง


“ที่พี่กลัวก็คือ ต้นไม้ของนัทมันจะไม่ตายเพียงแค่ต้นเดียว แต่มันจะเฉาตายไปทั้งร้านนี่สิ”


มีนท้าทายด้วยวิธีที่ธนัทคาดไม่ถึง

หญิงสาวปล่อยให้ดอกไม้สีชมพูร่วงลงจากฝ่ามือสู่พื้นดิน ก่อนที่เธอจะใช้ปลายรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่


กดขยี้จนกลีบบางแหลกเละสนิทอยู่กับพื้น




“อั้ยยะ...”


เสียงอุทานแผ่วเบาดังขึ้นจากภามที่หลบอยู่ด้านในแล้วแอบมองมาอย่างระทึก


“ตายๆๆ ไอ้นัท โดนเค้าท้าขนาดนี้จะทนไหวไหมวะ น้องกู โอ้ย...เสียวโว้ย แล้วไอ้คุณเอกนี่เมื่อไหร่

จะมาถึงวะ อ้าวเฮ้ย...ไอ้นัทใจเย็น”


ภามอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นธนัทเม้มปากจนกลายเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่หวานวาววับด้วยอารมณ์

ที่เริ่มปะทุเมื่อเห็นการกระทำท้าทายของมีน แขกที่มาเยือนหันมามองหน้าเจ้าของร้าน แล้วพูดเข้าประเด็น




“ความรักมันต้องขึ้นอยู่กับคำว่าเหมาะสมด้วย นายลองคิดดูว่านายมีอะไรที่เหมาะสมกับพี่เอกบ้าง”



สรรพนามที่ใช้เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีนเห็นแววตาที่เริ่มขุ่นมัวของหนุ่มน้อย


“แค่เจ้าของร้านขายต้นไม้เล็กๆ ที่สำคัญเป็นผู้ชายด้วยกัน คิดดูสิว่าสังคมจะมองยังไงบ้าง

แต่กับฉันที่พร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะทางสังคม ลองบอกมาซิว่ามันมีตรงไหนที่ไม่เหมาะกับพี่เอก”


ท่องไว้ว่าต้องไว้ใจพี่เอก

และท่องไว้ว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะยอมให้ใครมาหยามเกียรติเหมือนตัวละครในนิยายกว่าร้อยปี

ที่เขาเคยเข้าไปอ่านในหอสมุดกลางนานาชาติ


ดวงตาของธนัทวาวโรจน์ มือสองข้างกำแน่นเมื่อเอ่ยปากตอบโต้


“สรุปว่านี่คือประเด็นที่ทำให้คุณต้องแบกเกียรติยศศักดิ์ศรีของคุณมาหาผมถึงที่นี่สินะ

ประเด็นที่คุณต้องการผู้ชายที่คุณคิดว่าเหมาะสมกับคุณทุกประการและพยายามดิ้นรนทุกทางให้ได้มา

แต่ผู้ชายคนนั้นของคุณเขากลับมาเลือกคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม ทั้งๆที่ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ

ผมว่านี่ต่างหากล่ะคือประเด็นสุดท้าย”


ธนัทเป็นฝ่ายแค่นยิ้มออกมาบ้างเมื่อเห็นมีนกำลังเดือด ดวงตากรุ่นไปด้วยโทสะ


“ผมเสียเวลาฟังคุณมานานพอละ ถ้าคุณอยากได้ต้นไม้ต้นไหนก็เชิญเลือก แต่ถ้าไม่ก็กลับไปเถอะ

เอาเวลาว่างของคุณไปทำอย่างอื่นดีกว่า อย่างเช่น...ไปหาอาหารที่มีโอเมกาสามมากินบ้าง”


หนุ่มน้อยยิ้มหยันใส่หญิงสาว ก่อนที่จะพูดประโยคสุดท้ายแล้วหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าไปในเรือนกระจก


“คุณรู้ไหม ว่าโอเมกาสามมันช่วยพัฒนาเซลล์สมองนะ”




มีนจุกแน่นในอกเมื่อโดนคนที่เธอคิดว่าไม่มีพิษสงเชือดนิ่มๆด้วยคำพูด เธอทนไม่ไหวและไม่คิดจะทน

ดวงตาที่ลุกโชนด้วยความโมโหมองไปที่ชายร่างกำยำสองคนที่มาด้วยเป็นเชิงออกคำสั่ง





“เฮ้ย...แย่แล้ว”



ภามที่หลบมุมลอบมองอุทานอย่างตกใจสุดขีดที่ร่างกำยำทั้งสองใช้ท่อนแขนกวาดต้นไม้จากชั้นวาง

ร่วงกราวลงพื้น รวมทั้งธนัทที่หันกลับมามองด้วยแววตาตระหนกเช่นกัน วิศวกรหุ่นผอมแห้งวิ่งออกมา

จากเรือนกระจก แล้วมาฉุดแขนธนัทที่ยืนอึ้งให้วิ่งตามเขากลับเข้าไปหลบในเรือนกระจกแต่ดูเหมือน

จะช้ากว่าลูกน้องของมีน


หนึ่งในสองตามเข้ามาดึงคอเสื้อภามไว้แล้วผลักไปอีกทางจนร่างผอมกระเด็นไปชนกับกระถางต้นไม้

ส่วนอีกคนคว้าไหล่ธนัทไว้ได้ ร่างสูงใหญ่เงื้อมือขึ้นเตรียมทำร้าย ธนัทได้แต่หลับตาและเกร็งกล้ามเนื้อ

บนใบหน้ารอรับ


ตุ้บๆ !!


เสียงกำปั้นปะทะเนื้อดังขึ้นใกล้ๆ ธนัทกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เมื่อเสียงนั้นเงียบลงหนุ่มน้อย

จึงค่อยๆ ลืมตามองเหตุการณ์ตรงหน้าและเมื่อเห็นทั้งหมดแล้วธนัทก็ใจเต้นด้วยความยินดีเมื่อเห็นศรุตยืนเด่น

ส่วนคนที่ล้มไปนอนกองกับพื้นกลายเป็นลูกน้องของมีน


เขาได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจจากมีน และเมื่อเขาหันไปมองก็เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดแทบไม่มีสีเลือด


ของหญิงสาว



TBC

 :katai4: :katai4: 




หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-08-2015 20:20:48
อ้างถึง
“ชีวิตของพี่ผ่านการเฉียดตายมาแล้วครั้งหนึ่งพี่เอกเป็นคนช่วยชีวิตพี่ไว้ ผู้ชายคนนี้จึงเป็นทั้งหมดของชีวิตพี่ นัทเข้าใจพี่ใช่ไหม”

อ่านตรงนี้แล้วโคตรปรี๊ดเลย   ถ้าเราเป็นพี่เอกนะ เราจะโคตรเสียดายเลยที่ช่วยชีวิตอินี่ไว้    นี่หรือคือการกระทำที่คนที่เพิ่งรอดอย่างฉิวเฉียดจากความตายพึงกระทำ    เห็นได้ชัดมากว่ามันไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย  สาธุ ขอให้เซลล์มันบางตัวเกิด mutant ขึ้นมาเถอะ   ยอมรับว่าเราร้ายแต่ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้โอกาสครั้ง 2 เพราะว่าได้มาแล้วแต่ไม่รู้คุณค่าอะไรเลย     เดาเอานะว่าอินี่ต้องจองเวรพี่เอกแน่ เพราะว่าพี่เอกเป็นเฮอร์คิวลิสที่ถูกตามล่าไม่ใช่เหรอ?

แอมก็เองกระไรอยู่ พี่ชายเสียสละเพื่อนางมากขนาดไหน  ความสุขของพี่ชายแค่นี้ก็ยังให้ไม่ได้  เห็นแก่ตัวคิดถึงแต่ตัวเอง   แค่ตัวเองรับไม่ได้ก็ทำให้มีสิทธิ์ไปยุ่งกับเรื่องของพี่ชาย   แถมทำในสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยเลยนะ  ไปบอกคนอื่นได้ว่าพี่ตัวเองทำอะไร  เสี่ยงขนาดไหน   น่าจะจับให้ไปใช้ชีวิตอยุ่คนเดียวดีกว่าจะได้รู้ว่าการที่ไม่มีใครมันสาหัสขนาดไหน   

โอ๊ย  อ่านชะนีเรื่องนี้แล้วปรี๊ดเลย  ท่าว่าจะดีแต่กลับมีแต่เปลือก  ไม่ใช่แค่ไม่เคารพคนอื่น  ขนาดตัวเองก็ยังไม่เคารพเลย   ไร้สติ ไร้สำนึกเป็นที่สุด

ป.ล  ขอโทษค่ะ  อินมากเกิน   ไม่ได้ว่าคนเขียนน้า   รักคนเขียน ม๊วบๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-08-2015 21:28:20
มีนแรมเสียป่ะคะเนี่ย? ก่อนจะมาถล่มร้านนัท พี่เอกเพิ่งบอกไปไม่ใช่เหรอว่าหมอชินวุฒินู่นต่างหากที่เป็นคนช่วยชีวิตเธอไม่ใช่พี่เอกก็ยังจะฝังใจเชื่ออย่างเดิมอยู่นั่นล่ะ ช่างมั่นใจเสียจริงเลยนะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตัวเองรับรู้ทุกอย่างได้ชัดเจนที่สุดก็แค่ทางประสาทหูเท่านั้น แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าซีดชิงเป็นลมหนีความผิดไปก่อนเลยนะคะ ช่วยอยู่รับผลของการกระทำจากพี่เอกเสียโดยดี o18
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-08-2015 22:32:05
ไปที่ชอบๆ นะมีน บรัยยยย
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-08-2015 02:15:47
นังมีนนี่มันน่าจะกลับไปตาบอดอีกรอบนะ ตามองเห็นแล้วแทนที่จะทำอะไรสร้างสรรค์ กลับทำตัวทุเรศแบบนี้ แม่มอ่านแล้วอารมณ์ขึ้น :m31:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 18 [26/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-08-2015 05:25:15
อินังมีนมันต้องโดนตบสักตั้ง -_-^^
ชีวิตว่างเหลือเกินมาระรานคนอื่นเขาเนี่ย
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-08-2015 20:59:24



                          Heart

                    หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                         บทที่ 19



หญิงสาวคนเดียวในเหตุการณ์ยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งเมื่อเห็นคนที่อยู่ๆ

ก็บุกเข้ามายึดแขนลูกน้องของเธอไว้แล้วส่งกำปั้นลุ่นๆ เข้าที่กลางปากกลางจมูก

ก่อนที่จะตรงปรี่เข้าไปหาอีกคนที่ทำท่าจะบุกเข้ามา ส่งส้นเท้าไปประเคนที่ลิ้นปี่

อย่างถนัดถนี่


ดวงตาคมหันขวับมามองหน้าเธอ แล้วยิ่งหัวคิ้วที่แทบจะชนกันนั่นอีก

ทำให้หัวใจของมีนหล่นลงไปอยู่ที่เท้า คนที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องมาถึงที่นี่ก้าวเพียงก้าวเดียว

ก็มาหยุดต่อหน้า ดวงตาแข็งกร้าวคือสิ่งที่เธอได้รับตอบแทน รวมทั้งฝ่ามือที่เงื้อสูง

เตรียมที่จะฟาดมันลงมา มีนทำได้แค่หลับตาลงรอรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่แต่เนิ่นนานราวกับชั่วกัลป์ในความนึกคิด ความเจ็บปวดที่รอรับ

ยังไม่มาถึง หญิงสาวจึงค่อยๆ ปรือตามอง ก่อนที่จะเบิกกว้างเมื่อเห็นท่าทางของศรุต


มือที่เตรียมจะฟาดลงมาเงื้อค้างอยู่กลางอากาศ แล้วค่อยๆ กำมือลงอย่างคนที่อดกลั้น

ต่อแรงโทสะ ศรุตมองหน้ามีนด้วยสายตาที่เขาไม่เคยมอบให้กับผู้ใด


เจ็บ…


นี่คือคำที่น่าจะอธิบายความรู้สึกของมีนได้ดีที่สุดในขณะนี้ เมื่อได้สบตากับศรุต

เธออยากให้ผู้ชายตรงหน้าทำร้ายร่างกายให้เธอตายไปเสียดีกว่าที่จะมองมาด้วยสายตาเยี่ยงนี้

และยิ่งเมื่อร่างสูงหันหลังให้เธอในวินาทีต่อมา มีนยิ่งเจ็บจนแทบจะกรีดร้อง แต่สิ่งที่หลุดออกมา

จากปากมีเพียงเสียงอุทานบางเบาอย่างคนที่ไร้เรี่ยวแรง


“พี่เอก มีนไม่ได้…”


“ไปซะ”


เขาพูดทั้งที่ยังหันหลัง


“พาคนของคุณกลับไปก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”


ศรุตหันมามองอีกครั้งด้วยสายตาที่เย็นชา


“อย่าให้ผมต้องรู้สึกรังเกียจคุณมากไปกว่าที่เป็นอยู่เลย”


มีนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หญิงสาวปล่อยโฮอย่างไม่อาย ดวงตาคู่นั้นมองศรุตด้วยความเจ็บช้ำ

ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับและก้าวซมซานออกไปด้านนอกพร้อมทั้งร่างกำยำทั้งสอง

ที่รีบฝืนลุกแล้ววิ่งตามผู้เป็นเจ้านายอย่างรวดเร็ว



ทันทีที่คนบุกรุกทั้งหมดเดินลับออกจากร้านขายต้นไม้ ศรุตเพิ่งจะได้มีเวลาสบตากับธนัท

ด้วยความห่วงใย แล้วทั้งสองก็โผเข้ากอดกันแนบแน่นอย่างเต็มตื้นในความรู้สึก

ธนัทรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นที่สุดที่เขาสามารถรักษาความเชื่อมั่นในตัวคนที่เขารักไว้ได้

และศรุตเองก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับภาวะกดดันตามลำพัง

ศรุตยกมือขึ้นลูบผมธนัทแผ่วเบา พลางพูดปลุกปลอบที่ข้างหู


“ไม่เป็นไรแล้วนะนัท ไม่เป็นไรแล้ว”


คำพูดอย่างอ่อนโยนยิ่งทำให้ธนัทรู้สึกรักในตัวของศรุตท่วมท้นจนน้ำตาไหลออกมา

อย่างตื้นตัน เขายิ่งกอดรัดซุกหน้ากับบ่ากว้างจนเสื้อของศรุตชุ่มไปด้วยน้ำตา


“คือ...ขอโทษนะ ไม่ได้ขัดจังหวะหรอก แต่หยุดสวีทแป๊บนึงได้ไหม อิจฉาว่ะ”


เสียงของภามที่หลบมุมยืนดูเหตุการณ์อยู่ดังขึ้นมา ศรุตและธนัทจึงได้ชะงัก

ก่อนที่หนุ่มน้อยจะหัวเราะเบาๆ แล้วผลักร่างของศรุตที่ยืนหน้าบูดออกให้พ้นตัว

ศรุตหันไปมองหน้าภามแล้วขมวดคิ้ว


“แล้วใครใช้ให้มายืนมอง ไม่อยากมองก็หลบไปทางอื่นสิ”


“อ้าว คุณเอก”


ภามยกมือขึ้นเท้าเอวด้วยความเคือง


“ก็คุณกับไอ้นัทมายืนกอดกันอยู่กลางร้านนี่ จะให้ผมดำดินหนีไปหรือไงมิทราบ

โห นี่ผมเป็นผู้มีพระคุณนะ ถ้าผมไม่โทรหาคุณไอ้นัทของคุณแย่แน่”


ศรุตขยับปากจะเถียง แต่ธนัทเกาะแขนห้ามไว้


“พี่เอกอย่าว่าพี่ภามเลย จริงอย่างพี่ภามว่าถ้าพี่ภามไม่โทรไปหาพี่เอกพวกเราทางนี้แย่แน่

ลำพังผมกับพี่ภามจะสู้อะไรพวกมันได้ ขอบคุณนะที่มาทัน”


ดวงตาคู่หวานมองคนรักด้วยสายตาลึกซึ้งอีกครั้ง และคราวนี้ภามที่ยืนมองอยู่ไม่ยอมทนอีกต่อไป


“โอ้ย ทนไม่ไหวแล้วโว้ย เห็นคนสวีทกันแล้วอิจฉา กลับดีกว่า ยิ่งอยู่ยิ่งคิดถึงแฟนโว้ย”


ร่างผอมแห้งโวยวายขึ้น แล้วก้าวฉับๆ ผ่านร่างทั้งคู่ ศรุตหัวเราะในลำคอก่อนที่จะตะโกน

เรียกให้ภามหันกลับมา


“คุณภาม ยังไงก็ต้องขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้คุณนัทคงแย่อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”


ภามพึมพำรับรู้ก่อนเดินออกไปนอกร้าน ทิ้งไว้เพียงศรุตและธนัทให้อยู่กันเพียงลำพัง

ศรุตดึงร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง เขายกนิ้วขึ้นไล้ที่หน้าเนียนแผ่วเบา


“ไม่เป็นไรนะนัท”


ธนัทส่ายหน้ายิ้มรับคำถามที่ห่วงใยนั้น ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนที่ศรุตมอบให้

ศรุตซุกไซ้ความหวานอยู่เป็นครู่ใหญ่แล้วจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง เขาหันไปมองสภาพโดยรอบ

ก็ต้องถอนหายใจเมื่อเห็นต้นไม้ภายในเรือนกระจกระเนระนาดไปหมด


“พังหมดเลยนัท ข้างนอกก็เละเลยนะ”


เขาพึมพำอย่างเสียดาย ธนัทเองเมื่อหันไปมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


“ไม่เป็นไรครับพี่เอก ค่อยๆเก็บของที่แตกทิ้งไป แล้วผมจัดการเปลี่ยนกระถางต้นไม้เอง”


ศรุตยิ้มให้ธนัท


“งั้นพี่ช่วย เราสองคนช่วยกันพักเดียวก็เสร็จเนอะ ไปทำด้านนอกก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาในเรือนกระจกต่อ”


เป็นอีกครั้งที่ธนัทมองศรุตด้วยความรักลึกซึ้งก่อนที่จะเกี่ยวแขนคนที่เขารักจนสุดหัวใจออกไปที่ร้านต้นไม้





ทั้งสองช่วยกันทำความสะอาด แยกต้นไม้ใส่กระถางใหม่ในร้านต้นไม้และเข้ามาจัดการต่อในเรือนกระจก

ตั้งแต่บ่ายคล้อยจนความมืดเข้าปกคลุม ก่อนที่ร่างสูงของทั้งคู่จะหันหลังชนกันแล้วทรุดลงนั่งเหยียดขา

กลางเรือนกระจกอย่างเหน็ดเหนื่อย


ศรุตถอนหายใจดังๆ แล้วใช้มือทุบไปตามท่อนขาเบาๆขับไล่ความเมื่อยขบ จนธนัทหัวเราะขำ


“เหนื่อยเหรอพี่เอก ผมนวดให้นะ”


ธนัทหันหน้ามาเพื่อใช้มือนวดที่บ่ากว้าง ศรุตอมยิ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นเพราะความสบายเขามองเห็น

ดวงจันทร์ขึ้นที่ขอบฟ้าด้านหนึ่งผ่านหลังคาเรือนกระจก เขาจึงเรียกธนัทเบาๆ


“นัท ปิดไฟที่เรือนกระจกหน่อยสิ”


หนุ่มน้อยงงที่ศรุตขอแต่ก็เอ่ยคำสั่งปิดไฟ จนเรือนกระจกอยู่ในความมืด


“ให้ปิดไฟทำไมล่ะพี่เอก มองไม่เห็นอะไรเลย”


ศรุตยกนิ้วขึ้นปิดริมฝีปากเป็นเชิงห้าม เขาชี้ชวนให้คนรักเงยหน้าไปด้านบน


“ใครบอกไม่เห็นอะไรล่ะ โน่นไงบนท้องฟ้านัทไม่เห็นเหรอ วันนี้ดวงจันทร์เต็มดวงนะ”


ธนัทเงยหน้าขึ้นมองตามที่ศรุตกล่าว จริงอย่างที่ว่า ดวงจันทร์เต็มดวงกำลังเริ่มปรากฏกาย

อยู่ที่ริมขอบฟ้า แสงสว่างสดใสไร้ซึ่งเมฆบดบังข่มแสงดาวจนไม่เหลือความหมาย

ความงดงามของภาพที่เห็นทำให้หนุ่มน้อยคลี่ยิ้มอย่างหลงใหล


ศรุตละสายตาจากความงดงามของแสงจันทร์แล้วกลับมาให้ความสนใจกับธนัท

นี่ต่างหากที่น่าหลงใหลยิ่งกว่าดวงจันทร์บนฟ้า หน้าเรียวยาวได้รูป ดวงตาดำสนิทที่ใสราวกับนิลเนื้อดี

รับกับจมูกโด่งคมและริมฝีปากอิ่มเย้ายวนที่เขาสัมผัสได้ไม่รู้เบื่อ

เขารั้งร่างบางให้หงายลงไปกับพื้น แล้วเขาก็ล้มตัวตามไปนอนหงายอยู่เคียงข้างอย่างไม่รังเกียจที่เป็น

พื้นดิน


“นอนดูดวงจันทร์กันดีกว่านะ”


ศรุตกุมมือธนัทไว้พลางมองไปบนฟ้า สลับกับใบหน้าหวานของธนัท

แสงจันทร์ที่เริ่มเดินทางสูงขึ้นไปสู่กลางฟ้า ส่องแสงสุกสกาวผ่านเพดานเรือนกระจกลงมา

กระทบกับเสี้ยวหน้าบางส่วน ยิ่งทำให้ธนัทดูมีเสน่ห์จนศรุตอดใจไม่อยู่ เขาพลิกตัวอย่างรวดเร็ว

ขึ้นไปทาบทับร่างของธนัท ปลายนิ้วจับกระชับที่ปลายคาง ก่อนส่งริมฝีปากไปปิดแนบแล้วส่งปลายลิ้น

กวาดทั่วช่องปาก มือหนาวางเปะปะไปที่เอวคอด ศรุตครางลึกในคอ เขาปรารถนาในตัวธนัท

เกินกว่าจะหักห้ามใจได้!


ปลายลิ้นร้อนถอนออกมาช้าๆ เขาไล่ตามขบเม้มที่ปากนุ่มเบาๆ


“นัท พี่เคยบอกว่าพี่ชอบนัท จำได้ไหม”


เขากระซิบที่ข้างหูน้ำเสียงสั่นไหว


“ถ้าวันนี้พี่จะบอกว่าพี่รักนัทมาก นัทจะเชื่อพี่หรือเปล่า”


ธนัทหลับตาลง เพื่อระงับอาการเต้นถี่ของหัวใจ

คำนี้ ความรู้สึกนี้สินะ ที่เขารอมาเนิ่นนานและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา

ความรู้สึกที่มีคือความสุขที่อัดแน่นและท่วมท้นอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกที่เขายอมแลกทุกอย่าง

เพื่อให้ได้มันมา แล้วตอนนี้เขาได้มาอย่างสมบูรณ์



“แล้วถ้าตอนนี้ พี่จะบอกนัทอีกอย่างว่า พี่ต้องการนัทมากที่สุด นัทจะว่ายังไง”




TBC

 :n1: :n1:








หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-08-2015 21:26:04
บรรยากาศจะพาให้นัทเคลิ้มตามพี่เอกไปได้ไหมน้อ~ :-[
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 30-08-2015 21:32:11
อย่าว่านัท คนอ่านยังเคลิ้มตามเลย
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-08-2015 22:22:48
แหมๆๆ ครั้งแรกจะรักกันกลางดินเลยรึ พื้นดินมันแข็งนะพี่เอกเดี๋ยวนัทเจ็บหลัง :z1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-08-2015 22:32:57
คิดไปไกลตั้งแต่ให้นัทปิดไฟละ 5555
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 19 [30/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-09-2015 07:44:14
โคตรตัดอ่ะ =_=
ค้างขั้นสุดดด
หมั่นไส้พี่เอก กรั่กๆๆ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-09-2015 20:42:47



                          Heart

                    หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                         บทที่ 20



แสงจ้าสีขาวจากไฟกลางห้องส่องสว่างปลุกมีนขึ้นจากความมึนงง

หญิงสาวสะบัดศีรษะขับไล่มันออกไปแล้วปรือตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ห้องเล็กทาสีขาวจนแสบตา หญิงสาวเห็นถุงใสบรรจุสารละลายใสเหมือนน้ำเปล่า

และอีกถุงเป็นโลหิตสีแดงฉาน ต่ออยู่กับข้อมือข้างหนึ่งของเธอที่ถูกแทงไว้ด้วยเข็มพลาสติก


เกิดอะไรขึ้นกับเธอ มีนนิ่วหน้าเมื่อความเจ็บปวดที่ข้อมืออีกข้างมาเยือน

หญิงสาวยกมืออีกข้างขึ้นก็เห็นว่าถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลเนื้อหนา

เมื่อเหลือบตาไปด้านข้างของเตียงที่นอนอยู่ มีนก็ต้องตกใจที่เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่


นายแพทย์ชินวุฒินั่นเองที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าบึ้งตึง หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไร

ให้นายแพทย์หนุ่มคนนี้ไม่พอใจ และเมื่อเห็นมีนลืมตาตื่นชินวุฒิก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม


“ตื่นแล้วหรือ คนไม่รักดี”


มีนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำบริภาษจากปากของชินวุฒิ หญิงสาวยกปลายนิ้วมาบีบขมับ

ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความมึนงง


“หมอต่อว่ามีนทำไมคะ มีนไปทำอะไรให้หมอไม่พอใจ”


“ยังจะต้องถามอีกหรือ ลองนึกทบทวนดูสิว่าอะไรทำให้คุณต้องมานอนให้ผมรักษา

อยู่ที่โรงพยาบาลนี่”


ขอบตาที่ยังมีร่องรอยแดงช้ำปิดลงเมื่อมีนย้อนคิดไปถึงตอนที่ซมซานกลับมาถึงบ้าน

หลังจากที่ผิดหวังและเสียใจจากการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของศรุต

ยิ่งต้องอยู่คนเดียวในห้องส่วนตัวหญิงสาวก็ยิ่งฟุ้งซ่าน จนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ครั้งใหญ่ออกมาอีกครั้ง


ชีวิตของเธอที่ตลอดมาต้องอยู่ในโลกมืดและกับการเฉียดตายมาแล้ว

มีนอุทิศทั้งหมดให้แก่เฮอคิวลิสที่ช่วยเธอไว้ เมื่อมีนไม่ได้สิ่งที่หวัง มันก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!

ดวงตาช้ำเหลือบแลไปเห็นแก้วน้ำทรงสวยที่วางอยู่บนโต๊ะตัวน้อยภายในห้องนอน

ร่างบางก้าวไปหยิบมันขึ้นมาแล้วฟาดลงกับขอบโต๊ะจนแก้วบางแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

เหลือเพียงเศษที่แตกเป็นปากฉลามในมือ มีนนำมันมาแนบกับข้อมือบางตรงตำแหน่งที่เส้นเลือดพาดผ่าน


ถ้าเธอหมดลมหายใจ อย่างน้อยเธออาจจะยังคงสร้างเยื่อใยบางเบาไว้ในความทรงจำของศรุต


เศษแก้วที่แนบเนื้อถูกกดลงจนบาดลึกแล้วกรีดลงมาตามข้อมือ เลือดสีแดงเข้มพุ่งทะลักจากบาดแผล

มีนโยนเศษแก้วทิ้งแล้วใช้มือนั้นไปกุมบาดแผลอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งปล่อยให้น้ำตา

หลั่งรินไปพร้อมโลหิตที่กองเต็มพื้น


หญิงสาวหัวใจสั่นหวิวเหงื่อออกท่วมตัว เลือดที่สูญเสียจำนวนมากทำให้มีนเกิดอาการคลื่นไส้

ดวงตาเริ่มพร่ามัว ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะดังขึ้น

ก่อนที่สติจะดับวูบเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของแม่บ้านที่เปิดประตูเข้ามาเห็นภาพเจ้านายนอนจมกองเลือด

เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆ กระพริบเมื่อหญิงสาวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

และเมื่อดวงตาเปิดออกเต็มที่มีนก็หันไปมองนายแพทย์หนุ่มที่ยืนข้างเตียง


“ชีวิตของมีนมันไม่จำเป็นอีกต่อไป หมอไม่จำเป็นต้องช่วยมีน”


ดวงตาของนายแพทย์หนุ่มคุโชนเมื่อได้ยินคำพูดอย่างคนถือดีของมีน

เขาคว้าข้อมือข้างที่บาดเจ็บของหญิงสาวขึ้นมากำไว้แน่นจนมีนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด


“คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรกับร่างกายที่ผมต้องเสียเวลารักษาจนหายดี”


ชินวุฒิตะคอกจนมีนตกใจ


“ผมเป็นคนที่รักษาคุณและอยู่กับคุณตลอดเวลาที่คุณยังเจ็บป่วยอยู่ในชื่อของเฮอคิวลิส

แทนเพื่อนของผมที่คุณเฝ้าบูชานักหนา คุณรอดมาได้เพราะผม เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์

ที่จะทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยความงี่เง่าของคุณ”


หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดที่ยืดยาวของชินวุฒิ


“นี่หมอรักษามีนจริงๆหรือคะ ไม่ใช่ว่าพี่เอกหลอกมีนให้เลิกสนใจหรอกหรือ”


ชินวุฒิมองใบหน้างดงามของมีนด้วยความหมางเมิน


“ไม่นึกเลยว่าคนอย่างคุณที่ผมเฝ้าชื่นชมจะหลงมัวเมาจนไร้เหตุผล บางครั้งหน้าตา

ที่งดงามก็ไม่ได้บ่งบอกว่าระดับสติปัญญาและคุณความดีจะงดงามตามหน้าตา”


“หมอ…”


มีนครางเสียงแผ่วเมื่อได้ยินคำต่อว่าตรงไปตรงมาจากผู้ชายตรงหน้า

ดวงตาที่แห้งเหือดกลับมาชื้นอีกครั้งเมื่อสำนึกได้ถึงสิ่งที่เธอได้ทำ


“ระหว่างที่รักษาตัวที่นี่ก็ลองคิดทบทวนเองก็แล้วกัน ว่าทั้งหมดที่ทำไปมันถูกต้องหรือเปล่า

ถ้าคุณยังพอที่จะหลงเหลือความฉลาดอยู่บ้างก็คงจะคิดได้เอง”


นายแพทย์ชินวุฒิมองมีนอย่างผิดหวังแล้วกลับหลังหันก้าวเดินออกไปจากห้อง

เหลือทิ้งไว้เพียงร่างบางของมีน ที่ปล่อยโฮเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายจบลง





“แล้วถ้าตอนนี้ พี่จะบอกนัทอีกอย่างว่า พี่ต้องการนัทมากที่สุด นัทจะว่ายังไง”


เสียงสั่นพริ้วที่กระซิบข้างๆหู ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ

ภาพหนุ่มวัยรุ่นที่เขาเฝ้าแอบมองตั้งแต่วัยเด็ก และยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดคำนึง

จนกระทั่งพรหมลิขิตชักนำให้ได้มาพบเจอกันอีกครั้งวิ่งผ่านเข้ามาในหัว

ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง วันที่เขามั่นใจได้ว่าหัวใจของเขาและศรุตต่างก็มีความรัก

ให้แก่กันและกัน


ร่างบางของหนุ่มน้อยสั่นสะท้านเมื่อมือหนาของศรุตสอดเข้าไปในเสื้อยืด

ตัวบางแล้ววางแนบไปกับผิวหนัง เขาไม่รู้ว่าศรุตจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าตลอดเวลาที่เริ่มเรียนรู้

ความรู้สึกซึ่งกัน เขาเองก็ต้องหักห้ามใจแค่ไหนกับสัมผัสใกล้ชิด


“ผมไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นของพี่เอก แต่ผมมีความจำเป็นจริงๆที่ยังเป็นไม่ได้ตอนนี้

ขอเวลาอีกสักนิดแล้วผมจะเป็นของพี่ทั้งตัวและหัวใจ”


นี่คือคำผัดผ่อนที่ธนัทใช้อ้างเวลาที่ต้องปฏิเสธ แม้ตัวเขาเองอ่อนไหวไปกับแรงกระตุ้นตามธรรมชาติ

ของร่างกายและหัวใจ เพราะธนัทรู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาแต่กับเหตุการณ์ในวันนี้ที่เขาได้พิสูจน์ความรักของศรุต

คนที่เคยปฏิเสธมันตลอดมา ว่าในตอนนี้ผู้ชายคนที่นอนทาบทับร่างของเขาไว้ ก็มีหัวใจที่รักเขา

ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


แล้วยิ่งเมื่อศรุตบรรจงจูบเบาๆ ที่ซอกคออย่างอ่อนโยน ธนัทก็ยิ่งรู้สึกหัวใจพองฟูร่างกายเบาหวิว

จนแทบจะลืมไปว่าร่างบางถูกบดเบียดอยู่บนพื้นดินที่แข็งกระด้าง


แสงจันทร์ส่องสว่างอยู่กลางฟ้าแล้วในตอนนี้ แสงนวลพุ่งตรงลงมาทำให้ใบหน้าของศรุตที่นอนคว่ำ

ทับอยู่บนร่างเขาเกิดเป็นเงาที่น่าหลงใหล หนุ่มน้อยอดใจไม่อยู่ที่จะเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้านั้น

แล้วยกศีรษะเพื่อไปบดแนบริมฝีปากของศรุต จมูกโด่งของทั้งคู่เอียงออกจากกันเพื่อให้จุมพิตนั้นแนบแน่น

ธนัทวางมืออุ่นไว้ตรงบั้นเอวของศรุตกดรั้งเข้าหาตัวเมื่อรู้สึกถึงการตอบสนองของร่างกายตัวเอง

เวลาที่เขาเคยประวิงไว้ คงไม่มีตอนไหนที่จะเหมาะสมเท่าตอนนี้


ธนัทพร้อมที่จะยกให้ศรุตทั้งตัวและหัวใจ


หรือ..แม้กระทั่งชีวิต เขาก็ยอมได้ เพื่อศรุต..


ต้นขาแกร่งที่บดเบียดลงมากระตุ้นให้หัวใจสูบฉีด ธนัทคลายริมฝีปากออกจากจุมพิตที่เรียกร้อง


แล้วกระซิบตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงพริ้วไหวไม่แพ้กัน


“ผมจะว่าอะไรได้ ในเมื่อผมก็ต้องการพี่เอกเหมือนกัน”




TBC



 :o8: :o8:



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-09-2015 20:43:26
แปะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-09-2015 21:13:16
จิกหมอนรออออออ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20-21 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-09-2015 21:22:19


                           Heart

                    หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                        บทที่ 21



ศรุตยิ้มรับคำตอบนั้นด้วยความลิงโลดในใจ ในที่สุดการรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลง


เมื่อยอมรับจิตใจตนเองได้ว่าคิดอย่างไรกับหนุ่มน้อยที่เขานอบทาบทับอยู่

เขาก็บอกตัวเองได้เลยว่าเขาอยากเป็นเจ้าของธนัททั้งตัวและหัวใจ

ศรุตไม่รู้เหตุผลว่าทำไมธนัทต้องประวิงเวลาไว้  ในเมื่อยุคนี้การมีความสัมพันธ์ทางกาย

กับคนรักเป็นเรื่องปกติที่พึงแสดงออก แต่เมื่อคนที่เขารักขอเวลาไว้ศรุตก็ไม่ขัดข้องแม้

จะต้องหักห้ามใจเป็นอย่างมาก


แต่วันนี้ ตอนนี้ เวลาที่เหมาะสมมาถึงแล้ว เขาอยากจะทำทุกอย่างให้ธนัทได้รับรู้ว่า

เขารักธนัทเพียงใดศรุตก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากเกลี้ยงของธนัทแผ่วเบา

ปลายนิ้วลูบไล้ไปที่โครงหน้าเรียว


“พี่รักนัทนะ พี่จะทำทุกอย่างให้นัทได้รับรู้ถึงคำว่ารักจากพี่”


เขากระซิบเพียงแผ่วเบาแต่ธนัทก็ได้ยินชัดเจน หนุ่มน้อยตอบรับด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน


“ผมรออยู่”


คำกระซิบตอบสั้นๆ จากเสียงนุ่ม กระชากความอดทนของศรุตจนขาดสะบั้น


เขาก้มหน้าลงแล้วครอบครองริมฝีปากอิ่มของธนัทไว้ด้วยปากของเขา ปลายลิ้นร้อนไม่รอช้า

ดุนจนช่องปากนั้นเปิดออกก่อนที่ศรุตจะส่งมันเข้าไปวาดลวดลายราวกับชักชวนให้หนุ่มน้อยเต้นรำ

จังหวะรักไปพร้อมกับเขา


ธนัทแทบจะขาดใจกับจูบที่เรียกร้องเร่าร้อนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเคยจูบกับศรุตบ่อยครั้ง

แต่ไม่มีครั้งใดที่เขาจะรู้สึกหลงวนเข้าไปกับแรงปรารถนาของศรุตมากเท่าครั้งนี้

มือหนาที่ยังคงวางแนบเนื้อเริ่มเคลื่อนที่สอดรั้งลึกดึงให้เสื้อยืดสแปนเด็กซ์เนื้อดีขยับสูงขึ้นผ่านหน้าอก

แล้วศรุตก็ดึงมันผ่านศีรษะของหนุ่มน้อยอย่างง่ายดาย เมื่อธนัทแอ่นกายรับสัมผัสจากริมฝีปากที่เลื่อนลงต่ำ

ไปสู่ยอดอกที่พุ่งชัน


ทันทีที่ศรุตเม้มไปที่ติ่งเล็กบนยอดอกเบาๆ ธนัทก็ผวาเฮือกใช้สองมือกอบกุมเส้นผมของศรุตเป็นหลักยึด

อย่างคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ ร่างกายยิ่งสั่นสะท้านตอบรับเมื่อศรุตเลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆจนกระทั่ง

เขาหยุดริมฝีปากและขบเบาๆที่หน้าท้องแบนราบ รอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของเกิดขึ้นไล่เรื่อยไปทุกจุด

ตั้งแต่ต้นคอลงมา


กางเกงผ้าสังเคราะห์เนื้อดีของธนัทถูกดึงลงจากสะโพกช้าๆ ด้วยฝีมือของศรุต

เขาดึงมันจนหลุดออกจากท่อนขาเรียวเล็กก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันไปอีกทาง

ใช้เวลาเพียงไม่นานศรุตก็คุกเข่ามองร่างเปลือยเปล่าที่ขาวโพลนอยู่ในความมืด

มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่อาบไล้ไปทั่วเรือนร่างอย่างหลงใหล


ธนัทร้อนซู่ไปทั่วใบหน้าเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น เขาเอื้อมมือไปปิดจุดสงวนอย่างเก้อเขิน

จนศรุตอมยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วจึงดึงมือบางให้พ้นการเกาะกุม


“นัทครับ จะปิดทำไม รู้ไหมว่าตอนนี้ พี่แทบจะทนไม่ไหวที่เห็นนัทแบบนี้”


หนุ่มน้อยหน้าแดงในความมืด เขาร้องอุทธรณ์เสียงเบาหวิว


“พี่เอกก็อย่าจ้องอย่างนี้สิครับ ผมอายนะ อุ๊บส์...”


เสียงนุ่มขาดหาย เพราะเจ้าตัวสะดุ้งอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อศรุตก้มตัวลงแล้วจับจุดอ่อนไหว

ของหนุ่มน้อยส่งเข้าไปในปากก่อนที่จะโยกหัวขึ้นลง ปลายลิ้นโลมเลียอย่างสนุกสนาน

ราวกับพบของเล่นแปลกใหม่ ธนัทครางลึกๆ อยู่ในอก กล้ามเนื้อสั่นระริกต้นขาเกร็งจนต้องยกมัน

ขึ้นมาเกี่ยวไว้กับลำตัวของศรุต


ศรุตปล่อยให้ธนัทเป็นอิสระชั่วครู่เมื่อเขาหันมาจัดการถอดเสื้อผ้าตนเองอย่างรวดเร็ว

เวลาเพียงไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เปลือยเปล่าตระหง่านอยู่เหนือร่างบางอย่างยุติธรรม

ธนัทเบิกตากว้างมองร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะเบาๆ

ที่แผ่นอกกว้างอย่างหลงใหล


ศรุตยิ้มรับอย่างพอใจก่อนที่เขาจะดึงมือของธนัทให้เปลี่ยนที่หมายมาเกาะกุมอยู่ที่ท่อนเนื้อ

ร้อนรุมของเขาบ้าง

เขาสอนให้ธนัทบีบเคล้นนวดคลึงจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นปล่อยเสียงครางลึกเมื่อส่วนนั้น

ขยายขนาดตอบรับใหญ่โตอยู่ในอุ้งมือของธนัท


ศรุตใช้มือดันขาหนุ่มน้อยให้กว้างออก ปล่อยมือที่เกาะกุมมือของธนัทแล้วใช้มันแตะต้องเบาๆเป็นการทักทาย

กับช่องทางลับที่ยังไม่มีใครบุกเบิกก่อนที่จะส่งปลายนิ้วเข้าไป ดวงตาดำขลับของธนัทเบิกกว้าง

กับความรู้สึกเจ็บแปลบ หัวใจเต้นรัวราวกับมีกลองใบใหญ่ไปตีอยู่ข้างใน


นี่ขนาดเป็นแค่ปลายนิ้ว แล้วถ้าหากเป็น…


“พี่เอก ผมกลัว”


ธนัทร้องอุทานแผ่วเบา ศรุตลูบผมคนรักอย่างปลอบประโลม


“ไม่ต้องกลัวนะ เชื่อมั่นในตัวพี่แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน”


เขายิ้มให้ธนัทอีกครั้ง


“หัวใจของพี่มีแค่ดวงเดียวแล้วตอนนี้พี่มอบให้นัทไปแล้ว รักษามันไว้ให้ดี ให้แล้วให้เลยไม่เอาคืน”


เมื่อจบคำบอกรักศรุตก็ดันร่างเข้าไป ธนัทผวา หนุ่มน้อยใช้ขากอดเกี่ยวตัวของศรุตไว้แน่นโดยอัตโนมัติ

ความเจ็บปวดที่เขาอธิบายไม่ได้เกิดขึ้นมาจนร่างกายผวาเกร็งค้าง

ศรุตส่งริมฝีปากไปบดเบียดปลอบโยนอีกครั้ง เขาขยับขาของธนัทให้กว้างขึ้นอีกนิดพร้อมขยับแทรกกาย

เข้าไปทีละน้อย  ปลายลิ้นที่คลุกเคล้าทำให้เสียงร้องของธนัทมีแค่เสียงอึกอักในลำคอ จนกระทั่งเขาค่อยๆ

เคลื่อนกายที่แข็งแกร่งของเขาไปจนมิด ร่างที่สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดจึงค่อยบรรเทาลง


“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมที่รัก หายเจ็บหรือยัง”


ศรุตพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเมื่อเอ่ยปากถาม ความคับแน่นตอดรัดในช่องทางสู่สวรรค์กำลังโอบล้อม

จนเขาเองก็ต้องเกร็งกายเข้าสู้ ธนัทสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพยักหน้ารับ


“อา...ดีครับ ดี ฮึก ทำไมมันเสียวแบบนี้นะ”


ศรุตถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อรู้สึกถึงความรัดรึงภายใน


“งั้นถึงเวลาที่พี่จะทำให้นัทมีความสุขแล้วนะ”


ศรุตไม่รอช้า เขายกสะโพกแน่นของธนัทให้สูงขึ้นแล้วให้ต้นขาของเขาช่วยผ่อนแรง

ก่อนที่ศรุตจะเริ่มขยับตัวเคลื่อนที่ช้าๆ


“อ๊า...”


ธนัทร้องออกมาเมื่อความเจ็บแปลบแทรกซึมมาอีกครั้งในขณะที่ศรุตขยับสะโพก

แต่เมื่อเขายกเอวขึ้นรับการสอดประสานให้เข้าที่ ความเจ็บปวดนั้นจึงคลายลงและจางหายไป

แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ธนัทไม่ค่อยมีมาก่อน



ธนัทหลับตาลง จินตนาการที่เคยมีเมื่อร่างกายเกิดแรงปรารถนาเทียบไม่ได้กับความจริงที่เกิดขึ้น

ยิ่งเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นครั้งแรกกับคนที่เขารักความปรีดาเอ่อล้นอยู่ในใจ หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

ร่างกายของเขาตอบสนองต่อการขยับเขยื้อนเป็นจังหวะของศรุต หัวสมองของเขาว่างโล่งเบาหวิวยิ่งกว่า

ขนนกที่ล่องลอยไปตามสายลม


ศรุตเอื้อมมือมาบีบเค้นที่ยอดอก เขายิ่งมีปฏิกิริยาโดยการแอ่นตัวเหยียดกายเป็นการตอบรับโดยสัญชาตญาณ

สองขาของเขายิ่งเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นอยู่รอบตัวกระตุ้นให้ศรุตยิ่งฮึกเหิม

ศรุตใช้สองแขนโอบไปรอบลำตัวของธนัทแล้วรั้งให้ร่างบางลอยขึ้นมาจากพื้นดินแข็งกระด้าง

มานั่งอยู่บนต้นขาแกร่งของเขา สองมือเลื่อนลงมาที่สะโพกของหนุ่มน้อยบังคับให้ธนัทเลื่อนตัว

ขึ้นลงเป็นจังหวะสอดคล้องกับการเร่งจังหวะรัวเร็ว


ธนัทเรียนรู้อย่างรวดเร็วเขาใช้สองแขนกอดรัดรอบศีรษะของศรุตเป็นหลักยึดพลางซุกหน้าลงกับ

เส้นผมดำละเอียด จับจังหวะการเคลื่อนที่ของศรุตจนแม่นยำแล้วหนุ่มน้อยก็ทำได้อย่างใจต้องการ


“เสียวมากครับนัท ซี้ด เก่งที่สุด”


“อื้ออ พี่เอกครับ ตรงนั้น อ๊ะ อ๊า...”


ใบหน้าของฝังแน่นอยู่กับแผ่นอกของธนัท เขาครางลึกเสียงกระเส่าอยู่ในลำคอเมื่อลูกศิษย์เรียนรู้ได้ดั่งใจ

กล้ามเนื้อที่ตอดรัดมากขึ้นทำให้ศรุตแทบจะอดทนต่อไปไม่ไหว เขายิ่งเร่งจังหวะสอดใส่เข้าไปจนสุดตัว

และเร็วมากขึ้น


“โอ้... พี่เอก ผม…ผมจะทนไม่ไหวแล้ว”


ธนัทเงยหน้าขึ้นร้องครางเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงการตอดรัดคับแน่นของร่างกายตัวเอง

หัวใจดวงน้อยเต้นไหวระรัว จนเขาต้องอ้าปากเพื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ


“พี่ก็เกินจะทนแล้ว นัทสุดที่รัก”


ศรุตเองก็อดกลั้นต่อไปไม่ได้ เขาพึมพำบอกรักธนัทไม่เป็นภาษาพลางขยับสะโพกขึ้นลงเร่งจังหวะสุดท้าย

ธนัทอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง หยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่ออยู่ๆกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายก็เกร็งค้าง

ยิ่งโดยเฉพาะส่วนล่างที่บีบรัดแน่นอย่างที่เขาควบคุมมันไม่ได้จนต้องปลดปล่อยออกมา

พร้อมๆกับที่ศรุตเองก็ต้องหลุดเสียงครางเมื่อทุกอย่างระเบิดออกภายในร่างของหนุ่มน้อย



น้ำตาจากความสุขไหลรินออกจากหางตาของธนัทเมื่อคนที่เขารักอย่างศรุตพาเขาล่วงล้ำไปถึงสรวงสวรรค์

อย่างที่เขาไม่เคยพบพานมาก่อน



TBC

 :กอด1: :กอด1:







หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20-21 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-09-2015 21:37:25
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20-21 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-09-2015 16:18:06
อัพบทที่ 21 ไปตั้งแต่เมื่อวานนะคะ เผื่อใครไม่ทราบค่ะ
 :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20-21 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-09-2015 16:53:03
ไม่คิดบ้างเลยนะมีนว่ากว่าที่ตัวเองจะรอดมาใช้ชีวิตได้ปกติอย่างทุกวันนี้เนี่ย ตัวเองต้องทนทรมานมามากมายเท่าไร แล้วไหนจะคุณพ่อที่ห่วงแสนห่วงลูกอย่างมีนอีกล่ะคะ เอาท่านไปไว้ไหนเสียแล้ว ทำอะไรไม่เข้าท่า..

ส่วนพี่เอกกับน้องนัท งื้อออ~~ ทั้งสองคนทำเอาเราเขินเลยนะคะเนี่ย :-[
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 20-21 [02/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-09-2015 06:24:05
โอ้วว ช่างร้อนแรงซะจริง -.,-
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 22 [07/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-09-2015 21:39:45



                           Heart

                    หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                        บทที่ 22



ศรุตซุกหน้าลงกับอกของธนัทแล้วกอดร่างนุ่มนั้นไว้อย่างมีความสุข

ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาทุกครั้งไม่มีความหมายเมื่อความสุขครั้งนี้

เกิดขึ้นกับคนที่เขายอมรับกับตัวเองว่าเขารักจนสุดหัวใจ ยิ่งทำให้ความอิ่มเอมเอ่อล้นอยู่ในความรู้สึก


ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ธนัทพ้นไปจากชีวิต เขารักธนัทและจะดูแลกันไปจนวาระสุดท้าย

ศรุตสัญญากับตัวเอง


เขาถอนร่างกายที่แข็งแกร่งออกจากช่องทางรัดรึงอย่างอ่อนโยนพร้อมพรมจูบไปที่เนื้อเนียน

และแนบหน้าไปกับแผ่นอกของธนัท แต่แล้วศรุตก็ต้องชะงัก คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อศรุตเอะใจ

กับความผิดปกติที่เกิดขึ้น เขาค่อยๆดันร่างบางออกห่างแล้วมองเต็มตา


ไม่!

เกิดอะไรขึ้น?

ชายหนุ่มตะโกนคำรามก้องกับสิ่งที่เห็น


ธนัทในสภาพดวงตาเบิกค้าง ปากอ้ากว้างราวกับคนขาดอากาศ

และที่สำคัญ...หนุ่มน้อยหยุดหายใจ!


ศรุตพยายามควบคุมตั้งสติตนเอง เขาประคองให้ร่างของธนัทนอนราบลงกับพื้น

ตกใจเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เขายังไม่รู้สาเหตุ แต่เขาต้องรีบดึงสติกลับมาสู่ตัวให้เร็วที่สุด

เมื่อเห็นแล้วว่าทรวงอกของคนรักหยุดการเคลื่อนไหว


เอื้อมปลายนิ้วสั่นเทาไปวางที่ตำแหน่งชีพจรของเส้นเลือดใหญ่ตรงคอของธนัท นายแพทย์หนุ่มยังใจชื้น

ขึ้นมาบ้างเมื่อมันยังเต้นอยู่แม้จะแผ่วเบาจนแทบจะจับความแรงไม่ได้ ศรุตไม่รอช้าทุกวินาทีมีค่าที่จะยื้อชีวิต

ของธนัทกลับมา เขาคุกเข่าเคียงข้างร่างที่แน่นิ่งแล้ววางสองมือแนบไปบนกระดูกหน้าอกของหนุ่มน้อย

ลงมือปั๊มหัวใจ


หัวใจหล่นหายเมื่อยังไม่รู้สึกถึงการกลับคืนมา เหงื่อกาฬของศรุตไหลราวกับสายน้ำ


“นัทกลับมา กลับมาเดี๋ยวนี้”


ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขารามือจากการปั๊มหัวใจใช้มือบีบที่จมูกโด่งของธนัทเพื่อเปิดริม

ฝีปากที่เคยแดงเรื่อแต่บัดนี้กลับซีดเขียวแล้วประกบริมฝีปากของเขาลงไปเพื่อเป่าอากาศเข้าสู่ระบบไหลเวียน

ศรุตใช้หลังมือป้ายน้ำตาของเขาที่ไหลออกมาลวกๆ แล้วลงมือปั๊มหัวใจต่ออย่างรวดเร็ว


ไม่...มันต้องไม่เป็นแบบนี้


เขาและธนัทเพิ่งจะมีความสุขไปด้วยกัน เขาจะไม่ยอมให้มัจจุราชมาพรากคนที่เขารักไปเด็ดขาด

ศรุตรวบรวมแรงกายทั้งหมดปั้มหัวใจของธนัทอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะกลับมาเต้น

ดวงตาคู่หวานยังคงลอยคว้าง อัตราการปั๊มหัวใจเริ่มช้าลงเมื่อศรุตกำลังจะหมดแรง

เขาโน้มตัวกอดร่างนิ่งนั้นไว้แน่น น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงเปื้อนแผ่นอก


“นัทหายใจสิ รักพี่ไม่ใช่หรือ เรารักกันใช่ไหม กลับมาหาพี่เดี๋ยวนี้นะ”


ศรุตคร่ำครวญ เขารวมรวมกำลังใจเฮือกสุดท้ายไว้ที่กำปั้นแล้วทุบมันไปที่ตำแหน่งของหัวใจ

วินาทีต่อมาที่ศรุตยกมือออก แผ่นอกเริ่มมีการขยับเคลื่อนไหว ชายหนุ่มคลี่ยิ้มได้เมื่อคลำชีพจรที่คอของธนัท

แล้วพบว่ามันเริ่มมีความแรงขึ้น ธนัทหายใจเข้าอย่างช้าๆ ดวงตาที่ลอยคว้างเริ่มมีโฟกัสตอบรับ

ศรุตคว้านาฬิกาข้อมือของเขาที่ถอดวางไว้ใกล้ๆขึ้นมา แล้วกดฟังค์ชั่นโทรศัพท์ไปหาชินวุฒิ


“ว่าไงไอ้เสือเอก”


เมื่อชินวุฒิตอบรับหน้าจอเรืองแสงปรากฏภาพ ศรุตรีบพูดอย่างรวดเร็ว


“ไอ้หมอเตรียมเตียงไว้ นัทเกิดฮาร์ทแอทแท็ค กูจะรีบพาไปโรงพยาบาล”


“เฮ้ย อะไรวะ เป็นไปได้ไง”


ชินวุฒิถามกลับด้วยความตกใจ ศรุตรีบตะโกนสวนกลับอย่างรีบเร่ง


“กูไม่รู้ อย่าเพิ่งถาม”


ศรุตรีบปิดโทรศัพท์แล้วคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหันมาสวมเสื้อผ้าให้ร่างบางที่ยังหายใจรวยริน

เขายกร่างนั้นมากอดแนบอก


“นัทต้องไม่เป็นอะไร ต้องอยู่กับพี่”


ถึงแม้ธนัทจะผอมและน้ำหนักน้อยกว่าเขา แต่การที่จะอุ้มหรือยกตัวขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะน้ำหนักตัวก็ไม่ใช่น้อยๆแต่เมื่อเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้น อะดรีนาลินที่หลั่งในร่างกาย

ทำให้ศรุตแบกธนัทขึ้นบ่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เขาพาร่างธนัทไปที่ยานยนต์ไฟฟ้าและวางร่างนั้น

อย่างทะนุถนอม ก่อนจะวิ่งไปฝั่งคนบังคับแล้วพาธนัทไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วที่สุด






ดวงตาคู่ขรึมซีมเศร้าเมื่อมองเห็นสภาพของคนที่เขารักผ่านกระจกใสที่กั้นห้องสำหรับผู้ป่วยวิกฤติ

ธนัทในตอนนี้หลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาถูกพันธนาการไว้ด้วยเครื่องช่วยหายใจและท่อช่วยหายใจที่ใส่อยู่

ในช่องปากเมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินดูจะสร้างความทรมานไม่น้อย รวมไปถึงการให้สารละลายและยา

ที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ยิ่งทำให้ศรุตรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาเองก็ถูกบีบจนลีบเล็ก

เมื่อต้องมายืนเกาะกระจกมองอยู่อย่างนี้


เมื่อพ้นภาวะคับขันแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือศรุตต้องรู้ให้ได้ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากอะไร

เจ้าของสถานที่เดินมาใกล้เพื่อน ชินวุฒิตบบ่าให้กำลังใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ยังเป็นกังวล

ศรุตเล่าเหตุการณ์ให้ ชินวุฒิฟังอย่างไม่ปิดบัง ด้วยความเป็นทั้งเพื่อนร่วมวิชาชีพและเพื่อนสนิท

รวมทั้งที่ชินวุฒิรับเป็นเจ้าของไข้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย


ยิ่งในตอนนี้ชินวุฒิก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจเมื่อต้องมาเป็นคนแจ้งผลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดให้

ศรุตฟัง ชินวุฒิสบตากับแววตาเครียดขรึมของคนเป็นเพื่อนแล้วถอนหายใจ ศรุตกัดฟันเมื่อพูด

กับชินวุฒิ


“ไม่ต้องอ้อมค้อม บอกมาเลยว่าเกิดจากอะไร”


ชินวุฒินิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงคำพูด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจบอกกับคนเป็นเพื่อน


“ประวัติของธนัทไม่เคยมีที่โรงพยาบาลนี้ แต่ธนัทเคยเป็นคนไข้อยู่ที่ดับบลิวเอสโอ”


ศรุตอ้าปากค้าง เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ชินวุฒิบอกมา


“หมายความว่า...”


ชายหนุ่มรำพันเสียงแหบโหย ชินวุฒิพยักหน้ารับด้วยความสงสาร


“ใช่...ขอประวัติมาจากดับบลิวเอสโอแล้ว คอนเฟิร์ม เมื่อสิบปีก่อนธนัทเป็นคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัด

เปลี่ยนอวัยวะจริงๆ”


การรับรู้ของศรุตหมุนคว้างไปหมด เขายืนแทบไม่อยู่จนต้องหันหลังพิงผนังกระจก ดวงตาหรุบต่ำ

ซ่อนรอยแดงจากหยาดน้ำ


“บอกกูมาว่านัทผ่าตัดเปลี่ยนอะไร”


ชินวุฒิเอื้อมมือมาบีบไหล่คนเป็นเพื่อนอย่างให้กำลังใจอีกครั้ง เมื่อต้องเอ่ยประโยคที่ศรุตจำเป็น

ต้องรับรู้


“ธนัทผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ”


ชินวุฒิถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิท แต่ว่าเขาก็จำเป็นจะต้องแจ้งผลการตรวจร่างกาย

ของธนัทให้ศรุตได้รู้


“หัวใจของธนัทเต้นอย่างอ่อนแรงเต็มที มันกำลังจะหมดอายุการทำงานลงอย่างช้าๆ

กูกลัวว่ามันอาจจะหยุดเต้นลงในเร็ววันนี้”




เสียงประตูกั้นภายนอกของหอผู้ป่วยวิกฤติถูกผลักมาจากชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ โดยไม่สนใจ

การทัดทานของเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ร้องห้าม  เขามายืนหันรีหันขวางมองไปทางห้องแยก

แต่ละห้อง ก่อนที่สายตาของเขาจะมาหยุดลงที่ศรุตและชินวุฒิ แล้วจึงเดินลิ่วตรงเข้ามา

เขาหยุดยืนต่อหน้า ดวงตาของศรุตเบิกกว้างเมื่อจำได้ว่าเป็นใคร


“คนไข้ที่ชื่อธนัทอยู่ห้องไหน”


เสียงเครียดเอ่ยถามเมื่อเห็นเครื่องหมายแสดงตำแหน่งของชินวุฒิ นายแพทย์หนุ่มชี้ไปที่ห้อง

อย่างงงๆ แล้วก็ต้องโผไปยึดตัวไว้เมื่อชายคนดังกล่าวทำท่าจะก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว


“เดี๋ยวครับ เข้าไม่ได้ เราอนุญาตเฉพาะญาติสนิทเท่านั้น”


ดวงตาดุของชายแปลกหน้าคุกรุ่นเมื่อได้ยิน เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชินวุฒิ

ก่อนที่จะตะคอกเสียงดุ


“ก็ผมนี่ไงญาติสนิทที่เหลืออยู่แค่คนเดียว ผมชื่อสุทัศน์ เป็นพ่อของธนัท คราวนี้คุณจะให้ผมเข้าไป

ดูอาการของลูกชายผมได้หรือยัง”






ศรุตยืนมองอยู่นอกห้องกระจก

ชั่วระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง เรื่องราวต่างๆ ประดังเข้ามาจนเขาแทบรับไว้ไม่หมด รวมทั้งเรื่องที่เขา

เพิ่งได้พบบิดาของธนัทเป็นครั้งแรก


จะว่าครั้งแรกก็ไม่ถูก เมื่อเขาเคยได้พูดคุยกับบิดาของธนัทหลายครั้งในนามของ “เฮอคิวลิส”

นอกจากเรื่องที่แทบจะล้มทั้งยืนกับความจริงที่เพิ่งรู้ว่าธนัทเคยผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ เขายังต้องมา

กลัดกลุ้มกับเรื่องใหม่ว่าบิดาของธนัทคือ นายสุทัศน์ ผู้อำนวยการของดับบลิวเอสโอที่เขาเคย

โต้เถียงด้วยทางโทรศัพท์


แน่นอนว่าสุทัศน์ไม่รู้จักเขาเพราะการปิดบังใบหน้า แต่เขาจดจำสุทัศน์ได้เป็นอย่างดี

ภาพที่ศรุตมองผ่านกระจกทำให้เขาสะท้อนใจ


นายสุทัศน์ที่เคยหยิ่งยะโส มั่นใจในอำนาจและความเก่งกาจมองสภาพคนเป็นลูกสีหน้าเครียด

มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะของธนัทอย่างอ่อนโยนอย่างที่ศรุตไม่คาดคิดว่าจะเห็น เมื่อดูจากบุคลิก

ของสุทัศน์

ราวกับว่าธนัทจะรู้ได้ ศรุตมองเห็นดวงตาคู่หวานค่อยๆ กระพริบแล้วลืมตาช้าๆมามองผู้เป็นบิดา

สุทัศน์ที่เคยเข้มแข็งถึงกับต้องยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนที่จะโน้มตัวลงไปแล้วกอดร่างที่นอนนิ่ง

อยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางอย่างอ่อนโยน




ศรุตเบือนหน้าหนีขอบตาร้อนผ่าว

เขาคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรธนัทถึงจะกลับมาอยู่กับเขาอย่างคนที่มีชีวิต!



TBC


 :mew6: :mew6:



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 22 [07/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-09-2015 21:41:49
จิ้มจึกๆ
เหยดดด สุทัศน์เป็นพ่อของธนัทรึนี่ =[]=
เอาใจช่วยพี่เอกกะนัท
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 22 [07/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-09-2015 22:57:09
ถ้าพี่เอกหาวิธีการรักษาได้ ก็น่าเป็นห่วงอีกว่าคุณพ่อเขาจะยอมให้เฮอคิวลิสที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดรักษาหรือเปล่านี่สิคะ ตอนนี้กลัวก็แต่เจ้าตัวเขาจะดึงดันว่ายังไงนัทก็ต้องอยู่ในความดูแลของดับบลิวเอสโออย่างเดียวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 22 [07/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-09-2015 23:08:57
dilemma จริงๆเลยงานนี้ 
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 22 [07/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-09-2015 03:58:38
 :เฮ้อ: พี่เอกเก่งอยู่แล้วต้องช่วยนัทได้แน่ๆ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-09-2015 22:19:04




                                       Heart

                                   หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                      บทที่ 23



ศรุตทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กที่ตั้งเป็นแถวยาวอยู่หน้าหอผู้ป่วยวิกฤติ ยืดขายาวจนสุดปลายเท้า

ส่วนศีรษะเงยขึ้นพาดขอบพนักแล้วทิ้งตัวไปกับผนังตึก ดวงตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้า

ตลอดหนึ่งวันและหนึ่งคืนที่ผ่านมา เรื่องที่เกิดขึ้นดูมากมายจนเกินกำลังที่คนคนหนึ่งจะรับได้

ทั้งเรื่องที่มีนก่อขึ้นจนทำให้เขาและธนัทได้พิสูจน์ความรัก เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งครั้งแรก

รวมทั้งเรื่องที่เขาเกือบสูญเสียคนที่เขารักไปในวินาทีเดียวกับที่เพิ่งมีความสุขด้วยกัน

ทุกอย่างวิ่งวนอยู่ในความคิดจนศรุตต้องถอนหายใจออกมา


รู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงบนเก้าอี้ด้านข้างพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ต่อจากเขา

ศรุตลืมตาขึ้นมาแล้วเหลือบไปมองทางด้านข้างนายสุทัศน์ ผู้อำนวยการองค์การวิทยาศาสตร์โลก

ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ”เฮอคิวลิส” นั่งอยู่ในท่าเดียวกันกับเขาหลับตาลงด้วยความเครียด

ที่ไม่น้อยไปกว่าศรุต ชายกลางคนพูดขึ้นโดยที่ยังไม่ยอมลืมตา


“คุณเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเจ้านัทได้”


“ผมชื่อศรุต”


คำกล่าวแนะนำตัวง่ายๆ แต่เรียกความสนใจจากสุทัศน์ได้เป็นอย่างดี บิดาของธนัทผงกหัวลืมตา

ขึ้นและหันมามองหน้าศรุตอย่างพิจารณา


“คุณนี่เองที่ชื่อศรุต เป็นคนวาดรูปใช่ไหม เจ้านัทมันพูดถึงให้ฟังอยู่บ่อยๆ”


ประโยคบอกเล่าของสุทัศน์สร้างความแปลกใจให้ศรุตเช่นกันที่ธนัทสามารถพูดคุยเรื่องของเขา

กับผู้เป็นพ่อได้


“เจ้านัทมันเล่าให้ฟังว่าคนชื่อศรุตน่ะ เป็นคนคิดมากยิ้มยากขี้เก๊ก แต่ทำไมมันถึงรักเขาก็ไม่รู้”


น้ำเสียงที่สุทัศน์พูดถึงคนเป็นลูกเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แถมยังมีรอยยิ้มตามไปด้วยเมื่อนึกถึง

น้ำเสียงที่คนเป็นลูกเคยพูดให้ฟัง ท่ามกลางรอยยิ้มของสุทัศน์เขายกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตา


“บอกกันมาตรงๆ เลยนะ ทำไมเจ้านัทถึงได้เป็นอย่างนี้”


ศรุตอึ้งกับคำถามตรงไปตรงมา

ในบทบาทของเฮอคิวลิส ไม่เคยมีสักครั้งที่เขายอมอ่อนข้อให้นายสุทัศน์ แต่ในบทบาท

ของคนเป็นพ่อ และยิ่งเกิดเรื่องนี้ ชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะสบตา


“ผมไม่รู้ว่านัทมีสภาพร่างกายที่ไม่ปกติ คือ...มันมีเรื่องกันนิดหน่อยที่ร้านต้นไม้เราก็เลยช่วยกัน

จัดร้านแล้วหลังจากนั้น…”


ประโยคต่อมาเลือนหายเข้าไปในลำคอจนบรรยากาศเข้าสู่ความเงียบ ศรุตยิ่งใจเสียเมื่อเห็น

สุทัศน์ขบกรามแน่นใบหน้าเครียดขรึม


“คุณมีเซ็กซ์กับเจ้านัทใช่ไหม”


การนิ่งงันของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ถือว่าเป็นการยอมรับ สุทัศน์กำมือแน่นวางอยู่บนต้นขา

ดวงตาฝ้าไปด้วยหยาดน้ำจ้องมองไปที่ต้นขาของตัวเอง


“ผมเคยบอกกับเจ้านัทอยู่เสมอว่าถ้าเป็นไปได้อย่ามีความรัก”


สุทัศน์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“เพราะถ้ามีความรัก มันก็อดไม่ได้ที่จะมีเรื่องเซ็กซ์เกิดขึ้น ใช่...มันไม่ใช่เรื่องผิดแม้จะเป็นผู้ชาย

ด้วยกันแต่กับสภาพของหัวใจเจ้านัทที่ได้รับการเปลี่ยนหัวใจมาถึงสิบปี หัวใจดวงนี้มันอ่อนแอ

เกินกว่าที่จะต้องพบเจอกับเรื่องเครียดหรือเรื่องตื่นเต้น”


น้ำตาของคนเป็นพ่อหยดลงมารดมือตนเอง


“เจ้านัทมันรู้ตัวอยู่แล้วว่าถ้ามันมีเซ็กซ์ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย คุณควรจะภูมิใจที่มันรักคุณมาก

ถึงกับยอมตายเพื่อคุณ”


ไม่!! .. เขาไม่ได้ต้องการให้ธนัทมาตายเพื่อความสุขทางร่างกายของเขา

ศรุตตะโกนก้องในใจ ด้วยความอัดอั้น

ชายหนุ่มก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดอกพยายามกลั้นสะอื้นไว้ ธนัทมีค่าเกินกว่าที่จะต้องมาจากไป

เพราะเรื่องแค่นี้


“มีทางไหนที่จะทำให้นัทกลับมาเป็นปกติหรืออย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่านี้ไหมครับ”


ศรุตเอ่ยถามในเรื่องโง่ๆ ถ้าเป็นเวลาปกติ แต่กับสถานการณ์อย่างนี้หัวสมองเขาไม่แล่น

เอาเสียเลย


“ต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีกครั้ง”


คำตอบสั้นๆง่ายๆ จากคนเป็นพ่อด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน ฉุดชายหนุ่มให้ลืมตาเห็นความหวัง

เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานและนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนตัดสินใจเอ่ยกับสุทัศน์ง่ายๆ


“ผมคือเฮอคิวลิส”


สุทัศน์ผงกหัวขึ้นมาแล้วหันมามองศรุตราวกับชายหนุ่มเป็นคนสติวิปลาส


   “เวลาแบบนี้คุณยังจะพูดเล่นกับผมอีกงั้นหรือ”


“ถ้าคุณไม่เชื่อจะลองสืบประวัติจากมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนจบมาก็ได้ ผมบอกได้แค่ว่าผมคือ

เฮอคิวลิส”


สุทัศน์สบตากับศรุตที่จ้องตรงมาโดยไม่คิดจะหลบเช่นกัน นัยน์ตาหนักแน่นยืนยันว่าสิ่งที่ศรุต

พูดมาคือความจริงสุทัศน์ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดลงกว่าเดิม


“แล้วคุณมาบอกผมทำไมตอนนี้ เฮอคิวลิส ในเมื่อที่ผ่านมาคุณก็ไม่เคยใยดีอยู่แล้วนี่”

น้ำเสียงที่ติดจะเหยียดหยันทำให้ศรุตนิ่งไปอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดจากการตัดสินใจครั้ง

สำคัญ


“ก็ถ้าผมจะขอเป็นคนผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้นัท คูณจะว่ายังไง”







ศรุตเดินมาหยุดยืนพิงกรอบประตูมองบุคคลทั้งหมดภายในห้องแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ

ธนัทพ้นจุดวิกฤติจนสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วย้ายมาอยู่ในแคปซูลออกซิเจนแรงดันสูง

แทนได้แล้ว

ศรุตเห็นหนุ่มน้อยหัวเราะได้แม้จะยังดูอ่อนเพลีย และยังคงมีสารละลายให้ไว้ในกระแสเลือด

ต้องขอบคุณคนมาเยื่ยมสองคนที่สร้างรอยยิ้มได้ คนหนึ่งคือภาม กับอีกคนหนึ่งเป็นชายร่างสูง

ผิวขาวที่เขาไม่รู้จักว่าใคร ภามเหลือบเห็นศรุตเขาจึงพยักเพยิดให้คนที่นอนพักในแคปซูล

กับคนที่นั่งข้างๆได้เห็น แล้วเอ่ยเชิงสัพยอก


“โน่น พระเอกมาแล้ว แหม พอพระเอกมาหน้าแดงเชียวไอ้นัท”


เสียงดังเพียะดังขึ้นพร้อมเสียงอุทานของวิศวกระหนุ่ม เมื่อคนนั่งข้างๆหันมาตีแขนภามอย่างแรง


“ป๊า จะไปล้อไอ้นัทมันทำไม เดี๋ยวเหอะ ขอโทษทีนะครับปากเสียแบบนี้แหละ แต่ไม่มีพิษภัยหรอก”


ประโยคหลังหันมาพูดกับศรุตจนเขาเองก็อดหัวเราะไม่ได้ ภามใช้แขนล็อคคอคนพูดไว้แล้ว

เหนี่ยวมาหอมแก้มเร็วๆไปหนึ่งที


“ม้า เดี๋ยวนี้เข้าข้างคนอื่นแล้วนะ ไปอยู่ต่างประเทศไม่ถึงปี ลืมป๊าแล้วใช่ป่ะ”


คนที่ภามเรียกว่า ม้า ยกมือขึ้นดันหน้าผากภามให้ห่างออกแล้วดุเสียงดัง


“เอ๊ะ ป๊านี่อะไรขนาดนี้ ไม่อายเค้าบ้างหรือไง หน้าด้านจริง”


แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน เดินมายิ้มต่อหน้าศรุต


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อวัตร”


“เป็นแฟนผมเอง”


ภามรีบสอดเสียงมาแนะนำ ศรุตถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


“คุณสองคน เป็นแฟนกัน?”


“ช่าย มันน่าแปลกตรงไหนมิทราบ ทีนี้คุณจะได้รู้เสียทีว่าผมกับไอ้นัทน่ะ

ไม่ได้มีอะไรกันจริงจริ๊ง ในเมื่อแฟนผมน่ารักกว่าไอ้นัทเยอะ โอ๊ย”


ปลายประโยคร้องสุดเสียงเมื่อวัตรยกมือขึ้นหนีบไปที่หน้าท้องของภาม


“พูดน้อยหน่อยก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก กลับกันได้แล้วคุณเอกเค้าจะได้คุยกับไอ้นัท”


วัตรล็อคคอภามไว้แล้วหันไปกล่าวกับธนัท


“เฮ้ย ไอ้นัท พี่ไปก่อนนะรักษาตัวให้หายล่ะน้องรัก ต้นไม้ที่ฟาร์มรออยู่นะ ไปละครับคุณเอก

สวัสดีครับ”


แล้ววัตรก็ลากภามออกไปจากห้องจนสำเร็จ เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ศรุตที่เดินไปทรุดนั่ง

อยู่ข้างแคปซูล


ชายหนุ่มมองลอดช่องเล็กๆ ข้างแคปซูลเข้าไปสบตากับดวงตาคู่หวาน มือแกร่งสั่นน้อยๆ

เมื่อยื่นเข้าไปในช่องแล้วกุมมือนุ่มของธนัทไว้อย่างแน่นหนาก่อนเอ่ยตัดพ้อ


“ทำไมไม่เคยเล่าเรื่องที่เคยผ่าตัดให้พี่ฟัง เห็นพี่ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม”


ดวงตาแดงก่ำของธนัทจ้องตอบอย่างอัดอั้น หนุ่มน้อยยกอีกมือหนึ่งมากุมอยู่เหนือมือ

ของศรุต น้ำเสียงที่อ่อนแรงเอ่ยขึ้นช้าๆ


“ผมขอโทษ ผมไม่อยากให้พี่เอกไม่สบายใจ”


“ก็ถ้าบอกกันให้รู้ พี่จะได้หักห้ามใจ ไม่…ไม่ทำอะไรอย่างนั้น”


ธนัทส่ายหน้าช้าๆ ริมฝีปากซีดคลี่ยิ้มทั้งที่หยดน้ำไหลรินจากดวงตา


“ไม่ใช่ความผิดของพี่เอก อย่าโทษตัวเอง มันเป็นเพราะผมก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้

พี่เป็นคนที่ผมรักและอยู่ในความฝันของผมมาตลอดสิบปี ผมก็แค่อยากมีความสุข

กับพี่สักครั้ง…ก่อนตาย”


มือแกร่งที่กุมอยู่กำมือเรียวไว้แน่นเมื่อได้ยินประโยคนั้น ศรุตถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่มาตั้งอยู่กลางหัวใจ ศรุตฝืนคลี่ยิ้ม เรียกเสียงสดใสพูดกับธนัท

แม้ดวงตาจะร้อนผ่าว ขนตาเปียกชื้น


“เราเคยเจอกันเมื่อสิบปีก่อนด้วยเหรอ ที่ไหนล่ะ พี่จำไม่ได้”


แม้ใบหน้าจะอ่อนระโหย แต่ดวงตาของธนัทก็เริ่มสดใสเมื่อคิดถึงความหลัง


“พี่เอกไม่เห็นผมหรอกครับ ผมมักจะแอบอยู่หลังมุมตึกของดับบลิวเอสโอ

คอยมองเวลาพี่พาแอมเข็นรถมาเดินเล่นที่สวนหย่อมชั้น 2”


ศรุตเลิกคิ้วเมื่อได้ยิน เขานึกตามที่ธนัทเล่าให้ฟัง


“ตอนนั้นผมสิบขวบ พี่เอกคงจะ 15 ได้มั้งยังอ้วนแก้มยุ้ยอยู่เลย พี่ชอบเข็นรถ

พาแอมที่นั่งหน้างอมานั่งเล่นที่สวนหย่อมชั้น 2 บางทีก็มายืนวาดรูปส่วนผมมา

นอนรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 8เป็นประจำเพราะพ่อทำงานที่นั่น วันไหนถ้ามีแรงก็จะแอบ

ลงมายืนมองพี่เอกใกล้ๆ แต่ถ้าวันไหนไม่มีแรงก็ต้องมองลงมาไกลๆ จากหน้าต่างชั้น 8”


ธนัทยิ้มเมื่อคิดถึงความหลัง


“พอผมผ่าตัดสำเร็จก็มาพักที่บ้านแล้วก็ไม่เจอพี่เอกอีกเลย แม้ว่าจะแวะไปที่ดับบลิวเอสโอ

บ่อยๆจนคิดว่าเราคงไม่ได้พบกันอีก จนกระทั่งวันนึงผู้ชายขี้เก๊กที่ไหนไม่รู้ไปโผล่

ที่ร้านต้นไม้ของผม ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจไว้ว่าผมจะไม่ปล่อยให้หัวใจของผมหลุด

ลอยไปอีกครั้ง”


ศรุตดึงมือของธนัทออกมาภายนอกช่องเล็กแล้วมาแนบไว้ที่แก้ม น้ำตาที่พยายาม

กลั้นไว้จนสุดความสามารถทะลักทลายออกมาจนเปียกมือนุ่ม


เขาจะต้องรักษาธนัทให้ได้ เขาจะต้องไม่ปล่อยให้หัวใจของเขาหลุดลอยไปกับเงื้อมมือมัจจุราช




TBC


 :mew4: :mew4:



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-09-2015 22:59:10
พี่เอกหาทางรักษานัทให้ได้นะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-09-2015 00:52:16
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-09-2015 01:03:25
น้องนัทจะต้องหายดีแน่นอนนะคะ ไม่เอาไม่พูดค่ะตายเตยอะไรนั่น :กอด1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-09-2015 01:19:48
หักมุมจบเศร้านี่เท่ากับกระชากใจคนอ่านเลยนะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 23 [11/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ReemD18 ที่ 12-09-2015 01:50:36
พระเอก้ามคดสั้นจะผ่าตัดเอาหัวใจตนเองเปลี่ยนให้นายเอกนะ
ถ้าเป็นแบบนี้มันดราม่าโคตรๆๆ//ขอให้าทางรักษานายเอกให้ได้นะ
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-09-2015 19:01:26


                           Heart

                    หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                         บทที่ 24



“ผมและแม่เจ้านัทมีลูกยาก เราพยายามใช้วิธีการตามธรรมชาติมานานก็ไม่สำเร็จ

จนต้องตัดสินใจใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย กว่าจะมีเจ้านัทได้เราสองคนก็อายุเยอะแล้ว”


สุทัศน์เงยหน้ามองไปที่เพดานสีขาวของโรงพยาบาลเมื่อนึกถึงอดีต


“ระหว่างท้องเจ้านัทภรรยาของผมก็เริ่มป่วยแต่เธอก็พยายามประคับประคอง

จนคลอดได้สำเร็จ แต่ก็อยู่ชื่นใจกับลูกได้ไม่นานเธอก็จากเราสองคนพ่อลูกไป”


บิดาของธนัทล้วงสร้อยที่ห้อยคอออกมา เปิดจี้ห้อยคอรูปหัวใจอันใหญ่แล้วอมยิ้ม

เมื่อเห็นรูปภรรยาที่อุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมกอด


“ส่วนเจ้านัทลูกเพียงคนเดียวที่เป็นของขวัญจากคนที่ผมรักที่สุด นอกจากจะโชคร้าย

ที่ไม่ได้โตขึ้นมาเห็นหน้าแม่ ยังมีสิ่งที่โชคร้ายกว่าคือโรคลิ้นหัวใจรั่วแต่กำเนิด โดยปกติ

โรคนี้รักษาไม่ยากแต่กับเจ้านัทที่เป็นชนิดรุนแรงมากรักษาด้วยการผ่าตัดปิดที่ลิ้นหัวใจไม่ได้

ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ชีวภาพพยายามที่จะรักษาลูกทุกวิถีทาง ผมต้องทนดูลูกนอนหอบ

ตัวซีดหน้าเขียว แค่ก้าวขาลงจากชั้นสองก็หายใจหอบตัวโยนจนต้องเสี่ยงให้เจ้านัทผ่าตัด

เปลี่ยนหัวใจเมื่ออายุสิบขวบ”


ศรุตหลับตาลงนิ่งฟังสุทัศน์เล่าถึงอดีตของคนรักด้วยความสงสาร ธนัทพบเจอเรื่องร้ายมา

ตลอดชีวิต แต่หนุ่มน้อยยังสามารถยิ้มให้ทุกคนอย่างสดใส ศรุตนับถือในความเข้มแข็ง

ของธนัทเหลือเกิน


เขาสัญญากับตัวเอง ถ้าธนัทผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้และมีชีวิตอยู่ต่อได้เขาจะไม่มีวันทำให้ธนัท

พบเจอเรื่องร้ายแรงในชีวิตอีกแล้ว


“การผ่าตัดได้ผลดี ร่างกายนัทเข้ากับหัวใจใหม่และดำรงชีวิตประจำวันได้ แต่ก็อย่างที่คุณรู้

การทดลองสเต็มเซลล์ของเราแม้จะก้าวหน้าไปมาก แต่มันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มากมาย

ที่เราต้องพัฒนา นอกจากเรื่องการกลายไปเป็นเนื้อร้าย หรือการที่ร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่

มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ดับบลิวเอสโอยังปิดเป็นความลับ”


สุทัศน์หันมาสบตากับศรุต


“อวัยวะที่เปลี่ยนมันมีวันหมดอายุ เมื่อถึงเวลามันจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใช้งานไม่ได้

หัวใจเจ้านัทก็อยู่ในกรณีนี้ ถึงไม่ได้เกิดเรื่องกับคุณหัวใจของลูกชายผมก็ต้องหยุดเต้นในเร็วๆนี้อยู่ดี

ทีนี้คุณจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องยินยอมให้ดับบลิวเอสโอผลิตสเต็มเซลล์ได้หรือยัง”


ศรุตลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาคุกเข่าต่อหน้าสุทัศน์บิดาของธนัท แววตาที่มองมาเครียดขรึมและวอนขอ

ศรุตยินยอมละทิ้งทิฐิมานะเพื่อให้ได้เห็นคนที่เขารักได้มีลมหายใจต่อไป


“ขอให้ผมได้เป็นคนผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้นัทเถอะครับ คุณสุทัศน์ ผมขอร้อง”







อีกแล้วกับความคุ้นเคย

ธนัททอดสายตามองสีเขียวสดใสด้วยหัวใจสงบ อากาศที่เริ่มเย็นทำให้หนุ่มน้อยต้องห่อไหล่ไว้

ก่อนที่ความอบอุ่นจากผ้าผืนนุ่มจะวางลงบนบ่าลาด หัวใจวูบไหวเมื่อหันไปมอง...



ปรือตาขึ้นช้าๆเมื่อรุ้สึกตัวตื่น ฤทธิ์ยาทำให้เขาหลับใหลแทบจะตลอดทั้งวัน เมื่อตั้งสติได้

ธนัทมองออกไปนอกแค็ปซูลออกซิเจน เห็นร่างสูงคุ้นตายืนคุยอยู่กับนายแพทย์ชินวุฒิ

ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่ เสียงที่กดให้แผ่วเบาลอดผ่านมาให้ได้ยินจากการสนทนา

ของนายแพทย์ทั้งสอง ธนัทพยายามเงี่ยหูฟังด้วยอาการสงบ


“มันเสี่ยงมาก”


เสียงของชินวุฒิเน้นย้ำ


“มึงเห็นภาพสแกนหัวใจของธนัทแล้วนี่ เห็นเส้นเลือดใหญ่ตรงหัวใจบ้างหรือเปล่าว่ามันแคบ

และเปราะแค่ไหน”


ศรุตกัดฟันยืนกอดอกนิ่ง ทำไมเขาจะไม่รู้ แต่เมื่อนึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่แสดงอยู่ใน

จอมอนิเตอร์ว่าเริ่มเต้นช้าลงและไม่สม่ำเสมอ มันบอกให้เขารู้ว่าหัวใจดวงน้อยใกล้ถึงเวลา

หยุดทำงานแล้ว เสี่ยงแค่ไหนก็คงต้องยอม


“ต้องทำได้สิ ในเมื่อนัทเคยผ่านการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งครั้งนี้ก็ต้องผ่านไปได้”


นายแพทย์ชินวุฒิถอนหายใจด้วยความสงสารคนเป็นเพื่อนเมื่อได้ยินคำพูด

ที่ราวกับจะปลอบโยนตัวเอง


“มึงเป็นหมอศัลย์ มึงต้องรู้อยู่แล้วว่าผ่าตัดแก้ไขครั้งที่สองมันต้องยากกว่าครั้งแรก

อย่าให้กูต้องบอกมึงเลยว่าโอกาสสำเร็จมันน้อยมาก”


ชินวุฒิตัดสินใจเตือนเพื่อนตรงๆ


“แต่ถ้ามึงมั่นใจว่าจะเสี่ยงและพ่อธนัทยอมล่ะก็กูก็คงห้ามไม่ไหว เอาเป็นว่า

กูเอาใจช่วยแล้วกันนะ”


ชินวุฒิเอื้อมมือมาตบไหล่ศรุตเบาๆเป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

ศรุตถอนหายใจพลางยกหลังมือขึ้นป้ายตาเมื่อรู้สึกว่ามันร้อนผ่าวก่อนจะหันมามอง

แค็ปซูลออกซิเจนจึงได้สบตากับธนัทที่มองตรงมายังเขา


ร่างสูงเดินมาที่แค็ปซูลแล้วกดปุ่มด้านข้าง ผนังแก้วทุกด้านของแค็ปซูลเปิดออก

และเลื่อนกลับเข้าไปใต้เตียง เหลือทิ้งไว้แต่ร่างบางที่นอนซีดเซียว ศรุตดึงสายออกซิเจน

เส้นเล็กจากหัวเตียงแล้วใส่ที่จมูกโด่งของธนัทอย่างนุ่มนวล มือใหญ่เอื้อมมาดึงมือของธนัต

มากุมไว้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน


“หลับสบายไหม ฝันดีหรือเปล่า”


ธนัทเกาะกุมมือตอบ เขาพยักหน้าน้อยๆพร้อมยิ้มรับ


“ฝันดีสิครับ ที่ไหนก็ไม่รู้ต้นไม้สีเขียวเต็มไปหมดอากาศก็ไม่ร้อน แปลกที่ผมฝันถึงที่นั่นบ่อยๆ

แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเหมือนกัน”


ปลายเสียงแผ่วเบาขาดหายเมื่อธนัทหอบตัวโยน ศรุตรีบเพิ่มระดับออกซิเจนให้และยกมือ

ลูบศีรษะธนัทด้วยความสงสาร แค่พูดยาวกว่าปกติธนัทยังเหนื่อยหอบขนาดนี้ ศรุตกลัวเหลือเกิน

ว่าร่างกายของคนรักจะรับการผ่าตัดไหวหรือไม่


เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นจึงได้ยินเสียงล้อรถเข็นไฟฟ้าเคลื่อนเข้ามา ศุภัคชญาเข้ามาในห้อง

พร้อมจิรวิชญ์ สาวน้อยหน้าเจื่อนเมื่อเห็นสภาพของธนัท จิรวิชญ์เข็นรถมาให้จนศุภัคชญา

มาอยู่ชิดติดขอบเตียง หญิงสาววางมือบนต้นแขนของธนัท ดวงตาสำนึกผิดแดงก่ำ


“นัท เราขอโทษ”


ใบหน้าอ่อนระโหยฝืนยิ้มรับคนเป็นเพื่อน หนุ่มน้อยเอิ้อมมือไปกุมมือศุภัคชญาไว้


“ขอโทษทำไมแอมไม่ผิดหรอก”


“ผิด เราผิดที่คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองลืมนึกถึงคนอื่น เราสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเอง”


ศุภัคชญายกมืออีกข้างเช็ดน้ำตา


“ยิ่งเรามารู้ว่านัทเคยผ่าตัดเหมือนเรา ก็ยิ่งรู้สึกผิด”


ธนัท เอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เพื่อน


“เราไม่โกรธแอมเลยนะสบายใจได้ เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว”


“นัทต้องรักษาตัวให้หายนะแล้วมาอยู่กับพี่เอก เราจะไม่ขัดขวางอีกแล้ว”


ศรุตยิ้มกับภาพที่เห็น ในที่สุดน้องสาวของเขาก็ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ จิรวิชญ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

วางมือลงบนบ่าศุภัคชญาเป็นการปลอบโยน เขามองสบตาศรุตก่อนที่จะบอกข่าวที่รับฝากมา


“คุณสุทัศน์เตรียมหัวใจดวงใหม่แล้วนะ ตอนนี้กำลังตรวจสอบขั้นตอนสุดท้ายถ้าทั้งหมดผ่าน

การตรวจสอบ พี่เอกกับนัทก็ต้องเตรียมตัวย้ายไปทำการผ่าตัดที่ดับบลิวเอสโอ”


ศรุตสบตาจิรวิชญ์พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียด


“เมื่อไหร่”


"มะรืนนี้ก็น่าจะเรียบร้อย แอมพี่ว่าเรากลับกันก่อนเถอะพี่เอกกับนัทจะได้อยู่ด้วยกัน”


ศุภัคชญาหันไปพยักหน้ารับ จิรวิชญ์จึงได้เข็นรถสาวน้อยออกไป

ศรุตปรับระดับหัวเตียงให้สูงขึ้น ชายหนุ่มนั่งลงที่ขอบเตียงดึงร่างที่บอบบางลงเพียงชั่วไม่กี่วัน

ให้ลุกขึ้นโดยมีท่อนแขนของเขาประคองไว้


“กลัวไหม”


เขาถามธนัท หนุ่มน้อยยิ้มให้ก่อนส่ายหน้าช้าๆ


“ไม่กลัวครับ ผมรู้ว่าพี่เอกจะผ่าตัดให้ผมอย่างปลอดภัย พี่เอกล่ะกลัวไหม”



กลัวสิ กลัวที่จะไม่มีธนัทที่มีลมหายใจอยู่ข้างๆ


ศรุตตอบหนุ่มน้อยในใจ ภายนอกได้แต่ฝืนยิ้มแล้วดึงร่างบางให้เอนซบมาที่อกกว้างของเขา

เพื่อที่จะหลบสายตาหวั่นไหว ธนัทยกมือขึ้นกอดศรุตไว้เพื่อซึมซับความรู้สึกอบอุ่นให้มากที่สุด


“ชีวิตของผมที่ได้มาพบกับพี่เอก แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว”


ถ้าผมจะต้องตาย ก็ขอให้ตายในมือของพี่ คนที่ผมรักที่สุด


ธนัทคิดในใจแล้วจึงช้อนตาขึ้นสบกับศรุต


“ผมจะสู้ ถ้าพี่เอกเป็นคนผ่าตัดให้ผม”


ศรุตโน้มตัวประกบริมฝีปากลงบนปากซีดแตกระแหงแล้วกดแนบลงไปเมื่อธนัทตอบรับ

มือแกร่งที่วางอยู่บนบ่าดึงร่างนั้นให้กระชับอยู่ในอ้อมกอด


เขาจะสู้ไปพร้อมธนัท





TBC

 :mew6: :mew6:






หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-09-2015 20:21:07
ขอให้การผ่าตัดที่จะถึงนี้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเถอะค่ะ~~ :call:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-09-2015 21:29:55
เป็นกำลังใจให้พี่เอกและนัทนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2015 23:33:27
พี่เอกต้องช่วยน้องนัทให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-09-2015 00:16:22
ทำไมเรามาเจอเรื่องนี้ตอนที่มันตัดตอนลุ้นพอดีเลยเนี่ยยย รอจ้า
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-09-2015 00:32:45
ลุ้นนนน ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
เพราะเรื่องนี้มันใส่ๆ ฟิลกู๊ดดด ใช่ไหมมมม
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 24 [18/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-09-2015 06:50:59
เอาใจช่วยทั้งคู่เลย
รอน้า
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-09-2015 10:56:52



                             Heart

                       หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                           บทที่ 25



“ถ้าผมไม่อยู่ พี่เอกอย่าเสียใจนะ”


มือที่เกาะกุมมือใหญ่บีบกระชับแน่นเมื่อเสียงแผ่วเบาอ่อนระโหยผ่านออกมาจากริมฝีปากซีด


“อยู่ให้ได้อยู่ให้เป็นปกติ มีความรักครั้งใหม่ มีใครสักคนที่ดูแลพี่เอกแทนผม”


“อย่าพูดอย่างนั้นนัท เพราะมันไม่มีวันเป็นไปได้”


ดวงตาดื้อดึงแห้งผากมองสบตาคนรัก


น้ำตาของลูกผู้ชายแห้งเหือดไปแล้ว ไม่ใช่เพราะความสงสารธนัทจางหายแต่เป็นเพราะเขาร้องไห้

จนไม่มีน้ำตาจะไหลรินลงมาแล้วต่างหาก มือข้างที่กุมมือของธนัทดึงเข้ามาแนบอก

ส่วนอีกมือศรุตลูบศีรษะคนรักอย่างแผ่วเบา


“พี่จะผ่าตัดให้นัทด้วยความรู้ทั้งหมดที่พี่มี จะไม่ทำให้นัทเจ็บปวดจากอะไรทั้งสิ้น

หลับไปไม่นานนัทจะตื่นขึ้นมาเป็นนัทคนเดิมที่ยิ้มสู้กับทุกสิ่ง”


ศรุตฝืนยิ้มให้กำลังใจทั้งที่หัวใจของเขาแทบจะขาดรอนเมื่อเห็นแววตาของธนัท


“เราต้องไปกันแล้วครับ ห้องผ่าตัดที่ดับบลิวเอสโอเปิดรอคุณหมอและคุณธนัทอยู่”


เสียงขัดจังหวะดังขึ้นจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินทาง ศรุตจำต้องปล่อยมือจากการเกาะกุม

แล้วให้เจ้าหน้าที่กดปุ่มเล็กๆข้างเตียง เตียงนอนที่ธนัทนอนอยู่ค่อยๆเลื่อนขนาดเข้ามาจนพอดีตัว

ปลายขาเตียงมีล้อเล็กๆเลื่อนลงมาจากขาเตียง ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็กลายเป็นเตียงที่สามารถ

เคลื่อนย้ายได้ เจ้าหน้าที่กดปุ่มเล็กๆอีกหนึ่งปุ่ม เตียงนอนเคลื่อนที่ก็เริ่มขยับและขับเคลื่อนไปตาม

คำสั่งผู้บังคับ


ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาดใหญ่หยุดนิ่งสงบอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ควบคุมเตียงบังคับ

ให้เตียงนอนของหนุ่มน้อยเลื่อนเข้าไปด้านใน


“เดี๋ยว”


เสียงห้ามทำให้ทั้งหมดหยุดชะงัก นายแพทย์ชินวุฒิเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนรักแล้วตบบ่าเบาๆ


“มีใครบางคนอยากคุยกับธนัทน่ะ ขอเวลาสักครู่นะ”


ศรุตเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเป็นปมเมื่อเห็นคนที่เดินตรงเข้ามายืนซ้อนหลังชินวุฒิ

เพื่อนสนิทหันไปมองร่างบางที่ยืนหลบ ชินวุฒิหันกลับไปแล้วดึงแขนให้คนที่ยืนหลบออกมาเผชิญหน้า


“เร็วสิ มีอะไรจะพูดก็พูดซะ”


ชินวุฒิส่งเสียงเข้มใส่คนที่ยืนก้มหน้าจนสะดุ้ง ก่อนที่จะยินยอมเงยหน้าขึ้นสบตากับธนัทด้วยความสำนึกผิด

มีนก้าวมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่ข้อมือยังมีผ้าพันแผลพันไว้ น้ำตาแห่งความอัดอั้นคลออยู่ในดวงตายาวรี


“พี่มาขอโทษกับเรื่องทั้งหมด พี่ผิดเอง”


มือเรียวที่มีผ้าพันแผลเอื้อมผ่านศรุตที่ยืนอยู่ใกล้ๆมากุมมือธนัทไว้


“ปล่อยให้ความรักความหลงเข้ามาควบคุมจิตใจจนทำเรื่องที่ไม่ดี พี่มันเลวเอง”


มีนก่นด่าตัวเอง น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูออกมา ธนัทกลับต้องเป็นฝ่ายยิ้มน้อยๆ

แล้วยกมือมากุมมือมีนไว้


“ผมเข้าใจ เวลามีความรักเราก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักกลับมาคุณมีนอย่าโทษตัวเองเลย

แต่ถ้าคุณมีนไม่สบายใจจริงๆเอาเป็นว่าผมไม่ถือโทษคุณมีน เลิกเสียใจเถอะครับ”


มีนยิ้มทั้งน้ำตา หญิงสาวหันไปมองสบตาเครียดขรึมของศรุตอย่างครั่นคร้าม


“พี่เอกจะยกโทษให้มีนได้ไหมคะ”


ศรุตนิ่งไปแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว


“พี่ยกโทษให้ มีนเข้าใจก็ดีแล้ว”


มีนเป็นฝ่ายถอนหายใจแรงๆเมื่อได้ยิน ความรู้สึกทุกข์ทรมานที่อัดแน่นกระจายตัวอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวกระชับมือที่กุมมือของธนัทเพื่อให้กำลังใจ


“สู้นะ จะต้องมีชีวิตรอดจากการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะให้ได้ เชื่อใจพี่เอกไว้ เฮอคิวลิสไม่มีวันพลาด

เขาจะมอบชีวิตใหม่ให้นัท จะได้มาอยู่คู่กับคนที่รักนัทที่สุด”


ธนัทยิ้มรับคำอวยพรนั้น ชินวุฒิดึงแขนให้มีนก้าวห่างออกมาแล้วเจ้าหน้าที่ก็บังคับให้เตียงบรรทุกร่างผอมบาง

นั้นเลื่อนเข้าไปในยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีศรุตอยู่ชิดติดเตียงไม่ยอมห่าง


หนุ่มน้อยหลับตาลงเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนที่ไปบนอากาศ เขาค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆแล้วสูดหายใจ

เข้าไปใหม่อย่างหวงแหนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อได้หลับใหลไปกับยาสลบเขาจะมีโอกาสได้กลับมามีลมหายใจ

อีกครั้งหรือไม่


ทันทีที่ยานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าองค์การวิทยาศาสตร์ สุทัศน์ก็ปรี่เข้าไปใกล้ธนัทที่ถูกเข็น

ออกมาด้วยความห่วงใย เขาส่งเสียงออกคำสั่งระแวดระวังการเคลื่อนย้ายให้เป็นไปอย่างนุ่มนวลที่สุด

จนกระทั่งเตียงของธนัทผ่านเข้าไปในลิฟท์ ใบหน้าเคร่งเครียดที่ดูแก่ลงไปทันตาแม้ว่าเวลาจะผ่านไป

เพียงไม่กี่วันหันมาสบตาศรุต


“ผมมีลูกชายคนเดียว และผมก็รักเขามาก”


เสียงเข้มของสุทัศน์ดังขึ้น


“ผมยอมให้เขาทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาอยากจะทำ ทั้งเรื่องต้นไม้ และเรื่องที่ผมขัดใจที่สุดคือไปรักกับ

ผู้ชายด้วยกันอย่างคุณ แต่ผมก็ยอมได้เพียงแค่แลกกับความสุขของลูก”


สุทัศน์ก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่ยืนเครียดไม่แพ้กัน


“ตอนนี้ผมจำเป็นต้องฝากชีวิตลูกชายกับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจไว้กับคุณ คนที่เกลียดการผ่าตัด

เปลี่ยนอวัยวะจากสเต็มเซลล์ที่สุด และผมหวังว่าผมจะได้ลูกของผมกลับคืนมา”


ศรุตสบตาบิดาของธนัท ดวงตาคู่คมจริงจังเมื่อเอ่ยปากสัญญา


“คุณจะไม่ผิดหวังหรอก คุณสุทัศน์”


ดวงตาที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นโดยรอบจากวัยวุฒินิ่งมองชายหนุ่มคราวลูกก่อนที่จะเอื้อมมือมาตบบ่า

เบาๆ สุทัศน์ถอนหายใจ ก้มหน้าลงอย่างเหนื่อยอ่อน


“ฝากด้วยนะ เฮอคิวลิส ชีวิตเจ้านัทอยู่ในมือคุณ”







ธนัทนอนนิ่งแต่ดวงตากลับเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นแกมหวาดกลัว

ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง ถึงแม้ว่าเขาจะทำใจยอมรับมาเนิ่นนานแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆหนุ่มน้อยก็ยังหักห้ามใจ

ไม่ได้

ภายในห้องรอผ่าตัดอากาศเย็นจนหนาวด้วยการปรับอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่เหงื่อเม็ดโตก็ยัง

ผุดขึ้นจนไรผมของเขาเปียกชื้นจากความตื่นเต้น ความอบอุ่นที่คุ้นเคยก้าวเข้ามาใกล้ แล้วมาหยุดยืน

แนบชิดที่ข้างเตียง ศรุตอยู่ในชุดสีเขียวของแพทย์ผ่าตัด


สีเขียว สัญลักษณ์ของการมีชีวิต


มือแกร่งคว้ามือของธนัทมากุมไว้ เขาใช้มืออีกข้างลูบเบาๆ ที่แก้มของธนัท


“สัญญากับพี่ว่าจะสู้ไปด้วยกัน สัญญากับพี่ว่าจะอยู่กับพี่ตลอดไป”


เสียงเข้มขอสัญญา ธนัทสบตากับดวงตาคู่นั้น หยาดน้ำใสที่เหือดหายกลับมาเกลือกกลิ้งอยู่ใน

หน่วยตาคู่หวานก่อนที่มันจะหยดลงมาทางหางตาผ่านมือของศรุตที่วางมือแนบแก้ม


“ผมสัญญา”


เสียงสั่นเครือแต่หนักแน่นส่งตรงมาจากริมฝีปากซีด ศรุตก้มลงประทับริมฝีปากของเขาตามไปทันที

ที่คำสัญญาดังขึ้นธนัทสะอื้นกับกำลังใจที่มาจากจุมพิตนั้น ยิ่งเมื่อลิ้นร้อนตรงเข้ามาเกี่ยวกระหวัด

เขาก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่น ศรุตยังคงสบตาใบหน้าใกล้กันจนเขายังรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วเบาของธนัท

เมื่อเขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา


ศรุตกระซิบที่ข้างหูเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายธนัทเข้าไปในห้องผ่าตัด


“มีชีวิตอยู่เพื่อพี่ พี่รักนัทนะ”







แสงขาวสว่างจากไฟที่ซ่อนอยู่บนเพดานห้อง มันเจิดจ้าจนร่างบางที่อยู่บนเตียงเล็ก

กลางห้องแสบตา ก่อนที่เขาจะมึนงงจากฤทธิ์ของยาที่พยาบาลฉีดเข้าไปในสายน้ำเกลือ

ตาปรือหันไปสบตากับศรุตในชุดเขียวปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากซิลิโคนอีกครั้งจนกระทั่ง

สติดับวูบลง


ศรุตสูดลมหายใจเข้าปอด เขาหยิบถุงมือซิลิโคนปราศจากเชื้อมาใส่แล้วก้าวขึ้นยืน

บนแท่นยืนข้างซ้ายของร่างที่สลบไสล พยาบาลวิสัญญีใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมเปิดจอ

มอนิเตอร์ เส้นชีวิตปรากฏเป็นสีเขียวเรืองแสงอยู่ด้านศีรษะ


“พร้อมค่ะ”


ศรุตมองร่างนิ่งที่ยังหายใจ มือแกร่งรับมีดคมมาจากพยาบาลที่ทำหน้าที่ส่งเครื่องมือ

แล้วจรดมันลงที่หน้าอกข้างซ้าย


“มีชีวิตอยู่เพื่อพี่ พี่รักนัทนะ”



พึมพำคำพูดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนคมมีดจะกรีดลงบนเนื้อ



TBC

:m15: :m15:



หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-09-2015 11:30:01
สู้นะนัทททท
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-09-2015 15:54:38
พี่เอกเก่งอยู่แล้วต้องช่วยนัทได้แน่ๆ นัทจะต้องปลอดภัยแล้วกลับมาหาพี่เอกนะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-09-2015 17:36:40
ชอบตรงที่บอกว่าสีเขียวเป็นสีของการมีชีวิตค่ะ    เราก็รอสู้ไปกับนัทนะคะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-09-2015 18:07:02
นัทต้องได้กลับมาหาพี่เอกแน่นอน~~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 20-09-2015 20:17:16
  :mew6: :mew4:  สู้ ๆ นะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2015 21:14:03
ลุ้นๆๆ   :ling3: :ling3:
ขอให้พี่เอกช่วยน้องนัทให้ได้
ขอให้น้องนัทสู้เพื่อพี่เอก
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-09-2015 21:28:32
ค้างสุดอะไรสุดดด
เอาใจช่วยยย
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 25 [20/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-09-2015 00:26:58
 :mew1:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-09-2015 21:14:28

                                        Heart


                                หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                    ตอนที่ 26



“บางทีเราก็อยากที่จะให้หัวใจกับใครบางคน เพื่อที่จะให้คนๆนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรามีให้

ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่งการได้ด้วยสมอง แต่ต้องใช้ความรู้สึกจากหัวใจที่เราเรียกกันว่า ความรัก ”



ถ้าปลุกธนัทจากหลับใหลได้ ศรุตอยากจะบอกให้ธนัทรู้ว่าตอนนี้เขาเข้าใจคำพูดประโยคนี้แจ่มแจ้งแล้ว

เขาอยากจะบอกให้ธนัทได้รู้ว่าความจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตากับธนัท

ที่ร้านต้นไม้ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่ามันคือสิ่งที่เรียกว่า ความรัก


คมมีดที่มีเขาเป็นผู้กรีดลงไปบนเนื้อนุ่มที่เขาเคยสัมผัส และยังจำได้ถึงกลิ่นกายละมุนที่หอมจนติดจมูก

ทำให้ศรุตเจ็บปวดราวกับมีดนั้นผ่าลงมาที่ตัวเขาด้วย


สีแดงฉานไหลรินลงมาจากบาดแผล ศรุตต้องยับยั้งความรู้สึกหวาดกลัวและเรียกสมาธิกลับคืนมา

ให้เร็วที่สุดเมื่อถ่างกล้ามเนื้อที่ปกคลุมซี่โครงออกจนมองลงไปเห็นก้อนเนื้อหัวใจสีกระดำกระด่างที่ยังคงเต้น

ด้วยอัตราที่ช้าเต็มที


“สัญญากับพี่ว่าจะสู้ไปด้วยกัน สัญญากับพี่ว่าจะอยู่กับพี่ตลอดไป”


สัญญาแล้วนะนัท อย่าผิดคำสัญญา


นายแพทย์ผู้ช่วยมือที่สองต่อเส้นเลือดเทียมเข้ากับเส้นเลือดใหญ่ที่ศรุตบรรจงตัดออกอย่างระมัดระวัง

เพราะเขารู้ดีว่านี่คือจุดที่เปราะบางที่สุด แล้วนำไปต่อกับเครื่องปั้มหัวใจเทียม ก่อนที่จะพูดเสียงดังตาม

ขั้นตอนเมื่อเปิดเครื่องให้ทำงาน ในเวลาไม่นานเมื่อไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยที่ธนัทใช้มา

สิบปีก็ค่อยๆ เต้นช้าลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง


เท่ากับตอนนี้ธนัทไม่มีแม้กระทั่งหัวใจ


ศรุตตั้งสติรับมีดจากพยาบาลแล้วค่อยๆตัดเฉือนพังผืดที่เกาะติดรอบๆหัวใจที่ตายแล้ว

ด้วยความชำนาญจนในที่สุดเขาก็ยกมันขึ้นมาออกจากร่างที่ยังนอนนิ่งได้สำเร็จ


“เอาหัวใจดวงใหม่มาเร็ว!”


นายแพทย์ใหญ่ของการผ่าตัดตะโกนเสียงดัง นายแพทย์ผู้ช่วยรีบลนลานยกหัวใจดวงใหม่สีแดงสด

จากกล่องบรรจุมาส่งให้ ศรุตรีบรับมาแล้ววางลงทดแทนในตำแหน่งเดิม


“หมอคะ เลือดเริ่มไหลจากบาดแผลเยอะขึ้นแล้ว ตอนนี้ที่วัดได้เกือบพันซีซีแล้วนะคะ

หมอต้องเร่งมือแล้ว”


เสียงพยาบาลประจำห้องผ่าตัดส่งเสียงรายงานเกือบจะทำให้เขาเสียสมาธิ

ศรุตสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเร่งมือเย็บปิดเส้นเลือดต่อเข้ากับหัวใจดวงใหม่


“ปิดเครื่องหัวใจเทียมได้”


ศรุตตะโกนออกคำสั่งเมื่อการเย็บเส้นเลือดเรียบร้อย หัวใจดวงใหม่ที่มาจากการเพาะ

เนื้อเยื่อสเต็มเซลล์ค่อยๆเต้นช้าๆก่อนจะเร็วขึ้นจนอัตราการเต้นเริ่มอยู่ในเกณฑ์ปกติ

เริ่มมีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากซิลิโคนเมื่อการผ่าตัดดำเนินไปด้วยดี

ศรุตเริ่มต้นการเย็บปิดชั้นกล้ามเนื้ออย่างชำนาญ จนกระทั่งมาถึงชั้นผิวหนัง


“หมอคะ ฉันว่ามันแปลกๆนะ อัตราการเต้นของหัวใจมันเริ่มช้าลง”


แพทย์หญิงวิสัญญีเอ่ยเตือน นายแพทย์ศรุตจึงได้เงยหน้าไปมองเส้นกราฟของหัวใจที่แสดงอยู่

บนจอเรืองแสง


วี้ด…


ทุกคนในห้องผ่าตัดสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องมอนิเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ

นายแพทย์หนุ่ม เขามองจอแสดงผลอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเส้นกราฟที่แสดงการทำงานของหัวใจ

กลายเป็นเส้นตรง

ศรุตใจหายวาบ เมื่ออยู่ๆหัวใจดวงใหม่ก็หยุดเต้น เขาตะโกนสั่งการให้ทุกคนประจำที่

ในตำแหน่งช่วยฟื้นคืนชีพชายหนุ่มขึ้นไปปั๊มหัวใจด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ทุกครั้งที่อุ้งมือกดกระแทกลงบนบาดแผลที่ยังเย็บปิดไม่เสร็จดีก็เหมือนหัวใจของเขา

แทบจะหลุดออกนอกร่าง


“นัทกลับมา อย่าเป็นอะไรนะ สัญญาแล้วไงว่าจะสู้”


เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดังไปพร้อมกับการปั๊มหัวใจ น้ำตาที่เหือดแห้งหยดลงมาอย่างไม่อาย

เลือดจากบาดแผลที่ยังปิดไม่สนิทไหลกองไปอยู่ที่เตียงบางส่วนกระเซ็นมาเปรอะเปื้อน

ใบหน้าที่หวาดกลัวของศรุตปะปนไปกับน้ำตา

เหตุการณ์โกลาหลวุ่นวายยิ่งสร้างความเครียดให้กับทุกคน และยิ่งเมื่อหัวใจของธนัทยัง

ไม่กลับมาเต้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ยิ่งพยายามยื้อชีวิตให้หนุ่มน้อยที่นอนสิ้นสติพ้นจาก

เงื้อมมือมัจจุราช


“ไหนบอกว่ารักกันจะทิ้งกันไปหรือไง สัญญาแล้วนะว่าจะอยู่เพื่อพี่”


ศรุตเริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ เขาส่งเสียงตะโกนอย่างขาดสติเมื่อเพียรพยายามที่จะปั๊มหัวใจ

แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหัวใจดวงน้อยจะกลับมาเต้น มือของนายแพทย์ผู้ช่วยเอื้อมมารั้งที่แขนของเขา


“หมอครับ พอแค่นี้เถอะ หัวใจหยุดเต้นเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ตัดใจเถอะ”


อุ้งมือแกร่งหยุดชะงัก ศรุตกัดริมฝีปากจนห้อเลือดดวงตาพร่างพรายไปด้วยน้ำตาที่แย่งกัน

หยดลงมาใส่แผ่นอกที่ปราศจากการทำงานของหัวใจ


“โว้ย... นัทตื่นมาสิ”


ชายหนุ่มใช้กำปั้นทุบไปที่ตำแหน่งบาดแผลที่ตรงกับหัวใจ


“พี่อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนัท”


เขาทุบกำปั้นลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง


“อย่าทิ้งพี่ไป”


กำปั้นหนาถูกทุบลงไปอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม ก่อนที่ศรุตจะยอมจำนนรับความจริง


ร่างสูงทรุดลงเข่ากระแทกพื้นเมื่อคนที่รักที่สุดไม่กลับมาหายใจ วงแขนแกร่งเอื้อมไป

โอบกอดร่างที่ปราศจากลมหายใจนั้นก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น


เขายังไม่ทันได้บอกธนัทเลยว่าต้นโฮย่าต้นไม้ต้นแรกที่ได้มานั้นตอนนี้มันแตกออกมาหลายหน่อ

บางหน่อเริ่มออกดอกเล็กๆให้เห็น


เขายังไม่ทันได้บอกว่าต้นหัวใจล้านดวงที่แขวนไว้ที่ระเบียงบ้านนับความยาวได้หลายฟุต

ใบของมันอวบอิ่มจนแทบจะปริ


เขายังไม่ทันได้บอกว่าเขากลับไปรดน้ำต้น Bleeding heartให้ทุกวัน

จนมันกลับมามีใบที่เขียวสดอีกครั้ง


เสียงสัญญาณของเครื่องวัดสัญญาณชีพ ดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบ

แพทย์หญิงวิสัญญีหันไปมองก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น


“หมอคะ หัวใจเต้นแล้ว”


ทุกคนในห้องหันมามองที่มอนิเตอร์เรืองแสงเป็นตาเดียว รอยยิ้มเริ่มบังเกิด

เมื่อเครื่องจับสัญญาณการเต้นที่แผ่วเบาของหัวใจได้ ศรุตรีบดึงสติกลับคืนมา

เขาดันตัวลุกอย่างรวดเร็ว แล้วสั่งการเสียงดัง


“อะดรีนาลินเพิ่มอีกสามมิลลิกรัม ด่วน”


นายแพทย์หนุ่มควบคุมการช่วยฟื้นคืนชีพอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง เขาเริ่มจะหายใจโล่งอก

เมื่อการเต้นของหัวใจเข้าสู่เกณฑ์ปกติ


“คุณพยาบาลรบกวนหน่อยครับ ช่วยเช็ดน้ำตาให้ผมหน่อย”


ศรุตยืนนิ่งให้พยาบาลประจำห้องยกผ้าสะอาดมาซับคราบน้ำตาให้ เขารีบลงมือ

เย็บปิดแผลซ่อมแซมที่ผิวหนังจนเสร็จแล้วถอดถุงมือซิลิโคนที่เต็มไปด้วย

คราบเลือดออกพลางแจ้งให้ฝ่ายวิสัญญีให้ยานำฟื้น จากนั้นพยาบาลวิสัญญี

ก็เริ่มฉีดยาเข้าสู่สายน้ำเกลืออีกครั้ง



อีกไม่นานคนรักของเขาก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมหัวใจดวงใหม่ มีชีวิตใหม่และอยู่กับเขา

ไปอีกชั่วชีวิต


ศรุตคลี่ยิ้มอยู่ภายใต้หน้าการซิลิโคนอย่างปีติเมื่อการผ่าตัดประสบความสำเร็จ



แต่เมื่อแพทย์วิสัญญีที่ยืนอยู่ด้านศีรษะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอกลับเอ่ยคำพูด

ที่ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน



“หมอคะ คนไข้ไม่ฟื้นจากยาสลบ”



TBC

 :o12: :o12:




อ่านตอนจบกันเลยไหมคะ




หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-09-2015 21:24:16
 :sad4: :sad4: :sad4: นัทกลับมาหาพี่เอกนะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-09-2015 21:24:39
น้องนัทไม่แกล้งพี่เอกแบบนี้สิคะ ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยกลับมาทีเถอะ~~ :dont2:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-09-2015 21:49:05
นัทอย่าใจร้ายกับพี่เอกเลยนะนัทรีบฟื้นขึ้นมาเถอะ  :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวใจหยุดเต้นตั้งนานนัทยังสู้ได้เลย :o12: :o12: :o12:
ลุ้นๆๆๆ ฮรือออออออออออ รบกวนมาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-09-2015 22:00:14
 :mew1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-09-2015 22:18:30
อ่านนนน เอามาาา
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 26 [24/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-09-2015 22:51:50
ง่ะะะะะะ ตอนจบมาเลยค่ะ ไม่อยากใจแป้วนานนน
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-09-2015 00:06:48


                                 Heart

                          หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                              บทที่ 27




ร่างสูงขาดการดูแลปล่อยให้หนวดเคราขึ้นครึ้มรก กล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงก็ผ่ายผอม

อย่างเห็นได้ชัดเพียงชั่วไม่กี่วัน


ศรุตก้าวเข้ามาในห้องไปหยุดยืนเบื้องหลังสุทัศน์บิดาของธนัทที่ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง

เจ็ดวันแล้วสินะที่คนรักของเขายังคงหลับสนิท ศรุตไม่อยากจะนับเพราะในความรู้สึกแล้ว

มันเนิ่นนานกว่าความเป็นจริงหลายเท่านัก


สุทัศน์ยืนนิ่งก้มหน้ามองคนเป็นลูกที่หลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่กำลังฝันดี

ในปากมีท่อช่วยหายใจใส่คาไว้ ส่วนบาดแผลจากการผ่าตัดบริเวณทรวงอกดีขึ้นมาก

เหลือเพียงรอให้แผลสมานเป็นเนื้อเดียว

จะเหลืออีกอย่างก็เพียงแค่ เหลือให้ลูกชายของเขาตื่นขึ้นมาเสียที


“ผมขอโทษที่เป็นอย่างนี้”


ศรุตเอ่ยเสียงเครือ ความมั่นใจในตนเองดูจะลดน้อยถอยลงจนไหล่กว้างที่เคยทะนงลู่ค้อม

ลงอย่างเห็นได้ชัด


“อย่าโทษตัวเอง เฮอคิวลิส”


สุทัศน์กลับต้องเป็นฝ่ายพูดปลอบโยน


“ถึงผมจะไม่ใช่หมอแต่ผมก็ทำงานที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ ผมรู้ดีว่าการผ่าตัดครั้งที่สอง

มันยากกว่าครั้งแรกเสมอ แค่ทำให้หัวใจกลับมาเต้นได้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว ที่เจ้านัทมันไม่ตื่น

ก็อาจเป็นเพราะสมองขาดออกซิเจนไปช่วงหนึ่งตอนที่หัวใจหยุดทำงานก็ได้”


สุทัศน์หันไปลูบศีรษะบุตรชายด้วยความสงสาร


“คราวนี้ก็เหลือเพียงแค่เจ้านัทจะสู้จนตื่นมาเผชิญกับโลกใบนี้ไหวหรือเปล่า

ถ้าเจ้านัทฟื้นผมจะยอมให้เจ้านัททำทุกอย่างเท่าที่ลูกชายของผมจะมีความสุขได้

แม้แต่จะไปใช้ชีวิตร่วมกับคุณ ผมก็ยินดี”


ศรุตก้มหน้าน้อยๆคลี่ยิ้มรับคำอนุญาตนั้น แม้จะยังคาดการไม่ได้ว่าจะมีวันนั้นหรือไม่


“ขอบคุณครับคุณสุทัศน์ที่เข้าใจ เอ่อ...ผมมีเรื่องจะถาม ถ้านัทสามารถกลับมาเป็นปกติ

แล้วหัวใจดวงนี้ของนัทจะต้องหมดอายุลงไปในอีกสิบปีข้างหน้าหรือเปล่า”


สุทัศน์หันหน้ามองเขาอย่างปรานีเป็นครั้งแรก


“นี่แหละคืองานของพวกเรา ดับบลิวเอสโอ งานที่ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าเดิม

หลังจากที่ผลิตหัวใจจากสเต็มเซลล์ได้เมื่อสิบปีก่อนแต่ก็ยังมีข้อจำกัด แต่ตอนนี้เราพัฒนาไป

ดีกว่าเดิมได้มากแล้ว หัวใจดวงใหม่ที่อยู่ในตัวเจ้านัทไม่มีข้อจำกัดนั้น คุณสบายใจได้

อ้าว...ทิ้งงานมานานแล้วต้องไปทำงานก่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูเจ้านัทอีกทีตอนเย็นๆ

คุณเอก...”


สุทัศน์ก้าวมาหยุดยืนต่อหน้าศรุต ยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆเพื่อให้กำลังใจ


“ผมฝากเจ้านัทไว้ให้คุณดูแลนะ”


สุทัศน์ยิ้มให้ศรุตอย่างไว้วางใจก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้อง

เมื่ออยู่เพียงลำพังกับร่างที่นอนนิ่งสนิท ศรุตก็ถอนหายใจหนักหน่วงนัยน์ตาซึมเศร้า

จ้องมองธนัทเปี่ยมด้วยความรัก

เขาค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงคอของธนัทแล้วก้มลงไปจูบที่หน้าผากเบาๆก่อนที่จะโน้มตัว

ลงไปกอดกระชับร่างที่บางลงกว่าเดิมนั้นไว้เหมือนเช่นทุกวันที่เขาทำตั้งแต่ธนัทไม่ได้สติ


“นัท วันนี้เป็นยังไงบ้างฝันดีหรือเปล่า เมื่อไหร่จะตื่นมาเล่าให้พี่ฟังบ้าง”


เขาพูดเบาๆกับธนัท ราวกับว่าธนัทรับรู้ในคำสนทนานั้น


“อยู่คนเดียวเหงามากเลยนะนัทไม่สงสารพี่บ้างเหรอ ถ้าสงสารก็ตื่นขึ้นมาเร็วๆอย่ามัวแต่ไป

เที่ยวเล่นอยู่ในฝัน อย่าลืมว่าชีวิตจริงยังมีพี่ที่รออยู่ พี่รักนัทนะ”


ศรุตจูบแก้มขาวซีดอีกครั้งแล้วจึงเหยียดกายตรงปล่อยธนัทจากอ้อมกอด หันหลังเดินห่างออกไป







ที่ไหนกันนะ

ธนัทมองรอบๆตัวอย่างแปลกใจ  รับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นยามราตรีหากแต่สถานที่ที่เห็น

กลับเด่นชัด มีแต่ความเย็นชื้นจนหยาดน้ำค้างกลั่นตัวมาตกต้องที่แขน ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำ

ที่ปราศจากเมฆหมอกมองเห็นหมู่ดาวแข่งกันถักทอแสงและขุนเขาสูงตระหง่านที่เหลือเพียง

เงาทมึนในความมืด แต่ธนัทก็รับรู้ได้ว่ามีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่ปกคลุมหนาทึบ


อากาศเย็นจนหนุ่มน้อยต้องห่อไหล่ไว้ เหลือบมองไปด้านข้างเขาเห็นบ้านหลังน้อยสร้างทรงแปลกตา

เหมือนในอดีตที่เขาเคยดูในสารานุกรมจากคอมพิวเตอร์ ธนัทไม่รอช้าเขาวิ่งขึ้นเนินไปจนถึง

ระเบียงกว้างหน้าบ้าน


เท้าที่เตรียมจะก้าวเข้าไปชะงักเมื่อเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียง เขาเพ่งมองและตกใจ

ที่รู้สึกคุ้นตาเสียเหลือเกิน

แต่แปลกที่เจ้าของสถานที่กลับไม่ได้ยินเสียงผู้บุกรุกอย่างเขา

หนุ่มน้อยก้าวเข้าไปช้าๆราวกับต้องมนต์สะกด จนใกล้พอที่จะเห็นใบหน้าของคู่สนทนาที่ดูเหมือน

จะมองไม่เห็นเขา แล้วธนัทก็ต้องสะดุ้งสุดตัว


ไม่ควรจะตกใจหรอกหรือเมื่อคนสองคนที่ยืนตระกองกอดกันอยู่ที่ระเบียงสวยนี้ มันคือตัวเขาและศรุตชัดๆ

ธนัทกลั้นใจยืนฟังการสนทนาที่เขาอีกคนกำลังคุยกับศรุตอีกคน


“ถ้าดวงจันทร์ให้ได้จริง ผมแค่ต้องการใครสักคนที่พร้อมจะให้ความรักกับผมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

คนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างเวลาที่ผมล้ม ก็แค่นั้นเอง ดวงจันทร์จะให้ได้หรือเปล่า”


ธนัทเจ้าของสถานที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ธนัทผู้มาเยือนโดยไม่มีใครรู้สงสารจนน้ำตาซึม


“คุณก็ลองอธิษฐานดูสิ ความจริงอาจจะส่งมาแล้วแต่คุณไม่รู้ตัวก็ได้”


ศรุตในสภาพที่อ่อนโยนแปลกตาไปจากที่เขาเคยเห็นตอบกลับเสียงนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยคำถามที่ทำให้ธนัท

สะดุดใจ


“คุณเชื่อเรื่อง soul mate ไหม คนที่คุณคุ้นเคยและเกิดมาเพื่อกันและกันไปทุกๆชาติ

คนที่คุณรู้ว่าเขาเกิดมาเพื่อคุณ ผมเชื่อนะว่ามันมีจริงแล้วผมก็เชื่อว่าคุณจะพบคนๆนั้นจนได้”


ตัวตนของเขาสะดุ้งวาบกับคำถามและยิ่งเมื่อมองลึกเข้าไปในแววตาของธนัทคนที่เป็นเจ้าของสถานที่

เขาก็รู้คำตอบที่น่าจะเหมือนกัน


เชื่อสิ!! ทำไมจะไม่เชื่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่รู้สึกสะดุดตากับอิสริยะตั้งแต่ที่เห็นคราวแรกที่

องค์การวิทยาศาสตร์แล้วยิ่งรู้สึกผูกพันเมื่อเวลาผ่านไป


ธนัทตั้งใจมองภาพที่เกิดขึ้นต่อไป


ตัวเขาในอีกบทบาทหนึ่งยืนนิ่งอัดอั้น เหมือนคนที่อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ลำบาก

ที่จะกล่าวออกไป จนศรุตคนนั้นถอนหายใจเบาบาง ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไป


“ดึกแล้ว น้ำค้างลงหนักคุณควรเข้าไปพักผ่อน”


ศรุตคนนั้นขยับตัวยืนตรงเต็มความสูง เขาเอื้อมมือไปจับกระชับชายผ้าคลุมที่พาดผ่านไหล่สองข้าง

ของธนัท คนที่อยู่ใกล้ให้กระชับแน่นแล้วหยุดนิ่งอยู่ท่านั้น ศรุตยกมือขึ้นปัดปอยผมให้ธนัท

ก่อนที่จะรั้งไหล่บางเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันไม่ถึงนิ้ว ธนัทคนนั้นเอียงหน้าหนีจนริมฝีปาก

ของศรุตหยุดลงได้แค่ไรผม

(ฉากหนึ่งของอธิศและธีทัตจากเรื่อง รักได้ไหมผู้ชายธรรมดา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40152.0)  บทที่ 15)




ตัวตนของธนัทสั่นสะท้าน ความหนาวยะเยือกแล่นผ่านตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า

เขาเข้าใจแล้วว่า ความผูกพันกับศรุตตั้งแต่แวบแรกที่พบเจอนั้นมีที่มาอย่างไร

ธนัทยกมือขึ้นกุมศีรษะเมื่อดูเหมือนเสียงอะไรบางอย่างเข้ามารบกวนเหมือนคลื่นแทรก

อยู่ในความรับรู้


“สัญญากับพี่ว่าจะสู้ไปด้วยกัน สัญญากับพี่ว่าจะอยู่กับพี่ตลอดไป พี่รักนัทนะ”



หัวสมองหมุนติ้วจนรู้สึกวิงเวียน ลำคอแห้งผากแสบร้อนอย่างคนกระหายน้ำ

ธนัทหลับตาลงแล้วขยับมือเพื่อควานหาแก้วน้ำ


ศรุตหันกลับมามองร่างที่ยังนอนนิ่งแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นปลายนิ้วที่โผล่พ้นผ้าห่ม

ออกมาค่อยๆขยับอย่างอ่อนแรง




                              The End

แต่

เดี๋ยว

มี

อีก

นิด

จ้า

 :n1: :n1:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-09-2015 00:25:52



                               บทส่งท้าย



หุ่นยนต์ตัวจ้อยกำลังประกอบป้ายแล้วปักลงไปในพื้นดินเป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อดวงอาทิตย์

ใกล้จะลับแสง และทันทีที่การติดตั้งป้าย “ฟาร์มต้นไม้ My Heart” เสร็จสิ้นลง

เสียงเฮก็ดังลั่นเพื่อแสดงความยินดี


“ในที่สุด ไอ้นัทก็มีวันนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรามันก็ไม่สำเร็จ”


เสียงภามหัวเราะหึหึดังขึ้นเมื่อเสียงเฮหมดลง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเพียะจากฝ่ามือ

พิฆาตของวัตรตามมา


“โอ๊ย ม้าจะตีป๊าทำไมเนี่ย เจ็บนะ”


ภามทำหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่กล้าต่อว่าเสียงดังเมื่อเจอสายตาพิฆาตเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง


“ไอ้เรื่องหลงตัวเองนี่ไม่มีใครเกินป๊าเลยจริงๆ ไม่มีป๊าไอ้นัทมันก็ทำของมันได้”


ธนัทยืนยิ้มอย่างสดใส ในที่สุดก็ถึงวันนี้วันที่เขาจะมีพร้อมทุกอย่างทั้งคนรัก

และฟาร์มต้นไม้ของเขา


“พี่วัตรอย่าไปว่าพี่ภามเลย ก็จริงแหละ ถ้าไม่ได้พี่ภามส่งหุ่นยนต์มาช่วยตั้งหลายอย่าง

ฟาร์มนี้คงไม่เสร็จเร็วอย่างนี้”


“คุยอะไรกันอยู่”


ศรุตเดินเข้ามาสอดมือไปด้านหลังเอวของธนัทแล้วกระชับมาใกล้


“กำลังขอบคุณพี่ภามน่ะครับที่มาช่วย พี่เอกมีอะไรหรือเปล่า”

ศรุตยิ้มรับ


“ไอ้ชินมันเอาอาหารมาช่วยงานเลี้ยงคืนนี้ แล้วก็เลยถือโอกาสแจกการ์ดแต่งงานกับมีน”

ธนัทเบิกตากว้างอย่างยินดีเมื่อได้ยิน


“แล้วก็มาเรียกทุกคนที่มัวแต่ยืนคุยกันให้เข้าไปในบ้านได้แล้ว ยัยแอมกับเจมส์ทำอาหารเสร็จแล้ว”







ธนัทก้าวออกมาที่ระเบียงบ้านหลังน้อยที่เขาออกแบบจากความฝัน อาจจะไม่เหมือนนักแต่ก็ใกล้เคียง

จนทำให้เขารักมันมาก

ท้องฟ้ามืดมิด เห็นความสว่างจากนิวซิตี้อยู่อีกฟากฝั่งของท้องฟ้า ธนัทคลี่ยิ้มเมื่อรู้สึกถึงแรงโอบกระชับ

จากเบื้องหลัง หนุ่มน้อยหันหลังกลับไปกอดตอบแล้วก็ต้องหัวเราะเมื่อเห็นบรรยากาศภายในบ้าน


แอมเริ่มต้นหัดเดินอีกครั้งหลังจากการผ่าตัดกระดูกต้นขาประสบความสำเร็จด้วยการฝีมือของศรุต

และการเพาะเนื้อเยื่อโดยจิรวิชญ์ที่กำลังช่วยประคองร่างสาวน้อยไว้


ส่วนชินวุฒินั่งเคียงข้างอยู่กับมีนกำลังหัวเราะกับบทสนทนากับภามที่มีคนคอยเบรคอย่างวัตร


สุทัศน์บิดาของเขาที่เพิ่งเสร็จจากงานตามมาทีหลังกำลังชมภาพยนตร์จากคอมพิวเตอร์ที่ฉายภาพสามมิติ


นี่คือชีวิตที่ธนัทใฝ่ฝันไว้


“พี่รักนัทมากนะ”


คำพูดที่ได้ยินไม่รู้กี่ครั้งดังขึ้นใกล้ๆหูแต่ก็ยังไม่เบื่อที่จะฟัง ธนัทเปิดริมฝีปากนุ่มรับการบอกรัก

จากศรุตที่กดแนบริมฝีปากลงมาอย่างอ่อนหวาน

ความรู้สึกเต็มตื้นซาบซึ้งอัดแน่นทุกครั้งที่ได้ยิน หนุ่มน้อยเอ่ยปากตอบเบาๆเมื่อศรุตยอมปล่อย

จากจุมพิตที่ยาวนาน

“ผมรักพี่เอกเหมือนกันครับ”


                                           จบบริบูรณ์



                                                      :กอด1: :กอด1:



Belove ‘s Talk

อันดับแรกขอบคุณนักอ่านที่อ่านจนจบจ้า

เฉลยแล้วนะว่าเป็นเรื่องสุดท้ายจากนิยายในซีรี่ส์นี้

ติดตามอ่านอีกสองเรื่องกันได้เลยค่ะ

รักได้ไหมผู้ชายธรรมดา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40152.0)

Only Love is Real ให้รักนำทาง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41771.0)





ประชาสัมพันธ์

คนแต่งเปิดนิยายใหม่เพิ่งลงตอนแรก ให้กำลังใจกันด้วยเถอะ เพี้ยง

พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.0)

                                                :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-09-2015 01:09:16
ต่อให้อยุ่ในโคม่า เราก็จะยังมีหวังอยู่นะ  เหมือนในข่าวผู้ชายที่นอนโคม่ามา 12 ปียังฟื้นเลย    :hao5:

ปริ่มๆ ตื้นตันกับความรักค่ะ  ยินดีด้วยที่เขียนนิยายดีๆจบไปอีกเรื่องนะคะ  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-09-2015 07:39:15
:heaven ..

อบอวลไปด้วยความสุข ^^ ดีใจที่น้องนัทฟื้นขึ้นมาเติมรอยยิ้มให้กับพี่เอกอีกครั้งนะคะ

ขอบคุณค่ะ :pig4: 
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-09-2015 09:19:48
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อบอวลไปด้วยความสุขดีใจที่จบและก็เสียใจที่จบเช่นกัน
รอให้กำลังใจเรื่องต่อไปนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-09-2015 09:51:21
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-09-2015 10:07:14
ตอนจบมันฟิลกู๊ดดดดด สุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-09-2015 11:42:35


ร้องไห้หนักมาก

ซึมซามไปกับเรื่อง

อารมณ์ค้าง

ขอกลับไปเช็ดน้ำตาก่อนนะขอรับ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-09-2015 18:55:37
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่แต่งนิยายดีๆ ออกมาให้ได้อ่านกัน ^^
จะตามไปอีกหลายๆ เรื่องเล้ย!
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 02-10-2015 19:11:21
ขอบคุนสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทที่ 27 [25/09/15] จบแล้วค่ะ ย้ายห้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 13-10-2015 18:15:00
ชอบมากเลยค่ะ เพิ่งอ่านจบ ละมุนมากกกกก
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> [25/09/15]
เริ่มหัวข้อโดย: winmania ที่ 26-12-2015 19:13:47
โอยยยย ร้องไห้ตาบวม ลุ้นตามสุดๆ
ขอบคุณกับนิยายดีๆอีกเรื่อง

อีกหนึ่งช่ือนักเขียนที่การันตีคุณภาพจริงๆค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> ขายทาง Ebook แล้วค่ะ [30/01/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-01-2016 00:52:54





Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ เปิดขายทาง Mebmarket แล้วค่ะ


ราคา 159 บาท ใครรักใครชอบไปกดกันได้เลย




ซื้อ Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNDczMTkyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMzY2MzgiO30)




              :pig4: :pig4: :pig4:





หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> ขายทาง Ebook แล้วค่ะ [30/01/59]
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 04-03-2016 21:47:56
นัทนิสัยไม่ดีเลย ทำเอาคนอ่านอย่างเราใจหายวาบ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 11-09-2016 15:34:46
สนุกมาก ๆ ครับ มีครบทุกอารมณ์เลยเรื่องนี้

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 22-01-2017 01:06:19
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 17-11-2018 11:49:40
ทยอยหานิยาย "จบแล้ว" อ่านมาเรื่อย ๆ จนเจอเรื่องนี้
น่ารักดีนะคะ พล็อตเก๋ดี
แม้จะแอบตงิด ๆ แต่แรกว่า สุทัศน์จะต้องเกี่ยวข้องกับนัท .. แน่นอน ก็เหอะ

ชอบค่ะ อ่านเพลินดี
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> 3 มกราคม 2562
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 03-01-2019 13:56:21
ตามอ่านเรื่องของ BELOVE มาตลอดหลายวันนี้ ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ จนถึงวันนี้

ขอชื่นชมไรท์ อย่างมากมากอย่างหนึ่งนะคะ
จะใช้คำว่า จรรยาบรรณ ของนักเขียน ได้หรือไม่คะ ผิดรึเปล่า ไม่ทราบนะคะ
ชื่นชมที่ ไรท์ เขียนจนจบทุกเรื่อง

และตามอ่าน คอมเมนท์ ทุกข้อความด้วย 5555
จบเรื่องนี้ได้อย่างสวยงาม น่าประทับใจค่ะ
จะติดตามผลงานต่อไปเรื่อยเรื่อยนะคะ ตอนนี้มีใน list หลายเรื่องเลยละค่ะ
หัวข้อ: Re: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 13-03-2024 20:10:48
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)