พิมพ์หน้านี้ - ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ennewiis ที่ 20-07-2014 20:14:33

หัวข้อ: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 20-07-2014 20:14:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

นิยายทั้งหมด
♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2767162#msg2767162) หัวหน้าแก๊งค์
♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48988.msg3187620#msg3187620) จำแลงรัก


คำแนะนำ
อ่านตามที่เรียงไว้ให้บนสารบัญ จะสามารถเรียงไทม์ไลน์ได้ดีกว่านะคะ เนื่องจากผู้แต่งคิดอะไรก็แต่ง ไทม์ไลน์เลยอาจจะชวนงง ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ค่ะ



♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ก่อนจะรัก)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2796565#msg2796565) เริ่มต้นความสัมพันธ์
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2804058#msg2804058) พี่น้องและผองเพื่อน
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2809665#msg2809665) เรื่องราวดี ๆ
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2826441#msg2826441) กระดึ้บ กระดึ้บ
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2846005#msg2846005) ติวสอบ
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2854422#msg2854422) อันตราย
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2879370#msg2879370) สิ่งสวยงาม
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2968841#msg2968841) โซ่ทองคล้องใจ
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2983754#msg2983754) วุ่นวาย (ครึ่งแรก)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2989692#msg2989692) วุ่นวาย (ครึ่งหลัง)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2995539#msg2995539) เอาคืน
ตอนที่ 12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2999123#msg2999123) สุดปลายความฝัน (ตอนจบ)
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3001541#msg3001541) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3003802#msg3003802) เพื่อนสนิท
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2907608#msg2907608) ลมหนาว
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2975860#msg2975860) วันว่าง
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3014105#msg3014105) อมยิ้ม VS น่ารัก


♥ หัวหน้าแก๊งค์ (เมื่อได้รัก)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2767166#msg2767166) น้องของหัวหน้า
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2768097#msg2768097) ชื่อเล่นของหัวหน้า
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2769285#msg2769285) วิธีตามใจของหัวหน้า
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2772229#msg2772229) วันหยุดของหัวหน้า
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2780071#msg2780071) ผู้ช่วยของหัวหน้า
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg2788577#msg2788577) ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3018487#msg3018487) (คู่)เพื่อนของหัวหน้า
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3027529#msg3027529) ความสุขของหัวหน้า
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43034.msg3030749#msg3030749) เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : [หั ว ห น้ า แ ก๊ ง ค์] ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 20-07-2014 20:17:09
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน น้องของหัวหน้า

เสียงของหนักกระทบของหนักดังสะท้อนไปทั่วห้อง หยาดเลือดไหลอาบใบหน้าของผู้ที่ถูกกำปั้นหลุ่นๆกระแทกเข้าที่หน้า คาดว่าคิ้วคงจะแตกไปแล้ว แต่บาดแผลคงยังไม่หนักพอ ผู้กระทำถึงได้เหวี่ยงขาไปอัดหน้าท้องหนักๆอีกหนึ่งที

"ไอ้รูท หยุด"

คนที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้องเอ่ยเสียงนิ่ง ตมคมกริบจ้องมองร่างที่นอนคุดคู้อย่างทรมาน ไม่มีคำว่าเมตตา ไม่มีความปราณี เพราะเคยพูดแล้ว เตือนแล้วมันดันไม่ฟังเอง

"กูเคยเตือนมึงแล้วใช่มั้ย"

กล่าวทั้งใบหน้านิ่งใส่คนที่นอนขดอยู่ ร่างที่โดนรุมสกรัมจนถึงเมื่อครู่ถ่มเลือดออกปากจากก่อนเหลือบตามองด้วยความอาฆาต

"ทำไมกูต้องเชื่อคนอย่างมึงด้วย เหี้ยก็เหี้ยเหมือนกัน นึกอยากเป็นคนดีขึ้นมาหรือไง"

"ปากดีนักนะมึง! หาเรื่องซวยมาให้พวกกูแล้วยังพูดจากวนส้นตีน ถึงจะเหี้ยแต่พวกกูก็ไม่ขายยาให้เด็กนะเว้ย!"

เป็นรูท หนุ่มร่างเล็กเลือดร้อนที่อดรนทนไม่ได้ต้องออกมาเถียงแทนเพื่อนสนิทควบตำแหน่งหัวหน้า กล้ามากที่เอายามาขายให้ลูกน้องกับคนเด็กในถิ่นทั้งที่ไอ้กิวมันก็บอกแล้วว่ามันขอเรื่องยาเรื่องเดียว แล้วยังจะมาปากดี แบบนี้มันน่าจับหมกถังถีบลงทะเลจริงๆ

แรงกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นเมื่อรูทกระหน่ำฝ่าเท้าลงไม่ยั้งแบบที่คนร่างใหญ่ที่ยืนข้างกันยังรั้งไว้ไม่ทัน ส่วนคนที่มีอำนาจห้ามก็เลือกจะไม่ห้าม คนที่พูดด้วยปากแล้วไม่เข้าหัวบางทีก็ต้องใช้แรงอัดมันให้เข้า

ครืดดด ครืดดด

แรงสั่นของโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บริเวณโต๊ะตรงมุมห้องส่งผลให้เกิดเสียงซ้อนกับกำปั้นที่อัดกระแทกเข้าใบหน้า

"รูท เงียบก่อนน้องโทรมา"

หันไปบอกอีกด้านให้เงียบเมื่อเห็นว่าชื่อบนหน้าจอเป็นใคร แค่คนนี้เท่านั้นที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง

"ครับ พายว่าไง"

กรอกเสียงไปตามสายแทรกเสียงเพลงที่ดังลอดมาจากอีกฝั่ง จำได้ว่าวันนี้น้องบอกจะไปดูหนังกับเพื่อน  สงสัยคงจะดูเสร็จแล้ว

"ฮัลโหลๆ พี่กิวว่างมั้ย มารับพายหน่อยได้มั้ยครับ พายซื้อของมาเยอะเลย ขึ้นรถเมล์ไม่ไหวแน่ๆแท๊กซี่ก็แพง ตั้งใจจะให้พี่พัพมารับแต่พี่พัพแม่งก็ไม่รับโทรศัพท์ ไปติดสาวที่ไหนก็ไม่รู้"

เสียงบ่นงุ้งงิ้งของน้องทำเอาคนหน้านิ่งต้องกระตุกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกผิดเล็กๆที่ลากพี่ชายน้องมาร่วมปฏิบัติการในวันนี้ด้วย ทำน้องลำบากต้องใช้นิ้วเรียวกดโทรศัพท์หลายต่อหลอยรอบ

"พัพอยู่กับพี่ ขอโทษครับที่ไม่ได้บอกก่อน"

"อ๋อออ แสดงว่าวันนี้มีแสดงโชว์ยำรุมตีนของพี่รูทแหงเลย งั้นพี่กิวให้พี่พัพมารับพายได้มั้ยครับ พี่กิวจะได้ไม่ต้องลำบากขับมาเอง"

น่ารักรู้ใจยันเรื่องแย่ๆของแฟนตัวเอง ชื่อยำประหลาดนั่นก็คงได้มาจากรูทที่ไปเล่าต่อนั่นแหละ เห็นสนิทกันเหลือเกิน กิวหัวเราะเบาๆ ชอบใจคำพูดของคนปลายสาย

"เดี๋ยวคุยกับพัพแล้วกันครับว่าจะเอายังไง... พัพ"

ว่าแล้วก็เรียกร่างสูงที่กำลังรั้งตัวรูทไว้ด้วยสองแขน ไม่รั้งไว้มีหวังคนตัวเล็กต้องปรี่เข้าไปถีบคนที่นอนปางตายแต่ยังปากดีอยู่บนพื้นต่อเป็นแน่ พัพพยักหน้าให้เพื่อนร่วมแก๊งค์อีกคนที่ยื่นใกล้ๆมาคอยดูรูทไว้แล้วจึงเดินมารับโทรศัพท์ไปคุยต่อ

"ว่าไงพาย โทษทีพี่ไม่ได้ยินปิดเสียงไว้ อ้าว... กวนตีนยันพี่เลยนะตัวเล็ก ใครเขาจะไปเหมือนแฟนคุณล่ะครับ ไม่ไปรับละ ให้เฮียไปแล้วกัน... โอเค แล้วเจอกัน"

ดูเหมือนจะตกลงกันได้แล้ว พัพจึงยื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วกลับประจำตำแหน่งของตน คอยห้ามมวยยกใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังเฮียออกไปรับน้องชายตัวเอง

“รูท อย่าให้มันถึงตาย ซ้ำอีกสักทีสองทีแล้วปล่อยมันกลับไป เดี๋ยวพ่อมันก็มาเก็บไปเอง”

กิวคว้ากุญแจรถยนต์คันโปรดของตนก่อนหันไปสั่งมือขวาคนสนิทพร้อมพยักหน้าให้พัพเป็นการส่งสัญญาณว่าฝากดูแลต่อเพราะตนจะไปทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าการมากระทืบเศษสวะสังคมคนนึง ภารกิจรับน้องพาย น้องชายคนเล็กของไอ้พัพ ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นหวานใจคนสำคัญของหัวหน้าแก๊งค์อย่างกิวด้วย

มือแกร่งเสียบกุญแจเข้าช่อง สตาร์ทรถพลางคิดถึงเส้นทางที่เร็วที่สุดที่จะไปรับคนตัวเล็กที่บ่นว่าเจ้าตัวถือของเยอะจนไม่สามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางมาได้ ถ้าพูดแบบนั้นแสดงว่าของต้องเยอะจริงเพราะปกติน้องจะขี้เกรงใจฃนาดกับพี่ชายตัวเองยังนานๆที่ถึงโทรมาเรียกให้ไปรับ เรื่องแท๊กซี่ยิ่งแล้วใหญ่ เด็กคนนี้ไม่มีทางขึ้นหรอก

“มันแพงตั้งแต่ก้าวขึ้นแล้วอ่ะพี่กิว แถมชอบพาอ้อมโลกอ้างว่าทางนี้ใกล้กว่าทั้งบ้านทั้งอู่ อู่แม่งคงอยู่ดาวอังคาร”

คิดถึงคำพูดที่ไม่เหมาะกับหน้าตาแล้วก็ต้องขำ ยอมรับว่าตั้งแต่มีน้องเข้ามาในชีวิตเขายิ้มมากขึ้น มีความคิดมากขึ้น คนที่เคยทำตัวเหลวแหลก กระทั่งไม่ยอมไปเรียน เอาเวลาไปไล่ส่งยา จนถึงขนาดตั้งแก๊งค์ดักทำร้ายคู่อริ มันเปลี่ยนไป ยอมกลับไปเข้าเรียนใหม่ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว ขนาดพ่อแม่ยังดีใจที่เขากลับไปเรียนสายวิศวะอย่างที่พวกท่านอยากให้เรียน ดีใจที่เขาเอาเวลาให้ครอบครัวกลับไปช่วยงานที่บ้านแทนทำเป็นเหมือนแต่ก่อน ครอบครัวที่อบอุ่น จะมีก็แค่บางครั้งอย่างวันนี้ที่ต้องรวมตัวกันกำจัดเนื้อร้ายในกลุ่มทิ้ง

แม้ตอนนี้จะยังมีแก๊งค์มีสมัครพรรคพวกล้อมกายก็ไม่ได้ทำเรื่องแย่ๆแบบเดิม แค่คอยดูแลพื้นที่ของตนเอง จากที่ขายยาก็เป็นสายสืบหาต้นตอให้มันหมดไปจากถิ่นของตน

ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะยุบแก๊งค์ ไม่ทำอีกแล้วเพราะไม่อยากให้น้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแย่ๆแบบนี้ไปด้วย แต่ถ้ายุบไปคนที่มันยังกลับขึ้นมาเป็นปกติไม่ได้ก็ไม่มีที่พึ่ง ปรึกษากับพัพกับรูทที่เป็นเพื่อนสนิทแล้วสุดท้ายก็ต้องรวมแก๊งค์ต่อไป เพียงแค่เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เท่านั้น

“พายครับ พี่มาถึงหน้าห้างแล้ว เราออกมารอพี่ที่เดิมได้เลย”

กิวหักเลี้ยวพวงมาลัยรถยนต์คันโปรดเข้าห้าง รถคันนี้เป็นคันแรกที่ตนตั้งหน้าตั้งตาทำงานกับทางบ้านเพื่อเก็บเงินซื้อ ความจริงเขามีนินจา มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันโปรดที่พ่อซื้อให้อยู่แล้ว แต่เวลาน้องนั่งแต่ละทีดูจะตกได้ทุกเมื่อเขาเลยตัดสินใจเปลี่ยนรถคันใหม่เพื่อให้น้องนั่งได้สบายขึ้น

ควันสีหม่นลอยจากปลายบุหรี่สีส้มเพียงไม่นานก็ถูกดับลงเมื่อตาคมเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่เดินตรงมาที่รถแล้ว น้องเดินถือของพะรุงพะรัง เยอะอย่างที่ว่าไว้จริงๆเสียด้วย ของจำนวนมากทั้งสองมือยิ่งทำให้ร่างเล็กๆไม่สมวัยและเพศของน้องดูเล็กลงกว่าเดิมอีก จะว่าไปก็รู้จักกับน้องได้เกือบห้าปี คบกันมาแล้วเกือบปี น้องไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยขนาดพัพยังล้อน้องตัวเองว่าไม่เปลี่ยนกระทั่งความสูงด้วยเลยมั้ง

“หนักมากอ่ะ พี่กิวก็ใจร้าย ไม่มีลงไปช่วยน้องช่วยนุ่งเลย” ขึ้นรถมาก็บ่นปอดแปดพาลไปถึงคนที่อุตส่าห์มารับ

“เพราะเป็นน้องไงเลยไม่ช่วย ถ้าบ่นว่าไม่ลงไปช่วยแฟนเลยคราวหลังถึงจะช่วย”

“อ้าว ไรอะ... ตัวเป็นแฟนตัวก็ต้องรู้หน้าที่สิไม่ใช่ให้พายบอก”

น้องหันมามุ่ยหน้าใส่ บอกกี่ทีก็ไม่เชื่อเลยว่าการเอาหน้าขาวๆ ปากแดงๆ และพยายามเบิกตาที่มันโตอยู่แล้วให้โตขึ้นอีกมันไม่ได้ดูน่ากลัว กลับเหมือนลูกแมวที่พยายามขู่สุนับหมาป่าเสียมากกว่า ถึงน้องจะไม่ได้หน้าหวานจ๋าจนคนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง นิสัยก็ห้าวสมกับเป็นเด็กผู้ชาย แต่เพราะธรรมชาติของน้องมันน่ารักในตัวเอง ให้ทำหน้าน่ากลัวยังไงคนหน้าเถื่อนแต่เกิดอย่างกิวก็ไม่สะดุ้งสะเทือนนักหรอก

ฝ่ามือใหญ่ยีหัวน้องแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วใช้นิ้วโป้งเกี่ยวเส้นผมที่เจ้าตัวไปย้อมมาซะเป็นสีแดงสตอเบอรี่ให้เข้าที่ ใบหน้าน้องที่ชื้นเหงื่อน้อยๆทำให้กิวรู้สึกผิดที่ไม่ยอมไม่ไปช่วยน้องแบกของขึ้นรถเพราะอารมณ์อยากแกล้งแท้ๆ และดูเหมือนน้องจะเข้าใจจากการสัมผัสเจ้าตัวจึงส่ายหน้าไปมาแล้วแจกยิ้มโชว์เขาเสียอย่างนั้น

“พายเป็นผู้ชายนะพี่กิวของแค่นี้พายถือได้ พายแค่ล้อเล่นเฉยๆ อย่ามาทำหน้าตาเหมือนบับเบิ้ลบีตอนไม่ได้ขนมสิ”

แซวแฟนยังพาดพิงไปถึงสุนัขพันธุ์โกเด้นตัวโปรดที่กิวเลี้ยงไว้ที่บ้าน ชื่อที่ตั้งให้เหมือนรถสีเหลืองในหนังฟอร์มยักษ์มาจากความชอบของน้องล้วนๆ เจ้าตัวบอกว่าออพติมัทอะไรสักอย่างนี่หล่อเหมือนกิว ลูกน้องใต้อาณัติอย่างโกเด้นที่เลี้ยงก็ต้องเป็นบับเบิ้ลบี เหมือนว่าวันนี้จะไปดูตอนใหม่ที่มันเข้าโรงด้วยล่ะมั้ง



จะว่าไปหน้ากูไปเหมือนยางรถตอนไหนของออพติมัสวะ



“แล้วซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ เสื้อผ้าที่ซื้อมาครั้งก่อนยังใส่ไม่หมดเลย พี่ให้เงินไปนี่ก็คงไม่พอมั้ง?”

ปกติกิวจะให้เงินน้องใช้เป็นอาทิตย์ ถ้าไม่พอก็ให้น้องมาขอเพิ่มแล้วแต่ความต้องการ แต่ปกติน้องไม่เคยขอเพิ่ม กลับจะไม่เอาเงินกิวเสียด้วยซ้ำ เพราะบ้านน้องก็มีเงินไม่ได้ขัดสนเรียกได้ว่ารวยพอๆกับบ้านกิวด้วยซ้ำ ที่สำคัญน้องไม่อยากให้ใครมาบอกว่าตัวเกาะแฟนกิน

กลับกันกิวต่างหากที่อยากให้ อยากให้น้องสบาย อยากให้น้องหัดใช้เงินเป็น หัดแบ่งสรรปันส่วนจากที่มีกับที่กิวให้ ซึ่งน้องก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เอาเงินตัวเองเข้าบัญชีเสียหมดแล้วเอาเงินที่กิวให้มาใช้แทน

"พอๆ ที่พี่กิวให้พายเอามาใช้ครึ่งเดียวเอง แล้วนี่ก็เสื้อแค่ตัวเดียวนะ นอกนั้นของทำรายงานล้วนๆ เออๆ พายบ่นหน่อยดิ คือพายเรียนออกแบบเครื่องประดับใช่ป่ะแต่อาจารย์ดันสั่งให้ออกแบบบ้านมาส่งเว้ย คืออาจารย์งงป่ะว่าคลาสพายไม่ได้จำเป็นต้องฝึกออกแบบบ้านเหมือนบางคลาสของพี่กิว"

ตุ๊กตาหน้ารถบนเจื้อยแจ้วขณะที่กิวเริ่มออกรถกลับบ้าน เขากับน้องเรียนมหาลัยเดียวกันเพียงแต่คนละคณะและชั้นปี เด็กแฟชั่นจ๋าเข้าเรียนสายออกแบบเครื่องประดับหวังออกแบบแบรนด์ของตัวเองอย่างที่ใฝ่ฝัน จนตอนนี้จะขึ้นปีสองแล้ว ส่วนกิวเลือกวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา กำลังจะขึ้นชั้นปีสี่ ชั้นปีสุดท้าย เหตุผลที่เลือกตอนนั้นเพราะแค่อยากจะสร้างบ้านของเขาและน้องก็เท่านั้น

บอกไปใครจะเชื่อว่าคนที่คะแนนสอบตกมันแทบทุกตัวไม่เว้นภาษาไทยจะมีแรงฮึ้ดเข้าคณะที่ยากติดอันดับต้นๆได้เพราะอยากสร้างบ้านในฝันให้ตนเองกับแฟน

'ไร้สาระชิบหาย แต่ถ้าเป็นน้องพายกูก็พอเข้าใจว่ะ'

รูทเคยด่าเขาไว้ รายนั้นเรียนเก่งเป็นทุนเดิมไม่มีปัญหาอะไรที่จะเข้าคณะระดับต้นๆแบบนี้ ส่วนพัพพี่ชายคนเดียวของพายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ อยากเข้าก็เข้าได้เลย ส่วนกิว ความจริงไม่ใช่หัวไม่ดี แต่เกมากไปจนคะแนนมันตกลงเรื่อยๆ พอมาฮึ้ดแล้วได้เพื่อนทั้งคู่ช่วยก็เข้าได้ไม่ยาก

"ให้พี่ช่วยมั้ยล่ะ แลกกับรางวัลเหมือนเดิม"

"พายต้องเปลืองตัวอีกดิ ไม่เอาอ่ะให้พี่พัพช่วยดีกว่า แลกกับรูปถ่ายพี่รูท ง่ายๆไม่เปลืองตัว"

แต่เอาเรื่องซวยให้รูทที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทมันกำลังคิดไม่ซื่อเนี่ยนะ น่ารักมากแฟนกู

"จะบอกไอ้รูท จะได้ตัดทางเลือก"

"อ้าว... กวนตีนเหรอพี่กิว นี่มันหลอกลวนลามแฟนชัดๆ พายจะฟ้องม๊า"

ม๊าที่น้องหมายถึงคือคุณนายประจำบ้านกิวที่ทั้งรักทั้งเอ็นดูน้องอย่างกับอะไรดี ปกติน้องว่าไงม๊ากิวก็แทบจะว่าตามน้องอยู่แล้ว เรียกได้ว่ารักแทบจะลืมว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกจริงๆของบ้าน แต่น้องคงจะลืมว่าม๊าที่น้องพูดถึงก็คือม๊ากิว ฟ้องไปม๊าก็จะแค่เอ็ดว่ากิวแกล้งน้องผลสุดท้ายกิวก็ได้รางวัลเหมือนเดิม

"ก็ให้เลือกนี่ไง ให้พี่ช่วยทำดีๆหรือจะโดนมะเหงกจากพัพแล้วมาให้พี่ช่วยทำทีหลัง"

พายมองหน้าด้านข้างของสารถีรูปหล่อ พูดจาเหมือนตัวเองใจดีเห็นใจน้องทั้งที่จริงก็หวังจะเอารางวัลจากน้องแท้ๆแล้วพี่กิวจะพูดทำไมเนี่ย

พายนั่งขบริมฝีปาก ครุ่นคิดถึงงานที่จะต้องทำให้เสร็จกับความเหมาะสมของรางวัล เทียบกับความเสี่ยงที่จะไปขอให้พี่ชายแท้ๆของตนช่วยกับความลับของพี่ที่อุตส่าห์ปกปิดมานานพอตัว สุดท้ายเจ้าตัวก็ช่างใจหันไปใช้นิ้วที่สวมแหวนวงโตคู่กับใครอีกคนสะกิดแขนเบาๆเรียกความสนใจ

“ครับ?”    

กิวตอบรับแต่สายตายังคงมองอยู่กับถนนเบื้องหน้า แต่หางตาสามารถเห็นว่าน้องขยับสายเข็มขัดเล็กน้อยแล้วค่อยๆเยื้อนตัวมาใกล้ ไม่นานนักลมหายใจอุ่นๆก็กระทบข้างแก้มตามมาด้วยริมฝีปากนุ่มนิ่มที่กดลงมาเสียฟอดใหญ่ ปลายจมูกโด่งของน้องถูไถไปมาก่อนเจ้าตัวจะเขยิบกลับไปนั่งที่ตามเดิม ทำเนียนเป็นมองนอกน้าต่างไม่สนใจว่าเมื่อครู่ตนทำอะไรลงไป

“ให้รางวัลแล้วช่วยพายทำงานให้เสร็จด้วย ไม่งั้นมีเรื่องแน่”

ข่มขู่ได้สมกับเป็นตัวเล็กของไอ้พัพ น้องพายของไอ้รูท และคนครองตำแหน่งแฟนของไอ้กิว หัวหน้าแก๊งค์ประจำถิ่นมาก

“ยังจะยิ้มอีก พี่กิวหาเรื่องพายใช่มั้ย กลับไปเจอดีแน่”

ครับๆ เจอดีครับ กลัวมากเลยครับคนที่นั่งทำหน้าแดงอมชมพูตามสีผมที่ไปย้อมมาเนี่ย ยังอีก ยังจะเหลือบมาค้อนแล้วรีบหันหนีอีก เอาเลยครับทำตัวน่ารักเสียให้พอ


สำหรับน้องคนนี้หัวหน้าแก๊งค์ยอมจริงๆ   


จบตอน น้องของหัวหน้า


--------------------------------------------------------------------------------------------


นิยายลงเล้าเรื่องแรก กระทู้แรกในชีวิตเลยค่ะ ตื่นเต้นมากนะเนี่ย (≧◇≦)

ยังเป็นน้องใหม่ในเล้านี้ที่ติดตามมาสักพักจนติดใจอยากจะลงเรื่องของตัวเองบ้างค่ะ อยากจะลองแต่งอะไรที่มันเป็นออริ ไม่อิงฟิค ไม่อิงการ์ตูนเรื่องไหนมานานแล้ว เลยออกมาเป็นเรื่องสั้นครั้งละตอนอย่าง “หัวหน้าแก๊งค์” นี่ล่ะค่ะ เนื้อเรื่องมันมาในหัวเอง ทุกอย่างแว้บมาเอง แต่เราจะทำให้พวกเขามีชีวิตและโล้ดแล้นไปเรื่อยๆค่ะ

ขอบพระคุณที่อ่านจนถึงประโยคนี้นะคะ ขอฝากตัวด้วยค่ะ ♪(>ω<o)
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : หัวหน้าแก๊งค์ ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 20-07-2014 22:57:03
 :L2: มารอเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : [หั ว ห น้ า แ ก๊ ง ค์] ตอนที่ 2 (21.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 21-07-2014 21:00:28
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน ชื่อเล่นของหัวหน้า


ไม่ว่าใครบนโลกนี้ต่างก็มีชื่อจริงและชื่อเล่น บางคนอาจจะมีมากกว่าสองชื่อที่ว่ามา อาจจะมีทั้งฉายา นามปากกา ชื่อกลาง ชื่อสมัยเด็กก็ว่ากันไป

แม้กระทั่งนาย กวินท์ อัครเดชไพศาลสกุล หรือนาย กิว คนนี้ก็มีทั้งชื่อจริงชื่อเล่นไม่ต่างกับชาวบ้านเค้าเหมือนกัน เพียงแต่วิธีเรียกแต่ลัคนจะไม่เหมือนกันก็เท่านั้น


ป๊ากับม๊าเรียกกิวว่าตี๋ใหญ่ เพราะเป็นลูกชายคนโตและเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ป๊ากับม๊าเคยคิดอยากจะมีน้องให้กิว แต่พอเจอนิสัยตามประสาเด็กแล้วคงรู้สึกว่าเลี้ยงไม่ไหวเลยเลือกไม่มีซะเลย

เพื่อนเรียกกิวว่า กิว ไอ้กิว หัวหน้าแก๊งค์ พาลไปจนถึง เหี้ยกิว ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเด็กวิศวะมันก็มาแนวนี้กันอยู่แล้ว

เด็กในแก๊งค์ที่มาช่วยทำงาน ทั้งธุรกิจของที่บ้านและนอกบ้านมักจะเรียกกิวว่า เฮียกิว

ส่วนน้องจะเรียกกิวว่า พี่กิว เรียกมาเสมอตั้งแต่ยังไม่คบกัน จนตอนเริ่มจีบ คบกัน จนมาถึงตอนนี้น้องก็ยังเรียกพี่กิว


แต่ตอนนี้ของตอนนี้ที่คุยกันอยู่ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะเปลี่ยนไป


"ป๊า ป๊าอยู่กับพี่พัพมั้ย ให้พี่พัพมาคุยกับพายหน่อยสิครับ"

ตอนได้ยินครั้งแรกกิวนึกว่าน้องโทรผิด แต่มานึกขึ้นได้ว่าป๊าแท้ๆของพายเสียไปตั้งแต่พายยังเด็กด้วยโรคร้าย ทิ้งไว้เพียงมรดกจำนวนมหาศาลกับธุรกิจที่รอให้สองพี่น้องมาดูแลต่อ ตอนนี้ที่บ้านจึงมีแค่คุณแม่ พัพและพายเพียงสามคนเท่านั้น แล้วป๊าที่ว่านี่มันใครล่ะ หรือว่า...



กูเหรอ?



"ป๊า ป๊าฟังพายอยู่มั้ย ป๊ากิว~"

ไม่ต้องเอ่ยถามน้องก็ตอบให้เสร็จสรรพ กิวพยักหน้าให้คนในสายอย่างลืมตัวว่าน้องคงไม่เห็น แม้หน้าจะยังคงนิ่ง ดิบ เถื่อนเป็นปกติแต่ตอนที่ส่งเครื่องมือสื่อสารให้พัพที่นั่งอยู่ข้างๆสตินี่หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว

".......... กิว ไหวป่ะวะ หน้ามึงเหมือนผู้หญิงปวดท้องเมนส์มากอ่ะ"

รูทที่นั่งมองท่าทางของเพื่อนสนิทอยู่นานเอ่ยทัก อะไรของมัน ทำหน้าอย่างกับจะแยกเขี้ยวสลับกับนั่งหน้าตึง จากที่หน้าตาไม่รับแจกอยู่แล้วยิ่งเหมือนจะวิ่งไปกัดหัวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวตึกเรียนได้ น้องไปพูดอะไรใส่มันล่ะเนี่ย

"มันคงไม่ไหวหรอก ตัวเล็กคงเล่นมันซะเครื่องแฮงค์เลย"

พัพว่าพลางยัดมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อช้อปสีเข้มของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้สติคงหลุดไปนอกอวกาศแล้ว แล้วย้ายตัวเองมานั่งข้างรูท เท้าแขนไว้ที่บ่าในขณะที่อีกคนกำลังโบกมือไปมาเรียกสติให้กิว

มองเพื่อนแล้วก็นึกขำ ตัวเล็กนี่มันร้ายจริงๆ ทำเอาคนที่เขาจำได้ว่าตั้งแต่รู้จักกันยันมาเป็นเพื่อนสนิทจนถึงตอนนี้มันไม่เคยเปลี่ยนสีหน้ามากกว่าหนึ่งหน้าให้กลายมาเป็นคนยิ้มได้ เปลี่ยนสีหน้าได้ถึงขนาดนี้ แล้วนี่มันกำลังทำหน้าอะไรวะ เขิน?



เขินได้หน้าเหมือนบลูด็อกมากเพื่อนกู



"น้องพายทำอะไร? บอกเลิก? คงไม่ใช่สินะ... ถ้าน้องบอกเลิกมันคงไปโดดตึกตาย หัวหน้าแก๊งค์ PUPRootQ คงสิ้นชื่อไม่ใช่นั่งแฮงค์แบบนี้"

"ช่วงนี้ตัวเล็กกับม๊าติดหนังเกาหลี ดูกันอีท่าไหนไม่รู้  รู้อีกทีนัดแนะกันว่าจะตั้งชื่อเล่นเฉพาะให้ไอ้กิว ไม่รู้ว่าชื่ออะไรหรอกนะ แต่ตัวเล็กมันชอบน่าดู"

คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเลยถึงบางอ้อ ที่แท้นี่คือหน้าดีใจที่แฟนตั้งชื่อเล่นให้ ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันจริงๆอย่างพักคงดูไม่ออกหรอกนะว่ามันเขิน ขนาดรูทที่ว่าคบมานานถึงจะไม่เท่าพัพยังนึกว่ามันอกหัก



คนเหี้ยอะไรเขินซะหน้าเบี้ยวเชียว



เพราะเสียพ่อไปด้วยโรคร้ายตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ พายจึงโตมากับคุณแม่คนสวยและพี่ชายสุดหล่ออย่างพี่พัพ แต่แม้ครอบครัวจะไม่สมบูรณ์แต่พายก็ไม่ได้เติบโตมาเป็นเด็กมีปัญหา ซ้ำยังเป็นเด็กดี เชื่อฟังทั้งแม่ทั้งพี่ชาย และตอนนี้ก็เชื่อฟังเพิ่มขึ้นมาอีกคนคือพี่กิว

ไม่สิ ตั้งแต่ตอนนี้ต้องเรียกป๊ากิว

เรียกแฟนที่อายุห่างกันแค่สองปีว่าป๊าอาจจะมีหลายๆคนคิดว่ามันแปลก แต่สำหรับพายแล้วไม่แปลกเลย เพราะพี่กิวที่พายรู้จักตั้งแต่ยังมีตำแหน่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย ค่อยๆพัฒนามาเป็นพี่ชายที่ตามจีบ จนกระทั่งเป็นแฟนที่คบกันมาได้เกือบปี พายคิดว่าตลอดว่านอกจากพี่พัพที่ดูแลพายเหมือนพ่อแล้ว พี่กิวนี่แหละที่เป็นอีกคนที่พายคิดว่าถ้าพ่อยังอยู่พ่อก็คงดูแลพายแบบนี้

เพราะงั้นพายจึงตกลงกับแม่ว่าจะเรียกพี่กิวว่าป๊ากิวเป็นบางครั้ง และแม่ก็ตกลงแล้วด้วย

"ตัวเล็ก กลับบ้านกัน"

เงาที่ทาบทับพร้อมคำเรียกอันคุ้นเคยแม้ไม่ต้องหันไปพายก็รู้ว่าเป็นใคร พี่ชายสุดหล่อของพายนั่นเอง

'ตัวเล็ก' เป็นชื่อที่พี่พัพใช้เรียกพายตั้งแต่พายจำความได้ ทั้งที่แม่อุตส่าห์ตั้งชื่อตามของโปรดของท่านทั้งสองคนแท้ๆ ยังจะมาเปลี่ยนชื่อให้น้องอีก แถมความจริงแล้วพายก็ไม่ได้เตี้ยม่อต่อ ความสูงเกือบ 170 เซนติเมตรนั้นดูยังไงก็ไล่เลี่ยกับพี่รูท เพื่อนสนิทที่พี่ตัวเองแอบคิดไม่ซื่อด้วยซ้ำ แต่กลับไม่เคยได้ยินพี่ตัวเองเรียกคนที่ชอบว่าตัวเล็กเลย



'ก็มึงตัวเล็กกว่ากู เรียกตัวเล็กนั่นแหละดีแล้ว'



เหตุผลง่ายๆที่ตอนแรกพายก็ไม่เข้าใจเถียงกันแทบตายพี่ชายก็ยืนยันจะเรียกเขาแบบนี้ พอนานเข้าพายก็ตัดใจจะเถียงยอมให้คนมีศักดิ์เป็นพี่เรียกตามแต่ต้องการ

“วันนี้ไปเรียกอะไรไอ้กิวมัน มันแฮงค์จนเรียนไม่รู้เรื่องเลย”

คนเป็นพี่เอ่ยถามทันทีที่น้องชายปีนขึ้นมาซ้อนท้ายและจัดการสวมหมวกกันน๊อคเรียบร้อยแล้ว วันนี้วันสุดสัปดาห์และแก๊งค์เค้าก็มีนัดแข่ง จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเอาบิ๊กไบค์คันโปรดที่ตั้งชื่อว่าพายอาร์มารับน้องถึงหน้าคณะ รู้แหละว่าน้องมันไม่ถูกกับบิ๊กไบค์เท่าไหร่ ก็เล่นตัวเล็กซะขนาดนี้ กว่าจะปีนขึ้นมาทีนึกว่าลูกแมวตะแง้วๆจะเอาของกิน แต่ให้ทำไงได้ ยังไงเขาก็ไม่อยากให้น้องต้องกลับไปก่อนแล้วไปนั่งหง่าวอยู่ที่บ้านคนเดียว วันนี้ม๊าก็ไปทำธุระต่างจังหวัด สู้ให้มันมากับเขาทีเดียวจะได้ไม่ต้องกังวลว่าน้องมันจะทำอะไรยังไง แถมน้องมันจะได้ไปเป็นกำลังใจให้เพื่อนสนิทด้วย

“พายเปล่านะ แค่โทรหาพี่กิวขอคุยกับพี่พัพแค่นั้นเอ๊ง!”

เสียงสูงซะกลัวไม่รู้ว่าโกหก พัพหันหน้ามองตัวเล็กแล้วเคาะหมวกกันน็อคที่น้องสวมอยู่จนเกิดเสียงป๊อกเบาๆ ส่วนเจ้าตัวแสบก็นั่งหัวเราะรอพี่ชายสตาร์ทเครื่องออก ไม่มีทีท่าว่าจะยอมบอกว่าเมื่อกลางวันทำอะไรกับเพื่อนเขาไป แต่ด้วยความที่พัพเป็นคนเงียบๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การจะให้ไปเซ้าซี้มันไม่ใช่แนวทาง ไม่รู้ตอนนี้เดี๋ยวยังไงก็ได้รู้อยู่ดี สู้อยู่เฉยๆไม่ต้องเปลืองแรงอ้าปากจะดีกว่า





การเดินทางโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์แม้จะเป็นคันใหญ่แค่ไหนยังไงก็ไวกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ ยิ่งเป็นช่วงเวลากลับบ้านแถมสุดสัปดาห์เช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ลงจากรถเดินเอาจะง่ายเสียกว่า พายนั่งคิดพลางเอนหน้าซบหลังพี่ชายเพื่อกันฝุ่นควันและแรงลมที่พัดเข้ามา ด้วยความที่พัพสูงเดินกว่า 185 เซนติเมตร แม้จะนั่งก็ยังดูสูงและสามารถบดบังทุกอย่างให้น้องชายได้

หลังซิ่งบิ๊กไบค์คันใหญ่ฝ่ารถทั้งหลายมาสักพักหลังคาบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่คุ้นเคยก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเป็นสัญญาณว่าพวกเขาใกล้จะถึงบ้านของหัวหน้าแก๊งค์แล้ว

มอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์หลากหลายสีสันจอดอยู่ภายในบริเวณที่จอดรถของบ้าน เสียงทักทายเซ็งแซ่จากเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกันมานักต่อนักดังเป็นระลอกคลื่นเมื่อเห็นว่ารถของใครเข้ามาจอดในบริเวณที่เว้นว่างรอไว้ให้ คนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังก้าวขาลงพร้อมถอดหมวกกันน็อคยื่นให้ แขนเรียวยกกอดอกสีหน้าท่าทางหาเรื่องพี่ชายตัวเองเต็มที่

“ทำไมตัวโตไม่ยอมใส่หมวกกันน็อค มันอันตราย”

ชื่อเรียกที่นานๆจะได้ยินเวลาน้องไม่พอใจถูกนำมาใช้อีกครั้ง พายเรียกพี่ชายว่า ‘ตัวโต’ เพราะเหตุผลติงต๊องที่พัพฟังแล้วต้องส่ายหน้า



‘ก็พายเป็นตัวเล็กพี่พัพก็ต้องเป็นตัวโตไง คิดเยอะไม่ดี พายเลยไม่คิดซะเลย’



ก็ไม่รู้ว่าพัพสอนน้องผิดหรือน้องมันติงต๊องของมันเองอยู่แล้ว วิธีคิดมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เถียงหรืออะไร ในเมื่อน้องมันมีความสุข พี่ชายที่แสนดีอย่างเขาก็ได้แต่คอยตามใจมันก็เท่านั้น

“ให้ตัวเล็กใส่ก็พอ ปิดหัวแดงๆไว้เดี๋ยวคนเข้าใจผิดว่าผีสตอเบอรี่เกาะหลัง”

“ไม่เกี่ยวเลย พายใส่ตัวโตก็เอาอีกใบมาสิ ทำไมต้องเอาของตัวเองมาให้ แล้วหัวตัวเองก็เขียวเป็นสาหร่ายทะเลไม่ต้องมาทำพูดดี”

“แล้วใครมันย้อมให้กู”

“ก็พายเนี่ยแหละ ตัวโตไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตัวโตแม่งดื้อว่ะ สอนไม่รู้จักจำว่ามันอันตรายให้ใส่หมวกๆ”

เสียงหัวเราะดังสนั่นแบบไม่แคร์ใครจากผู้ที่เดินเข้ามาใหม่หยุดสงครามประชันริมฝีปากของสองพี่น้องต่างไซส์ให้หันไปสนใจเจ้าตัวแทน รูทเดินกุมท้องหัวเราะมาตามทางก่อนจะมากระโดดล็อคคอยีสาหร่ายทะเลแบบที่น้องของเฮียมันบอก

"ไงล่ะมึง น้องสอนไม่รู้จักจำแบบนี้ให้กูสอนแทนมั้ยว่าขับมอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกมันอันตราย"

ว่าแล้วก็หัวเราะอีกรอบ ไม่ได้รู้เลยว่าทำให้เพื่อนสนิทคิดไปไหนต่อไหน ส่วนคนเป็นน้องที่ยืนมองก็ยักคิ้วให้พี่ชายตัวเองย่างรู้ทัน

"แกล้งพี่"

กลิ่นโคโลญอันคุ้นเคยกับแรงกอดรัดบริเวณเอวทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือใคร พายสอดนิ้วเข้ากระชับแล้วบีบมือแกร่งเบาๆ หัวเราะร่ากับคำกล่าวอ้างแล้วส่ายหัวไปมา

“พายเปล่าแกล้งนะ ก็พูดจริงนี่หน่า พี่พัพมันดื้อไม่ยอมฟังน้องฟังนุ่งเลย”

“เค้าเป็นพี่เรา เราต้องฟังเค้าไม่ใช่เหรอ?”

“พี่ทำผิดน้องเตือนพี่ก็ต้องฟังสิ ไม่งั้นป๊ากิวจะเตือนให้พายมั้ยล่ะ”

สรรพนามแปลกๆทำให้คนด้านหลังเงียบไป มือที่กระชับกันเกร็งกระตุกไปวูบนึงเรียกความสงสัยให้อีกคนต้องหันไปมอง ใบหน้าขาวใสที่ยามนี้เปื้อนคราบไคลจากฝุ่นและควันเผยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าคนที่ตนอัพตำแหน่งให้มีสรรพนามเหมือนคุณพ่อทำหน้าปุเลี่ยนแบบอธิบายไม่ถูกจะยิ้มก็ไม่เชิง จะแยกเขี้ยวก็ไม่ใช่ ยิ่งมองยิ่งกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้

“ป๊ากิวเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? เขินอ่ะดิ?” พูดอย่างรู้ทันแถมยักคิ้วแบบที่เจ้าตัวชอบทำเวลามั่นใจในคำพูดของตนเอง ยิ่งมีเสียงโห่แซวของไอ้พวกปากบอนที่มองอยู่สีหน้าเบี้ยวๆก็เบี้ยวหนักเข้าไปอีก

“................ใครเขิน มั่วว่ะ”

เงียบไปชั่วอึดใจใหญ่ๆก่อนรู้ตัวเพราะรอยยิ้มจากไอ้คู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่น่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน คนในอ้อมแขนนี่ก็อีก ยิ้มน่าหมั่นเขี้ยวแบบนี้คิดจะทำให้ใจเขาเหนื่อยไม่หยุดไม่หย่อนเลยหรือไงกัน ผละมือมายีหัวสีสตอเบอรี่แรงๆจนน้องต้องร้องประท้วงเพราะทรงผมมันยุ่งเป็นรังนกไปหมด แต่กิวไม่สนใจยีมันเข้าไปอีกให้สมกับที่กล้าแซวเขาต่อหน้าเพื่อนและลูกน้อง






“วันนี้พวกพี่รูทจะไปแข่งกับใครเหรอครับ?”

ร่างโปร่งที่ตอนนี้ย้ายมานั่งกอดหมอนพร้อมทำตัวเป็นหมอนบนตักของหัวหน้าแก๊งค์เอ่ยถาม เห็นพี่ชายตัวเองนั่งปรับพายอาร์อยู่นานสองนาน คงต้องเป็นนัดสำคัญจริงๆ แล้วพี่ชายตนก็คงจะลงแข่งคนแรกๆด้วยไม่งั้นต้องรอให้พี่รูทด่านู้นถึงจะยอมไปเช็คความพร้อมให้บิ๊กไบค์สุดที่รักของตัวเอง

“พวกไอ้ดอมน่ะน้องพาย จำได้ป่ะคนที่เคยมีเรื่องจะต่อยกับไอ้พัพนั่นแหละ”

ได้ยินชื่อก็ถึงบางอ้อ ใครมันจะจำไม่ได้กับอีแค่คนที่เคยมาตามกอร่อกอติด เคยเกือบจะมีเรื่องกับพี่กิวเหมือนกันแต่แค่เจอพี่พัพยังต้องถอยกลับไปอย่างกับหมา มาเจอพี่กิวคงกลายเป็นปรสิตติดตามพื้นเลยมั้ง พายพยักหน้าหงึกหงักรับ ท่าทางเหมือนตุ๊กตาหัวดุ๊กดิ๊กที่มีคนชอบเอาไปตั้งตรงหน้าคอนโซลรถทำเอาคนที่ชอบอะไรน่ารักๆอย่างรูทอดใจไม่ไหวบีบแก้มน้องแล้วส่ายไปมาเบาๆ

“น่ารักนะเราเนี่ย ไม่แปลกใจทำไมป๊ามันทั้งรักทั้งหลง” ว่าแล้วก็ขำก๊ากเมื่อเห็นคนโดนพาดพิงที่กำลังนั่งหาเศษหาเลยกับร่างกายน้องมันสะอึกไป

“เงียบไปเลยสัดรูท”

ด่าเพื่อนตัวเองไปหนึ่งที แต่ดูท่าจะไม่สามารถทำอะไรคนที่ยังหัวเราะอยู่ได้เลย รูทยื่นหน้าจากโซฟาที่ตนนั่งอยู่มาขโมยหอมแก้มน้องเสียฟอดใหญ่ก่อนรีบลุกหนีฝ่าเท้าที่ลอยมาในทันที วิ่งไปหัวเราะไปยังทางที่พี่ชายตัวโตของน้องตัวเล็กนั่งปรับแต่งรถอยู่

“นี่ก็หัวเราะอยู่นั่น ชอบจังนะโดนคนอื่นหอมแก้มเนี่ย”

“อ้าว พี่กิวอย่ามาพาลนะ ตัวเขินจนเขาแกล้งเองแท้ๆ” พายหน้าเหวอ อะไรกันตัวเองแค่นั่งหัวเราะแถมเป็นฝ่ายถูกกระทำดันมาโดนเม้งใส่ แบบนี้ไม่ยอมหรอกนะ ต้องมีเถียงกับกันไปข้าง หมอนข้างมีชีวิตหันไปแว้ดใส่ทันทีด้วยใบหน้าที่กิวบอกกี่ครั้งก็ไม่ยอมฟังว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย

“แล้วใครทำให้เขิน”

พอเจอคำถามนี้น้องก็เงียบไปก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืน ดวงตาคมเข้มมองตาม สงสัยเล็กน้อยว่าน้องงอนหรือเปล่าแต่ก็ไม่ใช่น้องเพียงลุกเพื่อเปลี่ยนท่านั่งมามองหน้าเขาได้ตรงๆก็เท่านั้น มือแกร่งโอบรั้งเอวบางไว้กลัวคนตัวบางจะหงายหลังตกลงไป ส่วนพายก็ไม่ว่าอะไรเพียงคล้องแขนโอบรอบคอบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าคนรักไว้แล้วชนหน้าผากเข้ากับอีกคนเบาๆ

“พี่กิวเขินอย่างเดียวใช่มั้ย ไม่ใช่ไม่ชอบนะ? ถ้าไม่ชอบพายไม่เรียกก็ได้นะครับ”

จมูกโด่งคลอเคลียไปมาคล้ายออดอ้อนและขอโทษไปในที สลับกับเหลือบมองสบตาคนตรงหน้าไปด้วย น้องชอบทำแบบนี้เสมอเมื่อคิดว่าตนเองผิดนิดหน่อยกับสิ่งที่ทำลงไป ย้ำว่านิดหน่อยเท่านั้นนะ

คนที่กำลังโดนอ้อนยิ้มรับ ส่ายหัวไปมาทำให้หน้าน้องก็ส่ายน้อยๆตามไปด้วย ยอมคนนี้เลยจริงๆ ไม่รู้จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน คิดว่าหัวใจคนเราอดทนกับความน่ารักได้สักเท่าไหร่กัน

“วันนี้พี่ต้องแข่ง...”

“ครับ พายรู้แล้ว” เปิดประเด็นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันก่อนหน้าแม้แต่น้อย น้องขมวดคิ้วงุนงงทั้งที่หน้าผากก็ยังชนกันอยู่แต่ก็เอ่ยรับ

“ให้กำลังใจพี่ทีนึงยอมให้เรียกตามใจไปทั้งชาติเลย”

เผยความต้องการหรือเรียกอีกอย่างว่าข้อแลกเปลี่ยนให้คนบนตักฟัง ยังไงน้องก็ต้องเรียกตามที่ตัวเองต้องการอยู่แล้ว จะเขินจะอะไรก็ช่างแม่งให้น้องยิ้มได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ คิดแบบนั้นถึงได้เลือกหาเศษหาเลยกับน้องด้วยวิธีนี้ ฝั่งน้องพอได้ฟังก็เบิกตาโตแล้วหัวเราะถูไถหน้าผากเนียนเหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของแล้วจัดการแนบริมฝีปากนิ่มกับความนุ่มหยุ่นที่อยู่เบื้องหน้าแรงๆหนึ่งทีตามที่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมา พายถือคติกล้าขอกล้าให้อยู่แล้วเพราะงั้นกับเรื่องที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงแถมพายยินดีที่จะทำมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร ติดจะเต็มใจ ไม่ต้องขอยังไงเจ้าตัวก็จะบังคับให้ด้วยซ้ำ

กระทำการยื่นขอแลกเปลี่ยนแล้วจึงผละหน้าห่างออกมา แล้วส่งยิ้มกว้างตามประสาคนอารมณ์ดีให้อีกครั้ง



“แข่งนัดนี้ต้องสู้ๆนะครับป๊ากิวของพาย”


จบตอน ชื่อเล่นของหัวหน้า


--------------------------------------------------------------------------------------------


หัวหน้าแก๊งค์ตอนที่สองมาส่งแล้วค่ะ รีบลงไว้ก่อนกลัวงานจะหนักแล้วไม่ได้มาลง

คือเนื้อเรื่องกับชื่อเรื่องไม่ได้ไปด้วยกันเลย มันควรจะชื่อรักหวานๆของนายมุ้งมิ้งอะไรแบบนี้แทนมั้ยนะ 5555555555  :-[

อยากจะให้มันออกมาเป็นหัวหน้าแก๊งค์ที่แหวกแนวและแตกต่างกันไป ถือว่าเป็นอีกมุมนึงที่คนเป็นหัวหน้าแก๊งค์อาจจะมีเมื่อมีความรักก็ว่าได้ล่ะมั้ง? วางแผนให้แต่ละตอนดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยล่ะค่ะ มันจึงออกมาเป็นแบบเก็บรายละเอียด ค่อยๆรู้เรื่องของตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปมั้ย ถ้ายังไงก็ฝากแนะนำและติชมด้วยนะคะ

ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ
:pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : [หั ว ห น้ า แ ก๊ ง ค์] ตอนที่ 3 (23.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 23-07-2014 09:24:15
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน วิธีตามใจของหัวหน้า




ตั้งแต่ที่ยังไม่คบกันกิวก็มักจะโดนบอกว่าตนตามใจน้องเกินไปเสมอ ยิ่งมาคบกันนี้เรียกว่าได้ยินทุกวันจนหูเปื่อยเลยก็ว่าได้ แต่ถ้ามองจากมุมเขาแล้ว ถามว่าตัวเองตามใจน้องมากเกินไปมั้ยเขารู้สึกว่ายังไม่พอด้วยซ้ำ ถ้าทำได้ก็อยากให้น้องมากกว่านี้ อยากตามใจน้องให้มากขึ้นๆแบบที่คนอื่นก็สู้ไม่ไหว

"พี่พัพนั่งดีๆดิเดี๋ยวมันก็เลอะหน้า"

กิวหันไปมองทางต้นเสียง เห็นน้องกำลังวุ่นวายอยู่กับหัวของพี่ชายตัวเอง มือนึงถือถ้วยสำหรับผสมสีย้อม ส่วนอีกมือก็ถือแปรงแหวกๆแปะๆหนังหัวพี่ชายตัวเอง รอบนี้จะออกมาเป็นสีอะไรกิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ปกติสไตล์การแต่งตัวของพัพก็ดูดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวสูงจากกรรมพันธุ์ของพ่อพอออกกำลังนิดหน่อยก็มีมัดกล้าม ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็เท่ห์ ดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมานัก ยิ่งพอมาได้น้องช่วย ใช้วิชาการออกแบบที่เจ้าตัวร่ำเรียนมา มาทดลองกับพี่ชาย จากพัพที่แค่ใส่เสื้อกล้ามกางเกงยีนส์หลุดลุ่ยก็ดูดีกลายมาเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นนำสมัยได้ไม่ยาก



อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่พัพหรอกที่น้องจะคอยเลือกนู่นเลือกนี่ให้ กิวก็เป็นหนึ่งในคนที่น้องชอบเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ฝึกด้วยเหมือนกัน ทั้งเสื้อผ้า ทั้งเครื่องประดับ ยาวไปจนถึงของแต่งบ้าน ทั้งหลายแหล่ สามารถพูดได้เลยว่าเป็นตามสไตล์ที่น้องต้องการทั้งสิ้น แต่ในเมื่อมันดูสวยไม่ได้น่าเกลียดอะไรเขาก็จะตามใจ

"ทำไมต้องมาใช้หัวพี่วะตัวเล็ก ไปใช้หัวเฮียนู้น"

"อ๋อ พี่กิวต้องเป็นอีกสี ไม่ต้องห่วง เอาหัวตัวโตให้เสร็จก่อน พอเสร็จแล้วรับรองพี่รูทยังต้องชมว่าหล่ออ่ะ!"



หัวกูด้วยเหรอ?



คนโดนพาดพิงนั่งหน้านิ่งมองเพื่อนด้วยสายตายากจะอธิบายสลับกับเจ้าของคำพูดที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเสื้อยืดคอวีพับแขนกับบ๊อกเซอร์ขาสั้นตัวโปรดที่เคยเป็นของกิวมาก่อน พอสบตากับพัพมันก็แค่ยักไหล่ไม่สนใจ ไอ้นี่มันถือคติตามใจน้องไว้ก่อนส่วนเพื่อนไว้ทีหลังอยู่แล้ว

"ป๊ากิว มานั่งตรงนี้เร็วครับ พายตื่นเต้น อยากลองสีใหม่แล้วเนี่ย"



แล้วน้องพายจะไม่ถามพี่เลยเหรอครับว่าพี่ตื่นเต้นมั้ย?



น้องกวักมือหยอยๆเรียกคนที่นั่งมองคู่พี่น้องให้เดินไปนั่งที่ประจำ เมื่อเห็นว่าคนรักยอมเดินมานั่งประจำที่แล้วเจ้าตัวก็หันไปวุ่นวายกับการผสมสีตามที่ตัวเองกะจะให้มันมาโปะบนหนังหัวเขา ความจริงเขายังชอบสีผมช็อคโกแลตที่น้องย้อมให้เมื่อประมาณสามสัปดาห์ก่อนอยู่เลย แต่ในเมื่อน้องอยากจะย้อมเขาก็จะยอมให้น้องย้อมด้วยแล้วกัน ไม่อยากจะขัดใจ แล้วสีผมแต่ละสีที่น้องย้อมให้มันก็เหมาะกับเขาไม่ใช่น้อย ถือว่าน้องเลือกไม่ผิดที่หันมาเอาดีด้านการออกแบบเช่นนี้

“ตามใจมันตลอด”

คนที่อยู่ในสภาพหัวแฉะเพราะฝีมือน้องยังมีหน้ามาว่าเขา กิวยิ้มมุมปากยักไหล่เหมือนที่เพื่อนตัวเองทำใส่เขาก่อนหน้านี้แล้วเอี้ยวตัวไปนั่งเท้าแขนกับโซฟามองคนในชุดเสื้อยืดคอวีพับแขนกับบ๊อกเซอร์ของเขา น้องชอบกางเกงตัวนั้นมากชนิดที่ว่าทุกครั้งที่มาค้างบ้านเขาน้องจะยึดมันไปใส่เสมอ ความจริงแล้วตอนที่เขาใส่มันก็พอดีตัวไม่ได้โคร่งเท่าไหร่แต่พอน้องเอาไปใส่เท่านั้น มันกลับกลายเป็นกางเกงขาบานซะได้ แม้ว่าเขาจะชอบลายของมันแต่ในเมื่อน้องชอบเขาก็เลือกจะยกบ๊อกเซอร์ตัวนั้นให้กลายเป็นกางเกงนอนของน้องไปโดยปริยาย

“.....สีอะไร” มองชามสีประหลาดในมือน้องเท่าไหร่ก็มองไม่ออกสักทีว่ามันจะกลายเป็นสีอะไร เพราะงั้นเลือดถามเอาเลยคงจะง่ายกว่า

“แดงเลือดหมูประกายชมพูสตอเบอรี่!”

แค่ฟังชื่อก็ปวดหัวแล้ว ไม่รู้น้องไปเอาสูตรมาจากไหนถึงได้คิดสีประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาใช้กับหนังหัวของเขาได้ กิวเหลือบมองหัวสีสตอเบอรี่ของน้อง ด้วยความที่น้องเป็นคนผิวขาวจะผมสีอ่อนแค่ไหนมันก็ดูสวยเข้ากับใบหน้าและการแต่งกายของน้อง แต่พอมาคิดว่าสีแดงเลือดหมูประกายอะไรสักอย่างที่ฟังแล้วโคตรจะไม่เข้ากับหน้ามันจะมาอยู่บนหัวไปอีกเดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้นก็แอบหนักใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่ใช่ชมพูแบบพายแน่นอน สัญญาเลย หน้าอย่างพี่กิวไม่เหมาะกับสีชมพูหรอก”

ไม่รู้ว่าหลอกด่าหรือเปล่า แต่พอพูดจบเจ้าตัวก็หันไปไฮไฟว์กับพี่ตัวเองแล้วหัวเราะเอิ้กอ้าก ก่อนหันมาให้ความสนใจกับการละเลงหนังหัวเขา กิวยอมรับเลยว่ามือน้องยังนิ่มเหมือนเคย ความรู้สึกสบายแล่นผ่านเมื่อเรียวนิ้วค่อยๆเกี่ยวเส้นผมจับเป็นช่อแล้วบรรเลงสีอะไรสักอย่างที่น้องตัดสินใจว่ามันเหมาะกับเขาลงไป ก่อนค่อยๆขยุ้มให้สีเข้ากันด้วยมือเล็กๆนั้น

“พี่กิวเงยหน้าหน่อยครับ พายจะดูว่ามันถึงโคนผมด้านหน้ามั้ย”

บอกมาแบบนี้มีหรือที่กิวจะไม่ทำตาม กิวเงยหน้าจนเหมือนนอนคุยกับน้อง สีหน้ามุ่งมั่นที่อยู่เหนือขึ้นไปช่างดูเพลินตา เขาจำได้ว่าน้องจะทำหน้าแบบนี้เวลาที่ตั้งใจทำการบ้าน ออกแบบเสื้อผ้าหรือโปรเจคต่างๆ แล้วก็ยามเวลาแบบนี้ ยามที่พยายามหาอะไรมามิ๊กซ์แอนด์แมทให้มันเข้ากับร่างกายของเขา ปลายนิ้วเรียวใต้ถุงมือพลาสติกค่อยๆเกลี่ยสีที่เกินจากขอบผมให้เบาๆ ก่อนจะซนแปะสีที่ย้อมผมบนแก้มเขาแล้วหัวเราะชอบใจ

“ซน... เป็นแมวหรือไง”

คนตัวโตกว่าส่งมือไปบีบจมูกโด่งของคนที่ยังหัวเราะอยู่ รอยยิ้มสนุกสนานของน้องมีค่ามากกว่าจะดุด่าที่ทำอะไรไม่รู้เรื่องแม้ตอนนี้คันยิบๆบนรอยที่น้องแต้มเอาไว้ และดูท่าว่าอีกไม่นานจะต้องมีสิวมาบุกไม่ก็ขึ้นปื้นแดงกันไปข้างแต่เอาเถอะ

“เปล่าเป็นแมวนะ เป็นแฟน อะไรกันจำแฟนตัวเองไม่ได้ แย่จริงๆ”

พูดเสียงอู้อี้เพราะโดนบีบจมูกอยู่ แต่คำพูดคำจาช่างน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนต้องยื่นหน้าไปให้รางวัลโดยการสูดความหอมจากแก้มนิ่มเสียแรงๆหนึ่งที ถึงพี่ชายน้องจะนั่งมองพร้อมกระแอมในลำคอให้รู้ว่ากูยังนั่งอยู่ตรงนี้แต่กิวก็ไม่ยี่หระอะไร ยังไงมันก็แค่ส่งเสียงมาแซวเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรมากเกินไปกว่านี้



แค่ตอนนี้เท่านั้นน่ะนะ



“อื้ออ หนวดทิ่มหน้าแล้ว เมื่อเช้าไม่ได้โกนเหรอ” ลูบหน้าตัวเองป้อยๆตรงที่โดนโคนหนวดสากๆทิ่มเข้าไป

“ตั้งใจไว้” กิวตอบไปตามตรง อยากจะลองไว้หนวดดูบ้าง เปลี่ยนสไตล์ให้มันดูเข้มขึ้นกว่านี้ แต่ดูท่าน้องจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มือที่ขยุ้มผมนวดวนไปมาถึงได้หยุดชะงักแล้วมาทำหน้ายู่ใส่เขาแบบนี้

“ไม่เอาดิ หน้าพี่กิวไม่ได้เหมาะกับหนวดเลย คืนนี้ต้องโกนทิ้ง”



อ้าว... แล้วไอ้สีที่มีคำว่าสตอเบอรี่มันเหมาะกับหนังหน้ากูมากเลยงั้นสินะ





หนึ่งชั่วโมงที่ทนให้น้องเล่นกับหนังหัวและอดทนกับความคันเหมือนมดร้อยตัวมากัดก็ผ่านพ้นไป ยามนี้หัวที่โดนน้องจับล้างแล้วสระให้พร้อมนั่งไดรทั้งสองหัวก็เปลี่ยนสีเป็นที่เรียบร้อย ดูท่าว่าน้องจะพอใจในฝีมือตัวเองอยู่เหมือนกันเจ้าตัวถึงได้กอดอกมองหน้าพี่ชายสลับกับคนรักด้วยใบหน้าปลื้มในฝีมือตัวเองเต็มที่

ตอนนี้หัวของพัพกลายเป็นสีเทาอมเขียว ไม่ได้เป็นสีสาหร่ายทะเลแบบที่น้องเคยบอกไว้อีกแล้ว

ส่วนของกิว เขาเข้าใจแล้วว่าสีเลือดหมูประกายสตอเบอรี่มันเป็นยังไง ทำไมน้องไม่บอกว่ามันคือสีแดงแข้มประกายสีแดงที่อ่อนลงมาไม่กี่ระดับวะ

“เข้ากันอย่างที่คิดเลย! โชคดีนะเนี่ยที่ป๊าม๊าเบ่งออกมาหล่อ ไม่งั้นคงหน้าเหี้ยกว่าเด็กแว๊นซ์”

แยกไม่ถูกเลยว่าเป็นคำชมหรือคำด่า กิวกับพัพหันมามองหน้าน้องที่ยืนยิ้มแฉ่งไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

กระจกเงาบานขนาดพอดีมือถูกส่งให้ทั้งสองคนเพื่อดูสภาพที่เปลี่ยนไป ยอมรับว่ามันไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่ตอนแรกคิด ออกจะเข้ามากกว่าด้วยซ้ำ สำหรับพัพที่ความจริงแล้วตัวขาวเป็นหยวกเหมือนน้องชายแต่ชอบไปเล่นกีฬากลางแดดและขับมอเตอร์ไซค์จนผิวเจ้าตัวคล้ำขึ้นมาหน่อย ผมสั้นกำลังดีที่ไถด้านล่างทิ้งกับสีผมเขียวประกายเทาไม่ได้ทำให้ผิวดำขึ้นแต่กลับช่วยสะท้อนให้หน้าคมดูคมเข้มและสว่างเสียมากกว่า ด้านกิวที่ผิวกร้านแดดพอๆกับเพื่อนในทรงผมไถข้างเพียงด้านเดียวและซอยด้านหน้าเฉียงไล่ระดับซึ่งก็เป็นฝีมือของช่างประจำตัวตรงหน้านี่แหละกับสีผมแดงประกายที่ไม่จัดจนเกินไปนักก็เข้าท่าไม่หยอก ดูเด็กกว่าผมสีน้ำตาลเข้มเมื่อก่อนหน้าอีกด้วยมั้ง

“สุดท้ายก็มีแค่ต่างหูที่ไม่เข้า ตัวโตถอดเพชรด้านซ้ายออกมาแลกกับพายหน่อย”

เพชรที่น้องหมายถึงคือต่างหูรูปเพชรที่เจ้าตัวออกแบบแล้วเอามาให้พี่ชายใส่ มือเล็กรับไปแล้วส่งต่างหูสีเงินอันเล็กที่ปกติจะใส่อยู่บริเวณติ่งหูซ้ายให้พี่ชาย พอพัพใส่เสร็จน้องก็มองอย่างพิจารณาแล้วพยักหน้าหงึกหงักๆด้วยความพอใจให้

“ของพี่กิวเอาหมุดมาแลกกับห่วงของพายดีกว่า น่าจะเข้ากว่า หูพี่กิวสวย ใส่อันใหญ่ๆมันปิดหมดเลย” พูดเองเออเองแล้วก็ลงมือถอดเอง จัดการถอดต่างหูหมุดยาวบริเวณกระดูกอ่อนของอีกฝ่ายออกแล้วสวมห่วงอันเล็กของตัวเองให้แทน

“ดีนะเนี่ยที่พายเจาะหูเยอะไม่งั้นไม่มีต่างหูเปลี่ยนหรอก”

ยักคิ้วให้คนทั้งสองที่ยอมนั่งนิ่งๆให้น้องทำตามใจเต็มที่ ตอนแรกที่เจ้าตัวอยากจะเจาะหูเป็นพวกเขาสองคนนี่แหละที่ไม่ยอมให้น้องเจาะ จนน้องแอบดอดหนีไปให้ไอ้รูทเจาะให้ หลังจานั้นรูที่สองที่สามมันก็ตามมา ดีหน่อยที่น้องห้ามใจตัวเองไม่ให้มันเพิ่มขึ้นมาได้จึงหยุดอยู่มราด้านละสามรูเยื้องคนละสถานที่เท่านั้น

“ข้ออ้างว่ะตัวเล็ก”

“เปล่านะ!”

“เบื่อเถียงกับแมว กูไปละกิว ฝากมันด้วย” พัพขยี้หัวที่อุตส่าห์จัดให้เนี๊ยบสองสามที่แล้วลุกยืน

วันนี้เป็นวันเสาร์ เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าวันเสาร์เมื่อไหร่น้องจะเจียดเวลามาค้างที่บ้านกิวเสมอจึงเป็นหน้าที่ของพัพที่ต้องมาส่งน้องตัวเองและหลังจากนั้นก็แล้วแต่ บางทีอาจจะกลับบ้านเลย ใช้ชีวิตแบบคนไม่มีน้องมาวอแว ช่วยงานแม่ หรืออาจจะไปเฮฮาตามประสาชายหนุ่มเช่นวันนี้

"เบื่อหรือจะรีบไปรับใครกันแน่" ตัวเล็กมันรู้ทัน ต้องเป็นมันแน่ๆที่แอบเปิดมือถือเขาดูเมื่อเช้า

พัพไม่ตอบอะไรเพียงแค่ดีดหน้าผากเนียนของคนรู้ทันแล้วเดินไปสตาร์ทพายอาร์ออกไปทำธุระของตนต่อ ทิ้งน้องยืนหน้ามุ่ยลูบหน้าผากที่มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อยไว้ด้านหลัง

"ห้าโมงกว่าแล้ว จะกินอะไร"

รั้งเอวบางมานั่งตักแล้วเอ่ยถามเมื่อเหลือบมองเวลาบนหน้าปัดมันชี้ว่าเป็นเวลาของข้าวเย็นแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งกับหัวของพวกตน น้องเลยไม่ได้สนใจทั้งที่ปกติแค่เข็มสั้นชี้เลขห้าก็เด้งตัวร้องหาของกินแล้ว

"กินชาบูไม่ใช่เหรอ? พายเห็นในตู้มีของเตรียมไว้ พี่กิวซื้อมาเองยังจะถามอีก"

ครับ ครับ กิวรับคำน้องแล้วลุกยืนอุ้มคนตัวเล็กไว้ขณะที่เดินตรงมุ่งสู่ห้องครัวด้านในสุดของบ้าน คนตัวเล็กกว่าก็จัดการคล้องแขนเข้ารอบคอพร้อมหนีบขาไว้ที่เอวสอบห้อยเป็นลิงปีนมะพร้าวตามหน้าที่ สุดท้ายอาหารเย็นวันนี้เป็นยังเป็นชาบูอาหารโปรดของน้องที่กิวเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเหลือแค่คนมานั่งทำนั่งกินด้วยกันเท่านั้น





"ป๊ากิวครับเข้ามาห้องน้ำหน่อยสิ"

เสียงของน้องที่ดังมาจากห้องน้ำกระตุ้นให้คนที่นอนดูหนังแอคชั่นบนเตียงผลุดร่างขึ้นยืนแล้วสาวเท้าเข้าไปหา ไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลอทิ้งของใช้ส่วนตัวอะไรไว้ในห้องน้ำหรือเปล่าน้องถึงจะตามให้เข้าไปเก็บ

"ว่าไงครับ?"

กิวเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปถาม จึงได้เห็นว่าน้องนั่งรออยู่บนขอบอ่างล้างหน้า พื้นที่ที่เหลือไม่ไกลจากตัวน้องเท่าใดนักมีอุปกรณ์โกนหนวดของเขาวางกองอยู่ แค่มองก็รับรู้ได้ว่าความปรารถนาที่จะไว้หนวดครั้งนี้ก็คงไม่แคล้วต้องล่มลงเพราะมันจะไม่มีวันได้ยาวอีกต่อไป

"ป๊ามานี่เร็ว~ เดี๋ยวพายโกนหนวดให้จะได้หล่อๆ"

"ระดับนี้ไม่โกนก็หล่อว่ะ"

"ไม่จริงเหอะ โกนหล่อกว่าเพราะงั้นโกนนะครับป๊ากิว"

กิวคิดว่าตนเองเริ่มจับทางได้แล้ว่าเมื่อไหร่ที่น้องต้องการให้เขาทำอะไรน้องจะอ้อนเขาด้วยคำว่า 'ป๊ากิว' เพราะรู้ว่าเขาต้องเขินแล้วใจอ่อน แม้จะตั้งใจแล้วว่าจะทำตัวให้เคยชินให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆไม่รู้ทำไมใจอ่อนต้องยอมตามใจเสียทุกที

เสียงถอนหายใจของคนหน้าดุเป็นสัญญาณให้รู้ว่าตนได้รับชัยชนะอีกครั้ง พายยิ้มตาหยีขณะที่อีกคนเดินเข้ามาใกล้ เมื่ออยู่ในรัศมีที่เอื้อมขาถึงเจ้าตัวก็จัดการล็อคเอวกิวเอาไว้ไม่ปล่อยให้หนีไปกลางคัน

"น่ารักแบบนี้สิถึงจะเป็นป๊ากิวของพาย" ได้อะไรที่ต้องการก็พูดจาหวานหูเป็นรางวัล

พายจัดการป้ายครีมโกนหนวดทีละน้อยบนใบหน้าคม แม้ความจริงการโกนหนวดที่มันเพิ่งขึ้นเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมเพื่อให้นิ่มแต่น้องก็ยังจะลงเพราะความสนุกส่วนตัวนั่นเองและแน่นอนว่ากิวก็ตามใจน้องเช่นเคย ปล่อยให้จัดการตามใจน้องไหนๆก็มีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียหายอะไร

"ทำไมชอบใส่แบบนี้ ตอนนอนไม่หนาวหรือไง"

เพราะไม่รู้จะทำอะไรกิวเลยสาดสายตาสำรวจเรือนร่างของคนตรงหน้าแทนเสียเลย น้องใส่เพียงเสื้อเนื้อบางตัวใหญ่ที่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นของเขากับบ๊อกเซอร์สั้นๆลายหัวกะโหลกของเจ้าตัว ด้วยความที่บ่าของน้องกับคอเสื้อตัวโตของเขามันไม่เข้ากันจึงทำให้คอเสื้อย้วยจนเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนไปจนถึงไหปลาร้าสวยได้รูป แถมพอก้มมองยังไปปะทะกับต้นขาเล็กแถมยังขาวเตะตาที่โผล่พ้นชายเสื้อกับขอบกางเกงออกมาอีก ดูแล้วเจ้าตัวหน้าจะหนาวแต่เขานี่สิรู้สึกว่าร้อนขึ้นมาแบบแปลกๆ

"ไม่หนาวหรอก พี่กิวกอดพายอยู่ตลอดจะไปหนาวได้ไง"

"พูดจาแบบนี้ปล้ำได้มั้ย" ไม่พูดเปล่าฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บริเวณต้นขาก็แกล้งลูบไล้แล้วสอดเข้าไปใต้บ๊อกเซอร์ตัวบาง มืออีกข้างกดแผ่นหลังเล็กให้ลดระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลง

นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยมองคนที่กระทำการลวนลามแล้วยิ้มหวาน ยกที่โกนหนวดขึ้นมาแนบแก้มด้วยท่าทางสุดจะน่ารักแต่คำพูดที่ตามมาไม่ได้น่ารักตามซะเลย

"อยากโดนปาดไปให้เป็ดกินก็ลองดูสิครับ"


โหดสมกับเป็นแฟนหัวหน้าแก๊งค์


ในสายตาคนนอกอาจจะคิดว่าเขากับน้องได้เสียกันไปเป็นชาติแล้ว เพราะการแสดงออกที่ไม่แคร์ใคร อยากจูบก็จูบ อยากแลกลิ้นกันตอนไหนก็ทำ อยากนั่งตักในที่สาธารณะก็นั่ง อยากจะกอดก็หันไปกอดซะดื้อๆ ใครมองยังไงก็ไม่ได้ใส่ใจ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำซะทั้งคู่ แต่ในความไม่แคร์ใครนั้นพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่ถึงเวลา และการเมคเลิฟก็ไม่ใช่ตัวตัดสินความรักทั้งหมดของพวกเขา ความเข้าใจ การที่เขาทั้งสองคนค่อยๆเดินเคียงข้างกันไปต่างหากที่เรียกว่าความรักอย่างแท้จริง

"โหดชิบหายว่าที่เมียใครวะ" ปากก็พูดเหมือนกลัวแต่มือก็ไม่หยุดที่จะลูบไล้ผิวเนียนละเอียด บางจังหวะก็บีบเค้นเบาๆพอแก้หมั่นเขี้ยว

"ก็ว่าที่เมียพี่กิวนั่นแหละ ถ้าจะยังลามกอยู่แบบนี้ปาดเป็นแผลไม่รับผิดชอบนะ"

เพราะคำพูดนั้นทำให้กิวยอมหยุดมือที่ลูบไล้ขาขาวเนียนผละออกมาโอบรอบเอวคอดไว้ให้คนตรงหน้าได้มีสมาธิโกนหนวดโดนไม่ต้องมีใครเสียเลือดเนื้อ ปลายมีดโกนที่ตัดผ่านช่างเบานักเมื่อเทียบกับยามที่เขาทำด้วยตนเอง สงสัยว่าน้องจะได้ตำแหน่งใหม่นอกจากสไตล์ลิสกับช่างทำผม เป็นช่างโกนหนวดประจำตัวของกิวนี่แหละ ไม่ชอบให้ไว้หนวดนักก็ต้องมาโกนให้ด้วยตัวเอง ถือว่าเจ๊าท์กันไป

เพราะหนวดที่เริ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยทำให้พายใช้เวลาไม่นานนักกับการกำจัดส้วนเกินบนใบหน้าหล่อเหลาออก ยังไงเขาก็ชอบพี่กิวที่หน้าใสเด้งเป็นหนุ่มเกาหลีมากกว่าพี่กิวที่ริจะไว้หนวดรุงรังเหมือนโจรป่าเป็นไหนๆ

ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่พายจัดการให้คนรัก ค่อยๆซับบริเวณที่ลงครีม เซ็ดออกอย่างเบามือเพราะพื้นที่ที่เพิ่งจัดการลงมีดคงยังระคายไม่น้อย ไม่อยากจะให้คนรักต้องมาบอกว่าแสบหน้าทีหลัง ไม่นานนักใบหน้าเกลี้ยวเกลาแต่ยังคงความดุที่พายรู้ว่าข้างในนั้นใจดีมากกับตนมากขนาดไหนก็เผยให้เห็น คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยี ชอบอกชอบใจในฝีมือตัวเองอีกครั้ง

"คิดอยู่ล่ะสิว่าคนอะไรแม่งโคตรหล่อ"

"ชมตัวเองได้ด้วย ไม่กระดากปากเหรอ"

"รู้ว่าแฟนต้องชมในใจ แค่นี่กล้าพูดดังๆก็พอว่ะ" กระชับคนในอ้อมกอดแล้วจ้องหน้า หยอกล้อแฟนตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่งล่ะคนนี้

"อู้ยยย รู้ดีพอๆกับบับเบิ้ลบีเลยนะ" พาดพิงไปถึงหมาตังโตที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องแล้วขำลั่น ทำตัวหน้าหมั่นไส้เสียเหลือเกินนะตัวเล็ก

กิวระดมหอมแก้มน้องทั้งซ้ายทั้งขวาฟอดใหญ่ๆเน้นๆ แล้วซุกหน้าไปไซร้ซอกคอขาวเก็บกลิ่นสบู่และกลิ่นกายหอมๆที่เป็นเอกลักษณ์ของน้องด้วยความหมั่นเขี้ยว จมูกโด่งที่ซุกอยู่ตรงจุดอ่อนทำเอาคนตัวเล็กหัวเราะคิกคักด้วยความจักจี้

"พอแล้วพี่กิว พายจักจี้นะ!"

แม้จะขำไปประท้ววไปแต่กิวกก็ไม่หยุด จนกระทั่งเห็นน้องหน้าแดงเหมือนจะหัวเราะมากไปจนจะขาดอากาศหายใจแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงยอมหยุด ไม่ลืมที่จะตีตราเป็นรอยฟันบนไหล่ลาดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออกมาอีกด้วย

"จะให้พี่พัพกับพี่รูทมากระทืบ โทษฐานทำรอยติดตัว" หอบหน้าแดงแล้วยังปากดีแบบนี้กิวล่ะชอบนักแถมคำพูดคำจาห้าวเป้งไม่เหมาะกับหน้ายังทำเอาคนหน้าเหี้ยมต้องมีรอยยิ้มอย่างไม่ทันรู้ตัว

พายมองแล้วรู้สึกหมั่นไส้นักไอ้รอยยิ้มแบดบอยที่ทำให้ตนหลงมาติดกับได้ จึงจัดการกัดเข้าที่บ่ากว้างเต็มแรงเสียเขี้ยวในปากกดเนื้ออีกคนเสียเลือดซิบ แถมไม่ใช่ข้างเดียวยังทำเสียสองข้างซะด้วย ได้แก้แค้นเสียอีกคนได้เลือดแล้วมีความสุขสมใจ ผละมาส่งรอยยิ้มที่กวนตีนได้น่ารักที่สุดในความคิดของกิว

"มีรอยคนเดียวมันเสียเปรียบ พายไม่ชอบ"

ดวงตาคมเบิกกว้างยิ่งกว่าตอนที่รู้ตัวว่าโดนกัด คำพูดของน้องผู้กระทำการอุกอาจกัดเขาซะบ่าสองข้างเสียเลือดซิบกับดวงตาที่ประสานกันมันฟาดฟันอยู่ครู่นึงจนสุดท้ายกิวต้องเป็นฝ่ายยอม ยอมที่จะไม่ว่าอะไรยิ่งทำให้น้องยิ้มกว้างกว่าเดิม

แต่พอคนตัวเล็กตายใจว่าตนชนะแล้วเท่านั้นแหละแขนแกร่งก็จัดการอุ้มพายขึ้นพาดบ่ามุ่งหน้าสู่ห้องนอน ไปกระทำการ "ปกป้องความยุติธรรม" แบบไม่สนใจเสียงโวยวายจากคนที่ดิ้นไปมา



ก็บอกแล้วว่าตามใจน้อง น้องอยากทำอะไรก็จะให้ทำ อยากกัดก็กัด ตามใจน้องอยู่แล้ว




แต่พี่ลืมบอกไปว่าเวลาพี่เอาคืนเมื่อไหร่พี่ก็เอาคืนคุ้มเหมือนกัน



จบตอน การตามใจของหัวหน้า

-----------------------------------------------------------------


หัวหน้าแก๊งค์ตอนที่สาม มาลงทิ้งทวนก่อนจะหายไปทำภารกิจของตัวเองค่ะ คิดว่าหลังจากนี้คงจะมาลงไม่เกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คือพล็อตหมด...  :katai2-1:

แต่ไม่ว่ายังไงหลังจากนี้ก็จะเป็นความรักของทั้งคู่ที่ดำเนินต่อไป ถามว่าจะมีดราม่ามั้ย... อันนี้ยังไม่มีในแพลนค่ะ แต่อาจจะต้องมีบ้าง ชีวิตรักของแต่ละคนมันไม่ได้อีกแค่ความหวานอย่างเดียวเนอะ ซึ่งคู่นี้ก็เช่นกันค่ะ

**เพิ่มเติมค่ะ ใครมีทวิตเตอร์สามารถพูดคุยกันได้นะคะ หรือสามารถแท็ก #หัวหน้าแก๊งค์ #พี่กิวกับน้องพาย ก็ได้ค่ะ**

ขอบคุณที่ติดตามจนถึงบรรทัดนี้นะคะ  :3123:


หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : [หั ว ห น้ า แ ก๊ ง ค์] ตอนที่ 3 (23.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 23-07-2014 13:13:09
พี่กิวละมุนมาก
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นครั้งละตอน : [หั ว ห น้ า แ ก๊ ง ค์] ตอนที่ 3 (23.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 23-07-2014 23:46:54
น้องพายน่ารักมุ้งมิ้งมากอ่า
>.<
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 4 (27.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 27-07-2014 16:42:20
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน วันหยุดของหัวหน้า



ยามสายที่ไร้เสียงนาฬิกาช่างเป็นสวรรค์บนดินของคนที่เพิ่งจะหามรุ่งหามค่ำปั่นโปรเจคแล้วล้มตัวนอนได้ไม่นาน หากแต่ความสุขของคนบนเตียงคงจะไม่ยืนยาวเท่าไหร่นักเมื่อเสียงจังหวะหนักๆของเพลงร๊อคต่างชาติแผดเสียงคำรามเสียดแทงแก้วหูอยู่ไม่ไกลแถมแรงสั่นสะเทือนก็น่ารำคาณจนทำให้ต้องตื่นจากภวังค์

“โทรมาทำไมตอนนี้วะไอ้เหี้ย!”

ร่างสูงแผดคำผรุสวาทตามสายโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดเพราะโดนปลุกทั้งที่นอนไม่พอ นิ้วเรียวยาวประดับแหวนเงินวงเรียบสางผมสีแดงเข้มที่ใครอีกคนเรียกมันว่า ‘สีเลือดหมูประกายสตอเบอรี่’ ขยี้มันอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงอันคุ้นเคยที่ตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิดไม่ต่างกัน

“มึงสิเหี้ยไอ้พี่กิว อย่ามาหงุดหงิดใส่พายนะ!”

คนเขาโทรมาเพื่อจะถามไถ่แท้ๆว่างานที่บอกต้องรีบส่งทำไปถึงไหน เห็นพี่ชายตัวเองกลับมาก็ไม่พูดอะไรนอนตายไปเป็นวันแล้วเพิ่งจะออกไปเรียนสภาพครึ่งคนครึ่งซอมบี้เมื่อสักครู่นี้เลยคิดว่าคนรักก็ไม่น่าจะต่างกันเลยจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแต่ไหงพอรับโทรศัพท์ก็มาด่าซะงั้น พายก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยเรียบร้อยในโอวาทใครมาแต่ไหนแต่ไรพอโดนพูดแบบนี้ก็ขึ้นเอาง่ายๆเหมือนกัน

ด้านกิวที่ชะงักไปชั่วครู่เพราะรู้ตัวว่าตนพลาดแล้วที่ไม่ดูหน้าสิ่วหน้าขวานด่าออกไปแบบนั้น ปกติเขาจะรอบคอบดูเบอร์ก่อนเสมอ แต่วันนี้มันง่วงจนขาดสติจริงๆจนพลาดไป

“พี่ขอโทษครับพาย พี่ไม่ได้ดูเบอร์”

“.......ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเพราะพายก็ด่าพี่เหมือนกัน ขอโทษนะครับ”

เสียงหัวเราะทุ้มหวานที่ส่งมาพร้อมคำขอโทษแค่นั้นก็ทำให้กิวสบายใจ ร่างสูงหยัดกายมานั่งพิงขอบเตียง ลอมมองนาฬิกาจึงรู้ว่าตอนนี้เกือบจะสิบโมงเข้าไปแล้ว เขาจำได้ว่าเข้านอนตอนที่เห็นดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าคงสักสามถึงสี่ชั่วโมงซึ่งไม่เพียงพอต่อร่างกายที่เหนื่อยล้าเลยสักนิด

“แล้วพี่กิวไม่รีบไปส่งงานเหรอ พี่พัพเพิ่งแบกแบบจำลองขึ้นมินิออกไปเมื่อกี้เอง”

มินิในที่นี้คือมินิคูเปอร์ที่หนุ่มติสอย่างพัพเลือกใช้แทนรถคันอื่นใยบ้าน เพราะเจ้าตัวชอบสีสันและรูปทรงแถมน้องชายอย่างพายก็บอกว่ามันเข้าจึงจัดว่าเป็นคันโปรดเลยก็ว่าได้

“อืม... เดี๋ยวอาบน้ำแล้วออกครับ วันนี้เรียนแค่รอบบ่ายใช่มั้ย?”

กิวจำตารางเรียนทุกตัวของน้องได้ดีพอๆกับตารางเรียนของตัวเอง ไม่สิ ต้องบอกว่ากิวจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับน้องได้ดีพอๆกับของตัวเองต่างหาก เหมือนเป็นนิสัยที่ติดตัวไปแล้วตั้งแต่เริ่มจีบน้องด้วยซ้ำ แต่กิวจะไม่ยุ่ง ไม่เข้าไปก้าวก่ายในความเป็นส่วนตัวน้องมากเกินความจำเป็น เหมือนที่น้องก็ให้พื้นที่และความเป็นส่วนตัวกับเขาเสมอ

“อาทิตย์นี้ไม่มีเรียนแล้วกั๊บผม อาจารย์ยกคลาสเพราะไปสัมนาอะไรสักอย่าง” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ ถึงจะชอบเรียนแค่ไหนแต่เวลายกคลาสใครๆก็ต้องดีใจกันทั้งนั้นแหละ

“ตัวดื้อเลยสบายใจเพราะการบ้านไม่เสร็จ” มุมปากยกยิ้มเพราะคำพูดคำจาที่น่ารักของอีกฝ่าย พร้อมใช้สรรพนามที่นานๆจะเรียกที่ น้องชอบบ่นว่าขี้เกียจทำการบ้าน แต่เห็นก็ทำเสร็จทุกทีแม้บางทีเขาจะต้องช่วยแล้วแลกกับของรางวัลที่หลัง คราวนี้ก็คงอีหรอบเดิมใกล้วันที่ต้องเรียนถึงจะเริ่มทำ พออาจารย์ประกาศยกคลาสก็สบายเจ้าตัวไปสิ

“แน่ะ รู้ทันสมเป็นพ่อบับเบิ้ลบี”

“งั้นเราก็แม่มันน่ะสิ”

เจ้าโกลเด้นตัวโตอาจจะได้ยินชื่อตัวเองผ่านการเทเลพาธีหรือเปล่ากิวก็ไม่แน่ใจเพราะทันทีที่พายพูดชื่อมันก็ตะกุยพื้นประตูเสียงดังแกรกๆแล้วเห่าเรียกความสนใจอีกหนึ่งคำรบเหมือนจะบอกว่าให้มันเขามาคุยโทรศัพท์กับแม่มันด้วยยังไงอย่างงั้น ซึ่งเสียงก็คงดังพอให้น้องที่อยู่อีกฝั่งของสายได้ยิน เจ้าตัวหัวเราะร่าแถมยังเรียกชื่อบับเบิ้ลบีๆไม่หยุด

"เดี๋ยวส่งงานเสร็จจะไปรับที่บ้าน ม๊าว่ามั้ย?"

'ม๊าว่ามั้ย' คือประโยคที่กิวใช้ถามน้องแทนคำว่าจะมาค้างที่บ้านมั้ย เพราะครั้งแรกที่กิวลากน้องมาค้างคืนที่บ้านโดยไม่บอกม๊าของน้องก่อนเล่นเอากิวถึงกับหูดับมาแล้ว ก็คุณนายบ้านวิรุฬธนกิจเขาหวงลูกชายคนเล็กอย่างกับจงอางหวงไข่ พอรู้ว่าลูกโดนเพื่อนสนิทลูกชายคนโตลากไปก็สวดยับแบบไม่ไว้หน้าบุพการีเลยทีเดียวเชียว

"อืม~ ถ้าพรุ่งนี้มาส่งม๊าไม่ว่าแล้ววันเสาร์พายค่อยไปอีกรอบ"

เท่ากับอาทิตย์นี้เค้าจะได้ใช้เวลากับน้องเพิ่มอีกคืนจึงไม่เป็นปัญหาแม้พรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้าไปส่งน้องกลับบ้านทั้งที่เขามีเรียนเสียช่วงบ่าย อย่างว่าพาลูกเขามาก็ต้องดูแลให้ดีอย่าให้เขาว่าได้

นัดแนะกันเสร็จเรียบร้อยคนที่ยังมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าก็พาร่างตนเองไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่งกายในชุดนักศึกษาที่ดูไม่ค่อยเข้ากับสีผมสักเท่าไหร่ก่อนแบกบ้านจำลองของตนเองออกจากห้องเตรียมตัวสำหรับการส่งโปรเจคที่จะมีในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า แต่หิวก็หาได้รีบร้อน ฝีมือการขับรถยนต์ของเขาและระยะทางไม่เป็นปัญหาในการเดินทางสักเท่าไหร่นัก

"เฝ้าบ้านด้วย เดี๋ยวพาแม่มาหา"

กิวว่าพร้อมตบเบาๆที่บริเวณคอของสุนัขตัวใหญ่ประจำบ้าน บับเบิ้ลบีนั่งมองเจ้านาย พวงหางส่ายไปมาคล้ายจะแทนคำตอบรับ และนั่นทำให้กิววางใจที่จะร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับสุนัขของตน



ใช้เวลาไม่นานรถบีเอ็มคันสวยก็ถึงจุดหมาย ก่อนเวลาที่จะต้องเริ่มรายงานโปรเจคประมาณสิบนาที เขากะเวลาไว้ไม่ผิด กิวมองนาฬิกาแล้วสาวเท้าพาตนเองขึ้นตึกเรียนเพื่อตรงสู่หอประชุมที่เพื่อนสนิททั้งสองต่างก็รอจ้องที่ให้เขาพร้อมอยู่แล้ว แม้ตามปกติที่นั่งประจำของพวกเขาคือใต้ตึกเรียนแต่หากเป็นโอกาสสำคัญอย่างการพรีเซนต์โปรเจคเช่นวันนี้พวกเขาจะนัดแนะกันว่าไม่ต้องรอ ใครถึงแล้วเตรียมตัวกับงานโปรเจคให้เต็มที่มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่จัดการเรื่องโปรเจคเสร็จแล้วทีเดียว

“อีกห้าคน”

ทันทีที่ทรุดตัวลงนั่งคนด้านข้างก็เอ่ยเสียงเบาบอกจำนวนเพื่อนร่วมคลาสที่ต่อคิวจนกว่าจะถึงตน กิวพยักหน้ารับ มือแกร่งประคองแบบจำลองของตนที่พร้อมสำหรับการพรีเซนต์

“พัพ วันนี้ขอน้องมาค้างบ้านนะ”

ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคบอกเล่าให้รับรู้เท่านั้น คนเป็นพี่ชายก็ไม่ถือสาอะไรพยักหน้ารับ กิวมันรู้ว่าเขาไม่ว่าถ้าเพื่อนสนิทจะพาน้องชายเขาไปไหนมาไหนหรือพาไปค้างด้วยเพราะยังไงคนรักกันย่อมอยากจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแค่มาบอกให้สบายใจรับรู้ไว้เท่านั้น

“อ้าว งี้ก็อดไปก๊งเหล้าโต้รุ่งดิ เดี๋ยวพี่กิวจะอดสวีทกับน้องพาย”

รูทเย้าเพื่อนแล้วหัวเราะ คนตัวเล็กสุดในกลุ่มตั้งใจว่าวันนี้จะลากพี่ชายของน้องพายไปซดเหล้าฉลองทำงานเสร็จทันส่งเสียหน่อย แต่พี่กิวเล่นพูดแบบนี้ก็ปิดทางหาเหล้ากินฟรีชัดๆ แต่เขาไม่ซีเรียสหรอกนะความสุขของเพื่อนคนดีอย่างนายรูทไม่ขัดอยู่แล้ว

“มึงก็ไปสวีทกับไอ้พัพสิ” กิวส่งลูกหยอดให้ด้วยรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สายตาของพัพที่มองเพื่อนตัวเล็กมันเกินคำว่าเพื่อนไปสักพักหนึ่งแล้วจะมีก็แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่รู้

“โธ่ ไม่ต้องสวีทมากกว่านี้ก็หลงกูจะตายแล้วครับ เนอะคุณภรรยา”

พูดเองหัวเราะเองช่างน่าหมั่นเขี้ยวนักในสายตาของคุณภรรยาคนที่ว่า เจ้าตัวเลยจัดหนักหยิกแก้มนิ่มที่แอบลอบมองอยู่บ่อยครั้งเบาๆโดยไม่พูดตอบอะไร กิวได้ลอบมองคนที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลยกับสายตาของเพื่อนอีกคนที่สื่อออกมาว่า ‘ใครจะเป็นสามีใครจะเป็นภรรยาเดี๋ยวรู้กัน’



การพรีเซนต์งานผ่านไปแบบไม่ยากเท่าที่คิด หลังสิ้นสุดภารกิจประจำวันร่างสูงก็พารถบีเอ็มคันสวยมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าใดนัก ไม่นานหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ร่างของคนที่รออยู่ก็แบกเป้สะพายออกมาจากบ้านเดินตรงมาที่รถของเขา ดูท่าทางน้องคงจะแบกของเล่นไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่รออยู่ที่บ้านเต็มที่ดีไม่ดีอาจจะมีพ่วงการบ้านที่เจ้าตัวทำไม่ได้ไปให้เขาสอนด้วยถึงได้พกเป้แทนที่จะเป็นกระเป๋าตังค์กับมือถือเครื่องเดียวแบบที่พกทุกครั้งยามไปบ้านเขา

น้องไม่เคยต้องพกเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนหรือของใช้จำเป็นอะไรก็แล้วแต่จากบ้านของตัวเองเพราะที่บ้านของกิวมีของใช้สำหรับน้องอยู่แล้วทั้งเสื้อผ้าสำหรับเที่ยวหรือใส่นอน หมอน ผ้าห่ม เครื่องใช้ส่วนตัวอย่างแปรงสีฟัน ผ้าขนหนู แม้กระทั่งชุดชั้นในบ้านกิวมีเตรียมพร้อมให้น้องอยู่เสมอ ก็บอกแล้วว่าดูแลอย่างดี

“พี่กิวแวะซื้อของลาบหน้าปากซอยก่อนนะครับ เย็นนี้กินอาหารอีสานกัน”

“ชอบจังนะอาหารอีสาน เป็นคนอีสานเหรอเรา” เย้าน้องก่อนเปลี่ยนเกียร์ออกรถ พายชอบกินอาหารเผ็ดประจำยิ่งของโปรดเจ้าตัวอย่างลาบ น้ำตก ส้มตำนี่ต้องมีให้กินตลอดที่มาค้างบ้าน

“เปล่าสักหน่อย นี่อิมพอร์ตจากเกาหลีนะ ที่จริงพายเป็นบอยแบรนด์รู้เปล่า”

“เป็นบอยแบรนด์มั้ยไม่รู้หรอก แต่เป็นเมียพี่อันนี้รู้อยู่แล้ว”

“......ขี้มั่วเหอะ เมียอะไรเขายังเป็นว่าที่”

ไม่คิดว่าคนโตกว่าจะมามุกนี้ พายอึ้งก่อนกระชับเป้ในอ้อมกอดแน่น วงหน้าขาวเนียนมีริ้วแดงด้วยความเขินอายฉายให้เห็น ปกติน้องไม่ใฃ่พวกขี้อายแต่ถ้าเจอคำหยอดเข้าไปแบบไม่ทันตั้งตัวอาการไปไม่เป็นแบบนี้ก็มีมาให้เห็นอยู่เหมือนกัน สารถีรูปงามหัวเราะชอบใจ ฝ่ามือใหญ่ลูบผมนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดูในขณะที่อีกข้างก็บังคับพวงมาลัยรถไปด้วย เมื่อถึงหย้าปากซอยบ้านก็ไม่ลืมจะเทียบรถเข้าข้างทางแล้วลงมาซื้อข้าวเย็นตามที่น้องรีเควสไว้



ใช้เวลาไม่นานทั้งรถทั้งคนและกับข้าวก็มาถึงบ้านโดยที่มีสุนัขตัวโตนั่งคอยอยู่บริเวณสนามหญ้าอยู่แล้ว ทันทีที่ได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยมันจึงวิ่งมารอต้อนรับอยู่ไม่ห่าง

“บับเบิ้ลบี คิดถึงจังเลย!”

พอรถหยุดปุ๊บคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถก็สะพายเป้ก้าวขาลงไปเล่นกับลูกรักของตัวเองทันที กอดฟัดอยู่สักพักก็วิ่งเข้าบ้านทั้งคนทั้งสุนัขทิ้งให้กิวที่เพิ่งล็อครถเสร็จต้องเป็นคนแบกถุงอาหารเข้าบ้าน

ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ยามปกติจะเงียบเหงาเพราะมีเพียงหนึ่งคนกับหนึ่งตัวเท่านั้นที่ได้ใช้มาบัดนี้กลับมีเสียงหัวเราะและพูดคุยงุ้งงิ้งของพายเพิ่มเข้ามา กิวรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงและได้เห็นรอยยิ้มกับของน้องในบ้านที่มีเพียงเขาอยู่อาศัยแบบนี้ ความจริงเขาจะย้ายกลับไปอยู่บ้านใหญ่กับพ่อแม่ของเขาก็ได้ทั้งสะดวกสบายและไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวยามที่ไม่มีน้องหรือเพื่อนมาบ้าน เพียงแต่กิวรู้สึกว่าตนอยากได้เวลาเป็นส่วนตัวอยู่ในตอนนี้จึงเลือกที่จะยังอาศัยอยู่ที่นีแล้วกลับเข้าบ้านใหญ่อาทิตย์ละครั้งหรืออย่างมากก็สองครั้ง บางครั้งก็อดรู้สึกผิดกับคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้จึงเลือกที่จะใช้วิธีโทรศัพท์หาวันเว้นวันรายงานการใช้ชีวิตให้พวกท่านสบายใจแทน

“ไม่บอกว่าเป็นเจ้าของจะนึกว่าแม่ลูกกัน... แทบดูไม่ออกว่าไหนคนไหนหมา”

ขาเพรียวพาร่างสูงสมส่วนมานั่งอยู่ข้างน้องที่นั่งหยอกนั่งฟัดกันกับบับเบิ้ลบีตรงโซฟา ความจริงกิวไม่ใช่คนรักสัตว์ ไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงสัตว์ทุกประเภทเลยด้วยซ้ำ แต่วันนั้นที่เขาไปเดินเล่นกับน้องที่สวนจตุจักรเจ้าตัวดันไปติดใจกับโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ได้สบตากันเข้า จากที่ตั้งใจไปเดินเล่นเลยได้สัตว์เลี้ยงมาหนึ่งตัว ตอนแรกน้องกะจะเอาไปเลี้ยงที่บ้านแต่เพราะไม่สะดวกเท่าไหร่ผลกรรมจึงตกมาอยู่ที่กิวซึ่งไม่เคยเลี้ยงสัตว์ใดมาก่อนเลยในชีวิต ตอนแรกก็ขยาดแต่เลี้ยงไปเลี้ยงมากลับชอบในความแสนรู้ของมันเข้าซะได้ ตอนนี้บับเบิ้ลบีโตขึ้นมาก มันสูงจนเกือบถึงหน้าขาน้องแล้ว เรียกได้ว่าพอมันจะกระโดดอ้อนน้องทีน้องถึงกับจะล้มหงายหลังได้เลย

“คุณพ่อน้อยใจก็บอกมาครับ อย่าปล่อยน้องบับเบิ้ลบีมาเล่นข้างนอกแบบนี้” ยิ้มกว้างแต่วาจาเฉือดเฉือนนัก ถ้าไม่ใช่คนรักคงโดนกระทืบไปนอนอยู่กับพื้นห้องแล้ว

“คุณแม่ก็มาเก็บน้องหน่อยครับ คงคิดถึงแม่มากเลยออกมาวิ่งเล่นกันใหญ่” อีกคนก็ไม่น้อยหน้า ท่อนแขนแกร่งตวัดไปรัดเอวคนตัวเล็กกว่าให้มานั่งบนตักโดยพ่วงเจ้าบับเบิ้ลบีที่ตอนนี้มาเกาะหน้าขาพาดขาไว้บนตักน้องอีกที

คิ้วเรียวยกขึ้นอย่างรู้ทันว่าคนรักของตนเองต้องการจะสื่ออะไร ใบหน้าคมที่วางเกยอยู่บนไหล่ลาดนั้นยังนิ่งอยู่จะมีก็เพียงมุมปากที่ทำระดับสูงกว่าปกติคล้ายจะพอใจกับคำพูดของตนเองก่อนใช้จมูกโด่งชนเข้ากับแก้มใสคลอเคลียไปมา ท่าทางแบบนั้นทำให้พายรู้สึกเหมือนเวลาบับเบิ้ลบีเอาจมูกมาดุนแก้มตัวเองอยู่ไม่น้อย จากที่บอกว่าเขาเป็นแม่ลูกกับบับเบิ้ลบีต้องบอกว่าพี่กิวต่างหากที่เป็นพ่อของเจ้าตัวโตที่หอบแฮ่กๆบนหน้าขาเขาตอนนี้ท่าทางเวลาอ้อนเหมือนกันไม่มีผิด

พายกัดริมฝีปากตนเองกลั้นรอยยิ้ม รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่พองโตขึ้นจากการออดอ้อนของคนรัก เวลาพี่กิวอยู่กับเขาจะต่างกับเวลาที่อยู่กับคนอื่นเสมอพายรับรู้ได้ตั้งนานแล้ว มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ตอนที่พี่จีบเขาใหม่ๆ ความมุ่งมั่นในแบบที่พายไม่เคยเจอ การแสดงออกที่ทำให้พายรู้สึกว่าตนเองสำคัญ สองสิ่งหลักๆที่ไม่เคยเปลี่ยนไปนั้นทำให้คนที่เคยคบแต่ผู้หญิงอย่างพายยอมเปิดใจรับคนปากร้ายใจดีคนนี้เข้ามาในชีวิต ยิ่งคิดถึงเรื่องเก่าๆก็ยิ่งทำให้ยิ้มกว้างขึ้น น้องบีบสันจมูกโด่งที่ยังหาเศษหาเลยกับแกมลามไปยังส่วนอ่อนไหวบริเวณต้นคออย่างหยอกเย้า

“เก็บลูกแล้วต้องเก็บพ่อด้วยมั้ย ลามกตลอด”

“เก็บลูกก่อนเดี๋ยวรู้เลย”

พายหัวเราะกับความยียวนกวนอารมณ์ของคนรัก ร่างบางเกาหัวสุนัขตัวโปรดก่อนปล่อยให้มันนอนลงกับพื้นตามใจชอบแล้วหัวกายไปนั่งคร่อมคนรัก ตาประสานตาสบกันชั่วครู่ก่อนจะถึงคราวที่ริมฝีปากสีชมพูอมส้มจะประกบปิดทับกับความนิ่มหยุ่นของอีกฝ่าย เม้มเบาๆให้เกิดเสียงจุ๊บแต่ไม่ยอมผละออกพร้อมงับฟันซีเล็กลงบนริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายในขณะที่แขนเรียวก็เลื่อนไปคล้องกับตันคอคนสูงกว่า

ปากนิ่มเผยอขึ้นรับลิ้นที่ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาในปาก ยอมให้สำรวจภายในด้วยความนุ่มนวลเจือความร้อนรุ่ม พายขยับตัวเข้าแนบชิดเสียดสีกับร่างที่รองรับอยู่ด้วยแรงอารมณ์ไม่หยุดที่จะส่งลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดปล่อยตัวปล่อยใจไปกับจูบอันหอมหวานอย่างเต็มที่เสียจนน้ำใสเชื่อมต่อกันแม้จะผละใบหน้าออกห่างแล้วก็ตาม

“.....สงสัยต้องให้พายเก็บพ่อมันด้วย”

นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสของคนบนตักแล้วว่าเย้า รสจูบอันหอมหวานที่หมายจะจัดการวคามยียวนของเขากับการเสียดสีร่างกายของน้องมันดันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างที่น้องนั่งทับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาเสียได้ พายเบิกตากว้างเข้าใจในคำพูดทันทีเมื่อตนก็สัมผัสอกไรบางอย่างที่มันดุนดันผ่านเนื้อผ้าขึ้นมาโดนด้านหลังของเขา เมื่อรู้สึกตัวหน้าใสก็แดงเอาเรื่อ พายแปะมือเข้าที่สองข้างแก้มกร้านแล้วจับให้ไบหน้านั้นส่ายไปมาก่อนส่งจมูกโด่งปะทะกับแก้มกร้านอีกครั้งแล้วยิ้มหวาน ก่อนลุกจากตักอย่างอ้อยอิ่งพร้อมทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ทำเอากิวต้องหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่



“อนุญาตให้มีชู้เป็นมือขวาวันนึงแล้วกันนะครับที่รัก”
 
พูดจาน่ารักสมกับเป็นว่าที่เมียหัวหน้าแก๊งค์เสียจริง


จบตอน วันหยุดของหัวหน้า

-------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่าตอนสี่มาลงอย่างไว กลัวลืมจะลงค่ะเพราะหลังจากนี้ยังมีพล็อคอีกหลากหลายเรื่องที่อยากจะแต่ง แถมงานหลักงานรองก็มาเต็มสตรีมแบบไม่ให้หายใจกันเลยทีเดียว

มีเรื่องอยากจะทำเยอะแยะแต่ไม่มีเวลาพ่วงความขี้เกียจนี่มันลำบากจริงๆนะคะ // ความขี้เกียจนี่สิแย่สุด
ขอบคุณที่อ่านจนจบตรงนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 4 (27.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 28-07-2014 15:07:26
น่ารักมากเลย
อ่านแล้วไม่เครียด ฟิลกู้ดดดด >♥<
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 4 (27.07.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-07-2014 16:17:04
หวานมากกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 5 ผู้ช่วยของหัวหน้า (06.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 06-08-2014 15:00:22
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน ผู้ช่วยของหัวหน้า



ร้านรับซ่อมและขายรถขนาดใหญ่ย่านใจกลางเมืองวันนี้ก็คับคั่งไปด้วยลูกค้ามากหน้าหลายตาเช่นปกติ เสียงเครื่องมือดังคลอกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ ควันดำสลับขาวจากกระบวนการเผาไหม้มีลอยมาให้เห็นเป็นระยะ คนที่เพิ่งขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่มาจอดนิ่งอยู่ข้างประตูเลื่อนมองภาพวุ่นวายด้วยความคุ้นชิน

เครื่องยนต์ดับลงพร้อมขาเรียวที่ตวัดลงจากรถ ร่างผอมเพรียวส่วนสูงเกือบ 170 เซนติเมตรจัดการถอดหมวกรวมไปถึงเสื้อคุมตัวเก่งของตนรวบไว้ที่แขน วันนี้พี่พัพเอามินิออกไปรับเพื่อนสนิทที่ดูท่าใกล้จะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นพี่สะใภ้ของพายในเร็ววันก่อน แล้วทิ้งพายอาร์คันสวยสุดหวงของตนให้น้องใช้โดยสารแทน

"น้องพาย น้องพายยยยย"

พายรู้สึกเหมือนมีลมวูบนึงพัดมาแล้วร่างของตนก็โดนรวบเข้าไปกอดแน่น เสียงห้าวแต่เจือหวานในน้ำเสียงกับกลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้พายรู้ว่าคนที่ทำการอุกอาจกับแฟนหัวหน้าแก๊งค์คือใคร

"พี่รูท พี่รูททททท สวัสดีครับผ้ม~" พูดจายอกย้อนแล้วกอดตอบอีกฝ่ายโยกไปมา ช่างน่ารักจนรูทอดไม่ได้ต้องยีหัวสีชมพูสตอเบอรี่ของอีกฝ่ายจนยุ่ง

"สวัสดีครับผม น้องพายน่ารักจังไม่เหมือนพี่ชาย เหี๊ยเหี้ย!"

จงใจพูดเสียงดังให้คนที่เดินออกมาในชุดเอี๊ยมหมีแบบที่ช่างชอบใส่พร้อมถือไขควงอันใหญ่ได้ยิน คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะมองใบหน้าด้านข้างของคนที่จู่ๆมาพาลใส่เขาให้น้องฟัง ไม่พาลเปล่าหันมาส่งสายตาค้อนให้เสียอีก ไอ้คนน้องนี่ก็น่ารักไม่ช่วยแก้ตัวแถมยังหัวเราะที่พี่มันโดนด่า


ก็แค่ขอรางวัลที่ไปรับมันถึงบ้านแค่นี้ กูเหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?


"พี่รูทอย่าว่าพี่ชายพายสิ ว่ามากๆโดนลากลงน้ำไม่รู้ด้วยนะ"

"เดี๋ยวพี่ชิงโยนไก่ให้มันก่อนมันจะได้ไม่มาลากพี่" ว่าแล้วก็หัวเราะร่าในความฉลาดของตัวเอง ถ้ามันจะลากกูกูก็จะโยนไก่ใส่หัวมันก่อนเลย วะฮะฮ่า

"เดี๋ยวกูจะลากคนโยนไก่ก่อนนี่แหละ ไป ไปช่วยกูทำรถต่อ มัวมายืนเล่นฉากเลสเบี้ยนเดี๋ยวก็ไม่เสร็จพอดี"

"เลสเบี้ยนบ้านป้ามึง กูเป็นผู้ชาย ผู้ชายเข้าใจมั้ย!? "

ด่าพี่น้องในขณะที่มือยังลูบหัวน้องน้อยพร้อมทำเสียง 'โอ๋ๆ' ไปด้วยโดยที่พายได้แต่หัวเราะไปกับการต่อปากต่อคำที่มักจะเห็นได้ตลอดจากสองคนนี้ ก็ขนาดกับพายตัวโตมันยังไม่ค่อยเถียงด้วยเลยมันกลัวแพ้แต่กับพี่รูทนี่เถียงเอาๆ สงสัยลูกในปากจะร้องหาแม่

"พาย"

พายหันไปมองตามเสียงเรียกจึงพบกับว่าที่วิศวกรในคราบช่างชุดหมีแล้วยิ้มกว้าง คนตัวเล็กชอบเห็นแฟนตัวเองใส่ชุดหมีลงมือซ่อมรถของลูกค้ามาก ไม่ใช่ว่าราศีเจ้าของธุรกิจไม่จับนะ แต่มันดูเท่ห์และทะมัดทะแมนมากกว่าปกติก็เท่านั้น แถมหัวยุ่งๆกับหน้าเปื้อนเขม่าก็ดูเข้ากันสุดๆ

ร้านซ่อมรถแห่งนี้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ของชายหนุ่มยกให้บริหารจัดการด้วยตัวเองเนื่องในโอกาสที่กิวกลับมาตั้งใจเรียนและสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์แบบที่พ่อแม่ต้องการได้ จึงสามารถพูดแบบไม่อายปากเลยว่าเงินที่กิวมีใช้และเผื่อแผ่ให้น้องในทุกวันนี้เป็นเพราะธุรกิจส่วนตัวไม่ใช่แบมือขอพ่อแม่แต่อย่างใด

"พี่กิวหน้าเปื้อน" บอกแล้วชี้ที่แก้มตัวเองบริเวณเดียวกับที่ติดอยู่บนแก้มของคนตรงหน้า

"เช็ดให้หน่อย"

พูดแล้วยื่นหน้ามามองใกล้ๆ ท่าทางแบบที่แถวบ้านพายเรียกว่าอ้อน ทำหน้ารอซะน่ารักจนคนตัวเล็กใจอ่อนยอมเดินไปเช็ดหน้าให้แต่โดยดี นิ้วโป้งประดับแหวนวงใหญ่ค่อยๆเช็ดรอยเขม่าควันออกให้จนหมดแบบไม่แคร์สายตาดุๆเวลาที่ตนออกแรงบี้แก้มอีกฝ่าย

"แกล้งพี่มากๆเดี๋ยวจะโดน"

"จะฟ้องพี่พัพ"

"มึงจะทำอะไรทำไปเลยกิว" ดูท่าตัวช่วยจะไม่อยากช่วยเท่าไหร่ เห็นดีเห็นงามกับเพื่อนเสียอย่างนั้น

"พี่พัพ! โหยเคือง" เง้างอนได้น่ากลัวขนาดที่พัพต้องอมยิ้ม ร่างสูงขยี้หัวน้องน้อยก่อนลากคอคนที่เอาแต่จะอู้งานกลับไปประจำตำแหน่งรถคันที่ตนต้องลงมือซ่อม



อย่างที่รู้ว่าร้านนี้พ่อแม่ยกให้กิวเป็นคนบริหารจัดการ ดังนั้นจะให้เลือกคนสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำก็เห็นจะไม่ได้ แม้จะมีลูกจ้างที่ทำงานตั้งแต่ก่อนที่กิวจะมาบริหารแต่ยังไงเสียหน้าที่จัดการรถคันสำคัญสู้เอาคนที่รู้ใจมีสไตล์และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเด็ดขาดอย่างเพื่อนมาช่วยงานคงจะดีกว่า

ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนสนิททั้งสองแถมอีกคนยังควบตำแหน่งเพื่อนเขยย่อมติดอันดับแรกๆของคนที่กิวจะเลือก แถมแต่ละคนยังมีฝีไม้ลายมือจากการซ่อมรถของตัวเองอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องจะทำรถคนอื่นพังแน่นอน และการมาช่วยทำงานย่อมมีค่าจ้างให้แม้เพื่อนตัวดีทั้งสองจะรวยถึงขนาดไม่ต้องการก็เถอะ แต่ในเมื่อเขาพูดแล้วว่าจะให้ก็ต้องทำตามคำพูด

และนอกจากจะมีเพื่อนมาช่วยงาน บางครั้งบางคราวหากน้องอารมณ์ดีเหมือนวันนี้กิวก็จะมีพนักงานพิเศษมาช่วยเติมพลังให้ชื่นใจทั้งวัน

"พี่กิวให้พายทำคันไหนเหรอ? อ้ะ พี่พล พี่หมี่ พี่นัน สวัสดีครับ!"

เจ้าตัวยุ่งเดินเกาะชายชุดหมีของคนรักต้อยๆ ตากลมวาวน้ำมองไปรอบร้านพลางเอ่ยทักทายคนนั้นคนนี้ตามประสาคนรู้จักกัน เห็นแต่งตัวแรงพูดจาขวางโลกแต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพายก็เป็นที่รักของทุกคน

"มีคนทำทุกคันแล้ว มาช่วยพี่ดีกว่า"

"อีกแล้ว? มาทีไรก็ช่วยพี่กิวตลอดเลย อยากทำเองบ้าง" ทำหน้างอใส่แผ่นหลังแกร่งอย่างขัดใจ

"ไม่อยากช่วยพี่ว่างั้น?"

"ก็เปล่า... อย่ามาทำหน้าน้อยใจแบบนั้นนะ"

น้อยใจแบบนั้นคือน้อยใจแบบไหนกิวก็ไม่เข้าใจ เขามั่นใจว่าเขาหันมามองน้องด้วยสีหน้าที่ปกติมากแต่ถ้าน้องบอกว่าเขาน้อยใจเขาก็จะไม่เถียง



รถคันที่กิวรับหน้าที่วันนี้คือรถสปอร์ตคันสวยของลูกชายคนใหญ่คนโตประจำท้องถิ่น อาการหลักของเจ้านี่คือเกียร์ค้างทั้งที่เพิ่งถอยมาได้ไม่เท่าไหร่ ความจริงการจัดการไม่ยากนักจะให้คนอื่นดูแลก็ได้แต่เพื่อความน่าเชื่อถือที่จะสร้างชื่อต่อไปในอนาคตว่าที่วิศวกรอย่างกิวจึงเลือกจะลงมือทำเองกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น

"ขอไขควงเล็กหน่อยครับ"

"สอง สาม สี่ เอากี่แฉกดีครับ?" ไม่ว่าเปล่าเอามาถือโชว์เสียเหมือนพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางค์ที่เคยเห็นตามโฆษณา กิวยิ้มพร้อมตอบรับว่า 'สองครับ' ก่อนรับไขควงที่ตนต้องการมาตัดการกับงานตรงหน้าต่อ

"ไขควง"

"กูไม่ให้ มีมือมีตีนก็มาหยิบเอง"

"ถ้ากูพลาดไปหยิบไขควงมึงแทนก็อย่ามาร้องละกัน"

"ไอ้เหี้ยพัพ! ไอ้:฿(@"-);"/&"

พายหัวเราะลั่นกับบทสนทนาของว่าที่คู่รักที่ดูก็รู้ว่าพี่พัพอยากจะเลียนแบบบ้างแต่พี่รูทกลับไม่อยากเล่นด้วย ท่าทางกลับไปแขนพี่พัพอาจจะมีรอยสวยๆประทับไว้เพราะเจอฝ่ามืออรหันต์เข้าไปหลายทีก็เป็นได้



"ป๊าครับหันมาเช็ดเหงื่อหน่อย”

ผ้าขนหนูผืนนิ่มที่กิวฝากไว้บนตักน้องถูกมือเล็กหยิบมาซับแก้มกร้านชื่นเหงื่อเบาๆ คนตัวโตกว่าไม่วายกุมมือนิ่มแล้วแนบหน้าเข้ากับผืนผ้าส่งผ่านความอบอุ่นของแก้มกับมือของพาย น้องหัวเราะเสียงใสกับการอ้อนแบบไม่ใช้คำพูดของเขา แถมใจดียอมให้ขอกำลังใจอยู่แบบนั้นก่อนจะยื่นขวดน้ำเย็นที่มีหยดน้ำเกาะพราวเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อนในอู่ซ่อมรถ

“อะ รดน้ำด้วยจะได้โตไวๆ”

“ประสาท ไม่ใช่ต้นไม้”

เสียงเข้มตอบกลับพลางขยี้หัวทุยของผู้ช่วยจำเป็นที่ยิ้มร่าให้ ทั้งเช็ดหน้าทั้งป้อนน้ำให้ก็ชื่นใจอยู่หรอก แต่การเอาขวดน้ำมาสะบัดใส่นี้ท่าทางอยากจะก่อกวนมากกว่าอยากจะช่วยเสียแล้ว แถมเจ้าตัวดียังมาบ่นงุ้งงิ้งที่โดนมือเปื้อนคราบมาโดนทรงผมที่เจ้าตัวบรรจงตัดแล้วย้อมสีซะสดใสของตนอีก เห็นแล้วเกิดอารมณ์หมั่นเขี้ยวอยากจะจับไปย้อมสีดำคืนเสียให้เข็ด จะว่าไปไรผมน้องก็ชื้นเหงื่อไม่น้อย กิวคงได้มีแพลนติดแอร์รอบอู่ซ่อมไม่ก็สร้างออฟฟิศเล็กๆให้น้องน้อยมานั่งตากแอร์ให้กำลังใจแทนมานั่งใกล้ๆแต่ทนร้อนแบบนี้

“หิวมั้ยเดี๋ยวให้พี่หมี่ไปซื้อข้าวให้”

“ยังไม่หิวเลย ไว้รอป๊าทำเสร็จค่อยกินข้าวกัน”

“ต้องกินยาไม่ใช่?” กิวหมายถึงยาแก้โรคกระเพาะของน้อง เพราะแต่ก่อนเจ้าตัวดีไม่ค่อยชอบกินข้าวให้ตรงเวลาสักเท่าไหร่ เลยโดนโรคกระเพาะเล่นงานเอาเสียเป็นลม ร้อนถึงเขานี่แหละที่ต้องพาน้องไปโรงพยาบาล

“เอาหน่า ป๊ากิวอย่าบ่นดิ บ่นมากแก่เร็วนะ”


แล้วที่บ่นนี่เพราะใครวะ?


ไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้น้องต้องพาลอารมณ์เสีย กิวส่ายหัวในความดื้อดึงแล้วเข้าไปจัดการงานของตัวเองต่อ อยากจะรีบทำให้เสร็จไวๆ ยิ่งไวเท่าไหร่น้องจะได้กินข้าวเสียที แต่อากาศนี่ก็ร้อนจังเว้ย นั่งทำแล้วอึดอัดจนต้องเข้าๆออกมาให้น้องเช็ดหน้าเช็ดตาอยู่หลายรอบ บางครั้งก็สลับมาเช็ดหน้าให้น้องบ้างเมื่อเห็นว่าเหงื่อเริ่มไหลซึมบนหน้าผากเนียนน่ากดจมูกนั่น เห็นแล้วก็สงสารหน้าขาวๆเริ่มแดงเพราะความร้อนทั้งที่อยู่ในอู่ซ่อมรถสภาพกลับเหมือนน้องไปวิ่งผลัดในงานกีฬาสีมา

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาการซ่อมเกียร์รถคันงามก็เสร็จสิ้น แอบหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ รถเหี้ยอะไรส่วนประกอบหยุมหยิ๋มชิบหาย พอทำจนเสร็จก็หันไปแท๊กมือกับคนตัวขาวที่นั่งอมยิ้มแกว่างขารออยู่บนที่วางเครื่องมือช่างทั้งหลายแหล เหนื่อยแทบตายแต่พอเจอรอยยิ้มคนๆนี้เข้าไปความเหนื่อยก็เหมือนหายไปเป็นปลิดทิ้ง

กิวเช็ดมือกับผ้าที่น้องยื่นมาให้แล้วจัดการโอบคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามากอดทั้งที่ยังนั่งอยู่ ดีหน่อยที่พายไม่โวยวายแถมยังโอบตอบเขาอีก ทั้งที่ร่างกายจะมีแต่เหงื่อน้องกลับไม่ได้รังเกียจหรือผลักไสสำหรับกิวการกระทำเล็กน้อยนั้นเป็นเหมือนรางวัลและการให้กำลังใจแสนสำคัญของเขา ฝ่ามืออุ่นลูบหัวกลมที่วางเกยบนไหล่แล้วหอมกลุ่มผมนุ่มย้ำหลายๆทีจนตุ๊กตาในอ้อมกอดหัวเราะร่าแม้ร่างกายจะมีเหงื่อแต่กลิ่นกายก็ไม่ได้เยอะจนน่ารังเกียจอาจเพราะโคโลญจน์กลิ่นประจำตัวที่น้องเลือกให้ช่วยได้เยอะก็ได้

 “ป๊ากิว วันนี้พายเป็นผู้ช่วยที่ดีมั้ย?”

คำถามประจำวันมาอีกแล้ว วันไหนที่น้องมานั่งรอ มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆพอกิวเสร็จงานน้องจะถามคำถามนี้เสมอ มองนัยน์ตากลมสีน้ำตาลเข้มก็รู้ว่าเจ้าตัวคาดหวังในคำตอบมาก และแม้น้องจะแค่มานั่งเช็ดหน้า ป้อนน้ำ เดินไปเดินมาเล่นกับคนนู้นคนนี้บ้างแต่แค่เห็นหน้าแล้วทำงานได้ถือว่าน้องช่วยงานได้มาก

“มากอ่ะ”

“งั้นชมหน่อยสิ” ออดอ้อนเสียงเบาตัวก็โยกไปด้วย ดูท่าวันนี้จะสิ้นฤทธิ์เพราะอากาศร้อนไปเสียแล้วถึงได้อ้อนแบบนี้

กิวกระชับกอดพร้อมโยกตัวไปด้วยตามน้องเหมือนเวลาคุณแม่กล่อมลูกน้อย พรมจูบแก้มใสละไปถึงใบหูให้พายจักจี้เล่น ก่อนจะกระซิบคำชมที่ทำเอาแก้มเนียนแดงปลั่งแถมยังต้องหัวเราะเสียงดังที่สุดของวันด้วยความชอบใจ



“เก่งแบบนี้สนใจมาช่วยงานพี่ทั้งชีวิตมั้ยครับ ที่รัก?”


พูดแบบนี้ไม่ยอมช่วยก็ไม่ใช่น้องพายแฟนพี่กิวแล้ว!


จบตอน ผู้ช่วยของหัวหน้า

-------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ หายไปอาทิตย์กับอีกสามวันจะมีใครรอพี่กิวกับน้องพายอยู่ไหมนะ? :katai2-1:
ตอนนี้แอบมีคู่ของพัพรูทมาให้เห็น เขาพัฒนากันมากขึ้นแล้วนะ!

ตอนนี้ตั้งใจว่าจะแต่งเรื่องของสองคู่นี้เป็นเรื่องยาวค่ะ ตั้งแต่ที่พี่กิวยังเป็นหัวหน้าแก๊งค์เต็มตัวจนมาเจอน้อง อยากจะรู้ว่าคนพูดน้อยต่อยหนักแบบพี่กิวจะจีบน้องยังไง และก็เรื่องราวของคู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างพัพกับรูท พัพไปปิ๊งรูทยังไงนะแล้วคนกวนตีนสองคนมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้เลยนั่งคิดๆพล็อตทั้งหลายแหล่อยู่ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสปินออฟของหัวหน้าแก๊งค์จะได้มั้ยนะ? (ทั้งที่เรื่องสั้นนี้ควรจะเป็นสปินออฟไม่ก็ภาคพิเศษแท้ๆ ขอโทษค่า) :mew2:

ปิดท้ายตอนนี้ด้วยคำขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านและขอบคุณทุกๆคอนเม้นค่ะ ตอนนี้ยังไม่คุ้นกับระบบบอร์ดเท่าไหร่เลยอาจจะไม่ได้ตอบเม้น จะพยายามเล่นให้ชินไวๆแล้วมาคุยกันนะคะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 5 ผู้ช่วยของหัวหน้า (06.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 06-08-2014 22:03:08
หวานกันจริงจิ๊ง ชอบพัพกับรูทอ่ะกัดกันมันส์ดี o18
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 5 ผู้ช่วยของหัวหน้า (06.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-08-2014 23:08:11
เมื่อไหร่จะได้เป็นเมียจริงๆ
หวานมากกกกกน่ารักมากกกกกกก
รูทไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 5 ผู้ช่วยของหัวหน้า (06.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 09-08-2014 23:47:47
ชอบจังเลยค่ะ
ละมุนเอามากๆ

พายกับป๊ากิว><
แต่คิดว่าถ้าเป็น ป๋ากิว จะเหมาะกว่าป๊านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ เรื่องสั้นอมหวานครั้งละตอน : [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 5 ผู้ช่วยของหัวหน้า (06.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 10-08-2014 09:39:23
 :-[ อ่านไปยิ้มไปเรื่องนี้น่ารักมากค่ะ :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 6 ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า (15.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 15-08-2014 21:51:37
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า



นาฬิกาปลุกเรือนเล็กบริเวณหัวนอนแผดเสียงทำลายโสดประสาท ตั้งใจทำหน้าที่ปลุกคนที่ยังหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ แต่ไม่ว่ามันจะร้องดังขนาดไหนคนที่ยังมีความสุขกับห้วงนิทราก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นมาปิดมันแม้แต่น้อย สำหรับคนตื่นยากแถมยังเป็นโรคความดันต่ำช่วงเช้าแค่เสียงแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้หรอก

“ตากิว ตื่นได้แล้วลูก เสียงนาฬิกาดังไปจนถึงข้างล่างแล้ว”

กลับเป็นเสียงเคาะประตูจากมารดาผู้ให้กำเนิดต่างหากที่ทำให้ผู้ที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มลืมตาตื่นมาใช้ชีวิตในอีกวัน กิวขยี้หัวที่ไร้การจัดทรงจนยุ่งไม่เป็นท่าแล้วตอบรับในลำคอ ไม่ลืมจะปิดเสียงนาฬิกาที่ยังทำหน้าที่ได้ดีมากเกินเสียด้วย



“สวัสดีครับพ่อ แม่” ลูกชายคนเดียวของตระกูลอัครเดชไพศาลสกุลเดินงัวเงียมาประจำที่โต๊ะอาหาร กลิ่นซุปไก่หอมชวนน้ำลายสอกระตุ้นสมองที่ยังมึนงงให้ได้สติขึ้น

“กลับมาก็นอนยาวเลยนะเจ้ากิว งานเยอะหรือกวนน้องมากไปห้ะเรา”

คุณการุณย์เอ่ยเย้าลูกชาย เขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของกิวและพายมาตลอด แม้ยามแรกจะรับไม่ได้เพราะกลัวเสียหน้าด้วยตระกูลของตนก็เป็นถึงคนใหญ่คนโต มีธุรกิจที่สร้างชื่อมากมายกลับต้องมาบอกกับสังคมว่าสะใภ้ในอนาคตเป็นผู้ชาย แต่เมื่อเห็นแล้วว่าลูกชายที่เคยสำมะเลเทเมากลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้เขาก็ต้องยอมรับว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกได้แค่ร่างกายความคิดและการตัดสินใจลูกต้องเป็นคนเลือกเอง

“คุณก็ไปแซว... กวนน้องมากระวังน้องไม่ยอมมาบ้านนะรู้มั้ย”

“แม่จะช่วยผมก็ช่วยให้สุดทางสิครับ...” คุณหญิงประภัสสรหัวเราะกับคำแง่งอนของลูกชาย โตจนป่านนี้ยังมาทำหน้ามุ่ยใส่อีก อย่าไปบอกใครเขาเชียวว่าตานี่เคยเกรกมะเหรกเกเรขนาดไหน!

“ว่าแต่งานที่พ่อเสนอให้เราว่าไงล่ะ สนใจไหม พ่อจะได้ไปบอกคุณทวีให้ว่าเราจะไปฝึกงานกับเขา”

“สนใจครับ สองคนนั้นก็บอกว่าสนใจ ถึงจะคนละไซต์ก็ไม่มีปัญหา”

เพราะครึ่งปีสุดท้ายเด็กวิศวะอย่างพวกเขาก็ต้องไปฝึกงานกับสถานที่จริง ซึ่งในวงการธุรกิจแล้วหุ้นส่วนของคุณการุณย์ก็มีไม่น้อยที่ทำงานด้านออกแบบก่อสร้าง คุณการุณย์จึงเห็นโอกาสที่จะเอาลูกชายตัวเองและเพื่อนร่วมกลุ่มของลูกชายไปฝึกงานใกล้หูใกล้ตาเสียเลย ไม่ใช่ว่ากลัวลูกจะเหลวไหลอีก แต่เพราะอยากจะชมฝีมือของเด็กๆพวกนี้เผื่ออนาคตจะช่วยหาช่องทางการทำงานให้บ้าง

“ยังไงก็เตรียมเอกสารไว้แล้วกัน พ่อจะบอกทางคุณทวีให้ก่อน”

“ขอบคุณครับพ่อ”

“แล้วน้องล่ะกิว แม่อยากให้น้องมาฝึกงานกับแม่นะ ตลาดธุรกิจของแม่ยังขาดคนมีฝีมืออยู่เลย”

คุณหญิงประภัสสรมีธุรกิจอัญมณีเป็นของตนเอง ทั้งออกแบบ ขายส่งออกนอกและขายในไทย ซึ่งเธอก็รู้ว่าลูกชายคนเดียวของเธอไม่มีทางสืบทอดธุรกิจที่เจ้าตัวไม่มีความสนใจแน่นอน แต่กับเด็กอีกคนที่เธอมองว่าเป็นลูกชายแท้ๆและรับเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวแล้วอย่างพายนั้น ดูก็รู้ว่ามีพรสวรรค์ เพราะการแต่งตัวและของใช้แต่ละอย่างที่เจ้าตัวใช้และเลือกแม้จะมีขัดหูขัดตาแต่หากจะมองด้านแฟชั่นและความแปลกใหม่นั้นช่างโดนจริตเธอยิ่งนัก

“น้องยังอีกตั้งสองปีนะครับแม่ รีบจองตัวเลยเหรอ”

“ก็เหมือนที่แกจองตัวเขาตั้งแต่ยังไม่เข้าปีหนึ่งนั่นแหละย่ะ”

คุณการุณย์ผิวปากหวือเมื่อได้ยินภรรยาตัวเองตอกกลับลูกชายเช่นนั้น กิวได้แต่พยักหน้ารับว่าครับๆแล้วก้มหน้าก้มตาตักซุปฝีมือคุณแม่เข้าปาก เห็นปกติเรียกว่าลูก พูดจาสุภาพแต่อย่าไปกวนเข้าแล้วกัน คุณหญิงคนนี้ไม่ยอมน้อยหน้าที่จะตอกกลับหน้าหงายเหมือนที่ลูกชายตัวเองโดนเมื่อครู่



บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเคล้าเสียงพูดคุยที่เมื่อนานมาแล้วไม่เคยเกิดขึ้นยามนี้กลับมีให้เห็นและได้ยินอยู่ทุกวัน จากที่แต่ก่อนมีเพียงความเงียบ เสียงช้อนกระทบขอบจานและเสียงเปิดหนังสือพิมพ์ อาหารก็เป็นเพียงอาหารอุ่นง่ายๆที่สั่งให้คนรับใช้จัดหามา ยามนี้คุณหญิงของบ้านจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง ทุกคนเริ่มทานข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน แม้จะเป็นเรื่องไร้สาระ แบบที่แต่ก่อนจะให้มาคุยหยอกกันแบบนี้ไม่มีเสียหรอก มีแต่มองหน้าแล้วเมินไม่สนใจเท่านั้น แม้แต่คำทักทายหรือร่วมโต๊ะอาหารในยามเช้าแทบจะไม่มี พอมาเห็นภาพตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้ว




เงินใช้ซื้อความสุขไม่ได้แต่ความรักความเข้าใจของคนในครอบครัวต่างหากที่ทำให้ชีวิตมีความสุข





ตู้อบส่งเสียงร้องเมื่อถึงเวลาตามที่ตั้งไว้ บราวนี่รสชอคโกแลตกลิ่นหอมหวานฝีมือลูกชายคนเล็กประจำบ้านวิรุฬห์ธนกิจออกมาได้รูปทรงน่ารับประทานนัก เจ้าตัวทำหน้าดีใจยกใหญ่ขณะเคลื่อนถาดออกจากเตา ในหัวก็จัดสรรจำนวนชิ้นและขนาดโดยการคำนวณจากจำนวนคนที่เจ้าตัวตั้งใจจะมอบให้ ไม่รู้หรอกว่าจะอร่อยมั้ยแต่ทำตามสูตรของม๊าแล้วลดน้ำตาลลง ในเมื่อพายว่าอร่อยมันก็ต้องอร่อยแหละน่ะ!


“หอม...” พัพเดินหัวฟูพลางทำจมูกฟุดฟิดเข้ามาในห้องครัว เขาตามกลิ่นหอมของชอคโกแลตที่ลอยไปกระทบจมูกขณะที่กำลังนอนอยู่ ไม่รู้หรอกว่าเป็นขนมอะไร แต่รู้ว่าหอมแล้วเป็นฝีมือของคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ต้องอร่อยทั้งนั้น

“อ้ะ พี่พัพม๊าอยู่ข้างนอกมั้ย? พายจะให้ม๊าชิม”

"ทำงานอยู่ กินนะ"

"อย่าเพิ่งสิ! พายยังไม่ได้แบ่งเลย" ตีหลังมือพี่ชายที่ยื่นมาดังเพี๊ยะแล้วเดินถือถาดไปอีกด้านของห้องครัวไม่สนสายตาเอาเรื่องที่จ้องตามมา พี่พัพก็เป็นแบบนี้แหละชอบทำตาดุใส่แต่ไม่เห็นกล้าทำอะไรน้องสักที

ถุงขนมสำเร็จรูปอย่างง่ายของผู้เป็นแม่ถูกพายแอบเอามาใช้ใส่ส่วนแบ่งของแต่ละคนที่เจ้าตัวตั้งใจไว้ ไม่ลืมที่จะเหลือไว้ให้พี่ชายของตัวเองมากหน่อยเพราะรู้ว่ารายนั้นชอบของหวานที่ไม่หวานจนเกินพอดีอย่างบราวนี่มาก ก่อนจะเอาเข้าตู้อบคาไว้เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงตัว

“หนึ่ง สอง สาม สี่... ครบแล้ว บับเบิ้ลบีกินไม่ได้ให้พี่พัพแทนแล้วกัน”

คนเป็นพี่คิ้วกระตุกอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำบ่นพึมพำจากน้องชาย เพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้แหละว่ามันนับลำดับหมาสำคัญกว่าพี่...



   “ม๊าครับม๊า ลองชิมขนมฝีมือลูกชายสุดหล่อหน่อยสิครับ”

   ร่างของลูกชายถลามานั่งกับพื้นข้างโต๊ะรับแขกพร้อมถาดใส่ขนมกลิ่นหอมชวนรับประทาน คุณอรอนงค์ละสายตาจากเอกสารสี่ห้าแผ่นที่เอากลับมาตรวจเช็คที่บ้านมองขนมสีน้ำตาลเข้มที่ลูกชายทำมาให้ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่แม้จะมีร่องรอยของอายุแต่ยังคงความสวยไว้เหมือนสมัยสาวๆ เอกสารถูกรวบแล้ววางกองไว้ข้างตัว ถึงเวลาที่เธอจะต้องให้ความสำคัญกับลูกมากกว่างานแล้ว

   “ไหนดูสิลูกชายม๊าทำอะไร”

   “บราวนี่ครับผม สูตรม๊าแต่ลดน้ำตาลสามช้อน!” ว่าแล้วก็ตัดบราวนี่ชิ้นพอดีคำให้ผู้เป็นแม่ มีบริการเสริมเป็นป้อนจากมือเพิ่มความอร่อยและชื่นใจให้ด้วย “อร่อยมั้ยครับ?” แถมบริการสบตาด้วยความตื่นเต้นเต็มที่ซึ่งน่ารักน่าชังมากในสายตาคนเป็นแม่

   “อร่อยมาก มีพรสวรรค์ทั้งทำขนมทั้งออกแบบเลยนะเนี่ย” หยิกแก้มนิ่มอย่างเบามือ ไม่ใช่แค่แกล้งยอลูกชายตัวเองแต่อรอนงค์รู้สึกว่าบราวนี่ฝีมือพายอร่อยมากจริงๆ

   “ม๊าอย่าไปยอมันมาก แค่นี้มันก็หลงตัวเองจะตายแล้ว”

   “พี่พัพอีกแล้วนะ!”

   พายมองค้อนพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างม๊า ผู้เป็นแม่หัวเราะกับความช่างแกล้งของพัพและความไม่ยอมใครของพาย แต่ถึงจะงอนผู้เป็นพี่ชายมือก็ยังส่งบราวนี่ชิ้นโตตรงเข้าสู่ปากอีกฝ่ายอยู่ดีแล้วเจ้าพัพก็ยังให้รางวัลด้วยการยีเส้นไหมสีชมพูแปลกตาของน้องเป็นคำขอบคุณพ่วงคำชมด้วย ลูกชายทั้งสองของเธอเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงแม้จะดูเหมือนตีกันทุกเมื่อแต่ความจริงแล้วพัพทั้งรักทั้งหวงน้องอย่างกับอะไรดีและพายเองก็รักพี่ชายมากทำให้ทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันแบบจริงจังเลยสักครั้ง

   หลังจากที่สามีซึ่งเป็นหัวเรียวหัวแรงเสียไปด้วยอุบัติเหตตั้งแต่พายเพิ่งอยู่อนุบาลสาม เธอต้องขึ้นเป็นประธานบริษัทเบเกอรี่ชั้นนำและต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนผู้เป็นสามีทำให้ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกน้อยเท่าใดนัก แต่พัพผู้เป็นพี่ชายก็ช่วยเธอได้มาก ยามที่เธอต้องฝากลูกไว้ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของเธอก็ได้พัพที่อยู่ในวัยประถมนั่นแหละที่คอยช่วยเลี้ยงพายตลอด พัพเปรียบเสมือนคุณพ่อคนที่สองของน้องเลยก็ว่าได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ยังมีกิว เด็กหนุ่มท่าทางเกเรแต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนดีอีกคนที่มาช่วยดูแล

   “จริงสิ พัพเราจะไปฝึกงานกับตากิวใช่ไหมลูก?”

   “ครับม๊า ที่ไซต์งานเพื่อนคุณอาการุณย์” ว่าทั้งที่เอียงหน้าให้น้องเอาเศษบราวนี่ที่ติดขอบปากออกให้ ว่าน้องแต่ไม่วายอ้อนน้องจริงๆลูกชายคนโตคนนี้ คุณอรอนงค์พยักหน้ารับแล้วหันไปถามทางฝ่ายลูกชายคนเล็ก

   “แล้วตัวเล็กล่ะหืม? จะไปฝึกงานที่บริษัทคุณหญิงประภัสสรหรือกับม๊าดีล่ะ?”

   เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมาทาบทามให้ลูกชายไปลองฝึกงานกับบริษัทอัญมณีของตนอยู่ แม้ตนจะมีบริษัทที่รอให้มาสืบทอดแต่อย่างไรเสียความต้องการของลูกก็มาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี ไม่มีการบังคับฝืนใจใดใดทั้งสิ้น เธอเลี้ยงลูกมาให้คิดเองเป็นไม่ใช่การกดดันจนเด็กเสียคน

   “อีกตั้งนาน พายยังไม่รู้เลยครับม๊า ถ้าไม่ต้องทำตรงสายพายกะจะไปกับม๊าแต่ถ้าต้องตรงสายมีใบรับรองก็จะไปทำกับม๊าพี่กิวครับ” ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องผิดหวังมากนัก คุณอรอนงค์เองก็เห็นดีด้วยกับความคิดนี้

   “แล้วนี่ทำไปเผื่อพี่เขาหรือยัง จะไปบ้านเขาอย่าลืมของติดไม้ติดมือไปนะลูก”

   “รายนี้เขาไวครับม๊า จะเตรียมยันหมาแต่ดีที่นึกมาได้ว่ามันกินไม่ได้” เย้าน้องไปอีกครั้ง ท่าทางจะยังเจ็บช้ำไม่น้อยที่โดนเอาไปเทียบกับหมาสุดรักที่ป่านนี้คงนอนกระดิกหางไปฮัดชิ่วไปเพราะโดนคนนินทา

   “พี่พัพเข้าใจคำว่าคนมีมารยาทมั้ย เดี๋ยวของพี่รูทพายไม่ฝากไปด้วย”

   “เดี๋ยวโดนหรอกตัวเล็ก”

   “ตัวโตเริ่มเองนะ”

   มารดาส่ายศีรษะกับคำพูดของทั้งสองฝั่ง รู้ว่ารูทที่พายพูดถึงคือใคร คงเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กอีกคนที่ชอบมาบ้านเสมอ รูทเป็นคนพูดเก่งและน่าเอ็นดูพอๆกับเจ้าพาย ความแก่นก็ไม่เป็นรองใครเพียงแค่พายใจเย็นกว่าจึงไม่ค่อยมีเรื่องต่อยตีกับใครไปทั่วแบบอีกฝ่ายเท่านั้น

   จากที่ฟังหลายๆครั้งคาดว่าลูกชายคนโตคงไม่แคล้วจะคบผู้ชายแบบคนน้อง ถึงจะไม่พูดออกมาตรงๆแต่คนเป็นแม่มีหรือจะไม่รู้ ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นคงหัวอกแตกตายไปแล้วหากรู้ว่าผู้สืบสกุลไม่สามารถทำตามที่คาดหวังได้ ช่วงแรกเธอยอมรับว่ารับไม่ได้กับการตัดสินใจของลูก แต่หากต้องขัดความสุขของลูกเพื่อความสุขของเธอเธอก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามแต่ที่มันต้องเป็น



เพราะไม่ว่าลูกจะเป็นเช่นไร สำหรับผู้เป็นพ่อแม่ลูกคือดวงใจเสมอ


จบตอน ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า

-------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้ว ช้ากว่าวันแม่เพราะนี่มัวแต่อู้...  :katai5:
ตอนนี้ไม่มีบทคู่กันของคู่หลักและคู่รองเลย เพราะเราอยากเน้นความรักในครอบครัวค่ะ ตอนนี้มันอาจจะดูเป็นครอบครัวที่ยอมรับง่ายๆ น่ารักและเอาใจใส่กันเนอะ ซึ่งในภาคหลักจะไม่ใช่แบบนี้เลยค่ะ... ซึ่งร่างไว้แล้วว่าจะเป็นยังไงแต่ยังออกมาเป็นตัวหนังสือไม่โดนใจสักที แย่ที่สุดเลย

สำหรับชื่อที่น้องเรียกกิว ตอนแรกเราตั้งใจให้เป็นป๋าเหมือนกันค่ะ แต่พอมาคิดอีกทีกิวเหมือนเสี่ยเลี้ยงต้อยเลย... สุดท้ายเลยมาจบที่ป๊า 555555

ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ มีเม้นท์ให้กำลังใจและชอบเรื่องของเราด้วย ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ   :L1: :pig4::3123:
แค่รู้ว่าทำให้ทุกคนยิ้มได้ก็มีความสุขแล้ว เหมือนทำความฝันให้เป็นจริงได้ ฮาาาา

ป.ล. ครบสิบตอนเมื่อไหร่ตอนหลักจะมาค่ะ
ป.ลล. ตอนนี้แกลบกินเพราะมัวแต่สอยหนังสือจนลืมเก็บเงิน แย่มากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 6 ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า (15.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-08-2014 01:03:01
แม่พี่พัพกะพายน่ารักมากกกกกกกกกกกกก
มองโลกในแง่สุดๆ ครอบครัวพี่กิวก็เหมือนกัน
อ่านแล้วแบบฟีลกู๊ดค่ะ ชอบบบบบ
ชอบอ่านตอนเค้าหวายกันด้วย เขิน55
หัวข้อ: Re: ♥ [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 6 ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า (15.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2014 15:39:20
ลันลามีความสุข
หัวข้อ: Re: ♥ [หัวหน้าแก๊งค์] ตอนที่ 6 ครอบครัวของน้องกับหัวหน้า (15.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 16-08-2014 15:48:02
 :z10:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 24-08-2014 21:27:28
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน เริ่มต้นความสัมพันธ์




เคยมีคำกล่าวว่าหากเริ่มต้นความสัมพันธ์ดี ช่วงกลางของความสัมพันธ์ก็จะดี และปลายทางของความสัมพันธ์ก็จะดีตาม

แล้วถ้าหากว่าเริ่มต้นความสัมพันธ์ไม่ดีแต่อยากจะให้ตอนจบดีต้องแบบนี้ต้องทำยังไงล่ะ?





“นี่พี่จะตามผมไปถึงไหนกัน?"


เด็กหนุ่มร่างเล็กเอ่ยขึ้นโดยไม่ผ่อนปรนฝีเท้าหรือแม้แต่จะหยุดแล้วหันไปคุยซึ้ง ๆ หน้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็รับรู้ว่าชายหนุ่มผู้กำลังเข็นบิ๊กไบค์คันใหญ่เดินตามหลังเขามาจะต้องได้ยินชัดทุกถ้อยคำเป็นแน่


"จนกว่าพายจะยอมให้ไปส่งถึงบ้าน"


“ผมกลับเองได้ ให้พี่พัพออกมารับก็ยังได้" เสียงทุ้มปนหวานของคนที่เพิ่งแตกหนุ่มมาไม่นานตอบปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจ แต่คำพูดแค่นั้นไม่ทำให้คนฟังยอมแพ้แล้ววนรถกลับ หากชายหนุ่มยังคงเดินเข็นรถบิ๊กไบค์ตามโดยไม่เอ่ยตอบโต้อะไร


พายแอบหันหน้ามองคนที่อยู่เยื้องไปด้านหลังเมื่อไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบกลับมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังคงดึงดันที่จะเดินตามมา พายก็จะไม่ขัดศรัทธา อยากเดินตามก็เดินไป เดี๋ยวพอใกล้ถึงบ้านเขาก็คงกลับไปเองเหมือนเคย เหมือนอย่างที่เป็นมาตลอดเกือบจะสัปดาห์ เด็กหนุ่มคิดพลางถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าซอยบ้านต่อโดยมีบอดี้การ์ดหน้านิ่งเข็นบิ๊กไบค์ตามมาด้วย




ความสัมพันธ์แปลกประหลาดนี้เริ่มมาจากเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่






เช้านี้อากาศไม่สดใสเท่าที่มันควรจะเป็น เมฆดำครึ้มตั้งเคล้ามาแต่ไกล หากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อย่าหวังเลยว่าเขาจะก้าวเท้าออกจากบ้านมาเสี่ยงเดินถนนให้สภาพอากาศกลั่นแกล้งเล่น แต่วันนี้ดันเป็นวันธรรมดากลางสัปดาห์ที่เหล่าเด็กนักเรียนจะต้องทำหน้าที่ของตน และเด็กนักเรียนมัธยมปลายอย่างพายก็เป็นหนึ่งในนั้น


ความจริงพี่พัพ พี่ชายคนเดียวของพายจะต้องเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งเหมือนปกติ แต่เห็นวันนี้บอกว่าจะต้องรีบไปเพราะเพื่อนในกลุ่มโทรตามก่อนหรือไงเนี่ยแหละ ลำบากให้น้องต้องเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางมาเอง


แต่ยังไม่ทันจะถึงโรงเรียนเอกชนที่ตนเรียนอยู่ เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังมาทางตรอกไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นักก็ดึงดูดความสนใจจากคนตัวเล็กให้มุ่งหน้าไปทางนั้นแทน ไม่ใช่ว่าอยากยุ่งเรื่องของชาวบ้านหรอกนะ แค่คิดว่าถ้าเป็นเรื่องด่วนอย่างมีคนบาดเจ็บตนอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ดูท่าจะคิดผิด เพราะเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็รู้ว่าต้นเสียงไม่ใช่มาจากการขอความช่วยเหลือแต่เป็นเสียงคนทะเลาะกันเสียงอย่างนั้น


เด็กชายมองภายในตรอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เห็นคนตีกันบ่อยครั้งนักแต่ทุกทีก็เพราะเรื่องไร้สาระ ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน ขาเรียวที่โผล่พ้นกางเกงน้ำเงินขาสั้นตั้งท่าจะหันกลับ แต่ต้องชะงักเมื่อเหมือนเหลือบไปเห็นว่าในวงล้อมของเด็กในชุดนักเรียนมีคนกำลังโดนรุม และพายก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะเห็นคนโดนรุมแล้วจะเดินผ่านไปง่าย ๆ ตีกันธรรมดาพายไม่สนหรอก แต่มีคนรุมแบบนี้คงกะเอาให้ถึงตาย พายยอมอยู่เฉยไม่ได้จริง ๆ แต่ร่างกายกับเรียวแรงของคนเดียวคงสู้กับคนหลายคนไม่ได้แน่ หนทางการช่วยเหลือของพายจึงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

“ค... คุณครูครับ!! มีคนกำลังโดนรุมอยู่ในซอยครับ ซอยนี้เลยครับ! มาเร็วครับครู!!!”

เสียงตะโกนคงจะได้ผลเพราะกลุ่มคนที่รุมสกรัมสหบาทาอยู่หยุดการกระทำในทันทีก่อนหันรีหันขวาง ยิ่งเมื่อรู้แน่ว่าเสียงที่ตะโดนหมายถึงพวกตนก็รีบเผ่นแน่บไป เหลือไว้แต่ร่างของคนบอบช้ำที่นอนทรุดอยู่บนพื้น

รอจังหวะจนแน่ใจว่าคนพวกนั้นจะไม่ย้อนกลับมาอีกคนตัวเล็กก็วิ่งห้อเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งอยู่ ค่อย ๆ ใช้มือช้อนหัวคนที่หลับตามานอนบนตักอย่างระมัดระวัง “คงยังไม่ตายหรอกนะ...”

“ยังไม่ตาย...” พึมพำตอบกลับพร้อมลืมตามอง ดวงตาคมกริบแฝงแววเย่อหยิ่งสบกับตากวางคู่โตที่ก้มมองมาแล้วนิ่งค้างอยู่แบบนั้น นอนมองนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวจนเจ้าของตักเป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูกแทน

“อะ... เอ่อ คุณลุกก่อนได้มั้ย ผมจะได้เรียกรถพยาบาล”

คนเจ็บค่อย ๆ ยันกายลุกนั่งพิงกำแพงแล้วส่งเครื่องมือสื่อสารเครื่องสวยให้ “โทรไปหาคนชื่อรูทให้ก็พอ”

ขยับได้แล้วทำไมไม่โทรเอง... อยากจะถามแต่ก็ไม่ ยอมทำตามคำขอของคนเจ็บ เหมือนคนที่โทรไปจะเป็นเพื่อนมากกว่าคนในครอบครัวและคงกำลังตามหาเพื่อนคนคนนี้อยู่ด้วย เพราะทันทีที่รับสายก็ถามหาสถานที่เป็นอย่างแรก


“ไอ้กิว! มึงอยู่ไหนเนี่ย จะไม่เข้าเรียนหรือไง”

“ขอโทษครับ คือเพื่อนคุณให้ผมโทรมา” พายตอบขณะมองคนที่นั่งพิงกำแพงจ้องกลับมาอยู่ ตาคนชื่อกิวนี่ไม่คิดจะมองที่อื่นนอกจากหน้าเขาเลยหรือไงกัน...

“เอ๊ะ? อ้าว แล้วกิวมันอยู่ไหนครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

“สักครู่นะครับ... คุณคุยเองสิ” ว่าพร้อมส่งมือถือรุ่นล่าสุดคืนแก่เจ้าของ หากคนเจ็บกลับไม่รับไปคุย เพียงส่ายหน้าแล้วจ้องเขานิ่ง ๆ เหมือนจะสื่อว่าให้เขาเป็นคนคุยให้จบไปเลย พายถลึงตามองกลับเป็นการประท้วงบุยใบ้ให้อีกฝ่ายคุยเองแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายพายก็ต้องยอมบอกรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นให้ปลายสายฟัง ทางคนที่ชื่อรูทพอได้ฟังก็เอ่ยปากขอบคุณเขาพร้อมบอกว่าจะรีบออกมาทันที

เมื่อจบบทสนทนาเจ้าของโทรศัพท์ถึงยอมรับของของตนคืนแต่โดยดี แต่คนที่ชื่อกิวก็ยังไม่ยอมถอนสายตาจากใบหน้าเของพายจนคนตัวเล็กเริ่มจะหงุดหงิดมองตอบกลับไปเหมือนกัน ตาสวยสำรวจบาดแผลบนใบหน้า มีทั้งรอยฟกช้ำ คิ้วแตก มุมปากยังเจ่อและมีรอยเลือดซึม ท่าทางจะโดนกระแทกเข้าเต็มรักแบบไม่ทันให้ได้หลบ แค่เห็นบาดแผลแตกพายยังเจ็บแทนแล้วตอนโดนกับตอนระบมมันจะเจ็บขนาดไหนกันนะ มองแผลแล้วก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ มือนิ่มล้วงเข้ากระเป๋าเป้ที่ใช้แบกหนังสือมาโรงเรียนควานหาอยู่ครู่นึงก่อนจะหยิบเอาพลาสเตอร์ลายเสือมุ้งมิ้งขึ้นมาโชว์พลางยิ้มร่า เขยิบตัวเข้าไปใกล้คนเจ็บที่จนบัดนี้ก็ยังไม่เลิดมองสำรวจเขา

“จะทำอะไร...?” เหมือนกิวจะสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างจึงขมวดคิ้วแล้วชิงถาม

“พยาบาลเบื้องต้นไงคุณ ไม่รู้จักเหรอ”

แต่นี่มันยังไม่ได้ล้างแผล... สีหน้าคนเจ็บเหมือนจะพูดแบบนั้นแต่คนที่ตั้งใจจะทำแผลให้คงไม่สามารถรับรู้ได้ ก็เล่นบรรจงติดพลาสเตอร์ลายน่ารักไม่เข้ากับหน้าตรงรอยช้ำใต้มุมปากซ้ายให้แบบไม่รอฟังคำประท้วงเสียนาดนี้ พอได้ทำตามใจก็ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กได้ของเล่น

หน้าเถื่อน ๆ โฉด ๆ เหมาะกับลายเสือมากกว่าม้าลายอย่างที่คิดเลย!



พายเพิ่งได้สำรวจคนเจ็บแบบจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรกก็ตอนที่นั่งหันหน้าแล้วมองหน้ากัน คนชื่อกิวหน้าตาดีมากถ้าไม่มีรอยแผลเหมือนตอนนี้ ดวงตาคมดุดันแฝงแววเย่อหยิ่งไม่น้อยบอกให้รู้ว่าเอาแต่ใจพอควร จมูกโด่ง ปากไม่หนามากนัก ส่วนสูงจากที่ดูช่วงขาน่าจะประมาณเดียวกับพี่พัพ ผิวเข้มที่พ้นเครื่องแบบดูเข้มกว่าพายแต่ไม่จัดว่าดำเกินไป เรียกได้ว่าดูดีถ้าไม่นับท่าทางที่ดูเกเร จะให้เทียบก็คงประมาณไอดอลเกาหลีที่สาว ๆ ในห้องพายชอบพูดถึงล่ะมั้ง? จะว่าไปเครื่องแบบคุ้นตาเหมือนว่าจะเคยเห็นทีไหนสักที่...

“.....ไม่เข้าเรียนหรือไง?”

นั่งมองอยู่นานจนมารู้สึกตัวก็ตอนที่กิวเอ่ยทัก พายก้มมองนาฬิกาถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาเข้าเรียนคาบแรกมานานโข เข้าไปก็คงจะไม่ทันคาบแรก คิดได้ดังนั้นจึงส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไร อยู่กับคุณจนกว่าเพื่อนจะมาก็ได้”

พอตอบไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ทำหน้าเหมือนเจอเรื่องขัดใจอะไรบางอย่างแล้วกล่าวว่า “ชื่อกิว”

“หือ?”

“ชื่อกิว เรียกกิวไม่ต้องเรียกคุณ”

อ๋อ... พายพยักหน้าหงึกหงักตอบรับอีกคน แต่เหมือนกิวจะยังไม่พอใจถึงได้ขมวดคิ้วมุ่นใส่แล้วจ้องพายอยู่แบบนั้นจนพายเป็นฝ่ายอึดอัด ตั้งใจจะถามความต้องการแต่กิวเป็นฝ่ายชิงพูดก่อน

“คนเขาบอกชื่อแล้วก็บอกชื่อตัวเองตอบสิ”

แน่ะ... มีการมาสั่งเขาอีก คนคนนี้น่าจะเอาแต่ใจมากกว่าพายที่เป็นน้องคนเล็กของบ้านเสียแล้ว พายเบิกตาโตมองหน้าคมเข้มอย่างไม่พอใจแล้วกระแทกเสียงตอบกลับไป

“ชื่อพาย น้องพี่พัพ ขึ้นม.4 โรงเรียนเอกชนแถวนี้ พอใจหรือยัง?”

กิวนิ่งไปสักพักก่อนพยักหน้าตอบ ทั้งคู่เงียบใส่กันไปอีกพักใหญ่ คราวนี้เป็นพายที่เปิดปากพูดกับอีกคนก่อน “ทำไมถึงโดนสหบาทาล่ะ? ไปกวนตีนอะไรพวกนั้นเหรอ?”

“โก่งราคามากไปเลยโดนกระทืบ”

“โก่งราคา?”

คนเจ็บหน้าดุนั่งนิ่งเหมือนชั่งใจว่าควรจะตอบคำถามดีหรือเปล่าจนพายยักไหล่ไม่คิดจะรอฟังคำตอบอะไรอีก แต่เมื่อเห็นซองสีขาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปที่บรรจุผงสีขาวในมืออีกใหญ่พายก็เข้าใจในคำตอบของคำถามที่เขาได้ถามไป คนชื่อกิวคนนี้เพิ่งจะทำหน้าที่ส่งยาไอซ์ในซอยไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนเขาเท่าไหร่นัก...

“...ฉันไม่ได้เสพ เลิกนานแล้ว แต่จะแจ้งตำรวจก็ได้”

เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคนชื่อกิวถึงได้มาขายยา อาจจะเพราะเหตุผลทางบ้าน ความสนุกที่ได้เสี่ยง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พอได้ยินคำพูดที่เหมือนไม่แคร์ว่าตัวเองจะโดนจับหรือไม่ทำให้พายรู้สึกปวดหนึบตรงอกข้างซ้าย ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนั้น

แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงรถมอเตอร์ไซค์สองคันก็แล่นมาจอดจนหน้าซอยที่พวกเขานั่งคุยกันอยู่ พอหันไปมองตามต้นเสียงก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบเหมือนกับกิวรีบร้อนเดินเข้ามา น่าจะเป็นคนชื่อรูทที่พายคุยด้วยทางโทรศัพท์ เยื้องไปด้านหลังเป็นผู้ชายอีกคนที่พายคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน พอสังเกตดี ๆ ตาที่หรี่มองก็เริ่มเบิกกว้าง และยิ่งกว้างมากขึ้นอีกเมิ่อเห็นว่าผู้ที่เดินมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่ตนคุ้นหน้าคุ้นตามาตลอดชีวิต

“พี่พัพ!?”

“ตัวเล็ก?”

คนที่เดินรั้งท้ายมาคือพี่ขายแท้ ๆ พายมองไปทางพัพ กิว และคนตัวเล็กอีกคนที่น่าจะชื่อรูทด้วยความงุนงง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ เขาก็ว่าแล้วว่าทำไมชุดที่กิวใส่ถึงได้ดูคุ้นนัก

“น้องชายมึงเหรอพัพ?”

ผู้มาใหม่อีกคนเดินมาเกาะไหล่พัพแล้วเอ่ยถาม ฝ่ายพี่ชายแค่เอ่ยตอบ ‘อือ’ แล้วปลีกตัวไปช่วยพยุงร่างของเพื่อนที่ทรุดนั่งพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลนัก

“โลกกลมชะมัดเลย พี่ชื่อรูทนะครับที่คุยกันเมื่อกี้ ขอบคุณมากที่ดูแลไอกิวให้ แล้วก็ขอบคุณสำหรับพลาสเตอร์น่ารักที่ไม่เหมาะกับหุ่นควาย ๆ อย่างมันด้วย ฮะฮะ”

คนชื่อรูทตัวเล็กกว่าพี่ชายเขาและกิวพอสมควร แต่ความสดใสร่าเริงนำโด่งมามาก ตาเรียวรีสไตล์หนุ่มตี๋ที่ยิ้มทีก็ตี่จนพายต้องยิ้มตามแล้วเอ่ยแนะนำตัวกลับ ก่อนฝ่าเท้าเน้น ๆ จะทำให้ร่างบาง ๆ นั่นต้องปลิวตามแรงถีบของคนเจ็บ

“รีบไปสตาร์ทรถเลย”

“มึงบอกขอบคุณคนที่มารับมึงแบบนี้เหรอวะกิว!? ไม่น่ารีบมาเลยแม่ง ถ้าไม่เกรงใจว่าน้องพายต้องรอนานกูไม่มารับหรอกนะ”

รูทหันมาว้ากใส่คนที่บังอาจถีบเขาเสียจนกางเกงนักเรียนเป็นรอยเปื้อน แต่ก็ยอมที่จะเดินไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คันที่ตนขับมาแต่โดยดีโดยไม่ลืมหันกลับมาบ๊ายบายพายด้วย ฝั่งพัพก็หันมาคุยกับน้องชายทั้งที่ยังแบกร่างสะบักสะบอมของกิวอยู่ “จะกลับหรือจะไปเรียน?”

“คงกลับเลย พี่พัพล่ะ?”

“พี่ไปส่งไอ้นี่ก่อน เดี๋ยวคุยกันที่บ้านแล้วกัน” สมกับเป็นพี่ชายที่อยู่ด้วยกันมาตลอดถึงได้รู้ว่าน้องชายกำลังสับสน พายพยักหน้าหงึกหงักให้ ว่าง่ายตามคำบอกของพี่ชายจึงได้โดนฝ่ามือใหญ่ยีหัวเป็นคำชม

“ขอบคุณ... แล้วเจอกัน”

“พี่ก็หายไวไว...”

กิวพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้พัพแบกเขาไปตามทางในซอย ไม่วายจะหันกลับมามองพายอีกรอบเหมือนที่มองก่อนหน้านี้.. มองจ้องเหมือนจะค้นหาอะไรสักอย่างที่อยู่ในตัวพาย ช่างเป็นสายตาที่แปลกจนไม่กล้าสบตาแต่ก็ยอมยืนส่งจนทุกคนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปอย่างทุลักทุเล




หลังจากวันนั้นก็ล่วงเลยมาจนเกือบสัปดาห์ที่คนชื่อกิวเข้ามาวนเวียนในชีวิตพาย ไม่รู้เพราะอยากจะตอบแทนที่ช่วยเอาไว้หรืออย่างไรเจ้าตัวจึงคอยเทียวรับเทียวส่งทั้งเช้าเย็น บางครั้งก็มีชวนไปกินข้าว แต่พายยังไม่ใคร่อยากจะตามเพื่อนพี่ชายคนนี้ไปสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากลัวงานที่อีกฝ่ายทำหรืออย่างไร แต่เพราะยังทำใจให้ชินกับสายตาที่เหมือนมองทะลุเข้ามาถึงจิตใต้สำนึกของเขาไม่ได้ต่างหาก แล้วไอ้การไปรับไปส่งผู้ชายด้วยกันมันก็ดูแปลก ๆ ไม่ใช่หรือไง สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าอีกฝ่ายขับรถมอเตอร์ไซค์ตามรถเมล์ที่เขานั่งแล้วเข็นรถตามมาส่งถึงหน้าปากซอยบ้านที่พี่พัพจะออกมารับเสียงอย่างนั้น...




เป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด



“ส่งผมแค่นี้ก็พอ ดึกแล้ว พี่กลับไปเถอะ”

“รอพัพมารับก่อน”

ดื้อตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ พายยักไหล่เป็นเชิงว่าตามใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ เห็นน้องทำท่าทางแบบนั้นกิวก็พิงรถบิ๊กไบค์คันสวยที่คุ้น ๆ ว่าเจ้าตัวเรียกว่า “นินจา” แล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ พายย่นจมูกน้อย ๆ เมื่อได้กลิ่นเหม็นที่ไม่ถูกกับจมูกของตนเอง ไม่รู้อีกคนสูบเข้าไปได้ยังไง ทำร้ายสุขภาพตัวเองชัด ๆ

“โทษที” เหมือนกิวจะสังเกตเห็นท่าทีของพายจึงดับบุหรี่ที่เพิ่งจุดลงกับพื้นแล้วดับมันด้วยเท้า

“เราเจอกันแค่ครั้งเดียว ผมช่วยพี่ไว้ก็จริงแต่แค่ขอบคุณผมก็โอเคแล้ว ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นน้องพี่พัพเลยเกรงใจด้วย ผมเต็มใจ แต่พอมาเจอพี่ทำแบบนี้แล้วผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่ต้องการอะไร” พายมุ่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจแล้วเอ่ยตามความคิดที่ตนรู้สึก เขาไม่เข้าใจคนชื่อกิวคนนี้เลยจริง ๆ

“.....อยากรู้จริง ๆ เหรอว่าพี่ต้องการอะไร”

พายพยักหน้าเมื่อสดับฟังคำถาม กิวทำหน้าชั่งใจเหมือนตอนที่ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามเขาดีหรือไม่ ยิ่งเมื่อเห็นแสงไฟของรถสกูปปี้ที่พัพใช้รับส่งน้องเคลื่อนมาจากไกล ๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมตอบ พายจึงใช้สายตากดดัน หวังให้อีกฝ่ายรีบ ๆ ไขข้อข้องใจที่เขาสงสัยมาทั้งอาทิตย์เสียที และมันก็ได้ผลเมื่อกิวพยักหน้ารับ

   “ที่ต้องการมันอาจจะยากก็พอรู้หรอก”

   “อ่าฮะ”

   “แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า”

   “แล้ว? พี่อย่ามายืดเยื้อได้ป่ะ ให้ไวดิ๊”

ชิงพูดก่อนอย่างหงุดหงิดเพราะดูเหมือนอีกคนจะพยายามพูดให้มันเสียเวลาซะเหลือเกิน กิวยกมุมปาก เหลือบมองแสงไฟที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มือใหญ่ที่จับแฮนด์บิ๊กไบค์เข็นมาตลอดทางลูบเส้นไหมสีละเอียดบนหัวกลมพลางก้มหน้ามากระซิบข้างหูพายที่ตอนนี้นิ่งไปแล้วเพราะการกระทำที่คาดไม่ถึง




   “ต้องการได้พายมาเป็นแฟน ตอบแบบนี้เข้าใจแล้วนะครับ?”



To be continue


-------------------------------------------------------------------


แหะ ๆ สวัสดีปลายเดือนสิงหาคมค่ะ

จากตอนแรกที่คิดว่าลงสักสิบตอนจะมาลงภาคหลัก คิดว่าเก็บไว้ลงเป็นภาคพิเศษหลักจบภาคหลักน่าจะดีกว่า เลยแต่งภาคหลักไปก่อนแล้วค่ะ  :katai2-1:
อาจจะสั้นเพราะแก้พล็อตเรื่องหลายรอบมาก ที่ลงตอนแรกนี่ก็ไม่ใช่ในพล็อตนะคะ แหวกมาจากไหนไม่รู้ 5555555555
แต่เปิดเรื่องได้ตอนต่อก็จะมาเรื่อย ๆ แล้วล่ะค่ะ สู้ต่อไป!

รายละเอียดที่ไม่ได้ลงไว้แต่แรกตอนนี้จะค่อย ๆ คลี่ยคลาย(?)ทีละอย่างแล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอนเม้นด้วยนะคะ อ่านแล้วชอบ มีความสุข ยิ้มได้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 25-08-2014 20:31:36
ไม่อยากเป็นพี่ ไม่อยากเป็นเพื่อน 5555
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-08-2014 22:20:48
พี่กิวรุกน้องตั้งแต่ม4เลย
แน่มาก555555555555555
จะตอนหลักตอนพิเศษก็น่ารักเสมอ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 28-08-2014 00:23:21
ิอ่านได้สองตอน ทนไม่ไหว
ขอเม้นท์ก่อนนะคะ ฮือออออออ ตอนแรกกะจะเม้นท์รวบยอดทีเดียวแหละ แต่ไม่ไหวแล้วววว

ทำไมชอบพี่กิวววววววววววววววววววว กรี๊ดดดดดดดดดด  :hao5:
โอ้ยยย บอกไม่ถูก แต่ชอบพี่กิว ป๊ากิว ของน้องมากกกกกกกกกก
เรื่องนี้น่ารักมาก เราอ่านไปยิ้มไป เขินไปเลยค่ะ ฮืออออออออออ
น้องก็น่ารัก ชอบที่เรียกกันกับพี่พัพว่าตัวเล็กกับตัวโต มันดูแบบ เออ มุ้งมิ้งงุ้งงิ๊ง
ไม่ทนอ่ะ คือ รู้สึกว่าน้องเป็นความมุ้งมิ้งของผู้ชายเถื่อนๆ แก๊งค์นี้เลย

ตอนน้องเรียกป๊ากิวนี่เราสติหลุดไปกับพี่กิวแล้วเรียบร้อย
ฮือออ น่ารักกก อยากจับมาฟัดแรงๆ

ไม่ไหวแระ ขอตัวไปอ่านต่อก่อนนะคะ เดี๋ยวมาเม้นท์ใหม่ค้าาาา 55555
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 28-08-2014 01:18:28
เราอ่านทันแล้วววว เก่งมั้ยยยยยยยยยย 55555555555 (อวดทำไม?)

 :laugh:

ยิ่งอ่านยิ่งชอบพี่กิวจังเลยค่ะ  :hao5:
ชอบผู้ชายดุๆ เถื่อนๆ แต่มีความอบอุ่นอ่อนโยนให้กับคนสำคัญ
เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าน้องพิเศษมากๆ สำหรับพี่กิว >__<
ชอบอีกอย่างคือ ทั้งที่แสดงออกถึงความสัมพันธ์ขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่เคยมีอะไรกัน
เราว่ามันดีนะ ที่พี่กิวถนอมน้องไว้อย่างนั้น คือแค่ตอดเล็กตอดน้อยพอให้สุขใจ
รอเวลาให้น้องพร้อมก่อนละกันเนอะ (สารภาพว่าคิดไปแล้ว ถ้าเกิดคู่นี้ชู้วับกันขึ้นมามันต้องหวานจนหมดไต่แน่ๆ กร้ากกกก คือบางทีก็อยากอ่าน แต่บางทีก็แบบ.. เห้ยย เอาเท่านี้ก็พอ ชอบแบบนี้ 55555 งงมั้ยคะ? XD)

ดีใจที่คนเขียนบอกจะเป็นเรื่องยาว
เราจะติดตามอ่านต่อไปค่ะ! ชอบมากกก อ่านเรื่องนี้แล้วเขินมาก อยากได้พี่กิว แงงง

รอตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-08-2014 14:18:55
 :impress2: อ่านไปยิ่มไปชอบความน่ารักใสๆของน้องพาย ความแมนของพี่กิวบวกความเกรียนของพี่รูทกับพี่พัพมากๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 28-08-2014 16:17:00
พี่กิวน่ารักมากๆเลยแบบว่ามาเร็วเคลมเร็ว :z1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 1 เริ่มต้นความสัมพันธ์ (24.08.57)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 29-08-2014 03:16:39
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมากๆๆ เลย อบอุ่นมาก ชอบที่พี่กิวที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะคิดถึงน้องพายก่อนเป็นอับดับแรก น่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 2 พี่น้องและผองเพื่อน (02.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 02-09-2014 20:24:15
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน พี่น้องและผองเพื่อน




เคยมีคำกล่าวไว้ว่าการมีพี่น้องดี มีเพื่อนดีจะทำให้ชีวิตของคนเราเจริญก้าวหน้าเพราะคนดี ๆ มักจะเรียกแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต เกื้อหนุนกันและกันจนทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง

แล้วเคยมีใครกล่าวมั้ยว่าการที่เพื่อนที่ไม่ค่อยดีหวังจะเคลมน้องที่ค่อนข้างดีชีวิตมันจะออกมาเป็นแบบไหนกัน?





“ทำไมทำหน้าบึ้งแบบนั้น?”
   
ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายซึ่งกำลังนั่งแทะป๊อกกี้รสช็อคโกแลตสุดโปรดปรานถามขึ้นเมื่อเห็นคนที่ถือวิสาสะเดินเข้าห้องนอนส่วนตัวมาทำหน้าบูดเป็นตูดลิง แถมยังมาโถมตัวพุ่งลงเตียงที่อุตส่าห์จัดให้ฟูนุ่มอย่างไร้ความเกรงใจ แล้วนั่นแต่งตัวอะไร... บอกกี่หนว่าอย่าใส่บ๊อกเซอร์สั้นจู๋จนก้นแลบก็ยังจะใส่ อุจาดตาคนมองชะมัด

“เพราะตัวโตนั่นแหละ” ตอบอู้อี้เพราะยังเอาหน้าแนบไปกับผืนผ้าห่ม กลิ่นพี่ชายหอมแบบไหนก็หอมแบบนั้นตลอดเลยแหะ

“กู? โบ้ยว่ะ ยังไม่ทันทำอะไรให้”

ตาเขียวปั้ดตวัดมามองเขาทันทีที่พูดจบ น้องน้อยลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิแล้วจ้องหน้าชายหนุ่มเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างบนนั้น ฝ่ายพัพก็มองตอบ สงสัยไม่น้อยว่าตัวเองไปทำอะไรให้ไอ้เด็กนี่ถึงได้เดินเข้ามาหาเรื่องถึงห้องนอน ทั้งที่ก็ยอมยกห้องนอนห้องใหญ่รองมาจากห้องแม่ให้แล้วนะ

“ก็พี่พัพอ่ะ เพื่อนพี่พัพด้วย อะไรก็ไม่รู้ วุ่นวายอยู่นั่นทุกวันเลย”

พัพร้องอ๋ออยู่ในใจ น้องคงหมายถึงเรื่องที่ไอ้กิวคอยตามตื้อจะไปรับไปส่งที่บ้านกับที่โรงเรียนตั้งแต่เมื่อราว ๆ สองอาทิตย์ก่อน หลังจากที่น้องเผอิญไปช่วยมันจากการโดนรุมกระทืบไว้

“ก็ไม่เห็นเป็นไร มันไปรับไปส่งก็ดีจะตาย สาว ๆ อยากซ้อนท้ายมันกันทั้งนั้น”

“แต่พายไม่ใช่ผู้หญิงนะ! แล้วพายก็ไม่อยากนั่งรถคันใหญ่ด้วย!”

“ขาตัวเล็กไม่ถึงไงเลยไม่อยากขึ้น”

“พี่พัพ!”

หมอนใบโตลอยมาหมายปะทะใบหน้าแต่มือใหญ่คว้าไว้ได้ทัน เจ้าตัวดีเลยแก้แค้นคว้ากล่องป๊อกกี้ของเขาไปนั่งกินบนเตียงด้วยใบหน้าเคียดแค้นสุด ๆ คนที่แค้นมันควรจะเป็นเขาที่โดนปาหมอนใส่แถมยังโดนแย่งขนมไปกินต่อหน้าไม่ใช่เหรอ แต่พัพก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าหรือเอาคืนน้องแต่อย่างใด กลับกันยังเปลี่ยนที่ไปนั่งบนเตียงข้างน้องแล้วมองใบหน้าด้านข้างแทน

พายเป็นเด็กหน้าตาดีและนิสัยก็ดีพอ ๆ กับหน้าตาถ้าไม่ติดความกวนตีนที่ที่ชอบปล่อยลูกในปากวิ่งออกมาไล่กัดชาวบ้านเขา ต้องขอบคุณสายเลือดของคุณพ่อกับคุณแม่ที่ส่งยีนส์ดี ๆ มาปั้นรูปร่างหน้าตาของเจ้านี่ และต้องขอบคุณตัวเขาเองด้วยที่คอยช่วยแม่เลี้ยงดูน้องให้เป็นผู้เป็นคนมาจนถึงตอนนี้ที่ไม่มีคุณพ่อเป็นผู้นำครอบครัวเหลือเพียงแค่คุณแม่ คุณหญิงอรอนงค์คนเดียวเท่านั้น

“..........ตัวโต พายถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”

พัพรู้ดีเพราะตนช่วยเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ยังเล็ก หากน้องเกริ่นประโยคนำเช่นนี้ขึ้นมามันหมายความว่าน้องกำลังจริงจังกับเรื่องที่กำลังจะพูด และน้องจะต้องเอาคำตอบให้ได้ไม่ว่าจะต้องบังคับหรือทำตัวยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่นขนาดไหนก็ตาม “ว่ามาสิ” และการตอบรับว่าจะฟังคำถามของน้องถือเป็นการตอบรับที่ดีที่สุด

“ตัวโต... ตัวโตขายยาแบบพี่กิวหรือเปล่า? พายอยากรู้เรื่องจริงไม่เอาคำตอบโลกสวย ไม่เอาอ้อมค้อม แค่ตอบว่าขายหรือไม่ขายก็พอ”

ก็พอจะรู้ว่าน้องต้องถามเรื่องนี้สักวัน ตั้งแต่เจอกันในตรอกวันนั้นกลับมาถึงบ้านพัพก็คิดไว้แล้วว่าน้องต้องถามแต่กลับไม่ น้องเพียงแค่เอ่ยทักทายตามปกติแล้วขึ้นห้องทำการบ้าน พอเวลากินข้าวก็ลงมากิน ไม่ได้เอ่ยถาม ไม่ทำหน้าเสียใจ ไม่โมโห ไม่อะไรทั้งนั้น เป็นธรรมชาติขนาดที่เขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็ตามนิสัย พัพไม่ใช่คนที่จะเอ่ยอะไรออกมาง่าย ๆ หากไม่คิดว่ามันถึงเวลา ทั้งสองคนจึงยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลยจนล่วงเลยมาถึงวันนี้

"ไม่ได้ขาย ทั้งพี่ทั้งรูทไม่ได้ขาย มีแค่กิวคนเดียว"

ฟังคำตอบแล้วพายก็มีสีหน้าโล่งใจก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ดูท่าทางเจ้าตัวก็จะคิดมากไม่น้อย นับว่าเก่งมากทีเกียวที่อดทนไม่พูดออกมาได้จนถึงตอนนี้

"ความจริงพายก็คิดอยู่แล้วว่าพี่พัพไม่ขายหรอก แต่แค่อยากได้ยินจากปากพี่เฉย ๆ"

พัพลูบหัวน้องอย่างเบามือ พายก็ช่างน่ารักเขยิบมานั่งเอียงหัวซบไหล่พี่ชายเหมือนเด็กฟาที่พึ่ง "อือ แต่ก็ช่วยมันดูต้นทางบ้างนั่นแหละ ยังไงก็เพื่อนกัน" ตอบไปตามความจริง เขาไม่เคยปิดบังอะไรน้องถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องทำจริง ๆ

"พี่พัพไม่บอกให้พี่เขาเลิกขายล่ะ? ดูสนิทกันออก น่าจะฟังเพื่อนบ้าง หรือเคยบอกแล้วแต่พี่เขาเลิกไม่ได้"

พายพูดได้ถูกที่สุด ถ้าบอกกิวยังไงกิวก็ฟังเพื่อนและเลิกขายยาแน่นอน ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ ทั้งพัพและรูทก็ได้คำตอบว่าอีกฝ่ายจะเลิก แต่วงการดำมืดที่ก้าวเท้าเข้าไปแล้วการจำก้าวออกมามันไม่ง่ายเฟมือนที่เดินเข้าไป ตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาเลยยังต้องเดินย่ำเท้าวนเวียนอยู่ในวงการอันตรายนั่นอย่างไม่รู้จะแยกตัวออกมายังไง ยังดีที่กิวไม่ขายยาให้คนในแก๊งค์หรือเพื่อนอย่างเขา แต่เลือกจะปล่อยมันออกไปให้ไกลตัวมากที่สุด

"ก็แบบนั้นแหละ"  แรงขยับที่ลาดไหล่ทำให้พัพรู้ว่าพายพยักหน้ารับรู้ เด็กคนนี้เข้าใจอะไรง่ายเสมอ "แล้วว่าไง จะใจอ่อนให้เบอร์มันหรือยัง"

ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอกเพราะไม่คิดว่ากิวมันจะทำอะไรแบบนี้ แต่หลังจากที่เพื่อนหน้านิ่งบอกน้องเขาว่าอยากได้น้องไปเป็นแฟน เจ้าตัวก็ปรี่มาฟ้องเขาใหญ่บอกว่าโดนกิวแกล้ง พูดจาน่ากลัวเหมือนลุงหื่น ๆ แต่เขาเห็นนะว่าตอนเปิดปากเล่าเรื่องน้องหน้าแดงขนาดไหน เด็กม.ปลายมันจะประสีประสาอะไรกับเรื่องแบบนี้กัน ยิ่งเป็นพายยิ่งหนัก อย่าว่าเรื่องจับมือหรือจูบแรกเลย คำพูดตรง ๆ อย่าง 'อยากได้พายมาเป็นแฟน' แบบที่เพื่อนเขาพูดก็คงเพิ่งมีครั้งแรกเนี่ยแหละ ตอนคบคนก่อน ๆ ก็คงเพราะอยากรู้ตามประสาเด็กกำลังโต แถมเขายังไม่เคยเห็นเจ้าเด็กนี่เล่าเรื่องความรักของตัวเองอย่างที่เด็กวัยเดียวกันมักจะทำอีกด้วย นับได้ว่าพายยังเป็นเด็กหนุ่มวัยม.ปลายที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องความรักเลยประมาณนั้น

"ไม่รู้ว่าจะให้ไปทำไมเลยไม่ให้ พี่พัพเหอะ ไม่คิดว่าแปลกเหรอที่ผู้ชายจะบอกว่าอยากได้ผู้ชายเป็นแฟน แถมยังเป็นเพื่อนพี่กับน้องพี่อีกนะ"

"แปลก แต่ยังไงก็เป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าตัดสินใจแล้วคนอื่นก็ไม่เกี่ยว"

ตอนรู้เรื่องจากน้องก็ยอมรับว่าข้องใจในตัวเพื่อนเหมือนกัน กิวเป็นคนหน้าตาดีถึงจะนิ่งจนทำให้ดูเหมือนอารมณ์เสียตลอดเวลาก็เถอะ ยิ่งเรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึง บริษัทยักษ์ใหญ่ของที่บ้านทำเงินให้มหาศาลชนิดติด 1 ใน 10 ของคนรวยระดับประเทศ มีรถขับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์แม้จะยังอยู่ในวัยมัธยมปลายก็ตาม แค่คุณสมบัติแค่นี้ก็พอจะทำให้เจ้าตัวกระดิกนิ้วเรียกใครคน ๆ นั้นก็คงรีบวิ่งมาประเคนพร้อมรับใช้ถึงที่ แต่เจ้าตัวดันมาสนใจเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองสองปี แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกเนี่ยนะ? ถึงเขาจะรับได้เรื่องที่เพศเดียวกันจะคบกัน แต่จะไม่ให้ห่วงเลยก็ใช่ที่ ยังไงพายก็เป็นน้องชายคนเดียวของเขา

"ตอบซะหล่อเลย มิน่าล่ะสาวถึงหลง"

"ไม่ตอบก็หลงเหอะว่ะ คนมันหล่อ"

"กล้าว่ะตัวโต หล่อนักวันนี้นอนพื้นแล้วกัน พายจะนอนห้องนี้" ไม่ว่าเปล่าผละศีรษะจากไหล่พี่ชายมานอนหนุนหมอนใบโตบนเตียงแทน แถมยังมีการเอาขามาก่ายไว้บนหน้าตักทั้งสองข้างอีก การกระทำของน้องชายชักจะหยามเจ้าของเตียงมากเกินไปแล้ว

พัพมองขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงลามไปยันแก้มก้นที่แลบออกมา ยิ่งน้องเอาขาเกยมันยิ่งรั้งกางเกงขาสั้นให้ขึ้นไปจนเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว แถมมันยังไม่ใส่ชั้นในให้เรียบร้อยอีก... มือหนาเลยจัดการถกกางเกงตัวจิ๋วของน้องลง "เหี้ย! พี่พัพเล่นเหี้ยไรเนี่ย!?" คนโดนดึงเด้งตัวขึ้นมาอย่างไวแถมยังจะยันขาถีบเข้าหน้าเขา แต่ชายหนุ่มไวกว่า พัพหลบขายาวของน้องแล้วล้มตัวนอนแทนที่ทันที

"นี่ที่กู จะนอนก็กลับไปนอนห้องตัวเอง แล้วเปลี่ยนกางเกงซะด้วย อะไรที่มันเล็ก ๆ สั้น ๆ จะได้ไม่โผล่มาให้คนอื่นเขาเห็น"

"พี่พัพทะลึ่ง! เขาเรียกวัยกำลังโตเว้ย!"

"โตเหี้ยไร ไข่ฝ่อสิไม่ว่า" เมื่อเห็นหน้าแดงแปร๊ดและปากที่กำลังจะขยับด่าอีกรอบพัพก็รีบชิ่งพูดก่อนไม่งั้นก็คงจะต้องเถียงกันไปอีกนาน แล้วเขาก็จะไม่ได้นอนโดยปกติสุขสักที "ไปเปลี่ยนกางเกงแล้วจะให้นอนด้วย ให้เวลาห้านาที แปรงฟันเสร็จยังไม่มากูล็อค"

"เออ! ห้ามล็อคนะเดี๋ยวมา"

มองคนที่วิ่งปร๋อออกไปหากางเกงเปลี่ยนแล้วพัพก็ถอนหายใจ มีน้องชายไม่ระวังตัวแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงโดนลากไปไหนต่อไหนแล้ว





อย่างที่ว่าไว้ พายเป็นเด็กหน้าตาดี หน้าได้รูป ตากลมโตเรียวสวยเหมือนตาจิ้งจอก ตัวเล็กแถมยังขาวตามแบบฉบับคนเชื้อสายจีน ที่สำคัญมันไม่ได้เหมือนพี่ตอนอยู่ในวัยเดียวกันเลย พัพตัวใหญ่กว่าเด็กในชั้น ผิวเข้มกว่าหน่อยเพราะออกกำลัง หน้าคมกว่าแต่ตาโตเหมือนน้อง จำได้ว่าพอพัพเห็นสภาพน้องที่ต่างกับตัวเองลิบลับก็ถึงกับต้องจับน้องหัดมวย หัดเล่นกีฬาหวังให้น้องป้องกันตัวได้ ซึ่งจัดว่าน้องฝีมือดีทีเดียว แต่ด้านร่างกายกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจนพัพต้องยอมรับว่าน้องคงได้โครงร่างจากแม่มากกว่าได้จากพ่อ

นอนคิดเรื่องเก่า ๆ ได้เพียงครู่ร่างสูงก็จัดแจงเดินเข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัว เสียงตึงตังจากข้างห้องเป็นสัญญานว่าคนตัวเล็กใกล้จะกลับมาถล่มเตียงนอนเขาอีกครั้งแล้ว แต่ยังไม่ทันจะจัดการกับตัวเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังเรียกร้องความสนใจเสียก่อน เมื่อมองดูแล้วว่าคนที่โทรเข้ามาคือใคร นิ้วชี้ที่สวมแหวนเงินก็เลื่อนรับทันที “ว่าไง” กรอกเสียงตอบรับกลับไป


“ไอ้คุณพิศุลย์มึงจะมามั้ยครับวันนี้ สายสอง เงินเดิมพันเยอะพอตัว มึงคงซื้อบิ๊กไบค์ที่แต่งเสร็จได้”

คนที่โทรเข้ามาเรียกชื่อเต็มเขาก่อนจะบอกธุระแบบนี้มักจะเป็นรูท ดูเหมือนวันนี้จะมีตารางแข่งรถนอกรถมอเตอร์ไซค์นอกรอบ ตั้งใจจะตอบว่าไม่ไปแต่เมื่อได้ยินว่าเงินเดิมพันคราวนี้อาจจะทำให้เขาซื้อบิ๊กไบค์แบบที่ตั้งใจไว้ก็ชวนให้ชั่งใจ เขาอยากได้บิ๊กไบค์มานานแล้วแต่ก็ไม่อยากจะลำบากแม่ที่ทำงานอยู่คนเดียว ถึงวิธีหาเงินมันจะไม่ค่อยดีนักแต่มันได้เร็วกว่าวิธีอื่น งานพิเศษที่ทำอยู่ที่อู่รถเดือน ๆ นึงยังได้ไม่ถึงครึ่งของการแข่งต่อครั้งด้วยซ้ำ

“มาแล้ววววว เร็วกว่าด้วย!”

ยังคิดไม่ตกว่าจะไปดีไหมไอ้ตัวดีที่เขาไล่ไปเปลี่ยนกางเกงก็วิ่งตื้อเข้ามาพุ่งลงเตียง ห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วกลิ้งไปมาเสียสนุกสนาน เห็นน้องอยากมานอนด้วยขนาดนั้นพัพก็มีคำตอบเรียบร้อยแล้ว “คงไม่ว่ะ วันนี้นอนกับน้อง น้องมันมาอ้อนขอนอนด้วย”

“ไม่ได้อ้อน! มาแย่งที่ พี่พัพพูดให้ถูก ๆ ดิ๊” พายที่ได้ยินพี่ชายบอกคนปลายสายแบบนั้นก็ผุดลุกมาแก้ตัวทันที รูทที่ฟังอยู่ก็คงได้ยินถึงได้หัวเราะซะดังขนาดนั้น


“ขอคุยกับน้องมึงหน่อย เด็กอะไรวะโคตรกวนตีน โคตรน่ารัก กูชอบ”

“กูเลี้ยงมากับมือ มันต้องได้พี่มันอยู่แล้ว” พัพยิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนตัวดีทำเสียงอ้วกเข้ามาในสาย เครื่องมือสื่อสารยื่นไปตรงหน้าคนที่นอนมองหลังพี่ชายแบบเพลิน ๆ พายทำหน้างงนิดหน่อยตอนเห็น แต่ก็รับโทรศัพท์ไปแนบหูก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่อรู้ว่าคนปลายสายคือใคร ไม่รู้สองคนนั้นเขาไปสปาร์คติดกันตอนไหน พอเจอน้องรูทก็เอาแต่ร้องเย้ว ๆ ว่าน้องน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้นี่มันชอบของน่ารักก็เลยไม่แปลกใจ แต่ไอ้น้องตัวดีของเขานี่สิ ปกติเคยสนใจเพื่อนพี่ชายที่ไหน มาเจอรูทดันระริกระรี้ไปสนิทกับเขา ท่าทางที่เขาบอกว่าคนประเภทเดียวกันมักจะดึงดูกันคงจะจริง ถ้าจะบอกว่าเหมือนกันตรงไหนก็คงจะเป็นความเตี้ย เล็ก สั้น ปากดี แถมกวนตีนเป็นที่สุดนี่แหละ พัพบุ้ยใบ้ให้น้องรู้ว่าตัวจะไปแปรงฟัน พายก็ช่างรักพี่โบกมือไล่เสียอย่างกับพี่มันเป็นแมลงวัน สรุปนี่ใครเป็นพี่น้องกับมันกันแน่ เขาหรือไอ้รูท?
   
แปรงฟันจนเสร็จน้องก็ยังคงคุยติดลมอยู่ ร่างสูงเดินมานั่งข้างเตียงมองน้องที่นอนกลิ้งไปมาคุยโทรศัพท์ของเขา ท่าทางจะคุยถูกคอ เห็นว่าให้เบอร์โทรศัพท์กันไปด้วย ฟังแล้วก็สงสารเพื่อนอีกคนที่ป่านนี้คงจะแข่งรถรอบแรกอยู่ ตื้อขอเบอร์มาตั้งสองอาทิตย์ไม่ได้ ไอ้คนที่เจอกันสองครั้งแถมเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กันมันได้ไปแล้วแบบง่ายดาย

“นั่นแหละพี่รูท พี่พัพแม่งลามกมาดึงกางเกงคนอื่นเขา... หือ? พี่รูทว่าไงนะพี่รูท พี่ พี่..... กิว”

ฟังพายเล่าเรื่องเมื่อกี้แล้วมาเห็นน้องตัวแข็งไปก่อนจะเรียกชื่อเพื่อนอีกคนที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อครู่พอดี ช่างตายยากเสียจริง แบบนี้ก็คงจะสนุกไม่น้อย พัพล้มตัวนอนมองปฏิกิริยาของน้องที่นอนคว่ำชันตัวคุยโทรศัพท์พลางทำหน้าเหรอหราไปด้วย ได้ยินเสียงโวยวายจากรูทมาไกล ๆ สงสัยว่าจะโดนกิวแย่งโทรศัพท์ไปเพราะไปกวนตีนว่าคุยกับน้องอยู่แน่ ๆ สันดานเพื่อนเป็นยังไงก็รู้กันอยู่

“อื้อ ไรอ่ะจะคุยอะไร ไปคุยกับพี่พัพดิ๊... พี่พัพ ๆ พี่กิวจะคุยด้วย”

พายรีบว่ารวดเดียวแล้วยัดเครื่องมือสื่อสารให้พี่ชาย คนเป็นพี่ก็รับมาแบบงง ๆ แล้วกรอกเสียงลงไปตามสาย “ว่าไงมึง แข่งเป็นไง”


“ชนะ แต่มันเล่นพวกรถเลยพังไปคัน... โคตรเหี้ย”

“มึงไม่เจ็บก็พอ หัวหน้าอย่างมึงเป็นอะไรขึ้นมาพวกกูก็ลำบาก” พัพพูดเรื่องจริง กลุ่มของพวกเขาถือได้ว่ามีชื่อเสียงในเรื่องแข่งรถพอตัว ยิ่งกับกิวที่อาจหาญลงแข่งตั้งแต่ยังไม่ทันมีใบขับขี่ยิ่งมีรคนอยากไล่บี้ถึงฝีมือ การที่รถพังถือว่าแย่ แต่ถ้าคนมีฝีมืออย่างกิวเจ็บไปจะลำบากยิ่งกว่า พัพเอ่ยถามเรื่องราวในสนาม เรื่องทีมและเรื่องสายส่งยาในกลุ่มที่ช่วงนี้เหมือนจะมีปัญหาติดขัดเล็กน้อย คุยกันได้สักพักพัพก็รู้สึกถึงสายตาของคนที่นอนอยู่ด้านข้าง พายนอนมองและดูท่าคงจะตั้งใจฟังทุกประโยคที่เขาพูดเสียด้วย เห็นแล้วก็อยากแกล้งน้องตัวเองขึ้นมาตะหงิด ๆ

“กิว เมื่อกี้กูไล่ตัวเล็กไปเปลี่ยนกางเกง มึงรู้มั้ยเพราะอะไร?”

“พี่พัพ! ตัวโต อย่าเล่านะเว้ย!” เหมือนจะรู้ว่าภัยมาถึงตัวน้องทำท่าจะยื้อแย่งโทรศัพท์จากเขาไปกดวาง แต่ช่วงตัวที่ต่างกันทำให้พัพเคลื่อนตัวไวกว่า อีกฝ่ายลุกเดินพร้อมกดเปิดลำโพงให้เสียงดังขึ้น กิวดูจะงงเล็กน้อยมที่ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ตอบรับกลับมาด้วยความอยากรู้กึ่งนึงและพอจะเข้าใจสิ่งที่เพื่อนต้องการอีกกึ่งนึง

“เพราะมันอยากโชว์แต่เสือกไม่เจียมว่าของตัวเองทั้งเล็กทั้งสั้น”

“พี่พัพเลว! บอกว่าเรียกว่ากำลังโต เล็กสั้นที่ไหนล่ะเว้ย!” พายหน้าแดงระเบิดเสียงพร้อมรัวหมอนอิงใส่พี่ชายที่นั่งหัวเราะกับเพื่อนอีกคนทางปลายสาย “ไอ้พี่กิวก็เลว ได้ยินนะเว้ย! มาหัวเราะคนอื่นเขาแบบนี้ได้ไง!” พาลไปยันอีกคนที่หัวเราะอยู่ถึงแม้จะมีมารยาทแค่หัวเราะหึออกมาแต่พอเปืดลำโพงแค่เสียงหึมันก็ทิ่มแทงไปถึงหัวใจ


“กูขอคุยกับน้องหน่อย”

คำพูดของกิวขับให้คิ้วเรียวของคนที่ยังหน้าแดงขมวดเข้าหากัน พัพพยักเพยิกหน้าให้น้องพร้อมโทรศัพท์ พายทำหน้ายุ่งใส่พี่ชายแล้วรับมาแนบหู ยังเขินไม่น้อยที่พี่ชายไปเล่าอะไรแบบนั้นให้คู่กรณีของตนเองฟัง มันคนละอารมณ์กับที่เล่าให้พี่รูทฟังน่ะสิ เล่าเองกับโดนเอาไปเล่ามันไม่เหมือนกันไม่เข้าใจหรือไง!
   
“อะไร ถ้าจะมาล้อก็วางไปเลยนะ”


“เปล่า จะมายื่นข้อเสนอ”

“ข้อเสนอ? ข้อเสนออะไร?” สงสัยไม่น้อยจู่ ๆ ก็มาพูดเรื่องข้อเสนอหลังจากขำคนอื่นเขาไปแล้วจึงลองถามหยั่งเชิง ตั้งใจฟังอยู่ได่ไม่นาน พายที่อือออรับคำอยู่ ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ เหมือนจะหนักกว่าที่โดนแกล้งเมื่อครู่ซะด้วย เจ้าตัวรีบยื่นโทรศัพท์คืนให้พี่ชายก่อนพุ่งหลาวลงเตียงแล้วห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่วายตะโกนสำทับตามหลัง “ไม่เอาโว้ย! ไอ้พี่กิวแม่งโรคจิต!”
      
พัพมองท่าทีของน้องแล้วต่อมความอยากรู้ก็พุ่งพล่าน “มึง...” ไม่ทันทีจะเอ่ยถามคนที่อยู่ปลายสาย อีกฝ่ายก็ชิ่งตอบมาก่อน และคำตอบก็ทำให้พัพสามารถเอาไปล้อน้องทีหลังได้อีกหลายสัปดาห์เลยทีเดียว



“กูบอกน้องไปว่าถ้าไม่ให้เบอร์กู กูจะขับนินจาไปถกกางเกงน้องในห้องมึงตอนนี้เลย”



To be continue


-------------------------------------------------------------------


สวัสดีต้นเดือนพร้อมตอนล่าสุดค่ะ

ตอนนี้เน้นพี่น้องรัวๆเพราะเป็นการปูเรื่องให้ตอนต่อๆไปและก็เอาใจแฟนคลับพี่พัพน้องพายไปด้วยในตัว ฮา
ยอมรับว่าแต่งไปแต่งมาแล้วอยากจะแยกมาเป็นตอนพิเศษให้พี่น้องได้กันเอง... ทำไมมันมุ่งมิ้งฟรุ้งฟริ้งจังนะพี่น้องคู่นี้  :hao3: :hao3:

พี่กิวเราบทน้อยค่ะตอนนี้ เพราะเดี๋ยวต้องมีตอนหลักเปิดตัว แฟนคลับพี่กิวอดใจรอหน่อยนะ ส่วนรูทยังไงก็ต้องมีออกมาเรื่อยๆค่ะ ตัวละครสำคัญนะเนี่ย! (เหรอ)

อ่านคอนเม้นของทุกคนแล้ว บอกตรงๆว่าเขินมากค่ะ อ่านไปยิ้มไปแล้วอ่านในที่ทำงาน แม่ขา พี่ๆถามว่ายิ้มทำไม ไม่กล้าบอกเลย  :laugh:
ขอบคุณมากๆนะคะที่ชอบเรื่องราวของทั้งสองคู่นี้ ติชมได้เลยนะคะะเพื่อจะได้ปรับปรุงฝีมือต่อไปเรื่อยๆ
แล้วจะรีบกลับมาร่วมด้วยช่วยทำให้ฟินค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 2 พี่น้องและผองเพื่อน (02.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-09-2014 22:08:44
ดูวิธีขอเบอร์ของพี่กิวสิ55555
ออกมาไม่กี่ประโยคนะเนี่ย เขินนน
ตอนนี้พี่พัพยังไม่สปาร์คกับรูทใช่ม้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 2 พี่น้องและผองเพื่อน (02.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 02-09-2014 22:30:25
พี่พัพพพพพพพจะเป็นพี่ชายที่น่ารักไปไหนเนี่ย
พี่กิวเนี่ยวิธีขอมีตั้งเยอะแล้วไปพูดเหมือนแกล้งน้องมัน น่าสงสารน้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 2 พี่น้องและผองเพื่อน (02.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 02-09-2014 23:57:21
ทำไมน้องพายมันน่ารักอย่างนี้ว้า
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 2 พี่น้องและผองเพื่อน (02.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 03-09-2014 01:26:29
เราเป็นแฟนคลับพี่กิวนะคะ!!
*ชูสองมือ*

แต่.. แต่..
ตอนนี้ทำไมตัวเล็กกับตัวโตมุ้งมิ้งงงง แงงงงงงงงงงง  :hao5:
อย่ามาทำอินเซนท์แถวนี้ อิแม่ใจบ่ดี ยิ่งชอบอะไรที่มันผิดศีลธรรมอยู่ด้วย 555555
ตอนพี่พัพดึงกางเกงน้องนี่คิดไปแล้วนะ กร้ากกก อย่าทำแบบนี้อีกนะพี่พัพ เก็บไว้
ให้พี่กิวดึงเถอะ 55555555555

เป็นคู่พี่น้องที่น่ารักมากจริงๆ  :hao5:
ว่าแต่ช่วงนี้พี่พัพกับพี่รูทปิ้งกันหรือยังนะ? อ้อ! คู่พี่รูทกับน้องพายก็น่ารักนะคะ!!
กลิ่นยูริช่างหอมหวาน เราเองก็ชอบสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ น่ะค่ะ 5555555555555555 *รูทตามมากระทืบ*

ชอบวิธีขอเบอร์พี่กิวจริงจัง  :-[
บ้ามากค่ะ อย่าว่าแต่น้องเขินเลย เรายังเขิน ชูป้ายไฟพี่กิวนะคะ
ขนาดตอนนี้โผล่มาแป๊บเดียวยังทำเราเขินได้เลย แงงง ผู้ชายอะไร >_<

รอตอนหน้าค่าาา
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 3 เรื่องราวดี ๆ (08.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 08-09-2014 22:16:47
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน เรื่องราวดี ๆ




ในช่วงชีวิตของคน ๆ นึงย่อมต้องได้เจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายปะปนกันไป เราไม่สามารถเลือกได้ว่าอยากจะหลีกหนีเรื่องเลวร้ายรับเพียงแต่เรื่องที่ดีที่สร้างรอยยิ้มและกำลังใจ

แต่คงจะดีไม่น้อยเราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ใครมาอยู่เคียงข้างเพื่อจะผ่านเรื่องราวในแต่ละวันไปด้วยกัน





กลางดึกของคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์ เส้นทางเลียบทางด่วนสายมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองไม่มีรถวิ่งผ่านมากเช่นปกติจึงเป็นโอกาสดีที่กองทัพรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งจะมารวมตัวกันเพื่อท้าประลองความเร็ว บางกลุ่มก็มาเพียงเพื่อร่วมชมการแข่งขัน และมีไม่น้อยที่มารวมตัวกันเพื่อรับส่งสินค้าชั้นดีที่มีปล่อยออกมาไม่มากนักก่อนจะส่งทอดตลาดเพื่อทำการปรับเปลี่ยนโฉมก่อนนำไปขายต่อ ลำโพงตัวใหญ่ที่ถูกติดตั้งไว้กับหลังรถกระบะดังกระหึ่มด้วยเพลงสากลดนตรีสนุกไม่ขาดสาย พื้นที่ไม่ไกลจากนั้นก็เป็นสาวน้อยร่างบางหน้าตาระดับนางแบบนิตยสารวัยรุ่นยืนเต้นเรียกสีสันในการแข่งนัดนี้  แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่น่าสนใจแม้แต่น้อยสำหรับคนที่นั่งเช็คตัวถังรถอยู่กับกลุ่มเพื่อนเพื่อเตรียมตัวลงแข่งในรอบต่อไปที่จะมาถึงในไม่กี่รอบที่จะถึงนี้

“ไม่น่าจะไหวว่ะกิว เมื่อวานมึงเอานินจาไปสีจนถังน้ำมันรั่วเลย มึงลงตอนนี้โคตรอันตราย”

รูทที่เช็คทั่วบิ๊กไบค์คันใหญ่ของเพื่อนส่ายหน้าไปมา ถ้าไม่นับรอยขีดข่วนจากการชนครั้งก่อนทุกชิ้นส่วนปกติดีทุกอย่างสามารถลงแข่งได้ แต่พอมาเช็คถังน้ำมันถึงได้รู้ว่ามีรูรั่วซึมเล็ก ๆ ที่มองข้ามไป ถ้ามันขับแล้วเกิดล้มหรือชนขึ้นมาด้วยแรงบิดขนาดรถแข่งกับแรงสีอาจจะทำให้ไฟลุกท่วมคันได้

“...เอาอะไรอุดไปก่อน รอบนี้เงินเยอะแบ่งกันคงหยุดขายได้สักพัก”

“กาวซีเมนต์คงพอได้ แต่มันต้องรอเป็นวันถึงแห้ง...”

“ช่างมัน มึงอุดไปเลย”

คนตัวเล็กในชุดนักศึกษาเบ้ปาก มันสั่งซะเหมือนจะอุดแป๊บเดียวได้มันต้องใช้เวลามึงเข้าใจไหมเนี่ย... แต่จะให้โต้ตอบก็คงไม่ฟังด้วยรู้นิสัยเพื่อนดี นายช่างจำเป็นเลยต้องตะโกนสั่งลูกน้องในกลุ่มให้ไปจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในทันที แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มลงมือร่างสูงของเพื่อนอีกคนก็เดินฝ่าวงล้อมเข้ามาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ แบบไม่แคร์ใครแม้ว่าเมื่อครู่เกือบจะเอาขายาว ๆ พาดหัวเด็กในกลุ่มที่นั่งขวางทางอยู่

“คิดว่ามึงหล่อมากเลยดิถึงได้เดินแหวทางมาขนาดนั้น” รูทแขวะไปหนึ่งดอกด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะนึกถึงหน้าน้องชายของอีกฝ่ายที่ตนรู้สึกถูกชะตาด้วยเหลือเกิน “แล้วมากับใครเนี่ย น้องมึงมาป่ะ?”

“เปล่า วันนี้แม่กลับบ้านมันเลยระริกระรี้จะให้แม่สอนทำเค้ก..... ทำให้กูแดกไม่ต้องมองแบบนั้นเลย” รีบพูดขัดเมื่อเห็นดวงตาทอประกายอย่างมีความหวัง เห็นว่าช่วงนี้รูทโทรศัพท์คุยกับน้องบ่อยคงจะรู้แล้วว่างานอดิเรกของน้องชายคือการทำขนมหวาน ที่ทำหน้าแบบนั้นก็คงคาดหวังว่าตัวจะได้กินด้วย

“ขี้หวงว่ะ...” รูทเบ้ปาก เขยิบตัวหนีห่างจากพัพที่ทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างด้วยความน้อยใจแบบไม่สมอายุ ฝ่ายพัพที่เห็นว่าเพื่อนเขยิบหนีก็เขยิบตามเหมือนจะแกล้ง จนเจอสายตาเขียวปั้ดที่เหมือนจะขู่ให้รู้ว่าถ้าเข้ามาใกล้อีกนิดไขควงในมือจะเหวี่ยงไปฟาดหัวโต ๆ นั่นแน่

กิวซึ่งกำลังยืนจุดบุหรี่เหล่มองเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งแง่งอนกันเหมือนคู่แต่งงานใหม่แล้วส่ายหน้า รูทกับพัพทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระเสมอ จะเรียกทะเลาะก็ไม่ถูก เหมือนเจ้าตัวไปแหย่เขาแล้วพอโดนแหย่กลับก็ไม่พอใจเสียเอง นิสัยเหมือนเด็กประถมเกเรที่ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วแต่พอโดนแกล้งก็วิ่งไปฟ้องพ่อแม่ประมาณนั้น กิวส่ายหน้ากับการกระทำของเพื่อนทั้งสองคน อย่างไรเสียคู่นี้ดูแล้วเพลินตามากกว่าจะชวนหงุดหงิด จะว่าไปแล้วตอนที่รู้ว่าน้องชายของเพื่อนจะทำขนมตนก็คิดไม่ต่างกับรูทเท่าไหร่ คล้ายกับว่าหวังให้ตนได้กินขนมชิ้นที่น้องทำชิ้นนั้นล่ะมั้ง? ใครก็อยากจะชิมฝีมือของคนที่ตัวเองชอบทั้งนั้นแหละ

ใช่... กิวกำลังชอบน้อง น้องชายของเพื่อน น้องที่ชื่อพายที่บังเอิญเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ในตอนที่เขากำลังตกที่นั่งลำบากอยู่พอดี

เขาเจอกับน้องครั้งแรกเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว เช้าวันนั้นกิวอารมณ์เสียจากเรื่องเดิม ๆ ที่ต้องเจอเป็นประจำทุกเช้า ความห่างเหินในครอบครัว คำพูดที่เหมือนจะให้กำลังใจแต่ที่จริงแล้วเป็นการกดดันด้วยความหวังเพียงฝ่ายเดียว ทุกสิ่งรวมตัวกันจนทำให้เขาหงุดหงิดเสียจนเบี่ยงทิศทาง จากที่ตั้งใจจะไปโรงเรียนเพื่อพบเจอคนในกลุ่มเขากลับเลี้ยวรถไปตามซอกซอยที่รู้ว่าเป็นแหล่งขายสินค้าชั้นดี โก่งราคาให้มากเข้าไว้แม้ใจจะไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าจะขายมันได้ในราคาเท่าไหร่ แต่คงเพราะเขาใช้อารมณ์มากไปหน่อยจึงเกิดศึกปะทะกันในตรอก ความจริงจะสู้พวกขี้ยาแค่ 2-3 คนมันไม่ใช่เรื่องยาก หากความรู้สึกอยากสู้มันไม่มี เลยยอมเป็นผู้ถูกกระทำเอาง่าย ๆ นอนรับความเจ็บปวดที่โดนยัดเยียดให้แบบไม่ใส่ใจร่างกายตนเอง

แต่แล้วเสียงโวยวายรอบตัวก็เงียบไป เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระทั่งรู้สึกถึงความนิ่มของสิ่งที่เขานอนทับอยู่และเสียงงึมงำเบา ๆ ว่าเขาตายแล้วหรือยัง ตอนนั้นแหละที่กิวลืมตามองแล้วจึงได้สบเข้ากับดวงตาคู่โตที่มองตอบกลับมา ตกใจเล็กน้อยจนเมื่อคน ๆ นั้นบอกว่าจะตามรถพยาบาลให้ตอนนั้นถึงได้รู้ตัว รีบบอกให้ผู้มีพระคุณโทรเรียกเพื่อนตัวเองแทน ระหว่างนั้นเขาก็เฝ้ามองใบหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของอีกฝ่าย คนตรงหน้าเป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาเหมาะจะเรียกว่าน่ารักมากกว่าหล่อสมวัย ดูจากชุดแล้วคงจะเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่บริเวณใกล้กับซอยนี้ และชั้นเรียนน่าจะเด็กกว่าเขาปีสองปี คำพูดคำจาฉะฉานไม่กลัวใคร คงจะใจนักเลงไม่น้อย แค่กล้ามาช่วยเขาที่โดนรุมอยู่ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้แล้ว

กิวไม่ละสายตาจากทุกการกระทำจนกระทั่งเด็กชายหันมาถลึงตาใส่แล้วจ้องตอบเขา ตากลมคู่สวยสีเข้มนั้นเหมือนจะดึงดูดกิวเข้าไปยังอีกโลกที่ตนไม่เคยก้าวเข้าถึง มองหน้าเขาได้สักพักน้องก็ยิ้มร่าเหมือนคิดอะไรได้ซึ่งนั่นทำให้กิวขนลุกวาบไม่น้อย พอถามไปเจ้าตัวก็ตอบมาว่า

“พยาบาลเบื้องต้นไงคุณ ไม่รู้จักเหรอ”

ไม่เคยรู้สึกตัวว่าตนโง่มาก่อนเลยจนมาเจอเด็กคนนี้ ระหว่างที่กำลังอึ้งน้องก็บรรจงแปะพลาสเตอร์ลายน่ารักที่ถ้าเป็นตนทำเองคงไม่มีวันหยิบขึ้นมาติดเด็ดขาดแปะให้อย่างดี ถ้าเขาจะเป็นบาดทะยักตาย หรือติดเชื้อตายก็คงเป็นเพราะการพยาบาลเบื้องต้นนี่แหละ แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็โดนรูทขำเรื่องสติ๊กเกอร์ไปเป็นอาทิตย์ และหลังจากจัดการทำแผลแบบที่เจ้าตัวบอกให้เขาเสร็จน้องสามารถทิ้งเขาไว้ในซอยแล้วไปเรียนต่อก็ได้โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ แต่น้องกลับเลือกจะนั่งรอ อยู่เป็นเพื่อนคุยด้วย ตอนนั้นเขาถึงได้รู้ว่าเด็กที่กล้ามาช่วยเขาคนนั้นชื่อพาย แล้วมารู้ทีหลังตอนทั้งสองมารับนั่นแหละว่าพายคือน้องของพัพ เพื่อนสนิทอีกคนของเขา และเหตุการณ์นั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กิวพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตน้อง

คิดถึงตรงนี้นิ้วที่คีบบุหรี่ไว้ก็ชะงัก กิวทิ้งบุหรี่ที่สูบไปไม่ถึงครึ่งลงพื้นแล้วดับมัน เขาลืมไปว่าพายไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เวลาไปรับไปส่งน้องแต่ละทีถ้าได้กลิ่นบุหรี่คนตัวเล็กมักจะไอค่อกแค่กจนเขารู้สึกผิดอยู่เสมอ ช่วงหลังมานี้กิวจึงพยายามลดบุหรี่ลง ให้เลิกเลยมันคงไม่ได้แต่ลดลงก็ไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก

“ไง คุณชายกิว ลูกชายท่านประธานใหญ่ ได้ข่าวว่ารถพังไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ไหงมาโผล่หน้าให้เห็นแบบนี้ล่ะ”

 คิ้วเข้มกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดไม่รื่นหูสักเท่าไหร่ ตาคมเหลือบมองเจ้าของประโยคจึงเห็นว่าเป็นคู่อริทั้งทางธุรกิจและการแข่งรถของตน ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดร่างสูงจากที่ยืนพิงกำแพงก็เดินเลี่ยงกลับไปหากลุ่มเพื่อนของตน หากการกระทำดังกล่าวคงเหมือนการหักหน้าอีกฝ่ายที่ตั้งใจจะมาหาเรื่องเต็มที่ไหล่กว้างจึงถูกรั้งไว้แล้วกระชากให้หันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย “เฮ้ย! มึงคิดว่าเคยชนะเข้าหน่อยจะหยิ่งไม่คุยกับกูหรือไงไอ้กิว!”

เสียงโวยวายเรียกความสนใจจากสมาชิกคนอื่น ๆ ในแก๊งค์ของกิวที่นั่งอยู่ไม่ไกล รูทกับพัพเป็นสองคนที่เดินเข้ามาหาก่อน “อะไรของมึงไอ้ดอม จะหาเรื่องกันก่อนแข่งหรือไงวะ?”

“เพื่อนมึงเสียมารยาทเอง คิดว่าเป็นลูกคนใหญ่คนโตแล้วจะมากร่างได้เหรอวะ ห๊ะ!?”

“กูก็ยังมีดีให้กร่าง ไม่ใช่เป็นหมาขี้แพ้แล้วมาหาเรื่องคนอื่น” คนหน้านิ่งพูดเสียงเรียบก่อนผลักอกของดอมเสียจนอีกฝ่ายแทบกระเด็น คำพูดไม่ไว้หน้าต่อธารกำนัลยิ่งทำให้คนเข้ามาหาเรื่องอับอายและโมโหหนักมากขึ้นอีก แต่ก่อนที่จะทันทำอะไรเสียงเรียกรวมตัวเพื่อรอสัญญาณแข่งรอบถัดไปก็ดังขึ้นเสียก่อน นั่นทำให้ดอมต้องละมือจากการหาเรื่องคู่แข่งไว้แต่เพียงเท่านี้ “แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกันไอ้กิว!” ทิ้งประโยคอาฆาตหมาดร้ายไว้แล้วสะบัดตัวเดินกลับไปยังกลุ่มของตน

“กิว... กูว่าวันนี้มึงอย่าลงเลยดีกว่า ไว้อาทิตย์หน้าค่อยแก้มือก็ยังทัน”

รูทเดินมาตบบ่าเพื่อนซึ่งยังจ้องไปยังเส้นทางที่ดอมเดินกลับไป อารมณ์ตอนนี้ของกิวคงไม่ค่อยจะดีนักจากการยั่วโมโห และสภาพรถที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่คงไม่มีทางเอาชนะแผนการณ์รวมไปถึงแผนโกงของคู่แข่งได้แน่ ๆ กิวชั่งใจกับสิ่งที่เพื่อนพูดและความต้องการของตนเอง เขาอยากจะได้เงินสำหรับผู้ชนะรอบนี้ไปแบ่งให้กับทุกคนในกลุ่มจะ คนที่มีปัญหาจะได้ไม่ต้องไปรับยาจากคนอื่นมาขายกลับไปเรียนไปทำงานของแต่ละคน แต่จากสภาพการณ์ที่เห็นแล้วทางออกที่ดีที่สุดคือการทำตามที่รูทว่า ชายหนุ่มพยักหน้าแกร่น ๆ ตอบรับไป

“เออ อย่าไปฟังมันมาก โทรไปหาน้องพายของกูฟังคำพูดน่ารัก ๆ ก็ได้ไป โอ้ย!”

“ใครน้องพายของมึง พูดให้มันถูก ๆ”

ฝ่ามืออรหันต์ของพัพฟาดลงกลางกระหม่อมเน้น ๆ ทำเอารูทต้องร้องโอ้ย คนตัวเล็กท่สุดในกลุ่มหันไปเหวี่ยงขาเตะคืนคนหวงน้องที่บังอาจประทุษร้ายเขา “มึงไม่หวงกับไอ้กิวมั้งวะ!? มันจีบน้องมึงแบบเห็น ๆ เลยนะคนนั้นอ่ะ” ไม่วายโบ้ยให้เพื่อนที่คิดจะต้อยเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีต้องรับเคราะห์ไปด้วย

พัพมองหน้ากิวที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้ว มองไปมองมาสักพักก็ยักไหล่ “มันไม่กะล่อนเหมือนมึง” คำตอบเจ็บแสบเรียกเสียงโอดโอยจากคนที่ได้ฉายาว่ากะล่อนแบบไม่ทันตั้งตัว คุยไปคุยมาสักพักพอให้อารมณ์ดีทั้งกลุ่มก็แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตน คนที่อยากจะลงแข่งก็ลงไป คนที่มาเพื่อให้กำลังใจลูกพี่ใหญ่โดยเฉพาะก็พากันกลับบ้านเมื่อรู้ว่ากิวไม่ได้ลงแข่งด้วย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าปกติของคืนสุดสัปดาห์จะต้องมาเจอกันเช่นเดิม





“กลับบ้านดี ๆ นะมึง ขอบใจมากที่มาส่ง”

กิวพยักหน้ารับคำรูทผู้วิ่งลันล้าเปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างแสนสุขแล้วบิดเร่งเครื่องยนต์ออกตัวตรงสู่บ้านตัวเอง หลังเปลี่ยนโปรแกรมแข่งรถเป็นหมูกะทะชื่อดังก็เฮฮาลากยาวมากได้จนจะตีสองเข้าไปแล้ว ถือว่าดึกว่าปกติสักหน่อย แต่ก็เป็นเวลาดีที่ตนจะได้กลับบ้านเสียที ถ้ากลับไปตอนนี้คงจะได้เข้านอนเลย ไม่ต้องเสียเวลาทำอย่างอื่นที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีก

หากแต่เมื่อรถบิ๊กไบค์คันสวยเฉียดไปที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ แสงไปที่ยังคงติดอยู่พอจะทำให้เดาได้ว่าผู้ที่ตนต้องการหลีกเลี่ยงมากที่สุดยังไม่ขึ้นนอน แต่จะให้ไปที่อื่นในช่วงเวลานี้ก็ดูจะเกรงใจเจ้าของบ้านที่เขาจะต้องไปรบกวนอีก ใช้เวลาทำใจอยู่ครู่ใหญ่ ๆ รีโมทอัตโนมัติก็ถูกกดเพื่อส่งคำสั่งให้ประตูบ้านเลื่อนเปิดและปิดเอง ส่วนคนสั่งก็ทำการเก็บรถคู่ใจคันโปรดเข้าโรงรถ คิดสะระตะว่าพรุ่งนี้คงจะต้องเอารถไปทำตัวถังใหม่และซ่อมรอยรั่วที่เกิดขึ้นจากการแข่งคราวก่อนดั่งที่ช่างประจำตัวอย่างรูทเป็นผู้แนะนำ

ประตูไม้สักเนื้อดีถูกเปิดด้วยแรงของกิว ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในตัวบ้านก็พบผู้เป็นบิดามารดานั่งหน้าตึงรออยู่ที่โซฟาหลังใหญ่ที่ดูก็รู้ว่าทำมาจากหนังชั้นดีราคาแพงระยับ ต่ำหรับกิวแล้วมันก็แค่โซฟา ที่ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรนอกจากแค่ใช้ประดับบ้านและให้คนเป็นพ่อแม่ใช้นั่งเพื่อยกระดับฐานะตัวเองเท่านั้น

“กว่าจะกลับมาได้ แกไม่กลับเช้าเลยล่ะ”

คำพูดของผู้เป็นบิดาหยุดฝีเท้าที่ตั้งใจจะก้าวผ่านไปอย่างไม่สนใจ กิวเพียงเหลือบมองใบหน้าของพ่อที่อยู่ใต้กรอบแว่นแล้วมองเมินไปอีกทาง เลือกจะออกเดินอีกครั้งแต่คำพูดของพ่อก็เป็นฝ่ายหยุดเขาไว้อีกครั้งเช่นกัน “ฉันพูดกับแกอยู่นะเจ้ากิว”

“กะจะกลับเช้าเหมือนกัน แต่เปลี่ยนแผนกระทันหันเลยกลับก่อน ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัว”

“แกจะต้องทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันกิว ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะมาทำตัวเสเพลแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอกนะ” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ฝ่ายกิวก็เพียงมองหน้าพ่อสลับกับหน้าของแม่ที่นั่งเป็นเหมือนไม้ประดับโดยที่ไม่เอ่ยอะไรแล้วถอนหายใจ

“อยากทำอะไรจะทำเอง ไม่ต้องสอน”

“เจ้ากิว! นี่พ่อกับแม่เป็นห่วงแกนะ คิดดูให้ดี ๆ ว่าสิ่งที่แกทำถ้าคนเขารู้มันจะเลวร้ายขนาดไหน พวกฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้ามีคนรู้ว่าลูกชายประธานบริษัทชื่อดังเล่นยา ขายยา แล้วยังไปรวมตัวแข่งรถกับแก๊งค์อันธพาลข้างถนนนั่นอีก! แกตอบฉันสิว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?”

คุณการุณย์ตะโกนด้วยความโมโห กิวมองหน้าผู้เป็นบิดาด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นอยู่ภายใน พูดเหมือนจะเป็นห่วงลูกชายแต่สุดท้ายก็วกกลับมาที่เรื่องชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่กิวยังเป็นเด็ก ถูกสั่งสอนให้ใช้ชีวิตโดยยึกตระกูลของตนเองเอาไว้เป็นที่มั่น ทำอะไรต้องคิดคำนึงถึงอนาคตของบ้านที่ตนต้องดำเนินรอยตามต่อ ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดตัวนึงของครอบครัวเท่านั้น กิวทำตัวอยู่ในกรอบมานาน นานพอจะทำให้สงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นคืออะไร ความต้องการของตัวเองอยู่ที่ไหน จนวันนึงเมื่อเปลือกที่ห่อหุ้มมันปริออก กิวจึงเริ่มมองรอบตัวที่มีแต่การใส่หน้ากากเข้าหากัน ครอบครัวที่ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวแต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่เปลือกกลวง ๆ ของสิ่งที่ห่อหุ้มคนสามคนเอาไว้รวมกันเท่านั้น ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่มีเงินเป็นใหญ่ ชีวิตที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อม ทั้งบ้าน เงิน รถ ของใช้ แต่กลับหาสิ่งที่เรียกว่าความรักและความสุขไม่ได้เลย

“แกจำไว้เลยนะกิว ถ้าแกต้องล่มจมเพราะแกกับเพื่อนและสิ่งแวดล้อมเลว ๆ ที่แกไปคลุกคลีอยู่ ฉันจะไม่ช่วยแกเลย ไม่มีวันจะไปช่วยแกเลย!!”

“คุณพูดจบแล้วหรือยัง ถ้าจบแล้วก็ขอตัว”

“เจ้ากิว! / ตากิว!”

กิวเดินลิ่วขึ้นบันไดมุ่งตรงสู่โซนส่วนตัวของตนเองโดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของบุพการีทั้งสองคนที่ดังตามมา เขาเบื่อ เขาเหนื่อย เขารังเกียจ อารมณ์ที่ครุกรุ่นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เขาต้องกำมือแน่นข่มอารมณ์ที่พร้อมจะอาละวาดไว้อย่างเต็มที่ ทันทีที่มาถึงห้องนอนซึ่งตกแต่งด้วยสีโมเดิร์นอย่างสีขาว ดำ และเทา ความอัดอั้นทั้งหมดก็ถูกทุ่มลงไปกับผนังที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด

ปั่ก!!

เสียงอัดกระทบของกำปั้นและฝาผนังหนาเก็บเสียงส่งผลให้ข้อต่อนิ้วเห่อแดงขึ้นมาทันที เกิวเจ็บ แต่ความเจ็บที่ร่างกายมันไม่ช่วยให้ความเจ็บที่จิตใจลดลงเลยแม้แต่น้อย คำพูดของผู้เป็นพ่อที่ดูถูกและตอกย้ำประดังเข้ามาในหัวสมอง ใบหน้านิ่งเฉยของแม่ที่เพียงแค่มองเขากับพ่อด้วยไม่อาจจะพูดอะไรได้ มันทำให้เขาอึดอัดจนแทบอยากจะให้ทุกสิ่งมันหายไป ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวรวมไปถึงตัวของเขาเอง

ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เขาคาดหวังว่าสายน้ำจะช่วยให้อารมณ์รุนแรงของเขาเย็นลงได้ แต่ยังไม่ทันจะจัดการกับตัวเองดี เสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงพร้อมแรงสั่นเบาไม่เบานักก็ดึงความสนใจของเขาเสียก่อน จากทีแรกที่ตั้งใจจะตัดสายทิ้งเพราะไม่อยากจะลงความหงุดหงิดของตนไว้กับคนที่โทรเข้ามา แต่เมื่อมองชื่อที่ปรากฏบนจอกว้างความคิดทุกอย่างพลันหยุดลง จากที่เคยหงุดหงิด โมโห กดดัน รวมถึงความรู้สึกด้านลบที่ประดังเข้ามาพลันเลือนหายไปทีละนิด ไม่หมดแต่ก็ไม่มากเท่าเดิม

“พาย...”

กิวกับน้องแลกเบอร์กันเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน หลังจากที่เจอคำขู่ไปพอเจอหน้ากันอีกครั้งตอนที่กิวไปรับน้องที่บ้าน เพียงแค่เอ่ยประโยคเดิมที่เคยบอกไปตอนได้คุยกันผ่านเบอร์ของพัพเจ้าตัวก็ฮึดฮัดเล่นตัวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเป็นฝ่ายเอามือถือของเขาไปโทรหาตน เป็นการให้เบอร์และยึดเบอร์เขาไปในที พายอธิบายถึงเหตุผลว่า

“มันไม่ยุติธรรม ถ้าพี่กิวมีเบอร์พาย พายก็ต้องมีเบอร์พี่ โทรมาจะได้รู้แล้วไม่รับ”

ถึงจะว่าแบบนั้นแต่พอเขาโทรไปหาจริง ๆ ก็เห็นรับอยู่ตลอด เพียงแต่คุยมากหรือคุยน้อยอยู่ที่ความสามารถของกิวเองซึ่งโดยปกติจะคุยกันได้ไม่นานเท่าไหร่นักหรอก แต่ครั้งนี้นับว่าแปลกเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พายเล่นโทรหาก่อน และเป็นในช่วงเวลานี้ด้วย หรือจะเกิดอะไรกับพัพที่แยกตัวกลับไปถึงบ้านก่อนกัน? คิดดังนั้นก็รีบกดรับก่อนที่ปลายสายจะตัดไป

“ครับพาย”


“พี่กิว พี่พัพอยู่กับพี่กิวหรือเปล่าครับ? พายเห็นว่าดึกมากแล้วแต่พี่พัพยังไม่กลับบ้านเลยโทรถามพี่ดู”

เสียงจากปลายสายฟังดูร้อนใจแต่ก็ไม่ถึงกับตระหนกจนคุมสติไม่อยู่ เท่าที่ฟังจากพัพมา ที่บ้านของพัพมีกันอยู่แค่สามคนคือแม่ พัพ และพาย พี่น้องทั้งสองคนเลยสนิทกันมาก กิวจึงไม่แปลกใจที่เห็นน้องเป็นห่วงพี่ชายของตนขนาดนี้ ออกจะอิจฉาอยู่ลึก ๆ เสียด้วยที่ครอบครัวของเพื่อนดูจะรักกันดี ช่างแตกต่างกับของเขา

“ได้ลองโทรหาหรือยัง?”


“โทรแล้วครับ แต่พี่พัพไม่รับสายเลย โทรหาพี่รูทพี่รูทก็บอกว่ากลับมาแล้วเหมือนกัน”

“พี่แยกกันประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน คงใกล้ถึงแล้ว พออีกหน่อยแล้วกัน”

เสียงน้องตอบว่าอืมกลับมาจากอีกฝั่งแล้วเงียบไป ฝ่ายกิวก็เงียบไป ปกติเขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว การจะต่อประโยคสนทนาก่อนจึ้งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร “แล้ว... วันนี้เป็นไงบ้าง” สุดท้ายก็เอ่ยถามคำถามเบสิคตลก ๆ ออกมา


“พี่ถามถึงวันไหนล่ะ? หมายถึงวันนี้ของเมื่อวานหรือวันนี้ของวันนี้?”

ตอบเองน้องก็หัวเราะเอง ก็ยังดีวะที่คำถามปัญญาอ่อนมันทำให้นเองหัวเราะได้

“วันนี้ของเมื่อวาน”


“ก็ดีนะ ทำงานกลุ่มกัน เพื่อนโคตรกวนตีนพายเลยแบกกลับมาบ้านเอง ตั้งใจจะให้ตัวโตช่วย แต่แม่กลับมาไงเลยทำขนมก่อน”

กิวพยักหน้ากับตัวเองขณะฟังเรื่องที่น้องเล่า จากที่ตั้งใจจะเดินเข้าห้องน้ำพลันทรุดตัวลงนั่งเท้าแขนแทนหมอนบนเตียง ไม่ยอมปล่อยให้เวลาที่ได้คุยกับคนที่ตัวเองชอบอยู่ต้องสูญเปล่า พอฟังคำพูดของพายจบก็เอ่ยเย้า “ทำแล้วกินได้ดิ?”

“โหย... อย่ามาดูถูกนะ นี่พิศลย์ วิรุฬธนกิจนะครับคุณ ลูกคุณม๊าอรอนงค์ ไม่มีทางไม่อร่อย”

“พูดแบบนี้ต้องเอามาให้ชิมแล้ว ไม่อร่อยคิดค่าปรับ”

"อะไรอ่ะ งั้นถ้าอร่อยพายก็คิดค่าปรับจากพี่ได้ใช่ป่ะ?”

“ไม่ต้องปรับก็ให้ป่ะวะ?”

“ให้อะไร อย่ามาเล่นมุกว่าให้ใจ โคตรเสี่ยว โคตรแก่ เอามุกนี้ไปจีบสาวไม่ผ่านนะครับคุณ” พายว่าแล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากกับคำพูดของตนเอง ดูท่าว่าการต่อปากต่อคำของน้องกับกิวจะเพิ่มสกิลมากขึ้นจากหลาย ๆ ครั้งที่เคยคุยกัน

“งั้นเอาไว้จีบพายได้มั้ยล่ะ?”


“.....นี่พี่ยังไม่เลิกล้อเล่นอีกเหรอเนี่ย บ้าไปละ พายเป็นผู้ชายนะผู้ชาย”

เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาทิ้งมาดคนหน้านิ่งมายิงมุกใส่น้องผ่านทางโทรศัพท์ ไอ้ครั้นจะให้พูดตรง ๆ เขาพูดได้อยู่หรอก แต่ไอ้การมายิงมุกปัญญาอ่อนเสี่ยวโคตรแบบนี้ต่อหน้าเขาทำไม่ได้จริง ๆ  และทุกครั้งที่เขาตอบกลับไปแนวนี้น้องก็จะตอบกลับมาด้วยประโยคย้ำ ๆ ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย

“ผู้หญิงคงไม่แบนขนาดนี้หรอก”


“รู้แล้วก็เลิกเล่นดิ๊ หยอดไปก็ไม่อายหรอกนะ ขนลุกซู่ ๆ แทน”

กิวหัวเราะกับถ้อยคำน่ารักสมวัยแล้วเงียบไป ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่ทันรู้ตัวมุมปากก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ยิ้มค้างไว้ เขารู้สึกมีความสุขแบบอธิบายไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่ได้ทำอะไรสักอย่างร่วมกันกับคนคนนี้ ไม่นึกไม่ฝันว่าคนที่ทำให้ตนยิ้มได้แม้แค่การคุยโทรศัพท์จะเป็นเด็กผู้ชายที่เด็กกว่าตัวเองสองปีและยังมีศักดิ์เป็นน้องชายแท้ ๆ ของเพื่อนตัวเองด้วย แต่ก็อย่างว่า เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร บทจะมามันก็เข้ามาหาเองแบบไม่มีเหตุผล  

“อ้ะ! ได้ยินเสียงรถพี่พัพแล้ว คงกลับมาแล้วแหละ แค่นี้นะพี่กิว” เงียบกันได้สักพักน้องก็เอ่ยขึ้นมา เสียงมอเตอร์ไซค์ที่ได้ยินจากที่ไกล ๆ และเสียงหมาเห่าเบา ๆ ตามลมลอยเข้ามาในหูโทรศัพท์ กิวเออออให้กับคำพูดน้อง และรู้สึกอยากจะเย้าอีกสักรอบก่อนที่น้องจะวางสาย

“โทรมาเหมือนให้ความหวัง แต่พอพี่ชายกลับมาก็ทิ้งเหรอ? คนอะไรวะโคตรใจร้าย”

แต่ดูเหมือนคำที่พูดกรอกไปปลายสายจะไม่ได้ยินเพราะกิวได้ยินเสียงพายเรียกชื่อพี่ดังลั่นก่อนร่ายยาวคำบ่นมาอีกประมาณหนึ่งคัมภีร์ อดสงสารพัพไม่ได้ ไม่รู้ว่านี่มีน้องกับแม่อย่างละคนหรือมีแม่ทีเดียวสองคนแบบนี้ กิวกดวางสายด้วยตัวเอง ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูตั้งใจจะชำระร่างกายอีกครั้งแล้วกลับมานอนพักผ่อน พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ เมื่อเห็นเบอร์เป็นเบอร์เดิมกิวก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่ามีอะไรอีกน้องถึงได้โทรมา

“กดผิดหรือเปล่า?”


“เปล่า ๆ แค่โทรมาบอกไม่ให้เข้าใจผิด”

คำพูดกำกวมของน้องทำเอาเครื่องหมายคำถามลอยขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด กิวตอบอืมไปด้วยความสงสัยว่าน้องพูดถึงเรื่องอะไร
   
“พายไม่ใช่พวกชอบให้ความหวังแต่พายชอบให้โอกาส”

“.....?”   

แล้วคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่น้องจะชิงรีบวางสายไปทำให้กิวต้องอมยิ้มอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน กิวรู้สึกว่าวันทั้งวันที่ผ่านมา แม้จะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่วันนี้ของกิวก็จบลงด้วยเรื่องราวดี ๆ และเริ่มต้นด้วยเรื่องราวดี ๆ เช่นกัน

   


“พายให้โอกาสพี่กิวชอบพายแล้ว พี่กิวเปลี่ยนใจพายให้ได้แล้วกัน แค่นี้แหละ!”



To be continue



-------------------------------------------------------------------





มาลงตอนต่อแล้วค่ะ!

ตอนนี้เอาใจแฟนคลับพี่กิวนะคะ ปนความมาม่าเบา ๆ เหมือนเล่าเรื่องราวของพี่กิวนั่นแหละค่ะ
ก่อนที่เราจะมีฉากที่อื่นมากกว่านี้ก็ปูพื้นฐานของทุกคนก่อนเนอะ  :mew1:
พี่กิวในความคิดส่วนตัวเราคือผู้ชายที่โตเกินตัวแต่ความจริงแล้วยังเด็กมากค่ะ ซึ่งพยายามจะให้ออกมาในคำพูดและความคิดนะ แต่ไม่รู้จะสัมผัสได้หรือเปล่า แฮ่  :hao5:

บอกตามตรงค่ะว่าเจอพี่น้องเขาจะอิ๊อ๊ะกันเองแล้วนี่ก็แอบหวั่น แกอย่าเพิ่งแต่งหักมุมนะ อย่า พี่กิวน้องพายเท่านั้น พี่น้องต้องแยกไปเป็นแฟนฟิค เอ๊ะ...?

สำหรับคนที่ถามมาว่าตอนนี้คู่พัพรูทเขาชอบกันหรือยัง... ตอนนี้ยังค่ะ แต่จะมีตอนของทั้งคู่แน่ๆ อาจจะแยกออกมาเลยหลังจากจบคู่ของพี่พิวกับน้องพายแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะที่สอบถามกับเข้ามา ทั้งสองคนดีใจมากกกก เทเลพาธีถามมา  :hao3:

สำหรับตอนนี้... ตอนนี้น้องพายออกตัวแรงอ่ะ... แต่งเองยังคิดเอง ไม่ให้ความหวังเหรอ เอ๊าะเหรอๆ
แต่เพราะน้องเกรียนจัดมันเลยออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ!  :katai2-1:

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอนเม้นด้วย อยากจะตอบแต่กลัวมันรันกระทู้ไปไวเลยจะมาตอบในทุกๆกระทู้ที่อัพนะคะ!
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
:pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 3 เรื่องราวดี ๆ (08.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 08-09-2014 23:15:57
อ้างถึง
“พายให้โอกาสพี่กิวชอบพายแล้ว พี่กิวเปลี่ยนใจพายให้ได้แล้วกัน แค่นี้แหละ!”

ชอบประโยคนี้จังเลย  o13
มายืนใบสมัครเป็น Fc พี่กิวน้องพายด้วยคนค่ะ
สองคนนี้คุยกันได้น่ารักมุ้งมิ้งมากมาย
อ่านแล้วหัวใจมันกระชุ่มกระชวย
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 3 เรื่องราวดี ๆ (08.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 08-09-2014 23:21:08
น้องงงงงงงงงงงงงงงงง  :hao5:
น้องพายคือสิ่งดีๆ ในชีวิตของพี่กิวจริงๆ
ปัญหาครอบครัวนี่เข้าใจหัวอกพี่กิวเลยค่ะ
แต่พอได้คุยกับน้องแล้วก็เหมือนว่าทำให้หัวใจที่กำลังอึดอัดอยู่ในตอนนี้โล่งมากขึ้นสินะ
ดีจังเลย.. TvT

ชอบที่น้องพายบอกว่าจะให้โอกาส ออกตัวแรงนะหนู แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราชอบบบบ 5555

โมเม้นท์คุณพี่ชายหวงน้องก็ยังคงกรุบกริบอยู่ในหัวใจ
ถึงชีวิตพี่กิวช่วงนี้จะดราม่ามากมาย แต่ว่าเราก็ยังชูป้ายไฟให้พี่กิวต่อไปนะคะ!! >_<
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 3 เรื่องราวดี ๆ (08.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-09-2014 15:08:07
พี่กิวลุยฮับบบบบ เชียร์และชอบ
55555555555555555
น้องพายน่ารักอ่ะ ไม่ได่ดูสาวละไม่ได้ดูแมนชาติชาย
ชอบแบบเน้ๆๆๆๆ555555555
มารอดูพี่กิวจีบน้องพายอีก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 26-09-2014 19:24:14
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน กระดึ้บ กระดึ้บ






การเติบโตของความสัมพันธ์ก็เปรียบเสมือนการเจริญเติบโตของผีเสื้อ เริ่มจากการเป็นไข่ ฟูมฟักให้เกิดเป็นตัวอ่อน ขยับขึ้นมาเป็นตัวหนอน เรื่อยไปจนเป็นดักแด้ ก่อนจะปริแตกเป็นผีเสื้อแสนสวยที่โผบินไปบนท้องฟ้า

หากถามถึงเสียงของการเจริญเติบโต ไม่แน่เสียงของมันอาจจะเป็นทำนองคล้าย “กระดึ้บ กระดึ้บ” ของตัวหนอนก็ได้





“พายบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมารับก็ได้ กลับเองได้ รถเมล์ก็มี เพื่อนก็มียกฝูงเนี่ย”
 
พายในชุดนักเรียนของโรงเรียนชื่อดังเอ่ยกับเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่เพิ่งเหวี่ยงขาลงมายืนข้างบิ๊กไบค์คันโปรด ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังพยักเพยิกไปทางกลุ่มเพื่อนที่เดินแบกกระเป๋าจาร์คอปหนังสีดำแบน ๆ ตามสไตล์ของเด็กกำลังเฮี้ยวตามหลังมาด้วย กิวเบนสายตามองกลุ่มเด็กกางเกงน้ำเงินของโรงเรียนเอกชนชั้นนำครู่นึง เมื่อหนึ่งในนั้นหันมาเห็นก็รีบยกมือไหวกันยกใหญ่พร้อมทั้งปรี่พาร่างของตนมายืนข้างเพื่อนแบบไม่ต้องมีใครรับเชิญ
 
“สวัสดีครับเฮียกิว วันนี้มารับไอ้เตี้ยอีกแล้ว”
 
“ธีร์! มึงว่าใครเตี้ย”
 
เด็กหนุ่มชื่อธีร์ที่เป็นผู้นำกลุ่มให้ยกมือขึ้นไหว้หัวเราะเสียงดังประสานกับเพื่อนคนอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ
 
“ก็มึงเตี้ย จะให้โกหกว่าสูงก็ไม่ใช่ป่ะวะ” พูดจบก็เดินมากดหัวหัวคนตัวเล็กแล้วยีเสียจนผมสีดำขลับที่เคยเป็นทรงยุ่งไม่เป็นท่า โดยที่พายก็ได้แต่ปัดมือไปมาพร้อมสะบัดหัวหนี จังหวะนั้น วิน เพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ตัวเล็กพอกันกับพายแต่มีบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็เดินมาตบไหลธีร์เบา ๆ เรียกความสนใจ แต่เห็นว่าแม้จะเรียกแล้วไอ้คนที่เอาแต่แกล้งเพื่อนยังคงไม่ยอมหยุด มือเรียวจึงจัดการโบกเน้นเข้าที่กลุ่มผมสีอ่อนไปหนึ่งทีจนเรียกเสียงโอดโอยได้ไม่น้อย
 
“วิน! ตบเราทำไมเนี่ย มือก็หนักตบเข้ามาซะแรง”
 
“เรียกแล้วไม่หันเอง เดี๋ยวโดนเฮียกิวฆ่ายัดถังไม่รู้ตัว”
 
คราวนี้เป็นทีพายที่ได้หัวเราะกับหน้าหงอ ๆ ของธีร์ยามเจอสายตานิ่งเฉยของกิวเข้าไป ธีร์ผงกหัวน้อย ๆ ให้กิวที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลเป็นการขอโทษแล้วหันกลับมายิ้มแยกเขี้ยวร้องแง่ง ๆ ใส่พายอีกครั้งก่อนจะเริ่มใช้คำพูดเชือดเฉือนกันต่อ ฝ่ายวินที่คอยคุมเชิงได้แต่สายหน้าไปมากับท่าทางเหมือนเด็กของทั้งคู่ ในห้องมันก็กัดกัน จะกลับบ้านมันยังไม่เลิกกัดกันอีก เหนื่อยใจจะพูดกับพวกมันจริง คิดแล้วก็ถอนหายใจยาวเลือกจะเดินแบกกระเป๋าออกไปทางประจำที่ตนใช้กลับบ้านพร้อมเรียกเพื่อนอีกสองคนที่ยืนหัวเราะอยู่ให้ไปด้วยกันกับตน “ไปเหอะตั้ม พี ปล่อยพวกมันไว้เนี่ยแหละ”
 
“โหยวิน ช่วยเราก่อนดิ เอาไอ้ธีร์ไปด้วย เอามันไป๊!”
 
พายดันอกเพื่อนตัวสูงพัลวัน แต่ไม่ต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่นักเพราะอีกฝ่ายรีบปัดมือพายออกแล้วก้าวขายาวตามหลังเพื่อนสนิทอีกคนไปต้อย ๆ
 
“กูไม่อยู่กัดกับมึงต่อหรอก ไปแล้วเตี้ย เจอกันพรุ่งนี้ ไปนะครับเฮียฝากไอ้เตี้ยด้วย... วิน รอเราด้วยดิ เอากระเป๋ามาเดี๋ยวถือให้”
 
ธีร์รีบก้าวเท้ายาวไปดึงกระเป๋าของวินที่เดินนำไปก่อนแต่ก็ได้รับคำตอบปฏิเสธกลับมา “ไม่เป็นไรเราถือได้... ไปนะพาย เจอกันพรุ่งนี้ ไปนะครับเฮียกิว” ไม่ลืมหันไปบอกลาพายด้วยรอยยิ้มและไหว้พี่ชายหน้าหล่อที่ช่วงนี้เห็นมารับเพื่อนตัวเองอยู่บ่อย ๆ ถึงคนอื่นจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนพี่ชายจะมารับพายด้วยตัวเอง แต่สำหรับวิน เขาพอจะคาดเดาถึงสาเหตุได้แม้เพื่อนตัวน้อยจะยังไม่พูดออกมา แต่ตนก็ไม่คิดจะถามก่อนแต่อย่างไรด้วยไม่อยากจะให้พายต้องอึดอัด
 
ด้านกิวหลังพยักหน้ารับคำลาจึงเบนความไปสนใจไปยังพายที่ยืนหัวยุ่งหน้ามุ่ยมองตามหลังเพื่อนสนิทของตนที่ค่อย ๆ เดินห่างไป ฝ่ามือใหญ่วางปุลงบนกลุ่มไหมสีดำละเอียดแล้วยีอย่างเบามือเรียกให้น้องหันกลับมามองตน
 
“ไปกินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวไปส่ง พี่บอกพัฟแล้ว”

"....วันนี้พายไม่เลือกนะ ให้พี่กิวเลือก ตกลงก่อนพายถึงจะไป"

พักหลังมานี้กิวจะมารับพายเสมอ แม้ว่าพายจะพูดอยู่ทุกครั้งว่าตนกลับเองได้ จริงอยู่ที่การมีกิวมารับนั้นย่อมสบายกว่าอยู่แล้ว แต่เขาก็เกรงใจเพราะโรงเรียนที่กิวเรียนอยู่หรือก็คือโรงเรียนเดียวกับพี่พัฟมันอยู่คนละฟากฝั่งกับโรงเรียนของเขาเลย แถมแถวนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านใจกลางเมืองไม่มีปัญหาเรื่องการหารถกลับบ้านเท่าไหร่ แม้ว่าการกลับบ้านโดยรถโดยสารประจำทางจะยาวนานเพราะการจราจรเสมอก็ตาม

เดิมทีพายก็ไม่คิดหรอกว่าคนตัวโตตรงหน้านี้จะมารับกลับบ้านทุกวันอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เพราะขนาดพี่พัฟยังขี้เกียจมารับเลยแค่มาส่งเพราะเป็นทางผ่าน จะนับประสาอะไรกับพี่กิวที่บ้านก็คนละฝั่ง แถมไม่มีความจำเป็นจะต้องมาทางนี้อีก แต่สุดท้ายตั้งแต่วันที่สองที่เจอกันยันวันนี้พี่กิวก็ยังมารับอยู่เสมอ ช่วงแรกก็ทิ้งให้ขับรถตามกลับไปเองพอหลัง ๆ พายก็ใจอ่อนยอมที่จะติดสอยห้อยท้ายกลับบ้านด้วย อาจจะเพราะคำพูดที่ตนก็เอ่ยบอกไปว่าจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้ลองทำความรู้จัก แต่ยังไงก็ขอให้ได้บ่นสักนิดก็ยังดี

ดวงหน้าน่ารักเงยหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังรอประสานสายตาอยู่ คนตัวเล็กกว่ายักคิ้วอย่างเป็นต่อหลังเอ่ยประโยคต่อรองแล้ว เนื่องจากทุกครั้งที่พี่กิวจะพาไปกินข้าวเขาจะต้องเป็นคนเลือกทุกครั้ง ซึ่งบางทีก็ขี้เกียจจะคิดไงว่าต้องไปไหน เพราะงั้นก็โยนให้คนตัวโตกว่านี่แหละ

".....ก็ได้ งั้นกินอาหารญี่ปุ่น"

"โหยของชอบเลย แต่ว่าแพง ไม่เอาดีกว่าตอนนี้พายไม่มีเงิน" ทำเสียงอิดออดอย่างเสียดาย เดือนนี้เงินที่ได้จากที่บ้านไม่พอใช้เพราะเอาไปซื้อของที่อยากได้หมดแล้ว แถมยังไม่อยากเบียดเบียนขอเงินคุณแม่เพิ่มอีก

"พี่เลี้ยง"

จบคำว่า 'พี่เลี้ยง' เท่านั้นคนตัวเล็กก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มตาหยีให้หนึ่งที เปลี่ยนจากฝ่ายงอแงเป็นเร่งให้กิวรีบสตาร์ทรถแล้วปีนไปคร่อมเบาะขนาดใหญ่เอาไว้พลางรับกระเป๋านักเรียนของอีกฝ่ายมากอดรอด้วย ความเกรงใจที่มีในตอนแรกหายไปหมดแล้วเมื่อรู้ว่าจะได้กินของชอบ ก็พี่เขาเป็นคนเสนอพายก็เป็นเด็กดีตามใจพี่เขาไง พายไม่ได้ขี้งกนะ เปล่าเล๊ย





"พี่กิวก็พามาหรูเกิน... จะได้เข้ามั้ยเนี่ย?"

คนตัวเล็กบ่นขณะก้าวขาลงจากรถอย่างระมัดระวังพร้อมส่งหมวกกันน๊อคใบใหญ่คืนให้เจ้าของรถ กิวพาพายซิ่งรถมาไม่นานนักจากโรงเรียนเอกชนชั้นนำถึงห้างหรูที่เพิ่งสร้างใหม่ย่านใจกลางกรุง ตอนแรกนึกว่าจะพาไปอีกที่ เล่นมาโผล่ที่นี่รปภ.จะให้เข้าไหมก็ไม่รู้

"พามาก็อยากให้มาที่ดี ๆ ยังบ่นอีก"

"อ้าว ก็ถ้าโดนไล่ออกมานี่หน้าแหกกันเลยนะครับคุ๊ณ เอ้อ... พี่กิวก้มมาหน่อยสิครับ หัวหรือรังนกนี่แทบจะแยกไม่ถูกเลย"

พายว่าพลางกวักมือเรียกหยอย ๆ  เห็นแบบนั้นคนตัวโตกว่าจึงย่อเข่าให้ความสูงของทั้งคู่เกือบใกล้เคียงกัน ปล่อยให้มือเล็กจัดเส้นผมสีดำตัดสั้นที่ชี้ฟูไม่เป็นทรงจากการถอดหมวกกันน๊อคของตนอย่างไม่ว่าอะไร ปล่อยน้องจัดแต่งผมไปก็ลอบมองใบหน้าจริงจังยามที่กำลังวุ่นวายกับหัวของตนไปด้วย กิวยิ้มมุมปาก รู้สึกดีกับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แม้จะรู้สึกเมื่อยขาอยู่บ้างก็ตามที

“มองอะไรครับ เสร็จแล้ว ไปกันเนอะ”

แขนเรียวกระชับประเป๋าสองใบที่ถือมาตลอดทางให้เข้าที่ คิดว่าจะถือให้แทนคำขอบคุณที่พามากินข้าว แต่กลับโดนแรงยื้อจากด้านหลังแรงเสียจนกระเป๋าของตนติดไปอยู่ที่มือของกิวด้วย คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย “เดี๋ยวถือให้” กิวตอบแล้วก็ตัดบทก่อนที่จะโดนท้วงด้วยการบอกว่าตนหิวให้รีบไปหาร้านกันดีกว่า





สองหนุ่มผ่านด่านรปภ.ที่พายกังวลหนักหนาเข้ามาได้ด้วยดี วันนี้ในห้างสรรพสินค้าคนไม่เยอะมากเท่าไหร่ อาจเนื่องจากเป็นเวลาเย็นของวันธรรมดา และระดับราคาสินค้ามันสูงจนมีเพียงแค่บุคคลเฉพาะกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการ พายไม่เคยมาห้างนี้เหมือนกัน เพราะปกติตนกับเพื่อนจะเลือกไปอีกที่ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่สำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะจึงออกจะตื่นตะลึงกับความสวยของการจัดแต่งร้านแต่ละแห่งไม่น้อย แล้วก็หวั่นไปด้วยว่าร้านอาหารญี่ปุ่นที่อีกคนจะพาไปมันจะหรูมากเกินจนกินไม่ลงหรือเปล่า เดินวนอยู่โซนชั้นอาหารไม่นานกิวก็พาดแขนลงบนบ่าเล็กแล้วออกแรงพาร่างเล็กให้เดินไปดูเมนูที่ถูกตั้งไว้หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ดังที่อยู่ไม่ไกลนัก พายเหล่มองเจ้าของมือใหญ่ที่เดินอยู่ข้างกันโดยสีหน้ายังนิ่งไม่เปลี่ยน เนียนนะพี่กิว เห็นหน้านิ่งแบบนี้ล่ะเนี่ยนัก

“พี่กิวคิดว่าพายหนักมั้ย?”

“ตัวเล็กขนาดนี้คงไม่หนักไปกว่าพี่หรอก”

แน่ะ... คนเขาไม่ได้หมายถึงน้ำหนักตัว รู้ทั้งรู้แท้ ๆ แต่ก็ยังจะตอบยั่วให้ต้องถลึงตาใส่เสียอีก

“พายหมายถึงแขนพี่เนี่ย วางแบบนี้คิดว่าหนักมั้ย?”

“ไม่หนักหรอก ขนาดใจพี่ยังรับได้แค่แขนคงไม่หนักเท่าไหร่”

พายหันควับไปมองเจ้าของประโยคโคตรเสี่ยวชนิดที่วินมอเตอร์ไซค์แถวบ้านคงยังไม่กล้าพูดแซวสาว สลับกับใบหน้าแดงก่ำของพี่บริกรสาวที่ยืนรอเพื่อต้อนรับลูกค้าผู้มาใหม่ทั้งสองที่น่าจะได้ยินประโยคเมื่อคู่นี้ชัดเต็มสองรู้หูแน่ ๆ เมื่อรู้อย่างนั้นดวงหน้าขาวก็เริ่มขึ้นสีทีละนิด ฝ่ามือเล็กฟาดอย่างแรงบนท่อนแขนที่วางพาดบ่าตนแล้วรีบชิ่งเดินเข้าร้านแบบไม่รอให้ตกเป็นเป้าสายตานานมากไปกว่านี้

โต๊ะด้านในสุดถูกเลือกเป็นที่นั่งของทั้งสอง หลังสั่งอาหารเซตใหญ่แบบจัดหนักกะจะให้คนที่เอ่ยปากว่าเลี้ยงต้องล่มจมสมใจอยาก พายก็นั่งมุ่ยหน้ามองท่าทีการสั่งอาหารแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างขัดใจ จนเมื่อบริกรสาวรับรายการอาหารเสร็จก็ปลีกตัวไป พายจึงได้เริ่มเปิดปากคุยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่กิว พายบอกแล้วไงว่ามุกเสี่ยว ๆ ทำพายขนลุกซู่ ๆ แล้วนี่คนอื่นเขาจะมองยังไงเนี่ย”

“ก็เรื่องของเขา”

กิวเท้าคางประสานสายตากับคนตรงหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใครสนใจอะไร กลับเป็นพายที่ต้องถอนหายใจยาว ๆ ออกมา ก็พอจะรู้ว่าคนอย่างพี่กิวคงไม่สนใจเรื่องสายตาคนรอบข้างอยู่แล้ว แต่ถามพายมั้ยเนี่ยว่าพายสนใจมั้ย

“พี่กิว... มีเหตุผลดิ๊ พายไม่รังเกียจหรอกนะที่พี่จะทำตัวเสี่ยวผิดหน้าตาใส่พาย...” พูดแล้วหยุดไป เบนสายตาหลบไปมองที่วางตะเกียบด้านข้างแทน ฟันเล็ก ๆ ขบริมฝีปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดต่อออกมารัว ๆ “แต่โดนมาก ๆ คนมันก็อายเข้าใจป่ะวะ มันเสียเชิงชายที่ต้องมาโดนหยอดมุกเสี่ยวใส่ตลอดเวลาเนี่ย!”

เมื่อได้ฟังคำตอบที่แสนมีเหตุผลจากปากคนที่นั่งหน้าแดงทำเมินไปมองไปที่อื่นไม่ยอมสบตาตน กิวก็หลุดมาด ขำอยู่ในลำคอเสียนาน ฝ่ายพายพอได้ก็เขินหนักกว่าเดิม ความรู้สึกเขินอายยิ่งพุ่งขึ้นเสียจนหน้าเห่อร้อนไปหมด คนเขาเครียดนะเว้ย ยังจะมาหัวเราะอีก มันเพราะใครกัน เพราะใคร

“เออ หัวเราะไปนะ หัวเราะให้ขาดใจตายไปเลย”

“อนุญาตแล้วนะ... หึหึ”

“พี่กิว!”

ดวงตากลมโตถลึงจนมันโตหนักกว่าเดิม คงจะคิดว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วคนที่ยังขำอยู่จะกลัวจนเลิกขำ ไม่ได้รู้เลยว่าหน้าแดง ๆ ปากกลมที่ยื่นเสียจนมันจะแบะแบบนั้นมันน่ารักเกินกว่าจะกลัวได้ ไม่เข้าใจเลยว่าไอ้พัฟมันเลี้ยงน้องมันมายังไงถึงได้เป็นเด็กน่ารักเสียขนาดนี้ คิดแล้วก็ยิ่งยิ้ม มองคนตรงหน้าที่ยังจ้องมาอย่างเอาเรื่องแล้วอดไม่ไหวต้องยื่นมือไปยีหัวกลม ๆ นั่นอีกครั้งอย่างเอ็นดู คงเป็นช่วงที่เขาเรียกว่าหลงเด็กหัวปักหัวปำซะล่ะมั้ง ถึงได้ทำอะไรมันก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด เย้าเล่นไปสักครู่ตัวช่วยของกิวก็มาถึงเมื่อพนักงานค่อย ๆ นำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟเสียจนเต็มโต๊ะไปหมด เต็มเสียจนคนที่สั่งชักเริ่มหวั่นใจว่าจะกินกันหมดหรือเปล่า พายมองของโปรดที่วางอยู่รอบโต๊ะอย่างตื่นเต้นยินดี จากอารมณ์เขินเมื่อครู่กลายเป็นอารมณ์ตื่นเต้นไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี

ตะเกียบคู่เก่งในมือคีบปลาดิบคำโตมาจิ้มซอสแล้วส่งเข้าปาก ก่อนทำหน้ามีความสุขสุด ๆ แบบที่คนมองยังต้องสงสัยว่าอะไรมันจะสุขขนาดนั้น

“อร่อยขนาดนั้น?”

เมื่อได้ยินคำถามหัวกลมจึงพยักหน้าอย่างแรงเสียจนผมกระจายไปมา ก่อนตะเกียบคู่เดิมจะคีบเอาปลาแซลม่อนชิ้นสวยยื่นให้ พร้อมกับที่พายทำหน้าทำตาแบบที่แปลได้ว่าต้องลองชิมด้วยตัวเอง ตอนแรกกิวตั้งใจจะส่งชามแยกไปรับ แต่เมื่อคิดอีกทีเจ้าตัวก็จับมือเล็กไว้มั่นแล้วยื่นหน้าไปรับปลาแซลม่อนเข้าปากก่อนผละมาเคี้ยว มองเมินเจ้าของดวงตาที่เบิกกว้างกับการกระทำอุกอาจของตนแล้วเริ่มจัดการคีบอาหารเข้าปากสลับกับตักใส่จานของคนที่บอกว่าชอบกินอาหารญี่ปุ่นไปด้วย มีบางคราวพอสบโอกาสก็หาเศษหาเลย(?)จากน้องไปด้วย




เสียงเครื่องยนต์ของรถบิ๊กไบค์คันโตหยุดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวประตูแสตนเลสหลังใหญ่ พายก้าวขาลงมายืนข้างตัวรถพร้อมถอดหมวกกันน๊อคคืนให้ และรับกระเป๋าของตนกลับมาถือ ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณเจ้ามือที่พาไปเลี้ยงข้าวเย็นวันนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง

“ขอบคุณนะครับพี่กิวที่เลี้ยง อร่อยมากอ่ะ แต่สงสัยสั่งมาเยอะไปเกือบกินไม่หมด”

“มากเหอะ กินเข้าไปได้ไงวะ ตัวก็แค่นี้”

“ก็ชอบไง อร่อยจะตายพี่กิวไม่ชอบเหรอ”

จบประโยคก็มองจ้องใบหน้าคมผ่านความมืด ตอนนี้ปาเข้าไปสองสองทุ่มแล้วยังดีที่ไฟหลวงติดไม่ไกลจากบ้านพายนักจึงทำให้แสงส่องถึงจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่ กิวเงียบไปเพื่อคิดสักครู่ก่อนส่ายหน้า

“ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น”

“อ้าว แล้วพี่พาพายไปกินทำไม ทำไมไม่ไปร้านอื่น”

พายเหวอจนไปต่อไม่ถูก สรุปที่ช่วยกันกินช่วยกันยัดเข้าไปนี่ไม่ได้ชอบหรอกเหรอ แต่เห็นตักอะไรให้ก็กินไม่บ่นอะไรเลยสักคำ แล้วทำไมต้องเสนอให้ไปร้านอาหารญี่ปุ่นถ้าหากว่าตัวเองไม่ได้ชอบกินด้วย แบบนี้มันเหมือนตัวเองไปหลอกกินฟรีอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้ถามก่อนว่าคนที่จะเลี้ยงเสนอสิ่งที่ตัวเองชอบมาหรือเปล่าแต่กลับตอบรับไปเลย แถมมื้อนี้ก็ไม่ใช่ถูก แบงค์สีเทาสองใบถูกใช้ไปกับอาหารชุดใหญ่ที่อยู่ในกระเพาะ

“.....เพราะพายชอบเลยอยากพาไป”

เห็นหน้าซึม ๆ เหมือนคนรู้สึกผิดของน้องจึงยอมปริปากบอก “ถามพัฟมาว่าพายชอบอะไร พัฟบอกไม่อาหารอีสานก็อาหารญี่ปุ่น แต่อยากให้กินดีหน่อยเลยเลือกอาหารญี่ปุ่น”

คำตอบที่ได้รับทำเอาพายอึ้งไป เงยหน้ามองสบกับดวงตาสีดำเข้มที่เมื่อจ้องมองก็รู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไปได้ง่าย ๆ ในอกสั่นไหวเป็นจังหวะที่ผิดแปลกไป ความรู้สึกร้อนวูบวาบตีขึ้นมาจากช่องท้องจนถึงแก้มเนียนลามไปถึงใบหู ไม่คิดเลยว่าคำพูดและการกระทำที่เหมือนเรื่องปกติจะทำให้ตนรู้สึกแบบนี้ได้ พายยอมรับว่าช่วงเวลาไม่นานนักที่มีพี่กิวเข้ามาในชีวิตมันมีเรื่องที่ทำให้พายรู้สึกว่าตนแปลกไปอยู่บ่อยครั้ง จะว่าพายใจอ่อนไปชอบพี่กิวแล้วหรือเปล่า พายคิดว่ามันไม่ใช่ มันเป็นความรู้สึกดี ๆ ในแบบที่ยังไม่ถึงขั้นใช้คำว่าชอบ

พายนิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรออกไปเพียงแต่ยื่นประสานสายตาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นดึงความสนใจให้ผละจากกิวได้ มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารมามองชื่อบนหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายตัวเองก็รับเลื่อนหน้าจอรับ

“ฮัลโหลพี่พัฟ อื้อ... พายอยู่หน้าบ้านแล้ว... กับพี่กิว... อือ ครับ เดี๋ยวพายรอ”

ตกลงกับปลายสายเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากางเกงเหมือนเดิม พายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สบตากับคนที่มองตอบกลับมาอยู่เหมือนกัน พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ผละสายตาไปจากหน้าตนคนตัวเล็กก็รู้สึกเขินขึ้นมาอีกครั้ง รีบเอ่ยปากไล่ให้อีกฝ่ายกลับบ้านเพราะพี่ชายจะลงมารับแล้ว

“ขอบคุณอีกรอบนะครับพี่กิว พี่กลับเลยก็ได้นะเดี๋ยวพี่พัฟก็ลงมาแล้ว”

“รอพัฟมาก่อน มีเรื่องเกี่ยวกับพายจะถามมัน”

น้องน้อยทำสีหน้างุนงง ถามเรื่องตัวเอง? อยู่ด้วยกันเป็นชั่วโมงไม่ถาม จะไปถามพี่พัฟเพื่ออะไรล่ะ จึงเอ่ยปากไปด้วยความสงสัยไม่น้อย “อ้าว... เรื่องพายก็ถามพายดิ ไปถามพี่พัฟทำไมล่ะ?”

ฝ่ายกิวพอได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วมอง ทำสีหน้าเหมือนจะถามกลับว่าถามได้เหรอ ยิ่งมองสีหน้านิ่งแต่การกระทำช่างกวนแสนกวนของเพื่อนสนิทพี่ชาย พายก็อดไม่ได้ต้องยื่นปากมุ่ยหน้าใส่อีกรอบ กวนตั้งแต่เจอหน้ากันยันจะหมดวัน พี่กิวต้องประสาท นิสัยถึงได้ไม่นิ่งเหมือนหน้า เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด

“ที่พี่จะถามพัพ เพราะพี่อยากจะรู้ว่า......” ทิ้งปลายเสีนงให้อีกคนได้สงสัย

“ว่า... พี่กิวอย่ามากวนพายสิ”

เห็นสีหน้าไม่พอใจแบบเด็ก ๆ กิวก็ต้องยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ก่อนจะเลิกกวนน้องน้อยให้ขุ่นข้องใจ แต่ดูท่าพอฟังคำตอบแล้วพายอาจจะอยากให้กิวกับพัฟไปคุยกันเองสองคนมากกว่ามาถามจากเจ้าตัวเสียแล้ว เพราะพอได้ฟังวงหน้าใสที่เคยขึ้นสีระเรื่อเมื่อก่อนหน้านี้แล้วจางหายไปบัดนี้มันถึงขีดสุดขององศาที่ใบหน้าจะรับได้จนต้องระเบิดตู้มกลายเป็นสีแดงสดกระจายอยู่ทั่วหน้า พร้อมปากที่อ้าพะงาบ ๆ เหมือนปลากำลังจะขาดอากาศหายใจ



“พี่อยากจะรู้ว่าคนบ้านนี้เขาเลี้ยงลูกชายคนเล็กกันยังไงถึงได้ปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาทำตัวน่ารักใส่พี่แบบนี้เนี่ย”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานค่ะ

ความจริงตั้งใจจะมาต่อให้ได้อาทิตย์ละครั้งเช่นเคย แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นช่างหนักหน่วง ทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการเป็นติ่งค่ะ  :katai1:
แต่ได้แรงฮีลจิตใจกลับมาแล้ว จะมาต่อให้ได้เรื่อย ๆ ตามกำหนดเดิมอย่างที่เคยเป็นนะคะ

ตอนหน้าคาดว่าเนื้อหาจะเยอะกว่านี้ อยากเข้าจุดไคลแม๊กซ์เร็ว ๆ จังเลยน้อ หวาน ๆ อะไรน่าจะงดบ้างน้อ //โดนเตะ  :katai2-1:
ชีวิตรักของพี่กิวกับน้องพายจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ใจคิดไปยันตอนพิเศษแล้ว... 5555555555
ยังไงก็ฝากชีวิตรักของทั้งสองคนนี้ด้วยนะคะ (ของพวกพี่พัฟกับพี่รูทด้วย)

หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ด้วยนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 03-10-2014 17:07:26
โอ้ยยยยยยย น่ารักกกกกกกกกกก

 :hao5: :hao5: :hao5:

ก๊าวมากกก พี่กิวของเค้าาา แงงง (แย่งน้องพายแป๊บ)
ชอบตรงที่พี่กิวไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น แต่ก็ยังอุตส่าพาน้องพายไปกิน
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ววันหลังพาน้องไปกินอาหารอีสานด้วยนะคะ จะได้ครบสูตร 5555

นี่ชอบมุกเสี่ยวของพี่กิวด้วย
ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเสี่ยว โอ้ยยย แต่ทำไมมันดี (พี่กิวเป็นคนที่ใช่ ทำอะไรก็ถูก กร้ากกก)

ยิ่งประโยคสุดท้ายนะ.. อย่าว่าแต่น้องพายจะเขินเลย
เป็นเราก็เขินข่ะ จริงๆ แล้วพี่กิวควรร้องเพลงนี้ให้น้องพายฟังนะ..

ที่บ้านเธอมีอีกไหม มีอีกไหม มีอีกไหม มีอีกคนไหมเธอ
มีอีกไหม มีอีกไหม ที่น่ารักเหมือนเธอ


แอร๊ยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-10-2014 23:26:26
น่ารักอ่ะ ตามคนข้างบนมาอ่าน
ชอบพี่กิวมากอ่ะ ชอบหนุ่มขรึม  คริ คริ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-10-2014 10:47:28
พี่กิววววววววววววววววววววววววววว
พายไม่เขินก็บ้าแล้วววววววว
จะบอกว่าต่อให้มุขเสี่ยวแค่ไหน
ถ้าพี่กิวเล่นพายก็เขินไปหมดป้ะ
นี่ธีร์คู่กะวินรึเปล่า อิอิอิ
นี่ขนาดยังจีบกันไม่ติดนะถ้าติดแล้วจะขนาดไหน
ผชที่ยอมไปกินอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเนี่ยหายากกก
แต่ดีที่อ่านตอนรักกันแล้วยังหว๊านหวาน
ไม่งั้นจะคิดว่าพี่กิวทำแค่เพราะช่วงโปรโมชั่นกร๊าก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 05-10-2014 11:20:12
อื้ม...... เรื่อง่น่ารักไปไหมมม กริ้ดดดด
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 07-10-2014 01:56:21
เป้นพวกที่ชอบพระเอกเท่ๆ
แต่มีจุดอ่อนของหัวใสจ
พี่กิวของศรี พ่อเจ้าพระคุณคะน่ารักมากกกกกกกกกกกก
แบบชอบพี่กิวมาก สมที่คนเขียนบอกว่ารักมุ้งมิ้งมาก5555555555555
อ่านแล้วนีึกถึงสมัยก่อนเลยค่ะ
ที่เราอ่านฟิคนักร้อง
ทำไมอ่านเรื่องนี้ฟิลเราคล้ายๆแบบนั้นเลย
บอกไม่ถุกเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 4 กระดึ้บ กระดึ้บ หน้า 2 (26.09.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 16-10-2014 17:20:59
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน ติวสอบ






หากพูดถึงช่วงชีวิตวัยเรียน

บางคนอาจจะคิดถึงเรื่องเพื่อน อาจารย์ แฟนที่เคยคบ กิจกรรมที่เคยทำ หรือแม้แต่เกรดเฉลี่ยที่เคยได้ แต่แน่นอนว่าหากคิดถึงสิ่งที่ลืมไม่ได้ในช่วงวัยเรียน ความยากลำบากในช่วงนึงของชีวิต ไม่น้อยกว่า 50% ย่อมต้องคิดถึงเรื่องการสอบ





“พายป้อนหน่อย”

“โหย อิจฉาอะ น้องพายป้อนพี่รูทบ้างสิ”

“มีมือก็กินเองสิวะ มาใช้น้องคนอื่นทำไม เดี๋ยวกูป้อนเองก็ได้มา”

เสียงง้องแง้งของพี่ชายและเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านข้างดังสลับกันไปมาเป็นระลอก ดวงตากลมเหลือบมองไปด้านซ้ายที ด้านขวาทีแล้วคว้าคุกกี้ฝีมือตัวเองมาใส่ปาก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่บรรยากาศของสองคนนี้มันมีอะไรแปลก ๆ แบบที่พายก็อธิบายไม่ถูก แต่ดูอีหรอบนี้แล้วการติวหนังสือสอบคงต้องเลื่อนไปอีกสักพักใหญ่ ๆ ซะแล้วล่ะมั้ง?

วันนี้เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ที่ทุกคนรอคอย แต่อาทิตย์หน้าทั้งโรงเรียนที่พายเรียนและที่พวกพี่พัฟเรียนต่างก็มีสอบกัน ดังนั้นแทนที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอก รูทก็จัดการชวนทุกคนมาติวสอบกันที่บ้านแทน แถมยังบอกให้พายอยู่บ้าน ทำขนมให้กินแล้วจะช่วยติวให้ พอโดนไซโคมาก ๆ เข้าพายก็ยอมแพ้ บอกลาตารางนัดติวกับเพื่อนแล้วลงทุนตื่นมาทำคุกกี้อบตั้งแต่เช้า แต่ตั้งแต่ที่ย่างเท้าเข้าบ้านยันตอนนี้พายก็ไม่เห็นว่าพี่ ๆ จะติวอะไรกัน จนกำลังคิดว่าตัวเองคิดผิดซะแล้วมั้งที่ยอมตามน้ำตอบตกลงไปแบบนี้

“สอบวิชาไหนก่อน”

จู่ ๆ คนที่นั่งกินขนมเงียบ ๆ เหมือนตัวเองไม่มีตัวตนเสียนานก็เอ่ยถาม พายมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยดวงตาสีเข้ม อีกฝ่ายก็มองตอบกลับมา เลิกคิ้วคล้ายจะย้ำคำถามแล้วพยักเพยิกไปทางหนังสือตั้งเล็กที่วางอยู่ไม่ไกลจากจานใส่คุกกี้

“คณิตตอนเช้าวันจันทร์เลย พี่กิวจะติวให้เหรอ?”

“ไม่อ่ะ โง่ นอกจากอังกฤษก็ไม่ได้อะไรเลย”

ฟังคำตอบแล้วพายก็ถลึงตาใส่ น้องเล็กสุดในกลุ่มคว้าจานคุกกี้ที่พร่องไปค่อนข้างเยอะส่งให้ กิวรับมาทั้งสีหน้าสงสัย และน้องก็อุตส่าห์ใจดี เฉลยคำตอบให้เสียกระจ่างด้วยคำพูดคำจาที่ช่างขัดกับใบหน้ายิ้ม ๆ ไร้พิษภัย

“พี่กิวกินไปเงียบ ๆ ดีที่สุด เชื่อพายนะ” หรือความหมายอีกอย่างว่า

"อย่ากวนตีน"


“.....”

“ฮะ ๆ ๆ ไอ้กิวมึงโดนละ มึงโดนนน กวนตีนใครไม่กวนมากวนน้อง สมน้ำหน้ามึง อุ๊บ!”

“กินต่อไปเหอะมึงน่ะ บอกจะมาติวแต่ไม่เริ่มอะไรเลย ไอ้กิวยังหวังดีมากกว่าอีก”

รูททำเสียงอู้อี้เพราะโดนพัฟยัดคุกกี้เข้าปาก หน้าเล็ก ๆ แต่ปากเต็มไปด้วยคุกกี้ทำให้ดูเป็นรูปทรงแปลกประหลาดนั้นดูตลกซะจนต้องหัวเราะตามไปด้วย ทั้งสองเริ่มแกล้งกันเองจนพื้นที่บนโซฟาฝั่งพายโดนรุกล้ำไปด้วย น้องโดนรูทเบีดซะจนตัวแบนแนบกับที่เท้าแขนแต่ก็ยังหัวเราะไม่หยุด ก็หน้าของทั้งคู่ที่เปื้อนไปด้วยคุกกี้และในปากที่พ่นคำพูดอู้อี้ไม่รู้เรื่องใส่กันมันตลกมากจนพายเกือบจะขาดอากาศหายใจเพราะการหัวเราะ

นอนแบบหัวเราะอยู่สักพักก็มีมือยื่นมาจับแขนพายแล้วช่วยแงะออกมาจากที่เท้าแขนก่อนจะฟาดหนังสือตีเข้าไปที่หัวของสองเพื่อนซี้ที่ยังไม่เลิกเล่นกันให้ร้องโอดโอยกันไป

“โหย ไอ้เฮียกิวฟาดโคตรแรง แล้วนั่นมึงจะทำอะไร”

 “ให้น้องมานั่งนี่ พวกมึงก็ติวได้แล้ว ไม่งั้นก็เข้าห้องนอนไปเลยไป”

คนตัวเล็กคลำหัวป้อย ๆ บริเวณที่โดนตี คุกกี้ในปากร่วงลงพื้นไปจนหมดแล้วตอนที่โดนตีเมื่อกี้ ตาเรียวหรี่มองเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังจูงแขนน้องให้ไปนั่งข้างตัวเองแทน คำตอบของกิวเล่นเอารูทต้องเบ้ปากบ่นหงุบหงิบเสียเบา ขาเรียวยันเข้าที่ท้องพัฟให้ลุกออกไปจากร่างของตนเสียที รูทชันตัวนั่ง กระแอมเบา ๆ ปัดเศษคุกกี้ออกจากเสื้อของตน ก่อนคว้าแว่นที่ถูกถอดคาอยู่บนโต๊ะมาใส่ มาดช่างดูดีมีสไตล์สมกับที่เรียนสายวิทย์-คณิต แต่ติดที่เศษคุกกี้ตรงมุมปากมันดันดรอปความน่าเชื่อถือลง

“อะแฮ่ม... เอาล่ะเลิกเล่น พี่จะติวให้น้องพายเป็นการตอบแทนเอง สภาพที่เห็นเมื่อกี้ลืมมันไปนะครับ นั่นร่างแยก จริงจังแบบนี้สิร่างจริง”

“บุพการีเป็นนารูโตะหรือไงถึงมีร่างแยกร่างจริง”

 “กวนตีนอีก  พวกมึงก็อ่านวิชาแรกรอไปเลย โดยเฉพาะมึงกิว เก่งอยู่วิชาเดียวมันไม่รอดนะเว้ย ยัดเข้าไปเยอะ ๆ"

ไม่วายโดนแขวะจากพัฟที่นั่งปัดเสื้ออยู่ข้าง ๆ รูทไม่สนใจที่จะต่อความจึงตัดบทสั่งให้แต่ละคนอ่านหนังสือเรียน ในขณะที่ตนเองก็เริ่มลงมือติววิชาคณิตศาสตร์ที่น้องบอกว่าจะสอบวิชาแรกให้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

เสียงอธิบายสูตรดังสลับกับเสียงขีดเขียนและเสียงถามของน้อง พายเป็นคนหัวดีคนนึง แต่วิชาเลขเป็นอะไรที่เจ้าตัวไม่ชอบเอาเสียงเลย เพราะไม่สามารถจำสูตรและวิธีการแก้โจทย์ได้เหมือนคนอื่นเขา ตอนเห็นว่าสอบวันแรกแถมวิชาแรกก็แทบจะกระอักเลือด พวกวินก็ไม่ต่างกัน แม้จะเก่งกันไปคนละวิชาแต่เรื่องเลขเท่านั้นที่ทั้งกลุ่มไม่สามารถติวให้กันได้ ขนาดตอนสอบเก็บคะแนนในห้องแต่ละคนยังต้องปล่อยไปตามมีตามเกิด

“งั้นตรงนี้พายก็เอาค่ามาแทนได้เลย แล้วค่อยเอามารวมกันอีกที”

“ใช่ ๆ เก่งเหมือนกันนี่เรา ไหนลองสูตรนี้สิ”

“ข้อนี้ต้องแก้สมการแรกก่อน โอ้ย... พี่กิวหนักนะทับมาทำไมเนี่ย”

สมาธิที่อยู่กับตัวเลขตรงหน้ากระเด็นหายไปทันทีที่หัวหนัก ๆ ทับลงมาบนไหล่ พายหยักไหล่ข้างที่โดนพิงเป็นการไล่แต่กิวก็ไม่มีทีท่าว่าจะยกหัวออกแต่อย่างใด ทำเพียงแค่นอนพิงแล้วเหลือบมองตัวเลขทั้งหลายแหล่ที่อยู่บนสมุดน้อง ส่วนของตัวเองวางคั่นหน้าทิ้งไว้ที่ข้างตัวแทน

“ง่วง นอนก่อน”

“ก็นอนดี ๆ ดิวะ มาพิงพายทำไมเนี่ย”

“งั้นนอนตัก”

“เออ ๆ จะพิงก็พิงไปป่ะ หลับไปเลยนะ ไม่ต้องตื่นมาเลย”

พายกลอกตาไปมาแล้วก้มหน้าทำโจทย์ที่อยู่ในสมุดไม่สนใจสายตาที่จ้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นของพี่ชายตัวเองและครูพิเศษจำเป็น แต่ถึงไม่มองก็พอจะรู้ว่าทั้งสองคนกำลังคิดอะไรอยู่ แม้ว่าทั้งพายจะย้ำอยู่เสมอว่ายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วพี่กิวมาอ้อนแบบนี้ ก็มีบ้างที่จะเจอสายตาล้อ ๆ ของพี่ชายทั้งสองคน

“อยากนอนพิงน้องพายบ้างอะ...”

รูทกระพริบตาใต้กรอบแว่นปริบ ๆ อย่างน่าเห็นใจ พายเงยหน้ามายิ้มให้แต่เลือกที่จะไม่ตอบ ด้วยรู้ดีจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาว่ารูทเพียงแค่พูดด้วยความอิจฉาไปแบบนั้น ไม่ได้จริงจังอะไร ถ้าเจ้าตัวจะทำจริงนี่สิ ต่อให้ไม่พูดก็จะเดินปรี่มาทำก่อนแล้ว เรียกว่าเป็นพวกมือไวก็ว่าได้

“ยุ่งจังกับน้องกูเนี่ย รีบ ๆ ติวให้น้องแล้วมาติวให้เพื่อนบ้าง”

“ไอ้นี่ก็ดักทางจัง นี่กูเริ่มคิดแล้วนะว่ามึงหวงน้องหรือว่าหวงกู”

พายก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแหละ,,, อยากจะตอบพี่รูทกลับไปแบบนี้เหมือนกันแต่เห็นสายตาพี่ชายแท้ ๆ ชิงมองกลับมาก่อนเลยไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ พายเลยทำเพียงแค่อมยิ้มแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำโจทย์ให้เสร็จ ๆ ไปเพื่อที่จะได้ถึงเวลาของพี่ ๆ ได้ติวกันเองเสียที ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าวันเสาร์ทั้งวันนี้หมดไปกับการติวให้พายคนเดียวทั้งที่พี่คนอื่น ๆ ก็หวังจะสลับกันติวเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าติวเสร็จแล้ว สถานภาพการเป็นหมอนพิงของเขาก็จะจบลงด้วย เพราะงั้นรีบทำให้เสร็จคือหนทางที่ดีที่สุด



“พายเข้าใจวิธีการทำหมดแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับพี่รูท”

“ไม่เป็นไรครับผม น้องพายนี่น่ารักจริง ๆ เลย ไม่เห็นเหมือนพี่ชายสักนิด เปลี่ยนมาเป็นน้องพี่มั้ย?”

 “เอ๋ ได้เหรอครับ งั้นไปตอนนี้เลย บ๊ายบายนะพี่พัฟ” ว่าแล้วก็โบกมือไปมาให้พัฟ เย้าแหย่พี่ชายตนเองขนาดที่รูทผู้เป็นต้นเรื่องยังต้องหัวเราะ ฝ่ายพัฟก็จัดการดีดเหม่งน้องชายตัวเองเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“เออ... มึงไปเลยนะ กูไม่มีละน้อง กูเป็นลูกคนเดียว”

“โอ๋ ๆ ตัวโตอย่างอนนะ พายล้อเล่น”

พายกวาดปากกาลงกระเป๋าแล้วปิดหนังสือ ปากก็ง้อพี่ชายตัวเองไปด้วย ตากลมเหลือบมองคนที่ยังหลับพิงตัวเองอย่างไม่มีท่าทีว่าจะตื่นหรือสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่กิวเป็นลูกครึ่งตุ๊กแกหรือเปล่า ทำไมหัวพี่แกถึงได้ไม่ไหลตกลงมาจากบ่าของเขาเลยสักครั้งเดียว แถมเวลาที่ขยับไม้ขยับมือก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมามองเรื่องราวรอบตัวเลยด้วยซ้ำ

ไหล่เล็กขยับเบา ๆ หมายจะปลุกให้คนที่หลับอยู่ลุกมานั่งดี ๆ เสียทีเพราะถึงตาที่ตนต้องเป็นฝ่ายติวบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของหัวโต ๆ นี่หลับลึกหรือตายกันแน่ถึงได้ไม่สนใจแรงขยับเขยื้อนของเขาเลย เมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้นวิธีเดียวที่พายคิดได้คือการใช้นิ้วของตนเขี่ยที่ข้างแก้ม แต่ก็ยังไม่ได้ผล มีเพียงแค่คิ้วเข้มที่ขมวดเล็กน้อยเท่านั้น เห็นแบบนั้นพายเลยเปลี่ยนพื้นที่ มาสะกิดตรงจมูกที่เป็นส่วนอ่อนไหวของร่างกายแทน พัฟกับรูทที่เห็นว่ามันน่าจะสนุกดีก็นั่งมองวิธีปลุกของน้องไปด้วย ปกติมีใครที่ไหนจะกล้ามาทำกับคนหน้าเถื่อนแบบเด็กคนนี้ เพราะงั้นการได้ดูปฏิกิริยาของกิวถือเป็นเรื่องสนุกไม่น้อย

นิ้วเล็กเขี่ยเบา ๆ ตรงบริเวณใต้จมูก คนตัวโตที่ยังหลับตาอยู่สูดจมูกฟึดฟัดแต่ยังไม่คิดจะลุก พายเลยจัดอีกทีสะกิดต่อไปเรื่อย ๆ จนคนที่หลับอยู่ทนไม่ไหวต้องคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กให้หยุดการกระทำอุกอาจแล้วยอกที่จะลืมตาตื่นขึ้นมามอง คิ้วเข้มขมวดแทบจะชนกันบอกให้รู้ว่าคนถูกปลุกไม่ได้อารมณ์ดีมากนัก

“ทำเหี้ยอะไร...ครับ”

ด่าไปก่อนจนเมื่อเห็นว่าใครกันที่เป็นผู้ปลุกตนให้ตื่นจากหลับใหลก็เอ่ยเสียงเบาแล้วรีบเติมคำสุภาพลงท้าย ฝ่ายหมอนหนุนจำเป็นที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้างออย่างไม่พอใจ มานอนทับเขาแล้วด่าเขานี่คืออะไร จะหาเรื่องพายหรือไงกัน ส่วนผู้ร่วมสังเกตการณ์ทั้งสองสติหลุดไปแล้ว รูทหัวเราะเสียงดังทำลายบรรยากาศเมื่อครู่ไปเสียสนิท พัฟก็ปิดปากหันหน้าไปหัวเราะอีกฝั่งแทนแบบเงียบ ๆ แต่กลับสั่นไหวเพราะเสียงหัวเราะไปทั่วร่าง

“มายืมไหล่เขาแล้วไม่ยอมตื่น พอปลุกตื่นก็มาด่ามันใช่เหรอครับพี่กิว?”

“..... ขอโทษ นึกว่าพวกไอ้รูท” ตอบตามที่ใจคิดแล้วเหลือบมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งหัวเราะแบบไม่ไว้หน้า คนเพิ่งตื่นกำลังงง ๆ ไม่คิดว่าจะเผลอด่าน้องที่หวังดีไปเสียได้

“จะใครก็ไม่ควรด่าสิ คราวหลังไม่ทำโอเคเปล่า?”

“ถ้าไม่ลืม”

เลือกจะไม่ตอบรับเพราะรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ ๆ ฝ่ายน้องก็พอรู้เลยพยักหน้าหงึก ๆ ให้ พร้อมยื่นหนังสือสอบที่กิววางทิ้งไว้มาส่งให้ เตือนด้วยการกระทำว่าถึงเวลาที่พวกรุ่นพี่จะต้องติวกันแล้ว พายที่จัดการเก็บของของตนเองลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อยลุกจากโซฟาที่นั่ง ตั้งใจจะเอ่ยลาพี่ ๆ แล้วขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบนแทนแต่มือที่ยังจับข้อแขนไว้ไม่ยอมปล่อยเสียที

“พี่กิว พายจะไปอ่านหนังสือข้างบนแล้ว”

เอ่ยดูเชิงแล้วมองไปที่แขนของตนเอง ตาสีเข้มมองตามแล้วก็เงยหน้ามองน้องอีกรอบ มือที่กำไว้ก็ยังไม่คิดจะคลายแม้แต่น้อย “นั่งอยู่แถวนี้ไม่ได้เหรอ?” ถามออกมาตรง ๆ แม้หน้าตาจะไม่แสดงออก แค่มองนิ่ง ๆ แต่พายกลับเห็นภาพสุนัขหมาป่าตัวใหญ่กำลังจ้องมองตนเหมือนรอให้ลูบหัวอยู่อย่างมีความหวัง

“นั่งอยู่แถวนี้พวกพี่ติวกันพายอ่านไม่รู้เรื่องสิ”

“ไอ้รูทมันพูดเบา ๆ ก็ได้”

ลงกูอีกละ หน้าหนุ่มตี๋คล้ายจะบอกแบบนั้น “มึงจะให้น้องพายเขามานั่งแกร่วกับพวกเราทำไมวะ ติวให้พวกมึงเหมือนสีซอเข้าหูหมา น้องต้องมานั่งฟังด้วยน่าเบื่อตาย” พูดเหตุผลให้เพื่อนรักฟัง เผื่อว่าจะทำให้มันยอมปล่อยไปตามทางของน้อง ไม่ต้องมาคลุกอยู่กับพวกเขาตรงนี้

กิวหันมามองเจ้าของคำพูด แล้วเหลือบมองพัฟที่นั่งข้าง ๆ กัน พี่ชายน้องก็พยักหน้าแบบเห็นด้วยกับคำพูดของรูทก็ยอมที่จะปล่อยมือที่จับเอาไว้แล้วนั่งนิ่งโดยไม่พูดอะไรอีก พายได้ยินเสียงครางเบา ๆ จากพี่รูทว่า
“ชิบหายแล้ว มันก่อม๊อบเงียบ” หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ก็พอจะแปลความหมายได้ว่าพี่กิวกำลังเริ่มงอแงด้วยวิธีการเงียบใส่เหมือนยอมรับแต่ก็เป็นการต่อต้านกลาย ๆ

เห็นพวกพี่ชายตกอยู่ในที่นั่งลำบากแบบนั้นจะให้พายทิ้งแล้วไปลันล้าอยู่ในห้องของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่นัก พี่รูทอุตส่าห์มาติวให้ พี่พัฟก็ยอมอยู่เงียบ ๆ นั่งอ่านหนังสือแบบไม่กวนตลอดเวลาที่พายติว (ถ้าไม่โดนกวนก่อนนะ) นึกได้แบบนั้นคนตัวเล็กจึงทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แกนนำม๊อบเงียบแล้วเริ่มเปิดหนังสืออ่าน ผ่านไปสักพักคนตัวเล็กก็รู้สึกว่าตนเองกำลังโดนมองเหมือนรอคำตอบอยู่ครู่นึงจึงต้องยอมแพ้ วางหนังสือในมือลงแล้วถอนหายใจใส่เหมือนระอาเต็มที



“ก็ถ้าไม่อยู่คนบางคนเขาจะไม่มีกระจิตกระใจติวนี่หน่า จะนั่งเป็นกำลังใจสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร เนอะ?”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีกลางเดือนตุลาคมค่ะ

หายไปนานเพราะงานหลวงที่เข้ากระชั้น ตารางเรียนและวันสอบที่ถาโถมค่ะ (แต่ยังมีเวลาเล่นทวิตทั้งวัน) ตอนนี้เลยมาแบบสั้น ๆ เช่นเคยค่ะ คือคิดอะไรได้ก็ใส่เลย เหมือนฟิลลิ่งตัวเองช่วงสอบล้วน ๆ :mew4:

ตอนนี้มีบล็อคใหม่แล้วล่ะค่ะ ไว้สำหรับลงผลงานฟิคชั่นและนิยายโดยเฉพาะ คิดว่าใช้ง่ายกว่าบล็อคก่อนนะ บล็อคใหม่ (https://imannew.wordpress.com/)
ค่ะ แล้วก็สามารถเปลี่ยนทวิตเตอร์ใหม่ด้วย อัพเดททางลายเซนต์นะคะ ถ้าจะคุยกันก็เมนชั่นมาได้ตลอดเลยค่ะ หรือจะ #หัวหน้าแก๊งค์ ก็จะเข้าไปส่องเช่นเคยค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอนเม้นนะคะ แม่ยกพี่กิวทำไมเยอะแบบนี้! เฮียเกิดมาเพื่อเป็นขวัญใจคนสินะคะ ส่วนน้องพายก็หวานใจนายหน้าเถื่อน  :hao7: :hao7: :hao7:

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ จะพยายามเข็นออกมาไว ๆ โน๊ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ  :pig4:
   
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 16-10-2014 21:39:49
พี่กิวนี่มันพี่กิวจริงๆ 5555555555
โอ้ย ชอบ อยากได้ ขอได้มั้ยผู้ชายคนนี้  :o8:

คือแบบไม่เกรงใจพี่ชายน้องเลยเน้อออออ
นี่มาติวสอบหรือมาจีบน้องหรืออะไร? 55555

แต่ตอนนี้พัฟรูทมุ้งมิ้งน่ารักมากเลยค่ะะะะะะ >_<
อะไรกันเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคู่นี้ กัดกันตลอด แต่ทำไมรู้สึกว่าน่ารัก 5555

รอตอนหน้าาา  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 16-10-2014 21:44:24
ตามมาจากนิยายแนะนำ อ่านแล้วก๊าวใจจริงๆ
พี่กิวจะน่ารักไปไหน ชอบๆ..มาลงชื่อติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 16-10-2014 22:52:48
โอ้ยยยยยยยยยยย ความน่ารักมันพุ่งมากระแทกเข้าตาคนอ่านจังเลยยย พี่กิวน้องพายสวีทดีจัง เอาใจใส่กันด้วย กริ๊ดค่าาา ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-10-2014 19:57:56
น้งพายมันน่ารัก น่าฟัดจริงๆ เป็นเสน่ห์ของน้อง
พี่กิวถึงได้หลงรักแต่แรก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 17-10-2014 20:07:15
อ๋อยยยย ทำไมน่ารักแบบบนี้  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-10-2014 10:15:17
พี่กิวเอาแต่ใจฟะะะะ แต่น่าร้ากกก
ดูดิ๊น้องพายก็ตามใจ
แต่แบบจะติวรู้เรื่องปะนายยยย5555
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-10-2014 13:19:48
ชอบผูชายแบบพี่กิวววววววววววววววววววว
มนกิ๊วก๊าวหัวใจ
พี่กิวน่ารักอ่า าา า
ยิ่งอยู่กะน้องพายก็น่ารัก
แม้จะยอมน้อง แต่ไม่ได้สยเสียความเป็นตัวเองเลย
ที่น้องบอกไม่ควรด่าใคร
ตอนแรกคือเราคิดถ้าพี่กิวรัีบปากนี่ แสดงว่านางงต้องเกรงนน้องมากแน่ๆ  และัคิดว่านางรับปากแต่ทำไม่ได้แน่ๆ
แต่พี่กิวไม่รับปากกก แต่กลับบอกว่าจะพยายามบลาๆ รู้สึกว่าพี่กิวนางยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่
ตอนเอาแต่ใจงอแงนี่น่ารักมากก 
ชอบตอนน้องพายสะกิดแก้ว
เขี่ยจมูก อ่านละเขินแทนรูทกะพัฟเลย
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 5 ติวสอบ หน้า 2 (16.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 20-10-2014 19:46:34
หายไปไหนน้อออออ อยากอ่านแล้วค้าบบ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 24-10-2014 23:00:15
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน อันตราย






สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด

ก่อนเกิดแผ่นดินไหว 24 ชั่วโมง ฝูงนกพิราบป่าจะบินหนีจากศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว สุนัขและแมวจะกระวนกระวายอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน สัตว์ป่าจะแตกตื่นและเริ่มอพยพออกจากถิ่นที่อยู่อาศัย เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันสิ่งที่รัก และต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แน่นอนว่ามนุษย์เราก็เช่นกัน






วันนี้กิวอารมณ์ไม่ดีแบบไม่ทราบสาเหตุ

ตั้งแต่ตื่นนอนมาร่างกายพลันรู้สึกร้อนรุ่ม กระสับกระส่าย ไม่สบายตัวเหมือนที่เคยเป็น เขาคิดว่าตัวเองคงเริ่มจะเป็นหวัดหลังจากที่ตากฝนหลงฤดูขณะขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเมื่อคืนวาน แต่เมื่อจัดการอาหารเช้าง่าย ๆ และกินยาแก้หวัด พร้อมนอนพักผ่อนเต็มตาอีกหนึ่งตื่นความรู้สึกว้าวุ่นนั้นกลับไปจางหายไป เพราะอะไรเข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ยังดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมกลางภาคจึงไม่ต้องกังวลเรื่องวันลาหยุดหรือเสียงโทรศัพท์น่ารำคาญจากอาจารย์ฝ่ายปกครองที่โทรมาฟ้องพ่อกับแม่


แต่โทรมาทุกครั้งสองคนนั้นก็ไม่อยู่บ้านรับฟังหรอก


กิวก้าวเท้าลงจากเตียง รีบอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อเรียกสดชื่นกลับมาและจัดการตัวเองให้พร้อม หลังจากนี้เขาจะแวะไปบ้านพัฟ รับน้องออกไปดูหนัง ทานข้าวและซื้อหนังสือที่เจ้าตัวอยากได้ คาดว่างานนี้รูทกับพัฟคงจะตามไปเป็นก้างด้วย แต่มีหรือที่กิวจะหวั่นไหว อยากจะตามมาก็ตามไป ยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะแสดงออกต่อหน้าคนทั้งคู่ – คนทั้งโลกอยู่แล้วว่าเขาคิดอะไรและอยากจะทำอะไร มันเป็นสิทธิ์ของคนเราไม่ใช่หรือยังไง

แต่ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากบันไดหินอ่อนขั้นสุดท้าย ตาคมก็เห็นคนที่ตนไม่คิดว่าจะได้พบในช่วงเวลาแบบนี้ กิวพรูลมหายใจขณะเดินไปทางห้องครัว “สวัสดี” เอ่ยทักทายเพียงเท่านั้นแล้วเดินผ่านทั้งสองคนไปเปิดตู้เย็น คว้านมสดที่ตนซื้อมากระดก วันนี้คนรับใช้เหมือนจะต้องไปทำเรื่องอื่นกันหมดจึงไม่มีใครสักคนขึ้นไปตามเขาลงมาทานข้าว แต่กลางวันนี้เขาไม่ตั้งใจจะร่วมโต๊ะอาหารกับที่บ้านอยู่แล้ว ถือว่าดีเพราะเขาจะได้หลีกเลี่ยงบรรยากาศแย่ ๆ ที่ลอยวนอยู่ภายในครัวได้ กิวยักไหล่ขณะคิดถึงเรื่องนี้

“จะทำอะไรก็หัดมีมารยาทซะบ้าง” เสียงของพ่อดังลอดหนังสือพิมพ์ฉบับกลางวันออกมา กิวกลอกตาไปมา เริ่มแล้ว รู้ตัวดีว่าสิ่งที่ตามมาคงไม่พ้นคำพูดสั่งสอนปนแดกดันที่เขาไม่เคยชอบฟังเลย

“ตื่นตอนนี้มันจะไปตามทันคนอื่นเขาได้ยังไง คิดว่าปิดเทอมแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือเจ้ากิว ยังไงซะอนาคตแกต้องไปทำหน้าที่แทนฉัน หัดรู้จักวางตัวให้มันดี ๆ ซะบ้าง”

กิวคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดกึ่งบังคับจากปากผู้เป็นพ่อ เขาไม่เคยคิดจะดำเนินรอยตามตำแหน่งท่านประธานแบบคนเป็นพ่อเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะว่ากันตามตรงเขายังเลือกทางเดินของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะก้าวต่อไปตรงไหน อยากจะทำอะไรต่อไปในอนาคต เรียกว่าใช้ชีวิตแหลกเหลวไปวัน ๆ ก็ว่าได้ ดังนั้นพอมาเจอคำพูดแบบนี้ อารมณ์ที่ครุกรุ่นมาตั้งแต่ช่วงเช้าจึงแย่หนักเข้าไปอีก แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรไป ไม่อยากจะสาวความยาวด้วยรู้ดีว่าหลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น

“หัดสนใจใฝ่รู้เรื่องรอบตัวซะบ้าง ฉันไม่ได้ส่งเสียให้แกไปทำตัวเกกมะเหรกเกเรไปวัน ๆ หรือไปรวมแก๊งค์กับไอ้พวกขี้ยาพวกนั้นนะกิว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่แกทำ... แล้วนั่นแกไปทำบ้าอะไรกับหูมา”

ผู้เป็นพ่อวางหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่ในมือลงเมื่อเห็นต่างหูสีดำขนาดใหญ่ติดอยู่ตรงใบหูแล้วมองหน้าลูกชายคนเดียวของบ้าน เขาจำไม่ได้เลยว่าไปสอนลูกให้ทำตัวเหมือนกุ๊ยข้างถนนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งรถที่แต่งเสียไม่เหลือเค้าเดิม เสื้อผ้าหน้าผมที่ขัดหูขัดตาผู้เป็นพ่อแม่ และนี่จะยังทำตัวเลียนแบบแฟชั่นที่ดูแล้วไม่เจริญตาเสียเลยนั่นอีก คุณการุณย์ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อคนที่เขากำลังพูดด้วยทำเหมือนไม่สนใจ ปล่อยให้คำพูดของเขาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แถมสายตาที่มองไปทางอื่นนั้นมันเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตน ความโกรธแผ่กระจายภายในอกของผู้เป็นพ่อจนต้องขึ้นเสียงดัง

“ใครสั่งใครสอนให้แกทำตัวแบบนี้กิว! เพราะเพื่อนเลว ๆ พวกนั้นของแกใช่มั้ย!?”

“ผมเป็นแบบนี้เพราะผมเลือกเอง อย่าไปว่าคนอื่น” กิวสวนกลับทันควัน เขาไม่พูดใช่ว่าเขาจะปล่อยให้ผู้เป็นพ่อลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่งได้ แต่เหมือนคำพูดของเขาจะไปจุดชนวนระเบิดเข้าเสียแล้ว

“เลือกเองงั้นเหรอ!? เลือกที่จะขลุกอยู่กับพวกสวะข้างทางแล้วทำตัวเหลวแหลกแบบนี้งั้นเหรอ!? ฉันจำไม่ได้ว่าฉันสั่งสอนให้แกเป็นแบบนี้เลยนะกิว! เราอยู่บนที่สูง อยู่ในระดับผู้นำ ไม่จำเป็นต้องทำตัวต่ำเหมือนคนพวกนั้น!!”

“พ่อก็ดีแต่พูดเปรียบเทียบ ไม่เคยสอนเรื่องอื่นให้ผมเลย แล้วจะมาพูดอะไรเอาตอนนี้?”

“ว่าไงนะ!?”

“กิว พอเถอะลูก...” ผู้เป็นแม่ที่เห็นท่าจะไม่ดีรีบเอ่ยขัด กิวเพียงเหลือบไปมองแล้วกลับมามองหน้าพ่อของตนเองที่โกรธจนหน้าแดงควันออกหู กิวถอนหายใจเขาไม่อยากจะโต้เถียงอะไรมากไปกว่านี้จึงเลือกที่จะผละตัวออกจากห้องครัวทิ้งสถานการณ์แย่ ๆ ที่เพิ่งประสบไว้เบื้องหลัง

“เจ้ากิว! กลับมานี่นะ แกยังคุยกับฉันไม่รู้เรื่อง!”

เสียงของพ่อไล่ตามหลังมา แต่กิวไม่คิดจะหยุดเดินแล้วหันกลับไปแน่นอน ความโกรธที่ยังครุกรุ่นอยู่ในจิตใจเป็นแรงผลักดันให้ร่างสูงเดินตรงไปทางโรงจอดรถและรีบพาบิ๊กไบค์คันโปรดออกให้พ้นตัวบ้านในเวลาอันรวดเร็ว

กิวไม่สนิทกับพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เขาเติบโตมากับการเลี้ยงดูโดยมองเพียงแผ่นหลังของพ่อและแม่ที่มักจะหันหลังให้เขาและหันหน้าให้งานของตนเอง เจอหน้ากันทำเพียงมอบเงินให้ เวลาจะไปเรียนก็ให้พี่เลี้ยงขับรถพาไปส่ง กลับมาเจอแม่นมคอยดูแลเรื่องอาหารและส่งเขาเข้านอนตลอด พอโตขึ้นมาเมื่อไม่มีใครคอยรับฟังและพูดคุยเขาจึงหันหน้าเข้าหากลุ่มเพื่อนที่พร้อมจะรับฟังเขามากกว่า ออกทำกิจกรรมที่พ่อเรียกมันว่า “การรวมแก๊งค์กับคนขี้ยา” อยู่บ่อยครั้ง กิวรู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่สมควร เหมือนเด็กมีปัญหาเรียกร้องความสนใจแต่เขารู้ดีว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ เขาทำเพราะเขาเลือกที่จะทำก็เท่านั้น

หลังขับรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดด้วยความเร็วน่าหวาดเสียวไปสักพัก ความรู้สึกแย่ ๆ ก็เหมือนจะหายไปตามสายลม กิวทำใจให้เย็นลง ลดความเร็วของตัวเครื่องทีละนิดให้อยู่ในระดับที่ปกติต่อความปลอดภัยบนท้องถนน ลอบมองนาฬิกาข้อมือผ่านทางหมวกกันน็อคสีดำ เกือบจะเที่ยงแล้ว และเวลาที่เขานัดกับพวกน้องไว้คือเที่ยงครึ่งกับระยะทางที่ค่อนข้างไกล กิวคิดคำนวณเวลาและเส้นทางลัดที่จะพาให้ตัวเองถึงที่หมายในเวลาที่ตั้งใจไว้และเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย





กิวชะลอรถมอเตอร์ไซค์ของตนเมื่อเห็นประตู้รั้วอันคุ้นเคยอยู่ไม่ไกล ล้อรถชะลอและค่อย ๆ หยุดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ กิวจอดรถและถอดหมวกกันน็อคออก เที่ยงกับอีกยี่สิบห้านาที เขามาทันเวลาที่นัดไว้ มองเวลาแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขาเดฟตัวเก่งออกมากดเบอร์ที่คุ้นเคยเหมือนเป็นเบอร์โทรของตัวเอง


“ครับผม พี่กิวรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวให้พี่พัฟไปเปิดประตูให้”

ปลายสายบอกกับเขาแบบนั้น และไม่ทันให้เขาเอ่ยตอบอีกฝ่ายก็กดวางสายไป เหมือนเขาจะได้ยินเสียงโวยวายของเพื่อนสนิทด้วย คงจะทะเลาะกันเหมือนเดิมนั่นแหละ

เขายอมรับว่ามีบางครั้งที่เขาอิจฉาพัฟ เขารู้มาว่าครอบครัวของเพื่อนไม่สมบูรณ์เพราะผู้นำครอบครัวด่วนจากไปตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก และเพราะตอนนั้นพายยังเด็กมาก พัฟจึงต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและพี่ชายให้น้อง ส่วนคุณแม่ที่กิวก็ยังไม่เคยเห็นหน้า ต้องเป็นคนจัดการกับเรื่องธุรกิจทั้งหมดและเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นความอบอุ่นที่บ้านนี้มีให้กันกลับเติมเต็มความเข้าใจได้มากกว่าครอบครัวของเขา ที่มีพร้อมทุกอย่างแต่หาความสุขไม่ได้เลย เพราะงั้นกิวจึงอดอิจฉาเพื่อนไม่ได้...

“โทษทีกิว พอดีเถียงกับตัวเล็กอยู่”

ระหว่างที่คิดพัฟก็มาเปิดประตูให้แล้ว กิวพยักหน้าให้กับเพื่อนและเข็น นินจา บิ๊กไบค์คันโปรดของตนเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถในบ้าน

“เห็นเถียงกันตลอด”

“ก็มันกวนตีนนี่หว่า ยิ่งอยู่กับไอ้รูทยิ่งโดนให้ทาย” พัฟว่าแล้วหัวเราะ “มีแต่คนแปลก ๆ แบบมึงเท่านั้นแหละถึงมองว่ามันน่ารักได้” ว่าแล้วก็เย้าเพื่อนไปหนึงดอก

ตั้งแต่ที่รู้ว่าเขารู้สึกดี ๆ กับน้องชายของตัวเองพัฟก็ล้อเขาเรื่องนี้ตลอดแต่กลับไม่ห้ามปราม ไม่ขัดขวาง เพียงแค่มองอยู่ไกล ๆ ตามนิสัยคนไม่ชอบยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของเจ้าตัว เขาเคยถามพัฟเหมือนกันว่าไม่คิดรังเกียจหรือจะขวางเขาเลยหรือทั้งที่เขาทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน แต่เพื่อนตัวโตเพียงแค่ทำหน้าประหลาดใส่เขาแล้วบอกว่า


“เรื่องของพวกมึงทำไมกูต้องเสือกวะ? กูไม่ใช่เพื่อนพระเอกในละครนะที่จะบอกว่า “ดูแลน้องฉันให้ดี ๆ ถ้าน้องร้องไห้ฉันจะฆ่านาย” ยังไงซะนี่มันเรื่องของพวกมึง ผู้ชายแล้วไง? จะคบก็ไม่ต้องสนใจ  แค่อย่าพามันไปทำเรื่องแย่ ๆ ก็พอ กูขอแค่นี้”

คำพูดสมกับเป็นพี่ชายที่เลี้ยงดูน้องมาตั้งแต่เด็ก ๆ กิวรับรู้ว่าน้องได้ความคิดแบบพัฟมาไม่น้อยจากคำพูด ความคิด และการแสดงออก มันหลอมรวมกันจนทำให้น้องเป็นตัวของตัวเอง คิดอะไรก็กลั่นกรองแล้วพูด ไม่ชอบอะไรก็แสดงออกว่าไม่ชอบ ไม่ฝืนทน อาจจะดูเหมือนแรงและเอาแต่ใจ แต่ทุกการกระทำคือสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วทั้งนั้น และนั่นก็ทำให้กิวมองว่ามันน่ารักและน่าสนใจ ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น กิวก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิดแน่นอน
   




“นี่ ๆ พี่รูทเสื้อตัวนี้สวยมั้ย”

“ไหน ๆ เอ้ยยย ลายสวยอ่ะ ไปสอยมาจากไหนเนี่ย”

 “พายออกแบบแล้วทำเองกับพวกเพื่อน ๆ กะว่าจะทำขายหาเงินเอง พี่ว่าดีมั้ย?”

ระหว่างที่เดินเข้ามาในตัวบ้านพัฟและกิวก็ได้ยินเสียงสองแสบกำลังคุยกัน เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นกิวจึงเห็นน้องถือเสื้อที่เจ้าตัวพูดถึงอยู่ มันเป็นเสื้อพื้นขาวลายตัวการ์ตูนนำสมัยสีสันน่ารัก

“ฝีมือระดับนี้เกินกว่าดีแล้ว แต่ผ้ามันไม่ค่อยโอเคนะ พี่ว่าเปลี่ยนผ้าจะดีกว่านี้” จับเสื้อแล้วก็วิจารณ์ออกมาอย่างตรงไปตรงมา ฝ่ายน้องก็พยักหน้าหงึกหงักรับฟังความเห็นไปด้วย

“เหรอครับ... งั้นเดี๋ยวไปบอกพวกวิน ขอบคุณนะพี่รูท ตัวนี้พายให้เลย”

ท่าทางรูทจะดีใจมากถึงได้คว้าน้องเข้ามากอดแล้วยีหัวอย่างเอ็นดูจนผมเสียทรงแบบนั้น ฝ่ายน้องก็ปล่อยให้คนเป็นพี่ทำตามใจชอบแล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่น กิวมองภาพตรงหน้าแล้วส่ายหัวไปมา สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรเหมือนกลับไปเป็นเด็กกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่หลัง ๆ เห็นคุยโทรศัพท์ด้วยกันบ่อยมาก แถมบางครั้งก็ไปเที่ยวด้วยกันอีก ถ้าไม่ติดว่ารูทกับกิวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเขาคงเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งไปแล้ว

“อ้ะ พี่กิวเห็นยัง ลายสวยมั้ย วิจารณ์หน่อยครับ”

ทันทีที่พายหันมาเห็นเขา คนตัวเล็กก็กวักมือเรียกแล้วโชว์เสื้ออีกตัวที่กองอยู่ไม่ไกลบนโซฟาให้เขาดู กิวเดินมานั่งบนโซฟาหนังเนื้อดีแล้วรับเสื้อสกรีนลายมาดู ตัวการ์ตูนลวดลายน่ารักไม่เหมือนกับตัวที่น้องให้รูท แต่สีเน้นโทนสว่างที่เหมาะกับวัยรุ่นเหมือนกัน

“ลายกับสีสวยดี แต่เนื้อผ้าไม่ดีเหมือนที่รูทบอก... ชอบวาดรูปเหรอเรา?” กิวตอบเช่นเดียวกับรูท เขาคิดว่าลายและสีมันลงตัวและดึงดูดความสนใจแล้ว แต่เนื้อผ้าน่าจะร้อนเกินไปสำหรับที่จะใส่ในฤดูแบบนี้ น้องก็พยักหน้าตอบรับ นิ้วก็พิมพ์ข้อมูลลงมือถือไปด้วย

“อื้อ พายตั้งใจจะเรียนด้านออกแบบด้วยแหละเลยต้องฝึกวาดเยอะ ๆ อะ ตัวนี้ให้พี่กิว มันฟรีไซส์ใส่ได้อยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ... เก่งนี่เรา พี่ทำไม่ได้หรอกแบบนี้” กิวว่าแล้วจัดการปอยผมที่งยุ่งเหยิงของน้องให้เข้าที่ คนตัวเล็กได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวรับคำชม ไม่ได้จะยอตัวเองหรอกนะ แต่เวลามีคนชมสิ่งที่เราตั้งใจจะทำแล้วมันชวนให้รู้สึกเหมือนตัวจะลอยยังไงก็ไม่รู้สิ

“แต่พี่กิวเก่งภาษาอังกฤษจะตาย ขนาดพายที่เรียนสายภาษายังสู้ไม่ได้เลย” น้องอมยิ้ม ครั้งก่อนภาษาอังกฤษที่คนตัวโตติวให้ออกเกินครึ่งเลยช่วยเขาได้เยอะ เห็นพายเรียนสายโดยตรงแบบนี้แต่ก็ไม่ได้เก่งเลยสักอย่าง มีแค่เรื่องวาดภาพนี่แหละที่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่แพ้ใครแน่นอน

คำพูดเปรียบเทียบธรรมดาของน้องทำให้คนฟังหัวใจพองโต กิวรู้สึกดีไม่น้อยจนต้องเผยรอยยิ้มที่นาน ๆ ครั้งจะมีใครได้เห็น มือใหญ่ไม่หยุดลูบเส้นไหมละเอียดที่คลุมหัวกลม ๆ อย่างเอ็นดู นานวันเข้าเขายิ่งได้รับอะไรที่คาดไม่ถึงจากเด็กคนนี้ ทั้งจากคำพูดและการกระทำ มันทำให้สิ่งที่เคยเป็นในตัวเขาเริ่มเปลี่ยนไป กิวรู้ตัวว่าตัวเองใจเย็นมากขึ้น ยอมคนมากขึ้น และยิ้มมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นแค่กับตอนที่อยู่กับพายแต่กิวก็คิดว่ามันคือความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

“อะแฮ่ม... ก็ไม่อยากจะขัดจังหวะหรอกนะครับอาเฮีย แต่มดแม่งจะขึ้นเสื้อละ ใกล้ถึงเวลาหนังเข้าแล้วด้วย รีบไปก่อนจะดีมั้ย?”

เสียงกระแอมของรูทขัดบรรยากาศหวาน ๆ ที่ห้อมล้อมอยู่ข้างตัว ถึงจะหายากที่จะได้ดูไอ้กิวยิ้มก็เถอะ แต่ขอหน่อยเหอะว่ะ เห็นแล้วรูทล่ะหมั่นไส้จนต้องขอแทรก

“รูทมึงนี่นะ คนเขาจะจีบกันไปยุ่งกับเขาอีก ออกไปเตรียมรถกับกูเลยไป คู่นั้นก็หวานกันให้พอแล้วรีบตามมา ตัวเล็กอย่าลืมปิดไฟปิดพัดลมด้วย”

“ก็ได้ ไปครับพัฟ ไปช่วยกันทำรถเนอะ มดขึ้นตัวรูทมั้ยก็ไม่รู้ ดูให้หน่อยสิ” รูทแกล้งทำเสียงออดอ้อนใส่คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ พัฟก็เหมือนจะเข้าใจ หยอดคำหวานกลับไปไม่แพ้กัน แต่มันหวานขนาดที่รูทฟังแล้วต้องยกนิ้วกลางมามอบให้แบบเน้น ๆ

“...มีแต่เห็บน่ะสิครับรูท บอกให้อาบน้ำไม่อาบ ไว้เดี๋ยวกลับมาพี่พัฟจะอาบให้เนอะ”

“ไอ้พี่พัฟกวนตีนจังนะครับ โหะ ๆ ๆ “

คล้อยหลังเสียงหัวเราะและคำหยอกเย้าประหนึ่งคู่รักกำลังจะหย่ากันของพี่ชายทั้งสองพายก็มองกิวที่ทำสีหน้าพะอืดพะอมมองตามแผ่นหลังสองคนนั้นไป คนตัวเล็กยิ้มก่อนจะผลุดตัวจากโซฟาแล้วยื่นมือไปตรงหน้ากิว

“ไปกันเถอะพี่กิว เดี๋ยวไปทันหนังฉาย พายไม่อยากไปช้าจนอดซื้อป๊อบคอร์นนะ”

กิวยิ้มแล้วคว้ามือน้องพร้อมลุกขึ้นยื่น ช่วยปิดไฟและพัดลมทุกตัวตามที่พัฟสั่งไว้จนเรียบร้อย  จึงได้เวลาพาน้องไปเที่ยวเสียให้สมใจ





“หนังสนุกสุดยอด! รู้งี้มาดูตั้งแต่ที่เข้าฉายแล้ว”

“ตอนมันฉายเราสอบกันอยู่... สติหน่อยรูท” ทันทีที่ตัดมุกเพื่อนกิวก็ได้รับสายตาเขียวปั้ดที่ส่งมาให้ เหมือนจะโดนด่ากลาย ๆ ว่าอย่าเสือก แต่กิวก็หาได้สนใจ ช่วงนี้เขาโดนด่าทางสายตาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว

หนังที่ทั้งสี่คนมาดูวันนี้คือเรื่อง Transformer 4 ที่เข้าโรงมาได้สักพักหนึ่งแล้ว กิวไม่ได้ดูภาคก่อนหน้า หรือเป็นแฟนหนังเรื่องนี้หรอก แต่เพื่อนทั้งสองคนและพายบอกว่าอยากจะดูกันเขาเลยตามน้ำไปด้วยโดยไม่คิดอะไร แต่พอดู ๆ ไปเขาก็ชักอยากจะหาภาคแรก ๆ มาดูซะแล้ว ถึงแม้น้องจะบอกว่าไม่ต้องดูต่อกันก็ได้เพราะเปลี่ยนทุกอย่างกระทั่งตัวละครก็เถอะ

“พายว่าบับเบิ้ลบีภาคนี้เจ๋งดีอะตัวโต เท่โคตร!”

“ก็ตัวเล็กเป็นแฟนบับเบิ้ลบีนี่หน่า พี่ว่าออฟติมัสเท่กว่าอีก”

“โหยยย คนชอบเยอะแล้ว ไม่เอาหรอก บับเบิ้ลบีอ่ะเจ๋งสุด”

ปล่อยให้หยอกกันไปมาตามประสาพี่น้องแล้วทั้งวี่จึงได้เวลาตกลงกันว่าจะกินอะไร เพราะกว่าจะมาถึงทีนี้ก็ก่อนหนังเข้าสิบนาที ทำให้แผนกินข้าวกลางวันที่ตั้งใจไว้ต้องล้มเลิกไปเหลือแต่ป๊อบคอร์นที่น้องอยากกินแค่อย่างเดียว ถกเถียงเรื่องร้านกันสักครู่จึงจบลงที่ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่รูทอยากจะลองกิน

“อ้ะ พายลืมเลย พวกพี่ไปกินแล้วกัน พายขอไปดูหนังสือก่อน”

“อ้าว เอางั้นเหรอพาย พี่รอก็ได้นะ” แม้ท้องจะหิวแต่ถ้าเพื่อน้องพี่รูททนได้ สีหน้าของรูทบอกแบบนั้น แต่พายกลับหัวเราะแล้วโบกมือไปมา ยืนยันว่าให้พวก ๆ ไปกันก่อน เพราะพี่รูทกับพี่กิวไม่ได้กินข้าวแถมไม่กินป๊อบคอร์นด้วย เขาเลยไม่อยากให้พี่ ๆ ต้องมาทนหิวระหว่างรอ

“พี่ไปด้วย”

“หือ พี่กิวไปกับพวกพี่พัฟก็ได้นะ”

“ไม่ พี่ไปด้วย”

จู่ ๆ ความรู้สึกไม่ค่อยดีก็ตีตื้นขึ้นมาในอกของกิว ความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขารู้สึกเมื่อเช้า เขาคิดว่ามันเหมือนลางสังหรณ์อะไรบางอย่างจึงไม่อยากให้น้องเดินไปไหนมาไหนคนเดียว ฝ่ายพายเมื่อเห็นว่ากิวยืนยันที่จะไปด้วยกันให้ได้ แถมสีหน้ายังจริงจังซะจนน่ากลัวก็ได้แต่พยักหน้าเออออให้ ยอมตามใจไม่งั้นคนตัวโตงอแงขึ้นมาเหมือนครั้งก่อนแล้วจะรับมือไม่ถูก ทั้งสีคนนัดแนะสถานที่กันเรียบร้อยก็ตั้งท่าจะแยกกันถ้าไม่มีใครคนนึงทักขึ้นมาซะก่อน

“เฮ้... ดูสิฉันเจอใคร ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในที่แบบนี้เลยแหะ”

เสียงที่ทักขึ้นทำให้ทั้งกลุ่มหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่าคนที่ทักออกมาคือใครกิวก็เข้าใจถึงความรู้สึกแย่ ๆ ที่เมื่อครู่ตนสามารถสัมผัสได้

“ไอ้ดอม” เอ่ยชื่อคู่แข่งที่ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอกันที่นี่ได้

กิวมองสำรวจรอบ ๆ อีกฝ่ายก็มากับเพื่อนร่วมแก๊งค์ประมาณ 4-5 คนเหมือนกัน และคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่มาเจอกันทีนี่เพราะดอมแต่งชุดสบาย ๆ เหมือนมาเดินเที่ยวมากกว่าจะมาทำเรื่องอื่น กิวไม่ลืมที่จะลอบมองสำรวจพื้นที่รอบบริเวณไว้ก่อน เขารู้ว่าคงไม่มีใครคิดสั้นจะมามีเรื่องกันในห้างดังที่มีคนพลุกพล่านขนาดนี้เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นที่รู้จักของคนในวงการธุรกิจ แต่ยังไงซะกันไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท

“ไงกิว รูท พัฟ และ... น้องคนนั้นไม่เคยเห็นหน้านิ เด็กใหม่ในแก๊งค์มึงเหรอกิว?”

ทันทีที่รู้ว่าดอมเห็นน้องแล้ว คนตัวโตก็รีบดังตัวพายให้ไปยืนกับพัฟทันที ไม่ลืมที่จะยืนบังเพื่อเบนสายตาที่ดูจะสนใจใคร่รู้นั่น “เขาจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับมึง” ตอกกลับไปอย่างรู้สึกไม่พอใจที่มีคนมาจ้องน้องด้วยสายตาเฃ่นนี้

“อ่อ... อย่าบอกนะว่าเป็นคนที่มึงไปรับไปส่งบ่อย ๆ ช่วงนี้ กูก็นึกว่าเป็นผู้หญิง ที่แท้มึงจะสอยเด็กผู้ชายเหรอวะกิว!” ดอมเอ่ยพร้อมส่งสายตาเหยียดหยามไปทางน้องที่ยืนมองอยู่ด้านหลังก่อนจะหัวเราะเสียงดังให้คนในกลุ่มตัวเองต้องหัวเราะตาม กิวกำมือแน่น คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่ชอบใจในคำพูดของอีกฝ่าย ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่การใช้คำต่ำ ๆ แบบนั้นมันจะหยามกันมาเกินไปหน่อยในความรู้คิดเขา

“น้องชายกูเอง กูฝากให้กิวมันดูแล...”

“รู้แบบนี้คงไม่ต้องเสือกมากไปกว่านี้แล้วมั้ง?” รูทเอ่ยต่อจากพัฟทันทีเพื่อหมายจะให้จบเรื่องและไม่ต้องการให้พัฟบอกข้อมูลของตนเองและน้องไปมากกว่านี้

“โฮ่... กูเพิ่งรู้ว่าคุณชายพัฟมีน้องชายกับเขาด้วย แบบนี้ก็ดองกันได้เลยสิ มีน้องเป็นผู้ชายแถมได้น้องเขยเป็นผู้ชายอีก ว่าแต่สนุกมั้ยวะกิว ถ้าเบื่อก็ส่งมาให้กูบ้างก็ได้นะ”
 
ว่าแล้วก็ทำเสียงหึขึ้นจมูก คำพูดเหยียดหยามศักดิ์ศรีเหมือนน้องเป็นเพียงสิ่งของ และดูถูกเพื่อนเขาไปในทีทำให้กิวฉุนขาด ใบหน้านิ่งตึงเครียดด้วยความเกรี้ยวกราด จากที่ยับยั้งสติได้ในตอนนี้มันกลับพังทลาย แม้ปกติตนจะมีคติว่าใช้กำลังก่อนคือแพ้ แต่ครั้งนี้เขายอมเป็นผู้แพ้ แลกกับการได้เลือดจากปากเน่า ๆ นั่นมาลบคำสบประมาททั้งหมดที่ได้ยิน

หากเมื่อเขากำลังจะง้างมือฟาดปากอีกฝ่าย ก็มีฝ่ามือเล็กมาตบเบา ๆ ลงบนแผ่นหลังเขา ทำให้เขาต้องหันหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยความโกรธไปมอง จึงเห็นว่าเป็นน้องที่ส่ายหน้าให้เขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินเรื่องราวเมื่อกี้ แต่กิวกลับรับรู้ได้ว่าน้องกำลังโมโห... โมโหมากพอ ๆ กับเขานั่นแหละ

“อะไรวะกิวเดี๋ยวนี้มึงกลัวเมียแล้วเหรอ? ไงครับน้อง”



มีต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 24-10-2014 23:01:43
ต่อนะคะ



ดอมหยามใจเมื่อเห็นว่ากิวไม่ทำอะไรตน จึงเอียงใบหน้ายิ้มแย้มไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลังกิว หากแต่น้องน้อยในกลุ่มไม่ตอบคำถามใด ๆ เพียงแค่เหลือบมองหน้าดอมแล้วหันไปพูดกับกิวและพี่ ๆ ในกลุ่มของตัวเองด้วยคำพูดคำจาของน้องทำให้คนที่ได้ยินแทบจะตาเหลือก

“อย่าไปตีเวลาที่หมาเห่าสิครับพี่กิว ถ้ามันเห่าดังกว่านี้จะระคายหูคนอื่นเขา” พูดจบน้องก็เดินไปยืนข้าง ๆ กิวก่อนจะสอดมือเข้าไปในอุ้งมือใหญ่ที่เผลอคลายออกเมื่อได้ฟังคำพูดที่คาดไม่ถึง แล้วประสานนิ้วทั้งห้าของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน “แล้วก็นะถึงพวกผมจะคบกัน ดองกัน หรือได้กันมันก็เรื่องของพวกผม คุณไม่ต้องเข้ามาสู่รู้ก็ได้ครับ... ไปเหอะพี่กิว รำคาญ”

จบประโยคพายก็เดินลากคนที่ตนจับมืออยู่ผ่ากลางกลุ่มคนที่ยังยืนอึ้งเมื่อได้ฟังคำพูดทั้งหมดนั้น รูทเหมือนจะได้สติคนแรก หนุ่มตี๋หัวเราะออกมาเสียงดังจนทำให้พัฟสะดุ้งรู้สึกตัวตามไปด้วย ทั้งสองจึงเดินผ่ากลางตามน้องและกิวไป ไม่วายยังหันมาโบกมือให้ดอมพร้อมทำสีหน้าสงสารให้อีก

กว่าดอมจะรู้ตัวว่าโดนเหยียบหน้าพวกกิวก็เดินจากไปไกลแล้ว เขาจึงทำได้เพียงส่งอาฆาตแค้นมองไปยังทางที่กลุ่มของกิวเดินจากไป ดอมรู้สึกเสียหน้ามาก เขาไม่คิดว่าคำพูดตัวเองจะโดนคนรักของกิวตอกกลับมาแบบนั้น อยากจะเอาคืนมันซะทั้งคู่ พลันความคิดก็ผุดขึ้นมาในสมอง คนรักอย่างนั้นสินะไอ้กิว...

“แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกัน”





“พวกมึงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูตามไป”

กิวบอกกับรูทและพัฟที่เดินอยู่ไม่ไกลแล้วมองไปทางน้อง ตอนนี้พายยังไม่ปล่อยมือที่จับไว้กับเขา และยังไม่หยุดเดินแม้จะเลยจุดหมายปลายทางแล้วก็ตาม พัฟกับรูทมองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า เข้าใจถึงสถานการณ์ในยามนี้ ทั้งสองคนจึงปลักตัวไปก่อน พัฟพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเหมือนต้องการจะบอกว่าฝากน้องชายไว้กับเขาด้วย กิวจึงพยักหน้าตอบ และปล่อยให้น้องลากตัวเองไปตามที่ตนพอใจ เขารู้ว่าตอนนี้น้องกำลังโมโหมาก มากจนขาดสติและพูดเรื่องแบบนั้นออกไป กิวเพิ่งรู้สึกก็วันนี้ว่าความโกรธมันช่างน่ากลัวจริง ๆ

น้องลากเข้ามาจนออกจากห้าง มาหยุดบริเวณลิฟต์ตรงลานจอดรถ หอบหายใจด้วยความเนื้อจากการเดินเร็วและลากผู้ชายตัวโตอย่างเขามาด้วย น้องปล่อยมือเขาแล้วในตอนนี้ แต่เป็นกิวเองที่ยื้อจะจับมือน้องไว้

“พายครับ... เรามาคุยกันหน่อยไหม?”

กิวถามไปแต่กลับได้ความเงียบเป็นคำตอบว่าน้องยังไม่พร้อม กิวจึงไม่เอ่ยอะไร เพียงยืนรอเวลาเท่านั้น

“.....พายไม่ชอบที่เขาพูดจาแบบนั้น”

ผ่านไปราวห้านาทีคนตัวเล็กก็เอ่ยออกมาเบา ๆ ตากลมโตที่ก้มมองพื้นถึงเมื่อครู่เหลือบมามองสบตากิว คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันและมุมปากที่บิดลงเป็นสัญญาณว่าน้องยังคงโกรธอยู่ แต่เริ่มจะตั้งสติได้ดีมากกว่าเมื่อครู่แล้ว “เขาพูดจาดูถูกพี่กิว พูดจาดูถูกพี่รูทกับพี่พัฟ และเขาดูถูกพาย พายไม่ชอบ” ว่าแล้วน้องก็ทำเสียงฮึดฮัดแบบไม่พอใจ

“.....พี่ขอโทษ”

“พี่กิวขอโทษทำไม พี่กิวไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องแย่ ๆ แบบนั้น คนที่ต้องขอโทษคือผู้ชายคนนั้นต่างหาก” น้องทำหน้างงใส่กิว ความโกรธในอกหายไปชั่วครู่แทนที่ด้วยความสงสัย

“แต่พี่ทำให้พายต้องเจอเรื่องแบบนี้ พี่ขอโทษ”

กิวสบตาน้อง เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกนั้นจริง ๆ ตอนนี้ความโกรในตัวดอมมันลดน้อยลงไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความโกรธในตัวเอง โกรธที่ทำให้น้องต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“พี่กิว... พี่กิวฟังพายนะ”

พายยื่นมือข้างที่ว่างมาแตะใบหน้าคมเข้มที่มีแววเคร่งเครียดและสำนึกผิด สบตากับเจ้าของตาคมอย่างไม่หวาดหวั่น ถ่ายทอดความรู้สึกที่อยู่ข้างในออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าตนกำลังจริงจังในคำพูดนี้มาขนาดไหน

“เรื่องในวันนี้ทำให้พายดีใจที่พายได้มาเจอพี่กิว ถึงก่อนหน้านี้จะดีใจอยู่แล้วนิด ๆ ก็เถอะนะ”

“..........”

“พี่กิวโกรธแทนพี่พัฟกับพี่รูท นั่นทำให้พายดีใจมากแล้วเพราะมันทำให้พายรู้ว่าพี่กิวแคร์ความรู้สึกของคนที่พายรัก แต่พี่รู้มั้ย พอพายเห็นพี่กิวสติแตกเพราะเขามาพูดจาดูถูกพายแบบนั้นพายยิ่งดีใจมากกว่าอีก...”

พายหยุดคำพูดของตนเองไว้เพียงเท่านั้นพลางขบริมฝีปากบางของตนเองเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง และน้องก็ทำในเรื่องที่กิวคาดไม่ถึง มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าประโยคที่น้องตอกหน้าดอมหรือเดินการจับมือเขาฝ่าวงล้อมของคนทั้งกลุ่มออกมา เพราะน้องหอมแก้มเขา น้องพายน้องชายพัฟน้องรักของรูทและคนที่กิวกำลังให้ใจไปหมดทั้งใจกำลังหอมแก้มกิวอยู่ และเมื่อน้องผละริมฝีปากออกจากแก้มกร้านของเขา เจ้าตัวก็เสตาหลบแล้วเอ่ยคำพูดงึมงำ ๆ ที่ทำให้ความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดทั้งมวลของกิวหายไป แทนที่ด้วยความสุขซึ่งถาโถมเข้ามา



“พายดีใจที่โอกาสที่พายเคยให้พี่กิวมันไม่สูญเปล่า พี่กิวเปลี่ยนใจพายได้แล้วนะครับ”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีตอนดึก ๆ ของวันศุกร์ค่ะ
ตอนนี้ยาวอยู่พอสมควร ยาวที่สุดที่เคยแต่งมาค่ะ สถิติแตกแล้ว! 555555555555

ไม่ได้มาสักพักใหญ่ ๆ เลย จนคุณ cattydoggy ต้องมาตามอีกรอบ ขอโทษด้วยค่า  :mew6:
เห็นจากคุณ tuckky ว่าได้ลงในนิยายแนะนำด้วย คุณพระ ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ นะคะ
คุณ aiLime13 คุณ maemix คุณ ssipra คุณ  quiicheh. คุณ chisarachi ติดตามกันมาตลอดเลย ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ และทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านทั้งขาจรและขาประจำที่อาจจะตกหล่นไป ทุกคนคือกำลังใจจริง ๆ เวลาแต่งไม่ออกก็มาตามอ่านคอนเม้น มันจะฮึกเหิมอย่างประหลาดค่ะ 55555 ขอบคุณจริงๆค่ะ  :L1:

ช่วงนี้หาย ๆ ไปเพราะโดนย้ายตำแหน่งงานใหม่เลยวุ่น ๆค่ะ ขนาดในทวิตยังนาน ๆ มาที นี่สินะชีวิตพนักงานกินเงินเดือนที่แท้จริง แต่เราจะสู้ต่อไปค่ะ!

แล้วจะรีบเอาตอนต่อไปมาเสิร์ฟนะคะ ขอวางพล็อตให้รัดกุมก่อน เพราะตอนนี้พล็อตหมดสต๊อก  :hao5:

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ!  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 25-10-2014 02:07:08
น้องพายจุ๊บแก้มพี่กิวก่อนแบบนี้
พี่กิวมันไม่เป้นลมไปแล้วหรอ 5 5 55
คิดว่าคนที่หยุดอารมณ์ร้อนของพี่กิวได้คือน้องนี่แหละ
น้องม่ันคือหยาดน้ำฝนที่คอยชโลมใจให้พี่กิว
ฮิ้ว วว
มาต่อเรื่อยๆนะคะ  สู้ๆกับงานค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-10-2014 07:24:39
น้องพาย นิ่งมากลูก ตอกกลับได้สะใจ
น้องหอมแก้มพี่กิวก่อนด้วย ฟิน ฟิน
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 25-10-2014 08:49:31
น้องคือที่สุดของหัวใจพี่กิวจริงๆนะเนี่ย อ่านไปอมยิ้มไป จิกหมอนไปอีก555555 น่ารักจังง
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 25-10-2014 09:29:08
อิดอม ต้องทำอะไรชั่วๆอีกแน่ คาดว่าเรื่องพี่กิวคบเด็กผู้ชายคงไปถึงครอบครัวแน่ๆ

ปล. ชีวิตมนุษย์เงินเดือนเป็นอะไรที่...... :ling2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 25-10-2014 10:33:04
ฟินแทนพี่กิวอ่ะน้องมันอ้อนขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 25-10-2014 21:03:50
อ่านจบแล้วยิ้มแก้มแตกกกกกกกกกกกกกกก

 :-[ :-[ :-[

น้องพายน่ารักกกกกกกกกกก
จะว่ายังไงดีละ? น้องเหมือนเป็นเทวดาประจำตัวของพี่กิวเลยนะ 55555
คือให้ความรู้สึกว่าดีจริงๆ ที่พี่กิวได้มาเจอน้องพาย เหมือนได้ผ้าห่มตอนฤดูหนาว
เหมือนได้ร่มตอนฤดูฝน เหมือนได้พัดลมตอนฤดูร้อน คือน้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่กิวมากอ่ะ
อ่านแล้วขุ่นแม่(?)ปลื้มปลิ่มน้ำตาซึม  :hao5:

ท้ายตอนนี่แบบ.. ฮืออออออ อ่านแล้วยิ้มออกมาจริงๆ
มันแบบ อร๊างงงงงงงง เราเป็นพี่กิวจะเต้นบัลเล่ย์รอบห้าง พี่กิวเปลี่ยนใจน้องได้แย้ววว >,<

แต่ดอมนี่ มันต้องกลับมาหาเรื่องพี่กิวกับน้องอีกแน่ๆ *แม่ยกเตรียมไม้หน้าสามไว้ในมือให้มั่น*

ตอนนี้พัฟรูทน่ารักมากค่ะ ! >_<
รู้สึกได้ว่าพัฟนี่ชอบหาเรื่องเพื่อนเนอะ แบบเรียกร้องความสนใจ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบก็เงี้ย กร้ากกก

รอตอนหน้าค่ะ  o13
สู้ๆ ทั้งเรื่องงานทั้งนิยายเลยน้าาาา ฮู้ววววววววว ^^
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 25-10-2014 22:53:10
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 26-10-2014 00:12:52
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดน่ารักอะ โอยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องพายน่ารักกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็ขอบคุณดอมนะที่ทำให้น้องพายยแอร่กก ตายดีกว่า  :m25: เขินนน
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 6 อันตราย หน้า 2 (24.10.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-10-2014 20:39:52
ดอมเป็นไรมากกกกกกกกกรังควานไปทั่วเลย
แต่พี่กิวสมัยก่อนนี่เฮี้ยวกะครอบครัวน่าดู
อ่านตอนที่ดีๆ เป้นผู้เป็นคนแล้วแบบ
น้องพายนี่ชั่งมีอิทธิพล *_*
สุดท้ายความพยายามของพี่กิวก็ไม่ศูนย์เปล่า
ชอบตอนน้องจับมือพี่กิวฝ่ากลุ่มไอ้ดอม
มันแบบบเอาใจไปเลยยยย

หวานตลอดดดดดชอบมาก
อ่านละอมยิ้มทุกตอนเลยค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 19-11-2014 14:37:36
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน สิ่งสวยงาม





ความรักเป็นสิ่งสวยงาม


ความหมายของมันช่างยิ่งใหญ่ แม้เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่กลับรู้สึกถึงมันได้จากส่วนลึกภายในจิตใจ ความรักสามารถนำพาความสุข ความสงบ ความโอบอ้อมอารีมาสู่ผู้ที่รู้จักรัก แม้บางครั้งความรักจะทำร้ายผู้ที่รู้จักมัน แต่กลับไม่มีใครสามารถปฏิเสธ หรือปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกรักได้เลย





น้ำจากสายยางที่ไหลออกมาไม่ขาดสายค่อย ๆ เบาลงก่อนจะเหลือเพียงหยดน้ำร่วงหล่นพื้นเป็นจังหวะ พายฮัมเพลงไปยิ้มไปขณะม้วนสายยางเก็บเข้าที่ วันนี้ต้นไม้และดอกไม้ที่เจริญเติบโตอยู่ริมรั้วบ้านของตนยังสมบูรณ์แข็งแรงเช่นเคย ทำให้พายที่รับหน้าที่ดูแลด้วยตัวเองอารมณ์ดีกับผลลัพธ์นี้มาก

“พาย แม่เรียกกินข้าวแล้ว” ลูกชายคนโตของบ้านในสภาพเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเดินเกาหัวมาพลางร้องเรียก “อ้าว... ไม่ยักกะแห้งตาย” อดไม่ได้ที่จะเย้าน้องชายของตนเหมือนทุกที

“พายไม่ใช่พี่พัฟนะ คนบ้าอะไรปลูกถั่วงอกง่าย ๆ ยังตาย”

“มันง่ายไปเลยตายเว้ย”

สองหนุ่มเดินเถียงกันตลอดทางกระทั่งถึงห้องครัว ทันทีที่กลิ่นข้าวต้มหอม ๆ ลอยเข้าจมูก พยาธิที่อยู่ในท้องของทั้งคู่ก็ส่งเสียงโครกครากอย่างไม่ไว้หน้า พายลูกท้องแบน ๆ ของตัวเองแล้วเดินไปกอดเอวคุณแม่ยังสาวที่ยืนอยู่หน้าเตา พลางใช้หัวกลม ๆ ของตนเองถูไถออดอ้อนไปกับแผนหลังบอบบาง

“ม๊าครับ พายหิวแล้ว หิว ๆ ๆ ๆ "

คุณนายอรอนงค์หัวเราะให้กับความขี้อ้อนของลูกชายคนเล็ก ปากก็รับคำแล้วเช็คข้าวต้มในหม้ออีกครั้งว่าได้ที่แล้วหรือยัง
“พร้อมแล้ว ทีนี้ ใครจะช่วยม๊ายกชามข้าวไปตั้งโต๊ะล่ะ หืม?”

“พายทำ!”

พายชูมือทันที รีบอาสาตัวเข้าไปช่วยยกชามข้าวต้มที่ผู้เป็นแม่กำลังตักเรียงใส่ถาดเสิร์ฟ แต่ยังไม่ทันจะได้ยก พัฟที่เดินตามหลังมาไม่ไกลก็คว้าถาดไปยกไว้ก่อน พัฟส่ายหน้าไปมาให้น้องตัวเอง “พี่เอง ให้ตัวเล็กถือได้อดกินทั้งบ้าน” ไม่วายจะหันมายกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยคนตัวเล็กให้ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่กล้าขึ้นเสียงว่าด้วยรู้ว่าม๊าไม่ชอบ

กว่าจะเริ่มลงมือทานข้าวเช้ากันได้ คุณอรอนงค์ก็ต้องปรามให้ลูกชายทั้งสองเลิกตบตีกันบนโต๊ะอาหารไปหลายรอบ และคงจะต้องมีอีกครั้งเมื่อพัฟกำลังจะเริ่มแกล้งน้องด้วยการแย่งหมูที่ลอยอยู่ในชาม แต่พายเห็นก่อนเลยจัดการชิงหมูในชามพี่ชายมาคืน คนเป็นแม่ได้แต่อ่อนใจ เลิกความคิดที่จะปราบลูกแล้วนั่งดูอยู่เงียบ ๆ

อรอนงค์มองลูกทั้งสองคนพลางย้อนคิดไปถึงสมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก เธอไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนนักเพราะต้องรับช่วงต่อบริษัทเบเกอรี่ชั้นนำต่อจากคุณนพพล สามีของเธอ หรือก็คือพ่อของทั้งคู่ที่ด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอเคยนึกกลัวว่าการขาดความอบอุ่นจากพ่อ และการไม่มีเวลาอยู่กับลูกจะทำให้ทั้งสองคนโตมาแบบผิดเพี้ยน แต่กลับไม่ใช่เลย พายแม้จะหัวอ่อน ติดแม่ ติดพี่ แต่ก็มีความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่ สามารถดูแลตัวเองได้เพราะได้พัฟช่วยดูแลน้องมาตั้งแต่ยังเด็ก คอยดูแลพายไม่ต่างกับเป็นพ่อคนที่สอง ไม่บ่นว่าเหนื่อย ไม่เคยพูดว่าเกลียดน้อง เหมือนที่เด็กบางคนมักจะเป็นเวลาต้องทำเรื่องพวกนี้ เรื่องการเรียนทั้งสองคนก็ได้รับคำชมและผลการเรียนก็อยู่ในลำดับต้น ๆ ของชั้นเสมอ

แต่อรอนงค์รู้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เธอรู้ว่าตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมปลาย พัฟก็ไปรวมกลุ่มกับลูกชายของประธานบริษัทดังที่มีชื่อเสียงในด้านแย่ ๆ ออกไปขับรถแข่งตอนกลางคืน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แม้ใจจะอยากปราม แต่เธอรู้ดีว่าเธอเลี้ยงลูกได้แค่ตัว เรื่องความคิดและความต้องการ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับลูก จึงได้แค่เอ่ยเตือนตามสมควร

“ว่าแต่รูทกับกิวเป็นยังไงบ้างลูก หมู่นี้ม๊าไม่เห็นเลย”

ว่าแล้วก็เอ่ยถามถึงเพื่อนทั้งสองของลูกชายคนโต คนที่รู้มาว่ามีชื่อแย่ ๆ นั่นแหละ ดูจากภายนอกแล้วทั้งสองคนรวมไปถึงพัฟจะเหมือนกลุ่มเด็กเกเร แต่อรอนงค์รับรู้ได้ว่าจริง ๆ แล้วภายในของเด็กพวกนั้นไม่ใช่แบบที่คนอื่น ๆ ตัดสินเสียทั้งหมด

“ก็สบายดีครับม๊า ความจริงพวกนั้นมากันบ่อย แต่ม๊าไม่อยู่มากกว่า"

“หืม? บ่อยด้วย มาทำอะไรกันล่ะลูก มีปาร์ตี้ไม่ชวนม๊าหรือไง”

“ เปล่าครับม๊า... กิวมันมาจีบตัวเล็ก ส่วนรูทมาเป็นก้างขวางคอกิวต่างหาก” พัฟว่าแล้วตักข้าวต้มคำสุดท้ายเข้าปากก่อนทิ้งระเบิดไว้บนโต๊ะอาหารแล้วหนีไปล้างชาม “จีบติดแล้วด้วยมั้ง...”

ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่ก็ทำตาโต หันไปมองพายที่กำลังสำลักข้าวหน้าแดงน้ำหูน้ำตาไหล เธอส่งทิชชู่ให้ลูกชายที่เหลือบมองแบบอึกอัก และอรอนงค์ก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่เธอควรจะคุยกับลูกชายคนเล็กแบบจริงจังสักที





“ไหนบอกม๊าหน่อยสิพายว่าที่พี่พัฟพูดจริงหรือเปล่า?”

หลังมื้อเช้าที่กระอักกระอ่วน คุณอรอนงค์ก็ปล่อยให้พายไปต่อยตีกับพี่ชายตัวเองก่อนแล้วจึงเรียกให้มาคุยกับเธอที่ห้องนั่งเล่น พายในยามนี้ดูราวกับพายตัวน้อยตอนที่ทำตุ๊กตาพี่หมีตัวโปรดหายนัก สีหน้าหงอย ๆ และดวงตาผลุบต่ำยามรู้ว่าตนกำลังทำผิดทำให้เธอต้องอมยิ้ม

“พาย... ม๊ารอพายตอบอยู่นะ” เธอกระตุ้นลูกชายอีกครั้ง ครั้งนี้พายพยักหน้ารับแล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

“พาย... พายโดนพี่เขาตามจีบจริง ๆ ครับม๊า เรื่องมันเริ่มเพราะพายไปเจอพี่เขากำลังลำบากอยู่แถวโรงเรียนพาย...” เด็กหนุ่มเงียบไปเพื่อเกลาความทรงจำในสมองให้เป็นคำพูด พายเลือกจะละสาเหตุที่กิวไปอยู่แถวนั้นเพื่อเลี่ยงความไม่สบายใจของผู้เป็นแม่ลง

“หลังจากนั้นพี่เขาก็คอยไปรับไปส่งพายตลอด ตอนแรกพายก็ไม่ยอมนะม๊า แต่พี่กิวโคตรดื้อ ต่อให้หนีกลับมาก่อนก็ยังขับรถตามมาส่ง รู้จักได้สักพักบางครั้งพี่ก็มารับไปกินข้าวด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ แพงก็แพงแต่เหลือตลอดเลยครับม๊า อ้ะ แต่พี่เขาเก่งภาษาอังกฤษมากเลยนะ ตอนสอบก็มาติวให้ พี่รูทกับพี่พัฟก็ติวให้พายนะแต่เป็นวิชาอื่น...”

ตี๋น้อยตากลมของบ้านเล่าไปยิ้มไปจนตาแทบปิด ผิดกับตอนแรกที่ทำหน้าหงอยเหมือนลูกหมา คุณอรอนงค์ที่นั่งฟังพายเล่าเรื่องของกิวไปยิ้มไปแบบนั้นก็รู้แน่ว่าพัฟพูดถูกต้องที่สุด หนุ่มกิวคนนั้นจีบลูกชายเธอติดไปเรียบร้อยแล้ว

“แล้วพายคบกับพี่เขาหรือยังลูก”

“ยังครับม๊า พายบอกพี่เขาไปว่าให้มั่นใจกันมากกว่านี้ก่อ... อะ... งืม ๆ...” พายค้างไปก่อนจะเสตาหลบไม่มองหน้าม๊าของตน เมื่อรู้ว่าพลาดท่าโดนหลอกถามเสียแล้ว

เธอรู้นิสัยลูกชายทั้งสองคนของตัวเองดี ปกติแล้วหากพายมีเรื่องอะไรสำคัญจะมาเล่าให้เธอฟังก่อนเป็นคนแรก ไม่ก็จะเป็นพัฟหากเวลานั้นพัฟอยู่ใกล้ตัวมากกว่า แต่สำหรับเรื่องนี้ อรอนงค์เข้าใจว่าพายคงจะไม่กล้าบอก เพราะทั้งสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ การจะมาบอกแม่ว่ามีผู้ชายมาจีบดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และพายคงจะกลัวว่าแม่จะรังเกียจ รับเรื่องราวของพวกเขาไม่ได้จึงปล่อยผ่านเลยไป แต่สำหรับพัฟ คนที่ชอบความกระจ่าง อาจจะหาโอกาสบอกเธอมานานแล้วแต่ก็ไม่อยากแซงหน้าน้องเลยใช้โอกาสนี้แหละพูดขึ้นมา เจ้าเล่ห์จริงเชียว มิน่าพายถึงเอาชนะพี่ชายไม่ค่อยได้

“ม๊าโกรธพายมั้ย...”

เงียบไปครู่หนึ่งพายก็เอ่ยถาม นิ้วเรียวเขี่ยไปตามชายเสื้อของตนเองด้วยทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวมองท่าทีน่าเอ็นดูนั่นแล้วจึงถามกลับ

“ทำไมม๊าต้องโกรธพายด้วยล่ะ?”

“เพราะพาย... พาย...” พายหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเงยมาจ้องหน้าผู้เป็นแม่ “เพราะพายชอบผู้ชาย”

คุณอรอนงค์ฟังคำพูดของลูกชาย ใบหน้าของเธอยังคงเจือด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นทุกครั้ง หากถามความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ เธอยอมรับว่าเธอตกใจมาก แต่หากจะให้เธอตัดสินความรักของลูกชายและใส่อารมณ์โกรธลงไปนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ยิ่งยามนี้มาได้ฟังความกังวลและคำยืนยันของลูกชายแล้วเธอก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง

“มาให้ม๊ากอดหน่อยสิลูกรัก”

พายเขยิบตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นแม่ อรอนงค์ลูบหัวลูบหลังลูกชายคนเล็กอย่างรักใคร่ เด็กคนนี้โตขึ้นมากเหลือเกิน แต่กระนั้นเธอไม่ลืมสัมผัสแรกที่ได้โอบกอดเขา และยามนี้มันก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด เธอรัก รักลูกชายคนนี้ของเธอเหลือเกิน

“ม๊าไม่โกรธพายเลย... ไม่เลย” เธอกระซิบบอกลูกชาย “พายจะชอบ หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นรักพี่เขาในอนาคตม๊าก็ไม่โกรธพายเลยแม้สักนิด ความรักมันเป็นเรื่องที่สวยงามรู้มั้ยลูก เหมือนที่ม๊ารักป๊า ม๊ารักพี่พัฟ ม๊ารักพาย มันเป็นสิ่งที่สวยงาม”

“แต่พายเป็นผู้ชาย... พี่กิวก็เป็นผู้ชาย...”


“เพศมีไว้เพื่อแบ่งสรรปันส่วนประชากรโลกนะลูก ไม่ได้มีไว้เพื่อจำกัดสิทธิ์ของความรัก”

“..........”

 “ม๊าไม่สนใจหรอกว่าพี่เขาจะเป็นผู้ชาย พายจะเป็นผู้ชาย อนาคตทั้งสองคนจะไม่มีลูกสืบสกุล จะโดนมองว่าแปลกประหลาด จะอะไรก็ตาม ม๊าไม่เคยสนใจ ม๊าสนใจแค่ว่าลูกชายของม๊าจะมีความสุขมั้ย คนที่ลูกชอบ คนที่ลูกรัก จะทำให้ลูกมีความสุขมั้ย ม๊าสนใจแค่นั้น เท่านั้นเอง”

“..........”

“แล้วตอนนี้พายมีความสุขที่ได้ชอบพี่เขามั้ยล่ะลูก?”

หญิงสาวผละอ้อมกอดจากลูกชาย มองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเพื่อรอคำตอบ พายได้กรรมพันธุ์ของเธอไปเยอะกว่าได้จากผู้เป็นพ่อ สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คงจะเป็นตาเรียวคมที่กำลังมีน้ำตาคลอนั่น

“มีครับ... พายมีความสุข”

พายอมยิ้ม ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่อายใคร อรอนงค์พยักหน้า ยิ้มให้คำตอบของลูกชายและเหลือบมองพัฟที่กอดอกพิงเสามองมาที่พวกเธออยู่ พี่ชายตัวดีที่สร้างเรื่องคงมารอหาจังหวะช่วยพูดกับเธอเป็นแน่หากเธอไม่ยอม ผู้เป็นแม่ยิ้มแล้วกวักมือเรียกพัฟให้เดินเข้ามาร่วมวงด้วย

“อะไรตัวเล็ก ขี้แยอีกละ” พัฟทรุดตัวนั่งบนโซฟาข้าง ๆ กับคนในครอบครัวทั้งสอง

“ไม่ได้ขี้แย! พี่พัฟจะไปไหนก็ไปเลย”

“เออ งั้นกูไป”

พัฟทำทีจะลุกจากโซฟาตามที่โดนไล่ แต่มือเล็กกลับคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อกล้ามย้วย ๆ ของพัฟ ยื้อไว้ไม่ยอมให้ลุกแทน ก่อนจะโดนน้ำหนักตัวกดทับเมื่อพายซุกหน้าเข้ากับบ่าพี่ชาย กอดเอวเขาเอาไว้แน่น

“ไม่ให้ไป...”

“.....น้องใครวะเนี่ยปัญญาอ่อนชิบหาย” บ่นแล้วขยี้หัวตัวเอง คุณอรอนงค์หัวเราะกับท่าทีของพี่น้องสองคน ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตีกันได้จริง ๆ ไม่รู้เลี้ยงกันไปมาอีท่าไหน

ว่าแล้วเธอก็มองไปทางพายที่เริ่มสั่งน้ำมูกกับเสื้อนอนตัวเก่งของพัฟ หลังจากนี้ลูกชายของเธอยังต้องเจอกับเรื่องราวอีกมากมายที่จะตามมา แม้สังคมปัจจุบันจะเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว แต่ใช่ว่าทุกคนที่ห้อมล้อมลูกชายเธอจะใจกว้างรับเรื่องแบบนี้ได้ทุกคน ไหนจะเรื่องของครอบครัวอีกฝ่ายอีก เด็กม.ปลายสองคนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรักนี้จะทำอย่างไรกันต่อเธอก็ไม่อาจรู้ได้




แต่สำหรับเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเฝ้าดู ให้คำปรึกษาและให้กำลังใจลูก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีกลางสัปดาห์พร้อมลมหนาวที่เริ่มพัดมาเบา ๆ ค่ะ

ตอนล่าสุดนี้อาจจะแหวกแนวจากที่ทุกคนคิดเอาไว้ เราอยากจะให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศดี ๆ ของครอบครัวนี้ก่อนค่ะ อาจจะมีคนถามว่าทำไมม๊าถึงยอมง่ายจัง ม๊าไม่กลัวเลยเหรอว่าลูกตัวเองจะเป็นเกย์นี่นั่น เรามองว่าคุณแม่ยอมง่ายไปเหมือนกันค่ะแต่จริง ๆ แล้วในชีวิตจริงคุณพ่อคุณแม่ที่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นง่าย ๆ แบบนี้ก็มีนะคะ (จากประสบการณ์จากคนรอบตัว) และอนาคตถ้าเราเป็นแม่เราก็คงจะเป็นแบบนี้แหละ  :katai2-1:

และก็มีเรื่องจะแจ้งค่ะ อีกสามตอนก่อนจะจบซีรี่ย์นี้อาจจะมาหลังจากวันที่ 7 ธันวาคมนะคะ เพราะเราจะหายยาวเพื่อเตรียมตัวสอบ ที่ตอนนี้หาย ๆ ไปก็เพราะเรื่องงานและเรื่องสอบนี่ด้วยแหละค่ะ (จะไม่บอกใครว่าความคิดตัดเด็ดขาด)

เพราะงั้นเจอกันใหม่หลังวันที่ 7 ธันวานะคะ หรือถ้าเครียดจนต้องมาลงกับนิยายเราจะมาต่อให้ก่อนค่ะ!

ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจและการติดตามมาโดยตลอดด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 19-11-2014 16:02:55
เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก
อยากให้ทุกครอบครัวที่ลูกเป็นเพศทางเลือกเข้าใจในตัวลูกแบบนี้  :mew1:

ชอบพี่น้องที่เป็นแบบพี่พัฟกับน้องพาย มันน่ารักมาก  :กอด1:
ตอนนี้ไม่มีพี่กิวแฮะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 19-11-2014 22:02:14
คุณแม่น่ารัก
พี่พัฟก็น่ารัก
น้องพายก็น่ารักกกก

ดีใจกับครอบครัวนี้ ถึงจะขาดพ่อแต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างแม่กับลูกสามคน
มันให้ความรู้สึกอบอุ่นมาก ดีใจที่คุณแม่เข้าใจน้อง  :hao5: #ซับน้ำตา
ทีนี้ก็เหลือแค่ครอบครัวพี่กิวล่ะนะ จะยอมรับกันง่ายๆ มั้ย? ลูกชายคนเดียวด้วย TvT

ว่าแต่ว่าซีรี่ย์นี้จะจบแล้วหรอคะ??
แอร๊ยยยยยยยย หมายถึงจบภาคมัธยมใช่มั้ยคะ?
งั้นขอมหาลัยต่อนะคะ กำลังมุ้งมิ้งเลย 55555

สู้ๆ ในการสอบนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-11-2014 22:16:56
แม่น้องพายน่ารัก เจ้าใจลูก เป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-11-2014 23:10:04
แค่พูดถึงพี่กิว พายก็เขินละ
โคตรน่ารักเลยยย
ชอบที่คุณแม่พูดมากๆ
เข้าใจลูกทั้งสองเลย
ยัดเหยียดพี่รูทให้พี่พัฟอิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 7 สิ่งสวยงาม หน้า 3 (19.11.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 26-11-2014 06:51:37
โอยยยน่ารักมากจ้า ไม่พลาดที่จะตาม ชอบคำพูดคุณแม่น้องพายจุงงงง
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : ลมหนาว หน้า 3 (19.12.57)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 19-12-2014 15:02:02
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ)
ตอน ลมหนาว


ความหนาวเริ่มเข้ามาเยือนแล้ว


ความเย็นค่อยๆ ตีพัดจากภายนอกร่างกายเข้าสู่ภายใน ทำให้สั่นสะท้านด้วยความเย็นเยียบ จวบจนกระทั่งทนไม่ไหวนั่นแลความหนาวจึงจะพอใจ แต่แม้กระนั้น หน้าหนาวก็ยังเป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนรอคอย เพราะมันนำพามาซึ่งความสุข




“หนาวว่ะ... ตัวเล็กมากอดทีดิ๊”

พายในชุดเสื้อกันหนาวมีฮู้ดตัวโตเลิกคิ้วมองพี่ชายที่กำลังนั่งอ้าแขนอ้าขารอเขาอยู่บนโซฟา ทั้งเนื้อทั้งตัวใส่แค่เสื้อกล้ามตัวโคร่งอวดแขนล่ำกับกางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น อยากจะถามเหลือเกินว่าหน้าหนาวแบบนี้มีใครปัญญาอ่อนใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบพี่ชายตัวเองบ้าง

“ทำไมพี่พัฟไม่ใส่เสื้อผ้าให้มันดีๆ ล่ะ ดูคนอื่นซะบ้างว่าเขาใส่กันยังไง”

“นั่นดิไอ้พัฟ มึงแม่งหาเรื่องเองแล้วมาเดือดร้อนน้องพายเขา มาให้พี่กอดดีกว่าเนอะน้องพาย”

รูทรีบเออออพลางใช้ขาสั้นๆ ที่ตัวเองภูมิใจหนักหนายันเข้าที่สีข้างของเพื่อนรักก่อนจะหันมาทำตากระพริบปริบๆ ใส่น้องชายเพื่อนที่ยืนหัวเราะการกระทำของเขา แต่ความหวังของรูทพลันริบหรี่เมื่อโดนแขนยาวๆ ของคนที่กำลังนอนวัดพื้นอยู่ลากให้ลงไปขลุกอยู่ด้วยกันข้างล่างแทน ตอนนั้นแหละที่รูทรู้ตัวว่าตนเองจะต้องเสียเปรียบเป็นแน่แท้

“ไอ้พัฟ! ปล่อยนะเว้ย ไม่ได้ให้มึงกอด อี๋ ตัวก็เหม็น!”

“กอดกูก็เหมือนกอดน้องกู ไม่เป็นไรหรอก มามะน้องรูทคนสวย เดี๋ยวพี่พัฟจะทำให้ร้อนเอง”

“สวยพ่อง! ไม่เอา อย่านะไอ้พัฟ โว้ยยยยย!!”

ทั้งสองขลุกกันไปมา ส่งเสียงโวยวายจนดังไปทั่วห้อง พายได้แต่มองพี่ชายกับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแล้วหัวเราะอยู่อย่างนั้น อยากจะเข้าไปช่วยก็อยาก แต่ดูพี่รูทโดนแกล้งแบบนี้ก็สนุดดีเหมือนกัน พอคิดแบบนั้นเจ้าตัวก็ทำหน้าขอโทษขอโพย คว้ากระป๋องน้ำอัดลมกับขวดน้ำชาเขียวแล้วเอ่ยขอตัวไปนั่งเล่นกับคนหน้านิ่งที่ผละตัวออกจากลุ่มไปนั่งเหม่อมองดาวบนท้องฟ้าอยู่ที่ระเบียงห้องนั่งเล่นแล้ว

ลมหนาวพัดเข้ามาภายในตัวบ้านผ่านประตูที่ถูกเปิดกว้าง พายทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับกิวที่มาจับจองพื้นที่อยู่ก่อนหน้านี้สักพักแล้ว อีกฝ่ายหันมามองเขาแล้วเขยิบให้ก่อนจะหันไปสนใจท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดาวระยับอย่างไม่น่าเชื่อว่าที่นี่คือท้องฟ้าของกลางเมืองหลวง มันสวยงามเหมือนยามเรามองท้องฟ้าจากหอดูดาวเลยทีเดียว

“สวยเนอะพี่กิว... อ้ะ ห้ามเล่นมุขว่าพายสวยกว่าด้วย เชยแล้ว”

พายรีบบอกเมื่อเห็นว่าผู้มีศักดิ์เป็นทั้งพี่และคนรู้ใจตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งพายมั่นใจว่ามันต้องเป็นประโยคจีบสาวเสี่ยวๆ ที่โดนเพื่อนสนิททั้งสองคนเตี๊ยมไว้ก่อนหน้านี้แน่ๆ คนอย่างพี่กิวถึงจะดูน่ากลัวแต่ก็ใส่ซื่อเรื่องความรักพอๆ กับเด็กแบบพายนั่นแหละ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ยิ่งมาเจอท่าทางอ้าปากแล้วหุบ อ้าแล้วหุบอีกรอบยิ่งทำให้รู้ว่าการคาดการณ์ของตนถูกต้อง กิวเงียบเมื่อโดนดักทาง เลือกจะกลับไปมองดาวด้านนอกต่อ

ทั้งสองจมอยู่ในความเงียบที่ไร้บรรยากาศกดดัน ลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอก ความเย็นสบายและมุมมองสวยๆ เป็นของชอบของพายอยู่แล้ว จึงอดไม่ได้จะต้องอมยิ้มยามมองท้องฟ้าไปด้วย อยู่ๆ ขวดชาเขียวรสโปรดที่ถูกเปิดฝาก็ยื่นมาให้ พอหันไปมองจึงรู้ว่าเป็นฝีมือคนข้างกายนั่นแหละ กิวยื่นขวดน้ำให้พายขณะที่ตัวเองก็ใช้นิ้วชี้อีกมือเกี่ยวฝากระป๋องน้ำอัดลมให้เปิดออกด้วย ท่วงท่าเท่เกินคำบรรยายดึงให้จังหวะการเต้นของหัวใจกระตุกไป

พี่กิวเป็นคนหน้าตาดี ทั้งโครงหน้าที่รับกับดวงตาสีเข้มที่พายชอบมองบ่อยๆ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเข้ารูป หากเปลี่ยนจากหน้าบูดบึ้งเป็นรอยยิ้มสมวัยพี่กิวจะเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร พายรู้และไม่คิดจะเถียง ยิ่งเจอท่าเปิดกระป๋องน้ำขั้นเทพไปอีก พายยิ่งคูณจำนวนอ. อ่างลงในคำว่าหล่อของพี่กิวอีกล้านตัว คนบ้าอะไรหล่อไม่ปราณีจิตใจคนมองเลย

“พายไม่สวยหรอก...”

อยู่ๆ กิวก็พูดขึ้นมา ประโยคที่ไม่มีการเกริ่นนำชวนให้ฉงนสงสัยจนต้องเลิกคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่ากิวเอ่ยต่อจากที่คุยกันก่อนหน้านี้ ใบหน้านิ่งเฉยละความสนใจจากท้องฟ้าภายนอกกลับมามองตน ตาสีเข้มที่พายชอบจ้องมานิ่งๆ เหมือนกับต้องการจะสื่อสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาด้วยวิธีนั้น ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยประโยคต่อจากที่ค้างคาไว้

“แต่พายน่ารัก... น่ารักมาก”

“.....................”

“และพี่ชอบคนน่ารักมากกว่าคนสวย เข้าใจนะ?”

“อะ... อือ ครับ”

รู้สึกได้ว่าหน้ากำลังเห่อร้อน ชาในมือถูกพายยกกระดกอึกแล้วอึกเล่าจนเกือบหมด ไม่กล้าหันไปมองหน้ากิวแม้จะรู้ว่าตนเองปิดบังความเขินอายบนหน้าไว้ไม่มิดอยู่แล้ว

“เนี่ย... แล้วแม่งก็มานั่งสวีทกันสองคน ไม่สนใจหรอกว่าพี่ชายจะหนาวตายห่าฟัดกับหมาอยู่ในบ้าน”

พัฟซึ่งกำลังยืนกอดอกกันลมหนาวพิงประตูกล่าวเสียงดัง ดึงความสนใจของทั้งสาองคนให้มาอยู่ที่ตน ข้างๆ กันนั้นรูทยืนยักคิ้วหลิ่วตามาให้ ดูท่าทางว่าศึกนัดนี้พี่รูทคงโดนไปหลายยกและก็เอาคืนได้มากไม่แพ้กัน พายนึกเมื่อเห็นรอยฟันกับรอยข่วนบนแขนกับไหล่พี่พัฟด้วย

“โอ๋ๆ พี่พัฟคนดี เดี๋ยวคืนนี้ให้ยืมหมอนข้างนะ”

น้องน้อยรีบเดินไปกอดเอวพัฟโยกซ้ายโยกขวาออดอ้อน แอบขยิบตาให้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของพี่ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกด้วย เลยโดนจัดการยีหัวเสียจนผมยุ่งไม่เป็นทรง

“ไม่ต้องมึงนั่นแหละมาเป็นหมอนข้าง ขอกูทำตัวยืดใส่ไอ้กิวได้หน่อยเหอะ”

พัฟว่าพลางหัวเราะ ไม่วายหันไปมองเพื่อนของตนแล้วยกคิ้วให้อย่างสะใจ แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นคำตอบที่ได้จากพัฟก็ฉุดผู้เป็นพี่ชายให้หน้าบึ้ง กลอกตาไปมาแล้วลากน้องชายตัวเองเข้าห้องนอนโดยเร็ว พร้อมส่งคำสวดให้ลอดออกจากบ้านประตู โดยมีรูทยืนขำตัวงอตบบ่าเพื่อนอยู่ด้านนอก



“ยืดให้เต็มที่เลยไอ้พัฟ เพราะเดี๋ยวกูจะ ‘ยึด’ ไปตลอดชีวิตแล้ว”



จบตอนพิเศษ ลมหนาว


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีพร้อมอากาศหนาวค่ะ! วันนี้เอาตอนสั้นๆ มาลงแก้คิดถึงกันก่อนนะคะ
กำลังเค้นตอนหลักออกมาอยู่ค่ะ แต่ได้พล็อตตอนพิเศษมาซะก่อนเลยมาลงไว้ดีกว่า กลัวจะลืมเองอีก  :katai1:

หลังจากนี้ถึงตอนหลักจบแล้วเราก็ยังมีตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆ แน่นอนค่ะ แล้วก็ต้องมีภาคต่อคู่ของคุณพี่แน่ๆ ไม่ยอมทิ้งให้ตัวละครที่สร้างมาอยู่แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื้ออย่างเดียวค่ะ พี่รูทพี่พัฟต้องแฮปปี้ไปด้วย 55555555555

ขอบคุณลมหนาวที่ทำให้เกิดฟิคนี้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามด้วยค่ะ เลิฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : ลมหนาว หน้า 3 (19.12.57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 19-12-2014 15:35:11
รอคู่คุณพี่ชายจร้าาา
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : ลมหนาว หน้า 3 (19.12.57)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-12-2014 16:04:56
ลมหนาวมา ถ้ามีคนให้กอดมันก็อุ่นทั้งอุ่นทั้งใจ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 19-02-2015 17:52:18
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน โซ่ทองคล้องใจ





โซ่ทองคล้องใจ


ในความหมายทั่วไปคือผู้เป็นลูกที่ทำหน้าที่เป็นโซ่คล้องใจของพ่อกับแม่ไว้ด้วยกัน เป็นการเปรียบเปรยที่ทำให้เห็นภาพความรักของพ่อกับแม่ที่มีลูกเป็นตัวสานสัมพันธ์ ว่าแต่ ถ้าลูกนั้นไม่ใช่ "ลูก" ในความหมายที่เป็นคนนั้น จะนับรวมด้วยหรือเปล่านะ?





อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นอีกครั้งทำให้หยาดเหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาตามไรผมของคนที่เดินอยู่ข้างกาย กิวเห็นดังนั้นก็ไม่นิ่งนอนใจที่จะลากคนตัวเล็กกว่าให้ไปหลบอยู่ข้างทางในขณะที่เจ้าตัวผละไปร้านของชำที่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเท่าไหร่นักเพื่อหาซื้อกระดาษทิชชู่และน้ำเปล่าเย็นๆ หนึ่งขวดมายื่นให้คนที่รออยู่

พายเอ่ยขอบคุณขณะรับขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วมากระดกสองสามอึกแล้วใช้ทิชชู่ที่ถูกยื่นมาให้ซับไปตามใบหน้าชื้นเหงื่อของตนเอง

“ร้อนชะมัดเลย สาบานนะว่านี่มันหน้าหนาว”

ว่าแล้วก็ทำหน้ามุ่ยบ่นกระปอดประแปด ไม่วายต้องสะบัดคอเสื้อเรียกลมด้วยตัวเอง กรมอุตุขี้โม้! ไหนบอกว่าจะหนาวนาน ห้าวันนี่มันนานตรงไหน!?

“เราขี้ร้อนเองต่างหาก พี่ยังไม่เห็นร้อน”

“พี่กิวใส่เสื้อกล้ามมันจะไปร้อนได้ไง ถ้าพี่กิวร้อนพายคงตัวระเบิดเป็นโกโก้ครันซ์ไปแล้ว!”

คำพูดคล้ายจะโมโหแต่กลับมีอารมณ์ขันขับรอยยิ้มบนใบหน้าคนตัวโตได้อีกครั้ง กิวเลือกจะไม่ต่อปากต่อคำแต่ส่งมือไปลูบเรือนผมนิ่มเบาๆ เป็นการปลอบโยน ยื่นหลบแดดอยู่บริเวณนั้นได้สักครู่ทั้งคู่ก็พากันออกเดินเที่ยวรอยตลาดนัดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พายเลือกที่จะเดินเลาะบริเวณที่มีกันสาดยื่นมาตลอดทางเพื่อกันแสงแดดแผดเผาผิวหนังให้ต้องหงุดหงิดใจอีกครา

โซนที่ทั้งคู่เลือกเดินเริ่มจากโซนขายต้นไม้และของประดับตกแต่งสวนซึ่งเป็นจุดหมายหลักของการมาเดินตลาดนัดในวันนี้ เพราะยามปกติพายเป็นคนดูแลสวนในบ้านด้วยตนเองอยู่แล้ว วันนี้มีโอกาสได้มาเดินจึงหมายมั่นว่าต้องพาสมาชิกใหม่กลับไปประดับสวนของตนให้ได้ และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นได้สักพักในมือน้องก็มีถุงใส่ต้นกระบองเพชรต้นเล็กขนาดน่ารักสองต้นอยู่ในมือ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งเช่นหินหลากสี ตุ๊กตาตัวเล็ก อีกจำนวนหนึ่ง

“พี่ถือให้”

ว่าแล้วก็คว้าถุงในมือของพายมาถือไว้เอง แต่เจ้าของถุงกลับไม่ปล่อยมือแถมยังส่ายหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ

“ไม่เอาครับ พายถือเอง แค่พี่กิวออกเงินให้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”

“พี่เต็มใจ เอามา”

กิวกระตุกถุงอยู่สองสามทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าพายจะปล่อยมือ นิสัยดื้อแพ่งขี้เกรงใจนี่แหละที่เขาคิดว่าบางครั้งก็รับมือยากเสียเหลือเกิน แต่กิวตัดสินใจแล้วว่าจะแก้นิสัยนี้ของน้องยามที่อยู่กับเขาเสียที เกรงใจคนอื่นได้ไม่เป็นไรแต่ห้ามเกรงใจเขาเด็ดขาด ดังนั้นในเมื่อน้องไม่ยอมปล่อยถุงในมือกิวก็จะจับมันทั้งมือซะเลย ได้ทั้งถุงได้ทั้งมือ ไม่ต้องเถียงกันให้วุ่นวาย

“พี่กิวเดี๋ยว... พี่จะจับมือพายทำไมเนี่ย”

พายรีบพูดเมื่อเห็นว่ามือของตัวเองโดนจับไว้แน่นแถมคนจับทำท่าจะเดินต่อแบบไม่สนใจคนรอบข้าง แม้ที่จริงจะไม่มีคนสนใจหรอกว่าทั้งคู่จะทำอะไร แต่เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์เช่นนี้

“เราไม่ปล่อยถุงให้พี่ถือ พี่ก็ช่วยเราถือแบบนี้ไง”

“แต่คนอื่นเขามองหมดแล้วนะ ปล่อยเถอะครับ”

ฟังคำตอบแล้วริ้วแดงปรากฏบนแก้มใส พายพยายามดึงมือออกจากอุ้งมือแกร่งโดยระวังท่าทีไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่าตนรังเกียจ เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกแบบนั้นกิวก็นึกอยากจะแกล้ง หน้าคมก้มหน้าไปในระดับเดียวกับใบหูเล็ก กระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

“หอมแก้มพี่กลางลานจอดรถก็ทำมาแล้ว แค่จับมือคงไม่ต้องอายแล้วมั้ง?”

พายตาโต รีบหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครได้ยินคำพูดที่แม้จะเบาแต่อาจเล็ดลอดเข้าหูคนใกล้ตัวหรือไม่ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่ ทำหน้าไม่พอใจทั้งที่ยังหน้าแดงถึงใบหูแน่นอนล่ะว่ากิวไม่มีทางกลัวหรอก กลับคิดว่าใบหน้านั้นช่างน่ารักเสียด้วยซ้ำ ได้แกล้งน้องจนหนำใจกิวก็ปลอบโยนโดยการใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเบาๆ แม้ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยเลยแม้สักน้อย แน่นอนล่ะว่าพายก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมให้คนตัวโตจูงมืออยู่อย่างนั้นไปตลอดทริปเที่ยวตลาดนัด







“อ้ะ...  โซนสัตว์เลี้ยงนี่ พี่กิวไม่ชอบหรือว่าแพ้ขนสัตว์มั้ยครับ?”

พอได้ยินน้องถามเช่นนั้นกิวก็ส่ายหน้า เขาไม่ได้แพ้ขนสัตว์หรือเกลียดสัตว์แต่อย่างใด แค่ไม่ค่อยสนใจในเรื่องพวกนี้เสียมากกว่า พอเห็นท่าทีแบบนั้นของเขา รอยยิ้มน่ารักพลันปรากฏบนใบหน้าของพาย มือเรียวที่ยอมโอนอ่อนให้จับกุมเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นฝ่ายจับที่มือเขาแล้วพาให้เดินไปยังโซนลึกสุดของตลาดนัดที่ยังไม่เคยเหยียบย่างเข้าไป

สัตว์ทั้งเล็กใหญ่ถูกใส่ไว้ในกรงวางไว้ทั้งหน้าร้านและในร้าน เสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกแก้ว แมว และเสียงเห่าของสุนัขดังแข่งขันกันเป็นจังหวะ แต่แม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงที่ดังก้องไปทั่วแต่กิวก็ไม่เอ่ยปากบ่น เพราะเพียงใดเห็นใบหน้าที่ชื้นเหงื่อน้อยๆ นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส สำหรับกิวเท่านั้นก็เพียงพอจะทำให้เขายอมอดทนเดินตามแผ่นหลังเล็กต้อยๆ แล้ว

“พี่กิวชอบสัตว์อะไรมากที่สุดครับ?”

“ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยเลี้ยง”

ไม่เคยเลี้ยงก็ชอบได้น้า กิวได้ยินน้องพูดแบบนั้นขณะที่ตากลมโตเป็นประกายสอดส่ายสายตาไปทั้งสองฟากฝั่งเพื่อมองสัตว์เลี้ยงที่รอให้คนมารับไปดูแลต่อ

“พายชอบหมามากที่สุดเลย แต่เสียดายที่เลี้ยงไม่ได้เพราะแม่ไม่อนุญาต... อ้ะ ตัวนั้นเหมือนบับเบิ้ลบีเลย”

พายผ่อนฝีเท้าหยุดยืนตรงหน้าคอกที่ใส่ลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ไว้ หากถามกิวว่าตัวไหนที่เหมือนบับเบิ้ลบี รถคันโปรดของน้องเขามองไม่ออกหรอก ก็ดูหน้ามันแต่ละตัวสิ เหมือนกันอย่างกับแฝด แล้วมันก็ไม่มีล้อไม่มีไฟหน้า จะให้ดูยังไงก็ดูไม่ออกจริงๆ

“น่ารักจังเลยบับเบิ้ลบี”

มือเล็กเอื้อมไปลูบหัวลูกหมาตัวที่นอนกระดิกหางอยู่ตรงกลางวง มันทำเสียงออดอ้อนในลำคอครานึงแล้วหลับตาพริ้มรับสัมผัสแผ่วเบา ประกายในดวงตาระริกไหวอย่างดีใจเมื่อลูกหมาตัวเล็กลุกขึ้นแล้วเดินมาใกล้ๆ พลางส่ายหางไปมาจนสั่นไปทั้งตัว ดูท่าจะไม่ใช่แค่น้องที่ติดใจมัน แต่มันก็ติดใจเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนตรงหน้าเหมือนกัน ฝั่งกิวก็ยืนมองใบหน้าด้านข้างที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพลางยิ้มตาม แม้ไม่ได้ชอบเป็นการส่วนตัวแต่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะถ้าน้องเอ่ยปากอยากได้เพียงครึ่งคำเขาจะซื้อลูกหมาตัวนี้ให้น้องโดยไม่อิดออดเลยแม้สักนิด แต่พายกลับทำเพียงแค่เล่นกับเจ้าหน้าขนนั่นอยู่ครู่นึงก่อนจะผละออกมาจากกรงที่ใส่ลูกหมาไว้ โบกมือให้มันพลางพูดเสียงเบาๆ ว่าบ๊ายบายแล้วจูงมือกิวให้เดินดูรอบๆ ต่อ

ระหว่างทางเขาสัมผัสได้ว่าพายเงียบไป ทำท่าเหมือนกำลังชั่งใจอะไรสักอย่างแล้วส่ายหน้าอยู่คนเดียว และกลับทำกิริยาเดิมอีกซ้ำๆ กิวลองหยุดเดินและน้องก็ยังไม่รู้ตัวจนกระทั่งเจ้าตัวเดินต่อไปไม่ได้นั่นแหละ น้องถึงได้หันมาสนใจ ใช่สายตางุนงงมองเขา

“อยากได้หรือเปล่า?”

ตอนแรกพายดูจะยังไม่เข้าใจคำถามของเขา น้องเลิกคิ้วทำหน้าเหรอหราสักพักก่อนจะถึงบางอ้อ หัวกลมๆ ส่ายไปมาและพายก็ยิ้มให้เขา

“พายเลี้ยงไม่ได้หรอกครับคุณแม่ไม่ให้หรอก”

“แล้วอยากได้หรือเปล่าล่ะ?”

น้องเม้มปากเหมือนไม่มั่นใจ แต่สำหรับกิวนั่นถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว คนตัวโตกว่าจับจูงมือน้องให้เดินกลับไปทิศทางเดิม ไปหยุดบริเวณคอกที่มีลูกหมาส่งเสียงร้องเรียกทั้งคู่อยู่ กิวตั้งใจจะอุ้มตัวตรงกลางที่นอนอยู่ขึ้นมาแต่ต้องหยุดชะงัก คราวนี้เป็นฝ่ายเขาเองที่ยืนมองลูกหมาห้าตัวในคอกด้วยความสับสน


ตัวไหนที่มันเหมือนบับเบิ้ลบีวะ


คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมองหมาแต่ละตัวที่แอบตั้งชื่อให้ในใจว่าโง่ 1, โง่ 2 จนถึง โง่ 5 แล้วก็ยังไม่รู้สักทีว่าตัวไหนคือตัวที่พายเล่นด้วยเมื่อกี้ จนกระทั่งน้องยื่นมือไปลูบหัวตัวที่กิวตั้งชื่อไว้ในใจว่าเจ้าโง่ 3 แล้วเรียกเสียงเบาว่าบับเบิ้ลบี กิวจึงเรียกพนักงานขายมาเพื่อตกลงราคา

“พี่กิวเดี๋ยวก่อน พายเลี้ยงไม่ได้”

“พายเลี้ยงไม่ได้แต่พี่เลี้ยงได้นี่”

น้องถลึงตาใส่เขาอีกแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย น้องบอกจริงว่าน้องเลี้ยงไม่ได้ แต่เขาไม่เคยบอกเสียหน่อยว่าเขาเลี้ยงไม่ได้

“แต่... แต่พี่กิวไม่เคยเลี้ยงนี่หน่า แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้...”

“เราไปฟังพี่พนักงานแนะนำ แล้วเราก็มาช่วยพี่เลี้ยงที่บ้าน”

กิวไม่รอให้น้องประท้วงแต่อุ้มเจ้าลูกหมาตัวเล็กตัวนั้นจากในคอกส่งให้พาย แล้วบอกให้น้องไปฟังวิธีการเลี้ยงและสิ่งที่ควรรู้จากพนักงานขายประจำร้าน ส่วนตัวเองจะไปจ่ายเงินค่าสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นของเจ้าโง่... เจ้าบับเบิ้ลบีตัวนั้น






หลังจากนั้นเกือบหนึ่งชั่วโมง กิว พาย และเจ้าบับเบิ้ลบีที่ถูกจับไปใส่ไว้ในกรงเดินทางสำหรับสุนัขก็ลงจากรถแท๊กซี่บริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรที่กิวเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าเป็นบ้านอีกหลังที่พ่อแม่ซื้อเอาไว้ก่อนจะย้ายไปอยู่ในบ้านหลังปัจจุบัน กิวจึงใช้บ้านหลังนี้เป็นที่หลับนอนยามที่ไม่ต้องการกลับไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่

“เอ้า บับเบิ้ลบี บ้านใหม่ของแกไง”

พายว่าพลางเปิดประตูกรงให้ลูกหมาตัวเล็กได้ออกมาทำความคุ้นเคยกับบ้านที่มันต้องอยู่หลังจากนี้ มองตามลูกหมาที่ตนถูกชะตาวิ่งไปทางนั้นที ทางนี้ทีแล้วก็อมยิ้ม ว่าแล้วก็นึกขึ้นมาได้ พายรีบหันไปหาคนที่กำลังนั่งมองเขาจากโซฟาตัวใหญ่ แอบเขินไม่น้อยกับสายตาและรอยยิ้มบริเวณมุมปากของพี่กิวจนรู้สึกเหมือนมือไม้มันเกะกะไปหมด ฝ่ายกิวเห็นว่าน้องทำท่างกๆ เงิ่นๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูกจึงกวักมือเรียกให้มานั่งบนโซฟาข้างกันเสียเลย

พายทิ้งตัวลงบนโซฟาตามที่กิวเรียกร้องแต่ไม่เอ่ยอะไร ฝ่ายกิวก็ไม่ได้พูดอะไรเข่นกัน ทั้งคู่จึงทำเพียงนั่งเงียบๆ ฟังเสียงของเจ้าหมาแสนซนวิ่งไปมาก่อนจะทิ้งตัวนอนหอบหายใจข้างๆ ขาของพาย แต่แม้กระนั้น ความเงียบที่โอบล้อมกลับไม่ใช่ความเงียบที่ชวนอึดอัด มันเป็นความเงียบที่เบาสบาย ชวนให้จิตใจสงบเสียมากกว่า

“พี่กิว... ขอบคุณนะครับ”

ท้ายที่สุดแล้วพายก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน น้องส่งยิ้มกว้างชนิดที่กิวเห็นแล้วใจพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ รีบพยักหน้าตอบกลับน้องไปทั้งที่สติยังไม่กลับคืนเข้าที่

“พายตกใจจริงๆ นะตอนที่พี่กิวบอกว่าจะเลี้ยง”

“ก็พายอยากเลี้ยง”

“อื้ออออ รู้เหตุผลหรอกน่ะ แต่ก็ยังตกใจนี่... ขอบคุณนะครับ”

กิวพยักหน้ารับคำขอบคุณที่ถูกเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง ระหว่างนั้นเจ้าบับเบิ้ลบีก็เรียกร้องความสนใจจากทั้งคู่ด้วยการกระโดดเหยงๆ พยายามขึ้นมาบนโซฟาให้ได้ ท่าทางช่างน่าขันแต่ก็น่าเอ็นดู โดยไม่ต้องรอให้พายเป็นฝ่ายจัดการ กิวก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาวางบนโซฟา แต่เจ้าลูกหมาก็ช่างซนเหลือเกิน แค่ขึ้นมาไม่นานก็ฟัดโซฟาเขาเป็นรอยเสียแล้ว

“ไม่ได้นะบับเบิ้ลบี เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่พี่กิวมาเห็นแล้วว่าเอาจะทำยังไง”

ร้อนจนพายต้องดุมันเบาๆ แต่แค่มองหน้าตาบ๊องแบ้วของมันก็รู้แล้วว่ามันไม่เข้าใจนักหรอก พายยังทำหน้าดุใส่มันไม่เลิกจนกิวต้องเป็นฝ่ายเข้ามาไกล่เกลี่ยเอง เพราะกลัวน้องจะไม่หยุดย่นคิ้วเสียที

“ไม่โดนหรอก เขาไม่มาเหยียบบ้านนี้นานแล้ว”

ไม่รู้ว่าเขาแสดงออกอะไรทางน้ำเสียงหรือเปล่า เพราะทันทีที่น้องได้ยินก็รีบเงยหน้ามามองเขาทันที กิวเพียงแค่หลบตาแล้วคว้ารีโมทที่วางอยู่ใกล้ๆ เปิดโทรทัศน์ แม้ว่าจะไม่ได้ต้องการดูก็ตาม

ความเงียบเข้าปกคุลมในห้องอีกครั้ง กิวนั่งเงียบๆ ทำเป็นมองโทรทัศน์เบื้องหน้าแม้เนื้อหาจะไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ความคิดหลุดรลอยไป มารู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนที่มือเล็กๆ ของเจ้าบับเบิ้ลบีถูกจับให้มาสะกิดบนท่อนแขนของเขานั่นแหละ พอหันไปมองตามต้นเหตุก็เห็นว่าพายกำลังอุ้มเจ้าตัวแสบมาจ่อไว้ที่หน้าตนเอง พอเขาสนใจเจ้าตัวก็เริ่มพูด

“พ่อกิวฮับ บับเบิ้ลบีขอโทษน้า ไม่โกรธบับเบิ้ลบีนะฮับ”

ท่าทางตลกๆ ของเจ้าแสบที่โดนอุ้มโยกไปมากับเสียงที่ถูกบีบให้เล็กเพื่อพูดประโยคนั้นทำให้กิวต้องเลิกคิ้ว อยากรู้ว่าถ้าเขาไม่ตอบคนตรงหน้าจะทำอะไรต่อไป

“พ่อกิวยกโทษให้บับเบิ้ลบีเถอะน้า กลัวแล้วๆ”

พายจับแขนทั้งสองข้างของเจ้าหมาน้อยยกขึ้นในท่ายอมแพ้อย่างทุลักทุเล กิวอยากจะส่งยิ้มให้น้องแทบตาย แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มไม่ยอมหลุดยิ้มออกมาเด็ดขาด

“งื้อออออ ให้บับเบิ้ลบีทำอะไรก็ยอมมม อย่าโกรธป๋มเลยนะฮับ”

“.....ทำอะไรก็ยอมงั้นเหรอ”

เมื่อเห็นว่าคนหน้านิ่งจนน่ากลัวเมื่อครู่เริ่มมีปฏิกิริยากับตนเองแล้วพายก็รีบเล่นตามน้ำ กดหัวลูกหมาในมือเบาๆ ให้ทำท่าเหมือนพยักหน้าแล้วรับคำว่าฮับ ตั้งหน้าตั้งตารอคำสั่งจากกิวเต็มที่

“ไหนหมอบ”

บับเบิ้ลบีโดนจับหมอบ

“นั่ง”

บับเบิ้ลบีโดนจับนั่ง

“เห่า”

“โฮ่งๆ “

เป็นพายที่ทำเสียงเห่าเล็กๆ เสียเอง ช่างน่ารักน่าชังจนกิวแทบจะทนไม่ไหวเกือบจะคว้าเข้ามากอด แต่ก็ทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ มองตากลมสองคู่ที่จ้องมองมาอย่างมีความหวังว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้โกรธทั้งคู่ เพียงแค่หงุดหงิดตัวเองที่หลุดเรื่องแบบนั้นออกมาแท้ๆ

“อย่างสุดท้าย ไปถามพายสิว่าพี่เป็นพ่อแล้ว เขามาเป็นแม่ให้แกได้หรือเปล่า?”

“หือออ”

“เร็วๆ ไม่งั้นก็ไม่หายนะ”

พายทำตาโต ปากพะงาบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก กิวเห็นแล้วว่าหน้าน้องแดงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะสงสารแต่ใจก็ยังอยากจะแกล้ง เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทีละนิด ทำเสียงหืมเร่งการให้คำตอบของน้องไปด้วย จนกระทั่งหน้าเขาใกล้จนลมหายใจรดหน้ากันนั่นแหละน้องถึงได้รีบคว้าตัวเจ้าบับเบิ้ลบีมากั้นระหว่างพวกเขาไว้ เห็นจมูกชื้นๆ และลิ้นที่แลบส่งเสียงแฮ่กๆ เสียใกล้หน้า กิวก็พลันหลุดขำ เกือบได้จูบหมาแทน (ว่าที่) เมีย แล้วไหมล่ะ

กิวรับเจ้าหมาน้อยที่จออยู่ตรงหน้าตัวเองมากอดเอาไว้ ขณะที่ตาก็ยังจ้องมองที่ใบหน้าใสแดงระเรื่อ เขารู้ดีว่าแม้จะไม่ใช่คำขอคบอย่างเป็นทางการ แต่เป็นอีกก้าวนึงที่เขาและน้องจะร่วมเดินไปด้วยกัน

“ว่าไงครับพาย... จะยอมเป็นแม่ให้บับเบิ้ลบีได้มั้ย?”

น้องเหลือบตามองเขา เสไปมองบับเบิ้ลบีในอ้อมกอด แล้วมองเขาอีกรอบ ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าเป็นการตอบตกลงคำขอที่แสนเอาแต่ใจ

หัวใจพายเต้นโครมคราม ไม่รู้ว่าพี่กิวก็รู้สึกแบบนี้ด้วยมั้ย แต่ตอนนี้ที่พายรู้คือพี่กิวยิ้มกว้างมาก ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูดี แม้ว่าก่อนหน้านี่ที่เห็นพายก็คิดว่าเวลายิ้มพี่กิวหน้าตาดีอยู่แล้วก็ตามเถอะ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ มันเป็นรอยยิ้มที่พายมั่นใจว่าไม่มีใครได้เห็น รอยยิ้มแบบที่พายคาดหวังให้เป็นของตัวเองเพียงแค่คนเดียว

“พี่กิว... ขี้โกง”

ไม่อาจสู้หน้าได้ก็โทษอีกฝ่ายเสียเลย กิวหัวเราะกับคำว่ากล่าวที่ไม่มีน้ำหนักหรืออยากจะกล่าวโทษเขาจริงๆ บับเบิ้ลบีถูกปล่อยให้ลงไปวิ่งเล่นแล้ว และตอนนี้มีเพียงใบหน้าของเขาและน้องที่ค่อยๆ เคลื่อนไปใกล้กันเท่านั้น แต่ก่อนที่เขาจะเคลื่อนริมฝีปากเข้าแนบชิด เสียงโทรศัพท์ของพายกลับแผดเสียงขึ้นมาเสียก่อน น้องตกใจจนสะดุ้ง ในขณะที่เขาเพียงจิปากเท่านั้น

กิวปล่อยให้น้องรับโทรศัพท์ รู้สึกว่าจะเป็นพัฟที่โทรมาหา กิวคาดโทษเพื่อนรักไว้ในใจแต่ไม่เอ่ยอะไร เพียงรอให้น้องคุยเสร็จแล้ววางสายเท่านั้น

“เอ่อ... พี่พัฟบอกว่ารู้จักบ้าน จะมารับพายเอง...”

กิวพยักหน้ารับคำแต่ไม่เอ่ยหรือทำอะไรต่อ น้องอาจจะคิดว่าอาการแบบนี้คือเขาไม่สบอารมณ์ถึงได้เหลือบตามองแล้วยิ้มแหะๆ ให้ทั้งที่หน้ายังติดจะแดงอยู่

“พี่กิวไม่โกรธเนอะ เพราะพี่กิวใจดี”

ยังจะเอ่ยคำพูดคำจาน่ารักตามมาออดอ้อนอีก แบบนี้ต่อให้โกรธก็โกรธได้ไม่นานหรอก แต่จะปล่อยโอกาสดีๆ อย่างนี้ไปก็เสียเปล่า กิวจิ้มนิ้วเข้าที่แก้มของตัวเองเบาๆ เป็นความหมายว่าตนต้องการอะไรแลกเปลี่ยนกับคำขอในครั้งนี้ น้องเห็นแบบนั้นก็มุ่ยหน้าบ่นอีกระลอก

“ครั้งก่อนพายก็หอมแล้...”

เอ่ยวาจาไม่ทันจบแรงกดหนักๆ ที่ข้างแก้มก็ทำให้พายหยุดคำพูดลง ไม่รู้ตัวไปชั่วครู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ค่อยๆ ยกมือมาปิดแก้มข้างที่โดนขโมยหอมไป มองหน้าคนกระทำการอุกอาจตรงหน้าที่กำลังยิ้มขำมองท่าทางตลกๆ ของตัวเอง ความร้อนเห่อพุ่งขึ้นทั่วหน้า

“อีกแล้ว ขี้โกง!”

“พี่ไม่ได้ขี้โกงสักหน่อย ไม่เชื่อไปถามบับเบิ้ลบี”

ว่าแล้วก็จุ๊ปากเรียกเจ้าตัวแสบที่วิ่งไปวิ่งมาให้เขามาใกล้ๆ ก่อนจะอุ้มขึ้นมาระดับหน้าแล้วพูดด้วยเสียงโทนต่ำของตัวเองเลียนแบบที่น้องทำเมื่อกี้ เล่นเอาพายทั้งขำทั้งเขิน ไม่รู้ว่าแบบพี่กิวจะทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย




“ครั้งก่อนแม่หอม ครั้งนี้พ่อหอม ครั้งหน้าก็หอมๆ ด้วยกัน ยุติธรรมจะตายฮับ!”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีหลังหายไปร่วมสองเดือนค่ะ *โดนปาแก้วใส่*

เอาพี่กิวกับน้องพายมาเสิร์ฟแล้ว หลังจากงุ้งงิ้งอ้อยอิ่งมานาน ตอนนี้จัดหวานให้เต็มๆ ไปเลย!
ตอนเป็นของคู่พี่กิวน้องพายแบบเต็มที่ พี่พัฟพี่รูทเก็บไว้ก่อนชั่วคราวค่ะ

ไม่ได้ทอล์กนานแล้วเลยไม่รู้ว่าจะเม้าท์อะไรดี แต่ขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม ให้กำลังใจ และทวงถามกันมาเรื่อยๆ นะคะ
หลังจากนี้ก็จะพยายามมาลงเรื่อยๆ ค่ะ! :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-02-2015 20:44:46
พี่กิวซื้อน้องหมาให้พายด้วย เอาใจกันน่าดู
หาเหตุให้น้องพายมาหาที่บ้านทุกวันล่ะซิ

หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 19-02-2015 20:57:31
น้องพายน่ารักมากเลยอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 19-02-2015 21:38:49
หวานจังเลยยยยย กิวอ่อนโยนชะมัด ผู้ชายในฝันเราชัดๆเลยกิ้ดๆๆๆ ส่วนพาย อะไรจะน่าเอ็ยดูขนาดนั้นน อยากฟัดให้แก้มยุบจีงๆ(โหดไปไหม55555)

น้องพายน่ารักขนาดนี้ พ่อแม่พี่กิวจะรักหลงขนาดไหนเนี่ย ทำให้ครอบครัวหนึ่งกลับมามีความสุขได้ สุดยอดเลยน้องพาย
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 19-02-2015 22:06:02
มาต่อแล้ววววววดีใจอ่าา าา า
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
ไม่รู้ซิแต่ชอบบรรยายรอบๆตัวของน้องพาย
มันชวนน่าเอ็นดูอย่างไงไม่รู้
คนเขียนมาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 19-02-2015 23:01:53
พี่กิวน่ารัก มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งไปอีกกก
ชอบจังเลยค่ะ>_<
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : ตอนที่ 8 โซ่ทองคล้องใจ หน้า 3 (19.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 20-02-2015 11:58:50
เป็นฝั่งเป็นฝาเพราะหมาเลยนะพี่กิว >_<
น่ารักมากกกกและคถพายมาก
แบบห่างหายไปจากเรื่องนี้
อ่านอีกรอบก็ยังน่ารักกรี๊ดๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : แจ้งข่าวค่ะ หน้า 3 (24.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 24-02-2015 20:51:10
สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเพลง(?)ของพี่กิวและน้องพาย

มีข่าวมาแจ้งเล็กน้อยค่ะ ตอนนี้เราได้เปิดเพจสำหรับอัพเดทข่าวคราวนิยายแล้ว เผื่อไว้สำหรับอนาคตค่ะ (อนาคตอะไรก็ยังไม่แน่ใจ) และเผื่อให้นักอ่านเข้ามาอ่านแล้วขี้เกียจล็อคอิน แต่อยากเม้ามอย อยากกรี๊ด หรืออยากติชม เชิญได้เลยค่ะ

 Imannew's Fiction (https://www.facebook.com/enniyuu)


ตอนต่อไปกำลังปั่นอยู่ค่ะ จะพยายามรีบมาต่อให้เร็วที่สุดเลย!
ขอฝากตัวฝากหัวใจ ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :laugh: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) : แจ้งข่าวค่ะ หน้า 3 (24.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 24-02-2015 23:18:20
โอ้สสส! จะตามไปนะค้าา เป็นกำลังใจให้จ้า


รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 26-02-2015 20:48:01
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ)
ตอน วันว่าง




"อืมมมม"

พายครางในลำคอขณะนั่งกดเครื่องเกมในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้มันจะยากอะไรนักหนา เล่มมาเป็นชั่วโมงไม่ยอมผ่านสักที

"ติดเกม"

คนด้านข้างที่มือถือหนังสือแต่สายตาเอาแต่เหลือบมองน้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยเย้า พายได้ยินก็หันควับ ตวัดสายตามองค้อนไปให้หนึ่งวงใหญ่

"พี่กิวอ่านหนังสือไปเหอะ"

"แพ้แล้วพาลอีก"

ตากลมๆ แทบถลนออกจากเบ้าเมื่อน้องใช้มันถลึงมองเจ้าของคำพูดแทงใจดำ พายบ่นงุบงิบในลำคอ ทำหน้าบึ้งแล้วหันกลับไปสนใจเกมในมือต่อเหมือนเดิม โมโหไปก็เท่านั้น สู้เล่นเกมให้ผ่านดีกว่า

5 นาทีผ่านไป

"โอ้ยยย! เอาใหม่ๆ"

20 นาทีผ่านไป

"โว๊ะ! อีกนิดเดียวเอง ทำไมมาตายงี้อะ"

30... 40... 1 ชั่วโมงผ่านไป

"ไม่เล่นแล้วว้อย! บอสเลว ทำไมต้องมาฆ่าตัวพระเอกตลอด ทำไมไม่ไปฆ่าคนอื่นก่อนเล่า!?"

คนตัวเล็กโยนเครื่องเกมขนาดพกพาลงข้างตัวขณะบ่นกระปอดกระแปดไปด้วย ไม่เข้าใจทำไมตัวละครหลักต้องมาตายทุกที นี่มันบัคชัดๆ ไม่ใช่พายไม่เก่ง แต่มันบัคแน่ๆ!!

ฝ่ายกิวที่เห็นท่าทางน้องนั่งกอดอกทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจก็ส่ายหน้า เขาเห็นน้องเล่นเกมนี้มาตั้งแต่เช้าไม่เห็นผ่านด่านสักที แพ้ทีก็งอแงที กับอีแค่ฆ่าตัวละครหน้าประหลาดมันจะไปยากอะไรขนาดนั้น

"พี่เล่นให้"

"พี่กิวเล่นไม่ผ่านหรอก ขนาดพายเล่นมาตั้งนานยังไม่ผ่านเลย"

"ถ้าผ่านให้อะไร?"

การเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งคู่เริ่มขึ้นทันทีที่จบประโยค กิวมองหน้าน้อง พายมองหน้าพี่ ในใจคิดแน่ว่าคนไม่เคยเล่นเกมแบบพี้กิวไม่มีทางเล่นผ่านแน่นอน เพราะงั้นจะเดิมพันสูงหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหา

"ถ้าผ่านพายเลี้ยงข้าวเลย!"

"น้อยไป"

"งั้นเลี้ยงข้าวสองมื้อ"

ชูสองนิ้วยิ้มกว้างให้อีก ถ้าเป็นคนอื่นกิวคงด่าไปยันต้นตระกูล แต่แน่ล่ะว่ากับน้องเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อยู่แล้ว

" ชนะคืนนี้ค้างบ้านพี่"

"ได้! ยังไงพี่กิวก็ไม่ผ่านหรอก"

เดี๋ยวก็รู้ น้องนั่งอมยิ้มหลังพูดประโยคท้าทายเสร็จ มั่นใจแน่แล้วว่ากิวไม่มีทางชนะในการเดิมพันครั้งนี้แน่ ตกลงกันเสร็จสิ้นพายก็ทำเพียงนั่งดู รอให้กิวจัดการเลือกตัวละครในเกมตามใจตน

นิ้วโป้งยาวๆ กดลงบนปุ่มขณะมองผลลัพธ์บนหน้าจอ กิวเลือกข้อมูลตามที่เคยเห็นน้องทำก่อนหน้านี้แล้วเลือกด่านบอสเช่นเดียวกัน ไม่นานฉากเตรียมพร้อมก่อนต่อสู้ของตัวละครปรากฏให้เห็นพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดีของคนข้างๆ พายหยิบหนังสือที่กิวถือไว้จนถึงเมื่อครู่ไปนั่งอ่านอย่างสบายใจ ปล่อยให้กิวเริ่มเล่นไปตามเหตุการณ์ในเนื้อเรื่อง

10 นาทีผ่านไป

"ชนะแล้ว"

"ห๊ะ!?"

น้องน้อยร้องอย่างตกใจ รีบทิ้งหนังสือมามองหน้าจอที่เขียนว่า "YOU WIN" ด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ตกใจไม่น้อยว่าทำอย่างไรกันกิวถึงได้ผ่านด่านหฤโหดนี้มาได้

"ได้ไงอะ..."

พายครางเสียงเบา ทำหน้าตาเหมือนโดนปลาเน่าจ่อใต้จมูก กิวเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยให้ทันที

"ตามสัญญา โทรบอกพัฟด้วย"

"... ก็ได้ ครั้งหน้าพายไม่แพัแน่!"

ว่าแล้วก็ค้อนควับก่อนจะยอมกดเบอร์พี่ชายสุดที่รักแล้วโทรไปแจ้งความประสงค์ของตัวเองทันที น้องคุยไปบ่นไปโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของกิวเลยแม้แต่น้อย



ถ้าน้องรู้ว่าเขาก็มีเครื่องเกมรุ่นนี้ แถมเล่นเกมนี้จบไปตั้งหลายรอบแล้วจะทำหน้ายังไงกันนะ?



จบตอนพิเศษ วันว่าง


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีค่ะ มาแบบงงๆ เพื่อบอกให้รู้ว่า... กำลังติดเกม

ปั่นพี่กิวน้องพายไป 1 ใน 3 แต่ติดเกมกระจายเลยค่ะ (ก็มันเครียดงานมากนักก็เล่นเกมมันซะเลย) คิดแบบนี้ก็เลยกลับไปเล่นเกม PSP และเกมออนไลน์ ล่ะค่ะ :hao5:
และเพราะเกมนี่แหละทำให้คิดไปคิดมาว่า ถ้าน้องพายเล่นเกมแล้วแพ้แบบเรา น้องจะทำยังไง พี่กิวจะทำยังไงนะ? ก็เลยออกมาเป็นตอนพิเศษสั้นๆ เรื่องนี้ค่ะ

จะรีบมาต่อพี่กิวกับน้องพายตอนหลักในเร็ววันค่ะ!
ขอบพระคุณทุกไลค์ในแฟนเพจ และทุกคอนเม้นที่ให้กำลังใจมาตลอดด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 26-02-2015 21:43:29
 พี่กิวน้องพายยังน่ารักเหมือนเดิม  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 26-02-2015 21:53:23
น้องนี่มันน่ารัก ใสมากกกก
ส่วนพี่กิว ทำดีพี่ ทำต่อไป
ให้น้องค้างแล้วมีไรคืบหน้าบอกด้วยนะพี่5555
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-02-2015 22:18:55
พีกิวยังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม เนียนตลอด
สุดท้ายน้องพายก็ต้องมานอนบ้านพี่กิว
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-02-2015 22:37:04
สั้นจุงงงง งื้ดดๆ นักเขียนติดเกมใช่ม้าาาเลยพานุ้งพายกับพี่กิวติดด้วยเบย 5555555

รอตอนหลักน้าาาาาตัว
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 27-02-2015 00:00:19
ขอบอกว่าเพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วก็อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ
กรี๊ดเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก บอกเลย 555
รักพี่กิว น้องพาย พี่พัฟ พี่รูท แล้วก็บรรดาป๊าม้า+แม่ด้วย
เป็นเรื่องฟีลกู้ดที่น่ารักมากๆ อีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ชอบมากๆๆๆๆ
เรื่องหลักเหมือนยังเหลือมาม่ากับครอบครัวพี่กิวอีกหน่อย กับอีตาดอมจอมอันธพาลที่ดูเหมือนจะเล่นลอบกัด ยังไงก็จะขอติดตามต่อจนจบเลยค่ะ ^^b

ป.ล. พี่กิวเสี่ยวได้ใจเราจริงๆ ให้ตายเถอะ 55555
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) : วันว่าง หน้า 3 (26.02.58)
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 27-02-2015 15:00:33
ทำไมน่ารักกันแบบนี้
ฮอลลลลลลลล



หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 9 : วุ่นวาย (ครึ่งแรก) หน้า 3 (06.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 06-03-2015 21:40:41
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน วุ่นวาย (ครึ่งแรก)





ช่วงชีวิตคนเรามักมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาให้พบเจอเสมอ


บางคนอาจเจอเรื่องวุ่นวายระกับเบาบางที่แก้ไขได้ง่ายๆ บางคนอาจจะเจอเรื่องวุ่นวายระดับกลางที่ชวนให้หงุดหงิดใจชั่วครั้งชั่วคราว บางคนเจอเรื่องวุ่นวายระดับมหาศาลที่ทำให้สติแตกจนต้องหาทางระบายออก แล้วถ้าคุณเจอเรื่องวุ่นวายพวกนั้นสิ่งแรกที่จะทำคืออะไรกันระหว่างค่อยๆ หาทางออก หรืออาละวาดให้มันแตกหักกันไปข้าง?





หลังปิดเทอมไปได้สามอาทิตย์ วันเวลาที่เหล่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้รอคอยก็วนมาถึงอีกครั้ง ตามปกติแล้ว วันแรกของการเปิดเทอมใหม่เช่นนี้ บริเวณระเบียงทางเดินของโรงเรียนเอกชนมีชื่อย่านใจกลางเมืองจะเต็มไปด้วยนักเรียนของแต่ละชั้นปีมายืนออ พูดคุยกันอย่างออกรส ทั้งเรื่องการบ้าน สถานที่เที่ยว และเรื่องจิปาถะทั่วไป แต่วันนี้กลับแปลกไป เพราะนักเรียนแทบทุกชั้นปีต่างพูดคุยไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ที่เหยียบย่างเข้ามาในโรงเรียน

ตอนนี้พายกำลังหงุดหงิด ตั้งแต่เดินเข้าโรงเรียนมาก็เห็นสายตาของเพื่อนร่วมโรงเรียนมองเขาด้วยท่าทางสนอกสนใจแล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างกัน ท่าทางเหมือนพวกผู้หญิงขี้เม้าท์อย่างไรอย่างนั้น ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจอะไรนัก แต่เมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียนรุ่นพี่แล้วบังเอิญได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในประโยคสนทนาด้วยนี่สิ จากที่จะไม่สนใจ กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นหัวข้อพูดคุย ในใจวุ่นวายไปหมดจนพายต้องรีบเดินเพื่อให้หลุดออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนั้น แต่ไม่วาย ตลอดทางที่เดินมาจนกระทั่งถึงห้องเรียนก็ยังมีสายตา และคำพูดซุบซิบให้ได้ยินตลอด

กระเป๋าจาคอปใบสวยวางลงบนโต๊ะเรียนด้วยความแรงกว่าปกติส่งผลให้เกิดเสียงปึงปับตามอารมณ์ของเจ้าของ มาในห้องก็ยังเจอสายตาแปลกๆ จากเพื่อนร่วมชั้น นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น เขาหลุดมาอยู่ในโลกต่างมิติหรือยังไง พายพยายามจะทำเป็นไม่สนใจแม้จะอยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วเค้นเอาคำตอบจากคนรอบกายก็ตาม คางเรียวเกยกับโต๊ะเรียนขณะมองตอบสายตาของเพื่อนร่วมห้อง ทำอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์เครื่องสวยจะดึงความสนใจของตนไป

“ฮัล...”

“พาย! มึงลงมาหากูที่โรงอาหารเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวนี้!”

“อะไรของมึงธีร์? กูยิ่งเซ็งๆ อยู่ ไม่มีอารมณ์ไปกินข้าวกับมึงหรอกนะ”

“ไม่ได้กินข้าว! รูปมึงกับเฮียกิวแปะหราอยู่ตรงบอร์ดกลางโรงอาหารเนี่ย แล้วยังมีข้อความ... ไอ้สัส ใครเขียนถึงเพื่อกูแบบนี้วะ!?”

คำบอกเล่าและเสียงโวยวายของเพื่อนสนิทเปลี่ยนอารมณ์เซ็งเป็นความงุนงง และความวิกตกกังวล พายตั้งใจจะถามเรื่องราวให้มากกว่านี้จากธีร์ แต่ดูเหมือนเพื่อนจะโมโหมากถึงได้ไม่ฟังเสียงเขาเลย  จนพายต้องตัดสินใจฝ่าสายตาอยากรู้อยากเห็นวิ่งลงไปโรงอาหารที่ซึ่งน่าจะเป็นต้นกำเนิดเหตุการณ์ประหลาดในครั้งนี้



ทันทีที่เดินเข้าไปในโรงอาหารติดแอร์ขนาดใหญ่คนตัวเล็กมองซ้ายมองขวา ไม่นานก็เจอธีร์กับวินนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวไม่ไกลจากบอร์ดประกาศขาวเท่าไหร่นัก พายรีบเดินเข้าไปหาทั้งคู่ อยากไขข้อข้องใจในเรื่องที่เพื่อนพูดทางโทรศัพท์เมื่อครู่นี้

“พายลองอ่านเองแล้วกัน เรากับธีร์มาถึงเมื่อเช้าก็เห็นมันติดไว้แล้ว”

วินว่าพลางเลื่อนแผ่นกระดาษ A4 ยับๆ ที่มีรอยกระชากจนขาดมาให้ แม้รูปบนกระดาษจะใช้ปริ้นท์ออกมาจากคอมซึ่งทำให้รายละเอียดไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ก็มองออกว่าเป็นรูปของตนเองและคนที่คุ้นตาปรากฏเด่นชัดบนหน้ากระดาษ พายจำได้ว่าเป็นภาพตอนที่พี่กิวกับเขาไปเดินจตุจักรกัน ในรูปก็มีเพียงแค่พายกับพี่กิวเดินจูงมือ แต่มีรูปสุดท้ายที่พี่กิวก้มแล้วพายกำลังเงยหน้า ด้วยมุมที่ไกลและภาพไม่ชัดทำให้ดูเหมือนเขากับพี่กิวกำลังจูบกัน และสิ่งที่พายคาดว่าเป็นตัวการที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนมองเขาและทำให้ธีร์หัวเสียสุดๆ คือข้อความกล่าวหาข้างล่างรูปภาพเสียมากกว่า



ขายเรือนร่างกลางวันแสกๆ!!

สมควรแล้วหรือที่นักเรียนชายโรงเรียนชายล้วนชื่อดังหารายได้ด้วยการเป็นเด็กเสี่ย




พายเลิกคิ้วขณะมองรูปและข้อความไม่จรรโลงใจเท่าใดนัก ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนจับภาพตอนไปเที่ยวกับพี่กิวแบบนี้ แล้วเนื้อหานี่มันอะไรกัน เหมือนตั้งใจว่าจะทำให้พายอับอายและเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดูยังไงก็คงเป็นฝีมือของคนในโรงเรียนนี่แหละ เพียงแต่พายไม่เคยมีเรื่องกับใครจึงไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงตกเป็นเป้าโจมตีแบบนี้

“ภาพมันไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่กูกลัวว่าไอ้ข้อความเหี้ยๆ นั่นต่างหากที่จะทำให้มึงซวย คนที่ไม่รู้ความจริงแล้วสักแต่เชื่อมีเยอะแยะไป กูก็ไม่รู้ด้วยว่าใครเอาไปบอกครูหรือยัง”

ธีร์พูดด้วยความโมโห พร้อมถลึงตาใส่คนที่เดินผ่านไปมาแล้วเหลือบมองเพื่อนเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“พายบอกเฮียกิวที่บ้านไว้ก่อนดีกว่านะจะได้หาทางรับมือถูกถ้ามีอะไรขึ้นมา เรากับธีร์จะลองสืบให้ว่าใครเป็นคนเอากระดาษแผ่นนี้มาติดบอร์ด คงไม่ยากเท่าไหร่หรอก”

พายพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยขอบคุณเพื่อนทั้งสอง ธีร์รู้จักคนเยอะไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นไหนเพราะเจ้าตัวชอบช่วยเหลือกิจกรรมโรงเรียนตลอด ส่วนวินก็เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นกรรมการนักเรียนตอนช่วงก่อนปิดเทอมนี่เอง หากต้องการหาข้อมูลหรือต้นตอจริงๆ ก็คงทำได้ไม่ยาก

“แต่แม่งตลก เฮียเขามารอรับมึงตั้งบ่อยไม่ยักกะมีอะไร แล้วเอามาเล่นมึงตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรวะ?”

นั่นสิ... พายงึมงำในลำคอด้วยความสงสัย ทั้งที่คนก็เห็นออกบ่อยว่าพี่กิวมารับที่หน้าโรงเรียนอยู่เรื่อยแล้วทำไมถึงยังคิดจริงจังกับรูปที่เห็น แต่ก็อย่างว่า คนเขาไม่ได้มาเห็น มารู้จักพี่กิวเป็นการส่วนตัวเหมือนพาย แถมในรูปนี้หน้าพี่กิวก็ไม่ได้ชัดขนาดมองแว้บแรกจะรู้ว่าเป็นใครเลยทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายคนอื่นได้ง่าย แถมตัวหนังสือยังชักจูงให้คิดไปในทางเสียหายก็ดึงความสนใจไปที่พายมากกว่าพี่กิว

“พายเผลอไปทำอะไรให้ใครเขาหมั่นไส้ก่อนปิดเทอมหรือเปล่า?”

วินตั้งข้อสังเกตที่ทำให้พายต้องคิดตาม แต่เท่าที่จำได้เขาไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับใครในโรงเรียนจนถึงกับต้องมาทำเรื่องแบบนี้ใส่หรอกมั้ง? พายส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะตอนนี้ตนคิดไม่ออกจริงๆ ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็เข้าใจและยืนยันว่าจะช่วยเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และถึงแม้จะมีปัญหาก็จะช่วยเป็นพยานในเรื่องนี้ให้ด้วย

 “ขอบคุณนะวิน มึงด้วยธีร์”

ธีร์โบกมือเหมือนจะบอกว่าอย่าใส่ใจ ฝ่ายวินก็ยิ้มกลับมาให้ และย้ำหนักๆ อีกครั้งให้เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่กิวกับที่บ้านด้วยซึ่งแน่นอนล่ะว่าพายบอกพี่กิวแน่ แต่คงต้องเป็นหลังจากปรึกษากับพี่พัฟแล้ว เพราะไม่รู้ว่าถ้าบอกไปตอนนี้เรื่องจะถึงหูคนบางคนจนอีกฝ่ายถ่อมาอาละวาดที่โรงเรียนหรือเปล่า เขายังไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่ไปมากกว่านี้แถมยังไม่รู้ด้วยว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้ไปต้องการอะไร

ขออย่าให้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากในอนาคตเลย นี่คือสิ่งเดียวที่พายหวังเอาไว้





“มีอะไรหรือเปล่า?”

คำถามที่พายคิดเอาไว้แล้วว่าต้องได้ยินถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่ตนลงจากบิ๊กไบค์คันโต วันนี้พี่กิวก็เป็นสารถีมารับพายกลับบ้านอีกแล้ว และแน่ล่ะว่าต้องตกเป็นเป้าสายตาคนส่วนใหญ่ที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้า ยิ่งพี่กิวที่ไม่ชอบให้ใครมามองจ้องย่อมต้องรู้ตัวอยู่แล้วว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น

“อื้อ ความจริงก็มีเรื่องแหละ แต่พายขอคุยกับแม่กับพี่พัฟก่อนนะ”

“.....มีอะไรให้รีบบอกพี่แล้วกัน”

กิวมองหน้าน้อง เห็นทำหน้าเครียดมาตั้งแต่ตอนเดินอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว ลองสบตาไถ่ถามจากเพื่อนสนิททั้งสองคนแต่เจ้าคู่นั้นก็บุ้ยใบ้ให้เขาไปถามจากพาย รู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวกับตัวเองด้วย แต่ในเมื่อน้องขอมากิวก็จะยังไม่เข้าไปยุ่งในตอนนี้ จึงพยักหน้ารับไปส่งๆ โดยไม่บอกว่าถ้าน้องปล่อยให้รอนานเกินไป กิวก็ไม่รับปากเหมือนกันว่าจะไม่หาความจริงด้วยตัวเอง

“ว่าแต่พี่กิวเถอะ โรงเรียนเลิกตอนสี่โมงไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมมาถึงโรงเรียนพายตั้งแต่ยังไม่สี่โมงล่ะ?”

พายส่งหมวกกันน็อคคืนขณะเอ่ยถาม เขาจำตารางเรียนของพี่ชายตนได้ ความจริงตอนนี้ต้องเป็นเวลาเรียนคาบสุดท้าย แต่พี่กิวที่เรียนชั้นเดียว ห้องเดียวกับพี่กลับมารอรับเขาที่เลิกเรียนไวกว่าเกือบชั่วโมงแสดงให้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคงจะโดดเรียนมาแน่ๆ

“วันนี้มีส่งของเลยออกมาก่อน”

“อ่อ...”

เอ่ยรับเพียงเท่านั้นพายก็เงียบไป บรรยากาศชวนอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง กิวรู้ว่าน้องไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เขาทำอยู่ แต่ก็เข้าใจว่าการเดินเข้าไปในวงการธุรกิจแบบนี้แล้วจะให้เดินออกมาง่ายๆ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็กำลังพยายามถอยหลังออกมาจากวังวนพวกนี้อยู่ เพราะเกรงว่ามันจะมากระทบกับชีวิตของคนตัวเล็กตรงหน้าในอนาคต

“พี่ยังเลิกตอนนี้ไม่ได้”

“อื้อ พายรู้ พี่พัฟก็เคยบอกพายแล้ว แต่มันก็ไม่ดีอยู่ดี ทั้งกับคนที่ซื้อไปหรือกับพี่ด้วย...”

“เป็นห่วงพี่ว่างั้น?”

“พี่กิวอย่ามาเปลี่ยนเรื่องสิ”

“เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วง เอาคนอื่นมาอ้างตลอด ปากแข็งว่ะ”

หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไวจนพายตามไม่ทัน เขาหรี่ตาสีเข้มมองหน้ากิว เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ชอบตีเนียนนัก ไม่รู้ว่าไปฝึกมาจากไหน แล้วไอ้เรื่องเป็นห่วงนี่คืออะไร มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไงที่ต้องห่วงเพราะยังไงก็เป็นคนที่รู้สึกดีๆ ด้วย แต่ตอนนี้มันเครียดมั้ย มันไม่ใช่เวลามาหยอดหวานใส่กันตอนนี้มั้ย พี่กิวนี่ยังไง

“พี่กิวเคยยืนอยู่ดีๆ แล้ววูบป่ะครับ?”

“ไม่ แต่เคยยืนอยู่ดีๆ แล้วโดนคนแถวนี้หอมแก้ม”

ไอ้เห... อยากจะด่าออกมาให้เต็มคำแต่ก็เกรงใจวัยวุฒิที่ปรากฏอยู่บนหน้า พายจึงทำเพียงแค่ทำปากขมุบขมิบให้กิวได้หัวเราะในลำคอ มือแกร่งขยี้ผมรองทรงของน้องด้วยความเอ็นดู แค่เลิกทำหน้าเหมือนปลาตายจะให้กิวโดนด่ามากกว่าสัตว์เลื้อยคลายก็ยอม

หยอกเย้ากันพอหอมปากหอมคอกิวก็ไล่น้องเข้าบ้าน โดยไม่ลืมสั่งให้ปิดประตู ล็อคกลอนจนกว่าพัฟจะกลับมา มองจนกระทั่งน้องเดินเข้าบ้านไปแล้วนั่นแหละ ร่างสูงจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์เพื่อน 1 ใน 2 ของเพื่อนสนิท

“ว่าไงครับมึง หายหัวจนหมดคาบเลย วันแรกมึงก็ทำตัวเด่นละ”

“อ่า... กุส่งของแล้วเลยมารับน้องกลับบ้าน”

“ไอ้สัส พวกมึงฟังๆ เฮียกิวแม่งติดเด็กจนไม่เป็นอันเรียนแล้ว”

เสียงโห่ฮาของรูทและเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มดังมาจากปลายสาย กิวเพียงหยักยิ้มไม่เอ่ยปฏิเสธเพราะมันเป็นเรื่องจริง ปล่อยให้โดนถล่มแซวเรียบร้อยนั่นแหละถึงได้เอ่ยถามถึงพี่ชายน้องน้อยที่เพิ่งแยกกับตนเมื่อกี้

“อ๋อ พัฟมันออกไปเมื่อกี้เอง เห็นว่าน้องโทรตามหรือไงนี่แหละ มีไรเปล่ามึง?”

“น้องมีเรื่องแต่ไม่บอกกูว่าเรื่องอะไร เจ้าตัวขอคุยกับพัฟก่อน คงเรื่องเดียวกัน”

“อ่อ มึงก็เลยจะให้พวกกูใช้เส้นสายสืบล่ะสิ? เดี๋ยวจัดให้ครับ ในฐานะที่น้องพายเป็นสุดที่รักของกู ฮิ้วววววว”

ปล่อยให้โวยวายกันไปสักพักก็ได้ยินรูทวานให้หมี่ เพื่อนอีกคนในกลุ่มแข่งรถไปจัดการ เพียงเท่านี้กิวก็วางใจ แน่นอนแล้วว่าเขาจะรู้เรื่องที่ค้างคาใจน้องไวพอๆ กับที่พัฟฟังจากน้องแน่นอน

ถึงแม้พี่จะรอเราบอกได้แต่ก็ใช่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรเลยนะครับพาย กิวคิดก่อนจะออกแรงบิดข้อมือ พาบิ๊กไบค์คันโปรดมุ่งหน้าไปหาเพื่อนสนิททันที





กระดาษ A4 ในมือถูกกำจนยับทันทีที่อ่านข้อความจบ พัฟขมวดคิ้วอย่างที่นานๆ จะทำด้วยความรู้สึกไม่พอใจ อยากจะรู้นักว่าใครเป็นคนทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ จะได้อาละวาดเอาเลือดชั่วๆ ที่คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ แบบนี้ออกมาเป็นค่าน้ำหมึกสักที

“พี่พัฟ...”

เสียงของน้องชายเพียงคนเดียวฉุดสติของเขาให้กลับเข้าที่ พัฟมองหน้าพาย ดวงตาเรียวเหมือนจิ้งจอกแสนซนยามนี้ดูวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย คงกังวลเรื่องความรู้สึกของเขากับแม่ และเพื่อนสนิทที่อยู่ในภาพมากกว่าความรู้สึกของตนเองเสียอีก

เด็กน้อยที่เขาช่วยแม่เลี้ยงมากับมือตอนนี้เติบโตขึ้นมาก จากที่แต่ก่อนมีเรื่องก็เอะอะวิ่งมากอดเอวเขาร้องไห้ ไม่ก็ฟ้องแม่ว่าโดนเพื่อนแกล้งต่างๆ นานา เวลานี้กลับใจเย็นเสียยิ่งกว่าคนเป็นพี่อย่างเขา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวน้องชายคนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะหายโกรธคนที่บังอาจทำเรื่องเช่นนี้กับน้องได้

“บอกกิวหรือยัง?”

“ยังไม่ได้บอก กลัวบอกแล้วพี่กิวจะมาอาละวาดเลยมาบอกพี่พัฟกับแม่ก่อน”

ฉลาดและมองออกเสียด้วยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แน่ล่ะว่าถ้าไอ้เฮียกิวรู้มันต้องไปอาละวาดแน่ๆ ของรักของหวงมันทั้งคน และคาดว่าถ้าทำอย่างนั้นคงจะยิ่งเข้าทางอีกฝ่ายที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจจะหาเรื่องให้เดือดร้อน

“แล้วครูว่าไง?”

“ไม่มีใครเรียกไปคุยนะ ธีร์กับวินบอกว่าครูคงยังไม่สนใจเพราะไม่มีใครร้องเรียนโดยตรง”

“แต่อนาคตก็ไม่แน่สินะ...”

พายพยักหน้ารับคำพูดของพัฟ ตอนนี้ครูคงคิดเพียงว่าเป็นเรื่องของเด็กทะเลาะกัน และไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเขาทำเรื่องเช่นนั้นจริง แต่ถ้าหากเกิดการร้องเรียนหนักๆ เข้า คงจะมีการเรียนผู้ปกครอง สืบหาข้อเท็จจริง และเรื่องของพี่กิวกับพายก็จะใหญ่โต ซึ่งเป็นเรื่องที่พายไม่อยากให้เกิดเอาเสียเลย

“แม่ก็รู้อยู่แล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ที่น่าห่วงคือถ้าไอ้กิวรู้มันจะทำยังไง”

“อือ... เพื่อนพี่พัฟอ่ะโคตรอารมณ์ร้อน ตอนนั้นก็จะไปต่อยเขา”

“เราเองก็ไปด่าเขา อารมณ์ร้อนไม่แพ้กันนั่นแหละ” ว่าแล้วก็ดีดหน้าผากน้องตัวเองแรงๆ ไปหนึ่งที ไม่วายเย้าต่อไปให้อายเล่นเสียด้วย “ไวไฟด้วยดิ เห็นนะเว้ย”

“พี่พัฟฟฟ! หยุดเลย เอาเรื่องนี้สิเรื่องนี้!”

คนเป็นพี่หัวเราะอาการกลบเกลือนแบบปิดไม่มิด แต่ก็ยอมที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ตนเองเห็นต่อ

“ทำตัวปกติไปเดี๋ยวกูคุยกับกิวเอง แต่ป่านนี้มันคงรู้แล้วมั้ง เรื่องมึงคือที่หนึ่งสำหรับมันเลยรู้มั้ยตัวเล็ก”

“...รู้น่ะ แต่ไม่อยากรีบบอกเพราะนิสัยพี่เขานั่นแหละ”

“เป็นห่วงมันว่างั้น?”

มาอีกละไอ้คำถามที่ได้ยินทีไรก็รู้สึกว่าโคตรกวนประสาท แล้วถามเหมือนกดคอนโทรลซี ก๊อปปี้-เพลสกันมาอีกนะ เด็กโรงเรียนนี้เขาเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า? พายไม่ตอบ แต่ถอนหายใจแบบเซ็งสุดๆ แถมเบะปากใส่พี่ตัวเองเป็นคำตอบ ท่าทางช่างน่าหมั่นไส้ แต่พัฟเพียงแค่หยักยิ้มแบบรู้ทันแล้วยีหัวกลมๆ ของน้องเท่านั้น

“ดื้อ จะบอกกิวว่ามึงเป็นตัวดื้อ”

“ไม่ได้ดื้อ พี่พัฟมั่ว ไม่อยากคุยกับพวกขี้มั่ว ไปทำการบ้านดีกว่า ตัวโตอย่าลืมโทรหาพ่รูทสุดที่รักแล้วกัน!”

ตัวดื้อประจำบ้านวิ่งหนีขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พี่ชายนั่งยิ้มกับท่าทางตลกๆ อยู่คนเดียว รู้อยู่แล้วว่าทำการบ้านของพายคือการโทรไปให้กิวสอนภาษาอังกฤษ หยอดหวานใส่กัน แต่เขาไม่เข้าไปยุ่งหรอก เพราะเขาก็ต้องโทรไปก่อกวน หยอดคำหวานใส่ครบางคนเหมือนกัน เพียงแต่ไอ้คนที่อยากจะหยอดใส่มันดันไม่รู้เรื่องเลย หาว่าเขาเอาแต่กวนตีน ไม่รู้จะเรียกว่าความรู้สึกช้าหรือโง่ดี

ก่อนที่จะนินทาอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอก็ไม่รอช้าที่จะรับสาย ไม่รู้ว่ารูทมีโทรจิตหรืออย่างไร ถึงได้โทรมาเอาเวลาที่เขากำลังคิดถึงอยู่พอดี

“ว่าไงตี๋น้อย”

“ตี๋น้อยพ่อง! รับสายแล้วกวนตีนเลยนะ”

แค่ได้ยินเสียงโวยวายพัฟก็รู้สึกเหมือนหัวใจพองโต เอ่ยขอโทษอย่างว่าง่ายแล้วรอให้อีกฝ่ายพูดธุระมา

“น้องพายมีเรื่อง มึงรู้แล้วใช่มั้ย?”

“อือ เพิ่งคุยกันเสร็จ ว่าจะไปเล่าพรุ่งนี้มึงก็โทรมาก่อน”

“เอ้าเหรอ เออๆ งั้นกูวางละ พรุ่งนี้มึงรีบมา ไอ้เฮียกิวอกจะแตกตายละ ไม่เร่งพวกกูเท่าไหร่หรอก แค่แม่งบอกจาก 50% ที่แข่งได้อาจจะเหลือ 30% มึงดูมันพูดดดด แล้วก็นะ @%!*#$)$_@&!^@_@”

รูทลากเสียงยาวแล้วเล่าเหตุการณ์หลังจากที่พัฟกลับมาแล้วให้ฟัง ไม่วายบ่นไปด้วยว่าเพื่อนซี้ตัวเองติดหนุมจนลืมเพื่อน แต่ก็ชมว่าน้องเขาน่ารักไม่เหมือนพี่ที่เอาแต่กวนตีน ไปๆ มาๆ จากที่บอกว่าจะวางสุดท้ายคงไม่แคล้วเกินชั่วโมงเหมือนปกติ แต่มีหรือที่พัฟจะโต้แย้ง ก็นอนฟังเสียงอีกคนแล้วอมยิ้มอยู่บนโซฟาด้วยหน้าตาที่พายชอบแซวว่าเหมือนคนโรคจิตกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า จะให้ทำยังไงได้





วันถัดมา ทันทีที่พัฟเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ตนรู้มาให้เพื่อนๆ ฟัง กิวก็ร้อนใจจนแทบจะอาละวาดอย่างที่น้องบอกเอาไว้ไม่มีผิด เล่นเอาทั้งพัฟทั้งรูทและเพื่อนๆ ในกลุ่มต้องอ้างทุกสิ่งที่สามารถยกมาได้เพื่อทำให้คนใจร้อนได้เย็นลง แม้ตอนฟังรูทก็อารมณ์เสียใช่เล่นที่เด็กซึ่งตนถูกชะตามาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แต่พอเจออารมณ์โมโหเงียบ ตั้งท่าจะไปถล่มโรงเรียนน้องของกิวเข้าไป รูทก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายสาดน้ำเย็นเข้าใส่เพื่อนแทน

“น้องเขากลัวว่ามึงจะเป็นแบบนี้ไงเขาเลยไม่บอกมึงทันที! แล้วมึงจะทำให้น้องเขาเดือดร้อนเพราะความโกรธของมึงเหรอกิว!”

ถ้อยคำจากรูทแม้ไม่ทำให้กิวหายโกรธได้ก็จริง แต่มันกลับช่วยให้กิวนึกภาพใบหน้าเคร่งเครียดของน้องที่เพิ่งเห็นมาเมื่อวานได้อย่างชัดเจน แรงเกรงที่แขนซึ่งโดนจับไว้ค่อยๆ ผ่อนลง เมื่อพัฟเห็นว่าเพื่อนค่อยๆ ใจเย็นลงแล้วก็รีบสาดน้ำเย็นถังที่สองใส่เข้าไป

“กูเป็นพี่มัน กูรู้ว่ามันเป็นห่วงมึงไม่น้อยกว่าที่มึงห่วงมันหรอกนะกิว มึงใจเย็นๆ ก่อนเถอะ”

“.........กูจะไปหาพาย”

“ไปมึงก็ไปอาละวาด ไว้ตอนเย็นค่อยไปกับกู ธีร์กับวินก็อยู่ มึงก็คุยไลน์กับน้องแทบตลอดอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพายจะเป็นอะไรหรอก ไม่งั้นกูนี่แหละจะบอกพายว่ามึงจะอาละวาด ทีหลังมีอะไรก็จะไม่บอกมึง”

เหมือนโดนยื่นคำขาด กิวต้องนั่งเรียนทั้งที่ร้อนใจไร้ซึ่งสมาธิสนใจคำสอนของครูที่อยู่หน้าห้อง จนกระทั่งเย็นที่พัฟพาไปเจอน้องนั่นแหละ จิตใจมันถึงได้เย็นลงบ้าง แม้จะยังมีความโมโหหลงเหลืออยู่บ้างตอนที่มีคนมองเขากับน้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอเห็นหน้าและน้องปลอบโยนเขาด้วยการลูบแขนเบาๆ นั่นแหละ ความโกรธที่มีก็จางหายไปทีละน้อย และมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขามาหยุดรถที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของครอบครัววิรุฬธนกิจ

“มึงไม่เข้าจริงเหรอกิว?”

กิวพยักหน้า เขาเพียงแค่อยากมาส่งพายแล้วจเลยไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เลยจึงไม่อยากจะเข้าไปรบกวนในบ้าน พอเอ่ยลาเพื่อนสนิทเรียบร้อย คนแก่กว่าก็เริ่มหันมาเค้นเอากับเด็กน้อยที่ยืนพิงรถเขาอยู่

“ทำไมมีอะไรไม่บอกพี่ทันทีครับ?”

“ก็... พี่กิวต้องโมโหใช่มั้ยล่ะ แล้วพี่กิวจะโวยวายตามหาคนที่ทำให้ได้ พายไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่วันแรกของเทอมหรอกนะ”

“แล้วเราไม่โมโหหรือไงที่เห็นไอ้กระดาษใบนั้น”

เขาฉีกทิ้งไปตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นแล้ว แม้ตอนนี้พอคิดถึงคำกล่าวหาว่าคนที่รักเป็นเด็กขายก็โมโหแทบอยากจะจับตัวคนทำมาโขกกับผนังล้างอายให้น้องอยู่แล้ว

“โมโห แต่รู้ว่าพี่ต้องโมโหกว่าพายแน่ๆ ก็เลยไม่อยากบอกทันทีไง”

“ให้ตายเถอะ เป็นตัวดื้อแบบที่พัฟว่าไว้จริงๆ...หัดห่วงตัวเองก่อนห่วงคนอื่นได้มั้ย?”

“ไม่ดื้อ นี่พายก็ห่วงตัวเองอยู่ไง กลัวตัวเองจะเดือดร้อนเพราะพี่ไง ไม่ได้ห่วงพี่สักหน่อย”

ยียวนยอกย้อนเสียเหลือเกิน แต่ก็เพราะความยียวนนี่แหละที่ทำให้หน้าที่บึ้งมาตลอดทั้งวันของกิวเริ่มมีรอยยิ้มแม้เพียงจะแค่มุมปาก และยิ่งบอกกับตัวเองว่าจะต้องหาตัวคนทำมารับผิดชอบเรื่องนี้ให้ได้ในเร็ววัน

“พี่เถอะ มาห่วงแต่พาย ไม่คิดหรือไงว่าถ้าทำอะไรลงไปจะซวยเอา”

“พี่ซวยแล้วไง? ใครแคร์?”

“ก็พายแคร์!” ว้ากเสร็จถึงนึกขึ้นได้ว่าตนตกหลุมพรางคนหน้านิ่งที่เลิกคิ้วยิ้มมุมปากตรงหน้านี้เสียแล้ว “โว๊ะ พี่กิวแม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ ไม่คุยแล้ว รีบๆ กลับบ้านไปไป๊” ทำมือไล่พร้อมยัดหมวกกันน็อกที่ตนใส่ประจำคืนให้เจ้าของไป

ถ้าเขาเนียนเก่ง พายก็คงจะตีมึนเก่ง กิวหัวเราะในลำคอ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนี้จะทำให้เขาเปลี่ยนอารมณ์ได้เสียหลากหลายอารมณ์ในวันเดียว ตอนเช้ามาหงุดหงิดงุ่นง่าน ตกกลางวันไม่มีสมาธิ ใจร้อนเพราะเป็นห่วง ตกเย็นกลับมีความสุขเหมือนเรื่องทั้งวันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็กลัวว่าถ้ายิ่งหยอกมากกว่านี้คนที่พยายามทำมึนเหมือนตนไม่ได้พูดจาน่ารักเมื่อสักครู่จะมึนแตกแล้วกระโดดกัดคอเขา กิวจึงต้องจำใจบอกลาน้อง

“อย่าไปมีเรื่องเลยนะพี่กิว มันได้ไม่คุ้มเสียหรอก”

ไม่วายย้ำอีกรอบเพื่อหวังให้มันซึมซับเข้าไปในซีรีบรัม คนตัวสูงพยักหน้ารับคำ กวักมือเรียกให้น้องมาใกล้ๆ แล้วก้มลงไปกระซิบข้างหูแม้ว่าแถวนี้จะไม่มีใครมาแอบฟังก็ตาม

“พี่รู้ครับว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย”

พายพยักหน้ารับ รู้ก็ดีแล้วแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่กิวจะต้องมากระซิบกระซาบแบบนี้ด้วย แต่พอได้ฟังประโยคต่อมาเท่านั้นแหละ พายก็รู้สึกดีที่พี่กิวเลือกจะกระซิบข้างหู ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเขินจนตัวแตกตายอยู่หน้าบ้านแน่ๆ แล้วถ้าไม่ติดว่ากำลังอึ้งคงได้มีหนุมานถวายแหวนแบบไม่เกรงใจหน้าหล่อๆ แต่กวนโอ้ยนี่แน่ๆ!




“เพราะได้อะไรก็ไม่คุ้มเท่าได้จูบจากพายหรอกจริงมั้ย?”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีช่วงสุดสัปดาห์ค่ะ

ตอนนี้เป็นตอนที่ตั้งใจจะลงดราม่าน้อยๆ ต่อยอดไปดราม่าใหญ่ๆ แล้ว เลยขอตัดเป็นสองพาร์ทนะคะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงว่าดราม่าวีว่าเวอร์ เพราะเราเน้นความฟิลกู้ดอยู่แล้ว ดราม่านี่ตั้งใจเขียนเพื่อคลายปมแรกๆ ที่เคยพูดถึงไว้เท่านั้นค่ะ สบายใจได้

อย่างที่บอกว่าตอนแรกตั้งใจจะให้เป็น 10 ตอนจบ แต่ทำไม่ได้แล้วค่ะ เพลินมือเกินไป แต่ก็อีกไม่นานแล้วล่ะ ไม่งั้นคู่พี่ๆ เขาจะไม่ได้หวานกันซะที สงสารพี่พัฟเหลือเกิน อย่างที่บอกในเพจค่ะว่า "พวกเขามาแน่นอนค่ะ ตามที่ตั้งใจไว้คือจะมานิดๆ หน่อยๆ ในตอนพิเศษ และจะจัดภาคหลักให้คู่นี้ด้วย" คือยังไงก็จะจัดคู่นี้แม้จะมาช้าสักหน่อยก็ตาม 555555555555555555555555

ส่วนตัวนักเขียนตอนนี้กำลังเคลียร์งานเพื่อจะลาออกมาเตรียมตัวเริ่มชีวิตใหม่ด้วยค่ะ คาดว่าคงได้เจอกันถี่ขึ้นหลังจากสิ้นเดือนนี้ ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันที่จะได้กลับมาว่างอีกแล้ว โหะๆ

ขอฝากเพจไว้อีกครั้งค่ะ สามารถเข้าไปพูดคุย แนะนำ ติชม หรือทวงนิยายกันได้เลยค่ะ บางคนอาจจะเข้ามาอ่านแต่ไม่มียูสเล้าเป็ดก็สามารถไปคุยกันได้นะคะ I M A N N E W ♥ (https://www.facebook.com/enniyuu) แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ

ขอบคุณทุกกำลังใจและคอนเม้นนะคะ ติดตามกันมาตลอดแม้จะมาช้า มาสาย หรือหายไปเลย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 9 : วุ่นวาย (ครึ่งแรก) หน้า 3 (06.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 07-03-2015 05:30:18
แก้คำผิดค่ะ “ทำไมมีอะไรไม่บอกทันทีพี่ครับ?” >> “ทำไมมีอะไรไม่บอกพี่ทันทีครับ?”
ไม่รู้ว่าทำไมชอบเรื่องนี้ 5 5 5
รู้สึกเอ็นดูน้องพายมาก
เป็นเรื่องง่ายๆ เรียบๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกดี
อยากอ่านเรื่องของน้องกับพี่กิวไปเยอะๆ
อย่าเพิ่งรีบจบเลย
ปล. ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นดวงใจของกิว 5 5 5 5
เพราะพี่กิวนี่รักน้องมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 9 : วุ่นวาย (ครึ่งแรก) หน้า 3 (06.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 08-03-2015 12:41:41
แก้คำผิดค่ะ “ทำไมมีอะไรไม่บอกทันทีพี่ครับ?” >> “ทำไมมีอะไรไม่บอกพี่ทันทีครับ?”
ไม่รู้ว่าทำไมชอบเรื่องนี้ 5 5 5
รู้สึกเอ็นดูน้องพายมาก
เป็นเรื่องง่ายๆ เรียบๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกดี
อยากอ่านเรื่องของน้องกับพี่กิวไปเยอะๆ
อย่าเพิ่งรีบจบเลย
ปล. ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นดวงใจของกิว 5 5 5 5
เพราะพี่กิวนี่รักน้องมากกกกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณสำหรับคำผิดด้วยค่ะ แก้เรียบร้อยแล้ว  :pig4:
น้องพายมีหน้าที่แย่งแฟนคลับพี่กิวค่ะ เลยต้องทำให้น้องน่ารักกว่าพี่กิวนิดนึง(หรือเปล่า)
ชอบชื่อเรื่องดวงใจของกิวมากค่ะ ขอเอาไว้ใช้ตอนพิเศษเลยนะคะ ขอกันง่ายๆ แบบนี้เลย 5555555555555  :katai2-1: :hao6:
ขอบคุณสำหรับคอนเมนและความรักที่มีให้ทั้งคู่ค่ะ น้องพายแอบกระซิบว่าเขินจังเลย /////////
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 9 : วุ่นวาย (ครึ่งแรก) หน้า 3 (06.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-03-2015 12:33:39
พี่กิวคนโหดดดดดดดด
ดูแคร์น้องมาก จัดการมันเลยค่า
มาทำน้องเสื่อมเสียอะ ไม่ยอมนะ
โอ้ยยยน่ารักตลอดเลยคู่นี้
คู่พี่ก็ใช่ย่อย รูทรู้ตัวได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 10 : วุ่นวาย (ครึ่งหลัง) หน้า 4 (12.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 12-03-2015 18:52:23
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน วุ่นวาย (ครึ่งหลัง)





พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก

ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 “พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก” หมายความว่า
(สํา) น. “ความทุกข์ยากลําบากที่เกิดซ้อน ๆ เข้ามาในขณะเดียวกัน”






วุ่นวายฉิบหาย

นี่เป็นประโยคเดียวที่กิวยกขึ้นมาเพื่อบรรยายสิ่งที่กำลังประสบพบเจออยู่ในตอนนี้

อาทิตย์นี้ชายหนุ่มวิ่งวุ่นจัดการเรื่องต่างๆ เยอะแยะมากมายไปหมด ทั้งเรื่องเรียน เรื่องส่งของ เรื่องน้อง เรื่องแข่งรถ เคลียร์กับเด็กในแก๊งค์ที่ไปมีเรื่องอีก แล้วก็วนกลับมาเรื่องน้อง เยอะแยะมากมายจนเกือบบริหารเวลาไม่ทัน แต่กิวก็ไม่คิดจะปัดภาระให้คนอื่นด้วยชายหนุ่มรู้ดีว่านี่เป็นหน้าที่ของตนเอง เคยทำเรื่องอะไรไว้ก็ต้องสานต่อให้มันจบ ยิ่งเรื่องน้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้มีคนมาบอกให้หยุดวิ่งเต้นตามหามือดีที่สาดโคลนเน่าๆ ใส่น้องเขาก็จะไม่หยุด ต่อให้ต้องวิ่งวุ่นทำเอาตารางชีวิตเขารวนพื่อจะตามหาคนที่ทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้กิวก็จะไม่หยุด จนกว่าจะจับมันมาขอขมาน้องและให้เขากระทืบจนหายโกรธนั่นแหละ

แต่ดูท่าตอนนี้กิวจะงานเข้า ปัญหาเก่ายังไม่หมดไป ปัญหาใหม่ก็วิ่งเข้ามาอีกแล้ว เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากรูทเมื่อเช้าขณะกำลังขับรถ เร่งให้รีบมาโรงเรียนก่อนเวลาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขึ้นระดับชั้นมัธยมปลาย

“ไอ้กิว! รีบมาโรงเรียนเดี๋ยวนี้ วุ่นวายจนโรงเรียนจะติดต่อพ่อกับแม่มึงแล้ว!”

ฟังแล้วชายหนุ่มก็ไม่รอช้า จากที่ตั้งใจจะขับรถไปทักทายคนที่อยู่อีกโรงเรียนก็ต้องรีบหักเลี้ยวรถกลับทันที เวลาเร่งด่วนแบบนี้ไม่แปลกเลยหากการจราจรบนท้องถนนจะติดขัด ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดินทางและจอดรถในที่ประจำซึ่งห่างจากโรงเรียนไม่กี่บล็อกกิวก็มุ่งไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งรออยู่ด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน คงจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ถึงได้เคร่งเครียดกันขนาดนี้

“เกิดอะไรขึ้น?”

“รูปถ่ายพวกนี้แปะเต็มหน้าห้องเรียนเราไปหมด พวกครูก็เห็นแล้วเขาเลยตามหาตัวมึงอยู่ ป่านนี้คงติดต่อพ่อแม่มึงไปแล้วด้วย”

พลว่าแล้วเลื่อนรูปถ่ายมาตรงหน้า เห็นแล้วเขาก็เข้าใจทันทีถึงคำว่าวุ่นของรูท กิวเลื่อนดูรูปทีละใบ มันเป็นรูปเขาตอนกำลังส่งของให้กับลูกค้าขาประจำ รูปตอนอยู่บนถนนเตรียมแข่งรถ และยังมีรูปเขากับพาย แบบเดียวกับที่อยู่บนกระดาษ A4 ที่เอาไปแปะไว้บนบอร์ดที่โรงเรียนน้อง นี่สินะที่ทางโรงเรียนให้ความสนใจถึงขนาดต้องติดต่อบุพการีทั้งสองของเขา คงจะกังวลเรื่องชื่อเสียงของโรงเรียนเก่าแก่และจำนวนเงินบริจาคที่อาจจะลดลงนั่นแหละ

“พัฟกับนันเป็นคนเห็นคนแรกมันเอามาให้กูกับเพื่อนๆ ดู ตอนนี้มันก็เข้าไปคุยกับครูอยู่”

กิวพยักหน้ารับรู้ ในรูปไม่มีรูปพัฟก็จริง แต่คงจะเข้าไปเล่าเหตุการณ์ว่าได้รูปพวกนี้มาได้ยังไงมากกว่า ไม่ต้องรอให้พูดคุยอะไรยืดยาว เสียงตามสายก็ประกาศเรียกชื่อให้เขาไปพบที่ห้องผู้อำนวยการ แสดงว่าที่บ้านคงจะปัดปฏิเสธไม่ต้องการมาพบแน่ๆ ถึงได้เรียกเขาไปเร็วขนาดนี้ กิวบอกลาเพื่อนเพื่อจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ก่อนจะแยกตัวไป เสียงน่าโมโหก็ดังทักมาจากด้านหลัง

“ไงคุณชายกวินทร์”

ไม่ต้องหันไปให้เสียเวลาเขาก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ดอม คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเขาและเขาก็ไม่ชอบขี้หน้ามันเป็นทุนเดิม แม้จะรู้อยู่ว่าเรียนที่เดียวกันแต่ปกติมันจะไม่เดินมาทักถึงตัวขนาดนี้เวลาที่อยู่ในสถาบัน ฝ่ายนั้นมากับเพื่อนในกลุ่มที่กิวจำได้ว่าเป็นกลุ่มเดิมกับที่เจอหน้ากันโดยบังเอิญในห้างสรรพสินค้า ดอมยกยิ้มขณะมองของที่อยู่ในมือใหญ่ และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าเป็นอะไร

“เจอเรื่องใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวเลยสินะ ทั้งขายยา แข่งรถ แล้วไหนจะ... ซื้อเด็กผู้ชาย”

หัวเราะเหมือนเป็นตัวร้ายในละครน้ำเน่าหลังข่าว กิวขมวดคิ้ว ไม่พอใจมากกับประโยคสุดท้ายที่พาดพิงไปถึงพายซึ่งไม่ได้อยู่ด้วยในเวลานี้ แต่กิวรู้ดีว่าสติต้องการเสมอ เขาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่าที่กำลังเป็นอยู่ ตั้งใจว่าจะไม่สนใจคำพูดที่ไม่จริงเหมือนที่น้องทำเมื่อก่อนหน้านี้

“ไม่รู้อะไรก็หุบปากมึงไป อย่ามาพ่นคำต่ำๆ ถึงน้องกูแถวนี้”

“น้อง? น้องหรือเด็กมึงอีกคนวะรูท นี่อย่าบอกนะว่าวนกันทั้งกลุ่ม ใช้คุ้มจริงๆ“

“ไอ้เหี้ยดอม!”

รูทเกือบจะได้เลือดจากปากของอีกฝ่ายแล้วหากไม่ได้เพื่อนที่ยืนเป็นกองหนุนมารั้งแขนเขาเอาไว้ก่อน แม้ว่าทั้งกลุ่มจะหัวเสียไม่ต่างกันด้วยต่างรู้จักพายกันทั้งนั้น ถึงจะไม่สนิทสนมเหมือนรูทกับกิวแต่เด็กผู้ชายตัวเล็กนิสัยดีไม่ควรโดนเข้าใจผิดแบบนี้

ดอมเห็นแบบนั้นยิ่งหยามใจ หัวเราะเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับคนที่ตนไม่ชอบขี้หน้าที่สุดแทน อดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นคนเลือดร้อนยามอยู่ในสนามแข่งบัดนี้ยังนิ่งเฉย แต่พอเห็นแล้วว่ามือที่กำลังกำรูปถ่ายทั้งหลายนั้นสั่นระริก ดอมก็แน่ใจว่าสิ่งที่ตนพูดไปเมื่อกี้มันทำให้กิวโมโหอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“แล้วเด็กนั่นเป็นไงบ้างวะไอ้กิว? เจอรูปแบบนั้นเข้าไปก็ดังเลยสิ คงได้ลูกค้ารายใหม่หลายรายอยู่ แล้วแบบนี้เขาจะมีเวลามาปรนนิบัติพวกมึงเหรอวะ”

“.....มึงเองสินะที่ให้คนเอารูปกับข้อความพวกนั้นไปติดที่โรงเรียนพาย”

แม้ว่าตอนแรกจะยั้งสติได้ แต่ตอนนี้ความโกรธกลับปะทุขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง ความจริงแล้วกิวก็เดาได้ไม่ยากว่าดอมที่ไม่ชอบขี้หน้าตนต้องเป็นคนทำ เพียงแต่ยังหาหลักฐานไม่ได้จึงไม่ลงมือทำอะไร แต่พอได้ฟังคำพูดที่เหมือนเป็นเชือกมัดตัวเข้าไปอีกแบบนี้ยิ่งชัดเจน

“ก็ไม่รู้สินะ อาจจะเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ไม่พอใจก็ไ...”



ผวั๊ะ!!



หมัดหนักๆ กระทบเข้ากับใบหน้าของอีกคนอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้พูดจบประโยค ร่างสูงใหญ่แต่ยังไม่เท่ากิวเซล้มลงไปกับพื้นชนิดที่คนรอบข้างก็รับไม่ทัน

ตั้งใจจะสงบสติอารมณ์แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำได้อีกแล้ว กิวกำลังโมโห โมโหมากจนในหูอื้ออึงไปหมด ยิ่งมาได้ยินคำพูดต่ำๆ ที่เอาแต่ย้ำว่าพายขายเรือนร่างกิวยิ่งทนไม่ไหว สติที่มีเหลือน้อยอยู่แล้วยามนี้มันหมดไป ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่เอาเลือดปากของคนตรงหน้าออก เอามาล้างชดใช้ความชั่วที่มันทำให้น้องต้องโดนคนอื่นเข้าใจผิด

ร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อมพร้อมรัวหมัดเข้าไปที่หน้าของดอมอย่างไม่ออมแรง แม้จะมีพวกรูท นัน และเพื่อนคนอื่นๆ มาช่วยรั้งไว้ก็ไม่เป็นผลด้วยเรี่ยวแรงของคนโกรธมีมากมายนัก แม้เลือดสีเข้มจะซึมออกจากคิ้วและปากที่แตกยับแต่กิวก็ยังไม่ยั้งมือ จนต้องให้ยามหน้าโรงเรียนมาลากตัวออกไปนั่นแหละชายหนุ่มถึงได้หยุดมือ

“อย่าให้กูได้ยินมึงพูดถึงพายแบบนี้อีก! ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!”






ผลจากการมีเรื่องชกต่อยทำให้เรื่องรูปที่เป็นชนวนของเรื่องทั้งหมดถูกพับเก็บไป กิวโดนผู้อำนวยการสั่งพักการเรียนสองอาทิตย์เพื่อไปทำหัวให้เย็นลงก่อนจะกลับมาให้สอบสวนข้อเท็จจริงทีหลัง และอย่างที่คาดว่าพ่อแม่ของเขาไม่สนใจที่จะมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนเพื่อรับทราบเรื่องทั้งหมดนี้ มีเพียงคุณลุงคนขับรถประจำบ้านเท่านั้นที่มารับฟังรายละเอียดทั้งหมดและนำเรื่องไปแจ้งต่อเท่านั้น

พัฟดูจะไม่ตกใจเลยเมื่อรู้ว่าดอมเป็นคนที่ทำเรื่องแบบนั้นกับน้องชายของตน เพียงแต่เดินมาตบบ่ากิว เอ่ยคำขอบคุณสำหรับหมัดที่ปล่อยออกไป บอกว่าตนจะส่งข่าวต่อให้พาย และบอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ในวันนี้ เพราะมั่นใจว่าวันนี้เขาต้องรับศึกใหญ่กับที่บ้านแน่ๆ ก่อนที่เขาจะโดนขอร้องจนต้องยอมขึ้นรถหรูประจำครอบครัวเพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเขารู้มาว่าพ่อกับแม่รอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว

“งามหน้ามั้ยล่ะ”

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้าน เสียงของผู้เป็นพ่อคือสิ่งแรกที่ต้อนรับเขา คุณการุณย์และคุณนายประภัสสรกำลังนั่งรอเขาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ บนโต๊ะตรงหน้าของทั้งสองคือรูปที่กิวต่างก็เห็นมาแล้ว ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่นั่งบนโซฟาว่างที่อยู่เคียงข้าง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงจุดเดิมของเขาเท่านั้น

“แกไม่คิดจะพูดอะไรเลยหรือไงเจ้ากิว”

“ไม่จำเป็น เพราะยังไงคุณก็ไม่ฟัง”

“เจ้ากิว!”
 
“คุณคะ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ”

“คุณจะให้ผมเย็นได้ยังไง! ดูรูปพวกนั้นสิ! แกคิดอะไรของแกอยู่กิว?!”

รูปที่เคยวางอยู่บนโต๊ะถูกคว้ามาปาใส่หน้า กิวทำเพียงแค่ยืนเฉยๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ แม่ก็เงียบ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก

กิวเติบโตมากับพี่เลี้ยงและแม่นมเป็นเพื่อน เพราะพ่อกับแม่ต่างก็เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยกันทั้งคู่จึงไม่มีเวลาดูแลเขา แต่หลังจากที่แม่นมขอลาออกกลับไปอยู่บ้านเกิด กิวก็โดนเลี้ยงด้วยเงินมาตลอด เช้ามามีเงินวางไว้ อยากได้อะไรก็เขียนลงกระดาษติดไว้บนตู้เย็น เงินไม่พอก็ขอ เป็นลูกคุณหนูอย่างแท้จริง

พอม.ต้น กิวเริ่มต้องมีของแลก โดยของที่จะแลกนั้นคือผลการเรียนที่เลิศหรู แต่หากทำไม่ได้ก็จะโดนลงโทษ พ่อจะโมโหทุกครั้งที่เขาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แกต้องทำอย่างนั้น แกต้องทำอย่างนี้ บังคับให้เขาอยู่แต่ในกรอบที่พ่อขีดขึ้นเพียงเพราะโตมาเขาจะต้องดูแลธุรกิจต่อจากพ่อ ผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยเอ่ยอะไร ทำตัวเป็นช้างเท้าหลัง เป็นภรรยาที่ดีอยู่ในกรอบของสามี วันเวลาดำเนินมาแบบนั้นตลอดจนกระทั่งกิวขึ้นม.ปลาย ความอึดอัดทำให้เขาเริ่มสงสัย และเริ่มเดินออกนอกกรอบของพ่อ อิสระที่ได้ช่างดีเกิดกว่าที่จะยอมกลับเข้าไปอยู่ในกรอบเดิมๆ อีก

พอมาม.ปลาย เขาจำได้ว่าเริ่มส่งยาตอนม.4 เทอมสอง คนที่ทาบทามให้เข้าวงการคือรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ปีสุดท้ายในตอนนั้น กิวไม่เคยเสพ หากแต่เป็นสายส่งจนค่อยๆ แยกตัวออกมา ทำเป็นกิจการของตอเอง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มหัดขี่รถมอเตอร์ไซค์ เริ่มแรกยังเป็นคันธรรมดาที่คนทั่วไปขับขี่ แต่พอได้ลิ้มลองความเร็วปานพายุบนท้องถนนยามค่ำคืน เขาก็ขอเจ้านินจา บิ๊กไบท์คันปัจจุบันโดยใช้เกรดสวยหรูครั้งสุดท้ายของเขาแลกเอาจากพ่อ หลังจากนั้นเป็นต้นมากิวก็ยิ่งออกนอกกรอบ ทำตัวต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่สรรหามาให้ จนมาวันนึงพ่อก็รู้ทุกอย่างที่เขาทำ และความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ค่อยๆ มีรอยร้าว กิวเลือกที่จะเรียกผู้ให้กำเนิดด้วยสรรพนามที่ห่างเหิน ไม่สนใจจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ซึ่งผลของการกระทำนั้นก็ทำให้เกิดความห่างเหินในครอบครัวจนถึงวันนี้

“ฉันเคยบอกแกแล้วว่าให้เลิกคบเพื่อนชั้นต่ำแบบนั้น! ถ้าแกเชื่อฟังฉัน แกก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทั้งขายยา! แข่งรถ! ทะเลาะวิวาท! แล้วยังจะซื้อบริการเด็กผู้ฃายอีก!”

“ไม่เกี่ยวกับเพื่อน และพายก็ไม่ใช่เด็กแบบนั้น”

ตัวเองไม่ดี กิวรู้ ตัวเองทำให้คนอื่นผิดหวัง กิวรู้ และเป็นตัวเขาเองที่ทำเรื่องแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับเพื่อนที่คบกันมานาน ค่อยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจและความจริงใจตลอด และยิ่งไม่เกี่ยวกับน้อง เพราะตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทำให้น้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“ปกป้องกันเข้าไป ขนาดเด็กขายตัวคนนึงแกยังช่วยปกป้อง แล้วไม่คิดจะปกป้องชื่อเสียงของตระกูลบ้างเลยใช่มั้ย!?”

“ผมบอกว่าพายไม่ใช่คนแบบนั้น! น้องไม่ได้ขายตัว! พวกเพื่อนๆ ไม่เคยชักจูงผม! ทุกอย่างผมทำตัวเอง ผมเลือกเอง พ่อได้ยินมั้ยว่าผมเลือกเอง!”

โทนเสียงและวิธีเรียกที่ตนไม่คิดว่าจะต้องใช้มันหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อมันหลุดออกมาครั้งหนึ่งแล้ว มันก็ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้อีกต่อไป

“ผมเกลียดการที่ต้องอยู่ในกรอบ ผมไม่ต้องการเงินที่พวกพ่อยัดเยียดให้ผม! ผมต้องการอิสระ ไม่ใช่การทำอะไรก็คิดถึงแต่ชื่อเสียงของตระกูล ใช่ผมขายยา ผมขายยามานานแล้วพ่อก็รู้ ผมแข่งรถมานานแล้วพ่อก็รู้ และผมเลือกทางเดินนี้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะเพื่อน” 

กิวก้มตัวลงลงเพื่อหยิบรูปภาพที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ในรูปพายกำลังยิ้มให้เขา และเขาก็ยิ้มตอบน้องกลับไปเหมือนกัน มือใหญ่วางรูปโดยหันหัวให้อีกฝ่ายดูได้ถนัด

“คนในภาพชื่อพาย น้องชายเพื่อนสนิท ลูกฃายคนเล็กของนักธุรกิจบริษัทเบเกอรี่ชั้นนำในประเทศ พ่อกับแม่สามารถให้คนสืบได้ตามต้องการ ไม่แน่แค่เปิดกูเกิ้ลดูก็เจอรูปแล้วมั้ง แล้วพ่อจะรู้ว่าน้องไม่จำเป็นจะต้งทำเรื่องพรรณนั้นเขาก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ”

“...........”

“เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่กล้ายื่นมือให้ความช่วยเหลือผมที่โดนกระทืบอยู่ในตรอกข้างโรงเรียน คนที่คอยปลอบโยน คอยรับฟัง กล้าเถียง กล้าตักเตือน และให้โอกาสที่ไม่เคยมีคนกล้าทำกับผม”

คิดถึงอีกคนที่วันนี้ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าแล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างไม่ทันรู้ตัว ชนิดที่คุณการุณย์และคุณนายประภัสสรยังตกใจ

“และผมรักเขา ต่อให้พวกคุณจะไม่ยอมรับผมก็จะรักเขา และจะทำทุกวถีทางที่จะได้อยู่กับเด็กคนนั้นต่อไปจนกว่าเขาจะไม่อยากอยู่กับผมแล้ว เท่านี้แหละที่ผมอยากจะบอก”

ฟังลูกชายที่ไม่เคยคุยกันดีๆ ได้ถึงสามคำพูดเช่นนี้ คนเป็นพ่อแม่ก็ได้แต่เงียบ กิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจจะไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก และคิดว่าพ่อกับแม่ก็คงทำเป็นเงียบเฉยกับเรื่องนี้ แล้วจัดการกับทางโรงเรียนด้วยการบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อปิดเรื่องนี้เหมือนที่เคยเป็นมา

ร่างสูงหันหลังเดินหน้าไปทางบันได ตั้งใจจะขึ้นห้องตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ที่เกิดขึ้น หากแต่เสียงเรียกของคุณการุณย์กลับรั้งขาที่เพิ่งจะก้าวออกให้หยุดกับที่

“ถ้าแกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยตัวเอง แล้วเลิกวุ่นวายกับไอ้ยาพวกนั้นได้ แกอยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันจะไม่ยุ่งกับชีวิตแกอีก แกจะทำอะไรจะคบกับใครฉันจะไม่ยุ่ง และจะสนับสนุนความคิดแกเต็มที่”

“คุณคะ...”   

แม้แม่จะเอ่ยเหมือนต้องการจะพูดบางอย่าง แต่มือที่ยกขึ้นมาห้ามก็ทำให้นางต้องเงียบลงอีกครั้ง สายตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดมองระหว่างผู้เป็นลูกและแผ่นหลังของสามี

“แต่ถ้าแกสอบเข้าไม่ได้ ฉันจะให้แกเลิกยุ่งกับทุกอย่างรวมถึงเด็กคนนั้น และตั้งหน้าตั้งตาทำตามคำสั่งของฉันเพื่อขึ้นเป็นประธานคนต่อไปของบริษัท”

“…..!?”

“แกกล้าพนันกับฉันหรือเปล่าเจ้ากิว กล้าเอาความมั่นใจที่แกพูดออกมาเมื่อกี้มาพนันกับฉันหรือเปล่า”

ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพ่อจะพูดเรื่องแบบนี้ เพราะชีวิตที่ผ่านมามีแต่การขังลูกของตัวเองอยู่ในกรอบ กิวหันไปมองพ่อและแม่ของตัวเองอีกครั้ง สบสายตาที่เต็มไปด้วยประกายความมุ่งมั่นให้ทั้งคู่ ในเมื่อพ่อยื่นเดิมพันที่เต็มไปด้วยความหวังที่เขาต้องการมาตลอดให้ ทำไมคนกล้าได้กล้าเสียอย่างกิวจะไม่คว้ามันเอาไว้ล่ะ

“ได้ ผมพนันกับพ่อว่าผมจะเข้ามหาวิทยาลัย... พ่ออย่าผิดคำพูดแล้วกัน”

ทิ้งท้ายไว้เท่านี้ก็พาร่างของตนเองขึ้นบันไดไป งานนี้คงต้องให้เพื่อนในกลุ่มช่วยเสียแล้ว เพราะกิวเลิกตั้งใจจะเรียนเพื่อให้ได้ผลการเรียนดีมานานมากแล้ว แม้ยังมีสกิลภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานติดตัวอยู่บ้างก็เถอะ

หลังร่างสูงโปร่งของลูกชายเพียงคนเดียวหายลับไปยังชั้นบน คุณการุณย์ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา พรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนออกมา ผู้เป็นภรรยาที่นั่งเงียบมานานจึงได้โอกาสเอ่ยถามข้อสงสัย

“คุณคะ แน่ใจแล้วหรือที่เสนอออกมาแบบนั้น”

“มันถึงเวลาที่ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้ความอึดอัดระหว่างเรามันหมดลงไปสักที คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”

พวกเขาทิ้งลูกให้อยู่แต่กับพี่เลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ให้ลูกใช้ชีวิตด้วยตัวเอง อยู่แต่ในกรอบที่เฝ้าย้ำอยู่เสมอจนความเข้าใจระหว่างพ่อแม่ลูกลดน้อยลง กว่าจะรู้ตัวและพยายามทำให้มันดีขึ้นลูกชายคนเดียวก็เดินออกนอกกรอบไปเสียแล้ว

“.....เขาโตขึ้นมาก จนผมตกใจ”

“ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาพูดกับพวกเรายาวขนาดนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ถ้าหากเขาทำได้... เราคงต้องขอบคุณเพื่อนกับเด็กคนนั้นสินะคะ”

"นั่นสินะ....."

คุณการุณย์พยักหน้า คว้ามือบอบบางของภรรยามากุมไว้ รู้สึกเหมือนไม่ได้ทำเช่นนี้มานานมาก และคำพูดของลูกก็ทำให้เขาคิดได้ว่าเขาละเลยครอบครัวของตนเองมานานมากแค่ไหน คุณนายประภัสสรเพียงยิ้มและกุมมือตอบเบาๆ เธอหวังให้อะไรที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเป็นเรื่องดีและหวังว่าครอบครัวของเธอจะยังกลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นได้ในอนาคต





“เป็นไงบ้างวะมึง โอเคเปล่า?”

ทันทีที่รับโทรศัพท์เสียงของรูทก็ดังลอดเข้ามาโดยไม่มีการอรัมภบทใดๆ ฟังจากเสียงโวยวายที่แทรกเข้ามาเป็นระลอกก็พอจะเดาออกว่าตอนนี้รูทยังอยู่กับพวกเพื่อนๆ คนอื่นในกลุ่ม ทั้งที่ตอนนี้ยังเป็นวลาเรียนช่วงเช้าแท้ๆ แต่ยังโทรมาหาเขาได้ขนาดนี้ แสดงว่าคงจะโดดเรียนตามกันเป็นแถวนั่นแหละ

“โอเค เป็นครั้งแรกที่คุยกับพ่อแม่ยาวขนาดนี้”

”แล้วเขาว่าไงบ้าง” คราวนี้เป็นเสียงพัฟที่ลอดเข้ามา ”น้องกูคงไม่โดนไปด้วยใช่มั้ยเนี่ย?”

ขาพอจะเดาออกว่าพัฟถามเรื่องนี้เพราะอะไร เห็นไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่พัฟก็รักน้องชายตัวเองมาก นี่คงจะเป็นห่วงว่าพายจะโดนหางเลขไปด้วยนั่นแหละ กิวหัวเราะแล้วยืนยันกับอีกฝ่ายไปว่ามันไม่ได้วุ่นวายอะไรขนาดนั้น

“แต่กูจำเป็นต้องให้พวกมึงช่วย... กูต้องเข้าวิศวะให้ได้”

”ห๊ะ!?”

เหมือนจะเป็นทั้งกลุ่มที่ตะโกนถามขึ้นมาพร้อมกัน แต่กิวเข้าใจ เพราะหากเป็นพวกมันที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาบ้างเขาก็คงจะสับสนไม่น้อยเหมือนกัน ร่างสูงจึงเอ่ยอธิบายความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง และไม่วายตบท้ายด้วยความเอาแต่ใจส่วนตัวของตนเอง

“กูอยากสร้างบ้านสำหรับกูกับน้องด้วยว่ะ”

“กิว.....”

“พ่อแม่ก็คงอยากให้เรียน แต่คะแนนตอนนี้คงไม่ไหว”

“กิวคือ.....”

“ช่วยกูที กูอยากเข้าคณะนี้จริงๆ”

ปลายสายเงียบไปเมื่อเจอลูกตื้อที่นานๆ ครั้งจะได้ยินจากปากผู้ชายชื่อ กวินทร์ ซึ่งเจ้าตัวก็เหมาเอาเองว่าเพื่อนต้องตอบตกลงแน่นอนอยู่แล้ว จึงนัดเป็นมั่นเหมาะว่าระหว่างสองอาทิตย์นี้พอหมดเวลาเรียนเพื่อนจะมาทบทวนให้กิว ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่มีเวลาก็จะนัดกันติวบทเรียนที่เขาไม่ทันเพื่อให้คะแนนตรงกับที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ โดยไม่ลืมจะบอกพัฟว่าเย็นนี้ตนจะไปรับน้องเองก่อนจะวางสายไปซะเฉยๆ ไม่ให้เวลาเพื่อนได้เอ่ยแทรกอะไร

ห้าหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฝั่งฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังเป็นจังหวะ ครู่ใหญ่ที่ไม่มีใครเอ่ยอะไร เพราะยังมึนกับสิ่งที่เพื่อนพูดเมื่อสักครู่ และยังสับสนในกระบวนความคิดของตนเองที่ตีวนอยู่ในหัว หลังจากจัดเรียงสติและความคิดให้เข้าที่แล้ว เสียงของใครคนนึงในกลุ่มก็แทรกทำลายความเงียบในที่สุด




“พวกมึงว่า... มันสับสนระหว่างวิศวะกับสถาปนิกหรือเปล่าวะ?”



To be continue


-------------------------------------------------------------------



สวัสดีหลังปล่อยพี่กิวเกรียนใส่เพื่อนค่ะ

หลังจากที่พยายามแต่งซีนอารมณ์อยู่นานเหมือนกัน เพราะไม่เคยแต่งเรื่องยาวและซีนอารมณ์แบบนี้มาก่อน หากมันไม่อิน หรือว่ามันง่ายเกินไปต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ฝีมือยังไม่ถึงขั้นจริงๆ 

จากตอนแรกที่จะให้คุณแม่พี่กิวเป็นคนขัดขวางความรัก มาคิดอีกที คนอย่างพี่กิวเขาไม่กลัวแม่เหมือนคนอื่นหรอก สุดท้ายเลยต้องลงแบบนี้ค่ะ คุณพ่อรับบทร้ายไปซะงั้นเลย ขอโทษนะคะคุณพ่อ หนูรักพี่เขาจนทำร้ายไม่ได้จริงๆ และหนูจะไม่ทำให้คุณพ่อเป็นตัวร้ายนานค่ะ เพราะเรื่องนี้เราเน้นความ Feel Gooddddd ดราม่าจึงจบลงง่ายๆ เช่นนี้แล (อย่าตบเราาาาา)

มีคนถามถึงดอมว่าแค่นี้สาสมเหรอ ก็ไม่นะ แต่พี่กิวกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับตานี่ดีค่ะ ;P

และก็พาเหล่าเพื่อนสนิทนอกจากพี่รูทกับพี่พัฟมาเปิดตัวด้วย อาจจะเห็นในตอนผู้ช่วยของหัวหน้าแล้ว พี่พล พี่หมี่ พี่นัน นั่นเองค่ะ แต่เป็นตัวประกอบ ออกแค่วับๆ แวมๆ ไปก็แล้วกัน น่าสงสารเพราะบทน้อยกว่าธีร์กับวินอีก เดี๋ยวจะจับพี่ไปใส่ในตอนพิเศษนะคะ

อีกนิดนึงพี่รูทกับพี่พัฟจะเป็นตัวเด่นแล้ว แต่คงไม่ยาวเท่าไหร่นักเพราะจัดเป็นตอนพิเศษช่วงมหาลัยของน้องพายด้วยค่ะ
ทอล์กยาวเกินละ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับคอนเม้นและกำลังใจทั้งในบอร์ดและในเพจค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 10 : วุ่นวาย (ครึ่งหลัง) หน้า 4 (12.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 12-03-2015 20:43:25
น้องพายทำอย่างไงนะพี่กิวถึงได้รักขนาดนี้
เขาคือผุ้ชายที่แมนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พี่กิวนี่คือสุดยอดของสุดยอดของสุดยอดเลย
อยากให้มาต่อบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 10 : วุ่นวาย (ครึ่งหลัง) หน้า 4 (12.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 12-03-2015 21:31:44
รอ feel good กลับม๊าาาาาาา นะจ๊ะอิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 10 : วุ่นวาย (ครึ่งหลัง) หน้า 4 (12.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 12-03-2015 21:49:20
 :hao7: ช่ายๆ งดเว้นดราม่า เรามาฟีลกู๊ดกันดีกว่า
พี่กิวเท่สุดๆ อยากได้ๆๆ 555  :z6:  โดนพ่ายถีบ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 11 : เอาคืน หน้า 4 (18.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 18-03-2015 17:20:31
♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน เอาคืน





ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

วลีติดหูว่าด้วยหลักทำผิดอย่างไรย่อมต้องได้โทษอย่างนั้น แม้ปัจจุบันจะมีผู้ต่อต้านว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย ขัดจารีตประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมา แต่ใครเล่าจะปฏิเสธว่าคนบางคนนั้น สมควรแล้วที่จะได้รับผลแห่งการกระทำ เฉกเช่นเดียวกับที่ตนเคยทำไว้






ร้านกาแฟข้างโรงเรียนมักเป็นสถานที่ให้เหล่านักเรียนมานั่งเล่นพูดคุยกันช่วงหลังเลิกเรียนเสมอ ยิ่งเป็นช่วงสุดสัปดาห์แล้วคนมักจะเยอะเป็นพิเศษเพราะจะมีนักเรียนมานั่งติว นั่งดื่มเครื่องดื่มพร้อมนัดแนะกันว่าช่วงวันหยุดจะไปที่ไหนกันดี หากเป็นเมื่อก่อนกลุ่มของกิวแทบจะไม่ได้เยียบย่างเข้ามาเพราะแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว แต่เมื่อหนึ่งสมาชิกหลักของกลุ่มเอ่ยปากขอให้ช่วยติวเพื่อเพิ่มผลการเรียนแบบเร่งด่วนเพื่อปูทางชีวิตรักที่ดีงามของตัวเองและว่าที่แฟนในอนาคต หลังจากนั้นก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ทุกเย็นหลังเลิกเรียนห้าหนุ่มห้ามุมต้องมานั่งรวมกลุ่มกันติวหนังสือให้เพื่อนสนิทที่ร้านกาแฟร้านนี้

“กิว มึงจำสูตรคณิตข้อนี้ได้ยัง?”

พลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ติววิชาคณิตสุดหินเอ่ยถามสูตรที่ตนให้เพื่อนไปท่องเมื่อวานนี้ ฝ่ายผู้โดนถามจึงเริ่มทิ่งสูตรคำนวณหาพื้นที่เพื่อบอกให้รู้ว่าตนจำได้ พลพยักหน้าก่อนเลื่อนแบบฝึกหัดที่ตนปรับแต่งจากแบบเรียนให้เพื่อนได้ลองทำขณะที่มือก็ฉวยหยิบแก้วกาแฟมาดูดอึกใหญ่

“โห... มีเตรียมแบบฝึกหัดให้ด้วย สมกับเป็นว่าที่คุณครูจริงๆ ว่ะ”

“ยังเว้ยรูท ยังอีกไกล นี่กูแค่ทำเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยมันไอ้กิวเฉยๆ”

“แต่มึงสอนเข้าใจกว่าที่ครูผกาแกสอนในห้องอีกว่ะ รายนั้นอะไรก็ไม่รู้ เข้ามาบ่นๆ แล้วออก กูเข้าเกือบทุกคาบยังเรียนไม่รู้เรื่องเลย”

พลหัวเราะกับคำยอของเพื่อน แม้เขาจะอยากเป็นครูแต่ก็ไม่เคยได้ลองติวให้ใครจริงจัง เพิ่งมีโอกาศครั้งแรกนี่แหละที่ต้องมาติวให้กิวเลยได้ทบทวนและลองใช้สูตรที่ตนคิดขึ้นเองมาบอกต่อเพื่อน และมันก็ได้ผลดีกับคนหัวช้าเน้นนำไปใช้มากกว่าจำเหมือนกิวด้วย

“มึงน่าจะเอาความสามารถไปสอนพิเศษ”

ไม่ใช่มาวิ่งยาให้กู... มองหน้าเพื่อนก็รู้ว่ามันจะพูดอะไร นันมองหน้ากิว รอยยิ้มเผยบนใบหน้าคมคาย เขาเข้าใจดีว่าเพื่อนหวังดี ตนก็ไม่อยากจะทำงานแบบนี้สักเท่าไหร่ หากไม่จำเป็นต้องต้องใช้เงินเพื่อส่งตัวเองและน้องทั้งสองคนเรียนและหาเงินใช้ในชีวิตประจำวัน

“มันจำเป็นว่ะ มึงก็รู้ แล้วไม่ต้องมาจ่ายค่าสอนพิเศษให้กู นี่กูติวในฐานะเพื่อนเว้ย ไว้มึงมีลู่ทางดีๆ มีงานดีๆ  ค่อยมาตอบแทนกูละกัน”

“ได้”

กิวรับคำหนักแน่น เขาตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าต้องช่วยเพื่อนทุกคนให้สมกับที่เพื่อนๆ ช่วยเขาไว้หลายต่อหลายครั้ง
นั่งทำแบบฝึกหัดสลับกับฟังเพื่อนติวไปได้สักพัก อุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดคราดเรียกความสนใจ มือหนาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูจึงรู้ว่าเป็นพายที่ติดต่อมา ท่าทางว่ากิจกรรมชมรมช่วงเย็นวันศุกร์จะจบลงแล้ว

PPPPPie: เลิกแล้วครับผมมมมม
                 เดี๋ยวพายกลับพร้อมพวกวินเลยนะ

I am Kiw: เดี๋ยวพี่ไปรับ

PPPPPie: พี่กิวติวอยู่ พายรู้นะ
              ตั้งใจติวไปครับ อย่างอแง สู้ๆ !

I am Kiw: ดื้อว่ะ
               ถึงแล้วบอกพี่ด้วย เดี๋ยวไปรับ

PPPPPie: โอเค บอกพี่พัฟให้ด้วยว่าพายขอยืมเสื้อตัวนึง
              ขอบคุณครับ


สติ๊กเกอร์ไลน์แทนคำขอบคุณถูกส่งให้เป็นการปิดท้ายประโยคสนทนา กิวจึงยื่นมือถือของตนส่งต่อไปให้พัฟดูข้อความที่พายฝากบอกต่อ พอเห็นข้อความของผู้เป็นน้องชายหนุ่มก็มุ่นคิ้วแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ของตนมากดยิกๆ คาดว่าคงจะเถียงกันเรื่องเสื้อให้พอหอมปากหอมคอเหมือนเรื่องอื่นๆ นั่นแหละ

“แน่ใจแล้วเหรอกิว ที่จะพาน้องไปด้วย”

พัฟเงยหน้าจากโทรศัพท์มาถาม เขาหมายถึงเรื่องที่กิวจะพาน้องไปแข่งรถด้วยวันนี้ ถึงแม้สาเหตุมันจะมาจากที่พายเป็นคนเอ่ยปากว่าอยากจะลองไปดูสถานที่แข่งขันเองก็เถอะ แต่เขาไม่คิดว่ากิวจะบ้าจี้ให้น้องตามไปด้วยจริงๆ ยิ่งคู่แข่งวันนี้คือคนที่เพิ่งมีเรื่องกันมาด้วย ถ้าเกิดมีเรื่องกันอีกรอบขึ้นมาคงจะลำบาก

“ไม่เป็นไรหรอก รูทมันจัดการไว้หมดแล้ว”

“ใช่ วางใจเถอะพัฟ น้องพายไม่เป็นไรหรอก ให้น้องมันได้ออกนอกบ้านบ้างไม่ใช่อุดอู้คอยดูพี่ชายออกไปตะล่อนๆ แต่ตัวเองต้องอยู่บ้านคนเดียว วันนี้แม่ไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง?”

“ไม่อยู่... แต่น้องมันไม่เคยออกมาตอนดึกๆ แบบนี้”

“นี่ไง ก็ให้น้องมันลองซะ กูรู้ว่ามึงห่วงน้องนะพัฟ แต่ไปรอบนี้มีมึง มีกู มีไอ้กิว แถมพวกไอ้หมี่ก็อยู่อีก ไม่เป็นไรหรอก ให้น้องมันได้ใช้ชีวิตในโลกแบบนี้ดูบ้าง จะได้ทันคน ตอนนี้ก็โดนไอ้กิวหลอกแต๊ะอั๋งจนจะสึกไปหมดแล้ว”

“ดีกว่าให้มึงแต๊ะอั๋งแล้วกัน เห็นแล้วเหมือนเลสเบี้ยน”

“กวนตีนละไอ้พัฟ!”

เสียงหัวเราะดังประสานขณะที่ขาสั้นๆ ของรูทพยายามจะดันคนกวนตีนลงจากเก้าอี้ แต่ได้กิวมาช่วยล็อคคอแล้วเปลี่ยนเรื่องให้ไปสนใจกับแบบฝึกหัดตรงหน้าต่อ

พัฟมองเพื่อนสองคน มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดของรูท ก็จริงที่เขามักจะปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ จะให้ลองมาลงสนาม เปิดหูเปิดตาก็บ้างก็คงไม่เป็นอะไร แถมหลังจากนี้พายก็ต้องก้าวลงมาคลุกกับกลุ่มของเขามากขึ้นแน่ๆ เพราะงั้น ให้เจ้าตัวได้เรียนรู้เพื่อจะป้องกันไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

ติวสลับเล่นกันได้สักพักใหญ่ๆ เครื่องมือสื่อสารของกิวก็แผดเสียงร้องอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่แต่ละคนจะต้องแยกย้ายกันไปเตรียมตัวก่อนจะเจอกันอีกทีที่สนามแข่งตามเวลาที่นัดหมายกันไว้ ตกลงกันได้เรียบร้อยแต่ละคนก็แยกไปตามเส้นทางกลับบ้านของตนเอง มีเพียงพัฟกับกิวที่สลับกันอยู่นิดหน่อย หากเป็นเมื่อก่อน กิวจะเป็นคนไปส่งรูทที่บ้าน ส่วนพัฟก็แยกกลับบ้านตัวเอง แต่ตอนนี้กลับเป็นคนตัวโตมุ่งหน้าไปบ้านพัฟก่อน ส่วนพัฟจะไปส่งรูทแล้วค่อยวนกลับมาที่บ้านอีกทีหากมีเวลา ถึงจะดูวุ่นวายแต่กิวสาบานได้ว่า ”คนกวนตีน” ในสายตารูท ไม่มีวันปริปากบ่นแน่ๆ





“พี่กิววว พี่พัฟฝากบอกว่าไม่กลับมาบ้านนะครับ คุณย่าพี่รูทให้อยู่กินข้าวที่บ้าน”

เมื่อจอดรถเข้าที่เรียบร้อยโดยไม่เผลอชนกระถางต้นไม้ในบ้านเหมือนช่วงแรกๆ พายก็รีบปรี่มาช่วยถือถุงข้าวและบอกข้อความที่พี่ชายได้ฝากไว้ กิวพยักหน้ารับรู้ขณะก้มมองรอยยิ้มกว้างของคนตัวเล็กที่ส่งมาให้เขาเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ กิวจึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“วันนี้มีวัดส่วนสูงในคาบกิจกรรม พายสูงขึ้นมาสองเซนแหละ!”

ไม่ว่าเปล่า ยังชูสองนิ้วพร้อมยักคิ้วกลับให้เขาเสียด้วย หากในสายตาของคนที่สูงกว่ามาตลอดกลับไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลง เพราะกิวสูงเกินเกณฑ์มานานแล้ว และสูงกว่าน้องค่อนข้างเยอะทำให้ระดับสายตาในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกว่าเดิมเลยแม้สักนิด แต่หากพูดความจริงไปคงจะทำให้รอยยิ้มบนหน้าหวานหุบลงเป็นแน่ คิดแล้วกิวจึงวางมือใหญ่ไว้บนกลุ่มผมนุ่มพร้อมออกแรงยีเบาๆ

“โห สูงขึ้นจริงๆ ด้วย แต่ก่อนเหมือนลูบหัวบับเบิ้ลบี ตอนนี้เหมือนลูบหัวเด็กประถมเลย”

“พี่กิว... พายก็ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นมั้ย”

“ไม่รู้สิ ถ้ากินข้าวหมดอาจจะรู้สึกว่าสูงขึ้น”

พายหัวเราะพลางเดินนำคนแก่กว่าเข้าบ้าน วุ่นวายกันอยู่ในห้องครัวสักครู่ เถียงกันพอหอมปากหอมคอ เพราะคนนึงอยากจะนั่งกินในห้องครัว อีกคนอยากจะนั่งดูทีวีไปด้วย แต่สุดท้ายก็จบตรงที่ข้าวผัดหอมกรุ่นเจ้าประจำหน้าปากซอยบ้านสองจานถูกเสิร์ฟที่ห้องนั่งเล่น พร้อมเสียงโทรทัศน์ที่กำลังมีรายการเกมโชว์เกาหลีสุดโปรดของน้อง นั่งดูนั่งกินจนกระทั่งรวบช้อนนั่นแหละ กิวถึงได้เห็นว่าเด็กดื้อกินข้าวไม่หมด และเหตุผลที่เจ้าตัวให้มาก็คือ

”กินหมดก็สูงเป็นเสาไฟฟ้าพอดี ตอนนี้พายอย่างสูงระดับปกติ”

ช่างยอกย้อนแต่กิวก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหัวเราะแล้วคาดโทษสถานเบาให้ก็เท่านั้น

หลังเคลียร์ธุระส่วนตัวเสร็จก็ถึงเวลาที่กิวจะพาน้องไปยังสถานที่นัดพบ แม้จะเรียกว่าสนามแข่ง แต่ถ้าจะเรียกให้ถูกแล้วมันคือถนนบริเวณใต้ทางด่วนที่ไม่ค่อยมีรถพลุกพล่านเสียมากกว่า เพราะความที่ไม่มีรถเท่าไหร่ ก็ส่งผลให้ไม่มีคนมาแถวนี้มากขึ้น และถนนสองเลนก็ใหญ่มาพอที่รถบิ๊กไบค์สี่คันจะแข่งกันได้อย่างไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ แม้จะไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เท่าเทียมหากเทียบกับสนามแข่งรถที่ถูกกฏหมาย

บิ๊กไบค์คันใหญ่ถูกชะลอตัวและจอดลงตรงที่ประจำของกลุ่ม ดูเหมือนกิวจะมาเป็นคนสุดท้ายเพราะคนอื่นๆ ดูจะเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว เขาพาน้องไปเจอพัฟเพราะน้องอยากจะบอกเรื่องส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นของตัวเอง คนเป็นพี่ฟังแล้วก็หัวเราะ แถมยังเย้าน้องชายสุดที่รักของตนเองด้วยประโยคที่เขาก็คาดไว้อยู่แล้ว

“สองเซน? ก็ตัวเท่าลูกหมาเหมือนเดิมทำเป็นคุย”

อยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวจะโดนงอนเอา จึงต้องพยายามกลั้นขำแล้วปรามเพื่อนตัวเองให้เลิกแกล้งน้อง ซึ่งกิวถือว่าเป็นเรื่องดีที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะน้องหันมายิ้มกว้างให้เขาอย่างพึงใจ

อีกพักใหญ่ถึงจะได้เวลาแข่ง กิวเลยเลือกจะนั่งเช็คสภาพเครื่องยนต์พร้อมทั้งวานให้หมี่และรูทที่ทำหน้าที่เป็นช่างทีมช่วยดูความพร้อมให้ พอเสร็จแล้วนั่นแหละ รูทถึงได้ไปนั่งเล่นนั่งคุยกับน้อง ไม่รู้ว่าสองคนนั้นเขาถูกชะตาอะไรกันหนักหนา เจอกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ต้องตัวติดกัน จนบางทีเพื่อนๆ ยังแซวว่าสองคนนั้นเขาแอบหนีไปกิ๊กกันเองหรือเปล่า

“กิว มึงดูนู้น”

รูทสะกิดไหล่เขาที่ยังง่วนกับการเช็ดกระจกรถอยู่ พอเงยหน้ามองตามที่เพื่อนชี้กิวก็พบกับสายตาคู่นึงที่มองมาทางตนก่อนอยู่แล้ว ใบหน้าที่ยังมีรอยช้ำถูกผ้าก็อซปิดทับบริเวณที่ยังบวมอยู่ เมื่อสบตากันอีกฝ่ายก็ยกยิ้มอย่างบิดเบี้ยวพร้อมกับก้าวตรงมาทางเขาอย่างไม่ลังเล

“มันยังไม่เข็ดอีกเหรอวะ โดนไปตั้งขนาดนั้น”

อยากจะตอบเพื่อนไปว่าคำถามนั้นเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายกลับเดินมาถึงตัวเขาเสียก่อน

“ไงกิว ได้ข่าวว่าโดนพักการเรียนสองอาทิตย์ ไม่คิดว่าวันนี้มึงจะมาด้วย”

“กูก็ไม่คิดว่าคนหน้าแหกจะมาแข่งรถได้เหมือนกัน”

สิ้นประโยคของกิว เพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็หลุดขำ แม้จะไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ดังมากแต่ก็ทำให้ผู้ที่โดนกล่าวถึงหน้าชาอยู่เหมือนกัน ดอมยกยิ้ม ทำทีคล้ายไม่สนใจแต่ใบหน้าบิดเบี้ยวก็ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเจ็บแค้นไม่ใช่น้อย ก่อนดวงตาสีชาจะไปหยุดอยู่ที่จุดนึงด้านหลังของคนตัวสูง มองจ้องคนที่นั่งเคี้ยวลูกชิ้นปิ้งที่ได้รับมาจากคนในกลุ่มของกิวแล้วฉีกยิ้มกว้าง

“.....ถึงกับต้องพามาเปิดตัว กลัวเขาไม่รู้หรือไงว่ามึงมีเมียเป็นผู้ชาย”

“ความสุขของกู”

กิวตอบขณะเลื่อนกายให้บดบังน้องจากสายตาที่อย่างหยามเหยียด ไม่พอใจที่จะให้ใครก็ตามใช้สายตาเช่นนั้นมองคนที่ตนให้ความสำคัญ

“หึ... งั้นมึงกล้าเดิมพันความสุขของมึงกับการแข่งครั้งนี้มั้ยล่ะ?”

“มึงหมายความว่าไง”

“เอาความสุขของมึงมาเดิมพันไง ไหนๆ ครั้งนี้แข่งชนะก็ได้ทั้งชื่อเสียงทั้งของเดิมพันหนักๆ เป็นรางวัลอยู่แล้ว มึงจะเอาความสุขของมึงมาลงเดิมพันก็คงไม่มีใครว่า เว้นเสียแต่... มึงไม่กล้าเพราะกลัวจะแพ้?”

การแข่งรถแต่ละครั้งย่อมต้องมีของมาวางเดิมพัน ซึ่งต้อง อย่างการแข่งครั้งนี้มีรางวัลเป็นเงินจำนวนเกือบหกหลัก ตำแหน่งผู้คุมถิ่นที่หลายคนอยากจะได้หนักหนา และของเดิมพันที่แต่ละทีมเลือกมาลง ครั้งนี้ทีมของกิวลงเดิมพันด้วยตัวถังรถราคาสูงที่แต่งมาอย่างดี คู่แข่งอีกสามคนของเขาก็ไม่ต่างกัน แต่ละฝ่ายเลือกจะเดิมพันด้วยอะไหล่ชั้นดีที่หาได้ยากและเป็นของสะสมของคนมีเงิน ซึ่งสำหรับกิวเขาคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เขาเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเคยมีคนวางเดิมพันด้วยผู้หญิงที่ซ้อนท้ายมา หรือคนรักของผู้เข้าแข่งขันนั่นแหละ หากใครแพ้ก็ต้องส่งให้แต่ละกลุ่มไปวนใช้ พูดง่ายๆ ก็คือต้องให้ผู้หญิงของตัวเองไปเป็นนางบำเรอให้ผู้ชายแต่ละทีมตามลำดับขั้นที่แพ้
กิวกำหมัดแน่น เกลียดนักวิธีการพูดจายั่วโมโหและสีหน้าหยามเหยียดที่อีกฝ่ายมักทำอยู่เสมอ ความจริงทุกครั้งที่ได้แข่งกับดอม เป็นที่รู้กันทั่วว่าทั้งคู่มักจะสลับกันแพ้สลับกันชนะอยู่เสมอ ดังนั้นการที่โดนอีกฝ่ายยุแหย่เขาจึงไม่เคยเก็บมาใส่ใจถ้ามันไม่มากเกินไป แต่การคนตรงหน้าพูดเหมือนพายเป็นสิ่งของที่จะวางเดิมพันเมื่อใดก็ได้เช่นนี้มันไม่รวมอยู่ในขีดจำกัดของเขา เกือบจะได้วางมวย ปล่อยหมักเข้าที่หน้าช้ำๆ นั่นเข้าให้อีกรอบหากไม่มีสัมผัมนิ่มแฝงความอบอุ่นมากุมรอบมือเพื่อดึงความสนใจจากเขาไปเสียก่อน

“พี่กิว ใจเย็นๆ ครับ”

คนที่นั่งเคี้ยวลูกชิ้นอยู่หลังเขาจนถึงเมื่อครู่ ตอนนี้กลับมายืนอมยิ้มแก้มตุ่ยมองเขา พายยื่นลูกชิ้นเสียบไม้ที่อยู่ในมือมาจ่อปาก แล้วกิวจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากต้องอ้าปากรับเจ้าลูกกลมๆ นั้นมาใส่ปากตัวเองแล้วยืนเคี้ยวให้น้องดู สภาพไม่ต่างกับเด็กที่โดนคุณครูลงโทษสักเท่าไหร่ จนเห็นว่าเขากลืนลงคอแล้วนั่นแหละอีกฝ่ายถึงได้พอใจ

“มีของลงท้องจะได้อารมณ์ดี รีบแข่งให้เสร็จ รีบชนะกลับมานะ แล้วพายจะรออยู่ตรงนี้กับพวกพี่ๆ นะครับ”

“ฮะๆๆ เออ มึงรีบไปเตรียมตัวเหอะกิว อีกห้านาทีเอง เดี๋ยวพวกกูอยู่กับน้องให้” รูทโอบบ่าน้องหัวเราะร่า ไม่วายยังโบกมือไล่เขาอีก “ชนะแล้วรีบกลับมา ย้ำนะ ชนะ แล้วรีบกลับมา”

คำพูดย้ำนั้นทำให้กิวรู้แน่ชัดว่าตนต้องชนะกลับมา เขาพยักหน้ารับแล้วเข็นเจ้านินจาคันโปรดไปยังจุดสตาร์ท แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“รูท เรื่องที่กูฝากไว้มึงไม่ลืมใช่ไหม?”

“อืม เตรียมไว้พร้อมก่อนมึงจะบอกอีก ไม่ต้องห่วง”

กิวเข็นรถผ่านหน้าดอมที่ตั้งท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างโดยไม่คิดจะหันไปสนใจ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มต้องให้ความสนใจคือการเอาชนะอีกฝ่ายด้วยการแข่งรถให้ได้ ไม่ใช่ไปต่อปากต่อคำอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

รถบิ๊กไบค์คันใหญ่สมชื่อสี่คันจอดเรียงกันบนเลนขาเข้า กติกาในรอบนี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ใครขับไปยังสุดฟากถนนแล้ววนกลับมาได้ก่อนก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ รับทั้งของรางวัลและชื่อเสียงที่หลายๆ คนกระหายอยากจะครอบครอง

ธงสัญญาณถูกยกขึ้นแล้ว กิวหันหน้ามองไปยังข้างสนาม พายยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยที่ในมือเปลี่ยนจากลูกชิ้นเป็นไอศครีมโคนแล้ว ไม่รู้ว่าใครไปซื้อมาให้และไปซื้อมาตอนไหน แต่เวลามารวมกลุ่มกันพายมักจะได้ของกินติดไม้ติดมือกลับบ้านเสมอและเจ้าตัวดูท่าจะชอบเสียด้วยถึงได้ยิ้มเสียขนาดนั้น ยิ่งเมื่อสบตากับเขารอยยิ้มก็พลันกว้างขึ้น กิวรู้สึกว่าหัวใจตัวเองพองโต เขาส่งยิ้มกลับไปให้แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นเพราะมีหมวกกันน็อคบดบังอยู่ ได้รับกำลังใจแล้วเขาก็หันกลับมาใช้สมาธิอยู่กับปัจจุบัน มือแกร่งบิดคันเร่งเตรียมตัวออกสตาร์ท เครื่องยนต์ส่งเสียงดังกระหึ่มอีกรอบก่อนจะพุ่งทะยานสู่ถนนเบื้องหน้าเมื่อธงถูกสะบัดลง
สายลมพัดผ่านกายให้พอรู้สึกหนาวยามที่เร่งความเร็ว ในหูอื้ออึงไปหมดเพราะได้ยินเพียงเสียงตัวเครื่อง หน้าปัดค่อยๆ ไต่ระดับไปที่ความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และค่อยๆ เพิ่มขึ้น ร่างสูงชะลอและเริ่มทรงตัวประคองเมื่อเห็นโค้งแรกอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่โดยไม่ได้สนใจว่ารถคันข้างๆ ค่อยๆ ขยับชิดไต่ระดับมาเทียบข้างกัน โค้งแรกผ่านไปโดยที่ความเร็วยังไม่ตกและเขาสลัดตัวออกจากคู่แข่งอีกสองคนได้แล้ว เหลือแต่คนที่สูสีกับเขามาตลอดเหมือนทุกการแข่งขันที่ยังผลัดกันนำผลัดกันถอย

รถคันโตสองคันเริ่มชะลอตัวแล้ววกกลับ ไม่รู้ว่าเสียหลักตอนหักโค้งหรืออย่างไรรถคันของดอมถึงไปแถมาเสียใกล้เขา มือแกร่งเบนหัวรถออกเล็กน้อยเพื่อหลบการเฉี่ยวชน แต่ไม่นานมันก็แถมาใกล้รถเขาอีกหลายต่อหลายครั้งบนเส้นทางตรง กิวมั่นใจแน่แล้วว่าอีกฝ่ายอยากจะเล่นลูกไม้สกปรก ได้... หากอยากจะเล่นสกปรกมาเขาก็จะเล่นบ้าง เส้นชัยอยู่ไม่ไกลเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรตรงหน้า ตาคมเหลือบมองผ่านช่องว่างของหมวกกันน็อคขณะที่ค่อยๆ ลดความเร็วเครื่อง ดอมคงชะล่าใจจึงรีบเร่งเครื่องมาเทียบกับตัวรถ หันมามองเขาสักครู่ก่อนทำท่าจะยื่นขามาถีบตัวรถเขา เห็นแบบนั้นกิวจึงหักออกซ้ายเร่งเครื่องขึ้นนำหน้า เฉียดปลายเท้าที่ถีบออกมาไปเพียงนิดเดียว กิวไม่สนใจจะหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เขาทำเพียงบิดแฮนด์รถจนทิ้งห่างแล้วมุ่งไปยังธงที่โบกสะบัดรออยู่ตรงหน้าเท่านั้น

เสียงโห่ร้องและเสียงปรมมือดังระงมเมื่อเขาค่อยๆ ชะลอตัวและจอดลงตรงริมถนนแล้วลงมือถอดหมวกกันน็อค เพื่อนร่วมทีมเดินแทรกฝูงชนที่ยืนออเพื่อดูการแข่งขันนัดนี้เข้ามาตบบ่าแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า ซึ่งกิวก็เพียงพยักหน้ารับและเอ่ยขอบคุณตามปกติ

“เอ้าๆ พวกมึงหลบหน่อยครับ แขกกิตติมศักดิ์เขาจะมาแสดงความยินดีกับไอ้เฮียกิวแล้ว”

หมี่เอ่ยทะลุกลางปล้องพลางทำท่าทางให้ฝูงชนแหวกตัวออกแล้วหันไปหัวเราะ แท๊กมือกับเพื่อนๆ ที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ไม่ไกลกัน พายหันแยกเขี้ยวใส่พวกพี่ชายที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรแล้วเดินตรงมาหาเขา แม้จะมาอยู่ต่อหน้าแต่ต่างคนก็ต่างเงียบเอาแต่ส่งยิ้มบางให้กัน

“ครับท่านผู้ชม เป็นปลากัดก็ท้องไปสองโหลแล้ววว”

อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ กิวจะเข้าไปตบรางวัลงามๆ ที่ทำให้น้องหน้าแดงกลางฝูงชนแบบนี้

“พี่ชนะแล้วนะ”

 “อื้อ... ยินดีด้วยนะครับ”

เห็นใจคนตัวเล็กที่ยื่นหน้าแดงไปถึงหูเพราะคำแซวของเพื่อนกิวเลยเลือกเป็นคนเอ่ยปากก่อน และไม่ผิดกับที่คาด ในที่สุดพายก็เอ่ยปากได้สักที มือหนายีหัวกลมๆ แบบที่ทำเป็นประจำพอได้รับสัมผัสที่คุ้นเคยคนอายุน้อยกว่าก็เผยยิ้มกว้างจนตาหยี

“แล้วมึงเป็นไง เมื่อกี้โดนหรือเปล่า?”

เมื่อเล็งเห็นว่าถึงเวลาพักจึงเอ่ยแทรกบรรยากาศละมุนๆ ไม่เข้ากับสถานที่ของทั้งคู่ ดูท่าพัฟคงจะเห็นจังหวะโค้งสุดท้ายที่เขาเกือบจะโดนสอยลงข้างทาง แต่เพราะแข่งกับดอมมาหลายต่อหลายนัดจึงได้รู้และเห็นมาบ้างว่าอีกคนชอบเล่นไม้ไหนจึงใช้วิธีเอาตัวรอดได้ไม่ยาก

“เกือบแต่ไม่โดน ไม่คิดว่าครั้งนี้จะกล้าเล่นขนาดนี้”

“มันคงโมโหที่เล่นมึงไม่ได้แถมโดนต่อยด้วย” พัฟยกมือเสยผมแบบที่ชอบทำจนติดนิสัย “ถามจริง มึงไปทำอะไรให้มันเกลียดหน้าขนาดนั้น?”

กิวส่ายหน้า คำถามนี้กิวก็อยากจะรู้เหมือนกัน ตั้งแต่ขึ้นเรียนชั้นมัธยมปลายเขาก็รู้เพียงว่าดอมเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทใหญ่ที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กับผู้เป็นพ่อของตน แต่ไม่เคยคุย ไม่เคยเข้าไปสุงสิงหรือคิดจะทำความรู้จัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่เขาโดนอีกฝ่ายตั้งตนเป็นศัตรูด้วย แต่มารู้อีกทีก็โดนพูดจาหาเรื่องและท้าตีท้าต่อยกันไปเสียแล้ว

“กูว่าครั้งนี้มันเล่นแรงไป ไม่โดนก็ไม่อะไร แต่ถ้ามึงโดนขึ้นมาเมื่อกี้ต้องเจ็บหนักแน่ๆ มึงควรจะใช้อำนาจหัวหน้าคนใหม่จัดการมันสักทีนะ”

เพราะการแข่งครั้งนี้มีกติกาว่าผู้ชนะจะได้ขึ้นเป็นคนคุมถิ่นแถบนี้ทั้งหมด หรือก็คือเห็นหัวหน้าแก๊งค์นั่นเอง และการเป็นหัวหน้าก็หมายถึงการกุมอำนาจเหนือแก๊งค์ทั้งหมดจนกว่าการแข่งใหญ่รอบหน้าจะมีคนมาโค่นตำแหน่งตัวเองได้ หากครั้งหน้าชนะอีกก็ขึ้นเป็นหัวหน้าต่อไป วนไปเช่นนี้ตามกฏของการแข่งรถริมถนน

พูดคุยสัพเพเหระไปได้ครู่นึงโฆษกก็ประกาศชื่อให้เขาไปรับและแจ้งทุกกลุ่มที่มาเข้าร่วมการแข่งว่าจะต้องขึ้นตรงต่อเขาเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดก็เกือบจะผ่านพ้นไปด้วยดีถ้าไม่ใช่เพราะคนที่เพิ่งแข่งกันมาเมื่อครู่เกิดโวยวายขึ้นมาว่าไม่ยอมรับผลการแข่งขัน

“ทำไมกูต้องยอมรับว่ามันเป็นหัวหน้า! แค่แข่งชนะนิดหน่อยอย่ามาทำเป็นได้ใจนะเว้ย!”

“อ้าวๆ แพ้แล้วพาลเหรอวะไอ้ดอม ไหนตอนแรกบอกไอ้กิวกลัวจะแพ้ ตอนนี้เป็นมึงดิ้นเองเนี่ยนะ? ตลกฉิบหาย”

“ไม่เกี่ยวกับมึงไอ้รูท เก็บปากไว้เลียตีนเจ้านายมึงเหอะ”

“ก็ดีกว่าปากเบี้ยวเพราะโดนอัดหน้าแบบมึงแล้วกัน”

คนโดนหยามถลาตัวเขามาคว้าคอเสื้อรูท แต่อีกฝ่ายก็หาได้กลัวเกรง หนุ่มตี๋ประจำกลุ่มยังมีอารมณ์ยักคิ้วหลิ่วตากวนส้นตีนอีกฝ่ายต่อ เห็นแบบนั้นคนอารมณ์ร้อนก็ถึงจุดเดือด หมัดหลุนๆ ถูกซัดออกมาเต็มแรง แต่มันก็ไม่ถึงจุดหมายเมื่อมีฝ่ามือใหญ่ออกมารับแรงชกนั้นเสียก่อน

“.....ช้าว่ะ เกือบถึงหน้ากูแล้วนะพัฟ”

“แต่มึงก็ไม่โดนไง”

ยังจะมีเวลาคุยกันโดยไม่สนคนที่โกรธจัด ดอมเหมือนโดนเหยียบหน้า โกรธจนสติแทบจะแตกอยู่แล้ว พลันสายตาคมที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่ยื่นอยู่ข้างๆ พี่ชายตัวเอง ในเมื่อลงที่มันไม่ได้ ลงที่คนรักมันก็คงไม่ผิด เพราะคิดตื้นๆ เช่นนั้น ร่างสมส่วนจึงปรี่เข้าไปใกล้พายหมายจะชำระแค้นให้สาสม แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรร่างของตนก็ถูกกระชา ลอยหวือไปกระแทกกับพื้นด้วยฝีมือของคนที่ตนเพิ่งเอ่ยปากว่าไม่ยอมรับไปเมื่อครู่นี้

“ไปเอารถมันมา”

พายยืนนิ่ง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขาจำได้ว่าผู้ชายที่ชื่อดอมพุ่งตรงมาทางเขาแต่พี่กิวมาจากไหนไม่รู้คว้าคอเสื้อผู้ชายคนนั้นแล้วผลักเสียจนก้นจ้ำเบ้าแล้วเอาตัวมาบังเขาไว้ แผ่นหลังแกร่งใต้เสื้อยืดนั้นเกรงเขม็งและปล่อยออร่าไม่น่าเข้าใกล้ออกมาอย่างชัดเจน เพราะอยู่ด้านหลังเขาจึงมองไม่เห็นสีหน้าพี่กิว แต่เขาคิดว่าจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ เพราะผู้ที่ทรุดลงไปกองกับพื้นถึงได้หน้าซีดเผือดขนาดนั้น

ไม่นานนักรถคันใหญ่ของอีกฝ่ายก็ถูกพี่นันเข็นมาด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก แม้ตอนแรกจะไม่รู้ว่าทำไมพี่ที่มักจะซื้อขนมให้เขาบ่อยๆ ถึงทำสีหน้าเช่นนั้น แต่พอเห็นตอนที่ฝ่าเท้าเน้นๆ ถีบอัดเข้าตัวรถจนหงายโครมลงกับพื้นพายก็รู้แน่แล้วว่าพี่กิวจะทำอะไร แม้จะมีเสียงโวยวายจากคนที่โดนรั้งแขนให้นั่งอยู่กับพื้นมองดูรถคันโปรดถูกกิวกระทืบซะตัวถังบุบ แฮนด์ที่ขูดกับพื้นบิดเป็นรอยถลอก พายเคยถามพี่พัฟอยู่เหมือนกันว่าราคารถแบบที่พวกพี่กิวขี่อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ซึ่งราคาของมันก็มากพอจะทำให้ขนหน้าแข้งพายร่วงจนโล้น

“ไอ้กิวทำเหี้ยอะไรของมึง! นั่นรถกูนะเว้ย มึงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”

“ต่อไปนี้กูมีสิทธิ์ทุกอย่าง”

ร่างสูงหยุดการกระทำของตนขณะมองสีหน้าเจ็บแค้นของผู้ที่นั่งมองเขาเหยียบอัดรถของตัวเอง Ducati Monster S2R สีขาวแดงตอนนี้เป็นรอยขูดขีด กระจกรถก็บิดเพราะแรงกระแทก แน่นอนว่าค่าซ่อมชิ้นส่วนแต่ละอย่างรวมแล้วไม่น้อยไปกว่าราคาตัวรถเลย

“คนเป็นหัวหน้ามีสิทธิ์ทุกอย่างมึงจำไว้”

“มึงจะตั้งกฎขึ้นมาเองแบบนี้ไม่ได้!”

“กูไม่ได้ตั้งกฎแต่กูคือกฎ”

“..........”

“และกฎข้อเดียวของกูคือ ทุกคนที่หาเรื่องพายเท่ากับหาเรื่องกูด้วย จำเอาไว้ ไม่งั้นมึงได้เป็นเหมือนรถมึงแน่”

ว่าแล้วกิวก็กระทืบเท้าลงบนรถคันสวยที่ยามนี้เต็มไปด้วยรอยขูดขีดและบุบเป็นช่วงๆ อย่างเต็มแรงอีกครั้ง ตาคมมองสบเจ้าของรถอีกครั้งก่อนจะเรียกให้รูทเอาสิ่งของที่จัดเตรียมเอาไว้มาให้ ซองสีน้ำตาลถูกส่งให้ ชายหนุ่มเปิดดูของข้างไหนแล้วยกยิ้มก่อนจะจะโยนลงไปตรงหน้าให้อีกฝ่ายได้เปิดดู และปฏิกิริยาก็ไม่ต่างจากที่กิวคาดไว้เท่าใดนัก สีหน้าของคนปากเก่งจนถึงเมื่อครู่ซีดเผือดเป็นไก่ต้ม

“ถ้าหน้าไม่เละกูกะจะจับมึงมาทำแบบในรูป อ่อ... รูปและข้อมูลทั้งหมดนี่จะส่งถึงมือพ่อมึงแน่ถ้ายังมายุ่งกับคนของกูอีก”

ดอมหน้าแดงสลับเขียว ไม่คิดว่าจะมีคนล่วงรู้ถึงงานอดิเรกและสืบค้นข้อมูลมาได้ถึงขนาดนี้ รูปตัวเขาในชุดแฟนซีหลากหลายและชุดคอสเพลที่ตนจำได้ว่าไม่มีทางหลุดไปไหนได้ และไม่น่ามีใครรู้เพราะตนได้โพสในเฟสลับกลับถูกล้างอัดออกมา ย้ำแน่ชัดแล้วว่าความลับของตนถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้

“หรือถ้าอยากได้ลูกค้า คนของกูก็พร้อมจะต่อคิว”

“ไอ้เหี้ยกิว!”

หึ... กิวพ่นลมหายใจขณะหยักยิ้ม เคลียร์เรื่องตรงหน้าเสร็จเขาจึงปรับอารมณ์ให้คงที่ก่อนจะหันไปหาคนที่ยื่นอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหวานดูงุนงงกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็ไม่ถามอะไร เพียงแค่ยืนมองเขานิ่งๆ

คงทำให้กลัวเสียแล้ว ความจริงกิวก็อยากจะมาจัดการด้วยตัวเองโดยที่น้องไม่ต้องรับรู้ แต่คิดว่าหากปิดไว้อนาคตก็คงต้องบอกอยู่ดี และแม้จะยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง แต่เขาก็อยากจะให้พายได้เตรียมใจว่าการที่จะมาอยู่เคียงข้างผู้ชายอย่างเขามันต้องมีเรื่องสกปรกประเภทนี้มาให้เห็นเรื่อยๆ ถึงจะบอกว่าอยากล้างมือ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น กิวสบตาน้องแล้วเสหลบ เป็นครั้งแรกที่ไม่อาจสบตา ไม่อยากเห็นแววความผิดหวังในดวงตาของพาย

“พี่กิว.....”




ต่อข้างล่างนะคะ >>>
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 11 : เอาคืน หน้า 4 (18.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 18-03-2015 17:27:41
เขาเงียบ เสมองใบหน้าน้องแล้วเขาก็เงียบ กลับเป็นพายที่ส่งยิ้มมาให้

“.....กลับบ้านกันเถอะ วันนี้พี่กิวต้องไปส่งพายก่อนแม่กลับบ้านนะ ลืมแล้วเหรอ?”

“..........”

“ถ้าพี่กิวไม่ไปส่งพายก็ต้องกลับเองอ่ะดิ พี่พัฟจะไปส่งพี่รูทใช่มั้ยล่ะ?”

ศอกเล็กแทงเข้าไปที่เอวของผู้เป็นพี่เบาๆ พัฟจึงรีบเออออ พยักหน้าให้เพื่อน โดยมีรูทที่โดนพวงไปด้วยพยักหน้าหงึกหงักไปตามน้ำโดยที่ไม่ทันคิด

“หือ? อ๋อ... เออ กูต้องไปส่งรูทว่ะ อาจจะค้างด้วย”

“เออๆ วันนี้พวกกูจะเล่นเกมกันโต้รุ่ง มึงไปส่งน้องเลย”

“เห็นมั้ย น่ะ อย่าทำหน้าเหมือนบับเบิ้ลบีสิครับ แค่ให้กลับบ้านเอง”

มือนิ่มหยิกแก้มเขาเบาๆ แล้วหัวเราะ จนกิวต้องยอมแพ้แล้วยิ้มตาม เขาหันไปบอกลาสมาชิกที่มารวมกลุ่มกันในวันนี้ ปล่อยให้พายได้คุยนัดแนะกับพี่ชายตัวเองสักพักก็พากันแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพื่อพาคนตัวเล็กไปส่งบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

สายลมช่วงค่ำคืนกระทบผิวกายยามขับฝ่า ตอนนี้ท้องถนนว่างโล่งแล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วเพื่อแข่งขันกับเวลามากนัก แต่จะให้มาตากน้ำค้างตอนกลางคืนก็กลัวคนที่นั่งซ้อนท้ายจะจับไข้เอา ความเร็วคงที่ ถนนรถโล่ง ใช้เวลาไม่นานนักบ้านหลังใหญ่ย่านใจกลางเมืองก็อยู่ตรงหน้า

ไฟในตัวบ้านยังไม่เปิดแสดงว่าผู้เป็นแม่ของสองพี่น้องยังไม่กลับมา หมวกกันน็อคใบใหญ่ที่ให้น้องใส่ถูกเก็บลงใต้เบาะนั่ง ส่วนคนตัวสูงก็ยืนพิงรถรอให้น้องเดินเข้าบ้านเหมือนปกติแต่ท่าทางลุกรี้ลุกลนของพายทำให้กิวต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

“.....วันนี้พี่กิวเท่มากเลยรู้เปล่า ตอนแข่งรถอยู่น่ะ ถ้าเป็นพายคงทำไม่ได้หรอก”

“พี่รู้ แค่ประคองรถก็คงไม่ไหวแล้ว”

“น่ะ ก็แบบนี้ตลอด คนที่ยืนทำหน้าบับเบิ้ลบีเมื่อกี้นี้ไปไหนแล้วนะ?”

เมื่อโดนพูดถึงท่าทางของตนเองตอนที่ยังอยู่ที่สนามแข่งกิวก็นึกขึ้นมาได้ คนตัวโตกวักมือหมายให้พายเดินเข้ามาใกล้ๆ ซึ่งน้องก็ทำตาม กิวคว้ามือเล็กมาจับไว้ บีบและลูบไล้เบาๆ อย่างทะนุถนอม เจ้าของมือนี้เรียกความเป็นตัวตนของเขากลับคืนมาได้หลายรอบแล้ว และเขาก็ดีใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นโอกาสนี้มาให้

“พี่มีบางอย่างอยากจะบอกพาย แต่พี่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้”

“อื้อ... พายรู้”

ใช่ พายรู้ว่าสิ่งที่คนตรงหน้าอยากจะบอกคืออะไร ตัวเขาเองก็อยากจะบอกเช่นกัน แต่เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา พายได้ฟังมาจากพี่ชายเหมือนกันพวกเรื่องครอบครัวของพี่กิว สิ่งที่พี่กิวกำลังจะทำ และสิ่งที่พี่กิวต้องทำหากการเดิมพันครั้งนี้ไม่สำเร็จ คนตัวเล็กบีบมือใหญ่ที่ยังคงความร้อนจากการออกแรงบิดแฮนด์รถคันใหญ่คล้ายจะให้กำลังใจ

“พี่กิวไม่ต้องกังวลหรอก ถึงเวลาพี่ค่อยบอกพายก็ได้ เพราะพายก็จะบอกพี่เหมือนกัน”

“..... แล้วถ้าวันนั้นมาไม่ถึงทำไง?”

“พูดเหมือนพี่กิวแน่ใจว่ามันจะมาไม่ถึง”

กิวยอมรับว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้จะสำเร็จหรือไม่ ถึงจะปากดี มีความตั้งใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรและความไม่มั่นใจคงปรากฏบนใบหน้าของเขาอยู่แน่ๆ พายถึงได้ละมือข้างนึงของตนจิ้มเข้าที่กลางหว่างคิ้วเขา

“หน้าแก่อยู่แล้วขมวดคิ้วแบบนี้ยิ่งแก่นะ”

พูดเองก็หัวเราะเองจนคนที่นั่งทำหน้าเครียดต้องหัวเราะตาม

“.....พายให้กำลังใจพี่อยู่นะ พวกพี่ๆ คนอื่นก็เหมือนกัน รู้เปล่าว่าพี่พัฟมันมาสอนการบ้านพายบ่อยกว่าแต่ก่อนอีกนะ แล้วก็มาบ่นว่าพายเข้าใจยาก ทีพี่กิวยังเข้าใจที่มันพูดเลย ก็ทำไงได้พายไม่เก่งนี่หว่า”

“พี่เชื่อว่าถ้าพายพยายามพายก็ทำได้”

“พายก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”

“..........”

“ถ้าพี่กิวพยายามพี่กิวก็ทำได้ ถึงแม้จะได้ไม่ดีแต่ก็ถือว่าพี่ทำได้ เพราะงั้นพี่กิวอย่ากดดันตัวเองมากไปนะ”

“ครับ เข้าใจแล้ว”

มือของทั้งคู่ประสานเข้าหากันอีกครั้ง พายออกแรงน้อยๆ เพื่อแกว่งมือของทั้งคู่ให้เหมือนเวลาเล่นโล้ชิงช้า ความเงียบที่ไม่ทำให้อึกอัดโอบล้อมกายของทั้งสอง เสียงหมาเห่าจากที่ไกลๆ พาลให้คิดไปถึงเจ้าลูกสุนัขที่ถูกทิ้งอยู่ที่บ้าน ป่านนี้คงชะเง้อหน้าคอจนเบื่อ หรือไม่ก็หลับไปแล้วกระมัง

“หลังจากนี้พี่อาจจะไม่พาไปเที่ยวเหมือนแต่ก่อน ไม่เป็นไรเนอะ?”

“อื้อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพายไปให้กำลังใจถ้าว่าง”

ใช่ๆ ทำขนมไปให้กินด้วยก็น่าจะดี เขาบอกว่าคนที่ใช้สมองต้องการของหวาน พายคิดแล้วยกยิ้ม

“อาจจะไม่ไปรับตอนเลิกเรียนด้วย”

“แต่ก่อนพายก็กลับเองนะ ลืมไปหรือเปล่า?”

เห็นเขาเป็นเด็กหรือไงถึงต้องไปรับไปส่งทุกเช้าเย็น กิวเห็นน้องทำหน้ายู่ก็เป็นฝ่ายยิ้มแทน ลืมไปซะได้ว่าก่อนหน้านี้น้องก็เคยทำอะไรด้วยตัวเอง คงเพราะเคยชินไปเสียแล้ว

“อาจจะคุยกันน้อยลงด้วย”

“คุยกันน้อยลงไม่ได้หมายความว่าไม่ได้คุยนี่ครับ ไลน์ก็มี เวลาว่างก็มาเปิดอ่านแล้วตอบกลับก็ได้ ทำอย่างกับหูติดโทรศัพท์ตลอดอย่างนั้นแหละ”

กิวหัวเราะในลำคอ ไม่รู้ตอนเด็กๆ พัฟมันเลี้ยงน้องด้วยอะไร ถึงได้เข้าใจอะไรง่าย ยอมรับอะไรง่ายๆ เสียเหลือเกิน

“อืม... แล้วถ้าที่อุตส่าห์ทำมาทั้งหมดมันได้ผลตอบกลับไม่ดีล่ะ?”

แล้วก็วนกลับมาที่เรื่องเดิม พายนิ่งคิดแต่ก็ไม่หยุดแกว่งมือที่ยังกุมกระชับกันอยู่ เหมือนว่าเจ้าตัวเพลินกับการกระทำของตัวเองไปแล้ว แต่กิวเองก็รู้สึกสนุกตามไปด้วยเหมือนกัน ตาคมมองใบหน้าของคนที่กำลังครุ่นคิดไปเรื่อยๆ พายติดอาการกัดปากเวลากำลังใช้ความคิด ถึงเขาจะเตือนกี่ทีน้องก็เลิกทำไม่ได้สักทีหลังๆ เขาเลยเลิกพูดไปแต่จะมาล้อแทนเวลาเจ้าตัวบ่นว่าเจ็บปาก และขณะที่ยังสำรวจดวงหน้าหวานอยู่นั้นพายก็เอ่ยคำตอบกับเขา เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงจนกิวต้องหัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำแล้วคว้าร่างเล็กๆ ของน้องมากอดเสียแน่น




“ถ้าพี่กิวแพ้พนันกับคุณพ่อ เดี๋ยวพายจะไปฉุดพี่กิวให้หนีตามพายเอง!”



To be continue


-------------------------------------------------------------------


Talk : สวัสดีค่ะมิตรรักแฟนเพลง(?)

ตอนนี้มาซะยาวเลย ตกใจเหมือนกันเพราะนานๆ จะยาวได้ขนาดนี้ คาดว่าตอนหน้าก็จะยาวเหมือนแบบนี้อีกค่ะ เพราะตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของคู่พี่กิวน้องพายแล้ววว แล้วเดี๋ยวจะมีตอนพิเศษของทั้งคู่ ตอนพิเศษของคู่ที่ทุกคนอาจจะงงว่า เฮ้ย! มาได้ไง ตามด้วยคู่ของพี่พัฟกับพี่รูทซึ่งจะไปคาบเกี่ยวกับภาคมหาวิทยาลัยของน้องค่ะ (บอกก่อนเลยว่าไม่ยาวเท่าไหร่ค่ะ) แล้วก็อาจจะมีแบบตอนจบเหมือนที่แต่งมาก่อนหน้า เพราะรู้สึกว่าอยากเขียนคู่พี่กิวน้องพายอีกจัง :hao7:

หวังว่าทุกคนจะรอติดตามเหมือนที่เป็นมานะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจทั้งในบอร์ดและในเพจค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าน้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 11 : เอาคืน หน้า 4 (18.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 18-03-2015 18:33:16
แก้คำผิดค่ะ
กูรูทว่ามึงห่วงน้องนะพัฟ >>> กูรู้ว่ามึงห่วงน้องนะพัฟ

กรี๊ดดดดมาแล้วเอาจริงนี่ไม่อยากให้จบนะ อยากให้ต่อไปเรื่อยๆแบบบางรักซอยเก้าเลย
อ่านเรืองนี้แล้วอารมณ์ดี
ชอบพี่กิวกับน้องพายมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 11 : เอาคืน หน้า 4 (18.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-03-2015 22:31:11
แงงงงงงงง อยากอ่านน้องพายอีกจังเลยยย ไม่อยากให้จบคุ่นี้เลยจ้า ยังไม่ได้อ่านตอนพ่อแม่กิวเลยว่าจะหลงสะใภ้ขนาดไหน55555 จะเท่ากับที่คนอ่านรักไหมน้าาาา เป็นกำลังใจให้ค่ะนักเขียน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 12 (จบ) : สุดปลายความฝัน หน้า 4 (22.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 22-03-2015 13:56:38
หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก)
ตอน สุดปลายความฝัน





ปลายทางความฝันของแต่ละคนสิ้นสุดไม่เท่ากัน


ปลายทางความฝันของบางคนอาจจะใกล้ ปลายทางความฝันของ บางคนอาจจะไกล แต่ไม่มีใครรู้ขีดจำกัดความฝันของเราได้มากเท่ากับตัวเราเอง และไม่มีใครจะสามารถทำให้เราเดินตามความฝันได้นอกจากตัวเราเองเช่นกัน






ศาลาเล็กริมน้ำช่วงพักกลางวันมักมีคนมาจับจองพื้นที่เพื่อรวมกลุ่มกันกินข้าวและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันเป็นปกติ บทสนทนาและเสียงหัวเราะล้อมรอบกายชนิดที่หากมีใครตั้งคำถามประเภท โรงเรียนชายล้วนมีตั้งวงเม้าท์กันบ้างไหมคะ?” หรือ “ผู้ชายก็ขี้เม้าท์เหมือนกันใช่ไหมคะ?” ในเว็บไซต์ชื่อดังตอนนี้พายจะรีบเข้าไปตอบว่าใช่ทันทีแบบต้องไม่คิดอะไรทั้งนั้น เพราะบรรยากาศรอบตัวเขามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

คางเล็กเกยลงบนโต๊ะไม้แล้วค่อยๆ ไถลหน้าไปแนบอย่างไม่กลัวเปื้อน นี่ก็ผ่านเหตุการณ์กระทืบรถระทึกขวัญของพี่กิวมาได้สักพักใหญ่ ข่าวลือของตัวเขาเองค่อยๆ เลื่อนหายไปทีละนิดจนไม่มีใครเอาไปพูดกันแล้ว เพื่อนๆ ก็พูดคุยกับเขาเช่นปกติไม่มีสายตาเคลือบแคลงสงสัยอะไรอีก คาดว่าเป็นเพราะได้ธีร์กับวินช่วยพูดให้นั่นแหละ แต่เอาเข้าจริงหากยังมีเข้ามาถามเขาก็จะตอบไปตามความจริงเหมือนกัน สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว ตนยึดหลัก “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้าคนไม่รู้ความจริงแล้วเอาไปพูดก็ช่างหัวมัน มาตลอด

“เออ อาทิตย์หน้าก็สอบกลางภาคแล้ว พวกมึงอ่านอะไรกันยัง?”

ใครสักคนในกลุ่มพูดขึ้นแล้วก็ตามด้วยเสียงบ่นโอดโอยของคนอื่นๆ นั่นสินะ อาทิตย์หน้าก็สอบกลางภาคแล้ว เขาเองก็ยังไม่ได้อ่านอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยเหมือนกัน

จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้เขาก็เห็นพี่ชายนัดติวกับเพื่อนในกลุ่มอยู่บ่อยๆ เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงสอบตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ว สำหรับรุ่นพี่ที่กำลังจะจบชั้นม.6 ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่น้อย ถึงได้ต้องติวกันเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ยิ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยจับหนังสือ หากจะแข่งกับนักเรียนโรงเรียนอื่นให้ได้ก็คงต้องพยายามมากขึ้นเป็นสองเท่า เหมือนที่พี่กิวกำลังทำอยู่...

“เฮ้อ...”

พายก็ถอนหายใจหนักเสียจนวินที่นั่งอยู่ด้านข้างต้องหันมามองด้วยความสงสัย

“นานๆ จะเห็นพายถอนหายใจสักที มีอะไรหรือเปล่า? เล่าให้เราฟังได้นะ”

“เปล่าๆ” พายยิ้มให้เพื่อนทั้งที่สีหน้ายังคงความเบื่อหน่าย “เราแค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะเลยเผลอถอนหายใจ ขอบใจนะวิน”

ขอบคุณเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบโดยไม่รู้ตัว วินกับธีร์หันมองหน้ากันงงๆ ปกติพายเป็นคนร่าเริงมาก ไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่ทำสีหน้าเหนื่อยอ่อนแถมถอนหายใจเช่นนี้สักเท่าไหร่หรอก ธีร์ยื่นมือข้ามโต๊ะอีกฝั่งมาสะกิดขวันบนหัวเพื่อนเบาๆ ปกติแล้วเขาจะต้องโดนด่าเพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้เล่นขวัญตามความเชื่อของเพื่อน แต่ครั้งนี้พายเพียงแค่เหลือบตามอง มุ่ยหน้าใส่เขาแต่ไม่ยักกะมีท่าทีอะไร

“เฮ้ย มึงเป็นอะไรวะพาย ปกติมึงไม่ใช่แบบนี้นี่ ด่ากูสิด่ากู”

“คนปกติที่ไหนเขาจะชอบโดนด่าวะ บ้าแล้วธีร์”

การตอบสนองของเพื่อนยิ่งทำให้ธีร์กับวินงงหนักกว่าเดิม

“ทำหน้าหงอยเหมือนโดนแฟนทิ้งไปได้ ทำไมวะ? เฮียกิวเขาหนีไปมีชู้หรือไง?

“ปากหมา แล้วกูกับพี่กิวก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...”

“โอ้ยยยย ยังจะกล้าพูดว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เทียวรับเทียวส่งทุกเช้าเย็น กลางวันก็โทรคุยกัน วันหยุดยังไปเที่ยวกันสองต่อสอง เชื่อก็กลายเป็นแมวแล้ว! เดี๋ยวเจอโบกด้วยหลังมือ”

ฟังคำเพื่อนแล้วก็ได้แต่มุ่ยหน้า ก็ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นี่หว่า

“จะว่าไปช่วงนี้พี่เขาก็ไม่ได้มารับพายเลยนี่ ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”

“เปล่าหรอก พี่เขามีติวน่ะวิน ช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบตรงคณะที่พี่เขาอยากเข้าแล้ว...”

พายเริ่มเล่ารายละเอียดที่ตนรู้มาให้เพื่อนๆ ฟัง ทั้งเรื่องที่โดนพักการเรียนเพราะมีเรื่อง และเรื่องที่กิวเดิมพันไว้กับบุพการีของตน พอฟังแล้วเพื่อนทั้งสองก็นิ่งไปก่อนที่วินจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“พี่เขาเลยต้องพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัวสินะ” เพื่อนคนนี้ของเขาเข้าใจอะไรง่ายเสมอ “พายก็เลยเหงาที่ไม่ค่อยได้เจอพี่กิว... เราเข้าใจ เวลาต้องห่างจากคนที่ชอบเราก็เป็นเหมือนกัน”

พายพยักหน้ารับ ที่จริงตอนแรกพายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก ถึงจะอายุน้อยความแต่พายก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่กิวควรจะทำมากที่สุดในตอนนี้ แต่ผ่านไปสักพักมันก็อดเหงาไม่ได้ก็อยู่ดีๆ ต้องห่างจากคนซึ่งเขากำลังรู้สึกดีๆ ด้วย คนที่มารับมาส่งและพาเที่ยวอยู่บ่อยๆ แม้จะได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์บ้าง โปรแกรมแชทบ้าง แต่มันก็ไม่เหมือนกับเวลาเจอหน้ากันตรงๆ เสียหน่อย

“เดี๋ยว! แล้วทำไมวินไปเข้าใจมันอ่ะ แล้ววินชอบใครอยู่ เฮ้ยยยย ไม่เอาดิ บอกเรามาเดี๋ยวนี้นะ!”

“ก็... ไม่รู้สินะ”

พายรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ และรู้สึกดีที่มีคนเข้าใจ และเสียงโวยวายของธีร์ที่กำลังเขย่าตัววินซึ่งเอาแต่นั่งอมยิ้มก็ทำให้เขาต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนได้

 “แล้วพาย... คิดยังไงกับพี่เขาล่ะ?”

วินเลิกให้ความสนใจกับความงอแงของธีร์แล้วหันมาถาม

ไม่ต้องคิดนานพายก็รู้ว่าตัวเองชอบกิว ความจริงมันมากกว่าชอบมาได้สักพักแล้วและเขาก็รู้ว่าอีกคนรู้สึกไม่ต่างอะไรกับเขา คนตัวโตหน้าดุที่ตอนแรกเห็นแล้วก็ขยาดแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วย หลังจากนั้นเขาก็โดนตามตื้อตลอด ตื้อทุกวันจนใจอ่อนยอมที่จะออกไปไหนมาไหนด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นเขาจะสามารถสนิทกับผู้ชายแบบพี่กิวได้ และก็ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายปกติ เคยคบเพื่อนผู้หญิงในห้องสมัยเรียนม.ต้นอย่างพายจะรู้สึกดีกับผู้ชายด้วยกันได้มากขนาดนี้

พายคิดว่ามันอาจเป็นเพราะสายตาที่แสดงถึงความจริงจังทุกครั้งยามที่มองเขา หรือไม่ก็คำพูดจาหวานหูที่ไม่น่าเชื่อว่าคนปากหนักอย่างพี่กิวจะพูดได้ ซึ่งมันทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ คิดอีกทีคงเป็นมือใหญ่ที่มักจะแสดงความเอ็นดูด้วยการยีหัวเขาจนยุ่ง ไหนรอยยิ้มละมุนที่ใครต่อใครบอกว่าหาได้ยากยิ่งจากคนหน้าดุ แต่เขากลับได้เห็นแทบทุกครั้งเวลาที่พบหน้ากัน นิสัยช่างอ้อนที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวแต่มันโดนเอามาใช้กับเขาบ่อยๆ ในรูปแบบกึ่งคำสั่งนั่นอีก แต่พายคิดว่าสิ่งที่ตนชอบมากที่สุดคงเป็นอ้อมกอดแข็งแรงหากเต็มไปด้วยความอบอุ่นซึ่งทำให้เขารู้สึกปลอดภัยทุกครั้ง... คิดแล้วก็เขินจนหน้าร้อนไปหมด

“แดงเป็นกุ้งขนาดนี้ก็ไม่ต้องเดาแล้วมั้ง หมั่นไส้จริงๆ คนมีความรัก!”

แซวแล้วก็ทำหน้าบูดเบี้ยวก่อนจัดการบิดแก้มแดงของเพื่อนเสียแรงจนได้เสียงร้องโอดโอ้ย บังอาจมาทำให้อิจฉาก็ต้องโดนแบบนี้สักทีนั่นแหละถึงจะสาแก่ใจผู้ชายชื่อธีร์

นั่งเล่นกันไปได้สักพักออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น ดีที่คาบบ่ายพวกเขาไม่ต้องเรียนวิชาที่หนักมากเท่าไหร่ หลังจากหมดคาบเรียนสุดท้ายแต่ละคนจึงยังอยู่ในสภาพเต็มร้อยพร้อมจะออกไปเดินแกร่วที่ห้างสรรพสินค้าก่อน แต่เนื่องจากวันนี้พายต้องกลับบ้านเองจึงได้แยกกับเพื่อนตั้งแต่ป้ายรถโดยสาร

แม้จะยังเหนื่อยกับการฝ่ามรสุมคนบนรถแต่พายก็ไม่คิดจะหยุดพัก หรือเถลไถลไปไหนก่อนเข้าบ้าน ขาเรียวก้าวเข้าซอยบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อหนีจากสภาพอากาศและแดดยามเย็นที่ยังคงตกกระทบผิวกาย ดีหน่อยที่บ้านของเขาอยู่แค่เกือบกลางซอยจึงใช้เวลาไม่นานนักในการจ้ำ

“หือ?”

พายเปล่งเสียงคล้ายไม่แน่ใจอยู่ในลำคอเมื่อมาถึงหน้าบ้านแล้วพบว่ามีบิ๊กไบค์คันใหญ่แสนคุ้นตาจอดเคียงกับสกู้ปปี้ของพี่ชาย ยิ่งมาเห็นใกล้ๆ ยิ่งแน่ใจว่ามันเป็นรถของพี่กิว ช่วงนี้นักเรียนชั้นม.6 เลิกเรียนเร็วกว่าปกติ เป็นมาตรการที่โรงเรียนหลายๆ โรงเรียนทำเพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลากับการทบทวนบทเรียนให้มากขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พัฟจะกลับถึงบ้านแล้ว แต่กับคนที่คุยกันเมื่อตอนเลิกเรียนแล้วไม่บอกว่าจะมาบ้านนี่สิเขาถึงได้แปลกใจ

“มาพอดีเลย งั้นกูไปหาอะไรมาให้พวกมึงกินก่อนแล้วกัน”

พอก้าวเท้าเข้าสู่ตัวบ้านพัฟก็คว้ากุญแจรถแล้วเดินสวนออกไป ไม่วายพยักเพยิกไปทางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วย

“พี่กิวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

พายถามเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้ไม่เหมือนเวลาปกติ อย่างที่รู้กันว่ากิวไม่ใช่คนยิ้มบ่อยนัก และส่วนมากที่ยิ้มก็คือต่อหน้าพาย จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะจับความผิดปกตินั้นได้อย่างรวดเร็ว

“คะแนนไม่ถึง”

“คะแนน... ไม่ถึง?”

กิวพยักหน้าแล้วหยิบกระดาษที่เมื่อครู่ยังวางอยู่บนโต๊ะมาส่งให้เมื่อพายเดินมาใกล้โซฟาที่นั่งอยู่ มันเป็นใบคะแนนรวมที่ดูเหมือนว่าคนตัวโตจะไปขอมาจากฝ่ายทะเบียนเพื่อใช้ในการยื่นสอบ และอีกใบเป็นเกณฑ์การยื่นสอบตรงของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อไล่ตามแต่ละบรรทัดจึงสรุปได้ว่าคะแนนของกิวไม่เพียงพอที่จะลองเข้าสอบตรงในคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยได้

“แล้วพวกพี่พัฟล่ะครับ?”

“พวกนั้นคะแนนเกินเกณฑ์อยู่แล้ว จะเข้าคณะไหนก็ได้”

“แต่ก็ยังมียื่นคะแนนนะครับพี่กิว ไว้ลองยื่นคะแนนสอบเอาก็ได้นะ”

รู้ว่าคนเป็นพี่อยากจะเข้าสอบรอบตรงเพื่อจะได้ไม่ต้องมาแข่งขันในรอบใหญ่ แต่เพราะมีช่วงนึงที่เกเรเกินไปจึงทำให้ผลคะแนนเรียนดรอปลง แต่พายคิดว่าในเมื่อยังไม่ถึงรอบสุดท้ายก็ยังมีโอกาสลุ้นอยู่

“พวกพี่ๆ ช่วยติวให้ตั้งเยอะ ต้องได้คะแนนดีอยู่แล้วเนอะ พี่กิวอย่าเพิ่งท้อนะครับ”

“อือ... กอดหน่อย”

สายตาละห้อยเหมือนสุนัขสายพันธุ์ใหญ่กำลังหงอยกับแขนที่อ้ากว้างคล้ายกำลังรอให้เขาเดินเข้าไปในอ้อมกอดเอง แม้จะปรับตามอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาแทบไม่ทัน แต่พายก็ยอมเดินเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความเต็มใจ กิวแนบหน้ากับหน้าท้องแบนราบกั้นด้วยเสื้อนักเรียนสีขาว พายไม่ว่าอะไรเพียงลูบมือบนกลุ่มผมที่ถูกตัดเป็นทรงตามแบบที่วัยรุ่นวุยเรียนชอบทำกัน แม้ในสายตาคนนอกอาจจะมองเหมือนเป็นการปีนเกลียว แต่พายกลับรู้สึกว่าวิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุดในการปลอบประโลมผู้ชายคนนี้

“หัวหน้าแก๊งค์เขาขี้อ้อนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ?”

“มีกฎที่ไหนห้ามหัวหน้าแก๊งค์อ้อนแฟน?”

“ไม่มีครับ แต่เราไม่ใช่แฟนกันพี่กิวก็มาอ้อนพายแบบนี้ไม่ได้สิ”

“ไม่อ้อนแฟนอ้อนแม่บับเบิ้ลบีก็ได้วะ” ว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วจึงเงยหน้ามองพายที่กำลังหัวเราะ “...เท่ากับไม่เป็นแฟนแต่เป็นเมียเลยนะนั่น”

เสียงหัวเราะเงียบลงแทนที่ด้วยอาการหน้าแดงของคนในอ้อมกอด พายบ่นงุบงิบเสียงเบาและส่งสายตาคาดโทษมาให้เขา อารมณ์ที่ขุ่นมัวถูกปัดเป่าออกไปแล้ว รอยยิ้มที่ส่งให้คนตัวเล็กอีกครั้งจึงเป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แม้จะเขินแต่พายยังยิ้มตอบอยู่ดี

“.....เหนื่อยแน่เลย”

“อื้อ... หลังจากนี้พี่กิวต้องหัวฟูเหมือนอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์บนปกหนังสือแหง”

ล้อเองก็ขำเอง คงจินตนาการเขาในสภาพหัวฟูฟ่องไปแล้วแน่ๆ

“ไม่ถึงสองเดือนก็สอบใหญ่แล้ว พายก็ต้องสอบพรีช่วงนั้นเหมือนกัน มาพยายามด้วยกันนะครับ”

กิวส่งเสียงตอบรับในลำคอ ใช้โอกาสนี้กระชับกอดให้แน่นมากขึ้นอีกราวกับตนจะได้รับพลังใจจากพายด้วยวิธีนี้ จนกระทั่งพัฟที่ไปซื้อข้าวกลับมาถึงบ้านนั่นแหละถึงได้ผละออกจากกัน ซึ่งกิวก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่าgเขายอมปล่อยเพราะกลัวน้องจะเมื่อยที่ต้องยื่นนานๆ ไม่ใช่เพราะกลัวน้องจะเขินจนตัวระเบิดจากเสียงกระแอมในลำคออย่างล้อเลียนของเพื่อนแต่อย่างใด



เวลาในแต่ละวันแม้จะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแต่พอมาย้อนดูอีกครั้งกลับรู้สึกว่ามันช่างรวดเร็ว พายผ่านพ้นจากการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว ยอมรับว่าการเรียนในสาขาวิชาที่ตนไม่ถนัดและต้องสอบเพื่อเลื่อนชั้นเรียนเป็นเรื่องที่อยากมาก แต่เพราะได้เพื่อนๆ ในกลุ่มช่วยกันติวในวิชาที่ถนัด ทั้งยังได้รับกำลังใจจากครอบครัวและคนสำคัญจึงทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าผลคะแนนจะออกมาไม่น่าเกลียดนัก

ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาทั้งพายและกิวต่างต้องวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวสอบ ระหว่างนั้นมีข่าวดีคือพี่พลสามารถสอบตรงเข้าคณะครุศาสตร์อย่างที่หวังได้ จึงมีเวลามาช่วยติวให้เพื่อนในกลุ่ม และพี่รูทก็ติดตรงคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแรกที่เลือกได้ แต่เจ้าตัวกลับเลือกจะไปยื่นคะแนนกับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลว่า

ไม่มีกูคุมพวกมึงก็ทำตัวเหลวไหลอีก เข้าที่เดียวกันนั่นแหละดีแล้ว

ซึ่งพี่พัฟแอบมากระซิบกับเขาทีหลังว่าความจริงแล้วเพราะพี่รูทขี้เหงาแถมติดเพื่อนมากต่างหาก

และวันนี้ทุกคนในบ้านวิรุฬธนกิจก็ได้โอกาสมายืนล้อมวงกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ของลูกชายคนโต ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้วซึ่งหมายถึงผลการสอบพร้อมจะให้เปิดดูแต่เว็บไซต์ที่ใช้ประกาศผลดันล่มเสียได้ คลิกขวารีเฟรชตั้งหลายรอบก็ยังไม่เกิดผลอะไร

“สงสัยคนรอดูเยอะแน่เลย โหยยย ตื่นเต้นๆ”

“ตื่นเต้นแทนพี่เขาหรือตื่นเต้นแทนใครกันนะ?”

 “โธ๋ ม๊าครับ... ผลสอบพี่พัฟสุดที่รักของพายทั้งคน จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง”

คุณนายอรอนงค์หัวเราะเมื่อลูกชายคนเล็กหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ขณะที่พัฟกลั้วขำในลำคอ นั่งรีเฟรชหน้าจอไปได้อีกสักพักหน้าจอจึงขึ้นให้ลงทะเบียนเพื่อเข้าดูผล พัฟทำตามแต่ละขั้นตอนที่ระบบแจ้งจนกระทั่งถึงหน้าดูผล คะแนนแต่ละวิชาของเขาไม่แย่เท่าไหร่นักแต่สิ่งที่ต้องลุ้นคือเขาจะสามารถเข้าเรียนในคณะที่เลือกไว้ได้หรือเปล่า นิ้วเรียวคลิกเลือกหัวข้อนั้นหัวข้อนี้อ่านเล็กน้อยก่อนจะถึงหน้าสำคัญ พัฟสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนแม่และน้องที่ยื่นอยู่ข้างๆ ก็เผลอทำตามเขาไปด้วย เสียงคลิกดังเบาๆ เมื่อเขากดเข้าแถบแสดงผล สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอชวนให้ลมหายใจชะงักไปชั่วครู่

ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ หลังจากนั้นไม่นานพัฟก็รู้สึกเหมือนมีคนโถมตัวเข้าหาแล้วกอดเขาแน่น

“พี่พัฟจะเป็นนักศึกษาแล้ว!”

คนบนเก้าอี้ส่งเสียงตอบรับในลำคอขณะกอดตอบน้องชาย ผลที่ประกาศบนหน้าจอนั้นแสดงให้รู้ว่าเขาติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่เลือกเป็นอันดับ 4 จาก 5 อันดับ แม้จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยใหญ่โตมีชื่อเสียงดีเด่นแต่ก็จัดว่าเป็นสถาบันที่มีคุณภาพอีกแห่งหนึ่งของประเทศ

“ยินดีด้วยนะลูก แล้วนี่ต้องซื้อชุดนักศึกษากี่ชุดดีล่ะ? ปีแรกต้องเรียบร้อยเอาไว้ก่อนนะลูก ถ้าให้ไปซื้อเองเดี๋ยวผิดจะแย่เอา แม่ไปซื้อให้ดีกว่า ต้องจดรายการก่อน”

“ม๊าครับ ใจเย็นๆ พัฟยังไม่ได้กำหนดการจากมหาลัยเลย”

“อ้ะ จริงด้วยสิ แม่ก็ตื่นเต้นไปหน่อย สงสัยติดน้องพายมา”

คุยเล่นกันสักพักโทรศัพท์บนโต๊ะก็แผดเสียงร้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มที่โทรมาถามผลสอบนั่นแหละ เท่าที่รู้มาคือพี่รูทลอยลำ คะแนนการสอบนำลิ่วจนสามารถเข้าได้แทบทุกคณะอยู่ที่เจ้าตัวจะเลือก น่าเสียดายที่พี่หมี่กับพี่นันคะแนนไม่มากพอจะเข้าคณะเดียวกับเพื่อนได้แต่ก็ยังอยู่ในสถาบันเดียวกัน เท่ากับตอนนี้ทั้งกลุ่มเหลือเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง

จากความตื่นเต้นกลายเป็นความกังวลใจ เมื่อคืนก่อนที่จะเข้านอนคนที่อยู่ปลายสายบอกว่าถ้าทราบผลแล้วจะรีบโทรหาเขาทันที แต่เวลาล่วงเลยกำหนดประกาศผลจนจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะติดต่อมา

“พี่เขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้นะลูก มาช่วยม๊าทำขนมเค้กฉลองให้พี่พัฟดีกว่า”

ผู้เป็นแม่เสนอกิจกรรมที่พายชอบที่สุดมาหลอกล่อ พอเห็นพายพยักหน้ารับแม่ก็ลูบหัวเขาแล้วผละตัวเพื่อไปเตรียมอุปการณ์ที่จำเป็น ความจริงพายยังไม่มีอารมณ์อยากจะทำเค้กสักเท่าไหร่ ใจยังกังวลจนต้องมองตามโทรศัพท์เครื่องสีดำของตนตลอด แต่ก็ไม่อยากจะทำให้เสียบรรยากาศในวันดีๆ ของพี่ชาย

“ถ้าบ่ายมันยังไม่โทรมาเดี๋ยวกูพาไปหา”

“ขอบคุณนะพี่พัฟ... อ้าว ลืมอะไรเหรอครับม๊า?”

เมื่อเห็นมารดาเดินกลับมาพายก็ถามด้วยความฉงน ยิ่งเห็นรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าก็ยิ่งสงสัย

“ม๊าว่าเค้กคงต้องรอวันอื่นแล้วจ้ะ”

สิ้นคำคุณอรอนงค์ พายก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แสนคุ้นหูมาจอดที่หน้าบ้าน เมื่อมองลอดประตูไปจึงเห็นว่าเป็นคนที่รออยู่นั่นเอง พายรีบสาวเท้าเพื่อเปิดประตูต้อนรับอีกฝ่าย กิวยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ปกติจะไม่ใส่เลยหากเดินทางด้วยรถบิ๊กไบค์ แสดงว่าคงรีบมากจริงๆ

“ไหนพี่บอกจะโทรมา...”

“คอมที่บ้านฟังเลยต้องไปร้านเน็ต” กิวล้วงเอากระดาษที่ถูกพับมาส่งให้ “รู้แล้วก็รีบมานี่เลย”

พายค่อยๆ เปิดกระดาษซึ่งยับจากการถูกพับและใส่ไว้ในกางเกงออก มันถูกพิมพ์ออกมาจากหน้าเว็บไซต์เดียวกับที่พี่ชายของเขาดูเหมื่อไม่นานมานี้ ตารางคะแนนที่โชว์อยู่นั้นแสดงให้เห็นว่าผลการสอบของแต่ละวิชามีมากกว่า 70 คะแนนทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าความตั้งใจของกิวไม่เสียเปล่า พายไล่สายตาอ่านประกาศจนไปหยุดอยู่ที่การประกาศผลเข้าเรียน

“อันดับที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์... พิจารณาผลผ่านเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับปริญญา... แปลว่าพี่กิวเข้ามหาลัยได้แล้ว...”

“อือ”

“งี้ก็ชนะเดิมพันแล้วดิ”

“ก็ตามนั้น”

“พี่กิวเก่งสุดยอด ยินดีด้วยนะครับ!”

กิวเกือบทรงตัวไม่ทันเมื่อร่างเล็กโถมเข้าหาแล้วกอดเขาเสียแน่น ปากก็พูดว่าดีใจๆ ไม่หยุด ตอนที่รู้ผลเขาก็ดีใจมากเหมือนกัน อยากจะโทรหาคนในอ้อมกอดแต่คิดว่ามาบอกต่อหน้าคงจะดีกว่า และเขาก็คิดไม่ผิดจริงๆ

ร่างสูงยกมือไหว้เจ้าของบ้านและทักทายเพื่อนทั้งที่ยังโดนน้องกอดอยู่ คุณอรอนงค์รับไหว้และแย้มยิ้มอย่างใจดีให้เขา พร้อมทั้งปรามลูกชายคนเล็กเจือเสียงหัวเราะเพราะพายเกาะเขาเสียเหมือนลูกลิง จนเจ้าตัวต้องอมยิ้มเขินและส่งใบประกาศผลให้แม่ของจนดู ท่าทางดีใจเสียยิ่งกว่ากิวที่เป็นเจ้าของผลสอบเสียอีก

“ยินดีด้วยนะลูก นี่ก็เท่ากับอยู่มหาลัยเดียวกันทั้งกลุ่มเลยสิ?”

“มีพลที่แยกไปครับม๊า รายนั้นได้ครุศาสตร์อย่างที่ฝันเลยต้องเรียนอีกม.” พัฟชี้แจงพร้อมยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ “ส่วนกิวมันเลือกคณะผิดจากที่ฝันแต่ดันติด”

โดยเพื่อแซวกิวก็ทำได้แต่ยอมรับ เขาเพิ่งมารู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพที่จะได้ทำในอนาคตของแต่ละคณะเหมือนที่หลายๆ คนเป็นกัน กว่าจะรู้ว่าความฝันที่ต้องการจะทำจริงๆ นั้นแท้จริงแล้วต้องเรียนอะไรเขาก็ส่งแบบประเมินความต้องการและยื่นคะแนนสอบไปเสียแล้ว นอกจากจะไม่เตือนแต่ละคนยังแห่กันมายื่นคะแนนเหมือนเขาเสียอีก

ยืนคุยท่ามกลางแสงแดดนานๆ ไม่ใช่เรื่องดีนัก อรอนงค์จึงชักชวนให้เพื่อนของลูกชายที่ในอนาคตคงมาเป็นลูกชายของเธออีกคนเข้าบ้าน หากกิวกลับขอตัวกลับบ้าน พร้อมทั้งขอยืมตัวลูกชายคนเล็กไปด้วย ซึ่งเธอก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด ซ้ำยังคะยั้นคะยอให้ไปเพื่อที่เธอจะมีโอกาสไปออกเดทกับลูกชายคนโตสองต่อสองแบบที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว

 “ขอบคุณครับคุณน้า”

“เรียกม๊าตามสองคนนี้ก็ได้ลูก ไหนๆ อนาคตก็ต้องดองกันแล้ว ใช่ไหมน้องพาย?”

“พะ... พายไม่รู้หรอก”

หยอกลูกชายตัวเองให้หน้าแดงเล่นแบบนี้สมกับเป็นคุณแม่ผู้มีอารมขันเสมอเสียจริง แม้จะไม่เคยตรงๆ แต่กิวนั้นรู้สึกเสมอว่าตนเองรักและเคารพแม่ของน้องแค่ไหน อาจจะเพราะครอบครัวของตนเองไม่ค่อยมีความอบอุ่นเช่นนี้ให้สัมผัส พอมีผู้หยิบยื่นมาให้เขาจึงรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ กิวเอ่ยขอบคุณแล้วส่งหมวกกันน็อคของตนให้น้องใส่ ปกติแล้วเขาจะพกเผื่อไว้เสมอแต่ด้วยความเร่งรีบวันนี้จึงไม่ได้พกมา

“พี่กิวจะพาพายไปไหนเหรอ?”

“ไปเจอพ่อแม่พี่ไง”

“ห๊ะ!?” พายตกใจจนหน้าเหวอ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาสักวันแต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ “ไปตอนนี้เลยเหรอครับ...?”

“อือ จับดีๆ”

ไม่รอให้ปฏืเสธกิวก็คว้ามือน้องให้มากอดเอวตนเอาไว้ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเคลื่อนรถออกสู่ถนนใหญ่

จากหมู่บ้านบริเวณใจกลางกรุงมาสู่ย่านชานเมืองด้วยความเร็วของบิ๊กไบค์ทำให้ใช้เวลาไม่นานนัก ยังไม่ทันที่พายจะทำใจให้พบกับพ่อแม่ของพี่กิวได้ บ้านเดี่ยวที่เหมือนกับหลุดมาจากโฆษณาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ประตูอัลลอยด์เลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติทั้งที่กิวยังไม่ทันได้หยุดรถเลยด้วยซ้ำ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคนในบ้านก็กำลังรอคอยเขาอยู่เช่นกัน

พายไม่เคยกดดันขนาดนี้ แม้แต่การพรีเซนท์งานหน้าห้องกับคุณครูที่ได้ชื่อว่าโหดแค่ไหนเขาก็ผ่านมาได้แบบสบายๆ เสมอ แต่เมื่อต้องมาพบกับพ่อแม่ของพี่กิวพายดันประหม่า วางตัวไม่ถูกได้แต่เดินตัวติดกับพี่กิวตลอดทางเข้าบ้านจนแม้แต่เห็นเงาร่างของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่นั่งรออยู่พายก็ยังคลายความประหม่าไม่ได้

ตั้งแต่รู้จักกันมากิวไม่ค่อยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังเท่าไหร่ หากหลุดมาก็จะใช้ความเงียบเข้าข่มจนพายไม่อยากจะถามต่อด้วยกลัวจะเสียบรรยากาศ ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้โดยง่ายว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของอีกฝ่ายไม่ดีนัก แถมยังเอาอนาคตของพวกตนมาเดิมพันด้วยอีก เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาประหม่าได้อย่างไร

“สวัสดีครับ...”

ไม่รู้จะใช้สรรพนามเช่นไรแต่ก็ถือคติไปลามาไหว้ตามที่แม่และพี่ได้สอนไว้เสมอ ผู้หญิงท่าทางใจดีที่พายเดาว่าเป็นคุณแม่เผยรอยยิ้มแล้วรับไหว้จากเขา ข้างกันนั้นเป็นผู้ชายท่าทางเคร่งขรึม โครงหน้าและรูปร่างคล้ายกับคนที่ยืนเคียงข้างเขาในตอนนี้กลับเพียงมองนิ่งๆ นั่นยิ่งทำให้พายประหม่าจนอยากจะซ่อนตัวอยู่แต่ด้านหลังของกิว

“ผลสอบออกแล้ว” กิววางกระดาษแผ่นเดิมบนโต๊ะกลม “หวังว่าคุณจะทำตามที่เคยคุยกันไว้”

ชั่วครู่หนี่งที่พายเห็นความเย็นชาปรากฏบนใบหน้าเมื่อได้ฟังคำพูดเหินห่างของผู้เป็นลูก แต่อีกครู่หนึ่งในแววตาของทั้งสองก็มีประกายความยินดีจากการที่เห็นผลบนกระดาษนั่น พายเห็นภาพของแม่ซ้อนทับกับคนทั้งคู่ แม่ก็มีสายตาเช่นนี้เหมือนกันตอนที่เห็นผลสอบของพี่พัฟ และนั่นทำให้พายรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่รักพี่กิวไม่ต่างกับแม่ของเขาเลย เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรครอบครัวของพี่กิวจึงเป็นเช่นนี้

“ฉันยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้...”

“อ้ะ งั้นเรามาทานข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้แม่...ทำอาหารเตรียมไว้แล้ว” พายจับได้ถึงความไม่มั่นใจในสรรพนามที่ใช้แทนตนเอง เมื่อเหลือบมองคนข้างๆ ก็รับรู้ได้ว่ากิวรู้สึกไม่แพ้กัน

“ผมว่าจะไปกินข้าวข้างนอก ไปเถอะ”

ข้อมือเรียวถูกกำและออกแรงเล็กน้อยเพื่อจูง พายรู้ว่าผู้เป็นพี่ไม่อยากจะอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ หากแต่ลึกๆ แล้วเด็กหนุ่มรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเมื่อเห็นสีหน้าโศกเศร้าของหญิงสาวผู้เป็นแม่ พายตัดสินใจฝืนตัวไม่เดินตาม มือข้างที่ไม่ถูกจับวางลงบนอุ้งมือร้อนเรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมามอง

“พายหิวมากแล้วรอไปข้างนอกไม่ไหวหรอกครับพี่กิว”

“.....งั้นสั่งอะไรมากินบนห้อง”

“คุณน้าบอกว่ามีอาหารเตรียมไว้แล้วนี่ครับ ไม่ต้องสั่งหรอกเนอะ? พายอยากชิมอาหารฝีมือคุณน้า”

กิวทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ด้วยตัวเองไม่เคยขัดใจน้องได้เลยสักครั้ง ยิ่งเห็นสีหน้าและรอยยิ้มที่แสดงว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้วเขาก็ไม่กล้าเอ่ยทักท้วง เพียงแต่เดินกุมมือพายมุ่งตรงไปยังห้องอาหารที่อยู่ใกล้ๆ กันแทน

อาหารถูกเด็กรับใช้ยกมาเสิร์ฟทีละจานจนเกือบเต็มครึ่งโต๊ะ ทั้งที่มีผู้ร่วมโต๊ะเพียงสี่คนเท่านั้น และรสชาติแต่ละจานก็อร่อยเหมือนรสมือแม่ของตนเอง พายจึงรู้ได้ว่าคุณนายประภัสสรตั้งใจเพียงใดที่จะทำอาหารแต่ละจานออกมาและหากเดาไม่ผิดมื้อนี้คงเป็นการฉลองสอบเข้าของพี่กิวที่นั่งหน้าบูดด้วยนั่นแหละเพราะแต่ละอย่างเป็นของที่เจ้าตัวชอบทั้งนั้น

“พี่กิวเคยบอกพายไม่ใช่เหรอว่าชอบผัดผัก กินเยอะๆ สิครับ”

ว่าแล้วก็ตั้งผัดผักให้เสียจนพูนจานพร้อมด้วยกับข้าวจานอื่นอีกอย่างละเล็กละน้อย

“เรานั่นแหละกินเข้าไป ตัวเล็กจะตายอยู่แล้ว”

“ตัวเล็กเลี้ยงง่ายนะครับ พี่อยากให้พายตัวโตแบบพี่พัฟเหรอ? อยากเลี้ยงหมีควายเหรอ? อุ้ย... ขอโทษครับ แหะๆ”

พายหัวเราะแหยๆ ลืมตัวพูดเหมือนปกติต่อหน้าผู้ปกครองเข้าเสียแล้ว ยังดีที่คุณแม่ของพี่กิวดูจะไม่ถือสาแถมยังยิ้มให้เขาด้วย ส่วนคุณพ่อก็ยังทำหน้านิ่งทานอาหารเหมือนพายไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่เขาก็เห็นนะว่าคุณพ่อก็แอบมองบรรยากาศรอบโต๊ะเป็นระยะเหมือนกัน






ต่อข้างล่างนะคะ >>>
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ตอนที่ 12 (จบ) : สุดปลายความฝัน หน้า 4 (22.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 22-03-2015 13:57:58
มื้ออาหารที่เรียกได้ว่าพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกของครอบครัวผ่านพ้นไปด้วยดี แม้กิวจะทำหน้าบูดตลอดเวลาแต่ก็ทานข้าวที่พายตักให้จนหมด ก่อนที่จะโดนบิดาเรียกให้ไปคุยที่ห้องทำงานส่วนตัว พายจึงขอช่วยเก็บจานชามอยู่ที่ฝั้งนี้แทน

“พายรู้ไหมว่านี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ตากิวยอมทานข้าวที่บ้าน”

หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชวนให้พายมานั่งด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น

“ที่จริงตอนเด็กๆ เขาก็อยู่ทานตลอดแหละเพราะมีแม่นมจัดเตรียมให้ แต่หลังจากที่แม่นมลาออกไปเขาก็ต้องหาอะไรทานนอกบ้านตลอดเพราะแม่ไม่มีเวลามาดูแลเขา... หวังว่ามื้อนี้คงจะถูกปากเขานะ”

“พายว่าพี่กิวชอบนะครับ ไม่งั้นพี่กิวจะไม่แตะอีกเลยหลังจากกินคำแรกเข้าไป”

“งั้นหรือจ้ะ ได้ยินแบบนี้แม่ก็ดีใจ ไม่ได้ลงมือทำเองมานานแล้ว กลัวเหมือนกันว่าจะไม่อร่อย... จะว่าไป พายก็ชอบใช่ไหมลูก ไม่มีอะไรที่ทานไม่ได้นะ?”

คำถามด้วยความเป็นห่วงชวนให้อบอุ่นใจ พายส่ายหน้าแล้วยิ้มกว้างให้

“พายทานได้หมดเลยครับ แม่กับพี่พัฟฝึกให้ทานทุกอย่างให้เป็นไม่งั้นจะโดนตี พี่พัฟมือหนักมาก พายไม่กล้าหือหรอก”

แล้วเขาก็เล่าเรื่องราวของครอบครัวตัวเองให้ฟัง คุณประภัสสรทำสีหน้าสนใจยามที่ฟังเขาเล่าเรื่องราวไปด้วย หัวเราะไปตามเรื่องตลกที่พายเล่าไปด้วย ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับแม่จริงๆ โดยที่ไม่รู้สึกหระหม่าเท่ากับตอนแรกๆ แล้ว และยังปลอบโยนเขาอีกด้วยเมื่อเล่าถึงว่าเขาเสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก

“พายไม่เป็นไรครับ แม่กับพี่พัฟดูแลพายดีมาตลอด มีพี่กิวมาเพิ่มอีกคนเหมือนพายมีพ่อทีเดียวสองคนเลยนะครับ อ้ะ ต้องนับเป็นสาม รวมคุณพ่อแท้ๆ ด้วย”

“ทั้งที่อายุเท่านี้แต่กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ พายเข้มแข็งมากจริงๆ จ้ะ คุณแม่ของพาย... คุณอรอนงค์สินะ แม่ก็เคยได้ยินชื่อเหมือนกันถึงจะทำธุรกิจไม่เหมือนกันเลยก็เถอะ ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้ ถ้าได้เจอกันก่อนคงจะขอวิธีมาเลี้ยงลูกตัวเองบ้าง เอาแต่ทำงานจนรู้ตัวอีกทีกิวก็เข้าไปอยู่ในโลกแบบนั้นไปซะแล้ว ช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ...”

เธอทำหน้าเศร้าและพายดูออกว่ามันไม่ใช่การเสแสร้ง

“แต่คุณน้าก็ทำเพื่อพี่กิวจะได้ไม่ลำบากไม่ใฃ่เหรอครับ? พายคิดว่าพี่กิวก็รู้ เพียงแต่น้อยใจแล้วก็งอแงไปหน่อยเท่านั้นเอง พี่กิวเขาชอบงอแงครับ”

“งั้นเหรอจ้ะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดีสินะ... จะว่าไปเรียกแม่เถอะจ้ะ กิวรักใครแม่ก็รักด้วย” เธอว่าพร้อมยื่นมือมาจับกับมือของพาย “ถ้าเป็นพายแม่ก็วางใจ ฝากตากิวด้วยนะ”

มือบอบบางกุมมือเขาไว้ แม้จะแผ่วเบาหากทว่าหนักแน่น เธอเชื่อมั่นจากใจจริงๆ ว่าเป็นเด็กคนนี้เธอจะสามารถฝากฝังความสุขของลูกชายไว้ได้ และเธอก็แน่ใจ ถึงพายจะเป็นผู้ชายแต่ลูกของเธอก็ไม่ได้เลือกคนผิด ต้งองยอมรับว่ากิวตาถึงมากจริงๆ

ด้านเด็กชายเมื่อได้ยินก็นิ่งไป ไม่ใช่ว่าไม่เต็มใจ หากแต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอคำพูดเหนือความคาดหมายขนาดนี้ พายรู้ดีว่าตัวเองกำลังหน้าแดงเพราะรู้สึกถึงความร้อนที่เห่อขึ้น ทำได้แค่พยักหน้าด้วยความเงอะงะ แต่เท่านั้นก็ทำให้เธอพอใจแล้ว



กิวมองไปรอบห้องทำงานของพ่อ สถานที่ซึ่งเขาไม่คิดจะย่างเท้าเข้ามาอีกหลังจากสมัยยังเด็กแอบลอบเข้ามาเล่นแล้วโดนจับ หลังจากนั้นยังโดนต่อว่าเสียยกใหญ่จนเข็ดขยาด มันเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากที่เขาจำได้ โต๊ะทำงานไม้สักนั้นเมื่อสมัยก่อนยังไม่มีกองงานวางมากเท่านี้ หนังสือในห้องก็ไม่เยอะสักเท่าไหร่ เก้าอี้นวมนั้นก็เริ่มซีดแล้ว หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป หากแต่กรอบรูปครอบครัวยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“คิดยังไงถึงเข้าคณะวิศวะแทนที่จะเป็นบริหารระหว่างประเทศ”

“ผมตกลงว่าจะเข้ามหาลัยให้ได้ ไม่ได้พูดเจาะจงว่าจะเข้าคณะอะไร”

“เข้าได้ไม่ใช่ทั้งหมด เรียนให้จบถึงจะสำคัญกว่า”

ผู้เป็นพ่อกล่าวไว้เพียงเท่านี้แล้วเงียบไป บรรยากาศในห้องคล้ายกับจะกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองกระดาษสลับกับตัวเขาจนทำให้รู้สึกอึดอัด กิวไม่ชอบให้ใครมองด้วยสายตาประเมิณค่าเช่นนี้ เขาตั้งท่าจะหันหลังกลับ พอดีกับที่ฝ่ายบิดาเอ่ยขึ้นมา

“ลูกค้าที่บริษัทมีที่ต้องการคนจบวิศวะเหมือนกัน จบแล้วฉันจะถามลู่ทางให้”

“....ผมไม่ได้ต้องการใช้เส้นสาย” เขาพูดพร้อมสีหน้าไม่พอใจ

“ถามหาลู่ทางไม่ใช่การฝากทำงานแกวางใจได้ สายงานแบบนี้ไม่ใช่แค่มีเส้นสายก็ทำได้ ไม่ได้ศึกษาก่อนเลือกหรือไง?”

“งั้นก็ขอบคุณ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”

“เดี๋ยวกิว เอาของบนโต๊ะไปด้วย”

ร่างสูงหันกลับมา กลางโต๊ะทำงานมีซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารวางอยู่ มันถูกประทับว่าเป็นเอกสารทางราชการ คนตัวสูงขมวดคิ้ว เมื่อเห็นคุณการุณย์พยักหน้าเหมือนอนุญาตกิวจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ข้างในนั้นมีกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น ความสงสัยชักนำให้ดึงมันขึ้นมาดู

“ฉโนด...?”

ในมือของกิวเป็นฉโนดที่ดินหลายไร่ที่ตนก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย แต่ที่ตกใจมากกว่านั้นค่ะชื่อผู้เป็นเจ้าของที่ดิน มันถูกลงชื่อเป็นชื่อเขา กวินทร์ อัครเดชไพศาลสกุล...

“ถ้าเลิกยุ่งเรื่องรถไม่ได้แกก็ไปเป็นช่างซ่อมรถซะ ตอนนี้มีคนในบริษัทดูแลอยู่ เวลาว่างแกก็เข้าไปทำหน้าที่เจ้าของมันสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา”

“..........”

“ส่วนเรื่องยาพวกนั้นฉันจะไม่ยุ่ง แกทำตัวเอง หาวิธีด้วยตัวเองแล้วกัน”

ขณะพูดอีกฝ่ายหันมองไปมองนอกหน้าต่างทำให้กิวไม่เห็นสีหน้าของพ่อ เขาไม่รู้ว่ามันนานมากแค่ไหนแล้วที่ได้มองแผ่นหลังของคนตรงหน้าแบบนี้ แต่ก่อนพ่อเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกันเขา แต่ยามนี้แม้จะยืนหลังตรงเท่าไหร่แต่บ่ากว้างกลับงอเล็กน้อยตามวัย ผมแซมด้วยสีดอกเลาตามวันเวลาที่พ้นผ่าน บิดาของตนดูแก่ไปมากจากที่เขาเห็นเมื่อตอนยังเด็ก

แม้จะดื้อแพ่งต่อต้านการกระทำของบิดาเพียงใด แต่เมื่อโตขึ้นเขาก็รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำก็เพื่อครอบครัว หากแต่การกระทำและคำพูดที่ทำไปแล้วก็ไม่สามารถเรียกกลับมาได้

“แล้วก็เด็กคนนั้น... ที่ชื่อพาย”

“...........”

“...ท่าทางจะเป็นเด็กดี ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาเอาแก” คุณการุณย์หันมามองหน้าลูกชาย ยังไม่ทิ้งมาดผู้นำที่มีอยู่ในตัว “อย่าพาลูกเขาเดินทางผิดแล้วกัน”

นิ่งไปได้สักครู่ชายหนุ่มก็ยกยิ้ม คาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำพูดเช่นนี้จากผู้ที่เคยเห็นต่างกับเขามาโดยตลอด กิวพยักหน้า มองดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังอย่างไม่หวาดวั่นแล้วจึงพยักหน้า

“ครับพ่อ”

หลังจากพูดคุยกกันเสร็จกิวก็ขอตัวพาน้องกลับบ้าน แม้คุณประภัสสรอยากจะรั้งให้อยู่นานกว่าเดิมสักหน่อยแต่เมื่อลูกชายเอ่ยปากว่าตนมีเรื่องจะคุยกับพาย ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ยินยอม ไม่วายให้พายสัญญาด้วยว่าจะแวะมาที่บ้านอีกหากมีโอกาส และไม่รู้ว่าคุยกันอีท่าไหนถึงได้ตกลงแล้วด้วยว่าพายจะเป็นคนสอนให้เธอทำขนมเค้กด้วย

และเมื่อพายเอ่ยขอลากลับ ผู้นำของบ้านก็ทำเรื่องน่าประหลาดใจด้วยการบอกน้องว่าจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ที่บ้านต้อนรับเสมอ เล่นซะคนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มกว้างเสียจนแก้มแทบปริ



ผืนน้ำไหวน้อยๆ ล้อกับประกายแดดยามเย็นนั้นสวยงามนัก พายอมยิ้มขณะมองความสวยงามตรงหน้า ไม่รู้ว่าพี่กิวคิดอะไรถึงได้ขับรถพาเขามานั่งเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ดีเสียอีกที่ได้ดูวิวสวยๆ และนั่งรับลมเย็นๆ ที่หาโอกาสได้ยากยิ่งในเมืองหลวง

“พาย.....”

“ครับพี่กิว?”

พายหันไปหาผู้ที่นั่งอยู่คียงข้างกัน ตอนนี้อะไรๆ ก็ดูจะดำเนินไปในทางที่ดีขึ้นซึ่งมันทำให้พายรู้สึกมีความสุขมากจนไม่อาจหุบยิ้ม และมันคงจะส่งต่อได้ด้วยไม่งั้นพี่กิวคงไม่ยิ้มเหมือนกับเขาหรอก

“จำเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ได้มั้ย?”

“หือ? เรื่องอะไรล่ะครับ? พี่กิวคุยกับพายเยอะแยะเลยนะ”

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้หรือเปล่าว่าสกิลการโกหกของตนไม่ได้เนียนเลยแม้แต่น้อย ยามนี้แก้มใสเริ่มขึ้นสีระเรื่อฟ้องว่าตัวเองกำลังเขินอีกแล้ว แถมดวงตาที่ทำให้เขาหลงใหลยามจ้องมองยังทำทีเป็นมองเรื่อยเปื่อย ชมนกชมไม้ไปเรื่อยอีก

“พี่รักพาย”

จะบอกรักเด็กดื้อต้องบอกทีเผลอ เป็นความเชื่อที่กิวคิดขึ้นเอง

“แล้วพายล่ะ มีอะไรอยากบอกพี่หรือเปล่า?”

โดนพูดความรู้สึกที่สื่อถึงกันได้มาตลอดตรงๆ เช่นนี้ พายแน่ใจว่าเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ต่อให้ทำใจไว้แล้วก็ต้องรับมือต่อไม่ถูก ยิ่งต้องมามองตาสีเข้มดเจือความแน่วแน่ของคนตรงหน้าแล้ว ลมหายใจก็เหมือนจะขาดห้วงก่อนที่ก้อนเนื้อภายในอกซ้ายจะเริ่มเต้นแรงขึ้นและแรงขึ้นจนรู้สึกว่ามันเหมือนจะหลุดออกมา ยิ่งมาโดนกุมมือพายยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ริมีความรัก

“พายครับ?”

อย่ามาพูดเพราะด้วยสีหน้าแบบนี้นะ!

กิวรอ และรออย่างใจเย็นเพื่อจะดูว่าคนขี้เขินจะตอบกลับมาอย่างไร เขายิ้มและน้องก็ยิ้มให้เขาด้วยวงหน้าแดงระเรื่อ แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าใสก็จางลง ท่าทางของอีกคนเหมือนกำลังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง แต่กิวเลือกที่จะไม่ถามเพื่อให้พายเอ่ยมันด้วยตัวเอง

“พี่กิวก็รู้ว่าพายคิดยังไง แต่พายกลัว... กลัวว่าถ้ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเราทั้งคู่จะทำยังไง...”

รู้ว่าน้องยังเด็กจึงสับสนในความรู้สึก และเขาเป็นคนที่เข้ามาในตอนที่พายไม่มีใครพอดี จึงไม่แปลกหากอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นนี้ และกิวก็ไม่ใช่คนใจร้ายพอที่จะดึงดันเอาความสับสนตอนนี้มาเป็นบ่วงกักขังความรักของอีกคน

“ไม่รู้หรอก พี่ไม่รู้” กิวตอบไปตามความรู้สึกจริง “แต่ตอนนี้พี่รักพายและพายรักพี่ พี่ขอรู้แค่นี้ และถ้าพายไม่พร้อมเรายังไม่ต้องมีชื่อเรียกความสัมพันธ์ของเราก็ได้ แค่ให้โอกาสพี่อีกครั้งเหมือนที่เราเคยให้ พี่ขอแค่นั้น...”

“.....ทีวันนี้ล่ะพูดยาวเชียว”

“พายก็พูดสั้นเชียว”

“ก็คนมันเขิน... อย่ามาล้อนะ”

โดนค้อนควับเข้าให้เมื่อพูดจาไม่เข้าหู กิวหัวเราะแล้วไม่เอ่ยอะไร เขายังคงรอคำตอบที่คาดหวังจากอีกคนอยู่ และพายก็รู้ หน้าหวานแดงก่ำกอบกับอาการเผลอขบริมฝีปากอย่างที่ตนชอบทำเวลาประหม่านั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจริง

“พ... พายก็รักพี่กิว...”

อ้อมแอ้มคำตอบเสียงเบา แต่แม้จะเบาก็ชวนให้หัวใจพองโตอย่างน่าประหลาด

หากช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดตั้งแต่เกิดมาสามารถบันทึกลงเมมโมรี่ได้ กิวจะยัดความสุขที่ตนเองมีในตอนนี้แล้วเซฟให้แน่นหนาที่สุดเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าในชีวิตของเขา

“กอดหน่อย”

จากเขินต้องหลุดขำ พายหัวเราะร่า มาอีกแล้วประโยคออดอ้อนปนคำสั่งและการอ้าแขนกว้างๆ รอ แล้วจะให้เขาทำไงได้ล่ะ นอกจากจะยอมตามใจ อ้าแขนแล้วกอดกลับไปแน่นๆ ไม่แพ้กัน

“ถ้าอนาคตเรื่องของเราเป็นแบบนิยายก็ดีนะครับ” น้องว่าขณะเกยคางไว้บนบ่าแกร่ง   

“หือ เป็นแบบไหนล่ะ?”

“ก็มีพี่กิว มีพาย และก็มีทุกคนอยู่ด้วยกันตลอดไปไงครับ”

คำตอบที่แสนบริสุทธิ์จากคนในอ้อมกอดช่างไร้เดียงสาจนกิวเผลอกลั้วหัวเราะในลำคอ เขากระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น สูดกลิ่นผมและกลิ่นกายหอมๆ ให้เต็มปอดแล้วจึงเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกมา ซึ่งคำพูดนั้นก็ชวนให้พายหัวเราะตามไปด้วย



แม้จุดเริ่มต้นของเราอาจจะไม่สวยงามเท่ากับคนอื่น
หากปลายทางความฝันขอแค่มีกันเพียงเท่านั้นก็น่าจะพอ



“หัวหน้าแก๊งค์คนนี้จะทำความฝันของพายให้เป็นความจริงเอง”




หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) จบ



-------------------------------------------------------------------

Talk : สวัสดีประจำวันอาทิตย์ค่ะ!

หัวหน้าแก๊งค์ (ภาคหลัก) ก็จบลงไปแล้ว โหว่งๆ เหมือนกันแต่พอคิดว่าหลังจากนี้จะมีตอนพิเศษและภาคมหาลัยมาให้ติดตามกันอีกเกือบสิบตอนก็ยังฮึ้ดอยู่ค่ะ ได้อัพเดทไปแล้วว่าจะลงอะไรบ้างในแฟนเพจของเราเอง สามารถเข้าไปเช็คกันได้นะคะ I M A N N E W ♥ (https://www.facebook.com/enniyuu) หวังว่าจะมีคนติดตามกันอยู่นะคะ :katai2-1:

แล้วเจอกันในตอนพิเศษ+ภาคมหาลัยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 24-03-2015 18:58:15
หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ)
ตอน สานสัมพันธ์ครั้งใหม่






 เขาเกลียดมัน



ผู้ชายตัวใหญ่ท่าทางหยิ่งยโสที่มักใช้หางตาเหลือบมองเขาทุกครั้งเวลาที่เดินผ่าน หลังๆ เหิ่มเกริมเข้ามาแย่งพื้นที่ทำกินของเขาด้วยการขายของตัดหน้า ยิ่งมาโดนทำลายความมั่นใจในฝีมือการแข่งรถของตัวเองก็ยิ่งทำให้ความเกลียดมันเพิ่มมากขึ้นอีก พอมีโอกาสได้รู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายเขาจึงไม่รอช้าที่จะเอาคืนด้วยการทำให้มันอับอาย แต่ใครจะไปรู้ว่านอกจากจะไม่สำเร็จมันยังย้อนกลับมาทำให้เขาขายขี้หน้าคนทั้งกลุ่ม!

ดอมพยุงรถที่โดนถีบอัดลงกับพื้นขึ้นมาตั้ง เมื่อเห็นความเสียหายเขาพลันรู้สึกว่าบาดแผลบนหน้าเจ็บแปลบ สภาพรถคันโปรดของเขาเละเทะไม่มีชิ้นดี กระจกมองข้างแตกร้าว แฮนด์รถขูดกับพื้นถนนจนถลอกปอกเปิก ยิ่งบริเวณตัวถังรถยิ่งไม่ต้องพูดถึงมันทั้งบุบ มีรอยขูดขีดจนสีสวยๆ ของตัวรถลอกออก หากประเมินราคาค่าซ่อมแซมคงไม่น้อยไปกว่าการเปลี่ยนคันใหม่ คิดแล้วก็นึกเสียใจ ไม่น่านำอะไหล่ราคาแพงมาลงเดิมพันในครั้งนี้เลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งรถ และยังเสียหน้าอีก

ดอมมีงานอดิเรกเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มขึ้นชั้นม.ปลาย มันเริ่มเพราะเขาไปถูกใจเสื้อผ้าประดับลายลูกไม้ในห้องนอนของพี่สาวแล้วนำมาใส่ เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีใจเบี่ยงไปทางความต้องการเป็นผู้หญิง หากแต่ชอบที่จะใส่มันเท่านั้น และด้วยรูปร่างที่ไม่ผอมเกินไป อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อพอเหมาะ บวกกับใบหน้าได้รูปที่รับมาจากผู้เป็นแม่เต็มๆ จึงทำให้ไม่ยากนักที่จะประโคมเครื่องสำอางค์ลงบนหน้าแล้วถ่ายรูปให้คนอื่นเข้าใจผิดเล่น แน่นอนว่าไม่มีใครระแคะระคายว่าเป็นเขา เพราะคนในโลกออนไลน์กับชีวิตจริงที่ห้าวหาญ กล้าท้าตีท้าต่อย และชื่อเสียงยามอยู่ในวงการธุรกิจทั้งเบื้องหน้าและโลกมืดคงช่วยปกปิดได้เป็นอย่างดี

แล้วใครกันที่มันสู่รู้! จนบัดนี้ดอมก็ยังเดาไม่ออก

 “เหี้ยเอ้ย...”

คิดแล้วก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะมาโดยเผยความลับได้ง่ายๆ เช่นนี้ งานอดิเรกที่มานานเกือบสามปีไม่เคยมีใครล่วงรู้ หากพอโดนรู้ก็ดันเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่เขาเกลียดนักหนาอีก

“สบถไม่เหมาะกับชุดสวยๆ ในรูปเลยนะ”

เสียงทักจากด้านหลังทำให้เขาสะดุ้ง ตาคมหันไปมองต้นเสียงจึงพบกับบุคคลที่เขาไม่คาดคิดว่าจะยังอยู่แถวนี้ด้วย เพราะนึกว่าจะตามเพื่อนในกลุ่มของตนกลับไปแล้ว

“ไม่ต้องมาเสือก กลับไปเลียแข้งเลียขาเจ้านายมึงไป”

“กิวไม่ใช่เจ้านาย มันเป็นเพื่อนที่ดี”

“เหอะ!”

ดีกับมึงคนเดียวน่ะสิ! ดอมสบถอยู่ในใจพลางก้าวขาเดินไปด้วย อยากจะอยู่ห่างใครก็ตามที่ข้องเกี่ยวกับกิวมากที่สุดด้วยยังหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา และอับอายเพราะมั่นใจแน่ว่าอีกฝ่ายก็ต้องเห็นรูปทั้งหมดนั้นอยู่แล้ว ใจจริงอยากจะขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย หากแต่รถพังเช่นนี้เขาก็ไม่อยากจะขับกลับให้คนที่บ้านต้องเป็นห่วงจึงตัดสินใจจะนำไปจอดที่ลานจอดรถแถวนี้แล้วจะให้คนที่บ้านมารับในวันถัดไป ส่วนตัวเองก็จะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน

เดินไปได้ไม่ถึงไหนก็ต้องหยุดเพราะยังได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวตามมา พอหันกลับไปมองก็ยังเจอกับคนที่เขามาทักเขาเมื่อครู่ ในมือของอีกฝ่ายยังถือซองสีน้ำตาลที่ใส่รูปเขาไว้อยู่ เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดจนต้องตะคอกไล่

“ตามมาทำไม?! ซองเหี้ยนั่นก็ทิ้งไปสักทีเถอะ!”

“วันนี้ขับรถอู่มาจอดไว้ที่ลานตรงนั้น” เขาว่า ชี้นิ้วไปทางลานซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ดอมตั้งใจจะไปแล้วจึงยกซองเจ้าปัญหาขึ้นมาโบก “สวยดี เลยจะเก็บไว้ตอนช่วยตัวเอง”

“ไอ้สัส!”

ด่ากลับไปหวังให้สะทกสะท้านกับคำพูดด้านๆ ที่พ่นออกมาบ้าง แต่กลับไม่เกิดผลเมื่อชายหนุ่มทำเพียงแค่ยักไหล่

ดอมตั้งใจจะเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นแต่เมื่อเดินมาได้สักพักก็โดนแซงขึ้นหน้า แฮนด์และตัวรถโดนรั้งไปยังอีกฝั่งเล่นเอาเขาที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเซตามแรงดึงไปด้วย ดอมหยุด คนที่ดึงรถเขาไว้ก็หยุด ยืนมองหน้ากันริมถนนบนเส้นทางไร้ผู้คน

ยิ่งเห็นหน้าตรงๆ ดอมก็ยิ่งหมั่นไส้ คิดไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจออีกฝ่ายที่อู่ซ่อมรถเจ้าประจำที่เขาไปใช้บริการแล้วว่าหมอนี่มันหน้าตาดี ใบหน้าคมเข้มสีน้ำผึ่งรับกับคิ้วเข้มและดวงตาคม แถมจมูกเป็นสันกับริมฝีปากรูปกระจับที่ห้อยเกินปกติแบบที่ดอมเคยด่าในใจว่า “ไอ้ห้อย” แต่กระนั้นมันก็ดูดีชนิดที่ถ้าเดินตามย่านร้านค้าก็อ่านจะทำให้ใครต่อใครหันมาสนใจได้

“อะไรนักหนา เพื่อนมึงยังหาเรื่องกูไม่พออีกหรือไง”

“ได้ข่าวว่าไปหาเรื่องเขาก่อน ใครใช้ให้ไปยุ่งกับเด็กกิวแบบนั้นล่ะ”

โดนตอกกลับมาตรงๆ เช่นนี้ก็เกิดอาการหน้าชา เพราะเป็นเรื่องจริงที่เขาไปหาเรื่องเพื่อนของคนตรงหน้าก่อน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่ไม่เคยจะสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นรอบกายตัวเองจะจริงจังกับเรื่องของเด็กผู้ชายคนนั้นขนาดนี้ เขาก็แค่ทำเพราะอยากจะดูปฏิกิริยาและลงโทษที่เด็กมาปากดีกับเขาเฉยๆ

“เออ! กูผิดเองแหละที่เสือกไปยุ่งกับเด็กมัน พอใจแล้วก็คืนรถกูมา!”

ตั้งท่าจะดึงรถตัวเองกลับมาแต่อีกฝ่ายกลับเดินเข็นรถนำไปเสียก่อน

“กูบอกให้เอารถกูมาไง!”

“เอาไปที่ร้านเดี๋ยวพรุ่งนี้มาซ่อมให้”

“ไม่จำเป็น เดี๋ยวกูให้คนที่บ้านเอาไปซ่อม มึงไม่ต้องยุ่ง!”

กระชากเบาะหลังไว้เพื่อยื้อให้หยุดเดิน แต่เพราะแรงที่มีอยู่น้อยกว่าบวกกับที่เสียแรงไปเยอะจึงทำให้รถแค่กระตุกเบาๆ เท่านั้น

“อู่อยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่ให้ซ่อมพรุ่งนี้ก็ค่อยมาเอา จอดไว้ตรงนี้มันอันตราย”

“โว๊ะ! อยากทำอะไรก็ทำไปเลยไป มึงอยากเข็นมากก็เข็นไปเลย”

ดอมปล่อยมือ ส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจในลำคอแล้วชิ่งออกตัวเดินนำก่อน แต่ไม่รู้เพราะขาเขาสั้นหรืออีกคนขายาวกันแน่ ไปๆ มาๆ ถึงได้กลับมาเดินตีคู่ข้างกันเช่นเดิม ตาเรียวเหลือบมองร่างสูงเคียงกัน ชั่วครู่เดียวก็สะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ ท่าทางดื้อรั้นเหมือนลูกแมวพยายามทำตัวเย่อหยิ่งขับรอยยิ้มที่มุมปากหยัก ก่อนเขาจะเริ่มเอ่ยถาม

“ทำหน้าแบบนั้นไม่เจ็บแผลหรือไง? ยังบวมอยู่เลยนะ”

โดนทักจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บ หน้าเขายังระบมมากจริงๆ เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชุลมุนไปได้ไม่นานดีให้แผลประสาน นี่ถ้าหากเมื่อครู่คู่กรณีลงซ้ำที่หน้าอีกเขาคงต้องได้แผลแตกอีกสักแผลสองแผลแน่ๆ ก็เคยคิดอยู่หรอกว่าคนตัวใหญ่ ร่างควายแบบไอ้กิวต้องหมักหนัก แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะชกซ้ำมารัวๆ ล่ะว่ะ หน้าเน้อแหกหมอก็เย็บไม่ทัน

“เพราะเพื่อนใครล่ะ?”

“ก็ดอมไปทำให้มันโกรธเอง ขอโทษแทนกิวด้วยแล้วกัน หมัดมันหนักไปหน่อย”

เอ่ยขอโทษพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ใครต่อใครมองก็ต้องบอกว่าดูดีแต่ในสายตาดอมมันสุดแสนจะกวนตีน ทำเหมือนยิ้มให้เด็กอนุบาลไม่รู้จักโตไปได้ เขาเบะปากแต่ก็ต้องเบ้หน้าเมื่อความเจ็บแล่นขึ้นมาอีกครั้ง

ลานจอดรถที่ดอมหมายมั่นว่าจะฝากรถไว้อยู่ไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินเท้ากันไม่เท่าไหร่ทั้งสองก็มาถึงรถกะบะบุโรทังคันเก่าที่เห็นครั้งแรกดอมยังนึกว่าเป็นเศษเหล็กที่ทิ้งไว้รอขาย แต่เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเอาอุปกรณ์ที่มีทั้งบันได และผ้าปูพลาสติกมารองเพื่อใช้นำรถขึ้นด้านหลังเขาก็ต้องยอมตามน้ำ ปล่อยให้คนตัวสูงจัดการนำรถของเขาขึ้นไปจอดพร้อมขนอยู่บนนั้นแต่โดยดี ก่อนที่เขาจะย้ายมวลสารร่างไปนั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับอย่างอิดออดหลังเถียงกันจนหมาหอนไล่จากไกลๆ

“ไม่เคยคิดว่าจะได้ตุ๊กตามานั่งหน้ารถแบบนี้นะเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยขณะบิดกุญแจสตาร์ทรถ “เสียแต่ตุ๊กาตัวนี้หน้าบึ้งไปหน่อย ถ้ายิ้มหวานเหมือนในรูปคงจะดีกว่านี้

รอยยิ้มกวนตีนถูกส่งให้อีกครั้ง แต่ดอมหมดแรงจะเถียงจึงได้แต่เบือนหน้าออกไปมองนอกรถ ทั้งที่ด้านนอกก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าต้นหญ้าที่ขึ้นสูง แต่เขาก็รู้สึกดีกว่าต้องมองหน้าสารถีจำเป็นที่ตนรับมือไม่เคยได้

เขาเจออีกฝ่ายครั้งแรกตอนนำรถไปซ่อมที่อู่ประจำ เห็นหน้าตอนแรกก็ตั้งแง่ด้วยทั้งทีเพราะรู้ว่าเป็นคนของกิว แต่พอได้เจอกันบ่อยครั้ง และรถที่นำไปซ่อมแต่ละคันก็นำมาใช้ได้ดีโดยที่ไม่ต้องเขาอู่บ่อยเช่นแต่ก่อนจึงทำให้ดอมรู้ว่าฝีมือการซ่อมรถของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เล่นๆ ถูกใจฝีมือจึงได้พูดคุยกันบ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทัวสนิทสนมมากเกินไปได้เพราะสถานภาพไม่เหมาะไม่ควรเท่าใด และเขาก็ถือทิฐิไม่ยอมสนิทสนมกับใครจนเกินไปโดยเฉพาะเพื่อนของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู ถึงจะอยากพูดคุยให้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็เถอะ

ดอมมองดูความมืดข้างนอกที่สลับด้วยแสงไฟข้างทางเป็นช่วงๆ เขาไม่เคยนั่งรถเปิดกระจกเช่นนี้มาก่อนเพราะที่บ้านไม่ค่อยชอบการกระทำเช่นนั้นเท่าไหร่ และความจริงดอมก็ไม่ค่อยชอบนักเพราะฝุ่นที่เยอะอาจจะทำให้สิวขึ้นในจุดที่เด่นชัดเกินกว่าจะปกปิดได้ สายลมเย็นๆ ยามค่ำคืนที่พัดมากระทบหน้าทำให้เขาเกือบเคลิ้มหลับแล้วหากไม่ได้เสียงของคนข้างๆ เรียกเอาไว้

“ถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

อาจจะเพราะความสบายจึงทำให้เขาลืมตัวตอบรับไปอย่างง่ายดาย

“เอาสิ”

“ทำไมถึงตั้งแง่กับกิวขนาดนั้น?”

“หมั่นไส้” ดอมตอบกลับไปทันที เขาเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วทั้งที่ยังมองท้องถนนเบื้องหน้า “ใครๆ ก็พูดว่ามันดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ตั้งขึ้นม.ปลาย ขนาดที่บ้านยังเอ่ยถึงมันในฐานะลูกของประธานอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ขนาดพ่อแม่ยังชมมัน พี่สาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถวายตัวได้คงใส่พานให้มันถึงที่ ขนาดมีข่าวว่ามันทำเรื่องแย่ๆ ซึ่งมันก็ทำจริงๆ ซะด้วย ยังจะมีคนปกป้องมันโคตรน่ารำคาญ โคตรหมั่นไส้”

“เหมือนเด็กขี้อิจฉาเลยนะแบบนั้น”

“แล้วแต่จะคิด”

รู้อยู่แล้วว่าความคิดของเขามันเด็ก แต่หากต้องมานั่งฟังพ่อแม่พูดชมใครก็ไม่รู้มาตลอดตั้งเด็ก แถมพี่สาวก็ยังคลั่งไคล้ในความหล่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา แถมพอเขาเอาไปบอกว่าคนที่ชมกันนักหนาความจริงไม่ใช่คนดีเลยกลับโดนหาว่าใส่ความ อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นด้วยถึงทำให้เขาอยากจะริลองเดินมาตามเส้นทางนี้ และก็พบว่ามันสนุกเกินกว่าจะวางมือ แถมยังมีเงินใช้ มีของดีๆ มีคนมาห้อมล้อมให้ความสนใจสนใจอย่างที่ต้องการมาลอด

“ที่แต่งหญิงนี่ที่บ้านรู้หรือเปล่า?”

“ไม่รู้” ว่าแล้วก็นึกอะไรได้ดอมจึงเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง “ใครเป็นคนหารูปพวกนั้นมา”

“คงเป็นรูท รายนั้นเก่งเรื่องพวกนี้”

“ทำไม่เดาหวยไม่ถูกแบบนี้วะ”

ที่จริงควรจะต้องโมโหแต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ดอมถึงไม่ได้ใส่ใจแล้ว หากกลับรู้สึกปลอดโปร่งที่ได้รู้เรื่องพวกนี้ และได้ระบายเรื่องราวที่มีอยู่ในใจออกไป

“แล้วที่แต่งเพราะประชดพ่อแม่หรือเปล่า?”

“เปล่า แค่ชอบ รู้สึกว่าเหมาะดี”

“ก็เหมาะจริงๆ นั่นแหละ” อีกฝ่ายว่า ใช้เวลาช่วงนึงขณะชะลอรถหันมายิ้มให้เขา “สวยมากเลย”

ไม่รู้ทำไมหน้าถึงได้ร้อนอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจสั่นไหวเพราะคำพูดและรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนดอมต้องกลบเกลื่อนด้วยการพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วหันออกไปมองนอกตัวรถเช่นเดิม ดอมเงียบ คนด้านข้างก็เงียบ ทั้งสองปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหวีดหวิวดังกลบทุกสิ่งทุกอย่าง ถนนด้านข้างก็มีต้นหญ้าสูงๆ สลับกับบ้านเรือนที่ตั้งห่างกันเช่นเคยเดิม แต่ไม่รู้ทำไมดอมกลับเผลออมยิ้มให้กับทิวทัศน์ด้านนอกนั้น

รถคันเก่ามาจอดที่หน้าอู่ตอนเวลาเกือบตีหนึ่ง รถแสนรักของดอมถูกเข็นลงมาจอดไว้หน้าโกดังรถเพราะอีกฝ่ายไม่มีกุญแจเปิดเข้าไป แต่เพียงแค่นี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงว่ารถจะหายอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นภายในรั้วบ้านเจ้าของอู่ คงไม่มีใครกล้าปีนข้ามรั้วปักแก้วเข้ามาให้เจ็บตัวเล่นหรอก

“เสร็จแล้วฉันกลับละ ขอบคุณนายด้วย”

จากอู่ถึงตัวบ้านเขาไม่ไกลกันเท่าไหร่ แค่เดินเข้าซอยแรกไปจนสุดก็เจอ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาแม้จะเป็นยามดึกดื่นค่ำคืนแล้ว

“แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง โดนฉุดไปช่วยไม่ทันหรอกนะ”

“ปากหมา เป็นผู้ชาย ใครเขาจะมาฉุดวะ!”

“ก็ไม่แน่หรอก” รอยยิ้มกวนตีนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันยกซองสีน้ำตาลขึ้นมาโบกด้วย “สวยเกินผู้หญิงขนาดนี้จะมีคนเข้าใจผิดก็ไม่แปลก”

“โอ้ย! ก็เรื่องกูเหอะ ลาขาด”

ดอมหันหลังให้อีกฝ่าย ตั้งใจจะเดินหนีไม่อยู่รอให้โดนกวนประสาทอีก หากข้อมือกลับโดนรั้งไว้ให้ต้องหันมาขมวดคิ้วส่งสายตาอาฆาตอีกรอบ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เมื่อเจ้าตัวยังคงยกยิ้ม


ยิ้ม และยิ้ม ยิ้มแม่งอยู่นั้น พ่อมึงเป็นตัวตลกโบโซหรือไง!? ไอ้ห้อยเอ้ย!!


“แค่จะบอกว่าเรื่องไอ้กิวน่ะ ไม่ต้องน้อยใจให้มันมากนักหรอก”

“เหอะ ไม่ต้องให้มึงบอกหลังจากนี้กูก็ตั้งใจไว้แล้ว”

“ก็ดีแล้ว... ทำตัวดีๆ ไม่แน่ได้กิวเป็นเพื่อน เสริมบารมีอีกนะ”

เพื่อนมึงกูไม่อยากได้มาเสริมบารมีหรอก แล้วนี่อะไรเสือกมายีหัวกูอีก... ดอมคิดแล้วมุ่นคิ้วขณะรับฟังคำพูดไพเราะและการกระทำเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามือใหญ่ๆ ของอีกฝ่ายมันชวนให้รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน

“แล้วก็นะ... ไม่ต้องทำตัวให้เด่นมากนักก็ได้”

“?”

คำพูดน่าฉงนทำให้ดอมงุนงง เห็นเขาทำสีหน้าเช่นนั้นอีกฝ่ายก็เหมือนจะพึงใจมุมปากที่ยกอยู่ถึงได้ยกสูงขึ้น มือที่ลูบหัวอยู่ก็เปลี่ยนจากยีมาเป็นลูบเบาๆ คล้ายเวลาต้องการปลอบโยน ทั้งคู่อยู่ในสภาพนั้นจนกระทั่งใบหน้าคมเข้มที่ดอมเคยเผลอนึกชมในใจจะเลื่อนเข้ามาใกล้ชนิดที่ลมหายใจร้อนๆ สามารถกระทบหน้า รอยยิ้มละมุนเด่นบนใบหน้าหล่อเหลา และเขายังเห็นเงาของตัวเองในตาของอีกฝ่ายได้ สถานการณ์ที่ไม่เคยประสบพบเจอแม้แต่กับเพศตรงข้ามทำให้อกด้านซ้ายเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำจนดอมกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน

 “เพราะถึงไม่ต้องทำอะไรฉันก็สนใจนายอยู่ดี รู้ตัวบ้างหรือเปล่า?”

เจ้าของรอยยิ้มแกล้งกระเถิบมาใกล้จนริมฝีปากเฉียดเแก้มเขาแล้วกระซิบเบาๆ เพียงเท่านั้นก่อนจะผละห่างออกไป ปล่อยให้ดอมยืนอึ้งประมวลผลคำพูดที่เพิ่งได้ยินครู่

“..........”

“เงียบ... สงสัยจะช็อต”

“..........”

“ดอม ถ้ายังอึ้งอยู่ เดี๋ยวจับปล้ำซะตรงนี้เลยนะ”

เมื่อเห็นดอมยังเงียบอยู่อีกฝ่ายจึงแสร้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนจากหัวกลมๆ มาวางที่แก้มแล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ ก่อนจะช่วงชิงริมฝีปากของเขาด้วยปากของตนที่เคยโดนปรามาสไว้ว่าห้อยอย่างรวดเร็ว และสัมผัสนิ่มหยุ่นนั่นแหละที่กระชากสติของดอมให้เข้าที่ แขนเรียวรีบผลักอกกว้างออก

“ทะ... ทำอะไรของมึงเนี่ย?!”

“ก็เห็นอึ้งเลยจะปลุก”

“ปลุกบ้านมึงใช้วิธีนี้เหรอ!?” หลังมือถูกยกมาถูที่ริมฝีปาก หน้าขาวซึ่งได้จากแม่มาเห่อร้อนไปหมด

ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางของเขาเสมือนพึงพอใจเต็มที่ ดอมปรายตาเรียวมองอย่างอาฆาต นี่มันเข้าข่ายลวนลาม! อาชญากรรมทางเพศ! คนที่เพิ่งเคยคุยกันแบบจริงจังครั้งแรกใครเขาจะทำแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันใครมันจะมาทำเรื่องแบบนี้กัน!
ยกเว้นไอ้กิวไว้คนนึง

“เอาหน่ะๆ แค่นี้ไม่สึกหรอก”

พูดเสียงสบายๆ ขณะยื่นมือทำท่ายอมแพ้ แต่ประโยคที่ต่อมาทำให้ดอมต้องด่ากราดไปด้วยเสียงดังชนิดที่หมาแถวบ้านสะดุ้งตื่นมาเห่าแทบไม่ทัน

“แต่จูบบ่อยๆ ก็ไม่แน่นะ ไหนลองอีกที”

 “ลองบ้านบรรพบุรุษมึงสิ! ปล่อยนะ! ไอ้... ไอ้... ไอ้เหี้ยพล! กูเกลียดมึง! อื้อออ”





หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) จบ



------------------------------------------------------------------

Talk : สวัสดีค่า

ตั้งใจให้เดากันเล่นๆ ว่าใครคู่ใคร เดากันออกไหมคะ?

หลายๆ คนคงจะสงสัยว่าคู่นี้มันมาได้ไง แล้วจะมีภาคต่อมั้ย บลาๆๆ
ความจริงเราก็ยังมึนกับตัวเองค่ะว่างอกคู่นี้มาได้ยังไง อาจจะเพราะสงสารดอมมั้ง คนอื่นเขาแฮปปี้แล้วทำไมดอมต้องอาภัพคนเดียว แถมคนสวยนิสัยห้าวๆ คนนี้ก็เป็นแบบที่เราชอบด้วยค่ะ เลยขอจัดคู่ให้เขาหน่อย แต่สำหรับคู่นี้จะไม่มีตอนต่อนะคะ (ณ ตอนนี้) แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ล่ะเนอะ

ความจริงแล้วดิมกับรูทนิสัยออกจะคล้ายกันอยู่ค่ะ ที่เห็นว่ารูทชอบต่อปากต่อคำเพราะหมั่นไส้ขี้หน้ากันนั่นแหละ แต่อนาคตอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ก็ได้นะ จะไปแก้ไขจุดนี้ในส่วนของภาคมหาลัยด้วยค่ะ เนื่องจากภาพมหาลัยแต่ก่อนเลยทำให้ต้องแก้ไขลายละเอียดเยอะเลย หากว่าอ่านแล้วงงๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ

แล้วเจอกันในตอนพิเศษ 4 ค่ะ คู่ไหนต้องรอดูนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-03-2015 08:46:32
ตายละดอมมมมมมมเสร็จคุณครูใช่ไหมคะนี่
แต่ตอนที่แบบคุณพ่อคุยกะพี่กิวมันใช่
แบบบบบคุยกันได้สักที
น้องพายน่ารักตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนนี้
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 25-03-2015 18:43:54
จบแล้ววววว
นี่มาดูอ้าวลืมเม้นตอนที่แล้ว5555 5
ชอบพี่กิวที่แมนมากกกกกกกกก
น้องพายน่ารัก เป็นดวงใจของพี่กิว
เป็นความน่ารักของพี่กิว
เป็นเหมือนตัวเชื่อมความสัมพันธ์
เป็นสุดที่รัก
เป็นทุกอย่างเลยย ย
อยากอ่านตอนพี่กิวโกรธน้อง55 5 55
อยากรู้ว่าคนที่รักน้องพายได้ขนาดนี้เวลาโกรธจะเป็นแบบไหน
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 25-03-2015 20:36:07
ตายละดอมมมมมมมเสร็จคุณครูใช่ไหมคะนี่
แต่ตอนที่แบบคุณพ่อคุยกะพี่กิวมันใช่
แบบบบบคุยกันได้สักที
น้องพายน่ารักตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนนี้

ดีใจที่เขาคุยกันได้สักทีค่ะ เพราะพี่กิวเราก็แค่ดื้อแพ่งเท่านั้นเองงงงงง (เสียงสูงมาก)
ความจริงคุณพ่อน่ารักมากๆ นะคะโดยเฉพาะกับน้องพาย 555555555555555555555555555
มาหลงรักน้องของพี่กิวกันค่ะ  :hao3:
ขอบคุณที่ติดตามเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 25-03-2015 20:38:41
จบแล้ววววว
นี่มาดูอ้าวลืมเม้นตอนที่แล้ว5555 5
ชอบพี่กิวที่แมนมากกกกกกกกก
น้องพายน่ารัก เป็นดวงใจของพี่กิว
เป็นความน่ารักของพี่กิว
เป็นเหมือนตัวเชื่อมความสัมพันธ์
เป็นสุดที่รัก
เป็นทุกอย่างเลยย ย
อยากอ่านตอนพี่กิวโกรธน้อง55 5 55
อยากรู้ว่าคนที่รักน้องพายได้ขนาดนี้เวลาโกรธจะเป็นแบบไหน

ใช่ที่สุดเลยค่ะ ตั้งใจให้น้องมาเป็นทุกอย่างของพี่กิวนี่แหละ แถมน้องก็เต็มใจเสียด้วย  o22
รู้สึกอิจฉาพี่กิวระดับสิบค่ะ 55555555555
ตอนที่พี่กิวโกรธน้องนี่เรายังคิดอยู่เลยค่ะว่าจะเป็นยังไง... ฮู้ยยยย
ขอบคุณที่ติดตามเสมอค่า
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 25-03-2015 21:21:18
จบแล้ววววววววว :katai2-1: รออ่านตอนพิเศษนะคะ :hao7:

ดอมมีคู่ด้วย เริดดดดดดดดดด :katai3:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 25-03-2015 22:27:07
จบแล้ววววววววว :katai2-1: รออ่านตอนพิเศษนะคะ :hao7:

ดอมมีคู่ด้วย เริดดดดดดดดดด :katai3:

ตอนพิเศษตอนต่อไปคาดว่าจะเป็นพรุ่งนี้ค่ะ
ขุ่นดอมเขาจะเปล่าเปลี่ยวก็กระไร จัดให้เขาสักหน่อย 5555555555555
ขอบคุณที่ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-03-2015 00:35:42
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) สานสัมพันธ์ครั้งใหม่ หน้า 4 (24.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 26-03-2015 16:09:14
 :L2:  :กอด1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) เพื่อนสนิท หน้า 4 (26.03.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 26-03-2015 19:00:56
หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ)
ตอน เพื่อนสนิท






 ความอยากรู้อยากเห็นเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์

ยิ่งเป็นเรื่องของคนที่เรากำลังให้ความสนใจ ยิ่งต้องอยากค้นหา อยากรู้เรื่องราวของเขา โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของคนที่เขาชอบด้วยแล้วล่ะก็ ใครจะไม่อยากรู้กันล่ะ จริงไหม?

และตอนนี้ธีร์ก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น

 “ธีร์ วันนี้ต้องไปไหนหรือเปล่า? เราอยากไปร้านหนังสือน่ะ”

“ก็ไปสิ”

ธีร์ตอบไปห้วนๆ เพื่อแสดงออกว่าตนกำลังไม่พอใจ

“ฮะๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไปกัน เดี๋ยววันนี้เราเลี้ยงไอติม”

ไม่รู้หรอกว่าตนทำหน้าแบบไหน แต่คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่เพราะวินเพียงหัวเราะแล้วคว้ากระเป๋าของเขาไปถือคล้ายจะกระตุ้นให้ออกจากห้องเรียนกันสักที

วันนี้เพื่อนสนิทอีกหนึ่งคนในกลุ่มเขาขอตัวกลับก่อนและแยกไปตั้งแต่ถึงป้ายรถหน้าโรงเรียน พายให้เหตุผลว่าเพราะวันนี้ไม่มีคนมารับ กลัวว่าการโดยสารรถประจำทางจะทำให้เดินทางช้า หากไปเที่ยวอีกคงจะกลับช้ามากเกินแล้วที่บ้านจะเป็นห่วง แต่เขามั่นใจว่าต้องมีสาเหตุอื่น ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของพี่ชายตัวโตที่หายไปทั้งที่ปกติจะคอยมาเทียวรับเทียวส่งนั่นแหละ

ห้างสรรพสินค้าช่วงเย็นเช่นนี้มีคนเยอะไม่น้อยไปกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์เลย ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คน บางครั้งเห็นกลุ่มเพื่อนทั้งในและต่างโรงเรียนเดินผ่านไปก็มี แต่ทั้งคู่ก็ไม่คิดจะทักทายอย่างจริงจังเท่าไหร่

ใช้เวลาไม่กี่อึดใจร้านหนังสือที่เป็นจุดหมายก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทั้งสองจัดแจงฝากกระเป๋าไว้ที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์และเดินไปหามุมหนังสือที่วินตั้งใจไว้ว่าจะมาดู และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่เมื่อเข้าร้านหนังสือวินจะบอกให้เขาไปหาที่นั่งรอก่อนแล้วตนจะเป็นฝ่ายไปเดินหาสิ่งที่ตัวเองต้องการเอง ซึ่งปกติธีร์จะงอแงขอตามติดไปด้วยทุกครั้ง แต่วันนี้เขากลับยินยอมที่จะทำตามคำบอกด้วยไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงเท่าไหร่ หรือง่ายๆ คือเขากำลัง โคตรเซ็ง ที่ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการสักที

ธีร์สนิทกับวินอยู่บ้านติดกันมาตั้งแต่ยังจำความได้ นั่นทำให้พวกเขาสนิทกันมานานนมแล้ว ไม่ว่าจะกิน จะเดิน จะเล่น จะเรียน ทั้งคู่ทำด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องอะไร ทั้งดี ไม่ดี หรือแม้กระทั่งความลับพวกเขาก็บอกกันและกันมาตลอด แทบจะเรียกได้ว่าระหว่างพวกเขาไม่เคยมีเรื่องปิดบังกันเลย

เขารู้ตัวมานานแล้วว่ากำลังรู้สึกดีๆ กับเพื่อนสนิทในรูปแบบที่ไม่สมควร และวินก็รู้เพราะเขาแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรแล้วใช้ชีวิตอยู่กับเขาเหมือนที่เคยเป็นมาแบบปกติ ซึ่งเขาก็ยอมรับในส่วนนั้นมาตลอด และพึงพอใจกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง จนมากระทั่งวันนี้ที่เขาได้ยินจากปากของวินเองว่า วินมีคนที่ชอบแล้ว

ยามที่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกเหมือนใจตัวเองตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มันมึนชาไปหมด ทั้งงุนงง สับสน และเสียใจ อยากจะรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย อายุมากกว่าหรือน้อยกว่า ไปรู้จักกันอีท่าไหน แล้วเขารู้จักคนๆ นั้นด้วยหรือเปล่า บลาบลาบลา เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด หากเพื่อนสนิทที่ตนแอบคิดไม่ซื่อ (บางทีอาจจะใช้คำว่าแอบไม่ได้เพราะอีกฝ่ายก็รู้ตัว) กลับไม่แม้แต่จะตอบคำถามใดๆ เพียงแค่ส่งยิ้มละมุนตามแบบฉบับของเจ้าตัวให้เท่านั้น แล้วแบบนี้จะให้เขาคิดยังไง

“เฮ้อ...”

เคยมีคนบอกว่าถ้าถอนหายใจหนึ่งครั้วความสุขก็จะลดลงไปหนึ่งวัน เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม แต่ถ้าคำพูดนั้นจริง เขามั่นใจว่าวันนี้เขาทำความสุขหายไปเกือบครึ่งชีวิตแล้ว

“ถอนหายใจอีกแล้ว วันนี้ธีร์ถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ”

“ก็เพราะใครล่ะ?”

“เพราะเราเ? ไม่เอาหน่าธีร์ โตๆ กันแล้วนะ จะมางอนอะไรกับเรื่องแค่นี้ล่ะ”

เพราะเป็นเรื่องของวินเขาถึงได้งอนไม่ใช่หรือไง!? ธีร์อยากจะตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายหากทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้วให้กับคำพูดนั้น รู้ว่าหากเขาพูดไปก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดีนอกจากการหัวเราะเบาๆ แล้วเดินหนีไป

“.....วินไปเลือกหนังสือเถอะ เดี๋ยวเรารออยู่ตรงนี้แหละ”

“วันนี้ไม่ยักดื้อขอไปด้วยแหะ ลืมเหรอ?” เอ่ยเย้าเพื่อนเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม

“เปล่าอะ ไปเลือกหนังสือเถอะ”

วินเลิกคิ้ว ไม่เคยมีสักครั้งที่ธีร์มีท่าทางเช่นนี้กับเขา แต่ก็รู้ว่าเพราะการกระทำของตัวเองด้วยนั่นแหละที่ทำให้เพื่อนมีท่าทีไม่พอใจ จึงเลือกที่จะไม่พูดเย้าอะไรแล้วปลีกตัวมาค้นหาหนังสือต่อเพราะกลัวว่าจะทำให้ร่างสูงตรงหน้าไม่พอใจไปมากกว่านี้

ธีร์มองตามแผ่นหลังที่เดินจากไป แม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดีที่ไปหงุดหงิดใส่แบบนั้น แต่ความอึดอัดและความน้อยใจมันมีมากเกินกว่าจะรั้งอารมณ์ตัวเองไหว เห็นทีหลังจากที่เลือกซื้อหนังสือเสร็จเขาคงต้องขอตัวกลับก่อน หากไปร้านไอศกรีมตามที่โดนชักชวนไว้แต่แรกเขากลัวว่าจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ จนเผลอพูดจาไม่ดีใส่อีก

“ธีร์ไปกันเถอะ”

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่ร่างคุ้นตาจะเดินกลับมาหาเขาพร้อมหนักสือหลายเล่มในมือ ธีร์พยักหน้าขณะเอื้อมไปคว้าหนังสือมาถือไว้เอง จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยพร้อมรับกระเป๋านักเรียนกลับคืนมาวินก็ช่วยเขาลงไปโซนอาหารชั้นล่างเพื่อจะเลี้ยงไอศกรีมอย่างที่บอกตอนอยู่โรงเรียน

“วิน คือเราตั้งใจ...”

เด็กหนุ่มตั้งท่าจะเอ่ยปากปฏิเสธหากมีเสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้นมาก่อน

“อ้าว วิน มาทำอะไรน่ะ?”

“พี่ภัทร! สวัสดีครับ”

ชายหนุ่มรูปร่างดีในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังละแวกนี้เดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้ม เห็นวินยกมือไหว้เขาจึงรีบไหว้ตาม สงสัยอยู่เหมือนกันว่าผู้ชายตรงหน้านี้คือใคร เพราะเขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคนชื่อภัทรมาก่อน

“สวัสดีครับ วิน สวัสดีครับ...?”

เงียบแล้วยิ้มให้คนที่อยู่ข้างๆ ราวกับจะถามไถ่ชื่อ

“ธีร์ครับ เพื่อนวินเอง ชื่อธีร์”   

“สวัสดีครับธีร์”

“.....สวัสดีครับ”

คำแทนตัวที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้ธีร์ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เขามองใบหน้าด้านข้างของวินสลับกับคนชื่อภัทร วินดูจะมีความสุขที่ได้เจอกับคนๆ นี้เพราะรอยยิ้มบนหน้าได้รูปนั้นกว้างกว่าทุกครั้ง

“นี่พี่ภัทร พี่ที่สอนดนตรีให้เราตอนอยู่ชมรมน่ะธีร์ พี่เขาสอนเก่งมากเลยนะ ขนาดเราที่ไม่ได้เป่าฟลุ๊ตมานานแล้ว พี่เขาย้ำให้ทีเดียวเราก็เป่าได้เลย เสียดายที่พี่เขามาได้แค่เดือนละครั้งเอง”

“ไม่หรอกๆ วินเก่งอยู่แล้ว ไม่ได้พี่สอนก็ทำได้” พี่ภัทรยิ้ม

“ไม่ครับ! เพราะพี่ภัทรสอนต่างหากวินถึงจำได้”

วินกับพี่ภัทรคุยสัพเพเหระในเรื่องที่เขาไม่รู้จักจึงทำได้เพียงแค่ยืนเฉยๆ ขณะมองสำรวจคนทั้งคู่ ไม่แปลกที่เขาจะไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้เพราะเขากับเพื่อนอยู่กันคนละชมรม ตัวธีร์ชอบเล่นกีฬาจึงเลือกเข้าชมรมกรีฑา ในขณะที่วินชอบเล่นดนตรี จึงเข้าวงเครื่องเป่าของโรงเรียน

ดูท่าทางการคุยจะกินเวลานานเพราะดูเหมือนทั้งสองคนจะติดลม ธีร์เหม่อมองรอบๆ ตัวจนกระทั่งเสียงหัวเราะของวินลอยมากระทบหูเขา เสียงใสกังวาลที่เขาชอบทำให้ต้องหันกลับไปมอง ดูเหมือนเรื่องที่พี่ภัทรพูดเมื่อครู่จะตลกจนเพื่อนเขาต้องขำเสียหน้าดำหน้าแดง ธีร์มองแล้วลอบยิ้ม เขาชอบเวลาวินหน้าแดง แม้จะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงแล้วช้อนตามองเขาด้วยท่าทางเขินอายเหมือนคุยกับคนที่ชอบแบบนั้น...

คิดได้ตรงนี้เขาก็ชะงัก รู้สึกเหมือนมุมปากที่ยกจนถึงเมื่อครู่ตกอย่างกะทันหัน ใช่ เขาไม่เคยเห็นท่าทางแบบนั้นของคนที่อยู่ข้างกายเขาตลอด ความกระตือรือร้นที่จะเล่าเรื่องที่พบเจอมาก็ไม่มี และเมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดที่วินบอกกับพายนั้นเหมือนกับว่าวินไม่ค่อยได้เจอคนที่ชอบสักเท่าไหร่นัก... วินเจอพี่ภัทรเดือนละครั้ง และเดือนละครั้งมันค่อนข้างนานสำหรับคนที่รอคอย...

อย่างนี้นี่เอง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมวินถึงไม่พูดเรื่องคนที่ชอบ เพราะถึงพูดไปเขาก็คงไม่รู้จัก จนกระทั่งวันนี้...

“ธีร์... ธีร์! ฟังเราอยู่หรือเปล่า?”

เสียงและแรกตีเบาๆ บนต้นแขนเรียกสติเขากลับคืนมาเพื่อมองภาพตรงหน้า วินหันมาคุยกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และข้างๆ กันพี่ภัทรก็กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกับที่ส่งให้ตั้งแต่ครั้งแรก

“โทษที เราเหม่อไปหน่อย มีอะไรเหรอ?   

“ไปกินไอติมกัน ที่เราบอกไงว่าจะเลี้ยง เนี่ยๆ เดี๋ยวพี่ภัทรไปด้วย ไปกันสามคนสนุกดี”

คงมีแค่สองคนมากกว่าที่สนุก... แม้ไม่ได้พูดไปแต่เขาก็คิดเช่นนั้นจริงๆ

“วินไปกับพี่ภัทรเถอะ เราต้องกลับบ้านก่อน มีธุระน่ะ” เขาโกหกและแน่นอนว่าอีกคนไม่มีทางรู้

“อ้าว... งั้นเรากลับด้วยก็ได้...”

แม้จะพูดแบบนั้นแต่ธีร์รู้ว่าวินไม่ได้อยากกลับตอนนี้ไอศกรีมเป็นของหวานที่คนตรงหน้าเขาชอบมาที่สุด และแน่นอนถ้าได้กินกับคนที่ชอบก็คงทำให้วินมีความสุขมากที่สุด แล้ว “เพื่อน” ที่ดีอย่างเขาจะทำลายควาสุขของเพื่อนได้ยังไง

“ไม่ต้องหรอก เรากลับคนเดียวได้ วินไปกับพี่เขาเถอะ เรารีบมากเลยขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิธีร์ ธุระอะไรทำไมต้องรีบขนาดนี้...”

“ธุระส่วนตัวน่ะ เราไปก่อนนะ สวัสดีครับพี่ภัทร ไปนะวิน”

เอ่ยลาจบเขาก็หันหลังแล้วรีบเดินออกมาจากที่ตรงนั้นโดยไม่รอฟังอีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรอีก

ธีร์จำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเขากลับมาถึงบ้านได้ยังไง มาจำได้อีกทีก็ตอนทิ้งร่างตัวเองลงบนเตียงแล้ว หมอนใบใหญ่ถูกใช้ปิดบังใบหน้า ตอนนี้ร่างกายมันชาไปหมด อกด้านซ้ายก็ปวดหนึบ รู้สึกเหมือนมันเต้นชาจนเกือบจะหยุดเต้น และเขารู้ดีว่านี่คืออาการของคนที่เพิ่งอกหัก

“.....ตลกเหี้ยๆ ชอบเขามาตั้งนานเพิ่งมารู้วันนี้ว่าเขาชอบใคร”

ธีร์พึมพำพยายามหัวเราะให้เหมือนกับที่เขาพูดว่าตลก แต่มกลับทำไม่ได้ แถมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากหางตาแล้วซึมหายไปกับหมอน

“เพื่อนสนิทมันก็เป็นได้แค่เพื่อนสนิทนั่นแหละมึง มันเปลี่ยนไปเป็นคนรักกันไม่ได้หรอก”

จำไม่ได้อีกเหมือนกันว่าใครเป็นคนพูด แต่เวลานี้ประโยคมันวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำๆ คล้ายกับต้องการให้เขาจำให้แม่นว่ามันเป็นความจริง เพื่อนสนิทเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนไม่ได้ ไม่มีทาง และไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คงมีแค่การพยายามกลับไปเป็นเพื่อนกันและตัดใจ้จากความรักนี้เสียที...



ตึกๆ ตึกๆ ตึก

เสียงทึบหนักๆ บนหัวนอนปลุกให้เขาตื่นจากฝัน ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ธีร์ขยี้ตาพลางหันไปมองที่ต้นเสียง ดูเหมือนเสียงจะมาจากอีกฝั่งหนึ่งของผนัง ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดเดียวกับที่ตั้งเตียงของวิน...

การที่ห้องของเขาสองคนอยู่ในจุดเดียวกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจล้วนๆ อย่างที่บอกว่าพวกเขาไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ แถมยังงอแงไม่ยอมแยกจากกันแม้กระทั่งตอนนอน ดังนั้นพ่อแม่ของเขาเลยหลอกล่อว่าให้เอาหัวเตียงมาชนกัน แม้จะอยู่คนละฟากแต่ก็เหมือนได้อยู่ด้วยกันแล้ว ความจริงแล้วห้องของพวกเขามีระเบียงแต่เพราะตอนแยกห้องนอนยังเด็กมากเขาจึงต้องล็อกประตูไว้ เวลาเหงาก็ได้แต่เคาะผนังเรียกกัน แต่พอโตแล้วจึงเปลี่ยนเป็นไปนั่งที่ระเบียงคุยกันแทน และเสียงทึบที่ดังเป็นจังหวะเมื่อครู่ก็คือสัญญาณตรวจเช็คว่าแต่ละฝ่ายหลับหรือยัง หากไม่หลับก็ให้เคาะกลับแล้วไปรอที่ระเบียงนั่นเอง

ความจริงเรื่องเมื่อตอนเย็นยังติดใจเขาอยู่ ถึงใจนึงจะบอกตัวเองว่ายังไม่ควรไปพบหน้าวินตอนนี้ แต่อีกใจก็กลัวว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของห้องจะกังวลเรื่องที่เขาหนีกลับมาก่อนจนไม่ยอมนอน ธีร์จึงตัดสินใจว่าจะไปเจอแค่ครู่เดียวแล้วรีบขอตัวกลับ อ้างว่าง่วงนอนหรืออะไรตอนนี้ก็คงไม่แปลก

ตึกๆ ตึกๆ ตึก

กำปั้นใหญ่เคาะผนังเป็นจังหวะก่อนก้าวลงจากเตียงเพื่อออกไปพบปะอีกคนที่ระเบียง สูดลมหายใจแล้วถอนออกมาเฮือกใหญ่ พยายามยกยิ้มมุมปากเหมือนเช่นทุกทีแต่มันกลับกลายเป็นรอยยิ้มแหยแต่ก็ดีกว่าหน้าบึ้งๆ แล้วกัน เมื่อเขาเดินออกไปก็เจอวินนั่งรับลมอยู่แล้ว เขาแสร้งทำเป็นขยี้ตางัวเงียขณะเอ่ยทักเพียงสั้นๆ

“ไง...”

 “นี่ธีร์นอนทั้งชุดนักเรียนเลยเหรอ?” วินเลิกคิ้วมองเขา

พอโดนทักจึงรู้สึกตัว ทันทีที่เขากลับมาก็มานอนซึมอยู่บนห้องนอนแล้วก็หลับไปทั้งที่ยังไม่ทันได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย

“อ่า... พอดีธุระมันยุ่งๆ กลับมาถึงก็เหนื่อยเลยนอนเลยน่ะ”

“เหรอ.....”

แล้วพวกเขาก็เงียบไปทั้งคู่ ถ้าเป็นช่วงที่อารมณ์ของเขาคงที่บรรยากาศแบบนี้จะสงบชวนให้ธีร์รู้สึกสบายใจ และถึงจะมีรั้วบ้านกันเขาก็มีความสุขเพราะได้อยู่กับคนข้างๆ แต่เวลานี้ความเงียบที่ปกคลุมช่างน่าอึดอัด ธีร์ไม่รู้จะพูดอะไร และดูเหมือนวินก็ไม่ต้องการจะพูดอะไรเช่นกัน ต่างฝ่ายเพียงนั่งมองตรงไปข้างหน้า มองดูต้นไม้สูงใหญ่และหลังคาบ้านของละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง

“ธีร์โกรธอะไรเราเหรอ?”

“เปล่านี่ เราจะโกรธวินทำไม” .....เราแค่เสียใจที่รู้ว่าคนที่วินชอบไม่ใช่เรา

“ก็เราไม่บอกธีร์ว่าคนที่เราชอบคือใคร แล้วหลังจากนั้นธีร์ก็แปลกไป.....”

รู้สึกดีใจที่วินยังเป็นห่วงความรู้สึกเขา แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาต้องถูกความเป็นห่วงในแบบฉบับเพื่อนทำให้คิดเกินเลยอีก ดังนั้นเขาจึงควรจะแยกตัวกลับเข้าห้องของตัวเองได้แล้ว

“เรารู้แล้วล่ะว่าวินชอบใคร เราไม่ได้โกรธหรอก ไปนอนเถอะ”

“ธีร์จะรู้ได้ยังไงว่าเราชอบใคร เรายังไม่ได้บอกเสียหน่อย”

“เรารู้แล้วกัน... นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้าห้องเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

ธีร์ว่าขณะยันตัวขึ้นจากพื้นโดยมีสายตาของวินมองตาม เขาไม่รู้ว่าคำพูดที่ส่งผ่านไปจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจหรือเปล่าว่าเขารู้เรียบร้อยแล้วว่าคนที่วินชอบคือพี่ภัทร ส่วนเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร และตอนนี้เขาก็อยากจะกลับเขาห้องนอนแล้ว หากเมื่อเขาตั้งใจจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องกลับโดนมือที่ยื่นมาจากระเบียงติดกันหยุดเขาไว้ วินมองเขา ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัย

“หรือว่า... ธีร์... คิดว่าเราชอบพี่ภัทร?”

“..........”

เขาไม่ตอบหากแต่เงียบและหันหลบสายตาของวิน แต่นั้นก็เป็นคำตอบที่กระจ่างพอแล้ว

“.....จริงเหรอเนี่ย ธีร์คิดจริงๆ เหรอ?”

“แล้วไม่ใช่หรือไง วินดูดีใจจะตายที่เจอเขา แถมเรายังจำได้ว่าวินพูดกับพายเรื่องที่วินไม่ได้เจอคนที่ชอบบ่อยๆ พี่ภัทรเข้าข่ายทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่พี่ภัทรแล้วจะเป็นใคร” เหมือนอารมณ์ที่กักเก็บไว้มันปะทุออกมา ธีร์จึงกล่าวความในใจออกมารวดเดียวโดยไม่เก็บกักไว้ “เราง่วงแล้ว ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ”

ธีร์รั้งข้อมือตัวเองกลับหวังให้วินปล่อย แต่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ววินยังรั้งข้อมือเขาไว้แน่นกว่าเดิมจนเขาต้องมุ่นคิ้ว

“ธีร์เข้าใจผิดนะ เราไม่ได้ชอบพี่ภัทรสักหน่อย”

“ช่างเถอะ ไว้ค่อยคุยกันนะ”

“ไม่เอา! เราไม่ได้ชอบพี่ภัทร  ธีร์เข้าใจเราผิด เข้าใจคำพูดเราผิดหมดเลย ให้เราอธิบายบ้างสิ”

สิ้นคำตัดพ้อต่างฝ่ายต่างก็เงียบไปอีกครั้ง ธีร์ชั่งใจ อยากจะฟังคำอธิบายแต่ก็กลัวว่าคำอธิบายจะทำให้เขาเจ็บกว่าเดิม แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะพยักหน้า หันกลับไปมองวิน สบตาเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังรอฟังอยู่

“ธีร์เข้าใจผิด เราไม่ได้ชอบพี่ภัทร เราแค่ชื่นชมเขาที่พี่เขาเก่งแล้วเขาก็ใจดีกับเรามาก.....”

“แค่ชื่นชมเจอกันไม่ต้องทำหน้าแดงแบบนั้นก็ได้มั้ง”
 
ธีร์พ่นลมหายใจดึงหึแล้วเบนสายตาหลบคล้ายกับจะไม่เชื่อ

 “พี่ภัทรเหมือนพี่ชายที่เราฝันอยากจะมีเราเลยชอบที่จะอยู่กับพี่เขา เราเล่าทุกอย่างให้พี่เขาฟังเหมือนที่เราเล่าให้ธีร์ฟัง...” วินเอ่ยถึงตรงนี้ก่อนจะเงียบไป สูดลมหายใจเข้าเหมือนกับจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “และเราก็เล่าให้พี่เขาฟังด้วยว่าเราชอบใคร วันนี้ที่เราหน้าแดงก็เพราะพี่เขาแซวนั่นแหละ”

“............”

“.....และที่เราบอกพายเราเปล่าพูดว่าเราไม่ได้เจอคนที่ชอบบ่อยๆ สักหน่อย เราบอกว่าเวลาเราไม่ได้เจอเขาเราก็เหงาเหมือนกัน... วินเข้าใจผิดไปเองนะ”

รู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานอยู่ในใจหลังจากที่เดินเล่นในตรมทั้งวัน ยิ่งมาเจอวินว่าง่ายแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า งอแง หงุดหงิด คิดมากไปเองคนเดียวจนรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน

“เราขอโทษนะที่เราเข้าใจผิด”

เอ่ยขอโทษอย่างจริงใจพลางส่งยิ้มให้ รู้ดีว่าเรื่องนี้ตัวเองเป็นคนผิดจริง

“อือ ทีนี้ก็เข้าใจถูกซะนะ” วินว่าแล้วหัวเราะ

“แล้วเรื่องคนที่ชอบล่ะว่าไง? จะบอกเราได้หรือยัง?”

พอถามไปแบบนี้วินก็เงียบไป เหมือนลืมว่าเมื่อครู่ตนเองเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าจะบอกทุกอย่าง วินทำหน้าเหรอหราก่อนจะปล่อยมือธีร์ที่จับไว้อยู่นานออก แสร้งทำเป็นหาวปากกว้างแล้วขยี้ตาแสดงออกให้รู้ว่าตัวเองกำลังง่วงเต็มที่

“เราง่วงแล้วอ่ะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้แล้วกันนะ”

“วิน..... บอกมาเดี๋ยวนี้เลย”

วินอมยิ้ม เป็นยิ้มแบบที่เคยใช้กับเขาตอนที่ตั้งใจเลี่ยงประเด็นเรื่องนี้ไป แต่พอธีร์เริ่มทำหน้าบึ้งวินก็ยกมือในท่าทางยอมแพ้แล้วแจงเงื่อนไข

“เราจะไม่บอกชื่อแต่จะบอกใบ้ให้แล้วกัน”

แม้จะรู้สึกเหมือนเสียเปรียบกับสิ่งที่ตนเจอและรู้สึกไปเองมาทั้งวัน แต่ก็ยังดีกว่าโดนเบี่ยงประเด็นไปเลยโดยที่เขาต้องมานั่งคาดเดาเอาเองทีหลังว่าคนที่วินชอบเป็นใคร หากเป็นเช่นนั้นอีกเขาคงเป็นบ้าตายก่อนที่จะล่วงรู้ความจริงแน่ๆ

“คนที่เราชอบธีร์ก็รู้จัก... ต้องเรียกว่ารู้จักดีเลยด้วยซ้ำ”

“หือ?”

“เขาเป็นคนนิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ติดที่นิสัยกวนตีนไปหน่อยเลยโดนเพื่อนด่าแทนคำขอบคุณบ่อยๆ น่าจะเป็นพายมั้งที่ด่าบ่อยสุด” วินทำท่าครุ่นคิดแล้วพยักหน้ากับตัวเอง

“...........”

“ปกติเราจะอยู่กับเขาเกือบตลอดเวลา แต่พอเขาเข้าชมรมกรีฑาเราเลยต้องแยกกับเขาบ่อยๆ สุดท้ายเราเลยไปเข้าวงเครื่องเป่าของโรงเรียน จะได้ใช้เวลาที่รอเขากลับบ้านให้เป็นประโยชน์ด้วย คุ้นหรือยัง?”

มาถึงตรงนี้ธีร์เริ่มรู้สึกเหมือนมุมปากเขายกยิ้ม ในอกพองฟูเต็มไปด้วยความหวัง ทั้งที่ตอนแรกมันดับหายไปแล้วรอบนึง

“แต่เสียดายที่เขาความรู้สึกช้าไปหน่อยเลยไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย ขนาดเรื่องคนที่เราชอบเขายังไม่รู้ แถมมาเข้าใจเราผิดอีก ธีร์ว่าน่างอนกลับมั้ยล่ะ?”

“อื้อ... น่างอนกลับจริงๆ นั่นแหละ”

“เนอะ แล้วทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าใคร ไม่ต้องถามแล้วนะ เราใบ้ให้เยอะแล้ว”

“อื้อ ไม่ถามแล้วล่ะ”

ธีร์ยิ้มกว้างจนโดนวินบอกว่าเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของเขา แต่จะทำยังไงได้นอกจากยิ้มกว้างกว่าเดิม ไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนเหมือนคนที่วินชอบหรอกนะ แต่มันดันยิ้มเอง เขาก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบอะไรแล้วในตอนนี้

“ใบ้ให้แล้วก็รีบไปนอนเลย ตอนแรกอยากไปมากไม่ใช่เหรอ”

“ตอนนี้เริ่มไม่อยากไปแล้ว ข้ามไปนอนห้องวินได้มั้ยล่ะ?” ยักคิ้วต่อรอง

“อย่ามาตลก รีบไปนอนเลย เราง่วงแล้วจริงๆ”

แม้จะบอกว่าง่วงแต่หน้านี่แดงเสียยิ่งกว่าตอนที่มองพี่ภัทรอีก คนง่วงเขาหน้าแดงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าธีร์ก็ไม่รู้ แต่เขาก็อยากรู้แค่เรื่องของคนตรงหน้าเท่านั้นนี่แหละ มองตา ส่งยิ้มให้กันสักพักคราวนี้วินก็หาว และมันเป็นหาวจริงๆ ที่ไม่ได้แกล้งทำเพื่อเบี่ยงประเด็นเหมือนเมื่อครู่นี้ ธีร์จึงเอ่ยบอกลาแล้วไล่ให้อีกคนไปนาน คนตัวเล็กพยักหน้าพลางอมยิ้มแก้มแดงมาให้เขา น่ารักจนอยากจะปีนข้ามรั้วไปนอนด้วยจริงๆ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร

“ธีร์!”

“ครับ ว่าไงเหรอวิน?”

พอโดนเรียกจากคนที่โผล่หน้าออกมาจากในห้องนอนข้างๆ เขาก็ถอยหลังกลับมามอง ก่อนจะเกือบเสียหลักสะดุดขอบประตูเพราะคำบอกลาสุดแสนจะน่ารักที่อีกฝ่ายฝากไว้ก่อนจะรีบหลบเข้าห้องแล้วปิดประตูระเบียงหนีไป

“.....ฝากบอกคนที่เราชอบด้วยว่าคืนนี้หลับฝันดี แล้วเราจะฝันถึงเขาด้วย”

คนอะไรก็ก็ไม่รู้ น่ารักฉิบหายเลย!



หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) จบ



-------------------------------------------------------------------

Talk : สวัสดีค่า   

มาสั้นๆ กับคู่ธีร์วินตอนต่อจากภาคหลักช่วงต้นตอน 12 ค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะให้มันสั้นกว่านี้ (และเปลี่ยนชื่อจากที่แจ้งในเพจมาใช้ชื่อนี้ด้วย) พอเริ่มสร้างตัวละครพี่ภัทรก็เกือบจะปล่อยคาให้จบแบบธีร์เฮิร์ทแล้ว แต่ทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากของน้องพาย และคงไม่มีใครเหมาะกับวินเท่าธีร์อีกแล้ว สุดท้ายเลยต่อให้ยาวออกมาค่ะ เพราะแต่งเพิ่มแบบทันทีที่คิด อาจจะมีประโยคแปลกๆ หลุดไป ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ตอนหน้าพี่กิวกับน้องพายจะกลับมาอีกครั้ง รอกันก่อนนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่า

หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 05-04-2015 20:03:47
หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ)
ตอน อมยิ้ม VS น่ารัก






 ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก พายมักจะได้ยินใครต่อใครพูดเสมอว่าเขาน่ารัก

ครั้งแรกที่ได้ยินนั้นพายไม่พอใจนัก เขารู้สึกเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่เชื่อว่าคำว่าน่ารักควรจะใช้กับเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่พอนานวันเข้าจากไม่พอใจแปรเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคย ได้ยินใครพูดก็อมยิ้ม ไม่ก็เอ่ยขอบคุณกลับไป ด้วยรู้สึกว่าใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป เราห้ามความคิดและคำพูดของผู้อื่นไม่ได้อยู่แล้ว ทำใจให้ชินเสียดีกว่า

แต่ตอนนี้พายกลับรู้สึกว่าคำว่าน่ารักไม่ได้เหมาะกับตน แต่เป็นใครอีกคนที่ก้าวเท้าเข้ามาในชีวิตของเขามากกว่า

I’m Kiw: รออยู่ข้างลานน้ำพุ

พายอ่านประโยคสั้นๆ แต่ได้ใจความที่ถูกส่งมาทางโปรแกรมแชทชื่อดังแล้วอมยิ้ม ดูท่าการต้องนั่งอุดอู้ในห้องเรียนอีกกว่าครึ่งชั่วโมงคงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเท่าไหร่แล้ว

หลังจากผ่านด่านการสอบอรหันต์มาได้หลายครั้ง ในที่สุดพายก็ได้เข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ชายกับคนรัก (ที่เพิ่งตกลงคบกันอย่างจริงจัง) ของตน และตอนนี้พายก็อยู่ระหว่างการเรียนปรับพื้นฐานเพื่อจะได้เริ่มการเรียนการสอนอย่างเต็มรูปแบบในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นับเป็นประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้นที่เขากำลังเฝ้ารอเพื่อพบเจอ

คาบเรียนมีถึงแค่ตอนเที่ยง ทันทีที่อาจารย์ประกาศหมดคาบพายก็รีบเก็บข้าวของยัดลงกระเป๋า เอ่ยลาเพื่อนๆ ที่เพิ่งรู้จักกันในคลาสด้วยรอยยิ้มแล้วรีบบึ่งลงมายังลานน้ำพุที่ใครบางคนกำลังรอเขาอยู่

ร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนปล่อยควันสีชาวเทาทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วขยี้มันด้วยเท้าทันทีที่เห็นเขากึ่งวิ่งกึ่งเดินลงจากบันได บริเวณนี้เป็นเขตที่สร้างไว้สำหรับให้นักศึกษามาพักผ่อนหย่อนใจ แต่ไปๆ มาๆ กลับการเป็นเหมือนแหล่งสำหรับให้นักศึกษาแวะมาสูบบุหรี่กันเสียอย่างนั้น แม้จะไม่ชอบแต่พายรู้อยู่เรื่องที่กิวยังไม่เลิกสูบบุหรี่ และเขาก็ไม่คิดจะห้ามหรือบังคับให้เลิกด้วยรู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก และถึงแม้กิวจะสูบแต่ก็จะระวังเรื่องกลิ่นไม่ให้มารบกวนเขาอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้ คนตาดุมองมาทางเขาแล้วชี้ให้รออยู่ตรงชานบันไม่ต้องเดินมาหา ส่วนตัวเองก็ใช้หลังมือปัดๆ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวที่ใส่อยู่รวมไปถึงเดฟเข้ารูปเพื่อไล่กลิ่น แถมยังหยิบลูกอมรสมิ้นต์ที่เขาให้ไว้โยนเข้าปากอีกด้วย การกระทำที่บ่งบอกถึงความใส่ใจนั้นทำให้พายอดไม่ได้จนต้องอมยิ้ม

“ยิ้มอะไร?”

กิวถามเมื่อเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นบุหรี่ราคาแพงยังลอยมากระทบจมูกจางๆ แต่ไม่ได้ทำให้ระคายหรือรู้สึกรังเกียจ พายยังอมยิ้มขณะส่ายหน้าไปมาไม่ยอมตอบอะไร กิวจึงยักไหล่ คว้ากระเป๋าหนังสือมาไวในมือ โอบไหล่น้องเดินไปที่รถยนต์คันสวยซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนักโดยไม่เอ่ยคาดคั้นอะไร

จะให้เขาบอกได้ไงล่ะว่ายิ้มเพราะพี่กิวทำตัวน่ารัก

อาหารมื้อเที่ยงของวันนี้เป็นบุฟเฟต์ปิ้งย่างที่พายชอบ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ชอบอาหารจำพวกปิ้งย่างแท้ๆ แต่เพียงเพราะเขาบ่นอยากกินอีกฝ่ายเลยตามใจพามา แม้เขาจะปฏิเสธให้เข้าร้านตามใจอีกฝ่าย แต่คนโตกว่าก็ยังดึงดันโอบไหล่พาเขาเดินเข้าร้านบุฟเฟต์ชื่อดังอยู่ดี

“พี่กิวกินบ้างสิครับ ปิ้งอย่างเดียวไม่กินได้ไง”

“เรานั่นแหละกินไป” ว่าแล้วก็คีบหมูย่างพริกไทยดำใส่จานเขาอีกชิ้น “ตัวเล็กจะตายอยู่แล้ว พัฟมันให้กินอะไรบ้างหรือเปล่า”

“พายกินเยอะแล้วเถอะ ตัวสูงขึ้นมาตั้งเยอะแล้วด้วย พี่กิวนั่นแหละครับกินเข้าไป เอาไปเลยหมู ไก่ ปลา นี่ๆ”

เนื้อทั้งหลายแหล่ถูกคีบใส่จานคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม แม้จะโดนทำหน้าดุใส่พายก็ไม่สน มือเรียวคว้าของสดมาลงกระทะและคีบเอาชิ้นที่สุกแล้วใส่จานกิวอยู่เรื่อยๆ

“อิ่มแล้ว พายจัดการไปเลย”

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกิวก็วางตะเกียบในมือลง พอได้ยินแบบนั้นพายก็ทำตาโต มองของสดที่ยังนอนรออยู่บนโต๊ะแล้วบ่นงุบงิบ เขาเพิ่งสั่งมาใหม่เสียหลายถาดแต่คนตรงหน้ากลับทิ้งให้กินคนเดียวแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แล้วทำไมตอนถามว่าเอาอีกหรือเปล่ากลับบอกให้เขาสั่งมาตามใจชอบ เหลือเยอะแบบนี้โดนค่าปรับบานแน่!

“พี่กิวช่วยพายหน่อยสิ แบบนี้กินคนเดียวไม่หมดหรอก” ว่าแล้วก็คีบเนื้อในเตาวางบนจานให้

“กินไม่หมดก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวจ่ายเงินให้เขาไป”

ว่าแล้วก็ตั้งท่าจะเรียกเก็บเงิน แต่โดนเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน พายคว้าแต่ละถาดที่วางอยู่บนโต๊ะมาคีบลงกระทะย่างทีละชิ้น

“เราสั่งมาแล้วแบบนี้เขาก็เอาไปทิ้งน่ะสิครับ เปลืองจะตาย... อ่ะ”

ไก่ย่างชุ่มซอสถูกยื่นมาให้ตรงหน้าพร้อมเสียง ‘อ้ามมม’ ทำให้กิวต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ พอยอมรับไก่เข้าปากคนป้อนกิตติมศักดิ์ก็ยิ้มหวานเสียจนมองแล้วใจกระตุกให้เขา แล้วจึงส่งเนื้อเข้าปากตัวเองบ้าง เคี้ยวไปยิ้มไปเสียจนแก้มตุ่ย

“เลอะปากหมดแล้ว เป็นเด็กหรือไง?” มือใหญ่ยื่นข้ามเตามาเช็ดปากให้

“ขอบคุณครับ... มา พี่กิวอ้าปากเร็ว”

มีชิ้นแรกย่อมต้องมีชิ้นที่สองและสามตามมา แม้ตอนแรกจะตั้งใจหยุดกินแล้ว แต่เพราะมีมือขาวๆ จากคนตัวขาวฝั่งตรงข้ามคอยส่งเนื้อเข้าปากให้ตลอดจึงต้องยอมอ้าปากรับเนื้อชิ้นโตอยู่เรื่อยๆ ด้วยไม่อยากจะขัดใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่าทางของตัวเองทำให้คนป้อนต้องอมยิ้มแล้วเอาแต่ชมเปราะว่าพี่กิวน่ารักอยู่ในใจ

“ยิ้มอะไรตั้งแต่อยู่ในร้านแล้ว?”

“ก็ของกินอร่อย จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงล่ะครับ” ตอบพลางลูบท้องตัวเอง “พี่กิวไม่ชอบให้พายยิ้มเหรอ? งั้นทำหน้าบึ้งก็ได้”

ว่าแล้วก็กอดอก ยู่ปากทำทีเป็นขมวดคิ้วเหมือนเวลาไม่พอใจอะไรสักอย่าง ทำหน้าทำตาแบบที่ตัวเองเรียกว่าหน้าบึ้งเต็มที่ แต่หน้าแบบนั้นกลับทำให้กิวต้องยกยิ้ม พร้อมดีดหน้าผากเนียนเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“กวน”

“ก็พี่กิวไม่ชอบให้พายยิ้มนี่ ยิ้มทีไรถามตลอดเลย”

“ไม่ใช่ไม่ชอบให้ยิ้ม” ว่าจับจูงมือบางให้ออกเดินไปด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาที่มองมายังทั้งคู่ “แต่ยิ้มทีโคตรน่ารัก น่ารักแล้วก็มีแต่คนมอง ไม่ชอบ หวง”

คำพูดทื่อๆ น้ำเสียงคมเข้มแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกบอกให้พายรู้ว่าคนตัวโตคิดเช่นนั้นจริงๆ จากที่แกล้งทำหน้าบึ้งกลับต้องเผลออมยิ้ม พายปล่อยให้กิวจับจูงมือตัวเองลากเข้าร้านนั้นที ร้านนี้ทีด้วยความเต็มใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่บนปุยเมฆนุ่มๆ หัวใจเต้นระรัวและพองโตอย่างหยุดไม่อยู่จนต้องยิ้มกว้างขึ้นอีก ยิ่งโดนมองด้วยสายตาดุๆ ราวกับจะปรามให้หยุดพายก็ยิ่งฉีกยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

ก็จะให้เขาหุบยิ้มได้ยังไงในเมื่อพี่กิวยังทำตัวน่ารักแบบนี้

เดินเล่นกันได้สักพักใหญ่สองมือของกิวก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้ารวมไปถึงของใช้ทั้งของพายและของตัวเอง แม้ตอนแรกคนแก่กว่าจะดึงดันว่าซื้อแค่ของเขาก็พอ แต่ด้วยนิสัยอย่างพายมีหรือจะยอมให้เป็นแบบนั้น พอกิวหยิบอะไรลงตะกร้า มือเล็กก็คว้าขอองที่คิดว่าเหมาะกับอีกฝ่ายลงตะกร้าด้วยเหมือนกัน สุดท้ายเลยได้ของในจำนวนเท่าๆ กันไปโดยปริยาย

“พี่กิวซื้อของให้พายเยอะไปแล้ว คราวหลังไม่เอาแล้วนะครับ”

พอเอาของขึ้นหลังรถและจัดการขึ้นไปนั่งประจำที่แล้วพายก็แตะหลังมือใหญ่ที่เอื้อมมาคาดสายนิรภัยให้เขาพร้อมเอ่ยสิ่งที่คิดเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนจะคบกันแล้วที่พี่กิวมักจะซื้อข้าวของให้เขาทันทีที่เขาพูดว่าอยากได้อะไร แม้บางครั้งจะเป็นเพียงการบ่นเรื่อยเอย อีกไม่กี่วันเด็กหนุ่มก็จะได้ของชิ้นนั้นมาไว้ในครอบครองทันที

“ไม่เป็นไร อยากได้อะไรก็บอก มีเงินแล้วซื้อให้ได้”

พายรู้ว่านี่คืออีกวิธีที่กิวใช้ในการแสดงความรัก แม้ชายหนุ่มและครอบครัวจะกลับมาคุยกันเป็นปกติ รวมถึงใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่คนตัวโตก็ยังเคยชินกับการใช้เงินแสดงความรักเหมือนที่เขาเคยได้รับมาเมื่อครั้งยังเด็ก พายรู้และก็คิดว่าต้องเป็นตนนี่แหละที่จะต้องเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้ของกิวเสียที

“พายรู้ว่าพี่กิวมีเงิน แต่พายไม่ได้อยากใช้เงินพี่ทุกครั้งนะครับ” นิ้วโป้งเล็กเกลี่ยหลังมือใหญ่เบาๆ “ไม่อยากให้คนอื่นมาหาว่าพายเกาะพี่กินแล้วด้วย...”

“ใครว่าพาย?”

กิวเอ่ยแทรก ดวงตาคมเข้มหรี่ลงพร้อมทอประกายแสงกร้าวอย่างไม่สบอารมณ์

“เปล่าครับ พายแค่ไม่อยากให้เป็นเหมือนตอนม.ปลายเฉยๆ...”

แม้เรื่องที่โดนเอาไปติดป่าวประกาศว่าเขาทำอาชีพขายเรือนร่างจะผ่านไปนานแล้ว และพายก็เคลียร์เรื่องนี้กับพี่ดอมเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยอมรับว่าเขายังฝั่งใจ และไม่ต้องการให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

คำตอบของเขาทำให้กิวเงียบไป แต่พายก็รู้ว่ามันไม่ได้หมายความว่าเงียบแล้วกิวจะยอมรับฟังหรือทำตามแต่อย่างใด หากต้องการให้อีกฝ่ายยอมรับและทำตามทีแต่จะต้องยื่นคำขาดให้กิวตอบตกลงให้ได้

“นะครับพี่กิว?”

“..........” เงียบแบบนี้แสดงว่าไม่ตกลง

พายมองหน้าบึ้งๆ ของกิว ในหัวก็ขบคิดหาวิธีการที่พอดีกับความต้องการของทั้งสองฝ่าย เขาไม่อยากเป็นฝ่ายได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาอึดอัดใจที่ต้องรับของจากตนเองด้วยเช่นกัน นั่งเงียบมองตากันได้สักพักร่างบางก็คิดหาวิธีได้จึงลองเสนอออกมา

“...ถ้าพายอยากได้อะไรพายจะซื้อเอง แต่ถ้าเงินไม่พอหรืออยากให้พี่กิวซื้อให้ก็จะบอกพี่ทันที เอาแบบนี้เป็นไงครับ?”

“ไม่” กิวตอบกลับทันที  “เอาเงินพี่ไปใช้ส่วนของพายเก็บเข้าบัญชี ไม่งั้นก็ทำแบบเดิม”

โดนยื่นคำขาดถึงขนาดนี้แม้จะไม่อยากตอบตกลงแต่พอคิดถึงความสบายใจของชายหนุ่มแล้วพายก็ได้แต่ต้องพยักหน้า พอได้คำตอบที่ถูกใจมือใหญ่ก็วางแปะบนหัวกลมแล้วลูบเบาๆ ด้วยความเคยชิน ตากลมแอบเห็นมุมปากหยักยกขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ชวนให้คนตัวเล็กยิ้มตามไปด้วย

กิวเป็นคนหน้าตาดี เรียกได้ว่าหล่อเลยด้วยซ้ำ ขนาดพี่พัฟยังมาเล่าให้ฟังว่ามีคนเสนอชื่อให้เป็นเดือนประจำคณะแต่เจ้าตัวไม่เอาเด็ดขาดเพราะไม่ชอบเรื่องน่ารำคาญแบบนั้น และแม้จะชอบตีหน้านิ่งขึงจนทำให้ใครต่อใครเกรงใจและหวาดกลัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าความนิ่งและบรรยากาศอันตรายรอบตัวนั้นกลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดประจำตัวของเขา

“ยิ้มอีกแล้ว จะยิ้มอะไรเยอะแยะ หืม?” มือใหญ่ผละจากหัวกลมมาดึงแก้มใส

“ก็พี่กิวยิ้ม พายเลยยิ้มไงครับ” ฉีกยิ้มกว้างเสียจนแก้มใสมีรอยบุ๋มลงไป

“ก็ไม่เห็นต้องยิ้มกว้างแบบนี้”

“เวลามีความสุขต้องยิ้มสิครับ ใครๆ ก็บอกว่าพายยิ้มกว้างแล้วดูดี” คราวนี้ยิ้มทั้งปากยิ้มทั้งตา แต่เป็นกิวที่หุบยิ้มลงแล้วเริ่มทำหน้าบึ้ง

“...คราวหลังอยู่นอกบ้านห้ามยิ้ม”

“อ้าว พายจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ...  ไหนให้เหตุผลพายหน่อยครับว่าทำไมอยู่นอกบ้านห้ามยิ้ม”

คว้ามือใหญ่ที่ตั้งท่าจะผละไปให้มาแนบใบหน้าตัวเองแล้วเอียงซบ ไม่วายส่งยิ้มให้ขณะสบตาคมที่ยามนี้ติดจะขุ่นมัวเพราะโดนขัดใจ แม้จะแอบหงุดหงิดแต่เจอไม้นี้เข้าไปกิวก็ได้แต่ถอนใจ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสแล้วเอ่ยปากตอบไปตรงๆ



“พายน่ารัก ยิ้มแล้วใจพี่สั่น คนอื่นก็ชอบมอง หวง ไม่ชอบ ไม่ต้องยิ้มเลย”



พี่กิวนั่นแหละที่น่ารัก น่ารักมากด้วย อย่ามาทำตัวน่ารักใส่พายแบบนี้นะ!



หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) จบ



-------------------------------------------------------------------


Talk : สวัสดีค่า กลับมาอีกครั้งหลังหายไปนานอยู่เหมือนกันเพราะติดภารกิจงานหนังสือ

ตอนนี้อาจจะสั้นไปสักหน่อยแต่ก็หวังว่าตอนนี้จะทำให้หลายๆ คนอมยิ้มไปกับความน่ารักของพี่กิวกับน้องพายนะคะ คนนึงชอบยิ้มอีกคนชอบทำหน้าขรึม แถมยังขี้หวงขนาดไม่ยอมให้น้องไปยิ้มให้ใครแบบนี้ พี่กิวนี่น่าตีจริงๆ ค่ะ (แต่ก็น่ารักแบบที่น้องพายบอกจริงๆ นั่นแหละเนอะ)

ตอนหน้าน่าจะเป็นตอนของเพื่อนหัวหน้าแก๊งค์แล้วค่ะ หวังว่าทุกคนจะยังไม่ลืมพี่พัฟพี่รูทเนอะ หุๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 05-04-2015 22:14:53
อั้ยยยยย พี่กิวน่ารักจริงด้วยยย :-[
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 05-04-2015 22:44:19
ชอบคู่นี้จังเลยยยยย กวใส่ใจน้องเสมอต้นเสมอปลายมากเลย ส่วนของพายกฌเหมือนแสงอาทิตย์ เป็นแสงสว่างของพี่กิว น่าเอ็นดูจังเลยลูกกก รอคู่นี้น้าาา ส่วนคู่อื่นก็ติดตามด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 06-04-2015 22:37:00
ยิ้มมมมมมมไปกับน้องพายพี่กิว น่าร้ากกกกกกก :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2015 02:45:17
เออ น่ารัก พากันน่ารักเข้าไป ทำให้หลงรักขนาดนี้เพราะว่าน่ารักนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 07-04-2015 09:31:24
พี่กิวจะน่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ (ตอนพิเศษ) อมยิ้ม VS น่ารัก หน้า 4 (05.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 07-04-2015 23:28:27
ชอบตอนนี้อ่าาา แบบเห็นถึงความใส่ใจที่พี่กิวมีให้น้องเลยย ย
แบบมันกร๊ดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่งตอนพิเศษของน้องเยอะๆนะ5555
ตอนที่พี่กิวไม่ยอมน้องเรื่องการใช้เงิน
ทำไมรู้สึกพี่กิวหล่อขึ้น5555
แบบนางก็มีมุมดื้อๆกับน้องเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน (คู่)เพื่อนของหัวหน้า หน้า 4 (09.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 09-04-2015 20:06:50
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน (คู่)เพื่อนของหัวหน้า






”โอ้ยยย อิจฉาว่ะแม่ง!”

ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะประจำของตึกคณะชายหนุ่มรูปร่างเล็กก็ป้องปากเอ่ยเสียงดังเรียกความสนใจของคนที่นั่งอยู่โดยรอบให้หันมอง แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าของประโยคนั้นคือใคร คนส่วนใหญ่จึงเลิกให้ความสนใจแล้วหันกลับไปวุ่นวายกับกิจกรรมตรงหน้าตัวเองต่อเนื่องจากเคยชินเสียแล้วกับเหตุการณ์ที่คล้ายกับเดจาวูนี้

“ก็เห็นเป็นแบบนี้แทบทุกวัน มึงน่าจะชินได้แล้วนะ”

หมี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามว่า วันนี้คณะของเขามีเรียนแค่รอบเช้าจึงได้โอกาสมานั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนในแก๊งค์ก่อนจะลากสังขารกลับบ้าน

“กูชินแล้ว แต่กูอิจฉา! มึงเข้าใจมั้ยว่ากูอิฉา!?”

หนุ่มตี๋ทำหน้ามุ่ยรับเสียงหัวเราะของเพื่อน แม้จะบอกว่าอิจฉาแต่ก็ไม่วายเอาแต่มองร่างของคนสองคนที่นั่งอยู่ห่างจากเก้าอี้หินของตนไปไม่เท่าไหร่

แหม ไอ้กิว ปากบอกว่าต้องแยกโต๊ะนั่งติวเพราะกลัวน้องไม่รู้เรื่องที่พวกกูเสียงดัง แต่กูเห็นนะว่ามึงแอบหอมแก้มน้องเมื่อกี้! แยกโต๊ะติวห่าอะไร แยกโต๊ะไปลวนลามน้องได้ง่ายๆ สิไม่ว่า สตอเบอรี่จริงนะมึง!

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมน้องถึงได้หลงคารมเพื่อนวัยเด็กของตัวเองได้ง่ายขนาดนี้ก็ไม่รู้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นด้วยที่กิวกับพายคบหากัน เขาออกจะยินดีด้วยซ้ำที่เพื่อนสนิทได้เจอคนที่มาช่วยให้ชีวิตไร้สาระของมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นผู้ชาย แถมเป็นน้องของเพื่อนสนิทอีกคนนึงก็เถอะ แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีตั้งแต่พายเป็นเพียงเด็กม.ปลายจนตอนนี้มาเป็นนักศึกษาปีสองแล้ว และเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เจอมาด้วยกันก่อนที่ทั้งคู่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์จากคนที่กำลังดูใจเป็นคนรักก็ช่วยยืนยันได้อยู่แล้วว่าคู่นี้เหมาะสมที่จะยืนอยู่เคียงข้างกันขนาดไหน

แถมไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไร อาจจะเพราะโปรเจกเยอะจนไม่ค่อยได้เจอกัน หรือเพราะเป็นปสุดท้ายแล้วที่จะได้ใช้เวลาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยกับคนรัก เพื่อนตัวดีของเขาถึงได้ขยันพาน้องมาสวีทให้เห็นเสียเหลือเกิน ถึงแต่ก่อนมันจะทำเหมือนกันก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกวี่ทุกวัน ทุกเวลาพักแบบนี้! ยิ่งเมื่อครู่ที่เขาโวยวายพอน้องส่งยิ้มให้มันยังมองน้องแล้วหันมาจ้องเขาแบบไม่พอใจอีก โธ่ ไอ้พวกขี้หวงแม้กระทั่งกับเพื่อน ไม่รู้หรือไงว่าแค่นี้กูอิจฉามึงฉิบหายแล้วครับไอ้เพื่อนกิว!

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น งอแงอะไรอีก?”

มือใหญ่วางแปะลงมาบนหัวของรูทที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นมือของใคร ในเมื่อคนที่กล้าทำกับเขาแบบนี้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

“อ๋อ... สงสัยเพราะเห็นฉากบาดใจ”

“กวนตีนละไอ้พัฟ ไปลากน้องมึงมานั่งนี่เลย ไปไป๊” ปัดมือที่วางบนหัวออกแล้วบุ้ยใบ้ไปทางที่ออร่าสีชมพูเปล่งประกายออกมา

“เวลาอยู่กับคนที่ชอบไม่มีใครอยากให้คนเข้าไปขัดหรอก ยิ่งไอ้กิวยิ่งแล้วใหญ่”

“พูดเหมือนมึงรู้ดี มีคนที่ชอบแล้วหรือไง?”

ว่าแล้วก็ละสายตาจากคู่รักบรรลือโลกมาสบตาเจ้าของใบหน้าคมคาย แต่ดูเหมือนพัฟไม่ใคร่อยากจะตอบคำถามของเขาเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายจึงเพียงแค่ยักไหล่ด้วยท่าทางที่สาวแท้สาวเทียมต้องกรีดร้องทันทีที่ได้เห็นแล้วเอ่ยแบบง่ายๆ

“มึงก็น่าจะรู้” ว่าแล้วก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ “มีเวลาอีกเกือบชั่วโมง ร้านหน้าม.กับกูไหม?”

“ถ้าร้านเค้กก็โอเค เลี้ยงกูด้วย”

รูทลุกขึ้นคว้ากระเป๋าและออกเดินนำไปก่อนโดยไม่ให้พัฟได้เอ่ยปฏิเสธ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มราวกับลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อสักครู่ยังอิจฉาตาร้อนเพื่อนจนหน้าบูดบึ้งไปหมด ด้านพัฟที่โดนทิ้งไว้ข้างหลังได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงตกแต่ก็ยอมผละกายออกจากกลุ่ม เดินตามแผ่นหลังบางมุ่งสู่ร้านเค้กเจ้าประจำ ทำทีเป็นไม่สนใจสายตารู้ทันและเสียงผิวปากเบาๆ จากเพื่อนในกลุ่มที่นั่งอยู่โดยรอบ

ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัยยามเที่ยงมีผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่าตอนเย็นเท่าใดนัก เมื่อทั้งคู่มาถึงร้านก็โดนเชิญขึ้นไปนั่งบนชั้นสองที่ยังพอมีที่นั่งเหลืออยู่ ยังดีที่ร้านนี้มีของคาวให้ด้วย พัฟจึงสั่งอาหารกลางวันให้ตัวเองโดยไม่ลืมสั่งเรนโบว์เค้ก และสตอเบอรี่ชีสเค้กเพิ่มซอสสตอเบอรี่แบบที่คนตรงข้ามเชาชอบด้วยอีกสองชิ้น ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากผู้หญิงในชุดเครื่องแบบที่นั่งโต๊ะข้างๆ ตอนที่เขาสั่ง แต่ก็ไม่ใคร่สนใจนัก ทั้งคู่นั่งรออยู่สักพักเครื่องดื่มผสมโซดาถูกนำมาเสิร์ฟ พร้อมทั้งเรนโบว์เค้ก และสตอเบอรี่ชีสเค้กราดซอสสีแดงชุ่มๆ

“อื้มมม เค้กหวานๆ อร่อยที่สุดในโลก!”

รูททำหน้าเคลิ้มทันทีที่เนื้อเค้กละลายอยู่ในปาก เขาชอบเค้กเนื้อนิ่ม รสหวานหอมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ถึงใครจะบอกว่าเป็นผู้ชายชอบของหวานจะดูแปลกก็เถอะ แต่เขาชอบไปแล้วก็ไม่สนใจคำพูดคนอื่นหรอก

“ลองหน่อยไหมพัฟ?” ว่าแล้วก็ตักเค้กส่งให้ ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ จากโต๊ะข้างๆ ดูท่าจะเอาแต่มองมาที่พวกเขาตั้งแต่ตอนสั่งออเดอร์แล้ว

“ไม่เอา กินไปเถอะ”

“โธ่ๆ กลัวว่าสาวๆ จะเอาไปเม้าท์หรือไงว่าเจ้าของหนุ่มหล่อประจำคณะวิศวะชอบกินเค้กกับเพื่อนหนุ่ม”

ชายหนุ่มได้รางวัลนี้มาตั้งแต่ตอนขึ้นปีหนึ่ง ความจริงทั้งพัฟและกิวต่างโดนตั้งความหวังให้ลงแข่งชิงรางวัลเดือนคณะและเดือนมหาวิทยาลัยแต่ทั้งคู่กลับเลือกจะปฏิเสธ กิวให้เหตุผลง่ายๆ ว่าวุ่นวาย และพัฟก็เห็นด้วยกับเพื่อนเลยขอสละสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงแรกๆ แต่ก็ไม่วายโดนยัดเยียดรางวัลต่างๆ นานาให้ทีหลังอยู่ดี

“พูดอย่างกับตัวเองสน” พัฟตอกกลับ “ใครวะที่ลากเข้าร้านเค้กเป็นว่าเล่นตั้งแต่ตอนอยู่ม.ปลาย”

“อ้าว ใครวะ ต้องเก่งและหน้าตาดีมากจริงๆ นะเนี่ยถึงลากคนแบบมึงเข้าร้านเค้กที่เกลียดแสนเกลียดได้”

“แล้วแต่มึงจะคิดเลย”

รูทหัวเราะ เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารจานด่วนของอีกคนมาเสิร์ฟพอดีเขาจึงไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงปล่อยให้เพื่อนลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าไป ส่วนตนก็ละเลียดเนื้อเค้กที่โปรดปรานที่ละนิด

เขาเป็นคนชอบกินเค้กตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะพ่อและแม่ต่างก็ชอบทานด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย แต่หลังจากที่ท่านทั้งสองเสียไปด้วยอุบัติเหตุไม่คาดฝัน และรูทต้องย้ายมาอยู่กับคุณยายสองคน ทำให้อัตราการกินเค้กลดลงเพราะคุณยายไม่ชอบทานของหวานเท่าใดนัก ดังนั้นเวลามีโอกาสได้กินเค้กเขาจึงไม่เคยสั่งน้อยกว่าสองชิ้น ยิ่งพอได้รู้จักกับพัฟที่เอาแต่ตามใจ ยอมเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมอยู่บ่อยๆ รูทก็เลยได้ที จัดเต็มที่แบบไม่เกรงใจ

ยังจำครั้งแรกที่อีกฝ่ายชวนไปกินข้าวแล้วเขาขอให้พาไปร้านเค้กได้อยู่เลย พัฟดูจะสับสนแต่ก็ยอมพาไป เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเจ้าของเค้กร้านนั้นเป็นลูกค้าประจำที่สั่งอุปกรณ์ทำเค้กจากบริษัทที่แม่ของชายหนุ่มเป็นเจ้าของ และที่พัฟไม่ปฏิเสธที่จะพาเขาไปร้านเค้กเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ก็เพราะเขาชินเสียแล้ว ก็ที่บ้านทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์เบเกอรี่ แถมทั้งแม่และน้องชายก็ทั้งชอบทำและชอบกินอีก เรียกได้ว่าคุ้นเคยและคลุกคลีในวงการนี้โดยตรงเลยก็ว่าได้

แถมช่วงหลังกลับเป็นเขาเสียอีกที่ถูกพาไปชิมร้านนั้นร้านนี้ในเครือลูกค้าบริษัท แน่นอนว่ารูทไม่ปฏิเสธหรอก

“อยากกิน...”

พัฟที่จัดการกับจานหลักของตัวเองเสร็จแล้วเอ่ยพลางจ้องมาที่ สตอเบอรี่ชิ้นโตที่ถูกประดับมาเป็นพืเศษบนเค้กของเขา แม้คนตัวโตตรงหน้าจะไม่พิสวาศเค้กเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่ประดับบนเค้กของเขาจะไม่ยอมพลาดแน่นอน

เน้นว่าบนเค้ก ‘ของเขา’ ด้วยนะ กับคนอื่นไม่เห็นมันกิน แต่ตอนมากินกับเขามันจ้องเอาผลไม้ตลอด

“ก็กินสิ มึงพูดแล้วมันจะลอยเข้าปากเองหรือไง?” ยื่นช้อนอีกอันที่ไม่เลอะให้ แต่พัฟกลับส่ายหน้า

“มึงป้อนดิ”

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ต้องให้เขาป้อนตลอด จะกินบ้าบออะไรต้องให้เขาป้อน ดีนะที่ข้าวเมื่อกี้ไม่บอกให้เขาป้อนด้วย

“ให้กูป้อนตลอด กูป้อนแล้วรสชาติมันจะดีขึ้นหรือไง?” ถามคำถามเดียวกับที่ถามทุกครั้ง

 “อือ ให้มึงป้อนอร่อยกว่า” และคำตอบที่พัฟตอบทุกครั้งก็ยังเหมือนเดิม

แล้วก็ตามด้วยเหตุการณ์เดิมๆ สตอเบอรี่ลูกโตถูกส่งเข้าปากที่อ้ากว้าง ได้ยินเสียงกรี๊ดจากโต๊ะข้างๆ อีกแล้ว แต่มันคงดังไม่มากพอจะกลบเสียงที่ดังอยู่ในอกของเขาตอนนี้

“มึงแม่งชอบทำตัวประเจิดประเจ้อ”

“มึงก็ชอบทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

เจอประโยคตอกหลับแบบนี้รูทก็ได้แต่หัวเราะ ไม่อาจเถียงต่อได้ด้วยสิ่งที่พัฟพูดมาเป็นเรื่องจริง เขารู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้ารู้สึกเช่นไรกับเขา รู้ถึงการแสดงออกในแง่มุมที่ผิดปกติจากเพื่อนผู้ชายทั่วไปมักจะทำกัน และรู้ด้วยว่าตนเองก็ยินดีที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพัฟเป็นไปในทางที่ดีขึ้น

หากก็ต้องยอมรับว่าตนกำลังกลัว กลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะสายตาของคนภายนอก ความรู้สึกของผู้เป็นยายที่ถ้ารู้ว่าหลานชายเพียงคนเดียวคบกับผู้ชายแล้วอาจจะไม่ยอมรับ ที่สำคัญที่สุดคือ การจะเปลี่ยนจากตำแหน่งเพื่อนที่สนิทกันมากไปสู่การเป็นคนรักมันไม่ง่ายเหมือนที่ใครต่อใครพูดกันหรอก

“มึงก็รู้ว่ามันยากนี่หว่า... รีบกินเหอะเดี๋ยวไม่ทันเข้าเรียน คลาสนี้อาจารย์เรียกชื่อด้วย”

รูทตัดบทแล้วก้มหน้าก้มตาจัดการเค้กตรงหน้าต่อ รับรู้ถึงสายตาที่มองจ้องทุกการกระทำแต่ก็เลือกจะเมินเฉยและปล่อยให้มันเงียบหายไปเหมือนทุกที

หลังเลิกเรียนกิจวัตรประจำวันของพวกนักศึกษาก็ยังเหมือนเดิม บางส่วนกลับบ้าน บางส่วนเที่ยวเล่น วันนี้รูทเลือกที่จะอยู่ฝ่ายกลับบ้านเพราะงานที่อาจารย์สั่งไว้เมื่อคาบก่อนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี รูทจัดการบอกลาเพื่อนในกลุ่มจนครบแล้วเดินเคียงข้างร่างสูงโปร่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเหมือนปกติ

ตาเรียวเหลือบมองคนด้านข้าง ถึงพัฟจะยังคงใบหน้านิ่งเฉยและเอ่ยลาเพื่อนพ้องรวมไปถึงรุ่นน้องเหมือนยามปกติแต่บรรยากาศรอบตัวที่แปลกไปทำให้รู้ว่าแม้จะไม่พูดหากอีกฝ่ายยังคิดเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันตอนอยู่ร้านกาแฟ เพราะพัฟจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำทีเหมือนไม่มีอะไรแม้จะไม่พอใจในคำตอบก็ตาม

“มึง วันนี้น้องพายไม่อยู่บ้านใช่ป่ะ?”

“อืม ที่บ้านกิวชวนน้องไปกินข้าวด้วย”

“งั้นมึงก็ไปบ้านกูได้ดิ ยายกูบ่นว่าคิดถึง อยากให้พ่อรูปหล่อปกินข้าวกับยายบ้าง กูล่ะหมั่นไส้”

สมัยยังเด็กคนที่จะไปฝากท้องที่บ้านเขาเป็นประจำคือกิว ถัดมาหลังจากที่รู้จักกับพัฟแล้วก็ลากกันไปทั้งสองคน แต่พอกิวเจอพายและตามเทียวไล้เทียวขื่อน้องคนที่มักจะไปฝากท้อง กินข้าวเย็นอยู่เสมอเลยเหลือแค่พัฟคนเดียว และไม่รู้ว่าผู้เป็นยายติดใจอะไรเจ้าหนุ่มหน้านิ่งนี่หนักถึงได้ชมเช้าชมเย็น หาโอกาสให้พากลับบ้านไปกินข้าวด้วยประจำ





“กูไม่เข้าใจ”

หลังมื้ออาหารเสร็จสิ้นลงทั้งคู่ก็ขึ้นไปคลุกอยู่บนห้องของรูทอย่างที่เคยทำ กองหนังสือเรียนและแบบร่างโปรเจควางเกลื่อนอยู่บนพื้นทำให้พวกเขาต้องขึ้นมานั่งขัดสมาธิตัดกระดาษที่เตรียมประกอบอยู่บนเตียง ระหว่างที่รอเขาวาดแบบให้ตัด อีกฝ่ายก็เอ่ยทำลายความเงียบ

“หือ? แบบที่ร่างเมื่อกี้เหรอ? ขนาดไม่เข้าใจมึงยังวาดได้เนอะ”

“ไม่ใช่ กูไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราคบกันไม่ได้ทั้งที่เรารู้สึกเหมือนกัน”

รูทใช้หางตาเหลือบมองคนข้างกาย รับรู้ได้ว่าพัฟกำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน รูทได้แต่คิดในใจว่าพลาดแล้ว ปกติหากเขาตัดบทเหมือนเมื่อตอนกลางวันพัฟจะไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีกจึงลืมไปเลยว่าเขายังคุยเรื่องนี้ค้างอยู่

ตาคมที่สบมาแน่วแน่และมั่นคงราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้เขาชิ่งตัดบทหนีอีกแล้ว เห็นท่าทีแบบนั้นรูทก็ได้แต่ขบริมฝีปากอย่างชั่งใจ ไม้บรรทัดและดินสอในมือถูกวางลงข้างตัวอย่างจำยอม คงได้เวลาที่ต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียทีหลังจากผลัดไว้มาเนิ่นนาน

“พัฟ มึงก็รู้ว่ามันยาก กับการที่เพื่อนสนิทจะเปลี่ยนฐานะมาเป็นคนรักกัน ถึงเราจะรู้สึกเหมือนกันก็เถอะ.....”

“แค่เรารักกันมันไม่พอหรือไง? มึงจะคิดอะไรมากมาย”

นานๆ ทีจึงจะเห็นอีกฝ่ายดื้อแพ่งแบบนี้ หน้านิ่วคิ้วขมวดและการใช้คำพูดเหมือนเด็กๆ จนรูทเผลออมยิ้ม

“เพราะมึงก็คิดน้อยไปกูเลยต้องคิดแทนนี่ไง เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน น้องมึงก็คนนึงแล้ว ถ้ามึงอีกคนแม่จะรับได้เหรอ ไหนจะยายกูอีก มันยากว่ะพัฟ” รูทว่าตามที่ตนคิด “ไหนจะเรื่องที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอดอีก ถ้าเราคบกันแล้ววันนึงมึงกับกู ใครสักคนเกิดเปลี่ยนไปความเป็นเพื่อนของเราก็คงไม่เหลือเหมือนกัน กูไม่อยาให้เป็นแบบนั้น”

“.....มึงพูดแบบนี้เหมือนดูถูกความรู้สึกของกูนะรูท”

“กูไม่ได้ดูถูกพัฟ กูพูดในสิ่งที่มันเป็นไปได้ กูพูดในสิ่งที่กูกลัว”

ใช่ เขากลัว กลัวว่าหากวันนึงที่เขาตกลงจะเดินไปด้วยดันแล้วฝ่ายใดฝ่ายนึงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาสิ่งที่สร้างมาด้วยกันมันจะไม่เหลืออะไรเลย และรูทก็ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น เขาเลยเชื่อมาตลอดว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด

จบประโยคของรูททั้งคู่ก็เงียบไป เป็นความเงียบที่ชวนให้อึดอัด แต่รูทถึงว่าตนเองพูดในเรื่องที่ต้องการหมดแล้ว เหลือแค่พัฟเท่านั้นที่จะยอมรับมันได้หรือไม่

“.....กูก็กลัวไม่ต่างกับมึงหรอกรูท” คนตัวโตเป็นฝ่ายเอ่ยทลายความเงียบ “แต่กูตัดสินใจแล้ว ถ้ามึงพร้อมจะเดินเคียงข้างกู ต่อให้เจออะไรกูก็ข้ามมันไปให้ได้และจะพามึงไปด้วย”

“..........”

“แค่มึงตอบมาคำเดียวว่าได้ สิ่งที่มึงกลัวจะเหลือแค่ให้ยายมึงยอมรับเรื่องของเราเท่านั้น”

คำพูดที่หลุดปากออกมาพร้อมสายตาคมเข้มที่มองมาชวนให้รู้สึกว่าหากเป็นคนตรงหน้าต้องทำตามที่ตนเองพูดให้ได้แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม และจากที่รู้จักกันมาหลายปี ผู้ชายคนนี้ก็ทำอย่างที่ว่าได้แทบทุกครั้งเสียด้วย แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนที่เคยผ่านมานี่สิ

“.....เรื่องแบบนี้พูดง่ายทำยากนะเว้ย”

“กูทำได้แน่”

คำพูดที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่มีวันเปลี่ยนใจทีหลังหากลั่นวาจาแล้วนั้นจริงจังมากเสียจนรูทเกือบจะหลุดหัวเราะแต่เมื่อคิดว่าหากหัวเราะไปจะทำให้พัฟคิดเป็นอื่นเขาก็ต้องกลั้นเอาไว้ แล้วมองสำรวจใบหน้าแน่วแน่มั่นคงของคนที่กำลังเฝ้ารอคำตอบจากเขา

พัฟจริงจังกับเรื่องนี้มาก ความรู้สึกนั้นแสดงออกบนใบหน้าคมเข้มติดจะนิ่งเฉย ตอนแรกที่เจอกันเขาคิดว่ามันแค่เป็นคนขี้เก๊กดีแต่ปากคนนึง แต่เมื่อรู้จักกันไปเรื่องๆ รูทก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ พัฟไม่ใช่คนขี้เก๊กอะไรเลย เพียงแค่เป็นคนหน้านิ่งแม้นิสัยจะไม่นิ่งก็ตามเพราะความเคยชิน เห็นว่าตอนพายเด็กๆ แค่เห็นหน้ามันก็ไม่กล้าดื้อแล้วมันเลยติดทำหน้าแบบนี้มาตลอด แถมไม่ค่อยชอบยิ้ม มุมปากก็เลยตกอยู่เสมอ

และพัฟก็ไม่ใช่คนดีแต่ปาก หากเป็นคนพูดน้อย นานๆ ถึงจะพูดประโยคยาวๆ กับเขาบ้าง พูดจริงทำจริง ต้องมั่นใจแล้วว่าตัวเองทำได้แน่ๆ ถึงกล้าเปิดปากบอกสิ่งที่จะทำให้คนอื่นได้รับรู้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เจ้าตัวคงมั่นใจมากว่าจะทำให้ยายเขายอมรับได้ ถึงได้ลั่นวาจาออกมาเช่นนั้น

ใจนึงก็อยากจะบ่นที่มันที่มันให้ความสำคัญเรื่องของเขามากกว่าโปรเจคที่กองอยู่บนพื้น แต่ก็นะ เพราะเป็นคนแบบนี้แหละ ถ้าไม่นับเรื่องครอบครัวตัวเองพัฟก็เห็นเรื่องของเขาสำคัญมากที่สุดมาตลอด คอยเอาใจใส่และทำทุกอย่างเท่าที่ตนทำได้เพื่อเขาชนิดที่เพื่อนเห็นก็ยังรู้ว่ามันเป็นประเภทเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ทำไปทำมาเขาก็เลยคล้อยตาม พลอยคิดไม่ซื่อกับมันไปด้วยอีกคน
และในเมื่อพัฟพูดจูงใจเขามาเสียขนาดนี้ จะลองคล้อยตามอีกรอบคงไม่เป็นไร

รูทมองหน้าแน่วแน่นั่นอีกครั้งราวกับจะค้นหาก่อนจะแสร้งทำทีเป็นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แม้กระนั้นพัฟก็ยังคงนิ่งราวกับหมาตัวโตที่กำลังรอคำสั่งจากเจ้าของ สุดท้ายรูทก็ต้องยอมเผยรอยยิ้มแล้วเปล่งคำตอบออกไป ก่อนจะต้องโวยวายจากอาการเขินเพราะโดนรั้งเข้าไปกอดเสียแน่น



“ได้ กูจะลองเดินข้างมึงดู”




(คู่)เพื่อนของหัวหน้า จบ



-------------------------------------------------------------------


 Talk : สวัสดีค่ะ   

หลังจากปล่อยให้เขาจีบกันพักใหญ่มากๆ ในที่สุดพี่พัฟกับพี่รูทก็ตกลงว่าจะเดินเคียงข้างกันสักทีนะคะ เป็นคู่รักที่แสดงออกแต่ไม่บอกใคร จะเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิดค่ะ หลายๆ คนอาจจะอยากให้ลงไปในตอนเลยว่าเป็นคนรักกัน อยากให้บอกรัก ต้องบอกเลยว่าสำหรับคู่นี้ยากค่ะ ปากหนักกันทั้งคู่ แต่ไม่แน่เขาอาจจะไปกระซิบกันทีหลังก็ได้นะ ฮิๆๆ

หลังจากนี้จะมีอีกสองตอนที่จะลงเล้าเป็ด และอีกสองตอนที่ตั้งใจจะลงในหนังสือ แล้วจะเกลาภาษาก่อนส่งให้พิจารณาต้นฉบับค่ะ แต่เพราะอะไรหลายๆ อย่างเลยไม่แน่ใจว่าหนังสือจะได้คลอดไหม เอาเป็นว่า หากมีโอกาสคงได้เจอกันนะคะ :hao6:

แล้วเจอกันตอนหน้า ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดค่ะ :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน (คู่)เพื่อนของหัวหน้า หน้า 4 (09.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 09-04-2015 20:40:30
ขอในหนังสือตอนพิเศษยาวๆ หนาๆนะคะ5555555555555
คิดถึงน้องพายยย
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 17-04-2015 20:14:55
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน ความสุขของหัวหน้า






  ความสุขชองกิวมีอยู่ไม่กี่อย่าง

สมัยยังเป็นเด็กกิวมีความสุขทุกครั้งเวลาที่ได้ของเล่นใหม่ ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงของเล่นที่แถมมากับขนมขบเคี้ยวราคาถูกที่เอาเพียงของเล่นแล้วโยนซองทิ้ง หรือหุ่นยนต์ราคาแพงที่ได้รับในวันเกิด ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็ทำให้เขายิ้มได้เสมอ

พอโตขึ้นมา ความสุขของกิวก็เปลี่ยนไป หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าครอบครัวของตัวเองคงไม่มีวันเป็นเหมือนคนอื่น ความสุขของเขาก็กลายเป็นการถูกห้อมล้อมและได้รับความสนใจจากคนรอบตัว เขาจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ตัวเองเป็นจุดเด่น ทั้งด้านการเรียน ด้านกีฬา และมันก็ได้ผลดีเสียด้วย และผลลัพธ์นั้นก็ทำให้เขามีความสุข ยิ่งเริ่มมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางที่คนทั่วไปไม่อยากจะเกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ ความต้องการที่จะได้เป็นบุคคลที่ใครๆ ยอมรับ ให้ความเคารพยำเกรงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น และกิวก็คิดว่านี่แหละคือจุดสูงสุดของความสุขที่เขาควรจะเก็บเกี่ยวไว้

แต่เขาคิดผิด ความสุขที่ได้มานั้นเป็นเพียงสิ่งฉาบฉวย ไม่ใช่สิ่งจีรัง จนกระทั่งพรหมลิขิตเหวี่ยงให้เขาได้มาเจอกับพาย คนที่ทำให้ชีวิตเขากลับตาลปัตรได้ขนาดนี้



“พี่กิว ต่อสายยางหน้าบ้านให้หน่อยสิครับ”

แรงไม่มากนักโถมเข้าหาเขาจากด้านหลัง วงแขนเรียวยาวโอบล้อมลำคอพร้อมเสียงทุ้มหวานอันแสนคุ้นหูที่เอื้อนเอ่ยอยู่ใกล้ๆ กิวพยักหน้า กดปุ่มพอสเกมที่ตนกำลังเล่นอยู่แล้ววางจอยในมือลงอย่างไม่อิดออด

“จะอาบน้ำให้บับเบิ้ลบี?”

“ใช่ครับ วันนี้จะเอาลูกชายขึ้นไปนอนด้วย ไม่ได้นอนด้วยกันสองคนหนึ่งตัวนานแล้วนี่เนอะ?”

ตามปกติแล้วกิวจะอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงตัวโตของเขาสองครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ หรือวันไหนที่พายอยากจะเอาขึ้นห้องไปนอนด้วยก็จะถือเป็นกรณีพิเศษที่ต้องอาบเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง ยังดีที่บับเบิ้ลบีไม่ใช่สุนัขกลัวน้ำ ติดจะชอบเล่นน้ำเอามากๆ เสียด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะขนนุ่มฟูที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่เยอะเกินไปทำให้มันร้อนมากจนอยากจะแช่น้ำตลอดเวลาก็ได้ และวันนี้ก็ถือเป็นโอกาสพิเศษที่บับเบิ้ลบีจะได้เล่นน้ำเพิ่มอีกหนึ่งวันในอาทิตย์นี้

“บับเบิ้ลบีมานี่เร็ว ม่งม่งม่ง”

พายถือสายยางที่วานให้กิวต่อตรงจากก๊อกน้ำตรงสวนหน้าบ้านพลางส่งเสียงประหลาดเรียกสุนัขตัวโตที่นอนส่ายหางไปมาไล่ความร้อนอยู่ไม่ไกลบนสนามหญ้า พอได้ยินเสียงเรียกมันก็ชะเง้อหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกยืนแล้วเดินมาหาอย่างว่าง่าย

“พายอาบเอง พี่กิวไปนั่งพักก่อนครับ เดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาแย่เลย” ฝ่ามือบางผลักหลังคนตัวโตเบาๆ “คนแก่ยิ่งไม่ถูกกับอากาศร้อนอยู่”

คำพูดคำจากวนเบื้องล่างชวนให้กิวต้องเลิกคิ้วมอง จริงอยู่ที่เขาไม่ถูกกับอากาศร้อน ยิ่งช่วงเดือนเมษาที่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้เขาแทบไม่อยากเดินออกไปนอกห้องแอร์เลยสักก้าว แต่ไม่ยักเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอายุตรงไหน ยิ่งเห็นคนที่พูดแบบนั้นยักคิ้วให้ยิ่งน่าหมั่นไส้จนต้องหยิกแก้มใสที่เริ่มชื้นเหงื่อจนแดงเรื่อเบาๆ

“อย่าเล่นน้ำนานมากนักเข้าใจหรือเปล่า?” กิวย้ำเสียงเข้ม ส่งสายตาเน้นทั้งคนทั้งหมา

“ครับผม! แป๊บเดียวเลย เนอะบับเบิ้ลบี”

ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือเปล่าแต่เจ้าโกลเด้นที่มีชื่อเดียวกับรถส่งเสียงเห่าราวกับตอบรับคำพูดของพาย



แสงแดดสาดส่องลงมากระทบกับสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากสายยางเกิดเป็นสายรุ้งสีสันสวยงาม คนตัวเล็กฉีดน้ำไล่จากส่วนคอไปตามสันหลังของสุนัขตัวโปรดก่อนจัดการชโลมโฟมอาบน้ำสูตรสำหรับสุนัขเฉพาะสายพันธุ์ราคาแพงที่กิวลงทุนซื้อมาลงบนเส้นขน ลูบไล้จนทัวเสียจนตัวบับเบิ้ลบีเต็มไปด้วยฟอง

“เหมือนแกะเลย ฮะๆ สบายสินะบับเบิ้ลบี”

เจ้าหมาส่งเสียงครางในลำคอ มันยืนนิ่งปล่อยให้พายอาบน้ำอย่างสบายใจ จนเมื่อใกล้จะเสร็จนั่นแหละที่จู่ๆ บับเบิ้ลบีก็เกิดอยากชวนเจ้านายเล่นน้ำด้วยขึ้นมา เจ้าหมาตัวโตเลยจัดการสะบัดน้ำออกจากตัวไปมาเสียจนกระเด็นโดนพายที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปเต็มๆ

“เฮ้! บับเบิ้ลบีเดี๋ยวก่อน หนอย... เจ้ายักษ์นี่” พายยกมือบังหน้าตัวเอง แต่แรงสะบัดน้ำมีมากกว่าแม้พายจะเอ่ยห้ามหรือยกมือบังใบหน้าทันแต่ก็ทำให้เสื้อสีขาวตัวเก่งและกางเกงที่ใส่อยู่รวมถึงแขนขามีน้ำกระเซ็นใส่ไม่น้อย

เขาสำรวจตัวเองแล้วมุ่ยหน้า รู้อยู่หรอกว่าอาบน้ำให้หมามันต้องเปียก แต่เล่นสะบัดจังหวะนี้มันก็เปียกมากกว่าเดิมน่ะสิ ตาเรียวมองค้อนเจ้าหมาที่ยังตัวเปียกที่นั่งแลบลิ้นหายใจอย่างสบายอารมณ์ พลันสมองกลับคิดเรื่องดีๆ ขึ้นมาได้ มุมปากบางหยักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พายตะโกนเรียกชื่อคนรักที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักพร้อมโบกมือเรียกหยอยๆ

“พี่กิวครับ! มาตรงนี้หน่อยสิ”

ฝ่ายคนถูกเรียกก็ไม่นึกเอะใจอะไร กิวละสายตาจากโทรศัพท์มือถือที่ตนกำลังเล่นอยู่ลุกเดินมาหาน้องอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันได้ถามว่าอีกคนต้องการให้ช่วยอะไร น้ำเย็นจากสายยางก็พุ่งใส่เข้าเต็มๆ ที่กลางเสื้อกล้ามตัวใหญ่ เห็นคนติดกับที่ตัวเองวางไว้พายก็หัวเราะร่า

“อ้าว ทำไมพี่กิวไปยืนขวางทางน้ำแบบนั้นล่ะครับ? ตัวเองบอกไม่ให้เล่นน้ำนานแท้ๆ” เอ่ยถามแถมยังทำหน้าตกใจชนิดที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำสุดๆ เสียอีก

กิวก้มมองเสื้อกล้ามชุ่มน้ำของตัวเองสลับกับผู้กระทำการลวงเขาให้มาตกเป็นเป้าที่กำลังพยายามกลั้นขำหันไปฉีดน้ำใส่บับเบิ้ลบีต่ออย่างอารมณ์ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มองอยู่อย่างนั้นจนพายต้องยอมเป็นฝ่ายหันมาฉีกยิ้มหวานจนเห็นฟันขาวใส่

“จะเล่นแบบนี้เหรอพาย...” ข่มเสียงต่ำแม้จะรู้ว่าไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนได้แม้แต่น้อย

“หือ? เล่นอะไรครับ พายไม่ได้จะเล่นอะไรสักหน่อย เฮ้ยยย!”

พายร้องลั่นเมื่อสายยางในมือถูกกิวคว้าไปแล้วหันให้ฉีดเข้าใส่ตนเองเต็มๆ เสียจนเปียกไปหมด มองหน้าคนแก่กว่าที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องเหมือนที่ตัวเองทำเมื่อครู่ก็รู้แน่ว่าโดนเอาคืน พายรีบยื้อแย่งอาวุธให้กลับมาอยู่ในครอบครองของตน แต่โดนมือใหญ่รั้งไว้แล้วสะบัดน้ำใส่ตัวเข้าไปเต็มๆ อีกรอบ แถมคราวนี้ยังสาดขึ้นไปบนหัวอีกด้วย สภาพในตอนนี้จึงไม่ต่างจากบับเบิ้ลบีเท่าใดนัก

ร่างเล็กเปียกโชกทำปากอ้าๆ หุบๆ เหมือนปลาทองเวลาหายใจ เห็นแล้วกิวก็หลุดขำในลำคอ ทว่าท่าทางของเขาคงจะขัดหูขัดตาอีกฝ่ายเสียแล้ว จึงได้โดนส่งค้อนมาให้วงใหญ่

“พี่... กิว... นี่แน่ะ!”

สายยางให้มือกิวโดนงอให้ฉีดเข้าร่างคนถือเต็มๆ อีกครั้ง แต่ใช่ว่าเขาจะไม่สู้ ข้อมือแกร่งสะบัดไปมาทำให้น้ำกระเซ็นกลับไปหาอีกคน แต่พายใช่ย่อย เขาชิงเอาช่วงที่กิวสะบัดน้ำหันปากสายยางเข้าฝั่งคนโตกว่าแล้วหมุนเพิ่มแรงดันให้พุ่งเข้าเต็มๆ หน้า ก่อนตั้งท่าจะวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทัน เพราะแขนแกร่งโอบรอบเอวคว้าตนเองเข้าไปชิดแผงอกกว้างเสียแล้ว

“พี่กิวปล่อยพายนะ! บับเบิ้ลบีสะบัดน้ำใส่พี่กิวเลย”

ดิ้นไปมาพลางออกคำสั่ง หากบับเบิ้ลบีเพียงส่งเสียงเห่าแล้ววิ่งวนไปมารอบๆ ทั้งคู่ให้น้ำบนพื้นกระเด็นโดนเล่นเท่านั้น

“อยากเล่นสงกรานต์ย้อนหลังก็ไม่บอกดีๆ”

“เปล่าสักหน่อย พี่กิวเดินเข้ามาใกล้พายจนโดนน้ำฉีดเองต่างหาก”

ยังคงไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็ยอมยืนนิ่งๆ ให้กิวได้กระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้ว จมูกโด่งจากคนด้านหลังจึงชิงสูดความหอมจากแก้มใสด้วยความรวดเร็วไปหนึ่งที

“โกหกต้องโดนหอมรู้หรือเปล่า?”

“ทำอย่างกับไม่โกหกแล้วพี่กิวจะไม่หอม” พายส่งค้อนให้อีกรอบ

คำพูดคำจาน่ารักจนต้องจัดการแก้มใสชื้นน้ำอีกหนึ่งข้างก่อนจะยอมปล่อยมือจากเอวบางเมื่อได้ยินเสียงจามเบาๆ กิวส่ายหน้ากับคนที่เล่นจนตัวเองอาจจะป่วยในวันถัดไป แม้จะเริ่มเย็นแล้วแต่อากาศที่ร้อนขนาดนี้ถ้าจะยังมายืนตัวเปียกตากอากาศต่ออีกคงไม่เหมาะแน่ ยิ่งคนเป็นภูมิแพ้ไวต่ออากาศแบบพายยิ่งทำให้ป่วยง่ายเข้าไปอีก คิดได้แบบนั้นกิวจึงให้อีกฝ่ายไปเตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนของพวกตัวเอง ส่วนเขาก็จัดการเก็บสายยางให้เข้าที่เข้าทาง

ในตัวบ้านมีพัดลมเครื่องใหญ่อยู่เขาจึงไม่ต้องจัดการกับสัตว์เลี้ยงให้วุ่นวายมากนัก และเจ้าหมายักษ์ก็ฉลาดแสนรู้ดีเพราะทันทีที่เข้าถึงบ้านและเปิดให้พัดลมเดินเครื่อง บับเบิ้ลบีก็เดินไปนอนยังที่ประจำซึ่งจัดไว้สำหรับให้ตากลมทำขนแห้งโดยเฉพาะ เมื่อจัดการความเรียบร้อยของสัตว์เลี้ยงเสร็จจึงได้เวลาจัดการกับคนต่อเสียที

ด้วยความชอบส่วนตัวของเขาทำให้ชั้นล่างของบ้านหลังนี้มีห้องน้ำเพียงห้องเดียว หากต้องการจะอาบน้ำด้วยต้องขึ้นไปใช้ห้องน้ำชั้นบนที่มีทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว ช่วงแรกๆ ที่คนรักมาค้างที่บ้านก็โดนบ่นอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ทำห้องอาบน้ำที่ชั้นล่างด้วย มีแค่ฝักบัวก็ยังดีจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นลงให้เสียเวลา แต่เพราะกิจกรรมการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่เอาง่ายเข้าว่ากิวจึงไม่ยอมทำฝักบัวตามที่น้องเสนอเสียที หลังๆ เลยกลายเป็นพายที่เลิกบ่นและยอมขึ้นมาอาบน้ำข้างบนแต่โดยดี

ทันทีที่ตรงเข้ามาในห้องขายาวก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่เขาคิดว่าน่าจะเข้าไปอาบน้ำแล้วยังเดินยืนเช็ดหัวอยู่ในห้องนอนดูสารคดีทั้งที่ตัวยังเปียก แถมในห้องก็เปิดแอร์แทนที่จะเป็นพัดลมเสียอีก

“ทำไมไม่ไปอาบน้ำ?” กิวถามเสียงเข้มพร้อมส่งสายตาที่ใช้เวลจะดุไปให้

“ก็รอพี่กิวขึ้นมานั่นแหละ มาช้าจังครับ บับเบิ้ลบีงอแงเหรอ?”

“เปล่า พี่แค่เก็บสายยางอยู่ พายรีบไปอาบน้ำเหอะ เสื้อแนบจนหัวนมโผล่มาทักทายแล้ว”

เขาไม่ได้พูดแกล้งเพื่อกระตุ้นให้น้องรีบเข้าไปอาบน้ำแต่อย่างใด เพราะวันนี้พายใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงขาสั้น ซึ่งกางเกงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกเพราะเขามีภูมิต้านทานขาอ่อนของอีกคนอยู่แล้ว แต่เสื้อสีขาวเวลาเปียกน้ำแล้วแนบเนื้อนี่สิ มันแนบเสียจนเขาเห็นบางสิ่งชูชันขึ้นมาล่อตาตั้งแต่ตอนซัดน้ำใส่กันแล้ว ยิ่งมาเจออากาศเย็นๆ ในห้องส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าก็ยิ่งเด่นชัด คงเป็นเพราะอากาศหนาวจากเครื่องปรับอากาศนั่นแหละ

เจอทักเข้าไปแบบนั้นเลือดก็แล่นพุ่งขึ้นหน้า ยิ่งพอก้มมองก็เห็นว่าเป็นเช่นที่อีกฝ่ายพูดจริงก็ยิ่งเขิน คว้าผ้าลงมาปิดหน้าอกตนเองเอาไว้

“.....พี่กิวแม่งลามก”

“ก็หัวนมเรามันตั้งเอง... ถ้าไม่อยากเป็นเมียทางพฤตินัยก็รีบเข้าไปอาบน้ำเลยไป มายืนล่อหน้าล่อตาอยู่ได้”

ว่าแล้วก็คว้าแขนน้องให้เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ จัดการปิดประตูให้เสร็จสรรพแล้วมายืนพิงประตูพลางลอบถอนหายใจ กิวสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างกาย เหมือนมีสายฟ้าจุติลงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แถมยังรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติยามบ่ายตรงบริเวณส่วนล่างของร่างกาย และเขารู้ดีว่ามันคือความต้องการ

แม้จะเป็นคนรักกันมาได้เกือบปี (โดยไม่นับระยะเวลาจริงที่ทั้งคู่รู้สึกดีๆ ให้กัน) แต่เขากับพายยังไม่เคยมีอะไรกัน มีบ้างที่แสดงความรักต่ออีกฝ่ายด้วยการกอดจูบ แต่ไม่มีครั้งไหนที่เกินเลยถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางกายกัน เนื่องจากกิวรู้ดีว่าน้องยังไม่พร้อม แม้จะทำเหมือนกร้านโลก คอยเย้าแหย่ แถมบางครั้งยังยั่วให้เขาแทบทนไม่ไหวจนต้องมีชู้เป็นมือขวาของตัวเอง แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้ว่าพายยังไม่พร้อมที่จะรับเขาเข้าไปในร่างกายเล็กๆ นั้น แม้จะเสียดายและเกือบจะทนไม่ได้สักกี่ครั้งแต่เขาก็มั่นใจว่าตัวเองยังรอได้ แต่สภาพพายแบบนั้นมันช่าง... สงสัยคงต้องเซย์ไฮชู้รักอีกแล้วล่ะมั้ง...

“พี่กิว”

 “.....ว่า? ลืมอะไร?”

เสียงทุ้มปนหวานเรียกชื่อเขาจากอีกฟากของบานประตูที่กำลังพิงอยู่ กิวสะดุ้งเล็กน้อยด้วยสติยังไพร่คิดไปถึงภาพน้องในสมอง กิวสูดลมหายใจเข้าเรียกสติตัวเองพร้อมเอ่ยตอบกลับไป แต่ยังรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองแหบพร่าไปเล็กน้อย

“ไม่ได้ลืม... ก็รอพี่... อยู่...”

คำพูดกระท่อนกระแท่นแถมยังสะท้อนให้ห้องน้ำก่อนจะเข้าถึงหูทำให้ประโยคนั้นขาดหาย เจ้าของใบหน้าคมเผลอขมวดคิ้ว ก่อนที่ร่างสูงจะเขยิบตัวเข้าใกล้มากขึ้นประตูห้องน้ำก็ถูกแง้มออกเสียก่อน กิวเห็นใบหน้าเพียงเสี้ยวเดียวของคนด้านใน เหมือนพายกำลังจะประหม่าถึงได้เหลือบมองเขาแล้วก้มมองพื้น ก่อนจะเหลือบมองเขาอีกครั้ง

“พูดอะไรไม่ได้ยิน แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีก อยากโดนจับปล้ำหรือไง?”

ยกคำขู่เดิมมาใช้อีกครั้ง หวังให้อีกคนได้โวยวายหรือมองค้อนแบบที่ชอบทำเวลาเขินหรือไม่พอใจ หากแต่รอเท่าไหร่พายก็ไม่ตอบกลับมา แถมเขายังเห็นว่าแก้มใสพลันแดงหนักขึ้นเหมือนเอาเลือดมาสาดใส่เสียอีก กิวตั้งใจจะถามว่าเป็นอะไร แต่อาการพยักหน้าและคำตอบอ้อมแอ้มเสียงเบากลับหยุดความตั้งใจของเขาเอาไว้

“...........อือ”



เสียงหอบหายใจกระชั้นถูกปล่อยออกมาทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองผละออกจากกัน หากเพียงครู่ไม่ทันที่ความหวาบหวามจะจางหาย แขนเรียวก็โอบรั้งลำคอหนาให้เข้ามาประกบใบหน้าใกล้ยิ่งขึ้น ครานี้ฟันเล็กขบย้ำลงไปบนเนื้อหยุ่นนิ่มที่แทรกเข้าโพรงปากอย่างแผ่วเบา ก่อนลิ้นร้อนของทั้งคู่จะเกี่ยวกระหวัดราวกับต้องการจะดูดอากาศหายใจของกันและกัน เสียงครางผะแผ่วดังจากลำคอเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ทัน

พายเป็นฝ่ายผละจากมาก่อน ซึ่งกิวก็ยอมไม่ดื้อดึงหากตนกลับฝังใบหน้าลงที่ซอกคอขาว ขบเม้มรุนแรงเสียจนขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำ และดูเหมือนจะยังไม่พอใจ แขนแกร่งจึงทำการอุ้มร่างบางมานั่งตรงอ่างล้างหน้าที่บัดนี้สิ่งของโดนกวาดลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีใครคิดจะสนใจ เสียงหวานครางเครือเมื่อมือซนเริ่มไต่ขึ้นตามหน้าท้องขาวแบนราบและหยุดลงตรงยอดอกสีหวานที่ชูชันล่อตาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

“อึก... พี่กิว พายจักจี้...”

เอ่ยบอกขณะที่รั้งข้อมือแกร่งให้หยุดมือซึ่งกำลังหยอกล้อหน้าอกของตัวเองอยู่ กิวลอบมองดวงหน้าหวานซับสีชาดแล้วก่อนยกยิ้ม จูบเบาๆ ที่ริมฝีกปากบวมเจ่อที่ขับให้คนตรงหน้าดูเซ๊กซี่มากยิ่งขึ้น

“เห็นแล้วมันทนไม่ไหว ขอโทษด้วย”

“ขอโทษทำไม... อ๊ะ! พี่กิว...”

ยอดอกสีหวานโดนครอบครองด้วยโพรงปากร้อน ลิ้นสัมผัสย้ำอยู่รอบๆ ก่อนดุนดันให้พายต้องกรีดร้องเสียงหวาน มืออีกข้างก็หยอกล้อเล่นกับส่วนชูชันไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดคนโดนกระทำก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ต้องยอมปลดปล่อยความวาบหวามผ่านเสียงหวีดเบาๆ และปล่อยอารมณ์ให้พุ่งพล่านจากส่วนกลางของร่างกาย

“.....ไปที่เตียงดีกว่า”

แม้ขั้นตอนต่อไปจะกระทำตรงนี้เสียก็ได้ แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้มีความสัมพันธ์กับคนรักที่เฝ้าทะนุถนอมมานานหลายปี จะให้ความทรงจำครั้งแรกของน้องเป็นพื้นหินอ่อนที่ปูบนหน้ากระจกก็ใช่ที่ แม้จะไม่มีสิ่งของใดกวนใจแล้ว แต่ยังไงเตียงนิ่มๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำเท่าไหร่ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
 


ผ้าปูเตียงขนาดคิงไซส์ที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษบัดนี้กลับยับย่นด้วยแรงขยับโยกจากสองร่างที่โรมรันกันอยู่ด้านบน หมอนที่ควรจะใช้หนุนศีรษถูกเปลี่ยนหน้าที่ให้มารองรับเอวบาง ช่วยผ่อนแรงโถมที่ร่างเล็กๆ ต้องรองรับ แม้ยามแรกที่โดนสอดแทรกเข้ามาจะเจ็บเสียจนเกือบต้องร้องขอให้หยุด แต่ยามนี้ความหฤหรรษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมันมีมากกว่าความเจ็บปวด พายกอดรัดร่างกายของผู้ที่อยู่ด้านบนไว้แน่นขณะส่งเสียงครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ยิ่งเรียกเท่าไหร่กายที่โถมเข้าหาของกิวก็เหมือนจะเร่งรัดให้ยิ่งเคลื่อนไหวอย่างเร็วมากขึ้น หากแต่ก็พยายามอ่อนโยนเพราะคนที่อยู่ใต้ร่างเป็นคนสำคัญ

 “พี่กิว อะ… อ้ะ พี่กิว…ช้าหน่อย...”

ออดอ้อนเสียงหวานเพราะความรู้สึกแปลกพิกลในร่าง ราวกับมีบางอย่างกำลังจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง รู้สึกถึงความร้อนและคับแน่นที่เพิ่มมากขึ้นของสิ่งที่อยู่ภายในกาย อดทนกับสัมผัสหวามไหวที่เคลื่อนกายเข้าออกอีกเพียงไม่นาน อารมณ์ที่เก็บกักไหวของทั้งสองก็ระเบิดออกแทบจะพร้อมกัน

“พาย… อึก!”

“มะ… ไม่ไหว พี่กิว... อื้ออออ”

เสียงหอบหายใจประสานกันภายในห้องกว้าง กิวก้มลงจูบไหล่บอบบางเบาๆ อย่างรักใคร่ และเริ่มขยับถอนกายออกจากคนใต้ร่างอย่างแผ่วเบาแล้วจัดการกับสิ่งที่สวมอยู่โดยไม่ลืมจะทำความสะอาดร่างกายของน้องน้อยที่นอนหอบหายใจอยู่ด้วย เจ้าของใบหน้าหวานที่ยามนี้มองเขาด้วยดวงตาปรือปรอย และริมฝีปากบวมช้ำที่พยายามสูดอากาศเข้าปอดช่างดูน่าสงสารและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน กิวยกยิ้มขณะเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายบางกั้นอากาศไม่ให้กระทบผิวมากไป

“สุดท้ายก็ไม่ได้อาบน้ำ ไม่สบายขึ้นมาทำยังไงหืม?” นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมนุ่มชุ่มเหงื่อที่ระอยู่บนหน้าผากเนียนให้พ้นทาง พายหัวเราะแล้วเขยิบกายเข้าหาแผ่นอกแกร่ง

“เพราะใครล่ะครับทำให้พายไม่ได้อาบน้ำ?”

“แล้วเพราะใครเอาแต่ยั่วจนพี่ทนไม่ไหวต้องจับกดแทนอาบน้ำ?”

“เพราะพี่กิวลามก...”

กิวหัวเราะในลำคอ ยอมไม่เถียงอะไรต่อเพราะยอมรับว่าตนคิดลามกตั้งแต่ที่เห็นสภาพตัวเปียกของน้องแล้ว อ้อมแขนแกร่งรั้งเอวเล็กให้เขยิบเข้ามาใกล้จนพายรู้สึกถึงลมหายใจที่รดกับหน้าผาก จักจี้เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดจะถอยหนี

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วพี่ไปส่งบ้าน”

“หือ... พายบอกที่บ้านว่ากลับวันมะรืนนะ พี่กิวจะรีบไล่พายเหรอ? ได้พายแล้วทิ้งงี้อ่ะนะ นิสัย”

“ตลก” ดีดหน้าผากเนียนเสียดังแปะจนคนรักตัวเล็กมุ่ยหน้าใส่ “จะไปบอกว่าจะรับผิดชอบ เผื่อถุงยางมันรั่วแล้วท้องขึ้นมาจะได้แต่งเลย”

พายหัวเราะเสียงดังลั่น ไม่รู้ว่าคนตัวโตดูละครช่องไหนมาถึงได้พูดจาน้ำเน่าเช่นนี้ หยอกกันไปหยอกกันมาได้สักพันใหญ่ ความอ่อนเพลียจากกิจกรรมเข้าจังหวะที่ร่วมทำด้วยกันก็ส่งผล คนตัวเล็กอ้าปากหาวจนน้ำตาซึม กิวจึงตั้งใจจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน พลันได้ยินเสียงตะกุยอยู่หน้าประตูจึงต้องผละลงจากเตียง ไปเปิดประตูให้เจ้าตัวแสนรู้ที่เลือกมาขัดจังหวะได้พอดิบพอดี

“บับเบิ้ลบี จำได้สินะว่าพายจะพามานอนด้วย”

เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อหมาตัวโตที่โถมกายขึ้นไปนอนเคียงข้างเจ้าตัวบนเตียง แถมเลือกที่ดีเสียด้วย เพราะตรงนั้นเป็นที่ที่กิวเพิ่งจะลุกจากมาไม่นาน บับเบิ้ลบีนอนทับพื้นที่ว่างครึ่งตัว อีกครั้งตัวก็เกยอยู่บนอกที่คลุมด้วยผ้าห่มของพาย ไม่นอนเปล่า ยังตั้งหน้าตั้งตาเลียใบหน้าใสไปด้วย กิวลอบกลอกตา นึกว่าจะได้นอนกอดเมียหมาดๆ ทางพฤตินัยกลับต้องมาโดนลูกชายตัวเองเป็นมารขวางทางเสียแล้ว

“พี่กิว ทำหน้าบึ้งอีกแล้ว... มาครับมานอนกัน พายง่วงแล้วนะ”

ตบเตียงอีกฟากที่ยังว่างอยู่แล้วหาวปากกว้างอีกที กิวจึงได้แต่ต้องยอมรับความจริงว่าคืนนี้ต้องนอนรวมเตียงกันแบบสองคนหนึ่งตัว

พายเขยิบขึ้นมานอนบนท่อนแขนแกร่งแทนหมอนที่ถูกใช้ผิดหน้าที่และบัดนี้กลิ้งลงไปกองบนพื้นเสียแล้ว ดูจากตาที่ปรือปรอยพร้อมหลับได้ทุกเมื่อก็พอจะรู้ว่าเด็กน้อยของเขาเพลียมาก ริมฝีปากหยุ่นแนบหน้าผากเนียนอีกครั้ง ตบหัวบับเบิ้ลบีเบาๆ แล้วสั่งให้นอนเงียบๆ จนกว่าจะถึงเวลาตื่นในวันพรุ่งนี้

“ฝันดีนะครับพาย พี่รักเรานะ”

“...งืม... ฝันดีครับพี่กิว พายก็รักพี่กิวนะ”

กิวกระชับอ้อมกอด ยิ้มรับคำกระซิบหวานหูเบาราวกับเป็นเพลงที่จะขับกล่อมให้เข้าสู่นิทรา แล้วหลับตาลง



สมัยยังเด็ก นิยามความสุขของกิวคือการได้รับของเล่นใหม่ทั้งจากซองขนมราคาถูก หรือของเล่นราคาแพงที่ได้รับมาจากพ่อแม่

ครั้นโตขึ้นมาหน่อย นิยามความสุขของกิวคือการได้รับความสนใจจากครอบครัวที่ได้ใช้เวลาด้วยกันเพียงไม่กี่ครั้ง

เมื่อโตขึ้นมาจนตัดสินใจอะไรได้ นิยามความสุขของกิวคือการได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ไม่ว่าจากใคร และเขาก็เคยพอใจกับมันมาตลอด

แต่หากมีคนถามหานิยามความสุขของกิวตอนนี้ คำตอบที่ได้จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่เขาเคยคิดไว้ในอดีตที่ผ่านมา





ในเวลานี้ นิยามความสุขของกิวคือการได้อยู่กับพาย ง่ายๆ แค่นี้เอง





ความสุขของหัวหน้า จบ



-------------------------------------------------------------------


 Talk : สวัสดีค่ะ หายไปค่อนข้างนานเลยเพราะเพลินกับวันสงกรานต์

ตอนนี้แต่งมาเพื่อให้รู้ว่าคู่นี้สุดท้ายเขาก็มีซัมติงกันแล้วนะคะ หลังจากที่แกล้งพี่กิวแกไว้เยอะ ตอนนี้ใจดีแจกรางวัลเป็นน้องพายให้เลี้ยงดูตลอดชีวิตเลย 55555555555 ส่วนตัวไม่ค่อยแต่งฉากรักเท่าไหร่นัก หากมีช่วงที่แปลกหรือใช้คำงงๆ ไปต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนคะ เราไม่สันทัดจริงๆ ฮือออออออ กะจะไม่ใส่ลงไปแล้วเชียว แต่ก็สงสารพี่กิว... พี่ทนมาขนาดนี้จะไม่มีอะไรกับน้องเลยมันก็ดูไม่ใช่ กี่ปีนะคะพี่? *โดนตบ*

ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยาวพอมั้ย เราเป็นพวกแต่งตอนยาวมากๆ ไม่ได้ ไม่รู้ทำไมค่ะ อาจจะเพราะเคยแต่งแต่เรื่องสั้นไม่เกินสองพันคำมาตลอด แต่หลังจากนี้จะพยายามต่อไปนะคะ!

แล้วตอนหน้าเราก็จะมาเป็นพยานให้คู่พี่พัฟกับพี่รูทกันบ้าง จะเป็นยังไงยังคิดไม่ออกเลย แต่ต้องมีปิดท้ายแน่ๆ ค่ะ ฮิ แล้วจะได้รีไรต์เนื้อหาทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องนี้แล้ว ชะละล่ามากเลยค่ะ

แล้วเจอกันตอนหน้า ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดค่ะ[/size]
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 17-04-2015 20:44:52
ในที่สุดซินะ 555555555
นี่แอบคิดนะว่าพี่กิวจะรอจนน้อบงเรียนจบ
แต่เด็กยั่ว พี่เลยจัดซะ ก๊ากกกก
นี่มีบางช่วงแอบงงนิดเพราะเหมือนโดนตัดบทไป
แต่ก็พยายามเข้าใจว่ามันทำให้เรื่องดูเบาขึ้นที่จะไม่บรรยายอะไรมากมาย
แต่นี่มีแอบคิดนะคะว่ากวาดของที่อ่างลงไปแบบนั้นนี่เสียดายแย่
แล้วใครจะเก็บอีก แล้วอีกอย่างที่อ่างนี่คงไม่มีแก้วใส่แปงสีฟันใช่ไหมคะ ไม่งั้นแตกแน่ๆ
55555555 นี่ก็มาคิดไรเล็กน้อยเนอะ
รออ่านคู่พี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2015 22:07:42
ดีใจกับทั้งคู่ด้วย
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-04-2015 21:13:43
ชอบบบบบบบบบบบบพายและพี่กิลมว้ากกกก ทำไมถึงหวานได้ขนาดนี้ค้าาาา น่าร๊าก
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-04-2015 22:36:32
ไม่ต้องอดทนแล้ว น้องพายยอมให้พี่กิวกอด
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-04-2015 22:38:53
น้องพายเสร็จหัวหน้าซะแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ ตอน ความสุขของหัวหน้า R-18↑ หน้า 5 (17.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-04-2015 01:43:29
โอ๊ยนึ่งว่าพี่กิวจะไม่ได้ น้องพายจะไม่โดนซะแล้ว  :hao6: 

โอ๊ยได้ทั้ง HAP ได้ทั้ง PY  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 20-04-2015 11:17:54
หัวหน้าแก๊งค์
ตอน เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด






ตั้งแต่เด็กจนโตพายเคยเจอสถานการณ์ชวนอึดอัดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสถานการณ์ที่ตนเองเป็นผู้ก่อ และการเป็นตัวกลางให้คนที่ก่อเหตุต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เคยเลยที่จะต้องมาอยู่ในเหตุการณ์หน้าอึกอัดแล้วมีสถานะที่ว่าทั้งสองอย่างพร้อมกันจนกระทั่งวันนี้

ตาเรียวรีช้อนมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าก่อนจะรีบผลุบสายตาลงต่ำเมื่อเห็นสายตาคมปลาบมองกลับมา ก้มมองพื้นชั่วอึดใจแล้วเหลือบมองคนด้านข้างที่ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน รูทคงจะรู้สึกถึงสายตาของเขาได้จึงลอบมองตอบกลับมาแล้วยิ้มแห้งใส่ทั้งที่สีหน้าก็ไม่ได้ดีไปมากกว่ากันนัก

“ยังจะมีอารมณ์ยิ้ม”

เสียงเข้มของพัฟทำให้ทั้งพายและรูทสะดุ้งเฮือก รีบก้มหน้ามองพื้นเช่นเคย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นรุ่นน้องที่กำลังโดนรุ่นพี่ว้ากใส่ยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าพูดไปคงจะโดนมะเหงกของพี่ชายตัวเองเขกลงมา แถมอาจจะโดนคนรักดีดหน้าผากชนิดไม่ออกแรงให้เป็นแน่ คิดได้แบบนั้นพายก็เลือกนั่งเงียบ ไม่กล้าเสี่ยงพูดในสิ่งที่ตนคิดออกไป

ส่วนสาเหตุที่พวกเขาสองคนต้องมานั่งทำตัวเหมือนเด็กเฟรชชี่แบบนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน...



วันนี้เป็นวันว่างอีกวันของเหล่านักศึกษาที่อาจารย์แจ้งยกเลิกคลาสเนื่องจากติดภารกิจดูงานต่างประเทศ พายจึงได้โอกาสตื่นสายกว่าทุกวันเล็กน้อย หลังจัดการตัวเองเสร็จเมื่อลงมาข้างล่างเขาก็พบรูทที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว ถามหาพี่ชายตนเองและแฟนหนุ่มที่คาดว่าคงตามมาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัยจึงได้รู้ว่าทั้งคู่อาสาออกไปซื้ออาหารสดที่ตลาด เห็นว่าจะทำอาหารง่ายๆ กินกันหรืออย่างไรนี่แหละ พายพยักหน้ารับรู้และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาไม่ไกลจากพี่ชายคนโปรดเท่าใดนัก

ระหว่างนั่งดูโทรทัศน์เขาก็พูดสัพเพเหระไปเรื่อย แต่เหมือนรูทจะแปลกไป ไม่คุยเล่นเหมือนยามปกติ แถมยังเหม่อๆ ยังไงชอบกลจนพายต้องเอ่ยถามหาสาเหตุ

“พี่รูทไม่สบายหรือเปล่าครับ? วันนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”

 “หะ... อ๋อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไรครับ พี่แค่คิดอะไรไปเรื่อย”

พอโดนเขาทักร่างสูงไล่เลี่ยกับเขาก็หลุดจากภวังค์ เจ้าตัวหันมาทำหน้าเลิกลั่กใส่ พี่รูทแปลกไปจริงๆ ด้วย

“ถ้ามีอะไรที่พายช่วยได้บอกได้เลยนะครับ เอ๊ะ... หรือว่าทะเลาะกับพี่พัฟ พี่บ้านั่นแกล้งอะไรพี่รูทหรือเปล่า?  ให้พายไปจัดการได้นะครับ”

เขารู้เรื่องของทั้งสองคนแทบทุกเรื่อง เรียกว่ารู้ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่คบกันจนตอนนี้คบกันได้เกือบสองเดือนแล้ว พายชอบพี่รูท คนรักคนแรกและคนเดียวของพี่ชายตน เพราะอีกฝ่ายทั้งน่ารัก คุยสนุก ให้ความเอ็นดูเขาและยังดูแลพี่พัฟให้อยู่เสมอ แม้ช่วงแรกๆ ที่เจอจะยังรับมือกับความร่าเริงเกินพอดีไม่ถูก แต่พอสนิทกันแล้วอะไรๆ ก็ดูจะง่ายไปหมดสำหรับทั้งคู่ เรียกได้ว่าคุยกันเกือบทุกเรื่องก็ได้ ดังนั้นเมื่อเห็นแฟนพี่ชายทำท่าเหมือนมีเรื่องในใจตนจึงอยากจะช่วยรับฟังเผื่อจะช่วยอะไรได้ ยิ่งถ้าสาเหตุมาจากพี่ชายตัวดีเขายิ่งจะรีบจัดการให้เลยทันทีด้วยอยากให้ทั้งสองคนได้คบกันนานๆ

คนที่จะเข้าใจพี่พัฟได้ดีพอๆ กับแม่และพายก็มีแค่พี่รูทคนเดียวเท่านั้นแหละ แต่ก่อนอาจจะนับพี่กิวด้วย แต่ตอนนี้พี่กิวสนใจแต่พายคนเดียวเลยน่าจะเข้าใจพายได้ดีมากกว่าเข้าใจที่พี่พัฟแล้ว

“ฮะๆๆ เปล่าหรอกครับ พัฟไม่ได้แกล้งอะไรหรอก เพียงแต่... พี่คงกังวลมากไปน่ะ” รูทหัวเราะ แต่สีหน้าก็ไม่ได้คลายความกังวลใจลงเลย “แต่... ถ้าถามพายได้ก็น่าจะดีนะ.....”

“เรื่องอะไรเหรอครับ? ลองถามมาก่อนก็ได้ ถ้าตอบได้พายตอบแน่นอน”

รูททำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ดูท่าคงจะกังวลกับเรื่องนี้มากเพราะหนุ่มตี๋ทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้แล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะทำหน้าซีดสลับเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นแดง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนพายต้องกระตุ้นอีกครั้ง

“พี่รูทครับ ถามมาเถอะนะ สงสัยอะไรเก็บไว้ไม่ดีหรอกคร...”

“ตอนมีอะไรกับไอ้กิวมันเจ็บมากไหม!?”

เมื่อได้ยินคำถามที่ทั้งตรงและเร็วชนิดรวดเดียวจบพายก็นิ่งไป จนเมื่อสมองประมวลผลได้แก้มทั้งสองข้างก็เริ่มเห่อร้อน คราวนี้กลายเป็นทั้งรูททั้งพายที่นั่งหน้าแดง ก้มหน้ามองพื้นกันทั้งคู่

พายพอจะรู้อยู่หรอกว่าพี่ๆ ในกลุ่มต้องรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้ว เพราะวันถัดจากที่... เอ่อ... มีอะไรกับพี่กิวแล้ว พายก็ได้เจอพี่ๆ ในแก๊งค์คนรักแทบทุกคน และยอมรับเลยว่าท่าทางการเดินของเขามันตลกมาก จึงไม่แปลกใจหากใครจะจับสังเกตได้ แถมพี่กิวก็ดูแลซะดี ดีมากเกินไปจนพี่คนอื่นมองเขาด้วยรอยยิ้มหยอกล้อรู้ทันจนเขาอายม้วนต้วนไปหมด โดยเฉพาะไอ้พี่ชายตัวดีที่ตะโกนกลางปล้องว่า “ถ้าน้องกูท้องรับผิดชอบด้วยนะไอ้กิว” และสุดที่รักตัวดีก็ไม่วายไปเล่นกับเขาด้วยการบอกว่าจะรีบพาพ่อแม่มาคุยกับที่บ้านให้เร็วที่สุด เรียกเสียงฮาครืนและค้อนวงโตจากเขาไปเต็มๆ 

แต่ถึงแม้จะรับรู้กันโดยทั่วแล้วพอมาโดนถามตรงๆ แบบนี้มันก็... เขินเหมือนกันแหะ

“ถะ... ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ...”

ผู้เป็นพี่เห็นน้องน้อยอึ้งแบบนั้นก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ กลัวว่าตัวเองจะไปสะกิดต่อมอะไรเข้า แต่พายก็เพียงอมยิ้มด้วยท่าทีขัดเขิน

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ อ... เอ่อ... พี่รูทถามแบบนี้... พี่กับพี่พัฟ...”

ยังไม่ได้ทำกันเหรอครับ คือคำถามที่พายอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าหลุดมันออกมา เขานึกว่าพี่ชายจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวหนุ่มตี๋ตรงหน้านี่ไปตั้งแต่วันแรกที่คบกันแล้วด้วยซ้ำ เพราะเห็นว่าพัฟรอมานาน ได้โอกาสคงไม่พลาด

“คือ... พี่ก็แค่ถามไว้ก่อนน่ะ ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างนั้นตอนนี้หรอกนะ แบบว่า... เอ่อ... คือมันก็คงเป็นพี่ที่ต้องรับหน้าที่ใช่ไหมล่ะ เลยถามไว้ก่อนก็เท่านั้นแหละ...”

ก็จริงของพี่รูท เพราะถ้าให้พัฟเป็นคนรับหน้าที่อยู่ข้างล่าง... แค่คิพายก็อยากจะร้องไห้แล้ว ยังไงก็ไม่ใช่ มันไม่เหมาะเลยสักนิด คนตัวเล็กพยักหน้าว่าเข้าใจในคำตอบของอีกฝ่ายแล้วยิ้ม

“ถ้าให้ตอบจริงๆ มันก็เจ็บอยู่แหละครับ... แต่มันก็รู้สึกดีด้วย... เหมือนกัน”

“ละ... แล้วมันจะไม่ฉีกใช่ไหม...”

“ไม่นะครับ แต่ก็ต้องทำความสะอาดดีๆ...”

มีคำถามแรกก็ต้องมีคำถามที่สองสามสี่ตามมา แม้จะถามตอบอย่างตะกุกตะกักหรือเขินอายในสิ่งที่ตนพูดออกไปแต่พายก็ยินดีตอบคำถามที่รูทยิงถามมา และไม่นานหลังจากนั้นรูทก็เป็นฝ่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในหัว คิดไม่ผิดจริงๆ  ที่ถามคนมีประสบการณ์ตรง ดีกว่าเสียเวลาหาข้อมูลเองตั้งเยอะ

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็ค่อยสบายใจ อ้ะ แต่พี่ไม่ได้อยากมีอะไรกับเจ้ายักษ์นั่นหรอกนะ พายอย่าเข้าใจผิดล่ะ ห้ามบอกไอ้พัฟด้วย สัญญามาก่อน”

รีบช่วงชิงคำสัญญาจากปากน้องชายที่หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะคำพูดของเขา พายพยักหน้าแรงๆ แล้วเกี่ยวนิ้วก้อยของตนเข้ากับนิ้วก้อยของอีกฝ่าย ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ความจริงแล้ว เพื่อนสนิทพายเขาให้ยืมของมาศึกษาด้วยนะครับ ถ้าพี่รูทสนล่ะก็...”

และเพราะคำชักชวนของพายจึงทำให้ทั้งสองย้ายจากห้องนั่งเล่นมาเป็นห้องนอนห้องเล็กสุดของบ้าน ของที่พายได้รับมาจากเพื่อนเพื่อมาศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะนั้นเป็นแฟลชไดร์ฟตัวเล็กแบบที่นักศึกษาทั่วไปใช้กัน แม้จะวางกองรวมกับสิ่งของอื่นก็ไม่มีใครนึกสงสัย ขนาดมองผ่านๆ ครั้งแรกรูทยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอุปกรณ์อันจิ๋วนั้นภายในถูกยัดไว้ด้วยหนังโป๊ระหว่างชายกับชายนับสิบๆ เรื่อง

“ไอ้นี่มัน... เพื่อนคนไหนให้เรายืมมาเนี่ย...”

“แหะๆ ธีร์น่ะครับ เห็นว่าจะศึกษาไว้ใช้ยามจำเป็น แต่พายก็เพิ่งได้เปิดดูเหมือนกัน พี่รูทถามเลยนึกขึ้นมาได้ว่ามี”

พายเสียบแฟลชไดร์ฟที่ตนไม่เคยคิดจะใส่ใจเข้าเครื่อง ก่อนจะเลือกมั่วๆ ขึ้นมาเปิดดูหนึ่งไฟล์ แต่ดูท่าเขาจะเลือกผิดอัน เพราะมันดันเป็นเวอร์ชั่นจับมัดขึงโยง เพียงแค่ดูไปไม่ถึงห้านาทีรูทก็เอื้อมมือมาปิดด้วยสีหน้าปั้นยาก

“พี่ว่าเพื่อนพายคนนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว ขออะไรที่มันเบากว่านี้หน่อยเถอะ”

พานเห็นด้วยจึงขอให้รูทเป็นคนเลือกแทน และก็ไม่ผิดหวัง เรื่องที่รูทสุ่มมาได้เป็นเรื่องราวความรักของวัยรุ่นสองคน เรื่องเริ่มจากการพูดคุยเรื่องทั่วไปเป็นภาษาญี่ปุ่นที่รูทไม่เข้าใจ และพายก็คืนอาจารย์ที่สั่งสอนเมื่อสมัยม.ปลายไปหมดแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นขั้นเริ่มต้นคือการจับมือ ลูบไล้ และเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าหากัน

อาจเพราะทั้งคู่กำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอเบื้องหน้าจึงไม่ได้ยินเสียงรถบิ๊กไบค์และเสียงเลื่อนเปิดประตูก็ได้ กว่าจะรู้ตัวอีกที คู่รักในจอก็เริ่มบรรเลงเพลงรักด้วยการลูบคลำส่วนต่างๆ บนเรือนร่างของกันและกันแล้ว และพอถึงจุดสำคัญของเรื่องก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สองหนุ่มขึ้นมาตามคนรักที่เดินหารอบชั้นล่างเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่คิดแม้แต่จะเคาะประตูก็เจอกับภาพคนตัวเล็กสองคนกำลังนั่งดูหนังโป๊กัน ต่างฝ่ายต่างมองกันไปมาด้วยความตกใจ มีเสียงประกอบฉากเป็นเสียงครางด้วยความสุขสม

หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็นเมื่อตอนต้น ทั้งรูทและพายโดนเรียกให้ลงมาข้างล่างก่อนจะโดยซักไซ้ว่าทำไมจึงต้องดูอะไรแบบนั้น พอไม่ตอบก็โดนเข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่ตั้งใจจะทำอะไรๆ กันในระหว่างที่สองหนุ่มไม่อยู่แทน และหลังจากนั้นแหละที่ยาก เมื่อเชื่อไปแล้วต่อให้พูดอะไรก็ไม่ยอมรับฟัง ขนาดพี่กิวที่ปกติจะเชื่อใจพายตลอดยังยืนเงียบไม่เอ่ยวาจาใดใดเลยแม้สักคำ เอาแต่มองเขาสลับกับพี่รูทและมองรูทสลับกับพัฟก่อนหันมาสบตาเขาแล้วขมวดคิ้ว สลับกันอยู่อย่างนั้น

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดจะมีอะไรกัน เชื่อใจกันหน่อยดิวะ... จะโกรธอะไรมากมายเนี่ย”

“ต้องให้พวกมึงมีอะไรกันก่อนกูถึงจะโกรธว่างั้นสิ?”

“กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้น โหย... มีเหตุผลหน่อยดิวะพัฟ”

เขาไม่เข้าใจว่าพัฟจะโกรธอะไรหนักหนา ถ้าจะว่ากันตรงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไงที่ผู้ชายจะดูหนังโป๊กัน ถึงมันจะเป็นชายกับชายก็เถอะ แล้วนี่อะไรคิดไปได้ว่าเขาจะมีอะไรกับน้องมัน ประสาทชัดๆ

“พี่กิว... พายไม่ได้คิดจะมีอะไรกับพี่รูทจริงๆ นะครับ”

เมื่อเห็นว่าฝั่งพี่โน้มน้าวไม่ไดผลพายจึงลองดูบ้าง เขามองสบตาคนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใช้สายตาออดอ้อนให้อีกคนเลิกทำหน้าเหมือนกำลังดมข้าวแมวที่บูดได้ที่เสียที เขาไม่เคยเจอกิวในสภาพอารมณ์เช่นนี้กับตัวโดนตรงมาก่อน นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรแบบนี้ สู้ให้ว้ากใส่หรือแสดงสีหน้าโมโหตรงๆ แบบพี่พัฟเลยยังดีกว่า

“.....แล้วไปเอาหนังพวกนั้นมาจากไหน?”

“จากเพื่อน... งือ...”

ตอบอ้อมแอ้มไม่ยอมบอกชื่อของเพื่อนที่เป็นคนส่งต่อไฟล์มาเพราะรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าเพื่อนรักต้องซวยแน่

พัฟถอนหายใจ เสยผมที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินมาคว้าแขนรูทให้ยืมขึ้นแล้วลากให้คนตัวเล็กเดินตามตนไป พอโดนโวยวายก็หันมาถลึงตาดุๆ มอง เล่นเอารูทยอมหงอเดินตามต้อยๆ ไปอย่างยอมจำนน ทิ้งให้พายกับกิวยืนมองหน้ากันอยู่ที่เดิม แล้วสุดท้ายก็เป็นคนตัวโตที่ทนไม่ได้กับบรยากาศชวนอึดอัดระหว่างคนทั้งสอง จนต้องเอ่ยขึ้นมาก่อน

“เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยแล้วพาย”

แน่ล่ะว่าเวลานี้พายทำได้เพียงแค่พยักหน้าแล้วทำตามคำพูดของคนรักโดยไม่หือไม่อื้อไม่คิดจะดื้ออะไรทั้งสิ้น



“มึงจะเบาๆ ไม่ได้หรือไงวะพัฟ กูเจ็บแขนไปหมดแล้วนะ”

เมื่อมาถึงห้องพัฟถึงได้ยอมปล่อยแขนให้รูทเป็นอิสระ แม้จะออกแรงไม่มากแต่ผิวขาวๆ ก็ขึ้นปื้นแดงให้เห็นชัดจนรูทต้องบ่นถึงการใช้ความรุนแรงอันไม่เหมาะสม

“กูมันไม่ใช่พายนี่ถึงจะได้ถูกใจมึง”

คำพูดราวกับเด็กน้อยใจพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันทำให้รูทต้องชะงัก ละสายตาจากรอยแดงบนข้อมือมามองใบหน้าบูดบึ้งของคนรักหมาดๆ ด้วยข้องใจในคำพูดเช่นนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดจาตัดพ้อเอาตัวเองไปเทียบกับน้องชายสุดรักสุดหวงของตนเช่นนั้น

ตาเรียวมองจ้องใบหน้าคมที่ฉายความไม่พอใจให้เห็นชัด พออีกฝ่ายสบตากับเขาก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง แถมยังยกมือขึ้นกอดอกตัวเอง ทำท่าทางอย่างกับเป็นพระเอกในละครหลังข่าวเวลาไม่พอใจอะไร แม้ความจริงควรจะโกรธหรือสับสนกับท่าทีเช่นนั้น แต่รูทกลับยกยิ้ม ถ้าหากเดาไม่ผิดสิ่งที่คนหน้านิ่งไม่ค่อยแสดงออกอย่างพัฟกำลังทำอยู่คืออาการแบบที่ใครๆ เรียกว่าหึงชัดๆ

“ใช่ มึงไม่ใช่พาย”

พอตอบไปแบบนั้นหัวคิ้วที่ขมวดอยู่ก็แทบจะชนกัน พัฟหันมามองเขา ทำสีหน้าชนิดที่ถ้าเอาไปหล่อรูปปั้นคงออกมาเป็นยักษ์เฝ้าวัดได้อีกหนึ่งหน้า รูทจึงต้องเอาใจด้วยการเดินเข้าไปโอบเอวสอบไว้แล้วเกยหน้าบนบ่ากว้างของคนสูงกว่า

“แต่กูถูกใจมึงมากกว่าพาย... เลิกงอนได้แล้วหน่า ไม่ได้น่ารักเลยแล้วก็ก็เมื่อยนะเนี่ย มึงแม่งสูงเกินไปละ”

“ไม่ต้องมาตลก ถ้ากูไม่เปิดเข้าไปก่อนมึงกับตัวเล็กคงทำตามในคลิปไปแล้วมั้ง”

“ทำเหี้ยอะไรล่ะ” ด่าเน้นๆ เข้าไปเสียหนึ่งที “กูดูไว้ศึกษา ไม่ได้ดูเพราะจะทำกับน้องมึง แม่งยังไม่ทันแข็งด้วยซ้ำแล้วจะทำไปได้ไง”

“แต่มึงชอบพาย ถ้ามีโอกาสมึงก็ทำ มึงเคยบอกกู”

ก็จริงที่เขาเคยพูดเอาไว้ หลังจากวันนั้นที่เห็นพายเดินด้วยท่าทางแปลกๆ และกิวก็ประคบประหงมน้องมากกว่าปกติเขาก็พอรู้ว่าเพื่อนจัดการน้องนุชสุดที่รักของเขาเรียบร้อยแล้ว วันนั้นด้วยความอยากแกล้งจึงบอกไปว่าถ้ามีโอกาสแล้วคนๆ นั้นเป็นพายเขาก็อยากจะลองเหมือนกัน ไม่คิดว่าเพราะคำพูดนั้นจะฝังใจอีกฝ่ายมาจนถึงตอนนี้ รูทคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“กูไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นนะพัฟ...”

“แล้วมึงคิดยังไงถึงได้ดูอะไรแบบนั้น เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา”

“กูบอกว่าดูไว้ศึกษาไง...”

“ศึกษาทำไม? จะทำกับใคร?”

เจอคำถามนี้เข้าไปรูทก็อ้ำอึ้ง ไม่อยากจะตอบความจริงออกไปสักเท่าไหร่ แต่พอเจอสายตาจากคนหน้าดุที่ยังมองมารบเร้าไม่เลิกก็ต้องกลั้นใจตอบไป รู้ได้เลยทันทีว่าหน้าตัวเองมันต้องแดงแน่ๆ หูก็เริ่มร้อนแล้ว อีกไม่นานคงจะกลายเป็นปลาหัววุ้นตัวแดงเหมือนที่ยายเลี้ยงไว้ในตู้ปลาที่บ้าน

“ก็กับมึงนั่นแหละ โอ้ย! เลิกถามได้ยังวะ เลิกหึงด้วย แม่งเอ้ย”

โวยวายตอบไปเสียงไม่ดังนักพร้อมคำบ่นแต่ก็เพราะอยู่ในห้องนอนกันสองคนและไม่มีเสียงใดๆ รบกวนคำตอบนั้นจึงชัดเต็มสองรูหูของคนขี้หึงที่ตอนนี้เริ่มมีรอยยิ้มประดับใบหน้าแล้ว แต่ดันเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้รูทไม่สบายใจเอาเสียเลย รู้สึกเหมือนมันยิ้มพร้อมจะให้เขาเสียตัวยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งคำพูดที่มันก้มลงมากระซิบข้างหูยิ่งตอกย้ำให้เขามั่นใจว่าเขาคิดผิดจริงๆ ที่อยากรู้อยากเห็นเอง

“มึงไม่รู้เหรอว่าของแบบนี้มันต้องลองกับตัวเอง ศึกษากันคลิปมันไม่ช่วยให้มึงเรียนรู้ได้หรอก.....”



“จะบอกหรือยังว่าได้ไฟล์มาจากใคร”

นั่งเงียบกันอยู่บนโซฟาได้ไม่นานกิวก็เป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน ดูเหมือนว่าจะอยากรู้ให้ได้ว่าเขาได้ไฟล์พวกนี้มาจากใคร และพายก็รู้ว่าคนอย่างพี่กิวไม่มีวันยอมให้เขาเงียบไปเฉยๆ โดยไม่ยอมตอบเด็กขาด พายคิดหาผลดีผลเสียจากการตอบในครั้งนี้รวมทั้งทางหนีทีไล่ต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนรักในอนาคต และในที่สุดก็ยอมเปิดปากตอบไป

“ธีร์ครับ... พายได้มาจากธีร์สักพักนึงแล้ว แต่เพิ่งได้เปิดดูวันนี้...”

ตอบเสร็จพายก็ได้แต่ขอโทษเพื่อนรักอยู่ในใจเมื่อเห็นสายตาคมปลาบฉายแววอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น เห็นทีเจอกันอีกรอบธีร์คงจะโดนตักเตือนไม่ก็โดนลงโทษไม่ใช่น้อยข้อหาเอาแฟลชไดร์ฟที่มีหนังลามกมาส่งต่อให้เขาดู

“แต่พายไม่ได้คิดจะดูแล้วทำอะไรกับพี่รูทจริงๆ นะครับ แค่ให้พี่รูทศึกษาเฉยๆ...”

“แล้วถ้ามันอยากศึกษาแล้วปฏิบัติด้วยขึ้นมาเราจะทำยังไง?”

“ไม่มีทาง! พี่รูทไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ แล้วถึงขอพายก็ไม่ให้... พายมีป๊าคนเดียวจริงๆ นะ ไม่เชื่อใจพายเหรอ?”

สรรพนามที่เอาไว้ใช้ยามเอาใจถูกยกมาเรียกอีกครั้งเพื่อประสิทธิภาพในการเอาใจที่เพิ่มมากขึ้น ว่าแล้วก็เขยิบไปใกล้ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่กว้างอย่างที่พายชอบทำเวลาออดอ้อนเอาใจ เขาไม่ได้คิดว่าทำวิธีนี้เพื่อให้กิวหายโกรธเพียงอย่างเดียว แต่ทำเพราะอยากส่งผ่านความเชื่อมั่น ว่าตนพูดเพราะตั้งใจแบบนั้นจริงๆ และดูเหมือนวิธีนี้จะได้ผล เขารู้สึกได้ว่าคนตัวโตถอนหายใจ อาจจะยังไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับตอนแรกแล้ว

“เชื่อ แต่เราต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ไว้ใจเขาไปหมด”

“ก็... ก็พี่รูทเขากังวลเรื่อง... ทำกับพี่พัฟนี่หน่า พายก็อยากช่วย...”

พอพูดแบบนั้นก็โดนอีกฝ่ายเอานิ้วดีดหน้าผากหนึ่งทีแรงๆ จนต้องร้องโอ้ย

“ถ้าคนที่มาถามไม่ใช่รูทแล้วอยู่กันสองคนแบบนี้ไม่คิดหรือไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น คราวหลังห้ามทำแบบนี้อีก กับรูทก็ห้าม ลบไอ้ไฟล์พวกนั้นไปด้วย” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบก็ถามย้ำอีกครั้ง “เข้าใจหรือเปล่า?”

“ครับป๊า... หายโกรธพายแล้วเนอะ?”

“ก็ไม่ได้โกรธ”

ได้ฟังคำตอบของคนที่ไม่ได้โกรธแล้วก็อมยิ้ม ไม่อยากขุดประเด็นขึ้นมาล้อให้เกิดเรื่องอีกจึงยกประเด็นเรื่องใหม่มาคุยแทน

“แล้วนี่ไปซื้ออะไรกับพี่พัฟมาบ้างครับ เดี๋ยวพายเอาไปทำกับข้าวง่ายๆ ไว้ให้ดีไหม? แล้วเดี๋ยวมาทานด้วยกัน”

ว่าพลางเปิดถุงของสดที่ว่างอยู่บนโต๊ะหมายจะเอาไปทำอาหารมื้อเที่ยงไว้ให้ เผื่อให้คนที่ขึ้นไปเคลียร์กันข้างบนหากเสร็จแล้วจะได้ลงมาทานได้ทันที แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจต้องการก็โดนรั้งให้กลับมานั่งบนตักเสียก่อน

“ยังไม่ต้องทำหรอก คู่นั้นคงยังอีกนาน”

ประโยคกำกวมจนพายต้องเลิกคิ้ว แต่เมื่อโดนกระซิบให้เงียบแล้วฟังเสียงดีๆ ก็เข้าใจว่ากิวต้องการจะบอกอะไร เพราะเสียงเบาๆ ที่ลอยมาให้ได้ยินนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าพี่ชายกับคนรักกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้จะยินดีที่ลงเอ่ยด้วยดี แต่ก็เขาก็ยังอดไม่ได้ ขัดเขินที่บังเอิญได้ยินเสียงนั้นอยู่ดี

“พี่กิวลามก... ไปฟังอะไรเขาเนี่ย”

“ได้ยินเอง เรานั่นแหละไปฟังอะไรเขา หน้าแดงใหญ่แล้ว”

ก็พอใครล่ะ ส่งสายตาไม่พอใจใส่คนด้านหลังที่เป็นคนเปิดประเด็นแต่กลับกล่าวหาเหมือนเขาเป็นคนลามกไปลอบฟังคนอื่นเสียได้

หยอกกันไปหยอกกันมาจากบึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ จนกระทั่งเสียงจากชั้นบนมันดังขึ้นนั้นแหละ กิวถึงได้กระซิบเสียงเบา เป็นคำพูดที่ทำให้พายตีแขนแกร่งเบาๆ ข้อหาพูดจาชวนให้เขาเขินแล้วต้องหน้าแดงอีกรอบทั้งที่มันอุตส่าห์ดีขึ้นแล้วแท้ๆ

“เบื่อเสียงพวกมันแล้ว อยากได้ยินเสียงพายมากกว่า มันลงมาเมื่อไหร่เราขึ้นต่อเลยนะ”



เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบ



-------------------------------------------------------------------






 Talk : สวัสดีค่ะ นักอ่านที่ติดตามเรื่องหัวหน้าแก๊งค์มาตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ต้องพิมพ์ประโยคนี้แล้วเนอะ

“หัวหน้าแก๊งค์จบบริบูรณ์แล้วค่ะ!”

นิยายเรื่องแรกที่เอามาลงเล้า และเป็นเรื่องแรกที่มีตัวละครออริเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แฟนฟิคชั่น ในที่สุดก็ดำเนินมาจนถึงตอนจบค่ะ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ลงนิยายและแต่งนิยายอย่างจริงจังเลยทำให้ไทม์ไลน์เหตุการณ์แปลกประหลาดไปหมด เดี๋ยวอันนี้เด้งมาอันนั้น อันนั้นมาอันนี้ แถมคำผิดยังเยอะอีก ต้องขออภัยด้วยนะคะ *โค้ง* น้อมรับคำผิดพลาดค่ะ

สำหรับคนที่เชียร์คู่พี่พัฟกับพี่รูทมาตลอด ในที่สุดเขาก็แฮปปี้เอนด์กันนะคะ ถึงจะไม่บรรยายฉากรักของคู่นี้ก็เถอะ แต่ให้คู่หลักเราฟังเสียงแทนให้แล้วนะ อิอิ ที่ไม่ลงฉากก็อย่างที่แจ้งไปค่ะ ไม่มั่นใจในการแต่งฉากเลยจริงๆ อยากให้ออกมาสวยๆ ก็กลัวจะเรทไป บรรยายไม่ค่อยถูก ตัดตอนอาจจะงงๆ เหมือนตอนก่อน เลยตั้งใจว่าให้ไปจิ้นกันเองดีกว่า (เวลาเจอฉากรักไม่โดนใจเราจะอ่านข้ามแล้วไปจิ้นเองค่ะ จิ้นเก่งเหลือเกิน) :hao6:

หลังจากนี้จะหายตัวไปรีไรต์เนื้อหาใหม่แล้วจะลองส่งต้นฉบับดู ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันค่ะ (แถมตอนพิเศษอีกสองตอนด้วย เป็นนิยายที่ตอนพิเศษแทบจะเท่ากับหรืออาจจะมากกว่าตอนหลักอีก 5555555555555555) และที่สำคัญต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่ตามอ่าน ตามให้กำลังใจทั้งในเล้าและในเพจด้วย ขอบคุณมากๆ นะคะ :กอด1:

แล้วเจอกันเรื่องหน้า ถ้ามีโอกาสค่ะ
ด้วยรัก♥
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2015 12:37:29
รู้ลึกรู้ซึ้งกันล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 20-04-2015 21:12:26
กำลังสนุกเลย จบซะแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 20-04-2015 23:36:04
เป็นความเข้าใจผิดที่อยากให้เข้าใจผิดกันบ่อยๆจัง(เอ้า เป็นงั้นไป5555) พระเอกเรื่องนี้อ่อนโยนและหื่นกามมากค่ะ5555555 พายกับรูทก็น่าเอ็นดูมากเลย

ขอบคุณสำหรับนิยานดีๆและน่ารักขนาดนี้นะคะ  มีแพลนจะแต่งเรื่องใหม่ไหมคะ ยังไงก็แต้งข่าวกันหน่อยน้าาาาตัว
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ennewiis ที่ 21-04-2015 11:07:14
เป็นความเข้าใจผิดที่อยากให้เข้าใจผิดกันบ่อยๆจัง(เอ้า เป็นงั้นไป5555) พระเอกเรื่องนี้อ่อนโยนและหื่นกามมากค่ะ5555555 พายกับรูทก็น่าเอ็นดูมากเลย

ขอบคุณสำหรับนิยานดีๆและน่ารักขนาดนี้นะคะ  มีแพลนจะแต่งเรื่องใหม่ไหมคะ ยังไงก็แต้งข่าวกันหน่อยน้าาาาตัว


ขำคำว่าอ่อนโยนและหื่นกามค่ะ 5555555555555555555555555

ขอบคุณสำหรับคอนเม้นและกำลังใจที่ให้มาตลอดนะคะ ถ้ามีเรื่องใหม่จะรีบมาแจ้งแน่นอนค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-04-2015 23:19:29
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-04-2015 23:15:42
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-04-2015 01:21:14
 :m20: :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 25-04-2015 02:42:52
ขอบคุณคะ ชอบมากเลย เรื่องน่ารักมากๆ  :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 26-04-2015 15:27:42
 :mew1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 27-04-2015 22:09:31
กรี๊ดดดด พี่รูทกับพี่พัฟ!!! อยากซูมฉากนี้จริงๆ 555 :haun4:
อยากอ่านคู่ดอมกะพลต่ออ่าาา. คูนี้น่าลุ้น  :impress2:

ขอบคุณมากนะค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 29-04-2015 01:49:41
ชอบมากกกก
อ่านเรื่องนี้แล้วแฮปปี้ รู้สึกดีมาก :katai2-1:
สัมผัสได้ถึงมิตรภาพของเหล่าผองเพื่อน ความรักของทุกคน
อยากอ่านพลกับดอมต่อจังเลย
ปล มีคำผิดประปรายนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 02-05-2015 01:18:51
 o13
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 02-05-2015 12:07:06
 :pig4: ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 02-05-2015 19:37:57
หวานกันจนน่าอิจฉา

อยากอ่านคู่ดอมกับพล
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 15-05-2015 03:55:48
ต้องยกนิ้วให้ความอดทนอดกลั้นของพี่กิว
กว่าจะได้เป็นแฟน กว่าจะได้อะจึ้กอะจึ๋ย
แต่ก็ลงเอยสมบูรณ์ คู่พี่พัฟพี่รูทก็น่ารัก
อีกคู่ที่ยังต้องลุ้นต่อ คู่พี่ดอมพี่พลลล คู่นี่แบบ
ศัตรูที่รักมากกก ไรงี้ พี่พลนี่ท่าจะหื่นกว่า
หัวหน้าแกงค์นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 15-05-2015 16:01:32
 น่ารัก น่ารัก น่ารักทั้งเรื่องเลย :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 15-05-2015 19:44:44
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 19-05-2015 01:48:24
โอ้ อ่านจบแล้ว

ตอนแนกอ่านเรียงหน้าไปสามตอน ก่อนจะเปิดหน้าตามสารบัญ แล้วย้อนมาอ่านตอนพิเศษใหม่ เริ่มงง ตัวเองฮ่าๆ น่ารักทุกคู่เลย ღ˘‿˘ற꒱
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 23-05-2015 07:52:01
สนุกมากครับ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 18-11-2015 08:22:34
น้องพายน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-11-2015 11:18:21
สนุกมาก ๆ ครับ น่ารักทั้งสองคู่เลย ....... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:30:37
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-10-2017 02:39:54
น่ารักทุกคู่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 02-06-2018 02:20:47
รักเรื่องนี้  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: ღM!haruღ ที่ 04-11-2019 17:43:13
ชอบเรื่องนี้มากกกก น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-11-2019 14:12:33
สนุกมาก. น่ารักทุกคู่. มีความอิ่มเอมใจ
เป็นเรื่องใสๆ. ที่จรรโรงใจดี
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ. จากใจคนอ่าน
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ หัวหน้าแก๊งค์ - เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จบแล้วค่ะ หน้า 5 (20.04.58)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-11-2019 19:49:30
 :pig4: :pig4: :pig4: