พิมพ์หน้านี้ - เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: BaoBao ที่ 05-08-2012 01:38:27

หัวข้อ: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 05-08-2012 01:38:27
**************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

**********************************************************************

รวมงานเขียนของ BaoBao จ้า (https://www.facebook.com/notes/baobao-story/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2-baobao-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%A1/105373206277195)

อ่านก่อน ชั่งใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีชมพู คือ แนวน่ารักไม่ปวดใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีม่วง คือ แนวเจ็บปวดหน่วงหัวใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีเขียวฟ้า คือ แนวที่จัดอารมณ์ไม่ได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องสั้น

 [หึง & ง้อ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32258.0)
 [ข้างๆ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32730.0)
 [บังเอิญ]… ณ โรงพยาบาล  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34345.0)
 [อย่าเงียบสิวะ!]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34200.0)
 [แค่นี้ได้มั้ย?]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34200.30)
  [บังเอิญ]… คำบางคำกับช่อดอกไม้   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37207.msg2319691#msg2319691)
ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ]...คน (ไม่) รู้จัก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43183.msg2778253#msg2778253)
ซีรีย์สั้นกุด คำ บ า ง คำ [Silence speaks...]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39086.msg2471624#msg2471624)

เรื่องกึ่งสั้น-กึ่งยาว
 [แอบ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32607.0)
 [สองก้าว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32258.msg1903406#msg1903406)
 [เวลา]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32382.0)
 [รู้แล้ว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33130.msg1981862#msg1981862)


เรื่องยาว
 [กระดาษ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32535.0)
 [กระซิบ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32646.0)
 [บอก]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32646.msg1970179#msg1970179)
 [บังเอิญ]… สวนทาง   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34952.0)


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 05-08-2012 01:44:56
[อย่าเงียบสิวะ!]
เรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น  โปรดใช้วิจารณาณในการอ่าน




หลังตึกของโรงยิมในเวลาที่นักกีฬาต่างเลิกฝึกซ้อมและเดินทางกลับกันไปหมดแล้ว

พระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงมาหาผืนดินหากแต่ยังคงส่องแสงสีแดงนวลทาทาบทับผืนฟ้า บรรยากาศร้อนแรงไม่ต่างจากใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงกำแพงด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม

วันพรุ่งนี้เป็นวันปิดเทอม

วันนี้เป็นวันตัดสินชะตาของเขากับ....มัน....

เห็นหน้ามันแล้วคันมือ

เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกยิบยิบที่หัวใจ

........
.......
......
.....
....
...
..
.


นานแล้วที่แอบมอง

นานแล้วที่แอบชอบ

........
.......
......
.....
....
...
..
.


มันกับเขาอยู่กันคนละห้อง แต่เจอกันในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน รู้จักกันเพราะเพื่อนแนะนำ สนิทกันเพราะมันเป็นนักวิ่งและเขาเป็นนักฟุตบอล

สนิท...ถึงใช้คำนี้แต่โดยพฤตินัย ความจริงไม่ใช่เลย เป็นแค่คนรู้จักกัน เป็นแค่เพื่อนของเพื่อน คุยกันได้ ทักทายกันได้ ซ้อนมอไซด์กันได้ นั่งกินข้าวด้วยกันได้

........
.......
......
.....
....
...
..
.

พูดถึงกินข้าว

สมัยที่เพิ่งรู้จักกัน เคยไปเจอกันโดยบังเอิญ ตอนเย็นๆ ช่วงเย็นเกือบค่ำ เหมือนอย่างวันนี้

ที่ร้านโต้รุ่งริมน้ำ....ใกล้โรงเรียน

เขาเล่นบอลแล้วหิว พอดีวันนั้นกินข้าวกลางวันไม่ทันหมดจาน ครูก็เรียกให้ไปหา ช่วยงานครูจนกลับมากินข้าวไม่ทัน ถึงครูเอาขนมปังให้กินด้วยแล้ว พอเย็นออกแรงเตะบอลมันก็หิวซก

หิ้วท้องกลับไปกินบ้านไม่ไหว เลยเดินเตร่จากโรงเรียน แวะกินข้าวที่แถวนี้ก่อน

คนไม่ได้เยอะ โต๊ะยังไม่มาวางหรือกาง บางร้านยังไม่มาลงของเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขากับมันต้องนั่งโต๊ะเดียวกัน

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“มัน” ที่เรียกแบบนี้เพราะไอ้นี่มันกวนประสาท มันเป็นพวกขี้โวยวาย ชอบเฮฮา และชอบแกล้งคน

เขาคุยกับมันได้ทีละไม่นานหรอก ตามมันไม่ทัน พอมันแกล้งแหย่สนุกขึ้น เขาก็ยิ่งโกรธ ส่วนใหญ่หลายครั้งที่คุยกัน เขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายเลิกคุยก่อน แล้วก็นั่งเฉยๆ ยืนเฉยๆ เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร.....มันก็คงรู้ล่ะมั๊งว่าเขา ฉุนแล้ว มันถึงไม่ได้แหย่เขาต่อ....เงียบก็เงียบ

เวลาเจอกัน....รูปการณ์มักเป็นไปแบบนี้แหละ....วันอื่นๆ ก็เช่นกัน

มีนั่งกินข้าวด้วยกัน มีคุยสัพเพเหระกัน....บ้าง....แต่ไม่ใช่บ่อย

แต่ก็นี่แหละ เพราะแบบนี้ล่ะ ถึงได้เริ่มสนิทกัน (เอ๊ะ เรียกแบบนี้ได้มั้ย?...สนิท?...)

........
.......
......
.....
....
...
..
.

แอบชอบมันได้ไง

ก็ไม่รู้สิ ไม่มีคำตอบ

ชอบมัน?..... เริ่มชอบมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตาเขาก็คอยมองหามันแหละ..... วันนี้จะมาวิ่งมั้ย? มันวิ่งๆ อยู่แล้วหายไปไหน? มันมาโรงเรียนหรือยัง? มันมาโรงอาหารหรือยัง? มันกลับบ้านหรือยัง?

นานวันเข้าก็เอาเก็บไปนอนฝัน เพราะก่อนนอนแม่งก่ายหน้าผากคิดถึงแต่หน้ามัน จะเรียกฝันดีหรือฝันร้ายก็ไม่รู้

........
.......
......
.....
....
...
..
.

รู้จักมันมา 2 ปี

เพิ่งรู้สึกตัวว่าชอบมันเมื่อ 3 เดือนก่อน (เอ หรือแค่สองเดือนกว่า... ว๊า จำไม่ได้แล้ว)

........
.......
......
.....
....
...
..
.

อาทิตย์ก่อนได้ยินมันบอกกับเพื่อนในกลุ่มมันว่าอยากมีแฟน

เออ ก็คิดในใจอยู่เหมือนกันนะว่า ‘คิดเหมือนกูเลย’

........
.......
......
.....
....
...
..
.

ก็แค่นั้นแหละ แค่คิดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรหรอก..... เพราะมันเป็นผู้ชาย และเขาก็เป็นผู้ชาย

........
.......
......
.....
....
...
..
.

อาทิตย์ต่อมา....เทศกาลวาเลนไทน์

เห็นใครต่อใครซื้อดอกไม้

เห็นแล้วมันจี๊ด เจ็บฉิบหาย

อยากซื้อมาก

อยากเอามันไปให้มัน

แต่สงสัย หากทำจริงคงได้โดนมันต่อย ไม่ก็ต้องโดนมันล้อไปชั่วชีวิต ได้เป็นรอยด่างพร้อยในประวัติเขาแน่

........
.......
......
.....
....
...
..
.

แต่วันนั้น.... เขาก็ยังไม่วายเดินเข้าโรงเรียนพร้อมดอกกุหลาบดอกเดียว แต่ดอกโตพอควร

ซื้อไปให้ใคร กูรู้อยู่แก่ใจ แต่กูไม่บอกใคร ถึงใครต่อใครจะยกพวกมาถามกู กูก็ไม่บอก

ไอ้เหี้ย.....จะบอกได้ไงวะ ว่ากูพลาด กูสั่งใจตัวเองไม่ได้ เลยต้องเสียเงินค่าข้าวกลางวันกับค่าข้าวเย็นวันนี้ไปกับไอ้สิ่งที่อยู่ในมือ

ที่สำคัญ ซื้อมาแล้วมันก็ต้องเฉา เพราะไม่มีใครจะรับมันไปดูแล...เฮ้ออ...

........
.......
......
.....
....
...
..
.

เย็นวันนั้น ซ้อมบอลเสร็จ เป็นเวรที่ต้องเอาลูกบอลกับอุปกรณ์ไปเก็บ เลยออกจากโรงเรียนช้าเพราะทำคนเดียว ไอ้เพื่อนที่เป็นเวรด้วยกัน มาขอไปเลิฟๆ กับแฟนมัน

ก็นะ ทำบุญทำทาน มึงโสดเองนี่ มึงผิด

........
.......
......
.....
....
...
..
.

เดินมาถึงกระเป๋าตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะหินอ่อน

เห็นใครไม่รู้หลังคุ้นๆ นั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนที่เขาวางกระเป๋าไว้

เวลานั้น มีนักเรียนเหลือบางตามาก ทุกคนกลับบ้านกันไปแล้ว และเขาก็เตรียมตัวกลับบ้านด้วยเหมือนกัน

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“มึงซื้อดอกไม้ให้ใครวะ?” มันถาม

“ซื้อให้มึง เอามั้ยล่ะ?” พูดเหมือนแหย่มันเล่น แต่เป็นความจริงที่ไม่มีใครรู้ ยกเว้นเขาคนเดียว

“ให้ก็เอา” มันทำหน้ามึนๆ งกๆ

“อ๊ะ เอาไป” แกล้งหยิบดอกกุหลาบดอกโต ยื่นให้มัน

“แต๊งค์กริ๊ว----” มันพูดกระดกลิ้นแบบกวนตีน

“กลับล่ะนะ บายว่ะ”

“เออ” มันลุกขึ้น หยิบกระเป๋าของมันไปที่รถมอไซด์ของมัน

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“เดี๋ยว ขอคุยด้วยหน่อย”

เดินไปขวางหน้ารถมอไซด์ของมันไว้ ทำทำเหี้ยไรไม่รู้ กำลังจะทำอะไรก็ไม่รู้ แม่งห้ามตัวเองไม่อยู่

“ไม เรื่องไรวะ? ฮั่นแน่ จะให้พาไปแอบดูสาวล่ะซี่ ซื้อดอกไม้มาแล้วไม่กล้าเอาไปให้เค้าอ่ะดิ มึงแม่งป๊อดว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” มันทำหน้ายียวน พร้อมหัวเราะงอหายอยู่บนเบาะรถมอไซด์ของมัน

แหม วันนี้มันปี๊ด โดนมันหยาม และวันนี้เขาอดไม่ไหว

“ไม่ได้ป๊อด ให้แล้ว และกำลังมาขอคำตอบอยู่”

........
.......
......
.....
....
...
..
.

ยืนจนมันหยุดหัวเราะ เพราะเขาทำหน้าจริงจังมาก

มันจับพลัดจับผลู ไม่ได้กะจะสารภาพกับมัน แต่....ทำไปแล้วว่ะ ไอ้เหี้ย ทำไงดี จะเดินหนีมันก็ไม่กล้า

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“อำกู?”

“เปล่า...”

“จริง?”

“.............”

........
.......
......
.....
....
...
..
.

มองหน้ามันอยู่นาน มันทำคิ้วย่นจ้องตาเขา แต่มันไม่พูดอะไร

อายสุดๆ อายมากๆ เขาไม่ใช่คนหน้าด้าน พอมันไม่ตอบ เขาเลยขอเป็นฝ่ายถอย “เท่านี้ล่ะ มึงกลับบ้านเหอะ”

เดินหลบจากทางของมัน กลับมาเอากระเป๋าที่อยู่บนโต๊ะหินอ่อน

ได้ยินเสียงมอไซด์สตาร์ท

........
.......
......
.....
....
...
..
.

ขณะที่กำลังเดินก้าวข้ามประตูรั้วของโรงเรียนมา มันขับมอไซด์มาชะลออยู่ใกล้ๆ “ขอคิดก่อน กลับบ้านดีๆ ล่ะ”

........
.......
......
.....
....
...
..
.

แล้วแม่งก็คิด คิดเป็นเดือน จนนี่จะปิดเทอมอยู่แล้ว ไอ้ฉิบหาย! จะให้ปิดเทอมไปทั้งๆ แบบนี้ เขาไม่ไหว เขาจะบ้าตาย

มันหายใจไม่ออกเพราะ "ความหวัง" มันจุกอก

ด้วยเหตุนี้ เขาเลยมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะเขานัดมันไว้ ให้มาคุยที่นี่

เขาต้องการคำตอบจากมัน ก่อนเขาจะบ้าตายไปจริงๆ ....ก่อนจะบ้าจนคุยกับมันไม่รู้เรื่อง

“เอ๊ย---”

ดูมัน ทักคนเป็นเรียกควายไปได้... “ช้าแม่ง---”

“เรียกคนอื่นเค้ามาน่ะ ถามความสะดวกเขาหรือยัง ไม่ใช่ว่างนะ”

“เออ แป๊บเดียวน่า”

“เอา ว่ามา มีไร” มันเดินมายืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ เขา

มันมองตรง ไม่ได้มองมาทางเขา

มันเหมือนเดิม ทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเดิมนับตั้งแต่วันที่เขาบอกชอบมัน

มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมันสักพัก จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้า ยาว ลึก และปล่อยมันออกมาเสียงดัง ---เรียกกำลังใจให้ตัวเอง “...........ฮื๊อ!”

มันหันหน้าขวับมามองเขา

“ขอคำตอบ กูมาเอาคำตอบ”

มันขมวดคิ้ว “แล้วมึงถามเหี้ยไรล่ะ?”

“อ๊าว มึง ไอ้เลว นี่มึงลืมแล้วเหรอเนี่ย ชั่วว่ะ แม่งเลว” หัวเสียสุดๆ นี่มึงให้กูเป็ยนายสายบัวรอเก้อใช่มั้ย?...

“อะไร มึงถามไรกู ถามวันไหน” มันซักไซ้ไล่เลียง

“ก็เย็นวันวาเลนไทน์ มึงบอกว่าจะคิดดูก่อน”

“อ๊ะ.....”

มันทำตาโต

หน้ามันตกใจ....แบบแปลกๆ

........
.......
......
.....
....
...
..
.

มันเงียบ

ผมก็เงียบ

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“มึงเอาจริง? ไม่ได้ล้อเล่น?”

มันจ้องตาผมเขม็ง

“เชี่ยนี่ ดอกนั้นไม่ได้ถูกๆ นะมึง เรื่องสำคัญแบบนี้ใครเค้าพูดเล่นกันวะ?”

ผมจ้องตาตอบมัน

“...........”

........
.......
......
.....
....
...
..
.

มันเงียบไปอีก

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“กูชอบมึง แอบชอบมึงมาหลายเดือนแล้ว ไม่ดิ เพิ่งรู้สึกตัวมากกว่าว่าชอบมึง”

มันทำหน้านิ่ง....

มองไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่

“แล้ว....?”

มันถามสั้นมาก มากจนผมต่อไม่ได้ “.........ง่า .....เอ่อ.......อ่อ.......คือ.........”

มันเอาหน้านิ่งๆ จ้องผมไม่วางตา

ผมเห็นแล้วใจสั่น ไม่กล้า กลัว..... กลัวจนหัวหด

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“แล้ว?”

มันถามอีกครั้ง

“..................................ปะ................เป็น........แฟน....กับกู.......นะ...?”

พอผมกลั้นใจพูดจบ มันก็สะบัดหน้าหนี

แต่มันไม่ได้เดินหนีไป มันยืนหลังพิงกำแพงท่าเดิม แต่หันหน้าไปอีกทาง

มันโกรธไหม ผมไม่รู้ เพราะมองหน้ามันไม่เห็น

เห็นแต่ผมของมัน

........
.......
......
.....
....
...
..
.

ผมมองหัวของมันอยู่เป็นนาน

“เฮ้อ........” ผมกลับมายืนหลังพิงกำแพงท่าเดิม หันหน้าไปอีกทาง ทางที่ตรงกันข้ามกับของมัน “กูขอโทษ แต่กูชอบมึงจริงๆ นะ ไม่ว่ามึงจะโกรธจะเกลียดกู กูก็อยากได้คำตอบจากปากมึง ช่วยให้คำตอบกูที”

........
.......
......
.....
....
...
..
.

มันเงียบ

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“มึงอย่าเงียบสิวะ พูดมาเลย เอาให้เครียร์ๆ ” ผมครางเสียงอ่อย ไม่ไหวแล้ว จะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว เจ็บหัวใจฉิบหาย ตายได้มั้ย ขอเขาตายแม่งตอนนี้เลยได้มั้ย?

“กูตอบแล้ว!”

มันพูดแล้ว แต่เสียงมันฟังดูเหมือนติดน้ำโห

ผมหันหน้าควับไปหามัน “ตอบเหี้ยไร เชี่ย แม่งเงียบเป็นเป่าสาก!”

ผมเห็นหน้ามัน

ผมตาค้าง

........
.......
......
.....
....
...
..
.

มันหน้าแดงเถือก แต่แม่งจ้องผมตาเขียวปั๊ด

“กูตอบแล้ว!”

“มึงตอบยังไง กูไม่เห็นรู้เรื่อง?”

“เชี่ย กูพยักหน้าแล้ว สัด! ไม่เสือกมอง ช่างแม่งมึงแล้ว!”

มันพูดจบก็สะบัดหน้า เดินปึงปังไปเลยทันที

ผมตาค้างอ้าปากหวออยู่กับที่.........

........
.......
......
.....
....
...
..
.

“ไอ้บ้า มึงก็อย่าตอบแบบเงียบๆ สิว๊า”

ผมเกาหัวแกรกๆ พูดครางกับตัวเอง พลางก้าวขาออกไปจากหลังโรงยิม

ไม่รู้แม่งโมโหเดินไปไหนแล้ว ต้องให้ตามหาอีก

ว๊าเว๊ย........... ทำไมน่ารักแท้วะมึง รักแล้วก็รักอีกอยู่ได้ ไม่สงสารกูบ้างเลย เหนื่อยนะเนี่ย ต้องตกหลุมรักมึงครั้งแล้ว....ครั้งเล่า.....

........
.......
......
.....
....
...
..
.











































































































































































เข้าพรรษา..... ได้โปรดอย่าเมาเหล้า

หากเปรี้ยวปากทนไม่ได้ โปรดเมารักแทน


ด้วยความหวังดี

BaoBao = เบาเบา





เอวัง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: leelea ที่ 05-08-2012 02:22:46
กิ๊ซ....อ่านแล้วเขินตาม แก้มจะปริ >0<
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 05-08-2012 05:11:53
เขินแท้ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 05-08-2012 10:05:26
 :-[ :-[ :-[ น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-08-2012 10:14:31
เฮ้ย!!  น่ารักอ่ะ
อ่านแล้วเขิน นานๆจะเป็นเรื่องเด็กวัยเรียนบ้าง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 05-08-2012 10:22:12
น่ารักอะ  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-08-2012 10:29:32
น่ารักว่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: คนนี้แหละที่พี่อยากได้ ขอวลอีกนิดนคดี๋ยวอมลงห้น่นอน อย่กันลืมน
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-08-2012 10:34:11
อยกอ่นต่อจังน่รักดี
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 05-08-2012 10:41:57
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก โฮกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 05-08-2012 10:57:49
อร๊ายยยยยยยยยย น่ารักมากมาย >W<
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: Tegoshita ที่ 05-08-2012 11:06:28
โอยยยยยย

เขินไม่ไหวแล้วจ้า....
ขอระเบิดตัวเองในสามสิบวิ....
ตู้มมมมม!!

น่ารักมากอ่า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-08-2012 11:07:14
เป็นตาฮักแท้น้อ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-08-2012 11:55:00
แอร๊ยยยยยย
กระโดดกอดคุณเบาๆ น่ารักมากอะ
กรี๊ดดๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Nnsicc ที่ 05-08-2012 15:07:05
5555 ไม่ค่อยได้เจอเรื่องอารมณ์ประมาณนี้ ชอบอ่ะๆ
น่ารักมาก อ่านไปขำไป ยิ้มไป 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-08-2012 15:24:31
น่ารักแท้ o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-08-2012 16:59:17
อารมณ์รักแรกวัยเรียน
น่ารักแท้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 05-08-2012 16:59:57
น่ารักจังอิอิขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 05-08-2012 17:25:46
โอ๊ยยยน่ารักมากๆ

จบแล้วหรอ ไม่อยากให้จบเลย

ชอบมากๆอ่านแล้วเขิน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 05-08-2012 17:40:26
งี๊ด ๆ น่ารั๊ก! :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: 2kysarang__ ที่ 05-08-2012 17:47:15
ชอบแบบนี้อ่าา น่ารัก > <
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-08-2012 17:50:05
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: น่ารักมากมาย ขอเป็นแฟน อ๊ากกก ตกลงด้วยการยักหน้า กรี๊ดดดดดดด  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Bomz ที่ 05-08-2012 17:51:44
น่าร็อกอ่าาาาา555 :really2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: thunchanok1 ที่ 05-08-2012 18:23:21
น่ารักอ่ะ  อ่านไปเขินไป   :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 05-08-2012 18:27:11
ยิ้มจนปากจะถึงหูแล้วววว จริงๆนะ น่ารักมากๆ

อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ><

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ryoushena ที่ 05-08-2012 20:36:39
ละลาย ^___^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-08-2012 20:53:53
 :-[
 :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-08-2012 21:00:00
น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 05-08-2012 21:11:48
น่ารักจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 05-08-2012 21:17:19
เป็นมุมเล็ก ๆ ที่น่ารักมากเลย :o8:

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 05-08-2012 21:54:59
อ่านแลิวนึกถึงผู้ชายแมนๆสองคนจีบกันเลย ชอบอารมณ์เรื่องนี้มาก

สโลแกนเข้าพรรษายิ่งโดนเข้าไปอีก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: maiouar ที่ 05-08-2012 22:45:51
เป็นเรื่องสั้นที่น่ารักมากค่ะ อ่านแล้วหัวใจพองฟู
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 05-08-2012 23:02:00
น่ารักเป็นบ้าเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: loveooo ที่ 05-08-2012 23:10:46
น่ารักอ่าาาาา  แต่ว่าสั้นไปนะ  ไม่จุใจเลย อยากอ่านตอนพิเศษอ่า  นะคะๆ   

 :impress2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 05-08-2012 23:16:00
น่ารักจุงเลย
อ่านแล้วมีความสุข :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 05-08-2012 23:30:33
โคตร ของ โคตร น่ารักเลยค่ะ

ลลุ้นไม่ให้มีเอวังนะเนี่ย

น่ารักเกิ๊นนน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 06-08-2012 00:04:45

โอ๊ย น่ารักมากอ่ะ
ได้ใจสุดๆ ค่า
 :o8: :กอด1:

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: chaaom ที่ 06-08-2012 01:24:40
อ่านจบแล้วยิ้มไม่หุบเลยค่ะ
น่ารักมากๆ ชอบจังเรื่องใสๆแบบนี้ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-08-2012 07:23:19
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 06-08-2012 09:11:09
น่ารักกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-08-2012 09:21:40
น่ารักสุดฤทธิ์ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 06-08-2012 09:35:23
 น่ารักดี. เป็นความรู้สึกรักแบบสดใสอ่ะ.  :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: sasaijk ที่ 06-08-2012 09:46:36
มัน และ เขา ทำคนม่ะเกี่ยวข้องตรงนี้ ตายหน้าจอคอมไปล่ะ......  :m3: :m3:

ขอบคุณมากค่ะ น่ารักน่าโอกมากเลย.... o13 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 06-08-2012 11:31:08
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-08-2012 14:52:01
น่าร๊าก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยาม
เธอสองคนเขิน แต่ฉันเขินกว่า ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 06-08-2012 16:10:05
มาพยักหน้า"เบาเบา"
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-08-2012 18:18:00
วุ้ย น่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาเดส ที่ 06-08-2012 18:24:54
โอ๊ยยย น่ารักเกินไปมั้ยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Kaame ที่ 06-08-2012 18:36:24
น่ารักอะ  > <
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 07:48:13
(http://i572.photobucket.com/albums/ss166/Ai-Bao/Screenshot2556-02-14at215826.png)
[แค่นี้ได้มั้ย?]




อืม.... มีใครเกิดทันยุคที่ไม่มีมือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์บ้างไหม?

ยุคนั้น ถึงไม่มีหลายๆ สิ่งที่อำนวยความสะดวกแต่มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะ ชีวิตมันก็ใช้กันไปได้

การสื่อสารสมัยนั้นหากเปรียบเทียบกับสมัยนี้ คาดว่าเด็กรุ่นใหม่คงใช้ชีวิตกันแทบไม่เป็น...หากหลงไปอยู่ในจุดที่ว่ามานี้

แต่สำหรับคนในรุ่นนั้นการสื่อสารกันมันก็ไม่ยุ่งยากเท่าที่คิดนะ เพราะเรายังมีโทรศัพท์บ้านกับโทรศัพท์ตู้สาธารณะให้ใช้ (อ๊ะ แบบหยอดเหรียญอย่างเดียวนะ หุหุหุ) มีไปรษณีย์ มีระบบการคมนาคม รถเมล์ รถไฟ รถตุ๊กๆ สามล้อปั่น ไรอีก อ้อ รถอีแต๋น  :laugh:

อืม....รถบัส รถเมล์ ไม่มีแอร์หรอก มีแต่แอร์ธรรมชาติ รถส่วนตัวก็มีกันบ้างไม่หนาตาแบบสมัยนี้ แต่รถยอดนิยมของวัยรุ่นในยุคไหนๆ ก็ตามมันหนีไม่พ้นมอเตอไซด์ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมี....

แล้วที่พูดพร่ำมาเนี่ยเพื่ออะไร?

ก็ไม่ใช่อะไรมากมาย ก็แค่อยากจะบอกว่า ยุคที่จะเล่าต่อไปนี้มันคือช่วงเวลานั้น

เด็กๆ นึกภาพกันออกไหมเอ่ย.... หากเีรามีแฟนในยุคที่ว่าแล้วมันจะติดต่อกันยังไง?

เดินทางไปเที่ยวกันยังไงล่ะ รถประจำทางมีแค่สองชั่วโมงหนึ่งคัน แถมขับแบบหวานเย็นสุดๆ

นึกแล้วมันขำ พอมาถึงยุคนี้ปี 2012 มันขำๆ ฮาๆ น่าเอ็นดูคนในยุคนั้นจริงๆ

อะ เล่าให้ฟังเล่นๆ ละกัน ไม่มีสาระอะไร ลองฟังกันดูนะ

ชอบก็บอก ไม่ชอบก็บอก :กอด1:

.......

......

.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 09:43:24


.......

......

.....

....

...

..

.

กิ๊งงงงงงงงงงงงง---------- เสียงกริ่งโทรศัพท์บ้านแผดเสียงดังลั่น

ตึง ตึง ตึง ตึง--------คนฝีเท้าวิ่งลงส้นดังมาจากชั้นบนของบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง

“มึงจะพังบ้านกูรึไง ไอ้ลูกเวร เดินเบาๆ ซี่วะ!” เสียงเจริญพรจากผู้เป็นพ่อตะโกนแข่งกับเสียงของโทรศัพท์บ้าน

“เอ๊ย แม่ เดี๋ยวผมรับเอง”

คนที่วิ่งลงมาจากบันไดร้องบอกแม่ของตัวเองซึ่งกำลังจะยกหูของโทรศัพท์ขึ้นมา แต่แม่หาได้สนใจไม่ แม่ยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกรอกเสียงหวาน “สวัสดีจ้า บ้านตาเหวงจ้า จะพูดสายกับใครจ๊ะ?”

แม่ยืมยิ้มกับโทรศัพท์สักครู่ ก็บอกปลายสายว่า “รอแป๊บนึงนะ เดินลงมาพอดีเลย” พูดจบก็หันหลังมาส่งยิ้มให้ลูกชาย พร้อมยื่นหูโทรศัพท์มาให้

ลูกชายเดินตรงไปรับมันมาไว้ในมือ เขารอจนแม่เดินห่างไปไกลแล้วจึงพูดกับปลายสายด้วยเสียงเบาๆ แบบให้พอได้ยินกันสองคน “เออ มาแหละ”

“ไมไม่รอรับอ่ะ ไมแม่รับสายอ่ะ” ปลายสายทำเสียงอ้อแอ้

“ขึ้นไปจัดกระเป๋าแป๊บเดียวเอง ไม่คิดว่าวันนี้มึงจะโทรมาเร็วนี่หว่า แล้วทำไมมึงโทรมาเร็ววะ?” พูดพลางลากเก้ามานั่งคุย เพราะกับสายนี้ มันนานพอประมาณ

“ก็...........คิดถึงอ่า.........” แล้วเสียงจากปลายสายก็หยุดไป

คนพูดเอามือม้วนสายโทรศัพท์ที่เป็นเกลียวของมันอยู่ให้ ให้พันยุ่งยิ่งไปกว่าเดิม “........................พรุ่งนี้มีเรียนเลขก่อนเที่ยง คงลงไปกินข้าวช้านะมึง”

อายมาก ไม่รู้จะพูดอะไร เลยพูดเรื่องพรุ่งนี้ซะเลย

คนที่โทรเข้ามา....ปกติจะนั่งรถประจำทางไป-กลับโรงเรียน โชคดีที่ซอยทางเข้าบ้านตัวเอง เป็นทางหลวงใหญ่ที่มีรถผ่านเยอะ แต่มันก็ยังจำกัดเวลา รถจะวิ่งตามตารางแค่ช่วง 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นเท่านั้น และเนื่องจากบ้านเขาเป็นแค่ทางผ่าน สายแรกที่เข้าเมืองจึงมาถึงหน้าซอยบ้านเขาเอาเวลาราว 7 โมงกว่าๆ หากเขาพลาดสายนี้ไปแล้วต้องขึ้นสายอื่น อาจเสี่ยงที่จะเข้าโรงเรียนสายได้

ส่วนขากลับนั้น ไม่ต้องห่วง เขาขึ้นต้นสาย รถเที่ยวสุดท้ายออก 6 โมงครึ่ง ไปถึงซอยหน้าบ้านเขาราวๆ 1 ทุ่มได้ ปกติเลิกซ้อยบอล 4 โมงครึ่ง เขาจะขึ้นรถเที่ยว 5 โมงครึ่ง แต่วันไหนที่หิวข้าวจัดๆ เขาถึงจะขึ้นรถเที่ยว 6 โมงครึ่งแทน อย่างที่บอกนี่คือต่างจังหวัด รถจะวิ่งแค่ชั่วโมงละคัน ซึ่งเขายังถือว่าโชคดีเพราะเรียนในตัวอำเภอเมือง และบ้านอยู่รอบนอกของอำเภอเมือง การเดินทางจึงเรียกว่า “สะดวก” กว่านักเรียนคนอื่น

คนที่รับสาย.....รายนั้นเค้ามีมอเตอไซด์คู่กาย เพราะบ้านของพี่แกอยู่ในดง ลึกมาก จะให้พ่อแม่ขี่มาส่งที่ปากทางซึ่งสามารถรอขึ้นรถประจำทางได้ก็ลำบาก เมื่อโตพ่อแม่จึงเลยปล่อยให้ขี่มอไซด์ไป-กลับเอง แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าห้ามกลับดึก ให้ถึงบ้านก่อนหนึ่งทุ่มเท่านั้น และหากเลิกเรียนแล้วไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านให้โทรมาบอกก่อน (จุดนี้เหมือนกันกับบ้านของเขา) ปกติรายนั้นขี่มอไซด์ไปเรียนใช้เวลา 40 นาทีบ้าง 50 นาทีบ้าง แต่เห็นบอกว่าเคยตื่นสายแล้วบิดไปโรงเรียนใช้เวลาแค่ 25 นาที อันนี้ค่อนข้างน่ากลัว ได้ยินแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะท้วงให้ระวัง

แล้วนี่เองจึงเป็นที่มาของการไป-กลับโรงเรียนด้วยกัน

เราตกลงกันใหม่ ให้ตอนเช้าอีกคนขี่มารับเขาที่หน้าซอย แล้วไปโรงเรียนพร้อมกัน ส่วนขากลับต่างก็มีกิจกรรมชมรมอยู่แล้ว ซ้อมเสร็จไล่เลี่ยกัน

“อื้อ....ไม่เป็นไร จะรอละกัน จะกินไรล่ะ จะได้ซื้อไว้ให้” ปลายสายบอกกับเขา

“อืม.....ข้าวมันไก่ เอาสองจานนะ เอาน้ำเก๊กฮวยด้วย ถ้าวันพรุ่งนี้มีสอดไส้ขายเอาด้วย 5 อัน”

“ถ้าไม่มีเอาไรล่ะ หนมอื่นเอามั้ย?”

“อืม....ไม่อ่ะ อยากกินแต่สอดไส้”

“อื้อ เดี๋ยวดูให้ แล้วการบ้านทำเสร็จหมดยัง?”

“ยังว่ะ มีหลายข้อแม่งไม่เข้าใจ ไว้ไปลอกเพื่อนตอนเช้าเอา มึงจะออกกี่โมงอ่ะ พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อยดิ กูจะไปรอลอกการบ้าน ต้องส่งก่อนเข้าแถวด้วย”

“เอาสิ เจอกัน 7 โมงมั้ย?”

“เอา 6 โมงละกัน”

“เช้าแบบนั้นกูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ แม่ยังไปตลาดอยู่เลย”

“เออ ไว้หากินข้างนอกก่อนเข้าโรงเรียนก็ได้ มึงสะดวกมั้ยล่ะ?”

“เอ้อ......ก็ได้ ถ้ามึงจะออกจากบ้านก็โทรมาละกัน”

“ได้..............”

แล้วบทสนทนาก็หยุดไป แต่ไม่มีใครบอกลาหรือวางสาย

ก็ต่างยังอยากคุยกันอยู่ แต่ไม่รู้จะคุยอะไรกัน ------------ฮา

แต่อย่าว่าไป อันนี้น่ะ พวกเราคุยกันเยอะมากกว่าตอนแรกๆ แล้วนะ เราเตรียมความเป็นแฟนกันในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา มันเป็นอะไรที่....

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 10:14:38


.......

......

.....

....

...

..

.

ก่อนนี้ เป็นแค่เพื่อนของเพื่อน เป็นแค่คนรู้จัก คุยกันน้อยมาก แล้วโทรศัพท์เนี่ยก็ไม่เคยโทรหากันเลย เพิ่งจะโทรหากันก็เมื่อเย็นของวันที่เริ่ม “คบกัน”

วันนั้น....หลังจากที่เขาสารภาพรักกับคนคนนี้ อีกฝ่ายก็ขี่มอไซด์มาส่งเขาที่หน้าปากซอยทางเข้าบ้าน เขาไม่ได้ให้เข้าไปส่งถึงหน้าบ้านเพราะมันค่อนข้างเย็นมากแล้ว เป็นห่วงคนที่ขี่มอไซด์ อยากให้เขาถึงบ้านเร็วๆ เพราะบ้านของอีกฝ่ายต้องขี่มอไซด์กลับไปทางเดิม (ย้อนทางกลับไปจากที่มาส่งเขา) ตอนค่ำมืดทางเส้นนั้นไม่มีเสาไฟส่องแสงให้ความสะดวกกับผู้ขับขี่ มันค่อนข้างอันตราย ง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ทีแรกอีกฝ่ายก็ไม่ยอมนะ... แต่เขายืนกรานว่าห่วงจริงๆ เราก็จบกันด้วยต่างคนต่างแลกเบอร์บ้าน เขาบอกให้อีกฝ่ายโทรมาเมื่อขับรถถึงบ้านแล้ว เมื่ออีกฝ่ายรับปากเราก็แยกกัน

เขาเดินเข้าบ้านใช้เวลา 10 นาที ไม่ทำอะไรต่อนั่งจ้องอยู่หน้าโทรศัพท์ ผ่านไปสัก 20 นาที เสียงกริ่งของโทรศัพท์ดังขึ้น อีกฝ่ายโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว เขาก็ว่าดีแล้ว แล้วอีกฝ่ายก็ว่าแค่นี้นะ จากนั้นก็วางสายไป เขาหายห่วงแล้วจึงค่อยเดินไปอาบน้ำและกินข้าวเย็น

เช้าวันต่อมา ชีวิตประจำวันของเขากับอีกฝ่ายก็เริ่มเปลี่ยนไป

ปิดเทอมนี้ เป็นช่วงที่ขยับฐานะมาเป็นแฟนกัน เรียกได้ว่า “ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว”

ก็ผู้ชายกับผู้ชายมันต้องเป็นแฟนกันยังไงล่ะ?

ทำแบบตอนคบกับผู้หญิงได้มั้ย?

ไปหาที่บ้านได้มั้ย?

โทรหาได้มั้ย?

เรื่องแค่นี้ก็เหมือนคิดไม่ออก สุดท้าย....ปิดเทอมมาได้แค่วันเดียวเขาเองล่ะที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ต้องโทรหาไปอีกฝ่ายก่อนในช่วงเย็นของวันนั้น

อีกฝ่ายถามว่า มีไร

เออ เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

เขาเงียบอึ้งอยู่นาน พออีกฝ่ายย้ำด้วยน้ำเสียงโมโหปนรำคาญว่า......มีไร ถึงได้โทรมาเนี่ย เขาก็เผลอบอกไปตามที่ใจตัวเองคิด.... “คิดถึง”

ฮามาก เพราะหลังจากพูดคำนั้นไป เขาก็เขินอยู่หน้าโทรศัพท์ ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครวางสายนะ เขายืนบิดเป็นคนบ้า ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันเลยสักคำ แม่ก็เรียกเขาไปกินข้าวเย็น ก็เลยต้องลา

“เอ่อ... แม่เรียกไปกินข้าวแล้วอ่ะ” น้ำเสียงอ่อยมาก ยังไม่อยากวางสายเลย

“อื้อ....”

“เอ่อ... เดี๋ยวโทรไปอีกได้ป๊ะ?”

“อื้อ....”

“แล้ว....ให้โทรกี่โมงดี ที่บ้านมึ....นายกินข้าวเย็นกันกี่โมงล่ะ?”

“เหี้ย.... นายเนยอะไร มึงก็เรียกเหมือนเดิมดิ๊” เสียงเริ่มมีจิตวิญญาณมากขึ้น

“อ้าว เอ่อ เหรอ... ไม่ดีมั๊ง”

“ไม่ดีไงวะ?”

“ก็เป็นแฟนกัน เรียกมึงกู มันไม่สุภาพ”

“ไอ้เอี๊ยยยยย....”

ด่าเข้าไป...กูรู้น่าว่ามึงเขิน------- “ฮ่าฮ่าฮ่า..... โอเคๆ มึงก็มึง ก็กลัวมึงจะว่าว่ากูไม่สุภาพกับแฟน เลยนายไว้ก่อน”

“เชี่ย! ทุ่มกว่าๆ ค่อยโทรมาละกัน แต่ให้กูโทรไปก็ได้นะ” น้ำเสียงเริ่มฟังดูเป็นปกติ

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวกูโทรเอง”

“แล้วแต่มึง ไปกินข้าวเหอะไป๊ เดี๋ยวพ่อแม่มึงจะรอ”

“ครับ”

“เชี่ย! มึงจะครับทำไม”

“อ๊าว แค่ครับไม่ได้รึไง แปลกตรงไหนวะ?”

“ไม่ได้แปลก แต่กู........ทำใจไม่ได้ว่ะ ขนลุก เชี่ย มึงไม่ต้องสุภาพกับกูเลย เอาธรรมดา แบบปกติน่ะเป็นมั้ย?”

“อื้อๆ จะพยายามนะ .....แต่ยากอ่ะ”

“ยากตรงไหน ก็แค่ทำเหมือนเดิม”

“แต่เราไม่เหมือนเดิมกันแล้วนี่นา เราเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

“มึงจะย้ำทำไมบ่อยนักวะ เชี่ยนี่!”

“นี่!”

“ไร?”

“เราเป็นแฟนกันใช่ป๊ะ?”

“เหี้ยนี่ มึงจะมางงอะไรตอนนี้วะ!”

“ก็มันไม่แน่ใจอ่ะ”

“อื้อ...”

“อื้อไร? มึงรำคาญกูเหรอ?”

“เปล่า กูตอบคำถามมึง.... มึงนี่! แม่ง.....”

“อ้าว.... เหรอ.... ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่รู้นี่นา ก็เสียงมึงเหมือนรำคาญ แล้วตกลงมึงรำคาญกูป๊ะ โทรไปคุยด้วยได้ป๊ะ หากรำคาญบอกกูได้นะ”

“เปล่า..................ไม่ได้รำคาญ...............” น้ำเสียงเริ่มเบาลง ไม่กระแทกกระทั้นเต็มเสียงเหมือนเดิม

“ก็เสียงมันเหมือนรำคาญจริงๆ นะ”

“..............................พอๆ ไม่คุยแล้ว มึงไปกินข้าวเลยไป๊ พูดอยู่ได้” เงียบไปนานแล้วเสียงก็กลับห้วนแบบปกติ

“นี่...”

“ไรอีก...” อันนี้น้ำเสียงรำคาญของจริง

“คิดถึงนะ”

“...อื้อ...” ตอบรับในลำคอเบาๆ

“รักนะ”

“....อื้อ....” ตอบรับในลำคอเบาๆ เหมือนเดิม

“เดี๋ยวโทรหาต้องรับนะ”

“อื้อ!” ตอบรับในลำคอแบบหนักแน่นขึ้น คงเริ่มรำคาญอีกแหละ

“ไม่รำคาญแน่นะ”

“อื้อ!”

“มึงก็คิดถึงกูเหมือนกันใช่ป๊ะ”

“อื้อ..........เอ๊ย มึงถามไรนะ? เอ๊ย! ไม่......เชี่ย ถามอะไรของมึงเนี่ย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า........”

“แค่นี้นะ!”

แล้วฝ่ายนั้นก็วางสายไปเลย

วันนั้นเขารีบกินข้าว รีบล้างจาน เสร็จก็มานั่งหน้าโทรศัพท์....รอเวลาทุ่มครึ่ง....

ถึงเวลาโทรไป....ได้คุยกันแค่แป๊บเดียว แต่เท่านั้นก็พอแหละ....สำหรับเขา....ส่วนอีกฝ่ายพอมั้ย เขาไม่รู้....

.......

......

.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2012 10:47:24
คุยกันน้อยมากกกก 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 09-08-2012 10:52:31
555 น่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 10:53:31


.......

......

.....

....

...

..

.

ช่วงปิดเทอม คุยกันไม่ค่อยบ่อย แต่อย่างน้อยต้องวันละครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นการ “โทรเงียบ” ---------- ฮา

เข้าใจมั้ย “โทรเงียบ” ......วันไหนที่ว่าโทรนานๆ ก็เงียบกันไปนี่แหละ ไม่ได้คุยไรกันมากหรอก มันเขินอ่ะ ไม่รู้ทำไม

คือหากคุยธรรมดา ถามนู่นนี่ ดินฟ้าอากาศ หมาแมว เราก็คุยกันได้ไปเรื่อยอ่ะนะ แต่หากเขาเผลอคุยในแบบ “แฟน” หนุงหนิงกันขึ้นมาทีไร มันมักชอบเงียบ แรกๆ คิดว่ามันไม่ชอบ แต่หลังๆ จับไต๋ได้ว่า มันเขิน------ฮา
 
จนสองอาทิตย์ผ่านไป คุยกันมากก็คิดถึงกันมาก ยิ่งคิดถึงแล้วยิ่งอยากเจอหน้า

แต่ตอนนั้นเป็นเด็กนักเรียน สมัยนั้นจะไปไหนมาไหนต้องขอพ่อแม่ แล้วต้องขอแบบมีเหตุผลนะ หากขอแบบไม่มีเหตุผลผู้ใหญ่จะหาว่าเราเกเรได้

ปกติตอนปิดเทอม นักเรียนในรุ่นเดียวกันจะอยู่ติดกับบ้าน ช่วยงานที่บ้าน หรือเล่นแถวๆ บ้านนั่นแหละ ไม่ได้ไปไกล เพราะรถรามันไม่สะดวกเหมือนทุกวันนี้ หากเพื่อนคนไหนอยู่บ้านไกลกันก็ไม่ได้เจอกันเลย จนเปิดเทอมนู่น

ฝ่ายนั้น....ถึงมีรถมอไซด์ก็ใช่ว่าจะสตาร์ทรถมาหากันได้ตามใจ เพราะหากไม่ใช่เปิดเทอม พ่อเค้าจะยึดกุญแจไว้ ไม่ให้ลูกเอาไปขี่เล่นตามใจชอบ....โอเคว่าบ้านอื่นๆ เค้าปล่อยลูกไปได้ตามใจชอบ ขอแต่ว่าต้องบอกกัน แต่พ่อของบ้านนี้ไม่ยอม อย่างว่าละนะ บ้านใครบ้านมัน ระเบียบต่างกัน...เท่าที่คุยโทรศัพท์กัน ฝ่ายนั้นต้องไปช่วยงานในสวนด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น

เขา...ถึงแม้ไม่มีเถือกสวนไร่นา แต่แม่เปิดร้านขายของชำในซอย ก็แค่ร้านเล็กๆ แต่ก็มีคนเดินเข้าออกตลอดวันไม่ได้ขาด ปิดเทอมเขาต้องอยู่ช่วยแม่ที่ร้านนี้เสมอ ไม่ว่างไปเที่ยวเล่นด้วยเหมือนกัน

แต่อย่างที่รู้ ปีนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ปีนี้เขามี “แฟน” แล้ว และเขาก็คิดถึงแฟนมากด้วย

“.....ว่างวันไหนอ่ะ ขอเจอแป๊บเดียวก็ได้ นะ นะ”

“ไม่รู้ดิ๊ จะไปไงยังไม่รู้เลย ไม่มีมอไซด์มึงก็รู้”

“.....มึง....” ทำเสียงอ้อนหน่อยๆ

“ไร....” พูดเสียงยานคาง

“ไม่ไหวว่ะ อยากเห็นหน้ามึงว่ะ ก่อนนี้อยู่โรงเรียนกูต้องได้เห็นวันละครั้ง แต่นี่ไม่ได้เห็นหน้ามึงเลย...ไม่ไหวว่ะมึง”

“เชี่ยยยยยย------”

ให้พรกูอีกแหละ โอเค กูรู้ว่ามึงเขิน----- “ไม่ไหวแล้วนะ ขอไปที่บ้านนะ”

“แล้วมึงจะมายังไง ขี่มอไซด์ก็ไม่เป็น”

“ให้พ่อไปส่ง”

“ไอ้บ้า!”

“ไปเองก็ได้ เดี๋ยวลงรถที่หน้าปากทางบ้านมึง มึงมารับกูตรงนั้นได้ป๊ะล่ะ”

“........ ต้องขอพ่อก่อน ไม่รู้ดิ สองสามวันนี้มีเก็บส้มโอด้วย กลัวพ่อไม่ปล่อยกูอ่ะดิ”

“อือ.........” เซ็งมากจนเก็บน้ำเสียงไม่อยู่ นี่ถ้าหากเดินถึงนะ เขาจะเดินไปหาเช้าที เย็นทีเลย

“.....โกรธเปล่าวะ?”

“หื๊อ.... ไม่ได้โกรธ แต่ sad ว่ะ”

“ใช้ศัพท์สูงนะมึง....”

“........................”

แล้วเราต่างก็เข้าโหมด “โทรเงียบ” อีกครั้ง.... แล้วเราก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรกัน จนแม่เรียกให้ไปนอน เขาเลยจำใจต้องบอกลากับอีกฝ่าย

คืนนั้นเขานอนคิดๆ หัวแทบระเบิดว่าจะหาข้ออ้างออกไปจากบ้านยังไงดี จนเช้าก็ยังคิดอะไรก็ไม่ออก ตื่นมาแบบตาบวม ปวดหัวจนต้องขอยากับแม่มากิน

.......

......

.....

....

...

..

.

นอนแหม๊บอยู่บนเก้าอี้ยาวหลังโต๊ะเก็บเงิน กำลังได้ที่จะหลับอยู่แล้ว แม่ก็มาปลุก บอกว่ามีเพื่อนมาหา บอกแม่ไปว่า ลุกไม่ไหว มันปวดหัว แม่ก็เดินออกไป

แต่ชั่วแวบนั้น เขาได้ยินเสียงสตาร์มอไซด์ที่คุ้นหูมาก ใจมันสั่งสมองให้-----มึงลุกเดี๋ยวนี้!

เขาจึงโดดผึงจากเก้าอี้ยาวนั้นแล้วจ้ำอ้าวไปที่หน้าร้าน เขาเห็นมอไซด์โค้งกลับลำอยู่ เขารีบร้องตะโกนเรียกก่อนที่อีกฝ่ายจะขับรถไป “เฮ๊ย! เดี๋ยวเว้ย!”

เขาวิ่งไปจับท้ายรถมอไซด์อีกฝ่ายไว้ ปากก็ร้องว่า เดี๋ยว! เดี๋ยว!.... ไม่ขาดปาก

พอคนที่ขี่มอไซด์หันหน้ากลับมา เขาก็แทบอยากจะโผเข้ากอดมันให้หนำใจ-----แม่ง คิดถึงจริงๆ ให้ตายเหอะ!

“อ้าว ลุกมาทำไมวะ แม่มึงบอกว่ามึงไม่สบาย ลุกไม่ไหว” สีหน้ามันฉงน น้ำเสียงมันติติงในอารมณ์เป็นห่วง

“มึงทำไมไม่บอกว่ามึงจะมาล่ะวะ” ไม่ได้ตอบคำถามมันหรอก แค่ปวดหัว...จิ๊บๆ

“ก็.....ไม่รู้ว่าจะมาได้ชัวร์มั้ย เลยไม่ได้โทรมาบอกก่อน” มันบอก

“ไหนมึงว่าพ่อมึงยึดกุญแจไปไงล่ะ”

“ก็พาแม่มาตลาด แม่กูซื้อของอยู่ เลยบอกว่าจะมาหาเพื่อน บ้านอยู่ตรงนี้ ไม่คิดว่าแม่จะให้มา พอแม่ให้มา กูก็ขี่รถมาเลย ก็มึงบอกว่ามาช่วยแม่ขายของแต่เช้า กูว่ามาก็น่าจะเจอมึง แล้วมึงเป็นไร เมื่อวานคุยกันมึงยังดีๆ อยู่ไม่ใช่เหรอไง”

“เออ.... ช่างแม่งเหอะ แค่ปวดหัวเฉยๆ กินยาแล้ว ง่วงเพราะฤทธิ์ยา....เอ่อ...มึงอยู่ได้นานป๊ะล่ะ?”

“ก็ไม่นานหรอก สักแป๊บก็ต้องไปแหละ”

“ไปนั่งข้างในได้ป๊ะ แป๊บเดียวก็ได้”

“ในร้านอ่ะเหรอ ไม่ดีกว่ามั๊ง คนเยอะ เดินไปเดินมากูทำหน้าไม่ถูกว่ะ” มันส่ายหน้าพรืด

“ไม่ ไม่ เข้าไปในบ้าน ด้านในน่ะ มีม้านั่งอยู่หน้าบ้าน นะ แป๊บเดียว ยืนคุยแบบนี้ไม่เอาอ่ะ”

“.....อื้อ.....มึงนำไปดิ....”

เขารีบกระวีกระวาดเดินเข้าไปในรั้วบ้าน “มึงเอารถมาจอดข้างในเลย ตามมา ตามมา”

.......

......

.....

....

...

..

.

ให้มันจอดรถใต้ต้นมะม่วง แล้วพามันไปนั่งที่เก้าอี้หินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เป็นสวนเล็กๆ ของหน้าบ้านที่เป็นบ้านอยู่อาศัย ส่วนหน้าที่เจอกันเมื่อกี้เป็นห้องที่สร้างไว้เป็นร้านขายของ ซึ่งทำแยกกับส่วนของบ้านที่อยู่ ตรงบริเวณนี้จึงนับว่าไกลจากสายตาผู้คนพอประมาณ

“นั่งดิ เอาน้ำไร เดี๋ยวไปเอามาให้”

“ไม่เอาหรอก....” มันไถลก้นไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งที่มันชอบ “ตรงนี้ไม่เหมือนตรงนั้นเลยเนอะ ตรงหน้าร้านมึง ไม่ไหวว่ะ คนเยอะเกิน”

เห็นมันนั่งแหงนหน้ามองมะม่วงที่อยู่ด้านบนแบบเพลินใจ เขาจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกัน พอมันรู้ตัวว่าเขาไปนั่งข้างๆ มันก็ก้มลงมา....มองเขา คิ้วขมวด

ส่งยิ้มให้แบบไม่เก็บอาการ หัวที่ปวดมันก็ปวดอยู่ แต่เขาไม่ว่างใส่ใจกับมัน “มาตลาดกับแม่ทุกเช้าเลยเหรอ?”....ตลาดที่ว่าในระแวกนี้มีอยู่จุดเดียวซึ่งใกล้บ้านเขา เดินไม่ถึง แต่หากปั่นจักรยานก็ไปได้ เขาจึงเริ่มคำนวนแผนการ

“เออ ไม่ทุกวันหรอก แล้วแต่แม่จะมา”

“แล้วมึงก็ขี่รถพาแม่มาทุกครั้ง”

“อื้อ”

“แล้วเวลามา มาแวะได้ป๊ะ เหมือนวันนี้อ่ะ”

มันทำหน้าลำบากใจนิดๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อยว่า “แล้วแต่แม่ว่ะ กูไม่รู้”

“ไม่เป็นไร เอางี้ เวลาจะมา โทรมาได้ป๊ะ เดี๋ยวกูไปเจอที่ตลาด”

“เฮ๊ย! แล้วมึงจะไปยังไง ขี่รถไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?”

“กูปั่นจักรยานเป็นน่า นะ เอาแบบนี้นะ ได้ป๊ะ”

“.........ลำบากมึงไปมั๊ง ถ้ากูมาได้วันไหนกูก็มาแบบนี้ดีกว่ามั๊ย ตลาดมันไกลบ้านมึงอยู่นะ”

“แค่นี้เอง กูปั่นไปออกบ่อย มึงเหอะ สะดวกใจมั้ยล่ะ?”

“เชี่ย! มีไรไม่สะดวกล่ะวะ” มันสวนกลับมาอึดใจหนึ่งแล้วมันก็หน้าแดง

“ฮึฮึฮึ.....”

มันสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ผมมองไม่เห็นหน้ามันแหละ

“นี่....”

“ไร....” น้ำเสียงมันเหมือนรำคาญ

“ดีใจนะที่มาหา”

“เออ” น้ำเสียงยังติดรำคาญอยู่

“กอดได้ป๊ะ” ถามเล่นๆ ไปงั้นแหละ ไม่ได้กะเอาจริง

“เชี่ย!” มันพูดพลางขยับตูดไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน

เห็นหน้ามันแหละ แต่เห็นแค่ครึ่งเสี้ยว ..... ฮ่าฮ่าฮ่า น่ารักว่ะ แฟนใครก็ไม่รู้

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2012 11:09:53
"มัน" น่ารักดี พอเขินแล้วแอบเงียบสินะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-08-2012 11:29:03
after the quiet, he still be quiet for many time... because he ^///^
++
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 11:34:31


.......

......

.....

....

...

..

.

แล้วนับแต่นั้น เราก็อาศัยช่วงเวลาน้อยนิดที่แม่มันมาจ่ายตลาด เพื่อให้ได้เจอหน้ากัน

ผมจะตื่นแต่เช้ามารอโทรศัพท์จากมันว่าวันนี้มามั้ย? หากเลย แปดโมงไปแล้วมันยังไม่โทรมา แสดงว่าวันนั้นแม่มันไม่มาตลาดแหละ ก็ช่วงเย็นล่ะ ผมถึงจะโทรไปหามัน คือไม่รู้ว่ามันเข้าสวนแล้วออกมากี่โมง เลยโทรเอาตอนเย็นทีเดียว แต่ก็มีนะบางครั้งมันก็โทรมาหาผมเอง ตอนที่มันออกจากสวนหรือเสร็จงานช่วงเช้าแล้ว อะไรแบบนี้

แล้วก็อย่างที่ว่านี่แหละ ปิดเทอมครึ่งหนึ่งก็ผ่านไปอย่างสงบสุข

จนกระทั่งวันหนึ่ง....

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมกดโทรศัพท์จนมือหยิก กดเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย เมื่อบ่ายยังคุยกันอยู่เลย แถมผมยังนัดมันว่าจะโทรมาอีกทีช่วงหัวค่ำ มันก็ไม่ได้บอกว่าจะออกไปธุระที่ไหน ไหงทำไมไม่รับสาย

ผมก็เพียรกดๆ กระหน่ำ จนสองทุ่มแม่ก็ด่า แล้วไล่ให้ไปนอน เลยจำใจต้องขึ้นนอน

แต่ก็เหอะ พอแม่กับพ่อขึ้นนอนชัวร์แล้ว ผมก็แอบลงมากดโทรศัพท์อีก กดแม่งจนหกโมงเช้าก็ไม่ติด ไม่นอน ง่วงก็ง่วง ตาบวม ปวดหัวอีกตามระเบียบ แต่ยังไม่วายนั่งรอมันจนถึงแปดโมง ตามเวลานัดเดิม ซึ่งมันก็ไม่โทรมา หงุดหงิดสุดๆ เลยบอกแม่ว่าไม่สบาย ปวดหัวขอยากิน แล้วกลับไปนอนที่บ้าน ไม่ได้ช่วยแม่ขายของ

บ่ายลุกขึ้นมากินข้าว แต่ไม่ขอยาแม่แล้ว เห็นแม่ห่วงมาก เลยทำมีสติ กลับมาเป็นลูกที่ดี ช่วยขายของต่อ แต่ในใจน่ะ บ่นหูตูบ ไม่รู้มันไปไหน โทรมาบอกกันสักนิดก็ไม่มี คนรอก็รอไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ครบวันแล้ว ยิ่งนานก็ยิ่งโมโห

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมเดินเข็นรถเข็นเช้ามาในร้าน เพิ่งไปส่งของที่บ้านลูกค้ากลับมาปุ๊บ แม่ก็ร้องบอกปั๊บ

“เมื่อกี้เพื่อนโทรมาแน่ะ คนที่มาตอนเช้าบ่อยๆ น่ะ” แม่พูดพลางหยิบของในตู้เย็นมาใส่ถุงให้ลูกค้าที่ยืนรอ

“ไรนะแม่ เมื่อไหร่ นานยัง? มันบอกรึเปล่าว่ามันหายหัวไปไหนมา?” ผมรัวคำถามใส่แม่แบบไม่ยั้ง

“อุ๊ย พ่อคุ๊ณ แม่ไม่รู้หรอกค่า เดี๋ยวเค้าโทรมาก็ถามกันเองนะคะ” แม่หันมาจีบปากจีบคอประชดลูกชายก่อนจะหันไปบอกลูกค้า “70 บาทจ๊ะ”

ผมเกาหัวแกรกๆ เมื่อนึกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป ผมมองหลังแม่ที่เดินเข้าไปหยิบเงินทอนที่โต๊ะเก็บเงิน แม่ดูไม่ได้โกรธ ผมเลยเข็นรถเข็นไปเก็บที่ข้างในร้าน จากนั้นก็ไปนั่งเก้าอี้หน้าร้าน ที่ประจำสำหรับรอลูกค้า สายตาผมก็จับจ้องแต่ที่แม่ รอโอกาสเหมาะที่จะเข้าไปถามต่อ

แต่ยังไม่ทันที่แม่จะว่างให้เขาถาม เสียงโทรศัพท์ในร้านก็ดังขึ้น ผมรีบถลาไปที่โทรศัพท์ทันที

“ฮัลโหล”

“อ้าว มึงกลับมาแล้วเหรอ”

“มึงสิ หายไปไหนมา กูโทรหามึงทั้งคืน บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“เชี่ย! ไม่ใช่ความผิดกูสักหน่อย เมื่อคืนไอ้ขี้เมาที่ไหนไม่รู้แม่งขับรถชนเสาไฟ ไฟดับทั้งแถบบ้านกูเลย”

“ไฟดับบ้านมึง แล้วเกี่ยวไรกับโทรศัพท์ มันคนละสาย อย่ามาอำกู”

“เชี่ยนี่ กูยังพูดไม่จบ จะฟังมั้ย? ไม่ฟังกูวางสายล่ะนะ”

“เออออ ว่าไปๆ”

มันบ่นอีกสักพักถึงเล่าว่า เพราะไฟดับหมด เลยเกิดอุบัติเหตุ แล้วรถคันที่เกิดเหตุก็ดั๊นไปชนเสาโทรศัพท์ นั่นแหละคือที่มาว่าทำไมโทรหามันไม่ติดเลยทั้งเมื่อวานและวันนี้

มันบอกว่า วันนี้ไม่ได้ไปตลาด เพราะช่วยแม่ทำกับข้าว ไฟฟ้าไม่รู้จะมาตอนไหน แม่กลัวของเสีย เลยเอาของสดที่มีไปกับข้าวก่อน เสร็จตอนเช้าก็เข้าไปช่วยพ่อในสวน เพิ่งมีเวลาว่าง มันเลยขี่มอไซด์ออกมาโทรตู้ที่อีกระแวกหนึ่งซึ่งใช้สายโทรศัพท์คนละสายกับทางบ้านมัน.....ฟังมันพูดแล้วอยากร้องไห้ มันคงลำบากมาก ต้องไล่หาไปทีละตู้ๆ กว่าจะเจอ

“กูขอโทษ กูไม่รู้.....” ผมครางเสียงอ่อย

“เอออ ช่างแม่ง เหอะ ว่าแต่มึงจะเอาไง จะให้กูโทรช่วงกี่โมง เอาชัวร์ๆ นะ กูต้องขี่รถมาไกล”

“เห๊ย! ไม่ต้องๆ ลำบากมึงเปล่าๆ ไว้โทรศัพท์บ้านมึงใช้ได้แล้วค่อยโทรหากันก็ได้” เกรงใจมันสุดๆ ไม่อยากให้แฟนลำบาก

“.....................................”

เอาล่ะสิ มันเงียบไปเลย คราวนี้ไม่ใช่โทรเงียบแบบปกติแหละ มันมีไฟคุขึ้นมานี๊ดๆ

“ไร....โกรธเหรอ?”

“......................................ปี๊ดด--------กิ๊ก------...........” เสียงเตือนเหรียญหมดดังขึ้น แล้วผมก็ได้ยินอีกฝ่ายหยอดเหรียญ จากนั้นมันก็ยังเงียบ แต่ไม่วางสาย ผมก็งานเข้าสิ แม่งโกรธแน่ๆ

“มึงอ่ะ อย่าโกรธดิ? กูกลัวมึงลำบากเฉยๆ ......เมื่อกี้กูไม่รู้เรื่อง เลยว่ามึงไป กูขอโทษ นะนะ คุยกันนะ ไม่เงียบแบบนี้นะ มึงอ่ะ คุยดิ๊วะ มึง---------” ผมอ้อนสุดฤทธิ์

“.................................”

มันยังคงเงียบ ผมก็ไม่กล้าพูดต่อดิ๊ กลัวว่าพูดมากไปมันจะรำคาญแล้ววางสายไป คราวนี้จะโทรง้อก็ไม่ได้ สถานการณ์ไม่อำนวย

มันเงียบเป็นนานมาก แล้วจู่ๆ มันก็เอ่ยขึ้นมาว่า “นี่!” เสียงมันเข้มมาก

“ครับ! ครับ!” รีบรับคำ

“เหรียญกูหมดแหละ”

ผมอ้าปากค้าง ยังไม่ทันที่จะพูดสักคำ เสียง ปี๊ดดดดดดดดดดดด แม่งก็ดังขึ้น

แล้วสายก็ตัดไป

ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะเกลียดตู้โทรศัพท์สาธารณะเท่าครั้งนี้...อ๊ากกกกกกกกก-------- ต้องทรมาณไปอีกเท่าไหร่ แล้วมันจะโทรมาอีกมั้ย

ไม่รู้ ผมไม่รู้เลย

ตูอยากบ้าตาย!

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-08-2012 12:12:08
คิดถึงสมัยโน้นเนอะ ที่พูดมานึกภาพออกทั้งหมดเลย (บ่งบอกวัย)
ไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ แต่ก็ไม่ลำบากอะไร
ได้คุยกันวันละนิดก็สุขใจ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 12:21:01


.......

......

.....

....

...

..

.

สรุปว่า คืนนั้น และวันต่อมาอีกทั้งวันทั้งคืน มันก็ไม่โทรมา ผมนั่งจ๋องเป็นหมาหงอยอยู่ในบ้าน นอนก็ไม่หลับ ต้องลากผ้าห่มกับหมอนลงมานอนข้างล่าง

รู้อยู่ว่าหลังสองทุ่มไปแล้วมันไม่โทรมาหรอก แต่เขาอ่ะดิ ที่เป็นฝ่ายกดเบอร์บ้านมันจนมือหงิก แค่อยากรู้ว่าโทรศัพท์บ้านใช้ได้ยัง ถึงเป็นการเสียมารยาทที่โทรไปตอนคนเค้าหลับเค้านอนแล้ว แต่มันก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว

เช้าวันนั้นแม่ตื่นมาเห็นเขานอนกองอยู่กับพื้นหน้าโต๊ะวางโทรศัพท์ แม่ก็ด่าเปิงเลย แถมยังห้ามไม่ให้เขาไปใกล้โทรศัพท์อีก แม่บ่นว่าเปลืองค่าโทร จะโทรอะไรหนักหนา ผมก็บอกแล้วว่ามันโทรไม่ติด ไม่ได้เสียค่าโทรสักบาทเดียว แม่ก็ยังด่าว่าติดโทรศัพท์

เฮ้อ----- คร้านจะเถียงกับแม่ เลยขึ้นไปนอนที่ห้อง อดนอนมาทั้งคืน ไม่ไหว ไม่ไหว

.......

......

.....

....

...

..

.

นอนไปได้สักพักใหญ่ (มั๊ง ไม่รู้ หลับๆ ตื่นๆ อยู่)

รู้สึกว่ามีเสียงเปิดประตู คิดว่าเป็นแม่ งอนแม่ เลยเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง

สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง แต่เจ้าของเท้านั้นเดินไปทางโต๊ะอ่านหนังสือของเขา ผมได้ยินเสียงลากเก้าอี้ แล้วเสียงสวบสาบของผ้าที่เสียดสีกัน ผมนึกสงสัย แม่ไม่ทำไรแบบนี้หรอก และที่สำคัญ แม่ยุ่ง ไม่มีใครเฝ้าร้าน แม่จะให้เขาทำไร แม่ต้องตะโกนเย้วเย้วบอกเขาแล้ว.....อันนี้มาแปลก

ว่าแล้วเขาก็ชโงกหน้าออกมาจากผ้าห่ม

พอเงาของคนที่นั่งบนเก้าอี้สะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาเขาเท่านั้นแหละ เขาโดดผึงมากจากเตียง สาวเท้าถลาไปกอดคนที่นั่งอยู่อย่างแน่น

“กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูนะ หายโกรธกูนะ มึงจะเอาไงก็ได้ กูยอมทั้งนั้น อย่าโกรธกูนะ มึงพูดดิ๊ พูดกับกูที กูจะบ้าตายอยู่แล้ว ขอร้อง พูดกับกูสักคำเหอะ” ผมรู้สึกว่าตัวเองโวยวายราวกับคนใกล้บ้า ซึ่งในความรู้สึกผมก็ว่าตัวเองใกล้มากทีเดียว

“ปล่อย!”

มันบอกเสียงเข้ม ห้วนๆ สั้นๆ

“ไม่ เราต้องดีกันก่อน ไม่เอาแบบนี้นะ มึงอยากได้อะไรก็บอกกูดีๆ สิ อย่าเงียบไปแบบนี้ กูใจเสียนะ มึงใจร้าย----”

“มึงเลิกบ้าซักที มึงสิฟังกูบ้าง เชี่ยนี่ ปล่อย กูอึดอัด ปล่อยกู!”

ผมยังคงกอดมันต่ออีกสักพัก ไม่แน่ใจว่ามันหายโกรธแล้ว จริงหรือเปล่า..... แต่จนแล้วจนรอดก็คลายวงแขนที่กอดมันออก

พอถอยออกมายืนตรงข้ามมัน เลยได้เห็นหน้ามัน ถึงแค่แวบเดียวก่อนที่มันจะสะบัดหน้าหนีก็เหอะ

“โกรธจนหน้าแดงเลยเหรอ?” แซวมันเล่น

โครม-------- โดนมันเอาตีนยันลอยไปกองอยู่บนพื้น แม่งเล่นแฟนตัวเองแบบไม่ออมแรงเลยวุ้ย

“อู๊ยยย....” นั่งกุมท้องตัวเอง ร้องโอดโอยไม่ขาดปาก

“สม.....” มันพูด น้ำเสียงเหมือนสะใจ

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน สีหน้ามันกลับมาเป็นปกติแล้ว “เล่นแรงนะมึง ออมแรงเป็นมั้ย? นี่แฟนนะ ไม่ใช่กระสอบทราย”

“เฮอะ!” มันนั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่บนเก้าอี้....ที่เดิม

ผมลุกขึ้นยืน ทรงตัว และค่อยๆ เดินเข้าไปหามัน ทันใดนั้นมันก็ตวาดใส่ “ถ้ามึงทำอีก กูกระทืบมึงแน่”

“พอๆ กูคนนะ เจ็บเป็นเว้ย เชี่ย จะคุยด้วยเฉยๆ”

“ไม่ต้องเลย มึงไปคุยตรงนั้นเลย ไม่ต้องเข้ามาใกล้กู”

“อ๊าว!”

“งั้นกูกลับ!”

มันผุดลุกขึ้นยืน ผมรีบยกสองมือขึ้นห้าม

“หยุด หยุด.... มึงนั่งเลยๆ กูอยู่ตรงนี้แหละ นั่งดิ นั่ง” ผมบอกมันพลางถอยหลังไปนั่งข้างเตียง

มันนั่งลงท่ากอดอกท่าเดิม ตามันจ้องหน้าผมนิ่ง ผมก็มองตามันนิ่ง สักพัก ผมก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่อยากรู้ “ไฟฟ้ามารึยังล่ะ โทรศัพท์ที่บ้านใช้ได้ยัง?”

“ไฟมาแล้ว โทรศัพย์ยังไม่ได้”

“จะได้วันไหนล่ะ”

“ไม่รู้”

“โอเค งั้นเอาเป็นว่ามึงสะดวกเมื่อไหร่ก็โทรมาได้ตามใจมึง กูรอละกัน”

“เออ ก็เท่านี้ งั้นกูไปล่ะ”

มันพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ผมก็ยืนตาม

“เฮ้ย เพิ่งมาเอง จะรีบไปไหน?”

มันเปรยหางตามามอง หน้ามันยังบึ้งไม่หาย มันหมุนตัวเดินไปทางประตู แล้วถึงพูดว่า “แม่มึงบอกว่ามึงไม่สบายกูเลยขึ้นมา แต่มึงก็ดูสบายดี งั้นลงไปคุยที่ใต้ต้นมะม่วง เร็วเลย อย่าช้า เวลากูมีน้อย”

โอ้ววววววว....ได้ครับ ได้ตามที่แฟนขอทู๊กประการ

.......

......

.....

....

...

..

.

วันนั้น ก็จบลงด้วยการลงมานั่งคุยกันที่ใต้ต้นมะม่วงที่เดิม

ตอนมันจะกลับ ผมยัดเอากระปุกออมสินสองอันที่มีเหรียญเต็มเอี๊ยดใส่ถุงให้มันเอากลับไปด้วย

มันก็ด่าเปิงสิครับ

แต่ผมไม่ได้ครับ เรื่องอะไร ให้แฟนลำบากมาโทรตู้ไกลจากบ้าน แล้วยังให้แฟนใช้เงินตัวเองโทรตู้มาหาผมอีก....ไม่ได้ครับๆ ฆ่าผมให้ตายเหอะ เรื่องนี้ผมก็ยอมแฟนผมไม่ได้จริงๆ

.......

......

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 09-08-2012 12:25:03
น่ารักว่ะ
ชอบตรงหมูออมสินตอนจบนี่ล่ะ
ได้ใจเต็มๆ 555
กดบวกปล่อยเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 09-08-2012 13:05:09
โอ้ย ๆ ๆ น่ารัก

นึกถึงสมัยก่อนต้องนำจำเบอร์โทรเจ็ดหลัก 

ตากยุงโทรศัพท์หาแฟน  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 13:13:56


.......

......

.....

....

...

..

.

เคยกันมั้ย?

รอแบบมีความสุข ทรมานแต่มีความสุข

คือก่อนนี้ผมมักเป็นฝ่ายโทรหามันใช่ป๊ะ ถึงนานๆ ทีมันจะโทรมาเองบ้าง แต่ไม่ได้นัดกันไว้เลย เลยแค่ดีใจที่มันโทรหา

แต่ช่วงนี้ผมกลับต้องเป็นฝ่ายรอมันโทรมา โอเคถึงเวลาจะค่อนข้างแน่นอน แต่มันอาจโทรมาเวลาอื่นก็ได้ใช่ป๊ะ

แล้วมันก็ตื่นเต้นสิครับ นั่งมองโทรศัพท์แล้วอมยิ้ม

นึกถึงเรื่องที่คุยกันล่าสุดงี้

รอที่จะได้ยินเสียงมันงี้

มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงตอนที่ผมกดหามันผมจะเตื่นเต้นด้วยเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนกันนะ.... ว๊า อธิบายไม่ถูก ว่าไม่เหมือนกันยังไง พวกคุณไปลองเองละกัน

“ฮัลโหลครับ” ผมรับยกหูขึ้นมาแนบกับหูของตัวเอง

“เห๊ย นอนยังวะ” น้ำเสียงร้อนรน

“ยัง ยัง ไมดึกจังอ่ะ มีไรรึเปล่า?” ผมถามสิครับ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว มันเพิ่งโทรเข้าบ้าน

“เชี่ยแม่ง คนเมื่อกี้มันโทรนาน ไม่รู้โทรหาห่าไรนัก......”

ป๊าดดดด แล้วมันก็หยอดเหรียญสองสามเหรียญด่าไอ้คนที่โทรก่อนมันให้ผมฟัง แถมยังตบท้ายว่า “คอยดู๊ เดี๋ยวกูจะโทรแม่งให้นานกว่ามัน”

ผมก็เอ๋อสิครับ มันจะแข่งเอาโล่รึไง “แล้วมันจะเห็นมึงมั้ยล่ะครับ”

“เห็นซี่ แม่งเดินกลับไปต่อแถวอีกทีแล้ว เอาเลยๆ มึงยาวๆ เลย สองชั่วโมงแม่งไปเลย”

ผมงี้ รีบเอาผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่มาอุดปาก ไม่กล้าขำเสียงดังเดี๋ยวพ่อแม่ลงมาด่า ดู๊มัน จะแกล้งเค้า แล้วจะคุยกันนานๆ เอากับมันสิ

“มึงเกรงใจเค้าบ้างป่าว คนที่ต่อมึงน่ะ เค้ามีธุระด่วนมั้ยล่ะ? มีมารยาทด้วยนะมึง”

“โหยยย หน้าเดิมๆ แม่งโทรหาแฟนทั้งนั้นแหละ นี่กูว่าจะเปลี่ยนมาโทรบ่ายๆ มันน่าจะไม่มีคน ลองดูได้ป๊ะวะ”

“ได้ แล้วแต่มึงเลย ตอนบ่ายก็โทรเบอร์ร้านนะ”

“เออ นี่ ห้องมึงน่ะ ได้การบ้านสังคมยังไงวะ....”

แล้วมันก็ชวนคุยเรื่องการบ้านปิดเทอม แล้วก็มันก็เล่าเรื่องที่มันทำวันนี้ จากนั้นมันก็เล่าว่าแม่ว่าอะไรมันบ้าง ที่มันออกจากบ้านมันโทรศัพท์ตอนกลางคืน แล้วก็สารพัดเรื่อง........เผลอแผลบเดียว สองชั่วโมงมาถึงไม่รู้ตัว

มันก็คงดูเวลาไว้มั๊ง เพราะมันบอกเองว่าครบสองชั่วโมงแหละ เปลี่ยนให้คนอื่นมั่ง

แหม....แฟนผมนี่ เค้ามีน้ำใจในสไตล์ของเขาจริงๆ

อ้อ มีอีกครั้ง เกี่ยวกับโทรศัพท์

มันครับ มันเปลี่ยนเวลาโทร มันว่าเบื่อยืนให้ยุงกัด เลยหันมาโทรตอนกลางวัน

ก่อนวางสายมันก็บอกว่า เหงื่อท่วมตัวเลย ขนาดเปิดตู้คุยแล้วก็ไม่ไหว เหมือนจะเป็นลม
 :jul3:

ในที่สุด มันก็ต้องกลับมาใช้เวลากลางคืนเหมือนเดิม ต่อแถวกันไป ตามดวง....ผมงี้ สงสารมันสุดๆ

แต่มันดิ๊ เท่าที่ฟังเหมือนมันสนุกกับการไปแย่งกันโทรตู้เอามากๆ...โทรมาหาผมปุ๊บ โผล่มาไม่ทักทายผมสักคำ เอาว่าวันนี้มาเร็วกว่าไอ้คนไหนก่อนเลย....สนุกมันแท้ๆ

ก็นั่นแหละ....โทรศัพท์เสียไปแค่อาทิตย์เดียว แต่ผมกับมันมีเรื่องให้คุยกันเยอะขึ้น

ผม...เริ่มเรียนรู้นิสัยมันมากขึ้นกว่าเดิมได้อีกเป็นกอง

มันอ่ะ พูดมาก พูดได้เป็นนกแก้วนกขุนทอง

ผมจะถามอะไรนะ มันตอบผมหม๊ด ไม่ว่าเรื่องลึกลับซับซ้อนในครอบครัวมันขนาดไหนก็ตาม (ซึ่งมันก็ถามผมกลับเหมือนกัน) แต่นะ อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องรักๆ ใครๆ เชียว ผมพาออกทะเลทีไร มันจะเงียบฉี่ไปเลยทุกครั้ง

เช่นเดิม ไม่วางสายแต่เงียบ บางทีก็โกรธ บางทีก็อาย....แรกๆ ผมแยกไม่ออกนะ เงียบแบบไหนโกรธ เงียบแบบไหนอาย แต่นานวันไปก็รู้เอง จับผิดจับถูกไปเรื่อย

แต่ก็ใช่ว่าจะเลิกคุยหยอดหวานกับมันนะ ไม่เลย พอผมแยกออกว่าพูดแบบไหนมันเขิน พูดแบบไหนมันโกรธ ผมก็เลือกพูดเฉพาะที่มันเขินสิ พูดแล้วแฟนเขิน สนุกจะตาย ที่สำคัญมันชอบรึเปล่าไม่รู้ แต่มันไม่วางสาย ก็คิดเอาเองน่ะว่ามันคงอยากฟังผมหยอดหวานด้วย (มั๊ง) ----ฮา

ช่วงปิดเทอมไม่กี่เดือน เราได้เรียนรู้อุปนิสัยกันเยอะ และเยอะมากในความรู้สึกผม เราไม่รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชาย คบกันต้องทำยังไง เริ่มจากตรงไหน แล้วจะไปต่อยังไง

แต่เรามองตรงกันอย่างหนึ่งว่า อยากรู้จักกัน อยากสนิทกัน อยากคบกันในฐานะ “แฟน” ไม่ใช่เพื่อนสนิท

สมัยนั้น ไม่รู้หรอกนะว่า “เกย์” คืออะไร มันไม่มีศัพท์คำนี้

ประเด็นนี้ก็มีเรื่องฮา คือช่วงที่กลับมาคุยที่บ้านได้แล้วอ่ะนะ วันนึงอยู่ดีๆ มันก็ถามขึ้นมา ใครจะเป็นกะเทย....ดูมัน

ผมเลยถามกลับว่ามึงเป็นสิ มันก็บอกว่ามึงสิเป็นสิ....เถียงกันทั้งคืน...ไม่มีใครจะเป็นกะเทยสักคน

“นี่”

“ไร”

“ถ้ากูไม่เป็นกะเทยแล้วมึงยังจะเป็นแฟนกูอยู่มั้ยล่ะ” ผมถามลองเชิงมัน

“มึงนั่นแหละ ถ้ากูไม่เป็นกะเทย แล้วมึงจะเป็นแฟนกูต่อมั้ยล่ะ?” มันย้อนถามผม

“ตอนกูขอคบมึงเป็นแฟน วันนั้น มึงเป็นใครล่ะ กะเทยหรือผู้ชาย”

“..........”

มันเงียบครับ ผมก็ยิ้ม โอเคล่ะว่ามันเริ่มเข้าใจความหมายของผมแหละ

“กูชอบมึงนะ มึง แบบมึง แต่หากอนาคตมึงจะเป็นอะไรก็ตามใจมึง ตามสบายมึงเลย ถึงยังไง มึงก็เป็นแฟนกูอยู่ดี โอเคป๊ะ”

“......อื้อ.....”

“ส่วนกู กูว่ากูก็คงเป็นแบบนี้ไปตลอด กูไม่ได้อยากแต่งหน้าหรือใส่กระโปรง แล้วมึงรับกูได้มั้ยล่ะ?”

“.......อื้อ.....”

“งั้นก็จบนะ เรื่องนี้”

“.......อื้อ.....”

รู้จากประสบการณ์ว่า เวลามันอื้อ อื้อ สั้นๆ แบบนี้ อีกนานล่ะกว่ามันจะอ้าปากจ้อได้เหมือนเดิน ผมเลยเบี่ยงประเด็นให้มันจ้อได้เร็วขึ้น..... คุยเรื่องอื่นซะ เดี๋ยวมันก็ลืม แล้วกลับมาเหมือนเดิมเอง “การบ้านเสร็จยังล่ะ”

“ยัง....ยากว่ะ ทำไมได้ตั้งครึ่งๆ” มันพูดเสียงอ่อยๆ

“จะเปิดเทอมแล้วนะ จะไปลอกใครอีกล่ะ มันจะทันมั้ยเนี่ย?” น้ำเสียงไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่า เป็นแบบถามเฉยๆ เพราะมันไม่ชอบให้คนดุมัน ถ้าดุมันมันจะยิ่งแข็งใส่

“ปกติก็ไปเช้าๆ ลอกแม่งทั้งวันแหละ อันไหนเสร็จก่อนก็ส่งก่อน คราวก่อนก็ทำจนเย็นแหละ ครูด่าหูอื้อเลย” มันพูดจบก็หัวเราะแบบขืนขืน

“ทำเองสิ ยังพอมีเวลา อยากลองมั้ยล่ะ?” ผมบอกมัน

“เชี่ย ถ้ากูทำเองได้กูทำไปนานแล้ว ไม่รอให้มึงมาบอกหรอก”

“มาสิ สอนให้ ถึงไม่ใช่หนึ่งในสามของห้อง แต่กูก็ห้อง 3 นะเว้ย”

โรงเรียนผมจัดลำดับความเก่งของเด็กไปตามเลขห้อง ห้อง 1 คือห้องที่เก่งสุด ไล่ไปเรื่อยๆ ถึงห้อง 13

ผมอยู่ห้อง 3 แต่ลำดับที่ในห้องก็กลางๆ ถึงงั้นผมก็ยังเก่งกว่ามัน มันอยู่ห้อง 10 อันดับสอบแต่ละครั้งก็หวิดบ๊วยตลอด แต่มันเก่งสังคม เก่งอยากอื่นที่ไม่ใช่เลขกับวิทยาศาสตร์

ปกติไม่อยากพูดแบบนี้หรอกครับ กลัวไปทิ่มหัวใจมัน แต่คุยกันไปนานๆ คิดว่ามันน่าจะไม่โกรธ เพราะผมเองก็มีเหตุผลนะ คือหากมันเรียนได้ดีขึ้น ผมกับมันอาจไปสอบเข้ามหาลัยที่เดียวกันได้ เป็นไงครับ คิดการณ์ไกลสมกับเป็นหัวหน้าครอบครัวมั้ย? ฮ่าฮ่าฮ่า

เอาๆ สรุปๆ ..... มันก็รับปากแหละว่าจะมาทำการบ้านด้วย แต่ขอไปขอพ่อแม่ก่อน

ผมยังไงก็ได้ ให้สอนผ่านโทรศัพท์ก็ได้ แต่ไม่ได้บอกมันหรอกว่ามีวิธีนี้ เพราะหากมันมาถึงบ้านก็ได้เห็นหน้ามันไง....ดีจังที่มีแฟนแล้วแฟนฉลาดแต่ไม่เฉลียวเท่าผม------------ก๊ากกกกกกกกกกก

.......

......

.....

....

...

..

.




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 13:35:43



.......

......

.....

....

...

..

.

ปิดเทอมแรกที่วุ่นวายจบไป

เราต่างเริ่มเทอมด้วยฐานะใหม่อย่างเต็มภาคภูมิ “เราเป็นแฟนกัน”

เปิดเทอม ม.5 ช่วงแรกๆ เรานัดกันไปเจอที่โรงเรียน กลางวันเราก็ปลีกตัวจากฝูงเพื่อนมานั่งกินข้าวกัน โชคดีที่เพื่อนๆ แม่งไม่สนใจถาม เลยรอดตัวหาข้อแก้ต่าง

ก็รู้ล่ะว่าที่คบกันเนี่ยมันไม่ธรรมดา แต่ไม่ใช่ว่าอายนะ หากเพื่อนมันถามพวกเราก็พร้อมที่จะบอกว่า “เป็นแฟนกัน” .... แต่หากไม่มีใครถามเราก็ไม่อยากป่าวประกาศว่ะ เข้าใจป๊ะ??

ช่วงแรกๆ เราแค่กลับบ้านพร้อมกัน ไม่ได้มาด้วยกัน โดยที่มันจะมาส่งผมถึงหน้าบ้าน แล้วมึงถึงค่อยบึ่งมอไซด์กลับไปบ้านมัน

ผมรอมันโทรกลับมาหลังจากที่ถึงบ้านแล้ว จึงค่อยไปกินข้าว หากมันไม่โทรกลับมา ผมก็จะยังไม่กินข้าว ก็เล่นไม้นี้ครับ มันถึงไม่ไปเถลไถล แต่อันที่จริงมันก็ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ทุกทีมันก็ตรงกลับบ้านแหละ แต่ผมเองแหละที่อยากสร้างเงื่อนไขในความสัมพันธ์ของเราบ้าง

คือว่า ได้รู้ว่ามันแคร์ผม สักนิด ผมก็สุขใจ

คือเราน่ะ ถึงเป็นแฟนกัน แต่ดูเผินๆ มันก็เหมือนเพื่อนสนิทกันนะ เราไม่ได้ทำอะไรใกล้ชิดสนิทแบบแบบเด่นชัดในความสัมพันธ์เหมือนเด็กสมัยนี้ เอาชัดๆ เลยมั้ย? แค่จับมือกันยังไม่เคยเลย เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง....โอเค จบมั้ย? พูดแล้วเจ็บเองว่ะ เฮ้อ----

.......

......

.....

....

...

..

.

กลับมาที่เรื่องมันกับผม

เหตุที่ผมเริ่มไป-กลับกับมันเต็มตัวก็เพราะวันหนึ่งกลังจากเปิดเทอมมาได้สองอาทิตย์ มันแม่งมาสายติดๆ กันวันเว้นวัน สองวันครั้ง

ผมก็โมโหสิ มันไม่ใช่เรื่องที่จะตื่นสายกันได้บ่อยๆ ยิ่งมารู้ทีหลังว่ามันตื่นสายเพราะคุยโทรศัพท์กับผมตอนกลางคืน แล้วถึงนั่งทำการบ้านต่อ ของมันเลยขึ้นเลย

ผมก็จับมันเปลี่ยนตารางชีวิตใหม่

ปกติ มันเลิกซ้อมเร็วกว่าผมอยู่แล้ว ระหว่างที่มันรอผม ผมก็ให้มันนั่งทำการบ้านเลย มันเป็นพวกคิดเยอะ มันเลยทำช้า ไม่ใช่ว่ามันไม่ฉลาดนะ แต่มันไม่แน่ใจคำตอบ เลยตัดสินใจช้า....เท่านั้นแหละ

พอผมซ้อมบอลเสร็จ ผมจะมาช่วยมันดูว่าตรงไหนให้คำตอบมันได้ ก็สอนมันไป ที่เหลือหากไม่ได้จริงๆ ค่อยให้มันมาลอกกับเพื่อนเอาตอนเช้าแทน

เพราะต้องสอนการบ้านมัน เราเลยกลับบ้านเย็นกันตลอด แต่ผมนั่งมอไซด์ไปกับมัน ผมไม่ต้องไปรอรถประจำทาง ผมจึงมีเวลาเหลือเยอะ ผมเลยไปนั่งกินข้าวกับมันก่อนเข้าบ้านซะเลย ซึ่งเราทำทั้งหมดเสร็จ เราก็ยังเข้าบ้านก่อนหนึ่งทุ่มตามที่พ่อแม่กำหนดไว้

กลางคืนก็คุยได้เหมือนเดิม แต่เช้าผมขอให้มันมารับผมไปด้วย เพื่อเร่งให้มันรู้จักความรับผิดชอบ คือหากมันสาย นั่นจะหมายความว่าผมต้องเข้าโรงเรียนสายไปด้วย ตัวมันมันไม่ค่อยแคร์ตัวเองหรอกครับ แต่มันแคร์ผม---นี่แหละที่ผมต้องการ

ตั้งแต่คบกันมา....มันไม่เคยพูดว่ารักผม ชอบผม หรือหวานอะไรกับผมเลย

ผมเลยต้องหาวิธีอื่นมาเติมความมั่นใจให้ตัวเอง และผมก็ไม่เคยผิดหวัง...กับมัน

.......

......

.....

....

...

..

.
 


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2012 13:54:44
"ผม" เป็นเด็กไม่ดีเลย พูดแบบนั้นกับแม่แล้วยังงอนแม่อีกได้ยังไง แฟนสำคัญหน่ะเข้าใจแต่ทำกิริยากับแม่แบบนั้นได้ด้วยหรือ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 14:32:12


.......

......

.....

....

...

..

.
 
วางสายเสร็จ ผมก็คว้ากระเป๋าออกมาจากบ้าน

“แม่ไปนะครับ” ผมเดินออกมาไหว้แม่ที่กวาดพื้นหน้าร้าน

“อ้าว ไปเช้าจังลูก รถยังไม่มานะ”

“ครับ พอดีนัดเพื่อนไว้แล้ว”

“อ๋อ พากันไปกินข้าวก่อนเข้าเรียนนะ อย่าให้รู้นะว่าไปเกเรเกตุงที่ไหน แม่จะเฆี่ยนให้ขาลายเลย คอยดู”

“หวายยยย ดุแต่เช้าเรา กินยาลืมเขย่าขวดเหรอแม่”

“ย่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

ทักทายแม่พอหอมปากหอมคอ ก็เดินออกมาจากซอย มาที่ปากทาง เดินไม่ได้เร่งรีบมากนัก เพราะกว่ามันจะขี่รถมาถึงเขาก็ยังต้องรอมันอีกสักพัก

แต่แปลก เพราะพอผมเดินมาแบบเห็นปากซอยลิบๆ ผมก็เห็นมอไซด์มันมาจอดแหละ มันเห็นผมเดินมา มันก็สตาร์ทรถ แล้วเลี้ยวตรงมาหาผม ผมก็เดินไปหามัน แล้วพอถึงกึ่งกลางกัน ผมก็หยุดเดินให้มันขี่มาหาผมแทน

“ตอนโทรมามึงอยู่ไหนน่ะ” ผมถามพลางก้าวขาซ้อนหลังมัน

“หน้าซอยมึงนี่แหละ” มันบอกพร้อมกับเริ่มบิดคันเร่ง

“ทำไมต้องโทรตรงนี้ โทรที่บ้านก็ได้”

“ไม่อยากให้มึงรอ”

“กูรอแป๊บเดียวเอง”

“อื้อ....”

สั้นห้วนเหมือนเดิม แต่ผมรู้ว่า หากเซ้าซี้มันต่อมันจะโมโห

มันตัดสินใจแล้วที่จะโทรตู้สาธารณะมาหาผมเมื่อมันมาถึงหน้าซอยผม ไม่ใช่โทรจากบ้านก่อนขี่รถออกมาเหมือนเดิมตามก่อนนี้ ด้วยประสบการณ์บอกผมว่า มันจะทำ ห้ามแย้ง ผมเลยเงียบ

สองเดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ผมที่เรียนรู้และปรับตัวเพื่อมันฝ่ายเดียว ผมเห็นแหละว่ามันก็ทำด้วยเหมือนกัน

อย่างแรก...มันไม่ยอมให้ผมบอกคำตอบในการบ้านทุกอย่างเหมือนก่อน มันเว้นบางวิชาที่มันคิดว่าตัวเองทำได้ ไปคิดต่อที่บ้านเอง

ข้อนี้ดีผมเห็นด้วยกับมัน

อย่างสอง...มันเก็บอารมณ์โมโหได้มากขึ้น

ข้อนี้ผมก็เรียนรู้ที่จะฟังมันมากขึ้นด้วย คือเคารพในการตัดสินใจของมัน กับฟังเวลาที่มันบอกผม....จริงจัง

ซึ่งจุดนี้ผมทำการบ้านหนักหน่อย เพราะต้องแยกให้ออกเองว่า เวลาไหนมันพูดเล่น พูดจริง.... (แอบบอกว่า ตอนนี้ (ซึ่งตอนไหนไม่รู้ ไว้ค่อยรู้กันเองนะครับ) ผมชอบถามมันโต้งๆ ไปเลยว่า มึงพูดเล่นหรือพูดจริงอยู่... มันโกรธแทบตายยังไง มันก็จะตอบผมตรงๆ เสมอ....เป็นอะไรที่ประหลาดแต่น่ารักดีนะ ผมว่า)

อย่างสาม...มันแสดงออกมากขึ้นว่าแคร์ผม

คือ ผมไม่ได้ไปแสดงอาการหรือพูดอะไรกับมันนะว่าอยากได้ความรักจากมัน แต่มันทำเองอ่ะ ซึ่งก็โอเคไง ผมอยากเห็นอยู่แล้ว ดีไง ผมชอบ

มีอีกมั้ย?

น่าจะมี แต่สาธยายไม่ออก หลักๆ ผมรู้สึกเท่านี้ ส่วนอื่นน่าจะเป็นปลีกย่อย

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมกับมันก็ใช้ชีวิตไปตามที่เล่าจบปิดเทอมของชั้น ม.5 มาบรรจบ

คราวนี้เรามีเรื่องที่มันต้องสุมหัวกันคิด ปีหน้าเราต้องขึ้น ม.6 กันแล้ว ผมกับมันต้องเลือกว่าจะเอ็นฯ หรือจะเข้าสายอาชีพ และหากเข้าอะไรก็ตามเราจะไปที่ไหน

“กูหัวไม่ดี มึงก็รู้ ถ้ากูเข้าสายอาชีพ มันรุ่งกว่า” มันนั่งหมอบกับโต๊ะหินอ่อนโดยเอามือทั้งสองข้างมารองหน้าตัวเองไว้

“........งั้นราชมงคล กูไปกับมึงอ่ะ” ผมบอกมัน

“ม่ายอาว คะแนนสูง กูเอาราชภัฏพอ....”

“เฮ้อ.....” ผมหนักใจสิครับ เพราะคณะที่ผมต้องการมันขัดแย้งกับสถานที่ที่มันจะไป

“นี่”

“หือ?”

“อยู่ที่ไหนก็ได้ แต่เราเช่าหออยู่ด้วยกันโอเคป๊ะ?” มันเสนอเงื่อนไข

ผมละอายสุดๆ กับประโยคของมัน

ผมละอายตัวเองที่เห็นแก่ตัว อยากเอามันไว้ในสายตาตลอดเวลา วางแผนมัน บังคับมันกลายๆ ให้มันมาเรียนที่เดียวกับผม ไอ้ห้องน่ะ ผมจะเอามันมาแชร์อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่ไม่พอ....เหมือนมันยอมให้ผมเท่าไหร่ ผมก็ไม่พอ

“มึง”

“อื้อ...”

“ลองดูมั้ย? แค่ลอง ตอนสอบมึงลองพยายามให้ได้มากที่สุด เผื่อได้ไง แต่หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทำคะแนนให้ดีไว้ ไม่เสียหลายใช่ป๊ะล่ะ นะ ได้มั้ย?”

“......................” มันหลับตานิ่งเป็นนาน ก่อนจะลืมตาแล้วบอกผมว่า “ก็ลองดูละกัน มึงอย่าคาดหวังอะไรกับกูนะ ทำใจไว้แต่ตอนนี้ก็ดี”

“ได้ ไม่มีปัญหา งั้นลงเรียนพิเศษพร้อมกูเลยนะ ไปด้วยกันนะ” ผมยื่นใบสมัครที่เรียนพิเศษให้มัน

ผมเล็งที่เรียนพิเศษของกรุงเทพไว้ มันมีเรียนเสาร์อาทิตย์ เราสามารถไปพักกับญาติผมได้ ญาติผมเขามีบ้าน แต่อาเขาออกไปทำงานทุกวัน และไม่มีปัญหาอะไร หากหลานจะขอไปพักแรมช่วงวันศุกร์

อย่างที่เคยบอก ช่วงนั้นการขนส่งไม่ได้ดีเลิศแบบตอนนี้ ไปกรุงเทพฯ ทีนึง จากบ้านผมก็กินเวลาขาไป 4-5 ชั่วโมง อันที่จริงในหลายชั่วโมงนั้นคือเราต้องนั่งรอเวลารถออก รถมันออกชั่วโมงละคัน ไหนจะไปไหนจะกลับ คนเดินทางโทรมตาย เราจึงต้องมีบ้านเอาไว้พักตอนไปเรียนช่วงสุดสัปดาห์ เพราะเราเรียนมันตั้งแต่เช้ายันเย็นกันไปเลย

เรื่องพ่อกับแม่ทั้งฝ่ายผมฝ่ายมัน ไม่มีปัญหา เพราะหนึ่งปีที่คบกันมา เราก็พากันเรียนมาตลอด พ่อแม่ต่างฝ่ายต่างรู้หน้ากันแล้วว่าผมกับมันเป็น “เพื่อนสนิทกัน” ผมหรือมันต่างเข้าออกบ้านของต่างฝ่ายได้เหมือนบ้านตัวเอง

แต่ผมก็ไม่ใช่ว่าไปกินนอนเดินเล่นบ้านมันได้นะ พ่อผมไม่ยอมให้ขี่มอไซด์ ผมจะไปบ้านมันได้ก็ต่อเมื่อมันมารับไป  ส่วนมัน หากไม่ได้โทรบอกผมก่อนว่าจะมาหา มันก็จะขอแม่หรือพ่อผมก่อน ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ผมไม่รู้นะว่าแถวบ้านอื่นเป็นแบบนี้กันมั้ย? แต่แถวบ้านผม ถึงสนิทกันมากขนาดไหน แต่เด็กๆ จะมาจะไปต้องบอกกล่าวพ่อแม่หรือเจ้าของบ้านทุกครั้ง

ทุกอย่างในสมัยพวกผม เราต้องอยู่ในระเบียบของพ่อแม่ อยู่ในสายตาของพ่อแม่ ซึ่งหากเด็กสมัยนี้ไปอยู่ในช่วงเวลานั้นคงอึดอัด เพราะสมัยนี้อิสระเสรีกันมาก ทั้งนี้ผมคิดว่ามันอยู่ที่ปัจจัยเรื่องการสื่อสารกับเดินทางประกอบด้วย

คือสมัยผม เราไม่มีมือถือ เราจะตามตัวกันเจอกันยังไง หากไม่รู้ว่าลูกเราไปอยู่ที่ไหน ถึงมีตู้โทรศัพท์สาธารณะ แต่มันก็ไม่ได้ตั้งเกร่อแบบตอนนี้นะ มันจะตั้งอยู่ในเขตชุมชนเท่านั้น หากลูกใครหายไปซักคน การตามหามันยากมาก ดังนั้นผู้ใหญ่สมัยนั้นจึงใช้วิธี กันไว้ดีกว่าแก้ อ้อ แต่บางบ้านก็ไม่ใช่อย่างพวกผมนะ เพื่อนผมที่พ่อแม่ปล่อยไปตามสบายก็มี

ออกทะเลล่ะ

กลับมาที่มันกับผมต่อละกัน.....ถึงไหนแล้ว ม.5 จะขึ้น ม.6 สินะ

อ้อ ช่วงปิดเทอมระหว่างจะขึ้น ม.6 ผมให้มันไปเรียนพิเศษพร้อมกับผมเลย



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 14:51:55


.......

......

.....

....

...

..

.

พ่อมันขับรถมาส่งมันที่บ้านผม แล้วพ่อผมจะพาผมกับมันไปบ้านอาที่กรุงเทพฯ

ปิดเทอมครั้งนี้ เราไปกินนอนที่บ้านอากันเลย ไม่ใช่สุดสัปดาห์แบบที่ตั้งใจไว้ เพราะผู้ใหญ่ปรึกษากันแล้วว่า หากไปเริ่มเรียนพิเศษเอาช่วง ม.6 ทีเดียว มันอาจหนักไป เวลาสอบอาจล้าหรือเครียดมากได้ จึงให้เราไปกันตั้งแต่ปิดเทอมนี้เลย

ครั้งแรก พ่อไม่อยากให้ผมไปหาบ้านอาเอง กลัวหลง กลัวไม่ถึง สารพัดกลัว แล้วก็ตามมารยาท ผู้ใหญ่ควรไปเจอกันเองด้วย ไม่ใช่ส่งเด็กๆ ไป เพราะอาถึงเป็นญาติ แต่อาก็ไม่ค่อยกลับมาบ้าน ถึงโทรคุยกับแม่บ่อยก็เหอะ พ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจภาษาของผู้ใหญ่

ระหว่างนั่งรถไปกับพ่อของผม ผมก็นั่งคิดทบทวนถึงตัวเอง

ก่อนที่แม่จะยอมให้ผมไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพฯ แม่เลยบอกว่า หากไม่ใช่ “ผมในวันนี้” เป็นลูกที่เป็นเด็กไม่รู้จักรับรู้ผิดชอบในตัวเอง ไม่รู้จักมองอนาคตในแบบ “ผมเมื่อวันก่อน” หากไม่ใช่แล้ว แม่จะไม่ยอมให้มาเรียนพิเศษที่กรุงเทพฯ เด็ดขาด เพราะ “ผมเมื่อวันก่อน” ต้องเสียคนแน่นอน

คือ...ผมไม่รู้จะอธิบายกับพวกคุณที่เป็นคนในยุคคาบเกี่ยวกันกับผมยังไงนะ แต่รุ่นผม ทุกอย่าง ทั้งความคิด ทั้งการกระทำของผมหรือคนรุ่นพ่อแม่ เค้าเป็นกันแบบนั้นจริงๆ

การที่อยู่ในระเบียบมากๆ มาเจอที่ที่โล่งอิสระแบบกรุงเทพฯ หลายคนจะหลงแสงสีไปกับมันแบบกู่ไม่กลับ ดูบ้านนอกไปมั้ย ...แต่นั่นแหละ เรื่องจริง!

แม่บอกว่า ตั้งแต่ผมเป็นเพื่อนกับมัน ผมดูใจเย็นมากขึ้น รู้จักฟังคำสอนของแม่ รู้สึกเอาเหตุเอาผลมาคุยกับแม่ ขยันมากๆ ตื่นแต่เช้า ถึงนอนดึกเพราะคุยโทรศัพท์ แต่ก็ยังตื่นเช้า แม่เลยไม่เคยว่าเรื่องที่ผมนั่งคุยโทรศัพท์ตอนกลางคืน (นี่ถ้าไม่ได้คุยกับแม่วันนั้น ผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า บางทีผมว่าผมแอบแม่ลงมาคุยโทรศัพท์แล้วนะ แต่แม่ยังว่าแม่รู้ สุดยอดเลยฮ่ะแม่!)

แม่บอกอีกว่า เพื่อนที่ไปด้วยน่ะ อย่าพาเค้าเสียคน หรือเค้าจะเดินนอกลู่นอกทางผมก็ต้องพาเขากลับมา เพราะพ่อแม่ของฝ่ายนั้น เค้าคิดว่าสามารถฝากฝังลูกชายเค้ากับผมได้ เห็นว่าผมดึงลูกเขาให้ขยันเรียนขึ้น เลยเริ่มมีความหวังที่จะลูกเรียนสูงๆ ซึ่งแต่ก่อนเขาเห็นลูกเขาแล้ว เขาคิดแค่ว่าให้จบ ม.6 ไปแล้วไปทำไร่ทำสวนกับพ่อ...แค่นั้น

บอกตรงๆ เลยนะครับ ที่ผมได้คุยกับแม่วันนั้น ผมรู้สึกถึงภาระที่แบกบนบ่า มันหนักแต่ไม่อึ้ง เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับที่จะแบกมัน

อนาคตของผมเป็นของมัน และอนาคตของมันผมก็อยากให้มันฝากไว้กับผม

ผมพร้อมที่จะดูแลมัน และหวังให้มันพร้อมให้ผมดูแลด้วย

แต่มันเป็นความคิดของผมฝ่ายเดียว

และอีกนานเลยกว่าผมจะได้รู้...ในจุดนี้

.......

......

.....

....

...

..

.







หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 15:41:38


.......

......

.....

....

...

..

.

“พี่ไม่ต้องห่วง ผมดูแลเด็กๆ ให้เองครับ มีไรโทรมาได้ เราน่ะ ถึงอาไปทำงาน แต่เหมือนอยู่บ้านนะ ห้ามกลับบ้านเกินหนึ่งทุ่ม ไปไหนมาไหนต้องบอกอา อาจะโทรมาเช็คที่บ้านเป็นช่วงๆ ไม่เจอล่ะน่าดู” อาชาญบอกกับพ่อผมเสร็จถึงหันมาบอกกฏเกณฑ์กับพวกผม

ก็ไม่ได้อะไรมากมาย เป็นเรื่องปกติที่พวกผมทำกันจนชินแล้ว

พ่ออยู่กินข้าวเย็นกับพวผมก่อนถึงค่อยกลับ พอพ่อกลับไปผมก็เหวงโหวงอยู่นะ กี่ปีแล้วล่ะที่อยู่แต่กับบ้าน ไม่เคยออกมาค้างที่ไหนแบบมาอยู่เองเหมือนเช่นลักษณะนี้มาก่อน แต่อาชาญเฮฮาเป็นกันเองดี ที่ผมกับมันเกร็งๆ เลยไม่เท่าไหร่ล่ะ

อาชาญเปิดห้องให้พวกผมพักหนึ่งห้อง เป็นห้องใหญ่ของบ้าน ห้องของอาชาญเป็นห้องเล็กของบ้าน อาบอกว่าห้องใหญ่มันใหญ่ไป นอนแล้วเหงา ก็นะ ชายโสดยังหาเมียมาแต่งไม่ได้ ซื้อบ้านไว้รอท่า ฮาพิลึก

อาปล่อยให้พวกผมจัดห้องกันเอง อาบน้ำ นั่งเล่นไป บ้านนี้มีโทรทัศน์สามเครื่อง ในห้องของพวกเราก็มี ก็ไม่ใช่ว่าอาชาญรวยอะไรหรอกนะ แต่แกอ่ะ จับสลากปีใหม่มาได้ แกเล่าว่าหากปีนี้จับได้ทีวีอีก จะเอาไปให้แม่ผม .... บางครั้งดวงดีซ้ำซ้อนมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสินะ-----ฮา

.......

......

.....

....

...

..

.

“มึง เตียงใหญ่อยู่นะ มึงจะรำคาญป๊ะ ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวกูนอนพื้นเอง” ผมบอกมัน

“มึงนอนข้างบนเหอะ กูนอนข้างล่างเอง” มันบอก พลางเอาเสื้อผ้าออกมาแขวน

“ได้ไงวะ ให้แฟนนอนพื้น กูก็หน้าตัวเมียดิ”

“...............”

เอาอีกล่ะ เงียบอีก ผมล่ะหน่าย “ไม่เอาน๊า ตกลงกันก่อน มึงอย่าเพิ่งตัดสินใจเองสิ” ผมลงไปนั่งคุกเข่าที่ด้านหลังมัน

มันวางผ้าในมือและหันหน้ามาเจอกัน ผมรีบนั่งทับขาของตัวเอง เพื่อที่จะให้ระดับความสูงของหน้าอยู่ในระดับเดียวกับมัน

“เอา มึงว่ามาก่อน” มันบอก

“เอาที่มึงนอนสบาย” ผมบอกมัน

“พื้น” มันตอบสั้นๆ

“ม่าย หากมึงชอบนอนกลิ้ง ไม่ชอบให้มีคนมานอนข้างๆ มึงนอนเตียง กูจะนอนพื้น” ผมก็แจงสิครับ รอช้าอยู่ไย

“...........เตียงมันใหญ่มั้ยล่ะ?” จู่ๆ มันก็เปลี่ยนคำถามซะงั้น

“ก็ใหญ่ดิ มันไซด์ขนาดผู้ใหญ่นอนกันสองคนสบายๆ เลยล่ะ” ผมบอกมัน

“กูเฉยๆ ไงก็ได้” มันพูดจบมันก็หันไปสนใจเสื้อมันต่อ

ผมก็นั่งบื้อแปลไทยให้เป็นไทยอยู่กับพื้นที่เดิม-----มันหมายความว่าไงหว่า?

.......

......

.....

....

...

..

.

ทนไม่ไหวครับ สะกิดแขน แล้วถามมันให้ชัวร์ๆ ดีกว่า “มึง มึง”

“เอ้อ....”

“ถ้านอนบนเตียงด้วยกันมึงไม่รำคาญใช่ป๊ะ นอนหลับใช่ป๊ะ” ผมถามมัน

“.....อื้อ.....”

โอเค ผมก็โล่งใจ เก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่ตู้....จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ผมให้มันอาบก่อนเพราะตัวเองยังเก็บของไม่เสร็จ

พอเก็บของเสร็จผมก็ถอดเสื้อผ้ารอไว้ เอาผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างไว้ แล้วนั่งรอมันอยู่ในห้อง พร้อมกับดูทีวี

สักพักมันก็กลับมา

ตอนมันเปิดประตูเข้ามามันร้องอุทานเบาๆ “อุ้ย!”

“ไร เป็นไร?“ ผมหันหน้าไปมองมันด้วยความสงสัย มันเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว สงสัยเอาไปด้วย

“เปล่า....มันหนาวแอร์....” มันบอกแล้วเดินเข้ามาในห้อง

“อ้าว เหรอ เออ มึงปิดแอร์เลย เดี๋ยวเปิดพัดลมนอนได้ ไม่น่าจะร้อนหรอก กูไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมบอกมันแล้วเดินออกไปอาบน้ำบ้าง

.......

......

.....

....

...

..

.

กลับมาในห้อง เห็นมันนั่งดูทีวีอยู่นิ่งๆ

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปนั่งดูทีวีข้างๆ มัน แต่เว้นระยะห่างกันนะ ห่างเท่าปกติแหละ ผมรู้ว่ามันไม่สะดวกใจเวลาผมไปชิดๆ แนบๆ มัน

.......

......

.....

....

...

..

.

นั่งอยู่นานราว สี่ทุ่มได้ผมก็ง่วง

“ฮ๊าววว-----มึงง่วงยัง?” ผมถามมัน

“หือ? ง่วงแล้วเหรอ?” มันหันหน้ามาถามผม

“ฮื๊อ...พรุ่งนี้อาชาญให้ตื่นหกโมงเช้า กินข้าวก่อนไป กูว่ามึงนอนเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เพลียนะมึง” ผมพูดพลางลุกขึ้นไปบิดขี้เกียจ

“...ฮื้อ....” มันรับคำในลำคอแล้วเดินไปปิดทีวี

“มึงอยากนอนไหนล่ะ ชิดผนังป๊ะ?” ผมถามมัน

“ไงก็ได้ว่ะ” มันบอก

“ไงก็ได้ งั้นมึงนอนในละกัน”

“เอ่อ...กูนอนริมละกัน มึงนอนในเหอะ”

“อ๊าว มึงนี่ ไหนว่าไงก็ได้”

“เออ เออ มึงอยากนอนก็ได้ เดี๋ยวกูนอนในเอง” มันพูดพลางเดินนำไป

ผมยื่นมือไปคว้าแขนมันไว้ ยังไม่ให้มันเดินผ่านผมไป

ทันทีที่ผมคว้าแขนมัน มันหันขวับมาหาผมทันที สายตามัน.........ตื่น ครับ ตื่นกระหนกนะ

ผมระบายลมหายใจ เอาให้มันได้ยินนี่แหละ จริงๆ ก็นึกสงสัยอยู่ล่ะว่ามันเงียบผิดปกติ แต่ผมก็คิดว่ามันอาจคิดถึงบ้านอยู่ไรงี้ เลยไม่ได้ไปเซ้าซี้มัน แต่....บางสิ่งมันก็ฉุกให้ผมทดสอบดูว่า มันเงียบไปเพราะสิ่งอื่นด้วยมั้ย?

และแววตาของมันตอนนี้ก็บอกในสิ่งที่ผมสงสัย

“มึงเป็นไรครับ ทำหน้าแบบนั้นทำไมวะ?” ผมถามมัน

“....ปะ เปล่า... ปล่อยดิ จะนอนแล้ว....” มันสะบัดแขนตัวเองให้ลหุดไปจากมือผม

ผมก็ปล่อยมันไปง่ายๆ นะ

ผมมองมันที่คลานขึ้นเตียงไปนอนซุกติดผนัง แล้วอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนอาบน้ำผมก็นึกว่าตัวผมจะได้นอนเตียงสบายๆ แล้ว มันเล่นเป็นแบบนี้ผมก็ต้องระเห็จไปนอนพื้นอ่ะดิ

ว่าแล้วผมก็เดินไปหาเตียง หยิบหมอนของตัวเองลงมา พร้อมกับตุ๊กตาเน่าๆ ประจำตัว (มีกันใช่มั้ย? ต้องมีสิ อะไรสักอย่างที่ติดมาแต่เด็กน่ะ แต่ของผมสะอาดนะ แม่ผมซักให้อย่างดี ตอนนี้ก็มีคนซักให้อย่างดีเหมือนเดิม)

ผมวางหมอนลงพื้น กะที่เหมาะๆ แล้วก็นอนเอนลงไป กอดตุ๊กตาเน่าของผม พอผมหลับตา เสียงจากคนที่นอนข้างบนก็ดังขึ้น

“นี่”

“ไร”

“ไปนอนพื้นทำไมวะ”

“ก็มึงแหละ”

“.........”

เงียบ แสดงว่ารู้ตัว ผมก็ไม่สน ผมเหอะ กูจะนอนแหละ กูช้ำใจ แฟนแม่งไม่เชื่อใจกู

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 09-08-2012 15:50:13
ชอบอ่ะ :-[.  ไม่อยากบอกเลยว่าทันรุ่นนี้ด้วย สมัยก่อนหยอดเหรียญคุยโทสับกันนี่เยอะแล้วนะ. เพราะมีอะไรก็ไปคุยกันที่โรงเรียน. เวลาจะหาใครก็ต้องเดินตามหา ถามคนนั้นคนนี้ ว่าเห็นคนที่เราตามหาไหม ลำบ๊าก. ลำบาก เราผ่านสมัยนั้นมาได้ไงนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-08-2012 16:08:00
ฮ้า
ดีจังนะเรื่องนี้ ได้บรรยากาศเก่าๆเหมือนตอนสมัยเด็กๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 16:13:20


.......

......

.....

....

...

..

.

สักพักใหญ่ ผมก็ได้ยินเสียงสวบสาบบนเตียง

และสักแป๊บผ้านวมผืนโตก็ตกลงมาคลุมตัวผม

ผมลุกพรึบขึ้นมาทันควัน มันยืนค้างอยู่ข้างๆ ตัวผมที่นอนจมอยู่ในกองผ้านวมผืนใหญ่

ผมจ้องตากับมันแบบไม่ยอมอ่อนให้

.......

......

.....

....

...

..

.

มันทรุดเข่าคงมานั่งยองๆ ตามันมองสบกับผมตลอด เป็นนานกว่ามันจะเอ่ยปาก “โอเค กูผิด กูคิดมาก กูขอโทษ ถ้าหากมึงไม่ทำอะไรจริง ก็กลับไปนอนเตียง พอใจยัง?”

แหม  พูดอย่างเสียมิได้เลยนะมึง ชิ “ก็ไปดิ”

ผมรวบผ้าห่มไว้ในหอบมือ มันก็หยิบหมอนกับตุ๊กตาเน่าของผมขึ้นไปวางบนเตียงให้ มันวางตุ๊กตาเน่าไว้ข้างหมอนผม ก่อนจะคลานเข่าไปที่หมอนของมัน แล้วก็นอนรอผ้าห่มจากผม

ผมสะบัดผ้าห่มให้คลุมทั้งตัวมันตัวผม

หัวมันถึงหมอนแล้ว

หัวผมกำลังถึงหมอน

“โกรธป๊าววะ” มันถามผมเสียงอ่อยๆ

“โกรธ แต่หายแล้ว” ผมบอกมันไปตามตรง

“โอเค ฝันดีว่ะ เอาไอ้เน่ามึงไปไกลๆ กูด้วย เหม็น” มันพูดพลิกตัวไปนอนคว่ำ

บอกตรงๆ เลยนะ ไม่เคยเห็นมันนอน คือนอนจริงๆ เวลากลางคืนน่ะ ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว นอนเล่นที่บ้านน่ะก็เคยบ้าง แต่ท่านอนมันตอนนี้ดิ เอาหน้าซุกหมอนแบบนั้นหายใจออกได้ไงวะ

“นี่มึงนอนท่านั้นตลอดเลยเหรอวะ?”

“อื๊อ” เสียงมันอู้อี้อยู่ในหมอน

“หายใจออกได้ไงวะ ไม่เอามั๊ย ลองเปลี่ยนดูมั๊ย”

“ฮึ๊” เสียงอู้อี้ในหมอน

“เฮ้อ----” ไม่เอาล่ะ เหนื่อย ขี้เกียจเถียงกับมันแหละ มันจะนอนท่าไหนก็เรื่องของมึง

ว่าแล้วผมก็หลับตานอน และหลับไปอย่างง่ายดาย

.......

......

.....

....

...

..

.

ตื่นมาตอนเช้า ผมก็ตื่นมาในท่าเดิม เป็นคนนอนเรียบร้อยครับ ผมหันไปหาคนที่นอนข้างๆ กะว่าจะได้เห็นหน้ามันนอนน้ำลายยืด -----ฮ่า ผมวิปริตไปมั้ย แบบว่า ไอ้หน้าตาทุเรศๆ ของแฟนเนี่ย ผมชอบมองนะ เพราะเราอ่ะ จะเป็นคนเดียวที่ได้เห็นไง สวนกระแสไปมั้ยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า...

แต่...ผมเห็นแค่หมอนครับ ไม่มีตัวมัน ผมเลยลุกสิครับ แต่มันหนักพุง ไม่รู้มีอะไรมาทับที่หน้าท้อง

ผมผวาไปทั้งตัว นึกว่าผีอำสิครับ แต่ก็กลั้นใจเปิดผ้าห่มออกมา ----ผ่างงงงงงงงงง

ไอ้เชี่ย! แฟนผมมันมานอนน้ำลายยืดบนพุงผมอ่ะ

แม่ง สกปรกสุดๆ!!!

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2012 16:17:56
นึกมาตั้งแต่ตอนแรกว่า "มัน" จะเป็นพระเอก แต่พอมาตอนนี้ "ผม" เป็นพระเอกใช่ป่าว ??

เราสับสน 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 09-08-2012 16:30:36
เขาสองคนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นพระเอก  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 16:53:35


.......

......

.....

....

...

..

.

นั่นคือคืนแรกในบ้านอาชาญ และมันก็เป็นท่าประจำของทุกๆ คืน

นี่ถ้าไม่ได้มานอนบ้านอาชาญ ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่า มันแม่งนอนดิ้นขนาดนี้ ก่อนนี้เคยนอนกลางวันแบบไม่กี่ชั่วโมง ก็พอเห็นอยู่ว่ามันดื้น แต่ไม่สวิงแบบตอนกลางคืนอ่ะดิ

พอบ่นกับมันกลับบอกว่า ผมแปลก เพราะคนอื่นน่ะถีบมันลงเตียงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมแปลกมากที่กว่าจะรู้ตัวก็เอาตอนเช้าทีเดียว

อ๊าววววววว *0* ตกลงกูคนประหลาด เออ เอากับมันสิ ผมก็แค่กลับสนิท เป็นพวกหลับลึก หลับรวดเร็วเปรี้ยงเดียวเช้า ว๊าเว๊ย! เพิ่งสำเนียกในความแปลกของตัวเอง

บ่นจบแหละ กลับมาต่อเรื่องของมันกับผม

มาถึงตรงนี้ทุกคนคงจุกอกว่า กิ๊ว กิ๊ว นอนเตียงเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน มีกุ๊กกิ๊กกันบ้างรึเปล่า..... 

บอกไปจะเชื่อกันมั้ยว่า ไม่มีเลย

เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีแม้แต่สัมผัสมือ หัวไหล่เบียดกันก็ไม่มี (เอ่อ...ยกเว้นตอนขึ้นรถเมล์นะ)

เอ่อ คุณคร๊าบบบ..... สมัยนั้นวิทยาทานความรู้ด้านซัมติงของเกย์เนี่ยมันน้อยเท่าเม็ดแมงลักนะครับ ยิ่งพวกกระผมสองตัวมันแผลงมาจากกระทาชายด้วยแล้ว กระผมจะแบกหน้าที่ไหนไปถามสาว(ประเภทสอง) ว่า อ๊ะ อ๊ะ กัน มันทำไงครับ เข้าใจป๊ะ

โอเคว่าเบสิคน่ะรู้ มันก็เหมือนๆ กับเราทำกับผู้หญิง

แต่คู๊ณ.....ตบมือข้างเดียวไม่ดังอ่ะครับ แล้วแฟนผมเค้าก็เป็นโรคหวาดระแวง แถมผมก็ไม่มีรสนิยมหื่นชอบขืนใจแฟนด้วย

แต่ผมกับแฟนก็โอเคกับชีวิตที่เราเป็นอยู่ในตอนนั้นนะครับ

อืม...มันเป็นช่วงเรียนก่อนเอ็นท์ฯ ด้วยมั๊งเราเลยไม่มีใครมานั่งคิดถึงเรื่องนี้กันให้รกสมอง นี่ๆ สมัยพวกผมน่ะ มันเอ็นท์ครั้งเดียวนะ คะแนนช่วยอะไรก็ไม่มีสักอย่าง ฝีมือหัวสมองล้วน วัดกันเลยครั้งเดียว ตายเป็นตาย

เดี๋ยวจะหาว่าผมมันกามตายด้าน ก็สารภาพเลยครับ แหม ม.5 มันก็โตนะ รู้แหละ ไอ้เรื่องระบายความใคร่ให้ตัวเองมันทำไง ซึ่ง.....คิก คิก คิก ก็จินตนาการถึงมันนะ ว๊าเว้ย พูดไปก็อายไป

ส่วนมันผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นเหมือนผมมั้ย ไม่เคยถามอ่ะครับ จนวันนี้ก็ไม่ได้ถาม

ผมก็ลองมาสังเกตุตัวเองนะ คือตัวผมไม่ใช่พวกที่ต้องอะไรกับตัวเองทุกวันอ่ะ แต่อาทิตย์ละครั้งก็โอเคแหละ

หากถามว่าเจอหน้าแฟนแล้วไม่อยากใกล้ชิดกันเหรอ ตอบได้เลยเสียงดังๆว่า อยากสิวะ

อยากกอดมัน อยากจับมือมัน อยากหอมแก้มมัน....เอ่อ หากได้ก็ขอจูบด้วย มากกว่านั้นไม่ได้คิด คือถ้าได้ผมก็ถือว่าฟลุ๊คแหละ

แต่คุณๆ ครับ “มัน” ของผมเนี่ย เรียกว่าไงดี มันขี้อายใช่ป๊ะ แล้วกับเรื่องกีฬาในร่ม ผมมองๆ แล้วมันไม่ค่อยหมกมุ่นอ่ะ ยิ่งกว่าผมอีก

ก็ไม่รู้นะ อย่างที่บอกแต่แรก คือเมื่อผมคบกับมัน เราออกอาการแบบไปไม่เป็นกันซะมากกว่า

แต่เราก็เอาแค่ โอเคอยากคุยกันเราก็คุย อยากเจอหน้ากันเราก็เจอ อยากอยู่ด้วยกันนานเราก็อยู่ด้วยกัน....คือแค่ประมาณนี้ล่ะครับ

หวายย ออกทะเลอีกแล้ว ป๊ะๆ กลับมาๆ

เรามาถึงไหนกันแล้วล่ะ

อืมม..... เช้าวันที่ต้องไปเรียนพิเศษนะ ...ไหน ขอนึกก่อนว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ยหนอ?

.......

......

.....

....

...

..

.

ก็กินข้าว แล้วอาชายก็พานั่งรถเมล์ไปที่เรียน อาชาญมีรถนะ รถประจำตำแหน่ง กระบะขนของนั่นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า

อาชาญบอกว่า จะสอนให้นั่งรถเมล์ จำทางกลับบ้านทางไปเรียน เราก็จำกันสุดฤทธิ์

พอมาถึงที่เรียนอาชาญก็เข้าไปด้วย ไปดูห้องเรียน จนอาชาญพอใจ อาชาญถึงค่อยไปทำงาน แต่อาก็ยังฝากเบอร์โทรที่ออฟฟิศไว้กับเรา เผื่อกรณีฉุกเฉิน

หลังจากลาอาชาญเสร็จแล้ว เราก็เดินไปนั่งรอในห้อง เด็กหลายคนต่างจับกลุ่มคุยกันเอง เราไม่ได้ไปแนะนำตัวกับใคร คือไม่กล้า และไม่รู้ว่าควรเข้าหาพวกเขายังไงด้วยล่ะ

มันดูเหมือนไม่สนใจคนอื่น มันนั่งจดจุดสังเกตุขาไปขากลับในหัวของมันลงสมุด บางทีมันก็ถามผมว่าอันไหนก่อนอันไหน ผมเคยมาก่อนมันอยู่หลายครั้ง แต่มากับแม่ เลยพอจำได้เลาๆ

“มึงจะจำทำไมวะ กูก็ไปกับมึง”

“เผื่อสิวะ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้”

“มึงว่ากูจะทำมึงหายเหรอ”

“ไม่ใช่ เผื่อเดินๆ แล้วพลัดหลงกัน นั่งรถแล้วพลัดหลงกันงี้ไง”

“........................อย่าหลงดิวะ มึงก็มองกูดีๆ ตามกูดีๆ จะไปไหนดึงกูไว้ด้วย อย่าทำให้เป็นห่วงนะเว้ย กูห่วงจริงๆ นะ” พอมันพูดผมก็จินตนาการสิ นี่ไม่ใช่ที่บ้าน หากหลงกันขึ้นมาในทางใดทางหนึ่ง จริงอยู่ว่ามันอาจหาทางกลับมาบ้านอาชาญได้ มันมีเบอร์ที่ทำงานอาชาญ มีเบอร์บ้านอาชาญ แต่สำหรับผม การดูแลแฟนของตัวเอง ผมต้องทำได้สิ ผมรับปากแม่ผมมาแล้ว พ่อแม่มันก็เชื่อใจผม ยอมปล่อยมันมากับผม.....

“ก็เผื่อๆ ไว้ อย่าทำหน้าเครียดดิวะ แล้วนี่เรียนกี่โมง ห้องนี้แน่ป่าว” มันรีบเปลี่ยนเรื่อง หันเหความสนใจของผมไปที่อื่น

“ห้องนี้แหละ อาชาญถามพี่ที่ด้านหน้าแล้ว เวลาเปลี่ยนห้องก็เดินตามเค้าไป กลุ่มมันเช็ตกันอยู่แล้ว”

.......

......

.....

....

...

..

.

มีสิ่งหนึ่งไม่สิ ในโลกนี้มีหลายสิ่งที่เราไม่รู้

และที่ผมกับมันเพิ่งประจักษ์คือ การเรียนพิเศษของกรุงเทพมันเข้มข้นสุดยอด แม่งอยู่ ม.5 กำลังจะขึ้น ม.6 แค่ช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนนี้จะสอนในส่วนของ ม.6 ทั้งสองเทอมให้เราภายในเวลาสองเดือน โหดที่สุด!

พวกเรายิ่งกว่าถูกตีหน้าชา เพราะคนอื่นที่ดูว่าเป็นเด็กในพื้นที่ นั่งเรียนกันฉิวๆ (ตอนหลัง มาตีซี้คนในกลุ่มเดียวกัน ถึงได้รู้ว่า พวกเด็กเมืองกรุงเค้าเรียนล่วงหน้ากันมาแล้ว ที่มานั่งเรียนเนี่ย เหมือนมาทบทวนความจำ แต่บางคนที่แม่นแล้วจะไปโน่นเลย เตรียมเอ็นท์)

บอกตรงๆ นะ ตกใจมาก สมัยนั้น ไม่มีใครมาบอกนะว่าที่นั่นที่นี่เค้าทำแบบนั้นแบบนี้ มันไม่มีอินเทอร์เน็ตไง หากเรื่องไหนไม่ลงหนังสือพิมพ์ ไม่มีจดหมายมาแจ้งครูที่โรงเรียน เด็กบ้านนอกอย่างพวกผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าหรอกครับ ยิ่งไม่ได้มาเรียนพิเศษแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึง ก็เอาไปตามที่หัวสมองมันจะจำได้อ่ะครับ ไม่ได้จำล่วงหน้ามานานแล้วแบบเด็กในเมืองกรุงฯ

พวกผมน่ะได้ยินอยู่เรื่องของสอบเทียบ แต่มันเป็นเรื่องไกลตัวเหมือนเมืองไทยกับฮอลีวูด

คือถ้าเราไม่ใช่ชนชั้นมันสมองมาแต่เกิด จะไปสอบเทียบอ่ะมันยาก ซึ่งผมไม่ใช่ไง ผมแค่ห้อง 3 มีจิตสำนึกดีในการเรียนรู้เฉยๆ ไม่ใช่ชนชั้นมันสมองแบบห้อง 1

นึกไปถึงตอนนั้นนะ ผมมันบ้ามาก เจอของไง เลยอยากลองของ ก็มุๆ เรียนๆ ทบทวนๆ อ่านซ้ำๆ....เลวมากที่ลืมเรื่องมันไปเลย ลืมที่จะนึกถึงหัวอกมันที่ “เป็นคนเข้าใจช้า” ขอย้ำ แฟนผมไม่ได้โง่ แต่มันเป็นคนลังเลเลยเลือกว่าอะไรถูกอะไรผิดได้ช้ากว่าชาวบ้านเค้า

แล้วนั่นแหละ คือจุดผิดพลาดของผม

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-08-2012 16:53:50
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อ่านแล้วรู้สึกว่าสมัยก่อน คนเราอดทนอะไรได้มาก แต่พอมีความสะดวกสบายเข้ามาทนอะไรกันไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-08-2012 17:30:55
เด็กสมัยโน้นเรียบร้อยเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 17:36:49


.......

......

.....

....

...

..

.

ผมเห็นมีของให้ลองก็เลยลองของ อยากได้ความรู้ สำนึกสุดไส้ติ่งว่ามึงอ่ะโง่เง่า เลยกระหายอยาก จะรู้มันให้ได้หมด จะซึมซับมันให้หมด....ทั้งหมดนี้ ไม่ได้บังคับตัวเองแต่ฉันท์ใด คือสันดานผมมันเป็นแบบนั้นอ่ะนะครับ

เวลาเรียนเรามี 8 โมงเช้าถึงโน่นเลยครับ 5 โมงเย็น พักเที่ยงก็กินแถวนั้น แล้วผมก็มานั่งทบทวนต่อ

นานวันเข้า ไม่ไหวสิครับ บางอย่างมันเกินเข้าใจเอง เลยต้องขอไปพบครูผู้สอน ครูก็ใจดีนะ สอนให้เลย ถามมาตอบไป ตรงๆ เจ๋งมาก ผมก็ชอบสิ ไม่รู้ไรปุ๊บถามครูเลย แล้วก็เอาเก็บมาทบทวนอันไหนท่องได้ก็ท่อง

ห้าวันแรกผ่านไปแบบมึนๆ

วันเสาร์ผมตื่นมาเกือบเที่ยง ตื่นมาไม่เห็นมัน งัวเงียไม่ล้างหน้าแปรงฟัน เดินลงไปหามันข้างล่าง กะว่ามันต้องอยู่ข้างล่างแน่ๆ ก็จริงครับ เจอมันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่

ผมไม่ได้ตั้งใจฟังนะ แต่มันได้ยินพอดี

คุณเอ๊ย มันเจ็บจี๊ดที่ขั้วหัวใจ

“เกรงใจมันน่าแม่ ถึงเรียนไม่เข้าใจเลย แต่ก็ยังได้รู้ไงว่าเราไปไหวแค่ไหน”

“อื้อ... ไม่เสียเปล่าหรอกแม่ ที่เรียนอยู่นี่ก็ของม.6 เดี๋ยวขึ้นเรียนม.6 ผมก็สบายขึ้นไง จะได้มีเวลาอ่านเตรียมสอบเยอะๆ เห็นมั้ย มันก็มีดี”

“อื้อ มันตั้งใจมากเลยแม่ ก็ดีนะ เห็นมันตั้งใจแล้วเราก็อยากทำมั่ง แต่หัวผมมันไม่ไหวอ่ะ ทำใจนะแม่นะ เอาแค่ราษภัฏฯ พอเนอะ”

“อื้อ ไม่กวนมันหรอก รู้ครับ”

“อื้อ ครับ ไม่เสียใจ แต่อยากบอกแม่แต่เนิ่นๆ อ่ะครับ กลัวแม่เสียใจ”

“ก็ดีครับ โอเคเนอะ เราเข้าใจกันเนอะแม่เนอะ ถ้าไงฝากบอกพ่อด้วยนะ แต่พ่อคงขำแหละ ขายควายส่งควายเรียนแท้ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

แล้วมันก็คุยเล่นถามโน่นนี่กับแม่มันอีกหน่อย พอเห็นว่ามันวางสาย ผมก็รีบแอบขึ้นไปชั้นบน ผมนั่งนิ่งอึ้งอยู่ในห้องคนเดียว เชี่ยสุดๆ ด่าตัวเองอ่ะนะ น้ำตาแม่งก็ไหล

ผมบอกไม่ถูกหรอกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง แต่มันต้องร้องไห้เท่านั้น มันไม่มีทางระบายทางอื่น

ผมได้ยินเสียงมันเดินมา มันเปิดประตู ชโงกหน้าเข้ามา “อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ ป๊ะ กินข้าว ล้างหน้าอาบน้ำก่อนนะ อาชาญไปทำงานแล้ว วันนี้กูทำของโปรดมึงทั้งนั้นเลยนะเว้ย รีบๆ มาแดก”

ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมหัว “เดี๋ยวลงไปนะ ขอสระหัวก่อน เหม็นๆ หัวตัวเองว่ะ”

ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมรีบถอดเสื้อผ้า แล้วเดินไปด้านล่างของฝักบัว ทันที่เสียงน้ำไหลซู่ลงมา ผมก็ปล่อยน้ำตาของตัวเอฝห่ไหลผสมไปกับมัน

ผมมีเวลาแค่ ชั่วอาบน้ำกับสระผม แล้วผมก็ต้องกลับเป็นผมคนเดิม

อย่าทำให้มันเป็นห่วง อย่าเผยพิรุธให้มันเห็น

ยิ่งคิดถึงกับข้าวที่มันทำให้.... คุณรู้มั้ย อยู่บ้านอาชาญมา 5 วัน ทุกเช้า ทุกเย็นมันจะทำกับข้าวให้ผมกับอาชาญกิน ที่สำคัญ ผมไม่ได้ใส่ใจเลย ผมมัวจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งตรงหน้า รู้แค่ว่ามีคนยื่นข้าวมาให้ มีคนเรียกไปกินข้าว แล้วคนนั้นก็หยิบจานชามไปล้าง

แต่คุณ....ข้าวมันไม่ได้สุกแค่เอามันมาวาง แกงเทโพมันไม่ได้เสร็จแต่คุณเอาใส่ไมโครเวฟ

ทุกอย่างที่ผมชอบกิน มันทำให้ผมเองกับมือตั้งแต่เริ่มต้น หั่นผักหั่นเนื้อ กว่ามันจะเสร็จให้ผมกินล่ะ กว่ามันจะล้างจานล่ะ แล้วมันยังต้องมานั่งอ่านหนังสือกับผม อยู่จนเข้านอนพร้อมกับทุกอื่น ซึ่งก็เที่ยงคืนโน่น แต่มันก็จะตื่นเช้ากว่าผมเพื่อทำอาหาร...อาหารที่มันบอกว่า ถุงนี้ซื้อมา ไข่เจียวทอดเอง .......ซึ่งไม่มีทางล่ะที่แกงถุงนึง จะได้รสชาติเหมือนบ้านผมขนาดนั้น ..... ไม่มีทาง.....ไม่มีทาง

.......

......

.....

....

...

..

.




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 09-08-2012 17:49:46
เรื่อย ๆ นะ

เค้าไม่รีบ มาได้เรื่อย ๆ  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 18:18:04


.......

......

.....

....

...

..

.

วันเสาร์นั้น ผม....ผมอยากคุยกันมากๆ แต่สภาพจิตใจผมเองล่ะที่ไม่พร้อม ผมอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง บ่ายแก่ ผมก็เริ่มไม่ไหว บอกมันว่าเหมือนปวดหัว ขอนอนพักหน่อย มันก็กระวีกระวาดเอายามาให้ แล้วแล้วนั่งเฝ้าผมอยู่ข้างเตียง

มันนั่งพลิกหนังสือที่เราเรียนไปๆ มาๆ...ไม่ใช่ไปเรื่อยๆ

มันเลือกอ่านเฉพาะที่มันชอบ เลขกับวิทยาศาตร์มันทิ้งเลย

ผมไม่ได้นอนหรอกนะ ผมนอนแต่ลืมตา ผมมองเสี้ยวหน้าของมันที่ก้มลงอ่านหนังสือ พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย ทรมานที่สุด ต้องห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่พอจะเอ่ยปากชวนมันคุย ก้อนเหนียวที่ไหนก็ไม่รู้มันก็มาจุกที่ลำคอ

จนเกือบเย็นล่ะ สักบ่ายสี่โมงได้ ผมก็ลองเอ่ยปากพูดดู

“ถามกูมั้ย? ไม่เข้าใจตรงไหนถามกูได้นะ”

มันหันหน้ามามองผม “ตื่นแล้วเหรอ?”

“อื้อ เมื่อกี้” โกหกคำโต

“ปวดอยู่ป๊ะล่ะ” มันถามพลางชี้ที่หัวของมัน

“ไม่แล้ว”

“อยากกินไรวะ เอาข้าวต้มป๊ะ”

“ปกติตอนเย็นมึงไปซื้อของกินที่ไหนวะ”

“แถวนี้แหละ ปั่นจักรยานไป ทีนึงแพงทีนึงถูกกว่า แต่มันมีแต่ของบ้านๆ ขนมต้องที่แพงๆ”

มันสาธยายมาราวกับอยู่มาแล้วเป็นเดือน เฮ๊ย! ใครก็ได้ เอายาห้ามน้ำตามาให้กูที เรื่องแบบนี้ทำไมกูไม่เคยรู้เลย ทั้งที่กูก็อยู่กับมันมา 5 วันเท่ากัน!

“ป๊ะ เดินเล่นกัน อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้ว่ะ” ผมทำเสียงร่าเริงบอกมัน

มันยิ้มครับ ยิ้มแฉ่งสุดๆ ยิ้มที่ผม....เพิ่งรู้ว่าไม่ได้เห็นมานานหลายวันแล้ว...บ้าฉิบหาย ผมมันบ้าที่สุด!

“ป๊ะ ป๊ะ งั้นวันนี้มึงเลือกเองนะ ขนมน่าอร่อยเต็มไปหมด กูจะเลือกให้มึงก็ลำบากใจ อันนี้ก็ดี อันนั้นก็ดี”

มันลุกขึ้นแล้วทำหน้าทำตาประกอบสิ่งที่มันพูด ..... น่ารักนะ เวลามันทำท่าแบบนี้

เห็นมันที่ทำแบบนี้แล้ว ไม่ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหน ผมยิ้มออกได้เสมอล่ะครับ....ไม่เว้นแม้แต่วันนี้ด้วย

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมขอมันปั่น ให้มันซ้อน มันบอกว่าขากลับให้มันปั่น แล้วผมซ้อนบ้าง จะได้แฟร์ๆ กัน ...ผมก็โอเคนะ แฟนขอนะครับ ไม่เคยปฏิเสธ

มันบอกทางผมอยู่ข้างหลัง

ปั่นมาแค่แป๊บเดียวพอเรียกเหงื่อ เราก็มาถึง.....เรียกว่าไรดี เหมือนตลาดนัดอ่ะครับ แต่อยู่บนคอนกรีต เป็นระเบียบเรียบร้อย

“อันนี้ที่แพงๆ ใช่ป๊ะ?” ผมไม่ลงจากจักรยาน และหันหน้าไปถามมัน

“อื้อ” มันพยักหน้าหงึกๆ

“ไปซื้อที่ถูกก่อนมั้ย กลัวขนมเละ”

“มึงไปเดินดูก่อน เปรียบเทียบกัน อย่าเพิ่งซื้อ ไว้ไปเดินที่โน่นแล้วจะได้รู้ว่าจะซื้ออะไรจากที่โน่น ตรงโน้นมันไกลกว่า ไปกลับไม่ได้ เสียเวลา”

ดูครับ "มัน" ของผมอ่ะ ฉลาดจะตาย

ผมเอามือไปขยี้หัวมันแรงๆ “เก่งมาก กูแม่งคิดไม่ถึงเลย”

“คิกคิกคิก” มันยิ้มแฉ่งยิ่งกว่าเดิม แถมหัวเราะคิกเลยด้วย

จากประสบการณ์ของผม เวลานี้มันอารมณ์ดีสุดๆ.....แค่เพราะผมมาตลาดกับมัน

ผมลงจากรถ เดินดูของตามที่มันชี้ แต่ใจน่ะเริ่มคิด.....คิดว่าจะทำยังไงดับเรื่องในเวลานี้ เรื่องในอีกหนึ่งปีข้างหน้า และเรื่องในอนาคตอีกหลายปีของมันกับผม

อืม....อยากบอกมันนะครับว่า ผมตกหลุมรักครั้งที่สองกับมันก็วันนี้แหละ รอยยิ้มแฉ่งของมันวันนี้ ที่เดินตลาดกับผม....ครั้งนี้กาวใจของผมมันเหนียวกว่าเดิม ผมมีพลังและความเชื่อมั่นมากกว่าเก่า.....ความเชื่อมั่นว่าเราจะไปกันรอด...จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน

.......

......

.....

....

...

..

.

“กินไรล่ะ?” มันถามผมตอนมาเดินที่ตลาดบ้านๆ

“อืม.....ผัดผักบุ้ง แล้วก็....ซื้อหมูทอดร้านนั้นละกัน” ผมชี้ไปที่ร้านหนึ่งที่ดูน่ากิน

มันขมวดคิ้ว “เอาหมูทอดหรือหมูทอดกระเทียม”

“เอานั่นอ่ะ” ผมชี้ไปที่ร้านเดิม

“มันมีแต่มัน ไม่เอาหรอก”

“มึงรู้ได้ไง”

“ก็กูไปขอชิมตั้งแต่วันแรกที่มาเดินตลาดแล้ว ชิมแล้วก็เกรงใจพี่แก เลยซื้อสิบบาท แม่งมีแต่มันทั้งดุ้น โยนให้หมา หมาแม่งยังเมิน”

*0* ไม่เลี้ยงเลยครับ กะว่าหากกูแดกได้นี่คงลิ้นยิ่งกว่าหมาสินะ ----- “เอาไข่เจียวก็ได้”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวกลับไปซื้อหมูตลาดขนมเอา ที่นั่นสดกว่า”

“เฮ้ย มึงไม่ต้องลำบากทำ เอาแค่ผัดผักบุ้งพอ”

“ลำบากตรงไหนกะอีกแค่หมูกระเทียม” มันกระแทกเสียงใส่

“โหย กูว่าเลิกเรียนมาเปิดร้านขายกับข้าวมั้ยมึง ท่าจะรุ่ง พูดมาได้อีแค่หมูทอดกระเทียม”

“บ้าล่ะ รสชาติพอแหลกร่ายแบบกู มึงรับทานคนเดียวเหอะ ให้คนอื่นกินกูอายว่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า......”

ใครว่าล่ะครับ ฝีมือมันอ่ะ อร่อยเหาะเลย ผมติดรสมือมันมาก กินที่ไหนก็ไม่เหมือนกินกับข้าวฝีมือมัน นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า “เสน่ท์ปลายจวัก ผัวรักผัวหลง” แม่งเล่นของนี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมปั่นจักรยานมาอีกครั้ง อาศัยมันที่กำลังพูดจ้อๆ เม้าท์เรื่องแม่ค้าตลาดโน้น จัดการปั่นจักรยานมาเอง มันลืมไปแล้วว่ามันขอขี่ขากลับอ่ะครับ

ผมปั่นมาถึงตลาดแรก ก็เดินเลือกขนมไปกิน มันบอกไม่ให้ซื้อเยอะ เพราะเค้าขายทุกวัน รอทำใหม่ๆ ดีกว่าเอากลับไปแช่ ก็เชื่อครับ ไม่ได้กลัวครับ ไม่ได้เกรงใจด้วย แต่โบราณว่าไว้เชื่อเมียแล้วจะรุ่ง โอเคป๊ะครับ?

ซื้อของมาได้เต็มถุง มันก็เล่าเรื่องแม่ค้าตลาดนี้ให้ผมฟัง ปั่นพามันกลับไปบ้านอาชาญ

ผมจอดจักรยาน มันก็เดินถือถุงหิ้วยืนหน้าประตูบ้าน รอผมไปไขประตูให้

ขณะที่ผมไขประตูมันก็ร้องขึ้นมา

“เชี่ย!”

“ไร เป็นไรวะ” ผมหันควับไปถามมันด้วยความตกใจ

ปึ๊ก! มันแตะขาผมแรงๆ แต่ไม่เจ็บมากหรอกทีหนึ่ง

“ไรเนี่ย เตะกูทำไม”

“มึงทำไมไม่เตือนกู กูต้องปั่นขากลับเว้ย”

ผมเอามือไปขยี้หัวมัน “เก่งมากที่จำได้ แต่ช้าไปหน่อยนะ”

ปึ๊ก! มันแตะขาผมอีกที

“โอ๊ย!”

“แดกผักบุ้งจิ้มซีอิ๊วไปเถอะมึง! ไม่ทำแม่งแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 09-08-2012 18:40:07
  :m15: ทำเค้าน้ำตาไหลเรยยย.   แต่ก็จริงนะบางทีเราก็คิดถึงตัวเอง มากกว่าคนที่อยู่ข้างๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 18:53:35


.......

......

.....

....

...

..

.

ผ่านจากเสาร์อาทิตย์นั้น ผมเริ่มเอาใจใส่มันมากขึ้น

พอว่างผมจะหันไปถามมันว่า รู้เรื่องมั้ย?

มันก็ซื่อ ตอบผมตรงๆ ว่าไม่รู้เรื่อง

แต่ผมไม่อยากบีบบังคับมัน เลยบอกมันแค่ “ให้สอนก็บอกนะ สงสัยก็ถามเป็นจุดๆ เลย แบบนี้ก็ง่ายดี ดีป๊ะ?”

มันยิ้มครับ พยักหน้าหงึกๆ .....ในแบบที่ผมชอบ

เวลาว่างจากคาบเรียน  ผมไม่เข้าอะไรแล้วจะไปถามครู ผมจะขอมันก่อน “กูไปคุยกับครูได้ป๊ะ?”

“ได้ ไปเลย”

“ไปด้วยกัน”

“ไม่อ่ะ ไม่สงสัยอะไรสักอย่าง”

“งั้น ซื้อข้าวให้หน่อยนะ เดี๋ยวกลับมา”

“หิวเหรอ"

"อื้อ ใช้สมองเยอะ แต่คงกินไม่หมด แบ่งกันคนละครึ่ง มึงไปเลือกเลย มึงอยากกินอะไรกูก็กินอันนั้นแหละ”

แล้วผมก็จะเดินไปคุยกับครู กลับมาก็จะนั่งกินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวที่มันซื้อ แล้วก็เล่าว่าไปคุยอะไรกับครูมา

คือ มันของผมอ่ะ ชอบเรื่องเล่า อะไรที่เหมือนเล่าให้ฟัง ไม่ใช่สอน มันจะจำแม่น ผมเลยเปลี่ยน ทำเป็นว่าเล่าให้ฟังว่า ผมคิดไง ผมสงสัยยังไง แล้วไปถามครู ครูพูดไง มันก็มีปฏิกริยาสนใจนะ เช่น งงว่าทำไมเป็นงั้นล่ะ ผมก็บอกนี่ไง แล้วเล่าๆ ไป... สักพักมันก็ถึงบางอ้อ หรือไม่ถึงบางอ้อวันนี้ เดี๋ยวมันก็คิดต่อเองวันหลัง

อยู่บ้านอาชาญ เวลาจะอ่านหนังสือ เดิมผมอ่านในห้องนอน ผมก็เปลี่ยนมานั่งอ่านที่โต๊ะกินข้าว มานั่งดูมันทำกับข้าวบ้าง ช่วยมันเด็ดผักไปพลางอ่านหนังสือไปบ้าง ช่วงนี้มันไม่ได้ความรู้หรอก แต่มันไม่เหงาไงครับ ก่อนนี้ผมเก็บตัวมากไป จนมันเกิดความรู้สึกเหงา...ไม่ดีที่สุดเลยครับ

หากคุณเป็นแฟนกับใครสักคน อย่าเด็ดขาดนะที่จะให้เขาเหงา เพราะมันบ่มเพาะความฟุ้งซ่านหลายอย่างในความสัมพันธ์ของคุณ

คุณต้องทำอะไรก็ได้ ให้เขารู้ว่า รู้นะ กำลังพยายามอยู่ด้วยกัน หรือทำแค่อย่างที่ผมทำก็ได้

“กูขอไปหาครูนะ เดี๋ยวมา”

“กูกลับมาแล้ว”

“กูขออ่านหนังสือหน่อยนะ”

“กูขอน้ำเปล่าหน่อยสิ”

“ไปตลาดกัน”

“กินอะไรก็ตามใจมึง”

“กูขอไปอาบน้ำนะ”

“กูขอไปล้างหน้านะ”

มันง่ายมากๆ ประโยคพวกนี้ ใครๆ ก็ทำได้ เพียงแต่อย่าลืมที่จะพูดก็เท่านั้น....ผมเกือบลืม จนผมเกือบต้องเสียคนที่ผมรักไป ดังนั้น ผมจึงจำช่วงเวลานี้ได้แม่นที่สุด

.......

......

.....

....

...

..

.

สองเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก

ผมกอบโกยความรู้มาได้เยอะ ถึงไม่หมด แต่ผมรู้ล่ะว่าจะไปต่อยังไง และต้องเพิ่มศักยภาพตัวเองตรงไหน
ส่วนมัน...มันเอาเท่าไหร่ผมแล้วแต่มัน

ก่อนไปเรียนพิเศษ ผมหวังไว้เยอะ อยากให้มันไปเรียนที่เดียวกัน เรียนที่ใกล้กัน อยากให้อยู่หอเดียวกัน อยาก....อยาก....อยาก...สารพัดอยาก

.......

......

.....

....

...

..

.

สุดท้าย ผมก็สำนึกว่า มันเป็นความอยากของผมคนเดียว

จริงอยู่ว่ามันเองก็อยากอยู่กับผม อยากไปเรียนด้วยกัน ซึ่งมันก็เคยมุ่งมั่นมาแล้ว มากับผมนี่แหละ แต่มันก็ตระหนักในตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่า มันไปไม่ถึง

ที่สำคัญ มันไม่บอกผม แต่ผมไม่ว่ามันนะ ผมเข้าใจ มันกลัวว่าผมจะเสียใจ กลัวว่าผมจะทิ้งที่ที่หวัง แล้วมาอยู่กับมัน

จริงนะ ผมทิ้งมหาลัยที่ผมหวังได้....เพื่อมัน

แต่พอได้ยินในสิ่งที่มันพูดกับแม่มันวันนั้น ผมรู้สึกถึงสิ่งหนึ่ง-----ชีวิตของตัวเอง

ทุกคนต่างมีเส้นทางของตัวเองให้เดิน คุณจะพาคนคนหนึ่งมาเดินทางเดียวกัน มันก็ได้อยู่หรอก แต่มันก็ต้องมีสักวันที่เขาจะเดินไปในทางของเขาบ้าง แต่เขาไม่ได้ไปไหนนะ เพราะเราเดินตรงไปยังบ้านหลังเดียวกัน----บ้านแห่งความรักของเรา

.......

......

.....

....

...

..

.

สมัยแรกๆ ที่คบกันผมกลัว....กลัวว่ามันจะไม่รักผม อย่างที่ผมรักมัน

ต่อมาผมก็กลัว....กลัวที่มันจะลืมความรักของผมกับมัน

แล้วต่อมาผมก็กลัว...กลัวความห่างกัน จะทำให้มันเปลี่ยนไป

.......

......

.....

....

...

..

.

เพราะความกลัว ผมจึงพยายามถมช่องว่างที่โหว่ในหัวใจด้วยอะไรก็ได้ ที่ทำให้ผมมั่นใจ และเลิกกลัว

.......

......

.....

....

...

..

.

แต่ดูสิ

ผมเป็นบ้าอะไร

นี่ผมเพิ่งคบกับมาได้แค่ปีเดียว มันยังมีปีต่อๆ ไปอีกไม่รู้กี่ปี ทำจะมาบ้าอะไรกับมันตอนนี้

.......

......

.....

....

...

..

.

ไปกรุงเทพนี้ในครั้งนั้น นอกจากความรู้ที่ผมได้มาเต็มหัว ผมยังได้รู้ถึง “ปัจจุบัน”

ผมมันคนคิดไกล คิดจนเป็นนิสัย เอะอะก็มองแต่อนาคต...มองมันจนลืมว่า "ปัจจุบัน“ ผมกำลังทำอะไรกับมันไว้

มันไม่ยิ้ม

มันเกรงใจผม

มันแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือ

มันไม่กล้าบอกว่ามันเรียนไม่รู้เรื่อง

ไม่กล้าบอกผมว่าจะต่อที่อื่น ไม่ไปกับผมแล้ว

“ปัจจุบันของผม” เกือบผุพังเพราะ “อนาคตที่สวยงามของผมแต่ผู้เดียว”

.......

......

.....

....

...

..

.

เกือบไปแล้ว ผมเกือบไปแล้ว

.......

......

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-08-2012 19:05:39
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนย้อนอดีตจริงๆ
จำได้ว่าต้องมีสมุดจดเบอร์โทรศัพท์อันเล็กๆที่มันเป็นกระดาษต่อกัน
แล้วในวิชาภาษาไทย ต้องเขียนจดหมายถึงเพื่อนจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 19:14:28


.......

......

.....

....

...

..

.

ผมเดินออกจากบ้านในช่วงที่เช้าเป็นปกติ

วันนี้เหมือนเช่นทุกวัน ไปกินข้าวก่อนเข้าโรงเรียน

ผมเดินออกมาจากซอย ยังไม่ทันจะถึงปากซอย มอไซด์ที่คุ้นตาซึ่งจอดอยู่ตรงปากซอยบ้านผมก็สตาร์ทเครื่องแล้วเลี้ยวตรงมาหาผม

ผมเคยถามว่า มาถึงตรงนี้แล้วทำไมไปถึงหน้าบ้าน เพราะแม่ผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักมัน รู้มั้ยมันตอบผมว่าไง “รอมึงตรงนี้ตื่นเต้นดี เหมือนนัดกันไว้ มึงคงไม่เข้าใจหรอก”

ผมก็ขำนะ แต่ที่ขำเพราะอยากบอกมันเหมือนกันว่า คนที่รับสายโทรศัพท์อย่างผม รู้ว่ามันจอดรถรออยู่หน้าซอย แล้วเดินเรื่อยๆ มาหามัน เห็นมันขี่มอไซด์มาหา เจอกันคนละครึ่ง.... แบบนี้มันก็ตื่นเต้นดี ทำมาเป็นปี จนนี่จะจบม.6 อยู่อีกไม่กี่วัน ผมก็ยังตื่นเต้นทุกวัน กับภาพที่ว่านี้.....มึงคงไม่เข้าใจหรอก

.......

......

.....

....

...

..

.

เรานั่งกินข้าวที่ร้านต้มเลือดหมูร้านเดิม เหมือนทุกเช้าที่มาเรียน

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของ ม.6 หมดวันนี้ไปคือปิดเทอม แต่ไม่ใช่วันหยุดสำหรับเด็กเตรียมสอบเอ็นท์อย่างพวกเรา

สมัยเรา เราต้องรู้คะแนนก่อนถึงจะเลือกที่ที่จะเข้าเรียนได้ เราสามารถกะเกณฑ์ตัวเองได้ แต่เราก็ต้องคิดซ้อนแผนไปอีก เพราะเราต้องดูว่า เราได้คะแนนอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่

เราเลือกได้ เอ 3 หรือ 4 ที่นา ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ที่มาพิมพ์อยู่นี่มันนับว่านานมากเลยนะ เอาเป็นว่าเรามีตัวเลือกละกัน หากไม่ได้อันไหน ระบบก็จัดเราลงมาในลำดับต่อๆ ไปให้เองโดยอัตโนมัติ

ยากกว่ามั้ยกับในสมัยนี้?

ผมไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเรียนรู้ระบบการสอบของสมัยนี้เลยครับ

อุ้ย ออกทะเลอีกแล้ว .... มาๆ อย่าเพิ่งเบื่อ อีกนิดเดียวนะ ใกล้แหละครับ

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 09-08-2012 19:15:44
ชอบ"ผม"กับ"มัน"จังเลย
"มัน"เนี่ย ถึงจะคิดอะไรช้าไปบ้างแต่ก็ดูแลใส่ใจผมเป็นอย่างดีเลย
ส่วน"ผม"เนี่ย นิสัยคล้ายตัวเองยังไงไม่รู้สิบรรยายไม่ถูกแฮะ
เป็นพวกชอบคิดอะไรไปไกลเหมือนกันเลยอะ  :เฮ้อ:

เรื่องนี้อ่านแล้วทำให้รู้อะไรเกียวกับการเป็นคู่ชีวิตกันดีนะ
ถ้าจะรักกันไปให้ได้ตลอดมันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง อย่างนี้แหละ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 19:54:17


.......

......

.....

....

...

..

.

“วันนี้วิชาที่มึงชอบเลยนะ เอาให้เต็มเลยนะเว้ย” ผมบอกมัน

“อย่าเลย เดี๋ยวพ่อกูหัวใจวายตาย แกอาจสงสัยได้ว่าเอเลี่ยนมาสับเปลี่ยนตัวลูกชายแก”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

หัวเราะยังไม่เสร็จ ต้มเลือดหมูก็มาวางที่โต๊ะ ผมเลือกตะเกียบ สำหรับผมและมัน เช็ดช้อนสำหรับผมและมัน

ส่วนมัน....มันก็ปรุงรสชาติไป รสที่มันว่าอร่อยแล้ว มันก็อร่อยสำหรับผม

ปกติเราสั่งกันแค่ชามเดียวพิเศษ แต่ข้าวเปล่าสอง หากไม่อิ่มก็เอาเพิ่มคราวนี้เอาแค่ธรรมดา ข้าวเพิ่มถ้วยเดียวแล้วมาแบ่งครึ่งกัน

วันนี้เราเอาแค่นี้ไม่เพิ่ม เพราะเดี๋ยวต้องเข้าห้องสอบ หนักท้องมากมันจะง่วง

“สอบเสร็จไปไหน?” มันถามผมแล้วตักข้าวเปล่าเข้าปาก ก่อนจะชดน้ำเสียงโฮก...แบบสะใจโคตร

“ไม่รู้ มึงอยากไปไหนล่ะ?” ผมก็ค่อยๆ ละเลียดกินไป เบาๆ ไม่กินน่าอร่อยเท่ามัน

“อืม....สอบเสร็จก่อนเที่ยงแน่ะ กินข้าวที่โรงอาหารแล้วค่อยไปกันมะ” มันหันหน้ามาถามความเห็น

“ก็ได้ ว่าแต่ไปไหนล่ะวะ”

“น้ำตก”

“นางรอง”

“เหวนรก”

“โห ไกล”

“ใกล้กว่านางรองน่า”

“มึงเอาอะไรวัดวะ?”

“ความรู้สึกเวลาลมตีหน้า”

“เชี่ยนี่!”

ด่ามันแบบขำอ่ะนะ มันกวนตีน....ตลอดมาเนี่ย ผมไม่ค่อยได้เล่าถึงความกวนตีนของมันเลยใช่ป๊ะ แต่เพราะตั้งใจนะ คือโปรดเข้าใจนะว่าผมหวง “มัน” ผมไม่เอาความน่ารักของมันมาเปิดเผยในที่สาธารณะเด็ดขาด------ก๊ากกกกกกก

“ไปนะ?”

คราวนี้มันไม่ได้ถามเอาความเห็น มันชวนจริงจังเลยล่ะ แล้วลองไม่ไปซี่ รับลอง ตูดขึ้นมาถึงหน้า

“เออ หาหมวกกันน๊อกมาใส่ด้วย ไม่มีกูไม่ขึ้น” ผมบอกมันเสียงเด็ดขาด

“มึงนี่ เรื่องเยอะแม่ง” มันบ่นเฉยๆ แล้วก็กินข้าวของมันต่อไป

.......

......

.....

....

...

..

.

ก่อนขึ้นรถไปโรงเรียน

“อ่ะ” ผมยื่นหมากฝรั่งให้มันเม็ดนึง

มันรับไป ดึงเนื้อหมากฝรั่งเข้าปาก แล้วเอากระดาษห่อมาวางที่มือผม จากนั้นผมก็ขึ้นซ้อนท้ายมัน ระหว่างนั่งซ้อนท้ายมันไปโรงเรียน ผมก็จะแกะหมากฝรั่งของตัวเองมากินเล่น

จากร้านต้มเลือดหมูหน้าสถานีรถไฟ ไปถึงโรงเรียนของพวกเรา ใช้เวลาแค่ 10 นาที หากบิดแบบมันขี่คนเดียว ก็แค่ 6-7 นาที แต่ไม่ได้ครับ หากผมนั่งซ้อน ผมห้ามมันเกินลิมิตของผม

วันนี้เด็กๆ บางนักเรียนมากันบางตามาก วันสอบวันสุดท้าย ทุกคนต่างเพียรกันมาแล้ว ส่วนพวกเรา เราพร้อมตั้งแต่เปิดเทอม (อ๊ะ เกือบลืมบอก เรียนพิเศษวันเสาณ์-อาทิตย์ที่ผมกะไปเรียนกับมัน พวกผมล้มเลิกนะ มาอ่านหนังสือกันเอง น่าจะดีไปนั่งเรียนให้เหนื่อย ถึงไงมันก็รวมความรู้เราตั้ง ม.1-ม.6 ใช่ป๊ะล่ะ)

มันขี่มอไซด์ไปจอดข้างโต๊ะหินอ่อนที่ประจำของเรา เวลามันนั่งรอผมเล่นบอล

ผมนั่งคุยเล่นกับมัน ไม่อ่านหรอกครับหนังสือ พอแล้ว ทำหัวให้โล่งๆ ดีกว่า ก็คุยกันไปเรื่อย ดินฟ้าอากาศ มันเล่าว่าเมื่อเพื่อนมันโกงข้อสอบกันด้วย แต่พอออกจากห้องปรากฏว่า ไอ้พวกที่โกง รันเลขผิด มันหัวเราะงอหายอยู่ตรงนั้นเลย โดนเพื่อนๆ กลุ่มนั้นยีหัวเล่นจนน่วม แต่มันก็ว่ามันขำ อดไม่ไหวจริงๆ

เพื่อนห้องมันนี่ ถึงเป็นห้องบ๊วย แต่พวกเขารักกันดีนะ เฮฮาปาร์ตี้กันมาก มากกว่าห้องต้นๆ แบบผมเสียอีก ห้องต้นๆ แบบของผม แข่งกันเรียน ไม่ค่อยคบหากันสักเท่าไหร่ น้อยมากที่จะสนิทกัน เป็นเพื่อนกันในแบบที่เรียกว่า “เพื่อน”..... หวังว่าพวกคุณคงแยกกันออกนะครับ อย่าให้ผมอธิบายเลย

จำได้มั้ย ตั้งแต่แรกที่บอกว่า ไปเจอมันที่งานวันเกิดเพื่อนแล้วเพื่อนผมแนะนำมันให้ผมได้รู้จัก ไอ้เพื่อนคนกลางที่ว่ามันก็อยู่ห้อง 11 นี่แหละ แตะบอลด้วยกัน เลยสนิทกัน แล้ววันเกิดที่ผมไปก็ของเพื่อนในชมรมบอล ไอ้คนนั้นมันอยู่ห้อง 13 ห้องโหล่ แต่ฝีมือแม่ง สุดยอด หากมันเอาดีทางบอล ผมว่ามันค้าแข้งได้แหละ

คิดถึงวันไหนก็ไม่เท่าวันสารภาพรักกับมัน ทั้งวันที่ให้ดอกกุหลาบมันแบบเอ๋อๆ ทั้งวันที่นัดมันไปหลังโรงยิม

ต่อไป หลังจากวันนี้ มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเราต้องแยกกัน ผมเดินไปทางหนึ่ง มันเดินไปทางหนึ่ง

ไม่พูดต่างก็รู้ว่าต่างคนต่างมีความในใจของตัวเอง

ซึ่งเป็นอย่างเดียวกันรึเปล่า ผมไม่อาจทราบได้ เพราะผมมัวแต่คิดถึงความคิดของตัวเองอยู่----- ถ้าเราไกลกันมึงจะเลิกรักกูมั้ย / ถ้าเราไกลกันมึงจะมีคนอื่นมั้ย? / ถ้าเราไกลกันเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันรึเปล่า? / แล้วถ้าเราไม่ไกลกันล่ะ เรามมีวิธีนั้นมั้ย?...........

ผมคิด โดยที่ไม่รู้ว่ามัน....คิดเหมือนผมหรือเปล่า

“กูไปล่ะ ต้องไปข่มพวกมันก่อนเข้าสอบ วิชานี้กูท๊อปมาตลอด คิก คิก คิก” มันผุดลุกขึ้นยืน แล้วหิ้วกระเป๋าแสนแฟ๊บของตัวเอง เอาคลิบดำมาหนีบกระเป๋าจนแบนแต๋ เอามาแค่ปากกา แต่ก็เสือกต้องหิ้วกระเป๋านักเรียนมา ไม่เข้าใจมันจริงๆ... เขานะ แต่เอาปากกาเสียบกระเป๋าเสื้อมา พอแหละ จะลำบากหิ้วกระเป๋านักเรียนเปล่ามาทำไม๊

“ให้รอตรงไหนล่ะ ถ้าสอบเสร็จ” ผมถามมันว่าจะลุกเดินไปเข้าตึกพร้อมกัน

“ตรงรถนี่แหละ หาง่ายดี”

“อื้อ...ป๊ะเดินไปด้วย” ผมบอกมัน มันก็ก้าวนำผมไป

เดินไปไม่เท่าไหร่ ผมกับมันก็ก้าวทันกัน แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน จนถึงทางแยกไปตึกของแต่ละฝ่าย

“กระดาษดิ๊”

มันเรียกหากระดาษห่อหมากฝรั่ง ผมล้วงกระเป๋ากางเกงออกมา แบมือ มันก็ก้มหน้าลงมา....เหมือนปกติที่ทำทุกวัน เอาหมากฝรั่งในปากมัน คายลงบนกระดาษห่อบนมือผม

พอมันดึงหัวขึ้นไปผมก็จะหยิบหมากฝรั่งในปากตัวเองไปใส่รวมกัน แล้วเอากระดาษห่ออีกอันมาแปะทับด้านบน

“ไปนะ เดี๋ยวเจอกัน” มันบอกแล้ววิ่งไปทางตึกของมัน

ผมมองมันจนมันหายไปจากบันได แล้วถึงค่อยเดินไปที่หาถังขยะที่อยู่ตรงหน้า หย่อนห่อหมากฝรั่งในมือทิ้งไป แล้วเดินไปยังตึกอีกอันของตัวเอง

.......

......

.....

....

...

..

.

จำได้มั้ย? ที่เคยบอก

ผมไม่เคยได้แตะตัวมันเลย ไม่เคยเกินความจำเป็น

แต่ทุกวัน ฝ่ามือผมจะได้สัมผัสกับแก้มของมัน ตอนที่มันก้มหน้าลงมาคายหมากฝรั่ง

หึหึหึ.... เข้าใจผมมั้ย โอเคล่ะ ผมโอเคกับแค่นี้.....พอนะ อายว่ะ*0*

.......

......

.....

....

...

..

.

ผมขึ้นสอบด้วยหัวสมองที่ปลอดโปล่ง

ทำข้อสอบด้วยความมุ่งมั่น

ทำให้ดีที่สุด

ผมตั้งมั่นไว้แค่นั้น

แล้วผลจะออกมายังไง ช่างหัวมันครับ! ผมทำไปแล้วนี่ จะแก้ยังไงได้ล่ะ...จริงมั้ย?

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ryoushena ที่ 09-08-2012 20:44:46
ชอบมาก อ่านแล้วอินด์สุดๆ เห็นภาพตามเลย น่ารัก ^ ^
 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-08-2012 20:45:04
จะบอกว่า สมัยเรา ม5-6 เราก็ติวเอนท์เหมือนกัน (บ่งบอกอายุ -"-)

แต่ก็ชิว ๆ ไม่เค๊ยไม่เคยจะมองอนาคตไกลอะไรมากมาย

"ผม" นี่คิดไกล คิดเยอะ และคิดดี

"มัน" ก็คิดเผื่อและสนใจคนข้าง ๆ ได้ดีทีเดียว

นึกย้อนไปแล้ว เราไม่ได้เศษเสี้ยวของ 2 คนนี้เลย

ช่องว่างเล็ก ๆ ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันเกินที่จะมาเชื่อมต่อกันได้

ถ้าเราคิดได้เหมือน "ผม" ในวันนั้นมันก็คงจะดี
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-08-2012 21:34:37
เข้าใจอารมณ์ของเด็กเอนท์
แต่เรามันแบบว่าไม่ขนาดนั้นอะนะ ดูตัวเองจะชิวเกิ๊นน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 09-08-2012 21:46:32
ทำให้ย้อนไปคิดถึงตอน เอน ซะ ทรานซ์
มันบีบคั้นหัวใจเหลือเกิ๊น

ตอนไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพ
อ่านแล้วน้ำตาซึมเหมือนกันแหะ
ชอบประโยคที่ว่า "ขายควายส่งควายเรียน"
ยังมีอารมณ์ขันน่ะเนี่ย
แสดงว่ามีพ่อแม่ที่ดี ไม่บีบคั้นลูก

เป็นกำลังใจให้น่ะ สำหรับฟิคน่ารักๆ แบบนี้
  :L2:
:pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่นี้ได้มั้ย?] หน้า 2...เป็นต้นไป
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 09-08-2012 21:47:37
อ๊ากกกกกกกกกกก ชอบๆๆๆๆ คิดถึงสมัยก่อนจริงๆๆ ได้บรรยากาศเก่าๆๆดีจัง

มาต่ออีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-08-2012 21:56:38


.......

......

.....

....

...

..

.

“นี่มึงมานานยังเนี่ย” เสียงมันทักผมมาจากด้านหลัง

ผมหันหน้าไป “สามสิบนาทีได้มั๊ง”

“อี๋ ขี้อวดว่ะ ทำเป็นเก่ง!” มันทำหน้าเบ้ แต่ก็ยังเดนตรงเข้ามาหา

“พวกมึงจะไปไหนกันต่อวะ?” เพื่อนของมันที่เดินตามหลังกันมาถามผมกับมัน

“จะไปน้ำตกเหวนรก” มันหันหน้าไปบอกเพื่อน

“โห ไกลเลย” เพื่อนมันทำหน้าอึ้งๆ

“ก็บ้านมันมึงอยู่ไกล แต่บ้านพวกกูอยู่แค่นี้เอง เวลาเท่านี้ก็พอแล้วเว้ย ถมถืด” มันฉอดๆ ใส่เพื่อนของมัน

เราก็ร่ำลากันตามมารยาท ก็มีที่อยู่มีเบอร์กันไว้แล้ว คงได้ติดต่อกันอีกอยู่ดี พอเพื่อนมันไปแล้ว มันก็เรียกผมขึ้นรถ

“มึงบอกว่าจะกินข้าวที่โรงอาหารก่อนไป” ผมท้วงมัน

“เออออ ลืมว่ะ ไป๊ ไป กินข้าวก่อน” มันร้องเสียงหลงก่อนที่จะกวักมือเรียกผมไป

ระหว่างที่เดินไปโรงอาหาร มีรุ่นน้องทักมันหลายคน ทักผมก็มีบ้าง แต่ทักมันมากกว่า...กว่าจะเดินถึงโรงอาหาร ต้องปล่อยให้มันถ่ายรูปกับรุ่นน้องจนเสร็จนั่นแหละ ถึงเดินต่อกันมาได้

ผมก็ไปแจมอยู่บางรูป แต่หลายๆ รูปเค้าต้องแค่มันคนเดียว

“บายคร๊าบ” มันโบกมือให้น้องๆ เสียงอ่อนเสียงหวาน

“พอใจยังครับมึง” ผมท้วงมัน

“เอ มึงนี่ ไม่รู้จักสร้างสมาคมบ้างเลยนะ”

“สมาคมรักเด็กอ่ะนะ กูเลือกเองว่าจะไม่เข้าว่ะ คุก คุก คุก”

“หึหึหึ....เด็กๆ อยู่กับกูน่ะปลอดภัย“

“ไม ปลอดภัยยังไง?”

มันไม่ตอบครับ มันเดินหัวเราะหึหึนำลิ่วไปเลย

.......

......

.....

....

...

..

.

“นี่ นี่”

“ไร”

“มึงหารกับกูได้ป๊ะ อยากกินหลายอันเลยว่ะ”

“เออ จะเอาไรก็เอามา”

ผมพูดแล้วก็คว้ากระเป๋ามันเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ วันนี้คนบางตา ผมเลยว่าเราไม่จำเป็นต้องจองที่นั่ง ผมลุกไปซื้อน้ำ เอาน้ำที่มันชอบสามอย่างมาให้มัน คิดว่ามันจะได้เลือกกินเอง

ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ เห็นจานข้าวมันไก่แบบธรรมดาหนึ่งจาน แต่ตัวมันไม่อยู่

ก็นั่งรอมันก่อน

.......

......

.....

....

...

..

.

สักพักมันก็กลับมาพร้อมจานหนึ่งใบ กับชามหนึ่ง แล้วมันก็จะเดินไปอีก ผมสังหรณ์ เลยรีบคว้าแขนมันไว้ก่อน

“มึงจะไปไหน?”

“เขาข้าวดิ ก็สั่งไว้”

“นี่มึงยังไม่พอเหรอ มึงสั่งอะไรไว้บ้างเนี่ย?”

“ข้าวหมูกรอบ ลูกชิ้นทอด ปลาทอดมัน หมดแหละ”

“มึงครับ มึงจะแดกหมดได้ไงครับ มันเยอะนะครับ ไม่เอาเหอะ พอแล้วเหอะ”

“ก็กินกับมึงไง เดี๋ยวไม่ได้มากินแล้วนะมึง เรียนจบกันแล้วนะเว้ย!”

“...............”

.......

......

.....

....

...

..

.

สรุป ว่ากลางวันนั้นผมก็แชร์ของกินที่มันสั่งมากองไว้จนเกลี้ยง ผมไม่ใช่ปอบลงนะ แต่มันต่างหากที่ชูชก มันยัดเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้

กินเสร็จเราก็เดินออกไปตรงใกล้ประตูหน้าโรงเรียน พอมันเดินมาถึงที่รถ ลุงยามก็ร้องเรียกมัน บอกมันว่าเพื่อนฝากของให้ มะนเลยเดินไปเอาของที่ป้อมลุงยาม

ผมนั่งรอที่เก้าอี้หินอ่อนที่มอไซด์มันจอดอยู่

ไม่นานมันก็เดินกลับมาพร้อมหมวกกันน๊อกสองอัน มันบอกว่าที่จริงลืมไปแล้ว แต่มันขอเพื่อนไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าสอบ เพื่อนมันหาตัวไม่เจอ แต่เห็นรถมันจอดอยู่ เลยฝากหมวกไว้กับลุงยาม หมวกที่มันถืออย่างดีเหมือนกันนะ แพงพอดู ก็สมควรให้เพื่อนมันฝากกับลุงยามมากกว่าแขวนไว้ที่แฮนด์มอไซด์เฉยๆ อ่ะนะ

เมื่อคนพร้อม รถพร้อม เราก็ออกเดินทาง

มันขับมอไซด์ออกมาทางเดียวกับที่เรากลับบ้าน แต่วันนี้เราเลยไป ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกที่เป็นวงเวียนแล้วเราก็ตรงไปอีก เราขี่ขึ้นไต่เขาไปเรื่อยๆ สักพักใหญ่ เราก็มาถึงด่านเก็บค่าผ่านทาง ผ่านด่านมาเราก็ขี่ตรงมาเรื่อยๆ ไม่นานเท่าขาขึ้น เราก็มาถึงปากทางเข้าน้ำตกเหวนรก

มันเลี้ยวซ้ายแล้วลัดเลาะทางไปเรื่อยๆ ....... ก็สุดถนน

ถึงทางที่เราต้องลงเดินกันแล้ว

“เอาหมวกไปด้วยเปล่าวะ?” ผมถามมัน

“ไม่ต้องหรอก ไว้นี่แหละ” มันบอก แล้วเอาหมวกของมันแขวนไว้บนแฮนด์ข้างหนึ่ง จากนั้นจึงก้าวข้ามรถ มายืนบนพื้น

“ถ้าหายล่ะ?” ผมถามมัน

“คนมาเที่ยวไม่เยอะ ไม่หายหรอก เดินถือไปด้วยลำบาก ช่วงลื่นๆ มันอันตราย” มันบอก

ก็เห็นด้วยกับมันนะ เลยวางหมวกกันน๊อคอีกอันแขวนไว้ที่แฮนด์อีกข้างของรถ

“ป๊ะ”

มันบอก แล้วหมุนตัวกลับ เดินนำไป

เขาเดินตามมันไปเรื่อยๆ

.......

......

.....

....

...

..

.

“ทำข้อสอบได้มั้ยล่ะ” มันถามผม

“ทำได้ แต่คงไม่เต็มหรอก ไม่แน่ใจหลายข้อ” ผมบอกมัน

“ตกลงมึงจะเอ็นท์ที่ไหนล่ะ”

“.........มหาลัยที่บอก...นั่นแหละ” บอกอ้ำอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะตอบมันไปตามความจริง

“กูก็เอาแค่ที่กูเข้าได้ ที่ที่บอกมึงไว้”

“อื้อ แล้วแต่มึง”

“แต่กูคงอยู่หอเดียวกับมึงไม่ได้ เพราะที่กูไปต่อมันอยู่ไกลจากมหาลัยมึงมากไป”

“อื้อ....กูเข้าใจ....”

ถึงกระนั้นผมก็ยัง เสียใจ รู้มาแต่แรกต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ยังอยากได้ปาฏิหาริย์

“.................” มันเดินต่อไป โดยไม่พูดอะไรอีก

ผมก็เดินตามหลังมันไป โดยไม่พูดอะไรกับมันอีกเช่นกัน

.......

......

.....

....

...

..

.

“น้ำตรงนี้เริ่มใสแล้วเนอะ” ผมเอ่ยปากชวนมันคุย

เดินมาจนครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่มีใครสวนทางมาเลยสักคน

“ฮื๊อ....” มันรับคำเสียงหนักแน่น

“ค่อยๆ เดินเดี๋ยวลื่น....ไม่ชะ...” ยังไม่ทันขาดคำ ผมก็ทันเห็นขามันไถลลงไปจากบันไดข้างหนึ่ง ผมรีบไปรับตัวมันไว้ ไม่ให้มันกระแทกกับหิน

ตัวผมที่นั่งราบไปกับพื้น กลายเป็นเบาะรองตัวของมัน

“อู๊ยยยยย----” มันร้องลากเสียงยาว

“กูบอกมึงแล้ว มึงนี่ ทำไมชอบประมาทนัก ห๊า!” ผมโมโห โมโหจริงๆ เลยไม่เก็บน้ำเสียงถนอมน้ำใจอะไรทั้งสิ้น จุดนี้ หากลื่นผิดท่ามันไถลเหวไปได้เลยนะ!

“มันลื่นเว้ย ลื่นมาก โอย...ลุกไม่ขึ้นว่ะ” มันบ่นพึมในปาก ไม่เถียงเสียงแข็งแบบปกติ ซึ่งผมรับรู้ล่ะว่ามันรู้ตัวเองว่ามันผิดแล้ว เลยว่ามันแค่นั้นแหละ

“เอา จับราวไว้ ดีๆ ไม่ไหวก็ล้มมาทางกู มึงจะได้ตกเหว รู้มั้ย?” ผมบอกมัน

แล้วเราสองคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้นที่เปียกลื่น ทว่า พอผมยืนมาได้เท่านั้นแหละ ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไป เท้าผมมันก็ลื่นไปข้างหน้าแล้ว ขี้ตะไคร่ตรงนี้หนามาก แค่ยืนเฉยๆ ยังลื่นได้เลยครับ

“เชี่ยแม่ง อะไรนักวะ” ผมสบถไม่หยุดปาก

“ดีๆ มึง ดีๆ” มันก็ร้องบอกผมแบบนั้นไม่หยุดปากเหมือนกัน

.......

......

.....

....

...

..

.

เสี้ยวเวลาที่ต่างก็ตกอกตกใจกันอยู่นี้

ผมกับมันก็ได้มาอยู่ในท่าที่ล่อแหลมที่สุดเท่าที่คบกันมา

มือของผมกุมเหนือมือของมัน...บนราวเหล็กที่เราต่างก็เอาไว้ยึดตัวเอง

ส่วนมืออีกข้างของพวกเรา มันไปโอบเอวของต่างฝ่ายเอาไว้....แน่นทีเดียวล่ะ

.......

......

.....

....

...

..

.

ผม.......ผมมองดวงตาของมัน มองเหมือนไม่รู้เบื่อ

มัน......แววตามันตกใจ และยังคงตกใจอยู่

.......

......

.....

....

...

..

.

สักพัก มันก็หน้าแดง มันเบือนหน้าหนีผม แต่มันไม่ได้คลายมือที่ราวเหล็ก หรือมือที่โอบรอบเอวผมออกไป

.......

......

.....

....

...

..

.

“นี่” ผมเรียกมัน

“.....อื้อ....”

“ถึงต่างคนต่างไปเรียนที่อื่น มึงจะยังเป็นแฟนกูมั้ย?”

มันหันหน้าควับกลับมาทันที หน้ามันยังแดงอยู่ แต่มันคงสงสัยมากจนลืมอาย “มึงถามอะไรหมาๆ แบบนี้วะ”

“เปล่าหมานะ กูเชื่อใจมึง แต่กูไม่รู้อนาคต กูห่วง กลัวมึงไม่รักกู กลัวมึงปันใจให้คนอื่น กลัวมึงเห็นคนอื่นดีกว่ากู” ผมบอกมันด้วยยิ้ม เป็นความคิดจากใจจริงของผม

“มึงกับกูคบกันมากี่ปี” มันถามเสียงเข้ม

“2 ปี” ผมตอบมัน

“มึงเรียนมหาลัยกี่ปี”

“4 ปี”

“เคยได้ยินมั้ย 7 ปีอาถรรพ์?” มันถาม ตอนนี้หน้ามันไม่แดงแหละ

“หือ?........”

“.............................”

มันไม่พูดต่อ มันปล่อยแขนมันจากเอวผม มันดึงมือที่ผมกุมไว้เหนือมันออกไป แล้วมันก็เดินต่อไปตามเรื่อยๆ แบบระวังกว่าเดิม

.......

......

.....

....

...

..

.

หลายครั้ง

ผมเหมือนรู้คำตอบ เหมือนรู้ความหมาย เหมือนรู้...ในสิ่งที่มันพูด

แต่ผมไม่มั่นใจ

ผมมั่นใจในเรื่องอื่นๆ แต่กับมัน...เรื่องที่เกี่ยวกับมัน ผม “ไร้ความมั่นใจโดยสิ้นเชิง”

ผมค่อยเดินตามมันไป จนถึงช่วงหนึ่งที่มันหยุด มันเกาะราวยืนนิ่ง แล้วมองออกไปที่น้ำตก

ผมเดินตามมันทัน แล้วไปยืนอยู่ข้างๆ มัน

.......

......

.....

....

...

..

.

เรายืนอย่างนั้นกันแบบเงียบๆ

ไม่มีใครพูดอะไร

.......

......

.....

....

...

..

.

“ถ้ามึงจะถามว่ากูรักมึงมั้ย? กูก็ทำให้มึงเห็นมาตลอดไม่ใช่เหรอไง มึงยังสงสัยเหี้ยไรอีก” มันเอ่ยขึ้นมาก่อน ตามันทอดมองไปที่น้ำตกแบบไม่วางตา

“รู้ เห็น แต่....แต่ก็ไม่เคยได้ยิน....จากปากของมึง....” ยิ่งพูดผมก็รู้สึกว่าตัวเองมันละโมบโลภมาก อยากได้จากมันไม่หยุดไม่หย่อน

“กู......รักมึง.....มาก่อนมึงบอกรักกูที่หลังโรงยิมอีก....”

โอ้โห ยิ่งกว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางกบาลกูอีกพ่อคู๊นนนน ----- ที่ไหนเมื่อไหร่ ยังไงไม่ทราบครับมึง

“ทำไมไม่บอกว่ะ อุบมันทำไมคนเดียว” ผมบ่นอุบ

“ไม่รู้นิว่ามึงจะอยากรู้”

โห แม่งพูดหน้าตาเฉยเลยนะมึง--------- “เมื่อไหร่ ยังไง?” ว่าจะไม่ถามแหละ แต่อดไม่ไหวว่ะ ขอรู้หน่อยเฮอะ

มันหันหน้ามาจ้องตากับผม “ไม่บอก! ปล่อยให้งง!” พูดจบมันก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม ...เฮ้ออ------ เอาสาระกับมันได้เกินนาทีนี่ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ แล้วล่ะมั๊ง

“มึงนะ!” ผมชี้หน้ามันแบบคาดโทษ

“ฮ่าฮ่าฮ่า” มันหัวเราะร่วน เพราะมันรู้ว่าหากยืนตรงนี้ ผมทำไรมันไม่ได้ พื้นแถวนี้ยังลื่นอยู่ อันตรายเกินกว่าที่จะเล่นกัน

.......

......

.....

....

...

..

.
ยืนมองน้ำตกได้สักพัก ผมก็ว่าเราถึงเวลาสมควรที่จะเดินกลับ ขามาก็ราวๆ เกือบหนึ่งชั่วโมงได้ เดินกลับขาขึ้นจะนานกว่า เลยเรียกมันกลับแต่เนิ่นๆ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านเย็น มึงจะอันตราย”

“อื้อ”

พอมันรับคำผมก็เดินก้าวนำขึ้นไปก่อน แต่พอผมก้าวขึ้นไปที่บนไดที่สูงกว่ามันได้แล้ว ผมก็นึกอยากขออะไรมันสักอย่าง

“นี่” ผมก้มหน้าไปหามัน

“หือ” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม

“ขออะไรอย่างดิ๊” ผมบอกมัน

“ทะลึ่ง” มันพูดเสียงดุ คิ้วขมวดเลยด้วย

“เปล่าๆ ไม่ได้จะขอทะลึ่ง ขอนิดเดียวมึงทำได้แหละ แค่หน้าด้านๆ หน่อยเท่านั้นเอง” ผมบอกมันพร้อมหัวเราะร่วนในลำคอ

“...................” มันไม่ตอบ มันจ้องหน้าผม หรี่ตามองแบบพิจารณา

“จริงๆ ไม่เชื่อใจกันรึไงวะ นี่ถ้ากูจะปล้ำมึงน่ะ กูปล้ำมึงไปนานแล้ว ไม่รอจนป่านนี้หรอก กูสัญญา สาบานเลยเอ้า เรื่องที่มึงไม่อนุญาตก่อน กูไม่ทำ!”

“เอออออ------ขอเหี้ยไร พิจารณาก่อนนะ ไมได้ตอบตกลงเลยนะเว้ย” มันพูดแบบเสียมิได้

ผมยื่นฝ่ามือไปหามัน ผมแบมือหงาย รอมัน....มันที่รอมันมาคายหมากฝรั่งบนกระดาษที่อยู่เหนือฝ่ามือผม แต่เวลานี้ผมขออย่างอื่น.....

มันมองฝ่ามือผม สลับกับหน้าผม

สีหน้ามันเหมือนไม่เข้าใจ

แต่ผมรู้ว่าแฟนผมฉลาด

“ขอแค่นี้ได้มั้ย?” ผมบอกสำทับมันอีกครั้ง ทั้งที่ยังแบมือไว้อยู่

.......

......

.....

....

...

..

.

“เออ แม่ง ต้องหน้าด้านมากๆ ถึงทำได้นะเนี่ย!”

มันพูดพลางเอามือที่อยู่ฝั่งเดียวกับผม มาวางบนฝ่ามือของผม

ผมรีบกำมือของมัน กลัวมันเปลี่ยนใจ ผมกำมันไว้แบบไม่หลวมไม่แน่น ไม่ให้มันอึดอัด แต่ให้มันรู้สึกอบอุ่น

ผมฉุดมือมันขึ้น แล้วบอกว่า “ป๊ะ ห้ามสะบัดมือกูนะ เอาให้ถึงรถมึงเลยนะ”

“โอย ฉิบหาย แลวถ้ามีคนเดินสวนมาล่ะ?” มันพูดพลางก้าวขาขึ้นมายืนบนบันไดขั้นเดียวกันกับผม

หน้ามันแดงอย่างเห็นได้ชัด มันเลี่ยงที่จะสบตากับผม

“ถ้ามึงอายก็ก้มหน้าไว้ กูรับหน้าให้เอง ถ้ามึงปล่อยมือกูนะ กูจะถือว่าที่กูสาบานไปเมื่อกี้เป็นโมฆะ ถ้าเป็นงั้น มึงก็ระวังตัวไว้เหอะ เผลอล่ะ พ่อขย้ำแน่”

“ไอ้เลว!” มันพูดพร้อมกระตุกมือที่เราจับกันไว้แรง ให้ผมเจ็บนิดๆ

“อย่าเล่นสิ ทางมันลื่น เดี๋ยวได้กอดคอกันตายกลางเหวนี่หรอก” ผมเตือนมัน

“เลิกพูดๆ เรื่องอื่น มึงนี่พูดไม่รู้จักกาละเทศะ” มันแกว่งมือของผมแรงๆ ให้เปลี่ยนเรื่องคุยใหม่

“หึหึหึ.....นี่”

“ไร....”

“ห้ามเล่นหูเล่นตากับใครนะ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง กูไม่เว้น ไม่แบ่งเพศ มึงแค่เล่นแต่กูไม่เล่นด้วยนะ” ผมชวนมันคุย...เรื่องอื่น

“...เออ...” มันตอบเหมือนรำคาญ

“คิดถึงกูด้วยนะ” ผมบอกมัน

“.....เออ.....” มันตอบลากยาวกว่าเดิม

“โทรหากูอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งนะ” ผมบอกมัน

“เอาทุกวันเลยมั้ยล่ะ” มันทำเสียงท้าทาย

“มึงอย่าท้านะ” ผมขมวดคิ้วใส่มัน

“มึงทำได้ป๊ะล่ะ” น่านยังท้าไม่เลิก

“เชี่ยนี่ ก็กูทำมาแล้ว บอกว่าอย่าท้า มึงเหอะอยู่ให้ติดหอละกัน ไม่ใช่แม่งโทรหาแล้วไม่เจอนะ มึง”

“มึงนั่นแหละ ไอ้คนมารยาทสังคมสูง อย่าให้กูโทรไปไม่เจอนะ”

ดู๊ มันพูด มันดิ ไอ้เทพบุตรมิตรไมตรี ยื่นไมตรีกับคนอื่นไปทั่ว ผมว่ามันมั้ย? เคยว่ามันมั้ย?

“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”

.......

......

.....

....

...

..

.

 


















































































































































































































มาถึงตรงนี้

ผมกับมัน เราพอแล้วล่ะ เราเอาแค่นี้แหละ

อาจไม่ถูกใจใครหลายคน

แต่เรื่องของผมกับมัน ไม่มีอะไรหวือหวา จริงๆ นะ

เท่าที่ผมจำได้ ที่ควรจำ ที่จำได้ติดหัว....มันคือสิ่งเหล่านี้ ที่ผมร่ายมาข้างต้น

ที่ผมเล่าทุกเรื่อง มันเป็นช่วงพิเศษของผมกับมัน.....ในความคิดผม

อืม...... หากคุณยังอยากรู้อะไรต่อ ก็เอาเป็นว่า ผมพิเศษให้

คุณถามมา

เดี๋ยวผมจะตอบไป

เอาเท่าที่ตอบได้นะ

งดเรื่องบนเตียงครับ เล่าไม่ได้ “มัน” ถือครับ

โอเคนะ

ขอบคุณมากที่ทนอ่านกันมา

น่ารักกันจริงๆ

.......

......

.....

....

...

..

.


“มึงนั่นแหละ”

“มึงนั่นแหละ”


เอวัง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-08-2012 22:18:26
จบแล้วอีกเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ 
คิดว่าถ้าคุณ BAOBAO จะไม่จบตอนนี้ก็ยังได้อีกนะคะ
มีเรื่องให้แต่งต่ออีกเยอะเลย  แอบอยากรู้เรื่องในตอนปัจจุบันค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-08-2012 22:25:04
มีความสุขกับการอ่านเรื่องนี้มากๆ ไม่หวือหวา ไม่ต้องลุ้นอะไรเอ่ย แต่อ่านแล้วเหมือนดูต้นไม้โต ช้าๆแต่มั่นคง

มีความสุขมากกับนิยายดีๆเรื่องนี้ ขอบคุณจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-08-2012 22:26:06
ฮ่าๆ น่ารักกันจริง
ผม กับ มัน เนี่ย
ว่าแต่สงสัยแล้วถามได้จริงเหรอ
ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 09-08-2012 22:31:39
อยากรู้ "จูบแรก" ขอแค่นี้ได้มั๊ย???
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 09-08-2012 22:38:47
น่าร๊ากกกกกกกกกกก  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 09-08-2012 23:04:18
ยกมือๆๆๆ ขอถามๆๆ

มาถึงตอนนี้ คบกันได้กี่ปีแล้วคะ อิอิ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 09-08-2012 23:19:38
ทะเลาะกันรุนแรงที่สุดเรื่องอะไร นานแค่ไหน แล้วใครง้อใครก่อน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ryoushena ที่ 09-08-2012 23:22:08
อยากรู้ "จูบแรก" ขอแค่นี้ได้มั๊ย???

^
^
^
^
จิ้มๆๆ อยากได้คำตอบข้อนี้เหมือนกัน ^ ___ ^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 09-08-2012 23:26:32
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 09-08-2012 23:43:03
 :L2:รัก"เบาเบา"
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-08-2012 23:59:54
อ้อที่เล่ามาทั้งหมดเป็นความทรงจำสินะ
ปัจจุบันผมและมัน อยู่ด้วยกันใช่ไหม
พ่อแม่รู้หรือยัง เพื่อน ๆ ล่ะว่าไงบ้าง

มันน่ารักเนอะ ขี้อายแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ชัดเจนทุกเรื่อง ทุกอย่าง คบแล้วสบายใจดี
 
ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งเรื่องน่ารัก ๆ เบา ๆ สบาย ๆ ในวันฝนพรำ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 00:02:16
ยกมือๆๆๆ ขอถามๆๆ

มาถึงตอนนี้ คบกันได้กี่ปีแล้วคะ อิอิ



ผมกับมัน เริ่มคบกัน ตอนนั้นปี 2535 ครับ
นับไปต่อครับ ขี้เกียจนับแหละ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 00:03:36
ฮ่าๆ น่ารักกันจริง
ผม กับ มัน เนี่ย
ว่าแต่สงสัยแล้วถามได้จริงเหรอ
ฮ่าๆ

ครับ ถามมาตอบไป ยกเว้นข้อนั้นครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 00:12:14
อยากรู้ "จูบแรก" ขอแค่นี้ได้มั๊ย???

 :laugh: ว่าแล้ว ต้องมีมา

ไม่หวือหวานะ

จูบแรก มันตอนวันเกิดอ่ะครับ...วันเกิดผม

วันนั้นฉลองกันสองคน จำได้ว่าช่วงนั้นผมอยู่ปีสาม
วันเกิดผมตรงกับช่วงหลังสอบ ปิดเทอมแล้วนั่นแหละ ต้นปิดเทอมของปีสาม

มันก็มาฉลองวันเกิดที่ห้องผม

ช่วงนั้นตอนเรียนมหาลัย ไม่ได้เจอหน้ากันเลย 2 ปีกว่า
เจอหน้ากันอีกครั้งก็วันเกิดผมนี่แหละครับ(แต่โทรคุยกันตลอดนะ ตามที่มันท้า 55555+)

ขอเลยครับ
คิดถึงมากๆ เลยขอเจอตัวมัน

มันก็มา
เลยไปดูหนังกัน
พามันไปกินเอ็มเค
แล้วก็ซื้อเค้กกลับมาที่ห้อง

นังกินไป คุนกันไปเรื่อยๆ

 :-[ แล้วมองหน้ามันเพลินๆ อ่ะ มันก็ คิกคิกคิก
มันกินเค้กอยู่ อยู่ๆดี ผมก็บอกมันไปว่า "ขอจูบได้ป๊ะ"
มันก็อึ้ง หน้าตลกมาก เหมือนเห็นหมาเน่า  :jul3:

ไม่ได้คิดเอาจริงหรอก อยากลองพูดอ่ะครับ

แต่มันดันโอเคสิ

เหวย แล้วอ้อยเข้าปากช้าง ช้างปฏิเสธทำไมล่ะครับ

เอาเป็นว่า ขอจูบมันตอนสองทุ่ม หมดสิทธิ์ที่มันให้ตอนเที่ยงคืน
โอเคป๊ะครับ
 :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 00:14:55
ทะเลาะกันรุนแรงที่สุดเรื่องอะไร นานแค่ไหน แล้วใครง้อใครก่อน

คำถามนี้ ขอผมกลับไปถามมันก่อน
เดี๋ยวตกลงกันได้ว่าอันไหนรุนแรงสุดจะมาต่อให้นะครับ


ถามมาแล้วครับ
คิดว่าที่รุนแรงที่สุดคือ ตอนที่มันมอไซด์ล้ม
เรานับจากที่ไม่ได้คยกันนานที่สุดละกัน

ตอนนั้นมันอยู่ปีสี่ เทอมหนึ่ง
ช่วงนึงผมโทรไปหามันไม่เจอตัว จนสองวันก็แล้วไม่เจอมันอีก เลยถามคนในหอเลยว่ามันไปไหน
ไอ้พวกนั้นก็อ้ำอึ้ง ผมก็อาศัยว่าพุดดี ห่วงมันงี้ จนเพื่อนในหอมันคายออกมา
โน่น ไปมอไซด์คว่ำ นอนอยู่ที่โรงบาล นอนให้น้ำเกลือมาแล้วสองวันด้วย
ไม่บอกใครเลย พ่อแม่มัน มันก็ไม่บอก
หนำซ้ำบอกเืพื่อนมันให้ห้ามบอกผมอีก


ตอนนั้นเช่นเดิม นับย้อนปีไปนะครับ ตอนผมอยู่มหาลัยมือถือมันแพงมาก
เพจเจอร์ครับ มีนะ แต่พวกผมก็ไม่มีปัญหาซื้อ (อันที่จริงก็ไม่ชอบด้วยล่ะ เลยไม่ซื้อ)
มันทรมานนะครับ รู้ว่าแฟนเรานอนอยู่โรงบาล จะโทรก็โทรไม่ได้
เพื่อนมันที่รับสายบอกแค่ว่ามันอยู่โรงบาล แล้วไม่ยอมบอกอะไรผมอีกเลย
พวกมันว่าดูแลกันได้ ไม่ได้เป็นหนัก

แต่ผมห่วงนี่ครับ แฟนทั้งคน เลยมาเลย
หยุดเรียนไปเลย

มายืนประท้วงอยู่หน้าหอมันนี่แหละ
โอย จากเช้าจรดเย็นกว่าพวกมันจะกลับมา
กว่าจะทั้งไม้อ่อนไม่แข็งให้มันพาไปโรงบาล

ไปเจอหน้ามันที่โรงบาล
มันก็ตาเหลือกโต ตกใจมาก ว่ามึงมาได้ไงงี้
ผมก็ใส่สิครับ รู้ข่าวมันเดี๋ยวนั้น นั่งรถมาหามันเดี๋ยวนั้น
ไม่ใช่ใกล้ๆ นะ ล่อมาเกือบถึงภาคเหนือ
กินข้าวผมก็ไม่ไ่ด้กิน นอนก็ไม่ได้นอนเลย

เห็นหน้ามันก็เลยเลือดขึ้นหน้า ว่ามันใหญ่

มันน่ะ ไม่ชอบให้ใครตะคอก ไม่ชอบให้ใครดุ
ยิ่งไปทำแบบนั้นใส่มันมันก็แข็ง

อารมณ์มีเท่าไหร่เราเลยสาดใส่กัน

มองหน้ากันไม่ได้เลยครับ
วันนั้นโกรธจนไม่อยากเห็นหน้า
แต่ผมก็เฝ้ามันนะ อยู่เฝ้ามันที่โรงบาลจนมันหายออกจากโรงบาลมาอยู่หอได้
ก็เฝ้ามันทั้งที่ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้มองหน้ากันนี่แหละ

พอมันกลับมาอยู่หอ
ผมก็โทรบอกบอกพ่อมันครับ
พ่อมันก็ยึดรถเลย ยึดใบขับขี่ด้วย
คาดโทษมันหนักทีเดียว

มันก็โมโหสิ ว่าผมไปฟ้อง

อ๊าว ผมก็ฉุนสิ หวังดีนะ
มันอันตราย แล้วอีกไม่ถึงปี มันก็จะจบปีสีแล้ว
ทำอะไรก็ต้องระวังๆ ให้มาก

สุดท้ายเราก็ไม่ได้คุยกันน่าจะสองเดือนได้
แต่ผมโทรไปทุกวันนะ มันสิไม่รับสายผม

พอปิดเทอม เดิมนัดกันไว้อยู่แล้วว่า ให้มันมาพักกับผมที่หอ ตลอดช่วงปิดเทอมนี้
ใจผมคิดนะว่ามันคงไม่มาหรอก...แต่มันก็มา

ไม่รู้ครับว่าใครพูดกับใครก่อน
เจอหน้ากันวันที่มันกดกริ่งที่หน้าห้องผม
เออ มันมายืนอยู่หน้าห้อง
ผมก็ถามมันไปตามปกติ "อ้าว มาแล้วเหรอ? กินข้าวมายัง?"
มันก็ตอบผมปกติ
แล้วพอมันเข้าห้องมาก็เหมือนปกติ


สรุป....
คดีรถล้ม ทะเลาะกันรุนแรงสุด ประมาณ 2 เดือนที่ไม่ไ่ด้คุยกัน
หากนับจากกระทงความผิดแ้ล้ว
มันอ่ะผิด ผมไม่ผิด
มันมาหาที่ห้องผมก่อน (ถึงนัดกันไว้ก่อนก็เหอะ) งั้นก็แปลว่ามันมาง้อผมก่อน

แต่ความจริงนะ ผมไม่ได้โมโหมันเลย โมโหแค่ช่วงที่อยู่โรงบาลแหละ
แค่วันแรกที่เหนื่อยจากเดินทางมาหามันเท่านั้นด้วย
ซึ่งหากผมโกรธมันจริง ผมคงไม่นั่งเฝ้าพยาบาลมันเป็นอาิทิตย์แบบนั้นหรอก

ผมถามมันนะว่าโกรธรึเปล่า
มันก็ว่าโกรธ แต่โกรธเพราะผมตะคอกมัน มันเลยของขึ้น ไปจี้ต่อมมันไงครับ
แต่ถามว่าหลังจากนั้นโกรธมั้ย มันว่าไม่ได้โกรธ แต่ไม่อยากคุยด้วย
เพราะยังเคืองเรื่องที่พ่อยึดมอไซด์ไป
พาลว่างั้น

แค่นั้นล่ะครับ
ไม่ค่อยจะถือโกรธอะไรกันมาก
เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยเราอยู่ไกลกันตลอด
เราไม่อยากทะเลาะกัน แล้วไม่ได้คุยกัน

อะไรเว้นได้ผมก็เว้นให้มันนะ
ส่วนมัน ไม่ชอบใจอะไรมันก็แค่งอนๆ พอมันเงียบผมก็หยอดไปทีสองที มันไม่คุยกับผมวันนี้พรุ่งนี้มันก็คุยครับ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 00:28:35
อ้อที่เล่ามาทั้งหมดเป็นความทรงจำสินะ
ปัจจุบันผมและมัน อยู่ด้วยกันใช่ไหม
พ่อแม่รู้หรือยัง เพื่อน ๆ ล่ะว่าไงบ้าง

มันน่ารักเนอะ ขี้อายแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ชัดเจนทุกเรื่อง ทุกอย่าง คบแล้วสบายใจดี
 
ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งเรื่องน่ารัก ๆ เบา ๆ สบาย ๆ ในวันฝนพรำ

ครับ เล่าเฉพาะที่จำได้ติดหัวครับ

ปัจจุบันก็อยู่ด้วยกันครับ
มาอยู่ด้วยกันหลังทำงานไปแล้ว 3-4 ปีได้

เรียนจบต่างคนก็ต่างทำงานคนละที่ครับ
สามสี่ปีจากที่ทำงานกันไปแล้ว ก็กลับมาบ้านเราครับ
มันไปทำสวนอินทรีย์ ในที่ตาเหวงอ่ะครับ (พ่อมัน) มันชอบทางนั้น
ผมก็รับราชการไป ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดครับ (อ่านเรื่องจะเดาออกเนอะ)

เพื่อนครับ รู้ก่อนพ่อแม่
เพื่อนมัน จะรู้ก่อนเพื่อนผม
อย่างที่บอกเพื่อนผมในห้องสมัยมัธยมออกแนว "ไม่ใช่เพื่อน" อ่ะครับ
กลุ่มที่รู้ก่อนใครคือพวกที่เล่นบอลทีมเดียวกับผม แล้วเพื่อนในก๊วนของมันอ่ะครับ
ต่อจากนั้น ข่าวมันคงไปกระจายกันเอง ในวงเพื่อนๆ ก็เลยรู้กันไปทั่ว

ส่วนเพื่อนในมหาลัยผม รู้กันทั่วครับว่าผมมีแฟนเป็นมัน
รักครับ เลยต้องแสดงออก :laugh:

ส่วนฝั่งมันผมก็ประกาศด้วยการทำตามที่มันท้า โทรไปเช้าเ้ย็น
นึกดูเหอะ สมัยนั้นไม่มีมือถือ จะโทรก็ต้องโทรเข้าหอ
มันก็อยู่หอใน
ชั้นนึงมีโทรศัพท์สองเครื่อง
ก็มีไอ้บ้าคนนึง แม่งโทรติดเช้าเย็นตลอด
ผู้ชายที่ขอสายผู้ชายในหอนั้นตลอด
ไม่รู้ก็ต้องรู้
ผมบังคับรู้ครับ


พ่อแม่ มารู้ตอนก่อนผมย้ายกลับมาที่บ้านเกิดครับ
มันนานแล้วนะที่คบกัน
ห่างกันก็หลายปี ผมกับมันไม่เปลี่ยนความรู้สึกกัน เราเลยบอกพ่อกับแม่ของแต่ละฝ่าย
พอพวกท่านรับได้ และยอมอ่อนให้ เราก็ย้ายกันกลับไปอยู่บ้านเกิดครับ

เหอ เหอ ลำบากมาก ปวดหัวใจจี๊ดๆ ทีเดียวกับช่วงที่บอกพ่อแม่
หนักที่สุด ผมว่าตอนก่อนเอ็นท์ผมคิดมากแล้วนะ
แต่ครั้งนี้ที่บอกพ่อแม่ไม่เทียบไม่ติดเลยล่ะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 10-08-2012 01:24:11
น่ารักมากๆ อยากรู้ว่าใครสูงกว่าใคร
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-08-2012 01:26:13
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่า
ชัดเจนทุกตัวอักษร
คบกันยาวดีเนอะ
เป็นสุภาพบุรุษกันมาก กว่าจะได้จูบแรก ปีสาม เหอ ๆ

จังหวัดที่ปลูกส้มโอได้ แล้วไปเที่ยวน้ำตกเหวนรกได้
เดาว่าปราจีนแล้วกัน ไม่เคยไป ไม่สันทัด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 01:34:40
น่ารักมากๆ อยากรู้ว่าใครสูงกว่าใคร

เท่ากันพอดีเป๊ะครับ
แต่พอมันมาทำไร่ทำสวนมันใส่รองเท้าแตะ ผมใส่รองเท้าหนัง เลยดูสูงกว่านิดนึง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 10-08-2012 04:30:06
เรื่องนี่น่ารักมากครับ ถ่ายทอดดีมาก ทำให้เห็นภาพเลยยยย ชอบๆๆๆสุดๆๆๆๆๆ

ผมอยากถามครับ

สมัยนั้น ผมอยากรู้ว่า คู่ของคุณมีปัญหาเรื่องการนอกใจไหมครับ เพราะต่างคนต่างไกลกัน

ในความคิดผมนะ ผมว่า มันต้องมีเผลอๆบ้าง ขนาดคู่ผม ยังมีบ้างที่เข้าถึงหู แต่ผมถือว่า ถ้ามันมีความสุขก็ปล่อยมัน ถ้ามันคบกับเค้าแล้วดีกว่าคบกับผม ก็ปล่อยไป อิอิอิอิ

ออกทะเลนาน อยากรู้ครับ สมัยนั้นกับสมัยนี้จะเหมือนกันไหม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 10-08-2012 04:33:32
น่ารักเว้ย
ทั้ง"ผม"ทั้ง"มัน"เลยอะ
ชอบๆๆๆ :-[

ขอถามสักคำถามนึงด้วยละกันนะคะ
"มัน"เคยแสดงความหึงหวงให้เห็นบ้างรึเปล่าคะ
ถ้ามีก็อยากรู้ว่าตอนไหนยังไง
ถ้าเกิดว่าละลาบละล้วงเกินไปไม่ต้องตอบก็ได้น้า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-08-2012 06:02:50
น่ารักเช่นเคย ชอบมากๆเลยคะ อ่านทุกเรื่องน่ารักทุกเรื่อง

อยากถามว่า เท่าที่อ่านมา เริ่มรู้จักตอนประมาณ ม2 แล้วคบกันช่วงม4ใช่มั้ยคะ

ดีใจด้วยนะคะ รักกันนานๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-08-2012 12:37:42
จบแล้ว... แบบอิ่มๆ สุขๆ
เรื่องราวของสองหนุ่มนครนายก
เขินเล็กๆ ลุ้นน้อยๆ อุปสรรคหน่อยๆ แต่รักยาวนาน อ่านเพลินดีจริงๆ
จะรออ่านเรื่องน่ารักๆเรื่องต่อไปของคุณนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 10-08-2012 12:46:39
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก :z1:   กรีดร้องงงงงง เค้าเขินอ้ะ. 2ทุ่มยันเที่ยงคืน.    จูบอย่างเดียวหราาาคะะะะะะะ. คริคริ :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 14:43:09
เรื่องนี่น่ารักมากครับ ถ่ายทอดดีมาก ทำให้เห็นภาพเลยยยย ชอบๆๆๆสุดๆๆๆๆๆ

ผมอยากถามครับ

สมัยนั้น ผมอยากรู้ว่า คู่ของคุณมีปัญหาเรื่องการนอกใจไหมครับ เพราะต่างคนต่างไกลกัน

ในความคิดผมนะ ผมว่า มันต้องมีเผลอๆบ้าง ขนาดคู่ผม ยังมีบ้างที่เข้าถึงหู แต่ผมถือว่า ถ้ามันมีความสุขก็ปล่อยมัน ถ้ามันคบกับเค้าแล้วดีกว่าคบกับผม ก็ปล่อยไป อิอิอิอิ

ออกทะเลนาน อยากรู้ครับ สมัยนั้นกับสมัยนี้จะเหมือนกันไหม

ครับสวัสดีครับ
ตอบนะครับ
สมัยนั้น ผมอยากรู้ว่า คู่ของคุณมีปัญหาเรื่องการนอกใจไหมครับ เพราะต่างคนต่างไกลกัน

เรื่องนอกใจไม่มีครับ


ผมกับมันคบกันมา 2 ปี (ช่วงนี้ตัดเลย โลกเป็นของเราเท่า่นั้น :laugh:)
แล้วเรียนหมาลัย 4 ปี+ทำงาน 3 ปี
7 ปีนี้ที่ห่างกัน...เราไม่มีปัญหาเรื่องนอกใจครับ

....
...
..
.

เออ ถามมาผมก็นั่งคิดนะ
เท่าที่ผมคิดว่าใช่ และมันเชื่อมโยงกัน...คือ (ค่อยๆ ทำความเข้าใจนะครับ นี่เป็นแค่ความคิดของผมคนเดียวนะครับ)

1.เราโทรคุยกันทุกวันครับ
มันอยู่หอใน ผมก็อยู่หอใน
สมัยที่มีแต่ตู้โทรศัพย์หยอดเหรียญ....นึกดูนะครับภาพมันคือ
หอใน 1 ชั้นมี 20-30 ห้อง (ของผม30ห้อง ของมัน 20 ห้อง)
1ชั้น มีโทรฯ 2 เครื่อง...ญาติพี่น้องของแต่ละคนต้องระดมโทรหาลูกหลานตัวเองใน 2 เครื่องนั้น
แต่เบอร์หอพักมันจะมีแค่ 5 เบอร์ หอพักมัน 5 ตึก(ชาย) 5ตึก(หญิง) 10ตึกนี้ใช้เบอร์ 5 เบอร์นั้นร่วมกัน

โอกาสในการโทรติดมันคือเท่าไหร่?

ผม...บางวันซื้อข้าวกล่องมานั่งกินที่หน้าตู้โทรฯ รอโทรหามันช่วงทุ่ม (เวลานี้คนสุดๆ)
แต่บางวันผมก็โทรดึกหน่อย นั่นคือจะกินข้าวและทำการบ้านแล้ว หรือถ้าไม่เสร็จก็ลงตึกมาต่อแถวโทรหามันก่อน
หอปิดสี่ทุ่มครับ มากกว่านั้นผมโทรหามันไม่ได้
บางวันก็โทรกลางวัน วันที่มันมีเรียนสาย หรือกลับจากเรียนภาคเช้าแล้ว
*** ทุกครั้งที่โทร ผมโทรตามตารางชีวิตมันครับ เลือกเวลาให้เข้ากับชีวิตผม

การโทรหามันใช่ว่าจะโทรปุ๊บติดปั๊บ เคยกดเป็นชั่วโมงไม่ติดเลย ต้องกลับไปต่อแถวใหม่โทรอีกทีถึงได้คุยกับมัน...ก็มี

วันที่คุยกันได้เยอะที่สุดคือเสาร์-อาทิตย์...วันธรรมดาได้คุยกับมันแค่ไม่เกิน 30 นาทีครับ เกรงใจคนอื่นๆ

*** อ้อ มันอ่ะ ใช่ว่าจะอยู่หอตลอด ไม่หรอกครับ บางวันก็โทรไปไม่เจอมันเหมือนกัน
แต่มันจะแปะโน้ตบอกหน้าเครื่องตรงชั้นมันว่า มันไปไหน จะกลับหรือไม่กลับ คนที่มารับสายจะมองโน้ตตรงนั้นแล้วบอกผมเองครับ
บางทีมันรู้ล่วงหน้าจะไปค่ายงี้ ไปงานเลี้ยงกับเพื่อนงี้ มันก็บอกผมก่อน วันนั้นผมก็ไม่โทรหามันครับ


2.ผมเรียนหนัก
คือ ผมไม่ได้เก่งน่ะครับ ต้องอ่านให้หนักถึงจะได้ความรู้ฝังหัว แถมยังเป็นพวกชอบลองของ หากไม่รู้ก็ชอบหาคำตอบ เอาให้รู้ ไม่รู้แล้วมันไม่สบายใจ
อาจารย์เนี่ย เจอกันบ่อยจนสนิทครับ ไปถามท่านบ่อยมาก แต่คะแนนก็ใช่ว่าจะดี แค่กลางๆ  :laugh:

3.ผมกับมัน เราไม่เคยได้แตะ หรือสัมผัสกัน
ไม่เคย ไม่เกินกว่าที่จำเป็น
เพราะมันชอบสะดุ้ง ไม่ก็ทำท่าหวาดระแวงเวลาผมไปลูบๆ มัน หรือจับในที่หมิ่นเหม่
55555555555+ มันคงรู้ตัวว่ามันต้องเป็นฝ่ายโดนจับกินมัีงครับ เลยระวังตัวมาก

ผมไม่ทำอะไรมันเลยในแบบนั้น เพราะไม่อยากเห็นมันทำท่าแบบที่บอก
อยากให้มันร่าเริงยิ้มสนุก เวลาอยู่กับผม เวลาได้คุยกัน

ชอบที่จะเห็นมันเขิน มากกว่ากลัว
แต่พูดแซวให้เขินก็พูดบ่อยไม่ได้ พูดไปไม่นานมันจะวางสายแล้วไม่ยอมคุยกับผมอีก
จะพูดแต่ละทีต้องเทียบน้ำหนัก เพราะผมอยากได้ยินเสียงมันมากกว่า

อ๊ะ จากที่จูบตอนวันเกิด
หลังจากนั้น ผมขอมันทุกครั้งนะ ไม่เคยไปทำมันตกใจนะครับ
ขึ้นโปรหน่อยก็ขอด้วยสายตา 55555+
(ไม่ลงรายละเอียดนะครับ ช่วงแบบนี้มันจะน่ารัก ไม่แบ่งปัน 5555+)

000. คุณเห็นอะไรหรือเปล่าในตารางชีวิตพวกผมมั้ย?
ผมกับมัน ไม่มีที่ว่างในหัวใจให้คนอื่นเลยครับ
วันๆ เราเอาแต่คิดถึงกัน
คิดถึงว่าจะได้คุยกันเมื่อไหร่
คิดถึงว่ามันทำอะไรอยู่ (ซึ่งมันจะบอกผมว่าวันนี้ทำไรไปมั่งก็ตอนที่ผมโทรหา)
ผม(อันนี้ไม่รู้ว่ามันคิดรึเปล่า) เฝ้าฝันถึงวันที่จะได้สัมผัสมันแบบอิสระ .... อันนี้ฝันนานโคตร

ไม่รู้นะคนอื่นเป็นมั้ย? แต่ผมไม่มีที่ว่างเหลือ ไม่มีเวลาเหลือ...ให้ใครอีกคนที่นอกเหนือจากเราครับ

ยุคสมัยนี้ ยุคสมัยนั้น
โดยรวมผมว่าไม่ต่าง
เพราะคนเรามีหลากประเภทต่างกันมาแต่ต้นอยู่แล้วครับ

แต่ผมว่ายุคนั้นทำให้ผมคิดถึงมันได้เหนียวแน่นกว่ายุคนี้

ผมกับมัน....ก็เป็นคนประเภทหนึ่ง (หนึ่งในหลายๆ ประเภท)
ที่อยู่ในยุคที่ต้องฝึกความอดทนกันตั้งแต่ลืมตายันนอนหลับ
ชีวิตประจำวันฝึกผมกับมัน ให้อดทน ให้อยู่ในกรอบ ให้มีความรับผิดชอบ ให้คิดถึงหัวอกคนอื่น
โดนเทรนมาแบบนั้นตั้งแต่เกิด มันก็เป็นไปเองครับ
แล้วทุกอย่างมันก็ผสมลงมาในชีวิตรักของผมกับมัน

แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น

สำหรับผมคิดว่าการนอกใจ----สำคัญที่ความต้องการ
ผมต้องการและโหยหา "มัน"
ผมไม่ได้ต้องการและโหยหา "ความรัก"


เข้าใจผมไหมครับ
อันที่จริงผมก็เคยลังเลใจนะ
มันไม่รักผมในแบบเดียวกับผมมั้ย...แล้วตอนเราจบ ม.6 มันก็ให้ความมั่นใจกับผม
ผมเคยคิดว่ามันจะรักผมน้อยลงเมื่อไปอยู่ในโลกที่กว้างขึ้นมั้ย....แต่ช่วงที่มันเรียน มันก็เติมความมั่นใจให้ผมมาตลอด
ผมเคยคิดว่ามันกับผมจะไปกันไม่รอด....แต่พอเราย้ายมาอยู่ด้วยกัน ได้กลับมาอยู่บ้านเกิด มันก็ตอบโจทย์ผมได้สมบรูณ์

ผมรักมันจริงๆ และมันคนเดียวเท่านั้น...แต่ผมพูดแบบนี้ได้เต็มปากเต็มคำเมื่อเราได้อยู่ด้วยกันแล้วครับ
ก่อนหน้านั้น ผมพูดไม่เต็มปากหรอก...ความกลัว ความลังเล มันมีเยอะ
ก็ขอบคุณมันที่ช่วยเติมความมั่นใจมาให้เรื่อยๆ
เช่นนี้ผมจึงยืนหยัดกับมันมาได้ต่อ

สำคัญที่มันด้วย
มันไม่นอกลู่นอกทาง (เท่าที่รู้ เท่าที่เห็น มีข่าวมาบ้าง แต่ถามมันแล้ว มันว่าไม่มีอะไีรในก่อไผ่ มันยืนยันหนักแน่น ก็เชื่อครับ แต่ก็หึง 55555+ เอาไว้ก่อน กันทุกทาง)

แต่เวลาผมหึงมัน มันไม่ว่าผมนะ ไม่ได้รำคาญผมด้วย แต่ด่าแหละ
เวลาผมหึงมัน มันจะพูดดีกับผมมาก ให้ผมเย็นลงงี้ ถึงโมโหหึงอยู่ก็รู้
นั่นแหละ มันรักผมไง เลยอยากให้หายโมโห
ผมคิดงี้นะ ไม่รู้คิดถูกรึเปล่า

พอหึงแล้วจะโกรธ ถูกมั้ยครับ
หากโกรธก็ไมไ่ด้คุยกันสิ
ได้ไงล่ะ คิดถึงกันจะตาย
หน้าก็ไม่ได้เ้จอ
มีรูปแค่ไม่กี่ใบ
ภายเคลื่อนไหวก็ไม่มี
เสียงมันกว่าจะได้ยินทีก็แสนลำบาก
ถ้าเลี่ยงที่จะโกรธกันได้ เรามักเลี่ยงครับ

ไม่ได้เจอหน้ากัน มันทรมานมากนะครับ
แต่เราก็ต้องทำ เพื่อพ่อแม่ของพวกเรา

ช่วงทำงานเราทดลองครับว่าเราจะรักกันจริงมั้ย?
เราถึงแยกกันต่ออีกเกือบ 4 ปี

คือเราต้องสู้กับความต้องการของพ่อแม่
เราจะทำเพื่อท่าน แต่เรายังรัก เราจะเอาแบบนี้มั้ย?
แต่ผมไม่ได้ครับ ให้รักอยู่กับสามีคนอื่น ให้ผมตายเหอะ
แต่หากมันอยากทำเพื่อนพ่อแม่มัน ผมก็ไป ทนดูไม่ไหว
สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เอา
สำนึกเลยครับว่ามันรักผมขนาดไหน
ดีใจโคตรๆ ดีใจยิ่งกว่าได้มีอะไรกันอีกครับ
แล้วหลังจากเราแน่ใจกันแล้ว เราก็บอกพ่อแม่ของพวกเรา

เยอะเลยเนอะ
ไม่รู้จะแยกประเด็นยังไงดีครับ
ก็ดึงมาจาก เหตุ ที่ผมคิดว่าใช่ ซึ่งทำให้ผมกับมันไม่ได้มีเหตุนอกใจกัน

อ้อ...ไม่นอกใจกันน่ะ ใช่ว่าไม่มีหึงนะ
บ่อยไปที่เกิดลมพัดหึง
จนได้มาอยู่ด้วยกันแล้วถึงเลิกหึงหนักๆ อ่ะครับ เอาแค่หึงนิดๆ 555555+


ยาวมากๆ
ไม่ครบประเด็นยังไง ถามต่อได้นะครับ



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 14:44:47
น่ารักเช่นเคย ชอบมากๆเลยคะ อ่านทุกเรื่องน่ารักทุกเรื่อง

อยากถามว่า เท่าที่อ่านมา เริ่มรู้จักตอนประมาณ ม2 แล้วคบกันช่วงม4ใช่มั้ยคะ

ดีใจด้วยนะคะ รักกันนานๆ

ครับ
เจอกันตอนงานวันเกิดเพื่อน ช่วง ม.2
คบกันตอน ม.4
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 14:48:50
น่ารักเว้ย
ทั้ง"ผม"ทั้ง"มัน"เลยอะ
ชอบๆๆๆ :-[

ขอถามสักคำถามนึงด้วยละกันนะคะ
"มัน"เคยแสดงความหึงหวงให้เห็นบ้างรึเปล่าคะ
ถ้ามีก็อยากรู้ว่าตอนไหนยังไง
ถ้าเกิดว่าละลาบละล้วงเกินไปไม่ต้องตอบก็ได้น้า
 :กอด1:

"มัน"
มีครับ บ่อยไป
โดยรวมคือ มันไม่ชอบให้ผม ให้ความสนใจกับคนอื่นแบบสนิทสนมมากๆๆๆๆๆๆ (มากเกินมัน)
คือหากมันรู้ว่าใครสำคัญและผมให้ผมความสนมากกว่ามัน มันจะไม่พอใจ
โมโหผม งอนผม
มีครั้งนึง เล่าว่าไปงานเลี้ยง แล้วเพื่อนมันเมา มาหอมแก้มผม โอ้โห หึงเลย กะแทกสายไปเลยครับ
แล้วเห็นไม่ได้นะ ใครจะมาจับตัวผมนัวเนียเนี่ย....หน้าตึงเลย

พอเท่านี้นะ มากกว่านี้ผมหวง
เพราะผมชอบเวลามันหึงผม "น่ารักสุดๆ"
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 10-08-2012 14:49:12


“กู......รักมึง.....มาก่อนมึงบอกรักกูที่หลังโรงยิมอีก....”



" ผม " ถาม " มัน " เรื่องนี้หน่อยจิ่  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 16:10:55
" ผม " ถาม " มัน " เรื่องนี้หน่อยจิ่  :m1:

บอกจะเชื่อกันมั้ย

มัน..แม่งไม่ค่อยบอกเรื่องตัวเองเลยอ่ะ
ถามให้ตาย มันก็ไม่เล่าอ่ะ
ก่อนนี้ผมถามมันจนปากเปื่อย ผมก็เล่าของตัวเองหมดเปลือกเลย กะว่าเอาแลกๆ กัน
แม่งมันก็ไม่พูด  o12

เรื่องนั้น มันรู้ของมันอยู่คนเดียวอ่ะครับ

แต่ผมอ่ะ อนุมานเอาว่า ผมหล่อไง 555555555555+ (ชมตัวเอง หน้าไม่อาย)
นักฟุตบอลอ่ะครับ
มันก็นักวิ่งอ่ะ มันต้องซ้อมวิ่งรอบๆ สนามที่ผมเล่นทุกวันแหละครับ
ก๊ากกกก โอ่ตัวเองเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 10-08-2012 16:58:22
ชอบอ่าาาาาา  :-[
รู้สึกเหมือนโตมาพร้อมๆ กันเลยเน๊อะ เดาอายุกันได้เลย  :laugh:
ไอ้เรื่องโทรแล้วเงียบนี่ พอมานึกย้อนไปแล้วแอบฮา เอาเป็นว่าเคยทุกอย่างที่ "ผม" กับ "มัน" ทำ

อยากรู้ว่า ณ ปัจจุบัณ "มัน" กล้าแสดงออกบ้างหรือยัง แบบจับมือสาธารณะ หอมแก้ม จุ๊บกัน และป่ามป๊าม ประมาณนี้
เป็นห่วงค่ะ กลัวมีลูกไม่ทันใช้ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 10-08-2012 17:10:52
ไม่เจอ ไม่ได้คุยกัน (โทรไปไม่รับสาย) ตั้ง 2 เดือน

ช่วงนั้น " ผม " เป็นอย่างไรบ้าง

คิดไหมว่าต้องเลิกกันแน่แล้ว

2 เดือนมันนานมากเลยนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 17:32:59
ชอบอ่าาาาาา  :-[
รู้สึกเหมือนโตมาพร้อมๆ กันเลยเน๊อะ เดาอายุกันได้เลย  :laugh:
ไอ้เรื่องโทรแล้วเงียบนี่ พอมานึกย้อนไปแล้วแอบฮา เอาเป็นว่าเคยทุกอย่างที่ "ผม" กับ "มัน" ทำ

อยากรู้ว่า ณ ปัจจุบัณ "มัน" กล้าแสดงออกบ้างหรือยัง แบบจับมือสาธารณะ หอมแก้ม จุ๊บกัน และป่ามป๊าม ประมาณนี้
เป็นห่วงค่ะ กลัวมีลูกไม่ทันใช้ :laugh: :laugh: :laugh:

มัน กล้าครับ แต่มันมีลิมิต
ทำได้ แต่ห้ามประเจิดประเจ้อ ห้ามทำกลางห้างงี้ ไม่ได้ครับ (แต่จับมือได้)

กับในหมู่เพื่อนกับคนรู้จัก หอมมันแทนของขวัญ แสดงความรู้สึก ต่อหน้าเพื่อนๆ พอทำได้ครับ แต่ผมต้องเจ็บตัวแลกกัน
แต่ต่อหน้าพ่อแม่ ไม่ได้เลยครับ แค่จับมือก็เกินพอแล้วครับ

ส่วนเวลาอยู่กันแค่สองคน ในที่ที่ไม่แจ้งตาคน ทำได้เลยครับ
ช่วงแรกๆ ต้องขอมันก่อน ผมอยากให้มันสมัครใจอ่ะครับ เห็นมันตกใจแล้วผมไม่รู้ไงว่ามันจะโกรธมั้ย?

พอหลังๆ ที่ชินๆ กัน ผมก็คล่องขึ้นจับทิศทางถูก
ยิ่งช่วงที่ย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิด ก็สบายครับ ทำไรมันก็ได้
แต่ในเงื่อนไขเดิมของข้างบน... ไม่ประเจิดประเจ้อ

ไอ้จูบกันต่อหน้าคนอื่นน่ะ ไม่เคยเกิดขึ้นครับ
มากสุดแค่หอม แต่นับครั้งได้เหมือนกัน
บ่อยสุดคือ จับมือ... จับมือมันเดินเที่ยวงานแฟร์ผลไม้(จะรู้จักกันมั้ย?) มันก็โอเคครับ ไม่หน้าแดงแล้วด้วยครับ

ทุกวันนี้ ก่อนนอนผมจะหอมแก้มมัน มันก็หอมคืน แล้วค่อยนอน
ตื่นก็หอมแก้มกัน แต่ผมขอเบิ้ลอีกที หอมลาก่อนไปทำงาน
กลับบ้านหากนึกครึ้มอกครึ้มใจ ก็เดินไปหอมมันอีก
ผมหอมมันมากกว่ามันหอมผม

แต่มันก็บ้าๆ นะ บางที นั่งคุยกันเฉยๆ มันก็นึกอะไรไม่รู้มาจุ๊บปากผม....ไม่มีสาเหตุ

กอดกันก็เรื่อยๆ ครับ แต่ทำอยู่ในบ้าน บริเวณบ้านเรา
ตอนเรียนก็ทำในห้องของผม

ส่วนลูก เรามีทันใช้ครับ ไม่ต้องห่วง
ผมมันคนชอบลองของครับ  :z1:

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 17:50:04
ไม่เจอ ไม่ได้คุยกัน (โทรไปไม่รับสาย) ตั้ง 2 เดือน

ช่วงนั้น " ผม " เป็นอย่างไรบ้าง

คิดไหมว่าต้องเลิกกันแน่แล้ว

2 เดือนมันนานมากเลยนะ  :monkeysad:


อ๋อ....
ไม่คิดเลยสักแวบว่าต้องเลิกกัน

คือมันอ่ะ โมโหผมบ่อย ด่าผมก็บ่อย โกรธผมก็บ่อย พุดไปจี้ต่อมมันมันก็เงียบไปที
รู้ครับว่ามันแค่โมโห เคือง เลยไม่คุยด้วย

แรกๆ ก็เป็นเดือดเป็นร้อนนะครับ สองสามวันแรกที่โทรไปมันอยู่แต่ไม่รับสาย
ตายๆ อยากตาย อยากคุยกับมัน อยากได้ยินเสียงมัน

แต่พอวันที่ 4 มั๊ง ผมจำไม่แม่นนะ
ได้ยินเสียงมันนะ
คือ อยากรู้ว่ามันเป็นไง เลยถามคนรับสายอ่ะว่า ไอ้...ห้อง .... อยู่มั้ย(ถามแบบเดิมๆ)
คนรับสายก็บอกว่า ไม่อยู่
ผมเลยถามไปว่า อยู่แต่ไม่มารับสายใช่มั้ย
มันก็อึ้งๆ
ผมเลยบอกไปว่า ไม่ได้โกรธอะไร แค่ห่วง อยากคุยด้วย แต่ทางนั้นไม่รับสายก็ไม่เป็นไร ผมอยากรบกวนถามแค่ว่า มันดูสบายดีมั้ย กินข้าวรึยัง นอนหลับมั้ย กินยาครบมั้ย? มันเพิ่งออกจากโรงบาล ผมห่วง
พูดยาวเลย ประมาณนั้นแหละ
ได้คนนั้นมันคงเห็นใจมั๊ง เลยไปถามๆ มา (คิดว่าไอ้คนที่ถามน่าจะรู้จักมันครับ มันของผมสนิทกับคนอื่นไปทั่วแหละ พ่อคนนี้เค้าเทพบุตรมิตรไมตรีครับ )

แล้วต่อจากนั้น ตลอด 2 เดือน
ผมก็เอาแบบนี้ตลอด ถามเรื่องมันกับคนที่รับแม่งเลย
มึงจะเป็นใครกูไม่รุ กูอยากรู้เรื่องของแฟนกู 555555555555+

ที่ฮาสุดๆ คือ เพื่อนมันคงเอือมมัน
แค่สองอาทิตย์หลังจากที่เอามันออกจากโรงพยาบาลแล้วมาส่งหอ
ผมได้ยินเสียงมันผ่านสายครับ ฮามาก

คือ คนรับสายน่ะ มารับ
ผมก็เหมือนเดิม ถามเลย มันกินข้าวยัง ถามให้หน่อย
ไอ้คนรับสายก็พูดเลยครับ "มึงแดกข้าวยัง"
มันก็บอกกับไอ้คนรับสาย "เอ้อ"
เสียงแม่งหงุดหงิดมาก 5555+
ผมก็ชอบดิ เอางี้ก็ได้ เลยถามมันขผ่านไอ้คนที่รับสาย
กินยามั้ย กินให้ครบนะ
ไอ้นั่นก็บอกมันตามที่ผมพูดเป๊ะ
ก่อนวางสายวันนั้น ผมไม่ลืมฝากบอกมันนะว่า
"ฝากบอกด้วยนะครับ รักนะครับ ห่วงนะครับ ห่วงมากๆ คิดถึงสุดๆ...."
ไอ้คนนั้นสบถเลย "ไอ้เหี้ย!" ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ชัดเต็มหูผมเลย

มันคงไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ แต่ไอ้คนนั้นสบถได้แป๊บนึงก็บอกไปตามที่ผมพูด
ไอ้คนรับสายบอกมันเสร็จ ก็ด่ามันของผมครับว่า "พวกมึงคุยกันเองสักทีเหอะ ไอ้ฉิบหาย พวกกูจะอ้วก เลี่ยนอะไรกันนักวะ แม่ง ไม่อยากรับรู้........."

 :jul3:
ประมาณนั้นครับ
เดือนกว่าๆ นั้นก็เป็นแบบนี้แหละ

ไม่ได้ทุกข์อะไรมาก ไม่ห่วงว่าจะเลิกกัน
เชื่อครับว่ามันรักผมไม่น้อยไปกว่าผม ผมยึดมั่นไว้แบบนั้น
เราทะเลาะกันเอง ผมไม่กลัวครับ
ช่วงเรียน ผมกลัวแค่มือที่สาม มาช่วยปันใจของมันเท่านั้นครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 10-08-2012 17:51:31
เพิ่งมาอ่านครั้งแ่กค่ะ
เรื่องนี้น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 10-08-2012 18:04:42


ช่วงเรียน ผมกลัวแค่มือที่สาม มาช่วยปันใจของมันเท่านั้นครับ


อ๊ะ อ๊ะ มือที่สาม ผู้หญิงหรือผู้ชาย ^ ^~*

ถามเยอะหน่อยเนะ นิยายจบคนไม่จบ  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-08-2012 18:31:09
ยังให้ถามอยู่มั้ย
อยากรู้ว่าตอนบอกพ่อแม่ของแต่ละคน  ท่านมีปฏิกิริยายังไงบ้าง
แล้วสุดท้ายยอมรับได้ยังไง

เรื่องนี้เก๋ดีนะคะ ให้คนอ่านถาม แล้ว"ผม" ก็มาเล่าต่อ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 18:47:18
อ๊ะ อ๊ะ มือที่สาม ผู้หญิงหรือผู้ชาย ^ ^~*

ถามเยอะหน่อยเนะ นิยายจบคนไม่จบ  :m1:

ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ที่มาปิ๊งๆ มัน
ผู้ชายตอนเรียนไม่ทราบครับ ไม่เห็น
แต่ตอนช่วงมันทำงาน มีผู้ชายมาส่ง "กล้วยหอม" บ้าง ก็ตัดเครือกล้วยทิ้งไปซะ จบ!

มือที่สามทุกคน เข้าหามันครับ
มันรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง ตามกาละ

จะหึงก็ตอนมันเทคแคร์มือที่สาม อันนี้ผมหึงสุดๆ
คือมันอ่ะ เป็นพวก...มนุษย์ทั้งโลกเป็นเพื่อนกู ดีกับเค้าหม๊ด ช่วยเหลือเค้าหม๊ด
มันก็ไม่ไ่ด้คิดไปชอบหรือรักเค้าหรอกนะ
แต่บางครั้งสิ่งที่มันทำ ก็เหมือนทอดสะพานให้เค้าเดินมาหา่อะครับ

หนักมากๆ ผมก็โมโหหึงมันที
บอกมันว่าอย่าให้คนอื่นมาทำแบบนี้ๆ กับ แฟนกู
หรือไม่ผมก็ไปบอกฝ่ายนั้นเองเลย (หากฝ่ายนั้นแรงอ่ะนะครับ)

แต่.....ก็ไม่มีมือที่สามรายไหนมากลายเป็นคนที่สามระหว่างเรานะครับ จบที่ขั้นเริ่มต้นทุกรายไป

อ้อ...มันของผม ไม่ได้หน้าตาดีนะ แต่บางคนบอกว่ามันมีเสน่ห์ ประมาณนั้นครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 10-08-2012 19:18:49
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับบบ อยากบอกคู่นี้น่ารักมาก จะได้เป็นแนวทางในการครองคู่ ของคนอื่นต่อไป

ชอบเวอร์ๆๆๆๆๆๆ ตอบซะ ฟินนาเล่เลย

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 19:37:47
ยังให้ถามอยู่มั้ย
อยากรู้ว่าตอนบอกพ่อแม่ของแต่ละคน  ท่านมีปฏิกิริยายังไงบ้าง
แล้วสุดท้ายยอมรับได้ยังไง

เรื่องนี้เก๋ดีนะคะ ให้คนอ่านถาม แล้ว"ผม" ก็มาเล่าต่อ

เจ็บที่สุดเลยครับ

ตอนนั้น พอผมกับมันแน่ใจว่าเราจะไปต่อกันแน่ๆ ถามใจตัวเองว่าจะรักกันไปแบบนี้ใช่มั้ย?
ผมจะไม่มีเมียมีลูกตอบแทนบุญคุณพ่อแม่แล้วใช่มั้ย? มันด้วยใช่มั้ย?

คำตอบทุกอย่างลงร่วมกันว่า "ใช่"

เราก็เลือกวันหยุด กลับมาบ้าน มาบอกพ่อแม่
ผมไปบอกพ่อแม่มันก่อน อยากเห็นปฏิกริยาของทางนั้นก่อนครับ
ผมมั่นใจว่าพ่อแม่ผม จะไม่ตัดลูกตัดพ่อกับผมแน่ เลยไปทางมันก่อน

แม่มันก็อึ้ง พ่อมันโกรธ ตบมันตั้งหลายที
มันบอกผมก่อนแล้วว่า อย่าไปห้ามพ่อ
โอยยยย ทรมานจะตาย
แ่ม่มันก็น้ำตาปริ่มๆ ร้องแบบไม่มีเสียงอ่ะครับ แม่ไม่ได้ห้ามพ่อมันนะครับ ผมว่าแม่มันช็อก
ผมก็มองมันโดนพ่อมันตบ น้ำตาก็แตก ทนนิ่ง ไม่รู้จะทนทำไม แต่มันขอไว้ก่อนขึ้นบ้านมาแล้ว มันว่าหากผมเข้าไปช่วย พ่อจะยิ่งโมโห แล้วไม่ยอมคุยด้วย

แต่พอพ่อมันคว้าของเข้ามือเท่านั้นล่ะ
ผมก็ไปขวางไว้เลย ไปกอดมันครับ กะว่าถ้าพ่อมันฟาดมา ก็ให้โดนผมแทน
ไม่ได้ไปว่าพ่อมันนะ ไม่ได้ไปห้ามพ่อมันด้วย ผมทำตามสัญญาทุกอย่าง
แต่ผม....ให้ผมมองมันเลือดออกเฉยๆ...ไม่ได้อ่ะ

วันนั้น พ่อมันก็ไม่ฟาดลงมาหรอกครับ พ่อโมโห เขวี้ยงไม้ตะบองทิ้งไปไหนไม่รู้ แล้วไล่ผมกับมันไปให้พ้นๆ หน้า
ผมก็หันมากราบพ่อมัน แล้วก็กราบแม่มัน
บอกขอโทษทั้งน้ำตาแตกนั่นแหละ
มันก็กราบพ่อแม่มัน บอกขอโทษที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
แล้วเราก็เดินลงจากบ้านมัน

ผมถามมันว่าจะไปหาพ่อแม่ผมต่อมั้ย
มันว่าไปเลย ให้มันจบๆ ไป
บอกกันว่า ถ้าพ่อแม่ผมโกรธ เราก็กลับไปห้องพักผมที่กรุงเทพฯ (ตอนนั้นมันทำงานที่สมุทรปราการครับ)

คือเราก็ไม่หวังว่าจะได้รับการยอมรับเลยตั้งแต่ต้น

เวลาันั้น ผมกับมันไม่ได้เสียใจที่พวกท่านไม่ได้ยอมรับเรานะครับ
แต่พวกผมเสียใจทีี่่่ทำให้พวกท่าน "เสียใจ" ...มากกว่า

พอไปหาพ่อแม่ผม ฝ่ายผมไม่ได้รุนแรงเท่ามันหรอกครับ

เดินเข้าบ้านผม ตอนเย็นแล้วครับ
คือเป็นหยุดยาวสามวัน พวกผมโทรมาบอกว่าจะมาอยู่บ้าน
พอมาถึงก็เลี้ยวรถไปบ้านมันก่อน แล้วถึงค่อยกลับมาบ้านผม

พ่อแม่นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน ใต้ต้นมะม่วง (ตอนนั้นมีหลานฝ่ายแม่มาอยู่ด้วย เลยให้หลานช่วยขายของครับ)
เดินไปไหว้ พ่อแม่ผมก็ตกใจหน้าของมัน
ถามว่าไปทำอะไรมา มีเรื่องอะไร
คือผมน่ะตัวสะอาดสะอ้าน มีแต่มันที่หน้าบวม หัวยุ่ง เสื้อก็ยับยู่

ผมก็ไม่ไ่ด้ตอบพ่อแม่หรอก
นั่งเลยครับ นั่งกันทั้งสองคน
ผมบอกว่ามีเรื่องจะบอกกับพ่อแม่
พ่อแม่ก็นิ่งรอฟัง
แล้วบอกไปว่า ผมกับมันเป็นแฟนกัน
คบกันตอน ม.4 แล้วก็คบกันมาตลอด
และตั้งใจว่าจะคบกันต่อไปอีกเรื่อยๆ
เลยมาบอกให้พ่อแม่รู้

ก็แค่นั้นครับ พ่อผมอึ้งไปพักนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้น เดินหนีไปเลย ขึ้นรถเก๋งแล้วขับไปไหนก็ไม่รู้
แม่ก็นิ่งจ้องพวกผม ไม่พูดสักคำ
โมโหครับ ท่าแบบนี้โมโหชัวร์
ผมก็ก้มหน้า....ยอมรับแหละ

แม่ถามว่า หน้าเราน่ะไปโดนอะไรมา

มันก็บอกว่า โดนพ่อตบมาครับ เมื่อกี้ไปบอกพ่อแม่ผมเรื่องเดียวกันนี่ล่ะครับ

แล้วแม่ก็ถามว่า ทางพ่อแม่เราว่าไงล่ะ

มันก็บอกว่า ไม่ทราบครับ พ่อโมโห แม่ก็ร้องไห้ แล้วพ่อก็ไล่ออกมา บอกว่า เอาหน้าพวกมึงไปให้พ้นๆ ตากู

แม่ก็ถอนหายใจหนักๆ ทีนึง แล้วแม่ก็พิงเก้าอี้ กอดอก จ้องพวกผมสองคนสลับกัน

นานล่ะกว่าแม่จะพูดอีกว่า จะเป็นกะเทยกันรึไง

ผมก็บอกว่า ไม่ใช่แม่ ไม่ได้จะแต่งหญิงทาหน้า คือพวกผมก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับ เท่าที่แม่เห็นไม่ไ่ด้เปลี่ยนอะไรไป

แล้วแม่ก็ถามว่า ไอ้ที่ผมเป็น เค้าเรียกกันว่าอะไร

ผมก็บอกว่า ผู้ชายที่รักผู้ชาย บางคนเค้าก็เรียกแบบนี้ว่า เกย์ แต่เป็นคนละอย่างกับกะเทย

แม่ก็บอกว่า ไม่เข้าใจหรอกนะ แล้วแม่ก็บอกว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ แล้วนี่ตั้งแต่ ม.4 ทำไมเพิ่งมาบอก

มันบอกแม่ผมว่า ผมเพิ่งมั่นใจครับว่าจะรัก...(ชื่อผม)...ไปจนตาย ถ้าหากผมคิดว่า สักวันพวกผมต้องเลิกกัน ผมจะไม่มาบอกให้พ่อแม่ขุ่นข้องหมองใจครับ

------ตายห่ะ รักมันอีกแล้ว ผมตกหลุมรักมันบ๊อบบ่อย

แม่ก็ถอนหายใจแบบไม่พอใจอ่ะครับ แล้วก็บอกให้พวกเรากลับไปเถอะ
พ่อเค้ารับไม่ได้หรอก ไว้ค่อยๆ มาคุยทีหลัง แม่ก็ปวดประสาท คิดอะไรไม่ออกหรอก
จะให้อวยพรเห็นดีด้วยน่ะ ไม่รู้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ ควรเห็นดีเห็นงามด้วยมั้ย แม่ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มันไม่ไหว
ไว้พ่อแม่คุยกันรู้เรื่องได้ความยังไง จะโทรไปหาละกัน

นั่นก็หมายความไล่เรานั่นเองครับ

ก็เหมือนเดิมครับ ผมกับมันก็ยกมือไหว้แม่ กราบขอโทษที่เป็นลูกอกตัญญู แล้วก็ฝากกราบพ่อด้วย

แม่ก็บอกว่า ให้กินข้าวกันซะ อิ่มแล้วค่อยขับรถกลับ ส่วนแม่พูดจบก็เดินไปหน้าร้าน ไม่กินต่อ

น้ำตาผมแตกเลยนะ ตอนแม่เดินหนีไป ไม่นั่งกินข้าวด้วยกัน มันก็กำมือผมที่วางไว้บนหน้าขา ให้กำลังใจครับ
ตามันแดงๆ แต่มันไม่ร้องไห้

สักพักใหญ่ เราก็กินข้าวครับ

คือ ใจมันไม่อยากกินหรอก
แต่อีกใจก็ต้องกินไง
เราตั้งใจมาสู้ แล้วต่อจากนี้ไป มันต้องมีสภาพเหมือนๆ แบบนี้อีกแหละ
ก็กล้ำกลืนมันไปตั้งแต่วันนี้เลย ไม่เสียหาย
ให้มันรับรู้ความรู้สึกว่า โดนพ่อแม่ทิ้ง ไม่สนใจไยดี มันเป็นแบบนี้...กันไปเลย

กินข้าวทั้งน้ำตาเสร็จ ก็เก็บถ้วยชาม เก็บกับข้าวเข้าตู้ เข้าตู้เย็น เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาดจนเกลี้ยง เหมือนที่เคยๆ ทำมาตอนเด็ก
ของฝากที่เอาติดมา ก็วางไว้ให้ที่โต๊ะครัวในบ้าน อันที่ควรใส่ตู้เย็นก็ใส่ไว้ให้เลย

เสร็จแล้วก็เดินออกมาหน้าร้าน
มาลาแม่
แม่ก็รับไหว้ ถามแค่ว่าเก็บข้าวของรึยัง
ผมก็บอกว่าเก็บแล้ว เรียบร้อย แม่ไม่ต้องทำแล้ว

แม่ก็พยักหน้า แล้วไปขายของต่อ
ผมก็รู้ล่ะว่า แม่ไม่แลผมแล้วแน่นอน
เลยบอกไปว่า ไปนะแม่

แล้วก็เดินคู่กับมันมาขึ้นรถ ขับออกไปจากบ้าน
ขับๆ ไปก็เงียบกันไปตลอดทาง
ขับๆ ไปผมก็ร้องไห้ครับ หนักเลย
มันเลยเปลี่ยนมาขับเอง
พอเปลี่ยนที่กัน ผมก็ซบหัวกับตักมันร้องไห้ไปเรื่อย มันก็ขับรถไป
บางทีมันก็จะเอามือมาลูบหัวผมที บางทีก็ยกมือไป

หลังจากวันนั้น ผมก็ทำเหมือนเดิมนะ เคยโทรกลับบ้านไปถี่แบบไหนก็ทำ
พ่อไม่คุยด้วยก็ไม่ไปเซ้าซี้ แต่ถามถึงทุกครั้ง
แม่ก็คุยด้วยไม่มาก ก็ไม่ได้ไปเซ้าซี้ท่าน
แต่หมั่นโทร ตามปกติ
มันก็ทำเหมือนกันครับ

วันหยุด เอาของฝากไปให้ เอาหน้าแบบแพ็คคู่ไปกราบ แล้วก็กลับมาที่ของเรา
ไม่มีบ้านไหนเรียกเราค้างนี่ครับ ก็มีแต่ขับไปหา แล้วก็ขับกลับมา ไม่หอใครก็หอคนหนึ่ง
บางทีก็ขึ้นไปนอนเต้นท์ที่เขาใหญ่ เขาเขียว แต่ไม่ได้เที่ยวหรอกครับ ไม่มีอารมณ์ แค่อยากนอนในที่โล่งๆ บ้าง
ประมาณนั้น

วันๆ ชีวิตผมกับมันอยู่กับการรอครับ......รอวันที่พวกท่านจะยอมรับ

ช่วงนั้นสุดๆ ครับ
ตอนเอ็นท์ที่ผมว่าผมคิดมากแล้วนะ
เทียบไม่ได้กับตอนนี้่เลยครับ

ปีกว่าครับ กว่าจะมีการกระเตื้อง
ฝ่ายที่กระเตื้องก่อนคือบ้านผม

วันสงกรานต์ ไปไหว้แต่เช้า กะว่าไหว้สองบ้านเสร็จจะขึ้นไปเขาใหญ่ นอนเล่นกัน
แม่ผมก็ชวนไปงานบุญ ให้ขนของไปใส่บาตร ให้ขับรถไปให้ ให้มันไปกับผมด้วย
ก็หน้าบานสิครับ
ช่วยแม่กันงุดๆ
พ่อทำท่าแบบให้อยู่ห่างๆ ก็อยู่ห่างๆ ครับ
แต่ผมก็คอยหมั่นไปดูแลเทคแคร์ แบบเหมือนเดิมครับ
ท่านจะตอบรับผมมั้ย ผมไม่ได้นอยด์ ผมเคยทำไง ผมก็ตั้งใจทำอย่างงั้นต่อไป
เสร็จงานบุญช่วงสาย
แม่บอกว่าจะกลับวันไหน ค้างรึเปล่า
ก็อึ้งเลยดิ มันล้างหม้ออยู่ในครัว เสียงล้างหม้อหยุดกึกเลย
ผมหันหลังไปมองหน้ามัน มันก็หันมามองผมด้วยเหมือนกัน
มองหน้ากันสักพัก มันก็พยักหน้าให้ผม
หมายความว่า แล้วแต่มึงตัดสินใจ

ผมก็บอกว่า จองที่พักบนเขาใหญ่ไว้
อยากไปผ่อนสมอง
แต่วันก่อนกลับ ขอมาค้างด้วยสักคืน จะได้ไหม
แม่ก็อื้อๆ บอกว่า แวะไปเขาเขียว ซื้อของมาให้กินด้วย

นั่นคือการเริ่มต้นครับ
แล้วก็ค่อยๆ ดีขึ้น อย่างช้าๆ
พอทั้งสองบ้านรับได้ และเหมือนเดิมแล้ว
พวกผมก็กลับบ้านเกิดครับ

ผมว่าพวกพ่อแม่ของพวกผมคงคุยกันล่ะครับ

แต่ผมไม่ได้ไปซักนะ แค่พอรู้เลาๆ เอาเอง

ก็ประมาณนั้นล่ะครับ



 




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-08-2012 19:56:58
กว่าจะได้รับการยอมรับไม่ง่ายเลย
ชื่นชมกับความมั่นคงของทั้งคู่
ไม่วอกแวก มีแต่ความรักความเชื่อใจให้กัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 10-08-2012 20:44:24
ตอนสมัยเราเด็กๆ ก็ไม่รู้จักคำว่าเกย์หรอก 
รู้จักแต่ตุ๊ด กระเทย  เพิ่งมาเข้าใจช่วงหลังๆนี่แหละ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 10-08-2012 20:51:21
 :L2: :L2:
อ่านเรื่องนี้แล้วอุ่นจังงง

:)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 10-08-2012 20:51:42
^
^
^   อ่านคำตอบเม้นข้างบนแล้ว วางตัวดีมาก ดีใจด้วยนะคะ ที่คุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายยอมรับ
     ชอบคำพูดของ " มัน " ( เกรงใจจังที่เรียกแบบนี้ =='' )
     ที่บอกว่า เพิ่งแน่ใจจะรักจนวันตาย ถึงยอมมาบอกพ่อกับแม่ ...  o13  o13  :L1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 10-08-2012 21:02:39
น่ารัก โฮ่ยย ชอบเรื่องนี้จังอ่า ถามไรอีกดี
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Mocha01 ที่ 10-08-2012 21:54:03
ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าสวัสดีก่อนละกันนะครับ สำหรับ คุณ"ผม"และคุณ"มัน"

ได้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึก    เห้ย มันมีแบบนี้อยู่จริงหรอว่ะ  OMG กันเลยที่เดียว แบบชอบมากกอ่ะ บรรยากาศที่เล่านี้ผมก็ประสบพบเจอมาตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ
ความรักของ คุณสองคนนี้มันคงจริงๆครับผมขอแสดงความยินดีด้วย :L2: ตั้ง20ปีแหนะ aniversary กันเลยทีเดียวโคตรอิจฉาอะ
นึกถึงสมัยก่อนดี หุหุ ยื่นต่อแถวใช้ตู้โทรศัพท์ สมัย 3310 เครื่องเป็นหมื่นๆ อันนี้น่าจะเริ่มมีมือถือเข้ามาใช้กันแล้วเนอะ ผมก็จำไม่ได้นานมาละ 55+


ตอนนี้ยังถามได้อยู่ป่าววครับถ้าได้ก็อันไหนตอบได้ก็ตอบนะครับเอาตามความสบายใจของ คุณ"ผม" หุหุ
คำถามแรก
คือคุณผมกับคุณมันนี้ แมนๆทั้งคู่เลยป่าว
(ผมขยายให้นะคือแบบว่า เอาสมัยตอนมอปลายนะ สกิลเฮด หุ่นนักกีฬา สูง 175+ ไรทำนองนี้อ่ะ หรือหน้าหวานๆครับ)
ปล.สูงเท่าไหร่เอ่ย
คำถามที่สอง
ตอนนี้คุณสองคนอยู่บ้านใครหรือครับหรือปลูกเรือนหอขึ้นมาใหม่เอง หุหุ :man1:
คำถามสุดท้ายอะ (อันนี้ใคร่ตอบก็ตอบนะครับ)
ใครรุกใครรับหรือเปลี่ยนกัน อิอิ :impress2: o13 ปล.ผมชอบเรื่องของคุณมากครับ   
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 10-08-2012 22:34:56
รวดเดียวตั้งแต่หน้า 2 เลยค่ะ

น้อยคนนักที่จะยอมเปิดเผยเรื่องของตัวเองและตอบคำถามเปิดใจแบบนี้

เรื่องราวของพวกพี่ เป็นรักแท้ที่น่าประทับใจมากค่ะ

นี่สินะถึงเรียกว่า "คู่แท้" 

ขอบคุณมากค่ะ  [ ป๋อล๋อ.  " มัน " ของพี่ น่ารักมากเลย ]


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 10-08-2012 22:36:06
รบกวนฝากบอก "ผม"และ"มัน" ด้วยนะคะว่า ขอบคุณที่ทำให้ข้าน้อยมีรอยยิ้มและความสุข

ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: marionatte ที่ 10-08-2012 22:56:12
เรียบง่าย แต่น่ารักมากเลยจ้า ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 23:23:28
ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าสวัสดีก่อนละกันนะครับ สำหรับ คุณ"ผม"และคุณ"มัน"

ได้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึก    เห้ย มันมีแบบนี้อยู่จริงหรอว่ะ  OMG กันเลยที่เดียว แบบชอบมากกอ่ะ บรรยากาศที่เล่านี้ผมก็ประสบพบเจอมาตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ
ความรักของ คุณสองคนนี้มันคงจริงๆครับผมขอแสดงความยินดีด้วย :L2: ตั้ง20ปีแหนะ aniversary กันเลยทีเดียวโคตรอิจฉาอะ
นึกถึงสมัยก่อนดี หุหุ ยื่นต่อแถวใช้ตู้โทรศัพท์ สมัย 3310 เครื่องเป็นหมื่นๆ อันนี้น่าจะเริ่มมีมือถือเข้ามาใช้กันแล้วเนอะ ผมก็จำไม่ได้นานมาละ 55+


ตอนนี้ยังถามได้อยู่ป่าววครับถ้าได้ก็อันไหนตอบได้ก็ตอบนะครับเอาตามความสบายใจของ คุณ"ผม" หุหุ
คำถามแรก
คือคุณผมกับคุณมันนี้ แมนๆทั้งคู่เลยป่าว
(ผมขยายให้นะคือแบบว่า เอาสมัยตอนมอปลายนะ สกิลเฮด หุ่นนักกีฬา สูง 175+ ไรทำนองนี้อ่ะ หรือหน้าหวานๆครับ)
ปล.สูงเท่าไหร่เอ่ย
คำถามที่สอง
ตอนนี้คุณสองคนอยู่บ้านใครหรือครับหรือปลูกเรือนหอขึ้นมาใหม่เอง หุหุ :man1:
คำถามสุดท้ายอะ (อันนี้ใคร่ตอบก็ตอบนะครับ)
ใครรุกใครรับหรือเปลี่ยนกัน อิอิ :impress2: o13 ปล.ผมชอบเรื่องของคุณมากครับ   


สวัสดีครับ
ขอบคุณกับความชอบ แล้วก็ตอบนะครับ

คือคุณผมกับคุณมันนี้ แมนๆทั้งคู่เลยป่าว
(ผมขยายให้นะคือแบบว่า เอาสมัยตอนมอปลายนะ สกิลเฮด หุ่นนักกีฬา สูง 175+ ไรทำนองนี้อ่ะ หรือหน้าหวานๆครับ)
ปล.สูงเท่าไหร่เอ่ย

มองผาดๆ ก็เหมือนผู้ชายปกติครับ ทั้งผมทั้งมัน อย่ามองลงมาที่มือพวกผมเป็นใช้ได้  :laugh:
สูง 172 ครับ เท่ากัน
หน้าตา----ธรรมดาครับ ชายไทยธรรมดา ไม่มีเชื้อฝรั่งหรือจีน....ทั้งสองคนเลย


สีผิว....ผมจะขาวกว่ามัน แต่จริงๆ มันก็ขาวนะ แต่มันลูกชาวสาวอ่ะครับ กรำแดด เลยคล้ำเป็นช่วงๆ
หุ่นก็แบบนักกีฬา เพราะชอบออกแรงเหมือนกัน ไม่ถึงกับกล้ามนูนเรียกน้ำลายนะครับ ตัวบึกพอดีๆ ครับ
แต่ผมเหมือนผอมกว่ามันอ่ะครับ สรีระมันต่างกัน มันเหมือนกระดูกหนากว่าผม

ทรงผม.....ผมชอบผมยาวหน่อย(แต่ก็เป็นทรงรองทรงอยู่ดีล่ะครับ) เวลาทำงานก็ปล่อยเลย ไม่ใส่เจล ใส่มูสอะไร เอาหน้าสั้นไว้ แต่ตอนเรียนผมตัดแบบยาวพอดีๆ แบบถูกระเบียบเป๊ะ ไม่เล่นทรงใดๆ ทั้งนั้น...กลัวอ่ะ กลัวโดนฝ่ายปกครอง ไถเป็นสี่แยก เลยยาวนิดนึงทรงปกติธรรมดา....มาไว้รองทรงที่ยาวขึ้นในแบบที่ชอบอีกทีก็ตอนเข้ามหาลัยครับ

ส่วนมัน...มันเป็นคนผมดกครับ มันว่าเลี้ยงผมไว้คลุมหัว เอาไว้กันแดดเวลาออกสวนกับพ่อ ผมมันไม่เป็นทรงอะไรหรอกครับ ยุ่งๆ เหยิงๆ ขี่มอไซด์มาเรียนไงครับ เป่าทรงธรรมชาติให้ในตัว555555+.... แต่ผมมันนุ่มดีครับ เลยชอบยีหัวมันเล่น....
ตอนทำงาน....มันขี้เกียจเรื่องจัดทรงผมมากครับ กลัวไม่สุภาพ ดูไม่ดี มันเกรียนเลยครับ แบบเห็นตอแพรมๆ โคตรโดนในสายตาผมเลยอ่า....ตอนนี้มันก็เกรียน เวลาเข้าสวนมันจะเอาผ้ามาผูกหัว บางทีก็ใส่หมวกสานปีกกว้างครับ




คำถามที่สอง
ตอนนี้คุณสองคนอยู่บ้านใครหรือครับหรือปลูกเรือนหอขึ้นมาใหม่เอง หุหุ :man1:


ตอนนี้อยู่บ้านของพวกผมเองครับ
ตาเหวง (พ่อมัน พ่อตาผม :laugh:) ให้ที่มากะแบะมือนึง
เราก็ปลูกบ้านของเราเอง หลังไม่ใหญ่ครับ เพราะไงๆ เราก็ไม่มีลูกเพิ่มมาอยู่แล้ว
บ้านไม้เสาสูงแบบชาวบ้านธรรมดาครับ

แบบให้มันเลือก
มันก็เลือกแบบคล้ายกับบ้านมัน มันบอกเย็นดี บ้านปูนเหมือนของผม...ร้อน
เคยเห็นบ้านพักครูกับบ้านพักพนักงานรถไฟสมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อนป๊ะครับ
คล้ายแบบนั้นแหละ แต่เล็กกว่า

ในบ้านมี 2 ห้องนอน (อีกห้องเผื่อแขกมาหา) / ห้องเก็บเสื้อผ้าของใช้อีก 1 / ห้องน้ำ 1 / ช่วงในบ้านด้านหน้าก่อนเดินมาถึงห้องนอน ทำเป็นที่โล่ง พื้นโล่งๆ ครับ....อเนกประสงค์
เสาบ้านเราสูง เอาแบบไม่กลัวตอนแก่เดินขึ้นกระไดไม่ไหวเลย
ใต้บ้านเรามันเอาไว้เก็บของมัน เครื่องทำเกษตร ปุ๋ย นู่นนี่ เยอะ
ผมก็เอาส่วนนึงเป็นที่จอดรถ มีคันเดียวครับ ของมันเป็นแมงกะไซด์ คันเดิมตั้งแต่เรียนมัธยม ตอนนี้เก่ามาก แต่เครื่องมันยังใช้ได้ 55555+

เร็วๆ นี่ไปเจอบ้านน๊อคดาวน์ ช่วงนี้แถวบ้านผมเค้านิยม เลยไปถอยมาหลังนึง
ทีแรกจะวางกับดิน มันไม่เอา บอกให้ต่อเสาขึ้นสูงเท่าบ้านเดิมเลย (สูงอีกแหละ *0*)
ทำทางเพิ่มด้วยครับ ทางเดิมเชื่อมกับบ้านเก่า
ตอนนี้เห่อบ้านหลังใหม่ เลยย้ายไปนอนที่หลังใหม่
เหมือนไปรีสอร์ททุกวันเลย 55555+


คำถามสุดท้ายอะ (อันนี้ใคร่ตอบก็ตอบนะครับ)
ใครรุกใครรับหรือเปลี่ยนกัน อิอิ :impress2:

คำตอบไม่ผ่านครับ มันลบไปแหละ
แต่อ่านๆ ก็น่าจะพอรู้นะครับ
คำถามนี้จบแต่เพียงเท่านี้นะครับ 555555+


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 23:24:59
รบกวนฝากบอก "ผม"และ"มัน" ด้วยนะคะว่า ขอบคุณที่ทำให้ข้าน้อยมีรอยยิ้มและความสุข

ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4:

รับทราบครับ
มันก็รับทราบเช่นกัน
"ขอบคุณครับ"
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 10-08-2012 23:40:30
อย่าขี้หวง มัน นักเลย เล่าโมเม้นน่ารักๆๆให้ฟังบ้าง  :-[ (แบบว่านึกคำถามไม่ออก เอิ๊กก)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 10-08-2012 23:48:29
สำหรับผู้อ่านที่เพิ่งเคยอ่านงานเขียนของนามปากกา BaoBao
ก่อนที่ โมฯดุ จะมาเข้าทู้นี้


ยังให้ถามอยู่มั้ย
อยากรู้ว่าตอนบอกพ่อแม่ของแต่ละคน  ท่านมีปฏิกิริยายังไงบ้าง
แล้วสุดท้ายยอมรับได้ยังไง

เรื่องนี้เก๋ดีนะคะ ให้คนอ่านถาม แล้ว"ผม" ก็มาเล่าต่อ

เชิญถาม "ผม" ต่อได้จ้า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 00:31:53
ถามไรดีอ๊า

อย่างเวลาที่มีปัญหา หรือมีเรื่องเครียดๆ ไม่สบายใจ ผม และ มัน ให้กำลังใจกันและกันยังไงบ้างคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 11-08-2012 00:59:32
อบอุ่นในใจ.... 
สรุป เรื่องเล่าจริงๆ หรือเรื่องแต่ง แล้วตอบโดยคาแรกเตอร์ตัวละคร

ไม่รู้ยังไงแต่ชอบมากๆ

ความรักของ "ผม" กับ "มัน"
สุดยอดมาก นึกถึงช่วงนั้นเลยอ่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 01:14:15
ถามไรดีอ๊า

อย่างเวลาที่มีปัญหา หรือมีเรื่องเครียดๆ ไม่สบายใจ ผม และ มัน ให้กำลังใจกันและกันยังไงบ้างคะ

ถ้าแค่อารมณ์อึนๆ ท้อแท้ หมดกำลังใจ มีเรื่องให้คิด
มันจะชอบมาแหย่ ให้ขำ จี๋ๆ
บางทีก็ชกต้นแขนผมเล่น แหย่อ่ะครับ ให้ผมรำคาญ โมโห วิ่งไล่เตะมัน
เล่นกับมันเสร็จก็หายคิดมาก

อีกแบบ อย่างตอนไปสารภาพกับพ่อแม่ อันนี้เครียดจริง มันจะจับมือ บีบแน่นๆ
เวลาผมร้องไห้ มันก็จะลูบผม

มันไม่ค่อยพูดหรอกครับ

แต่ช่วงเรียนที่เราต้องห่างกัน ไม่ได้เจอกัน
ถ้ามันรู้สึกว่าผมมีเรื่องให้คิด มันจะถาม เค้นให้ตอบ ให้บอกมัน บางทีมันก็ช่วยคิดทางไปให้
หรือเรื่องไหนมันช่วยตัดสินใจให้ไม่ไ่ด้ มันก็บอกแค่ว่า อย่าคิดมาก ช่างหัวมันบ้าง คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ไว้หัวโล่งๆ ค่อยมาคิด...ประมาณนี้อ่ะครับ

ส่วนผม....ก็เหมือนๆ กัน
หากรู้ว่ามันมีเรื่องให้คิด จะถามครับ ช่วยมันคิดได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็จะบอกให้ค่อยๆ คิด และย้ำว่า ห่วงนะ ทุกครั้ง

พอมาอยู่ด้วยกัน ถ้าเห็นว่ามันเครียด จะเดินไปกอดมันเลยครับ

ไม่ชอบเห็นมันหน้านิ่งๆ อ่ะครับ


ส่วนใหญ่ จะถามครับ จะเค้นกันให้พูด ให้บอก
หลังๆ ก็กลายเป็นว่า เดินไปบอกกันเองเลย

แต่ก็มีนะเรื่องที่ผมยังไม่อยากบอก

มันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ

ผมจะบอกแค่ว่า เดี๋ยวไว้ค่อยบอก

มันก็รับรู้ แล้วก็คอยมองอยู่ห่างๆ ถามเป็นช่วงๆ ไม่ถี่ยิบ

ประมาณนั้นครับ

ส่วนมัน หากผมถามมันตอบผมหมดแหละครับ



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 01:15:59
อบอุ่นในใจ.... 
สรุป เรื่องเล่าจริงๆ หรือ
เรื่องแต่ง แล้วตอบโดยคาแรกเตอร์ตัวละคร

ไม่รู้ยังไงแต่ชอบมากๆ

ความรักของ "ผม" กับ "มัน"
สุดยอดมาก นึกถึงช่วงนั้นเลยอ่า

ตอบแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-08-2012 03:44:26
สุดยอด
เป็นธรรมชาติมาก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 11-08-2012 04:31:45
แสดงว่าเวาลา"มัน"หึงคงน่ารักจริงๆสินะ :-[
ขอบคุณที่มาตอบให้นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Nnsicc ที่ 11-08-2012 08:35:14
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเต็มอิ่มมาก นั่งอ่านก็นั่งยิ้มมันอยู่คนเดียว แบบว่า..น่ารักกกกกกกกกกก 55 (เรื่องนี้เหมาะสำหรับอ่านก่อนนอน ..ฝันหวานกันเลยทีเดียว) ฮ่าๆ
อยากถามค่ะอยากถามม
“มัน” เคยอ้อนมั้ยคะ?  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 11-08-2012 09:55:41
น่ารักมากค่ะ ไม่หวือกวา แอบอยากรู้ว่าคบกันกี่ปีถึงยอมติดเรทด้วย   >///<
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 11-08-2012 11:41:40
'ผม'กับ'มัน' น่ารักมาก รู้สึกอบอุ่น รู้สึกถึงความรักของผมกับมันอยู่ตลอด

ความรู้สึกแบบว่า...แตกต่างแต่เติมเต็ม
คนหนึ่งมองอนาคต คนหนึ่งมองปัจจุบัน

เป็นอะไรที่อบอุ่นมาก บางทีคนเราก็ไม่ต้องเหมือนกันทุกอย่าง
เพราะเราอีกคนมาเติมเต็มส่วนที่ขาด  :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 12:05:22
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเต็มอิ่มมาก นั่งอ่านก็นั่งยิ้มมันอยู่คนเดียว แบบว่า..น่ารักกกกกกกกกกก 55 (เรื่องนี้เหมาะสำหรับอ่านก่อนนอน ..ฝันหวานกันเลยทีเดียว) ฮ่าๆ
อยากถามค่ะอยากถามม
“มัน” เคยอ้อนมั้ยคะ?  :-[


เคยครับ
นานๆ ที...ไม่ค่อยบ่อยครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 12:06:51
น่ารักมากค่ะ ไม่หวือกวา แอบอยากรู้ว่าคบกันกี่ปีถึงยอมติดเรทด้วย   >///<


.....อืม....ช่วงทำงานกันแล้วครับ.....
โอเคนะครับ ได้เท่านี้แหละ มันให้เท่านี้ครับ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 15:23:10
ปกติแล้ว มัน ให้เงิน ผม ไปทำงานวันละกี่บาทคะ 555 อันนี้ถามเอาฮา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 15:54:29
ปกติแล้ว มัน ให้เงิน ผม ไปทำงานวันละกี่บาทคะ 555 อันนี้ถามเอาฮา

เงินใครเงินมันครับ
ไม่เคยไปยุ่งของมัน มันก็ไม่มายุ่งของผม

แต่ของใหญ่เราถามกันก่อน

อย่างบ้าน.... ที่เป็นของตาเหวง ผมเลยขอจ่ายค่าปลูกบ้านเอง
บ้านหลังใหม่น๊อคดาวน์ก็เงินผม ค่าตั้งเสาก็เงินผมครับ

ส่วนรถยนต์ ผมซื้อไว้เองแต่แรกอยู่แล้ว มันก็มีมอไซด์ ต่างคนต่างเติมน้ำมันและซ่อมบำรุงรถตัวเองไป

แต่กับข้าวของกินมันเป็นธุระให้ครับ ทั้งไปซื้อและทำให้ผมกิน

ผมติดฝีมือมันอ่ะครับ หิ้วกล่องข้าวตราม้าลายไปกินที่ที่ทำงานทุกวัน

ผักมันปลูกเอาเอง อะไรโตก็กินงั้น

เนื้อซื้อเอาครับ

แต่ก็มีนะ ที่อยากกินของแปลกๆ ใหม่ๆ.... บางทีผมก็ซื้อเข้าไปบ้าน
บางทีทันก็โทรมาบอกให้ซื้อเข้ามา

ผมชอบขนม เลยซื้อขนมเข้ามาบ่อยๆ

มันทำเป็นแต่ของคาว ทำขนมไม่เป็น

ขนมหวานไทยๆ ภรรยาตาเหวงทำอร่อยครับ บอกให้มันไปเรียนกับแม่มัน แล้วมาทำให้กินหน่อย
มันถอนหายใจเลย.....สงสัยจะขอมากไป  :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 16:08:21
โอ๊ย น่ารัก ชอบคู่ีนี้จริงๆ ขอบคุณที่มาตอบนะคะ อยากถามต่อ ถามไรดี  :o11:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-08-2012 18:52:10
น่ารักอ่ะที่ผมเอาปิ่นโตไปกินที่ทำงานทุกวัน

ไม่แน่ใจว่าเราอ่านข้ามอะไรไปหรือเปล่า
ทั้งผมและมันเรียนจบคณะอะไรคะ  แล้วปัจจุบันผมทำงานอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 20:01:04
น่ารักอ่ะที่ผมเอาปิ่นโตไปกินที่ทำงานทุกวัน

ไม่แน่ใจว่าเราอ่านข้ามอะไรไปหรือเปล่า
ทั้งผมและมันเรียนจบคณะอะไรคะ  แล้วปัจจุบันผมทำงานอะไรอยู่


ผม...เลือกเรียนรัฐศาสตร์ครับ
ตอนนี้ทำงานรับราชการที่บ้านเกิดครับ ....ที่ว่าการอำเภอครับ

มัน...เลือกเรียนเท่าที่มันเรียนได้ดี คือมนุษย์ฯ เอกสังคม .....โน่น ไปถึงโคราชแน่ะครับ
จบมามันทำงานที่เกี่ยวกับที่มันเรียนนะครับ แต่มันไม่ชอบการเป็นพนักงานหรอก ผมเห็นมันดูทรมานไงพิกลไม่รู้สิ
แต่มันก็ทนทำมาได้ตั้ง 4 ปี.....สงสารมันจริงๆ ช่วงนั้น
ตอนนี้มันเป็นชาวสวนครับ รับช่วงสวนต่อจากตาเหวงครับ ดูแลสวนส้มโอเป็นหลัก มีปลูกไผ่แซม ช่วงนี้ัมันหันมาเริ่มลองเลี้ยงเห็ดครับ ไม่ถึงกับขายหรอกครับ กำลังทดลอง มีเห็ดกินเองมีแจกคนรู้จัก
มันว่า หากอากาศบ้านเราเหมาะกับเห็ด มันทำโรงเห็ดไปขายที่ตลาดดู
ได้ไม่กี่อัฐหรอกครับ แต่มันชอบของมัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 20:17:30
โอ๊ยย คำถามนี้จะตอบไหม อิอิ

แบบเวลานอนนี่ นอนกอดกันไหมคะ หนุนแขนอะไรอย่างเน๊ หรือว่าต่างคนต่างนอนมุมใครมุมมัน เอิ๊กก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 21:09:23
โอ๊ยย คำถามนี้จะตอบไหม อิอิ

แบบเวลานอนนี่ นอนกอดกันไหมคะ หนุนแขนอะไรอย่างเน๊ หรือว่าต่างคนต่างนอนมุมใครมุมมัน เอิ๊กก

 :t2:  เอาแบบไม่หมิ่นเหม่นะ จะได้ไม่โดนมันตัดทิ้ง...

ส่วนใหญ่หมอนใครหมอนมันครับ นานๆ ทีมันถึงมาหนุนแขนสักที

เรื่องนอนเนี่ย อะไรก็เผามันได้ไม่มันส์เท่า "ท่านอน"

ผมนอนท่าเดียวครับ นิสัยเป็นงั้น นอนหงาย หลับไปตื่นมาท่าเดิม

แต่มันน่ะสิครับ..... นอนดิ้นมาก

จำครั้งแรกที่ผมนอนบนเตียงเดียวกับมันที่บ้านอาชาญได้มั้ยครับ?

ตื่นมามั๊นมานอนกองตรงท้องผม...

ผมงงไปเลย...ไม่รู้ว่ามันจะนอนดิ้นขนาดนั้น
(ตลอดมา ผมเลยให้มันนอนด้านในชิดผนัง กลัวมันตกเตียงครับ อันตราย)

สารพัดท่าล่ะครับที่มันจะดิ้นไปดิ้นมา ก่ายโน่นก่ายนี่...ไปเรื่อย

บางวันตื่นมา ตอนนอนมันนอนฟากนึง แต่พอผมตื่น มันมาขดตัวอยู่อีกฟากครับ... กลิ้งข้ามศพผมไปเลยนะครับนั่น

ไอ้ท่าที่เคืองมันสุดๆ คือ ตื่นมามันเอาเท้ามาพาดหน้าอกผมอ่ะ
คิดดูสิ ลืมตามา เจอฝ่าเท้ามันจังก้า... ถ้าเช้าไหนเจอแบบนี้นะ....เคืองครับ เคือง


แล้วอย่าไปว่ามันเชียวนะว่า ให้มันนอนดีๆ..... มันตอบกลับสิครับว่า "ถ้ามึงรำคาญก็แยกเตียงกันนอนเลย"
 :o....ยอมได้ไงอ่ะ ไม่มีทาง!



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 21:30:20
สงสัยๆๆค่า ไม่จบไม่สิ้น 55

มัน กับ ผม เนี่ย มีมุมแบบ กุ๊กกิ๊กๆๆ หวานๆใส่กันบ้างไหมคะ

แล้วอย่างวันวาเลนไทม์ มีทำอะไรพิเศษๆให้กันบ้างไหมเอ่ย (อันนี้ไม่แน่ใจว่า ผม เคยเล่าไปแล้วหรือยัง)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-08-2012 22:22:50
สงสัยๆๆค่า ไม่จบไม่สิ้น 55

มัน กับ ผม เนี่ย มีมุมแบบ กุ๊กกิ๊กๆๆ หวานๆใส่กันบ้างไหมคะ

แล้วอย่างวันวาเลนไทม์ มีทำอะไรพิเศษๆให้กันบ้างไหมเอ่ย (อันนี้ไม่แน่ใจว่า ผม เคยเล่าไปแล้วหรือยัง)

5555555+
ถามได้ครับ เชิญครับ เชิญตามสบาย

ตอบนะครับ

ไอ้กุ๊กกิ๊กมันก็ต้องมีสิครับ แต่ถึงขั้นหวานมั้ย อันนี้ผมบอกไม่ถูกครับ
ก็มันขี้เขินอ่ะครับ ผมอ่ะหยอดหวานไม่ให้ขาดอยู่แล้ว
แต่จะหวังให้มันมาหวาน ออเซาะ ออดอ้อนผมนี่ ไม่มีทางอ่ะ

ทำอะไรบ้างทีกุ๊กกิ๊ก???
.... ผมชอบนอนหนุนตักมัน นอนตรงระเบียงหน้าบ้าน ช่วงวันหยุด วันเสาร์-อาทิตย์งี้...อันนี้ทำบ่อย
.... อ้อ มีป้อนของกินให้มันนะ แต่ตอนที่มือมันไม่ว่างเท่านั้นครับ
.... อ้อๆๆ เคยได้สระผมให้มันด้วย มีครั้งนึงมันล้มมือถลอกอ่ะครับ หมอไม่ให้โดนน้ำ เลยได้สระผมให้มัน อ้อ อาบน้ำให้ด้วย แต่ก็แค่อาทิตย์เดียวครับ พอแผลมันเริ่มแห้ง มันก็ไม่ให้ผมไปยุ่งกะมันแหละ
.... ผมไปสวนกับมันนะครับ วันเสาร์-อาทิตย์ ไปช่วยมันใส่ปุ๋ย พรวนดิน บ้าง....อันนี้หวานมั้ยครับ???
.... จูงมือมันไปเดินสำรวจลูกส้มโอด้วย
.... ช่วงหน้าหน่อไม้ บางทีจะไปช่วยมันตัดหน่อไม้บ้าง ไม่บ่อยนะเพราะผมคันอ่ะครับ
.... ตอนเย็นครับ บางวันที่มันยังไม่เสร็จงานของมัน แล้วผมกลับมาจากที่ทำงาน ถึงบ้านแล้ว
ผมจะเป็นลูกมือมัน ทำกับข้าว เด็ดพริก หั่นผัก ล้างผัก ตำกระเทียม
หุงข้าวไม่ได้ครับ หุงทีไรแฉะทุกที ไม่รู้ทำไม โดนมันเอาฝาหม้อข้าวเคาะหัวก็หลายรอบ ปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้สักที
.... เทศกาล อืม...นอกจากปีนั้นที่ให้ดอกกุหลาบมันแล้ว ไม่เคยให้อีกเลยนะครับ
ผมก็ไม่ให้มันซื้ออะไรให้ผมนะ
เราก็เลยแค่อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด ในวันนั้นแทน (อันนี้ตอนม.ปลาย)

พอมหาลัย ห่างกันอ่ะครับ
ผมเลยส่งเป็นของไปให้มันแทน ส่งทางไปรษณีย์ กะให้ถึงก่อนวัน 14 ล่วงหน้าสักวันสองวัน
ปีต่อมามันก็ทำบ้าง
เราก็ทำแบบนี้ทุกปี จนมาอยู่ด้วยกันถึงได้เลิกให้ของขวัญกัน

แต่พอมาอยู่ด้วยกัน เราไม่มีอะไรพิเศษนะครับเวลาถึงเทศกาลนั้น
เฉยๆ ครับ เหมือนทุกวัน 55555+

เรื่องหวานๆ ผม....ไม่รู้สิ
แบบไหนที่เรียกว่าหวานอ่ะครับ
เหมือนในหนังหรือนิยายรึเปล่า?

อืม.... ได้เดินจูงมือมัน ตามที่ใจผมอยากทำได้ทุกเวลา
หวานพอมั้ย? สำหรับผม ผมอบอุ่นหัวใจนะที่ไ่ด้ทำแบบนั้น

หลังจากที่กลับมาบ้านเกิด ผมได้จับมือมันบ่อยๆ
มันไม่ว่าเลยครับ ประมาณว่า.... มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง มึงจะจับเมื่อไหร่ ที่ไหนก็เรื่องของมึง
มันไม่สะบัดทิ้ง ไม่ทำตาเขียวใส่ (อ้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่ประเจิดประเจ้อเกินความพอดีนะครับ หากเผลอไปลองของเรื่องนี้ มันจะคาดโทษแรง ไม่คุ้มครับ ไม่คุ้ม)

.....เอ๊ะ ดูเหมือนผมเคยนั่งซ้อนหลังมัน รอดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ
ตอนไปเที่ยวภูกระดึง มันหนาวมาก เราเอาเสื้อไปไม่พอ ช่วงหัวรุ่งหายใจเป็นไอเลยครับ
เลยนั่งกับพื้น กอดกันดิ๊ก (มันมืด แถมมีแต่คนวัยรุ่นๆ มันเลยไม่ว่า ยอมให้กอดได้.... เอ๊ะ! คิดๆ ไปแ้ล้ว มันต้องแค่หนาวแน่ๆ เลยถึงยอมให้ผมกอด .....??? .....ไว้เดี๋ยวไปถามมันดีกว่า...)

ต่อ...

อืม..........นึกไม่ออกอ่ะครับ
ไรอีกๆๆๆๆ

ไล่เตะ.....หวานหรือเถื่อน
แต่ผมชอบนะ ตอนมันไล่เตะผม หรือผมไล่เตะมัน
แล้วพอเหนื่อยก็จะหัวเราะกันเอง
คลายเครียดๆๆ

เอ้อ....ขี่หลัง มันชอบโดดมาขี่หลังผม แล้วบอกให้ไปทางนั้นทางนี้
ผมเรียกแบบนี้ว่า "มันอ้อนผม"
ไม่รู้คุณๆ จะเห็นแบบเดียวกันมั้ย? แต่สำหรับผม แบบนี้แหละที่เรีกว่า "อ้อน"

มีไรอีก?




นึกไม่ออก 5555555555+

จบแต่เพียงเท่านี้ ซะงั้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 11-08-2012 22:28:41
ชอบค่ะ ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 11-08-2012 22:29:30
แอร๊ นึกภาพตาม แค่นี้ก็น่ารักแล้ว อันที่จริงอะไรที่หวานมากๆ มันก็เลี่ยนเนอะ แฮ่

ชอบโมเม้น จูงมือมันไปเดินสำรวจลูกส้มโอ อิอิ

ชอบจับมือเหมือนกัน มันอบอุ่นดีเนอะ อุ่นไปทั้งใจ  :-[

นึกอะไรออก เดี๋ยวมาถามใหม่ 55
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: jpkoko ที่ 12-08-2012 00:03:36
ถามๆๆ  ปฏิกิริยาจากบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่กลับมาอยู่ที่บ้านเิกิดด้วยกันแล้ว แล้วพ่อกับแม่ ทั้ง 2 ฝ่าย บอกเพื่อนบ้านหรือ ญาติๆ ว่า ผม กับ มัน เป็นอะไรกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 12-08-2012 00:09:40
 o18 น่ารักจังเลย ผมกับมัน นี่ แอบซึงจนน้ำตาไหลตอนโดนพ่อตีด้วย  :impress3:
แล้วตกลงตอนนี้ทั้งคู่ใช้ชีวิตยังไงเอ่ย พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับได้ยัง  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 12-08-2012 03:16:00
"ผม"   อบอุ่น
และ
"มัน"  น่ารักอ่ะ

มีอีกมั๊ยผู้ชายแบบเนี้ย

ขอบ้าง
อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 12-08-2012 03:40:52
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้น่ารักมากๆ  คล้ายๆว่าจะเป็นคนจังหวัดใกล้ๆกัน  ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 12:34:59
o18 น่ารักจังเลย ผมกับมัน นี่ แอบซึงจนน้ำตาไหลตอนโดนพ่อตีด้วย  :impress3:
แล้วตกลงตอนนี้ทั้งคู่ใช้ชีวิตยังไงเอ่ย พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับได้ยัง  :-[


ที่ถามมา
คุณลองไล่อ่านตั้งแต่รีพลายที่ 106 ดูนะครับ
คิดว่าตอบไปแล้ว
แต่หากอยากรู้เพิ่มเติม
ถามมาได้อีกครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 12-08-2012 12:44:54
ชอบน่ะ อ่านแล้ว น่ารัก
ขอถาม "ผม" หน่อย น่ะ ว่า ... หลังจากที่ พ่อแม่ ของทั้ง "ผม กับ มัน" รู้ว่า รักกัน แล้ว คนในหมู่บ้าน หรือ ระแวกบ้านรู้หรือ ป่าว
และ ถ้าเค้ารู้ ว่าเป็นเกย์ แล้ว เค้าเหล่านั่น มีท่าที ยังไง  ...  ^^ คำถามคงไม่แรงไป น่ะ ^^ o18 o18
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 13:40:28
ถามๆๆ  ปฏิกิริยาจากบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่กลับมาอยู่ที่บ้านเิกิดด้วยกันแล้ว แล้วพ่อกับแม่ ทั้ง 2 ฝ่าย บอกเพื่อนบ้านหรือ ญาติๆ ว่า ผม กับ มัน เป็นอะไรกัน  :กอด1:

ปฏิกิริยาจากบ้านใกล้เรือนเคียง
ส่วนใหญ่ทำตัวไม่ถูกครับ
คนที่รู้จักกันและนิสัยดี ค่อนข้างใช้เวลาปรับตัวกับพวกผมเยอะ

จะว่าไป แรกๆ ไม่มีใครสังเกตุนะครับ...แต่ก็แค่ช่วงหนึ่ง
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเสียงพูดเข้าหูว่า ลูกบ้านนี้กับบ้านนี้ มันเป็นกะเทย (สมัยนั้นคนต่างจังหวัดแยกไม่ออกครับว่าที่พวกผมเป็นมันคืออะไร)

คนที่พูดดีกับเรา เหมือนเราเ็ป็นมนุษย์คนนึงก็มีครับ...แ้ม้ท่าทางเก้กังไปบ้างก็เหอะ แต่คนพวกนี้นานวันไปเค้าก็เหมือนเดิมเองครับ
อืม....แม่ของมันอ่ะครับ บอกผมกับมันเสมอๆ ว่า ให้ทำตัวดีๆ วางตัวดีๆ จะเป็นผู้ชายด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะทำตัวประเจิดประเจ้อแบบคนเมืองกรุงหรือฝรั่งไม่ได้ เพราะที่ที่เราอยู่มันคือชนบทของเมืองไทย
ยิ่งผมทำงานราชการ มันมีปัญหาง่ายครับ

ก็นานล่ะครับไม่รู้กี่ปี แต่หลายปี กว่าที่เื่พื่อนบ้านและคนรู้จักจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อตอนผมเด็กๆ

อ้อ กับคนรุ่นเดียวกันค่อนข้างรับได้เร็วกว่าครับ แต่คนที่ไม่ชอบตุ๊ดแต๋ว เค้าก็ไม่ชอบพวกผมเหมือนกัน
อ้อ มีคนนึง เค้าเกลียดตุ๊ดมากครับ แต่เรารู้จักสนิทกันมาก่อน พอพวกผมไม่ได้มีภายนอกต่างไปจากเมื่อก่อน พี่เค้าก็รับได้นะครับ คุยกับเราเหมือนเดิมปกติ

พ่อแม่
พวกท่านโดนเยอะครับ
คือคุณลองนึกถึงสังคมชนบทนะครับ ว่าไปไหนมาไหนจะมีคนพูดถึงลูกชายของพวกท่านในแบบไหน...จากที่เราปลูกบ้านอยู่กินกันเหมือนคู่ชายหญิง
ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี ไม่มีใครอวยพรหรอกครับ

พวกท่านต้องกล้ำกลืนขนาดไหน ผมพอนึกภาพได้ เห็นกับตาก็หลายที น้ำตาล่วงทุกที
แต่ไม่ใช่เสียใจเพราะคนอื่นไม่เข้าใจนะครับ ผมน่ะเสียใจที่ทำไมผมต้องทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ โดนคนอื่นเหยียดหยามแบบนั้น .... โอยย ร้องไห้กับเรื่องนี้บ่อยครับ

ผมอ่ะค่อนข้างหวั่นไหวกับเรื่องพวกนี้ ผิดกับบ้านมันนะครับ

บ้านนั้นเค้าแรง

แรงตั้งแต่รับไม่ได้ ตบกันเลือดออกปาก
แต่พอรับได้ก็แรง
ยกที่ให้มาปลูกบ้านอยู่ข้างๆ บ้านพ่อแม่เลย

ใครแหยมมาแซวว่าลูกเป็นกะเทยนะ รับได้ยังไง
พ่อตาแม่ยายผมนะ เหน็บให้แสบให้คัน เลยทีเดียว
ก็ชาวบ้านอ่ะครับ ตามประสา ไม่มีเก็บปากเก็บอารมณ์

ท่านเชื่อว่าผมสามารถทำงานได้ดี ไม่โกงกินบ้านเมือง ไม่ตาชั่งหย่อน ท่าภูมิใจในตัวผม(ลูกเขย) พอดู
เลยไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าผมได้ ด่ากลับคนที่มาเหน็บผมทุกครั้ง

ส่วนมัน...มันทำงานเป็นชาวสวนครับ แถมมันก็ไม่แคร์ใคร มันไม่มีสังคมในอีกแบบเหมือนผม แถมมันยังปกป้องตัวเองในแง่นี้ได้ดี (บ้านนี้เค้าฝีปากแรงกันทั้งบ้าน) มันเลยไม่ค่อยมีปัญหากับคนอื่น

ผม...เยอะกว่าครับ เพราะรับราชการ เราจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้
คำพูดเดียวคนตีความได้มากอย่าง
เรายังต้องทำงานรับใช้ประชาชน เกิดประชาชนไม่ชอบหน้าเรา แล้วไม่มารับบริการ มันก็ไม่ดีต่อหน้าที่

เอ้อ มีเรื่องฮาๆ
แม่ยายผมครับ เค้าสอนแม่ผมว่า "เอ็งก็เถียงมันไปบ้างซี่ นิ่งๆ ให้มันพูด มันก็ได้ใจสิ"
"ชั้นพูดไม่เป็นนี่จ๊ะพี่ ก็คิดว่านิ่งๆ ไป น่าจะดีกว่า ต่อความให้ยาวชั้นก็เถียงสู้เค้าไม่ได้" (แม่ผมอายุน้อยกว่าแม่มันอ่ะครับ)
"ไม่ได้!!!! นี่เอาไปเลย ประโยคเดียว รับรอง มันไม่กล้ามาว่าเอ็งอีกแน่!"
(มันที่แม่ยายผมพูดถึง หมายถึงคนในระแวกร้านของแม่ผม ที่ชอบสอดปาก ทับถมเรื่องชาวบ้านน่ะครับ คนนี้ร้ายกาจมาก)
"หือ? ให้พูดอะไรจ๊ะพี่?" แม่ผมถาม
"ถ้ามันว่าเอ็งนะ เอ็งก็ถามมันกลับไปเลยว่า หลานมึงน่ะ ตกลงหาตัวพ่อเจอยัง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" แล้วแม่ยายผมก็หัวเราะแบบสะใจมาก

คือคนที่ชอบมาวอแวแม่ผม ลูกสาวเค้ามีลูกสองสามคน เห็นคนที่มาซื้อของที่ร้านแม่ผม เม้าท์ว่า ไม่ใช่พ่อเดียวกันสักคน... เออ หน้าตาเด็กก็ไม่มีแววเหมือนกันเลยนะครับ ผิวขาวจากแม่เหมือนกันหมด แต่หน้าตารูปร่างคนละเรื่องกันหมดเหมือนกัน

คือ ของแบบนี้แม่ผมเค้าไม่ชอบไปยุ่งเรื่องคนอื่นนะครับ
ท่่านคิดแบบว่า อย่าไปว่าเค้า เผื่อวันใดวันนึงเราทำอะไรผิดพลาดมา เค้าจะมาว่าเราได้ ท่านว่าเราไม่ใช่คนดีเด่เต็มร้อย อาจมีทำเรื่องผิดพลาดกันได้ หากเราไปว่าคนอื่น คำที่เราว่าคนอื่นอาจวกมาเข้าตัวเราเอง...ก็ได้ใครจะรู้

ดังนั้น แม่ผมกับพ่อผมจึงไม่นิยมไปว่าใคร แต่ใครเล่าอะไรมาก็ฟัง คุยกันเองบ้าง แต่เบาๆ ในครอบครัว ไม่่ได้นินทาแค่พูดถึง บอกเล่าให้กันฟัง..อะไรประมาณนั้นครับ
แต่พ่อตาแม่ยายผมบอกว่า กับคนบางประเภทมันต้องตอกกลับบ้างเพื่อความสงบสุขของเรา....ไม่ใช่เรื่องผิด!!




เรื่องของพวกผมมันไม่ได้สวยหรูเหมือนในนิยายเลยครับ
มันขมมากกว่าหวานเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องขมๆ ผมไม่ค่อยเอามาใส่สมอง
พยายามจะเอาออกไป ไม่จำ

ผมเป็นคนคิดมากครับ

พวกพ่อแม่บอกว่าไม่ดี มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตเรา ให้ผมวางๆ ช่างหัวมันมั่ง
ก็พยายามทำอยู่ครับ

ก็ได้มันมาช่วยสั่งการหัวสมองผมให้อยู่บ่อยๆ

เวลาปรึกษาอะไรมัน แล้วมันบอกว่า ช่างหัวมันเหอะว่ะ ไว้ค่อยคิด
5555+ มันโล่งทันทีเลยครับ มันบอกว่าช่าง เออ หัวผมมันก็วางเลย
ช่างก็ช่างเว้ย...อะไรแบบนี้

พอๆ อึมครึมมาก ไม่เอาๆ

ถามต่อกันนะครับ ผมยังอยู่
ป้าเบาเบายังไม่ไล่ผม

แต่ผมคงไม่ได้อยู่ไปตลอด เพราะป้าเบาเบาบอกว่า ต้องให้พี่ๆ น้องๆ คนอื่นมาบ้าง

ป้าเบาเบาบอกว่า หลายคนคิดถึงน้องปอนด์ น้องปอนด์นอนอุตุขี้เซามานานแล้ว กลัวน้องเป็นโรคไหลตาย 55555+
ปากร้ายอ่ะป้า

ป้าบอกว่ามีอีกหลายคนที่ถือบัตรคิวรอต่อผมอยู่ แกไล่ชื่อมา ผมไม่รู้จักสักกะคน
น้องปอนด์ คุณปัง คุณหมง  คุณไทด์ น้องเหม น้องโก๋ คุณวี แฟนเก่าคุณวี แฟนใหม่คุณวี คุณต้นไม้ คุณหิน คุณไตร คุณเอก น้องเอส เจ้าเปรี้ยว เจ้าเปรียว และบุคคลที่เกิดแล้วแต่ยังไม่มีชื่ออีกจำนวนหนึ่ง
ป้าเบาเบาบอกว่า หากผมอยู่นานกว่านี้ เ้จ้าเปรี้ยวกับเจ้าเปรียวจะโตซะก่อน อย่าให้แกต้องวุ่นวายหาแมวตัวอื่นที่อายุไล่เลี่ยกันมาประกอบฉากเลยงี้ 5555+

ป้าก็สั่งมันสิว่า ไปนอนซะ อย่าเพิ่งโต ป้าทำได้น่ะ ผมเชื่อ  :jul3:

อ้อ ป้าเบาเบาแอบบ่นว่า แอบให้บัตรคิว(ใต้โต๊ะ)กับท่านแม่ทัพและอาหง
แต่โดนคนอื่นโห่ครับ ป้าแกเลยจำใจให้สองคนนี้ไปอยู่ท้ายแถวเหมือนเดิม ตามคิว
สองคนนี้คนแดนไกลครับ กว่าจะเดินทางมาถึง ได้รับบัตรคิวช้ากว่าคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ เอ็นดูจริงๆ

ผมกับมันรอดตัว 5555555+


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 13:48:11
5555 คิวเค้าเยอะจริงๆนั่นแหละ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 13:51:01
ชอบน่ะ อ่านแล้ว น่ารัก
ขอถาม "ผม" หน่อย น่ะ ว่า ... หลังจากที่ พ่อแม่ ของทั้ง "ผม กับ มัน" รู้ว่า รักกัน แล้ว คนในหมู่บ้าน หรือ ระแวกบ้านรู้หรือ ป่าว
และ ถ้าเค้ารู้ ว่าเป็นเกย์ แล้ว เค้าเหล่านั่น มีท่าที ยังไง  ...  ^^ คำถามคงไม่แรงไป น่ะ ^^ o18 o18

ผมตอบรวมไปแล้วนะครับ ต่อท้ายจากเม้นท์คุณพอดี
ทั้งญาติและคนระแวกบ้าน คนรู้จัก อาการไม่ต่างกัน
แต่บทสรุปของคนก็แตกต่างกันไปตามตามธรรมชาติของคนคนนั้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 12-08-2012 14:09:43
แอบตามอ่านจนจบ แล้วยิ้มอย่างมีความสุขกะ "มัน" และ "ผม"
แล้วเห็นเขาถามคำถามกันก็เลยอยากรู้บ้าง ขอถามนิดนึงนะคะ
"มัน" และ "ผม" มีชื่ออะไรค่ะ แล้วเวลาเรียกกัน เรียกอีกฝ่ายว่าอะไรคะ
ตอนมาอยู่ด้วยกันได้จัดพิธีสู่ขอไหมคะ (เพราะคงไม่ได้จัดพิธีแต่งแน่ๆ)
"มัน"และ"ผม" เคยไปปรากฏที่เรื่องไหนหรือเปล่าคะ (ตอนแรกเห็น"มัน"ขี่มอเตอร์ไซค์ ยังนึกว่าเป็น "โต้" เลย แต่ไม่ใช่)

ปล.อย่าเพิ่งไล่ "มัน"และ"ผม"ไปไหนเลยนะ ยังอยากให้อยู่อีกนานๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 15:15:43
แอบตามอ่านจนจบ แล้วยิ้มอย่างมีความสุขกะ "มัน" และ "ผม"
แล้วเห็นเขาถามคำถามกันก็เลยอยากรู้บ้าง ขอถามนิดนึงนะคะ
"มัน" และ "ผม" มีชื่ออะไรค่ะ แล้วเวลาเรียกกัน เรียกอีกฝ่ายว่าอะไรคะ
ตอนมาอยู่ด้วยกันได้จัดพิธีสู่ขอไหมคะ (เพราะคงไม่ได้จัดพิธีแต่งแน่ๆ)
"มัน"และ"ผม" เคยไปปรากฏที่เรื่องไหนหรือเปล่าคะ (ตอนแรกเห็น"มัน"ขี่มอเตอร์ไซค์ ยังนึกว่าเป็น "โต้" เลย แต่ไม่ใช่)

ปล.อย่าเพิ่งไล่ "มัน"และ"ผม"ไปไหนเลยนะ ยังอยากให้อยู่อีกนานๆ

"มัน" และ "ผม" มีชื่ออะไรค่ะ แล้วเวลาเรียกกัน เรียกอีกฝ่ายว่าอะไรคะ
 ชื่อของ"มัน" กับ "ผม" ......ผมคิดว่าคงต้องไปถามป้าเบาเบาแกนะครับ

ส่วนเวลาเรียกกัน ปกติก็ "นี่" "นี่ นี่" "มึง" "เฮ้ย" (อันนี้มันชอบพูด) มีเรียกชื่อกันบ้าง
เวลาอยู่กันเองก็เรียกแบบที่คุณเห็นในเรื่องที่ผมเล่า จนวันนี้ก็ยังเรียกกันเองแบบนั้น เรียกชื่อกันเองน้อยครับ

แต่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ คนไม่รู้จัก ไม่สนิท เราจะเรียกชื่อกันครับ หากไม่เรียกชื่อก็จะ "นี่" "นี่ นี่"
แต่ไม่ใช้มึงกับกู กลัวไม่สุภาพในสายตาคนอื่นอ่ะครับ
กับคนสนิทกัน เราก็มึงกูได้เลย
ต้องแล้วแต่คู่กรณี

เวลาที่จะเอ่ยถึง "มัน" กับคนอื่น (ทีสนิทกัน) ไม่เรียกชื่อมัน ก็จะใช้คำว่า "แฟนผม"
ส่วนมันเวลาพูดถึง "ผม" กับคนอื่น มันก็จะเรียกผมว่า ไอ้....(ชื่อผม)... / กับผู้ใหญ่จะตัดไอ้ออกเหลือแค่ชื่อผม / เวลาอารมณ์ดีๆ นานทีมันถึงใช้คำว่า "แฟนผม"    :-[







ตอนมาอยู่ด้วยกันได้จัดพิธีสู่ขอไหมคะ (เพราะคงไม่ได้จัดพิธีแต่งแน่ๆ)
ไม่ไ่ด้จัดครับ
พ่อแม่รับรู้ ไปไหว้พ่อแม่ของแต่ละฝ่าย ผู้ใหญ่พูดจากันเอง ผูกข้อมือให้พวกผม มีสักขีพยานเป็นญาติสนิทที่เอ็นดูพวกผมมาแต่เล็กอยู่ด้วย
ทำกับข้าวกินกันเองที่บ้านมันครับ
ของหมั้นอะไรไม่มีครับ

วันนั้นตาเหวงเค้าเอ่ยปากยกที่ให้ บอกว่าเอาไปปลูกบ้านอยู่กันเอง
พ่อผมเลยบอกว่า งั้นให้ไอ้ลูกชายผมปลูกบ้านละกัน

ช่วงนั้นเราไม่ได้บอกใครครับว่าเรามาอยู่ในฐานะอะไร
จนบ้านเสร็จได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่
ก็จัดงานขึ้นบ้านใหม่กัน ไม่ใหญ่ครับ พอดีๆ
เชิญคนรู้จักกับญาติทั้งสองฝ่ายมา

พ่อแม่พวกผมก็บอกว่า "บ้านนี้ ที่ตรงนี้ ให้พวกลูกชายอยู่ด้วยกัน"

 :laugh:  ส่วนใหญ่นะครับ หน้าขึ้นตัว "เครื่องหมายคำถาม" เต็มหน้าเลยครับ

แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าซักไซ้
บางคนที่ต่อมอยากรู้เกิดหลั่ง ก็จะกระแซะแอบถาม ไม่พ่อแม่ผม ก็พ่อแม่มัน ญาติๆ ที่สนิทกับพวกผม ด้วย
ประมาณว่า บ้านนี้ของสองคนนี้ แล้วจะอยู่ยังไง อยู่ด้วยกันเหรอ ทำไมไม่ปลูกคนละหลัง แล้วเวลาต่างคนต่างแต่งงาน จะอยู่ยังไง ฯลฯ

ญาติผมคนนึงเค้าบอกไปว่า "ก็พ่อแม่พวกมันให้ที่ให้บ้าน ให้พวกมันอยู่ด้วยกันไงพี่ เข้าใจเปล่า?"
 :jul3: ผมล่ะขำ สงสัยงงหนักไปกว่าเดิม





"มัน"และ"ผม" เคยไปปรากฏที่เรื่องไหนหรือเปล่าคะ (ตอนแรกเห็น"มัน"ขี่มอเตอร์ไซค์ ยังนึกว่าเป็น "โต้" เลย แต่ไม่ใช่)
ผมกับมันเราก็อยู่ในส่วนของเราครับ คนอื่นๆ ที่ป้าเบาเบาแกร่ายชื่อมาคราวก่อน...ผมไม่เคยรู้จักเลยครับ

มันไม่ได้ชื่อโต้ครับ
คุณโต้ ผมก็ไม่รู้จัก ถามป้าเบาเบา แกว่าพวกผมเป็นคนบ้านเดียวกันเหรอ...
แกว่าใช่!
เออ....ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย!

เมื่อกี้เจอป้าเบาเบาสในเฟชฯ เลยถามป้าเบาเบาอีกว่า พวกผมมีอะไรเชื่อมกับเด็กๆ คนอื่นของป้าแกอีกมั้ย?
แกบอกว่า ก็มีบ้าง
 
อย่างคุณปัง เค้ามีสวนอยู่ในอำเภอใกล้บ้านพวกผม แต่บ้านของคุณปังกับน้องปอนด์อยู่อีกอำเภอ ทั้งสวนทั้งบ้านของพวกเขาอยู่คนละอำเภอกับบ้านผมเลยครับ

ผมถามป้าว่า ผมเคยเห็นหน้าพวกเค้ามั้ย? หรือเรียนที่เดียวกันรึเปล่า?
ป้าบอกว่า คุณปังเจนาเรชั่นเดียวกับพวกผม แต่เป็นรุ่นน้องพวกผมครับ ผมจบไปแล้ว คุณปังถึงเข้าโรงเรียนที่พวกผมอยู่
คุณโต้ก็รุ่นเดียวกับคุณปัง แต่ป้าบอกว่าคุณโต้กับคุณปังไม่เจอกันหรอก อยู่คนละกลุ่ม...สองคนนี้ไม่รู้จักกัน

อ้อ.... ป้าแกบอกว่า "บุคคลที่ไม่มีชื่อสองคน"  เด็กของป้าสองคนนั้นที่นั่งรถไฟมาเรียนทั้งไป-กลับนั่นน่ะครับ อยู่รุ่นเดียวกับผมเลยครับ
ชั้นปีเดียวกันเลย พอป้าแกพูดชื่อมาผมก็ถึงบางอ้อ จำได้ๆ รู้จักๆ
สองคนนั้นผมรู้จัก เรียนกันละห้องก็จริง แต่รู้จักกันครับ
คนนึงมันเรียนเก่ง ใจดีด้วย ผมยังเคยไปถามสูตรวิทย์กับเค้าเลย เค้าเก่งอยู่ห้อง 1 แน่ะครับ ใจดีด้วย แต่ไม่ค่อยพูด
ส่วนอีกคน หน้าหวานมาก ดังมากในโรงเรียนเรา ไม่รู้จักก็ตาบอดแหละ 55555+








ปล.อย่าเพิ่งไล่ "มัน"และ"ผม"ไปไหนเลยนะ ยังอยากให้อยู่อีกนานๆ
บอกป้าแกแล้วนะครับ
คงแล้วแต่ป้าแก
พวกผมมันลูกชู้ครับ ไม่ใช่ลูกเมียหลวง  :m17:


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 15:31:22
เหมือนคุ้นๆว่าเคยหลุดชื่อคนใดคนหนึ่งออกมานะ เก็น หรืออะไรนี่แหละ ใช่ม้ะๆๆ หรืออันนั้นพิมพ์ผิด เราเลยเข้าใจว่าเป็นชื่อ อิอิ

ดิทๆ ไปย้อนอ่านมาอีกรอบ หาไม่เจอ จำไม่ได้ว่าช่วงไหน สงสัยว่าจะตาลายไปเอง  :m23:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 16:07:00
ขอถามๆ

มีเมนูไหนที่ ผม คิดว่า มัน ทำได้อร่อยเหาะ ภูมิใจนำเสนอว่างั้น

พวกงานบ้านนี่ แบ่งหน้าที่กันยังไงคะ อย่างซักผ้า ล้างจาน กวาดถูบ้านอะไรแบบนี้




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 16:37:08
ขอถามๆ

มีเมนูไหนที่ ผม คิดว่า มัน ทำได้อร่อยเหาะ ภูมิใจนำเสนอว่างั้น

พวกงานบ้านนี่ แบ่งหน้าที่กันยังไงคะ อย่างซักผ้า ล้างจาน กวาดถูบ้านอะไรแบบนี้



มีเมนูไหนที่ ผม คิดว่า มัน ทำได้อร่อยเหาะ ภูมิใจนำเสนอว่างั้น
แค่ไข่ต้มก็อร่อยเหาะครับ  :laugh:
อาหารที่มันทำ ผมกินแล้วเหาะทู๊กอย่าง
หลงฝีมืออ่ะครับ แบบนั้นจริงๆ

แต่ที่คนอื่นบอกว่ามันทำอร่อยก็.....แกงขี้เหล็ก ไก่ซุปเปอร์ ...ประมาณนี้ ของแซ่บๆ

พูดถึงไก่ซุปเปอร์ มันทำทีต้องตั้งหม้อใหญ่ๆ ทำเลี้ยงเพื่อนๆ มันเวลามานั่งก๊งกันที่บ้านพวกผม
ก่อนนี้เห็นเพื่อนมันไม่ได้บอกว่าอร่อยขนาดนี้นะครับ มันก็พัฒนาฝีมือมาเรื่อย ตอนนี้เข้าขั้นโปร เพื่อนๆ ต้องเรียกร้องเสมอ...มาจ้างมันทำก็มีนะครับ

อาหารไทยมันทำอร่อยครับ
อาหารฝรั่งมันไม่เป็นเท่าไหร่ มันพยายามแล้วครับ
ส่วนตัวผมก็ไม่ไ่ด้ชอบอาหารฝรั่งนะ ผมชอบอาหารไทยมากกว่า มันเลยไม่ได้พัฒนาฝีมือทางนั้น

อ้อ....ไก่ย่างในโอ่งมันก็ทำอร่อย เวลามีงานบุญผมจะช่วยมันทำ...นานๆ ทีได้กินที
แต่ผมชอบเมนูนี้ของมันนะ
แต่ไม่ให้มันทำให้กินรายวันหรอกครับ เก็บไว้งานบุญหรือวันที่มีคนมาเยอะๆ มากกว่า
คือมันทำลำบากอ่ะครับ ใช้ถ่านใช้ฟืน เผาในโอ่ง ไปเรื่อย
ทำตัวเดียว เหนื่อยมันเปล่าๆ ....สงสารมันครับ

พวกงานบ้านนี่ แบ่งหน้าที่กันยังไงคะ อย่างซักผ้า ล้างจาน กวาดถูบ้านอะไรแบบนี้
กวาดบ้านถูบ้านนี่แล้วแต่ใครว่างอ่ะครับ
พอเห็นว่ามันเริ่มสกปรกมีฝุ่นเยอะก็ทำ ตอนนั้นใครว่างก็ทำไป
ซักผ้า ช่วงที่ซักมือช่วยกันครับจะได้เสร็จไวๆ เอาวันว่างวันหยุดของผมเป็นวันซักผ้า
ตอนนี้มีเครื่อง สบายไปเยอะ ผมรับทำเอง แต่ซักแค่ช่วงวันที่ผมหยุดงาน
มันจะคอยเก็บผ้า เอาผ้าตากให้
รีดผ้า...ผมทำครับ  ให้มันเรีดเหรอ เอาตีนรีดรึเปล่าไม่รู้
หากผมไม่รีด มันก็ใส่มั้งอย่างั้นอ่ะครับ มันไม่แคร์เรื่องรอยย่น
ถามมันซี่ ไม่ทำแล้วได้อะไร
มันว่า....ช่วยโลกไม่ให้ร้อน
 :กอด1:  นางงามมากกกกก


ล้างจาน...ผมครับ
แต่เวลามันทำกับข้าว มันจะทำไปล้างไป เหลือมาถึงผมนิดหน่อย
หากวันไหนของที่ทำมันต้องคอยอยู่หน้าเตา ผมก็จะมาล้างให้
หากผมอยู่ตอนมันทำกับข้าว ผมจะล้าง ไม่ให้มันล้างอ่ะครับ

้ล้างรถ...ล้างรถใครรถมัน

ซื้อของเข้าบ้าน ไปด้วยกันครับ
แต่จ่ายตลาดส่วนใหญ่มันไปครับ ช่วงวันหยุดงานผมถึงไปเดินกับมันช่วยหิ้ว

ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปด้วยกัน หรือหากรู้แน่ๆ ว่าจะเอาแบบไหน ยี่ห้อไหน ก็ตกลงกันไว้ แล้วผมจะเป็นคนไปซื้อ

ให้อาหารไก่....อันนี้ผมชอบ เห็นไก่มันกินข้าวเปลือกแล้วน่ารักดี เลยชอบทำหน้าที่นี้
มันเลี้ยงไก่แจ้ตัวเล็กๆ อ่ะครับ
มีหลายสีเลยครับ ของสะสมของมัน
บางปีมีเยอะมันก็ขาย มันมีกลุ่มคนที่ชอบไก่แจ้ ขายกันเป็นการภายใน
ไม่ได้เอาไปขายที่พ่อค้าที่ไหน

มีไก่แจ้ตัวนึง คุยกันรู้เรื่องด้วยนะครับ
บางทีตังเม (มันตั้งชื่อให้) ก็ไปสวนกันมันด้วย มันทำตะกร้าหน้ารถให้ตังเม
พอถึงไอ้ตังเมก็จะเดินตามมันด๊อกๆ ไปเรื่อย.....น่ารักทั้งเจ้านายทั้งลูกเลี้ยง

หาก "มันของผม" ไปนั่งที่แคร่ ตักของ "มัน" จะเป็นที่ประจำของไอ้ตังเม
ผมต้องขอไอ้ตังเมก่อน ไม่งั้น....ขืนผมเอาหัวไปหนุนตัก "มัน"  โดยที่ไอ้ตังเมไม่เห็นด้วย มันก็ตะปีนหน้าผม จิกๆ ผมมันส์ปากมันล่ะ ....เคยมาแล้วครับ เลือดซิบๆ เลย

ไอ้ตังเมมันอายุแค่ 3 ปีเองครับ ไม่เยอะ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-08-2012 16:39:49
น่ารักจังเลย อย่าเงียบซิวะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-08-2012 16:49:34
เอ่อ เป็นเรื่องจริงเรอะ รับราชการด้วย
ขอให้รักยั่งยืน ตลอดไป ซึ้งว่ะ กับความรักที่ คือความรัก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 16:50:41
งืดดดดด ตังเมมันน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 16:59:09
เอ่อ เป็นเรื่องจริงเรอะ รับราชการด้วย
ขอให้รักยั่งยืน ตลอดไป ซึ้งว่ะ กับความรักที่ คือความรัก

 รบกวนอ่าน รีพลายที่ 146   หน้าที่ 5 นะครับ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 12-08-2012 17:39:39
น่ารักจริงๆเลยครับ

นึกว่าตอนเดียวจบ พอเห็นอีกครั้ง ดีใจมากๆเลย
ที่มีต่ออีกๆอ่านไปอ่านแล้วยิ้มแล้ว
แต่ยิ่งก็ยิงคิด ยิ่งอ่านยิ่งใช่จนมายืนยัน

คืออึ้งอ่ะ อึ้งคือยิ้มเลย

ขอยอมรับว่าผมอิจฉาพวกคุณนะ พวกคุณรักกันได้มั่นคงมากๆ
จากที่อ่านๆมา คงจะผ่านอุปสรรคกันเยอะๆ
เลยกว่าจะมาถึงทุกวัน ขอชื่นชม

วันนี้ไม่ได้เข้ามาถามอะไร เพราะคิดคำถามไม่ออก หลายคนก็ถามอย่างที่ผมอยากถามไปแล้ว
แต่ที่เข้ามานี้ ผมเข้ามาขอบคุณสำหรับเรื่องของคุณนะครับ
ที่ได้พิมพ์มาให้ผมอ่าน ผมมีความสุขมากๆที่ได้อ่านเรื่องของพวกคุณ อ่านไปพร้อมร้อยยิ้ม
ผมขอเป็นพยานรักของพวกคุณสองคนนะครับ จะเก็บไว้ในความทรงจำไม่จางเลย

ผมขอให้พวกคุณมีความสุขมากๆนะครับ สำหรับรักแท้ครั้งนี้
หากมีอุปสรรคใดขอให้คุณข้ามผ่านมันไปได้ด้วยกันนะครับ

ขอความนี้ผมเขียนออกมาจากใจนะครับ :กอด1:
                                                                                                         
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 12-08-2012 21:24:42
ฝากคุณ"ผม"ไปขอบคุณป้าเบาเบาของคุณ"ผม"ด้วยนะคะ ที่ยังอนุญาตให้คุณ"ผม"ออกมาโลดแล่นต่อได้อีกหน่อย

เพราะทำให้ข้าน้อยมีความสุขจริงๆนะ อ่านแล้วเป็นปลื้ม หลับฝันดีเชียว

แล้วก็ขอฝากความคิดถึงไปให้ลูกทุกคนของป้าเบาเบาด้วยนะคะ

หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนคุณ"ผม"มากไปนะ

ขอบคุณค่ะ

ปล.ขอให้คุณ"ผม"กับคุณ"มัน"มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 22:08:42
ฝากคุณ"ผม"ไปขอบคุณป้าเบาเบาของคุณ"ผม"ด้วยนะคะ ที่ยังอนุญาตให้คุณ"ผม"ออกมาโลดแล่นต่อได้อีกหน่อย

เพราะทำให้ข้าน้อยมีความสุขจริงๆนะ อ่านแล้วเป็นปลื้ม หลับฝันดีเชียว

แล้วก็ขอฝากความคิดถึงไปให้ลูกทุกคนของป้าเบาเบาด้วยนะคะ

หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนคุณ"ผม"มากไปนะ

ขอบคุณค่ะ

ปล.ขอให้คุณ"ผม"กับคุณ"มัน"มีความสุขมากๆนะคะ

บอกป้าแกให้แล้วครับ

ป้าแกว่า "ตามสบายกันนะ"

แล้วป้าแกก็ฝากรูปมาให้ด้วยครับ

ฮึ๊ย!! โดนแอบถ่ายอ่ะ *0* ไม่รู้ตัวเลย

(http://i572.photobucket.com/albums/ss166/Ai-Bao/007.jpg)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 22:15:47
กรี๊ดด รูปน่ารัก ชอบๆๆๆ โดนแอบถ่ายซะงั้น อิอิ

ว่าแต่ คนไหน มัน คนไหน ผม  :m28:

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-08-2012 22:17:26
เห็นรูปแล้วฟินนนนนนน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 22:37:53
อยากถามอ่ะ แต่นึกไม่ออกว่าจะถามอะไร

ว่าแต่ ผม มีอะไรจะเล่าถึง มัน บ้างไหมคะ แฮ่

อยากให้ มัน มาตอบคำถามบ้าง ให้ ผม ตอบคำถามอยู่ฝ่ายเดียว มันฟังความข้างเดียว ไม่แฟร์ค่ะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 12-08-2012 23:01:05
นึกว่าจบแล้ว ยังมีช่วงถามตอบน่ารักน่าหยิกมาอีกเยอะเลย

ฝากไปบอกคุณเบาเบาทีนะจ๊ะ ว่ารอท่านแม่ทัพอยู่ ลัดคิวให้หน่อยได้ไหม

อยากรู้เรื่องหนึ่ง วางแผนมีลูกมีหลานบ้างไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 23:04:36
อยากถามอ่ะ แต่นึกไม่ออกว่าจะถามอะไร

ว่าแต่ ผม มีอะไรจะเล่าถึง มัน บ้างไหมคะ แฮ่

อยากให้ มัน มาตอบคำถามบ้าง ให้ ผม ตอบคำถามอยู่ฝ่ายเดียว มันฟังความข้างเดียว ไม่แฟร์ค่ะๆๆๆๆ


ให้เล่าเองเหรอครับ
มี! เยอะ!!!!
แต่ป้าเบาเบาแกไม่ให้ผมเล่าแล้ว แกบอกว่าให้มาตอบคำถามอย่างเดียวอ่ะครับ o7
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 23:05:52
ป้าเบาเบาใจร้ายย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 23:10:25
นึกว่าจบแล้ว ยังมีช่วงถามตอบน่ารักน่าหยิกมาอีกเยอะเลย

ฝากไปบอกคุณเบาเบาทีนะจ๊ะ ว่ารอท่านแม่ทัพอยู่ ลัดคิวให้หน่อยได้ไหม

อยากรู้เรื่องหนึ่ง วางแผนมีลูกมีหลานบ้างไหมเนี่ย

หมายถึง จะรับเด็กมาเลี้ยงรึเปล่า ใช่มั้ยครับ  :m28:

ถ้างั้นก็ขอตอบว่า ณ เวลานี้ไม่มีใครคิดครับ
อยู่กันสองคนมาหลายปีแล้ว....ก็โอเคดีครับ...สบายดี

การรับเด็กสักคนมาอยู่ด้วย....มันสารพัดเรื่องอ่ะครับ
ถึงพวกผมอายุก็เยอะแล้ว
แต่เราไม่พร้อมดูแล หนึ่งชีวิตน้อยๆ อ่ะครับ

อยากดูแลกันเองให้ดีที่สุดก่อน

เราต่างเป็นลูกคนเดียว
พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายก็เริ่มแก่มากแล้ว

หากมีเด็กเล็กมาอีก....เราคิดว่าเราอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึงครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 12-08-2012 23:10:46
งั้นถามต่อ อิอิ

อยากถาม มัน กับ ผม ว่า ชอบส่วนไหนบนร่างกายของอีกฝ่ายมากที่สุดและเพราะอะไร
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 12-08-2012 23:42:52
งั้นถามต่อ อิอิ

อยากถาม มัน กับ ผม ว่า ชอบส่วนไหนบนร่างกายของอีกฝ่ายมากที่สุดและเพราะอะไร


ผม : เค้าถามว่ามึงชอบส่วนไหนบนตัวกูที่สุดว่ะ?
มัน : มึงอ่ะ
ผม : กูถามมึง
มัน : กูถามมึง
ผม : ........... เออ เออ เออ อืม....คอ ชอบต้นคอ
มัน : ทำไมต้องต้นคอวะ?
ผม : สมัยม.ปลายซ้อนมอไซด์มึงบ่อยมั๊ง ไม่รู้ดิ ก็ชอบมองอ่ะ
มัน : จิตอกุศล
ผม : เฮ๊ย เปล่า ไม่ไ่ด้คิดทะลึ่ง ชอบมองเฉยๆ จริงๆ สาบานเลยเอ้า!

-----------เงียบไปนาน เลื่อนเม้าท์ไปเปิดอีกหน้าต่าง ดูหน้าเฟชบุ๊คของมัน-----------

ผม : มึงตอบดิ กูจะได้พิมพ์
มัน : .........................
ผม : แม่ง ขี้โกงว่ะ (แย่งเม้าท์มา คลิกหน้าต่างเดิมคืนมา เริ่มพิมพ์คำตอบ แกร๊ก แกร๊ก......)

....
...
..
.

มัน : ตา
ผม : หือ?
มัน : ตา (เสียงดังขึ้นมานิด ขึ้นโทนสูงมาหน่อย)
ผม : ทำไม ตากูเป็นไร มันแดงเหรอ เชี่ย! นั่งหน้าจอมากเกินไปแล้วมั๊งกู
มัน : กูตอบคำถาม มึงนี่น๊า! ไม่เคยรู้เรื่องเล๊ย!!!

.....
....
...
..
.

ผม :  o12 ก็ช่วยตอบตอนที่ถามได้มั้ยครับ อยู่ดีๆ ก็ตา แล้วกูจะรู้มั้ย?
มัน : เฮ้อออ-----

-----------พิมพ์ต๊อกแต๊กๆ ลงไป-----------

.....
....
...
..
.

ผม : เอ้อ เค้าถามด้วย เพราะอะไร?
มัน : ไม่รู้ว่ะ
ผม : อ่าว
มัน : แล้วมึงล่ะ ทำไมชอบคอกู
ผม : .......................................................................................ก็...........ไม่รู้ว่ะ!
มัน : เชี่ย แล้วจะอ่าวใส่กูทำไม พอๆ พิมพ์ๆ ไป อ้าว! อ้าว! มึงลบทำเหี้ยไร?! พิมพ์ไปแล้วนี่!
ผม : ไม่เอาแหละเปลี่ยนใจ เอาแบบนี้ดีกว่า

-----------ต๊อกแต๊ก ต๊อกแต๊ก-----------

5 นาทีต่อมา........


มัน : เดี๊ยว ป้าเค้าก็มาเขกกบาลมึงหรอก เค้าไม่ให้เล่าแล้วมึงยังเสือกพิมพ์อีก
ผม : กูตอบคำถาม ก็มึงแม่งไม่มี "เพราะอะไร" ให้เค้านี่หว่า
มัน : อ๊าว กูคนเดียวรึไง มึงก็ไม่ตอบเค้าเหมือนกันล่ะวะ
ผม : สิ แล้วมึงจะให้กูพิมพ์ไปว่า กูชอบคอมึง มึงชอบตากู เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกัน เชี่ย! ไม่ดีมั๊ง!
มัน : เออว่ะ.......... ไหน เสร็จยังล่ะ ดูก่อนลงนะมึง
ผม : ยังๆ เดี๋ยวๆ แป๊บนึง...เพิ่มก่อน
มัน : เพิ่มไรอีก

-----------ก๊อก แกร๊ก ก๊อก แกร๊ก-------------

มัน : พอเลยๆ แม่งยาว กดตั้งกระทู้เลย เชี่ย ชักเยอะ!
ผม : เอออออออออออออออออออ
มัน : แน่ะ! ยังอีก!

ติ๊ก!
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-08-2012 00:26:22
 มาแอบดูคนหยอกล้อกัน แอบอิจฉานะนี่
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 13-08-2012 00:54:43
55555555555 น่ารักอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 13-08-2012 02:44:59

ขอเก็บ คุณ "ผม" กับ คุณ "มัน" คืนล่ะน๊า

ขอบคุณจากใจสำหรับ
ทุกๆ ข้อความและทุกๆ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น

 :จุ๊บๆ:


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 13-08-2012 10:19:06
เขียนได้น่ารักมากๆเลยคะ แบบสั้นๆแต่ได้ใจเลยละ
เราอมยิ้มเลยอะตอนได้คำตอบเนี่ย ฮ่าๆ  เขินได้น่ารักจิงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Mocha01 ที่ 13-08-2012 19:23:05
 :sad4:
อะ อ้าว อย่าพึ่งพาเด็กในสังกัดไปดิครับ คุณป้าเบาเบา ยังไม่หายคิดถึงเลย โห
เค้าจะเอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :beat: :z6: o22



รอบหน้าพาใครมาครับ
ปล.ให้คุณผมกับคุณมัน แวะมาทักทายบ้างนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 13-08-2012 21:21:13
อ้าวว คุณป้าเบาเบา ทำงี้ได้ไง งืดดดดด  :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: jpkoko ที่ 13-08-2012 22:13:53
อ่าว ไปซะแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-08-2012 21:24:03
อ้าว....ยังไม่ทันถามเลย... ชอบนะค้าบ!!!!
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 15-08-2012 13:03:10
มาอ่านตอนคุณเบาๆ พาตัว ผม กับ มัน ไปเก็บซะแล้ว ว้า เสียดาย ไม่ทันอ่ะ
เค้าเองก็มีคำถามนะ แต่ถามคุณเบาๆ เปล่าถามผมกับมัน แบบนี้จะได้คำตอบไหมคะ?? ฮ่าๆๆๆ ว่าแล้วถามเลยละกัน เผื่อๆ ไว้ ถามว่า...
"รูปอ่ะ วาดเองรึเปล่าคะ?" เพราะว่าคนอ่านคนนี้ กรี๊ด ชอบ! รูปน่ารักมากๆ เลยค่ะ คำบรรยายด้วย วุ้ยอยากวาดได้แบบนี้มั่งจัง
ส่วนสำหรับเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเรียลจริงอะไรจริง จนบางทีก็เกิดอาการ
"กูอิจฉาโว้ยยยยยยยยยยยย" ขึ้นมา กร๊าก ถ้าเป็นเรื่องจริงคงจะไฟลุกพรึ่บๆ ร้อนรนกันไปข้าง ขณะเดียวกันก็คงจะยินดีมากกกกกกกกกกกกก เช่นกันค่ะ ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้นะ ...
แล้วในเรื่องนี้ มีหลายช่วงหลายตอนที่อ่านแล้วรู้สึกตันๆ ในหัวใจ ตื้นๆ ไงไม่รู้ บางช่วงมันแน่นๆ ในอกไปเลย ถ้าภาษาง่ายๆ ก็ตื้นตันนั่นแหละค่ะ ประมาณนั้น เพียงแต่ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนอ่านยังไงให้มันเห็นภาพชัดๆ ทำนองว่า มีความสุขแต่ก็เจ็บปวดไปด้วยพร้อมๆ กัน แบบไม่สุขไม่ทุกข์ อ่ะ เอ้อ นึกออกแล้ว หน่วงๆ มั้ง คงแบบ หน่วงๆ น้ำตาจะไหลก็ไม่ไหล เพราะรู้ว่าในนั้นมันปนไปด้วยความสุขไง อืม ... แลดูวกวน ฮ่าๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่ชอบมากๆ ของเรื่องนี้ด้วย นั่นก็คงจะเป็นความอดทนของ มัน กับ ผม นั่นแหละค่ะ ยิ่งช่วงตอนที่อ่านตอนคายหมากฝรั่งนั่นเป็นอีกตอนที่อ่านแล้วรู้สึกอย่างที่บรรยายมาแบบวกๆ วนๆ ข้างต้นเลยนะ มันอวลๆ อุ่นๆ ในใจจังเลย อ๊ากกก อบอุ่นมากๆ
แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้น คือมีอีกหลายช่วงที่ชอบในเรื่องนี้ อย่างช่วงขอมือ เอิ่ม...ใช้คำว่าขอมือแล้วมันแปลกๆ แฮะ ฮา ใช้คำว่า ขอจับมือดีกว่า กร๊าก (กำลังสับสนว่าทำไมไม่ใช้คำว่า ขอจับมือ ตั้งแต่ที่แรก ฮ่าๆๆ) หรืออย่างตอนเรียนพิเศษก็ด้วย นั่นก็ติดท้อปช่วงที่ชอบมากๆ เลยค่ะ มันสอนอะไรเราได้หลายๆ อย่าง ให้เราได้ฉุกคิดในด้านอีกด้าน ได้มองมุมที่กว้างขึ้น เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ค่ะ ดีของโคตรของโคตรของโคตรดี จริงๆ นะเออ แบบว่ามันดีจริงๆ อ่ะ อ๊า บรรยายไม่ถูกจริงๆ นะนี่ ชอบมากๆ ค่า +1 กันไปโลด
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นที่ดีขนาดนี้
แล้วก็ กระซิบๆ (กระซิบทำไมฟระ!) สำหรับเรา คุณเบาเบาเป็นนักเขียนที่ดีมากๆ เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล. อันนี้กระซิบของจริง กระซิบว่า..หลังไมค์ขอห้าบาทด้วยนะคะ ค่าคำชม กร๊าก ล้อเล่น!

อ่อ ขอติงนิดนึง อืมไม่เรียกติงดีกว่า เรียกว่าสงสัยเนอะ คือมันจะมีอยู่ช่วงนึงที่ผมกับมันคุยกันว่าห้ามไม่ให้ มีกิ๊ก อ่ะคะ อ่านแล้วมันกระตุกนิดนึง สมัยนั้นเราไม่คิดว่ามันจะใช้คำว่ากิ๊กกันนะคะ คืออ่านแล้วรู้สึกว่าไม่น่าใช้คำนั้นอ่ะ น่าจะใช้คำแรงๆ อย่าง ชู้ รึไม่ก็ห้าม นอกใจ ที่มันดูเป็นธรรมดาๆ ของภาษามากกว่าศัพท์วัยรุ่น อย่าง กิ๊ก แต่เราก็บอกไม่ได้อ่ะนะคะ เพราะไม่รู้ว่าช่วงยุคนั้นคำว่ากิ๊กมารึยัง แต่ คิดว่าน่าจะยังไม่มา จำได้ว่าคำว่ากิ๊กเข้ามาประมาณช่วงหลังจากปีนี้ราวๆ สามสี่ห้าปีมั้ง (มั่ว---จำไม่ได้แล้วอ่ะ ก็บอกเลี้ยวว่าเค้าบอกไม่ได้ บอกไม่เถือก ฮา) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ที่อดสงสัยไม่ได้ก็เนื่องจากว่าถ้าคำนวณเวลา ผม กับ มัน เริ่มคบกันตอนปี 35 นั่นก็ = ม.4 จากที่อ่านที่ ผม มาตอบ งั้นคร่าวๆ ม.6 ก็คงราวๆ ปี 37 (มั้งนะ น่าจะประมาณนี้) ซึ่งคิดว่า ปี 37 เนี่ย คำว่ากิ๊กน่าจะยังไม่มานะคะ
อีกอย่างๆ ลืมบอกไปว่า อ่านเรื่องนี้แล้วรู้ได้เลยว่าเรายังเยาว์กว่าหลายๆ ท่านในรีพลายๆ ของเรื่องนี้เยอะเลยค่ะ ฮ่าๆ (ยืดอกด้วยความภูมิใจ กร๊าก)
เผอิญว่าเป็นรุ่นที่ไม่ได้สัมผัสกับระบบเอ็นทรานซ์แล้วแต่เป็นรุ่นที่ได้สัมผัสกับระบบแกะแพะ (รุ่นแรก) แทนน่ะค่ะ เอิ๊ก ฉันเอ๊าะๆ (ฮา)

ปล. อีกที อ่านเม้นนี้แล้วใครหมั่นไส้อิคนอ่านคนนี้ก็อย่าได้อย่าเอาเมาส์เขวี้ยงใส่มานะคะ ขอบอกว่าถ้ารับได้เค้าเอาไปขายต่อจริงๆ นะเอ้อ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 15-08-2012 13:28:38
มาอ่านตอนคุณเบาๆ พาตัว ผม กับ มัน ไปเก็บซะแล้ว ว้า เสียดาย ไม่ทันอ่ะ
เค้าเองก็มีคำถามนะ แต่ถามคุณเบาๆ เปล่าถามผมกับมัน แบบนี้จะได้คำตอบไหมคะ?? ฮ่าๆๆๆ ว่าแล้วถามเลยละกัน เผื่อๆ ไว้ ถามว่า...
"รูปอ่ะ วาดเองรึเปล่าคะ?" เพราะว่าคนอ่านคนนี้ กรี๊ด ชอบ! รูปน่ารักมากๆ เลยค่ะ คำบรรยายด้วย วุ้ยอยากวาดได้แบบนี้มั่งจัง
ส่วนสำหรับเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเรียลจริงอะไรจริง จนบางทีก็เกิดอาการ
"กูอิจฉาโว้ยยยยยยยยยยยย" ขึ้นมา กร๊าก ถ้าเป็นเรื่องจริงคงจะไฟลุกพรึ่บๆ ร้อนรนกันไปข้าง ขณะเดียวกันก็คงจะยินดีมากกกกกกกกกกกกก เช่นกันค่ะ ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้นะ ...
แล้วในเรื่องนี้ มีหลายช่วงหลายตอนที่อ่านแล้วรู้สึกตันๆ ในหัวใจ ตื้นๆ ไงไม่รู้ บางช่วงมันแน่นๆ ในอกไปเลย ถ้าภาษาง่ายๆ ก็ตื้นตันนั่นแหละค่ะ ประมาณนั้น เพียงแต่ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนอ่านยังไงให้มันเห็นภาพชัดๆ ทำนองว่า มีความสุขแต่ก็เจ็บปวดไปด้วยพร้อมๆ กัน แบบไม่สุขไม่ทุกข์ อ่ะ เอ้อ นึกออกแล้ว หน่วงๆ มั้ง คงแบบ หน่วงๆ น้ำตาจะไหลก็ไม่ไหล เพราะรู้ว่าในนั้นมันปนไปด้วยความสุขไง อืม ... แลดูวกวน ฮ่าๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่ชอบมากๆ ของเรื่องนี้ด้วย นั่นก็คงจะเป็นความอดทนของ มัน กับ ผม นั่นแหละค่ะ ยิ่งช่วงตอนที่อ่านตอนคายหมากฝรั่งนั่นเป็นอีกตอนที่อ่านแล้วรู้สึกอย่างที่บรรยายมาแบบวกๆ วนๆ ข้างต้นเลยนะ มันอวลๆ อุ่นๆ ในใจจังเลย อ๊ากกก อบอุ่นมากๆ
แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้น คือมีอีกหลายช่วงที่ชอบในเรื่องนี้ อย่างช่วงขอมือ เอิ่ม...ใช้คำว่าขอมือแล้วมันแปลกๆ แฮะ ฮา ใช้คำว่า ขอจับมือดีกว่า กร๊าก (กำลังสับสนว่าทำไมไม่ใช้คำว่า ขอจับมือ ตั้งแต่ที่แรก ฮ่าๆๆ) หรืออย่างตอนเรียนพิเศษก็ด้วย นั่นก็ติดท้อปช่วงที่ชอบมากๆ เลยค่ะ มันสอนอะไรเราได้หลายๆ อย่าง ให้เราได้ฉุกคิดในด้านอีกด้าน ได้มองมุมที่กว้างขึ้น เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ค่ะ ดีของโคตรของโคตรของโคตรดี จริงๆ นะเออ แบบว่ามันดีจริงๆ อ่ะ อ๊า บรรยายไม่ถูกจริงๆ นะนี่ ชอบมากๆ ค่า +1 กันไปโลด
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นที่ดีขนาดนี้
แล้วก็ กระซิบๆ (กระซิบทำไมฟระ!) สำหรับเรา คุณเบาเบาเป็นนักเขียนที่ดีมากๆ เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล. อันนี้กระซิบของจริง กระซิบว่า..หลังไมค์ขอห้าบาทด้วยนะคะ ค่าคำชม กร๊าก ล้อเล่น!

อ่อ ขอติงนิดนึง อืมไม่เรียกติงดีกว่า เรียกว่าสงสัยเนอะ คือมันจะมีอยู่ช่วงนึงที่ผมกับมันคุยกันว่าห้ามไม่ให้ มีกิ๊ก อ่ะคะ อ่านแล้วมันกระตุกนิดนึง สมัยนั้นเราไม่คิดว่ามันจะใช้คำว่ากิ๊กกันนะคะ คืออ่านแล้วรู้สึกว่าไม่น่าใช้คำนั้นอ่ะ น่าจะใช้คำแรงๆ อย่าง ชู้ รึไม่ก็ห้าม นอกใจ ที่มันดูเป็นธรรมดาๆ ของภาษามากกว่าศัพท์วัยรุ่น อย่าง กิ๊ก แต่เราก็บอกไม่ได้อ่ะนะคะ เพราะไม่รู้ว่าช่วงยุคนั้นคำว่ากิ๊กมารึยัง แต่ คิดว่าน่าจะยังไม่มา จำได้ว่าคำว่ากิ๊กเข้ามาประมาณช่วงหลังจากปีนี้ราวๆ สามสี่ห้าปีมั้ง (มั่ว---จำไม่ได้แล้วอ่ะ ก็บอกเลี้ยวว่าเค้าบอกไม่ได้ บอกไม่เถือก ฮา) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ที่อดสงสัยไม่ได้ก็เนื่องจากว่าถ้าคำนวณเวลา ผม กับ มัน เริ่มคบกันตอนปี 35 นั่นก็ = ม.4 จากที่อ่านที่ ผม มาตอบ งั้นคร่าวๆ ม.6 ก็คงราวๆ ปี 37 (มั้งนะ น่าจะประมาณนี้) ซึ่งคิดว่า ปี 37 เนี่ย คำว่ากิ๊กน่าจะยังไม่มานะคะ
อีกอย่างๆ ลืมบอกไปว่า อ่านเรื่องนี้แล้วรู้ได้เลยว่าเรายังเยาว์กว่าหลายๆ ท่านในรีพลายๆ ของเรื่องนี้เยอะเลยค่ะ ฮ่าๆ (ยืดอกด้วยความภูมิใจ กร๊าก)
เผอิญว่าเป็นรุ่นที่ไม่ได้สัมผัสกับระบบเอ็นทรานซ์แล้วแต่เป็นรุ่นที่ได้สัมผัสกับระบบแกะแพะ (รุ่นแรก) แทนน่ะค่ะ เอิ๊ก ฉันเอ๊าะๆ (ฮา)

ปล. อีกที อ่านเม้นนี้แล้วใครหมั่นไส้อิคนอ่านคนนี้ก็อย่าได้อย่าเอาเมาส์เขวี้ยงใส่มานะคะ ขอบอกว่าถ้ารับได้เค้าเอาไปขายต่อจริงๆ นะเอ้อ ฮ่าๆๆๆๆ

BaoBao ตอบนะคะ
คำว่า "กิ๊ก" ฉิบเป๋ง จริงๆ ด้วย ลืมค่าคุณขา เดี๋ยวคิดคำใหม่ก่อน ประเดี๋ยวไปแก้ๆ

แก้แล้ว หน้า 4 จ้า....ปรับนิดนึง อารมณ์ของผมยังอยู่ไม่หายจ้า


สำคัญอีกเรื่อง รูปวาดที่ลงในเรื่องนี้ และเรื่องอื่นๆ ( [ลอย] เป็นต้น)

เราจิ๊กมาจากในเน็ตจ้า
ไม่รู้ว่าผู้วาดชื่ออะไร เพราะไปเจอมันอยู่ในโพสพูดคุยกันของสาววายอ่ะค่ะ

เราเอามาจิ้น อิมเมจ ตอนนั้นนี้ในเรื่องอ่ะค่ะ
คือถึงเบาเบาจดร่างไว้ เบาเบาก็ลืมค่ะ หลายครั้งเรามักเซฟรูปมาแปะกำกับกับร่าง ว่าเดี๋ยวตอนนี้เอาฟิวลิ่งแบบนี้นะ เบาเบา
รูปที่ลงมันใช่มากๆ เลยเอามาแบ่งปันเป็นมุขขำๆ ค่า
หากไม่ถูกไม่ควรหรือสมควรต้องทำสิ่งใดเพิ่ม
แจ้งมาได้เลยค่า เดี๋ยวเบาเบาจดตามความเหมาะสมค่ะ :กอด1:

เบาเบาไม่รู้จักคนวาดรูปที่วาดแนวแบบนี้ได้อ่ะคะ
อยากมีรูปเป็นของตัวเองเหมือนกันนะคะ

เก็บประเด็นครบมั้ยน๊า
หากไม่ครบอย่างไรก็ท้วงติงมานะคะ

ไม่ถือ ไม่โกรธ จากใจ อย่าคิดมาก
เบาเบา



ปล.คุณทิวลิปสีส้ม ขอเลขบัญชี จะโอนเงินให้ 5 บาทค่ะ  :jul3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-08-2012 16:29:01
สนุกมากจ๊ะ แฮปปี้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 17-08-2012 13:15:17
น่ารักมากก ชอบมากกก
แปลกดีที่เอา"ผม"มาตอบคำถาม
มาไม่ทนถาม"ผม"ล่ะ  ฮ่าๆไม่เป็นไรแค่นี้ก็ยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 17-08-2012 14:12:37
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้เรายิ่งได้ตลอดทั้งเรื่องเลย
ขนาดจบแล้วยังทำให้ยิ้มต่อด้วยด้วยการตอบคำถาม
เป็นการจบอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ไม่มีอะไรค้างคาเลย
ยิ้มจนพี่ชายเรามันหาว่าเราบ้าไปแล้ว =_=** (ยังไม่บ้าซะหน่อย =3= แค่เกือบๆ)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-08-2012 02:15:39
อ๊ากกกกกกกกกกกกก  จะน่ารักไปไหนกันค้าาาาาาาาาาาา
อิจฉาอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: tarotman ที่ 20-08-2012 22:06:38
 :-[ ชอบอะ ยิ้มออกมาเลย...
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: nokkie ที่ 21-08-2012 22:05:36
อ่านแล้วน่ารักมาก ๆ ... นึกถึงช่วงเวลานั้นเลยอ่ะที่จะโทรศัพท์ทีเนี่ยต้องไปยืนต่อแถวนาน ๆ ฮา...

ให้ความรู้สึกอุ่น ๆ อยู่ในใจตลอดเวลาสำหรับคู่นี้ ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: skipabeat ที่ 22-08-2012 20:58:56
เข้ามากรี๊ดดดให้กับความน่ารักของ"คุณ"กับ"ผม"ค่ะ
(ขอให้ผมได้เข้ามาอ่าน แล้วฝากไปบอกคุณด้วยเถิดดดด)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 24-08-2012 02:26:30
ขอบคุณนะคับ  สำหรับเรื่องราวดีดี ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 26-08-2012 16:10:39
น่าฮักอย่างแรง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: -SlUoJvUe- ที่ 28-08-2012 00:08:33
เอาแบบพูดกันตรงๆเลยนะค่ะ....ถ้าพูดถึงเรื่องราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

มันรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น

มันเป็นลุกกุญแจที่มาไขประตูแห่งความทรงจำอะค่ะ

....สำหรับ พี่ทั้งสองคน ทั้งพี่ ผม และ พี่ มัน....

ขอบคุณเรื่องราวของพี่ทั้งสองที่ทำให้หัวใจได้อบอุ่นขนาดนี้

ทุกวันนี้หาได้ยากมากกับ รักที่มั่นคงยาวนาน แบบนี้ (แม้กระทั่งคู่ชายหญิง)

ยิ่งนึกถึงช่วงเวลานั้นแล้ว  มันลำบากจริงๆนะค่ะ   ยิ่งเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่

ทำให้เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก  ต้องคิดเยอะ...เฮ้อ   สุดยอดค่ะที่ผ่านมันมาได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใด....ขอยกความดีทั้งหมดให้กับ  พ่อและแม่ของพี่ทั้งสองได้มั๊ยค่ะ

เพราะพูดกันตรงๆแล้วไม่ไช่แค่พี่สองคนเท่านั้นที่ มี รัก แท้ ที่ มั่น คง

แต่เป็นเพราะ พ่อแม่ ที่บ่มเพาะ อบรมเลี้ยงดูลูกมาด้วยความรัก ทำหน้าที่ของพ่อและแม่จริงๆ

มันทำให้สัมผัสได้ถึงคำว่า ครอบครัว จริงๆค่ะ.....

    เป็น เรื่องสั้นเพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่อ่านสำหรับ นิยาย วาย
แต่ก็เป็นเรื่องแรก เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้าย  ที่จะขอจดจำความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจนี้ไว้นะค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง.....ขอบคุณจริงๆนะค่ะ :m15: :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-09-2012 18:53:55
เอาแบบพูดกันตรงๆเลยนะค่ะ....ถ้าพูดถึงเรื่องราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

มันรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น

มันเป็นลุกกุญแจที่มาไขประตูแห่งความทรงจำอะค่ะ

....สำหรับ พี่ทั้งสองคน ทั้งพี่ ผม และ พี่ มัน....

ขอบคุณเรื่องราวของพี่ทั้งสองที่ทำให้หัวใจได้อบอุ่นขนาดนี้

ทุกวันนี้หาได้ยากมากกับ รักที่มั่นคงยาวนาน แบบนี้ (แม้กระทั่งคู่ชายหญิง)

ยิ่งนึกถึงช่วงเวลานั้นแล้ว  มันลำบากจริงๆนะค่ะ   ยิ่งเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่

ทำให้เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก  ต้องคิดเยอะ...เฮ้อ   สุดยอดค่ะที่ผ่านมันมาได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใด....ขอยกความดีทั้งหมดให้กับ  พ่อและแม่ของพี่ทั้งสองได้มั๊ยค่ะ

เพราะพูดกันตรงๆแล้วไม่ไช่แค่พี่สองคนเท่านั้นที่ มี รัก แท้ ที่ มั่น คง

แต่เป็นเพราะ พ่อแม่ ที่บ่มเพาะ อบรมเลี้ยงดูลูกมาด้วยความรัก ทำหน้าที่ของพ่อและแม่จริงๆ

มันทำให้สัมผัสได้ถึงคำว่า ครอบครัว จริงๆค่ะ.....

    เป็น เรื่องสั้นเพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่อ่านสำหรับ นิยาย วาย
แต่ก็เป็นเรื่องแรก เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้าย  ที่จะขอจดจำความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจนี้ไว้นะค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง.....ขอบคุณจริงๆนะค่ะ :m15: :bye2:

 ขอบคุณเช่นกันค่ะ และ....
:กอด1: คุณขา
กลับมาอ่านเรื่องอื่นต่อสิคะ เรื่องอื่นก็อุ่นนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 01-09-2012 19:02:55
ขอบคุณเช่นกันค่ะ และ....
:กอด1: คุณขา
กลับมาอ่านเรื่องอื่นต่อสิคะ เรื่องอื่นก็อุ่นนะคะ

เรื่องกระดาษ+สมุดจดออกาไนท์

เรื่องเหตุเกิดในโรงพยาบาล

2 เรื่องนี้ฟีลกู๊ดนะคะนะ อย่าพลาด  o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-09-2012 21:29:26
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-09-2012 20:14:07
 เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว  (อ่าน 10043 ครั้ง)

เซิ้งเลยคร่า.... ทุกคอมเม้นท์และทุกตัวเลขเป็นแรงใจชั้นดีให้ผู้เขียน

(ทรุดนั่งพับเพียบ "ขอบคุณค่ะ" ^^)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: polla ที่ 09-09-2012 20:55:38
มาเม้นท์หลังจากที่อ่านจบไปสักพัก

 :-[ได้มาอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อให้ลิงค์มา เข้ามาอ่าน แล้วมันอิ่ม จนเค้าคิดว่ามันคือเรื่องจริง ประทับใจที่สุด
แต่พออ่านจบรอบที่สอง ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องที่แต่ง เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีคู่ที่น่ารักแบบนี้บนโลก แต่ยังไงล่ะ
ในเมื่อมันเชื่อไปแล้วว่า ผม กับ มัน มีตัวตนจริงๆ รักเรื่องนี้ของคุณเบาๆจริงๆนะ :impress2:

 :o8:แล้วตอนนี้ก้อเอาลิงค์ไปแนะนำให้ใครต่อใครอีกหลายคน คนที่อ่านแล้วบอกว่าชอบมากๆ เหมือนกัน ยิ่งรู้สึกอิ่มใจ 555 อย่างกะเป็นคนแต่งเอง ส่วนคนที่ยังไม่อ่านก็รอลุ้นว่าเค้าอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง

รอตอนพิเศษนะคะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 09-09-2012 23:49:20
มาเม้นท์หลังจากที่อ่านจบไปสักพัก

 :-[ได้มาอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อให้ลิงค์มา เข้ามาอ่าน แล้วมันอิ่ม จนเค้าคิดว่ามันคือเรื่องจริง ประทับใจที่สุด
แต่พออ่านจบรอบที่สอง ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องที่แต่ง เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีคู่ที่น่ารักแบบนี้บนโลก แต่ยังไงล่ะ
ในเมื่อมันเชื่อไปแล้วว่า ผม กับ มัน มีตัวตนจริงๆ รักเรื่องนี้ของคุณเบาๆจริงๆนะ :impress2:

 :o8:แล้วตอนนี้ก้อเอาลิงค์ไปแนะนำให้ใครต่อใครอีกหลายคน คนที่อ่านแล้วบอกว่าชอบมากๆ เหมือนกัน ยิ่งรู้สึกอิ่มใจ 555 อย่างกะเป็นคนแต่งเอง ส่วนคนที่ยังไม่อ่านก็รอลุ้นว่าเค้าอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง

รอตอนพิเศษนะคะ  :call: :call:

 ขอบคุณสำหรับการแชร์ค่ะ ดีใจดีใจ ที่ชอบ


ประกาศ ถึงแฟนคลับ "ผม" กับ "มัน"

วันลอยกระทงแวะเข้ามาในทู้นี้ใหม่นะคะ  :กอด1:
ใครกลัวพลาดก็ไปกดติดตามที่คำว่า BaoBao Story นะคะที่รัก  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 10-09-2012 01:19:51

ประกาศ ถึงแฟนคลับ "ผม" กับ "มัน"

วันลอยกระทงแวะเข้ามาในทู้นี้ใหม่นะคะ  :กอด1:
ใครกลัวพลาดก็ไปกดติดตามที่คำว่า BaoBao Story นะคะที่รัก  :จุ๊บๆ:


ตื่นเต้น ๆ ว่าแต่ลอยกระทงวันที่เท่าไหร่อ่ะ  :m4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: fillgoto ที่ 10-09-2012 20:52:43
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มันจะน่ารักเกินไปแล้วนะค่ะ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกก (บ้าไปแล้วนังคนนี้)
เป็นนิยายสั้นที่น่ารักสุดๆ
ความเงียบมันก็น่ารักนะว่าไป ฮิ ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 13-09-2012 01:00:43
นุ่มนวล สมจริง ชอบมากเลยค่ะ ขอชื่นชม  o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-11-2012 14:33:58
[แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]

ตอนพิเศษในวาระดิถี...ลอยกระทง



คำบางคำ…สำหรับคนบางคน พูดง่ายเพราะมันพูดออกมาจากหัวใจ

แต่คำคำเดียวกัน…สำหรับคนบางคนกลับพูดยาก---- เพราะอะไร?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-11-2012 14:47:32

“ไหนพูดสิ ‘กูรักมึง’ เอาแค่นี้ก็ได้ มา มา เร็ว…อย่าช้า เดี๋ยวเหรียญหมด!” น้ำเสียงที่ทั้งห้วนและพูดอย่างรวดเร็วแซมหวานกล่าวกรอกตามสายไปยังอีกคนที่อยู่ปลายทาง

“ส้นตีน!” เสียงดังฟังชัด สั้นแต่ได้ใจความ...สุดๆ

“มึงอ่ะ ของแค่นี้เอง พูดให้กูชื่นใจหน่อยไม่ได้รึไงวะ!” ผมกระเง้ากระงอดใส่คนที่อยู่ปลายสาย

“แหวะ แหวะ แหวะ…” ไม่พอ…ยังทำเสียงเหมือนจะอ้วกตบท้ายให้ด้วย *0*

“นี่…” ผมเรียกคนที่อยู่ปลายสาย

“แหวะ แหวะ…” ยังไม่จบ

“นี่!” ผมทำเสียงให้เข้มขึ้น...ได้ผลครับ เสียงแหวะจากปลายสายหยุดกึกไปเลย

“…………………………..มาย…..”

“เหรียญจะหมดแล้วน๊า” ผมบอกปลายสาย

“หือ………….......................โกรธอะ?”

“เปล๊า!”

“เหอะ เชื่อก็ควาย”

“นี่!”

“หือ?”

“รักมึงนะ แล้วกูก็รอ…” ขณะที่ผมกำลังจะพูดต่อ

-----ตี๊ดดดด
…. เสียงเตือนจากโทรศัพท์สาธารณะ

ผมจึงตัดใจพูดคำลา “ฝันดีนะ อีกสามวันเจอกัน ดูแลตัวเองด้วยล่ะมึง บายครับ”

------ตี๊ดดดดดด…เสียงนี้ดังก้องในหูของผมอีกครั้ง ก่อนทุกเสียงจากปลายสายจะตัดไป ไม่ว่าจะเสียงหัวเราะของมัน เสียงลมหายใจของมัน เสียงพูดคุยโหวกเหวกของเพื่อนๆ ร่วมหอมัน เสียงหมาในหอของมัน…. เหลือไว้เพียงเสียง “ตู๊ดดดดดด” ที่ดังซ้ำๆ แบบแสบแก้วหู

ผมระบายลมหายใจพลางวางหูโทรศัพท์ลงที่แป้นของมัน

พอเปิดประตูของตู้โทรศัพท์สาธารณะ ลมเย็นๆ ก็พัดมากระทบหน้าของผมทันที เหงื่อที่ชุ่มตัวเริ่มผสมเคมีกับลม แล้วทำให้ผมรู้สึก....ใจเย็นลง

พูดเองแล้วก็นึกเสียใจเอง…เป็นแฟนกับมันมากี่ปีแล้ว แล้วมันเคยพูดมั้ยว่า รักมึง กูรักมึง รักมึงว่ะ-----ไม่มีเลยสักครั้งเดียว

อ้อ! ยกเว้นวันนั้น…วันที่ไปเหวนรกกับมัน ที่มันหลุดออกมาว่ามันรักผมตั้งแต่ก่อนที่ผมจะสารภาพรักกับมัน

ถึงใช่...แต่ไม่ใช่! ที่ผมอยากได้ยินคือคำที่ผมพูดกับมันอยู่บ่อยๆ…คำบอกรัก

ผมเดินพลางครุ่นคิดเข้าไปยังรั้วของหอพัก-----คำว่ารัก…สำคัญยังไง?

สำหรับผม…ผมบอกรักมันเสมอ แทบทุกวัน แทบทุกครั้งที่คุยกัน เพราะอยากให้มันจำไว้ว่า “เรายังรักกันอยู่นะ”

กี่ปีมาแล้วที่มีแต่ผมซึ่งบอกรักมันอยู่ฝ่ายเดียว และเพราะรักระยะไกล เพราะ “ข่าว” ที่เพิ่งได้ยินมา ทำให้ผมอยากได้ยินคำคำเดียวกันนี้จากปากของมันบ้าง

เชื่อใจ…โอเคว่าผมเชื่อใจมัน และไว้ใจมัน แต่ใจคนนะครับ บางเวลามันก็มีช่วงที่ต้องอ่อนไหวกันบ้าง

รุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ข่าวนั้น ผมถามมันไปตรงๆ เหมือนทุกทีว่า : วันลอยกระทงไปเที่ยวไหนมา

มันบอกว่าไปกินเหล้าที่หอเพื่อนมัน-----ผิดจากข่าวที่ผมได้ยินมา…

วันต่อมาผมถามมันว่า : ไปกินข้าวเย็นที่ไหน

มันบอกว่ากินที่โรงอาหารก่อนเข้าหอ-----ผิดจากที่ผมได้ยินมา

ผมจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกและพยายามไม่คิดฟุ้งต่อ ไม่รับข่าวอื่นใดจากคนอื่นอีก เพราะ “มันของผม” เขายังเหมือนเดิมกับผม อีกฝ่ายไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม และผมเชื่อในคำสัญญาที่มันให้ผมเมื่อวันนั้น…ที่น้ำตกเหวนรก

แต่เมื่อใจมันยังคิด ผมจึงอยากได้บางสิ่งที่ไม่เคยได้มัน...คำว่ารัก…จาก ‘แฟนของผม’

รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่พูดคำนี้หรอก…มันอาย

แต่รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นขี้อายและไม่มีวันพูดคำนี้คำแบบง่ายๆ เหมือนผม แล้วทำไมวันนี้ผมถึงต้องเสียใจ!

“ฟื๊ด!” ผมสูดน้ำมูกเข้าจมูกอย่างแรง ผมหยุดก้าวขึ้นบันได แล้วเงยหน้าเบิกตาโตๆ ยืนนิ่งคาอยู่บนขั้นบันไดนั้น

“เฮ้ย! มึงเอาข้าวผัดมั้ยวะ กูจะลงไปโต้รุ่ง…” เพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทของผมถามตอนที่มันจะเดินสวนทางลงไปชั้นล่าง

ผมก้มหน้าลงมา พอเห็นเพื่อนเท่านั้นล่ะ ไอ้ความอัดอั้นตันใจมันกลับกระตุ้นหยดน้ำให้เอ่อล้นออกมาจากหางตาของผมโดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว

“เชี่ย! มึงเป็นเหี้ยไร? ร้องไห้ทำไม?” เพื่อนสนิทของผมทำหน้าตกใจสุดๆ

ร้องไห้?

นี่ผมร้องไห้เพราะแฟนไม่บอกรักตัวเองงั้นเหรอ?

หรือ…ร้องไห้เพราะคนที่ผมรักกำลังโกหกผม?

….



..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-11-2012 15:00:15
โอ้
ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ
กลับมาต่อเลยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-11-2012 15:00:59


….



..

.

หลังจากวันนั้นผมเดินทางออกนอกมหาลัยเพื่อไปทำกิจกรรมอาสากับเพื่อนในชมรมอาสา  การอยู่ท่ามกลางหมู่คนสองคันรถบัสและเสียงโหวกเหวกโวยวายทั้งตอนเดินทางและยามทำกิจช่วยหันเหความสนใจของผมไปจากความอัดอั้นตันใจที่มีในคืนก่อนเดินทางได้เป็นอย่างดี

ผมถือว่าโชคดีที่วันนั้นผมได้ออกไปข้างนอก เพราะหากผมจับเจ่าอยู่แต่ในหอหรือในรั้วมหาลัยแล้วล่ะก็ ผมคงไม่วายไปเซ้าซี้ให้มันโมโหอีกแน่

สามวันในการทำกิจกรรมผ่านไปเร็วโดยที่ผมแทบไม่รู้ตัว กระทั่งวันสุดท้ายที่เรามาล้อมลงกันรอบกองไฟหน้าหมู่เต้นท์ที่พัก ผมถึงเริ่มหวนมาคิดถึงเรื่องที่คาราคาซังอยู่ในหัวอกของผม

“มึงเป็นไร?” เพื่อนที่นั่งจิบสาโทที่ชาวบ้านเอามาเลี้ยงอยู่ข้างๆ เอ่ยถามผม

“หือ?....เปล่า” ผมยื่นมือไปเทสาโทลงแก้วของตัวเองบ้าง

…..อยากหลับ คืนนี้ผมไม่อยากปวดหัวกับความคิดวุ่นวายของตัวเอง

“มีไรก็ระบายบ้างก็ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว” เพื่อนมันบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจริงๆ

“ไมวะ? หน้ากูมันออกขนาดนั้นเลย?” ผมชักสงสัยหน้าตัวเองขึ้นมาบ้าง

“เปล่า แต่อยู่ๆ มึงก็ร่าเริงขึ้นมาหลังจากร้องไห้เป็นเผาเต่า นี่ล่ะที่แปลก” เพื่อนมันพูดพลางยกแก้วขึ้นมาจิบอีกอึกหนึ่ง

“………เหรอ….” ผมพูดแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ สงสัยมันจะรู้เรื่องมาจากไอ้เพื่อนที่เป็นรูมเมทของผม อันที่จริงผมก็อึดอัดอยู่นะ อยากระบายกับใครสักคน แต่ไม่รู้จะบอกอะไร หัวมันตื้อไปหมด

เพื่อนของผมมันเงียบไปอีกพักใหญ่ แล้วมันจึงกลับมาพูดกับผมต่อ “…มึงจะแวะลงจัน’ ป๊ะล่ะ?”

“หือ?...” ผมหันหน้าที่เริ่มรู้สึกร้อนฉ่าด้วยฤทธิ์ของสาโทไปมองเพื่อนตัวเอง “ไปทำไมวะ?”

“ก็เผื่อมึงจะแวะลงไปหาที่รักมึงไง อ.บอกว่าจากลับผ่านจันทบุรีด้วย มีน้องๆ บางคนจะลงกลางทาง อ.เลยจะให้รถเราไปส่งที่บขส.” เพื่อนมันบอก

ผมนั่งปล่อยใจไปกับฤทธิ์ของสาโทสักพักนึงก่อนจะเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูด

แวะลงจันทบุรี…ไปหามัน

…ไปพูดกับมัน

…ไปถามมันซึ่งๆ หน้า

……..จะดีเหรอ?

เพื่อนเห็นผมเงียบไป มันก็เลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ

มันยืนขึ้นตบบ่าผม แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่อื่น…มันเข้าใจว่าผมกำลังมีปัญหาหัวใจ

ผมล้วงกระเป๋าเงินออกมา ควักรูปของมันที่ผมมีเพียงไม่กี่ใบออกมานั่งดู

กลุ่มเพื่อนที่สนิทกันจะได้เห็นรูปของมันที่ผมพกไว้ในกระเป๋าตังค์….เอาติดตัวไว้ตลอด ไอ้พวกนี้จะรู้กันดีว่า “ใคร” ที่เป็นแฟนของผม เรื่องที่แฟนของผมเรียนอยู่จันทบุรีพวกมันก็รู้ เรื่องที่ผมต้องลงไปต่อแถวโทรศัพท์หามันเกือบทุกวันพวกมันก็รู้ พวกมันจะรู้กันละเอียดว่าผมกับมันมีความเป็นมาอะไรยังไง รู้กระทั่งว่าช่วงนี้มีอะไรยังไง เพราะผมเอาพวกมันเป็นที่ระบายอยู่บ่อยๆ (ส่วนใหญ่เป็นอารมณ์แบบอยากอวดแฟนน่ะครับ)

ซึ่งผมก็บอกแฟนของผมไปตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกันว่า ผมบอกเพื่อนๆ ไปแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน ก็โดนมันด่ามาตามระเบียบครับ แต่มันไม่ได้โกรธผมนะ

ไอ้เพื่อนสนิทของผมคนเมื่อกี้ยังเคยคุยกับแฟนผมด้วย วันนั้นไอ้เพื่อนผมคนนี้มันมาแซวที่ตู้โทรศัพท์ครับ เลยส่งสายให้คุยกับแฟนผมซะเลย แฟนผมเค้าก็คุยได้ ไม่มีขัดเขิน ก็ตามประสาคนชอบผูกมิตรของเค้าอ่ะครับ

เพื่อนผมมันก็ชอบสิครับ มันบอกผมทีหลังว่าแฟนผมคุยง่ายดี เหมือนคุยกับเพื่อนผู้ชายกันเอง มันบอกว่า ทีแรกนึกว่าแฟนผมจะเป็นตุ๊ด มันก็อุตส่าห์พูดสุภาพด้วย ที่ไหนได้ แฟนผมอ้าปากมาคำแรกก็มึงมาพาโวยกับมันเลย มันก็ฮาสิครับ ตอนหลังจากหนึ่งที่ได้คุยก็กลายเป็นยกโขยงมาขอพิสูจน์… จนเวลานี้แฟนผมก็จำเสียงเพื่อนสนิทของผมได้ทุกคน เหมือนผมที่จำเสียงของเพื่อนในแก๊งค์ของแฟนได้ทุกคน

ผมนั่งเหม่อกับรูปในมือนานเท่าไหร่ผมไม่รู้ แต่อยู่ดีๆ เพื่อนผมมันก็เดินมาหาผม มันจับบ่าผมแล้วก้มหน้ามาถามว่า “มึงรู้จักน้องหญิง เอกภาษาไทยป๊ะ รุ่นน้องเราสองปี ที่ผมยาวๆ หน้าหวานๆ น่ะ”

“……อ่อ…” ผมค่อยๆ นึกหน้าของรุ่นน้องคนที่เพื่อนมันบอก “เพื่อนน้องอ๋อม น้องชมรมเราใช่มั้ยล่ะ?”

“เออๆ นั่นแหละ น่นแหละ” เพื่อนผมพยักหน้าพลางนั่งลงข้างๆ ผม มันชโงกหน้ามามองกระดาษที่อยู่ในมือผม แล้วหยิบไปนั่งจ้องก่อนจะพูดว่า “อ๋อมมันบอกกู มันขอให้กูมาบอกมึงว่า ขอเวลาสักห้านาทีให้หญิงมันหน่อย ถ้ามึงโอเค กูจะได้ไปบอกไอ้อ๋อมมัน” เพื่อนผมพูด

“ห้านาที เอาไปทำไมวะ?” ผมถาม

“….ควาย!” เพื่อนผมแม่งเค่นเสียงเข้มใส่ผม แถมยังทำหน้าดุด้วย

“อ๊าว! มึงด่ากูทำไมอ่า?” ผมร้องเสียงหลง

“เค้าจะขอนัดมึงไปคุยด้วย มึงโอเคป่าวล่ะ?” เพื่อนผมบอกแบบหัวเสีย

“……อ๊ะ!” ผมนึกออกล่ะว่าห้านาทีที่ว่าหมายถึงอะไร

เพื่อนผมยื่นรูปในมือของมันส่งคืนผมก่อนจะพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า “น้องเค้าแอบชอบมึง ที่น้องเค้าตามมาค่ายอาสาด้วยก็เพราะมึงมา” เพื่อนแม่งพูดแล้วก็ยกแก้วกระดก…หน้าเฉย

แต่ผมสิ หน้าเหวอมาก…. “ไรนะ!”

ตกใจมากครับ กับสิ่งที่ได้ยิน เพราะไม่เคยรู้มาก่อน

น้องหญิงคนที่เพื่อนมันว่า ผมคุ้นหน้าอยู่ เพราะน้องเป็นเพื่อนสนิทกับน้องในชมรมอาสาของผม น้องมาเล่นที่ชมรมบ่อย มาช่วยที่ชมรมก็บ่อย เพื่อนๆ ผมชอบให้น้องหญิงถือกล้องรับบริจาคเงิน เพราะน้องเค้าหน้าตาหวานน่ารัก เลยเรียกเงินบริจาคได้มากโขทุกครั้ง

น้องหญิงไม่สมัครเข้าชมรมอาสา แต่ชอบมาร่วมทำกิจกรรมด้วยเฉยๆ เหมือนครั้งนี้ที่ออกมาต่างจังหวัด แต่น้องก็มาลงชื่อกับผมด้วย น้องบอกผมว่าอยากมาช่วยออกแรง

ผมเคยคุยเล่นกับน้องหญิงบ้าง แต่ไม่ใช่สนิทกัน ผมกับน้องเค้าอยู่ห่างกันสองชั้นปี แถมอยู่กันคนละคณะ หากน้องเค้าไม่มาให้เห็นหน้าที่ชมรมบ่อยๆ ผมก็คงจำหน้าน้องเค้าไม่ได้

แต่ก็แค่นั้น ผมไม่เคยคิดอะไรมากมายกับน้องหญิงคนนี้เลยสักครั้ง แถมผมก็ประกาศอยู่กลายๆ ว่าผมเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว และเจ้าของของผมเค้าอยู่คนละมหาลัยกัน

ผมก็งงสิครับ ว่าทำไมน้องเค้ามาแอบชอบผม ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนโสด
 
“มึงก็รู้ว่ากูมีมันแล้ว มึงจะรับฝากมาบอกกูทำเหี้ยไรวะ?” ผมสวดเพื่อนตัวเอง

“ก็น้องอ๋อมเค้าขอร้องกูมา” เพื่อนผมทำเสียงแบบกูถูกบีบบังคับ ไอ้เพื่อนสนิทผมคนนี้มันแอบชอบน้องอ๋อมอยู่ครับ กำลังทำคะแนนอยู่…

“…..เฮ้อ….” ผมถอนหายใจหนัก ส่ายหัวแบบปวดกบาล แล้วบอกเพื่อนไปตามที่ใจรู้สึก “กูฝากบอกน้องเค้าด้วยละกันว่ากูมีแฟนแล้ว  ถ้าไงฝากมึงขอโทษน้องหญิงด้วย เป็นพี่เป็นน้องกันอยากจะคุยเท่าไหร่ก็ได้ แต่ห้านาทีนั้น อย่าเลยดีกว่า”

เพื่อนผมแม่งถลึงตาจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ…สักพักมันก็ส่ายหัวดิก “เฮ้อ……..มึงนี่น๊า เสียเชิงชายหม๊ด….”

“หึหึหึ ทำไม แค่นี้อ่ะนะ? เสียเชิงตรงไหนวะ?” ผมเริ่มอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด

“ก็ไปแค่นี้เอง ให้น้องเค้าพูดหน่อยเหอะ นี่เค้าก็แบกหน้ามาขอกูให้กูมาคุยกับมึง ทำไมต้องตัดเยื่อตัดใยน้องเค้าขนาดนี้วะ?” พูดจบมันก็จิบสาโทเข้าปากอีก

ผมยื่นแก้วที่วางเปล่าไปหามัน “ได้ยินจากปากกูมันอาจเจ็บกว่าที่มึงไปบอกก็ได้นะ” มันเทสาโทใส่แก้วให้ผมแค่ครึ่งแก้ว ผมยกแก้วสาโทขึ้นมาดื่มสองอึก “ฮ้า-------”

“……แล้วมึงกับมันยังดีกันอยู่มั้ยล่ะ?”

“ก็เรื่อยๆ…มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ไว้กลับไปค่อยว่ากันว่ะ!”

“เออ… พวกกูเป็นห่วงมึงทุกคน บอกไว้แค่นี้แหละ” เพื่อนผมยกมือขึ้นมาตะปบที่หน้าขาผมอย่างแรง เพื่อบอกความจริงใจของมัน

“ใจว่ะ” ผมยิ้มนิดๆ พร้อมกล่าวขอบใจเพื่อนที่ห่วงผม

“ว่าแต่แฟนมึงมันมีดีกว่าน้องหญิงขนาดนั้นเชียวเหรอวะ? น้องเค้าน่าร๊าก--- ขนาดนี้ เรียบร้อยก็ปานนั้น นิสัยงี้...ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่างนะมึง หญิงในฝันของผู้ชายหลายคนในมอ. เราเลยนะเว้ย! มึงไม่เปลี่ยนใจแน่อ่ะ!” เพื่อนผมมันพูดด้วยสีหน้ายุ่งเหมือนยุงตีกัน

“หึหึหึ…ของกูก็น่ารัก นิสัยดี เป็นคนจริงใจ ตลกเฮฮา หน้าหลังตรงเปรี๊ยะ ไม่มีนมมีตูด แม่งทำไรก็โดนใจกูไปหมด คนเนี้ยะดีที่สุดสำหรับกูแล้วว่ะ” ผมบอกมันด้วยรอยยิ้ม…ภาคภูมิใจ

“แล้วถ้าอนาคตมึงเลิกกับมันล่ะ มึงจะกลับมาชอบผู้หญิงมั้ย?” เพื่อนของผมถาม มันถามหน้าซื่อๆ แบบไม่ได้มีนัยยะอะไร

“…….เออ มึงถามแปลกดี ก็น่าคิด…จะกลับมาชอบผู้หญิงมั้ยงั้นเหรอ?....” ผมกรอกตาและเริ่มประมวลความคิดอยู่ในหัวตัวเอง

ฮ่าฮ่าฮ่า… คิดอะไรไม่ออกเลย เวลานี้หัวผมมันมีแต่หน้ายิ้มๆ กับหน้าเขินแดงของแฟนตัวเองลอยให้พรึ๊บ “หึหึหึ…”

“ขำเหี้ยไร? บ้าแล้วเหรอมึงน่ะ?” เพื่อนมันพูดจบก็ยกสาโทขึ้นกระดกหมดแก้ว “ฮ๊า----------”

ผมจิบสาโทอีกหนึ่งจิบ ก่อนจะบอกเพื่อนตัวเองไปว่า “ถ้าจะลงกลางทางต้องบอกใครวะ?”

“ฮั่นแน่!” แล้วเพื่อนแม่งก็เอาศอกมากระทุ้งแขนผมอย่างกระเซ้าเย้าแหย่

“ไร? มึงชี้โพลงให้กูก่อนนะ” ผมกลั้นใจยกแก้วสาโทขึ้นดื่มหมดแก้ว “ฮ๊า--------”

“กลับมอ.ให้ถูกทางนะมึง อย่าให้พวกกูต้องไปตามถึงจัน’ นะเว้ย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไอ้เลว! มันอยู่หอในกูจะทำไรได้วะ เจอแล้วก็ต้องนั่งรถกลับเลย มึงน่ะ ต้องขี่รถมารับกูด้วย อย่าเสือกไปนอนหออื่นล่ะ!”

มาอาสาที่ต่างจังหวัดสามวันนี้ได้เพราะเป็นวันหยุด พรุ่งนี้ได้หยุดชดเชยอีกวัน แต่อย่างที่บอก แฟนผมเค้าอยู่หอใน ไม่ให้คนนอกพัก ถึงขากลับผมไปหาเขา คุยกันเสร็จผมก็คงนั่งรถกลับมาที่กรุงเทพฯ ต่อเลย… ไม่มีที่นอน

….



..

.

ครับ… กับสิ่งที่ผมเครียดคนเดียวมานานหลายวัน สุดท้ายแล้วมันก็ต้องไปหาคำตอบที่อีกคน

ผมหลีกเลี่ยงไม่กล้าเผชิญหน้ากับมโนภาพของตัวเองมาหลายวันแล้ว…ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

ดังนั้น ผมจึงต้องไปจันทบุรี

ไปถามกับมันซึ่งๆ หน้า

ไปไขข้อข้องใจของผม

และไม่ว่าผมจะเจอกับอะไรก็ตาม ผมก็มั่นใจว่าผม…จะยังรักมันอยู่ดี

….



..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-11-2012 15:12:35


….



..

.

ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนมาจิ้มแก้มแบบแรงๆ

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เสียงอื้ออึงของคนในรถบัสดังเข้ามาในโสตประสาทของผม

“ถึงจันทบุรีแล้วครับคุณชาย เชิญเสด็จครับ!” ไอ้เพื่อนสนิทผมหดนิ้วของมันกลับไป พร้อมลุกขึ้นไปหยิบเป้ของผมลงมาจากชั้นวางของเหนือหัว

แล้วโยนส่งให้ผมที่ยังนั่งหน้ามึนอยู่กับเบาะรถ

“อื๊อ--------” ผมยืดตัวบิดขี้เกียจ

“ไหน? ใครจะลงบ้าง ยกมือสิ! แล้วมีใครจะลงเพิ่มมั้ย? บอกออาจารย์ก่อนนะครับ” เสียงตะโกนของอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมดังขึ้น

ผมรีบชูมือขึ้นสูงๆ……

ผมลุกขึ้นยืน สะพายกระเป๋าเป้ที่เอาของบางส่วนที่จำเป้มาใส่ไว้ แล้วฝากใบใหญ่ไปกับเพื่อนสนิท

“มึงให้น้องเราไปส่งที่มอ.ที่รักมึงนะ ไม่ต้องเสือกหารถไปเองล่ะ กูฝากน้องๆ มันไว้แล้ว” ไอ้เพื่อนสนิทของผมบอกกับผมก่อนที่ผมจะเดินไปหน้ารถ

“คนไหนวะ?” ผมหันหน้ากลับมาถามเพื่อนว่าน้องคนไหนที่จะลงจุดนี้ด้วยกัน

“โน่น…ก๊กไอ้ตี๋นั่นแหละ มึงก็รู้จักมัน” ไอ้เพื่อนสนิทผมบอก

“อื้อ…” ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

ก๊กไอ้ตี๋ที่ว่าคือกลุ่มเด็กวิศวะปีหนึ่งที่กวนตีนจนได้โล่ แต่ก็แค่กวนๆ ให้คนปวดประสาทไม่ได้ยั่วหมัดหรือส้นตีนใครแต่อย่างใด ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันหัวโจกชื่อตี๋ กับเพื่อนพ้องอีกสามคน รวมทั้งก๊กนี้มีสี่คน

ซึ่งพวกมันก็สนิทกับทุกคนในชมรมเป็นอย่างดี ยิ่งผมที่เป็นรองประธานชมรมแล้วล่ะก็ พวกมันยิ่งชอบมากวนบาทา หึหึหึ…แต่พวกมันหารู้ไม่ว่า พวกผมน่ะ กะจะยกตำแหน่งให้พวกมันไปทำแทนต่อ ไอ้เด็กพวกนี้มันเอางานเอาการดีทีเดียว

“พี่รอผมอยู่นี่นะ เดี๋ยวตี๋ไปโทรหาป๊าก่อน พวกมึงนั่งคุมพี่กูไว้นะ อย่าให้พี่กูมีรอยสึกหรอ!” ไอ้ตี๋บอกผมเสร็จก็หันไปสั่งการเพื่อนมันอีกสามคนที่ยืนคุยเล่นกับเพื่อนๆ ที่ลงมายืดเส้นยืดสาย

“เออ!” เพื่อนในก๊กของไอ้ตี๋ประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง

เรามากันสองรถบัส แต่อีกคันวิ่งเลยไปเลยไม่จอดที่นี่ ส่วนรถคันที่มาจอดแวะส่งนักศึกษาอาจารย์ให้รถจอดพักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เด็กคนอื่นไปเข้าห้องน้ำ บางคนก็ไม่ซื้อของฝาก มีเฉพาะไม่กี่คนที่นั่งเล่นอยู่แถวๆ รถบัส

“มึงนอนกับไอ้ตี๋ได้นะ เพื่อนมันก็ไปค้างบ้านมัน” ไอ้เพื่อนสนิทของผมที่เดินจากรถมาส่งผมบอกกับผม

“ไม่ล่ะว่ะ เกรงใจมัน พวกมันอาจอยากสนุกกันก็ได้” ผมบอกเพื่อนตัวเอง

“ตามใจมึง ให้มันไปรับมึงที่มหาลัยนั่นก็ได้นะ จะกี่โมงก็ได้ กูว่าคืนนี้ไอ้พวกนี้มันไม่นอนกันหรอก ขอเบอร์เพจเจอร์มันไว้ด้วยล่ะ” เพื่อนผมสั่งการ

“เชี่ย! เกรงใจน้องมัน แค่ให้มันไปส่งก็รบกวนจะแย่แล้ว เดี๋ยวขากลับกูกลับมาเองได้”

“แล้วตกลงแฟนมึงน่ะ มันจะไม่ส่งมึงเลยรึไง?”

“ไอ้นี่ จะให้มันลำบากขี่มอไซด์มาส่งกูค่ำๆ มืดๆ ได้ไง อันตราย!”

“โอย……ห่วงกันจริ๊ง อย่าให้กูเห็นนะว่ามึงกลับมาแบบน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะ!”

“เจ็บว่ะ! จุกฉิบหาย! ….. แม่งพูดมาได้ช่วงนี้กูยิ่งหวั่นไหวกับคำพูดนี้นะมึง….”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เพื่อนผมหัวเราะสะใจที่ทำผมหน้าแหย๋ได้ มันยื่นแขนมาเหนี่ยวคอผมไปรัดให้ผมอึดอัดเล่น…….เล่นกันสักแป๊บ มันก็หยุด และนิ่งไป

“เป็นเหี้ยไรวะ?” ผมหันหน้าไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเอง เห็นมันจ้องไปข้างหน้าแบบตะลึงงัน ผมเลยหันไปมองในทางเดียวกับมันบ้าง

ท่ามกลางผู้คนที่คราคร่ำ บ้างก็เดินลงจากรถ บ้างก็เดินขึ้นรถ หลายคนนั่งหน้าเซ็งอยู่กับเก้าอี้ บางส่วนส่งยิ้มให้กัน เมื่อคนที่ตัวเองรอมาถึง

ที่ช่องจอดรถประจำทางคันหนึ่ง ไม่ไกลจากที่พวกผมจอดรถบัส

ผมเห็นแฟนของผมส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนหนึ่ง....เขายื่นมือไปรับกระเป๋าเป้มาจากผู้หญิงคนนั้น แฟนของผมส่งยิ้มหวานให้เธอ เอามือของเขาไปขยี้หัวของเธอแบบหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินเคียงกันไปยังที่จอดรถมอเตอไซด์

ผมมองทุกอากัปกริยาของเขาไปจนเขากับผู้หญิงคนนั้นลับหายไปจากสายตาของผม

ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เพราะแรงจากแขนที่รัดรอบคอของผม และเสียงกระซิบจากเพื่อนสนิท “พอเหอะ มึงกลับกรุงเทพฯ กับกูเลยดีกว่า!”

เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทหนึ่งในสองที่เคยเห็นหน้าและเห็นเป็นๆ ของ “แฟนผม”

เมื่อตอนอยู่ปีสอง…วันเกิดของผมมักตรงกับช่วงปิดเทอม และปีนั้นอยู่ดีๆ “แฟนผม” เค้าก็มาหาผมที่หอ โดยบอกว่าจะมาฉลองวันเกิดกับผม และจะค้างด้วย

ผมเลยต้องอัญเชิญรูมเมทของตัวเองไปฝากไว้ที่หอพักของไอ้เพื่อนสนิทคนที่กำลังเหนี่ยวรัดคอผมไว้ในเวลานี้

ไอ้เพื่อนคนนี้มันมารับรูมเมทของผมไป เลยได้เจอกับ “แฟนผม” แล้ววันต่อมาพวกมันสองคนก็ไปกินข้าวมื้อเย็นกับพวกผมด้วย แฟนของผมออกปากขอเลี้ยงพวกมัน เพราะเกรงใจที่มายึดห้องหลายนึง

เช่นนั้น…มันจึงพอจำหน้าแฟนของผมได้ ทั้งจากในความทรงจำ และรูปถ่ายมันชอบแย่งจากมือผมไปดู

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

ผมนิ่งไปทั้งตัว นิ่งจนราวกับว่าผมยังมีชีวิตอยู่มั้ย?

ผมยังหายใจอยู่รึเปล่า?

นี่เป็นฝัน

นี่เป็นภาพลวงตา

หรือผมตาฝาดไป….ใช่มั้ย?

ใช่สินะ?

เป็นคนละคนกัน…ใช่หรือเปล่า?

“พี่ ป๊าตี๋มาแล้วครับ ป๊ะพวกมึงไปกัน อาจารย์หวัดดีคร๊าบ-----” เสียงไอ้น้องตี๋ปลุกผมขึ้นมาจาก…ความเพ้อ

“แต๊งค์ว่ะตี๋ แต่เพื่อนพี่มันเปลี่ยนใจแล้ว โทษทีนะ” ประโยคที่เพื่อนสนิทผมเอ่ยปากบอกรุ่นน้องตัวเองการันตรี ‘ความจริง’ ให้กับผม

“อ๊าว! ไมอ่ะเพ่” ไอ้ตี๋หน้าเหวอ เพื่อนมันก็พลอย “อ๊าว!” เสียงหลงไปพร้อมกับมันด้วย

“เอ่อ….ถ้ากลับดึกอาจลำบากพวกแกว่ะ ไว้วันหลังค่อยมาละกันเนอะมึง” เพื่อนสนิทผมหันมาขอเสียงสนับสนุนจากผม

“โหย….นอนบ้านตี๋ก็ได้พี่ พี่พร้อมจะกลับมานอนตอนกี่โมง ปี๊ด ปี๊ด มาบอกตี๋ เดี๋ยวตี๋ขับรถไปรับเอง ป๊าไม่ว่าหรอก บ้านตี๋เค้าโอเค!” ไอ้น้องตี๋เดินมาแกว่งแขนแบบออดอ้อน

“เออ ไว้…”

เพื่อนสนิทผมยังพูดไม่จบ ผมก็เอ่ยปากแทรกมันไปก่อน

“ดึกหน่อยคงไม่รบกวนใช่มั้ย? พี่อาจทำให้เราลำบากจริงๆ นะ” ผมถามน้องตี๋ด้วยใบหน้ายังไง ผมไม่อาจทราบได้ แต่น้องตี๋ที่หน้าทะเล้นเสมอ เปลี่ยนสีหน้าเป็นเข้มขึ้นทันที

“นอนบ้านผมแล้วไปมอ.พร้อมกันพรุ่งนี้ยังได้เลย พี่ชายผมคนเดียว ทำไมผมจะดูแลเทคแคร์พี่ผมไม่ได้ ไอ้สามตัวนี่ดูแลลำบากกว่าพี่อีก”

“ไม่เอาน่า มึงจะไปทำไมตอนนี้ กลับกับกูก่อน ถ้ามึงจะมา เดี๋ยวพวกกูพามึงมาวันหลังเอง” เพื่อนสนิทผมพูดแบบหัวเสีย….มันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

“ให้กูกลับหอตอนนี้แล้วต้องคิดมากยิ่งกว่าแปดวันก่อน กูไม่เอาว่ะ เห็นแล้วก็ไปถามเลย ง่ายๆ ไม่ยาก กูโอเคน่า มึงไม่ต้องห่วง” ผมบอกเพื่อนให้คลายกังวล

“……..”

“พวกตี๋ไปนั่งรอทางโน้นนะพี่ ไม่ต้องรีบนะครับ” ไอ้น้องตี๋โดยเพื่อนในก๊กไปห่างๆ จากพวกมันแบบรู้ความ

“มึงก็เห็น ไปตอนนี้มันมีแต่จะโมโหใส่กันเปล่าๆ ไปทำใจให้เย็นก่อนดีกว่า”

“กูเย็นแล้ว กูรู้มาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว กูโอเค! จริงๆ! มึงไม่ต้องห่วงกู”

“เชี่ย!.....นี่ที่มึงร้อง….…..สัด! แม่ง! มึงมีอะไรทำไมไม่บอกเพื่อน เห็นพวกกูเป็นหัวหลักหัวตอรึไงวะ!”

“กูคุยกับมันเสร็จแล้วกูจะกลับเลย ไม่ค้างบ้านน้องมันหรอก มึงกลับไปเหอะ แป๊บเดียวเอง กลับไปแล้วกูจะเล่าทุกอย่างให้พวกมึงฟัง แต่ตอนนี้กูมีแต่สิ่งที่กูไม่รู้ ไว้กูกระจ่างทุกอย่างแล้ว กูจะบอกพวกมึง”

“ขึ้นรถได้แล้วครับ พวกเธอน่ะ กลับบ้านกันดีๆ นะ” อาจารย์ที่ยืนต้อนเด็กๆ ขึ้นรถตะโกนมาบอกพวกผมที่ยืนแยกออกมาตรงนี้เพียงกลุ่มเดียว

“ไปเหอะ อาจารย์เรียกมึงแล้ว ไปซะ” ผมปลดแขนของเพื่อนสนิทออก

ผมยืนจ้องหน้าผมสักครู่ แล้วมันก็วิ่งกลับไปขึ้นรถ

ผมเห็นมันก้าวขึ้นรถแล้วจึงกลับหลังหันมาหาน้องตี๋กับเพื่อนพ้อง ผมก้าวขาเดินไปหาน้องๆ เมื่อไปใกล้พวกน้องๆ ผมส่งยิ้มให้พร้อมบอกว่า “โทษที ให้รอซะนานเลย ป๊าตี๋มารอนานแล้ว เราไปกันเถอะ”

“ครับ พี่จะแวะบ้านผมก่อน หรือจะให้ผมไปส่งที่มหาลัย…..เพื่อนพี่เลย…” น้องตี๋สะดุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดมาได้จนจบประโยค

“….รบกวนไปส่งพี่ที่มหาลัยนั้นเลยละกัน อ้อ ขอเบอร์เพจเจอร์ตี๋หน่อยสิ เผื่อพี่มีอะไรจะได้ติดต่อกันได้” ผมปลดสายเป้ข้างหนึ่ง แล้วเอื้อมมือไปรูดซิบหน้าเพื่อหยิบเอาปากกาออกมา ก้มหน้าพร้อมจดลงไปในเศษกระดาษหนึ่งที่คว้ามาได้จากในเป้

“เบอร์….อ๊ะ!” น้องตี๋พูดค้างไว้

ผมผิดสังเกตุจึงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นน้องตี๋มองเลยผมไป ผมเลยหันหน้าไปมองตาม

รถบัสของมหาลัยเคลื่อนออกไปจากที่จอดเดิมของมันแล้ว ทว่าไอ้เพื่อนหน้ายุ่งของผมกลับเดินหน้าเฉยตรงมาหาพวกผม!

“มึงไม่กลับไปกับรถล่ะวะ?” ผมตะโกนถามมัน

มันไม่ตอบ มันเดินเรื่อยๆ มาหาผม จนถึงตรงที่พวกผมยืนอยู่แล้วมันถึงเอ่ยปากพูดว่า “กลับไปก็คิดมาก นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายกินไม่ได้ ขี้ไม่ออก อยู่นี่แหละดีแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…..”

เสียงของไอ้น้องตี๋กับเพื่อนๆ มันครับ

ส่วนผม…ก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าแบบจนใจ พร้อมกับขอบคุณไอ้เพื่อนสนิทคนนี้…อยู่ในใจ

….



..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-11-2012 15:17:37
รอออออ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ต่ออย่างต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-11-2012 15:33:46


….



..

.

ผมเอาสมุดจดเล่มเล็กออกมาพลิกดู จากนั้นจึงดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง “ไปที่นั่นก่อนละกัน ใกล้ได้เวลากูโทรหามันแล้ว วันนี้มันเลิกเร็ว”

“อื้อ” เพื่อนสนิทผมพยักหน้าก่อนจะหันไปสตาร์ทรถมอเตอไซด์

“ไปนะตี๋” ผมยกมือขึ้นเป็นการลารุ่นน้อง ก่อนจะซ้อนมอไซด์ที่ยืมน้องตี๋มาไปยังที่หมายของผม โดยมีเพื่อนสนิทของผมเป็นคนขับให้ ธุระของผมมันจะจบยากหรือง่ายผมก็ไม่อาจรู้ได้ การได้รถมอไซด์มาใช้เองนับว่าลงตัวที่สุดสำหรับผมในเวลานี้

มอไซด์ขับมาได้ระยะหนึ่งก็มาถึงรั้วของมหาลัย ผมนั่งซ้อนท้ายมันมาด้วยหัวใจที่สั่นระทึก จนมาถึงหน้าหอพักของมันที่ผมเคยบุกเดี่ยวมา ผมก็ยังก้าวขาลงจากรถไม่ลง

“เอาไงต่อ” ไอ้เพื่อนสนิทถามผม

“แป๊บนะ…” ผมยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา อีกสิบนาทีจะถึงช่วงที่ผมนัดมันไว้ว่าจะโทรหา “ไปตรงตู้โทรศัพท์นั่นละกัน”

ผมชี้ไปที่ตู้โทรศัพท์หนึ่งที่ห่างจากตรงประตูหอนี้ แต่ไม่ไกลเกินไปสำหรับสายตาของผม

ทันทีที่รถมอไซด์คันที่ผมนั่งสตาร์ทเครื่องและบิดออกไปยังทางที่ผมชี้ จู่ๆ ผมก็หันหลังไปมองด้านหลังด้วยหัวใจสั่ง

ผมเห็นเจ้าของหัวใจของผมขี่มอไซด์คันหนึ่งเข้าไปในหอพัก โดยมีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วยสองคน น่าจะเป็นเพื่อนในแก๊งค์

เจอตัวแล้ว

และเอาเข้าจริง ผมกลับยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเดินเข้าไปหามันแล้วถามในสิ่งที่ผมคลางแคลงสงสัย































































….



..

.

“ไง?” ผมกรอกสายไปในโทรศัพท์

“กลับเร็วจังวะ?” มันทัก

“ยังไม่ถึง รถแวะเติมน้ำมัน นี่นั่งกินข้าวกันอยู่ เห็นตู้โทรศัพท์แล้วคิดถึงอ่ะ” ผมหยอดความหวานไปตามหัวใจสั่ง

“หึหึหึ…” มันหัวเราะในลำคอ แล้วถึงบอกผม “คุยนานไม่ได้นะ ต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”

“ที่ไหนเหรอ?” ผมตะล่อมถามอย่างใจเย็น

“ร้านXXXX” มันพูดชื่อร้านที่มันต้องไปออกมา ผมรีบคว้ากระดาษกับปากที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาจด แล้วชวนมันคุยต่อไปตามปกติ

มันบอกว่าคืนนี้มันไม่กลับหอ แก๊งค์มันจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนมันคนนึง มันหัวเราะร่วนแล้วบอกว่า เจ้าภาพวันนี้กระเป๋าหนัก กินที่ร้านแล้วจะไปต่อที่บ้านกันเองอีกรอบ

แล้วมันถามผมว่าไปค่ายอาสาทำไรบ้าง ผมก็เล่าให้มันฟัง

ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ มันก็บอกว่าต้องไปแล้ว ได้เวลาเพื่อนมันนัดแล้ว

“คิดถึงกูบ้างมั้ย?”

“….ไร? ยุงลายกัดมึงจนสมองฝ่อเลยเหรอ?”

“มึงยังรักกูอยู่มั้ย?” ผมกัดฟันถามมัน…ใจจริงอยากบอกมันว่า ผมอยู่ตรงนี้ มาเจอหน้ากันหน่อย

……อยากได้ความจริง

……อยากได้ความสบายใจ

……ผมเครียดจนเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน

“มึงไปหาหมอซะนะ ท่าจะเป็นเอามาก สายแล้วว่ะ กูไปละ วางนะ” มันไม่สนใจ….เหมือนเดิม

“อื้อ ดูแลตัวเองนะ” ผมบอก

“อื้อ วางนะ” มันพูดจบก็วางสายไปเลย

---------แกร๊ก!

ผมวางหูโทรศัพท์ลงในที่ของมัน เสียงเหรียญร่วงกราวกระทบโลหะ เสียงแกร๊งในแต่ละครั้ง ราวกับตกลงมากระทบกล้ามเนื้อหัวใจของผม...โดยตรง

ผมเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ คนที่มายืนต่อเดินเข้าไปแทนที่ผมอย่างรวดเร็ว

มันยังเหมือนเดิม…ทุกอย่าง

แต่ในความเหมือนเดิมของมันเวลานี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหัวใจผม

สิ่งที่ผมเห็นคือความจริง หรือสิ่งลวงตา...กันแน่?

….



..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-11-2012 15:39:19
ฮือ เคลียร์กันด่วนๆ
ข้องใจอย่างแรงงง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 25-11-2012 15:50:07
โอ๊ยยย มันค้างงง มาต่อด่วนๆๆค่าา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 25-11-2012 16:04:31
รอถ่ายทอดสดนี่ลุ้นดีแฮะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-11-2012 16:34:55
เหอ เหอ เหอ  ผมคงจะกังวลน่าดู ขนาดคนอ่านยังลุ้นตาม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 25-11-2012 17:50:35
อ๊าคคคคคคค บีบคั้นหัวใจคนอ่าน  :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 25-11-2012 21:05:11
อ่านเพลินดีครับเรื่องนี้ ชอบตอน ถามไป ตอบมาอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 25-11-2012 22:12:17
คุณเบาเบา หายไปไหนแล้ว มาทำให้ค้างแล้วจากไปง่า มาเคลียร์ให้จบเดี๋ยวนี้เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-11-2012 22:27:41
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: เอฟห้ากระจาย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 25-11-2012 22:44:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 25-11-2012 23:15:39
หน่วงแทน "ผม" จริงๆ   :z3:

รอคอยให้ "มัน" ยอมบอกคำว่ารักให้ "ผม" ได้ยินเร็วๆ

เมฆหมอกหม่นๆ จะได้จางหายไปจากรักทางไกลของคู่นี้สักที

รออ่านตอนต่อไปค่ะ   :call:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 26-11-2012 03:44:27
ไขข้อข้องใจ

เมื่อวาน (25/11/2555) ----- กะว่าจะแต่งเรื่อง [เรายังจะคบกันอยู่มั้ย?]
แต่พอดีติดสัญญาเก่า วาระดิถีลอยกระทง จึงไปลง "ผม" กับ "มัน" ก่อน

(** แล้วหากพูดถึงสัญญาก็ยังมี  [ไม่นานก็เช้า] อีกหนึ่งที่รอจ่อคิว *0*)

ก็ตั้งใจว่าจะพยายามคั้นมัน"ผม" กับ "มัน"ออกมาจนจบตอนพิเศษก่อน
แล้วถึงเริ่มเรื่องใหม่...ดีกว่าเนอะ (ของใหม่มันจะยาวกว่าตอนพิเศษ)

แต่เพราะอาิทิตย์นี้ เบาเบาอยู่ในช่วงชีพจรลงเท้า
ไม่ได้นั่งอยู่ติดบ้าน เลยไม่สามารถพิมพ์แล้วลงได้

ดังนั้นจะเขียนด้วยลายมือ แล้วกลับมานั่งพิมพ์ทีหลัง
เอาเท่าที่ง่วงแล้วก็พอนะคะ

สรุปแว๊ คราวนี้ไม่ต้อง เอฟ5 กันนะคะ
เอาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ค่ะ

ปล.ตอนพิเศษนี้จะจบหรือไม่
เรื่องใหม่จะมาจนจบจริงมั้ย?
เรื่องไหนจะลงเป็นเรื่องใหม่

ไม่แน่นอนค่ะ ไม่ทราบจริงๆ แล้วแต่องค์ท่านจะกรุณาอีกทีนะคะ

อาจเลวหน่อยในสายตาที่รักทุกท่าน
แต่เบาเบาก็จะทำให้ดีที่สุด

ที่รักจะรอจนจบชัวร์แล้วถึงมาอ่านก็ได้นะคะ เบาเบาโอเคคร่า (^^)
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-11-2012 11:56:05
ไหงเป็นงี้หละ
คู่ในตำนานก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันเนาะ
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 26-11-2012 12:31:22
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

มันบีบหัวใจเกินไปแร้ววว
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 26-11-2012 20:34:11
 :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 27-11-2012 16:17:09
 o18 o18 o18 คืนนี้จะมาต่อมั๊ยนะ 
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 27-11-2012 19:23:37
o18 o18 o18 คืนนี้จะมาต่อมั๊ยนะ 

 :กอด1: เงินเดือนยังไม่ออก
ต่อมะด้ายจ้า ใจมันหวิว  :sad4:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 27-11-2012 20:33:24
เธอมาทำให้ฉันอยากแล้วก็จากไป แถมมาจากตอนที่เรื่องค้างคาอีกด้วย

ทรมานฉันจริงๆนะเธอ
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 27-11-2012 20:45:55
 :z3: :z3:  มาต่อเถอะนะ คริคริ
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 28-11-2012 05:28:00
 :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 28-11-2012 23:36:39
เอ๊า ค้างเลย อยากรู้จะอะไรยังไงต่อไป  :z3:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 29-11-2012 23:14:11
 :กอด1: มารอคุณ baobao
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 30-11-2012 22:25:00
 :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-12-2012 20:40:54
มันค้างประหนึ่งก้างติดคอ55555555555
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-12-2012 21:29:24
 :impress2: คุณเบาเบา เงินเดือนออกแล้วนา มาต่อได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 02-12-2012 10:00:42
น่ารักอ่ะ อิอิ





หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 09-12-2012 19:24:17
เมื่อไรจะมาต่อเรื่องนี้อ่ะ   o9 o9
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 04-01-2013 22:57:51
ตามมาจ๊ะเอ๋คุณเบาๆอีกเรื่องค่ะ ฮ่าๆ
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไปมาก
อ่านแล้วเราก็นึกถึงตอนเด็กๆค่ะ คือมีเพื่อนญาติพี่น้องกี่คนจะจำได้หมดเลย
เพราะจะจดไว้ใส่สมุดโทรศัพท์ เมื่อก่อนขายดีมากด้วย
เวลาไปหยอดตู้โทรบ่อยๆก็ทำให้จำเบอร์ได้เอง คนรู้จักมีร้อยคนก็จำได้ร้อยเบอร์หว้าาา
เดี๋ยวนี้หรอ จำเบอร์แม่ได้ก็บุญแล้ววT^T
ตู้โทรศัพท์ยังหายากอีก ฮ่าๆ
ชอบบรรยากาศงี้อ่ะ คืดเขาเข้าใจกัน
ชอบตรงตอบคำถามที่ว่าห่างนานๆไม่นอกใจหรอ
ผมตอบว่าตารางเวลาแบบนี้ไม่มีเวลาให้นอกใจเพราะทุกเวลาคิดถึงแต่กันละกัน
เราว่ามันน่ารักมากนะ
รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 07-01-2013 05:23:22
ไรอ่า ไม่มาต่อแล้วเหรอ

เรื่องจะจบยังไงT^T


ปล.เรียนที่จัน....ใกล้ม๊ากค่าาาาาา :z2:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 25-01-2013 08:54:53
เห็นคนพูดถึงผมกับมันเยอะ เข้ามาอ่านบ้างติดดดแล้วอยากอ่านต่อจ๋า
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 04-02-2013 21:14:09
เอ้าเข้!!!! :a5:

วันนี้ว่างๆ อยากอ่านอะไรดีๆย้อนวันวานเลย มาจัดอ่านรอบสอง เจอคุณเบาเบาปล่อยของใส่สะงั้น

เอาเข้าจริง ชีวิตมันก็ต้องมีอย่างนี้บ้างแหละ เราเองสมัยเรียนห่างแฟนแล้วเหงา มีคนนู้นคนนี้มาเอาใจก็เคลิ้ม

จุดธูปเรียกองค์ให้ เผื่อวันไหนฤกษ์ดีมาขยายตอนต่อไปให้จบ :call: :call:
หัวข้อ: Re: แจ้งรีพลาย 241 หน้า 5..... [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ยังมีต่อ (25/11/2555)
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 10-04-2013 22:02:23
ตัวเองงงเค้ายังรอตัวเองให้มาต่อ"ผม"กับ"มัน" อยู่น้าาาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] ต่อ...หน้า 9 (30/4/2556)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 16:51:39

….



..

.

ผมเดินไปหาเพื่อนตัวเองที่นั่งพิงมอไซด์อยู่

“ไปไหนต่อ?”

ผมไม่สามารถตอบคำถามของเพื่อนได้…เพราะผมเองก็ยังคิดไม่ออก

ผมยังไม่รู้จะใช้จังหวะไหนเข้าไปคุยกับแฟนของตัวเอง…และอีกอย่างคือผมกำลังกลัว…

…ผมกลัวคำตอบที่ตัวเองคิดมโนภาพขึ้นมาเอง จะเป็นความจริง

…ผมกลัวที่จะรับรู้ กลัวว่าปัจจุบันจะเปลี่ยนไป

“คิดก่อนละกัน เมื่อกี้มันบอกว่าจะไปงานเลี้ยงวันเกิด…” ผมบอกเพื่อนตัวเอง

“ก็ไปเซอร์ไพรส์มันสิ!”

“งานวันเกิดเพื่อนมัน ไม่ใช่งานวันเกิดมัน…”

“อ้าว! เหรอ!”

แต่กระนั้นผมก็ฉุกคิดว่า…สิ่งที่เพื่อนมันพูด ฟังเข้าท่าอยู่เหมือนกัน

ใจผมไม่อยากแสดงตัวให้แฟนตัวเองรู้ว่า มาเพื่อถามเอาความจริงกับสิ่งที่คาอยู่ในใจผม

ใจหนึ่งผมยังบอกกับตัวเองว่า ไม่ใช่ นั่นคือความเข้าใจผิด…แม้หลายสิ่งได้เห็นแล้วกับตา

…หลายสิ่ง

ภาพถ่ายวันลอยกระทงของเพื่อนในเอกเดียวกัน เพื่อนร่วมเอกคนนั้นบ้านอยู่จันทรบุรี เธอกลับมาเที่ยวที่บ้าน แล้วในภาพถ่ายของเธอ มีแฟนของผมติดอยู่ในภาพนั้นด้วย…ข้างแฟนผมที่ยืนอยู่ในหมู่เพื่อนของมันมีผู้หญิงคนเดียวกับที่ผมเห็นมันมารับ…ที่บขส.

…หลายสิ่งตอกย้ำให้ผมเจ็บ

“เฮ้ย! เฮ้ย! แฟนมึงออกมาแล้วว่ะ เอาไง? ตามเลยเหอะ!” เพื่อนพูดพลางสะกิดบอก

ผมหันหน้าไปมองตามสายตาที่เพื่อนสนิทมันกำลังมอง

แฟนของผม เดินยิ้มเล่นหัวมากับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง เดินออกมาจากรั้วของหอพัก แล้วเข้าไปทักทายกับเพื่อนอีกกลุ่มที่มารออยู่นอกรั้ว ในเวลาไล่เรี่ยกับที่ผมเดินไปโทรศัพท์เมื่อครู่นี้

พอคนกลุ่มนั้นทำท่าว่าจะเคลื่อนขบวน เพื่อนสนิทของผมกระชากมือผม ออกอาการให้ผมขี่มอไซด์ตามแก๊งค์นั้นไปด้วย

ทั้งใจตัวเองสั่ง ทั้งเพื่อนกระตุ้น…เช่นนั้นผมจึงขึ้นควบมอไซด์ของตัวเอง สตาร์ทเครื่อง นิ่งรอจนขบวนมอไซด์ด้านหน้าเริ่มออกตัวไปห่างในระยะหนึ่งได้ ผมจึงค่อยเร่งเครื่องและขี่ตามขบวนมอไซด์นั้นไปแบบห่างๆ

….



..

.

ระหว่างที่ขี่มอไซด์ตามไปนั้น ผมคิด…คนที่จะรู้สึกเซอร์ไพรส์จะเป็นใครกันแน่? …ผมหรือว่ามัน

….



..

.

หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 17:55:07


….



..

.

โชคดีที่ขบวนมอไซด์ข้างหน้าวิ่งไปในเส้นทางสายหลักทั่วไป ผมจึงขี่ตามพวกเขาไปได้โดยไม่มีใครผิดสังเกตและไม่เป็นที่ผิดสังเกต

ลมเย็นของตอนย่ำค่ำที่สาดปะทะผมที่ซึ่งเร่งความเร็วมอไซด์ให้ทันกับเป้าหมาย ไม่ได้ช่วยให้เหงื่อที่มือและหลังของผมลดน้อยลงเลย

ผมตื่นเต้น

ตื่นเต้นทุกลมหายใจ

….



..

.

ขบวนของรถมอไซด์ข้างหน้าเริ่มชะลอความเร็วและเกาะกุมกันตรงเส้นกึ่งกลางถนน…เพื่อเลี้ยว

ผมแกล้งขี่เลยไป เลี้ยวเข้าไปจอดที่ข้างทาง หันหลังไปอีกที…เพื่อนสนิทที่รู้หน้าที่หันหลังไปมองขบวนรถเหล่านั้นให้ผมโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยบอก

“แล้วเว้ย!”

พอเพื่อนบอกว่ากลุ่มนั้นเลี้ยวแน่นอนแล้ว ผมจึงมองรถที่วิ่งมาข้างหลังในเส้นทางของตัวเอง กะระยะและจังหวะเพื่อขี่ต่อไป เตรียมปาดข้ามไปยังถนนอีกเลนหนึ่ง…แกล้งทำให้เหมือนว่ารถของผมจะไปต่อ ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับขบวนรถมอไซด์ขบวนนั้น

โชคดีที่มอไซด์คันสุดท้ายของขบวนหายเข้าไปในซอยขณะที่ผมกำลังจะถึงฝั่งนั้น ผมจึงไม่ต้องเสียเวลากลับรถเพื่อหันหน้ารถกลับมาในทางที่ต้องการจริง

ผมหักคอมอไซด์ตีวงกลับและบิดเร่งความเร็ว

พอหักเลี้ยวเข้ามาในซอยเดียวกัน ปรากฏว่าผมตามทัน…ในระยะห่างเท่าเดิม

ความมืดเริ่มก่อตัว แต่ผมไม่เกิดไฟหน้ารถ อาศัยแค่แสงและเสียงจากขบวนมอไซด์ที่ขี่อยู่ด้านหน้า…นำทาง

ทางเส้นนี้มีสองเลน ขนาดไม่ใหญ่ กว้างพอสำหรับรถยนต์กระบะสองคันขี่สอนกันแบบให้ต้องระวัง ทว่ากลับไม่มีรถยนต์วิ่งเข้ามาหรือสวนทางมาในทางเส้นเดียวกันนี้เลย

…มีแค่พวกเขา

เพราะเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตในอำเภอที่ความเจริญยังเข้ามาครอบครองไม่ถึง ผมจึงไม่ได้รู้สึกกลัวกับความมืดและเปลี่ยวนี้ ผิดกับไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง…ที่พึมพัมแต่ว่ามืดฉิบหาย จะไปงานเลี้ยงในป่าช้ารึไงวะ และสารพัดที่เพื่อนมันจะนึกขึ้นมาได้

ขี่มอไซด์มาได้ราว 15 นาทีผมก็เห็นแสงจากหลอดไฟหลากสีกลุ่มหนึ่ง แผ่กางคลุมหลังคามุงจากขนาดใหญ่แบบย่อมๆ หลังหนึ่ง

เป็นดังที่คาดไว้ ขบวนรถที่นำผมมาตลอดหักเลี้ยวเข้าไปในรั้วที่พร่างตาด้วยหลอดไฟหลากสีสัน

ผมไม่รู้ว่าร้านแห่งนี้ได้ถูกจองไว้สำหรับงานเลี้ยงเดียวหรือเปิดรับลูกค้าทั่วไปด้วย ด้วยไม่รู้จักสถานที่นี้ดี ผมจึงลดความเร็วของมอไซด์ที่ตัวเองขี่ ขี่ตรงไป จนเลยร้านแห่งนั้น ทำเป็นว่าตนเองเป็นคนที่มีบ้านอยู่ในบริเวณนี้ และกำลังขี่เข้าบ้านตัวเอง

ผมขี่เลยไปจอดข้างทางไกลจากที่ตั้งของร้านแห่งนั้นในระยะหนึ่ง เมื่อเสียงมอไซด์ของผมถูกดับลง แต่ความเงียบก็ไม่ได้ตรึงอยู่ในบรรยากาศของที่แห่งนั้น

เสียงของผู้คนดังผสมกับเสียงดนตรีในจังหวะลุ้นระทึกลอยอยู่ในอากาศ…ดนตรีถูกเปิดหลังจากที่ขบวนผู้มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดไปถึงสถานที่จัดเลี้ยง

“เอาไงต่อวะ?” เพื่อนสนิทที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังสะกิดถามผม

ผมหันหน้าไปมองตาเพื่อนตัวเอง “เหมาร้านรึเปล่าก็ไม่รู้ เสียงเหมือนมีคนอยู่เยอะเลยว่ะ”

“เออสิ!”

ผมกับไอ้เพื่อนสนิทขมวดคิ้วมุ่นแล้วต่างก็เงียบกันไป…ต่างคนต่างเค้นความคิด

ผมแค่อยากเข้าไปนั่งในร้านนั้น ไปมองดูแฟนของตัวเอง หาโอกาสที่จะเข้าไปทัก และฉวยโอกาสอีกนิดที่จะสอบถามในสิ่งที่ตัวเองค้างคาใจ

แต่มันก็ยากกับ “สิ่งแค่นี้”

“มึงขี่เข้าไปเลย! บอกว่าแวะมาเที่ยว แล้วมึงก็ไปคุยกับมัน!”

“ไม่ได้! เมื่อกี้กูบอกมันว่ากูแวะกินข้าวกลางทางอยู่ ไม่ได้บอกมันว่ากูจะมา!”

“ก็นี่ไงเซอร์ไพรส์ แวะกินข้าวแล้วไง ถึงแล้วไง เลยมาเจอ เป๊ะเช๊ะ!”

“ไม่ดีกว่า นี่มันไม่ใช่หน้าหอมันนะ กูไม่อยากให้มันรู้ว่ากูขี่มอไซด์ตามมันมา เดี๋ยวมันจะคิดมากเป็นอย่างอื่นไป”

เดินเข้าไปเซอร์ไพรส์เลยไม่ได้…ผมกลัวว่าตัวเองต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์

“แล้วมึงกับกูล่ะ? เชี่ย! ใจกูจะขาดตายอยู่แล้ว! นี่ขนาดกูไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกมึงนะ แต่รู้บางอย่างเฉยๆ กูยังอึดอัดซะ!”

“ขอบใจว่ะ”

“ไม่ต้องมาขอบใจกู! มึงเหอะ! เอาให้รู้เรื่องคืนนี้เลยละกัน ห้ามทิ้งคาราคาซังเด็ดขาด! กูไม่ชอบ!”

ผมยิ้มแล้วบอกไอ้เพื่อนสนิทว่า “เออ เออ…อย่างแรกต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าร้านมันถูกเหมาจองไว้ทั้งร้านรึเปล่า?”

“ได้!” ไอ้เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างหลังพุดสั้นๆ แล้วก็ลุกลงไปจากรถมอไซด์

“มึงจะไปไหน?”

“ก็ไปถามคนแถวนี้ไง!”

“พ่อมึงคงรู้เรื่องหรอกเนอะ! กะอีแค่เหมาร้าน เค้าต้องโพทะนาให้รู้ทั้งซอยงั้น?!”

“เชี่ยนี่! แล้วมึงจะรู้ได้ไงว่าพวกที่รักมึงแม่งเหมาร้านรึเปล่า?”

“ถามกับคนในร้านเอาชัวร์สุด”

“งั้นกูถามเอง”

“มึงไม่ได้! แฟนกูมันจำหน้ามึงได้!”

“แม่ง! มันจะจำหน้ากูได้ไง?! เจอกันไม่เท่าไหร่”

“แฟนกูมันฉลาดแต่ในเรื่องนอกตำราว่ะ หน้าแบบมึงนะ เห็นแค่สองแวบมันก็คุ้นแล้ว!”

“ขี้อวดว่ะ!”

“หึหึ…ฮ่าฮ่า…ไอ้เลว!”

….



..

.

ผมขำได้ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะหัวเราะออก

และการหัวเราะในครั้งนี้ ทำให้ผมมีสติมากขึ้น กล้ามากขึ้น

….



..

.




หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 30-04-2013 18:01:31
แอร๊ยยย ยยยยย ยยย มาต่อแบ้วววววๆๆๆๆๆ :hao7:


คิดถึงผมกับมันฝุดๆ มีอะไรก็คุยกับสักที เก็บไว้ให้มันได้อะไรขึ้นมา
ความจริงมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้น้า^^
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 30-04-2013 18:17:45
ตื่นเต้นเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนะ   :katai1: :katai1:

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 18:28:16


….



..

.

ผมขี่มอไซด์พาไอ้เพื่อนสนิทออกมาจากซอยนั้น…ขี่ไปหาตู้โทรศัพท์

แล้วเหรียญก็เต็มไปซะทุกตู้ ราวกับจะแกล้งผมให้ทรมานทั้งที่ผมใจเย็นได้แล้ว ผมสะกดกลั้นความหงุดหงิดของตัวเองแล้วขี่ต่อไป จนเจอเครื่องหยอดเหรียญเครื่องหนึ่งในร้านค้าขายของชำริมทาง

ผมบอกให้ไอ้เพื่อนสนิทมันเพจไปหาไอ้น้องตี๋ นัดเจอมันตรงใกล้หน้าสถานศึกษาของแฟนตัวเอง จะนัดที่ใกล้จากจุดนี้ผมบอกไม่ถูก และไม่แน่ใจด้วยว่าไอ้น้องตี๋จะรู้จักบ้านเกิดของตัวเองดีแค่ไหน



..

.

ผมขี่รถกลับมาจอดตรงจุดที่นัดกับไอ้น้องตี๋…รอราวครึ่งชั่วโมง ไอ้น้องตี๋กับเพื่อนมันก็ขี่มอไซด์สองคันมาถึงที่นัด

“ไร?! พี่มีอะไร?! ใครมันหาเรื่องพี่! บอกผมมา!”

ไอ้ตี๋จอดรถแล้วเดินหน้าถมึงเข้ามาหาพวกผม

“ใจเย็นตี๋ ไม่ใช่แบบนั้น” ผมรีบยั้งอารมณ์เข้าใจผิดของรุ่นน้อง แล้วหันหน้าไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเอง เพราะชักไม่แน่ใจแล้วว่าเพื่อนตัวเองมันฝากข้อความแบบไหนไปให้กับเจ้าของเพจเจอร์เครื่องนี้

“อ๊าว!” ไอ้น้องตี๋และผองเพื่อนร้องเสียงหลงไม่ต่างกัน

“แล้วด่วนนี่ด่วนยังไงอ่ะ?” ไอ้ตี๋หัวโจกได้สติก่อนเพื่อนๆ แต่หน้ายังเข้มอยู่เหมือนเดิม

ผมหันไปจ้องตาเพื่อนสนิทตัวเอง ไอ้เพื่อนเลวแม่งก็ทำเงยหน้ามองฟ้าดูค้างคาวบิน ปล่อยขี้ไว้ให้ผมเช็ดคนเดียว!

“เอ่อ…อ่า…คือพี่…พี่มีเรื่องอยากให้ตี๋ช่วยหน่อย…”

“อ๋อ…บอกมาเลยพี่…” ไอ้น้องตี๋ปรับหน้าให้เปลี่ยนมายิ้มจนตาหยี รับปากอย่างหนักแน่น เต็มใจช่วยแบบไม่มีขัดข้อง

“เอ่อ…” ผมกำลังเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเอง

“พี่ๆ ไม่ต้องเกรงใจ จะให้ช่วยไรก็บอกมาเลย ผมหิวกันฉิบหายแหละ เมื่อกี้กำลังจ้วงเตี๋ยวกันอยู่ กินยังไม่ถึงครึ่งชามก็รีบขี่มาหาพี่กันเลย บอกตรงๆ นะพี่ ด้วยความเคารพ ผมอยากกินเตี๋ยวไม่ได้อยากกินหัวพี่ว่ะ” ไอ้ตี๋กล่าวด้วยความเคารพ…ในแบบของมัน

“เดี๋ยวมึงจะได้กินตีนกู ใจเย็นสิวะ!” เพื่อนสนิทของผมเลิกมองค้างคาวที่บินหากินในยามค่ำคืนแล้วหันมาช่วยผม…ซะที!   
“กินไปคุยไปได้มั้ยเล่า! เดี๋ยวตี๋ต้องไปเธคกันต่อ ยังไม่ได้เสริมหล่อเลยเนี่ย!” ไอ้ตี๋เผยต้นเหตุของการเร่งรีบของตัวเอง

“งั้น! พี่เลี้ยงข้าว ไปกัน พี่เจอร้านนึงน่ากิน!” ผมได้รีบฉวยจังหวะทองที่จู่ๆ ก็ลอยขึ้นมานั่น

“เคร!” ไอ้ตี๋และผองเพื่อนหน้าบ้านเป็นกระด้ง

นอกจากเรื่องสนุกแล้ว ไอ้ก๊กนี้มันชอบของฟรีเป็นชีวิตจิตใจ

“งั้น…ขี่ตามพี่ไปนะ!” ผมบอกไอ้น้องตี๋และเพื่อนๆ ของมัน

“ครับผ๊ม!”

….



..

.

“เชี่ย! มึงไม่รู้รึไงว่าไอ้ห่าพวกนี้ปอมแม่งลง” เพื่อนสนิทของผมกระซิบกระซาบผมตอนที่เราเดินไปที่รถมอไซด์ของเรา

“กูรู้!” ผมตอบเพื่อนสนิทไปเพียงสั้นๆ

“แล้วถ้าที่รักมึงไม่ได้เหมาร้าน มึงจะบอกพวกมันยังไง?”

“คงไม่ได้บอกอะไรพวกมันหรอก แต่กูว่ากูคงบอกมึงล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ตอนนี้ว่ะ”

“…..บอกอะไรกู?”

“ถ้าร้านมันไม่ได้ถูกเหมาไว้ทั้งร้าน กูขอยืมตังค์ในกระเป๋าตังค์มึงด้วยละกัน ถือว่าบอกแล้วนะ!”

“เชี่ย!”

….



..

.



หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ ต่อ ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 19:17:00

….



..

.

“เอายำทะเลนะ แล้วก็กุ้งแช่น้ำปลา แล้วก็ไก่คั่วเม็ดมะม่วงหินมะพานต์ แล้วก็โป๊ะแตก เอ้อ! เฮียๆ อย่าเอาหัวปลาใส่มานะ เอาแต่เนื้อพอ ตี๋ขี้เกียจแทะ เดี๋ยวกินเสร็จจะไปต่อ คิกคิก~” ไอ้น้องตี๋วางเมนูลงบนโต๊ะ แล้วยักคิ้วให้เฮียหน้าเข้มที่มาจดออเดอร์

“แหม เฮียกำลังจะขอรบกวนมึงให้ไปเอาหัวปลามาจากอ่างข้าวไอ้ดุ๋ยอยู่พอดีเลย”

“โห! ไอ้ดุ๋ยมันงับขโมยให้เฮียได้เหรอ ถึงให้หัวปลามันน่ะ!”

“เปล่า! กูอารมณ์ดีที่เสียทรัพย์ว่ะ เวรตะไล! ลายมือแม่งเต็มร้านกูเลย แต่เสือกตามจับตัวไม่ได้! ตี๋มึงช่วยไปเรียนเป็นตำรวจให้กูหน่อยสิ กูจะได้รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย!”

“ไม่ทันแล้วล่ะ แต่นี่เรียนวิศวะมาได้ครึ่งนึงละ ไว้เดี๋ยวจะกลับมาสร้างร้านกันขโมยให้นะ”

“ดี! อะ! วันนี้กูเลี้ยงน้ำแข็งโต๊ะมึงฟรีละกัน!”

“โห~ เยอะโคตร!”

“รับไปๆ กูกำลังอารมณ์ดีที่เสียทรัพย์!”

“ไปไป๊ ตี๋หิว เร็วๆ นะ! ลัดคิวๆ”

“จ่ายน้อยอย่าเสือกเรื่องมากไอ้ตี๋”

เฮียที่หน้าเข้มซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าของร้านพูดจบก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปด้านในของร้าน

“มึงมากินบ่อยเหรอวะ?” เพื่อนสนิทของผมถาม

“บ๊อย! กินตั้งแต่เป็นเพิงโน่นแน่ะพี่ เมียแกทำกับข้าวสุดยอด พี่นี่เซ้นต์ดีนะ” ไอ้น้องตี๋เอ่ยชมรุ่นพี่ของตัวเอง

“ฮึฮึ…” ผมได้แต่ขำในลำคอ

“แล้วธุระพี่เสร็จยังล่ะ ไปเธอกับผมเปล่า? วันนี้มีดีเจมือมันส์มาจัดด้วยนะพี่ ไปมั้ย? ไปมั้ย?” ไอ้น้องตี๋ชวนแบบคึกคัก

“ขอบใจนะที่ชวน แต่พี่ยังไม่เสร็จธุระดี” ผมบอกไอ้น้องตี๋

“เปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกได้เลยนะ ตี๋พร้อมพาตะลุย!”

“แล้วมึงจะเข้าบ้านกี่โมง?” เพื่อนสนิทผมถาม

“ดึกพี่ เธคปิดพวกผมก็กลับ” ไอ้น้องตี๋บอก

“แล้วเธคบ้านมึงปิดตีไหนล่ะวะ?” เพื่อนสนิทผมถามซ้ำ

“โหย! ตีสองตีสามโน่น!”

“แล้วพวกกูเข้าบ้านมึงไปนอนก่อนพ่อแม่มึงจะตกใจมั้ย? มึงบอกพ่อแม่มึงไว้แล้วรึยัง?” เพื่อนสนิทผมถามต่อ

“บอกแล้ว แต่ไอ้บ้านที่ผมพาพี่ไปเอามอไซด์ พ่อแม่ผมไม่ได้นอนนั่นนะ ช่วงนี้เค้านอนบ้านที่ตึกที่ขายของกัน ไม่รู้ยังไง ขโมยชุมพี่ พี่ดูนะ ขนาดร้านเฮียแกไม่ค่อยมีไรนะ ยังโดนยกเค้าเลย แล้วร้านตี๋เนี่ย ของตรึม!”

“พูดอย่างกับบ้านมึงไม่มีของ”

“ที่บ้านน่ะมีพี่สาวผมอยู่ ไม่เป็นไรหรอก คนอยู่ขโมยไม่ขึ้น”

“พี่มึงคนเดียวจะไปสู้ใครได้วะ?”

“หมาเต็มบ้าน”

“เออ…จริงของมึง…”

ระหว่างที่เพื่อนของตัวเองนั่งคุยโช้งเช้งกับรุ่นน้อง…ผมก็อาศัยความมืดแอบมองกลุ่มคนที่อยู่อีกฝั่งของร้านเป็นช่วงๆ

ยังไม่ได้บอกอะไรกับรุ่นน้องของตัวเอง

บอกแค่ว่าธุระของตัวเองยังไม่เสร็จ หิวข้าวก่อนเลยมาหาของกินใส่ท้อง

พูดไปแล้วก็อยากกัดปากตัวเอง ขอคืน…ช่องโหว่บานตะไท แต่ไอ้น้องตี๋มันก็เฉย ไม่ท้วง ไม่ซักไซ้…เขาเลยเฉยบ้าง

เขากะไว้แล้วว่ากินเสร็จจะชวนเพื่อนตัวเองนั่งต่อ ไอ้ตี๋กับเพื่อนห้องมันจะไปเธคก็ปล่อยมันไป ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่นั่งดื่มได้อยู่ในตัวแล้ว มันคงไม่แปลกที่บางโต๊ะจะนั่งแช่ต่อไปค่อนคืนหรือทั้งคืน

วันนี้ร้านถูกเหมาแค่ครึ่งเดียว

อาศัยข้อมูลจากที่ไอ้ตี๋ถามเฮียเจ้าของร้านตอนที่เข้ามาในร้าน นักศึกษามาเหมาร้านจัดงานวันเกิดจริง อาหารแบบง่ายๆ หมูกระทะเป็นหลัก มีของกินอย่างอื่นเสริมสามสี่อย่าง นอกเหนือจากนั้นก็คือน้ำหลายแบบตามความชอบของช่วงวัยเจ้าของวันเกิดและผู้มาร่วมฉลอง

นั่งจิบน้ำเปล่ายังไม่หมดแก้ว อาหารที่ไอ้น้องตี๋สั่งก็ถูกนำมาวางให้ที่โต๊ะ

เฮียบอกว่าลัดคิวให้ เพราะอีกเดี๋ยวทางคนที่เหมาร้านจะเริ่มกินแล้ว ในครัวคงยุ่ง…ของกินเล่นถึงไม่เยอะเมนู แต่ปริมาณไม่ใช่แบบทำเดี๋ยวเดียวเสร็จ

กับข้าวถูกนำมาวางจนครบแล้ว ข้าวสวยถึงค่อยถูกเอามาให้…ไม่ใช่เทคนิคการขายอะไร ก็แค่ข้าวเพิ่งสุก

พอพวกผมเริ่มตักข้าวคำแรกเข้าปาก เสียงโห่ร้องรื่นเริงก็ดังขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่งของร้าน

เจ้าภาพมาแล้ว พร้อมกับองค์รักษ์พิทักษ์กาย

….



..

.

ผมเคี้ยวข้าวในปากตัวเอง พลางมองแฟนของตัวเองกอดไหล่เดินเข้าร้านมากับเจ้าภาพวันเกิด

เธอเปลี่ยนชุด…และแต่งตัวใหม่

กระโปรงกับผมยาวที่ปล่อยสยายไว้ข้างหลัง คาดเก็บผมไม่ให้ปรกรกใบหน้าน่ารักของเธอด้วยที่คาดผมลายดอก

เธอเดินเข้าร้านมาพร้อมรอยยิ้มและท่าทางเอียงอาย

เธอเขินกับคำแซวด้วยความคะนองปากของผู้ที่มาร่วมงานวันเกิดของเธอ

….



..

.

“หวานมาเชียวนะมึง!”

“แหม~ ไปรับกันซะนานเลยนะ ไม่ทราบว่าไปรับเฉยๆ หรือแวะทำอะไรกัน~”

“อิจฉาคนมีแฟนว่ะ เห๊ย~”

“เชี่ย! มดกัดๆ มดจากไหนนักวะ เมื่อกี้ยังไม่มีเลย~”

….



..

.

หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ ต่อ ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 19:29:45


….



..

.

อาหารมื้อนั้นอร่อยสมราคาคุยของไอ้น้องตี๋…แต่ผมจำรสชาติมันไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไม

ผมเป็นคนจ่ายเงินร่าอาหารมื้อนั้น…แต่ผมราคาทั้งหมดของมันไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไม

ผมขี่รถมอไซด์ตามหลังไอ้น้องตี๋ กลับมาที่บ้านที่ซึ่งคืนนี้ผมจะต้องค้างคืนหนึ่งคืน…แต่ผมขี่มาทางไหน จากไหน ผ่านอะไรบ้าง ผมจำไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไม

ผมอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่ เพื่อตามไอ้น้องตี๋กับพลพรรคของมันไปที่เธอ…แต่ผมมาทำไม ผมไม่รู้ ผมคิดอะไรไม่ออกเลย

….



..

.

สิ่งที่ผมจำได้อยู่อย่างเดียวคือรสชาติที่ขมอยู่ในปาก…ตัวเอง

สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือเหงื่อที่ชื้นเต็มฝ่ามือของ…ตัวเอง

….



..

.

หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 19:43:17


….



..

.

“พี่! คนนี้พี่ชายผม คนละพ่อคนละแม่ คนละสายเลือด แต่พี่น้องกัน จริงมั้ย?!” ไอ้ตี๋ตบฝ่ามือตัวเองกับหัวไหล่ของชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อดำกับกางเกงลูกฟูกขาตรงสีดำ

“หวัดดีครับ” เพื่อนสนิทของผมพูดตามมารยาท แต่ไม่ได้ยกมือไหว้อีกฝ่าย เพราะดูอายุไม่ห่างจากกันเท่าไหร่

ส่วนผม…ผมแค่ส่งยิ้มให้ ไม่ได้พูดอะไร

“รุ่นพี่ผม ไปค่ายอาสากันมา เลยมาแวะเที่ยวกัน!” ไอ้น้องตี๋ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดีเจเปิด

ผู้ชายเสื้อดำยิ้มนิดๆ ให้พวกผมแล้วหันหน้าไปซุบซิบกับไอ้น้องตี๋…ที่ข้างหู

ไอ้ตี๋นิ่งตะแคงหูฟังสักพักจึงแหกปากตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในเธคต่อ

“กลับพรุ่งนี้แล้ว! มีเรียนนะ ไม่ได้ว่าง!”

ผู้ชายเสื้อดำซุบซิบพูดกับไอ้น้องตี๋ที่ข้างหูอีกครั้ง

“พี่! เดี๋ยวตี๋มานะ พวกมึง เทคแคร์พี่กูด้วย!” ไอ้น้องตี๋แหกปากแข่งกับเสียงเพลงในเธค…บอกรุ่นพี่…สั่งเพื่อนๆ เสร็จก็เดินไปกับผู้ชายเสื้อดำคนนั้น

หายไปในกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งดื่ม ยืนดื่ม ขยับโยกเต้นแบบไม่แคร์สายตาใคร

….



..

.


หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9 ต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 20:04:58

….



..

.

ไอ้น้องตี๋หายไปสักพักก็กลับมาโยกลืมโลกที่โต๊ะตัวเองเหมือนเดิม

ไปนานไหม? ผมไม่รู้หรอก เวลานั้นผมเริ่มมึนกับน้ำขมที่ตัวเองเทกรอกปากไม่หยุด

มันขม แต่ยังขมไม่มากเท่าไหร่ เพราะไอ้เพื่อนสนิทของผมที่นั่งอยู่ข้างๆ มันผสมให้จางเหลือเกิน

แต่ก็ดี…ผมไม่ได้อยากเมาให้ลืม

ผมไม่อยากให้เหล้ากระชากตัวผมเองออกมาจากปัญหาที่ต้อง -แก้-

ผมอยากใช้ประโยชน์จากน้ำสีเหลืองอำพันแค่กล่อมความโกรธของตัวเอง

‘มึงจะคุยมั้ย กูจะไปเรียกมันมาให้?’---ไอ้เพื่อนสนิทของผมกระซิบถามกับผมตอนที่งานเลี้ยงวันเกิดในอีกฟากหนึ่งเริ่มขึ้นไปได้สักพักหนึ่ง

สิ่งที่ผมเห็น เพื่อนสนิทผมเองก็ควรเห็น

สิ่งที่ผมรู้ เพื่อนสนิทของผมก็ควรรู้

สิ่งที่ผมกำลังรู้สึก เพื่อนสนิทของผมก็ควรรู้สึก

แต่สิ่งที่ผมต้องการ เป็นคนละอย่างกับที่เพื่อนสนิทของผม…ต้องการ

ผมปฏิเสธที่จะคุยกับแฟนของตัวเองในเวลานี้

ผมไม่อยากให้ความขุ่นเคืองในอารมณ์ของผมทำงานทุกอย่างที่ผ่านมาระหว่าง-เรา-

ผมไม่ปฏิเสธว่าตัวเองเสียใจกับภาพที่ได้เห็นและสิ่งที่ได้ยิน ทว่า…ในเสี้ยววินาทีที่ตัวเองเจอเซอร์ไพรส์ ผมกลับได้คำตอบและมั่นใจในคำตอบที่มันออกมาจากหัวใจของตัวเอง

แฟนของผมยังเหมือนเดิม ในเมื่อแฟนของผมยังไม่เปลี่ยน ผมก็จะไม่เปลี่ยน -มัน-

ผมเห็น -คนโง่- สะท้อนอยู่ในแววตาของเพื่อนสนิทของผม…ตอนที่เพื่อนจ้องผมตาไม่กระพริบ…ยามที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่เพื่อนเต็มใจจะทำให้

ผมเป็นคนโง่ก็ได้

ผมเป็นอะไรก็ได้

ขอแค่มันยังเป็น -มันคนเดิม- กับผม

มันยังรอรับโทรศัพท์ของผมในเวลาที่เรารู้กัน

มันยังมีเวลาคุยกับผม

มันยังหัวเราะด้วยน้ำเสียงแบบเขินๆ ตอนที่ผมบอกมันว่าผมรักมัน…คิดถึงมัน…

….



..

.

ผมต้องการสิ่งนี้

….



..

.

และผมจะกลับไปในพรุ่งนี้เช้าโดยที่จะไม่ให้มันรู้ว่า ผมได้รู้เรื่องบางอย่าง ผมจะไม่ให้มันรู้แม้กระทั่งว่าวันนี้ผมมาที่นี่และแอบสะกดตามมันไป

….



..

.

เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมจนทำให้ผมหูอื้อ

แล้วไม่นานเท่าไหร่ หูของผมก็ดับ

ผมปล่อยมัน ไม่ได้อาทรร้อนใจกับอาการหูดับของตัวเอง

ในเมื่อตาของผมยังมองเห็น ผมจึงนั่งดื่มต่อไปเรื่อยๆ จน...เธคปิด

….



..

.


หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 30-04-2013 20:25:26
รู้สึกหน่วงในใจ   :sad2: :sad2:


 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 30-04-2013 21:48:15
ขอให้เป็นแค่เรื่องที่ "ผม" เข้าใจผิดด้วยเถอะ  :monkeysad:

ปล. ขอบคุณนะคะที่มาต่อเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-04-2013 22:11:34

….



..

.

ผมเดินออกมาจากโดมชั้นเดียวขนาดใหญ่เท่าโรงยิม…ปูนที่ก่อกำแพงและกระจกมีความหนาเพื่อเก็บเสียงของภายในเอาไว้ภายใน

อาการหูดับของผมเริ่มค่อยๆ หาย มันไม่หายเลยทีเดียว ยังรู้สึกอู้ๆ อึงๆ อยู่ในหูของตัวเอง

ตาผมเริ่มหนัก

ภาพตรงหน้าของผมมันเริ่มดูไม่ค่อยชัด จุดโฟกัสมันไม่นิ่งกับที่เหมือนเคย

“ไอ้ตี๋…” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหันไปมอง คนที่เรียกไอ้น้องตี๋ก็เดินผ่านตัวผมไป

“คร๊าบ~” ไอ้น้องตี๋ที่เดินนำหน้าพวกผมขานรับแต่ไม่หันหลังมามองว่าใครเรียกตัวเอง และยังคงเดินเซซัดของต่อไปตามเรื่อง

ผมเห็นคนที่ใส่เสื้อดำกับกางเกงสีดำ…คล้ายเป็นคนที่ไอ้น้องตี๋แนะนำว่าเป็นพี่ชาย…เดินตรงไปกอดไหล่และรั้งไอ้น้องตี๋ให้หยุดเดิน

ชายเสื้อดำซุบซิบพูดกับไอ้น้องตี๋ แต่ไอ้น้องตี๋พูดแบบให้ได้ยินกันทั้งบาง

“ม่ายอาว~ จะกลับบ้านไปคี่!”

ชายเสื้อดำซุบซิบพูดกับไอ้น้องตี๋อีก แล้วไอ้น้องตี๋ก็โวยอีก

“ไปบ้านตี๋ไม่ได้รึไง! บอกว่าปวดคี่ก็ปวดคี่สิ! ตี๋ไม่ได้ล้อเล่นนะ!”

ผมเห็นไอ้น้องตี๋เย่ออยู่กับพี่ชายชุดดำที่มันเรียกว่าพี่ชาย หน้ากับเสียงไอ้ตี๋ดูรำคาญนิดๆ…ไม่มาก

“พวกมึงไม่ไปช่วยเพื่อนมึงเหรอ?” ผมถามเพื่อนของไอ้น้องตี๋คนนึงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“โอย~ พี่น้องเค้าคุยกันพี่~ เสือกไม่ได้~” เพื่อนในก๊วนของไอ้น้องตี๋พูดแล้วก็ขำกันคิก เหมือนไอ้ที่พวกผมเห็นนั่นเป็นสิ่งปกติของเจ้าตัวทั้งสอง

สักพัก…ไอ้น้องตี๋ก็ยกเท้ายันพุงพี่ชายของมันจนเค้าล้มไปกองกับพื้น

“ไม่รอ! ปวดตี่! มีอะไรก็ไปบ้านตี๋!” ไอ้ตี๋บอกพี่ชายเสร็จก็หันมาเรียกเพื่อนมันกับพวกผม “กลับมึง! ไปพี่!”

เจ้าถิ่นเค้าบอกแบบนั้น พวกผมก็ทำตามที่เจ้าถิ่นเค้าบอก

พี่ชายไอ้ตี๋ลุกขึ้นมาได้ก็เดินสวนทางกับพวกผม

ผมไม่ได้มองว่าเขาไปไหน เดินกลับเข้าไปในเธคหรือว่าไปที่รถของเค้า ผมเดินเหมือนตัวลอยตามหลังเพื่อนสนิทตัวเองไปถึงที่จอดรถ

แต่ยังไม่ได้กลับในทันที เพราะรอเพื่อนไอ้ตี๋คนนึงที่ขามามันซ้อนไอ้ตี๋มา…แย่งกุญแจมอไซด์มาจากไอ้น้องตี๋ที่ทั้งเมาและปวดคี่ (ก็มันบอกแบบนั้น!) ให้ได้ก่อน

“มึงหยิบมา!” เพื่อนสนิทของผมเดินไปล๊อคตัวไอ้น้องตี๋ให้อยู่นิ่งกับที่…ด้วยความรำคาญ

ไอ้น้องตี๋โวยวาย

พอเพื่อนไอ้น้องตี๋ล้วงกุญแจมอไซด์มาได้ เพื่อนสนิทของผมจึงปล่อยตัว แล้วเดินกลับมาที่รถของเรา

ผมขึ้นซ้อนท้ายเพื่อนสนิท

ไอ้น้องตี๋โบกหัวเพื่อนตัวเองก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แล้วก็ยังบ่นไม่หยุดว่าเพื่อนตัวเองว่าไม่เชื่อว่ามันไม่เมา มันขับได้

เรามีมอไซด์ด้วยกันสามคัน…เพื่อนไอ้ตี๋นำไปคันแรก ตามด้วยคันที่ไอ้ตี๋นั่งซ้อน ปิดท้ายด้วยคันของผม

ขี่ตามกันไป ตามถนนที่ว่างจนเวิ้ง…ก็แน่ละ! ตี 3 มันเป็นเวลาที่ผู้คนเค้าหลับกันอยู่

ผมนั่งรับลมไปเรื่อยๆ

เวลานี้ไม่คิดอะไรแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรให้คิด มันมีสิ่งที่ยังต้องคิด ทว่ามึนหัวแล้ว คิดก็คิดไม่ออก อยากคิดก็คิดไม่ได้…ความคิดของผมมันตัดฉับตัวเองออกมาจากความรู้สึก

เสียงบิดของมอไซด์เริ่มดังเข้ามาในหูของผม…ชัดเจนขึ้น

ผมเริ่มได้ยินเสียงของไอ้น้องตี๋กับเพื่อนๆ มันที่ตะโกนแข่งกันเล่น…ตลอดทาง จนถึงสี่แยกไฟแดงหนึ่ง

….



..

.

รถบางตา แต่ใช่ว่าไม่มีให้เห็น

….



..

.

ถนนกว้างมีที่ว่างเหลือเฟือ

….



..

.

แต่มอไซด์คันหนึ่งกลับมาเบียดอยู่ใกล้ๆ กับคันที่ผมนั่ง

….



..

.

เพราะแปลกใจผมจึงหันหน้าไปมองคนขับมอไซด์คันนั้น

….



..

.

ผมสบตากับหางตาของคนที่ขี่มอไซด์คันนั้น

….



..

.

“อ้าว!”

….



..

.

ไม่ใช่เสียงของผม!

….



..

.

“ไง! โลกกลมเนอะ!”

….



..

.

คนที่จอดมอไซด์เทียบอยู่ข้างๆ คันของผมเอ่ยทักกับเพื่อนสนิทของผม…อย่างเป็นกันเอง

….



..

.

หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: rainbow67 ที่ 30-04-2013 22:18:47
แล้วไงต่อ ลุ้นจนเีขียนนิยายตัวเองไม่ออก  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-04-2013 22:34:05
 เหมือนจุดธูปเรียกวิญญาณเลย รอ คุณ เบา เบา มาต่อ นานแร้วว  มันค้างงงง
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 30-04-2013 23:05:09
$@$%$%^$%@%$$^%*&#$%^%!!^$!^$^%!$&&(*(&*^^%%$@##$%^&

....
%$%^%T^&Y

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มา ต่อ เดี๋ยว นี้ ค้าง โพด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 30-04-2013 23:06:54
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่อเนื่องกันต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 30-04-2013 23:37:44
ค้างงงงงงงงงสุดๆๆๆๆเลย

ขอร้องงงงง ช่วยองค์ลงต่อเถอะค่ะ อยากอ่านต่อ  พิมพ์ไม่ไหวพรุ่งนี้ก็ได้นะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] หน้า 9-10 ต่ออีก
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-05-2013 00:59:29

….



..

.

มอไซด์คันที่จอดเทียบกับคันของผม ขี่ขนาบมากับคันของผม…ตลอดทาง…จนเรามาถึงหน้าบ้านของไอ้น้องตี๋

….



..

.

รถมอไซด์ทุกคันถูกดับเครื่อง เพื่อไม่ให้เสียงดังไปรบกวนบ้านอื่นในระแวกเดียวกันนี้

ผมก้มๆ เงยๆ ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่จอดมอไซด์อยู่ข้างๆ กับคันของผม

ไอ้เพื่อนสนิทผมมันก็ทำคอแข็ง ไม่ยุ่งไม่เกี่ยว มัน ‘อ๊าว’ ขึ้นมาทีเดียว แล้วจากนั้นมันก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย!

จนไอ้น้องตี๋เปิดประตูรั้วบ้านมันแล้วเดินหน้าตึงเหมือนคนปวดคี่ (*.* ก็มันบอกแบบนั้น!) มาถึงจุดที่พวกมันจอดมอไซด์รอเข้าบ้านอยู่…ความเงียบจึงหายไป

“ใครน่ะ?!”

“เพื่อนพี่เมฆ” คนที่นั่งอยู่บนมอไซด์คนละคันกับคันของผมตอบคำถามของไอ้น้องตี๋แบบสั้นกุด

“อ๋อ~”

ไอ้น้องตี๋ก็เสือกรู้เรื่อง!

“พี่เป็นอะไรกับพี่ผมล่ะ?” ไอ้น้องตี๋ถามแบบหาเรื่องนิดๆ

“ตี๋ นี่เพื่อนพี่ครับ บ้านอยู่ใกล้กัน ที่ปราจีน…” ผมรีบชิงบอกก่อน

“อื้อ…ถ้าเพื่อนกันก็ไปคุยในบ้าน โทษทีพี่ นึกว่าอริ” ไอ้น้องตี๋เปลี่ยนมายิ้มให้กับคนที่แนะนำตัวเองว่าเป็น ‘เพื่อนพี่เมฆ’

“ไม่เป็นไร แวะมาทักทายเฉยๆ”

….



..

.

คำที่ออกมาจากปากของคนสำคัญ…มีความสำคัญกับหัวใจเราเสมอ

ผมรู้ในทันทีจากน้ำเสียงของแฟนตัวเองว่า…มันกำลังโมโห!

“มึงเข้าบ้านไปก่อนไป…” ผมก้าวขาลงจากรถมอไซด์ที่ตัวเองซ้อน ตบเบาะให้ไอ้เพื่อนสนิทขี่รถเข้าไปจอดในบ้านของไอ้น้องตี๋ก่อน

…เข้าไปก่อน

…ไม่ต้องรอ

“อื้อ…” เพื่อนสนิทของผมรับคำในลำคอ แล้วใช้ขาดันรถไปข้างหน้า เข้าไปในรั้วบ้านของไอ้น้องตี๋แบบเงียบเชียบ

“ยุงมันเยอะนะ จะคุยยาวคุยสั้นก็เข้าไปคุยกันในบ้านผมเหอะ” ไอ้น้องตี๋แสดงน้ำใจของเจ้าบ้านอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน…” แฟนของผมตอบสั้นๆ

ไอ้น้องตี๋รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่บอกบุญไม่รับจากเพื่อนพี่เมฆ ผมมองหน้าผมแบบถามอยู่ในทีว่า… ‘พี่จะเอาไง?’ กับ ‘ให้ช่วยอะไรมั้ย?’

ผมพยักหน้านิดๆ แทนพูดตอบ…เป็นเชิงไล่มันให้ ‘เข้าบ้านไปซะ’ ผสมกับว่า ‘กูดูแลตัวเองได้’

ไอ้น้องตี๋ทำหน้าแบบขัดใจผสมหน่าย…แล้วหมุนตัวกลับหลัง…เดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง

ผมมองหลังรุ่นน้องของตัวเองไปจนไม่เห็นแล้ว จึงค่อยหันหน้ากลับมามองหน้าของแฟนตัวเอง…โกรธอยู่จริงๆ ด้วย!

“มึงจะตกใจห่าไรนัก!”

เป็นประโยคแรกที่ออกมาจากปากของแฟนผม

“กูตกใจ…ตรงไหน…ตกใจสิ! จู่ๆ มึงก็ขี่มอไซด์มาเทียบ กูก็ต้องตกใจสิ!”

“มึงจะมาทำไมไม่บอกกู!”

ผมสะดุ้งกับแววตาถมึงของแฟนตัวเอง ผมมึนด้วยฤทธิ์ของน้ำที่ดื่มในเธค ผมคิดอะไรไม่ทัน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องถูกอีกฝ่ายโกรธ

ทั้งที่ผมสิ! ผมต้องเป็นฝ่ายโมโห!

“…กูกะเซอร์ไพรส์มึง…”

“มึงกะเซอร์ไพรส์กูกี่โมงกี่ยาม! มึงมากี่โมง นี่มันตีอะไรแล้ว! แล้วทำไมกูต้องโมโหมึงด้วยวะเนี่ย! ไอ้เชี่ย!”

“มึง…อุ้ย! อุ้ย!” ผมสะดุ้งโหยง เวรกรรม! ยุงกัด

“อะไรของมึง!”

“ยุงกัดกู! เจ็บว่ะ!” ผมยังซอยเท้าไม่หยุด…ยุงน่ะ หากมันรู้ว่าตรงไหนมีอาหารแล้ว มันจะตามพวกมา มากันอีกเป็นโขยง

“เออ…เข้าบ้านไปเหอะ กูไปล่ะ” พูดจบแฟนผมแม่งก็ยกเท้าสตาร์ทเครื่องด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ

“อ๊าว! มึงนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปรึไงวะ!” ผมพูดพลางจับแขนข้างซ้ายของมัน…บีบแน่นไม่กะปล่อย

“ใช่! แล้วมึงพร้อมจะเซอร์ไพรส์กูเมื่อไหร่ก็ไปเซอร์ไพรส์กูละกัน!”

“พอๆ กูผิดเ…! อุ๊ย! เชี่ยเอ๊ย! ทำไมยุงแม่งกัดแต่กูอยู่คนเดียววะ!” ผมแยกประสาทตัวเองไม่ถูกล่ะ จะคุยกับแฟน ยุงก็เสือกรุมกันผม!

แต่ด่ายุงยังไม่ทันไรผมก็ต้องหัวเราะงอหาย เพราะคำพูดของแฟนตัวเอง

….



..

.

“ก็กูทากย.”

….



..

.

ยิ่งผมหัวเราะ

แฟนผมก็ยิ่งเหมือนหัวเสีย

มันทำท่าจะบิดมอไซด์ไปล่ะ

ผมคิดว่าคงพูดกับมันไม่รู้เรื่องแน่ เลยรีบโดดขึ้นไปซ้อนท้ายมัน…กันเหนียวไว้ก่อน

มันก็ด่าผม

ผมเอาขาหนีบมอไซด์ไว้แน่น ไม่ลง!

แล้วมันก็ดับเครื่องแบบไม่เต็มใจ

มันเงียบ

“ไปคุยในบ้านนะ” ผมชวนมัน

“บ้านใครไม่รู้! ไม่รู้จัก!” มันตอบ

“บ้านน้องพี่เมฆไง แล้วตกลงพี่เมฆนี่ใครวะ?”

“มึงก็ไปถามน้องพี่เมฆสิ”

“มึงโมโหกูทำไม”

“เรื่องของกู”

“เรื่องของกูก็เรื่องของมึง”

แฟนผมเหมือนจะอ้าปากเถียง แต่แล้วก็ก็หันหน้ากลับมาขมวดคิ้วใส่ผม “ไม่ใช่ มึงพูดผิด…หรือมึงตั้งใจวะ?...”

“พูดผิดตรงไหน?”

“ก็……เออ ช่างเหอะ มึงแม่งเมา!”

“นิดหน่อยเอง”

“แค่พูดกลิ่นก็หึ่ง”

ผมยื่นหน้าไปใกล้หน้ามัน

มันสะดุ้งนิดๆ

ผมทำจมูกฟุดฟิด “มึงก็มีกลิ่นเหล้า”

“กูไม่ได้กิน”

“มึงบอกกูว่าจะไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน มีเรอะมึงจะไม่กิน”

มันไม่ตอบ และเงียบไปอีก

ผมมองหน้ามัน หน้าเสี้ยวเดียวของมัน

ผมคิดอยู่ในใจว่าเมื่อกี้ผมถามอะไรไปนะ แล้วเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ มองหน้ามันแล้วก็ลืม…ลืมไปทุกอย่าง

ยิ่งอยู่ใกล้มันจนได้ยินเสียงลมหายใจของมัน ผมก็ยิ่งมึน

ผมยกแขนทั้งสองข้างของตัวเองไปรัดรอบเอวของมัน เกยคางของตัวเองไว้ที่บ่าของมัน บอกมันด้วยสิ่งเดียวที่ผมคิดออก นับแต่ผมเห็นหน้ามันตรงสี่แยก

“กูคิดถึงมึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง…”

….



..

.

ผมกลับหูหลับตาบอกมันว่าตัวผมเองคิดถึงมัน

บอกมันว่าคิดถึงต่อไป…แม้มันจะด่า

บอกมันว่าคิดถึงต่อไป…แม้มันบอกว่าให้หยุด อายผีสาวเทวดา

บอกมันว่าคิดถึงต่อไปอีกจนมันบอกผมว่า ‘…เหมือนกัน…’

….



..

.

เท่านั้น

ผมรอแค่นั้น

‘เหมือนกัน’

คำสั้นๆ ง่ายๆ ในแบบของมัน

คำสั้นๆ ง่ายๆ ที่ออกมาจากใจจริงของมันเสมอ

….



..

.

ผมแค่อยากได้ยินคำว่า “รัก” จากปากของคนที่ผมรัก

….



..

.

แต่คนที่ผมรักกลับให้คำพูดที่ยิ่งใหญ่และสมบรูณ์อยู่ในคำคำเดียว…กับผม

….



..

.


‘เหมือนกัน’

….



..

.

ทุกความค้างคาใจของผมสลายไปทันทีที่ผมได้ยินคำสั้นๆ นั้น

….



..

.

หัวข้อ: Re: [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] เอวัง (หน้า 9-10)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-05-2013 01:21:34

….



..

.

คืนนั้น…

ผมพูดยังไงมันก็ไม่ยอมเข้าไปในบ้านของไอ้น้องตี๋

แต่เรายังไม่ได้คุยกันดีๆ เลย…มันเลยพาผมขี่มอไซด์เล่น…แวะซื้อ กย.15 ให้ผมที่ร้านมินิมาร์ท แล้วพาผมไปไหว้ศาลหลักเมือง

ไหว้เสร็จก็เดินกลับมานั่งคุยกันอยู่บนมอไซด์

ผมบอกมันว่ากะมาเซอร์ไพรส์มันจริงๆ แต่มาติดกับรุ่นน้อง เลยไปหามันไม่ได้

“แล้วตอนมึงโทรหากู ก่อนกูออกไปงานวันเกิดมึงอยู่ไหน?”

“แวะกินข้าว”

“แล้วมึงกะจะเซอร์ไพรส์กูตอนไหนล่ะ?”

“ทีแรกกะจะไปเซอร์ไพรส์มึงตั้งแต่เย็นแล้ว พอมึงบอกว่าจะไปงานวันเกิดกูก็ว่าจะไม่แวะลงล่ะ แต่คิดถึงว่ะ

เลยกะว่าจะแตร่กับน้องมัน แล้วจะไปหามึงตอนค่ำๆ แต่ก็ปลีกตัวไม่ได้เลย

พอนั่งนานหน่อยก็มึนสิ กลัวมึงว่ากู เลยกะว่าจะไปหามึงตอนเช้าก่อนขึ้นรถกลับมอ”

“ไอ้ขี้เหล้า!”

“พูดไม่อายปากเลยนะ! ใครขี้เหล้ากันแน่วะ!”

“กูกินของกูปกติ!”

“ฮึ๊!”

“คลึ้มไรล่ะ? มีอะไรรึเปล่า?”

ทำไมผมต้องดีใจลิงโลดกับคำธรรมดาที่ออกมาจากปากแฟนตัวเองด้วยนะ

คำพูดอ้อมค้อมที่แฝงด้วยความเป็นห่วง...แฟนผมเขารู้ว่าผมไม่นิยมการดื่ม ถ้าไม่นึกสนุกไปกับเพื่อน ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ผมจะไม่ไปวอแวกับแอลกกอฮอร์

“นิดนึง แต่เห็นหน้ามึงก็หัวโล่งหัวเลย ขอบใจนะ”

ตั้งแต่นั่งคุยกัน ผมนั่งหันหน้ามองหน้าแฟนตัวเองตลอด…ไม่วางตา…แล้วผมก็เห็นแฟนของผมอมยิ้ม

ผมชอบมองแฟนตัวเองเวลาที่มันพยายามกลั้นยิ้ม...ไม่รู้มันจะกลั้นทำไม แต่ผมไม่ทักล่ะ ตลกดี น่ารักดีด้วย

ผมนั่งมองหน้าแฟนตัวเองเพลิน แล้วอยู่ดีๆ มันก็หันหน้าควับมาหาผม…ไม่อมยิ้มแล้ว…น้ำเสียงก็ไม่มีวี่แววของความเขินอาย…กลับมาเป็นมันในแบบปกติ

“…มึงมานี่ก็ดี กูมีเรื่องจะบอกกับมึงพอดี คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้ว่ะ”

….



..

.

ผมใจหายวาบ เพราะความจริงจังของหน้ามัน

….



..

.

“…เรื่อง…?” ผมเตรียมใจรอฟัง

ไม่มีทางเลี่ยงแล้วนี่ มาถึงจุดนี้แล้ว

“ตอนแรกกูว่าจะไม่บอกมึง กูนึกว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ แต่แม่งไม่ใช่ว่ะ”

ยิ่งมันอ้อมผมก็ยิ่งร้อนใจ “มึงเอาตรงๆ ง่ายๆ เถอะ กูเมา…”

“คออ่อน!”

“เร็ว!”

“รุ่นพี่ที่กูเคารพเค้าให้กูแสดงตัวเป็นแฟนกับแฟนเค้าหน่อย แฟนเค้าอยู่รุ่นเดียวกับกู เรียนคนละสาขา แต่ก็เป็นเพื่อนกับเพื่อนกูอีกที พอดีมีผู้ชายมาตื้อแฟนพี่กู แล้วมันแม่งก็ขาใหญ่ของจัน’ด้วย”

“แฟนตัวจริงไปไหนล่ะ ไม่มีปัญหาปกป้องแฟนตัวเองรึไง!”

“เดี๋ยวกูต่อยเลยนี่!”

“ก็ต่อยสิ!”

“ขี้เกียจคุยกับคนเมาว่ะ!”

มันสะบัดหน้าหนีผม

ผมก็สะบัดหน้าหนีมัน

ผมเงียบ

แต่มันไม่เงียบ มันเล่าต่อ น้ำเสียงที่มันเล่าให้ผมฟัง ไม่ได้มีวี่แววของความขุ่นเคืองอะไรเลยสักนิด

“พี่เค้าไปเรียนต่อ…อยู่กรุงเทพฯ…แล้วคนที่มาตื้อแฟนพี่เค้ามันเป็นคนอันตราย…นักเลงน่ะมึง…ค้ายา…มันเคยรุมโทรมหญิงด้วย…”

“ถ้าไอ้นั่นมันเป็นคนอันตราย แล้วมึงที่ไปขวางทางมันไม่อันตรายรึไง!” ผมหันหน้าไปใส่อารมณ์กับมันเต็มพิกัด

“อันตรายสิ! แต่นั่นเค้าพี่กู เค้าช่วยกูไว้เยอะ! อะไรที่ช่วยเค้าได้กูก็อยากช่วย!” มันจ้องตาผม…เสียงของมันต่างจากของผม เหมือนขอร้องให้ผมเข้าใจมัน

ผมจ้องตามันจนเหนื่อย…เหนื่อยใจ…วันนี้ผมโมโหกี่รอบแล้ว!

“…แล้ว…” ผมยอมแพ้ แล้วปล่อยให้มันเล่าต่อ

“ก็เลยต้องแสดงตัวว่าเป็นแฟนของแฟนพี่เค้า ไปไหนมาไหนด้วยกัน ให้ไอ้นั่นมันเห็นว่ากูเป็นแฟนจริงๆ” มันบอก

“ไม่มีใครรู้เลยรึไงวะว่าใครเป็นตัวจริง” ผมตั้งข้อสงสัย

“พี่เค้าเพิ่งเริ่มคบกับแฟนเค้าตอนสงกรานต์นี่เอง บ้านเค้าอยู่ข้างๆ กัน เพิ่งตกลงกันได้ก็อีตอนพี่กูเค้าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เลยไม่ค่อยมีคนรู้

เพื่อนกูน้อยคนมากนะที่จะรู้เรื่องนี้ ส่วนใหญ่กูให้พวกมันเข้าใจว่า กูจีบเค้าเอง คบกันเป็นแฟนอยู่

สายไอ้ห่านั่นแม่งเยอะ หูตาเป็นสับปะรด กูจะบอกมึงตั้งแต่แรก แต่พวกแม่งอยู่ในหอเดียวกับกูด้วย กูเลยพูดไม่ได้สักที กูต้องระวังตัวทุกฝีก้าว เพราะถ้ามันรู้ว่ากูแหกตามัน กูคงเละว่ะ

เมื่อเย็นตอนที่มึงโทรมากูยังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะลงไปหามึง แต่มึงก็มาพอดี…”

“เฮ้อ…” ผมถอนหายใจให้กับความโล่งใจของเรื่องหนึ่ง...และหนักใจในอีกเรื่อง “แล้วไอ้นั่นมันได้ทำไรมึงบ้างรึเปล่า?”

ผมถามด้วยความห่วงมันสุดตีนเลย! 

คนที่ค้ายาบ้าแถมยังรุมโทรมคนอื่นแล้วป่านนี้ยังเดินลอยนวลอยู่นอกคุกนอกตาราง…สมควรแล้วที่จะเรียกว่า “คนอันตราย”

“ตอนแรกก็เกือบมีเรื่องกัน แต่พวกกูเยอะ แล้วกูก็ระวังตัวเอง ไปไหนมาไหนกูก็ไปกับเพื่อนกูทั้งฝูง เพื่อนๆ กูมันคอยระวังให้ทั้งกูทั้งแฟนพี่กูแหละ มันเลยคอยมองอยู่ห่างๆ แต่เรื่องยังไม่จบว่ะ แม่งยังจ้องแฟนพี่กูตาเป็นมันอยู่ แม่งไว้ใจไม่ได้!”

“กูไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย”

“...กู.......กู…ขอโทษ…”

ผมรวบมันมากอดทันที

คำขอโทษจากมันไม่ได้ยินกันบ่อยๆ

เพราะความมืดของยามกลางคืน ในสถานที่ที่ไม่มีใครยกเว้นเราแค่สองคน มันจึงกอดตอบผม

ผมกอดมันแน่นด้วยความอึดอัดใจและหนักใจ แต่พอกอดมันนานเข้าผมกลับรู้สึกสบายใจ

ผมไม่รู้ว่ามันคิดเหมือนผมรึเปล่า

คิดเอาเองว่า…ใช่

เดาเอาจากอาการของมัน ที่มันก็กอดตอบผมไม่ปล่อย…เหมือนผม

อีกสิ่งที่ผมเพิ่งคิดได้ระหว่างที่ผมกอดมัน

อันตรายอาจเกิดขึ้นได้กับมันที่ถูกคนอันตรายเขม่นอยู่…หากมันอยู่คนเดียว!

แต่คืนนี้…มันขี่มอไซด์มาหาผมคนเดียว!

….



..

.

“มึงออกมาทำไมคนเดียวมืดๆ ค่ำๆ ว๊า~” ผมบ่นมันทั้งที่ยังกอดมันไว้แน่น

….



..

.

“ก็มึงมาไม่บอกกูนี่!” มันเถียงผมเสียงอู้อี้

….



..

.

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูมา” ผมถามมัน

….



..

.

“พี่เมฆเค้าเจอมึงที่เธค” มันบอกเสียอู้อี้

….



..

.

คือไอ้พี่เมฆแม่งหน้าตายังไง แม่งเป็นคนไหน ผมไม่สนใจล่ะ?

ผมสงสัยอย่างอื่นมากกว่า

“แล้วไอ้พี่เมฆของมึงมันรู้จักหน้ากูได้ไงวะ?”

เท่านั้นล่ะ! มันก็ดิ้นขลุกทันที

แต่มีเรอะที่ผมจะปล่อยมัน…กว่าจะได้กอดมันยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน…ใครจะปล่อยง่ายๆ

….



..

.

คบกันมานาน รู้กันเหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

แค่มันเผลอหรือเปิดช่องอะไรสักอย่าง แม้นิดเดียว…ก็ง่ายดายเหลือเกินสำหรับผมที่จะรู้และต่อยอดเอาเอง

….



..

.






























































































….



..

.

ความลับของผม...ยังคงเป็นความลับของผม

มันไม่เคยรู้ว่าวันนั้นผมไปที่นั่นด้วยเหตุผลอะไร

ไม่รู้เลย…จนถึงทุกวันนี้

ส่วนความลับของมัน...ไม่เคยเป็นความลับกับผม

มันไม่เคยมีความลับกับผม…ไม่เคยมี

นับแต่วันนั้นมา ผมตอบแทนมันที่ไม่เคยมีความลับกับผมด้วยการ…หึง…

หึงสะบัดมันทุกอย่าง…ให้มันรู้

สะกิดใจอะไรก็คาดคอเอากับมันทันที

บางครั้งมันไม่ยังไม่ตอบ ผมก็คาดโทษกับมันไว้ และคอยตามทวงเอากับมันในวันหลัง…ที่มันพร้อม

….



..

.

ในขณะเดียวกัน…

จากเหตุการณ์เดียวกันนั้น…

ผมไม่เคยไม่เชื่อใจในความรักที่มันมีให้ผมอีกเลย

…ไม่เคยคลางแคลง

…ไม่เคยนึกสงสัย

…ไม่เคยตั้งคำถาม

ไม่อีกเลย

ไม่…แม้แต่นิดเดียว

….



..

.



















































































































































….



..

.

‘…เหมือนกัน…’

….



..

.






เอวัง
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 01-05-2013 06:20:06
 :katai2-1: :katai2-1:

จบแล้วมันกับผม
 
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 01-05-2013 07:47:06
โหยยยยยยย ลุ้นแทบตาย 555555  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 01-05-2013 08:12:02
น่ารัก อ่ะ คู่นี้
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 01-05-2013 13:02:26
ในที่สุดก็เจ้าใจกัน
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 01-05-2013 13:02:39
 :กอด1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 01-05-2013 18:03:15
อุ๊ย กลิ้งๆๆๆ หมุนๆๆๆ น่ารักจังเลย :-[
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 03-05-2013 15:15:25
แล้วตกลงพี่เมฆนี่ใครเนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2013 07:42:17
คู่ ผม กับ มัน เป็นความรักที่เป็นความรักจริง ๆ เลยค่ะ
ผม : เป็นคนที่ดูอบอุ่น ควมคุมอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม ซื่อสัตย์และให้เกียรติคนรักมาก ๆ เลยค่ะ (สงสัย 1 ใน ล้านเลยมั้งนี่)
มัน : เป็นคนขี้อายโดยเฉพาะกับ(ผม) เปิดเผยไม่มีความลับกับแฟน เป็นคนพูดน้อยเนอะ ประมาณพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ
รักกันตั้งแต่ปี 2535 (20 กว่าปีแล้ว) ทั้งคู่ต้องอดทนอย่างมาก เพราะสมัยนั้น จะมีรักแบบนี้อุปสรรคคงเยอะมาก และทั้งคู่ก็อยู่ห่างกันประมาณ 7 ปี ความรักของ ผมกับมัน เล่นเอาขนลุกเลยนะคะ ขอเป็นกำลังให้รักกันไปตลอดทุกชาติเลยนะคะ (จริง ๆ นะ)

ปล.ว่าง ๆ ก็มาอัพเดทเป็นของขวัญให้ FC อีกนะคะ นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Chifuu ที่ 31-08-2013 01:31:49
ลุ้นมากกก ดีแล้วทีไม่มีอะไรดีแล้วที่ยังรักกัน
ว่าแต่พี่เมฆนี่ใคร? 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: thevissss ที่ 31-08-2013 17:59:48
น่ารักมากก
 o13
ชอบมากเลยยยย

ขอบคุณผลงานดีๆค่ะ กำลงตามเรื่องอื่นๆ 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-09-2013 22:11:57
ช่วงนี้เป็นช่วงที่คิดถึงเรื่องที่เคยอ่านจบไปแล้ว
และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่วในเรื่องที่คิดถึง เลยแวะมาทักทายค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 20-04-2014 21:25:08
เฮ๊ย ชอบบรรยากาศความรักแบบนี้อะ เรียบๆ ไม่หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: nnutchachar ที่ 01-09-2014 22:37:44
สำหรับเรื่อง อย่าเงียบสิวะ นะคะ
โอ๊ยน่ารักกกกก ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้ลงเอยกันซะแล้ว
ก็ดูท่าทางอีกฝ่ายไม่ได้มีแววว่าจะชอบชายด้วยกันเลย
แต่ชอบตอนที่ขอเป็นแฟนมากๆเลยค่ะ มีการมึงไม่ยอมมองเองด้วย
น่ารักจัง แฮ่กกกกกกกก  :hao7:

ส่วนเรื่องแค่นี้ได้ไหม
ชอบตอนที่ให้เหรียญไปกดตู้โทรศัพท์สาธารณะมากอ่ะ
ดูขี้เล่นน่ารักปนห่วงๆ5555ดี
อีกอย่างที่ชอบคือ ..ชื่อของตัวละคร
มันไม่จำเป็นต้องมีอ่ะเนอะ แค่เราสามารถสื่อความรู้สึกออกมาได้ เข้าใจในตัวละคร
มันก็ไม่จำเป็นจริงๆ ชอบทั้งผมทั้งมันเลยค่ะ ชอบการบรรยายแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-09-2014 01:36:21
นึกถึงสมัยก่อน
แต่รักครั้งแรก
หัวใจเรากลับแตกสลาย   :m15:

ซึ้งใจมาก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายไผ่ ที่ 03-09-2014 12:58:18


กรี๊ดดดดดดด

มันหวาน มันคิดถึง มันน่ารัก มันสวยงาม

บรรยายไม่ถูกเหมือนเอาช่วงเวลาเดิมที่มีในตอนเด็กกลับมา

เรื่องของพี่ๆ สอนให้รู้ว่า

"ความเชื่อใจสำคัญที่สุด"  :katai2-1:

ยิ่งห่างกันยิ่งคิดถึง

อ่านแล้วยิ้มตลอด

มันรู้สึกดีสุด :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 09-09-2014 22:41:31
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 12-09-2014 17:16:24
หึงเยอะๆนะ แล้วค่อยง้อ หึหึ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-09-2014 01:40:30
ขอบคุณค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากก

ชอบจริงๆคะ อบอุ่น ละมุน ละไม

น่ารักมากกกอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Quercia ที่ 02-01-2015 00:10:20

นั่งอ่านสามรอบ รู้สึกอบอุ่น

'ผม' กับ 'มัน' น่ารัก  :L1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-01-2015 12:13:54
จู่ๆก็คิดถึงเรื่อง 'ผม' กับ 'มัน'
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] [แค่นี้ได้มั้ย?] [แค่อยากฟังคำว่า "รัก"] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-04-2015 12:44:20
สนุกครับ น่ารัก หวานมาก ชอบเรื่อง "แค่นี้ได้มั๊ย" ที่สุดครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: nmwrny ที่ 11-05-2017 10:32:35
โง้ยยยย น่ารักก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 27-05-2017 18:32:40
แอร๊ยยย น่ารักมากมาย ><
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-06-2017 20:22:10
เป็นเรื่องราวที่น่ารัก ประทับใจอ่ะ
ขอบคุณที่มาแบ่งปันน่ะ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-06-2017 08:39:46
 :pig4: :pig4: