พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:02:35

หัวข้อ: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:02:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H O M E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:02:49
H • O • M • E
by ExecutioneR

บรรดาเพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน และนักเรียนของพ่อต่างก็กลับไปกันหมดแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมยืนอยู่ตามลำพังในบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบเหงา ผมยืนมองดูเก้าอี้โยกที่พ่อชอบนั่งประจำ บนโต๊ะไม้ข้างๆ มีรูปถ่ายของผมกับพ่อในกรอบรูปสีน้ำตาลเข้มวางเอาไว้อยู่ แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับไม่ใช่เพียงรูปของเรา ผมเห็นพ่อที่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับผมที่สนามหลังบ้านตอนผมอายุราวๆ 7-8 ขวบ ผมเห็นพ่อต่อกรงนกขนาดใหญ่ด้วยตัวเองโดยมีผมคอยช่วยอีกแรงตอนผมอายุ 13 และเห็นแผ่นหลังของพ่อที่เดินนำผมอยู่ข้างหน้า เวลาที่ไม่ต้องไปสอนหนังสือ พ่อมักจะพาผมไปทำธุระในที่ต่างๆ กับพ่อตลอด มันจึงทำให้ผมเคยชินกับการพบเจอคนแปลกหน้า และมีความมั่นใจติดตัวมาตั้งแต่เด็ก พ่อสอนให้ผมเป็นคนกล้าแสดงออกด้วยการแนะนำให้ผมรู้จักกับคนทุกคน และสอนผมถึงเรื่องความสำคัญของการรู้จักพูดคุยกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือเพื่อนของตนเองก็ตาม ซึ่งเมื่อโตขึ้น ผมถึงเข้าใจว่านั่นคือหนึ่งในการสอนเพื่อให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นเอง

พ่อของผมเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด แต่ก็สามารถสอนวิชาช่างได้อีกด้วย ดังนั้นผมจึงได้ความสามารถพิเศษด้านนี้มาตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่วัยรุ่นดี พอถึงอายุ 15 ผมก็สามารถใช้เครื่องมืออุปกรณ์ช่างไม้และช่างไฟฟ้าแทบทุกชนิดได้อย่างชำนาญ และเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย ผมก็สานต่อความชอบของตัวเองและความฝันของพ่อด้วยการเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้พ่อรู้สึกภูมิใจในตัวผมเป็นครั้งแรก

พ่อมีบุคลิกความเป็นผู้นำที่อ่อนโยนอยู่ในตัว เสียงของพ่อหนักแน่นแต่ก็อบอุ่น เวลาที่ผมอ่อนแอหรือเสียใจ พ่อจะคอยปลอบโยนผม คำพูดแต่ละคำของพ่อพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ลูบหัวผมไปด้วยจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง แม้แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนตอนที่ผมโทรกลับมาหาพ่อและเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟัง เสียงของพ่อก็ยังคงช่วยเป็นกำลังใจและมอบความเข้มแข็งให้แก่ผมได้อยู่เสมอจริงๆ บางครั้ง ผมก็จะคิดถึงตอนที่ผมเริ่มแยกห้องนอนคนเดียวและมีพ่อมาคอยอ่านหนังสือหรือนิทานให้ฟัง รวมทั้งผมยังจำเสียงของพ่อกับแม่คุยกันแว่วๆ เบาๆ จากห้องข้างๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจนสามารถหลับลงไปเองได้จนถึงทุกวันนี้

พ่อเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดในความรู้สึกของผม ผมรักพ่อมาก และสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกเสียใจอยู่ ณ ตอนนี้คือการที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อให้บ่อยกว่านี้หลังจากที่แม่จากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน

พ่อจากไปด้วยอายุ 65 ปี เพื่อนบ้านคนหนึ่งของเราเข้ามาพบพ่อกำลังนอนหลับจากไปอย่างสงบบนเก้าอี้ตัวที่ผมกำลังยืนมองมันอยู่นี้ โรคหัวใจของพ่อคงกำเริบขึ้นโดยที่พ่อไม่ทันได้ระวังตัว ตอนที่เพื่อนบ้านเข้ามาพบว่าพ่อจากไปแล้ว ทีวียังคงเปิดอยู่ และยาที่พ่อต้องกินประจำก็วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ รูปถ่ายของผมกับพ่อตรงนี้เอง ไอ้มอมแมม สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เพื่อนเพียงตัวเดียวที่อยู่กับพ่อมาห้าปีก็นอนขดอยู่ที่ปลายเท้าของพ่อตามปกติ มันคงไม่รู้เลยว่านายอันเป็นที่รักของมันได้จากไปแล้ว และผมในตอนนี้ก็ไม่เหลือสมาชิกในครอบครัวอยู่อีกเลย นอกจากไอ้มอมแมมแค่เพียงตัวเดียว

หลังจากเรียนจบ ผมก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ มาตลอดเจ็ดปี เมื่อทราบข่าวนี้จากเพื่อนที่โรงเรียนของพ่อ ผมก็รีบขับรถนานกว่าหกชั่วโมงตรงกลับมาที่บ้านทันที ผมคุยกับอาไพศาล เพื่อนของพ่อที่เป็นทนาย เพื่อจัดการและรับทราบความประสงค์ของพ่อสำหรับงานศพ เราจะตั้งศพพ่อที่วัดแค่สามวันเพราะพ่อไม่อยากให้ผมและแขกเหรื่อต้องลำบาก

วันนี้ที่เป็นวันสวดวันแรก ผมรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันขึ้นมากที่เห็นเพื่อนๆ ของพ่อ นักเรียน เพื่อนบ้าน รวมทั้งเพื่อนสนิทของผมจำนวนหนึ่งที่มาร่วมไว้อาลัยกันมากมาย ทั้งๆที่ผมไม่ได้บอกข่าวนี้กับคนมากมายนัก เนื่องจากมันเป็นความต้องการของพ่อที่อยากให้จัดงานศพอย่างเงียบๆ และผมเองก็ไม่อยากให้ใครต้องเห็นความอ่อนแอของผมด้วย แต่ทว่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเคารพศพพ่อและเป็นกำลังใจให้แก่ผมนั้น ผมเห็นคนๆ หนึ่งที่ทำให้หัวใจของผมพองโตขึ้นเล็กน้อยได้ทันที เขาคนนั้นคือ เต้ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่ผมสนิทที่สุดนั่นเอง

หลังจากยืนคุยกับอาจารย์ที่เคยสอนผมเมื่อสมัยมัธยมและเป็นเพื่อนของพ่อเสร็จ ผมก็ขอตัวเดินออกไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว ผมก็เห็นเต้กำลังยืนรอผมอยู่

ผมรู้สึกว่าท้องไส้ของผมบิดมวนขึ้นทันทีที่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ เขา เขาคือคนๆ เดียวนอกจากพ่อกับแม่ที่ผมรู้สึกรักที่สุดยิ่งกว่าใครๆ เขายิ้มให้ผมน้อยๆ และกางแขนออกเพื่อรับผมเข้าไปกอด ทันทีที่ผมอยู่ในอ้อมกอดของเขา น้ำตาที่ผมพยายามฝืนกลั้นเอาไว้มาตลอดก็เริ่มไหลออกมาทันที

“กูเสียใจด้วยจริงๆ นะเว้ย พี แต่พ่อมึงเค้าไปสบายแล้วนะ เค้ารักมึงและภูมิใจในตัวมึงมากนะเว้ย เพราะงั้นมึงต้องเข้มแข็งไว้นะ...”

“ไอ้เต้ กู... กู... ฮึกก...” ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

“กูขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้มาหามึงให้เร็วกว่านี้ ที่จริงกูน่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนมึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วแท้ๆ”

ผมส่ายหน้าและถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว “ไม่เป็นไรหรอก กูรู้ว่ามึงติดงาน และเมื่อวานกูก็ยุ่งๆ ด้วย” ผมใช้ปลายนิ้วชี้ปาดน้ำตาออก “แค่มึงมาวันนี้กูก็ดีใจมากแล้วว่ะ”

ผมมองหน้าเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมคบมานานแทบจะทั้งชีวิต เขาหล่อขึ้นกว่าตอนที่เราเจอกันเมื่อครั้งสุดท้ายในงานศพพ่อของเขามาก ซึ่งนั่นก็สักประมาณเกือบสี่ปีมาแล้ว ในตอนนี้ที่เราอายุเกือบจะ 30 ด้วยกันแล้วทั้งคู่ เต้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นขึ้น ดูตัวใหญ่ขึ้นจากกล้ามเนื้อ แต่ก็ยังคงมีโครงหน้าและแววตาขี้เล่นแบบเด็กๆ อยู่เหมือนเดิม

เขาดึงตัวของผมเข้าไปสวมกอดอีกครั้ง ครั้งนี้แนบแน่นกว่าเดิม เป็นอ้อมกอดที่ราวกับจะแสดงออกว่าเขายินดีต้อนรับผมกลับมาบ้าน และผมยังมีเขาอยู่ตรงนี้อีกคนเหมือนเมื่อตอนที่เราเติบโตมาด้วยกัน บ้านของเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของผม เขาย้ายมาที่นี่เมื่อตอนผมอายุเจ็ดขวบ และนับตั้งแต่นั้นเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอด จนกระทั่งเราต่างแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัยและทำงาน ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ผมอยู่กรุงเทพฯ ส่วนเขาอยู่เชียงใหม่ ความห่างไกลทำให้เราติดต่อกันน้อยลง แต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขากลับไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว

“ไปกันเถอะ พระจะเริ่มสวดแล้ว...” เขาดันตัวผมออก แล้วจากนั้นก็คอยประกบติดอยู่ข้างกายผมตลอด จนกระทั่งแขกทุกคนรวมถึงแม่ของเขากลับไปจนหมด เขาจึงขับรถกลับมาส่งผมที่บ้านหลังนี้

ผมหยิบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วรู้สึกเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง ดังนั้นผมจึงรีบวางมันกลับลงไปที่เดิมก่อนที่จะต้องเสียน้ำตาอีก ผมเดินขึ้นไปที่ห้องของพ่อบนชั้นสอง ที่ตู้เสื้อผ้า มีเสื้อแจ๊คเก็ตตัวเก่งของพ่อแขวนเอาไว้อยู่ ผมหยิบมันออกมาจากไม้แขวนเสื้อและซุกหน้าลงบนเนื้อผ้า สูดกลิ่นของพ่อที่ผมคุ้นเคยตั้งแต่เด็กเข้าเต็มปอด ผมสวมมันทับลงบนเสื้อเชิ้ตสีดำของผม รู้สึกถึงความอบอุ่นราวกับผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ถูกพ่อสวมกอดเอาไว้อีกครั้ง ผมกำลังจะร้องไห้ออกมาพอดีเมื่อตอนที่ผมได้ยินเสียงของเต้จากตรงประตูห้อง

“กูว่ามึงใส่เสื้อพ่อตัวนั้นได้พอดีเลยนะ เหมาะกับมึงดีด้วย”

ผมหันไปมองหน้าเขาและก้มลงมองดูเสื้อที่ตัวเองใส่ทับอยู่ “กูไม่รู้ว่ะ... จริงๆ แล้วกูไม่รู้ว่ากูจะกล้าเอามันมาใส่อีกรึเปล่าด้วยซ้ำ”

เขานิ่วหน้า “มึงกลัวเหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” ผมรีบส่ายหน้าพลางถอดเสื้อออก “แต่กูกลัวว่าจะทนคิดถึงเค้าไม่ได้ต่างหาก...” ผมพูดไปพลางก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล ความทรงจำที่มีต่อพ่อเริ่มกลับมาฉายภาพอยู่ในหัวของผมอีกครั้ง “ทุกๆ อย่างที่อยู่ในห้องของพ่อนี่แทบไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนกูยังเด็กเลยแม้แต่นิดเดียวว่ะ เต้”

เขาถอนหายใจเบาๆ และเดินเข้ามาหาผม “งั้นมึงก็เก็บเสื้อนั้นไว้เถอะ เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี เก็บทุกอย่างเหล่านี้ไว้ให้เหมือนเดิม” เขารับเสื้อของพ่อไปถือไว้ในมือ จากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด เขาที่สูงกว่าผมเกือบ 10 เซนติเมตรทำให้ผมรู้สึกราวกับเป็นเด็กน้อยไปเลย “มึงอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะ ไม่ต้องฝืน กูรู้ว่ากูบอกให้มึงเข้มแข็ง แต่การฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้ก็ไม่ได้ทำให้มึงหลอกตัวเองว่ามึงเข้มแข็งได้จริงๆ หรอกนะเว้ย ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพังแล้ว มึงร้องไปเถอะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”

คำพูดของเขาทำให้ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ผมร้องไห้ลงบนอกของเขาอยู่นานจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่านานขนาดไหน ผมดีใจเหลือเกินที่มีเขาอยู่เคียงข้างแบบนี้ เพราะมันคือสิ่งที่วิเศษที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมอย่างตอนนี้จริงๆ

เมื่อผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว เต้ก็พาผมเดินไปที่ห้อง เขาช่วยผมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว แล้วจากนั้นก็พาผมนอนลงที่เตียง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นราวกับความฝันที่พร่ามัว ผมอาจจะเหนื่อยจากการเดินทาง การอดนอน และความบอบช้ำทางจิตใจมาก จนทำให้สมองอ่อนล้าเกินกว่าจะจำรายละเอียดบางอย่างได้ แต่สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกอย่างชัดเจนก็คือความผ่อนคลายที่ได้เอนหลังนอนลงบนเตียง และความอบอุ่นจากร่างกายของเต้ที่สัมผัสโดนผิวหนังของผม แล้วจากนั้นผมจึงผล็อยหลับลงไปได้ในที่สุด

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H O M E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:03:01
ผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า หัวของผมซุกอยู่ตรงหว่างแขนของเขา จมูกของผมอยู่ห่างจากหน้าอกของเขาแค่ไม่กี่นิ้ว หลังจากนั้นผมก็หลับลงไปอีกครั้งแต่ไม่สนิทดีนัก ผมพลิกตัวไปมาอยู่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อรู้สึกว่าข้างกายของตัวเองดูว่างเปล่า จึงลืมตาและชันตัวขึ้นนั่ง กลิ่นกาแฟหอมๆ ที่โชยมาทำให้ผมลุกออกจากเตียงและเดินตรงไปยังห้องครัวชั้นล่าง เต้กำลังยืนจุดเตาแก๊สเพื่อเตรียมทำอาหารเช้าสำหรับเราทั้งคู่อยู่พอดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องผงะไปก็คือเขายืนอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงในสีเดียวกันเท่านั้นเอง

“ตื่นแล้วเหรอวะ พีพี” เขาหันมายิ้มให้ผมเมื่อเห็นผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูครัว แถมที่สำคัญ เขายังเรียกชื่อเล่นผมแบบที่เขาเคยเรียกเมื่อตอนเรายังเรียนอยู่ด้วยกันด้วย

“ตื่นแล้วคร้าบ เตเต้” ผมหัวเราะเบาๆ รู้สึกเขินๆ ชอบกลที่ได้เรียกชื่อเขาแบบนี้อีกครั้งหลังจากไม่ได้เรียกมานานนับ 10 ปี

“เอ้ออ ค่อยดูหน้าตาสดชื่นขึ้นหน่อยนะมึง แต่สภาพไม่ค่อยเหมือนคนตื่นนอนแล้วสักเท่าไหร่” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ไปๆ ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ กูกำลังจะทำอาหารเช้าให้”

“มึงทำเป็นด้วยเหรอวะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้นและทำหน้าทะเล้น “จะกินมั้ย พูดแบบนี้น่ะ ถ้าอร่อยอย่ามาขอเติมก็แล้วกัน”

ผมยิ้มตอบ “กูล้อเล่นน่า แล้วจะทำอะไรกินล่ะ”

“ว่าจะผัดข้าวผัดอเมริกันน่ะ ตอนเด็กๆ มึงชอบไม่ใช่เหรอวะ”

ผมยิ้มกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจำได้ “แล้วต้องมีไส้กรอกหั่นเป็นรูปปลาหมึกด้วยนะ”

“เออ รู้น่า เดี๋ยวจัดให้แน่ๆ ไม่ต้องห่วง” เขาใส่น้ำมันลงในกระทะ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาเตรียมเครื่องปรุงและวัตถุดิบทุกอย่างเอาไว้พร้อมหมดแล้ว “จะว่าไปเมื่อคืนมึงก็ไม่ได้กินอะไรเลยนี่ ใช่มั้ย”

“ที่จริงกูไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้วล่ะ ต้องทำนู่นนี่หลายอย่างว่ะ แล้วก็กินไม่ค่อยลงด้วย”

“งั้นดีแล้วล่ะที่กูไม่ได้ทำข้าวต้ม ไม่งั้นคงไม่อยู่ท้องแหงๆ ไปๆ ไปล้างหน้าล้างตาซะ อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาโบกตะหลิวไล่ผม

ผมยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างที่เขาบอก เมื่อกลับมาที่ครัวอีกครั้งก็เห็นเขากำลังขยับกระทะกับตะหลิวอย่างคล่องแคล่วอยู่พอดี

“เออว่ะ จริงด้วย!” ผมอุทานขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ไป “ไอ้มอมไปไหนวะเนี่ย!!”

“เออ โทษที กูลืมบอกมึงไปว่ามันอยู่ที่บ้านกูน่ะ แม่กูดูแลมันให้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว”

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก “เฮ้อออ... ขอบใจมึงกับแม่มากๆ นะเว้ย ไอ้เต้”

“ไม่เป็นไรหรอก แม่กูเค้าเอามันไปตั้งแต่ตอนก่อนตำรวจจะมาที่บ้านและพาพ่อมึงไปโรงพยาบาลอีกด้วยซ้ำ เค้าไม่อยากให้มันเห็นพ่อมึงถูกพาไปน่ะ และเค้าก็ไม่อยากให้มันรู้ด้วยว่าพ่อมึงไม่อยู่แล้ว แต่กูว่ามันรู้ว่ะ” เขายักไหล่ “กูว่ามันดูหงอยๆ ลงไปเยอะเลยเหมือนกัน”

เมื่อนึกถึงเรื่องการจากไปของพ่อขึ้นมา ผมก็รู้สึกหดหู่อีกครั้ง เต้ที่เหมือนจะจับความรู้สึกของผมได้ปิดเตาแก๊สและเดินเข้ามาวางมือลงบนบ่าทั้งสองข้างของผม

“มึงต้องเดินต่อไปนะเว้ย พีพี คนเก่งของกู” เขามองตาผม “มึงจำได้มั้ยว่าทำไมกูถึงเรียกมึงว่า ‘คนเก่ง’ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มึงเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ มึงมั่นใจ มึงเข้มแข็ง และมึงยังหัวดื้อสุดๆ อีกด้วย เวลาที่เรามีกันและกัน เราไม่เคยแพ้เรื่องชกต่อยใคร ไม่เคยมีอะไรที่เราทำไม่ได้ จริงมั้ยวะ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันแบบเดิมอีกครั้ง มึงมีกูอยู่ข้างๆ มึง มึงก็จะต้องเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้เหมือนทุกๆ ครั้ง เหมือนตอนที่แม่ของมึงจากไปไง”

“แต่ตอนนั้นกูยังมีพ่อ...”

“และตอนนี้มึงก็มีกู” เขากอดผมและลูบหัวผมเบาๆ “ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องได้เลยเว้ย สำหรับกูแล้ว น้ำตานี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้มึงเข้มแข็งขึ้น กูรู้ว่ามึงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตามึง แต่กูคงเป็นข้อยกเว้นของมึงได้ จริงมั้ยวะ”

ผมกอดเขาตอบและยืนอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่งก่อนจะดันตัวเองออกช้าๆ “ขอบใจเว้ย ขอบใจจริงๆ แต่กูไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้...”

“ก็ดีแล้ว” เขายิ้มให้กำลังใจผม “งั้นก็ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเลย กูใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวกูตามออกไป”

“ให้กูช่วยยกจานชามหรืออะไรมั้ยวะ”

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกูตักข้าวใส่จานสองใบก็เสร็จแล้ว มึงไปนั่งรอเถอะ อีกไม่เกินห้านาทีกูจะตามออกไป”

ผมยักไหล่ บอกเขาว่าโอเค แล้วจึงเดินไปนั่งรอเขาที่โต๊ะอาหาร ผมหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเก่ามากางและไล่สายตาผ่านตัวหนังสือแต่ไม่ได้อ่านมันเข้าหัวเลยแม้แต่นิดเดียว ผมวางมันลงที่เดิมและเริ่มนั่งคิดถึงเรื่องในอดีตตั้งแต่สมัยที่ผมยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ ผมรู้ตัวว่าผมชอบผู้ชายตั้งแต่อยู่ชั้น ม. 5 และเหตุผลหลักๆ เลยที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือเต้นี่แหละ ถึงแม้เราจะไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ความเสียใจที่จะต้องแยกจากเขาหลังเรียนจบ ม. 6 คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิงเหมือนเขาและคนอื่นๆ แต่ผมชอบผู้ชาย และผู้ชายคนนั้นก็คือเขาแค่เพียงคนเดียว หลังจากที่เราเลือกเส้นทางเดินกันคนละทางแล้ว ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมคงไม่มีวันลืมเขาได้เลย

“มาแล้วๆ” เสียงของเต้ดังขึ้น ดึงผมกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง เขาวางจานข้าวผัดอเมริกันที่ตบแต่งอย่างสวยงามลงตรงหน้าของผม “มีไส้กรอกรูปปลาหมึกให้มึงด้วยนะ เห็นปะ”

ผมหัวเราะเบาๆ “น่ากินนะเนี่ย มึงทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“กูก็พอทำเป็นตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมาเริ่มทำจริงๆ จังๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบก็สัก 2-3 ปีที่ผ่านมานี่แหละ”

“แต่ตอนมัธยมปลายมึงทอดไข่เจียวยังไม่เป็นเลยนะเว้ย”

“คนเรามันก็ต้องมีการพัฒนากันมั่งสิวะ เอ้า รีบกินซะ จะได้มีแรง”

ผมจัดการซัดข้าวผัดของเขาเสียหมดจานภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ผมชมเขาไม่หยุดปาก แต่เขาก็เอาแต่บอกว่ามันเป็นแค่เมนูง่ายๆ เท่านั้น และเย็นนี้เขาก็คิดเอาไว้แล้วด้วยว่าจะกลับมาทำอะไรให้ผมกินอีก

“ชวนแม่มึงมากินด้วยกันสิ ตั้งแต่กลับมากูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับแม่มึงดีๆ สักทีเลย และกูก็ไม่อยากให้แม่มึงนั่งกินข้าวคนเดียวด้วย”

“ได้อยู่แล้ว แต่ปกติกูก็กินข้าวกับแม่ทุกวันนะ ช่วงหลังๆ นี้กูก็ทำกับข้าวให้แม่กินแทบตลอดนั่นแหละ”

“แม่มึงก็สบายดีใช่มั้ยวะ”

“สบายดี ก็เรื่อยๆ อะว่ะ แต่ตอนที่รู้เรื่องพ่อมึง เค้าก็ช็อคเหมือนกัน กูต้องปลอบเค้าอยู่นานพอสมควรเลยล่ะ แต่พอเค้าเห็นหน้ามึง กูรู้สึกว่าเค้าก็ดีขึ้นนะ กูคิดว่าบางที...” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย “กูพูดตรงๆ เลยนะ กูคิดว่าการจากไปของพ่อมึงคงทำให้เค้าเริ่มกังวลถึงคราวของตัวเองด้วยเหมือนกันน่ะ”

“ไร้สาระน่า แม่มึงเค้าอายุน้อยกว่าพ่อกูตั้งเกือบ 10 ปีไม่ใช่เหรอวะ แถมยังแข็งแรงอยู่ด้วย”

“พ่อมึงก็แข็งแรงเหอะ ไอ้พี ของแบบนี้มันก็พูดยากว่ะ แต่เรื่องทั้งหมดนี่ก็ทำให้กูคิดนะว่าการที่กูตัดสินใจกลับมาอยู่ที่นี่กับแม่ เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดจริงๆ น่ะ พอเค้าแก่ตัวไป เราก็มีแต่ควรจะต้องอยู่ใกล้ชิดเค้า และดูแลเค้าเยอะๆ จริงมั้ยวะ”

ผมพยักหน้า “กูก็รักแม่มึงเหมือนเป็นแม่คนที่สองของกูเหมือนกันนั่นแหละ เพราะงั้นคืนนี้อย่าลืมชวนเค้ามากินข้าวที่บ้านนะเว้ย”

“ไม่ลืมหรอกน่า” เขายิ้มและลุกขึ้นยืนทำท่าจะเก็บจานของผมไปซ้อนลงบนจานของเขา

ผมรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “ไม่เป็นไร กูจะช่วยมึงเก็บด้วย”

ผมเดินตามเขาเข้าไปในครัว แต่เขายืนยันว่าจะล้างจานให้ผมเอง ผมจึงได้แต่ยืนมองดูเขาอยู่ห่างๆ

“เกรงใจว่ะ ไอ้เต้ มึงทำให้กูกินแล้วยังมาล้างจานให้อีก”

“เรื่องแค่นี้น่า มึงพักผ่อนมากๆ นั่นแหละ ดีแล้ว”

“เต้... กู... กูขอบใจมึงมากนะเว้ย ที่มึงมาอยู่เป็นเพื่อนกูที่นี่แบบนี้น่ะ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่มีมึง กูก็คงเสียศูนย์ไปเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราได้เจอกันกี่ทีก็มีแต่เพราะเรื่องแย่ๆ แต่กูก็ดีใจนะเว้ยที่ได้อยู่กับมึงแบบนี้อีกครั้ง มันทำให้กูรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลยว่ะ”

เขาหันมายิ้มให้ผม “ก็เราเพื่อนรักกันนี่หว่า เราเคยสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนรักกันไปตลอด จำไม่ได้รึไง แล้วเพื่อนจะทิ้งเพื่อนให้เศร้าอยู่คนเดียวได้ยังไงล่ะวะ ตอนงานศพพ่อกู กูก็ผ่านมาได้เพราะมึงเหมือนกัน”

“แต่ตอนนั้นกูอยู่กับมึงแค่ไม่กี่วันเองนะ แล้วไม่ได้ทำอะไรให้มึงเหมือนที่มึงทำให้กูแบบนี้ด้วย” ผมพูดด้วยความรู้สึกผิด

“แค่การที่มึงกลับมากอดกู ยืนอยู่ข้างๆ กู แค่นั้นก็พอแล้วว่ะ”

ผมช่วยเต้เก็บจานชามที่ล้างแล้วเข้าที่ จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปวัดในตอนเย็น แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ต้องคุยกับอาไพศาลเรื่องธุระอื่นๆ ที่ยังค้างคาอยู่นิดหน่อยให้เรียบร้อยก่อน และเมื่อถึงเวลา ผมก็พาเต้และแม่ตุ๊ก แม่ของเขา ไปที่วัดพร้อมกับผม

หลังจากที่พระสวดเสร็จและแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับไปกันเกือบหมดแล้ว เต้ก็เดินเข้ามาหาผม

“มึงอยู่กับพ่อไปนะ กูจะดูแลแขกและเรื่องอื่นๆ ให้เอง”

ผมพยักหน้าและเข้าไปนั่งอยู่หน้าโลงศพที่พ่อนอนหลับอยู่ ผมนึกถึงวันเวลาดีๆ ที่เราเคยมีด้วยกัน นึกถึงความฝันว่าสักวันผมจะพาพ่อไปอยู่กับผมที่กรุงเทพฯ แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว พ่อรักที่นี่มาก ถึงจะไม่ได้เกิดและเติบโตที่นี่ แต่พ่อก็พูดกับผมอยู่เสมอว่าที่แห่งนี้คือที่ๆ พ่ออยู่แล้วสบายใจที่สุด ซึ่งผมเองก็รักบ้านหลังนี้มากเช่นกัน แต่ด้วยความฝันที่อยากจะทำให้พ่อมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น ทำให้ผมตัดสินใจทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อรายได้และโอกาสที่ดีกว่า แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถอยู่ดูใจพ่อ คนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ก่อนที่พ่อจะจากไปได้

อย่างน้อยๆ ผมก็ดีใจนะที่ผมกับพ่อไม่เคยมีเรื่องอะไรบาดหมางหรือค้างคาใจต่อกันเหลืออยู่ ผมบอกพ่อและแม่ว่าผมเป็นเกย์ตอนที่เรียนอยู่ปี 2 แต่ทั้งคู่กลับไม่ว่าอะไรผมเลย พ่อยอมรับว่าตกใจนิดหน่อย แต่สิ่งที่พ่อต้องการมากที่สุดก็มีแค่เพียงการเห็นผมมีความสุข เป็นลูกที่ดีของพ่อ และเป็นคนดีของสังคมเท่านั้นเอง หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็จากเราไป ซึ่งเหตุการณ์นั้นกลับยิ่งทำให้ผมกับพ่อสนิทสนมและคุยกันผ่านโทรศัพท์มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ผมกลับมาเยี่ยมพ่อบ่อยขึ้น และหากผมมีงานเยอะ พ่อก็จะลงไปเยี่ยมผมเอง มีแค่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้แหละที่ผมมีโอกาสกลับมาบ้านน้อยลงเพราะตำแหน่งงานที่สูงขึ้นกับงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่เราก็ยังคงโทรหากันทุกๆ สามหรือสี่วันเหมือนเดิม การได้คุยกับพ่อกลายเป็นกิจวัตรที่ผมเสพติดโดยที่ผมไม่รู้ตัว
หลังจากที่แขกทุกคนกลับไปจนหมดและเริ่มดึกมากแล้ว ผมก็เดินออกจากศาลามาเจอเต้กำลังนั่งรอผมอยู่

เขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้ามาโอบไหล่ผม “กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวกูขับรถให้เอง มึงดูเหนื่อยมากเลยนะ”

“แล้วแม่มึงล่ะ”

“เค้ากลับไปกับคนอื่นแล้ว”

ผมพยักหน้า รู้สึกเหนื่อยและเพลียมากอย่างที่เขาบอกจริงๆ ในระหว่างที่เขาขับรถผมกลับ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันออกมาเลย วันนี้เป็นงานศพวันที่สองแล้ว แต่บรรยากาศในวัดและบรรดาผู้คนในชุดดำที่มีสีหน้าเศร้าสร้อย ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกทำใจยอมรับกับการสูญเสียพ่อ สมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของผมไปได้เลย

หลังจากที่กลับถึงบ้าน เราก็พบกับอาหารจากบรรดาเพื่อนบ้านในละแวกนี้จำนวนมากมายวางไว้อยู่ที่หน้าระเบียง สิ่งเหลานี้คือการแสดงความเสียใจและห่วงใยต่อทั้งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและผู้ที่ยังอยู่ที่ทำกันมานานของคนที่นี่ ผมรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นว่าพ่อเป็นที่รักของคนมากมายถึงขนาดนี้

เต้สั่งให้ผมกลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวอาบน้ำในขณะที่เขาจะจัดการเก็บอาหารเหล่านี้ให้ ผมพยักหน้าตอบตกลงและเดินขึ้นไปบนชั้นสอง แต่แทนที่ขาของผมจะพาผมเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง มันกลับพาผมไปหยุดอยู่ในห้องนอนของพ่อโดยที่ผมไม่ได้ออกคำสั่ง ผมยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้คิด ไม่ได้นึกถึงอะไรเลย สายตาของผมมองตรงออกไป ไม่ได้โฟกัสที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ สมองของผมราวกับจะหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง เวลาผ่านไปอีกกี่นาทีผมก็ไม่รู้ แต่สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คืออ้อมกอดของเต้จากทางด้านหลัง ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาทำให้น้ำตาของผมไหลออกมา เขาหมุนตัวให้ผมหันกลับไปหาเขาและกอดผมอีกครั้ง ผมสะอื้นลงบนหน้าอกของเขาจนกระทั่งเริ่มรู้สึกหมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน เขาเดินจูงมือพาผมไปยังห้องของตัวเอง ถอดเสื้อผ้าของผมออก พาผมนอนลงบนเตียง และจัดการห่มผ้าห่มให้ผม ผมคิดว่าตาของผมปิดลงไปก่อนที่หัวจะถึงหมอนเสียอีก แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังพอจำได้ลางๆ ว่าผมบอกขอบใจเขาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกและพบว่าเต้นอนหลับอยู่ข้างๆ ผมบนเตียง แสงจันทร์ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน จมูกของเขาเล็กและเป็นสันตรง คิ้วของเขาเข้มหนารับกับโครงหน้าคมสันเป็นอย่างดี เขาดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนยังเด็กมากจริงๆ บนหัวเตียงยังมีรูปของเราสมัยมัธยมต้นยืนกอดคอกันอยู่ใต้แป้นบาสโรงเรียนอยู่เลย บางทีผมก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เด็กผู้ชายห่ามๆ คนนั้นจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นได้ขนาดนี้

ผมถอนหายใจเบาๆ และเขยิบตัวเข้าไปซบลงบนอกของเขา ผมกอดเขาเอาไว้ก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง
เมื่อผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งก็ในเวลาเจ็ดโมงกว่า เต้กำลังนอนกอดผมโดยพาดแขนทับลงบนหน้าอกของผมอยู่ ผมนอนลืมตามองเพดาน ครุ่นคิดถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเขามานานและความรู้สึกขอบคุณจนหาคำมาบรรยายไม่ได้ที่เขาคอยช่วยเหลือผมอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาอย่างนี้ ความอบอุ่นที่รู้สึกได้จากอ้อมกอดของเขาทำให้ผมไม่อยากลุกออกจากที่นอนเลย แต่สุดท้ายเต้ก็ตื่นขึ้นและยกแขนออกจากตัวของผม

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ” เขาพลิกตัวเป็นนอนหงายและบิดขี้เกียจ

“อืออ กูทำมึงตื่นรึเปล่าวะ ขอโทษทีนะเว้ย”

“เฮ้ย เปล่าๆ ว่าแต่มึงเถอะ นอนหลับดีรึเปล่า กูนอนดิ้นรึเปล่าเนี่ย”

“ไม่เลย หลับสบายดีทุกอย่าง” ผมหันไปยิ้มให้เขา

เขาชันตัวขึ้นนั่ง บิดตัวซ้ายขวาเบาๆ “อึ๊ดด... เฮ้ออ ตอนแรกกูก็กะแค่เข้ามาดูมึง และกะว่าจะนอนบนพื้นอะนะ กูไม่อยากให้มึงตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร แต่พื้นแม่งก็แข็งเกินว่ะ และกูก็ไม่อยากขนผ้านวมมาปูด้วย กลัวว่าจะปลุกมึง เลยคลานขึ้นไปนอนกับมึงแม่งซะเลย” เขาหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรเว้ย นอนไปเหอะ เตียงกูมันนอนได้สองคนสบายๆ อยู่แล้ว”

“งั้นเดี๋ยวกูลงไปทำกับข้าวให้” เขาลุกออกจากเตียง สภาพเกือบเปลือยกายของเขาทำให้ไอ้น้องชายของผมมันค่อยๆ แข็งผงาดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“เออ เต้ แล้วแม่มึงล่ะ เมื่อคืนเลยไม่ได้กินข้าวกับแม่มึงจนได้” ผมขยับผ้านวมมาปิดส่วนล่างของร่างกายเอาไว้

“ไม่เป็นไรหรอก กูโทรบอกเค้าแล้วว่าจะนอนกับมึงที่นี่น่ะ แม่เค้ายังฝากให้กูดูแลมึงเยอะๆ เลย”

“เดี๋ยว ไอ้เต้” ผมหยุดเขาไว้อีกครั้งก่อนที่เขาจะทันได้เดินออกจากห้องไป

เขาหันมามองหน้าผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและยิ้มที่มุมปากน้อยๆ สีหน้าท่าทางของเขาทำเอาผมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูจะพูดอะไรน่ะ”

“เออ มึงไม่ต้องขอบใจกูหรอก ได้ยินจนเบื่อแล้วเว้ย”

“เออๆ ก็งั้นแหละ แต่ก็ขอบใจจริงๆ นะเว้ยที่มึงยังคงรักกูเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดน่ะ กู... กูรักมึงนะ ไอ้เตเต้”

เขายิ้มกว้าง “กูก็รักมึงเหมือนกัน คนเก่ง มึงก็เป็นเหมือนน้องชายกูคนนึงว่ะ กูจะไม่รักมึงได้ไง จริงมะ”

ผมยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป คำว่า ‘รัก’ และคำว่า ‘น้องชาย’ ของเขามันบาดลึกลงไปในหัวใจของผม เขาคงไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทคนนี้มันรักเขาเกินเพื่อนไปตั้งนานแล้ว

หลังจากที่น้องชายของผมมันกลับมาสงบดังเดิม ผมก็ลุกออกจากเตียงและเดินตามเขาลงไปในครัวในสภาพที่ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว และผมเผ้ารุงรังชี้ไปคนละทิศละทาง

เต้หันมาเห็นสภาพของผมแล้วก็หัวเราะออกมา “มึงนี่ยังดูขี้เซาเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ไม่ผิดเลยนะ”

ผมหัวเราะแหะๆ “มึงไม่รู้หรอกว่ากูมีปัญหากับการตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานให้ทันแปดโมงครึ่งทุกวันมากขนาดไหน”

“กูว่ากูพอเดาได้นะ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “มึงจำได้มั้ยว่าตอนเข้าค่ายลูกเสือ ม.ต้นที่มึงตื่นสายอยู่คนเดียว ทำให้เราซวยไปกันหมดทั้งหมู่น่ะ ตอนนั้น ม. อะไรนะ”

“ม. 3”

“แล้วก็ตอน ม. 4 ที่กูไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวมึง เราไปกางเต้นท์กันบนดอย แล้วมึงเป็นคนที่อยากตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นมากที่สุด แต่สุดท้ายก็ดันตื่นไม่ทันอยู่คนเดียวแล้วพาลโกรธกู หาว่ากูไม่ยอมปลุกน่ะ”

“เอออ จำได้เว้ย”

“กูปลุกมึงตั้งหลายทีเหอะ แต่แม่งก็ไม่ยอมลุกสักที”

“กูรู้แล้วน่าาา หลังจากนั้นมึงก็บอกกูหลายหนแล้ว” ผมเดินไปหยิบกาแฟที่เขาชงไว้ให้ขึ้นจิบ

“แล้วมึงรู้มะว่าตอนนั้นกูแอบจับเจี๊ยวมึงด้วย”

ผมแทบสำลักกาแฟทันที “ว่าไงนะ!”

“ก็แม่งแข็งเด่ขนาดนั้นอะ กูก็นึกว่ามึงตื่นแล้วแต่แกล้งทำเป็นหลับต่อซะอีก” เขาหัวเราะอารมณ์ดี “ก็เลยจับเล่นซะเลย”

“อ... ไอ้...!!”

“เช้าๆ ก็งี้แหละ ใช่มะ เป็นกันทุกคนแหละน่า”

“ประเด็นมันไม่ใช่แข็งตอนเช้าหรือตอนไหนเว้ย แต่มันคือที่มึงแอบจับของกูมากกว่า!”

ก่อนหน้านี้เราเคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน เคยนอนแก้ผ้าด้วยกันก็จริง แต่เราไม่เคยเห็นของกันและกันในตอนเข็งตัวสักครั้งเดียว และเรื่องจับหรือสัมผัสไอ้นั่นของอีกฝ่าย ‘โดยตั้งใจ’ ก็ยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่

“แค่จับนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นเขิน เรื่องตั้งหลายปีมาแล้วแท้ๆ”

“ก็มึงเริ่มพูดเรื่องนี้ก่อนนี่หว่า!” ผมต่อยลงบนแขนของเขา รู้สึกเขินจนร้อนหน้าไปหมด

“แต่ตอนนั้นมึงเล็กกว่ากูนะ” เขายักคิ้วข้างเดียวพลางยิ้มมุมปากกวนๆ

“ไอ้...!! เออ! ตอนนั้นเล็กหรือใหญ่กว่ากูไม่รู้เว้ย แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้กูมีอยู่ ‘พอตัว’ ก็แล้วกัน”

“พอตัวอะไรวะ เล็กพอตัวเหรอ” เขาหัวเราะ

“พอๆ นี่มึงอยากคุยเรื่องเจี๊ยวกูตั้งแต่เช้าเลยรึไง ไม่มีเรื่องเหี้ยอะไรคุยกันแล้วรึไงวะ” ผมตัดบทเพราะไม่อยากพูดและคิดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นไอ้น้องชายที่เพิ่งจะสงบลงไปอาจจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ และคราวนี้ผมก็ไม่มีผ้าห่มมาคลุมปกปิดแล้วด้วย

“นึกถึงสมัยก่อนว่ะ ตอนเราเด็กๆ เราสองคนก็ลุยและทำอะไรห่ามๆ ด้วยกันมาเยอะเหมือนกันนะ ทั้งเที่ยว จีบสาว หนีเรียน ชกต่อย”

“อืออ” ผมจิบกาแฟต่อ

“น่าเสียดายที่ตั้งแต่กูย้ายกลับมาทำงานที่นี่ มาอยู่กับแม่ กูดันไม่ได้เจอมึงเลยว่ะ ปกติมึงมาเยี่ยมพ่อบ่อยขนาดไหนวะ”

“ก็ 2-3 เดือนครั้งมั้ง แต่ 3-4 ปีหลังนี่เหลือแค่ปีละ 2-3 ครั้งเอง งานกูเยอะว่ะ วันหยุดติดๆ กันก็ไม่ค่อยมี”

“มึงมาทีไรก็คลาดกับที่กูต้องไปอบรมหรือไม่ก็สัมนาที่อื่นตลอดเหมือนกัน”

“พ่อกูเค้าก็เล่าให้ฟังตลอดแหละว่ามึงมาคุยกับเค้าบ่อยๆ”

“ส่วนมากก็คุยเรื่องมึงนั่นแหละ พ่อมึงเค้าภูมิใจในตัวมึงมากนะเว้ย”

“ว่าแต่มึงเถอะ ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยซะงั้น ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าไอ้ตัวแสบอย่างมึงจะกลายมาเป็นอาจารย์ซะเองได้” ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะยังไม่อยากคิดถึงเรื่องของพ่อตอนนี้ “แล้วเป็นไงมั่งวะ โอเคมั้ย”

“ก็ดีนะ ตอนจบโทใหม่ๆ กูก็เคยเป็นแค่อาจารย์พิเศษเฉยๆ อะว่ะ แต่พอหย่าแล้ว กูก็เลยตัดสินใจเรียนต่อและมาเป็นอาจารย์ที่นี่เลยดีกว่า จะได้อยู่กับแม่ด้วย”

เต้เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณสามปีก่อน แต่หลังจากที่ลูกคนแรกของเขาตายทันทีหลังจากคลอด แฟนของเขาก็เสียใจมากและเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พ่อเล่าให้ผมฟังว่าพวกเขาอยู่กันโดยมีแต่ความทุกข์ ความเศร้า จนสุดท้ายเธอที่ทนไม่ไหวก็ขอแยกทางกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านเกิด แล้วสุดท้ายพวกเขาก็หย่าขาดจากกันในอีกหนึ่งปีถัดมา

เราสองคนไม่เคยคุยเรื่องชีวิตของกันและกันมาก่อนเลย ส่วนมากเราจะรู้ผ่านปากของผู้ใหญ่ที่บ้านเรามากกว่า และนั่นทำให้ผมคิดว่าหลังจากที่เสร็จพิธีเผาในวันนี้แล้ว เราคงต้องหาเวลามานั่งคุยกันจริงๆ จังๆ บ้างสักที
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H O M E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:13:50
ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ :)

หากชอบก็บอก ไม่ชอบก็ติ ขอกำลังใจเป็นคอมเมนท์บอกความในใจเล็กๆ น้อย ๆก็พอ

อัพเดทว่าจะอัพต่อเมื่อไหร่ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/ExecutionerNovel นะครับ ^3^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 30-07-2012 21:32:05
อยากอ่านต่ออ่าาา o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: MiiCell ที่ 30-07-2012 21:38:41
ง่ะ เอาเรื่องใหม่มายั่วให้อยากอ่านอีกแล้วง่า o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: 2NITE ที่ 30-07-2012 21:44:12
น่ารักอ่ะ >< อยากอ่านต่อออออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-07-2012 21:50:44
ติดตามๆๆๆ
จะจบแบบเรื่องล่าสุดหรือเปล่าคะ ^_^"
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2012 21:54:55
ไปเล่นเกมกันๆ ในแฟนเพจ!!

ปล. พี่  yeyong ครับ หมายความว่ายังไงครับพี่ 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBieKung ที่ 30-07-2012 22:03:42
ตามอ่านของพี่ต้นทุกเรื่องเลยยยยยย  ชอบบบบ!!!

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 30-07-2012 22:17:40
ตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องที่แล้ว love seedz แล้วครับ
ชอบมาก ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 30-07-2012 22:35:29
แอบอิน น้ำตาจะไหล สงสารพีพีอะ :sad4:

มาลุ้นว่า เตเต้ กับ พีพีจะไดรักกันมั้ยยย  :z2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 30-07-2012 23:19:51
ชอบจัง รอติดตามนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-07-2012 23:49:48
เต้จะรักพีพีแบบคนรักบ้างมั้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-07-2012 23:53:04
กรุ่นๆหน่วงๆจี๊ดเป็นพักๆ

เรานึกว่า...เรียบร้อย...กันไปแล้วซะอีก :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 31-07-2012 01:25:44
ร้องไห้เลย :monkeysad:

อ่านแล้วรู้สึกว่า หนูโคตรโชคดีที่ตอนนี้ยังมีทั้งพ่อและแม่อยู่ข้างๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน (หนูอยู่หอมาหลายปีแล้ว) แต่ก็ยังโทรคุยกันเป็นกิจวัตร นึกภาพไม่ออกเลยว่าวันนึง ถ้าหนูไม่เหลือใครแบบพีแล้วหนูจะเข้มแข็งอยู่ได้ยังไง?

พี ยังโชคดีที่มี เต้ อยู่ข้างๆในวันที่เค้ารู้สึกว่าอ่อนแอที่สุด ขอให้ข้ามผ่านทุกอย่างไปได้นะคะ

ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะเขียนเรื่องต่อไปในทางไหน แต่มันอบอุ่นมากจริงๆ รออ่านต่อนะคะ :')
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 31-07-2012 04:34:26
อ่านแล้วคิดถึงคนที่จากไปครับ  :sad11:

และอยากใช้เวลากับคนที่ยังอยู่ให้ดีกว่าเดิม  :กอด1:

ฟังเพลงนี้คลอๆ
http://www.youtube.com/watch?v=Yas7T2DPbnE
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-07-2012 07:30:55
ดีใจที่คุณต้นยังไม่ลืมเพ่ือนๆในบอร์ดครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 31-07-2012 11:55:05
อ่านแล้วให้บรรยากาศเหมือน  เต้เป็นคนที่รอคอยพีอยู่ที่ "บ้าน" เสมอ

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหน เหตุการณ์รอบตัวของแต่ละคนต่างเปลี่ยนไป

แต่ไม่ว่ายังไง ก็มีคน ๆ นึงที่..รอคอย...ปลอบใจ...


รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: Mulberry ที่ 31-07-2012 15:41:39
อ่านแล้วให้บรรยากาศเหมือน  เต้เป็นคนที่รอคอยพีอยู่ที่ "บ้าน" เสมอ

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหน เหตุการณ์รอบตัวของแต่ละคนต่างเปลี่ยนไป

แต่ไม่ว่ายังไง ก็มีคน ๆ นึงที่..รอคอย...ปลอบใจ...


รอตอนต่อไปค่ะ

รู้สึกแบบนี้เลยค่ะ ใช่เลย :n1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 31-07-2012 21:29:16
ดัน ดัน

 :z10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 01-08-2012 22:23:00
ใครอยากได้เวอร์ชั่นเต็มของเรื่องนี้ไปอ่านก่อนคนอื่นๆ ไปตอบคำถามในแฟนเพจนะครับ ไม่ใช่ในนี้เน่ออ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 02-08-2012 00:10:17
จิ้มเรื่องใหม่ก่อนกลับ HOME
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 02-08-2012 00:46:22
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ในเรื่อง  o8
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 03-08-2012 21:19:45
หากเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งงานศพของแม่ ผมต้องยอมรับเลยว่าการจัดงานศพให้พ่อนั้นยากกว่ามาก ครั้งที่แล้วผมยังมีพ่อ เรายังมีกันและกัน แต่หนนี้ผมไม่เหลือใครอีกเลย นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมถึงได้รู้สึกขอบคุณเต้และแม่ของเขามากถึงขนาดนี้ พวกเขาคอยช่วยเหลือผมทุกอย่างจริงๆ นอกจากนั้น ครั้งก่อนเราตั้งศพของแม่ไว้เจ็ดวัน ซึ่งเมื่อถึงวันเผา เราก็เริ่มที่จะพอทำใจได้บ้าง แต่สำหรับพ่อแล้ว ผมยังแทบไม่มีเวลาได้ทำใจเลย เปลวไฟที่สะบัดไปมาและควันสีดำที่ลอยออกจากปล่องเมรุย้ำเตือนให้ผมรู้ว่าพ่อจะไม่มีวันกลับมาหาผมอีกแล้ว และตอนนี้ผมก็ไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ

เต้ที่ยืนอยู่ข้างๆ โอบไหล่ผมไว้ตลอดเวลา แม่ตุ๊กก็ยืนใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาอยู่ข้างๆ ผมยื่นมือไปบีบมือของแม่ตุ๊กแน่น หวังจะเป็นกำลังใจให้เขา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าผมต่างหากที่เป็นฝ่ายได้รับกำลังใจและการปลอบโยนกลับคืนมา

มื้อเย็นที่บ้านของเต้ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง เราสามคนแลกเปลี่ยนเรื่องราวและคุยกันหลายเรื่อง โดยหลีกเลี่ยงเรื่องใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับพ่อ เต้กับแม่ตุ๊กผลัดกันเล่าเรื่องชีวิตการสอนของเขา รวมทั้งเรื่องช่วงก่อนที่เขาจะหย่าให้ผมฟัง แต่สิ่งที่ช่วยทำให้ผมรู้สึกหายคิดถึงพ่อได้มากที่สุด ก็คือตอนที่เราคุยถึงวีรกรรมในวัยเด็กของเราต่างหาก

“เนี่ย ยังจำได้มั้ย พี ตอนเด็กๆ เราสองคนเคยชอบไก่ทอดฝีมือแม่ขนาดไหน” แม่ตุ๊กพูดขึ้นพลางมองกองกระดูกที่อยู่ในจานของผมด้วยแววตาและรอยยิ้มอบอุ่น

“จำได้สิครับ ตอนนี้ก็ยังชอบนะครับ แม่ อร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”

“แหม ทำเป็นปากหวานยอแม่นะ”

“โหหห ยออะไรครับแม่ เห็นกองกระดูกนี่แล้วแม่ยังคิดว่าพีแค่ยออีกเหรอ” ผมหัวเราะ

“แม่จำได้มีอยู่ครั้งนึงตอนที่เราสองคนอยู่ ป. 4 และมากินข้าวบ้านแม่ แต่ไม่ยอมกินดีๆ กันสักที เอาแต่จะหยิบน่องไก่ไปคนละน่องแล้ววิ่งออกไปเล่นนอกบ้าน เล่นไปกินไป พอไก่หมดก็วิ่งแข่งกันกลับมาหยิบออกไปอีก”

“แล้วมึงที่ทำเป็นเก่ง วิ่งหนีกูไปไกลจนเจอกับหมาจรจัดตัวนึงและโดนมันไล่เอาจนต้องวิ่งร้องไห้จ้ากลับมาบ้านไง” เต้หันหาพูดกับผม

“มีเรื่องอย่างนั้นด้วยเหรอวะ กูไม่เห็นจะจำได้” ผมตีหน้าเซ่อ

“เหรออ จำไม่ได้เหรอวะ แล้วมึงจำตอน ม. 3 ที่มึงเคยไปจีบรุ่นพี่ ม. 4 อะ ชื่ออะไรน้าา... เก๋ ก้อย อะไรสักอย่าง แล้วปรากฏว่าโดนแฟนเค้าไล่เตะเอาได้รึเปล่า”

“จำไม่ได้เว้ย กูไม่เคยทำแบบนั้นสักหน่อย กูออกจะเป็นเด็กเรียบร้อยขี้อายจะตาย” ผมพูดพลางใช้เท้าเขี่ยพุงไอ้มอมแมมที่นอนอยู่ใต้โต๊ะ

“ถุยเถอะ แล้วใครวะที่ต้องปลอบมึงที่ร้องไห้เพราะโดนเค้าหักอกมาน่ะ”

“กูไม่ได้ร้องเพราะโดนหักอกมาเว้ย กูแค่เสียใจที่พี่เก๋แม่งโกหกกูว่ายังไม่มีแฟนต่างหาก”

“อ้าว ก็จำได้นี่หว่า” เต้หัวเราะ

“แม่ว่าเราสองคนมันก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ มีเรื่องนั้นเรื่องนี้กันได้ไม่เว้นแต่ละวัน” แม่ตุ๊กหัวเราะพลางลุกขึ้นยืนและเริ่มเก็บโต๊ะ

“เดี๋ยวพีช่วยครับ แม่”

“ไม่ต้องๆ” แม่ตุ๊กรีบห้าม “พวกลูกๆ ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จัดการเอง เรื่องแค่นี้”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่โกรธนะ แม่รู้ว่าเราสองคนมีเรื่องอยากจะคุยกันอีกเยอะแยะใช่มั้ยล่ะ กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ แม่ล้างจานเสร็จก็จะนอนพักผ่อนแล้ว”

“งั้นคืนนี้เต้นอนกับพีพีอีกคืนนะ แม่”

“ไปเถอะ ดูแลเพื่อนดีๆ ด้วยล่ะ แล้วก็อย่าอยู่กันจนดึกมาก พรุ่งนี้เราก็ต้องไปสอนนะ อย่าลืม และพีเองก็จะได้พักผ่อนเยอะๆ ด้วย ดูหน้าซิเนี่ย โทรมหมดแล้วลูกเอ๊ยย”

“งั้นมึงรอกูแป๊บนึง เดี๋ยวกูช่วยแม่เก็บจานไปไว้หลังบ้านก่อน” เต้พูดพร้อมกับยืนขึ้น

“มา กูช่วย” ผมทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้แต่ก็ถูกเขาห้ามเอาไว้ก่อน

“ไม่ต้องหรอกน่า นั่งรออยู่นี่แหละ” เขาตบบ่าผมเบาๆ จากนั้นก็ช่วยแม่เก็บจานบนโต๊ะและเดินหายเข้าไปในครัว

อีกไม่กี่นาทีถัดมา เต้ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับเบียร์แพ็คหกกระป๋องหนึ่งแพ็คพร้อมส่งสัญญาณให้ลุกได้ ผมจึงเดินเข้าไปบอกลาแม่ตุ๊กในครัว แล้วเดินตามเขาออกจากบ้านไปโดยมีไอ้มอมแมมวิ่งตามกลับมาด้วย

ทันทีที่ผมเปิดประตูบ้าน ไอ้มอมก็เริ่มดมกลิ่นบนพื้นเพื่อหาพ่อทันที มันวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองและหายไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับลงมาชั้นล่าง มันตัดสินใจเดินมานอนขดอยู่ที่ขาเก้าอี้ที่พ่อนั่งประจำและถอนหายใจยาวๆ ออกมาครั้งหนึ่ง อาการของมันทำเอาผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอกบอกไม่ถูก

“เมื่อวานกูเห็นในตู้เย็นมึงยังมีเบียร์เหลืออยู่ 4-5 กระป๋องใช่มั้ยวะ กินอันนั้นก่อนละกันนะ กูจะเอาพวกนี้เข้าฟรีซไว้ จะได้เย็นๆ” เต้ตะโกนออกมาจากในครัว

“เออ ยังไงก็ได้ว่ะ”

“นั่งไหนกันดี ห้องนั่งเล่นหรือม้าหินหน้าบ้าน”

“หน้าบ้านก็ได้มั้ง”

“โอเค”

อีกอึดใจต่อมา เต้ก็เดินออกมาจากในครัวพร้อมกระติกน้ำแข็งที่มีเบียร์แช่อยู่ในน้ำแข็งที่แทบล้นกระติก เราสองคนนั่งลงบนม้านั่งหน้าบ้านและจิบเบียร์กันเงียบๆ อยู่ครู่ใหญ่ๆ จนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน

“จริงๆ แล้วกูก็มานั่งกินเบียร์คุยกับพ่อมึงตรงนี้บ่อยนะ”

“ที่คุยเรื่องของกูกันน่ะนะ”

“หึๆ ช่ายยย”

“แล้วทำไมต้องเป็นเรื่องกูด้วยวะ”

“ก็เพราะเป็นเรื่องที่ทั้งกูและพ่อมึงคุยกันแล้วมีความสุขที่สุดล่ะมั้ง” เขาหันมายิ้มให้ผม

คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นชอบกล แต่ก็พยายามคิดว่าเขาคงไม่ได้มีอะไรแอบแฝงหรอกมั้ง

“กูบอกแล้วไงว่าพ่อมึงเค้ารักและภูมิใจในตัวมึงมาก ส่วนกูเองก็อยากรู้เรื่องของมึง มึงก็เลยตกเป็นหัวข้อคุยหลักไปโดยปริยาย...” เขาเว้นช่วง “กูว่าบางทีอาจเป็นเพราะเราโตๆ กันแล้วด้วยว่ะ จะมัวมาโทรคุยกันอยู่บ่อยๆ ก็ใช่เรื่อง และแบบนั้นมันก็ไม่ใช่นิสัยกูด้วย กูก็เลยฟังเรื่องราวของมึงจากพ่อเค้าเอา แต่แค่กูรู้ว่ามึงสบายดีก็โอเคแล้วว่ะ”

ผมกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม “ทำไมเราถึงไม่เคยแอดเฟซบุ๊คกันวะ”

“กูไม่ค่อยได้เล่นหรอก และกูก็ไม่รู้จะแอดมึงยังไงด้วย กูว่ามันแปลกๆ ว่ะ ไม่รู้ดิ ปีหน้าเราสองคนก็อายุ 30 แล้ว มึงคิดดู ขึ้นเลข 3 แล้วนะเว้ย ที่สำคัญ แต่ก่อนเราก็เจอกันทุกวัน คุยกันทุกวัน แต่พอโตขึ้นกลับต้องมาคุยกันผ่านตัวหนังสือในเฟซบุ๊คน่ะเหรอวะ กูไม่เอาด้วยหรอก จะว่ากูหัวโบราณก็ได้นะ แต่กูไม่ชอบความคิดนั้นเลยว่ะ”

“กูเข้าใจ”

“มึงไม่คิดอยากกลับมาที่นี่มั่งเหรอวะ พีพี”

“เฮ้ยนี่ กูว่ามึงอย่าเรียกกูอย่างนั้นเลยว่ะ ไอ้เต้”

“ทำไมวะ ไม่ชอบเหรอ กูขอโทษ” เขาหน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย

“เปล่า ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่กูเขินเว้ย”

เขากลับมามีรอยยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง “เขินทำไมวะ แต่ก่อนยังเรียกประจำ”

“แต่นั่นมันตั้งกี่ปีมาแล้ว เป็น 10 ปีแล้วนะเว้ย และที่สำคัญก็มีแค่มึงคนเดียวนั่นแหละที่เรียกกูอย่างนั้นน่ะ พ่อกับแม่ยังเลิกเรียกกูแบบนั้นตั้งแต่กูขึ้น ม. 1 แล้วเลย”

“จะกี่ปีก็ไม่เห็นเกี่ยว สำหรับกู มึงก็ยังคงเป็นมึง เพื่อนรักกูโคตรๆ คนนั้นไม่เคยเปลี่ยนนั่นแหละ”

“เออๆ กูยอมแพ้ก็ได้วะ”

“ดีมาก เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องมาทำเป็นอาย แต่ก่อนเราแก้ผ้านอนด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่แล้วยังไม่เห็นอายเลย”

“แต่หลังจากนั้นกูก็ไม่เคยแก้ผ้านอนกับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ” ผมหัวเราะทั้งๆ ที่เพิ่งโกหกออกไป

“เออ กูก็เหมือนกัน ว่าแต่งานมึงเป็นไงมั่งวะ เห็นว่างานหนัก เจ้านายห่วยไม่ใช่เหรอ ไหนเล่าให้กูฟังมั่งซิ”

ผมถอนหายใจ “ก็ใช่ เจ้านายแม่งก็เขี้ยวเหลือเกินว่ะ เงินดีขึ้นก็จริงอะนะ แต่เวลาว่างแม่งก็น้อยลงไปเยอะว่ะ” ผมเริ่มบ่นและเล่าเรื่องงานให้เขาฟังจนเบียร์ของเราเริ่มหมดไปอีก 2-3 กระป๋อง และในระหว่างที่ผมกำลังพูดอยู่นั้น เขาหก็ยิบบุหรี่ออกมาจุดแล้วถามผมว่าจะเอาด้วยรึเปล่า

“ไม่อะ กูเลิกไปหลายปีแล้ว”

“กูก็เคยเลิกไปแล้วหนนึงนะ แต่กลับมาสูบอีกก็ตอนที่เครียดๆ เรื่องเมียนั่นแหละว่ะ เฮ้อออ... สงสัยมึงต้องกลับมาคอยช่วยกูเลิกบุหรี่ให้ได้อีกซะแล้วล่ะมั้ง”

“ก็คงยากว่ะมึง คือกูก็อยากกลับมานะเว้ย แต่กูว่าชีวิตกูอยู่ที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว และไหนจะเรื่องงานกูอีกล่ะ ถ้ากลับมาที่นี่ กูจะทำอะไรวะ”

“เฮ้ย บ้านเรามันก็ไม่ได้บ้านนอกขนาดนั้นนะเว้ย มึงก็พูดเหมือนเราอยู่ซะโคตรต่างจังหวัดเลย กูว่าที่นี่มันก็แทบไม่ต่างจากในกรุงเทพฯ เท่าไหร่หรอก แค่รถติดน้อยกว่าและเงียบสงบกว่าเยอะเท่านั้นเอง ซึ่งกูว่าก็ดีออก”

“พยายามหว่านล้อมกูจริงๆ เลยเว้ย”

“กูแค่อยากให้มึงกลับมาอยู่บ้านหลังนี้อีกครั้งเท่านั้นเอง มาดูแลบ้านและสมบัติของครอบครัวไง”

ผมเงียบไปพักหนึ่ง “แค่นั้นเหรอวะ ที่มึงชวนกูกลับมาอยู่ที่นี่น่ะ”

“ไม่รู้ดิ ก็คงแค่นั้นแหละ” เขายักไหล่ “แต่มันก็เป็น ‘เรื่องแค่นั้น’ ที่สำคัญมากไม่ใช่เหรอวะ”

ผมถอนหายใจเบาๆ และเห็นด้วยหางตาว่าเต้เหลือบมามองผมอยู่แวบหนึ่ง

“มึงมีแฟนมั้ยวะ ไอ้พี”

“ไม่มีอะ”

“แล้วมึงอยู่ตัวคนเดียวที่กรุงเทพฯ ตลอดเลยเหรอ ไม่เหงามั่งเหรอวะ”

“ก็เหงาบ้างว่ะ แต่ไม่ถึงตายหรอก ชินแล้วล่ะมั้ง... ว่าแต่มึงล่ะ ไม่เจอคนใหม่สักทีเหรอวะ”

“ไม่ว่ะ” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ทำไมล่ะวะ มึงก็หน้าตาดี การงานก็ดี ดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์ ไม่มีอาจารย์สาวๆ หรือใครเข้ามาติดพันเลยรึไง”

“ไม่มีหรอก และกูก็ไม่ค่อยได้สนใจใครด้วย”

“มึงยังคิดถึงเมียเก่ามึงอยู่เหรอวะ เต้”

เขาพยักหน้า ดูเหมือนจะเจ็บปวดเล็กน้อย “ก็มีบ้าง แต่ที่ยิ่งกว่าคิดถึงคือกูเสียใจที่เป็นกำลังใจให้เค้าไม่ได้ ทำให้เราเริ่มเข้าใจไม่ตรงกัน สุดท้ายเค้าเลยเลือกที่จะไป... มันเป็นความผิดกูเองว่ะ”

“มึงจะผิดได้ยังไงวะ อย่าไปคิดอย่างนั้นสิเว้ย กูมั่นใจว่าตอนนั้นมึงเองก็คงพยายามปลอบเมียมึงเต็มที่แล้ว แต่เค้าเองรึเปล่าที่เสียใจมากและเริ่มมีปัญหา จนทำให้มึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละวะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปสนใจเลย เดินต่อไปข้างหน้าเหอะ กูว่าคนดีๆ อย่างมึง ยังมีคนอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยอยู่อีกเยอะ”

“จริงเหรอวะ” เขาหันมามองหน้าผม

“จริงสิวะ...”

ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าอย่างน้อยก็มีนั่งอยู่ตรงนี้คนหนึ่งล่ะ แต่ก็พูดออกไปไม่ได้

“แล้วมึงล่ะ เล่าเรื่องชีวิตรักของมึงให้กูฟังมั่งดิ”

ผมเล่าให้เขาฟังว่าผมเคยมีแฟนที่คบกันจริงๆ จังๆ อยู่สองคน คนแรกคบตอนเข้ามหาวิทยาลัยและคบอยู่นานสองปี ส่วนคนที่สองคบนานถึงสี่ปี ผมเล่าให้เขาฟังเท่าที่ผมเล่าได้ โดยเว้นเนื้อหาส่วนไหนก็แล้วแต่ที่จะทำให้เขารู้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นผู้ชายเอาไว้ ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าผมชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างที่เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่กล้า ผมกลัวว่าผมจะทำให้เขาตกใจและสูญเสียเขาไป ยิ่งในเวลาแบบนี้ ผมยิ่งไม่พร้อมที่จะเสียเพื่อนรักที่สุดคนนี้ไปอีกคน

บางทีผมว่ามันก็น่าแปลกเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่เขาคือเพื่อนที่ผมรักและไว้ใจมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันผมกลับกลัวความรู้สึกของเขา และกลัวว่าเขาจะหันหลังให้แก่ผมมากที่สุดเช่นกัน

“ถึงเราจะไม่ได้คุยกันแบบนี้มานาน แต่กูก็ดีใจนะที่เรายังต่อกันติดและที่มึงเองก็ยังเห็นกูเป็นเพื่อนสนิทคนนั้นคนเดิมของมึงน่ะ” เขาพูดขึ้นในขณะที่เราต่างก็กำลังถือกระป๋องเบียร์กระป๋องสุดท้ายอยู่ในมือ

“กูดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้งนะ ไอ้เต้ ถึงแม้ว่าจะกลับมาเพราะเรื่องแบบนี้ก็เถอะ แต่กูก็ดีใจที่ได้เจอมึงอีกครั้งมากๆ เหมือนกัน”

เขายิ้มและยื่นกระป๋องเบียร์มาชนกับผม ก่อนที่เราจะกระดกเบียร์ที่เหลือลงคอจนหมด

“กูว่ามึงเริ่มง่วงแล้วมั้ง ไอ้พี หน้าก็แดงเยอะแล้ว ไปเถอะ ไปนอนกัน”

ผมพยักหน้า รู้สึกหนังตาเริ่มจะปิดอยู่แล้วจริงๆ เราสองคนเดินเข้าบ้านและตรงขึ้นไปยังห้องนอนของผมด้วยกัน เขายืนดูผมถอดเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปที่ประตูห้อง

“งั้นมึงก็นอนซะนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าเว้ย”

“มึงจะไปไหนน่ะ”

“ไปนอนโซฟาข้างล่างไง”

“ไม่ต้องเลย มานอนด้วยกันนี่แหละ มาทำเกรงใจอะไรเอาป่านนี้วะ”

“กูจะไม่เบียดมึงเหรอวะ”

“เหลือเฟือน่า พูดเหมือนคนไม่เคยนอนไปได้เว้ย” ผมตบมือลงบนเตียงขนาดควีนไซส์และเขยิบตัวไปชิดกับกำแพงเพื่อให้เขาเห็นว่ามีที่ว่างอยู่อีกเหลือเฟือขนาดไหน

เต้ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวและเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของผม เขาหยิบเอากางเกงขาสั้นตัวหนึ่งออกมา ถอดกางเกงในออก และเปลี่ยนเป็นใส่ขาสั้นตัวนั้น ผมเห็นก้นและไอ้น้องชายของเขาอย่างเต็มตา ถึงเป็นเวลาแค่ไม่กี่วินาที แต่มันก็ทำให้ใจผมเต้นแรงขึ้นอย่างอดไม่ได้

“ถ้ากูละเมอไปกอดมึงเข้าก็เขกหัวปลุกกูเลยนะ” เขาพูดพลางสอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่ม

“กูไม่ปลุกมึงหรอก กูจะกอดคืน” ผมแกล้งพูดทีเล่นทีจริง

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วจากนั้นเราสองคนก็เริ่มเงียบลงไปอีกครั้ง แต่อาจจะเพราะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ จึงทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ใจของผมมันว้าวุ่นคิดถึงทั้งเรื่องของเต้ และเรื่องของพ่อกับแม่ จนในที่สุดสมองของผมก็หยุดคิดอยู่ที่แต่เรื่องของพ่อกับแม่ ความรู้สึกอ้างว้างไม่เหลือใครกลับมาครอบงำจิตใจของผมอีกครั้ง ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่ในนาทีสุดท้ายของพวกเขาทำให้ผมต้องนอนห่อตัวและร้องไห้ออกมาเบาๆ

เต้ที่ยังนอนไม่หลับเหมือนกันพลิกตัวมากอดผมเอาไว้จากทางด้านหลัง “ร้องไปเถอะ พี ร้องไปจนกว่าจะสบายใจ ไม่ว่ามึงจะร้องไห้อีกกี่ครั้ง อีกกี่คืน กูก็จะคอยอยู่ข้างๆ มึงแบบนี้ไปตลอด จนกว่ามึงจะเข้มแข็งเหมือนเดิมอีกครั้ง มึงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ของกูนะ... ไอ้คนเก่ง”

ผมจำไม่ได้ว่าหลับลงไปเมื่อไหร่ แต่ผมตื่นขึ้นมากลางดึกและพบว่าตัวเองกำลังนอนกอดเต้จากทางด้านหลังอยู่ ผมสะลึมสะลือกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น แล้วจึงผล็อยหลับไปอีกครั้ง เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกหน ก้นของเต้ก็กำลังเบียดอยู่กับไอ้น้องชายที่แข็งเป็นลำของผมอยู่พอดี ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงและขยับสะโพกเล็กน้อยเพื่อเบียดให้มันแนบชิดมากเข้าไปอีก เต้ที่อาจจะไม่รู้สึกตัวขยับสะโพกตอบสนองกับการขยับตัวของผม แต่เมื่อผมลองขยับสะโพกอีกครั้ง เขาก็เขยิบตัวห่างออกไป ผมที่กลัวว่าเขาจะรู้ตัวจึงคลายวงแขนที่พาดอยู่บนตัวของเขาออกและพลิกตัวเป็นนอนตะแคงหันหลังให้เขาแทน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 03-08-2012 21:35:11
ทั้งที่ซอกมุมของหัวใจทั้งสองคนต่างก็คิดตรงกัน

แต่...ต่างคนไม่ยอมเปิดมุม ๆ นั้นออกมา

ทั้งที่เป็นคนที่ใกล้ชิดเหลือเกิน...แต่พอเป็นเรื่องของความรู้สึกรัก...กลับเหมือนเป็นคนที่ไกลกันมาก ๆ

ต่างคน..กลัว...กลัวที่จะสูญเสียเพื่อนรักคนสำคัญไปเมื่อต่างได้รู้ความจริงที่มันมีมากกว่านั้น

ค่ำคืนนี้จะเป็นยังไงต่อนะ...ค้าง :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-08-2012 21:43:50
ไม่รู้จะพูดยังไง

เต้จะรู้สึกมากว่าเพื่อนมั่งมั้ย

หรือเราจะแค่คิดไปเอง

 :z10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-08-2012 13:44:24
เหมือนแต่ละคนเก็บงำความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อกันหรือเปล่า

นอนขยับไปขยับมาแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-08-2012 14:29:19
อ่านแล้ว....


โคตรลุ้นเลยค่า >__<
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-08-2012 14:53:10
เอาล่ะครับ
ฟ้าเริ่มสลัวแหละครับ.....

ปล.เรื่องนี้อ่านแล้ว Feel มันดีนะคะ คุณต้น
ค่อยๆ ขยับอารมณ์คนอ่านดี
ชอบค่า ชอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-08-2012 14:57:56
เฮ้อ อึดอัดแทนพี แต่ก้อเสียใจกับพีด้วยอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 04-08-2012 16:03:10
เรื่องนี้อ่านเเล้วรู้สึกดีจัง อ่านเเล้วรู้ว่าควรให้ความรู้สึกกับพ่อเเม่มากขึ้น
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่เเต่งมาให้อ่านนะค่ะ ตามๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 04-08-2012 16:42:31
ความรู้สึกบางอย่าง .. มันก็ยากที่จะแสดงออก

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของวัยใกล้ 30 ... ชอบบบบ   o13
 
ขอบคุณค่ะ .. รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^    :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 04-08-2012 17:13:49
เข้ามาอ่าน กำลังเพลินเลยครับ... รอติดตามๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-08-2012 21:00:31
น่าสงสารพี  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-08-2012 21:21:27
ใครหนอที่จะยอมเปิดใจก่อน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 04-08-2012 23:49:06
อบอุ่นดีนะครับ แต่อ่านแล้วใจหาย การจากลาเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆนะครับ

รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-08-2012 00:23:23
ชอบ! :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 05-08-2012 18:13:25
ในตอนรุ่งเช้า ผมตื่นขึ้นเพราะแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตา และรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเต้ที่รดอยู่บริเวณต้นคอ แขนของเขาพาดอยู่บนหน้าอกของผม และหน้าของเขาก็ซุกห่างอยู่จากต้นคอของผมแค่ไม่กี่นิ้ว ผมนอนลืมตามองเพดานด้วยความรู้สึกอบอุ่นและตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขนี้อยู่อีกครู่ใหญ่ๆ ผมรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ชีวิตผมขาดหายไปนานมากแล้วเหลือเกิน ความใกล้ชิด ความห่วงใย และความรักที่บริสุทธิ์... อย่างน้อยๆ ความรักที่เต้มีให้ผมมาตลอดก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดที่ผมเคยได้รับจากใครมาจริงๆ เขาไม่เคยเรียกร้องให้ผมรักเขาและไม่เคยกังขาในความรักที่เรามีต่อกันเลย

อีกพักหนึ่ง เต้ก็ขยับตัวและลุกออกจากเตียง เขาเดินออกไปเข้าห้องน้ำ เสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัวดังขึ้น และเมื่อเสียงนั้นเงียบลง เขาก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับเริ่มแต่งตัว จากนั้นเขาจึงเห็นว่าผมกำลังนอนลืมตามองเขาอยู่พอดี

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง พีพี” เขายักคิ้วและยิ้มกวนๆ

“ก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ เตเต้”

เขาหัวเราะ “เออ ดีแล้ว วันนี้มึงจะโอเครึเปล่าวะ เพราะกูต้องไปสอนแล้วน่ะ”

“ไปเหอะ ไม่ต้องห่วงกูหรอก วันนี้กูก็ต้องออกไปธุระที่ธนาคาร จัดการเรื่องพินัยกรรมของพ่อต่ออีกเหมือนกัน”

“มึงยังไม่รีบกลับกรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ใช่มั้ย”

“ยังอะ กูลางานไว้ 2 อาทิตย์เลย ใช้แม่งทุกวันลาเท่าที่มี เพราะงั้นกูก็คงอยู่ที่นี่ต่ออีกอาทิตย์กว่าๆ นั่นแหละ”

“โอเค งั้นคืนนี้มึงไปกินข้าวที่บ้านกูอีกมั้ย”

“อืมมม... กูเกรงใจแม่มึงว่ะ กูว่าชวนแม่มึงมากินที่นี่บ้างดีกว่า อาหารที่ได้มาก็ยังเหลืออีกเพียบเลย”

“โอเค แต่กว่ากูจะกลับถึงบ้านก็ประมาณหกโมงเย็นนะ”

“ตามสบายเลยเพื่อน” ผมลุกออกจากเตียงเพื่อที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อผมเดินผ่านกระจกบานใหญ่ตรงปลายเตียง ผมก็ต้องหัวเราะเสียงดังออกมา

“อะไรวะ” เต้ถามก่อนที่จะทันเดินออกไปจากห้อง

“มึงดูสารรูปกูซิเนี่ย” ผมหันไปหาเขา ให้เขาเห็นสภาพของผมว่าเละเทะขนาดไหน ทั้งผมเผ้าที่ชี้โด่เด่ ทั้งรอยแดงเล็กๆ ตรงไหปลาร้า และที่สำคัญ กระดุมกางเกงบ็อกเซอร์ของผมยังถูกปลดออกอีกด้วย “นี่เมื่อคืนมึงทำอะไรกูวะเนี่ย”

เต้หน้าแดงและหันไปทางอื่น “ครวยเหอะ กูจะไปทำอะไรมึงวะ กูพนันหมื่นนึงเลยว่ากระดุมบ็อกเซอร์มันหลุดของมันเอง และรอยที่คอมึงนั่นก็คงเป็นรอยที่ยุงหรือไม่ก็แมลงกัดตอนที่เรานั่งกินเบียร์กันเมื่อคืนเหอะว่ะ”

น้ำเสียงที่จริงจังของเขาทำให้ผมใจแป้วและรู้สึกผิดที่ดันพูดเล่นแบบนั้นออกไป ผมจึงพยายามกลบเกลื่อนเพื่อให้เขารู้ว่าผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น

“ค่อยยังชั่ว ดีนะที่มึงไม่ได้เอาความบริสุทธิ์ของกูไปน่ะ” ผมเดินตรงเข้าไปตีก้นเขาเบาๆ

เต้ดูเหมือนจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง “ทะลึ่งแล้วมึง!”

“กับมึงคนเดียวแค่นั้นแหละ” ผมยักไหล่ “และถ้ามึงจะเอาความบริสุทธิ์กูไป กูก็คงโอเคมั้ง อย่างน้อยก็เป็นมึงล่ะวะ เอ้า”

เขาส่งยิ้มแปลกๆ ให้กับผม ก่อนจะหันไปเปิดประตูห้องออก “โอเค งั้นเดี๋ยวคืนนี้เจอกันเว้ย ถึงจะมีเวลาแค่อาทิตย์กว่าๆ แต่กูก็ดีใจที่มึงกลับมานะ ไอ้พี กูอยากให้มึงกลับมาอยู่ที่บ้านเรานี่ถาวรจริงๆ นะเว้ย”

ผมเดินตรงเข้าไปกอดเขาและบอกเขาว่าผมก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน ปกติเวลาเรากอดกัน เราจะกอดกันแบบเพื่อน เป็นกอดที่แนบแน่น กระชับ และไม่ได้แนบลำตัวติดกันเสียทีเดียว แต่ครั้งนี้ผมกอดเขาแบบแทบจะหลอมรวมร่างกายของเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไอ้น้องชายของผมก็เบียดเข้าที่ต้นขาของเขา เขาตบหลังผม 2-3 ทีและจุ๊บลงบนต้นคอของผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมออก ผมรีบยกมือขึ้นแตะตรงตำแหน่งที่เขาเพิ่งจุ๊บผมตามสัญชาติญาณทันที เขาส่งยิ้มแปลกๆ แบบนั้นให้ผมอีกครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนมองหน้าเขางงๆ

“กูต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านจริงๆ แล้วว่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะสาย เอาไว้ค่อยเจอกันอีกทีเย็นนี้นะเว้ย”

“อ... เออ”

เขาเดินออกจากห้องไปได้แค่สองก้าวแล้วก็ต้องหมุนตัวกลับมาหาผมอีกครั้ง “เอ้อ กูลืม มึงจะให้ข้าวไอ้มอมเองหรือจะให้กูพามันกลับไปที่บ้าน แม่กูเค้ารักมันจะตาย เค้าไม่ว่าอะไรหรอกนะเว้ยถ้ามึงจะฝากเค้าเลี้ยงสักพักน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูดูแลมันเอง”

เขายิ้มให้ผมและพยักหน้าน้อยๆ “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

อีกไม่กี่นาทีถัดมาผมก็ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดและปิดลง ผมรีบเดินไปที่หน้าต่างและเลิกผ้าม่านออกดูเห็นว่าเต้กำลังเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองพอดี ผมนึกถึงตอนที่เรากอดกันเมื่อกี้และตอนที่เขาจูบลงบนต้นคอของผมแล้วก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้น ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่ามันจะดีขนาดไหน ถ้าหากว่าที่จริงแล้วเต้เองก็รักผมแบบเดียวกับที่ผมรักเขา ตลอดชีวิตที่เรารู้จักกัน เราบอกรักกันมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ก็มีแค่เพียงคำว่า ‘รัก’ คำนั้นคำเดียวเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าเขารักผมแบบนั้นจริงๆ ชีวิตผมจะมีความสุขมากขนาดไหนกันนะ

ไม่สิ ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ผมต้องไม่ลืมที่จะย้ำเตือนตัวเองไว้ว่าเขาเป็นชายแท้ ไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนผม ตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว เขามีแฟนมาตั้งไม่รู้กี่คน และยังเคยแต่งงานจนเกือบมีลูกมาแล้วเลยด้วยซ้ำ ผมต้องหยุดคิดฟุ้งซ่านสักทีเพื่อตัวของผมเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 05-08-2012 18:44:33
เต้ต้องชอบพีแน่ ๆ อ่ะ

เพื่อนธรรมดาที่ไหนเค้าจะมาจุ๊บคอกันแบบนี้

อยากอ่านมุมมองของเต้...เจ้าค่าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 05-08-2012 19:09:03
มันต้องมีอะไรแน่ๆ

เพื่อนกันธรรมดาๆไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ

ถ้าแบบนี้เรียกว่า"เพื่อนธรรมดา"

งั้นผมขอมีแค่"เพื่อนธรรมดา"ก็ได้

ฟงแฟนอะไรไม่เอาก็ได้

รอตอนต่อไปครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: MiiCell ที่ 05-08-2012 19:13:43
บร๊ะ เกิดอะไรขึ้นอ่ะ :a5:
มันต้องมีอะไรอยู่ในกอไก่แหงมๆเลย
รอยยิ้มแปลกๆมันบ่งบอก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-08-2012 19:55:26
เหมือนจะใจตรงกัน♥♥♥

แต่กลัวคนเขียนสับขาหลอกอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 05-08-2012 20:33:54
โอ้ยยย  พี
คิดเยอะไปเปล่า
อยากทำอะไรก็รีบๆทำเถอะ
อายุจะ30 แล้ว
เวลาเหลือน้อยแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 05-08-2012 21:24:45
พี รุก เต้เลย เอาใจช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 05-08-2012 21:35:05
อบอุ่นมากครับ ชอบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 05-08-2012 21:49:17
 :m1: ชอบจัง

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 05-08-2012 23:06:01
มันต้องมีอะไร มีอะไรแน่ๆ

ความคิดของเต้ กำลังคิดอะไรอยู่อยากรู้จังเลย

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-08-2012 23:36:36
การกระทำของเต้ ชักเริ่มไม่ปกติดแล้วน๊า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-08-2012 01:10:39
ขอให้มันเป็น Happy Ending นะ อย่าเป็น Sad ending ไม่่งั้นเราจะ เศร้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 06-08-2012 19:08:39
อยากให้ทั้งสองคนบอกความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน
พีเหมือนคนหลอกตัวเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-08-2012 19:53:36
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็กินข้าวเช้า โทรหาอาไพศาลและตัวแทนประกันชีวิตทุกบริษัทที่พ่อทำไว้เพื่อถามว่ามีอะไรที่ผมต้องทำอีกบ้าง และแน่นอนว่ายังมีอีกเยอะทีเดียว

ผมขับรถไปที่ธนาคารเพื่อจัดการเรื่องเงินในบัญชีของพ่อ ระหว่างที่รถติดไฟแดง ผมหยิบสมุดบัญชีของพ่อมาเปิดดูและต้องตกใจเมื่อพบว่าพ่อมีเงินเก็บอยู่มากขนาดไหน พ่อนำเงินชดเชยประกันชีวิตของแม่ที่ได้มาใส่รวมไว้ในบัญชีเดียวกัน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลำพังแค่อาชีพครูจะทำให้พ่อมีเงินเก็บอยู่มากขนาดนี้ แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ พ่อก็เป็นคนที่คอยสอนให้ผมรู้จักประหยัดอดออมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และยิ่งเมื่อคิดย้อนไปถึงพื้นเพของพ่อที่เคยมีปัญหากับญาติพี่น้องเรื่องมรดกของปู่กับย่า จนทำให้พ่อต้องตัดขาดญาติที่เหลืออยู่ทุกคนและย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว มันก็คงไม่น่าแปลกใจนักที่จะคิดว่าพ่อคงพยายามเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เอาไว้ก็เพื่อผมในวันนี้ นอกจากนั้นตามที่อาไพศาลเคยบอกผม พ่อยังมีที่ดิน และหุ้นที่ซื้อเอาไว้เพื่อหวังเก็บเงินปันผลและดอกเบี้ยอีก

หากนำเงินประกันชีวิตของพ่อที่ผมจะต้องได้มารวมเข้าไปแล้ว จำนวนเงินทั้งหมดที่กำลังจะกลายเป็นของผมน่าจะสูงขึ้นถึงราวๆ เกือบ 10 ล้านบาท

เมื่อไปถึงที่ธนาคาร ผมก็ได้รับกุญแจให้เปิดเซฟของพ่อจากพนักงานธนาคารคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะรู้จักพ่ออยู่เหมือนกัน เขาแสดงความเสียใจกับการจากไปของพ่อด้วย เมื่อเราเข้าไปในห้องเซฟ เขาก็จัดแจงวางกล่องนิรภัยขนาดใหญ่ท่าทางจะหนักลงบนโต๊ะและบอกให้ผมกดกริ่งเรียกเขาเมื่อเสร็จธุระ เมื่อเปิดกล่องออก ผมก็พบกับกล่องไม้สีดำอีกกล่องและกระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบหนึ่งวางอยู่ข้างใน ผมหยิบกระเป๋าออกมาเปิดดูก่อน และพบว่าในนั้นมีอัลบั้มรูปเก่าๆ ของครอบครัวเราเก็บไว้หลายใบ ซึ่งทุกใบในนั้นล้วนแต่เป็นรูปที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรูปของพ่อกับแม่ตอนแต่งงานใหม่ๆ รูปที่ทั้งสองคนกำลังเต้นรำกันอยู่กลางฟลอร์เต้นรำในสถานที่และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง รูปของพ่อและแม่ในชุดครุยที่ยืนจับมือยิ้มกว้างอยู่ด้วยกัน ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และภาพเหล่านี้ก็ทำให้ผมมีรอยยิ้มขึ้นได้อีกครั้ง ผมเปิดดูรูปไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับรูปของผมกับเต้สมัยเด็กๆ หลายใบ มีใบหนึ่งเป็นรูปของผมกับเขา อายุราวๆ 7-8 ขวบ ยืนคู่กัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจคือในรูปเต้กำลังหอมแก้มผมอยู่ ผมจำไม่ได้เลยว่าเราเคยทำแบบนี้กันด้วย!

ผมเก็บรูปใบนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ และตัดสินใจว่าจะนำภาพทั้งหมดนี้ไปก๊อปปี้เก็บไว้ แล้วค่อยนำอัลบั้มนี้มาเก็บไว้ที่นี่ที่เดิมอีกครั้ง

ผมวางอัลบั้มรูปลงบนโต๊ะ หยิบกระดาษที่อยู่ในซองเอกสารหลายแผ่นทั้งใหม่บ้างเก่าบ้างออกมาเปิดดูผ่านๆ พวกมันคือบรรดาโฉนดที่ดิน เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ต่างๆ ประกันชีวิต เงินฝาก ทุกอย่างที่ผมควรจะต้องรู้ ผมเก็บมันกลับลงไปในกระเป๋าตามเดิม และยกกล่องไม้สีดำออกมาจากกล่องนิรภัย รู้สึกประหลาดใจที่มันหนักมากถึงขนาดนี้ และเมื่อเปิดออกดู ผมก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าข้างในมีสร้อยทองหลายเส้นวางทับอยู่บนทองแท่งอีกจำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นมรดกที่พ่อได้รับมาจากปู่อีกที ผมนับจำนวนของสร้อยทั้งหมดได้ 29 เส้น เท่ากับอายุของผมพอดี มันทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่แม่เคยเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ยังเด็กได้ว่าพ่อมักจะซื้อสร้อยทองเป็นของขวัญวันเกิดให้ผมทุกปี ปีละหนึ่งบาทบ้าง สองสลึงบ้าง แล้วแต่ความสามารถของพ่อในตอนนั้นๆ ผมจำได้ว่าผมยังเคยถามแม่กลับไปเลยว่าแล้วทำไมผมถึงไม่เคยได้ใส่ทองบ้างเลย แม่แค่หัวเราะเบาๆ และบอกผมว่าเมื่อถึงเวลา ผมจะได้มันเอง ด้วยความที่ถูกสอนไม่ให้ใช้ชีวิตอยู่กับวัตถุและความฟุ่มเฟือย ผมจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่เมื่อนึกถึงมันขึ้นมาได้ ผมก็ต้องรู้สึกผิดและเจ็บปวดขึ้นอีกครั้งที่ตัวเองกลับคิดแต่จะทำให้ชีวิตบั้นปลายของพ่อมีความสุขด้วยการตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้มากๆ ที่กรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่สำหรับพ่อแล้ว เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็คุยกับแขกอีก 2-3 คน กว่าที่แขกคนสุดท้ายจะกลับไปก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมเดินขึ้นไปบนห้อง หยิบรูปถ่ายออกจากกระเป๋าเสื้อและวางมันลงบนโต๊ะเขียนหนังสือโดยวางสมุดเล่มหนึ่งทับเอาไว้ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมต้อนรับเต้กับแม่ตุ๊ก

ผมเดินกลับลงมาชั้นล่างและนั่งลงบนโซฟา ไอ้มอมแมมลุกออกจากพื้นห้องและกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ ผม มันเกยคางลงบนหน้าขาของผมแล้วถอนหายใจ

“คิดถึงพ่อสินะ ไอ้มอม กูเหมือนกัน...” ผมลูบหัวมัน มันเหลือบตาขึ้นมามองผมราวกับเข้าใจสิ่งที่ผมพูด “ถ้ากูกลับไปกรุงเทพฯ แล้วมึงจะอยู่กับใครว้า ไอ้หมาเอ๊ยยย”

ไอ้มอมส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ และซุกหน้าเข้ามาหาผมมากขึ้นอีก แต่เมื่อเสียงเปิดประตูรั้วบ้านดังขึ้น มันก็รีบกระโดดลุกออกจากโซฟาและวิ่งไปที่หน้าประตูทันที มันกระดิกหางและเห่าอย่างมีความสุขเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา

“เป็นไง เหนื่อยมั้ยวันนี้” เต้ทักผมพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ไอ้มอมแมมกระโดดขึ้นไปเกาะขาของเขาทันที จากนั้นมันก็วิ่งไปหาแม่ของเต้พร้อมกับแกว่งหางไปมาอย่างบ้าคลั่ง

“แม่หวัดดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้แม่ตุ๊ก “แล้วนั่นแม่เอาอะไรมาด้วยน่ะครับ”

“แม่จะมาทำกับข้าวให้กินไง หิวรึยังล่ะ รอแม่แป๊บนึงนะ ขอแม่สำรวจของในครัวก่อน” แม่ตุ๊กพูดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในครัวโดยมีไอ้มอมแมมเดินตามหลังไปติดๆ

“จริงๆ ในครัวก็ยังมีของกินอยู่นะครับ แต่เราคงกินกันไม่หมดหรอก บางอย่างเสียไปแล้วรึยังก็ไม่รู้ พีก็ลืมดูไปสนิทเลย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จัดการเอง” แม่ตะโกนตอบกลัยมาจากในครัว

เต้เดินมานั่งลงข้างๆ ผม เขาปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกและถอดเน็กไทวางไว้บนโต๊ะรับแขก

“มึงไม่เปลี่ยนเสื้อก่อนมาวะ จะขึ้นไปเอาเสื้อกูมาใส่ก่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาบน้ำเลยทีเดียว” เขาหันมายิ้มให้ผม “สรุปวันนี้ยุ่งมากมั้ยวะ”

“นิดหน่อยว่ะ จริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีนะ แต่ก็...” ผมยักไหล่ “ถ้าจะให้เครียดก็เครียดนิดหน่อยเหมือนกัน”

“ยังไงวะ ไหนเล่ามาซิ” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

ผมเล่าเรื่องรูปถ่ายและสมบัติทั้งหมดที่เจอในเซฟของพ่อ รวมทั้งจำนวนเงินทั้งหมดที่ประมาณอย่างคราวๆ ให้เขาฟังโดยไม่ปิดบังรายละเอียดอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะผมรู้ว่าผมไว้ใจเขาได้ ผมบอกเขาว่าผมเองก็กังวลกับจำนวนเงินทั้งหมดเหมือนกัน ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะดูแลจัดการมันอย่างไร และตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจว่าถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมไปอีกคน ก็คงจะเป็นเขานี่แหละที่ต้องดูแลสมบัติทั้งหมดต่อไป

“นี่มึงจะให้กูเป็นทายาทคนต่อไปของมึงรึไงวะ ไอ้พี” เขาหัวเราะชอบใจ

“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเว้ย แต่กูคิดไว้แล้วจริงๆ ว่าพอหมดจากกูมันก็ไม่มีใครคนอื่นแล้ว ใช่มั้ยล่ะ กูอาจจะบริจาคส่วนนึงเข้าการกุศล และที่เหลือก็ยกให้มึงกับแม่นั่นแหละ”

เขานิ่วหน้าเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดเสียก่อน

“แต่ก่อนหน้านั้น กูก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเงินแล้วก็ทองพวกนั้นอะนะ บางทีก็อาจจะเก็บมันไว้เฉยๆ แบบนั้นแหละมั้ง”

“ก็ดีแล้วนี่ พ่อมึงเองก็คงไม่คิดอยากจะให้มึงเอามาถลุงจนหมดหรอก”

“กูรู้ แต่ก็อย่างที่กูบอกนั่นแหละว่ากูอยากจะให้มึงช่วยกูด้วย คืออย่างน้อยๆ ถ้ากูเป็นอะไรไป กูก็จะมอบอำนาจให้มึงหมดเลย มึงจะเอาไปดูแลจัดการต่อยังไงก็เรื่องของมึง เอาไว้ให้ลูกมึงในอนาคตก็ได้ ถือว่าเป็นของขวัญจากอาคนนี้ของมันไง”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “กูดีใจนะเว้ย ไอ้พี ที่มึงคิดถึงกูกับแม่ขนาดนั้น แต่กูรับไว้ไม่ได้หรอก และที่สำคัญคือมึงไม่คิดจะเก็บไว้ให้ลูกหลานหรือเมียในอนาคตของมึงมั่งเลยเหรอวะ ทำไมถึงต้องเป็นแค่กูกับแม่ หรือลูกของกูแค่นั้นด้วย”

ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง บางทีคงถึงเวลาที่ผมควรจะบอกความจริงเขาได้แล้วล่ะมั้ง

“เต้... จริงๆ แล้วกูมีเรื่องบางอย่างที่อยากบอกให้มึงรู้ว่ะ” เราสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปทางอื่น “ไอ้เต้ คือ...”

“จริงๆ กูก็มีเรื่องอยากคุยกับมึงอยู่เหมือนกัน” เขาพูดขัดขึ้น

ผมนิ่วหน้าสงสัย “เรื่องอะไรวะ”

“เอาไว้เราค่อยคุยกันคืนนี้ก็แล้วกัน” เขายิ้มน้อยๆ แต่มันกลับแลดูเศร้าสร้อยชอบกล ผมสงสัยว่าจะเป็นปัญหาเรื่องแฟนเก่าของเขารึเปล่า จากนั้นเขาก็ลุกออกจากโซฟาและเดินเข้าไปช่วยแม่ของเขาเตรียมกับข้าวในครัว

ผมเดินตามเข้าไปหวังจะช่วย แต่ก็โดนเขาสองคนไล่ให้ออกไปนั่งรอข้างนอกเหมือนเดิม ที่จริงผมก็พอจะทำอาหารเป็นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับเขาสองคนแล้ว ผมดูจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

ในระหว่างที่เราสามคนทานข้าวเย็นด้วยกันอยู่นั้น เต้ก็เล่าให้ผมฟังเพิ่มเติมว่าการที่เขาตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านกับแม่เป็นเพราะเขาไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว พ่อของเขาจากไปเพราะอุบัติเหตุจากการทำงาน และเขารู้สึกว่าควรจะต้องกลับมาช่วยแม่ดูแลบ้านและทุกๆ อย่างแทนพ่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้ พ่อของเขาจะเป็นคนดูแลเรื่องการเงินและเรื่องบ้านอยู่คนเดียว เขารู้ดีว่าถ้าหากเขาไม่กลับมา แม่จะต้องมีปัญหากับเรื่องเหล่านี้แน่ๆ และที่สำคัญ เขาไม่อยากทิ้งให้แม่ต้องเหงาและเศร้าอยู่คนเดียวด้วย

“แม่ไม่เหงาขนาดนั้นหรอก” แม่ตุ๊กพูดขึ้น “แม่จะไม่โกหกหรอกนะว่าแม่ไม่เป็นอะไรเลย แต่ทุกๆ วันมันก็ผ่านไป แม่ก็ต้องอยู่ต่อไป บางทีเวลาแม่เหงา แม่ก็เดินไปคุยกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ บ้างไง”

“และบางทีก็ไปตั้งวงเล่นไพ่ที่บ้านคนอื่นด้วย” เต้พูดเสริม

“ฉันเล่นแล้วฉันได้ก็แล้วกันย่ะ แหมม แค่งานอดิเรกนิดๆ หน่อยๆ เอง” แม่ตุ๊กตีแขนเต้ดังเพี๊ยะ ผมจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“นี่เต้ก็พยายามกล่อมให้พีมันกลับมาอยู่ที่บ้านกับเราเหมือนเดิมอยู่นะ แม่ แม่เองก็ช่วยพูดด้วยสิ”

“โอ๊ยยย ไม่เอาหรอก พีมันจะกลับมามั้ย มันก็ต้องตัดสินใจเอง ถ้าแกจะกล่อมเพื่อนแก แกก็ทำเองสิ แม่รู้ว่ายังไงเดี๋ยวพีก็ต้องยอมแกเหมือนเดิมนั่นแหละ”

เต้หัวเราะชอบใจ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนหอกหรือดาบแทงเข้าหัวใจดังฉึก

“โหแม่อะ ตอนนี้พีโตแล้วนะครับ ไม่ยอมให้ไอ้เต้มันมาปั่นหัวหรือเอาเปรียบเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ได้ง่ายๆ แล้วนา” ผมออกตัว

“แล้วทำไมเราไม่อยากกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี กลับมาที่นี่ก็ดีออกน้า มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเต้ด้วย มันอยากให้เรากลับมาอยู่ที่นี่ยิ่งกว่าแม่อีกไม่รู้ตั้งกี่เท่า”

ผมเห็นเต้หันไปมองทางอื่น แก้มของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย เขากระแอมเบาๆ ราวกับจะกลบเกลื่อนท่าทีเขินอายของตัวเอง

“พีกำลังคิดอยู่น่ะครับ ถ้าถามว่าอยากกลับมามั้ย พีก็อยากเหมือนกัน กลับมาดูแลบ้าน ดูแลไอ้มอม แต่เพื่อนๆ พี การงานพี มันอยู่ที่กรุงเทพฯ หมดเลยน่ะครับ พีไม่แน่ใจว่าถ้าพีมาอยู่ที่นี่แล้วจะหางานได้แบบเดียวกับที่ทำอยู่ที่กรุงเทพฯ รึเปล่าด้วย”

“นี่แปลว่าพีคงรักงานที่ตัวเองทำมากเลยสินะ”

ผมอ้าปากจะตอบ แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ คำพูดของแม่ตุ๊กทำให้ผมต้องย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าผมชอบงานที่กำลังทำอยู่จริงแน่หรือเปล่า หรือผมแค่กำลังพยายามยึดติดกับอะไรบางอย่างเพื่อการเหนี่ยวรั้งทางความรู้สึกไว้เท่านั้น

เต้ที่ดูเหมือนจะอ่านสีหน้าและความคิดของผมออกเปลี่ยนหัวข้อคุยเป็นเรื่องอื่น เราสามคนนั่งกินข้าวและพูดคุยกันต่ออีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม จากนั้นผมกับเต้ก็ช่วยกันเก็บล้างอยู่ในครัว ซึ่งในขณะที่ผมกำลังเป็นคนล้างจานส่วนเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยเช็ดและคว่ำจานให้อยู่นั้น เขาก็กระแทกสะโพกใส่ผม ทำให้ผมเซถลาจนเกือบจะล้ม เมื่อตั้งหลักได้แล้วผมก็กระแทกเขาคืน แต่เขายังคงกระแทกกลับมาแรงกว่าเก่า ผมจึงสาดน้ำใส่เขา ทำเอาเขาสะดุ้งและรีบกระโดดหลบแทบไม่ทัน เขาหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาสาดน้ำใส่ผม ผมเลยร้องเสียงหลงพร้อมกับพยายามบิดตัวหลบ แม่ตุ๊กที่ได้ยินเสียงของพวกเราร้องโวยวายชะโงกหน้าเข้ามาดูแล้วก็หัวเราะชอบใจออกมาเสียงดัง

“นี่เราสองคนโตกันจนจะอายุ 30 อยู่แล้วนะ! ยังเล่นกันเป็นเด็กๆ แบบนี้อีก” แม่ตุ๊กเท้าเอวพลางส่ายหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง “แต่แม่ดีใจนะที่เห็นเราเป็นแบบนี้น่ะ เราสองคนนี่มันเหมือนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ เลยนะ รู้ตัวรึเปล่า”

ผมถึงกับชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใจของผมเต้นแรงและเกือบทำจานที่ถืออยู่ในมือหล่นทีเดียว ผมหันไปมองหน้าของเต้เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาแล้วก็พบว่าเขากำลังยิ้มแบบนั้นให้ผมอีกแล้ว มันเป็นรอยยิ้มอบอุ่น แต่ก็ดูลึกลับราวกับว่าเขารู้ความลับบางอย่างอยู่ เราสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาแม่ของเขา

“ก็คงงั้นมั้งแม่ ป่านนี้เต้ว่าก็คงรู้ได้แล้วล่ะ” เขาพูดกับแม่พลางใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำบนหน้า “แม่จะกลับไปก่อนมั้ย เดี๋ยวเต้ว่าจะนั่งคุยกับไอ้พีพีมันอีกสักพักน่ะ”

“นั่นสินะ งั้นแม่กลับไปดูละครที่บ้านก่อนดีกว่า... ตายยยแล้ววว! วันนี้มีณเดชน์นี่นา ไม่ได้ๆ แม่ต้องรีบกลับแล้วเดี๋ยวไม่ทัน!”

“งั้นเดี๋ยวเต้เดินไปส่ง... แต่แค่หน้าบ้านนี่พอนะ ขี้เกียจอะ” เต้พูดพลางหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปกอดคอแม่ของเขา

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ แม่ตุ๊ก ฝันดีครับ”

“จ้าาา พักผ่อนเยอะๆ นะลูก” แม่ตุ๊กตะโกนตอบกลับมาพลางเดินออกจากบ้านไป

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เต้ก็เดินกลับเข้ามาในครัว เขามาช่วยผมเช็ดจานและคว่ำจานที่เหลือต่อ และเมื่อเราเก็บครัวกันเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เราก็ยืนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ผมเห็นเศษทิชชู่ติดอยู่ตรงซอกคอของเขา จึงยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบมันออก แต่เขากลับผงะไปนิดหน่อย

“กูแค่จะหยิบทิชชู่ออกให้” ผมกลอกตา “ไม่ได้จะทำอะไรมึงหรอกน่า”

เขายิ้มเขินๆ และปล่อยให้ผมหยิบทิชชู่ออกแต่โดยดี

“ไหนหันซ้ายหันขวาให้ดูหน่อยซิ จะดูว่าหมดรึยัง” ผมจับแก้มของเขาแล้วบิดหน้าเขาให้หันไปมาเบาๆ

ความสนิทสนม ความใกล้ชิด และสัมผัสแบบนี้ยิ่งทำให้ผมทั้งรู้สึกอบอุ่นและว้าเหว่มากขึ้นไปอีก กับแฟนคนก่อนหน้านี้ของผม เวลาสัมผัสร่างกายของเขา ผมก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างนี้ ยิ่งเมื่อคิดว่าทั้งที่เต้เป็นผู้ชายแท้ๆ และไม่ได้คิดอะไรกับผมเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนเลย แต่เราก็ยังสามารถปฏิบัติต่อกันแบบนี้ได้ ผมก็ยิ่งปวดใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ

“เฮ้ย ตกลงว่าหมดรึยัง...” เขาพูดขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมจับแก้มของเขานานเกินไปแล้ว

“โทษทีว่ะ ขอโทษๆ” ผมรีบลดมือลงทันที

“คิดอะไรอยู่รึไง หรือว่าแก้มกูนิ่มไปหน่อย เลยจับเพลิน” เขาหยอก

“เปล่าสักหน่อย” ผมรีบหันหน้าหลบ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมกำลังเขินจนหน้าแดงอยู่

เขาขยี้หัวผมเบาๆ “จะจับอีกนานๆ ก็ได้ กูไม่ว่าอะไรมึงเลย”

ผมหันกลับไปมองเขาด้วยความแปลกใจ

“เพลินดีออก และมึงเป็นผู้ชายคนเดียวเลยนะที่ได้จับแก้มกูแบบนี้น่ะ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงต่อยตาแตก” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็จับมือผม “เอ้า ตกลงมึงว่ามีอะไรจะคุยกับกูวะ ไอ้พี”

ผมก้มมองดูมือของเขาที่จับมือผมเอาไว้อยู่ด้วยความตกใจ ผมหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง

“เต้... ที่กูบอกมึงว่ากูไม่เคยนอนแก้ผ้ากับผู้ชายคนไหนเลยน่ะ ที่จริงแล้วกูโกหกว่ะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจ

“กูว่ากูคงไม่มีทางพูดเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าบอกมึงตรงๆ แล้วล่ะมั้ง...” ผมเว้นช่วง พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อพูดประโยคต่อไป “ไอ้เต้ กูไม่ได้ชอบผู้หญิงว่ะ กูชอบผู้ชาย”

เขามองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือออก ใจของผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

“มึงแค่พูดเล่นรึเปล่า พี”

ตอนแรกผมก็เกือบจะแกล้งหัวเราะและบอกเขาไปแล้วว่าผมแค่พูดเล่น แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยอมรับความจริงและส่ายหน้าออกไป

“เปล่า เรื่องแบบนี้มันพูดเล่นกันได้ด้วยเหรอวะ กูขอโทษ ไอ้เต้ แต่กูคิดว่ากูเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเราเรียน ม. ปลาย ด้วยกันแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นกูยังสับสน และกูก็ไม่เคยคิดชอบใครเลยจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย ตอนที่กูเริ่มคุยกับแฟนผู้ชายคนแรก บอกตรงๆ ว่าช่วงแรกๆ กูก็รู้สึกทะแม่งๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอเรามีอะไรกัน... ไม่รู้ดิ กูรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่เป็นตัวกูจริงๆ มันเป็นธรรมชาติมากกว่ามั้ง กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กูก็เลยแน่ใจแล้วว่ากูเป็นเกย์”

หลังจากผมพูดจบก็เกิดความเงียบระหว่างเราขึ้นครู่หนึ่ง ตลอดเวลาที่ผมพูดออกไปนั้น ผมไม่กล้าสบตาเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ผมได้แต่ยืนพิงอ่างล้างจานและก้มหน้าพูดกับเท้าของตัวเองเท่านั้น ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า และเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้ง

“เต้ กูรักมึงมากนะเว้ย มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุด ไม่ว่ากูจะเจอเพื่อนใหม่อีกกี่คน แต่ก็ไม่มีใครทำให้กูรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและสบายใจได้เท่ากับเวลาที่อยู่กับมึง ไม่เคยมีใครที่ทำให้กูรู้สึกว่าแม่งรักกูจากใจจริงได้เท่ามึง และกูก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เคยใช้กับมึงเลย กูอยากบอกเรื่องนี้กับมึงมานานแล้วนะ แต่เราก็ไม่เคยมีโอกาสเหมาะๆ สักที และกูก็ไม่รู้จะพูดกับมึงยังไงด้วย กูกลัวมึงจะเกลียดกู กูกลัวว่าเรื่องระหว่างเรามันจะเปลี่ยนไป และถ้าเป็นแบบนั้น กูคงโคตรเสียใจเลยว่ะ”

เขาถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“มึง... มึงพูดอะไรหน่อยสิวะ เตเต้ มึงอย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย ถึงกูจะเป็นเกย์ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงไม่อยากถูกเนื้อต้องตัวกูอีก ก็ไม่เป็นไร กูเข้าใจ ถ้ามึงไม่อยากนอนเตียงเดียวกับกูอีกแล้ว กูก็ไม่ว่า กูขอแค่มึงไม่รังเกียจกูก็พอ ขอแค่มิตรภาพระหว่างเราไม่พังทลายไป กูขอแค่นี้จริงๆ” ผมปิดท้ายประโยคด้วยเสียงที่สั่นเครือ ผมไม่อยากร้องไห้ให้เขาเห็น ไม่อยากให้เขาคิดว่าเป็นแค่ไอ้ตุ๊ดขี้แงคนหนึ่ง แต่การพยายามห้ามตัวเองไม่ให้กลัวคำตอบที่จะได้ยินมันก็ยากเหลือเกิน

“มึงรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่ตอน ม. ปลาย แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่ตอนนั้น” เขาพูดขึ้น

“กูรู้เพราะ... เพราะตอนนั้นกูรู้สึกชอบคนๆ นึง แค่คนๆ เดียวเท่านั้น แต่กูไม่กล้าบอกมึงหรอก กูกลัว เหมือนที่กูกำลังกลัวอยู่ตอนนี้ไง”

“แล้วคนๆ นั้นคือใคร” เขาถาม

ผมหลับตาลง ไม่กล้าสบตา และไม่กล้าตอบคำถามนั้นของเขา

“ไอ้พี” เขาเดินตรงเข้ามาจับหัวไหล่ทั้งข้างของผมเอาไว้แน่น “กูถามว่าคนๆ นั้นคือใคร ใช่กูรึเปล่า”

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-08-2012 19:56:33
“ไอ้พี” เขาเดินตรงเข้ามาจับหัวไหล่ทั้งข้างของผมเอาไว้แน่น “กูถามว่าคนๆ นั้นคือใคร ใช่กูรึเปล่า”

ผมกัดริมฝีปากแน่นและพยักหน้าตอบกลับไปเบาๆ “ใช่”

เต้สูดลมหายใจเข้าเสียงดังพร้อมกับปล่อยมือออกจากไหล่ของผม “แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรกวะ!” เขาเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

ในเสี้ยววินาทีนั้น ผมหลับตาและเตรียมพร้อมรับกำปั้นที่อาจจะเหวี่ยงมากระแทกใบหน้าของผมได้ทุกเมื่อ ผมเตรียมใจที่จะได้ยินเสียงกระแทกประตู และมองดูเต้ที่เดินออกจากชีวิตของผมไปตลอดกาล แต่สุดท้าย เขากลับวางมือลงบนหัวไหล่ทั้งสองข้างของผมอีกครั้งและดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น

ผมลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ รู้สึกว่าใจเต้นแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่ตอนกำลังจะสารภาพกับเขาเสียอีก

“กูขอโทษว่ะ ไอ้พี” เขาพูดเบาๆ

“อ... ไอ้เต้”

“แต่กูคงเป็นเพื่อนกับมึงเหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”

“หมายความว่ามึง...” เสียงของผมสั่นเครือ รู้สึกเหมือนหัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “มึงกับกูจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วใช่มั้ยวะ”

“ใช่ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว” เขาถอนหายใจ ก่อนจะจุ๊บลงบนต้นคอของผมเบาๆ แล้วจากนั้นก็ดันตัวผมออก เขามองตาผมด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “เพราะกูอยากเป็นมากกว่านั้นกับมึง กูอยากใช้ชีวิตกับมึง พีพี ถ้าเกิดว่าคนๆ นั้นเป็นมึงแล้วล่ะก็ กูคิดว่ากูคงจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขที่สุดกว่าที่เคยเป็นมาแน่ๆ ว่ะ กูรักมึงนะเว้ย รักมาก กูอยากให้มึงกลับมาอยู่กับกูเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง กูรอคอยมึงมานานมากแล้ว กูคิดถึงมึงจริงๆ...” เขาใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่หางตาของผมออกพร้อมรอยยิ้มกว้าง “มึงจะร้องไห้ทำไมวะ มึงไม่ดีใจรึไง หรือมึงไม่รักกูแล้ว”

“ไอ้เต้...!! นี่มึง..!”

“เออ กูเองก็รักมึงมากกว่าเพื่อนมาตั้งแต่มัธยมแล้ว รักและคิดถึงมึงคนเดียวมาตลอดเหมือนกัน กูว่าความรู้สึกแบบนั้นที่เรามีคงแทบไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้ง”

“แล้วทำไมมึงไม่เคยพูดอะไรเลยวะ! ไอ้ตูด!!” ผมร้องออกมาอย่างโล่งอก ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากปากของเขา

“อ้าว แล้วทีมึงยังไม่เห็นเคยบอกอะไรกูสักคำ” เขาหัวเราะเบาๆ

“ก็ตอนนั้นมึงมีแฟนอยู่แล้วนี่หว่า คบคนนั้นคนนี้เยอะแยะ กูจะไปรู้ได้ไงว่า...!!” ผมที่ยังโวยวายไม่ทันจบประโยคกลับถูกเขาปิดปากด้วยริมฝีปากเรียวบางของเขาเสียก่อน

ทันทีที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ผมก็อ้าปากออกเพื่อรับจูบของเขาอย่างกระหายทันที มันคือจูบแรกที่ผมรอคอยและต้องการมาตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มจะผละตัวออก ผมจึงเขยิบหัวตามเขาไป ไม่อยากให้ริมฝีปากของเราแยกออกจากกันเลย

“อื้อออ...” เขาดันตัวผมออก “ ใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ย คนเก่ง” เขาหัวเราะ “ไปที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ”

เขาเดินจูงมือผมไปยังห้องนั่งเล่น เราสองคนนั่งลงบนโซฟาโดยที่ต่างคนต่างกุมมือของกันและกันเอาไว้อยู่

“ก็จริง ที่ตอนนั้นกูมีแฟนหลายคน แต่มึงไม่คิดเหรอวะว่าทำไมกูถึงเปลี่ยนแฟนบ่อย มันไม่ใช่เพราะกูเจ้าชู้หรอกนะเว้ย” เขาเริ่มเล่า “แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนไหนๆ แม่งก็ไม่ทำให้กูรู้สึกดีได้เท่ากับเวลาที่กูอยู่กับมึงเลยสักคนต่างหาก ตอนที่มึงตัดสินใจจะไปเรียนที่กรุงเทพฯ มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจ็บใจแค่ไหน กูคิดว่ามึงกับกูจะไปเรียนที่เดียวกัน อยู่ด้วยกันไปตลอดซะอีก ที่จริงตอนนั้นกูคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเราได้เรียนด้วยกัน กูจะลองสารภาพกับมึงและขอมึงเป็นแฟนดูสักตั้ง แต่พอมึงบอกว่าจะไปเรียนคณะที่มึงได้โควต้าที่กรุงเทพฯ กูก็เลยเข้าใจว่าที่ผ่านมา กูคงคิดไปเองคนเดียว มึงคงไม่ได้คิดอะไรกับกูเกินคำว่าเพื่อน คงไม่ได้เห็นกูสำคัญกับชีวิตมึงเท่าไหร่หรอก”

“แต่มันไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย ตอนนั้นที่กูตัดสินใจเลือกเอาโควต้าที่กูเสือกบังเอิญสอบติดมันเป็นเพราะกูกลัวที่จะต้องใกล้ชิดมึงมากเกินไปต่างหาก มันเป็นเพราะตอนนั้นกูรู้แล้วว่ากูชอบมึงมาก กูรักมึงเกินเพื่อนไปแล้ว ดังนั้นกูถึงตัดสินใจที่จะห่างจากมึงบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นกูกลัวว่าถ้าวันนึงเกิดมึงรู้ความจริงขึ้นมา กูจะเสียมึงไปจริงๆ”

เขายิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “น่าแปลกนะ เราสองคนต่างก็สนิทกันที่สุด แต่กลับไม่ไว้ใจกันมากที่สุดซะอย่างนั้น สุดท้ายก็เลยต้องเสียเวลาไปตั้งหลายปี”

“แต่... ไอ้เต้ กูขอโทษนะเว้ยที่ถามเรื่องนี้อะ แต่ตอนนั้นมึงก็แต่งงานกับเอ๋ไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ มึงไม่ได้รักเอ๋เหรอ”

“รักสิวะ รักมากด้วย” เขาตอบพลางเหม่อมองออกไปเบื้องหน้า “เอ๋เป็นผู้หญิงคนเดียวที่กูใช้คำว่ารักได้เต็มปาก ถึงจะไม่เท่ามึง แต่มันก็เป็นความรักคนละอย่าง คือมึงเข้าใจมั้ยว่า มันอาจจะไม่ใช่ความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ตอนนั้นกูคิดว่าเอ๋น่าจะเป็นคนรักที่กูใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้มากที่สุด กูก็เลยเลือกเค้า แต่พอเราเสียลูกไป เอ๋ก็ไม่กลับมาเป็นคนเดิมอีกเลย และกูก็ไม่เคยคิดจะมองหาความรักครั้งใหม่อีกด้วยเหมือนกัน”

“จริงๆ ตอนนั้นกูก็คิดจะไปงานแต่งงานของมึงเหมือนกันแหละ แต่ว่า...”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “มึงไม่ได้ติดงานจริงๆ ใช่มั้ย”

“ติดเว้ย แล้วมันก็ไกลด้วยเหอะ ตั้งเชียงใหม่ กูลางานไม่ได้นี่หว่า”

เขาหรี่ตาพลางยิ้มมุมปากน้อยๆ

“เออๆ ยอมรับก็ได้วะว่าส่วนนึงก็ไม่อยากไปด้วยแหละ” ผมสารภาพ “แต่ว่ากูก็ดีใจกับมึงจริงๆ นะเว้ย พอหลังจากนั้นตอนกูกลับมาเยี่ยมบ้าน กูเห็นรูปในอัลบั้มงานแต่งของมึง กูยังดูไปอมยิ้มไปด้วยตลอดเลย กูเห็นมึงมีความสุข เห็นรอยยิ้มของมึงแล้วกูก็ดีใจ...” ผมยื่นมือขึ้นไปแตะใบหน้าของเขาเบาๆ “กูชอบรอยยิ้มของมึงมาตลอดเลยนะ รู้มั้ย มึงเป็นคนที่ยิ้มหวานและทำให้ทุกๆ อย่างรอบตัวดูสดใสมาก อย่างเรื่องคราวนี้ ถึงกูจะเสียใจเรื่องพ่อมากแค่ไหน แต่พอกูเห็นมึงคอยส่งยิ้มให้กำลังใจกู กูก็รู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ”

เขาจับมือของผมและจุ๊บลงบนหลังมือผมเบาๆ “มึงกลับมาอยู่ที่นี่นะ พีพี มาอยู่กับกู มาใช้ชีวิตของเราสองคนด้วยกัน กูไม่อยากสูญเสียมึงไปอีกแล้ว กูอยากดูแลมึงไปตลอดชีวิตของกู”

“เหรอวะ แต่ตอนนี้กูมีเงินเยอะมากเลยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ “กูจะไปซื้อบ้านใหม่อยู่ที่ไหนก็ได้ จะไม่ทำงานอีกหลายปียังได้เลย เพราะงั้นมึงลองทำให้กูอยากกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้งให้ดูหน่อยได้มั้ยวะ ขอเหตุผลดีๆ ที่จะทำให้กูรู้สึกอยากกลับมาถูกมึง ‘ดูแล’ สักหน่อยเหอะ”

“ได้เลย!” เขาโหมตัวเข้ามาทับผม เราจูบปากกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันทั้งยาวนานและเร่าร้อนกว่าครั้งแรกอย่างเทียบกันไม่ได้
เราลุกออกจากโซฟาโดยที่มือของเราต่างก็วุ่นวายช่วยกันถอดเสื้อผ้าของแต่ละฝ่ายออก จนในที่สุดเราก็นอนเปลือยกายอยู่ด้วยกันบนเตียงในห้องของผมโดยที่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราขึ้นห้องกันมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อไหร่

“ด... เดี๋ยวก่อน” ผมถอนปากออก หายใจหอบเบาๆ “มึงเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนรึเปล่า เต้ มึงแน่ใจนะว่ามึงต้องการอย่างนี้จริงๆ”

“มึงอยากฟังเรื่องที่กูเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหน้านี้ หรืออยากจะมีอะไรกับกูตอนนี้ เลือกเอา” เขาถามกลับด้วยเสียงแหบพร่าและเต็มไปด้วยความต้องการ

“โอเค ไม่ถามแล้ว” ผมโน้มตัวเข้าไปจูบเขาอีกครั้ง

เขาเหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมผมเอาไว้ จากนั้นก็ถอนปากออก และใช้ลิ้นเลียไล่ตั้งแต่ซอกคอของผมจนลงมาที่หัวนม ผมถึงกับบิดร่างกายไปมาด้วยความเสียว มือข้างหนึ่งของเต้จับมือผมเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็กำไอ้น้องชายของผมเอาไว้พร้อมกับรูดขึ้นลงเบาๆ ผมรู้สึกถึงน้ำหล่อลื่นเหนียวๆ ที่ถูกขับออกมาอย่างมหาศาล และยิ่งพอผมคิดว่าคนที่กำลังทำแบบนี้ให้ผมคือคนที่ผมรักมากและรักมานานแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้นเป็นทวีคูณ

เต้ไล่ตัวต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลิ้นของเขาหยุดวนอยู่รอบสะดือของผม และยังไม่ทันที่ผมจะได้เตรียมใจ เขาก็ครอบปากลงบนท่อนลำของผมอย่างโหยกระหายทันที ผมสะดุ้งเฮือกและแอ่นตัวขึ้นตามสัญชาติญาณ

“อื้อออ...!!” เขาส่งเสียงอยู่ในลำคอก่อนจะคายมันออก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตาที่หวานเยิ้ม “ใจเย็นๆ สิวะ เดี๋ยวกูก็ขาดอากาศตายก่อนหรอก”

“แฮ่ก... แฮ่กก... ก็มันเสียวนี่หว่า มึงทำเป็นจริงๆ เหรอวะ ไอ้เต้”

เขากลอกตา จากนั้นก็ก้มลงใช้ลิ้นตวัดที่ส่วนหัวท่อนลำของผม แล้วจึงอมมันอีกครั้งจนเกือบมิดด้ามโดยไม่โดนฟันเลย

“ซี้ดด...ด... ส์ เต้ ส... เสียวว่ะ โอ๊ยยย...ยย...” ผมจับหัวของเขาไว้แน่น

“อื้อออ...อ...”

“เสียวว่ะ ซี้ดดด...ด..ส์ กูเสียวนะเว้ย มึงอย่าเอาลิ้นดุนแบบนั้นดิ อั่... อั่กกก... อาา...ห์ เดี๋ยว... เดี๋ยวกูแตกนะเว้ย กูจะแตกแล้ว ไอ้เต้ อ๊าา จะแตกแล้ว!”

ผมพยายามร้องเตือนเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ตรงกับข้าม เขากลับเร่งจังหวะดูดและชักให้ผมเร็วขึ้นอีก จนในที่สุดผมก็พ่นน้ำรักใส่ปากของเขาเต็มๆ เขารีบถอนปากออกและใช้มือชักให้ผมต่อโดยที่ผมยังคงฉีดน้ำออกมาไม่หยุด น้ำสีขาวขุ่นไหลออกจากมุมปากและเลอะไปถึงคางของเขา

“พอแล้ว! หมะ.. หมดแล้ว!” ผมรีบจับข้อมือของเขาเอาไว้ “แฮ่ก... แฮ่กก...”

“มึงแม่งโคตรเซ็กซี่เลยว่ะ ไอ้พี...” เต้พูดพลางใช้มือชักให้น้องชายของตัวเองไปด้วย

ผมรีบเขยิบตัวลงไปเพื่อใช้ปากให้กับเขาทันที เต้จับหัวของผมเอาไว้และกระเด้งสะโพกเข้าออกอยู่ไม่กี่ที ร่างกายของเขาก็แข็งเกร็งขึ้น เขาเตือนผมว่าเขาใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ผมไม่ยอมถอนปากออก ทันทีที่เขาร้องและฉีดน้ำรักออกมา ผมก็พยายามกลืนมันลงคอไปจนหมด ผมไม่เคยกลืนน้ำของผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย แต่สำหรับเขาคนนี้แล้ว ผมรู้สึกไม่อยากจะเสียมันไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยดเดียว ร่างกายและไอ้น้องชายของเขากระตุกอยู่อีกหลายทีพร้อมกับเสียงร้องครางเพราะความเสียว ซึ่งมีแต่ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของผมทำให้ไอ้น้องชายมันกลับมาแข็งผงาดขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ผมดูดและเลียน้ำของเขาหมดจนหยดสุดท้าย เต้หอบหายใจจนตัวโยนพร้อมกับล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง เขาดึงตัวของผมขึ้นไปกอดและเราสองคนก็จูบปากกันอย่างดูดดื่ม ต่างฝ่ายต่างได้ลิ้มรสชาติเค็มๆ หวานๆ ปะแล่มของตัวเองที่เหลือติดอยู่ในปากของอีกฝ่าย ซึ่งมันก็ไม่เลวอยู่เหมือนกัน

“ยังอยากให้กูตอบคำถามเมื่อกี้ของมึงอยู่รึเปล่า” เขาถาม

“ว่ามา”

“ใช่ กูเคยมีอะไรกับผู้ชายมาบ้าง แค่ 4-5 ครั้ง หลังจากที่หย่ากับเอ๋แล้ว คนแรกเป็นเพื่อนของเพื่อนกูเอง เราไปกินเหล้ากันแล้วมันก็พากูกลับไปนอนที่บ้าน เล่าสั้นๆ คือมันลักหลับกูแต่กูไม่หลับนั่นแหละ หลังจากนั้นก็เคยมีอะไรกันอีกครั้ง คราวนี้พอกูไม่เมา กูก็เริ่มรู้สึกแหละว่ากูมีอะไรกับผู้ชายได้ ที่จริงก็คงคล้ายๆ กรณีของมึงแหละมั้ง”

“แล้วกับคนอื่นนอกจากคนนั้นล่ะ”

“ก็เพื่อนบ้าง คนที่เจอตอนไปเที่ยวผับบ้าง แต่ก็แค่นั้นอะว่ะ”

“แล้วปกติมึงเป็นฝ่ายเอาหรือว่าให้เค้าเอาวะ”

“กูเคยแต่เอาเค้าว่ะ เพราะกูตั้งใจจะเก็บความบริสุทธิ์ของกูไว้ให้คนๆ เดียวเท่านั้น”

“ซึ่งคนๆ นั้นคือ...”

เขาหัวเราะเบาๆ และดึงตัวของผมเข้าไปหอมแก้ม “กูรักมึงเหี้ยๆ เลย ไอ้พี แค่นี้พอที่จะทำให้มึงกลับบ้านมาอยู่กับกูได้รึยัง”

“มึงคิดว่าชีวิตกูเนี่ย มีมึงสำคัญที่สุดแค่คนเดียวรึไง ไอ้เต้” ผมจูบปากเขา “เพราะถ้ามึงคิดอย่างนั้นนะ... มึงคิดถูกแล้วว่ะ”

เราสองคนลุกไปอาบน้ำด้วยกัน ผมเลยสบโอกาสล้อเขาเรื่องที่ตอนนี้ไอ้น้องชายของผมใหญ่กว่าเขาเล็กน้อย ทำเอาเขาเขินจนพูดไม่ออก แล้วจากนั้นเราก็กลับมานอนคุยกันจนดึก จนกระทั่งในที่สุดก็หลับลงไปในอ้อมกอดของกันและกัน

ผมรู้สึกเหมือนเราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้สึกมีความสุขราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน ถึงแม้ว่าผมจะยังทำใจลำบากกับการจากไปของพ่อ แต่ในขณะที่ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งในชีวิตของผมหายไป ผมกลับได้ส่วนเติมเต็มที่เหลือกลับคืนมาจนสมบูรณ์ ผมคิดว่าบางทีพ่อที่อยู่บนสวรรค์อาจจะเป็นคนที่ช่วยทำให้ผมกับเต้ได้ลงเอยกันแบบนี้ก็ได้

เย็นวันถัดมา ในขณะที่เรากำลังทานข้าวเย็นอยู่ที่บ้านของเขา เขาก็ประกาศให้แม่รู้ว่าผมตัดสินใจที่จะกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง

“จะว่าแปลกใจมั้ย... แม่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่แม่ดีใจนะ พี ที่เราจะกลับมาอยู่บ้าน มาช่วยดูแลสมบัติของพ่อ แล้วยังจะได้มาช่วยแม่ดูแลไอ้เจ้าเต้ด้วย ต่อจากนี้มันก็จะได้ไม่ต้องเหงาและบ่นอยากเจอพีบ่อยๆ สักที ก่อนหน้านี้มันบ่นทุกวันจนแม่แสนจะเบื่อ!”

“โหยยย แม่ก็เวอร์เกิน! เต้ไม่เคยบ่นขนาดนั้นสักหน่อย”

ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น

“อะไร มองหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง มึงจะเอาเหรอ” เขายกส้อมขึ้นชี้หน้าผม

“อย่าท้านะ” ผมแยกเขี้ยว

“แล้วว่าแต่พีจะย้ายกลับมาเมื่อไหร่ล่ะลูก”

“พีก็คงต้องกลับไปทำเรื่องลาออกและเคลียร์งานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ” ผมตอบ

“เมื่อคืนเราคุยเรื่องนี้กันแล้ว แม่” เต้หันไปพูดกับแม่ของเขา “พีมันคิดว่าจะทำบ้านใหม่ด้วยน่ะ ในระหว่างที่มันกลับไปกรุงเทพฯ มันก็จะให้คนมาปรับปรุงบ้านใหม่หลายๆ อย่าง ทำสวน ทำครัว ทำนู่นทำนี่ ไรเงี้ยครับ”

“แต่พีตั้งใจจะเก็บห้องของพ่อกับแม่ไว้เหมือนเดิมนะครับ” ผมพูดเสริม

“อ้าว แล้วใครจะเป็นคนคอยจัดการดูแลเรื่องพวกนั้นในระหว่างที่พีไม่อยู่ล่ะ”

“อ้าว จะใครล่ะ ก็เต้นี่ไง”

“เออ จริงของแก แม่ไม่น่าถามเลยเนอะ”

ผมหัวเราะเบาๆ “กว่าพีจะกลับมาอยู่ที่นี่ได้ก็คงอีกราวๆ 2-3 เดือนน่ะครับ รอให้บ้านเสร็จก่อน แต่ระหว่างนั้นก็จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ ครับ แล้วพีคงต้องรบกวนแม่ช่วยดูแลไอ้มอมแมมให้หน่อยนะครับ”

“โอ๊ยยย ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เรื่องแค่นี้เอง ตอนกลางวันเวลาเจ้าเต้มันไม่อยู่ แม่ก็ได้มันนี่แหละช่วยคลายเหงา”

“แม่ แล้วก็อีกเรื่องนึง...” เต้กระแอมเบาๆ “คือ แม่จะว่าอะไรมั้ย ถ้าเกิดว่าหลังจากนี้เต้จะขอย้ายไปอยู่กับพีที่บ้านของมันน่ะ”

แม่ตุ๊กมองหน้าลูกชายของตัวเองสลับกับผม ก่อนที่จะยิ้มออกมา “เอาสิ ก็แล้วแต่แก ขอแค่ลูกแม่มีความสุขกันมากๆ แม่ก็พอใจแล้ว เฮ้อออ... แม่ก็อายุปูนนี้แล้วนะ เต้ เห็นแกเจออะไรแย่ๆ มาก็มาก ถ้าลูกชายแม่สองคนอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม่ก็ไม่รู้จะห้ามไปทำไม”

เต้ลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแม่ตุ๊ก ก่อนจะโผตัวเข้ากอดแม่ของเขา ผมเห็นน้ำตาไหลหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากดวงตาของคนทั้งคู่ และนั่งมองภาพประทับใจนี้ด้วยหัวใจที่พองโต ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่คิดว่าผมไม่เหลือสมาชิกครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าแล้วผมคิดผิด ผมยังมีเต้ แม่ตุ๊ก รวมทั้งไอ้มอมแมม ที่พร้อมจะร่วมแบ่งปันความทุกข์และความสุขไปกับผม พวกเขาคือคนที่ผมสามารถเรียกว่า ‘ครอบครัว’ ได้อย่างเต็มปาก

ที่ผ่านๆ มา ผมไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้านมากเท่ากับครั้งนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่าผมจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไปอีกคน แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมามันก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ผมได้เรียนรู้และเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของพ่อ หนทางของชีวิตที่ผมต้องก้าวเดินต่อไป และความอบอุ่นที่แท้จริงของสถานที่ที่ผมเรียกว่า ‘บ้าน’ ถ้าหากว่าพ่อกับแม่กำลังมองดูผมอยู่บนสรวงสวรรค์ ผมก็เชื่อว่าทั้งคู่ต้องกำลังยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นอยู่แน่นอน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: i3igM ที่ 06-08-2012 20:29:01
อิ่มนะ ยิ่งอ่านยิ่งอิ่ม มีครบทุกความรู้สึกเลย เยี่ยมมากค้าบบบบ
ปล.อ่านแล้วมองเห็นอนาคตตัวเองรำไรๆ ยังไงก็ไม่รู้ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: eunbee2523 ที่ 06-08-2012 20:42:53
ซึ้งอ่ะคุณต้น
มีให้น้ำตาไหลด้วย
 อินกับตอนที่พีสารภาพความจริงกับเต้อ่ะ น้ำตาไหลเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-08-2012 20:54:37
ตอนนี้แอบหวานปนเรียกเลือด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 06-08-2012 20:57:46
โห..พอรู้ว่าใจตรงกันก็โดดใส่กันเลยเนอะ ประมาณว่ารอคอยมานานมากกกกกก

เรื่องความรักระหว่างชายกับชายนี่ มันต้องมีคนใดคนหนึ่งละ่นะที่กล้าเสี่ยงสารภาพออกไป ไม่งั้น..คงไม่มีสิทธิ์เลยอ่ะ

เรื่องครั้งนี้ถือว่า พีพี ใจมากกว่าเตเต้ นะจ้ะ เพราะพีพี เป็นฝ่ายพูดก่อน ฮ่าฮ่า++

คุณแม่ก็น่ารักมาก ยอมรับลูก ๆ (มีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกตั้งคน ดีออกเนอะ) แบบนี้สิลูก ๆ ถึงสบายใจไม่ต้องหนีไปอยู่ที่อื่นไกล

กลับมาอยู่ "บ้าน"  อยู่ใกล้ ๆ คุณแม่  คอยดูแลกันและกัน

บ้านหลังนี้ของพีพี คงอบอุ่นเหมือนเดิมแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 06-08-2012 22:09:14
ซึ้ง...กินใจมากครับ....
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-08-2012 22:30:57
อ่านแล้วรู้สึกปลื้มกับความรัก
ถึงจะผ่านไปนานยังไง มันก็ไม่เปลี่ยนเนอะ
คุณแม่รักลูกชายเข้าใจความรักของลูกชาย ^^ ชอบตรงนี้จัง

รักแบบกล้าที่จะรัก รักแบบไม่หวังว่าจองเป็นเจ้าของ
โชคดีมากๆ ที่ใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-08-2012 22:32:18
อิ่มใจ!!!!!! 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-08-2012 22:45:27
อบอุ่นจริงอะไรจริง

ที่สุดของชีวิตขอแค่มีใครเข้าใจเราก็พอ

ชีวิตจริงเป็นอย่างงี้ได้ก็คงดี :กอด1:

(แต่ก็ไม่เคยเป็นอย่างงั้นนะ!!!
...เอ๊ะยังไง??5555)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 06-08-2012 23:30:53
ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอยากกลับบ้านบ่อยๆจัง :sad4:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 07-08-2012 00:12:35
รักเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBieKung ที่ 07-08-2012 01:35:37
อ๊ากกกกก!!! อ่านแล้วฟิน ซึ้งโคตรรรรรรรรรรรร

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ชาบูชาบู พี่ต้นนนนนนนน ^^

 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 07-08-2012 09:15:56
ซึ้งจังค่ะ อ่านแล้วรักพ่อกับแม่มากขึ้นไปอีก
เตือนสติเบื้องลึกของความเป็นลูกได้ดีมากๆว่าอะไรที่สำคัญ..ก่อนที่ท่านจะจากเราไป

ว่าแล้ว......ว่าเต้ต้องคิดอะไรกับพีแน่ๆ ไม่ใช่พีคิิดอยู่ฝ่ายเดียว แถมท่าทางจะคลั่งพีมากกว่าที่พีคิดอีกนะ
ส่วนคนอ่าน ลุ้นอยู่ทุกตอนช่วงงานศพพ่อพีที่เค้านอนด้วยกัน ปลอบใจกัน
ว่าเอ้ย...! จะเกิดอะไรขึ้นมั้ย รู้สึกมันหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน

ดีจัง.....ทั้งคู่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว แม่ของเต้ก็น่ารัก
อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ใครสามีใครภรรยานะคะ
หรือผลัดๆกัน กร๊ากกกกก.... :laugh: :laugh:
รอตอนต่อไปค่ะ

+1 ขอบคุณสำหรับเรื่องอบอุ่นๆเรื่องนี้ค่ะ


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-08-2012 10:41:34
เมื่อไหร่จะมีแบบนี้บ้าง  :sad4:

เรื่องนี้น่ารักมากๆครับ

ยังไม่จบใช่มั๊ยครับ?

งั้นรอตอนต่อไปครั บ :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 07-08-2012 13:34:29
น่ารักมากเลยครับเรื่องนี้ แถมให้ข้อคิดดีๆอีก

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 07-08-2012 13:39:01
ทั้งซึ้ง และอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนแต่ละคนรอเวลาจะมาเจอกัน แม้จะเป็นเพื่อนกันมาก่อน

กว่าจะได้เป็นคนรักกัน ก็มีเวลาของมันเอง .... แต่การสูญเสียบางครั้งก็เป็นเหตุได้เริ่มต้นใหม่...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-08-2012 14:28:33
2 ปีถัดมา...

ผมใช้เงินส่วนหนึ่งที่ได้จากพ่อร่วมลงหุ้นกับเพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้ เปิดบริษัทเล็กๆ ขึ้นในตัวเมืองไม่ไกลจากบ้านเรามากนัก ผมใช้ความรู้และความถนัดในสายงานวิศวกรรมที่ทำมาหลายปีให้เกิดประโยชน์ โดยมีเพื่อนคอยช่วยเหลือด้านการบริหาร และมีเต้คอยสนับสนุนโดยการใช้เส้นสายในแวดวงอาจารย์ของเขา นอกจากนั้น เขายังเป็นคนที่กระตุ้นให้ผมเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารจัดการเพิ่ม และตอนนี้ผมก็กำลังจะได้วุฒินั้นมาในเวลาอีกไม่กี่เดือน ทุกๆ อย่างดูเหมือนจะไปได้ดีทีเดียว ผมได้ทำงานด้านที่ตัวเองถนัดและทำในสิ่งที่ผมชอบพร้อมๆ กันโดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกน้องใคร ผมสามารถบริหารเวลาเพื่อที่จะดูแลงานอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่รับเพิ่มมาอย่างเช่นการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทอื่นๆ หรือแม้แต่ซ่อมเครื่องใช้เครื่องเรือนให้บรรดาคนในหมู่บ้าน และผมยังสามารถดูแลครอบครัวที่เหลืออยู่ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย ถึงแม้รายได้ของผมจะไม่มากมายนักอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด แต่มันก็เพียงพอและทำให้ผมมีความสุขอย่างแท้จริง และผมเชื่อว่าในอนาคต บริษัทของเราจะต้องได้ผลกำไรที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

ในส่วนของเต้ นอกจากเงินเดือนที่เขาได้รับแล้ว เขายังมีรายได้พิเศษจากการเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ เป็นที่ปรึกษา และค่าวิชาการอีกจำนวนไม่น้อย ถึงแม้ผมจะย้ำกับเขาหลายครั้งว่าเงินของผมก็คือเงินของเรา เขาไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ในบ้าน แต่เขายืนยันว่าเขาต้องทำและอยากที่จะทำ มันคือสิ่งที่เขาทำและมีความสุข ดังนั้นผมจึงปล่อยให้เขาทำงานมากตามที่เขาต้องการ ตราบเท่าที่เขาสัญญาว่าจะดูแลร่างกายของตัวเองและมีเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเขาก็ทำอย่างนั้นได้จริง เพราะตอนนี้เขาเลิกบุหรี่ได้ขาดมาเกือบสองปีแล้ว และเรายังไปออกกำลังด้วยกันทุกสัปดาห์ อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งด้วย

เย็นวันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกอยู่นั้น เต้ก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่จอดรถเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับกล่องขนาดใหญ่กล่องหนึ่ง ไอ้มอมแมมที่นอนอยู่บนพื้นข้างเท้าผมรีบลุกขึ้นและกระโจนเข้าหาเต้ทันที มันพยายามจะดมกลิ่นและอยากรู้ให้ได้ว่าข้างในนั้นมีอะไร

“ใจเย็นๆ เว้ยย ไอ้มอม ดีใจซะยังกับรู้เลยนะว่าในนี้มีอะไรน่ะ” เต้หัวเราะพลางชูกล่องขึ้นสูง

ไอ้มอมแมมเห่าด้วยความดีใจและวิ่งวนรอบตัวของเต้ราวกับผีเข้า

“กล่องอะไรวะน่ะ” ผมถาม

“ของขวัญให้มึงไง... แล้วก็ให้ไอ้ตัวใหญ่นี่ด้วย” เต้วางกล่องลงบนพื้นและคว้าคอของไอ้มอมเข้ามาล็อคเอาไว้ในแขนพลางขยี้หัวของมันอย่างเอ็นดู

“ข้างในมีอะไรวะ” ผมลุกออกจากโซฟาและเดินเข้าไปหาเขา

“อยากรู้ก็เปิดดูสิ”

ผมนั่งขัดสมาธิลงหน้ากล่องใบใหญ่และค่อยๆ เปิดฝากล่องออก เต้นั่งจับตัวของไอ้มอมที่กำลังเห่าและกระดิกหางอย่างบ้าคลั่งเอาไว้อย่างเต็มกำลัง และเมื่อฝากล่องถูกเปิดออก ลูกสุนัขตัวเล็กพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ก็กระโดดออกมาและรีบวิ่งเข้าไปหาไอ้มอมแมมอย่างเป็นมิตร

“เฮ้ยยย!!” ผมร้องออกมาด้วยความแปลกใจ “เอาจริงเหรอวะ! ฮ่าๆๆ”

เจ้าตัวเล็กนี้มีขนสีขาวบริสุทธิ์ตัดด้วยขนสีเทาเข้ม หางเล็กๆ ของมันแกว่งไปมาอย่างร่าเริงในขณะที่มันกำลังดมกลิ่นทำความรู้จักกับเจ้าบ้านคนก่อน

เมื่อเต้ปล่อยมือที่ล็อคคอไอ้มอมแมมเอาไว้ออก ทั้งสองตัวก็เริ่มดมกลิ่นทำความรู้จักกันทันที ไอ้มอมแมมเห่าและวิ่งวนเป็นวงกลมด้วยความดีใจ ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กก็พยายามวิ่งไล่ให้ทันไปติดๆ

“เมื่อตอนกลางวันกูไปกินข้าวกับอาจารย์ที่คณะแล้วเจอไอ้ตัวนี้อยู่ในร้านขายสัตว์เลี้ยง คือพอเห็นแล้วรู้สึกว่ามันใช่เลยอะ ไม่รู้ดิ กูตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็นเลย และคิดว่ามันน่าจะเป็นเพื่อนเล่นให้กับไอ้มอมได้ดีด้วย เพราะอีกไม่กี่เดือนมันก็น่าจะตัวโตพอๆ กันแล้ว”

“กูชอบหมาพันธุ์นี้มาตั้งนานแล้ว มึงก็รู้”

“ใช่ ก็เพราะกูรู้ไง ถึงได้เลือกมันมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านเรา ว่าแต่มึงจะตั้งชื่อมันว่าอะไรวะ”

“ไม่รู้ว่ะ มันตัวผู้หรือตัวเมียล่ะ”

“ตัวเมีย ซึ่งกูว่าบ้านเราก็คงต้องมีสมาชิกผู้หญิงบ้างนะ” เขาหัวเราะ

ผมมองดูไอ้ตัวเล็กวิ่งไปมารอบบ้านอย่างอารมณ์ดี ขาเล็กๆ ของมันกระโดดดึ๋งๆ จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยมีไอ้มอมแมมคอยเป็นตัวนำ เต้ลุกขึ้นยืนและขอตัวเดินกลับไปที่บ้านเพื่อตามแม่มาดูสมาชิกใหม่ของเราก่อน ผมพยักหน้าให้เขาและนั่งมองดูไอ้มอมแมมนอนหงายปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กแทะหัวแทะหูเล่นอย่างเป็นมิตร เมื่อแม่ตุ๊กเดินเข้ามาที่บ้านของเรา แม่ก็ร้องอุทานออกมาอย่างดีใจพลางอุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นจากพื้นทันที เราสองคนมองดูแม่เล่นกับมันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“ตั้งชื่อรึยังล่ะ พี จะให้มันชื่ออะไรดี ตายแล้ววว น่ารักน่าชังที่สุด ดูขนซิเนี่ย!” แม่หอมมันดังฟอด

“อืมมมม...” ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ชาช่า!”

ไอ้ตัวเล็กที่แม่กำลังอุ้มอยู่หันขวับมามองผมทันที

“เฮ้ย! มึงเห็นมั้ย ไอ้เต้ พอเรียกมันว่าชาช่าแล้วมันก็หันมาทันทีเลยว่ะ!”

“ก็มึงพูดเสียงดัง มันตกใจแล้วก็เลยหันมาดูน่ะสิ ไหนแม่ลองปล่อยมันลงบนพื้นก่อนซิครับ”

แม่ตุ๊กวางชาช่าลงบนพื้น มันจึงเริ่มกระโดดเหยงๆ ไปรอบบ้านเหมือนเดิม

“ชาช่า” เต้ลองเรียกชื่อของมันบ้าง และเจ้าตัวเล็กก็หันหันขวับไปมองเขาทันทีเหมือนกัน

“นั่นไง กูบอกแล้ว! มันต้องชอบชื่อนี้แน่ๆ เลยว่ะ” ผมตีลงบนหน้าขาของเต้เบาๆ “งั้นเรียกมันว่าชาช่าเลยก็แล้วกัน”

“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงคิดชื่อนี้ขึ้นได้วะ ไอ้พี”

“ไม่รู้ว่ะ ก็กูเห็นมันโดดดึ๋งดั๋งไปมา วิ่งไปวิ่งมา เหมือนมันกำลังเต้นอยู่บนพื้นอะ แล้วจู่ๆ ชื่อนี้ก็แว้บขึ้นมาในหัว หรือมึงจะให้มันชื่อ ‘แทงโก้’ ดี”

“ไม่ล่ะ ชื่อนี้ดีแล้ววว” ทั้งเต้และแม่ตุ๊กพูดออกมาพร้อมกันทันที

แม่ยืนเท้าเอวมองดูชาช่าเล่นกับมอมแมมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปยังชั้นวางทีวีและหยิบรูปสมัยเด็กของเราสองคนที่เต้กำลังหอมแก้มผมอยู่ขึ้นมาดู หลังจากที่ผมนำภาพนี้กลับมาจากเซฟของพ่อ ผมก็ทำก๊อปปี้ หากรอบมาใส่ และวางมันไว้ที่ชั้นล่างในห้องรับแขกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“แม่รู้อยู่แล้วว่าสักวันเราสองคนจะต้องลงเอยแบบนี้” แม่พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เวลาเรานอนด้วยกันก็จะกอดกันกลมเชียวแหละ หรือแม้แต่ตอนมัธยมปลาย ขนาดโตอย่างนั้นแล้ว แม่ก็ยังเคยเห็นเรานอนกอดกันท่าเดิมเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ไม่มีผิด ตอนแรกๆ แม่ก็กังวลนะ แต่พอเราโตขึ้น เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่ก็รู้แหละว่า คนเรามันจะมีความสุขที่สุด ก็ต่อเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักที่สุด เรื่องมันก็ง่ายๆ แค่นั้นเอง” แม่วางรูปนั้นกลับลงไปที่เดิม

ผมลุกออกจากโซฟาและเดินเข้าไปกอดแม่ “ขอบคุณนะครับแม่ ที่รักพี และไว้วางใจพีให้ได้ดูแลลูกชายของแม่อย่างทุกวันนี้”

“แม่บอกแล้วไงว่าแม่เห็นเราเป็นลูกชายคนนึงมาตั้งแต่เรายังตัวเล็กนิดเดียวแล้ว ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นของแม่ได้หรอก” แม่ตบหลังผมเบาๆ

“พีดีใจนะครับ ที่ได้กลับมามีครอบครัวอีกครั้ง และดีใจที่ได้กลับมาอยู่บ้านของตัวเองอีกอย่างนี้”

“ไม่มีที่ไหนจะดีเท่าบ้านของเราหรอก จริงมั้ยล่ะ”

เต้ลุกออกจากโซฟาและเดินเข้ามากอดเราสองคนด้วยเหมือนกัน “แม่มีหลานไม่ได้ แม่ก็ติ๊ต่างว่าชาช่าเป็นหลานสาวไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะ”

พวกเราสามคนหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันจากนั้นก็คลายวงแขนออก แม่ขอตัวเดินกลับไปทำข้าวเย็นที่บ้านต่อ ส่วนผมกับเต้ก็กลับมานั่งดูทีวีด้วยกันบนโซฟาเหมือนเดิม ชีวิตของเราสองคนเจอกับความสูญเสียและโศกนาฏกรรมมาหลายครั้ง แต่เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง ผมคิดว่าในที่สุดเราก็สามารถพบกับความสุขที่แท้จริงได้ แม้มันอาจจะช้าไปสักหน่อย แม้เราจะไม่สามารถดึงวันเวลาที่เคยเสียไปให้ย้อนกลับคืนมาได้ แต่วันคืนเหล่านั้นก็ทำให้เรามีทุกวันนี้ และผมมั่นใจว่าเราจะสามารถออกแบบช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในอนาคตให้มีความสุขที่สุดได้อย่างที่เราต้องการแน่นอน


จบ


.................................................................................
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-08-2012 14:35:11
จบแล้วครับ เรื่องสั้นจริงๆ เรื่องนี้ รู้สึกยังไงกันบ้างครับ อบอุ่นมั้ย อิ่มกันรึเปล่า เพราะขอบอกว่าคนแต่งอิ่มมากกกก ฮ่าๆๆ

ก็มีใส่ข้อคิด รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลงไปบ้าง ไม่ให้มันทำลายอรรถรสของนิยายชายรักชาย นอกจากนั้นก็มีคำพูดจริงๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับผมด้วย ความรู้สึกจริงๆ ของผมก็อยู่ในนี้ ว่าแต่คนอ่านเถอะ อ่านแล้วได้อะไรไปบ้างครับ ชอบหรือไม่ชอบก็บอกติเตียนได้นะครับ ถ้าชอบแนวนี้กันเยอะ ผมจะได้หาเวลามาแต่งให้อ่านกันอีก เราจะได้ไม่หายกันไปซะเลยทีเดียวเนอะ

วันที่ 16 สิงหานี้ ไอ้ต้นจะบินไปเมืองนอกราว 1 ปีนะครับ ยังรับปากไม่ได้ว่าจะมีนิยายมาให้อ่านกันอีกระหว่างนั้นรึเปล่า แต่ถ้าเรื่องสั้นล่ะก็ จะพยายามครับ ใครอยากติดตามผม ก็ไปไลค์แฟนเพจกันได้นะครับ ฝากอีกที https://www.facebook.com/ExecutionerNovel

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ สละเวลาคอมเมนท์หนึ่งนาที มันมีค่าสำหรับแรงใจให้ผมแต่งมาเรื่อยๆ จริงๆ ครับ บางทีก็เคยท้อเหมือนกัน เหมือนคนอ่านไม่เยอะ ไม่มีคนคอมเมนท์ ไม่มีฟีดแบ็ค ทำให้อยากเลิกเขียนเหมือนกัน เพราะเวลาก็ใช่ว่าจะมี (สารภาพเลยนะเนี่ย) แต่ถ้ามีคนอ่านแล้วชอบ หรือติติงมาว่าตรงไหนไม่ดี มันก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นได้อีกครับ

ขอบคุณจริงๆๆ

แล้วเจอกันใหม่นะครับ

^_______^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-08-2012 15:18:27
จบอย่างอบอุ่น

 :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-08-2012 15:36:10
ชอบค่า ^^
อ่านแล้วแช่มชื่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 07-08-2012 15:40:35
อ่านแล้วอบอุ่นค่ะ มันให้ความรู้สึกแบบ ความรักที่มั่นคง ไงยังงั้นเลย  :o8:
บางครั้งการที่เราไม่พูดออกมาอาจทำให้เราเสียโอกาสในเรื่องต่างๆ อ่านแล้วได้ข้อคิดอันนี้เลยค่ะ  :กอด1:


ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับนิยาย  :L2:  จะติดตามผลงานต่อไปแน่ค่ะ  ไลค์แฟนเพจเรียบร้อย 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 07-08-2012 15:42:06
อ่านแล้วมีความสุขจัง o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-08-2012 16:09:14
ยังยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าชอบนิยายทุกเรื่องของ"พี่ต้น" ครับ

ขอบคุณมากๆครับ  :pig4:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 07-08-2012 16:17:06
อบอุ่น ม๊ากมาก

ชอบค้าบบ ไม่ต้องหวือหวา

ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องทะเลาะเพื่อให้เข้าใจ

แค่เปิดใจคุยกันเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 07-08-2012 17:05:29
ชอบเรื่องนี้มากมากค่ะ รู้สึกเป็นความรักที่อบอุ่น ไม่เยอะจนเกินจริง ..  :o8:
อยากให้มีเวลาหวาน ๆ กันบ้าง .. ไม่อยากจะคิดเองเพราะอาจจะไม่ใช่ก็ได้ 555
แต่ พีพี กับ เตเต้ เค้าออกแมน ๆ คงไม่หวานกันหรอก .... (มั้ง)  :-[
ชอบที่เค้าสองคนได้กลับมาพบกัน หลังจากที่แต่ละคนได้ไปพบเจออะไรมามากมาย
แต่เค้าก็ยัง .... รักอีกคนมากกว่าใคร ๆ .. อยากมีใครสักคนแบบนี้บ้างจัง ^^
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีดีให้พวกเราได้อ่านกันนะคะ ..   :pig4: :pig4: :pig4:
จะรออ่านเรื่องต่อ ๆ ไปค่ะ

อีกไม่กี่วัน คุณต้นก็จะเดินทางไปต่างประเทศแล้ว  .. จะลืมพวกเรารึเปล่าน๊า!!!!  :monkeysad:
.
ล้อเล่นนะคะ ^__^
.
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและขอให้ประสบแต่สิ่งดีดี เพื่อนดีดีนะคะ ..  :L1:  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 07-08-2012 17:09:53
เป็นครอบครัวอบอุ่นจริงๆ รักกันมานานสุดท้ายก็ได้คู่กัน
แม่ของเต้ก็เข้าใจลูกชายดียอมรับได้ ก็มีแววมาแต่เด็กหนิ

+1 +เป็ดให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kritcha ที่ 07-08-2012 18:12:53
อ่านเรื่องนี้แล้วอินมาก บอกความรู้สึกไม่ถูกเลย จะเศร้าจะซึ้งหรือจะยิ้มดี

น่ารักมาก อบอุ่นดีจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Onlymin ที่ 07-08-2012 18:32:06
อ่านแล้วอิ่มไปด้วยความสุขจริง ๆ

ขอบคุณมากสำหรับนิยายดี ๆ แม้จะสั้นไปหน่อย..แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและประสบความสำเร็จนะคะ

 :L2: o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: forte ที่ 07-08-2012 21:17:11
อ่านรวดเดียวจบเลย เป็นเรื่องที่อุ่นมากๆๆ ถึงตอนแรกจะอ้่านไปแบบเคล้่าน้ำตาก็ตาม

รู้สึกคุ้มค่าที่ยอมเสียน้ำตาเพื่อที่จะได้ยิ้มกว้างทั้งปากและตากับตอนจบแบบที่เรียกได้ว้่อิ่มอุ่นา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ryoushena ที่ 07-08-2012 22:04:24
 :man1: รู้สึกอิ่มจนเคลิ้มเลย ชอบมาก ได้อารมณ์สุดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: prin ที่ 07-08-2012 22:06:07
ชอบมากๆครับ อ่านแล้วได้ความรู้สึกอบอุ่นมากๆ จนอยากให้ชีวิตจริงมีเรื่องดีๆอย่างนี้บ้างนะครับ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 07-08-2012 22:14:47
ขอบคุณทุกๆ คนเลยครับ อ่านทุกคอมเมนท์เลยนะ แต่อาจจะไม่ได้ตอบเรียงตัว ดีใจที่อ่านเจอคอมเมนท์ที่บอกว่า "อบอุ่น" ครับ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าคนแต่งไม่ได้คิดหรือบ้าไปเองคนเดียว ฮ่าๆๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่คิดว่ามันอบอุ่นมากๆ เหมือนกัน ^^

อ้อ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรด้วยนะคร้าบ ^3^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 07-08-2012 22:18:16
ขอบคุณครับคุณต้นสำหรับความอิ่มเอมที่มอบให้
เดินทางโดยสวัสดิภาพและสมหวังในสิ่งที่ปรารถนานะครับ
มาเยี่ยมกันบ่อยๆนะครับ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 08-08-2012 00:27:16
ความผูกพันตัดไม่มีวันขาด,,,แม้จะห่างไปนานเพี่ยงใด

ขอบคุณค่ะ,,,ชอบมาก

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 08-08-2012 00:31:40
ขอบคุณครับ อ่านสบายๆ น่ารักดีครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-08-2012 11:32:21
 :z2:

เพื่อนแนะนำให้เข้ามาอ่าน  แล้วก็ไม่ผิดหวังนะคะ

เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ  เนื้อเรื่องน่ารักมาก

ชอบมากค่ะ  ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ นะคะ


 :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-08-2012 15:08:16
ไม่ได้อ่านนิยายสองวัน  เปิดมาอีกทีจบซะแล้ว
แต่จบแบบนี้เขาช้อบบบบ
ถึงจะใกล้สามสิบ แต่สุดท้ายก็มาดูแลกันและกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 08-08-2012 19:43:26
อ่านจบแล้วรู้สึกอยากมีครอบมีคนที่รู้ใจเข้าใจอย่างนี้บ้างจังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: วชิรา ที่ 08-08-2012 20:36:36
อ่านเเล้วรู้สึกดีใจที่เรายังมีคน
ที่เรารักอยู่ :กอด1:
 :bye2:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดี o13ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดี
ทีทำให้รู้ว่าความสุขทุกวันนี้
มีค่าเเค่ไหน :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 08-08-2012 20:36:44
 o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Lukaka ที่ 08-08-2012 20:43:18
น้ำตาซึมไม่รู้ตัว  อ่านแล้วมองย้อนดูตัวเอง
ปีนึงกลับบ้านกี่ครั้ง   แต่ อาทิตย์ก็จะได้กลับแล้ว เย้

..........................................

รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ

บางทีเรื่องที่คนเราคู่กันแล้ว ไม่ว่าเพศไหน ชาติไหน 
 
ก็กลับมาหากันอยู่ดี  อยู่ที่ว่าจะเป็นคู่แบบไหนเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 08-08-2012 21:08:30
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ :L1:  และจะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TimelessOne ที่ 08-08-2012 21:35:33
ชอบฉากบรรยายความรู้สึกของทั้งคู่ตอนที่พีสารภาพกับเต้มากเลยครับ
ทั้งที่สนิทกันมาก รักกันมาก แต่ก็สื่อถึงกันไม่ได้ เพราะมองต่างมุมกัน
ชีวิตจริงมันเป็นแบบนั้นเลยนะ  :z3:

โชคดีมากที่ได้มีโอกาสกลับมาต่อเติมเรื่องราวในอดีต  :n1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 08-08-2012 21:57:24
ดีใจที่นอกจากความรักของเต้กับพีแล้ว ยังได้เห็นว่าหลายๆ คอมเมนท์พูดถึงเรื่องครอบครัวด้วยครับ ดีใจจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-08-2012 13:26:26
สนุก o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pukkie yaoi ที่ 13-08-2012 14:39:09
แต่งเรื่องอื่นอีกมัยค่ะ นุกมากมาย อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆ >o<///
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-08-2012 10:52:18
แต่งเรื่องอื่นอีกมัยค่ะ นุกมากมาย อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆ >o<///

นิยายเรื่องอื่นๆ ที่เคยแต่ง (รวมทั้งเรื่องสั้น) มีลิสท์ ชื่อ เรื่องย่อ และลิงค์ เอาไว้ในแฟนเพจนะครับ อยู่ใน note น่ะ ลองไปดูนะ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-08-2012 16:06:41
ซึ้ง    :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiiCell ที่ 15-08-2012 17:51:02
รู้สึกไม่เพียงพอ มันสั้นไปในความรู้สึก
(ไม่ค่อยอ่านละยังมาบ่น //เสียงสวรรค์)
แต่ซึ้งดีจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 16-08-2012 19:49:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: plasster ที่ 16-08-2012 21:30:12
ซึ้งมากกเลย บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็พูดยากสำหรับคนใกล้ตัว o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-08-2012 21:44:40
คิดถึงเพลง โฮม ของคุณบอยโกสิยพงศ์ ที่มีเนื้อเพลงว่า "เพราะเธอคือ บ้านของฉัน" กรี๊ดด เรื่องนี้ ใช่เลย ฟีลนี้เลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 16-08-2012 22:04:01
เป็นเรื่องที่อ่านเรื่อยๆ ไม่พีคขึ้นลง แต่ก็เป็นเรื่องที่อบอุ่นชวนอ่าน กระชับ แต่ก็อธิบายเรื่องราวได้ค่อนข้างครบถ้วน ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 16-08-2012 23:48:21
...............  บ้าน  ..................
ความรู้สึกถึงบ้านคือความอบอุ่น ทั้งกายและใจ

อ่านเรื่องนี้จบ ต้องบอกว่า
ยิ้มทั้งน้ำตาเลยอ๊ะ

เริ่มต้นที่งานศพ
บรรยากาศของงาน ความรู้สึกที่พีบรรยาย
น้ำตาไม่คลอน่ะ ใหลเลย
เป็นความรู้สึกแบบหน่วงในหัวใจอย่างแรง
ความรู้สึกที่จัดงานศพพ่อ ยากกว่าของแม่
เพราะพีเหลือตัวคนเดียว
มันโดดเดียว อ้างว้าง

พร้อมกับดำเนินเรื่องมาที่ พีกะเต้
ไม่หวือหวาแบบวัยรุ่น
แต่เป็นความอบอุ่นแบบเพื่อน (มากกว่าเพื่อน)
และที่สำคัญ จบด้วยความรัก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 17-08-2012 00:03:49
ซึ้งค่ะ
ไม่ตอนพิเศษซักหน่อยหรอคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 17-08-2012 15:09:38
เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว ใช่เลยนี้ล่ะความอบอุ่นของครอบครัว
ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกัน แต่ก็ให้อิสระในการตัดสินใจ
เป็นความรักที่ยาวนานจริงๆ สิบกว่าปี สุดยอด แต่ทั้งคู่ก็ยังรักกันเหมือนเดิม
แค่ไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายรู้เท่านั้น ชอบเตเต้กับพีพีมากๆ
ประทับใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 18-08-2012 00:48:06
 o13 อ่านแล้วมีความสุขมากๆ แล้วเขียนเรื่องใหม่มาให้อ่านกันต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: plasster ที่ 18-08-2012 17:24:48
มาติดตามรอตอนพิเศษ จะมีมั้ยนะ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: hours ที่ 18-08-2012 19:38:26
อบอุ่นมากจริงๆ
ได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างเลย
:)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-08-2012 20:36:52
 :กอด1:เพิ่งเข้ามาอ่าน ...

พออ่านแล้วก็ติดใจ ต้องการรู้ว่าเหตุการ์ณข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

อบอุ่นและสุขใจกับการยอมรับของคนใกล้ตัวที่เรียกว่าพ่อแม่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-08-2012 20:50:39
น่ารักครับ ชอบมากๆ เลย อบอุ่นที่สุด

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 19-08-2012 22:53:45
อบอุ่นสมกับคำว่า บ้าน
ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราเนอะ
เดินทางปลอดภัยค่ะ แล้วรีบกลับบ้านเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ZomZaa^^ ที่ 20-08-2012 11:37:42
อบอุ่นมากๆเลยดีใจที่ใจตรงกัน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 21-08-2012 13:56:53
 o13 o13 o13  :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่อบอุ่นครับ เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย เขียนเรื่องอื่นด้วยไหมครับ จะเข้าไปติดตาม...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: saintangel ที่ 21-08-2012 23:19:04
ชอบค่ะ อ่านแล้วคิดถึงบ้าน จากบ้านมาทำงานกทมเหมือนกัน  o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 22-08-2012 04:09:27
อบอุ่นดีจังงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 22-08-2012 10:30:18
เนื้อเรื่องสั้นๆแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความอบอุ่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: rakna ที่ 22-08-2012 17:19:43
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

ถึงจะไม่มีพ่อแล้วแต่พีก็ยังมีคนที่รักและห่วงใยอยู่

ที่สำคัญ แม้ว่าร่างกายของพ่อจะหายไปแต่ความทรงจำของพีที่มีต่อพ่อก็ไม่ได้หายตามไปด้วย

ความรักและความผูกพันจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

และรู้สึกดีกับความรักของเต้กับพีด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: luv_khun ที่ 23-08-2012 00:05:14
 :L2:ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องดี ดีให้ได้อ่าน  จะรอเรื่องต่อไปนะ เรื่องสั้นก็ได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 23-08-2012 02:29:11
อ่านไปก็ลุ้นไป อย่าดราม่าอย่าเศร้าเลยนะ ซึ้งดีครับ ถึงพล็อตจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร
แต่วิธีนำเสนอทำให้เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-08-2012 20:43:49
น่ารักมากกก อ่านไปยิ่มไป
ถึงแม้ว่าตอนแรกจะเศร้าไปกับพี
แต่ว่าชอบมากอ้ะ ><*
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 26-08-2012 23:32:43
อ่านจนถึงตอนสุดท้าย (ยังไม่จบ)
ให้ข้อคิดดีค่ะ มันก็ชีวิตเนอะ
แต่ในชีวิตจริง อาจจะมีเพื่อนที่ดี แต่ึคงมีบ้าง..
ที่พูดอะไรไปแล้วกลับมาไม่เป็นเหมือนเดิม

สนุกดี คิคิ สู้ๆนะค้า ไปต่างประเทศแล้วใช่เปล่าหว่า?
โชคดีค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-08-2012 15:33:53
ขอบคุณค่ะ น่ารักมาก ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 02-09-2012 01:11:05
อิ่มใจจัง :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 02-09-2012 04:23:13
อบอุ่นมากๆเลยอ่ะ
แอบมีNCเล็กๆอีกต่างหาก
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 05-09-2012 21:43:33
^_______^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 18-09-2012 17:48:14
อ่านจบแล้วรู้สึกดีมากเลยอ่ะ เห็นหลายคนโพสบอกว่า อิ่ม พอคิดๆ ดู อิ่ม จริงๆด้วย ขอบคุณมากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 18-09-2012 19:45:59
อบอุ่นจังเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 19-09-2012 15:30:22
รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจจังได้อ่านเรื่องนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 20-09-2012 18:00:49
น่ารักดีครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 20-09-2012 18:49:58
 :กอด1: อ่านแล้วอบอุ่นดีจัง (;
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-09-2012 03:06:46
ใจตรงกัน แต่ก็ต่างไม่กล้าบอกกกันซะงั้น ตอนเต้พูดแบบนั้นตอนที่พีบอกว่าตัวเองเป็นอะไรเนี่ย พีคงคิดมากน่าดู ดีที่แม่เต้ยอมรับได้นะ มอมแมมกับชาช่าคงน่ารักน่าดู เต้แอบเจ้าเล่ห์หรือเปล่ามีทำอะไรไว้ตอนพีหลับด้วย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ljk_sj_lovelove ที่ 17-10-2012 02:18:16
ดีใจที่จบแฮปปี้ ^^ อิ่มมากและอบอุ่นจังค่ะ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 08-11-2012 21:08:21
ลืม มาฝากเรื่องใหม่ให้ตามไปอ่านกันนะครับ ^^

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35432.0

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ramika ที่ 10-11-2012 00:25:01
พึ่งได้อ่าน

ขอบคุณมากครับ เขียนได้ดีทีเดียว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 18-11-2012 23:01:15
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการคือความรักความเข้าใจจากคนที่เรียกว่าครอบครัว..
ครอบครัวเป็๋นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนๆ นึงเติบโตขึ้นมาแล้วเป็นยังไง..
ต่อให้มีเงินทองมหาศาลแต่ไม่มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างเงินทองของมีค่าก็ไม่มีความหมายอะไรเลย..
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวแบบไหน ถ้ามีความรักความเข้าใจให้กัน ครอบครัวนั้นก็สมบูรณ์แล้ว..

อ่านเรื่องนี้แล้วอินมากๆ ค่ะ..
อบอุ่นหัวใจแล้วก็ซึ้งน้ำตาซึมเลยทีเดียว...
 :กอด1:

ขอบคุณผู้แต่งมากๆ เลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Re-ya ที่ 19-11-2012 21:27:00
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
ชอบม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ..... อ่านแล้วมีความสุขจังเลย  o13

ปอลอ. ขอตอนพิเศษหวานๆ น่ารัก ได้ไหมค่ะ
  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 19-11-2012 22:46:18
ชอบมากๆ เลยค่ะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นดี
เอ แต่สรุปเต้รับหรอ -0-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 20-11-2012 09:22:04
อ่านแล้วยิ้ม อ่านแล้วอิน อ่านแล้วเขิน :o8:

ยิ้มแก้มแตก ดีใจกับพีพีกับเตเต้ด้วย

นึกไปแล้วถ้าตอนม.ปลายมีใครคนใดคนหนึ่งเอ่ยปากออกมา เรื่องราวจะเป็นแบบนี้รึเปล่าเนอะ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 21-11-2012 17:45:10
อยากเลี้ยงชาช่า จังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 28-11-2012 23:38:31
อ่านแล้วมีความสุข
ครึ่งหนึ่งของชีวิต :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 29-11-2012 22:38:13
อ่านแล้วซื้งมากเลยค่ะ แอบร้องไห้ไปตั้งหลายรอบแหนะ แหะๆ
ดูอบอุ่นมากเลยอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-11-2012 19:56:41
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 24-02-2013 21:26:46
อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอยากมีบ้านแบบนี้บ้างจัง เฮ้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 25-02-2013 15:22:56
อ่านเรื่องนี้จบประมาณสามรอบแล้วเห็นจะได้
ชอบมากๆ เลยครับ จะรอติดตามผลงานในเรื่องต่อๆ ไปนะครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีๆ ความคุณแง่คิดดีๆ ขอบคุณทุกตัวละคร
ทุกตัวในเรื่องที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคนเขียนได้ดีมากๆ เลยครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 26-02-2013 10:10:09
อ่านแล้วมีความสุขมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 22-04-2013 21:38:28
อาา...น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 27-04-2013 21:42:08
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านบันทึกชีวิตจริงมากเลย
ดีอยู่อย่างคือ สองคนใจตรงกัน แม้ว่าจะต้องห่างกันไปนาน
แต่ยังไง ก็ได้กลับมาหากันจนได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 28-04-2013 21:38:48
ดีแล้วที่จบแบบอบอุ่น ไม่จบแบบหักมุมแบบ อีกสองปี นายเอกตายอะไรประมาณนั้น เคยอ่านเจอแนวนั้น เลยพาหลอนไปพักนึง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 28-04-2013 22:05:19
ซึ้งอะ..
อ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์มาก
ทั้งอบอุ่นทั้งเศร้าแล้วมีความสุข

ขอบคุณมากนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 01-05-2013 17:18:07
ดีจัง เล็งกันมานาน สุดท้ายก็สมหวัง ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 29-05-2013 09:07:40
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากเลยครับ
ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ดีจริงๆ
ผมว่าคุณต้นมีสามารถเล่าความรู้สึกของตัวละครได้ดีมากๆเลย
คือไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา แต่อ่านแล้วรู้สึกได้จริงๆ

แอบอ่านตอนสุดท้ายที่มางอแง ท้อแท้ น้อยใจนิดหน่อยแล้ว
อยากจะเข้าไปกอดปลอบเลย โอ๋ๆๆ :กอด1: อิอิ
ยังไง ก็สู้ๆนะครับ เป็นนักเขียนในดวงใจของเราอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: duaen12 ที่ 29-05-2013 20:10:59
อบอุ่น ละมุนละไม รักคุณแม่มาก อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจโลกจริงๆ เหมือนคุณแม่  :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 30-05-2013 10:15:02
อ่านจบแล้วรู้สึกดีมากครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 30-05-2013 21:24:06
คู่นี้เค้าพลัดกันหรือเปล่าครับ ฮ่าาาาา
เป็นเรื่องสั้นที่เข้าถึงหัวใจและกระทบความรู้สึกอย่างชัดเจนดีครับ
ดำเนินเรื่องในฐานะเรื่องสั้นแต่ผู้อ่านอย่างผมรู้สึกว่าไม่ได้สั้นเลย
อาจเพราะการใช้ภาษาและแนวคิดของเรื่องช่วยตัดช่วงน่าเบื่อของชีวิตรักวัยรุ่นไปแบบเนียนๆ
ผมซึ่งอยู่วัยใกล้เคียงเลยรู้สึกเหมือนกับว่า ความรักของผู้ชาย 2 คน
จริงๆแล้วจะว่ายากมันก็ยากมาก แต่จะว่าง่ายมันก็ง่ายขนาดนั้น
.
.
.
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 24-07-2013 11:45:10
 :t2:
อบอุ่นมากคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 24-07-2013 20:37:58
ขอบคุณมากนะคะ ~^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 06-09-2013 18:05:29
อบอุ่นสมกับชื่อเรื่องชาช่าเธอน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Fill ที่ 20-09-2013 23:04:33
อบอุ่นมากครับ ^^
ขอตอนพิเศษได้รึเปล่า อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 14-10-2013 21:35:50
ชีวิตมันเหงา
กลับมาหาความอบอุ่น .............................. อีกครั้ง  :ruready
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 27-10-2013 11:36:24
Home is where the heart is.

ช่างไม่ผิดอะไรไปจากคำกล่าวด้านบนเลยสักนิด ทั้งเตเต้และพีพีต่างก็เป็น "บ้าน" ของกันและกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างโหยหาความอบอุ่นที่จะมอบให้กัน อ่านแล้วรับรู้ถึงความรักที่ได้บ่มเพาะมานานปี เพื่อรอวันจะเบ่งบานสวยงามในสายลมอบอุ่นแห่งความรัก เฮ้อ...ชอบมากๆ เลยค่ะคุณต้น

 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 14-12-2013 19:02:54
 :o8:  น่ารักมากกก อ่านไปยิ่มไป :impress2:

 o13 ขอบคุณคับ น่ารักมาก ^^  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-12-2013 23:32:35
อุ่นจริง...ที่หัวใจ :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-12-2013 02:33:48
อบอุ่นมากจริงๆ รู้สึกอิ่มอย่างที่ผู้เขียนบอกไว้เลย
ขอบคุณมากจริงๆนะ สำหรับเรื่องราวดีๆเรื่องนี้ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 25-07-2014 15:17:40
สนุกมากกกกหกกกกก ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 25-07-2014 22:16:27
ขอบคุณนะคะ  :pig4:

เป็นเรื่องที่ทั้งหวาน แล้วก็ซึ้งเลย

อ่านแล้วมีความสุข  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-07-2014 23:50:56
ยังคงมาตรฐานภาษา ความถูกต้อง ความน่าอ่านไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา ^.^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-07-2014 10:06:22
 :L1:  :pig4:  :กอด1: ชอบนิยายที่คุณต้นเขียนมากๆค่ะ อ่านมาสองเรื่องแล้ว

มีความอบอุ่นละมุนละไมในทุกองค์ประกอบ หาคำผิดยากมาก นี่เป็นอีกสาเหตุที่ภาษายิ่งไหลลื่นยิ่งเข้าไปอีก เรื่องของความผูกพันธ์ ความรู้สึกของตัวละครก็สื่อได้ดีมากค่ะ
อยากบอกว่าขอคารวะจริงๆค่ะ จะรอเรื่องใหม่ต่อไปนะ แม้จะเป็นแค่เรื่องสั้นก็ตาม
ขอบคุณสำหรับนิยายคุณภาพค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 28-07-2014 23:21:36
 :sad4: ซึ้งมากค่ะ  เศร้าตอนที่เล่าถึงพ่อ  พ่ออย่างนี้หาได้ยากนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 7 Aug : จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-08-2014 16:40:44
แจ้งเปิดจองและโอนเงิน
หนังสือชุด "Home The Series ความรัก & ความทรงจำ"
 Home, Coming Back Home, Moving In และ Brother next door
และเรื่องสั้นพิเศษอีก 1 เรื่อง


อ่านรายละเอียดได้จากกระทู้ข้างล่างนี้ครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43296.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-01-2015 18:46:37
อ่านแล้วมีความสุขครับ รู้สึกอบอุ่นในความรักและผูกพันธ์ของ เต้ กับ พี

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 09-03-2015 20:50:22
เรืองราวน่ารักมากๆเลยค่า
อบอวลและอบอุ่นไปด้วยความรัก
รักกันมาตงแต่เล็กแต่น้อยแท้ๆ แต่ไม่กล้าพูดกัน
แต่ว่าก็สมหวังกันแล้วน้ส ครอบครัวอบอุ่น
แถมมีลูกสาวชาช่ามาสร้างสีสันให้อีกต่างหาก 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-03-2015 12:53:44
แวะมารีวิวหนังสือค่ะ ชอบมากๆ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 05-08-2015 18:06:34
สนุกจังเลย ชอบมากครับ อ่านแล้วอบอุ่นดีจัง
ชอบมากครับ

ขอเชียร์ให้เขียนออกมาอีกเยอะๆนะครับคุณนักเขียน

ใครลังเลอยู่ขอให้ตัดสินใจอ่านเหอะครับ
ดีจริง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-08-2015 22:29:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 12-08-2015 22:31:24
อบอุ่นมาก.... :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 20-11-2015 15:52:11
ชอบจัง อ่านแล้วอบอุ่นจังค่ะ เนื้อเรื่องดูเรียลมากๆ แนวผู้ใหญ่เข้าใจชีวิตด้วย ช๊อบชอบ...ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 03-01-2016 12:10:20
อบอุ่นมากๆเลยยย ขอบคุณมากนะคะะะ ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2016 23:29:40
ตามมาอ่านจากเรื่อง  Coming back home  :katai2-1:
เรื่อง Moving in  :mew1:
และ Sweet Home in Hong Kong ความรัก น้ำแข็งไส หัวใจสีส้ม
ชอบ เป็นเรื่องที่อ่านได้ไหลลื่น เรียบง่าย แต่อบอุ่น
ชอบและขอบคุณไร้ทมาก ที่ทำให้ได้อ่านอย่างมีความสุข :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ดึงดาว ที่ 22-10-2016 10:35:13
อบอุ่นในใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-10-2016 09:56:31
ปลื้มปริ่ม แอบรักกันมาตั้งนาน ในที่สุดก็สมหวังกันซะที  :heaven
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-03-2017 12:04:06
อบอุ่น อิ่มเอม ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 09-03-2017 17:05:56
ละมุนมากกกกกกกก เหมือนเรื่องเล่ามากกว่าเรื่องแต่งอีก
แต่งได้ดีมากๆ สื่อถึงความกลัวการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ได้ดีมากๆอะ
ขอบคุณมากๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 14-03-2017 07:25:17
ละมุนละไม คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจลูกมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-04-2018 21:56:57
กลับมาอ่านอีกครั้ง ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 04-09-2020 15:22:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Areya ที่ 01-11-2020 15:40:58
 :pig4: :L2: :กอด1:
ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีตอนจบแบบอุ่นใจมากๆขนาดนี้ติดตามอ่านผลงาน มานาน หาเรื่องที่ ดำเนินเรื่องแบบ ราบรื่นภาษาดีสละสลวย แถมยังมีตอนจบที่แสนจะน่ารักและอบอุ่นด้วย มานาน ขอบคุณอีกครั้งนะคะ