พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] Wednesday’s story [8/01/12] ลงตอนจบแล้วค่า ^^
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 04-01-2012 14:44:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ สรุปข้อสำคัญดังนี้ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม 5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ----------------------------------------------------------------- อยากลงนิยายแต่เรื่องที่ลงแล้วไม่มีในสต็อกเลยเอาเรื่องสั้นที่มีอยู่มาลงแทนค่ะ 555+ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ พยายามจะเขียนแนวนิยายแปลค่ะสำนวนอาจจะต่างจากปกตินิดนึง^^ ส่วนอันนี้เรื่องอื่น ๆ ของต่ายค่า set คนไทยล้วน ซีรีย์short fic : Be step มอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9745.0) สบตา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=11597.0) จับมือ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12392.0) [Short fic] ช่องว่างของหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13350.0) [เรื่องสั้น] มุมมองของคนสามคน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16494.0) Set ชาวต่างชาติ / มีตัวละครต่างชาติเป็นตัวเอก [Short fic] If only...(จบสั้นจริงๆนะ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13478.0) [เรื่องสั้น] Cupid Dart (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17798.0) [เรื่องสั้น] Just another Halloween day (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19398.0) Set ชุดเรื่องสั้น (คือธีมเดียวกันแต่แต่ละเรื่องสามารถเป็นเอกเทศด้วยตนเองค่ะ แนะนำให้อ่านเรียงเพราะบางครั้งต่ายจะเอาตัวละครเก่ามาเขียนใหม่) ชุดเรื่องสั้น : Story from song พี่ชาย (จบสั้นมาก-มากที่สุด) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13786.0) คนไม่มีเสน่ห์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15595.0) ฉันรักของฉันจริงๆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13865.0) อย่าถาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=15596.0) ชุดเรื่องสั้น หอโคมม่วง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21605.0) เรื่องยาว (ยังไม่จบ) The Tales Of Greek Gods, ไดโอนิซัส-เฮฟีทัส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14013.0) What the…?! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13756.0) ไม่ต้องมีเหตุผลระหว่างเรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29337.0)
Wednesday’s story เสียงยิงปืนจากหน้าจอโทรทัศน์กับเสียงหัวเราะโวยวายปลุกพุธให้ตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มหาววอด ขยี้ตาพยุงตัวจากโซฟามองเพื่อนซี้หัวฟ้ากับหัวเขียวเหมือนสีขวดสไปร์ทที่กำลังเล่นยิงซอมบี้เมามันส์อย่างสลึมสลือ “กี่โมงแล้ว?” ตั้งแต่สอบเสร็จเขาก็ดิ่งตรงกลับบ้านมาพบกับสองหน่อส่งตรงมาจากแคลิฟอร์เนียนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในบ้านชวนให้นึกถึงลาบาดอร์กับรีทีฟเวอร์นั่งรอเจ้าของไม่มีผิด แต่ด้วยความที่เขาโดนข้อสอบสูบพลังไปหมดแล้วจึงตบหัวลูบหลังทักทายเล็กน้อยแล้วจรลีมาสลบคาโซฟาเพราะได้ความว่าเตียงเขาโดนอีกหนึ่งสินค้าอิมพอร์ตนอนเป็นศพตายเพราะเจ็ทแล็กไปแล้ว ส่วนสองคนนี้ไม่รู้ว่าจะเจ็ทแล็กดีเลย์หรือถึกผิดมนุษย์มนาล่ะนะ... “ไม่รู้” เบรนท์เพื่อนหัวเขียวของเขาตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องคิดขณะที่คอลินยังมีแก่ใจหยุดเกมแล้วก้มมองนาฬิกาโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเบรนท์ “จะหกโมงแล้ว เฮ้เวนส์เดย์ เราสั่งพิซซ่ามากินได้ไหม?” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก สงสัยเขาจะร้างลาจากการได้ยินชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษนานไปหน่อยเลยตะหงิด ๆ ทุกทีที่ได้ยิน เขาไม่น่าบอกคำแปลของชื่อเล่นให้ไอ้พวกนี้ฟังเล้ยเพราะมันดันไปตรงกับเด็กผู้หญิงผมเปียตัวซีดหน้าบึ้งจาก ซีรีย์ฮิตเรื่องอดัมส์ แฟมิลี่ “ไปตามรีดลงมาแล้วกัน” ไม่นานเขาก็เห็นคนหัวแดงผมยุ่งชี้โด่เด่เดินลงมาจากบันได ในเพื่อนเขาสามคนมีแค่รีดเท่านั้นที่เป็นผมสีธรรมชาติสมชื่อของเจ้าตัวคือ Reed ที่แปลว่ามีผมแดง “ฉันสั่งพิซซ่าแล้ว เดี๋ยวรอหน่อยนะ” พุธเงยหน้าจากอ่านหนังสือพิมพ์ “ยังเจ็ทแล็กอยู่หรือเปล่า? เอายาไหม?” รีดพยักหน้า ครางเบา ๆ “ไอ้พวกนั้นมันจะลดเสียงลงหน่อยได้ไหม? หัวฉันอย่างกับมีลิงกิ้นพาร์คมาเปิดคอนเสิร์ตแน่ะ” พุธเดินไปจากโต๊ะกินข้าวไปบอกเพราะรู้ว่าถ้าขืนเขาตะโกนบอกจากตรงนี้คงยิ่งทำให้เพื่อนปวดหัวแน่ “จะว่าไปพวกนายมานี่ได้ไงน่ะ?” เขาถามอย่างสงสัย ก็ที่เมืองนอกมันน่าจะยังไม่ปิดเทอมสิ? “นั่งเครื่องบินมา” เบรนท์ตอบ “ตลกมากชาร์ลี” เขาย้อนเพื่อนเรียกเสียงหัวเราะจากบนโต๊ะเพราะนามสกุลของหนุ่มหัวเขียวดันไปซ้ำกับดาราตลกคนดังของอเมริกาพอดี “โรงเรียนหยุดครบรอบวันสถาปนา” เป็นคอลินที่ตอบ ส่วนรีดฟุบหน้ากับโต๊ะ ค่อย ๆ ส่งพิซซ่าเข้าปากอย่างยากเย็นจนเขาอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ไปขายพวกแฟนคลับของเจ้าตัวจริง ๆ ถึงจะดูบ้า ๆ บอ ๆ ทำตัวเป็นกลุ่มคัลเลอร์เรนเจอร์แต่เพื่อนเขาก็ดังใช่ย่อยที่แคลิฟอร์เนียเพราะฝีมือการเล่นกีฬาเอ็กซ์สตรีมที่โดดเด่นคว้าชัยชนะมาได้หลายครา จะว่าไปนี่เขามีเพื่อนเป็นคนที่สุดยอดใช่เล่นนะเนี่ย พุธเจอทั้งสามครั้งแรกตอนทั้งสามกำลังฝึกเล่นโรลเลอร์เบลดกันที่ริมถนนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงตอนเกรด 6 แต่แล้วก็พลันเกิดอุบัติเหตุขึ้น เบรนท์เจ้าลีลาพลาดล้มหัวแตกเลือดออกสลบไป ทั้งรีดและคอลินช็อกทำอะไรไม่ถูกเหลือเขา - คนที่เดินผ่านมายังพอมีสติหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดส่งให้คอลินซับเลือดที่หัวเพื่อนไว้ สั่งรีดให้วิ่งไปตามผู้ใหญ่ส่วนตนเองโทรเรียกรถพยาบาลมา ตั้งแต่นั้นเขาเลยกลายเป็นผู้มีพระคุณอยู่ในกลุ่มคนดังของโรงเรียนตั้งแต่ตอนนั้น “ว่าแต่นายไม่แปลกใจเลยหรือไงที่เห็นพวกเราตอนแรก?” เบรนท์ถามอย่างขัดใจ เขาอุตส่าห์นึกว่าคนตรงหน้าจะทำหน้าตาดีใจกว่านี้แต่ดันมีแค่ขมวดคิ้วนิดนึง ร้องอ้อแล้วก็บอกว่าง่วงจะไปนอนก่อนนั่นแหละ สมกับเป็นเวนส์เดย์...ใจร้ายจริง ๆ “ก็รีดบอกฉันแล้วว่าพวกนายวางแพลนจะมากันแต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่นี่นา” พุธเอื้อมมือหยิบน่องไก่มากินจนหมดอย่างรวดเร็ว “แถมตอนอยู่กับพวกนายฉันเจอเซอร์ไพรส์จนไม่รู้จะเซอร์ไพรส์อย่างไงแล้วด้วย” ไม่ว่าจะเป็นแบบบ้าบอจนน่าลงกินเนสบุ๊คหรือน่าประทับใจชวนน้ำตาไหลพรากเขาเรียกว่าเจอมาจนแทบจะเอาไปเขียนหนังสือฮาวทูออกมาได้เล่มหนึ่งเลยด้วยซ้ำ “แล้วอย่างพวกฉันเข้ามาบ้านนายได้ไงล่ะ” เบรนท์ยังไม่ยอมแพ้ “ง่าย ๆ ก็พวกนายเคยปั๊มกุญแจบ้านฉันไปแล้วไม่ใช่เรอะ” แล้วยังปั๊มมาเผื่อเขาชุดหนึ่งบอกให้สำรองด้วยซ้ำ “หุบปากแล้วกินเงียบ ๆ เป็นไหมแชปลิน?” ในที่สุดหนุ่มผมแดงก็ถึงลิมิตคำรามออกมา แต่เบรนท์ก็เหมือนเจ้าหนูบิลลี่ในเรื่องการผจญภัยของบิลลี่และแมนดี้นั่นแหละ เจ้าเด็กเอ๋อนั่นไม่เคยกลัวแมนดี้เพื่อนสนิทกับกริม ริปเปอร์โครงกระดูกยมทูตอย่างไงเจ้าหัวเขียวเบรนท์ก็ไม่เคยจะสนใจรีดกับคอลินอย่างนั้น “เฮ้ ไม่ยุติธรรมเลยนะรีด ทำไมนายว่าแต่ฉันคนเดียวล่ะ?!” เจ้าตัวอุทธรณ์อย่างน่าสมเพชเพราะไม่มีใครสนใจจะฟังสักนิด ทุกคนต่างพร้อมใจหันหน้าไปดูทีวีที่กำลังฉายข่าวน้ำท่วมมากกว่า “พวกนายได้หยุดกี่วัน?” พุธหันไปถามคอลิน “สาม แต่พวกฉันจะมาแข่งเอ็กซ์สตรีมที่ไทยพอดีดังนั้นอดัมส์ แฟมิลี่จะได้อยู่พร้อมหน้ากันหนึ่งอาทิตย์” หนุ่มหัวฟ้ายิ้มสดใส ชื่อกลุ่มในการลงแข่งของพวกเขาคืออดัมส์ แฟมิลี่โดยมีหัวหน้ากลุ่มคือพุธทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยลงแข่งเลยสักรายการเพราะฝีมือการเล่นกีฬาไม่เอาอ่าวเลยจนได้แต่คอยเชียร์ ทำตัวเป็นเหมือนผู้จัดการทีมป้อนข้าวป้อนน้ำเสียมากกว่า เมื่อพุธเป็นเวนส์เดย์คนอื่น ๆ จึงมีชื่อเล่นตามครอบครัวอดัมส์ด้วย คอลินซึ่งดูมีสาระเป็นผู้ใหญ่ที่สุดคือ Thing มือสารพัดประโยชน์ที่คอยช่วยเหลือทุกคน, เบรนท์คือลุง Fester ผู้บ้าบอ และรีดผู้ซึ่งคอยตามพุธเสมอคือ Lurch พ่อบ้านตัวโตประจำตระกูล เขายิ้มแหย ๆ ตอบ “เจ๋ง...” “ทำไมนายดูไม่ดีใจเลยล่ะ?” รีดถามอย่างน้อยใจ “ไม่ ฉันดีใจเพียงแต่หนึ่ง พ่อกับแม่ฉันไม่อยู่หนึ่งอาทิตย์พอดี ดังนั้นจะไม่มีคนทำกับข้าวและดูแลพวกนายตลอดหนึ่งอาทิตย์นี้ สองฉันยังสอบไม่เสร็จเหลืออีกสองตัววันจันทร์เลยไม่มีเวลาจะพาพวกนายเที่ยวช่วงแรกแน่” ปฎิกิริยาของทั้งสามหนุ่มเหมือนกันคือยิ้มกว้างแสดงความเข้าใจ คอลินที่นั่งข้าง ๆ ตบบ่าเขา “นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยเวนส์เดย์ พวกเราเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” “ช่าย ดูนี่เสียก่อน” แล้วเบรนท์ก็หยิบกระดาษเอสี่ที่มีข้อความกับไฮไลท์อยู่เต็มไปหมดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ฉันศึกษามาหมดแล้ว!” พุธหยิบมาอ่านก่อนจะถอนหายใจเฮือก คำว่านึกแล้วเด้งออกมาแปะอยู่ที่หน้าผากเขาชัดเจนพอ ๆ กับสายตาที่มองเพื่อนหัวเขียวนี่แหละ ดูมันหามาแต่ละที่แล้วเขาเหนื่อยใจเพราะมันเล่นหาข้อมูลมาแต่ผับชื่อดัง! “นี่พวกนายได้ดูที่เบรนท์มันหาก่อนมาหรือเปล่า?” เขาถามเพื่อนอีกสองคนอย่างเนือย ๆ ซึ่งได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง เขาจึงส่งกระดาษแผ่นนั้นให้อ่าน คอลินกับรีดชะโงกหน้ามาอ่านก่อนจะพร้อมใจกันสบถ หนุ่มผมแดงเอื้อมไปตบหัวเพื่อนดังป้าบขณะที่อีกคนถอนหายใจเฮือกราวประชด “ก็พอจะเดาได้อยู่เลยซื้อไกด์บุ๊คมาเล่มนึง” คอลินว่า “อะไรเล่า! นี่ฉันอุตส่าห์มาร้านเจ๋ง ๆ มาเลยนะเฟ้ย!” เบรนท์ร้อง “แล้วนายได้เช็กหรือเปล่าว่าอายุเท่าไหร่ถึงเข้าได้?” พุธถามก่อนจะตอบเอง “20!” “อะไร แต่ไอ้พวกแม็คไกว์มันมาเที่ยวปีที่แล้วยังเข้าได้เลยนะ!” เขาจนใจจะอธิบายว่าก็เพราะยัดเงินเข้าไปน่ะสิ...เด็กหนุ่มไม่อยากให้เพื่อนใช้วิธีนั้นเพราะถ้ามีอะไรขึ้นมามันจะแย่ “กินเสร็จแล้วก็เก็บกันให้เรียบร้อยล่ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปจัดห้องให้พวกนายก่อน ที่นี่มีห้องนอนแขกแค่ห้องเดียวดังนั้นพวกนายก็ทนอยู่ด้วยกันไปก่อนนะ” พุธหยิบจานของตัวเองเข้าห้องครัวไป คล้อยหลังของเพื่อนชาวไทยสามหนุ่มก็กระซิบคุยกันทันที “เดี๋ยวนี้เวนส์เดย์โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” เบรนท์วิจารณ์ เมื่อสามปีที่แล้วยังเป็นน้องน้อยตัวเล็กของพวกเขาแท้ ๆ พอมาตอนนี้กลับสูงไม่เบาทีเดียว เกือบจะเท่า ๆ กับพวกเขาด้วยซ้ำ “แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม” คอลินว่ายิ้ม ๆ โดยมีรีดพยักหน้าสนับสนุน “แล้วนี่ตกลงพวกเราจะไม่ไปผับจริง ๆ เหรอ?” หนุ่มหัวเขียวถามอย่างหงอย ๆ เขาอุตส่าห์นั่งหาตั้งนานกว่าจะได้รายชื่อร้านที่มั่นใจว่าเจ๋งจริงมาแท้ ๆ “ถามเวนส์เดย์อีกทีแล้วกัน” คอลินแบ่งรับแบ่งสู้ขณะที่รีดนั้นพร้อมจะเข้าข้างพุธทุกอย่าง แหงล่ะก็เพราะหนุ่มหัวแดงชอบหนุ่มตัวเล็กเชื้อสายไทยมาตั้งแต่ตอนยังเรียนเกรด 6 ด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดล่ะว่าคนตัวบาง ๆ ปากกับแก้มแดง ๆ เพราะอากาศหนาวในเสื้อโค้ทสีขาวจะกลายเป็นเด็กผู้ชายได้ รีดพยายามจะตัดใจหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้รอยยิ้มหวานกับดวงตาใสแจ๋วบริสุทธิ์นั่นทุกครั้งไป “แล้วนายจะสารภาพรักกับเวนส์เดย์ได้หรือยังรีด?” เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรเพราะทั้งเบรนท์และคอลินรู้นั่นแหละ “ไม่...” เขาไม่กล้า...พอคิดว่าถ้าพุธไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นการสารภาพไปก็เท่ากับทำลายความสัมพันธ์แบบเพื่อนลงทันที รีดไม่มีความกล้าพอจะทำแบบนั้น “เก่งทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเวนส์เดย์เนี่ยแหละ” คอลินวิจารณ์ เวลามีกีฬาเอ็กซ์สตรีมแบบใหม่คนที่กล้าเสี่ยงลองคนแรกมักจะเป็นรีดทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการท้าทายแบบไหนหนุ่มผมแดงไม่เคยหวั่นแต่ตายรังปอดแหกกับเพื่อนชาวเอเชียนี่แหละ “ว่าแต่แน่ใจเรอะว่าน่ารักอย่างเวนส์เดย์จะยังไม่มีแฟน” คนไม่กลัวตายอย่างเบรนท์แซวขึ้น “ไม่มี” รีดตอบทันที เขาเป็นคนที่คุยกับพุธบ่อยที่สุดจึงคอยตามเช็กเรื่องนี้เสมอ “อย่าลืมนะว่าเวนส์เดย์น้อยของพวกเราน่ะออกจะน่ารักนิสัยดีขนาดนั้น อย่างไงก็น่าจะมีคนที่ชอบนา ขนาดตอนอยู่ที่นู่นยังมีแฟนคลับเลย” คอลินยิ้มที่มุมปาก สาว ๆ อาจจะกรี๊ดพวกเขาเป็นหลักก็จริงแต่พอเห็นคนตัวเล็กเดินมาอยู่ข้างสนามเสียงกรี๊ดพร้อมใจกันแบ่งมาให้กับหนุ่มน้อยที่ชอบยิ้มตาหยี วิ่งรอบสนามตามจังหวะการเล่นของพวกเขาทุกครั้งแม้ว่าสุดท้ายเหนื่อยขาดใจ ‘เบรนท์สู้ ๆ! คอลินอย่ายอมแพ้นะ! จังหวะดีเลยรีด!’ สารพันคำเชียร์ที่จะได้ยินไม่ขาดสาย พอพวกเขาแข่งเสร็จปุ๊บแทนที่กองเชียร์จะยื่นผ้ายื่นน้ำให้คนแข่งกลายเป็นนักกีฬาต้องบริการให้แทน ยิ่งกว่าสาว ๆ คือพวกที่หลงเสน่ห์พุธแบบรีดนี่แหละ ยังดีมีกองกำลัง ‘Marie Antoinette’ ตั้งตามชื่อตุ๊กตาไร้หัวตัวโปรดของสาวน้อยเวนส์เดย์แห่งอดัมส์แฟมิลี่คอยดูแลแบบเงียบ ๆ แต่ถ้าเป็นผู้ชายจะเป็น ‘Spider’ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเวนส์เดย์ มีคนเคยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องเป็นของเวนส์เดย์ บรรดาแฟนคลับก็ตอบทันทีว่าเพราะเวนส์เดย์คือหัวใจของชายหนุ่มทั้งสาม ตอนที่พุธย้ายกลับมาที่ไทยอดัมส์ แฟมิลี่เกือบจะย้ายตามมาทั้งหมดด้วยซ้ำถ้าพุธไม่ห้ามไว้เสียก่อน “เลิร์ชผู้แสนดีบางทีอาจจะไม่ทันกินนะรีด ลองสวมบทเป็นพักส์ลี่อาจจะเรียกร้องความสนใจได้ดีกว่านะ” หรือใครจะว่าน้องชายตัวอ้วนกลมของเวนสเดย์เคยเรียกร้องความสนใจจากพี่สาวไม่ได้กันล่ะ จริงไหม? “หุบปากน่า ไว้ฉันต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่จะบอกเอง” หนุ่มหัวแดงร้องอย่างหงุดหงิด “โว ๆ ใจเย็นน่า เอาเป็นว่าระหว่างที่อยู่ไทยก็จัดการให้เรียบร้อยล่ะเพื่อน” เบรนท์ตบบ่ารีดก่อนจะลุกบิดตัวพูดว่า “พวกนายว่าเวนส์เดย์น้อยจะยังมีไอศครีมติดบ้านอยู่ไหม?” พอถึงเวลานอนก็เริ่มมีปัญหาเพราะทั้งคอลินและเบรนท์จงใจขับไสไล่ส่งรีดให้ไปนอนห้องเดียวกับพุธ “ไอ้รีดตัวใหญ่อย่างกับเลิร์ช ขืนมานอนด้วยกันฉันไม่ก็คอลินมีหวังได้แบนติดกำแพงแน่ ๆ” เบรนท์ว่าโดยมีคอลินยืนกอดอกพยักหน้าสนับสนุน ที่พื้นมีสัมภาระของรีดวางอยู่หน้าห้อง “พวกแก!” รีดคำราม ใบหน้าแดงก่ำไม่แพ้สีผมด้วยความอายและโมโห แต่กระนั้นในใจลึก ๆ ก็อดจะดีใจไม่ได้ “อืม นอนสามคนอาจจะอึดอัดจริง ๆ ก็ได้งั้นนายมานอนกับฉันก็ได้รีด” พุธพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่กล้าให้ทั้งสามไปนอนที่ห้องพ่อแม่เพราะกลัวจะมีปัญหาซึ่งพออธิบายพวกเขาก็เข้าใจ เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้ารับคำเบา ๆ “อืม” คอลินกับเบรนท์แอบแท็กมือกัน นึกกระหยิ่มยินดีที่ได้เปิดโอกาสให้เพื่อนได้ ทั้งสองกอดคอกันเข้าห้องทิ้งให้รีดกับพุธอยู่ด้วยกันสองคน เด็กหนุ่มผมดำช่วยลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กนำ พอหันมาเห็นเพื่อนตัวโตยังยืนนิ่งก็เลิกคิ้ว “จะมาไหม?” เท่านั้นเองรีดเลยได้สติรีบแบกเป้เดินตามไปทันที ห้องที่ถือวิสาสะมานอนเมื่อกลางวันกลับให้บรรยากาศและความรู้สึกต่างกันเมื่อมีเจ้าของห้องอยู่ด้วย
“ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวฉันปูที่นอนให้” พุธพูด “แล้วนี่เอาผ้าเช็ดตัวมาหรือเปล่า?” เขานึกถึงอาหารเช้าวันพรุ่งนี้ อืม ขี่จักรยานออกไปซื้อที่หน้าหมู่บ้านมาก็ได้มั้ง พวกร้านโจ๊กปาท่องโก๋ไม่เคยหยุดอยู่แล้ว ข้าวกลางวันจำได้ว่ายังมีไข่อยู่เดี๋ยวเจียวสักห้าหกฟองกับทำอะไรง่าย ๆ อีกสักจานดีกว่า ส่วนตอนเย็นก็เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งหรืออาหารตามสั่งก็อีกเรื่องนึง “เอามา เดี๋ยวเรื่องปูที่นอนฉันจัดการเองได้นายไปอาบน้ำเถอะ” รีดพูดอย่างเกรงใจ “ก็ได้” เพราะที่จริงเขาเองก็เหนียวตัวอยากอาบเหมือนกัน พอเพื่อนเสนอตัวเลยทำตามอย่างไม่อิดออด สักพักเด็กหนุ่มก็เดินเช็ดผมตัวหอมฟุ้งออกมา “อ้าว นั่นเป็นอะไรน่ะ?” เขาทักรีดที่นั่งงอก่องอขิงอย่างสงสัย พอเจ้าตัวเงยหน้ามองเขาปุ๊บก็วิ่งสี่คูณร้อยเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปังทันที สงสัยจะปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำมั้ง? เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกมาใหม่ เพราะความเคยชินที่มีห้องน้ำส่วนตัวเขาเลยลืมหยิบเสื้อผ้าเข้าไปด้วย หลังแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลาที่เด็กนักเรียนทุกคนต้องเผชิญความจริง...การอ่านหนังสือสอบ สำหรับพุธนั้นเขาขออ่านอย่างเต็มที่ ถ้าจะสอบตกก็คือตก ไอส์ไตน์ยังสอบตกฉันใดปุถุชนธรรมดาเช่นเขาก็สอบตกได้ฉันนั้น... คิดแล้วเศร้าเอง...พุธนั่งไว้อาลัยให้กับตนเองหนึ่งวิก่อนจะเริ่มอ่านสอบต่อ สมาธิจดจ่อกับตัวหนังสือจนกระทั่งศีรษะของเขาค่อย ๆ เลื้อยลงไปแปะกับหน้ากระดาษ หลับตา กรนออกมาเบา ๆ ตอนที่รีดอาบน้ำเสร็จออกมาพบเข้า เด็กหนุ่มอเมริกันยืนอึ้งไปนิดก่อนจะหัวเราะแบบไม่มีเสียง ริมฝีปากบางระบายยิ้มกว้าง เท้าแขนกับโต๊ะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู วันเวลาร่วมสามปีทำให้เวนส์เดย์น้อยของเขาเปลี่ยนไปไม่น้อย ร่างที่สูงจนเขาแทบไม่ต้องก้มหน้า ผิวสีงาช้างที่คล้ำแดดดูจะเป็นสีน้ำผึ้งกว่าเก่า ผมที่ตัดสั้น โครงหน้าที่เปลี่ยนไปจนไม่ทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิดได้อีกแน่ ๆ ว่าเป็นเพศไหน แต่ดวงตาที่จริงใจเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มที่ต่อให้เห็นผ่านรูปภาพหรือโปรแกรมอินเตอร์เน็ตไม่ว่าอย่างไรก็สู้ตัวจริงไม่ได้ เขาก้มลงช้า ๆ จนใกล้จะถึงแก้มเนียนก่อนจะชะงักเพียงไม่กี่เซนติเมตร หลับตาสูดกลิ่นหอมของสบู่ก้อนเดียวกันแต่กลับหอมยิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนตัวของพุธ “เวนส์เดย์...พุธ” อย่าเพิ่งรีด...ยังไม่ใช่ตอนนี้... เขายืนขึ้นเต็มความสูง นับหนึ่งถึงสิบก่อนจะปั้นรอยยิ้มเขย่าตัวปลุกเพื่อนขึ้นมา “มาหลับอะไรตรงนี้ ไปนอนที่เตียงเถอะ” รีดหัวเราะเมื่อเห็นหมึกดินสอสีดำเปื้อนหน้าของอีกฝ่ายกระจายเต็มหน้าซีกขวา “หืม? อะไร น้ำลายฉันไหลเหรอ?” พุธรีบใช้แขนเสื้อปาดลุกลี้ลุกลน “เปล๊า” รีดหัวเราะขึ้นเสียงสูง นัยน์ตาสีเขียวฉายแววล้อเลียนชัด “ก็แค่ว่าหน้านายเป็นลายพร้อยแค่นั้นแหละ” เด็กหนุ่มผมดำอุทานลั่น รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที คืนนั้นกว่ารีดจะหลับก็เกือบค่อนคืนเพราะมัวแต่นอนอมยิ้มอยู่นั่นเอง วันรุ่งขึ้นพุธตื่นขึ้นมาแต่เช้า หันไปเห็นเพื่อนหัวแดงยังนอนอ้าปากกรน คร่อก ๆ ก็ค่อย ๆ ย่องออกจากห้องลงไปเตรียมอาหารเช้าไว้ เดาว่าคอลินกับเบรนท์เองก็คงยังไม่ตื่นเช่นกัน สองรายหลังอาจจะอาการหนักยิ่งกว่ารีดเพราะเมื่อวานไม่มีอาการเจ็ทแล็กเลยแต่วันนี้อาจจะเป็นขึ้นมาก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงหยิบยามาเตรียมไว้ ทิ้งโน้ตบนโต๊ะกินข้าวเผื่อมีใครตื่นลงมาระหว่างเขาไม่อยู่ แต่พอกลับมาก็ยังไม่มีใครตื่นอยู่ดี นี่ถ้ามีขโมยขึ้นบ้านก็คงไม่ได้ยินกันสินะ...เขาถอนหายใจ วางถุงโจ๊กบนโต๊ะแล้วเดินขึ้นบันไดไปเคาะประตูเรียกสามหน่อ ตั้งโต๊ะสักพักคัลเลอร์เรนเจอร์ก็เดินลงมาในสภาพยังไม่อาบน้ำสักคน “นี่ได้ล้างหน้าแปรงฟังกันหรือยังเนี่ย?” พุธทักอย่างขำ ๆ “เวนส์เดย์น้อย ฉันปวดหัวจัง” เบรนท์เดินมากอดเขาพูดเสียงอู้อี้ ก่อนที่เขาจะได้ปลอบเพื่อนขี้อ้อนตอนป่วยร่างของเบรนท์ก็โดนรีดกระชากคอเสื้อออกมาแล้วยัดยาเข้าปาก “ปวดหัวเหรอ? งั้นกลืนยาเข้าไปสิ” เขากลืนน้ำลายเอื้อก มองภาพเพื่อนผมแดงพูดเสียงเหี้ยมอย่างกลัว ๆ เมื่อคืนตอนเขาหลับไปแล้วสองคนนี้ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่านะ? “อรุณสวัสดิ์ นี่อะไรเหรอเวนส์เดย์?” คอลินมองโจ๊กที่โรยปาท่องโก๋อย่างสงสัย เขาเลยละสายตาจากคู่มวยปล้ำยามเช้ามาอธิบาย “ถ้ารสอ่อนไปจะปรุงก็ได้นะ ตามสบาย” เขาหยิบน้ำปลากับพริกไทยมาโรยเป็นตัวอย่าง อธิบายให้ทั้งสามฟังว่าอะไรคืออะไร “ฉันคิดว่าคอลินกับเบรนท์อาจจะเจ็ทแล็กดีเลย์เลยเตรียมอาหารอ่อน ๆ ไว้น่ะ ฉันซื้อมาอีกสองถุงเผื่อใครไม่อิ่มนะ” หลังจากนั้นเขานึกว่าจะได้กินอย่างสบายใจแต่ก็ไม่ “เบรนท์ อย่าหลับตากินสิ!” “คอลิน หยุดทดลองปรุงก่อนที่อาหารจะกินไม่ได้ได้แล้ว!” “รีด! อย่าเขี่ยผัก!” ให้ตายเถอะ ทำไมเขารู้สึกเหมือนเป็นแม่ลูกสามเลยวะ?! “เวนส์เดย์ดุจัง” เบรนท์อมช้อนเงยหน้ามองเขาเหมือนเด็ก ๆ แต่ให้ตายเถอะ เอ็งลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าเอ็งมันเด็กโข่งฮะไอ้เบรนท์! “อย่ากัดช้อนเบรนท์” เขาตอบเสียงเรียบ “ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาภาพเฟสเตอร์กับติงคนดังของอดัมส์ แฟมิลี่นอนถอดเสื้อกอดกันร่อนไปทั่วเว็บโรงเรียนพวกนายแน่” คอลินกับรีดสำลักทันที “นะ นายว่าไงนะเวนส์เดย์!” หนุ่มผมฟ้าเบิกตากว้าง “ไม่ต้องห่วงนะคอลิน ฉันจะเซ็นเซอร์คาดตาให้นายนะถึงแม้ว่าพอคนเห็นผมสีฟ้าของนายจะจำได้ทันทีก็เถอะ” เขายิ้มอย่างสะใจที่ได้แก้เผ็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง อันที่จริงเขาไม่ได้ถ่ายไว้หรอกแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ ลูกผู้ชาย สิบปีล้างแค้นยังไม่สาย! ใครใช้ให้สามคนนี้ชอบ ‘เซอร์ไพรส์’ เขานักล่ะ! พุธยังจำความแค้นที่สามคนนั่นทำกับเขาไม่หาย ไหนจะให้ชุดผู้หญิงเป็นของขวัญวันเกิด ตอนวันฮาโลวีนก็บังคับให้เขาใส่ชุดเวนส์เดย์ พอชนะแข่งทีไรก็ชอบจับตัวเขาโยนบ้างล่ะ ผลัดกันอุ้มเขาแห่รอบบ้างล่ะ อยากจะตะโกนว่าตรูไม่ใช่แมวเฟ้ย ไม่ต้องแห่! “เดี๋ยวฉันจะอ่านหนังสือ พวกนายจะทำอะไรล่ะ?” เขาถาม “สภาพอย่างนี้คงซ้อมกันไม่ไหวหรอก คงอยู่บ้านนี่แหละ” รีดเป็นคนตอบ มองใบหน้าซีดเซียวของคอลินกับเบรนท์ก็พยักหน้าเข้าใจ ดังนั้นพอจบมื้อเช้าเขาจึงบอกให้ทั้งหมดกลับไปพักผ่อน อย่างไงเสียเขาก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำขนาดจะใช้งานคนป่วยล้างจานหรอกแต่หนุ่มผมแดงก็อาสาจะช่วย “มองอะไร?” หรือบนหน้าเขามีเลขหวยโผล่ขึ้นมา? รีดยิ้ม “แค่กำลังคิดว่าในสไกป์สู้ตัวจริงไม่ได้น่ะ” “หล่อกว่าเดิมใช่ไหมล่ะ” เขายักคิ้ว อีกฝ่ายหัวเราะพยักหน้า ฮึ ๆ ขนาดรีดยังยอมรับทีนี้พอกลับไปแคลิฟอร์เนี่ยพวกสาว ๆ ก็จะเห็นหัวเขาบ้างเสียที! “สูงขึ้นเยอะเลยด้วย ถึงบ่าฉันแล้วนะ แต่ก่อนยังแค่อกเอง” “ฉันฟิตดื่มนมออกกำลังกายจะตายนี่นา แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เท่าพวกนายอยู่ดี” เขาพูดอย่างน้อยใจนิด ๆ เหมือนรีดจะสังเกตเห็นเช่นกันจึงใช้มือขยี้ผมเขาเบา ๆ “เอาเป็นว่านายสูงมาตรฐานส่วนพวกฉันสูงเกินไปเองดีไหม?” เขาหัวเราะ “ช่าย~ พวกนายมันสูงเกิน!” “แต่ระดับสายตาเปลี่ยนไปแบบนี้ไม่ค่อยชินเลยแฮะ” รีดบ่นเล็กน้อย วางจานใบสุดท้ายลง ทั้งสองประสานสายตากัน นี่ถ้าเป็นนิยายโรแมนซ์ฉากนี้อาจจะบรรยายต่อว่า ‘ร่างสูงค่อย ๆ โน้มตัวลงมาขณะที่ร่างบางพริ้มตาเงยหน้าอย่างคาดหวังก่อนที่สัมผัสอุ่นจะแนบลงมาที่ริมฝีปากของเธอ’ เอาล่ะ โปรดสังเกตว่าในประโยคที่บรรยายคือ ‘เธอ’ แต่ ‘เขา’ นายพุธ เป็นผู้ชายดังนั้นสิ่งที่กล่าวไปข้างบนจึงไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ “กระนายก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นนะ?” เขาวิจารณ์ก่อนหันกลับมาล้างมือให้สะอาดแล้วเอามือป้าย ๆ กับขากางเกง “นายก็ขึ้นไปนอนต่อเถอะ ไว้ข้าวเที่ยงเสร็จแล้วจะเรียกนะ” รีดนั่งเปิดอินเตอร์เน็ตค้นฮาวทูประเภททำอย่างไรจะสร้างบรรยากาศได้อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาไม่เข้าใจริง ๆ ทำไมเวนส์เดย์ของเขาถึงไม่เคลิ้มตามเลยล่ะ?! จ้องตาบอกความในใจความนั้นแล้วแท้ ๆ หรือว่าเขาจะยังสื่อไม่พอ? เขาไม่เข้าใจ! ปฎิกิริยามันไม่ควรจะเป็น ‘กระนายก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นนะ?’ สิ! “ไอ้รีด เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกพิมพ์ก๊อกแก๊กเสียทีวะ หนวกหูโว้ย!” เบรนท์ที่นอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นโวยวาย ไอ้ที่ใช้อยู่นั่นมันก็ของเขานะ! “คอลินยังไม่เห็นพูดอะไรเลย” หนุ่มผมแดงสวนกลับ พยักเพยิดไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียงหันหลังให้พวกเขานิ่ง “ไปนั่งกับเวนส์เดย์เซ่ จะมาอยู่นี่ทำไม!” เมื่อเถียงไม่ได้หนุ่มผมเขียวก็ใช้วิธีขับไล่แทน “ไม่ได้” ถ้าฝ่ายนั้นรู้ก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ! “ชอบก็บอกเค้าว่าชอบไปสิวะไอ้รีด เดี๋ยวถ้าม.ค.ป.ด.ขึ้นมาจะหัวเราะให้ฟันหัก!” “หนวกหูน่า ใครบอกว่าฉันจะไม่บอกล่ะ ก็แค่กำลังรอเวลาต่างหาก!” รีดแย้ง “ฉันรักของฉันมาตั้งแต่เกรด 6 เรื่องอะไรจะยอมล่ะ!” “งั้นก็สารภาพเสียทีสิวะ!” “ก็บอกว่ารอก่อน!” “เงียบเสียที!” คอลินที่ทนไม่ไหวหันมาตวาด ส่งสายตาหงุดหงิดเต็มที่ก่อนจะล้มตัวลงนอนใหม่ สองหนุ่มหันมามองหน้ากัน เบรนท์เอ่ยลอดไรฟัน “บอกไว้ก่อนนะ ถ้าฉันยังไม่หายปวดหัวก่อนวันพรุ่งนี้จนต้องอดเที่ยวไปอีกวันฉันจะแย่งจีบเวนส์เดย์!” รีดมองเพื่อนที่ทิ้งตัวนอนคลุมโปงอย่างตกใจก่อนจะนึกได้ว่านั่นแค่คำขู่ ไม่ได้หมายความว่าเบรนท์จะชอบเวนส์เดย์ของเขาเสียหน่อยจึงลุกขึ้นไปยันเสียหนึ่งป้าบแล้ววิ่งถือเน็ตบุ๊คออกจากห้องไป TBC. -------------------------------------------------------- จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ต่ายเขียนเพราะจะเอาลงในหนังสือ No limit น่ะค่ะ แต่ตอนนั้นหน้ามันขาดแล้วยืดเรื่องไม่ได้เลยโละอันนี้ทิ้งไปเอาอีกเรื่องแทน (ใครสงสัยว่ามันคือหนังสืออะไรจิ้มแบนเนอร์ที่ลายเซ็นต่ายได้เลยค่ะ) อีกอย่างคือพี่ติงว่าอย่างพี่เค้าไม่รู้จักอดัมส์แฟมิลี่อ่านไปแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องนิดหน่อยเลยไม่ใช่ดีกว่าน่ะค่ะ ถ้าใครไม่รู้จัก อดัมแฟมิลี่ จิ้มนี่ค่ะ => http://en.wikipedia.org/wiki/The_Addams_Family ส่วนอันนี้การผจญภัยของบิลลี่และแมนดี้ => http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%...%B8%B5%E0%B9%89 สารภาพว่าพยายามจะแต่งให้ได้สำนวนเหมือนเรื่องแปลแบบคุณ October ค่ะแต่ก็ได้แค่นี้แหละ พยายามเขียนยังไงสำนวนตัวเองก็ยังโผล่ออกมาอยู่ดี ไม่รู้จะว่าดีหรือไม่ดีดีนะที่รู้ตัวว่ามีเอกลักษณ์กับเค้าอยู่ด้วยเนี่ย เรื่องนี้จะมีสามตอนจบนะคะ ส่วนตอนพิเศษยังอยู่ในขั้นดำเนินการ ;p หวังว่าจะชอบกันนะคะ ^^ ต่ายชอบอดัมส์แฟมิลี่มากมาย ส่วนบิลลี่แมนดี้นี่เฉย ๆ แต่ถ้ามีก็ดูค่ะ 555+
เป็นกำลังใจให้รีด บอกรักพุธให้ได้นะ :กอด1: :กอด1:
รีด กล้าหน่อยๆ :กอด1:
สำนวนแนวหนังสือแปลเลยอ่ะ พุธน่ารักจัง ^^
รีด ถ้าจะแป่วววว
รีดจะกล้าพอมั้ย เรียกพุธว่าเวนส์เดย์แล้วความน่ารักเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว > < อ่านแล้วอยากกลับไปนั่งดูอดัมแฟมิลี่
รีดบุก !!!
จิ้มไว้ก่อน~~ เห็นชื่อเรื่องแล้วไอนึกถึงหนังเรื่อง One Day น่ะ (((o(*゚▽゚*)o)))
เป็นกำลังใจให้รีด บอกรักพุธให้ได้นะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: ขอบคุณที่มาให้กำลังใจนะคะ คนแรกเลย~รีด กล้าหน่อยๆ :กอด1: :กอด1: เขาหนุ่มขี้อาย (?!) ค่ะ 555+สำนวนแนวหนังสือแปลเลยอ่ะ พุธน่ารักจัง ^^ ขอบคุณค่ะ พยายามจะลองแต่งแนวนี้ดูบ้าง ติดใจจากฝีมือของคุณ October เค้า ไม่รู้คุณบลูด๊อกเคยอ่านมั้ย ต่ายว่าเค้าเป็นคนที่เขียนแนวสำนวนแปลได้สนุกน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ><รีด ถ้าจะแป่วววว 555+ตายละ เห็นแววแป้กขนาดนั้นเลยสินะคะเนี่ย แต่ถ้าจบแบบนั้นมันจะแซดเอนดิ้งนี่สิ~รีดจะกล้าพอมั้ย เรียกพุธว่าเวนส์เดย์แล้วความน่ารักเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว > < อ่านแล้วอยากกลับไปนั่งดูอดัมแฟมิลี่ เรื่องอดัมส์แฟมิลี่ต่ายว่าเป็นการ์ตูนคลาสสิกที่น่ารักดีนะคะ คือถ้าเทียบกับของสมัยนี้แล้วต่ายว่ามันดูป.ญ.อ.น้อยกว่าหน่อย (แต่ก็ไม่ควรให้เด็กดูนักเพราะครอบครัวนี้มันเอาใช้ชีวิตจริงไม่ได้นี่สิ เดี๋ยวเด็กน้อยเลียนแบบล่ะยุ่งเลย)รีดบุก !!! วี้ดบู้ม~! Q(>w< )oจิ้มไว้ก่อน~~ เห็นชื่อเรื่องแล้วไอนึกถึงหนังเรื่อง One Day น่ะ (((o(*゚▽゚*)o))) :กอด1: เรื่องนั้นต่ายยังไม่เคยดูเลยอ่ะแต่อยากดูนะ ดูโรแมนติกดี (แต่กว่าจะมีเวลาหนังก็ออกจากโรงไปแล้วทุกที orz)
“อ้าว ไม่นอนเหรอ?” เขาชะงักเท้าเล็กน้อยเมื่อเจอร่างของเด็กหนุ่มไทยนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะอาหารทักขึ้นมา พุธเงยหน้าส่งยิ้มเนือย ๆ มาให้ ท่าทางอ่อนล้าเต็มทีหลังจากนั่งอ่านมาร่วมสามชั่วโมง “หิวหรือยัง? เดี๋ยวฉันจะลุกไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละ” นัยน์ตาสีนิลเบือนหนีเขาไปอีกทาง ลุกขึ้นยืนบิดกายแล้วคลึงขมับ “เดี๋ยวฉันทำเอง นายบอกเมนูมา” พอเห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของอีกฝ่ายรีดก็อาสาทันที เด็กหนุ่มผมดำเลิกคิ้ว รีด? ทำอาหาร? คนที่เปิดแก็สไม่เป็นจนแทบจะทำให้ครัวบ้านเขาไฟไหม้เนี่ยนะ? “คนเราก็ต้องมีการพัฒนาบ้างสิ” รีดรีบแก้ตัวเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือชัดเจนจากดวงตาสีนิลตรงหน้า “ถ้านายพูดอย่างนั้น...” แต่เพื่อความปลอดภัยเข้าไปดูด้วยดีกว่า... ภาพคนตัวสูงพยายามผัดผักอยู่สุดความสามารถ มือถือตะหลิวกำจนขึ้นข้อขาว คิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับกำลังรบกับใครทำเอาเขากลั้นหัวเราะแทบตาย “เฮ้ เบา ๆ หน่อยเดี๋ยวกระทะบ้านฉันพังกันพอดี” เขาแซว เสียงกระทบกันของตะหลิวกับกระทะก็ไม่ได้ดังขนาดนั้นแต่พอเห็นเพื่อนเครียดขนาดนั้นเขาก็อดไม่ได้ “ขอโทษ” รีดยิ้มเขิน ๆ “ได้ที่แล้วมั้ง? เอาขึ้นเถอะ” เขาเดินชะโงกหน้าไปดูเล็กน้อย แต่ในจังหวะนั้นน้ำมันกลับกระเด็นขึ้นมาโดนหน้าเขาพอดี ร่างของพุธลอยหวือไปที่อ่างล้างจานข้าง ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ร้องโอ๊ยจบเสียอีก ชายเสื้อยืดชุ่มน้ำถูกดึงขึ้นไปประคบบนใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน “เจ็บหรือเปล่า? ต้องทายาไหม?” รีดถามรัวอย่างร้อนใจ พุธเบี่ยงตัวเอื้อมไปปิดปิดก๊อกน้ำที่ถูกเปิดค้างไว้ตอบว่าไม่ “แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกรีด ดูสิเสื้อนายเปียกหมดเลย” “แต่หน้านายอาจจะเป็นแผลเป็นได้นะ” หนุ่มผมแดงไม่ยอมแพ้ ประคองใบหน้าของคนตรงหน้าขึ้นดูอย่างพินิจ “แดงเลยดูสิ” พุธรู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นึกถึงประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ขึ้นมาโดยบังเอิญเขากลับจากเดินไปหยิบชีทเพิ่ม‘ฉันรักของฉันมาตั้งแต่เกรด 6 เรื่องอะไรจะยอมล่ะ!’ เกรด 6 เลยงั้นเหรอ? รีดคนนี้เนี่ยนะชอบเขามาตั้งแต่พวกเขายังตัวกะเปี๊ยกกัน? พุธไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะในตอนนั้นสมองของเขายังเต็มไปด้วยเรื่องของกินกับเกมส์ด้วยซ้ำ พอเริ่มเข้าวัยรุ่นเขาเคยมานั่งนึกดูดี ๆ ก็พบว่าการกระทำที่รีดทำกับเขามันต่างกันกับที่มีกับคอลินและเบรนท์จริง รีดไม่เคยขัดใจเขา ไม่เคยยอมให้ใครมาแตะตัวเขาง่าย ๆ กับเพื่อนอีกสองคนรีดจะพูดคำหยาบอย่างคล่องปากต่างจากเขาที่แทบจะไม่หลุดออกมาเลย ทุกสิ่งทุกอย่างบ่งชี้ว่าเขาเป็นบุคคลพิเศษ...แสดงว่าเขาไม่ได้หลงตัวเองไปเองสินะ ฮะ ๆ แต่ปุจฉา...รู้แล้วเขาจะทำอย่างไงต่อ? วิสัสชนา...ไม่รู้ มนุษย์คู่แรกบนโลกมันอดัมกับอีฟนะเฟ้ย! ต่อให้เป็นเด็กยุค 2012 ที่โลกมันเปิดกว้างไร้พรมแดนแต่จู่ ๆ จะให้เขาทำตาปิ๊ง ๆ พยักหน้าตอบตกลงด้วยความซาบซึ้งพอรู้ว่าเพื่อนสนิทเพศเดียวกันมาชอบเนี่ยมันใช่เรื่องไหม?! ไปบอกให้ปารีส ฮิลตันเลิกออกงานสังคมให้ได้ก่อนเถอะ! “หน้านายแดงจัง!” รีดอุทาน “โดนลวกตรงไหนอีกเหรอ?!” “อยู่ใกล้เตาไฟมันเลยร้อนเฉย ๆ น่ะ” พุธได้สติ รีบดึงมืออีกฝ่ายออกแล้วเดินไปหยิบจานไข่เจียวที่ทอดเสร็จก่อนแล้วขึ้นมา “ฉันเอาไปวางก่อนนะ นายก็รีบตักผัดผักขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวไหม้หมดหรอก” เท่านั้นเองหนุ่มผมแดงก็รีบช่วยชีวิตผัดผักจานแรกในชีวิตขึ้นมาอย่างเร่งด่วนทันที เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรเด็กหนุ่มผมดำเลยตัดสินใจปล่อยไปตามยถากรรม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่เคยได้ยิน เอาไว้ถ้ารีดมาสารภาพรักกับเขาจริงเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน บางทีระหว่างอยู่ที่ไทยเพื่อนหัวแดงของเขาอาจจะไปตกหลุมรักสาวไทยสักคนก็ได้ วันอาทิตย์ก็ผ่านไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษ สามหนุ่มอิมพอร์ตก็นั่งนอนกลิ้งเกลือกเล่นในบ้านเขาเพราะติดพันอยากเคลียร์เกมส์ให้จบเลยเปลี่ยนแผนไม่ออกข้างนอก พอวันจันทร์สอบเสร็จเขาก็ปฎิเสธที่จะไปต่อกับพวกเพื่อนที่โรงเรียนเพื่อมาหาข้าวหาปลาให้สมาชิกอดัมส์ แฟมิลี่กิน ทำไมผ่านมาแค่สามวันแต่เขาชักเหมือนแม่บ้านขึ้นทุกทีแฮะ...ซื้อของเข้าบ้าน ทำอาหาร ปลุกพวกรีด แจกจ่ายงานบ้าน คอยตามเช็กความเรียบร้อย... แม่บ้านชัด ๆ! “ฉันว่าตั้งแต่พวกนายมานี่ฉันเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกวันแล้วนะเนี่ย” เขาบ่นกับรีดระหว่างนั่งดูทีวีขณะที่คอลินกับเบรนท์ซึ่งไม่มีส่วนช่วยทำอาหารไปล้างจานกันอยู่ “หรือนายอยากเป็นพ่อบ้านล่ะ?” เขาย่นจมูกกับคำแซวนั้น “ไม่เอาล่ะ นั่นตำแหน่งนายต่างหาก” รีดหัวเราะ “ฮะ ๆ ใช่สินะก็ฉันมันเลิร์ชนี่นามีหน้าที่ต้องฟังคำสั่งของคุณหนูเวนส์เดย์จริงไหม?” “ช่าย~ ดังนั้นต่อไปนี้ฉันขอแต่งตั้งให้นายเป็นพ่อบ้านประจำบ้านหลังนี้เข้าใจไหม?” เขาเล่นตามอย่างนึกสนุก มือกอดอกเชิดหน้าขึ้นพยายามวางมาด “คำสั่งแรกคือฉันต้องการน้ำ” “ขอรับ” รีดลุกขึ้นยืนโค้งก่อนจะไปรินน้ำมาให้ “คุณหนูมีบัญชาอะไรอีกไหมขอรับ?” “อืม ฉันปวดคอ มานวดให้หน่อยสิ” เสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบเมื่อฝ่ามือหนาเริ่มนวดให้ ความเจ็บแปลบปะปนกับรู้สึกดีคละเคล้ากันไปแต่ก็ทำให้หายเมื่อยไม่น้อย “มือนายร้อนดีจัง” เขาครางอย่างมีความสุขเมื่อเริ่มรู้สึกสบายตัวขึ้นเรื่อย ๆ “ไว้คืนนี้นวดให้อีกไหมล่ะ? เอาตรงอื่นด้วยก็ได้” รีดพูดอย่างดีใจ ในสมองนึกถึงตัวอย่างสร้างบรรยากาศข้อหนึ่งที่บอกว่าการนวดตัวให้ก็ช่วยได้เช่นกัน ยิ่งถ้ากดจุดดี ๆ จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเคลิ้มได้ไม่ยากด้วย “ไม่เป็นไรเกรงใจนาย” แต่จะได้ผลถ้าคู่ของคุณไม่ปฎิเสธคุณเสียก่อน... “ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจ” รีดยังไม่ละความพยายามแต่ประเด็นคือพอรู้ว่าเพื่อน...กูรักมึงว่ะแบบเมฆกับอิฐ (ขอออกตัวว่าพุธน้อยคนนี้เคยดูแค่เทรลเลอร์เท่านั้น) เขาก็ชักลังเลขึ้นมา “ตอบแทนที่พวกเราเข้ามาอาศัยบ้านนายไง” พุธมองรอยยิ้มตรงหน้าอย่างสองจิตสองใจก่อนจะยักไหล่ว่าไงว่าตามกัน อย่างไงเสียรีดก็คงไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้นหรอก เขาคิดไม่ผิด...มือของรีดนี่มันก๊อดแฮนด์ชัด ๆ พุธครางขณะนอนคว่ำให้เพื่อนนวดให้ น้ำหนักที่ลงบวกกับความร้อนจากมือทำให้เขาชักไม่อยากให้พ่อบ้านประจำตัวกลับแคลิฟอร์เนียเลย ทำไมเขาไม่ค้นพบพรสวรรค์ของรีดตั้งแต่ตอนอยู่ที่นู่นนะ! ฝั่งคนนวดก็ดีใจที่ทำให้เวนส์เดย์ของเขาเคลิ้มสำเร็จ นึกทบทวนคำว่าจะพูดอะไรบ้าง อ้าปากจะพูด “เวนส์...” แต่ก็โดนมือถือขัดจังหวะขึ้น! “เดี๋ยวนะ” นัยน์ตาสีนิลมองมาอย่างขอโทษขอโพย ลุกขึ้นนั่งรับสาย “อืม ว่าง ๆ คุยได้” หนุ่มหัวแดงนั่งกอดอกหน้าบูดที่โดนขัดจังหวะ ในใจสบถด่าคนที่รบกวนอย่างถึงลูกถึงคน จนสะใจก็เริ่มด่าตนเองต่อที่ไม่หัดเรียนภาษาไทยไว้เลยฟังไม่ออกสักคำว่าทำไมเวนส์เดย์ของเขาถึงดูร่าเริงขนาดนั้น ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่วางสาย...อารมณ์ที่คุกรุ่นจนมอดเริ่มปะทุอีกครั้ง รีดเดินออกไปที่ระเบียงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ นัยน์ตาสีเขียวเหมือลอยไปยังท้องฟ้าที่เห็นดาวเพียงไม่กี่ดวง พระจันทร์ทอแสงเลือนรางผ่านหมู่เมฆลงมา ควันสีขาวลอยคว้างอยู่กลางอากาศเพียงครู่เดียวก่อนจะจางหายไป เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นแต่เขาไม่คิดจะหันไปมอง “เริ่มสูบตั้งแต่เมื่อไหร่?” พุธถามด้วยเสียงราบเรียบ ปลายบุหรี่แดงวาบก่อนที่รีดจะตอบว่าเมื่อปีที่แล้ว “แล้วคอลินกับเบรนท์ล่ะ?” “ก็ลองพร้อมกัน” “ติดหรือเปล่า?” “ไม่” “งั้นเลิกได้ไหม?” รีดหันมาสบตากับแววตาจริงจังข้างกาย “ได้” เขาดับบุหรี่ทันที เลิร์ชไม่เคยขัดใจเวนส์เดย์อยู่แล้ว... พวกเขายืนกันเงียบ ๆ ก่อนที่พุธจะเป็นฝ่ายพูดก่อน “เครียดอะไร?” รีดแค่นหัวเราะ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” “คนสูบบุหรี่มีสองอย่างคือติดกับเครียด” เด็กหนุ่มไทยเหลือบมองเพื่อนอย่างท้าทาย “หรือนายว่าไงล่ะ?” “...ไม่มีอะไรหรอก” “โกหก...” พุธถอนหายใจ เขาเริ่มรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่เพิ่งสังเกตได้ “ดูเหมือนช่วงเวลาสามปีนี่จะมากพอที่จะทำให้นายมีความลับกับฉันแล้วสินะ” รีดส่ายหน้า อ้าปากจะปฎิเสธแต่ก็โดนดักคอ “ห้ามบอกว่าเปล่า ขนาดเรื่องพวกนายลองสูบบุหรี่ฉันยังรู้ดีเลย์มาตั้งหนึ่งปีเลยทั้งที่พวกเราคุยสไกป์กันเกือบทุกอาทิตย์” เขาท้าวคางลงบนระเบียง สายตามองไปยังบ้านฝั่งตรงข้ามที่ปิดไฟมืด อดจะถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้ “นี่รีด นายมีอะไรจะบอกฉันอีกไหม?” เขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรกับคำถามนี้
หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดจากอก มองดวงตาที่มองมาที่เขาอย่างไม่หลบหลีก หรือว่าเวนส์เดย์ของเขาจะรู้? แต่ก็ไม่น่า...ที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ไม่เคยจะสังเกตรับรู้เลยนี่นา... “ว่าไง?” คนตรงหน้าเขาถามซ้ำ เอาอย่างไรดีล่ะรีด ไมเออร์? โอกาสมาอยู่ตรงหน้าเอ็งแล้วนะเฟ้ย! “เวนส์เดย์...ฉัน...” เขากำมือที่เริ่มชื้นเหงื่อแน่นแล้วคลายเรียกกำลังใจให้ตนเอง “ฉัน...” เขาเว้นช่วงไว้นานมากจนพุธถอนหายใจเฮือก พูดว่า “นับ 1 – 3 ถ้าไม่พูดฉันจะไม่ฟังอีกแล้วนะ” “ฉันชอบนาย!” รีดพูดเร็วปรื๋อ หลับตาปี๋รอคำพิพากษา “ก็แค่นี้แหละ” หา? เขาลืมขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “อะไรล่ะ? ก็แค่นี้ไง ฉันขี้เกียจรอลุ้นแล้วนี่นาว่านายจะบอกเมื่อไหร่” พุธยื่นปากล่างอย่างงอน ๆ “นายรู้? ได้อย่างไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงงุนงงชัด “เมื่อวันเสาร์ เผอิญได้ยินนายคุยกับเบรนท์พอดีน่ะ” พุธรีบแก้ตัว “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังจริง ๆ นะ” เด็กหนุ่มอเมริกันพยักหน้าเข้าใจ ขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด “แล้ว...คำตอบล่ะ?” ให้ตาย ตอนฟังประกาศผลการแข่งเขายังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย! “ติดไว้ก่อนได้ไหม?” พุธส่งยิ้มให้เขา อธิบายว่า “รีด ฉันกับนายเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานจู่ ๆ จะให้ฉันเปลี่ยนสถานะนายทันทีแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ มันเร็วเกินไป” เขานิ่ง รับฟัง “ฉันสัญญาว่าจะลองพิจารณานายดู โอเคไหม?” “จริง ๆ นะ นายจะลองคิดดูจริง ๆ นะ” ถึงแม้จะไม่ตอบรับหรือปฎิเสธแต่เพียงเท่านี้เขาก็ดีใจแล้ว ตัวพุธนั้นพอได้ยินคำสารภาพของเพื่อนเขาก็ลองพิจารณาความรู้สึกของตนเองดู เขาไม่ได้รังเกียจหรือขยะแขยง หัวใจอาจจะเต้นรัวแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้เขาตอบตกลงเป็นแฟนได้ ตัวเขาอาจเป็นคนความรู้สึกช้าแต่เขาก็ไม่อยากเร่งรัดอะไร ค่อย ๆ ปล่อยให้พวกเขาได้ศึกษากันและกันไปแบบนี้อีกสักพักดีกว่า “แต่บอกไว้ก่อนนะว่าระหว่างนี้ห้ามไปมีกิ๊ก อย่าลืมว่าฉันมีสายนะ” เขาพูดยิ้ม ๆ รีดหัวเราะ “เอาหัวคอลินเป็นประกันเลยเอ้า!” “เบรนท์มันคงเสียใจแย่ที่ไม่มีค่าพอจะเอามาเป็นประกันด้วยซ้ำ” เขาหัวเราะตาม “ช่างมันสิ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า” รีดกุมมือเขาไว้ “เนียนนะ ใครอนุญาตให้จับเนี่ย” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ชักมือกลับ “ไม่มีต้องพูดอะไรหรอกรีด ปล่อยให้มันไปเรื่อย ๆ เถอะ” “อืม เป็นไปเรื่อย ๆ” หนุ่มผมแดงพึมพำ กระชับฝ่ามือ เขาหันไปส่งยิ้มให้บีบมือตอบก่อนจะยืนดูพระจันทร์กันเงียบ ๆ “รีด” “หืม?” “สัญญานะว่าจะรอฉัน” เขากลัวว่ารีดจะเบื่อเสียก่อน... “รอมาตั้ง 6 ปีแล้วจะรอต่ออีกหน่อยจะเป็นอะไรล่ะ?” รีดยิ้ม ปัดเป่าความกังวลของเขาไปจนหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมารีดยังคงปฎิบัติกับเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป มีแต่เขาเท่านั้นที่เปลี่ยน อืม...ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนี่นะ? พุธวิเคราะห์ตนเองขณะนั่งมองเพื่อนทั้งสามซ้อมอยู่ที่สนาม ผมสีแดงปลิวท้าลมเด่นท่ามกลางผมดำและน้ำตาลประปราย อันที่จริงก็มีสีเขียวแวบไปแวบมาอยู่ด้วยเช่นกัน เด่นกว่าสีแดงอีกด้วยซ้ำส่วนสีฟ้านั้นกำลังนั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้าง ๆกันนี่เอง “พวกนายเก่งขึ้นเยอะเลย” เขาชม “ก็นะ เสียดายที่นายไม่เล่นด้วยกัน” คอลินตอบ เขายิ้มแหย “ถ้าให้ฉันขึ้นไปท้าแรงโน้มถ่วงอย่างนั้นคงได้หน้าคะมำลูกเดียว” พุธยังจำภาพเหตุการณ์การลองครั้งแรกของตัวเองได้เป็นอย่างดี กับแค่ทรงตัวให้อยู่บนบอร์ดเฉย ๆ เขายังทำไม่ได้เลยประสาอะไรกับไถลขึ้นไปตามทางลาดแบบนั้นล่ะ คอลินหัวเราะ “แต่นายก็เรียนเก่งกว่าพวกฉันนะ” “เฉือนชนะนายคะแนนเดียวแถมยังเป็นเพราะเดาถูกเนี่ยนะ?” เขาส่ายหน้า คนที่เพอร์เฟ็คสุด ๆ อย่างคอลินนี่มันน่าอิจฉาน้อยเมื่อไหร่ ทั้งหน้าตา เรียนเด่นกีฬาเลิศแถมยังนิสัยดีสุด ๆ อีก ขนาดเขาเองยังปลื้มเลย “คุยอะไรกันอยู่น่ะ?” เงาร่างสีดำทาบทับมาที่เขา รีดยืนยิ้มหอบเบา ๆ อยู่ เขายื่นผ้าขนหนูส่งให้ซับเหงื่อ เพราะเป็นสนามกลางแจ้งทำให้หนุ่มอิมพอร์ตทั้งสามเต็มไปด้วยเหงื่อ ถ้าเทียบกับแคลิฟอร์เนียแล้วออกจะเอาการกว่าเพราะความร้อนระอุที่แฝงตัวอยู่ในอากาศนั่นเอง “เบรนท์ยังบ้าพลังซ้อมไม่เลิกเลยแฮะ” เขาทัก รีดส่ายหน้า “ปล่อยมันไปเถอะ อ๊ะขอบคุณ” “ไม่เป็นไร” คอลินตอบหลังยื่นน้ำส่งให้แล้วลุกขึ้นบอกว่าจะไปซ้อมต่อพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนให้เพื่อนผมแดงชัดเป็นเชิงว่าเปิดโอกาสให้แล้วนะ พุธเองก็เห็นเช่นกันทว่าไม่เห็นสีหน้าของเลิร์ชร่างยักษ์เนื่องจากหันหลังให้เขา หนุ่มไทยเกาแก้มเขิน ๆ ขณะที่รีดทรุดตัวลงนั่งข้างกาย ไอร้อนแผ่มาจนสัมผัสได้ชัด พวกเขานั่งมองตรงไปข้างหน้าเงียบ ๆ “เบื่อหรือเปล่า?” รีดเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อน ผ้าขนหนูพาดอยู่บนผม เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นดวงตาสีเขียวมองมาอยู่แล้ว พุธตอบไม่ “ดูพวกนายก็เพลินดีออก เก่งขึ้นนะ” “จริงเหรอ?” ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ใช่กรรมการการแข่งขันหรือมืออาชีพเสียเมื่อไหร่แต่คำชมจากเขากลับเรียกรอยยิ้มกว้างและท่าทางปลาบปลื้มอย่างเห็นได้ชัด “จริงสิ” ให้ตายเถอะ น่ารักเป็นบ้าเลย! คำ ๆ นี้อาจจะไม่เหมาะกับเด็กหนุ่มอเมริกันอายุ 18 ปีร่างสูงใหญ่อย่างอีกฝ่ายเท่าไหร่แต่ก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่พุธจะเกิดนึกคำนี้ขึ้นมา ไม่รู้ทำไมแต่เขาเริ่มรู้สึกเอ็นดูเพื่อนผมแดงขึ้นเรื่อย ๆ นับแต่รู้ความในใจ แล้วก็... “เบรนท์น่ะนะ” เท่านั้นหน้าหล่อ ๆ ก็มุ่ยทันที! เขากลั้นหัวเราะก๊ากเหลือเพียงการตบบ่ารีดแรง ๆ พุธยังรู้สึกว่ารีดน่าแกล้งขึ้นอีกด้วย! “เวนส์เดย์!” ร่างสูงรู้ทันทีว่าโดนแกล้งอีกแล้วแต่หน้าบึ้งเพราะไม่พอใจนั่นก็บูดอยู่ได้ไม่กี่วิก่อนที่มุมปากจะยกสูงแล้วร่วมหัวเราะไปกับเขาด้วย รีดนั่งมองคนน่ารักข้างตัวตาปรอย ถึงจะรู้ว่าโดนแกล้งแต่เขาก็ไม่นึกโกรธอะไร ก็เป็นเวนส์เดย์นี่นา… “อ๊ะ เหงื่อออกแน่ะ” มือขาวเอื้อมไปปาดเม็ดใสที่ขมับคนข้างกายออก “ขะ ขอบคุณ” แถมปฏิกิริยายังน่ารักขึ้นอีกเท่าตัวอีกด้วย! ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ... ‘เหงื่อนายไหลแล้วแน่ะ’ เขาในวัย 14 ปีใช้นิ้วปาดเหงื่อที่หน้าผากเพื่อนตัวเล็กออก ‘หา? ขอบใจแต่คราวหลังไม่ต้องหรอก สกปรก’ แน่นอนว่าพุธหมายถึงมือของรีดจะสกปรกแต่ตัวคนฟังเข้าใจเป็นว่ามือของตนเองสกปรกแทน ยิ่งพอแบมือสังเกตเห็นรอยเปื้อนจากปากกาเปรอะตามนิ้วก็ยิ่งช็อก เบรนท์ที่ยืนใกล้ ๆ ได้ยินก็วิจารณ์ว่าคนตัวเล็กใจร้ายจริง ๆ เวนส์เดย์ไม่ได้ใจร้ายหรอกแต่แค่พูดความจริงต่างหาก... ตั้งแต่นั้นก่อนจะแตะตัวคนตรงหน้าสักครั้งเขาเลยต้องมั่นใจว่ามือตัวเองสะอาดจริง ๆ ครั้งนี้เขาก็ลอบเช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าที่ซ่อนในกางเกงก่อนแล้วเรียบร้อย! “ไปซ้อมต่อได้แล้วไป!” ถึงแม้จะโดนไล่แต่แก้มแดง ๆ ที่เขามั่นใจว่าก่อนหน้าเขามานั่งยังไม่มีเพราะอากาศร้อนก็ทำให้รีดร้องโอเคเดินหิ้วเสก็ตบอร์ดเพ้นท์ลายแมงมุมกลับเข้าไปยังสนาม พุธซบหน้าลงกับแขนกลั้นยิ้มที่กลั้นไม่อยู่หลังเพื่อนผมแดงหันกลับมาส่งจูบให้เขาอีก เฮ้อ แย่ ๆ ดูว่าเขาจะต้องเรียกตัวเองกลับมาให้ได้แล้วสิ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังต้องโดนเบรนท์กับคอลินจับได้แน่ ไม่สิเผลอ ๆ สองคนนั้นอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้! ให้ตายเขาไม่อยากโดนล้อนะ... พุธคิด นึกสยองขึ้นมาเมื่อนึกภาพว่าสองเพื่อนหัวฟ้าเขียวรู้ถึงความรู้สึกเขา กับรีดยังไม่เท่าไหร่เพราะนั่นมันเลิร์ชของเขานี่นา! หนุ่มไทยไม่เชื่อหรอกว่าถ้าคบกันแล้วระหว่างพวกเขาจะเปลี่ยนไป...เอ่อ ก็อาจจะมีเปลี่ยนบ้างอย่างเขิน ๆ อาย ๆ แบบเมื่อกี้แต่ก็... หน้าเขาชักร้อน ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิ บ้าจริง... พุธคว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะนึกได้ว่าอันนี้มันขวดที่รีดดื่มไปนี่นา เขาร้องชิเมื่อคำว่า ‘จูบทางอ้อม’ ผุดขึ้นมาแต่ก็หลับตาดื่มต่อ กับแค่จูบทางอ้อมไม่ได้จูบปากกันจริง ๆ เสียหน่อย! รีดเช็ดผมเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นพุธกำลังนั่งเปิดคอมพิวเตอร์ดูเฟสบุ๊คอยู่ เขาเดินไปวางคางบนไหล่คนตัวหอมก่อนจะโดนใช้ศอกกระแทกเข้าที่เอวเต็ม ๆ! “โอ๊ะ โทษที ๆ” เขายิ้มแหยกับคำขอโทษที่ดูไม่ได้ใส่ใจนั่นเพราะกระทั่งหันกลับมายังไม่มีเลย แต่ก็นะ เขาเข้าใจ คงเขินล่ะสิ! “ดูอะไรอยู่เหรอ” หนุ่มร่างยักษ์ยังไม่ยอมแพ้ ตะกายกลับไปกอดเอวพาดคอต่อ “ก็เรื่อย ๆ ” พุธตอบ เขาขอเข้าดูเฟสตัวเองบ้างก็ได้รับการตอบรับ รีดคลิกเข้าไปในหน้าเพจของตนเองแล้วเลื่อนเม้าส์ไปมาเล็กน้อยก่อนที่ข้อความหนึ่งจะเด้งขึ้นมา ‘Realtionship’s request has been sent’ ที่อยู่ผู้รับคือชื่อของพุธ หนุ่มผมแดงบอกเสร็จแล้ว ผละออกขึ้นบิดกายแล้วบอกว่า “นอนก่อนนะ” พุธอ้าปากค้าง ผิวสีน้ำผึ้งเริ่มมีสีแดงจางระเรื่อกระจายตามโหนกแก้มหันไปมองด้านหลังก็เห็นรีดนอนท้าวแขนหลิ่วตามาให้เขาอยู่ “เผื่อนายเบื่อ ๆ อยากเปลี่ยนอะไรในหน้าโพรไฟล์บ้างไง” ฮึ้ย! เลิร์ชมีสิทธิ์ทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยได้หรือไงกัน! TBC. ------------------------------------------------ เมื่อวานต่ายไปดูเรื่อง Real steal มาล่ะค่ะ สนุ๊กสนุก มีบางจุดที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไปหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคค่ะ น้องที่แสดงเป็นลูกเล่นดี๊ดี น่ารักมากกกกกกกกกกกก Dakota Goyo อนาคตท่าจะหล่อ 555+ หนังที่อยากดูหลายเรื่องก็ออกจากโรงไปโดยยังไม่ได้ดูเยอะเลย แอบเศร้านิด ๆ พุซอินบุช...แฮบปี้ฟีต...(พูดชื่อแต่ละเรื่องแย่งเด็กดูทั้งนั้น 555+) ตอนนี้เล็งเรื่องดาร์เนส ฮาวไว้ เห็นพี่สาวบอกดูเทรลเลอร์แล้วโอแต่รอรีวิวก่อน มีใครดูแล้วบ้างเอ่ย?
แอร๊ยยยยย รีดบุกเกิ๊นนนนนน 555
รุกอย่างหนักหน่วง :o8:
iamnan - ไม่บุกได้ไงคะ เก็บกดมานานขนาดนั้น 555+ bulldog17 - แต่ก็ชอบใช่มั้ยคะ อิๆ ><
พุธเมินคำขอนั้นอย่างจงใจไม่มีกระทั่งคำโต้ตอบจนรีดชักใจเสีย ตกเย็นกลับบ้านเขาเตี๊ยมไล่ให้เพื่อนสองคนรีบชิ่งหายตัวไปเสียทั้งสองจึงอ้างว่าจะออกไปเดินเล่นย่อยอาหารสักชั่วโมงเหลือเพียงเขาและเด็กหนุ่มผมดำในบ้านตามลำพัง “เรื่องล้างจานปล่อยให้เบรนท์กับคอลินกลับมาจัดการเถอะ นายมานั่งดูทีวีกับฉันดีกว่ามา” “โอเค” พุธเดินมานั่งข้างเขา เพราะความที่เป็นโซฟายาวขนาดนั่งสามคนทำให้กลายเป็นว่าพวกเขานั่งกันคนละฟากเลย “เฮ้ ๆ จะใกล้ไปหน่อยไหม?” เสียงใสร้องเตือนเมื่อเขาเขยิบเข้าไปหาอย่างจงใจ “ก็ไม่ได้เบียดนายนี่นา?” รีดตอบ ยิ้มกว้างเห็นฟันแล้วยกแขนขึ้นกับเบาะจนเหมือนโอบกลาย ๆ พุธหรี่ตาก่อนจะหันกลับไปมองจอทีวีที่กำลังฉายหนังแอ็คชั่นคลาสสิกเรื่องหนึ่งอยู่ ใจจดจ่อกับฉากบู๊และเอฟเฟคที่แม้จะไม่ไฮเทคตระการเหมือนสมัยนี้แต่ก็นับว่าสนุกสมจริงใช้ได้ สนุกจนลืมคนที่นั่งข้าง ๆ ไปเลยจนกระทั่งมีมือปริศนาที่เนียนไหลแปะลงบนบ่าเขาเนี่ยแหละ ตอนแรกก็เฉย ๆ อยู่แต่เริ่มมีการกระแซะขึ้นเรื่อย ๆ นี่สิ “รีด” เขาหันไปดุ “อะไรเหรอ?” ยังจะมายิ้มหน้าเป็นอีก! หนุ่มไทยขมวดคิ้ว “อย่าเบียดสิ แล้วมือน่ะเอาออกไปด้วย” เขาบ่นอีกสองสามคำแล้วหันไปสนใจหนังต่อ ใกล้จะฉากไคลแม็กซ์แล้วด้วย! ทว่าแทนที่สัมผัสแนบชิดนี่จะหายไปกลับดูแนบแน่นขึ้นไปอีกเมื่อมือที่บ่าเริ่มเลื้อยลงไปที่เอว คราวนี้พุธเลยหยิกเข้าให้ที่มือปลาหมึกจนหนุ่มผมแดงร้องจ๊ากลั่น “เจ็บนะ” รีดทำตาละห้อยเอ่ยด้วยเสียงน่าสงสาร “สมน้ำหน้า” เขายิ้มเยาะแต่ไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางยิ้มแป้นราวกับเป็นผู้ชนะนั้นกลับกระแทกใจคนข้าง ๆ ให้ร้องในใจเล่นว่าน่ารัก! อยากแพ็คกลับบ้านโว้ย! รีดร้องในใจ มือที่ถูกหยิกเริ่มกลับไปทำหน้าที่แต่เปลี่ยนเป็นกุมมือแทน ตอนแรกพุธก็ไม่ยอมจะดึงออกแต่พอเขาพูดว่าอยากจับมือไว้ก็ถอนหายใจแล้วหันไปดูหนังต่อ เขายิ้มกว้างอย่างดีใจนั่งดูหนังต่อเงียบ ๆ แต่พอผ่านไปสักพักชายหนุ่มผมแดงค่อย ๆ แทรกนิ้วเกี่ยวลงไปจนประสานกันดี ๆ ตลอดช่วงเวลานั้นนัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างระทึกว่าจะโดนแว้ดเมื่อไหร่แต่เมื่อไม่โดนด่าแถมยังมีปฏิกิริยาแก้มแดง ๆ นั่นอีกทำให้เขาอดจะร้องเยส! ในใจไม่ได้ เอาว่ะ สู้โว้ยไอ้รีด...ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รอจนหน้าจอเปลี่ยนเป็นตัวแล่นขึ้นมาจึงหันไปหาพุธ “เวนส์เดย์” พอได้ยินเสียงเขาเรียกใบหน้าคล้ำแดดก็หันมามอง “ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าจะรอนายต่อไปแต่อย่างน้อย...ฉันอยากจะถามว่าตอนนี้ฉันยังมีหวังกว่าตอนแรกบ้างไหม?” กำหนดกลับใกล้เข้ามาทุกที พอแข่งเสร็จเขาก็ต้องรีบกลับวันรุ่งขึ้นเพราะถ้าหยุดนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว แม้ทุกอย่างจะทำให้เขาตีความเข้าข้างตนเองไปแล้วว่าพุธน่าจะเริ่มมีใจเอนเอียงมาให้บ้างแต่เขาก็อยากแน่ใจ ระยะทางก็เป็นอุปสรรคพอแล้วอย่างน้อยก็อยากจะได้อะไรกลับไปให้เป็นแรงฮึดบ้าง คนน่ารักอย่างเวนส์เดย์ของเขามีหรือจะไม่มีใครสนใจ พวกซุ่มเงียบที่ไม่รู้จักจะมีแค่ไหนก็ไม่รู้ยิ่งเขาว่าเวลาที่มีความรักคนเราจะดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่นี้ก็อยากจะพากลับไปจะแย่อยู่แล้วขืนถ้าเวนส์เดย์ของเขาน่ารักกว่านี้ใครเห็นอยากแย่งเขาก็แย่สิ! สายตาของรีดดูมุ่งมั่นและจริงจังเสียจนพุธไม่กล้าเล่นมุกเบี่ยงประเด็น หนุ่มไทยอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ก็...มั้ง?” ถึงแม้จะได้คำตอบที่ดูไม่มั่นใจแต่มันก็มากพอจะทำให้คนตรงหน้าของเขายิ้มออกมาได้ รีดดึงมือเขาจูบเร็ว ๆ แล้วดึงตัวเขาเข้าไปกอดกระซิบขอบคุณ “ไม่ต้องมาเนียนกอดเลยไอ้ยักษ์ ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว!” เขาดิ้นขลุกขลักอย่างเขิน ๆ ยิ่งได้ยินคำบอกรักในประโยคถัดมาก็ยิ่งอาย “ฉันรักนายนะเวนส์เดย์ รัก รักมาก” โอ๊ย! จะให้ให้เขาอายจนมุดรูหนีจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ยไอ้เลิร์ชบ้า! “รู้แล้วน่า” เขาตอบงึมงำไป ยอมอยู่นิ่ง ๆ นิดนึงก็ได้ ถึงจะไม่ค่อยชอบนักที่โดนปฏิบัติเหมือนผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้อยากทำลายบรรยากาศดี ๆ นักหรอก ถ้าต้องเลือกเขาก็อยากเป็นคนแสนดีมากกว่าคนใจร้ายในสายตาของรีดนี่นา “นี่ เดี๋ยวพวกเบรนท์กลับมาเห็น ปล่อยได้แล้ว” พุธติงขึ้นเมื่อรู้สึกชักจะกอดนานเกินไปแล้วนะ “เฮ้อ...นั่นสิ ก้างขวางคอจริง ๆ เอาไว้เราไปเดทกันสองคนที่เงียบ ๆ ไม่มีใครรบกวนดีกว่าเนอะ” รีดบ่นผสมชวนเขาหน้าตาเฉย เดทเนี่ยนะ? “อย่าให้มากนัก ไว้ให้นายแข่งชนะก่อนเถอะ!” เขาผลักอกอีกฝ่ายออกแล้วรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำไป หันไปสบตาตัวเองในกระจกก็ต้องหน้าบึ้งถลึงตาใส่ จะหน้าแดงเพื่อ! รีดถือเอาคำพูดเมื่อวานของพุธเป็นคำสัญญา ฮึ ๆ ในเมื่อบอกว่าถ้าแข่งชนะจะยอมเดทด้วยงั้นงานนี้เขายิ่งต้องทุ่มกว่าเดิมล่ะนะ! หันไปมองข้างสนามก็เห็นคนน่ารักยืนกุมมือให้กำลังใจอยู่ พอเห็นเขามองไปก็โบกไม้โบกมือให้ใหญ่ รีดโบกมือตอบ เสียงประกาศแนะนำตัวเขาดังก้องทั่วสนามแข่งขันในร่ม เขาหันไปมองทางลาดลงตรงหน้า มือจับบอร์ดคู่ใจก่อนจะปล่อยตัวไปตามแรงโน้มถ่วงโลก ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าจะต้องมีใครบางคนวิ่งตามการสเก็ตของเขาอยู่แน่ เมื่อเท้าแตะถึงพื้นเดินออกไปนอกสนามหนุ่มผมแดงก็รีบเอาผ้ากับน้ำไปบริการคนที่ยืนหอบแฮ่กเหมือนลงแข่งเองก็ไม่ปาน “ขอบใจ” พุธรีบน้ำไปดื่มอึกใหญ่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสำนึกผิดว่า “ต้องให้นายดูแลอีกแล้ว ขอโทษนะ” “เหมือนสมัยก่อนดีออก” เขาตอบ รับน้ำมาดื่มต่ออึกใหญ่ “ก้มมาสิ เดี๋ยวซับเหงื่อให้” เมื่อมีการเสนอเขาก็พร้อมจะสนองแต่จะให้ก้มลงไปให้อีกฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดผมให้ทั้งที่เจ้าตัวยังเหงื่อซ่กก็กระไรเขาจึงคว้าผ้ามาบอกจะเช็ดให้ก่อน ด้วยความที่ผ้าผืนใหญ่แบ่งกันคนละด้านก็ไม่มีปัญหา เขายืนก้มซ่อนอมยิ้มไว้ใต้ผ้าขนหนูที่ขยับไปมาอยู่ พอได้ยินเสียงบอกเสร็จแล้วเขาก็จูงมือพุธไปที่ด้านใน ไม่ลืมหันไปโบกมือให้กำลังเพื่อนหัวฟ้ากับหัวเขียวที่ยังอยู่ในสนามซึ่งโบกมือตอบเขามาเป็นเชิงให้ตามสบาย เพราะรู้ฝีมือกันดีอยู่แล้วต่อให้ไม่อยู่ก็รู้ว่าทั้งสองคนจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่ “เดี๋ยวสิ จะไปไหนน่ะคอลินจะแข่งแล้วนะ!” เวนส์เดย์ของเขาร้องแต่ก็ยอมเดินตามมา “อยากอยู่ลำพัง” “เดี๋ยว ๆ ๆ” แต่รีดไม่สน พอถึงห้องน้ำก็จัดการพาตัวเองกับอีกฝ่ายเข้าไปแล้วล็อกประตูโดยไม่ลืมแขวนป้ายที่เดาว่าหมายถึงเสียหรือทำความสะอาดไว้ที่หน้าประตู โชคดีที่ไม่มีใครอยู่เลย “อะไรของนายเนี่ย!” พุธร้องอย่างไม่พอใจ ...รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีพิกล คุ้น ๆ เหมือนฉากชวนเสียตัวอะไรทำนองนี้เลยแฮะ…หนุ่มไทยคิดอย่างหวาดเสียว เขยิบไปใกล้ประตูทางออกให้มากที่สุด ร่างของเขาถูกรวบก่อนที่เสียงทุ้มจะกระซิบข้างหู “อยากกอดแต่กลัวนายจะอายเลยต้องพามาที่นี่” ...นี่นับวันเลิร์ชของเขาชักทำตัวเลี่ยนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะเนี่ย...พุธคิดแต่ก็กอดตอบนิดนึงแล้วผลักออก บ่นอย่างไม่จริงจังนักว่าตัวมีแต่เหงื่อมากอดเหนอะหนะจะตายแต่รีดได้ฟังก็ผงะเบิกตากว้างเหมือนนึกขึ้นได้แล้วรีบขอโทษขอโพยเขายกใหญ่ “ฉันลืมคิดไป” หนุ่มผมแดงด่าตนเองในใจที่เอาแต่ใจจนลืมนึกไปว่าทั้งเนื้อทั้งตัวสกปรกแบบนี้อีกฝ่ายคงรังเกียจ ถึงจะเหงื่อท่วมตัวทั้งคู่ก็เถอะแต่มันคงทำให้รู้สึกไม่ดีจริง ๆ พุธถอนหายใจ เดินไปดึงทิชชู่มาพับใหญ่ไปชุบน้ำ รีดก็มองตามแล้วทำหน้าประหลาดใจเมื่อคนตรงหน้ายื่นมาให้เขา “ไม่ได้โกรธ” หนุ่มไทยพูดสั้น ๆ หนุ่มผมแดงรับมาอย่างงง ๆ ต้องให้พุธขยายความว่า “เอาไปเช็ดหน้าเช็ดตาสิจะได้สดชื่น” เท่านั้นแหละรอยยิ้มกว้างก็กลับมาอยู่บนหน้าของคนตัวสูง “ขอบคุณนะ” ยิ้มนั้นทำให้พุธเริ่มเขินอย่างไม่มีสาเหตุ เขาเลยพึมพำบอกไม่เป็นไรแล้วเดินเลี่ยงไปทำทิชชู่ชุบน้ำให้ตนเองบ้าง พยายามก้มหน้าไม่มองกระจกจะได้ไม่สบตากับนัยน์ตาสีเขียวที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องมองมาที่เขาอยู่แหง บทจะเขินก็เขินขึ้นมาเสียอย่างนั้นนะไอ้พุธเอ๊ย บ้าจริง ทำตัวสาวแตกไปได้! ทันทีที่ประกาศผลพุธถูกหนุ่มผมแดงรวบตัวกอดแล้วจับหมุนไปมาแต่แทนที่เขาจะโกรธที่ถูกทำเหมือนตอนเด็ก ๆ แต่กลับรู้สึกเขินแทนเสียอย่างนั้น คอลินกับเบรนท์ก็เข้ามาร่วมดีใจด้วยกัน “ที่หนึ่งล่ะ!” เพื่อนหัวเขียวโห่ร้องอย่างดีใจ พุธเองก็ดีใจด้วยแม้จะอดคิดนิดนึงไม่ได้ว่าอยากให้คนไทยชนะแต่อย่างไงเขาก็เชียร์เพื่อนก่อนอยู่แล้ว “อย่างนี้ต้องฉลอง!” เขาฉีกยิ้มก่อนจะกลายเป็นแยกเขี้ยวแทนเมื่อคอลินร้องต่อว่า “ไปผับกัน!” เขาจัดการถีบเพื่อนแล้วบอกว่า “ไม่มีทาง!” “คุณเก่งมากเลย ฉันลอร่า” จู่ ๆ ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันแม่สาวผมบลอนด์ที่ไหนก็ไม่รู้ในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำตัวสั้นกับกางเกงยีนส์ฟิตเปรี๊ยะก็โผล่มาแทรกเขากับรีด หนุ่มผมแดงยิ้ม เอ่ยไปว่า “ขอโทษครับผมมีแฟนแล้ว” ก่อนจะเดินจูงมือเขาออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ “ใครแฟนนายกันไม่ทราบ?” เขากระซิบปั้นหน้าดุทั้งที่ในใจเต้นรัวแต่แทนที่รีดจะสำนึกผิดกลับส่งยิ้มตอบว่า “นายไง ถึงตอนนี้ไม่ใช่แต่อีกเดี๋ยวนายก็จะตกหลุมรักฉันเองแหละ” แล้วเขาทำอย่างไงน่ะเหรอ? ก็ศอกเข้าที่เอวคนหลงตัวเองก่อนจะเดินหน้าแดงกลับไปหาพวกคอลินนั่นแหละ!
คืนนั้นพวกเขากลับมาฉลองกันที่บ้าน เบียร์เป็นลังถูกจัดการซื้อมาด้วยใบหน้าแก่กว่าวัยของหนุ่มอเมริกัน “เวนส์เดย์ยังเด็ก ห้ามกินครับ” พุธอ้าปากค้างกับข้อห้ามจากปากหนุ่มผมแดง “อะไรวะ!” “ไม่มีแต่ครับ นี่โคล่าครับ” เขาหน้าบูด ยอมคว้าแก้วมานั่งจิบน้ำดำอยู่คนเดียว เขาไม่ได้กลัวหน้ายิ้ม ๆ นั่นของรีดจริง ๆ นะ! ไม่ช้าคอลินที่คออ่อนที่สุดก็ลงไปเลื้อย เมาหลับไปคนแรกก่อนจะตามมาด้วยเบรนท์ที่เมาแล้วนั่งร้องไห้กระซิก ๆ อยู่มุมห้องแล้วฟุบตัวหลับตามเพื่อนหัวฟ้าไป เหลือแค่เขากับรีด “อยากกินไหม?” ขวดสีเขียวถูกชูแกว่งไกวตรงหน้าราวกับจะล่อม้าด้วยแครอทก็ไม่ปาน พุธตวัดสายตามองคนที่หน้าแดงไม่แพ้สีผมข้างกายอย่างไม่ไว้ใจว่ามีแผนอะไรอยู่หรือเปล่า คนเมาไว้ใจได้ที่ไหนกันล่ะ จริงไหม? “เอามาสิ” เขาแบรอรับขวดแต่กลับถูกดึงตัวเข้าไปประกบจูบ! หนุ่มไทยเบิกตากว้าง พยายามทุบไหล่เรียกสติเพื่อนแต่สุดท้ายเขาก็มัวเมาไปกับจูบรสเบียร์ตามจนได้ “กินอีกไหม?” รีดถามตาเยิ้มหลังถอนริมฝีปากออก “มะ...” ถ้าไม่สนใจคำตอบแล้วจะถามทำไมแต่ต้นฟะ! เขาคิดในใจเมื่อสุดท้ายสัมผัสร้อนก็แนบลงมาอยู่ดี พวกเขาจูบกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนหนุ่มผมแดงเมาหลับไป พุธแตะริมฝีปากมองคนที่ฟุบอยู่บนตักอย่างเหม่อลอย รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เขาเมาแล้ว... วันรุ่งขึ้นกว่าคัลเลอร์เรนเจอร์จะตื่นก็เกือบเที่ยง เมื่อสายตาเขาปะทะกับหนุ่มผมแดงก็รีบหลบตาทันที “ในตายเถอะ ปวดหัวเป็นบ้าเลย” เบรนท์บ่นอุบ ถามหายาแก้แฮงค์จากพุธแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ “เวนส์เดย์?” คอลินเรียกอีกแรงจนเขาสะดุ้งเฮือกเพราะใจมัวแต่คิดถึงจูบเมื่อวานอยู่ “อะ ฮะ ขะ ขอโทษ เอ่อ ยาแก้แฮงค์นะ” หนุ่มไทยเอ่ยตะกุกตะกัก ลิ้นพันกัน รีบวิ่งไปหยิบยาให้เพื่อน ถึงจะไม่ได้หันไปแต่เขาก็รู้สึกว่านัยน์ตาสีเขียวของรีดมองตามเขาทุกการกระทำ แน่นอนว่าถึงจะเมาแต่หนุ่มผมแดงก็จำได้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เขาอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเวนส์เดย์ของเขา เอาเถอะ เขารับปากแล้วว่าจะให้เวลาดังนั้นเขาจะไม่รีบร้อนเร่งรัดอะไรอีกฝ่าย แน่นอนว่ารีดทำตัวแบบเดิมทุกประการส่วนพุธเองแม้จะดูขัดเขินไปบ้างแต่ก็ทำตัวให้ชินเหมือนเดิมได้ในไม้ช้า “เดี๋ยวฉันช่วยรีดเองนายไปพักเถอะ” เพื่อนหัวเขียวของเขาเดินเข้ามาขณะที่เขาและพุธกำลังตากผ้าอยู่ มาทำไมวะ!...รีดเขม่นในใจเมื่อหนุ่มไทยตอบตกลงอย่างว่าง่ายเดินฉิวเข้าบ้านไปทันที กำลังจะอ้าปากด่าเพื่อนก็โดนจับล็อกคอกระซิบเสียก่อน “บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกกับเวนส์เดย์คืบหน้าถึงไหนแล้ว?” เบรนท์ถามเสียงเจ้าเล่ห์ เด็กหนุ่มผมแดงสะบัดตัวหนี “แล้วเรื่องอะไรต้องบอกล่ะ?” แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั่นก็ทำให้เพื่อนผมเขียวเดาได้ไม่ยาก เบรนท์อ้าปากค้างก่อนจะตบบ่าชกท้องแสดงความยินดีออกนอกหน้าจนโดนรีดวิ่งไล่เตะแทน ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังเล่น (?!) กันอยู่นั้นก็อยู่ในสายตาของคอลินที่ยืนพิงหน้าต่างมองออกไป พุธที่เดินเข้าบ้านมาก็ทักเสียงใส “ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกได้นะเวนส์เดย์” คอลินกล่าว “ไม่มีหรอกว่าแต่นายเถอะมายืนทำไมตรงนี้น่ะ?” เขาชะโงกหน้าออกไปมองก่อนร้องอ๋อเข้าใจ พุธหัวเราะอย่างขบขันกับภาพของรีดกับเบรนท์ “พวกนี้ตลกดีนะ” “อืม แล้วนี่นายจะกลับไปต่อยูที่นู่นหรือเปล่า?” หนุ่มผมฟ้าถาม “ไม่รู้สิ...” เขาตอบอย่างลังเล ใจนึงก็คิดถึงชีวิตที่อเมริกาแต่อีกใจก็ค่อนข้างชอบบ้านเกิดเหมือนกัน “ถ้านายไม่กลับไปคงมีคนตามนายมานี่เพราะทนคิดถึงไม่ไหวแน่” คอลินยิ้ม ลองหยั่งเชิงดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย – ได้ผล เวนส์เดย์น้อยของเขาหน้าแดงแจ๋ทันที “คะ ใครจะมากัน” พุธพูดตะกุกตะกักอย่างไม่มีเหตุผล “เห~ นี่นายไม่รู้จริงเหรอ?” เสียงกระเซ้านั่นทำให้เขายิ่งหน้าร้อนกว่าเก่า ถึงจะรู้สึกเฉย ๆ กับการที่ถูกรีดสารภาพรักแต่พอโดนคนตรงหน้าแซวเขากลับรู้สึกอายขึ้นมาอย่างไงชอบกล คงจะเพราะไอ้สายตาที่เหมือนรู้ความในใจเขานั่นแหละ “ว่าแต่นายเถอะ เมื่อไหร่จะพาแฟนมาเปิดตัวเสียที? ฉันรอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอยู่นะ” พุธเปลี่ยนเรื่อง เขารู้ว่าคอลินแอบชอบใครอยู่แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครโดยบังเอิญจากฤทธิ์น้ำเมาที่แอบลองชิมกันตอนเกรด 5 แถมอีกฝ่ายยังบังคับให้เขาปิดเก็บเป็นความลับกระทั่งกับรีดและเบรนท์ด้วย “ฮึ อีกไม่นานเวนส์เดย์ อีกไม่นาน…” เขายักไหล่ไม่เซ้าซี้แล้วบอกว่าจะไปนอนกลางวันเสียหน่อย คอลินโบกมือให้เขาแล้วหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่างต่อ ไฟล์ทของทั้งสามเป็นเวลากลางคืน พุธได้รับอนุญาตให้ไปส่งทุกคนได้แต่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืน ตอนแรกก็ยังคุยกันเฮฮาดีเหมือนเดิมแต่พอถึงเวลาที่ต้องเข้าเกตไปก็เริ่มเงียบ กระทั่งเบรนท์ที่ปกติเป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะของกลุ่มยังเริ่มหงอย “แล้วเจอกันใหม่นะ” เพื่อนผมเขียวเริ่มจมูกแดง พุธส่งยิ้มให้แล้วกอดบอกว่าไว้เจอกันใหม่ “ขอบคุณที่ช่วยดูแลนะเวนส์เดย์ ถ้าจะกลับอเมริกาเมื่อไหร่ก็บอกล่ะ” คอลินเอ่ยขณะกอดเขา สุดท้ายคือรีด... เพื่อนทั้งสองเดินเข้าไปข้างในก่อนอย่างรู้งานเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับพวกเขา “จะรอนะ” หนุ่มผมแดงยืนส่งยิ้มให้เขา “อื้ม...” “ระหว่างนี้ห้ามให้โอกาสใครอีกนะ” “รู้แล้วน่า” “ห้ามทำหน้าแบบนี้ให้ใครเห็นด้วย” “ก็แล้วมันหน้าแบบไหนเล่า!” “หน้าน่ารักแบบนี้ไง” ว่าแล้วรีดก็เอื้อมมากุมมือเขาไว้ข้างหนึ่งเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า “แล้วฉันจะรีบเก็บเงินมาหานายอีกแน่” เขายิ้ม “อืม จะรอแล้วกัน ฉันเองก็จะพยายามหาทางไปเยี่ยมพวกนายที่นู่นเหมือนกัน” แล้วพวกเขาเงียบกันจนกระทั่งพุธเตือนว่าให้เข้าเกตไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันร่างสูงจึงยอมปล่อยมืออย่างอาลัยอาวรณ์แต่ก็มิวายทำอะไรบางอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ลืมเขาแน่ “ไว้คราวหน้ามากินเบียร์กันอีกนะ” รีดทิ้งท้าย ฉวยโอกาสจูบลงไปที่ริมผีปากนุ่มนิ่มนั่นเบา ๆ ท่ามกลางคนมากมายที่ยืนอยู่แถวนั้นแล้ววิ่งเข้าประตูไปโดยมีเสียงตะโกนด่าของพุธไล่หลังมา เขาหัวเราะร่าโบกมือให้คนขี้แยที่หน้าบึ้งน้ำตาไหลพราก ๆ ชูนิ้วกลางส่งมาให้ หนึ่งปีถัดมารีดเก็บเงินกลับมาเยี่ยมหัวใจของอดัมส์ แฟมิลี่อีกครั้ง หากเพียงลำพังเพราะคอลินและเบรนท์ต้องการให้เพื่อนได้ใช้เวลาอยู่กับพุธลำพัง เมื่อเดินออกจากเกตมาเขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมดำทันที “สูงเลยบ่าฉันแล้วจริง ๆ ด้วย” หนุ่มผมแดงทักเมื่อเห็นอีกฝ่ายตัวเป็น ๆ อีกครั้ง พุธยิ้มอย่างมีชัย “เห็นไหมล่ะ!” รีดขยี้ผมสีดำอย่างหมั่นเขี้ยว มองซ้ายขวาก่อนจะก้มลงหอมแก้มอย่างรวดเร็ว “อะ ไอ้บ้า!” พุธทำหน้าตื่นรีบหันมองว่ามีใครเห็นหรือไม่ก่อนจะเหยียบเท้าคนที่ยืนยิ้มหน้าเป็นด้วยความหมั่นไส้ ระหว่างทางกลับบ้านเขานั่งกอดอก งอนไม่ยอมคุยด้วยแม้ว่ารีดจะเพียรพยายามอย่างไรจนอีกฝ่ายยอมแพ้ พิงพนักรถหลับไป อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นหรอกแต่มันอายนี่นา! พอถึงบ้านเขาหนุ่มผมแดงก็ทักทายพ่อกับแม่ของเขาก่อนจะขอตัวขึ้นไปนอนอ้างว่ายังเจ็ทแล็กอยู่ “ทำไมต้องแยกห้องล่ะ!” รีดร้องทันทีเมื่อรู้ว่าตนเองต้องไปนอนห้องนอนแขก “ก็แล้วทำไมต้องนอนพื้นด้วยล่ะ?” เขาถามกลับ คนผมแดงมีท่าทางหงุดหงิดก่อนจะยอมลากกระเป๋าเข้าห้องไป พอตอนเย็นเขาไปเคาะห้องเรียกกินข้าวก็ทำหน้างอใส่ “รีด อย่ามาอารมณ์เสียใส่ฉันทั้งที่ฉันไม่รู้เรื่องแบบนี้” ข้าวเขิ้วไว้ก่อน งานนี้ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง! เขาดันอีกฝ่ายกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู พวกเขายืนจ้องหน้ากันก่อนที่รีดจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ขอโทษ” “ทีนี้นายหงุดหงิดเรื่องอะไร? แค่เพราะไม่ได้นอนห้องเดียวกันเนี่ยนะ?” “ก็ใช่น่ะสิ โธ่เว้ย...ช่างมันเถอะ” คนตรงหน้าเขาขยี้ผมสีแดงที่เริ่มยาว ถอนหายใจอีกครั้ง “บ้าจริง ฉันทำมันพังหมดเลย” “อะไร?” “ก็การพบกันอีกครั้งของเราน่ะสิ” รีดตอบอย่างเซ็ง ๆ “เพราะไอ้เจ็ทแล็กเฮงซวยนี่กับมาเจอว่าอดนอนกับนายอีกฉันเลยอารมณ์บูดไปหน่อย โทษที” “ไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้เอาเป็นว่าเรามาเริ่มกันใหม่แล้วกันนะ” เด็กหนุ่มอเมริกันมองหน้าเขานิ่งจนเขาค่อย ๆ หุบยิ้มลงอย่างไม่เข้าใจ “จากวันนั้นก็หนึ่งปีได้แล้วนะเวนส์เดย์” เขามองสีหน้าจริงจังตรงหน้าอย่างอึดอัดปนคาดหวังอย่างประหลาด “อื้ม...” พุธรับคำเบา ๆ “ถึงแม้ว่านายจะยังไม่ตอบตกลงแต่ฉันก็อยากจะให้มันไว้” รีดหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเป้ เขารับกล่องสีแดงอันเล็กออกมาเปิด กระพริบมองของข้างในอย่างงุนงงสลับกับคนตรงหน้าไปมา “แหวน?” “อันที่จริงก็แหวนคู่น่ะ” รีดพึมพำเบา ๆ แต่ก็ไม่พ้นหูเขา เขาหยิบออกมาอ่านข้อความข้างในที่สลักตัวอักษร R & W ไว้ “รีดรู้อะไรไหม ฉันเคยคิดนะว่าจะใส่แหวนเฉพาะเวลาที่มีแฟนเท่านั้นน่ะ” อีกฝ่ายหน้าเสีย เขาเลยรีบยิ้มหวานพูดว่า “แต่ฉันก็ชอบแหวนวงนี้เสียด้วยสิ บางทีตอนนี้ฉันอาจจะใจอ่อนนะ” รีดเข้าใจทันที รีบกุมมือเขาไว้เอ่ยว่า “เวนส์เดย์...พุธ เป็นแฟนกับฉันนะ” ทันทีที่เขาเซย์เยสก็ถูกจับเหวี่ยงไปรอบ ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว “วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” เขาร้อง พอเท้าแตะพื้นเขาก็พยุงตัวให้หายเซก่อนจะลองสวมแหวนเข้าไป พบว่าพอดีกับนิ้วนางเป๊ะเลย เขาไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำก่อนแล้วนั่งมองแหวนเงินเกลี้ยงธรรมดาที่นิ้ว นี่เขามีแฟนแล้วจริง ๆ สินะ.. “ดีใจที่นายชอบมันนะ” รีดกระซิบกอดเขาจากด้านหลัง เขาหมุนตัวกลับไปกอดเอวอีกฝ่าย เอ่ยประโยคที่อยากจะทำมานานตั้งแต่เริ่มแน่ใจในความรู้สึกตัวเองตั้งแต่เมื่อครึ่งปีที่แล้วว่า “จูบนะ?” เขาถามเงยหน้าส่งยิ้มให้แฟนหมาด ๆ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นสัมผัสอุ่นที่แนบลงมา เขาใช้สองแขนโอบรอบคอของรีดรับสัมผัสอย่างเต็มใจ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความรู้สึกของตนเองแต่เขาก็พบว่ามันคุ้มค่าแล้วที่จะทำ “นายชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?” รีดกระซิบถามอย่างสงสัย เขาหัวเราะ “หุบปากแล้วจูบฉันต่อเถอะน่า แค่ฉันกับนายใจตรงกันก็พอแล้ว” หนุ่มผมแดงทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยแต่ก็ยอมจูบต่อแต่โดยดี เขารู้ดีว่าเลิร์ชไม่มีทางขัดใจเวนส์เดย์อยู่แล้ว! เท่านี้เขาก็จะได้พ่อบ้านส่วนตัวตลอดชีวิตล่ะนะ! THE END~ ------------------------------------------------------------------------- พี่สาวบอกอ่านเรื่องนี้ไม่รู้เรื่องล่ะค่ะ เหอ ๆ ดังนั้น...ถ้าอยากจะติชมตรงไหนเชิญเลยค่ะ ถือว่าเป็นก้าวแรกของการลองแต่งแนวสำนวนนี้ดู! สักวันต่ายจะพัฒนาจนอ่านรู้เรื่องกว่านี้ให้ได้ T^T! (ยอมรับว่าส่วนนึงอาจจะเพราะต่ายเอาไปเปรียบกับการ์ตูนจนทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องยิ่งงงกว่าเดิมรึเปล่านะ...) ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ /โค้ง/ รักนักอ่านทุกคนค่า จ๊วบ~
ไอ้หนุ่มหัวแดงก็สมหวังกับเค้าซักที
สมหวังแล้ว :mc3:
รีดสุด ๆ เลยอ่ะ แอบขอบพุธมาตั้งแต่เกรด 6 อิอิ ส่วนพุธพอรู้ว่ารีดชอบ ก็เหมือนจะรู้ใจตัวเองเล็ก ๆ ด้วย พอกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากนั้น 1 ปี ก็เลยเซย์เยส สวมแหวนเป็นแฟนกัน น่ารักดีเนอะ ^^
:mc4: ฉลองงงงงงง
ลีดสุภาพบุรุษจังเลย^รอมาได้ตั้งหลายปี ชอบนะคะ
เอิ่ม....เจออดัมส์แฟมิลี่แล้วเม้นไม่ออก..เหมือนจะย้อนรำลึกวัยเด็กยังไงชอบกล=o= คาแรกเตอร์เรื่องนี้มันช่างบอยแบนด์~~หนุ่มบ้า หนุ่มเท่ และพระเอก~5555 รีดใจร้อนแฮะ แต่เหมือนจะเป็นอิมเมจของหนุ่มมะกันหรือเปล่า? ไม่มีทางเจ้นท์เท่าหนุ่มเอเชียอยู่แล้วเนอะ ถ้าเป็นEnglish gentlemanจะเป็นแบบไหนน้า../นึกถึงวัตสัน.../งืมๆ คงอร๊างกว่านี้??555555 สำนวนดูปนๆกันนะคะ สู้ต่อไปค่ะพี่ต่าย แนวแบบนี้แต่งยากจริงจัง ต้องใช้ภาษาอังกฤษเก่งแล้วก็บ่อยมากๆเลย กลับไปอัพเรื่องยาวด้วยนะคะ>< รออ่านอยู่
:o8: รีดน่ารักมาก แมนที่หนึ่งเลย
รีดผู้รอคอย ถึงจะรอนาน(ตั้งแต่เกรด 6) แต่มันก็คุ้มค่าเนอะ :กอด1:
กลับมาอีกทีจบซะแล้ว.. รีดนี่รอแล้วรออีก นึกว่าพุธจะใจแข็งกว่านี้ซะอีก แต่จบแบบนี้น่ารักดีค่ะ จริงๆตอนอ่านตอนแรกเราก็ยังไม่ชินกับสำนวนการแต่งแบบนี้นะ แต่พออ่านมาเรื่อยๆเหมือนมันชิน แล้วเนื้อเรื่องก็ดูไหลลื่นขึ้น ชอบที่เอาคาแรกเตอร์ในอดัมแฟมิลี่มาเล่าด้วย ^^ :กอด1:
น่ารักดีอะเรนเจอร์กะอดัมแฟมิลี่
แอร๊ยยยยย น่อร็อคเอาะ!!! ชอบสำนวนฝรั่งแบบนี้จัง มันยังมีความเป็นไทยอยู่เบาๆ ช๊อบบบบบบ กินเบียร์อร่อยมั้ยรีดดดดด 5555
ชอบค่ะ สนุกมาก ถ้าถามเรา เนื่องจากเราเป็นหนึ่งคนที่ชอบดูอดัมส์แฟมิลี่ เลยรู้สึกสนุกกับการเปรียบเทียบกับตัวการ์ตูนเหล่านี้นะคะ แต่ถ้ามองในมุมคนที่ไม่รู้จักครอบครัวนี้ คิดว่าอาจทำให้งงได้นะคะ แบบว่าอาจจะไม่เข้าใจคาแรคเตอร์ของเลอซร์ ที่ตั้งใจเขียนมาเปรียบเทียบ อะไรทำนองนั้น เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ แล้วจะรอคอยตอนพิเศษ +แอบอยากรู้ว่าคนที่หนุ่มคอลิน(ธิงค์ ) แอบชอบคือใคร
น่ารัก!!!
น่ารักดีค่ะ มาต่อตอนพิเศษบ้างนะคะ ปล.อ่านเรื่องนี้แล้วอยากดู อาดัม แฟมิลี่ เลย
:monkeysad: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกกค่ะ อ่านไปด้วยก็จิกฝาบ้านไปด้วยซะจนจะทะลุล่ะ รีดที่รักมั่นคง กะเวนส์เดย์ที่แสนดี เหมาะสมอะไรกันแบบนี้ :laugh: ขอตอนพิเศษค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
:pig4:
ชอบมากชอบที่สุดน่ารักมากเลยอาดัม แฟมิลี่ รีชรอตั้ง6-7ปีสุดท้ายก็สมหวังเเล้ว
พุธขี้แกล้งนะเนี่ย แต่น่ารัก
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[ :-[ :-[ อ่านแล้วเหมือนย้อนวัยเด็กเลยเรื่องอดัม แฟมิลี่นี่ชอบดูมาก แต่ก็อาจเป็นเพราะชอบการ์ตูนเรื่องนี้อ่านแล้วเลยเข้าใจรวมไปถึงคิดอิมเมจตัวละครออกก็ได้เลยยิ่งชอบมากกว่าเดิม แอร๊ยยยยย :o8:
เด็ก ๆ น่ารักจังเลย รีดมั่นคงเนอะ ตั้งแต่เกรด 6 จนโต น้องพุธก็น่ารักมากค่ะ ^^
น้องพุธน่ารักอ่ะ
:pig4: :pig4:
รีดนี่น่ารักกอะ เราชอบนะสำหรับการเปรียบเทียบกับการ์ตูนพวกนี้ ส่วนนึงอาจจะเพราะเราชอบอดัมแฟมิลี่อยุแล้ว เลยรู้เรื่องอะค่ะ5555 แต่ถ้าคนไม่รู้จักก้อาจจะงงจริงๆนั่นแหละ พูดละก้คิดถึงอดัมแฟมิลี่ สงสัยต้องกลับไปหาดูใหม่ ของคุณค่ะ