ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-------------------------------
เรื่องสั้นขั้นเวลา
เก็บกดมาจากที่คนเขียนไม่ได้ไปทั้ง 2 งาน :sad4:
ฝากไว้ให้อ่านกันนะคะ
[/size]
[เรื่องสั้น] Big Cleaning Day
“Big Cleaning day ขอต้อนรับนิสิตทุกคน”
ผมเดินผ่านป้ายต้อนรับที่แขวนไว้ตรงประตูทางเข้า หลังน้องน้ำใช้ความสามารถเป็นเลิศ สอบเข้ามหาวิทยาลัยผมได้สำเร็จ จากที่เปิดศูนย์อพยกให้ผู้เดือดร้อนได้มาพักพิง กลับเลื่อนสถานะขึ้นกลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง เกือบเดือนที่น้องน้ำเข้ามาวิ่งเล่นรอบมหาลัย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาป่วนคณะผมซะจนพวกรุ่นพี่ภาคเครื่องแทบร้องไห้ เครื่องจักรกลทั้งหลายของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่อยู่ในโรงชั้นล่างทั้งหมดเสียหายแบบไม่ต้องซ่อม โยนทิ้งอย่างเดียวพี่ซาเล้งยังไม่อยากเก็บเลย สงสารก็แต่พวกพี่ปีสี่ โปรเจคสุดท้ายไม่รู้จะเอาเครื่องที่ไหนมาทำ
วันที่เด็กทั้งมหาวิทยาลัยรอคอยมาถึงเมื่อน้องน้ำโบกมือลากลับบ้านที่อ่าวไทย พื้นที่ทั้งหมดยังไม่ทันแห้งดี แต่ทางอธิการประกาศวัน Big Cleaning Day ล่วงหน้าให้เหล่านิสิตได้เคลียร์ตารางตัวเอง เพื่อนผมบางคนเคลียร์ไม่ทัน ตอนนี้ก็ไปห้อยโหนกับลิงทางภาคเหนือกันซะเยอะ เหลือเพื่อนๆในกลุ่มแค่ 5 คนที่อยู่โยงเฝ้าบ้านและพร้อมใจนุ่งขาสั้น หนีบแตะมาช่วยขัดในวันนี้
เสียงป๋าไฮด์แห่งวงลาร์คอองเซียหายไป หยิบไอโฟนขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าไอ้ฟ้าพิชิตสแตท(มันเรียนไม้เดียวได้บีบวก โคตรเมพ) โทรมา
“ไอ้ยาจก มึงอยู่ไหน”
“หน้าตึกใหม่เสดสาด ใกล้ถึงแล้ว ทำไมวะ”
“จะบอกว่า วิดวะคนเป็นล้าน ไอ้ห่า จะมาทำไมเยอะแยะ” อ้าวไอ้นี่ ใครๆเค้าก็อยากมาช่วยขัด ช่วยถูกันทั้งนั้นแหละ
“อย่าบอกนะว่ามึงจะกลับบ้าน กูฆ่าทิ้งแน่”
“ส้วนตีน กูจะบอกว่า ไปขัดที่อาคารจักรฯกันดีกว่า แป๊ะมันว่า สาวๆสวยๆเพียบ กูเดินเลยศร.1 มาแล้ว ตามมาเร็วๆนะมึง”
“ไอ้กวยฟ้า ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ กูจะได้เข้าประตูวิภา เดินไกลตายชัก”
“เป็นยาจกแล้วอย่าบ่น ซ้อมเอาไว้ เปิดเทอมมึงต้องถ่อจากวิดวะไปศร.3 อยู่ดี เร็วๆให้ว่อง กูใกล้ถึงมนุดแล้ว”
“เออๆ กำลังไปแล้ว พ่อมึงแม่ง ทำไมต้องให้กูมาเดินครึ่งมหาลัยด้วยวะ”
“พ่อกูทำงานอยู่สาธร ไม่ต้องถามถึง แวะรับไอ้เปาที่บาร์วิดด้วยนะ มันแดกข้าวอยู่กับพวกน้ำฝน”
“เออๆ”
ผมกดวางสายตอนเดินมาถึงหน้าคณะพอดี โผล่หน้าเข้าไปในโรงเครื่อง เห็นรุ่นพี่รุ่นน้องมากหน้าหลายตากำลังพยายามแงะไอ้เครื่องจักกลทั้งหลายออกมาทำความสะอาด บ้างก็ขัดๆถูๆตามผนัง ยกมือไหว้รอบวงแล้วเลี้ยวขวาข้ามถนนไปบาร์วิดยา เจอไอ้เปาลูกร้านซาลาเปาชื่อดังเชลล์ชวนชิมย่านเยาวราชกำลังโม้เรื่องที่มันไปช่วยเค้าแพกกระสอบทรายที่คลองหก ไอ้ขี้โม้ ได้ข่าวกูก็ไป(กับมึง) ยังไม่เอามาโม้เลย บ้องหัวมันไปทีแล้วลากคอออกมาจากวงล้อมสาวๆ ขาเดิน ปากวางแผนเที่ยวรอบกรุง ดูไฟยามค่ำคืนกับไอ้เปา มือก็คว้าน้องแคนนอน 60D ออกมาถ่ายรูปประวัติศาสตร์ของมหาลัย ใครจะไปคิดล่ะครับว่ามหาลัยติดอันดับต้นๆของเมืองไทยที่ตั้งอยู่เกือบใจกลางกรุงจะโดนน้ำท่วมกว่าเมตรครึ่ง รอยตะไคร้น้ำยังหลงเหลือไว้ให้เราเห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ผมตัดสินใจที่จะแบกไอ้หนอนหนีน้ำตัวนี้มาด้วยเพราะอยากบันทึกเรื่องราวความทรงจำไว้ให้รุ่นน้องต่อๆไปได้รับรู้เรื่องราว ว่าครั้งหนึ่ง รุ่นพี่ทุกคนได้สละแรงกายและใจ เข้ามาช่วยกันทำความสะอาดมหาวิทยาลัยที่รักของเรา ถึงแม้ว่า... มันจะหนักและเสี่ยงเปียกน้ำก็ตามที T_T
“เชดเข้ น้องครับ สาดน้ำเบาๆหน่อย เดี๋ยวกล้องพี่พัง” ผมตะโกนบอกไอ้เด็กสามสี่คนที่กำลังสาดน้ำใส่กันอยู่หน้าตึกปริญญาโท
“แหมพี่ เค้าให้มาทำความสะอาดน่า ไม่ใช่มาถ่ายรูป” ไอ้หัวตั้งกวนตีนตอบ
“เอ้าหันมา” ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงพวกนั้นเลยจัดการยกกล้องถ่ายซะเลย พวกมันก็ทะเล้นชูสองนิ้วใส่กล้องให้แทน
เดินข้ามบึงมาก็เห็นเด็กมนุดช่วยกันราดน้ำถูพื้นอยู่ตรงลานกิจกรรมประจำคณะ ไอ้เปาตาลุกวาวมองดูสาวกางเกงขาสั้นที่โดนเพื่อนแกล้งฉีดน้ำใส่จนเปียกไปครึ่งตัว ผมจัดการบ้องหัวมันไปอีกที ช่วยเกรงใจเสื้อช็อปที่มึงใส่อยู่หน่อยเหอะเพื่อน กูอายแทนคณะ
ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปสาวๆแก๊งนั้นไว้(หันมายิ้มให้กล้องไวมากครับ) โดนไอ้เปาเตะไปทีนึงโทษฐานที่ตบหัวมันเมื่อกี้ แล้วเดินเลาะข้างตึกมนุดไป ใครบอกว่าสาวมนุดมหาลัยผมเป็นผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่าไปเชื่อนะครับ เมื่อกี้ผมเห็นสาวสองคนยกเก้าอี้หินอ่อนเดินกันตัวปลิว ถึกอย่าบอกใคร ฮา....
เดินถ่ายรูปมาจนถึงอาคารจักรฯ เห็นรอยตะไคร้น้ำที่สูงกว่าสองเมตรแล้วสะเทือนใจ พื้นที่ที่ผมจอดรถไว้ยามมาเรียนท่วมสูงขนาดนี้เลยหรอ? เก็บภาพจนครบรอบตัวอาคารแล้วถึงได้เดินเข้ามาภายในลานจอดรถใต้ตึก เจอไอ้แป๊ะลูกเสี่ยร้านทอง พีทหนุ่มใหญ่แดนอีสาน และไอ้ฟ้าผู้พิชิตยืนขัดเสาอยู่ ถ่ายรูปมันไปสองสามใบแล้ววางกล้อง รับไม้ขัดพื้นมาจากเปาที่ไปหามาให้ แล้วลงมือขัดพื้นแถวๆนั้น ด้วยความที่คนค่อนข้างเยอะ พี่เจ้าหน้าที่มหาลัยเลยแบ่งให้แต่ละกลุ่มที่มาด้วยกันรับผิดชอบเป็นโซนตามเสา ส่วนใครเพื่อนน้อยก็ให้ออกไปขัดข้างนอกแทน ข้างผมเป็นสาวๆสี่คนที่ขัดเสาฝั่งเดียวกับไอ้ฟ้าอยู่ อีกคนลงมือขัดพื้นแบบเดียวกับผม เราหันมาสบตากัน ผมยิ้มให้ ดีใจที่เห็นสาวๆลงมือจับไม้จับแปรงกันแบบนี้ :D
“โหยยยย แม่งมาจริงเว้ย หวัดดีครับป๋า” ผมเห็นสาวคนที่เพิ่งยิ้มให้หนีบไม้ขัดพื้นไว้ข้างตัว แล้วหันไปยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เดินคล้องกล้อง DSLR ของนิคอนเข้ามา สาวอีกสี่คนที่กำลังมะรุมมะตุ้มกับการขัดเสาอยู่หันมายกมือไว้กันแทบไม่ทัน ส่งเสียงเรียก พี่ซัน พี่ซันกันไม่ขาดปาก ผู้ชายคนนั้นยกมือรับไหว้ แล้วเก็กหน้าโบกมือประหนึ่งดาราพบแฟนคลับ ทำเอาห้าสาวหัวเราะน้ำตาร่วง ผมเห็นเพื่อนร่วมมหาลัยที่เพิ่งเดินเข้ามายกกล้องขึ้นมาถ่ายสาวๆ พร้อมทั้งหมุนตัวถ่ายไปรอบๆ จนเค้าหันเลนส์มาอยู่ตรงหน้าผม ผมยิ้มไปให้ทีนึง เห็นเค้าลดกล้องลงมาเกาท้ายทอยยิ้มเขิน ตลกดีแฮะ ผู้ชายตัวสูง หน้าตาเรียกได้ว่าหล่อจัดแบบสาวๆยังต้องเหลียวหลังแต่มาเขินกับผู้ชายด้วยกันเองซะอย่างนั้นแหละ
“มีไรวะปริ้น” ฟ้าหันหน้ามาถามผม
“ป่าวๆ ขัดไปเหอะมึงน่ะ” ผมตอบกลับไป ก็มันไม่มีอะไร แค่ผู้ชายสองคนยิ้มให้กัน
“อยู่ดีๆก็ขำ มึงบ้าป่าววะไอ้ยาจก” ผมเอาไม้ขับพื้นแหย่ก้นมันไปทีนึง (โทษฐานที่ผมชื่อปริ้น ปริ้นที่แปลว่าเจ้าชายนั่นแหละ แต่มันกลับชอบเรียกผมว่ายาจกมากกว่า(เห็นว่าเข้ากับหน้าตาดี) ทำเอามันร้องจ๊ากหนีผมแทบไม่ทัน ไอ้ฟ้ามันเคยมีความหลังฝังใจกับบั้นท้าย หลังโดนรุ่นพี่คนนึงในคณะมอมเหล้าจะลากมันขึ้นเตียงเมื่อต้นเทอม อย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ ไอ้คณะมาดแมนที่มีผู้ชายกว่า 90% น่ะ ตัวดีเลย น่ากลัวอย่าบอกใคร
ผมขัดพื้นในสี่เหลี่ยมของกลุ่มผมจนสะอาด เอาไม้ขัดไปคืนพี่เจ้าหน้าที่แล้วยกกล้องถ่ายรูปไปเรื่อย ซักพักเลยกลับมาเปลี่ยนมือขัดกับไอ้พีทที่ตอนนี้ลงไปนั่งพิงเสาเป็นที่เรียบร้อย สาวๆกับหนึ่งหนุ่มแก๊งข้างๆเมื่อกี้หายไป เปลี่ยนเป็นเด็กกลุ่มใหม่ มองหน้ากับเพื่อนอีก 4 คิดแล้วคิดว่าคงต้องไปหาอะไรใส่กระเพาะตัวเองอย่างด่วน ไม่งั้นได้เป็นลมอยู่แถวนี้แน่ๆ
เดินกอดคอกันไปที่โรงอาหารกลาง คนเยอะเกือบเหมือนวันเปิดเทอม พวกผมหาโต๊ะได้ก็เขี่ยๆขโมยเอาเก้าอี้มาจากโต๊ะที่ติดกันข้างๆ วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้วออกไปซื้อข้าวกัน ร้านเปิดไม่เยอะ คนแต่ละร้านเลยต่อแถวกันยาว ผมเดินไปยืนต่อแถวรอซื้อข้าวราดแกงจานละ 20 (มหาลัยผมยังจานละ 20 นะครับ ใครอยากกินถูกๆแวะมาได้) ที่แถวยาวจนเลยมาถึงกลางร้านน้ำ กำลังกดดูรูปในกล้องมีอันต้องยกเจ้าหนอนลูกรักขึ้นสูงแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ดีๆก็มีคนเดินถือน้ำใบเตยมาชน เงยหน้าจะเอ่ยปากต่อว่ากลับเห็นผู้ชายขี้อายคนเดิมก้มหัวขอโทษให้ ผมยิ้มไม่ซีเรียสเพราะยังไงก็ยกกล้องหลบทัน อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มขอโทษกลับมาอีกครั้ง ก่อนก้มหัวให้แล้วเดินจากไป
ถือจานข้าวพร้อมชามะนาวไปวาง ยกกระเป๋าขึ้นมาจะเก็บกระเป๋าตังถึงได้เห็นกล้อง Nikon D5100 วางอยู่บนโต๊ะถัดไป ไล่สายตาขึ้นไปมองถึงได้เห็นหนุ่มหล่อคนเดิมกำลังนั่งฟังสาวๆเม้าท์กันอยู่ ผมหันมาสนใจข้าวในจานตัวเอง ฟังไอ้แป๊ะกับไอ้พีทโม้เรื่องตะลอนทัวร์อีสานของพวกมัน เสียดายที่ผมไม่ได้ไป ต้องอยู่โยงยกของหนีน้ำท่วม ยังดีที่น้องน้ำแกมาวิ่งเล่นแค่ถนนหน้ารั้ว ยังไม่เข้าตัวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำเอาครอบครัวผมเครียดไปอยู่หลายวันเชียว
ไอ้สองเพื่อนซี้โม้จนไม่มีอะไรจะให้พูด เลยนั่งเงียบตากพัดลม เป็นการพักเหนื่อยจากแรงที่เราเสียไป แก๊งสาวโต๊ะข้างๆโบกมือลาแยกย้ายกันเป็นที่เรียบร้อย เหลืออยู่แค่สาวที่ยิ้มให้ผมตอนขัดพื้นกับเจ้าของ DSLR รุ่นท็อป สาวเจ้าบ่นว่าอยากไปช่วยขัดอีก แต่เหลือกันสองคนเลยทำอะไรไม่ค่อยได้ ชายหนุ่มข้างๆผมตอบกลับไปว่าอาจจะต้องกลับ ในเมื่อไม่มีที่ไหนจะไปแล้ว ได้ยินแบบนี้เลยเผลอพูดชวนออกไป
“มากับพวกผมก็ได้ครับ”
สองคนนั้นหันมามองหน้าผม รวมทั้งไอ้เพื่อนอีก 4 คนด้วย ผมหลบสายตาของหนุ่มข้างตัว หันไปส่งสายตาขอโทษเพื่อนๆทั้ง 4 ที่ทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อน แต่คิดว่ามีเพื่อนต่างคณะเพิ่มมาอีกสองคนก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนี่หน่า
“ไปด้วยกันก็ได้ พวกผมว่าจะไปช่วยแถวอาคารเทพฯ ถ้ายังไม่อยากกลับนะ” หญิงสาวคนเดียวของโต๊ะหันไปมองหน้าเพื่อน คนข้างตัวผมยักไหล่ว่ายังไงก็ได้ สาวเจ้าเลยหันมาบอกผมว่าขอไปด้วย ไอ้เปามันว่าก็ดี ได้เพื่อนมาอีก 2 คน ผมกับฟ้าหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะออก ขยับให้สองคนนั้นได้เลื่อนมานั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกัน แนะนำตัวได้ความว่า หญิงสาวที่เหลืออยู่ชื่อข้าวสวย ส่วนเจ้าของกล้องราคาแพงชื่อซัน เป็นเด็กมนุดอิ้งปี 3 ส่วนพวกผมมันไอ้หนุ่มวิดวะภาคโยธาปี 2 เลยต้องเรียกทั้งสองคนว่าพี่ไปตามระเบียบ
นั่งย่อยอีกซักพักถึงได้ฤกษ์เดินไปอาคารเทพฯ เห็นพี่ข้าวงุ้งงิ้งอยากกินแตงโมอยู่กับพี่ซันถึงได้สงสัยว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันหรือเปล่า ไอ้แป๊ะกับพีทก็หยุกหยิกด้วยความอยากรู้ แต่ที่ไวกว่าคือไอ้เปา
“พี่ข้าวกับพี่ซันเป็นแฟนกันหรอ” เฮ้ยมึง ไปเสือกเรื่องเค้าทำไม(ถึงแม้กูจะอยากรู้ด้วยก็ตามที)
“ห่ะอ่ะ ป่าวๆ เพื่อนสนิทกันเฉยๆ ไอ้นี่น่ะ มันชอบผู้ชาย” พี่ข้าวสวยตบไหล่เพื่อนสนิทไปเต็มแรง
“เฮ้ย กูเสียหาย น้องกลัวหมดแล้ว” เสียงทุ่มต่ำหันมาแก้
“กูว่ามึงมีเมียเป็นผู้ชายแน่ๆอ่ะ ฟันธง” พี่ข้าวยังไม่เลิก
“จะชายจะหญิงก็ขอให้กูได้หาเองเหอะ ไอ้แบบที่มึงพยายามยัดเยียดให้กูไม่เอา” ฟังอย่างนั้นไอ้เปาเลยส.ใส่เกือกเข้าไปอีกว่าพี่ข้าวยัดเยียดอะไรให้ วีรกรรมหาแฟนหนุ่มน่ารักๆให้พี่ซันของพี่ข้าวสวยทำเอาพวกผมหัวเราะก๊าก เดินคุยกันประหนึ่งเพื่อนภาคเดียวกันจนไปถึงหน้าอาคารเทพฯ ลงมือช่วยคนแถวนั้นขับๆถูๆกันจนถึงช่วงเย็น ระหว่างนั้น ทั้งผมและพี่ซันหยิบกล้องเดินถ่ายรูปทั่วบริเวณ แต่เชื่อไม๊ ตั้งแต่เมื่อกลางวันผมกับพี่เค้ายังไม่ได้คุยกันเลยซักคำ
หลังพี่เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยไล่พวกผมกลับบ้านตอนสี่โมงตรง พวกผมมองหน้ากันแล้วว่าต้องหาอะไรใส่ท้องกันอีกครั้งก่อนกลับบ้าน ชวนพี่ซันและพี่ข้าวสวยไปกินเสต็กแถวหน้าม.ด้วยกัน พวกเราจบวันนั้นด้วยการแลกพินแลกเฟสกันเกือบครบวง
ใช่ครับ เกือบครบวง
เพราะผมไม่ได้ของพี่ซันกลับมา