ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับเล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบกรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
พีเอสซึ.ได้รับการอนุญาติจาก คุณหยดน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ
แม่ตั้งชื่อให้ผมว่าปรีย์..
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าทำไมต้องเป็นชื่อนี้ และมันมีความหมายว่าอย่างไร
... แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว...
ว่าผมคือความอัปรีย์....
เป็นเด็กผู้ชายที่ไม่น่าเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้เลย....
คำเดือน หากคุณรับไ่ม่ได้กับความกดดันของเนื้อเรื่อง และตัวละคร อาจเครียด มาม่า โปรดข้ามไปอ่านเรื่องใส ๆ เพราะที่นี่หม่นหมองกันอย่างเดียว แล้วพบกัน..
ตอนพิเศษ 2 ::ผีเสื้อในโถแก้ว ::
ตอนพิเศษนี้เป็นช่วง 4 ปีที่หายไปในตอนสุดท้ายค่ะ...
ชายหนุ่มหวังให้เรื่องเลวร้ายต่าง ที่เข้ามาในชีวิต เป็นเพียงแค่ความฝัน...
กลิ่นกายหอมกรุ่นที่เขาคุ้นเคยซุกศีรษะทุยอยู่กับอกของเขา.. เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับสนิท...
ชายหนุ่มอมยิ้มลอบมองร่างบอบบางหลับตาพริ้ม อดไม่ได้ที่จะยื่นจมูกโด่งของตนคลอเคลียไปกับพวงแก้มนิ่ม... ฝ่ามือหนาม้วนปลายผมที่นุ่มเหมือนขนแมวเล่น...
ผมยาวแล้วนี่นา.. เดี๋ยววันนี้เขาจะเป็นช่างตัดผมให้ด้วยแล้วกัน...
“ฮื่อ...” เหมือนเจ้าแมวน้อยจะรำคาญที่เขาไปยุ่งกับมันมากนัก ส่งเสียงครางในลำคออย่างไม่พอใจ.. มือเล็ก นั้นพยายามดันใบหน้าเขาออกห่าง...
“เช้าแล้วปรีย์...” กล้าหาญกระซิบบอกคนในอ้อมกอด.. กดจมูกโด่งลงบนขมับ
ดวงตากลมสีน้ำตาลสวยค่อย ปรือขึ้น มือเรียวเล็กที่หยาบกร้านอย่างไม่น่าเชื่อนั้นยกขึ้นขยี้ขนตาแพหนาของตนอย่างงัวเงีย ทำให้กล้าหาญอดกลั้นยิ้มไม่ได้..
ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางเพียงแผ่วเบา ก่อนเอ่ยคำที่เขาพยายามสื่อสารกับเด็กหนุ่มด้วยทุกวัน... ทุกเวลา..
“พี่รักปรีย์” แม้ว่าเขาอยากให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย.. แต่ความจริงก็คือความจริง ชายหนุ่มสบดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยนิ่ง เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่มีทีท่าหวั่นไหว หรือเปลี่ยนแปลงภายในดวงตาเลย จึงกดจูบลงบนเปลือกตาทั้งสองข้างของร่างเล็กแล้วลุกขึ้นทำภารกิจส่วนตัว เพื่อจะได้จัดการให้กับร่างที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงต่อ...
ปรีย์อยู่ในความดูแลของเขามาระยะหนึ่งแล้ว... ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น.. เขาเข้าหน้ากับพี่ชายแทบไม่ติด... ในคืนนั้นเขาตามหาตัวทั้งคู่แทบทั้งคืน... เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าคนที่เขาเพิ่งยอมรับว่าเป็นหลานไร้ซึ่งการตอบสนองเสียแล้ว...
เขาทะเลาะกับก้องภพเรื่องการรับเลี้ยงดูเด็กคนนี้ จนท้ายที่สุดดารัตน์ก็ตัดสินที่จะดูแลเอง แต่อนุญาตให้ปรีย์มาอาศัยอยู่กับเขาสามถึงสี่วันต่อสัปดาห์เพราะกลัวว่าเขาจะเสียงาน แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่เขาก็พอใจที่จะใช้ชีวิตเช่นนี้ และมั่นใจได้ว่าก้องภพจะไม่สามารถทำร้ายปรีย์ได้ในระดับหนึ่ง...ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ กล้าหาญมีความเชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถทำให้เด็ก
หนุ่มกลับมาเป็นอย่างเดิมได้...
เริ่มจากการที่เขาสามารถทำให้ร่างเล็กนี้พยายามปฏิเสธสัมผัสจากเขาในยามเช้าได้...
“พี่กล้าหวัดดีฮะ” แฟรงค์ยกมือไหว้ชายหนุ่ม ..เขามาเยี่ยมเพื่อนในวันหยุด... แม้จะไม่ได้มาเป็นประจำทุกอาทิตย์ แต่ไม่เคยเว้นระยะขาดหายไปนาน
ตอนแรกที่ได้ทราบข่าว เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง... เพื่อนที่แสนร่าเริงของเขาทำมจู่ ๆ ถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ แต่เมื่อได้ฟังเรื่องคร่าว ๆ จากกล้าหาญก็ทำให้พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้
แฟรงค์นั่งมองเพื่อนสนิทที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาให้อีกคนตัดผม... ช่วงแรก ๆ เขารู้สึกอึดอัด และพยายามพูดคุยกับเพื่อนซี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมทุกครั้งจนเขาเป็นฝ่ายยอมแพ้ และเลิกล้มไปเอง...
แฟรงค์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการมาหาปรีย์และนั่งมองอยู่อย่างนี้จะมีอะไรดีขึ้น.. หากแต่เขารู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้ปรีย์ใช้ชีวิตในหนทางของตนโดยไม่หันมาสนใจได้... เขาละเลยเพื่อนตัวเองไปไม่ได้จริง ๆ
เสียงอึกทึกครึกโครมของดนตรีดังขึ้นภายในบ้านเช่าหลังเล็ก... เพื่อนในแผนกพยายามลากเขามาร่วมงานด้วยจนได้ แต่ชายหนุ่มตกลงว่าจะมาร่วมงานเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น สายตาลอบมองนาฬิกาข้อมือตนด้วยความลุกลี้ลุกลน ใจเอาแต่ห่วงคนที่อยู่บ้าน แม้จะฝากฝังไว้กับเพื่อนรุ่นน้องแล้วแต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้อยู่ดี
ผ่านไปไม่เกินสิบห้านาที ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวดพลาด รีบก้าวเท้าไปหาเจ้าของบ้านเช่า
“ต้องรีบกลับแล้วล่ะ โทษทีนะ” กล้าหาญบอกเสียงเรียบ ในใจเต็มไปด้วยความกังวล...
“อ้าว!ทำไมมึงรีบจังวะ นาน ๆ มาเจอเพื่อนที หรือว่าเมียดุ” เพื่อนเขาเอ่ยแซวกลั้วหัวเราะ..กล้าหาญชะงักก่อนเอ่ยกับตัวเองเสียงแผ่ว...
“... ถ้าเขาดุก็ดีน่ะสิ”ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง... คนที่เคยเป็นคนรักเก่าอย่างหล่อนน่ะหรือจะไม่สามารถจับสังเกตได้...
ช่วงขายาวรีบก้าวตามชายหนุ่มไปหน้าบ้าน มือเรียวรีบตะปบคว้าแขนของอดีตคนรัก
กล้าหาญหันกลับมามองคนที่ยื้อยุดเขาด้วยความฉงน
“บางทีนายก็ควรจะคิดได้ซักทีนะ” หญิงสาวเอ่ยถ้อยคำเสียดสี... หล่อนรู้ดีว่าไม่ควรพูด หากแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ทำให้หล่อนกล้าทำอะไรมากกว่าที่ใจคิด
“หมายความว่าไง ?”
“ปรีย์เป็นหลานของนายไม่ใช่รึไง ? ไม่คิดว่าเรื่องพรรณนี้มัน... อุบาทว์” หยกเว้นคำสุดท้าย เอ่ยพร้อมสายตาเวทนา
“หยก!”...ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ตวาดชื่อเธออย่างเหลืออด
“ทำไม!หรือจะเถียง!?” หญิงสาวขึ้นเสียงตะโกนดังไม่น้อยหน้าอดีตคนรัก ...กล้าหาญสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์
“เราอย่าเพิ่งคุยกันดีกว่า” เขาตัดบทเดินหนี ปล่อยให้อีกฝ่ายแผดเสียงร้องฝ่ายเดียวโดยไม่คิดจะสนใจอีก
กลับมาถึงบ้านเขาก็ตรงดิ่งไปหาคนที่นอนขดตัวนิ่งอยู่บนเตียง ชายหนุ่มทิ้งน้ำหนังลงบนที่นอนนุ่ม ลูบไล้ผมเส้นเล็กเบามือ..
ใจกระหวัดนึกถึงคำพูดของหยก
“ปรีย์.. เมื่อไหร่จะเป็นเหมือนเดิม ?” เขาส่งเสียงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูเล็ก
“รู้ไหมพี่ทุกข์ใจกันแค่ไหน ?” จบคำถาม ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม ปรีย์นอนนิ่งไม่สนใจเขา...ไม่รับฟังคำพูดที่เขาต้องการสื่อสารด้วยซักนิด....
ทำไมกัน ? แล้วเขาจะต้องรออีกนานเท่าไร ?... ต้องอดทนราวกับอยู่คนเดียวไปนานแค่ไหน ?
เขาไม่สามารถบอกใครได้... แม้แต่คนที่เขาต้องการจะพูดด้วยก็ไม่เคยรับฟังเสียงของเขา
“ปรีย์!ตอบพี่มาสิ!” กล้าหาญตวาดเสียงลั่น กระชากเด็กหนุ่มที่ทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวลากลงจากเตียง...
ปรีย์ล้มตัวกระแทกพื้นเสียงดัง... ก่อนพยายามลุกขึ้นยืนอย่างเงอะงะ เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย... มือกวาดหาที่ยึดเหนี่ยวราวกับว่ามองไม่เห็น ท่าทางเหล่านั้นทำให้กล้าหาญยิ่งรู้สึกโกรธ
“พี่ยืนอยู่ตรงนี้ไง!? ทำไมถึงมองไม่เห็น!?” ชายหนุ่มตะโกนอย่างหัวเสีย หวังให้คนตรงหน้าได้ยินเสียงของเขาและรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ ...อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ...
จนท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเดินเข้าไปใกล้และกระชากมือเล็ก ๆ นั่นสัมผัสตัวเขา... มือหยาบค่อย ๆ ไล่สัมผัสตามเนื้อตัวของชายหนุ่ม ก่อนเคลื่อนไปสัมผัสใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเขาแผ่วเบา.. ริมฝีปากบางเผยอราวกับจะเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาซักประโยค.. ก่อนจะหุบลง
ร่างเล็กลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจโอบตัวชายหนุ่มไว้ในอ้อมแขน... อย่างที่ครั้งหนึ่งเคยทำ...นั่นทำให้หัวใจของกล้าหาญพองโต...
เขามั่นใจว่าปรีย์รับรู้ถึงความรู้สึกของเขา... ชายหนุ่มมั่นใจว่าปรีย์รับรู้เรื่องราวจากเขาได้...ชายหนุ่มตัดสินใจบดจูบริมฝีปากบางนั้นอย่างไม่ลังเล...
เด็กหนุ่มพยายามขัดขืน.. เบือนหน้าหนี แต่ไม่ว่าจะหนีอย่างไร ชายหนุ่มก็ตามติดเขาไปทุกที่...เพียงเพื่อได้ลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากแห้งผากของเขา...
ลิ้นร้อนรุกไล่เข้าสู่โพรงปากเล็ก เกี่ยวกระหวัดลิ้นที่พยายามหลบเลี่ยงอย่างโหยหา.. มือหนาลูบคลำไปตามร่างบอบบางนุ่มนิ่มเนื่องจากไม่ได้ออกกำลังมานาน ออกแรงดันเด็กหนุ่มให้ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
“ปรีย์..” กล้าหาญเอ่ยชื่อร่างบางเสียงสั่นพร่า... เขาคิดถึงเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้ว คิดถึงดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองเขาอย่างออดอ้อน คิดถึงรอยยิ้มจากริมฝีปากบาง คิดถึงความหวั่นไหวเมื่อได้เข้าใกล้กับร่างบาง คิดถึงทุกสิ่ง.. เขาคิดถึงปรีย์เหลือเกิน... ถึงแม้จะมีเด็กหนุ่มอยู่ข้างกาย ได้สัมผัสได้ใกล้ชิด แต่ราวกับว่าพวกเขาอยู่ห่างกันไกลเหลือคณา...
“ได้ยินรึเปล่า ?” มืออุ่นร้อนสัมผัสผิวเนื้อใต้ร่มผ้าอย่างแผ่วเบา เล็มเลียใบหน้าชื้นเหงื่อและลำคอระหงส์ พรมจูบพื้นผิวทุกตารางนิ้ว.. . เสียงหอบหายใจหนักของร่างในอ้อมแขนเป็นเครื่องยืนยันว่าเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ไม่ต่างจากเขา.. ปรีย์ยังคงหลงเหลือความรู้สึกอยู่
“พี่รักปรีย์นะ...” กล้าหาญบอกเสียงแผ่ว โอบกอดร่างสั่นระริกไว้ในอ้อมแขน... เขารู้ดีว่าปรีย์ยังไม่พร้อม และเขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร
มือหนาลูบเบา ๆ ไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่า ...ไล้ริมฝีปากไปตามแก้มนุ่ม
เสียงลมหายใจถี่ค่อย ๆ ปรับมาสู่สภาวะปกติ... เขารู้สึกว่าเปลือกตาของตนค่อย ๆ หนักขึ้น...
ชายหนุ่มคิดว่าเขากำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาไม่แน่ใจในตัวเองนัก...
‘... ผมก็รักพี่....’ราวกับความฝัน... เขาได้ยินเสียงเอื้อนเอ่ยตอบกลับ... เสียงห้าวแหบพร่าที่เขาไม่ได้ยินมานานแสนนาน... เขาพยายามลืมตา แต่มันทำได้ยากยิ่ง... นี่คงจะเป็นความฝัน...
นิทรานี้ เป็นความฝันที่ดีที่สุดตั้งแต่เขาหลับตาลง....
ชายหนุ่มตื่นขึ้นตอนเช้า มองใบหน้าคนในอ้อมแขนด้วยความสุข.... เขาบรรจงจูบลงบนปลายจมูกเล็ก สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาว...
ปรีย์ครางอืออา พยายามผลักใบหน้าเขาออกห่าง... เขาหัวเราะชอบใจ คว้าแขนเล็ก ๆ ไว้และถูเคราสากบนซอกคอขาว
เด็กหนุ่มพยายามดิ้นหนี... ตามปกติแล้วเขาคงปล่อยไป หากแต่วันนี้เขากลับอยากแกล้งเจ้าแมวจอมขี้เกียจเยอะ ๆ ...เขารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
ชายหนุ่มทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ อาบน้ำแต่งตัวให้หลานชาย เตรียมจะพาไปส่งที่บ้านให้ดารัตน์รับช่วงดูแลต่อ เสียงออดประตูบ้านทำให้เขาแปลกใจ... หยกมาถึงบ้านของเขาด้วยดวงตาที่แดงช้ำ
“เมื่อวานฉันขอโทษ”
“... มีอะไรอีกไหม ?” กล้าหาญเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ฉันอยากเจอเขา.. น้องปรีย์น่ะ”
“กลับไปก่อนเถอะ วันนี้ไม่ค่อยเหมาะ” ชายหนุ่มปฏิเสธ จะปิดประตูเหล็ก แต่ร่างบางรีบขับเข้ามาขวางไว้
“ขอร้องล่ะ แค่แป๊บเดียว...” หยกบอกเสียงอ้อน ก่อนจะหยอดคำท้ายที่เธอรู้ว่าใช้ได้ผลทุกครั้ง...
“นะ”
“...เข้ามาสิ” กล้าหาญชะงัก ก่อนตัดสินใจเปิดทางให้หญิงสาวร่างบอบบางเข้ามาในตัวบ้าน.. ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของเธอ ...ร่วมกับเขา
หญิงสาวเท้าคางมองเด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟา... เด็กคนนี้แทบไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เจอกันครั้งสุดท้าย.. เธออิจฉาเขานักที่ได้เป็นคนในความดูแลของชายหนุ่ม
กล้าหาญค่อย ๆ หย่อนกายลงบนโซฟาและประคองศีรษะทุยขึ้นซบตัก หญิงสาวมองกิริยาแสนทะนุถนอมเหล่านั้นพร้อมกับอาการเจ็บแปล๊บในอก
“กำลังจะออกจากบ้านเหรอ ?” หญิงสาวถามอย่างอึดอัด
“อืม” กล้าหาญตอบรับในลำคอเบา ๆ
ทั้งคู่ไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก มีเพียงความเงียบที่แสนจะน่าอึดอัด... หยกได้แต่มองดูมือหนาที่ครั้งหนึ่งมันเคยโอบกอดเธอกำลังลูบไล้ผมเส้นเล็กอย่างอ่อนโยน
“ฉันยอมรับตามตรงว่าฉันกำลังอิจฉาเด็กคนนี้...”
“นายไม่เคยละสายตาจากเขาเลย”
“ผมขอโทษ...”
“กล้า.. เราไม่มีโอกาสกลับมาเป็นอย่างเดิมเลยใช่มั้ย ?” ดวงตาคมไหวระริก รีบเอ่ยตัดบท
“หยกกลับไปก่อนเถอะ..”
“...อืม” หญิงสาวตอบรับในลำคอเสียงเบา เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่หันกลับมาอีก...
ก้องภพมองใบหน้าลูกชายตนที่ไม่เจอเกือบปีด้วยใจเต้นระส่ำ เด็กหนุ่มแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เส้นผมเส้นเล็กนั้นยาวกว่าที่เขาเจอครั้งสุดท้าย ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มดูนิ่งจนคาดเดาไม่ออก แทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนี้จะเคยส่งแววตาออดอ้อนให้เขานับครั้งไม่ถ้วน
เขายอมรับว่าอยากเขาไปกอด อยากจูบ อยากสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของเด็กหนุ่ม อยากสัมผัสผิวเนื้อให้หายคิดถึง หากแต่มารดานั่งตีหน้าขึงอยู่ข้าง ๆ ทำให้เขาทำได้เพียงมองอยู่อย่างงั้น
.. ไม่ว่าเขาจะพยายามกลับไปใช้บริการเจ๊ใหญ่อีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล.. ไปโรงพยาบาลก็ไม่สามารถรักษาได้ ..ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขา ในหัวมีแต่เรื่องของเด็กคนนี้เต็มไปหมด... เขาต้องทนทรมานราวกับถูกสาป
ถ้าหากเขาได้สัมผัสเด็กคนนี้อีกซักครั้ง ไม่แน่ว่าร่างกายของเขาจะกลับมาเป็นอย่างเดิม...
“ก้องกำลังทำเรื่องหย่ากับเมย์อยู่” ชายหนุ่มเอ่ยบอกมารดานิ่ง ๆ... เขาแทบไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูกชายนอกจากจะขออนุญาตจากมารดา และเพื่อหาหนทางเข้าใกล้ ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องเสนอตัวดูแลเด็กคนนี้เอง เมื่อทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติแล้วเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม... ไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก
นึกถึงเวลานั้นแล้วเขาก็รู้สึกแปลก ๆ... เขาจำได้ว่าเมื่อปีก่อนที่ต้องแยกจากคนตรงหน้านั้นเขาแทบจะเป็นบ้า ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน โวยวายร้องเรียกชื่อของลูกชาย เมย์ก็เอาแต่ร้องไห้เพราะเขา...
“งั้นก็คุยกับพ่อกล้าเสียให้เรียบร้อย... แม่ไม่อยากเห็นพวกเราฆ่ากันตายต่อหน้าแม่” และน้องชายของเขาก็ถือเป็นก้างชิ้นใหญ่ทีเดียว...
กล้าหาญเดินทางมารับปรีย์จากบ้านไม้หลังใหญ่ตามปกติ... เขาชะงัก เมื่อเห็นพี่ชายตนนั่งอยู่ข้างกายมารดา... ใจของเขาราวกับหล่นหาย... ไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่เขาคิด ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดาและเข้าไปสวมกอด ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ
“เมื่อไหร่เราจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา.. แม่อยากอุ้มหลานจะแย่อยู่แล้ว” มารดาเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนากับเขา
“จะให้กล้าแต่งกับใครละครับแม่ ?”
“เมื่อวันก่อนหนูหยกก็มาหาแม่...” ดารัตน์เปรยขึ้นเบา ๆ
“...กล้ากับหยกเลิกกันตั้งนานแล้ว แม่ก็รู้” ชายหนุ่มบอกเสียงหงุดหงิด ก่อนตวัดสายตาไปหาคนที่เขาไม่เจอหน้านานหลายเดือน...
“พี่ก้องมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า ?” น้ำเสียงของเขาห้วนสั้น ไม่เป็นมิตรจนมารดาต้องส่งสายตาดุ...
“ฉันอยากคุยกับแกเรื่องปรีย์”
“ทำไม ?” กล้าหาญเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“ฉันอยากเป็นคนดูแลลูกของฉันเอง”
“ไม่!” กล้าหาญตวาดเสียงลั่น กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ... เขาไม่มีทางยอมให้ก้องภพเข้าใกล้ปรีย์อีกแน่... ไม่มีวัน!
“แม่ก็เห็นด้วยนะ เรายังหนุ่มยังแน่น ทำไมไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองหน่อยเล่าพ่อกล้า”
“แม่จะบอกกล้าว่าการที่กล้าดูแลปรีย์มันปิดกั้นตัวเองงั้นเหรอ ?” ดารัตน์ชะงักไปชั่วหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นนำลูกชาย
“...กล้ามาคุยกับแม่หน่อยสิ” ชายหนุ่มลุกตามมารดาไปอย่างว่าง่าย แต่ถูกเรียกไว้เสียก่อน
“กล้า”
“ตั้งแต่เกิด.. ตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมา พี่ไม่เคยขอร้องอะไรกล้า แต่วันนี้พี่ขอได้มั๊ย ? เพียงแค่อย่างเดียวในชีวิตพี่... พี่ขอเป็นคนดูแลปรีย์เอง...” ดวงตาคมรีบตวัดหนี... เขาไม่มีทางใจอ่อนให้กับผู้ชายคนนี้.... ไม่เด็ดขาด!!
“ในเมื่อพ่อก้องเขาอยากเลี้ยงดูลูกของเขา ก็ให้เขาทำเถอะ...” หญิงชราเอ่ยประโยคแรกก็ทำให้บุตรชายของหล่อนหน้าตาบึ้งตึง
“แต่.. แต่กล้าอยากดูแลปรีย์เอง แม่ก็รู้นี่ว่าพี่ก้องเคยทำอะไรกับปรีย์ไว้”
“พ่อก้องเพิ่งเอานี่มาให้แม่ดู” หล่อนยื่นกระดาษแผ่นบางให้กล้าหาญ
“อะ...” ผลการตรวจของแพทย์ทำให้เขาชะงัก...
“ทีนี้ก็หมดห่วงแล้วใช่ไหม ...จะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที”
“กล้าไม่แต่ง ..แม่ก็น่าจะรู้ ว่ากล้าคิดยังไงกับปรีย์” ดารัตน์นิ่งไปชั่ววินาที
“หนูปรีย์ก็เป็นลูกพ่อก้อง เป็นหลานเรา แถมยังเป็นผู้ชายจะให้แม่ยอมรับได้ยังไง แล้วถ้าพ่อรู้เรื่องจะเกิดอะไรขึ้น..”
“แต่...กล้ารักปรีย์จริง ๆ..” หญิงชราตัดสินใจเอ่ยประโยคถัดไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“แค่ตาก้องเป็นเกย์ แม่ก็ทุกข์ทรมานใจพออยู่แล้วลูก อย่าทำให้แม่ผิดหวังอีกคนเลยตากล้า...”กล้าหาญได้แต่นิ่งเงียบ...
“แม่ให้เวลากล้าหน่อยนะ ตอนนี้กล้ายังคิดอะไรไม่ออก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว... เดินหนีออกมาอย่างเหม่อลอย
เขาตรงไปยังห้องเก่าของตนเองก็พบคนรับใช้กำลังพยายามป้อนอาหารให้เด็กหนุ่มอยู่ ...ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้และซุกตัวลงบนตักเล็ก โอบแขนรอบเอวบางกอดไว้แน่น...
หยาดน้ำใสเอ่อคลอตาของเขา.. แล้วความต้องการของเขาล่ะ ?... ความต้องการในชีวิตเพียงแค่อย่างเดียวของเขาคือดูแลเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด... กล้าหาญสะอึกสะอื้น...
เวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันของพวกเขาเหลือน้อยลงเต็มที.... ดารัตน์อยู่ฝั่งก้องภพอย่างเห็นได้ชัดเจน... เขาได้แต่ภาวนาให้เรื่องงี่เง่าพวกนี้ไม่ใช่ความจริง...
ทั้ง ๆ ที่เขากับปรีย์รักกันแท้ ๆ... ทั้ง ๆ ที่พวกเขารักกัน....
ทำไมปรีย์ถึงทิ้งเขาไว้คนเดียว ?......
“เมื่อไหร่ปรีย์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม..?” กล้าหาญจับมือหยาบกร้านขึ้นจุมพิต เอ่ยคำถามเสียงสั่น
“ปรีย์ได้ยินพี่รึเปล่า ?”
“เข้าใจพี่บ้างมั้ย ?”เหมือนเดิม... คำตอบที่เขาได้รับคือความเงียบงัน... ราวกับเขาพูดกับสิ่งซึ่งไร้ชีวิต... เหมือนคนที่ตายไปแล้ว....
ปรีย์ตายไปแล้วจริงเหรอ ?... ทั้ง ๆ ที่ยังคงมีความรู้สึกกับเขาน่ะหรือ ?...
กล้าหาญหายใจติดขัด... นี่เขามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่นะ ?... 8 เดือน 9 เดือน...หรือเป็นปี... ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอดทนใช้ชีวิตอย่างอาหลานกับคนตรงหน้ามาได้ตั้งนานสองนาน...ทั้ง ๆ ที่แค่ได้กลิ่น ได้สัมผัสยังรู้สึกถึงเพียงนี้...
มือหนาบีบเค้นไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ขบเม้มยอดอกที่ดันเนื้อผ้านูนขึ้นมาเล็กน้อย กางเกงขาสั้นถูกดึงร่นลงเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวลอย่างง่ายดาย..
กล้าหาญลอบสังเกตใบหน้าของเด็กหนุ่ม... กิริยาท่าทางต่าง ๆ ทำให้เขาพอจะเดาออกว่าร่างเล็กกำลังเขินอาย ..ปรีย์ยังคงน่ารักเหมือนตอนที่เขาขออีกฝ่ายจูบครั้งแรก เปลือกตาบางหลุบต่ำ แก้มนวลแดงระเรื่อ
ชายหนุ่มบดริมฝีปากเข้ากับกลีบปากบาง... กล้าหาญชะงัก ไม่แน่ใจในตนเองก่อนจรดริมฝีปากลงใหม่... เขาเริ่มแน่ใจว่าปรีย์จูบตอบเขา...
ใช่... เขาต้องทำให้ปรีย์รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้... ทำให้เด็กน้อยคนเดิมกลับมา... ก้องภพก็จะไม่สามารถบีบบังคับเขาได้อีก...
เข่าเล็กถูกดันออกกว้าง สะโพกมนถูกยกขึ้นสูง... มือหยาบพยายามปัดป่าย ส่งเสียงในลำคออึกอัก...
เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องและดิ้นหนักขึ้น ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ชายหนุ่มถ่ายน้ำหนักตัวลงทาบทับร่างเล็กไม่ให้ดิ้นหนี มือหนากระชับต้นขาเล็กไว้แน่น
ความเจ็บปวดที่แล่นริ้วทำให้ร่างบางส่งเสียงกรีดร้องลั่นพยายามกระถดตัวหนี ชายหนุ่มกัดฟันกรอดทิ้งน้ำหนักตัวลงไปอีก
“อย่าเกร็ง... ปรีย์” เขาพยายามกระซิบปลอบ แต่มือเล็ก ๆ นั่นพยายามทุบไหล่เขาให้หยุดความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้น
มือหนารวบข้อมือเล็กไว้แน่นและเบียดตัวเข้าแนบสนิท เด็กหนุ่มพยายามส่งเสียงแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ปลายเท้าจิกลงบนพื้นเตียงราวกับมันจะสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้
“นั่นแหละ เด็กดี...” ริมฝีปากจูบซับน้ำตาที่กลิ้งไหลจากดวงตาคู่สวย ก่อนพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า เสียงเตียงลั่นพร้อมกับเรียวขาขาวที่สั่นระริกข้างลำตัวเขาทั้งสองข้าง
“ปรีย์รู้ใช่มั้ยว่าพี่กำลังอยู่ในตัวปรีย์”
“รู้สึกใช่มั้ย ?”
“รู้ใช่รึเปล่า ?” ไม่มีเสียงตอบกลับคำถามเหล่านั้น นอกเสียจากเสียงสะอื้นไห้ปนหอบหายใจหนัก
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น กระชับเอวบางไว้ในอ้อมแขนเมื่อถึงฝากฝั่งแห่งอารมณ์... เขาหอบหายใจหนัก ตาพร่าไปหมด... ร่างอ่อนปวกเปียกในมือทำให้เขาชะงัก...
“ปรีย์” กล้าหาญเอ่ยเสียงตื่น ฝ่ามือหนาตบใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเด็กหนุ่มเบา ๆ ...เขาพยายามร้องเรียกอีกหลายครั้งแต่อีกฝ่ายสิ้นสติไปแล้ว
“บ้าเอ้ย!!!” ชายหนุ่มคำรามลั่น
นี่เขาทำอะไรลงไป ?... เขาเพียงแค่อยากให้ปรีย์กลับมาเป็นอย่างเดิม.. ทำไมเด็กคนนั้นต้องหนีปัญหาแบบนี้ด้วย ?...มือหนาควานหาไออุ่นข้างกายอย่างคุ้นชิน แต่กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า...
“ปรีย์!”กล้าหาญสะดุ้งตื่นกวาดตามองหาคนที่ต้องอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสมอเมื่อตื่นนอน
ร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนสั่นเทาซุกตัวอยู่ในมุมอับพยายามทำตัวลีบเล็กที่สุด ชายหนุ่มรีบลุก เดินเข้าไปหา แต่เมื่อจับแขนเล็กไว้เท่านั้นปรีย์ก็พยายามสะบัดออก อีกทั้งยังกำหมัดทุบมือเขา
เด็กหนุ่มสำลักลมหายใจ พยายามส่งเสียงร้องปรีย์ไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัว ไม่ให้เขาเข้าใกล้ ไม่ยอมกินอาหาร เด็กหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องและพยายามดิ้นหนีจากอ้อมแขนเขา
กล้าหาญลองให้แฟรงค์มาดูแลเพื่อน ปรีย์อาจจะกลัวบ้างแต่ก็ไม่ปฏิเสธเท่าที่เกิดขึ้นกับเขา ปรีย์แยกออกว่าใครที่กำลังดูแลตัวเอง... เพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็พอเข้าใจแล้วว่าปรีย์กำลังกลัวเขา...
ชายหนุ่มต้องพยายามบังคับให้ปรีย์ทานอาหาร บางครั้งปรีย์ก็สำลัก อ้วกออกมา อมอาหารไม่ยอมกลืน จนบางทีเขาต้องบังคับมาก ๆ ถึงขั้นเลือดท่วมปากเด็กหนุ่มเลยก็มี
กล้าหาญคิดว่าอีกไม่นานปรีย์ก็คงจะเลิกกลัวไปเอง แต่นานวันปรีย์ก็ยิ่งหนักข้อกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดทำร้ายตัวเอง นั่นทำให้ชายหนุ่มแทบขาดใจ
ช่วงแรกเขาคิดว่ามันบังเอิญที่ปรีย์จะวิ่งหนีเขาจนชนกำแพง แต่เด็กหนุ่มกลับลุกขึ้นมาแล้ววิ่งชนมันอีกครั้ง และอีกครั้ง.. เขาจึงเริ่มรู้ว่าปรีย์ต้องการจะทำร้ายตัวเอง ..อีกทั้งยังจิกเล็บลงบนร่างกายจนเกิดแผลหลายต่อหลายแห่ง
เขาต้องอาศัยจังหวะที่เด็กหนุ่มเผลอหลับเพื่อทำแผลให้... ดวงตาคมมองดูใบหน้าที่หลับตาพริ้ม มือหนาสัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่ม... แต่เมื่อเห็นแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกายบอบบางแล้วพลันรู้สึกเจ็บไปหมด...
เขายอมแพ้แล้ว... ยอมแพ้จริง ๆ... ได้โปรดอย่าทำแบบนี้อีก...
ชายหนุ่มหยิบมือถือกดหมายเลขโทรศัพท์หาคนคุ้นเคย...
เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้น... เขาลังเล แต่ก็กลั้นใจรอต่อ....
“ฮัลโหล...” เสียงทุ้มปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น...
“พี่ก้องเหรอครับ...” กล้าหาญกลั้นหายใจ... เผลอเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง...
“เรื่องนั้น....ผมตกลงนะ...”ประโยคสุดท้ายออกจากริมฝีปากยากเย็น พร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลล้นออกจากดวงตาคม..
“แล้วจะตั้งชื่อลูกว่ากระไรล่ะ ตากล้า ?” ดารัตน์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม... ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขเมื่อบุตรชายมาแจ้งข่าวดีให้หล่อนทราบ...
“...ข้าวปุ้นครับ”กล้าหาญสบตามารดาเพียงชั่วเสี้ยววินาที ก่อนหลบตาวูบ
“...ก็ดีนะจ๊ะ”ดารัตน์กลั้นหายใจ ก่อนปั้นหน้ายิ้มเอ่ยตอบลูกสะใภ้....
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าลูกชายคนเล็กแฝงความหมายไว้ว่าอย่างไร... ในเมื่อข้าวปุ้นนั้นเป็นชื่อที่หล่อนเข้าใจว่าเป็นชื่อของปรีย์เมื่อสมัยเด็กคนนั้นยังแบเบาะ...ทั้งคู่คุยกันอย่างออกรสถึงประสบการณ์อาการแพ้ท้อง...
“งั้นหนูกับกล้าขอลาไปก่อนนะคะคุณแม่”หยกแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ยกมือไหว้แม่สามี
หญิงชรายกมือรับไหว้ พยัดเพยิดให้เด็กรับใช้เดินออกไปส่ง...
ดารัตน์มองตามแผ่นหลังลูกสะใภ้ด้วยแววตาเห็นใจ หวังว่าเมื่อเด็กคลอดแล้วจะสามารถช่วยกล้าหาญลบเลือนความคิดคำนึงถึงเด็กหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของพี่ชายได้....
แสงจันทร์สาดส่องเข้าสู่เรือนไทยหลังเล็กที่ถูกปลูกแยกออกมาจากตัวเรือนใหญ่... เสียงหอบหายใจหนักปนเสียงสะอื้นดังขึ้นในความเงียบ ผิวเนื้อขาวนวลที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนบางกระทบแสงจันทร์ ร่างบอบบางเกร็งตัวพยายามขืนตัวหนีจากอ้อมกอดที่โอบรัดร่างกายเขาไว้แน่น...
มือเล็กหยาบกร้านจิกผ้าปูเตียงจนมันยับยู่ยี่ไปหมด ก่อนจะถูกมือหนากอบกุมและประสานเอาไว้แนบสนิท...
“ชู่ว์ ปรีย์... พ่ออยู่นี่”ก้องภพไล้ริมฝีปากบนหลังคอชื้นเหงื่อของในคนในอ้อมแขนแผ่วเบา...
“ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไร....” เสียงทุ้มกระซิบปลอบประโลม พร้อมลมหายใจที่เป่ารดข้างหู...
...ปรีย์มักจะร้องไห้ตอนกลางคืน เหมือนฝันร้าย... ช่วงแรกปรีย์มักจะส่งเสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ ศัพท์และมีการทำร้ายตัวเองบ่อยครั้ง... เขาไม่เคยเอ่ยบอกเรื่องนี้กับใคร... เขาไม่อยากพาปรีย์ไปพบจิตแพทย์ เขาไม่ต้องการรายงานความคืบหน้าอาการของเด็กหนุ่มให้ใครฟัง... เขาเพียงแค่อยากอยู่เงียบ ๆ กับเด็กคนนี้เพียงแค่สองคน... ไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง...
ก้องภพรู้ดีว่า หากปรีย์รักษาหายเป็นปกติ กลายเป็นปรีย์คนเดิมแล้ว เขาก็จะไม่มีสิทธิ์ในตัวของเด็กคนนี้อย่างเต็มที่อีกต่อไป... ปรีย์อาจออกห่างจากสายตาเขา อาจมีใครคนอื่น...
ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ยอม...
ปรีย์จะเป็นผีเสื้อในโถแก้ว... ที่อยู่ในความครอบครองของเขาแต่เพียงผู้เดียว...
Regrets, I’ve had a few
But then again, too few to mention.
I did what I had to do
And saw it through without exemption.
I planned each charted course ;
Each careful step along the by way,
But more, much more than this,
I did it my way.
My Way - Frank Sinatra
หยดน้ำผึ้ง
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔
๑๒.๕๖
ขออภัยที่ลงช้าไปล้านปีแสง ไม่ได้กลับมาดูเลยว่า ที่ลงตอนพิเศษ 2 ไว้ นั้นไม่มี ลำบากเพื่อน ๆ ที่ต้องไปหาอ่านจากเวปอื่น เพราะมันค้างงงงงงง ขอบคุณน้องหยดสำหรับนิยายดี ๆ ที่เรียกน้ำตาได้แม้แต่ตอนพิเศษ อ่านกี่ครั้งก็ร้องไห้ได้ทุกครั้งจริง ๆ ค่ะ