พิมพ์หน้านี้ - ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: littleFiNgeR ที่ 23-08-2011 22:26:56

หัวข้อ: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-08-2011 22:26:56
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




 :pig2:  :pig2:  :pig2:  :pig2:


นิยายเรื่องนี้คนโพสต์ได้นำมาลง โดยได้รับอนุญาติจากเจ้าของเรื่องเรียบร้อยแล้วนะคะ

จริงเคยลงแล้วครั้งนึง ได้ประมาณ 17-18 ตอน แล้วก็หยุดลงไปนานมากกกกก น่าจะครึ่งปีได้ ว่าจะลงต่อจากกระทู้เก่าแต่มันดูรกๆยังไงไม่รู้เลยลบกระทู้เก่าไป แหะๆ คราวนี้สัญญาว่าจะลงจนจบเรื่องนะคะ จะไม่เบี้ยวเลี้ยวววววววววว


 :m23:   :m23:

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 1 [23/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-08-2011 22:47:06

FLIGHT ONE : เที่ยวบินแห่งความแค้น


             
            รถยนต์เฟอร์รารี่คันหรูรุ่น F430 สีดำเงาแวววับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ถูกขับมาจอดอย่างสง่างามบริเวณพื้นที่จอดรถส่วนตัวของ “นักบิน” หรือที่ลูกเรือทั้งหลายเรียกเขาว่า “กัปตัน”  แห่งสายการบินชื่อก้องโลกและสร้างเกียรติภูมิให้แก่ฝรั่งเศส...   นั่นก็คือ สายการบิน DANOSSY AIRLINE ..

     ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดลมฝน เปิดประตูรถคันหรู พร้อมก้าวลงมาด้วยท่าทีบุคลิกอันน่าหลงใหล  สีหน้าที่ถูกวางฟอร์มไว้แล้วก่อนหน้านี้ มันเข้ากับชุดฟอร์มกัปตันได้ดี ราวกับเขาเป็นบุรุษเพศที่หาจุดติเสียมิได้เลยทีเดียว... ใบหน้าคมเข้ม คิ้วสีน้ำตาลเข้มหนา กับผมที่ถูกเซ็ตอย่างดูภูมิฐานภายในหมวกประจำเครื่องแบบ กับกระเป๋าสีดำหนังทรงสี่เหลี่ยมถูกนำออกมาจากภายในรถ พร้อมกับท่าทีขยับร่างกายที่ดูมุมไหนแล้วก็ไม่อาจห้ามใจให้ใครต่อใครได้ ฝ่ามือของชายหนุ่มขยับเนกไทต์เบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้กับบรรยากาศรอบๆ ราวกับทุกวันของเขาเป็นวันที่แสนวิเศษกว่าใครๆบนโลกใบนี้


  ลูคัส กาโรล นั่นคือชื่อของเขา..

                           
     ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีในพนักงานทุกส่วนของท่าอากาศยานรัวซี-ชาร์ลส์เดอโกล กรุงปารีส...ด้วยชื่อเสียงเรียงนามที่มาจากความประพฤติทางสังคมและการงาน เป็นที่น่านับถือและน่าไว้วางใจมากที่สุดในบรรดาวงการนักบินของฝรั่งเศสเ ขาเคยได้รับความไว้วางพระทัย โดยพระบรมวงศานุวงศ์ของประเทศต่างๆซึ่งแต่ละพระองค์เชิญให้เขาไปประจำห้องค็อกพิทในเที่ยวบินที่องค์นั้นๆเสด็จ เพื่อความอุ่นพระทัยในความปลอดภัยอีกด้วย

                                                 
     ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างและหน้าตาสง่างาม เดินตรงเข้ามายังอาคารด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าของเขา มันคืออาคารศูนย์ปฏิบัติการท่าอากาศยานฯ ซึ่งรวบรวมศูนย์ลูกเรือของสายการบินต่างๆเอาไว้มากมายทั่วโลก..ใครก็ตามที่เดินผ่านลูคัสเป็นอันต้องหันมายิ้มแย้มทักทายกันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน แต่ชายหนุ่มผู้ทรงสง่าผู้นี้ จะยิ้มตอบและยินยอมพูดคุยด้วย เฉพาะ “แอร์โฮสเตส” สาวสวยเพียงเท่านั้น


ลิฟต์กระจกตัวใหญ่ พาร่างของลูคัสขึ้นมาบริเวณชั้น9 ของอาคารตึกนี้ ซึ่งมันเป็นชั้นประจำการของศูนย์ปฏิบัติการลูกเรือของสายการบิน DANOSSY AIRLINE  ที่เขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ สายการบินนี้


 “กัปตันคะ” เสียงอ่อนเสียงหวานลอยมาจากเคาว์เตอร์บริเวณส่วนหน้าของศูนย์ฯลูกเรือ พนักงานประจำกราวน์สวมชุดสีดำเงาหนังพลาสติก ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของดานอสซี่ แอร์ไลน์

 “คุณวีว่ามารอกัปตันที่ห้องได้ครู่หนึ่งแล้วล่ะค่ะ” ทันทีที่ได้ยินการรายงานดังกล่าวชายหนุ่มแอบเบี่ยงใบหน้าไปอีกทาง แล้วเม้มริมฝีปากเรียวบางที่หญิงสาวคลั่งไคล้ของตน พลางกัดฟันเบาๆราวกับเขาเบื่อหน่ายกับการรับฟังคำรายงานนั้น

 “ขอบคุณคุณอลิซ” ลูคัสตอบเสียงเรียบ ไม่ตกฟอร์มเดิม ทำให้หญิงสาวนางนั้นได้แต่แอบเขินตัวขด

     ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาภายในพื้นที่พักผ่อนของลูกเรือดานอสซี่ ระหว่างทางเหล่าลูกเรือ ซึ่งหมายถึง สจ๊วตหนุ่มและแอร์โฮสเตสสาวหลายเชื้อชาติที่มาอยู่ในสายการบินนี้ทำความเคารพด้วยการยิ้มให้และกล่าวสวัสดีทักทายกันถ้วนหน้า แต่ความสุขุมและเคร่งขรึมของเขาก็เป็นจุดที่ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงเอกลักษณ์และบุคลิกของเขาดี ใช่...เป็นที่น่าเอาแบบอย่างยิ่งนัก ในสังคมของคนบินได้ ประตูห้องของตัวเองถูกผลักเข้าไป ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวผมบลอนด์มะฮอกกานีนั่งไขว่ห้างทาลิปสติกสีแดงสดอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง ทันทีที่หญิงสาวเห็นเขาเดินเข้ามา หล่อนรีบลดเครื่องสำอางวางลง พร้อมกับฉีกยิ้มอันน่าเย้ายวนใส่ชายหนุ่มอย่างไม่เก้อเขิน


 “คุณมาเลทหรือเปล่าคะ? ที่รัก?” คำทักทายของ วีว่า เลอคอติส หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดกะรัต ที่มีความสามารถในตนเองสูง ถึงขนาดที่ไต่เต้าจากแอร์โฮสเตสชั้นประหยัดพุ่งมาประทับอยู่บนชั้นเฟิร์สคลาสได้ไม่ถึงครึ่งปี และในเวลานี้ ซึ่งผ่านมากว่าหกปีแล้วที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ ...


     วีว่า เลอคอติส ได้รับตำแหน่งที่ทรงเกียรติกว่านั้น เพราะเธอได้ถูกเชิญให้เป็น“ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” ให้แก่ลูกเรือทั้งสจ๊วตและแอร์โฮสเตสรุ่นใหม่ ที่ได้รับคัดเลือกมาทำงาน และสอบ TOEIC ผ่านตามกฎระเบียบของบริษัทแล้ว และเธอก็มีหน้าที่ขัดเกลาให้ผู้หญิงที่บุคลิกไม่เอาไหนกลับกลายมาเป็นนางหงส์ประจำเที่ยวบินต่างๆได้มาหลายต่อหลายคนแล้ว ใครๆก็ต่างหมายปองหญิงสาวรวยเสน่ห์อย่างเธอ หากแต่ชายหนุ่มผู้ทะนงตนเองอย่างลูคัส... เขาได้ลิ้มรสหญิงสาวผู้นี้ไปแล้ว ก็เป็นอันต้องหมดสิ้นความใคร่ไปในไม่ช้า...ผู้หญิงในสายตาของลูคัสก็แค่นกตัวเล็กๆธรรมดาๆที่โบยบินอยู่บนอากาศ ซึ่งเขาจะสามารถจู่โจมตีและหักปีกเธอเหล่านั้นได้ ด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงและร้ายกาจในตัวเขาเอง.... และดูทีท่าว่าในเวลานี้ชายหนุ่มก็รู้สึกเอือมระอาไม่น้อยที่จะต้องถูกหญิงสาวที่กัดไม่ปล่อยอย่างวีว่า ตามจองล้างจองผลาญมาเกือบครบปีที่เขาได้ร่วมรักกับผู้หญิงบ้าตัณหาอย่างเธอ!


 “...ผมไม่ได้มาเลทสักหน่อย...” คำตอบสั้นๆทำให้วีว่ายิ้มอย่างพอใจในเอกลักษณ์เช่นนี้

 “..แต่คุณจะต้องเข้าบรีฟกับลูกเรือก่อนจะขึ้นเครื่องสี่สิบห้านาทีไม่ใช่หรือคะ?”

 “นี่ก็เหลืออีกตั้งชั่วโมงนี่..”

 “แต่ฉันคิดว่าคุณจะมาผ่อนคลายกับฉันก่อนเสียอีก...” คำพูดเชิญชวนอย่างน่าไม่อาย ทำให้ชายหนุ่มต้องแอบหันมาถอนใจอีกครั้ง ก่อนที่จะถอดสูทตัวนอกของตัวเองออก ขณะที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับพนักงานสาวของชั้นกราวน์คนเดิม

 “รับกาแฟเลยไหมคะกัปตัน?”

 “ไม่ล่ะ... วันนี้ผมทานมาจากที่พักแล้ว ขอบคุณมากคุณอลิซ..... เอ้อ... คุณวีว่า ผมว่าคุณก็ควรจะเข้าสถาบันได้แล้วนะ ป่านนี้ลูกเรือรุ่นใหม่คงจะมารอคุณอยู่ที่นั่นแล้ว” หญิงสาวเบะริมฝีปากสีแดงสดเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินตรงมาลูบไล้แผ่นอกของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนเอ่ย

“ก็ได้ค่ะ... แต่หลังจากที่คุณบินรอบนี้จบแล้ว...คุณต้องมีเวลาให้ฉันบ้างนะคะ....” ชายหนุ่มรีบพยักหน้ารับคำ แล้วผายมือเชิญให้หญิงสาวออกไป ขณะที่วีว่าโปรยเสน่ห์ที่ดูไร้ค่าในสายตาของลูคัสด้วยหางตาที่ถูกกรีดไว้อย่างเย้ายวน แต่ชวนอาเจียนมากกว่าสำหรับชายหนุ่มก่อนที่หล่อนจะย้ายสะโพกร้อนๆของเธอออกจากห้องนี้ ตามอลิซออกไปในไม่ช้า

“...ชิ!” เสียงสบถเบาๆอย่างเบื่อหน่ายของชายหนุ่ม ดังลอดออกมาจากไรฟัน ก่อนที่เขาจะเตรียมเอกสารเข้าห้องประชุม
เพื่อเข้าบรีฟ หรือเป็นการเตรียมตัวก่อนการเดินทางร่วมกัน ระหว่างนักบินและลูกเรือทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการบรีฟเช่นนี้เป็นประจำก่อนการเดินทางของทุกเที่ยวบินเช่นกัน และชายหนุ่มก็พร้อมเสมอกับการเข้าประชุมก่อนเดินทางเช่นนี้...ใช่...มาถึงจุดนี้... เขามั่นใจในตัวเองแล้วล่ะว่า.. เขาน่ะ มืออาชีพระดับไหน...
             



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          เบื้องหน้าของทางเข้าศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่แอร์ไลน์... ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองปี สวมแว่นดำอย่างมีมาด ริมฝีปากบางสีชมพูสดเบะเล็กน้อย พร้อมกับสายตาที่มองดูป้าย “DANOSSY AIRLINE” เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกดูแคลนประหลาด แต่หากชายหนุ่มหน้าขาวภายใต้แว่นกันแดดมาดเท่ มิได้คิดว่าดานอสซี่แอร์ไลน์กระจอกหรือด้อยค่าอะไรหรอก แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกย่ำแย่ในตัวใครบางคนของที่นี่มากกว่า...และคนๆนั้นที่ชายหนุ่มปรารถนาจะพบเจอ ก็ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่...เพื่อที่จะ...


 “ขอโทษนะครับ... ผมชื่อ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ผมนัดสัมภาษณ์งานไว้กับคุณซินดี้น่ะครับ” ชายหนุ่มหน้าขาวพูดพลางถอดแว่นกันแดดออกอย่างมีมาด ทำเอาอลิซ พนักงานส่วนหน้าต้องหวั่นไหวกับบุรุษแปลกหน้าเข้าอีกแล้ว

 “..ค..ค่ะ..คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์นะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ ดิฉันจะพาไปที่ห้องคุณซินดี้ค่ะ เธอคงรออยู่แล้ว”

 “ขอบคุณครับ” ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ตอบรับคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินตามหญิงสาวในยูนิฟอร์มสีดำ เพื่อตรงไปยังห้องของหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ชื่อ “ซินดี้ รอลนาเวลล์” ประตูห้องของคุณซินดี้ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาววัยกลางคนบนโต๊ะทำงาน มองชายหนุ่มหน้าขาว ดวงตาประกายสีฟ้าอันคุ้นเคย พลางยิ้มออกมาอย่างดีใจไม่น้อย


 “มาแล้วหรือที่รัก! ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถูกนะทิมมี่!”

 “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ คุณซินดี้” ชายหนุ่มแสดงสีหน้ายิ้มแย้มแบบพอสมควรตามมาดของเขา

 “เชิญนั่งสิทิมมี่... ฉันดีใจมากๆเลยที่ได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เราพรากจากกันเมื่อปีที่แล้วน่ะ”

 “อย่าพูดว่าพรากจากกันสิครับ... ผมเลือก JAL AIRLINE เพราะความอยากลองหาประสบการณ์จากสายการบินต่างประเทศมากกว่า....แต่อย่างว่าแหล่ะ จะมีสายการบินไหนที่จะเหมาะกับคนฝรั่งเศสอย่างเราเท่ากับ ดานอสซี่...หึ...ผมคิดผิดจริงๆที่ไม่ได้รับข้อเสนอของคุณคราวนั้น” หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้าพอใจ เมื่อได้ยินคำเยินยอสายการบินเจ้าชีวิตของตัวเองเช่นนั้น

 “เอาล่ะๆที่รัก เราไม่ว่ากันนะสำหรับเรื่องเก่าๆน่ะ...นายยังหนุ่มยังแน่น โชคดีเหลือเกินที่ JAL เขาเซ็นต์สัญญากับเธอแค่ปีเดียว แต่หากเซ็นต์ถึงห้าปีล่ะก็...ฉันคงจะไม่ได้พบเธออีกนานเลย”

 “หึ...ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ...แต่ผมก็ตั้งใจเอาไว้นะครับ...ว่าผมจะเซ็นสัญญากับดานอสซี่...สักห้าปีไปเลย....” ซินดี้ รอลนาเวลล์ ยกมือขึ้นปะทะกันจนเกิดเสียงดังพร้อมกับสีหน้าพออกพอใจ

“เป็นอย่างที่ปากพูด งั้นก็... นี่เลย” ซินดี้คว้ากระดาษ ที่มีกรอบสีฟ้ายื่นมาตรงหน้าชายหนุ่ม...ทิมมี่รู้ดีว่ามันคือกระดาษแผ่นสำคัญที่จะผูกมัดเขาตลอดระยะเวลาที่เขาต้องการ ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนที่จะหยิบปากกาด้ามสีทองราคาไม่กี่พันยูโรที่กระเป๋าอกซ้ายขึ้นมา พลางมองซินดี้ด้วยสีหน้าวางฟอร์มราวกับเขามิได้ต้องการจะง้อสายการบินแห่งนี้เสียเท่าไหร่ หากแต่ความจริงแล้ว ทิมมี่...ต้องการอย่างที่สุดที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสายการบินแห่งนี้ เพื่อที่จะเข้ามาทำภารกิจบางอย่าง ที่เขาหมายเอาไว้ในตั้งแต่แรกแล้ว...ลายเซ็นของชายหนุ่มถูกขีดลงในกระดาษแผ่นนั้น พร้อมๆกับความแค้นบางอย่างที่ทะยานไปตามปลายปากกาด้ามหรูแท่งนี้ด้วย


           

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
       



“ยังไงก็อาทิตย์หน้าเราเจอกันนะทิม เดี๋ยวฉันจะจัดวางผังตารางเที่ยวบินเอาไว้ให้”

“ขอบคุณครับ คุณซินดี้” ทิมมี่กล่าวขอบคุณ ขณะที่ซินดี้กำลังเดินมาส่งเขาบริเวณหน้าประตูทางเข้าออกของศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่

“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้เจอกันก็แล้วกันนะจ๊ะ เดินทางดีๆล่ะ”

 “ครับ...สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกล่าวอำลา ก่อนที่จะมองตามหญิงวัยกลางคนที่เดินกลับเข้าไปในศูนย์ฯ ขณะที่อลิซที่ยืนประจำอยู่หน้าเคาว์เตอร์ ก็ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการอำลาเช่นกัน ทิมมี่เองก็ตอบรับคำลานั้น ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาทางลิฟต์ด้านหน้า โดยที่ไม่ทันระวัง...


 “อะ!... ขอโทษครับ!” ทิมมี่กล่าวทันที เมื่อตนเองรู้สึกได้ว่าไหล่ขวาชนเข้ากับบ่าข้างหนึ่งของใครบางคน ชายหนุ่มหน้าคมเข้ม ชื่อเสียงเลื่องลือไปไกลทั่วทุกสายการบิน ยืนมองชายหนุ่มหน้าขาวที่กล่าวขอโทษ สายตาของเขามองทิมมี่อย่างประหลาดราวกับทิมมี่เป็นคนที่เขาเคยพบเห็นมาก่อน... และในขณะเดียวกันนั้นทิมมี่เอง ก็นึกยิ้มในใจ พลางไฟแห่งความแค้นก็พุ่งพล่านขึ้นท่วมอกอีกครั้งหนึ่ง... ใช่แล้ว... ในที่สุด ชายหนุ่มก็พบกับคนที่เขาตามหา และหมายจะพบเจอจนได้
ท่ามกลางสายตาที่มองโต้กลับไป มันเต็มไปด้วยไฟแค้นบางอย่าง...ที่ทำเอาชายหนุ่มใบหน้าประดุจเจ้าชายในฝันต้องสงสัยและไม่เข้าใจถึงสายตาโต้ตอบนั้นของทิมมี่


 “...ร...เรา.... เคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?...”  นั่นคือคำพูดแรกของลูคัส ที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มบางๆก่อนที่จะตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 “....คุณคิดว่าเคยหรือเปล่าล่ะครับ?...” คำตอบที่ไม่เคลียร์ของทิมมี่ ทำให้ลูคัสรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด...สรุปว่าหนุ่มหน้าขาวคนนี้ เคยพบกันมาก่อนหรือเปล่านะ! แล้วถ้าไม่เคย ทำไมต้องมายียวนกวนประสาทเขาแบบนี้ด้วย

 “...น...นายมาสมัครงานที่นี่หรือ?...” เขายังคงอดทน ถามต่อไปอย่างใจเย็นตามมาดอันสุขุม

 “ไม่เชิงครับ...ความจริง...ผมย้ายมาจากการสายการบินเดิมที่ผมเคยทำต่างหาก....” ชายหนุ่มผิวหยกตอบกลับด้วยสีหน้ามีเลศนัยน์ ยิ่งทำให้ลูคัสรู้สึกหงุดหงิดประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในยามสนทนาไม่ว่าจะกับใคร
“สรุปว่าเราเคยเจอกันหรือเปล่า?...”  ยังคงถามคำถามเดิม แต่ทิมมี่กลับไม่ตอบ ก่อนที่จะเดินไปกดปุ่มที่ลิฟต์ตรงหน้า แล้วหันสีหน้าอันน่าสงสัยกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก และเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์...ทิ้งให้ลูคัสมองตามไปด้วยความรู้สึกประหลาดไม่คลาย..

 “...ไอ้เด็กบ้าเอ้ย...” คำสบถดังแค่ในลำคอกัปตันหนุ่มหล่อไฟแรงถอนใจอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะตัดความสงสัยดังกล่าวลง
แล้วเดินกลับเข้าไปในศูนย์ฯด้วยท่าทางและมาดเดิม หากแต่ภายในใจยังคงรู้สึกร้อนรุ่ม เมื่อได้เห็นสายตาและดวงหน้าอันแสนคุ้นเคยนั้น... เจอกันคราวหน้า ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่านายเป็นใคร ... ความคิดนั้นดังอยู่ในสมองของลูคัส และเขาเองก็ยังสงสัยในตัวเองเหมือนกันว่า... ทำไม? เขาถึงต้องอยากรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครมากกว่าคนอื่นๆที่เขารู้จักมาด้วย



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




           คฤหาสน์สามชั้นขนาดกะทัดรัดบนพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงปารีส รถยนต์คันสีน้ำเงินเงาวาว แล่นเข้ามาเทียบบริเวณบันไดหน้าคฤหาสน์ ทิมมี่ก้าวลงมาจากรถของตัวเอง พลางถอดแว่นกันแดดสีดำประจำตัวออก พลางกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณตึกตรงหน้า ซึ่งก็คือบ้านหลังแรกในชีวิตของเขา ที่พ่อกับแม่มอบไว้ให้ก่อนจากไป ...

 “คุณชายทิมมี่!!! คุณชายจริงๆด้วย!” เสียงของหญิงวัยเกษียณดังขึ้นจากประตูทางเข้าของคฤหาสน์ ชายหนุ่มมองหญิงผู้นั้นแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับความคิดถึงบนสีหน้าที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน ... หญิงวัยหกสิบเศษคนนี้ คือ “เอ็มม่า” แม่บ้านที่คอยดูแลคฤหาสน์หลังนี้มานานตั้งแต่ก่อนที่ทิมมี่จะเกิดเสียอีก หล่อนเดินลงมาพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินสวนขึ้นไป ทั้งคู่กอดกันกลมด้วยความคิดถึง หากเป็นเพราะทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันเกือบปีเต็มเลยทีเดียว


 “คุณเอ็มม่า... ผมบอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกผมว่าคุณชาย ผมไม่ใช่ลูกท่านเซอร์เสียหน่อย”

 “แหม เจอกันทีไร คุณชายพูดอย่างนี้ทุกที... ดิฉันเรียกมาตั้งแต่คุณชายแบเบาะแล้ว จะให้ดิฉันเปลี่ยนมันคงจะไม่ง่ายหรอกค่ะ...ฮึฮึฮึ~~!!” หญิงชราส่งเสียงหัวเราะออกมา หล่อนดูแข็งแรงอยู่เลยแม้หน้าตาจะเหี่ยวย่นไปตามวัยแล้วก็ตาม...ทิมมี่ยิ้มได้ไม่เท่าไหร่ ความนึกถึงใครบางคนก็ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มหม่นลงไปอีกครั้ง..

“...คุณเอ็มม่า........ แล้ว..... เทเลอร์ล่ะ...” ไม่ต่างกันเลยกับเอ็มม่า ซึ่งตอนนี้ แกก็เปลี่ยนสีหน้ากลายมาเป็นหมองลงอีกคนหนึ่งแล้ว
 “..อย...อยู่ในห้องนอนของเธอนะค่ะ....เฮ่อ....” ชายหนุ่มค่อยๆผละออกมาจากอ้อมกอดของเอ็มม่า ทั้งคู่พากันเดินเข้ามาในตึกของคฤหาสน์สามชั้นท่ามกลางจิตใจและความรู้สึกที่หดหู่มากยิ่งขึ้น...ตลอดทุกฝีก้าวที่ชายหนุ่มเดินตรงไปเพื่อพบใครบางคนที่เขาเพิ่งจะถามถึง...ใช่แล้ว... ไม่มีความรู้สึกแย่เรื่องอะไรจะเท่ากับความรู้สึกแย่แทนคนที่เรารักหรอก...เมื่อจิตใจของคนที่เรารักยังคงเศร้าหมอง...คนที่อยู่รอบๆข้างอย่างทิมมี่เอง.. ก็อดเศร้าหมองลงไปด้วยเสียมิได้ แต่เขาอาจจะมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่วมากกว่าคนที่เขารักเสียอีกด้วยซ้ำ...ใช่... ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง... ที่มันเรียกว่า “ความเคียดแค้น” ยังไงล่ะ!


               

          ประตูไม้อัดสลักลายพระเยซูหรูหรา ถูกเปิดเข้าไปด้านใน...พาร่างของทิมมี่ให้เดินเข้าไปพบกับใครบางคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน ใบหน้าเปื้อนน้ำใสใสที่ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง...ผมเผ้าของหญิงสาวบนเตียงกระเซอะกระเซิงราวกับไม่ได้จับหวีมาหลายวัน ผมบ๊อบยุ่งๆถูกฝ่ามือของทิมมี่วางลง ร่างหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกสัมผัสบนศีรษะจากฝ่ามืออันแสนอ่อนโยนและอบอุ่น จากผู้เป็น “พี่ชาย”


 “ทิมมี่!”   หญิงสาวอุทานขึ้น...เพียงในชั่ววินาทีที่เธอไม่ต้องคิด เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ อดีตแอร์โฮสเตสประจำสายการบิน ดานอสซี่ แอร์ไลน์ เธอโอบกอดร่างของทิมมี่ผู้เป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกโหยหาและเศร้าใจเหลือเกิน ในขณะเดียวกันทิมมี่ก็โอบกอดตอบรับน้องสาวด้วยความรู้สึกสลดใจไม่ต่างเท่าไหร่นัก น้ำตาของผู้เป็นพี่เริ่มรื้นแฉะ พลางอดกัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจที่ต้องเห็นน้องสาวตัวเองจบอนาคตที่วาดฝันเอาไว้ เพียงเพราะ “คนๆเดียว” ...ทิมมี่นั่งลงบนเตียงหนาข้างๆน้องสาวที่อายุต่างกันแค่ปีเดียว เธอฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาพร้อมๆกันกับทิมมี่ กำลังใจจากพี่ชายดีๆคนนี้ทำให้เธอได้เป็นแอร์โฮสเตสตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี แต่ก็ไม่ถึงปีดีนักที่เธอต้องจบอนาคตของตัวเองลง...


 “เป็นอย่างไรบ้าง...เทเลอร์....” ผู้เป็นพี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 “.....ไม่เป็นไร........ฉัน....ยังไม่ตายหรอก.....” ผู้เป็นน้องสาวตอบทั้งน้ำตา คำตอบมันช่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเธอเหลือเกิน.. ใช่ เธอนี่แหล่ะที่ทำให้ทิมมี่ต้องกลับมา... เพราะการที่เธอพยายามจะ “ฆ่าตัวตาย” ก่อนหน้านี้..ทำให้ทิมมี่ ต้องกลับมา...ทำหน้าที่ของพี่ชายที่จะปกป้อง.. และ “แก้แค้น” แทนน้องสาว!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.


เอาตอนแรกไปก่อนตอนนึง มันต้องจัดหน้าเวิร์ดใหม่ทั้งเรื่องเลย 55+

ใครที่เคยอ่านแล้วอ่านอีกก็ได้นะคะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 1 [23/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 23-08-2011 23:15:38
กำลังจะเข้ามาบอกพอดีว่า มีคนเคยเอามาลง ><

สรุปเป็นคนๆเดียวกันนั่นเอง เค้าจำได้นะตัวเอง กิ๊วๆๆ 5555

รอบนี้ลงให้จบน๊าๆๆ +1 ให้คนโพสค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 1 [23/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-08-2011 23:23:11
กำลังจะเข้ามาบอกพอดีว่า มีคนเคยเอามาลง ><

สรุปเป็นคนๆเดียวกันนั่นเอง เค้าจำได้นะตัวเอง กิ๊วๆๆ 5555

รอบนี้ลงให้จบน๊าๆๆ +1 ให้คนโพสค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:


จำเค้าได้ด้วยอ่า แอร๊ยยย! เขิน!

แอบไปอู้มาหลายเดือน 555+

+1 คืนให้ตัวเองนะ โทษฐานน่ารัก อิอิ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 1 [23/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-08-2011 02:07:57
 :mc4 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 1 [23/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 24-08-2011 12:11:24
เพิ่งเม้นเรื่องปลายทางหัวใจไปเมื่อกี้นี่เอง  ก็กดเข้ามาอ่านเรื่องต่อเลย

มาเห็นดิสเพลย์คนแต่ง  เฮ้ยคุ้นๆอ่ะ  เลยกลับไปดูเรื่องปลายทางอีกครั้งเลยได้รุว่า  เป็นคนๆเดียวกัน  อิอิ

ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนเลย  แต่อยากอ่านต่อมากกก  อยากรุแล้วว่าทิมมี่จะแก้แค้นยังไง

หุหุหุ 

ปล.บวกเป็ดไปเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 2 [24/08/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 24-08-2011 19:00:51
FLIGHT TWO : นางฟ้าปีกหัก




      การกลับมาของพี่ชาย แม้จะต้องมาพบกับน้องสาวที่นอนซมราวกับคนหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้แล้ว...ทิมมี่...ยังต้องทำหน้าที่ของพี่ชาย ที่จะต้องเข้มแข็งให้น้องสาวเห็น... และแน่นอนคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจจนต้องฆ่าตัวตาย แม้จะโชคดีรอดชีวิตมาได้จากการกระทำโง่ๆเพราะคนๆนั้นแล้วก็ตามที...แต่ให้อภัยไม่ได้หรอก! ใครก็ตามที่เข้ามาหมิ่นเกียรติน้องสาว...เข้ามาทำลายอนาคต และดับสิ้นความฝันอันแสนหวาน ที่จะได้เชิดหน้าชูตาเป็นนางฟ้าโบยบินอยู่บนกลีบเมฆ มันดับสลายหายไปกับตา เพราะความหลอกลวง ของชายหนุ่มผู้ทะนงตนและไม่อาจรับรู้หรือคงไม่คิดจะใส่ใจใยดีกับผู้ที่เขากระทำเฉกเช่นเทเลอร์... ทิมมี่นั่งทบทวนความแค้นที่ตนเองจะต้องชำระ ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยควันคุกรุ่นของความเคียดแค้นชิงชัง...ความคิดแน่วแน่และตั้งใจแล้วว่า เขาจะต้องทำให้ชีวิตของชายคนนั้น พบกับความพินาศจงได้! ในสักวัน!!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





-STITUE OF DANOSSY TRAINING ATTENDANT-
(สถาบันฝึกอบรมลูกเรือแห่งสายการบินดานอสซี่)


             
     เสียงเข้มของหญิงสาวผมบลอนด์มะฮอกกานีดังไปทั่วห้องอบรมที่มีลูกเรือฝึกหัดรุ่นใหม่กว่ายี่สิบชีวิต ทุกคนนั่งเงียบฟัง “ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” หรือ วีว่า เลอคอติส และใช้สมาธิไปกับการฟังหล่อนที่สาธยายไปพลางเดินย้ายก้นไป...มีหญิงสาวไม่น้อยในห้องนี้ที่เกิดอารมณ์หมันไส้เต็มอก แต่ก็มิอาจปริปากบอกใครได้ แม้แต่ว่าที่สจ๊วตหนุ่มรูปหล่อหลายคนก็อดสั่งหล่อนในใจไม่ได้ว่า ขอให้หล่อนหยุดเดินเสียที มึนศีรษะจะแย่อยู่แล้ว


“การเทรนสำหรับฉัน.. จะมีทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ...ว่าที่ลูกเรือทุกคนจะต้องผ่านการเรียนรู้ในการปฏิบัติตัวอย่างไรต่อผู้โดยสาร ควรจะบริการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอย่างไรไม่ให้เกิดความผิดพลาดและอุบัติเหตุ และอีกทั้ง.. บุคลิกและท่าทีต่างๆที่ทุกคนพึงกระทำในยามที่เครื่องบินอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ.. พวกเธอทุกคนจะต้องเป็นสติและสมองให้แก่ผู้โดยสารผู้โง่เขลาในสภาวะวิตกจริตเหล่านั้น...พวกเธอทุกคนต้องแสดงท่าทีที่ไม่เกรงกลัวและมั่นคงในฟอร์มของตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดภาวะใดใดทั้งสิ้น!” เริ่มมีอาการคันมือคันเท้าบ้าง สำหรับว่าที่ลูกเรือสาวๆบางคน ใช่... วีว่า ใช้คำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่สำหรับพวกเธอ อีกทั้งยังมาดและสายตาของวีว่าที่มองมาทางพวกเธอทั้งหมดราวกับเหยียดๆหรือดูถูกดูแคลนอย่างไรอย่างนั้น

 “แน่นอน!! ฉัน... วีว่า เลอคอติส! จะเป็นผู้ที่จะแปลงร่างคนธรรมดาๆอย่างพวกเธอให้กลายเป็นเทวดากับนางฟ้าให้ได้อย่างไร้ที่ติ! อย่างแรกที่ฉันอยากจะให้ทุกคนตั้งใจจดสิ่งที่ฉันจะพูด มันไม่ใช่เรื่องของบุคลิกภาพหรอก... ยังก่อนที่รัก...ปราการด่านสำคัญที่จะทำให้พวกเธออยู่รอดบนเรือบินกลางอากาศ ก่อนที่พวกเธอจะคิดติดปีก... พวกเธอต้องมาเริ่มเปิดกระเป๋ากันก่อน..... แล้วก็ตั้งใจฟังฉันให้ดีๆ.... ว่ากระเป๋าใบหรูยี่ห้อดานอสซี่...ที่พวกเธอจะใช้ลากเดินเฉิดฉายในวันข้างหน้า... พวกเธอจะต้องใส่สิ่งของจำเป็นอะไรลงไปในนั้นบ้าง... ใครจดไม่ทัน ช่วยไม่ได้นะ...”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                     
                       
     รถแท็กซี่แล่นมาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์สามชั้นของตระกูลดรอว์เยอร์ หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีก้าวลงจากรถ พร้อมกับท่วงท่าอันมาดมั่น ใบหน้าเรียวสวยพร้อมกับร่างเพรียวบางก้าวเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกสงสัยกับรถคันหรูสีน้ำเงินที่จอดตระหง่านอยู่ด้านนอกราวกับไม่คุ้นตาหล่อน ทันใดที่เอ็มม่าแม่บ้านประจำตระกูลเดินออกมาต้อนรับคุณหนูสุดท้องของตระกูลดรอว์เยอร์ หญิงสาวก็ถามขึ้นทันทีด้วยสีหน้าสงสัยและข้องใจ

 “รถสีน้ำเงินของใคร?... ฉันไม่ยักจะเคยเห็น” น้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมสายตาคมกริบที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายชาโดว์สีชมพูกับลิปสติกสีโอโรสสดประกายน้ำที่ทำให้ใบหน้าหวานๆของเธอกลายเป็นหญิงมั่นผิดหูผิดตาไปเลยทีเดียว


     เธอคือ เทลิซ่า ดรอว์เยอร์ น้องสาวอีกคนหนึ่งของทิมมี่ที่เดินตามรอยพี่ชายและพี่สาว มาเป็นว่าที่นางฟ้าคนใหม่ของดานอสซี่ แอร์ไลน์เช่นกัน ..สีหน้าแสดงความสงสัยและต้องการคำตอบของเทลิซ่า ไม่นานนักมันก็คลายก่อนที่เอ็มม่าจะตอบเสียอีก เมื่อสายตาของหญิงสาว มองไปเห็นใครบางคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง...สีหน้าของเทลิซ่าเปลี่ยนไป ราวกับดีใจที่ได้พบใครคนนั้น

“ทิมมี่!!” เทลิซ่าอุทานเสียงดัง ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ยิ้มทักทายน้องสาวคนสุดท้องด้วยสีหน้าดีใจไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก หากแต่เขาวางมาดได้สุขุมกว่าหญิงสาวที่กำลังจะเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดตรงมาทางเขา

 “นึกว่านายจะไม่กลับมาเสียแล้ว!” หล่อนดีใจและกอดผู้เป็นพี่ด้วยความคิดถึง ขณะที่ทิมมี่เองก็กอดตอบ

“พูดอย่างกับฉันจะไปตายที่ไหนอย่างนั้นแหล่ะ....ก็แค่ไปอยู่ไกลบ้านเท่านั้นเอง”

“แหม! ไกลสิ! ไกลมากเลยด้วย อยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง? สายการบินของเขาน่ะ”

“JAL น่ะเหรอ... ก็ดีนะ แต่อาจจะไม่เท่าดานอสซี่ล่ะมั้ง ไม่รู้สิ ....อาทิตย์หน้าคงได้รู้กันน่ะ”

“จริงเหรอ!! นี่สรุปว่านายจะย้ายมาอยู่ที่ดานอสซี่จริงๆแล้วใช่มั้ย!”

 “ก็ใช่น่ะสิ.... แล้วเธอล่ะเทลิซ่าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ไปฝึกอบรมมา เป็นอย่างไรบ้าง” เท่านั้นเอง สีหน้าของเทลิซ่าก็เปลี่ยนไปกลับทำหน้าเหม็นเบื่อทันที

“น่าเบื่อจะแย่....”

“อะไรนะ?... เบื่อ?.... บ้าน่ะ มีแต่คนเขาตื่นเต้นกันทั้งนั้น ที่จะได้มายืนอยู่ตรงนี้แบบเธอน่ะ”

“ฉันไม่ได้เบื่อฝึกนี่ ฉันเบื่อคนต่างหาก...” เทลิซ่าเม้มปากราวกับคันปากเหลือเกินที่จะเอ่ยชื่อคนๆนั้น

 “เบื่อคน?..... ใครกัน?”

“จะใครล่ะ นายอาจจะยังไม่รู้จักหรอก...นังครูฝึกของฉันน่ะสิ มีแต่คนหมันไส้หล่อน รู้มั้ยว่าหล่อนน่ะวางมาดจนฉันกับเพื่อนบางคนอยากจะเสยให้เลยรู้หรือเปล่า”

“ขืนถ้าเธอทำอย่างนั้น.. เธอจบชีวิตแน่ๆ...อดทนหน่อยสิ เธอรู้หรือเปล่า... ว่าเวลาเธอบินน่ะ มีเรื่องหลายๆเรื่องที่เธอจะต้องอดทนมากกว่าเรื่องขี้เล็บแบบนี้เสียอีก” ชายหนุ่มเตือนน้องสาว พลางลูบเรือนผมนุ่มของเทลิซ่าอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า.... เอ้อ ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ เมื่อยมากเลย...วันนี้ยัยครูฝึกนั่นให้ฉันยืนใส่ส้นสูงนิ่งๆเป็นชั่วโมงเลยล่ะ ข้อเท้าฉันจะหักอยู่แล้ว... ยังไงเย็นนี้ดินเนอร์กันแล้วกัน”

 “โอเค..ตามสบายเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางตบไหล่หญิงสาวเบาๆ ก่อนที่จะเดินสวนกับเธอลงมา

“เอ้อ!ทิมมี่...” เทลิซ่านึกขึ้นได้ เรียกเขาไว้อีกครั้ง

“ว่าไง?...” ทิมมี่เงยหน้ากลับขึ้นไปมองน้องสาว ขณะที่เทลิซ่าแสดงสีหน้าเจื่อนลง

 “เจอเทเลอร์แล้วใช่มั้ย” เทลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทิมมี่พยักหน้าเบาๆแล้วสีหน้าก็เจื่อนตามลงไปอีกคน....ก่อนที่จะเดินลงมาแล้วทำท่าว่าจะออกไปข้างนอก ทิ้งให้เทลิซ่ายืนถอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเทเลอร์...


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                         

     ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมคายกระชากใจบรรดาแอร์โฮสเตสสาว...เดินก้าวลงมาจากทางเดินของลูกเรือ และเข้าสู่พื้นที่ของท่าอากาศยานรัวซี-ชาร์ลส์เดอโกลด้วยท่าทางการเดินและบุคลิกอันสง่างาม แม้แต่ผู้โดยสารมากมายที่ยืนออกันอยู่บริเวณพื้นที่ของผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ยังไม่แคล้วหันมามองอย่างชื่นชมราวกับพบเห็นเทวาจากเบื้องบนลงมาเดินให้ยลโฉมกันตาร้อนผ่าวอย่างไรอย่างนั้น

 “ไปไหนต่อหรือเปล่าครับกัปตัน?” ชายหนุ่มร่างสูงอีกนาย ถามกัปตันรูปหล่อที่กำลังเดินนำหน้าอยู่อย่างมาดมั่นนั้น

 “มีอะไรหรือเปล่าคุณมอริส?” กัปตันลูคัสหันมาทันทีที่ได้ยินคำถาม และยังถามต่อด้วยความสงสัยว่าโคไพลอต หรือผู้ช่วยนักบิน(หรือกัปตันคนที่สองในค็อกพิท) ถามขึ้นทั้งๆที่มอริสไม่เคยถามมาก่อนเวลาลงเครื่อง

 “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เห็นว่ากัปตันจะได้หยุดสองสามวัน ไม่มีเที่ยวบินในช่วงนี้... กัปตันอาจจะอยากไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้...หากเป็นเช่นนั้น ผมก็อยากจะเสนอสถานที่ท่องเที่ยวให้กัปตันก็เท่านั้นเอง” รู้สึกว่าลูคัสจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วในตอนนี้...จากการที่เขาพอจะทราบประวัติคร่าวๆของโคไพลอตนายนี้มา ...มอริส เรนจ์ เป็นทายาทเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในคอร์ซิก้า และคงไม่จะพ้น กับการนำเสนอให้เขาไปยังที่แห่งนั้นเป็นแน่... ลูคัสยิ้มบางๆอย่างรู้ทัน แต่เขาก็หาทางปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

 “ผมคงไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกคุณมอริส... ผมว่าจะอยู่ในปารีสนี่แหล่ะ มีธุระบางอย่างที่ผมต้องทำ” โคไพลอตทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย และเมื่อถึงบริเวณจุดนัดพบใหญ่ มอริสก็ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการอำลา ขณะที่ลูคัสมองตามไปแล้วถอนใจอย่างมีมาด...สายตาของชายหนุ่มกวาดไปรอบๆบริเวณนี้ ราวกับเขาได้นัดใครบางคนเอาไว้... สายตาคมกริบ กวาดไปพบกับหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาทางเขา...ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แอร์โฮสเตสรุ่นน้องที่มักจะพลาดการทำงานร่วมเที่ยวบินกันอยู่เรื่อย เธอชื่อ “คลอเดีย” และการพบกันที่ราวกับนัดเอาไว้เช่นนี้... ลูคัสกับเธอเท่านั้น ที่รู้ดี... ว่าเขาทั้งสองคนจะไปต่อความสุขหลังการทำงานที่แสนหนักหน่วง.. ณ ที่แห่งใด!


     กัปตันหนุ่มกับแอร์โฮสเตสสาวของดานอสซี่ แอร์ไลน์ พารถยนต์เฟอร์รารี่สีดำคันหรูแล่นออกไปจากลานจอดรถของกัปตันในเวลาต่อมา... โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า... หญิงสาวในชุด “ผู้อบรมบุคลิกภาพและมารยาทบนเครื่องบิน” ที่กำลังนั่งอยู่ในรถคันสีแดงสดไม่ไกลจากรถของกัปตันที่แล่นออกไปนั้น...กำลังมองรถของชายหนุ่มผ่านแว่นกันแดด ด้วยสายตาชิงชัง... และไม่ช้า! รถสีแดงคันหรู ก็ออกทะยานตามรถของลูคัสไปอย่างไม่รีรอ!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           
     การพักผ่อนคลายเครียดจากการบินระยะไกลแต่ละครั้งของกัปตันสุดหล่ออย่าง ลูคัส กาโรล ชายหนุ่มมักจะเลือกวิธีผ่อนคลายด้วยการหิ้วแอร์โฮสเตสสาวสวยมายังโรงแรมม่านรูดสุดหรูที่ไม่ไกลจากตัวเมืองปารีสนัก หากที่ต้องมาแถบชานเมืองก็เพราะว่า ด้วยชื่อเสียงของเขาที่จะต้องหลบเลี่ยงสายตาผู้คน อีกทั้งยังเกรงว่าการไปพักผ่อนในโรงแรมกลางกรุงปารีสนั้น พนักงานต้อนรับของโรงแรมอาจจะจำเขาได้ เพราะกรุงปารีส คือสถานที่เกิด และเป็นสถานที่ๆสร้างชื่อเสียงให้กับเขา ตอนที่ชายหนุ่มได้รับรางวัล “กัปตันยอดเยี่ยม” นั่นเอง

สองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงหนานุ่มในโมเทลริมชานเมือง ความสุขกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างของนางฟ้าผู้หื่นกระหายไม่แพ้กันกับชายหนุ่มที่รอเวลาการผ่อนคลายเช่นนี้มาชั่วระยะหนึ่งแล้วเช่นเดียวกัน เสียงครางเบาๆสร้างอารมณ์ปรารถนาให้คนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี...ลีลาร้อนแรงของกัปตันหนุ่มรูปหล่อ กระชากอารมณ์หญิงสาวให้อยู่ในเงื้อมมือได้อย่างอ่อนระทวย..


แต่ทว่า...

             

ก่อก...ก่อก...ก่อก..



เสียงเคาะประตูขัดอารมณ์ของคนทั้งคู่ คลอเดียถอนใจอย่างหงุดหงิดไม่ต่างกันกับลูคัสที่ต้องถอยผละออกจากร่างของเธอ พลางเอามือลูบหน้าผากที่อาบเหงื่ออย่างไม่พอใจที่ถูกมารความสุขเรียกหาในเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาปกปิดท่อนล่างที่ร้อนผ่าวก่อนที่จะถอนใจอีกครั้ง

 “ไม่เป็นไร... เดี๋ยวผมไปดูเอง” ชายหนุ่มพูดระงับอารมณ์ที่พลุ้งพล่าน ก่อนที่จะเดินหัวเสียมาถึงประตูห้อง พลางคิดในใจว่าเจ้าบริกรน่าโง่ที่ไหนบังอาจจะขัดอารมณ์กันได้...และความคิดก็หยุดลงทันทีเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา และพบกับคนตรงหน้า...ที่ทำให้ กัปตันหนุ่มรูปหล่อ... ตะลึงไป!!

 “......ว.............. วีว่า!!” สัญชาตญาณของเขาบอกเขาได้ในตอนนี้... เวรกรรมตามติดจรวดจริงๆ!



     วีว่า เลอคอติส แสดงสีหน้าตะลึงเมื่อเห็นท่อนบนของแผงอกที่กว้างใหญ่แต่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นหอมประหลาดราวกับกลิ่นน้ำหอมจากสตรีเพศ... สีหน้าของหล่อนเริ่มสั่นเทาราวกับอารมณ์รุนแรงอะไรบางอย่างพล่านพุ่งอยู่เต็มอก... ท่ามกลางความอึ้งของลูคัสที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่เป็นเลยทีเดียว..

 “ธ...เธอ... มาทำอะไรที่นี่!” ไม่มีคำตอบใดใดจากปากของวีว่า แต่เธอกลับผลักหน้าอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มเข้ามา แล้วก้าวเท้าสวบๆตรงมาด้านในราวกับรู้ดีว่ามีใครอีกคนอาศัยอยู่ภายในห้องๆนี้.. และในที่สุดความคิดของเธอ ก็ทำให้เธอรับรู้ได้ดีว่า เธอนั้น..คาดไม่ผิดจริงๆ!

 “นังร่าน~~!!!! ฉันจะฆ่าแก!!” เสียงใหญ่ของสาวนัยน์ตาดุดังขึ้น ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใบหน้าของคลอเดีย เมื่อถูกแรงตบอันสนั่นทุ่งของฝ่ามือชิงชังของวีว่า คลอเดียหน้าหงายพลางหยิบผ้าห่มสีขาวบนเตียงมาคลุมร่างแทบไม่ทัน แต่ดูเหมือนวีว่าจะพยายามกระชากผ้าห่มให้หลุดออก

 “ไหน!! ไหนขอดูผิวหนังของอีพวกหน้าไม่อายหน่อยซิ!! เปิดออกมาซี่! หน้าหนาเป็นปูนโบสถ์แบบแกเนี่ย จะทำเหนียงอายไปทำไมนังร่าน! เปิดมาสิ!! เปิดมา!!” วีว่าตรงเข้าไปกระชากผ้าห่มนั้นอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องของคลอเดียระงมไปทั่วห้องเมื่อถูกจู่โจมอย่างร้ายกาจ ขณะที่ชายหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบนรีบวิ่งมาคว้าร่างของหญิงสาวหึงหฤโหดผู้นี้ออกแต่ก็กลับถูกสะบัดจนผ้านุ่งหลุดไปกองกับพื้น กัปตันหนุ่มในร่างเปลือยเปล่ารีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาปกปิดร่างกาย และคิดไม่ออกว่าจะเข้าไปหยุดสงครามนางฟ้าตรงหน้าได้อย่างไร... วีว่า เลอคอติส จะน่ากลัวเช่นนี้ทุกครั้งที่จับได้ว่ากัปตันลูคัสมีหญิงอื่นไว้สนุกสนาน แม้ตัวลูคัสเองจะบอกเธอหลายครั้งว่าเขาไม่คิดจริงจังกับใครแม้แต่ตัวเธอเอง แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่างวีว่าจะไม่ยอมราวีและให้ใครลบเกียรติของเธอได้ง่ายๆเหมือนกับแอร์โฮสเตสผู้ตกเป็นเหยื่อสวาทของชายหนุ่มอย่างที่ผ่านมา


    ร่างในชุดผ้าห่มสีขาว ถูกจิกศีรษะถูกเหวี่ยงออกมาบริเวณหน้าห้องพัก ท่ามกลางเสียงตวาดขับไล่ของวีว่า เลอคอติส จนทำเอาแขกเหรื่อห้องต่างๆโผล่หน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น...ทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างเปลือยที่ห่อหุ้มอยู่เพียงผ้าห่มผืนบาง สีหน้าตื่นตระหนกและร้องไห้เมื่อถูกโจมตีอย่างสาสมใจครูฝึกสาวแห่งดานอสซี่...ส่วนชายหนุ่มผู้สร้างวีรกรรมครั้งนี้ให้กับเธอ กลับได้ยืนสงบอยู่ในห้อง เนื่องจากเขาไม่สามารถออกไปโชว์ตัวให้ใครต่อใครรับรู้ได้ว่ากัปตันมือหนึ่งแห่งดานอสซี่ คือชนวนเหตุอันอื้อฉาวเช่นนี้... และยิ่งชุดยูนิฟอร์มดานอสซี่ที่วีว่าสวมใส่อยู่ในขณะนี้ก็อีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้คนที่สังเกตเห็นเดาได้ไม่ยาก... อีกทั้งเสื้อผ้าของคลอเดียที่ถูกเหวี่ยงออกมานอกม่านที่วีว่ารูดออกมาประจานต่อหน้าสังคมก็ทำให้คลอเดียแทบจะอยากหายตัวออกไปจากตรงนี้ด้วยความอับอายอย่างที่สุด!

                           
     ขณะที่ปล่อยให้นางมารในคราบนางฟ้าส่งเสียงให้อับอายอยู่นั้น...ลูคัสรีบสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนที่จะวิ่งลงมายังรถที่จอดนิ่งอยู่อย่างเงียบๆอย่างไม่รีรอให้วีว่ารู้สึกตัว...หากแต่ทันทีที่ชายหนุ่มติดเครื่องยนต์ วีว่าหันขวับมาทางรถด้านหลังที่กำลังถูกปล่อยเกียร์ถอยหลังออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย วีว่าพยายามจะเปิดประตูรถแต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจจะยอมให้หล่อนลงมานั่งในเบาะรถของเขาได้ อีกทั้งลูคัสยังสวมแว่นกันแดดและผ้าปิดปากอนามัยอำพรางใบหน้าของตน... ก่อนที่จะหันหน้ารถให้วิ่งตรงไปจากตรงนี้.. ทิ้งให้วีว่าและนางฟ้าผู้ต้องชะตากรรมอีกคน ได้แต่นั่งร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด


 “กลับมานะ!! กลับมาเดี๋ยวนี้!!” แม้วีว่าจะตะโกนให้ดังจนหลอดเสียงแตก... ร้อยทั้งร้อย เทวาแห่งกลีบเมฆ ก็ไม่มีวันกลับมา.. ให้อับอายขายขี้หน้า และเป็นขี้ปากคนแถวนี้หรอก... ใช่... นี่คือการกระทำของกัปตันหนุ่ม ที่เขามองเห็นนางฟ้าเหล่านี้.. เป็นเพียงแค่ “เศษขยะกลางอากาศ”
เพียงเท่านั้น!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                 
                           
        เฟอร์รารี่สีดำคันหรูของลูคัส แล่นออกมาอย่างรวดเร็วจากโมเทลหฤหรร ในขณะที่ไม่ทันที่เขาจะระวัง! รถที่ขับตรงมาในเลนเดียวกันนั้นถึงกับบีบแตรดังสนั่นไปทั่วท้องถนนอันเงียบกริบของชานเมือง.. แต่บีบไปก็เท่านั้น กัปตันผู้มีกรรมตามทันรับรู้ถึงแรงกระแทกจากส่วนหน้าของรถคันหรูได้เป็นอย่างดี... ใช่... รถของเขาถูกชนเข้าเสียแล้ว... และที่แย่ไปกว่านั้น รถของผู้ที่ขับมาชนก็ไฟหน้าแตก จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าเช่นกัน และเพราะความซวยหนักเข้าไปอีกก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ชายหนุ่มคาดเดาได้ว่า เขาเองนั่นแหล่ะ ที่เป็นฝ่ายผิด ชายหนุ่มรีบก้าวลงมาจากรถคันหรู ไวพอกันกับเจ้าของรถคันดังกล่าวที่ก้าวลงมาจากรถคันสีน้ำเงินหรูหราของตัวเอง ท่าทีอันสุขุมเยือกเย็นของทั้งสองคน ไม่ต่างจากกันเลยสักนิด ในช่วงนาทีแรกที่ลงมานั้น ไม่มีใครเอ่ยปากโวยวาย.. หากแต่ความเป็นจริง สิ่งที่เสี้ยมสอนให้เขาทั้งสองมีบุคลิกที่น่านับถือเช่นนี้ ก็คงจะเป็นเพราะอาชีพ “บนเครื่องบิน” เช่นเดียวกันนั่นแหล่ะ...ใช่แล้ว... ลูคัสมองชายหนุ่มผิวขาวตรงหน้าราวกับตื่นตะลึงกับบุคคลที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้...


 “... นึกว่าใคร....” เป็นชายหนุ่มหน้าขาวที่เป็นผู้เอ่ยทักก่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางถอดแว่นกันแดดออกมามองหน้ากัปตันให้เต็มชัดสองลูกตา... ขณะเดียวกันกัปตันหนุ่มกลับถอนใจอย่างกลัดกลุ้มอีกครั้ง เมื่อเห็นผู้ร่วมอาชีพและร่วมสถาบันมาพบเห็นเขาอยู่บริเวณด้านหน้าสถานที่ไร้สังคมเช่นนี้..

 “....นาย.... นายที่... ดานอสซี่...” กัปตันหนุ่มเรียกอย่างไม่รู้จักชื่อ ขณะที่รอยยิ้มบางๆแต่แฝงไปด้วยเลศนัยน์ของทิมมี่ปรากฏขึ้นบนสีหน้าราวกับดีใจเหลือเกินที่ได้พบเขา ณ สถานที่แห่งนี้... แต่ขณะเดียวกัน กัปตันหนุ่มหันมองไปทางด้านหลังราวกับเกรงว่าใครบางคนที่อยู่ในนั้น.. จะตามออกมาราวี

 “เอาล่ะ.... นายมากับฉัน!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.


ตอนที่ 2 มาแล้ววววว เดี๋ยวตอนที่ 3 จะตามมาช่วงประมาณ 3 -4 ทุ่มนะคะ เว้นช่วงนิดนึง 555+

ไปละค่าาาาา

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 3 [24/08/54] มาต่อติดๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 24-08-2011 21:59:54


FLIGHT THREE : เทวาร้อยรัก

             




 “ว่าไงนะ?” ชายหนุ่มผิวหยกถามทวนอย่างไม่เข้าใจ

 “บอกว่าให้มากับฉันไง! ดับรถของนายแล้วจอดเอาไว้ตรงนี้ก่อน!” กัปตันหนุ่มทรงเสน่ห์แสดงอาการร้อนรนทางสีหน้า แต่ไม่มากจนดูหลุดมาดของเขา

“แต่ผมคงต้องเรียกประกัน”

 “ไม่ต้องเรียกแล้ว! นายจะเอาเท่าไหร่ฉันมีจ่ายน่า! ดับรถแล้วขึ้นรถมากับฉันก่อนเร็วเข้า!” ทิมมี่สังเกตท่าทีของลูคัส เขารู้สึกได้ว่าชายหนุ่มกำลังร้อนรนอะไรบางอย่างอยู่

 “เร็วเถอะน่า! มีคนกำลังตามฉันมานะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทิมมี่ก็ยิ้มบางๆออกมาอย่างเดาได้ทันทีว่า.. “คน” ที่กัปตันหนุ่มกล่าวถึง คงจะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก.. ก็คงจะเป็นพวกหงส์หยกในสถาบันที่เขาเข้าร่วมอยู่ ณ เวลานี้นั่นแหล่ะ... ชายหนุ่มหน้าขาวคิดว่าลูคัสไม่น่าจะเป็นพิษเป็นภัยอะไรกับเขา หากเขาคิดจะขึ้นรถไปอย่างที่เขาเสนอ...เพราะหากลูคัสเป็นคนที่แย่มากกว่านี้ล่ะก็... เขาคงจะขับรถหนีออกไปแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ทิมมี่ก็คงจะยิ่งเจ็บแค้นมากยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า จากความแค้นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้...และกัปตันหนุ่มเองก็ยังไม่รู้สึกตัว ถึงแรงพยาบาทจากชายหนุ่มหน้าใสที่ไม่ได้ไร้เดียงสาเฉกเช่นดวงหน้าที่ปรากฏ


ทิมมี่เดินเข้าไปนั่งในรถคันหรู หลังจากที่ขยับรถของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางริมฝั่งถนนแล้ว และไม่ลืมที่จะล็อครถเอาไว้ด้วย



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
               


                       
          สองบุรุษเดินเร่งฝีเท้าอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโมเทลแห่งนั้น และก็ยังเป็นโรงแรมม่านรูดแบบเดิมๆที่ทำเอาทิมมี่คิดเคืองอยู่ในใจว่า...กัปตันหนุ่มรูปหล่อแต่ใจสกปรกผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในการหาทางเข้าออกโรงแรมจิ้งหรีดพวกนี้ได้ราวกับมืออาชีพทีเดียว

 “ถามหน่อย... ทำไมคุณต้องพาผมมาที่นี่?” ในที่สุดทิมมี่ก็ถามขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดแปลกๆ

 “เอาเถอะน่า! มันเงียบดี”

 “คุณรู้ได้ไง? เคยใช้บริการหรือ?” คำถามเสียดสีเล็กน้อย ทำให้กัปตันหนุ่มที่เดินนำอยู่หันมามองหน้า

 “แล้วจะทำไม?” คำถามกลับที่ทำให้อุณหภูมิความร้อนแรงบางอย่างในหัวของชายหนุ่มหน้าหยกต้องปั่นป่วนอีกครั้ง.. พลางคิดในใจอย่างเจ็บแค้นว่า เขาจะรู้ไหมนะว่าการที่เขาเป็นคนแบบนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องช้ำใจกับพฤติกรรมของเขา จนเกือบทำลายชีวิตของตัวเองไปได้... ทำไมเขาถึงได้คิดน้อยนัก ทั้งๆที่การงานก็บ่งบอกให้ใครๆรู้ว่าเขานั้นเรียนสูงและพื้นฐานของชีวิตเลิศเลอขนาดไหน...แต่ทำไมกับอีแค่เรื่องของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดอย่างที่เขาเรียกว่า “ความรู้สึก” กับ “หัวใจ” ทำไมเขาถึงมองข้ามสิ่งๆนั้นไปได้อย่างน่าละอายยิ่งนัก

 “ผมขอเปิดห้องแค่ครู่เดียวเท่านั้น...” กัปตันหนุ่มเอ่ยกับเคาว์เตอร์สาว ขณะที่เขาก็สวมแว่นกันแดดและผ้าปิดปากอยู่อย่างไม่ยอมถอด แต่ในขณะเดียวกันทิมมี่กลับไม่ได้สนใจการกระทำเหล่านั้นสักเท่าไหร่ แม้สายตาของพนักงานสาวสวยจะมองมาทางเขายังผิดปกติก็ตามที

 “อัตราขั้นต่ำสามชั่วโมงนะคะ... หนึ่งร้อยยูโรค่ะ” เธอตอบ พลางสายตายังเหลือบมองทิมมี่อยู่เป็นช่วงๆ

 “ขอบคุณครับ” กัปตันหนุ่มกล่าวเมื่อเช็ค-อินเป็นที่เรียบร้อย.. ทิมมี่รู้สึกตกใจเล็กๆเมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มเอื้อมดึงข้อมือของตนเองจูงไปยังห้องพักที่เขาเช็คอินเอาไว้อย่างรีบร้อน หากแต่ทิมมี่เริ่มจะอายบ้างแล้ว กับสายตาที่สอง ที่สาม และที่สี่ถึงหลายที่...ที่กำลังหันมาให้ความสนใจกับหนุ่มในเครื่องแบบกัปตันแต่ใบหน้าปกปิดมิดชิด และอีกหนุ่มในชุดลำลองธรรมดา แต่กลับมีเข็มขัดของดานอสซี่ติดประจานตัวเองอยู่ที่เอว ..ชายหนุ่มหน้าหยกพลางคิดในใจอย่างนึกด่าตัวเองที่ผิดพลาดไป ไม่น่าจะเอาสถาบันมาพกติดตัวเอาไว้แบบนี้เลยสักนิด หากแต่พอลองคิดอีกทีแล้ว... เขาก็มิได้คาดคิดนี่ว่าจะต้องมาเจอเรื่องราวบ้าๆกับคนที่เขาเกลียดชัง และยังมาอยู่ในสถานที่แบบนี้อีกด้วย กัปตันหนุ่มพาชายหนุ่มผิวขาวเข้ามายังในห้องพักระดับปานกลาง...

 “เอาล่ะ!” ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกมาจากประตูดี กัปตันหนุ่มรูปหล่อก็เอ่ยขึ้น

 “จะให้ฉันจ่ายนายเท่าไหร่...ก็ว่ามาเลย?...”

 “....ฮะ?...” ทิมมี่ทำเสียงราวกับไม่เข้าใจ

 “จะเอาเท่าไหร่...ว่ามา..” สีหน้าเรียบนิ่งของกัปตัน เขาถอดแว่นและผ้าปิดปากออก พลางเห็นสีหน้าหล่อเหลาที่กลับถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

 “ความจริงแล้ว...คุณไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเองนะครับ... เพราะคุณกับผมเราต่างก็มีประกัน”

 “แต่ฉันไม่อยากเสียเวลา เข้าใจมั้ย!?” สีหน้าแสดงความรำคาญเล็กๆ ทำให้ทิมมี่รู้สึกหงุดหงิดยิ่งขึ้น

 “แต่คุณต่างหากที่ทำให้เสียเวลาเอง... ผมขับมาดีๆ คุณก็ทิ่มหน้าออกมา อย่างกับหนีผู้หญิงมาอย่างนั้นแหล่ะ!” กัปตันหนุ่มชะงักราวกับถูกแทงด้วยคำพูดเสียดสีของทิมมี่.. ในขณะที่ชายหนุ่มผิวหยกแอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นสีหน้าชะงักของลูคัส กาโรล

 “รู้ดีจริงนะ..... ว่าแต่นายเถอะ.... ชื่ออะไร เป็นใครกันแน่?..... ทำไมคราวนั้นถึงพูดจาแปลกๆกับฉัน?”

 “พูดจาแปลกๆ...?...ผมพูดอะไรแปลก?”

 “นายบอกฉันมาเถอะน่า! ว่านายชื่ออะไร”

 “ทำไม?... คุณจะฟ้องคุณซินดี้ รอลนาเวลล์ อย่างนั้นเหรอ”

 “ปากดีเหลือเกินนะ” กัปตันหนุ่มคว้าคอเสื้อของทิมมี่พลางกระชากให้เข้าใกล้ร่างอันแข็งแกร่งของเขา สีหน้าของลูคัสราวกับไม่พอใจมากที่ถูกรุ่นน้องในสถาบันพูดจาไม่ให้เกียรติเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าหือกับเขาหรอก เพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าเขาเป็นใคร และมีอะไรการันตีชื่อเสียงและเกียรติยศของเขาอยู่ หากแต่เจ้าเด็กหน้าขาวคนนี้ที่ทำให้ลูคัสรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย กับท่าทีการตอบโต้ราวกับทิมมี่เคียดแค้นอะไรเขานักหนา

 “จะตอบมั้ยว่าชื่ออะไร....”

 “คุณไม่ใช่คนวิเศษจากไหนคุณลูคัส...” ชายหนุ่มผิวหยกสะบัดมือทั้งสองข้างของลูคัสออกจากปกเสื้อ แรงเหวี่ยงเล็กๆแต่ทำให้กัปตันหนุ่มชะงักไปกับท่าทีนั้น

 “คุณมันก็แค่... คนเดินดินธรรมดา...ไม่ใช่เทพหรือเทวดา ที่ใครจะต้องกลัวคุณ....” และคำพูดนั้น ก็ทำให้กัปตันหนุ่มต้องกระชากคอเสื้อของทิมมี่เข้ามาอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ

 “พูดอะไรระวังปากบ้างนะ! ไอ้เด็กโง่!” และทิมมี่ก็ตอบโต้ด้วยการสะบัดกลับเช่นเคย แต่คราวนี้...ไม่ใช่เพียงแค่นั้น... ฝ่ามือเรียวยาวที่ดูเหมือนจะไม่มีแรงต่อสู้ กลับกระชากปีกประดับยศที่ติดอยู่บนบ่าด้านขวาของกัปตันหนุ่มหลุดออกมาจากบ่า จนเข็มขัดที่กระชากหลุดออกมาเกี่ยวเข้ากับแขนเสื้อจนเป็นรอยขาดยาว...กัปตันหนุ่มแสดงสีหน้าอึ้งไปกับการตอบโต้ที่ดูเชือดเฉือนและไม่พอใจยิ่งนัก... พลางยิ่งคิดสงสัยหนักว่า เขากับรุ่นน้องหน้าอ่อนคนนี้ เคยมีเรื่องอะไรผูกใจกันมาหรือเปล่า!

 “จำไว้นะ...คุณลูคัส...............คุณมันก็แค่นกตัวผู้ธรรมดาๆ ที่บินโฉบไปมาเพื่อหาเหยื่อไว้บรรเทาความใคร่... แต่หากเมื่อใดที่ปีกของคุณ..... ถูกใครบางคนหักกลางอากาศล่ะก็..... เมื่อนั้นแหล่ะ...” ชายหนุ่มผิวหยก เขวี้ยงปีกประดับบ่าด้านขวาในมือลงกับพื้นห้องและตกไปอยู่บนรองเท้าหนังแก้วของกัปตันลูคัส... พลางแสดงสีหน้าราวกับเคียดแค้นชิงชังจนทำเอากัปตันหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวอย่างประหลาด!

 “คุณจะไม่มีโอกาสได้บิน.... และในที่สุด...คุณก็จะต้องตกมาตาย! และคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณ!! คุณจำคำพูดของผมไว้ให้ดี!!” ทิมมี่สะบัดตัวออกมา และก้าวออกมาจากห้องพักห้องนั้น...ที่ยังมีกัปตันหนุ่มยืนหน้าครุ่นคิดกับคำพูดดังกล่าวอย่างไม่เข้าใจ... หากแต่ความไม่เข้าใจนั้นกลับสร้างความรู้สึกสะพรึงประหลาด ที่ทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามคิดให้ได้ว่า...เขาเคยไปทำอะไรไว้ให้กับทิมมี่!! บุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่กลับไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามเลยสักนิดเดียว!



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

             
                           
         ใบหน้าซีดขาว ภายในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ห้องหนึ่ง... เทเลอร์ยังคงมีรอยน้ำตาอาบเปื้อนไม่สร่างซา พาให้เทลิซ่าที่ถือถาดยาและข้าวโอ๊ตร้อนๆมาให้ในยามเย็นเช่นนี้ต้องทำสีหน้าอ่อนแรงตามไปด้วยอีกคน ในขณะเดียวกันที่เทเลอร์มองชุดฟอร์มของน้องสาว ชุดฝึกอบรมของดานอสซี่ที่เธอเองครั้งหนึ่งก็เคยได้สวมใส่มันอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้วในที่สุดเสื้ออันทรงคุณค่าของเธอก็ถูกแขวนไว้อย่างไร้ความหมายภายในตู้ ซึ่งเธอคงไม่มีโอกาสที่จะได้สวมใส่มันอย่างเชิดหน้าชูตาให้กับตัวเองอีกต่อไปแล้ว


 “ทานสักหน่อยเถอะเทเลอร์ ตอนฉันออกจากบ้าน เธอก็ไม่ยอมทานอะไรเลย นี่พอฉันกลับมา เธอก็ยังจะทานอะไรอีกเหรอ นี่ถ้าฉันได้บินเมื่อไหร่ เธออยู่คนเดียวแบบนี้คงไม่คิดที่จะทานอะไรเลยใช่มั้ย?” ผู้เป็นน้องสาวบ่น พลางสีหน้าหม่นลงเมื่อเห็นพี่สาวของเธอยังคงน้ำตาร่วงเผาะๆ

 “เธอใส่ชุดนี้แล้ว..... สวยนะ....เทลิซ่า...” เทเลอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เทลิซ่าถอนใจ พลางวางถาดลงกับโต๊ะข้างหัวเตียงช้าๆ แล้วกลับมานั่งข้างๆหล่อนที่เดิม

 “ใครที่ได้มีโอกาสได้ใส่ชุดนี้...ก็คงสวยเหมือนกันทุกคนนั่นแหล่ะ... เมื่อปีที่แล้ว ฉันเห็นเธอใส่ เธอก็สวยเหมือนกัน” เทลิซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นพาทำให้ผู้เป็นพี่หันมา และกลั้นน้ำตาไม่อยู่

 “ชีวิตของฉัน....มันคงเดินมาสุดแค่จุดแล้วล่ะมั้ง.....” น้ำเสียงเศร้าๆทำให้เทลิซ่าถอนใจอีกครั้ง

 “สู้สิเทเลอร์ เธอต้องหาอะไรทำบ้างนะ....อยู่เฉยๆแบบนี้ คิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น” ขณะที่เทลิซ่ากำลังพยายามบอกสิ่งดีๆให้พี่สาว เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เปิดเข้ามา บุคคลดังกล่าวมีสีหน้าที่ยังไม่คลายความหงุดหงิด ขณะที่สองสาวมองหน้าผู้เป็นพี่ด้วยความรู้สึกสงสัย

 “ไปไหนมาน่ะทิมมี่? ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงรถนายเลย?” เทลิซ่าถามขึ้น

 “อ๋อ... มีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ....พี่ให้คนนำมาส่งให้ที่นี่ แต่เขาคงเอาไปเข้าศูนย์ก่อน”

 “นายเป็นอะไรมากมั้ยทิม?” เทเลอร์ถามด้วยสีหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา พาทำให้คนถูกถามอดถอนใจไม่ได้ที่ยังคงเห็นน้องสาวเป็นแบบนี้

 “ฉันน่ะ....ไม่เป็นอะไรหรอก.... แต่เธอน่ะสิ....ยอมกินอะไรบ้างหรือยัง?”

 “ยังหรอก...ดื้อจะตาย!” เทลิซ่าตอบแทน ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้น และบอกพี่ชาย

 “ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกันนะ”

 “ตามสบายเถอะตัวแสบ...” ทิมมี่กล่าวหน้านิ่งๆ ขณะที่เทเลอร์หันไปอีกทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการสังเกตของสายตาทิมมี่

 “แค่ผู้ชายคนเดียว.... เธอเป็นได้มากถึงขนาดนี้เลยหรือเทเลอร์?” เทเลอร์นั่งน้ำตาไหลพรากอยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ทิมมี่ลงมานั่งบนเตียง มองน้องสาวที่ยังคงนั่งหันหลังให้อยู่...

 “เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง.. ที่ไม่เห็นจะมีอะไรให้เธอต้องเสียดายเลยสักนิดเดียว...” คำพูดนั้น มันคงไม่ใช่คำปลอบที่ดี เพราะเทเลอร์ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

 “...ฉ...ฉันไม่ได้เสียดายเขา..... ต..แต่ฉัน...รักเขามาก...ก็เท่านั้นเอง....” ทิมมี่ถอนใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น  เขารู้สึกเหนื่อยแทนและเห็นใจน้องสาวเหลือเกิน แต่เขาก็เป็นคนที่เข้มแข็งมาก และไม่ชอบที่จะให้น้องสาวหรือคนที่เขารักแสดงความอ่อนแอให้เห็นแบบนี้

 “ฉ...ฉันรู้สึกเจ็บปวด...... เจ็บมาตลอดเลยทิม..... แม้ในระหว่างที่ฉันคบกับเขา..... เวลาที่เขาบอกว่ารักฉัน.....ในช่วงเวลาแบบนั้น ฉันก็ไม่เคยมีความสุขเลย...... ฉันถูกคนรอบข้างด่าว่า... หาว่าฉันไปแย่งคนรักของใคร.......ฮือ..”

 “อะไรนะ?.....แย่งอย่างนั้นเหรอ? .................... คนที่ว่าเธอแบบนั้น ก็คงเคยเป็นคู่นอนของผู้ชายคนนั้นมาก่อนล่ะสิท่า” เทเลอร์พยักหน้าช้าๆ

 “ต..ตอนแรก...ฉันก็ไม่เชื่อหรอก..... เพราะว่าเขาบอกกับฉัน... ว่าเขาไม่เคยนอนกับใครในเวลาที่เขาคบกับฉัน.....”

 “แล้วเธอเชื่อเหรอ?.....”

 “ฉันรักเขามากนะ.... ตอนนั้นฉันโง่มาก.... ฉันเชื่อเขา” ทิมมี่เริ่มรู้สึกว่าความรุนแรงบางอย่างกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวและความรู้สึกอีกแล้ว

 “แล้วอะไรล่ะ... ที่ทำให้เธอเชื่อ.... เชื่อว่าเขาเลวน่ะ” ทิมมี่ถามต่อด้วยน้ำเสียงหนักขึ้น มันดูเหมือนคนที่กำลังเริ่มก่อไฟในอารมณ์ และดูว่าความเคียดแค้นแทนน้องสาวจะกลับมาทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอีก ขณะที่เทเลอร์ เมื่อได้ยินคำถามนั้น เธอก็หันกลับมามองหน้าทิมมี่พลางร้องไห้ออกมาให้เขาได้เห็นอีกยกหนึ่ง

 “....ฉ...ฉัน.... ฉันเห็นเขา... พาผู้หญิงคนหนึ่ง.... เข้าโรงแรมน่ะสิ!” ทิมมี่อึ้งไปที่ได้ยินเช่นนั้น... แต่ก็คิดว่าน้องสาวของเธอใจเด็ดดีเหมือนกัน ที่อุตส่าห์ตามไปเห็นเข้ากับตาตัวเอง...แต่ความใจเด็ดนั้นก็กลับส่งผลเสียให้กับเธอ เมื่อเธอคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย

 “ผู้หญิงคนนั้นยังอาละวาดใส่ฉันอีก... ที่ฉันต้องออกจากงานมานี่.... เพราะฉันไม่ได้อยากจะเลิกกับคุณลูคัสเลยสักนิดเดียว! เพราะฉันยังรักเขาอยู่....แต่ฉันทนไม่ได้ที่มีแต่คนมองฉันอย่างทุเรศ! อีกทั้งผู้หญิงคนที่นอนกับเขาคนนั้น ก็ยังราวีฉันตลอดเวลาเลย!...ฉันอายมากนะทิม... ฉันถึงต้องยอมเสียอนาคต... และตั้งใจที่จะจากโลกนี้ไป....ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้วทิม ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!! ฮือ~!!!” ทิมมี่ตรงเข้ามากอดน้องสาวพลางลูบศีรษะของเธอด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ

 “พอแล้วเทเลอร์...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว... ทานข้าวโอ๊ตแล้วทานยาซะ...” ทิมมี่ตัดบทสนทนา เพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น เทเลอร์ออกจากอ้อมอกพี่ชายก่อนที่จะระงับน้ำเสียงที่สั่นเครือของตัวเอง ก่อนจะบอก

 “เดี๋ยวฉันกินเองแหล่ะ... นายไปพักผ่อนเถอะ....”

 “แน่ใจนะ... ว่าจะกินน่ะ...”

 “...อ...อื้ม...” ทิมมี่ลุกขึ้น พลางเดินไปที่ประตูช้าๆ ก่อนที่จะมองเห็นน้องสาวค่อยๆนอนลงกับเตียงอีกครั้งกับท่าทีที่อ่อนล้า
 ทิมมี่นึกสะดุดคำพูดของเทเลอร์บางอย่าง.. ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไป..

 “.....เทเลอร์....” หญิงสาวพลิกตัวหันมามองหน้าพี่ชาย

“หืม?.....”

 “เธอ.... พอจะบอกได้มั้ย.... ผู้หญิงที่อาละวาดเธอคนนั้น..... ชื่ออะไร...?” เทเลอร์ได้ยินคำถาม หญิงสาวหันกลับไปหลบหน้าทิมมี่อีกครั้ง ในขณะที่ทิมมี่เองกลับคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีกแล้ว เพราะเทเลอร์เองก็ทำทีว่าจะไม่อยากพูด...แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวออกไปจากห้องนี้...คำตอบของเทเลอร์ก็ดังขึ้น...ก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตู และได้ยินคำตอบนั้นพอดิบพอดี




 “เธอชื่อ..... วีว่า... เลอคอติส...!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


โควต้าเต็ม ต่ออีกทีพรุ่งนี้ค่าาาา ^^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 3 [24/08/54] มาต่อติดๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 24-08-2011 23:54:52
นังวีว่าาาาาา  ร้ายอย่างนี้ต้องเจอทิมมี่

ลูคัสก็เหอะ  ทำงี้ได้ไงเนี่ยยย  ไม่รับผิดชอบเลยย

ติดตามๆๆ 

บวกเป็ดไป2 ตัวเลยล่ะกานนนน
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 4 [28/08/54] มาต่อติดๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-08-2011 19:15:42
FLIGHT FOUR : เที่ยวบินแรกแห่งความชิงชัง
             


ในที่สุด.. วันเวลาที่ทิมมี่รอคอยก็มาถึง..การทำงานวันแรกในสถาบันของสายการบินติดอันดับโลกอย่างสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ และยังเป็นสายการบินบ้านเกิดของทิมมี่ที่เขามองผ่านไปเมื่อก่อนหน้านี้อีกด้วย หากแต่การกลับมาครั้งนี้ เขาก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับใครบางคน เที่ยวบินแรกที่เขาจะต้องปฏิบัติงานในช่วงบ่าย เขารู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่า ระบบผังงานของตัวเอง มีกัปตันที่ชื่อ “ลูคัส กาโรล” ทำหน้าที่เป็นกัปตันมือหนึ่งของเครื่องอีกด้วย


ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ แสดงท่าทีของเด็กใหม่ในสายการบินนี้ได้อย่างดี การฝากเนื้อฝากตัวแก่รุ่นพี่เป็นสิ่งที่เขาต้องพึงกระทำ และเขาก็ได้ความรู้จักกับเพื่อนใหม่ร่วมทำงานในชั้น Business Class เธอเป็นแอร์โฮสเตสที่เพิ่งเข้ามาทำงานก่อนหน้าทิมมี่ได้ไม่กี่สัปดาห์ เธอชื่อ เอลลี่ แซนดอริช ทิมมี่ตรงเข้ามาในห้องล็อกเกอร์เพื่อจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่เข้าทางให้เนี้ยบอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องพลางมองนาฬิกา เพื่อนร่วมงานชายหรือสจ๊วตเข้ามาทักทายทิมมี่ และเตือนบอกว่าใกล้จะถึงเวลาบรีฟกันแล้ว

ภายในห้อง Briefing ทิมมี่เดินเคียงมากับเอลลี่พร้อมกับสจ๊วตและแอร์โฮสเตสคนอื่นๆ พอเข้ามาจับจองที่นั่งเพื่อเตรียมตัวจดเอกสาร สายตาของทิมมี่ก็ไปสะดุดกับสายตาของใครบางคนที่นั่งอยู่ในห้องบรีฟห้องนี้ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามานานพอสมควรแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่ใคร... บุคคลที่กำลังมองหน้าทิมมี่อย่างมีปัญหาราวกับยังไม่เคลียร์ในวันที่ต้องปะทะคารมกันในวันนั้นอยู่... แต่ทิมมี่กลับเมินสายตาจดจ้องของกัปตันหนุ่มผู้นั้นไป และกัปตันลูคัสก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง พลางเดินไปนั่งที่โต๊ะแลกเชอร์ข้างๆทิมมี่ และตอนนี้..ชายหนุ่มผิวหยกก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดก่อนการทำงานเสียแล้ว

 “เอาล่ะ มากันพร้อมแล้วนะ... สวัสดีค่ะ...ไง..ไม่ได้เจอกันนานนะเอลลี่ ไม่สบายหายหรือยังจ้ะ?” โรสรอยด์ หญิงวัยกลางคน ผู้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าเที่ยวบินในครั้งนี้ ออกมายืนอยู่หน้าห้องพลางทักแอร์ฯสาวที่หายหน้าไปนานเกือบเดือน ...ขณะที่เอลลี่ยิ้มพลางตอบรับเบาๆ

 “เอาล่ะๆ ไม่เป็นการเสียเวลาแล้วกันนะ พวกคุณจะได้ไปดื่มกาแฟเตรียมตัวกันก่อนขึ้นเครื่อง...สำหรับเที่ยวบินวันนี้ ดิฉัน โรสรอยด์จะมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเที่ยวบินนะคะ... เอ้อ...ไหนๆดูก่อน”โรสรอยด์หยิบเอกสารบนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาถือในมือ

 “วันนี้ไฟลท์เครื่องออกเวลา 14.00 น. เอ้อ ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว เราทุกคนจะมีเวลาพักถึงบ่ายโมงนะคะ วันนี้ที่ต้องเรียกมาเร็วก่อนกำหนดขึ้นเครื่องหลายชั่วโมงก็เนื่องจากว่าเรามีแขกวีไอพีด้วย ดิฉันก็เลยมีเอกสารมากมายจะมาแจกให้ทุกคนเอาไปอ่านกันเองแล้วกัน สำหรับดิฉันเดี๋ยวขอไปเร็วเลยแล้วกัน ดิฉันจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าเที่ยวบินไปกลับฝรั่งเศส-อเมริกาเที่ยวนี้เป็นแบบ โอเวอร์ไนท์ด้วย เราจะไปพักกันที่โรงแรมโลแกนของแอร์พอร์ตบอสตันที่เดิม... เอ้อ ส่วนกัปตันมือทองของเราก็จะเป็นผู้พาเรือบินเที่ยวนี้ไปถึงแมตซาซูเซตส์ สวัสดีค่ะคุณลูคัส” เป็นการทักทายในห้องบรีฟเช่นนี้ทุกครั้งที่กัปตันหนุ่มรวมถึงคนอื่นๆที่ได้ยินการเรียกชื่อจะต้องลุกยืนขึ้นแล้วก้มศีรษะลงอย่างทักทายเพื่อนร่วมเที่ยวบิน กัปตันลูคัสลุกขึ้นด้วยมาดสง่างามเช่นเคย แอร์ฯสาวๆต่างไม่อยู่นิ่ง ต่างหันไปซุบซิบกันอย่างปลาบปลื้มที่ได้ร่วมเที่ยวบิน แถมยังโอเวอร์ไนท์ด้วยกันอีกด้วย ...ซึ่งเอลลี่ก็ไม่วายสะกิดทิมมี่ และพูดอีกว่า “คนอะไร..หล่อไปหมดทุกส่วนเลย” ...ขณะที่หน้าสีของทิมมี่กลับแสดงตรงกันข้าม

 “ส่วนโคไพล็อตก็คนเดิมของเรา คุณมอริสค่ะ” โคไพลอตมอริส ลุกยืนทักทาย

 “วันนี้เฟิร์สคลาสตกเป็นของ คุณโดนัลด์กับคุณเบลล่า แขกวีไอพีดูให้ดีนะจ้ะ ว่าไม่ต้องการผักขมลงในจานสลัด และไม่ต้องการมะเขือเทศในซุปมื้อเย็นด้วย” สองหนุ่มสาวลุกยืนรับคำ พร้อมรับเอกสารสำคัญในมือของโรสรอยด์ไปนั่งทบทวน

 “โอ้ว้าว... สำหรับบิวสิเนส คลาสของเราวันนี้...มีสจ๊วตหนุ่มหน้าใสถอยมาจาก JAL เสียด้วย... ยินดีต้อนรับค่ะคุณทิมมี่ และเธอด้วยนะเอลลี่ คุณสองคนได้รับหน้าที่นี้ดูแลผู้บริหารโซนี่มิวสิคข้อบังคับมีอยู่ในแผ่นนี้นะจ้ะ” ทิมมี่ลุกขึ้นพร้อมกับเอลลี่ พลางสายตาของลูคัสยังคงจับจ้องชายหนุ่มหน้าขาวไม่วางตา

 “ส่วนชั้นประหยัดวันนี้ก็เซ็ตเดิม คุณรอยัล คุณเดสซี่ คุณบีเวอร่าและคุณแนพคิน สี่สหายที่ผูกตายกันทุกไฟลท์บิน รอบนี้ผู้โดยสารแน่นมากนะขอบอก คุณสี่คนอาจจะต้องรับมือกับผู้โดยสารจู้จี้ขี้บ่นจนกว่าจะไปถึงบอสตันเลยทีเดียว” สองสจ๊วตและสองแอร์ฯผู้ได้รับหน้าที่ดังกล่าวต่างพยักหน้ารับคำและชูมื้อขึ้นสู้ตายอย่างไม่เกรงกลัว ใช่..สี่คนนี้รับมือกับผู้โดยสารเรื่องมากมาแล้วนับไฟลท์ไม่ถ้วน และยังได้รับโล่ดีเด่นว่าทั้งสี่เป็นผู้เก็บอารมณ์และมีความอดทนได้ยอดเยี่ยมอีกเสียด้วย...
แน่ล่ะ ไม่มีผู้โดยสารชั้นไหนจะวุ่นวายได้เท่ากับชั้นประหยัดอีกแล้ว...จ่ายตั๋วถูกแต่กลับวางท่าเป็นราชา... แต่สี่คนนี้เขารับมือไหว คุณโรสรอยด์เธอไม่ต้องเป็นห่วงเช่นเคย..



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เริ่มต่อแถวกันขึ้นรถบัสสีดำของดานอสซี่แอร์ไลน์ เพื่อตรงไปยังตัวเครื่องบิน และไม่ช้า.. การเริ่มต้นปฏิบัติงานครั้งแรกของดานอสซี่แอร์ไลน์ของทิมมี่ก็เริ่มต้นขึ้น..

 “Good afternoon, may I see your boarding pass,please?” ทิมมี่กล่าวขออนุญาตตรวจสอบบอร์ดดิ้งพาสเป็นภาษาอังกฤษเพราะเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผู้โดยสารตรงหน้าเป็นคนฝรั่งเศสหรือคนชาติอื่นกันแน่ ฉะนั้นภาษาสากลย่อมมาก่อนในยามที่พนักงานไม่สามารถหยั่งรู้...ขณะที่ทิมมี่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าของห้องผู้โดยสารชั้น Business Class พร้อมกับเอลลี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของประตู และเมื่อชายหนุ่มได้ตรวจสอบบอร์ดดิ้งพาสแล้ว และมองเห็นชื่อบุคคลนั้นที่บ่งบอกว่าเป็นคนฝรั่งเศส เขาจึงขอบคุณเป็นภาษาบ้านเกิดทันที

 “ขอบคุณครับ ที่นั่งของคุณคือ 20 K อยู่ทางด้านขวามือของเครื่องครับผม”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                 

          หลังจากที่ผู้โดยสารทุกระดับชั้นเข้ามานั่งในห้องคาบิน หรือห้องโดยสารครบแล้ว เครื่องบินของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ เริ่มติดเครื่องทำงาน... ทิมมี่ทำหน้าที่ในการพากษ์เสียงภาษาอังกฤษ โดยให้เอลลี่ทำท่าสาธิตวิธีการสวมใส่เสื้อชูชีพ และการใช้หน้ากากออกซิเจน รวมถึงแนะนำปุ่มต่างๆบริเวณที่นั่งผู้โดยสารทั้งปุ่มเรียกพนักงาน ปุ่มเปิดไฟอ่านหนังสือ แผงเสียบชุดหูฟัง หรือแม้แต่การใช้โทรทัศน์แบบ LCD ส่วนตัว และยังแนะนำให้ผู้โดยสารทบทวนวิธีการสาธิตดังกล่าวในเอกสารที่เสียบอยู่ในซองด้านหน้าอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย


         เมื่อเครื่องบินเริ่มเคลื่อนตัวออก และวิ่งไปตามรันเวย์อย่างช้าๆ เสียงกัปตันลูคัสจะดังผ่านลำโพงตามระดับชั้นต่างๆ เสียงอันนุ่มนวลชวนให้คนฟังรับรู้ได้ว่า เจ้าของเสียงคงหน้าตาหล่อเหลาชวนฝันไม่น้อย..เอลลี่เองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หากแต่ทิมมี่กลับเดินลงมานั่งในเก้าอี้พนักงาน และรัดเข็มขัดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์กับเสียงของกัปตันหนุ่มที่กำลังประกาศให้ทุกคนอยู่ประจำที่และรัดเข็มขัดอย่างเคร่งครัด หลังจากเครื่องบินลอยลำอยู่บนน่านฟ้า ในเวลาสิบห้านาทีหลังจากที่ล้อเครื่องบินผละออกจากผืนรันเวย์แล้ว สจ๊วตและแอร์โฮสเตส ต่างคนต่างจะเริ่มทำงาน ...ทิมมี่เตรียมชุดหูฟัง และชุด Amenity Kits ซึ่งมีทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟันขนาดพกพา ที่อุดหู ที่ปิดตา และถุงเท้า เดินแจกให้แก่ผู้โดยสารทุกคนจนครบ ก่อนที่โทรศัพท์ด้านหลังห้องจะดังขึ้น เอลลี่รีบเดินไปรับ


 “ค่ะกัปตัน........ ค่ะ.... รอสักครู่นะคะ” เอลลี่วางสายโทรศัพท์ พร้อมกับทำสีหน้าราวกับสงสัยใส่โทรศัพท์ติดผนัง..ทิมมี่เดินกลับเข้ามาแล้วถามขึ้น

 “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”

 “คือ...เมื่อกี้กัปตันโทร.มาสั่งกาแฟน่ะสิ” เอลลี่ตอบ แต่ทิมมี่ยิ่งทำสีหน้าสงสัยเข้าไปอีก

 “แล้วยังไง?”

 “ก็เขาบอกว่า... ให้นายเป็นคนเอาไปให้เขาน่ะสิ เอ่อ...รหัสประตูห้อง 7070 นะ”

 “หา?...” ทิมมี่ได้ยินดังนั้นความสงสัยที่มีเริ่มกระจ่าง กัปตันหนุ่มต้องการหาเรื่องอะไรเขาแน่ๆ ทิมมี่แสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปในห้อง GALLEY หรือห้องครัวนั่นแหล่ะ แล้วเตรียมแก้วกาแฟกับถาดและจานรองมาวางเตรียมไว้พลางหยิบซองกาแฟมาฉีกอย่างไม่สบอารมณ์ และเอลลี่ก็ตามเข้ามา เธอมองเห็นสีหน้าของทิมมี่แล้วอดสงสัยอีกไม่ได้

 “ง...งั้น... เดี๋ยวฉันเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟผู้โดยสารก่อนแล้วกันนะ”

 “ไม่ต้องเอลลี่!” ทิมมี่ค้านขึ้น ขณะที่หญิงสาวชะงัก เมื่อกำลังจะเดินไปที่รถเข็นบรรทุกเครื่องดื่มด้านในของห้อง.. เธอมองทิมมี่ด้วยสีหน้าสงสัยเช่นเคยกับท่าทีดังกล่าวที่ราวกับทิมมี่โมโหอะไรมาอย่างนั้นแหล่ะ

 “เธอเอากาแฟนี้ไปให้กัปตันแล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเอง”

 “ต...แต่ว่า...” หญิงสาวทำมือทำไม้ราวกับนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่ทิมมี่กลับตัดบท

 “โอเค..ขอบคุณมาก..” ชายหนุ่มยื่นถาดกาแฟพร้อมกับกาแฟร้อนๆในถ้วยที่ชงเสร็จแล้ว ให้กับเอลลี่ที่ยืนอ้าปากกว้างอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น... อารมณ์และบรรยากาศแปลกๆของทิมมี่ทำให้เธอต้องทำตามที่ชายหนุ่มพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ทิมมี่ต้องปั้นหน้ายิ้มออกไปเสิร์ฟบริการเครื่องดื่มอย่างแย่งหน้าที่ของเธอไป เอลลี่ยืนกดรหัสอยู่หน้าห้องค็อกพิทหรือห้องกัปตัน เมื่อทันทีที่ประตูเปิด กัปตันหนุ่มหน้าคมรีบหันขวับมามองด้านหลังทันที.. สายตาดูจะตกใจเล็กๆกับคนที่นำกาแฟมาให้..ไม่ใช่คนที่เขาคาดคิดเอาไว้

 “...อ่าว...แล้ว...?”

 “คือ... ทิมมี่เขากำลังเอ่อ...เสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่น่ะค่ะ...เอ่อ ไม่ทราบว่ากัปตันมีเรื่องอะไรกับทิมมี่หรือเปล่าค่ะ ...หากจะสั่งอะไร
ผ่านดิฉันไปก็ได้นะคะ” กัปตันหนุ่มรับกาแฟจากเอลลี่มาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ขณะที่โคไพลอตอย่างมอริส ก็ทำหน้าสงสัยไปด้วยเหมือนกันกับท่าทีไม่สบอารมณ์ของลูคัสตั้งแต่นั่งประจำเครื่องแล้ว

 “ไม่มีอะไร... ขอบคุณมากคุณเอลลี่....” เอลลี่ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้นเช่นเคย


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


          ตลอดระยะเวลาการบินนั้นทิมมี่แทบจะไม่คิดอะไรในหัวเลยนอกจากความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องของน้องสาว... เขาไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรให้กัปตันลูคัส กลับไปขอโทษเทเลอร์และทำให้เธอกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง แม้ทิมมี่จะรู้ดีว่ามันคงยากและอาจจะไม่มีวันหรอกที่กัปตันลูคัสจะกระทำเช่นนั้น.. แต่เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวของตัวเองต้องตกอยู่แต่ในความทุกข์แบบนี้แต่ฝ่ายเดียวหรอก หากลูคัสไม่คิดจะรับผิดชอบความรู้สึกใดใดของน้องสาว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ลูคัสนั่นแหล่ะที่จะต้องเดือดร้อนและรับผลกรรมของตัวเองอย่างเจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับที่น้องสาวของเขาเจอ


          เครื่องบินของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ เทียบท่าอากาศยานโลแกน ในเขตบอสตัน รัฐแมตซาซูเซตส์ ของสหรัฐอเมริกาในช่วงเย็น เหตุที่มาเร็วเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง ก็เพราะไฟลท์นี้ เครื่องไม่แวะลงรับส่งผู้โดยสารที่ประเทศอังกฤษ เป็นไฟลท์ของเครื่องบินโดยสารพิเศษ สำหรับแขกวีไอพีและคณะแขกผู้มีระดับเท่านั้น ฉะนั้นเวลาที่เหลือมากกว่าเดิม 4-5 ชั่วโมงจากที่เคยมี ก็ทำให้เหล่าลูกเรือต่างรู้สึกโล่งอกมากขึ้นที่จะได้มีเวลาพักผ่อนและดินเนอร์ในที่แปลกๆนอกจากที่โรงแรมหรือทางสายการบินจัดให้อย่างที่เคย

เหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตส เดินเรียงกันเป็นแถวในทางเดินยาวจากประตูเครื่องสู่ทางเข้าท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ทิมมี่เดินเคียงไปกับเอลลี่ ตามคนอื่นๆด้วยฝีเท้าราวกับเร่งเร็วเกินกว่าปกติ เอลลี่เองก็รู้สึกเช่นนั้น เมื่อเธอต้องเดินตามชายหนุ่มให้ทันพลางเข็นกระเป๋าสัมภาระของตนเองตามไปด้วย ด้วยความทุลักทุเล

 “นายรีบไปไหนเหรอทิมมี่! จะรีบไปช้อปปิ้งหรือไง นี่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆเองนะ ยังไม่ทันมืดเลย” ทิมมี่ทำหน้ากระอึกกระอักราวกับเขาไม่ได้ต้องการจะทำอย่างนั้น หากแต่เขาก็ไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขากำลังรีบปั่นขาตัวเองให้รีบเดินเพื่อหลบเลี่ยงการปะทะคารมกับใครบางคนที่กำลังเดินจ้ำทำความเร็วพอๆกันทางด้านหลัง

 “ป..เปล่าหรอกเอลลี่ ค..คือ... คือฉันปวดท้องนิดหน่อยน่ะ”

 “หา? ปวดท้องเหรอ? นายกินสลัดเข้าไปหรือเปล่า ฉันเห็นนายกินแต่ซุปนี่ ท้องนายจะไม่ดีได้ไง?” ทิมมี่เริ่มรำคาญกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขา แม้กระทั่งเพื่อนใหม่คนนี้ ที่ระหว่างตอนที่อยู่บนเครื่องก็เอาแต่ถามเรื่องของเขากับกัปตันอยู่ไม่ยอมคลาย ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอจะอยากรู้เรื่องของคนอื่นไปทำไมกัน

 “ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ฉันอยากถึงโรงแรมไวไวน่ะ เธอเองก็ไม่ต้องรีบตามฉันก็ได้ เพราะยังไงเราก็คงพักคนละห้องอยู่แล้ว” ทิมมี่กล่าวจบ จากเดินก็กลายเป็นเดินวิ่งทันที เขาแซงเหล่าทีมลูกเรือรวมถึงเพอร์เซอร์ (Purser) หรือหัวหน้าเที่ยวบินอย่างคุณโรสรอยด์ไป พลางยิ้มบางๆให้เขาเหล่านั้นเพื่อขอโทษที่เดินแตกแถว...แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เขาแค่คนเดียวหรอกที่กำลังรีบ... กัปตันหนุ่มกับมาดที่เคยนิ่งสุขุมนุ่มลึก ในเวลานี้ก็เดินลิ่วๆแซงเพอร์เซอร์ไปอีกคนเช่นกัน ท่ามกลางสายตางุนงงของคุณโรสรอยด์ที่ได้แต่เดินช้าลงและมองคนทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

           
               
-LOGAN AIRPORT HOTEL-


ทิมมี่ในตอนนี้ไม่ได้เดินเร็วเหมือนก่อนหน้านี้แล้วแต่อาจจะเรียกได้ว่า ชายหนุ่มวิ่งเลยมากกว่า... ใช่.. เขาวิ่งเข้ามาภายในโรงแรมแอร์พอร์ตหรูของท่าอากาศยานโลแกน ชายหนุ่มไปถึงเคาว์เตอร์รีเซพชั่นและไม่รอช้าที่จะเช็คอินห้องของตัวเองทันที


 “Hello, I’m Timmy Drawyer. I’m a steward from Danossy Airline, Could you check my room,please?” ทิมมี่เริ่มการเช็คอินด้วยการแสดงตนเป็นสจ๊วตของสายการบินทันที เพื่อที่จะได้พักฟรีตามสิทธิพิเศษของลูกเรือดานอสซี่ แอร์ไลน์

 “Your room number 709 ,sir” (ห้องของคุณหมายเลข 709ค่ะ)

 “Thank you…. I beg for my room card” (ขอบคุณครับ ผมขอบัตรเข้าห้องด้วย”

 “umm…. Sorry Mr.Drawyer, You must wait for room-mate before,sir” (อืม..ขอโทษค่ะคุณดรอว์เยอร์ คุณต้องรอให้เพื่อนร่วมห้องของคุณมาก่อนนะคะ) ทิมมี่ทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพื่อนร่วมห้องอย่างนั้นเหรอ?... นี่เขาไม่ได้นอนเดี่ยวหรือไงกันนี่ เฮอะ... ตลกดีนะ อย่าบอกนะว่าเจอห้องทวิ...

 “ห้อง Twin Room สินะ” เสียงของใครบางคน ตอบแทนความคิดของทิมมี่ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้.. เสียงนั้นมาจากด้านหลัง
และทิมมี่ก็รู้ดีก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันไปมองคนๆนั้น...ใช่.. เขารู้ดีว่าคนที่ยืนมาดสง่างามอยู่ด้านหลัง แต่แอบเหงื่อตกเล็กน้อยจากการที่วิ่งตามมาคนนั้น เป็นใคร...


ทิมมี่ถอนใจก่อนที่จะมองกัปตันหนุ่มที่เดินมายืนเคียงข้างกันกับตัวเขา พลางกัปตันหนุ่มหล่อตรงหน้าแนะนำตัวเองกับรีเซฟชั่นนิสต์ว่า... เขาเป็นใคร


 “oh… You rest with Mr.Drawyer?” (โฮ่ คุณพักห้องเดียวกับเขาใช่มั้ยคะ)

 “Yes,ma’am… in case that… I beg for our room keys,please” (ใช่ครับคุณผู้หญิง ถ้าอย่างนั้นผมขอการ์ดของเราด้วยนะครับ) ทิมมี่ทำหน้าราวกับคนที่กำลังตกใจมาก เมื่อได้รู้ว่าตนเองจะต้องพักอยู่กับใครในคืนนี้

 “มีอะไรเหรอ? มองหน้าฉันอย่างกับฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นแหล่ะ..... รึว่าเธอคิดว่าฉันไม่ใช่อยู่แล้ว?.... ถึงได้เอาแต่จะหนีหน้าฉันอยู่ตลอด” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น รีบทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ

 “เฮอะ... หนีคุณงั้นเหรอ? ทำไมผมจะต้องทำอย่างนั้นด้วยคุณกัปตัน?”

 “ก็ไม่รู้สินะ... นายไม่คิดว่านายทำอย่างนั้นหรือไง?” คำถามอันแสนน่ารำคาญและน่าเจ็บใจสายการบินของตัวเอง ชายหนุ่มไม่คิดว่าเพอร์เซอร์จะจัดห้องให้เขาอยู่กับคนแบบนี้ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว กัปตันก็ควรจะพักอยู่กับโคไพลอตมากกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ... และเท่าที่เขาเคยอยู่ JAL มาก่อน เขาก็เห็นว่ากัปตันของสายการบินนั้น ได้พักห้องเดี่ยวพักคนเดียวเสียด้วยซ้ำไป.. จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าเขาเกลียดกัปตันคนนี้จนแทบอยากจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยงเลยด้วยซ้ำ

 “เอ้า! นี่ไง... การ์ดของนาย..เอาไปคนละอันสิ” กัปตันหนุ่มยื่นการ์ดใบหนึ่งให้ ทิมมี่รับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบเดินตรงไปที่ลิฟต์ ท่ามกลางสายตาที่ยังจับจ้องพฤติกรรมประหลาดนั้นของชายหนุ่มผิวหยก... อย่างไม่วางตา.. กัปตันหนุ่มเดินไปยืนอยู่ข้างๆทิมมี่ ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกและทั้งสองก็ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์พร้อมๆกัน...ภายในลิฟต์ที่เงียบสงัด และผนังลิฟต์ก็ดันเป็นกระจกทั้งสี่ด้าน ทำให้ทิมมี่ไม่สามารถละสายตาให้ออกจากใบหน้าของกัปตันหนุ่มไปได้แม้จะสักมุมเดียว รอยยิ้มกลั่นแกล้งของลูคัสยังมีให้เห็น และคำพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มผิวหยกต้องรู้สึกเจ็บใจมากยิ่งขึ้น ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกในเวลาต่อมา..


 “รู้เอาไว้ด้วยนะคุณดรอว์เยอร์........ ไม่ได้มีแค่แอร์โฮสเตสเท่านั้น...... ที่หลงใหลคนอย่างผม........หึ..... ไม่เว้นแม้แต่....”


ทิมมีเดินพรวดออกมาจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออกมาโดยไม่รอที่จะให้กัปตันหนุ่มได้พูดอะไรออกมาทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนอีก ในขณะเดียวกันกัปตันหนุ่มได้แต่ยืนยิ้มอย่างทะนงตนและพอใจกับท่าทีของเด็กหนุ่มไม่น้อยเลยทีเดียว


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

หายไปหลายวัน เพราะไปอยู่ในที่กันดารมา 555+

มาต่อแล้วนะคะ เดี๋ยวดึกๆมาลงอีกตอน^^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 4 [28/08/54] มาต่อติดๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 28-08-2011 19:51:13
อั๊ยๆๆๆๆ  พระเอกหลงตัวเองว่ะ  (เรื่องจริงชัดๆ = ='')

ทิมมี่  อย่าไปยอมนะลูก!!!

คนเขียนก็สู้ๆเด้อ  ^^

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 5 [28/08/54] ต่อตอนดึกๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-08-2011 23:57:31

FLIGHT FIVE : OVER NIGHT
             



          ทิมมี่ยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำสุดหรูของห้องพักแบบเตียงคู่ หรือแบบ Twin Room อันแสนแพงในชั้น VIP ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือลูกเรือของดานอสซี่ แอร์ไลน์ จะได้พักผ่อนที่นี่ฟรี ในทุกครั้งที่มีการโอเวอร์ไนท์ค้างคืนจากการบินไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม สีหน้าของชายหนุ่มในกระจกและนอกกระจกก็คงจะเหมือนกัน สีหน้ายุ่งเหยิงหงุดหงิดเมื่อต้องมาร่วมหลับนอนอยู่ภายในห้องเดียวกันกับคนที่เขาแสนเกลียดชังตั้งแต่แรกที่ได้ยินชื่อจากปากของน้องสาว..

          ชายหนุ่มมองไปที่ราวแขวนผ้าภายในห้องน้ำที่มีผ้าเช็ดตัวของกัปตันหนุ่มพาดเอาไว้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้กัปตันหนุ่มได้ชิงชำระล้างร่างกายก่อนเขา กลิ่นหอมจากร่างของชายหนุ่มที่สาวๆหลายคนปรารถนาจะได้สัมผัส แต่ชายหนุ่มหน้าหยกกลับรู้สึกแขยงกลิ่นที่ฟุ้งไปทั่วห้องอาบน้ำในเวลานี้ ขนาดยังคิดว่ากลิ่นน้ำยาล้างส้วมแรงๆยังจะน่าสูดดมมากกว่ากลิ่นของผู้ชายสกปรกคนนั้นเสียอีก ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ชายหนุ่มในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา สายตาสะดุดไปที่กัปตันหนุ่ม ที่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งราวกับรอเพื่อที่จะพูดกับเขาอยู่บนเตียงหลังใหญ่ของตนเอง



 “มีอะไร...มองทำไม?...” คำถามห้วน พลางชายหนุ่มเช็ดผมตัวเองและเดินผ่านร่างสง่างามนั้นไปที่เตียงหรือมุมพักผ่อนของตัวเอง


 “มองไม่ได้หรือไง?... ส่วนใหญ่ใครๆก็รู้สึกพอใจนะ ที่ถูกฉันมอง...” ทิมมี่รู้สึกร้อนไปทั่วหัวทั้งๆที่ตัวเองสระผมมาแล้ว..


 “ทำไมคุณถึงไม่ลงไปดินเนอร์ฮ้ะ?...คุณจะมัวแต่มานั่งหาเรื่องให้ผมหงุดหงิดเพื่ออะไรกัน?” ทิมมี่ถามพลางหันหน้ามามองกัปตันหนุ่มด้วยสายตาหงุดหงิดเกินกว่าคำพูดที่ได้บอกออกไป ขณะที่กัปตันหนุ่มราวกับจะไม่แยแสความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวเท่าไหร่นัก แถมยังยิ้มบางๆราวกับพอใจที่จะได้ยุแหย่คนอย่างทิมมี่อีกด้วย


 “แล้วเพื่ออะไรที่นายจะต้องหงุดหงิดใส่ฉันด้วยล่ะ?......ทั้งๆที่คนอื่นๆในเที่ยวบิน ฉันก็เห็นนายพูดคุยกับเขาดี...นายทำอย่างกับว่านายโกรธฉัน เพราะฉันไปทำอะไรให้นายอย่างนั้นแหล่ะ ถามจริงๆนะ... บอกฉันได้มั้ย... ว่านายโกรธหรือเกลียดฉันเรื่องอะไร... หากเป็นลูกผู้ชาย... หันมานั่งคุยกันหน่อยซิ” สีหน้าและท่าทางของกัปตันดูเอาจริงเอาจังเมื่อตอนท้ายของคำพูดดังกล่าว ในขณะที่สายตาของทิมมี่ตอนนี้ กำลังมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันที่ทำให้กัปตันหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดพิกล


 “แต่คุณเองก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่ครับ... หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็น?” ลูคัสเริ่มทนไม่ไหว กัปตันหนุ่มลุกออกจากเตียงพลางเดินไปที่ร่างของชายหนุ่มหน้าขาวที่บริเวณเตียงด้านข้าง แล้วเอามือจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่มพลางบีบอย่างแรงและเขย่าหลายครั้ง จนทิมมี่รู้สึกตกใจ


 “นายต่างหากที่หาเรื่องฉัน!! บอกมาสิ!! ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธ!! บอกฉันมาสิ! บอกมาสิ!” ฝ่ามือข้างหนึ่งที่บีบหัวไหล่นุ่มอยู่นั้นมันเผลอไปดันเสื้อคลุมให้เปิดกว้างออก ในขณะที่ทิมมี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ แต่สายตาของกัปตันหนุ่มเองกลับลดต่ำมองเนินหน้าอกขาวของชายหนุ่มตรงหน้า พลางแสดงสีหน้าสะอึกเล็กน้อย ราวกับเกิดความรู้สึกประหลาดอะไรบางอย่างกับตัวเอง ในขณะที่ทิมมี่นั้นผลักร่างสูงใหญ่ของเขาออกห่าง แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ากัปตันหนุ่มกำลังตะลึงอะไรบางอย่างในตัวเขาอยู่


 “ไม่จำเป็นที่คุณต้องรู้หรอก.... ถึงเวลาจะรู้คุณก็รู้เอง..... เชิญคุณออกไปดินเนอร์กับสาวๆของคุณตามสบายเถอะครับ...
เชิญ!” ทิมมี่ผายมือไปทางประตู พร้อมชักสีหน้าท้าทาย แต่ก็แอบหายใจแรงเพราะอารมณ์บางประการเมื่อได้อยู่ใกล้กับบุคคลที่มีเสน่ห์รุนแรงอย่างกัปตันลูคัส



          ในขณะที่กัปตันหนุ่มนั้นถอนใจและละสายตาออกจากแผ่นอกและหัวไหล่ขาวของทิมมี่พลางยกมือและใช้นิ้วชี้ขึ้นมาเขย่าเบาๆตรงหน้าหนุ่มหน้าอ่อนราวกับมีความหมายว่า อย่าทำเป็นอวดดี ประมาณนั้น..และเขาก็ตัดสินใจเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่หงุดหงิดทันที... ทิ้งให้ทิมมี่มองตามไปด้วยสายตาขุ่นเคือง




 “คนแบบนี้น่ะเหรอ...ที่ทำให้เธอรักเธอหลงน่ะ...เทเลอร์!?”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           
                         
 

          ทิมมี่เดินออกมาจากห้องพักพร้อมกับกระเป๋าเงินใบยาวของตัวเอง ชายหนุ่มตกใจเล็กๆเมื่อเดินออกมาจากห้องพบกับใครบางคนที่ยังคงไม่ไปไหน แต่กลับยืนกอดอกพิงอยู่บริเวณที่รูดคีย์การ์ดของห้องพลางสายตาเย็นชานั้น มองมาทางทิมมี่ราวกับยังไม่คลายความขุ่นในอารมณ์



 “..นี่คุณยัง...”


 “ก็รอนายอยู่นั่นแหล่ะ” ทิมมี่ชะงัก สีหน้าแสดงความสงสัย


 “รอ?... รอทำไม?”


 “รอไปดินเนอร์น่ะสิ” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ ทิมมี่หันหน้าไปอีกทางพลางถอนใจอย่างเหนื่อยล้ากับการเผชิญหน้ากับคนที่เขาแสนจะเบื่อและสุดชังผู้นี้


 “ไม่มีแอร์สาวๆให้คุณหว่านเสน่ห์แล้วหรือไง? คุณจะมาอะไรกับผมนักหนากัน!”


 “มี.... แต่นายนั่นแหล่ะที่อะไรกับฉันนักหนา...ไป! ฉันหิวจะตาลายอยู่แล้ว” ทิมมี่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินนำออกไปด้วยความรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของเขา ... เขาต้องการจะยั่วให้เราหงุดหงิดไปมากกว่านี้หรือไงนะ... ชายหนุ่มหน้าหยกยังคิดในใจอย่างสุดแสนที่จะระอา แต่อย่างว่า เขาก็ไม่อยากที่จะทำตัวให้มีพิรุธไปมากกว่านักหรอก



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                   



 “คุณคงจะลำบากหน่อยนะ... เพราะคืนนี้มีผมอยู่ในห้องของคุณด้วย..คุณคงจะไม่ได้พักผ่อนกับแอร์สาวคนไหนได้...” ทิมมี่พูดขึ้น ขณะที่เขาเองกับกัปตันหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารสุดหรูในภัตตาคารระดับไฮคลาสของโรงแรมโลแกน ท่ามกลางสายตาความงุนงงของเพอร์เซอร์โรสรอยด์ รวมถึงโคไพลอตอย่างมอริส และรวมไปอีกกับพวกลูกเรือทั้งหลายแหล่ ที่มองมาทางกัปตันลูคัสอย่างประหลาดใจ ซึ่งตามปกติแล้วกัปตันลูคัสผู้วางมาดงามสง่าและไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนบุรุษด้วยกันจะต้องนั่งดินเนอร์เพียงลำพังเหมือนทุกครั้งที่มีโอเวอร์ไนท์ หรือพักเครื่องลง... หากแต่คราวนี้ โต๊ะอาหารของกัปตันเสน่ห์เหลือร้ายกับมีชายหนุ่มหน้าขาวนั่งเชยคางพลางสนทนาด้วยท่าทางและกิริยาอย่างออกรส ความเป็นจริงแล้วสายตาคนอื่นอาจจะเห็นเป็นอย่างนั้น แต่ที่แท้จริงๆแล้วทิมมี่กลับสนทนาด้วยคำพูดถากถางร่วมกันกับกัปตันหนุ่มหล่อมากกว่า ผลัดกันใส่ผลัดกันถากอย่างไม่มีใครยอมใคร... ครั้งนี้เลยดูเหมือนจะเป็นการรับประทานอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยและไม่รู้อิ่มเป็นครั้งแรกของกัปตันลูคัส



 “หึ...ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะต้องเกรงใจนายถึงขนาดนั้นล่ะ?” กัปตันลูคัสย้อนถาม สีหน้ากวนอารมณ์


 “.....คุณหมายความว่าไง?” ทิมมี่เองก็แสดงสีหน้าตอบรับที่ไม่สบอารมณ์เช่นกัน


 “หากฉันอยากจะนอนกับใครก็ตาม... ฉันก็ต้องได้นอน...รู้ไว้ด้วยไอ้เด็กโง่” สายตาเย้ยท้าทายและรอยยิ้มร้อยเล่ห์ของเทวดาหนุ่ม สร้างความเดือดดาลจนกระอักไปเต็มอกหนุ่มหน้าขาว ที่กำลังนั่งอดกลั้นกับคำพูดไม่มียางอายของกัปตันหนุ่มตรงหน้า


 “แม้นายจะนอนกรนอยู่ข้างๆฉัน.... ฉันก็กล้าที่จะทำอะไรกับคนที่ฉันอยากทำ!” ยังไม่จบ..


 “คุณที่สกปรกกว่าที่ผมคิดจริงๆ... ในสายตาคนอื่นคุณก็เป็นเทวดาได้หรอกนะ... แต่ความเป็นจริงที่ผมเห็นและได้รู้จักคุณมาเนี่ย... ผมคิดว่าคุณน่าจะเป็นแค่ซาตานที่แฝงอยู่ในร่างเทวดามากกว่า คุณลูคัส” กัปตันหนุ่มกำมีดและส้อมในมือแน่น..ราวกับรู้สึกพล่านมากขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบโต้ที่แรงกว่า แต่เขาก็ยังยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่รู้เลยว่าฝืน


 “แสดงว่าที่ผ่านนี่... นายคิดว่าฉันสกปรกมาตั้งแต่แรกที่นายเห็นเลยใช่มั้ย?” สีหน้าที่เริ่มจริงจังกับอะไรบางอย่าง ทำให้ทิมมี่เริ่มรู้สึกต้องตั้งตัวอีกครั้ง เพื่อรับมือกับคำถามจู่โจมที่อาจจะทำให้เขาหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา ให้เขาเคลือบแคลงใจอีก


 “เปล่า... ผมก็แค่... คิดว่าผมเอง คงจะมองคนไม่ผิด”


 “ฮึ! หึหึหึ!” เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ แสดงให้เห็นว่ากัปตันหนุ่มนั้นเริ่มออกอาการหงุดหงิดเต็มสตรีมแล้ว... ขณะที่ทิมมี่เองก็กระดกคิ้วทั้งสองข้าง แล้วตัดไก่งวงเข้าปากพร้อมกับแสดงสีหน้าพออกพอใจ


 “นายยังไม่รู้จักฉันดีนะไอ้เด็กโง่!” กัปตันหนุ่มพูดเบาลง กับสีหน้าที่กลับจริงจังมากขึ้นทิมมี่วางมีดและส้อมลงกับจาน สายตาเหลือบมองใบหน้าที่เคร่งขรึมและดูดุดันขึ้นของชายหนุ่มตรงหน้าแต่เปล่าเลย..ทิมมี่ไม่ได้รู้สึกเสียววาบหรือสะทกสะท้านใดใดทั้งนั้น แต่กลับหยิบคูปองแลกเงินในกระเป๋าเงินออกมา แล้ววางลงกับโต๊ะของตนเองทำท่าว่าอีกไม่นานเขากำลังจะลุกไปจากตรงนี้ และให้บริกรมาเก็บคูปองแทนเงินสดของสายการบินไป... กัปตันลูคัสยังคงจ้องมองเจ้าของร่างอันขาวเนียนเกินบุรุษตรงหน้าที่กำลังทำท่าว่าจะลุกไปจริงๆ... แต่ทิมมี่ก็ยังไม่วายพูดทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้กัปตันหนุ่มไฟลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกออกไปจากตรงนี้...


 “คุณเองก็ระวังตัวของคุณไว้ให้ดีเหมือนกันนะคุณลูคัส...... เพราะผมคิดว่า.... ผมรู้จักคุณดี มากกว่าที่คุณรู้จักผมเสียอีก....
กู๊ดไนท์!”


           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



                       
          การควบคุมอารมณ์นับเป็นข้อสำคัญและปัจจัยหลักๆสำหรับคนที่มาทำอาชีพนี้เหมือนกับทิมมี่ ดรอว์เยอร์... แต่ทว่า ในความเป็นจริงกลับกลับกัน ชีวิตจริงของเหล่าแอร์โฮสเตส สจ๊วต หรือแม้จะไปถึงระดับสูงอย่างโคไพลอตจนกระทั่งกัปตันก็ตาม มักจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คนอาชีพอื่นๆได้เพ่งมองกัน น้อยคนนักที่จะได้เป็นดั่งฝัน ที่หมายถึง “ฝันจริงๆ” แต่คนส่วนมากก็กลับมีปัญหาในเรื่องต่างๆ ที่คนเดินถนนทั่วไปเป็นกันอยู่ไม่แตกต่างแม้สักนิดเดียว


          ความอดทน นิยามของความสำเร็จแห่งอาชีพเทวดาและนางฟ้าผู้ใฝ่สูง ... ทิมมี่ยังคงยืนระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่บริเวณระเบียงชั้นล็อบบี้ดาดฟ้าของโรงแรม ในคืนนี้ที่แขกของโรงแรมบางตาน้อยคนที่จะนึกสุนทรีย์มายืนดูดาวในยามค่ำคืนของสหรัฐฯ แต่ทิมมี่ก็ไม่ได้พิศวาสดาวเหล่านั้นนักหรอก แต่มันก็คงจะดีกว่า หากเขาจะยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อรอให้กัปตันกวนประสาทคนนั้นหลับไปก่อน แล้วเขาค่อยคิดที่จะเดินกลับเข้าห้องในกลางดึก แม้เขาจะต้องยอมลดทอนชั่วโมงการพักผ่อนของตัวเองลงไป... แต่ขืนเข้าห้องไปในเวลานี้ ก็คงจะไม่ได้พักผ่อนอีกอยู่ดีนั่นแหล่ะ แต่แล้วในที่สุด... เมื่อชายหนุ่มหน้าหยกมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง มันบอกเวลาว่าห้าทุ่มแล้ว และเหมาะสมที่กัปตันหนุ่มเลือดร้อนผู้นั้นจะหลับอย่างสงบไปเสียที
..ทิมมี่เดินออกมาจากล็อบบี้และไม่ลืมที่จะวางคูปองแทนเงินสดไว้บนโต๊ะนั่งดื่มของตัวเองอีกด้วย



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

             

                           
          ชายหนุ่มหน้าขาวรูดการ์ดเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่เบาย่องราวกับเป็นขโมย หากแต่ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่อยากที่จะปลุกกัปตันสกปรกนั่นให้ตื่นขึ้นมาหาเรื่องเขาได้อีก.. และเมื่อร่างสูงบางเข้ามายืนอยู่ในห้องพัก สายตาก็ทำหน้าที่เป็นประสาทสัมผัสแรกทันที มันกวาดมองไปรอบๆห้องพัก ซึ่งส่วนหน้าเป็นมุมรับแขกสุดหรู และด้านหลังเป็นประตูทางเข้าของห้องนอน...เงียบจัง... หลับแล้วมั้ง...ชายหนุ่มคิดในใจ พลางถอนใจออกมาแล้วเริ่มเดินอย่างเต็มฝ่าเท้า แต่แล้ว..


 “....อุ๊ย!!....ก...กัปตัน!...” ชายหนุ่มหน้าหยกหยุดชะงักทันที...ประสาทสัมผัสทางเสียงเริ่มทำหน้าที่แทนตาที่ยังมองอะไรไม่เห็นจากภายในห้องนอนตรงหน้านั้น เสียงซุบซิบ... เสียงหัวเราะ.... เสียงการขยับเขยื้อนของผืนผ้าบนเตียง...และเสียงของ...



ผู้หญิง!!



         ประสาทสัมผัสทางการได้ยิน มันสั่งการและประมวลผลต่อสมองของทิมมี่เป็นเสียงเหล่านั้น.. หึ.... ไอ้พวกเทวดาบ้าตัณหาเอ๊ย...นั่นคือถ้อยคำที่อยู่ในโสตประสาทของทิมมี่... ชายหนุ่มหน้าหยกเริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงชัดเจนขึ้น และยังมีเสียงถอนหายใจแรงๆของกัปตันหนุ่มที่แสนคุ้นหู ชายหนุ่มหน้าหยกที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทางเข้าห้องสวรรค์ของเหล่าทวยเทพในตอนนี้ยืนกำหมัดแน่น สีหน้าบ่งบอกถึงการกลับมาของความเคียดแค้น... สติและสมองเริ่มตีกันนัว ความชั่วบางอย่างทวีให้ทิมมี่เห็นภาพน้องสาวของตัวเอง ในยามที่ต้องเสียน้ำตาให้กับผู้ชายสกปรกคนนั้นอีกครั้งจนได้!เสียงหญิงสาวที่เขาได้ยินจากด้านในนั้น.. ก็ไม่ใช่ใครอื่น... เธอคือ..เอลลี่... เพื่อนร่วมทางของชายหนุ่มหน้าหยกคนนี้นั่นเอง..


     หลังจากความแค้นที่ไร้ความคิดค่อยๆจางลงไป... สมองส่วนดีเริ่มทำงานและตอบสนองถึงแผนการบางอย่าง... ที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าขาวผู้นี้... เกิดรอยยิ้มบางๆบนสีหน้าที่เยือกเย็น.. มันเป็นรอยยิ้มของ “ผู้ชนะ” บนสนามการต่อสู้กลางอากาศโดยที่ฝ่ายตรงข้าม หรือคู่ต่อสู้ที่เป็นอริศัตรู....ไม่มีโอกาสได้ไหวตัวทัน!




           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-ท่าอากาศยานโลแกน เวลา 08.30 น.-



          กัปตันหนุ่มในชุดเครื่องแบบสง่างาม ตรงเข้ามาสู่ทางเดินยาวที่เชื่อมต่อระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารและเครื่องบินลำยักษ์ของดานอสซี่ แอร์ไลน์... สีหน้าของกัปตันหนุ่มดูราวกับไม่ค่อยสู้ดีนัก สายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง สีหน้าเคร่งขรึมที่มากเกินกว่าปกติพาร่างสูงแข็งแกร่งของตัวเองก้าวตามเพอร์เซอร์โรสรอยด์ทัน ขณะที่หัวหน้าเที่ยวบินสาวยังคงเดินลากกระเป๋าของตัวเองอยู่อย่างเรื่อยๆและดูไม่รีบร้อนเหมือนเขา


 “คุณโรสรอยด์ครับ” เสียงนุ่มบาดใจสาวดังขึ้นจากด้านหลังหัวหน้าเที่ยวบินสาววัยฉกรรจ์


 “อ..อ้าว! แหมคุณลูคัส! ตกใจหมด มาไม่ให้สุ้มให้เสียง...มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย? หน้าตาไม่ดีเลย?” เธอยังถามด้วยน้ำเสียงสดชื่นดี ซึ่งตรงกันข้ามกับเขา


 “ลูกเรือขึ้นเครื่องกันหมดแล้วเหรอครับ?” กัปตันหนุ่มถามเสียงเรียบๆ


 “ก็มีส่วนหนึ่งขึ้นไปรอเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับผู้โดยสารในคาบินไงคะ... ส่วนอีกกลุ่มก็อยู่ในตัวตึกรอประกาศและนำทางเข้ามา...อ..เอ้อ...เดี๋ยวๆ... มีอะไรกับใครหรือเปล่าคะเนี่ย?”


 “เอ่อ.... แล้ว.... สจ๊วตใหม่ล่ะครับ?”


 “สจ๊วตใหม่...?.... สจ๊วตใหม่?...ใครหว่า...” เธอทำหน้าเหมือนนึกไม่ออก


 “ก็สจ๊วตบนชั้น Business ไงครับ! ที่ชื่อ..”


 “อ๋อๆๆๆ! แหม ... ทิมมี่น่ะเหรอ... โถ่เอ้ย เขาไม่สจ๊วตใหม่อะไรหรอก เขาเป็นสจ๊วตมาจาก JAL ตั้งเกือบปีแล้ว..เห้อ...ถึงว่าไอ้เราก็นึกไม่ออก... ทิมมี่น่ะเหรอคะขึ้นเครื่องตั้งแต่คุณมอริสยังไม่มาแล้วล่ะค่ะ”


 “เอ่อ.... นี่.... นี่ผมเข้าสายหรือครับ?”


 “อ๋อ ไม่ๆๆค่ะ ไม่เลย...ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ทิมมี่กับคนอื่นๆวันนี้มาประจำตำแหน่งกันเร็วดีเหลือเกิน แต่เห็นว่าเมื่อคืนนี้... เด็กทิมมี่คนนั้นต้องเปิดห้องใหม่ เสียเงินตัวเองด้วยนะคะ... มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ?” กัปตันลูคัสรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ทั้งๆที่สาเหตุดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เขารู้สึกอารมณ์แบบนี้ได้ แต่หากเขากลับอุตส่าห์ประกอบกิจบางอย่างในคืนที่ผ่านมาให้เร็วที่สุดแล้วเผื่อเจ้าเด็กหน้าอ่อนคนนั้นจะขึ้นมา แต่ที่ไหนได้...กลับไม่เห็นโผล่เข้ามาเลยสักนิด...กัปตันหนุ่มรีบเดินนำคุณโรสรอยด์ไป ทิ้งให้หัวหน้าเที่ยวบินที่ยังคงงุนงง รีบจ้ำตามราวกับหล่อนอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “ทิมมี่... คือ... ฉันอยากจะถามนายว่า...” เสียงเอลลี่เอ่ยถาม น้ำเสียงสั่นเกร็งๆแปลกๆ ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังจัดเตรียมชุด Amenity Kits ชุดใหม่สำหรับผู้โดยสารอย่างเงียบๆ แต่หล่อนก็แทรกความเงียบสงัดก่อนหน้านี้ ด้วยคำถามบางอย่าง ทำให้ทิมมี่ค่อยๆเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนแพ็คของอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัยราวกับว่าเขายังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หากแต่ความจริงแล้ว ชายหนุ่มรู้ดี ว่าเธอกำลังจะถามอะไร


 “คือว่า... เมื่อคืนนี้... ทำไมนายถึง.... ไปเปิดห้องพักใหม่ล่ะ?..” หล่อนถอนใจราวกับรู้สึกโล่งเมื่อได้ถามออกไปแล้ว แต่ความจริงนั้น ยังคงลุ้นกับคำตอบอยู่เหมือนกัน เธอกำลังคิดว่า...ทิมมี่เห็นอะไรบางอย่างที่เธอกระทำลงไปหรือเปล่า?...


 “ก็... อ๋อ...เมื่อคืนนี้....ฉัน...” ยังไม่ทันจะหาเรื่องปดตอบไป สายตาก็เหลือบมองใครบางคนที่มายืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเอลลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้... ทิมมี่เบิกตาโพลงราวกับตกใจเมื่อเห็นเขา ขณะที่เอลลี่ก็รู้สึกแปลกๆเมื่อได้เห็นสีหน้าทิมมี่พลางหันไปมองด้านหลังแล้วพลางตกใจตามกันไปอีกคน


 “คุณออกไปก่อนได้มั้ยเอลลี่.... ผม.... ต้องการคำตอบนั้น.... มากกว่าคุณ” เสียงกัปตันหนุ่มดูเรียบนิ่งแต่น่าขนลุกพิกล เมื่อสีหน้าที่เย็นชากลับส่งความหมายบางอย่างให้กับทิมมี่... แม้ชายหนุ่มหน้าหยกจะไม่เคยสะทกสะท้านต่อใบหน้าของเขาเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้... ทิมมี่รู้สึกว่า.. กัปตันลูคัส... กำลังหาช่องทางบีบให้เขาได้พูดความจริงเป็นแน่.. สายตาของทิมมี่กวาดมองไปรอบห้องอย่างไร้จุดหมาย เอลลี่รีบก้มศีรษะเดินผ่านร่างสูงสง่าไปด้วยความรู้สึกอึดอัดและเสียดายที่ไม่ได้ยินคำตอบนั้นจากปากของทิมมี่เอง...



 “เอาล่ะ.... นายจะบอกฉันได้หรือยัง.............. ทิมมี่!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.



มาต่อแล้วนะคะ

แจ้งอีกครั้งว่าเรื่องนี้ผู้โพสต์ไม่ได้เป็นผู้แต่งเองนะคะ เพียงแต่นำเนื้อเรื่องมาลงเท่านั้นน้า^^

พบกันใหม่ตอนหน้าจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 5 [28/08/54] ต่อตอนดึกๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-08-2011 00:53:23
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

สังคม นี้อะ ถ้าไม่ร้ายอยู่ไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 5 [28/08/54] ต่อตอนดึกๆ^^
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 29-08-2011 01:06:48
เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาหลายเรื่องแล้ว

พวกเขาต้องอดทนกับพวกลูกค้ามากจริงๆแหล่ะ  นับถือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 01-09-2011 15:22:19
FLIGHT SIX : นาทีของการเปิดโปง





 “บอก?.... บอกอะไร?” ทิมมี่ทำหน้าไขสือชวนให้กัปตันหนุ่มต้องหันซ้ายหันขวา กัดฟันแน่นอย่างหงุดหงิด


 “นาย.... ไป...ไหน...มา... เมื่อ...คืน!!” กัปตันหนุ่มเน้นเสียงลงหนักทุกๆคำในประโยค น้ำเสียงที่ราวกับไม่พอใจ ทำให้ทิมมี่นึกสงสัยว่าเขาจะหงุดหงิดตนเรื่องอะไรกันแน่? เขาจะไปนอนที่ไหนแล้วทำไมกัปตันเจ้าอารมณ์ผู้นี้ถึงต้องทำหน้าราวกับคนโมโหเช่นนี้ด้วย


 “อะไรกันกัปตัน?... คุณเป็นอะไรกับผม ผมถึงต้องรายงานคุณตลอดเวลาด้วย”


 “นายมันทำตัวน่าสงสัยนี่! อยู่ๆ... นายจะย้ายไปนอนที่อื่นทั้งๆที่ไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยเนี่ยนะ? แล้วเมื่อเช้าฉันตื่นมา กระเป๋าของนายก็หายไปแล้ว! นายเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วทำไมเข้ามาถึงไม่บอกฉัน!” น้ำเสียงเริ่มขุ่น และสีหน้าดูไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ...ทิมมี่มองสีหน้าของกัปตันหนุ่มตอนนี้แล้ว เริ่มเดาได้ว่า เขาคงนึกสงสัยอะไรบางอย่าง..ในตัวเขา


 “แล้วผมจะต้องปลุกคุณเพื่ออะไร?... เมื่อคืน... ผมก็แค่ขึ้นไปดูดาวครู่นึง แล้วก็ดื่มไปเยอะพอสมควร ผมพอใจที่อยากจะเปิดห้องอีก เพราะผมมีเงิน...แล้วก็ลืมเข้าไปเอาของเครื่องใช้ส่วนตัว... ก็เท่านั้นเอง”


 “แน่ใจเหรอว่าลืม?.......ไม่ใช่ว่า...” กัปตันหนุ่มเดินเข้าใกล้ร่างชายหนุ่มผิวขาวมากขึ้นเรื่อยๆ...ใบหน้าคมสันจ้องหนุ่มหน้าอ่อนด้วยความรู้สึกจับผิดอย่างไม่เกรงใจ


 “ไม่ใช่ว่านาย... เข้ามาเห็นอะไร... ก่อนที่นายจะออกไปหรอกนะ?!!...” สีหน้าของทิมมี่เริ่มคลายความวิตกลงพลางคลี่ริมฝีปากยิ้มออกมา และยังหัวเราะใส่หน้ากัปตันหนุ่มอีกด้วย.. ท่ามกลางสีหน้าตะลึงเล็กน้อยของกัปตันลูคัสที่มองเห็นปฏิกิริยาอันน่าสงสัยเบื้องหน้า



 “ฮะฮะฮะ~!”



 “นายขำอะไร!” คำถามห้วนๆแต่เสียงหนักหน่วง ทำเอาทิมมี่ต้องฝืนหัวเราะแล้วกลับมาทำหน้าเรียบนิ่ง


 “ก็ไม่ได้ขำอะไรหรอก... ก็กัปตันปล่อยมุขออกมาให้ผมขำทำไมล่ะ...”


 “ฉันไม่ได้ขำกับนายนะ..ไอ้หน้าอ่อน!” น้ำเสียงข่มลง เพื่อลดระดับความดังของเสียงที่ขัดกับอารมณ์ในสมองตอนนี้ ที่มันกำลังพุ่งพล่านอย่างเต็มที่..


 “กัปตันคิดว่าผมจะเห็นกัปตัน แก้ผ้าอาบน้ำหรือยังไงครับ?...ฮึ~! ผมนึกถึงภาพคุณตอนนั้น ผมก็เลยขำน่ะสิ... ผมว่าตอนนี้กัปตันเข้าไปนั่งทำอารมณ์ในค็อกพิทจะดีกว่านะครับ...ขืนกัปตันมือหนึ่งของเราอารมณ์รุนแรงมากไปกว่านี้... ผู้โดยสารรวมถึงลูกเรือทุกคน..คงจะแย่นะครับ” ทิมมี่วาง Amenity Kits ลงบนโต๊ะเข็นเรียบร้อยพลางกระดกคิ้วข้างหนึ่งอย่างยั่วประสาทกัปตันหนุ่มเบื้องหน้า


 “อย่าลืมสิครับ... เราทุกคนบนเครื่องบินลำนี้... ฝากชีวิตเอาไว้กับคุณนะ.... เอ้อ... ไม่ใช่แค่ฝากชีวิตนะครับ...แอร์โฮสเตส ‘บางคน’ บนเครื่องบินลำนี้.... เธอเองก็ฝาก ‘หัวใจ’..... ไว้ที่กัปตันด้วยเหมือนกัน” ทิมมี่เดินผละออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสะใจ แล้วตรงไปบริเวณหน้า GATE ทางเข้าเครื่องเพื่อรอต้อนรับผู้โดยสารที่จะไปฝรั่งเศสทิ้งให้กัปตันหนุ่มยืนทุบกำแพงด้วยฝ่ามือที่กำแน่นพร้อมสายตาชิงชังที่ตามร่างของทิมมี่ไปพร้อมกับคำพูดที่แสนเจ็บใจไม่น้อย




 “ฝากไว้ก่อนนะ... ไอ้เด็กบ้า!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          ในที่สุดการกลับสู่ผืนแผ่นดินฝรั่งเศสก็เป็นไปได้ด้วยดี แม้บรรยากาศระหว่างสจ๊วตหนุ่มและกัปตันผู้ทรงเสน่ห์และแววตาเหลือร้ายยังคงคลุมเครือกันอยู่.. ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ซึ่งทั้งตัวกัปตันหนุ่มเอง และเหล่าแอร์โฮสเตสหลายๆคน ที่มองเห็นพฤติกรรมของเทวดาหนุ่มเปลี่ยนไป หลังจากเครื่องจอดสงบในท่าอากาศยานแห่งปารีส กัปตันหนุ่มที่เคยยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวแอร์ฯเพื่อเรียกหาชวนกันไปพักผ่อนหย่อนใจกันเช่นเคย แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป ทุกสายตาแอบจับตาดูกัปตันหนุ่ม ที่มีสีหน้าร้อนรนต่ออะไรบางอย่าง



          หากแต่ความเป็นจริงนั้น ลูคัสกำลังรีบเร่งฝีเท้าของตนเองเพื่อตามให้ทันสจ๊วตหน้าอ่อนที่ตั้งแต่เครื่องลงจอดและเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่าง สจ๊วตหน้าหยกก็หายตัวไปราวกับไม่ได้มาเที่ยวบินเดียวกันเสียอย่างนั้น และความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง... ทิมมี่ก็กำลังเร่งฝีเท้าของตัวเองเข้ามาในศูนย์ลูกเรือเช่นเดียวกัน ความรีบร้อน ทำเอาทิมมี่ชนเข้ากับใครบางคน บริเวณทางเลี้ยวเข้าสู่ห้องล็อกเกอร์... ชายหนุ่มผมสีดำสนิทราวกับคนเอเชีย แต่ใบหน้ากลับเป็นชายชาวฝรั่งเศสโดยแท้ด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่ห์และริมฝีปากที่มีมุมยิ้มเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมองไปมองมา สีหน้าของเขาราวกับคนอารมณ์ดีกับทุกๆเรื่อง...
แม้กระทั่งตอนนี้ แม้เขาจะถูกชนอย่างแรง และทำให้กาแฟเย็นในแก้วที่เขาถือมากระเด็นตกลงไป แต่สีหน้าของเขาที่มองกลับมาทางทิมมี่ก็ดูเหมือนไม่ตื่นตกใจหรือฉุนเฉียวแต่ประการใดเลยสักนิด




 “ข..ขอโทษนะครับ! ผ..ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณต้องเสีย...” ชายหนุ่มหน้ายิ้มดวงตาคมกริบถอนใจแต่ก็ยิ้มออกมากว้างขึ้น


 “ไม่เป็นไรหรอกครับ... เรื่องเล็กน้อยน่ะ”


 “ข..ขอโทษจริงๆนะครับ!” ชายหนุ่มผมดำ มองทิมมี่ด้วยสายตาสงสัย...


 “นี่คุณ?.... เป็นสจ๊วตใหม่เหรอครับ?” เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาอีกนิดเพื่อสังเกตรูปหน้าที่ไม่คุ้นตา ขณะที่ทิมมี่ยิ้มบางๆ แต่ท่าทียังดูเลิกลักรีบร้อน


 “ค..ครับ... ผมชื่อทิมมี่ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”


 “เควิน ครับ... เควิน รัสเซลล์...ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกัน คุณทิมมี่...เอ่อ...” สีหน้าสงสัยยังคงไม่หมดไป


 “เอ่อ... คุณเพิ่งลงเครื่องใช่มั้ยครับเนี่ย? แล้วคุณจะรีบไปไหนครับ? กลับบ้านหรือ?” ทิมมี่พยักหน้าหงกๆ แล้วกันซ้ายหันขวา มองหน้ามองหลังราวกับคนที่กำลังวิ่งหนีใครมาแล้วกลัวตามทันเสียอย่างนั้นล่ะ แต่ความเป็นจริงมันก็ใกล้เคียง... ถึงแม้จะใช้คำว่า “หนี” ที่ดูเกินไปสักนิดนึงก็ตาม


 “อ..เอ่อ... คุณเควินครับ... ผ..ผมอยากรู้ว่า.. ศูนย์ลูกเรือของเราที่นี่... มีห้องคอมพิวเตอร์บ้างหรือเปล่าครับ?”


 “ห้องคอมพิวเตอร์?.....หมายถึงอะไรครับ? คุณจะเล่นเกมส์รึ?” ชายหนุ่มถามคิ้วขมวด


 “ม..ไม่เชิงครับ... ผมต้องการเครื่องไรต์......อ..เอ่อ ผมหมายถึง.... ผมต้องการจะไรต์แผ่นซีดีน่ะครับ”


 “อ๋อ! เข้าใจแล้วครับ... อ้อ อยู่ในห้องพักผ่อนของลูกเรือไงครับ? คุณยังไม่ได้เข้าไปหรอกหรือ?”


 “อ๋อ.... ยังเลยครับ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณมากนะครับ...เอ่อ.. แล้วคุณจะไปขึ้นเครื่องใช่มั้ยครับเนี่ย?” เควิน รัสเซลล์ ยิ้มพลางผงกศีรษะตอบรับ


 “ครับ... เบื่อจะแย่ ผมอยู่เที่ยวบินสายเอเชียน่ะครับ แต่ว่ารอบหน้าคงได้บินแถวๆนี้บ้าง ...เบื่อไปแล้วเอเชีย... มีแต่สงคราม..ฮะฮะฮะ~!”


 “อ..เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาเตรียมตัวของคุณแล้วกันนะครับ... ผมขอตัวก่อนนะครับ” ทิมมี่กล่าว ขณะที่เควินก็ก้มศีรษะเล็กน้อยตอบรับหนุ่มรุ่นน้อง ทั้งอายุและวุฒิภาวะ


 “ตามสบายครับ...แล้วคงได้เจอกัน”


 “ครับ...โชคดีครับ” ทิมมี่รีบก้าวฝีเท้าต่อทันทีโดยไม่ได้เห็นสายตาของเพื่อนรุ่นพี่คนใหม่ ที่เขาหันมองตามไปด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความงุนงงบางอย่าง... แต่ไม่ช้า ชายหนุ่มผมดำ..ก็เดินออกไปจากตรงนี้ ด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ผังเที่ยวบินต่อไป เขาจะได้บินในยุโรปใกล้ๆเสียที



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           




-STITUE OF DANOSSY TRAINING ATTENDANT-
(สถาบันฝึกอบรมลูกเรือแห่งสายการบินดานอสซี่)




             
 “แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง... Accessories ต่างๆ สำหรับแอร์โฮสเตสสาวๆอย่างเราก็จะต้องมีประดับติดหน้าติดตากันไว้บ้าง เช่น นาฬิกา และโดยเฉพาะต่างหู....ซึ่งเวลาที่พวกรวบผมเกล้าขึ้นไปจนหมดแล้ว ผู้โดยสารก็เห็นรูปหน้าอันน่าพิลึกพิลั่นของพวกเธอ...และอาจจะดูโล้นความรู้สึกเมื่อต้องเห็นสีหน้าอันไร้ความเป็นผู้หญิงของคนบางคน.. ฉะนั้นต่างหูคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พวกเธอทุกคน ฉีกใบหน้าห่วยแตกเดิมๆของตัวเอง ให้มีราคาขึ้น..ซึ่งฉันขอย้ำไว้ก่อนว่าถ้าพวกเธอจะใช้ต่างหูไร้สกุลรุนชาติข้างถนนหรือที่วางขายตามพาร์คล่ะก็... ฉันขอให้เธอเอาความคิดแบบรสนิยมต่ำแบบนั้น ขยำทิ้งและปาลงชักโครกไปได้เลย!” วีว่า เลอคอติส.. ถ่ายทอดวิธีการสร้างบุคลิกภาพให้แก่บรรดาแอร์โฮสเตสสาวด้วยท่าทีและสีหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นเธอ... ซึ่งนั่นก็สร้างอารมณ์คุกกรุ่นให้แก่เหล่าลูกเรือฝึกหัดไม่น้อย โดยเฉพาะเทลิซ่า ที่กำลังนั่งคันมือของตัวเองราวกับตกหิดเสียอย่างนั้น



 “หลังจากที่พวกเธอจัดการใบหน้าอันสุดเห่ยของตัวเอง ให้ดูสวยราวกับนางฟ้าแล้ว.... ขั้นตอนต่อไป ช่วงวินาทีแห่งความอัปยศอดสูจะเริ่มต้นขึ้นทันที..ที่เหล่าผู้โดยสารเดินผ่านเกตเข้ามาแล้วก็ทำหน้าปั้นปึ้งใส่พวกเธอราวกับเคียดแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน...แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเธอจะต้องพึงสังวรเอาไว้ก็คือ... ยิ้มเท่านั้นที่ครองโลก! อย่าคิดที่จะเดินเข้าไปแล้วตบใส่สักสองสามตุ้บ หากเธอทำเช่นนั้นล่ะก็...เธอคงจะโดนเด็ดปีกเป็นแน่.....บุคลิกต้องตาสร้างเสน่หาอันต้องใจ! เธอจะต้องยืนตัวตรง นั่งหลังตรง และเดินตัวตรง! แต่ฉันไม่ได้บอกให้พวกเธอเดินเชิดหน้าจนเตะเท้าผู้โดยสาร สะดุดหน้าคว่ำลงไปหรอกนะ... แล้วบนเครื่องบินก็ไม่มีขี้นกขี้ราให้เธอเชิดหน้ารอด้วย...ฉะนั้น.... เธอต้องดูดีอย่างพองาม อย่าดัดจริตจะก้าน และยิ้มทันทีที่มีเรื่อง... พวกเธอพอจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดมั้ย?” ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อนพูด ทั้งความ “จริตจะก้าน” ที่เธอเปรียบเปรยออกมา ...ลูกเรือสาวทุกชีวิตรับทราบดีว่า... ทุกสิ่งที่เธอพูดนั้น เข้าตัวแม่คุณเธอเป๊ะๆ


 “คุณวีว่าคะ!” หญิงสาวในชุดกราวน์ของดานอสซี่ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยื่นหน้าอันสุดเห่ย(ในสายตาของวีว่า) และเอ่ยบอกหล่อน


 “มีคนมาขอพบค่ะ... เขาบอกว่าเขามีของสำคัญมาให้คุณ” วีว่า เลอคอติส แสดงสีหน้าสงสัย


 “ใครกัน... บอกให้เขาเข้ามาซิ” สีหน้าและน้ำเสียงไม่รับแขก แต่ก็บอกให้หล่อนผู้นั้นเดินไปเรียกมาพบแทนที่หล่อนจะมีมารยาทเดินออกมาจากห้องเสียเอง... เทลิซ่าอยากลุกไปทำอะไรบางอย่างกับวีว่าเหลือเกิน แต่อนาคตที่แสนสวยของเธอ... คงไม่ต้องการให้เธอทำเช่นนั้นแน่... และขณะที่ความคิดของเทลิซ่านั้นกำลังโลดแล่นอยู่อย่างเดือดดาล... ชายหนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาภายในห้องอบรมห้องนี้..ดวงตาของเทลิซ่าเบิกโพลงเล็กน้อย ราวกับตกใจเล็กๆที่เจอบุคคลตรงหน้าในเวลานี้... แน่นอน เธอรู้จักเขาดี..


 “นายเป็นใคร? อ้อ... ชื่ออะไรเนี่ย” วีว่าพยายามอ่านป้ายชื่อที่เข็มกลัดติดอกซ้าย

 “ผ
มชื่อทิมมี่ ดรอว์เยอร์... เป็นสจ๊วตใหม่ของที่นี่... ผมมีของสำคัญจะนำมาให้คุณ” ชายหนุ่มหน้าขาวดูมีท่าทางรีบร้อนที่จะพูด... แต่เขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่...หากแต่ไม่ใช่เทลิซ่า.. แต่กลับเป็นกลุ่มผู้ชายหรือว่าที่สจ๊วตรุ่นใหม่ของสายการบินที่กำลังนั่งเป็นกลุ่มอยู่หลังห้อง แต่ทิมมี่ก็กลับไม่ได้สนใจกับสายตาที่กำลังจ้องมองอย่างตะลึงอะไรบางอย่างในตัวเขามากนัก... เขายังคงมองหน้าวีว่า เลอคอติส และตั้งอกตั้งใจพูด


 “อะไร?...”


 “มันอยู่ในซองเอกสารซองนี้... ผมขอแนะนำให้คุณพักการอบรมสักครู่เดียว... แล้วผมก็อยากให้คุณนำซีดีแผ่นนี้..... ไปเปิดดูในห้องทำงานของคุณ”


 “ซีดี?...ซีดีอะไร?” หล่อนยังแสดงสีหน้าสงสัยและยังถามไม่เลิก


 “เอาเถอะ...ผมนำมาให้คุณและจะบอกคุณเท่านี้แหล่ะ... ผมขอย้ำและแนะนำอีกครั้ง... ว่าคุณต้องดูเดี๋ยวนี้... และดูให้เร็วที่สุดด้วยนะ!” ทิมมี่กล่าวจบ เขาเดินกลับออกไปด้วยมาดราวกับคนที่แน่ต่ออะไรบางอย่าง... แต่เขาก็ยังสะดุดกับความรู้สึกประหลาดกับสายตาของใครบางคนในกลุ่มชายหนุ่มด้านหลังที่กำลังมองเขาอยู่อย่างไม่วางตา... ทิมมี่ตัดสินใจเดินพ้นออกมาจากห้อง.. แล้วทำสีหน้าครุ่นคิด





 “ใครกันนะ............................. สายตาของใคร!?”



           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
                           
       


                     
          ทิมมี่เดินกลับมายังลานจอดรถบริเวณหลังตึกของอาคารศูนย์ปฏิบัติการฯ เขามองหารถของตนที่บัดนี้มันได้ถูกแปลงสีใหม่หลังจากที่ถูกชนคราวที่แล้ว ขณะที่ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถและกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์นั่น..



 แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก~!




เสียงเครื่องยนต์ดังไม่สบอารมณ์ทิมมี่ ชายหนุ่มหน้าขาวเดินลงจากรถ พลางไปยกฝาประโปรงรถด้านหน้าขึ้นมา
สายตาคู่สวยกวาดมองเครื่องยนต์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเซ็งเต็มเหนี่ยว



 “โอ๊ย! ชิ! บ้าจริงๆ... ขับยังไงให้น้ำมันเครื่องหมดเนี่ย!?” ชายหนุ่มสบถใส่ตนเองอย่างหงุดหงิด


“นั่นสินะ.... ขับรถประสาอะไร?... ปล่อยให้น้ำมันหมดไปเสียได้?” เสียงของใครบางคนจากด้านหลังทำเอาชายหนุ่มหน้าขาวสะดุ้งเฮือก พลันหันขวับไปมองเบื้องหลังด้วยสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของคนที่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยง แต่ก็กลับมาพบกันอีกจนได้


 “น...นี่คุณ... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?....ลานจอดรถของพวกกัปตันอยู่ด้านหน้าตึกไม่ใช่เหรอ!” กัปตันรูปหล่อยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะหัวเราะดังหึเบาๆ


 “ฉันยังไม่รู้สึกเคลียร์กับนายเท่าไหร่... กับเรื่องบางเรื่อง” เขาพูดพลางชักสีหน้าราวกับพอใจที่ได้เห็นสีหน้าเมื่อครู่ของชายหนุ่มรุ่นน้อง


 “คุณอย่าพยายามยุ่งกับผมให้มากเลยดีกว่าคุณลูคัส... ผมรู้สึกทุเรศที่ต้องเห็นคุณเดินตามเพื่อที่จะถูกคาดคั้นกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง”


 “ก็ขอให้มันไม่เป็นเรื่อง จริงๆก็แล้วกัน!!” กัปตันหนุ่มกดเสียงเข้ม พลางทำสีหน้าขุ่นเคือง แต่ทิมมี่ก็มิได้ตื่นตระหนกหรือสะทกสะท้านกับท่าทีข่มขู่นั้นเท่าไหร่นัก


 “ขอตัวนะ ผมเหนื่อยมาก!” ทิมมี่เดินกลับไปเปิดประตูรถโดยไม่ลืมที่จะปิดกระโปรงหน้ารถลง แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าถือสีดำของตนเองออกมาจากรถอีกครั้งหนึ่งทุกอริยาบถของเขายังถูกจับจ้องด้วยสายตาอันคมกริบของกัปตันหนุ่มทุกท่วงท่าทุกนาที


 “จะกลับยังไงน่ะ?” กัปตันลูคัสถามขึ้น ทิมมี่ถอนใจพลางล็อครถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและไม่คิดตอบ


 “ไม่ได้ยินหรือไง?” กัปตันหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง ทิมมี่เดินเลี่ยงออกมาจากบรรยากาศอันไม่สบอารมณ์แต่ก็ถูกกัปตันหนุ่มดึงข้อมือเอาไว้ได้


 “กลับกับฉันสิ... ฉันไปส่ง” น้ำเสียงออกคำสั่งทำเอาสจ๊วตหน้าอ่อนหยุดชะงัก


 “อะไรนะ?...” ทิมมี่ถามทวนพลางส่งเสียงสูง สีหน้าหนุ่มหน้าหยกราวกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


 “อย่าทำหน้ากวนประสาทฉันอย่างนั้น ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรนายนักหรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม.. ฉันจะต้องเคลียร์กับนายให้รู้เรื่องให้ได้! มาเดี๋ยวนี้เลย!” ลูคัสดึงข้อมือชายหนุ่มออกมาจากลานจอดรถลูกเรือ ท่ามกลางสีหน้าและความรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการกระทำของกัปตันหนุ่มผู้นี้.. พลางคิดในใจว่า ตัวเขาเองทำอะไรลงไปให้กัปตันผู้นี้รู้สึกว่าผิดปกติอย่างนั้นหรือ? ทำไมเขาถึงต้องพยายามเข้ามาหาความจริงกับเรื่องบางเรื่องให้ได้ แล้วทำไมป่านนี้.. วีว่ายังคงไม่มาปรากฏตัวอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้กันนี่!



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





“บ้านของนายนี่... ฉันว่าฉันคุ้นๆทางนะ” กัปตันหนุ่มกล่าว ขณะที่กำลังขับไปตามทางที่ทิมมี่บอกเรื่อยๆ สีหน้าของทิมมี่ดูขุ่นๆ พลางคิดในใจอย่างเจ็บแสบว่า ก็ใช่น่ะสิ.. คุณเคยมาส่งใครที่นี่บ่อยๆนี่...


 “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ย? นายชอบทำหน้าเหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้นายเคียดแค้นมากเสียอย่างนั้นแหล่ะ..” กัปตันลูคัสหน้ามุ่ยพอๆกัน แต่เขาต่างหากที่ไม่มีโอกาสรับรู้เรื่องบางเรื่องทีเป็นมูลเหตุเลย


 “อย่ามาใส่ใจกับหน้าของผมเลย... คุณควรจะเอาเวลาที่ว่างมากตอนนี้ไปทำประโยชน์หรือหาเวลาบำเรอตัวเองอย่างที่คุณเคยทำจะดีกว่านะครับ” คำพูดกระแทกแดกดัน แต่กัปตันหนุ่มเริ่มชินกับคนๆนี้


 “ไม่หรอก... ฉันก็พักผ่อนและบำเรอตัวเองมาแล้ว... นายเองก็น่าจะรู้ดีนี่... เมื่อคืนนี้นายเองก็เข้ามาในห้องนั้นด้วยไม่ใช่หรือ?” ทิมมี่ชะงัก! เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของกัปตันหนุ่มที่กำลังมองตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 01-09-2011 15:27:28
FLIGHT SEVEN : นางฟ้าสกัดปีก




 “คุณพูดอะไรของคุณ!?” ทิมมี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัด กัปตันหนุ่มยังคงนั่งยิ้มอย่างเจ็บๆกับสิ่งที่เขาคาดเดา


 “ช่างเถอะ.... มันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ช่าง.... แต่สิ่งที่ฉันสนใจที่จะเคลียร์กับนาย มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอก” กัปตันหนุ่มพูดเสียงเข้ม รถยังเหมือนจะขับเร็วไม่มีการชะลอแม้สัญญาณไฟข้างหน้าจะแสดงสีเหลืองให้เห็นแล้ว แต่ลูคัสก็ยังฝ่าไปอีกฝั่งของสี่แยกได้ด้วยสีหน้าและอารมณ์ไม่เกรงกลัวต่อทุกสิ่ง


 “เรื่องอะไรของคุณที่คุณจะเคลียร์? ผมไม่เห็นว่าเราจะมีอะไรต้องเคลียร์กันเลยสักนิด”


 “มีสิ!! ท่าทางของนายบอกฉันว่ามี!”


 “ไร้สาระน่ะ!”


 “ไม่หรอก...ถึงมันจะไร้สาระในความคิดของนายแต่คนอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาหยิ่งยโสด้วย โดยเฉพาะรุ่นอ่อนหัดอย่างนายแล้วล่ะก็...ฉันต้องการให้นายอยู่ในท่าทีที่เหมาะสมต่อวุฒิภาวะและตำแหน่งหน้าที่ต่อคนที่มีความรู้มากกว่าอย่างฉัน! ฉันไม่เคยเห็นใครอวดดีและจองหองกับฉันเท่านาย ฉันคิดว่าฉันคงต้องเคยทำอะไรบางอย่างให้นายโกรธมาก และหากมันเป็นเรื่องนั้นที่ทำให้นายแสดงท่าทีกับฉันแบบนี้ล่ะก็... ขอให้นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้... ว่าสรุปว่าฉันไปทำอะไรให้นายกันแน่!!”



ทิมมี่ยังคงนั่งนิ่งราวกับไม่ได้สนใจกับคำพูดเหล่านั้นทำให้กัปตันหนุ่มต้องเลี้ยวรถมาจอดอยู่ริมทาง โดยที่ได้รับเสียแตรสรรเสริญจากรถคันหลังตามมาดังสนั่นไปทั่วท้องถนน ทิมมี่ชะงักตกใจ



 “บ้าอะไรของคุณเนี่ย! ขับรถอย่างนี้ คราวหลังอย่าได้ชวนใครขึ้นรถนะ... ขอบคุณมากที่จอด ผมลงตรงนี้แหล่ะ!” ทิมมี่พูดน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสัมภาระของตัวเองออกมาจากรถแล้วเปิดประตูก้าวลงมาด้วยท่าทีรวดเร็วและไม่คิดขอบคุณ ขณะเดียวกันที่กัปตันหนุ่มเดินตามลงมา แล้วรีบตรงไปดึงข้อมือของทิมมี่เอาไว้ ก่อนที่ทิมมี่จะเตรียมโบกเรียกรถแท็กซี่


 “จะหนีไปไหนอีก! คิดว่าจะทำท่าแบบนี้กับฉันอีกนานเท่าไหร่ฮะ!” กัปตันเริ่มตะเบงเสียงอารมณ์โกรธ


 “ผมไม่มีอะไรกับคุณทั้งนั้นแหล่ะคุณกัปตัน! แค่เพราะผมไม่ชอบขี้หน้าคุณ คุณเข้าใจมั้ย!”


 “อะไรนะ!?” กัปตันลูคัสย้อนถามทวนด้วยน้ำเสียงสูง


 “อย่างที่ได้ยินนั่นแหล่ะ! ผมไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณ!! ผมไม่ชอบขี้หน้าคุณ! เห็นแล้วมันหงุดหงิด! พอใจมั้ย!! ผมไม่มีอะไรจะเคลียร์นอกจากที่จะพูดกับคุณแบบนี้!! คุณลูคัส!” กัปตันหนุ่มอึ้งไป... ความรู้สึกประหลาดราวกับถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง ไม่เคยมีใครพูดบอกความรู้สึกติดลบเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขา... เขาไม่เคยว่าชีวิตและรูปลักษณ์ของเขาที่โดดเด่นและเป็นที่หนึ่งไร้ที่ติในความมั่นใจในตัวเองจะกลับมีใครบางคนนั้นมองเขาในแง่ตรงกันข้ามได้ถึงขนาดนี้... สายตาที่มองร่างของทิมมี่
ที่เดินออกห่างไปเรื่อยๆพร้อมกับสีหน้าเกลียดชัง กัปตันหนุ่มไม่ได้รู้สึกโกรธอย่างที่เขาควรจะเป็น... แต่ความรู้สึกทึ่งกับความเป็นตัวตนของสจ๊วตหน้าอ่อนตรงหน้าที่กำลังเดินจากไปมากกว่า.... ที่ทำให้เขานั้นรู้สึกร้อนๆหนาวๆได้อย่างแปลกพิกล






 “ไม่ชอบขี้หน้า??..... อย่างนั้นเหรอ!?”


           


          พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ กัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใคร แต่กลับเอาเรื่องที่ดูไร้สาระอย่างที่ปากว่า นำกลับไปคิดจนฝันร้ายอยู่สองสามคืนที่เป็นอย่างนั้นก็คงเป็นเพราะใบหน้าเย้ยหยันและคำพูดของจองหองของทิมมี่ที่ยังฝังอยู่ในโสตประสาท ไม่ว่ากัปตันหนุ่มจะพยายามลบล้างออกไปด้วยเสียงเพลงคลาสสิคจากไอพอตหรือไม่ว่าจะทำวิธีใดเพื่อให้สมองพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับไฟลท์ต่อไปที่จะเริ่มออกเดินทางในวันต่อไป ซึ่งเป็นการเดินทางข้ามทวีป ระหว่างฝรั่งเศสไปถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยหรือประเทศญี่ปุ่นนั้นเอง ใช่แล้ว..กัปตันหนุ่มต้องจมอยู่กับเวลาแห่งการพักผ่อน ที่มีแต่ใบหน้าของสจ๊วตหนุ่มจอมโอหังผู้นั้น อย่างไม่อาจหลีกหนีหรือข่มใจให้หลับสบายลงได้เสียเลย




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          ในที่สุด ไฟลท์ไปญี่ปุ่นก็มาถึง...ทิมมี่เดินตรงเข้ามาในห้องของเทเลอร์ ขณะที่หญิงสาวเจ้าของห้องยังคงหลับสนิทด้วยความน่าสงสาร ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ลูบศีรษะเบาๆ แล้วเอ่ยลาเป็นประจำเช่นทุกครั้งก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ



 “อ้าวทิมมี่?... วันนี้ทำไมมีบินเช้าจังเลย พักแค่สองวันเอง?” เทลิซ่าเอ่ยเมื่อเดินมาเจอกันที่ห้องโถง


 “วันนี้มีบินไกลหน่อย ไปถึงญี่ปุ่นนู่น...พูดแล้วก็นึกเบื่อเหมือนกัน” ทิมมี่เอ่ยตอบพลางขยับสูทให้ลงตัว


 “เอ้อ ถามหน่อยสิทิมมี่... วันนั้นนายเอาอะไรให้ยัยวีว่า เลอคอติสน่ะ?” สีหน้าของเทลิซ่าแสดงความสงสัยจนทำเอาชายหนุ่มหน้าขาวชะงักเล็กน้อย


 “ทำไมเหรอ?... เธอรู้อะไร?” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าจับผิด แต่หญิงสาวยักไหล่ก่อนตอบ


 “ก็ไม่รู้น่ะสิถึงได้ถาม...แต่นายรู้มั้ย...หลังจากที่ยัยวีว่านั่นเดินตามนายออกไป แล้วเข้าห้องทำงานไปทำอะไรสักอย่างหนึ่งนะ... แป๊บเดียวแหล่ะ เธอก็ออกมาสั่งให้พวกลูกเรือฝึกหัดอย่างฉันแยกย้ายกันไปว่ายน้ำเสียอย่างนั้นแหล่ะ! ขณะที่หล่อนยังไม่ได้บอกวิธีการทรงตัวเลยสักนิดเดียว ทั้งๆที่ตอนแรกหล่อนบอกว่าจะเกริ่นก่อนแท้ๆ แต่ในที่สุดก็ต้องรบกวนคุณวีสเตอร์ ครูฝึกสอนอีกคนจนได้... ฉันไม่เข้าใจอารมณ์ยัยนี่เลยจริงๆ ฉันว่านะ...ไอ้ที่หล่อนบอกว่าหล่อนได้รับหน้าที่อันน่านับถือตอนนี้น่ะ ฉันว่าจริงๆแล้วหล่อนโดนเฉดหัวลงมาสอนมากกว่า นิสัยอย่างหล่อนน่าจะตบแขกไปจนได้เรื่องน่ะแหล่ะ ว่ามะ?”


 “เวอร์น่ะ.... ฉันไปก่อนล่ะ ไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ... ไปนะ!” เทลิซ่ามองพี่ชายที่เดินตรงไปเรียกแท็กซี่หน้าบ้าน เนื่องจากรถยังส่งซ่อมไม่เสร็จ พลางหล่อนนึกขึ้นได้


 “เฮ่! ทิมมี่!! นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่านายให้อะไรกับยัยวีว่าน่ะ!! ทิมมี่!! เดี๋ยวสิ!!” เมื่อเทลิซ่าวิ่งตามออกไปแต่ก็ไม่ทัน... ท่ามกลางสายตาของเทเลอร์ที่แอบเดินลงมาจากชั้นบน ด้วยสีหน้าสงสัยกับคำถามของเทลิซ่าว่า... ทิมมี่... ให้อะไรแก่วีว่ากันแน่นะ!?


           



         ทิมมี่เดินเข้ามาในตึกของอาคารศูนย์ปฏิบัติการฯลูกเรือและตรงขึ้นมายังชั้น9 ซึ่งเป็นชั้นของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ที่เวลานี้เขาสังกัดอยู่ และได้เซ็นสัญญาตลอดระยะเวลาถึง 5 ปี ชายหนุ่มผิวปากเดินเข้ามาในห้องล็อกเกอร์ชายด้วยสีหน้าสดชื่นผ่องใส แต่ทุกอิริยาบถก็สิ้นสุดลงเมื่อชายหนุ่มหน้าขาวต้องผงะกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของกัปตันหนุ่มที่ยืนกอดอกท่าทางมาดนิ่งภายในล็อกเกอร์แถวเดียวกันราวกับกัปตันหนุ่มกำลังยืนรอเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้นแหล่ะ




 “สวัสดีกัปตัน” ทิมมี่ฝืนยิ้มก่อนทัก ซึ่งมันเป็นสีหน้าของอารมณ์เย้ยหยันที่สร้างความรู้สึกเจ็บแสบให้กับกัปตันมากขึ้นไปอีกจากก่อนหน้านี้ที่เขาก็ยืนรอสจ๊วตหน้าละอ่อนตรงหน้าด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่แล้ว


 “สาแก่ใจนายแล้วสินะ...” คำพูดทักตอบสั้นๆน้ำเสียงขุ่นมัวกลับทำให้ชายหนุ่มหน้าขาวชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังเปิดล็อกเกอร์ค้างไว้ และหันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าสงสัย


 “สาแก่ใจ?..... อะไร?” ทิมมี่รู้สึกไม่เข้าใจ


 “นายทำให้คนอื่นถูกพักงาน.. สมใจนายแล้วสิ... นายต้องการจะแกล้งคนอื่นแบบนี้เองน่ะเหรอ” ทิมมี่ชะงักอีกครั้ง สีหน้ามุ่ยมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ


 “คุณหมายความว่ายังไง?.... ใครกันถูกพักงาน... แล้วทำไมคุณถึงต้องมากล่าวหาว่าผมแกล้งด้วย!” ทิมมี่ตอบโต้ และไม่ทันระวัง! กัปตันหนุ่มสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจ พาร่างอันสูงแกร่งตรงเข้ามาพร้อมจับหัวไหล่สจ๊วตหนุ่ม พลางบีบแน่นอย่างสุดกลั้น สายตาที่มองทะลุผ่านใบหน้าขาวบ่งบอกถึงความร้อนแรงและความเดือดดาลเป็นที่สุด


 “ก็นายไม่ใช่หรือไง!! ที่เป็นคนเอาซีดีที่นายบันทึกเอาไว้ตอนที่ฉันกับเอลลี่อยู่ด้วยกันในโรงแรม ไปให้วีว่า เลอคอติสดูน่ะ!!
เป็นนายไม่ใช่หรือไงเล่า!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงถาม ขณะที่ทิมมี่พยายามตั้งสติไม่ให้รู้สึกตื่นกลัวกับท่าทางที่ดุดันของชายหนุ่มตรงหน้าพลางสลัดร่างของตัวเองให้หลุดออกจากฝ่ามือที่บีบแน่นอยู่นั้นแล้วตอบโต้กลับทันที


 “ใช่แล้วจะทำไม!! แล้วฉันไปทำให้ใครโดนพักงาน!! ใคร!”


 “เอลลี่ ยังไงล่ะ!!” คำตอบของกัปตันหนุ่ม ทำเอาทิมมี่ชะงักอึ้ง... ชายหนุ่มหน้าขาวนึกถึงเอลลี่ เพื่อนร่วมเที่ยวบินที่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้หล่อนมารับกรรมจากการกระทำของเขาเลยสักนิด... เป้าหมายที่ควรจะเป็นกัปตันหนุ่มบ้าตัณหาผู้นี้ แต่กลับตกไปอยู่กับนางฟ้าตัวเล็กๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่ถูกมนต์ตัณหาของเทวดาชั่วตรงหน้า ที่ทำให้เธอต้องพลอยถูกพักงานไปอีก ที่เธอเพิ่งจะได้กลับมาทำงานอีกครั้งแท้ๆ


 “เป็นยังไง!! สาแก่ใจนายแล้วสิ!!” กัปตันหัวเราะห้วนๆในลำคออย่างเย้ยหยัน เมื่อเห็นสีหน้าที่เจื่อนลงของทิมมี่..


 “นายคิดจะทำอะไรฉัน! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงถามอีกครั้ง ก่อนที่จะตรงเข้ามาผลักสจ๊วตหนุ่มไปติดล็อกเกอร์ด้านหลัง และเอามือขึงร่างนั้นเอาไว้ให้อยู่นิ่ง... สีหน้าของทิมมี่ยังคงตะลึงกับการกระทำของตัวเองอยู่...


 “บอกฉันมา! นายต้องการอะไรจากฉัน!! ทำไมนายถึงต้องโกรธและเกลียดฉัน!! ฉันไปทำอะไรให้นาย! ฉันไปทำอะไรให้นาย!! บอกมาเซ่!!” ทิมมี่รู้สึกสั่นเทาแปลกๆเมื่อถูกจู่โจมด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งตรงหน้า...ใบหน้าคมสันอยู่ห่างใบหน้าของทิมมี่ไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนหนึ่งกำลังหายใจหอบด้วยความร้อนรนราวกับไฟที่ถูกเติมเชื้อ ส่วนอีกคนกลับหายใจหอบราวกับคนที่กำลังจะหายใจไม่ออก เพราะบรรยากาศรอบๆที่แสนจะอึดอัดเสียเหลือเกิน


 “คุณไม่มีวันรู้หรอกคุณลูคัส.... ถ้าหากคุณไม่อยากให้ผม... หาเรื่องคุณอีก..... ผม..... จะขอย้ายผังเที่ยวบินเอง.....” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย ด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นนิสัยแย่เหลือเกินที่ทำให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยต้องพลอยเดือดร้อนไปอีกคน...


 “ว่าไงนะ?..... นายคิดจะหนีฉันอย่างนั้นเหรอ...”


 “ก็ถ้าคุณไม่อยากจะเจอเรื่องซวยๆแบบนี้อีก! ผมก็จะทำแบบที่ผมบอกคุณไปนั่นแหล่ะ! เพราะขืนผมอยู่ไฟลท์เดียวกับคุณ... ไม่มีวันและเวลาไหนที่ผมจะมีความสุข.... ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เจอคุณ... ผมเกลียดคุณมาก... คุณรู้เอาไว้เสียด้วย!!” กัปตันลูคัสอึ้งไป...เมื่อได้ยินเช่นนั้น อะไรกันนะ ที่ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเกลียดชังเขาได้ถึงขนาดนี้...อะไรกันที่ทำให้เขาได้เห็นสีหน้าของความเคียดแค้นชิงชัง ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่รู้สึกมาก่อนเลยว่าได้ทำอะไรกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไปอย่างไรบ้าง... มีอะไรบางอย่างในคำพูดดังกล่าวที่ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งและความโกรธราวกับจะค่อยทลายไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ได้ยินคำพูดว่าถูกเกลียดแล้วแท้ๆ...แต่ทำไมเขาเองกลับรู้สึกประหลาดราวกับไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น


 “นายรู้อะไรมั้ยไอ้เด็กบ้า.... นายทำให้ฉัน.....รู้สึก....” เสียงที่อ่อนลงของกัปตันหนุ่ม..พร้อมกับการกระทำบางอย่าง... ที่ทำให้ทิมมี่อึ้งและไม่เคยคาดคิด... เมื่อใบหน้าอันคมสันตรงหน้า ค่อยๆโน้มลงมา...หาเขา! และช่วงวินาทีแห่งอารมณ์ประหลาดที่เข้าจู่โจมกัปตันลูคัสนั้นเอง


 “เฮ่!! หยุดนะ!!” เสียงใครบางใครดังขึ้นจากด้านหลังไม่ทันที่กัปตันหนุ่มจะหันไปมองว่าบุคคลคนๆนั้นเป็นใครก็ถูกฝ่ามือของเจ้าของเสียงดึงร่างเขาออกมา และเหวี่ยงออกไปจากร่างของทิมมี่ทันที...ขณะที่ใบหน้าซีดเผือดของทิมมี่หันมองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสจ๊วตตรงหน้า ซึ่งเป็นคนที่เหวี่ยงร่างสูงนั้นออกไปจากเขาด้วยความที่ไม่กลัวเลยว่ากำลังกระทำอยู่กับบุคคลตำแหน่งที่สูงกว่าขนาดไหน



 “เข้ามายุ่งทำไม! เควิน!” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เมื่อเห็นสจ๊วตหนุ่มที่ยืนกร่างอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเควินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อวันก่อนที่ทิมมี่ได้พบเห็นอย่างสิ้นเชิง.. เขาดูโกรธเคืองต่อบุคคลตรงหน้า ใบหน้ามองโลกในแง่ดีหายไปไม่เหมือนเช่นเคย... ทิมมี่พลางคิดในใจ... นี่น่ะหรือ? คนที่เขาชนจนแก้วกาแฟตกลงไปเมื่อวันก่อน?


“อย่ายุ่งกับเพื่อนของผม! กัปตัน!!” สีหน้าของเควินดูไม่พอใจจนทิมมี่รู้สึกว่า.. มันไม่ใช่แค่เรื่องของเขาแล้วล่ะที่ทำให้เควินไม่พอใจกัปตันหนุ่มมากมายขนาดนี้..ลำพังก่อนหน้า.. เควินกับกัปตันลูคัสคงต้องมีปัญหาอะไรกันมาก่อนเป็นแน่!


 “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร! นั่นน่ะหรือเพื่อนนาย! เฮอะ... ให้ตายเถอะ”


 “ผมขอเตือนอีกครั้งนะ... ครั้งนี้...ผมจะไม่ยอมให้คนอย่างคุณมายืนเบ่งอำนาจใส่ใครอีกแล้ว!” คำพูดของเควิน พาความคุกรุ่นให้แก่กัปตันอีกครั้ง แต่แล้วสัญญาณออดของศูนย์ฯกลับดังขัดจังหวะการสนทนาอันร้อนผ่าวของล็อกเกอร์แห่งนี้ตามมาด้วยเสียงของอลิซ เจ้าหน้าที่ประจำกราวน์สาวกล่าวเรียกลูกเรือเช่นเคย




 “ขอเชิญ กัปตันลูคัส กาโรล คุณโรสรอยด์ คุณมอริส และเจ้าหน้าที่ลูกเรือของสายการบินดานอสซี่ ประจำเที่ยวบิน DG 9690
ที่จะบินไปประเทศญี่ปุ่นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมวางแผนการเดินทางพร้อมกัน ที่ห้องบรีฟวิ่งห้อง B .... ณ เวลานี้ด้วยค่ะ...ประกาศอีกครั้งนะคะ...” กัปตันหนุ่มขยับเนกไทต์ของตัวเองให้เข้ารูปก่อนที่จะแสดงสีหน้าขุ่นเคืองใส่เควิน แล้วหันสายตาอันคมกริบมาทางทิมมี่ที่ยังยืนหอบสั่นพิงล็อกเกอร์อยู่อย่างไม่เปลี่ยนท่าที กัปตันหนุ่มเดินผ่านทั้งสองมาช้าๆ พลางหันหน้ามามองทิมมี่ด้วยแววตาชิงชังอีกครั้งพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ที่ทำให้ทิมมี่ยิ่งทวีความกังวลมากยิ่งขึ้น



 “อย่าลืมการกระทำของตัวเองแล้วกันนะทิมมี่.... นายต้องการจะทำลายฉัน ฉันไม่กลัวหรอก... แต่อย่าคิดหนีฉันเป็นอันขาด..... เตือนอีกครั้ง......... อย่าคิดหนี....... เพราะไม่ว่ายังไง! ฉันก็ต้องรู้ให้ได้... ว่านายต้องการอะไรจากฉัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++








-ห้อง GALLEY ชั้นผู้โดยสาร Business Class บนเครื่องบิน เวลา 12.00 น. เครื่องบินลอยลำอยู่บนน่านฟ้าของประเทศอิตาลี-





 “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ... ว่าทำไมกัปตันถึงทำอย่างนั้นกับนาย?” เควินกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ จนทำเอาทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อย ขณะที่ตัวเองกำลังมัวแต่เหม่อลอยคิดแต่เรื่องเอลลี่อยู่ตลอด



 “ค..คือ... เรื่องมันยาวน่ะ... จริงๆแล้วไม่ใช่แค่นายคนเดียวที่ยังไม่รู้..... แม้แต่กัปตัน... ก็ยังไม่รู้เลย ว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้น” ทิมมี่กล่าวเสียงลอยๆ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่มายืนพูดคุยกันได้ราวกับเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้เสียอย่างนั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วเพิ่งจะได้คุยกันจริงๆก็วันที่ไฟลท์ตรงกันอย่างวันนี้เท่านั้นเอง แต่หากเพราะเควินเองก็ไม่พอใจและไม่ชอบขี้หน้ากัปตันลูคัสอยู่เป็นทุนแล้ว เควินเลยอยากจะรู้จักทิมมี่มากขึ้น เผื่อว่าในบางเรื่องที่เขาเคยประสบพบเจอมา จากวีรกรรมของลูคัส อาจจะตรงกันหรือเหมือนกันกับเขา..


 “เอาเถอะ..ถ้านายไม่อยากบอกไม่เป็นไร... ถ้างั้น ไวน์นี่ ฉันจะยกเอาไปเสิร์ฟก่อนแล้วกันนะ... เอ้อ ฝากดูคุณพอลด้วย วันนี้เขามา VIP”


 “อืม..โอเค..ไม่มีปัญหา” ทิมมี่รับคำ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องครัวนั้น พลางถอนใจทิ้งเอาไว้อีกด้วย


           
          ทิมมี่เดินออกมาถึงที่นั่งของคุณพอล ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทรถยนต์นิสซันน์ สจ๊วตหนุ่มรับรู้มาว่าเขาเป็นคนอังกฤษ และแน่นอนเขาต้องใช้ภาษาอังกฤษต้อนรับขับสู้อีกแล้ว...แต่น่าสงสัยว่าในตอนนี้คุณพอลกลับนอนหอบหายใจสั่น ราวกับคนหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆที่ตอนบรีฟก่อนขึ้นเครื่องทิมมี่ไม่ได้เห็นข้อมูลการเป็นโรคหอบหืดของเขาเลยสักนิดเดียว



 “You look pale. Is anything the matter with you?, Mr.Paul?”  (ดูคุณหน้าซีดนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณพอล?) ทิมมี่ถามคุณพอลด้วยสีหน้าสงสัยและกังวล


 “I feel like throwing up.” (ผมรู้สึกคลื่นไส้น่ะครับ) คุณพอลกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียว


 “The Airsickness bag is on the seat pocket.”  (ถุงอาเจียนอยู่ในกระเป๋าที่นั่งนะครับ)


 “Oh!, I see.” (อ๋อ ผมเห็นแล้วครับ)


 “Do you need a glass of water?”  (คุณต้องการน้ำสักแก้วมั้ยครับ?)ทิมมี่ถามด้วยสีหน้ากังวลแทน


 “Yes,please.” (กรุณาด้วยครับ)


 “I’ll bring it right away.” (ผมจะนำมาทันทีครับ) ทิมมี่เดินกลับเข้ามาในห้องGalley ก่อนที่จะหยิบขวดน้ำดื่มออกมารินใส่แก้ว แล้วนำมาออกมาบริการคุณพอลด้านนอก สวนกับเควินที่กำลังเดินเข้ามา แต่ขณะที่ทิมมี่กำลังเดินไปถึงที่นั่งของคุณพอลนั้น ทิมมี่ก็ตกตะลึงไปเมื่อเห็นอาการบางอย่างของคุณพอลที่เรียกเสียงร้องให้กับคนรอบๆข้างเขาอย่างหวั่นวิตก


 “How do you feel now!? Mr.Paul!!”  ทิมมี่วางแก้วน้ำกับถาดลงบนพื้น พลางรีบปรี่เข้าไปที่ร่างของคุณพอลที่กำลังนั่งชักกะตุกอยู่บนที่นั่ง พาให้ผู้โดยสารรอบๆตัวเขาส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ... คุณพอลอาการเหมือนหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับคนหายใจไม่ออกแล้วใกล้จะหมดลมหายใจ เควินเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปหยิบเครื่องปั๊มหัวใจพร้อมโทร.เรียกแอร์โฮสเตสจากชั้นอื่นๆขึ้นมาช่วย ทิมมี่ดึงร่างของคุณพอลลงมานอนราบกับพื้นแล้วบอกให้ทุกคนบริเวณนี้ถอยห่าง เพื่อให้อากาศไหลผ่านมายังเขา...ท่ามกลางวินาทีอันตื่นตระหนกของผู้โดยสารคนอื่นๆที่มองเหตุการณ์อย่างตื่นตกใจ





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.



โอ๊ะๆๆๆ เกิดอะหยังขึ้นน้อ.... อิอิ

ช่วงนี้มันต้องเร่งปั่นรายงานนิดนึง (2 เล่มแน่ะ กำหนดส่งพร้อมกันอีกตะหาก) คงจะยุ่งๆหน่อย

แต่ถ้าช่วงไหนมีเวลาว่างจะรีบมาต่อให้นะค้า!!!  ^_^

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 01-09-2011 19:40:28
ยาวววววว สะใจดีจัง  555

มิสเตอร์พอลจะเป็นอะไรมั้ยน้าาาาา

ตอนนั้นเควินก็ไม่น่าจะเข้ามาขัดจังหวะเลยเนอะ  เฮ้ออออ

รอน้าๆๆ  บวกเป็ดๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-09-2011 05:19:48
 :z13: :z13: :z13: :z13:

ประกาส หาแพทย์ บนเครืาอลบินด่วนเรยยย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 12-09-2011 12:41:03
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีค่ะ อยากรู้ว่าทิมมี่จะจัดการนายกัปตันจอมหื่น หลงตัวเองยังไง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 12-09-2011 12:52:41
คนโพสหายไปหนายยยยย  หายไปสองเรื่องเลยน้าาา  T^T
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 6-7 [01/09/54] มาลง 2 ติดรวด^^
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 14-09-2011 11:50:13
อ้ากกกกกกกกกก กำลังสนุกเลยอ่า
เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนให้ติดตามมากๆเลย
ปะทะอารมณ์กันได้มันจริงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้อยู่จ้า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 8-10 [25/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 25-09-2011 00:26:18
FLIGHT 8 : การกลับมาของเทวดาเดินดิน
             



 “นับ 1 นับ 2 นับ 3! เคลียร์!” ทิมมี่นับ เควินประกบเครื่องชาร์จแล้วประทับกลางอกของคุณพอล แรงดันไฟฟ้าทำให้ตัวคุณพอลกระตุกขึ้น ท่ามกลางความตื่นเต้นของแต่ละคนรวมถึงบรรดาเหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตส ขณะที่คุณโรสรอยด์เองก็โทร.แจ้งให้กัปตันหนุ่มและโคไพลอตทราบถึงเหตุการณ์ความเป็นไปภายในเครื่องด้วย... การช่วยชีวิตดำเนินต่อไปนานกว่า 15นาที จนกระทั่ง... คุณพอลลืมตาขึ้นพร้อมกับหอบหายใจดัง ทิมมี่กับเควินรีบประคองร่างของผู้โดยสาร VIP ผู้นี้ ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แล้วปรับเอนให้นอนลงเพื่อที่จะได้รับอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวก ทิมมี่หันไปบอกเหล่าสจ๊วตและแอร์โฮสเตสที่มาจากชั้นต่างๆที่ยืนคอยช่วยอยู่ด้านหลัง พลางพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า


 “ขอบคุณทุกคนมากครับ... เชิญแยกย้ายทำหน้าที่เถอะครับ ทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” เหล่าลูกเรือต่างยิ้มตอบรับ ก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันไป.. ท่ามกลางความโล่งใจให้แก่เหล่าผู้โดยสารในชั้น Business Class ทุกคนให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติด้วย... คุณโรสรอยด์เดินเข้ามาหาทิมมี่และเควินที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากคุณพอล

 “เป็นอย่างไรบ้าง? เรียบร้อยดีนะ?” คุณโรสรอยด์ถาม เควินพยักหน้าก่อนตอบ

 “ดีครับ คุณพอลค่อยยังชั่วแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากแรงกดอากาศน่ะครับ แต่น่าแปลกที่คุณพอลกลับมีอาการรุนแรงราวกับคนที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจเสียอย่างนั้น” เควินถาม คุณโรสรอยด์ตอบยิ้มๆ

 “ใครก็เป็นได้ทั้งนั้นแหล่ะ แค่เป็นโรคภูมิแพ้ธรรมดาหรือหากน้ำในร่างกายมีไม่มากพอ หรือภูมิคุ้มกันไม่สามารถปรับตัวได้ทัน...อาการแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เอาล่ะ..ขอบใจทั้งสองคนมากเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวฉันไปเดินดูคาบินอื่นก่อนแล้วกันนะ”

 “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” เควินและทิมมี่ตอบพร้อมกัน ทิมมี่เดินเข้าไปที่คุณพอล ที่กำลังนอนลืมตาปรือๆอีกครั้ง


 “How do you feel now? Mr.Paul” (คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับตอนนี้?) ทิมมี่ถามสีหน้ายิ้มๆ


“I feel a bit better, Thank you very much” (ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ ขอบคุณมาก)


            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


ถึงประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินถูกพักเครื่องและตรวจสอบสถานะเครื่องภายในท่าอากาศยานนาริตะ กรุงโตเกียว ทิมมี่กับเควินยังคงเตรียมตัวสำหรับอาหารและชุด Amenity Kits ชุดใหม่สำหรับผู้โดยสารที่กำลังจะขึ้นเครื่องเที่ยวบินต่อไปในอีก
45นาทีข้างหน้านี้ ทั้งคู่ไม่มีโอกาสที่จะได้ลงไปชอปปิ้งจับจ่ายใน Duty Free เหมือนกับเหล่าลูกเรือระดับชั้นประหยัดกันเลย...
หากเป็นเพราะความยุ่งเหยิงจากเหตุการณ์บนเครื่องบิน ทำให้ทั้งคู่ไม่ทันเตรียมตัวสำหรับของใช้ล็อตต่อไปทัน แต่คุณโรสรอยด์เองก็ยังคงมีน้ำใจลงไปชอปปิ้งแทนให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วหล่อนก็แค่ถามว่าต้องการอะไรเป็นมารยาทเท่านั้นแหล่ะ แต่หล่อนอยากที่จะลงไปช้อปปิ้งมากกว่า และนั่นล่ะคือสาระสำคัญ เควินเผยให้ทิมมี่ได้รู้ภายในห้อง GALLEY ว่าลูคัสเคยทำให้เขาและแฟนสาว ต้องเลิกรากันก่อนหน้านี้แฟนของเขาเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่เธอทำใจไม่ได้ ที่ต้องถูกลูคัสหลอกและยังจะเจอวีว่า เลอคอติสตามราวีอีก.. เธอจึงลาออกแล้วย้ายไปอยู่สายการบินอื่น และเขาก็ได้ข่าวไม่นานมานี้ว่า แฟนของเขาคนนั้น ได้แต่งงานใหม่ไปแล้ว


ทิมมี่ฟังดูแล้วไม่ค่อยต่างกันกับน้องสาวเขาเท่าไหร่ แต่ที่ต่างก็คงมีแค่ตัวเทเลอร์เองที่คิดสั้นไม่เหมือนกับแฟนสาวของเควิน...กัปตันคนนั้นมองเห็นผู้หญิงเป็นเพียงนกกระดาษเท่านั้นสินะ ทิมมี่คิดแล้วรู้สึกเจ็บแค้นแทนน้องสาวตัวเองอีกครั้ง




เควินเดินเข้ามาทำความสะอาดในห้องผู้โดยสาร ขณะที่ทิ้งให้ทิมมี่ยืนเตรียมเครื่องดื่มอยู่ในห้อง Galley เพียงลำพัง
แต่แล้วไม่ช้า ก็มีใครบางคนเดินตรงเข้ามาในห้องนี้ ทิมมี่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัยแล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าของความหงุดหงิดไม่ช้า

 “เห็นหน้าฉันแล้วรู้สึกแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?” กัปตันหนุ่มถาม พลางยืนกอดอกพิงกับขอบประตูห้อง

 “ถ้ารู้ตัวก็ไม่น่าจะถามนะครับ” ทิมมี่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แต่สร้างรอยหม่นบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มในเวลาเดียวกันนี้

 “นายไม่คิดจะรับผิดชอบกับการกระทำของนายใช่มั้ย?” คำถามด้วยน้ำเสียงเคืองๆ แต่กลับไม่ได้ทำให้ทิมมี่รู้สึกสะทกสะท้านเช่นเดิมอีกแล้ว ชายหนุ่มหน้าขาวกลับยิ้มเย้ยออกมาเพิ่มอุณหภูมิให้กับกัปตันหนุ่มเป็นสองเท่าตัว

 “เพื่ออะไรที่ผมจะต้องรับผิดชอบล่ะ?.... หึ... ผมอาจจะผิดที่ทำให้เอลลี่ต้องโดนพักงาน เพราะพลาดไปที่มัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรดีให้คุณ คนที่ผมรังเกียจกระเด็นออกไปจากตำแหน่งเทวดาของที่นี่... แต่ในเมื่อผลมันเป็นเช่นนี้ คุณไม่คิดแปลกใจบ้างเหรอ... ว่าทำไม... นางฟ้าของคุณแต่ละคน... มักมีจุดจบที่ทุเรศทุกๆคนจากการซึมซับความสกปรกในหัวใจของคุณทั้งสิ้น” กัปตันหนุ่มไม่อาจอดกลั้นได้อีกแล้ว เขาตรงเข้าไปเบื้องหน้าของร่างที่ตัวเล็กกว่าพลางกระทุ้งไหล่ทิมมี่อย่างแรงอย่างอดไม่ไหวจากคำพูดสบประมาทและความหมายอันร้ายกาจที่เขาได้ยิน

 “นายต้องการให้ฉันเป็นถึงขนาดนั้น... แสดงว่านาย... นายเคียดแค้นฉันมากจริงๆ... เหตุผลของนายถึงฉันจะยังไม่รู้นะทิมมี่... แต่ยังไง... ฉันจะไม่ยอมให้นายเล่นงานฉันฝ่ายเดียวแน่!” กัปตันกล่าวด้วยน้ำเสียงข่ม แต่ทิมมี่กลับยิ้มเย้ยคำพูดนั้นราวกับไม่เกรงกลัว

 “ผมจะแนะนำอะไรให้มั้ยกัปตัน... การที่คุณคิดจะต่อสู้กับผม... ผมว่าอันดับแรก... หากคุณไม่ต้องการให้คนรอบๆข้างคุณเดือดร้อนไปอีกล่ะก็... คุณควรจะไปกำราบภรรยาของคุณเสียก่อนดีกว่า” กัปตันลูคัสตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของทิมมี่อีกครั้ง

 “ปากดีนักนะ! ใครเป็นภรรยาฉัน!”

 “อ้าว...ก็คุณวีว่ายังไงล่ะ...หึ... ผมขอบอกนะ... สิ่งที่ผมทำเมื่อวันก่อนนั้น มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่กัปตัน!...ถ้าหากคุณไม่อยากให้ใครเดือดร้อนไปอีกนอกจากตัวคุณ... คุณคงต้องจัดการกับเธอคนนั้นก่อนเป็นอย่างแรก”

 “สรุปว่า........ นายคิดจะทำลายฉันอยู่ใช่มั้ย!” สีหน้าดุดันและไม่ยำเกรงต่อหน้าอ่อนตรงหน้าสร้างรอยยิ้มอย่างเหนือกว่าบนใบหน้าของทิมมี่

 “ใช่!!.... ผมมาที่นี่... และเมื่อมาถึงตัวคุณขนาดนี้แล้ว...... ผม.... จองเวรกับคุณเรียบร้อยแล้ว!!” ชายหนุ่มยื่นอกให้กัปตันหนุ่ม มองป้ายชื่อบนหน้าอกของเขา ด้วยท่าทีแยบยลที่ไม่อาจทำให้เขาดูรู้ได้เลยว่าทิมมี่กำลังจะสื่อลางอะไรแก่เขา... หากแต่ความต้องการของทิมมี่นั้นมันซับซ้อนเกินกว่าที่ กัปตันหนุ่มผู้ไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง... จะจับผิดสังเกตได้ ... กัปตันหนุ่มเดินผละออกมาอย่างฉุนเฉียว และปะทะสายตากับเควินครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินออกไป


ทิมมี่กลับสู่ฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่เหตุการณ์บางอย่างก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนจากก่อนหน้านี้ คือหนุ่มหน้าหยกสังเกตเห็นกัปตันหนุ่มเดินมาดสุขุมเรียบนิ่งอย่างไม่สนอกสนใจเขา ไม่ได้เดินตามทิมมี่เหมือนก่อนหน้านี้อีก หรืออาจเป็นเพราะเควินที่ยังเดินตามหนุ่มหน้าขาวตลอดเวลาก็เป็นได้


 “เอ่อ... นายกลับบ้านยังไงเหรอทิมมี่?” เควินถาม ขณะที่ทั้งคู่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในล็อกเกอร์ชาย


 “อืม..แท็กซี่น่ะ”


 “แท็กซี่?... ป่านนี้น่ะเหรอ นี่ก็เกือบตี1แล้วนะ!? ทำไมนายไม่นอนพักที่นี่เลยล่ะ” เควินออกความเห็น


 “ไม่หรอก.. น้องสาวฉันไม่ค่อยสบายน่ะ ฉันทิ้งเธอไว้ลำพังไม่ได้หรอก”


 “อ๋อ....งั้นเหรอ...เอ้อ...แล้วบ้านนายอยู่ตรงไหนล่ะ?”


 “แถวนอธาดามน่ะ”


 “เฮ้ บ้านฉันก็เลยไปนิดเดียว..ให้ฉันไปส่งมั้ย? ฉันขับรถมา” เควินเสนอ ทิมมี่มองหน้าเควินอย่างขอบคุณ แต่ทิมมี่ก็ต้องปฏิเสธไว้ก่อน


 “ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะ”


 “เฮ้! เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ! นายไม่ต้องเกรงใจหรอกทิมมี่ ฉันไม่เหนื่อยเท่านายหรอกวันนี้”


 “อืม...เอางั้นเหรอ...” ทิมมี่ถามอย่างเกรงใจ


 “เอาสิ...ไป! ฉันไปส่ง” ทิมมี่กับเควิน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดภาคพื้นดินเรียบร้อย ก่อนที่จะพากันถือกระเป๋าออกมาจากศูนย์ฯลูกเรือทางด้านหลัง ซึ่งเป็นลานจอดรถสำหรับลูกเรือ เควินพาทิมมี่ไปยังรถเก๋งเลคซัสของตัวเอง ทิมมี่เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนที่ไม่ช้า เควินก็พารถของตัวเองเคลื่อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้...พร้อมกับรถสีดำเฟอร์รารี่ ของใครบางคนที่เคลื่อนตัวตามออกไปอย่างช้าๆด้วย!


   



 “ขอบคุณมากนะเควิน... อยากเข้าไปดื่มอะไรหน่อยหรือเปล่า? กาแฟร้อนเอามั้ย?” ทิมมี่ถามด้วยความเกรงใจและยินดี เมื่อเควินส่งเขาถึงหน้าบ้านด้วยความปลอดภัย


 “ไม่เป็นไรหรอก...วันมะรืนเจอกัน พรุ่งนี้ก็พักผ่อนแล้วกันนะ”


 “พูดผิดแล้ว วันพรุ่งนี้ต่างหากที่ต้องเจอกัน นี่ตีสองครึ่งแล้วนะ เข้าอีกวันแล้วเควิน”


 “อ...เออนั่นสิ... งั้นฉันรีบกลับไปนอนก่อนแล้วกันนะ แล้วเจอกันเพื่อน!”


 “ขอบคุณนะ ขับรถดีๆล่ะ”


 “บาย!” เควินขับรถออกไปโดยที่ทิมมี่ยืนมองจนรถของเขาหายลับไปกับทางโค้งด้านหน้า... ก่อนที่หนุ่มหน้าหยกด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้าจะพาร่างอันอ่อนเพลียของตัวเองเข้าบ้านไปอย่างอิดโรย...ท่ามกลางสายตาของใครบางคน ที่นั่งแสดงสีหน้าอึ้งราวกับเขาไม่คาดคิดต่อสถานที่ตรงหน้า! ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบกัปตันอันทรงเกียรติภายในรถเฟอร์รารี่หรูหราสีดำที่แอบจอดนิ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังตรงหน้า! เขาจำได้ดี... ว่าบ้านหลังนี้ เป็นบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง... ที่เขาเคยให้ความสำคัญมากที่สุดในชีวิต!


 “ไม่จริง!.......... อย่าบอกนะว่า.... ทิมมี่...คือ....”





            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

           


           9.30 น. ทิมมี่ลุกขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง มันอาจจะไม่ใช่การหลับพักผ่อนที่เต็มที่สักเท่าไหร่ แต่เขาก็คงนอนหลับไม่ลงเมื่อแสงแดดเข้าแยงตาภายในห้องอันกว้าง..ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินลงมาข้างล่างพบกับเทลิซ่าที่กำลังเตรียมตัวออกไปฝึกอบรมเช่นเคย



 “ว่าอย่างไรเรา... ฝึกเสร็จเมื่อไหร่”


 “อ้าว..กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะทิมมี่? ไม่ยักรู้”


 “เมื่อคืนนี้แหล่ะ เพื่อนมาส่ง...ว่าแต่รถฉันป่านนี้จะซ่อมเสร็จหรือยังก็ไม่รู้สิ นานเหลือเกิน”


 “เอ้อ... เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะ?”


 “ฉันถามว่าเธอจะฝึกเสร็จเมื่อไหร่?” เทลิซ่าได้ยินคำถามแล้วตอบแบบยิ้มๆ


 “อาทิตย์หน้าฉันก็ได้ลงของจริงแล้วล่ะ!” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น ถึงกับยิ้มออกมาอย่างยินดี


 “จริงเหรอ! ดีใจด้วยนะ เออใช่สิ...อาทิตย์หน้าไปรับผังใหม่อยู่เหมือนกันหวังว่าจะได้ขึ้นเครื่องเที่ยวบินเดียวกันแล้วกันนะ”


 “โหย...ไม่รู้สิ... ยัยวีว่า เลอคอติสเป็นคนจัดผังเสียด้วย”


 “อ้าว?... วีว่าเกี่ยวอะไร? เธอเป็นแค่ครูฝึกนะ? หน้าที่นั้นต้องเป็นของคุณซินดี้ไม่ใช่หรือ?”


 “ก็นั่นน่ะสิ แต่คราวนี้หล่อนลงมาเองเลยล่ะ...เชอะ..ไม่รู้ว่ามีแฟนตัวเองเป็นกัปตันหรือเปล่านะ เห็นได้ยินคนอื่นเค้านินทากันว่าหล่อนน่ะจัดเที่ยวบินที่แฟนหล่อนไปโดยที่เลือกแอร์ฯหน้าตาขี้เหร่ๆไปอยู่กับแฟนหล่อนหมดเลย... นายว่าหล่อนบ้ามั้ยล่ะ” ทิมมี่ได้ยินถึงกับหลุดปากหัวเราะ


 “ฮะฮะ... นั่นสิ... เอาเถอะๆ... เธอไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เธอจะถูกคะแนนเสียเปล่าๆ”


 “เอ้อ... ฝากดูพี่เทเลอร์ด้วยนะ”


 “ไม่ต้องห่วงน่า... วันนี้ฉันหยุด...ไปเถอะ” เทลิซ่ายิ้มให้พี่ชาย ก่อนที่จะเดินออกไป... ขณะที่ทิมมี่นั้นก็นึกถึงเทเลอร์ขึ้นมาได้
เลยทำทีจะกลับขึ้นไปปลุกหล่อน แต่ทว่า...


 “คุณทิมมี่คะ!” เสียงของเอ็มม่า แม่บ้านวัยชราเรียกชายหนุ่มเอาไว้


 “มีอะไรหรือคุณเอ็มม่า?”


 “ไม่รู้สิคะ! ดิฉันเห็นรถสีดำคันหนึ่งจอดตั้งแต่เมื่อเช้ามืดแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจอดไว้นานกว่านั้นหรือเปล่า...อยู่ติดกำแพงบ้านเรานี่แหล่ะค่ะ”


 “อะไรนะ?... แล้วยังไงล่ะ?... เขาอาจจะมาหาบ้านข้างๆก็ได้นี่”


 “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ... บ้านข้างๆนี่ประกาศขายไปแล้ว และก็ยังไม่มีใครเข้ามาอยู่... ฝั่งตรงข้ามก็เป็นแม่น้ำ ถ้าเป็นบ้านถัดไปเขาก็ต้องไปจอดหน้าบ้านนั้นสิคะ... แล้วนี่ก็นานมากแล้ว...คนขับก็ไม่รู้หายไปไหน ดิฉันลองเดินเข้าไปใกล้ๆรถคันนั้นตั้งหลายครั้งแล้ว...”


 “อย่างนั้นเหรอ?...... เอ้อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปดูเองคุณเอ็มม่า”


 “ระวังตัวด้วยนะคะคุณ!” ทิมมี่เดินออกมาจากตัวตึกคฤหาสน์ หนุ่มหน้าหยกเปิดประตูอัลลอยบานเล็ก แล้วโผล่หน้าออกไปมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ความเงียบสงัดและหมอกที่ลงปกคลุมสร้างบรรยากาศแปลกๆราวกับไม่น่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในรอบๆบริเวณนี้... ทิมมี่ก้าวพ้นประตูออกมา ริ้วหมอกสลายออกไปจากรถสีดำคันตรงหน้า...ดวงตาชายหนุ่มเบิกโพลงอย่างไม่คาดคิด


 “นั่นมันรถของ....!!” ทิมมี่อุทานขึ้น พร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความตกใจและไม่คาดคิด... เฟอร์รารี่สีดำที่เขาเคยนั่ง เขาจำได้ดี... และแล้วคำตอบจากเสียงของใครบางคน ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของทิมมี่!


 “ตกใจมากล่ะสินะ... ที่เห็นรถของฉัน!” น้ำเสียงแข็งกร้าว ทำเอาทิมมี่หันขวับกลับมามองด้วยสายตาตะลึงงัน! กัปตันหนุ่มที่ยังคงชุดเครื่องแบบเดิมจากหน้าที่... ทิมมี่สีหน้าค้างไปทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้าปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น


 “คุณ...ตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่!!” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


 “หึ.... สัญชาตญาณของนายนี่... ไม่ได้เรื่องเลยนะ...” ทิมมี่เลี่ยงใบหน้าไปทางอื่น และกัปตันลูคัสก็ตรงเข้ามาที่ชายหนุ่มหน้าอ่อนตรงหน้าพลางใช้มือบีบไหล่ทั้งสองข้างของทิมมี่อย่างแน่น ทิมมี่อยู่ในอาการตกใจต่ออารมณ์ของเขา


 “นายเป็นอะไรกับเทเลอร์!!” ทิมมี่ชะงัก...เมื่อได้ยินคำถาม... กัปตันหนุ่มจะว่าอย่างไรนะหากเขารู้ว่าเราเข้ามาในดานอสซี่ เพื่อทำลายเขา... และความจริงทั้งหมดหากจะต้องถูกเปิดเผย เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง! ทำไมทุกอย่างที่จบลงอย่างรวดเร็วปานนี้... ไม่จริงใช่มั้ย! กัปตันหนุ่มผู้นี้จะรู้สึกอย่างไร... หากการมาของทิมมี่จะทำให้เขาต้องดิ่งลง... เขาคงจะโกรธมาก จนต้องสั่งคุณซินดี้ให้ปลดเขาออกเป็นแน่!


 “ตอบฉันมาสิ!!! นิ่งอยู่ทำไม!!” ทิมมี่พยายามรวบรวมสติและพยายามไม่คิดถึงผลลัพธ์ในการณ์ข้างหน้า หนุ่มหน้าหยกสะบัดแขนของตัวเองออกจนได้แล้วปรับสีหน้าให้ต่อสู้กับกัปตันหนุ่มได้ราวกับไม่สะทกสะท้านต่ออารมณ์ใดใด


 “ฉัน!! เป็นพี่ชายของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์!!!............ พี่ชายของผู้หญิงคนหนึ่ง... ที่ฆ่าตัวตายเพราะผู้ชายของคุณยังไงล่ะ!!กัปตันลูคัสตะลึงไป...สีหน้าอึ้งกับการได้ยินได้ฟังในสิ่งที่ไม่คาดคิด... ความหมายบางอย่างที่ทำเอาลูคัสตะลึงไป.. อย่าบอกนะว่า... การมาของทิมมี่... คือผลพวงจากการกระทำในอดีตของเขา!



 “ทิมมี่........................... อย่าบอกนะ.....ว่านาย............”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 8-10 [25/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 25-09-2011 00:29:33

FLIGHT 9 : เบื้องหลังของความเสียใจ
             




ทิมมี่ชักสีหน้าเย้ยหยัน ตอบโต้สีหน้าตื่นตะลึงของกัปตันหนุ่มที่ยืนอึ้งมองเขาอย่างไม่คาดคิด

 “ใช่!.. คุณคิดถูกแล้วกัปตัน.... คุณเดาถูกแล้ว ว่าทำไม! ผมถึงเกลียดคุณ!” เสียงสั่นตอบด้วยอารมณ์คับแค้น ในขณะที่กัปตันยังสีหน้าอึ้งอย่างไม่คลาย

 “นายบอกว่า.... เทเลอร์... ฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ....” กัปตันหนุ่มถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจนทำให้ทิมมี่หันมอง... ลูคัสเดินไปพิงที่กำแพงของคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ยิ่งนักเมื่อรับรู้ถึงการกระทำของเทเลอร์ที่สืบเนื่องมาจากการกระทำของตัวเขาเอง ทิมมี่มองชายหนุ่มตรงหน้า มองท่าทีที่อ่อนแรงของกัปตันหนุ่มแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตอนนี้...กัปตันหนุ่มกำลังคิดอะไร

 “คุณรู้อะไรมั้ยกัปตัน....น้องสาวของผมคนนี้....ไม่เคยรักใครเท่ากับคุณมาก่อน...ผมเป็นพี่ชายของเธอและอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด....ไม่เคยสักวัน...ที่เทเลอร์จะไม่พูดถึงคุณ...ในเวลาที่คุณกับเธอมีความสุข...ผมน่ะหรือ...ได้ยินคำบอกเล่า และสีหน้าของน้องสาวทุกๆวัน! ผมมองเห็นสีหน้าของเธอแล้วอดยินดีด้วยไม่ได้! ที่เธอได้รับความรักจากคนที่มีชีวิตอยู่ในจุดสูงสุดอย่างบนฟ้า! คุณคือหัวใจและทุกๆอย่าง ที่ทำให้เธอ... สามารถยืนอยู่ได้ แม้จะถูกคนรักของคุณตามราวี!! แต่คำว่ารักของคุณ ในที่สุดมันก็เปลี่ยนไป... กลายเป็นคำพูดที่ฆ่าเธออย่างเลือดเย็น!! ผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่ผมรู้ดี!! เพราะวินาทีที่เห็นน้องสาวของตัวเองกำลังจะตาย.... คุณเชื่อรึเปล่า!! ว่าความรู้สึกของผมตอนนั้น........ ผมอยากจะฆ่าคนที่ชื่อ ลูคัส กาโรล
มากที่สุดเลย!! คุณรู้มั้ย!!!” กัปตันหนุ่มยืนอึ้งกับสิ่งที่เขาได้ยิน...ใบหน้าอ่อนโยนที่เปลี่ยนไปสู่ความร้ายกาจของทิมมี่ กัปตันหนุ่มไม่อาจคาดคิดถึงการปรากฏของเขาว่ามันจะมีความหมายที่น่ากลัวเช่นนี้เลย


 “ฉัน...ทำให้เทเลอร์ฆ่าตัวตาย..... อย่างนั้นหรือเนี่ย....” กัปตันหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าที่มัวหมอง เต็มเป็นด้วยริ้วหมอกหนาพลางถอนใจราวกับไม่คาดคิดว่าการกระทำของตนเองจะทำลายชีวิตของใครบางคนได้มากมายถึงเพียงนี้... หากแต่ในความคิดที่ผ่านมาของเขา ผู้หญิงก็คือมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ต้องการความรักเท่ากับความใคร่...จะมีใครสักคนที่พอใจในตัวเขา ซึ่งรักเขาด้วยหัวใจจริงๆนอกจากร่างกายและตำแหน่งหน้าที่ การยืนอยู่บนจุดที่สูงกว่าใคร เลยทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึก จิตใจ... ของผู้หญิงบางคน ที่รักเขาได้อย่างเต็มหัวใจเฉกเช่นเทเลอร์ได้เลย... คำพูดที่ทิ่มแทงของทิมมี่เมื่อครู่ ทำให้เขาต้องยืนนิ่ง ย้อนเวลาในความทรงจำ คิดถึงภาพของเทเลอร์ยามมีความสุข เขาทำลายเธอด้วยการมีสัมพันธ์กับคนอื่น และยังปล่อยให้วีว่า เลอคอติส อาละวาดได้ตามใจชอบอีกต่างหาก...


 “...ทิมมี่........... หากฉันจะพูดอะไรกับนายบางอย่าง..... ฉันไม่รู้ว่า..... นายจะเชื่อฉันหรือไม่?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงโรยลง ทิมมี่เริ่มกลับเข้าสู่บรรยากาศแห่งความเศร้าอีกครั้ง ชายหนุ่มหน้าขาวน้ำตารื้นกับสิ่งที่ผ่านมา

 “คุณจะพูดอะไร....” คำถามสั่นๆของชายหนุ่ม ทำให้กัปตันหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขา และทำให้ทิมมี่เห็นดวงตาแดงก่ำของกัปตันหนุ่ม และสีหน้าของคนที่มีความรู้สึกราวกับสำนึกผิดในการกระทำของตน

 “ฉันไม่ได้ตั้งใจ... และไม่เคยคิดเลยว่า.... เทเลอร์... จะรักฉัน .... และรักมากถึงขนาดนั้น...” ทิมมี่อึ้ง มองหน้าชายหนุ่มที่กำลังปล่อยน้ำตาของลูกผู้ชายออกมา ใครบางจะได้พบเห็นภาพเทวดากำลังยืนร้องไห้สำนึกผิดเฉกเช่นเขากันนะ... ทิมมี่นึกในใจจนรู้สึกว่าร่างกายตอนนี้ร้อนผ่าวไปหมด

 “ฉันอยาก... เจอเทเลอร์.....” กัปตันหนุ่มกล่าวขึ้น ทิมมี่มองหน้าเขา แล้วครุ่นคิด

 “ได้โปรด... ฉันอยากพบเธอจริงๆ” บางที... ทิมมี่อาจจะพอมองเห็นทางบางอย่างแล้ว... ทางที่จะทำให้น้องสาวของเขากลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง... ไม่ว่าสิ่งเลวร้ายใดใดที่พัดผ่านเข้ามา ทำให้เขาและน้องสาวได้จดจำ... แต่หากการพบกันของคนทั้งคู่ในเวลานี้จะทำให้เกิดเรื่องดีๆตามมาหลังจากนั้น... ทิมมี่เอง... ก็คงจะโล่งใจและหยุดความเคียดแค้นทุกอย่างลงเสียที!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



หญิงสาวยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงหนานุ่ม แม้แสงอาทิตย์จะสาดเข้ามาแยงตาให้หล่อนตื่นอยู่นานแล้วก็ตามราวกับเป็นคนพิการก็ไม่ปานที่หล่อนเองก็ไม่คิดจะเหยียบพื้นห้องก้าวลงไปแม้จะออกไปสูดอากาศนอกบ้าน หล่อนก็ไม่คิดสุนทรีย์จะทำอะไรทั้งสิ้น วันๆได้เพียงแต่เดินเข้าออกห้องน้ำ และกลับมานอนๆนั่งๆอยู่บนเตียง อย่างกับจะทำตัวเองให้เหมือนคนแก่อายุเจ็ดสิบอย่างนั้นแหล่ะ เสียงประตูดังให้ได้ยิน หญิงสาวนึกได้เพียงแต่เอ็มม่าที่คงเอาอะไรแบบเดิมๆมาประเคนให้ถึงที่


 “วางไว้ตรงนั้นแหล่ะ... เดี๋ยวฉันกินเอง...” น้ำเสียงราบเรียบ ร่างกายที่พลิกหันเข้าหาหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่แสงแดดส่องลอดม่านผืนใหญ่เข้ามาบางเบา เทเลอร์รู้สึกเอะใจเล็กๆ เมื่อเสียงประตูที่ดังเพียงแค่ครั้งเดียวราวกับคนๆนั้นยังไม่ได้ถอยออกไปจากห้องของเธอ


 “ฉันบอกว่าเดี๋ยวฉันกินเอง... คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ คุณเอ็ม...” หญิงสาวเริ่มรู้สึกแปลกๆไปจากเดิม เอ็มม่าไม่เคยเข้ามาอย่างสงบเงียบเช่นนี้ และความสงสัยนั้นก็ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมามอง!




.....!




ชั่ววินาทีที่หล่อนหันมาเห็นใครบางคน... สีหน้าที่บ่งบอกได้ถึงความไม่คาดคิดต่อสายตาตัวเอง..ราวกับเจอเจ้าชายที่วนเวียนอยู่แต่ในความฝัน... เจ้าชายที่มิอาจจะมีวันกลับมายืนตรงหน้าของหล่อนได้เหมือนอย่าง ณ วินาทีนี้... คนที่เคยทำให้หล่อนยิ้ม ร้องไห้ มีความสุข หัวเราะ และทุกอารมณ์ในชีวิต.. รวมถึงคนที่ทำลายชีวิตของเธอด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำก่อนที่คนตรงหน้านี้จะทอดทิ้งไป ยากเกินที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกมาได้... เทวดาหนุ่มรูปหล่อเจ้าของอ้อมกอดที่หญิงสาวปรารถนา
ยืนสีหน้าเศร้าหมองอยู่ตรงหน้าของเธอ... เทเลอร์...ไม่คาดคิดว่าชาตินี้จะได้เจอกับคนๆนี้อีก ความเจ็บปวดที่เต็มอกและทำให้เธอตกอยู่แต่ในมุมมืด.. พลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ผิดกันกับเวลาที่ผ่านมา เวลาแห่งความเจ็บปวดที่แสนนานและทรมาน
 มันกลับจบลงเพียงเพราะการปรากฏตัวของชายหนุ่มตรงหน้าเวลานี้เพียงเท่านั้นเอง!


 “....ค....คุณ....ลูคัส...!” น้ำเสียงสั่นคลอกับน้ำตาที่ไหลตามออกมา ความฝันที่เป็นจริงกับความหวังเล็กๆที่เธอหวังไว้นานแสนนานเหลือเกินว่าเขาจะกลับมาหาเธอที่นี่อีกครั้งหนึ่ง..ไม่ว่าเขาจะมา ด้วยสถานะอะไร

 “...เทเลอร์..........เธอ...” กัปตันหนุ่มพูดไม่ออกเช่นกันได้แต่เรียกหาคนที่เขากระทำจนย่อยยับตรงหน้า อนาคตที่หมดสิ้นไปทุกสิ่งอย่างเพราะเขา... ความสำนึกผิดที่เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะมี กลับเกิดขึ้นในเวลานี้เพียงแค่เห็นใบหน้าที่โรยราอันน่าสะเทือนใจของหญิงสาวตรงหน้าเพียงเท่านั้น... ใช่.. สภาพของเทเลอร์ตอนนี้ เธอดูซีดขาวจนน่ากลัวราวกับคนป่วยที่เป็นโรคร้ายอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว



ช่วงนาทีแห่งความเงียบสงัด ภาพต่างๆย้อนกลับมาจนคนทั้งคู่ไม่อาจห้ามใจได้อีกแล้ว... กัปตันหนุ่มกับอดีตนางฟ้าผู้งดงามสวมกอดกันอย่างแตกต่างในความรู้สึก คนหนึ่งกอดด้วยความรู้สึกโหยหาและแสนคิดถึง แต่อีกคนหนึ่ง..กลับกอดด้วยความรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำของตนเอง


“ผมขอโทษนะเทเลอร์!...ผม...ผมขอโทษ~!! ผมขอโทษ!!” น้ำเสียงสั่นที่ดังขึ้นเรื่อยๆของกัปตัน ทำให้หญิงสาวยิ่งน้ำตาไหลพรากออกมาอีกยกใหญ่

 “....ค...แค่ฉันได้เห็นหน้าคุณอีก.....ฉ...ฉัน..... ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ....” หญิงสาวตอบทั้งน้ำตา ภายนอกห้องนั้น ที่มีพี่ชายหน้าขาวยืนน้ำตารื้นอยู่เงียบๆ รอยยิ้มบางๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... หากรู้ว่ากัปตันหนุ่มรู้จักสำนึกผิดชอบชั่วดีได้เช่นนี้ เขาคงจะพากัปตันหนุ่มคนนี้มาหาเทเลอร์ตั้งแต่วันแรกแล้ว... แต่แน่นอนล่ะ ชื่อเสียงของกัปตันลูคัส ใครที่ไม่รู้จักเขาดี... ก็คงไม่คิดเหมือนกัน... ว่าคนๆนั้นจะมีโอกาสได้ร้องไห้ให้คนอื่นเห็นได้อย่างไม่อายฟ้าดิน หึ... น่าขำดี...แม้แต่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าอยู่สูงสุดของความเป็นมนุษย์นั้น... ยังต้องเสียน้ำตา ให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้ด้วยเลย...



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



เทลิซ่าเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งในเวลาเกือบเที่ยง ทิมมี่นั่งเหม่ออยู่สนามหญ้าด้านล่างพลางแกว่งชิงช้าไม้อัดที่กำลังนั่งอยู่อย่างช้าๆ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เทวดาหนุ่มกับอดีตนางฟ้ากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่นะ


“อ้าว?... ได้หยุดแล้วทำไมไม่พักล่ะ?” ทิมมี่สะดุ้งเล็กๆเมื่อเทลิซ่ากลับมาเร็วจนน่าตกใจ..ไม่สิ.. เร็วเกินไปแล้ว

 “เปล่า..ไม่ได้หยุดหรอก ตอนเย็นก็ต้องออกบินอีกแล้ว ว่าแต่เธอ! ทำไมถึง...”

 “ยัยบ้านั่นลางานน่ะสิ แล้วครูฝึกอีกคนก็ติดเที่ยวบิน ดูซิ! พรุ่งนี้เลยต้องเจอฝึกเต็มวัน บ้าจริงๆ”

 “ยัยบ้า?... ยัยบ้าไหน?” ทิมมี่ทำหน้าสงสัยเพราะคิดไม่ทัน

 “ก็ยัยวีว่า เลอคอติส น่ะสิ!! ยัยนี่เป็นครูฝึกที่มีปัญหาจริงๆ ปัญหาเยอะเสียด้วยนะ ...เฮอะ... สงสัยสามีไม่กลับบ้านล่ะมั้ง...
ยัยบ้าเอ๊ย!”

 “ฮะฮะ..... คงจะจริงมั้ง...” ทิมมี่หัวเราะเจื่อนๆ พลางมองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสาม ซึ่งเป็นห้องของเทเลอร์...เทลิซ่ามองหน้าทิมมี่อย่างสงสัยไม่เลิก

 “แล้วนั่งทำอะไร? นอนพอแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าเที่ยวบินคืนนี้นายไปเบลอใส่ผู้โดยสารหรอกนะ” ทิมมี่ทำหน้าแห้ง

 “อย่ามาสอนฉันน่ะ... ฉันบินก่อนเธอเข้าปีที่สองแล้ว... เออนี่... ฉันมีอะไรสำคัญกว่านั้นจะบอกน่ะ พอดี... เอ่อ... กัปตันลูคัส
อยู่ข้างบนกับเทเลอร์นะ.. เดินเข้าไปก็เบาๆด้วย” เทลิซ่าทำหน้าเหมือนได้ยินไม่ชัด หล่อนหันมามองพี่ชายอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงงเป็นไก่ตาแตก

 “อะไรนะ! กัปตัน!! ตานั่นกลับมาอีกแล้วเหรอ!!” เทลิซ่าทำหน้าไม่สบอารมณ์

 “อืม.. แต่ฉันก็หวังนะ... ว่าคราวนี้ ไม่ว่าเขาสองคนจะจบลงอย่างไร... ก็ขอให้เทเลอร์ปล่อยวาง แล้วกลับมาเอาใจใส่ตัวเองเหมือนเดิมได้สักทีก็แล้วกัน.... ฉันน่ะบอกไม่ถูกจริงๆนะ ...จะให้คุณลูคัสกลับมา จะว่าดีก็ดี...แต่จะว่าไม่ดี...มันก็...”

 “ไม่ดีอยู่แล้วแหล่ะ!!!” เทลิซ่าค้านรับทันที

 “ไม่ใช่เพราะตากัปตันนั่นคนเดียวหรอกนะทิมมี่ที่ทำให้เทเลอร์ต้องตกอับได้ถึงขนาดนี้...ยัยพวกแมงหวี่ที่อยู่รอบๆตัวกัปตันนั่นก็อีกคน...ตอนแรกที่ฉันได้ฟังเทเลอร์พูดถึงยัยวีว่านะฉันเดาหน้าหล่อนไม่ออกหรอก แต่พอเข้าไปฝึกอบรมแล้วเจอหล่อนตัวเป็นๆล่ะก็นะ...นังนั่นแย่กว่าที่ฉันคิดเสียอีก!! ซาตานติดปีกชัดๆ!!” ทิมมี่ฟังแล้วหัวเราะแห้งๆออกมาอีกด้วยความขำขันกับท่าทีปั้นปึงของน้องสาว

 “เทลิซ่า..... ฉันจะบอกอะไรให้นะ....... ซาตานน่ะ...มันมีปีกทุกตัวแหล่ะ.... และบนฟ้า... ก็ไม่ได้มีแค่นางฟ้า... หรือเพียงแต่เทวดาเท่านั้นหรอก.... จำเอาไว้ให้ดีล่ะ!”




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เกือบบ่ายโมง ที่กัปตันหนุ่มเดินลงมาจากตัวบ้าน.. ทิมมี่เผลอนั่งหลับไปแล้วที่ชิงช้าภายในสวน กัปตันหนุ่มยังคงสังเกตเห็นและเดินตรงมาสีหน้าของเขาดูอ่อนลงกว่าก่อนหน้าที่เขาเคยเป็น เสียงฝีเท้าแตะต้องผืนหญ้า ทำให้ทิมมี่สะดุ้งตื่น


 “รบกวนเวลาพักนายหรือเปล่า? ความจริงแล้ว... นายน่าจะไปนอนบนบ้านนะ” กัปตันหนุ่มกล่าว ทิมมี่ขยี้ตาสีหน้าอ่อนเพลียไม่น้อย

“ป...เปล่าหรอก... อืม.. ว่าแต่... คุณคุยอะไรกับน้องสาวผมตั้งนาน?” หนุ่มหน้าขาวถามตาปรือๆ
 “ก็.....” สีหน้าของเขาดูอึ้งกับคำถามนั้นราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทิมมี่ยังไม่รู้ และไม่สมควรจะรู้ในเวลานี้

 “ม...ไม่มีอะไรหรอก... คนไม่ได้เจอกันนาน.... เลยมีเรื่องคุยเยอะน่ะ” ทิมมี่หน้าเจื่อนเมื่อได้ยินราวกับรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
เพราะที่ผ่านมา เขามองเห็นกัปตันหนุ่มผู้นี้ ร้ายกาจมากกว่าที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งบรรยากาศโดยรวมตอนนี้ ทิมมี่ก็คาดเดาว่า...ทุกอย่างคงจะเริ่มต้น หรือไม่ก็จบลงด้วยดี..

 “อืม... คุณอาจจะโกรธผมนะคุณลูคัส ที่ผมทำอะไรไม่ดีกับคุณไว้ แล้วยังทำให้...เอลลี่ต้องถูกพักงานด้วย...” ทิมมี่พูดน้ำเสียงเอื่อยๆ

 “ไม่เป็นไรหรอก...” ชายหนุ่มตอบกลับสีหน้านิ่งๆ แล้วพูดต่อ

 “ฉันสมควรเหมือนกัน ที่จะถูกนายจองหองใส่....นาย... ทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดีแล้ว” ทิมมี่พยักหน้าช้าๆ ราวกับไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับคำพูดนั้น กัปตันหนุ่มมีสีหน้าที่ราวกับมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่กล้าพูด... และทิมมี่ก็สังเกตเห็น

 “มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า?..... เรื่อง...เทเลอร์น่ะ...” กัปตันหนุ่มได้ยินคำถาม ก็หลุบตาลงต่ำครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเงยมองชายหนุ่มหน้าขาวตรงหน้าอีกครั้ง

 “ถ้าเกิดว่า... ฉัน... จะกลับมาคบกับน้องสาวของนายอีก..... พี่ชายอย่างนาย... จะว่าอะไรมั้ย..?” คำถามนั้น...ทำเอาทิมมี่อึ้งไป... สีหน้าค้างนิ่งที่ยิ่งกว่าคาดเดาเอาไว้ในตอนแรก... ความรู้สึกหลากหลาย และไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี... เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวราวกับคำพูดของเทลิซ่าก่อนหน้านี้

 “คุณ?... จะกลับมาคบกับน้องสาวของผมอีกอย่างนั้นหรือ?...” คำถามกับน้ำเสีนงที่ราวกับไม่แน่ใจ

 “...คือ......... ฉันเข้าใจนะ... ว่านายอาจจะไม่พอใจและไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่ ....เพราะสิ่งที่ฉันทำกับน้องสาวของนาย มันอาจจะมากมายเกินกว่าที่พี่ชายอย่างนายจะให้อภัยได้...... แต่อย่างไรก็ตาม ฉัน.... บอกกับเทเลอร์ไว้แล้วว่า... ฉัน...จะอยู่ดูแลเธอ...ตลอดไป..จนกว่า.....”


 “...จนกว่าอะไร!?” ทิมมี่ถามทวนทันทีเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ ทำเอาชายหนุ่มสะอึกเงียบ

 “ม...ไม่มีอะไรหรอก........... ก็จนกว่า..... เราทั้งสองคนจะตายจากกัน....” ทิมมี่รู้สึกอะไรบางอย่างในคำพูดนั้น... ดวงตาเลิกลักของกัปตันหนุ่ม ทำให้ทิมมี่สงสัยว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยังพูดออกมาไม่หมด.. ความลับอย่างนั้นเหรอ!? กัปตันคนนี้มีความลับอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ.. ไม่สิ ถ้าหากมันเป็นความลับจริง... เทเลอร์เองก็คงจะปิดบังเรื่องอะไรบางอย่างกับเขาเหมือนกัน... แต่มันคืออะไรนะ! และทำไมจะต้องโกหกหรือปิดบังเขาด้วย..... หรือว่าทั้งหมดที่เขาคิดระแวงมากไปเองอีกแล้ว?

 “ว่าอย่างไรล่ะ... นาย...จะอนุญาต และให้อภัยคนอย่างฉันได้มั้ย?....” ทิมมี่นั่งก้มหน้าหรุบตาลงพื้นอีกครั้ง.. ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกัปตันหนุ่มที่จ้องมองมาทางเขาอยู่ตลอดและไม่กลัวว่าทิมมี่จะตอบโต้กลับมาให้เขารู้สึกผิดมากไปกว่านี้แต่อย่างใด

 “ผมเป็นคนที่โกรธคนยาก... แต่หากโกรธใครแล้ว... ก็ยากเหมือนกันที่มันจะหายไปจากใจของผมจนสนิท.......แต่สำหรับคุณ.... หากคุณจะแก้ตัวด้วยการทำอะไรบางอย่างให้ผมเห็น.... ผม... จะยกโทษให้คุณ... และจะลืมสิ่งที่คุณทำทุกๆอย่าง....” สีหน้าของกัปตันหนุ่มดูอ่อนลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และเกิดรอยยิ้มบางๆในสีหน้าที่หมองเศร้า

 “นายอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ... ฉันทำได้ทุกอย่าง....เพื่อนาย...” คำพูดบางคำในประโยคข้างต้น ทำให้ทิมมี่รู้สึกว่าเขาพูดผิด...

 “ไม่ใช่เพื่อผม... เพื่อน้องสาวของผมต่างหาก...” กัปตันหนุ่มยิ้มบางๆ

 “ก็ได้..... ว่าแต่..... นายจะใช้ให้ฉันทำอะไรล่ะ? บอกมาเลย...”

 “คุณแน่ใจหรือเปล่า... ว่าหากผมพูดไปแล้ว... คุณจะทำให้สำเร็จได้น่ะ...” กัปตันหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง

 “ได้สิ..... ฉันสัญญา...ด้วยเกียรติของเทวดาแห่งดานอสซี่เลย....” รอยยิ้มบางๆของลูคัส ทำให้ทิมมี่นั้นเผลอยิ้มตามก่อนที่สีหน้าจริงจังบางอย่าง ที่เผยออกมาพร้อมกับคำพูดของทิมมี่... ที่ทำให้กัปตันหนุ่มต้องสะดุ้งไปเล็กน้อย... เมื่อเริ่มเดาได้กับสิ่งที่เขาจะต้องทำ



 “คุณรู้จัก..... คนที่ชื่อ................................. วีว่า เลอคอติส มั้ยล่ะ............... คุณลูคัส!”



           


เจ้าของชื่อดังกล่าว...วีว่า เลอคอติส กำลังเดินเข้ามาภายในศูนย์ฯลูกเรือของดานอสซี่ในตอนเย็น จริงๆแล้ววันนี้หล่อนลาป่วยและเบี้ยวสอนไป แต่จุดประสงค์ที่หล่อนมาในชุดนอกเครื่องแบบตอนนี้ก็เพื่อที่จะดักเจอใครบางคนที่หล่อนจะต้องเคลียร์กับเรื่องบางเรื่องเสียให้ได้ และแล้ว.. เฟอร์รารี่สีดำหรู ก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของนักบิน ..กัปตันหนุ่มเดินก้าวลงมาพร้อมมาดชวนฝันไม่มีสร่าง ก่อนที่จะพาร่างสูงกำยำสมส่วนของตัวเองขึ้นมาถึงชั้น9ด้วยลิฟต์กระจกแก้ว
มายังสถานที่ทำงานต้นสังกัดของตนเองในเวลาเพียงห้านาที... แต่เมื่อมาถึงชุดเคาว์เตอร์ด้านหน้า ชายหนุ่มยังไม่ทันอ้าปากทักทายอลิซ พนักงานกราวน์สาวเลยสักคำ... ใครบางคนที่ยืนคอยเขาอยู่ ก็ทำให้กัปตันหนุ่มแอบเบี่ยงสายตาทำหน้าเหม็นเบื่อทันที



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 8-10 [25/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-09-2011 01:32:01
ซาตานน่ะ...มันมีปีกทุกตัวแหล่ะ.... และบนฟ้า... ก็ไม่ได้มีแค่นางฟ้า... หรือเพียงแต่เทวดาเท่านั้นหรอก.... จำเอาไว้ให้ดีล่ะ!



แอร์ไลน์ ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย  o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 8-10 [25/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 25-09-2011 02:05:46
อ่านเรื่องนี้แล้ว ลังเล

เอ ตกลงตูจะยังอยากเป็นแอร์อีกรึเปล่า  5555555

รอตอนต่อไป คิคิ้วววววววว
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 8-9 [25/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 25-09-2011 11:28:06
หายไปนานเลยอ่าาาาา

แล้วนี่พระเอกกลับมาคบกับเทเลอร์แล้วจะคู่กับนายเอกของเราได้ไงล่ะเนี่ยยยย

ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 26-09-2011 18:20:00
FLIGHT 10 : เทวาและนางฟ้ารุ่นใหม่!



             
 “เห็นหน้าฉันแล้วคุณทำหน้าอย่างนั้นหรือคะ! คุณหนีหน้าฉันตั้งแต่เมื่อวันก่อน... ทำไมคะ? หรือว่าคุณกลัวเรื่องที่รูปภาพเหล่านั้น มันจะทำให้คุณจนมุมในการแก้ตัวอย่างนั้นสิ! ใช่มั้ย!” วีว่าพูดด้วยน้ำเสียงโมโห ขณะที่กัปตันหนุ่มยิ้มเยาะเล็กๆ


 “แก้ตัวอย่างนั้นเหรอ?... คุณเป็นอะไรกับผม? ทำไมผมถึงต้องแก้ตัวกับคุณด้วย?” คำถามนั้น ทำเอาหญิงสาวตรงหน้าแสดงท่าทางร้อนรนขึ้นมาทันที


 “ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้กับฉัน! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนของคุณที่ยอมให้คุณถีบส่งได้ง่ายๆหรอกนะ! ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะดูถูกได้คุณลูคัส” ท่าทีแข็งกร้าวต่อกัปตันหนุ่ม ทำเอาชายรูปหล่อตรงหน้าถึงกับยิ้มออกมา


 “แต่สำหรับผม...คุณแย่กว่าทุกคนที่ผมมองข้ามเสียอีก...รู้มั้ยคุณวีว่า... ต่อจากนี้ไปผมขอร้องล่ะนะ ไหนๆเราก็เจอกันจนได้แล้ว... ผมเองก็มีเรื่องที่จะรบกวนคุณเหมือนกัน... คุณช่วยกรุณา... ออกไปจากชีวิตของผมด้วยเถอะ... เพราะต่อจากนี้ไป... ผม...ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว!” วีว่า เลอคอติส หน้าเสียไปทันที... ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


 “คุณหมายความว่ายังไง!! คุณลูคัส!!” หล่อนแสดงสีหน้าราวกับเจ็บใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น กัปตันหนุ่มยังคงยิ้มไม่คลาย ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาพาให้หญิงสาวยืนอึ้งตะลึงงันไปในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินทิ้งให้หล่อนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


 “ผม... จะกลับไปคบกับเทเลอร์.... และผมก็ขอให้คุณ... เลิกวุ่นวายกับชีวิตของผมเสียที!” สิ้นสุดคำพูดดังกล่าว กัปตันหนุ่มก็เดินหายไปกับทางเดินด้านหลัง ทิ้งให้วีว่ายืนตะลึงงันกับสิ่งที่หล่อนได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู ใบหน้าแห่งความเคียดแค้นปรากฏขึ้น


 “เทเลอร์ ดรอว์เยอร์!! เห็นทีเราจะต้องเจอกันอีกครั้งแล้วสินะ!!”




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




         หลังจากที่กัปตันหนุ่มได้ตัดสินใจกลับมาคืนความสัมพันธ์กับเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ อีกครั้ง... ทิมมี่ในสายตาของกัปตันหนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เที่ยวบินที่ร่วมเดินทางด้วยกันดูราบรื่นขึ้นมากกว่าเดิมนัก ซึ่งอันที่จริงแล้วมากกว่าเดิมหลายเท่าเสียด้วย เพราะนับตั้งแต่วันที่ทั้งคู่ออกไฟลท์แรกด้วยกันหลังจากที่กัปตันลูคัสสำนักผิดแล้วนั้น ทิมมี่ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าหรือท่าทางใดใดต่อเขา แต่กัปตันหนุ่มก็อดสังเกตไม่ได้ว่า ทิมมี่ดูสดชื่นกว่าทุกครั้งอย่างที่เคยเป็น ทั้งเวลาการลงพักเครื่องและจับจ่ายในร้าน DUTY FREE เมื่อทั้งคู่เผชิญหน้ากันก่อเกิดรอยยิ้มของมิตรภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเสียอย่างนั้น... ในขณะที่เควินเองก็มองผู้เป็นเพื่อนด้วยสายตาประหลาดใจเช่นกันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเขาไม่ยักรู้...




  ตลอดเวลาห้าวัน กับการข้ามน้ำข้ามทวีปเหนือน่านฟ้า ทั้งยุโรปและเอเชียการพักผ่อนยามโอเวอร์ไนท์เป็นอะไรที่วิเศษที่สุด การได้เที่ยวชมเมืองฮ่องกง และเมืองหลวงใหญ่ในทวีปเอเชีย มันเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานอันเคร่งเครียดในสถานที่จำกัดของเหล่านักบินและลูกเรือได้เป็นอย่างดี.. และกัปตันลูคัสเอง ก็ยังได้มีโอกาสใกล้ชิดกับทิมมี่มากยิ่งขึ้นด้วย.. ความผูกพันที่เกี่ยวดองกันเริ่มทำให้ทิมมี่ผ่อนคลายจากปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ลงได้ด้วยดี.. ซึ่งความเป็นจริงนั้นทิมมี่ยังแอบเห็นความอ่อนโยนของกัปตันลูคัสที่แสดงออกต่อเขาอย่างที่เขาไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นอีกด้วย




            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




         เริ่มอาทิตย์ใหม่ เข้าสู่การปรับผังตารางเวรการทำงานใหม่อีกครั้ง... และการปฏิบัติงานครั้งแรกของเหล่าลูกเรือรุ่นใหม่ ที่ผ่านการอบรมกับสถาบันฯของดานอสซี่มาอย่างลำบากลำบนในช่วงเวลาที่ผ่านมา..สจ๊วตและแอร์โฮสเตสหน้าใหม่จำนวนเจ็ดชีวิต กับภารหน้าที่ในเที่ยวบินโอเวอร์ไนท์ หรือเที่ยวบินที่ต้องพักค้างคืน ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา กับโรงแรมโลแกน โรงแรมพันธมิตรของดานอสซี่เช่นเดิมนั่นเอง.. คุณซินดี้ รอลนาเวลล์ ทำหน้าที่ต้อนรับลูกเรือที่มายืนเข้าแถวเบื้องหน้าตึกอาคารปฏิบัติการของท่าอากาศยานฯในเวลานี้อย่างพร้อมเพรียง เหล่าลูกเรือหน้าใหม่ต่างยืนเชิดและยิ้มสู้ต้อนรับการทำงานอันทรงเกียรติของตนเองราวกับเต็มไปด้วยความภาคภูมิยิ่งนัก.. และการแนะนำตัวก่อนเข้าสู่ตึกลูกเรือ ก็เริ่มต้นขึ้น..


 “ดิฉันชื่อ เทลิซ่า ดรอว์เยอร์ค่ะ ... การบริการที่ดีที่สุด คือการบริการที่ออกมาจากหัวใจ ไม่ใช่เพียงความรู้สึก” หล่อนพูดจบ
พร้อมสโลแกนของตัวเอง คุณซินดี้ยกนิ้วโป้งชูให้ก่อนที่จะหันต่อมาที่คนถัดมา


 “ดิฉันชื่อ ชอริต้า แซดเลอร์ ... ความดูดีและสง่างาม คือใจความหลักของงานบริการค่ะ!” หญิงสาวท่าทางมุ่งมั่นกล่าวขึ้น พาให้สีหน้าของคุณซินดี้เหวอไปเล็กน้อยกับความมั่นใจเกินร้อยของเธอที่เทลิซ่าแอบชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆพลางถูกสายตาเย้ยหยันของชอริต้ามองตอบมาเช่นเดียวกัน ... เทลิซ่ารู้สึกทะแม่งๆกับบรรยากาศอย่างไรชอบกลเข้าแล้วสิ


การแนะนำตัวของทุกคนผ่านมาจนมาถึงชายหนุ่มหน้าเข้มมาดกวนคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ปลายแถว คุณซินดี้อึกอักเมื่อเห็นเขา พลางเห็นสีหน้าของสจ๊วตหนุ่มแล้ว หล่อนต้องหาอะไรบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆที่กำลังจะเกิดขึ้น



 “อ...เอาเป็นว่า เราทุกคนพร้อมกันแล้วนะ! ไปๆ ฉันจะพาขึ้นไปเตรียมตัวเข้าห้องบรีฟกันเลย.. เดินให้สวยเหมือนตอนฝึกนะจ้ะ มาๆ!” เทลิซ่าและคนอื่นๆมองเห็นสีหน้าผิดปกติของคุณซินดี้ และคำถามที่ทุกคนในแถวต่างผุดขึ้นมาจากหัวสมองที่ไม่มีความเข้าใจ...ว่าทำไม... คุณซินดี้ถึงไม่ให้สจ๊วตหนุ่มมาดกวนที่มีรอยเจาะหูตลอดแนวใบหูนั้นได้แนะนำตัว... ใช่..บุคลิกต้องห้ามที่ไม่มีทางที่ใครจะสามารถมายืนอยู่ในอาชีพอันสูงส่งแบบนี้ได้..หากสจ๊วตหนุ่มคนนี้... ไม่ใช่ลูกหลานของผู้เป็นใหญ่เป็นโตล่ะก็นะ... ฝันไปได้เลย...





เข้าสู่ห้องบรีฟอย่างเช่นเคย ในเวลาก่อนขึ้นเครื่องสี่สิบห้าถึงหนึ่งชั่วโมง... คุณโรสรอยด์แอบชักสีหน้าหนักใจเล็กๆกับการที่จะต้องทำหน้าที่ฝึกมือใหม่จำนวนเจ็ดชีวิต แต่เที่ยวบินที่เธอได้รับหน้าที่เป็นเพอร์เซอร์ในวันนี้ก็ยังถือว่าโชคดีที่มีมือใหม่มาร่วมเที่ยวบินด้วยเพียง 4 คน ส่วนอีก3 คน กำลังนั่งรอเพอร์เซอร์เที่ยวบินอื่นๆอยู่อีกห้องหนึ่ง


ทิมมี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ วันนี้เขามาช้าเพราะรถเจ้ากรรมที่มีปัญหาอยู่เรื่อย เขาตั้งใจไว้แล้วว่า หากได้หยุดพักสักสองสามวันเขาจะถอยรถใหม่ประชดชีวิตไปเสียเลย และเมื่อหนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาหลังเพื่อนสายตาก็ยังคงไปเผชิญกับใบหน้าของกัปตันหนุ่มเป็นคนแรกอย่างเคย ทั้งคู่ยิ้มบางๆให้กัน ก่อนที่ทิมมี่จะเดินไปนั่งที่หลังห้องข้างๆโต๊ะของเควินที่กำลังนั่งจ้องมองใครบางคนอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ซึ่งคนๆนั้นกลับไม่ใช่กัปตันลูคัสเหมือนอย่างเคย




 “เป็นอะไรเควิน?... หน้าตานายไม่ดีเลยนะ” ทิมมี่ถามเมื่อเห็นสายตาแข็งกระด้างของเพื่อนร่วมงาน กำลังจ้องไปที่ใครบางคนที่ทิมมี่ไม่รู้จัก


 “เปล่า...แค่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้เจาะหูนั่นนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง...” ไม่รู้ว่าเสียงของเควินดังเกินไปหรือเปล่า ผลลัพธ์จากคำพูดนั้น ทำให้สจ๊วตหนุ่มหน้าใหม่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกวนประสาทหันมากลับมาเพียงหางตาที่บ่งบอกได้ว่าเขาคนนั้นก็เริ่มไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกัน


 “เอาน่า! อย่าไปสนใจเลย... ทำใจให้สบายก่อนขึ้นเครื่องสิ... ลืมกฎไปแล้วเหรอ?”


 “...เฮ้อ...อืมๆ!!” เควินรับคำอย่างจำใจ ขณะที่คุณโรสรอยด์เริ่มออกมายืนหน้าห้องหลังจากที่โบ๊ะแป้งลงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นเพราะอาชีพที่ต้องยิ้มจนเนียนสนิทไปทั่วหน้าแล้ว... ทิมมี่หยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะและหยิบปากกาตามขึ้นมาเพื่อเตรียมจดรายละเอียดสำคัญ แต่ความรีบร้อนที่ติดมาตั้งแต่เมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มทำปากกาลูกลื่นตกลงพื้นไป และมันก็กลิ้งไปยังโต๊ะข้างเคียงที่ออกไปประมาณสองถึงสามคืบ


 “ผมหยิบให้ครับ!” ทิมมี่ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อคำพูดนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มในชุดสจ๊วตที่เพิ่งได้หยิบสวมปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรก ใบหน้าขาวเนียนตัดกับสีผมสีดำสนิท และคิ้วที่คมเข้ม ใบหน้าทุกอย่างทำให้ทิมมี่สะอึกและอดคิดไม่ได้ว่าเขาคนนี้เป็นลูกครึ่งเอเชียหรือเปล่า?... ทำไมใบหน้าถึงออกไปทางญี่ปุ่นหรือเกาหลีมากนัก แต่หากดูป้ายชื่อที่หน้าอก... ชื่อของเขาก็ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นเชื้อสายของคนเอเชีย...ความคิดมากมายกับการพบเจอคนแปลกหน้า ทำให้สายตาของทิมมี่พิจารณาคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ละเอียดถี่ถ้วนราวกับเป็นนักช่างสังเกตก็ไม่ปาน หนุ่มหน้าขาวพลางยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มที่ทำให้หน้าตาของเขาดูสดใสขึ้นมากกว่าที่เห็น... เขาก้มหยิบปากกาด้ามทองให้ทิมมี่ พร้อมรอยยิ้มทักทายนั้นที่ส่งตอบมาด้วยความมีมนุษยสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ทิมมี่เห็นเลยอดที่จะยิ้มตอบเสียไม่ได้



 “ขอบคุณครับ... คุณเพิ่งมาใหม่หรือ?” ทิมมี่กล่าวก่อนที่จะถามอย่างเป็นมิตร ขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับเขาเป็นคนที่ใจเย็นมากเลยทีเดียว


 “ครับผม! ผมชื่อ โรเจอร์ ซินแคลร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์!” ทิมมี่อดแปลกใจไม่ได้ที่ตนเองไม่ได้แนะนำตัวก็เพราะโรเจอร์หรือหนุ่มหน้าใสตรงหน้าเขานี้ กลับรู้จักชื่อและสกุลของเขาได้อย่างดี และสำเนียงก็ถูกต้องกว่าใครๆที่เคยเรียกอีกด้วย...หรือว่าเพราะโรเจอร์เห็นป้ายชื่อของเขา? แต่ก็ไม่น่าจะรวดเร็วและชัดเจนเช่นนี้นี่นา


 “คุณไม่ต้องตกใจหรอกครับว่าทำไมผมถึงรู้จักคุณ... เอาเป็นว่า... ผมรู้จักคุณมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะครับ แต่คุณเองคงจะไม่รู้จักผม” ทิมมี่ยิ้มแห้งๆ แล้วอดสงสัยไม่ได้อีก แต่ก่อนที่จะเกิดคำถามต่อไป... เสียงคุณโรสรอยด์ก็ดังขึ้นพาให้ทุกคนกลับเข้าสู่การทำหน้าที่ของตนเองในทันที โดยเฉพาะทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ที่หันหน้ากลับไปเตรียมตัวจดงานอย่างตั้งอกตั้งใจ...ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของโรเจอร์ในเวลานี้กับรอยยิ้มที่แสดงถึงความพอใจกับการได้เห็นทิมมี่... ซึ่งหากใครเห็นในเวลานี้ก็คงอธิบายไม่ได้ว่า...โรเจอร์กำลังคิดอะไรอยู่...


 “เอาล่ะค่ะ วันนี้ดิฉันจะขอแนะนำสมาชิกใหม่ของเราสี่คนก่อนนะคะ เอาล่ะ คนแรก.. เอ่อ..” คุณโรสรอยด์ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเริ่มต้นอ่านชื่อของใครบางคนที่อยู่บนกระดาษรายงานในมือ..


 “เอ่อ.... คนแรก... คุณบาเรลล์ คลูเซอร์ .....อ่ะ....เอ่อ...ค่ะ!” คุณโรสรอยด์แนะนำด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ตามปกติแล้วไม่ว่าจะลูกเรือหรือสมาชิกเก่าหรือว่าใหม่ จะต้องลุกขึ้นยืนทักทายทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ แต่ทว่า... บาเรลล์ คลูเซอร์ สจ๊วตหนุ่มหล่อรูปร่างดี แต่บุคลิกกลับแย่ยิ่งกว่าใครอื่น.. ยังคงนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งต้วมๆอยู่นิ่งๆ สายตาของชายหนุ่มมาดกวนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่คิดจะปฏิสัมพันธ์กับใครเลยสักคน ทำเอาคุณโรสรอยด์ยิ้มเจื่อนจนเหงือกแห้งหน้าห้อง ก่อนที่จะแนะนำบุคคลต่อไป


 “ต..ต่อไปนะคะ... เทลิซ่า ดรอว์เยอร์.... น้องสาวของคุณทิมมี่นั่นเอง! ยินดีต้อนรับนะคะ!” คุณโรสรอยด์เลยหันมาใส่ใจกับหญิงสาวที่ลุกขึ้นยืนยิ้มฝากเนื้อฝากตัวแทน แต่สายตาของเทลิซ่าก็ยังไม่วายเหลือบไปมองคนรอบข้างที่สร้างบรรยากาศทุเรศๆให้กับเธอไม่แพ้กับบาเรลล์ คนด้านซ้ายก็คือกัปตันลูคัสที่เธอเหม็นขี้หน้า... กับคนด้านขวาที่เธอรู้สึกไม่กินเส้นมากที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์ นั่นเอง


 “และสาวสวยคนต่อมาของเราก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์ค่ะ!” ชอริต้าแอ่นอกขนาดเต็มมือเต็มไม้ของตนขึ้นมา พร้อมกับพาร่างระหงยืนเชิด และยิ้มยั่วสจ๊วตหนุ่มรอบข้าง... โดยเฉพาะสายตาพิศวาสที่ไปสะดุดอยู่ที่ร่างสูงของกัปตันลูคัส..ที่ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะอึกไปกับความใจกล้าของหล่อน


 “และคนสุดท้ายนะคะ สจ๊วตหนุ่มหน้าใสของเรา.... โรเจอร์ ซินแคลร์ค่ะ!” โรเจอร์ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยท่าทางใจเย็น และยังไม่วายจะหันมายิ้มให้กับทิมมี่ก่อนที่จะลุกอีกด้วย... ทิมมี่รู้สึกแปลกๆกับเพื่อนร่วมงานรุ่นใหม่คนนี้เสียจริงๆ..


 “เอาล่ะค่ะ!! เรามาเริ่มบรีฟงานกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะคะ ...เชิญกัปตันสุดหล่อของเราหน้าห้องเลยค่ะ!!”


           


            ถึงเวลานับชั่วโมงของการทำงานอีกครั้งหนึ่ง โรเจอร์เดินเข้ามาภายในชั้น First Class ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อการทำงานครั้งแรกของตัวเขาก็ได้มาร่วมงานกับ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ บนชั้นผู้โดยสารที่หรูที่สุดของเครื่องบินนี้อีกเสียด้วย
หนุ่มหน้าใสเดินเข้ามาในห้อง Galley ที่มีทิมมี่กำลังยืนเตรียมชุด Amenity Kits อยู่ด้วยใบหน้าสดชื่นเช่นเดียวกัน


 “ดีจังเลยนะครับ... ผมได้ร่วมงานเที่ยวบินแรกกับคุณ” โรเจอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงตามอารมณ์ข้างต้น ทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อยกับการเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงของเขาหรืออาจจะเป็นเพราะว่าโรเจอร์ดูเหมือนเป็นคนที่บุคลิกเย็นและนิ่งเกินไปกว่าที่เขาจะรู้สึกตัว

 “อ่ะ...เอ่อครับ...ยินดีเหมือนกัน... เอ่อ ว่าแต่พักผ่อนมาพอหรือยังล่ะครับ? เราต้องเจอแขกวีไอพีนะ เที่ยวบินแรกของคุณคงจะเหนื่อยเอาการทีเดียว” ทิมมี่พูดยิ้มๆ ขณะที่บุคคลหน้าใสตรงหน้า กลับยิ้มออกมามากขึ้นกว่าเดิมอีก

 “ผมพร้อมเสมอครับ ถ้ายังไง ผมก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ... ว่าแต่คุณเถอะ อายุน้อยกว่าผมตั้งสองปี เก่งนะครับที่ได้มาเป็นสจ๊วตได้เร็วขนาดนี้..... ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ ผมยังสอบ Tofle ยังไม่ติดเลย” โรเจอร์พูดไปและหัวเราะให้กับความขายหน้าของตัวเองทำให้ทิมมี่รู้สึกเริ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ผู้ร่วมงานบนชั้นผู้โดยสารที่เรียกได้ว่า “ระดับสูง” ที่สุดของเครื่องบินลำนี้ เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาไม่ช้าเจ้าของฝีเท้านั้นก็ปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องเตรียมครัวห้องนี้ ทิมมี่รู้สึกตกใจเล็กๆก่อนที่จะยิ้มทักทายกัปตันหนุ่มผู้เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางๆ


 “ไงทิมมี่... ตื่นเต้นมั้ย? วันนี้ผู้โดยสารชั้นของนายได้ชื่อว่าจอมลามกเลยนะ ...หึ... เขาชอบแต๊ะอั๋งสจ๊วตหนุ่มๆเป็นว่าเล่นเลยล่ะ...ไง...ทำใจได้หรือเปล่า?” ทิมมี่หัวเราะในลำคอเล็กๆ ก่อนที่จะตอบชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านท่ามกลางสายตาของโรเจอร์ ที่มองกัปตันหนุ่มไม่วางตา

 “ทำใจมานานแล้วครับ... คุณพูดอย่างกับว่าผมไม่เคยโดนอย่างนั้นแหล่ะ”

 “เฮ่! จริงหรือเนี่ย? ใครกันบังอาจทำอย่างนั้นกับนายนะ?” กัปตันลูคัสถามอย่างขึ้นเสียงแนวหยอกเล่น ขณะที่โรเจอร์หันมามองทิมมี่อย่างอึ้งๆอยู่เหมือนกัน

 “ก็ผู้โดยสารเฟิร์สคลาส ตอนที่ผมอยู่ JAL นั่นแหล่ะ.... เอ่อ...ว่าแต่คุณ?... จะรับกาแฟก่อนมั้ยครับ”

 “อืม...ดีเหมือนกัน แต่เอาไว้ให้เครื่องขึ้นสักสามสิบนาทีก่อนก็ดีนะ... ฉันยังไม่อยากรบกวนนาย... แล้วยังไงก็...สู้ๆแล้วกัน!”กัปตันหนุ่มพูดพลางวางมือลงบนบ่าของทิมมี่แล้วเขย่าสองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ... ทิมมี่มองตามไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่หนุ่มหน้าใสที่ยืนข้างๆกลับมองหน้าทิมมี่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง

 “นั่น... แฟนคุณเหรอครับ?” นั่นคือคำถาม... ที่ทำเอาทิมมี่ชะงักอึ้งไป.. จนชุด Amenity ในมือหลุดร่วงลงกับพื้นอย่างไม่คิดฝัน ว่าเพื่อนร่วมงานคนใหม่ผู้นี้จะกล้าถามอะไรที่มันไม่มีสาระออกมาได้


 “ฮ้ะ?.... บ..บ้าน่ะ....”

 “แต่ผมเห็นสายตาของเขา มองคุณแบบพอใจมากเลยนะครับ... คุณไม่รู้สึกบ้างเหรอ?” โรเจอร์ถามหน้านิ่งๆ..

 “...ค...คือ... เขาเป็นคนรักของน้องสาวฉันต่างหาก...”

 “เทลิซ่าน่ะเหรอครับ!?” โรเจอร์ถามสีหน้าตกใจเล็กๆ แต่ทิมมี่กลับยืนเกาหัวแกร่กๆ

 “เปล่า.. น้องสาวผมอีกคนหนึ่งน่ะ คุณไม่รู้จักหรอก...เอ้อ... ผมว่าเรารีบเตรียมตัวกันดีกว่านะ ผู้โดยสารคงกำลังนั่งรถขึ้นเครื่องมาแล้วล่ะ...” ทิมมี่ตัดบทอย่างดื้อๆ ซึ่งโรเจอร์รู้สึกแปลกๆราวกับว่าสีหน้าของทิมมี่ในตอนนี้... กำลังสับสนอะไรบางอย่าง... ไม่สิ... ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ในใจต่างหาก...




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ผู้โดยสารขึ้นมาประจำคาบินแล้ว ลูกเรือทุกคนเริ่มประจำที่เช่นเดียวกันการทำเหมือนกันทุกๆครั้ง ในทุกๆเที่ยวบิน
โดยเฉพาะสจ๊วตหรือแอร์โฮสเตสรุ่นพี่ที่จะต้องทำให้รุ่นน้องดูเป็นตัวอย่าง และฝึกให้รุ่นน้องทำตามในวาระต่อๆไป.. โรเจอร์มองทิมมี่อย่างสนอกสนใจหากแต่ทิมมี่กลับรู้สึกว่า... โรเจอร์นั้นไม่ได้สังเกตในวิธีการพูดหรือการแนะนำผู้โดยสารแต่อย่างใดหรอก...หากแต่ความจริงแล้วสายตาประหลาดของโรเจอร์นั้น กลับทำให้ทิมมี่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยรู้สึกจากการถูกจับจ้องเช่นนี้มาก่อน... ใช่แล้ว! เหมือนกันเลยกับตอนนั้น! ตอนที่ทิมมี่เข้าไปยื่นซีดีให้กับวีว่า เลอคอติส... สายตาของใครบางคนตอนนั้นที่ทิมมี่รู้สึกได้แต่กลับมองไม่เห็น....  แต่ความรู้สึกไม่ได้ต่างจากตอนนี้เลยจริงๆ! หรือว่าคนที่มองเขาอยู่ในตอนนั้น.... จะเป็นโรเจอร์ ซินแคลร์ กันนะ? แต่แล้วในที่สุด ทิมมี่ก็ยิ้มแห้งๆตอบสายตาที่มองจ้องมานั้นไป... ทำให้โรเจอร์สะดุ้งเล็กๆ เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองชายหนุ่มหน้าขาวอยู่...พลางแสดงสีหน้ายิ้มตอบอย่างเก้อๆเช่นเดียวกัน








 “นี่หล่อน!” เสียงเรียกของผู้ร่วมงาน ทำเอาเทลิซ่าสะดุ้งเฮือก เนื่องจากเธอไม่คิดว่าใครจะมากล้าเรียกเธอได้เสนาะหูเช่นนี้






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 26-09-2011 18:22:51
FLIGHT 11 : บุคคลที่สาม?
             


ชอริต้านั่นเอง... ผู้ร่วมเที่ยวบินควบกับผู้ร่วมชั้นประหยัดในวันนี้... เทลิซ่ารู้สึกย่ำแย่มากกับการปฏิบัติหน้าที่กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีรุ่นพี่อยู่อีกสองคน ที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง GALLEY ที่ในขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมชุดอาหารอยู่เงียบๆนี้เอง

 “อะไร...” เสียงตอบรับห้วนๆ มองหน้าหญิงสาวที่กำลังเอากระจกขึ้นมาส่อง แล้วดันทรงตัวเองอย่างพออกพอใจ

 “เธอว่าดีมั้ย...”

 “ฮ้ะ!?” เทลิซ่าทำหน้างุนงง เมื่อเห็นท่าทางอวดทรงของหล่อนและคำถามที่ตามมา

 “ฉันถามว่า ..เธอคิดว่าดีมั้ย.... ถ้าฉันจะนำกาแฟร้อนๆไปให้กัปตันของเราสักแก้วหนึ่งน่ะ..ฮึฮึฮึ!” เทลิซ่าแอบทำหน้าเหม็นอึ
ก่อนที่จะนำกล่องอาหารเข้าเตาเวฟไปอย่างไม่สนใจ

 “นี่เธอ...ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะยะ... แต่ฝากทางนี้ก่อนแล้วกัน...ฉัน...จะเอากาแฟไปเสิร์ฟกัปตันลูคัสก่อนล่ะ” ชอริต้าทำท่าจะกดกาแฟจากเครื่องทำกาแฟตรงหน้าใส่แก้วใบใหญ่สำหรับกัปตันและเพอร์เซอร์ ขณะที่เทลิซ่ามองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะคัดค้าน

 “แต่กัปตันไม่ได้สั่งนี่!?... แล้วเธอจะเข้าไปให้กัปตันได้ยังไง?... เธอต้องได้รับรหัสเข้าค็อกพิทก่อนนะ”

 “แหม...ไม่เป็นไรหรอกน่า... ไปกดออดเรียกหน้าห้อง... ยังไงกัปตันก็ต้องเปิดให้ฉันอยู่แล้วล่ะ ฮุฮุฮุ!” เทลิซ่ามองนางฟ้าหน้าโง่ผู้หลงตัวเอง

 “งั้นก็ตามสบายเถอะย่ะ!” เทลิซ่ากล่าวตอบอย่างเป็นมิตรที่แสนดี ก่อนที่จะเดินไปบิดอุณหภูมิของเตาไมโครเวฟอีกครั้งเพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมบิดอุ่นนั่นเอง



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



นางฟ้าสะโพกสะท้านใจหนุ่ม เดินบิดก้นพร้อมถาดกาแฟในมือเดินขึ้นไปถึงหน้าห้องค็อกพิท ก่อนที่มือของหล่อนจะเอื้อมไปกดออดนั้น เธอก็ไม่ลืมที่จะดันหน้าอกของตนเองให้ดูเต็มตาคนมองมากยิ่งขึ้นพร้อมกับมองกาแฟในถาดสองถ้วยด้วยความพออกพอใจ และแล้ว..


ออด~!!


กัปตันลูคัส และโตไพลอตมอริสต่างมองไปที่จอมอนิเตอร์ภายในห้องค็อกพิทเป็นตาเดียวกัน ขณะที่เกิดสีหน้าสงสัยของคนทั้งคู่ตามมาเมื่อได้มองเห็นหน้าจอตรงหน้าแล้ว

 “กัปตันสั่งกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” โคไพลอตมองหน้ากัปตันลูคัสอย่างงุนงง

 “เปล่านี่... ผมคิดว่าคุณสั่งเสียด้วยซ้ำ” ทั้งคู่ยังคงมองหน้ากันราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างไม่ถูกว่าจะเอายังไงดี แต่ในที่สุดแล้วกัปตันหนุ่มก็กดปุ่มไมค์แล้วเรียกแอร์โฮสเตสสาวที่ยืนเอวคอดอยู่นอกห้องเข้ามา

 “เชิญครับคุณชอริต้า..รหัส 7070” ชอริต้าทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินเสียงกัปตันหนุ่มก่อนที่หล่อนจะรีบกดรหัสและประตูห้องค็อกพิทก็เปิดออก หญิงสาวเดินก้าวเข้าไปพร้อมใบหน้าที่แต่งไว้ก่อนนี้อย่างจัดจ้านที่ทำเอาโคไพลอตเห็นแล้วทำหน้าอึ้ง..ก่อนที่จะรีบกลับไปควบคุมคอนโซลอย่างตั้งสมาธิอีกครั้ง... แต่ทว่ากลับกันกัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่เคยทนไหวกับหญิงสาวมาดเฉี่ยวเช่นนี้กลับแสดงสายตาเรียบเฉยต่อชอริต้า แล้วยังมีสีหน้างุนงงมากกว่าจะยิ้มแย้มอย่างที่เคยเป็น

 “เอ่อ... ผมไม่ได้สั่งนี่ครับ?” ชอริต้าได้ยินคำถามดังนั้น หล่อนยังคงยิ้มออกมาอย่างไม่เข้าใจความหมาย

 “คือ... ดิฉันเกรงว่ากัปตันจะเหนื่อยนะค่ะ ไม่อยากให้กัปตันเพลียด้วย... ดิฉันเลยนำกาแฟมาเสิร์ฟให้ค่ะ” กัปตันหนุ่มหันไปมองโคไพลอต ที่นั่งเหงื่อตกอยู่ข้างๆที่ประจำตำแหน่ง

“ถ้าอย่างนั้น....” กัปตันหนุ่ม เอื้อมมือไปหยิบแก้วบนถาด ในมือของชอริต้ามาแก้วหนึ่ง... แล้วยื่นให้โคไพลอตมอริส ขณะที่เจ้าตัวผู้ที่กำลังนั่งเหงื่อแตกอยู่นั้นแสดงสีหน้างุนงงเมื่อเห็นกัปตันยื่นมาให้

 “ขอบคุณนะคุณชอริต้า.... แต่สำหรับอีกถ้วยผมไม่รับดีกว่า...คุณเอากลับไปเถอะ” หากใบหน้าของชอริต้าทำด้วยแก้วในตอนนี้... มันก็คงจะร้าวหรือไม่ก็แตกละเอียดลงมากองกับพื้นห้องเป็นอย่างแน่แท้

 “ต...แต่ว่า..กัปตันจะไม่...”

 “ผมไม่รับครับ... ขอบคุณมาก.. ผมทานแล้วเรียบร้อย ขอบคุณจริงๆ...เชิญครับ” เป็นคำตอบรับผสมผสานกับความหมายที่บอกให้หล่อน “ออกไป” จากห้องๆนี้ ชอริต้ายิ้มหน้าเจื่อนหน้าอกตกก่อนที่จะออกมาจากห้อง...ทันทีที่ประตูปิดลง หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจในท่าทีเย่อหยิ่งของกัปตันหนุ่ม

 “ทำเป็นไม่สนใจนะกัปตัน! คอยดูเถอะ! โอเวอร์ไนท์มาถึงเมื่อไหร่... เราได้เจอกันแน่!”



                        ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “จะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับคุณโรบิน?” โรเจอร์ถามแขกวีไอพีด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากความรู้สึก เมื่อถูกปฏิเสธจากแขกดังกล่าว สจ๊วตหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อีกครั้ง

 “เฮ้อ!” โรเจอร์ถอนใจราวกับหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ทิมมี่ที่กำลังกุลีกุจอกับการจัดเรียงอาหารชุดพิเศษช่วงเวลาทีไทม์(เครื่องชาและเครื่องเคียงต่างๆ) ชายหนุ่มมองสจ๊วตรุ่นน้องที่มีอายุมากกว่าแล้วอดยิ้มอย่างเข้าใจดีถึงความรู้สึกในเวลานี้ของเขา

 “ทำใจเถอะนะคุณโรเจอร์...การได้มายืนทำหน้าที่อยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสแบบนี้ การมีรายได้ที่มากกว่าชั้นอื่นๆ ก็ย่อมต้องแลกกับความอดทนและอารมณ์ที่ต้องมีมากกว่าลูกเรือชั้นอื่นๆเป็นธรรมดานั่นแหล่ะ” โรเจอร์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้นราวกับเขาหายเหนื่อยขึ้นไปเยอะเลยทีเดียว

 “เอ่อ... แล้ว...คุณจะออกไปเสิร์ฟเครื่องดื่มเลยหรือเปล่าครับ? ให้ผมช่วยนะ?”

 “ไม่เป็นไรหรอก คุณเพิ่งกลับเข้ามา นั่งพักก่อนเถอะ... มีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเองได้ครับ ขอบคุณมาก”

 “ต..แต่ผมอยากช่วยคุณจริงๆนะครับ” ทิมมี่ชะงักเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังเบื้องหน้า..

 “อ...เอ่อ..คือ... ผมหมายถึง...ผมยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่...” โรเจอร์พูดเสียงติดขัดแต่ตรงกันข้ามกับใบหน้าของเขาเวลานี้ ซึ่งภาพตรงหน้าก็ทำให้ทิมมี่หลุดหัวเราะออกมาได้

 “ฮะฮะฮะ... ผมว่าคุณไปล้างหน้าล้างตาจะดีกว่านะ... ผมไม่เป็นไรจริงๆสบายมาก ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ...” ทิมมี่ก้าวออกมาจากห้องพร้อมรถเข็นเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยรอยยิ้ม...ทิ้งให้โรเจอร์รีบหันเข้าหากระจกภายในห้องด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่ดันแสดงสีหน้าถึงความเหน็ดเหนื่อยให้ทิมมี่เห็นเข้าจนได้ โทรศัพท์ภายในชั้นเฟิร์สคลาสดังขึ้นในเวลาต่อมา พอดีกับที่ทิมมี่กลับเข้ามาภายในห้อง GALLEY พอดิบพอดี

 “ไม่เป็นไรครับ ผมรับเองคุณโรเจอร์” ทิมมี่อาสารับก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

 “สวัสดีครับ? ทิมมี่ครับ”

 “ว่ายังไง?... ทานอะไรหรือยังทิมมี่?” บุคคลต้นเสียงเอ่ยถามขึ้น..พาให้สีหน้าของทิมมี่หายเหนื่อยไปอย่างประหลาด และกลับปรากฏรอยยิ้มบนหน้าขึ้นมา จนทำเอาโรเจอร์ที่ยืนมองอยู่นั้นแสดงสีหน้าสงสัยและพยายามเดาว่าใครโทร.เข้ามา

 “เรียบร้อยแล้วครับกัปตัน...เอ่อ... ขอโทษทีนะครับ ผมยุ่งมากเลย...กาแฟของกัปตันผมเลยยังไม่ได้ยกไปให้” โรเจอร์เดาได้แล้วว่าใคร เขาแอบชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมกัปตันลูคัสจะต้องโทรศัพท์มาถามพี่ชายของแฟนตัวเองราวกับใส่ใจอะไรมากมายอย่างนี้

 “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก... ฉันยังไม่หลับหรอกน่า...ตอนนี้ฉันให้คุณมอริสไปนอนพักผลัดกันคนละ15นาทีน่ะ.. ยังไงก็...อีกสักครึ่งชั่วโมง..เครื่องก็จะลงบอสตันแล้ว...สงสัยว่าฉันคงจะไม่ได้ดื่มกาแฟของนายเป็นแน่แล้วล่ะ” ทิมมี่ทำหน้าเจื่อน

 “ข..ขอโทษจริงๆนะครับ”

 “ล้อเล่นน่า..อย่าเครียดสิ.....เอ้อ... ถ้าอย่างนั้นเท่านี้นะ...ลงเครื่องแล้วเราคงได้เจอกัน”

 “ครับผม...แล้ว....เจอกัน!” ทิมมี่วางสายหลังจากที่กัปตันหนุ่มกดวางไปแล้ว..หนุ่มหน้าขาวยิ้มให้กับโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัวท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของโรเจอร์ทำเอาทิมมี่รู้สึกได้ถึงการถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง

 “ม..มีอะไรหรือเปล่า?” ทิมมี่ถามพลางคลี่สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ออก เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่ดูตรงข้ามกับเขาอย่างชัดเจน

 “ไม่มีอะไรหรอกครับ... ผมขอตัวไปบริการผู้โดยสารก่อนแล้วกัน...ผมได้ยินเสียงออดเรียก” โรเจอร์พูดสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ทิมมี่ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมอยู่ๆ เดี๋ยวเขาก็ดูอารมณ์ดี แต่บางครั้งเขาก็กลับดูหงุดหงิดกับอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่ทิมมี่เองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุนั้น

 “พิลึกคน...”




ถึงเวลาก่อนที่เครื่องจะลงผู้โดยสารทุกระดับชั้นจะเตรียมตัวรัดเข็มขัดกันพร้อมหน้า แต่ทว่าดูเหมือนคุณโรบิน แห่งชั้นเฟิร์สคลาสหรือผู้เป็นผู้โดยสารวีไอพีของเที่ยวบินลำนี้..กลับจะดูไม่ใส่ใจต่อคำเตือนหรือแสงไฟบนแผงตรงหน้าเอาเสียเลยว่าให้รัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัย จนทำให้ต้องลำบากทิมมี่ที่ต้องเดินมาทำหน้าที่ลูกเรือที่ดีแก่ผู้โดยสาร

 “คุณโรบินครับ... รบกวนช่วยรัดเข็มขัดนิร....อ้ะ...!” ราวกับช่วงเสี้ยวนาที.. ที่ความห่วงใยผู้โดยสารนั้นกลับถูกเหยียดหยามด้วยฝ่ามือของผู้โดยสารวีไอพีหนุ่ม...คุณโรบินเอื้อมมือมาวางลงที่สะโพกของทิมมี่! ขณะที่ชายหนุ่มหน้าขาวแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย.. แต่อากัปกิริยากลับไม่ได้ดูตกใจมากมายเท่าไหร่นักหากจะเทียบกับความรู้สึกส่วนลึกในเวลานี้... แต่ทว่าดูเหมือนสายตาของใครบางคนที่นั่งรัดเข็มขัดอยู่ด้านหลังห้องผู้โดยสาร จะดูไม่พอใจมากที่เห็นทิมมี่ถูกเหยียดด้วยฝ่ามือโสโครกนั้นของคุณโรบิน สายตาแข็งกร้าวนั้นก็คือ... โรเจอร์ ซินแคลร์ นั่นเอง!


จรรยาบรรณ คือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้มืออาชีพในการบริการอย่าง ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... เผยยิ้มตอบโต้แทนความโมโหที่พุ่งสุดขีดอยู่ในจิตใจ หนุ่มหน้าขาวถอยตัวออกมาอย่างนอบน้อม แต่เมื่อนึกขึ้นได้อีกทีก็ยังไม่วายจะตรงเข้าไปใกล้คุณโรบิน และรัดเข็มขัดนิรภัยให้อีกเสียด้วย...โดยไม่ได้แยแสเลยว่าสายตาลามกของคนดังกล่าวจะกำลังโลมเลียร่างกายของทิมมี่อยู่อย่างปรารถนา...ส่วนทิมมี่เองนั้นก็ไม่ได้ตาบอดอะไร แต่เพียงทำเป็นไม่เห็นแล้วยิ้มใส่ให้กับความโสโครกของคนผู้นี้ก็เท่านั้นเอง


กึง! กึง! กึง!


เสียงอันเป็นปกติยามที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ แต่ที่จะไม่ปกติในยามนี้ก็คือ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ที่ยังคงเดินอยู่ในห้องผู้โดยสารสืบเนื่องจากการไปดูแลความปลอดภัยให้กับแขกลามกจกเปรตผู้นั้น แรงกระแทกอันเป็นผลจากการที่ล้อแตะพื้นรันเวย์ ทำให้ร่างบางของทิมมี่เซและทำทีจะล้มลงกับพื้นเสียให้ได้ แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนเร็วต่อภาพตรงหน้า... โรเจอร์ ซินแคลร์! ปลดเข็มขัดของตัวเองออก ก่อนที่จะตรงเข้าไปโอบร่างของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เอาไว้ ท่ามกลางสายตาและความรู้สึกประหลาดของตัวทิมมี่... ที่นานมาแล้ว... เขาไม่เคยถูกอ้อมกอดจากผู้ชายคนไหนที่ตรงเข้ามาช่วยเหลือเขาได้ยามที่เขาล้มลงเช่นนี้... ใช่... เขาหมายถึงคนในครอบครัวเขาต่างหาก..


 “ข..ขอบคุณครับ...” ทิมมี่กล่าวขณะที่ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงไม่ถึงคืบดี.. รอยยิ้มร้อยเสน่ห์บนใบหน้าขาวของโรเจอร์ปรากฏขึ้นอย่างพอใจที่เห็นคนตรงหน้าปลอดภัยไม่ล้มลงไปกระแทกกับอะไรเสียก่อน

 “ไปนั่งประจำที่ดีกว่าครับ” โรเจอร์กล่าวแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากคนที่ร่างบางกว่า คนทั้งสองประคองตัวกันไปมา
ท่ามกลางเสียงของกัปตันลูคัสจากลำโพงที่ดังไปทั่วทุกห้อง ว่า ณ เวลานี้ ยังไม่ควรที่จะปลดเข็มขัดออกจากตัว เพราะเนื่องจากยังไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้สืบเนื่องจากการจราจรบนรันเวย์ที่ดูโกลาหลและติดขัด ในยามที่เครื่องบินขึ้นลงมากมายในเวลาเช่นนี้

 “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ทิมมี่กล่าว เมื่อคนทั้งคู่มาถึงที่นั่งประจำที่ได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางตัวเครื่องที่สั่นคลอนอยู่ไม่หยุด และก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมาจากโรเจอร์ ก่อนที่เขาจะพูดตอบว่า..

 “ถ้าเป็นคำขอบคุณเป็นอย่างอื่น... ก็คงจะดีนะครับ...”

 “...ฮ...ฮะ?..” ทิมมี่ส่งเสียงราวกับได้ยินไม่ชัด แต่โรเจอร์กลับส่ายหน้าอย่างยิ้มๆราวกับอย่าคิดใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด... แต่จะได้อย่างไรกันล่ะ ก็ในเมื่อทิมมี่ ดรอว์เยอร์... ได้ยินคำพูดดังกล่าวอย่างชัดเจนเลยน่ะสิ




                        ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-โรงแรมโลแกนแอร์พอร์ต-



ทิมมี่เดินเข้ามาถึงในโรงแรมพร้อมกับโรเจอร์ เควิน เทลิซ่า และชอริต้า ส่วนลูกเรือคนอื่นๆรวมถึงคุณโรสรอยด์และกัปตันลูคัสเดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ทันทีที่ทิมมี่ลากกระเป๋าเข้ามาเขาก็เห็นกัปตันลูคัสทำหน้าแปลกๆที่ตรงหน้า

 “ทิมมี่ เราได้ห้องพักห้องเดียวกับคุณลูคัสนะจ้ะ” คุณโรสรอยด์เอ่ยขึ้นพร้อมคีย์การ์ดในมือที่ยื่นมาให้ ทิมมี่เหลือบมองกัปตันหนุ่มที่ยืนยิ้มบางๆอยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันโรเจอร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผล

 “ส่วนโรเจอร์กับเควินพักห้องเดียวกันนะจ้ะ แล้วก็ชอริต้ากับเทลิซ่าห้องคู่เช่นกัน แล้วก็..เอ่อ..ค..คุณบาเรลล์ได้พักห้องเดี่ยวค่ะ..” ดูเหมือนจะมีสายตาจากหลายคนแอบมองไปทางบาเรลล์ด้วยความไม่พอใจรวมถึงเทลิซ่าที่แอบหันไปมอง พอดิบพอดีกับจังหวะที่บาเรลล์หันมามองทางเธอพอดี

 “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าสาวสวย?” คำถามเย้ยหยันของบาเรลล์ที่ยิ้มอย่างพอใจกับสายตาขุ่นๆของเทลิซ่านั้น
 “เปล่า...ไม่มี!”

 “ถ้าเธอมี... ก็มานอนกับฉันก็ได้นะ...หึหึหึ” สจ๊วตหนุ่มที่คิดว่าตนแน่กล่าวขึ้น... และก่อให้เกิดความรู้สึกแย่ๆให้กับหลายๆคนในเวลาต่อมา โดยเฉพาะทิมมี่ที่ยืนมองบาเรลล์ด้วยสายตาไม่พอใจเช่นกัน แต่ทว่า..ฝ่ามืออุ่นของกัปตันลูคัสก็กลับวางลงบนไหล่ของเขาจนทำเอาทิมมี่สะดุ้งเล็กน้อย

 “ขึ้นห้องเรากันดีกว่า....ไปเถอะ!” กัปตันหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับบีบมือเบาๆลงบนไหล่นั้นให้หนุ่มหน้าขาวเดินตามเขามาโดยเร็ว ทิ้งให้โรเจอร์ยืนถอนหายใจฟืดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์ จนเควินแอบสังเกตได้

 “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?” เควินถามหน้าเรียบๆ

 “..ม..ไม่มีอะไรครับ...”

 “ไปๆ เราขึ้นไปพักกันบ้างดีกว่า...” เควินพูดแล้วเดินนำไป ขณะที่โรเจอร์ก็เดินตามไปอย่างหงุดหงิดเช่นเดียวกัน... ส่วนชอริต้ากับเทลิซ่าก็ไม่ต้องพูดถึง หล่อนเดินตามกันไปโดยทิ้งระยะขนานราวกับหล่อนทั้งสองพักกันคนละห้องอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว





ทิมมี่ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย หนุ่มหน้าขาวแอบกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ร่วมห้องอย่างสงสัยว่าเขาหายไปไหนในเวลานี้? แต่ทว่าเขาก็กลับเห็นร่างสูงยืนอยู่นอกระเบียงห้อง โดยมีลมพัดตึงจนเผยให้เห็นสีหน้าอันหม่นหมองอย่างแปลกพิกลบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มผู้นั้น


 “เอ่อ... คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือครับ?” ทิมมี่ถามเมื่อเลื่อนประตูออกไปยืนร่วมระเบียงห้อง ณ เวลานี้... กัปตันหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาส่งสายตาที่ตรงกันข้ามกับสีหน้าเมื่อครู่

 “ย..ยังหรอก... ฉันรอไปดินเนอร์กับนายอยู่...”

 “คุณจะไปดินเนอร์ชุดกัปตันนี่น่ะหรือครับ?” ทิมมี่ถามหน้ายิ้มๆ

 “ทำไมล่ะ? ไม่เท่เหรอ? นึกว่านายจะชอบเสียอีก” คำพูดของกัปตันหนุ่ม ทำเอาหนุ่มหน้าขาวยืนทำหน้าไม่ถูก...พลางพยายามคิดว่า คงไม่มีความหมายอะไรพิเศษในคำพูดนั้นหรอกมั้ง...

 “หึ... ผมว่าคุณน่าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก็ยังดีนะครับ ดูคุณเพลียๆยังไงไม่รู้...”

 “อืม...ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ ..รอฉันแปบเดียวนะ”

 “..........................เอ่อ.............เดี๋ยวครับ...คุณลูคัส..” ทิมมี่เรียกเขาไว้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินตรงมาเพื่อเข้าไปในห้อง

 “มีอะไรเหรอ?...” กัปตันหนุ่มถามพลางสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของทิมมี่ในเวลานี้...

 “......ผมอยากจะรู้ว่า.......ทำไม.......คุณถึงคิด...ที่จะกลับไปคบกับพี่สาวผมอีก...” กัปตันหนุ่มได้ยินคำถามนั้น ภายในใจเขารู้สึกชะงักไปมากทีเดียว แต่บนสีหน้ากลับข่มความรู้สึกและความจริงบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ในเวลานี้ได้อย่างดีจนหนุ่มหน้าหยกตรงหน้ามิอาจคาดเดาได้เลยว่าเขาทำแบบนี้ เพราะทำด้วยความสำนึกผิด หรือทำเพราะความเต็มใจ.. หรือเพราะทำเพื่ออื่นใดกันแน่!?

 “ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกทิมมี่.... ฉัน....แค่อยากจะทำอะไรเพื่อน้องสาวของนายได้บ้าง...” ทิมมี่ฟังแล้วรู้สึกไม่เคลียร์..'งึ่กๆงั่กๆ



            ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 26-09-2011 18:25:33
FLIGHT 12 : เทวาปะทะ



             
 “ทำอะไรเพื่อน้องสาวผม?... หมายถึง... การที่กลับไปคบกับเทเลอร์อีกครั้งน่ะหรือ?...” กัปตันลูคัสได้ยินคำถาม ชายหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะพยักหน้าตอบ

 “ก็..ใช่น่ะสิ...”

 “....เอ่อ... ผมไม่คิดมาก่อนว่า...... เทเลอร์จะ...อยากจะกลับไปคบกับคุณนะ...” คำพูดของชายหนุ่มทำเอากัปตันลูคัสหันกลับไปมองอย่างอึ้งๆในขณะที่ทิมมี่รีบแสดงสีหน้าปฏิเสธ

 “ค..คือ ผมไม่ได้จะพูดให้คุณรู้สึกไม่ดีหรอกนะ...แต่ผมเพียงสงสัยว่า.....อันที่จริง... ความสุขของเทเลอร์ก็คือคุณ... แต่ผมไม่คิดว่า...การที่คุณจะกลับไปคืนดีกับน้องสาวของผม... เอ่อ... พูดตามตรงนะความรู้สึกของผมมันกำลังสงสัยว่า..... คุณ....กลับมาเพราะรักน้องสาวของผมจริงๆ.... หรือว่าคุณคิดเพียงสงสารเทเลอร์กันแน่....” คำพูดของทิมมี่ยังทำให้กัปตันหนุ่มยืนอึ้งอย่างนิ่งอยู่อย่างนั้น... ความรู้สึกของกัปตันนั้น ไม่ได้ดีไปกว่าใครอื่นเลยในเวลานี้ หากมันเป็นความอึดอัดกับเรื่องบางเรื่อง ที่เขาไม่สามารถจะบอกทิมมี่ได้ในเวลาเช่นนี้..หากเป็นเพราะว่า... เทเลอร์... ได้ขอร้องกับเขาเอาไว้...

 “คือ... ฉัน.... ฉันรักน้องสาวของนายจริงๆ...มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก...อีกอย่าง... ฉันก็ได้ทำตามที่นายเสนอมาแล้ว... ฉันบอกวีว่า เลอคอติสแล้ว ว่าอย่าเข้ามายุ่งกับฉันและเทเลอร์อีก... ถึงยังไงต่อจากนี้... ฉันก็จะไม่รักใคร....นอกจากเทเลอร์อีกแล้ว...” กัปตันลูคัสเหมือนจะพูดน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น หากแต่สายตาของเขาระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่นั้นกลับหรุบตาลงต่ำราวกับไม่กล้าจะสบตาทิมมี่ที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่อย่างจับผิดก็ไม่ปาน

 “...อืม... ถ้าผมเป็นคนขี้สงสัยจนทำให้คุณรำคาญล่ะก็..ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะ... คือ...ผมก็แค่เป็นห่วงน้องสาวของผมก็เท่านั้น.... ผมไม่อยากให้เธอเสียใจอีก”

 “...อืม.. ฉันเข้าใจนาย... ฉันไม่ได้รำคาญหรอก....แค่ฉันอยากจะ....” กัปตันลูคัส มองใบหน้าขาวของคนตรงหน้า...แล้วรู้สึกหวั่นไหวประหลาดเสียไม่ได้.. ความลับที่เขาปิดบังอยู่มันช่างอึดอัดจนเกิดความรู้สึกทรมานต่อจิตใจและความรู้สึกของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น...หากแต่เวลาต่อจากนี้ มันก็ยังไม่ใช่เวลาสมควรที่เขาจะพูดบอกความจริงให้กับทิมมี่ได้รับรู้เช่นเดียวกัน

 “ฉันแค่อยากจะทำเพื่อเทเลอร์...... แล้วก็...ที่สำคัญที่สุด......” กัปตันหนุ่มหันหลังให้ทิมมี่..ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้องนั้น... เขาได้ทิ้งคำพูดคำหนึ่งเอาไว้ให้ทิมมี่ยิ่งทวีความไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก... ด้วยคำพูดที่ว่า...


 “ฉัน...อยากจะทำเพื่อ...นาย..” แม้ความรู้สึกมากมายที่ทิมมี่ยังคงค้างคากับคำพูดเหล่านั้น แต่ในเมื่อกัปตันหนุ่มกลับตัวกลับใจมายืนอยู่ใกล้ๆให้เขารู้สึกไว้ใจได้ในยามนี้ ทิมมี่...ก็พยายามคิดว่าพอควรแล้วที่เขาจะตื๊อถามในสิ่งที่ดูน่ารำคาญใจต่อเขา...




-ภัตตาคารไฮแกรนด์ ภายในโรงแรมโลแกน ชั้น 2F-



เทลิซ่ากำลังเดินจ้ำอ้าวตรงไปที่ภัตตาคารหรูหราตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงประตูห้องอาหารดี เธอก็ชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินมาอีกทางหนึ่งด้วยความไม่ทันระวังเช่นเดียวกัน ทั้งคู่หันไปขอโทษกัน พลางตกใจเล็กๆ ที่เหมือนกับเจอคนที่รู้จัก... แน่ล่ะ... ทำงานอยู่ด้วยกันอีกต่างหาก


 “หิวมากเลยเหรอเธอ?” บอกไม่ถูกว่าคำถามจาก “เควิน” นั้นมันจะหมายความไปในทางดีหรือทางยั่วอารมณ์กันแน่ เทลิซ่าชักสีหน้าหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมจนทำเอาชายหนุ่มทำหน้ากวนประสาทอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีก

 “ไม่ได้หิวมาก! แต่รำคาญคน!” เทลิซ่าพูดโยนน้ำเสียงใส่หน้าชายหนุ่ม จนเควินตอบรับสีหน้าเหวอๆ

 “รำคาญคน?... ทำไมเหรอ เจอคนโรคจิตข้างห้องหรือไง?” เทลิซ่าหันไปมองด้านหลัง ก่อนที่จะเบะปากด้วยความหมันไส้ใครบางคนที่กำลังเดินตามหล่อนมา

 “ไม่ใช่ข้างห้องหรอกย่ะ! อยู่ในห้องฉันเลยมากกว่า!” เทลิซ่าพูดจาตอบโต้รุ่นพี่ได้อย่างเป็นกันเองมากทีเดียวขณะที่เควินนั้นยังทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเดินตรงหน้า เขาก็อ้าปากค้าง...เมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินย้ายสะโพกเข้ามา... พร้อมกับลีล่าท่วงท่าการเดินที่บาดจิตบาดใจชายหนุ่มน้อยใหญ่เป็นไม่น้อย!


ชุดแซกท์หรูสีแดงแสบลูกหูลูกตา ทำเอาเควินตื่นตะลึงกับความใจกล้าของชอริต้า แซดเลอร์! ที่กล้าใส่ชุดที่คว้านหน้าอกลึกจนเห็นร่องและอกขาวอวบอิ่ม..คอคว้านลึกรูปตัววี ทำให้ใครก็ตามที่เห็นหล่อนต้องรับรู้และยกย่องให้หล่อนเป็นสาวใจกล้าแห่งปี หากเมื่อหล่อนไม่ได้ใส่ซับในหรือยกทรงใดๆปกปิดปทุมถันเลยแม้แต่น้อย และแน่นอน...ต่อให้ชุดแซกท์หนาขนาดไหน...การที่ไม่ใส่บราและไร้ฝาผิดจุก ก็มักจะเผยให้เห็นรอยนูนของอะไรบางอย่าง ปรากฏอยู่ให้คนตรงหน้ามองอย่างตะลึงตึงๆกันไปทีเดียว


 “...โอย... พระเจ้าช่วย... แม่คุณเอ๊ย!” เควินมองตามหญิงสาวทีเดินสวน และสะบัดลอนผมเข้าไปในร้าน... บริกรหนุ่มที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับหันกลับมามองจนเดินชนกันอลหม่านภายในร้าน... แต่กลับมีความรู้สึกพยาบาทจากใครบางคน ที่กำลังยืนครุ่นคิดอยู่หน้าร้าน ณ ขณะนี้ว่า... เธอสมควรจะเข้าไปร่วมดินเนอร์ภายในร้านๆนี้ด้วยหรือไม่...

 “ฮึ่ย! นังนี่มันน่าจะไปเป็นนางนั่งตู้จริงๆ!” เทลิซ่าสรรเสริญ

 “ฮ..ฮะ?...” เควินทำเสียงทวนอย่างฟังไม่ได้ศัพท์

 “โอ๊ย! หมดอารมณ์จะกินอะไรแล้วเนี่ย!”

 “เอ๋า??... แล้วไปอิจฉาเค้าทำไมล่ะ ... เธอก็ใส่มาแข่งกับเขาก็ได้นี่?” เควินเสนอหน้าหยอกเย้า แต่กลับได้รับสายตาตอบรับที่น่าสะพรึงจากเทลิซ่าจนชายหนุ่มร้อง ...อูย... ออกมาอย่างเสียวไส้

 “เอาเถอะน่า! นี่อย่าบอกนะว่าจะไปกินร้านอื่นน่ะ?... จะหาที่อื่นกินทำไมให้เปลืองงบฮะ? เอาค่าชั่วโมงบินไปช้อปปิ้งอย่างอื่นจะดีกว่าน่ะ...เรื่องกินเรื่องเล็ก ในโควตาฟรีๆไม่มีใครเค้าปฏิเสธกันหรอก...น่า! มาเหอะ!” เควินถือวิสาสาะเอามือไปพาดไหล่หญิงสาวแล้วพาเดินเข้ามาจนเทลิซ่าสะดุ้งและผลักออกอย่างหงุดหงิด

 “เดินเองได้เว่ย!” เทลิซ่าเดินนำเข้าไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ขณะเดียวกันเควินได้แต่ยืนมองตามไปอย่างยิ้มๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงที่นิสัยเป็นเด็กขี้หมันไส้คนอื่นอย่างนี้เข้ามาเป็นนางฟ้าเหมือนกับคนอื่นๆได้อย่างไร



              ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




“ว้าว... คุณเห็นอะไรนั่นมั้ย?...” ทิมมี่กล่าวหน้ายิ้มๆขณะที่เขากับกัปตันหนุ่มเพิ่งเดินเข้ามาภายในภัตตาคาร และเพิ่งจะลงนั่งบนโต๊ะอาหารสำหรับสี่ที่ แต่ทว่า..เขาก็มากันแค่สองคน... กัปตันหนุ่มหันไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นสายตาของทิมมี่มองไปที่ใครบางคนซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของกัปตันหนุ่ม

 “.....อ....อะ....” กัปตันหนุ่มพูดไม่ออกกันไปเลยทีเดียว เมื่อสายตาของเขาไปสะดุดอยู่ที่เรือนร่างอันอวบอิ่มและหน้าอกมหึมาไซส์ของใครบางคนที่กำลังเดินย้ายสะโพกสลาตันตรงมาที่เขา กัปตันลูคัสรีบหันกลับมาทางทิมมี่พร้อมกับพยายามคลี่สีหน้าตะลึงงันของตัวเองให้หลุดพ้นออกไป หากแต่ดูเหมือนว่ามันช่างยากนักหากคิดจะทำเช่นนั้นโดยกะทันหันในยามนี้

 “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ... กัปตันลูคัส” เสียงยั่วของนางฟ้ายั่วสวาททำเอากัปตันหนุ่มใจเต้นแรงราวกับจิตใจเดิมที่แข็งแกร่งอ่อนยวบลงไปเพราะแรงเสน่ห์ของชอริต้า ขณะที่ทิมมี่ได้แอบนั่งอมยิ้มอย่างลุ้นๆว่ากัปตันหนุ่มจะมีทีท่าหลีกเลี่ยงและทำตามคำสัญญาที่กัปตันหนุ่มให้กับเขาและเทเลอร์เอาไว้ได้หรือไม่...

 “...อ...เอ่อ...คือผมว่า...” ยังไม่ทันที่กัปตันหนุ่มจะหาคำพูดปฏิเสธใดใด แต่ทิมมี่กลับผายมือไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆของกัปตันแล้วยิ้มให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตร

 “เชิญเลยครับคุณชอริต้า” ทิมมี่เชื้อเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ชอริต้ายิ้มตอบอย่างไม่เกรงใจ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆกัปตันหนุ่ม ที่นึกว่าทิมมี่อยู่ในใจในเวลานี้

 “ไม่ทราบว่ากัปตันสั่งอาหารหรือยังคะ ชอริต้าสั่งให้ดีมั้ยคะ?” หญิงสาวเริ่มรุกก่อนอย่างไม่ได้สังเกตสีหน้าของกัปตันลูคัสเลยว่าต้องการให้หล่อนช่วยเหลือหรือไม่

 “ยังไม่ได้สั่งครับ... แต่ผมคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก... เอ่อ...ทิมมี่ นายสั่งให้ฉันทีสิ...” หนุ่มหน้าขาวชะงักอึ้ง พลางมองสมุดเมนูที่ถูกโยนมาตรงหน้าจากฝ่ามือและสีหน้าอันไม่สบอารมณ์ของกัปตันหนุ่ม ...และก็เกิดเสียง “เพล้ง” เล็กน้อยบนใบหน้าของชอริต้า แซดเลอร์

 “อ...เอ่อ...ค..คือ... ให้ดิฉันสั่งให้ดีกว่ามั้ยคะ” หล่อนยังไม่เลิกวุ่นวายจนกัปตันหนุ่มต้องหันมามองด้วยสายตาแห่งความสุนทรีย์... (ซึ่งมันตรงกันข้ามต่างหาก) ชอริต้าเลยต้องยิ้มเจื่อนไป แล้วเปิดดูเมนูอาหารในมือตัวเองขณะที่กัปตันหนุ่มหันไปมองทิมมี่ด้วยสายตาหงุดหงิด

 “เอ้า...สั่งให้ฉันหน่อยสิ! นายเป็นคนเดียวที่รู้...ว่าฉันชอบอะไร....และไม่ชอบอะไร!” ทิมมี่อึ้งกับสีหน้าจริงจังของกัปตันหนุ่มพลางอดทึ่งไม่ได้ว่า... กัปตันหนุ่มผู้ที่ไม่อาจปฏิเสธเสน่ห์ร้อนจากหญิงสาวคนไหนได้ แต่กลับแสดงความอดทนจนเหงื่อซิบๆอยู่บนขมับให้เขาได้เห็น...และความรู้สึกดังกล่าวที่ทิมมี่กำลังประมวลพิจารณาการกระทำของกัปตันลูคัสในเวลานี้ ก็ทำให้ทิมมี่ต้องระงับอารมณ์ขันของตัวเอง เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าเสียมิได้
                         
                           

 ปึ้ง!!


 “เฮ้ย!! ทำบ้าอะไรของแกวะเนี่ย!!” เสียงดังจากมุมหนึ่งของโต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุดของร้าน... ทิมมี่ กัปตันลูคัส และชอริต้ารวมถึงบริกรที่กำลังยืนจดเมนูต่างหันไปมองที่ต้นเสียงบริเวณโต๊ะๆนั้นด้วยความตกใจ เสียงตะเบงเข้มนั้นเป็นเสียงของเควิน... และสถานการณ์ในตอนนั้นก็มีผู้ร่วมเหตุการณ์ร้อนนั้นด้วยอย่างเทลิซ่า และต้นเหตุของเรื่องอย่าง...บาเรลล์ คลูเซอร์...


เทลิซ่าเดินไปยืนอยู่หลังเควินบนโต๊ะอาหารที่เลอะเทอะไปด้วยมื้อค่ำที่ถูกเหวี่ยงเละอยู่กลางโต๊ะจากฝีมือของบาเรลล์ ที่กระแทกฝ่ามือลงไปที่จานกระเบื้องเหล่านั้นอย่างไม่พอใจกับเรื่องอะไรบางอย่าง... ทิมมี่ทำหน้าที่พี่ชายได้ดี เขาตรงไปที่เทลิซ่า พร้อมๆกับกัปตันลูคัสและชอริต้ารวมถึงเหล่าผู้ที่เพิ่งจะลงมาอย่างคุณโรสรอยด์ โรเจอร์ และคนอื่นๆ ก็รีบกรูเข้าไปดูเหตุการณ์ทั้งๆที่ยังไม่มีโต๊ะนั่งเป็นหลักเป็นแหล่งทันที


 “เกิดอะไรขึ้น!!” กัปตันลูคัสถามเสียงแข็ง เมื่อมองเห็นสีหน้าเย่อหยิ่งและจองหองของบาเรลล์ คลูเซอร์ ... สจ๊วตหนุ่มผู้ที่ลอยมาเหนือใคร วางมือชันโต๊ะ ยืนท่ากวนประสาท...ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า คนอย่างเขาจะได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้เหมือนคนอื่นๆ


 “อยากมีปัญหากับฉันรึไง... ไอ้กัปตัน” คำพูดอันหมิ่นเกียรติพาให้ทุกคนได้แต่ยืนอึ้งตะลึงไป... แม้แต่คุณโรสรอยด์ก็ยังทำอะไรไม่ถูก แม้ชอริต้ากับโรเจอร์จะหันไปมองเพอร์เซอร์ของตัวเองอย่างต้องการความช่วยเหลือ


 “..ค..คือ..จ..จ..จ..ใจเย็นๆก่อนนะจ้ะ...ค..คุณบาเรลล์...ก..กัปตันลู..คัส!” นั่นคือคำพูดสั่นอันหวั่นวิตกของหล่อน ที่หล่อนพอจะทำได้ในเวลานี้


 “เกิดอะไรขึ้นหรือไง...” กัปตันหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ และหันไปถามเควินและเทลิซ่า... นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เควินรู้สึกดีต่อกัปตันลูคัส เพราะปรกติเมื่อเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนแบบนี้ให้เกิดก็ตาม..... กัปตันลูคัสมักจะเลี่ยงและไม่อยากเข้ามาช่วยเหลือสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเควิน ได้มองเขาในทางที่ดีขึ้นบ้าง ขณะที่เทลิซ่ายืนมองเควินอย่างหงุดหงิด ที่มัวแต่นิ่งนานไม่ยอมตอบ หล่อนจึงตอบแทน

 “ก็ตาสจ๊วตกวนประสาทคนนี้น่ะสิ! อยู่ๆก็เข้ามาชวนดิฉันให้ดิฉันไปนั่งโต๊ะด้วย .... ดิฉันไม่อยากไปนั่ง เพราะสั่งอาหารมาแล้ว และอีกอย่าง... ดิฉันก็นั่งอยู่กับเควินแล้วก็ไม่คิดจะลุกไปไหน.... อยู่ๆตานี่ก็โมโหแล้วก็เขวี้ยงจานขนมปังมาตรงหน้าเควิน ดูสิ! เสื้อเขาเลอะเทอะหมดเลย! สจ๊วตอะไร~! นิสัยเถื่อนเป็นบ้า!! คนอย่างนายน่าจะไปเป็นบ๋อยในผับโกโรโกโสมากกว่านะไอ้เง่า!” คำพูดของเทลิซ่าที่เริ่มแรงขึ้นในช่วงท้าย พาให้คนที่รู้ชะตากรรมดีอย่างคุณโรสรอยด์ ใจเต้นเป็นเพลงตะลึงตึงๆ หากแต่คนอื่นๆก็แอบยิ้มอย่างสะใจ...ทิมมี่กระชากข้อศอกของน้องสาวเบาๆราวกับเตือนให้สงบสติอารมณ์ กัปตันลูคัส ปะทะสายตากับบาเรลล์ คลูเซอร์...ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าดูแคลน จนพาให้บาเรลล์กำหมัดแน่น

 “จริงอย่างที่เธอว่านั่นแหล่ะ...... คนอย่างนายไม่เห็นจะมีคุณสมบัติของสจ๊วตที่ดีเลย... นายน่าจะไปเป็นสจ๊วตล้างจานอยู่ตามผับบาร์มากกว่า...” เกิดเสียงขำขันในวงสจ๊วตและแอร์โฮสเตสคนอื่นๆ คุณโรสรอยด์หันไปทำหน้าเหวอใส่กัปตันลูคัส   ผู้ที่ไม่สนใจกว่าใครจะใหญ่มาจากไหน...ทิมมี่รู้สึกอึ้งและทึ่งกับคำพูดของเขารวมถึงชอริต้าที่ยืนยิ้มและกระดิกคิ้วใส่บาเรลล์อย่างสะใจราวกับพอใจที่ดาร์ลิ่ง(อ้างโดยพลการ)ของตัวเองแสดงท่าทีออกมาได้อย่างสุดเท่ห์ยิ่งนัก


แต่ทว่า...เมื่อสิ้นสุดคำพูดของกัปตันหนุ่มได้ไม่นาน...บาเรลล์ ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของกัปตันหนุ่มผู้มีตำแหน่งสูงกว่า... หากแต่สจ๊วตหนุ่มไม่กลัวกฏระเบียบใดใดของสายการบินนักหรอก หากเพราะผู้เป็นพ่อถือหุ้นส่วนอยู่ในสายการบินเป็นถึงลำดับสาม และเขาก็คิดเสมอว่าจะไม่มีวันที่ใครจะสามารถสั่งปลดหรือแม้แต่จะสั่งพักงานแก่เขาได้

 “คิดจะมีเรื่องเหรอไงวะ! ไอ้กัปตัน!!” เสียงแหบกร้าวของบาเรลล์ ท้าทายสายตาที่เรียบนิ่งไร้ความสะทกสะท้านของกัปตันลูคัส และเมื่อกัปตันหนุ่มได้ยินคำท้าทายเช่นนั้น...สิ่งที่เขาอดกลั้นเอาไว้นาน... ในที่สุด มันก็ล้นทะลักออกมาด้วยหมัดหนาที่เต็มเหนี่ยว กระแทกลงบนใบหน้าของบาเรลล์อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ปั๊ก”!! ท่ามกลางทุกสายตาในภัตตาคารสุดหรู...


ทิมมี่อึ้ง... แต่สติของเขายังคงมี หนุ่มหน้าขาวตรงไปคว้าแขนของกัปตันหนุ่มเอาไว้แล้วทำทีจะลากออกมาจากบรรยากาศที่แสนจะสุดทนตรงหน้า...แต่ทว่า บาเรลล์ คลูเซอร์ ที่ถูกต่อยจนยืนเซนั้นไม่ได้คิดที่จะยอมให้กัปตันหนุ่มโจมตีเขาเพียงฝ่ายเดียว...ร่างของบาเรลล์โถมเข้ามาทางกัปตันลูคัสอีกครั้ง... แต่ทว่า... หมัดของสจ๊วตหนุ่มผู้ทะนงตนกลับพุ่งเข้าใส่ถูกที่ใบหน้าขาวของทิมมี่ที่กำลังยืนขวางอยู่ในเวลานั้นเสียได้!! กัปตันลูคัส... มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ... ทิมมี่ชะงักอึ้งเมื่อถูกต่อยเป็นครั้งแรกในชีวิต.. ใช่ ...คนอย่างเขาไม่เคยมีปัญหาหรือสร้างศัตรูให้แก่ตัวเอง... ฉะนั้น หมัดนี้จากบาเรลล์...จึงเป็นหมัดแรกที่ผิดพลาด แต่กลับสร้างความรู้สึกเจ็บและชา จนไม่ช้าน้ำสีแดงก็ปรากฏอยู่ที่มุมปากของทิมมี่ ...ท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึงของกัปตันลูคัส ... และโรเจอร์!


 “คุณทิมมี่!!”โรเจอร์วิ่งถลาเข้ามา ชนชอริต้าเกือบหงาย...พลางประคองทิมมี่ที่ยืนกุมปากอย่างตะลึงและทำหน้าไม่ถูก ขณะที่กัปตันลูคัส หันกลับไปที่บาเรลล์อีกครั้ง...... และ....


พลั่ก!!! พลั่ก!!! พลั่ก!!!



โครม~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!



....ใช่......





ครั้งนี้... เขาไม่ยั้งเลยทีเดียว



  ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.



 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 26-09-2011 18:37:24
น่านนนน  ทิมมี่เจ้าเสน่ห์จริงๆ  หุหุ

แล้วลูคัสจะทำยังไงเนี่ย  +1  ให้น้าาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-09-2011 21:11:03
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

เทวดา ในคราบซาตาน
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 26-09-2011 21:38:11
อ่านทีเดียวยาวเลยยยยย สนุกมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 10-12 [26/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 26-09-2011 22:41:21
เอาให้แรงแบบหยอดน้ำข้าวต้มไปเลยค่าท่านกัปตัน

บังอาจมาชกจิมมี่ของเค้า

ตายๆๆๆ  ตายเสียเถอะ  ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  (โดนถีบแถมตื๊บๆๆๆ)    :m31:    :m31:   :m31:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 27-09-2011 14:43:33

FLIGHT 13 : ความเจ็บปวด




เหล่าผู้จัดการร้านและบริกรชายบางส่วนเข้ามาระงับเหตุการณ์เอาไว้ ร่างของกัปตันลูคัสถูกดึงออกห่างจากบาเรลล์ ซึ่งในขณะที่สจ๊วตผู้ทะนงตัวกลับยิ่งเดือดพล่านจะตรงเข้าไปซัดกัปตันหนุ่มคืน แต่ทว่าทั้งคู่ก็ถูกลากออกจากกันและบาเรลล์ก็ถูกคุมตัวออกจากห้องอาหารไป.. กัปตันลูคัสสะบัดตัวหลุดออกจากแขนบริกรสองนายที่เข้ามาดึงร่างเข้าไว้ก่อนหน้านี้พลันยังคงมองไปที่บาเรลล์ที่กำลังโดนหามออกไปด้วยสายตาแห่งความขุ่นเคืองในอารมณ์ ก่อนที่เขาจะรีบหันกลับมาที่ทิมมี่ที่ในเวลานี้กำลังถูกโรเจอร์เดินนำออกไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน... ขณะที่คุณโรสรอยด์พยายามดมยาน้ำในขวดเล็กที่โชคดีที่หล่อนได้พกติดตัวเอาไว้ ก่อนที่จะบอกกับกัปตันหนุ่มถึงชะตากรรมต่อไปของเขา...


 “คุณรู้ตัวมั้ยคุณลูคัส... ต่อจากนี้ไปคุณจะต้องเจอกับอะไร!” คุณโรสรอยด์พูดไป พลางดมยาดมยัดเต็มร่องจมูก

 “....หึ.... ผมไม่สนหรอก....”

 “จ้า....ถึงไม่สนก็เถอะนะ....แต่คุณจะต้องเสียค่าชั่วโมงบินขาดรายได้หลายหมื่นยูโรเลยทีเดียว คุณรู้มั้ย... คุณอาจจะถูกพักงานร่วมอาทิตย์ หรือหากโชคร้ายมากกว่านั้น... อาจจะร่วมเดือนทีเดียว....ฟืด~ (เสียงสูดยาดม)”

 “....หึ...” กัปตันหนุ่มนึกหัวเราะให้กับตัวเองก่อนที่จะหันไปทางทิมมี่ที่เดินไกลออกไป และเขาก็ทำทีว่าจะเดินตามไปด้วย..
และอีกคนหนึ่งเมื่อเห็นดังนั้นก็รวดเร็วว่องไวไม่แพ้กัน... คนๆนั้นก็คือ ชอริต้า แซดเลอร์นั่นเอง หล่อนทำทีจะรีบตามกัปตันหนุ่มไปอย่างไม่ยอมเลิกรา แต่แล้ว....หล่อนก็พลาด ได้อย่างน่าอับอายยิ่งนัก... เนื่องจากฝีเท้าบนรองเท้าส้นสูงของตัวเองขณะที่กำลังเดินเชิดออกไปไม่ถึงเสี้ยววินาที หล่อนก็ถูกฝีเท้าของเทลิซ่าสกัดดาวรุ่งจนหล่อนล้มหน้าทิ่ม หน้าอกกระแทกพื้นดัง “บึ้บ!” จนทำเอาเควินและหนุ่มลูกเรือรายอื่นๆ พากันทำหน้าสยองเพราะกลัวบางสิ่งที่ล้มลงไปกระแทกกับพื้นนั้น แตกกระจายให้พวกเขาได้ยลเห็น...



              ++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




-คฤหาสน์ดรอว์เยอร์ 22.00น. วันเดียวกัน-



เอ็มม่า เดินขึ้นมาจากห้องครัวด้านล่างพร้อมกับถาดในมือซึ่งมีแก้วนมอุ่นๆ ซึ่งหล่อนจะนำมาให้เทเลอร์ดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพเป็นประจำทุกค่ำคืน... แต่ทันใดที่หล่อนกำลังจะเดินไปถึงที่หน้าห้องของเทเลอร์นั้น





เพล้~~~~~~~~~~~~งงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!




เอ็มม่าสะดุ้งตกใจกับเสียงอะไรบางอย่างที่หล่นแตกหล่อนมองตรงหน้าตัวเอง พลางคิดว่าหล่อนไม่ได้ทำแก้วหล่นแตกเสียหน่อย! แต่ทว่า.. เสียงนั้น มันดังมาจากห้องเทเลอร์ที่อยู่ข้างหน้า


“คุณหนู!” เอ็มม่าเริ่มใจคอไม่ดี หล่อนรีบวิ่งตรงไปที่หน้าห้องพลางหันไปวางถาดนมลงที่โต๊ะโชว์รูปที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ก่อนที่หล่อนจะทุบประตูเสียงดังหลายต่อหลายครั้ง

 “คุณหนู!! คุณหนูเทเลอร์!! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ!!” เอ็มม่าไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากหญิงสาวพลันใจคอไม่ดี... เทลิซ่ากับทิมมี่ก็ไม่อยู่บ้านเสียด้วยคืนนี้ หล่อนเริ่มวิตกจริต ก่อนที่เวลาจะผ่านไปเกือบสามนาที หล่อนถึงตัดสินใจลงไปหยิบพวงกุญแจซึ่งมีกุญแจทุกห้องในบ้านหลังนี้ขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในห้องของเทเลอร์ และทันทีที่หล่อนเข้าไปถึงด้านใน... เอ็มม่าทำตาเบิกโพลง กรีดร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ! เมื่อเห็นร่างของเทเลอร์ นอนหมดสติอยู่กับพื้น... และรอบๆตัวของเธอก็มีเศษกระจกและเศษแก้ว ที่แตกมาจากกรอบรูปขนาดใหญ่ ซึ่งมันเป็นรูปของสามพี่น้องตระกูลดรอว์เยอร์ของเธอนั่นเอง

 “คุณเทเลอร์!! คุณหนูคะ!! เป็นอะไรไปคะ!! ตายจริง!! โทรศัพท์! โทรศัพท์!” เอ็มม่าตั้งสติได้ก็รีบไปกดโทรศัพท์เพื่อเรียกรถพยาบาลทันที... พลางสีหน้าของหล่อนดูตื่นตระหนกมากราวกับตัวหล่อนเอง... ก็รู้ดีเช่นกัน... ว่าเทเลอร์นั้นกำลังประสบอยู่กับ “โรค” อะไร...


           





-ห้องพักของทิมมี่และกัปตันลูคัส-


 “โอ๊ย~!!” ทิมมี่สะดุ้งเฮือก เมื่อถูกสำลีกดลงที่แผลริมฝีปากซึ่งบุรุษพยาบาลจำเป็นในเวลานี้ ก็คือโรเจอร์ ซินแคลร์นั่นเอง... ทิมมี่รู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่าง หากแต่ลางนั้นมันไม่ได้เกี่ยวเนื่องอะไรกับเหตุการณ์ที่เขาถูกต่อยเมื่อครู่นี้เลยสักนิดเดียว

 “จ..เจ็บมากมั้ยครับ” โรเจอร์พลอยทำหน้าถอดสีไปด้วย

 “ป...เปล่าหรอกครับ ไม่เป็นไร... ค..คือ...”

 “คืออะไรหรือครับ?” โรเจอร์ยังไม่คลายความกังวล

 “....ผม...เป็นห่วง... น้องสาวน่ะครับ” ไม่รู้สังหรณ์แปลกๆนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมเขาต้องนึกถึงใบหน้าของเทเลอร์ยามนี้ด้วย

 “เจ้าหมอนั่นเถื่อนสิ้นดีเลยนะครับ... คราวหลัง คุณทิมมี่อย่าเข้าไปใกล้หมอนั่นอีกนะครับ” ทิมมี่ยิ้มแห้งๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่โรเจอร์กลับยิ้มให้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยประหลาด ซึ่งทิมมี่นั้นก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆพิกลกับท่าทางและท่าทีของชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้า

 “...ก...ก็ไม่ได้อยากเข้าไปใกล้เขาหรอกนะ...ต..แต่มันคงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆนั่นแหล่ะ” ทิมมี่ว่า

 “แต่ผมว่า...เพราะคุณทิมมี่เข้าไปช่วยคุณลูคัสเอาไว้ต่างหากคุณทิมมี่ถึงถูกต่อยเอาแบบนี้.. ผมว่าคนๆนั้นน่ะ คุณอยู่ใกล้ๆแล้วอาจจะมีปัญหาก็ได้นะครับ.... ผมดูเหมือนเขาเป็นคนที่ใจร้อนมากๆคนหนึ่งทีเดียว คนที่จะเป็นกัปตันได้ดีน่ะเท่าที่ผมรู้มา ต้องเป็นคนที่ใจเย็นเอามากๆเลยนะครับ...ดูอย่างตอนที่คุณทิมมี่โดนต่อยสิ... คุณลูคัสหันกลับไปซัดหมอนั่นราวกับคนเสียสติไปเลยนะครับ” โรเจอร์ได้ทีสรรเสริญกัปตันหนุ่มยกใหญ่พาให้ทิมมี่นั่งฟังหน้าแห้งไปอย่างคิดตาม แต่ก็ยังไม่ทันที่จะคิดไปได้ไกลเท่าไหร่นัก...เสียงประตูก็ดังขึ้นเมื่อใครบางคนเปิดเข้ามา..พร้อมพาสีหน้าไม่สบอารมณ์ตามเข้ามาบนใบหน้าคมสันนั้นด้วย...

 “รู้ไว้นะไอ้หนุ่ม.... กัปตันน่ะ...เค้าไม่จำเป็นที่จะต้องใจเย็นให้กับคนพรรค์นั้นหรอก... แต่ถ้าหากนายยังจะดึงดันและคิดว่าคนที่เป็นกัปตันจะต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ตามที่นายคิดหรือต้องการล่ะก็...เกิดชาติหน้าเมื่อไหร่ แล้วนายค่อยมาเป็นกัปตันเองก็แล้วกัน... แต่ฉันคิดว่าชาตินี้ นายคงไม่มีคุณสมบัตินั้นหรอก... และอาจจะดูแย่กว่าฉันอีกด้วย..” นั่นคือคำพูดของกัปตันหนุ่มที่กล่าวต่อโรเจอร์ ผู้ที่กำลังมีสีหน้าตะลึงงันอยู่ในเวลานี้... และทิมมี่ก็เช่นกัน

 “นายยังไม่ได้ทานอะไรไม่ใช่เหรอไง...ลงไปทำเรื่องส่วนตัวตามสบายเถอะ” กัปตันหนุ่มไล่อย่างสุภาพ

 “แต่ผมยังทำแผลให้คุณทิมมี่ไม่เสร็จ”

 “ไม่จำเป็น!... ฉัน...ทำ...เอง!” กัปตันหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วเอียงศีรษะไปทางด้านหลังเล็กน้อย ราวกับจะบอกให้เขาออกไป..ซึ่งการกระทำและคำพูดดังกล่าวสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองให้กับโรเจอร์เป็นอย่างมาก แต่แล้ว..เขาก็ต้องลุกออกไป และยิ้มให้กับทิมมี่บางๆ ก่อนที่จะเดินสวนกัปตันหนุ่มออกมาด้วยสีหน้าที่ปะทะกันด้วยความไม่สบอารมณ์ กัปตันลูคัสปิดประตูห้องแล้วล็อคลงกลอนราวกับจะไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวนเขาอีก...กัปตันหนุ่มเดินลูบใบหน้าขึ้นไปถึงหน้าผากและเส้นผมก่อนที่จะถอนใจออกมาแล้วเดินมานั่งตรงหน้าทิมมี่

 “ไง... เจ็บมากมั้ยเราน่ะ...” กัปตันหนุ่มถามด้วยสายตาและสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาพยายามข่มความหงุดหงิดจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้เอาไว้ และกลับกลายมาเป็นสีหน้าเย็นลงเมื่ออยู่สองคนระหว่างเขากับทิมมี่

 “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ...แค่ที่คุณเห็นว่าผมนิ่งไปตอนนั้น...อาจจะเป็นเพราะผมอึ้งมากกว่า..เนี่ย.. ครั้งแรกในชีวิตผมเลยนะที่ถูกต่อย ฮะฮะฮะ... มันรู้สึกอย่างนี้นี่เอง” ทิมมี่พูดแล้วหัวเราะไปเพราะทำอารมณ์ไม่ถูก

 “มา... เดี๋ยวฉันทำแผลให้”

 “อ...เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณโรเจอร์ล้างแผลให้แล้ว เหลือแค่แปะพลาสเตอร์หน่อยเดียวก็โอเค.แล้ว”

 “ไม่ต้อง... ฉันทำเอง นายทำไม่ถนัดหรอกน่า”

 “แต่....” ยังไม่ทันที่ทิมมี่จะพูดปฏิเสธต่อไป...มืออุ่นของกัปตันหนุ่ม ก็ยื่นมาจับปลายคางของชายหนุ่มหน้าขาวเอาไว้เบาๆ แล้วยกใบหน้าของทิมมี่ให้เชิดขึ้นเล็กน้อย...ก่อนที่จะมองรอยช้ำบนริมฝีปากนั้นด้วยสายตาที่นิ่งไปราวกับเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง เมื่อได้จับจ้องริมฝีปากเรียวบางตรงหน้า...

 “ริมฝีปากของนาย............ เหมือนผู้หญิงเลยนะ.....” คำพูดที่แผ่วเบานั้นสร้างความหนาวซ่านบนผิวหนังของทิมมี่ได้อย่างแปลกประหลาดราวกับคนขนลุกต่อคำพูดดังกล่าวของกัปตันหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า... บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด.. นิ้วมือของกัปตันลูคัสยังคงวนเวียนและแอบสัมผัสกับริมฝีปากเรียวบางนั้นราวกับพอใจและปรารถนาบางสิ่งกับภาพตรงหน้า...



กัปตันหนุ่ม กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่... เมื่อพยายามข่มใจที่กำลังคิดแหวกความรู้สึกและรสนิยมเดิมของเขาอยู่...ใบหน้าขาวยังนิ่งค้างบนฝ่ามืออุ่นนั้น... ราวกับถูกสะกดให้ต้องมนต์บนใบหน้าอันหล่อเหลาของกัปตันหนุ่มร้อยเสน่ห์เบื้องหน้า... และแล้ว..ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ค่อยๆถูกทลายลงไป เมื่อบรรยากาศและทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้บั่นทอนธรรมชาติของความเป็นบุรุษเพศลง... ทันทีที่กัปตันหนุ่มเริ่มโน้มใบหน้าลงเข้าไปใกล้กับริมฝีปากเรียวบางนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ!!



                           



             
ตรู๊ดดดด~~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!




เสียงโทรศัพท์...



ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง... จนหมดสิ้น...


             
    ทิมมี่แทบจะกระโดดไปล้มหงายส่วนกัปตันหนุ่มก็รีบพาใบหน้าอันแดงก่ำของตัวเอง กระเสือกกระสนไปถึงโทรศัพท์ภายในห้องด้วยความรู้สึกว่าร่างกายของเขาในเวลานี้มันช่างอึดอัดและร้อนผ่าวเสียนี่กะไร

 “ฮัลโหล.... เอ่อ...ครับ...นำขึ้นมาเลยครับ...ครับ..ขอบคุณมาก” กัปตันหนุ่มกล่าวจบก็ค่อยๆวางสายลง พลางลูกตาแอบกลิ้งไปเหลือบมองด้านหลังราวกับไม่อยากหันไปสบตากับหน้าเด็กหนุ่มตรงๆ แล้วเขาก็พูดขึ้น

 “อ...เอ่อ.... คือ... เดี๋ยว... เดี๋ยวเราทานอาหารกันนะ” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น เขาหันไปทางระเบียงด้านนอกที่ลมพัดตึง...เขารู้สึกอยากจะกระโดดลงไปจากตึกนี้ และกรีดร้องให้ดังสนั่นด้วยความอึดอัดเสียจริงๆ

 “...ค...ครับ....” ทิมมี่ตอบเสียงสั่นๆขณะที่เขาไม่อาจเห็นกัปตันลูคัสที่นั่งเกาท้ายทอยอยู่ด้านหลังอย่างฉุนเฉียวและหงุดหงิด พลางหันกลับไปมองโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ดังขัดจังหวะเมื่อครู่นี้ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีขึ้นมากว่าเดิมมากยิ่งขึ้น..


           
อาหารค่ำมื้อนี้... ช่างเงียบกริบและไร้อรรถรสสิ้นดีทั้งกัปตันหนุ่มที่เอาแต่นั่งเขี่ยเนื้อเป็ดซอสส้มในจานของตัวเอง.. หากเป็ดมันยังมีชีวิตอยู่และหากมันพูดได้ มันคงจะถามเขาว่า  “ตกลงจะกินหรือไม่กิน” เป็นแน่แท้..แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับทิมมี่เลยสักนิดเดียว...หนุ่มหน้าขาวยีสลัดผักมังสวิรัติของตัวเองในจานอย่างเหม่อลอยกว่าจะเอาส้อมจิ้มขึ้นมาทีละคำได้ เป็นอันว่าน้ำสลัดเหือดแห้งไปหมดแล้ว... นี่ยังไม่นับกับเฟรนช์ฟรายและน่องไก่นิวส์ออร์ลีนที่อยู่บนจานใหญ่ตรงหน้าคนทั้งคู่อีก...ซึ่งในเวลานี้ ความร้อนจากพวกมันหายเหือดไปหมดสิ้นแล้ว กัปตันหนุ่มเฉือนเนื้อเป็ดในจานของตัวเองอย่างเฉื่อยๆ ก่อนที่จะจิ้มแล้วยื่นไปวางไว้ในจานของทิมมี่พาให้หนุ่มหน้าหยกทำหน้าเหวอนิดๆเมื่อเห็นเนื้อเป็ดอยู่ในจานตัวเอง


 “กินเนื้อสัตว์เสียบ้างเถอะ...หุ่นนายจะแย่อยู่แล้วรู้มั้ย...”

 “....หืม...แย่?? .....แย่ยังไงครับ?”

 “ก็ผอมเอาผอมเอา...”

 “....แต่ผมไม่เคยอ้วนอยู่แล้วนี่....”

 “.....กินเข้าไปเถอะน่ะ...เป็ดน่ะ...อร่อยนะ..”

 “....หึ...อร่อยแล้วทำไมในจานคุณยังเหลือเต็มเลยล่ะครับ?” กัปตันหนุ่มอยากจะเอาอะไรยัดปากทิมมี่ แต่เขาก็ต้องข่มอารมณ์เขินประหลาดของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะคิดสั้นเพราะความอาย จิ้มเนื้อเป็ดชิ้นใหญ่ที่ยังไม่ทันเฉือนยัดเข้าปากไปอย่างเต็มกลืน..

 “........ ไม่ต้องรีบกินก็ได้มั้งครับ...เค้าคงไม่รีบมาเก็บถาดหรอก” ทิมมี่พูดยิ้มๆ พาให้กัปตันหนุ่มยิ่งวางสีหน้าไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม...กัปตันลูคัสคว้าผ้าแนปคินขึ้นมาแล้วปาใส่หน้าทิมมี่ เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มตรงหน้าแล้วอดใจไม่ไหวที่จะทำอะไรสักอย่างให้หนุ่มหน้าขาวหุบรอยยิ้มสวยลงไปได้....


     ในที่สุด... มื้อดินเนอร์ก็ผ่านพ้นไป และเวลาแห่งการพักผ่อนก็มาถึง...ทิมมี่รีบกระโดดตัวลงไปนอนขดอยู่บนเตียง พลางเอาผ้าห่มมาคลุมโปงเอาไว้...ในขณะที่กัปตันหนุ่มที่เปลี่ยนชุดมาเป็นชุดนอนผ้าเนื้อเย็นและโปร่งแสงเผยให้เห็นแผงอกและร่างกายล่ำสันของตัวเอง กัปตันหนุ่มไม่ลืมที่จะกล่าวราตรีสวัสดิ์กับทิมมี่.. ทิมมี่แกล้งหลับไปโดยไม่มีเสียงตอบรับจากเขา... ใช่... หากทิมมี่ตอบกลับไปเมื่อไหร่..รับรองว่า ... คืนนี้อาจจะมีการสนทนาอันอีกรอบเป็นแน่ และในเวลานี้ ทิมมี่ก็ต้องการจะหลับตาลงและพยายามข่มใจให้สงบเพื่อนอนหลับให้สนิท ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว... เขากลับรู้สึกอึดอัดยังไม่หายกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานมานี้...และก็ไม่แตกต่างกันเลยกับความรู้สึกของกัปตันหนุ่มที่ยังนอนพลิกตัวไปมา แล้วหันไปมองโทรศัพท์เจ้ากรรมบนหัวเตียงอย่างไม่สบอารมณ์





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ท่าอากาศยานฯ ชอริต้า เดินลากกระเป๋าสัมภาระออกมาด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าเมื่อวาน เธอมองนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาบรีฟงาน เลยนำกระเป๋าไปวางไว้ในห้องบรีฟงานชั่วคราวของท่าอากาศยานฯ แล้วเดินออกมาเพื่อหาเครื่องดื่มดื่มบริเวณเคาว์เตอร์ส่วนหลังของตึกอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ

 “อ้าว... มานานแล้วเหรอ?” เทลิซ่าทักทายโรเจอร์ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดกับปัญหาบางอย่างของตัวเองบนเคาว์เตอร์เครื่องดื่ม.. และเธอก็ไม่ทันสังเกตว่ามีเควินนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ข้างๆโรเจอร์อีกด้วย

 “มาได้ครู่หนึ่งแล้วล่ะ... มากับคุณเควินน่ะ” โรเจอร์ตอบหน้าเครียดๆในขณะที่เควินชะโงกหน้ามากระดิกคิ้วเล็กน้อยให้กับเทลิซ่า แต่หญิงสาวดูเหมือนว่าจะไม่สนใจ พลางหันไปทางพนักงานบริการเครื่องดื่ม

 “ขอน้ำส้มแก้วหนึ่งค่ะ”

 “ได้ครับ สักครู่ครับคุณผู้หญิง” เทลิซ่าถือโอกาสนั่งลงข้างๆโรเจอร์ ...และหญิงสาวก็เลยสังเกตเห็นสีหน้าของโรเจอร์ในเวลานี้..

 “เฮ่... นายเป็นอะไรน่ะ... หน้าตาเหมือนไม่สบายเลย?” เทลิซ่าถาม พลางรับแก้วน้ำส้มจากบริกร

 “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก... แค่...” โรเจอร์ทำหน้าเหมือนชะงัก เมื่อตัวเองเกือบหลุดพูดความรู้สึกบางอย่างของตัวเองออกมา...ขณะที่เควินทำหน้ายิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ

 “ก็บอกไปดิ๊... ว่านายหลงรักพี่ชายของเทลิซ่าเขาน่ะ” คำพูดของเควิน ทำเอาโรเจอร์หน้าแดงก่ำ...ในขณะที่เทลิซ่าทำหน้าเหวออย่างตื่นตะลึง มองชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้าแล้ว... คิดไม่ถึงจริงๆว่ารสนิยมของโรเจอร์คนนี้... จะเป็นไปในทางที่เธอไม่คาดคิด...

 “..อ...เอ่อ..... น..นายชอบ... ทิมมี่เหรอ!?” โรเจอร์หน้าแดงจนแทบจะระเบิดตัวเองให้เป็นเสี่ยงๆ... ขณะที่เควินทำหน้าหงิกใส่เทลิซ่า

 “ยังไม่เข้าใจอีกเหรอยัยบ๊อง! ถามแบบนี้โรเจอร์เขาก็อายแย่สิ!”

 “อ..เอ๊ะ!! ถือดียังไงมาเรียกฉันว่ายัยบ๊องยะ!!ไอ้หน้ายาว!” เควินตาโตเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดชื่นชมจากเทลิซ่า.. พลางเอามือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าหน้าของตัวเองยาวกว่าคนอื่นตรงไหน

“..ค..คือ...ฉ...ฉัน....ฉันชอบพี่ของเธอจริงๆนั่นแหล่ะ...”โรเจอร์สารภาพออกมา พลันหน้าก็เริ่มแดงมากขึ้น.... เทลิซ่ายิ่งอ้าปากค้างเข้าไปอีก...



 “ต..ต..ต..แต่ว่า... ฉ..ฉันยังไม่รู้เลยนะ... ว่า..ทิมมี่จะเป็น...”






หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 27-09-2011 15:12:34

FLIGHT 14 : กลเทวดา




เทลิซ่าพูดอึกอัก เควินแอบเหล่ตามองในความโง่ของเธอ

 “เธอนี่โง่นะ...พี่ชายตัวเองมีรสนิยมแบบไหนยังไม่รู้เลย... ขนาดฉันเป็นคนอื่นแท้ๆ ..ยังดูออกเลย ยิ่งพี่ชายเธอแล้วด้วยนะ... โอ้โห...ไม่ต้องเดาอะไรให้มากเลยล่ะ” เทลิซ่าเริ่มหงุดหงิด


 “ทิมมี่ก็แค่มีโครงหน้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปก็เท่านั้น...หน้าอย่างนายก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ฉันเห็นตอนแรกแล้วยังนึกว่าเป็นโฮโมเลยด้วยซ้ำ!” คำพูดของเทลิซ่าพาให้เควินเหลือกตาแทบปลิ้น

 “ต๊าย~!” เควินส่งเสียงแขวะพาให้สีหน้าของโรเจอร์ตอนนี้ เริ่มคลายอาการแดงลง เมื่อเห็นการกัดกันของสองคนรอบข้าง

 “เอ้า! แล้วถ้านายชอบทิมมี่ขึ้นมา..นายจะมัวแต่มานั่งทำหน้าเครียดอย่างนี้ทำไมล่ะ!” เทลิซ่าถาม เมื่อหลีกบรรยากาศทุเรศๆเมื่อครู่นี้กับเควิน

 “...คือ...” โรเจอร์เริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดกลับคืนมา...

 “ค..คือฉันคิดว่า.... คุณทิมมี่....อาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็เป็นได้...” เขาพูดพลางก้มตาและหลุบตาลงต่ำ... ขณะที่เควินแอบเบะปากอีกทางราวกับไม่เข้าใจรสนิยมแปลกๆของหนุ่มคนที่นั่งข้างๆในเวลานี้

 “หูย... ไม่มีหรอกน่า! ทิมมี่ไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย! ....แหมๆ ถึงว่าสิครั้งแรกตอนที่นายเห็นทิมมี่เข้ามาในห้องอบรม ตอนที่เอาของมาให้ยัยวีว่า เลอคอติสตอนนั้นน่ะ นายถึงแอบจ้องมองทิมมี่ตาไม่กระพริบเลยทีเดียว...อีกทั้งยังชอบถามเรื่องทิมมี่กับฉันบ่อยๆ...แต่ฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ย! ไม่คิดเลยว่านายจะคิดแบบนี้กับพี่ของฉัน” ยิ่งเทลิซ่าพูดกลับมาในเรื่องน่าอายอีกครั้ง โรเจอร์ก็เริ่มหน้าพองขึ้นมาอีกจนได้ ในขณะที่เควินตอบแทนโรเจอร์ว่า

 “ก็เธอโง่น่ะสิ... ถึงเพิ่งจะรู้น่ะ...”

 “นี่! ถ้าไม่อยากอยู่ตรงนี้ ก็เข้าไปห้องบรีฟก่อนก็ได้นะยะ!!”

 “อะไรของเธอฮะ! ฉันมานั่งตรงนี้ก่อนเธอนะ... เธออยากเข้ามาแสดงความโง่ให้เห็นทำไมเล่า!?”

 “โถ่เว่ย! ไปเองก็ได้!”

 “แน้ะ!!” เควินทำเสียงล้อเลียน ขณะที่เทลิซ่าสะบัดก้นออกไปจริงๆ และบริกรหนุ่มที่ยืนอยู่ในเคาว์เตอร์ก็รีบตะโกนถามถึงค่าเครื่องดื่มทันที และก็ได้รับคำตอบจากเธอว่า..

 “เก็บที่ไอ้หน้ายาวคนนั้นแหล่ะ!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           
           
เทลิซ่าเมื่อหลุดพ้นจากบรรยากาศที่ไม่สบอารมณ์ของตัวเองแล้วเธอก็เดินเล่นมาเรื่อยๆพลางคิดในใจว่าอยากจะช้อปปิ้งในร้านปลอดภาษีเสียหน่อย แต่แล้ว เธอก็ค้นหาบัตรเครดิตในกระเป๋าดู... ซึ่งปรากฏว่าเธอกลับใส่มันอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งวางอยู่ในห้องบรีฟ

 “บ้าจริง! ทำไมแกโง่อย่างนี้นะ!” เทลิซ่าด่าตัวเองเบาๆ แล้วนึกถึงคำพูดของเควิน ที่ว่าเธอว่า “โง่”  ยิ่งพาให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเข้าไปอีก... แต่แล้วหญิงสาวก็ตกใจเมื่อขณะที่เธอกำลังหันหลังออกมาจากหน้าร้านปลอดภาษีนั้น เธอก็เกือบชนเข้ากับคนๆหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเธอได้สักครู่แล้ว!

 “...น..นาย!” เทลิซ่าตกใจ.. เมื่อเห็นบาเรลล์ยืนนิ่งสีหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ใดใด...จนพาให้หญิงสาวคิดถึงเรื่องเมื่อวานนี้ และอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขาอาจจะแก้เผ็ดคืน เนื่องจากที่เธอทำให้เขาเสียหน้าในเมื่อวานนี้..

 “...ไม่ได้เอาบัตรมาเหรอ...” น้ำเสียงเรียบมขรึม และสีหน้ามาดกวนถามขึ้น

 “.....ล..แล้วเกี่ยวอะไร...” บาเรลล์คว้ากระเป๋าเงินของตัวเองจะกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมา พลางหยิบบัตรสีทองใบหนึ่งขึ้นมา และยื่นตรงหน้าหญิงสาว...ที่กำลังแสดงสีหน้างุนงงสงสัยอยู่ในเวลานี้

 “....อ...อะไร?...” เทลิซ่าถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

 “...โง่รึไง... ไม่รู้จักบัตรเครดิตรึ?” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้ากวนประสาท.. เทลิซ่าอยากกรี๊ดมากกับคำว่า “โง่” เพราะตั้งแต่เช้าเธอจำไม่ได้ว่า..เธอได้ยินคำสรรเสริญดังกล่าวจากใครบ้างและนับได้ครั้งที่เท่าไหร่..

 “ก็รู้ย่ะ! แต่จะยื่นให้ฉันเพื่ออะไร!?”

 “เอาไว้เสียบปากเธอมั้ง!! เอาไปเซ่~!!” เทลิซ่ายังยืนอึนอย่างไม่เข้าใจ บาเรลล์คว้ามือของหล่อนขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วสอดบัตรเครดิตของเขาลงไปกับเรียวมือสวยของหญิงสาวพลางกระดิกคิ้วตอบโต้และยิ้มบางๆ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มแรกที่เทลิซ่าได้เห็นและรู้สึกว่า... เขาเอง...มีเสน่ห์อยู่ตรงมุมปากแบบนี้นี่เอง!

 “....ดู... ดูทำหน้าเข้า...”

 “น..นาย... นายทำแบบนี้ทำไม?...”

 “ฉันเกลียดผู้หญิงโง่จังเลย..เธอรู้มั้ย..”

 “ฉันไม่ได้โง่นะยะ!!! ฉันแค่ไม่เข้าใจ” เทลิซ่าเดือดดาลกับคำพูดสรรเสริญแบบเดิมๆ บาเรลล์หันหน้าไปอีกแล้วถอนใจราวกับเขาเอือมระอาต่อความไม่รู้ของเทลิซ่าเสียจริงๆ...

 “ฉันกำลังจีบเธออยู่นะ...ช่วยกรุณาเข้าใจหน่อยได้มั้ย!” ลิซ่าทำหน้าเหมือนไก่ตาแตก...หล่อนยืนอึ้งนิ่งอยู่อย่างทำหน้าและแสดงอาการตอบโต้ดังกล่าวไม่ถูก... จนกระทั่ง..

 “นี่! ได้เวลาบรีฟงานแล้วจ้ะ... เธอสองคนน่ะ...ไปเร็ว” แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาและเรียกขึ้น.. บาเรลล์หันไปทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่หล่อนคนนั้น ขณะที่เทลิซ่ายังคงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเช่นเคย

 “..ค..คือ... ขอบใจนะ... แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ..” น่าแปลกที่อยู่ๆเทลิซ่าก็ทำเสียงอ่อนลงผิดกับก่อนหน้านี้ ขณะที่หล่อนนั้นยื่นบัตรคืนเขาไป...แต่ดูเหมือนบาเรลล์จะไม่มีทีท่าว่าจะรับคืน

 “เก็บไว้เถอะ...เอาไว้ถึงปารีสเมื่อไหร่...เธอต้องไปคืนฉันที่มาดมัวแซล” บาเรลล์พูดจบพลางเบะปากและชักสีหน้ายิ้มกวน ก่อนที่เขาจะหันหลังให้หญิงสาวและรีบเดินออกไป...ทิ้งให้เทลิซ่ายืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเธอเริ่มได้สติเธอก็รีบเดินตามเขาไปพร้อมกับบัตรเครดิตที่ยังกำแน่นอยู่ในมือ


 “ตาบ้าเอ๊ย! มาดมัวแซลนั่นมันผับไม่ใช่เหรอ!!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


การเดินทางกลับสู่ปารีสเป็นไปได้ด้วยดี.. และดีกว่าขามาเสียอีก.. หากแต่ใครหลายคนอาจจะมีเรื่องคาอกคาใจอยู่บ้าง... ทั้งกัปตันลูคัสและทิมมี่ที่ต่างคนต่างรู้สึกประหลาดเมื่อได้เผชิญหน้ากันยามพักเครื่องตามประเทศต่างๆกว่าจะมาถึงปารีสได้ ก็พาให้คนทั้งคู่ผ่านความรู้สึกหลายต่อหลายอย่างมากพอดูเลยทีเดียว ส่วนโรเจอร์นะเหรอ... สจ๊วตหนุ่มหน้าเอเชียผู้นี้ ยังคงได้แต่มั่นในอารมณ์หลงใหลยามปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทิมมี่อยู่เช่นเคย เขารู้สึกอัดอั้นจนอยากจะบอกความในใจของหนุ่มหน้าหยกได้รู้ หากแต่ว่าใจหนึ่งก็ไม่มั่นใจว่า.. ทิมมี่จะรับคนอย่างเขาได้หรือไม่...และอีกอย่างความเคลือบแคลงใจในความสัมพันธ์และท่าทางของกัปตันลูคัสต่อทิมมี่ที่ยังดูคลุมเครืออย่างผิดปกตินั้น..นั่นก็คือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้โรเจอร์ต้องเก็บมาขบคิดอยู่เพียงลำพัง... แม้เทลิซ่าจะบอกเขาแล้วว่า กัปตันลูคัสเป็นเพียงคนรักของน้องสาวทิมมี่เท่านั้น... แต่มีบางสิ่งในสายตาของกัปตันยามที่มองมาทางทิมมี่...และทำให้โรเจอร์รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นว่า...กัปตันลูคัส... กำลังรู้สึกดีต่อทิมมี่... เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ว่า...เป็นแค่เพียงคนรักของน้องสาวเพียงเท่านั้น...


ในขณะที่ชั้นประหยัด... ความรู้สึกเดิมๆของเทลิซ่าที่มีต่อชอริต้านั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง.. เทลิซ่ารู้สึกอยากหาเข็มด้ามยาวๆสักเล่มมาทิ่มหน้าอกหน้าใจของชอริต้าให้ระเบิดเลือดพล่านออกมายามที่หล่อนเดินย้ายไปมาอยู่ในคาบิน... แต่น่าแปลก... กับทันทีที่โทรศัพท์ดังขึ้นในทุกๆช่วงต้นชั่วโมง...เทลิซ่าจะได้รับสายของบาเรลล์จากชั้น Business ทุกต้นชั่วโมง... กับคำถามที่เขาถามกลับมาว่า...ทำอะไรอยู่...และเทลิซ่าก็จะตอบตามไปเป็นคำตอบประจำของเธอว่า ทำงานอยู่....บทสนทนาของคนทั้งคู่... ก็มีอยู่เพียงเท่านี้จริงๆ...


           

เมื่อลูกเรือทุกคนกลับเข้าสู่ปารีสอีกครั้งต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านและเตรียมตัวพักผ่อนก่อนที่จะกลับมารวมตัวและเจอกันอีกในไฟลท์หน้า...ทิมมี่เองก็เช่นนั้น มันช่างเป็นความรู้สึกเพลียไม่น้อย การเดินทางไปโอเวอร์ไนท์ครั้งล่าสุดนี้ช่างสร้างอารมณ์และความรู้สึกหลากหลายให้แก่เขาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว... หนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาในล็อกเกอร์พร้อมกับถอดเสื้อและถอดกางเกง โดยไม่ลืมที่จะคลุมชุดอาบน้ำสำหรับบุรุษทับปกปิดอยู่ด้านนอกก่อนที่จะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปพร้อมกับขวดยาสระผมและสบู่เหลวพร้อมกับสีหน้าที่อ่อนเพลียที่ยิ้มตอบคำทักทายจากเพื่อนร่วมงานต่างไฟลท์ที่กำลังจะเตรียมตัวผลัดเวรการทำงานในสถาบันเดียวกัน


ผ่านเวลาของการชำระล้างร่างกายและความอ่อนเพลียที่ถูกน้ำเย็นปลุกความกระชุ่มกระชวยให้หนุ่มหน้าหยกรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง และทันทีที่เขาเปิดประตูห้องอาบน้ำออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่พาดบ่าและปกปิดไหล่ขาว และผ้าขนหนูอีกตัวที่ห่อหุ้มท่อนล่าง เดินออกมาด้วยร่างกายที่เปียกปอน และต้องชะงักเมื่อทิมมี่พบใครบางคน ยืนขวางอยู่หน้าประตูราวกับคนตรงหน้ามีเรื่องจะพูดกับเขา...


 “...ร...โรเจอร์...”

 “..เอ่อ... ขอโทษครับ... ที่ทำให้ตกใจ” ชายหนุ่มร่างโปร่งก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อยราวกับหลีกสายตาให้ออกไปจากผิวขาวของคนตรงหน้า

 “..มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?” ทิมมี่ถามพลางเอามือข้างหนึ่งใช้ผ้าขนหนูบนไหล่เช็ดศีรษะที่เปียกปอนในเวลานี้..

 “..คือ.... คือผม...”

 “งั้น.. เดี๋ยวให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ...” ทิมมี่ทำทีจะเดินเลี่ยงไปทางล็อกเกอร์ของตัวเอง... แต่แล้ว... คำพูดของโรเจอร์คำหนึ่ง ก็เผยออกมาพาให้ทิมมี่ต้องหยุดชะงัก! พลางยืนตะลึงงันไปด้วยความนึกไม่ถึง!

 “คือ...ผม.................... ผม....ผมชอบคุณ!” ไม่มีความรู้สึกใดใดต่อจากนี้ในสมองของทิมมี่... ชายหนุ่มหน้าขาวค่อยๆหันตัวเองกลับมามองใบหน้าของโรเจอร์...น่าประหลาดดีแท้ วันนี้เป็นวันแรกที่ทิมมี่รู้สึกว่าโรเจอร์มีสีหน้าที่จริงจังและดูดีมากกว่าที่เขาได้เห็นในครั้งแรกเมื่อวานนั้น... หากแต่สีหน้าขาวใสของคนตรงหน้า มีความจริงจังและจริงใจระคนอยู่จนทำให้เกิดสีหน้าของคนที่มีความน่าหลงใหลไม่น้อยเลยทีเดียว...แต่นั่น.. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะทำให้ทิมมี่ต้องตกห้วงอารมณ์ของความประทับใจที่มาอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิดแบบนี้หรอก

 “...อ...เอ่อ.... เหอะ...คือ...” ทิมมี่อยากจะหัวเราะให้กับตัวเอง เพราะเขาไม่รู้ว่าสมควรจะทำหน้าตาแบบไหนดีในเวลาเช่นนี้

 “ผมรู้ว่าคุณทิมมี่อึดอัดนะ...และมันก็เร็วไปด้วยใช่มั้ยครับ” คิ้วของโรเจอร์ขมวดเข้าหากัน ทำให้ใบหน้าจืดๆกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูคมเข้มและดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

 “เหอะๆ.. นั่นแหล่ะ... ที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ล่ะ...” ทิมมี่รู้สึกว่ามันเร็วจริงๆแค่สองวันเท่านั้นเอง..ที่เขาได้พบกับชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ หากแต่กลับกันกับคนที่ชื่อโรเจอร์...มันช่างเป็นเวลาที่แสนยาวนานเหลือเกิน

 “...แต่ว่า.... ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับคุณ...ตั้งแต่เมื่อวานนี้หรอกคุณทิมมี่....” ทิมมี่ฟังและคิดตาม..

 “ผมเห็นคุณตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้ามาในห้องอบรม... ผมรู้สึกว่าคุณดูดี.. และผมคิดว่าผมต้องการรู้จักกับคนอย่างคุณ...และยิ่งเมื่อผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณแล้ว...ทำให้ผมรู้สึกประทับใจคุณมากขึ้น...มันมากจนทำให้ผมสามารถที่จะยืนบอกคุณในเวลานี้ได้...ว่าผมชอบ..”

 “เอาล่ะ....พ...พอก่อน...” ทิมมี่ยกมือขึ้นสองข้างต่อหน้าเขาเพื่อระงับความรู้สึกบางอย่างของตัวเองที่มันอาจจะแสดงผลของความรู้สึกออกมาบนใบหน้าของเขาได้ในตอนนี้

 “ค..คืออย่างนี้นะ........... คือ....ผมเป็นผู้ชาย.... อืม..ใช่ๆ... คือผมต้องการจะบอกคุณก็คือ ผมเป็นผู้ชาย...” โรเจอร์มองสีหน้าทิมมี่ในเวลานี้...เขายิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก

 “....ผม...ก็เห็นว่าคุณเป็นผู้ชายนี่ครับ...ผมไม่ได้บอกคุณสักหน่อย..ว่าคุณเป็นผู้หญิง...” คำพูดโรเจอร์ ทำให้ทิมมี่ต้องยกมือขึ้นมาแปะไว้ที่ขมับของตัวเองข้างหนึ่ง..ราวกับเขารู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรที่อ้อมค้อมเกินไปหรือเปล่านะ...

 “คืออย่างนี้ครับ... ผม... ผมไม่ได้เป็น...”


“คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้เป็นโฮโมใช่มั้ยครับ?” คำพูดของโรเจอร์ที่สวนขึ้นมาตัดบทของทิมมี่ทัน...ทำให้หนุ่มหน้าขาวทำหน้าอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆราวกับตอบรับคำถามนั้น

 “...ช...ใช่... ผมไม่ได้เป็นโฮโม...” โรเจอร์ยืนกอดอกและสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง และก็พ่นมาออกอย่างแรงเช่นกัน

 “ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นหรือไม่เป็น.... ของแบบนี้ไม่มีใครรู้หรอก..จนกว่าคนๆหนึ่งจะยอมรัก และยอมรับ...ผมเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกัน... แต่พอมาเจอคุณแล้ว...ผมก็ยังไม่รู้สึกถึงคำว่า โฮโม อีกอยู่ดี.....สิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือ......” โรเจอร์ ค่อยๆเดินตรงเข้ามาใกล้ทิมมี่...หากด้านหลังของทิมมี่ไม่ใช่ล็อกเกอร์ที่ขวางอยู่ล่ะก็ หนุ่มหน้าหยกก็คงจะถอยห่างออกมาแล้ว เพราะทนอยู่ใกล้กับใบหน้าของโรเจอร์ในเวลาแบบนี้อยู่ได้..

 “...ผมแค่รู้สึกชอบคุณ.... และอาจจะดีกว่านี้...ถ้าความรู้สึกของผม... มันจะพัฒนาไปเป็น.... ความรัก......” ทิมมี่รู้สึกว่าใบหน้าของโรเจอร์จะโน้มเอียงลงมาใกล้กับใบหน้าของตัวเองมากขึ้น..ลมหายใจของโรเจอร์เริ่มทำให้ทิมมี่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากเขาได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ... และไม่ช้า...!!




 “ขอโทษที่มาขัดจังหวะ.... แต่ฉันว่าใครบางคนในเวลานี้...คงจะเหนื่อยเกินกว่าที่จะรับความรู้สึกของนายแล้วล่ะ....” โรเจอร์กับทิมมี่ชะงัก...แต่โรเจอร์ที่หันกลับไปมองต้นเสียงกลับยังไม่ยอมผละใบหน้าของตัวเองออกมาจากระยะของใบหน้าทิมมี่เลยสักนิด...พลาง..สายตาของโรเจอร์กลับแสดงความขุ่นเคือง เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้าที่เดินเข้ามาและชอบเป็นอะไรที่ขัดขวางเขาอยู่เสมอ ในทุกๆที่และทุกๆอย่างที่เขากำลังคิดทำ จะเป็นใครไปไม่ได้...นอกจากกัปตันลูคัส กาโรล


ทิมมี่รีบผลักโรเจอร์ออกอย่างเบามือ ก่อนที่จะหันเข้าหาล็อกเกอร์ของตัวเอง แล้วเปิดประตูล็อกเกอร์มากั้นใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้กัปตันหนุ่มที่ยืนเอามือสอดกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้า และทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ตรงนั้น.. ได้เห็นสีหน้าของตัวเองที่กำลังจะระเบิดออกมาเพราะปรับอารมณ์ไม่ถูกในยามนี้

 “...โทษทีนะ... ฉันมีเรื่องจะพูดกับทิมมี่...” กัปตันหนุ่มพูดกับโรเจอร์ด้วยสีหน้าและท่าทีที่ไม่สนใจคำว่า “มารยาท” เท่าไหร่ ...พาให้โรเจอร์ต้องหันไปเม้มปากด้วยความขุ่นเคืองอีกด้านหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองจะต้องมาอดทนกับคนที่ชอบจุ้นจ้านในเรื่องของเขามากมายและทุกๆครั้งเลยหรือนี่!? แต่แล้วโรเจอร์ก็หันกลับมามองกัปตันหนุ่มด้วยสายตาขุ่นๆอีกครั้ง


 “แต่ผม... ก็กำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่กับทิมมี่เหมือนกัน...!” ในช่วงที่ชายหนุ่มสองคนกำลังปะทะสายตาต่อกันอย่างไม่รู้จักระงับอารมณ์ในเวลาแบบนี้...ทิมมี่กลับวางหน้าตัวเองเข้าไปในช่องล็อกเกอร์ราวกับคนเสียสติที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรพิสดารอยู่...หากแต่ความจริงแล้ว..หนุ่มหน้าขาวเพียงแต่ต้องการจะหายตัวไปจากตรงนี้กับการที่จะต้องมาอยู่ในบรรยากาศที่แปรปรวนของคนอีกสองคน... มันช่างทำให้ความรู้สึกอ่อนเพลียที่มีอยู่ทวีความรู้สึกนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก


กัปตันลูคัส ยิ้มเยาะให้กับโรเจอร์ ดวงหน้าคมสันกับสายตาคมกริบที่มองมาทางโรเจอร์ ดั่งคมมีดที่จะเฉือนความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวที่กำลังยืนปะทะอารมณ์ต่อกันในเวลานี้ให้แหลกออกเป็นเสี่ยงๆ...



 “แต่ฉันว่าเรื่องของนาย... มันดูไร้สาระมากกว่าล่ะมั้ง...!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-09-2011 15:51:48
 :m15: :m15: :m15:

เทเลอย์ เป็นอะไร  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 27-09-2011 21:27:41
เชียร์คู่บาเรลล์ค้า ท่าทางจะสนุก :mc4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 27-09-2011 23:13:18
สนุกมากกกค่ะ
เค้าเกือบจะจูบกันแล้ว  :-[
มาต่อเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 13-14 [27/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-09-2011 10:27:48


หาาาาาา กัปตันแอบยืนดูอยู่รึนี่
อย่างนี้รึเปล่าที่เค้าเรียกว่ารถไฟชนกัน
แม้ว่าทิมมี่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยก็เถอะ


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-09-2011 11:37:30


FLIGHT 15 : ฉากจบของนางฟ้า
             



โรเจอร์กำหมัดแน่นก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปใกล้กัปตันลูคัสราวกับจะพุ่งตัวไปทำอะไรสักอย่าง แต่ทว่าโชคดีที่ทิมมี่รับรู้ถึงรังสีร้อนผ่าวของโรเจอร์ได้ทันท่วงที หนุ่มหน้าหยกรีบคว้าแขนของโรเจอร์เอาไว้ ก่อนที่หมัดแน่นของโรเจอร์จะทำอะไรบางอย่างลงไปและนั่นอาจจะเป็นจุดจบของตัวเขาเอง

 “พอๆ!! พวกคุณคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย!? ...มีอะไรไม่เข้าใจกันหรือไงครับ!” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสุดทนพลางมองคนทั้งคู่ที่ยืนจ้องหน้ากัน คนหนึ่งก็ยืนกำหมัดแน่นหายใจหอบอย่างร้อนรน แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านหรือตื่นกลัวท่าทีใดใดจากอีกคนเลยสักนิดเดียว

 “ฉันไม่ได้ตั้งแต่ใจจะมาหาเรื่องนะทิมมี่....แต่ฉันมีอะไรบางอย่าง เอามาให้นายก็เท่านั้น” กัปตันหนุ่มพูดสีหน้าเรียบเฉย หากแต่โรเจอร์ยังมองด้วยสายตาขุ่นเคืองไม่ยอมลดรา ทิมมี่มองเห็นมือของกัปตันลูคัสถือแผ่นกระดาษบางอย่างและยื่นมาให้เขาตรงหน้าพลางเดินไปรับมันแล้วทำทีจะเปิดออกอ่าน

 “จดหมายนี่ครับ? จากใคร?” ทิมมี่ถามกัปตันหนุ่มที่ยังคงปะทะสายตากับโรเจอร์อย่างนิ่งๆ

 “เห็นคุณอลิซที่เคาว์เตอร์บอกมาว่า...คนที่ชื่อเอ็มม่าฝากโน้ตนั้นเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อเช้ามืด ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป...คุณอลิซเลยไม่ทันได้ถามว่ามีเรื่องฉุกเฉินอะไรหรือเปล่าน่ะสิ...เธอเลยไม่ได้โทร.ขึ้นเครื่องไปหานาย”

 “อ...อ่อ.... ถ้าอย่างนั้น... ขอบคุณมากนะครับ...” ทิมมี่ก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดจดหมายออกมาช้าๆ ขณะที่กัปตันหนุ่มถามต่อโดยละสายตาจากโรเจอร์ที่ยังคงจ้องหน้าเขาอยู่ขณะนี้

 “กลับยังไงล่ะ... รถยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

 “อ...อ่อครับ...รถโปเกตลอด...แต่ผมว่าผมจะกลับแท็ก...”

 “ผมจะไปส่งครับ” โรเจอร์รีบใช้สะพานขวางแม่น้ำทันทีพาให้สายตาของกัปตันลูคัสพลิกกลับมามองที่เขาอีกครั้ง

 “อ..เอ่อ...ม..ไม่เป็นไรหรอกครับคือว่า....” คำพูดสิ้นสุดไป... อย่างผิดปกติ...ทิมมี่เริ่มผูกคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อสายตาที่จับจ้องอยู่บนแผ่นกระดาษโน้ตนั้นมันมีความหมายอะไรบางอย่าง... ที่ทำให้หนุ่มหน้าขาวชะงักอึ้งไป!

 “.......... เป็นอะไรไป...ทิมมี่...” กัปตันลูคัสเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าดังกล่าวได้รวดเร็วยิ่งนัก

 “....ค..คุณทิมมี่ครับ!.... ให้ผมไปส่งนะครับ” โรเจอร์ยังคงตื๊อถาม แต่ทิมมี่กลับไม่ได้สนใจคำถามนั้น แต่เขากลับมองไปทางกัปตันหนุ่ม...ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำใสใสคลอเบ้าอยู่เต็มปริ่ม...พาให้กัปตันหนุ่มรู้สึกใจคอไม่ดีตามไปด้วย

 “กัปตันครับ.... คุณ... ไปส่งผมที...” ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้กัปตันหนุ่มเริ่มรับรู้อะไรบางอย่างจากสีหน้าของทิมมี่ในตอนนี้...หากแต่โรเจอร์ที่ได้แต่ยืนตะลึงกับคำพูดนั้นของทิมมี่ราวกับหนุ่มหน้าหยกมิได้สนใจในคำถามของเขาก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว


 “....ได้สิ...” กัปตันหนุ่มตอบรับ

 “...ถ..ถ้าอย่างนั้น...ผมขอ...เปลี่ยนเสื้อผ้า...ก่อนนะครับ...” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่จะขยำกระดาษในมือ ...กัปตันลูคัสมองมาทางโรเจอร์ ก่อนที่จะพูดขึ้น

 “นายไม่คิดที่จะกลับไปหลับไปนอนหรือยังไง...” โรเจอร์หันมามองกัปตันลูคัสอีกครั้ง เขารู้สึกเจ็บใจกับสายตาของกัปตันหนุ่มที่มองมา แม้สีหน้าของกัปตันจะนิ่ง...แต่สายตาของเขากลับบ่งบอกถึงความเย้ยหยันบางอย่างที่ทำให้โรเจอร์ต้องเดินเลี่ยงออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



 “....อะไรนะ!! เทเลอร์! เทเลอร์เข้าโรงพยาบาลเหรอ!!” กัปตันลูคัสตะเบงเสียงถาม สีหน้าที่ตื่นตระหนกจนดูน่ากลัว... พาให้ทิมมี่มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกตะลึงงันไป...ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินออกมาจนจะถึงรถคันหรูของกัปตัน..

 “...อ...เอ่อ.... คุณลูคัส...ทำไมคุณถึงดูเหมือนกับ... อย่างกับคุณคิดว่า...เทเลอร์จะเป็นอะไรมากไปเสียอย่างนั้นแหล่ะ...คือ.... จริงๆแล้ว...ผมว่า เธออาจจะป่วยธรรมดาก็ได้มั้งครับ” กัปตันลูคัสพยายามรวบรวมสติ... เมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองได้ลืมอะไรบางอย่างและเกือบเผลอหลุดปากบอกสิ่งที่สำคัญออกไป... ใช่... ท่าทีของกัปตันหนุ่มในเวลานี้ ทำให้ทิมมี่รู้สึกได้ดีว่า... เขามีอะไรปิดบังอยู่

 “....คุณ...มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า?... ด...ดูคุณเครียดเหลือเกิน?” กัปตันลูคัสส่ายหน้า และเมื่อเขาเดินไปถึงรถตัวเอง
ชายหนุ่มก็กดปุ่มเลเซอร์เปิดประตูรถ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูรถด้านคนนั่งด้านหน้า เพื่อให้ทิมมี่เข้าไปนั่ง
 “...ม...ไม่มีอะไรหรอก.... ฉ..ฉันแค่เห็นว่าเทเลอร์ อาจจะไม่สบายร้ายแรงน่ะ...ก..ก็เห็นคุณเอ็มม่าถึงขนาดมาบอกที่ศูนย์แบบนี้” ทิมมี่ฟังแล้วคิดตาม... จริงสินะ...ทำไมคุณเอ็มม่าถึงต้องอุตส่าห์มาบอกข่าวถึงที่นี่... ซึ่งจริงๆแล้วเธอก็น่าจะรู้ดีว่าเขากับเทลิซ่าจะกลับบ้านวันนี้ และเมื่อทิมมี่นึกถึงเทลิซ่าได้... หนุ่มหน้าหยกก็หันไปที่กัปตันลูคัสที่ยืนรอให้หนุ่มหน้าขาวเข้ารถไปราวกับจะปิดประตูให้ด้วยสีหน้าร้อนรน

 “อ..เอ่อคุณลูคัสครับ! ผ..ผมลืมเทลิซ่าไปเลย!บางทีเราน่าจะชวนเธอไปโรงพยาบาลด้วย..”

 “ม..ไม่ต้องหรอก! ฉ..ฉันว่าเรารีบไปดีกว่า..ไป...เข้าไปเถอะ” ทิมมี่ถูกฝ่ามือของกัปตันหนุ่มผลักเบาๆให้เข้าไปนั่ง... กัปตันหนุ่มรีบปิดประตูแล้ววิ่งมาทางฝั่งที่นั่งคนขับ ก่อนที่จะลงมานั่งแล้วรีบสตาร์ทรถ และแล่นออกไปด้วยความเร็วทันทีพาให้ทิมมี่รู้สึกว่า.. บรรยากาศในยามนี้ทำให้เขาหวั่นใจไม่น้อย..กับท่าทีแปลกๆของกัปตันหนุ่มผู้นี้..อะไรบางอย่างทำให้ทิมมี่รู้สึกว่า... อีกไม่นานเขาจะได้รู้...ในเรื่องที่เขานั้น...ไม่คาดคิด!


ทันทีที่รถเฟอร์รารี่คันหรูของกัปตันลูคัสแล่นออกไป...รถเก๋งคันสีแดงเพลิง ของใครบางคนที่จอดซุ่มรออยู่ก่อนหน้านี้.  ก็แล่นขับตามออกมาทันที!


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           


 เทลิซ่าเดินออกมาจากล็อกเกอร์หญิงหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเกาะอกและกางเกงยีนส์แบบสบายๆแล้ว...หญิงสาวเดินตรงไปที่ห้องพักผ่อนของเหล่าลูกเรือ สายตากวาดมองลูกเรือที่กำลังนั่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์บ้างกำลังอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง.. และเล่นสนุ๊กบ้าง... แต่คนที่เธอกำลังมองหา.. กลับไม่ได้อยู่ภายในห้องนี้..หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจและสงสัย


 “ทิมมี่ไปไหนนะ.... หรือว่าจะกลับไปแล้ว...เฮอะ!...ทำไมไม่รอกันบ้างเล้ย!” เทลิซ่าบ่นอุบอิบเมื่อมองไม่เห็นพี่ชาย และขณะที่หล่อนหันมาทางด้านหลังนั้น...หล่อนก็ชนเข้ากับชายร่างสูงที่ยืนทื่อเป็นเรือเกลืออยู่ด้านหลังพลันอุทานตกใจขึ้นมาพาให้ลูกเรือคนอื่นๆในห้องหันมามองที่เทลิซ่าเป็นตาเดียว

 “...ตกใจบ้าอะไร...” บุรุษใบหน้าเย้ายวนอวัยวะเบื้องต่ำถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง....เทลิซ่ายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วถอนใจออกมาอย่างโล่งอกที่เธอเห็นว่าคนข้างหลังเป็นมนุษย์ด้วยกัน...


 “ตาบ้าเอ๊ย! มายืนทำบ้าอะไรยะ ตกใจหมดเลย!”

 “ขวัญอ่อนเป็นเหมือนกันนี่?”

 “เฮอะ... เอ้า! เชิญๆเชิญตามสบายเถอะย่ะ...เดินเข้าไปสิ!” เทลิซ่าทำท่าหลีกทางให้เมื่อคิดว่าบาเรลล์ จะมาห้องนี้เพื่อเข้ามาพักผ่อน..ขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆที่เห็นบาเรลล์บางส่วนที่เดินลุกเลี่ยงออกไป แต่อีกบางส่วนที่กำลังเล่นเกมส์ขับเครื่องบินอยู่นั้นก็พยายามแทบจะนั่งพับเพียบเล่นกันเลยทีเดียว

 “ใครบอกว่าฉันจะมาห้องนี้เพื่อเล่นเกมส์........ฉันไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนไม่รู้จักโตนะ...” น้ำเสียงเรียบนิ่งแบบห้วนๆ ความหมายของมันพาให้เหล่าลูกเรือที่ยังหน้ามึนอยู่ในห้องนี้ ต้องแอบเหงื่อตกกันเป็นทิวแถว เมื่อได้รับคำสรรเสริญพาดพิงมาถึง...

 “ฉันตามเธอมาน่ะ...” บาเรลล์พูดตรงมาก...ตรงจนเทลิซ่ารู้สึกอยากหายตัวไปตรงนี้

“...ม..มีอะไร..................อ...อ้อ!! จริงสิ!นายฝากบัตรไว้ที่ฉันนี่...เอาๆ” เทลิซ่าหันไปเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง..พลางทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรออกมา แต่บาเรลล์กลับกระชากกระเป๋าสะพายข้างของเธอไป...พาให้เทลิซ่าตกใจและแสดงสีหน้าตะลึงกับการกระทำดังกล่าวของเขา!

 “น...นี่นาย! เอากระเป๋าฉันไปทำไมน่ะ!! เอาคืนมานะ!”

 “อะไรของเธอ!! ฉันแค่จะถือให้!!” บาเรลล์ยกกระเป๋าขึ้นสูงเพื่อหนีฝ่ามือยื้อแย่งของเทลิซ่า...หญิงสาวพยายามจะทำความเข้าใจกับการกระทำของบาเรลล์ในเวลานี้...หากแต่เธอนั้นโง่เกินไปที่จะเข้าใจต่อการกระทำเหล่านี้ได้

 “จะถือไปไหนเล่า! ฉันจะกลับบ้านแล้ว!”

 “แต่พี่ชายเธอคงทิ้งเธอไว้สินะ...ฉันเห็นเค้านั่งรถออกไปกับไอ้กัปตันงี่เง่านั่นน่ะ... หึ... ว่าแต่พูดถึงมันแล้วก็ลืมไปเลยนะ.... กะจะเล่นให้มันโดนพักงานสักหน่อย” บาเรลล์แสดงสีหน้าขุ่นๆออกมาทันทีเมื่อนึกถึงกัปตันลูคัส..เทลิซ่าเอามือยกขึ้นเท้าสะเอว

 “นายนี่เลวไม่รู้ตัวจริงๆนะ” คำพูดดังกล่าวพาให้หนุ่มหน้ากวนเบิกตาโพลงขึ้นมานิดๆ...ราวกับนึกไม่ถึงว่าหล่อนจะพูดอย่างนี้กับเขา

 “....เธอว่าอะไรนะ?..”

 “เลวแล้วยังหูหนวกอีก... นี่! นายอย่าเอาความเป็นใหญ่ของตัวเองมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลยนะ...ไม่มีใครเขาชอบหรอกนะ คนที่ชอบวางก้ามให้คนอื่นกลัวน่ะ... มีแต่คนเขาอยากหนี! เอากระเป๋ามาสิ(โว่ย)!!” เทลิซ่าพยายามกระโดดไปคว้าจะกระเป๋าจากมือของบาเรลล์ที่ยกขึ้นสูง...บาเรลล์ยังคงจ้องหน้าเทลิซ่าไม่ยอมละสายตา ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็นเช่นเดิม

 “....ถามหน่อยเถอะนะ.....แล้วไอ้การเป็นคนที่คนอื่นรักคนอื่นชอบเนี่ย.... มันต้องทำกันยังไงรึ?” ชายหนุ่มถามหน้านิ่งเหมือนจะกวน...เทลิซ่ารู้สึกเหนื่อยกับการกระโดดตัวโหยงๆ

 “จะถามไปทำไมเล่าเอ้อ!! บอกไปคนอย่างนายก็กู่ไม่กลับแล้วล่ะ!! กระเป๋าฉัน!!”

“ไปเที่ยวกับฉันหน่อยสิ...” เทลิซ่าชะงักสีหน้าเริ่มคลายความหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาในทางที่ดีขึ้น.. หล่อนสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้มาไม้ไหนกันแน่...

 “...ฮ...ฮะ!?” บาเรลล์ ค่อยๆลดมือลง แล้วยื่นกระเป๋าสะพายคืนให้หล่อน... เทลิซ่ารับกลับมาอย่างช้าๆสีหน้ายังดูอึ้งๆกับคำเชิญชวนดังกล่าว..

 “ไปเที่ยวกัน... มาดมัวแซลล์ดีมั้ย?” บาเรลล์ถามสีหน้านิ่งๆพยายามเสนอผับที่แพงที่สุดในปารีสมาเป็นอันดับแรก เทลิซ่า...เมื่อหลุดออกจากความตะลึงตึงๆแล้ว...หญิงสาวก็รีบเปิดกระเป๋าสะพาย แล้วคว้าบัตรเครดิตของบาเรลล์ แล้วยื่นคืนให้ตรงหน้าเขา

 “ไม่ไป!! ฉันเหนื่อยมาก!! ขอร้องล่ะ... ฉันไม่ได้เดินเล่นอยู่บนเครื่องเหมือนกับนายหรอกนะ!” บาเรลล์ฟังดังนั้น ชายหนุ่มยกคิ้วสูงแล้วเบะปากราวกับทำหน้าล้อเลียน

 “แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องมากับฉันอยู่ดีนั่นแหล่ะ...” บาเรลล์พูด ก่อนที่จะหันหลังให้เทลิซ่า..หญิงสาวรู้สึกเอะใจกับคำพูดดังกล่าวของบาเรลล์...และยังงุนงงกับการเดินจากไปของเขา... หญิงสาวพลางคิดในใจว่าเขาคงแน่มากสินะที่เดินหันหลังให้กับเธอ...หึ...เขาคงนึกว่าเราจะต้องเดินตามไปแน่ๆ ...เชอะ..ฝันไปเถอะ!


เทลิซ่าไม่ได้คิดจะเดินตามบาเรลล์ไปจริงๆนั่นแหล่ะ... เธอรู้สึกสะใจ และอยากเห็นสีหน้าของบาเรลล์ตอนเสียเชิงหญิงเสียเหลือเกิน...หากแต่เธอยังไม่รู้ชะตากรรมอะไรบางอย่างของตัวเองจนกระทั่งเธอเดินกลับเข้าไปในห้องล็อกเกอร์หญิงอีกครั้ง เพื่อที่จะไปหยิบกระเป๋าล้อลากที่มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเป็นสัมภาระมากมายอยู่ในกระเป๋าใบนั้น... แต่ทว่า...เมื่อเธอกลับมา... กระเป๋าที่เธอฝากหญิงงามที่เคาว์เตอร์ฝากกระเป๋าในล็อคเกอร์หญิง เอาไว้ก่อนหน้านี้...เธอกลับได้รับคำตอบจากหญิงงามผู้รับฝากว่า...


 “ค...คุณบาเรลล์...รับกระเป๋าของคุณ...ป..ไปแล้วค่ะ...” ไม่ต้องให้บรรยายความรู้สึกใดใดของเทลิซ่า...อีกต่อไปแล้ว...


 “ไอ้บาเรลล์~~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้บ้า~~~!!!!!” เหล่าลูกเรือสาวคนอื่นๆ พากันตกใจกับเสียงสบถด่าจากปากของเทลิซ่าที่ดังก้องไปทั่วห้องล็อกเกอร์หญิงแห่งนี้...



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ถึงโรงพยาบาลกลางนอเธอร์ดัม..ดูเหมือนว่ากัปตันหนุ่มจะรีบร้อนเดินนำทิมมี่เข้ามาด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด พาให้ทิมมี่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลเข้าเสียแล้ว.. พลัน! ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวไปถึงเคาว์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลนั้น... ทิมมี่คว้าแขนของกัปตันหนุ่มเอาไว้ ทำให้กัปตันลูคัสถูกแรงดึงจนต้องหันตัวกลับมาพร้อมกับสีหน้าตกใจเล็กน้อย


 “คุณลูคัส!...ผมคิดว่าคุณคงต้องบอกอะไรบางอย่างกับผมเสียที!” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดไม่แพ้กัน..หากแต่ความตึงเครียดของทิมมี่นั้น ...เขาไม่อาจรู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่างเลยผิดกับกัปตันหนุ่มในเวลานี้..


 “...ทิมมี่...อีกไม่กี่นาทีนายก็จะรู้เอง...แต่ขอร้อง.... นายอย่ารู้จากปากของฉันเลย!” กัปตันหนุ่มสะบัดข้อศอกให้หลุดออกมาจากมือขาวของทิมมี่..พลางหันไปถามนางพยาบาลที่เคาว์เตอร์ว่า..

 “ขอโทษนะครับ... ผู้ป่วยที่เข้าการรักษาที่นี่ ที่ชื่อเอ่อ... เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ น่ะครับ...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”

 “รอสักครู่นะคะ...” นางพยาบาลหันไปคีย์ข้อมูล... ในขณะที่กัปตันลูคัสหันมามองทิมมี่ด้วยสายตาวิงวอน ขอให้หนุ่มหน้าหยกอย่างโกรธเขาเลย...แต่ทว่า...ทิมมี่ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเขาหรอก...หากแต่มีความรู้สึกหวั่นวิตกอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เขาเองก็เดาไม่ออกว่า เรื่องที่เขากำลังกลัวอยู่ในขณะนี้... มันจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เทเลอร์เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้หรือไม่


“...คุณเป็นญาติของคุณเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ ใช่มั้ยคะ?” นางพยาบาลถามขึ้น ขณะที่กัปตันหนุ่มรีบพยักหน้าก่อนทิมมี่ซึ่งขนาดพี่ชายแท้ๆยังคงไหวตัวไม่ทันเท่าเขาเลยสักนิดเดียว

 “ท..ทำนองนั้นครับ..อ..เอ่อ...ผมเป็นแฟนเขา...ส่วนคนนี้... เป็นพี่ชาย...” ทิมมี่เดินตรงไปยืนชิดกับเคาว์เตอร์เมื่อนางพยาบาลสาวมองมาทางเขา

 “ครับ...ผมทิมมี่ ดรอว์เยอร์...เอ่อ...น้องสาวผมอยู่ที่ไหนครับ?” ทิมมี่ถามด้วยสีหน้าที่เริ่มตึงขึ้น...นางพยาบาลตอบด้วยคำพูดที่พาให้คนทั้งคู่ชะงักไป..

 “เดี๋ยวดิฉันต้องขอโทรศัพท์บอกกับเจ้าหน้าที่เฝ้าห้องดับจิตก่อนนะคะ...พอดีว่าห้องนั้นล็อคอยู่น่ะคะ เดี๋ยวยังไงคุณทั้งสองช่วยรอบริเวณนี้สักครู่นะคะ...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เฝ้าห้องมาแล้วดิฉันจะให้เขาพาไปรับศพค่ะ” นางพยาบาลสาวพูดจบประโยคนั้น ....โดยที่ไม่ได้มองสีหน้าของชายทั้งสองคนที่กำลังยืนตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่คนทั้งคู่ได้ยิน!


 “........ค....คุณลูคัส..........” สีหน้าของหนุ่มหน้าหยกในเวลานี้...นิ่งค้างไปเมื่อกับร่างที่ไร้วิญญาณ และรู้สึกชาไปทั้งร่างจากการได้รับรู้ถึงคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า...เมื่อครู่นี้...

 “ฮัลโหล...ค่า... คือตอนนี้ไม่ทราบกำลังยุ่งอยู่มั้ยคะ คือญาติของผู้ตายที่ชื่อ..เอ่อ... เทเลอร์ ดรอว์เยอร์... รหัสเตียง C-CEL 7070 ที่เกิดภาวะช็อคตอนฉายรังสีน่ะค่ะ...พอดีญาติเขาจะมารับศพน่ะค่ะ......... เอ๋?....... ว่าอย่างไรนะคะ?............... เมื่อสักครู่นี้มีคนนำศพไปแล้วเหรอคะ!?..... ใครคะ?........ด...เดี๋ยวชื่ออะไรนะคะ............ อ...อ่ะค่ะๆ...ขอบคุณมากค่ะ” นางพยาบาลสาววางโทรศัพท์แล้วหันมารายงานกับคนทั้งคู่

 “คือคุณคะ มีคนที่ชื่อเอ็มม่ามารับศพ....อ...เอ๋!?” แต่ทว่า... คนทั้งคู่... ไม่ได้ยืนอยู่ ณ ที่นี้เสียแล้ว....               




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-09-2011 11:39:48

FLIGHT 16 : ฉากจบของนางฟ้า (2)



 
กัปตันลูคัสถูกทิมมี่ดึงแขนออกมาที่ลานจอดรถด้านหลังของโรงพยาบาล..หากแต่ทั้งสองยังคงมีสีหน้าที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง..ดูเหมือนกัปตันหนุ่มจะช็อคกับสิ่งที่เขาได้ยินมา...แววตาแข็งกระด้างพาให้ทิมมี่ไม่อาจรู้ได้ว่าในเวลานี้เขารู้สึกอย่างไร หากแต่สิ่งที่ทิมมี่รู้ดีในเวลานี้ก็คือ..ความรู้สึกของตัวเขาเอง..ที่มันรู้สึกช็อคมากไปกว่า...กับสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่นั้น...


 “กัปตัน!! คุณรู้อะไร!! ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ!!คุณรู้มาก่อนหน้านี้แล้วใช่มั้ยว่าเทเลอร์เป็นอะไร!! ทำไมคุณถึงต้องโกหกผมด้วย!! ทำไม!! ทำไม!!” ร่างสูงใหญ่ถูกเขย่าแขนทั้งสองข้าง.. เขาเซไปมาเมื่อถูกร่างบางเขย่าราวกับเขานั้นไม่มีเรี่ยวแรงใดใดเหลืออยู่เลยในเวลานี้...ดวงตาแดงก่ำของกัปตันลูคัส มองมาทางทิมมี่ ที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่...และบนใบหน้าขาวนั้น ก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง..พร้อมๆกับความรู้สึกของทิมมี่ที่ส่งมาให้เขาพาให้ชายหนุ่มรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม...


 “....เทเลอร์.... ขอร้องฉัน.......ว่าไม่ให้บอกนาย....” คำตอบของกัปตันลูคัส...ทำให้หนุ่มหน้าขาวยังคงสีหน้าอึ้ง และดูเหมือนจะมากกว่าเดิมหลายเท่า

 “.....คุณลูคัส................ ผมเป็นใคร!.... ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้! ทำๆไม!! คุณโกหกผมทำไม!!”

 “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนายนะทิมมี่!! แต่ฉันรับปากเทเลอร์เอาไว้!! ...เธอบอกกับฉันว่าเธอเป็นมะเร็งกระดูก!! เป็นมาตั้งแต่ตอนที่เธอเพิ่งจะลาออกจากงานแล้ว!! และเรื่องนี้คุณเอ็มม่าก็รู้ก่อนฉันเสียอีก!! .... นายต้องเข้าใจ!! เทเลอร์รักพี่และน้องของเธอมาก!! แม้แต่เทลิซ่าที่อยู่กับเทเลอร์ตลอด! ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!! ....ทิมมี่!! อย่าโกรธฉัน!!” กัปตันลูคัสตะเบงเสียงตอบ พลางเขย่าร่างที่บางกว่ากลับ... พร้อมกับบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำตาของความเป็นชายไหลออกมาให้ทิมมี่ได้มองเห็นแล้ว....ทิมมี่บีบน้ำตาก่อนที่จะร้องไห้ออกมาลั่น... ฝ่ามือของคนทั้งสองต่างคนต่างบีบอยู่ที่ข้อศอกของกันและกัน...ราวกับจะถ่ายทอดความโศกเศร้าทั้งหมดให้กับคนตรงหน้า... จนบรรยากาศรอบๆนี้... มันมีแต่ความว้าเหว่และสลดใจ...กับสิ่งที่คนทั้งคู่ได้รับ...


 “แต่คุณ.... ทำไมคุณถึงไม่คิดบ้าง...ว่าผมจะต้อง....ฮือ~” ทิมมี่พูดไม่ออก... แต่ทว่า...คนตรงหน้า...รับรู้ถึงความรู้สึกของหนุ่มหน้าขาวคนนี้ดี...ร่างสูงใหญ่ โผเข้ากอดร่างของทิมมี่...แขนทั้งสองข้างโอบรัดร่างบางเอาไว้แน่นหนาจนทิมมี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้รับมาราวกับเป็นลมอุ่นที่พัดเข้ามาปลอบประโลมให้กับชีวิตที่แสนเจ็บปวดของเขา... ร่างของคนทั้งคู่โอบกอดซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น....และสิ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องตกตะลึงนั้น! ก็ปรากฏขึ้นอย่างที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด!!


                           
ปี๊น~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!



แสงไฟจากรถเก๋งคันหรูสีแดงเพลิง..พุ่งเข้ามาแยงตาของทิมมี่และกัปตันหนุ่มจนต้องเบี่ยงหน้านี้...ทันใดในช่วงวินาทีที่ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์ตกใจ..กัปตันหนุ่มโอบกอดร่างทิมมี่แล้วเบี่ยงให้หลบไปบริเวณข้างทาง! กัปตันหนุ่มล้มทับร่างของหนุ่มหน้าขาวอย่างแรง...หากแต่ฝ่ามืออันแสนอบอุ่นของเขา..สอดไปรองรับศีรษะของทิมมี่เอาไว้ได้ทัน ทำให้ศีรษะของหนุ่มหน้าขาวพ้นจากแรงกระแทกที่พื้นไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด...แต่สิ่งที่เป็นผลจากการกระทำนั้น...ก็ทำให้ทิมมี่และกัปตันหนุ่ม... พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน!


สาเหตุที่เพราะคนทั้งคู่...พูดอะไรไม่ออกนั้น...เนื่องจากริมฝีปากของกัปตันลูคัสในเวลานี้... มันกดอยู่บนริมฝีปากเรียวบางของหนุ่มหน้าขาว.. ที่นอนตัวแข็งทื่อภายใต้ร่างแกร่งของกัปตันหนุ่ม... ในเวลานี้นั่นเอง..เวลาเกือบหนึ่งนาที... ที่กัปตันหนุ่มยังคงอยู่ในภวังค์นั้น...จนกระทั่งเมื่อเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามา..ทิมมี่เป็นคนทำลายอารมณ์และความรู้สึกที่ค้างเติ่งอยู่นี้ออกไปจากหัวจนหมดสิ้นก่อนที่หนุ่มหน้าหยกจะรีบลุกขึ้น ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นบุคคลที่กำลังเดินตรงเข้ามา.. ด้วยความไม่คาดคิด!

 “...ค.... คุณวีว่า...!!” หญิงสาวในชุดกราวน์สีดำ เดินก้าวเข้ามาช้าๆ..พาให้ทิมมี่และกัปตันลูคัสที่เดินออกมาเผชิญหน้ากันนั้น... แสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของงหล่อนที่นี่.. และในเวลานี้!

 “ตกใจมากรึไงคะ?... คุณลูคัส!?” สายตาของเธอน่ากลัวกว่าน้ำเสียงที่พูด..ทิมมี่รับรู้ถึงแววตาร้ายกาจที่แสดงความเป็นเจ้าของนั้นดี.. เขาเคยแต่ได้ยินเทลิซ่าโทร.มาฟ้องเขาเมื่อตอนที่เขาพักอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อปีก่อน..ว่าเทเลอร์ถูกใครบางคนตามรังควานและคอยทำร้ายอย่างไม่หยุดหย่อนจนทำให้น้องสาวของเขาต้องทิ้งงานทิ้งการ..แต่เขาไม่คิดว่าบุคคลดังกล่าวจะชื่อ “วีว่า เลอคอติส” จนกระทั่งมาได้ยินจากปากของเทเลอร์เอง... มิหนำซ้ำ... ทิมมี่ยังรู้สึกร้อนวูบเมื่อเห็นสายตาชิงชังของเธอในเวลานี้เป็นอย่างมาก...ทิมมี่รู้ดี... ว่าเทเลอร์ผ่านอะไรมา.. และมันคงเลวร้ายไม่เบาเป็นแน่!

 “...ธ...เธอมาที่นี่ได้ยังไง? วีว่า!?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะเขาเดาได้ว่าการปรากฏตัวของเธอในเวลานี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

 “ถามทำไมคะ?... คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอไง? ฮึ... น่าขำเป็นบ้า... ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมารับศพนังเทเลอร์ ดรอว์เยอร์..... นางฟ้าปีกหักคนนั้น..นี่คุณยังไม่ลืมมันอีกรึไง!” ทิมมี่กำหมัดแน่น เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดถึงน้องสาวตัวเองในทางที่เลวร้าย..ขณะเดียวกัน กัปตันหนุ่มเดินตรงเข้ามาที่เบื้องหน้าของหล่อน..พร้อมกับสีหน้าและแววตารังเกียจรังชังเธอมากมายเหลือเกิน และดูเหมือนว่า... วีว่า เลอคอติส ก็จะรับรู้ถึงสายตาดังกล่าว แต่หล่อนกลับไม่ได้แสดงท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด

 “นางฟ้าที่ปีกหัก... หมายถึงคุณต่างหากวีว่า... ไม่ใช่เทเลอร์!” คำพูดนั้น.. เริ่มทำให้วีว่า ขุ่นเคืองจนออกมาที่สีหน้าในเวลานี้บ้างแล้ว

 “คุณลูคัส!!”

 “คุณไม่ต้องมาตะเบงเสียงใส่ผม!! คุณมันก็เหมือนตัวหลืบตัวไร! ที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของผม! คุณมันตัวน่ารังเกียจมากคุณรู้มั้ยวีว่า!!”



เพี๊ยะ!!



สิ้นสุดคำตอกกลับของกัปตันหนุ่มเขาก็ถูกตบอย่างแรงด้วยฝ่ามือของวีว่า เลอคอติส! ...หญิงสาวกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้นที่ได้ยินพูดดังกล่าวของกัปตันลูคัส


 “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า! ที่คุณจะมาดูถูกและมามองข้ามคนอย่างฉันได้!! ฉันไม่ใช่นังเทเลอร์ที่โง่งี่เง่า!! ฉันมาก่อนมัน!! และฉันก็เป็นของคุณแล้ว... และคุณก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน!!”

 “เธอนั่นแหล่ะงี่เง่า!! ผู้หญิงอย่างเธอใครเขาจะเอาไปทำพันธุ์หรือวีว่า!! มองค่าตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว!!”

“คุณลูคัส!! แต่ฉัน!”

 “ออกไปให้พ้นจากชีวิตของผม!! ไป!!” ไม่เคยมีใครเห็นท่าทางและอารมณ์ของกัปตันหนุ่มผู้นี้โกรธจัดได้ถึงขนาดนี้มาก่อน... แววตาขุ่นมัวและสีหน้าที่ราวกับจะลุกเป็นไฟเนื่องจากความร้อนผ่าวในจิตใจของเขาตอนนี้มันแทบจะระเบิดออกมาใส่ผู้หญิงหน้าด้านตรงหน้าคนนี้ในเวลาไม่ช้า...หากแต่หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลัว ใบหน้าที่สั่นเทาเพราะความเจ็บแค้นและเกรงกลัวต่อคนตรงหน้า...ทำให้หญิงสาวต้องพูดอะไรบางอย่างออกมา.. ก่อนที่ตัวหล่อนจะเดินกระแทกฝีเท้าออกไปอย่างไม่มีวันสำนึกผิดใดใดในตัวเอง..

 “จำไว้นะคุณลูคัส!! หากคุณคิดจะทิ้งฉัน... เหมือนกับที่คุณทิ้งคนอื่นๆ..... คุณ!! จะไม่มีวันได้อยู่อย่างมีความสุข!! จำคำพูดของฉันไว้เลย!!” กัปตันหนุ่มยืนอึ้ง...มองแผ่นหลังของหญิงสาวผู้ร้ายกาจเดินขึ้นรถ แล้วแล่นออกไปอย่างเร็ว! ชายหนุ่มมองรถคันสีแดงเพลิงเลี้ยวหายไปลับตา.. ก่อนที่เขาจะเริ่มมีสติอีกครั้งแล้วก็รีบหันมาทางด้านหลังที่เขาคิดว่ามีทิมมี่ยืนอึ้งอยู่... หากแต่ว่าในเวลานี้... เขาไม่เห็นร่างของหนุ่มหน้าขาวคนนั้นเสียแล้ว!




 “ทิมมี่!.... ทิมมี่!!”


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




เสียงร้องไห้ดังระงมภายในโบสถ์นอเธอร์ดัมที่สวยงามยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า... แสงจากโคมไฟมากมายประกายไปทั่ว...ทั้งโบสถ์และวิหารนอเธอร์ดัมที่ตั้งอยู่เคียงกัน.. หากแต่ความสวยงามเบื้องนอกกลับมีความโศกเศร้าเสียใจอยู่ภายใน...
ชายหนุ่มหน้าขาวเดินตรงเข้ามาภายในโบสถ์... ดวงตาแดงก่ำและร่างกายที่สั่นเทา... มองเห็นแผ่นหลังของหญิงชราที่กำลังยืนร้องห่มร้องไห้อยู่เบื้องหน้าตัวเมียบสีน้ำตาลสวยงามเบื้องบนแท่นสง่านั้น...ดอกไม้สีขาวถูกตกแต่งอยู่บนหีบยาวที่ใครๆเรียกมันว่า “โลงศพ” ... หนุ่มหน้าขาวไม่อยากจะคิดเลยว่า... หีบหลังนั้นน่ะหรือ... ที่เป็นที่อยู่ของเทเลอร์... น้องสาวที่เขาสุดรักในเวลานี้...

 “....คุณเอ็มม่าครับ...” เสียงของทิมมี่เรียกหญิงชราที่ยืนเดียวดายอยู่ภายในโบสถ์หลังนี้...

 “คุณหนู! ฮือ~!!!” เอ็มม่าหันกลับมาแล้วเดินตรงเข้ามาสวมกอดร่างของทิมมี่ด้วยความโศกเศร้า... ร่างทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่น.. ความรู้สึกสะเทือนใจในยามนี้...ใครจะมากเท่าทิมมี่ได้กันล่ะ... ใช่.. ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป... เร็วและไร้ความคาดคิด...และมิอาจได้สั่งเสียต่อกันเลยแม้จะสักวินาทีเดียว..

 “ทำไม.... คุณถึงไม่บอกผมล่ะ...คุณเอ็มม่า...” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่เอ็มม่ายิ่งร้องไห้โฮหนักเข้าไปอีก...

 “ดิ...ดิฉัน..... ดิฉันทำตาม... ที่คุณหนูเทเลอร์ขอร้องเอาไว้น่ะค่ะ...ฮือ~!” ทิมมี่ได้ยินคำพูดของหล่อน... พาให้คิดถึงใบหน้าของคนอีกคนหนึ่ง

 “...ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ.... ในสายตาของคุณ.... ไม่ได้เห็นผมมีความหมายอะไรแก่เทเลอร์เลยใช่มั้ย...” ทิมมี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ..น้ำตาที่คลอเบ้าและยังไม่ยอมปล่อยให้มันไหลออกมา... หากแต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มได้ปลดปล่อยความโศกเศร้าออกมาแล้วล่ะก็...เวลานั้น.. คำว่า “เหตุผล” ใดใด... ก็ไม่อาจมีความหมายอีกต่อไปแล้ว...ใช่.. ตอนนี้ เขายังต้องการเวลาที่ยังมีสติ...เพื่อที่จะรับฟังเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของเรื่องที่เกิดขึ้น...จากใครหลายๆคนอยู่..



“ตรงกันข้ามเลย.... นายมีความหมายแก่เทเลอร์....มากที่สุด” น้ำเสียงที่ตอบกลับ.. มันไม่ใช่น้ำเสียงของเอ็มม่า แต่กลับเป็นเสียงของกัปตันหนุ่มที่เดินเข้ามา..ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความสะเทือนใจ...เมื่อได้เห็นที่อยู่ของคนรักในเวลานี้... ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า..ทิมมี่ค่อยๆหันมามองกัปตันหนุ่ม..บัดนี้... เหตุผลใดใดไม่จำเป็นสำหรับหนุ่มหน้าขาวอีกต่อไปแล้ว... เมื่อในที่สุดน้ำตาแห่งความเศร้า... ก็ได้ไหลพรูลงมา... เมื่อสายตาของคนทั้งคู่เผชิญความรู้สึกกดดันมากมายต่อกัน...


 “และที่เทเลอร์ตกลงกับฉัน... และคุณเอ็มม่า.........ก็เพราะว่าเทเลอร์เอง.... รักพี่ชายของเธอมาก... รวมถึงน้องสาวของเธอด้วย....”


 “แล้วนี่น่ะหรือคือสิ่งที่คนที่เทเลอร์รักจะต้องประสบพบเจอ!! นี่น่ะหรือสิ่งที่ผมจะต้องได้รับหลังจากที่ผมกำลังจะเดินกลับบ้าน!! สิ่งนี้น่ะหรือที่เทเลอร์มอบให้สำหรับคนที่เธอบอกว่าเธอรักมากที่สุด!! ผมควรจะเสียใจกับเธอในเวลาแบบนี้!! โดยที่ไม่มีเวลาสักนาทีเพื่อที่จะได้ทำใจเลยน่ะหรือคุณลูคัส!! คุณไม่ใช่ผม!! ต่อให้คุณปลอบผมให้ผมเข้าใจยังไง!! ผมก็ไม่มีวันเข้าใจกับสิ่งที่พวกคุณทำหรอก!!! ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก!!” ทิมมี่ร้องไห้โฮออกมา.. พลางหันหลังให้กัปตันหนุ่ม  และเงยหน้ามองโลงศพที่ตั้งนิ่งอยู่เบื้องหน้า...

 “ถ้าฉันเป็นคนที่สำคัญสำหรับเธอจริงๆ!! เธอจะไม่ทำกับฉันแบบนี้หรอกเทเลอร์!! เธอจะไม่ทำ!” ทิมมี่เอ่ยบอกน้องสาวที่นอนไร้วิญญาณอยู่เบื้องหน้า...ขณะที่บาทหลวงเริ่มตีระฆังบ่งบอกสัญญาณว่าเป็นเวลาสองทุ่มพอดี...เสียงระฆังดังกังวานไปทั่ว..ราวกับเป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดของคนที่กำลังยืนรับไม่ได้อยู่ภายในโบสถ์หลังนี้

 “คุณเอ็มม่าครับ.. ผมขอคุยกับทิมมี่ก่อนได้มั้ยครับ”

 “ช..เชิญค่ะ” หญิงชราเดินออกไปทั้งน้ำตา... กัปตันหนุ่มเดินตรงมาใกล้แผ่นหลังของร่างที่บางกว่ามากยิ่งขึ้น... แต่ทว่า! ทิมมี่กลับหันหลังกลับมาทางเขาอย่างรวดเร็ว.... และ...



เพี๊ยะ!!!


ฝ่ามือเรียวบางตบเข้าไปที่ใบหน้าของกัปตันหนุ่มอย่างแรง...ร่างสูงใหญ่เบนใบหน้าไปตามแรงปะทะดังกล่าว... และยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่านั้น... ดวงตามองลงต่ำ น้ำตาเริ่มเอ่อท่วมเบ้าจนความรู้สึกเข้มแข็งของชายชาตรีกำลังจะถูกถล่มลงด้วยการกระทำของคนตรงหน้า...


 “การที่เทเลอร์ได้เดินมาเจอคนอย่างคุณ....ผมคิดว่ามันเป็นเวรกรรม และจุดจบของเธอ ที่ทุเรศที่สุดเลยคุณรู้มั้ย!” น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันเบาแต่กลับเยือกเย็นอยู่ในที

 “..... และการที่ผมได้มาพบกับคนอย่างคุณ.....ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นเวรกรรมเช่นกัน....ผมไม่คิดว่าคุณจะทำให้ผมต้องเสียใจกับเรื่องแบบนี้ได้อีก.... คุณปิดบังเพื่อคนอื่น... มองข้ามความรู้สึกของผม... คุณไม่ยอมให้ผมได้สั่งเสียเธอ!! คุณไม่ได้เข้าใจและลึกซึ้งถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเทเลอร์เลยสักนิดเดียว!!! คุณลืมไปแล้วหรือคุณลูคัส!! การกลับมาอยู่ในปารีสของผม... ผมมีเจตนาอะไรต่อคุณ!! ผมกลับมาที่นี่ก็เพื่อปกป้องใครคุณก็รู้!! แต่ทำไมคุณถึงมองข้ามผม... คุณทำให้ผมเจ็บปวดอย่างนี้อยู่เรื่อยได้ยังไง!! คุณทำได้ยังไง!!” อีกหลายการตบตีจากฝ่ามือของทิมมี่... ที่ลงไปยังใบหน้าอันคมสันของชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน...หากแต่กัปตันหนุ่มก็มิได้ถอยหนีหรือต่อสู้ใดใด... เขากลับก้มหน้านิ่ง... เอียงหน้าให้ชายหนุ่มได้ระบายความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้น... หากแต่คงจะยังไม่จบสิ้นสำหรับความเจ็บปวดดังกล่าวในเวลานี้เป็นแน่

 “..... ฉันพยายามแล้วทิมมี่.... ฉันพยายามจะทำให้ชีวิตของนายและน้องสาวนายดีขึ้น.... ฉันพยายามที่จะไม่ทำให้ใครเสียน้ำตาอีก..... และฉัน...... ก็พยายาม...... ที่จะทำให้นายมีความสุขด้วย...”

 “คุณสร้างภาพมากกว่า... คุณกลับมาเพราะคุณสงสารน้องของผม!! เพราะคุณรู้ว่าน้องสาวผมเป็นมะเร็งไงล่ะ!! ไอ้มะเร็งที่พี่ชายงี่เง่าอย่างผมยังไม่มีโอกาสได้รู้!! จนวันที่น้องตัวเองตายเนี่ย!! ใช่มั้ย!! คุณทำออกมาเพราะคุณสร้างภาพ!! คุณเคยทำให้ใครมีความสุขโดยที่มันออกมาจากใจคุณบ้างมั้ย!! คุณลูคัส!! เคยมั้ย!!”

 “เคย!!” เสียงแข็งกร้าวที่ตะคอกกลับ...พาให้ร่างที่บางกว่าหยุดอารมณ์ที่แสนเจ็บปวดในยามนี้ชะงักลงทันที...

 “ฉันเคย และก็ทำอยู่ในทุกวันนี้!! ฉันกำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครคนนึง!! เปลี่ยนมันเพื่อที่จะทำให้เขาคนนั้นเชื่อมั่นว่าฉันเองก็เป็นคนมีหัวใจ!! ฉันกำลังพยายามทำใจเพื่อที่จะยอมรับตัวเองกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ตัวเองไม่เคยคิดทำเพื่อใครมาก่อน!”

 “เฮอะ...ฮะฮะฮะฮะ! คุณพูดดูดีให้ตัวเองเสมอคุณลูคัส!! คำพูดของคุณมันเวอร์เกินไป! คุณไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นมันเลย!! ผมไม่เห็นคุณจะเปลี่ยนอะไรสักนิด!!”

 “นายจะรู้ดีไปกว่าฉันได้ยังไง!!! ฉันพยายามมองคนๆหนึ่งให้เหมือนกับคนอื่นๆที่ฉันเคยรู้สึกดีด้วยมันยากเย็นขนาดไหนนายรู้มั้ย! .... คนๆนั้นที่ทำให้ฉันต้องคิดทบทวนว่า... ฉันกำลังเดินไปในทางที่ถูกอยู่หรือเปล่า! .... คนที่อยู่ในสถานะที่ฉันไม่สามารถรักได้!! แต่ฉันก็กำลังพยายามอยู่!! แต่คนงี่เง่าอย่างนายจะไปรู้อะไร!!” ทิมมี่มองหน้ากัปตันหนุ่ม... สีหน้าเย้ยหยันปรากฏขึ้นต่อสู้กับดวงหน้าคมสันที่เปื้อนน้ำตาของเขา

 “เสียใจด้วยนะคุณลูคัส.... คนๆนั้น......เขาไม่มีลมหายใจไว้รอดูคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกแล้ว... คนๆนั้นรอให้คุณทำใจรักเขาไม่ได้อีกแล้ว.... เพราะคนๆนั้นเขาตายแล้ว!! เขาตายไปแล้ว!!!” ทิมมี่ผละออกมาจากกัปตันหนุ่ม... หนุ่มหน้าขาววิ่งออกมาจากโบสถ์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสะเทือนใจในเวลานี้...ทิ้งให้กัปตันหนุ่มหันหลัง..และมองตามร่างบางที่วิ่งออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจไม่แพ้กัน.. น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินลงมา..พร้อมกับคำพูดที่ดังคลุมเครืออยู่ในลำคอของเขาว่า...



 “พูดผิดแล้วทิมมี่.......... คนที่ทำให้ฉัน...พยายามเปลี่ยนตัวเอง.........ไม่ใช่คนที่ตายไปแล้ว....... หากแต่เป็น..........คนที่เพิ่งเดินหนีฉันไป..... คนๆนั้นต่างหากล่ะ....”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.
                       





ลัลล้าสบายใจ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างเอ่ย ^_^

ตอนบ่ายมีสอบ สาธุ!! สอบได้ๆๆ 55+

ไปละค้าาาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-09-2011 14:47:37


ง่า เศร้าเชียว
งี้จะกลับมาดีกันยังไงเนี่ย


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 28-09-2011 15:15:54
โอ้ย เครียดดดดดดด

ต่อไวๆนะคร้าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-09-2011 20:06:17
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 28-09-2011 21:58:58
ขอให้ทำข้อสอบได้แล้วก็มาลงตอนต่อไปเร็วๆนะคะกำลังลุ้นเลยเชียววววว  มาม่ากะลังอืดได้ที่เชียว :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-09-2011 23:02:12
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 29-09-2011 01:27:45
เพิ่งเข้ามาอ่านสามชั่วโมงลวดจนตามทันขอบอกว่าสนุกมากๆเลย เป็นกำลังใจให้นะคับทิ้งไปสอบกับตอนเศร้าๆสะงั้นขอให้สอบดีๆนะครับ รอตอนต่อไปจร้ารีบมาต่อไวๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 15-16 [28/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 29-09-2011 02:06:17
เอาใจช่วยลูคัส...ให้เอาชนะใจทิมมี่ให้ได้เร็วๆน้าา

เป็นกำลังให้คนโพสด้วยจ้า  +1  ให้น้าา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 29-09-2011 08:40:43

มาต่อก่อนไปสอบวันสุดท้ายยย ^^






FLIGHT 17 : รอยต่อของหัวใจ





-ผับมาดมัวแซล-


เทลิซ่าเดินสะพายกระเป๋าเข้ามาภายในผับด้วยสีหน้าบึ้งตึง.. สายตากวาดมองไปรอบๆสถานที่เริงรมย์ แต่กลับมีผู้คนบางตา อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่ดึกมากนัก.. หญิงสาวเลี่ยงคำถามจากบริกรพลางตอบสวนไปก่อนจะได้ยินคำถามว่า เธอนัดกับเพื่อนเอาไว้..


 “หาใครอยู่หรือเปล่า?” เสียงนิรนามพาให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เสียงมันมาจากด้านหลังพลางเห็นบุคคลต้นเสียงนั่งเหยียดตัวอยู่ที่โต๊ะวีไอพีชุดใหญ่...หากแต่คนที่นั่งอยู่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวแปลกใจเท่าไหร่นัก เทลิซ่าเม้มปากอย่างเจ็บแสบ ที่เห็นสีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ เขาช่างดูสุนทรีย์กับการกระทำของตัวเองเหลือเกิน

 “กระเป๋าฉันอยู่ที่ไหน!”

 “.....ห...ห๊ะ?”

 “อย่ามากวนนะ! กระเป๋าฉันอยู่ไหน!!” เทลิซ่าแสดงสีหน้าเหลืออด ไปพร้อมๆกับน้ำเสียงที่เปล่งออกไป

 “ก็เสียงเพลงมันดัง...พูดดังๆหน่อยซี่....เออ...ทางที่ดีมานั่งก่อนจะดีกว่า” เทลิซ่าเดินตรงเข้าไป...หากแต่เธอไม่ได้เดินไปเพื่อที่จะนั่ง.. แต่หล่อนกลับหยิบแก้วมาการิต้าขึ้นมาในมือ...แล้วก็...



สาด...


 “เฮ้ย!~~!!” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวลุกขึ้น เมื่อเสื้อผ้าราคาแพงถูกหญิงสาวที่ยืนเท้าสะเอวอยู่เบื้องหน้าสาดเข้าให้จนกลิ่นโซดาหึ่งเต็มตัว...สีหน้าของบาเรลล์ไม่วายปรากฏอารมณ์ขุ่นมากยิ่งขึ้น..

 “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”

 “เอากระเป๋าของฉันมาเดี๋ยวนี่นะ!!” เทลิซ่าตะเบงเสียงใส่.. ขณะที่ดีเจผิวดำที่ยืนสแคลชแผ่นอยู่ด้านบนนั้นมองเห็นสถานการณ์พร้อมๆกับคนอื่นๆ เลยรีบคว้าเพลงที่แรงขึ้นมาขย่มอารมณ์ของคนทั้งคู่...

 “ม..มีอะไรกันหรือเปล่าครับ!” ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการผับ สวมชุดสูทสีดำหน้าอกมีเข็มกลัดป้ายชื่อสีทองดูดี แต่หน้าไม่ให้อาชีพนี้.. ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างๆเทลิซ่า

 “อย่ามายุ่ง! แฟนจะคุยกัน! เก็บหน้าเอาไว้รับแขกเถอะไป!” แม้แต่ผู้จัดการก็ยิ้มแห้งและแอบโบกมือบ๊ายบายในใจให้แก่เทลิซ่า ... หญิงสาวทำท่าว่าจะหยิบจานป๊อบคอร์นที่วางอยู่บนโต๊ะเดียวกันขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอีก แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับไหวตัวทันแล้วคว้ามือของหล่อนไว้... ฝ่ามือของชายหนุ่มบีบข้อมือของเทลิซ่าแน่นจนหญิงสาวต้องเอามืออีกข้างของตัวเองทุบตอบโต้ฝ่ามือหนานั้นอย่างแรง

 “ปล่อย!! เจ็บนะ! ทำบ้าอะไรเนี่ย!”

 “ฉันบอกให้เธอนั่งกับฉัน! แค่นี้มันยากนักรึไง!!”

 “นี่!! ไอ้หัวแหลม!! ฉันไม่ได้จะมานั่งกินเหล้ากับนายนะ! ฉันมาเอากระเป๋าของฉันคืน!! ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว นายอย่ามาลดเวลาการพักผ่อนของฉันจะได้มั้ย!! ฮะ!! เอากระเป๋ามา!”

 “เพลียมากเหรอ...” น้ำเสียงของชายหนุ่มถามสวน..น้ำเสียงดูไม่ต่อเนื่องจากอารมณ์ก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่

 “เพลียมากจะได้พาไปเปิดห้อง...ที่ไหนดีล่ะ...”

 “เปิดห้องกับแม่แกน่ะสิ!! ฉันจะเอากระเป๋า!”

 “เธอชอบโรงแรมไหน..” เทลิซ่าหันซ้ายหันขวามองเห็นคนมากมายที่เมื่อครู่ได้แอบมองมาทางเธอ แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของเธอสวนกลับพวกคนเหล่านั้นก็เลยหันขวับกลับไปทันทีเช่นกัน

 “อย่ามากวนประสาทฉัน!! เอากระเป๋า...!!” มีอะไรบางอย่าง.. ทำให้หญิงสาวชะงักไป...สายตาของเธอมองผ่านชายหนุ่มที่ยืนหน้านิ่งตรงหน้า...ทะลุไปยังด้านหลัง..ที่มีใครบางคนกำลังจะยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของบาเรลล์ในเวลานี้..

 “เฮ่ย.... จะเอากระเป๋าของผู้หญิงไปทำอะไรวะ?” ต้นเสียง... ทำให้บาเรลล์ขมวดคิ้วก่อนที่จะหันไปมองด้วยท่าทีช้าๆราวกับไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงนั้นของใครบางคนเสียเท่าไหร่...และซึ่งเมื่อทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันแล้ว... บาเรลล์คลี่ยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับสายตาขุ่นเคืองกับการที่เควินได้มาปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้...


 “ฉันถามน่ะ.... แกจะเอากระเป๋าผู้หญิงไปทำไม?” สายตาของบาเรลล์ดูเหมือนจะสะกดให้คนรอบข้างรับรู้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่าง... ผู้คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะรอบๆต่างทำทีลุกขึ้นไปเต้นที่อื่น หากแต่ความจริงแล้ว...พวกเขากลัวว่าเมื่อไหร่พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นตรงนี้ เขาจะได้ปลีกตัวออกมาก่อนที่จะถูกลูกหลงพายุให้หมุนติ้วตามไปด้วย..

“แล้วมันเรื่องอะไร....ไม่ทราบ?” บาเรลล์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก...ท่ามกลางเพลงสุดระทึกอารมณ์ที่ดีเจกำลังสแคลชส่งมาให้

 “เอ้า... ก็แค่สงสัยเฉยๆน่ะสิ... เอ... หรือว่าแก....จะแอบจิตวะ?”

 “อะไรนะ!?”

 “เอ้า! ก็แกเอากระเป๋าผู้หญิงใบแบบนั้น...แกจะต้องการอะไรจากในกระเป๋าล่ะ... นอกจากว่าจะมี... ยกทรง...กางเกงชั้นใน...แล้วก็.....หึหึหึ...ผ้าอนา..”



ผัวะ!!!!~!!!!



ยังไม่ทันที่เควินจะถามถึงข้อสงสัยจบสิ้น...ใบหน้าของเขาก็กระแทกด้วยหมัดเหล็กของหนุ่มหน้าเย็นคนนี้...ท่ามกลางเสียงวีดว้ายจากสตรีเพศโดยรอบ...เทลิซ่าเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างมันไปกันใหญ่แล้ว... พลัน.. สายตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะวีไอพีที่บาเรลล์นั่งอยู่ตรงนี้

 “อย่ามาปากดีกับฉัน!! แกก็รู้ดีนี่ว่าฉันเป็นใคร!! อยากจะอยู่ชั้นกราวน์ก็บอกดีๆก็ได้นะ...ฉันจะปลดแกให้ลงมาดักดานอยู่ที่ภาคพื้นดิน!! เผื่อแกจะได้สาระแนเรื่องของคนอื่นได้ง่ายขึ้น!!” นี่อาจจะเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดของบาเรลล์...ในความรู้สึกของเทลิซ่า ...หญิงสาวหันไปมองเควินแล้วรีบวิ่งปรี่ไปทางเขา

 “เควิน! นายไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้หรอกนะ... ฉันไม่เป็นไร นายกลับไปเถอะ!” เควินหันกลับมามองเทลิซ่าที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่ด้านหลัง...ด้วยแววตาขุ่นเคืองอย่างไม่เข้าใจ

 “อะไรของเธอ...”

 “ได้ยินแล้วใช่มั้ยไอ้งั่ง! ผู้หญิงเขาไล่ให้กลับบ้านน่ะ...หึ... ไปนอนดูดนมวัวต่อเถอะว่ะ”

 “โหยไอ้!!”




ผัวะ~~!!!



                       
ครั้งที่สอง..ก็ยังเป็นหมัดเหล็กของบาเรลล์ที่มาถึงก่อนเควินจะเข้าไปบุกบ้างอยู่ดี...


 “เควิน!! นายกลับไปเถอะนะ!! ฉันไม่เป็นไร!! นายอย่ามาเดือดร้อนเลย! กลับไปเถอะ!!” ชายหนุ่มหันกลับมามองที่หญิงสาวด้วยริมฝีปากเปื้อนลิ่มเลือดอีกครั้ง...สายตาของเขาพยายามคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในเวลานี้...เป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่ต้องการอย่างนั้นหรือ...

 “กลับไปเถอะ... ฉันมาที่นี่... กับเขา...” คำพูดนั้น...พาให้เควินเหลือกตาโตเล็กน้อยด้วยความไม่คาดคิด

 “เธอเนี่ยนะ!?” เควินถามทวนด้วยน้ำเสียงอ่อนลง..

 “อ...อืม... นายกลับไปได้แล้ว... กลับไปเถอะ....” ไม่มีใครเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกประหลาดของเควินในเวลานี้ได้...คำพูดและน้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะไล่เขาจริงๆนั่นแหล่ะ...หากแต่ก่อนหน้านี้ เขาได้แอบมองเธอมาช่วงระยะหนึ่ง...จนเขาสามารถรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้มากับบาเรลล์ และก็กำลังจะมีปากเสียงกันด้วย... หากแต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเทลิซ่าจะต้องพูดโกหกแบบนี้

 “ไปสิไอ้งั่ง! ยืนเบลอทำไมล่ะวะ!” บาเรลล์พูดเสียด ขณะที่เควินหันมองกลับไปกลับมาที่บาเรลล์และเทลิซ่า... ก่อนที่สุดท้าย เขาจะหันมามองที่เทลิซ่าด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง..

 “แล้วแต่เธอแล้วกัน...” ชายหนุ่มเดินผละออกไป...พร้อมกับทิ้งอาการแน่นิ่งของคนหลายคนเอาไว้ ณ เวลานี้.. บาเรลล์ มองตรงมาที่เทลิซ่ารอยยิ้มของชายหนุ่มปรากฏบางๆ
 “ทำไม...เธอถึงพูดกับหมอนั่นอย่างนั้นล่ะ...” เทลิซ่าไม่ตอบ..แต่หลุบตาลงต่ำ...

 “...ไม่มีอะไร..... ก็แค่...”

 “ก็แค่อะไร...” บาเรลล์ยังรุกถามพลางค่อยๆก้าวเดินมาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น.. ขณะที่เวลานี้ดีเจกำลังเปิดเพลงที่ช้าลงเรื่อยๆ เหล่าคนที่มาก็พากันลุกยืนโยกไปมาตามจังหวะเพลงช้าๆ... อารมณ์แต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน.. อาจจะเป็นเพราะเจ้าดีเจผิวดำที่สร้างบรรยากาศได้แปรปรวนชนิดที่ว่าหักอารมณ์แบบฟ้าผ่าจริงๆ

 “ก็แค่... ฉันมาตามนัด... ที่นายสัญญาเอาไว้กับฉัน... ว่านายจะพาฉันมาเที่ยวที่นี่...ก่อนหน้านี่ไง” คำพูดและสีหน้าที่เรียบนิ่งของหญิงสาว..ปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้นบนใบหน้าของบาเรลล์

 “...โม้น่ะ... เธอพูดอะไรออกมา...รู้ตัวรึเปล่า?”

 “....อืม... รู้สิ...แต่ว่า........” สายตาของหญิงสาวเงยมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างที่เขาไม่รู้สึกตัว...เทลิซ่ายิ้มบางๆอย่างเขินๆ

 “....ฉันขอ...ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ...” เทลิซ่าเลี่ยงออกมาด้วยอาการเขิน...ขณะที่บาเรลล์มองตามหญิงสาวที่เดินขอตัวออกไป...สีหน้าของเขาเองก็เริ่มที่จะแสดงความดีใจขึ้นมามากขึ้น.. จนพาให้เหล่าบริกรและผู้จัดการที่ยืนเหงื่อตกอยู่บริเวณรอบๆนี้ต่างพากันยิ้มตามด้วยอารมณ์และความรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง..



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



ฝีเท้าของเทลิซ่า... ก้าวออกมาจากหลังร้านด้วยท่าทีที่เรียบนิ่ง...ร่างบางเดินตรงไปที่รถคันหรูสปอร์ตสีดำ หลังจากที่พยายามใช้สายตากวาดมองรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถแห่งนี้ว่า...มีรถคันไหนบ้างที่มีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากที่เธอกดปุ่มรีโมทเปิดประตูแบบแสงเลเซอร์ออกไปแล้ว..และในที่สุด..หล่อนก็เจอ..หญิงสาวเดินไปเปิดประตูรถคันนั้น... รถที่เธอแอบหยิบกุญแจมันหลังจากที่ชายหนุ่มบางคนวางเอาไว้บนโต๊ะด้วยความที่พลาดเกินไป...และเมื่อประตูทางคนขับถูกเปิดออกมาได้.. หญิงสาวก็ก้มตัวลงยกไกที่เปิดประตูหลังออกมา...ทันทีที่ประตูหลังเด้งขึ้น.. หญิงสาวก็เดินมายืนนิ่ง... มองทางช่องใส่ของขนาดใหญ่ของรถ..และที่เธอคาดเดาเอาไว้ก็ไม่ผิด... กระเป๋าของหญิงสาว.. นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าของหล่อนนี้เอง


เทลิซ่า...ปิดล็อคประตูทุกด้านเพื่อเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง.. แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าลากของตัวเองออกมาด้วย...แต่ทว่า... ภารกิจที่เธอมาที่นี่ สำเร็จลุล่วงไปแล้ว...แต่ความเจ็บใจบางอย่าง.... มันกลับยังไม่ยุติ...


                           

 พลัน!



สายตาของเธอ มองไปทางตู้นิรภัยสีแดงที่ติดตั้งอยู่ที่ผนังตรงหน้า... มันคือตู้ที่เก็บขวานฉุกเฉินเอาไว้...เธอมองมันแล้วยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสะใจบางอย่าง.. กับความคิดของตัวเอง



“รถสวยดีนะไอ้หัวตั้ง... รวยมากนัก... ก็เตรียมตัวถอยรถใหม่เลยแล้วกัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




รถแท็กซี่ขับมาจอดหน้าคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ในเวลาเกือบสี่ทุ่ม เทลิซ่าก้าวเข้ามาภายในบ้าน.. สายตาเธอกวาดมองสภาพแวดล้อมตรงหน้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่า...ทำไมบ้านเธอถึงเงียบสงัดถึงเพียงนี้...หญิงสาวเดินลากกระเป๋าเข้ามาด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้ายิ่งนัก..เธอเลือกที่จะปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการราวีจากบาเรลล์...หญิงสาวเดินเข้ามาวางกระเป๋าทุกอย่างไว้ที่ส่วนรับแขกบริเวณส่วนหน้าของตึก....พลางยกข้อศอกขึ้นมาเป่าด้วยความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากที่หล่อนไปทำอะไรบางอย่างมาจนกระจกแก้วเกิดบาดเข้าไปที่ศอกหากเพราะหล่อนไม่ทันระวัง




กริ๊งงงงง~!!!


เสียงโทรศัพท์บ้านพาให้หญิงสาวสะดุ้ง... หล่อนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เปิดไฟสักดวง... และหลังจากที่เดินไปเปิดไฟระย้าในส่วนรับแขกแล้ว..หญิงสาวก็ปรี่ตรงไปรับสายด้วยความรีบร้อน



 “ฮัลโหล....” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อหล่อนหวั่นเล็กๆว่าปลายสายจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ผับมาดมัวแซล... หากแต่ไม่ใช่..

“เทลิซ่า.....” น้ำเสียงที่สั่นกว่าของคนต้นสาย..พาให้เทลิซ่าขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย

 “ทิมมี่เหรอ....ทิมมี่หรือเปล่า?”

 “...อ...อืม” เสียงตอบรับปนกับความสะอึกสะอื้นพาให้หญิงสาวจับอารมณ์นั้นถูกแต่กลับไม่เข้าใจ

 “เป็นอะไรน่ะ?.... แล้วนี่หายไปไหนกันหมด...เออใช่! ...นี่ๆ เดี๋ยวนายโทร.เข้ามือถือได้มั้ย... เดี๋ยวฉันจะเปิด แล้วจะขึ้นไปดูเทเลอร์หน่อย...ตายแล้ว! ลืมซะสนิทเลยนะเนี่ย!”

 “.........ไม่ต้องหรอก...” เสียงของทิมมี่ ตอบกลับมาทันที จนทำให้หญิงสาวชะงัก

 “..ว่าไงนะ?..”

 “มาที่โบสถ์แล้วกัน.... ส่วนฉันกำลังจะกลับแล้ว...เพิ่งออกมา....”

 “เพิ่งออกมา?.... นายไปทำอะไรที่นั่น?.... แล้วคุณเอ็มม่าด้วย?... เธอไปไหน?”

 “เธอรออยู่ที่นี่... แค่นี้นะ” ทิมมี่ตัดสายไปทันทีและยังคงนั่งลงยองๆบนริมทางเท้าบนถนนสายเล็กๆที่ตัดผ่านโบสถ์...พลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด... ร่างสูงใหญ่ เดินออกมาจากโบสถ์พร้อมสายตาที่สั่นคลอเช่นกัน...เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆทิมมี่ แล้วยื่นฝ่ามือหนาให้หนุ่มหน้าขาวเบื้องหน้า...

 “กลับนะ... ฉันไปส่ง...” ทิมมี่เอามือปาดน้ำตา แล้วก้มหน้าวางลงบนฝ่ามือตัวเองครู่หนึ่งก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกแล้วลุกพรวดขึ้นโดยไม่สนใจฝ่ามือที่ยื่นมาให้ตัวเอง...จากคนที่ยืนอยู่ข้างๆในเวลานี้

 “ไม่เป็นไร... ผมจะกลับแท็กซี่...”

 “...... นายโกรธฉัน.....” กัปตันลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงสั่น.. แต่ใบหน้าเขายังคงเข้มแข็งมากกว่าทิมมี่หลายเท่านัก...

 “...แล้วคุณจะมาสนใจอะไร....หมดหน้าที่ของคุณแล้วคุณลูคัส.... เทเลอร์ตายไปแล้ว......... ผม..... คงจะไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกับคุณอีก......”

 “....พูดอะไรของนาย.... หน้าที่อะไร..... ฉันไม่ได้รู้สึกว่าการเข้ามาในชีวิตของเทเลอร์ เป็นหน้าที่ที่ฉันจะต้องทำหรอกนะ..... แต่ว่าฉัน..”

 “กลับไปเถอะคุณลูคัส... วันนี้ผมรู้สึกแย่จริงๆ....ผมรับรู้อะไรที่มันหนักหัวพอแล้ว... ผมอยากพักผ่อน... อ้อ.... แล้วก็....” ทิมมี่หันมาทางชายหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ข้างๆ แล้วสบตาเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้น

 “...ผมฝากลางานกับคุณโรสรอยด์และคุณซินดี้ด้วยนะครับ....ผมขอลาสักสามสี่วัน... ผมขอเวลา...สำหรับตัวเอง...สักระยะหนึ่ง...” ชายหนุ่มยังคงจ้องหน้าหนุ่มหน้าขาวอย่างไม่วางตา.. เขาเดินเข้ามาประชิดกับร่างที่บางกว่าพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำเพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็นสีหน้าและแววตา ที่เขาพยายามแสดงออกมาว่าเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเพียงไร... และไม่แพ้กันกับร่างบางนักหรอก

 “....หวังว่า..... นายจะกลับมา...แล้วยิ้มให้ฉันอีกครั้ง.... ใช่มั้ย...” ทิมมี่ได้ยินดังนั้น...สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแท็กซี่คันหนึ่งกำลังวิ่งผ่านมา... หนุ่มหน้าขาวผละตัวออกห่างจากกัปตันลูคัสก่อนที่จะโบกมือเรียกแท็กซี่ให้จอด...หนุ่มหน้าขาวเดินไปเปิดประตูรถ... และก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปนั้น...

 “....ผมไม่รับปาก.... ว่าเวลานั้น....ผมจะพอมีรอยยิ้มและความรู้สึกดีๆให้กับคุณอยู่อีกมั้ย...... แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้เวลานี้ก็คือ...........ผม.... เสียใจ.......เสียใจกับการกระทำของคุณ... และเทเลอร์เองก็เช่นกัน..” รถแท็กซี่แล่นออกไปในไม่ช้า...ทิ้งเหลือไว้เพียงชายหนุ่มร่างสูงที่ยังยืนมองตามไปอยู่ตรงนี้..และซึ่งความรู้สึกใหม่ที่กัปตันหนุ่มเริ่มแน่ใจในตัวเองแล้วว่า... สิ่งที่ตนเองพยายามค้นหามาตลอดชีวิต ผ่านชีวิตใครหลายคนมามากมาย... ในเวลานี้...เหตุการณ์บางส่วนทำให้เขามั่นใจเหลือเกินว่า... เขาได้พบแล้ว...พบกับใครบางคน... ที่เขารู้สึกได้ว่าการที่ได้เห็นใครคนนั้น “ร้องไห้และเจ็บปวด” มันทำให้เขาอยากจะปกป้องคนๆนั้นเอาไว้เหลือเกิน

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.




ตอนนี้ก็ยังมาม่าอยู่เล็กน้อย 555+

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรให้สอบได้นะคะ ยังดีที่ผลออกมาไม่ใช่ได้สอบอะนะ อิอิ

วันนี้เหลืออีก 1 วิชาสุดท้าย ถ้าตอนเย็นๆเพื่อนไม่ลากไปไหนจะมาต่อให้อีก 1 ตอน (ถ้ากำลังใจดีให้ 2 ตอน เลยเอ้า 55+)


พบกันใหม่ในตอนที่มีชื่อว่า 'เกมเทวดา' นะคะ (ชื่อนี้จะอยู่กับเราไปอีก 5 ตอนเลยทีเดียว^^)

รักทุกคนค่า ^_^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 29-09-2011 09:18:56
แอบเชียร์คู่เทเลซ่าบาร์เรลนิดๆนะเนี่ยยย  อิอิ

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 29-09-2011 10:48:56
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 29-09-2011 20:59:53
ตอนนี้อิ่มมาม่าแล้วค่ะ ขอของหวานมั่งนะคะ :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-09-2011 07:47:51


เทลิซ่านี่ก็แสบใช่เล่นนะเนี่ย
ดูเหมือนทิมมี่จะโกรธมากเลยนะเนี่ย จะไปรอดไหมคู่นี้
เห็นทิมมี่เศร้างี้แล้ว. . . แอบเศร้าตาม T T

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 30-09-2011 10:47:59
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-09-2011 12:03:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: nona159 ที่ 30-09-2011 12:58:13
ทิมกับลูคัสเหมือนเส้นขนานที่เข้ามาบรรจบกันไม่ได้เลยนะอ่านแล้วรู้สึกบีบอ่ะ

เทริซ่าก็มีคนเข้ามาทีเดียวสองคนไม่รู้ว่าใครกันจะได้ใจเธอไปครอง
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 17 [29/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 30-09-2011 15:42:31
FLIGHT 18 : เกมเทวดา





การกลับมาภายในคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่อยู่ของหนุ่มหน้าขาวอีกครั้ง... หากแต่การกลับมาครั้งนี้มันแตกต่างจากเดิมมากเหลือเกิน... หากเพราะคฤหาสน์หลังนี้..ต้องเสียผู้อาศัยที่แสนน่าสงสารคนหนึ่งไป..โดยที่ไม่มีใคร..ตั้งรับและทำใจได้ในเวลาที่สั้นและรวดเร็วเหลือเกินอย่างนี้เลย ค่ำคืนที่แสนทรมานนั้นมันไม่ยอมผ่านพ้นไปง่ายๆ.. ขึ้นอยู่กับจิตใจคนที่ยังเหลืออยู่เท่านั้นที่จะพร้อมหรือไม่กับการเผชิญหน้าบนโลกที่ไม่ยุติธรรมเหล่านี้ต่อไป..หากแต่ถ้าจะถามทิมมี่ในเวลานี้..อาจจะยังไม่มีคำตอบดีๆจากเขาคนนี้เป็นแน่




ก๊อก ก๊อก...




เสียงประตูห้องถูกเคาะดังเพียงสองครั้ง..หนุ่มหน้าขาวก็สะดุ้งตื่น.. บนเตียงหนานุ่มในชุดเสื้อผ้าตัวเดิมของเมื่อวาน และสภาพร่างกายและสีหน้าที่ดูโทรมลงไปเพียงข้ามคืน ใช่..เขาดูอิดโรยเหลือเกิน... ชายหนุ่มหน้าหยกค่อยๆลุกตัวไปเปิดประตูเมื่อแสงแดดในห้องนี้แยงตาและปลุกให้เขาตื่นเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง...



 “.... เทลิซ่า....” หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องในเวลานี้...สีหน้าและทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าผู้เป็นพี่สักเท่าไหร่กันเลย...



 “....ฉันนึกว่านายหายไปไหนทั้งคืน...ที่แท้... ก็มานอนห้องเทเลอร์...นั่นเอง...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอและขาดช่วง
เมื่อสายตาของเธอกวาดมองเข้ามาภายในห้องที่ก่อนหน้าไม่กี่วันนี้.. เธอยังเห็นผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง.. นอนอยู่ในห้องนี้ และยิ้มให้เธออยู่ไม่นานนี้เอง...



 “....แล้วเธอล่ะ.... หายไปไหนมาทั้งคืน?...” ผู้เป็นพี่ถามด้วยน้ำเสียงอิดโรย..



 “...ไม่ได้ไปไหนหรอก.....ฉันแค่... กลับมานอน...ที่มุมรับแขกน่ะ......หึ..... แม้แต่จะเดินขึ้นบันไดมานอนบนห้อง... ฉันยังแทบไม่มีแรงเลย.....คิดดูสิ” เทลิซ่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่สายตาเหม่อลอยไปในห้อง... ขณะที่ผู้เป็นพี่เดินสวนออกมา
พลางเงยหน้ากลั้นน้ำใสใสเอาไว้..ไม่ยอมให้มันไหลออกมารับอรุณที่จะทำให้เขาหม่นหมองตลอดทั้งวันแบบนี้แน่



 “....กี่โมงนะ ที่เราจะไปสุสานน่ะ... เมื่อคืนฉันก็ลืมถามบาทหลวงกับคุณเอ็มม่าเลย” ทิมมี่ถามขึ้น



 “........เห็นคุณเอ็มม่าบอกเมื่อคืน....ว่าวันนี้ตอนเก้าโมงเช้า.... นี่ก็จะแปดโมงแล้ว...ฉันว่านายรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”



 “อ่าวแล้ว...แล้วเธอเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วหรือเนี่ย...เร็วดีนะ...” เทลิซ่ายิ้มบางๆก่อนตอบ



 “หึ... ฉันหลับไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ...พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง... ฉันก็นอนไม่หลับอีกเลย.....” ทิมมี่พยักหน้ารับรู้ราวกับเข้าใจความรู้สึกนั้น



 “...อืม... งั้นเดี๋ยวเสร็จฝังเทเลอร์แล้ว...เราคงได้พักกันสักระยะล่ะ... เรื่องลาไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวฉันจะโทรติดต่อคุณซินดี้ให้อีกที...”



 “คงไม่เป็นไรแน่นะ...ฉันเพิ่งทำงานได้รอบเดียวเองซะด้วย..”



 “ไม่เป็นไรหรอก..คุณซินดี้คงจะเข้าใจ...”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





 “ขอพระเจ้าโปรดจงเมตตา นำพาหญิงสาว ผู้มีนาม เทเลอร์ ดรอว์เยอร์... สู่สรวงสวรรค์ พ้นทุกข์จากทุกสิ่งและขอพรพระองค์ทรงอวยพระพรให้แก่ครอบครัวดรอเยอร์  ขอพระหัตถ์จากพระองค์จงอยู่กับข้าพระองค์และขอพระองค์ทรงรักษาครอบครัวดรอว์เยอร์ และลูกๆทั้งหลายให้พ้นจากเหตุร้าย เพื่อไม่ให้พวกเขาเหล่านั้น ได้เจ็บปวดกาย เจ็บปวดหัวใจ..และลูกทุกคน จะนำพระพรไปสู่คนรอบข้างและอยู่ภายใต้การทรงสถิตและพิทักษ์รักษาพระองค์ตลอดไป"

           

 (ที่มา : Catholicthailand .คอม)




สิ้นสุดคำกล่าวของบาทหลวง..หลุมฝังศพก็ถูกกลบด้วยผืนดินเสร็จสิ้นพอดี.. ท่ามกลางความเศร้าโศกของสองพี่น้องที่ต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างอดกลั้นเสียไม่ได้ ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง... กัปตันหนุ่มลูคัสที่ยืนอยู่หลังสุดของกลุ่มคนที่มาไว้อาลัย... เขาเองก็เป็นคนที่ต้องเสียน้ำตาให้กับคนตรงหน้าเช่นกัน..


             



 “....ทานอะไรบ้างหรือยัง?” น้ำเสียงอ่อนทุ้มทักขึ้นจนทำให้หนุ่มหน้าขาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย..ในขณะที่เขาเองกำลังยืนเหม่อมองสนามหญ้าผืนกว้างภายในสวนสาธารณะใกล้ๆกับสุสาน ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนักในก่อนหน้านี้



 “...ยัง...” น้ำเสียงอ่อนกว่าตอบสั้นๆ พลางหันไปมองกัปตันหนุ่มที่เดินเข้ามาทักด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างกันกับเขาเท่าไหร่นัก



 “ไปหาอะไรกินกันมั้ย... ท่าทาง... นายจะไม่ไหวอยู่แล้ว” กัปตันหนุ่มถามคนที่ยืนหันหลังให้ ทิมมี่.. สูดหายใจเข้าปอดลึก
ก่อนที่จะหันมาทางร่างสูงใหญ่ที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลัง.. บุคลิกที่ไม่ตกแม้จะอยู่ในสภาพที่เสียใจไม่แพ้กันกับหนุ่มหน้าขาวตรงหน้า



 “...คุณคิดว่าเวลาแบบนี้... ผมจะมีอารมณ์นึกอยากทานอะไร... เหมือนคุณหรือไงครับ?”



 “ทิมมี่! นายเลิกพูดแบบนี้กับฉันได้มั้ย!” เสียงตอบโต้ทันควันของกัปตันหนุ่มราวกับกรอบความอดทนบางอย่างของเขาแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ



 “ผมควรจะพูดยังไงกับคุณล่ะครับ.... ในเมื่อคุณ.... เป็นคนที่ชอบปิดบังอะไรคนอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว.....หึ... คิดกลับไปกลับมาอีกครั้ง..... ผมก็อดเจ็บใจไปไม่ได้.....ผมไม่น่าปล่อยให้น้องสาวของตัวเองเดินมาในเส้นทางนี้ที่มีคุณเลย!! ต่อให้คุณจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นอย่างที่ปากคุณว่า... หรือแม้กระทั่งใจคุณจะพยายามทำตามอย่างที่คิดก็ตาม... แต่คุณรู้มั้ย!! คุณแก้ไขวันพรุ่งนี้ได้ ทั้งๆที่เมื่อวานคุณยังไม่ได้สะสางอะไรเลย!!”



 “นายกำลังพูดเรื่องอะไรของนาย.. ฉันงงไปหมดแล้ว!”



 “ก็เรื่องคนรักของคุณไง...ผมเห็นสายตาของเธอวันนั้น.... วันที่เธอขับรถตรงเข้ามาทางผมกับคุณ!! ผมเห็นสายตาของเธอแล้วน่าแปลกดีที่ผมสามารถเห็นภาพเทเลอร์ถูกตามรังควานในอดีตได้เป็นช็อตๆ! ทั้งๆที่เวลานั้นผมไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำไป!! แต่ผมรับรู้ได้ดี...หล่อนทำทุกอย่างเพื่อคุณได้จริงๆ!! แล้วสิ่งที่หล่อนทำทุกอย่าง... ต้นเหตุมันก็คือคุ...!!!” ยังไม่ทันที่หนุ่มหน้าขาวจะพูดได้ครบประโยคนั้น...ริมฝีปากเรียวบาง กลับถูกหักห้ามคำพูดร้ายกาจนั้น.. ด้วยริมฝีปากของคนตรงข้ามอย่างที่หนุ่มหน้าขาวไม่ทันตั้งตัว!


                       
สัมผัสแห่งความร้อนแรงภายใต้อารมณ์ของคนทั้งคู่ที่ยังไม่ดับสิ้น...ทิมมี่แม้มือไม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจแข็งขืนหรือต่อต้านร่างสูงที่กอดรัดร่างที่บางกว่าเอาไว้จนแน่น...พร้อมกับใบหน้าทั้งสองที่เสียดสีกันอย่างแนบชิด..
จนทิมมี่แทบจะหายใจไม่ออก...มีเพียงอากาศจากลมหายใจของกัปตันหนุ่มผู้นี้เท่านั้นที่ถ่ายทอดไออุ่นมาให้จนหนุ่มหน้าขาวแทบตัวอ่อนทรุดลงไป... หากฝ่ามือและอ้อมแขนอันแข็งแกร่ง ไม่เหนี่ยวรั้งเอาไว้เช่นนี้...



 “...ป..ปล่อย.....ปล่อยสิ....” เสียงที่อ่อนแรงลงเพราะสัมผัสอุ่นก่อนหน้านี้ส่งเสียงดื้อดึงให้ร่างสูงออกห่างจากตัวของเขา.. หากแต่อ้อมกอดนี้กลับแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับสีหน้าของกัปตันหนุ่มที่เริ่มปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา พาให้หนุ่มหน้าขาวตรงหน้าอดหวั่นใจกับดวงหน้าของคนตรงข้ามนี้ไม่ได้..




 “ไปกับฉันนะ... แล้วฉันจะปล่อย...”




 “ป...ไปไหน!?...” น้ำเสียงอ่อนแรงถามกลับทันควัน



 “ก็ไปทาน.............ท..ทิมมี่........ทิมมี่!!” ทิมมี่.. ทนฝืนร่างกายของตนเองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว... หนุ่มหน้าขาวหมดสติลงบนอกแกร่งของกัปตันหนุ่มในที่สุด...ร่างสูงอุ้มทิมมี่ออกมาจากสวนสาธารณะแห่งนี้และตรงไปที่รถของเขาทันที...




 “ทนก่อนนะทิมมี่! ทนก่อน!” กัปตันหนุ่มพาร่างบางนั่งรถเฟอร์รารี่คันหรูของตัวเองออกมาจากที่นั่นในเวลาต่อมา.. ท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่กำลังแอบยืนซุ่มอยู่บริเวณพุ่มไม้ไม่ไกลจากจุดเดิมที่ทั้งคู่ยืนก่อนหน้านี้... “เธอ” คือคนที่ทำให้เรื่องทุกอย่าง.. เดินทางเข้าสู่วังวนแห่งไฟเข้าไปทุกที



 “..ไม่จริง..... คุณลูคัส...... ไม่จริง! นั่นมัน....”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




     เทลิซ่า.. เดินออกมาจากสุสานเป็นคนสุดท้าย.. หากแต่หล่อนต้องหยุดฝีเท้าชะงักไปทันทีเมื่อเห็นใครบางคน ยืนพิงอยู่ที่ประตูใหญ่ทางเข้าของสุสานแห่งนี้..สีหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์ แต่ก็เริ่มคลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาคนนั้นสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ของเทลิซ่าในเวลานี้...อารมณ์คุกรุ่น.. บนสีหน้าเมื่อครู่ของชายหนุ่ม กลับหายไปกับตา.. หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เธอรู้ดีว่าเธอกำลังจะเจอกับอะไร..



 “...... มาทำไม..........” เทลิซ่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกหัวเสียเหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาคิดตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น



 “....เธอเป็นอะไร...” หนุ่มหน้ากวน ถามออกมาขัดกับบุคลิกของเขา ราวกับคนละคน



 “......ฉันจะไปเป็นอะไร....”



 “ก็หน้าเธอบอกอยู่...จะถามย้อนทำไม?”



 “ขอร้องนะ.... ฉัน... ฉันยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน...ฉันง่วงมาก...เหนื่อยด้วย”



 “....หึ... ทำไมเธอชอบอ้างว่าเธอเหนื่อยจัง?”



 “ก็ฉันเหนื่อยจริงๆนี่!!!” น้ำเสียงตะคอกลั่นของเทลิซ่า พาให้ชายหนุ่มสะอึกไป...



 “.... เป็นอะไรรึเปล่า?...” สีหน้าที่ไม่สะทกสะท้านกลับถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในที่สุด... หญิงสาวก็ไม่อาจอดกลั้นน้ำตาของตัวเองได้อีกครั้ง...เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าของตัวเอง..พลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับบาเรลล์จะเริ่มฉลาดขึ้นบ้าง เมื่อสายตาของเขามองชุดเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ สีดำทั้งตัว และยังสวมถุงมือหนาสีดำพร้อมกับหมวกใบใหญ่บนศีรษะในเวลานี้อีกด้วย



 “....ใครเป็นอะไรรึ....” เทลิซ่ายังไม่มีคำตอบให้เขา แต่หล่อนยังคงยืนร้องไห้อย่างเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น



 “ฉันไปส่งนะ...” ไม่มีปฏิกิริยาใดใดตอบรับ...บาเรลล์เดินมาตรงหน้าหญิงสาว.. และฝ่ามือที่ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกดี กลับเอื้อมขึ้นมาประคองร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน... เทลิซ่า..ได้แต่เดินตามแรงผลักเบาๆของชายหนุ่มออกไปจากตรงนี้.. หากเพราะเธอยังคงไม่มีสติที่จะคิดเกลียดคิดชังกับใคร... ในช่วงเวลา ณ ขณะนี้ที่เธอเป็นอยู่.. สิ่งที่เดียวที่เธอรู้สึกได้ก็คือ... เธอกำลังเสียใจ... และก็อยากให้ใครสักคน.. อยู่เป็นเพื่อนเธอ... ในเวลานี้เป็นที่สุด



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





      รถหรูสีแดงเพลิงขับเคลื่อนออกมาจากสวนสาธารณะ...เข้าสู่ถนนเล็กๆหน้าสวน.. หญิงสาวในชุดเครื่องแบบยังคงครุ่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่หล่อนเองนั้นไม่เข้าใจว่า.. เรื่องราวทั้งหมดในภาพนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง! กัปตันหนุ่มผู้เพียบพร้อม และดูดีตั้งศีรษะจรดปลายเท้า...กับหนุ่มหน้าขาวที่ไม่เคยมีทีท่าว่าเขาคนนั้นจะได้ยืนในอยู่สภาพนั้นกับคนอย่างกัปตันลูคัสได้... ความสับสนพาให้อารมณ์คุกรุ่น...แต่กลับในช่วงเวลาที่หล่อนเหยียบเต็มเหนี่ยวนั้น... หล่อนก็ต้องชะงัก! เมื่อมีรถของใครบางคน กำลังเลี้ยวเข้ามาเส้นทางเดียวกันกับเธอ! และรถคันนั้นก็เหมือนจะตีวงกว้าง เกือบเสยหน้ารถของเธอเข้า! หากแต่ถึงจะเกือบเฉียดให้ตื่นตกใจ... รถทั้งสองคันก็จอดลงกะทันหันเหมือนกันทั้งคู่.. ราวกับว่าทั้งสอง จะลงมาตรวจดูความเรียบร้อยว่า เมื่อกี้นี้...ไม่มีอะไรเฉี่ยวชนกันจริงๆใช่หรือไม่..




      วีว่า เลอคอติส ก้าวลงจากรถสีแดงเพลิงของตัวเอง...สายตาของหล่อนมองเหยียดไปทางรถสีดำตกรุ่นที่จอดอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นักกับบริเวณที่รถของเธอจอด.... แต่สิ่งที่ทำให้วีว่า ต้องเหลือกตามองด้วยความไม่คาดคิดอีกครั้ง... เมื่อคนขับรถคันนั้นเอง.. ก้าวลงออกมา... ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า..





“...น..นั่นมัน!?” ดูเหมือนชายหนุ่มผู้ที่ก้าวลงมาจะทำหน้าตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน ที่เห็นวีว่ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่



 “...ค..คุณวีว่า....ส..ส..สวัสดี..ครับ”



 “...นายเป็น...”



 “....ผม.. โรเจอร์ ซินแคลร์ครับ..” วีว่าถอนใจเมื่อนึกขึ้นได้พลางกลับเข้าสู่สีหน้าในโหมดเหยียดหยันเช่นเคย



 “เฮ้อ... นึกว่าใคร... คุณซินแคลร์นั่นเอง.... หึ...แปลกดีนะ... วันนี้พวกแอร์ฯกับสจ๊วตดานอสซี่.. ว่างกันนักหรือไง....ถึงได้เห็นพวกลูกเรือชั้นประหยัดแห่กันมาในงานไว้อาลัยแอร์โฮสเตสกระจอกๆกันเต็มไปหมด...ฮึ... ฉันว่าน่าจะปิดศูนย์ลูกเรือ หรือไม่ก็หยุดบินไปเลยสักวันนะ...แล้วก็กวาดพนักงานทุกคนมาร่วมงานให้กับลูกเรือกระจอกๆนั่นให้หมดทุกคน....ฮึ~! ให้ความสนใจกันจัง” โรเจอร์ได้ยินแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำพูดดังกล่าว... เขารู้สึกว่าเขาเองก็ถูกเหมารวมและถูกเสียดสีไปกับคำพูดนั้นของเธอด้วย



 “...ค..คือ... ผมเข้างานตอนเย็นน่ะครับ.. แต่ผมแวะมา..เพราะผมรู้จากคุณซินดี้ว่า..”



 “ช่างเถอะๆ!~ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของคุณหรอกนะคุณซินแคลร์...เอ้อนี่....แล้วจะบอกให้เอาบุญนะจ้ะ..สงสัยเพิ่งจะได้ขับรถใช่มั้ยเนี่ย..” โรเจอร์ทำหน้าเจื่อน..



 “ค..ครับ..”



 “ว่าแล้วเชียว..หึ.... คราวหน้าคราวหลังนะจ้ะ...จะเลี้ยวจะเข้าซอยซ่องที่ไหนน่ะ ..หัดชิดเลนขวาเอาไว้ซะบ้าง.. ไม่ทราบว่าอยู่ต่างประเทศรึไงจ้ะ?... ถึงได้ไม่รู้ว่าปารีสเนี่ยเค้าใช้ถนนกันเลนไหน!” วีว่า เลอคอติส สวมวิญญาณเป็นจราจรหญิงชั่วครู่ ก่อนที่จะหันกลับไปที่รถแล้วเธอก็แล่นรถออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า พาให้โรเจอร์ยืนมึนกับบรรยากาศก่อนหน้านี้...และไม่เข้าใจว่า.. ทำไมเธอถึงเป็นคนที่ร้ายกาจทั้งท่าทางและคำพูดแบบนี้กันนะ..






       ภายในรถกบเขียวเยอรมันคันหรูของบาเรลล์..แน่นอน..ป้ายแดงใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งถอยออกมาในไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้... เทลิซ่าซึ่งนั่งเหม่อลอยอยู่ที่เบาะข้างคนขับ..พลางมองทิวทัศน์โดยรอบของกรุงปารีสที่ตัวเองคุ้นเคย เมื่อชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับร่อนไปร่อนมารอบเมืองอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางในเวลานี้..




 “...มาหาฉัน...มีธุระอะไร....” น้ำเสียงเรียบนิ่งของหญิงสาวอดให้บาเรลล์แอบหันไปทางกระจกแล้วถอนใจออกมาอย่างเซ็งๆไม่ได้



 “....จริงๆก็มี... แต่คิดว่าไม่พูดจะดีกว่า...มันไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรมากนักหรอก...”



 “เดือดร้อน?... อะไร?...” เทลิซ่าราวกับจะนึกไม่ออก หากเป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้เธอลืมอะไรบางอย่าง.. ที่เธอไม่น่าจะลืมได้... ใช่แล้ว... สิ่งที่เธอลืม..ก็คือการกระทำบางอย่าง ของตัวเธอเองก่อนหน้านี้



 “...อย่ารู้เลย... ว่าแต่อยากกินอะไรมั้ย...”



 “ถามก็ตอบสิ..” หญิงสาวจะคาดคั้น บาเรลล์มองหล่อนด้วยสายตาหงุดหงิด.. เทลิซ่าในเวลานี้ช่างโง่งี่เง่าเสียเหลือเกิน



 “แล้วเธอไปทำอะไรใครเขาไว้หรือเปล่าล่ะ!!” ในที่สุด..น้ำเสียงหนักขึ้นก็เริ่มตอบเข้าใกล้คำถาม



 “....................” ดูเหมือนหญิงสาวจะทำหน้าครุ่นคิด



 “...ใคร?...”



 “โอ้ย!! ช่างแม่X เฮอะ!! เอ้า! อยากกินอะไร!” บาเรลล์เริ่มฉุนได้ที่



 “......ไม่.... ไม่หิวอะไรทั้งนั้น.....” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ



 “ขอร้องเถอะ...จะกินอะไรแม่คุณ... มันใช่เรื่องของฉันมั้ยเนี่ยที่จะต้องพูดจาดีๆกับเธอเนี่ย ฮะ!”



 “แล้วนายจะลากฉันขึ้นรถมาทำไมเล่า!!”



 “ก็เธอปล่อยให้ฉันลากมาทำไมล่ะ!!”



 “งั้นก็จอดตรงนี้เลยแล้วกัน!”



 “เออ!!” ช่างง่ายดายเหลือเกิน...ชายหนุ่มหักเลี้ยวจอดเข้าริมทางทันที..พาให้หญิงสาวชะงักตกใจกับแรงบรกของตัวรถ..โชคดีที่หล่อนคาดเข็มขัดเอาไว้..ไม่เช่นนั้นล่ะก็... เธอคงได้เข้าโรงพยาบาลทำแผลที่หน้าผากเป็นแน่



 “เอ้า! ลงไปสิแม่คุณ! ขอบคุณนะที่เลือกร้านเสียที พูดมากอยู่ได้!”



 “ฮะ!?” หญิงสาวหันไปมองด้านนอก..บริเวณตรงหน้าที่รถคันหรูของบาเรลล์จอดอยู่นี้..หากแต่มันคือห้องอาหารหรูหราขนาดใหญ่ตรงหน้า ..เทลิซ่าไม่คิดว่าที่เขาขับมาจอดที่นี่ เพราะเป็นคำพูดโมโหของเธอหรอก




 “เอ้า! ลง!!”



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


19 จะมาต่อประมาณทุ่มสองทุ่มนะคะ ^^


ตอนนี้พอจะหวานดับเศร้าได้มั้ยอ่า 5555+
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 18-19 [30/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-09-2011 17:01:05


เฮ้ย!! ไหงหมดสภาพทั้งพี่ทั้งน้องเลยล่ะ ถึงจะมีคนคอยเป็นห่วงที่ดูเหมือนจะไว้ใจได้(ล่ะมั้ง) อยู่ข้างๆก็เถอะ
แต่อย่างนี้จะไปรอดไหมเนี่ย เหลือกันแค่2 คนพี่น้องแล้วน้าาาาา


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 18-19 [30/09/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-09-2011 21:52:21
ไม่ทันได้สังเกตเลขที่ของตอน  โหววว  อัพเร็วมาก ๆ ชอบนะ  อ่านสะใจดี
ชอบเทลิซ่ากับบาเรลล์  เคมีเข้ากันสุด ๆ เลย
อ่านเรื่องนี้แล้วได้บรรยากาศมาก ๆ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยค่ะ
+1  คนโพสต์ด้วย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 19 [01/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 01-10-2011 16:25:49


FLIGHT 19 : เกมเทวดา (2)





โทรศัพท์ดังขึ้นภายในคฤหาสน์ดรอว์เยอร์... คุณเอ็มม่าทำทีจะไปรับ แต่ใครบางคนกลับแบมือห้ามเอาไว้ แล้วขอเป็นคนรับสายเสียเอง.. คุณเอ็มม่าเลยได้แต่พยักหน้าอย่างงงๆ แต่หล่อนก็ยืนอยู่ห่างๆ



 “สวัสดี... บ้านดรอว์เยอร์” น้ำเสียงเข้มขรึมที่ทักทายพาให้ต้นสายที่โทร.เข้ามาอย่างโรเจอร์เอะใจไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าบ้านของทิมมี่จะมีผู้ชายอื่นอยู่ด้วยจากที่เขาได้รับรู้มาจากเทลิซ่า..



 “อ..เอ่อ...ค..คุณทิมมี่ ดรอว์เยอร์อยู่มั้ยครับ..ผมต้องการพูดกับเขา” โรเจอร์พูดอย่างสุภาพ หากแต่คนที่รับฟังอยู่กลับรู้ดีว่าคนที่โทร.มาเป็นใคร



 “...อยู่.. แต่คงจะพูดกับใครไม่ได้... เพราะเขากำลังพักผ่อน”



 “...อ..เอ่อ ข..ขอโทษนะครับ...ม..ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ?” โรเจอร์ถามทั้งๆที่ในหัวกลับมีหน้าของใครบางคนลอยอยู่ ราวกับเขาคาดเดาได้ว่าคนที่รับสายด้วยน้ำเสียงขุ่นๆคนนี้ เป็นใคร..



“...นายจะรู้ไปทำไมล่ะ?” หนุ่มมาดเข้มโยกโย้ แต่โรเจอร์ยังไม่ยอมหยุดถาม



“เปล่าครับ...ผมแค่คิดว่าผมรู้จักคุณ...ผมคุ้นน้ำเสียงของคุณ” โรเจอร์ตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นๆที่เปลี่ยนไปจากเดิม



 “...งั้นเหรอ.... คงจะจำผิดคนมั้ง... (เอ่อ..คุณเอ็มม่าครับ.. ช่วยไปเตรียมข้าวโอ๊ตไว้ให้ทิมมี่ที)” ชายหนุ่มสั่ง ขณะที่เอ็มม่ารับคำแล้วรีบเดินห่างออกไป...หากแต่มันเป็นอุบายที่ชายหนุ่มคนนี้ จะให้เอ็มม่าเดินออกห่างจากเขา..ซึ่งทำให้เขาสนทนาได้สะดวกมากขึ้น



 “ผมคิดว่าผมจำคนไม่ผิดหรอกครับ..ผมแค่สงสัยว่า... คุณไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง... ทั้งๆที่ผมดูตารางงานของคุณแล้ว... คุณควรจะต้องเข้าบรีฟเย็นนี้พร้อมกับผม”



 “หึ... ก็ฉันบอกแล้วไงว่านายคงเข้าใจผิด... ฉันไม่ได้รู้จักนาย....”



 “งั้นเหรอ... แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ” น้ำเสียงของโรเจอร์เริ่มขุ่นมากขึ้นแล้ว ขณะที่ชายหนุ่มผู้ที่ได้รับคำถามอีกครั้ง.. เขาใช้สายตากวาดมองไปรอบๆห้องโถงของคฤหาสน์ และเมื่อมองเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว..เขาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงชัดเจน กรอกหูโรเจอร์จนทำให้เขาชะงักอึ้งไป..ด้วยคำตอบที่ว่า..





“ฉันเป็นคนรักของทิมมี่... พอใจกับคำตอบมั้ยล่ะ?”




แกร่ก!





          ชายหนุ่มวางสายไปอย่างไม่แยแส.. ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปชั้นบน.. ด้วยรอยยิ้มบางๆที่มุมปากและสีหน้าพอใจกับความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้เป็นอย่างมาก.. เขาเดินขึ้นมายังชั้นบนแล้ว และตรงเข้ามาในห้องของทิมมี่.. ซึ่งในเวลานี้ หนุ่มหน้าหยกยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังนุ่มของตนเอง..ชายหนุ่มเดินลงมานั่งที่เตียง แล้วดันตัวเองให้กึ่งนั่งกึ่งนอนเคียงข้างหนุ่มหน้าขาว..ฝ่ามือข้างหนึ่งปัดไรผมของหนุ่มหน้าขาว เผยให้เห็นหน้าผากและใบหน้าขาวเนียน.. สายตาคมกริบบนใบหน้าคมสัน มองคนตรงหน้าแล้วอดหวั่นไหวต่อทุกสิ่งที่เป็นทิมมี่เสียไม่ได้... อะไรกันที่ทำให้เขาเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งความรู้สึก..ความประพฤติ.. และทุกๆสิ่ง... มันกลับด้านเพียงเพราะหนึ่งชีวิตตรงหน้าที่ผ่านเข้ามาในเวลาที่ไม่นานเท่าไหร่นัก...สายตายังคงเล้าโลมไปทั่วร่างกายของหนุ่มหน้าขาวที่นอนหลับใหลอย่างหมดแรงกำลัง และไม่ช้า... ภาพของคนตรงหน้า ก็พาอารมณ์ของชายหนุ่มให้ค่อยๆโน้มเอียงใบหน้าลงไปใกล้หน้าผากขาวนั้น..




แต่ทว่า..






ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..






 “ข้าวโอ๊ตได้แล้วค่ะ...คุณลูคัส” กัปตันหนุ่มผละออกจากร่างของทิมมี่ แล้วลุกไปเปิดประตูด้วยสีหน้าที่แอบหงุดหงิดเล็กน้อย



 “เชิญครับ.. เอาเข้ามาวางบนโต๊ะเลย... เดี๋ยวเขาตื่นแล้วผมจะให้เขาทานเอง”



 “เอ่อ...แล้วคุณลูคัส.. ไม่ไปทำงานหรือคะ?” เอ็มม่าถามอย่างข้องใจ



 “ผมลาน่ะครับ.. จะไปอีกทีก็วันมะรืน..ว่าจะออกบินพร้อมทิมมี่...แล้วก็เทลิซ่าด้วย”



 “อ๋อค่ะ... แล้ว...คุณจะพักที่นี่ด้วยมั้ยคะ ดิฉันจะได้เตรียมห้องไว้ให้” ชายหนุ่มได้ยินคำถาม..พลางยิ้มบางๆที่มุมปากเมื่อนึกถึงความต้องการของตัวเองได้...



 “ครับ..ผมจะขอพักที่นี่ด้วย...แต่คุณเอ็มม่าคงไม่ต้องลำบาก...... ผมจะนอนในห้องนี้แหล่ะ”



 “..อ..เอ๋...ต..แต่ว่าที่โซฟา ดิฉันเกรงว่าคุณจะไม่สะ..”



 “ไม่เป็นไรครับ.. ผมยังไงก็ได้.. ขอบคุณมากนะครับ...” เอ็มม่าทำหน้างุนงงอยู่ไม่คลาย



 “ถ..ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวนะคะ มีอะไรกดเรียกดิฉันได้นะคะคุณ”



 “ครับ..ขอบคุณมากครับ” ในที่สุด.. กัปตันหนุ่มก็ปิดประตูลงอีกครั้ง..คราวนี้เขาไม่ลืมที่จะกดล็อคกลอนประตู แล้วหันมามองร่างที่บางกว่านอนหลับแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าพลางยิ้มอย่างพอใจ






 “ตื่นเมื่อไหร่... แล้วฉันจะเอาคืนนะ...ทิมมี่”






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






          โรเจอร์กลับเข้ามาในศูนย์ฯลูกเรือ...ชายหนุ่มทำหน้ากลุ้มคนเดียวไม่พอ.. ยังพบคุณซินดี้นั่งทำหน้าบุญไม่รับอยู่ในห้องพักผ่อนของลูกเรืออีกต่างหาก..




 “ส..สวัสดีครับคุณซินดี้...”



 “อ..อ้าว โอ้พระเจ้าจอร์จ! ขอบคุณสวรรค์ที่คุณมา..เฮ้อ..”



 “อ..เอ่อ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ?.. คุณซินดี้หน้าตาไม่ค่อยดีเลย..”



 “ก็จะอะไรล่ะจ้ะ...เฮ้อ.. ลูกเรือเที่ยวบินไปอิตาลีคราวนี้.. ดั๊น!กระหน่ำลากันให้พร้อมหน้าเลย.. ทั้งชั้นประหยัดอย่างเทลิซ่า... แล้วไหนจะชั้นธุรกิจอย่างทิมมี่ที่ดันเกิดเรื่องเดียวกันอีก... แล้วไหนจะพาไปถึงคุณชายจอมติสท์อย่างคุณบาเรลล์! แล้วยังจะมาแจ๊กพอตแตกลามไปถึงกัปตันมือหนึ่งของเราที่อยู่ๆก็ใช้สิทธิ์ลาพักร้อน เอาไปรีแลกซ์จนเกลี้ยงผังเลยเนี่ย! เฮ้อ.... นี่ฉันก็ต้องโร่โทรศัพท์หาลูกเรือที่ต้องการต่อกะอีกนะ.. มีคนพร้อมใจจะทำหลายคนอยู่ แต่ฉันเห็นหน้าตาแล้วต้องคัดหน่อยล่ะ... แต่ละคน... ทำหน้าเหมือนจะไม่รอด... เพลียแล้วยังจะรับงานกันอีก...สงสัยคราวนี้โคไพลอตอย่างคุณมอริสต้องได้ขึ้นแท่นกัปตันแหง...”



 “อ..อ่าว..แล้ว ชอริต้ากับคุณเควินล่ะครับ?”



 “นั่นล่ะแจ๊กพอตคูณสองเลยล่ะจ้ะ.... สองคนนั้นได้เวรหยุดพอดี..ดูสิ...เวรกรรมดิฉันที่จะต้องจัดระบบใหม่หมดเลย... ส่วนเอลลี่ก็ยังถูกพักงานอยู่... โชคดีนะที่โคไพลอตมากาเรตยอมเปลี่ยนวันหยุด...ไม่งั้นเที่ยวบินอิตาลีนี่คุณมอริสคงรับไปเต็มๆกลืนเลยทีเดียว... เอ้อ... วันนี้คุณคงจะได้ขึ้นเฟิร์สคลาสเลยแล้วกันนะ ..ไหวไหมล่ะ.. จริงๆแล้วไม่อยากถามหรอก เพราะยังไงก็ต้องไหว” คุณซินดี้พูดไปเกาศีรษะไปอย่างสุดเอือม..มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์ช็อตผังขนาดนี้มาก่อนเลย.. และแต่ละคนที่ลาหยุดไป ต่างก็มีเหตุผลที่สมควรให้หยุดเสียด้วยสิ



 “งั้นฝากด้วยแล้วกันนะจ้ะ... โอ๊ย สงสัยฉันต้องเป็นเพอเซอร์แทนคุณโรสรอยด์อีรอบนี้แหงเลย... แม่วีว่าก็อีกคน... ลาหายไปไหนก็ไม่รู้.. แทนที่จะไปช่วยบนเครื่องกันหน่อย... ใจตรงกันหมดแบบนี้.. เจ๊ง..เจ๊ง!” คุณซินดี้บ่นไปตลอดทางราวกับคนแก่... ในขณะที่โรเจอร์นึกถึงคำพูดที่ทำให้เขาอดเคืองใจเป็นไปไม่ได้.. กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่...ทำไมคนที่เขาคาดคิดว่าน่าจะเป็นคนๆนั้น.. กลับกล้าที่จะพูดออกมาว่า “คนรักของทิมมี่” ออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ... พลางมือข้างหนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ... หรือว่าทุกๆครั้งที่คนๆนั้นเข้ามาขัดจังหวะราวกับเป็นอุปสรรคระหว่างเขากับทิมมี่ตลอดเวลา.. “คนๆนั้น” จะมีเจตนาอะไรบางอย่าง แอบแฝงอยู่จริงๆ!






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






 “อยากไปไหนต่อหรือเปล่า?” เสียงเย็นชาถามหญิงสาวที่กำลังนั่งหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บนรถ แต่คงน้อยกว่าก่อนมื้ออาหาร ที่ตอนมา สีหน้าของเทลิซ่าแทบจะดูไม่ได้เลยสักนิดเดียว



 “ดูหน้าฉันสิ...ว่าฉันอยากจะไปไหนต่อหรือเปล่า” เทลิซ่าส่งสายตาขุ่นๆใส่บาเรลล์ ขณะที่ชายหนุ่มก็หันมามองหน้าเธอก่อนที่จะสตาร์ทรถ



 “โอ้... หน้าเธอบอกว่าอยากไปต่อนะ”



 “ขอร้องล่ะ! ฉันอยากกลับบ้าน....ฉันเหนื่อยมากพอแล้ว... วันมะรืนก็ต้องทำงานอีก”



 “ก็วันพรุ่งนี้ยังมีเวลาให้นอนทั้งวันนี่”



 “นายประสาทหรือเปล่า คนเราจะนอนวันเว้นวันได้ยังไงเล่า!” บาเรลล์แอบชำเลืองมองสีหน้าของหญิงสาว ที่ดูเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ



 “เอาน่ะๆ... เดี๋ยวจะไปส่งบ้านก็ได้”



 “ไม่ต้อง! ไปส่งที่สุสาน”



 “เอ้า! ทำไมเล่า! ไปส่งถึงบ้านเลยไม่ดีรึไง...เธอนึกว่าฉันโง่ไม่รู้จักบ้านเธอเหรอ... อย่าห้ามเสียให้ยาก”



 “ไม่ได้ห้ามย่ะ! แต่ฉันขับรถมาสุสานแล้วถ้าฉันไม่เอารถกลับบ้าน ฉันก็โดนตำรวจล็อกล้อสิยะ!” บาเรลล์หายใจฟืดฟัดอย่างฉุนๆ



 “เออน่ะ... ไปสุสานก็ไปสุสาน....ว่าแต่ไปถึงแล้วเธอจะกลับเลยหรือเปล่า” เทลิซ่าเริ่มรำคาญกับคำถามของชายหนุ่มที่ออกจะมากเรื่องเกินไป



 “ฉันจะไว้อาลัยที่หลุมศพของบาเรลล์ คลูเซอร์ก่อนน่ะ.... นายอยากจะยืนเป็นเพื่อนฉันมั้ยล่ะ?” หญิงสาวถามยิ้มๆ พลางกระดกคิ้วยึกๆสองทีอย่างกวนอารมณ์ ขณะที่ชายหนุ่มหลบหน้าไปกัดฟันกรอดอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่งสุดแรงเกิดจนหญิงสาวหลังศีรษะกระแทกเบาะแล้วร้องโอยออกมาอย่างมึนหัว







 “ไอ้บ้า!! ขับอย่างนี้หาเรื่องฉันใช่มั้ย!!”








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++








ฟอด~ดด!!






          เสียงและแรงจากการกระทำบางอย่าง... ทำให้หนุ่มหน้าขาวค่อยๆลืมตาขึ้น บนเตียงหนานุ่มของตัวเอง... ความรู้สึกของเขาทันทีที่ดวงตาเบิกกว้างออกมาเผชิญกับวิวทิวทัศน์ยามเย็นของปารีสจากหน้าต่างบานใหญ่ตรงหน้า...และ.... อ้อมกอดของใครบางคน ที่นอนแนบชิดร่างกายของเขาอยู่ในเวลานี้!





 “........น....นี่...!! นี่คุณ!” น้ำเสียงงัวเงียกลับกลายเป็นชัดคำขึ้นเมื่ออารมณ์ตกใจพาไป...กัปตันหนุ่มที่ไม่ได้นอนหลับแต่กลับทำสะลึมสะลือตบตาค่อยๆคลายแขนออกจากร่างบาง... ขณะที่ทิมมี่มองร่างสูงใหญ่ที่นอนชิดเคียงข้างอย่างอดคิดไม่ได้ว่า.. เขามาทำอะไรที่นี่! และไอ้เสียงกับแรงปะทะเบาๆที่ทำให้เขาตื่นเมื่อกี้นี้มันอะไรกัน... หากแต่ความสงสัยก็พาให้หนุ่มหน้าขาวรู้สึกชื้นๆบางอย่างที่พวงแก้มข้างหนึ่ง... พลางเอามือลูบแก้มข้างนั้นของตัวเอง และพยายามเดาให้ออกห่างจากสิ่งที่เขากำลังสงสัยให้มากที่สุด




 “ม...เมื่อกี้คุณทำอะไรหรือเปล่าน่ะ?” ทิมมี่ถามไปลูบแก้มไปพลางอย่างหวั่นๆ ขณะที่กัปตันหนุ่มยังแกล้งหลับตาพริ้ม แล้วยิ้มบางๆออกมา




 “เปล่านี้.... กำลังฝันอยู่...”



 “ฝันบ้าอะไรของคุณ!”


                           
“....อืม...ก็ฝันว่าได้หอมแก้มใครก็ไม่รู้อยู่น่ะสิ...” ทิมมี่ทำตาโต... พลางถูแก้มของตัวเองให้แรงขึ้น เมื่อเริ่มคิดได้แล้วว่าเมื่อครู่นี้.. เขาถูกคนๆนี้กระทำอะไรบางอย่างไปเสียแล้วจริงๆ




 “เอ้า...ถูเข้าไป... เดี๋ยวจินนี่ก็ลอยออกหูหรอก” กัปตันหนุ่มพูดพลางนอนยิ้มอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสายตาของคนที่กำลังนั่งตัวตรงและหัวหูยุ่งเหยิง




 “คุณลูคัส! ลุกไป!”




 “เอ้อ! อะไรกัน... ฉันเพิ่งจะได้นอนเมื่อกี้นี้เอง...ขอหลับก่อนสิ”




 “คุณก็กลับบ้านคุณไปสิครับ! นี่มันบ้านผม! แล้วนี่มันก็ห้องของผม!!”




 “ไม่เป็นไรหรอก... ฉันไม่ถือ..”




“ฮะ?...”




“นอนต่อเถอะน่า!” อ้อมแขนของชายหนุ่มผลักร่างที่บางกว่าให้ล้มลงนอนอีกครั้ง... ถึงจังหวะเหมาะที่กัปตันหนุ่มแอบคิดสะใจเล็กๆ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวขึ้นมานอนทับร่างของทิมมี่ท่ามกลางสีหน้าตกใจและไม่คาดคิดของหนุ่มหน้าขาวที่กำลังโดนบุกรุกโดยกัปตันหนุ่มหน้าเข้ม..ที่กำลังโน้มใบหน้าของเขาลงมาอย่างรวดเร็ว




 “คุณลูคัส! ทำอะไรน่ะ เฮ้!!” แต่ทว่า.. ใบหน้าที่โน้มลงมา กลับวางลงบนหมอนข้างๆกับใบหน้าขาวของทิมมี่.. ในขณะที่หนุ่มหน้าหยกเหงื่อเริ่มแตก...กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ถูกว่าชายหนุ่มร่างใหญ่คนนี้จะทำอะไร



 “ฉันเหนื่อย... ขอนอนก่อนได้มั้ย.... ส่วนนาย...ก็ลุกไปทานข้าวโอ๊ตของคุณเอ็มม่าได้แล้ว” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้น...ราวกับชายหนุ่มผู้นี้จะเข้าสู่ภาวะ “เหนื่อยของจริง”... กัปตันหนุ่มยิ้มบางๆก่อนหลับตาลง.. และแน่นิ่งไปบนร่างบางของทิมมี่ ในขณะที่ทิมมี่ใช้ทั้งเท้าใช้ทั้งมือดันชายหนุ่มให้พลิกตัวนอนหงายกลับไปก่อนที่เขาจะลุกออกจากเตียงด้วยสีหน้าที่แดงเรื่อ หากแต่เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดเดียว





         มิอาจที่จะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว... ทิมมี่เองรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ เมื่อได้เห็นร่างสูงใหญ่นอนหงายหลับนิ่ง... เขาถอนใจพลางมองคนตรงหน้าแล้วไม่เข้าใจว่าอะไรกัน... ที่ทำให้ตัวทิมมี่เองต้องโกรธชายหนุ่มคนนี้มากมายถึงขนาดนี้... ความเข้าใจจึงค่อยถูกทำลายลงไปเมื่อได้ยินเสียงหายใจที่เหนื่อยล้าของกัปตันหนุ่ม.. และแล้ว..รอยยิ้มบางๆก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของทิมมี่..และเป็นอีกครั้งที่ทิมมี่.. ไม่รู้สึกตัวเลยว่า ตอนนี้.. เขากำลังรู้สึกอย่างไร...กับกัปตันลูคัส..






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++







“ตื่นเสียทีนะ.....” ทิมมี่ เอ่ยทันทีที่เห็นดวงตาของกัปตันหนุ่มค่อยๆกระพริบลืมขึ้นช้าๆ... ขณะที่ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงคนตรงหน้าทักทายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นั้น เขาก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ



 “....กี่โมงแล้วเหรอ....”



 “ทุ่มนึง..... ค่ำแล้ว..คุณควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ...”



 “...หืม?.... ก็นี่ไง...พักผ่อนอยู่...” ทิมมี่ถอนใจพร้อมกับแสดงสีหน้าเอือมระอา



 “คุณลูคัส....ผมถามอะไรแล้วคุณช่วยตอบผมได้ตรงๆได้มั้ย...” กัปตันหนุ่มที่นอนนิ่งพลางลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างอยากรู้ ว่าคำถามนั้นจะคืออะไร



 “ถามมาสิ...”




 “คุณเป็นเกย์หรือเปล่า?” คำถามที่ตรงเกินไป ทำให้ใครบางคนสะดุ้งลุกนั่งพร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจในคำถาม.. หากแต่สายตาของทิมมี่ที่มองกลับมามันช่างไร้อารมณ์และไร้การแสดงออกต่อคำถามของตัวเขานั้นโดยสิ้นเชิง..





 “....ถ...ถามอะไรของนาย...”




 “มีแค่สองคำตอบ... เป็น...หรือไม่เป็น..” สีหน้านิ่งของทิมมี่ ยังคงจ้องชายหนุ่มอย่างไม่วางตา



 “อะไรที่ทำให้นายถามฉันแบบนี้..?”



 “...... ไม่น่าถาม......ก็สิ่งที่คุณกำลังทำให้ผมเข้าใจ... มันมีอยู่ตั้งมากมายไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของทิมมี่พาให้กัปตันหนุ่มนั่งสะอึกเงียบอย่างไม่คาดคิด...เขาไม่เคยยอมรับกับคำว่า “เกย์” เลยสักนิดเดียว..หากแต่ขอให้สิ่งที่เขาเป็นอยู่ ให้มันเรียกเป็นอย่างอื่นได้คงจะวิเศษกว่านี้... และสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็คือ สิ่งที่แสดงความรู้สึกดีๆให้กับ “ผู้ชาย” ด้วยกันอย่างทิมมี่.. แต่ถึงกระนั้นแล้ว... เขาก็ไม่ค่อยชอบกับคำว่า “เกย์” เท่าไหร่นัก..



 “....แล้วถ้านายได้คำตอบจากฉันแล้ว.... มันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ..” ชายหนุ่มถามกลับ...ทิมมี่ยังคงมองหน้าเขาอย่างไม่วางตา



 “มันอาจจะไม่มีอะไรต่อไปหรอก.... แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกอยากรู้ของผมก็เท่านั้นเอง...”



 “นายอยากรู้ไปทำไม?... นายต้องมีเหตุผลสิ”



 “แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่คุณจะมาโยกโย้ไม่ยอมตอบผมล่ะ?” คำถามที่สวนกลับไปกลับมา แต่สรุปว่ากัปตันหนุ่มก็เป็นฝ่ายนิ่งเงียบไปทุกที และแล้ว... กัปตันก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง สีหน้าครุ่นคิดบ่งบอกว่าเขากำลังพยายามตัดสินกับความรู้สึกนึกคิดและรสนิยมของตัวเอง..



 “ฉัน....ไม่ได้เป็นเกย์...” กัปตันหนุ่มกล่าวขึ้น...ทิมมี่เหมือนจะทำตาโตขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็กลับหันไปอีกทาง เพื่อหันหลังให้กับชายหนุ่มผู้นี้... แต่ทว่า.. คำตอบมันยังไม่จบ..




 “ฉันไม่ยอมรับที่ใครจะเรียกฉันเป็นแบบนั้น.... แต่ฉันขอให้มีคำอื่นที่ดีกว่านี้... คำว่าอะไรก็ได้... ที่มันมีความหมายเดียวกันก็คือ...... ฉัน... เป็นผู้ชาย... ที่รักนาย.. มากที่สุด!”








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.

ทิ้งระเบิดไว้เล็กน้อย

ส่วนตัวชอบประโยคสุดท้ายมากเลยนะคะ


‘ฉันเป็นผู้ชายที่รักนายมากที่สุด’ เขินอ่ะ >///<


ขออภัยเป็นอย่างสูงที่เมื่อวานไม่ได้มาต่อ พอดีเพื่อนลากไปฉลองเลยเกิดอาการเมาแป๊บซี่เล็กน้อย 55+

สงสัยเพื่อนมันจะแอบผสมสิ่งมึนเมา กร๊ากกกกกกกกกกกก



สวัสดีค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 19 [01/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-10-2011 16:48:55
สารภาพรักแล้ว  แต่เรายังคงชอบบาเรลล์และเทลิซ่าอยู่อย่างมากมายเหมือนเดิม
คิด ๆ อยู่ว่า  ถ้าได้เป็นแฟนกัน  จะยังพูดกันแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 19 [01/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 02-10-2011 13:39:46
FLIGHT 20 : เกมเทวดา (3)





          หลังจากที่ทิมมี่ได้ยินคำพูดนั้น...หนุ่มหน้าขาวก็ได้แต่นั่งหันหลังอึ้งให้กับเขา.. ความเงียบปกคลุมนานกว่าสิบห้านาที..จนกระทั่งเสียงเคาะประตูมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในห้องลงจนหมดสิ้น...กัปตันหนุ่มลุกไปเปิดประตูด้วยตัวเอง



“อ..อ้ะ...คุณลูคัส!?” เทลิซ่าทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องของทิมมี่



“ไง... ไปไหนมาล่ะ”



“...ป..ไป...” เทลิซ่ากำลังจะตอบ แต่พอคิดถึงหน้าบาเรลล์ขึ้นมาได้ หล่อนก็ตัดสินใจไม่ตอบดีกว่า



“ว่าแต่คุณลูคัส... ไม่กลับบ้านเหรอคะ?”



“อืม... ตอนแรกว่าจะไม่กลับนะ...” กัปตันหนุ่มหันไปมองแผ่นหลังของทิมมี่ที่ในขณะที่หนุ่มหน้าขาวยังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ยอมหันกลับมามองเขา

 

“เอาเป็นว่า... เดี๋ยวพรุ่งนี้...ฉันมาใหม่แล้วกัน” กัปตันหนุ่มเดินสวนเทลิซ่าออกมา.. ในขณะที่เทลิซ่ามองร่างสูงที่เดินผ่านไปอย่างสงสัยอะไรบางอย่างก่อนที่หล่อนจะเดินเข้ามาในห้องทิมมี่

 

“ไง... ได้หลับบ้างหรือยัง?” ผู้เป็นน้องสาวถาม

 

“..อืม... ตอนนี้โอเค.แล้ว”

 

“งั้นก็ดี... เดี๋ยวฉันก็ไปพักผ่อนบ้างแล้วกันนะ... พรุ่งนี้.. ฉันคงจะนอนทั้งวันเหมือนกัน...”

 

“อืม... ตามสบาย” เทลิซ่าปิดประตูลง...ทิ้งให้ทิมมี่เข้าสู่บรรยากาศของความเงียบสงบภายในห้องของตัวเองอีกครั้ง... ความคิดสับสนวุ่นวายยังไม่คลายไปไหน...หากแต่คำพูดที่ทำให้หนุ่มหน้าขาวต้องชะงักและอึ้งจนมาถึงวินาทีนี้...เขาบอกไม่ถูกว่ามันเป็นคำพูดที่ดีหรือเป็นคำพูดสองคมกันแน่... เขาเข้ามาในชีวิตของเทเลอร์ เพราะว่าเขารักเทเลอร์... แต่ทำไมอยู่ๆในวันนี้..เขาถึงได้พูดอะไรที่ผิดธรรมชาติออกมาแบบนั้นได้...

 




“...ไม่ได้เป็นเกย์... อย่างนั้นเหรอ?....หึ..... บ้าชิพ...”





          บางที.. “คำๆเดียว” อาจจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคนๆหนึ่งให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บางครั้งการเลือกที่จะเป็นอะไรก็ตาม แม้ใครคนนั้นจะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นไม่ได้ผิดกฎหมายหรือทำให้ใครๆเดือดร้อน..แต่ทว่า “ชื่อเสียง” และทุกอย่างๆในชีวิตที่เขาได้สร้างขึ้นมากับมือมันอาจจะพังทลายลงตรงหน้าแค่เพียงเพราะมีใครคนอื่น เรียกเขาคนนั้นว่า
 “เกย์” และบางทีการกระทำที่ออกมาจากใจ..ไม่ว่ามันจะมากน้อยเพียงไหน.. ความรู้สึกดีๆ มันก็มีความหมายมากเกินไปกว่าที่เราจะมาคาดคั้นหาคำตอบจากตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหนกันแน่? และในบางคนการที่ใครคนหนึ่งจะทำให้ใครอีกคนมีความสุข.. ในช่วงเวลานั้นเอง เขาก็อาจจะไม่ได้คิดหรอกว่า คนที่ตัวเองต้องการจะให้มีความสุขคนนั้น จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย..






-เช้ารุ่งแห่งความสับสน-





          กัปตันหนุ่ม เดินออกมาจากบ้านพักสุดหรูชานกรุงปารีส เขาสวมเสื้อเชิร์ตลายซาฟารีรูปยีราฟสบายๆ กับกางเกงสามส่วนยี่ห้อดังพร้อมกับแกว่งกุญแจรถเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และทรงผมที่เซ็ตหวีเรียบร้อย เหมือนคุณชายจากผู้รากมากดีก็ไม่ปานรถยนต์คันหรูของกัปตันหนุ่มแล่นเข้าสู่ใจกลางกรุงปารีส พร้อมกับเลี้ยวเข้ามาในสุสานพลางจอดไม่ไกลจากบริเวณหลุมศพของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ เท่าไหร่นัก..



          ชายหนุ่มร่างสูงเดินลงมาจากรถพร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่.. ความหมายของดอกไม้ซึ่งเปรียบประดุจดั่งหญิงสาวผู้เป็นที่รักและยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ในหัวใจของเขา.. แม้ในวันนี้.. เธอผู้นั้นจะจากเขาไปเสียแล้ว..ดอกกุหลาบสีขาวกว่าหลายสิบดอกในช่อดอกไม้สีขาวที่อัดกันแน่น..ถูกวางลงตรงหน้าหลุมศพของเทเลอร์...หากแต่ชายหนุ่มยังคงยืนไว้อาลัยอย่างสงบ..พลางนึกถึงภาพเก่าๆที่เขากับเทเลอร์ ได้มีความสุขด้วยกัน.. ในเวลานั้นพอได้หวนย้อนกลับไปนึกถึงกันอีกครั้ง..มันก็เรียกความรู้สึกว้าเหว่และบรรยากาศที่เศร้าลงในหัวใจของกัปตันหนุ่มได้ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน หากแต่ความสงบในจิตใจของเขากลับถูกมารผจญมาขัดขวางเสียก่อน...





 “กัปตันคะ!!” น้ำเสียงของใครที่กัปตันนั้นรู้สึกคุ้นหู...ชายหนุ่มหันไปมองต้นเสียง ที่ยืนอยู่ในชุดวาบหวิวล่อผีล่อสางกลางวันแสกๆ..



“..ช..ชอริต้า?..” กัปตันหนุ่มแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขา พาลนึกว่าตัวเองในใจ... ว่าทำไมถึงไม่มีลางสังหรณ์ใดใดสักนิดให้รู้นะ ว่าหญิงสาวคนนี้จะมา



“คือ..ฉันผ่านมาพอทางพอดีน่ะค่ะ...แล้วก็เลยพบกับกัปตันเข้า...” หญิงสาวพูดพลางเล่นหูเล่นตา

 

"อืม... วันนี้คุณหยุดหรือ?”

 

“ค่ะ! ..เอ่อ.... แล้วกัปตันล่ะคะ เที่ยวบินต่อไปเมื่อไหร่คะ?”

 

“พรุ่งนี้น่ะ...”


 
“อุ๊ย! ดีจัง...รอบเดียวกันเสียด้วย... เอ่อ...ไม่ทราบว่าตอนนี้ กัปตันพอจะมีเวลาว่างสักครู่มั้ยคะ” น้ำเสียงยั่วยวนถามขึ้น ก่อนที่หล่อนจะเดินตรงมาใกล้กัปตันหนุ่ม พร้อมสายตาเย้ากิเลส

 

“คือพอดี...ผมมีธุระน่ะ”

 

"สักครู่เดียวเองนะคะ...ฉันเห็นสีหน้ากัปตันไม่ค่อยดีเลย... ไม่พักดื่มกาแฟกันสักถ้วย และกัปตันค่อยไปทำธุระต่อก็ได้นี่คะ..นะคะกัปตัน” กัปตันหนุ่มเบี่ยงสายตาแล้วแอบถอนใจ



“แต่ผมว่า...”



“นะคะกัปตัน! แป๊บเดียวเองนะคะ... นะ...” หญิงสาวเอื้อมมือมาควงแขนชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะพลางส่งสายตาอ้อนวอน...
หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกหลงใหลอะไรในแววตาคู่นั้นของชอริต้าเลย...แต่คำว่า “มารยาทและความเกรงใจ” ก็ทำให้กัปตันหนุ่มพยักหน้าพร้อมๆกับตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก

 

“ถ้าอย่างนั้น... เราขับรถกันไปที่สตาร์บัคส์นะคะ...ดิฉันจะขับนำไปก่อน” หญิงสาวเดินย้ายสะโพกออกไป ในขณะที่กัปตันหนุ่มยกมือขึ้นมาวางบนหน้าผากแล้วลูบใบหน้าอย่างกลัดกลุ้ม..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



             

         ทิมมี่นั่งรถแท็กซี่มาที่สุสาน หนุ่มหน้าขาวเดินลงมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่สีขาว และเดินตรงมาที่หลุมศพของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์... พลันสายตาของเขาก็พบกับดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางไว้หน้าหลุมศพของเทเลอร์ หนุ่มหน้าขาวรู้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน..ว่าดอกไม้ช่อนั้นเป็นของใคร


 

“คุณทิมมี่ครับ!” เสียงของใครบางคน ทำให้ทิมมี่ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียงด้วยสีหน้าไม่คาดคิด



“.....คุณ....โรเจอร์.....” ชายหนุ่มที่เดินเข้ามา ยิ้มทักทายด้วยสีหน้าดีใจที่ได้พบทิมมี่อีกครั้ง

 

“วันนี้... คุณไม่ได้ทำงานหรือครับ คุณโรเจอร์?” หนุ่มหน้าหยกถาม พลางหันหน้าไปทางหลุมศพของน้องสาว

 

“...ผมขอเปลี่ยนเวรกับคนอื่นน่ะครับ... เอ่อ....ผมอยากมาเจอคุณ...” ทิมมี่ชะงัก เมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “....เจอผม?.... ทำไมครับ?” ทิมมี่ถามโดยที่ไม่หันไปมองหน้า ก่อนที่จะเดินไปวางช่อดอกไม้เคียงข้างช่อใหญ่ของกัปตันลูคัส
ก่อนที่เขาจะหันมาทางโรเจอร์ พลางกลิ้งสายตาไปทางอื่นด้วยความรู้สึกอึดอัด

 

“ผมเสียใจด้วยนะครับ... กับเรื่องน้องสาวของคุณ...” โรเจอร์เลี่ยงสิ่งที่จะพูดออกไปก่อนตามมารยาท

 

“ขอบคุณครับ...”

 

“....เอ่อ.. คุณทิมมี่ครับ...ผมอยากชวนคุณไปเดินเล่นนะครับ...ผมคิดว่าคุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้ก็ได้..” โรเจอร์พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งลงไปพาให้ทิมมี่เห็นความจริงจังบนใบหน้านั้นมากขึ้นกว่าเดิม..

 

“...คุณเปลี่ยนตารางงานของตัวเอง...เพื่อจะมาหาผม...และพาผมไปเดินเล่นน่ะเหรอครับ?” ทิมมี่ถาม พลางทำหน้าสงสัย..หากแต่ในใจแล้วเขาเองก็รู้ดีว่าชายคนตรงหน้ากำลังพยายามจะทำอะไร



“...ผมแค่มีเรื่องบางเรื่อง..ที่ยังติดค้างกับคุณเอาไว้....วันนั้น.... หากคุณทิมมี่ยังจำได้... ก่อนที่คุณลูคัสจะเข้ามา.... ผมได้พูดเรื่องอะไรบางอย่าง...กับคุณ...” ทิมมี่สะอึกนิ่ง.. เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น...เหตุการณ์ที่โรเจอร์..สารภาพความรู้สึกกับเขา..

 

“แต่เวลานี้...ผมว่าเราไม่น่าจะพูดเรื่องนั้นหรอกนะครับ..” ทิมมี่เลี่ยงตามความรู้สึก

 

“.....อืม.... ก็ได้ครับ...” โรเจอร์ถอนหายใจ

 

“ถ้าอย่างนั้น....ขอเพียงแค่คุณทิมมี่ไปเดินเล่นกับผม...ผมสัญญาว่าผมจะไม่พูดเรื่องวันนั้นสักคำ... นะครับ....” ในที่สุดความตั้งใจดีของโรเจอร์ก็เอาชนะความรู้สึกลังเลและสับสนของทิมมี่จนสำเร็จ... ทิมมี่พยักหน้าช้าๆ ก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มที่เดินยิ้มออกไป... หากแต่สายตาของหนุ่มหน้าหยกก็ยังแอบหันมาชำเลืองมองช่อดอกกุหลาบสีขาว ของกัปตันหนุ่มผู้นั้น... ด้วยความรู้สึกที่ต้องการคำตอบอะไรบางอย่างที่ตัวเขานั้นยังไม่สามารถได้รู้... กับเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจของตัวเอง..ในเวลานี้...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




                           
เอสเปรสโซ่สองแก้ววางอยู่บนโต๊ะกาแฟไม้อัดของร้านสตาร์บัคส์ ... กัปตันหนุ่มราวกับไม่มีทีท่าว่าจะอยากแตะมัน
ในขณะที่ชอริต้านั้นชำเลืองมองพลางยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยน์...ก่อนที่หล่อน จะแอบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋า และกดเบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นเลขหมายของกัปตันลูคัส.. และกดโทร.ออกราวกับหล่อนมีแผนการอะไรบางอย่างต่อการกระทำนี้กัปตันหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งส่งเสียง


 
“เอ่อ... ขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ..” ชอริต้าพยักหน้า และมองชายหนุ่มที่ลุกออกไปด้วยสายตาฉายแววพอใจอะไรบางอย่าง..เมื่อชายหนุ่มเดินหายไปกับมุมห้องแล้ว.. หญิงสาวก็ควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทันที แผงฟรอยด์ที่ถูกห่อหุ้มยาเม็ดใหญ่ในมือ... ถูกแกะออก เผยให้เห็นเม็ดยาสีขาวนวล.. หญิงสาวยื่นยาเม็ดนั้นขึ้นมาตรงหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างสะใจในแผนการของตัวเอง

 

“ไม่ได้ด้วยเล่ห์... ก็ต้องได้ด้วยกลล่ะนะ... หึ..ขอโทษทีนะคะคุณลูคัส... กัปตันสุดหล่อ!”



           


     
          รถเก๋งสีเขียวเข้มของชอริต้าแล่นเข้ามาภายในโรงแรมโมเทลแห่งหนึ่ง ไกลจากตัวเมืองพอดู...หญิงสาวจัดการเช็คอินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบกลับไปที่รถและพยุงร่างสูงใหญ่ของกัปตันหนุ่มที่หมดสติไปแล้วในเวลานี้..เข้าไปยังห้องสวีทที่เธอได้เช็คอินเอาไว้แล้ว ...และไม่ช้าร่างสูงใหญ่ก็ลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนุ่มหลังใหญ่ในที่สุด..กระดุมเม็ดแรกค่อยๆถูกปลดออกมาจนถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย...หญิงสาวเปิดเสื้อขาวของชายหนุ่มเบิกกว้าง เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง.. กล้ามอกของชายหนุ่มกับกล้ามท้องเป็นลอนล่ำสัน...เจ้าของผิวสีแทนนอนเปลือยท่อนบนอย่างไร้ความรู้สึก... ในขณะที่มือเรียวของหญิงสาว ค่อยๆเอื้อมไปวางที่หัวเข็มขัดก่อนที่จะแกะมันออกช้าๆ...




“ขอโทษนะคะ... กัปตัน....” สีหน้าของเธอไม่ได้เป็นไปอย่างที่ปากพูด หญิงสาวรูดเข็มขัดออกมาวางกองไว้กับพื้น...และตามมาด้วยกางเกงยีนส์สีดำราคาเหยียบหมื่นที่ไม่ช้า..มันก็ตามเข็มขัดลงไปกองกับพื้นเช่นกัน...




ชอริต้าเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับสลัดชุดเดิมของเธอทิ้ง... เหลือออกมาเพียงชุดนอนบางสีชมพูที่เตรียมเอาไว้แล้วอย่างดี...ในขณะที่หญิงสาวกำลังก้าวตรงไปยังเตียงหนานุ่มเบื้องหน้าที่มีกัปตันหนุ่มรูปหล่อนอนนิ่งอยู่บนนั้น... เสียงอะไรบางอย่าง..ก็ทำให้ฝีเท้าของเธอสะดุดหยุดยืนนิ่งทันที...








ติ๊งต่อง...




เสียงออดเจ้ากรรม... ทำให้สีหน้าของชอริต้าหงิกขึ้นมาทันที






 “ชิ... บอกแล้วว่าอย่าให้ใครมารบกวน... บ้าจริงๆ!” ชอริต้าไม่สนใจ หล่อนทำทีจะเดินตรงไปที่เตียงอีกครั้ง... แต่ทว่า..






ติ๊งต่องๆๆๆๆๆๆ ติ๊งๆๆๆๆ ต่อง!!!!!







เสียงออดอันไร้มารยาท... ความรู้สึกของหญิงสาวเวลานี้พุ่งขึ้นในระดับปรอทแตกแล้ว หญิงสาวพุ่งตัวไปที่ประตูห้อง และทันทีที่หล่อนเปิดมันออกไปนั้น! สีหน้าของหญิงสาว... จากที่อารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีหน้าของคนที่กำลังเข้าสู่ภาวะบางอย่าง ที่เรียกกันว่า “ช็อค”! แน่นอน... จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้... คนที่จะทำให้ความดันโลหิตผู้อื่นพุ่งจนแทบหัวใจวายได้ถ้วนหน้าในทุกๆเวลาที่เจอเธอคนนี้..




 “...ค...คุณวี...”







 เพี๊ยะ!!






แรงกระแทกจากฝ่ามือของ “วีว่า เลอคอติส” ประทับลงบนแก้มของชอริต้าจนนางงามยั่วสวาทหงายกลิ้งไปด้านหลัง ... ดวงหน้าของนางอิจฉาพาร่างตัวเองเข้ามาในห้องที่มีแสงสียั่วตัณหาของห้องสวีทในโรงแรมจิ้งหรีดแบบนี้




 “...แกทำอะไร...”



“ค..คุณวีว่า! ค..ค..คุณมาที่นี่ได้ไง!”



 “ฉันถามว่าแกกำลังจะทำอะไร!!! อีนังจิ้งจอก!! ทำอะไร!!” อีกหลายเสียง “เผียะ” ดังตามมาติดๆ... ร่างของนางฟ้าทรงโต ไหลกลิ้งไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือหนักราวกับเป็นลูกบาสเก็ตบอลที่กำลังถูกเลี้ยงอย่างน่าอนาถจิต..



 “แกรู้จักฉันน้อยไป!! แกรู้จักฉันน้อยเกินไป!! มานี่!” วีว่า เลอคอติส จิกศีรษะหญิงสาวให้ตรงไปที่ห้องน้ำ...สายตาของวีว่ามองเห็นอ่างน้ำที่มีกลีบกุหลาบโรยอยู่บนน้ำอุ่นมองแล้วช่างน่าโรแมนติกยิ่งนัก.. หากแต่ไม่ใช่สถานการณ์ในตอนนี้แน่ๆ



“อยากนักใช่มั้ย!! อยากนักก็ใช่มั้ย นังชอริต้า!! แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว!”







โคร~~มมมม!!!






 “กรี๊ดดด!! ปล่อยนะ! ปล่อย!! เฮือก!!” ชอริต้าถูกจอมนางแห่งดานอสซี่กดศีรษะกระแทกลงไปที่ผิวน้ำอุ่น.. หลายต่อหลายครั้ง ... เสียงดังซู่เมื่อศีรษะของหล่อนถูกกดลง.. ในขณะที่เสียงดัง “ปึ้ก” ในบางครั้ง... นั่นก็คือเสียงที่หน้าผากของชอริต้ากระแทกเข้ากับขอบอ่างหากเพราะวีว่า เลอคอติส กดผิดกดถูกหลายต่อหลายครั้งทีเดียว



“ถ้าแกยังไม่รู้อะไร...ฉันจะบอกให้แกรู้ในวันนี้นะว่า!! ที่นังเทเลอร์มันต้องจบชีวิตตัวเองแบบนี้...ฉันนี่แหล่ะที่เป็นคนทำให้มันเป็น!! ฉันทำให้มันต้องเจ็บ!!...และถ้าหากว่าแกไม่อยากจะตรอมใจตาย ให้โรครุมเร้าอย่างมันล่ะก็...!! จำไว้นะ!! อย่าได้มายุ่งกับคนของฉัน!! ฟังฉันอีกครั้ง....! .... อย่า!!!!”






โครม!





ร่างของชอริต้า โดนเหวี่ยงไปสะบักสะบอมที่มุมของห้องน้ำ... ร่างกายที่เปียกปอนในชุดนอนบางทำให้วีว่ามองเห็นสุดรูขุมขนบนเรือนร่างของหญิงสาวพร้อมกับชักสายตาสมเพชออกมาอย่างร้ายกาจเกินกว่าที่ผู้หญิงดีๆจะเป็น



 “ไสหัวออกไป.. แล้วอย่ามายุ่งกับของๆฉันอีก...ไม่อย่างนั้นหล่อนจะถูกเด็ดปีก เหมือนอย่างที่นังเทเลอร์มันเคยโดนแน่ๆ!! ออกไป!!” ชอริต้าสะดุ้งโหยง ก่อนที่จะรีบกระเสือกกระสนออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ตัวยังเปียกชุ่ม หล่อนไม่รีรออะไรทั้งนั้น มือสองมือคว้ากระเป๋าสะพายพร้อมชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่มา ก่อนที่จะวิ่งป่าราบออกมาจากห้องๆนั้น ด้วยความกลัวอย่างที่เธอนั้นไม่เคยรู้สึกกลัวใครมากมาก่อนเท่ากับ “วีว่า เลอคอติส” คนนี้เลย...





วีว่า.. เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่สายตาจะเบี่ยงไปมองร่างแกร่งที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงหนานั้น.. พลัน! รอยยิ้มสะใจกับการมองเห็นของหวานตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าร้ายกาจของหล่อนในไม่ช้า











“หึ... ฉันบอกคุณแล้วคุณลูคัส... ว่าพระเจ้า... ส่งฉัน... เพื่อมาเป็นเจ้าของคุณ.... ฮึฮึฮึ”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


ไม่อยากจะบอกว่าเราจะเข้าสู่มาม่าระยะสุดท้ายกันอีกแล้ว

จากนี้ไปขออนุญาติลงครั้งละตอนแทนนะคะ จะไม่มีการควบแล้ว เพราะมันใกล้จะจบเลี้ยว 555+


พบกันใหม่่ตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 20 [02/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 02-10-2011 15:50:02
อ๊ายยยยยยยยย  โหดร้ายมว๊ากกกกกกก

นังวีว่า  ช้านเกลียดแก๊....  เอิ่มม  อินไปหน่อยแฮะ

กัปตันรีบๆตื่นนะ  ไม่ไหวจะเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้แล้ว

+1  ให้คนโพสน้า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 20 [02/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-10-2011 19:37:43
เราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูคัสจะมีปัญญาทำอะไรกับวีว่าได้หรือเปล่า
เพราะจะว่าไปหลายต่อหลายครั้งที่ลูคัสปล่อยให้วีว่าระรานและทำร้ายคนอื่น
โดยที่ลูคัสเองไม่ได้ออกมาปกป้องอะไรเลยแม่แต่น้อย
ถ้าวันนี้จะเป็นคิวของลูคัสเอง  เราคงรู้สึกสะใจ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 20 [02/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 03-10-2011 02:47:06


   โอว. . . ชอริต้า นี่ร้ายใช่เล่น
   แต่อย่างวีว่านี่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นนางมาร!!
   และไหงท่านกัปตันเราต้องมาตกอยู้ในดงพวกนี้ละเนี่ย
   สงสัยกรรมเก่าตามทันละมั้ง


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 21 [03/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 03-10-2011 15:16:15


FLIGHT 21: เกมเทวดา (4)






          เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำ...กัปตันหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น..สีหน้าบ่งบอกถึงความมึนงงกับแสงไฟสีแดงที่เสียดตายามตื่น... และแล้วไม่ช้า สีหน้าตกใจก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา.. เมื่อชายหนุ่มเหลือบเห็นร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ในระยะประชิดด้านขวา..และเขาก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นพาให้หญิงสาวคู่หลับนอน ตื่นขึ้นด้วยสีหน้างัวเงีย





“นี่มันอะไรกันเนี่ยคุณ!” กัปตันหนุ่มตะคอกถามด้วยความไม่เข้าใจขณะที่วีว่า เลอคอติส ยิ้มกริ่มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย้ายวนว่า



“แหม.... ทำยังกับว่า... เราไม่เคยกันอย่างนั้นแหล่ะ..คุณลูคัส”

 

“ผมต้องการคำตอบที่ว่า ผมมาอยู่กับคุณได้ยังไง!! ก็ก่อนหน้านี้ผม...” กัปตันหนุ่มชะงักนิ่งพลางคิดลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ... วีว่าเบะปากอย่างเย้ยหยัน

 

“หึ... คุณน่ะ... ถูกนังชอริต้ามอมมาสินะ....ไปไหนกับมันมาล่ะ! คุณน่ะ.. ไม่รู้จักพอนะคุณลูคัส!!”



“.......จริงสิ... ชอริต้า... ใช่...ผมอยู่กับเธอแต่...” กัปตันหนุ่มมองวีว่าด้วยสายตาสงสัยและต้องการคำตอบ

 

“หรือว่าเธอ...”

 

“ก็ใช่สิ! มันคงจะใส่ยานอนหลับกับอะไรที่คุณกินน่ะ!... แต่คงจะไม่ใช่เหล้าหรอกมั้ง ...ฮึ... เพราะเมื่อกี้ฉันลองจูบปากคุณดูแล้ว....ไม่ยักจะมีกลิ่นเหล้าเลยสักนิดเดียว” กัปตันหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหน้าอย่างเจ็บใจที่ตัวเองพลาดได้กับอีแค่ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างชอริต้า หากแต่ว่าเขายังมาเจอกับวีว่า เลอคอติส.. ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาๆคนนี้เสียอีก...ไม่ต่างอะไรกับหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ... แต่อย่างว่า...ไม่ได้หนีเสือมานี่นะ.. เสือพาเข้ามาต่างหาก

 

“..เอาล่ะคุณวีว่า.. ผมมีธุระจะต้องไปทำต่อ..ในเมื่อคุณได้ผมได้เสพสิ่งที่คุณต้องการแล้ว... ผมคงต้องขอตัวบ้างล่ะ”

 

“นี่! เดี๋ยวสิคุณลูคัส!” วีว่า คว้าข้อศอกแข็งแกร่งของกัปตันหนุ่มเอาไว้ได้ ขณะที่กัปตันลูคัสเกือบหงายเล็กน้อยเมื่อถูกแรงฉุด



“ฉันถามคุณตรงๆนะ... คุณช่วยตอบฉันตามตรงได้มั้ย!” คำพูดของวีว่า พาให้ชายหนุ่มหยุดคิดสงสัย...สายตาหญิงสาวกำลังมองมาทางเขาด้วยความรู้สึกประหลาด.. ไม่เหมือนแต่ก่อน



“...จะถามอะไรก็ถามมา..ผมไม่มีเวลาจะตอบคำถามคุณนานนักหรอก” กัปตันหนุ่มสะบัดแขนออก ในขณะที่วีว่าลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยร่างที่ถูกบดบังไว้ด้วยผ้าห่มผืนขาว




“.... คุณลูคัส.....คุณ.... ...คุณ....”

 

“จะถามอะไรก็ถามมาเถอะน่า! ผมรีบนะ”

 

“...........คุณเป็น.... เป็น...เกย์ หรือเปล่า!?” คำถามนั้น... พาให้กัปตันหนุ่มชะงักนิ่ง... บางสิ่งในคำถามนั้นบอกบรรยากาศที่คุกรุ่นในร่างของหญิงสาวตรงหน้ามากมายเหลือเกิน..





".......... คุณถามบ้าอะไร?”

 




“อย่ามาว่าฉันบ้านะ!” สายตาตอบโต้ของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มสะอึกนิ่ง...

 


“....คุณวีว่า... ถ้าคุณไม่มีอะไรจะถามผมล่ะก็..”

 




“มีแค่สองคำตอบเท่านั้น! คือเป็นหรือไม่เป็น!” น้ำเสียงสวนกลับที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง กัปตันหนุ่มก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่พร้อมกับกางเกงชั้นในกับกางเกงยีนส์ราคาสูงลิบมาสวมใส่ด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ก่อนที่เขาจะหันมาทางหญิงสาว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า..

 




“คุณน่าจะรู้จักผมดีนะ... คุณวีว่า.... หึ....”

 


“นี่คือคำตอบรึไง?”




“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ..... ทีผม... ผมยังรู้จักนิสัยของคุณดีเลย... ว่าคุณน่ะ ร้ายกาจขนาดไหน”

 


“สรุปว่าคุณเป็นเกย์ใช่มั้ย!” กัปตันหนุ่มเหลือบสายตาไปมองหล่อนอีกครั้งด้วยแววตาที่เริ่มกรุ่นขึ้น

 

“อย่าหาเรื่องไร้สาระมาใส่หัวผม”

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ได้เป็น... ใช่มั้ยคะ” กัปตันหนุ่มสวมเข็มขัดเรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปถึงประตูอย่างไม่สนใจ

 

“นี่คุณลูคัส!! กลับมาก่อนนะ!” ช่วงนาทีที่หญิงสาวจะเดินตามไป...กัปตันหนุ่มหันมาทางหล่อนอีกครั้ง ก่อนที่จะผลักหล่อนหงายหลังจนผ้าห่มที่บดบังเรือนร่างของหล่อนหลุดออกไป พลัน! ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วชี้มาทางหล่อนพร้อมกับสีหน้าที่ขุ่นเคืองมากขึ้น ก่อนที่เขาจะทิ้งคำเตือนเอาไว้ ก่อนที่จะออกไปว่า..

 

“อย่ายุ่งกับเรื่องของผมนะคุณวีว่า... ถ้าคุณ...ไม่อยากเดือดร้อน!” กัปตันหนุ่มเปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดีหญิงสาว..และในไม่ช้า.. เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังตามชายหนุ่มออกมาราวกับคนเสียสติไปเลยทีเดียว..

 






“คุณคิดว่าแค่นี้จะขู่คนอย่างฉันได้เหรอคุณลูคัส!! หึ! ไม่มีวันหรอก!!”







++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






ในที่สุด.. วันพักผ่อนวันสุดท้ายก็หมดลงในไม่ช้า...ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ นั่งอยู่บนชิงช้าในสวนหย่อมส่วนหน้าของคฤหาสน์...เทลิซ่าเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม.. ราวกับสองพี่น้องเริ่มทำใจกับสิ่งที่ขาดหายไปบ้างแล้ว..






“มานั่งรอใคร.... รอคุณลูคัสเหรอ?” เทลิซ่าถามสีหน้านิ่งๆ แต่พาให้ทิมมี่เบิกตาโพลง

 


“...ฮะ?... พูดอะไรนะ?”

 

“ฉันถามว่ามารอคุณลูคัสหรือไง?” เทลิซ่ายืนกอดอกถาม สีหน้าเธอยังไม่เปลี่ยน

 

“รอ?... รอเขาทำไม? บ้าน่ะ...”

 

“เอ้า... จะไปรู้เหรอ...เห็นค่ำมืดแล้วไม่ยอมเข้าบ้าน.. พรุ่งนี้เรามีบินกันนะ อย่าลืมสิ... เฮ้อ... แต่ว่านายยังดีนะ ที่บินไปแค่
 แต่เที่ยวบินฉันสิ.. เจอบอสตันอีกแล้ว... นี่ยังเที่ยวต่อๆไปอีกก็ยังเจอบอสตันอีกนะ... เมื่อไหร่ฉันจะได้ไปฝั่งเอเชียบ้างก็ไม่รู้” ทิมมี่ยิ้มเจื่อนๆให้น้องสาว

 

“หึ... อยู่แถวๆบอสตันเนี่ยแหล่ะดีแล้ว...ได้โอเวอร์ไนท์ด้วย.. สบายจะตาย..... เธออาจจะเห็นว่าออสเตรเลียไป-กลับ ไม่แวะพักแอร์พอร์ตอื่นก็จริงนะ...แต่ฉันมีเวลาพักแค่ไม่ถึงสามสิบนาทีเท่านั้น บางทีเที่ยวสั้นๆ แต่มันก็แย่พอดูเหมือนกัน...” เทลิซ่ายืนกอดอกฟัง และไม่ช้าสีหน้าของเทลิซ่าก็เปลี่ยนไปเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองมาทางเธอและทิมมี่บริเวณหน้าประตูบ้านด้านนอก..

 

“ท..ทิมมี่..”

 

“หืม?..”

 

“คนที่นายรอน่ะ... มาแล้ว..” ทิมมี่ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น...พลางสายตากวาดไปมองที่ประตูใหญ่หน้าบ้านพบใครบางคนยืนนิ่งมองมาทางเขา... สีหน้าที่ดูเรียบเย็นจนพาให้หนุ่มหน้าขาวอดหวั่นไหวไม่ได้ ... และคิดสงสัยว่ากัปตันหนุ่มที่ยืนมองมาทางเขาในเวลานี้กำลังคิดอะไรอยู่..





เทลิซ่าปลีกตัวเข้าบ้านไป... ทิมมี่ลุกออกจากชิงช้าก่อนที่จะเดินตรงไปที่หน้าประตูบ้าน.. ประตูไม้บานเล็กถูกเปิดออก หนุ่มหน้าขาวเดินออกมาพร้อมกับชักสีหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่มีความรู้สึกใดใดกับการมาครั้งนี้ของกัปตันหนุ่ม..





 “หึ... เจ้าของบ้านออกมาขนาดนี้... แสดงว่า....เขาไม่เต็มใจจะให้เข้าบ้านใช่มั้ยเนี่ย?” กัปตันหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น รอยยิ้มบางๆที่มุมปาก และสีหน้าที่ดูหม่นหมองแปลกๆของเขา ทำให้ทิมมี่อดรู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังอ่อนเพลียอยู่เสียไม่ได้.. แต่หากว่าหนุ่มหน้าหยกก็ยังคิดสงสัย ว่ากัปตันหนุ่มคนนี้..ไปทำอะไรมาถึงหน้าตาดูเหนื่อยเช่นนี้



“...ป...ไปไหนมาเหรอ... ท..ทำไมหน้าคุณ...” หนุ่มหน้าขาวไม่กล้าถามจนจบประโยค เมื่อสีหน้าคนตรงหน้ากลับค่อยๆคลี่รอยยิ้มออกมามากขึ้นเรื่อยๆ..

 


“ทำไมเหรอ?.... เป็นห่วงผมหรือไง?” ทิมมี่รู้สึกอึดอัด..

 

“... เปล่า...เพื่ออะไรที่ผมจะต้องรู้สึกกับคุณแบบนั้น..” หนุ่มหน้าขาวถามกัปตันหนุ่ม ทั้งๆที่ลึกๆแล้ว..คำถามนั้นก็เหมือนจะย้อนกลับมาถามตัวเขาเองเหมือนกัน.. ว่าทำไม?

 

“อืม... นั่นสินะ....” กัปตันหนุ่มถอนใจออกมา ในขณะที่เขายังคงยืนเอียงตัวพิงรถอย่างอ่อนล้าเต็มที

 

“...ทานอะไรมาหรือยังล่ะ...” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าทำเหมือนจะไม่ใส่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูดสักเท่าไหร่ แต่ใจก็แอบจริงจังในคำถามนี้อยู่เหมือนกัน

 

“อืม... ยังหรอก... แต่คงไม่เป็นไร.... ฉันคิดว่านาย.. คงดินเนอร์แล้วใช่มั้ยล่ะ”

 

“....อืม..ใช่....ถ้าค่ำกว่านี้คงจะเป็นซัปเปอร์แล้วล่ะ... ดินเนอร์คงไม่ใช่” ทิมมี่ตอบ กัปตันหนุ่มยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

 

“แล้ว.... อยากจะไปต่อซัปเปอร์กับฉันหรือเปล่าล่ะ...”

 

“....คุณคิดว่าผมเป็นพวกบ้ากินรึไง...กลิ่นไก่งวงยังติดปากผมอยู่เลย..” ทิมมี่เอ่ยขึ้น

 

“....อืม..แย่จัง......” กัปตันหนุ่มหันไปทางตัวรถ ก่อนที่จะทำทีว่าจะเปิดประตูรถออกมา...

 

“ถ้าอย่างนั้น.... ก็ไม่เป็นไรแล้วกัน...นายกลับเข้าบ้านไปเถอะ..... ฉันจะกลับบ้านแล้ว..”

 

“...อ่าว........ แล้วคุณจะไม่แวะไปซัปเปอร์ก่อนหรือไงคุณ?” ทิมมี่ยังแย้งในเรื่องเดิม ขณะที่กัปตันหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าเขาดูเหนื่อยล้าจริงๆ

 

“...ไม่ล่ะ...ฉันไม่ชอบทานอาหารคนเดียว..ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนก็ตาม....อืม... เมื่อก่อนอาจจะอยู่คนเดียวได้นะ.... แต่ช่วงหลังๆนี้...เป็นอะไรไม่รู้สิ....”

 

“โรคขาดความอบอุ่นล่ะมั้ง... ใช่มั้ย?” ทิมมี่ยืนกอดอกถามมาดกวน หากแต่กัปตันหนุ่มกลับยิ้มเจื่อนๆไม่มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยกับการหยอกเย้านั้น..

 

“ก็คงงั้น....... อืม.. บาย...” กัปตันหนุ่มเปิดประตูรถ ในขณะที่เขากำลังจะวางตัวเองลงไปบนที่นั่งคนขับนั้น.. เสียงของทิมมี่ที่ดังขึ้นอีกครั้งก็ทำให้ชายหนุ่มชะงักกับการกระทำของตัวเอง..

 



“ให้ผมพาคุณไปซัปเปอร์มั้ยล่ะ....ผมรู้จักร้านอร่อยๆเยอะนะจะบอกให้..” กัปตันหนุ่ม.. ปล่อยมือออกจากกุญแจรถที่เสียบคาแผงสตาร์ท... พลางชะโงกหน้าออกมาจากตัวรถทางหน้าต่างอีกครั้ง...สีหน้าของเขากำลังมองหนุ่มหน้าขาวตรงหน้าราวกับพยายามจะอ่านอะไรบางอย่าง หรือหาความหมายที่แท้จริงของคำถามดังกล่าวที่เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ยิน จากปากของคนๆนี้


 
 
“....นายคิดว่า........ กัปตันลูคัส...จะตอบรับว่ายังไงดีล่ะ...” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ในขณะเดียวกันที่ทิมมี่เริ่มอึดอัดและรำคาญ

 

“...ไม่รู้! ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินแล้วกัน!” หนุ่มหน้าขาวหันหลัง แล้วกระทืบเท้าตรงไปยังประตูบ้าน ในช่วงเวลาที่เขากำลังพาอารมณ์เคืองๆกลับเข้าบ้านนั้น ฝ่ามืออุ่นของกัปตันลูคัสกับร่างแข็งแกร่งที่พุ่งตัวออกมาจากรถคันนั้นได้รวดเร็วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็คว้าข้อศอกของทิมมี่เอาไว้ได้.. ทิมมี่ชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกแรงดึงมหาศาลจนตัวของเขากลับมาปะทะกับร่างสูงด้านหลัง...ใบหน้าของคนทั้งคู่เผชิญกัน สีหน้าของกัปตันหนุ่มที่มีรอยยิ้มบางๆในเวลานี้ มันเปรียบเสมือนคำตอบที่ทิมมี่ไม่ต้องคิดหงุดหงิดหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว..


 


“กัปตันลูคัสสุดหล่อ... ไม่มีวันปฏิเสธอยู่แล้ว...”  กัปตันหนุ่มตอบแทนด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏชัดขึ้น..สีหน้าที่เหนื่อยล้าหายไปฉับพลันพาให้ทิมมี่ต้องเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น.. ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็... มีหวัง... รอยยิ้มของคนหน้าขาวได้หลุดโพละออกไปอีกคนเป็นแน่...



           

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






ซัปเปอร์ที่ออกจะแตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมา...ทำให้ทิมมี่เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าเดิมเล็กน้อย.. หากแต่เทลิซ่าก็แอบสังเกตเห็นเช่นเดียวกัน..ความรู้สึกสงสัยต่อสถานการณ์ที่เธอกำลังเห็นอยู่ระหว่างทิมมี่และกัปตันหนุ่มลูคัส อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกที่ผิดปกติของทั้งสองคนนี้






และแล้ว เวลาของการทำงานก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง..








                           
            ความเศร้าของสองพี่น้องตระกูลดรอว์เยอร์ที่ยังเหลืออยู่เพียงสองชีวิตฝากไว้กับคุณเอ็มม่าภายในคฤหาสน์ของตัวเอง.. เป็นการดีที่ทิมมี่ได้อาศัยรถของน้องสาวไปทำงานเป็นครั้งแรกหลังจากที่การเดินทางออกมาในการทำงานก่อนหน้านี้ ทำให้ทิมมี่ต้องใช้บริการรถแท็กซี่มาโดยตลอด หากแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะไปตรวจเช็คความคืบหน้าของรถตัวเองที่อู่ซ่อมเลยสักนิดเดียว.. หากเพราะหนุ่มหน้าขาวรู้ถึงความสามารถและความรู้เกี่ยวกับรถของตัวเองดีว่า.. มันมีน้อยเหลือเกิน และหากจะถ่อไปถึงอู่ซ่อมนั้นก็คงไร้ประโยชน์ เพราะเขาเองก็ดูเครื่องยนต์ไม่เป็น.. เขาคิดว่าสักวันหนึ่ง เขาจะพาคนที่เก่งเรื่องรถไปตรวจเช็คด้วยอีกคนเป็นเพื่อน กันถูกพวกพนักงานของอู่ซ่อมหลอกให้จ่ายเงินเกินกว่าจำเป็น หนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาในศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่ในช่วงสาย ก่อนเวลาบรีฟงานหนึ่งชั่วโมง พลางไม่ลืมที่จะยิ้มทักทายคุณอลิซที่ประจำอยู่หน้าเคาว์เตอร์ และแต่งหน้าสวยต้อนรับทุกคนสม่ำเสมอ






 “แล้วเจอกันเทลิซ่า”



 “อืม..บาย” ผู้เป็นพี่กล่าวลา และแยกทางกันบริเวณจุดพักผ่อน เทลิซ่าแยกไปล็อกเกอร์หญิง ส่วนทิมมี่ก็แยกเข้าล็อกเกอร์ชาย..ทิมมี่เก็บสัมภาระและเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะปิดประตูล็อกเกอร์ลง สายตาของเขาก็กลับเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาด้วยบุคลิกที่สง่างามเกินบรรยายอย่างทุกครั้งไป..และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทิมมี่รู้สึกอึ้งและหวั่นไหวต่อสายตาผู้ที่กำลังจะเดินตรงเข้ามาทักทาย.. ความรู้สึกอึดอัดทำให้หนุ่มหน้าหยกรีบล็อกกุญแจ แล้วจะเดินออกไปอีกทาง... แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน




“เฮ่! รอด้วยสิ... ใจร้ายจังเลย” กัปตันหนุ่มเรียกขึ้น...ทิมมี่แอบเหลือกตาขึ้นไปมองเพดานอย่างเบื่อตัวเองที่หนีอารมณ์และบรรยากาศแบบนี้ไปไม่รอดอีกแล้ว



“เอ่อ... สวัสดีครับ..กัปตัน”



 “เฮ้... ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้มั้ง...เราเป็นอะไรกันแล้วนี่” หนุ่มหน้าขาวหันกลับไปมองกัปตันหนุ่มด้วยดวงตาเบิกโพลงราวกับชะงักตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน



 “บ้าน่ะ...” คำสวนกลับสั้นๆ แต่ก็ทำให้กัปตันหนุ่มมาดขรึมยิ้มออกมาได้กว้างขึ้น



 “คำพูดแบบนั้นล่ะที่ฉันต้องการ” ทิมมี่ถอนใจออกมา แล้วพยายามรวบรวมสติให้มันคงที่..และคงความรู้สึกเดิมจากเมื่อก่อนนี้ที่เขารู้สึกต่อกัปตันหนุ่ม... หากแต่มันกลับเป็นไปไม่ได้แล้วที่ทิมมี่จะกลับไปรู้สึกเย็นชากับเขาแบบเดิมนั้น



 “...ค..คุณ... ไปเที่ยวบินไหนล่ะครับ” ทิมมี่ถามอย่างหวั่นๆกับคำตอบ



 “ออสเตรเลีย! แดนจิงโจ้!” น้ำเสียงหยอกเย้าตอบกลับราวกับเป็นสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางกระหม่อมทิมมี่ทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น.. ใช่แล้ว...เที่ยวบินเดียวกัน... อย่างที่เขาคิดหวั่นเอาไว้เลย



 “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ.. ไม่ดีใจหรือไง?”



 “หึ...” ทิมมี่คิดว่าเขาควรเลี่ยงบรรยากาศนี้ออกมา เขาจึงเอ่ยขอตัว



 “ขอตัวก่อนนะ ผมจะไปดื่มกาแฟหน่อย”



 “ไปสิ..ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว”



 “...เอ่อ...” ทิมมี่ไม่สามารถรับรู้เลยว่า..เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกอึดอัดนี้จะออกไปจากใจเขาเสียที ราวกับมีอะไรบางอย่าง มาขั้นกลางความสัมพันธ์ของเขากับกัปตันหนุ่มคนนี้เอาไว้.. ใช่.. มันช่างลำบากใจกับการได้อยู่ใกล้ชิดกับกัปตันลูคัสแบบนี้จริงๆ








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





TBC.


ทิมมี่เริ่มหวั่นไหว คริๆๆ

ตอนหน้าเตรียมพบกับความดื้อด้านจนน่ารำคาญของโรเจอร์กันได้นะคะ 55+

เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ บ๊ายบายยยยยย ^_^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 21 [03/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 03-10-2011 17:33:09

ฉึก!! คำถามเดิมรอบที่สอง
"คุณเป็นเกย์รึเปล่า?"
แต่รอบนี้กัปตันดูไม่ค่อยตกใจนะ หรือชินแล้ว?

ทิมมี่ไหงเริ่มหวั่นไหวแล้วอ่า น่านมันตัวอันตรายเลยนะทิมมี่
อย่าโดนกัปตันล่อลวงเอาง่ายๆอย่างนี้ซี่!!



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 21 [03/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-10-2011 22:47:10
ดูเหมือนว่าจะมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้ากันนะ  วีว่าหนึ่งละ  โรเจอร์ด้วยหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 21 [03/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-10-2011 00:42:26
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 21 [03/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 11-10-2011 13:52:16
FLIGHT 22 : เกมเทวดา (5)


             
          การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเวลาเกือบเที่ยง.. กัปตันหนุ่มลูคัส กาโรล พร้อมกับโคไพลอตคู่สนิทอย่างคุณมอริส ต่างก็ได้มาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันเช่นเคย .. ในขณะที่มีบรรยากาศขุ่นๆในห้องโดยสารชั้น Business ซึ่งมีทิมมี่ ดรอว์เยอร์ และโรเจอร์ ซินแคลร์.. การปฏิบัติงานในเที่ยวบินระยะสั้นเที่ยวบินนี้ ทำให้ทิมมี่รู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศที่เกิดขึ้น...สีหน้าของโรเจอร์ที่ดูจะไม่สบอารมณ์ต่อแขกหรือใครหลายๆคน พาให้ทิมมี่อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขากำลังมีปัญหาหรือกำลังหงุดหงิดใครบางคนหรือเปล่า?



          ภายในห้องเตรียมครัวหรือห้อง GALLEY ทิมมี่เดินเข้ามาพร้อมกับมองรายการอาหารพิเศษที่นักธุรกิจของบริษัทไฟแนนซ์รายใหญ่ได้ให้รายละเอียดเอาไว้..หากแต่ไม่นาน ความสงบในห้องๆนี้ก็ถูกทำลายลง เมื่อโรเจอร์เดินกลับเข้ามาพร้อมกับรถเข็นเครื่องดื่มก่อนที่เขาจะถอดชุดคลุมกันเปื้อนในตัวออกโยนลงไปที่เคาว์เตอร์ด้านหลังอย่างเต็มแรง เป็นผลให้เหล่าข้าวของเครื่องใช้ด้านหลังล้มระเนระนาด... ทิมมี่มองชายหนุ่มหน้าเนียนแต่นัยน์ตาคุกรุ่นอย่างไม่เข้าใจ และเริ่มมีอารมณ์ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวของเขาขึ้นมาอีกด้วย




 “เป็นอะไรของคุณ... คุณซินแคลร์?” ทิมมี่ถามอย่างห่างเหิน..ยิ่งพาให้สีหน้าของโรเจอร์มีอุณหภูมิมากขึ้นเข้าไปอีก



 “เปล่า.. ไม่มีอะไรครับ”



 “จะไม่มีได้ไง! ก็คุณทำข้าวของกระจัดกระจายแบบนี้... คุณมีปัญหาอะไรกับผมคุณบอกมาเลยก็ได้...” โรเจอร์หันขวับมามองหน้าขาวที่กำลังตอบโต้ด้วยสายตาแข็งกร้าว...พาให้ชายหนุ่มถอนใจอย่างมิอาจจะต่อสู้คนหน้าหยกตรงหน้าได้อีก



 “..หึ... ทำไมคุณถึงคิดว่า..ผมจะมีปัญหาอะไรกับคุณล่ะครับ?” เขาถามกลับ สายตาเลี่ยงไปทางอื่น



 “...แล้วคาบินนี้.. มีใครที่อยู่กับคุณบ้างนอกจากผมล่ะ? .... หรือว่าคุณจะบอกว่าคุณไม่สบอารมณ์ผู้โดยสารอย่างนั้นรึ?.... หึ...
หากคุณเป็นแบบนั้นล่ะก็... คุณก็ไม่สมควรที่จะมายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ทิมมี่พูดก่อนที่จะหันไปจัดการกับเมนูพิเศษตรงหน้า ราวกับไม่สนใจความรู้สึกของโรเจอร์ที่มีอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด




“ผมรักคุณนะ...”




          คำพูดสั้นๆ.. หลุดออกมาจากปากโรเจอร์ ซินแคลร์...พาให้ฝ่ามือที่กำช้อนของทิมมี่ต้องหยุดการกระทำของตัวเองอย่างชะงักงัน..สีหน้าขาวหันไปมองโรเจอร์ช้าๆ.. สายตาเต็มไปด้วยแววสงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงคิดพูดแบบนั้นในเวลาแบบนี้? หรือว่า... เขาจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ามีอารมณ์หงุดหงิดและคุกรุ่นอย่างที่เขาเห็นจริงๆ



“...ตอนแรกผมคิดว่าผมแค่ชอบคุณ... แต่ตอนนี้ผมว่าผม... ผมรักคุณแล้วนะคุณทิมมี่” ทิมมี่กระแทกช้อนลงกับโต๊ะ
ก่อนที่จะปิดแผ่นฟรอยด์ของเมนูตรงหน้า แล้วนำไปใส่ในเตาเวฟ และเขาก็หันมามองโรเจอร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก



 “แล้วคุณหงุดหงิดอะไรผมล่ะ?” ทิมมี่ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา พาให้โรเจอร์ตกอยู่ในบรรยากาศของห้องแคบๆที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ..



 “...ฮืม.. ชิ... ผมบอกตามตรงนะ........ ผม...ผมไม่ชอบให้คุณใกล้ชิดกับคุณลูคัส”



 “...ฮะ!?” ทิมมี่ทำเสียงราวกับเขาได้ยินไม่ถนัดหู..



 “....ผมรู้สึกว่า... คุณลูคัสน่ะ..เค้าไม่ได้คิดกับคุณเพียงแค่พี่ชายของแฟนเขาหรอกนะ” ทิมมี่หันหน้าไปทางเตาเวฟ ก่อนที่ถอนใจออกมาอย่างระอากับการสนทนาในเรื่องนี้



 “คุณซินแคลร์.... ผมไม่ได้รักคุณ....” ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำตอบที่กระแทกและตอกย้ำความรู้สึกของโรเจอร์อย่างแรง..โรเจอร์มองหนุ่มหน้าหยกตรงหน้าราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงเป็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วขนาดนี้.. และซึ่งมันเป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องประสบอีกด้วย



 “คุณทิมมี่! ทำไมคุณถึง... คุณทำเหมือนกับว่า...คุณเองก็ชอบ..”



 “พอได้แล้วคุณซินแคลร์!! ผมไม่อยากจะรู้สึกกับคุณในทางที่แย่กว่านี้นะ! ขอร้อง!” โรเจอร์อึ้ง... กับสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่ทิมมี่เดินไปทางรถเข็นอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นคันสำหรับบริการหนังสือพิมพ์ และตรงไปจัดเรียงราวกับเขาพยายามหลีกเลี่ยงคนอีกคน... หากแต่โรเจอร์ยิ่งทวีความรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกับอารมณ์และการกระทำของหนุ่มหน้าหยกที่เขาได้รับ พลัน! โรเจอร์เดินตรงเข้ามาคว้าข้อศอกของทิมมี่ กระชากร่างที่บางกว่าหันไปหาเขา ...ในขณะที่ทิมมี่ทำหน้าอึ้งเมื่อถูกแรงกระทำจนร่างกายแทบจะเหวี่ยงไปชนเข้ากับคนด้านหลังด้วยความรวดเร็ว



 “ทำอะไรของคุณน่ะคุณซินแคลร์!”




 “อะไรกันคุณ! เรียกผมห่างเหินเหลือเกินนะ! ทำไม... ผมเห็นคุณลูคัสทำแบบนี้กับคุณตั้งหลายครั้ง ทำไมคุณไม่เห็นแสดงทีท่ารังเกียจเหมือนกับที่คุณแสดงกับผมเลย!” ทิมมี่สะบัดข้อศอกออก สีหน้าฉุนเฉียวมากขึ้นกับพฤติกรรมที่หนุ่มหน้าหยกเพิ่งจะได้เห็นจากคนตรงหน้า..



 “ผมไม่คิดเลยนะคุณซินแคลร์... ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”



 “คุณไม่เคยคิดถึงผมอยู่แล้วไม่ใช่รึ”



 “แล้วคุณต้องการอะไรจากผมกันเล่า!” น้ำเสียงตะคอกของทิมมี่เริ่มแว่วดังออกมาจากห้อง GALLEY ... ขณะที่ภายในห้องนั้นยังคงไม่มีใครยอมใคร โรเจอร์ยื่นมือมากำข้อมือทิมมี่แน่น.. ทิมมี่พยายามสะบัดแต่ไร้ผล คนตรงหน้ามีกำลังมาก ซึ่งมากกว่าที่ทิมมี่จะคาดคิด..หรือว่าเป็นเพราะแรงโกรธกันนะ?



 “ผมต้องการความรักจากคุณ.... เข้าใจมั้ย!” ทิมมี่ได้ยินคำพูดนั้น หนุ่มหน้าหยกค่อยๆเบะปากอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับความรู้สึกรุนแรงของคนตรงหน้า และเมื่อทิมมี่รวบรวมกำลังได้แล้วเขาก็ผลักร่างของโรเจอร์จนถอยหลังไปหลายก้าวทีเดียว



 “แต่สิ่งที่คุณต้องการ.... ผมไม่มีให้คุณ!!” ความเงียบกลับคืนสู่ห้อง GALLEY อีกครั้งหนึ่ง... คนทั้งคู่มองหน้ากันอย่างแตกต่างในอารมณ์ คนหนึ่งกำลังเจ็บใจที่ถูกปฏิเสธ... อีกคนหนึ่งอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า “ความไม่คาดคิด” กับพฤติกรรมของคนอีกคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นในลักษณะแบบนี้มาก่อน..



 “..อ่ะแฮ่ม.... แต่ดิฉันมีความรักให้คุณนะคะคุณโรเจอร์...” น้ำเสียงของบุคคลที่เข้ามาเยือน พาให้คนทั้งคู่ตกใจกับการมาของคนๆนั้น โดยเฉพาะโรเจอร์...เขาหันไปมองหญิงสาวในชุด “เพอร์เซอร์” หรือหัวหน้าเที่ยวบินด้วยสีหน้าเจื่อนไปในทันที



 “...คุณโรสรอยด์...” โรเจอร์อุทานน้ำเสียงอ่อนลง..ขณะที่คุณโรสรอยด์หันมายิ้มประชดให้กับคนทั้งคู่



 “กำลังสนทนาเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรกันจ้ะ?...หืม?.... สนทนาจนไม่ได้ยินเสียงแขกกดปุ่มเรียกเลยนะ” ทิมมี่หน้าเจื่อนตามลงไปอีก..เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาถูกตำหนิติเตียนในเรื่องแบบนี้ได้..ซึ่งเขาเองก็พยายามรักษาภาพพจน์ของตัวเองให้หลุดรอดจากเรื่องแบบนี้มาตลอด...แต่ทว่า ดูเหมือนจะมาด่างพร้อยก็เพราะโรเจอร์ ซินแคลร์ คนนี้แหล่ะ..



 “ผ..ผมขอโทษครับคุณโรสรอยด์ ผ..ผ..ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้” โรเจอร์รีบพูดและทำตัวจะเดินออกไป หากแต่คุณโรสรอยด์กลับส่ายหน้าช้าๆ



 “ไม่ต้องการแล้วล่ะจ้ะ... ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ.... แต่ถ้าจะออกไปตอนนี้..ก็ไปตรวจความเรียบร้อยก็แล้วกัน...เชิญจ่ะ”คุณโรสรอยด์หลบทางให้โรเจอร์ ขณะที่โรเจอร์เดินก้มศีรษะเล็กน้อยผ่านตัวเธอไปแต่ก็ไม่วายที่จะแอบชำเลืองมองทิมมี่ด้วยสายตาขุ่นๆเช่นกัน



 “ขอบคุณพระเจ้า... ที่ส่งคุณมา” ทิมมี่เอ่ย ก่อนที่จะได้ยินเสียง “ติ๊ง” ของเตาไมโครเวฟ แล้วเขาก็เดินไปหยิบถาดอาหารที่อุ่นแล้วออกมาวางเตรียมไว้กับโต๊ะเสิร์ฟ



 “มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า?.. ดูท่าว่าจะมีเรื่องไม่ดีนะทิมมี่?” คุรโรสรอยด์ถามอย่างเป็นห่วงในที



 “ไม่มีอะไรหรอกครับ.. ขอบคุณมาก.. ว่าแต่.. คุณทานอะไรหรือยัง”



 “เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ.. เอ้อ... เดี๋ยวพอเสิร์ฟอาหารเสร็จแล้ว ช่วยไปดูชั้นประหยัดให้สักครู่นะจ้ะ เดี๋ยวพี่จะดูแลข้างบนนี้ให้สักครึ่งชั่วโมง..พอดีคาบินข้างล่างคนแน่นมาก เกรงว่าคุณนายชอริต้าเธอจะรับมือไม่ไหว เห็นทำหน้าปั้นปึงอยู่กับเบลตี้เหมือนกัน... เฮ้อ... ผู้หญิงกับผู้หญิงมาเจอกัน..น้อยครั้งที่ไม่มีเรื่องปวดหัว..เฮ้อ...แย่จริงๆ ..... สงสัยกลับไปเที่ยวนี้คงต้องให้ท่านประธานเปิดอบรมพนักงานกันสักวันสองวันแล้วล่ะ” ทิมมี่ยิ้มเจื่อนๆ




“ผมเห็นด้วยครับ...”



 “ถ้างั้นไปก่อนนะจ้ะ..เอ้อ...ก่อนจะลงไปช่วยคุณชอริต้า... เราก็ทานอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วกันนะ แล้วก็ลงไปชั้นล่าง อย่าลืมเอาผ้าปิดปากลงไปด้วย..วันนี้อากาศข้างล่างดูไม่น่าโล่งปอดเลย.. คนป่วยเยอะดีจริงๆ”



“โอเค... ขอบคุณมากครับ” คุณโรสรอยด์เดินออกไป ทิ้งให้ทิมมี่ยืนถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม... นับว่าโชคดีกว่าที่จะได้ลงไปช่วยคุณนายชอริต้า.. แม้ว่าบางทีอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับหล่อนอย่างที่เทลิซ่าเคยประสบและเล่าให้ฟังมา แต่ทว่ามันคงจะดีกว่า ขืนยังอยู่ร่วมงานกับโรเจอร์ ซินแคลร์ ต่อไปในอารมณ์และบรรยากาศแบบนี้




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




           ในการทำงานเที่ยวกลับไปฝรั่งเศส ทิมมี่ก็ทำเรื่องย้าย โดยการขอลงไปทำงานในชั้นประหยัดผลัดกับชอริต้าที่หล่อนยินดีเหลือเกินที่จะหลุดพ้นไปจากพวกคนชราหนาแน่นจากชั้นล่าง เพื่อไปเดินเฉิดฉายอยู่บนชั้น Business และได้อวดเรือนร่างของหล่อนให้แก่พวกกระเป๋าหนักได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบทางความรู้สึกอย่างจังก็คงจะเป็นโรเจอร์ที่ได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างทำอะไรไม่ได้




          การเดินทางเที่ยวกลับก็เป็นอันสิ้นสุดลงในเวลาห้าทุ่มตามเวลาปารีส คราวนี้ทิมมี่ต้องสวมเท้าสุนัข เผ่นหนีโรเจอร์ออกมาจากตัวเครื่อง แทนที่จะเป็นกัปตันหนุ่มลูคัสอย่างที่ทิมมี่เคยเป็น..ทิมมี่รีบวิ่งพรวดเข้ามากุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้าในล็อกเกอร์ชาย เขาไม่เคยรู้สึกอยากหลบหนีใครมากเท่านี้มาก่อน หากแต่ก่อนหน้านี้กับกัปตันลูคัสแล้ว.. มันเป็นความรู้สึกตอนนั้นที่โกรธและเกลียดเขา.. หากแต่ในเวลานี้ทิมมี่กลับรู้สึก “รำคาญ” โรเจอร์มากกว่าที่จะมีอารมณ์โกรธอย่างที่เคยเป็น แต่แล้ว... ในขณะที่ทิมมี่กำลังถอดเสื้อทำงานออกจากร่างกายตัวเอง ทันทีเสื้อที่บดบังใบหน้าและการมองเห็นหลุดพ้นจากศีรษะไป.. หนุ่มหน้าขาวก็ชะงักเมื่อเห็นร่างของคนที่เขา “หลีกหนี” มาปรากฏตัวนิ่งๆอยู่ตรงหน้า




 “คุณหนีผมทำไม!” ไม่ช้า น้ำเสียงหนักก็เริ่มต้นขึ้นก่อน สีหน้าของโรเจอร์นั้นเฉยชากว่าที่ทิมมี่เคยเห็น



 “...ผ..ผมไม่ได้หนีนี่...”



 “ไม่หรอก...ผมเห็นคุณแทบจะบินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเลยล่ะ”



 “ผม..ผมแค่จะรีบกลับบ้าน”



 “ที่บ้านคุณมีอะไรหรือไง?.. คุณถึงต้องรีบ” ทิมมี่โยนเสื้อผ้าตัวเองที่ใช้แล้วเก็บใส่ถุงก่อนที่จะยัดใส่กระเป๋าไปอีกที



 “ผมจะไปทำอะไรที่ไหนยังไง.. ทำไมต้องบอกคุณด้วยล่ะ?” ทิมมี่ถามแบบท้าทายอารมณ์คนตรงหน้า และก็เป็นผลให้โรเจอร์สุดความอดกลั้นที่ตัวเขามี.. พุ่งตรงมาคว้าร่างที่เปลือยเปล่าช่วงท่อนบนของทิมมี่ แล้วใบหน้าของเขาก็จู่โจมลงไปที่ซอกคอขาวทันทีอย่างไม่มีเสียงปี่เสียงขลุ่ย!



 “เฮ้ย! ทำอะไรน่ะคุณซินแคลร์! ถอยไปนะ” โรเจอร์ไม่สนใจคำพูดนั้น ใบหน้ายิ่งกดดันเข้าไปที่ซอกคอคนตรงหน้าอย่างสุดแรงเข้าไปอีก.. ร่างกายของทิมมี่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของโรเจอร์ที่บุกรุกอย่างหนักหน่วงและเต็มกำลัง.. และช่วงเวลาของการดื้อดึงกันไม่นานนั้น..ใครบางคนก็กระชากร่างของโรเจอร์จนหงายหลังไปชนกับล็อกเกอร์ตรงข้ามจนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างแรง.. พร้อมกับอาการจุกของโรเจอร์เมื่อได้รับแรงกระแทกเต็มหลัง!



 “...ค...คุณลูคัส!!” โรเจอร์อุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ขณะที่กัปตันหนุ่มหันไปหยิบเสื้อชุดใหม่ให้ทิมมี่ที่หนุ่มหน้าหยกเตรียมวางเอาไว้แล้ว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



 “รีบสวมเสื้อเถอะ...เดี๋ยวจะไม่สบาย” กัปตันหนุ่มกล่าว ขณะที่ทิมมี่รีบทำตามอย่างอึดอัด..



 “เป็นคุณทุกที!! ทำไมคุณถึงชอบยุ่งเรื่องของผมนัก! คุณลูคัส!!” โรเจอร์ ซินแคลร์ กับท่าทีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป... พาให้คนทั้งคู่ตกอยู่ในความรู้สึกประหลาดใจเป็นไม่น้อย.. ขณะที่ทิมมี่ก็รีบหันไปเก็บข้าวของต่อและฝากความปลอดภัยไว้ที่กัปตันลูคัสในเวลานี้



 “โทษทีนะไอ้หนุ่ม...ฉันไม่ได้ต้องการที่จะยุ่งเรื่องของนาย...”



 “แล้วคุณจะเข้ามาทำไม!”



 “ก็เพราะฉันต้องการจะยุ่งกับทิมมี่!! ไม่ใช่นาย!” คำตอบของเขาพาสีหน้าของทิมมี่ชะงักอึ้งไปจนถุงเสื้อชุดเก่าหลุดออกจากมือ ขณะที่โรเจอร์เองก็อยู่ในภาวะเดียวกัน...ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเจ็บใจออกมาบนใบหน้า



 “นี่ไง! ในที่สุดคุณก็ยอมรับเสียทีนะคุณลูคัส...”



 “ยอมรับอะไร?...”



 “ก็ยอมรับว่าคุณชอบทิมมี่ไง! คุณเข้าหาน้องสาวของทิมมี่เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับคุณทิมมี่ใช่หรือเปล่าล่ะ”



 “หุบปากนะ! ถ้านายยังไม่รู้อะไรมาก่อนก็อย่าพูด!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงดังลั่น..




 แกร่ก..





เสียงประตูห้องล็อกเกอร์ดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา...ทั้งคู่ที่กำลังจะฟัดฟาดอารมณ์กันอยู่ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบาเรลล์และเควิน เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาพร้อมกันอีกคู่หนึ่ง..ในขณะที่บาเรลล์เดินชนไหล่โรเจอร์เข้ามาจนโรเจอร์เกือบล้ม แล้วยังไม่วายหันไปทักทายกัปตันหนุ่มด้วยน้ำเสียงไร้มนุษยสัมพันธ์




“มองอะไร! อย่างถูกพักงานนักรึไง!” แล้วเมื่อเขาได้หาเรื่องจบเขาก็เดินผ่านไปจนสุดห้องเพื่อไปล็อกเกอร์ของตัวเอง กัปตันหนุ่มได้แต่มองตามไปอย่างไม่แยแสกับคำพูดนั้น...ขณะที่เควินค่อยๆเดินเข้ามาแล้วก้มศีรษะเล็กน้อยให้กับกัปตันก่อนที่จะแอบชำเลืองไปมองโรเจอร์ และเดาในใจว่า...นี่ก็คงเป็นอีกคู่เหมือนกันที่กำลังใส่อารมณ์ร้อนๆต่อกันอยู่ เขาจึงเลี่ยงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตู้ตัวเอง



 “จำไว้นะคุณลูคัส! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ผมไม่ยอมให้คุณเข้ามายุ่งกับชีวิตของผมอีกแน่” โรเจอร์ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างขุ่นเคืองในอารมณ์ ขณะที่ทิมมี่แอบวางหน้าของตัวเองในช่องล็อกเกอร์ แล้วถอนใจออกมาแรงๆ... ฝ่ามือของกัปตันหนุ่มกระทุ้งเสื้อของทิมมี่เบาๆ



 “ไปกันได้แล้ว... เดี๋ยวฉันไปส่ง”



 “อ..เอ่อ.... ไม่เป็นไรก็ได้มั้งครับ...เทลิซ่าคงจะมาถึงแล้ว เดี๋ยวผมคงจะกลับกับเทลิซ่าได้” ทิมมี่อ้างเมื่อเห็นเควินปรากฎตัวมาแล้ว... แต่ทว่ากลับมีเสียงตอบกลับจากบาเรลล์ด้านหลังห้องด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองในอารมณ์เป็นอย่างมาก..



 “ยัยนั่นหนีกลับบ้านไปแล้ว! ฝากบอกด้วยว่าฉันจะตามไปเล่นงาน! ยัยตัวแสบ!!” ทิมมี่กลืนน้ำลายดังเอื้อก... พลางคิดว่าอีกเที่ยวบินคงเจอเรื่องหฤหรรษ์พอๆกัน ขณะที่เควินที่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จแล้วก็หันไปมองทางโรเจอร์ด้วยสายตาพิศวาสเหลือเกินก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับทิมมี่และกัปตันหนุ่มอีกครั้ง แล้วเดินจากไป...



“งั้นเราไปกันเถอะ...” กัปตันหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมาดึงกระเป๋าของทิมมี่แล้วยกเดินนำไปก่อน.. ทิมมี่มองตามไปด้วยความรู้สึกประหลาดกับภาพตรงหน้า... วันนี้.. กับสิ่งเปลี่ยนไปมากมายจากวันแรกที่ได้พบ.. เมื่อคิดไปคิดมา ย้อนความจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของทิมมี่ ในไม่ช้า..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



กัปตันลูคัส พาทิมมี่มาส่งถึงหน้าคฤหาสน์ก็ปาเข้าไป ตี1 กว่าๆ... ทิมมี่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก่อนที่จะหันมามองกัปตันหนุ่มที่นั่งมองเขานิ่งๆด้านข้าง



 “เอ่อ..... ผมว่า...มันดึกมากแล้ว... เอ่อ...คุณจะพักที่บ้านผมก็ได้นะครับ.....แล้วพรุ่งนี้..คุณค่อยกลับไปพักต่อที่บ้าน” คำเชื้อเชิญสร้างสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอึ้งอยู่ตรงหน้า..



 “.......เอ่อ... คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก... ผมแค่คิดว่ามันดึกมากแล้ว... เป็นคนอื่นผมก็ชวน” กัปตันหนุ่มได้ยินข้ออ้าง
ก็พลางถอนใจออกมาพร้อมรอยยิ้ม



 “ฉันว่าประโยคหลังนายไม่น่าพูดเล้ย..”



 “เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้แล้วกันนะครับ” ทิมมี่รีบลงมาจากรถพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตูใหญ่ของบ้าน... ไม่ช้ารถของกัปตันหนุ่มก็แล่นเข้ามาอย่างว่าง่าย.. แน่นอนเขาไม่มีวันปฏิเสธคำเชิญของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 22-24(ตอนใหม่) [11/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 11-10-2011 13:56:16
FLIGHT 23 : รักครั้งใหม่ของนายเทวดา




ทิมมี่ เดินนำกัปตันหนุ่มเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ในขณะที่ทิมมี่สังเกตเห็นร่างของน้องสาวที่กำลังกุลีกุจอรีบวิ่งหน้าตั้งขึ้นไปข้างบน...เขารู้ดีว่าทำไมเธอถึงต้องทำท่าทำทางแบบนั้น



“เทลิซ่า!” ทิมมี่ส่งเสียงเรียกน้องสาว..ขณะที่เทลิซ่าหยุดฝีเท้าทันทีจนเกือบหกล้ม ก่อนที่จะหันมายิ้มแห้งๆให้กับพี่ชาย



 “...ง...ไง!” สีหน้าเจื่อนของเธอ ทำให้ทิมมี่เข้าใจดีที่สุด



 “ขอบใจนะที่กลับมาโดยไม่รอฉันเนี่ย..” ทิมมี่แกล้งว่าประชด ขณะที่เทลิซ่าทำตาโตเล็กน้อย เมื่อเห็นกัปตันหนุ่มเดินตามทิมมี่เข้ามา



 “...อ..เอ่อ... สวัสดีค่ะกัปตัน”



 “นอกเวลาทำงาน.. เรียกชื่อผมก็พอมั้ง..” กัปตันหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นกันเอง..



 “ได้ไงล่ะ... ก็ชุดเครื่องแบบยังคาอยู่เลย...เอ่อ...งั้น... ตามสบายค่ะ ฉันง่วงมาก..เอ่อ ไปนอนก่อนนะทิมมี่ ราตรีสวัสดิ์!” หญิงสาวได้ทีจรลีหายไปในอย่างไม่รีรอให้ทิมมี่ว่ากระทบอะไรอีก..



 “อืม.. จริงๆแล้วก็ต้องขอบคุณเธอนะ..ที่เธอไม่รอกลับบ้านกับนาย... ก็เลยทำให้ฉันต้องได้มาค้างที่นี่ด้วย...” ทิมมี่แอบเบะปากเล็กน้อย พลางคิดว่าได้ทีเอาใหญ่เชียว..



 “ผมง่วงมากแล้ว...คุณจะนั่งเล่นอยู่ข้างล่างก่อนก็ได้นะครับ”



 “เรื่องอะไร... ฉันก็ง่วงเป็นน่ะ” ทิมมี่รีบเดินนำไปก่อน ขณะที่กัปตันก็เดินตามขึ้นมาข้างบน พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับเขาไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเพลียจากการทำงานใดใดเลยในวันนี้



           

          ทิมมี่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่มองเห็นกัปตันหนุ่มที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว กำลังนอนกอดหมอนข้างของเขาแน่นิ่งไป... เสียงกรนเบาๆทำให้ทิมมี่รับรู้ได้ว่ากัปตันลูคัสคงเหนื่อยมาก...พลางความรู้สึกอยากรู้ว่าการเป็นกัปตันที่จะต้องควบคุมเครื่องบินในระยะเวลานานๆหลายชั่วโมงติดต่อกันมันจะรู้สึกย่ำแย่ขนาดไหนกันเชียวนะ.. หากแต่ความคิดนั้นก็ส่งผลให้ทิมมี่ค่อยๆลงมานอนบนเตียงอย่างเงียบๆ.. พลางปิดไฟที่หัวเตียง และลงนอนอย่างเบาตัวที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้คนข้างๆที่กำลังนอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมารังควานความรู้สึกของเขาอีก..




          จากตี 1 เหยียบสู่เลข 9 ในเช้าตรู่ของวันใหม่..ร่างสูงใหญ่พลิกไปมาอย่างสบายตัว ดวงตาคมกริบบนใบหน้าคมสัน
ค่อยๆลืมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆที่สดชื่นกว่าทุกเช้าที่เขาเคยตื่นมาก่อนในชีวิต..ในขณะที่สีหน้าอารมณ์ดีต้อนรับวันใหม่ต้องสะดุดหยุดไปเมื่อร่างที่บางกว่า นั่งพิงหัวเตียงกึ่งนอนเหยียดขามองมาทางเขาได้สักครู่หนึ่งแล้ว




 “ตื่นแล้วเหรอที่รัก..” เสียงงัวเงียของกัปตันหนุ่ม พาให้ทิมมี่ทำหน้าเหมือนอยากอาเจียนตั้งแต่เช้า



 “ที่รัก?.... ผมไม่ได้ชื่อวีว่า เลอคอติสสักหน่อย” สีหน้าของชายหนุ่มเหมือนโดนของเข้าไปในทันตาเมื่อได้ยินชื่อนั้นมาอรุณสวัสดิ์



 “กรุณาอย่าพูดชื่อนั้นให้ฉันได้ยินแต่เช้าได้มั้ย...มันทำให้ฉันรู้สึกพะอืดพะอมทั้งวันเลยล่ะ”



“อืม... โทษที... แล้วถ้าบอกว่า เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ล่ะ” ทิมมี่ถามหน้าลุ้นๆ กัปตันหนุ่มทำหน้าคิด



 “อืม... ดีขึ้นเยอะเลย... ดีกว่ามาก..........” กัปตันหนุ่มเขยิบตัวขึ้นมานั่งข้างๆทิมมี่ที่หัวเตียง ทิมมี่แอบเขยิบออกห่างเล็กน้อย



 “แต่หากจะเวลานี้..คนที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีที่สุด...คงจะเป็นทิมมี่ ดรอว์เยอร์” ทิมมี่เอามือลูบหน้าตัวเองอย่างเอือมๆ



 “คุณทำให้ผมรู้สึกแย่ทั้งวันเลยล่ะคุณกัปตัน” ทิมมี่แกล้งหยอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ ยังจะรุกหนักกว่าเดิมอีก



 “วันนี้เราก็หยุดอีก... เราจะไปเดทไหนกันดีล่ะ?” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทิมมี่อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้กับหน้าตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน..ราวกับชายหนุ่มทำตัวเหมือนสุนัขอ้อนเจ้านายทำนองนั้นเลย



“เดท?...เดทบ้าอะไรของคุณ?” และทิมมี่ก็ทำเสียบรรยากาศเสมอ



 “...นายทำตัวน่ารักกว่านี้ได้นี่... ฉันเคยเห็นนะ” กัปตันหนุ่มไม่ยอมแพ้



 “เมื่อไหร่?..ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ?”



 “บ่อยไป... อย่าฝืนตัวเองซี่”



 “เฮอะ.. นี่หรือผมฝืน..ดูสีหน้าผมสิ.... ผมกำลังเขินคุณอยู่รึไงกัน? ตาบอดแล้ว” ทิมมี่ปากไม่ตรงกับใจพลางใช้ความพยายามข่มความแดงของใบหน้าจนมันไปออกที่หู กัปตันหนุ่มยิ้มและพยายามเอาชนะ



 “ไปเที่ยวไหนกันดี...”



 “หน้าตาผมอยากเที่ยวเหรอ?”



 “อยู่แล้วล่ะ...คิ้วผูกเป็นโบว์ขนาดนี้ ขืนอยู่บ้านเฉยๆล่ะได้นอนทั้งวันแหงเลยนาย”



 “ผมจะนอนมันก็เรื่องของผมนี่..”



 “เร็วๆ จะไปไหน...” ทิมมี่ถอนใจกับการตื๊อไม่เลิก..แล้วหนุ่มหน้าขาวเหมือนจะทำนิ่งราวกับหยุดคิด



 “ฉันกว่านายคิดนานขนาดนี้ ฉันคิดแทนให้ดีกว่ามั้ย?”



 “ไม่ต้องๆ! ผมคิดได้แล้วต่างหาก”



 “จริงเหรอ?... จะไปไหนล่ะ?” ทิมมี่หันมามองหน้าชายหนุ่ม พร้อมกับส่งรอยยิ้มเป็นนัยน์ประหลาด ก่อนที่จะยักคิ้วสองสามที






 “เดี๋ยวคุณก็รู้...”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
             



เฟอร์รารี่คันหรู ขับออกมาจากปารีสมุ่งหน้าเส้นทางตะวันออกห่างจากกรุงปารีสแค่ 32 กิโลเมตรก็ถึงที่หมายปลายทางที่ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ต้องการจะมาเยือนนานพอสมควรแล้ว หลังจากที่ไม่ได้มาเหยียบแผ่นดินแห่งความรื่นรมย์ ณ ที่แห่งนี้มาเกือบสิบปี




ยินดีต้อนรับเข้าสู่.. ดิสนีย์แลนด์




รถหรูเข้าจอดในลานจอดรถด้านหน้าขนาดใหญ่ สองหนุ่มใส่ชุดสบายๆกับวันพักผ่อน และสถานที่ๆกัปตันหนุ่มคาดไม่ถึงว่าทิมมี่อยากจะมา.. มันคือ สวนสนุกอย่างนี้เองหรือ?



 “อายุนายก็เลยยี่สิบแล้วนะ..ไม่คิดว่าจะอยากมาสวนสนุกเลยนะเนี่ย?” กัปตันพูดยั่วพร้อมรอยยิ้มกวน ทิมมี่ไม่สนใจแต่หยิบหมวกสีดำขึ้นมาสวม แล้วยิ้มให้กับตัวเองในกระจก เพื่อพร้อมจะพักผ่อนเต็มที่ในวันนี้



 “นับว่าเป็นเดทแรกสำหรับเราที่แสนจะน่าจดจำมากนะ” กัปตันยังพูดกวนต่อ



 “คุณพูดมาตลอดทางเลยนะคุณลูคัส.. คุณไม่เมื่อยปากบ้างหรือไงนะ?” ทิมมี่ทำหน้าเซ็งถาม



 “ไม่เมื่อยหรอก... แต่ก็อยากจะให้นายพูดบ้างเท่านั้นเอง”



 “ผมชวนคุณมาสวนสนุก ไม่ได้ชวนให้คุณมาพูดเสียหน่อย.. รีบๆลงจากรถเสียทีสิ!”



 “ครับ..คุณหนู” ทั้งคู่ลงจากรถได้ กัปตันหนุ่มรูปงามก็ตรงเข้ามาควงแขนทิมมี่อย่างสนใจสายตาประชากรและเยาวชนที่อ่อนต่อโลกมากมาย...สายตาของหลายคนมองมาทางคนทั้งคู่ พร้อมกับแสดงสีหน้ายิ้มตอบเมื่อกัปตันหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มไปก่อนหน้านี้อย่างเป็นมิตร เด็กหลายคนคงจะถามพ่อแม่ว่าทำไมผู้ชายถึงเดินควงแขนกันได้..หากแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทิมมี่พยายามผละตัวเองให้ออกห่างตลอดเวลาที่ก้าวเดิน แต่ใครจะต่อสู้กับกำลังแขนอันแข็งแกร่งของกัปตันหนุ่มคนนี้ได้กันเล่า?





ในที่สุดเสียงกรีดร้องของเด็กๆที่กำลังจะคลั่งกับรถไฟเหินเวหาจากที่ห่างไกล ...ก็ทำให้คนทั้งคู่กลับสู่ภาวะแห่งความสนุกอีกครั้งหลังจากที่เดินกระฟัดกระเฟียดมาตั้งแต่เคาว์เตอร์จ่ายบัตร และผ่านโรงแรมดิสนีย์แลนด์ ที่ยืนคร่อมอยู่ตรงทางเข้ามาหลายก้าวพอสมควรแล้ว สีหน้าของทิมมี่เริ่มสนอกสนใจกับเครื่องเล่นในดินแดนมหัศจรรย์ที่เมื่อสมัยเด็กเขาชื่นชอบที่นี่มาก...จนลืมไปเลยว่าตอนนี้แขนของตัวเองกำลังอยู่ในพันธนาการของใคร




สวนสนุกที่นี่จัดว่าไฮเทคที่สุดในแผ่นดินฝรั่งเศส แบ่งพื้นที่ออกเป็นห้าเขตหลักเรียกว่า “แดน” ..และแต่ละเขตมีการละเล่น ร้านค้า และร้านอาหารที่เป็น “ธีม” หรือแนวเรื่องเฉพาะของตน ...สองหนุ่มผ่านประตูหมุนขนาดใหญ่ เข้าสู่เมนสตรีตยูเอสเอหรือถนนสายหลัก..กัปตันหนุ่มพาทิมมี่เดินเข้ากลุ่มมิกกี้เมาส์ที่ยืนเต้นเย้วๆอยู่ตรงหน้า พฤติกรรมของกัปตันหนุ่มกับการแย่งมิกกี้เมาส์และมินนี่ของเด็กเล็กมายืนถ่ายรูปกับตน ก็พาให้ทิมมี่ต้องอับอายพ่อกับแม่ของเด็กไม่น้อยทีเดียว... หากแต่กัปตันหนุ่มก็รู้สึกพอใจมากกว่ากับการได้แกล้งทิมมี่ไปในตัวด้วย...สีหน้าของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ยามอับอาย... มองๆแล้วน่ารักกว่ามิกกี้เมาส์เสียอีกในสายตาของเขา




ความสนุกเป็นไปมากกว่าที่ทิมมี่คิด...และตระหนกมากกว่าที่เขาคิดอีกด้วย.. การมากับกัปตันลูคัสครั้งนี้ ทำให้ทิมมี่ได้เล่นเครื่องเล่นหลายๆอย่างที่เขาพยายามปฏิเสธมาตลอดชีวิตว่าจะไม่แตะต้องเด็ดขาด.. อย่าง “แฟนทอมเมเนอร์” เครื่องเล่นที่สร้างเลียนแบบฉากภาพยนตร์เรื่อง Psycho ของฮิตซ์ค็อก...ซึ่งมีรถรางพาไปเขย่าขวัญภายในบ้านผีสิง...และอีกทั้งความระทึกกับการนั่งรถไฟใน “บิ๊กธันเดอร์เมาท์เทน” หรือทางรถไฟสายฟ้าฟาด...ซึ่งทั้งสองอย่างนี้แค่ส่วนหนึ่งในการสร้างอารมณ์สะพรึงของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ เพียงน้ำจิ้มเท่านั้น.. ยังมีอีกหลายอย่างที่กัปตันลูคัสแทบจะบังคับและอุ้มร่างของทิมมี่ให้เข้าไปเผชิญกับเครื่องเล่นระทึกขวัญมากมายจนทิมมี่ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในดิสนีย์แลนด์ ดินแดนในฝันอย่างที่เคยคิดมา...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




12.30 น. ศูนย์ฯลูกเรือ ดานอสซี่แอร์ไลน์




 “สวัสดีค่ะคุณเทลิซ่า” อลิซ พนักงานบริการเคาว์เตอร์ทักทายเทลิซ่าทันทีที่หล่อนเดินก้าวออกมาจากลิฟต์ได้ไม่กี่ก้าว



 “สวัสดีค่ะ.. หน้าตาสดชื่นทุกวันเลยนะคะ”



 “ขอบคุณค่ะ เอ่อ... แล้วคุณทิมมี่ล่ะคะ?”



 “อ๋อ... วันนี้พักเวรค่ะ เที่ยวบินหน้าก็พรุ่งนี้ช่วงบ่ายน่ะค่ะ”



 “จริงสินะคะ ดิฉันก็ลืมไป... ได้พักผ่อนบ่อยๆดีจังเลย” เทลิซ่าแอบเบะปากยิ้ม



 “ไม่ได้พักผ่อนหรอกมั้งคะ... เห็นว่าออกไปเที่ยวกับกัปตันของเราต่างหาก...เห็นว่าไปถึงเมืองมาร์น-ลา-วาเล ดิสนีย์แลนด์เลยนะ”



 “โอ้โห... นี่กัปตันของเรายังอยากไปเจอมิกกี้อยู่อีกเหรอคะเนี่ย” อลิซรู้สึกขันเมื่อนึกถึงบุคลิกท่าทางเคร่งขรึมของกัปตันหนุ่มมือหนึ่งของดานอสซี่



 “พอกันทั้งคู่แหล่ะค่ะ...พี่ชายดิฉันก็ใช่ย่อย..เอ่อ.. ถ้างั้นดิฉันขอตัวนะคะ พอดีมีบรีฟอีกสิบนาที ขอไปแต่งหน้าก่อน”



“เชิญค่ะ..เดินทางปลอดภัยนะคะ”



 “ขอบคุณค่ะ” เทลิซ่าเดินย้ายสะโพกหายเข้าไปในล็อกเกอร์หญิง..



ในขณะที่อีกมุมอีก.. มีบุรุษหน้าขาวซึ่งได้ยืนแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่อยู่นานแล้ว... เขาเม้มปากอย่างเจ็บแค้น.. พลางสายตาหันไปมองที่บอร์ดพนักงาน และจ้องไปที่รูปถ่ายของ “กัปตันลูคัส กาโรล” ด้วยแววตาขุ่นเคืองและเจ็บใจเป็นที่สุด!





 “ผมรู้แล้ว... ว่าผมจะทำเอาคืนคุณยังไง... คุณลูคัส!!”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




ทิมมี่.. นั่งหอบเหนื่อยอยู่ในแฟนตาซีแลนด์หรือดินแดนแห่งเทพนิยาย... ไม่ช้ากัปตันหนุ่มก็เดินขาสั่นตามมาพร้อมกับน้ำดื่มขวดหนึ่งในมือ... ก่อนที่จะยื่นให้หนุ่มหน้าขาวที่ในเวลาหน้าซีดเผือด.. แล้วกัปตันหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า ข้างๆทิมมี่ ดรอว์เยอร์ที่นั่งกระดกขวดน้ำอยู่อย่างกระหาย




 “เหนื่อยจริงๆพับผ่า... สุดยอด!” กัปตันหนุ่มพูดเสียงสั่น ร่างล่ำสันนอนแผ่อยู่กับพื้น เหงื่อซึมผิวเสื้อและร่างกาย เขาดูผ่อนคลายมากเหลือเกินในวันนี้



 “ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ผมจะมากับคุณนะคุณลูคัส... ผมรู้สึกเกลียดดิสนีย์แลนด์ขึ้นมายังไงไม่รู้แล้วล่ะ...” ทิมมี่พูดแล้วกระดกน้ำเข้าปากต่อ



 “นี่นาย... ใจคอจะเหลือน้ำให้ฉันบ้างหรือเปล่าน่ะ” กัปตันหนุ่มผงกหัวขึ้นมาถามแล้วลงไปนอนต่อ



 “แล้วทำไมคุณถึงซื้อมาขวดเดียวเล่า?”



 “ก็ฉันอยากดื่มต่อจากปากนายนี่นา...” ทิมมี่ถอนใจอย่างเหนื่อยมากขึ้น



“ทะลึ่งมากก็อดต่อไปเถอะ.... อะ..!” ขวดน้ำตกลงกับผืนสนามหญ้า... จากริมฝีปากเรียวบางที่ถูกผลักออกจากปลายกระบอกขวด... หากแต่เวลานี้ กลีบปากสวยของทิมมี่ ดรอว์เยอร์.. กลับถูกถ่ายทอดลมหายใจจากริมฝีปากอุ่นของกัปตันลูคัส! ทิมมี่ชะงักนิ่งไปกับการกระทำนั้น.. เสียงกรี๊ดท้ายมทูตของผู้โดยสารรถไฟเหาะตีลังกาจากแอดเวนเจอร์แลนด์พาให้กัปตันหนุ่มสะดุดอารมณ์ แต่ก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากนุ่มของทิมมี่ด้วยสีหน้าที่แสดงความอ่อนโยนและความอบอุ่น ให้กับคนตรงหน้าได้เห็น




 “...คุณทำบ้าอะไรเนี่ย...” เสียงอ่อนของทิมมี่ถามขึ้น ในขณะที่สีหน้าเขายังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างไม่คลาย.. ขณะที่กัปตันลูคัสพาดแขนแกร่งมาโอบไหล่ของทิมมี่เอาไว้ แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีก



 “ก็นายอยากให้ฉันอดทำไมล่ะ?....”  รอยยิ้มอ่อนโยนที่มาพร้อมกับคำตอบ...ยิ่งทำให้ทิมมี่รู้สึกหมดแรงจะไหวตัวหนีไปไหนได้อีกแล้ว..



 “คุณผ่านการจูบจากใครต่อใครมากี่คนแล้วเนี่ยคุณลูคัส..?” ทิมมี่ทำหน้านิ่งถาม กัปตันหนุ่มเริ่มเดาใจทิมมี่ไม่ถูกเข้าแล้ว



 “ถามทำไมกัน?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างต้องการคำตอบ



 “...เปล่าหรอก... ผมแค่รู้สึกเหม็นปากคุณก็เท่านั้น..” ในที่สุด ความหมายที่แสดงขึ้นอาการหยอกล้อของทิมมี่ก็ทำให้กัปตันหนุ่มเข้าใจและยิ้มกว้างออกมาได้ในไม่ช้า



 “...หึ... ปากผู้หญิงอาจจะหลายคนอยู่.... แต่รู้ไว้เถอะ.... ปากของผู้ชาย.. นายเป็นแรก... และจะเป็นคนสุดท้ายของฉันด้วย” ทิมมี่อึ้งไปกับน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น.. กัปตันหนุ่มทำทีจะโน้มใบหน้าลงมาอีก แต่รถไฟเหาะเจ้ากรรมก็พาเสียงกรีดร้องมาเขย่าขวัญคนทั้งคู่อีกจนได้



 “ให้ตายเถอะ...” กัปตันหนุ่มส่ายหน้าอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะเหลือบไปมองรถไฟเหาะเบื้องหลังอย่างหงุดหงิด... ขณะที่ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ นั่งยิ้มอย่างขอบคุณเสียงกรีดร้องเหล่านั้น



 “...ขอบคุณนะครับ...” อยู่ๆ คำพูดสั้นๆของทิมมี่ ก็ถูกเปล่งออกมา..ทำให้สีหน้าของกัปตันหนุ่มคลายความหงุดหงิดลงในทันที..และหันหน้ามามองหนุ่มหน้าขาวอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่อึ้งไปเล็กน้อย



 “...ขอบคุณที่พาผมมาในวันนี้... และคุณ.... ก็ไม่ต้องทำหน้าซึ้งขนาดนั้นก็ได้” คำพูดท้ายประโยคทำให้กัปตันหนุ่มถอนใจก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง



 “นายจะพูดให้ดูดีตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้นะ...นายนี่จริงๆเลย”



 “อืม... ผมเหนื่อยมาก... อยากกลับแล้วล่ะ”



 “ฮะ?... นี่แค่บ่ายสองเองนะ?... จะรีบกลับไปไหนกัน” กัปตันหนุ่มทำหน้าสงสัยมองทิมมี่ที่กำลังนั่งหน้ามึนอยู่นิ่งๆ



 “...หรือว่านาย.. เบื่อหน้าฉันแล้วล่ะ?” สีหน้าของกัปตันหนุ่มก็เจื่อนไปกับคำพูดตัวเองเช่นกัน.. หากแต่สายตาของทิมมี่ที่มองสวนมานั้น ทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างกับสายตาที่ทอดมองมาทางเขา



 “ถ้าผมเบื่อคุณ... ผมคงไม่มากับคุณหรอกคุณลูคัส...” คำพูดที่ชวนให้กัปตันหนุ่มใจชื้นถูกเปล่งออกมาอีกครั้งหนึ่ง..



 “...ฉันคงจะรู้สึกดีกว่านี้....หากนายจะพูดให้ฉันได้ยินว่า....... นาย.... รักฉัน เหมือนที่ฉันรักนายนะ..” สีหน้าจริงจังของกัปตันลูคัส พาให้ทิมมี่รู้สึกร้อนผ่าวไปด้วยกระแสลมอบอุ่นจากคำพูดนั้นของเขา.. ความรู้สึกบางอย่างในสมอง เริ่มมั่นใจในสถานะของตัวเขาเองแล้วว่า.. ในวันนี้.. เขารู้สึกอย่างไร... กับกัปตันลูคัส!....และสีหน้าที่เผยรอยยิ้มออกมาของทิมมี่ ก็มาพร้อมกับคำตอบรับ.....ที่จะทำให้กัปตันหนุ่ม ไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน...





 “คุณลูคัส...ผม........รั...”







กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!








 “โว่ย!!!!” กัปตันหนุ่มระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการลุกขึ้นและกระโดดเตะก้อนหินไปทางขบวนรถไฟเหาะอย่างสุดทน! เสียงกรีดเหล่านั้นพาให้ทิมมี่หลุดออกมาจากหลุมรักบนดวงหน้าของกัปตันหนุ่มที่อุตส่าห์พยายามต้อนอารมณ์ให้จนมุม... หากแต่ในวันนี้.. ทิมมี่ก็ได้แต่นั่งหัวเราะกับท่าทีของกัปตันหนุ่มในเวลานี้ อย่างอดกลั้นไม่ได้จริงๆ...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 22-24(ตอนใหม่) [11/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 11-10-2011 14:01:43
FLIGHT 24 : ทิมมี่..กับการกลับมาของ “ความเจ็บแค้น”



เฟอร์รารี่สีดำ..แล่นกลับเข้ามาบริเวณหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ ทิมมี่ปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกก่อนที่จะหันมามองกัปตันหนุ่มที่ยังคงอารมณ์หงุดหงิดรถไฟนรกนั่นไม่หาย



 “เอาน่าคุณลูคัส...เราจะแยกกันแล้ว...ทำหน้าดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงครับ?” ทิมมี่ยังแกล้ง



 “ถ้าจะให้ฉันทำหน้าดีๆ.. นายก็บอกฉันมาดีๆเลยสิ...”



 “ผมไม่ตายเสียก่อนคุณก็คงได้ยินสักวันล่ะ” กัปตันหนุ่มหันขวับมามองหน้าทิมมี่พลางทำตาโตเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน



 “นี่แสดงว่า... นาย....จะบอกรักฉันแน่ๆสักวันใช่หรือเปล่า?” ทิมมี่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองได้พลาดกับลมปากของตัวเองออกไปแล้ว



 “....ผมลานะครับ...” หนุ่มหน้าขาวหลีกความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าออกมาจากรถ ขณะที่กัปตันหนุ่มในสภาพสีหน้าและร่างกายที่ร่อแร่เต็มทียังคงตะโกนเรียกหนุ่มหน้าขาว ดังออกมาจากในรถว่า



 “เฮ้! ทิมมี่!” ทิมมี่หันขวับกลับมามองอย่างสงสัย กัปตันหนุ่มยิ้มกว้างให้เขา... ก่อนที่จะทำปากจู๋ราวกับเด็กห้าขวบ



 “ฝันดีนะครับที่รัก.. จุ๊บๆ” ทิมมี่อยากจะหาหลุมซุกศีรษะของตัวเองในเวลานี้...รถคันหรูแล่นผ่านออกไปพร้อมกับชายหนุ่มที่มีสมองเท่ากับเด็กออธิสติก ใช่..ทิมมี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ..


                         

          ทิมมี่ เดินกลับเข้ามาในบ้าน.. หากแต่สายตากลับไปสะดุดที่รถคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่บริเวณน้ำพุหน้าตึก... รถสปอร์ตหรูคันสีแดงเพลิงอันคุ้นตา.. พากลิ่นอายความโกลาหลตามมาในความรู้สึกของเขาในเวลานี้! หนุ่มหน้าขาวรีบเดินเข้าไปในบ้าน.. พลัน! มองเห็นหญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีดำของ ดานอสซี่ แอร์ไลน์กับดวงหน้าที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว ว่าเธอผู้เยือนเป็นใคร!




 “...คุณวีว่า!” คำอุทานในลำคอของทิมมี่ มากับกลิ่นสังหรณ์ประหลาดเมื่อดวงหน้าคมคายของหญิงสาวหันขวับมามองผู้เรียก
พร้อมกับรอยยิ้มทักที่ดูแฝงไปด้วยนัยน์ประหลาดจากกลีบปากสีแดงสดนั้น



 “...สวัสดีคุณทิมมี่...หึ... ไปไหนมาเหรอ? ฉันรออยู่เกือบชั่วโมง” วีว่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มมีเลศนัยน์



 “เอ่อ...ผมไม่รู้ว่าคุณจะมา... แล้ว?...คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” ทิมมี่ถามด้วยความรู้สึกฉงนใจ ขณะที่หญิงสาว ก้าวเข้ามาใกล้ๆหนุ่มหน้าหยก พร้อมกับท่าทางเรียบนิ่งที่มากลับกลิ่นอายแห่งความตระหนกกับเรื่องที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร..หากแต่การปรากฏตัวของหล่อนไม่ว่าจะที่ไหน..ย่อมหมายถึงการมาของเรื่องราววุ่นวายที่จะตามมาอย่างที่ใครๆไม่อาจทันตั้งตัว



 “จะว่ามีก็ไม่เชิง... ฉัน.. แค่จะเอาอะไรบางอย่างมาให้คุณดูก็เท่านั้น” ฝ่ามือที่มีเล็บสีแดงสด ยื่นซองสีน้ำตาลให้ทิมมี่... หนุ่มหน้าขาวรู้สึกชะงักไปเล็กน้อย เมื่อจำภาพตอนที่ตัวเขาเองยื่นซองสีน้ำตาลที่ใส่ซีดีบันทึกวิดิโอฉาวให้หล่อนเมื่อก่อนหน้านี้.. หากแต่ในเวลานี้ที่การกระทำมันกลับกัน ทำให้ทิมมี่อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ในซองๆนั้นคงเป็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นแน่



 “รับไปสิ... ฉันก็แค่จะเอามันมาให้คุณดูแค่นี้ล่ะ...” เมื่อทิมมี่ยังยืนอึ้งและได้แต่ตระหนกกับสิ่งที่เขายังไม่อาจรู้ วีว่า เลอคอติส.. จึงวางซองสีน้ำตาลลงกับโต๊ะรับแขก แล้วยิ้มให้ทิมมี่ด้วยสายตาสะใจต่ออะไรบางอย่าง



 “ฉันกลับก่อนแล้วกันนะ... เอ้อ... ก่อนจะเปิดมันดู... ฉันคงจะต้องบอกให้คุณทำใจก่อน อย่าตกใจไปล่ะ” วีว่า เลอคอติส เดินออกมาจากตึก.. ก่อนที่จะแล่นรถสีแดงเพลิงของตัวเองออกไป..




          ในขณะที่ชายหนุ่มที่กำลังยืนนิ่งอยู่ในบ้าน.. ค่อยๆหันไปมองซองสีน้ำตาลบนโต๊ะรับแขก.. ด้วยความรู้สึกที่มีสังหรณ์มากมายต่อสิ่งที่วางอยู่เบื้องหน้า.. แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร หนุ่มหน้าขาวก็ต้องตัดสินใจเปิดซองนั้นและรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่.. และเมื่อมือขาวหยิบซองสีน้ำตาลนั้นขึ้นมา.. แล้วเปิดมันออกมาช้าๆ.. พลัน! กระดาษหลายใบหลุดร่วงออกมาจากซอง.. ทันทีที่ฝ่ามือสองข้างของทิมมี่ยกเอียงซอง ให้วัตถุภายในร่วงออกมา.. หากแต่สายตาของทิมมี่กลับเบิกโพลงราวกับตกใจกับสิ่งที่เห็น! มันไม่ใช่กระดาษ.. แต่มันกลับเป็นรูปถ่าย...


          รูปถ่ายกว่าหลายสิบใบ.. กับภาพอื้อฉาวของใครบางคนตรงหน้า... พาให้มือสั่นคว้ามันยกขึ้นมาสายตาจับจ้องกับบุคคลในภาพ.. อารมณ์และความรู้สึกที่เหือดหายไปนานเริ่มกลับมาในหัวสมองของทิมมี่ ดรอว์เยอร์อีกครั้ง! ดวงตาสั่นพร่า กับน้ำตาที่คลอเบ้า.. ริมฝีปากเม้ม ฟันกัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น ..และไม่ช้า! ฝ่ามือของเขาก็ขยำรูปถ่ายที่อยู่ในมือใบนั้นจนมันยับยู่ยี่อยู่ในมือ.. และเหมือนว่าหนุ่มหน้าขาว จะพยายามบีบมันให้สลายไปกับมือให้จงได้.. พลางเสียงพึมพำออกมากับน้ำเสียงที่สั่นเครือ..







 “...คุณมัน.... คุณมันชั่ว! .... ไอ้คนร้อยเล่ห์!! ไอ้สารเลว!!!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          รถสีน้ำเงินของเทลิซ่าแล่นเข้ามาภายในคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ในเช้ารุ่งขึ้น.. ทิมมี่ ดรอว์เยอร์เดินออกมาจากตัวตึกพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ พลางมองน้องสาวที่กำลังเดินตรงมาในชุดทำงานด้วยสายตาแดงก่ำจนเทลิซ่าต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นดวงตาคู่นั้นของผู้เป็นพี่



 “ป..เป็นอะไรน่ะ? ทิมมี่” เสียงหญิงสาวถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าซีดราวกับอดนอน และคิ้วขมวดเป็นปม พร้อมดวงตาที่ราวกับมีน้ำตารื้นอยู่ในขณะนี้



 “...เปล่า... เธอพักเวรแล้วเหรอ..” น้ำเสียงขุ่นและเย็นเยือกถามน้องสาว ขณะที่หล่อนตอบอย่างเกร็งๆ



 “ป..เปล่า... เมื่อวานแค่เที่ยวสั้นน่ะ...อ..เอ่อ... ฉันมารับนายไง...” เทลิซ่ายังมองหน้าพี่ชายอย่างอึ้งๆกับสภาวะในอารมณ์ของคนตรงหน้าที่เธอไม่อาจคาดเดาและไม่กล้าถามในเวลานี้ว่าเกิดอะไรขึ้น



 “อืม... งั้นไปเถอะ..ฉันเสร็จแล้ว”



 “ป..ไปสิ” เทลิซ่าพาพี่ชายขึ้นรถ.. แม้ความสงสัยจะยังไม่คลายจากใจหล่อน หากแต่หล่อนก็ไม่กล้าถามทิมมี่ในเวลาแบบนี้เป็นแน่.. หากหน้าตาของทิมมี่ดูดีกว่านี้เมื่อไหร่ เธอจะจ้องหาจังหวะถามให้คลายความสงสัยทันทีอย่างแน่นอน










ศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่ แอร์ไลน์ เวลา 10.00 น.




          ทิมมี่ ดรอว์เยอร์แยกกับน้องสาวเพื่อเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ชาย พอเข้ามาก็เจอสงครามระหว่างบาเรลล์และเควินทันที.. สองหนุ่มในท่อนบนเปลือยเปล่า กับผ้าขนหนูสีขาวปกปิดท่อนล่างราวกับคนทั้งคู่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการอาบน้ำมาหมาดๆและตัวยังไม่ทันแห้ง.. แต่ก็กลับตะลุมบอนกันอย่างเดือดดาลท่ามกลางลูกเรือชายคนอื่นที่รีบจรลีหายตัวกันไปทันทีเมื่อทิมมี่เข้ามา หากแต่ทิมมี่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามทัพแต่อย่างใด.. แต่เขาก็แอบเขวี้ยงกระบอกน้ำเปล่าไปกลางวง จนคนทั้งคู่หลบน้ำเย็นในแก้ว และถอยไปคนละทาง.. ทิมมี่ถอดชุดเสื้อนอกออกแล้วหยิบเสื้อเครื่องแบบออกมาจากตู้ด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หน้าตาไม่สบอารมณ์ต่ออะไรทั้งนั้น.. บาเรลล์ยกมือขึ้นชี้หน้าเควิน




 “มึงอย่าลองดีกับกู...”



 “ใหญ่มาจากไหนล่ะวะ!”



 “ใหญ่กว่าบิดามึงแล้วกัน ไอ้งั่ง!” ก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง..ประตูห้องล็อกเกอร์ก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของกัปตันลูคัส..ในขณะที่ความรู้สึกคุกรุ่นของบาเรลล์และเควินราวกับจะเด้งอยู่ในหัวของทิมมี่แทนแล้วในเวลานี้.. ทันทีที่กัปตันหนุ่มปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยน



 “ไง... เมื่อวานเหนื่อยหรือเปล่า?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงนุ่มและสีหน้าสดชื่น หากแต่เขาต้องชะงักไปกับสายตาแข็งกระด้างที่มองกลับมาแทนคำตอบ..




          ทิมมี่ปิดประตูล็อกเกอร์ดังสนั่นเป็นผลให้ประตูตู้ที่ถูกเหวี่ยงกระแทกอย่างแรง เกลียวหลุดและบานล็อกเกอร์ร่วงลงมาอย่างไม่เหลือดี... และทิมมี่ก็เดินถือชุดเครื่องแบบเดินตรงไปทางห้องน้ำเพื่อจะเปลี่ยนชุด หากแต่กัปตันหนุ่มโยนกระเป๋าของตัวเองลงกับพื้น แล้วรีบวิ่งไปคว้าข้อมือของทิมมี่ด้วยความรู้สึกสงสัยกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในเวลานี้.. ขณะที่สองสิงห์ที่กำลังจะก่อหวอดต่อต้องหันไปมองที่ทิมมี่และกัปตันลูคัสเป็นตาเดียว




 “เดี๋ยวทิมมี่!! เกิดอะไรขึ้น!! นายโมโหอะไร!?” กัปตันหนุ่มถาม พลางชะงักไปอีกครั้ง เมื่อถูกฝ่ามือของทิมมี่สะบัดออกอย่างแรง พร้อมกับสีหน้าที่หันมาตอบโต้ราวกับบ่งบอกถึงความรู้สึก “รังเกียจรังชัง” เป็นอย่างมาก..



 “อย่ามายุ่งกับผม.. คุณกาโรล!” คำตอบที่เหินห่างพาร่างของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำและลงกลอนอย่างรวดเร็ว.. กัปตันยืนอึ้งอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น.. จนกระทั่ง...เสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีใครบางคนเปิดมันเข้ามา



โรเจอร์ ซินแคลร์ ปรากฏตัวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม.. ชายหนุ่มหน้าขาวเดินตรงมาที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง.. และสายตาของเขาก็ปะทะกับสายตาคมกริบของกัปตันหนุ่มที่กำลังพยายามหามูลเหตุที่ทำให้ทิมมี่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจากเมื่อวาน



"สวัสดีครับกัปตันลูคัส... หวังว่าวันนี้... คุณจะมีแต่เรื่องดีๆ..เข้ามาในชีวิตนะครับ” คำทักทายที่มาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความผิดปกติ จากสายตาและรอยยิ้มแฝงความหมายที่ร้ายกาจนั้น พาให้กัปตันหนุ่มเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจอะไรบางอย่างว่า... เขาคนนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเปลี่ยนไปของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่! พลัน! กัปตันหนุ่มพาร่างอันแข็งแกร่งของตัวเอง บุกตรงเข้ามาที่โรเจอร์ และใช้มือทั้งสองข้างกระชากคอเสื้อจนหนุ่มหน้าเนียนเกือบตัวลอยยืนไม่ติดพื้น!



 “นายหมายความว่ายังไง!! นายทำอะไรทิมมี่!!” คำถามนั้น พาให้โรเจอร์หัวเราะออกมาอย่างขำขัน..ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของตัวเอง กระแทกหน้าอกแกร่งของกัปตันหนุ่มจนเขาหงายถอยไปข้างหลังก้าวใหญ่ โรเจอร์ยืนจับคอเสื้อของตัวเองให้เข้ารูปอีกครั้ง พร้อมแสดงสีหน้ายั่วประสาทกัปตันหนุ่มตามมา





 “พูดอะไรของคุณ.... ตลกสิ้นดี... คนอย่างผมจะไปมีหน้าทำอะไรคนอื่นได้...ฮึ?” คำถามนั้น..เป็นผลให้กัปตันหนุ่มเดินตรงเข้ามาพร้อมหมัดที่กำแน่น หากแต่มีลูกเรือรายอื่นที่พากันเดินเข้ามา กระชากกัปตันหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์ที่ขาดสติด้วยสายตาตื่นตะลึงของคนเหล่านั้น.. กัปตันหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใจร้อนเกินไป.. ใช่.. เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย..



กัปตันลูคัสลดมือลงก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินสวนบาเรลล์และเควินไปยังล็อกเกอร์ของตัวเอง..
พลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและเดินออกมาจากห้องๆนั้นทันที.. โรเจอร์มองตามร่างสูงที่เดินออกไปก่อน พร้อมส่งรอยยิ้มสะใจตามออกไป... ราวกับว่า เขานี่แหล่ะ คือตัวการที่ทำให้ทิมมี่ตกอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง.. หากแต่ก็ไม่มีใครรู้ได้อีกเช่นกันว่า เขาคนนี้ ทำอะไรลงไป!? หากแต่มุมน้ำเงินและมุมแดงของสองสิงห์หนุ่มก็ราวกับจะเริ่มไหว้ครูเปรียบมวยกันอีกรอบ..


           
หลังจากที่ทิมมี่เดินออกมาจากล็อกเกอร์แล้ว เขาก็เดินตรงไปที่ห้องของคุณซินดี้ เพื่อที่จะบอกเธอว่า เขาคงไม่ได้เข้าบรีฟ เพราะมีธุระจำเป็นชั่วครู่..และขอคุณซินดี้ว่าฝากผู้ร่วมงานในชั้นโดยสารเดียวกัน แนะนำและบอกรายละเอียดของเขาทีหลังด้วย..ระหว่างที่ทุกคนบรีฟงานกันอยู่นั้น..มีใครบางคนปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้! หากแต่ทิมมี่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าคนๆนั้นเป็นใคร เพราะเขาเอาตัวเองไปเดินหลบหน้ากัปตันหนุ่มอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อรอเวลาที่จะได้ขึ้นเครื่อง.. เพื่อตรงสู่โอเวอร์ไนท์ของบอสตันอีกครั้งหนึ่ง!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





เวลา 10.45 น. ณ ห้อง GALLEY ชั้นผู้โดยสาร FIRST CLASS ของเที่ยวบินโอเวอร์ไนท์ บอสตัน-ปารีส... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ขึ้นมาประจำการก่อนใคร เพื่อหลบหน้าและหลีกหนีปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในใจของตัวเองเวลานี้... สมองยังจดจำแต่ภาพถ่ายที่วีว่า เลอคอติสนำมาให้... บุคคลในรูป ชายหนุ่มที่เขาเกือบจะตกหลุมพรางและเกือบหลงคารมเขาผู้นั้นไปแล้วเมื่อวานนี้.. กับภาพที่เขานอนอยู่กับหญิงสาวผู้หน้าไม่อาย ห้องนอนในรูปที่บ่งบอกถึงบรรยากาศของโรงแรมโมเทล...ภาพในหัวทำให้ทิมมี่กำหมัดแน่นอีกครั้ง.. ก่อนที่เสียงฝีเท้าของหญิงสาว ราวกับจะดังใกล้เข้ามาทางห้อง GALLEY ที่เขากำลังนั่งหมกตัวอยู่ในนี้..



ทิมมี่รีบลุกตัวและปาดน้ำตาอันแสบเจ็บปวดของตัวเองออกไป พลันคิดว่าคนที่กำลังตรงมาคือ โรสรอยด์ เพอร์เซอร์จอมเนี้ยบขาประจำ... หากแต่เมื่อคนๆนั้นปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องๆนี้! หนุ่มหน้าหยกก็พลันเบิกตาโพลงขึ้นมาชั่วขณะ..ราวกับตกใจกับการปรากฏตัวและการ “กลับมา” ของเธอ..







 “....อ...เอลลี่!...” ทิมมี่ไม่คาดคิด ว่าหญิงสาว “ผู้ถูกกระทำ” จากฝีมือของเขา จะกลับมายืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ได้! หญิงสาวเจ้าของชื่อยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับสายตาชิงชัง... ความรู้สึกเจ็บแค้นที่หนุ่มหน้าหยกตรงหน้าทำให้ถูกพักงานและเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาระหน้าที่... การกลับมาของเธอ.. พาความรู้สึกย่ำแย่ระลอกสองให้กับทิมมี่ทวีความกลัดกลุ้มที่มีอยู่แล้ว ให้มากขึ้นไปอีกเป็นสองเท่าตัว!




 “ไง... คุณทิมมี่...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน! สบายดีใช่มั้ย..” น้ำเสียงเรียบเย็นกับสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นและมากับความรู้สึกปั่นป่วนให้กับทิมมี่อีกครั้ง..



 “..ส..สบายดีครับ....” หนุ่มหน้าขาวกลืนน้ำลาย ราวกับคนเกรงความผิดที่เคยกระทำ..



 “...หึ... นายจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอ... ว่าฉัน....สบายดีหรือเปล่า!?” น้ำเสียงเน้นหนักท้ายประโยค พร้อมกับสีหน้าที่เย็นชาขึ้นพาให้ทิมมี่ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเลี่ยงตัวไปทางเตาไวโครเวฟ ก่อนที่จะถามหล่อนโดยที่ไม่กล้ามองหน้า



 “..อ..อืม... ฉันคิดว่า...เธอคงจะไม่สบายหรอก...ใช่หรือเปล่า.... ค..คือ..คือว่าฉัน..”



 “ก็ถูกอย่างที่นายว่านั่นแหล่ะ!” คำตอบกระแทกอารมณ์ พาร่างของหญิงสาวเข้ามาในห้อง GALLEY พร้อมกับวางกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเอง วางกระแทกอย่างแรงบนตู้เก็บจานหลังห้อง.. พร้อมกับสายตาขุ่นเคืองที่ยังคงไม่ละห่างจากทิมมี่ ดรอว์เยอร์



 “หวังว่าเที่ยวบินนี้... นายคงจะรับมือแล้วใช่มั้ยล่ะ.... ว่าความวุ่นวาย... มันจะตามมาอย่างแน่นอน....หึ.... ฉันเองก็เตรียมพร้อมมาดีแล้ว ในการร่วมงานกับนายอีกครั้ง...... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์!!”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          โคไพลอตรายใหม่ชื่อ เดวิด อีธาน สนทนาทักทายกับกัปตันลูคัส กาโรล ในห้องค็อกพิท... หากแต่สีหน้าของกัปตันหนุ่มมือหนึ่งกลับไม่ค่อยจะสุนทรีย์กับการพูดคุยในเรื่องผู้หญิงที่ไร้สาระของเดวิด อีธาน เท่าไหร่นัก.. หากแต่กัปตันหนุ่มกลับพยายามโทรศัพท์ติดต่อทิมมี่ เพื่อให้เขานำกาแฟมาให้... แต่ทันทีที่ทิมมี่รับสายและรู้ว่าเป็นเขา ทิมมี่ก็กระแทกหูดังโครมในทุกๆครั้งไป..



ส่วนบรรยากาศอึมครึมในห้องโดยสารชั้น FIRST CLASS ก็ใช่ว่าจะดีไปกว่าค็อกพิทนัก.. ทิมมี่เดินเข็นรถอาหารกลางวันออกมา ในขณะที่เอลลี่เดินนำและคอยเสิร์ฟอาหารให้กับแขกระดับสูงที่สุดของเครื่องบินลำนี้จนกระทั่งมาถึงเมนูสุดท้าย ก็คือ “ไก่งวงอบซอสส้ม” ของผู้บริหารระดับ CEO ของบริษัทนายทุนฮิริซากิ พลัน..เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!


                           
           ในช่วงวินาทีที่ทิมมี่กำลังจะหยิบเมนูอาหารในจานกระเบื้องราคาเฉียดร้อยยูโรเพื่อไปวางลงบนโต๊ะรับประทานอาหารส่วนตัวของผู้บริหารหนุ่มวัยกลางคน เอลลี่ ก็ผลักรถเข็นอย่างแยบยล กระแทกข้อมือหนุ่มหน้าหยก.. และเป็นผลให้จานกระเบื้องนั้นพลิกคว่ำออกจากฝ่ามือของทิมมี่! และแน่แท้ที่สุด เสียงโวยวายของผู้บริหารรายนั้นดังตามมา พร้อมกับบรรยากาศคุกรุ่นก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
                           




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





TBC.





ในตอนหน้าเราจะได้พบกับอะไรที่อาจจะนิยามได้ว่า....สงครามย่อมๆ

มันจะวุ่นวายมากทีเดียวล่ะค่ะ 55+


พบกันใหม่ตอนหน้าค่า!!!



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 22-24(ตอนใหม่) [11/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-10-2011 15:09:27
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

นิยายเรื่องนี้ สะท้อนความเป็นจริงได้มากกกก 555

แต่เรื่องจริง บิ่งกว่านี้ เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 22-24(ตอนใหม่) [11/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 11-10-2011 16:38:27



  โอว. . . ดุเดือดๆ
  มรสุมเข้าทิมมี่เต็มๆเลยอ่างานนี้
  แถมด้วย Overnight อีกตะหาก ชิมิ



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 22-24(ตอนใหม่) [11/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-10-2011 21:10:31
ร้ายว่ะ  แต่ละคนแรง ๆ ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 13-10-2011 15:21:25
สงครามมันเริ่มขึ้นแล้ว 5555+



FLIGHT 25 : เกมริษยา






 “What do you do!!” คำถามเสียงดังลั่นห้องคาบิน.. ของผู้บริหาร CEO รายนั้น พาให้ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ต้องยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า... กางเกงสีเทาราคาแพงกับรอยเปื้อนหายนะบนผิวผ้าของเขา..หนุ่มหน้าหยกยังคงตื่นตะลึงกับความผิดพลาดของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนจงใจให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแต่แรกแล้ว..




 “I’m very sorry,sir…. I don’t indent do it! I’m… I’m very sorry… I will pick a rags bring to you, just a moment please! Sir” ทิมมี่รีบกล่าวขอโทษก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง GALLEY อีกครั้ง แล้วหยิบผ้าเช็ดสีขาวสะอาดใหม่เอี่ยมจากแพ็ค พร้อมกับชุบน้ำหมาดๆอีกผืนหนึ่ง.. ในเวลาเดียวกันที่เอลลี่กำลังยืนแสร้งหน้าเศร้าและพยายามเอาอกเอาใจผู้บริหารนายนั้น และไม่วายที่จะแอบเดินไปกดปุ่มเรียกเพอร์เซอร์ให้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..




               ทิมมี่เดินออกมาจากห้อง GALLEY อย่างรีบร้อนและตรงเข้ามาเพื่อจะเช็ดซอสที่หกรดกางเกงสูทของผู้บริหารท่านนี้
แต่ทว่า..กลับถูกสายตาเหยียดหยามของเขาตอบกลับและราวจะไม่ให้ทิมมี่เป็นผู้กระทำ..พลางหันไปมองเอลลี่ ราวกับเชื้อเชิญให้หญิงสาวทำหน้าที่นี้แทน... เอลลี่ยิ้มกริ่มมาทางทิมมี่ พลางดึงผ้าสองผืนจากมือชายหนุ่มออกมาถือ แล้วบรรจงลูบเช็ดด้วยสีหน้าและท่าทางเอาใจใส่ ท่ามกลางความรู้สึกตะลึงไปกับท่าทีของเอลลี่คนนี้... และทำให้เขาอดย้อนคิดกลับไม่ได้ว่า.. เขาน่ะหรือ? ที่เป็นฝ่ายผิดพลาดในเหตุการณ์เมื่อครู่นี้?




 “ก...เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” คุณโรสรอยด์ก้าวฉับๆขึ้นมาจากชั้นล่าง..พลางมองดูเหตุการณ์ที่เอลลี่กำลังเช็ดรอยเปื้อน และทิมมี่ที่นั่งหน้าซีดอยู่ไม่ไกล.. ทิมมี่ลุกตัวขึ้นยืนแล้วกล่าวขอโทษผู้โดยสารคนนี้อีกครั้ง ก่อนที่จะดึงรถเข็นอาหารเดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อย่างไม่สบอารมณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และพาให้คุณโรสรอยด์เดินตามมาในไม่ช้า




“ทิมมี่! บอกฉันหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ทิมมี่กับอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความกดดันบางอย่างพาให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยกระทำ และคุณโรสรอยด์เองก็ไม่คาดคิด! ฝ่ามือทั้งสองข้างของหนุ่มหน้าหยกเอื้อมไปจับราวเข็นของรถเข็นอาหาร แล้วผลักรถไปกระแทกกับผนังหลังห้องอย่างแรง ... ในขณะที่สีหน้าและแววตากดดันหันกลับมามองคุณโรสรอยด์ที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกและแทบปัสสาวะปลิดกับการกระทำของคนตรงหน้า




“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!! ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไร!! ผมขอตัวพักนะครับ!” ทิมมี่เดินสวนคุณโรสรอยด์ออกมาทิ้งให้หล่อนยืนตะลึงตึงๆอยู่ในห้องอย่างพูดอะไรต่อไปไม่ออกอีกแล้ว..




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




คาบินชั้นผู้โดยสาร BUSINESS CLASS




ห้อง GALLEY ของชั้นเดียวกัน.. เควินกำลังยืนอ่านรายการอาหารพิเศษของแขกที่แพ้อาหารทะเลและกุ้ง..บาเรลล์เดินเข้ามาในห้อง เพราะเที่ยวบินนี้นรกส่งเขาทั้งคู่ให้มาทำงานร่วมกันนั่นเอง..




 “ไม่มีหูหรือไงวะ?.. แขกกดปุ่มเรียกน่ะ” บาเรลล์ถามน้ำเสียงวอนนอนคุก



 “...แล้วไง.... แกก็ไปดูสิ”



 “ฉันเพิ่งจะเข้ามา.. หน้าที่ของแกบ้างแล้ว..” สีหน้าหาเรื่องไม่ยอมคลาย แต่เควินกลับทำเหมือนกับกำลังยืนอยู่กับหมาที่ได้แต่เห่าใบตองแห้ง



 “เฮ่ย! ไม่ได้ยินหรือไง! นั่น! ดังอีกแล้ว”



 “ก็บอกให้ออกไปเซ่! ฉันกำลังทำงานอยู่เหมือนกันนะโว่ย!”



“จะเอาไงวะ!” บาเรลล์กระแทกถาดเปล่าในมือลงกับเคาว์เตอร์เตรียมอาหารสแตนเลส.. ส่งผลให้เกิดเสียงจากกระแทกดัง “แคร๊ง~!!!!” อย่างดังจนพาให้แขกชั้นธุรกิจนั่งผวากันไปทิวแถบ



“..หึ... ฉันไม่เอาไงกับแกหรอก... คุณชายบาเรลล์..” เควินทำหน้าลองของ ก่อนที่เขาจะทำทีเป็นเดินสวนออกมา แต่ก็ไม่วาย ทิ้งคำพูดฆ่าตัวตายของตัวเองให้เข้าหูบาเรลล์อีกครั้ง!



 “แต่ฉันจะเอาเทลิซ่า... ผู้หญิงที่จะต้องเป็นของฉัน... ไม่ใช่ของนาย” ผลพวงจากคำพูดนั้น.. เควินผู้คิดไม่ถึงต่อชะตากรรมของตัวเอง.. ก็ต้องประสบกับแรงกระชากของมือแกร่งจากหนุ่มหน้าเย็นอย่างบาเรลล์ คลูเซอร์! แรงกระชากพาร่างเควินหงายหลัง แล้วไปล้มกระแทกกับตู้เก็บวัตถุดิบจนฝุ่นแป้งและนมเนยต่างหกพรวดลงมารดเลอะเทอะไปทั่วร่างของเควินอย่างไม่เหลือสภาพความดูดี!
           




และแน่นอน.. เสียงโกลาหลจากในห้อง GALLEY นี้.. ก็ยังดังลอดออกไปชัดรูหูผู้โดยสารกว่าสามสิบชีวิตบนคาบินชั้นธุรกิจ.. สายตาทุกคู่พาศีรษะชะโงกเอียงไปมองทางประตูห้อง GALLEY ราวกับพวกเขาจะมองเห็นเหตุการณ์หลังม่านสีดำตรงหน้านั้นว่ามันได้เกิดอะไรขึ้น... แน่นอน.. มันกำลังเกิดอยู่จริงๆ จนผู้โดยสารที่นั่งอยู่ใกล้ประตู GALLEY มากที่สุด ก็แอบลุกไปกดปุ่มสีแดงเรียกหัวหน้าเที่ยวบินหรือเพอร์เซอร์ เมื่อความรู้สึกของพวกเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่า.. มันคงไม่ได้เกิดเหตุการณ์ดีๆภายในห้องนั้นเป็นแน่!





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



                           
            เพอร์เซอร์โรสรอยด์ดูเหมือนจะน่าสงสารที่สุดในเที่ยวบินบอสตันหฤหรรษ์ในวันนี้หล่อนลงมาจากชั้นผู้ดีตีนแดง
เพื่อลงมาแยกร่างชายหนุ่มทั้งสองให้แยกจากกัน.. ยังไม่พอหลังจากนั้น เมื่อปุ่มเรียกหล่อนยังดังมาจากชั้นประหยัดในเวลาต่อมา.. เมื่อเทลิซ่ากับชอริต้ากำลังโยนผู้โดยสารจอมลามกเกี่ยงกันไม่ยอมเข้าไปเมื่อตาเฒ่าชูชกกดปุ่มเรียก เป็นผลให้นางฟ้าทั้งคู่ มาฟัดเหวี่ยงกันอยู่กลางห้องผู้โดยสาร นับเป็นเหตุการณ์ที่กล้าหาญชาญชัยมากที่สุด เพราะหล่อนเล่นกันท่ามกลางสายตาประชากรชั้นประหยัดกว่าห้าสิบชีวิตในคาบินนี้..ส่วนการมาของคุณโรสรอยด์ผู้น่าสงสารก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก.. เธอโอบร่างทรงสะบึมของชอริต้าให้เข้าห้อง GALLEY ไป แต่ทว่าเทลิซ่า ดรอว์เยอร์ ก็เดินถือถาดเปล่าเข้าไปฟาดอย่างไม่ยั้ง.. ราวกับมีสนามมวยปล้ำที่มีกรรมการชื่อโรสรอยด์เป็นผู้ห้ามศึก แต่ดูเหมือนกว่าจะหมดยก.. เพอร์เซอร์คนสวยก็แทบแย่เลยทีเดียว





การเดินทางผ่านมาถึงครึ่งทางเท่านั้นสำหรับขาไปบอสตัน.. หลังจากที่ทิมมี่หลบไปพักใน GALLEY ชั้นประหยัดคาบินที่สอง ซึ่งเป็นคนละคาบินกับเทลิซ่าและ ชอริต้า.. หนุ่มหน้าหยกก็เดินกลับขึ้นมาทำงานตามปกติ โดยระมัดระวังอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง และพยายามอยู่ห่างเอลลี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ฝ่ายพวกไม่ยอมสำนึกและระงับอารมณ์.. บาเรลล์หยิบหนังสือพิมพ์มาโยนลงรถเข็นอย่างลวกๆออกไปบริการแขก ..พาให้เหล่าผู้โดยสารมึนงงกับเลขหน้าที่มั่วซั่ว กับหนังสือพิมพ์ในมือ..พลางจะหาหน้าที่หายไป กลับได้รับสายตาสุนทรีย์จากบาเรลล์มองกลับมาจนไม่กล้าที่จะปริปากวิงวอนขอหน้ากระดาษที่หายไปให้กลับคืน.. ปุ่มเรียกดังขึ้นในห้อง GALLEY อีกครั้ง หากแต่คราวนี้บาเรลล์ได้ยินและไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเควินให้เคืองอารมณ์อีก ชายหนุ่มจึงเดินตรงไปที่ผู้โดยสารหญิงวัยชราที่ต้องการความช่วยเหลือ




“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?” น้ำเสียงเรียบเย็นถามหญิงชราวัยหกสิบพร้อมใบหน้าไม่ปรารถนาจะบริการ



“ขอโทษค่ะ คือดิฉันอยากจะได้พาสเซอรี่จานเล็ก ดิฉันแพ้กุ้งตามที่บอกนะคะ...แล้วก็อยากได้น้ำบีทรูทส์สักแก้วหนึ่ง..อยู่ในเวลาบริการหรือเปล่าคะ?” หญิงชราถามด้วยถ้อยคำผู้ดี พาให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นลงไปบ้าง



 “...ครับ... ถ้าคุณนายต้องการ..รอสักครู่ครับ” สีหน้าเฉยชาตอบรับแต่ก็ยังดีที่มี “หางเสียง” ตามหลัง.. บาเรลล์เดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบรายชื่อผู้โดยสารหญิงชรารายนั้นมาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง... และพยายามไม่สนใจเควินที่ยืนหมุนจานอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มประชด



 “...คุณวินดี้... แพ้อาหารทะเลและมันกุ้ง... อืม...” บาเรลล์พึมพำคนเดียว ก่อนที่จะหันไปหยิบจานกระเบื้องมาวางบนโต๊ะ
แล้วเดินตรงไปทางเควินเพื่อที่จะหยิบกล่องพาสเซอรี่สำเร็จรูปออกมา.. แต่เควินก็ทำลูกเล่นไม่ยอมถอยสักครู่ แต่แล้วเขาก็ยอมเดินห่างออกมา..บาเรลล์นับหนึ่งถึงสิบ ยันไปถึงร้อยระหว่างการปรุงอาหารให้หญิงผู้นั้น.. แต่ทว่า.. กลับมีโทรศัพท์ดังขึ้น...



 “...ฮ..เฮ้บาเรลล์.. รับแทนฉันหน่อย... ฉันปวดท้องหนัก” เควินกล่าว... บาเรลล์เดินฉุนออกไปรับโทรศัพท์.. ทิ้งให้เควินยืนยิ้มกริ่มอยู่ในห้อง GALLEY เพียงลำพัง.. และสายตาของเควิน ก็เหลือบไปมองจานพาสเซอรี่บนโต๊ะ...อย่างช้าๆ...








 “...แพ้มันกุ้งงั้นหรือ...คุณยาย...”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++







คุณโรสรอยด์นั่งเหงื่อแตกอยู่ในห้องพักของเธอพลางดูนาฬิกาแล้วโทรศัพท์หากัปตันลูคัส





 “กัปตันคะ.. รายงานผลด้วยค่ะ”



 “เอ่อ... อีกประมาณสิบห้านาที.. จะถึงฟลอริด้า... เราจะพักเครื่องลงหรือเปล่าคุณโรสรอยด์?”



 “ไม่ค่ะ..เกรงว่าจะไม่ทันกำหนดการ... ไม่มีผู้โดยสารลง ส่งข้อมูลให้ภาคพื้นดินทราบเลยก็ดีค่ะ ว่าเราจะไม่ร่อนเครื่องลงไป”



 “โอเคครับ..อ..เอ้อคุณโรสรอยด์ครับ”



 “ว่าไงคะ?..ต้องการอะไรหรือเปล่า?”



 “ไม่ทราบว่าชั้นเฟิร์สคลาสกำลังยุ่งอยู่เปล่าครับตอนนี้?”



 “....เฟิร์สคลาส.....เฟิร์สคลาส....อ่อ ทิมมี่กับเอลลี่เหรอ..ไม่ยุ่งหรอกค่ะ ผ่านจุดนั้นมาแล้ว..”



 “อ..เอ่อคือ... ไม่ทราบว่าโทรศัพท์ห้องนั้นขัดข้องกระมังครับ... คุณช่วยบอกให้ทิมมี่ นำกาแฟมาให้ผมที.. ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว เอ้อ แล้วก็เผื่อคุณอีธานด้วย” ทันทีที่ได้ยินคำว่า “ง่วง”...คุณโรสรอยด์ใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม



 “ด..ได้ค่ะ...ด..ดิฉันว่าเราจะแวะพักเครื่องก่อนก็ได้นะคะ ถ้าคุณเพลีย”



 “..อ..อ่อไม่เป็นไรครับ... ผมฝากเรื่องกาแฟด้วยแล้วกัน...เอ้อ อย่าให้คนอื่นชงนะครับ... ผมชอบรสกาแฟของทิมมี่”



 “ด..ได้ค่ะ...สักครู่ค่ะกัปตัน” ในที่สุดคุณโรสรอยด์ก็ไม่หยุดเดิน หล่อนต้องขึ้นไปชั้นเฟิร์สคลาสอีกครั้งหนึ่ง...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






 “พาสเซอรี่ได้แล้วครับคุณนาย” บาเรลล์นำเมนูอาหารที่หญิงชราต้องการมาบริการถึงที่อย่างไม่ทำให้หล่อนรอนาน..



 “ขอบคุณนะคะ...เอ้อ...น้ำบีทรูทส์ของดิฉันล่ะคะ?” บาเรลล์รู้สึกว่าตัวเองลืมไปเสียได้



 “อ..เอ่อ..ขอโทษด้วยครับ ผมจะรีบนำมาให้เดี๋ยวนี้...” บาเรลล์แอบถอนใจเดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY สวนกับเควินที่เดินหน้านิ่งออกมาพร้อมกับรถบริการเครื่องดื่มกระป๋อง..ในขณะที่บาเรลล์กำลังเตรียมน้ำบีทรูทส์ภายในห้องเตรียมครัวได้ไม่ถึงหนึ่งนาที.. เสียงอะไรบางอย่าง.. ก็ดังขึ้นจากด้านนอก!







เพล้ง~!!!







เอือก~!! แค่ก! แค่ก!! โอ๊ย~!!!






                       
เสียงเพล้งแรกคือช้อนและส้อมกระแทกลงสู่จานพาสเซอรี่อย่างแรง..และเสียงต่อมาก็คือเสียงลมหายใจสั่นพร่าของหญิงแก่ พร้อมทั้งปฏิกิริยาที่น่ากลัวราวกับคนเป็นลมชัก.. มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวกับจะบีบคอตัวเอง.. หน้าแดงก่ำพร้อมกับดวงตาพร่ามัวที่มีเส้นเลือดสีแดงแตกเป็นฝอย และน้ำตารินไหลออกมาจากใบหน้าที่ราวกับหล่อนกำลังเจ็บปวดทรมาน... ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้โดยสารชั้นเดียวกัน..และเควินที่ทำหน้าอึ้งกับอาการของหญิงชรา.. ที่เขาไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นอะไรมากมายถึงขนาดนี้! ใช่แล้ว... เควินรู้ดี.. ว่าหล่อนเป็นอะไร! หากแต่อาการตรงหน้า... มันพาความรู้สึกตื่นตระหนกตามมาจากทุกคนในคาบินนี้





บาเรลล์วิ่งพรวดออกมาพร้อมกับน้ำบีทรูทส์ ชายหนุ่มยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า...จานพาสเซอรี่ที่หกคะมำอยู่ที่พื้นกับร่างกายและสีหน้าบิดเบี้ยวของหญิงชราผู้น่าสงสาร.. บาเรลล์รวบรวมสติแล้วรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ทันที! คุณโรสรอยด์ย้ายสะโพกเข้ามาในคาบินของชั้นเฟิร์สคลาส...ฝีเท้ากำลังก้าวไปถึงห้อง GALLEY อยู่แล้วเชียว หากแต่บุคคลที่หล่อนจะมาหา กลับวิ่งพรวดหน้าตาตื่นออกมา.. พาให้ทุกคนในคาบินรวมถึงคุณโรสรอยด์เอง ผวาไปตามๆกัน





 “ม..มีอะไรคุณทิมมี่!! ทำไมทำท่าแบบนั้น”



 “ร..เรารีบลงไปชั้นธุรกิจก่อนครับ!”



 “อ..อ้าว..ท..ท..ทำไมล่ะ??”



 “เร็วเถอะครับหัวหน้า!” ทิมมี่วิ่งชนไหล่ของหล่อนไปอย่างไม่ทันระวัง.. คุณโรสรอยด์หันไปมองเอลลี่ที่ยืนทำหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กับเธอ... และไม่ช้า หัวหน้าเที่ยวบินก็ทำหน้าเหมือนคนอยากกรี๊ด.. ก่อนที่จะรีบเดินตามทิมมี่ไปพร้อมกับเสียงบ่นที่หล่อนไม่เคยปริปากออกมาให้แขกได้ยิน... และนี่เป็นครั้งแรก










 “วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย!! โถ่เว้ย!!!”











 “คุณนายวินดี้!! คุณนายครับ! ดื่มนมนี่ครับคุณนาย!” บาเรลล์วิ่งมาอีกครั้งพร้อมกับนั่งลงช้อนศีรษะหญิงชรา เพื่อป้อนนมสดเข้าปากเพื่อล้างพิษกุ้งออกมาจากปากและคอของเธอ...หากแต่สถานการณ์กลับดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น เควินเริ่มหน้าถอดสี และพยายามกันผู้โดยสารรายอื่นไม่ให้เข้าไปมุงเพื่อแย่งออกซิเจนกัน...ไม่ช้า ทิมมี่วิ่งนำคุณโรสรอยด์มา ณ ห้องโดยสารห้องนี้  ทิมมี่ตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น.. และคุณโรสรอยด์เองก็เช่นกัน




 “...ย..แย่แล้ว!!” คุณโรสรอยด์กับทิมมี่อุทานพร้อมกับต่างหันไปทางห้องเตรียมครัวและวิ่งเบียดกันอย่างรู้หน้าที่   เพื่อเดินไปหยิบกล่องนมมาอีกคนละสองสามกล่อง.. ในขณะที่บาเรลล์พยายามให้หญิงชราอาเจียนออกมา แต่ด้วยร่างกายที่โรยราของคุณยายราวกับจะไม่ตอบสนองและทำตามความต้องการของโปรตีนธรรมชาติ... และดูเหมือนพิษกุ้งที่เกิดจากอาการแพ้.. ทำให้คุณยายคันเนื้อคันตัว ผื่นแดงเริ่มปรากฏอย่างรวดเร็ว




 “ทิมมี่! ฝากทางนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรายงานกัปตันก่อน!”



 “ด..ได้ครับหัวหน้า” ทิมมี่ตอบรับพลางวิ่งพรวดมานั่งลงข้างๆบาเรลล์อีกครั้ง แล้วส่งกล่องนมที่ฉีกปากขวดออกแล้ว ส่งให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งตระหนกกับผู้โดยสารตรงหน้า... และไม่ช้า! คุณนายวินดี้... ก็หมดสติไป! คุณโรสรอยด์ตรงไปที่โทรศัพท์.. เพื่อติดต่อกัปตันลูคัสด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกไม่แพ้กันกับลูกเรือคนอื่นๆ..




 “มีอะไรครับคุณโรสรอยด์?...” กัปตันหนุ่มถามเมื่อรับโทรศัพท์ที่บอกหมายเลขรหัสของหัวหน้าปรากฏขึ้นก่อนรับสาย



 “กัปตันคะ! ไม่ทราบว่าจะทันหรือเปล่า! ดิฉันต้องการให้คุณส่งสัญญาณฉุกเฉินให้กับหอบังคับการรับรู้ว่าเราจะลงเครื่องฉุกเฉินกันน่ะค่ะ!” กัปตันลูคัสทำหน้าอึ้ง พลางหันมามองโคไพลอตที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมอยู่ และไม่ช้าเขาก็เปลี่ยนสีหน้าตามกัปตันหนุ่มทันที..



 “ก..เกิดอะไรขึ้นครับ?”



 “มีผู้โดยสารวัยประมาณหกสิบนะคะ เกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง! ดิฉันขอให้คุณแจ้งหอบังคับการ แล้วให้เขาเตรียมรถพยาบาลให้พร้อม เอ้อ! แล้วก็เครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยค่ะ ฝากด้วยนะคะ!”



 “ม..ไม่มีปัญหาครับ” กัปตันหนุ่มวางสายลง พลางหันไปพยักหน้าและกล่าวกับโคไพลอตผู้ร่วมงานว่า..



 “เราคงต้องลงไมอามี่ก่อนแล้วล่ะครับ.. คุณช่วยเชื่อมต่อที่หอบังคับการให้ผมที.. ผมมีเรื่องฉุกเฉินจะแจ้งให้เขาทราบ...”





 “ด..ได้ครับกัปตัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






โทรศัพท์ดังขึ้นในชั้นผู้โดยสารประหยัดในคาบินแรก.. เทลิซ่ารับสาย และรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคุณโรสรอยด์.. และเมื่อวางสายไปแล้ว หญิงสาวก็หันไปบอกชอริต้าที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้อง GALLEYเดียวกัน ...ทั้งคู่รีบเดินออกมาจากห้องในเวลาต่อมาอย่างรู้หน้าที่




 “เอ่อ... ดิฉันมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งผู้โดยสารทุกท่านให้ทราบว่า... อีกสิบนาที เครื่องบินของเราจะลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติไมอามี่ ฟลอริดานะคะ... เราจะใช้เวลาในการพักเครื่องประมาณสิบห้านาที แล้วถึงจะออกเดินทางต่อยัง ท่าอากาศยานโลแกน บอสตัน ต่อตามปรกติค่ะ..ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.
           

                 
ตอนนี้คุณโรสรอยด์น่าสงสารที่สุดนะคะว่ามั้ย 555+
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-10-2011 22:10:35
เควินร้ายที่สุดในเที่ยวบินนี้  จะบอกว่าไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้ก็ไม่ได้  แย่มาก ๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-10-2011 23:01:42
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ประกาศหา แพทยื บนเครื่อง สิ

medical kit ค้นๆ ดู เพื่อมียา

แอร้ยยยยยยยยยยยยย :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 13-10-2011 23:24:04
เควินเกินไปจริงๆ  ชีวิตคนทั้งคน  เอามาเสีี่ยงได้

อินๆๆๆๆๆ

+1 ให้คนโพสจ้าาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 14-10-2011 11:49:30



   โอว เป็นทริปที่ช่างวุ่นวาย เชือดเฉือนเลือดสาดเกินบรรยาย
   คอมไบเนชันการจับคู่ของ 6 ชีวิตก็มีมากมาน ทำไมถึงช่างจับคู่เหล่าเทวดานางฟ้าได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 25 [13/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 14-10-2011 14:24:46

FLIGHT 26 : เทวดาผู้สิ้นท่า
             



          เครื่องบินโดยสารของสายการบินระดับเวิลด์คลาส DANOSSY AIRLINE ... นับว่าเป็นครั้งแรกที่สายการบินนี้ลงจอดยังท่าอากาศยาน โดยส่งสัญญาณแจ้งลงเครื่องอย่างรวดเร็ว และไม่มีสายการบินไหนกล้าและรับประกันความเสี่ยงได้ว่าจะลงจอดอย่างปลอดภัยมาก่อน..หากแต่สติของกัปตันหนุ่มนั้นยังคงที่ ไม่ช้า...ลำเครื่องบินก็เข้าช่องเทียบท่าอากาศยานได้อย่างปลอดภัย..



          รถเข็นสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินส่งมารอรับผู้ประสบเหตุกลางอากาศอย่างไม่รอช้า ขณะที่บาเรลล์และทิมมี่รวมถึงลูกเรือคนอื่นๆก็แห่ลงมาช่วยกันส่งต่อผู้โดยสารวัยหกสิบอย่างร้อนรน ชอริต้าพล่านอยู่กับการประกาศบอกผู้โดยสารท่านอื่นว่าขอให้อยู่ในความสงบ ขณะที่เทลิซ่าลงมาจากตัวเครื่องตามกลุ่มลูกเรือรายอื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว.. และชอริต้าก็ยังหงุดหงิดที่เทลิซ่าไม่ยอมชวนหล่อนไปด้วย หากก็เพราะต่อมความอยากรู้อยากเห็นของหล่อนมันออกอาการออกมานั่นเอง




คุณนายวินดี้ผู้หมดสติไปแล้วถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลของโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว คุณโรสรอยด์ดึงบาเรลล์ให้ไปกับรถด้วยกัน โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธ ที่เหลือ... ทิมมี่ เทลิซ่า เควิน และลูกเรืออีกสองสามคนที่ติดตามมาด้วยกัน ต่างยืนตะลึงอย่างไม่อาจคาดฝันว่า เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้.. ทิมมี่หันขวับกลับไปมองเควินด้วยสายตาคุกรุ่น จนเควินชะงักกับการเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าด้วยอารมณ์เช่นนี้





 “เควิน! ... นายอยู่ชั้นธุรกิจกับบาเรลล์หรือเปล่า?” เสียงทิมมี่ถามดังลั่น หากเพราะบริเวณลานจอดกว้างตรงนี้ ไม่ไกลจากรันเวย์และเสียงของเครื่องบินดังมากจนแก้วหูแทบแตก



 “..ช..ใช่..” คำตอบเบาๆ โดนสายลมแรงพัดตึงกลบจนหมดสิ้น.. ทิมมี่ดึงชายหนุ่มให้กลับขึ้นไปยังเครื่อง ลมแรงพาให้ทุกชีวิตวิ่งตัวโค้งขึ้นมาที่เครื่องบินอีกครั้ง.. ทั้งหมดตรงไปยังห้องพักของเพอร์เซอร์โรสรอยด์ ... ในขณะที่เควินนั้นสีหน้าเริ่มแย่ลงทุกที



 “...นายบอกฉันมาซิ! มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?! เควิน!” เควินกลืนน้ำลายไม่ลงคอ... ความคิดตื่นกลัวต่อการกระทำของตนเองพาให้ความชั่วชนะความเป็นจริง.. ก่อนที่คำตอบแห่งการหลอกลวงก็เริ่มต้นเป็นประโยคแรกที่ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน



 “..อ...ไอ้บาเรลล์... มัน... มันอารมณ์ไม่ดีกับฉัน.... มันคงจะพาลใส่ผู้โดยสาร...” คนที่ทำหน้าอึ้งมากที่สุด... คือ เทลิซ่า!



 “ม....ไม่จริงอ่ะ... นายพูดแบบนี้แรงไปนะ..”



 “เธอนั่นแหล่ะไม่รู้อะไร! หุบปากไปเถอะน่า!!” เสียงโต้ตอบตะคอกกลับของเควิน พาให้เทลิซ่าและทุกคนชะงักอึ้ง..



 “มันหาเรื่องฉันตลอดเวลา!! มันชอบอยู่แล้วเรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนน่ะ!” ทิมมี่ถอนใจยาว มือขาวลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่คาดคิดกับสิ่งที่เขากำลังได้ยิน..



 “...ต..แต่ว่า... มัน...มันไม่เกินไปเหรอ....ข..เขาจะไม่โง่เกินไปเหรอกับการทำแบบนั้นน่ะ... ม..มันเหมือนการฆ่าตัวตายในหน้าที่เลยนะ...” เทลิซ่ายังค้านเสียงสั่น...



 “หมอนั่นมันมีสมองที่ไหนเล่า!! เธอก็น่าจะรู้ดีนี่!!”



 “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหล่ะย่ะ!! เลิกตะคอกใส่ฉันเสียที!!” บรรยากาศคุกรุ่นมากขึ้นเมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกที.. หนึ่งคนกลัวความผิดกับอีกหนึ่งคนรู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ถึงนาทีหลังจากที่ทุกคนอยู่ในอาการนิ่งเงียบนั้น..กัปตันลูคัสก็วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับโรเจอร์ เอลลี่ และชอริต้า



 “คนเจ็บอาการเป็นไง!? ...ทิมมี่?” กัปตันหนุ่มตรงเข้ามาหาหนุ่มหน้าหยกเป็นคนแรก ทิมมี่หลับตาพลางถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง..พลางผายมือไปทางเควินแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ



 “ถามคนนู้น... ผมไม่ได้อยู่ชั้นธุรกิจ” คำตอบห้วนๆ พาให้กัปตันหนุ่มยืนมองอย่างเสียความรู้สึก แต่เขาก็หันไปทางเควิน และกลบเกลื่อนความเจ็บปวดบนใบหน้าเอาไว้



 “...เป็นยังไง?...เรื่องราวทั้งหมด... บอกฉันหน่อยซิ” กัปตันลูคัสถามเควินที่หน้าแดงก่ำราวกับคนกำลังอยู่ในภาวะเครียดมากๆ... เทลิซ่าหันไปมองชอริต้าในเวลานี้



 “..อ้าว...แล้วใครอยู่กับผู้โดยสารล่ะ?”



 “แป๊บเดียวย่ะ...สรุปว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่!?” ในเวลานี้.. ทุกสายตาจับจ้องมาทางเควิน เป็นตาเดียวกัน.. ในขณะที่ชายหนุ่มผู้ถูกจับจ้องราวกับตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากเอาเสียแล้ว..คลับคล้ายคลับคลากับการถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรไม่รู้.. แต่แน่นอน เหตุการณ์นั้นจะต้องตามมาแน่ๆ.. หากผู้ประสบเหตุ เป็นอะไรไป..ถึงชีวิต!





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




             
กำหนดเวลาการออกเดินทางต่อเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง คือ บอสตัน ... หลังจากเครื่องบินจอดเทียบท่าอากาศยานโลแกนแล้ว เทลิซ่าก็เดินตรงดิ่งมายังจุดนัดพบของท่าอากาศยาน และใช้สิทธิ์พนักงานโทรศัพท์ติดต่อหาเพอร์เซอร์ฟรีที่เคาว์เตอร์





 “ฮัลโหล...คุณโรสรอยด์ เป็นอย่างไรบ้างคะ?”



“...เทลิซ่าเหรอ?...เอ้อ... ตอนนี้ที่นี่เรียบร้อยดีแล้วล่ะ...ไม่ต้องเป็นห่วง... ที่เหลือให้ห่วงก็แต่...” น้ำเสียงอ่อนลงราวกับหล่อนถอนใจ พาให้เทลิซ่าเดาได้ว่า.. คนที่จะน่าเป็นห่วงต่อจากนี้ก็คือ บาเรลล์!



 “...ค..คุณโรสรอยด์คะ... ...เอ่อ ดิฉันขอคุยกับบาเรลล์หน่อยได้มั้ยคะ?”



 “...อืม..... ได้สิ” เพอร์เซอร์สาวส่งโทรศัพท์ให้แก่บาเรลล์ ..ในขณะที่ชายหนุ่มหลุดออกจากสีหน้าของความหดหู่ กลายเป็นสงสัยว่าใครกันที่ต้องการจะคุยกับเขา



 “...ฮัลโหล” น้ำเสียงห้วนและระดับเสียงอ่อนลง ทักต้นสายที่เขายังไม่รู้ว่าใคร



 “เอ่อ... ฉันเองนะ...” ทันทีที่ชายหนุ่มได้ยินเสียงเทลิซ่า... สีหน้าประกายความหวังปรากฏขึ้นมาบนดวงหน้าอย่างชัดเจน



 “...เทลิซ่า...ธ..เธอถึงบอสตันแล้วรึ?”



 “....อืม... เพิ่งจะถึงน่ะ.....คือ.....ฉันมีเรื่องจะถาม................ไม่จริงใช่มั้ย... เรื่องที่นายทำแบบนั้น” คำถามของเทลิซ่า พาให้ปลายสายเงียบไป...ราวกับเขาไม่อยากจะตอบคำถามนี้สักเท่าไหร่



 “.....แล้วเธอ.. คิดว่ายังไงล่ะ....” คำถามที่สวนกลับ พาให้เทลิซ่ายิ้มออกมาบางๆราวกับเธอมีความมั่นใจอะไรบางอย่างมากขึ้นแล้ว กับผู้ชายคนนี้..



 “...อืม....ฉันคิดว่านายคงจะ..........ไม่ทำอย่างนั้น.....อย่างที่เควินพูดแน่.....” ปลายสายรับฟัง..รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ค่อยๆคลี่ออกมาในไม่ช้า หากแต่สีหน้าของเขายังฉายแววหม่นหมองอยู่ในที



“ขอบใจนะ.....”



 “...ม..ไม่เป็นไร... ว่าแต่..... ยังไงก็...เข้มแข็งไว้นะ... ถ้านายไม่ใช่คนผิด...ยังไงนายก็ไม่โดนลงโทษอะไรหรอก.... แล้วฉันจะเอาใจช่วย..” คำพูดของเทลิซ่า ราวกับเหมือนความหวังใหม่ของบาเรลล์ในยามที่เขากำลังรู้สึกผิดต่อตนเองยามนี้



 “...เอาใจของเธอช่วย...เลยเหรอ?..” เทลิซ่าอยากตบปากตัวเอง เมื่อได้ยินคำถามที่เขาใส่ใจทุกๆคำพูดของเธอเมื่อครู่



 “....งั้น...แค่นี้ก่อนนะ... ยังไงก็..ไว้เจอกันแล้วกัน” เทลิซ่าตัดสินใจวางสายลงไปทันที... เธอยิ้มให้กับโทรศัพท์ที่วางนิ่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะครู่ต่อมาเธอก็หันไปขอบคุณพนักงานประจำเคาว์เตอร์ และขอตัวออกไปทันที


           



ทิมมี่เดินเร่งฝีเท้าเข้ามาในโรงแรมโลแกนในเวลาต่อมา แต่ก็กลับเจอคู่กรณีอีกคน อย่างโรเจอร์ ซินแคลร์ ..ที่กำลังยืนพิงตัวอยู่กับเคาว์เตอร์รีเซฟชั่นราวกับกำลังรอใครอยู่อย่างนั้นแหล่ะ และดูเหมือนทิมมี่ก็จะไม่ต้องเดาเลยว่า.. โรเจอร์ กำลังรอใครอยู่




 “...คุณทิมมี่ครับ... คืนนี้....ผมได้พักห้องเดียวกับคุณนะ” คำพูดของโรเจอร์ พาความรู้สึกชะงักกึกตามมาในหัวของทิมมี่
หากแต่หนุ่มหน้าหยกก็ไม่อยากจะหาเรื่องให้เขาหรือตัวเองต้องเดือดร้อนกับการพักผ่อนแค่คืนๆเดียว... ทิมมี่เลยพยักหน้าสั้นๆ แล้วเดินไปกรอกชื่อตัวเองลงแบบฟอร์มอย่างที่เคยทำในทุกๆครั้ง




ใครบางคนเดินแกมวิ่ง พร้อมกระเป๋าสัมภาระสีดำของตัวเองเข้ามายังรีเซฟชั่นแห่งนี้.. ทิมมี่แอบกลิ้งสายตาไปด้านข้าง มองเห็นแวบๆเพียงข้อมือหนากับนาฬิกาโรเลกซ์ฝังเพชรเม็ดเล็กเรือนหรู ทิมมี่รู้ดีว่าคนๆนี้เป็นใคร   จึงไม่จำเป็นต้องเงยหน้าไปสบอารมณ์ในเวลาพักผ่อนเช่นนี้




 “นายเดินหนีฉันอีกแล้วนะ...ทิมมี่” แต่แล้วเสียงของเขาก็เป็นฝ่ายดังขึ้น..ทิมมี่รีบเซ็นชื่อแล้วยื่นให้แก่รีเซฟชั่นนิสท์ พร้อมรับคีย์การ์ดมาในมือ แล้วทำทีจะเดินเลี่ยงออกไป แต่กัปตันหนุ่มกลับคว้าข้อมือของหนุ่มหน้าหยกเอาไว้ได้.. ในขณะที่สายตาของโรเจอร์เอง ก็เหมือนจะขุ่นๆกับการกระทำของกัปตันลูคัส



 “อะไรที่ทำให้นายกับฉันต้องกลับมาอยู่สภาพเดิมอีก!?” น้ำเสียงที่หนักขึ้นพาให้ทิมมี่เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเดิมๆอีกครั้ง กับคนๆนี้



 “...มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว...ผมเกลียดคุณอย่างไร.. มันก็เกลียดอยู่อย่างนั้น..... ไม่เคยเปลี่ยน.....หึ........ คุณเองก็เช่นกัน.......สันดานชั่วขนาดไหน... ทุกวันนี้คุณก็ยังชั่วไม่เคยสร่าง!” คำตอบกลับที่แรงเอาเรื่องพารอยยิ้มของโรเจอร์ให้ผุดออกมาอย่างสะใจ...ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนอึ้งอย่างไม่คาดคิด..



 “.....อะไร...นะ?...” ทิมมี่สะบัดข้อมือของตัวเองจนหลุดออกมา..แล้วหันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมอย่างกัปตันลูคัสในความคิดของเขา



 “...ฝากบอกแฟนของคุณด้วยนะครับคุณลูคัส...ว่าไม่ต้องไปเหยียบบ้านของผมอีก... ถ้าไม่จำเป็น! เพราะผมรู้สึกว่า... ผมจะมองเห็นธาตุแท้ของพวกคุณชัดเจนมากยิ่งขึ้น...ธาตุแท้ของพวกหน้าไม่อาย...”



 “มันจะมากไปแล้วนะทิมมี่!!” กัปตันหนุ่มกระชากข้อมือของทิมมี่ขึ้นมาเขย่าอย่างแรง ทำให้บุคคลที่สามในเหตุการณ์อย่างโรเจอร์ ซินแคลร์ต้องโยนกระเป๋าตัวเอง และพุ่งตรงไปผลักร่างของกัปตันหนุ่มให้ถอยห่างจากทิมมี่ ดรอว์เยอร์!



 “นี่คุณลูคัส!! นี่เป็นเวลาพักผ่อนส่วนตัวนะครับ! กรุณาให้เกียรติคนอื่นบ้าง”



 “นายอย่ามายุ่งเรื่องของฉันให้มากนะคุณซินแคลร์!!”



 “คุณต่างหากที่ชอบยุ่งกับเรื่องของผม!!” น้ำเสียงที่เริ่มตะคอกใส่กันตามอารมณ์โกรธ ที่ดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆทุกทีๆ ... และไม่ช้า..การกระทบกระทั่งก็เกิดขึ้น!




          กัปตันหนุ่มผู้ขาดสติพุ่งหมัดเหล็กไปกระแทกใส่หน้าของโรเจอร์อย่างเต็มแรงก่อให้เกิดดาวพร่างพรายลอยล่องอยู่บนหัวของโรเจอร์... แต่ดูเหมือนผู้ถูกกระทำจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายรุกจู่โจมแต่เพียงฝ่ายเดียว โรเจอร์เขย่าศีรษะตัวเองสองสามครั้ง เมื่อดวงดาวจางหายไปเขาก็ตรงเข้าต่อยคืนอย่างเต็มแรงเช่นกัน... ท่ามกลางสายตาของแขกที่มาพัก และเหล่าพนักงาน ที่ยืนมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ...แต่ไม่ช้า รปภ.และดอร์แมนที่ยืนหล่ออยู่หน้าประตูทางเข้าโรงแรมก็รีบวิ่งตรงเข้ามาแล้วแยกทั้งสองออกจากกันได้ในที่สุด หากแต่คงจะไม่มีใครเร็วไปกว่า ทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่.. เพราะตั้งแต่หมัดแรกที่กัปตันลูคัสเป็นผู้เปิดฉากร้อนระอุใส่โรเจอร์ ซินแคลร์... ทิมมี่ก็ปลีกวิเวกเดินออกมาจากตรงนั้น และขึ้นลิฟต์หนีบรรยากาศแย่ๆมาก่อนแล้ว จนกระทั่งเวลานี้ เขามายืนถอนใจอย่างเอือมระอาภายในห้องพักเป็นที่เรียบร้อย





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          เทลิซ่าเปิดเช็คโรมมิ่งของโทรศัพท์มือถือของตัวเองภายในห้องพักที่เธอได้พักผ่อนร่วมกับชอริต้า สาวงามทรงโตเช่นเคย..ขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนชุดอาบน้ำเพื่อจะเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น




 “ฮัลโหล...ทิมมี่ ว่าไง?”



 “เธอทำอะไรอยู่น่ะ.. ฉันกำลังจะขึ้นไปเลานจ์ดูดาว ไปด้วยกันหรือเปล่า”



 “อืม..คงไม่ดีกว่า.. ยังไม่ได้อาบน้ำเลย...เฮ้อ..นี่ถ้าฉันไม่เสียดายค่าชั่วโมงบินล่ะก็นะ ฉันคงจะเปิดห้องใหม่แน่ๆเลยทิมมี่”



 “ทำไมล่ะ?... เป็นอะไร?”



 “จะอะไรย่ะ... ยัยผู้ร่วมห้องของฉันน่ะสิ... ทำอะไรเละเทะเป็นบ้าเลย”



 “อืม... ฉันเองก็อยากจะเปิดห้องใหม่เหมือนกันแหล่ะ เอาไว้ถ้าฉันเริ่มรู้สึกแย่กับผู้ร่วมห้องมากกว่านี้ แล้วเราค่อยมาหารคนละครึ่งแล้วกัน....เออ สรุปว่าจะไม่ขึ้นมาใช่มั้ย”



 “อืม.. เจอดาวตกแล้วอธิษฐานเผื่อฉันด้วยล่ะ... ขอให้เที่ยวบินขากลับอย่าได้มีใครเป็นอะไรไปอีกเลย”



 “....หึ...โอเค... ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะต้องขอให้ตัวเองก่อนจะดีกว่า... แค่นี้นะ..” ทิมมี่กดวางสายลง...พลางดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วเม้มปากเจ็บใจเป็นไม่ได้ เมื่อข้อความบนหน้าจอแจ้งเตือนเขาว่า..








ลูคัส กาโรล 12 สาย ไม่ได้รับ...







ค่ำคืนแห่งความเจ็บปวดเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น...







          โรเจอร์ ซินแคลร์ ตั้งแต่เขาถูกระงับอารมณ์ที่ห้องพักรปภ.เกือบชั่วโมงพร้อมกับกัปตันหนุ่ม.. หลังจากที่ทั้งคู่แยกย้ายกันขึ้นมาบนห้องของใครของมัน..กัปตันลูคัสเดินเข้าห้องพักของเขา ที่คราวนี้โคจรมาเจอกับนักโทษในคราบหนุ่มบุคลิกอ่อนโยนอย่างเควิน..ขณะที่โรเจอร์เข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วหัวเสีย เมื่อไม่พบทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ผู้ร่วมห้องที่เขาคาดหวังไว้ว่าจะได้รับคำขอโทษดีๆจากเขา..






- ผับเอกซ์ตรีม ชั้น 12 -






          วิสกี้แก้วแล้วแก้วเล่า ถูกเทลงไปในแก้วใบใหญ่.. โดยที่มีกัปตันหนุ่มผู้ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับสิ่งของต้องเมาอย่างนี้ ...
เขากำลังทำความรู้จักกับอาการเมามากขึ้น และสีหน้าเริ่มจะแดงก่ำเต็มที่แล้วในเวลานี้..ความไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น..ถูกน้ำสุราลบล้างความทรงจำขุ่นๆให้พอได้สดชื่นสมองและความรู้สึกแย่ๆต่างๆพอได้บ้าง..ในขณะที่ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ.. ไฟของผับก็เริ่มมืดสลัวลงไปอีก และฝีเท้าของใครบางคน ก็เหยียบย่างใกล้เข้ามายังโต๊ะที่กัปตันหนุ่มนั่งกระดกเหล้าหน้ามึนอยู่ในเวลานี้




 “ขอดื่มด้วยคนได้มั้ยคะ?...กัปตัน” น้ำเสียงของหญิงสาวที่เขาคุ้นหู วิงวอนด้วยเรียวปากบานฉ่ำแดงสด... ออดอ้อนอยู่ใกล้ๆใบหูของสุภาพบุรุษรูปหล่อลูคัส กาโรล..



“...คุณ..เป็น....ใคร?...” น้ำเสียงอ่อนแรงเพราะอาการมึนเมาถามขึ้น สติที่เริ่มเหือดหายไปเพราะน้ำสุรา พาให้เขาลืมสตรีผู้มากมารยาอย่าง  “ชอริต้า” ไปจนได้!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






เทลิซ่าเดินออกมาหาที่โทรศัพท์บังเอิญพบกับเควินที่กำลังจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกผิดปกติต่อกัน..และเควินก็ตัดสินใจเบี่ยงหน้าไปทางอื่น แต่เทลิซ่ายังจับจ้องชายหนุ่มราวกับคิดสงสัยอะไรบางอย่าง



 “ถามอะไรหน่อยสิ.... เควิน”



 “.....ฉันไม่มีอะไรจะตอบ...”



 “.......นายเห็นชอริต้าหรือเปล่า... ยัยนั่นหายไปจากห้อง...” คำถามของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มแอบโล่งใจไปไม่น้อยทีเดียว



 “...อ่อ...คือ... ฉันเห็นหล่อนเดินเข้าลิฟต์ไปก่อนหน้านี้.... ท่าทางจะขึ้นไปข้างบนน่ะ..”



 “......เหรอ...” เทลิซ่ายังไม่วางตาจากเขา




                           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.



จับเอาบาเรลล์ไปถ่วงทะเลดีมั้ยเอ่ย ทำผิดแล้วยังโยนให้คนอื่นอีก แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวเทวดาผู้นี้ก็จะได้รับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ 555+

นายโรเจอร์นี่ก็ติ้อไม่เลิก แล้วมันจะเป็นยังไงต่อน้า
อิอิ

ไว้เฉลยในตอนต่อๆไปก็แล้วก็เนอะ


ใกล้จะจบเต็มทีแล้วววววววว

บ๊าย บายค่า!!!
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-10-2011 15:14:46
 :m16: :m16: :m16:


กัปตัน นิสัยไม่ดี สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-10-2011 17:37:55
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-10-2011 18:03:25
เควินเลวมั่กๆๆ

กัปตันอย่าไปกับยัยนั่นน้าาาา


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-10-2011 21:38:18
เรื่องนี้พระเอกคือบาเรลล์
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 15-10-2011 07:26:55



   โฮะๆๆ กำลังมันเลย คดีใหญ่ยังไม่ทันจบ ก็มี After shock ข้ามคืนให้ตามลุ้นอีกหลายระลอกเหรอเนี่ย
   แต่ท่านกัปตันเล่นซัดของมึนเมาเข้าไปขนาดนั้น วันรุ่งขึ้นจะขับเครื่องบินกลับไหวไหม
   เครื่องบินนะม่ายใช้รถยนต์จะได้ขับแทนกันได้ง่ายๆ
   สงสัยต้องให้ผู้ช่วยนักบินออกโรงแสดงฝีมือเป็นครั้งแรกแล้วสิเนี่ย
   หรือว่าไปต้องขับเลยกลับเพราะติดคดีใหม่กับสาวเจ้าเล่ห์ไปซะก่อน
   งี้ต้องตามลุ้นต่อไป โฮะๆๆๆ



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 15-10-2011 09:15:21
ถ้าลูคัสจะไปกับยัยชอริต้าล่ะก็
อย่าเป็นพระเอกต่อไปเลยค่ะ
เควินเอาชีวิตคนมาล้อเล่นได้ไง
ยัยวีว่าก็ทำตัวเป็นเทวีเฮรา น่ารำคาญที่สุด
โรเจอร์ก็อีกคน แค่เห็นชื่อก็เอือมแล้ว
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 15-10-2011 11:24:30
แต่ละคน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 15-10-2011 14:49:28
ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย><!!!!!
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 16-10-2011 17:08:02
ง่ะเป็นเที่ยวบินที่วุ่นวายมาก!!!
เควินทำตัวน่าตบที่สุด :m31:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 26 [14/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 17-10-2011 17:19:52


FLIGHT 27 : ล้มเหลวรอบที่ 2
             
                       




          ทิมมี่เดินมายืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่นานหลังจากที่เขาได้วางสายกับน้องสาวไป..ขณะที่ลิฟต์จากชั้นล่างกำลังจะขึ้นมารับเขาไปยังชั้นบน.. เสียงฝีเท้าของหญิงสาวบางคนดังใกล้เข้ามาที่ชายหนุ่มทางด้านหลัง ทิมมี่หันไปมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หากแต่เหลือกตาโพลงขึ้นกว่าเดิมทันทีเมื่อเห็นบุคคลที่เดินมาทางเขา คือ เอลลี่ แซน ดอริช ..คู่กรณีเก่าของเขานั่นเอง


 “ไงทิมมี่..สบายดีเหรอ..” น้ำเสียงเยือกเย็นถามเขา ไม่รู้ว่าจะถามเพื่ออะไร ทั้งๆที่ก่อนนี้หล่อนก็ถามเขาไปแล้ว หากแต่หญิงสาวมีจุดประสงค์ที่จะเข้ามาสนทนาด้วยเพราะมีนัยน์อื่นต่างหาก



 “...ส..สบายดี...”         

                   

“หึ... ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลยนะ... ครั้งแรกที่ฉันมาบอสตันกับนายคราวก่อนนั้น... และนั่นก็คงจะเป็นครั้งแรกของนายเหมือนกัน...จำได้หรือเปล่า?” หญิงสาวถามพลางเลิกคิ้วและยิ้มอย่างริษยา
                 

         
“..อ...อืม...จำได้” ทิมมี่ตอบอย่างกระอักกระอ่วนใจ พลางมองไปที่แผงไฟมองตัวเลขว่าเมื่อไหร่ลิฟต์เจ้ากรรมจะขึ้นมารับเขาเสียที
           

               
“ท่าทางว่าจะขึ้นไปล็อบบี้ชั้นดาดฟ้าล่ะสิ...” ทิมมี่ได้ยินคำถาม นึกภาวนาขออย่าให้หล่อนคิดที่จะไปที่นั่นเหมือนกัน..
เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาคงไม่มีสถานที่ไหนอีกแล้วที่จะได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างที่ต้องการ
         

                   
“ประมาณนั้นแหล่ะ...”
                           


“ว้า...แย่จัง... ฉันกะจะลงไปผับข้างล่าง.. สงสัยว่าจะต้องลงลิฟต์คนละตัวกับนายแล้วล่ะ” ทิมมี่ยังวางท่าเฉย หญิงสาวเดินถัดไปที่ลิฟต์อีกตัวหนึ่ง แต่สายตาขุ่นเคืองยังจับจ้องหนุ่มหน้าหยกไม่ยอมวางตา ... ทิมมี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากนัก จนกระทั่งสวรรค์โปรดให้เสียง “กิ๊ง” ดังขึ้น ..นั่นก็หมายถึงว่า ลิฟต์ของเขานั้นมาช่วยพาเขาออกจากบรรยากาศ ณ ตรงนี้ในไม่ช้าแล้ว...หากแต่ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด... ความปวดหัวที่ยังไม่สิ้นสุด กลับทวีปัญหาที่มีอยู่มากขึ้นไปอีก! เมื่อหนุ่มหน้าหยก มองเห็นคนในลิฟต์... และสภาพของคนด้านในที่ทำให้ทิมมี่ต้องยืนตาค้าง..หากแต่คนในลิฟต์เอง.. ก็ดูจะชะงักตกใจไปเช่นกัน!
                   

       

          ชอริต้า แซดเลอร์ กำลังพยุงร่างไร้สติของกัปตันหนุ่มอย่างลำบากลำบน แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับผู้ร่วมงานอย่างทิมมี่ ดรอว์เยอร์ เสียอีก!... และไม่เพียงแค่นั้น... เอลลี่ แซนดอริชที่ยืนสงสัยว่าทำไมทิมมี่ไม่ยอมเดินเข้าไป หล่อนจึงเดินตามมาดูอีกคนจนในที่สุด...เรื่องอลหม่านก็เกิดขึ้นจนได้!
                       



“น...นี่หล่อนทำอะไรน่ะ!!” เอลลี่เปิดศึกนางพญา หล่อนไม่ใช่นางฟ้าอย่างที่ใครเข้าใจจริงๆ
                         

   
“....ช..ชอริต้า!?” ทิมมี่อุทานอย่างไม่คาดคิด แต่ความนิ่งขรึมตามบุคลิกของเขาทำให้ไม่ทันเอลลี่ที่บุกเข้าไปกดปุ่มหยุดลิฟต์ค้างเอาไว้ แล้วต่อไปที่ร่างของชอริต้า



“ปล่อยกัปตันนะ!”
                           


“เอ๊ะ! นี่เธอเป็นใคร!” ชอริต้าดื้อดึง ในเวลานี้กัปตันลูคัสไม่ได้แตกต่างอะไรกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กำลังถูกเด็กๆยื้อแย้งกันไปมา ในสายตาของทิมมี่..
                           


 “ฉันกับกัปตัน! เป็นอะไรกว่าที่เธอคิดเยอะ.. ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
                           


“อ้อ... ฉันรู้แล้วล่ะ คนที่ร่านจนโดนพักงาน..ก็คือหล่อนนั่นเอง!” ชอริต้ากระแทกคำพูดใส่รุ่นพี่อย่างไม่คิดถึงชะตากรรม
                           


“นี่... นี่เธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ!”


                           
“หน้าเธอเหมือนแม่ฉันหรือไง ทำไมต้องกลัวด้วย! ปล่อยกัปตันนะ!!”


                           
“หล่อนนั่นแหล่ะปล่อย! นังหน้าไม่อาย!!”


                           
“เฮอะ!! ถ้าหล่อนเป็นพวกขี้อาย หล่อนก็คงจะไม่หน้าด้านกลับเข้ามาทำงานเหมือนเดิมหรอก! ฮึ!”
                           


“นังชอริต้า!!”


                           
“อะไร!!”


                           
 “หยุด!!” ในที่สุด หนุ่มหน้าหยกก็หลุดออกจากสมองที่สั่งให้อดทน..ร่างชายหนุ่มที่กำลังย่อมเหนือกว่า พุ่งตรงเข้ามาคว้าร่างของกัปตันลูคัสออกมาจากนางฟ้าหน้าไม่อายสองชีวิตตรงหน้าได้


                       
 “ฉันจะเป็นคนพากัปตันไปที่ห้องเอง!! แล้วถ้าหากพวกเธอไม่อยากมีเรื่องกับคุณโรสรอยด์ล่ะก็! อย่าได้พยายามทำเรื่องวุ่นวายให้มันเกิดขึ้นอีก!” เอลลี่หัวเราะหึออกมาอย่างเจ็บใจ


                           
“เฮอะ! ไอ้เรื่องวุ่นๆทั้งหมดน่ะ มันเริ่มต้นมาจากนายนั่นแหล่ะทิมมี่!! นายคนเดียว!” คำพูดของเอลลี่ พาให้ชอริต้าแอบสงสัย
เพราะหล่อนไม่รู้ว่า..คนที่ทำให้เอลลี่ต้องถูกพักงานไปนอนอืดอยู่ที่บ้านค่อนเดือนนั้น คือทิมมี่ ดรอว์เยอร์คนนี้นี่แหล่ะ!





ทิมมี่อดใจไม่ตอบโต้หญิงสาวเขาพาร่างของกัปตันหนุ่มเดินออกมา แต่ฝ่ามือของเขาที่ว่องไวข้างหนึ่ง ก็กดปุ่มปลดค้างลิฟต์ แล้วกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว! ในขณะที่ประตูปิดลงทันทีที่เขาเดินจากไป และทิ้งให้สองนางฟ้าซัดกันอยู่ในลิฟต์จนถึงชั้นเลานจ์โดยไม่ลืมหูลืมตา...





          หนุ่มหน้าหยกสอดมือเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงของกัปตันหนุ่มทั้งสองข้าง กว่าจะเจอคีย์การ์ดก็แทบแย่เลยทีเดียว.. ร่างแกร่งถูกร่างบางลากเข้าไปในห้องอย่างลำบากลำบน ที่ต้องใช้คำว่า  “ลาก” ก็เพราะว่าเรี่ยวแรงของทิมมี่ตอนนี้ มันร่อยหรอลงไปทุกทีนับจากที่พยุงกัปตันหนุ่มออกมาจากหน้าลิฟต์ แล้วพาเดินอ้อมทวีปมาอีกฟากของตึก ซึ่งโรงแรมนี้เขาแปลนแบบไว้ไม่ต่างจากเขาวงกตเลยสักนิด..ทิมมี่ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าที่นี่อาจจะเคยถูกก่อการร้ายมาแล้วก็ได้...เพราะทำทางได้น่าหลงเสียเหลือเกิน ร่างแกร่งถูกเหวี่ยงลงบนเตียงหนานุ่ม...หากแต่หนุ่มหน้าหยกจะปลีกตัวออกมาเลยก็ทำได้ แต่ความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาต้องลงมานั่งข้างๆร่างสูงกำยำที่ไร้สภาพของความเป็นบุรุษบุคลิกดีอย่างที่เคยเป็น.. หากแต่ดวงหน้าของกัปตันหนุ่ม ก็ยังไม่สร่างจากความหล่อเหลาและความงดงาม แม้จะอยู่ในสภาพเมาแอ๋อย่างที่น้อยคนจะเคยเห็นมาก่อนอย่างที่เขาเป็นอยู่นี้..
                           




“...ผมเกลียดคุณมาก...คุณรู้หรือเปล่า...” ทิมมี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเริ่มแดงและน้ำใสใสเริ่มเอ่อท่วมเบ้าแล้วในเวลานี้
                           


“...ผมพยายามจะลืมแล้ว... ผมพยายามจะลืม...สิ่งที่คุณทำกับน้องสาวของผม....... ผมพยายามคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นเพราะคุณ... หากแต่มันคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น..... แต่ทำไม.... คุณถึงต้องกลับไปหาเธออีกด้วย!” เวลานี้ หนุ่มหน้าขาวได้หลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้งหนึ่ง... มือสองข้างขยำเสื้อของชายหนุ่มบริเวณอกแข็งพลางก้มหน้าร้องไห้..น้ำตาร่วงหยดลงร่างกายของผู้ที่ไร้สติ ราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดนี้ให้แก่ชายหนุ่มได้รับรู้




          ทันใดนั้น...ฝ่ามืออุ่นของกัปตันหนุ่มก็ยกขึ้นพลางเอื้อมมากุมไว้ตรงฝ่ามือเรียวบางของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ แม้สมองจะไร้สติ... แต่สัญชาตญาณที่ราวกับเขารู้สึกได้ดีว่า ในตอนนี้...เขาได้มีคนรักกำลังนั่งร้องไห้อยู่ใกล้ๆเขา... เสียงร้องไห้ของคนรัก พาให้เขาต้องสัมผัสได้ถึงบรรยากาศโดยรอบแม้ดวงตาจะไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้น... แต่ทว่าริมฝีปากของเขา กลับขยับพร้อมกับเปล่งเสียงอันสั่นเครือและแทบฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาจากปากของเขาในไม่ช้า
                       



“....ฉัน.... ขอ...โทษ....นะ...” ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ อึ้งไปในทันที..คำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนที่ไร้สติ หากแต่มันก็คือความจริงที่เขาสามารถรู้สึกดีๆเช่นนี้ต่อหนุ่มหน้าหยกได้แม้ในเวลาที่เขาไม่รู้สึกตัว
                           


“....คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก... เพราะผม...ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่เลย...” การกระทำขัดกับคำพูด น้ำตาที่ไหลพรูออกมามากขึ้น หากใครได้ฟังและได้เห็นก็คงคิดว่าเขาปากไม่ตรงกับความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจน หนุ่มหน้าขาวดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง แต่กลับถูกท่อนแขนของชายหนุ่มคว้าข้อมือนั้นกลับมาได้... แม้ดวงตาจะยังปิดสนิท แต่หากจะมีใครสังเกตดีๆ..
มีความชื้นแฉะไหลซึมออกมาจากดวงตาคมกริบคู่นั้น
                       


   
“...ฉันรักนาย... ฉันรักนาย...” คำพูดพึมพำออกมาหลายต่อหลาย สะกดให้ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ นั่งนิ่งราวกับถูกสาป.. ร่างกายมิอาจขยับหนีให้ไกลจากเสียงเข้มของกัปตันลูคัสไปที่ไหนได้เลย ไม่นานเท่าไหร่นัก ความอ่อนแอผลักศีรษะหนุ่มหน้าหยกให้ค่อยๆวางลงบนหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า.. ความเคียดแค้นและความเจ็บปวดที่ยังคงมี ถูกอารมณ์ปรารถนาต่อสิ่งต้องห้ามให้กระทำในสิ่งที่ตนเองพยายามดื้อดึงเอาไว้ตลอดมา แต่ผลสุดท้ายแล้ว... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... ก็พ่ายแพ้ความจริง..
                       





ความจริงที่ว่า....
                       







เขา... “รัก” ผู้ชายคนนี้... เสียแล้วนั่นเอง








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++








          ชั่วข้ามคืนเดียว..วันใหม่ที่อะไรต่างๆยังคงค้างคาอย่างไม่มีวี่แววว่าจะสะสางได้.. มันก็มาถึงพร้อมกับหลายความรู้สึก..จากหลายๆชีวิตในดานอสซี่ แอร์ไลน์ กัปตันหนุ่มตื่นขึ้นมาแล้วปวดศีรษะเป็นอย่างมาก ยาแก้ปวดราคาแพงที่มีฤทธิ์ระงับประสาทอาจช่วยได้จริง แต่ทว่าเขาก็ต้องรายงานคุณโรสรอยด์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า เขาคงจะต้องทำหน้าที่โคไพลอตแทนเสียแล้ว เนื่องจากยาแก้ปวดหัวยิ่งมันมีสรรพคุณดิบดีมากมายเพียงไร..มันก็เท่ากับความง่วงเข้ามาสมทบมากมายเท่านั้น.. งานนี้ไม่รู้ว่าจะเรียก “บุญ” หรือ “กรรม” หล่นทับคุณอีธานเข้าเต็มๆ เพราะเขาต้องทำหน้าเป็นกัปตันแทนในไฟลท์เที่ยวกลับนี้
                           


ส่วนทิมมี่ที่กลับมาเปิดห้องเป็นของตัวเองกลางดึกร่วมกับน้องสาว...เขากับเทลิซ่าเดินลากกระเป๋าออกมาจากโรงแรม
ข้ามสะพานเชื่อมต่อกับตัวอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สีหน้าของคนทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างจากกันเสียเท่าไหร่... มันคือสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่า คนทั้งคู่กำลังตกอยู่ในความสับสนและคิดอะไรไม่ออก จนอยู่ในภาวะ “ซึมเศร้า” ไปตามๆกัน
                     



     
“ฉันอยากจะบอกนายว่า... หากจบเที่ยวบินนี้... ฉันจะลาพักล่ะ” เทลิซ่าเปรยเสียงคลุมเครือ
                           


“บ้าน่ะ... เธอลาอีกครั้งคราวนี้...เธอได้ลาตลอดชาติแน่เทลิซ่า... เราสองคนลากันมากี่ครั้งแล้วเนี่ย” ทิมมี่เปรยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกัน แม้เสียงประชาสัมพันธ์จะเรียกลูกเรือของดานอสซี่ทั้งหมดไปรวมตัวบรีฟงานที่ห้องทำงานชั่วคราวของท่าอากาศยานโลแกนแล้ว.. แต่คนทั้งคู่ก็ยังเดินเอื่อยแบบไม่มีความสะทกสะท้านหรือกระปรี้กระเปร่าต่อคำสั่งใดใด


                           
“ลาออกแบบไม่ถูกเสียค่าปรับก็ดีสิ ฉันจะออกจริงๆนะเนี่ย... ฉันก็ดันไปเซ็นสัญญาระหว่างปีต่อปีเอาไว้ นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยมั้ง... ฉันควรจะทำอย่างไรดีนะให้คุณซินดี้ไล่ฉันออกเนี่ย” เทลิซ่าถามหน้าเหม่อลอย
                           


“หากเธอโดนไล่ออก... เธอก็หมดสิทธิ์จะไปสมัครงานที่สายการบินอื่นเหมือนกันแหล่ะ...ประวัติเธอคงงามแน่นอน” ทิมมี่ตอบด้วยน้ำเสียงเดิม แต่ทว่า..อยู่ๆเทลิซ่าก็หยุดฝีเท้าไปชั่วขณะพาให้ผู้เป็นพี่ชายหลุดออกจากภวังค์เหม่อลอยนั้น พลางหันมามองน้องสาวอย่างต้องการความหมาย..กับการกระทำของเธอ


                           
 “ทิมมี่! .... นายคิดว่า.... บาเรลล์ จะกล้าทำอะไรชั่วๆแบบนั้น...หรือเปล่า” ทิมมี่ได้ยินคำถาม ..ความคิดสงสัยแรกคือ น้องสาวของเขาจะถามถึงบาเรลล์ทำไม แต่ความคิดสงสัยที่สองก็คือ...แล้วการแสดงความเห็นของเขาหากมันจะถูกเอ่ยออกไป มันจะมีผลอะไรตามมาแก่เขาและเทลิซ่าหรือเปล่า?


                           
“...เฮ่อ... อย่าให้ฉันพูดเลย.... ไม่มีใครรู้ว่าใครทำทั้งนั้นแหล่ะ...นอกจากตัวคนทำ..หรือไม่ก็ตำรวจ”
                           


 “เรื่องนี้ต้องถึงตำรวจเลยเหรอ!?” เทลิซ่าทำตาโตเมื่อได้ยินทิมมี่กล่าวถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์


                           
 “อย่างน้อยๆ...ตำรวจท่องเที่ยวในท่าอากาศยานก็รู้แล้วแหล่ะ... แต่เรื่องจะแจ้งเข้าสู่ภาคพื้นดินหรือเปล่า ...อันนั้นก็ต้องดูผลที่สืบเนื่องจากอาการผู้ประสบเหตุก่อน... เฮ่อ.. ขอให้ทุกอย่างมันเกิดจากความผิดพลาดในหน้าที่ก็แล้วกัน”


                           
“จะไปผิดพลาดได้ไง!? คุณวินดี้เธอมีประวัติโจ่งแจ้งชัดเจนอยู่แล้ว ว่าแกแพ้มันกุ้ง! แล้วคนที่ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารตอนนั้น ก็จะมีสักกี่คน... สถานการณ์บอกอยู่แล้วว่าหมอนั่นเป็นคนเสิร์ฟ...อีกอย่างนะ! ไม่มีวันที่ใครจะทำพลาดหรอก เพราะตอนนั้น คุณวินดี้สั่งอาหารนอกเวลา เพราะฉะนั้นก็ต้องมีแกคนเดียวเท่านั้นที่ทานอาหาร! ไม่มีวันที่จะผิดพลาดกับจานคนอื่นได้แน่ๆ”


                           
“แล้วสรุปที่เธอต้องการความเห็นฉันเนี่ย มันคืออะไรเล่า!!” ทิมมี่ตะคอกถามกลับ ด้วยความรู้สึกกรุ่นๆ ซึ่งตัวเองมีมากพออยู่แล้ว และบวกกับความรู้สึกใหม่นี้เข้าไปอีก...
                           


“ทิมมี่!” เสียงของใครบางคนที่มาพร้อมกับร่างสูงที่กำลังวิ่งตามหลังมา ทิมมี่แอบทำตาเหลือกอย่างรู้สึกแย่มากขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเขาได้ยินเสียงโรเจอร์ ซินแคลร์ มาปรากฏอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ ในขณะที่เทลิซ่าเองรับรู้ถึงความวุ่นวายที่จะตามมา ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอที่เธอจะนำมาใส่หัวอีก..เธอจึงตัดสินใจรีบเดินห่างออกไป


                           
“...มีอะไรเหรอ...ผมนึกว่าคุณจะเข้าบรีฟไปก่อนแล้วเสียอีก?” ทิมมี่ถามโดยที่เท้ายังก้าวเดินต่อ และไม่แม้แต่จะมองหน้าโรเจอร์ที่เดินฉับๆตามหลังมาติดๆ


                           
“ผมรอคุณนะทิมมี่! เมื่อคืนนี้คุณหายไปไหนมาทั้งคืน!”


                           
“เรื่องบางเรื่องคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก!” ทิมมี่ตัดบทด้วยความรู้สึกรำคาญ หากแต่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรุกหนักด้วยอารมณ์มากยิ่งขึ้น
                           


“ต้องรู้สิ! หวังว่าคุณคงจะไม่ได้ไปทำอะไรกับไอ้กัปตันคนนั้นอีกนะ!” สิ้นสุดคำพูดหยาบคายนั้น ฝีเท้าของทิมมี่สะดุดหยุดกึก! ความรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มันทำให้เขารู้สึกมองเห็นโรเจอร์ในอีกมุมได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก


                           
“..ประทานโทษนะคุณซินแคลร์... แต่หากคุณไม่มีจรรยาบรรณที่จะรู้จักเคารพตำแหน่งของคนอื่น.. คุณก็ควรจะมีมารยาทในการใช้คำพูดบ้าง... คุณไม่ยกให้เขาเป็นกัปตันที่ดี แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกหน้าชื่อของเขาว่าไอ้! ผมรู้สึกแย่ที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของคุณ” โรเจอร์อึ้ง.. มองทิมมี่ที่พยายามจะเดินเลี่ยงออกห่าง แต่เขาก็ยังไม่วายตามหนุ่มหน้าหยกมาเรื่อยๆ


                           
“คุณรักไอ้กัปตันเจ้าเล่ห์คนนั้นใช่หรือเปล่า!!” อีกหนึ่งคำถาม ที่ทำให้ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... ชะงักฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง... ไม่ช้า ดวงหน้าหม่นก็หันกลับมามองชายหนุ่มผู้มีอารมณ์เหนือสติจนทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในเวลานี้ ช่างแตกต่างจากวันแรกที่ทิมมี่ ได้รู้สึกและสัมผัสมากมายเหลือเกิน.. และทิมมี่ ก็ค่อยๆเอ่ยปากตอบ... และคำตอบ.. มันก็มีอยู่ว่า..








                           

 “ผมไม่ได้รักไอ้กัปตันเจ้าเล่ห์ที่ไหน!!.......แต่ผม.... รักกัปตัน..ลูคัส!”








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

TBC.





ที่ไม่มาต่อหลายวันนั่นเพราะอยากจะยืดโค้งสุดท้ายและท้ายที่สุดของเรื่องออกไป (เข้าใจหาข้ออ้างเนอะ 55+)
ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเร็ว เนอะๆๆ


เหลืออีกไม่กี่ตอนเท่านั้นนะคะ ผ่านตอนหน้าไปก็จะเป็นตอนที่บีบหัวใจทุกคนมากๆเลยล่ะค่ะ

ไหนๆก็ใกล้ฝั่งแล้ว

หากไอ้คนโพสต์ผู้นี้จะขอกำลังใจจากนักอ่านทุกๆท่านแทนพี่โจ้ผู้เขียนเองคงจะไม่ว่ากันนะคะ

เมตตาข้าเถิด อ่านแล้วคอมเม้นท์คนละหนึ่งความเห็นก็เพียงพอ อิอิ

แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 28 นะคะ^^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 17-10-2011 20:00:51
อยากให้ลูคัสมาได้ยินประโยคนั้นจัง
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-10-2011 20:37:05
โอยยยย  นี่ยังไม่แย่ที่สุดอีกเหรอ  แค่นี้ก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 17-10-2011 21:46:11
ว้าววววว  เยี่ยมไปเลยทิมมี่

สุดยอดดดด

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 17-10-2011 21:58:06
ถึงจะอยากให้ลูคัสได้ยิน
แต่พูดให้โรเจอร์ฟังสะใจกว่าเยอะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-10-2011 22:09:24
สู้ๆๆๆๆๆๆๆ ต่อไป
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 17-10-2011 22:15:35
เงอะ..ยังมีบีบกว่านี้อีกหรอเนี่ย o22
กัปตันไปไหนเนี่ยมีคนบอกรักอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-10-2011 23:41:46
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-10-2011 03:00:11



   โหววว แรง
   ถ้ากัปตันมาได้ยินคงดีใจน้ำตาไหลพรากกกกก
   แต่ดูจากสภาพสองพี่น้องแล้ว เหมือนจะอยากออกจากสายการบินนี้ทั้งคู่
   สายการบินนี้มันต้องสาปสำหรับตระกูลดรอว์เยอร์แล้วหรือไร



หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 27 [17/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 20-10-2011 17:43:15


FLIGHT 28 : ความทรงจำ..กับวันเวลาที่เคย “ดี”





          ชั่วโมงบินถูกปรับอัตราให้สูงกว่าอัตราเดิมเกือบเท่าตัว เมื่อภาระหน้าที่ต่างๆของลูกเรือราวกับจะมีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวตามไปด้วย ..โรเจอร์อยู่ในภาวะของคนตึงเครียดตั้งแต่เริ่มบิน เขาเลยถูกคุณโรสรอยด์ที่โทรศัพท์สั่งการมาจากฝรั่งเศสซึ่งเธอกับบาเรลล์ได้เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว.. เธอสั่งให้โรเจอร์ร่วมคาบินกับชอริต้า ..ส่วนทิมมี่ขอหน้าที่ให้ทำร่วมกับน้องสาวตัวเอง.. หากแต่บรรยากาศในแต่ละคาบิน ก็ไม่ได้ดีขึ้นจากเดิมสักเท่าไหร่เลย




เทลิซ่า เดินเข้ามาในห้อง GALLEY สายตาคอยสอดส่องมองหาอะไรบางอย่าง ในขณะที่ทิมมี่กำลังนั่งหมดสภาพทางอารมณ์อยู่หน้าโต๊ะเตรียมอาหาร แต่ก็สังเกตเห็นพฤติกรรมของน้องสาวในเวลานี้ เขาจึงถาม



 “เธอหาอะไรน่ะ?” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงอึมครึม


 “...ชิ.... นี่... เที่ยวบินนี้มีคนแพ้กุ้งหรือเปล่า?” เธอถามแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดหาสิ่งๆนั้นที่ทิมมี่ไม่รู้ว่าอะไร


 “ไม่มีหรอก....ทำไมล่ะ...กลัวพลาดรึไง”


 “บ้าน่ะ... แต่มันแปลกน่ะสิ...”


 “แปลก?... อะไรแปลก?”


 “ก็ไอ้เที่ยวบินเมื่อวานนี้...ห้องๆนี้เป็นห้องที่บาเรลล์กับเควินทำอยู่... แต่แปลกนะ รายการอาหาร เช็คจากเมนูออเดอร์ลิสต์ดู
ทุกคนก็ทานอาหารครบทุกคน... และมีระบุชัดเจนว่ามีคนแพ้กุ้งสองคน... และซึ่งมันกุ้งที่เรามีอยู่ในบอกซ์ มันควรจะมีเหลือสองขวดไม่ใช่หรือ...แต่นี่...เหลือแค่ขวดเดียว?”


 “ก็น่ะ...ที่นายบาเรลล์ทะลึ่งใส่ลงไปในจานคุณนายวินดี้นั่นก็ขวดนึงแล้วไม่ใช่หรอไง”


 “ตลกน่ะทิมมี่... เขาใส่มันกุ้งเพื่อให้มีกลิ่นหอมกับความมันนิดหน่อยเท่านั้นแหล่ะ..แต่นี่มันหายไปทั้งขวดเลยนะ! ถ้าใส่หมดอย่างนั้นนี่.... คนแพ้ถึงตายเลยนะจะบอกให้ อีกอย่าง..มันก็เป็นการจงใจกลั่นแกล้งผู้โดยสารแล้วล่ะ...เราๆก็รู้อยู่ เขาใส่มันกุ้งแค่เอากลิ่นเท่านั้นเอง” ทิมมี่ฟังคำตอบโต้ของน้องสาว พลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเองทั้งสองข้างราวกับไม่อยากจะรับรู้เรื่องนี้เข้ามาสมทบกับเรื่องเก่าๆที่คาราคาซังเข้าไปอีก..


 “พอเถอะ..เรื่องบาเรลล์เราอย่าเอามาใส่หัวเลยนะ”


 “ไม่ใส่หัวได้ยังไงล่ะ!! ก็!....” เทลิซ่าชะงัก... ทิมมี่เองก็สะดุดในคำพูดของเทลิซ่าเช่นกัน


 “....ก็อะไร.....?” เทลิซ่าทำหน้าอึดอัด เดินกระแทกเท้าพลางดึงรถเข็นหนังสือออกไปข้างนอกอย่างหงุดหงิด หากแต่เธอไม่ได้หงุดหงิดพี่ชายหรอก แต่สิ่งที่ทำให้เธออารมณ์ร้อนก็คือ ป่านนี้... บาเรลล์จะถูกโทษทัณฑ์อะไรบ้าง..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          เมื่อเครื่องบินจอดเทียบท่าอากาศยานในบ้านเกิดแล้ว..ทิมมี่ก็รีบสวมเท้าสุนัขเช่นเคย วิ่งเผ่นสองบุรุษที่ต่างฝ่ายต่างเร่งรีบต่อสิ่งที่ต้องการจะกระทำเช่นกัน เทลิซ่าสงสัยพี่ชายจึงอาสาลากกระเป๋าเข้าศูนย์ฯลูกเรือให้ ทิมมี่เลยได้ที วิ่งอ้อมตึกเพื่อถ่วงเวลาให้กัปตันลูคัสและโรเจอร์ไปถึงศูนย์ฯก่อน และเขาจะได้รอให้สองหนุ่มกลับออกมา แล้วค่อยพาตัวเองเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นเคย…





          ในที่สุดวันเวลาของการเปลี่ยนสีบนผืนดินก็มาถึง...หิมะแรกเริ่มปรากฏลอยล่องลงมาให้ทุกคนเห็น.. ทิมมี่ที่กำลังถ่วงเวลาตัวเอง พลันหันไปมองเห็นหิมะขาวราวกับปุยนุ่น ค่อยๆลอยลงมาปะทะกับไอแดดบางเบาของยามเย็น...รอยยิ้มบางๆเกิดขึ้นบนใบหน้า อาจเป็นเพราะหนุ่มหน้าขาวชื่นชอบฤดูหนาวมากกว่าฤดูไหนๆ... อีกทั้ง มันยังเป็นสัญญาณบอกถึงปีใหม่ที่กำลังใกล้จะเข้ามาในอีกไม่นานนี้อีกด้วย เทลิซ่าฝากกระเป๋าทิมมี่ไว้รวมกับตัวเองที่เคาว์เตอร์ ก่อนที่จะแอบย่องตรงไปที่ห้องคุณซินดี้ เธอรู้สึกแย่กับบรรยากาศที่เงียบเกินไป..ในขณะที่หล่อนกำลังด้อมๆมองๆผ่านกระจกเล็กที่ประตูห้องคุณซินดี้นั้น... ใครบางคนก็เดินเข้ามาข้างหลัง และสะกิดหญิงสาวด้วยนิ้วชี้เบาๆ แต่ทำให้หล่อนสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อทันทีที่เทลิซ่าหันไปมองบุคคลที่เข้ามาหาเธอ.. รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏให้กับชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนหน้าเศร้าทางด้านหลังทันที..



 “เฮ่! ว..ว่าไง! เป็นไงบ้าง... พวกเขารู้ใช่มั้ยว่านายไม่ได้ทำน่ะ?” เทลิซ่าแสร้งยิ้ม หากแต่ลึกๆแล้วเธอมีความรู้สึกกลัวในคำตอบที่ชายหนุ่มจะตอบเธอในไม่ช้าอยู่เหมือนกัน


 “...อืม.... เขา.... คิดว่าฉันทำ...” น้ำเสียงเรียบเย็นตอบ ขัดกับสีหน้าที่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน บาเรลล์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วถอนออกมาอย่างแรง สายตากวาดมองไปรอบๆบริเวณอย่างไร้ความหมาย


 “...ต..แต่ฉันเชื่อนะ... ว่านายไม่ได้ทำ...” เทลิซ่าตอบน้ำเสียงสั่น สีหน้ายังอึ้งอยู่ไม่สร่าง พาให้ชายหนุ่มตรงหน้าเหลือบสายตามองมาทางเธอด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ทว่า..มันก็ทำให้เขายิ้มออกมาได้แม้เพียงเบาบางและหากใครไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็น...


 “ไปดูหิมะกันมั้ย?...” น้ำเสียงสุขุมของชายหนุ่ม พาให้สีหน้าของเทลิซ่าแสดงอาการสงสัย


 “...หิ....หิมะ?.... หิมะที่ไหน?...”


 “ประสาทรึเปล่า... เมื่อกี้ลงเครื่องกัปตันไม่ได้รายงานรึ?.. ว่าหิมะกำลังจะลงน่ะ ตอนนี้..ข้างนอกเริ่มร่วงลงมาให้เห็นบ้างแล้ว...”


 “....หร...เหรอ... ท..ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินกัปตันว่าเลยนะ...” หากเพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องของเขาอยู่น่ะสิ
                           


             
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          โรเจอร์ฉุนที่กลับมาที่ล็อกเกอร์และไม่เจอทิมมี่ แต่กลับได้ปะทะความร้อนทางสายตาเล็กน้อยกับกัปตันลูคัส ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในล็อกเกอร์เช่นกัน... กัปตันหนุ่มหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จสรรพก็พาร่างแกร่งที่อิดโรยเพราะหัวใจที่อ่อนล้า
ออกมาจากศูนย์ฯลูกเรือด้วยสีหน้าและท่าทีเศร้าๆอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน.. หากแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กระเสือกกระสนที่จะตามหาหนุ่มหน้าหยกเลยแม้แต่นาทีเดียว เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่า ...ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ คงจะหนีเขาออกจากที่นี่ไปนานแล้ว..หากแต่มีใครบางคนที่ยังไม่ยอมหลีกหนีไปจากชีวิตกัปตันหนุ่มเสียที.. คนที่กำลังกล่าวถึงเดินย้ายสะโพกพร้อมรองเท้าส้นสูงแหลมสีดำก้าวฉับๆตามชายหนุ่มพร้อมกับสีหน้าร้อนรน ฝ่ามือคว้าศอกกัปตันลูคัสจนชายหนุ่มที่แสนอ่อนล้ายามนี้ต้องหันร่างกลับมาทางหล่อนอย่างหมดเรี่ยวแรงจะแข็งขืน



 “คุณเดินหนีฉันตลอดเลยนะคะคุณลูคัส!” เจ้ากรรมนายเวรที่ชื่อวีว่า เลอคอติส ตะเบงเสียงกร้าวใส่


 “ผมไม่ได้หนีคุณ...แต่ผมแค่เหนื่อย..อยากจะกลับไปพักผ่อน...”


 “คุณจะกลับไปพักผ่อนหรือว่าคุณจะกลับไปตามตื๊อไอ้เด็กหน้าขาวคนนั้นกันแน่!! คุณอย่าทำตัวให้ทุเรศมากไปกว่านี้เลยคุณลูคัส!!” คำพูดเสียดสี พาให้กัปตันหนุ่มแสดงสีหน้าขุ่นเคืองตอบสนอง กระเป๋าใบใหญ่ของเขาถูกเขวี้ยงเข้าไปในรถด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนที่จะหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้งด้วยความแววตาของคนเกลียดชังต่อสิ่งตรงหน้า


 “ผมทำตัวทุเรศ?...ทุเรศอย่างไรไม่ทราบ!”


 “ก็ทุเรศที่จิตใจวิปริต!! ไปคิดคบคิดนอนกับพวกเพศเดียวกันน่ะสิ อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าทุเรศแล้วจะเรียกว่าอะไร!!” คำตอบโต้พาให้ชายหนุ่มสะอึกนิ่ง..


 “...ค..คุณพูดเรื่องบ้าอะไร!”


 “ฮึ! คุณอย่ามาไขสือคุณลูคัส!! ไอ้หนุ่มนั้นมันไม่มีวันกลับมาหาคุณหรอก! เพราะว่ามันเห็นแล้ว! รูปของเราสองคนที่อุตส่าห์ไปหลับนอนกันถึงชานเมือง..ฮึฮึฮึ น่าสมเพชนังชอริต้าวันนั้นเหมือนกัน คุณรู้มั้ย! ไม่มีใครที่จะเหมาะสมกับคุณเท่ากับคนอย่างฉันอีกแล้วคุณลูคัส!!” กัปตันหนุ่มอึ้งกับสิ่งได้ยิน.. รูป?... รูปอย่างนั้นหรือ.. หรือว่าเรื่องที่ทิมมี่กลับมาโกรธเขาก็เพราะเรื่องนี้?


 “นี่คุณเองรึ! นี่เป็นคนทำให้ทิมมี่ปึงปังใส่ผม!”


 “ไม่ใช่แค่ปึงปังหรอก... ฮึ... ตาเด็กหน้าขาวนั่นคงจะเกลียดคุณไปชั่วชีวิตล่ะ ฮึฮึฮึ... น้องสาวเพิ่งจะฝังไปไม่ทันข้ามวันดี... คุณก็กลับมานอนเปลือยอยู่ในภาพ แถมยังมีฉันอยู่ในรูปนั้นอีกเสียด้วย ฮึฮึฮึ!”


 “วีว่า!! คุณมัน!” กัปตันหนุ่มหน้าแดงเพราะความโกรธจัด น้ำตาของบุรุษเพศคลอเบ้าเพราะความเจ็บแค้น หากเธอเป็นผู้ชาย เขาก็คงจะเสยคางหล่อนให้หงายเก๋งไปแล้ว แต่ทว่า..ท่ามกลางบรรยากาศที่ขุ่นมัวในเวลานี้ กลับใครบางคนเดินเข้ามาเพิ่มอุณหภูมิโดยรอบให้คุกรุ่นมากขึ้นไปอีก





 “นึกไม่ถึงเลยนะคะ...ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้...” เสียงที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวของ “เอลลี่” ทางด้านหลัง รอยยิ้มเย้ยหยันวีว่า เลอคอติส สร้างภาพเลวร้ายในจิตสำนึกของหญิงสาวโดยแท้... วีว่ากำมือแน่นอย่างอาฆาต หญิงสาวที่กำลังเดินมายังไม่เข็ดหรืออย่างไรที่ถูกพักงานจนสร้างประวัติที่ด่างพร้อยในสมุดบันทึกลูกเรือ... หากแต่การกลับมาของเอลลี่ครั้งนี้ เอลลี่...พกความกล้าและความพยาบาทติดตามตัวกลับมาด้วย... “วีว่า เลอคอติส” อาจจะเป็นแค่ชื่อผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นในความรู้สึกของเอลลี่ยามนี้.. ร่างระหงของหล่อนก้าวเข้ามาใกล้คนทั้งคู่ พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันท้าทายการจองเวรที่ใกล้จะเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง!
                       

  “มันเรื่องของเธอรึไง! ฮึ.. หรืออยากจะกลับไปนอนว่างๆอยู่ที่บ้านอีก... อยากจะโดนพักงานใช่มั้ย!”


 “เก็บปากไว้บอกตัวเองเถอะคุณวีว่า!! ฉันไม่ได้นึกกลัวอะไรคุณมากถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ!” การตอบกลับที่กระแทกกระทั้นอารมณ์หญิงสาวพาให้สีหน้าเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง


 “นี่หล่อนกล้าดียังไงถึงมาพูดแบบนี้กับฉัน! ฉันเป็นใครแล้วหล่อนเป็นใคร!!”


 “ฉันก็เป็นคนที่อยู่สูงกว่าหล่อน..ตรงที่ฉันสามารถโบยบินไปที่ไหนก็ได้.. ฮึ..ไม่ได้ยืนกับพื้นเป็นไก่กาอยู่ทุกวันนี้เหมือนคุณน่ะสิ! นี่ฉันยังพอให้เกียรติคุณอยู่นะคุณวีว่า... ถ้าฉันทำตัวแย่เท่าคุณล่ะก็... คำนำหน้าสำหรับคุณ.. ฉันขอเรียกว่าอี!”


“นังเอลลี่!! แกโง่มากนะที่พูดกับฉันอย่างนี้!” ไม่ตวาดเสียงเปล่า.. วีว่า เลอคอติสตรงเข้าตบไปฉาดใหญ่จนหญิงผู้ถูกกระทำล้มหงายไปเพราะไม่ทันตั้งตัว.. กัปตันหนุ่มยกมือขึ้นลูบผมและพยายามดึงร่างของวีว่าให้ถอยห่างออกมา แต่กลับเป็นการกระทำที่ทำให้วีว่า ถูกเอลลี่บุกตบอย่างแรง สาสมกับที่เธอเคยถูกกระทำตลอดมา ...ตบเดียวที่แรงกว่าและสร้างความรู้สึกชาให้วีว่ากว่าครั้งไหนๆในชีวิต หากแต่นี่อาจจะเป็นตบแรกต่างหากที่มีใครคิดกล้าทำกับเธอ!


 “นังเอลลี่!! แกตบฉัน!” แม้แต่ร่างแกร่งของกัปตันหนุ่มยังถูกผลักไสจนหงายไปด้านหลัง วีว่าพุ่งเข้าจู่โจมเอลลี่ สองสาวนัวเนียราวกับเป็นไฮยีน่าที่กำลังยื้อแย่งเหยื่อชิ้นโต หากแต่ถ้ามีไฮยีน่าตัวจริงเดินผ่านมาในเวลานี้ที่นี่.. มันก็คงจะหนีไปเพราะความกลัวหญิงสาวสองคนนี้มากกว่าเสียด้วย


          ผลจากการปะทะฝ่ามือของคนทั้งคู่... เหตุการณ์ถูกอย่างจบลงเมื่อกัปตันลูคัสให้ยุทธวิธีเดิมคือการขับรถหนีมารผจญไปอย่างไม่ใยดี ขณะที่สองสาวที่แยกกันแล้วยังไม่วายวิ่งตรงไปที่รถของใครของมัน เพื่อที่จะขับตามชายหนุ่มที่ตัวเองยึดเป็นเป้าหมายเอาไว้ แต่ทว่า..ดูเหมือนโชคชะตาจะขีดชีวิตของวีว่า เลอคอติส และเอลลี่ให้จรดรอยกันอีกครั้ง... ก็เพราะว่าความเร่งรีบของคนทั้งสองทำให้รถของสาวเจ้าทั้งสองนางชนกันโครมบริเวณทางออกของเขตท่าอากาศยานในเวลาต่อมา..นับว่าเป็นเคราะห์ซวยซ้ำซวยซากของวีว่า และเอลลี่ จริงๆ




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



          หิมะร่วงโพรยพราย.. หากแต่ยังมีบุรุษหนุ่มยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ด้วยอาการหนาวเหน็บ... หิมะแรกที่เริ่มสร้างสีขาวให้บ้านเมืองสว่างขึ้นแม้จะเข้าชั่วโมงค่ำแล้ว...ลมหายใจกับไอควันที่รดออกมาจากปากกัปตันหนุ่ม มันคือการสร้างความอบอุ่นให้แก่ตัวเองทดแทนความอบอุ่นที่เขาเคยคิดว่าตัวเองน่าจะมี.. แต่กลับไม่มีในเวลานี้..ฝ่ามือเย็นเฉียบซุกอยู่ในเสื้อนอกของเครื่องแบบกัปตัน..ใครผ่านไปมามองแบบไม่ได้สังเกตอะไรมาก ก็คงคิดว่าเขาเป็นรปภ.ชุดดำที่บุคลิกดูดีก็เท่านั้น หากแต่ชายหนุ่มกลับอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าและเป็นผู้ที่ใครๆต่างฝากชีวิตเอาไว้ยามอยู่บนน่านฟ้าทั้งสิ้น... แต่คนที่เขาต้องการจะให้ “ฝากชีวิต” เอาไว้ตลอดไปนั้นน่ะสิ... เพราะเหตุใด... เขาถึงไม่สมหวังและรู้สึกน้อยใจเพียงแค่คนๆเดียวเช่นนี้...ราวกับถูกใครคนนั้นหลบเหลี่ยมบุรุษผู้มากเสน่ห์ให้หมดสิ้นเสียอย่างนั้น..




เขาไม่กล้าที่จะกดกริ่งที่ประตู...เพราะรู้ว่ามันคงไม่มีความหมายอะไร และคนในนั้นคงจะไม่เดินออกมา... ถึงจะออกมา... เขาก็ไม่อยากจะให้มันเป็นเช่นนั้น...เพราะอากาศที่หนาวเย็นและอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน อาจจะทำให้คนที่เขาพึงใจเจ็บไข้ได้...หากออกมาพบกับคนไร้ค่าเช่นเขาในเวลานี้










เทลิซ่ากลับเข้ามาในบ้านก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม ผู้เป็นพี่ชายนั่งซึมอยู่ที่ห้องรับแขกส่วนหน้า ผู้เป็นน้องสาวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย



 “เป็นอะไรไปทิมมี่?...ทำหน้าซังกะตายเชียว... ตั้งแต่บนเครื่องแล้วนะ” ผู้เป็นพี่ถอนใจออกมาราวกับเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน จนเทลิซ่านึกสงสัยอีกว่าทำไมพี่ชายถึงไม่ขึ้นไปพักผ่อน


 “..พรุ่งนี้... ฉันขอผลัดเวรกับเธอได้มั้ย... เที่ยวบินไปอิตาลีน่ะ” เทลิซ่าทำตาโต รอยยิ้มบางๆหลุดออกมาราวกับเธอต้องการจะให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว


 “...ด..ได้สิ!” ทิมมี่เองก็เหลือบมองน้องสาวอย่างสงสัยเช่นกันว่าทำไมหล่อนถึงตอบรับรวดเร็วโดยที่ไม่ถามเหตุผล.. หากแต่ความจริงแล้ว เที่ยวบินไปอิตาลีวันพรุ่งนี้ ...จะมีใครบางคนที่เทลิซ่า “มีใจ” ... ทำหน้าที่เป็นสจ๊วตชั้นประหยัดก่อนถูกพักงานยาวด้วยต่างหาก


 “...อืม..ขอบใจนะ...” แต่พี่ชายก็ไม่ถามเหตุผล.. เป็นไปได้ง่ายๆแบบนี้ก็ดี


 “นายดูไม่สบายเลยนะทิมมี่... เป็นอะไรรึเปล่า? ไปหาหมอดีกว่ามั้ย? นายเป็นภูมิแพ้ด้วยนะ..อากาศก็เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นบ้าเลย”


 “....ขอบใจ... แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก... ไข้นิดหน่อย เดี๋ยวคงหาย...”


 “อากาศเปลี่ยน ดูแลสุขภาพบ้างนะ... นายเหลือฉันเป็นน้องคนเดียว... ส่วนฉัน...ก็เหลือนายเป็นพี่อีกแค่คนเดียวเหมือนกัน...”คำพูดของหญิงสาว พาให้ทิมมี่อดน้ำตารื้นไม่ได้.. เขาไล่ให้น้องสาวกลับขึ้นไปพักผ่อนก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น... ปัญหาที่มีในวันนี้มันมากมายนัก.. ต่างคนต่างเป็นผู้ที่เขารักสุดหัวใจ สถานการณ์และบรรยากาศที่กำลังจะพัดผ่านเข้ามา มันดูเหมือนมรสุมลูกใหญ่ที่เขายังคิดไม่ออกว่าจะเดินต่อไปทางไหนได้..




          ใจหนึ่งที่ยัง “รัก” หากแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคำว่า “รัก” ให้เขาได้ยินสักครั้ง...แต่อีกใจกลับคิดสมเพชตัวเองและเกิดความรู้สึก “ชิงชัง” ชายหนุ่มร้อยเล่ห์ ที่เข้ามาทำลายชีวิตครอบครัวรวมไปถึงตัวของเขาเอง... หลายครั้งที่ใจคิดไปในทางที่ดีว่าเขาคงไม่ได้เป็นชนวนเหตุให้น้องสาวต้องตายหรอก... หากแต่อีกหลายครั้งเหมือนกันโดยเฉพาะพักหลังนี้ที่เขาได้พบความจริงบางอย่างที่ผู้ไม่ประสงค์ดีหยิบยื่นเข้ามาให้ต้องพบ...มันก็ทำให้ทิมมี่อดคิดอีกไม่ได้ว่า..ทำไมกัน...ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกเสียใจมากมาย แทนที่เขาจะหาทางแก้แค้นเฉกเช่นคราวแรกๆที่เขาก้าวเข้ามา... ณ ดานอสซี่ แอร์ไลน์...หากแต่ในวันนี้.. ความเคียดแค้นชิงชังที่มันคงมี..มันกลับถูกอีกความคิดหักห้ามและดื้อดึงไว้ด้วย “หัวใจ” ...ที่มันเต็มไปด้วยคำว่า... “ความรู้สึกดีๆ”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.



โถ่ๆๆ ทิมมี่ น่าฉงฉารรรร  :o12: :o12:

ตอนหน้าเรามาเปิดฝามาม่ากันนะคะ ได้เวลาแหล่ว อิอิ


 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-10-2011 20:22:03
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-10-2011 20:45:12
วีว่า เหอะๆๆๆ


 :z6:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-10-2011 22:01:05
เอิ่มมม  งั้นตอนหน้าจะลาพักร้อนแหละ  รอคนอื่นมากินมาม่าให้หมดก่อน  แล้วค่อยมาอ่านต่อจะดีมั๊ยน๊อ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 20-10-2011 22:18:56
ไม่น๊าาาาาามาม่า :serius2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 21-10-2011 01:05:45
ห๊ะ นี่ยังไม่ได้เริ่มเปิดฝาอีกเหรอคะ
หลงคิดว่ากินมาได้ถึงก้นถ้วยแล้วนะเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 21-10-2011 08:55:03



   อ๋อย เศร้าเชียว
   ทิมมี่กะคุณกัปตันจะผ่านช่วงเวลานี้ไปยังไงนะ


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 21-10-2011 15:03:05
ทิมมี่ต้องสู้ๆๆๆนี่อาจเป็นการทศสอบความรักของทั้งคู่ก็เป็นได้ สนุกมากนะจ๊ะไรเตอร์.....
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 22-10-2011 23:46:28
จะเป็นยังไงต่อไปล่ะนี่

ไม่นะ!! ตอนหน้ามาม่าหรอ สงสัยต้องเตรียมตะเกียบรอซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 28 [20/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-10-2011 04:14:32


FLIGHT 29 : คำพูด “สุดท้าย” ก่อนจากลา





          เช้าวันใหม่…มันยังคงเป็นเช้าที่ทิมมี่รู้สึกย่ำแย่ไม่ต่างจากวันวานทิมมี่หอบกระเป๋าสัมภาระลงมาจากชั้นบนพร้อมกับน้องสาว โดยอาศัยรถคันหรูของน้องสาวโดยสารไปถึงศูนย์ฯลูกเรือ ...ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ตรงเข้าลงชื่อเปลี่ยนเวรกับเทลิซ่าที่ห้องคุณซินดี้ แต่แล้วก็มีอุปสรรคเล็กน้อยที่หนุ่มหน้าหยกพอจะรับได้



 “คือว่าคุณเทลิซ่า..คุณจะมาทำหน้าที่แทนคุณทิมมี่ก็ได้นะจ้ะ แต่ว่าคุณทิมมี่..เที่ยวบินไปแอลเอที่คุณขอลงวันนี้ มีลูกเรือเต็มแล้วล่ะ...อย่างไรจะลำบากมั้ยถ้าดิฉันอยากให้คุณรอลงไฟลท์ไปญี่ปุ่นค่ำนี้” แม้จะต้องดักดานอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวันและหลายชั่วโมง แต่มันก็คงจะดีกว่าลางานไปให้เสียหน้าและยังคงดีกว่ามากที่จะต้องโดยสารไปเที่ยวบินออสเตรียร่วมกับกัปตันลูคัส
ซึ่งเทลิซ่าได้ถูกลงทำหน้าที่แทนไปเรียบร้อยแล้ว...


 “โอเคครับ..ผมไม่มีปัญหา” คุณซินดี้ทำหน้าเหมือนยังคาใจ


 “เอ่อ... ความจริงแล้วนะคุณทิมมี่...เที่ยวบินที่คุณขอเปลี่ยนเนี่ย มันก็ไปแค่ออสเตรีย...เป็นเที่ยวบินระยะสั้นเท่านั้นเอง... เย็นนี้ก็คงกลับมาได้ ทำไมคุณถึงขอเปลี่ยนล่ะ?...ทั้งๆที่หน้าตาคุณบอกดิฉันว่าคุณไม่ไหวกับเที่ยวญี่ปุ่นแท้ๆ” เหตุผลที่ทิมมี่บอกไม่ได้ แต่คุณซินดี้กลับถามดักขึ้นมาอีก


 “คุณมีปัญหาอะไรกับใครหรือเปล่า?...ให้ดิฉันเปลี่ยนคนๆนั้นออกจากผังออสเตรียก็ได้นะ ดิฉันแคร์คุณนะตัวเอง” คุณซินดี้เป็นห่วงแบบติดน้ำเสียงตลก หล่อนดูเหมือนจะไม่เคยเครียดเลยจริงๆ.. หากแต่คำพูดที่ทิมมี่ได้ยินนั้นมันทำให้ทิมมี่รู้สึกว่าคุณซินดี้ไม่มีวันทำได้อย่างที่ปากพูดแน่.. เพราะคนที่ทิมมี่ต้องการให้เปลี่ยนนั้นเป็นถึงผู้ขับเครื่องบิน...หากจะแค่เปลี่ยนสจ๊วตหรือแอร์โฮสเตสธรรมดาๆก็คงทำได้ไม่ยาก แต่หากจะถึงกับว่าบอกหล่อนให้เปลี่ยนกัปตันล่ะก็... งานใหญ่แน่ๆ


 “ไม่มีอะไรหรอกครับ... คุณซินดี้ถามเหมือนว่า...ผมเป็นคนที่มีปัญหาอะไรกับใครง่ายๆอย่างนั้นแหล่ะ” คำหยอกกลับของหนุ่มหน้าหยก พาให้สีหน้าของคุณซินดี้เจื่อนลงและยิ้มแหยๆ..เทลิซ่าเริ่มรู้สึกว่าสองคนนี้นอกเรื่องก็เลยขอตัวออกมา เพราะเธอต้องรีบบรีฟงานกะทันหัน และยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอจะต้องใช้เวลาคิดทำอีกด้วย..ไม่นานหลังจากที่เทลิซ่าขอตัวออกมา
ทิมมี่ก็เดินตามออกมาเช่นกัน..หนุ่มหน้าหยกตรงไปที่ห้องพักผ่อนของเหล่าลูกเรือ นั่งลงที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง...กดปุ่มหาเกมส์เล่นเหมือนเด็กปัญญาอ่อน เกมส์ติ๊งต๊องที่มีมาในตัวเครื่อง ทิมมี่ก็ยังเล่นไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่ทำเสียเท่าไหร่นัก... เทลิซ่าเดินออกมาจากล็อกเกอร์หญิงชนโครมเข้ากับคู่ปรับหน้าอกโตอย่างชอริต้า
 

“ต๊ายตาย... ไม่คิดว่าจะได้ป๊ะกันอีกนะหล่อน” ชอริต้าเดินหน้า(อก)เด้งผ่านไปหลังจากที่ทักเหยียดๆแล้ว...เทลิซ่าเริ่มปลงและไม่ถือคนอย่างเธอ แต่แล้ว...ใครบางคนที่กำลังเดินเลี้ยวเข้ามาจากมุมทางเดินตรงหน้าก็ทำให้เธอหยุดชะงัก..ชายหนุ่มมองหล่อนด้วยสายตาตกใจเล็กๆไม่คาดคิดว่าจะเห็นเธอในเวลานี้..



 “...เท..ลิซ่า?...” บาเรลล์พึมพำออกมาในลำคอ.. ราวกับนึกไม่ถึงจริงๆ


 “...ง..ไง”


 “...เธอ... วันนี้เธอต้องบินไปแอลเอตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ?” บาเรลล์ถามอย่างรู้ดี เทลิซ่านึกพอใจเล็กน้อยที่เขาเอาใจใส่ตารางงานของเธอ...แต่ก็ไม่ต่างกับเธอที่คอยดูตารางงานของเขาในช่วงหลังๆนี้เช่นกัน


 “อ..อืม... พ..พอดีว่าทิมมี่ขอเปลี่ยนน่ะ...แต่เขาก็กลับไม่ได้ไปแอลเออีก..เพราะมีลูกเรือสำรองอยู่” แม้นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่น่าจะมีเบื้องหลัง บาเรลล์ซึ่งพยักหน้าอย่างไม่ติดใจอะไร และเขากลับยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นที่มีหญิงสาวมาร่วมเที่ยวบินเดียวกัน


 “ขอเวลาก่อนบรีฟสักพักได้หรือเปล่า... ครู่เดียวเท่านั้น” นี่อาจจะเป็นคำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมากที่สุดที่บาเรลล์จะเคยได้เอ่ยต่อใคร... และเทลิซ่าก็พยักหน้ารับคำอย่างยินดี...



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          กระจกบานใหญ่มองออกไปเห็นหิมะขาวร่วงมาดูแรงกว่าเมื่อวาน...หนุ่มสาวสองคนกำลังยืนนิ่งมองเหล่าละอองสีขาวเหล่านั้นร่วงลงแปะพื้นให้เกิดสีขาวจนค่อยพูนหนาขึ้น บาเรลล์ถอนใจอย่างรู้สึกสังหรณ์ชอบกลกับอะไรบางอย่างที่กำลังจะใกล้เข้ามาในเวลาข้างหน้านี้



 “ไม่รู้ทำไมนะ... เที่ยวบินนี้... ฉันรู้สึกว่า...มีสังหรณ์ประหลาด... ยังไงไม่รู้..” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า เทลิซ่ากลืนน้ำลายเหนียวอย่างรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน


 “นั่นสิ... แต่ว่า...มันคงไม่มีอะไรมั้ง...” บาเรลล์ค่อยพยักหน้าช้าๆ สายตาหลุบต่ำ ก่อนที่จะตัดสินใจหันมาไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกัน ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เขากล้าที่จะพูดอะไรบางอย่าง..ออกมาจากปากของคนหัวดื้อเช่นเขาคนนี้


 “ฉันรู้สึกว่า... ฉันรักเธอแล้วล่ะ...” มันช่างเป็นคำพูดที่ “ตรง” ดีเสียจริง..และตรงเกินไปสำหรับหญิงสาวหัวรั้นอย่างเทลิซ่าอีกต่างหาก


 “...พูดบ้าอะไร... ทำอย่างกับจะไปไหน... ทั้งๆที่ก็ไปด้วยกันแท้”


 “....ไม่รู้สิ...ก็คนมันอยากพูด..เธออย่าเพิ่งขัดเลยน่ะ!” แม้น้ำเสียงตอกกลับจะเข้าสู่ภาวะนิสัยเดิม แต่มันก็ช่างเป็นอารมณ์ที่ทำให้เสียงของเขาควบคุมให้อ่อนลงอยู่ได้โดยที่หญิงสาวไม่รู้สึกกวนประสาทเช่นแต่ก่อน


 “อืม...”


 “อืมบ้าอะไร... เธอจะไม่บอกอะไรฉันหน่อยรึ?...” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด พลางคิดในใจว่าคนอย่างฉันน่ะเหรอจะยืนตอบรับคำรักจากใครง่ายๆแบบนี้? แล้วคนอย่างฉันจะหน้าหนาถึงขนาดบอกรักผู้ชายพรรค์นี้ด้วยนะเหรอ..เหอะๆ ไม่อ่ะ... ไม่ใช่ฉัน..


 “...บอก...บอกอะไรอ่ะ?...ไม่รู้ว่าจะบอกอะไรเหมือนกัน?” เทลิซ่าพูดโดยไม่สบตาเขา บาเรลล์รู้สึกน้อยใจพิกล แต่มีความรู้สึกน่าเป็นห่วงมากกว่าคำพูดของเทลิซ่า


 “ฉันรู้ว่า... เที่ยวบินเที่ยวนี้...มันจะเป็นเที่ยวบินสุดท้าย ของฉันยังไงอย่างนั้นน่ะ..”


"หุบปากน่ะ!” เทลิซ่าหลุดเสียงหนักออกมา เพราะความตกใจในคำพูดของชายหนุ่ม


 “นายก็แค่ถูกพักงานเดือนเดียวเท่านั้น! และฉันก็ไม่เชื่อด้วยว่านายจะเป็นคนทำ! ต่อให้นายพักงานไปฉันก็ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่ดีนั่นแหล่ะ!! นายอย่าพูดอะไรบ้าๆหน่อยเลยน่ะ! นายชอบพูดบ่อยไปไม่ใช่เหรอ ว่ารู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร! ... แล้วยังไงล่ะ... ทำไมทีอย่างนี้ไม่พูดกับตัวเองบ้าง! นายเป็นถึงระดับไหนทำไมถึงจะไม่ได้กลับมาทำอีก...โถ่เอ้ย! คิดมากแล้วพูดบ้าๆแบบนี้! รู้งี้ไม่...!” หญิงสาวสะดุดคำพูดของตัวเองเอาไว้.. เมื่อสติในก่อนหน้ากำลังเผอเรอไปกับอารมณ์ขุ่นๆของตัวเอง ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งชะงักไปกับคำพูดที่ขาดตอน..ความหมายที่ยังไม่กระจ่าง เกิดคำถามตามมา..




“รู้งี้ไม่อะไร...?” บาเรลล์ใช้สายตาคมกริบเพ่งมองหล่อนราวกับจะต้องมนต์ใส่หล่อน




 “..ม..ไม่มีอะไร...”



 “รู้งี้ไม่อะไร!! พูดมา!!”


 “ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า! ปัดโถ่!”





 “แต่ฉันไม่เคลียร์! เธอพูดมาเดี๋ยวนี้! ว่าเธอจะพูดอะไร!”







ติ๊ง... ติง...ติ่ง...





 “ขอเชิญกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน สจ๊วต แอร์โฮสเตส และเหล่าลูกเรือบริการของเที่ยวบิน DNS 7069 ขอเชิญรวมตัวที่ห้องบรีฟวิ่ง ในเวลานี้ด้วยค่ะ...ขอแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ...ขอเชิญ..” เสียงประกาศขัดจังหวะบรรยากาศขุ่นๆของคนทั้งคู่ เทลิซ่าได้ทีรีบเผ่นออกมาจากตรงนั้น...บาเรลล์รู้สึกหงุดหงิดฉุนเฉียวที่ไม่ได้ยินคำพูดของหล่อนให้จบประโยค.. เกิดความสงสัยและความค้างคา ที่เขาตั้งใจไว้ว่าอย่างไรก็ตาม..ก่อนลงเครื่องกลับปารีสในเย็นนี้ เขาจะต้องรู้ให้ได้! ว่าหล่อนนั้น...พูดออกมาเพื่อสื่อถึงความหมายใด...และมันจะเป็นไปอย่างที่ใจเขาคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้..ใช่หรือเปล่า?




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          ทิมมี่กระแทกคีย์บอร์ดอย่างหนักหน่วงจนปุ่ม Numlock บนแป้นเสีย กดตัวเลขอะไรก็ไม่ติด..เท่านั้นเขาก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วเดินหน้าเซ็งออกมาจากห้องนั้น เขาไม่รู้ว่าจะไปสถิตอยู่ที่ไหนในเวลานี้ หากเพราะว่ากว่าจะเตรียมตัวบรีฟงานที่ญี่ปุ่นก็ช่วงค่ำ เวรกรรมเขาจริงๆหากแต่ไม่นานเท่าไหร่นัก.. บริเวณห้องดื่มกาแฟที่มีเก้าอี้นั่งยาวไปตลอดแนวกำแพงกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ที่หนาวเหน็บด้านนอกได้อย่างเพลิดเพลิน แต่ทว่าทิมมี่กลับไม่ได้รู้เป็นเหมือนเช่นคนอื่น สักพักความเงียบก็ปกคลุม ทำให้โสตประสาทรับรู้ว่ากำลังมีใครจะเดินเข้ามา เงาสะท้อนจากกระจกใสตรงหน้า
ทำให้ทิมมี่ไม่จำเป็นที่จะต้องหันกลับไปมอง “เขา” ...ชายหนุ่มที่เดินหน้าเศร้าในชุดกัปตันหนุ่มที่สะอาดสะอ้านและน่าหลงใหลไม่สร่าง แต่สำหรับทิมมี่นั้นกำลังจะพยายามมองผ่านให้เป็นเฉกเช่นคนที่ไม่เคยรู้จักกัน
                           


“...ฉันกะว่า... จบเที่ยวบินนี้เมื่อไหร่... ฉันจะขอพักยาวทันที...” คำพูดของกัปตันหนุ่ม.. พาให้ทิมมี่อดคิดในใจว่า แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาบอกด้วย หากแต่ความเป็นจริงส่วนลึกก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพักยาว เพื่ออะไร?...


 “...บอกตามตรงนะ...ทิมมี่....” เสียงอ่อนล้า พลางกลืนน้ำลายลงคอที่แหกผากเพราะอากาศที่ปรับเปลี่ยนจนร่างกายของคนทำงานหนักรับสภาพอาการเหล่านี้ไม่ทัน


 “...ฉัน... ไม่อยากเจอหน้านาย... ฉันไม่อยากจะเจอ..ตลอดไป...” คำพูดที่เขาหลุดออกมาจากลมปากอุ่น ดวงตารื้นตื้นตันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทิมมี่พยายามหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยงการมองเห็นของเหลวที่พร้อมจะไหลออกมาในไม่ช้านี้..
ความอ่อนแอที่ทำให้ทิมมี่เกลียดตัวเองว่าเพราะอะไร...จนป่านนี้ก็ยังตัดใจจากความรู้สึกบ้าๆเหล่านี้ไม่ได้เสียที


 “ผม...ก็ไม่อยากจะเจอคุณเหมือนกัน... คุณลูคัส” กัปตันหนุ่มรับฟัง เขานึกในใจว่าโชคดีเหลือเกินที่ทิมมี่ไม่หันกลับมาในเวลานี้... เพราะหากทิมมี่กระทำเช่นนั้น...หนุ่มหน้าหยกคงได้เห็นน้ำตาของเทวดาหนุ่มผู้อ่อนแอเช่นเขาคนนี้อย่างแน่นอน




 “คุณเป็นคนแรก..คุณดรอว์เยอร์......คุณเป็นคนแรก........ และคนเดียว....... ที่ทำให้ผม...ร้องไห้....” ในที่สุด ความอ่อนแอที่เขาควบคุมไม่ได้...มันก็เผยออกมาให้หนุ่มหน้าหยกรับรู้อย่างหน้าไม่อาย.. แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ยืนหันหลังให้ก็อยู่ในอารมณ์เดียวซึ่งมันไม่ได้แตกต่างกันเลย




 “....คุณก็เหมือนกัน... คุณกาโรล..” คำพูดที่ต่างคนต่างเปล่งออกมา มันส่อแววให้เห็นถึงความห่างเหินต่อกันมากขึ้น.. กัปตันหนุ่มค่อยๆก้าวถอยหลังช้าๆ โดยที่ยังไม่หันหลังและเบี่ยงสายตาให้พ้นไปจากแผ่นหลังของคนที่เขารักไปเสียได้... ระยะห่างระหว่างคนสองคนเริ่มไกลมากขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดก่อนที่กัปตันหนุ่มจะหันหลังกลับไป! คำพูดสุดท้ายที่หลุดออกมา... ทิ้งไว้ให้เหลือเป็นคำพูดของ “คนๆหนึ่ง” ที่พร้อมจะฝาก “คำพูดสุดท้าย” เอาไว้... ให้ทิมมี่ระลึกไว้ในความทรงจำตลอดกาล












 “.......ผมรักคุณ..... คุณดรอว์เยอร์....”







++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






          เที่ยวบินไป-กลับระยะสั้น ปารีส-ออสเตรียเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ที่ต่างคนต่างพึงกระทำ ..ในขณะที่คนที่ยังอยู่เบื้องล่างอย่างหนุ่มหน้าหยกในเวลานี้กลับได้แต่แหงนมองน่านฟ้าที่มีเครื่องบินลำนั้น... ลำที่เขาคิดว่า “มีคนที่เขารัก” ซึ่งกำลังรับหน้าที่ฝากชีวิตผู้โดยสารทุกคนอยู่บนเวหา... เขาจะมีโอกาสได้รู้หรือเปล่า... ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็ต้องการที่จะพูดคำว่า “รัก” ออกจากปากของตัวเองเช่นกัน...




บนเครื่องบิน.. คาบินที่สองของชั้นประหยัด เทลิซ่ากำลังทำหน้าที่เข็นรถอาหารกลับเข้าห้องเตรียมครัว พลันเจอกับผู้ร่วมงานระดับชั้นเดียวกันอย่าง ‘เควิน’...หล่อนรู้สึกย่ำแย่แต่ก็ไม่ได้สร้างสีหน้าหรือท่าทีน่าเกลียดอะไรออกมาให้เขาเห็น...
แต่เควินก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ใจเธอ





“เธอรักไอ้หมอนั่นมันแล้วใช่มั้ย?” คำถามที่มาพร้อมกับน้ำเสียงสั่น มันไม่ใช่อารมณ์เศร้าและเป็นน้ำเสียงและสายตาของคนที่กำลังเจ็บใจต่อเรื่องที่เขากำลังจะพูด...หญิงสาวหันมามองเขาด้วยสายตาราบเรียบราวกลับไม่มีความรู้สึกยินดียินร้ายกับคำถามที่ได้รับ



 “....มันเรื่องของนายรึไง?...”



 “มันไม่ใช่หรอก... แต่มันก็ไม่เชิง”



 “หมายความว่าไง” หญิงสาวถามกลับทันทีอย่างจับผิดจับถูก



 “เธอทำให้ฉันเสียหน้านะเทลิซ่า...ตอนแรกฉันคิดว่าฉันรู้สึกดีกับเธอแล้วแท้ๆ...” เทลิซ่ารู้สึกอึดอัดและอยากจะหาอะไรแถวๆนี้เขวี้ยงใส่หน้าที่เย้ยหยันเธอในยามนี้



 “แต่เธอมันโง่น่ะสิ...”



 “นายนั่นแหล่ะโง่! คิดว่าตัวเองมีดีอะไร?...”



 “ยังไงฉันก็ดีกว่าไอ้เสเพลนั่น!” เควินพาดไปนั่น



 “นายเอาคำพูดอะไรมาใช้เนี่ยเควิน...คนอย่างนายต่างหาก! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไอ้เรื่องผิดพลาดเมื่อไฟลท์ก่อนมันเป็นความผิดของใครกันแน่! แต่ฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งเลยว่า..... ตัวนายเอง... ก็ต้องมีส่วนอยู่ไม่มากก็น้อยล่ะ!” เควินสะอึก...



“เธอพูดบ้าอะไร”



 “แล้วสักวัน ไม่ช้าหรอกนะ... นายก็จะรู้ดี...ว่าฉันพูดบ้าอะไร!” เทลิซ่าเดินสะบัดก้นออกมาจาก GALLEY ทิ้งให้เควินยืนกำหมัดแน่น ก่อนที่จะกระแทกมันไปตู้ไมโครเวฟอย่างคนเจ็บใจไม่น้อย และผลจากการกระทำของเขาก็คือ..กระจกเตาไมโครเวฟร้าวเป็นแนวยาวคากำมือ..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          ความเวิ้งว้างในศูนย์ฯลูกเรือในช่วงบ่าย พาให้ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ เผลองีบหลับบนโซฟาหลังนุ่ม.. คุณซินดี้เดินผ่านไปผ่านมาก็ทำได้แค่ชำเลืองมองห่างๆอย่างห่วงๆ ขณะที่คุณโรสรอยด์เดินย้ายก้นเข้ามาเพื่อเตรียมตัวไฟลท์ไปสิงคโปร์ตอนสี่โมงเย็น เขารู้สึกดีเหลือเกินที่ไม่ต้องประสบพบเจอร่วมบินกับทีมเดิมๆที่ในเวลานี้เหินเวหาไปก่อนล่วงหน้าแล้ว..สามชั่วโมงที่ทิมมี่เผลอหลับไป...มีความฝันมากมายที่ดลขึ้นในหัว..แต่ล้วนในทุกๆความฝันนั้นต้องมีใบหน้าของคนที่ชื่อ ลูคัส กาโรล
อยู่ทุกฉาก ทั้งช่วงเวลาที่เขายิ้ม..ช่วงเวลาที่เขามีความสุข...ช่วงเวลาที่เขาพาไปเที่ยวในครั้งก่อน... และช่วงนาทีที่เขาเสียใจ... ทุกความรู้วนเวียนตามมาหลอกหลอนให้ทิมมี่รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมแม้แต่เวลาพักผ่อน ฝันร้ายพาให้หนุ่มหน้าหยกผวาลุกขึ้นออกมา เพราะภาพสุดท้ายก่อนตระหนก




...ภาพที่เห็นกัปตันหนุ่มยิ้มเศร้าๆ ภายในห้องค็อกพิท...








และภาพเครื่องบินลำเดียวกันนั้น.. ร่วงลงสู่ผืนดิน!








หากแต่ฉับพลันที่ลืมตาตื่น!! เสียงอะไรบางอย่าง... ก็ดังเซ็งแซ่... ปลุกให้หนุ่มหน้าหยก หลุดจากภวังค์!
             
                           




หวอ...หวอ...หวอ...หวอ..หวอ...~!!!!!







++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





พอจะเดากันออกมั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น....  :sad11:  :sad11:


ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ....เหล่าเทวดากำลังจะถึงจุดหมายแล้ว...


เตรียมผ้าขนหนูซักคนละผืนสองผืนก็คจะพอ.....   :o12: :o12:


 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 29 [23/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 23-10-2011 09:17:20
TT^TT
ขอให้ไม่ใช่อยากที่คิด
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 29 [23/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-10-2011 13:36:10



   ง่า. . . ลางไม่ดีเลย
   ความเศร้าหมองปกคลุมไปหมด
   ถ้าเป็นตามที่ฝันจริงมันจะไม่ใช่แค่คุณกัปตันน่ะสิ
   ก็เทลิซ่าก็ไปด้วยนี่นะ

   แต่จะจบแล้วจริงๆเหรอคะ T T
   

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 29 [23/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 23-10-2011 14:35:27
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 29 [23/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-10-2011 19:30:03
โอยยยย  อ่านแค่สามบรรทัดสุดท้ายแล้ว  ขอบอกว่า  รอตอนหน้าคับ  ขอยังไม่อ่านตอนนี้ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: FLIGHT 29 [23/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-10-2011 23:46:09
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:


กัปตันบิยในสภาพไม่พร้อมใด้ไง หม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 25-10-2011 20:31:09


THE LAST FLIGHT : หิมะ...เริงไฟ
             



“ขณะนี้ดิฉัน มอแกน ดรัสปัวรองต์ กำลังอยู่ในพื้นที่ด้านนอกซึ่งติดกับตึกผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุก็คือหอสังเกตการณ์อีกประมาณหนึ่งร้อยเมตรข้างหน้านะคะ ในตอนนี้คุณผู้ชมจะเห็นเปลวไฟลูกใหญ่ด้านหน้า และเสียงระเบิดที่ยังดังระงมอยู่ไม่หยุด และเท่าที่ได้ทราบรายละเอียดสดๆร้อนๆจากผู้สังเกตการณ์ด้านในนะคะ สาเหตุที่เครื่องบินดานอสซี่แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ DNS 7069 ชนกับหอบังคับการบิน เนื่องจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เกิดเหตุ มีกระแสลมแรงและหิมะตกหนักมาก เป็นไปได้ว่าในช่วงเวลาที่เครื่องกำลังจะร่อนลง น่าจะเกิดลมกรรโชกหนัก และทำให้ตัวเครื่องกระแทกพื้นหลุดออกนอกเส้นรันเวย์ จนพุ่งเข้าชนหอบังคับการอย่างที่เห็นด้านหน้าในเวลานี้ล่ะค่ะ อ๊ะ ตอนนี้เราได้พบผู้สื่อข่าวอีกท่านหนึ่งแล้วนะคะ เราจะขอทราบราบละเอียดจากเขากันค่ะ”

เหยี่ยวข่าวสาวพร้อมตากล้องวิ่งฝ่าเสียงตูมตามที่อยู่ไม่ไกล เข้าไปประชิดกับนักข่าวอีกหนึ่งสำนักในขณะที่เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยต่างออกมาตรึงกำลังกันแทบไม่ทัน เหล่าเหยี่ยวข่าวที่ประจำอยู่ในท่าอากาศยานอยู่แล้ว ว่องไวและลงพื้นที่ต้องห้ามได้เร็วกว่า.. ผลก็คือความโกลาหลที่เกิดขึ้นบริเวณลานกว้างที่นี่




 “ขอถามหน่อยค่ะคุณบีเกิ้ล! ตอนนี้ได้รับข้อมูลจากผู้ที่ติดอยู่ด้านในหรือยังคะ!?”


 “ยังครับผม! ตอนนี้ไฟยังไม่ดับ เราต้องให้คนฉีดน้ำดับไฟก่อน เราถึงจะดำเนินการช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือของดานอสซี่ออกมาครับผม!”


 “แสดงว่าตอนนี้ยังไม่ทราบเลยสิคะ! ว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัสและผู้เสียชีวิตกี่คนบ้าง!?”


 “อ๋อ! สำหรับการคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ เห็นพวกเขาต่างคาดกันแล้วว่า... กัปตันและนักบินที่2 น่าจะเสียชีวิตคาที่ครับ! เพราะระเบิดมันเกิดขึ้นบริเวณส่วนค็อกพิทด้วย อย่างไรก็ตาม ผมจะไปสอบถามและติดตามรายชื่อของผู้ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตทันทีนั้นมาให้เร็วที่สุดครับ!!”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++

                           

          หนุ่มหน้าหยกรู้สึกปวดหัวกับเสียงไซเรนที่ดังมาจากตึกอาคารผู้โดยสารข้างเคียง สายตาหันไปมองนาฬิกาแล้วมันบ่งบอกเวลาได้ว่าเกือบหกโมงเย็นแล้ว.. เขานึกในใจว่าทำไมเขาถึงได้งีบหลับไปนานเหลือเกิน ดวงตากลมกวาดไปทั่วห้องพักผ่อน ครั้นยังเดินออกมาที่ทางเดินยาว ตรงไปยังเคาว์เตอร์ด้านหน้าศูนย์ฯ ก็ยังไร้วี่แววของใครสักคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ น่าแปลก... หายไปไหนกันหมด ทิมมี่นึกสังหรณ์ใจชอบกล แล้วด้วยเสียงไซเรนที่ดังเมื่อครู่นี้ มันเงียบหายไปทิ้งไว้เหลือเพียงความเงียบที่ทำให้ทิมมี่รู้สึกใจคอไม่ดี


          หนุ่มหน้าหยกสังเกตเห็นเงาของคนหลายคน อยู่ในห้องประชุมตรงหน้า... กระจกฝ้าที่มองเห็นเพียงเงาดำๆ แต่ทิมมี่ก็มองออกว่าพวกเขากำลังยืนนิ่งอยู่ในนั้น หากแต่เขาไม่รู้ว่าพวกคนในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่... ฝ่ามือเรียวขาวจึงผลักประตูเข้าไป ไม่มีลูกเรือคนไหนหันมาสนใจทิมมี่เลยสักคนเดียว ..หากแต่ลูกเรือเกือบห้าสิบชีวิตที่ยืนนิ่ง สีหน้าอึ้งตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง...มองขึ้นไปที่โทรทัศน์จอใหญ่ที่ห้อยอยู่ด้านบน ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับข่าวบางอย่าง... และทิมมี่ก็รู้สึกหวั่นไหวตามไปด้วยเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของคุณซินดี้และคุณโรสรอยด์... พาให้หนุ่มหน้าขาวในที่สุด.. เขาก็ต้องหันมองขึ้นไปยังหน้าจอโทรทัศน์..



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          ควันโขมงภายในคาบินทุกๆระดับชั้นยิ่งด้วยชั้นเฟิร์สคลาสที่อยู่เหนือชั้นอื่นๆขึ้นไป ได้รับควันและขาดปริมาณออกซิเจนในอากาศมากที่สุด... เหล่าลูกเรือทุกๆคาบินจึงต้องไปรวมตัวกันบนนั้นเพื่ออพยพผู้โดยสารออกมาจากห้องมรสุม



 “...โอ๊ย... ช่วย..ช่วยที...” เสียงใครบางคนดังลอดมาจากกองเก้าอี้ที่ถูกแรงกระแทกจากระเบิดจนพังครืนล้มระเนระนาด อีกทั้งกล่องเก็บกระเป๋าด้านบนยังถล่มลงมาทับใครต่อใคร บางคนแน่นิ่งไป... แต่คนที่รอดก็พยายามส่งเสียง เทลิซ่าบุกเข้าไปในห้องเฟิร์สคลาสที่ย่ำแย่และพังพินาศสันตะโร ควันโขมงพาให้สายตาพร่ามัว แต่เสียงโอดครวญของคนรอดชีวิตยังคงระงมอยู่เบื้องหน้า เธอจึงจำเป็นที่จะต้องปีนป่ายเก้าอี้และชั้นตู้ต่างๆที่พังกองปิดทางเดิน


 “...เท...ลิซ่า...!” เจ้าของน้ำเสียงที่น่าเป็นห่วงนั้น คือชอริต้านั่นเอง... เทลิซ่าตกใจไม่น้อยที่เห็นหล่อนถูกรถเข็นอาหารขนาดใหญ่ทับร่างอยู่ เทลิซ่าพยายามใช้แรงที่มีเข็นรถนั้นให้ออกไปจากร่างชอริต้า...ในขณะที่เอลลี่วิ่งผ่าตรงเข้ามาช่วยด้วยสีหน้าและร่างกายสุดสะบักสะบอม


 “ออกไปจากที่นี่เร็วเข้า! หล่อนไหวไหมเนี่ย!!” เอลลี่ถามชอริต้าที่เทลิซ่ากับเอลลี่เองก็ช่วยพยุงร่างหญิงสาวทรงโต และพากันออกมา แต่ทว่า..





ตูม!!!






          ส่วนหัวของเครื่องบินระเบิดขึ้นอีกครั้งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว... ควันไฟเลยยิ่งโหมกระหน่ำเข้ามาในห้องคาบินมากขึ้น.. แรงระเบิดพาสามสาวกระแทกล้มลงไปคนละทาง ชั้นประหยัดทั้งสองคาบิน เควินพยายามควบคุมผู้โดยสารให้มีสติ และช่วยพากันนำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆในห้องที่พังครืนลงมาออกไปจากร่างของคนเจ็บ.. หากแต่เควินกลับไม่พบวี่แววของบาเรลล์!





โทรศัพท์ภายในตัวเครื่องบินถูกตัดขาด...




          ชอริต้าพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น เรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลือคว้าถังดับเพลิงสีแดงขึ้นมาถือในมือ ก่อนที่จะเดินทุลักทุเลตรงไปยังทางเดินสู่ห้องคอกพิท..ซึ่งในเวลานี้ภายในห้องไม่ต้องพูดถึง...มันถูกไฟไหม้วอดจนใครต่างก็คิดว่า..ผู้ที่อยู่ในนั้น...ไม่มีวันรอดออกมาเสียแล้ว



 “หล่อนจะทำอะไรยะ!! เดินออกมา!!” เทลิซ่าตะเบงเสียงสั่ง ชอริต้ายังคงเดินมุ่งสู่ค็อกพิท แม้ประตูและผนังกั้นจะยังไม่ถูกถล่มเพราะแรงระเบิด หากเพราะมันถูกสร้างให้ทนทานต่อแรงต้องห้ามเหล่านี้ หากแต่ยังมีควันที่ลอยออกมาอย่างไม่ปรานีสิ่งมีชีวิตด้านใน ชอริต้ากดฉีดสารดับเพลิงในตัวถัง เพื่อให้ควันมรณะหยุดการเคลื่อนไหว   แต่ดูจะเหมือนว่ามันไม่ค่อยจะเป็นผลในทางที่ดีสักเท่าไหร่นัก


 “ยัยบ้า!! ถังดับเพลิงนะยะ ไม่ใช่ถังดับควัน! หล่อนมาฉีดหาสวรรค์วิมานอะไร!!”


 “ก็ฉันหายใจไม่ออกนี่ยะ!! ฉันจะเป็นลมตายอยู่แล้ว!!”


 “เราก็ลงไปข้างล่างซี่!! บนนี้ก็ไม่มีคนแล้ว!!”


 “ต..แต่ว่า...” ชอริต้ากลืนน้ำลายเหนียว.. เมื่อหันไปมองประตูห้องค็อกพิท..ที่เธอได้ยินแต่เสียงเปลวไฟคุกรุ่นอยู่ในห้องๆนั้น.. อย่างไร้ซึ่งเสียงสิ่งมีชีวิตที่พวกเธอเรียกว่า “กัปตัน” ส่งเสียงออกมาจากด้านใน..


 “ชอริต้า.......... เขา...ทำดีที่สุดแล้ว...” เทลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะคว้าถังดับเพลิงจากมือของชอริต้าไปแล้วโยนทิ้งลงกับพื้น ฝ่ามือของหญิงสาวพาคนอีกคนวิ่งออกมาจากตรงนั้นด้วยสภาพที่ไร้เรี่ยวแรงทุกทีๆ เอลลี่ที่ยืนรออยู่ทางออกคาบินต่างรอปิดทางเดินฉุกเฉิน ทันที่ทั้งสามออกมาจากห้อง เอลลี่ก็ทำหน้าที่นั้นทันที



          สามสาวลงมาถึงชั้นล่าง..ชั้นประหยัดที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว..คนขวัญเสียไร้สติต่างโวยวายกลัวความตายกันถ้วนหน้า ส่วนคนที่ได้สติก็ต่างนั่งภาวนานึกถึงพระผู้เป็นเจ้าให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย เทลิซ่าในสภาพร่างกายที่สะบักสะบอม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ชุดเครื่องแบบเปื้อนเขม่าควันสกปรก หล่อนยังคงเดินกวาดมองใครบางคนที่หล่อนยังไม่พบ... ทุกชีวิตเกือบร้อยชีวิตที่นั่งรวมกันอยู่ในชั้นประหยัดทั้งสองคาบิน ไร้ซึ่งลูกเรือที่ชื่อ บาเรลล์ คลูเซอร์.. บุรุษที่เทลิซ่ากำลังเดินหาน้ำตารื้นอยู่ในเวลานี้


          ในที่สุด... สุดทางเดินซึ่งมีประตูทางเข้าไปยังคาบินที่สามของชั้นเดียวกันนี้ หรือห้อง Business Class เทลิซ่าพบชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งก้มหน้า วางหน้าผากลงกับฝ่ามืออุ่น สีหน้าซีเรียสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เทลิซ่าเดินตรงไปหาเขา.. น้ำตาของเธอไหลรินออกมาแล้วในเวลานี้



 “...เค...วิน....” ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกจากน้ำเสียงสั่นเครือ... ค่อยๆเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยดวงตาแดงเรื่อ..


 “...น..นายเห็น... บาเรลล์มั้ย.....” เควินถอนใจยาว เขาก้มหน้าลงขนานพื้นคาบินอีกครั้ง... ครู่เดียว.. ฝ่ามือที่ยกขึ้น มันชูนิ้วโปงชี้ไปทางประตูด้านหลัง.. ราวกับจะบอกอะไรหญิงสาว... ให้เธอได้รู้..


 “หม...หมายความว่า..ไง?...” เสียงสั่นถามด้วยใจคอที่ไร้ซึ่งความรู้สึกดี


“.....บาเรลล์............เขา....... เขาอยู่...ข้างใน...” ดวงตากลมโตของหญิงสาวเบิกกว้าง.. มองไปประตูที่นิ่งราวกับถูกปิดตาย.. ความเงียบจากในห้องนั้นทำให้หล่อนขวัญเสีย ครั้นจะเดินตรงไปเปิดแต่เควินตะเบงเสียงห้ามไว้ฉับพลัน!


 “อย่าแตะต้องคันโยกประตูนะ!! มันเป็นสแตนเลส ร้อนมาก!... อย่างในไฟไหม้มากแล้ว...!” ชายหนุ่มหลุดปากพูดเหตุการณ์บางอย่างออกมาพาให้หญิงสาวหน้าถอดสีมากยิ่งขึ้น


 “.....ไม่จริง.....” หญิงสาวยังจะดึงดันที่จะเดินตรงไปที่ประตูบานนั้น ความไม่เชื่อทำให้ฝ่ามือของเธอเมื่อต้องสัมผัสกลับร้อนพองจนขึ้นลูกแดงอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งฝ่ามือและหัวใจ   เควินตรงเข้ามาประคองเธอไว้ ... และในที่สุดหล่อนก็หมดสติไปในเวลาต่อมา...



++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          เสียงฝีเท้านับหลายสิบคู่ วิ่งกันดังตุบตับตุบตับออกมาจากตัวท่าอากาศยาน สู่สนามรันเวย์มรณะ... คุณซินดี้และคุณโรสรอยด์รวมถึงทิมมี่ ดรอว์เยอร์ และลูกเรือคนอื่นๆ ต่างวิ่งพากันมุ่งหน้าไปที่จุดเกิดเหตุอย่างไม่มีความรู้สึกกลัวใดใด... ข่าวรายงานว่าไฟเริ่มสงบแล้ว.. เหล่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยบุกสถานที่เกิดเหตุทันทีอย่างไม่มีโอกาสได้ใจเย็นหรือรอช้า...ออกซิเจนที่มันอาจจะหมดลงเรื่อยๆภายในตัวเครื่องบินลำนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องลุกลี้ลุกลนทำงานกันอย่างไม่คิดชีวิต..เพื่อคนที่รอดชีวิตด้านใน.... และผู้ที่บาดเจ็บสาหัสต้องการการปฐมพยาบาลเร่งด่วน!


          เตียงรถเข็นถูกนำมาจอดเรียงรายไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ หากแต่ทิ้งระยะห่างไว้ประมาณยี่สิบเมตรเพื่อให้ห่างจากวิถีประกายไฟ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ กระหืดกระหอบจะฝ่าสายโยงสีเหลืองซึ่งขึงกั้นเอาไว้ห้ามให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปใกล้นอกจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเท่านั้น ดวงตากลมของหนุ่มหน้าหยก เบิกกว้าง...มองเห็นส่วนหัวเครื่องบินที่มอดดำควันโขมง... กับตัวตึกหอบังคับการที่พังยับเยิน...น้ำตาไหลพรากออกมาเพราะใจที่นึกหวั่น.. คนที่อยู่ในนั้น...จะรอดชีวิตหรือไม่..เกือบสิบห้านาที
ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยอพยพผู้โดยสารให้ออกมาได้ แต่ก็แค่ทีละคนเท่านั้น...


          ทุกๆคนที่ก้าวออกมาสู่เตียงรถเข็นพยาบาล ทิมมี่มองอย่างไม่วางตาบริเวณจุดช่วยเหลือ... ความหวังสุดท้ายที่เขาพึงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า..คือการได้เห็นกัปตันหนุ่ม คนที่เขา “รักเต็มหัวใจ” เดินออกมาจากช่องทางนั้นด้วยเช่นกัน... และไม่ว่าจะเป็นคนที่เท่าไหร่ที่จะเดินออกมา หรือไม่ว่าจะเป็นคนสุดท้ายก็ตาม.. ทิมมี่...ขอให้เขาออกมาอย่างมีชีวิตรอดปลอดภัย...คนแล้วคนเล่า... ยังคงเป็นผู้โดยสาร...คุณซินดี้กับคุณโรสรอยด์ต่างกระโดดโลดเต้นและส่งเสียงรับขวัญ


          ลูกเรือคนแรกที่ถูกช่วยเหลือออกมา นั่นก็แสดงว่าผู้โดยสารทุกคนถูกอพยพออกมาจนหมดสิ้นแล้ว...หากแต่ร่างลูกเรือคนแรกนั้น คือชายหนุ่มที่ถูกหามออกมาอย่างไร้ความรู้สึกใดใด.. ดวงตาซีดเผือดแปดเปื้อนไปด้วยเขม่าควัน เขาคือ บาเรลล์ คลูเซอร์ ศีรษะของเขาอาบเลือด ร่างกายส่วนล่างมีแผลฉีกขาด มือข้างหนึ่งมีผ้าอ้อมเด็กเกี่ยวไว้กับนิ้วมือ... เขาคงพยายามจะช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งให้ออกมาจากคาบินนั้น...หากแต่ผลคือเรื่องน่าที่เศร้า เด็กทารกผู้นั้นไม่มีวันที่จะได้ออกมาจากคาบินนั้นอีกเลย...ตลอดกาล...เอลลี่กับชอริต้า พยุงร่างของเทลิซ่า พ้นจากลำเครื่องมรณะ... สามสาวพากันประคองกันและกันออกมา ต่างน้ำตานองหน้าและยังช็อคกับเหตุการณ์ ทันทีที่ทิมมี่เห็นน้องสาว.. เขาวิ่งลอดผืนผ้าเหลืองที่กั้นเอาไว้แล้ววิ่งตรงเข้าไปรับร่างของน้องสาวที่สะลึมสะลือร้องไห้อย่างไม่ได้สติ...



 “ขวัญมาน้องรัก! เป็นยังไงบ้าง! เป็นยังไง!” มีแต่เสียงร้องไห้ตอบกลับ ผู้เป็นพี่ชายโอบกอดร่างน้องสาวไว้แน่น ส่วนชอริต้าและเอลลี่วิ่งไปสวมกอดเพื่อนร่วมงานทั้งที่สนิทและไม่สนิทที่ยืนเป็นกำลังใจอยู่ด้านนอกเส้นกั้นด้านหลัง...คุณซินดี้และคุณโรสรอยด์ปลอบขวัญให้คืนสติ ...ในขณะที่ทิมมี่พาน้องสาวเดินออกมา แต่เทลิซ่ากลับสะบัดตัว แล้ววิ่งตรงไปที่เตียงของบาเรลล์ที่กำลังจะถูกเคลื่อนเตียงมาทางด้านนี้...หญิงสาวตะเบงเสียงเรียกชายหนุ่มที่เธอ “รัก” วิ่งตามรถเข็นคนนี้ไปจนถึงรถตู้พยาบาลที่จอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด... ไม่ช้า...เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็พากันเปิดดังระงมให้คนโดยรอบใจสั่นไปกับเสียงนั้นอีกครั้งหนึ่ง..


“คุณคือคนสุดท้ายใช่หรือเปล่า!?” เจ้าหน้าที่กู้ภัยตะเบงเสียงถามใส่โทรโข่ง... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ชะงัก หันไปมองที่ต้นเสียงและจับจ้องไปที่ทางออกของลำเครื่องนั้น... และในที่สุด.. คนที่ก้าวออกมาพร้อมเรี่ยวแรงที่อิดโรยเต็มที... คนๆนั้น ทำให้ทิมมี่ ต้องเหลือกตาโต... ด้วยความไม่คาดคิด!!
             

 “ใช่ครับ! ........ผม...คือคนสุดท้าย....” สิ้นเสียงของบุรุษร่างสูงตรงนั้น...พาให้เข่าของทิมมี่..อ่อนลงอย่างหมดแรง.. ร่างกายล้มลงกับพื้น น้ำตาไหลรินออกมาอย่างสิ้นหวัง...เมื่อคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าที่ประกาศตัวว่าออกมาเป็นคนสุดท้าย..









เขาคือ........ เควิน!







 “ไม่จริง.... ไม่จริง!............. คุณลูคัส!!! คุณลูคัส!!” ร่างของทิมมี่กระแทกลงพื้น... ไม่ช้าก็มีคนรอบข้างสังเกตเห็น... หนุ่มหน้าขาวอีกคนวิ่งตรงเข้ามาประคองเอาไว้... ทิมมี่ที่ดวงตาลืมปรือ...น้ำใสใสไหลรินออกมาเปื้อนแก้ม..มองโรเจอร์ ซินแคลร์
ที่กำลังอุ้มร่างเขาเข้ามาในตัวอาคารผู้โดยสารอย่างทุลักทุเล...สีหน้าหยกบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดแน่นเต็มอกของเขา... ผู้สื่อข่าวมากมายวิ่งพรวดพราดสวนกันไปมาโดยรอบ...เสียงของเหยี่ยวข่าวเหล่านั้นที่รายงานสดกันอยู่ไม่ไกล มันดังระงมใส่โสตประสาททิมมี่ ดรอว์เยอร์อย่างชัดเจน...



 “ตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทยอยกันเข้าไปในตัวเครื่องบินนะคะ คิดว่าตอนนี้ควันเริ่มจะเบาลงแล้ว และไฟคงดับไปหมดแล้วค่ะ ภารกิจต่อไปของเจ้าหน้าที่ก็คือ การนำศพของกัปตันที่หนึ่งและกัปตันที่สองออกมาค่ะ คาดว่าข้อสันนิษฐานที่ว่าทั้งสองกัปตันเสียชีวิตคาที่น่าจะเป็นเรื่องจริงค่ะ และอีกทั้งข้อมูลจากคุณชอริต้า แซดเลอร์ แอร์โฮสเตสคนหนึ่งที่อยู่เหตุการณ์นะคะกล่าวว่า ก่อนที่จะกัปตันมือที่หนึ่งจะขึ้นเครื่อง เธอเห็นกัปตันมือหนึ่งมีสีหน้าเครียดมากและดูเหมือนคนอดหลับอดนอน ประจวบกับบรรยกาศที่แปรปรวนด้านนอก อย่างไรก็ตามที่มาที่ไป  เราจะรายงานกันให้ทราบเป็นระยะๆ ถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้... ดิฉัน มอแกน ดรัสปัวรองต์ ...ช่อง C-Channel รายงาน”





END




จบแล้ว....จริงๆนะคะ....  :sad4:


พบกัน.....ในตอนพิเศษ....ตอนสุดท้าย....ของนิยายเรื่องนี้......


T^T


   .
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-10-2011 20:43:17
อะไรเนี่ยะ  จบแบบนี้จริง ๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Kusano ~~ Kawaii ที่ 25-10-2011 20:48:46
อ่านยาวมาจนถึงตอนจบ

ปวดใจสุดๆ

ทั้งกัปตัน ทั้งบาเรล TT^TT

หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: b.w.13 ที่ 25-10-2011 23:42:30
จบโหดมาก!!!
ไม่เอานะ อย่าจบอย่างนี้
จะร้องไห้แล้วอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 26-10-2011 05:58:24



   แง๊ว. . . จบอย่างงี้เลยเหรอค้าาาาา
   T T
   อย่างเศร้าเลยง่า แงๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 26-10-2011 08:05:28
... (TT^TT)

รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 26-10-2011 09:13:19
เอิ่มนะ ถ้ามันจะจบเศร้าขนาดนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 26-10-2011 11:41:50
ห๊ะ!!!!!จะจบงี้หรอ ม่ายน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 26-10-2011 11:47:32
จบแบนี้จริงๆหรอ แบบว่าทำร้ายจิตใจกันมาก  :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 26-10-2011 17:17:01
ทำใจมาจากตอนที่แล้วมาแล้วนะ
แต่พอได้อ่านจริงๆ ก็ไม่ไหว กรีดร้องงงงงงงงงง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 26-10-2011 20:34:20
ตอนพิเศษต้องมีอะไรแน่ๆช่ายม้ายยยย

กัปตันตายไม่ได้น้าาาาาT^T

+1 ให้คนโพสจ้า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: THE LAST FLIGHT หิมะ...เริงไฟ [25/10/54]
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 30-10-2011 16:17:33
SPECIAL FLIGHT
GOODBYE MY LOVE… [ONLY] IN MY DREAM

บันทึกรัก..ไว้เพียงแค่.. “กล่องดำ”






          ลมกรรโชกที่ยังคงไม่หยุดพัก แม้ดวงหน้าที่แห้งกร้านเพราะลมต้องจนเกิดรอยแตกบนผิวหนัง... น้ำตาที่ไม่ว่ามันจะไหลรินออกมามากมายสักเท่าไหร่ มันก็มิอาจทำให้โชคชะตาพลิกผันกลับไปสู่ในห้วงอดีตได้อีกแล้ว... ความทรงจำและวันเวลาที่แสนดีของคนเรามักจะผ่านไปเร็วเกินไปนัก... เสียงสะอื้นและการร้องไห้ มักจะมีมากและตราตรึงเป็นที่จดจำมากยิ่งกว่าความสุขที่คนๆหนึ่งจะพึงมี ลองคิดดูให้ดี..ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร...การที่คุณได้เคียดแค้นใครและชิงชังคนๆนั้นมากเท่าไหร่ หากความผูกพันมันเคยเกิดขึ้น...คุณจะไม่มีวันลบล้างสิ่งดีๆเหล่านั้นให้ออกไปจากความรู้สึกได้..แม้หัวใจในวันนี้ มันจะมีแต่เรื่องที่บาดหมางกัน...


          สายตาของหนุ่มหน้าหยกทอดมองเครื่องบินที่พังพินาศส่วนหัวด้านล่างจากชั้นดาดฟ้าของตึกอาคารผู้โดยสาร ใกล้กันกับหอบังคับการบิน... ดวงตาสั่นพร่ามองความสงบเงียบ ราวกับนกยักษ์ที่ไร้วิญญาณ ไร้หัวใจ..มันพรากใครบางคน ที่เขาเคยคิดฝันว่าคนๆนั้น... จะได้อยู่เป็นส่วนหนึ่งของหัวใจ... ให้ตายจากเขาไปในวันนี้...ลมตึงถึงแม้มันจะมากับละอองหิมะที่ตกลงมาหนายิ่งขึ้น...แต่หนุ่มหน้าขาวก็ไม่อยากที่จะออกไปจากจุดๆนี้... เขาต้องการที่จะยืนร้องไห้ตรงนี้ ไม่ว่าอากาศจะเย็นลงและเหน็บหนาวอีกสักเพียงไหน...เขาจะรอดูวินาทีที่ร่างของ “คนที่เขารัก” ถูกลำเลียงออกมาจากส่วนหัวของเครื่องบินนั้น... แม้ใจหนึ่งจะบอกว่ามันไม่ใช่ภาพที่หน้าดูเท่าไหร่... แต่วินาทีนี้อาจจะเป็น “วาระสุดท้าย” ที่เขาจะได้เห็นใครคนนั้น...ก่อนที่เขาจะไม่มีวันได้พบเจออีกแล้ว..ตลอดกาล...



                           
“คุณเป็นคนแรก..คุณดรอว์เยอร์........ คุณเป็นคนแรก.......และคนเดียว....... ที่ทำให้ผม...ร้องไห้....”


          เปล่าเลย... คำพูดที่ดังก้องอยู่ในหัวทิมมี่ตอนนี้...หนุ่มหน้าหยกกลับคิดว่าเขาต่างหากที่เป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่มากที่สุด...ทุกๆหยดน้ำตาที่เคยสูญเสียเพราะเขา.. มันล้วนกลั่นกรองออกมาจากคำว่า “รัก” ทั้งหมดทั้งสิ้น... แต่หากว่าในวันนี้... หนุ่มหน้าหยกนั้นไร้ซึ่งโอกาสเสียแล้ว..โอกาส.. ที่จะบอกคนๆนั้นว่า... เขา “รัก”... คนๆนั้น มากมายเพียงไร...เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา...ทิมมี่รู้สึกได้แม้เสียงลมจะตึงกรอกหู... เขาไม่ต้องการให้โรเจอร์มารบกวนในยามนี้...หากแต่โรเจอร์ก็เป็นคนที่ช่วยอุ้มเขามาอยู่ในที่ๆปลอดภัย...




“....คุณซินแคลร์....... ผม....ผมอยากอยู่คนเดียว....” เสียงสั่นของทิมมี่ ดรอว์เยอร์...บนชั้นดาดฟ้าที่สายลมแม้จะรุนแรงกว่าเบื้องล่าง แต่มันก็ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้ยินชัดเจนอย่างไม่ลำบากที่จะฟัง...



“...อยู่คนเดียวตรงนี้.... ที่นี่น่ะหรือ...?.........ไม่หนาวรึไง?” ทิมมี่เรียบเรียงคำพูดที่ได้ยิน... เขาคิดที่จะตอบกลับไปทันทีว่าเขาไม่ได้รู้สึกทรมานเพราะความหนาวเหน็บอะไรหรอก... แต่ทว่า! เขากลับชะงักอึ้งไปเพราะน้ำเสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้น... พาให้หนุ่มหน้าหยก.. ตอบคำถามนั้นไม่ออกเสียแล้ว...





ไม่ใช่เสียงของโรเจอร์....





“..... ถ้านายไม่รักใคร... รักตัวเองบ้างก็ดีนะ....”





น้ำเสียงของหนุ่มตาคม... ดังอยู่ด้านหลัง..ทิมมี่ ดรอว์เยอร์...



                           
         
          ความรู้สึกสับสน.. สมองที่ตึงไปด้วยความตกใจ...พาใบหน้าซีดหันกลับไปมองคนที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลัง... ดวงตาของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ เบิกกว้าง...ริมฝีปากเรียวบากที่แตกแห้ง อ้าออกเล็กน้อยราวกับคนตกตะลึงต่อภาพตรงหน้าที่เห็น... บุรุษหนุ่มในชุดเครื่องแบบ “กัปตัน” ยืนตรงมาดงดงามอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้! เจ้าของดวงตาคมกริบยืนมองทิมมี่ด้วยความรู้สึกโหยหา.. ชุดเสื้อผ้าที่ไร้รอยเปื้อน ทำให้ทิมมี่ถึงกับชะงักราวกับคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า..ล่องลอยออกมาจากในห้วงคำนึงที่พึงฝัน..





“....ค...คุณ.....คุณ....” รอยยิ้มบางของกัปตันหนุ่มรูปงามเบื้องหน้า ค่อยๆคลี่ออกมาเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มของความรู้สึกเศร้าที่เขามอบให้หนุ่มหน้าขาวในยามนี้..



“....ร้องไห้ทำไมกัน.....น้องสาวของนายก็ปลอดภัยไม่ใช่หรือ?....” คนที่ถาม...ถามเพราะความที่ไม่รู้และไม่เข้าใจจริงๆ... ในขณะที่คนที่ถูกถามเองก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอีกยกใหญ่..พลางใจภาวนาขอให้บุรุษตรงหน้านี้มีตัวตนจริงๆด้วยเถอะ



“...ผม.....ผม....” ทิมมี่ยกฝ่ามือเย็นเฉียบของตัวเองมาปกปิดใบหน้า ใจยังพร่ำภาวนาขอให้การเปิดตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง... ขอให้เขายังคงยืนอยู่... ขอให้เขายังอยู่ตรงนั้นจริงๆ!




    ฝ่ามือเรียวบางค่อยๆเปิดออกช้าๆ...รูปหน้างดงามของกัปตันลูคัส กาโรลกับรูปร่างสูงโปร่งอันน่าหลงใหลยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่จากไปไหน! สิ้นสุดความคิดแต่สติที่หนุ่มหน้าหยกพึงมี...เขาวิ่งตรงเข้าไปกัปตันหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า! อ้อมแขนบอบบางโอบกอดร่างของคนที่หนุ่มหน้าหยกรู้สึก “รักเต็มล้นหัวใจ” ร่างกำยำที่ถูกสวมกอด ดวงตาคมกริบเบิกกว้างเล็กน้อยราวกับประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น..





“...เป็นอะไรไปทิมมี่....” น้ำเสียงตระหนกถามอย่างไม่รู้อะไรเช่นเคย..หนุ่มหน้าขาวไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่เสียแล้ว...อ้อมแขนแกร่งกอดรัดตอบโต้ร่างบาง กัปตันหนุ่มหัวใจทระนงถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่ร่างที่บางกว่า..ท่ามกลางละอองหิมะขาวที่ร่วงโรยรายลงมาจากฟากฟ้าไม่ยอมสุดสิ้น หากแต่คนทั้งคู่ในยามนี้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน..ความหนาวเย็นไม่ใช่อุปสรรคต่ออ้อมกอดแห่งรักในยามนี้ของทิมมี่เลยสักนิดเดียว..




“...ผมรักคุณ...! ผมรักคุณ คุณลูคัส! ผมรักคุณ!”




          เจ้าของร่างแกร่งและดวงตาคมกริบยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นอ้อมกอดที่เขาไม่ยอมปล่อยให้พ้นไปอีก ความสงสัยและอารมณ์ตะลึงงัน พยายามถามพระผู้เป็นเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้...หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดถาม เพราะเขาไม่ต้องการสิ่งใดและความหมายอะไรอีกแล้ว...นอกจากคำพูดที่ทิมมี่ ดรอว์เยอร์... มอบให้เข้ามาแล้วอย่างชัดเจนที่สุด...ฝ่ามืออุ่นวางลงบนศีรษะของหนุ่มหน้าหยก รอยยิ้มปลื้มใจปรากฏบนใบหน้าของกัปตันหนุ่มที่แสนดีกับน้ำตารื้นตื้นตันกับถ้อยคำที่ได้ยินเมื่อครู่...









“ไม่ว่าสิ่งๆนั้น...มันจะคืออะไรสิ่งที่ทำให้นายบอกรักฉันมันจะเป็นสิ่งไหน...ฉันก็ไม่อยากรู้หรอกทิมมี่.... แต่สิ่งที่ฉันอยากรู้จริงๆ.......ตอนนี้... ฉันรู้แล้ว...............ขอบคุณครับ...”



           


++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ PARIS POST ในวันรุ่งขึ้น...


             
“โศกนาฏกรรม สายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์...คร่าชีวิตกัปตันสองคน เสียชีวิตคาที่ และผู้โดยสารอีกสี่คน สามคนเป็นผู้สูงอายุ ส่วนอีกคนเป็นเด็กทารกวัยเพียงหกเดือน : คาด...เป็นเพราะมรสุมและลมกรรโชกแรง และสุขภาพของกัปตันมือหนึ่งบกพร่อง จนเกิดอุบัติเหตุอันน่าสลดใจในครั้งนี้... [เนื้อหาข่าว] >>
   


            ห้องประชุมใหญ่ ที่ อาคารศูนย์ปฏิบัติการลูกเรือของสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์... ผลการประชุมจากผู้บริหารระดับสูง นายริชาร์ด คลูเซอร์ และนายเปอโรล เดอ กาลิเย่ ประธานบริหารท่าอากาศยานนานาชาติแห่งกรุงปารีส ...สรุปได้ว่า สายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์จะถูกยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดเป็นระยะเวลาสามเดือน แต่นายเปอโรล ยืนยันว่าไม่ใช่การยุบสายการบินอย่างแน่นอน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะความผิดพลาดจากการทำงานของตัวเครื่อง...แต่เป็นเพราะความประมาทต่อสภาพบรรยากาศของนักบินเอง...ทั้งนี้ทั้งนั้น พนักงาน ลูกเรือ และเจ้าหน้าที่ของสายการบินที่ถูกพักงานทั้งหมดจะได้รับค่าชดเชยครบถ้วน เว้นแต่ค่าชั่วโมงบิน ซึ่งทางองค์การท่าอากาศยานฯจะเป็นผู้รับผิดชอบส่วนหนึ่ง และทางสายการบินจะเป็นผู้รับผิดชอบอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บ และค่าทำขวัญแก่ญาติผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ”



          ข่าวคราวความเสียหายยังคงมีอยู่ทุกช่วงต้นชั่วโมงของรายการข่าวมากมายทุกๆช่องทั้งในฝรั่งเศสและทั่วโลก..แม้วันเวลาจะผ่านไปสามสี่วัน ความวุ่นวายยังคงไม่จบ..ชีวิตของลูกเรือบางส่วน ถูกย้ายไปประจำอยู่ที่สายการบินพันธมิตรที่มีคุณภาพต่ำกว่า แต่ก็ยังดีกว่าการถูกพักงานเฉยๆไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำมาหากินอะไรกันในช่วงสามเดือนที่บริษัทถูกหยุดพักทุกเที่ยวบิน กัปตันลูคัสที่ว่าจะวางแผนสำหรับการพักผ่อนของตัวเองก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะได้คนรู้ใจร่วมพักผ่อนไปด้วยอีกคน.. เขาตั้งใจเริ่มชีวิตใหม่กับคนรักคนใหม่.. อีกทั้งคนๆนี้ซึ่งมี “เพศ” เดียวกัน.. หากแต่ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจนั้นเขาไม่มี หากจะมีก็มีตรงที่ว่า... ทิมมี่เป็นที่ชอบทำตัวเงียบเชียบเกินไป หากเพราะหนุ่มหน้าหยกไม่ต้องการให้โลกรู้ว่าเขามีรสนิยมแบบไหนด้วยทั้งการงานอาชีพ รักษาหน้าตาของตัวเองและเพื่อรักษาเกียรติของคนรักของเขาเอง ซึ่งเป็นถึงระดับกัปตัน..




          หากแต่ก่อนหน้านี้...เมื่อตอนที่ทุกชีวิตถูกสั่งพักงานและบางส่วนอาสาโยกย้ายตัวไปทำสายการบินมิตรสหาย...โรเจอร์ ซินแคลร์ก็ยังแผลงฤทธิ์ไม่เลิกรา ครั้งหนึ่งซึ่งการกระทำของเขาทำให้ตัวเองต้องพบกับความสูญเสียที่น่าเวทนา... เขาตัดสินใจขับรถพุ่งชนกัปตันลูคัส หากแต่เหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อถนนที่ลื่นและเต็มไปด้วยหิมะ มันพาให้ล้อรถเกิดเสียหลักชายหนุ่มหน้าขาวเผชิญเคราะห์กรรมของตัวเอง โดยการที่รถของเขาได้พุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างแรง... จนทุกวันนี้เขาต้องนอนเจ็บแค้นอยู่บนเตียงหนานุ่มภายในโรงพยาบาลของรัฐคุณภาพต่ำกับสภาพของคนพิการท่อนล่างเสียทั้งหน้าที่การงาน...และเสียทั้งคนที่เขารัก...หากแต่ยังมีอีกคน.. ที่ได้รับผลกรรมของตัวเองเช่นกัน..



    คืนวันก่อนที่ทิมมี่และกัปตันหนุ่มช่วยกันเตรียมข้าวของ เพื่อไปพักผ่อนระยะยาวที่ซิดนีย์... วีว่า เลอคอติสบุกเข้ามาจู่โจมภายในร้านขายของในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุง หากแต่หล่อนก็ถูกกัปตันหนุ่มผลักไสอย่างเช่นเคย แต่มันมีเหตุการณ์ที่ย่ำแย่กว่านั้นตามมา..วีว่า เลอคอติส ย้ายสังกัดไปทำงานกับ ROYAL PARADY AIR ชั่วคราว... หล่อนใช้ “สันดาน” เดิมที่ตัวเองได้เป็นอยู่อย่างไม่คิดปรับปรุงตัว เผยแพร่ความร้ายกาจให้ผู้ร่วมงานหน้าใหม่หน้าเก่าได้เห็น.. แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่จะทำให้หล่อนเข็ดขยาด และรู้ถึงความเจ็บปวดและความอับอายจากที่หล่อนเคยกระทำแก่ผู้อื่นเอาไว้ หากแต่หล่อนกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง จากผู้หญิงสามคน!? ภายในห้องพักผ่อนของ ROYAL PARADY AIR ... วีว่า เลอคอติสแผลงฤทธิ์เดชใส่กับแอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่ง...ที่เดินหักเลี้ยวมาชนหล่อนจนถ้วยกาแฟร้อนในมือของหล่อนเองหกรดหน้าอกใหญ่โต จนหล่อนหวีดร้องออกมา




“ยัยบ้า!! ใช้ตาหรือใช้ตี_ เดินยะ! เห็นมั้ยเนี่ย! เสื้อผ้าฉันเปรอะหมดแล้ว!! นังร่านเอ๊ย!” ช่างเป็นคำด่าที่ติดปากหล่อน คำพูดหยาบคายนั้นทำให้แอร์ฯสาวหน้าเจื่อนก้มหน้าเงิกๆเงิ่นๆขอโทษขอโพย..แต่ไม่ทันที่เข็มนาฬิกาจะเดินครบนาที... สายน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นเยือก ถูกสาดเข้ามาจากทางด้านหลังตัวหล่อนอย่างแรง พาให้หล่อนกรีดวีดว้าย หันหลังไปทำตาเขียวใส่บุคคลที่สาดน้ำเย็นใส่เธอ!



“น...นัง! ...... นังชอริต้า!!” แก้วน้ำเย็นที่เหลือแต่ความว่างเปล่า ถูกเขวี้ยงใส่หน้าผากวีว่า เลอคอติส เป็นการซ้ำเติม... ชอริต้าในชุดเครื่องแบบใหม่ชั่วคราวยิ้มเยาะ แต่มันยังไม่สาแก่ใจ!



“เย็นมั้ยล่ะ! หล่อนนั่นแหล่ะร่าน!! ... ฮึ... หล่อนคงไม่คิดสินะ ว่าตัวหล่อนจะได้รับความรู้สึกแบบนี้ จากฉัน!! เป็นยังไง!! รู้แล้วใช่มั้ย! .... อีตอนที่หล่อนสาดน้ำในห้องน้ำใส่ฉัน แถมจะกดหัวฉันให้ตายคราวนั้น! แค่นี้มันยังน้อยไป!!”



“นี่แกถือดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้!! แกกล้าเหรอ!!” ชอริต้ายิ้มเยาะแทนคำตอบ หากแต่อีกสองสาวเดินออกมาทางด้านหลังของวีว่า อีกด้านหนึ่ง... เพราะกับน้ำเสียงเย้ยหยันตอบแทน



"ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกเราหรอก... วีว่า เลอคอติส...” คำพูดของเอลลี่ผู้เคยเจ็บปวดต่อการกระทำของสาวเจ้า พูดขึ้นด้วยสีหน้าเข้มและมือที่กำแน่น หญิงสาวอีกคนที่ยืนกอดอกชื่อ “เทลิซ่า” ก็มองจ้องเธอด้วยความเจ็บแค้นไม่ต่างจากกัน ถึงเวลาแล้ว...กับการที่หล่อนย้ายมาที่นี่ และได้รับบทบาทแค่การเป็นแอร์โฮสเตสธรรมดาๆเช่นพวกเธอ...และโอกาสนี้แหล่ะ... ที่เทลิซ่าจะตอบแทนบุญคุณของ วีว่า เลอคอติส...ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่สาวของเธอต้องตาย!











“ระวังตัวเอาไว้เถอะ.... วีว่า เลอคอติส....เที่ยวบินที่เธอต้องชำระค่าชั่วโมงให้กับฉัน...มันยังอีกนาน...นานทีเดียว!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          ผลการเอ็กซเรย์เป็นไปได้ด้วยดี...ร่างกายของบาเรลล์ คลูเซอร์ พ้นขีดอันตรายได้อย่างปาฏิหาริย์...ชายหนุ่มลืมตาขึ้นครั้งแรกหลังจากที่หมดสติไปนานแสนนานเหลือเกิน หากแต่วินาทีแรกที่เขาได้มองทุกสิ่งบนโลกอีกครั้ง.. เขาก็ได้พบกับหญิงสาวที่เขาไม่เคยลืมแม้ยามนิทราที่แสนนาน

 
“ดีจัง.... ที่ตื่นขึ้นมา... ก็เห็นเธอ...คนแรก” นั่นคือคำพูดของเขา ที่เอ่ยทักเทลิซ่าทันทีที่ตื่น... เทลิซ่าน้ำตาตื้นตัน ฝ่ามือของหญิงสาวกุมไว้ที่ชายหนุ่มแน่น..ไม่ว่าเขาจะรอดชีวิตออกมาและต้องประสบกับร่างกายที่จะต้องอยู่ในสภาพใดก็ตาม เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาคนนี้ไปที่ไหนแน่นอน... บาเรลล์ยิ้มไม่หุบน้ำตาไหลไม่หยุด... ท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่แอบจ้องมองมาจากหน้าต่างขุ่นๆของบานประตู... เขายืนหน้าเศร้าอยู่หน้าห้องนั้น อย่างไม่คิดที่จะเหยียบย่างเข้าไป..


          คนดังกล่าวเดินทางไปสารภาพผิดกับคุณซินดี้และคุณโรสรอยด์... เขาได้รับการอภัยจากคุณซินดี้ และเธอก็บอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ผู้บริหารรับรู้ ขอให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงแค่ “อุบัติเหตุ” หากแต่คนๆนี้ที่ชื่อ “เควิน” ...ก็จะต้องได้รับบทลงโทษตามเหตุและผลเช่นกัน..ใช่..คุณซินดี้เชิญเควินออกจากอาชีพนี้อย่างถาวร หากแต่เธอยังเปิดโอกาสให้เขาทำตามความฝันอยู่ โดยการไม่กรอกประวัติด่างพร้อยลงไปในสมุดส่งตัว... แต่เควินก็ปฏิเสธอนาคตของตัวเอง... เขาออกจากสายการบินดานอสซี่ แอร์ไลน์ และไม่คิดที่จะกลับสู่เส้นทาง “เทวดา” อย่างอาชีพสจ๊วตที่ดูดีเช่นนี้... อีกเลย...


          หลังจากที่เควินออกจากวงการเทวาไปได้หนึ่งสัปดาห์...สัปดาห์ต่อมาก็มีนางฟ้าที่สลัดปีกอย่างไม่เต็มใจอีกหนึ่งคน... เธอคือนางฟ้าวีว่า เลอคอติส...ที่อดทนกับการถูกกลั่นแกล้งจากนางฟ้าอีกสามนางไม่ไหว หล่อนพาตัวเองออกมาจากวงการที่สูงส่งกลับลงมาใช้ชีวิตแบบนางงามกระจอกๆเรื่อยไปในอาชีพเซลล์ขายของตามห้างสรรพสินค้า แต่หล่อนก็ยังไม่วายถูกไล่ออกยังไม่ทันจะข้ามคืนข้ามวัน เพราะอารมณ์ร้อนของเธอที่ทำให้เธอขาดสติและไม่เหมาะกับงานเหล่านั้น...ใช่แล้ว...เธอไม่สมควรกับงานบริการทุกประเภท เธอควรจะอยู่เฉยๆ หรือไม่ก็หาสามีที่ “ดีๆ” มากกว่า... แต่หากเธอหาได้แล้ว... ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่า “คนๆนั้น” ของเธอ.. จนทนกับพฤติกรรมของเธอ และใจเย็นได้เท่ากับ“กัปตันลูคัส กาโรล” บ้างหรือเปล่า...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          สายลมเย็นชื่นฉ่ำใจ.. หิมะหายตกแล้วในมหานครซิดนีย์ แต่บนพื้นก็หนาไปด้วยหิมะขาวนวลสร้างบรรยากาศให้เย็นย่ำอยู่อย่างไม่สร่าง.. สเว็ตเตอร์สีน้ำตาลเข้ม กัปตันหนุ่มเป็นผู้ซื้อให้คนรักได้สวมใส่ มันอุ่นยิ่งกว่าเสื้อกันหนาวตัวไหนๆบนโลกใบนี้..บนหอคอย Sydney Tower ...สองหนุ่มเทวดากำลังยืนมองวิวทิวทัศน์มหานครซิดนีย์อย่างเพลิดเพลินด้วยความสูงจากพื้นดิน 304 เมตร...หากแต่มันไม่ได้สร้างความหวาดเสียวให้แก่คนทั้งคู่เลย..หากเพราะว่าเขาทั้งสอง เคยบินเหนือหอคอยแห่งนี้สูงขึ้นไปมากกว่านี้อีกเสียด้วยซ้ำ ก็แน่นอนล่ะ...บอกแล้วไง..พวกเขาคือเทวดา..


 

“เมื่อไหร่จะหมดหนาวเสียทีเนี่ย..” หนุ่มหน้าหยกพูด พลางยกมือที่สวมถุงมือหนา ขึ้นมาประกบริมฝีปาก และเป่าลมอุ่นในร่างกายออกมา ..ไอควันจากความหนาวเย็นพวยพุ่ง กัปตันหนุ่มเห็นแล้วอดยิ้มออกมาเสียไม่ได้

 

“หน้าหนาวเนี่ยแหล่ะดีที่สุดแล้ว..”

 

“...ทำไมล่ะครับ?... ผมว่ามันเป็นช่วงที่ทรมานที่สุด... หลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ไหนวันที่จะต้องสระผม... ผมรู้สึกแย่กับโรคภูมิแพ้ของตัวเองเสียจริง” กัปตันหนุ่มยังยิ้มไม่หุบ คนข้างกายน่าเอ็นดูกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา หากเพราะวันนี้..เขาได้หัวใจของหนุ่มหน้าหยกคนนี้มาครอบครองแล้ว...และเขาไม่มีวันที่จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเหมือนที่ผ่านมาอีก...


 

“...หน้าหนาวน่ะนะ... มันทำให้เราได้รับรู้...ได้สัมผัส... ถึงความอบอุ่น ได้ชัดเจนมากที่สุดต่างหาก.....ยามใดที่ฉันหนาว... แค่เพียงได้เห็นหน้านายยิ้มเท่านั้น...ต่อให้อุณหภูมิจะติดลบกว่านี้อีกสักสิบองศา... มันก็ไม่ใช่อุปสรรคเลย...” ทิมมี่ข่มหน้านิ่งหลบความเขิน เขาเก่งในการควบคุมอารมณ์เช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่ากัปตันหนุ่มจะพยายามให้เขาตบะแตกได้อยู่เรื่อยๆและเกือบทุกครั้งไป...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน.. รอยยิ้มของคนข้างเคียง ทำให้เขาเริ่มอดใจไม่ไหวปล่อยความแดงบนใบหน้าให้ปรากฏชัดเจนในเวลาต่อมา



“....หนาวหรือเปล่า?...”

 

“...ก็เห็นอยู่....” ทิมมี่ตอบห้วนๆดวงตากวาดมองมหานครที่แออัดอย่างไร้สาระ

 

“ถ้าฉันจะกอดนายตรงนี้ล่ะ...”

 

“อย่าน่ะ... ทุเรศ...”

 

“ฉันไม่บ้าหรอกนะ...” ดูเหมือนทิมมี่จะหน้าเสียไปเหมือนกันที่ถูกประชดด้วยสีหน้าหยอกเย้าของกัปตันลูคัส

 

“คุณโรคจิต... ผมเดาใจคุณไม่ถูกหรอก...ถ้าเกิดตอนไหนคุณบ้าขึ้นมาจริงๆ...ผมคง....”





             
อุ๊บส์!





             
          ประโยคคำพูดยังไม่จบสิ้นดี...ริมฝีปากเรียวบางก็ถูกประกบแน่นจากชายหนุ่มตรงหน้า..อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างที่บางกว่าเอาไว้แน่นแนบลำตัว สายตาคนอื่นที่เริ่มเบี่ยงเบนมา พากันตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าของพวกเขา..กัปตันหนุ่มค่อยๆถอนริมฝีปากอุ่นออกมาช้าๆ...ก่อนที่รอยยิ้มสะใจจะปรากฏขึ้น ทิมมี่ดวงหน้าแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ความอับอายพุ่งพล่านเต็มอก


 
“นายคง....คงอะไร?... ยังพูดไม่จบเลย...” ทิมมี่ผละตัวถอยออกมา สายตาคนอื่นรีบหันกลับไปวางตำแหน่งที่เดิม เมื่อหนุ่มหน้าหยกมองกลับไปทางพวกเขาอย่างอับอาย

 

“ไอ้กัปตันโรคจิต... คุณเป็นเกย์!”

 

“ชู่ววว์!” กัปตันลูคัสทำหน้าตระหนกรีบเอานิ้วชี้ขึ้นมาแปะที่ปากทิมมี่อย่างรวดเร็ว...หนุ่มหน้าหยกรู้สึกแปลกใจที่ว่า.. ทำไมกัปตันหนุ่มคนนี้ ถึงยังไม่ทำใจ “ยอมรับ” กับคำว่า “เกย์” ได้เสียที

 

“ฉันบอกแล้วไง... ว่าฉันไม่ชอบคำนี้...”

 

“..หึ... บ้าที่สุด...หากคุณไม่ใช่เกย์...ผมคงรู้สึกแย่เหมือนเดิมนะ...” ทิมมี่หันหน้าไปทางกระจกบานใหญ่ สายตามองลงไปยังภูมิทัศน์ของมหานครอันกว้าง...ความรู้สึกหงุดหงิดตามมาอย่างเจ็บปวด เขายังไม่ยอมรับเสียที...แล้วถ้าวันหนึ่ง ชายคนนี้จะคิดกลับไปคบกับผู้หญิงล่ะ? ...ตัวเขาในวันนั้น... จะอยู่ตรงไหน... ในหัวใจของเขา...


          ร่างที่บางกว่าตอบสนองปฏิกิริยาสะดุ้งเล็กน้อย...เมื่อร่างแกร่งประชิดตัวด้านหลัง แล้วใช้อ้อมแขนอันแสนอบอุ่นพาดกอดร่างของหนุ่มหน้าหยกเอาไว้...ใบหน้าคมสันวางลงที่ไหล่บางของทิมมี่ รอยยิ้มดีใจที่เห็นอาการดังกล่าว เป็นไปตามความต้องการของผู้ชายเจ้าเสน่ห์เช่นเขา...

                           
 

“...ไม่เห็นจำเป็น...ที่เราจะต้องใช้คำว่าเกย์ในชีวิตเลยนี่.....ฉันคิดว่า... นายจะเข้าใจฉันดีแล้วเสียอีก”

 

“เข้าใจ?..... เข้าใจว่าอะไร?....” จมูกโด่งสัน แนบชิดติดแก้มบางของหนุ่มหน้าขาว พลางสูดดมกลิ่นหอมจากบุรุษเพศเดียวกันอย่างพึงพอใจ ทิมมี่หน้าเริ่มเข้าสู่ภาวะแดงก่ำอีกครั้งหนึ่ง... และไม่ช้า คำตอบที่ทำให้ทิมมี่ยิ้มออกมาได้... และความเข้าใจสุดท้ายและท้ายสุดที่ทิมมี่สัญญากับตัวเองว่า... คำว่า “เกย์” จะไม่ทำให้เราสองคน..เปลี่ยนแปลงไปจากวินาทีนี้... อย่างแน่นอน


 




“ฉันเคยบอกแล้วไง......ฉันจะเป็น ‘ผู้ชาย’…..ที่รักนาย.... มากที่สุด”             
           



 
             
-FLIGHT ENDING-




จบจริงๆแล้วนะคะ ไม่มีต่อแล้วล่ะ ^_^ เป็นไงคะ โล่งอกกันเลยใช่มั้ยล้า ขอโทษที่กลั่นแกล้งกันไปเมื่อตอนที่แล้วนะคะ 55+

          ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาตลอดจนกระทั่งมันจบ...ขอขอบคุณพี่โจโจ้...ที่สรรค์สร้างผลงานดีๆ และน่าประทับใจเรื่องหนึ่งออกมาให้เราได้อ่านกัน หลายครั้งที่แอบขัดใจบ้างอะไรบ้าง ประมาณว่า...ทำไมเป็นงี้เนี่ย...ทำไมกัปตันทำแบบนี้...อะไรประมาณนั้น...แต่สุดท้ายแล้ว....เราก็ตามอ่านและลุ้นไปอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ดี 55+ อยากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในดวงใจเลยนะคะ อิอิ

          ในฐานะคนโพสต์....ขอขอบคุณทุกความเห็น ทุกกำลังใจ ทุกคะแนนบวกที่มีให้กันมาตลอดนะคะ แม้จะไม่มากมายเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ แต่มันก็ทำให้คนโพสต์จอมขี้เกียจคนนี้มีแรงมานั่งอัพเสมอๆ เวลาอ่านคอมเม้นท์ก็นั่งขำไป เพราะได้เห็นปฎิกิริยาที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อนนี่เนอะ กร๊ากกกก แล้วก็ขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณทุกๆคนแทนพี่โจโจ้ด้วยนะคะ เสียดายที่คอมเมนท์ของพี่เขาหายไปแล้วตอนที่เล้าล่ม ไม่งั้นจะเอามาแปะให้อ่านกันถ้วนหน้าเลยล่ะ

คอมเม้นท์สั้นๆที่บอกว่า 'ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาติดตามผลงาน'


สุดท้ายนี้ก็ขอก้มกราบงามๆแทบตักแฟนคลับนิยายเรื่องนี้ทุกคน ดีใจมากๆที่ทุกคนชอบกัน

ขอบคุณค่ะ^_^




S.T.Kalafina
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-10-2011 16:35:03
ฟู่ววว  โล่งอกโล่งใจเป็นที่สุด
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 30-10-2011 17:22:51
สมน้ำหน้าวีว่ามั่กๆ  วะฮะฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณคนโพสมากๆเลยนะคะที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่านกัน 
ขอบคุณคนเขียนด้วยค่า

+1 แทนคำขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 30-10-2011 17:56:30
เฮ้อ!! โล่งอก
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 30-10-2011 18:30:43
 o13

นึกว่าจะเสียน้ำตาไปฟรีๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 31-10-2011 08:25:32



    ในที่สุดก็จบแบบ Happy ending น้าาาา ^ ^
    พอผ่านไปได้ก็หันมาหวานใส่กันเชียว
    เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า skill การระงับอารมณ์ของเหล่าเทวดาจะมีประโยชน์ในการระงับความเขินด้วย
    แต่กัปตันก็คงมีความสามารถพิเศษในการทลายสกิลนั้นละนะ
    สุดท้ายขอบคุณทั้งคนแต่งและคนเผยแพร่มากๆนะคะสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้




หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-10-2011 10:07:51
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 31-10-2011 17:48:02
โล่งมากกกกกกกกกกกกกก  :mc4:

แต่ยังแอบสงสัย ว่าทำไมคุณกัปตันเค้าไม่ได้ขับเครื่องบินลำนั้นล่ะคะ
แอบไปซุ่มเปลี่ยนหน้าที่กับใครตอนไหนนิ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 22-11-2011 02:00:14
โล่งอกที่จบแบบมีความสุข อ่านไปลุ้นไปกลัวจะเสียน้ำตา

สนุกๆ มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอด

เทวดากับนางฟ้านี่เค้าช่างดุเด็ดเผ็ดมันกันจัง o18
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 22-11-2011 10:00:28
เฮ้อ จบแบบไม่ทำร้ายจิตใจกันค่อยยังชั่ว ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 22-11-2011 12:50:44
จบแบบมีความสุข โลงอก โล่งใจ

 o13
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 22-11-2011 13:31:59
เฮ้ออออออออออ  โล่งอกโล่งใจเป็นที่สุด จบแบบมีความสุข
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: tent bodyslam ที่ 22-11-2011 22:10:44
มีเพื่อนรุ่นน้องแนะนำให้อ่าน  บอกว่าสนุกมาก  ก็ตามหา  อ่านทีเดียวจบเลย  ว้าว!! เป็นเรื่องที่สนุกมากเลย  รู้สึกดีด้วย ไม่เรทไม่อะไรแต่ทำให้รู้สึกดี  ดีใจจังที่ได้อ่าน ขอบคุณคนแต่งและคนที่เอามาลงด้วยนะคะ~  o13
พระเอกกับนายเอกน่ารักจัง  ชอบคู่บาร์เรลกับเทลิซ่าด้วยน่ารักดี  :bye2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 22-11-2011 22:52:04
 :sad4:  เสียน้ำตาให้คุณกัปตันไปตั้งหลายปีป.......

พออ่านจบ  :laugh:  สะใจตัวเองโดนคนเขียนหลอก

 o13 สนุกมากๆคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: I_ARMS ที่ 23-11-2011 14:25:39
ขอบคุณครับที่ไม่ใจร้ายกับคนอ่านตาดำๆ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: dxxppos ที่ 23-11-2011 21:37:13
จบแบบนี้ดีจังเลยค๊าบบ  :")
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 25-11-2011 19:05:42
นะ...นี่มันสงครามนางฟ้าชัดๆ แต่เปลยี่นชื่อมาเป็นสครามเทวดา มันส์สุดๆให้ตาย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MaYoonHo ที่ 28-11-2011 18:34:13
โรเจอร์ สมควรแล้วล่ะนึกว่าจะเป็นคนดีซะอีก
เควินร้ายมากก กล้าใส่ร้ายบาเรลล์โดยใช้ชีวิตคนอื่นเป็นเครื่องมือได้ไง

นึกว่าลูคัสจะตายซะอีกนะ โห่ยย ใจหายเลย :)
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 17-12-2011 10:47:06
ลูคัสเปลี่ยนไฟลท์หรอ ...

แต่ว่านะ ชีวิตจริง ก็ไม่ค่อยจ่างอะไรกับนิยายมากหรอก

*** จากคำบอกเล่าของเพื่อนๆ นายฟ้า (ไม่ใช่นางฟ้า และไม่ใช่เทวดา เอิ๊กๆ)
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 18-12-2011 02:44:01
 o22 น่ารักมากเลยคะ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้ลงเอยกันซะแล้วอะ
นึกว่าลูคัสเดทไปแระ แหมสายการบินเนี่ยยุ่งๆวุ่นวายเนอะ
ตอนจบอยากให้สวีทๆกันเยอะๆจังคะ แบบว่าชีช้ำมาตั่งนานอะอยากให้หวานกันนานๆบ้าง
^^ ขอบคุณที่เอาเรื่องนี้มาแบ่งปันนะคะ อ่านเพลินจนจะเลยเวลาเข้านอนแระ 55+
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: erng ที่ 20-12-2011 19:35:37
ลุ้นแทบขาดใจๆๆๆๆๆ
ดีนะ ที่สุดท้ายก็สมหวังงงงง

กินมาม่าจนอืดเลยค่ะ
เฮ้ออออออออออ

น่ารักดีค่ะ

ขอบคุณมากๆๆนะค่า
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: NaGichan ที่ 08-12-2012 22:13:32
ช่วงแรกๆอ่านแล้วชอบนายเควินมากเลยค่ะ นึกว่าเป็นคนดี
เราก็อุตส่าห์เชียร์ให้คู่กับเทลิซ่า แต่ที่ไหนได้..... คนแบบนี้นี่น่ากลัวนะคะ T_T
แต่อย่างน้อยตอบจบก็ได้ชดใช้ความผิดของตัวเอง แมนๆดีค่ะ
ดูดีกว่าอีตาโรเจอร์มากกกกกกก

อยากให้เรื่องนี้มีต่อจังเลยค่ะ
ไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่เกี่ยวอาชีพนี้เลย
พอได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้ก็ดีใจมาก อยากอ่านต่อ (หัวเราะ)


ขอบคุณมากนะคะ (โค้ง)
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 09-12-2012 17:23:55
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ ดราม่าแล้วก็มันส์มากกเลย ขอบคุณผู้แต่งและผู้โพสมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 09-12-2012 22:55:37
สนุกมากคะ ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านกันนะคะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 18-12-2012 23:00:56
 :L2:ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-12-2012 18:15:49
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่แอบเข้ามาอ่านข้างหลังก่อนเลยว่าจะจบแบบสมหวังรึเปล่า
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แอบใจแป้วตอนจบว่าเอ้า จบแบบนี้หรอ
ดีนะที่มีตอนพิเศษมา

ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านกันนะคะ

ปล.นักเขียนท่านนี้เขียนเรื่องอื่นๆด้วยรึเปล่าคะ
ชอบผลงาน :")
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 21-12-2012 01:06:21
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 25-12-2012 00:10:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 08-01-2013 00:00:42
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: memmory_far ที่ 16-02-2013 02:34:20
อิอิ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 16-02-2013 08:29:37
สนุกดีฮ๊าฟฟฟ
ขอบคุณนะฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 16-02-2013 12:51:50
โอ๊ววว เห็นภาพ อยากไปร่วมงาน
กับสายการบินนี้จริง ๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 18-02-2013 21:19:20
สนุก มีอะไรๆให้คาดเดา
ตัวละครแรงๆแทบทุกตัว พระเอกนายเอกเบาไปเลย
ทิมมี่น่ารัก ลูคัสเจ้าเสน่ห์เหลือเกิ๊น

ขอบคุณผู้เขียน&ผู้โพสคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: devilpoo ที่ 23-02-2013 13:57:57
นึกว่าจบที่ลูคัสตาย  แบบนั้นฆ่ากันดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-02-2013 15:47:43
สนุกมาก ลุ้นตลอดเรื่องเลยว่าพระนายเราจะลงเอยกันยังไง
บรรยากาศการเดินเรื่องคล้ายๆเรื่องแปลเลย ^^

บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: acidic_crazy ที่ 06-03-2013 07:06:37
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่เอามาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 06-07-2013 13:53:34
ขอบคุณที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆนะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 11-07-2013 03:14:37
สนุกมากๆ ครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pokkyza ที่ 14-07-2013 06:57:31
อ่านตั้งแต่แรกจนจบเลยค่ะ ฟู่ววววว ขอบอกว่าโล่ง - ใจ - มากกกกกกกกกกกกกกกค่าาา โดนคนเขียนแกล้ง 5555555
โดยส่วนตัวชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ เพราะตัวเราเองก็ไม่เคยอ่านนิยายที่มีธีมแบบนี้มาก่อนเลย เรียกว่าได้เปิดหูเปิดหากับสังคมแบบนี้ไม่เบาค่ะ ^ ^ มีหลายๆ อย่างที่อ่านแล้วถึงกับร้อง "อู้วววว" ด้วยความตื่นเต้น เพราะอย่างห้องนักบินก็เพิ่งรู้ว่าเค้าเรียกกันว่า "ค็อกพิท" ค่ะ ตอนแรกคิดว่าแปลว่าบาร์บนเครื่องบินซะอีก 555555 อีกอย่างที่น่าสนใจคือเรื่อง "สังคม" ค่ะ ถ้าในชีวิตจริงเป็นอย่างนี้ล่ะก็...อื้อหือ งานบริการไม่น่าจะง่ายอย่างที่คิดนะคะเนี่ย ทั้งต้องควบคุมอารมณ์ตนเองแถมลูกค้าก็คือพระเจ้าอีก ไม่พอใจแค่ไหนก็ต้องยิ้ม แง แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้วล่ะค่ะ

ในเรื่องนี้ตัวละครหลายๆ คนทำเราผิดคาดมากเลยทีเดียวค่ะ คนที่คิดว่าดีกลับไม่ดี ส่วนคนที่ไม่ดีกลายมาเป็นพระเอกไปซะได้ เช่นอย่างเควินและบาเรลล์เป็นต้นค่ะ ตอนแรกฟันธงไปเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะว่าต้องเป็นบาเรลล์ที่ทำไฟลท์ล่มจมแน่ๆ แต่กลายเป็นว่าเควินเลวที่สุดซะอย่างนั้น ยิ่งตอนอ่านถึงที่เควินเอามันกุ้งใส่จานคุณยายเนี่ย เราแทบกรี๊ดเลยค่ะ อารมณ์แบบคุณจะบ้าไปแล้วหรือเควินนนน ฟกวดา่ฟวดหยุดนะะะ55555 (<ไม่เป็นภาษาและสติแตกมาก) ส่วนบาเรลล์ก็ได้ใจเราไปเต็มๆ ตอนที่บาดเจ็บเพราะเข้าไปช่วยเด็กเนี่ยล่ะค่ะ ดีใจมากๆ ที่รอดมาได้เพราะความจริงเฮียเค้าก็มีมุมหวานๆ และน่ารักไม่เบาเหมือนกันเนอะ โฮก เต็มสิบไปเลยค่า! >////////<

ภาษาของเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ ส่วนระดับภาษาที่ใช้ก็เหมาะสมดี เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เราอ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้จริงๆ แบบอ่านแล้วมันต้องอ่านต่อเรื่อยๆ! >[]< คนเขียนสื่ออารมณ์ของแต่ละเหตุการณ์ได้ดีมากเลยค่ะ อย่างตอนเชือดเฉือนอ่านแล้วก็เมามันส์เหมือนได้ไปนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ ตอนเศร้าก็บาดจิตบาดใจเหลือเกินค่ะ ยิ่งตอนเครื่องบินตกนี่เราร้องไห้ ใจเจ็บจี๊ดๆ เลย ปากก็พูดว่า "เป็นไปไม่ได้ ลูคัสต้องรอดๆๆ" อย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะพบว่าฉันถูกหลอกในตอนต่อไป 5555 อ่านแล้ว "อิน" จริงๆ ค่ะ ปรบมือให้เล้ย

ขอบคุณคนเขียนที่ผลิตผลงานดีๆ แบบนี้ออกมานะคะ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะคะ ^ - ^
ขอบคุณคุณ S.T.Kalafina ที่เอานิยายมารีโพสท์ให้อ่านเช่นกันนะคะ
สู้ๆ ต่อไปจ้า <3
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-08-2013 17:10:14
สนุกมาก เหมือนได้อ่านนิยายแปล
มีเรื่องอื่นอีกป่าว อยากอ่านอีกๆ  :impress:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-08-2013 16:02:04
ชอบค่ะ
แต่ละคนแรงกันดีจริงๆ
แต่แอบอยากรู้ว่าทำไมกัปตันลูคัสไม่ตายหรือเพราะไม่ได้บินเที่ยวนั้น
สงสัยจัง น่าจะมีตอนเฉลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 15-10-2013 15:32:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 13-01-2014 14:36:29
สนุกมากเลยยย เพิ่งเคยอ่าน เห็นมีคนถามหาในห้องแนะนำ น่าสนใจเลยตามมาอ่านนย ชอบบบย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 13-01-2014 20:21:02
สนุกมากค่ะ แต่ละคนแรงๆทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 23-01-2014 21:59:47
สวัสดีค่ะ เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน
อ่านแบบรวดเดียวจบเลยยยย
ต้องขอกล่าวชมคุณนักเขียนจริงๆค่ะ
โดยส่วนตัวเราว่า นิยายเรื่องนี้ใช้ภาษาเขียนสวยมาก
แบบอ่านแล้วไม่ติดขัด ใช้คำพูดสุภาพ เหมือนกับได้อ่านนิยายแปลดีๆซักเรื่อง

แต่ตอนจบนี่แทบสิ้นใจค่ะบอกเลย
นึกว่าลูคัสตายจริง
ดิฉันนี่ร้องไห้ประปนึ่งตัวเองเป็นทิมมี่เลยค่ะ
 :o12: :o12: :o12:

แต่ตอนพิเศษทำให้แฮปปี้มากๆ บอกเลยยย
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ออกมาให้อ่านกัน
 :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 27-01-2014 13:14:41
สนุกมากค่าาา   :3123:    :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 06-05-2014 17:55:44
สนุกถูกใจถูกจริตมากเรื่องนี้ ครบรสนะ หวานมุ้งมิ้ง ฟาดฟันดุเดือดสะใจ ตัวอิจฉาน่าตบ
ชอบทุกซีนพระ-นาย บรรยายอารมณ์เก็บละเอียดมาก (คนอ่านยังกะนั่งอยู่ข้างๆ)
ช่วงที่เกลียดกันไม่ถูกกัน อ่านมันส์ที่สุดเลย ดูคลุมเครือ ลุ้นๆดี
และแอบเหวอรับประทานช่วงเอ็นดิ้ง นึกว่าจะจบแบบนั้นจริงๆ...โฮะๆๆๆ แทบขว้างคีย์บอร์ด
//ขอบคุณผู้เขียนและผู้โพสท์, คุณสุริยาทิศ เขียนเรื่องอื่นไว้อีกมั้ยเนี่ย อยากอ่านจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 12-05-2014 09:18:52
โดนคนเขียนหลอกให้เสียน้ำตา  :a5: :heaven
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-05-2014 15:02:50
ขอบคุณทั้งคนโพสต์และคนเขียนมากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 29-09-2014 08:20:13
ฟู่ว์  โล่งอก ตอนเห็น end ต่อท้ายตอนนั้น  แล้ว
อยากขำแต่ขำไม่ออกเลย แบบเฮ้ยย ใครเล่นอะไรเนี่ยะ
อย่างกับโดนตัดฉับ นิยายดีทั้งเรื่องมาตกม้าตัดฉับแบบนี้เรอะ
คือรู้สึกงี้จริงๆ แต่พอได้ตอนพิเศษ อย่างโล่ง อารมณ์ตีตื้นกลับมา
ถึงจะไม่เข้าใจว่าคุณพระเอกไปแลกไฟลท์บินกับกัปตันคนอื่นตอนไหน
ก็เหอะ แต่มันก็ดีกว่าที่จะเป็นกัปตันลูคัสไปนั่งเอง และดีที่สุดที่ไม่มีใคร
เอะใจกับความจริงข้อนี้ ทำให้นายเอกอย่างหนูทิมมี่ที่เข้าใจผิดยอมละทิ้งทิฐิ
สารภาพรักคุณกัปตันซะที บุญหล่นทับซ้ำซ้อนก่อนพักงานจริงๆกัปตันลูคัส
นอกจากบุญแล้วเสี้ยนหนามที่คอยตำเท้ายังหลุดหายเข้ากลีบเมฆจนหมดอีก
ทั้งยัยวีว่า นายโรเจอร์ ส่วนคู่น้องนุชอย่างเทเลซ่าบาเรลล์ก็หวานไปอีกคู่
หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆที่ทำเอาอิหนูบาเรลล์ซ่าไม่ออกทีเดียว ใครจะคิดอิตาเควิน
จะร้ายลึกถึงเพียงนั้น ซาตานน่ะมีปีกทุกตนสินะ หึหึ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-09-2014 00:33:34
อ่านทีเดียวจบเลยจ้าา แบบโล่งมาอ้ะ นึกว่ากัปตันจะเป็นอะไรไปซะแล้ววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: tipz ที่ 05-10-2014 02:13:41
บอกเลยว่าสนุกมากๆๆ :mew1: :katai2-1:
 ได้อรรถรสเลยทีเดียว  :z2: :z2:
อยากจิบอกว่าอ่านข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียวเชียวนะตัววว
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 06-10-2014 08:33:28
อ่านจนจบแล้ว สนุกมากๆ
แอบขัดใจคุณกัปตันบ้าง
แต่ก็โอเคนะ กว่าจะเจอคนที่ใช่เนอะคุณกัปตัน
แฮปปี้เอนดิ้งกันไป ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 17-12-2014 20:49:53
บอกเลยว่าเที่ยวบินนี้ เป็นเที่ยวบินที่น่าหวาดเสียวที่สุดเลย ฮ่าๆๆๆ

สำหรับเราที่ต้องนั่งเครื่องบ่อยๆนี่ นับถือเหล่าเทวดาและนางฟ้าทั้งหลายมากเลยนะ ถึงแต่ละครั้งที่นั่งเครื่องจะยังไม่เคยเจอเหตุการณ์สั่นประสาทก็เถอะ

นับถือในความอดทนของแต่ละคนจริงๆ

ในเรื่องนี้เนี่ย ดูแต่ละคนมีชีวิตที่วุ่นว๊ายวุ่นวายดีเนอะ

ชอบคู่บาเรลล์กับเทลิซ่ามาก คู่นี้น่ารักอ่ะ บาเรลล์นี่ก็ตรงได้ใจจริงๆ แต่ตอนเวลาเขาอ่อนโยนนี่โคตรจะเทพบุตรเลยอ่ะ เล่นเอาเทลิซ่าตกหลุมรักเลย

ส่วนคู่รักของเรา กัปตันและสจ๊วตหนุ่ม แหม คุณกัปตัน ต้องขอบคุณเทเลอร์สินะ ที่ทำให้คุณคิดจะเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ให้เหมาะสมกับทิมมี่ อยากจะตีกัปตันจริงๆ ทำเราร้องไห้ นึกว่าจะจบแบบจากไปไม่มีหวนกลับซะละ ดีนะ ที่แอบไปเปลี่ยนไฟท์มาใช่มั๊ย

ทิมมี่ก็นะ แกอย่าซึนอย่าเก๊กนักเลย อ้อนกัปตันให้ชื่นใจหน่อยสิ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 11-01-2015 21:47:55
ชอบมากกกกกกอ่ะ เรื่องรี้ ทำให้เราทั้งลุ้น  ตื่นเต้น  ร้องไห้  แล้วคิดว่าทำไม ถึงเป็นแบบนี้
สรุปแล้วคือ  ชอบจริงๆ  เป็นเรื่องที่ครบทุกรสชาติจริงๆ  ก็ขอบคุณนะ ที่นำเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน
ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนลงเลย น้ารักที่สุด  o13   :m15:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-02-2015 00:31:23
ขอบคุณทั้งผู้แต่งและผู้ลงนะคะที่ทำให้เราได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ฟินมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-05-2015 12:58:41
แต่ละคนร้ายๆ กันทั้งนั้น แต่ก็ดีที่ได้รับผลการกระทำตัวเองในแบบที่ควรจะเป็น
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 23-05-2015 12:50:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 15-01-2016 15:54:33
เรื่องนี้มีดราม่าหนักๆ บ้างไหมครับ อยากสนองนี๊ดตัวเองจัง

ปล. เพิ่งดูหนังเกี่ยวกับไฟลท์บินจบ อยากอ่านขึ้นมาทันทีเลย
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 18-01-2016 18:48:30
สนุกดีค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-03-2016 08:49:33
มาตามกระทู้แนะนำ o13 o13 o13 รู้สึกอยากบินจัง :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 15-03-2016 05:37:25
สนุกมากค่ะเรื่องนี้ รู้เลยเป็นเทวดานางฟ้านี่เหนื่อยจริงๆ
รักครบรส สุขเศร้าเหงาหน่วง TT พีคมากค่ะตอนจบ
ขอบคุณมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 18-03-2016 08:22:31
ฮืออออ เขาโดนหลอกให้เสียน้ำตาาา
ในที่สุดทุกคนก็ได้รับผลของการกระทำ
สองคู่ชูชื่นก็ได้สมหวังได้รักกันซักทีทั้งพี่ทั้งน้องดีงามมม
ชอบบบ สนุกก
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-07-2016 17:09:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 21-01-2019 15:28:50
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 26-03-2019 13:11:13
เข้มข้นดีค่ะ