พิมพ์หน้านี้ - รักนี่7วัน..Rewrite เพิ่มเติม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: หัวเเม่มือ ที่ 05-01-2011 18:06:13

หัวข้อ: รักนี่7วัน..Rewrite เพิ่มเติม
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 05-01-2011 18:06:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

หัวข้อ: Rewrite รักนี้7 วัน
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 05-01-2011 18:07:18
ผมไม่รู้ว่าคนเรามีชีวิตอยู่ได้นานมากแค่ไหน จริงๆ แล้วควรทำอะไรเพื่อใครสักคน ตอนมีชีวิตอยู่หรือไม่ เคยคิดทำหรือนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาแต่นั่นไม่แปลกอะไรในเมื่อตัวเราเองก็นึกอยู่กับแค่ตัวเองเท่านั้น ต่อเมื่อใกล้ตายแล้วกับเห็นสิ่งที่เราละเลยและสิ่งที่เคยคิด สิ่งที่เคยอยากทำอะไรกับใครมันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ในเมื่อร่างกายนี่หากใกล้แล้วซึ่งร่างไร้วิญญาณ

แล้วนี่ผมพร่ำบ่นเพื่ออะไรก็ไม่รู้อาจเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าฝังใจผมละมั่ง เกือบทุกเช้าผมมักเดินออกจากหอที่อยู่หน้ามหาลัยเดินออกมาเช่นปกติ แต่ทว่าสิ่งที่เหมือนปกติในทุกวันกับมีบางอย่างที่ต่างออกไป

เอี๊ยดดดดดดด ตึง เสียงเศษเหล็กดังแกร๊ก กระเด้งกระดอนกระจายตามพื้นถนน กลิ่นไหม้ลอยออกมาจากห้องเครื่องยนต์ พร้อมกลิ่นเศษเหล็กไหม้ลอยคลุ้งขึ้นเหนืออากาศ เสียงร้องกรีดดังแซงแซ่อย่างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่ ที่เกิดขึ้นกลางคัน

มีสองรถยนต์ประสานงากันอย่างพังยับเยินของอีกฟากฝั่งของมหาลัย ซึ่งผมยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งไม่ไกลนัก ผมเห็นร่างผู้บาดเจ็บไถลออกมานอกรถเลือดที่ออกแทบทำให้ผมล้มทั้งยืนผมเห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรแต่เลือดสีแดงนั้นทำเอาผมอยากจะอาเจียนออกมา ผมรู้อย่างเดียวว่าเขาเป็นนักศึกษาคนหนึ่งในมหาลัยของผม ผมไม่รู้ว่าเขาตายไหมแต่ผมนี่สิจะตายอยู่แล้ว ผมรู้สึกหน้ามืดวิงเวียงเมื่อเห็นเลือดเหล่านั้น หลายคนที่อยู่รอบด้านแต่มุ่งไม่กล้าเข้าไป บางคนหยิบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล แต่ผมกับเลือกเดินหนีออกมาอย่างว่องไว

ผมคิดว่า ไม่ว่ารถมันจะราคาสูงเฉียดฟ้าหรือต่ำเตี้ยติดดิน ของคนขับอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เขาพ้นจากความเจ็บนี่ได้เลย

“เอ ไอ้ เอ” เสียงเรียกจากเพื่อนคนข้างๆ เรียกสติผมกลับมา ผมมองไปยังไอ้เพื่อนตัวตัวใหญ่ผิดวิสัยของมนุษยชาติซึ่งคงมีการตัดต่อพันธุ์จีเอ็มโอ คงต้องโทษพ่อแม่มัน

“อะ เออ มัน คือ” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษาทีเดียวแต่ผมรู้ตัวน่ะว่าผมพูดเป็นภาษาออกเสียงของภาษาไทยถ้าอ่านไม่ออกก็ไปอ่าน กอ ขอ คอ งอ ใหม่น่ะ หมายถึงผมเนี้ย

“ไอ้ห่าหน้าซีดเป็นไข่ต้มเชียว” ไอ้เพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาช่วยลากผมออกไปจากตรงที่ยืนอยู่ เออดีมากพากูไปจากที่นี่ที ขาเขาสั่นอ่อนจนเดินไม่ไหวแล้ว

“เป็นไงบ้างมึง หน้าซีดเลย อ่ะน้ำ” มันส่งน้ำมาให้ผมดื่ม ผมได้กลิ่นตรงขอบปากขวด อี้ขี้ฟัน มึงเพิ่งกินไปใช่ไหม

“ขอบใจว่ะไอ้เป้” ไงก็ต้องขอบใจมันแต่ไม่ต้องแถมขี้ฟันมาให้ก็ได้ แล้วผมก็ยกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้งจนแทบหมดขวด ทำให้อาการสั่นของผมเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว

“รู้สึกไงบ้าง” ต้องตอบไหมวะทำเป็นนักข่าว CNN ไปได้ ตกใจซิว่ะไอ้บ้านิ



“ตายไหมว่ะ” ผมอดนึกถามไม่ได้ เลือดออกมาซะขนาดนั้นนี่หว่า ขนลุกชะมัดถึงผมจะไม่เห็นคนขับทั้งสองฝ่ายก็เหอะแต่ผมเดาว่าคนหนึ่งอาจจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเราก็ได้

“เฮอ ไอ้เอ กรูอยู่กะเมิงตลอดจะรู้มะ” เออรู้เว้ยแต่ถามไม่ได้หรือไง

“ไม่รู้ว่ะ” ขอบใจที่อุตส่าห์ตอบ แต่ทีหลังไม่ต้องกวนตีน!!

“แม่งเอ้ย แคลคูลัสมึงเป็นไงบ้างอ่ะ” เป้เลี่ยงประเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เพื่อนตรงหน้าเอาแต่คิดเรื่องอุบติเหตุตรงหน้า แต่ผมเครียดกว่าเรื่องเมื่อกี้อีกอ่ะ เพราะนี่มันแป็นเรื่องความเป็นความตายเหมือนกัน เผลอๆ คงตายมากกว่า ถ้าพ่อกับแม่รู้เขาว่าเกรดผมต่ำเรี่ยดินขนาดนี้ได้ตัดเงินค่าขนมผมแน่ๆ เลย

“ไม่รอดว่ะ ลงเรียนใหม่เทอมนี่กะน้อง” ปีที่แล้วผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่ใช่ผมโง่น่ะจริงๆ อ่ะโง่ก็ได้คุณไม่เคยเรียนวิชานี้หรอ มันยากมากเลยนะ

“แล้วมึงจะทำยังไง” อยากรู้อะไรจริงว่ะ

“นัดกับพี่ที่เรียนแพทย์เขาจะติวให้” ผมบอกหมดแล้วน่ะอย่าซักไซ้ ให้มากความไม่ชอบเว้ย

“แล้วไปรู้จักเด็กแพทย์ได้ไงว่ะ” ไอ้นี่หนิไม่เคารพผู้ใหญ่เรียกเด็กได้ไง

“เพื่อนพี่กรมันอ่ะ” พี่รหัสครับไม่ใช่พี่แท้นะ ผมลูกโทน หม่ากะป๋าทำอย่างไงก็ไม่ได้อีกคนเฮอ~เศร้าใจแทน

“อ้าวแล้วมันมีเวลาสอนหรอว่ะเด็กแพทย์เลยนะ” ก็ว่างั้นจะสอนได้กี่น้ำว่ะ เด็กแพทย์มันติ๋มๆ จะตาย (เกี่ยวไหม)

“แล้วไงว่ะ พี่แกรับคำไว้แล้วนี่พี่กรก็บอกว่าหาให้แล้วเรียนด้วย ไม่เรียนตัดรุ่น” ไม่รู้ไอ้พี่กรมันผลักไสจริงไม่ได้ขอซะหน่อยแค่เทอมนี่ผมลงเรียนก็ผ่านแหละอย่างที่บอกปีที่แล้วมีปัญหานิดหน่อยก็แค่นั้นดีที่วิชาอื่นผ่านไปได้

ตอนนี้ผมเรียนสถาปนิกอยู่มหาลัยทางตอนเหนือประเทศไทยนี่แหละ บ้านอยู่แถวๆ เนี้ยๆ ห่างไปแค่สองสามจังหวัด ตอนนี่ผมเป็นนักศึกษาปีสองแล้ว วันนี่กว่าจะเลิกเรียนก็เย็นแหละเฮอ วันนี้อดเข้าร้านเหล้าเลย ต้องมาติวกับเด็กแพทย์อีกให้ตาย



ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือรุ่น 199 บาท ครับ ลายคิขุน่ารักที่แม่ซื้อมาจากห้างแถวๆ บ้าน คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหาเพราะไอ้ คนที่นัดไว้ยังไม่มาสักทีหนึ่ง มันสายไปเกือบ ยี่สิบนาทีแล้ว

“เอ” ใครมันพูดอักษรตัวแรกของพยัญชนะภาษาอังกฤษว่ะ ผมหันไปดู โอ้พระเจ้าหล่อ เอ้ยเก็บห่างๆ เอิ๊กๆ เดี๋ยวงูตื่น?

“ครับ” เอียงคอนิดๆ หน้าแอ๊บหน้าอีกหน่อย เอ่ยไม่ใช่ พร้อมส่งสายตาว่าผมเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนกับพี่เขาสุดๆ เลย



“น้องเอใช่ไหม พี่ขอโทษที” ไม่ต้องขอโทษครับสุดหล่อ ผมหายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าพี่ เอ้ยหายโกรธตั้งแต่บอกขอโทษผมแล้ว ผมรู้ตัวน่ารักไม่ต้องมายิ้มหล่อใส่ไม่ตกหลุม (รัก) ง่ายๆ หรอกน่ะ

“ครับพี่อัครใช่ไหมครับ” ผมมองที่คนที่น่าจะชื่ออัคร อิมเมจหลุดออกมาจากคุณหมอ ผิดจากที่จินตนาการนิดหน่อยตรงที่ไม่ติ๋ม แต่ตัวสูงกว่าตัวหนาผิวคล้ำเหมือนคนเล่นกีฬากลางแจ้งเสมอและไม่ใส่แว่น เออพี่ครับไปเรียนวิศวะไหม ถ้าพี่เขาไม่ยิ้มเหมือนหมอใจดี หรือไม่ใส่เสื้อของเด็กแพทย์มาผมก็ไม่รู้น่ะเนี่ย

“เริ่มเรียนกันเลยไหม” เขาบอกผมแบบเกร็งเกร็ง เพราะรู้ว่าปล่อยผมรอนาน จึงไม่รอช้าที่จะเริ่มเข้าบทเรียนโดยทันที ผมขำนะเห็นคนหน้าตาเข้มๆ แต่ท่าทางเหมือนเกรงอกเกรงใจแบบนี้

“โฮพี่ยังมีหน้ามาถามก็ต้องเรียนเลยดิ” กวนวันล่ะนิดจิตแจ่มใส

“น้องนี้เหมือนที่กรมันบอกไว้เลย กวนตีนดี” นี้ชมหรือด่าผมเนี้ย เห็นลุคคุณชายแบบนี้ แต่แอบปากจัดนะเราน่ะ พวกเราสองคนเดินไปนั่งอยู่ตรงเก้าอืที่จัดมุมไว้เป็นอย่างดีในห้องสมุด ดีที่ว่าห้องสมุดที่นี่ปิดดึก แถมบรรยากาศวังเวงถ้าให้มาคนเดียวผมไม่กล้ามาหรอกบรึ๋ยขนลุก ทำให้เสร็จเลยละกันผีเฮ ไรที่เพราะแค่ค่าเหี้ย

“เหม่อไรเราทำข้อนี่ดูสิ” พี่อัครเรียก ทำให้ผมต้องที่มองหน้าเขาอย่างเคลิบเคลิ้มหยุดคิด และกลับเข้ามาสู่บทเรียน

ผมนั่งทำอยู่พักหนึ่งก็เงยหน้าแอบมองหน้าหล่อๆ ของพี่อัครปนอิจฉาเล็กๆ ผิวเค้มสีน้ำผึ้งแบบดูดี มือนี่ใหญ่หนาทำเอาเขาเห็นกระดูกโปนๆ ออกมา หน้าใหญ่เหลี่ยมคม คิ้วนี่ดกชะมัด อะไรแดงๆ เฮ้ย!!!

“เฮ้ยเลือดออก” ผมเห็นเลือดก็ตกใจสิครับอยู่ทำไมมันไหลออกมาว่ะ สงสัยวัยรุ่นวัยพุ่งพล่าน ไม่ใช่สิ ต้องนั้นมันเป็นหน้าผาก ทำไมหน้าผากถึงแตกเรา

พี่เขาเอามือมาแตะหน้าผากก่อนพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ออ ซุ่มซ่ามนิดหน่อยอ่ะน้อง ช่วงนี้เบลอๆ เรียนหนักไปหน่อย เลยลืมทำแผล” โหคราวหลังคงไม่ลืมกรรไกรไว้ในท้องคนไข้หรือไงว่ะ (เขายังไม่ได้เป็นคุณหมอเว้ย)

“โหหมอเรียนหนักเนอะ จะสอนไหวหรอพี่” ผมว่าอย่างอดเป็นห่วงเล็กน้อยไม่ได้

“ไหวครับ เพื่อน้องเอคนเดี๋ยวเลยน่ะ” โหมีมาจีบเขินน่ะเนี้ยจีบผมป่ะเนี้ย เป็นแฟนหมอต้องอดทนเป็นแฟนผมต้องอดใจนะครับ

ผมหยิบผ้าเช็ดหน้า เช็ดเลือดที่อยู่บนหน้าผากซึ่งมันก็เยอะพอควร จนรู้สึกว่าพี่ไม่ต้องสอนแหละไปหาหมอเหอะก่อนส่งต่อห้องดับจิต ถึงพี่จะเป็นว่าที่คุณหมอในอนาคตแต่ช่วยดูเลือดตรงหน้าผากเถอะ



“ขอบใจน่ะ” พี่อัครยิ้มตาหยีเชียวน่ารักน่ะเรา โอ้ยยน่ารักเว้ยถึงมันจะหล่อมากไปก็เหอะ แต่หน้าเข้มพูดหวาน หน้าเข้มพูดหวาน ใจละลายน่ะขอบอก



“จีบผมป่ะเนี้ย ถ้าจีบจริงให้หมดทั้งตัวและหัวใจ” ผมถามเล่นๆ ออกไป แต่ถ้าพี่เขาเซย์เยสผมก็โอเคนะ



“เออ เอาจริงไหมล่ะน้อง พี่จีบจริงนะ” เอาจริงหรอเนี้ยนี่กรูล้อเล่นน่ะ ผมแค่แอบคิดเล่นง่ะผสมจริงอยู่บ้าง



“โหพี่อย่าอำว่ะฮ่าๆๆ” ผมคิดว่างั้นน่ะ ใครมันจะเจอครั้งแรกแล้วสปาร์คติดเร็วเคลมเร็วขนาดนี้



“พี่เอาจริงนะครับน้องเอ พอรู้ว่าไอ้กรให้พี่ไปสอนน้องเอพี่รีบตกลงทันทีเลยน่ะ” จริงดิอำเปล่าว่ะ เอ๊หรือว่าจริงเพราะไอ้พี่กรมันพลักไสผมจัง



“เออพี่” อยากเป็นเมียผมจนตัวสั่นขนาดนี่เลยหรือครับเพ่



“ตอนที่พี่เรียนเสร็จพี่รีบมาหาเอเลยน่ะ กลัวว่าจะไม่ได้เจอเอ พอเห็นเอยืนรออยู่พี่ก็...” ผมควรทำไงดึงสติกลับมาดีไหมดูจะเพ้อหนักเชียว



“เออ” ผมพูดไม่ออกอ่ะใครมันจะไปพูดออกว่ะพูดสะขนาดนี้แล้วอ่ะ



พรึบ!!



“เฮ้ย ชิบ มัน หายยแล้วว” ผมตกใจขวัญอ่อน อะไรที่คว้าได้คว้าหมด คุณไม่รู้หรอกเวลาดึกๆ ในมหาลัยมันน่ากลัวนะ ยิ่งเป็นห้องสมุดเก่าๆ ตั้งแต่สมัยมหาลัยก่อตั้งด้วยแล้ว



อยู่ไฟก็ดับผมรีบกระโจนสิ่งที่ผมคว้าจับได้คือพี่อัครจนเกือบลืมไปแล้วว่าเขากำลังสารภาพรักกับผม ไม่สนใจแล้วใครจะอยู่อารมณ์ไหนอ่ะ แต่เกิดบ้าอะไรวะอยู่ๆ ไฟก็ดับ

หลังผมยืนชิดอยู่กับเขา ผมมองไปรอบๆ บริเวณแต่ตายังไม่คุ้นชินกับความมืด แต่ทันใดนั้นมือหนาเข้ามาจับผมสะดุ้งจนสะดุดเก้าอี้นั่งลงไปบนตักของเขา



“อ่ะ ไอ้ พี่ อัค ร”

ความมืดจะปกคลุม ผมหันไปมองหน้าก็มองเห็นจมูกโด่งผ่านแสงจันทร์ที่ผ่านเข้ามา มือเขายังเกาะที่เอว ใจที่อยู่ตาตุ่มมันกลับมาอยู่ที่เดิมที่เคยเต้นด้วยความตกใจเมื่อกี้มันกลับกลายเปลี่ยนไปเพราะมันกับดังด้วยหัวใจ

มีเสียงหอบหายใจของปากต่อปากที่ต่างพ่นออกมาด้วยหายใจไม่ทั่วท้องปากอยู่ไกลเพียงแค่สัมผัส กลิ่นเลือดบนหน้าผาก ทำเอารู้สึกตื่นเต้นไปด้วย พี่อัครยื่นหน้ามาสัมผัสริมฝีปากของผม ความนุ่มลิ้นใหญ่ที่สอดใส่แทรกเข้ามา ทำเอาเขาลืมตัวไปด้วยกับสนองด้วยอีกเช่นกัน

“อืม อ่า อืม อื้ม” เสียงจูบแลกลิ้นกันไม่หยุด ต่างคนต่างพยายามโกยอากาศเข้าท้องแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ยังคงไล่ลิ้นจูบของอีกฝ่าย ความเย็นจากผิวกายของพี่อัครกับร้อนรุ่มอย่างน่าประหลาดใจ

ครืน เสียงดังจากข้างล่าง ของตัวตึกทำเอาผมตกใจหันไปมองทางต้นเสียงนั้น

“ตายห่าแหละ” ผมหน้าซีดเพราะข้างล่างกำลังปิดประตูมิน่าสิไฟถึงดับตายแหละเผลอใจไปเต็มๆ ผมเร่งบอกให้เขาเก็บของ แล้ววิ่งลงมาข้างล่างก่อนที่ประตูจะปิด

“ว๊ากหยุดๆๆ หยุดก่อนครับลุง อย่าเพิ่งปิดคร๊าบผมยังไม่อยากถูกขัง” ผมรีบตะโกนบอกเห็นยามกำลังล็อคประตูจากข้างนอก



“เอ้า ไอ้พ่อหนุ่มนี่ ยังไม่กลับบ้านกลับช่องหรือ มาอ่านหนังสือที่นี่คนเดี๋ยวหรือ” เสียงเน้อๆ จากยามแก่ที่มักจะรอให้พนักงานกลับบ้านแล้วจึงมาปิดเอ่ยพูด



“ครับๆ พอดีมาติวหนังสือกับพี่อีกคนขอโทษน่ะครับ” ผมผงกหัวขอโทษ



“เอาหรอยังมีอีกคนหรอ เอารีบๆ ออกมาจะปิดแล้ว” ผมมองไปทางบันไดเห็นพี่อัครเดินลงมาพอดี พร้อมพงกหัวขอโทษลุงยาม

“งั้นผมกลับก่อนเลยน่ะครับ พี่เขามาพอดีกลับแล้วครับลุง” ผมลาลุงยามที่อยู่ด้านหน้า

“เออ โชคดี” ลุงเขาพูดกลับมา

“ตื่นเต้นเนอะเอ”



“ก็ใช่สิ เกือบถูกขังแล้วไหมล่ะ” ผมตอบเขากลับไป เกือบต้องนอนในห้องสมุดแล้วไหมล่ะ

“เปล่า” ผมทำหน้างงใส่พี่อัคร

“ตื่นเต้นดีเนอะจูบกันเนี้ย”

“ไอ้บ้า” ผมทุบไหล่เขาอย่างแรง พร้อมหน้าขวยเขิน

“เจ็บครับน้องเอ” ก็เจ็บสิไม่งั้นจะทุบให้เสียมือหรือไง



เขาเดินไปส่งผมถึงหอ ซึ่งไม่ไกลจากห้องสมุดเท่าไรนัก ไอ้หอผมมันก็ขึ้นชื่อว่าผีดุ เฮี้ยน อาฆาต แต่ก็แค่ข่าวลือ จะไม่ให้ลือได้อย่างไรในเมื่อตึกทั้งเก่าทั้งโทรม ลำเอียงกันสุดๆ ซึ่งไอ้ตึกข้างๆ ที่สร้างใหม่เนี้ยมันช่างหรูหรามี สไตร์ก็หอพี่อัครนี่แหละ นี่ไม่เรียกว่ามาส่งหรอกทางเดียวกันมากกว่า



“พรุ่งนี่ไม่มีเรียนเช้าใช่ไหม” พี่อัครถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“อืมไม่มีอ่ะ”

“งั้นเดี๋ยว พรุ่งนี่เช้าเจอกันน่ะ”

“เอาพี่ไม่มีเรียนหรอ” นักเรียนแพทย์มันว่างขนาดนั้นเลยหรือ

“มีเรียนแล้วจะชวนหรอ” อ่ะหรอเดี๋ยวไม่ตกลงสะเลย

“โอๆ อย่าน่าหงิกดิ พรุ่งนี่ไม่มีเรียนครับ เจอกันตอนเก้าโมงน่ะ กู๊ดไนท์ครับ” พี่อัครรีบเข้ามาหอมแก้มโดยไวแล้วรีบวิ่งขึ้นไป

ผมด่าไม่ทัน จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนตึก ถึงภายนอกจะเก่าร่วมหลายสิบปี แต่ข้างในปรับปรุงเหมือนใหม่ เอี่ยม

“เอ้า กะ มาสะทีเนอะ เพ่ รหัส เมิง โทรหา ม่ะ ติด เลย น่ะ เนะ ก็ เพิ่ง วาง สาย ไปเนี้ยเห็นรีบๆ ทำธุระอะไรสักอย่างก็ไม่ได้ถาม” เสียพูดติดๆ ขัดๆ ของเพื่อนร่วมห้อง ทำให้ผมต้องตั้งสติแปลภาษามันเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“เออโทษทีกรูลืมเปิดเครื่องว่ะไอ้เสร็จ” ก่อนที่เพื่อนตัวดีปาหมอนมา

“กรู เช้อ เช้ง เว้ย” เออลืมไม่เรียกว่าสมเสร็จก็ดีนักหนาแล้ว

“นอนแหละ”



“เฮ้ย ไอ้ เน่า เอ้ย มรึง ยัง ไม่ อาบ น้ำ เลย ไอ้ นี่ หนิ” ผมไม่ได้ยินเสียงมันว่าหลังจากนั้นหรอก ผมหลับไปก่อนแล้วฝันดี๋ ฝันดี
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-01-2011 18:16:47
 :L1: :mc4:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 05-01-2011 18:17:33
ว้าววว เรื่องใหม่ :mc4: :mc4: รอติดตามนะครับ ตอนนี้ไปอ่านก่อน
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 05-01-2011 18:27:33
ทำไมต้องรักนี้ 7 วันด้วยอ่ะ ตอนนี้อ่านเรื่องไหน กลัวจบเศร้าไหมหดเลย 5555 จิตตกมากมาย 55

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 05-01-2011 21:12:09
พี่อัครนี่เป็นคนที่อยู่ในรถที่ชนกันตอนเเรกใช่ไหม
รีบมาหาเอ จนเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า  :o12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 05-01-2011 21:21:59
ติดตา มม ม
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Akad3ar ที่ 05-01-2011 21:34:30
ช่ายพี่อัครนี่ ใช่คนที่รถชนกันแน่เลย

เหอๆ แอบหลอนนะ

ปล. รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: donkyxx ที่ 05-01-2011 21:53:57
แหวะหวานเบาๆๆห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-01-2011 21:57:17
แบบไหนครับ?
หลอนหรือเปล่าเนี่ย?
อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 06-01-2011 13:11:40
แหม๋ -//-ติดตามกันไปน่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-01-2011 13:44:50
อย่าจบเศร้านะ -*-
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2011 14:38:20
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 06-01-2011 15:36:25
^^
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หนึ่งก็จูบกันสะแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 06-01-2011 16:50:17
ก็จริงแฮะวันแรกยังดูดดื่มด๊วบด๊าบกันขนาดนี้ วันที่เหลือจะขนาดไหน ฟุดฟิดๆ หือ...แต่เรื่องนี้มันเหมือนมีกลิ่นเศร้าโชยมาไกลๆจัง
หัวข้อ: rewrite รักนี้...7วัน ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 06-01-2011 18:21:15
วันนี่ผมตื่นแต่เช้าอย่างสะลึมสะลือเพราะเมื่อคืนฝันไม่ค่อยดีเลย ก็เหตุการณ์ภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีนยังติดตามผมอยู่เลย แล้วดันเห็นเลือดจากพี่อัครซ้ำไปอีก เหมือนเห็นฝันซ้อนกันฝันอีก แค่คิดก็อดขนลุกไม่ได้

“คร๊อกก ๆๆ” เสียงไอ้เช้ง กรนดังไม่เกรงใจใครเลย สายจนตะวันโด่งแล้วยังไม่ตื่นอีก หึๆ เดี๋ยวๆ ได้เจอดีแน่ ผมหยิบที่หนีบเสื้อมาหนีบปากกับจมูกมัน ดิ้นทุรนทุรายไปสะ

“อือๆๆๆๆ” มันดิ้นทุรนทุรายเลย ผมว่ามันกำลังฝันว่ากำลังจมน้ำอยู่แน่เลยให้ตายสิ เพื่อนกูมีใครจะปัญญาอ่อนเท่ามันไหม ไม่ห่วงครับเชิญมาดูสัตว์ใกล้สูญพันธุ์

“เฮือก ไอ้เอตายยยย” มันลุกขึ้นมาโวยวายแล้วผมจะอยู่ให้มันเล่นงานได้ไงครับ ก็วิ่งสิครับ

ไม่ทันไรเมื่อผมเดินมาข้างล่างก็เจอกับพี่หมอที่ยืนรออยู่หน้าหอแล้ว นี้ถึงกับมายืนรอเลยหรอ

“น้องเอ” ไอ้พี่อัครครับฉีกยิ้มฟันขาวด้วยยาสีฟันสูตรเด็ด ยิ้มมาแต่ไกลเชียว หล่อมากหล่อสะเมื่อกี้ผมเห็นพี่แกโปร่งแสงจากที่เป็นคนผิวสีแทนๆ แต่ตอนนี้มีออร่าเพราะฟันพี่นี่

“ตื่นเช้าจังครับ” ก็มารอเจอเมียในอนาคตไงครับ

“งั้นกลับไปนอนต่อก็ได้น่ะเพ่” อ่ะเช้าไปหรือกลับไปนอนต่ออีกรอบก็ได้น่ะ

“กวนน่ะเราเดี๋ยวโดนดี” โดนไรพี่เหมือนหนังไทยป่ะ ตบจูบ ตบจูบ ผมยืนคุยได้สักพักรู้สึกเหมือนคนที่หน้าหอมองๆ มาทางเรา กูหล่ออ่ะดิไม่ต้องมอง อย่าเดินเลี่ยงอย่างนั้นสิน้องสาว ถ้าชอบก็เดินมาใกล้สิจ๊ะน้องจ๋าแต่กินพี่ไม่ได้น่ะจ๊ะ

“ไปกินข้าวกันครับ”

“ไม่เอาอ่ะ ไปกินโจ๊กหลังมหาลัยดีกว่า” ผมว่า ตอนเช้าไม่ชอบกินอะไรหนักๆ อ่ะขอเป็นอะไรเหลวขาวๆ ดีกว่า อย่างโจ๊กไม่ก็ข้าวต้มอะไรแบบนี้



ส่วนใหญ่ไม่ไกลจากบริเวณมหาลัย มักมีแหล่งตลาดตอนเช้าเยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษานี่แหละที่มากินเป็นประจำ ส่วนตอนเย็นเยอะกว่านี้มากๆ โดยส่วนตัวผมเป็นคนกินจุก็ฟินๆ ไปเลย

“ดีเจ้เอาโจ๊กสองครับ ใส่ทุกอย่างอ่ะไม่เอากระเทียมน่ะ ใส่ตับเพิ่มด้วยเจ้”

“จ้าวันนี่มากับเพื่อนหรอ” เจ้ก็ทักตามปกติตามประสาคนกันเองก็เงี้ย เจ้น่ารักชอบยิ้มทั้งวัน รูปร่างแกอวบบวมๆ

“เปล่าเจ้วันนี่มากับรุ่นพี่น่ะ” ผมเอานิ้วโป้งชี้ไปด้านหลังโดยไม่หันไปมองมันเดี๋ยวความหล่อจะทำให้ผมตกหลุมรัก

“อ๋อๆ จ้ารอหน่อยน่ะ” แกบอกเพราะถึงจะสายแล้วก็ยังมีลูกค้าเต็มโต๊ะอยู่เลย สักพักแกถึงเอาโจ๊กมาให้ ผมชอบกินโจ๊กยิ่งกินตอนอากาศหนาวๆ ยิ่งอร่อย

“อะกินดิพี่ นั่งบื้อไร” หรือผมต้องอัญเชิญครับแต่พี่พ่อคนสำอาง หรือว่ากินอาหารข้างทางไม่ได้หรือไง เอ๊หรือต้องป้อน ให้ผัวป้อนไหมจ๊ะวายยยเขิน รู้สึกช่วงนี้จินตนาการเยอะไปแหละลามปามขึ้นแล้ว

“กินๆ วันนี่ผมเลี้ยงครับพี่ กินของข้างถนนเป็นปะ” ผมถามเพราะพี่แกดูเป็นผู้ดีจ๋าสะเหลือเกิน ถ้ากระแดะกินไม่ได้ก็ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว

“กินได้ดิครับ พี่เป็นคนติดดิน ติดใจ” หยอดมากๆ ระวังข้างหลังไว้น่ะพี่ เดี๋ยวเถอะจับปล้ำขึ้นมาแล้วจะหนาว

กินเสร็จพี่อัครควักตังค์ออกมาจากกระเป๋า ผมยกมือในเชิงปางห้ามญาติไว้ ผมอยากเลี้ยงมากกว่า แค่นี้ก็เกรงใจที่เขาสละเวลามาสอนหนังสือให้ผมแล้ว

“พี่ไม่ต้องเดี๋ยวน้องจ่ายเอง เลี้ยงขอบคุณที่พี่มาสอน (โดยไม่เก็บตังค์) เจ้เก็บตังค์” พี่อัครยอมเก็บเงินโดนดี โดยบอกว่าคราวหลังจะขอเป็นคนเลี้ยง

“สี่สิบบาทจ๊ะ” ผมหยิบแบงก์สีเขียวให้สองใบ

“อ่ะนี่เจ้ ปะพี่” ผมลุกขึ้นแล้วเรียกพี่อัครตามมา

“ไอ้หนูเอ เอ้ย” เหมือนเจ้จะพูดอะไร แต่ผมรีบเกินกว่าที่จะรอ ช่วงเช้าวันนี้ผมยังไม่มีคลาส กะว่าจะนั่งติวกับพี่อัครไปพลางๆ รอเข้าเรียนดีกว่า



พี่อัครบอกว่าไปเรียนหน้าคณะดีกว่า ตรงนั้นมีโต๊ะม้าหินอ่อน ผมก็เห็นด้วยช่วงนี้ไม่ดังเพราะเป็นเวลาที่นักศึกษาบางคนเข้าไปเรียนในห้องเลคเชอร์แล้ว อากาศตอนนี้ก็เย็นสบายไม่ร้อนแดดเท่าไร เพราะตรงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เราสองคนนั่งกันปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมชอบพวกต้นไม้น่ะมีเยอะๆ แล้วรู้สึกดี แต่ไม่รู้ทำไมถึงเลือกเรียนทางนี่ก็ไม่รู้

“เหม่ออีกแล้วน่ะเรา” พี่อัครเอาหนังสือตีลงไปกลางกระหม่อม ตีเยอะๆ พี่จะได้เข้าสมอง

“ลมมันเย็นนี่ ง่วงแล้ว” เข้าหลักการนั่งท้องตึงหนังตาหย่อน

“งั้นลองทำสองข้อนี่ให้เสร็จก่อนแล้วกัน แล้วค่อยนอนน่ะครับเอ” โหยเสียงหวานขนาดนี้ยอมครับยอมหมดใจ



“ขอ hint หน่อยดิ” พี่อัครเขียนแนวคิดลงไปให้ตามคำขอ

กว่าผมจะเสร็จนี่สองข้อล่อไปตั้งยี่สิบนาที ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร ผมนั่งคุยกะพี่อัครไปเรี่อยแหละ มันเหมือนอยู่ในความฝัน เฮอฝันไปใช่ไหมเนี้ย ที่มีหนุ่มหล่อมาตกหลุมรักเนี้ย ดูดิยิ้มตาหยีเชียว มองไปมองมาผมก็สัปหงกลงไปอย่างไม่ตั้งใจ



“ปร๊าบบบ” ผมสะดุ้งมองไปข้างหน้าข้างตัวมีไอ้เป้อยู่ ผมมองซ้ายขวารู้สึกว่าพี่อัครไม่อยู่สะแล้ว เอาไปไหนของเขาล่ะเนี่ย

“ไอ้เป้ ตบหัวกูไมว่ะ” ผมมองหน้ากวนตีนๆ ของไอ้เป้

“จะเข้าเรียนแหละ มานอนเหี้ยไรตรงนี้” กวนตีนว่ะ ปลุกกูดีๆ ก็ได้ครับมึง

“แมร่งคอยดูต่อยปากแตกเลยว่ะ” ผมเหวี่ยงครับใครๆ ก็คงเป็นเวลาอยู่ๆ ใครประทุษร้ายตอนตื่นเนี้ย

“เออโทษว่ะปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น” เป้งงเห็นผมโกรธปกติมันเล่นแบบนี้ตลอด



แต่อารมณ์ตอนนั้นผมโกรธเลยเดินไปไม่พูดกับมันสะเลย ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยว ได้พาลใส่มันปกติไม่พาลใส่ใครด้วย แล้วไมพี่อัครไปก็ไม่บอกว่ะปัดโถ กำลังเคลิ้มๆ ก็หนีไปแล้ว สงสัยรีบกลับไปเรียนแล้ว



“รอด้วยไอ้เอ” เสียงไอ้เป้วิ่งมาติดๆ หลังจากเลิกเรียนคาบแรกไปไม่ทันไร

“โหไอ้เออย่างอนเลยน่ะๆ” มันอ้อนครับผมสะบัดหน้าหนี

“โหก็กูเห็นมึงนอนอยู่คนเดียวนี่หนา”

“น่าๆๆๆ เลิกโกรธดิว่ะ” ไม่โกรธเว้ยแค่ไม่อยากพาล

“เออๆ รู้แล้ว” ไอ้เป้ยิ้มหลาเชียว น่าเอาตีนหมาให้อม ไอ้ดำเอ๊ย

“เออแล้วทำไมมาเร็วว่ะปกติมาทีเกือบสาย”

“เรียนพิเศษอ่ะที่พี่กรให้เพื่อนพี่แกมาสอน”

“เอา อ๋อ อื้อๆ” ไอ้เป้พยักหน้าเข้าใจ



“แล้วเย็นนี่เรียนปะ”

“ไม่อ่ะ วันนี้พี่อัครเลิกเรียนดึก”

“เหรอ วันนี้ไปสวนปะไปออกกำลังกายกัน”

“อืมแต่ ไปเปลี่ยนชุดก่อนจะได้ไปวิ่งกัน” ผมเห็นดีด้วยอากาศดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ



ผมกับไอ้เป้กลับไปเปลี่ยนชุดที่หอ ไอ้เป้อยู่ชั้นสี่ ผมอยู่ชั้นสามห้องตรงกันพอดีเลยกลับมาก็เจอไอ้เช้งนอนอยู่เลยลากมันมาด้วยกันสะเลยขอหาโดดเรียนสองวันซ้อน

“โห อะ ไร ว่ะ เมิง” ไอ้เซ้งพูดเสียงเอะๆๆ อ่ะๆ บางครั้งผมฟังไม่รู้เรื่องสะเลยมันอ้างว่าเท่ดีแต่ผมว่ามันพยายามออกเสียงให้ชัดแล้ว แต่ลิ้นมันแข็งมากกว่าสงสารมันน่ะ บางครั้งมันก็พูดชัดน่ะแต่ต้องพูดช้าๆ



พวกผมมาถึงสวนเห็นไอ้เช้งวิ่งอย่างคนหมดแรงแล้วอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “วิ่งดีๆ ดิ” ผมบ่นๆ

“ก็ วิ่ง อยู่ เนี้ย” ไอ้เช้งกล่าวช้าๆ แต่เต็มไปด้วยอาการหมดแรง ส่วนไอ้เป้นู้นวิ่งไกลไปถึงดาวอังคารแล้ว

“แฮ๊กพอเหอะว่ะขอตัวไปสูบบุหรี่ เออ” ไอ้เซ้งรีบหุบปากเมื่อผมปรายตามองมาที่มัน ถึงมันเหี้ยๆ อย่างเนี้ยผมอดห่วงมันไม่ได้เหมือนกัน ตอนเข้าปี1แรกๆ มันติดเกมส์สะเกือบโดนรี พอเทอมสองผมต้องช่วยมันให้พยายามเลิกเล่นเกมส์มาหน่อย แต่เรื่องบุหรี่นี่ยังไม่เห็นมันเลิกสะทีเลยให้ตายสิ

“ไม่สูบก็ได้” แหม่พูดไม่มีเสียงติดอ่างเลยเชียว

“จะสูบก็ได้” ผมบอกเสียงเรียบมันทำหน้าดีใจใหญ่เชียว

“ร่างกายมึงนี้ มึงอยากทำอะไรก็ทำ จะเป็นจะตายก็เรื่องของมึงนี่ไม่เกี่ยวกับกู” ผมพูดประชดให้

“โหพูดสะขนาดนี่ใครจะไปกล้าสูบ” มันทำหน้าหมาหงอย

“เพราะเมิงรู้ไงว่ามันไม่ดี มึงถึงได้ไม่สูบน่ะ ถึงกรูด่าไงแต่เมิงคิดว่ามันดีมึงก็สูบ”

“ที่กูพูดเนี้ย เพราะตอนกูเขาไปในห้องได้กลิ่นบุหรี่ อย่าบอกน่ะว่าไม่สูบจมูกกูดีนะเว้ย แล้วมึงพูดเองว่าจะสูบวันล่ะม้วน ต่อหน้าหรือลับหลัง กูไม่รู้หรอกว่ามึงทำไง แต่ว่ามึงขอให้กูช่วยนะ กูก็พยายามเตือนทุกครั้งๆ ที่จะช่วยได้”

ผมเป็นพวกเกลียดบุหรี่เข้าไส้ทีเดียว มันมีเหตุผลหลายอย่างอ่ะขอไม่พูดแล้วกันแต่หลายคนก็ทราบกันเป็นเบื้องต้นอยู่แล้วว่ามันไม่ดี ผมว่ามันก็แค่รับรู้แค่สมอง ถ้าจะบอกให้เลิกคงยากมันเหมือนสิ่งสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆ จนยากที่จะเลิก ประมาณว่าขาดเธอเหมือนจะขาดใจ~

“อือกูรู้แล้ว กูตั้งใจจะลดอยู่แล้ว แต่แหมบางทีก็ลืมตัวฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวจะพยายามลดๆ แล้วกัน” ให้มันจริงเหอะสาธุ ลูกจะเอาเครื่องเซ่นไปบนศาลหลักเมืองเลย

“อ่ะ” เป้ส่งขวดน้ำให้ เหงื่อมันเต็มตัวเชียว “เดี๋ยวจะเหนื่อยปากเปล่าๆ สงสาร”

“กูกลัว” พูดไรมันว่ะอยู่ๆ ก็พูดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่นขึ้นมาก่อน

“กลัวไรว่ะ” ผมก็ถามไปตามน้ำเดี๋ยวมันจะเก้อ

“กลัวสัตว์ในปากเมิงจะถึงอันแก่กรรม ดื่มน่ำเยอะน่ะครับแม่” ฮึยอีกแหละครั้งที่สองแล้วน่ะวันนี่เดี๋ยวเขวี้ยงขวดน้ำสะเลย

“ไอ้เป้เดี๋ยวโดนอีกคน” ผมฆาตโทษ

“แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้างอ่ะ” เปลี่ยนเป็นเรื่องเรียนทุกทีให้ตายเถอะ มันจะมีอะไรนอกจากนี่บางว่ะ

“ก็ดีว่ะ พี่เขาสอนเก่ง” แถมหล่อด้วย

“สอนให้เอาม่ะ” มันแสดงน้ำใจ

“ถึงมึงเก่งกูคงไม่ให้สอนหรอกไอ้ดำ” มันทำสีหน้าสลดลง

“ไมว่ะ” ทำหน้าเอียงสี่สิบห้าองศาเป็นควายงง คิดว่าน่ารักนักหรือ

“ก็เมิงสอนคนอื่นรู้เรื่องสะทีไหน รู้แต่ตัวเองอ่ะดิ” ใช่ครับมันเก่งครับดีอย่างเดียวคือเวลาสอบ ผมต้องคอยแอบดูนิดหนึ่ง เอ้ยไม่ใช่ๆ ผมใช่สมองตัวเองล้วนๆ ส่วนไอ้เช้งนี่สิเรื่องปฏิบัติน่ะเก่งแต่มันดันตายตอนสอบต้องคอยช่วยมันติวทุกครั้ง แต่จะว่าไปทำไมมันสอบผ่านแคลได้ไงว่ะ



“กลับ ยัง หิว แล้ว เน้อ” เช้งอวดครวญ ไม่มีความอดทนสะเลย



“ปะหาไรกินที่ไนท์มาเก็ตกัน” พวกเรานั่งรถแดงไปกัน ลงหน้าตลาดซื้อเอาไปกินที่หอ ก็มีพวกข้าวแกง ที่หอมีหม้อหุงข้าวกับข้าวสารอยู่แล้ว



พอกินเสร็จก็นอนแผ่หลากันไปตามระเบียบตอนดึกๆ มีสายเข้าเป็นของไอ้พี่อัครโทรมากุ๊ดไนท์ ทำเอาผมยิ้มแก้มปริ



“หลับฝันดีน่ะครับ พรุ่งนี้เย็นเจอกันที่ห้องสมุดน่ะ” จะไม่ให้ยิ้มได้ไง แต่เอ๊ะรู้สึกว่าผมยังไม่ได้รับเขาเป็นแฟนเลยนะ เขินว่ะนี่เรายังรู้จักกันได้แค่ สี่สิบแปดชั่วโมงเองน่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2011 19:21:29
หวังว่าพี่เค้าคงไมไ่ด้เป็นผีนะคะ ที่คนมองที่หน้าหอ เค้ามอง ตัวเองพูดคนเดียวหรือป่าว เรื่องเจ้ร้านโจ๊กอีก เจ้แกจะทักอะไรนะ แล้วอยู่พี่แกก็หายไป

ขอร้องงอย่าให้พี่แกเป็นผีที่รถชนเลยนะแล้วอีก7วันที่ยังไม่ไปไหนก็มาตามนายเอกของเราเนี้ยถ้ามารู้ทีหลังเสณ้าแย่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 07-01-2011 11:42:29
^
^
^

จิ้มๆๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-01-2011 11:57:30
^
^
^
วันนี้อัพมั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล.ว่าแต่พี่เค้าเป็นผีป่าวอ่ะ กรี๊ด ยังไม่เลิกคิด 555555

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-01-2011 12:14:33
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: veeva ที่ 07-01-2011 12:35:55
 o22 เหมือนพี่อัครจะตายแล้วเลยอ่ะ สงสัยตั้งกะยามแล้ว แล้วชื่อเรื่องก็ทะแม่งๆ 7 วันยังไงไม่รู้ อย่าให้เราจับทางถูกเลยนะ สมมุติถ้าตายแล้วเขียนให้เป็นสลบไปสัก 7 วันได้ป่ะ แบบวิญญาณออกจากร่างมาหาไรงี้แล้วกลับเข้าร่างได้อ่ะ นะนะนะ เค้าไม่อยากกินมาม่าอ่ะ แค่นี้ก็อืดเต็มกระเพราะแล้ว จะติดตามจ้าอย่าเศร้า
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 07-01-2011 16:11:38
^^
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สองก็เดทกันแหละ ลัลล้าตอนเช้า+ใจง่ายไปเปล่าว่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 07-01-2011 18:04:59
555+อ่านแต่ล่ะคนนี่ฮา  ทำกะเราเป็นเจ้าแม่เรื่องเศร้าเอิกๆๆ
หัวข้อ: Rewriteรักนี่7วัน ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 07-01-2011 18:07:40
วันนี่อาจารย์แกเข้ามาสอนๆ และสั่งมินิโปรเจคส่งภายในสองวันนี้ สั่งโหดไปไหมอาจารย์แค่สองวันอ่ะลองทำเองไหมครับ แต่ไม่กล้าพูดครับ กลัวจารย์แกสั่งงานเพิ่ม

ไอ้เช้งกับไอ้เป้ก็ไปหาพี่รหัส ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกับพี่ๆ เท่าไรนักผมเองก็โทรหาไอ้พี่กรก็ไม่ติดสะนี่ จะว่าไปสองสามวันนี่ไม่เห็นเลยก็เข้าใจว่าเวลามันไม่ตรงกันแต่นี่ไร พี่คนอื่นเขาไปช่วยรุ่นน้องบ้างอะไรบ้างเห็นแต่ไอ้พี่กรผมเนี้ยตายห่าไปไหนวะ เอ๊หรือตายไปแล้วจริงๆ เดี๋ยวอุทิศกุศลไปให้น่ะพี่กรเพี้ยง

ช่วงบ่ายนี่ผมก็เลยไปนั่งเล่นฆ่าเวลาอยู่หอสมุด นั่งปั่นงานบ้าง นั่งเล่น นอนเล่น คิดแผนงานตามภาษาไป หาดูหนังสือรอไอ้พี่อัครมาหา แต่ส่วนใหญ่ผมงีบหลับไป ห้องสมุดถือว่าเป็นสถานที่โปรดที่ผมมาแอบนอนเป็นประจำ ทั้งเงียบทั้งเย็น

“เอ เอ” เสียงปลุกดังขึ้นในโสตประสาทหูผม” ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาปาดน้ำลายที่ไหลย้อยออก โอ๊ยเสียภาพพจน์ที่เหลืออันน้อยนิดของผม

“หึๆ” เอาเหอะหัวเราะเข้าไป

“หัวเราะไรนักเนี้ยพี้ยามาหรอ หรือว่าเป็นหมอดมยาอ่ะเพ่”

“เปล่า ก็เอทำหน้าตาตลก เต็มหรือเปล่าเรา เดี๋ยวพี่พาไปตรวจคลื่นสมอง” คำพูดแลดูจริงจังแต่ไอ้ใบหน้ากลั้นหัวเราะนี่ดิ ฮึ่มมม

“งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งดิ”

“โอ เป็นอะไรพี่ก็ชอบหมดเลย” ไอ้พี่อัครเอ้ย ไม่กี่วันก็บอกชอบสะแล้ว นี้สินะแรกๆ ผักขมก็ว่าหวาน

“มาช้าจังอ่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่องทำท่างอนนิดนึง ขี้เกียจเอาคำพูดรักๆ ชอบๆ มาพูด

“โทษทีน่ะครับ พี่มาช้าไปหน่อย” พี่เขาบอกเสียงเหนื่อยๆ ผมก็พอรู้ว่าแพทย์มันเหนื่อย แต่ไม่คิดว่าสุดหล่อของผมจะหน้าซีดเหมือนผีสะขนาดนี่

“เหนื่อยมั้ยเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้น่ะจะได้เย็นๆ ชื่นใจ”

“ไม่ต้องหรอกครับ น้องเอใจดีจัง” พี่ชอบชมให้ผมเคลิ้มทุกที แต่ผมมองหน้าพี่อัครเหมือนเหม่อ ตาก็ดูเศร้าๆ

“มีอะไรหรือเปล่าพี่บอกผมได้น่ะ” ผมแสดงน้ำใจยังไงพี่เขาก็ช่วยผมเรื่องเรียน ถึงจะเสียมารยาทเพราะเราเพิ่งรู้จักกันและไม่ได้สนิทสนมอะไรมากนัก

“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ไม่มีอะไรได้ไงถอนหายใจสะขนาดนั้น

“พี่บอกผมมาเหอะหรือผมมันไว้ใจไม่ได้” ผมดื้อดึงอีกครั้งจะว่าเสือกก็ว่าเหอะ เวลามีอะไรค้างคาใจมันนอนไม่หลับนะครับ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ช่วงนี้เพื่อนพี่มันไม่คุยกับพี่เลย ไม่รู้ไปทำอะไรผิดเข้าให้ ถึงขนาดหนีไปทำงานกลุ่มอื่นเลย” ผมพอจับใจคำพูดได้ว่าพอแกพูดกับใครก็ทำเป็นไม่ได้ยิน แถมเดินหนีอีกตั้งหาก พอถึงช่วงทำงานเป็นกลุ่มพี่แกช่วยก็ไม่มีใครสนใจ เหมือนทำงานกลุ่มคนเดียวไป ยิ่งเพื่อนร่วมห้องก็ไม่ยอมพูดกับแกอีก เห็นว่ามาเก็บของแปบเดียวก็ออกไปนอนกับเพื่อน

“แล้วเพื่อนพี่ล่ะ” ผมถามถึงคนที่พอสนิทจริงๆ มันต้องคุยบ้างแหละว่ะ

“ก็เหมือนกัน” ผมว่าน่าพี่ดูแย่กว่าผมอีกน่ะ

“ช่วงนี้พี่โทรหาพี่กรได้หรือเปล่า” ผมถามเพราะเห็นพี่กรเคยบอกว่าเป็นเพื่อนรักกันน่าจะปรึกษาบ้าง



“ช่วงนี้โทรไม่ค่อยติดเลย สัญญาณก็ไม่ค่อยมี โทรไปอีกฝ่ายดันไม่ค่อยได้ยินเราพูดเลยครับ ไม่รู้มือถือเป็นอะไรสงสัยต้องซื้อใหม่แล้ว” อ่ามันก็จริงช่วงนี้ผมก็โทรหาไอ้พี่กรไม่ติด

“แต่โทรหาผมติดเนอะ”

“ก็หัวใจเรามันมีคลื่นจูนกันไงครับน้องเอ” เสี่ยวอีกแหละไม่หยอดสักวิจะตายไหมครับพี่

“ผมว่าพรุ่งนี้กับวันมะรืนจะไม่เรียนน่ะพี่อัคร” เดี๋ยวงานไม่เสร็จไม่เรียนสักวันสองวันคงไม่เป็นไร

“ทำไมละ” อย่าทำหน้าหมาหงอยอย่างนี้สิใจผมจะละลาย

“พอดีจารย์แกสั่งงานน่ะ กลัวไม่ทันอ่ะพี่ สงสัยผมจะไม่ได้นอนแน่ ติดต่อทั้งรุ่นพี่ทั้งรุ่นน้องไม่ได้เลยว่าจะให้มาช่วยสะหน่อย” ผมกล่าวถึงพวกไอ้สายรหัสเจ้าปัญหา

“ไว้พี่จะมาช่วยน่ะมาทำที่ห้องสมุดสิ มีข้อมูลให้ดูตั้งเยอะแยะไว้ตอนเย็นพี่มาช่วยนะครับ” คำว่าน่ะครับทำไมรู้สึกเป็นการบังคับกลายๆ ว่ะ แทบท่าทางแบบนี้เขาเองก็ไม่ใจร้ายที่จะปฏิเสธได้เลย แน่นอนว่าผมก็ตอบรับไป

“มาเรียนกันต่อเนอะ” เขาวางสมุดหนาเป็นตั้งๆ ด้านหน้าผม

“วันนี้ไม่ต้องเรียนหรอกพี่อัคร ไปขี่รถเล่นกันดีกว่า พี่จะได้อารมณ์ดีช่างเรื่องเพื่อนๆ พี่มันเถอะ” ผมชวนพี่อัครเพราะผมมีมอเตอร์ไซด์รุ่นเก๋าจนไอ้เป้อยากได้จนเนื้อตัวสั่น ซื้องมันนานมากแล้วมันเป็นของพ่อแล้วเขาให้ผม ผมเลี้ยงดูอย่างดีไม่ให้มีรอยขีดข่วน เอามาโชว์

“เอเป็นห่วงพี่หรอครับ” มีอัครทำตาเยิ้มเชียว

“เปล่าครับอยากโดด” นี่พูดจริงแค่ครึ่งหนึ่งน่ะ

“นึกว่าห่วงพี่สะอีกครับ” พี่อัครน่างอเชียว น่ารักอ่ะที่เห็นคนแบบหน้าตาอย่างพี่อัครแล้วทำหน้างอใส่แล้วมันอดจักจี้หัวใจไม่ได้

“ล้อเล่นคร๊าบบบ เนอะๆๆ ไปขี่รถเล่นกันน่ะ” ผมอ้อนพี่เขา ยิ้มใหญ่เลยเชียว คงชอบที่ผมอ้อน รู้ทางแหละอิอิ



ผมกับพี่เดินเข้าไปที่หอพี่อัครรอข้างล่าง ผมเปิดประตูเข้าไปไอ้เช้งตกใจใหญ่เชียว ทำอะไรผิดไว้ละซิมึงเดียวมาเคลียร์กันที่หลัง ผมไปหยิบเจ้าคุณปู่ออกมา รถมันคันใหญ่ไปสะหน่อยแต่มันสวยมากเลยน่ะผมขัดมันอย่างดี เครื่องยนต์นี่ตรวจทุกเดือนด้วยซ้ำ ไอ้พวกเพื่อนมันหัวเราะใหญ่เพราะรถคันออกจะใหญ่แต่ไอ้คนขับตัวเล็กนิดเดียว ถ้าเกิดล้มที นี่จะยกขึ้นหรือ ถามเหอะว่ะพวกมันพูดแล้วใครมันจะโง่ขับไปล้มล่ะครับผมเลี้ยงดูมันสะอย่างดีเชียวยิ่งกว่าลูกในไส้ผม

“โหไหวหรือครับ ให้พี่ขี่ให้ไหม” ถึงจะเป็นพี่อัครก็เถอะใครมันจะไปให้ขี่ว่ะของหวง

“ขับเองได้น่าขึ้นมา” พี่เขาขึ้นแบบเหย่งๆ กลัวผมรับน้ำหนักไม่ได้ ผมขี่รถรอบๆ เมืองก่อนลมเย็นสบาย สวนพี่อัครค่อยชี้นู้นชี้นี่ให้ดูโครตสุขอ่ะขอบอก อากาศเมืองเหนือช่วงเย็นบรรยากาศดีโครต

ผมขี่ไปเรื่อยจนมาจอดที่สวนสาธารณะยังพอมีคนประปราย ผมเดินเล่นไปเรื่อย อากาศกำลังสบายๆ พระอาทิตย์กำลังตกทำให้รอบๆ เป็นสีส้ม ดูเงียบสงบดี เราเดินเข้าไปนั่งบนศาลาอยู่บนกลางน้ำ ผมซื้ออาหารปลาโยนลงไปในน้ำปลาตัวใหญ่น่าดู นึกแล้วน่ากิน

“เอ ปลานั้นกินไม่ได้น่ะครับ” ไอ้พี่อัครถึงกับอดพูดออกมาไม่ได้

“เห็นขนาดนั้นเลยหรอพี่” ผมพูดพร้อมจับหน้าตัวเอง

“ก็เอคิดอะไรแสดงสีหน้าออกมาหมดเลยนี่ครับ น่ารักดี” อ่ะน่ะผมกำลังคิดว่าผมบาปหรือเปล่าเนี้ย ให้อาหารปลาแต่อยากกินมันแทน

“เอาไว้ว่างๆ เมื่อไรพี่จะพาไปเลี้ยงน่ะครับ”

เรานั่งเล่นไปเรื่อยจนรอบๆ ข้างแทบไม่มีคนแล้ว ตรงศาลาไม่มีไฟส่องสว่างมากนักจริงๆ แล้วแทบมืดด้วยซ้ำ พี่อัครโน้มจูบที่ต้นคอด้านหลัง ผมไม่ได้ว่าอะไรอาจเพราะบรรยากาศและความรู้สึกดีๆ บางอย่างที่ให้พี่เขาไป เราจูบกันอย่างตั้งใจจริงๆ ผมว่าโชคดีที่ไม่มีใครเห็น

“กลับกันเถอะเดี่ยวหอปิด” พี่อัครพูดขึ้นมา

“อื้ม” ผมเขินไม่กล้ามอง ผมยังไม่ได้เรียกมันว่าความรักหรอกน่ะ เพราะผมเองก็ว่างมานานอาจพลั้งเผลอรู้สึกดีๆ ด้วย จะว่าผมใจง่ายก็ได้ผมเองก็ทำตามใจ ที่ไม่มีเหตุผล

ผมกำลังเดินไปมีก็คนทัก “อ้าวไอ้เอทำไมมาคนเดียวว่ะ” ไอ้หินเพื่อนม.ปลายเรียนที่เดียวกะมหาลัยผมแต่คนล่ะคณะกัน

“เปล่ามากับพี่” ผมตกใจดิอยู่เจอคนรู้จักอยู่ที่นี่ กังวลกลัวว่าจะเห็นอะไรอ่ะเปล่า ผมไม่ได้ปิดบังตัวเองว่าเป็นอะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครต้องเห็นต้องรับรู้หรือมีส่วนร่วม

“ทำไมหน้าแดงว่ะ” เขินเว้ยอย่าถามได้ไหม

“เปล่าเว้ยมันร้อน แล้วมากับใครอ่ะ” ผมรีบเฉไปเรื่องอื่น ดันเห็นไอ้หินที่มีผู้หญิงเดินตามหลังมา

“แฟนเว้ย” มันยิ้มๆ แหม่เปลี่ยนเชียวทีเมื่อก่อนยังตามจีบกูเลย ก็นะตามสไตล์เด็กชายล้วน

“โหน่ารักน่ะเนี้ย” ต่างราวฟ้ากับดิน ผมเชื่อแล้วว่าคนสวยมักคู่กับคนหน้าตาไม่ธรรมดา เออก็ว่าไปนั้นมันไม่ได้หล่ออะไรแต่มันอารมณ์ขันดี เป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึ่ง

“ระดับนี่แล้ว” หือกร่างเชียวน่ะแค่มีเมียสวย แล้วสรุปมึงมากับใคร

“มากับพี่น่ะ”

“พี่ไหนว่ะ”

“พี่ที่มหาลัยนั้นแหละเป็นเพื่อนกับพี่รหัสอ่ะ”

“’ งั้นไปแหละ ไอ้พี่อัครนั่งดีๆ นะ” พี่อัครที่ขึ้นมานั่งเหมือนผมรับรู้แรงบีบจากหัวไหล่ ผมรีบขี่ออกมาจากตรงนั้น ผมก็อยากคุยกับมันต่อน่ะดูหน้าเหมือนอยากคุยอะไรกับผมอีกเยอะ แต่ผมกลัวยักษ์ชนักหลังผมเนี้ย

ผมกลับมาถึงหอเกือบไม่ทัน ยามเกือบปิดประตูแล้วผมรีบไปเก็บรถแล้วพี่อัครก็รีบขึ้นหอไปแต่ตอนกลางคืนเขาก็โทรมาฝันดี ผมคุยกับพี่อัครจนไอ้เช้งงหันมามองอย่างหมั่นไส้เพราะผมคุยไปยิ้มไปเขินไป

“มีแฟนแล้วหรอว่ะไอ้เอ” ไอ้เซ้งถามเมื่อผมว่างสาย

“เอ่อน่า จีบๆ กันอยู่” ผมเองก็ยังตอบได้ไม่เต็มปากหรอก

“ใครว่ะ” มันคลานมาที่เตียงผมอย่างอยากรู้อยากเห็น

“เอ่อน่า” ผมตัดบทแล้วก็นอนหลับไป วันนี่เป็นวันที่สามแล้ว ผมว่าความสัมพันธ์ของเราเริ่มขึ้นเร็วจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 07-01-2011 18:35:20
อัพวันล่ะวันเน้อ  ปล.พรุ่งนี่อาจมาลงให้ไม่ได้น่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-01-2011 19:00:56
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 07-01-2011 23:53:25
ไม่เอาน่าาาาา

พี่อัรศ หรือ พี่กร ตายแล้ววว

แต่เหมือนจะเปนพี่หมอมากกว่านะ 

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-01-2011 00:15:51
อ่านแล้วกลัวอ่ะ ความรู้สึกเหมือนเรื่อง คลิปรัก คลิปรักเลยอ่ะ ช่วงที่นายเอกไปทะเล แล้วไปเจอกับคนที่เคนรักตัวเองชื่อพี่บาสหรือเบสนี่หละ ไปเจอพี่แกที่นั้นก้เดินคุยกันมีจุ๊บเบาๆ พอจะกลับเข้านอนก็เจอป้ายซื้อตกตอนเช้าถึงรู้ว่าพี่แกตายไปแล้วต้องแต่ปีที่แล้วแต่ยังมารอเจอเลยอ่ะ ขนาดตายต้องเป็นปี ยังแรงขนาดนั้น นี่พึ่งชนสดๆร้อนๆจะมา ได้7วันก็คงไม่แปลก
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดไม่เอามาม่านะ


เออจะว่าไปถ้าจิตหลุดออกจากร่างมากนี้จะคล้ายๆกับเรื่องผู้มาเยือนยามวิกาลเลยอ่ะ พี่ต้นไม้ กับน้องน้ำหยด  ตอบจบเศร้าโคตร เฮ่ออออออออออออ


เรื่องนี้ตอ้งไม่เป็นเฉกเช่นนั้นนะคะ

ขอร้อง พลีสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 08-01-2011 02:43:44
ชื่อเรื่องน่าสนใจ ... ชื่อเหมือนนิยายแปลที่เคยอ่านเลย  ^^
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-01-2011 07:22:20
เรื่องนี้พออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว บวกกับชื่อเรื่องด้วยแล้ว ทำให้คิดไปว่า

พี่อัคร...ตายแล้ว

แต่ที่ยังเหมือนติดต่อกับน้องเอได้ก็อาจเพราะมีบางสิ่งติดค้างกันอยู่ เช่นว่า เรื่องที่ตั้งใจทำแต่ดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน น้องเอ ก็เลยได้เห็นพี่อัครคนเดียว

อารมณ์ประมาณภาพยนต์เรื่อง Just Like Heaven

มีคนเห็นด้วยไหม? อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 08-01-2011 10:35:35
^

555+


เดี๋ยวไปตามหาอ่านและไปดูบ้างดีกว่า

เพื่อปิ้งไอเดียอิอิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สามวันนี้สุดหล่อซึมเชียว+เดินเล่นที่สวนฮับ
เริ่มหัวข้อโดย: donkyxx ที่ 08-01-2011 19:07:54
น่ากลัว
หัวข้อ: Rewrite รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 09-01-2011 10:52:30
วันที่สี่ กลางดึก ณ.ห้องสมุด

วันพฤหัสแหละวันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีแท้ๆ ผมลากไอ้เช้งที่นอนจมน้ำลายบูดๆให้ลุกออกจากเตียง มันทำท่าอิดออดนิดหน่อย ก่อนที่มันลุกพรวดด้วยเกือบโดนบาทาอันเป็นที่รักที่ผมใช่มันเลี้ยงให้มันเติบโตขนาดนี่

“ว๊ากกก ฮือๆจำไว้เลยน่ะ กรูจะฟ้องพี่กรของมึง ให้มึงโดนซ่อม”มันคร่ำครวญก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวออกไปนอกห้อง อ๊ะลืมบอกไปหอผมเป็นห้องน้ำรวม ไม่ใช่ตึกไฮโซของพี่อัคร แน่นอนราคาห้องมันต่างกัน

ผมนั่งลงที่คอมนั่งเล่นคอมเข้าไปเฟซบุ๊กพิมพ์ตั้งหัวข้อว่า “หมอน่ารักกับการติวแคลสุดโหด”เช็คเรตติ้งดูสิใครจะเข้ามาถาม วันมีเรียนสายๆ ผมเลยนั่งเหงารอคนมาช่วยงาน เมื่อคืนผมย้ำงานจนดึกดื่น และวันนี้พี่อัครก็กำลังเรียนอยู่อดกินข้าวเช้าด้วยกันเลยเห็นว่าวันนี้กลับเย็นนิดหน่อยด้วย

“ว่าไง ไอ้กันผมกดรับสายเข้าจากน้องรหัส

“ดีพี่เอ ผมอยู่ใต้หออ๊ะ” เย่มีคนช่วยงานเพิ่มแล้วเอามาเป็นเบสใช้งานซะดีๆ

“เออๆ เดี๋ยวลงไปรับ”ผมลงไปมันมากับไอ้น้องรหัสเช้งนิสัยพอกัน พากันดิ่งลงนรกทั่งพี่ทั่งน้อง

“เอาไอ้ปอนด์มึงมาทำไมเนี้ย”รุ่นน้องคณะเดียว เป็นเพื่อนไอ้กร เจอกันที่ไหนเจอปอนด์ที่นั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงย้อนกลับอย่างกวนตีนได้ใจ แต่มันสงบปากไปเยอะก็เจอฤทธิ์ปากบวกบาทาผมเข้านี่ แต่ก็ใช่ว่ามันสิ้นลายเพราะตีนผม

“ดีครับเพ่”ไอ้กันมันทักผม

“ปะๆขึ้นห้องยังมีงานให้ช่วยอีกเยอะ อย่าได้ช้า”ผมสั่ง

พอเข้าไปบนห้องก็เห็นไอ้เช้งแต่งตัวอยู่พอดี ร่างกายมันโครตผอมแห้งติดกระดูกจนคนอื่นเห็นแล้วใจหายแต่ผมเห็นจนชินแหละ เพราะเมื่อก่อนสูบบุหรี่กับดื่มเหล้าจัดไปหน่อยแต่มันดีขึ้นเยอะน่ะ ก็ได้ไอ้พี่กรนี่แหละมันดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ

“ไอ้ปอนด์สักม้วนป่ะ”นั้นผมยังบ่นไม่ทันขาดคำก็ชวนน้องเล่นยาม้วนซะงั้น

“ขอบคุณพี่”ไอ้ปอด์นกำลังเข้าไปหยิบปรายตามาที่ไอ้กันกับผม

“ไม่ดีกว่าพี่แฮ่ๆ” มันรีบชักมือกลับมาอย่างไว

“ไหม วะ”เช้งทำหน้าเซ๊ง

“กลัวเมีย พี่”ไอ้ปอนด์มันเกรงไอ้กัน

“หนะ เมีย มึง อ่ะ”เสียงไอ้เช้งที่พูดติดอ้าง

“พอๆไอ้เช้ง กูชวนน้องมาช่วยงานไม่ได้มาดูด ไปๆไอ้เช้งไปเอางานมึงมานั่งทำไป มีอะไรจะได้ช่วยดู”จริงๆผมก็ปล่อยมันทำคนเดียวได้ไอ้เนี้ยมีความคิดดีสร้างสรรค์ดี แต่ที่ให้มันทำด้วยเพราะมันจะไม่ทำเลยถ้าไม่มีใครเตือน

นั่งทำอยู่สักพักใหญ่ไอ้เช้งก็ไปดูดบุหรี่ต่อข้างล่างตึก ก็เข้าใจว่างานมันหนักต้องขอเวลาพักบ้าง แต่ผมก็ดีใจน่ะเห็นพัฒนาการไอ้สองตัวนี่ดีขึ้น อาจเพราะเริ่มโตๆกันแล้ว บวกกับกลุ่มพวกผมแม้จะกินเหล้า สูบบุหรี่ตามประสาบ้าง แต่ไม่ได้กินกันเอาเป็นเอาตาย

ไอ้ปอนด์นี่ดีกว่าไอ้เซ้งเยอะเพราะไอ้กันอยู่ด้วยตลอดเวลามันมาจากโรงเรียนเดียวกันครับ ตอนนี้มันเองก็เกือบเลิกขั้นเด็ดขาดได้แล้วเพราะไอ้กันเป็นหอบหืดทำไมผมเสือกรู้น่ะหรือ ผมเนี้ยพาไอ้กรรห่ามไปโรงบาลตอนนั้นตั้งวงเหล้าไอ้ปอนด์คงลืมตัวดันอยากสูบ

 ผมเห็นพวกมันเหนื่อยกันมากแล้วเลยเดินลงไปซื้อน้ำเลี้ยงพวกน้อง ๆมัน พวกมันอุตส่าห์มาช่วย ดีไอ้กันก็มาช่วยอีกแรง สุขใจมีน้องดีแต่พี่มัน ฮึ่ม... เป็นแบบนี้แหละครับเดี๋ยวพอน้องมันมีงานพวกผมก็ไปช่วย

พวกเราทำงานจนเกือบบ่ายผมก็มีเรียนต่อ ผมเลยต้องเก็บงานไว้ทำต่อตอนเย็น ไอ้พวกน้อง ๆก็คงมาช่วยได้แค่วันนี้เพราะพรุ่งนี่พวกผมก็มีเรียนเช้ากันทั้งนั้นแต่ก็เหลือไม่เท่าไรเพราะงานที่สั่งไม่ได้ยากอะไรนักหรอก

เลิกเรียนผมก็ไปเอาของที่หอกำชับไอ้เป้ฝากไอ้เช้งไปทำงานด้วยเพราะมันจะไปทำงานกับพวกพี่รหัสผมไม่ค่อยสนิทนักเพราะอยู่คนละกลุ่มกันกับพวกพี่กร อีกอย่างผมจะไปหาพี่อัครก็แหม่อยู่ในช่วงอินเลิฟนี่นา

กว่าพี่อัครจะมาก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่งแล้วผมก็นั่งทำงานของผมไปเพราะอย่างไรงานนี้ก็เหลืออีกไม่เยอะก็เสร็จแล้ว พอเกือบถึงเวลาผมเห็นพี่อัครเขาเดินมาเหนื่อยๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าพี่เขา หน้าเขามักซีดจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ ผมเข้าใจเลยคนเรียนหมอมันเรียนหนักจริงๆ อีกทั้งตอนจบออกไปก็ใช่ว่าจะสบายต้องไปใช่ทุนอีก

“พี่อัคร เรียนเครียดไปไหมพี่”ผมอดถามอย่างกังวลไม่ได้ พร้อมจับหน้าที่ซีดๆเหนื่อยๆของชายตรงหน้า

“ไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง”พี่เขาตอบเฉื่อยเหมือนคนไม่มีแรง ทั่งมือทั้งหน้าซีดไปหมดเหมือนไม่มีเลือดไหลเวียน

“ไปโรงบาลเถอะ”ผมเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไรหรอกเอ พี่สบายดีพี่ขอนั่งหลับตาสักครู่”ผมพยักหน้าทำตามที่พี่อัครบอก สักพักมีสายเข้าจากไอ้พี่รหัสตัวดีที่ไม่ได้ติดต่อกันมาสามวันสามคืนแล้ว

“ดีพี่”ผมทักไป

“ฮัลโลๆไอ้เอ” เหมือนเสียงสัญญาณมันขาดๆหายๆ ผมได้ยินไม่ชัดเลย

“ว่าไง พี่กรได้ยินผมไหมม”ผมบอกอีกครั้ง

“ฮัลโลๆ”เหมือนสัญญาณจะไม่ดีเพราะไอ้พี่กรไม่ได้ยินผม

“ไอ้พี่กรได้ยินผมไหม”ผมเสียงดังขึ้น จากนั้นสายก็ตัดไป สงสัยในห้องสมุดสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไร ผมว่างสายก็เห็นพี่อัครลืมตาขึ้นมาแล้วดูสีหน้าดีขึ้นเยอะ

“ดีขึ้นแล้วหรอ”

“ดีขึ้นแล้วครับ”พี่อัครยิ้มมาให้ผมก็ว่าดีขึ้นเยอะ

“ไหนครับน้องเอถึงไหนแล้วหรือ”พี่อัครชะโงกหน้าเข้ามาดู

“ผมว่าพี่เอาไปดู แผนผังร่างกายมนุษย์ดีกว่า พี่ดูไม่รู้เรื่องหรอก”ผมว่า เพราะถ้าให้ผมไปดูอะไรที่เกี่ยวกับแพทย์ผมก็ไม่รู้หรอก และไอ้พี่อัครก็ไม่รู้เรื่องนี่เหมือนกัน

“พี่มองเอทำดีกว่าครับ”
 
“เออ มองได้มองไป”ผมยิ้มเขินๆ ไอ้ผมก็ทำอยู่พักนึ่งแต่มีสายตามองแบบนี่ก็อดมองขึ้นมาไม่ได้ แต่ผมก็ทำไปเรื่อยๆ จนไฟดับเพราะดูเหมือนว่ายามข้างล่างจะปิดห้องสมุดแล้วผมลุกขึ้นยืนรีบเก็บของ แต่อยู่ไอ้พี่อัครก็โอบเอวผมไว้ฉุดลงมานั่งบนตัก สักพักก็ได้ยินเสียงคลื้นและแก๊รกแน่นอนว่ามันถูกปิดตายซะแล้ว

“ไอ้พี่อัคร”ผมทำเสียงเหี้ยมใส่ให้ พี่อัครก็ยิ้ม ไม่ได้ยิ้มปกติแบบทุกทีน่ะ ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ เดียวเอาปากประทุษร้ายเลย

“ไอ้ อุ๊บ”พี่อัครเข้าไปลิ้มชิมริมฝีปากของผมโดยไม่รอที่ผมจะประทุษร้ายก่อน พี่อัครจับผมหันให้ค่อมกับเขาและก็จูบ ผมเป็นผู้ชายและเขาก็เป็น มันก็มีอารมณ์ทางเพศเป็นธรรมดา ไอ้ข้างล่างจะไม่ตุงได้ไงวะ

“พี่อัครหยุด”ผมร้องห้ามพร้อมลุกขึ้นเพราะทั้งโกรธทั้งเขิน

“ขอโทษ”พี่เขาโอบจากด้านหลัง โหพูดง่ายเนอะ

“เล่นอะไรบ้าๆว่ะพี่อัครประตูก็ปิดไปแล้ว”

“ครับๆ”ยังยิ้มอีกแนะ เขาลุกไปนั่งพิงกับตู้หนังสือ โดยหว่างขามีผมนั่งอยู่และมีมือเขาที่โอบกอด

ผมไล่กดเบอร์เพื่อน พวกมันรับสายครับแต่ดันไม่มีสัญญาณเหอะจะบ้าตายมันลงตัวเกินไปไหมเนี้ยคอยดูน่ะเปลี่ยนเครือข่ายจริงๆด้วยเซง

“อื้มไอ้พี่อัครอย่าลูบหน้าท้องสิ”มันเสียวเว้ย

“ก็อย่าขยับสิครับพี่ก็เสียว”ไอ้บ้าผมนั่งตัวแข็งทื่อเลย

“นี่เอพี่รักเอจริงๆน่ะ”พี่อัครพูดเสียงจริงจังเสียจนผมอดเขวไม่ได้เพราะตลอดเวลาผมก็คิดทีเล่นทีจริงตามประสา อาจคิดว่าพี่เขาหล่อดีน่ารัก

“บ้าน่า”

“เอพี่รักจริงๆน่ะ”

“ผม”

“เอ”

“เมื่อไรหรอ อืมผมหมายความว่าทำไมมาชอบคนแบบผมได้”

“จะเริ่มบอกว่าอะไรดีน่ะ”

“พี่น่ะเคยเจอเอครั้งแรกตอนรับน้องไง เอจำไม่ได้หรอก ตอนนั้นไอ้กรชี้ไปให้ดูน้องรหัส พี่เห็นตอนแรกก็ยังไม่รู้สึกอะไร แค่คิดว่าทำไมเห็นน้องไอ้กรมันน่ารักว่ะ ตอนรับน้องน้องก็ตลก หน้าก็ตลก ทำเอาพี่ขำ ยิ่งตอนออกรับแทนเพื่อนแล้วด่ารุ่นพี่ชนิดหมายังอายนี่ก็คิดว่าไอ้เด็กนี่ใจกล้า ตอนนั้นพี่ก็ยิ่งไปหาไอ้กรบ่อยขึ้นแต่พี่ไม่กล้าทักเอ บอกตรงๆว่าพี่อาย”พี่เขาเงียบไป

“อายไรอ่ะ”

“หลายๆอย่างน่ะ พี่เพิ่งรู้สึกว่ารักกับผู้ชายครั้งแรกก็รู้สึกอายเอ อายว่าถ้าเอรู้จะเป็นไง น่าหัวเราะทำเหมือนกับแอบรักข้างเดียวไปได้ก็เลยอายตัวเอง”สงสายอายจริงพี่ อายซะไม่กล้าเขาหาผมเป็นปี แถมผมไม่รู้ตัวอีก

 “จนไอ้กรมันรู้ว่าพี่รู้สึกไงกับเอ แล้วไอ้กรมันขอให้มาสอนน้องเอเลยเรียกว่าสบโอกาสก็ได้ เพราะตอนนั้นแน่ใจว่าไม่อยากปล่อยเวลาเปล่าๆดับเครื่องชนเลย”ถึงว่าสิทำไมผลักไสผมจัง

“นี่เอไม่ต้องบอกว่ารักพี่ตอนนี้ก็ได้ มันอาจจะนานหน่อยที่เอ ที่จะรู้สึกรักพี่จริงๆ พี่จะรอคำนั้นและพี่รู้ว่าพี่จะมีโอกาสได้ยินมันแน่นอน คำว่ารักที่มาจากใจเอจริงๆ พี่รอได้น่ะ เพราะพี่รอมาตลอดหนึ่งปีที่จะรอให้อยู่ใกล้ๆเอ”

ผมเงียบเขาเงียบเพราะต่างต้องใช้ความคิด พี่อัครคงคิดมาอย่างหนักแล้วและนานว่ารู้สึกแบบไหนกับผม แต่ผมไม่รู้ ผมมันก็แค่คิดเล่นบ้างแต่ผมยังไม่ได้ถึงขั้นว่าจริงๆแล้วผมรู้สึกแบบไหนอะไรจริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกกับเขาอย่างไงจริงๆกันแน่ แค่รู้สึกดี อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอยากกอด อยากจูบ พอพี่อัครยิ้มก็รู้สึกดียิ้มตามเลยก็มี ผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงถ้าใครเคยเล่นรถไฟเหาะเหมือนหัวใจมันโหวงและตื้นเต้นเหมือนผมตอนนี่ล่ะมั่ง

ผมคิดจนหลับไปมีพี่อัครเป็นที่นอนให้ผมนั่งพิง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามีมือนึ่งที่คอยลูบหัวอยู่ไว้ตลอด

ผมตื่นขึ้นมาจากเสียงโทรศัพท์ที่ผมถือไว้อยู่ ไอ้เช้งเพื่อนรักโทรมาคงเห็นว่าผมหายไปนานแล้วเพราะโดยปกติผมไปไหนจะต้องมีใครคนนึ่งรู้บ้าง


“ว่าไง”

“มึง ไปไหน ทำอะไรอยู่ นี่กูรอมึง ตั้งนาน ไปตาย ห่าที่ไหน ฮ่ะ”เซ้งบ่นอย่างร้อนรนผสมติดอ้าง จะห่วงก็บอกมาดิว่ะ

“กูถูกขังในห้องสมุดวะ”

“ห่าไร น่ะนี่ เมิงอยู่ คนเดียว หรือเปล่า”

“เปล่ามีพี่อัครด้วยอยู่ใกล้กันเนี่ย”

“ใคร วะ”

“ก็พี่ที่มาสอนพิเศษกรูไง”

“แล้ว ทำไง อ่ะ”มันถาม เพราะถ้าเป็นผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงเหมือนกันนี่มันก็เที่ยงคืนกว่าแล้วด้วย

“รอจนถึงเช้าก็ได้เดี๋ยวก็มีคนมาเปิด อีกอย่างอยู่กับพี่อัคร”ครับถ้าอยู่คนเดียวได้บ้าตายถึงผมเป็นคนกล้าไม่ได้หมายความว่าไม่กลัวกลัวผีนะครับ แต่ถ้าอยู่คนเดียวมันก็ระแวง

“เออเดี๋ยว แป๊บเดี๋ยว กูโทรหา จารย์ก่อน เดี๋ยวช่วย”มันพูดจบก็ว่างเลย ตรูอยากจะบอกว่าไม่ต้องผมอยากจะอยู่สองต่อสองเว้ย

“เพื่อนหรือครับเอ”เสียงพูดออกมาดูเหมือนเขายังไม่ได้หลับเลย

“อื้มไอ้เช้ง”

“อ๋อ”พูดเหมือนนึกไรได้

“รู้จักด้วยหรอ”ระแวงครับถ้าไอ้พี่อัครมันตกหลุมรักไอ้เช้งอีกคนนอกจากผม

“ไม่รู้ว่าเคยเห็นไหม แต่ไอ้กรพูดถึงบ่อยครับ อย่าจ้องพี่ขนาดนี่สิพี่เขินน่ะ”

สักสองชั่วโมงได้ก็ได้ยินเสียงดังคลื้นและแกรกเหมือนใครทำไรอยู่ที่หน้าประตูและได้ยินเสียงโวยวายเสียงดังจากข้างล่าง

“ไอ้เอ สาดด เอโว้ยยย”ชัวร์ครับเสียงไอ้เช้งมันนี่แหละครับ

“อยู่ชั้นสองเว้ย”ผมตะโกนกลับไป

ผมลุกขึ้นเก็บข้าวของ ไอ้เช้งก็ขึ้นมาพร้อมลุงยามกับจารย์ที่สอนคณะผมนี่แหละ คนเดียวกับที่สั่งงานแหม๋ไอ้เพื่อนเวรเลือกจารย์ได้เยี่ยมจริงๆไม่ได้ประชดน่ะ

“นี่เธอ เวลาเขาก็มีบอก ทีหลังก็อย่าให้ใครเขาลำบากล่ะ”เข้ามาก็ว่าก่อนเลยครับ ผมแทบยกมือรีบไหว้อย่างไว ผมก็อยากจะบอกว่าถ้าไม่ใช่ไอ้พี่อัครตัวดี (ของผม) ผมก็ไม่อยากรบกวนหรอกครับ

“ขอโทษครับจารย์พอดีทำเพลินไปหน่อยครับ”ผมทำหน้าใสซื่อเรียกคะแนนสงสาร

“อือๆ มาทำงานคนเดียวทำไมไม่ชวนเพื่อนมาช่วยกันทำด้วยละ ไม่มีอะไรก็ดีแล้วไปๆกลับได้แล้วคงกลัวล่ะสิ บอกไว้ก่อนเลยนะที่นี่ประวัติมันยาวนะ”จารย์พูดขู่ดีที่อยู่กับพี่อัครมัน ผมอยากจะบอกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ ถึงจะไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะแต่เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยดีกรีอนาคตหมอเลยนะจารย์  ไอ้เช้งก็ช่วยถือของ รักมึงจัง ตลอดทางไม่ได้พูดไรเลยกำลังสำนึกผิดแล้วจารย์ก็ไปส่งถึงหอเลยครับเพราะต้องไปอธิบายกับยามหน้าตึกให้ด้วย จารย์ครับผมรักจารย์จัง แล้วแกก็บ่นพวกผมอีกนิดหน่อยก่อนขี่รถกลับบ้านไป

“บายๆน่ะ ไอ้พี่อัครพรุ่งนี่เจอกัน”ผมกล่าวลาก่อนพี่แกจะขึ้นไปข้างบน

“เออไอ้เอ”เช้งที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น

“ไรว่ะ”

“เปล่าคิดว่ามึงเมาฮ่าๆๆ เออไม่มีไรหรอก”ไรว่ะมาแปลก กูจะไปเมาได้ไง กูไม่ได้ออกไปกับพวกมึงนะ

“อือๆไปนอนเหอะง่วงวะ”ปกติสี่ทุ่มผมก็นอนแหละวันนี้เหนื่อยไงก็ไม่รู้ เพราะมีอะไรให้คิดตั้งหลายเรื่อง

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 09-01-2011 10:53:33
เริ่มใกล้จะเฉลยทุกทีแหละ จะเป็นไงก็หวังว่าทุกคนจะติดตามน่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 09-01-2011 11:16:04
... :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 09-01-2011 11:31:33
^

^

^

รีบนค่ะยังไม่ทันเป่าก็ปี่แล้วหรออิอิอิ

โอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-01-2011 11:36:22
โอ้ยยยยยยย

พี่อัครตายแล้วแน่นอนนนน
ไม่อยากให้เศร้าเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-01-2011 14:36:14
ง่า~ พี่อัครตายแล้วชิมิ

ใกล้ความจริงขึ้นมาแล้วซิ  มันต้องเศร้าแน่เลย
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-01-2011 16:45:38
 :z1:นึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-01-2011 17:09:35
...อีกสามวัน...
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 09-01-2011 20:41:47
พี่อัครไม่สบายหรอ
เย้ๆจูบกันอีกเเล้ว o18
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่สี่กลางดึก ณ.ห้องสมุด
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2011 23:44:21
แววเศร้าเริ่มชัดขึ้น T_____________T
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 10-01-2011 12:35:17
วันที่ห้า เรื่องเล่าผีๆ



ตอนพักเที่ยงมานั่งกันเป็นกลุ่มก็มีน้องรหัสกลุ่มผมนี่แหละ มีไอ้เป้กับน้องทรายที่เพิ่มเข้ามา น้องทรายนี่น้องรหัสไอ้เป้ มันโชคดีมากๆ น้องเขาสวยแถมทำงานเก่งไอ้เป้ก็โชคดีเพราะบางครั้งมันไม่ค่อยละเอียดเรื่องเล็กๆ น้อยเท่าผู้หญิงเท่าไรนัก ผมว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ประหลาดน่ะบางครั้งเราก็เข้าใจ บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าคุณเธอคิดอะไรอยู่



นั่งทำงานไปอยู่ดีๆ ไอ้ปอนด์น้องรหัสไอ้เช้งก็เล่าเรื่องผีขึ้นมาซะงั้น อารมน์ไหนเนี้ยเพี้ยนทั้งพี่ทั้งน้อง



“นี่ๆ พี่ รู้ไหมว่าตึกแพทย์ตอนนี่เล่าลือเรื่องผีมาก” ตึกแพทย์ที่ไหนก็มีเรื่องผีกันทั้งนั้น ไม่เห็นน่าแปลกใจเลย



“ประสาทแดกนะไอ้ปอนด์น่ะ ตึกแพทย์มันก็ขึ้นชื่อเรื่องผีอยู่แล้ว” ไอ้เป้ว่าพร้อมทำท่าขนลุก ดูท่ามันไม่อยากฟังเท่าไร ใจมันโคตรป๊อดเลย5555+



“โฮ พี่เรื่องนี่เรื่องใหม่น่ะพี่” ไอ้กันก็ส่ายหน้าปลงๆ เมื่อเพื่อนฐานะแฟนเมื่อเริ่มเล่าอะไรสักอย่างแล้วมักหยุดไม่อยู่



“ครู ใหญ่ อะ นะ มัน เก่า แล้ว” เซ้งบอกพร้อมพยักหน้ามาทางผม ผมก็พยักหน้าตอบ เดี๋ยวมันหาว่าผมไม่สนใจ



“ไม่ใช่พี่ เรื่องใหม่จริงๆ พี่จำเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีรถมันชนกันได้ไหม” พวกผมพยักหน้า ผมน่ะจำได้เลยก็มันอยู่ต่อหน้าต่อตาผมเชียว



“แล้วไงว่ะ” ไอ้เป้ที่กลับไปสนใจงานเริ่มสนใจขึ้นมายกงานให้น้องทรายทำไปเลย ไอ้หมีดำ



“ก็ไอ้รถคันหรูนั้นน่ะ มันเป็นของนักศึกษาแพทย์อ่ะพี่” ผมฟังแล้วแอบกลืนน้ำลาย



“เออจริงดิแล้วเรื่องนี่ใครผิดว่ะ” ผมถาม



“เห็นว่าคู่กรณีอีกคนที่ฝ่าไฟแดงมา พอดีกับคันที่นักศึกษาแพทย์กำลังเลี้ยวเข้า”



“แล้วไงต่อว่ะ” เป้



“ก็พวกปีสามน่ะ เพื่อนๆ ของเจ้าของรถที่เกิดอุบัติเหตุนะ เหมือนเห็นผีพี่ผู้ชายมาเรียนรวมกับพวกเขาอยู่”



“แล้วไงต่อว่ะเร็วดิ” เป้ตื่นเต้นจนตัวสั่น ถึงกลัวก็ชอบฟัง



“อย่าเร่งดิ แล้วที่นี่บางคนก็เห็นไง อย่างตอนเข้าผ่าครูใหญ่ ก็เจอเห็นพี่คนนั้นแว๊บๆ บ้างอะไรบ้าง เอาสะคนอื่นเรียนไม่รู้เรื่องเลย”



“แล้วที่นี่น่ะเพื่อนที่เป็นรูมเมทของพี่นักศึกษาแพทย์คนนั้นก็ทนไม่ไหวย้ายไปนอนกับเพื่อนคนอื่น” อื้มๆ น่าเห็นใจอยู่



“มันเป็นอยู่อย่างนี่ทุกวันเลยแหละพี่ ตอนนี่ก็หลอนกันไป ไม่มีใครกล้าจะอยู่ดึกๆ กันแล้ว”



“น่ากลัวหว่ะ แต่ก็น่าสงสารนะ”



“เอาสงสารไมอ่ะพี่ ผีก็อยู่สวนผีดิ มายุ่งไมด้วยอ่ะ อีกอย่างทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมดไม่มีอันเป็นเรียน ต้องคอยระแวงมันอีก” พูดอย่างกะมึงเป็นคนตั้งใจเรียนเนอะ



“บางครั้งมันไม่รู้หรอกว่าเราตายไปแล้ว เพียงแค่เราทำส่วนของเราเหมือนปกติประจำวัน น่าสงสาร”



“อืม กันก็เห็นด้วยน่ะพี่”



“อืมทรายด้วย ทรายว่าเขาไม่ได้ตั้งใจอีกอย่างเขาไม่รู้ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน”



“เรื่องของคนอื่น มาๆ ทำงานต่อ” ไอ้เป้เรียก แหม่ไอ้นี่แล้วเมื่อกี้หมาตัวไหนถามวะ



ผมกับเพื่อนๆ รีบกลับมาทำงานต่อ จนเกือบใกล้เสร็จ เหลืออีกนิดเดียว กว่าจะเสร็จเนี้ยก็ต้องค่อยดึงสติไอ้สองตัว เช้ง ไอ้ปอนด์ ไอ้เช้งก็กดโทรศัพท์ยิกๆ ไอ้ปอนด์ก็ค่อยแต่เกาะแกะไอ้กัน เจริญๆ น่ะ พ่อคุณ



พอเลิกเรียนก็เอางานไปส่งอาจารย์แกเพราะอาจารย์ขีดเส้นตายไว้ตอนห้าโมง วิ่งไปกันแทบไม่ทัน แกกำลังเก็บของกลับบ้านพอดี



“ไอ้ เอ จะ ไป ไหน” เช้งหันมาพูดทันทีที่ออกจากห้อง



“จะไปห้องสมุดอ่ะ”



“ไปหาพี่อัครหรอ”



“อือ”



“ส่วนมากเจอกับพี่เขาที่ห้องสมุดหรอ” วันนี่มันมาแปลกแหะ



“อือใช่ มีไรว่ะ”



“วันนี่ไม่ไปได้ไหม” ไรของมันว่ะ



“มีไรว่ะเช้ง แต่กรูนัดกับพี่เขาไว้แล้ว”



“เปล่าๆ เออ” มันเป็นอะไรของมันว่ะงง



“มีอะไรก็ค่อยคุยกันกรูไปก่อนน่ะ เดี๋ยวกลับหอค่อยคุยกัน”



ผมไปห้องสมุดเห็นพี่อัครนั่งรออยู่แล้ว เห็นพี่แกกำลังนั่งอ่านไรก็ไม่รู้



“พี่อัคร”



“มาแล้วหรอครับน้องเอ”



“มารอนานยังอ่ะโทษทีมาช้าไปหน่อย”



“พี่ก็เพิ่งมาครับ เหนื่อยไหมครับ”



“หายเหนื่อยแล้วพี่” พอพี่ถามก็หายเหนื่อยเลย



“จริงดิพี่อัคร ได้ยินว่าพวกปีสามแพทย์มีข่าวลือว่ามีผีหรอพี่”



“หึๆ เชื่อเรื่องนี่ด้วยหรือเรา”



“เอาน่าพี่บอกมาดิ” ผมตีเข้าที่แขนหนา



“พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เอาไอ้ปอนด์โม้ล่ะมั่ง



“แล้วพวกพี่ปีสามไม่ได้พูดอะไรเลยหรอ”



“ไม่รู้ครับพี่ไม่ได้คุยกับพวกมันมาหลายวันแล้ว” เอาแล้วไงกูแทงใจดำพี่เขาแล้วไหมล่ะ



“เออ โทษทีพี่ ก็เห็นที่เขาลือว่า มีคนรถชนกัน หน้ามหาลัยน่ะ”



“พี่ไม่รู้ครับ ไม่เห็นใครในคณะแพทย์เอารถไปชนกับใครนะครับ” เหอะๆ สงสัยไอ้ปอนด์มันเอาเรื่องแต่มาแหง่ม



“งั้นหรือ ช่างเหอะ”



“เอไปนอนกลับพี่ไหม” เฮ้ยไรผมยังรักงวนสงวนตัวน่ะพี่



“อะไรทำหน้าตลกสะขนาดนั้น คิดอะไรเนี่ยเรา” เหวอไม่คิดได้ไงละครับพี่อยู่ชวนขึ้นห้องก็รู้ระหว่างเรามีซัมทิงอะครับ



“แล้วรูมเมทพี่ไม่ว่าเอาหรอพี่เอ” อยู่ๆ มีคนไม่รู้จักแอบเข้าไปนอนด้วย



“มันไม่ว่าหรอก”



“เห้ยหรือว่าพี่บอกไรพี่เขาไปน่ะ”



“เปล่าๆ นี่เราคิดอะไรไปไกลจริง ไอ้ที่มันไม่ว่าน่ะ มันไปนอนกับเพื่อนคนอื่นแล้วพึ่งย้ายไปเมื่อวันก่อนนี่เอง” เอาหรอตกใจหมดเลย



ตอนนี่ผมมีความรู้สึกที่แปลก มันเหมือนเหมือนมีอะไรแปลกไปน่ะ เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจแต่นึกไม่ออก หมายความว่าไงกันมันมีอะไรที่แปลกไปจริงๆ น่ะ มีบางอย่างที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล แค่ผมยังไม่รู้ว่าคืออะไร



“เอๆ” เสียงพี่อัครเรียกเตือนสติ



“ไม่ได้หรอกพี่อัคร วันนี่ไอ้เช้งมันแปลกๆ น่ะ เหมือนมีอะไรจะคุยด้วยน่ะ ไว้คราวหลังเนอะ”



“ก็ได้ครับเอ พี่ขอทำงานแปบน่ะ” ผมพยักหน้าแล้วพี่อัครก็หันหน้ามาทำงานต่อ



พรุ่งนี้วันหยุดของผมแต่ไอ้พี่อัครยังไปเรียนเศร้าครับ วันนี้พวกเราสองคนก็ไปเดินเล่นรอบมอกันไปเดินเล่นผ่อนคายสบายอารมณ์ ผมกลับมาเปิดเฟสบุ๊คมีคนคอมเม้นเยอะแยะเชียว



เช่น



“ตายๆ ไอ้เอ นี่กะแดกหมอหรอย่ะ”



“เฮ้ยไอ้เอมาเคลียเลยกล้าหักอกกูหรอ ปล. เลี้ยงข้าวด้วย”



“เห้ยระวังโดนว่าที่คุณหมอจับฉีดยาน่ะเว้ย” ไอ้นี่กรูต่างหากที่จะฉีดให้



“ไอ้เอใครว่ะที่สอนให้เมิง” พี่กร ตรงนี่แหละครับที่ผมแปลกใจคอมเม้นจากพี่กร หรือแค่กวนตีนกะจะให้ตอบไปว่า



“ก็ไอ้คนที่พี่ผลักไสไปให้ผมไง” ผมตั้งใจพิมพ์แบบนั้น แต่หรือจะบอกว่า



“น้องเขยพี่ไง ที่เป็นเพื่อนพี่อ่ะ” เออคำนี่ยอมรับไปหน่อยยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่ได้พิมพ์เช่นนั้นไป



ผมเลยตอบไปตามธรรมดาว่า “ก็พี่อัครไงที่พี่ให้มาสอนอัมไซเมอร์หรือไง555+ ผมปิดเฟสบุ๊คลงไอ้เช้งก็เข้ามาพอดี



“เออ ไอ้เช้ง เมื่อเย็นมีอะไรจะคุยด้วยว่ะ” ผมว่าสีหน้ามันแปลกแหละ



“เออ วัน นี้ มึง ไปหา พี่ที่ ชื่ออัครใช่ไหม ว่ะ”



“เออไมว่ะไอ้เช้ง มีปัญหาไรว่ะ”



“ก็...... คือ”



“มีไรก็พูดดิ”



“ก็ ก็ ก็ อยาก จะถามว่า วันที่ มึงอยู่ห้องสมุด มึงอยู่ กับพี่อัคร จริงๆ หรอ” ไอ้นี่หนิไม่ใช่พี่อัครแล้วจะเป็นหมาตัวไหนวะ



“ก็ใช่น่ะสิ มึงก็เคยเห็นแล้วนี่”



“อะ เออ อะ ไอ้ คือ จริงๆ แล้ว กูไม่เคยเห็น” เห้ยไอ้หมอนี่หนิมันเมายาหรือไงวะ หรือมันกลับไปเล่นอีกแล้ว



“เห้ยไอ้เช้งมึงจะไม่เห็นได้ไง ก็พี่อัครยืนใกล้กูซะขนาดนั้น”



“แต่กูไม่เห็นจริงๆ น่ะ”



“ไอ้เช้งคืนนั้นมึงไปดมยามาใช่ไหม” ผมถามและรู้สึกโกรธ



“เออ กรู เล่น หนิด หน่อย น่ะ” หึผมว่าแล้วไง



“กูว่ามึงคงเล่นของหนักไปหน่อย” เสียงผมอารมณ์โกรธเคืองอย่างชัดเจน ทำเอาเช้งหงอไปเลย



“จริงๆ น่ะเอ กรูไม่ได้โกหก กูสาบาน” มันสาบานและผมไม่เคยเคลือบแคลงความสงสัยมันเลย แต่ไม่ใช่วันนี่ แต่ผมว่ามันอาจจะหลอนประสาทไปเองก็ได้



“เช้งเรานอนกันเถอะ พรุ่งนี่กูต้องตื่นแต่เช้า” ผมต้องหาหลักฐาน คืนนี่พี่อัครโทรมาบอกรักผมอีกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 10-01-2011 12:36:08
vvvvvvvvvvvvvvvvvvv

       vvvvvvvv

         vvvv

           v
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 10-01-2011 12:45:54
ลงให้ถึงวันที่ 7 เลยได้ปะคะรู้สึกค้างงคาอ่ะมันไม่ทันใจ อิอิ
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

สงสาร เออ่ะ ถ้ารู้ว่าพี่แกตาย ? สงเสียใจแย่เลย  ถ้าเป็นแนวนั้นจะออกแนวพวกหนังฮองกงเก่าๆเลยอ่ะ

Fly me to polaris - ขอเพียง 5 วันให้ฉันได้รู้หัวใจเธอ พระเอกเป็นวิญญานกลับมาหานางเอกดูแล้วต่ำตาแตกมากๆ
อีกเรื่อง

90 วัน ขอให้ฉันได้รักเธอ แต่เรื่องนี้พระเอกเป็นมะเร็งอยู่ได้แค่อีก 90 วัน

ไม่เอาอย่าง 2 เรื่องนี้น๊าตอนจบอ่ะ


พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส :z3: :z3: :z3:

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 10-01-2011 14:57:33
เง้อ  มันจะเศร้าไหมเนี่ย  ไม่เอาได้ไหมคะ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-01-2011 15:31:45
น่าสงสารพี่อัครจริงๆ

แต่ก็น่ากลัวนะ.. o21
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 10-01-2011 15:55:26
บทเศร้ามาเเล้วอ่ะ T_____T
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่ห้า...เรื่องเล่าผีๆ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 10-01-2011 18:18:55
^^
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หก...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 11-01-2011 11:41:48

วันที่หก ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่อัครจะไม่มีตัวตนก็ผมทั่งพูดทั้งคุยขนาดนั้นแถมยังเออจูบกันด้วย คนที่เป็นพยานให้พี่อัครก็ตั้งเยอะแยะ

วันนี่ผมตื่นแต่เช้าประมาณหกโมงพี่อัครรออยู่ข้างหน้าตึก ผมว่าไอ้เซ้งแกล้งอะไรผมอีกแน่เลย ก็พี่อัครยืนตรงนี่

“พี่มารอเจอเอก่อนไปอ่ะครับ”

“เจอแล้วก็ไปสิครับพี่”ผมไล่ ไม่อยากให้ไปสาย

“ตอนเย็นคงไปหาไม่ได้น่ะ แต่วันพรุ่งนี่พี่จะรอที่ห้องสมุดน่ะ”

“รู้แล้วๆ แล้วจะไป”ผมให้สัญญา

“ครับพี่จะรอน่ะ”ผมโบกมือลาไอ้พี่อัคร

“ไอ้ เอ ตื่นแต่เช้าเลยหรอ”เสียงไอ้เป้ครับมันเดินถือถุงขยะมาสองใบ

“ไอ้เป้ ทำไมเมิงปล่อยไอ้เซ้งไปว่ะ”ผมเอยถึงเรื่องเมื่อคืน

“เออ คือ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่เพื่อนมันมาทำไมว่ะ”โหเพื่อนมันแต่ละคนดีตายไอ้แกงค์ติดยานั้น เป็นเพื่อนๆที่เคยไปนั่งเล่นเกมส์ด้วยกันกับไอ้เซ้ง ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เรียน

“เดี๋ยวจะจัดหนัก”ผมพูดไอ้เป้หน้าซีดเชียว

“เห้ยอะไร ไอ้เซ้งทำไมว่ะเมื่อคืน”

“ไปถามมันเอาดูเถอะ”ผมว่างั้น ไม่อยากพูดให้อารมณ์เสียมันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องไอ้พี่อัครทำเอาผมจิ๊ดดดขึ้นสมอง

วันนี่วันเสาร์ไม่รู้จะทำอะไรดี ผมไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ อากาศตอนเช้าๆแดดไม่แรงมากก็เย็นแบบสดชื่น ผมเดินไปเจอกลุ่มพี่กรแต่พี่กรไม่อยู่

“พี่เต้ย”ผมเรียกเห็นเดินกันมาเป็นฝูง

“เอาว่าไงไอ้น้องเอ”

“เอาหายไปไหนตัวหนึ่งอ่ะ”ผมมองสอดส่ายไปที่กลุ่มร่วมชีวิตเจ็ดตัว

“ไอ้เอ”แฮะๆคอนเซปกวนวันล่ะนิดจิตแจ่มใส

“แล้วพี่กรไปน่ะอ่ะพี่”

“ออ อืม มันไม่ได้บอกเอหรอ”เรื่องไรอ่ะ

“เรื่องไรหรอพี่”

“ก็คือมันอยู่โรงบาลน่ะ”ฮะเกิดไรขึ้นว่ะไม่เจอกันแค่แปบเดี๋ยว

“เกิดไรขึ้นอะพี่”

“ออ เปล่า มันเกิดอุบัติเหตุน่ะไม่ได้เป็นอะไรมากแขนมันเดาะนิดหน่อย”พี่เต้ยพยายามอธิบาย

“มิน่าสิไม่ค่อยเห็น โทรไปก็ไม่ค่อยติดด้วยสิช่วงนี่”ผมพึมพรำ

“เอาไว้ผมจะไปเยี่ยม”ผมบอกไป แล้วก็ขอตัวลา

ผมเดินไปหลังมอไปกินโจ๊กของเจ้เจ้าประจำตอนนี่คนน้อยลงแล้วมั่งผมเดินเข้าไปทักเจ้ซึ่งกำลังทำโจ๊กอยู่


“เจ้ๆผมมีเรื่องจะคุยด้วย”ผมบอกเพราะเรื่องไอ้เซ้งทำให้ผมค้างคาใจ ยังไงก็ต้องหาคนพิสูจน์

“เอาว่าไงจ๊ะ มีอะไรหรอ เจ้ไม่ว่างเลยจ๊ะรอได้ไหม”เจ้หันมาส่งยิ้มให้

“ได้ๆ ครับผมจะรอ”ผมรอเจ้จนเกือบสิบโมงกว่า เพราะกว่าลูกค้าจะหมด เจ้แก่ขายตอนเช้าตั้งแต่ตีห้าถึงสิบโมง และขายอีกทีตอนดึกนุ่นแหละ

“เอาว่าไงจ๊ะ”

“เออเจ้ผมถามทีเหอะวันนั้นที่ผมมากินร้านเจ้น่ะผมมากับพี่อีกคนจำได้ไหม”ผมเข้าเรื่องทันทีเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาทำมาหากิน

“อ๋อจ๋าๆเจ้จำได้”เยสเห็นไหมไอ้เซ้งมันเมายาชัดๆเดียวได้เจอดี

“เฮอค่อยยังชั่วเจ้ผมกำลังเป็นกังวล”ขอบใจเจ้

“จ๊าไม่เป็นไร วันนั้นเจ๊ก็ตกใจว่าทำไมรุ่นพี่ของเอทำไมถึงเป็นเด็กวิศวะ ก็เห็นเอเรียนถาปัตย์ไม่ใช่หรอ ทำไมมากับเด็กวิศวะได้ล่ะ”เออเจ้เข้าใจอะไรผิดไหม

“เจ้ เออพี่ที่มาด้วยกับผมเนี่ยเรียนหมอน่ะเจ้ ใส่เสื้อช๊อปของหมอด้วย”

“เอาหรอจ๊ะ เอ๋แต่เจ้ไม่เห็นน่า นี่ วันนั้นเจ้ก็สงสัยอยู่ว่าตอนมาเก็บเงินรุ่นพี่เอหายไปไหน”

“เจ้คง งงน่ะ วันนั้นลูกค้าก็พอเยอะอยู่ด้วยเลยไม่ได้สังเกต”เจ้ว่างั้น ผมก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองเพราะวันนั้นคนไม่ใช่น้อยๆไม่มีเวลาสังเกตส่ะด้วยสิ

“ขอบคุณมากเจ้ ผมไปแหละ”

ตอนนี่ผมกำลังคิดทฤษฎีมาหักล้างไอ้คำพูดของไอ้เซ้งมัน มีอีกคนนึ่งที่ต้องเห็นพี่อัครแน่นอนผมชัวร์ ผมไปที่คณะวิทยาศาสตร์ ผมต้องไปพบเพื่อนคนนึ่งที่นั้น

“ไอ้หิน”ผมเรียกชื่อมันขณะที่มันกำลังเดินออกมากับแฟนมัน สองคนอยู่คณะเดียวกันครับ

“ว่าไงเอ เห้ยเป็นไรใครทำให้นายอ่ะ”มันตกใจเมื่อเห็นผมหน้าเครียด

“หิน”ผมเสียงคลอเพราะกำลังใจผมลดลงไปมาก ถึงจะทำเป็นไม่คิดมาเรื่องคำพูดของเจ้กับเซ้งแต่ก็อดคิดไม่ได้

“เห้ยอะไรว่ะ”

“หิน หินบอกเอหน่อยได้ไหมวันที่เราเจอกันที่สวนสาธารณะจำได้ไหม”ผมเข้าเรื่องทันที

“เออจำได้วันนั้นเราไปกับน้องนิ้งอ่ะ”น้องนิ้งแฟนมันครับ

“วันนั้นนายเห็นใช่ไหมผู้ชายอีกคนที่อยู่กับเราบนมอเตอร์ไซด์น่ะ”

“ไอ้เอ”สีหน้าเครียดลง

“เห็นใช่ไหม บอกกรูทีเหอะขอร้อง ไม่งั้นกรูต้องบ้าตายแน่”ผมยังคงดื้อดึง

“ไอ้เอใจเย็นน่ะ”

“เออ หินไม่เห็นใครสักคนที่อยู่กลับเอ”

“ไม่จริงอ่ะ มันมืดมรึงอาจจะไม่เห็นใช่ไหม นิ้ง นิ้งเห็นใช่ไหม”ผมเริ้มพาลไปที่นิ้ง

“เอฟังน่ะ ถึงมืดยังไงมันก็พอมีแสงสว่างกรูไม่เห็นจริงๆ”

“ไม่จริง ใช่แล้ว กรูจะไปหาพี่อัคร”ผมว่าไอ้หินรั่งไว้

“ไอ้เอจะไปไหน”ผมดิ้นไม่ยอมหยุด คนรอบๆตึกเริ่มหันมามอง

”ไอ้เอเมิงจะไปไหน”ไอ้หินล็อคคอผมไว้แน่น

“กรูจะไปตึกแพทย์ปล่อยดิว่ะ”

“ไอ้เอใจเย็นไว้ดิ”

“กรูไม่เชื่อหรอกว่าพี่อัครไม่มีตัวตนน่ะ กรูคุยของกรูทุกวัน เจอของกรูทุกวัน กรูไม่เชื่อหรอก”ผมร้องไห้ออกมาโดยมีไอ้หินปลอบอยู่



“เอาหรอยังมีอีกคนหรอ”


“อ้าวไอ้เอไมมาคนเดียววะ”


“อือๆ ไม่มีอะไรก็ดีแล้วไปๆกลับได้แล้วคงกลัวล่ะสิอยู่คนเดียว”


ทั้งหมดนี่คือผมคนเดียวที่บ้าไปหรอ


“ช่วงนี่ไม่มีใครคุยกับพี่เลย”


“ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไม พี่พูดด้วยก็ทำเป็นไม่ได้ยิน”


“เขาทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตน”


“ช่วงนี่พี่โทรหาพี่กรได้หรือเปล่า”


“ช่วงนี่โทรไม่ค่อยติดเลย สัญญาณก็ไม่ค่อยมี โทรไปอีกฝ่ายดันไม่ค่อยได้ยินเราพูดเลยครับ จริงๆไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอก”

“แต่โทรหาผมติดเนอะ”


ที่ผมคุยอยู่ทุกวันไม่ใช่คนหรอ บางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลกับประกอบกันได้อย่างง่ายดายจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม


“หิน กรู”ผมหันไปมองหน้ามัน

“ไม่เป็นไรไอ้เอ กรูจะไปส่งมรึงที่ห้อง”

“นิ้งครับ นิ้งกลับไปก่อนน่ะ”

“ได้ๆพาเอไปเถอะ”นิ้งบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เอาไอ้เอกลับมาแล้วหรอ แล้วใครอ่ะ”ไอ้เซ้งมันไม่รู้จักไอ้หิน

“ไอ้หินเพื่อนกรูเอง”ผมแนะนำ

“เป็นอะไรว่ะไอ้เอตาแดงใครทำเมิงวะ”เมิงนั้นแหละไอ้เซ้งทำกรู

“กรูรู้เรื่องพี่อัครแล้ว”

“เอ พี่กรโทรมาบอกว่าอยู่โรงบาล แมร่งไม่ยอมบอกกรูแต่ทีแรก”

“อืมรู้แล้ว”

“กรูบอกเรื่องเมิงแล้ว”ผมไม่ได้ตอบจริงๆแล้วไม่มีแรงพูดมากกว่า สักพักก็มีสายเข้าเป็นของพี่อัคร

“ครับพี่”ผมรับ

“เอ พี่”เสียงชัดแจ๋วเลยแฮะทำไมว่ะ

“ใช่อัครจริงๆหรอ คนที่มาสอนเอ”ถามไม่มีปี่เลยน่ะ

“ครับพี่”

“เอรู้ไหมว่ามันรักเอน่ะ”ผมรู้ ผมรู้แล้ว

“ครับ”

“เออย่าไปกลัวมันเลยน่ะ แต่ถึงงั้นก็อย่าไปพบอีก”ผมไม่รู้เขารอผมอยู่

“เขาตายแล้วจริงๆหรอ”

“ไม่ตายก็เหมือนตายแล้ว”ผมไม่เข้าใจ

“ครับ”

“พรุ่งนี่พี่ออกโรงบาลตอนเย็นพี่จะไปหา”

“ครับ”ผมตอบไป ผมไม่รู้ว่าพูดอะไรแต่ผมรู้สึกบางอย่างจะไม่กลับมาอีก



ผมนั่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดกับใครไอ้หินก็กลับไปนานแล้ว ไอ้เซ้งก็นั่งอยู่บนเตียงผมไม่ได้สนใจว่ามันทำอะไร แต่มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา


“พี่อัคร”ผมพูดออกมาไอ้เซ้งหันหน้ามามอง

“อย่า รับน่ะไอ้เอ”ผมทำตามมันบอก เขาคงเห็นผมไม่รับจึงส่งเมสเซสมา

“เอนอนแล้วหรอครับ เจอกันพรุ่งนี่น่ะครับพี่จะรอ หลับฝันดีน่ะที่รัก”ผมโทรกลับไปเบอร์พี่อัครแต่มันโทรไปไม่ได้ ผมอยากได้ยินเสียงเขา

“อึก ฮือ ฮือออออ”ผมปล่อยโฮออกมา ไอ้เซ้งหน้าซีดทำตัวไม่ถูก ผมก้มหน้าลงบนเข่า

“เอ”เสียงไอ้เซ้ง

ผมควรปล่อยไปแบบนี่ดีแล้วใช่ไหม

“ขอโทษน่ะพี่อัคร”ผมต้องผิดสัญญา แบบนี่คงดีแล้ว

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันท&
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 11-01-2011 11:43:18
พรุ่งนี่จะไม่เอาของวันที่7มาลงน่ะ























แต่






จะลงตอนพิเศษแทนน่ะจ่ะ




























































หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หก...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-01-2011 13:14:11
ไอ้ไม่ตายก้เหมือนตายเนี้ย มันอย่างไหนหละเจ้าคะ พี่กรก็พุดไม่เครียร์เลยอ่ะ สรุปยังไม่ฟื้นรอถอดเครื่องช่วยหายใจหรอ 55 อ่านเรื่องนี้เดามั่วไปเรื่อยเลยสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หก...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 11-01-2011 13:23:03
 :z13: ทะลุรีบน พี่อัครยังไม่ตาย
แค่จิตหลุดมาหาเอ เพราะเป็น่วงใช่ปะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หก...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 11-01-2011 15:41:02
ไม่อยากให้พี่อัครตายอะ
เค้าชอบพี่อักร
+1จ้า
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันที่หก...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 11-01-2011 16:59:55
พี่อัครแค่หลับยังไม่ฟื้นใช่ไหม   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...ตอนพิเศษ...กายสิ้นแต่ใจหาสิ้นไม่
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 12-01-2011 12:13:17
ตอนพิเศษ พี่อัคร
ลมฤดูร้อนปะทะหน้า ทำเอาผมที่กำลังเดินไปหาเพื่อนที่เรียนคณะสถาปัตย์ ถึงกับปาดเหงื่อเลยทีเดียวครับ เวลาผมว่างๆนานๆทีมักจะมาขอหลบภัยที่คณะเพื่อนของผม

   “ไอ้อัครมาๆ” ผมไม่กล้าเดินเข้าไปครับ เห็นกำลังรับน้องกันอยู่ ผมเลยคิดจะเดินกลับ พอดีไอ้เพื่อนผมทันมองเห็นผมพอดี

   “เฮ้ยไอ้อัคร ไอ้สัด” เพื่อนตะโกนเรียกให้หยุด

   “ไอ้สัดกร” มันสัดมาผมก็สัดกลับสิครับ

“จวยจะไปไหน มึงมานี้ มาๆๆ” มันยังสบถต่อครับผมไม่อยากต่อคำเลยเดินเข้าไปครับ เห็นน้อง ๆมองมาที่ผมใหญ่เลย

“เฮ้ยมองอะไร เดี๋ยวโดนซ่อมก้มหน้าเลยเมิง” ก็เพราะมึงไงไอกร ไอ้ฟายพูดสะดังน้องจะไม่มองได้ไงว่ะ ไอ้กรเป็นพี่ว๊ากครับ จริงๆมันก็ไม่อยากเป็นหรอกแต่หน้ามันให้อ่ะ ผมคิดว่าระบบนี้แมร่งน่าจะยกเลิกไปสะที มันไม่สร้างสรรค์เอาสะเลย บอกเลยว่าผมไม่เข้ารับน้องนะครับ แต่ใครชอบทำกิจกรรมผมก็ไม่ได้ว่าอะไร


“ไอ้เอี้ย มองหน้าพ่องมึงเหรอ” ผมหันไปตามเสียงที่อยู่ด้านข้างริมซ้ายของน้อง รุ่นพี่คนนึ่งกำลังชี้นิ้วด่ารุ่นน้องที่นั่งอยู่ ผมเห็นภาพแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ มันไม่ใช่ภาพที่สร้างสรรค์ขนาดนั้น ผมชอบระบบรุ่นพี่รุ่นน้องนะถ้าช่วยกันเรียนหนังสือ แต่ระบบที่ต้องข่มคนอื่นนี้ไม่ไหว ผมก็ได้แต่ด่าในใจนะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยูคณะนี้

“มอง หน้า แม่ มึง มั่ง” น้องคนนั้นพูดแบบตะกุกตระกัก แต่หน้าตาหาเรื่อง

“ฮึย ไอ้สัดมาตัวกับกูม่ะ” คนนั้นกำลังกระชากตัวรุ่นน้องคนนั้น แต่โดนเพื่อนที่อยู่ข้างยื้อเอาไว้ ผมคิดว่ามันเริ่มล้ำเส้นไปแล้ว หากใช้กำลังกัน

“เฮ้ย มึงอย่า” คนที่มีสติคอยห้ามปรามเพื่อน

“มึง” คนนั้นโกรธจนหน้าแดง นิ้วชี้ไปที่น้อง

“พี่มาว่าเพื่อนผมก่อน ดูตัวเองสะก่อน หน้าเอี้ยๆหมายังไม่มองอย่างเนี้ยใครเขาอยากมอง ถามจริงเฮอะแก่กว่ากูปีเดียวคิดว่ามึงวิเศษมาจากไหน” ผมมองไปยังเด็กหนุ่มคนนึ่งยืนขึ้นชี้หน้าด่าอย่างโกรธจัด ใจกล้าว่ะแมร่ง

“เฮี้ยมรึงว่าไงน่ะ” ไอ้นั้นก็กระชากหลุดออกจากเพื่อน คว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มคนนั้นที่นั่งอยู่ ไอ้เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมแพ้ พร้อมกำเสื้อรุ้นพี่ตรงหน้าเช่นกัน

“พี่ปากหมาแล้วยังหูหนวกอีกหรอครับพี่ สงสารชิบหายพิการซ้ำซ้อนหูหนวกแล้วหน้าตายังเอี้ย ใจก็พิการ โถๆ พี่ต้องทำบุญเยอะๆน่ะครับ เอ๊แต่หน้าพิการอย่างพี่ผมจะกรวดน้ำไปให้” ผมว่าไอ้เด็กนี่โง่จริง เอาน้ำมันไปราดกองเพลิง

“ไอ้เอี้ย” ไอ้นั้นกำลังง้างมือลงไปที่น้องคนนั้น

“เฮ้ย สัดไรตรงนั้นว่ะ มึงป็นพี่สันต์น่ะเว้ยไอ้เอี้ย อย่าทำเกินหน้าที่ ใครก็ได้ลากไอ้ห่านี้ไปสงบอารมณ์ที” ไอ้กรตะโกนด่าใส่ มึงช้าไปไหม ไอ้กรเข้าเคลียแปบหนึ่ง พวกกลุ่มนั้นก็สลายไป

“มึงสองตัวไปวิ่งรอบสนามสิบรอบ” ไอ้กรบอก

“อ้าวพี่พวกผมผิดตรงไหนอ่ะพี่” ผมว่าไอ้น้องคนนี่โครตใจกล้าเลยครับเถียงไอ้กรได้

“มึงไม่ต้องเถียง ไปวิ่งยี่สิบรอบ” ไอ้กรเพิ่มสายตาก็ยิ่งเพิ่ม ไอ้น้องคนนั้นยังใจกล้าต่อ แต่ไอ้น้องคนที่เป็นเพื่อนอีกคนดึงแขนเรียกสติเพื่อน

“ไอ้ เอ ไป เหอะ ว่ะ” เพื่อนข้างตัวบอก
“ได้กูจะวิ่งให้พวกแมร่งดู บอกไว้ก่อนนะกูไม่เอารุ่นเหี้ยไรแล้ว ออกูบอกไว้ก่อนนะพวกมึงจะล้างสมองพวกนี้อย่างไรก็ได้ อย่าเอากูมาเอี้ยว ทำเป็นทำโทษคนอื่นแล้วโยนความผิดให้กูว่าไม่รับน้อง ไม่สามัคคี กูฟังแล้วจะอ๊วก” เด็กนั้นพูดจบก็วิ่ง ลงสนาม

พอสองคนนั้นลงไปวิ่งไอ้กรก็หันมาจัดการเพื่อนต่อ คงไม่ต้องบอกหลังจากนั้นหรอกว่าเป็นไง บอกอย่างเดียว นรกจริงๆ

“เฮอเหนื่อยชิบ” ไอ้กรพอก้นนั่งบุบบ่นปับ

“น้องนั้นใจกล้าดีเนอะ” ผมพูดมองไปยังเด็กที่ชื่อเอ กำลังนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนทำกิจกรรมกับพวกพี่สันต์ต่อ

“เออ แมร่งโดนใจกูชิบ ไอ้เด็กนั้น สายรหัสกูเองชื่อเอ แต่น้องมันยังไม่รู้ว่าเป็นกู” ผมว่าผมควรดีใจหรือเสียใจดีเนี้ย

“ส่วนไอ้คนที่โดนหาเรื่องชื่อเช้ง เหมือนเด็กติดยาชิบ คบกันได้ไงว่ะสองคนนี้” กรก็บ่นๆของมันไป ผมมองไปยังตรงนั้น โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมจ้องมองน้องเขาตลอดเวลาไม่ว่ากี่ครั้งที่ผมมาหากรผมก็จะมองหาน้องเสมอ

ผมว่าน้องเขาไม่เคยสังเกตเห็นผมเลย ผมเองก็ไม่ได้ไปเสนอตัวให้น้องเขาเห็น ผมมักจะมองจากที่ไกลเสมอ จนผมเพิ่งรู้ตัวว่าแอบรัก แต่ผมเป็นคนไม่มีความกล้าอะไรเลย จนมันผ่านไป

ผมไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยว่าอะไร ผมว่าผมเดินเข้าไปหาน้องเขาเป็นอันดับแรกก่อน

สูดหายใจลึกๆ

ลึกๆ

“สวัสดีน้องเอ พี่ชื่อพี่อัครคับ น้องเอน่ารักมากครับ คบกับพี่ไหม” ผมพูดร่ายยาว

“...”

“...”

เออไม่ๆ น้องต้องหาว่าผมบ้าแน่

“ไอ้อัครทำไร พูดคนเดียวบ้าหรือไง” ไอ้เพื่อนที่เป็นรูมเมทตะโกนว่ามาพร้อมโยนกระป๋องแป้งใบน้อยๆใส่ผมที่ยืนอยู่หน้ากระจก

“ยุ่ง ” ผมสะบัดหน้าแล้วล้มตัวลงเอาหน้าประทับหมอนที่เตียงนุ่ม


วันนี่ผมหาเรื่องไปหาไอ้กรอีก จะหาว่าผมไม่สนใจเพื่อนคนอื่นก็ว่าได้ แต่ผมไม่ได้เจอน้องเอมาตั้งเกือบเดือนแล้วนี้ครับ กว่าจะเลิกเรียนผมก็เหนื่อยแล้วนี่ครับ


“ถามจริงเหอะไอ้อัครมึงแอบชอบใครในนี้ว่ะ” ไอ้กรพูดมาส่ะผมไม่ทันตั้งตัว

“เปล่า” ผมบอก ปกติไม่ค่อยมีใครจับโกหกผมได้เพราะไม่เคยโกหกฮ่าๆๆ

“ไม่ตอแหล กูรู้น่ะมึงหลงรักน้องกูอ่ะดิ” ผมถึงกับสำลักน้ำออกมา มันพลางหยักคิ้วให้

“เออ ใช่” ผมไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกไงที่ผมเป็นเกย์สะงั้น

“ฮ่าๆๆกูว่าแล้วไหมล่ะ เคืองชิบหาย”

“โกรธกูหรอ”

“โกรธดิ โกรธมากเหี้ยเอ้ย คิดว่ามาเพราะคิดถึงกู ไหงมาเพื่อมองหน้าน้องสะงั้น” ไอ้เอี้ยเอ้ยดูดิเพื่อนผมกวนตีนชิบ

“สัด” ผมพูดได้คำเดียวมันหัวเราะสะเสียงดัง

“วันนี่มีนัดกินเหล้าที่บ้านเพื่อน ไปด้วยเปล่าน้องเอไปด้วยน่ะเว้ย” ผมช่างใจคิดนิดนึ่ง ผมส่ายหน้าผมไม่อยากให้เอเห็นด้านไม่ดีของผมอ่ะ

“ไมว่ะ”

“กรูอาย” นี้ก็เหตุผลนึ่ง

“เฮอ รอหมาคาบไปแดกเฮอะ เห็นมันงั้นเนื้อมันหอม ยิ่งหมดช่วงรับน้องพวกรุ่นกรู รุ่นพี่ไม่สนแล้ว จ้องจะงาบไอ้เอทั้งนั้น เฮอๆ”ผมเหงื่อตกเลยครับ ทำไงได้ผมไม่กล้าอ่ะ

ไอ้กรเห็นผมเงียบมันถึงสบถออกมา “ช่างแมร่ง”มันก็เดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย ก็ผมไม่รู้จะทำนี่หว่า

 
“ไอ้พี่กรหวัดดี” ไอ้กรเดินไปได้แค่สองก้าว เสียงนั้นอยู่ใกล้ผมจนหัวใจแทบหยุดเต้น ผมรีบหันหลังแต่ก็แอบเหล่ตามองไปที่น้องเอ แต่รู้สึกว่าน้องไม่ได้รับรู้ถึงตัวผมเลยเศร้าอ่ะ

“เออเลิกเรียนเสร็จแล้วหรอ”

“เสร็จแล้วดิ แล้วจะเห็นผมหรอ” น้องกวนมา ผมก็พอรู้ว่าน้องชอบพูดกวนๆเหมือนกัน ไอ้กรเล่าๆให้ฟังก็ผมมักถามเรื่องน้องเอจากมันเสมอนี่ครับ

“ไอ้นี่ตบหัวที ไงเช้งไปกินเหล้ากับพี่ใช่ป่ะ” ผมว่า ตอนนี่ผมอิจฉาไอ้กรมากที่สุดเลยครับ

“โหไอ้พี่กรทีกับน้องกับนุ่งตบเอาตบเอา ที่กับไอ้เช้งล่ะ” น้องเอพูดอย่างงอนๆครับ

“เอามึงเป็นน้องอ่ะดิถึงต้องนุ่ง แต่ถ้าน้องไม่นุ่งก็เป็น...”เมียไงครับ แหม่ไอ้สัดกรทำเป็นดูสายตามันดิครับ ผมแอบหันไปมอง

“น้อง ไม่ นุ่ง ไม อ่ะ” เสียงตะกุกตะกักของน้องอีกคนพูด

“ไม่นุ่งก็แก้ผ้าดิ ฮุไม่ต้องถามมากหรอกมึงอ่ะ” เลี่ยงครับมันเลี่ยง ไม่กล้าเหมือนผมเหมือนกันแหละ

“แล้วพี่มาทำไรคนเดียวเนี้ย เพื่อนพี่หายไปไหนหมดอ่ะ” กรเหมือนจะหันมามองผมนิดนึงแต่ผมแสร้งหันหลังมองไปทางอื่น

“ออพี่มานั่งกับหมา หมาที่กำลังมองกระดูกที่กำลังจ้องจะโดนคาบไปแดก” ไอ้กรมันแดกดันผม

“หมาในนี่มีที่ไหนวู้ พี่พูดจาไม่รู้เรื่อง ไปๆพี่เดี๋ยวไอ้พวกนั้นไปแดกหมด”

“เออไปๆ” ไอ้กรก็เดินไปพร้อมกับน้อง ผมหันไปมองเห็นพวกนั้นเดินไป เฮอ ผมอยากมีความกล้าสักนิด ผมว่าผมเป็นคนที่กล้าแสดงออกน่ะแต่ทำไมเรื่องแค่นี่ผมทำไม่ได้เลยครับ

วันนี่ผมกลับบ้านปกติผมนอนหอสะดวกดีวันหยุดค่อยกลับรถก็ฝากเอาไว้ บ้านผมอยู่ในตัวเมือง เป็นบ้านที่ใครๆก็รู้จัก พ่อไม่ค่อยอยู่บ้านบินไปทำงานที่กรุงเทพกับต่างประเทศบ่อยๆ ผมเองก็เป็นลูกชายคนเดียว

“น้องอัครมาแล้วหรอลูก” แม่ผมเดินออกมาจากบ้าน คงได้ยินเสียงรถผม

“ครับแม่” ผมไหว้แม่ แม่เข้ามากอดผม แม่ผมตัวเล็กนิดเดียวเอง ผมสูงเหมือนพ่อครับ

“เอาทำไมวันนี่กลับมาล่ะจ๊ะ” แม่ผมถามเมื่อเห็นว่าไม่ใช่วันหยุด เวลาผมไม่สบายใจผมมักกลับบ้านก่อนเสมอ

“ผมคิดถึงแม่ครับ”

“โตเป็นหนุ่มแล้วจะมาอ้อนอะไรเนี้ย ปะเข้าบ้านวันนี่คุณพ่อก็อยู่”

ทุกวันหยุดผมมักใช่เวลากับครอบครัวเสมอ  เรามักทำอะไรร่วมกันเสมอภายในบ้านไม่จำเป็นต้องออกไปนอกบ้านเลย แค่ในบ้านเราก็สามมารถสร้างความสุขได้อบ่างง่ายๆแล้ว

พวกเราสามคนนั่งดูทีวีกันในห้องรับแขก

“เรียนหนักหรอลูก” พ่อของผมถามขึ้น จริงๆเขาอยากรู้มากกว่านั้น เขาแค่เอาเรื่องอื่นเป็นประเด็น

“เปล่าครับ” ผมว่าไม่บอกดีกว่า เพราะไงมันยากที่จะยอมรับ บางครั้งส่วนในหัวใจลึกๆของผมมันยังยอมรับไม่ได้เลยนี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมไม่กล้าจะเข้าใกล้เขาด้วย

พ่อผมเงียบไป ผมว่านี่มันเป็นวิธีการอย่างนึ่งของเขาคือการเงียบรอให้ผมพูดเองซึ่งได้ผล ส่วนแม่เขาเองก็จะถามจนกว่าจะรู้ความซึ่งผมจะตอบเลี่ยงไป แต่นี่แม่เห็นว่าพ่อจัดการเองคือแม่ห้ามยุ่งแม่เลยไม่พูดอะไรครับ

“เออคืออัคร”

“คือ”

“ถ้าเกิดว่าผมรักใครคนนึ่งมากๆจะว่าไงครับ”

“ก็ดีนี่จ๊ะ การรักใครคนหนึ่งน่ะดีกว่าเกลียดนี่” แม่ผมพูดอย่างหยอกล้อ

“แล้วเขาคนนั้นเป็นใครล่ะ” แม่ผมถามอีก

“เขาเป็นรุ่นน้องของกรครับแม่” ผมตอบแต่ผมก็เงียบไปพักใหญ่

“ถ้ามันเป็นความรักที่คนอื่นไม่ยอมรับจะเป็นไงครับ” ผมมองไปที่พ่อกับแม่ พ่อกับแม่เขาทำหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก

“ทำไมล่ะจ๊ะ น้องเขามีแฟนอยู่แล้วหรอ เอ๊หรือว่าไง” แม่ผมยิ้มๆตอบมา

“เปล่าครับเขาไม่มี”

“แล้วเขาพูดหรือใครพูดอะไรกับอัครหรือถึงคิดว่ามันไม่น่ายอมรับน่ะ”

“คือผมไม่เคยได้คุยกับเขาเลยครับ จริงๆเขาไม่รู้จักผมด้วยซ้ำครับแม่” ผมตอบไป ยิ่งทำให้พ่อแม่งง

“เอาไม่คุยกันเลยก็หลงรักสะแล้วเจ้าอัคร” พ่อผมขำๆ

“อัครกลัวครับพ่อ” ผมว่าผวกเขาเริ่มเคืองเพราะผมพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องทั้งๆที่ไม่เคยเป็น

“กลัวอะไรล่ะอัคร แล้วแกไปแย่งแฟนเขาหรอ แกก็บอกว่าไม่มีแล้วจะมีอะไรอีก มัวแต่อายไม่กล้าเข้าไปหรือไง”

“ความรักของผมเป็นไปไม่ได้” ผมบอกอีกครั้ง

“พ่อครับ แม่ครับ คนที่ผมรักเป็นผู้ชายครับ” ผมกลั้นใจบอกไป

ปฏิกิริยาของทั้งคู่ไม่ผิดไปจากที่ผมคาดเดาไว้มากนัก ผมเดินขึ้นไปชั้นบนปล่อยให้เวลาทำให้พวกเขาทั้งสองทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

ผมรู้ว่าหลายๆอย่างยากจะยอมรับแต่เมื่อบอกไปดีกว่าที่เราจะต้องปกปิดและหลอกลวงคนอื่นด้วยในเมื่อผมจะเดินหน้าทำอะไรแล้ว ผมก็ต้องการยอมรับจากคนที่ผมรักอีกด้วยเช่นกัน

พ่อผมเคยผิดหวังที่จะให้ผมทำธุรกิจแทนพ่อ เพราะผมเลือกที่จะเป็นแพทย์ ถึงเราอาจจะทะเลาะกันเรื่องเรียนแต่สุดท้ายเขาก็ตามใจผมแม้เขาจะทำเป็นฝืนใจ แต่ครั้งนี้คงยากที่จะยอมรับ

ส่วนแม่เขาสนับสนุนผมในทุกๆเรื่อง อาจมีบ่นบ้างแต่นั้นก็เพราะห่วงผม ผมว่าพ่อแม่แต่ละคนแสดงความรักที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเหมือนกันนิสัยคงเหมือนกันไปหมด

ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมา ผมเดินลงไปที่ห้องอาหาร เห็นท่านทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว วันนี่เป็นข้าวต้มกุ้งน่ากินเชียว บรรยากาศในโต๊ะเหมือนจะอึมครึมแต่แม่เหมือนจะพอทำใจได้บ้างเขาก็หันมาพูดกับผม

“อัคร ถ้าพ่อบอกว่ายอมรับไม่ได้และรังเกียจล่ะ” เขาถามผมขึ้นมา

“ผมไม่รู้ครับ” ก็ผมไม่รู้ว่าจะทำไงนี่ครับในเมื่อผมเป็นไปแล้ว

“ถ้าพ่อบอกไม่ให้ยุ่งไม่ให้คบล่ะ”

“ผมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาครับพ่อ” พ่อผมเหมือนพอใจในสิ่งที่ผมได้พูดออกไป

“ดีแล้วลูก”

“ครับผมไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ ผมรักเขาสุดท้ายมันก็แค่นั้น ก็นั้นสิน่ะมันเป็นอะไรที่น่ารักเกียจและน่าขยักแขยง ความรักที่น่ารักเกียจไม่มีใครยอมรับ” ผมพูดเพราะมันย่ำตัวผมด้วย ยอมรับว่าเพื่อให้กระทบใจเขาด้วย

“ผมเข้าใจครับพ่อ” พ่อผมไม่ได้พูดอะไรต่อเราต่างคนต่างเงียบ

“แกจะไม่มีความสุข”

“ครับผมจะไม่มีความสุข ไม่มีความสุขจริงๆครับพ่อ”

พ่อเขาถอนหายใจ “แกจะทำอะไรก็ทำ” ผมถือว่าเขายอมรับแล้วกัน

พ่อผมเดินหายขึ้นไปบนห้องทำงานแต่แม่ผมยังคงนั่งอยู่เขาคอยถามนุ่นถามนี้ผมก็ตอบตามจริงและใจเย็นให้มาก การที่บอกไปอาจเลวร้ายแต่ดีกว่าที่ไม่บอก ทั้งพ่อและแม่ต้องการใช้เวลาที่จะปรับตัวกับมันซึ่งมันต้องค่อยเป็นไปอาจนานหน่อยแต่ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะเข้าใจผม


เวลาล่วงเลยจนกระทั้งปิดเทอมใหญ่และปิดเทอมใหญ่สิ้นสุดก็เข้าสู่ภาคการศึกษาใหม่และวันเวลาก็ดำเนินผ่านมาเรื่อยๆ

“ไอ้อัครกูมีข่าวดีมาบอก” เสียงโทรศัพท์ในยามวิกาลทำเอาผมตื่น ถ้าข่าวไม่ดีจริงเตรียมตัวตาย

“อื้มว่าไง”

“กรูจะให้มึงไปสอนพิเศษ” เนี้ยน่ะข่าวดี วันๆผมยุ่งจะตายครับเพื่อน ไม่มีเวลาไปหาน้องเอเลยเศร้าครับ

“ไอ้...” ผมกำลังอ้างปากด่าไป

“หยุดๆอย่าเพิ่งด่า ฟังให้จบก่อน ที่กูจะให้ไปสอนน่ะน้องเอ มึงสนใจเปล่า” ผมเงียบตะลึงไปพักนึ่ง

“ไม่เอาใช่ป่ะกูโทรไปหาคนอื่นก็ได้”

“เฮ้ยหยุด ตกลง ตกลงครับ วันไหนๆ” โอ้ยเพื่อนรัก อย่าพึ่งใจร้อนสิ

“พรุ่งนี้เลยเพื่อน”มันบอกผมอยากจะร้องดีใจ เยสสสส

“น้องอัครยังไม่หลับหรอลูก” แม่ผมมาเคาะประตูสงสัยว่าผมส่งเสียงดังไปหน่อย

“ครับแม่” ผมเดินเปิดประตูออกไป

“ว่าไงเราพรุ่งนี้เรียนเช้าไม่ใช่หรอจ๊ะ”

“ครับผม”

“ดีใจอะไรเนี้ย”

“ครับพอดีไอ้กรบอกให้ไปสอนพิเศษให้น้องอ่ะครับ”

“ใครหรอจ๊ะ ทำไมดีใจเสียขนาดนั้น”

“น้องเอครับแม่” ผมตอบไปแม่ยิ้มๆมาให้เท่านั้นก่อนเข้าห้องนอนไป

ตอนเช้าผมขับรถไปบ้านไอ้กรครับ มันกำลังลงมาพอดี ผมล่ะอยากให้ได้เจอน้องเอเร็วๆจริงๆ ผมคิดว่าจะพูดอะไรดี เพื่อให้ประทับใจ

“ยิ้มใหญ่เชียวน่ะ” ไอ้กรแซวมา

“ยุ่ง”

ผมขับรถไปกำลังเลี้ยวเข้าสู่ประตูรั่วมหาลัย เพียงชั่วครู่ผมได้รู้สึกบางอย่างที่ปะทะมาอย่างแรงเข้าที่ประตูด้านผมแรงบีบเคลื่อนตัว รถของผมเหมือนหมุนควงเล็กน้อย จากนั้นผมไม่รู้สึกไม่รับรู้หรือได้ยินเสียงอะไร ร่างของผมตกลงไปกระแทกกับพื้นถนนเพราะประตูรถด้านผมถูกเฉี่ยวจนหลุดออก ตัวของผมเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง

 ตาของผมค่อยหลีลง ผมเหมือนเห็นเออยู่ในระยะที่ไม่ไกลนักเขายืนอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนั้น ผมต้องไปเจอเขา ไปรู้จัก ไปพูดคุย ผมต้องทำ ผมต้องบอกว่าผมรักเอ ผมรักเขา อยากให้เขารัก จะต้องไปหา รอผมนะ ผมกำลังจะเดินไปหาเอแล้ว


“เอ” ผมเดินเข้าไปที่นั้น ที่เขากำลังยืนรอผม

“ครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมา ผมเพิ่งเคยเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน

“ขอโทษครับที่มาช้าไป”

ขอโทษจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...ตอนพิเศษ...กายสิ้นแต่ใจหาสิ้นไม่
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-01-2011 12:33:39
ไม่เอาแบบนี้นะ ไม่งั้นงอลจริงด้วย อิิอ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...ตอนพิเศษ...กายสิ้นแต่ใจหาสิ้นไม่
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 12-01-2011 13:09:36
 :m15: ไม่นะ อย่าตาย แค่จิตหลุดก็พอ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...ตอนพิเศษ...กายสิ้นแต่ใจหาสิ้นไม่
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 12-01-2011 13:40:43
 :sad2: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...ตอนพิเศษ...กายสิ้นแต่ใจหาสิ้นไม่
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 12-01-2011 23:36:10
ไม่เอาเศร้าน้า  แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 13-01-2011 09:30:26




วันสุดท้าย นี่แหละคือความเสียใจ

ผมลุกขึ้นจากที่นอนตอนเช้า ผมนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน ผมหลับไม่ลง ผมลุกขึ้นไปตักบาตรอุทิศสวนกุศล มันคงทำให้ใจสงบลงได้บ้าง

ผมยังนึกถึงพี่อัครว่าจะรอผมไปหา เขาจะรอผม แต่ผมรู้สึกกลัว ผมไม่รู้เหมือนกันว่ากลัวทำไม มันเหมือนเป็นจิตใต้สำนึกที่คอยบอกเราแต่เด็กว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัว

ผมจำเหตุการณ์รถชนที่หน้ามหาวิทยาลัย ไม่รู้เลยว่านั้นคือเขาจากคำบอกเล่าของพี่กร ไม่เคยนึกสะกิดใจเลยกับเรื่องราวแปลกประหลาดรอบตัวบวกกับคำพูดเขาที่กล่าวออกมา

“ไอ้เอไปกินข้าวเที่ยงแล้วเว้ย”ไอ้เป้ลงมาชวนไปกินข้าว

“ไปเหอะเป้ ไม่หิวว่ะ”ไอ้เป้ไม่ตื้อต่อเพราะเห็นว่าไม่ควรพูดด้วยที่สุดในสภาพนี่

ผมนั่งอยู่ตรงระเบียงจนตะวันเริ่มคล้อย วันนี่เมฆครึมกว่าปกติจู่ๆฝนก็เทลงมา ผมนั่งให้ฝนสาดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ลุกไปไหน จริงๆแล้วผมไม่รู้สึกตัวเลย
 
ผมกำลังคิดว่าหากพี่อัครไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วก็จะอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆโดยไม่มีใครรับรู้ตัวตน แล้วเขาจะอยู่อย่างนั้นอีกต่อไปเมื่อไร จนกว่าจะรู้ตัวหรือ แล้วถ้าไม่รู้ล่ะ

ผมลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น อย่างกระวนกระวาย

“ไอ้เอ เมิงจะ ไปไหน”เซ้งขวางทางไว้

“ถ่อยไปไอ้เซ้ง”ผมบอกไอ้เซ้ง

“ก็ลองดูดิ”แหมไอ้ขี้ก้าง คิดหรอว่ะแรงแค่นี่จะขวางกรู กรูผลักมรึงกระเด็นได้น่ะ แต่มันรู้ผมไม่กล้าทำมัน เดี๋ยวได้ตายสะก่อน

“กรูบอกให้ถ่อย”แต่วันนี่ไม่ใช่ ใครมาขวางกรูต่อยแหลก

“มัน จะ ฆ่า เมิง น่ะ”ไอ้เซ้งบอกมันเริ่มเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว

“ถ่อย”ผมทำตาดุใส่มัน มันหงอเลยแต่มันก็ใจสู้ขวางอยู่

“มัน ไม่มี เหตุผล ที่เมิง จะต้อง ไป”ผมจับมันผลักออกไปแล้วกล่าวขอโทษมันไป

“ขอโทษแต่กรูต้องไป”จริงอย่างที่มันว่าผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปอีก แต่ผมไปโดยไม่รู้ทำไมต้องไป ไอ้เซ้งเหมือนจะวิ่งตามมา แต่ฝีเท้าผมดีกว่ามันตามมาไม่ทัน

ผมวิ่งไปท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนักเสียงฟ้าร้องน่ากลัวกำลังไล่หลังผมมา ผมหยุดนิ่งอยู่หน้าตึกอยู่ชั่วครู่ ผมลืมไปวันนี่มันปิดนี่หว่า แต่กลับปรากฏว่าประตูด้านหน้านั้นเมื่อผลักเข้าไปมันกลับเปิดออก ผมรอบกลืนน้ำลายก่อนเปิดประตูนั้นเบาๆ

ผมเดินขึ้นไปชั้นสองของตัวตึกมันช่างมืดและเงียบอย่างเยือกเย็นไม่เหมือนทุกครั้ง ความเย็นแผ่ส่านเข้าสู่ผิวหนังที่เปียกปอนด้วยสายฝนทำเอารู้สึกสั่นไปทั่งตัว

ผมมองผ่านความมืดอยู่ตรงหัวมุมบันได สายตามุงตรงไปยังโต๊ะติดกลับหน้าต่างบานยักษ์ มีเงามืดนั่งอยู่ตรงนั้น วันนี่ไร้ซึ่งแสงจากดวงจันทร์ ใจผมเต้นแรงแล้วรัวด้วยความกลัว ผมเอยเสียงดังเสียงกระซิบลอดออกมา

“พี่อัคร”ร่างนั้นยังคงนิ่งเฉย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ พี่อัครเงยหน้าขึ้นมา เลือดที่ติดบนหน้าพากมันไหลลงมาแม้ไม่มากแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกกลัว บรรยากาศมันเงียบจนเสียงหายจังผมดัง

“เอ”เสียงที่ผมมักได้ยินและรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง

“เอ เป็นอะไรไปครับเปียกหมดเลย”เขาทำท่าลุกขึ้นมา ผมกระเทิบหนีออก

“หนีพี่ทำไมครับ”เขาถามแต่ไม่กล้าเดินเข้ามาหาผม

“เปล่า”

“พี่มานานหรือยัง”เขาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

“เพิ่งมาครับ”เขาว่า แต่ผมคิดว่าเขาคงมานานมากแล้วแต่เขาแค่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน

“พี่อัครเจ็บไหม”ผมต้องพยามเรียบเคียงถาม ผมไม่ได้รู้สึกกลัวมากกว่าก่อนหน้านี่

“เจ็บอะไรครับ”พี่อัครมีสีหน้างงเล็กน้อย

“ถ้ามีคนบอกว่าพี่ตายไปแล้วพี่คิดว่าไง”

“เอต้องการสื่ออะไรครับพี่ไม่เข้าใจ”พี่อัครไม่ใช่คนโง่ ผมว่าไม่ควรพูดอ้อมจะดีกว่า อย่างน้อยเรื่องจะได้จบ ผมจะได้ไม่เจ็บไปมากกว่านี่ มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำมัน

“ที่ๆนี่พี่อัครไม่ควรอยู่ เราไม่ควรพบกัน”พี่อัครนิ่งฟังมีสีหน้าเคร่งเครียดลงมา

“เอเกลียดพี่หรอครับ”เขาเป็นคนตรงเวลาพูดอะไรมักตรงไปตรงมาไม่เคยอ้อมค้อม

ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “พี่อัครครับ”ผมเอื้อมมือไปจับ

“พี่อัครตายไปแล้วน่ะครับ”ผมพูดพร้อมสบสายตาเขาคมเข้มของเขา

“ฮ่าๆเอล้ออะไรพี่เล่นล่ะครับ พี่จะตายไปได้ไง”พี่อัครหัวเราะแต่ผมเงียบ เขายังไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว เขาหยุดหัวเราะเมื่อผมยังคงเงียบ

“เอ เอล้อเล่นแบบนี่เพราะไม่อยากคบพี่หรอครับ”เขาถาม ผมส่ายหน้าตอบไป ผมไม่รู้จะเริ่มเหตุการณ์ตรงไหนก่อนดี

“พี่อัคร วันจันทร์พี่อัครมามหาลัยอย่างไงครับ”ผมควรเริ่มจากทีแรก ค่อยๆให้เขานึกได้

“เอ อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”เสียงเขาบอกอย่างอารมณ์ไม่ดี

“ผมอยากให้พี่ตอบ”

“พี่ขับมาจากบ้านพร้อมกับกร”

“แล้วไงต่อ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับพี่ขับมาตามปกติ”พี่เขาบอก ผมคงต้องเจาะให้ลึกกว่านี่

“ตอนพี่ขับมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้วไง”

“พี่ก็เอารถไปจอดที่โรงรถ”ผมเงียบ ผมคิดว่ามันคงเป็นชีวิตประจำวันที่ซ้อนทับกัน

“หรอครับแล้วรถยังอยู่ไหมครับ”

“ฮ่าๆๆสอบสวนอะไรเนี้ยก็ต้องยัง...”พี่อัครเงียบไป เอาแหละดูเหมือนว่าเขาคงพอนึกอะไรได้อยู่

“ว่าไงครับ”

“พี่”

“พี่ลองนึกถึงเหตุการณ์วันจันทร์ใหม่สิครับ”ผมบอก เขาทำท่าครุ่นคิด

“พี่ขับรถมา มีไอ้กรนั่งอยู่ข้างๆ...พอมาถึงหน้ามหาลัย...พี่...พี่”

“ครับพี่ถูกรถชน พี่ตายไปแล้ว”ผมบอกอีกครั้ง แต่ครั้งนี่ผมห้ามน้ำตาตัวเองไม่อยู่คงเพราะท่าทีที่เจ็บปวดของพี่อัคร

สายตาผมเบิกโพรงเมื่อของเหลวบางอย่างที่ไหลออกมาจากหัวร่างกายของพี่อัครมากขึ้น แล้วเริ่มเปลี่ยนสภาพ เสื้อผ้านักศึกษาเปรอะไปด้วยคราบเลือดและฉีกขาดภาพมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมถ่อยกรู่ออกมา

“พี่ยังไม่ตาย พี่ยังไม่ตายน่ะเอ”พี่อัครเดินเข้ามาหาผม

“เอ อย่าทิ้งพี่ไปน่ะเอ”พี่อัครเริ่มบ้าครั่งจนผมรู้สึกกลัว

“พี่อัคร”

“พี่ๆ พี่รักเอ พี่รักเอ พี่รัก”พี่อัครเข้ามากอดผม ผมรู้สับสนไปหมด ทั้งๆที่น่าจะผลักพี่เขาออกไป 

แรงบีบรัดทำเอาผมรู้สึกหายใจไม่ออก

“พี่อัคร ผมเจ็บ”ผมร้องบอกเขาเริ่มรู้ตัวแต่ยังไม่คลายมืออก กลิ่นเลือดคลุ้งขึ้นจมูก แต่ที่น่าแปลกผมไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

“เจ็บไหมครับ”ผมพูดพลางมือลูบไปที่ใบหน้า

“เจ็บครับพี่เจ็บ เอพี่เจ็บ”ผมอยากจะร้องไห้โฮออกมา ผมลูบใบหน้าอยากจะเช็ดมันออกแต่เลือดยังคงไหลไม่หยุด

“อย่าไปน่ะเอ น่ะอย่าไปไหน”

“อัครหยุดเถอะ ปล่อยน้องมาให้กรู”เสียงนั้นมาจากมุมบันได

“ไอ้กร มรึง มรึงยังไม่ตายใช่ไหม”เสียงพูดของพี่อัครถามอย่างเป็นกังวล ผมเพิ่งรู้ว่าเขาห่วงคนรอบข้างเสมอ

“ใช่กรูไม่เป็นแต่เมิง... อัครปล่อยเอมาให้กรูเหอะ”

“ไม่ไอ้กร อย่าเอาเอไปจากกรู”พี่อัครกอดผมแน่น

“อัครที่นี่ไม่ใช่ที่ของแก ไปเถอะยังมีคนรอแกอยู่”พี่อัครคายอ้อมแขนออก

“ฉัน”

“ไปเถอะนายไม่ต้องห่วงอะไร”

“เราควรอยู่ที่ไหนว่ะไอ้กร”

“เมิงรู้แต่แค่ยังไม่อยากไป ไม่ต้องห่วงเรื่องเอ น้องเขารับรู้ความรู้สึกแล้ว อย่าให้น้องต้องลำบากใจ”แต่ผมไม่อยากให้ไป ถ้าผมพูดออกไปคงเป็นการรั้ง

 “แต่ๆ”

“ไปสะอัคร เมิงไม่มีสิทธิ์อยู่กับเอแล้ว”

“กร ขอโทษน่ะเอ”พี่อัครร้องไห้ออกมาก่อนหายตัวไป

“พี่กร”ผมร้องไห้โดยมีมือนั้นคอยปลอบแต่มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

“เอทำใจเหอะว่ะ ไอ้อัครไปสบายแล้ว”ไม่ว่าคำปลอบประโลมใดก็ไม่อาจได้ยิน ผมได้ยินแต่คำว่ารักที่พี่อัครบอก แต่ผมไม่เคยได้บอกคำนั้นออกไป พี่กรมาส่งผมที่หอ ก่อนบอกว่าพรุ่งนี่จะไปหาพี่อัคร




วันนี่เป็นวันที่พี่กรจะมารับ สองวันแล้วที่ผมไม่ได้นอน สภาพผมไม่ต่างจากศพเดินได้ พี่กรมารับโดยไม่ได้บอกว่าไปไหน รถมาจอดอยู่ที่โรงบาล

 “ทำไมไปโรงบาลล่ะพี่กร”

“ไอ้อัครอยู่ที่นั้นน่ะ”ผมไม่เข้าใจความหมายนัก

แต่ผมเข้าใจว่าวันนี่เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้พบเจอกัน ผมเข้าไปในห้องนึ่งที่มีเครื่องมือช่วยชีวิตเต็มไปหมด ผมเห็นร่างเขานอนอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายช่างซีดเซียว

“หมายความว่าไงพี่กร”ผมเสียงเครือ เขายังอยู่หรอ

“วันนี่เขาจะถอดเครื่องช่วยชีวิตออกแล้วแหละ พี่พามาลา”ทำไมต้องพามา ผมไม่เข้าใจ มาทำให้ผมหัวใจสลายอีกครั้งหรอ


สุดท้ายจริงๆที่จะได้พบกับพี่อัคร หมอกำลังจะเอาเครื่องออกซิเจนออก เพราะไม่อาจยื้อชีวิตของพี่อัครไว้ได้อีกแล้ว พี่กรบอกว่าจริงๆพี่อัครควรตายตั้งแต่วันที่ถูกรถชน แต่ด้วยความหวังที่จะได้พบผม เขาจึงยื้อตัวเองไว้ พี่กรแนะนำว่าผมเป็นรุ่นน้อง แต่ดูเหมือนท่านทั้งสองพอรู้เรื่องราวของผมมามากพอดูแล้วเหมือนกัน


“ขอบใจน่ะลูกที่อุตส่าห์มา พี่เขาคงดีใจที่หนูได้รับรู้ความรู้สึกพี่เขา พี่ เขา พี่ เขา คงดีใจ จริงๆ”แม่พี่อัครจับมือผมแล้วร้องไห้ออกมา ความทุกข์ของคนเป็นแม่คงหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าผมนัก พ่อของพี่อัครได้แต่ปลอบใจภรรยาตัวเอง

“ลูกเอ ไปลาพี่เขาเป็นครั้งสุดท้ายเถอะลูก เดี๋ยวหมอเขาจะถอดออกซิเจนออกแล้ว”พ่อพี่อัครที่ตอนนี่ดูโทรมนัก แต่ด้วยเป็นระดับถึงผู้บริหารจึงรักษาภูมิได้อย่างดี เขามองไปยังเตียงที่ลูกชายนอนอยู่อย่างคนหัวใจสลายด้วยว่าเป็นลูกรักสุดหัวใจ

ผมมองไปที่เตียงนั้น หมอที่อยู่ล้อมรอบพี่อัครก็คงไม่ต่างจากมัจจุราชในสายตาผมนัก ผมนั่งลงบนเก้าอี้ จับมือใหญ่หนาที่เขาเคยสัมผัสแม้จะเป็นวิญญาณ ผมยังคงเฝ้าภาวนาให้เขาตื่นขึ้นมา หรือ หากไม่ก็ขอให้ได้พบพี่อัคร

“สวัสดีครับพี่อัครครับ ผมเอน่ะ ผมไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยพูดอย่างไรดี”ผมกล่าวด้วยวาจาที่สามัญที่สุด

“ขอบคุณน่ะพี่ ขอบคุณที่รักผม”ผมลุกขึ้นก่อนไปกระซิบที่ริมหูของผู้ชายที่ทำให้ผมได้หลงรักแค่เพียงเจ็ดวัน

 “ผมก็รักพี่”นี่คงเป็นคำกล่าวลาครั้งสุดท้ายแล้ว

ผมประทับริมฝีปากลงบนปากที่อุ่นนั้นด้วยมีเลือดที่ไหลเวียนอยู่ที่ต่างจากแต่ก่อนที่มีแต่ความเย็นแต่ทิ้งกลิ่นอายอบอุ่นและหอมหวานไว้ แต่นี่แม้นกายที่อุ่นแต่ไม่อาจสัมผัสความรักได้เลย
   
พี่กรจับไหล่ผมที่น้ำตาคลอเบ้าออก ผมไม่อาจทรงตัวให้ยืนได้ ผมใจไม่แข็งพอ ผมมองไปยังหมอและพยาบาลกำลังถอดอุปกรณ์ออก  ผมผละออกจากเขาด้วยที่ผมทำใจไม่ได้ถ้าเห็นหมอกำลังเอาเครื่องช่วยชีวิตอยู่


ลาก่อนจริงๆ 



ตอนนี่ไม่ค่อยได้ตรวจเลยอ่ะแฮๆๆ พรุ่งนี้ตอนพิเศษน่ะ


หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-01-2011 09:40:12
ไม่อยากให้อัครจากไปจริงๆ เลย
T^T สงสารอัคร


หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 13-01-2011 09:40:43
 :m15:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 13-01-2011 09:45:36
เฮ้อ..............
7วัน
เฮ้อ.............
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 13-01-2011 11:37:53
 :o12: สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 13-01-2011 16:32:04
ทำเค้าร้องไห้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 13-01-2011 16:40:23
พี่อัครรรรรรรรรรร :o12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 13-01-2011 16:40:42
ตรูว่าแล้วเชียว T^T
อุตส่าห์คิดว่า......บางทีอาจจะหักมุมตอนจบก็ได้

ฮื่อๆๆๆๆๆ เค้าไม่ชอบอ่านนิยายเศร้า T^T
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-01-2011 17:33:02
ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
รับไม่ได้อ่ะ  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 13-01-2011 17:38:03
เศร้าเกินอ่ะ  :sad4: :sad4: :sad4:

มันจะมีปาฏิหารมั้ยอ่ะ หรือว่า จบเเล้ว
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 13-01-2011 19:14:18

สงสารพี่อัครจังคิดว่าความรักจะสมหวั :o12:
สงสารเอที่รักพี่อัคร :m15:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 13-01-2011 22:30:46
ตื่นเหอะพี่อัคร น้องรออยู่...ขอแรงจูบดึงชีวิตพี่คืนมารักกันนะ
ชอบเรื่องนี้ อ่านไปเคล้าน้ำตาปนระทึกข้างหลัง ใครจะมสะกิดเราป่าวหว่า
แต่งอีกดิ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...นี่แหละคือความเสียใจ 13/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 13-01-2011 23:22:31
น้ำตาจะท่วมจอไหมค่ะเนี่ย เอาค่ากระดาษทิชชูเจ้มานะ กาซิกๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันส&
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 14-01-2011 09:06:27
เวลาที่เหลือ...

ผมยืนมองไปยังห้องสมุดแห่งนั้น สถานที่ก่อกำเนิดเรื่องราวความรัก เกือบหนึ่งปีที่ผ่านพ้นไปผมไม่เคยลืมเรื่องราวของเราได้เลย อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่เรื่องที่เศร้า มันคือความทรางจำที่แสนพิเศษ

ความรักที่เริ่มเพียงเจ็ดวันมันส่งผลมาถึงอนาคต ไม่น่าเชื่อจริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้ วันนี่ครบรอบนึ่งปีพอดี หรือ 350 วัน ตลบรอบหนึ่งปีพอดีที่ผมได้พบกับพี่อัคร เวลามันผ่านมารวดเร็วปานสายฟ้าฟาดสะเหลือเกิน

ผมขึ้นปีสามแล้ว ผมได้นำดอกไม้สีขาวที่ผมชื่นชอบมาว่างไว้ที่โต๊ะห้องสมุด ทำให้ผมนึกถึงวันที่ พบกันครั้งแรก จูบด้วยกัน และเริ่มรักเขาจริงๆวันที่ผมจะไม่ได้เจอเขาอีก
   

แต่พี่อัครปรากฏสายตาแก่ผมอีกครั้งพร้อมทำหน้าเศร้าๆ ผมไม่เข้าใจทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ว่ะ


“โถ เอพี่ยังไม่ตายน่ะครับ อย่าแช่งกันดิ”เสียงนั้นบอก

“พี่ตายไปแล้ว”ผมย้ำเตือนเขาอีกครั้ง ถึงความทรงจำอันเก่าก่อนฮึยน่าโมโห

“โถ เอ พี่ขอโทษน่ะๆ ช่วงนี่พี่ยุ่งจริงๆ เรียนก็หนัก ไม่มีเวลาไปมองหญิงที่ไหนจริงๆ”ไม่จริงอ่ะผมเห็นกับตาด้วย

“เชอะนี่ไม่ใช่พี่อัคร พี่อัครของเอตายแล้ว”ผมงอนต่อ

“จริงๆจ๊ะน่าๆ พี่ขอโทษน่ะ”พี่อัครเข้ามากอด ทำเอาคนรอบแอบมองพอเป็นกระสัย

ผมจับข้อมือเขาที่สวมกอดผม ผมรับรู้ถึงร่างกายมนุษย์จริงๆ มันอุ่นจริง วันนั้นวันที่ผมไปโรงบาลเพื่อกล่าวคำอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย


“ผมรักพี่น่ะ”ผมบอกเขาที่ข้างหู เสียงมันดังพอทีใครๆก็ได้ยินแต่ผมไม่สน ผมสนแต่เพียงว่าคำว่ารักของผมหวังที่จะให้คนนี่ได้ยินเสียเหลือเกิน เสียใจที่ตอนที่เขาสามารถรับรู้แต่ผมไม่คิดที่จะพูด ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีเขาแล้วผมถึงได้รู้สึกถึงมันจริงๆ

พี่กรจับไหล่ผมที่น้ำตาคลอเบ้าออก ผมไม่อาจทรงตัวให้ยืนได้ ผมใจไม่แข็งพอ ผมมองไปยังหมอและพยาบาลกำลังถอดอุปกรณ์ออก  ผมผละออกจากเขาด้วยที่ผมทำใจไม่ได้ถ้าเห็นหมอกำลังเอาเครื่องช่วยชีวิตอยู่ แต่!!

แต่มือหนาเอือมมือมาจับเขา มือที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะขยับได้แม้แต่น้อย เขาก้มลงมองลงไป

“อึกอืออออออออโฮฮฮ”ผมร้องไห้เสียงดังออกมา จนแม่พี่อัครเข้ามาปลอบแต่ที่ผมร้องไห้ไม่ใช่อะไร เป็นมือของคนที่ลืมตาขึ้นมาจ้องมือเขา

“คุณค่ะ คุณ”เสียงแม่พี่อัครเรียกสามีตน

   “คุณหมอค่ะชีพจรเต้นแรงขึ้นค่ะ”เสียงพยาบาลข้างๆตัวพูด

“พี่อัคร อือๆ”ผมไม่รู้จะกล่าวว่าอะไรดี

“เอ พี่ก็รักเอ ที่ๆ พี่ จะ กลับ มา คือ ที่ๆ มีเอ น่ะ ครับ”เสียงที่แหบแห้งพยายามแปร่งออกมา ทำให้ผมรับรู้แล้วว่าเขาคนนี่จะไม่จากผมไปไหน มือของเขายังคงจับผม ทั้งหมอและครอบครัวต่างตกใจในปาฏิหาริย์ แม้รอบตัวผมกับเขากำลังวุ่นวายจัดแจงสิ่งต่างๆ แต่ผมยืนร้องไห้โดยมีเขากำลังจับมือผมอยู่ มือนี่ไม่ได้เป็นมือที่เย็นเฉียบที่เคยสัมผัส แต่มันทั่งอุ่นกายอุ่นใจจริงๆ

“เฮ้ยทำไรน้องกูไอ้อัคร ปล่อยๆเลย กูจะเอาไปช่วยงาน”เสียงพี่กรดังอยู่หลังผมที่กำลังนึกถึงความหลัง

“ไรว่ะไอ้ กร นี่เมียกู มึงไม่มีสิทธิ์”อย่าย้ำสถานะได้ไหมไม่ได้อยากเป็น คนแถวนี่กรี๊ดกันหมดแล้ว ก็แน่ดิก็มีคนหล่อมาประกาศป่าวๆว่านี่เมียข้าใครอย่าแตะเป็นใครก็กรี๊ด เดี๋ยวได้โดนไล่ออกไปจากห้องสมุดหรอก

“เดี๋ยวยัน แหมมึงพอฟื้นจากผีขึ้นหน่อยหน้าด้านแต่ก่อนขึ้นเยอะเนอะ”จริงอย่างที่พี่กรพูดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ขนาดเป็นผี ยังจูบกันเลยด้วย นั้นนะขนาดเจอกันครั้งแรกน่ะขอเม้าหน่อยเถอะ

“แหม่ตอนกรูเป็นผี กลัวแทบฉี่ราดไม่ใช่หรอว่ะไอ้กร”ต่างคนต่างข่มกันไป เพื่อ

“หึๆ ไม่ใช่กรูหรอก เมียเมิงต่างหากไอ้ อัคร แล้วไม่ใช่กรูหรอที่ช่วย”พี่กรพูดขำๆเพราะหลังไมค์พี่เขาร้องไห้ขอบอกขอบใจผมแทบตาย นี่ถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันกับพี่อัครผมคงคิดไปไหนต่อไหนแล้ว

“เหอะอีกอย่างกรูไม่รู้จะตายเมื่อไร ขอกรูทำในสิ่งที่อยากทำดีกว่า มึงก็เหมือนกันไอ้กร อย่าปล่อยสิ่งที่มึงรักไป” พี่อัครกล่าวยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม

“เออ รู้แล้วน่า แค่หรอจังหวะนิด กรูแทงข้างหลังแน่”ฮึยขนตูดลุกเลย

“หึๆๆ”ไอ้พี่สองตัวหัวเราะพร้อมกันออกมานี่มันจะทำไรว่ะ จะให้ติดตามชมต่อไปก็กระไรอยู่กลัวท่านผู้ชมรับไม่ได้ ยังไงเสียก็ขอดึงม่านลงแล้วกันเนอะ

เอกำลังดึงม่านลงจากจอ

“เดี๋ยว”

“ไรอ่ะพี่อัคร”

“ยังไม่ได้จูบ โชว์กับ ปัม ปั๊มเลยอ่ะ”

“ไอ้บ้า”เอบิดซ้ายบิดขวา เขินน่ะเว้ยเฮ้ย

“จูบทีน่ะ”อัครหอมลงไปที่แก้ม ก่อนมือหนาดึงม่านลงแทน

                                                                    end
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 14-01-2011 09:28:39
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ในที่ีสุดก็จบแบบหักมุมอย่างที่เราต้องการ >_<
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-01-2011 09:34:56
ต่อ อีก ต่อ อีก ต่อ อีก ยังไมไ่ด้ดูเค้าปั้มๆๆกันเลยนะคะ (ยิ้ม)
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-01-2011 10:30:11
ใช่ ยังไม่ครบถ้วนกระบวนความ
ยังไม่มีฉากปั่มปั๊มเลย
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 14-01-2011 11:00:29
อิอิ รอ  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 14-01-2011 11:07:54
จะปั่ม ปั๊มโชว์เละเหรอพี่อัคร :m25:

แน่จริงมาโชว์เด่  :m12:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 14-01-2011 11:46:07
อยากให้มีต่ออยากอ่านอีก :m23:
พี่คู่ไม่มีคู่เหรอคะไรท์เตอร์ :m28:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-01-2011 12:14:24
หักมุมว่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 14-01-2011 15:06:48
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด  ดีใจที่สุด

จบแบบนี้ดีแล้ววววววววววว :m4: :m4:

รอคู่พี่กรนะคะ

+1  ให้เลยค่า
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 14-01-2011 15:33:48
โอ้ยยยยย

พึ่งกลับมาจากต่างจังหวัด

อ่านรวดเดียวตั้งแต่วันที่6 แทบจะร้องไห้ๆๆๆๆๆ

แต่สุดท้ายยยยยย

ก้HAPPY
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 14-01-2011 16:03:04
อะฮ้าา  อ่านรวดทีเดียวเลย   นึกว่าต้องเสียน้ำตาซะแล้ว   แต่....  เอ่อ  จริงอย่างที่คุณพี่อัครบอกค่ะ  ยัง ไม่มี ตอนปั่มปั๊ม :m12:
ขอบคุณนะคะ  สำหรับเรื่องสนุกๆ :m1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันส&
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 14-01-2011 16:23:22
ขอบคุณมากค่า กะว่าจะแต่งตอนจบอีกแบบอิอิ เหมือนเป็นโลกคู่ขนาน แต่กลัวจะน้ำตาตกในกัน เอาแค่แบบนี่ไปแล้วกัน

ขอบคุณค่ะ


ปล.พี่อัครเขาเป็นคนขี้อายอ่ะ ต้องปิดไฟตลอด เห็นยาก



+1 ให้ทุกคน
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-01-2011 16:34:50
ค่อยโล่งขึ้นหน่อย ^^
ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: BEN*_*MOS ที่ 14-01-2011 16:49:40
ขอบคุณนะคะ  สำหรับเรื่องสนุกๆ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 14-01-2011 16:55:27
รออ่านนะค่ะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: filmybutter ที่ 14-01-2011 21:44:46
ในที่สุดปาฏิหารก็มีจริง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 14-01-2011 23:10:18
 :m15: ซึ้งๆ
ดีใจที่มีปาฏิหารย์
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 15-01-2011 02:17:36
อย่าที่คิดไว้จริงๆ มันต้องอย่างนี้แหละ มีความสุขดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 15-01-2011 09:22:32
ในที่สุด ที่ว่าแรงรักย่อมชนะทุกสิ่ง
แต่คุณพี่หื่นเต็มตรีมไปเลยนะ มิฉงฉานเพื่อนกรหน่อยรึ
มีต่อมัยอ่า... อยากอ่านหวานๆ จุกอกอ่า
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: donkyxx ที่ 16-01-2011 16:50:23
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 16-01-2011 19:25:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!

ในที่สุดก็จบแบบแฮปปี้ มีความสุขมากค่ะ

อ่านไปจะร้องไห้อยู่แล้ว ถ้าแต่งแบบเป็นโลกคู่ขนาน น้ำตาเป็นถังแน่ค่ะ

ขอบคุณนะคะ ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 16-01-2011 20:25:08
จบแบบ :impress2: :-[
อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะคับๆ
+1 ให้คับๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 17-01-2011 11:15:55
อ่านแบบรวดเดียวจบ
สนุกมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: DarKLasT ที่ 17-01-2011 13:49:00
เข้ามาอ่านรวดเดียวเล่นเอาใจหายแว๊บๆบางเวลาเลย

พออ่านถึงวันที่7น้ำตาร่วงเผาะเลย

แต่อ่านตอนจบแล้วรู้สึกดีแล้วก็เสียน้ำตาไปอีกตอนพี่อัครเฟื้น

รักกันๆๆ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันส&
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 17-01-2011 14:33:33
ขอบขอบคุณทุกๆกระทู้น่ะค่ะ :impress2:



ปล.เอาชนะคนอ่านไม่ได้เลยตามใจทุกทีสิน่ะ เอาเหอะแต่ก็มีความสุขดีอิอิ






 :L1:


 :pig4:









หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 17-01-2011 17:09:08
โฮกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่รู้หรอคับ ว่าคนอ่านน้ำตาตกง่า่ย
อะไรจะเจ้าน้ำตาแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 18-01-2011 00:18:07
ทำเค้าร้องไห้ ใจร้ายยย เเง่ม

T = T!
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 01-02-2011 18:12:50
ไม่มีอะไรฮับ




แค่อยากดันอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-02-2011 19:36:41
 :L1:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 07-12-2011 23:58:29
น่ารักอ้าาาาาาา
แอบโล่งใจที่จบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: S_za ที่ 09-12-2011 18:16:21
 o22  น่ากลัวเนาะ

ตอนอ่านแรกๆเสียวสันหลังจังเลยอะ

ดีนะที่ตอนจบฟื้นมาได้รักกันอีกรอบ

ปล.1 ยิ่งอ่านตอนหัวค่ำแล้วเสียวๆๆงัยไม่รู้

ปล.2 ทำไมของเราไม่ฟื้นแบบนี้บ้างอะไปแล้วไปเลย :sad11:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 09-12-2011 20:59:52
เกือบร้องไห้ตายแล้วเรา  ดีใจจังที่จบแบบแฮบปี้
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 09-12-2011 22:41:57
 :sad4:นึกว่าจบเศร้าซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 13-12-2011 21:44:14


จบแล้วซึ้งมากเลย.....


 o13  :monkeysad:

หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 27-12-2011 22:21:10
 :monkeysad: ซึ้งมั่ก  ชีวิตคนเรานี่แสนสั้นเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 28-12-2011 12:42:58
o22  น่ากลัวเนาะ

ตอนอ่านแรกๆเสียวสันหลังจังเลยอะ

ดีนะที่ตอนจบฟื้นมาได้รักกันอีกรอบ

ปล.1 ยิ่งอ่านตอนหัวค่ำแล้วเสียวๆๆงัยไม่รู้

ปล.2 ทำไมของเราไม่ฟื้นแบบนี้บ้างอะไปแล้วไปเลย :sad11:

นั้นสิน่ะ ถ้าชีวิตจบเหมือนที่เขียนได้ในนิยายคงดี T^T (แต่ก็นั้นแหละ ถ้าเขียนได้ นรกแน่ๆ)
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 07-10-2013 13:42:35
ใจหายใจคว่ำหมดนึกว่าพี่อัครจะไปซะแล้ว
ไอ้ตอนสุดท้ายนี่งอนกันนี่เอง อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 09-10-2013 20:16:20
 :monkeysad: :monkeysad:

ดีมาก ๆ เลยเรื่องนี้   :heaven
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 21-07-2014 02:59:27
หลอกให้เสียน้ำตา แต่แฮปปี้ ดีใจอะ 555 ขำพี่กร เสียบข้างหลีงเนี่ย คิดได้
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 11-01-2015 21:49:55
กริ๊ดฟินเลย
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 21-08-2016 03:34:36
เพื่อรักทำได้ทุกอย่าง ตายแล้วก็ฟื้นได้ 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 21-08-2016 08:47:39
 :กอด1:ขอบคุณรีบนมากๆค่ะที่อ่านเรื่องนี้แล้วเม้นท์ ป้าถึงได้มีวาสนาได้อ่านเรื่องดีๆอีกเรื่อง^^
เรื่องนี้หวานมาก อ่านแล้วมีความสุขสุดๆค่ะ
ฟินกับความตั้งมั่นในรัก กับปาฏิหาริย์ที่มีจริงๆ
ทำไงจะได้อ่านเรื่องอื่นๆของคุณคนแต่งอีก ชอบมากๆเลยค่ะ :man1: :L1:


หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 01-03-2021 15:15:32
 :-[
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน...วันสุดท้าย...ที่เหลืออยู่ 14/1/54 end...(จบแล้วเน้อ ย้ายห้องด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-03-2021 22:13:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี่7วัน..Rewrite เพิ่มเติม
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 20-09-2022 23:00:39
ขอบคุณที่ทุกคนติดตามนะคะ ครั้งนี้กลับมารีไรท์ใหม่