พิมพ์หน้านี้ - [ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 20:07:58

หัวข้อ: [ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 20:07:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 


............................................

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของผมอีกเรื่องนะครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเรื่องรุ่นน้องวุ่นรัก

เรื่องนี้เน้นเรื่องจริงมากกว่า80% เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดีๆเรื่องหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน

อย่าสับสนเวลากับเรื่องเก่านะครับ เพราะเรื่องนั้นผมเน้นแต่เนื้อเรื่องส่วนเวลาที่เกิดไม่ตรงกับความจริง

เพราะผมปกปิดไว้กันคนรู้ว่าคนในเรื่องคือใครบ้าง แต่เรื่องนี้ไม่ต้องปิดครับ

เพราะเขายินยอมให้เขียนอย่างเต็มใจ

ยังไงก็ขอให้อ่านกันสนุกๆนะครับ

อ๋อ อีกอย่างเรื่องนี้ผมเขียนเป็นเรื่องสั้นนะครับ น่าจะไม่เกิน15ตอนก็คงจะจบแล้ว

ช่วยติดตามกันเยอะๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 20:10:40
เปิดเรื่อง


สำหรับผมคงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรกันมากแล้วใช่ไหมครับ
ถ้าคนที่อ่านเรื่องผมมากันตลอดก็คงจะรู้จักผมดีพอ
นี่เป็นเรื่องเล่าอีกเรื่องที่ผมอยากจะเล่าให้ทุกคนได้รู้กัน
เพราะมันเป็นความทรงจำที่ดีมากสำหรับผมอีกความทรงจำหนึ่งเหมือนกัน
เรื่องมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนผมเข้ามหาวิทยาลัยตอนปี1
ตอนนั้นผมก็ไม่ถึงกับเหมือนบ้านอกเข้ากรุงหรอกครับ
เพราะว่าผมเคยมาอยู่กับน้าสาวช่วงปิดเทอมบ่อยๆเลยรู้หนทางไปไหนมาไหนอยู่บ้าง
เปิดเทอมมาผมก็มามหาวิทยาลัยตามปกติเหมือนเด็กปี1ทั่วไป
เข้ามาวันแรกด้วยความที่เป็นคนพูดมากของผมเลยทำให้ผมรู้จักกับทุกคนเกือบทั้งห้อง
ทำให้วันแรกของหารเรียนไม่เหงาอย่างที่คิด เพราะเพื่อนๆผมก็พูดมากไม่ต่างกัน


เราเริ่มจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆตามความสนิทของแต่ละคน
ซึ่งกลุ่มผมมีประมาณ5คนที่จะไปไหนไปด้วยกันตลอดถึงจะเป็นวันแรกก็ตาม
พอถึงตอนเย็นก็มีการเรียกซ้อมเชียร์ พวกเราก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
ถึงแม้การซ้อมเชียร์จะทั้งเหนื่อยทั้งโดนกดดันจากรุ่นพี่ก็เถอะ
แต่พวกผมมึนกว่าที่จะกลัว เอาเป็นว่าพวกผมคิดว่ามันด่าได้ก็ด่าไป
ดูสิว่าพวกรุ่นพี่กับพวกผมใครมันจะเหนื่อยกว่ากัน
ไม่ใช่ว่าพวกผมจะขัดขวางการซ้อมเชียร์นะครับ
พวกเขาสั่งอะไรมาพวกผมก็ทำทุกอย่างไม่มีบ่น และไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เหมือนกลุ่มอื่นๆเท่านั้นเอง


หลังจากซ้อมเชียร์ได้หลายวันพวกผมก็สนิทกับกลุ่มอื่นๆในคณะทั้งหมด
ก็บอกแล้วไงครับว่าพวกผมพูดมากกันทุกคนแถมยังออกฮาๆบ้าๆบอๆอีกตั่งหาก
นอกจากที่เป็นที่รู้จักของเพื่อนๆทุกคนแล้วยังเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่อีกด้วย
เพราะว่าถ้าสั่งอะไรบ้าๆบอๆมาที่กลุ่มผม ไม่มีทางที่จะไม่ทำแถมยังไม่อายอีกต่างหาก
ผมคิดว่ามันสนุกมากกว่า ถ้ามัวแต่อายเราอาจไม่ได้ทำอะไรแบบนี้อีกก็ได้(คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้อะ)
ยิ่งเป็นแบบนี้ชื่อเสียงกลุ่มผมยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก ทำไงได้ล่ะครับคนมันจะดัง


หลังจากที่พวกผมสนิทกับเกือบทุกคนในคณะผมก็ไปสะดุดตากับเพื่อนคนหนึ่ง
เพื่อนผมคนนี้ก็ถือว่าหน้าตาค่อนข้างไปทางดีทีเดียวไว้ผมยาวผิวขาว
แต่ผมดูท่าทางแล้วเขาคงไม่ได้เป็นชาวสีม่วงแบบผมแน่นอน เพราะรู้สึกว่าเขาจะจบช่างมา
แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ใช่เกยสูงหล่อหน้าตาดีหุ่นดีซะเมื่อไหร่ ใครจะกล้าเข้าไปจีบตรงๆได้ล่ะ
ผมก็ได้แต่แอบมองไปก่อนตอนแรกๆ แต่เพื่อนในกลุ่มผมก็เริ่มสังเกตได้
เพราะผมก็ไม่ได้ปกปิดเพื่อนในกลุ่มแต่อย่างใดพวกมันเลยรู้ว่าผมเป็นแบบไหน
“เฮ้ย แกชอบคนนั้นหรอวะเดี๋ยวฉันไปถามชื่อให้เอาไหม” ไอ้แนทเพื่อนสาวสุดห้าวของผมเป็นคนสังเกตได้คนแรก
แต่จะว่าไป ผมยังไม่ได้แนะนำกลุ่มของผมเลยนี่นา งั้นแนะนำตอนนี้คงยังไม่สายนะครับ
กลุ่มผมมี5คนรวมผมด้วยมีผู้ชาย3ผู้หญิง2 ผู้ชายมีผม ไอ้ตี๋ ไอ้ต้น ส่วนผู้หญิงก็ไอ้แนทกับไอ้ฝนครับ
5คนนี้เป็นขาฮาประจำคณะเลยตอนนั้น เพราะไอ้ผู้หญิงสองคนมันทำตัวเหมือนผู้หญิงที่ไหน
บางครั้งมันห้าวกว่าพวกผู้ชายอย่างผมเสียอีก ที่แรกก็แปลกๆแต่หลังๆชินแล้วครับ
“ไอ้บ้าแนทแกรู้ได้ยังไง นี่เราแสดงออกถึงขนาดนั้นเลยหรือไง” ผมเริ่มอายเพราะกลัวแสดงออกจนคนอื่นก็สังเกตได้
“ไอ้บ้า ไม่ใช่แต่ชั้นเห็นแกชอบมองมันบ่อยๆ เลยลองถามดู ว่าไงให้ชั้นไปถามชื่อขอเบอร์ให้ไหม”
มันยังถามต่อแต่ใครจะกล้าละครับ เพราะเพิ่งเข้ามาแรกๆ
แถมเรื่องที่ผมชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่ได้รู้กันหมดซะหน่อย
ผมก็ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มากด้วยเพราะผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง
ยังว่าแหละครับก็สมัยผมปี1มันยังไม่เหมือนกับสมัยนี้ โลกมันยังไม่ค่อยเปิดกว้างเท่ากับตอนนี้
แต่เขาก็เริ่มที่จะยอมรับกันได้บ้างแล้วเหมือนกัน เขาเรียกยุคกำลังเปลี่ยนแปลง
“ไม่เอา เพิ่งรู้จักกันเองเราไม่กล้าด้วย” ผมบอกเพราะตอนนั้นรู้สึกไม่กล้าจริงๆ
“เออ ตามใจแกแล้วกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกันนะ” ไอ้แนทบอกพร้อมกับยิ้มมองผมอย่างมีเลศนัย
“เออๆๆ มีอะไรแล้วจะบอก” ผมรีบรับปากเพราะตอนนั้นเริ่มอายขึ้นมาแล้ว



หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันโชคก็เข้าข้างผม(จริงๆไม่ใช่หรอกเป็นกิจกรรมของคณะที่ทำมาทุกปี)
วันนี้รุ่นพี่แจกสมุดเล่มเล็กๆให้กับพวกผมทุกๆคน
เป็นสมุดสีแดงเลือดหมูมีรูปสัญลักษณ์คณะพิมพ์อยู่ด้านหน้า
“วันนี้นะครับพี่จะให้น้องหารายชื่อรุ่นพี่กับเพื่อนมาให้เยอะที่สุด ถ้าใครได้น้อยที่สุดพี่จะลงโทษคนนั้น”
รุ่นพี่ตะโกนบอกหลังจากที่แจกสมุดเสร็จแล้ว
“พี่ครับ หมายถึงรุ่นพี่ทุกชั้นปีเลยหรือเปล่าครับ” เพื่อนคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ใช่ครับ น้องทุกคนต้องมีรายชื่อให้ครบทุกชั้นปี แต่ไม่จำเป็นต้องครบทุกคนก็ได้ครับ พี่ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะครับ รีบๆกันหน่อยแล้วกัน”
พี่บอกเงื่อนไขเพิ่มเติม ก่อนที่จะซ้อมเชียร์ต่อ
วันนี้รุ่นพี่ปล่อยเร็วเพราะบอกว่าพวกผมจะได้มีเวลาไปตามหารายชื่อลงสมุดได้
คนแรกที่ผมจะขอคงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครถ้าไม่ใช่คนนั้น
“ไอ้แนทแกไปเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ” ผมบอกไอ้แนทที่กำลังยืนเขียนชื่อลงสมุดแลกกับคนอื่นอยู่
“เออได้สิแก รอชั้นแปบนึง” มันบอกพร้อมกับรีบเขียนชื่อให้เพื่อนคนอื่นๆให้เสร็จ
ผมรีบดึงมือมันตามมาโดยเร็วเพราะว่าเพื่อนผมคนนั้นกำลังจะกลับบ้านกับกลุ่มเขาแล้ว
“เดี๋ยวก่อน ช่วยเขียนชื่อให้พวกเราหน่อยสิ” ไอ้แนทรีบตะโกนบอก
แล้วมันก็หยิบสมุดในมือผมไปรวมกับของมันทันที
มันยื่นให้พร้อมกับเอาสมุดของคนนั้นส่งมาให้ผมแทน
แหม ไอ้เพื่อนผมคนนี้มันช่างรู้ใจผมเสียจริงๆทำให้โดยไม่ต้องบอกอะไรล่วงหน้าเลย
ผมรับสมุดมาไว้ในมือ แล้วพลิกอ่านชื่อที่ปกสมุดทันที
“นายธิติ .......... สาขา....” อยู่คนละสาขานี่เอง แต่บางวิชาเราก็เรียนด้วยกันนี่นา
ทำไมผมถึงไม่ค่อยเห็นเขาในห้องเรียนเลยนะ
ผมรีบเขียนชื่อนามสกุลชื่อเล่นพร้อมเบอร์โทรลงไปทันที
ในสมุดเขามีอยู่สองสามรายชื่อแล้ว คงเป็นชื่อเพื่อนๆในกลุ่มเขา
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะผมสนใจเขามากกว่า
“อะพวกมึงก็เซ็นต์ด้วยสิวะ ดูของคนนี้ดีเพิ่งมีกูคนเดียวเอง” เขาบอกพร้อมกับส่งสมุดผมไปให้เพื่อนๆในกลุ่มเขา
ผมทำได้แต่ยืนยิ้มอย่างเดียวก่อนที่จะส่งสมุดของเขาคืนไป
เขาพลิกอ่านชื่อที่ผมเขียนไว้ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
“นัท เดี๋ยวเซ็นต์ให้เพื่อนเราด้วยนะแลกกัน” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับผม
ความรู้สึกตอนนั้นทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ทั้งๆที่เรื่องเขาพูดไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเสียหน่อย
“อืม” ผมพูดได้เพียงคำสั้นๆเท่านี้เองในตอนนั้น
ผมรับสมุดของเพื่อนๆที่เขายื่นให้มาเขียนชื่อตัวเองลงไปให้กับเพื่อนๆของเขา
ก่อนที่เราจะแลกสมุดกันกลับคืนมา ผมรีบพลิกอ่านชื่อเขาอีกครั้งทันที
เขาก็เดินกลับไปกับกลุ่มเพื่อนๆสองสามคนของเขา
ผมมองหาชื่อเล่นกับเบอร์โทรศัพท์เขาเป็นอย่างแรก ถึงสมัยนั้นโทรศัพท์มือถือจะยังแพงอยู่ก็ตาม
ชื่อจริงชื่อ ธิติ ชื่อเล่นชื่อ ติ ผมจำได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับมองเบอร์โทรศัพท์ที่เขาให้ไว้
แต่ผมก็ไม่กล้าโทรหรอกครับ ตอนนั้นผมยังไม่กล้าตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยกล้า(หรือว่าไม่จริงหว่า)
แต่อย่างน้อยผมก็รู้จักกับติแล้ว แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับสำหรับตอนนั้น



เช้าวันใหม่ผมมามหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าทั้งมารอเพื่อนและก็มารอติ
เพราะเขาชอบมานั่งซุ่มตอนเช้าๆเหมือนกัน แถมวันนี้ผมจำได้ว่ามีวิชาที่เราเรียนรวมกันด้วย
สักพักพวกเพื่อนๆผมคนอื่นๆก็มากันครบ มาพร้อมเวลาใกล้ๆกันกับพวกติ
“อ่าวเฮ้ยไอ้นัทมาแต่เช้า มารอเจอใครหรือเปล่าวะ” มาถึงพวกมันก็ปากหมาแซวมาเลย
“อะไรของพวกแกวะ ก็มานั่งรอทุกวันเดี๋ยวเถอะ” พวกมันเล่นพูดกันเสียงดังจนพวกติมองมาที่ผม
“ไปๆๆกินข้าวกัน เดี๋ยวขึ้นเรียนไม่ทัน” ผมรีบหาทางเพื่อเปลี่ยนสถานที่ทันที
เพราะว่าผมกลัวติจะรู้ว่าผมแอบชอบเขาอยู่ ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย


หลังจากที่ผมลากพวกเพื่อนๆปากดีของผมมากินข้าวกันได้แล้ว
“ไอ้แนทแกก็อย่าแซวนักสิวะ เดี๋ยวก็รู้กันหมดพอดี” ผมว่าไอ้แนทที่เป็นคนเริ่มต้นแซว
“เออ ฉันขอโทษวะ เดี๋ยวต่อไปจะแซวเบาๆ” ดูมันยังไม่เลิกกวนผมอีก
“เออ บอกไปเหมือนสั่งไอ้ปุยฝ้ายอะ รีบๆกินเถอะเดี๋ยวขึ้นเรียนสาย”
“นี่แกว่าฉันเป็นหมาหรือไง แต่ไม่เป็นไรถึงยังไงมันก็น่ารักโว้ย” ดูมันสำนึกที่ไหนกัน
เพื่อนผมแต่ละคนมันกวนได้โล่กันเลยทีเดียวผมก็ไม่ต่างจากพวกมันและครับ
พวกผมรีบกินแล้วรีบขึ้นเรียน เพราะว่าวิชานี้อาจารย์ค่อนข้างเข้มเรื่องเวลา
พอเข้ามาในห้องเพื่อนส่วนใหญ่นั่งกันเต็มหมดแล้ว
พวกผมก็นั่งข้างหลังกันเหมือนเดิม ต่อให้มาช้าเร็วพวกผมก็นั่งหลังอยู่แล้ว
เรียนไปได้ซักพักอาจารย์ก็สั่งให้ทำรายงานกลุ่มกลุ่มละ8คน
กลุ่มผมมีอยู่5คนแล้วต้องหาคนเพิ่มพวกผมนั่งมองเพื่อนคนอื่นๆเดินไปเดินมาจับกลุ่มกัน
ก็ไม่มีอะไรมากพวกผมคิดว่าใครเหลือเดี๋ยวมันก็ขอเข้ากลุ่มผมเองแหละ
จะเดินหาทำไมให้เหนื่อย ขณะที่นั่งมองอยู่เพลินๆก็มีคนมาสะกิดไหล่ผมเบาๆ
“นี่นัทพวกเราอยู่กลุ่มทำรายงานด้วยสิ” สำเนียงภาษากลางแบบแปลกๆพูดกับผม
ผมเลยหันไปมองเจ้าของเสียงแปร่งๆนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดนี่มันแมวเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับตินี่นา
ผิวเข้มผมหยักศกจมูกโด่งมากแต่ที่เด่นที่สุดคงจะเป็นดวงตาที่กลมโตพร้อมด้วยขนตาที่ยาวมาก
“เออ ได้สิแต่กี่คนล่ะ” ผมตอบกลับแบบงงๆ
“สามคนแหละ มีเราไอ้ติแล้วก็ไอ้ที” แมวยิ้มบอกผม
ผมหันกลับไปถามเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่มีหรือที่เพื่อนผมจะปฏิเสธ
ตกลงพวกติเลยทำรายงานกลุ่มเดียวกัน ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเสียจริงแต่ผมก็แอบดีใจ
ท้ายคาบอาจารย์ปล่อยให้รวมกลุ่มกันวางแผนแบ่งงานกันเรื่องรายงาน
พวกติเลยมานั่งรวมกับกลุ่มผม แต่แทนที่จะคุยเรื่องรายงาน
แต่พวกผมกลับคุยเรื่องส่วนตัวกันมากกว่า โดยมีไอ้แนทเป็นตัวเปิดเรื่อง
ผมกับคนอื่นๆก็คอยถามเสริมในส่วนที่อยากรู้
ผมเลยรู้ว่าทั้งสามคนเป็นเด็กที่เรียนจบมาทางช่างเหมือนกันเลยคุยกันถูกคอ
แต่มาจากคนละทีเลย ติมาจากพะเยา แมวมาจากสุราษฯ ทีอยู่ร้อยเอ็ด
แมวเป็นใต้นี่เองถึงว่าพูดสำเนียงแปร่งๆคงพยายามพูดภาษากลางเต็มที่
ติจะเป็นคนพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม มีแมวกับทีที่จะพูดเก่งพอๆกับพวกผม
ทีก็หน้าตาจัดว่าใช้ได้เหมือนกัน แต่ชอบเล่นมุกแล้วไม่ฮาบ่อยๆ ก็ทำให้พวกเราสนุกได้เหมือนกัน
ตกลงกลุ่มพวกติก็เฮฮาเข้ากับพวกผมได้อย่างดี ติส่วนมากนั่งฟังแล้วยิ้มกับหัวเราะออกมาเท่านั้น
แต่ก็น่ารักมากในสายตาผม ระหว่างคุยกันไปผมก็แอบมองเขาบ่อยๆ


หลังจากจับกลุ่มทำรายงานทำให้ผมสนิทกับกลุ่มติยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกับแมวและที
โดยแมวเป็นคนยิ้มง่ายคุยเก่งทำให้ผมคิดว่าสนิทกับเขามากกว่าคนอื่นในกลุ่มติ
อย่างน้อยผมก็เริ่มตีสนิทกับเพื่อนของติได้แล้ว เอาไว้ให้เพื่อนๆติช่วยเป็นพ่อสื่อให้ก็แล้วกัน
ผมเริ่มจะมีความหวังขึ้นมารางๆขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิตอนนี้


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-10-2010 20:27:38
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาา" (กลัวเปิดเผยว่าจะขรากะพี่คนไหนแล้วจะเปิดเผยเนื้อหา กรั่กๆๆ)

ว่าแต่ พี่น้าทททททท ตอนพี่นัทปีหนึ่ง......ก๊อ ผ่านมาสิบหกปีแล้วดิคะ โอว สิบหกปีแห่งความหลัง

...............พี่นัท มันมีที่พิมพ์พลาดอีกประปรายนะคะ
แต่ๆๆ ตรงนี้ "สำเนียงเปล่งๆ" ตั้งใจจะหมายถึง สำเนียงแปร่งๆใช่มั้ย?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-10-2010 20:35:40
ดีใจจังได้อ่านเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 29-10-2010 20:54:54
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาา" (กลัวเปิดเผยว่าจะขรากะพี่คนไหนแล้วจะเปิดเผยเนื้อหา กรั่กๆๆ)

ว่าแต่ พี่น้าทททททท ตอนพี่นัทปีหนึ่ง......ก๊อ ผ่านมาสิบหกปีแล้วดิคะ โอว สิบหกปีแห่งความหลัง

...............พี่นัท มันมีที่พิมพ์พลาดอีกประปรายนะคะ
แต่ๆๆ ตรงนี้ "สำเนียงเปล่งๆ" ตั้งใจจะหมายถึง สำเนียงแปร่งๆใช่มั้ย?

ขอขีดเส้นใต้คำว่า สิบหกปี
เห็นด้วยกับพี่นุ่นสุดๆเลย
ป๋าวัยละอ่อน ขี้อายยิ่งนักช่างต่างกับตอนนี้เหลือเกิน :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 21:06:55
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาา" (กลัวเปิดเผยว่าจะขรากะพี่คนไหนแล้วจะเปิดเผยเนื้อหา กรั่กๆๆ)

ว่าแต่ พี่น้าทททททท ตอนพี่นัทปีหนึ่ง......ก๊อ ผ่านมาสิบหกปีแล้วดิคะ โอว สิบหกปีแห่งความหลัง

...............พี่นัท มันมีที่พิมพ์พลาดอีกประปรายนะคะ
แต่ๆๆ ตรงนี้ "สำเนียงเปล่งๆ" ตั้งใจจะหมายถึง สำเนียงแปร่งๆใช่มั้ย?

เดี๋ยวตามแก้ให้จ๊ะนุ่น แต่แหมๆๆ ย้ำอะไรกันขนาดนั้น มันยังไม่สิบหกปีเสียหน่อยหรือถึงหว่านับนิ้วก่อนนะ

ดีใจจังได้อ่านเรื่องใหม่

 :กอด1: :กอด1: อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาา" (กลัวเปิดเผยว่าจะขรากะพี่คนไหนแล้วจะเปิดเผยเนื้อหา กรั่กๆๆ)

ว่าแต่ พี่น้าทททททท ตอนพี่นัทปีหนึ่ง......ก๊อ ผ่านมาสิบหกปีแล้วดิคะ โอว สิบหกปีแห่งความหลัง

...............พี่นัท มันมีที่พิมพ์พลาดอีกประปรายนะคะ
แต่ๆๆ ตรงนี้ "สำเนียงเปล่งๆ" ตั้งใจจะหมายถึง สำเนียงแปร่งๆใช่มั้ย?

ขอขีดเส้นใต้คำว่า สิบหกปี
เห็นด้วยกับพี่นุ่นสุดๆเลย
ป๋าวัยละอ่อน ขี้อายยิ่งนักช่างต่างกับตอนนี้เหลือเกิน :m20:

จาเข้ามาย้ำอะไรกับเขาด้วยนี่ แหมตอนนี้พี่ก็ขี้อายอยู่นะเอาอะไรมาพูด :-[

  :z2: :z2: :z2:

เรียกคนอ่านเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 29-10-2010 22:16:06
 :z13: นัท ขยันเขียน
 :a5: นานขนาดน้านเลยหรือ นุ่น  :laugh: พึ่งรู้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 29-10-2010 23:40:28
เจิม เรื่อง ใหม่ ค้าบบบ

อิ อิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-10-2010 00:02:26
 :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: firrytail ที่ 30-10-2010 23:47:19
16ปี.......แห่งงงงงความมหลังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เข้ามาร้องเพลงให้พี่นัท :laugh:

โอ๋ๆๆๆ ถึงจะแก่แต่ก็รักป๋าน้าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 31-10-2010 16:38:07
โอ้ว นานจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-11-2010 17:05:44
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวอ่านแล้วจะมาเม้นเน้อ.....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปิดเรื่อง 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-11-2010 19:59:43
:z13: นัท ขยันเขียน
 :a5: นานขนาดน้านเลยหรือ นุ่น  :laugh: พึ่งรู้ อิอิ

อย่าไปเชื่อไม่นานขนาดนั้นหรอก เราเพิ่งจะ 25 เองนะ

เจิม เรื่อง ใหม่ ค้าบบบ

อิ อิ

ขอบคุณคร้าบแล้วติดตามอ่านเรื่อยๆนะครับ ^^

:L1:

 :กอด1: :กอด1: สำหรับดอกไม้และกำลังใจที่ให้เสมอมาครับ

16ปี.......แห่งงงงงความมหลังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เข้ามาร้องเพลงให้พี่นัท :laugh:

โอ๋ๆๆๆ ถึงจะแก่แต่ก็รักป๋าน้าาา :กอด1:

อะไหนูเฟิน ยังไม่ถึงซะหน่อย เชื่อนุ่นกันได้ไงเนี่ย

โอ้ว นานจริง

คร้าบ อันนี้ยอมรับนานจริง แต่ไม่ใช่ 16 ปีนะคร้าบ(ยังไม่เลิกแก้ตัว)

แปะไว้ก่อนเดี๋ยวอ่านแล้วจะมาเม้นเน้อ.....

คร้าบป้า แต่มาตามอ่านเร็ซนะเดี๋ยวจะเยอะซะก่อน(พูดเหมือนตัวเองขยันเขียนเลยเนอะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-11-2010 20:01:03
หาตัวช่วย



การที่เราต้องทำรายงานกลุ่มร่วมกันยิ่งทำให้เราสนิทกันมากขึ้น
แต่ผมก็ยังไม่กล้าแสดงออกมาหรอกครับว่าผมชอบติ
แค่ตอนนี้เจอหน้ากันบ่อยได้คุยกันทำงานด้วยกัน บางครั้งก็ไปกินข้าวด้วยกันบ้าง
แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว หน้าตาอย่างผมมีหรือจะกล้าจีบเขาตรงๆ
เพราะยิ่งนานวันเขาผมก็ยิ่งรู้ว่าติเองก็เป็นที่สนใจของสาวๆคณะอื่นไม่น้อยเลยทีเดียว
ยิ่งทำให้ผมไม่กล้ามากขึ้นไปอีก แต่ผมก็ยังไม่ตัดใจนะครับ


“นัทวันเสาร์นี้ไปซื้อของกับเราหน่อยสิ จะให้ช่วยเลือกของช่วยหน่อย”
สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแมว ได้ยินเมื่อไหร่ผมก็จำได้ทุกครั้ง
“อืมได้สิแต่ว่าแมวจะไปซื้ออะไรที่ไหนล่ะ”
“ไปมาบุญครองนะแหละใกล้หอดีใกล้บ้านนัทด้วย เราว่าจะไปดูชุดนักศึกษาใหม่นะ”
ปกติวันเสาร์ผมมีเรียนช่วงเช้าแต่พวกแมวกับติไม่มีเรียนกัน
เขาคงลืมตารางเรียนของผมแน่ๆถึงได้มาชวนไปซื้อของ
“แต่ว่าเรามีเรียนตอนเช้านะ ต้องไปตอนบ่ายๆเลยนะแมวจะรอไหม”
ผมบอกเตือนความจำแมว เผื่อเขาจะได้ไปชวนคนอื่นแทน
“อืม ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรามารอที่ซุ้มนะ” แมวยิ้มให้ผม
“เออ แล้วพวกติไปด้วยหรือเปล่า” ที่ผมถามเพราะผมรู้มาว่าพวกเขาอยู่หอเดียวกัน
“พวกมันไม่ไปหรอกขี้เกียจ แล้วก็ติดเกมเราชวนแล้วเลยมาชวนนัทนี่ไง”
“อืม งั้นเราชวนพวกไอ้แนทไปด้วยนะ คนเยอะสนุกดี”
“ก็ดีไปกันเยอะๆจะได้มีคนช่วยเลือกเยอะๆ”
หลังจากนัดกันเสร็จแล้วเราก็แยกกันไปเรียน
ปกติพวกผมกับพวกติจะไม่ค่อยได้เรียนด้วยกัน มีสองสามวิชาเท่านั้นเองที่เรียนด้วยกัน
เวลาที่เจอกันส่วนมากก็เป็นช่วงเช้ากับพักเที่ยงแล้วก็ตอนซ้อมเชียร์
ตอนนี้เวลาซ้อมเชียรพวกติก็จะมานั่งรวมๆกับกลุ่มพวกผมแล้ว


หวังว่าคงยังไม่ลืมกิจกรรมล่ารายชื่อคนในคณะของผมนะครับ
ตอนนี้พวกเราแปดคนเวลาไปขอรายชื่อรุ่นพี่จะไปทั้งกลุ่มเลย
ที่บอกแปดคนผมรวมกลุ่มติเข้ามาด้วยแล้วนะครับ
ปกติเวลาไปขอจะได้ง่ายๆเลย คงเพราะเราไปกันกลุ่มใหญ่รุ่นพี่เคยไม่ค่อยกล้าแกล้งแน่ๆ
ผมเห็นพวกที่ไปขอที่ละคนสองคนมักโดนให้ทำอะไรแปลกๆ
ไม่ว่าจะเป็นเต้นช้าง หรือว่าไก่ย่าง ถ้าไม่ทำก็จะไม่เขียนรายชื่อให้
พวกผมนานๆจะโดนซักที ก็จะโดนเฉพาะตอนเขาไปขอรุ่นพี่ที่เขาอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแหละครับ
เวลาโดนทำอะไรแปลกๆถ้าเขาให้ติทำซึ่งเขาก็ออกจะขี้อาย ผมก็จะอาสาช่วยเสมอๆ
ไม่ได้หรอกครับของแบบนี้มันต้องทำคะแนนกันไว้บ้างก็ดี


จนมีครั้งหนึ่งรุ่นพี่เขากำลังกินทาโร่กันอยู่พวกผมเข้าไปขอให้เขียนรายชื่อให้
เขาก็ส่งทาโร่มาให้สี่เส้น
“เอาจับคู่กัน แล้วกินคนละทางใครกินเหลือสั้นที่สุดพี่จะเซ็นต์ให้ก่อน ส่วนที่เหลือต้องไปวิ่งรอบมหา’ลัยสองรอบถึงจะมาเอาสมุดคืนไปได้”
เจอคำสั่งแบบนี้พวกเราก็อึ้งก่อนสิครับลำดับแรก ก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน
แน่นอนไอ้แนทกับไอ้ฝนต้องคู่กันอยู่แล้วเพราะมันเป็นผู้หญิงแค่สองคน
ไอ้ตี๋รีบจับคู่กับไอ้ต้นไอ้แนทรีบจับคู่ให้แมวกับที เหลือผมคู่กับติ
ติคงไม่ได้คิดอะไรแต่ผมสิครับคิดไปถึงไหนแล้ว อยู่ๆมันก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน
พวกมันก็ช่างส่งเสริมผมเสียจริง
ระหว่างที่ผมยืนทำใจอยู่รุ่นพี่ก็ตะโกนขึ้นมา
“เอาเร็วๆสิ พวกพี่มีเรียนอีกนะน้อง แล้วไปยื่นตรงนั้นเลยสี่แยก ตามพี่กอล์ฟเขาไปเลย”
แล้วรุ่นพี่ที่ชื่อพี่กอล์ฟก็เดินนำพวกเราไปที่สี่แยก
“เอาน้องพอพี่บอกเริ่มก็เริ่มเลยนะ ใครสั้นสุดเร็วสุดไม่ต้องไปวิ่ง เอาเริ่ม”
อยู่ๆพี่กอล์ฟก็ให้สัญญาณเริ่มแบบไม่ให้ตั้งตัว
คู่อื่นๆก็ยังยื่นงงอยู่เหมือนกันเพราะถึงยังไงมันก็ต้องมีเขินอายกันบ้างละงานนี้
เพราะมันต้องใกล้กันขนาดนี้ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็เถอะ
แต่มีแมวกับทีที่เริ่มก่อนเพื่อนคงเพราะความเป็นเด็กช่างทำอะไรแผลงแบบนี้มาเยอะแน่นอน
ทางผมพอติเห็นแมวกับทีกำลังกินเส้นทาโร่อย่างรวดเร็ว
เขาหยิบเส้นทาโร่จากมือผมไปคาบไว้ที่ปากพร้อมกับกินเข้าไปจนเหลือสั้นมาก
ก่อนที่เขาจะใช้สองมือจับหน้าผมไว้พร้อมกับยื่นหน้าที่ปากคอบเส้นทาโร่สั้นๆเข้ามาใกล้ผม
“อีบอินอิอัน” ติพูดทั้งที่ทาโร่อยู่ในปาก
ผมก็พอจะจับใจความได้บ้างจึงใช้ริมฝีปากงับเส้นทาโร่ไว้เท่านั้น
เพราะไม่งั้นปากผมกับของติคงต้องชนกันแน่นอน หน้าผมร้อนวูบวาบยิ่งขึ้นไปอีก

ติคงเห็นผมไม่กล้าที่จะกินต่อแน่ๆเขาจึงเป็นฝ่ายงับเส้นเข้ามาจนผมรู้สึกว่าริมฝีปากของเราชนกัน
แล้วติก็ยกมือให้สัญญาณกับพี่กอล์ฟทันที
“เอา หยุดคู่นี้มันชนะไปแล้วมันกินหมดไม่เหลือเลย” พี่กอล์ฟบอกคนอื่นๆ
“พวกที่แพ้ไปวิ่งเร็วเลย พี่มีเวลาครึ่งชั่วโมงถ้ามาไม่ทันพี่จะเอาสมุดทิ้งถังขยะ” พี่กอล์ฟสั่งต่อ
“สองคนตามไปเอาสมุดคืนที่โต๊ะพวกพี่นะ”
พวกที่เหลือรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวกลับมาไม่ทัน
ผมยังรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบอยู่ตลอดเวลาถึงเหตุการณ์มันจะผ่านไปแล้วก็ตาม
ผมเดินก้มหน้าไปรับสมุดคืนจากรุ่นพี่
“ฝากคืนให้พวกที่เหลือด้วย มันวิ่งผ่านมาก็บอกให้มันพอได้แล้ว พี่ไปเรียนล่ะ”
พวกรุ่นพี่ส่งสมุดคืนกลับมาทั้งหมดก่อนที่จะลุกไปเข้าเรียนต่อ


“นัทเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นเงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ติถามคงเพราะเห็นผมไม่ชวนคุยเหมือนที่ผ่านๆมา
“เออออ ไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าพวกนั้นทำไมวิ่งกันนานจัง”
ผมรีบตอบเพราะกลัวติจะรู้ว่าผมเป็นอะไร
“นั่นสิ แค่วิ่งรอบมหา’ลัยแค่นี้ทำไมนานจัง” ติก็เริ่มสงสัยเหมือนผม
หลังจากเริ่มได้คุยกันผมก็คลายความตื่นเต้นกับเขินอายไปได้มาก
และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับติได้คุยกันโดยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย


“ติเห็นแมวบอกว่าติดเกมหรอ เล่นเกมอะไรอยู่”
“เราเล่นวินนิ่ง นัทเล่นเป็นเปล่ามาแข่งกันสิ ว่างๆไปนั่งเล่นห้องเราพวกไอ้ทีมันไปเล่นกันทุกวัน”
ติออกปากชวนผมไปที่ห้อง ผมก็อดดีใจไม่ได้ถึงจะรู้ว่าเขาชวนในฐานะเพื่อนก็ตาม
“ได้ๆๆ” ผมรีบรับปาก ซึ่งจริงๆแล้วผมเล่นไม่เป็นเลยเกมบอลวินนิ่งเนี้ย
ผมชอบเล่นพวกเกมภาษาเสียมากกว่า ชอบพวกภาพสวยๆกับเล่นเป็นเนื้อเรื่อง
ผมกับติคุยกันได้พักใหญ่ๆกว่าพวกมันจะวิ่งกลับมา
“เฮ้ย ทำไมวิ่งกันนานจังวะ” ติถามแมวกับที ที่ยืนหอบอยู่
“แฮ่กๆ เดี๋ยวขอกูหายใจก่อน” ทีขอเวลาพักเหนื่อยก่อนตอบ


“เอาเล่าได้ยังว่าไปทำอะไรกันมาถึงได้ช้าแบบนี้” ติยังไม่หายสงสัย
“ก็ไอ้พวกบ้านี้นะสิ วิ่งไปดันไปแซวหญิงซุ้มบริหาร แซวไม่ดูเลยว่าเป็นแฟนรุ่นพี่ โดนลงโทษให้ลุกนั่งตั้งเป็นร้อย”
ไอ้ฝนเป็นคนตอบแทนคนอื่นๆ หลังจากหายเหนื่อยคงไม่มีใครแย่งสองสาวนี่พูดทันแน่ๆ
“เออ จะสงสารดีไหมวะ แต่ว่าแฟนพี่คนไหนวะ ถึงได้ลงโทษซะโหดเลย” ผมอยากรู้เหมือนกัน
“ก็พี่เกียงไงประธานว๊ากเลยนะ พวกแกคิดดูสิเย็นนี้จะโดนอะไรอีกหรือเปล่าไม่รู้เลย”
ไอ้แนทเริ่มทำหน้าจริงจัง เพราะมันไม่อยากนึกสภาพตอนเย็นขณะซ้อมเชียร์
“เอาน่า พี่เขาคงไม่อะไรต่อแล้วมั้ง” ผมพูดปลอบใจ
เพราะว่าใครๆก้รู้ว่าพี่เกียงนั้นเขาโหดแค่ไหนตอนซ้อมเชียร์
เป็นพี่อันดับต้นๆที่พวกเราไม่อยากเข้าใกล้ในเวลานี้
หลังจากนั้นสักพักพวกเราก็แยกย้ายกันขึ้นเรียน พวกไอ้ตี๋มันบ่นว่าไม่รู้ชะตากรรมเย็นนี้จะเป็นยังไง



ตอนเย็นพวกเรามาเข้าซ้อมเชียร์ตามปกติ
หลังจากซ้อมกันได้สักพักใหญ่พี่เกียงก็เดินเข้ามา
พวกไอ้ตี๋มองหน้ากันไปมา เหมือนว่าคราวนี้กูตายแน่ๆ
“น้องครับวันนี้ใครไปแซวแฟนพี่เกียวออกมาข้างหน้าเลยครับ อย่าให้พี่เขาต้องไปชี้ตัวนะ”
และแล้วงานก็เข้าพวกมันจริงๆพวกมันค่อยลุกขึ้นไปทีละคน
ผมเองก็ลุกขึ้นไปด้วยเพราะเรากลุ่มเดียวกันนี่ครับทำอะไรต้องรับผิดชอบด้วยกัน
ติเองก็ลุกขึ้นตามผมมาเหมือนกัน
“เอาน้องที่ไม่เกี่ยวออกมาทำไมครับ” พี่เกียงถามผมกับติ
“ผมออกมาช่วยเพื่อนครับ เพราะว่าผมก็อยู่กับพวกนี้ในตอนนั้น”
ผมตอบ พี่เกียงทำหน้าสงสัย เพราะเขาไม่เห็นหน้าผมกับติตอนที่ลงโทษพวกเพื่อนๆผม
“อยู่ได้ยังไงน้องพี่ไม่เห็นน้องสองคนเลย” แกถามต่อ
“ก็พวกผมรออยู่อีกที่นึงครับ ยังไงพวกผมก็กลุ่มเดียวกันครับ” ผมยืนยัน
“ดีรักกันดี ที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับเป็นแฟนพี่หรือไม่หรอกนะ เพียงแต่พี่อยากให้พวกเราให้เกียรติผู้หญิงบ้าง ไม่ใช่เจอใครนึกอยากแซวก็แซวไปทั่ว ถ้าเกิดเขามีแฟนแล้วมาหาเรื่องจะทำยังไง พี่เข้าใจว่าคณะเราส่วนมากจะมาจากเด็กช่าง แต่ตอนนี้เราเข้ามาอยู่มหาลัยแล้วนะครับ ต้องปรับตัวกันได้แล้ว” พี่เกียงพูดสอนต่ออีกสักพัก
“ส่วนน้องๆพวกนี้ ครั้งนี้พี่จะไม่ลงโทษอะไรเพราะพี่ได้ลงโทษไปแล้ว กลับไปนั่งที่ได้ครับ”
ครั้งนี้ถือว่าพวกเรารอดตัวไม่ได้โดนลงโทษอะไรเพิ่มอีก




วันนี้วันเสาร์ผมมีนัดกับแมวตอนบ่ายไปซื้อของกัน ผมชวนพวกเพื่อนในกลุ่มผมไปด้วย
หลังจากเรียนเสร็จผมก็ลงมาเจอกับแมวที่ซุ้ม เราตกลงไปหาข้าวเที่ยงกินที่มาบุญครองกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแมวในชุดนอก แมวใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ดูน่ารักไปอีกแบบ
ขณะที่เรากำลังเดินออกมาขึ้นรถตู้
“เดี๋ยวเราไปด้วยคนสิ” พวกเราหันไปมองเป็นติที่วิ่งตามมา
ติรีบวิ่งมาที่รถตู้ที่พวกเรากำลังจะขึ้น
วันนี้ติดูดีกว่าทุกวันคงเพราะเขาอยู่ในชุดลำลอง กางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายทางสีฟ้าอ่อน
ขึ้นรถมาได้ก็ไม่พ้นไอ้แนทมันจัดที่ให้ผมนั่งใกล้กับติ
สงสัยมันจะทำตัวเป็นกามเทพให้กับผมให้ได้แน่ๆ
แล้วผมมีหรือจะปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนได้ ผมนั่งลงข้างติอย่างเต็มใจ


เรานั่งเฮฮากันมาตลอดทางยิ่งบนรถส่วนมากเป็นพวกผมด้วยยิ่งไม่เกรงใจใครกันใหญ่
เมื่อมาถึงมาบุญครองก็เดินกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ไม่ได้ระรานใครนะครับ
พวกเรายังแยกแยะสถานที่ออกอยู่ เราเดินไปกินข้าวที่ไดโดมอน(สมัยนั้นกำลังดังเลยครับ)
เหมือนเดิมผมนั่งข้างติแล้วมีแมวนั่งข้างผมอีกที
ช่วงกินกันผมก็มักย่างหมูหรือของอื่นๆใส่จานให้ติบ้างแมวบ้าง
มันเป็นนิสัยแล้วแหละครับแบบนั่งข้างใครต้องทำโน่นนี่ให้เขา
หลังจากกินเสร็จเราก็มาช่วยแมวเดินเลือกซื้อชุดนักศึกษากันต่อ
ผมโดนไล่เดินให้กับพวกแมวกับติ ผมก็ชวนคุยได้ตลอดเวลา
ยิ่งตอนนี้สนิทกันแล้วผมยิ่งหาเรื่องคุยไม่รู้จักจบแน่นอน
คุยกันไปเลือกของกันไปผมก็สังเกตท่าทางของติไปด้วย ผมคิดว่าเขาก็คงมองผมเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
ผมตอนนี้ผมคิดว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงรู้แล้วว่าผมเป็นแบบไหน เพราะว่าผมไม่ได้ปิดบังอะไร
ในเมื่อเป็นแบบนี้ผมก็คงต้องเดินหน้าเพื่อให้ติรู้ตัวบ้างแล้ว
แต่จะให้ผมแสดงตัวเลยนะหรอ ยากครับสำหรับผมตอนนั้น ผมคิดว่าน่าจะให้เพื่อนเขาเป็นสื่อให้ดีกว่า
ตอนนี้เพื่อนของติผมก็สนิททั้งสองคน ผมคงต้องให้ทั้งสองคนช่วยซะหน่อยแล้ว
ผมช่วยแมวเลือกเสื้อชุดนักศึกษาพร้อมกับสร้างความสนิทเขามากยิ่งขึ้น
ก่อนที่จะกลับผมได้แลกเบอร์กับแมวไว้ ส่วนเบอร์ติผมแอบเมมไว้นานแล้ว



พอกลับถึงบ้านช่วงหัวค่ำผมก็โทรหาแมวเพื่อถามเรื่องของติ
ส่วนมากผมจะถามเกี่ยวกับความชอบของติว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร
รวมถึงถามของแมวด้วยกันไว้เขาจะได้ไม่ผิดสังเกตว่าทำไมผมถึงสนใจเรื่องของติมากนัก
พอมาที่มหา’ลัยเวาลนั่งคุยกันผมก็จะตีซี้กับทีเพิ่มอีกคน
และแอบถามเรื่องของติเสมอๆเหมือนกัน ยิ่งผมเข้าหาทั้งสองคนผมก็ยิ่งได้เจอติมากยิ่งขึ้น
จนตอนนี้ผมเวลาเรียนรวมกันผมจะนั่งกับแมวแล้วก็ที มีตินั่งอยู่ข้างหลังเสมอๆ
ผมก็ค่อยหันไปบอกเรื่องที่เรียนให้ติบ่อยๆ เพราะพวกวิชาการยังไงสายสามัญอย่างผมก็เก่งกว่าอยู่แล้ว


ไปๆมาๆเหมือนว่าผมจะย้ายกลุ่มอยู่ยังไงก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้เป็นว่าผมไปไหนกับกลุ่มติมากกว่ากลุ่มตัวเองอีก
แต่เพื่อนผมไม่ได้ว่าอะไรมันเข้าใจอยู่แล้วว่าผมกำลังจะทำอะไร
ผมกลายเป็นที่พึ่งของพวกติในการเรียนพวกวิชาเกี่ยวกับคำนวณและคอมพิวเตอร์ไปแล้วตอนนี้
ในกลุ่มติจะมีแมวที่เป็นคนสนใจในเรื่องการเรียนมากที่สุด และหัวไวที่สุดในกลุ่ม
ทีก็จะเฮฮาไปวันๆแบบยังไงก็ได้ขอแค่ไม่ตกก็พอ
ส่วนตินี้นิ่งเฉยตลอดยังเดาทางยากอยู่ แต่เวลามีติวก่อนเก็บคะแนนเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจมากเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย ต้องอธิบายกันหลายรอบก็ตาม
ที่แรกผมก็เหมือนจะเบื่อที่ต้องอธิบายหลายครั้งแต่พอได้เขาไปอยู่ใกล้เพื่อบอกรายละเอียด
พร้อมกับทำให้ดูอีกครั้งผมมักจะเห็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมลืมความเบื่อทั้งหมดทันที
ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมชอบติได้มากขนาดนี้
ที่ผ่านมาผมมีแฟนมาแค่คนเดียวในสมัยที่อยู่ม.ปลาย แต่พอจบมาเราก็ไม่ได้ติดต่อกัน
ติกับแฟนเก่าผมก็คนละแบบกันเลยมีเดียว


ผมจะโทรคุยกับแมวทุกเย็นเพื่อถามเรื่องราวของติตอนอยู่ที่หอ
ยิ่งทำให้ผมกับแมวสนิทยิ่งขึ้นเพราะผมบอกแมวไปแล้วเหมือนกันว่าผมแอบชอบติอยู่
ที่แรกเขาก็มีท่าทีเหมือนแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับบอกจะช่วยดูให้
ยิ่งทำให้ผมไว้ใจเขามากขึ้นไปอีกขั้น
หลังๆผมกับแมวเลยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ เพราะผมจะค่อยถามเรื่องติจากเขาเรื่อยๆ
บางครั้งก็ฝากของไปให้บ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าติยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
มีบ้างที่เขาดูพูดจาอ่อนโยนกับผมมากขึ้นแต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสนใจผมบ้างหรือยัง
ไม่เป็นไรยังไงผมก็มีแมวคอยช่วยอยู่ทั้งคน หรือว่าจะดึงทีมาเป็นพวกอีกคนดีนะ
เดี๋ยวผมต้องวางแผนให้รอบคอบเสียแล้วครั้งนี้


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 02-11-2010 20:06:36
 :z13:
จิ้มๆๆๆๆ


พี่นัท
จับกดเลย
 :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-11-2010 20:20:54
 :m20: จะกินเพื่อน
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์

พี่คนนั้นน่ารักที่สุด ยังปลื้มไม่เปลี่ยนแปลง (แน่ใจได้เลยว่าพี่คนนั้นของข้าพเจ้ามิไจ้พี่น้าททททททท ฮี่ๆๆ)

ปล.พี่นัทดูตรงนี้นะคะ ที่อื่นผิดแบบประปราย ไว้อ่านทวนแล้วแก้เองเน้อ
แต่ตรงนี้ "เดินกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ไม่ได้ระลานใครนะครับ" คำว่า "ระราน" สะกดแบบนี้นะคะ

มี ละลาน เช่น ดอกไม้บานละลานตา กับ ระราน เช่น เห็นว่ามีอิทธิพลเลยทำกร่างระรานเขาไปทั่ว เคลียร์เนอะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-11-2010 20:54:58
กรรม ถึงขนาดต้องมีการวางแผนก่อการรัก เพื่อจะสื่อไปให้ถึงคุณเพื่อนที่ตัวเองเริ่มหลงรัก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-11-2010 21:17:25
:z13:
จิ้มๆๆๆๆ


พี่นัท
จับกดเลย
 :z1:

จะให้ทำแบบนั้นเลยหรอคร้าบบ แหมพี่ออกจะไม่ประสีประสานะ

:m20: จะกินเพื่อน
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์

พี่คนนั้นน่ารักที่สุด ยังปลื้มไม่เปลี่ยนแปลง (แน่ใจได้เลยว่าพี่คนนั้นของข้าพเจ้ามิไจ้พี่น้าททททททท ฮี่ๆๆ)

ปล.พี่นัทดูตรงนี้นะคะ ที่อื่นผิดแบบประปราย ไว้อ่านทวนแล้วแก้เองเน้อ
แต่ตรงนี้ "เดินกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ไม่ได้ระลานใครนะครับ" คำว่า "ระราน" สะกดแบบนี้นะคะ

มี ละลาน เช่น ดอกไม้บานละลานตา กับ ระราน เช่น เห็นว่ามีอิทธิพลเลยทำกร่างระรานเขาไปทั่ว เคลียร์เนอะ?

ใช่สิมันจะใชพี่ได้ยังไงอะ เดี๋ยวตามแก้ให้นะจ๊ะนุ่น ขอบใจมากจร้า

กรรม ถึงขนาดต้องมีการวางแผนก่อการรัก เพื่อจะสื่อไปให้ถึงคุณเพื่อนที่ตัวเองเริ่มหลงรัก 555

ของแบบนี้มันก็ต้องวางแผนกันบ้างสิคร้าบบ ป้าก็

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-11-2010 21:36:46
ตามมาช่วยนัทให้ "วางแผนก่อการรัก"ให้สำเร็จจ้ะ


"วางแผนก่อการรัก " ชอบจังสำนวนนี้ ช่างคิดเนาะคุณนาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 02-11-2010 21:50:49
^
^
^

จิ้มคุณนายแก้วแก้ขวย

แวะมาอ่านของน้อง ๆ หลาน ๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ

โดยเฉพาะของกิ๊กอิฉันคนที่ 109 คนนี้เจ้าค่ะ (nataxiah) นัท

ส่วนเรื่องของอิฉันยังไม่ค่อยมีอะไรในหัวเท่าไหร่ ได้ยังไม่ถึง 2 ย่อหน้าเลย หุ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: firrytail ที่ 04-11-2010 01:55:11
พี่แมวนี่เองงงงงงงงงงงงงงงงงงงง >O<

อร๊ายๆๆๆๆๆๆ :-[

ฟังเสียงแ้ล้วรู้สึกเหมือนเสียงแมวจริงๆหรอพี่นัท :o8:

แง๊วๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล.พี่นัทอย่าหื่นจับกดพี่แมวของเค้าน้าาา :m31:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-11-2010 01:24:05
ตามมาช่วยนัทให้ "วางแผนก่อการรัก"ให้สำเร็จจ้ะ


"วางแผนก่อการรัก " ชอบจังสำนวนนี้ ช่างคิดเนาะคุณนาย

นั่สสิครับ ช่างคิดเสียจริงๆด้วย

^
^
^

จิ้มคุณนายแก้วแก้ขวย

แวะมาอ่านของน้อง ๆ หลาน ๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ

โดยเฉพาะของกิ๊กอิฉันคนที่ 109 คนนี้เจ้าค่ะ (nataxiah) นัท

ส่วนเรื่องของอิฉันยังไม่ค่อยมีอะไรในหัวเท่าไหร่ ได้ยังไม่ถึง 2 ย่อหน้าเลย หุ ๆ ๆ

กอดๆๆป้า ขอบคุณคร้าบบ ที่ช่วยฝากฝังผม ป้าน่ารักที่สุดเลยคร้าบบ

พี่แมวนี่เองงงงงงงงงงงงงงงงงงงง >O<

อร๊ายๆๆๆๆๆๆ :-[

ฟังเสียงแ้ล้วรู้สึกเหมือนเสียงแมวจริงๆหรอพี่นัท :o8:

แง๊วๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล.พี่นัทอย่าหื่นจับกดพี่แมวของเค้าน้าาา :m31:

อะไรหนูเฟิน มาเป็นอะไรในนี้ ใครหื่นไม่มีอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย หาตัวช่วย 02-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-11-2010 01:24:53
ตีสนิทเข้าทางเพื่อน



หลังจากที่ผมคิดว่าคงต้องให้เพื่อนของติเป็นสื่อให้ซะแล้ว
แมวคนเดียวคงยังไม่พอเพราะท่าทางติยังเหมือนเดิมเมื่อเจอกันอยู่ทุกครั้ง
ผมก็เริ่มเข้าทางทีอีกคนแต่กับทีผมไม่ได้บอกนะว่าผมชอบติ
ตอนนั้นความรู้สึกระหว่างทีกับแมวยังไงผมก็ไว้ใจแมวมากกว่าเลยกล้าบอกเขาเกือบทุกเรื่อง
แต่ผมก็ต้องให้ทีมาเป็นพวกไว้ก่อน ผมเลยต้องหาทางตีสนิทกับทีให้มากๆอีกคน
ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบกลางภาครุ่นพี่เลยงดซ้อมเชียร์หนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบ
ผมก็เลยถือว่าเป็นโอกาสอันดีเหมือนกันเพราะว่าผมจะได้เอาเรื่องติวข้อสอบมาอ้างในการเข้าใกล้กับติได้มากขึ้น


“แมวววววววววววววว” ผมตะโกนเรียกลากเสียงยาว
“โหย ไม่ต้องลากยาวขนาดนั้นก็ได้ ทำอย่างกับจะขอส่วนบุญเลยอะ”
โหย ดูแมวมันพูดสิครับถ้าไม่เห็นแก่ว่าต้องพึ่งมันเรื่องติผมคงด่ามันกลับไปแล้วป่านนี้
“เปรียบเทียบซะ เดี๋ยวก็ไม่ติวให้ซะเลย ว่าจะชวนติวฟิสิกส์ซะหน่อย”
“เราพูดเล่นแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้ แต่จะติววันไหนล่ะเราจะได้บอกคนอื่นถูก” แมวถามกลับแบบเด็กขยัน
“พรุ่งนี้เย็นก็ได้นะ ไปติวที่ห้องแมวก็ได้ใกล้หอดีแล้วพวกติก็อยู่ใกล้ด้วย”
ผมรีบยื่นข้อเสนอใช้ห้องแมวเป็นสถานที่ในการติวครั้งนี้
“อืมม ก็ดีจะได้ไม่ต้องหอบหนังสือไปมา แล้วพวกนัทใครจะมาบ้างหรือเปล่าล่ะ”
แล้วแมวมันจะอยากรู้ไปทำไมว่าใครจะไปกับผมมั่งหรือว่าจะแอบสนใจใครในกลุ่มผมหรือไง
กลุ่มผมก็มีแค่สองสาวเท่านั้นเองนะคงไม่ไอ้แนทก็ไอ้ฝนแน่ๆ
“ก็เราไอ้แนทแล้วก็ไอ้ฝนแหละคงแค่นี้ เพราะไอ้ตี๋กับไอ้ต้นมันต้องรีบกลับบ้านช่วงนี้”
แมวก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา
“เออ อย่าลืมบอกทีกับติด้วยนะ” ผมย้ำเพราะกลัวว่าติจะไม่มาติวด้วย
ไม่งั้นงานนี้ผมก็เหนื่อยฟรีนะสิครับ(ดูเป็นคนเลวเนอะ มีหวังผลด้วย)
“ไม่ลืมหรอกน่าแต่ตกลงติวห้องเราใช่ไหม” แมวทำเสียงเหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย
“อืมก็ใช่นะ ทำไมหรือว่าไม่อยากให้เราไปที่ห้อง”
“เปล่า เราก็แค่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจเท่านั้นแหละ งั้นวันนี้เรากลับก่อนนะ”
แมวพูดเสร็จก็เก็บข้างของของตัวเองแล้วกลับห้อง
ท่าทางห้องคงจะรกน่าดูถึงต้องรีบกลับไปเก็บแบบนี้(นี่ผมแอบคิดในใจคนเดียวนะ)


และแล้วตอนเย็นที่ผมรอคอยก็มาถึงจนได้
พอหมดคาบเรียนสุดท้ายผมรีบเก็บของพร้อมกัลบเร่งพวกไอ้แนททันที
พวกติรออยู่ที่ห้องแมวหมดแล้วเพราะว่ากลุ่มติมีเรียนแค่เที่ยงแต่พวกผมมีเรียนถึงสี่โมงเย็น
“นี่แกจะรีบไปไหนของแกว่ะ เด็กแกมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ไอ้แนทบ่นเมื่อผมเร่งมันมากๆเข้า
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจกับที่มันบ่นผมรีบช่วยมันเก็บของแล้วรีบไปที่หอแมว


นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมมาหอของแมว
แมวอยู่หอหลังมหา’ลัยเป็นหอที่ดูดีมากแถวนั้นและในสมัยนั้นด้วย
แมวลงมารอรับอยู่ข้างล่างเพราะว่าต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าไปข้างใน
ห้องแมวอยู่ชั้นสามห้อง314(ความจำยังดีแสดงว่ายังไม่แก่สิเรา หุหุ)
ส่วนติอยู่ชั้น4แต่ตอนนี้มารออยู่ที่ห้องแมวแล้วรวมถึงทีด้วย
ระหว่างที่ติวผมจะใส่ใจกับติเป็นพิเศษ แหมคงไม่ต้องอธิบายนะครับว่าเพราะอะไร
แล้วเราก็ติวกันจนเพลินเพราะว่ามันยากจริงๆสำหรับเด็กที่เรียนสายช่างมา
ผมก็ลืมดูเวลาเหมือนเพราะว่าเวลาที่เราได้อยู่ใกล้คนที่เราชอบเราก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
พอมาดูเวลาอีกทีก็สามทุ่มกว่าแล้วคนที่ลำบากที่สุดก็คือผมเพราะว่าคงไม่มีรถที่จะถึงบ้านแล้ว
แนะๆๆ ผมรู้นะครับว่าคิดอะไรกันอยู่คิดว่าเป็นแผนของผมที่จะหาเรื่องค้างใช่ไหมล่ะครับ
แต่ไม่ใช่นะครับผมไม่ทันดูเวลาจริงครับ
“นัทงั้นค้างทีนี่ก็ได้แล้วเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน แนทกับฝนล่ะค้างด้วยกันป่าว”
แมวยื่นข้อเสนอให้กับผม เพราะไม่งั้นผมคงต้องพึ่งแท็กซี่กลับบ้านแน่นอน
“เราไปนอนห้องไอ้ฝนมันก็ได้ไม่เป็นไรหรอก” ไอ้แนทมันจะอยู่เป็นเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้
“งั้นเดี๋ยวกินข้าวกันก่อนแล้วพวกเราเดินไปส่งที่หอฝนแล้วกัน”
คงสงสัยกันแล้วล่ะสิครับว่าทำไมผมไม่ไปนอนหอไอ้ฝนมัน
ก็มันพักอยู่หอหญิงไงครับพ่อกับแม่มันหวงลูกสาวเลยให้อยู่หอหญิง


หลังจากตกลงกันได้เราก็ลงมากินก๋วยเตี๋ยวแถวๆหลังมหา’ลัย
กินเสร็จก็เดินไปส่งไอ้แนทกับไอ้ฝนหอมันไกลออกไปจากหอพวกแมวอีกหน่อย
แต่คนที่ไปส่งมีผมแมวแล้วก็ติเท่านั้น ทีขอกลับห้องก่อนเพราะปวดท้อง
ตอนเดินกลับแมวเดินนำหน้าปล่อยให้ผมกับติเดินตามหลัง
“เป็นไงบ้างพอจะเข้าใจขึ้นป่ะ” ผมถามเรื่องติวเพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรเลยตอนนี้
“ก็พอเข้าใจขึ้นบ้าง แต่นัทเก่งจำหมดได้ยังไงก็ไม่รู้” ติพูดชมผมขึ้นมาเฉยๆ
“ไม่หรอกเราแค่เคยเรียนมาตอนมอปลายไงพวกติไม่ได้เรียนเลยงงเท่านั้นเอง”
ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงแต่ตอนนั้นผมแอบดีใจเล็กน้อย
“แล้วคืนนี้จะนอนห้องแมวหรอ มานอนห้องเราก็ได้นะ”
ตึกตัก ตึกตัก พอได้ยินคำนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที
“เอออออ ไม่เป็นไรหรอก เรานอนห้องแมวก็ได้”
ผมปฏิเสธออกไปทั้งที่จริงๆอยากไปดูห้องของติมากๆ
แต่ว่าตอนนั้นผมยังไม่กล้าหรอกครับเพราะว่ายังไม่ทันตั้งตัว
แล้วผมก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วติคิดยังไงกับผมกันแน่(กลัวไปนอนแล้วอดใจไม่ไหวแหละครับ หุหุ)
แล้วอีกอย่างผมสนิทกับแมวมากกว่าและคิดแบบเพื่อนผมด้วยเลยนอนสนิทใจกว่า
“อืม งั้นก็ตามใจ” แล้วเราสองคนก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยจนมาถึงหอ
ผมลงลิฟท์กับแมวที่ชั้นสามส่วนติขึ้นต่อไปที่ชั้นสี่ จนถึงตอนนี้ผมกับติก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันเหมือนเดิม



ผมกลับเข้ามาในห้องกับแมวค่อยคลายความตื่นเต้นปนความอึดอัดลงหน่อย
“เป็นไงไม่เห็นคุยกับไอ้ติเลย ทำไมกันหรอ” แมวถามเมื่อเข้ามาในห้อง
เขาคอยสังเกตพวกผมอยู่แน่ๆ ไม่รู้ว่าจะห่วงเพื่อนหรือเปล่าสิแบบนี้
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก เราไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรนะ”
ผมไม่อยากบอกเรื่องที่ติชวนไปนอนที่ห้องของเขาแทน
แต่ตอนนี้ผมก็คิดว่าติคงเริ่มคิดอะไรกับผมบ้างแล้วล่ะไม่งั้นคงไม่ชวนแบบนี้
หลังจากนั่งย่อยก๋วยเตี๋ยวที่กินมาด้วยการเล่นเกมได้สักพัก
แมวก็หาเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนของเขามาให้ผม
ดีนะที่แมวเป็นคนชอบใส่เสื้อผ้าหลวมๆนอนผมเลยใส่ของแมวได้
ไม่งั้นเสื้อผ้าคงรัดเป็นแหนมหมูแน่ๆ สภาพคงดูไม่ได้แน่นอน
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จขณะที่เรากำลังจะเข้านอนกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แมวลุงขึ้นไปส่องตาแมวที่ประตูก่อนค่อยเปิด
“มาทำไมวะป่านนี้ นี่จะนอนแล้ว” แมวบ่นพร้อมเปิดประตู
คนที่มาเคาะเป็นติกับทีที่อาบน้ำอยู่ในสภาพเตรียมตัวนอนกันทั้งสองคน
ติใส่ชุดนอนลายทางสีฟ้าอ่อน น่ารักอย่างมากเห็นแล้วอยากวิ่งเข้าไปกอดเลยทีเดียว
แต่ต้องหักห้ามใจไว้ก่อน คอยดูเถอะเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ผมจะกอดให้หนำใจเลยทีเดียว
ส่วนทีนุ่งกางเกงบอลเสื้อยืดคอย้วยมาเชียว สงสัยถ้าไม่ใส่ตัวนี้นอนคงนอนไม่หลับละมั้ง
“วันนี้พวกกูจะมานอนด้วย มีอะไรไหมวะ” ทีเป็นคนตอบแต่ติเดินเข้ามาถึงเตียงแล้ว
ผมนอนอยู่บนที่นอนอยู่แล้วติก็ซุกตัวลงหยิบหมอนมานอนด้านข้างผม
ผมขยับตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“เขยิบไปทางนั้นหน่อยดินัทเรานอนด้วย” ทีมาสั่งให้ผมขยับเข้าไปใกล้ๆติ
เพราะว่าเขาจะนอนริมข้างผมอีกทาง ผมก็เลยต้องขยับไปจนแขนเบียดกับตัวของติ
ตอนนั้นใจผมก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ผมต้องพยายามข่มใจอย่างมาก
แมวปิดห้องแล้วก็นอนลงข้างติอีกที ตกลงเราทั้งสี่คนต้องนอนเบียดกันบนเตียงหรือนี่
คนอื่นดูเหมือนจะชินแต่ผมสิไม่ชินเอาเสียเลย
เพราะว่าด้านข้างคือคนที่ผมแอบชอบอย่างมาก พอหันหน้าไปก็เห็นหน้าของเขาที่นอนหลับตาอยู่อย่างใกล้ชิด
หันไปอีกทางก็เป็นเพื่อนอีกคนถึงจะไม่คิดอะไรก็เขินเหมือนกันครับ
ก็เราไม่ได้สนิทกันมากเหมือนแมวนี่นาแถมทีก็ขี้เหร่ที่ไหน จัดว่าหน้าตาดีทีเดียว
ทำเอาผมนอนแบบไม่กล้าขยับตัวเลยทีเดียว ด้วยความเพลียด้วยทำให้ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว
ผมมารู้สึกตัวก็ตอนเช้าเพราะมันต้องตื่นเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ว่าวันนี้มันแปลกกว่าวันอื่นๆเพราะผมรู้สึกเหมือนขยับตัวลำบากมาก
ผมลืมตาขึ้นมาดูมีมือสองมือที่กอดตัวผมไว้ ทั้งติทั้งทีกอดผมไว้จนแน่น
คิดว่าผมเป็นหมอนข้างหรือยังไงกันถึงได้มากอดกันทั้งสองคนแบบนี้
แต่ผมก็แอบดีใจนะที่ติก็กอดผมด้วยถึงเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที
ผมค่อยจับมือของทั้งสองคนออกจากตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทั้งสองจะตื่น
ก่อนที่จะค่อยๆแทรกตัวออกมาจากที่นอนพร้อมกับเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเรียนตอนเช้า


“อะนี่นัทเสื้อเราใส่ตัวนี้ไปก่อนตัวเก่าทิ้งไว้นี่ก็ได้เดี๋ยวเราส่งซักให้เอง”
แมวยื่นเสื้อนักศึกษามาให้ มันตัวข่อนข้างใหญ่พอที่ผมจะใส่ได้
(พูดไปพูดมาเหมือนว่าตัวผมจะใหญ่มากเลยเนอะ จริงๆตอนนั้นแค่หนักเจ็ดสิบต้นๆเอง)
ผมใส่เสื้อที่แมวให้กับกางเกงตัวเก่าแล้วไปออกไปเรียน พวกแมวมีเรียนคาบสายเลยยังไม่ออกมา
เพราะแมวก็กลับไปล้มตัวลงนอนต่อบนที่นอนเขาเตรียมคีย์การ์ดไว้ให้ผมใช้สำหรับออกเรียบร้อยแล้วด้วย
วันนี้ผมมาเรียนด้วยความสดชื่นอย่างมาก จนมาเจอพวกไอ้แนทมันยังแซวผมเลยว่ามีความสุขอะไรมาเมื่อคืน
จนผมต้องตบกะโหลกมันไปคนละทีข้อหาคิดอะไรเลยเถิด


พอตอนเที่ยงเลิกเรียนกลุ่มผมเดินผ่านซุ้มเพื่อจะไปกินข้าวตามปกติ
พอทีเห็นพวกผมเดินมาก็วิ่งเข้ามาหา
“นัทไปกินข้าวหรอ เราไปด้วยคนนะ” อยู่ๆทีก็มาขอไปกินข้าวด้วย
แต่จะเป็นไรล่ะครับ ไปกินกันเยอะๆสนุกดีออก
“ก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาขอเลย”
ทีไม่พูดอะไรต่อเพียงยิ้มให้ผมเท่านั้น
แต่วันนี้แปลกกว่าวันอื่นๆเพราะว่าทีดูจะบริการผมมากกว่าทุกๆครั้งที่มากินข้าวด้วยกัน
เพราะวันนี้เขามาถือจานข้าวกับซื้อน้ำให้ผม และเดินตามผมตลอด


“ไอ้นัทแกไปทำอะไรไอ้ทีมันหรือเปล่าวะเมื่อคืน วันนี้มันถึงตามติดแกตลอดเลย”
ไอ้แนทรีบถามเมื่อเราแยกกันมาเรียนไปฝนไม่ถามแต่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ
“เปล่านะโว้ย เมื่อคืนใครจะไปทำอะไรติก็มานอนข้างๆ ถ้าทำอะไรทำกับติไม่ได้กว่าหรอ”
ผมตอบพร้อมกับกวนพวกมันไป พวกมันก็คิดกันไปได้นะเรื่องแบบนี้
เรื่องทีอย่าว่าแต่พวกมันแปลกใจเลย ผมเองก็แปลกใจว่ามันเป็นอะไรของมัน
ทำไมอยู่ๆถึงมาทำดีกับผม ทั้งๆที่ผมกะจะให้มันเป็นพ่อสื่อให้ผมซะหน่อย


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 07-11-2010 01:46:53
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-11-2010 10:59:14
เพื่อนทีจะเข้าทางเอาอ่ะดิ :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 07-11-2010 12:16:27
คนที่ชอบกลับเงียบ คนที่เงียบกลับจะมาชอบซะงั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 07-11-2010 20:45:38
โห โดนกอดจากสองหนุ่มเลย เขินแทนเลย
สงสัย ที กะ แมว นี่น่าจะมีอะไรในใจแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-11-2010 21:21:37
เข้ามาจู่โจมกอดพี่คนนั้น
พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1:

(พี่น้าท แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ปล.สุดท้ายคือกวาดเรียบป้ะ ชิมิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 07-11-2010 22:51:53
มารอตอนต่อไป
นายทีแอบชอบแน่นอน
ทำไมติช่างเงียบ ไร้ปฏิกิริยามากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-11-2010 15:46:45
:L2: :L2: :L2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: รับดอกไม้(แต่กอดแล้วจะรับไงละทีนี้ หุหุ)

เพื่อนทีจะเข้าทางเอาอ่ะดิ :m20: :m20:

แหม ขำอะไรคร้าบบ แต่ทีก็หล่อเหมือนกันนะคร้าบบ หรือว่าจะรวบอีกคนดีรออ่านแล้วกันเนอะ

คนที่ชอบกลับเงียบ คนที่เงียบกลับจะมาชอบซะงั้น

จริงแหละครับ ติเงียบมากๆเลยจนผมล่ะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่เลยครับ

โห โดนกอดจากสองหนุ่มเลย เขินแทนเลย
สงสัย ที กะ แมว นี่น่าจะมีอะไรในใจแน่ ๆ เลย


เราสนใจคนอื่นที่ไหนอะเนะ ตอนนี้สนติคนเดียวอะ

เข้ามาจู่โจมกอดพี่คนนั้น
พี่...ขราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1:

(พี่น้าท แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ปล.สุดท้ายคือกวาดเรียบป้ะ ชิมิๆๆๆๆ

555 ไม่บอกหรอก เดี่ยวไม่ลุ้นแต่พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นน้านุ่น

มารอตอนต่อไป
นายทีแอบชอบแน่นอน
ทำไมติช่างเงียบ ไร้ปฏิกิริยามากเลย

สุดๆแหละครับฃคนนั้นนะ ขนาดผมว่าผมก็แสดงออกว่าจะจีบเขาแล้วด้วยนะ แต่ไม่เห็นมีสัญญาณอะไรกลับมาเลยอะ

ตอนต่อไปรอนิดนะครับจะรีบเขียนให้คร้าบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ตีสนิทเข้าท่าเพื่อน 07-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-11-2010 22:07:52
ไม่ทันตั้งตัว


วันนี้ทีมันเป็นอะไรของมันผมก็ไม่เข้าใจ มันตามดูแลผมตลอดพักเที่ยง
ตอนแรกก็ผมก็รู้สึกเหมือนสบายดีไม่ต้องทำอะไรเอง แต่หลังๆผมก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดๆ
ก็ทีไม่ใช่แฟนผมนี่ครับจะให้ผมรู้สึกดีได้อย่างไร แล้วอีกอย่างถ้าติรู้เขาจะคิดยังไง
หมดพักเที่ยงผมรีบแยกตัวออกจากทีที่พยายามจะอยู่ติดผมตลอดเวลา
“ไอ้แนทไอ้ทีมันเป็นอะไรของมันวะ เราทำตัวไม่ถูกเลย” ผมรีบปรึกษาไอ้แนททันที่ที่ขึ้นมาบนห้องเรียน
“เออว่ะแก ชั้นก็ว่ามันแปลกๆแต่เมื่อคืนแกไม่ได้ทำอะไรมันแน่นะ” ดูเพื่อนผมคนนี้สิครับมันยังไม่วายกวนผมอีก
“ไม่ได้ทำโว้ย นี่แกจะกวนไปถึงไหนวะใครจะไปทำอะไร ติก็นอนอยู่ด้วยทั้งคน”
“อ๋อ นี่ถ้าไม่มีไอ้ติก็ไม่แน่ใช่ไหม”
“แป๊ะ!!” มือไวกว่าคำพูดผมตีที่หน้าผากมันไปเต็มๆ
“ไอ้บ้านี่เจ็บนะโว้ย” ไอ้แนทโวยวายทันที
“ก็ใครใช่ให้กวนไม่เลิกล่ะ ช่วยไม่ได้”
ถึงมันจะดูกวนๆแบบนี้แต่ผมก็ไว้ใจมันมากที่สุดแล้วครับ มันค่อยช่วยเหลือและดูแลผมในหลายๆเรื่อง
แล้วบ้านแม่มันกับแม่ผมเป็นคนบ้านเดียวกันเลยทำให้ยิ่งสนิทกันเข้าไปอีก
จนผมกำมันอะเพื่อนกับรุ่นพี่ว่าจริงๆแล้วเราสองคนเป็นพี่น้องกัน แต่ไอ้แนทมันเรียนเร็วเรียนเข้าเรียนพร้อมกัน
เขาก็ยังเชื่อกันไปได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมอำคนอื่นๆคนถึงทุกวันนี้แหละครับ


วันนี้ผมไม่ได้นัดติวเพราะคิดว่าถ้าติวกันทุกวันอาจเครียดเกินไป ไว้เคร่งๆเอาสามวันสุดท้ายดีกว่า
หลังจากเรียนเสร็จผมก็ลงมานั่งเล่นที่ซุ้มก่อนเพราะปกติแล้วมีซ้อมเชียร์เราจะกลับมืดๆอยู่แล้ว
แล้วอีกอย่างได้นั่งคุยกับพวกรุ่นพี่ด้วย จะได้ถามแนวข้อสอบของแต่ละวิชาด้วย
“อ่าวนัทนึกว่าจะกลับไปแล้วเสียอีก” ทีทักเมื่อเลิกเรียนลงมา
แมวกับติก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับผมตามปกติ แต่ทีกลับเข้ามานั่งข้างผมที่กำลังนั่งไฮไลท์หนังสือเพื่อเกร็งแนวข้อสอบ
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผมต้องรีบทำเพราะจะได้ไปติวให้พวกมันถูก
“นัทนี่ขยันเนอะ เลิกเรียนมาก็ยังอ่านหนังสืออีก” ทีชมขึ้นมาดื้อ
ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแถมยังทำหน้างงให้ทีอีกว่าวันนี้เป็นอะไรของมันกันแน่
ผมว่าคนอื่นก็คงแปลกใจไม่แพ้ผมเหมือนกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเท่านั้นเอง
ผมเลยแกล้งทำนอกเรื่องไม่สนใจชวนคนอื่นคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย
จนเริ่มมืดพวกผมเลยจะกลับบ้านเพราะบ้านผมต้องไปอีกไกลต้องต่อรถอีกสองสามต่อด้วย
ผมแยกกับพวกแนทที่หน้ามหา’ลัยเพราะแนทกลับรถตู้จากข้างหน้าเลย
ผมต้องเดินไปรอรถเมล์เพื่อไปต่อรถที่อนุสาวรีย์อีกต่อเพื่อกลับบ้าน
“นัทรอเราด้วย” มีคนตะโกนเรียกผมจากข้างหลัง
ผมหันกลับไปเป็นทีที่กำลังวิ่งตามมาอย่างเร็ว
“มีอะไรหรอที” ผมถามอย่างสงสัย เพราะวันนี้เขาทำตัวแปลกๆทั้งวัน
“เดี๋ยวเราไปส่งนะ” ทีพูดสั้นๆพร้อมกับหยิบหนังสือในมือผมไปถือไว้
“ไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวเราถือเอง” ผมจะแย่งกลับมาแต่ทีไม่ยอมให้ ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
ระหว่างทางทีชวนผมคุยตลอดเวลา ไม่ว่าผมชอบกินอะไรบ้านอยู่ที่ไหนถามแม้กระทั่งเวลามามหา’ลัย
ผมก็ตอบเพราะว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะต้องปิดบัง
แล้วก็เหมือนทุกวันรถเมล์หน้ามหา’ลัยคนแน่นมาผมไม่เคยได้นั่งเลยสักวันตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่


ขึ้นมาบนรถคนแน่นมากเวลายืนต้องเบียดกันตลอดเวลา
ผมมักชอบยืนชิดเก้าอี้แล้วเกาะพนักพิงไว้มากกว่าที่จะโหนราว เพราะว่าตอนเย็นๆผมก็ไม่มั่นใจกลิ่นของตัวเองเหมือนกัน
วันนี้ก็เหมือนเดิมผมยืนเกาะพนักพิงกันล้มทียืนอยู่ด้านข้าง ตัวเขาชิดติดกับกึ่งแขนกึ่งหลังผม
ขึ้นบนรถเราไม่ได้คุยอะไรกันมากเพราะคนแน่นแค่ยืนเบียดกับคนอื่นก็จะแย่แล้ว
รถออกไปซักพักทีก็เอามือขวามาจับพนักพิงอันเดียวกับผม จนผมเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของเขายังไงไม่รู้
พอรถออกตัวหรือเบรกเขาจะคอยประคองไม่ให้ผมเซไปตามแรงของรถที่ไม่เคยค่อยๆเบรกหรือออกตัวสักครั้ง
ตอนแรกๆผมไม่คิดอะไรแต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกแปลกๆและรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
วันนี้ผมรู้สึกว่าอยู่บนรถเมล์นานผิดปกติทำไมไม่รู้ แต่ก็กลับไม่รู้สึกเบื่อหรือรำคาญอะไรแม้แต่น้อย
ลงรถเมล์ได้ผมก็จะขอตัวแยกกลับไปต่อรถกลับบ้านเพราะคิดว่าทีเขาคงจะมาซื้อของบางอย่าง
“ทีเราขอหนังสือคืนนะ เราต้องไปต่อรถฝากโน้นไม่ต้องไปส่งหรอกจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ไปกินข้าวกับเราก่อนนะหิวข้าวจะแย่แล้ว” ทีไม่พูดเปล่าเขาดึงมือผมให้เดินตามเขาไป
ผมเริ่มอายขึ้นมานิดๆจริงๆแล้วเพื่อนจับมือกันเดินมันก็เป็นเรื่องปกติ แล้วนี่ผมจะอายทำไมนะ
ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอย่างไรเดินตามทีเข้าไปที่ center one(สมัยก่อนยังอยู่นะ)
ทีพาผมไปกินKFCที่ชั้นสอง ทีก็เหมือนเดิมเขาทำให้ทุกอย่างผมแค่นั่งเฉยๆ
จากที่รู้สึกอึดอัดแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีกลับคืนมาเล็กน้อย ถึงจะยังงงอยู่ก็ตามที

หลังจากกินเสร็จเขายังไปส่งผมต่อรถกลับบ้านที่อีกฝั่ง ทีแรกทีบอกว่าจะไปส่งที่บ้านแต่ผมไม่ให้เขาไป
“ให้เราไปส่งที่บ้านไม่ได้หรอ” ทียังตื้อเรื่องจะไปส่งที่บ้านต่อ
“ไม่ต้องไปหรอก กว่าจะถึงบ้านเราก็ดึกเดี๋ยวไม่มีรถกลับลำบากเปล่าๆ” ผมให้เหตุผลที่ไม่อยากให้ไปส่ง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับแท็กซี่ก็ได้” ช่างตื้อเสียจริงๆ แต่ผมก็ไม่ยอมใจอ่อนแน่นอน
เพราะว่าแค่ไปส่งผมแล้วต้องกลับบ้านลำบากจะทำไปเพื่ออะไร
“ไม่ต้องหรอกเรากลับเองได้ เรากลับทุกวันอยู่แล้ว”
“แต่เราเป็นห่วงนี่นามันดึกมากแล้วคืนนี้” ได้ยินคำว่าเป็นห่วงผมก็รู้สึกเขินๆเล็กน้อย
ทั้งๆที่ไม่รู้จะเขินทำไมเขาอาจจะห่วงในฐานะเพื่อนก็ได้แท้ๆ
“ทำห่วงไปได้ แบบเราเนี่ยนะใครเขาจะกล้าทำอะไร” ก็เรื่องจริงนะครับผมตัวก็ใหญ่หน้าก็โหดใครมันจะกล้าทำอะไร
คนอื่นสิจะต้องกลัวผมไปทำร้ายเขามากกว่ายิ่งดึกแบบนี้ด้วย
“แต่เราก็...” “รถมาแล้วเราไปก่อนนะ” ผมรีบชิงตัดบทหยิบหนังสือแล้ววิ่งขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็ว
เพราะคิดว่าถ้ายังอยู่แบบนั้นคงเถียงกันไม่จบไม่สิ้นแน่นอนเรื่องนี้


กลับมาถึงบ้านผมรีบต่อสายโทรศัพท์บ้านทันที มันต้องประหยัดครับคุยโทรบ้านนานเท่าไหร่ก็สามบาท
“ฮัลโหล ว่าไงว่ะแก วันนี้นึกไงโทรหาชั้นซะดึกเชียว” ไอ้แนทรับสาย แต่มันรู้ได้ไงว่าผมจะโทรหามัน
“เออ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อย แต่แกรู้ได้ไงว่าเราโทรมา” ผมยังสงสัยอยู่
“ก็จะมีใครเหลืออีกล่ะ ไอ้ฝนเพิ่งวางไป ไอ้ตี๋กับไอ้ต้นไม่เคยโทรมา ก็เหลือแกคนเดียวแหละ” มันไขข้อข้องใจของผม
“เออ ช่างมันเถอะ ไอ้แนทแกว่าทีมันแปลกๆไปไหมวะ” ผมเริ่มให้มันช่วยแก้ปัญหาทันที
“ก็นิดๆว่ะ ชั้นว่ามันต้องคิดอะไรกับแกแน่ๆเลย” ไอ้นี้ก็ตอบไม่อ้อมค้อมไม่วิเคราะห์สักหน่อยเลยนะ
“แกบ้าแหละ มันจะมาคิดอะไรกับเราทำไมวะ มันก็น่าจะรู้ว่าเราชอบอยู่นะ”
“อ่าว มันคงกลัวติจะชอบแกตอบมั้งแล้วรีบทำคะแนน” ดูมันให้แต่ละความคิดเห็น
“บ้าแหละ ติแม่งโคตรเฉยเลยมันจะชอบเรากลับได้ไง เนี่ยยังกลัวแป่วอยู่เลย”
“ก็เอางี้ไงพลาดจากติ ก็หันมาจับทีไว้ก่อนจะได้ไม่กินแห้วอะ” ดูๆความคิดเพื่อนสาวผมคนนี้สิครับ
มันคิดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีกแต่เพราะนิสัยแบบนี้แหละครับมันเลยสนิทกับพวกผมได้
“ดูมันแนะนำ ไม่น่าโทรมาหาแกให้เปลืองเงินเลยว่ะ โทรคุยกับแมวน่าจะได้เรื่องมากกว่านี้”
“เออ ใช่สิช่วงนี้อะไรๆก็แมวๆๆ อีกหน่อยคงลืมพวกชั้นแหละ” ไอ้แนทมันมาน้อยใจอะไรผมอีก
ผมไม่ได้คิดอะไรกับแมวเสียหน่อย แค่ว่าโทรไปคุยแล้วมันได้ยินคำตอบดีๆที่ทำให้สบายใจเท่านั้นเอง
“อะไรๆๆ ไม่มีหรอก เราไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย คุยกับแกแล้วปวดหัว งั้นแค่นี้นะพรุ่งนี้เจอกันที่เก่าเวลาเดิม”



“ฮัลโหล แมวทำอะไรอยู่ยุ่งหรือเปล่า” ผมต่อสายหาแมวหลังจากวางสายจากแนท
“ไม่ยุ่งหรอกเพิ่งอาบน้ำเสร็จนัทก็โทรมานี่แหละ นึกว่าวันนี้จะไม่โทรมาซะแล้ว” น้ำเสียงแปร่งๆแบบนี้แหละที่ผมคุ้นชิน
ยังไงผมก็ชอบสำเนียงแบบที่แมวพูดมากกว่าเพื่อนคนใต้คนอื่นๆที่พูดออกทองแดงเหมือนกัน
ผมว่าสำเนียงของแมวมันทั้งแปลกทั้งเพราะผสมกันได้อย่างลงตัว
“อืมนึกว่านอนไปแล้วนะนี่ เพราะเราโทรมาดึก”
“ไม่เป็นไรปกติเราก็นอนดึกอยู่แล้ว”
“เรามีเรื่องอยากถามแมวหน่อยได้ไหมล่ะ” ผมเริ่มเข้าเรื่องที่สงสัยทันที
“อืมว่ามาสิ”
“ทีมันมาพูดอะไรถึงเราบ้างหรือเปล่าช่วงนี้”
“ทีหรอ แปลกนะที่นัทถามถึงทีปกติถามแต่เรื่องไอ้ติ” แมวทำเสียงเหมือนไม่เชื่อที่ได้ยิน
“อืมถามถึงทีจริงๆ ช่วงนี้มันพูดอะไรถึงเราบ้างไหม” ผมย้ำคำถามเดิม
“อืมก็ไม่นะ     ก็มีบ้างที่มาชมว่านัทขยัน หรือไม่ก็คุยสนุกนิสัยดีน่ะ ก็ไม่มีอะไรแปลกนี่นา” เสียงแมวเหมือนนึกไปพูดไป
“อืมๆๆ งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่ว่าติล่ะพูดอะไรถึงเราบ้างไหมอะ” เรื่องคนนี้สิที่ผมอยากรู้มากกว่า
“ติหรอ เหมือนเดิมมันไม่เห็นเคยพูดอะไรถึงนัทเลย มากสุดแค่มาถามว่านัทจะมาติวให้อีกวันไหนแค่นั้นเอง”
ได้ยินแบบนี้จากแมวก็ทำเอาใจผมเหี่ยวลงไปเหมือนกัน
ก็ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าผมก็พยายามแสดงออกไปแล้วว่าชอบเขา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรกลับมาเลย
“อืมมมม แล้สแมวบอกไปยังว่าพรุ่งนี้เราจะไปติดให้นะ”
“บอกแล้ว” แมวตอบสั้นๆ
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเช้านะ แค่นี้แหละ ฝันดีครับ”
“ฝันดีนะ” แมวบอกกลับก่อนที่จะวางสายไป
พรุ่งนี้คาบเช้ากลุ่มผมกับกลุ่มแมวเรียนด้วยกัน ผมจะนัดเจอพวกเขาก่อนเข้าห้องทุกครั้ง
เราต้องไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนแล้วค่อยขึ้นเรียน


ผมมานั่งรอเพื่อนๆคนแรกแต่เช้าเหมือนเดิม เพราะบ้านผมไกลสุดเลยออกแต่เช้าหนีรถติดดีกว่า
ปกติไอ้แนทจะมาถึงคนที่สองแล้วค่อยตามมาด้วยพวกติที่จะมาพร้อมกันสามคนแล้วเพื่อนคนอื่นๆผมถึงจะตามมา
“นัทรอนานยัง” เสียงที่คุ้นเคยทักผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านการ์ตูนฆ่าเวลาอยู่
ก็มันเป็นเสียงคนที่ผมแอบชอบอยู่นี่ครับ แค่ได้ยินแว่วผมยังจำได้เลย
ผมรีบเงยหน้าละความสนใจจากหนังสือการ์ตูนทันที
“อ่าวติ ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะ” ผมไม่รู้จะทักอะไรดีแล้วตอนนี้ มันดีใจขึ้นมาเฉยๆซะงั้น
ที่สำคัญผมเห็นติมาคนเดียวด้วยวันนี้ แล้วแมวกับทีไปไหนเสียล่ะวันนี้
“อ๋อ เราออกมาก่อนว่าจะชวนนัทไปกินข้าวด้วยกันน่ะ” ติพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
มันช่างทำให้เช้าวันนี้ของสมสดใสมากขึ้นอีกเป็นกอง
“แล้วคนอื่นล่ะ ไม่รอก่อนหรอ” ผมถามกันเพื่อนคนอื่นน้อยใจ แต่ใจจริงอยากตอบว่าไปแล้วลุกเดินออกไปเลยด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวเราค่อยโทรบอกก็ได้ว่านั่งกินอยู่ร้านไหน” ติบอก ผมรีบเก็บของแล้วลุกเดินไปกับติ


นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับติจะได้กินข้าวด้วยกันสองคน ผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่ไปกินกับทีอีกเป็นสิบเท่า
เรามากินข้าวมันไก่อบร้านประจำหลังมหา’ลัย เพราะอร่อยไม่พอป้าแกยังให้เยอะอีกต่างหาก
จริงๆทั้งๆที่เราเคยกินข้าวด้วยกันออกบ่อยแต่ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วยนะวันนี้
ติสั่งน้ำมะเขือเทศปั่นใส่นมที่ผมกินประจำมาให้
“นัททำไมชอบกินน้ำมะเขือเทศปั่นล่ะ เราว่ามันไม่เห็นน่าอร่อยเลย” ติถามพร้อมทำหน้าเชิงสงสัยอย่างมาก
“ใครว่าไม่อร่อย อร่อยออกแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ ไม่เชื่อลองกินสิ”
ผมยื่นแก้วน้ำมะเขือเทศให้ติ เพื่อให้เขาได้ลองชิม
ติทำท่าเก้ๆกังๆอยู่เหมือนไม่ค่อยกล้าชิมเพราะกลัวรสชาติไม่อร่อย
“ลองกินก่อนเถอะน่า จะได้รู้ว่ามันอร่อยยังไง” ผมยกแก้วให้เขาจนหลอกจ่ออยู่ที่ปาก
ติหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนค่อยๆก้มหน้าดูดน้ำมะเขือเทศปั่นเข้าไป
“อืม มันก็อร่อยเหมือนกันนะ แต่เราไม่ชอบกลิ่นมันอยู่ดีล่ะ” ติบอกหลังจากลองชิมแล้ว
ผมเลยหยิบแก้วกลับมาวางไว้ที่หน้าตัวเอง
“นัทแก้วนั้นเรากินแล้วเดี๋ยวเราซื้อแก้วใหม่ให้นะ” ติบอกพร้อมกับยื่นมือมาหยิบแก้วตรงหน้าผม
“ไม่เป็นไรหรอกเราไม่ถือเรื่องแค่นี้เอง แล้วติก็บอกว่าไม่ชอบกลิ่นมันด้วยไง” ผมหยิบแก้วหลบมือติ
ก็เรื่องจริงผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วก็แค่กินหลอดต่อจากกันเท่านั้นเอง
ติเห็นผมยืนยันแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พอข้าวมาพวกทีกับแมวก็เดินเข้ามาหาเหมือนกัน
“มาอยู่นี่เองแต่เช้าถึงว่าไปเคาะห้องไม่มีใครอยู่” แมวแซวติเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ
“อะไรของพวกมึงก็ตื่นสายกันเองกูโทรไปห้องไม่มีใครรับสักคนแล้วเสือกมาว่ากูอีก”
ติกันไปตอบโต้แมวอย่างทันควัน
“เออๆๆ พวกกูผิดเองที่ตื่นสาย เดี๋ยวไปสั่งข้าวก่อนนะ” แมวกับทีวางของไว้แล้วเดินไปสั่งข้าว
อีกสักพักพวกไอ้แนทไอ้ตี๋ก็ตามมาถึง ผมกับตินั่งโต๊ะยาวอยู่แล้ว
เลยไม่ต้องห่วงย้ายโต๊ะเมื่อเพื่อนมาเยอะมากขึ้น
กินข้าวเสร็จผมกำลังจะหยิบน้ำมะเขือเทศปั่นขึ้นมากิน
หลอดกำลังจะถึงปากผมอยู่แล้วแมวก็หยิบแก้วในมือผมไปดูดก่อนทันที
“แมวเรายังไม่ได้กินเลยนะ” ผมบ่นเพราะว่าหิวน้ำมากๆ
“อะ อิ่มแหละเราจะได้ไม่ต้องซื้อน้ำ” ดูมันสิครับแค่น้ำกินยังเบียดเบียนผม
ผมรับกลับมาแล้วดูดต่อ ดูติมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร



ขึ้นเรียนเรานั่งหลังห้องเหมือนเดิมแต่ต่างจากเดิมตรงที่ว่าทีมานั่งข้างผม
ทั้งๆที่เมื่อก่อนผมนั่งกับแมวสองคนตลอด ทีจะนั่งกับติ
ทีชวนผมคุยผมเล่นตลอกเวลาที่นั่งด้วยกัน ทำให้ผมไม่ค่อยมีสมาธิเรียนเท่าไหร่
เพราะเขาชอบแกล้งหรือหามุกแป๊กๆมาเล่นระหว่างเรียนเสมอๆ
เช่น อาจารย์กำลังพูดถึงเรื่องโปรเจ็คไตล์ เขาก็จะบอกว่าไม่เอาไม่ชอบอยากเรียนโปรเจ็คเป็น
คิดดูสิครับมุกแบบนี้มันก็ยังกล้าเล่น ตายกับเป็น แล้วจะให้ผมมีสมาธิไหวไหมล่ะครับ
ก็คุณทีท่านเล่นแทรกมุกแบบนี้ตลอดเวลาที่อาจารย์สอนอยู่
บางครั้งก็ทำเสียงกับท่าทางล้อเลียนอาจารย์ผมจะหัวเราะก็ไม่กล้า ต้องกลั้นไว้จนปวดท้องทีเดียว
จนบางที่ที่ผมจดลงไปในสมุดยังเป็นคำที่ทีมันเล่นมุกออกมาเลยครับ
แต่ผมก็ได้แต่ทนแหละครับเพราะไม่รู้จะว่าอะไรมันดี เพราะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้เลิกทำเสียหน่อย
จนหมดคาบก่อนไปเรียนวิชาต่อไปผมขอตัวไปแวะเข้าห้องน้ำก่อน
ที่ชอบเข้าห้องน้ำชั้นนี้ก่อนเพราะมันเงียบดีคนไม่เยอะไม่ต้องรอต่อคิวใคร
ผมเข้ามาปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยก็เปิดประตูออกมา ทียืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ
ถ้าจะเข้าห้องน้ำทำไมมันไม่เข้าไป
“อ่าวที จะเข้าห้องน้ำหรอ ว่างจะตายเข้าได้เลย” ผมบอกเผื่อมันคิดว่าห้องน้ำคนเยอะ
“เปล่าเรามีเรื่องจะคุยกับนัท” ทีมีสีหน้าจริงจังผิดกับทุกครั้ง
“เราไปทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า ท่าทางจริงจังเชียว” หรือว่าผมไปว่ามุกเขาฝืดเลยไม่พอใจ
“เปล่า แค่เราจะถามว่านัทคบกับเราได้เปล่า” ทีจ้องหน้าผมที่ตอนนี้เหวอสุดขีดกับคำที่ได้ยิน


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-11-2010 22:50:22
ทีออกตัวแรงกันเลยทีเดียว

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ติต้องแอบชอบนัท
แต่ไหม่กล้าแสดงออกป่ะ

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-11-2010 22:58:50
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
นัทคนนั้นนี่เสน่ห์แรงเกินห้ามใจนิ :m20:

ดูซิดูดู๋ ไม่เท่าไหร่ก็มีคนมาขอคบแล้ว คริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-11-2010 23:16:11
ตอนนั้นผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ คุณโกเลิฟ2 เพราะว่าเขาเงียบเกินไปบางครั้งอะครับ

ส่วนทีผมว่ามันก็เหมือนนิสัยของเขาแหละครับ มีอะไรไม่ชอบเก็บเพราะท่าทางเหมือนเป็นคนคิดน้อยอะ(แอบว่ามันหน่อย)

นุ่นขำอะไร พี่เสน่ห์ไม่แรงหรอกจร้า แต่ว่าเสลาใครอยู่ด้วยนานแล้วเป็นแบบนี้ทุกคน(เค้าเรียกว่าไรอะ)

ไอ้ไม่เท่าไหร่มันก็นานนะตอนนั้นนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-11-2010 23:27:48
เอาละซีนัท จะตอบทีว่าไง เล่นจู่โจมถามแบบไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้อ่ะ
เฮ้อ..ทามม้ายทามมาย ความรักมันเป็นแบบนี้เนอะนัทเนอะ
ไอ้คนที่เราชอบก็ยังมิมีทีท่า ส่วนคนที่เรามิมีใจกลับมาขอคบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-11-2010 23:37:19
^
^
^
^

ชะแวบเห็นคุณแก้วพอดีเลยแวะมาตอบก่อนนอน

นั่นสิครับผมก็ว่าแบบนั้นแหละ คนที่เราชอบนะทำเท่าไรก็เฉย

แต่คนที่เฉยๆกลับมาชอบเราซะงั้น นี่แหละน้าความรักยากแท้หยังถึง

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

กอด3ครั้งเพราะมีคนฝากกอดด้วย (นุ่นกับด้าอะคร้าบบ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 12-11-2010 05:41:43
ฝากกอดเผื่อด้วยอีกคน 555
จะว่าไปถือเป็นเรื่องดีที่ี่มีคนมารักมาหลง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 12-11-2010 06:19:00
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 12-11-2010 13:27:18
^
^
^
^

 :z13: :z13: :z13:

จิ้มคนเต้นรอทะลุถึงป้าพีนัท

ก็จริงแหละครับ มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดเนอะป้าเนอะ สวนเรื่องฝากกอดคราวหน้าผมจะกอดเผื่อให้นะคร้าบบ

กอดให้คุณแก้วเบื่อไปเลยเนอะป้าเนอะ

คุณDE SaiKuNee(กลัวอ่านเป็นไทยผิดเลยใช้แบบเดิมๆนี่แหละ หุหุ) เต้นรอเลยหรอคร้าบบ พักบ้างนะเดี๋ยยเหนื่อยนะคร้าบบ

รอวนรอบนิกนึงนะคร้าบบบ เดี๋ยวก็ได้อ่านแล้วครับ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 13-11-2010 21:06:47
นัท พ่อเสน่ห์แรงงงงง มีคนมารุมรักหน่ะดีแล้ว
ดีกว่ามานั่งฟังเพลง โปรดส่งใครมารักฉันที นะ
แล้วรวบกอดดดทั้งหมดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-11-2010 14:05:13
แวะมาดันไว้ก่อน อิอิ 

เดี๋ยวมีเวลาแล้วจะรีบมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-11-2010 23:58:17
เอ้านัทยังไม่มาอีกเหรอคะ อ่ะรอได้ค่ะ
อบอุ่นจัง มีคนกอดด้วย แล้วชอบอีกต่างหากไม่เบื่อเลย
รวบ :กอด1:ทุกคนกลับคืน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 15-11-2010 13:31:44
 :กอด1: คุณนายแก้ว แน่น ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-11-2010 16:47:36
555+ ไม่ได้เสน่ห์แรงขนาดนั้น แค่ฟลุคๆอะ(พูดยังไงหว่าแค่ฟลุคๆ)

น็อตแล้วอย่าลืมมาตามอ่านนะคร้าบบ

 :กอด1: :กอด1: เจ๊แก้วคร้าบบบ กำลังเร่งเขียนเลย รอนิดนะคร้าบบบ

 :กอด1: ป้าไม่กอดผมด้วยอ่ะ  :sad4:

กำลังเร่งเขียนอย่างมากเนื่องจากเขียนหลายเรื่อง (แต่มีความสุขที่ได้เขียน) รอหน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-11-2010 18:23:31
เต็มใจรอ      :m17: :m17:


แต่อย่านานนักน๊ะ   


 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 15-11-2010 21:12:11
เฮ้ยได้ไงอ่ะ ทีชิงตัดหน้าอ่ะ  แล้วนัทตอบว่าไงอ่ะ
ติช้าได้โล่เลยอ่ะ เจ้ก็เชียร์จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ อุตส่าห์ได้ไปกินข้าวด้วยกัน
ก็โดนแมวตัดหน้า ดูดน้ำอีก แล้วนี้ยังจะมีทีอีกมาสารภาพรักที่ห้องน้ำอีก
เฮ้อ แล้วติอ่ะเมื่อไรจะรุกสักทีอ่ะ เดี๋ยวก็ มคปด. หรอก
อยากรู้ว่านัทจะตอบทียังไง มาต่อเร็วๆนะคะไรเตอร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-11-2010 23:09:57
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: phoeniix ที่ 16-11-2010 22:47:11
บอกรักที่ห้องน้ำ รอออกจากห้องน้ำก่อนก็ไม่ได้ ใจร้อนจริงงงงงๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-11-2010 23:18:31
คุณ golove2 พรุ่งนี้ได้อ่านแน่นอนครับเรื่องนี้ คงไม่ช้าไปนะครับ

คุณ Killua พรุ่งนี้นะคร้าบบบ ได้อ่านแน่นอนจะได้มีเวลาพักไม่ลุ้นเกินไปไงครับ

ขอบคุณคุณ ken_krub มากๆเลยนะครับสำหรับกำลังใจที่ให้เสมอมาเลย  :กอด1: :กอด1: แถมอีกด้วย

 :laugh: ทีคงคิดว่ามันปลอดคนมั้งครับเลยบอกที่นั้นเลย แต่ผมก็ว่ามันแปลกที่จริงๆแหละคร้าบ คุณ phoeniix

พรุ่งนี้จะเขียนเรื่องนี้นะครับ รออ่านได้เลยครับคงช่วงมืดๆหน่อยคงเสร็จนะครับ

ว่างๆก็ติดตามผลงานเรื่องอื่นของผมไปพลางๆก่อนก็ได้นะครับ ลงไว้เรื่อยๆเหมือนกัน

 :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 17-11-2010 01:24:52
"สื่อนัก" = "ซื่อนัก" เหรอคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 17-11-2010 22:29:43
"สื่อนัก" = "ซื่อนัก" เหรอคับ

สื่อจริงๆครับไม่ใช่ซื่อ อ่านไปเรื่อยนะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ไม่ทันตั้งตัว 11-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 17-11-2010 22:30:55
สองจิตสองใจ



“นัทจะคบกับเราได้หรือเปล่า” ทีถามย้ำเมื่อเห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบอะไรเขาเสียที
“เออ  เออออออ สายแล้วเราเราไปเรียนก่อนนะ” ผมบอกพร้อมกับแทรกตัวผ่านทีที่ยืนขวางทางอยู่ออกมาอย่างรวดเร็ว
พอพ้นทีมาได้ผมก็รีบเดินเข้าห้องเรียนวิชาต่อไป ดีนะที่ทีไม่ได้เรียนวิชานี้เหมือนกับผมไม่งั้นผมคงแย่แน่ๆ
“แกเป็นไรวะท่าทางแปลกๆ” ไอ้แนทถามทันทีที่ผมนั่งลงข้างๆมัน
“เออ ไม่มีอะไรหรอกเหนื่อยรีบวิ่งมากลัวไม่ทัน” ก็ตอนนี้ผมยังงงและสับสนอยู่นี่ครับ
ผมเลยไม่กล้าบอกเรื่องที่เจอมาเมื่อกี้นี้ให้มันฟัง เดี๋ยวให้ผมทำใจได้สักหน่อยก่อน
แล้วผมจะตอบทียังไงดีล่ะครับตอนนี้ในหัวผมสับสนไปหมด ก็ผมชอบติไม่ได้ชอบทีเสียหน่อย
คำถามของทีทำเอาผมเรียนไม่รู้เรื่องไปทั้งเช้าเลย แล้วตอนเที่ยงยังต้องลงไปกินข้าวด้วยกันอีก
แล้วผมจะทำหน้ายังไงละทีนี้ตอนเจอกัน หรือว่าผมจะไม่ไปกินข้าวกับพวกนั้นดี
แต่ว่าถ้าผมไม่ลงไปกินข้าวด้วยจะยิ่งเป็นที่สงสัยหรือเปล่านะ ผมจะทำยังไงดีละทีนี้
ยิ่งใกล้พักเที่ยงผมยิ่งสับสนไปหมดคิดไม่ออกจนปวดหัวเลยทีเดียว



“ฮัลโหลแมว เรียนเสร็จหรือยังเราปวดหัวจะขอไปนอนห้องหน่อยได้ไหม” ผมโทรหาแมวเพราะว่าห้องแมวคงเป็นที่พึ่งของผมได้ในตอนนี้
“อืมได้สิงั้นเดี๋ยวเรารอหลังมหา’ลัยนะ”
ผมบอกพวกไอ้แนทว่าปวดหัวแล้วปลีกตัวไปเจอกับแมวทันทีที่ถึงเวลาพักเที่ยง
ตกลงว่าผมหนีมานอนห้องแมวเพื่อที่จะยังไม่ต้องเจอหน้าทีในตอนนี้
พอมาถึงห้องแมวก็จัดอาหารที่แวะซื้อก่อนขึ้นมาให้ผมกิน พร้อมกับให้กินยาแก้ปวดหัว
หลังจากกินยาผมนอนดูหนังสักพักก็หลับไป ก็มันสบายนี่ครับเตียงนุ่มๆเปิดแอร์เย็นสบายไม่หลับได้ยังไงล่ะครับ


ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้ว แต่สิ่งที่ผมเห็นอย่างแรกตอนตื่นมาก็คือทีที่นั่งคุยกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่ข้างตัวผม
ผมเลยมองไปรอบๆห้องตอนนี้ห้องแมวเต็มไปด้วยเพื่อนผมมันมารวมตัวทำอะไรกันที่นี่นะ
“อ่าวนัทตื่นแล้วหรอ เห็นแมวบอกปวดหัวไม่สบายทำไมไม่บอกเรา” ทีหันมาถามเมื่อรู้ว่าผมตื่นแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกไม่อยากรบกวนด้วยแหละ” ผมบอกไปพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง



ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าพอเดินออกมาทีก็ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำอีกแล้ว
ไม่รู้ทำไมมันถึงชอบมาดักเจอผมหน้าห้องน้ำนักนะสงสัยชอบทำเลแบบนี้
“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม
“ก็เราอยากรู้ว่านัทจะให้คำตอบเราหรือยัง เรายังรอฟังอยู่นะ” ทีจ้องหน้าผมอย่างจริงจังอีกครั้ง
“เอออ เรายังไม่รู้เหมือนกัน ขอเวลาให้เราก่อนแล้วกันนะ” ผมบอกพร้อมกับหลบสายตาของที
“ก็ได้เราจะรอคำตอบแล้วกันนะ” ทีบอกพร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม
ผมรับมาแล้วเดินออกมานั่งกับเพื่อนๆ ผมนั่งลงข้างๆแมวเพราะว่ายังรู้สึกปวดหัวอยู่นิดๆ
แต่ก็สบายใจขึ้นบ้างที่ได้บอกทีไปแบบนั้น ผมก็ไม่อยากปฏิเสธไปเลยเพราะกลัวจะทำให้เขาเสียใจ
ไว้ผมตกลงกับติได้เมื่อไหร่เขาคงตัดใจได้เองล่ะนะผมว่า
“หายปวดหัวหรือยัง” แมวหันมาถาม
“ยังเลย ยังปวดอยู่นิดๆไม่อยากกลับบ้านเลย” ผมก้มหน้าซบไปที่ไหล่ของแมว
ก็มันรู้สึกอยากจะนอนต่อนี่ครับ เหมือนเรานอนไม่เต็มอิ่มแล้วมีคนมาปลุกเลยปวดหัวต่อ
“งั้นกินข้าวก่อนแล้วกินยาวันนี้นอนห้องเราก็ได้” แมวบอกแต่คนที่เอาข้าวมาให้กลับเป็นที
ผมมองดูเพื่อนๆในห้องอีกทีมีพวกไอ้แนทไอ้ฝนแมวทีไอ้ตี๋แต่ผมไม่เห็นติเลยเขาหายไปไหนของเขากันแน่นะ
ผมรับข้าวจากทีมากินเพราะว่าหิวข้าวมากหลังตื่นนอน


หลังจากอิ่มผมก็มานั่งเล่นกับพวกไอ้แนทต่อสักพักมันก็ขอตัวกลับห้องกัน
ผมเองก็ว่าจะกลับบ้านเหมือนกันเพราะตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
ผมเลยขอตัวกลับบ้านดีกว่าแมวก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ถามว่าจะกลับไหวไหม
ทีก็จะมาส่งแต่ผมไม่ยอมให้มาส่งหรอกครับ ผมเลยเดินกลับออกมาคนเดียว
ผมมารอลิฟท์เพื่อลงไปข้างล่างตอนนี้แมวซื้อคีย์การ์ดกับปั๊มกุญแจห้องให้ผมไว้เข้าออกอีกชุดแล้วครับ
เผื่อว่าจะมาทำอะไรที่ห้องเขาจะได้ไม่ต้องรอเขาเพราะบางครั้งเราเลิกเรียนไม่พร้อมกัน
ลิฟท์เปิดออกมาผมเห็นติกำลังจะเดินออกมาพอดี
“อ่าวนัทไหนว่าไม่สบายไง” ติทักอย่างเป็นห่วง
“อืมก็ดีขึ้นมากแล้วแค่ยังปวดหัวนิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปนอนที่บ้านก็คงหาย” ผมบอกพร้อมกับเดินเข้าลิฟท์ไปเพราะคิดว่าติคงแวะมาหาพวกแมว
แต่เขากลับไม่ออกจากลิฟท์เขากดลิฟท์ให้ปิดพร้อมกับกดชั้น4ชั้นที่เขาอยู่แทน
ผมก็ได้แต่งงกับท่าทีของติในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขาคงจะขึ้นไปห้องเขาก่อนเดี๋ยวผมค่อยกดลงมาอีกทีก็ได้
แต่พอมาถึงติกลับดึงมือผมให้ออกตามเขาไปด้วย ผมกำลังงงเลยไม่ได้ขัดขืนอะไรเดินตามไปอย่างง่ายดาย
เขาพาผมมาหยุดที่หน้าห้องของเขาผมถึงตั้งสติได้
“ติมีอะไรหรอพาเรามาที่ห้องทำไม” ผมถามอย่างสงสัย หรือว่าเขาอยากให้ผมมาช่วยอะไรหรือเปล่า
“เปล่าไม่มีอะไรหรอกเราไม่อยากให้นัทกลับบ้านตอนนี้ นอนห้องเราก่อนนะวันนี้” ตีพูดออกมาหน้าตาเฉยพร้อมกับดึงมือผมเขาไปในห้องของเขา
ผมเหวอกินเข้าไปอีกสิครับ อยู่ดีๆคนที่ผมชอบบังคับให้นอนด้วยซะงั้นทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
ห้องติจัดได้เรียบร้อยกว่าที่ผมคิดชุดผ้าปูที่นอนสีฟ้าอ่อนดูสบายตา
ของทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยแยกเป็นสัดเป็นส่วน
“เอามานั่งนี่ก่อนเราไปซื้อนมสดร้อนมาให้ ว่าจะเอาไปฝากที่ห้องแมวพอดี พวกนั้นก็ปล่อยให้กลับบ้านได้ไงยังไม่หายปวดหัวไม่ใช่หรอ” ผมเดินไปนั่งโต๊ะที่มุมห้องติเอานมสดร้อนมาให้
“อืมก็ยังปวดอยู่นิดหน่อยแต่น่าจะกลับบ้านไหวนะ” ผมบอกพร้อมรับแก้วนมมาไว้ในมือ
“นอนที่นี่แหละกลับไปกว่าจะถึงบ้านก็ดึกเดี๋ยวเป็นอะไรมากกว่าเดิมเปล่าๆ” ติให้เหตุผลที่ไม่ยอมให้ผมกลับบ้าน
“แต่เราว่าเรากลับไหวแล้วนะ” ผมบอกไปเพราะเกรงใจ
“นอนที่นี่แหละหรือว่ารังเกียจห้องเรา” ติเล่นพูดแบบนี้ผมจะปฏิเสธอีกได้อย่างไรล่ะครับ
มีหรอที่ผมจะรังเกียจที่จริงผมแอบดีใจมากต่างหาก
หลังจากตกลงกันได้ติก็หาเสื้อผ้ามาให้ผมใส่พร้อมกับเตรียมยาไว้ให้กินเรียบร้อย
ตกลงคืนนี้ผมเลยจำใจนอนห้องติแบบเต็มใจ งงไหมละครับอารมณ์นี้อะ
แต่ผมก็หลับไม่รู้เรื่องอะไรหรอกนะครับเพราะกินยาเข้าไปก็หลับยาวเลย
ตื่นเช้าขึ้นมาเห็นติเอาที่นอนมาปูนอนอยู่ข้างๆเตียง
แล้วทำไมเขาไม่นอนบนเตียงกับผมล่ะหรือว่าผมนอนดิ้นก็ไม่นะ
ผมเริ่มงงกับความรู้สึกของติแล้วสิตอนนี้ตกลงเขารู้สึกยังไงกับผมกันแน่นะ
หรือว่าผมจะสารภาพกับเขาไปตรงๆเลยจะได้รู้ไปเลยว่าเขาคิดยังไงกับผมกันแน่
มันช่างหนักใจเสียจริงเลยแบบนี้คงต้องลองปรึกษาแมวดูอีกทีแล้วละครั้งนี้


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 17-11-2010 22:54:23
น่าปวดหัว รอลุ้นดีกว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 18-11-2010 00:54:29
แอบสงสัย สื่อนี่พ่อสื่อรึป่าว ตอนแรกเจ้คิดไปโน้นนน คิดว่าจริงๆแล้วพระเอกจะเป็นแมวรึป่าว เหอๆ
แต่ว่าไม่อยากเดาอ่ะ กลัวไม่เป็นดั่งใจแล้วจะทำใจไม่ได้ ฮ่าๆๆ
รออ่านดีกว่า เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์เน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi_sert ที่ 18-11-2010 08:42:08
 :L2:คนหนึ่งก็คือคนที่เรารัก กับอีกคนหนึ่งที่มารักเรา เลือกยากเหมือนกันนะเพราะไม่ใช่การซื้อขอที่จะเลือกได้ง่าย เพราะความรักเมื่อเลือกแล้วก็ต้องมีทั้งสมหวัง และผิดหวัง นัทจะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับหัวใจของนัทเองว่าจะเลือกคนไหน :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 18-11-2010 13:44:37
ผมเองก็ปวดหัวไม่แพ้กันเลยครับคุณHorizon ใครเจอแบบนี้เข้าไปผมว่ามึนตึบทุกคน

คุณKilluaอย่าคิดจนปวดหัวนะคร้าบบ รออ่านอีกนิดนะครับขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ  :กอด1:

จริงอย่างที่คุณmoonoi_sert พูดเลยครับ มันไม่ได้เลือกง่ายเหมือนเราเดินไปซื้อของ แค่คิดก็หัวจะระเบิดแล้วคร้าบเจอแบบนี้

 :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนนะครับ เขียนวนตามคิวเรื่องนิดนึงนะครับ คนอ่านเรื่องอื่นจะได้ไม่หาว่าผมลำเอียงเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 19-11-2010 19:37:15
นะ ตัดสินใจยากจริง ๆ  จะว่าไปแต่ละคนก็ดีกับเราทั้งนั้นเลย
รอดูต่อไป ว่าใครจะการกระทำอะไรของใครที่ทำให้นัทตัดสินใจได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-11-2010 21:41:53
ยังไงก็เพื่อนกัน
บางทีการที่เราจะพูดปฏิเสธตรง ๆ
ก็เหมือนจะใจร้ายกันไปหน่อย

แต่ก็นะ เรื่องของความรัก
บังคับกันไม่ได้


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจUP!!! 17-11-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-12-2010 22:00:49
มาต่อหลังปีใหม่นะคร้าบบ

เหตุผลเหมือนเดิมครับ 

คิดถึงทุกคนนะคร้าบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 11-12-2010 22:12:22
ไรเตอร์มาเหตุผลเหมือนเดิม เราก็รอเหมือนเดิมนะคะ เหอๆๆ เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-12-2010 09:51:50
 :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-12-2010 14:37:09
 :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณคร้าบที่เข้าใจ และยังรออ่านอยู่

คนอ่านมีความสุขมากๆนะคร้าบบ ปีใหม่นี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 24-12-2010 16:47:31

ยังไม่ได้อ่านแต่ขอเม้นก่อน

ตามมาอ่านเพราะพี่นัทเป็นคนแต่งฮะๆ

แต่งหลายเรื่องนี่ไหวหรอพี่นัท

แต่ต่อให้ไม่ไหวก็ต้องแต่งต่อให้จบนะ

น้องๆรออ่านกันอยู่  สู้ๆเด้ออออ
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-12-2010 17:41:54
ดูๆแล้วติมีใจให้ลองถามดูดีกว่าว่ามั้ย :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สองจิตสองใจ (แจ้งข่าว!!!!)11-12-10 [P:2]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-01-2011 02:38:34
มาต่อเรื่องนี้ได้เสียที ยังไม่ได้ลืมนะครับแต่ว่ามันไม่ค่อยว่างเลย

ขอให้สนุกกับตอนนี้นะครับ

..........................


สับสนกับตัวเอง


ผมออกจากห้องติมาเรียนตามปกติผมคิดว่าจะหาจังหวะคุยกับแมวส่วนตัวเสียหน่อยทั้งเรื่องทีเรื่องติ
แต่ว่าผมกลับไม่มีโอกาสนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าทีนั้นคอยตามติดผมตลอด
ทั้งตอนนั่งเรียน ตอนกินข้าวหรือแม้แต่ตอนที่ผมจะไปเข้าห้องน้ำเขาก็ตามไปด้วย
ครึ่งวันแรกผมก็รู้สึกอึดอัดบ้างบางครั้ง แต่พอบ่ายๆมาเริ่มชินเพราะว่าถึงจะตามติดทีก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรกับการใช้ชีวิตผม
ช่วงที่ทีคอยตามติดผมผมก็สังเกตุอาการติ ดูท่าทางเขาเหมือนไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้
มันยิ่งทำให้ผมงงมากขึ้นว่าตกลงเขาคิดยังไงกับผมกันแน่
ส่วนทีก็จะคอยหามุขตลกฝืดๆมาเล่นแกล้งผมเรื่อยๆเพื่อให้ผมยิ้มให้เขา
แต่บางมุขมันก็ฝืดเกินกว่าที่จะยิ้มออกจริงๆนะครับ แต่ผมก็ชอบในความพยายามของเขา
ตกเย็นเขานั่งรถมาส่งผมที่อนุเสาวรีย์ชัยฯ เขามาส่งผมขึ้นรถกลับบ้านก่อนถึงจะไปต่อรถกลับบ้านตัวเองทีหลัง


พอกลับมาถึงบ้านผมก็รีบต่อสายหาแมวอย่างรวดเร็ว ก็มันอึดอัดนี่ครับอยากเล่าให้ฟังแต่ไม่มีโอกาสทั้งวันเลย
“ว่าไงนัท ถึงบ้านแล้วหรอ” แมวทักเมื่อรับสาย
“ถึงแล้วเรามีเรื่องอยากคุยกับแมวด้วย วันนี้ไม่มีโอกาสเล่าเลยทั้งวัน”
“เรื่องทีใช่เปล่า ถ้าเรื่องนั้นเรารู้แล้วล่ะ” แมวตอบแบบราบเรียบ
“แมวรู้เรื่องได้ยังไงน่ะ ทีมันเล่าให้ฟังหรอ” ผมรู้สึกแปลกเพราะไม่คิดว่าทีมันจะไปเล่าให้คนอื่นฟัง
“อืมใช่ มันยังบอกให้เราช่วยเชียร์มันกับนัทให้เลยนะ”
“บ้าแล้ว แมวก็รู้ไม่ใช่หรอว่าเราชอบใครอยู่”
“อืมเรารู้แล้ว งั้นนัทก็บอกมันไปเลยสิมันจะได้ตัดใจได้”
“ไม่เอาหรอก ให้ไปบอกว่าเราแอบชอบติอยู่เดี๋ยวมันก็เอาไปบอกติพอดี”
“เฮ้ย!! เราไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เราแค่ให้บอกไปว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วก็พอ นัทไม่ต้องบอกหรอกว่าชอบใคร”
“นั่นสิเนอะ เราก็พูดอะไรไม่คิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมแกล้งหัวเราะกลบเกลืนเรื่องที่ตัวเองแสดงความโง่ออกมา
“เออ แต่ว่าเมื่อคืนัทไปไปไหนมา เราโทรเข้ามือถือไม่ติดโทรเข้าบ้านน้าบอกว่าไม่กลับบ้านอีก เราเป็นห่วงนะรู้เปล่า” เสียงของแมวแสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน
ผมหยุดคิดนิดหน่อยก่อนตอบว่าจะโกหกหรือเล่าเรื่องเมื่อคืนให้แมวฟังดี แต่ว่ากับแมวผมไม่เคยปิดบังเขาอยู่แล้วนี่นา
“ก็ตอนเรากลับนะสิ เจอติเข้าพอดีเขาให้เราไปนอนที่ห้องมเมื่อคืนนี้” ผมเล่าความจริงให้แมวฟัง
“อืมม หรอเมื่อคืนไปนอนห้องติมาหรอ” เสียงแมวฟังดูแปลกๆไป แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะผมตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรื่องเมื่อคืนต่อทันที
.
.
.
“เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะแบบนี้ แต่เราว่านัทรอดูท่าทีติมันไปก่อนจะดีกว่าไหม” แมวแนะนำทันทีที่ผมเล่าจบ
“อืมๆๆ เราก็คิดเหมือนกันนะ เพราะวันนี้เขาดูเฉยมากตอนที่เห็นทีตามติดเรา”
“นั่นแหละ เลยทำให้เราไม่แน่ใจไง แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงนัทยังมีเราอยู่ทั้งคนนะ มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับสองคนนั้นมาบอกเราได้เลยนะเราจะจัดการให้เอง” แมวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและห่วงใยอีกครั้ง
“อืม ขอบใจมากนะ นี่ถ้าไม่มีแมวเราคงไม่รู้จะไปปรึกษาใครเลย ไอ้แนทไอ้ฝนก็ได้แต่ยุให้รวบหัวรวบหางไปเลยทุกวัน ฮ่า ฮ่า”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นัทรู้ว่าเราหวังดีกับนัทก็พอแล้วล่ะ รีบอาบน้ำนอนได้แล้ว เดียวก็ไข้กลับอีกหรอก”
“คร้าบป๋ม เดี๋ยวผมจะรีบปฏิบัติตามครับ” ผมแกล้งล้อแมวกลับไป
“เดี๋ยวเถอะไม่ต้องมาเล่นไป แค่นี้นะอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันที่ซุ้มนะ” แล้วแมวก็วางสายไป



นี่ก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์กว่าแล้วหลังจากที่ทีขอคบกับผม
ผมกลับรู้สึกกับทีดีมากขึ้นจากการที่เขาคอยเอาใจและดูแลผมตลอด ส่วนติก็เหมือนเดิมคุยเล่นกันบ้างตามปกติ
จนมีเหตุการณ์ในอีกห้าวันต่อมา ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์
พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เราโตมาด้วยกัน เขาเข้ามาเรียนอยู่ก่อนแล้วที่มหา’ลัยรามคำแหง
วันนั้นเขาโทรนัดให้ผมไปหาแล้วไปค้างที่หอเขาเพราะเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนอยู่ ตจว. ผมกับที่บ้านป้า(แม่ของพี่เขา)จะขึ้นมาหากันบ่อยๆ
แล้วตั้งแต่ผมเข้ามหา’ลัยมาตั้งหลายเดือนผมยังไม่เคยแวะมาหาเขาเลยสักครั้ง
พี่เขานัดเจอผมที่ห้างเดอะมอลล์บางกระปิ เพราะทั้งใกล้หอเขาและผมนั่งรถง่ายด้วย
พอเลิกเรียนผมก็รีบออกมาขึ้นรถด้านหน้ามหา’ลัย เพราะตอนนี้ก็บายสามกว่าๆแล้ว
ผมกลัวทั้งรถคิดทั้งคนเยอะ ยิ่งวันนี้เย็นวันศุกร์ด้วยคงไม่ต้องบอกนะครับว่ามันติดมากขนาดไหน
ผมเดินมารอรถเมล์ทีก็ตามมาด้วย
“วันนี้เราจะไปหาพี่ที่เดอะมอลล์ไม่ต้องไปส่งก็ได้นะ” ผมบอกเพราะเกรงใจทีมัน
จริงๆผมไม่เคยรู้เลยว่าบ้านที่มันพักอยู่แถวไหน แต่ผมเหมาคิดเองว่าอยู่แถวอนุเสาวรีย์ชัยฯแน่ๆ
ไม่งั้นมันไปส่งผมทุกวันไม่ได้หรอก
“เราก็จะกลับบ้านเหมือนกันนี่ไง แค่พอดีไปทางเดียวกัน” ทียิ้มให้ผม
ทีแรกผมคิดว่ามันจะมาลูกเล่นอะไรกับผมอีกหรือเปล่า
“อย่ามาอำเราเลย บ้านทีอยู่ไหนถึงบอกว่าไปทางเดียวกับเรา”
“ก็บ้านเราอยู่ลาดพร้าว109 อีกนิดเดียวก็ถึงเดอะมอลล์แล้ว ไม่ใช่ทางเดียวกันอีกหรอแบบนี้”
เมื่อผมรู้แบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะครับ แต่ที่รู้แน่ๆคือว่าทีมันต้องนั่งรถอ้อมไปส่งผมที่อนุสาวรีย์ชัยฯทุกวัน
มันจะประทับใจดีไหมครับเนี่ยแบบนี้ แต่ก็ทำให้ผมเห็นถึงความจริงใจของมัน



เรายืนรอกันสักพักรถเมล์สาย92ก็มา พอขึ้นไปบนรถคนแน่นมากผมค่อยๆใช้ร่างกายที่สูงใหญ่ให้เป็นประโยนช์แทรกเขาไปด้านในๆหน่อย
ผมหยุดยืนประมาณกลางรถใช้มือจับราวเบาะที่ยื่นขึ้นมาด้านหน้าไว้ เพราะว่าคนแน่นมาก
ผมคิดว่าปลากระป๋องมันคงยังไม่ต้องเบียดกันแน่นแบบผมตอนนี้แน่ๆ
ทีก็แทรกคัวตามเข้ามายืนอยู่ด้านหลังผมเขาใช้มือข้างหนึ่งเข้ามาช่วยประคองหลังผมไว้
แล้วเขาก็ใช่ตัวเองบังตัวผมไว้จากการเบียดของคนอื่น ทำให้ผมหายอึดอัดได้บ้าง
แต่ว่ามันก็ทำให้ผมใกล้ชิดกับตัวเขามากกว่าคนอื่นๆ ตัวผมเบียดกับอกแกร่งๆของเขา
ทำให้ผมหวั่นไหวไปเหมือนกันแต่ว่าก็ต้องข่มใจไว้เพราะว่าผมยังคงชอบติอยู่
เขาจะคอยประคองผมไว้ไม่ให้เซตลอดเวลาที่รถเบรกกะทันหัน คนอื่นจะมองมาที่เราสองบ้างทีก็ไม่ได้สนใจ
แถมวันนี้ยังเป็นวันที่รถติดมากจริงๆเกือบห้าโมงเย็นแล้วผมยังมาไม่ถึงครึ่งทางเลย
เพราะตอนนี้ผมเพิ่งมาถึงแถวโรบินสัน(สมัยก่อนยังเป็นโรบินสันรู้ตอนนี้เป็นบิ๊กซีไปแล้ว) จนพี่สาวโทรมาถาม
“ยังไม่ถึงไหนเลยรถติดมาก พี่ปุ๋ยถึงไหนแล้ว” ผมถามพี่สาวกลับ
“พี่ก็ยังไม่ถึงเหมือนกันแต่พี่หญิงสิถึงแล้วมั้ง เราโทรไปบอกเขาหน่อยแล้วกัน”
“ครับ งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวถึงแล้วจะโทรหาอีกที” ผมวางสายพร้อมกับต่อสายหาพี่สาวอีกคนทันที
“ว่าไงถึงไหนแล้วยะชั้นมารอนานแล้วนะ หิวจนจะกินแกๆได้ทั้งตัวแล้วมั้ง” พี่สาวใช้เสียงแหลมแสดงความไม่พอใจผ่านตามสายมาทันที
“รถมันติดมากเลยขนาดหนูเลิกเรียนก็รีบออกมาแล้วนะ” ผมรีบตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆ
“เออๆๆ แล้วตอนนี้ถึงไหนแล้วไอ้ปุ๋ยอีกคน ป่านนี้ยังไม่ถึงเหมือนกัน” แกเริ่มบ่นต่อ
“เมื่อกี้โทรมาหาหนูบอกว่าจะถึงแล้ว เดี๋ยวคงโทรหาพี่หญิงล่ะมั้ง”
“มันพอกันทั้งคู่ไอ้พี่น้องคู่นี้ รีบๆมาแล้วกันพี่รอกินข้าวอยู่” พี่สาวผมบอกพร้อมกับตัดสายไป


หลังจากที่ผมวางสายไปผมรู้สึกเหมือนว่าทีแอบยิ้มแปลกๆ
ผมหันหน้าไปถามพอหันหน้าไปหน้าเราใกล้กันมากก็ผมลืมไปว่าบนรถมันเบียดกันขนาดนั้น
แค่มีช่องว่างให้ยืนได้ก็ดีมากแล้ว แต่ว่าครั้งนี้คนที่หน้าแดงแล้วหันหน้าหลบก่อนกลับเป็นที
เพราะว่าผมตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรกับทีอย่างที่เขาคิดกับผม
“เมื่อกี้แอบยิ้มอะไรเราเห็นนะ” ผมถามในสิ่งที่สงสัย
“เปล่าไม่มีอะไร เราไม่ได้ยิ้มซะหน่อย” ทีปฏิเสธ
“ไม่ต้องเลยเราเห็นนะ แอบยิ้มเรื่องอะไรบอกมาเดี๋ยวนี้เลย” ผมยังคาดคั้นต่อ
“เปล่าจริงๆ” ทียังไม่ยอมรับเหมือนเดิม
“งั้นไม่ต้องมายืนแถวนี้เลย” ผมเอามือไปดันช่วงเอวทีเบาๆ
“เฮ้ยๆๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทีดันบ้าจี้อีกซะงั้น ทำเอาคนหันมามองผมสองคนเกือบทั้งคันรถ
ผมเลยเริ่มถือไพ่เหนือกว่าขึ้นมาทันที
“งั้นบอกมาเลยเมื่อกี้ยิ้มอะไร ไม่งั้น” ผมทำท่าจะจับที่เอวของทีอีกครั้ง
“ยอมแล้วๆ” ทีรีบยอมอย่างรวดเร็ว
“ก็เรายิ้มที่นัทแทนตัวเองกับพี่ว่าหนูไง น่ารักดีแต่ว่าหนูตัวเท่านี้รังมันจะเท่าไหนนะ หึ หึ” ทีพยายามกลั้นหัวเราะไว้
“เดี๋ยวเถอะแล้วทำไมล่ะ ก็ที่บ้านเราพูดกันแบบนี้ทุกคนนี่นา”
“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกว่าน่ารักดี” ทียังไม่เลิกอมยิ้ม
ผมเลยไม่รู้จะเถียงมันอีกทำไมเรื่องนี้เลยเงียบแล้วยืนบนรถต่อไป เพราะว่าเมื่อไหร่มันจะถึงนะ
วิ่งไปได้ไม่ถึง5นาทีจอดเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ผมไม่เคยขึ้นรถติดๆคนแน่นๆแบบนี้มาก่อนเลย
เพราะตอนกลับบ้านตอนเย็นสายที่ผมนั่งกลับก็เป็นต้นสายได้นั่งตลอดและรถก็ไม่ติดมากขนาดนี้



อีกเกือบชั่วโมงรถแล่นมาจนผ่านซอย109ไปแล้วทีก็ยังไม่ยอมลงรถเขายังยืนอยู่กับผม
และอีกอย่างถึงแม้ตอนนี้คนบนรถจะเริ่มบางตาลงบ้างแล้วก็ตามแต่ทีก็ยังยืนอยู่ในท่าเดิมตลอดเวลา
“เลยบ้านแล้วทำไมไม่ลงล่ะ”
“เดี๋ยวเราไปส่งนัทก่อน จะแวะหาข้าวกินด้วย”
“ตามใจแล้วกัน”
ผมกับทีมาถึงที่เดอะมอลล์เกือบหกโมงเย็นได้
ผมก๊รีบไปหาพี่สาวทั้งสองคนทันที ทีก็เดินตามไปด้วยทีแรกกะจะบอกว่าแยกกันไป
แต่มาถึงขนาดนี้แล้วมันจะตามมาก็ช่างมันเถอะ
พอมาเจอพี่สาวผมมันก็ทักทายแนะนำตัวเองเสร็จเรียบร้อยผมไม่ต้องพูดอะไรเลย
แถมตอนไปกินข้าวเดินซื้อของมันยังช่วยพี่ผมถือของถือกระเป๋าให้อีกต่างหาก
มันช่างเรียกคะแนนเสียจริง สงสัยกะเข้าทางพี่แน่ๆ
เรากินข้าวเดินซื้อของกันจนเกือบสามทุ่มถึงกลับบ้าน
พอมาถึงหอพี่ผมยังนึกว่าพี่สาวผมจะถามอะไรเสียอีกกลับไม่ได้พูดถึงเลย
เพราะเราคุยเรื่องของพวกเรากันเองมากกว่าเพราะไม่ได้นั่งโม้กันแบบนี้นานมากแล้ว


หลังจากวันนั้นผมก็รู้สึกดีกับทีมากขึ้น แต่ว่าผมยังไม่แน่ใจเรื่องติเลยนี่สิ
แล้วถ้าผมจะเปลี่ยนใจมาคบกับทีแล้วถ้าเกิดติเขาก็แอบชอบผมเหมือนกันล่ะ
ผมจะทำยังไงดีล่ะตอนนี้ ผมคิดวุ่นวายสับสนไปหมดแล้ว
แต่ว่าจะมานั่งคิดอยู่คนเดียวทำไมให้ปวดหัวผมก็โทรหาแมวอีกเช่นเคย
หลังจากที่คุยกันพักใหญ่แมวเลยเสนอให้ลองถามติตรงดูเลยว่าคิดกับผมยังไง
จะได้ไม่ต้องมานั่งเกร็งอยู่แบบนี้ว่าจะชอบคนนั้นคนนี้ได้ไหม
แล้วอีกอย่างมันจะได้ทำให้ผมสบายใจได้ด้วย
เผื่อติยอมคบกับผมผมจะได้ไปบอกทีได้ว่ามีคนที่คบด้วยอยู่แล้ว


วันรุ่งขึ้นผมเลยตัดสินใจไปหาติที่ห้องเพราะว่าเขาไม่มีเรียนช่วงเช้า
ผมกะถามเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างไปเลยในครั้งเดียว
‘ก๊อก ก๊อก ก็อก’
“ใครครับ” เสียงติตะโกนถามออกมา
“เรานัทเอง มีเรื่องจะมาครุยด้วยหน่อย” ผมบอกกลับไป
“แปบนะ” ผมยืนรอสักพักติก็มาเปิดประตูให้
“เข้ามาสิ เมื่อกี้เรากำลังแต่งตัวอยู่พอดี” ติบอกพร้อมกับเชิญให้เข้าห้อง
“ไม่เป็นไร” ผมบอกพร้อมกับถอดรองเท้าเดินไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง
ติเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับจ้องมองหน้าผม
ผมก็ยังกล้าๆกลัวที่จะถามอยู่ดี ขนาดว่าตัดสินใจมาจากบ้านเรียบร้อยแล้วนะ
ผมก้มหน้าหลบสายตาติที่จ้องเขม็งมาที่ผมเหมือนจะจับผิดอะไรบางอย่างให้ได้
“อ่าว ไหนบอกว่ามีอะไรจะพูดกับเราไง พอเข้ามาแล้วก็นั่งเงียบเชียว”
“เออ ก็เราไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีนี่นา” ผมยังก้มหน้าอยู่
“ก็อยากพูดอะไรก็พูดมาสิ เรารอฟังอยู่” ติเร่งเร้าให้ผมพูด
“เอออออออ ก็แค่..... เราอยากรู้ว่าติน่ะ.......” ผมยังไม่กล้สพูดออกมาอยู่ดี
“เราทำไม มีอะไรก็ถามมาเถอะ” ติบอกพร้อมกับยิ้มให้
เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมแอบลอบตัดสินใจบอกกับตัวเองอีกครั้ง
“คือ เราจะถามว่าติคิดยังไงกับเราบ้างรู้สึกกับเรายังไงกันแน่ก็แค่นี้แหละ” ผมพูดไปใจเต้นรัวราวกับคนตีกลองจังหวะร็อค
“เราก็นึกว่าจะถามเรื่องอะไร เราก็คิดกับนัทเหมือน.....” ‘กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง’
เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขัดจังหวะ แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมกำลังลุ้นจนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว
ติหันไปรับโทรศัพท์ผมได้แต่นั่งรอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้นอยู่อย่างนั้น
หวังว่าคำตอบที่ได้คงจะทำให้ผมยิ้มออกนะ เพราะว่าท่าทางของติไม่ได้เคร่งวเครียดหรือเปลรี่ยนแปลงอะไรเมื่อผมถามเขาจบ



TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สับสนกับตัวเอง up!! 15-01-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-01-2011 03:19:52
เสียงโทรศัพท์นี่ขัดจังหวะได้ทุกสถานการณ์เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สับสนกับตัวเอง up!! 15-01-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 15-01-2011 04:56:09
.. :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สับสนกับตัวเอง up!! 15-01-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 18-01-2011 23:18:52
หาตั้งนานอ่ะ o22
ตกมาไกลเกินนะ

 :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย สับสนกับตัวเอง up!! 15-01-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 23-02-2011 02:33:37
ไม่ได้ต่อนานมาก ลืมกันไปหรือยังไม่รู้สิคร้าบบ

แต่กว่าจะหาเจอผมยังหาตั้งนานเลย :sad4:

อย่าช้าอยู่ใยต้องลงเลยสินะครับ


..................................

ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง


ผมได้แต่นั่งใจเต้นลุ้นรอคำตอบตลอดเวลาที่ติรับโทรศัพท์
ผมไม่เคยรู้สึกลุ้นอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
เวลา5นาทีที่ติคุยโทรศัพท์แต่กับผมตอนนี้มันเหมือน5ชั่วโมงยังไงยังงั้นเลย
หลังจากคุยเสร็จแล้วติหันกลับมาทางผมที่นั่งรออยู่
“เมื่อกี้นัทถามเราใช่ไหมว่าคิดยังไงกับนัท”
“อือ” ผมทำได้เพียงพยักหน้า เพราะตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนพูดไปก็ไม่มีเสียงออกมา
“เราจะบอกยังไงกับนัทดีนะว่าเรารู้สึกยังไง แบบว่า.............”
‘รู้สึกยังไงก็พูดสักทีสิ รู้ไหมมันลุ้นจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว’
ผมนึกในใจระหว่างที่รอคำตอบ พร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่แก้อาการคอแห้ง
.
.
.
‘ทำไมมันคิดนานจังวะ ชอบก็ไม่ไม่ชอบก็บอกคิดไงก็บอกสักทีดิโว้ยยยยย’
ผมล่ะอยากตะโกนออกไปแบบนี้จริงเลยตอนนี้
“เออออ” เอาแล้วคงได้เวลาทำใจแล้วสินะ
“เราจะพูดยังไงดีล่ะ คือว่าเราเห็นว่านัทมีนิสัยกับท่าทางนัทนะเหมือนน้องชายเราเลย เราเลยรู้สึกเหมือนว่าต้องดูแลนัทน่ะ เพราะพอเราย้ายมากรุงเทพก็ไม่ค่อยได้หลับบ้านเท่าไหร่ แล้วเราสนิทกับน้องคนนี้มากด้วย พอเห็นนัทคล้ายกันเลยอยากดูแลเหมือนกับน้องเราอีกคน” ติพูดไปทำท่าทางเขินอายไป
ตอนที่ผมได้ยินตอนนั้นมันรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกเลย
เพราะว่าเขาไม่ได้คิดกับผมอย่างที่ผมคิดคิดแค่ว่าผมเหมือนน้องเขา
มันจะเสียใจก็บอกไม่ถูกเพราะอย่างน้อยติก็ยังมีความรู้สึกดีๆให้กับผม
แต่มันก็รู้สึกกระอักกระอวลขึ้นมาเล็กน้อยมันบอกสภาพตัวเองไม่ถูกจริงๆครับตอนนี้
แต่ผมก็ยิ้มตอบกลับไปเพราะตอนนั้นผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วจริงๆ
“แต่ว่านัทมาถามเราเรื่องนี้ทำไมอะ”
“อ๋อ ๆๆๆ” ผมจะตอบยังไงอะทีนี้
“ไม่มีอะไรหรอกเราก็แค่เห็นติใจดีกับเราก็เท่านั้นเอง นานๆจะมีคนมาใจดีกับเราสักที”
“อืมก็อย่างที่เราบอกนะแหละ ถ้านัทมีอะไรบอกเราได้เลยนะ” ติเอามือขยี้หัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู
“อือ งั้นเรากลับก่อนนะ” ผมกลัวตัวเองจะปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยรีบขอตัวกลับทันที



หลังจากที่เดินออกมาจากหอติได้พักใหญ่ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาแมวมันที
“ฮัลโหล แมวตอนนี้อยู่ไหนไปเที่ยวกันเถอะ”
“เราอยู่กับทีเล่นเกมกันอยู่ที่ห้อง แต่นัทเป็นไรป่าวเสียงฟังดูไม่ดีเลย”
“ไม่หรอกเราแค่อยากไปเที่ยวนะ ออกมาได้เปล่าล่ะ”
“ได้ๆๆสิแต่เจอกันที่ไหนดี”
“งั้นเจอกันที่ร้านxxxxนะ เรานั่งที่เดิมแหละโทรไปจองแล้วยังว่างอยู่”
“โอเค เดี๋ยวเราตามไป เออทีบอกขอไปด้วยได้เปล่า”
“ก็มาสิเที่ยวหลายคนสนุกดี เดี๋ยวเราว่าจะลองชวนไอ้แนทไอ้ฝนด้วย”
“อืมๆ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะ เราจะรีบไป”
“โอเค”


ผมนั่งรถมาที่ร้านประจำที่RCA(สมัยนั้นRCAดังมาก)
ผมตรงไปยังโต๊ะประจำที่จองไว้ พอนั่งเครื่องดื่มก็ตามมา
พวกผมมาเที่ยวบ่อยมากจนรู้จักพนักงานเกือบทุกคนแค่เห็นหน้าไม่ต้องสั่งก็จัดมาให้เรียบร้อยแล้ว
คนอื่นยังไม่มาผมก็เปิดฉากกินก่อนเลยเพราะว่าวันนี้ผมรู้สึกอยากเมา
เพราะตื่นขึ้นมาผมจะได้ทำใจกับเรื่องของติเสียใหม่
แล้วผมอาจจะลองคบกับทีดูจริงๆจังๆก็ได้
ผมรินเหล้าหนักมากเพราะว่าอยากเมาเร็วๆ
ที่ผมไม่กลัวเมาเพราะว่าเดี๋ยวยังไงพวกแมวก็ต้องมาอยู่ดีแล้วไอ้แนทกับไอ้ฝนก็บอกว่าจะตามมา



ผมกินไปสามสี่แก้วแมวกับทีก็ตามมาถึงผมก็เริ่มรู้สึกตึงๆบ้างแล้วเหมือนกัน
“เป็นอะไรหรือเปล่านัททำไมรีบกินขนาดนี้ล่ะ” แมวถามหลังจากที่สังเกตปริมาณเหล้าในขวด
“เปล่าไม่มีอะไรหรอกก็มันอยากเมามั่งไง” ผมตอบแบบมึนๆ
“ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร แต่ว่าจะกลับบ้านไหวหรอแบบนี้”
“งั้นเราไปนอนห้องแมวได้ไหมล่ะ เดี๋ยวเราโทรบอกที่บ้านเลย”
“ตามใจนัทสิ นอนห้องเราก็ได้”
หลังจากตกลงกับแมวแล้วผมก็โทรบอกที่บ้าน
ผมนั่งกินอีกสักพักแนทกับฝนก็ตามมาถึง
“ไอ้นัทแกเป็นไรป่าววะ ตั้งแต่ชั้นมาแกนั่งกินแต่เหล้าอย่างเดียวเลย”
ไอ้แนทมันเริ่มสงสัยจริงๆจัง ก็มีมันอีกคนนี่แหละครับที่ผมคุยด้วยทุกอย่าง
แล้วมันก็รู้นิสัยผมเป็นอย่างดีเพราะมันเลยรู้ว่าผมต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เราก็แค่อยากกินเหล้าเฉยๆเท่านั้นเองพวกแกสนุกกันไปเถอะ”
“เออๆๆ เชื่อก็ได้วะ แต่ถ้ามีอะไรแกต้องเล่าให้ชั้นฟังนะโว้ย”
“เอออออ รู้แล้วน่า”
หลังจากดสนทนากับมันแล้วผมก็หันกลับมากินเหล้าต่ออยู่คนเดียว
หันไปคุยกับพวกมันบ้างเป็นครั้งคราว
จนผมรู้สึกว่าเริ่มเมาเต็มที่แล้ว และอยากไปห้องน้ำสักหน่อย
“เฮ้ย เดี๋ยวเราไปห้องน้ำแปบนะ เดี๋ยวมา” ผมหันไปตะโกนบอกพวกมัน
ผมค่อยเดินฝ่าผู้คนที่อยู่ในร้านอย่างแน่นขนัดไปจนถึงทางออกหลังร้านเพื่อเข้าห้องน้ำ
พอพ้นคนเหล่านั้นออกมาผมก็รู้สึกว่าโลกมันหมุนๆเล็กน้อย
ทีตอนเดินมาไม่เห็นรู้สึกแบบนี้หรือเพราะว่าเหมือนมีคนประคองตลอดทางจากการเดินเบียดเขาออกมา
ผมเริ่มเซเล็กน้อยแต่ผมคิดว่าประคองตัวได้
“เอาๆๆ เดี๋ยวก็ไม่ถึงห้องน้ำหรอก” เสียงคุ้นๆดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับเข้ามาดึงแขนผมไว้
ผมหันไปมองต้นเสียง
“อ่าว ทีมาทำอะไร เข้าห้องน้ำเหมือนกันหรอ” ผมทักคนที่กำลังพยุงผมไว้
“เปล่าเรามาดูนัทนะแหละ ท่าทางเมามากแล้วเรากลัวนัทจะเป็นอะไรหรือเปล่าไง” ทีส่งสายตาเป็นห่วงให้ผม
“เราไม่เป็นไรหรอก เราเดินเองได้” ผมดึงแขนออกจากมือที
แต่พอออกแรงดึงจนแขนหลุดผมก็เริ่มเซอีกครั้ง
“นั่นๆ แล้วบอกว่าไม่เมาได้ยังไง ยืนยังจะไม่อยู่แล้วนะ”
แล้วทีก็พยุงผมอีกครั้ง ครั้งนี้เขาพาผมเข้าห้องน้ำ
เราต้องยืนต่อคิวนิดหน่อย
หลังจากผมปฏิบัติภารกิจส่วนตัวแล้วก็เดินออกมา ทียังรออยู่หน้าห้องน้ำ
“มาเดี๋ยวเราพากลับไปโต๊ะ” ทีจะเข้ามาพยุงผมอีกครั้ง
“ไม่ต้องเราเราไม่ได้เมาขนาดนั้น ฉี่ออกก็ดีขึ้นแล้ว”
“เอาน่าเราพากลับไปเอง” ทีก็ดึงแขนผมกลับไปที่โต๊ะ
มาถึงโต๊ะผมก็นั่งกินเหล้าเหมือนเดิม แมวคอยมองผมอยู่ตลอดเวลา
แต่ทีนั่งข้างๆแล้วคอยห้ามไม่ให้ผมกินเหล้าเยอะมาก
จนผับที่เราไปเลิกประมาณตีสอง เราก็กลับ
แนทแยกตัวกลับไปกับฝนก่อนหน้านี้สักพักแล้ว เพราะว่ากลัวหารถแท็กซี่ยาก
ผมกลับพร้อมทีกับแมวเพราะยังไงคืนนี้ผมจะไปนอนห้องแมวอยู่แล้ว
ระหว่างเดินกลับแมวเกิดปวดฉี่ขึ้นมาเลยบอกให้ผมกับทีรอก่อนขอย้อนกลับไปเข้าห้องน้ำที่ผับ
ผมก็เดินเลยมายืนที่มุมตึกเพื่อเอาตัวพิงไว้ เพราะรู้สึกว่ายืนเองนานๆไม่ไหวแล้ว
ขณะที่ผมยืนอยู่นั้นทีดึงผมเข้าไปในมุมตึกอีกนิดหน่อยพอที่จะไม่ให้ใครเห็นได้
“นัทเรื่องที่เราถามนัท นัทจะตอบเราได้หรือยังทีนี้” ทีทำเสียงจริงจังมาก
“เรื่องที่ขอคบเรานะหรอ ทียากคบเราจริงหรอ เราไม่ได้ดูดีอะไรเลยนะ”
“ก็ใช่นะสิ เราไม่ได้ล้อเล่นนะ นัทว่าไงคบกับเราได้ไหม”
“เราคบกับทีก็ได้นะ แต่แบบดูๆกันไปก่อนนะเรายังไม่แน่ใจอะไรเลยตอนนี้”
“แค่ตกลงเราก็ดีใจแล้ว”
ทีใช้สองมือจับหน้าผมไว้ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าเขากำลังค่อยๆขยับหน้าเข้ามาใกล้
ผมจะหันหน้าหลบก็ไม่ได้เพราะทีจับหน้าผมไว้ ตอนนี้ได้แต่หลับตาปี๋เท่านั้นเอง
“อยู่นี่เองหรอ นึกว่าหายไปไหนกัน” สำเนียงทองแดงนิดดังขัดจังหวะพอดี
ทีรีบปล่อยหน้าผมแล้วหันไปตอบแมวอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไรหรอก พานัทมายืนหลบๆคนน่ะ เผื่ออยากจะอวก”
‘ใครอยากจะอวกวะ โกหกทั้งทีก็ต้องเอาตูไปอ้างอีกนะ ไอ้บ้าที’
ผมแอบคิดในใจ
“เออ แล้วนัทเป็นยังไงบ้างล่ะไหวไหม” แมวถาม
“ไหวๆๆ กลับห้องกันดีกว่าเราอยากนอนแล้ว”
ทีเข้ามาโอบเอวผมไว้ก่อนที่จะพาเดินไปหารถกลับห้องแมวกัน



กลับมาถึงห้องแมวทีก็ขอนอนด้วย
แมวก็ไม่ได้ว่าอะไรผมมาถึงก็จะล้มตัวลงนอนเลย แต่แมวกลับไม่ยอม
“ไปอาบน้ำก่อนเลยนัท จะได้ไม่เหนี่ยวตัวด้วย” แมวดึงแขนผมแล้วลากไปที่ห้องน้ำ
ผมเลยต้องจำใจอาบน้ำก่อนเข้านอน
เดี๋ยวนี้ผมนอนห้องแมวได้อย่างสบายใจเพราะผมเอาเสื้อผ้ากับชุดนักศึกษามาทิ้งไว้หลายชุดแล้ว
อาบน้ำเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนอย่างไม่รู้เรื่องด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์



“อืมมมม อือออ” ผมเริ่มงัวเงียตื่น
แต่ทำไมตัวผมมันหนักขยับลำบากขนาดนี้นะ
ผมค่อยพยายามขยับตัวออกมาทีละน้อยก่อนจะมองสิ่งแปลกปลอมที่ทับตัวผมไว้
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไม่ใช่อะไรนอกจากทีที่มันนอนกอดไม่สินอนทับเลยดีกว่า
เพราะเกือบครึ่งตัวของมันทับอยู่บนตัวผม จนขยับแทบไม่ได้
ผมค่อยๆแทรกตัวออกมาจนได้ก่อนที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จมองหาผ้าเช็ดตัว ตายล่ะไม่ได้เอาเข้ามานี่หว่า
‘ก๊อก ก็อก’ เสียงเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ
“ใครนะ” ผมถาม
“เราเอง เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ลืมอีกล่ะสิ” เสียงแมวดังผ่านประตูห้องน้ำเข้ามา
“อืม ขอบใจนะ” ผมค่อยแง้มประตูเอื้อมมือไปรับผ้าเช็ดตัว
“เอานี่เสื้อผ้า เราเอามาเผื่อให้เลย” แมวยื่นชุดนักศึกษาส่งเข้ามาให้
“อืม ขอบใจ” ผมรับมาแล้วปิดประตูกลับคืน


หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็รีบเข้ามหาลัย
ยังดีนะที่ผมรู้สึกตัวก่อนบ่าย เพราะช่วงบ่ายผมมีสอบเก็บคะแนนเสียด้วย
ผมมาถึงไอ้แนทกับไอ้ฝนนั่งรออย่างใจจดใจจ่อที่ซุม
“โหย ชั้นนึกว่าแกจะเมาจนมาสอบไม่ได้แล้วสิ” ไอ้แนทบ่นทันทีที่เห็นหน้า
“แล้วทำไมไม่โทรปลุกเราวะ เกือบไม่ตื่นเหมือนกัน” ผมบ่นมันบ้าง
“โทรแล้วมันโทรติดที่ไหนล่ะ แกปิดเครื่องทำไม”
ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผมไม่ได้ปิดเครื่องนี่นาเมื่อคืนนี้
ผมกดสวิตเปิดเครื่องแล้วมันก็ดับอีกครั้ง
“ไม่ได้ปิดนะ แบตมันหมด ช่างมันเรื่องนี้มีแนวข้อสอบอะไรเปล่า”
แล้วผมก็สุมหัวดูแนวข้อสอบทันทีเพราะว่าจะถึงเวลาสอบแล้ว



‘ข้อสอบอะไรวะยากฉิบหาย ที่อ่านมาแทบไม่ตรงเลยกูจะได้คะแนนไหมเนี่ยครั้งนี้’
ผมบ่นกับตัวเองในใจเพราะว่าหัวมันมึนๆไปหมดตอนนี้คิดอะไรไม่ค่อยออก
แต่ผมก็พยายามทำจนเสร็จก่อนหมดเวลานิดเดียวเท่านั้นเอง
พอเดินออกจากห้องมาทีก็มายืนรออยู่หน้าห้อง พร้อมกับเดินมาหาผม
“เอาของมาเราช่วยถือ”
“ไม่เป็นไรเราถือเองได้”
แต่ทีก็ยังแย่งหนังสือในมือผมไปจนได้
“ตื่นมาทำไมไม่เรียกเราบ้างล่ะ” ทีหันมาถามระหว่างเดินลงมาข้างล่าง
“ก็เราเห็นทีกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกน่ะ”
“ไม่ได้นะคราวหน้าปลุกเราด้วย เราจะได้เดินมาส่งด้วยไง เดี๋ยวไปกินข้าวกันนะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา”
“อืมก็ดี กำลังหิวเลย” ผมยิ้มให้ที
ลงมาข้างล่างแมวกำลังคุยอยู่กับพวกแนทที่รอผมอยู่
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ เราลงมาช้านิดหน่อยเองไปกินข้าวกันหิวววววว” ผมบอก
“ไปดิพวกชั้นรอแกตั้งนานแล้วนะ ยืนจนขาใหญ่หมดแล้ว” ไอ้แนทมันกวนตีนผมอีกแล้ว
“ปกติมันก็ใหญ่อยู่แล้วนะ ฮ่า ฮ่า” ผมย้อนมันกลับ
“ไอ้นัทไอ้ปากหมา เร็วเลยจะได้ไปกินข้าวกัน”
พวกเราทั้งหมดไปทีข้าวร้านประจำหลังมหา’ลัย
ทีดูเหมือนจะคอยเดินตามผมตลอดเวลา
“ทีจะกินไรก็ไปซื้อสิ จะมาเดินตามเราไม” ผมหันไปบอก
“เดี๋ยวเราช่วยนัทก่อนแล้วค่อยไปซื้อของเราที่หลัง”
“ไม่ต้องเลยเราไม่ได้เป็นง่อยนะ ไปซื้อมาเลยถึงเราจะตกลงคบกันแต่ก็ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
“อะไรนะพวกแกคบกันแล้วหรอ” ไอ้แนทมันเดินตามผมกับทีมาเมื่อไหร่ไม่ทันสังเกต
ผมกับทีตกใจเล็กน้อยก่อนหันไปมองหน้าเอ๋อๆของไอ้แนทมัน
“เบาๆสิวะแกเสียงดังอะไร” ผมดุมัน
“ก็พวกแกไปตกลงกันตอนไหนไม่เห็นเล่าให้ชั้นฟังเลย” มันยังคงทำเสียงแปลกใจ
“ก็เมื่อคืนนี้เอง เอาน่าเดี๋ยวเราเล่าให้ฟังเอง ขอกินอะไรก่อนนะ”
ผมเดินแยกออกมาที่โต๊ะเพราะว่าซื้อของกินครบแล้ว


หลังจากกินอิ่มแล้วไอ้แนทเพื่อนตัวดีของผมก็ยิงคำถามทันที
“เอาบอกมาได้หรือยังว่าแกสองคนคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไง”
ผมกับทีหันไปมองหน้ากันก่อนที่ผมจะเป็นคนตอบ
“ก็เมื่อคืนนี้แหละ ตอนร้านปิดแล้ว” คนอื่นยังทำหน้างงโดยเฉพาะแมว
“อ่าวทำไมยังไงถึงตกลงกันได้ แล้วคนที่แกชอบล่ะ” ไอ้แนทยิงคำถามไม่เลิก
“ก็ไม่มีอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรกับเรานี่นา แต่เรากับทีก็แค่ดูไปก่อนนะ”
“เออ ก็แล้วแต่นะแกเป็นคนตัดสินใจแล้วนี่ ทีแกอย่ามาหลอกเพื่อนชั้นแล้วกัน”
ไอ้แนทหันไปมองหน้าที ทียิ้มตอบหน้าแดงอย่างเดียวตอนนี้
แต่คนที่เงียบลงไปเห็นจะเป็นแมว ไม่ซักถามอะไรเพิ่มเลย
ผิดจากนางเพื่อนสองคนของผมที่ยิงคำถามต่ออีกเป็นชุดๆเลยที่เดียว
แต่ผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันถูกหรือผิดกันแน่
ยังไงก็ตัดสินใจไปแล้ว คงต้องดูๆกันต่อไปแล้วกันนะผมว่า


TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 23-02-2011 02:53:08
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 23-02-2011 17:21:32
    :L2:หอบดอกไม้มารับตอนใหม่น้องนัทพร้อมกับบอกว่า
พี่แก้วเองก็พึ่งเข้ามา แหะ แหะ เลยอ่านได้อ่านจุใจสองตอนรวด
พี่แก้วเดาว่าแมวแอบรักนัทอยู่ใช่รึเปล่าน้า
แต่แบบว่านัทชิงให้แมวเป็นที่ปรึกษาซะก่อน แมวเลยไม่กล้าเผยความรู้สึก  รึเปล่า
ไม่เดาต่อล่ะ รอน้องนัทเล่าเรื่องนัทต่อต่อดีกว่าเนอะ
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 23-02-2011 19:22:52
อิอิ ผมก็เพิ่งตามพี่แก้วมาติดๆ

ขอให้เรื่องนี้เรตติ้งกระฉูดอ่ะคร้าบ :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 24-02-2011 00:14:22
    :L2:หอบดอกไม้มารับตอนใหม่น้องนัทพร้อมกับบอกว่า
พี่แก้วเองก็พึ่งเข้ามา แหะ แหะ เลยอ่านได้อ่านจุใจสองตอนรวด
พี่แก้วเดาว่าแมวแอบรักนัทอยู่ใช่รึเปล่าน้า
แต่แบบว่านัทชิงให้แมวเป็นที่ปรึกษาซะก่อน แมวเลยไม่กล้าเผยความรู้สึก  รึเปล่า
ไม่เดาต่อล่ะ รอน้องนัทเล่าเรื่องนัทต่อต่อดีกว่าเนอะ
 

คิดเหมือนกันเลยค่า...พี่แก้ว

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 04-03-2011 21:36:58
มารอดูผลของการตัดสินใจ
น่าจะมีการผลิกผันกันอีก ใช่มะ นัท
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-03-2011 11:07:06
เรื่องมันก็ใกล้จะรู้ทั้งหมดแล้วละครับ

แต่ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าคนอย่างผมจะมีคนมาชอบพร้อมกันหลายคนด้วย :-[

จนถึงตอนนี้ก็เลยยังจำเรื่องได้ไม่ลืมเลยอะครับ

แต่อ่านตอนนี้แล้วคงไม่ต้องคาใจกันอีกแน่ๆครับ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-03-2011 11:58:38
เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง


หลังจากที่ผมตกลงคบกับทีแล้วทุกคนรู้เรื่อง
ทีก็แสดงออกอย่างเต็มที่ไปไหนมาไหนกับผมตลอดคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี
แล้วชอบหาอะไรแปลกมาเล่นกับผมเสมอๆ
อย่างเช่นใช่ผมแหย่ที่ต่อมน้ำตาเพื่อให้น้ำตาไหลออกมา
ผมไม่กล้าเล่นด้วยแบบนี้แต่ว่าทีก็จับผมนอนตักเขาที่บนห้องเรียนระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอน
เขาดึงผมตัวเองออกมาเส้นนึงแล้วก็ปั่นจนมันเป็นเกลียวเล็กๆ
แล้วเขาถ่างตาผมออก
“ไม่เอานะที เราไม่เล่นนะ” ผมเริ่มจะโวยวายเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มันเหมือนการล้างตาไปในตัว” ทีไม่ยอมฟังผมแถมยังยิ้มอย่างชอบใจ
ตอนนี้ผมมองเห็นเส้นผมเส้นเล็กๆได้อย่างชัดเจนมาก
เพราะมันใกล้ตาผมเข้ามาทุกขณะ แล้สทีก็ทำบางอย่างจนผมรู้สึกน้ำตาไหลออกมาอย่างมาก
แล้วเขาก็ดูชอบอกชอบใจมาก มันเป็นการเล่นที่ผมรู้สึกว่าแปลกมากจริงๆ
หลังจากเขาทำให้ผมเสร็จจนน้ำตานองหน้าทั้งสองข้าง
พอผมลุกขึ้นทีก็ล้มตัวลงนอนบนตักของผมแทน
“ทำให้เราบ้างสิ” ทีบอก
“บ้าหรอ เราทำไม่เป็น”
“เอาน่าลองทำดู ทำเหมือนที่เราทำให้นะแหละ”
พูดแล้วทีก็ดึงผมผมออกมาเส้นนึงแล้วปั่นๆก่อนส่งคืนมาให้ผม
“ไม่เอาเราไม่กล้าทำหรอก” ผมยังยืนยันเหมือนเดิม
ใคนจะกล้าละครับเดี๋ยวจิ้มผิดตาบอดไปจะทำไง
แต่ตอนโดนทำดันไม่คิดแบบนี้ ปล่อยให้เขาทำไปได้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แมวยังทำได้เลย”
“ไม่เอางั้นให้แมวมาทำให้สิ แมวมาแหย่ตาให้ทีมันหน่อยสิ”
ผมหันไปขอความช่วยเหลือทันที
“ไม่เอาหรอก นัทก็ทำเองแล้วกัน” แมวตอบแบบไร้เยื่อใยมาก
ตั้งแต่เขารู้ว่าผมยอมคบกับทีดูเหมือนเขาก็แปลกๆไป
ไม่ค่อยยอมคุยเล่นหรือสนใจผมเหมือนเมื่อก่อน
บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด แล้วก็น้อยใจปนๆกันไป
“เออ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วยทำเองก็ได้วะ” ผมเลยพูดประชดกลับไป
แล้วก็ก้มหน้าจ้องมองที่หน้าทีที่ยิ้มแป้นรออยู่บนตักผม
ผมค่อยทำตามที่ทีบอกอย่างช้าแต่ก็ทำได้
ดูทีจะชอบให้คนทำแบบนี้ให้เขามากๆเลยนะนี่
ผมรู้สึกว่าแมวมองมาที่ผมกับทีอยู่บ่อยๆ เขาไม่ได้นั่งข้างผมเหมือนปกติที่เคยถ้าเราเรียนด้วยกัน
ผมก็รู้สึกแปลกๆไปเหมือนกัน มันหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ
แต่มันก็ผ่านๆมาได้เพราะทีคอยคุยและชวนนั่นทำนี่ได้ตลอดเวลา


ตอนเย็นหลังจากแยกกับทีแล้วผมก็ยังโทรไปคุยกับแมวตามปกติ
แต่แมวกลับเหมือนคุยกับผมน้อยลง กลายเป็นว่าผมชวนเขาคุยเสียมากกว่า
ผมรู้สึกแปลกๆกับทาทีแปบนี้ของแมวยังไงก็บอกไม่ถูก
แต่ผมก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ เพราะว่ายังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร



แล้วเหตุการณ์มันก็เหมือนๆเดิมมาร่วมๆสองอาทิตย์
ยิ่งทำให้ผมอารมณ์แปรปวนได้ง่ายพอคุยกับแมวแล้วเขาเหมือนไม่สนใจ
คนที่เหมือนจะซวยที่สุดคงไม่พ้นที เพราะบางครั้งผมก็พาลไปโกรธเขาแทนบ่อยๆ
แต่ทีก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับตามใจผมมากกว่าเดิมเสียอีก
ทำให้ผมลืมเรื่องหงุดหงิดได้บ้างเหมือนกัน ผมเลยหันมาใส่ใจทีมากขึ้นแทน
ก็ไหนๆแมวก็ทำเป็นไม่คอยสนใจผมเหมือนเดิมอยู่แล้วนี่ครับ
แล้วท่าวันไหนผมกับทีใกล้ชิดกันมากๆแมวเองก็จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนกัน
แต่ผมเองก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะว่าเขาอยากทำไม่สนใจผมก่อนทำล่ะครับ
แล้วมันก็เป็นไปแบบนี้จนสอบเทอมหนึ่งเสร็จ
หลังสอบเสร็จพวกเราก็นัดกันไปฉลอง พูดง่ายๆหาเรื่องกินเหล้านั่นแหละครับ
ผมขอตัวกลับบ้านก่อนเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะตามไปที่หลัง


ผมกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกว่าจะตามไปถึงก็สามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
เพื่อนคนอื่นๆมาถึงกันครบหมดแล้วทีออกมายืนรอรับผมอยู่ที่หน้าร้านแล้วเข้าไปพร้อมกัน
หลังจากเข้ามาในร้านผมก็สนุกปลดปล่อยหลังสอบเสร็จ
แมวก็ยังทำเหมือนเดิมคือทำอะไรเหมือนไม่สนใจผมเท่าไหร่
ทั้งที่ผมก็ชวนเขาคุยตามปกติ ผมเองก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน
แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ไหนๆก็จะมาสนุกผมก็เลยทำไม่สนใจกินเหล้ากับคุยกับทีไปเรื่อยๆ
แต่ก็อดหันไปมองทางแมวไม่ได้เพราะปกติมาเที่ยวแมวจะเป็นคนที่นั่งข้างๆผมเสมอ
พอเขาไม่มาอยู่ด้วยผมก็รู้สึกแปลกๆไปมากเหมือนกัน
จนเริ่มดึกผมก็เริ่มตึงขึ้นมาเล็กน้อยจากการที่ชนแก้วกับเพื่อนๆกว่าจะครบคน
แต่ผมมองหาแมวไม่เจอกะว่าจะชนแก้วด้วยซะหน่อย
ผมเลยเริ่มมองหาว่าเขาไปอยู่ตรงไหน
จนผมเห็นเขายืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนว่ากำลังคุยกันอย่างสนุกทีเดียว
พอเห็นแบบนั้นผมกลับรู้สึกแปลกๆกับตัวเองทันที
มันรู้สึกร้อนวูบจากท้องกระจายไปทั่วตัวตามมาด้วยความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
จนผมต้องหยิบแก้วขึ้นมายกดื่มเพื่อลดอาการที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
แต่เหมือนมันจะไม่ทำให้ผมดีขึ้นแม้แต่น้อย
ผมยิ่งเห็นแมวดูท่าทางสนิทกับเธอคนนั้มมากยิ่งขึ้นผมยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นไปอีก
ความอึดอัดมันวิ่งมาจุกอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายมันแน่นๆปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
ทำให้ผมต้องยกแก้วให้ถี่ขึ้นเผื่อมันจะลดอาการเหล่านี้ลงได้มั่ง
จนทีแปลกใจเขาเอามือขึ้นมาจับมือผมที่กำลังจะยกแก้วขึ้นอีกครั้ง
“นัทเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมกินเยอะแบบนี้ล่ะ” ทีออกอาการเป็นห่วง
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก ทีไปสนุกกับคนอื่นเถอะ เดี๋ยวเราตามไป”
แล้วผมก็เรียนเพื่อนๆให้มาลากทีไปสนุกด้วย
ผมนั่งกินเหล้าต่อแต่ก็อดมองไปที่แมวไม่ได้ บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนว่าแมวมองมาที่ผมเหมือนกัน
ในเมื่อไม่สนใจแล้วจะมองผมทำไมก็ไม่รู้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนเข้าไปอีก
ผมเลยยิ่งยกเหล้าเข้าปากหนักขึ้นแต่ภาพของแมวที่คุยอย่างสนิทสนมกับเธอคนนั้นมันก็ยังกวนใจผมมากอยู่ดี
จนผมรู้สึกทนไม่ได้กับภาพที่เห็นอีกต่อไปแล้วตอนนี้คิดว่าคงเมาได้ที่แล้วเหมือนกัน
ผมลุกเดินขึ้นไปหาแมวที่กำลังคุยอย่างสนุกยิ้มหน้าบานอยู่กับเธอคนนั้น
“ขอโทษนะครับ ขอตัวเพื่อนผมแปบนะครับ”
ผมบอกเธอคนนั้นก่อนที่จะดึกแขนแมวไปที่หลังร้าน


“แมวเป็นอะไรไปช่วงนี้ ทำไมต้องทำตัวแปลกๆกับเราด้วย”
ผมถามทันทีที่พาเขามาหลบมุมหลังร้าน
“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย แต่นัทสนใจเราด้วยหรอ”
แมวตอบกลับด้วยเสียงที่เรียบเฉย
“แบบนี้นะ เหมือนเดิมเมื่อก่อนแมวไม่เคยไม่สนใจเราแบบนี้เลยนะ”
“ก็ตอนนี้นัทมีทีแล้วไง เราก็คงไม่ค่อยสำคัญแล้วล่ะเราคิดแบบนั้น”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ เราเคยบอกหรือไงถึงคิดแบบนั้น”
แมวไม่ตอบแต่กลับหลบสายตาผม
“เราไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ แต่เรากลับรู้สึกไม่ดีมากกว่าที่แมวทำแบบนี้”
“นัทรู้สึกไม่ดีจริงๆหรอ” แมวรีบถามทันทีพร้อมกับจ้องหน้าผม
แล้วผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้ที่แมวจ้องหน้าผมครั้งนี้
ทำเอาผมต้องหลบตาของแมวบ้างก่อนที่จะตอบ
“อืม ก็ใช่นะสิ พอแมวไม่สนใจเราก็รู้สึกแปลกๆอะ”
ตอนนี้กลับกลายว่าเป็นแมวที่จ้องผมแทนแล้ว ผมก็รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆคงเป็นเพราะเหล้าที่กินไปแน่ๆ
“แล้วทีล่ะ เราก็เห็นว่าสนุกด้วยกันตลอดนี่นา”
“ไม่เลย มันไม่เหมือนกัน กับทีให้เราพูดตรงๆตอนนี้เราก็แค่รู้สึกดีๆด้วยเท่านั้นเอง”
“แล้วกับเราล่ะ” แมวถามกลับ
“เออ.......... เราก็ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าพอแมวไม่สนใจเราแล้วมันหงุดหงิดไปหมด”
ผมก้มหน้าตอบเพราะไม่กล้าสบตาแมวตอนนี้ ใจมันเต้นแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“นัทพูดจริงหรือเปล่า แล้วนัทไม่อยากรู้บ้างหรอว่าเรารู้สึกยังไง”
แมวเล่นถามผมกลับมาแบบนี้ ทำเอาผมไม่รู้จะตอบยังไงดีเหมือนกัน
ใจนึงก็อยากได้ยินคำตอบอีกใจนึงก็กลัวที่จะได้ยินคำตอบเหมือนกัน
แต่ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์ลเลยทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
“อืมก็อยากรู้”
“แต่เรากลัวนัทจะลำบากถ้าเราบอกความจริงออกไปนะสิ” แมวทำเสียงจริงจัง
ตอนนี้ใจผมมันรู้สึกแปรบๆยังไงก็ไม่รู้หรือว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี
แล้วนี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ยแมวเขาเป็นเพื่อนผมนะ
ทำไมผมต้องลุ้นและตื่นเต้นกับการรอคำตอบครั้งนี้ด้วยก็ไม่รู้
แล้วแมวก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้เบาก่อนจะกระซิบที่ข้างหูว่า
“เราชอบนัทนะชอบมาตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าบอก นี่ไงความรู้สึกของเรา”
แมวบอกจบเขาก็ปล่อยผมจากอ้อมกอดแล้วเดินกลับเข้าร้านไปทันที
ปล่อยให้ผมยืนงงกับสถานการณ์แบบนี้มาก
เพราะว่าผมบอกอารมณ์ตัวเองไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย
มันสับสนปนเปไปหมดทั้งแปลกใจทั้งดีใจทั้งเสียใจเพราะว่าผมไม่รู้จะทำยังไงดีตอนนี้
แต่ผมผมกลับรู้สึกดีมากกว่าตอนที่ทีมาบอกชอบผมมาก
หรือว่าจริงๆแล้วผมก็ชอบแมวอยู่กันแน่นะ
เพราะใจมันก็ยังเต้นแรงไม่ยอมหยุดแล้วครั้งนี้ผมจะทำตัวยังไงต่อไปดี
ระหว่างที่ผมยืนงงๆเบลอๆอยู่ตรงนั้นก็มีมือมาดึงผมให้กลับเข้ามาในร้าน
ทีเป็นคนไปพาผมกลับเข้ามานั่งในร้าน
“นัทเป็นอะไรหรือเปล่า เราเห็นไปกับแมวแล้วทำไมอยู่คนเดียวตรงนั้นล่ะ”
“เปล่า ๆๆ ไม่มีอะไรหรอก” ผมแก้ตัว
“แล้วแมวมันไปไหนนะ ไปด้วยกันแท้ๆปล่อยให้นัทยืนอยู่คนเดียวได้ไง”
“ช่างมันเถอะ” ผมบอกก่อนยกแก้วมาดื่มอีกครั้ง
“นัทกินเยอะแล้วนะเดี๋ยวก็เมาหรอก พอก่อนเถอะ” ทีเตือนผมที่ยกสามแก้วติดกันแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกเมาก็ไม่กลับบ้าน นอนแถวนี้ก็ได้”
“ตามใจถ้าเมาเดี๋ยวเราพากลับเองก็ได้”
ระหว่างที่ทีพูดไปผมก็ยกแก้วดื่มไปเรื่อยๆจนเริ่มเมากว่าเดิมแล้วตอนนี้
ผมไม่รู้ว่าแมวกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้อีกทีตอนที่เขามานั่งข้างๆผมแล้ว
ข้างขวาทีข้างซ้ายแมวผมไม่รู้จะตัดสินใจกับเรื่องนี้ยังไงดีแล้ว
เพราะว่าผมก็รับปากลองคบกับทีไปแล้ว แต่กับแมวผมก็ไม่อยากให้เขาไม่สนใจผม
แล้วด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์ลอีกเหมือนเดิมผมเลยตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
ผมหันหน้าไปมองหน้าทีก่อนที่จะดึงเขาเข้ามากอดไว้แน่นๆ
ทีเหมือนทำท่าตกใจเหมือนกันทีแรกก่อนที่เขาจะกอดตอบผมกลับมา
ก่อนที่ผมจะปล่อยกอดนั้นออก แล้วหันไปดึงแมวเข้ามากอดบ้าง
คนอื่นคงคิดว่าผมเมาก็เท่านั้นเองแต่การกระทำครั้งนี้ทำให้ผมรู้อะไรขึ้นมาได้เหมือนกัน



TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย ความผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง up!! 23-02-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-03-2011 13:09:39
    :L2:หอบดอกไม้มารับตอนใหม่น้องนัทพร้อมกับบอกว่า
พี่แก้วเองก็พึ่งเข้ามา แหะ แหะ เลยอ่านได้อ่านจุใจสองตอนรวด
พี่แก้วเดาว่าแมวแอบรักนัทอยู่ใช่รึเปล่าน้า
แต่แบบว่านัทชิงให้แมวเป็นที่ปรึกษาซะก่อน แมวเลยไม่กล้าเผยความรู้สึก  รึเปล่า
ไม่เดาต่อล่ะ รอน้องนัทเล่าเรื่องนัทต่อต่อดีกว่าเนอะ
 

คิดเหมือนกันเลยค่า...พี่แก้ว

 :L2: :pig4: :L2:


เพียะ..(เสียงพี่แก้วตีเข่าตัวเองอ่ะหนูpenda)
ทำไมลองตีหวยไม่เคยถูกเล้ย ว่าแล้วไหมล่ะหนูpenda
มาลุ้นกันว่าน้องนัทจะเปลี่ยนใจจากที มาคบแมวรึอย่างไร
ถ้าใช่ก็อดสงสารทีไม่ได้เนอะ อุตส่าห์ตามอุตส่าห์เฝ้ามาตลอด



หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 08-03-2011 13:19:24
ไม่รู้ใจตัวเอง
เลยวุ่นวาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 08-03-2011 15:05:27
ใจมนุษย์ สุดลึกล้ำเหนือกำหนด
ใจของใครก็ของมัน
จะไปมีใครหยั่งรู้ใจของคนอื่นกันได้เล่า
ขนาดใจตัวเองอาจจะพอมีบางคนไม่รู้ใจของตนเองด้วยก็มี
เพราะฉะนั้น ลองคิดลองใคร่ควรไตร่ตรองดูด้วยใจตนเถอด สาธุ


55++

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-03-2011 18:45:53
เลือกใครสักคนอีกคนก็ต้องเสียใจ


ทำไงดีนัท :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-03-2011 13:41:32
โหย..น้องนัทคงเหนื่องแย่เลย เพราะลงนิยายหลายเรื่อง
เนี่ยพี่แวะมาเยี่ยมนัทนะ ว่า นัทจะทำยังไงกับใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-03-2011 17:06:18
ท่าทางเจ๊แก้วจะเจ็บใจจริงที่ทายหวยไม่แม่นเท่านี้  :laugh:

Little Devil --- ใช่เลยครับตอนนั้นไม่รู้ใจตัวเองเลยจริงๆ เพราะเรามัวแต่ยึดกับคำว่าเพื่อนมากไปไงครับตอนนั้น

สาธุกับคำสอนของป้าด้วยครับ แต่ผมว่าก็จริงนะ แต่บางคนรู้เขาก็ยังไม่ยอมรับก็ได้นะครับ

roseen --- นั่นแหละครับ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากจริง :เฮ้อ:

ตอบเจ๊อีกรอบ ถึงจะเหนื่อยได้เข้ามาอ่านเม้นจากคนอ่านก็หายแล้วครับ เดี๋ยวก็คงรู้แล้วนะครับว่าผมจะทำยังไง  :sad4:

ปล. อีกสองตอนก็จะจบแล้วนะครับเรื่องนี้ บอกไว้ล่วงหน้าเลยครับ

ปลล.เพราะผมชอบให้มันจบตอนที่มีความสุขกันนะครับ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย เปลี่ยนใจหรือรู้ใจตัวเอง up!! 08-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 12-03-2011 21:34:24
รู้สึกผิดแต่ก็รับได้


ทั้งแมวแล้วก็ทีต่างงงกับการกระทำของผมแต่พวกเขาก็ไม่มีใครพูดอะไร
หลังจากผมเลิกกอดแมวแล้วผมมานั่งนึกถึงความรู้สึกของตัวเอง
ตอนผมกอดทีผมรู้สึกเหมือนได้กอดเพื่อนที่เข้าใจเรา
แต่กลับแมวผมกลับรู้สึกแปลกๆออกไป นอกจากเขาจะเป็นเพื่อนที่ดี
ผมกลับรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้ใกล้เขาตอนนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น

มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ที่แน่ๆทำไมผมรู้สึกดีกับแมวมากกว่าทีที่คอยเอาใจผมในช่วงนี้นะ
เมื่อคิดอะไรไม่ออกผมก็ยกแก้วขึ้นดื่มต่อไปเรื่อยๆ(เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ขี้เมาแหะ)
คนอื่นก็สนุกสนานกันจนร้านปิด ผมเองก็เมาตามระเบียบ
ทีเข้ามาดูแลคอยช่วยพยุงผม และบอกว่าจะพากลับไปนอนที่หอของเขา
ผมก็ได้ว่าอะไรเพราะดีกว่ากลับบ้าน ถ้ากลับตอนนี้คงโดนด่าเละแน่ๆ
หลังจากตกลงกันเสร็จไปกลับกับใครใครนอนที่ไหนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับ
ทางผมมีทีกับแมวเพราะทั้งสองคนอยู่หอเดียวกัน
ขณะที่กำลังยืนรอรถแท็กซี่เพื่อจะกลับขออยู่นั้น
ผู้หญิงคนที่ยืนคุยกับแมวตอนนั้นก็เดินเข้ามาที่กลุ่มเรา
เธอเข้ามาทักแมวก่อนที่จะคุยกระซิบอะไรกันอย่างสนิทสนม
เมื่อผมเห็นภาพแบบนั้นผมก็เริ่มหงุดหงิดอีกแล้วแถมตอนนี้เมาแล้วด้วย
ผมเลยออกอาการเกเรขึ้นมาทันที
“ทีกลับกันก่อนเถอะ เราง่วงแล้ว”
ผมบอกทีพร้อมกับเรียกรถได้พอดี
ผมดึงทีขึ้นรถแล้วบอกที่หมายอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสินัทแมวยังไม่ได้ขึ้นรถเลย”
ทีรีบบอกเขาคงคิดว่าผมลืมแมวไป
“อ่าวหรอไม่ต้องรอหรอกมั้ง ติดสาวอยู่นั่นนะ พี่ออกรถเลยครับ”
ผมเอื้อมไปดึงประตูที่ทีเปิดทิ้งไว้ แมวก็วิ่งมารั้งประตูไว้ทัน
“ไม่รอกันเลยนะ จะปล่อยให้เราเดินกลับบ้านหรือยังไง”
แมวบอกก่อนเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่ง
“อ่าว นึกว่ายังคุยกันอีกนาน เราง่วงแล้วอยากนอน”
“นัทเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็เราเมาไง”
ผมพูดตัดบทเพราะไม่อยากทะเลาะกับแมวตอนนี้
แมวพยายามชวนผมคุยต่างๆนาๆแต่ผมก็เงียบไม่สนใจที่จะตอบจนถึงหอ
พอถึงหอผมก็ยังไม่พูดกับแมว และคิดว่าคืนนี้นอนห้องทีดีกว่า
ไม่อยากพูดหรือคุยอะไรกับแมวตอนนี้
และนี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะไปนอนห้องแมว
ปกติผมมาหอนี้ทีไรนอนห้องแมวตลอด


“นัทจะไปนอนไหน” แมวถามเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้เดินไปทางห้องเขา
“ไปห้องทีไง เผื่อแมวจะนัดคนมานอนด้วย” ผมเริ่มประชด
“ใครมานอนด้วย มีที่ไหนนัทเป็นอะไรไปห่ะ”
“เปล่าเราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แต่เมื่อกี้เห็นคุยกันหญิงจี๋จ้า นึกว่านัดกันไว้นะสิ”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะ เราไม่ได้คิดอะไรด้วยซะหน่อย”
“อืมหรอ แล้วมาบอกเราทำไม เรื่องของแมวไม่เกี่ยวกับเรานี่นา”
“นัทอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม”
ผมกับแมวเริ่มจะทะเลาะกันจริงๆแล้ว
คนที่งงคงเป็นที ที่ยืนฟังเราทั้งสองคนคุยกันแบบไม่รู้เรื่อง
“อะไรเราเป็นอะไร เราก็เป็นของเราแบบนี้แหละ เราเมาแล้วด้วยทีไปนอนกันเถอะเราไม่ไหวแล้ว”
ผมกำลังจะเดินไปอีกทางกับมี แมวก็มาดึงมือผมไว้
“นัทเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ นัทเป็นอะไรไป”
“ก็เราบอกแล้วไงว่าเปล่า”
“ไม่เราว่านัทต้องมีอะไรแน่ๆ ทีกูขอเคลียกับนัทก่อนแปบนึงได้ไหมวะ”
แมวหันไปถามที ทีก็พยักหน้า แมวดึงผมไปอีกมุมทันที



“นัทเป็นไร โกรธอะไรเราหรือเปล่า” แมวถามเบาๆเมื่อเราหลบมุมทีออกมา
“โกรธอะไรใครจะกล้าไปโกรธแมว เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“นัทอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม นัทก็รู้ไปแล้วนี่นาว่าเราคิดอะไรกับนัท ถ้านัททำแบบนี้แสดงว่านัทไม่อยากยุ่งกับเราใช่ไหม”
“แล้วใครบอกว่าเราคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็นัทไม่อยากพูดกับเราไม่อยากยุ่งกับเราอยู่นี่ไง”
“ถ้าไม่อยากยุ่งแล้วเราจะมาคุยด้วยอย่างนี้หรอ”
“แล้วนัทเป็นอะไร เราทำอะไรให้นัทไม่พอใจ”
“เราก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเราไม่ชอบให้แมวคุยกับผู้หญิงคนนั้น”
แทนที่แมวจะงงกลับยิ้มกว้างกลับมาให้ผม
“นัทว่ายังไงนะ”
“ว่าอะไรเราไม่รู้ เราไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
ผมนึกถึงความหมายที่ผมพูดได้ หน้าก็ร้อนวูบขึ้นมาทันที
“นัทบอกว่าไม่ชอบที่เราคุยกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรอ”
“อืม ก็มันไม่ชอบจริงๆนี่นา เรารู้สึกหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้”
ผมยอมรับความจริง แมวยิ้มกว้างกว่าเดิม
“งั้นไม่เป็นไรแล้ว เราได้ยินแค่นี้ก็ดีใจแล้ว แต่นอนห้องเราเหมือนเดิมนะ ชวนทีมานอนด้วยก็ได้”
พอแมวพูดกับผมดีๆผมก็เลยอารมณ์ดีตามไปด้วย
“ทีคืนนี้ไปนอนห้องเราด้วยกันหมดนี่แหละ เสื้อผ้านัทอยู่ห้องเราด้วย”
แมวชวนทีพร้อมกับยกเหตุผล ทีก็เลยตกลง


ผมเมาจริงๆวันนั้น เข้าห้องได้ก็อาบน้ำเตรียมตัวนอนคนแรก
พอออกมาแมวกับทีเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่
ทั้งสองคนเลิกคุยกันทันทีที่เห็นผม
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว
ผมล้มตัวลงนอนตรงกลางที่นอนด้วยความเคยชิน
แล้วก็หลับไปอย่างง่ายๆ แต่คงเพราะกินเหล้าเยอะไป ผมเลยตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนอยากอาเจียน
ผมเลยลุกมาเข้าห้องน้ำ แต่ก็แค่รู้สึกเท่านั้นเอง
ผมเลยหาน้ำเปล่ามาดื่มก่อนแล้วนั้งพักที่ระเบียงรับลมเย็นๆ
พอได้กินน้ำเย็นๆกับได้ลมเย็นหัวผมรู้สึกโล่งขึ้นมาก
ผมเลยถือโอกาสนั่งคิดเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ
ผมคิดว่าผมอาจชอบแมวโดยไม่รู้ตัวก็ได้
ขณะนั่งมองอะไรข้างนอกเพลินๆ แมวเข้ามาตอนไหนผมก็ไม่ทันสังเกต
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าผมแล้วก็เรียก
เมื่อผมหันไปหาเขา ริมฝีปากของผมก็อยู่ใกล้กับแมวเพียวนิดเดียว
ผมก็ไม่ได้ชยับตัวหนีกลับรู้สึกใจเต้นแรงและรั่วมากยิ่งขึ้น
สายตาผมมองไปในตาที่คมสวยของแมว
ตอนนี้ผมหัวผมอื้ออึงไปหมด ก่อนที่แมวจะจูบที่ปากผม
ผมไม่ได้ขัดขืนหรือถอยหนีเพราะมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
เราจูบกันสักพัก
“นัทตกลงเราลองคบกันได้ไหม” แมวถามผม
“แล้วทีละ จะว่ายังไงเราไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้วตอนนี้”
ผมรู้สึกสับสนขึ้นมาจริงๆแล้วตอนนี้
“เราจะบอกกับทีเอง นัทว่าไงจะตกลงไหม”
“ไม่เราขอเป็นคนบอกทีเองดีกว่า แต่เราขอให้แน่ใจตัวเองกว่านี้อีกได้ไหม เราไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้อีกซ้ำสอง”
ผมบอก แมวก็เห็นด้วย แล้วเราก็นั่งคุยกันอยู่ที่ตรงระเบียงต่อ
จนผมหลับที่ตรงระเบียงไปตอนไหนไม่รู้ตัว



TBC.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-03-2011 11:08:15
มาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ

เข้าใจอาการสับสนของนัทได้ชัดเจนมาก จนอินกันเรื่องแบบสุดๆ
ที่พิสูจน์ด้วยการกอดนั่นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เห็นผลได้ชัดเจนจริงๆ
ดีแล้วที่เข้าใจหัวใจตัวเอง

บวกไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 13-03-2011 11:28:15
เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-03-2011 11:37:50
กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

พี่แมวขราของนุ่น!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 13-03-2011 15:51:45
มาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ

เข้าใจอาการสับสนของนัทได้ชัดเจนมาก จนอินกันเรื่องแบบสุดๆ
ที่พิสูจน์ด้วยการกอดนั่นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เห็นผลได้ชัดเจนจริงๆ
ดีแล้วที่เข้าใจหัวใจตัวเอง

บวกไปนะคะ

จริงครับ ผมคิดว่าการกอดมันทำให้เราเข้าใจเรื่องบางเรื่องได้ง่ายกว่าที่เรามานั่งคิดเองเออเองมากเลยอะครับ +1 คืนให้ครับ

เหอ เหอ

ทำไมมาหัวเราน่ากลัวแบบนี้อะคราบ :serius2:

กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

พี่แมวขราของนุ่น!!!

นุ่นแย่งแมวไปจากพี่แล้วหรือนี่   พี่แมวของนุ่นเดี๋ยวอาจจะได้เจอกันอีกงานเลี้ยงรุ่นล่ะ  :-[

ตอนหน้าจบแล้วนะครับ บอกแล้วอยากจบตอนที่มีความสุขพอดีอะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-03-2011 16:25:22
เอ้า..นัท คิดให้ถี่ ถามใจให้ถ้วน ทวบทวนให้แน่ ว่าตัวเองคิด+รู้สึกยังไงกันแน่กับแมว และที
แล้วคุยกันให้กระจ่างแจ้ง และเข้าใจกัน แล้วอย่าให้เสียความเป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ
ทีจ๊ะ ถ้าอกหัก มาเจ้จะ  :กอด1:ปลอบให้หายเศร้านะลูก
ว่าแต่ว่า..ฝากถึงน้องนุ่นด้วยจ้ะว่า แมวเค้าเป็นของหนูตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ เจ้ก็เล็งไว้อยู่นะ อิ อิ
(หวังว่า น้องนัท คงไม่มาเหม็นหน้าเราเนอะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-03-2011 20:43:05
ไปๆมาๆหลงรักพ่อสื่อซะงั้น :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 14-03-2011 11:06:13
Three some!.Are you o.k.? 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ] สื่อนักรักซะเลย รู้สึกผิดแต่ก็รับได้ up!! 12-03-11 [P:3]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 14-03-2011 12:16:40
เอ้า..นัท คิดให้ถี่ ถามใจให้ถ้วน ทวบทวนให้แน่ ว่าตัวเองคิด+รู้สึกยังไงกันแน่กับแมว และที
แล้วคุยกันให้กระจ่างแจ้ง และเข้าใจกัน แล้วอย่าให้เสียความเป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ
ทีจ๊ะ ถ้าอกหัก มาเจ้จะ  :กอด1:ปลอบให้หายเศร้านะลูก
ว่าแต่ว่า..ฝากถึงน้องนุ่นด้วยจ้ะว่า แมวเค้าเป็นของหนูตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ เจ้ก็เล็งไว้อยู่นะ อิ อิ
(หวังว่า น้องนัท คงไม่มาเหม็นหน้าเราเนอะ)

ไม่หรอกกับเจ๊ แต่เจ๊ต้องไปตกลงกับนุ่นก่อนนะครับ เขาจองตัวตั้งนานแล้วอะครับ

ไปๆมาๆหลงรักพ่อสื่อซะงั้น :L1:

มันไม่รู้ตัวนี่ครับ :-[

Three some!.Are you o.k.? 555

ไม่เอานะป้า ตอนนั้นเค้ายังเด็กอยู่เลย  :impress2:

รออ่านตอนจบเร็วๆนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-03-2011 14:12:38
สุดท้ายก็เข้าใจ


ผมตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดที่แยงเข้าตา
ผมนอนหลับยู่ที่ตักแมวตรงระเบียงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ตอนนี้คือทีกำลังยืนมองผมอยู่อย่างเงียบๆ
ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งข้างๆแมว พร้อมกับทำให้เขาตื่น
“เออ.....” “เราเห็นหมดแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรหรอก” ทีพูดดักก่อนที่ผมจะพูดอะไรกับเขา
ผมทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันตอนนี้ เพราะว่าผมอยากบอกเขาเองมากกว่าให้เขาเห็นแบบนี้
“แต่ไอ้ทีกูว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะเรื่องนี้” แมวพูดแทรกความเงียบขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอกกูสงสัยมานานแล้ว แล้วเมื่อคืนกูก็เห็นหมดแล้วด้วย” ทีพูดหน้านิ่งๆ
ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆเลยตอนนี้ เพราะทีก็ดีกับผมเสมอมา
แต่เป็นเพราะผมเองที่ไม่ยอมรู้ใจตัวเองเสียทีเลยทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้
“เราก็คิดเหมือนแมว เราว่ายังไงเราก็อยากคุยกับทีให้เข้าใจ” ผมรีบพูด
เพราะกลัวว่าทีจะไม่ยอมรับฟังเรื่องที่ผมจะพูดอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าทีจะนิ่งมาก จนทำให้ผมทั้งกลัวทั้งกังวลมากยิ่งขึ้น
ถึงยังไงเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่งเหมือนกัน
ผมก็ไม่อยากทำให้เขาเสียใจเพราะผม และก็ไม่อยากเสียเพื่อนแบบเขาไปด้วยพร้อมๆกัน



ความเงียบเข้ามาแทรกเราทั้งสามอีกระยะหนึ่ง
“ทีเรื่องนี้เราผิดเองแหละ ถ้าจะโกรธหรือว่ายังไงก็อยู่ที่เราคนเดียวนะ”
ผมเป็นคนเริ่มพูดก่อนเพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผม
ทีกลับไม่พูดอะไรเขามองหน้าผมพร้อมกับความเงียบเท่านั้น
“ทีจะว่าอะไรก็ว่ามาเถอะ เรายอมรับได้แต่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิมได้ใช่ไหม”
ทีก็ยังไม่ยอมตอบอะไรนั่งมองเฉยๆ
หรือว่าเขาจะโกรธจนไม่อยากพูดกับผมแล้วในตอนนี้
“อย่าเงียบได้ไหม เราไม่ชอบแบบนี้เลย”
ก็ทีออกจะเป็นคนสนุกสนานเวลาคุยด้วยแล้วทำให้หัวเราะได้ตลอดเวลา
แล้วผมจะทำยังไงดีละทีนี้ แล้วถ้าทีกับแมวทะเลาะไม่คุยกันยิ่งแย่มากขึ้นไปอีก
“ทีมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ อย่าทำแบบนี้เลยนะ” ผมเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้
“นะจะว่าอะไรก็ว่ามาเลยอย่าเป็นแบบนี้สิ”
แมวก็ยังไม่พูดกลับก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าผม

ทีนี้ผมจะทำยังไงดีท่าทางทีจะไม่อยากพูดกับผมจริงเสียแล้วครั้งนี้
หรือว่าผมต้องยอมรับมันให้เป็นแบบนี้นะ แต่ว่าผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
แต่ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนี้แน่นอน เพราะถ้าทีจะโกรธผมก็อยากให้โกรธผมคนเดียว
“ถ้าทีจะไม่พูดกับเราก็ได้นะ แต่แมวเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ” ผมยอมรับผิดคนเดียว
ทีก็ยังไม่ตอบแต่ผมเห็นตัวเขาโยกเล็กน้อย หรือว่าเขากำลังร้องไห้
เขาก้มหน้าอยู่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลย
ผมเลยต้องก้มไปมองหน้าทีเพื่อความแน่ใจ
แต่แล้วภาพที่ผมเห็นกับเป็นทีกำลังกลั้นหัวเราะอยู่
“ไอ้บ้าที คนกำลังซีเรียสนะนี่” ผมว่าออกมาทันทีที่เห็นแบบนั้น
“ก็มันอดขำไม่ได้นี่นา นัทเพิ่งจะเคยง้อเราครั้งแรกลยนะนี่”
ทีหัวเราะอย่างชอบใจ
“อะไรกันนี่” ผมหันไปมองหน้าแมว แมวเองก็กำลังหัวเราะเหมือนกัน
“อย่าบอกนะทั้งสองคนคุยกันเรียบร้อยแล้ว”
“ ก็ใช่นะสิ กว่านัทจะตื่นทีมันมาคุยกับเราตั้งนานแล้ว” แมวบอก
“อ่าวแล้วทำไมเราไม่รู้เรื่อง” ผมงงนี่ผมหลับลึกขนาดนี้เลยหรอ
“ก็เมาซะขนาดนั้น”
“แล้วยังไงเนี่ย ทีรู้เรื่องหมดแล้ว แล้วไม่ว่าอะไรหรอ” ผมสงสัย
ผมหันไปมองหน้าทีที่กำลังมองหน้าผมกลับพร้อมกับอมยิ้ม
“เราจะว่าอะไรได้ จริงๆแล้วเราก็สงสัยมาสักพักแล้วล่ะ แต่ไม่ได้พูดอะไร”
“แล้วไม่โกรธเรานะ”
“ไม่โกรธหรอก แต่ก็มีเสียใจบ้างอีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นเราไม่ยอมหรอก นี่มันเป็นไอ้แมวเราเลยสบายใจ”
“สบายใจ” ผมทวนคำ
“ก็เรารู้ว่าแมวดูแลนัทได้ไง แล้วเราก็วางใจแมวด้วยเรารู้นิสัยมันดี”
“เราก็กลัวแทบแย่เราไม่อยากให้ทีทะเลาะกับแมวเพราะเราไง”
“ก็อยากทะเลาะหรอกนะ อยู่มาแย่งแฟนกันไปแบบนี้ แต่เรารู้ว่านัทไม่ได้ชอบเราแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วไง”
“รู้แล้วทำไม”
“ก็เผื่อไง เผื่อนัทจะรู้สึกจริงๆบ้าง”
พอผมได้ยินคำนี้น้ำตามันก็ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว
ผมไม่คิดว่าทีเขาจะดีไม่มากขนาดนี้ ผมยังไปทำร้ายจิตใจเขาอีก
“ร้องไห้ทำไมเราไม่ได้วาอะไรสักหน่อย” ทีหัวเราะพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดปลอบใจ
“เฮ้ยๆๆ ตอนนี้กูกอดเองมึงไม่ต้อง” แมวบอกพร้อมกับดึงผมไปกอดไว้แทน
“แหม มึงหวงกูเลยนะ ทีตอนนั้นนัทกอดมึงดูยังไม่ว่าอะไรเลย” ทีแซวเล่น
“ไม่ได้โว้ย เดี๋ยวนัทหลงคารมมึงเปลี่ยนใจอีก” แมวบอก
“อุ๊บส์” ผมต่อยเข้าที่ท้องแมวแบบเบาๆย้ำเบาๆจริงๆนะ
“เห็นเราเป็นคนยังไง เดี๋ยวเถอะ” ผมว่าแมวที่ว่าผมแบบนั้น
“เราล้อเล่น ไม่โกรธนะ เล่นซะจุกเลย” แมวบ่นพร้อมกับดึงผมไปกอดไว้ใหม่
“ห้ามล้อเล่นแบบนี้อีก ไม่งั้นโดนอีกแน่ๆ” ผมขู่ไว้ก่อนเลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทีได้แต่หัวเราะไปกับผมสองคน


ผมเองยังไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะลงเอยได้ง่านขนาดนี้
คงเพราะความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนด้วยแน่ๆ
แต่ที่แน่ๆผมกับแมวโดนแซวอย่างมากในตอนเปิดเทอม
แต่ผมสองคนไม่ได้สนใจหรอกครับ แถมผมกับทีตอนี้ดูเหมือนสนิทกันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
อาจเพราะว่าเรากลับมาอยู่ในสถานะเพื่อนก็ได้
ผมย้ายมาอยู่ห้องแมวในวันธรรมดา กลับบ้านทุกเสาร์อาทิตย์แทน
เราสองคนจะอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลายกเว้นแยกกันไปเรียนเท่านั้น
แต่เทอมนี้แมวลงวิชาเดียวกับผมแทบทั้งหมด ดังนั้นก็เหมือนว่าเราได้อยู่ด้วยกันตลอดอยู่ดี ^^




เรื่องเล่าสั้นๆผมก็จบแค่ตรงนี้แล้วกัน มันเป็นครั้งหนึ่งที่ผมจำได้เกี่ยวกับเรื่องความรัก
เพราะว่าตั้งแต่ครั้งนั้นผมต้องมั่นใจก่อนทุกครั้งถึงจะรับรักใคร
เพราะผมไม่อยากทำให้คนอื่นต้องมาเสียใจเพราะผมอีก
แหะ พูดอย่างกับว่าตัวเองหล่อมากเลยเนอะผมอะ>////<



ขอบคุณที่ติดตามเรื่องเล่าสมัยเก่าๆของผมนะครับ
อยากไปกอดทุกคนที่อ่านเลยจริงๆ ^^


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-03-2011 14:52:16
 :กอด1:จบซะแล้วเรื่องราวดีๆที่น่าอ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 19-03-2011 19:41:48
ดีที่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 19-03-2011 20:03:14
จบลงด้วยดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-03-2011 20:41:36
ดูเหมือนจะมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับความรักให้เขียนอยู่หลายเรื่องนะคะ
อิจฉาอ่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 20-03-2011 11:51:39
 :กอด1: นัท ลงตัวกันซะทีนะ ดีนะที่เข้าใจกันได้
+1 ให้นัทเลย คุณพ่อค้าชอบขายของ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 20-03-2011 14:06:02
อิอิ ตามเนะมาติดๆ 

ผมติดเรื่องนี้ไว้ก่อนเน้อป๋า  แล้วว่างๆจะตามมาอ่านต่อ o13

+ไป1 เหอๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: RemySexyCool ที่ 20-03-2011 21:27:17
ไม่ได้อวยคนกันเองนะ แต่ชอบอ่ะ แค่ตอนแรกก็คิดถึงตัวเองสมัยก่อน กลับไปดูที่ facebook ก็เป็นไปตามคาด อายุเราใกล้เคียงกัน ภาพในความทรงจำต่าง ๆ ก็ลอยเข้าหัวเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองเลย หลายประโยค หลายซีนที่เคยเป็น น้ำมะเขือเทศปั่นใส่นม แต่ของเป้น้ำมะพร้าวปั่นใส่นม ได้อารมณ์เก่า ๆ มาก ว่าแล้วก็อยากเขียนเรื่องเล่าของตัวเองมั่งจัง

เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 20-03-2011 22:55:19
ป๋าขาาาาาาาาาา  :กอด1:


แอบโดนใจพี่ที ตรงที่ชอบเอาผมแหย่ให้น้ำตาไหล เพราะ(เมื่อก่อน)หนูก็ชอบทำ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-03-2011 09:40:02
roseen --- ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านกันเสมอมาเลย  :กอด1: แทนคำขอบคุณอีกครั้ง

ชะรอยน้อย --- ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันนะครับ  :pig4:  :man1:

Little Devil ---- มันเลยเป็นความทรงจำดีๆด้วยไงครับ  :-[

yeyong --- อิจฉาอะไรคร้าบ ผมไม่อยากคิดถงเรื่องเศร้าๆเองต่างหาก  :sad4: อย่าคิดเลยเนอะเดี๋ยวมันเศร้า

nonae --- มันอยู่ในสายเลือดเนะ ความเป็นพ่อค้าน่ะ

Goodfellas --- คร้าบแวะมาช่วยดันเรื่องให้บ่อย ก็ขอบคุณแล้ว

RemySexyCool --- ขอบคุณคร้าบที่ชอบ แหม เรื่องอายุเลยๆไปก็ได้เนอะ หุหุ อยากอ่านเรื่องเล่าของเป้เหมือนกันคร้าบ

@BUA@ ---  :laugh: พี่อยากบอกว่าพี่เพิ่งรู้จักครั้งแรกเลยอะไอ้เอาผมปั่นเรียกน้ำตา มันสนุกตรงไหนอะทุกวันนี้พี่ยังไม่เข้าใจเลย

ขอบคุณที่ท่านที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าเก่าของคนอย่างผมนะครับ  :pig4: :pig4:

แล้วผมจะพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับ เพื่อคุณจะได้ไม่เบื่อผมซะก่อน  :bye2:


หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 21-03-2011 19:40:19
 :mc4:
จบลงด้วยดี  ยินดีกับทุกคนนนน
ดีแล้วที่ความรักไม่ทำให้เราต้องเสียมิตรภาพของเพื่อน

มาอ่านอีกทีจบซะแล้ว
แต่แอบเห็นเรื่องใหม่ของพี่นัทด้วย
เดี๋ยวตามไปอ่านนะค้า...

 :L2:พี่นัทสู้ๆ :L2:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-03-2011 23:22:04
ขอบคุณคร้าบที่จะไปติดตามเรื่องใหม่

ไหนๆก็บอกแล้วขายของซะเลย

ฝากติดตามเรื่องใหม่ ตามหารัก Superstar ด้วยนะครับ :L1:

เรื่องเก่าก็อย่าเพิ่งลืมกันนะครับ

มนต์รักบ้านทุ่ง สงครามมังกร ราชันย์บัลลังก์เลือด

(นั่นได้ทีขายยาวเลย  :o8:)

 :z2: :z2: :z2: :z2:

(เต้นหนีไปเนี่ยนๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 24-03-2011 00:21:01

จบลงด้วยดีนะคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-03-2011 09:27:09
กลับจากเที่ยวมาหาเรื่องนี้ในเล้าไม่เจอ โชคดีเจอลิงค์ในเฟส เลยตามมาอ่าน
ก็จบแบบแฮปปี้ ดีใจน้องนัทได้แฟนตัวจริงแถมไม่เสียเพื่อนไป ทีน่ารักจัง จุ๊ฟ จุ๊ฟทีนะจ๊ะ
นัท..พี่จุ๊ฟแบบพี่จุ๊ฟน้องนะอย่าพึ่งคิดไปไกล
และขอจุ๊ฟนัทเพื่อขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆด้วย จุ๊ฟ จุ๊ฟ(นี่ก็แบบพี่จุ๊ฟน้องจ๊ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: TON1974 ที่ 24-03-2011 14:47:30
นัทครับอย่าหาว่าระลาบระล้วงเลยนะครับพออ่านจบเลยทำให้สงสัยนิดนึง ไม่ตอบก็ได้นะครับ
คืออ่านเรื่อง " รุ่นน้องวุ่นรัก "ไม่ได้กล่าวถึงเพื่อนกลุ่มที่อยู่ในเรื่อง " สื่อนักรักซะเลย" เลยมี
ปัญหากันหรือปล่าวครับ เลิกกับแมวด้วยดีหรือปล่าวแสดงว่าคบกันไม่ถึงปี ไหนจะทีก็หายไป
ตามความสมัครใจครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่อยากกล่าวถึง ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่จุด
ประเด็นขึ้นมาให้ไม่สบายใจ  
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-03-2011 15:30:18
เข้ามาตอบคุณ TON1974

เข้ามาไขข้อข้องใจทั้งหมดให้นะครับ คือว่าเรื่องสื่อรักนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเรื่องรุ่นน้องวุ่นรักครับ

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนปี1ครั้งแรกและก็ที่มหา'ลัยแรกด้วยนะครับ ซึ่งต่างจากรุ่นน้องเพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอีกที่หนึ่งเพราะผมซิวไปเรียนครับ เลยทำให้ผมไม่ได้กล่าวถึงเพื่อนในเรื่องรุ่นน้องไงครับ ไม่ได้ทะเลาะกันแต่อย่างใดครับ

แล้วที่ถามว่าเลิกกับแมวด้วยดีไหมก็ด้วยดีครับ ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่บ้างครับ ส่วนทีเขาก็เปลี่ยนที่เรียนไปก่อนผมอีกครับ ผมคบกับแมวได้ปีกว่าครับเพระผมเปลี่ยนที่เรียนตอนขึ้นปีสาม ตอนคบกันก็มีความสุขครับเพราะแมวเขาเป็นคนใจเย็นและก็อบอุ่นมาก

ผมเข้าใจว่าทำไมคุณ TON1974 ถึงงงกับเหตุการณ์ต่างๆที่อ่านไป เพราะว่าเรื่องรุ่นน้องผมบอกไปแล้วว่าผสมเรื่องแต่งเข้าไปด้วยเพื่อไม่ให้รู้ว่าคนในเรื่องเป็นใครอยู่ที่ไหนยังไงตอนนี้ เพราะว่าอย่างต้อมตอนนี้เขาก็มีแฟนที่คิดว่าน่าอาจจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ ผมเลยเขียนให้เดายากเพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบกับใครเลยในเรื่องนั้น ต่างจากเรื่องนี้ที่ผมสามารถเขียนเนื้อความทั้งหมดได้เพราะเจ้าตัวเขาก็ยินยอมไม่ได้ปกปิดอะไร

หวังว่าคงเข้าใจกับช่วงระยะเวลาของทั้งสองเรื่องมากขึ้นนะครับ แล้วถ้ามีข้อสงสัยอะไรสอบถามได้ครับ ผมยินดีตอบเสมอ ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับเพราะว่าทุกคนผมคิดว่าเขาเป็นความทรงจำที่ดีๆของผมครับ

ปล. เห็นชื่อคุณ TON1974  ครั้งแรกแล้วถามแบบนี้ แอบสงสัยหรือว่าเราจะเคยรู้จักกันหว่า แต่คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้งครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: TON1974 ที่ 24-03-2011 16:45:19
^
^
^
^
ผมก็ว่ายังงั้นแหละครับคงไม่บังเอิญขนาดนั้นครับขอบคุณนัทมากนะครับที่ตอบ
ข้อข้องใจผมเป็นFCของนัททุกเรื่องครับเพิ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาทักทากบอก
ตามตรง " รุ่นน้องวุ่นรัก " เล่นเอาผมบ่อน้ำตาแตกเหมือนกันเป็นกำลังใจให้ครับ  
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-03-2011 17:17:35
ขอบคุณครับที่เป็น FC ปลื้มนะนี่  :-[

ทักทายกันได้ตลอดนะครับ

อยากจะบอกว่าตอนเขียนเรื่องรุ่นน้องบางฉากเขียนเสร็จผมเองยังนั่งร้องไห้ตั้งหลายชั่วโมง  :o8:

ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องอื่นๆของผมเหมือนเดิมนะครับ

ปล.ฝาก The Rainbow Project ที่เขียนกับนักเขียนคนอื่นๆด้วยนะครับ แต่บอกไม่ได้ว่าผมเขียนสีไหน ยังไงลองเดาดูเนอะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 24-03-2011 19:20:24
จบลงด้วยดี...พ่อสื่อเอาไปรับประทาน555 :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่าสั้นๆ][ตอนจบ] สื่อนักรักซะเลย สุดท้ายก็เข้าใจ up!! 19-03-11 [P:4]
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 24-03-2011 20:35:03
เรื่องอบอุ่นดีค่ะ อยากมีความรักแบบนี้บ้างจัง
มีคนที่รักอยู่ด้วยกันตลอดเวลา