พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 00:10:47

หัวข้อ: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 00:10:47
LINK # :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค1:+:
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1099.0

เกริ่นนำ
กลางปี 2550

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งพิมพ์เรื่องเล่าที่ใช้เวลาในการเล่าห่างจากภาคแรกนานมากๆ (ขอโทษที่ให้รอนะครับ)
ไม่อยากจะแก้ตัวเลยนะ แต่ยังไงก็ต้องออกตัวซักหน่อยก่อนหน้านี้ผมติดภารกิจเขียนกระทู้ละครจอมใจที่เวปพันทิป
ใช้ระยะเวลายาวนานเท่ากับระยะเวลาที่ละครฉาย ก็ประมาณ3เดือนเศษๆเลยเชียวครับก็เลยต้องพักงานเรื่องเล่าไปก่อน
ประกอบกับตอนนั้นผมต้องใช้เครื่องของร้านเนตในการพิมพ์เล่าเรื่อง พอเริ่มพิมพ์เริ่มเซฟไว้ในเครื่องได้ประมาณครึ่งทาง
ปรากฏว่าทางเจ้าชองร้านไม่ทราบว่าผมยังไม่ได้เอาเรื่องลงในเวปแต่เค้าต้องล้างเครื่องก็เลยลบไปซะ เซ็งเป็ดจริงเล้ยยยยยย
เอาล่ะครับ เสียเวลารอก็นานแล้วอย่าเสียเวลาอ่านอารัมภบทของผมให้ยืดยาวอีกต่อไปเลบยเนอะ ไปอ่านเรื่องเล่ากันดีกว่า
เอ๊ะ…เพลง หัวใจผูกกัน นี่นา ดังมาจากเครื่องวิทยุที่ไหนเนี่ยช่างมาได้จังหวะพอดี เพลงนี้มีความหมายนะครับแล้วจะเล่าให้ฟัง

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-06-2007 00:15:10
พี่นิวมาแย้ว เย้ๆๆ  :loveu:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 00:18:18
ตอนที่1
สอบได้เป็นเรื่องตลกสอบตกเป็นเรื่องธรรมดา

ปี พ.ศ.2544 ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆเท่าที่เหลืออยู่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตนักศึกษากันอีกครั้งแล้วล่ะครับ จะว่าไปพวกเราก็เรียนๆเล่นๆ
กันมาตลอด 2ปี เผลอแป๊บเดียวพวกเรากลายเป็นรุ่นพี่ปี3ซะแล้วตอนนี้พวกเราก็ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ที่ “สวนรัฐศาสตร์”
แปลกใจมั้ย ทำไมพวกผมไปรวมตัวกันแถวนั้น ก็เพราะอยู่ใกล้กับโรงอาหารของมหาวิทยาลัยน่ะครับ ร่มรื่นดีด้วยนะ ขอบอก
ตอนนี้ในกลุ่มของเราก็ยังมีเพื่อนที่เรียนคณะรัฐศาสตร์อยู่เมื่อรวมกับรุ่นน้องที่ส่วนใหญ่เป็นน้องๆคณะรัฐศาสตร์ก็เลยทำให้
ประชากรส่วนใหญ่ในกลุ่มเป็นชาวรัฐศาสตร์ ส่วนพวกชนกลุ่มน้อยอย่างคณะนิติศาสตร์ มนุษยศาสตร์ บริหาร ก็ทำเนียนๆไป
ตั้งแต่เปิดเทอมมานี้ผมค่อนข้างเครียดมากกับเรื่องการเรียน เพราะจะว่าไปหลังพ้นการเป็นนักศึกษาปี1มานั้นผมก็เริ่มเครียดแล้ว
ก็เพราะวิชาที่เรียนส่วนใหญ่เป็นวิชากฏหมายล้วนๆ ผมเพิ่งคนพบว่าผมไม่ได้ชอบเรียนกฏหมายเลย ให้ตายเหอะ!
ดังนั้น ตั้งแต่เปิดเทอมผมแทบจะหาความสบายใจในการไปเรียนแทบไม่ได้เลย จะมีช่วงผ่อนคลายก็ตอนเฮฮากับเพื่อนๆเท่านั้น
แล้วสิ่งที่ยืนยันให้ผมรู้ว่าผมไม่เหมาะกับการเรียนคณะนิติศาสตร์ก็มาถึงเมื่อผลสอบของปี2ออกมาว่าผมสอบตก6วิชาอ่ะ

“เอาไงดีวะ เรานึกอยู่เหมือนกันว่ามันจะตกแต่ไมคิดว่าจะตกเยอะขนาดนี้อ่ะ”
ผมเริ่มบ่นอย่างหัวเสียเพราะแม้แต่วิชาที่ผมคาดวาผมทำได้ดีก็ยังสอบตกซะได้
“เราก็ตกเหมือนกัน เฮ้อ ตกด้วยกันทั้งคู่แล้วจะไปพึ่งใครดีเนี่ย”
เทค นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ข้างๆผม บ่นพร้อมเป่าปากผ่อนลมหายใจอย่าเหนื่อยอ่อน
“ไม่รู้เพื่อนคณะอื่นจะเป็นไงกันมั่งเนอะ เฮ้อ…เซ็งว่ะแก”
ผมเผลอถอนหายใจตาม เทค ไปด้วยความรู้สึกผิดหวังระคนว้าวุ่น
“เอาวะ ถือวะว่าสอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดาก็แล้วกัน”
เทค หันมาโอบบ่าผมโยกเบาๆเหมือนจะปลอบใจ
“หรือว่าเราจะย้ายคณะดีวะเทค เรากลัวจะฝืนเรียนต่อไปไม่ไหวอ่ะแก”
ผมหยิบหนังสือวิชากฏหมายขึ้นมาเปิดผ่านๆพลางคิดว่าคงเรียนต่อไม่ไหว
“แล้วนิวจะย้ายไปเรียนคณะอะไรล่ะ ไม่เสียดายเหรอเรียนมาตั้ง2-3ปีแล้วนะ”
เทค พยายมเกลี้ยกล่อมให้ผมคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเรื่องย้ายคณะ
“ไม่รู้ดิ โว้ยยยยยย เบื่อว่ะ ขี้เกียจคิดอยากนอน เบื่อๆๆๆๆๆ”
ผมเหวี่ยงหนังสือเรียนลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์เสียแล้วก็หลับตาลงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันทั้งผิดหวังเรื่องเรียน
ทั้งกังวลใจว่าจะบอกที่บ้านยังไงเรื่องย้ายคณะ ผมคิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว ทันใดนั้น เทค ก็เลื่อนมือที่โอบบ่าผม
มาแตะที่หัวผมเบาๆแล้วก็แทบไม่ต้องออกแรงเลย เทค ค่อยๆเอนหัวของผมให้เอนลงไปซบที่ไหล่กว้างของเค้าอย่างอ่อนโยน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 00:26:18
หวัดดีครับ น้องแน๊ว กว่าพี่จะโหลดเวปได้นานมาก ตอนนี้เนตเร็วขึ้นแล้วเลยต้องรีบมาลงก่อนครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่2
ความหวังของนายแม่

หลังจากวันที่ผมไปดูผลสอบและกลับจากมหาวิทยาลัยด้วยความเบื่อหน่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกลับมาที่ห้องแล้ว
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินไปเดินมาอยู่ในห้องของผม ด้วยกำลังคิดหนักว่าจะหาเหตุผลอะไรไปบอกกับที่บ้านดีนะ
เพื่อจะขอเปลี่ยนคณะโดยไม่ใช้เหตุผลว่าสอบตก เพราะกลัวว่าที่บ้านจะเสียใจหรือไม่ก็อาจจะโกรธเลยก็ได้มั้ง
ถ้าเห็นว่าผมไปขอย้ายคณะทั้งๆที่เรียนมาจนถึงปี3แล้ว และผมรู้ว่าแม่ผมอยากให้ผมเป็นทนายความมากเหลือเกิน
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งตีบตันไปหมด ยิ่งสรรหาข้ออ้าง ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย โธ่…เอ๊ย ทำไมโง่ชิบเลยวะเนี่ย…
ขนาดจะคิดหาเหตุผลขอย้ายคณะยังไม่มีปัญญาจะคิดแล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปเรียนต่อนิติฯวะเนี่ย อยากจะบ้าตายจริงๆ
แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทร.ไปบอกแม่ว่าผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในวันพรุ่งนี้

กลับบ้านเรารักรออยู่

ผมกลับมายืนอยู่ที่หน้าบ้านในตอนสายๆ ป้าออกมาต้อนรับผมอย่างดีใจ เตรียมสำรับอาหารออกมาไว้ให้กินรองท้องก่อน
แม่ผมไปทำงานแล้ว ผมเลยยังไม่มีโอกาสบอกเรื่องที่ตั้งใจไว้ให้แม่ทราบเกี่ยวกับการย้ายคณะซึ่งผมคิดทบทวนมาตลอดคืน
ผมเดินสำรวจบ้านไปเรื่อยๆ พบว่าบ้านดูทรุดโทรมลงไปจนแปลกตา รึเป็นเพราะว่าผมไม่ได้สังเกตุทั้งที่กลับบ้านอยู่บ่อยๆ
ป้าเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ผ่านมาแม่ผมป่วยอยู่เรื่อยๆ 3วันดี4วันไข้ แต่แม่ก็ยังออกไปทำงานอยู่ทุกวันไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย
ผมเป็นห่วงแม่จังเลยครับยิ่งได้ฟังแบบนี้ผมก็ยิ่งไม่กล้าบอกเรื่องที่ผมจะย้ายคณะซึ่งผมแน่ใจว่าแม่ต้องไม่สบายใจแน่ๆครับ
ผมตั้งใจเก็บเรื่องที่จะย้ายคณะเอาไว้ แล้วจะตัดสินใจกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนคณะนิติศาสตร์ให้จบอย่างที่แม่คาดหวังให้ได้

สาเหตุการป่วยของแม่

คืนนั้นแม่กลับมาบ้านท่าทางแม่ดีใจมากเมื่อเจอผม อาการดีใจของแม่ดูจะมากกว่าทุกครั้งที่ผมกลับมาบ้าน จนผมเริ่มเอะใจ
ปกติผมมีห้องส่วนตัวนะครับ แต่เพราะนานๆทีจะกลับบ้านผมก็เลยไม่อยากจัดห้องของผมให้ต้องวุ่นวายกันไปทั้งบ้านเปล่าๆ
ผมก็จะมานอนห้องเดียวกับแม่ ดูทีวี พูดคุยกันก่อนนอนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว คืนนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมก็ถามอาการป่วยของแม่

“นายแม่เป็นอะไรครับ คุณป้าใหญ่บอกว่า ช่วงนี้นายแม่ป่วยบ่อย”
“นิวรู้เรื่องพี่ชายมั้ยลูก”

แทนที่แม่จะตอบคำถามผม แม่กลับถามผมเรื่องของพี่ชาย
“เรื่องอะไรครับ เกี่ยวกับที่นายแม่ป่วยรึเปล่า”
ผมไม่รู้จริงๆ แต่เริ่มสงสัยว่าเรื่องที่แม่ป่วยน่าจะเกี่ยวกับพี่ชายไปทำอะไรไว้แน่ๆ
“พี่ชายเค้าแอบไปมีครอบครัวแล้วไม่บอกแม่ซักคำ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่แม่ไม่มีทางยอมรับได้ พี่ชายเค้าก็รู้แต่ก็ยังทำ
แม่เคยรู้มานานแล้วว่าเค้าไปติดพันแม่ม่ายคนนึงแม่เคยห้าม พี่ชายเค้าก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเลิกติดต่อกันแน่ๆ
แล้ววันนึงแม่โทร.ไปหาพี่ชายที่ทำงานเค้าลูกน้องบอกว่าพี่ชายพาลูกเค้าไปโรงพยาบาล แม่สังหรณ์ใจเลยว่าต้องเกี่ยวกับผู้หญิง
คนนั้นแน่ๆแต่ทีแรกแม่คิดว่าเป็นลูกติดของผู้หญิงคนนั้น แล้วต่อมาแม่คาดคั้นพี่เราเค้าถึงยอมรับว่าเป็นลูกคนที่2ลูกเค้าเอง
พี่ชายเราน่ะเช่าบ้านอยู่กับแม่นั่นตั้ง5-6ปีแล้วนะ แม้แต่ที่แม่ขอร้องให้เลิกกันพี่เราก็ทำท่ารับปากไปอย่างนั้นเอง คิดดูสิลูก
พี่ชายเราทำกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง เหยียบย่ำหัวใจแม่อย่างที่แม่ไม่คิดว่าพี่เค้าจะกล้าทำได้แบบนี้ แม่ทำใจไม่ได้จริงๆเจ็บที่สุด”

แม่เริ่มระบายความอัดอั้นที่ทำให้แม่ป่วยกระเสาะกระแสะมานานเป็นเดือนๆ ผมเข้าใจแม่นะ อะไรจะช้ำเท่ากับลูกทำให้เสียใจ
แม่ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้ และยังพูดต่อไปอีกยืดยาวราวกับว่าเก็บกักความบอบช้ำในใจมาจนไม่อาจทนแบกรับไว้ได้อีกต่อไป
“น้องอย่าทำให้แม่ผิดหวังนะลูก พี่ชายเราน่ะแม่จะไม่สนใจอีกแล้วเราอยู่กัน2คนแค่นี้ก็พอใครเค้าอยากทำอะไรก็เชิญ”
เอาล่ะสิ…แล้วผมจะกล้าทำให้แม่ผิดหวังได้เหรอ ไม่ว่าเรื่องเรียนในวันนี้หรือเรื่องอื่นๆที่สำคัญอย่างเรื่องความรักในวันหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-06-2007 00:29:45
มาติดตามด้วยอีกคนค้าบบบบบบบบบบบบ :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 00:46:34
ตอนที่3
ตัดสินใจลาออก

ผมกลับมาอยู่บ้านเพียงเพื่อจะหาที่พักสมอง ให้คลายเครียดจากเรื่องเรียนที่ผลสอบออกมาว่าผมตกซะเกือบหมดทุกวิชานั่นล่ะ
แต่เอาเข้าจริงผมกลับต้องมาฟังเรื่องเครียดกว่าของแม่ แต่ในทางกลับกันการรับฟังปลอบโยนช่วยให้ผมมองคนอื่นมากขึ้น
มองสิ่งต่างๆออกไปไกลจากตัวเอง มองปัญหาของคนอื่นแม้เพียงขณะเดียวก็ทำให้เว้นว่างจากปัญหาที่ผมคิดว่าช่างหนักหนา
แล้วการได้รับรู้ว่าตัวผมต้องเป็นที่พึ่งพิงให้กับคนในครอบครัวก็ทำให้ผมเข้มแข็งมากพอจะเลือกอนาคตตัวเองได้อย่างเด็ดขาด
ตอนแรกผมกะว่าจะกลับมาอยู่บ้านอย่างมากก็แค่ 1สัปดาห์ แต่ไปๆมาๆ ด้วยอาการป่วยของแม่ที่เรื้อรังอยู่ทำให้ผมไม่อยากกลับ
และแน่นอนว่าอีกสาเหตุนึงก็คือผมไม่อยากกลับไปเรียนในสิ่งที่ผมไม่ชอบอีกต่อไป แม่ถามผมผมก็บอกปัดไปก่อน
ว่าผมอ่านหนังสือเองแล้วใกล้ๆวันสอบผมถึงจะกลับไปเตรียมตัว ทั้งที่ในใจผมอยากบอกแม่ว่าผมเรียนไม่ไหวแล้วครับตะหากล่ะ…

ผ่านไปสู่สัปดาห์ที่2 เทค โทร.มาคุยกับผมถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปเรียนเพราะเค้ามาเรียนคนเดียวตลอดเลย
ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ เทค ได้รู้ผมถือว่า เทค ได้เล่าเรื่องในครอบครัวเค้าให้ผมรับรู้อยู่หลายเรื่องผมจึงไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เทค เช่นกัน
 
“แล้วนิวได้คุยกับพี่ชายรึยัง เผื่อเค้าจะมาเยี่ยมแม่นิวไง”
เทค ถามกลับมาด้วยความห่วงใย ทั้งยังช่วยเสนอความคิดด้วย
“เราคุยแล้วล่ะเทค พี่ชายบอกว่า เค้าเองก็กลุ้มใจแต่ถ้าแม่ไม่ยอมรับเมียกับลูกเค้า เค้าก็ฝากเราดูแลแม่แทนด้วย”
“อ้าว ทำไมงั้นล่ะ แทนที่จะแก้ปัญหา กลายเป็นทิ้งปัญหาไว้ให้นิวแบบนี้เหรอ”

เทค ทำเสียงเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อผ่านทางสายโทรศัพท์
“เราก็ไม่รู้จะทำไง คิดว่านานๆไปแม่คงใจเย็นกว่านี้ เราก็จะช่วยพูดแทนพี่ชายอีกที”
ผมบอกถึงความตั้งใจที่คิดไว้ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่
“นิวเหนื่อยมั้ย”
คำถามสั้นๆของ เทค ทำให้ผมน้ำตาซึม ผมเหนื่อยครับ เหนื่อยใจ เหนื่อยกาย บอกตรงๆว่าหลายครั้งผมมักจะคิดว่า
ทำไมผมต้องเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆ ลูกคนเล็กบ้านอื่นๆต้องรับภาระของคนในบ้านมากอย่างผมรึเปล่า เฮ้อ…แต่เอาล่ะ ผมต้องทำให้ได้
ผมตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะดูแลทุกคนในบ้านให้ดีที่สุด ไม่มีเงินก็อาศัยแรง กับ เวลา ในการเอาใจใส่คนในครอบครัวให้มากเข้าไว้
ผมต้องดูแล บ้าน แทนพ่อที่แยกกับแม่ไปนานแล้ว ดูแลแม่ที่เหมือนจะมีแค่ผมเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว แล้วยังคุณป้าใหญ่อีกล่ะ
คุณป้าใหญ่เคยเอาหลานมาเลี้ยงแต่รายนั้นก็แอบไปมีครอบครัวแล้วหายตัวไปเลย คุณป้าใหญ่ถึงกับทรุดก็เรื่องนี้อีกเช่นกัน
“เทค เราว่าเราจะลาออกนะ จะกลับมาอยู่บ้านมาดูแลคนที่บ้าน”
แทนที่ผมจะตอบเทค ผมกลับบอกความตั้งใจที่คิดไว้ให้เทครู้เป็นคนแรก
“เฮ้ย  ถึงกับจะลาออกเลยเหรอ เรียนไปด้วยดูแลท่านไปด้วยก็ได้มั้ง มาเฉพาะตอนสอบก็ได้นี่นา”
เสียงแสดงความตกใจของ เทค กรอกใส่หูโทรศัพท์ซะผมเองยังสะด้ง
“ไม่ใช่ทั้งหมด ส่วนนึงที่เราจะลาออกเพราะเราเรียนไม่ไหวและไม่อยากฝืนเรียนอ่ะนะ เรากะว่าเราจะมาลงเรียนใหม่ที่โคราช”
ผมอธิบายความตั้งใจของผมให้ เทค ฟังต่อไป
“เทคก็รู้ใช่ป่ะ ว่ารามฯเค้ามาเปิดวิทยบริการที่โคราช เนี่ย…ปีนี้เป็นปีแรกเลยนะ แต่เราคงสมัครไม่ทันแล้วล่ะรอปีหน้าก็ได้”
“แต่นิวจะเสียเวลาไปฟรีๆ3ปีเลยนะ โอนย้ายดีกว่าอย่างน้อยก็ได้1เทอมแน่ะ แล้วรออีก1ปีกว่าจะได้เรียน ไม่ช้าไปเหรอนิว”
เทค ไม่วายเป็นห่วงกับการตัดสินใจของผม แน่ล่ะ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมจะทำอะไรในช่วงที่ว่างๆอยู่ตั้ง1ปีนี้
“เรายอมเสียเวลาที่ผ่านมาดีกว่า ต้องเสียเวลาต่อไปอย่างไม่รู้กำหนดเพราะเรียนไม่จบนะเทค เราตัดสินใจแล้วล่ะ”
ผมยืนยันเสียงหนักแน่น นี่เนเรื่องเดียวมั้งที่ผมแน่ว่าตัดสินใจแบบนี้ดีที่สุด
“งั้นเราก็ต้องเรียนคนเดียวสิทีนี้ แต่ไม่เป็นไรเราจะสอบให้ได้Gเลย แล้วจะเอาไปอวด ช่วงที่ปิดทอมเราจะไปหาบ่อยๆ”
“ขอบใจนะ”

ผมพุดได้แค่นั้นแล้วขอวางสายเพราะน้ำตาไหลอีกแล้ว ผมพูดต่อไปไม่ไหว ทำไมผมต้องเสียใจด้วยนะ ผมไม่เข้าใจเลย ทำไม?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ANA ที่ 03-06-2007 00:52:10
หายไปซะนานเลย มีคนรออ่านตรงนี้อีกหนึ่งคนค่ะ    :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-06-2007 00:54:35
ดีจายยยย
ในที่สุดก็กลับมา
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 01:08:21
หวัดดีครับ คุณpongsj ที่เข้ามาติดตามหวังว่าจะตามกันไปจนจบนะครับ
ขอบคุณครับ คุณ ANA แค่รู้ว่ามีซัก1คนที่รออ่านก็ปลื้มแล้วครับ
ดีใจเช่นกันครับที่ คุณkrappom ยังไม่ลืมเรื่องที่ผมเขียน


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่4
อำลาแก๊งแซนวิช

ผมบอกแม่ว่าผมจะลาออกเพราะผมไม่ชอบเรียนคณะนิติศาสตร์คาดว่าเรียนไปคงไม่จบแน่ ฟังดูเหมือนผมช่างกล้าเลยเนอะ
ไม่ได้กล้าอะไรเลยครับแต่เป็นเพราะผมได้คุยกับแม่ว่าผมไม่แน่ใจว่าจะเรียนนิติฯไหวมั้ย ประมาณว่าหยั่งเชิงท่าทีของแม่ดูก่อน
แม่ผมก็บอกว่าถ้าเรียนไม่ไหวก็อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าๆ จะแก้ไขอะไรถ้ายังทันก็ทำซะตอนนี้เลย ผมก็เลยใจชื้นขึ้น
จนมาถึงวันที่ผมบอกแม่ไปอย่างประโยคในบรรทัดแรกน่ะครับ แม่ก็ตกลงนะไม่ว่าผมซักคำเดาว่าแม่คงดูออกว่าผมเรียนไม่ไหว
แม่ถามแค่ว่า “น้องจะเรียนอะไรลูก จะกลับมาเรียนราชภัฏบ้านเราเหรอ เรียนอะไรก็ได้ขอให้ชอบนะลูก” ผมงี้ซาบซึ้งมากๆ
เป็นความจริงอย่างนึงว่าแม่ย่อมรู้จักตัวเราดีพอๆกับที่เราคิดว่ารู้จักตัวเองนั่นแหล่ะครับ ไม่อย่างนั้นแม่คงไม่ยอมง่ายๆแบบนี้

ผมกลับมาที่หอพักที่ผมเช่าอยู่แถวๆลาดพร้าว โชคดีที่การตัดสินใจของผมยังไม่เกิน1เดือนที่ต้องจ่ายค่าห้องก็เลยมาบอกเลิกเช่าได้ทันเวลา
จากนั้นผมก็เก็บข้าวของต่างๆโดยมีรถจากที่บ้านที่ตามผมมาอีกใน2-3วันหลังจากที่ผมกลับมาบอกเลิกเช่าห้อง
ผมให้รถขนของที่จะเอากลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปรอที่บ้านน้าสาวก่อนเพราะผมมีนัดกับเพื่อนๆของผม ‘แก๊งแซนวิช’ ไงครับ
วันนี้อยู่กันครบเลย ทั้ง แนน ฝน ต๋อม เทค และ ผม เรานัดกันมากินพิซซ่าที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว แหล่งรวมตัวประจำกลุ่มเรา
หลังจากที่กินพิซซ่ากันจนอิ่มแล้ว พวกเราก็นั่งพูดคุยกันไปอีกซักพักนึงเพราะต่างก็ไม่อยากจะรีบแยกกันไปให้เร็วนัก

“แล้วแกจะกลับไปทำไรวะนิว”
ฝน ถามเพราะเห็นว่าผมลาออกกลางคันแบบนี้
“ก็นี่ไง มันมีร้านประดับยนต์นะเวย ก็ไปช่วยแม่ดิ”
ต๋อม นำเสนออาชีพเสริมให้ผม
“เออดีเหมือนกันนะแก ฝึกถอดล้อ เชื่อมสายพาน ส่องท่อแอร์ เก๋ดีออก”
แนน รีบเสริมอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก
“ก็ว่าจะไปช่วยที่ร้านแม่อยู่ว่ะ แต่ไม่รู้จะทำไร ก็คงถามแม่แหล่ะ”
ผมรับข้อเสนอของเพื่อนๆเอาไว้
“เราว่าอย่าแกต้องไปทำบัญชีว่ะ เพราะมันงก เนอะพวกแก”
ฝน นำเสนอบ้างพร้อมทั้งหันไปขอการสนับสนุนจากเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“เป็นไรวะ ทำไมไม่พูด ปวดขี้เหรอ”
ต๋อม คงเห็น เทค นั่งนิ่งอยู่นานเลยหันไปตบบ่า เทค แล้วถามแกมรำคาญ ที่จริงผมก็สังเกตุเห็นว่า เทค เงียบ
แต่ผมก็ไม่ได้ซักถามเหมือนกับว่าตัวผมเองพอจะรู้ว่า เทค คงใจหายเหมือนที่ผมเอง
ก็กำลังรู้สึกใจหายอยู่ในขณะนี้ ถึงไม่ถามผมก็พอจะรู้ใจหรอกนะ
“คิดถึงนิว”
เทค พูดสั้นกว่าที่เคยพูดมาตลอดเวลาที่รู้จักกัน
“อะไรยะ มันก็นั่งอยู่ตรงเนี้ย แกจะรีบคิดถึงไปทำไมกัน”
แนน หมั่นไส้อดแขวะ เทค ไม่ได้
“อ้าว ว่าไม่ได้นะแก คนมันป้อไปป้อมาตั้งหลายปียังไม่ทันได้ชิม ก็จากกันแล้ว”
ฝน รีบตามกระหน่ำมุขด้วยความหมั่นไส้ไม่ต่างจากแนน
“ไอ้บ้า ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย พวกแกไม่ใจหายบ้างรึไงวะ”
เทค เริ่มอ้าปากเถียงบ้างแล้ว
“ใจหายดิวะ แต่อย่าลืมว่า อยากเจอก็ไปมาหาสู่กันได้ ไม่ได้เดินข้ามกระจกหายไปอีกมิตินะแก”
ต๋อม ออกโรงสั่งสอน เทค โดยมี แนน พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ
เทค ปรับสีหน้าให้สดชื่นขึ้นแล้วยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาเป็นคนแรก พวกเราที่เหลือก็ทำตามและส่งเสียง “ชนแก้ว”พร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-06-2007 01:22:55
 :monkeysad:  ความจำเปงบังคับอีกแย้ววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-06-2007 01:24:13
จำใจ จำจาก
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 01:50:40
ตอนที่5
ลูกชายเพื่อนแม่


ผมเคยพูดถึงคนๆนี้ไปแล้วในภาคที่แล้ว ตอนนั้นผมเจอกับพี่เค้า เพราะเค้าเอารถของคุณแม่เค้ามาทำที่ร้านแม่ผม ก็เลยเจอกัน
ต่อมาได้เจอกันอีกเป็นระยๆก็รู้จักมักคุ้นกันมาเรื่อยๆ เค้าชื่อพี่อาร์ท เป็นลูกชายของเพื่อนแม่ผม
ตอนที่รู้จักกันคราวนี้เค้ากำลังจะเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรัฐในจังหวัดบ้านผม แม่ของผมเห็นว่าผมเองยังว่างๆ
เรื่องเรียนอยู่และพี่เค้าก็เรียนจบปริญญาตรีน่าจะพอแนะนำเรื่องการเรียนต่อให้ผมได้บ้าง
(แต่ความเป็นจริงผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวเลยเพราะผมกับพี่เค้าเรียนคนละสายเลยครับ)
ตอนนั้นผมไปช่วยงานที่ร้านแม่บ้าง ไปเรียนภาษาอังกฤษบ้าง เพราะเวลาว่างที่มีผมไม่อยากอยู่เฉยๆปล่อยให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ

แล้วผมก็กลับมาอยู่บ้านนาน3เดือน โดยที่ยังไปช่วยงานแม่ สลับกับหากิจกรรมทำบ้างเพื่อไม่ให้เบื่อมากจนกินไปนัก ในช่วงนี้
ผมก็มีพี่อาร์ทนี่แหล่ะครับคอยมาเป็นธุระพาไปนู่นไปนี่อยู่ตลอด เพราะถึงแม้ผมจะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไปเรียนกรุงเทพฯ
แต่อาจเป็นเพราะว่าผมไปเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมไม่ค่อยรู้จักสถานที่ หรือ เส้นทางอะไรในจังหวัดบ้านเกิดซักเท่าไหร่
มอเตอร์ไซค์ของพี่อาร์ทเนี่ยแหล่ะครับที่พาผมไปทำกิจกรรมอะไรต่างๆตามที่ผมตั้งใจแต่ก็ไม่ใช่ตลอดเวลาหรอกนะครับ
ผมเองก็เกรงใจพี่เค้าอยู่มากเลย แล้วตัวพี่เค้าเองก็ต้องไปเรียนหนังสือในช่วงกลางวันด้วยเช่นกันจะมารับ-ส่งบ่อยๆคงไม่ได้

เทค ยังคงส่งข่าวมาหาผมอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้ เทค เริ่มเบื่อที่จะไปเรียนแล้ว และเพราะผลการสอบซ่อมที่ เทค ยังสอบตกอยู่
ทำให้ เทค เริ่มหมดกำลังใจที่จะไปเรียน แต่ผมก็ให้กำลังใจ เทค ให้พยายามต่อไป แต่ในขณะเดียวกันผมก็ถามเค้าว่าไหวมั้ย
ถ้าเทคเรียนไม่ไหวจริงๆ ผมก็แนะนำให้ เทค ลองเปลี่ยนไปเรียนคณะอื่นดู แต่เค้าก็ยังยืนยันว่าจะลองฮึดดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ผมเล่าเรื่องพี่อาร์ทให้ เทค ฟังด้วยก็เล่าแบบที่กำลังเล่าให้ทุกคนอ่านอยู่เนี่ยแหล่ะครับ เทค บอกว่าก็ดีที่มีคนดูแลผมแทนเค้า
แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมาดูแล ไม่ว่า เทค หรือ พี่อาร์ท แต่ไปๆมาๆก็ไปไหนทำอะไรเองไม่ได้ซะทีสินะ

กลับมาที่เรื่องของ พี่อาร์ท กันต่อนะครับ พี่เค้าเป็นคนดีมากๆ นิสัยดี มีความรับผิดชอบ แม้ว่าจะเป็นคนโผงผางไปบ้างก็ตาม
พี่อาร์ท เป็นลูกคนเล็กเหมือนกับผม และที่เหมือนกันก็เรื่องที่ต้องรับผิดชอบดูแลคนในครอบครัวแทนพ่อกับพี่ชายของเค้า
ด้วยสถานการณ์หลายอย่างที่คล้ายๆกัน ทำให้ผมกับพี่อาร์ทมีเรื่องปรึกษากันหลายอย่างแต่เชื่อมั้ยครับคนที่ปรึกษาคือพี่อาร์ท
ผมคือคนรับฟังและช่วยออกความเห็นเท่าที่ผมพอจะเข้าใจได้แต่ในบางครั้งผมก็ได้คำปรึกษาดีๆจากพี่อาร์ทกลับมาเช่นกัน
จะว่าไปกรณีที่พี่อาร์ทมาปรึกษากับผมก็ไม่ใช่การหารือความเห็นหรอกครับ ก็เป็นการมาบ่นๆเรื่องของเค้าซะมากกว่าครับ เช่น

“วันนี้อาจารย์ไม่เข้าสอน แต่สั่งงานให้ทำเพียบเลยบอกให้ส่งอาทิตย์หน้า แต่พอตอนเย็นกลัมาบอกให้ส่งมะรืนนี้”
พี่อาร์ท เริ่มบ่นเกี่ยวกับการเรียนของเค้า
“แล้วไงครับ ทำไม่ทันเหรอ”
ผมถามไปตามน้ำ
“ทันก็ทันหรอก แต่พี่ก็ต้องทำงานของอาจารย์คนอื่นด้วย ทีนี้ตารางเวลาที่จัดไว้ก็รวนหมดเลย แย่จริงๆ”
พี่อาร์ทเริ่มไล่เรียงเรื่องที่เค้าเบื่อหน่าย
“แล้วพี่ไม่ขอคุยกับอาจารย์ล่ะครับ”
ผมก็ตามน้ำต่อไปเพราะไม่รุ้จะพูดอะไร
“ช่างเหอะ พี่ว่าเราไปกินไอติมกันดีกว่า”
จู่ๆ พี่อาร์ทก็เปลี่ยนเรื่อง
“ไหนว่างานยุ่งไงพี่ ไปทำงานก่อนเหอะ เดี๋ยวไม่ทันส่งนะพี่”
“ไม่เป็นไร พี่กะว่าวันนี้จะพานิวไปกินสเวนเซ่นอยู่แล้ว ไปเหอะ ลุกเลย เร็วๆ”

อะไรวะเนี่ย ผมนึกในใจ ตอนแรกก็นั่งเครียดอยู่ดีๆ บทว่าจะหายเครียดก็หายเป็นปลิดทิ้งแถมยังมาเร่งให้ผมรีบไปกินกับเค้าด้วย
ที่จริงเรื่องของพี่อาร์ทยังมีมากกว่านี้ แต่วันนี้เล่าคร่าวๆก่อนนะครับใม่ต้องห่วงครับพี่เค้ายังอยู่ในเรื่องอีกหลายตอนเลยครับ

:+: โปรดติตามตอนต่อไป :+:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-06-2007 02:31:34
เพิ่งเห็นว่าปาดของเค้ามาหลายรอบเลยเรา ขอโทษน้า o1
อายจัง :-[ :-[ :-[

แล้วอย่างนี้เทคจะน้อยใจมั้ยอ่ะ
เล่าเรื่องพี่อาร์ทให้ฟังแบบนี้อ่า
 :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 03-06-2007 02:39:17
ใครน๊อจะได้เข้ามานั่งในใจของนิว

เพราะอะไรหลายๆอย่าง จึงทำให้ต้องไกลจาก :undecided:

ขอบคุณมากครับ รออ่านต่อครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-06-2007 07:42:16
สู้เค้านะค้าบ มาเป็นกำลังใจ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-06-2007 08:28:23
จะฝ่าฟันด่านนี้ผ่านพ้นกันไหม
เพราะมีให้เห็นกันมากมาย ว่ารักแท้แพ้ระยะทาง
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-06-2007 13:10:57
สำหรับเพื่อนที่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงในกระทู้นี้

السلام عليكم < ใครจะมานั่งในใจ รออ่านต่อไปก็จะได้ทราบแน่ๆครับ

Lucifer < ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ สู้ๆๆ

b|ueBoYhUb < ถ้านี่เป็นด่านก็ต้องเรียกว่าด่านอรหันต์เลยล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามและให้กำลังใจกันอยู่เสมอนะครับ

จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-06-2007 13:12:24
หุหุ และแล้วก็มาต่อภาค 2 จนได้   :teach:
ติดตามอ่านอยู่น้า  :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 03-06-2007 14:39:08
อ่านเรื่องพี่นิวมาบ้าง แต่หลังๆไม่ได้อ่านเลยคับ วันนี้เลยกลับไปอ่านตั้งแต่ภาคแรก จนถึงตอนล่าสุด  :impress:

ปล.หวังว่าพี่นิวจะไม่ว่านะ รู้สึกจะเปนรีแรกนะถ้าจะไม่ผิด คิคิ  :impress: o14
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 03-06-2007 15:27:48
 o1 o1 เพิ่งเข้ามาเหนครับ  ว่าต่อภาค2แล้ว  :haun5: :haun5: ผมช้าไปรึป่าวเนี่ยะ 

 :haun5: :haun5:

 :o :o  อย่าบอกว่าคุณนิวจะหวั่นไหวเพราะความใกล้ชิดกะคุณพี่อาร์ทนะครับ :confuse: :confuse:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 03-06-2007 18:58:11
มาให้กำลังใจคนเขียน :-[
อยากบอกว่า LUCK คนเขียนเหมือนเดิมนะจ้ะ จุ๊บๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 03-06-2007 19:04:29
พี่อาร์ทชักจาเริ่มจะเข้ามามีบทบาทในหัวใจของพี่นิวแย้วว อิอิ   :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: max ที่ 03-06-2007 19:33:14
โอ้ว ในที่สุด ภาค2ก็มา อ่านแบบจุใจเลย

สงสารเทคจังเลย ต้องพรากจากนิว ตั้งไกล  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 04-06-2007 13:51:26
หุหุ พี่นิวมาแย้ว

น้องคนนี้จามารออ่านต่อ

แต่ยังไม่ได้อ่านเลย(เพราะเปิดเทอมแล้ว)ขอเม้นไว้ก่อนล่ะกัน

หวัดดีครับพี่

 o14
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-06-2007 15:55:28

เข้ามาเชียร์ เทค หวานใจเจ้ตามเดิม  :teach:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 04-06-2007 21:00:34
แจ้งข่าวครับ
ผมจะนำเรื่องเล่ามาลงให้อ่านกัน
สัปดาห์ละ1ครั้งแต่ครั้งละหลายตอน
สำหรับตอนต่อๆไปอดใจอีกนิดนะครับ
นับไปอีกไม่กี่วันก็จะครบ1สัปดาห์แล้วครับ
ผมเองครับ

ทักทาย

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน ดีใจมากครับที่เพื่อนๆ
ยังให้การต้อนรับ :+: กว่าจะรู้ว่ารักภาค2 :+: อย่างดี
ทั้งที่ผมปล่อยให้รอ ภาค2 นี้ตั้งหลายเดือนน่ะครับ
หวังว่าจะติดตามอ่านกันไปจนถึง ภาค3 นะครับ

ตอบกลับ

THIP < ขอบคุณที่ติดตามครับ

Stranger < ถึงเพิ่งจะลงรีแรกก็ไม่ว่าครับ แค่มาอ่านเนี่ยพี่ก็ดีใจแล้ว

A GE < หวั่นไหวมั้ย รออ่านตอนต่อไปนะครับ

สาวตัวกลม < ขอบใจจ้ะเพื่อน LUCK เพื่อนเหมือนเดิมเช่นกันจ้า

๑۩ n★ew ۩๑ < ตอนนี้เค้าแค่มีบทบาทในชีวิตเท่านั้นครับไม่ใช่หัวใจ

max < สงสารแต่เทคเหรอครับ ไม่สงสารผมมั่งเหรอ

kryo_lover < เป็นไงน้องอุ้มไม่ได้คุยกันตั้งนาน เปิดเทอมแล้วตั้งใจเรียนนะครับ

oaw_eang < เชียร์เทคแล้ว อย่าลืมเชียร์กระทู้ผมด้วยนะครับเจ้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 04-06-2007 21:19:36
 o1 o1 ครับผม  แล้วจะเข้ามาดันเรื่องไว้เรื่อยๆครับ :teach: :teach: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-06-2007 21:30:06
ให้รอนานแค่ไหนก็ได้จ๊า
แค่มาต่อก็พอ :impress:
จะตามติดสถานการณ์เสมอ เพราะเรื่องชาวบ้านคืองานของเรา :laugh: :laugh:
มะจ๊ายยยย....เพราะจะตามให้กำลังใจตะหาก :try2: :try2:

 o14 o14 o14 o14 o14 o14
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-06-2007 23:22:18
รับแซ่บจ้า   :give2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-06-2007 23:27:06
มารออ่านต่อ มาช้าดีกว่าไม่มา   :o9:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: max ที่ 04-06-2007 23:30:31
ถ้ารับๆตอบรักเทคเร็วๆ ก็จะให้คะแนนสงสารไปด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 05-06-2007 08:50:48
หว๋าย ได้อ่านแล้ว ภาค 2 น่ะรู้ว่าจะจบยังไง แต่ภาค 3 นี้ซิไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องของใคร
สงสัยต้องต่อไปถึง ภาค 4 ละมั้ง  แหม.....จะเอามาลงสัปดาห์ละครั้ง เรียกเรตติ้งเหรอ
รู้ทันหรอกน้า.....เหอ ๆ ๆ  o3
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 05-06-2007 10:10:49
ขอแอบมาต่อ(มีเวลาน้อย)

จารออ่านนะพี่นิว

ไว้เจอแล้วค่อยคุยกัน

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2007 10:53:44
มารอและรับทราบคร้าบบบบบบบบบบบบ ลงทีละหลายตอนเลยน้า

ปล.ปัญหากับทางบ้านนี้แหละปัญหาของพวกเราเลย ถ้ารับได้ก็ดีไป ถ้ารับไม่ได้ล่ะจะทำยังไง เฮ้อๆๆๆ :o11:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-06-2007 12:09:02

..........ตามมาอ่าน ภาค 2 แล้วนะคับ....... o8

..........เปิดเรื่องมาก็แยกจากกันเลย......ไหนจะปัญหาทางบ้านอีก..... o6 o2

..........สู้ๆ......คับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 05-06-2007 17:23:16
 :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:


น้องตามมาแล้วววววววววววววววว


มาลุ้นให้กำลังใจ คราบบบบบบ


รักเหมือนเดิมนะครับ พี่สาว รัชวิภา2


 :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Darklord ที่ 06-06-2007 10:23:30
รักนิวนะจ๊ะ จุ๊บๆๆ  o13 :teach: :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 06-06-2007 20:41:15
นึกว่าจะไม่มาต่อภาคต่อไปซะแล้ว  :impress2:

แหม แต่มี ภาค 3 ด้วยเหรอค่ะเนี่ย

เป็นไตรภาคเลยนะค่ะ


 o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 07-06-2007 21:54:09
สวัสดีครับคนอ่านทุกๆคน

AGE > ฝากดันกระทู้ด้วยคร้าบบบบบ
Krappom > 555 เรื่องชาวบ้านเป็นเรื่องของเรา (เป้นเหมือนกันครับ)
๑۩ n★ew ۩๑ > ทักทายครับ
Poes > งั้นลงตอนต่อไปเลยดีมั้ยครับ
max > งั้นคงอีกนานกว่าจะสงสารผม
luvdisc > เรื่องเดิมแต่รายละเอียดเยอะครับ
kryo_lover > แวะมาอ่านอีกแล้วกันนะ
pongsj > จะพยายามลงทีละหลายๆตอนครับ
][GobGab][ > ทุกๆเส้นทางมักมีทางแยกเสมอครับ
^บาส_กลายพันธ์^ > เห็นว่าป่วยว่าจะโทร.ถามอาการแต่มาแซวได้แล้วก็แปลว่าหายดีสินะ
Darklord > รักด้วย จุ๊บๆจ้ะ
tsuyu > ยิ่งเขียนรายละเอียดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นครับ

จาก ผมเองครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 07-06-2007 22:03:11
สวัสดีครับคนอ่านทุกๆคน

^บาส_กลายพันธ์^ > เห็นว่าป่วยว่าจะโทร.ถามอาการแต่มาแซวได้แล้วก็แปลว่าหายดีสินะ



 :impress: :impress: :impress: :impress:


 o15 o15 o15 o15 o15
ขอบคุณ คราบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 07-06-2007 22:25:42
บาสเค้าอึด ถึก ทน อ่าพี่นิว ไม่เปงรายง่ายๆหรอกจ้า..  :give2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 07-06-2007 22:44:52
บาสเค้าอึด ถึก ทน อ่าพี่นิว ไม่เปงรายง่ายๆหรอกจ้า..  :give2:



 :try2: :try2: :try2: :try2: :try2: :try2: :try2:


เจ้ชมนู๋ ซะน่ากลัวเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 07-06-2007 22:53:51
รอพี่นิวต่อไป....ด้วยใจ :like6: :impress2: :give2:



ปล.พี่บาส รัชวิภา ตอบกาทู้ ได้แอ๊บเด็กมากมาย :laugh3: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 08-06-2007 00:24:59
คนอื่นทักทายไปแล้วแต่เพิ่งเห็นน้อง•ChANgE•เข้ามาทักRe:ล่าสุดขอบคุณที่มารอด้วยใจพี่ก็เขียนด้วยใจเช่นกันครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่6
เหนื่อยนักก็พักหน่อย

ในที่สุดการเรียนอันแสนยากเย็นเข็ญใจของ เทค ก็จบลงไปในเทอมแรก ทันทีที่ เทค สอบเสร็จก็รีบโทร.มาหาผมเลยครับ

“นิวเหรอ โห…สอบยากมากกกก ยากทุกวัน ยากจนวิชาสุดท้ายเลยเนี่ย”
เสียงบ่นของ เทค ลอดมาตามสายโทรศัพท์
“555555555 เออ ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าแกผ่านมรสุมมาอย่างสาหัสเลย”
ผมขำไปพูดไปเพราะคิดแล้วว่า เทค ต้องบ่นเรื่องสอบเป็นอย่างแรกแน่เลย แล้วก็จริงซะด้วย
“แล้วนี่ยังอยู่แถวมหาวิทยาลัยเหรอ หรือว่าถึงบ้านแล้ว”
“เปล่า เราอยู่ที่หมอชิต”
“ไปทำอะไรที่นั่นวะแก สอบหนักไปรึเปล่าถึงกับหาทางกลับบ้านไม่เจอต้องไปตั้งต้นที่นั่นเลยรึไง”

ผมทั้งขำทั้งสงสัยว่า เทค ไปทำอะไรที่หมอชิต รึว่าจะมาหาผม เอ…มาทำไม
“เรามาดูเรื่องตั๋วอ่ะ อยากไปเที่ยวทะเล ไปเสม็ดกันมั้ย”
น้ำเสียงที่พูดมานั้น ดูกระตือรือร้นซะเหลือเกิน คงอยากเที่ยวมาก แล้วผมจะตอบไงดีล่ะ
“เออ ขอถามแม่ก่อนได้ป่ะ ว่าต้องช่วยงานไรมั้ย อีกอย่างต้องขอตังแม่ไปเที่ยวด้วย”
ผมไม่ได้มีเจตนาจะบ่ายเบี่ยง แต่ป็นความสัตย์จริงตามนั้นเลยครับ
“ได้ๆ เราก็แค่มาดูเรื่องการเดินทางอ่ะ ไม่อยากขับรถ อยากพักจริงๆนั่งรถทัวร์ไปสบายกว่า”
หลังจากนั้น เทค ก็วางสายไปโดยขอตัวไปสืบถามเรื่องราคาตั๋ว การเดินทาง อะไรต่างๆที่เค้าสนใจ

ในส่วนของผมเองก็ขออนุญาติแม่ว่าจะไปเที่ยวกับเทค แม่ก็ไม่ขัดฉันก็เลยบอกแม่ว่าจะไปเยี่ยมพ่อที่ระยองด้วย

“ไปทำไมกัน คุณป๋าเค้าก็อยู่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหรอกลูก”
ถ้ามาแนวนี้ สงสัยแม่ยังเคืองพ่ออยู่แง๋ๆ
“แหม น้องก็ไปเยี่ยมซะหน่อย อยู่ดีก็ดี ได้เห็นกับตาก็สบายใจด้วยนะครับนายแม่”
ผมเข้าไปกอดแม่ประจบอย่างเอาใจ
“นี่จะทิ้งแม่ไปเที่ยว แล้วไปหาคุณป๋าด้วยเลยใช่มั้ย”
แม่แกล้งทำเป็นงอน
“เอางี้จะซื้อของมาฝากนะครับ รึว่าอยากให้เอาตัวคุณป๋ามาฝากซะเลย”
ผมกระเซ้าแม่ ผมรู้ว่าแม้การแยกทางของพ่อกับแม่จะไม่สวยงามซักเท่าไหร่ แต่แม่ก็ไม่ใจดำกับพ่อนักหรอกนะครับ
อย่างน้อยการที่ลูกๆอยู่กับแม่หมดก็ทำให้เห็นว่าแม่ไม่ได้โดดเดี่ยวเลยสักนิด แต่พ่อผมสิตอนนี้เค้าไม่มีใครแล้วครับ
ถ้าเค้ายังมีครอบครัวที่สองที่เค้าเลือกจากไปผมก็คงไม่เข้าไปเก่ยวข้องแต่ตอนนี้พ่อก็มีแต่ลูกๆเท่านั้นเองจะทิ้งได้ไงกันล่ะ
“อู๊ยยยย ไม่ต้องเอามาหรอก ขี้เกียจจะปรนนิบัติพัดวีเหมือนแต่ก่อน 555”
“งั้นน้องไปจัดกระเป๋าก่อนนะครับ”
“มีชุดไหนที่จะต้องรีดมั้ย แม่จะรีดให้แล้วจะพับให้ด้วยจะได้ไม่เป็นรอยยับที่ตัวเสื้อ”
“เดี๋ยวน้องหาก่อนนะครับ ถ้ามีตัวไหนจะให้นายแม่รีดจะเอาไปวางไว้ที่ห้องรีดผ้านะครับนายแม่”

ผมพูดแล้วก็รีบไปจัดแจงเรื่องเสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็นสำหรับการไปพักผ่อนที่จะมาถึง แค่คิดผมก็นึกว่าต้องสนุกแน่
ชีวิตประจำวันของผมก็ประมาณนี้แหล่ะครับ อยู่กับคุณป้าใหญ่ช่วงกลางวันเพราะคุณป้าใหญ่ก็ไม่มีใครจะดูแลท่าน
ตอนค่ำ ผมก็ข้ามมาอยู่บ้านของผมกับแม่ พูดคุย หยอกล้อ หัวเราะกันไปก่อนนอน เท่านี้ก็มีความสุขแล้วล่ะครับ
แต่ก่อนที่จะนอนคืนนี้ผมเกิดคำถามในใจว่า “เพราะอะไรเราถึงตื่นเต้นขนาดนี้นะเนี่ย” เพื่อนๆคิดว่าเพราะอะไรครับ

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 08-06-2007 00:32:37
ตอนทึ่7
ที่นี่คือ เกาะเสม็ด

เย้ๆๆๆ มาถึงเสม็ดจนได้ ก่อนหน้านี้ ผมกับเทค แวะไปหาพ่อของผมที่ระยองมาแล้วครับ พ่อผมสบายดี แข็งแรงไม่ต้องห่วง
พ่อผมเป็นคนใจดีจะว่าไปแล้วใครเจอพ่อผมก็จะเกิดความสบายใจที่จะคุยด้วย เพราะพ่อผมเป็นคนทันสมัย คุยได้กับทุกวัย
ผมแวะค้างคืนกับพ่อ1คืน แล้วก็ออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นเพื่อมุ่งตรงไปยัง เกาะเสม็ด เพื่อจะไปชื่นชมท้องทะเลอันแสนงาม
ผ่านการขึ้นรถ ลงเรือ มาอย่างเมื่อยล้า โชคดีที่ เทค จองบ้านพักไว้ก่อนแล้วพอมาถึงแล้วก็เข้าพักทันทีเลยล่ะครับ
แม้ว่าต้องเดินอ้อมไปไกลจากจุดที่เราลงเรือซักหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า กับบรรยากาศเป็นส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะกับการนอน
ผมไม่รอช้า บอกเทคจัดการเรื่องต่างๆไปคนเดียว ผมเข้าไปบ้านพักได้ก็รีบอาบน้ำก่อนล่ะครับ ง่วงและเพลียเหลือเกินครับ

ผมรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เย็นมากแล้วครับ มองไปทั่วๆห้องก็ไม่เห็น เทค คิดว่าเค้าคงอยู่ห้องของเค้ามั้ง ผมก็เลยไปล้างหน้าล้างตา
ออกมาจากห้องผมก็จะไปเคาะเรียก เทค ที่ห้องพักซึ่งอยู่ตรงข้ามกันแต่พอดีเจอกับเจ้าตัวเข้าซะก่อน ก็เลยถามว่าไปไหนมา

“เราเห็นนิวหลับก็เลยไปเดินเล่น เดินไปตั้งไกลเลยนะ หาร้านอาหารด้วยเผื่อตื่นมานิวจะหิว”
เทค บอกซะละเอียดเลยว่าหายตัวไปไหนมาบ้างระหว่างที่ผมนอนหลับ
“อืม เราเพิ่งตื่นเนี่ยแหล่ะ ง๊วงง่วง แหะ แหะ เลยนอนกินบ้านกินเมืองไปหน่อย โทษทีนะ”
ผมยิ้มแก้เขิน แหม มาเที่ยวทั้งทีมัวแต่นอนหลับซะงั้น อิอิอิ
“นิวอยากว่ายน้ำป่ะ จะได้ไปเล่นน้ำทะเลกัน”
“วันนี้อย่าเพิ่งเลย เนี่ย เย็นแล้วด้วยเทคไปอาบน้ำก่อนเหอะ จัดของรึยังล่ะ”

ผมถามเพราะคิดได้ว่าคุณชายคงเคยชินกับการมีคนทำให้
“ยัง ทำให้หน่อยได้ป่ะ”
ว่าแล้วก้เดินมาจับมือผมเดินเข้าไปในห้องของ เทค
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ แกไปอาบน้ำไป เสร็จแล้วเราจะมาจัดของให้”
ผมยิ้มเจื่อนๆ ไม่อยากสลัดแขนออกกลัว เทค จะรู้สึกไม่ดี
“ตอนนี้แหล่ะ เราไปอาบน้ำนิวก็จัดกระเป๋าไปสิ จะได้ไม่เสียเวลา เหอะน่าเราหิวแล้ว”
“ก็ได้” ผมยอมเดินไปจัดของในห้อง เทค ตามที่เค้าขอร้อง ระหว่างที่ผมจัดของจากกระเป๋าของ เทค เจ้าตัวเค้าก็เดินร่อนไปมา
“เมื่อไหร่จะอาบน้ำเนี่ย เดินถอดเสื้อถอดกางเกงไปมาตั้งหลายรอบ น่ารำคาญว่ะ”
“อืมๆ กำลังจะไปอาบน้ำแล้ว เออ นิวว่าเราล่ำมะ”
“ไม่รู้ดิ อย่ามาถามคำถามไร้สาระอยู่เลย เดี๋ยวก็หิวตายคาบ้านซะก่อนหรอกเทค”
“โห…ก็เราอยากให้คนคอมเม้นหุ่นเราหน่อยอ่ะ นะๆๆ ดูหน่อยดิ แล้วคอมเม้นนิดนึง น่านะ”

เทค เดินผ่านมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วก็คุกเข่าลงนั่งใกล้ๆ กวนประสาทจริงๆ
“ถ้าแกไม่ไปอาบน้ำตอนนี้ เราจะไม่จัดกระเป๋าให้ แล้วเย็นนี้เราก็ไม่ไปกินข้าวด้วย เรายอมอดข้าวนะเทค”
ผมยื่นคำขาด
“เออ ก็ได้ รอแป๊บนึงนะ”
แม้ว่าเค้าจะยอมจำนนให้คำขาดของผม แต่เค้าก็พอใจที่ได้กวนประสาทผม เพราะเค้าหัวเราะซะดังลั่นห้องน้ำ
ระหว่างที่จัดกระเป๋าของ เทค ผมเจอกระดาษขนาด A4 หลายแผ่นเลยทีเดียวผมยังนึกไม่ออกว่า เทค เอามาด้วยทำใม
ตั้งใจว่าเค้าออกมาแล้วผมจะถามก็แล้วกัน แต่จนแล้วจนรอดผมก็ลืมถามจนได้ เพราะหลังจากที่ผมจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว
ผมก็รีบออกไปรอ เทค ที่นอกห้องก่อนที่เค้าจะอาบน้ำเสร็จ ไมงั้นถ้าแห็นผมอยู่ด้วยตอนแต่งตัวก็คงไม่วายกวนประสาทผมอีก
หลังจากนั้นผมก็ไปเตรียมกระเป๋าสะพายเพื่อจะออกไปกินข้าวซึ่ง เทค บอกว่าเป็นร้านอาหารง่ายๆแต่บรรยากาศีมากๆเลยล่ะ
อืม…ก็จริงอย่างที่ เทค โฆษณาไว้ เพราะบรรยากาศดี อาหารเรียบง่ายที่กินที่ไหนก็ได้ แต่ที่นี่เค้าตกแต่งซะสวยงามเลยเชียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-06-2007 00:39:07
โดนพี่นิวปาด  :sad4:  แล้วว่าแต่พี่เทคหุ่นล่ำป่าวจ๊ะพี่นิว   :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 08-06-2007 00:42:50
น้องแน๋วตะหากที่มาปาดพี่ หุหุหุ(ดันใจตรงกันซะงั้น)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่8
โอ้ทะเลแสนงาม

ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ ล่องอยู่ในทะเล อืม…ไม่ได้มาชวนร้องเพลงหรอกครับแต่พอพิมพ์ชื่อตอนแล้วก็นึกถึงเพลงนี้
ตอนนี้ท้องฟ้าที่เสม็ดสวยงามจังเลย ไม่รุ้ว่าที่ผ่านมาผมวุ่นวายกับเรื่องต่างๆในชีวิตมากไปรึเปล่าจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย
แต่วันนี้ ผมไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องกระเสือกกระสนทำอะไรให้ทันเวลา ก็เลยทำให้มีนาทีที่ชื่นชมธรรมชาติอย่างปลอดโปร่ง
จะว่าไปท้องฟ้าทุกทีก็คงสีสันเหมือนกันนั่นแหละครับ มีช่วงเวลาฟ้าหม่น แล้วก็มีช่วงเวลาฟ้าใสเหมือนอย่างเวลานี้ที่นี่
ตอนนี้ผมนอนหลบแดดอยู่บนระเบียงบ้านพัก อ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน ส่วน เทค นั้นไปดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลแล้วครับ

ผมเพิ่งคุยโทรศัพท์กับฝนเมื่อสักครู่นี้ เล่าถึงบรรยกาศทะเลที่ให้ทั้งความอบอุ่นและความตื่นเต้นในคราวเดียวกันแล้วผมยังบอกว่า
น่าเสียดายที่ ฝนไม่ยอมมาด้วยทั้งที่ฝนเองก็ว่างๆอยู่ แต่ฝนบอกว่าเอาไว้คราวหน้าฝนจะมาเที่ยวด้วยแน่ๆผมก็หวังอย่างนั้น
การมาเที่ยวแบบนี้ถ้ามีเพื่อนๆมากันเยอะคงสนุกมากกว่านี้ แต่นี่มาแค่2คนจะไปสนุกอะไร แต่ถึงไม่สนุกสนานเฮไหนเฮนั่น
แต่การมาเที่ยวกับ เทค ครั้งนี้ผมก็เหมือนได้มาพักสงบให้จิตใจด้วย จากที่เหนื่อยดูแลใครๆมาเกือบปีตอนนี้ก็ดูแลตัวเองมั่งล่ะ
ฝน บอกว่าให้ลองหาร้านที่มีอินเตอร์เนต เผื่อว่าคืนนี้จะได้แชทคุยกันได้ เพราะเพื่อนๆคนอื่นก็อยากคุยด้วยเหมือนกัน

เทค วิ่งกลับขึ้นมาแล้ว ผมรู้สึกว่า เทค ดูเป็นอิสระจากความทุกข์ เป็นอิสระจากอะไรบางอย่างที่กดให้เค้ามีปมในใจตลอดมา
ผมมองดู เทค เหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก เพราะท่าทางของ เทค ตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่เปลี่ยนไปเป็นเด็กๆก็ว่าได้นะครับแต่ก็ดีแล้ว
เทค เริ่มสนุกกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เค้าเคยหงุดหงิดอารมณ์เสีย ตอนนี้ดูเหมือนเค้าจะยิ้มง่ายกว่าเดิมมากมายนัก
ตอนนี้ เทค กินอะไรก็ว่าอร่อย ดื่มน้ำก็ว่าเย็นชื่นใจ อ่านหนังสือก็บอกว่าน่าติดตาม ผมดีใจที่เห็นเค้ามีความสุขแบบนี้
จะว่าไปในฐานะเพื่อนที่รู้จักเบื้องหลังของเค้ามาตลอด ผมว่าถ้าจะมีสักช่วงเวลานึงที่เค้าได้กิน ได้เล่น ได้เที่ยวอย่างสบายใจ
โดยไม่มีเรื่องเก่าๆในใจ เรื่องของพ่อ เรื่องของแม่ เรื่องเรียน มาคอยรบกวนให้เค้าต้องคอยกังวลก็นับว่ายินดีกับเค้านะครับ

“นิว ไม่เล่นน้ำเหรอ”
เทค ถามขณะที่ยืนเช็ดตัวอยู่ที่พื้นด้านล่างระเบียง
“ไม่เอาดีกว่า แดดร้อน เดี๋ยวดำก่อนพอดี”
ผมส่ายหน้ามองไปทางเทคังต้องเอาหนังสือบังแสงแดดไว้เลย
“มาทะเลกลัวดำไม่ได้หรอก หมดสนุกกันพอดี”
“ก็รู้ แต่รอให้มันไม่มีแดดก่อนดิ เราจะเล่น จริงๆแดดอ่อนๆก็ได้ตอนนี้ไม่ไหว”
“โห่…เราไม่เห็นกลัวดำเลย”

ว่าแล้วก็เดินมาสะบัดผ้าเช็ดตัวตากบนขอบระเบียง
“ก็แกตัวขาวขนาดนี้โดนไปกี่แดดก็ไม่ดำหรอกน่า”
“ก็ตามใจ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ”
“เลิกเล่นแล้วเหรอ”
“ใช่ เดี๋ยวรอเล่นพร้อมนิวตอนเย็นๆดีกว่า กลัวจะเหนื่อยเกินไปอ่ะ”

ผมเห็นว่า เทค กำลังจะเดินไปอาบน้ำก็เลยไม่ได้สนใจว่าเค้าจะทำอะไรอีก เพราะก่อนที่ เทค จะเดินขึ้นมาผมกำลังอ่านติดพัน
ก็เลยมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป คิดว่าเดี๋ยวเค้าออกมาแล้วจะถามเมนูอาหารซะหน่อยแล้วจให้พาไปดูที่เล่นเนตด้วย
“ไหน อ่านเรื่องอะไรอยู่”
เทค อ้อมมาด้านหลังยื่นหน้ามาชิดกับหน้าของผม
“เฮ้ย ไอ้บ้า เดี๊ยวโดนถีบ”
“ใจร้ายจังตกใจนิดหน่อยถึงกับจะถีบเลยเหรอ 555 ไปก็ได้”
“จุ๊บ”
ผมไม่ทันตั้งตัวเค้าหอมแก้มผมครับ อย่าว่าแต่ถีบเลย แค่จะด่าผมยังพูดไม่ออกได้แต่นั่งเซ่ออยู่ตรงนั้นเองครับ

:+: โปรดติดตามตอนต่อไป :+:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-06-2007 00:51:13
 :o8:  มีหอมแก้มกันด้วยยย ไม่คิดไม่ได้แย้ววว พี่เทคตั้งใจป่าวน้ออ  :give2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 08-06-2007 10:39:16
 :o8: :o8: :o8:โดนหอมแก้ม พี่นิวนู๋ก็เสียจิ้นไปแล้วละสิ


 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:








รอพี่นิวต่อไป....ด้วยใจ :like6: :impress2: :give2:



ปล.พี่บาส รัชวิภา ตอบกาทู้ ได้แอ๊บเด็กมากมาย :laugh3: :laugh:

หมายความเยี่ยงไร น้องเช้ง :o :o :o :o
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 08-06-2007 13:05:19
 :undecided: :undecided:  เมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนกะเทคซะทีล่ะครับ :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 08-06-2007 16:34:32

..........อ่านแล้วอยากไปเสม็ดจัง...... :impress: :impress:

..........แต่ไปคนคนเดียวทุกที....เลยไม่หวานเหมือนชาวบ้านเขา.... :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 08-06-2007 16:42:06
 :haun5: พี่นิวโดนหอมแก้ม  :o8:

รู้สึกงายบ้างอ่ะพี่  อิ อิ

ปล. ไว้วันหลังคุยกันอีกนะคร้าบบบบบบบบบบ

 o14

หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 08-06-2007 19:02:00
 :-[ ว้าย ว้าย ว้าย โดนหอมแก้มด้วยอ่ะ

ถ้าจะไม่ทำให้เป็นการได้เปรียบ เสียเปรียบซึ่งกันและกัน

คุณนิว ต้องหอมแก้มเทคคืน 1 ทีด้วยนะค่ะ

แบบนี้เค้าถึงเรียกว่า เสมอภาค กัน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-06-2007 19:59:19
 หุหุ ทะเลเริ่มหวานแล้ว  :like6:  :like6: ลุ้นครับลุ้น  :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-06-2007 21:41:00
เค้าว่ากันว่า ไปเสม็ดเสร็จทุกราย :o9: :o9:
จริงป่ะอ่ะ :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: max ที่ 08-06-2007 22:39:17
ฮันนีมู๊น ฮันนีมูน วี๊ดดดดดดดวิ้วววววววว 5 5 5 :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 08-06-2007 23:33:10
ไปเสม็ดเสร็จทุกราย
เทคสู้ๆๆ
 :like6: :like6: :like6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-06-2007 04:09:35
สงสัยต้องไปเสม็ดบ้างแระ   :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bass ที่ 09-06-2007 10:34:30
 :try2: :try2: :try2: :try2:




เคยไปแล้วเสม็ด .........ม่ายมีใครน่าสนใจเลย(คือมานม่ายสนใจเราเอง)

เสม็ด  ม่ายเห็นเส็ดใครซักคน


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ไปกีที่ก็เหมือนเดิม


 o17 o17 o17 o17 o17 o17 o17

เป้นที่เกาะหรือที่เล้า หว่า :freeze: :freeze:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 10-06-2007 02:18:19
สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน

คิดถูกจริงๆที่ลงเรื่องเล่ามาถึงตอนที่8
เพราะแต่ละคนทั้งลุ้น ทั้งอิมเมจิ้นกันใหญ่เลย
จะบอกว่า ไปเสม็ดไม่ใช่จะเสร็จทุกรายนะครับ
อย่างน้อยๆตอนที่เอามาลงเนี่ยสภานการณ์มีแค่นั้น
ก็แค่หอมแก้มแล้ว เทค ก็วิ่งหัวเราะเข้าบ้านพักไปเลย

ปล.คราวนี้เพื่อนๆมาคอมเม้นกันเยอะ
ในประเด็นเดียวกันขอตอบรวมๆนะครับ
ถ้าไม่ได้เอ่ยชื่อใครก็อย่าโกรธกันนะครับ
ขอบคุณความรู้สึกดีๆที่ให้กันมาเสมอ

จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 10-06-2007 02:23:08
สงสัยบาสคงต้องร้องเพลงว่า "ไปเสม็ด ฉ้านไม่เสร็จซ้ากกกที   o3  "
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาว ที่ 10-06-2007 16:49:29

พี่นิวคร้าบบ........มะนาวตามอ่านเรื่องของพี่ทันแล้วน้า....
ชอบมากคร้าบบบ....อยากอ่านเยอะๆอ่ะคร้าบ...

รักพี่นิวมากคร้าบบบบบบบบ.....จุ๊บบบๆๆๆ....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 10-06-2007 22:10:22
หวัดดีครับน้องมะนาว ขอบคุณมากนะที่แวะมาอ่าน พี่อ่านเรื่องของมะนาวไปได้ไม่ถึงครึ่งเลย
แต่สัญญาว่าจะพยายามตามอ่านอย่างต่อเนื่อง จะได้ทันตอนล่าสุดที่มะนาวลงไว้
รักน้องมะนาวมากเหมือนกัน (อ้อนเก่งแบบนี้นี่เองใครๆถึงได้ร้ากกกรักน้องมะนาว)


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่9
เพลง หัวใจผูกกัน

วันเวลาดี ๆ เหล่านั้น เธอยังคงจำมันได้ไหม วันที่เคยร่วมทุกข์และสุขจนล้นหัวใจ วันที่เราได้ผ่านมาด้วยกัน
แต่ว่าเวลาที่ผ่านพ้นไป อาจจะทำให้ใจของใครลืมสิ่งนั้น อยากจะมีเพลง เพลงนึง ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นพันๆ ให้เธอรู้

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่ เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้ จะไม่มีเปลี่ยนไป
และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

วันที่เราไม่เคย ย่อท้อ วันที่เราต่างมีความฝัน และทำทุก ๆ สิ่งด้วยหัวใจเดียวกัน เธอยังคงจำมันได้ใช่ไหม
แต่ว่าเวลาที่ผ่านพ้นไป อาจจะทำให้ใจของใครลืมสิ่งนี้ อยากจะมีเพลงเพลงนึงตอบเรื่องราวที่ดีดีเตือนให้รู้

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่ เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้ ว่าจะไม่มีเปลี่ยนไป
และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่ เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้ ว่าจะไม่มีเปลี่ยนไป
และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน
เราจะมีกันและกัน เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

เพลงนี้เป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก โดยส่วนตัวแล้วผมเคยได้ยินออกจะบ่อยๆก่อนที่เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงของเรา
แต่ เทค เพิ่งจะเคยได้ยินเพลงนี้ก็ตอนไปงานมีตติ้งกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่มี party กันที่มุมหนึ่งของหาดที่เรามาพัก
เทค ถามผมว่า “เพลงอะไรน่ะนิวความหมายดีจังเลย ขอให้เพลงนี้เป็นเพลงของเราสองคนได้ป่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มประจบ

“ทำไมต้องเป็นเพลงของเราด้วยอ่ะ แกชอบก็เก็บไว้เป็นเพลงประจำตัวแกดิเทค”
ผมยังกวนประสาท เทค เหมือนอย่างทุกที
“ก็เรารู้ว่านิวชอบ”
“รู้ได้ไง นั่งทางในเหรอ”
“เปล่า แต่เราสังเกตุดวงตาของนิวตอนฟังเพลงนี้มันเคลิ้มๆชอบกล”

เทค แกล้งทำยักคิ้วหลิ่วตา และกระพริบตาปริบๆยังกับว่าสายตานั้นหวานซึ้งเต็มประดา
“ไอ้บ้า ถึงเราจะเคลิ้มนะเราก็ไม่ทำตาปลิ้นตาถนแบบแกหรอ”
“แต่นิวชอบเพลงนี้ใช่มั้ย เราก็ชอบ น่านะมีอะไรที่เป็นของกันและกันซักอย่างแล้วกันนะ”

ผมได้แต่ยืนนิ่งฟังสิ่งทีเทคพูด มองดูสิ่งที่เทคทำ ช่างหมือนเด็กๆได้ของเล่นใหม่ซะจริง
“ฮั่นแน่…ไม่คัดค้านเอาเป็นว่าตกลงแล้วนะ ฮี่ๆๆๆ”
เทค ชี้หน้าผมเชิงล้อเลียนอีกครั้งแล้วเค้าก็กระโดดโลดโผนไปตามทางเดินที่กลับบ้านพักของเรา ผมซึ่งเดินตามไปก็พลอยสนุกไปด้วย
รู้สึกว่าเวลานี้ เทค เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา แล้วผมก็มาคิดถึง “เพลงของเรา” อืม…ก็ไม่เลวนี่นา
การที่เราจะมีอะไรเป็นตัวแทนให้จดจำเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆที่นี่ ก็ดีกว่าผ่านเลยโดยไม่มีอะไรให้จดจำ
ผมกำลังคิดถึงเรื่องดีๆที่ผ่านมาจนใกล้ถึงวันเวลาสุดท้ายแล้วก็ใจหายนิดๆ แต่ทำไงได้ชีวิตเราคือโลกข้างนอกไม่ใช่ที่นี่ซักหน่อย
แม้จะกลับสู่สังคมที่มีคนและภาระหน้าที่มากมายรายล้อมอยู่ผมก็ยังหวังว่า “จะไม่มีเพลงไหนมาแทนที่เพลงของเรานะครับ”
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 10-06-2007 22:29:44
ตอนที่10
อดีตแสนบอบช้ำของเทค

ทานข้าวเสร็จแล้วเรากลับมาที่บ้านพัก นั่งดูทีวีด้วยกัน แล้วผมก็เกิดจะอยากรู้ความเป็นมาในเส้นทางเกย์ของ เทค จึงถามว่า

“เทค รู้ตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ม.4 แล้วล่ะตอนนั้นมีพี่ม.6คนนึงมาชอบเรา เราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก
แต่พี่เค้าเอาใจใส่เรามากเลยนะอย่างเวลาที่เราไปแข่งบาสทีมโรงเรียนเงี้ย
พี่เค้าจะตามไปเชียร์ด้วยทั้งที่เค้าไม่ได้ชอบดูกีฬาเลยนะนิว แต่เค้าก็ตามไปดุเราทำของว่างไปให้ด้วย”

ระหว่างที่ เทค เล่าไปผมสังเกตุดูว่าทั้งสีหน้า แววตา ของเทคช่างเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนดี
“แล้วก็เป็นแฟนกันเหรอ” ผมถามแทรกขึ้น “ไม่หรอกก็แค่จิ๊จ๊ะไปเรื่อยแต่เราก็ชอบพี่เค้าจริงๆนะ” เทค ตอบ
“ทำไมอ่ะก็ในเมื่อชอบเค้าจริงๆทำไมไม่เป็นแฟนกันไปเลยล่ะ”
“ก็ไม่รู้สิ พี่เค้าออกแนวหวานๆเรียบร้อยคงอายถ้าจะมีคนแซวว่าจีบเด็กอย่างเรามั้ง”
“แล้วไงต่อ”
นาทีนี้ผมชกอยากจะรู้แล้วว่าความรักของ เทค จะไปลงเอยแบบไหนกันแน่
“พี่เค้าเอนท์ติดม.เชียงใหม่ ก่อนจะไปรายงานตัวเค้าบอกเราว่าถ้าเค้าเรียนมหาวิทยาลัยเค้าจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์”
“แล้ว…”
  ผมรีบถามเพราะกำลังลุ้นเลยครับ “แล้วพี่เค้าก็โดนรถชนตายก่อนจะจะถึงม.เชียงใหม่นิดเดียว” เทค พูดต่อ
“เฮ้ยยยยย เสียใจด้วยนะเทค แย่จังเลยเนอะ พี่เค้ากำลังจะมีอนาคตอีกไกลมากเลยอ่ะ”
“เราถึงบอกไงว่าทำไมคนที่เรารักมักจะทิ้งเราไปเสมอ แม้แต่ผู้ชายคนแรกที่เราชอบ”

ตอนนี้สีหน้า แววตา รวมทั้งน้ำเสียงของ เทค ไม่เหลือความสุขอย่างตอนแรกแลวมีแต่ความสั่นไหวในอารมณ์เศร้า
เมื่อ เทค เล่าเรื่องเส้นทางความเป็นเกย์ของเค้ามาจนถึงขณะนี้ ทั้งผมและเค้าต่างก็นิ่งเงียบไปหลายอึดใจด้วยความเศร้า
ไม่แปลกเลยว่าทำไม เทค ถึงมีปมในใจว่าคนที่เค้ารักมักจะไม่ได้อยู่กับเค้าเพราะ พ่อ แม่ ก็ทิ้งเค้าไปคนละทาง
เมื่อเริ่มโตจนรู้จักที่จะรักชอบใครซักคน คนๆนั้นก็มีอันเป้นไปถึงตายซะอีก ถ้าเป็นผมก็คงอดโทษโชคชะตาของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
สำหรับเรื่องที่ผมอยากรู้เมื่อเจอทางตันแบบนี้ผมก็ไม่พยายามซักถามอกต่อไป ก็เลยหยุดพูดเรื่องนี้แล้วหันมาดูโทรทัศน์กันต่อ

ผมกำลังจะนอนอยู่แล้วครับ เทค มาเคาะประตูห้องนอนผม บอกว่ายังมีอีกเรื่องที่อยากให้ผมได้รู้เกี่ยวกับตัวเค้าผมก็โอเคแหล่ะ

“นิวไม่สงสัยเหรอว่าเราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงรึเปล่า”
เทค เปิดฉากเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน แต่เออ จะว่าไปก็น่าสงสัยแฮะ
“ก็ไม่เห็นเทคเล่าเราก็ไม่อยากถามอ่ะ กลัวเจอเรื่องเศร้า”
ผมก็บอกไปตรงๆ
“เราเคยจีบสาวอยู่คนนึงตอนเรียนม.6แล้วตอนนั้นไม่มีใครรู้เรื่องเรากับพี่คนนั้น เราคิดว่าเราก็กลับมาเป็นชายแท้ดีกว่า”
“แล้วมันกลับไปกลับมาได้ด้วยเหรอ”
“ได้ดิ ก็เราไม่เคยมีไรกับพี่คนนั้นนี่นา ที่ผ่านมาก็มีอะไรกับผู้หญิงมาตลอด”
“เออๆ” ผมตอบรับไปแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “แล้วคบกันไปขั้นไหนล่ะ”
“ก็เป็นแฟนกันเลยแหล่ะ แล้วก็มีอะไรกันด้วย”
“ก็น่าจะโอเคนี่หว่าทำไมแกกลับมาเป็นอย่างเก่าอีกล่ะเทค”
“เรามีอะไรกับแฟนคนนี้ครั้งเดียวเอง แต่ครั้งเดียวนี้ทำให้เราเสียความมั่นใจไปเลยนะ หลังจากมีอะไรกันแล้วรู้มั้ยเค้าว่าไง”
“ร้องไห้มั้งแบบในละครไง”
ผมตอบยิ้มๆ
“ไม่ใช่เลยเค้าบอกว่าเราน่าเบื่อ ไม่เก่ง แย่กว่าแฟนคนก่อนของเค้า เราเสียเซลฟ์ไปเลยรู้มั้ย
ตั้งแต่นั้นเราตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว และมันก็พาลทำให้เราหมดอารมณ์กับผู้หญิงทั้งหลายไปเลยว่ะ”

อืม…มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ผมเพิ่งรู้ว่าชีวิตของ เทค นี่มันช่างโชกโชนเหลือประมาณจริงๆเลยแฮะ ไม่รู้จะสงสารดีมั้ย
แต่เรื่องปมในใจที่ว่าคนที่เค้ารักมักจากเค้าไปก่อนเนี่ย ทำยังไงดีนะเค้าถึงจะเลิกคิดแบบนี้ซะที เฮ้อ เทค เอ๋ยยย น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 10-06-2007 22:53:23
ตอนที่11
คำบอกรักในวันพักร้อน

วันพรุ่งนี้แล้วสินะ ที่ผมกับเทค จะต้องกลับจากเกาะเสม็ด หลายวันที่อยู่ที่นี่ผมรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกนึงเลยก็ว่าได้ ประมาณว่า
อยากกินก็เดินไปกิน อยากว่ายน้ำก็ลงทะเลไปเลย อยากนอนตื่นสายก็ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดเวลานี้แล้ว
ความสุขผ่านไปเร็วเสมอ แล้วใครล่ะเป็นคนกำหนดเวลาเหล่านี้ให้สั้นก็ตัวเราเองแหล่ะครับ ผมเองก็ต้องกลับไปอยู่กับแม่
ต้องไปดุแลคุณป้าใหญ่เรื่องไปตรวจเชคความดันในสัปดาห์หน้า เทคเองก็ต้องไปเจอพ่อเค้าที่กรุงเทพฯเห็นมั้ยว่าเราแต่ละคน
มีหน้าที่ที่ต้องทำ มีคนแวดล้อมที่เราจะละเลยไม่ได้ ผมตระหนักตลอดเวลาว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่ผมหรือเทคแค่นั้น จริงมั้ยครับ
และเพราะผมคิดแบบนี้แหล่ะ ผมถึงต้องพิจรณาคำขอร้องของเทคครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ผมเองก็สับสนไม่แพ้กัน

วันนี้เราสั่งอาหารมากินที่ห้อง เพราะไม่อยากเดินไปหาร้านที่ไหนแล้ว คงเพราะเหนื่อยจากที่เล่นน้ำมาทั้งวันก็เป็นได้
ตลอดวันนี้ฝนตกปรอยๆ หยุดบ้าง ตกบ้างสลับกันไปทั้งวัน แต่ด้วยความที่ไม่มีแดดผมก็เลยเล่นน้ำซะเต็มที่เลยทีเดียว
ตอนค่ำหลังจากทานอาหารแล้ว เทค บอกว่าอยากชวนผมไปเดินเล่นที่ชายหาดครับ ผมเองก็ว่าดีเดินให้อาหารย่อยจะได้ไม่อ้วน
เราเดินในระยะห่างๆกัน แต่ก็ใกล้กันพอให้ได้ยินสิ่งที่เราคุยกันโดยไม่มีขึ้นต้น ลงท้าย นึกเรื่องไหนได้ก็คุยกันไปตามใจเรา
บางเรื่องเราขำกันจะเป็นจะตาย บางเรื่องเราก็เงียบๆกันไปทั้งคู่ บางคนที่เราพูดถึงก็ทำให้เรายิ้มด้วยกัน แต่บางคนเราก็ยิ้มไม่ออก

“นิว ยังจำเรื่องที่เราบอกได้มั้ยเรื่องของคนที่เรารัก”
เทค ถามขึ้นเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดทุกคำ
“ทำไมเหรอเทค”
ผมไม่แน่ใจว่า เทค ต้องการสื่อสารอะไร
“เรารู้สึกว่าคนที่เรารักมักทิ้งเราไปเสมอ”
เทค หยุดเดิน ยืนตรงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีแต่ดวงดาวใส
“คนที่เรารักก็ต้องอยู่ในใจเราสิ ถ้าเราเก็บเค้าไว้ในใจเค้าจะไม่ไปไหนหรอก”
ผมยังคงเดินล้ำหน้า เทค ไปนิดหน่อย แล้วหันกลับมาพุดกับเค้า
“งั้นเราคงมีคนเก็บไว้ในใจเต็มไปหมด แต่ในชีวิตจริง เราไม่มีใครเลย”
“แล้วเทคต้องการอะไร ความรัก หรือ คนรัก บางครั้งการมีความรักโดยไม่ได้ครอบครองคนรักมันก็ดีกว่านะ”

ผม เดินไปใกล้ๆเทค มองหน้าเค้าให้ชัดเต็มตาอีกครั้ง
“เราต้องการทั้งสองอย่าง”
เทค ก้มหน้ามาใกล้ๆผม ผมเบี่ยงหน้าหลบแล้วถามเค้าว่า
“แล้วถ้าต้องเลือก ให้คนที่เทครักอยู่ด้วยแต่เค้าไม่รักเทค กับการที่คนที่เทครักรักเทคตลอดไปแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“เราเลือกอย่างหลังเพราะเรารู้ดีว่าอยู่ใกล้คนที่ไม่รักเรามันเจ็บกว่า สู้ให้คิดถึงคนที่รักเราอย่างมีความสุขไม่ได้”

ผมรู้สึกร้อนๆเหมือนจะเป็นไข้ บรรยากาศเต็มไปด่วยความสับสน ไม่แน่ใจ ทั้งใจของผมเองและใจของเทค
“นิวล่ะ จะเป็นคนรัก หรือจะเป็นแค่ความรักของเรา”
เสียงที่ถามออกมามั่นคงจริงจังจนผมต้องระวังคำตอบที่ผมจะพูดต่อไป
“เทคยังไม่เลิกคิดแบบนี้อีกเหรอ เราขอรักเทคแบบเพื่อนไปก่อนได้มั้ย ตอนนี้เราให้ได้แค่นี้”
“ก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย”

เทค ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหาผม เรายืนมองหน้ากันอยู่นานมาก ผมไม่รู้ว่าความโกรธ
ความขยะแขยงที่เคยเกิดขึ้นอย่างเมื่อก่อนนี้หายไปไหนหมด ทำไมผมไม่เกรี้ยวกราด
ทำไมผมยอมรับเงื่อนไขความรักผิดปกตินี้ได้ ผมรู้แต่ว่าผมอุ่นใจจริงๆอย่างน้อยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้
ก็ไม่ทำให้ ผมกับเทค ต้องผิดใจกันเหมือนเมื่อครั้งก่อน และผมก็ไม่รู้สึกถูกคุกคามจากเทค
มันเกิดความมั่นใจลึกๆว่าอย่างน้อยๆผมจะมีเพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงชื่อว่า เทค เพื่อนที่จะไม่มีวันทำร้ายผมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
เทค ก้มหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นสีหน้าอ่อนโยนกับดวงตาหวานลึกซึ้งที่เทคมองเข้ามา ‘เค้ากำลังจะจูบผมครับ’

:+: โปรดติดตามตอนต่อไป :+:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-06-2007 23:07:22
‘เค้ากำลังจะจูบผมครับ’
^
^
^
ก็ปล่อยให้เค้าจูบไปเลยสิจ๊ะ
 :haun5: :haun5: :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 10-06-2007 23:49:15
โอ้วววววววว 3ตอนนี้ได้ใจมากเลยจ้าพี่นิว  o13  พึ่งรู้นะว่าผู้หญิงก็ทำให้เสียselfกะเรื่องอย่างว่าได้เหมียนกานนน  o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 11-06-2007 00:41:14
ยังวนเวียนอยู่ในเล้ารู้ว่ามีน้องๆมาทัก ก็เลยเข้ามาทักทายครับ

krappom > "ก็ปล่อยให้เค้าจูบไปเลยสิจ๊ะ" : แล้วผมขัดขืนซะที่ไหนล่ะครับ

๑۩ n★ew ۩๑ > กรณีเสีย self ในเรื่องอย่างว่าเพราะผู้หญิงเนี่ย พี่ก็เพิ่งเคยได้ยินจากเทคเหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 11-06-2007 01:50:03
 :fox2: :fox2:  ตกลงยอมให้เทคจูบจริงๆชะมะคับ o17 o17
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 11-06-2007 13:17:48

..........ยอมหั้ยเทคจูบไปเถอะ....  :o9: :o9:

..........เด๋วจาติดใจ........ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 11-06-2007 18:04:44
หุหุหุ

ถูกใจ FC ที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :like6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-06-2007 20:23:08
จะ... จูบกันแล้ว ...  :like6: (เอ่อ  :try2: ยัง ๆ เขาจบตอนก่อน)  o22  o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-06-2007 21:20:39

krappom > "ก็ปล่อยให้เค้าจูบไปเลยสิจ๊ะ" : แล้วผมขัดขืนซะที่ไหนล่ะครับ


^
^
ก็แสดงว่าพี่ยอมให้จูบจริงๆ อ่ะดิ่
วิ้ววววววววววววววววววววว
 :haun5: :haun5: :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาว ที่ 11-06-2007 21:59:29

พี่นิวคร้าบบบบบบบ....

มะนาวอยากอ่านต่อแย้วอ่ะคร้าบบบบ.....
รักพี่นิวเหมือนเดิมน้าคร้าบบบบบบ....จุ๊บบบบๆๆๆๆๆ......
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 11-06-2007 22:28:21
สวัสดียามดึกครับ

รู้สึกว่าเพื่อนๆจะถูกใจกันเหลือเกินนะกับตอนล่าสุดนี้
ไอ้เรื่องจูบเนี่ยจูบจริง เหอ เหอ เหอ แต่อย่าอิมเมจิ้นไปไกล
เพราะตลอดหลายวันที่ เกาะเสม็ด เทค ได้มากสุดแค่จูบนี่ล่ะ
ปล,รู้สึกเหมือนกับว่ามีการปรับปรุงบอร์ดใหม่ ใช่รึเปล่าครับ

จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 12-06-2007 01:09:44
 :o8: :o8: :o8:
เข้ามาให้กำลังใจเพื่อนเลิฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ANA ที่ 12-06-2007 16:58:38
กว่าจะอ่านจบ หลบเจ้านายแทบตาย  :try2:

เฮ่อ..สงสารเทคจัง   :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 12-06-2007 21:57:49
# ช่วงสนทนา #

สาวตัวกลม > เข้ามารับกำลังใจจากเพื่อนเลิฟฟฟฟฟ
ANA > โฮ่ๆๆ ดีจังที่อ่านจบก่อนเจ้านายจับได้ เนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 13-06-2007 20:50:19
พี่นิวอ่ะ

ทำมายจบค้างอย่างนี้ละคร้าบ

มาต่อเร็วๆนะ

 o14
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 14-06-2007 00:16:36
ตอนที่12
กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ผมกลับมาจากเกาะเสม็ดได้หลายเดือนแล้ว ช่วงที่ผ่านมาผมได้ใช้เวลาไปกับการเที่ยวอย่างเต็มที่เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคย
มีโอกาสไปไหนๆเหมือนกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ขอเล่าย้อนความนิดนึงนะครับ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ย้ายมาเรียนหนังสือ
ที่กรุงเทพฯโดยมาอาศัยบ้าน คุณหญิงน้า อยู่ตั้งแต่เรียนชั้นประถมปีที่6 และก็อยู่บ้านน้าเรื่อยมาจนเรียนจบมัธยมปีที่6เลยครับ
การดูแลของน้าสาวผมค่อนข้างเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบจนตัวผมซึ่งยังเป็นเด็กรู้สึกอึดอัด เบื่อหน่าย และอคติกับน้าสาว
เรื่องการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่กับน้าสาวก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เคยชิน ไม่เคยต้องทำ แต่กลับต้องมาถูกฝึกฝนที่บ้านน้าสาวนี่เอง
ต้องลองนึกภาพนะครับว่าเด็กป.6ที่ไม่เคยต้องทำอะไรเลย กลับต้องมาหัดซักผ้า หัดล้างจาน หัดงานบ้านสารพัด สุดเซ็งเลย
เอ๊ะ…นอกเรื่องซะเกือบลืมว่าจะเล่าเรื่องการเที่ยวเตร่ในวัยเด็กตะหากไม่ใช่เรื่องทำงานบ้านที่แสนจะจุกจิกจู้จี้สารพัด
ก็เพราะที่บ้านน้าสาวผมมีระเบียบมากมายน่ะสิครับทำให้ผมไม่เคยได้ไปเปิดหูเปิดตาที่ไหนเลยโชคดีที่ผมเองก็ไม่ชอบเที่ยวด้วย
เมื่ออยู่กับน้าสาวตอนเย็นต้องกลับพร้อมกัน ห้ามกลับค่ำเกิน1ทุ่ม ห้ามไปค้างบ้านเพื่อน และ ห้ามเอาเพื่อนมาค้างที่บ้านน้าสาว
ต้องขอย้ำก่อนนะครับว่ากฏระเบียบเข้มงวดแบบนี้ถูกบังคับใช้แค่ช่วงที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนใส่กางเกงขาสั้นไปเรียนอยู่เท่านั้น
ปัจจุบันนี้ผมไม่ต้องอยู่ภายใต้กฏอัยการศึกของ “คุณหญิงน้า” อีกต่อไปเพราะผมเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบตัวเองได้แล้วน่ะสิครับ

ที่กล่าวมาอย่างยืดยาวเนี่ยก็เพื่อจะบอกว่า การได้ไปเที่ยวเสม็ดกับ เทค ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการได้เที่ยวตามใจตัวเองอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะอยากทำอะไร อยากกินอะไร อยากได้อะไร  ก็สามารถตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องรอถามใครเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา
ผมจำช่วงเวลานั้นได้ดี ผมจำความตื่นเต้นตอนไปต่อเรือ จำความสงบสบายใจของที่พัก และจำเรื่องของผมกับเทคได้แม่นยำ
มีเพียงอย่างเดียวที่ผมลืมทำและไม่ได้นึกมาก่อนเลยจนกระทั่งกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนั่นคือ การถ่ายรูปตอนที่ผมกับเทคไปเที่ยว
เพื่อนๆเชื่อมั้ยว่าจนถึงทุกวันนี้รูปถ่ายที่ผมกับเทคถ่ายด้วยกันก็มีเพียง1ใบที่ถ่ายเมื่อครั้งไปทานข้าวกับพ่อของเทคนั่นล่ะครับ
ตอนไปเที่ยวที่เกาะเสม็ดนั้นผมเห็น เทค จดอะไรๆที่เค้าสนใจลงในกระดาษA4 ก็ปึกหนาๆที่ผมเห็นนั่นแหล่ะครับ
ผมถามเค้าว่าทำไมไม่เขียนในสมุดให้เป็นเรื่องเป็นราว เทค ก็ให้เหตุผลกำปั้นทุบดินจนผมอยากจะทุบเค้าว่า “ขี้เกียจว่ะ”
จะว่าไปแล้ว เทค เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากเลียนแบบเรื่องการเขียนไดอารี่และตอนนี้ผมก็เริ่มเขียนบันทึกแล้วครับ
เมื่อกลับมาถึงบ้านใหม่ๆผมก็ไปหาสมุดที่ยังไม่ได้ใช้มาลองเขียนไดอารี่ดูแรกๆก็เบื่อๆขี้เกียจเขียนแต่ก็อยากเอาชนะตัวเองดูมั่ง
พอผ่านไปนานวันเข้าก็เริ่มเคยชินจนเป็นสิ่งที่ผมต้องทำเป็นประจำทุกวันนับจากตอนนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยครับ

โลกแห่งความเป็นจริง  กำลังหมุนรอบตัวผมอย่างที่มันควรจะเป็น เมื่อโลกหมุนทำหน้าที่ของมันผมก็ต้องทำหน้าที่ของผม
เวลาแห่งการพักผ่อน การใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันหนึ่งๆอย่างสุขสบายก็ใกล้จะหมดลงทุกที เพราะผมกำลังจะต้องกลับไปเรียน
หนังสือในรั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง ออกจะรู้สึกเขินๆและรู้สึกแปลกเหมือนกันที่ต้องกลับไปเป็นน้องปี1ทั้งที่ผมอายุ21
ตอนนี้ผมเริ่มค้นชุดนักศึกษากลับมาลองใส่ดูว่ายังใส่ได้รึเปล่า เก่าไปมั้ย ต้องซ่อมรึว่าต้องซื้อใหม่ ก็จะได้มีเวลาจัดการไป
ผมไม่ได้เจอ เทค หลายเดือนแล้วครับ เทค เองก็สาละวนกับการลงทะเบียนเรียน ลงทะเบียนซ่อม ลงทะเบียนซัมเมอร์
ผมเองก็รู้สึกแปลกๆที่ไม่ได้รับรู้ข่าวของ เทค เลยไม่ว่าจะมาจากเพื่อนในมหาวิทยาลัยหรือมาจากแก๊งแซนวิชที่หายเงียบไป
แต่ด้วยเรื่องของผมเองก็มีภาระที่ต้องจัดการอีกหลายอย่างทั้งเรืองเรียน และเรื่องจิปาถะของทุกคนในครอบครัวที่ยิ่งนานวัน
ก็ยิ่งดูเหมือนว่าการตัดสินใจทุกเรื่องต้องเกี่ยวพันกับผมไม่ทางตรงคื่อให้ผมตัดสินใจให้ก็ต้องมาถามความเห็นอยู่เรื่อยๆ
ช่วงเวลานี้ผมไม่รุ้ว่า เทค ต้องเผชิญกับอะไรบ้างและยิ่งไม่รู้ว่า เทค เผชิญเรื่องต่างๆนั้นได้อย่างแข็งแกร่งสักเพียงใด
ผมได้แต่ขอให้ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เจอ เทค จะทำให้ผมได้รับข่าวดีเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตอาภัพของเค้าบ้าง
อย่างน้อยมันก็เป็นความคาดหวังที่ทำให้ผมสบายใจได้ว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ข่าวอะไรของ เทค ก็น่าจะแปลว่าเค้ายังสบายดี
ในช่วงเวลานี้คนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผมและญาติๆของผมโดยที่ผมก็จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเค้าเข้ามาต้งแต่เมื่อไหร่
คนๆนั้นก็คือ “พี่อาร์ท” หลายครั้งเค้าอาสาขี่รถพาผมไปดูสถานที่ตั้งของมหาวิทาลัยท้งที่หนทางแสนยาวไกลเค้าก็ยังมีน้ำใจ
มีบางครั้งที่ผมจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพี่อาร์ทให้พาคุณป้าใหญ่ไปหาหมอ นี่ยังไม่นับไปถึงความเอื้อเฟื้อที่เค้ามีให้ผม
มาอย่างสม่ำเสมอในเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่น เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง ไปซื้อของเป็นเพื่อนทั้งยังช่วยถือของอีกด้วยนะครับ พี่เค้าก็ดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 14-06-2007 00:21:37
ตอนที่13
Freshly Again

วันพุธกลางสัปดาห์ เดือน กรกฎาคม ปี พ.ศ.2545 เป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นชีวิตนักศึกษารามคำแหงของผมอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้จะไม่ล้มเหลวเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีกแล้วครับ เพราะผมโตขึ้นและเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมาตลอด3ปี
การเลือกคณะในครั้งนี้ผมไม่ได้เลือกเพื่อเอาใจแม่ ไม่ได้เลือกเพื่อจะได้เรียนในคณะที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยอย่างที่ผ่านมา
แต่ในการตัดสินใจครั้งนี้ผมใช้ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก และศึกษารายละเอียดของกระบวนวิชาในแต่ละคณะที่ผมสนใจ
ซึ่งในการเลือกคณะครั้งนี้ผมได้ดูรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ ซึ่งในครั้งนี้ผมเลือกเรียน “คณะมนุษยศาสตร์”

เนื่องจากมหาวิยาลัยตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร การเดินทางจึงไม่สะดวกนัก ผมจึงต้องให้ที่บ้านเอารถมาคอยรับ-ส่งทุกวัน
คิดดูสิครับ แค่เรื่องเดินทางไปเรียนและเดินทางกลับบ้านก็แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯมากแล้ว
วันแรกของการเปิดเทอมจะว่าไปมันก็เหมือนๆกับที่ผ่านมานั่นแหล่ะ แต่สิ่งที่ไม่มีทางเหมือนกันก็คือผมไม่มีเพื่อนใหม่ชื่อ เทค
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพื่อนใหม่ที่ผมจะได้เจอในวันนี้จะเป็นคนอย่างไร ผมจะดูแก่กว่าคนอื่นๆที่ต้องมาเรียนรุ่นเดียวกันรึเปล่า(แย่แน่เลย)
สำหรับผมการที่ต้องเริ่มทำอะไรใหม่ก็ค่อนข้างเกร็งๆและขาดความมั่นใจอยู่แล้วยิ่งเจอคนที่ไม่รู้จักยิ่งวางตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

ผมก้าวเท้าลงจากรถ มองเห็นอาคารขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างอย่างวิจิตร ให้เป็นไปตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมยุโรปยุคกลาง
คาดว่าทางผู้สร้างอาคารหลังนี้คงประทับใจสถานที่เก่าแก่ของพระราชวังโบราณในประเทศแถบตะวันตกอย่างมากทีเดียว
ถนนสายเล็กนี้โรยด้วยกรวดก้อนเล็กๆที่ตัดจากถนนด้านหน้าที่รถของผมจอดเมื่อครู่นี้สองข้างทางปลูกต้นเข็มไว้เป็นแนว
ผมเดินมองดูรายละอียดรอบๆสถานที่ซึ่งผมจะต้องมาเรียนอยู่ที่นี่ สัปดาห์ละ5วัน เป็นเวลาอย่างน้อย4ปีนับจากวันนี้
ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยเพิ่งจะ 7.30 น. ยิ่งเดินใกล้อาคารทรงยุโรปโบราณเข้าไปมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นสวนขนาดใหญ่
ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังอาคารหลังนี้ สิ่งแรกที่เด่นสะดุดตาผมคือ ต้นลั่นทม หลายสิบต้นที่ปลูกอยู่เป็นแถวเป็นแนวสวยงาม
แม้ว่าทางด้านหน้าของมหาวิทยาลัยจะมีสนามหญ้าและต้นไม้หลากหลายพันธุ์อวดโฉมต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่างผม
แต่ผมกลับติดใจสวนกว้างด้านหลังอาคารที่มองไปตามแนวต้นลั่นทมสุดปลายสายตา มีดอกลั่นทมสีขาวแกมเหลืองร่วงหล่น
ลงมาที่โคนต้นเสมือนเป็นดอกไม้ประดับประดาให้พื้นหญ้าสีเขียวนั้นยิ่งดูสวยสดขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าทีเดียว
แน่นอนว่าผมเลือกใช้เวลาที่ยังมีอยู่ในเช้าวันแรกที่เปิดเทอมไปกับการชื่นชมต้นลั่นทมด้านหลังอาคารทรงยุโรปโบราณ

แล้วเมื่อใกล้เวลาที่ต้องเข้าเรียนวิชาแรก็เริ่มขึ้น ผมเดินผ่านห้องบรรยายแต่ละห้องจนไปถึงอีกฟากของอาคารหลังใหญ่นั้น
ที่หน้าห้องบรรยายที่ผมจะต้องเข้าเรียนในเช้านี้มีนักศึกษาปี1 (ที่เป็นปี1จริงๆ) นั่งรอกันอยู่หน้าห้องเต็มไปหมดเลยล่ะ

“พี่คะ วิชาแรกเรียนห้องนี้รึเปล่าคะ”
เสียงใสๆของผู้หญิงถามขึ้นจากด้านหลังของผม ขณะที่ผมกำลังจดๆจ้องๆว่าจะเข้าไปนั่งรอเวลาเลยดีมั้ย
“ไม่ต้องเรียกพี่หรอกครับ รุ่นเดียวกันเพราะเราก็มาเรียนปี1”
เอาล่ะสิ คนแรกที่มาทักก็ทำเอาใจเสียซะแล้ว โอว…ความแก่ไม่อาจปกปิดได้จริงๆแต่ผมก็พยายามเนียนๆไว้ก่อน
“เธอชื่ออะไร เราชื่อสุ เรียนคณะมนุษย์ฯสื่อสาร”
เพื่อนใหม่แนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“เราชื่อนิวนะ เรียนคณะสาขาเดียวกับสุแหล่ะ”
ผมยิ้มตอบกลับไปพร้อมแนะนำตัว
ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันมากไปกว่านี้ก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี ผมและสุจึงเข้าไปนังเรียนด้วยกัน โดยเลือกแถวๆกลางๆไว้
เพื่อว่าถ้ามีเพื่อนใหม่คนไหนเข้ามาก็จะได้ทักทายกันได้ อย่างน้อยได้ยิ้มให้กันก็ยังดี ตอนนี้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมากเลยครับ
คิดถึงเมื่อก่อนตอนเรียนที่กรุงเทพฯมีเพื่อนเต็มไปหมดตอนี้ผมต้องเริ่มใหม่แม้แต่การหาเพื่อนก็ต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยเช่นกัน
จู่ๆผมก็คิดถึงเทคขึ้นมาตอนนั้นเค้าก็คงรู้สึกแบบนี้เลยพยายามหาเรื่องพูดคุยกับผมเพื่อจะได้มีเพื่อนใหม่ซักคนก็ยังดีสินะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 14-06-2007 00:26:21
ตอนที่14
เพื่อนซี้…ไม่มีซั้ว

ในวันแรกที่เปิดเทอมผมแทบจะถอดใจไม่อยากไปเรียนอีกเพราะความรู้สึกโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนที่เค้ามีเพื่อนๆ
มาเรียนด้วยกัน อย่างบางคนที่ได้ทักทายกันก็แค่ผ่านๆส่วนใหญ่เค้าจะบอกว่ามากับเพื่อนโรงเรียนเก่าก็คงเหมือนผมเมื่อก่อนนี้
ผมบอกได้เลยว่าการมีเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญมากในการเรียนหนังสือ ไม่ใช่ว่าจะให้เพื่อนมีอิทธิพลกับชีวิตเราไปซะทั้งหมด
แต่อย่างน้อยๆการมีเพื่อนก็เป็นแรงจูงใจอย่างนึงที่ทำให้เราอยากตื่นไปเรียนในตอนเช้า ได้พูดคุย สรวลเส เฮฮากับเพื่อนๆ
ในทางกลับกันการมีเพื่อนน้อย ไม่ค่อยรู้จักใคร ไม่รู้ว่าจะไปเข้ากลุ่มไหน ย่อมมีผลทำให้ไม่อยากมาเรียนหนังสือด้วย
กรณีที่ว่านี้กำลังเกิดขึ้นกับผมในช่วงสัปดาห์แรกๆ เพราะผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากไปเรียนแค่คิดว่าต้องไปนั่งเรียนคนเดียวก็เซ็งแล้ว
ถึงจะเบื่อและเซ็งแค่ไหน ผมก็ตั้งใจว่าครั้งนี้จะต้องเรียนให้จบให้ได้ ผมจึงยังคงไปนั่งฟังบรรยายอยู่เสมอแม้รู้สึกโดดเดี่ยวเต็มที

สัปดาห์ที่2 ผมเริ่มรู้จักเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกหลายคน จำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง เมื่อต้องกลับทางเดียวกันผมก็กลับพร้อมเพื่อนๆ
แทนที่จะให้รถมารับเพราะผมอยากใช้ช่วงเวลานอกเหนือการเรียนในการพูดคุยทำความรู้จักกับเพื่อนให้สนิทสนมกันเร็วๆ
ที่มหาวิทยาลัยวิทยาเขตนี้เพิ่งเปิดให้มีนักศึกษาปริญาตรี2ปี จึงมีรุ่นพี่ปี2 กับรุ่นพวกผมเป็นปี1 จะว่าไปคนก็ไม่ได้มากมายนัก
คิดว่าคงไม่ยากเกินไปที่จะค่อยๆรู้จักคนต่างๆให้ทั่วทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆปี1 เริ่มจากเวลาลงรถตอนเช้าเจอเพื่อนก็ทักเค้าก่อนครับ
เพื่อนคนไหนที่จำชื่อได้ก็เรียกชื่อ เพื่อนคนไหนที่ผมจำชื่อไม่ได้ก็ยิ้มๆไปก่อน เวลาเห็นเพื่อนเค้ายกมือไหว้รุ่นพี่ผมก็ไหว้ด้วย
(โปรดจำไว้เสมอว่าความจริงผมอายุมากกว่ารุ่นพี่ซะอีก) พวกรุ่นพี่ก็ดูไม่ออกหรอกครับว่าผมเป็นเด็กซิ่วแถมซิ่วตั้ง3ปีแน่ะ
เค้าก็รับไหว้แล้วก็จะคอยเข้ามาแนะนำเรื่องการเรียนให้กับผมเหมือนที่แนะนำให้กับเพื่อนๆผมที่เป็นน้องปี1เหมือนกัน

1เดือนแล้วครับ สำหรับการย้ายมาเรียนที่นี่  มาเป็นน้องปี1ให้รุ่นพี่ที่เกิดทีหลังผมคอยแนะนำตึกเรียน แนะนำร้านข้าวใกล้ๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเริ่มมีเพื่อนมากขึ้นอาจไม่ใช่กลุ่มใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็เป็นกลุ่มที่ผูกพันกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ตอนนี้ผมไม่เบื่อที่จะไปเรียนแล้วครับ เพราะทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมาผมรู้ว่าผมจะได้ไปเจอเพื่อน ได้ไปเจอรุ่นพี่ที่ไม่บ้าอำนาจ
เพื่อนแต่ละคนในกลุ่มที่ผมมีอยู่ตอนนี้มาจากหลายทิศหลายทาง เริ่มจากคนนั้นรู้จักคนนี้ แล้วก็มารู้จักกับเพื่อนคนใหม่ไปเรื่อยๆ
อย่างผมเองตอนแรกก็รู้จักับเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อสุ แล้วสุก็เช่าห้องพักอยู่ที่เดียวกับหญิง ส่วนหญิงก็เป็นเพื่อนเก่าของนิ่ม แล้วนิ่มเอง
ก็นั่งรถมล์มาทางเดียวกันกับโอ๋ โอ๋ก็นั่งเรียนติดกันกับเป้ย เป้ยเรียนคณะเดียวกันกับผม ก็โยงใยกันไปเป็นลูกโซ่แบบน่ะครับ
อาจจะดูงงๆซักหน่อยนะครับ แต่ก็เพราะได้รู้จักกันแบบงงๆเนี่ยแหล่ะที่ทำให้ผมมีเพื่อนซี้ ที่นับวันก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ

บรรดาเพื่อนซี้ของผมแต่ละคนฮาๆทั้งนั้นและก็มีความสนใจกันไปคนละทิศละทางเวลารวมกลุ่มคุยกันแต่ละทีเสียงดังลั่นไปทั่ว
ผมว่ามารู้จักเพื่อนๆของผมหน่อยเป็นไร แล้วบางทีคุณอาจจะคิดเหมือนเพื่อนกลุ่มอื่นว่า “พวกมันพูดเรื่องเดียวกันรึเปล่าวะ”
สุ - สาวซึม ยิ้มง่าย เรียกได้ว่ายิ้มมากกว่าพูด แต่ถ้าไม่พูดไม่ยิ้มหน้าเธอจะเศร้าตลอดเวลา
หญิง - เพื่อนสาวสุดห้าว แต่งตัวบ้านๆพร้อมเป้สีเขียวตัดกับสีผิวเข้มๆ ใส่รองเท้าผ้าใบสีตุ่นๆตลอด4ปี
นิ่ม - สาวท้วมที่ห้าวไม่แพ้กัน แต่ออกจะทะโมนน้อยกว่าหญิง เป็นคนจิตใจดีรักเพื่อน
โอ๋ - ชายหนุ่มอารมณ์ศิลป์ ชอบอ่านการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ ฝันว่าอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนใด้ได้
เป้ย - สาวร่างโย่ง มาในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้า เรียนเก่งโคดๆ ผมว่าเธอเหมาะจะเป็นนางแบบนะ
จิม - เพื่อนเกย์คณะนิติศาสตร์ ไม่ออกสาวแต่เห็นผู้ชายไม่ได้ เหล่จนตากลับ มีศัพท์ใหม่ๆมานำเสนอตลอด
พี่แมน - เป็นรุ่นพี่ผมปีนึงเรียนจบป,ตรีแล้ว1ใบแต่อยากเรียนอีกใบเลยมาลงเรียนที่รามปีเดียวกันนี้
แอ๊บ - ช่างกล้องประจำกลุ่ม ถ้าไปเที่ยวกันทั้งกลุ่มนายนี่จะต้องแบกขาตั้งกล้องไปด้วยเสมอ
นาง - สาวสวยแทบจะที่สุดก็ว่าได้ เพราะตัวเล็กน่ารัก แล้วก็ขายออก เอ๊ย…เป็นแฟนกับรุ่นพี่ตั้งแต่ปี1เลยเชียว

นอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ก็ใช่ว่าผมไม่สนิทกับคนอื่นนะครับ แต่ความสนิทสนมก็มีมากมีน้อยลดหลั่นกันไปตามความใกล้ชิด
โดยเพื่อนกลุ่มที่ผมเอามาแนะนำตัวให้คุณๆรู้จักกันถือว่าเจอกันบ่อยทั้งเวลาเรียน ตอนกลับบ้าน และนัดกันไปเที่ยวเป็นกลุ่มๆ
แต่อย่างที่บอกล่ะครับว่าเราแต่ละคนมีสนใจต่างกันไปดังนั้นเมื่อรวมตัวกันจึงเหมือนแย่งกันพูดคนละเรื่องแต่ก็เข้าใจกันนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 14-06-2007 00:31:16
ตอนที่15
กีฬาสานสัมพันธ์

อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนที่แล้วว่าในมหาวิทยาลัยของผมมีนักศึกษาเพียงแค่2ชั้นปีเท่านั้น จึงทำให้พวกเรารู้จักันได้รวดเร็ว
อีกทั้งพวกรุ่นพี่ก็ไม่บ้าอำนาจแบบต้องให้ทำนู่น ทำนี่ หรือคอยเอาความเป็นซีเนียร์มาบังคับให้เกิดความอึดอัดใจเหมือนที่อื่นๆ
รุ่นพี่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแนว ชวนกิน ชวนคุย แล้วก็คอยเอาหนังสือ sheetสรุป มาให้น้องๆ รวมทั้งช่วยติวให้กับพวกปี1ด้วย
คงเพราะความใกล้ชิดที่พวกเราเจอกันอยู่ทุกวัน ทำให้เมื่อเรียนด้วยกันไป1เทอม ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องก็เลยรวมหัวกันจัดกิจกรรมขึ้น
ตอนแรกๆโปรแกรมท่เสนอขึ้นมาก็มีทั้ง ไปทัศนาจร ไปเที่ยวทะเล ไปปีนภูเขา ไปเข้าถ้ำ เล่นน้ำตก ไปสวนสัตว์ ฯลฯ
แต่อุปสรรคเล็กๆน้อยๆที่คนนั้นไปต่างจังหวัดไม่ได้ คนนี้ไม่ชอบทะเล คนโน้นกลัวความสูงไม่กล้าปีนเขา อีกคนเบื่อสวนสัตว์
เป็นอันว่าโครงการต่างๆที่คิดกันมาซะบานตะไทก็ยุบไปก่อน แล้วค่อยมาคิดกันอีกทีว่ารุ่นพี่รุ่นน้องที่มีกันอยู่แค่2ชั้นปีนี่แหล่ะ

จนกระทั่งวันที่มาฟังบรรยายวันสุดท้ายก่อนสอบนั่นละครับ ก่อนพวกปี1จะเริ่มเรียนรุ่นพี่ก็เข้ามาบอกว่าจะเรียกประชุมวันนี้
ขอให้น้องๆอยู่รอเจอรุ่นพี่ก่อนที่ห้องบรรยายนั่นแหล่ะ พวกผมก็เป็นพวกว่านอนสอนง่ายซะด้วย เค้าบอกให้รอก็นั่งรอเต็มห้อง
แล้วพอรุ่นพี่ยกโขยงกันเข้ามาในห้องบรรยายก็เปิดประเด็นเรื่องกิจกรรมที่รุ่นพี่รุ่นน้องอยากจัดขึ้นเป็นการกระชับมิตรยิ่งขึ้น
ตอนนี้กิจกรรมที่ถูกเสนอขึ้นมาและเป็นที่สนใจของพวกเราทั้งหมดก็คือ กีฬาสี แต่พวกเราเรียกว่างาน “กีฬาสัมพันธ์”
โดยจัดให้มีการแข่งขัน บาสเกตบอล ในตอนเช้า และ ฟุตบอล ในช่วงบ่าย ซึ่งนักกีฬาก็คือรุ่นพี่รุ่นน้องผู้ชายท้งปี1ปี2
เนื่องจากนักศึกษาก็ไม่ได้เยอะมากทำให้พวกที่ลงแข่งบาสฯตอนเช้า ต้องไปลงแข่งบอลตอนบ่ายด้วย แต่ทุกคนก็เต็มใจสุดๆ
ส่วนรุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงก้ไปลงแข่งพวกสันทนาการต่างๆเช่น วิ่งเปี้ยว กินวิบาก วิ่งสามขา ชักกะเย่อ ซึ่งก็แบ่งงานได้ลงตัวดี
การแข่งขันครั้งนี้แบ่งอย่างง่ายๆเป็น2ฝ่ายก็คือ ปี1 แข่งกับ ปี2 ทั้งประเภทกีฬาหลักและการแข่งสันทนาการ จะว่าไปก็ง่ายดี

วันแข่งขันกีฬา

เช้าวันเสาร์ที่พวกเราแอบคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากอยู่บ้านมากกว่า เพราะเรียนกันมาทั้ง5วันแล้ววันนี้ยังต้องออกจากบ้านมาอีก
แต่ถึงยังงั้นพวกเราก็เต็มใจหอบสังขารกันมาตั้งแต่เช้า ใครมีรถก็ไปขนอุปกรณ์มาเตรียมไว้ที่สนามกีฬาซึ่งเราไปขอใช้พื้นที่ของ
โรงเรียนใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยของเรานั่นล่ะครับ เช้าผมให้รถที่บ้านมาส่งโดยนัดเพื่อนให้มารอจุดที่รถวิ่งผ่านเพื่อรับไปด้วยกัน
หลังจากผมกับเพื่อนๆไปถึงสนามกีฬาแล้วก็ได้อาศัยรถที่บ้านอีกแห่ะในการไปช่วยขนอุปกรณ์ที่ยังตกค้างอยู่ที่มหาวิทยาลัย
เมื่อการเตรียมงานพร้อมแล้ว ทางรุ่นพี่ก็ได้เชิญท่านรอง ซึ่งเป็นตัวแทนอธิการบดีในการมาดูแลนึกศึกษาภูมิภาคในจังหวัดนี้
ขึ้นมากล่าวเปิดงานแล้วหลังจากนั้นการแข่งขันกีฬาก็เริ่มขึ้น แม้ว่าผมจะไม่ใช่คอกีฬาเทาไหร่นักแต่ผมก็เชียร์อย่างออกรส
เพราะฝ่ายนึงก็รุ่นพี่ อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อน แล้วยิ่งถ้าเพื่อนๆชนะก็เท่ากับว่าปี1ทุกคนพลอยได้หน้าไปด้วย ก็เลยเฮกันดังลั่นสนาม
ผลการแข่งขันบาสในรอบเช้า รุ่นน้องปี1 ชนะไปก่อน ซึ่งก็มีการคั่นเวลาให้นักีฬาชายเหล่านั้นไปพักให้หายกันเหนื่อยซะก่อน

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงการแข่งขันพวกสันทนาการต่างๆของฝ่ายหญิงกันบ้าง ซึ่งผมรับหน้าที่พิธีกร ทั้งพากษ์ ทั้งแซว สนุกสุดๆเลย
แต่ละเกมส์ที่หามาให้ตะลุยไปทีละดานนั้น ทั้งรุ่นพี่ ทั้งรุ่นน้อง สะบักสะบอมกันชนิดที่ไม่มีใครห่วงสวยหือกลัวเจ็บซักคน
แต่ละคนทำหน้าที่เพื่อให้ทีมผ่านไปด่านต่างๆได้อย่างว่องไวและเก็บแต้มตะแนนไว้ให้มากที่สุด ผมเองยังขำจนพากษ์ต่อไม่ไหว
แล้วที่เห็นความแตกต่างของการแข่งขันกีฬาหลักของผู้ชายกับกีฬาสันทนาการของผู้หญิงก็คือเสียงกรี๊ดนี่แหล่ะครับ
ไม่ใช่กองเชียร์ที่คอยกรี๊ดให้นักีฬาหรอกนะ แต่เป็นนักีฬาหญิงของเราน่ะสิกรี๊ดกันเอง ทำได้ก็กรี๊ด ทำพลาดก็กรี๊ด กรี๊ดได้ตลอด
ในขณะที่เมื่อเช้านี้การแข่งบาสของผู้ชายเป็นการเชียร์แบบเฮกันเป้นพักๆฝ่ายไหนชู๊ตลงก็เฮกันซักทีนึงไม่ได้พร่ำเพรื่อแบบนี้
ทำให้ผมหันไปคุยกับเพื่อนที่เป็นพิธีกรคู่กันว่า “ผู้หญิงเล่นไม่หนักแต่กรี๊ดเยอะ เหมือนจะเหนื่อยมากแต่เปล่ากรี๊ดเพราะลุ้น”
ช่วงบ่ายมีการแข่งขันบอลกันต่อคราวนี้ฝ่ายรุ่นพี่ปี2คว้าชัยชนะไปได้อย่างสวยงามทีเดียวแล้วก็มาถึงการปิดการแข่งขันซะที
เลิกกิจกรรมกันแล้วก็รวมตัวกันถ่ายรูป เก็บของ แล้วโปรแกรมต่อไปก็คือการกินเลี้ยงของรุ่นพี่รุ่นน้องที่ร้านอาหารในเมืองครับ
คืนนั้นพวกเรากินกันจนอิ่มพูดคุยกันอย่างออกรส ผมว่าความผูกันจากกีฬาสัมพันธ์ครั้งนี้ได้ผลตรงตามที่ตั้งใจไว้จริงๆด้วยครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 14-06-2007 00:36:53
คอนที่16
มหาวิทยาลัยไกลปืนเที่ยง

มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นี้เป็นส่วนภูมิภาค ทั้งยังเป็นยุคบุกเบิกที่เพิ่งเปิดรับนักศึกษาเพียง2ปี ทำให้เรายังไม่มีอาคารเรียน
เป็นของตัวเองแต่การที่มหาวิทยาลัยจะไปใช้อาคารพานิชย์ ที่เปิดให้เช่าในตัวเมืองก็ต้องเสียงบประมาณไม่ใช่น้อยจึงต้องเลี่ยง
ไปทางนอกเมืองซึ่งแน่นอนว่าราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยิ่งอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองเท่าไหร่ก็ยิ่งราคาถูกลงเท่านั้น
มหาวิทยาลัยของผมก็เช่นกันครับ ถึงจะอยู่ไกลไปซักหน่อยแต่ก็ทำให้พวกเราได้ใช้ชีวิตนักศึกษาส่วนภูมิภาคอย่างคุ้มค่าสุดๆ
แต่ยังไงล่ะที่เรียกว่า “ไกลปืนเที่ยง” ก็คือ ไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีเซเว่นฯ บางครั้งถึงกับไม่มีสัญญาณมือถือก็เคยมาแล้วครับ
ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมือง30กิโลเมตร มีร้านขายข้าวร้านเดียวที่ต้องเดินไกลมาก แต่ไม่มีรถรับจ้างใดๆนอกจากรถเมล์ที่นานๆมาที

ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยของผมจะอยู่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง เหมือนกับที่อื่นๆก็ตาม
แต่อย่าเพิ่งนึกไปว่า มหาวิทยาลัยที่ผมศึกษาอยู่นั้นจะอยู่ในป่าในดง หรือเป็นสถานที่ขาดแคลนแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม
ภายในอาคารที่เราใช้เป็น ห้องบรรยาย ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องประชุม มีอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆครบครันจนเหมือนกับว่า
การมาเรียนที่นี่ คือ การมายังโลกอีกโลกหนึ่ง มีชุมชนเป็นของตัวเอง มีร้านข้าวอยู่ในย่านที่มีบ้านเช่าสำหรับนักศึกษาที่บ้านไกล
สิ่งเดียวที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าพวกเรามาเรียนไกลเหลือเกินก็คือ อุปสรรคด้านการเดินทางเพราะรถเมล์มีเพียงสายเดียวครับ
และบ่อยครั้งที่คนขับรู้สึกเปลืองน้ำมันก็จะปล่อยให้พวกเราลงกลางทางซะดื้อๆ หรือไม่ก็ไม่เข้ามารับนักศึกษาที่จะกลับออกไป

มาพูดถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่กันบ้าง เจ้าของคนล่าสุดเป็นใครผมไม่ทราบแต่ท่านรองฯเคยเล่าให้ฟังตอนปฐมนิเทศน์
ว่าท่านประสงค์จะให้เป็นสาธารณะประโยชน์ จึงยินดีมอบตำหนักใหญ่ ตำหนักปีบ และศาลาริมน้ำให้ทั้งเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย
อาจารย์ และนักศึกษาเข้าไปใช้สอยได้เต็มที่ ผมเองเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าที่นี่ คือ วังเก่า มิน่าผมรู้สึกว่าช่างโออ่าและขลังซะจริงๆ
ตำหนักใหญ่ หรือ อาคารเรียนหลัก เป็นอาคารที่สร้างด้วยปูนทั้งหลัง ขนาดใหญ่ มีทั้งหมด3ชั้น แต่ละห้องในอาคารกว้างมาก
มีหลังคาสูง มียอดแหลมคล้ายโดมที่ด้านบน ผมก็ไม่รุ้ว่า style การออกแบบอาคารอย่างนี้เรียกว่าอะไรแต่ผมว่ามันหรูหราจัง
นอกจากจะเป็นอาคารที่ใหญ่โตแล้ว รายละเอียดของการแกะสลัก ลายปูนปั้นต่างๆก็น่างดงามทำให้ตึกนี้ไม่ดูแข็งกระด้างเกินไป
ตัวตึกนั้นยกพื้นสูงขึ้นจากระดับถนนที่คนเดิน มีบันไดหินอ่อนทอดยาวจากระเบียงด้านหน้าลงมาถึงถนนโรยกรวดสายเล็กๆนั้น
ประตูทางเข้าอาคารมีหลายด้านแบ่งเป็นทิศทั้ง4 ซึ่งประตู หน้าต่าง แต่ละบานของอาคารนี้ใหญ่มากขอบด้านบนก็สูงลิบทีเดียว
ตามแนวระเบียงจะมีกระถางพลูด่างขนาดเล็กๆ ห้อยระย้าลงมาราวกับมู่ลี่ ที่ด้านล่างของอาคารปลูกต้นเข็มเตี้ยๆล้อมไว้จนทั่วตึก
พื้นอาคารตรงระเบียงทั้ง3ชั้นปูด้วยหินอ่อน แต่ห้องทุกห้องเป็นพื้นไม้ขัดมัน ตามเสาปูนแต่ละด้านประดับด้วยโคมไฟกลีบบัว
ท่ารองฯเล่าว่าสภาพอาคารสมบูรณ์ดีมาก ทางมหาวิทยาลัยเพียงแค่ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเท่านั้นส่วนที่เป็นตัวตึก
แทบไม่ต้องจัดการแก้ไขอะไรเลย เว้นแต่ทาสีอาคารใหม่ให้สดใสกว่าเดิม จึงขอให้นักศึกษาใช้อาคารเรียนอย่างระมัดระวังด้วย
ตำหนักปีบ หรือ อาคารสำรอง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว สร้างห่างจากอาคารเรียนหลักไม่ไกลกันนัก หากจะเดินไปอาคารสำรอง
ก็สามารถลงบันไดทางด้านหลังของอาคารเรียนหลักแล้วเดินผ่านทางเดินเชื่อมไปที่อาคารสำรองได้อย่างสะดวกรวดเร็วมาก
ส่วนใหญ่อาคารสำรองจะใช้ในวันปฐมนิเทศหรือมีการประชุมนักศึกษา รวมทั้งเมื่อจัดงานพิธีไหว้ครูของมหาวิทยาลัยด้วย
ถ้าจะเดินจากถนนใหญ่ที่เป็นลานจอดรถไปอาคารสำรองต้องเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่งเมื่อลงจากสะพานมาแล้วจะเห็นว่ามี
ต้นปีบที่ปลูกไว้ตามแนวถนนทั้งสองข้างทางยาวเรื่อยมาจนถึงอาคารไม้สีขาว กลิ่นหอมเย็นของดอกปีบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
ศาลาริมน้ำ เป็นศาลาโปร่งๆสร้างด้วยไม้และมีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ทาด้วยสีขาวทั้งหมด ลวดลายเป็นเถาองุ่นอย่างละเอียด
ศาลานี้ปลูกอยู่ใกล้กับคลองขุดขนาดใหญ่ มีพื้นเป็นไม้ มีที่นั่งเชื่อมติดกับศาลา มองออกไปจะเห็นดอกบัวทั้งใหญ่ทั้งเล็กเต็มสระ
นอกจากที่นี่แล้วก็ยังมีสวนลั่นทมที่ผมประทับใจตั้งแต่วันแรกที่มาเรียน ที่นั่นยังมีเรือนไม้เล็กๆโปร่งๆเรียงกันหลายหลังทีเดียว
ผมกับเพื่อนๆชอบมานั่งเล่นที่นี่ระหว่างรอรถที่บ้านมารับ อ้อ!เดี๋ยวนี้เพื่อนๆที่ไม่มีรถจะกลับพร้อมรถที่บ้านผมเนื่องจากเมื่อเรา
มาเรียนที่นี่ได้1ปี รถเมล์ที่เคยมารับก็ไม่เข้ามาอีกแล้วผมจึงให้รถที่บ้านมารับแทน แต่ในบางครั้งที่นึกสนุกก็จะโบกรถกับเพื่อน
ในกลุ่มซึ่งคนต่างจังหวัดใจดีมาก ส่วนใหญ่ถ้าไปทางเดียวกันเค้าก็จะรับพวกผมขึ้นรถไปลงในเมืองด้วย พวกผมก็จะไปนั่งที่
กระบะด้านหลัง ลมแรง แดดร้อนก็เอาผ้าบัง เอากระเป๋ามาบัง ดูๆไปยังกับแรงงานเถื่อนอพยพเลยครับ นึกถึงทีไรก็ขำทุกที 555

:+: โปรดติดตามตอนต่อไป :+:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 14-06-2007 12:56:59

........... o15 o14 o15 o14...........
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 14-06-2007 13:18:48
 :try2:  พี่นิวจ๋า..ไหนว่าจาลงวินละนิดส์งายจ๊ะ  o2
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-06-2007 15:46:01
มารออ่านต่อจ้า  :give2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-06-2007 20:40:47
หุหุ มหาลัยน่าอยู่จัง   o15
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-06-2007 21:23:05
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-06-2007 22:07:47
การเดินทางไปมหาวิทยาลัยนี่อย่างกะได้เดินทางไกลเลยอ่ะ
มีโบกรถด้วย
น่าสนุกดีเนอะ o14 o14 o14 o14

ปล. ยาวอย่างแรง อ่านซะมึนเลย  o2 o2 o2 o2
      แต่ก็ดีเหมือนกัน ยาวสะใจ :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: max ที่ 15-06-2007 00:20:27
ยาวมากมาย - - อ่านไปตาลาย o2 o2 o2
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 17-06-2007 13:21:27
 :impress2:   เข้ามาตามอ่านภาค 2 ค่า   แต่ว่า....ขอเมนต์ก่อนนะ   เด๋วไปอ่านก่อนค่า :haun5:

 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 17-06-2007 21:08:07
ช่วงนี้สนุกสนานกะชีวิตปี1 จนลืมเทคไปเลยเหรอครับ :o7: :o7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาว ที่ 17-06-2007 21:33:15

พี่นิวเขียนซะมะนาวมองเห็นภาพเลยอ่ะคับ....
รอติดตามต่อน้า....
รักพี่นิวนะคร้าบบบบบ....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-06-2007 22:13:20
ลงเยอะมากเลยนะเนี่ย อ่านกันมันส์ไปข้างเลย อิอิ

แล้วเอานายเทคไปไว้ไหนเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหมาหยอกไก่ ที่ 18-06-2007 00:05:02
 o13 o13

ทิ้งเทคไปเลย T T
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-06-2007 03:11:57
คล้ายๆ กับเรื่องน้ำใสใจจริงเลยเนอะ

เจ้ว่า  ชีวิตช่วงนั้นคงสนุกดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 19-06-2007 00:28:07
เข้ามาทักทายพูดคุยครับ (แก้คิดถึง...อิอิ)

THIP < เพราะน่าอยู่นี่แหล่ะครับ ไกลแค่ไหนพวกผมก็ดั้นด้นไปเรียนกัน
ken_krub < ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
krappom < ก็เพราะเหมือนเดินทางไกลนี่ล่ะ ถึงเรียกว่า "ไกลปืนเที่ยง"
max < กะจะลงให้อ่านให้เต็มที่เลยครับ เพราะอาจเว้นระยะซักแป๊บ ติดธุระไปหลายที่เลย
kei_kakura < ขอบคุณครับที่ทั้งอ่านทั้งเม้นท์
A GE < ยอมรับครับว่า ลืมเทคไปเลย
มะนาว < พี่ว่ามะนาวก็มีจินตนาการที่ดีด้วยล่ะ ถึงเห็นภาพผ่านตัวอักษรได้
pongsj < ลงให้อ่านเต็มที่ครับเพราะอีกไม่กี่ตอนก็จะจบภาค2แล้ว
Miracle_X < ผมไม่ได้ทิ้งเค้านะ รออ่านต่อไปเรื่อยๆก่อนนะครับ เดี๋ยวก็โผล่มาละ
oaw_eang < ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยยุคบุกเบิก ผมว่าบรรยากาศก็ประมาณเดียวกันนี้แหล่ะครับ มีเรื่องสนุกๆให้ทำตลอด

ขอบคุณครับ จาก ผมเอง แล้วรออีกนิดครับเสร็จภารกิจชีวิตเมื่อไหร่จะเอาตอนต่อไปมาลงทันทีเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 19-06-2007 19:35:46
หุๆ ไม่ได้เจอพี่นิวนานละคิดถึงจังนึกว่าพี่นิวจะไม่มาลงเรื่องต่อซะเเล้ว :m15: ดีใจที่พี่นิวมาลงภาค2ต่ออีก พยายามเข้านะครับเป็นกำลังใจให้ เอาไป+1ครับ อิๆ :m9:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 20-06-2007 20:39:28
ตอนนี้มาเยอะจัง

ไว้กลับมาอ่านนะคร้าบ

 o4
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Serendipity ที่ 25-06-2007 02:16:14
อ่านจบเระคับพี่นิว 555+++
ด้วยความอึด  :m11: :m11: :m11:
หลับในห้องเรียนแน่ๆเลยคับพรุ่งนี้ อิอิ
ยังไงก้อรีบมาต่อนะคับ น้องคนนี้รออยู่คับ
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 25-06-2007 09:01:47
มาขออนุญาต ก๊อป ออกไปอ่านค้าบ  :m2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 25-06-2007 12:17:59
แวะพักทักทาย (ระหว่างเดินสาย ช่วงพักหัวใจ เอ๊ย...พักร้อน อิอิ)

jammy > คิดถึงเหมือนกันครับ พี่ลงไปตั้งหลายสิบตอน นึกว่าจะไม่มาอ่านซะแล้ว มาช้าดีกว่าไม่มาเนอะ
kryo_lover > ลงเยอะไว้ก่อน เพราะช่วงนี้ภารกิจชีวิตมากมายนัก (คาดว่าอุ้มก็งานท่วมหัวเช่นกัน)
Serendipity > ซูฮกในความอึดที่อ่านรวดเดียว2ภาคใน1คืน แต่ห้ามหลับในห้องเรียนนะเฟร่ย...เจ้าวิน
- KevinKung - > อนุญาตค้าบ ตามสบาย แต่ยังไงก็แวะมาลงชื่อให้อุ่นใจเป็นระยะๆบ้างละกัน

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านและคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจ
จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 02-07-2007 00:41:54
ตอนที่17
เทคและพี่อาร์ท

คุณๆคงสงสัยล่ะสิ ว่าทำไมหลายตอนที่เล่ามาผมไม่ได้กล่าวถึง เทค เลยก็แน่ล่ะ เพราะช่วงเวลานั้นผมแทบจะลืมนึกถึง เทค เลย
อาจเพราะผมเริ่มมีสังคมใหม่ เริ่มมีเพื่อนใหม่ เหมือนเป็นช่วงปรับตัว ทั้งการเรียนคณะใหม่และการไปไหนๆกับเพื่อนในกลุ่ม
จะว่าไปแล้ว เทค ก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตผมซะทีเดียวก็ยังโทร.คุยกันบ้างแต่ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมากไปกว่า พูดคุย ถามไถ่
ความเป็นไปรอบๆตัวของกันและกันเท่านั้นน่ะครับ อย่างล่าสุดที่คุยกันผมก็เล่าเรื่องสอบว่าอีก2วันผมก็จะสอบเสร็จแล้ว
ทางด้าน เทค เองก็เล่าว่าช่วง1ปีที่ผ่านมา เทค ขาดเรียนบ่อยจนตอนนี้ไม่ได้ไปเรียนแล้ว และก็เที่ยวหนัก แล้วเดี๋ยวนี้ดื่มเหล้าด้วย
ผมก็ได้แต่ปรามๆให้เค้าเที่ยวน้อยลงให้เห้นแก่อนาคตตัวเองบ้าง เค้าก็รับปากแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง

จนถึงวันที่ผมสอบเสร็จ พอดีวันนี้ผมกับพี่อาร์ทมีนัดกันว่าจะไปดูหนัง หลังสอบเสร็จผมก็เลยรอให้พี่อาร์ทมารับที่ศาลาริมน้ำ
ผมนัดกับพี่อาร์ทไว้ตอนบ่าย3 เพราะผมจะสอบเสร็จตอนบ่าย2ครึ่ง ก็เผื่อเวลาให้ผมพุดคุยกับเพื่อนๆซักระยะก่อนน่าจะดีกว่า
แต่ผมก็รอแล้วรออีก จนเกือบๆ4โมงเย็นพี่อาร์ทก็ยังไม่มา ผมโทร.หาก็ดันไม่มีสัญญาณซะอีก ก็เลยนั่งเซ็งต่อไปถึง5โมงเย็น
พี่อาร์ทขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่ลานจอดรถ แล้วก็วิ่กระหืดกระหอบเข้าไปที่อาคารเรียนหลัก ผมมองเห็นแต่แรกแล้วก็เลยเดิน
ตามพี่อาร์ทไปเรื่อยๆ พอผมเดินไปถึงหน้าอาคารพี่อาร์ทก็ออกมาจากด้านใน ผมไม่ได้ถามว่าทำไมมาช้า แต่พี่เค้าก็อธิบายว่า

“ขอโทษจริงๆ พี่ไปทำธุระที่บ้าน เลยมาช้า”
“อืม นิวก็ว่าจะโทร.ตามแต่สัญญาณหายอ่ะ”
“ที่บ้านพี่วุ่นวายอีกแล้วว่ะนิว พี่โคตรเบื่อเลย”

เป็นประโยคของพี่อาร์ทที่พูดขึ้นเมื่อขี่รถออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
“ทำไมอ่ะ มีอะไรเหรอ”
ผมต้องตะโกนถามเพราะลมแรงมาก
“เออๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง  ขี้เกียจตะโกนว่ะ”
ว่าแล้ว พี่อาร์ท ก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาขี่รถของเค้าต่อไป
เราได้มาคุยเรื่องที่ค้างไว้อีกทีเมื่อเดินมานั่งอยู่ในร้านพิซซ่า ด้วยความที่ต่างคนต่างหิวก็เลยตกลงว่าหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า
แต่เพื่อความไม่พลาด เราเดินไปซื้อตั๋วหนังไว้ก่อน แล้วก็ยังมีเวลามากพอให้กลับมานั่งทานพิซซ่าอย่างไม่ต้องเร่งรีบมากนัก
“พี่ชายพี่มาขอเงินพ่อ แต่พ่อไม่มี ก็เลยให้พี่เอาเงินเก้บมาให้พี่ชายพี่ก่อนว่ะ”
“แล้วให้ไปรึยังอ่ะพี่”
“ไม่ให้หรอก หลายครั้งแล้วไง ชอบไปก่อเรื่องแล้วบอกว่าเงินไพอ เดี๋ยวก็เป็นนั่นเป็นนี่”
“แล้วพี่ชายพี่จะเอาเงินไปทำอะไรล่ะคราวนี้ ตอนนั้นพี่บอกว่าแม่พี่ก็เพิ่งโอนไปให้เป็นค่าซ่อมรถนี่นา”
“ก็เออดิ แล้วมันก็มีเรื่องมาให้พ่อแม่เดือดร้อนอีกแล้ว คราวนี้พี่ไม่ให้แล้ว ปล่อยมันไปหาทางเอาเอง”


แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากไปกว่านี้พอดีโทรศัพท์มีสายเข้ามา ผมหยิบออกมาจากกระเป๋าเห็นว่าเป็นเบอร์ของ เทค ก็กดรับ
เทค บอกว่าโทร.หาผมตั้งแต่4โมงเย็นแล้วแต่โทร.ไม่ติดซักที ผมก็นึกได้ทันทีว่าเป็นช่วงที่มือถือผมไม่มีสัญญาณนี่เองครับ
ผมพูดคุยกับ เทค ไปเรื่อยๆจนลืมไปว่าตัวเองหิวมากแค่ไหนก่อนจะเข้ามาในร้านนี้ จนกระทั่งพี่อาร์ทเตือนว่าให้รีบกินเดี๋ยวจะ
ไม่ทันรอบหนังที่ซื้อตั๋วไว้ ผมก็เลยบอก เทค ว่าขอคุยกันแค่นี้ก่อน แต่เหมือน เทค จะพูดอะไรต่อแต่แบตฯมือถือผมหมดซะก่อน
ผมก็เห็นว่าอีกซักพักไปดูหนังก็ต้องปิดมือถืออยู่แล้วก็เลยไม่ได้เปิดขึ้นอีกปล่อยให้เครื่องดับไปแล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋า
แทนที่พี่อาร์ทจะพูดคุยถึงเรื่องของพี่ชายเค้าที่เรายังคุยค้างกันอยู่ ก่อนที่ผมจะรับโทรศัพท์ของ เทค กลายเป็นว่าพี่อาร์ทนั่งเงียบ
แล้วตลอดทางที่เราเดินออกจากร้านมาที่โรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบนสุดของห้าง พี่อาร์ทก็ไม่พูดใม่จา เอาแต่ทำหน้างอ ฮึดฮัด
ผมถามว่าเป็นอะไรเค้าก็บอกว่า เหนื่อย เบื่อ ปัญหาเยอะ ก็คงเครียดและกำลังคิดเรื่องที่เค้าต้องแก้ปัญหาให้พี่ชายเค้าอยู่ล่ะมั้งครับ
จนเมือดุหนังจบแล้วนั่นล่ะ พี่อาร์ทเริ่มอารมณ์ดีขึ้น พูดนั่นพูดนี่แล้วชวนผมไปหาร้านกาแฟนั่งดื่มกันก่อนจะไปส่งผมกลับบ้าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 02-07-2007 00:49:30
ตอนที่18
เผชิญหน้า

ผมกลับมาถึงบ้านประมาณ5ทุ่มเศษๆ ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้านผม ผมก็สังเกตุเห็นคนมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้าน
จนเมื่อรถใกล้เข้าไปไฟหน้ารถที่ส่องไปถึงคนๆนั้นทำให้ผมรู้ว่าคนที่มาเดินอยู่หน้าบ้านผมก็คือ เทค นี่เองล่ะครับ
เทค เคยมาบ้านผมตั้งแต่ตอนที่กลับจากเกาะเสม็ด เทค บอกว่าอยากมาเที่ยวบ้านผม ก็เลยให้เค้าตามมาด้วยซะเลย
แต่ผมไม่คิดว่าเค้าจะจำทางมาบ้านผมได้แม่นยำขนาดนี้เพราะหลังจากที่มาคราวนั้นแล้ว เทค ก็ไม่เคยมาอีกเลยเป็นปี

“มาได้ไงอ่ะเทค ทำไมไม่บอกเราก่อนวะ”
ผมเดินลงจากรถรีบเข้าไปถามเพราะอยากรู้จริงๆ
“ก็ถ้าเราบอกเราจะรู้มั้ยว่านิวไปไหนๆกับใครจนดึกจนดื่น”
ผมได้กลิ่นเหล้าจากปากของ เทค
“นี่เทคกินเหล้าด้วยเหรอ ก็เราบอกแล้วไงว่าเราไม่ชอบ”
“นิวก็ไม่เคยชอบอะไรที่เราทำซักอย่าง ทำไมห๊า”

เทค ตะคอกผมแล้วเขย่าตัวผมแรงๆ
“เฮ้ย เมาแล้วอย่ามาระราน”
พี่อาร์ท รีบเข้ามาผลัก เทค ออกไป
“แล้วแกเป็นใครวะ มายุ่งอะไรด้วย”
เทค ผลักอก พี่อาร์ท จนเซ
“เป็นพี่ชาย”
“ไม่จริง ดูหน้าแกก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นจะพากันไปไหนต่อไหนจนดึกเหรอวะ”
เทค ยิ่งโวยวายหนักขึ้นผมกลัวว่าเสียงจะดังเข้าไปในบ้านก็เลยเดินเลี่ยงออกไปที่สวนหย่อมของหมู่บ้านด้านนอก
“เดี๋ยวเทค เราว่าแกเมาว่ะ ถ้าจะคุยก็ตามไปคุยกันที่สวนด้านนอกละกัน”
จนเมื่อมาถึงสวนหย่อมผมก็พยายามไกล่เกลี่ยเพราะคิดว่าเรื่องที่คน2คนนี้กำลังเถียงกัน มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว
“มาพูดกันดีๆได้มั้ย ตอนแกโทร.มาก็ยังคุยกันดีๆแล้วจู่ๆไปกินเหล้าทำไม”
ผมเริ่มพูดขึ้นก่อนหวัว่าเค้าจะมีสติขึ้นมาบ้าง
“ก็ใช่ แต่นิวไม่ได้บอกนี่ว่าไปกับไอ้แว่นนั่น แต่เราได้ยินเสียงมันลอดมาในโทรศัพท์”
“แล้วไง แล้วแกก็ไปกินเหล้าเพียงเพราะเราไปกินข้าว ดูหนังกับพี่เค้างั้นเหรอ”

ผมรู้สึกผิดหวัง และ โมโห คิดว่า เทค ไร้เหตุผลมากๆ เรื่องไม่เป็นเรื่องมันก็เอาเป็นเหตุไปดื่มเหล้า
“อ๋อ นี่ไปกินข้าว ดูหนังกันมาเหรอ ดีจังเลยนะ นิวสนิทกับมันขนาดไหนถึงไปกันหลายที่หลายทางซะจริง
หรือว่าไม่ใช่แค่นั้นบอกมาซิ บอกเรามาทำไมทีกับเรานิวเล่นตัวนักแต่ไปไหนมาไหนกับไอ้แว่นเนี่ยจนดึกแบบนี้
ไปกันถึงไหนไปทำอะไรกันมาบ้าง กับเราทำเป็นโวยวายดีดดิ้น แต่ไปกะคนอื่นได้  เป็นไงดิ้นกันไปกี่ท่าล่ะ”

สิ้นคำพูด เทค ก็มีเสียงฝ่ามือผมฟาดเข้าที่หน้า เทค อย่างแรง ผมโกรธมากไม่คิดว่าเค้าจะพูดจาแย่ๆแบบนี้
“กลับไปเลยนะ มาทางไหนกลับไปทางนั้น เก็บเอาคำพูดชั่วๆนี่ไปด้วยแล้วไปคิดดูว่าที่พูดมานี่สมควรมั้ย”
ผมร้องไห้ ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่เพื่อนของผมเพื่อนที่ผมคิดมาตลอดว่าจะไม่มีวันทำร้ายกันกลับทำร้ายผมด้วยคำพูดแบบนี้
ผมเดินกลับออกมาที่ด้านหน้าสวนหย่อมเจอ พี่อาร์ท ที่ยืนรออยู่แล้ว พี่อาร์ท ถามว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วหรือยังผมพูดไม่ออก
ได้แต่นิ่งเฉยซะแล้วก็เดินตัวตรงกับเข้าไปในซอย ผมหันกลับไปมองที่สวนหย่อมตรงนั้นอีกครั้งยังเห็น เทค ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
พี่อาร์ทเดินตามผมมาและพาผมไปส่งที่หน้าบ้าน คืนนั้นผมกลับเข้าบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้าเหลือเกินกับเรื่องที่เกิดขึ้น
โชคดีที่ตั้งแต่ผมย้ายมาเรียนที่นี่ก็มีห้องนอนส่วนตัวไม่ได้ไปนอนห้องแม่แล้ว คืนนั้นผมก็เลยไม่ต้องกังวลว่าแม่จะสังเกตุ
อาการผิดปกติของผมได้รึเปล่า ผมแค่เข้าไปทักทายแม่แล้วขอตัวไปพักผ่อน ทั้งที่คืนนั้นผมไม่อาจหลับตาได้เลยทั้งคืน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 02-07-2007 01:19:47
Replyนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื่องหาในเรื่องเล่า ถือซะว่ามาสนทนาความเป็นไปให้ฟังแล้วกันนะครับ

1.ผมเพิ่งบอกเลิกกับแฟนคนปัจจุบันหลังจากคบกันมา5เดือน ด้วยเหตุผลว่า ผมรักเค้าได้แค่พี่ชาย
2.ผมเพิ่งรู้ว่า การพยายามรักใครสักคน เหนื่อยใจยิ่งกว่า การพยายามเลิกรักใครสักคน ซะอีกครับ
3.ผมทำงานแล้ว (สานต่อกิจการแม่) งานยุ่งมากมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่ๆมากนักก็เลยไม่มีเวลาให้เค้า
4.ผมรู้สึกว่าว่าผมไม่ควรกักตัวเค้าไว้ ปล่อยให้เค้ามีความหวังมากขึ้นทั้งที่ผมรู้สึกกับเค้าเท่าเดิม
5.เค้าเป็นคนดี แม้จะนิสัยห่ามๆ เซอร์ (ไม่ใช่สเปคของผม) แต่เค้าก็รอให้ผมยอมเป็นแฟนเค้ามาได้ตั้ง7ปี
6.ตอนเค้าขอเป็นแฟน ผมตั้งใจว่าจะให้โอกาสเค้า เชื่อว่าสักวันผมจะรักเค้าอย่างแฟนได้เพราะความดีของเค้า
7.เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ได้รู้ว่า คนที่ดี กับ คนที่รัก บางครั้งอาจไม่ใช่คนๆเดียวกัน
8.ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเค้านะ แต่เพราะ7ปีที่ผ่านมาผมรักเค้าไปแล้วในฐานะพี่ชายทำให้ผมเปลี่ยนไปรักแบบแฟนไม่ได้ซักที
9.ผมรู้สึกว่าตัวเองใจร้ายที่ตอบตกลงเป็นแฟนเค้า ไปให้ความหวังเค้า แต่กลับทำลายความหวังนั้นซะเอง แต่ช้ารึเร็วก็ต้องมีวันที่เลิกกัน
10.หลังจากบอกเลิกและถอยความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องเหมือนเก่า เค้าก็เข้าใจดี และเรายังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเหมือนเดิมครับ

** To Be Continue **
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 02-07-2007 01:21:48
 :impress: :impress: สงสารเทคเหมือนกันครับ  ดูเหมือนว่าเทคจะเปนพวกขาดความอบอุ่นก็เลยพยายามยึดนิวไว้  แต่นิวก็ไม่มีเวลาให้เทคเหมือนก่อนก็เลยเมาอย่างนี้ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 02-07-2007 02:01:15
เข้ามาดูผู้ชายต่อยกันแย่งนิว    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด...
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 02-07-2007 03:33:58
ตอบ คุณ AGE ผมก็สงสารเค้าเหมือนกัน แต่เวลา สิ่งแวดล้อม หน้าที่ ก็มีส่วนทำให้ผมกับเทคเจอกันน้อยลง
จนดูเหมือนกับว่า มีคนอื่นเข้ามามีบทบาทกับผมมากกว่า เทค "แต่การที่คนอื่นมามีบทบาทในชีวิตของผมมากกว่า เทค
ก็ไม่ได้แปลว่า คนๆนั้นจะมาแทนที่ เทค ในใจผมได้"
เพียงแต่ว่าในเวลานั้นผมไม่ได้บอกกับเค้าเหมือนที่บอกอยู่ตอนนี้ครับ T-T

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Replyนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องเล่า แต่มาพูดคุยถึงเรื่องที่ยังค้างอยู่ในกระทู้ที่แล้วครับ

11.หลังจากบอกเลิกกับแฟนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เค้าก็หายไป2วัน จนในคืนนึงเค้าโทร.มาชวนดูหนังผมยังไม่รับปากเพราะติดธุระมากมาย
12.ต่อมาไม่กี่วันขณะที่ผมดูแลร้านอยู่แฟนเก่าของ(อดีต)แฟนผมก็มาที่ห้องทำงานแล้วก็พูดจาไม่ดีเอาซะเลยเรียกว่ามาหาเรื่องก็ได้
13.แฟนเก่าของ(อดีต)แฟนผมเป็นผู้หญิงสวยคมแบบสาวใต้ซึ่งเท่าที่ผมรู้เค้าบอกเลิกกับ(อดีต)แฟนผมเมื่อปีก่อนและเค้าก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย
14.แต่เค้ากลับพูดทำนองว่า ...อยากแข่งกับเค้าเหรอ... ผมก็ถามกลับแบบงงๆว่า ...แข่งเรื่องอะไร?...
15.นับจากนี้จะเป็นบทสนทนาที่เค้าและผมโต้ตอบกัน ที่ห้องทำงานในร้านผม ขณะนั้นประมาณ1ทุ่ม มีผมอยู่เคลียร์งานที่ร้านคนเดียว

ผู้หญิงคนนั้น = ฉันรู้ว่าเธอเป็นแฟนกับพี่เค้าแล้วเหรอ
ผม = [คิดในใจ จะตอบว่าก็ใช่แต่เลิกกันแล้วล่ะพี่]
ผู้หญิงคนนั้น = ที่ฉันมาเพื่อจะย้ำว่าครั้งนึงพี่เค้าเป็นผัวฉัน [ใช้คำนี้จริงๆครับ]
ผม = รู้ว่าเคยเป็น แต่เท่าที่รู้เนี่ยพี่เป็นฝ่ายบอกเลิกกับพี่เค้าเพราะพี่ไปมีแฟนใหม่นี่นา
ผู้หญิงคนนั้น = เธอก็เลยฉวยโอกาสตอนพี่เค้าไม่มีใครไปแย่งพี่เค้ามาล่ะสิ
ผม = แล้วจะให้ผมทำไงเหรอ [ในใจคิดว่ายัยนี่ไม่รู้เหรอว่าผมบอกเลิกกับแฟนแล้ว]
ผู้หญิงคนนั้น = อยากกินเดนต่อจากฉันก็คบกันไปเหอะ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าทุกวันนี้พี่เค้ายังมีอะไรกับฉันอยู่
ผม = พี่2คนคุยกันเองดีกว่าเผื่อจะเข้าใจอะไรมากกว่านี้ [เค้าจะได้รู้ว่าผมเลิกกับ(อดีต)แฟนแล้ว]
ผู้หญิงคนนั้น = ฉันต้องพูดกับเธอสิ เพราะเธอไปยุ่งกะพี่เก่อน ถ้าเธอเลิกตอแยกะพี่เค้าซะได้ พี่เค้าก็มีเวลาให้ฉันเต็มที่
ผม = แล้วแฟนที่พี่คบอยู่คอนนี้ล่ะครับ
ผู้หญิงคนนั้น = นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉัน ถึงฉันจะคบใครอยู่ แต่พี่เค้าก็ยังเป็นของฉัน ถ้าฉันไม่ปล่อยเค้าไปเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่ง

[พักยก...เล่าย้อน]

ก่อนหน้านี้หลายปี (อดีต)แฟนผมเคยบอกว่าชอบผม แต่ผมปฏิเสธไป ไม่นานพี่เค้าก็เป็นแฟนกับผู้หญิงคนนั้น เพราะเผลอใจมีอะไรกันที่ห้องฝ่ายชาย
ตอนยังไม่เป็นแฟนกัน ผู้หญิงคนนั้น ซึ่งย้ายมาเรียนจากต่างจังหวัดก็ไม่มีเพื่อนซักคน อะไรๆก็ต้องให้พี่เค้าคอยช่วยเหลือ พาไปนั่นพาไปนี่เป็นประจำ
ทีนี้ พอเป็นแฟนกัน ผู้หญิงคนนั้นก็เมก้าวก่าย คุมพี่เค้าตลอดเวลา โทร.จิกทั้งวัน ที่บ้านพี่เค้ามีงานรวมญาติผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ยอมไปบอกว่าไม่รู้จักใคร
แล้วยังสั่งไม่ให้ฝ่ายชายไปงานด้วย เพราะไม่มีคนอยู่ที่หอเป็นเพื่อนเค้าแต่พี่เค้าก็ต้องไป พอกลับมาก็ทะเลาะกันใหญ่โต
พอปัญหาจากการคบกันมีมากขึ้น พี่เค้าก็มาเล่าให้ผมฟัง มาปรึกษาหรือบางทีก็หลบมานอนเล่นที่บ้านผม ซ่งผู้หญิงคนนั้นก็รู้อยู่ตลอดครับ

[กลับสู่บทสนทนาตึงเครียด ในค่ำคืนนั้น]

ผู้หญิงคนนั้น [เริ่มขุดเรื่องเก่ามาโวยวายใส่ผม] ...คำพูดประมาณนี้...
= ตอนที่พี่เค้าบอกว่าชอบเธอทำเป็นกระแดะเล่นตัว แต่พอพี่เค้าเป็นแฟนกับฉันเธอก็ยังไม่เลิกติดต่อกับพี่เค้าอีก
ถ้าไม่ชอบพี่เค้าแต่แรก ธอมาคุยกะพี่เค้าทำไม ยิ่งรู้ว่าพี่เค้ากับฉันเป็นแฟนกันแล้วเธอยิ่งน่าจะเลิกคบกันไปเลยด้วยซ้ำ
ผม = การที่พี่ชายเรามีแฟนเนี่ย เราถึงกับต้องเลิกคบพี่ชายเราเลยเหรอ
ผู้หญิงคนนั้น = ก็รู้อยู่พี่เค้าไม่ได้ติดแค่นั้น ยังหน้าด้านโผล่มายั่วให้พี่เค้าวอกแวกอีก แทนที่จะหลีกทางไปซะก็สิ้นเรื่อง
ผม = ที่มาเนี่ยจะมาบอกเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้ หรือ จะมาเพื่อพูดเรื่องเก่า
ผู้หญิงคนนั้น = ตอนไหนๆเราก็หน้าด้านเหมือนเดิมแหล่ะ คอยหาทีเผลอจะแย่งพี่เค้าให้ได้เลย
ผม = แต่ผมไม่ได้เจอพี่เค้าเป็นปีเลยนะ ตั้งแต่ไปทำงานที่กรุงเทพฯน่ะ
ผู้หญิงคนนั้น = อยู่กรุงเทพฯน่ะหาพวกไส้เดือนเหมือนกันไม่ได้รึไงถึงต้องมาแก้คันถึงที่นี่
ผม [ยอมรับว่าตอนแรกๆคุมอารมณ์ได้อยู่ พอเจอประโยคนี้ผมโกรธมากจนต่อ่าเค้าแรงพอดู]
= กลับไปได้แล้ว ถ้าคิดว่าจะมาด่าก็ได้ด่าแล้ว ถ้าคิดว่าจะมาบอกว่าทุกวันนี้พี่2คนยังเป็นผัวเมียกันอยู่ก็บอกแล้ว
เมื่อสะใจแล้วก็กลับไป ที่นี่เป็นที่ทำมาหากิน ไม่ใช่ซ่องที่จะให้อีตัวชั้นต่ำมายืนทวงแขกขาประจำปาวๆแบบนี้
ผู้หญิงคนนั้น = หยาบคาย พวกกระเทยก็แบบนี้สันดานต่ำ
[ผมขอยกคำพูดเค้ามาเลยนะรับ เพราะยังติดอยู่ในหัวจนถึงตอนนี้]
เค้าว่า "กะหรี่นอนกับผัวใคร ได้เงินแล้วมันก็ไป แต่พวกวิปริตผิดเพศบ้าผู้ชาย พอคว้าได้ก็เลยไม่ยอมปล่อย ทุเรศกว่ากะหรี่ซะอีก"
ผม [ในตอนนั้นทั้งเสียใจ เจ็บใจ โกรธ จนแบบจะร้องไห้ แต่ก็หูอื้อ เหมือนจะเป็นลม แต่ก็พยายามฝืนยืนนะ]
= กลับไปซะ พี่กลับออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไป๊
ผู้หญิงคนนั้น = ไม่ ฉันจะกลับก็ต่อเมื่อเธอสาบานว่าจะไม่เจอพี่เค้าอีกเลย สาบานสิ!

มาถึงขั้นนี้ ผมก็เลยคิดว่าจะบอกแฟนเก่าพี่เค้าว่า เรากะพี่เค้าเลิกกันแล้ว ถึงไม่สาบานก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆหรอก
ไม่ต้องมาคาดคั้น บังคับให้สาบาน แต่ยังไม่ทันจะพูดเลย ตัวเค้าอ่ะมีโทรศัพท์สายเข้าซะก่อน แล้วไม่น่าเชื่อ เปลี่ยนอย่างไว แอ๊บแบ๊วสุดๆ
พูดกับคนปลายสายว่า ...หนูมาเยี่ยมเพื่อน แล้วก็หนูยังงั้น หนูยังงี้ แล้วก็ไม่รู้คุยไรกันอีก แต่แรกๆตาเค้ายังจ้องเขม็งมาทางผมอยู่เลยนะ
ตาแบบจิกๆ แต่เสียงแอ๊บแบ๊วมาก พอคุยโทรศัพท์ไปซักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็เดินคุยโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องทำงานผมไปเฉยๆเลย
ถือได้ว่า เหตุการณ์ตึงเครียดก็ถึงคราวสงบศึก แต่สำหรับผมนะ แทบจะสลบลงไปกองอยู่กับพื้นตรงน้นเลย มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ทั้งจิตตก โกรธ เซ็ง เบื่อ เครียด อารมณ์เสีย หงุดหงิด ฉุนเฉียว แต่ก็อ่อนล้า หูอื้อ ตาลาย ไปพร้อมๆกันด้วย หลายอาการเลยครับ
คืนนั้น กลับถึงบ้านยังอารมณ์เสียอยู่ ถึงกับขึ้นหัว MSN ไว้เลยนะ ว่าหงุดหงิด ไม่พร้อมจะคุยกับใคร วันนั้นใครทักมาผมก็ไม่ตอบเลย T-T

16.หลังจากเหตุการณ์นี้ผมก็เล่าให้(อดีต)แฟนได้รับรู้ว่า แต่พี่เค้าไปคาดคั้นยังไงผู้หญิงคนนั้นก็ตอบไปอีกทางจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
17.พอดีกับที่ว่าต่อมาอีกไม่กี่วันผมก็ต้องเดินทางไปทำธุระหลายแห่งก็เลย ได้โอกาสลางานไปพักใจที่หัวหิน[พักอยู่กับครอบครัวพี่ชาย]
18.จากที่เล่ามาทั้งหมด สรุปว่ากว่าภาวะทางอารมณ์ ความรู้สึกของผมจะคงที่ ก็กินเวลานานมากเหลือเกิน [ช่วงนั้นไม่ได้เช้าบอร์ดเลย]
19.เรื่องจริงที่เล่า (แทรกเรื่องเล่าเดิม) ก็เพื่อระบายความอึดอัดใจเท่านั้น อย่าอินมาก ผมไม่ถือสาผู้หญิงคนนั้นหรอกครับ ปล่อยๆเค้าไปดีกว่า
20.แต่ว่า...ถ้าผู้หญิงคนนั้นเล่นไม่เลิก ผมก็คิดไว้แล้วว่า แม้ผมไม่อยากเอาชนะเค้าแต่ก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเหมือนกัน แล้วคอยดูว่าใครจะอึดกว่ากัน

จาก ผมเอง (Replyนี้ยาวหน่อยนะครับ...ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-07-2007 04:53:05
เป็นกำลังใจให้จ๊ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-07-2007 10:29:51
มีอะไรก็พูดความจริงออกไป ไม่ต้องเก็บไว้ ใครจะเชื่อไม่เชื่อมันก็ให้เขาไปตัดสินใจ
ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว

ยิ่งเก็บและตัดสินใจแทนคนอื่น
เรื่องจะยิ่งเลวร้ายลง

 :m2: :m2: :m2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-07-2007 10:37:16
ยังไงก็เอาใจช่วยนะคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-07-2007 13:06:28
 :เฮ้อ: คนเราก็เปงซะแบบนี้อ่ะ ชอบหวงก้าง อย่าไปสนใจคนแบบนั้นเลยเน๊อะพี่นิว เสียสุขภาพจิตป่าวๆ  :seng2ped:

เปงกำลังใจให้พี่นิวจ้า  :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 02-07-2007 18:05:07
รู้สึกว่าจะมีคนจะไปช่วยตบยัยนั่นหลายคนไม่ใช่เหรอ เหอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-07-2007 19:34:11
กับคนบางคน ก็ไปเอานิยมนิยายอะไรกับเขาไม่ได้หรอก
สิ่งที่ทำได้ คือปล่อยให้เขาจมอยู่กับความโกรธที่เขาสร้างขึ้น อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

เป็นกำลังใจให้น้า  :m13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Serendipity ที่ 02-07-2007 20:55:07
สู้ๆ นะคับพี่นิว  :m9: :m9: :m9:
ยังไงก้อยังมีส้วมเล็กๆตรงนี้ให้พี่นิวระบายนะคับ อิอิ
สงสารพี่นิวอ่า  :m15: :m15: :m15:
ทำไมเค้าถึงทำกะพี่นิวอย่างเน้
เด๋วผมจาไปจัดการให้ หุหุหุ  o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-07-2007 22:18:10
มีอะไรก็พูดความจริงออกไป ไม่ต้องเก็บไว้ ใครจะเชื่อไม่เชื่อมันก็ให้เขาไปตัดสินใจ
ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว

ยิ่งเก็บและตัดสินใจแทนคนอื่น
เรื่องจะยิ่งเลวร้ายลง

 :m2: :m2: :m2:

ยังเม้นต์ได้แสบสันเหมือนเดิมนะยะหล่อน  อิอิ

เชื่อพี่แก่แล้วจะดีเอง น้องๆ นู๋ๆ  เพราะ ตาบลูแก่เจนจัด อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 03-07-2007 02:11:39
อินิมันน่าตบนัก อยากจะจิกหัวตบให้รู้แล้วรู้แรดกันไปเลย
ปรับแค่ 500 บาท ไม่เสียดายหรอก วันไหนมันมาอีกโทรมา
บอกนะนิว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-07-2007 00:03:36
ยัยคนนี้ท่าทางจะจิตผิดปกตินะเนี่ย
เพราะฉะนั้นอโหสิให้เค้าเหอะ :เฮ้อ:


อ้อ อย่าลืมกรวดน้ำให้ด้วยแล้วกัน
ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก :amen:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 04-07-2007 12:00:08

.............ความเป็นมนุษย์ของคนเรามันไม่เท่ากัน.......... :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Darklord ที่ 04-07-2007 15:58:48
สู้ต่อไป  นะนิว เป็นกำลังใจให้ซำเหมอ  o11
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 04-07-2007 22:29:54
จากใจ...ถึงใจ

ฝากถึงเพื่อนๆทุกคนในเล้าที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่านี้ แล้วได้อ่านกระทู้ที่ผมเล่าเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นกับผม
อยากจะบอกว่า แค่รู้ว่ามีเพื่อนๆมาอ่านเรื่องที่เล่านี้ก็ดีใจมากแล้วครับ ยิ่งได้อ่านความเห็นอื่นๆ
ที่เกี่ยวกับเรื่องแย่ๆในชีวิตของผมช่วงนี้ ซึ่งล้วนเป็นกำลังใจและข้อคิดข้อแนะนำที่อบอุ่นใจจังเลย
ดังนั้น กระทู้พูดคุยกันในครั้งนี้ผมจึงอยากบอกเพื่อนๆทุกคนว่า "ขอบคุณมากครับ"
 
ที่จริงแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่ผมเล่าในกระทู้ที่ผ่านมา มันยังมีเรื่องแย่กว่านั้นตามมาอีก
แล้วก็เป็นเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นจาก ผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าจากนี้ไปการมีชีวิตอยู่
เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนมากมายเหลือเกินกว่าจะพ้นไปวันๆนึง ทนต่อสายตาคน ทนต่อคำพูดคน
(โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่อมาเมื่อผู้หญิงคนนั้น...มาประจานผมถึงที่แล้วก็จากไปอย่างสมใจเค้า)
ตอนนี้ ผมรู้สึกหม่นหมองชอบกล เพลียใจน่ะครับ ยังดีงานที่ทำเป็นกิจการส่วนตัวผมก็เลยเหลวไหลได้บ้าง

ดังนั้น 2-3วันมานี้ ผมก็เลยอยู่แต่ในบ้าน เล่นเนต นอนหลับ ออกไปวิ่ง(ให้หายเครียด) แล้วก็ดูละครตั้งแต่บ่ายถึงค่ำ
บางทีก็รู้สึกเบื่อๆ เหมือนใช้ชีวิตหมดไปวันๆแบบไร้ค่า แถมต้องให้แม่กลับไปรับภาระในการดูแลกิจการที่ร้านแทนอีก
แต่ผมก็คิดได้ว่า เมื่อตัวเราเดินหน้าไม่ไหวก็อย่าฝืน เหมือนดึงหนังสติ๊กจนตึงมากไปพอหมดแรงก็ดีดกลับมาทำให้เราเจ็บ
เพราะฉะนั้น ในเมื่อตอนนี้ผมเดินต่อไปไม่ไหว ไม่อยากเจอใคร ผมก็ไม่อยากฝืนเพราะผมไม่อยากเจ็บซ้ำซากอีกแล้ว
ลำพังแค่สิ่งที่คนใจร้ายคนนั้นทำกับผม ผมก็เจ็บมากพอแล้ว ตอนนี้ผมแค่อยากจะอยู่ในที่ซึ่งทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยนั่นคือ บ้าน
รอให้ผมมีแรงลุกขึ้นเดินต่อไป พร้อมที่จะอยู่ท่ามกลางผู้คนซึ่งอาจจะ มองผมแปลกไป คิดกับผมต่างจากเดิม เพราะคำพูดของคนใจร้ายนั่น

แต่ตอนนี้ ความรู้สึกของผมคล้ายคลึงกับเนื้อเรื่องท่อนหนึ่งของเพลงนี้จริงๆครับ เพลงที่มีชื่อว่า เดียวดาย
...เหนื่อยล้าเหลือเกิน มันเหมือนเดินมาเดียวดาย เจ็บช้ำหัวใจ ยังไม่มีใครเหลียวแล...
...สิ่งที่ทำให้กับเขา ทุ่มเทเท่าไร ยอมให้จนหมดใจ ไม่เห็นว่าใครจะแคร์...
...เสียใจ มีแต่ความเสียใจ ที่ก้าวเดินไป ยิ่งเดินยิ่งไกล แต่ไม่มีใคร เข้าใจฉันเลย...


ขอบคุณอีกครั้งด้วยใจจริง จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: kryo_lover ที่ 04-07-2007 22:35:02
เป็นกำลังใจให้นะคร้าบพี่นิว

 :teach:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-07-2007 22:50:04
ยังมีเรื่องร้ายในชีวิตต้องเจออีกมากครับ

ลองพูดความจริงออกไปสิครับ ว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับเราไว้บ้าง

เขาจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของเรา เราทำดีที่สุดแล้ว

บัวใต้น้ำโปรดอย่างไรก็ไม่ขึ้น

ถ้ายากนักก็เอาเบอร์มา เด่วจะให้พวกเพื่อนๆโทรไปด่าให้กระจาย

 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 04-07-2007 23:03:09

บัวใต้น้ำโปรดอย่างไรก็ไม่ขึ้น




ท่าทางจะไม่ใช่บัวใต้น้ำธรรมดาๆ
น่ากลัวว่าจะจมอยู่ในตมแล้วโดนหินทับเอาไว้ด้วยรึป่าว
 o12
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Serendipity ที่ 05-07-2007 02:50:03
 :m11: :m11: :m11: สู้ๆค๊าบบบบบบ พี่นิว^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-07-2007 17:03:08

...........เป็นกะลังใจหั้ยเน้อ.... :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-07-2007 20:04:02
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เห็นด้วยกับที่เรย์แนะนำนะ บางครั้งเราก็ควรตอบโต้บ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าจะได้ใจ  o12
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาว ที่ 05-07-2007 21:37:58

มะนาวมาเป็นกำลังใจให้พี่นิวน้า.....อ่านเรื่องของพี่มาตลอด.....

พี่นิวสู้สู้คร้าบบ.....อย่าไปยอมแพ้นะคร้าบ.....ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นโรคจิต...มันบ้าอ่ะคับ....

รักพี่นิวนะคร้าบ.......

มะนาวตัวนิดๆคร้าบผม.......
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: bishonen ที่ 07-07-2007 19:20:19
เป็นชั้นล่ะไม่ได้.....จะตบด้วยเปลือกทุเรียนตั้งแต่มันแอ๊บแบ๊วนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 21-07-2007 16:55:53
ตอนที่19
จดหมายของเทค

หลังจากเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันในคืนนั้น เทค ก็หายหน้าไปจากชีวิตผม ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่
แต่สำหรับผมนั้นไม่มีความสบายใจเลยแม้แต่น้อย ผมรู้สึกเหมือนกับว่าแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่งที่เราไม่เข้าใจกัน
กลับทำให้ผมและเทคต้องห่างเหินกันอีกแล้ว ผมอยากรู้ว่าเค้าเป็นอย่างไรบ้าง ผมรู้ว่าคืนนั้นผมไม่ควรทิ้งเค้าไว้ที่สวนหย่อม
หมู่บ้านตามลำพัง ทั้งที่เค้าตั้งใจจะมาหาผมแท้ๆ แต่หลังจากคืนนั้นผมไม่ได้ข่าวคราวของเค้าอีกเลย
ผมโทร.ไปที่บ้านของ เทค แม่บ้านที่มารับสายมักจะบอกว่า เทคไม่อยู่บ้าง เทคยังไม่ตื่นบ้าง หรือเพราะเค้าไม่อยากพูดกับผมแล้ว
นับว่าโชคดีที่ผมยังต้องไปเรียน และ นั่นทำให้ผมได้เจอเพื่อนๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมคลายความกังวลเรื่อง เทค ลงไปบ้าง
แล้วเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ผมเปลี่ยนจากการโทรศัพท์เป็นการส่งจดหมายไปหา เทค ที่บ้านของเค้า
แต่ไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับจากเทคเลยแม้เพียงฉบับเดียว เทค จะรู้มั้ยว่าผมทรมานใจแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นปีๆ
ตลอด6เดือนมานี้  ผมเขียนจดหมายไปถึงเค้าไม่รู้กี่ฉบับ บางฉบับผมเขียนไปซะหลายแผ่น บางฉบับก็มีเพียงโปสการ์ด1ใบ
เค้าจะรู้มั้ยว่า ทุกตัวอักษรที่ผมอยากจะขอโทษเค้า อยากจะส่งผ่านความห่วงใยที่มีไปนั้น มีความคิดถึงและความทรงจำอยู่ในนั้น
ผมอยากบอกเค้าว่าถ้าเค้าโกรธผมแล้วจะลงโทษด้วยการหายไปจากชีวิตผม ตอนนี้ผมก็ได้รับโทษนั้นแล้วมันช่างทรมานซะจริง
ในที่สุดผมก็ได้รับจดหมายที่ส่งมาจาก นาย ทยาวัติ ผมรีบดูที่หน้าซองจดหมายทำให้รู้ว่าจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจาก จ.ระยอง

เกาะเสม็ด จ.ระยอง
5 กันยายน 2546
หวัดดีนิว
          ตอนนี้เราอยู่ที่เสม็ดล่ะ จำได้รึเปล่าว่าเราเคยมาที่นี่ด้วยกันเมื่อเกือบ2ปีที่แล้ว แต่ถึงนิวจำไม่ได้ก็
ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้นิวคงคร่ำเคร่งกับการเรียนอยู่สินะ เป็นไงมั่งเก็บไปกี่หน่วยกิตแล้วล่ะ ใกล้ความจริงรึยังที่ว่าจะจบ3ปีอ่ะ
เรามาอยู่ที่นี่ได้หลายอาทิตย์แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้เราเบื่อไปหมดทุกอย่าง ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี นิวเคยเป็นมั้ยอยู่ๆก็เหมือนกับว่า
ไม่มีที่ไหนเป็นที่ของเราจริงๆเลยว่ะ เราอยู่บ้านของเราแต่ก็เหมือนอาศัยบ้านพ่อ (แต่ก็จริงล่ะวะทุกวันนี้ยังใช้เงินพ่ออยู่เลยนี่นา)
เออ ขอโทษด้วยนะเว้ย ที่เราไม่ได้รับโทรศัพท์นิวเลย บอกตรงๆเราไม่รู้จะพูดอะไรกับนิวจริงๆ ไม่รู้ว่าที่นิวโทร.มาเพื่ออะไร
เราไม่อยากคิดว่าการที่นิวโทร.มา เพราะนิวเป็นห่วงเรา เดี๋ยวเราก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนเดิม มันทรมานว่ะ นิวเข้าใจป่ะ
          เราไม่เคยรู้เลยว่ามีจดหมายจากนิวมาถึงเรามากขนาดนี้ เพราะตอนนั้นเราไปอยู่สิงคโปร์กับพ่อ
ไม่ได้ติดต่อกับคนที่เมืองไทยเลยว่ะ พ่อมาเมืองไทย เราเองก็ไม่รู้จะทำอะไร พ่อบอกว่าจะส่งเราไปเรียนต่อที่ เมกา เราเองก็คิดว่า
ดีกว่าอยู่เปล่าๆทำตัวไร้คุณค่าแบบนี้ ยังจำได้มั้ยหลายปีที่แล้วเราไม่ยอมไปเรียนต่อ เพราะตอนนั้นเรารู้ว่าเรามีคนที่เรารักอยู่ที่นี่
แต่ตอนนี้เราไม่แน่ใจแล้วซะแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้นิวอาจจะบอกว่าอยากคบเราแบบเพื่อน และ กลัวคนจะมองว่าเป็นเกย์ กลัวแม่เสียใจอ่ะ
เราก็เข้าใจนะ  ก็ได้แต่บอกตัวเองว่านิวไม่มีใคร วันนึงถ้านิวกล้ายอมรับตัวเอง นิวก็คงกล้ายอมรับความรักจากเราด้วย
แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ต่อให้นิวยอมรับว่าเป็นเกย์ นิวก็คงไม่ได้มีแค่เรา ยังมีคนที่ดีกว่าเรา คนที่นิวอาจชอบมากกว่าเรา
หลายครั้งที่ความใจร้อน ความบ้าของเราทำให้นิวต้องรำคาญใจ เราก็ไม่ควรทำให้นิวลำบากใจกับเราเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีก
          เรากลับมาถึงเมืองไทยเดือนที่แล้วนี้เอง แม่บ้านเอากล่องมาให้1อันบอกว่าใส่จดหมายที่ส่งถึงเรา
แปลกใจมากที่จดหมายหลายสิบฉบับนั้นมาจากนิวคนเดียว เราอ่านจดหมายครบทุกฉบับแล้วอยากบอกว่าเราไม่เคยโกรธนิวเลย
เรารู้ว่านิวหวังดีอยากให้ทำสิ่งถูกต้อง ตอนนี้ก็คงจะสมใจนิวแล้วนะ เพราะเรากำลังจะไปเรียนต่อ อยากเรียนอะไรให้มันจริงจัง
แต่คงไปอยู่กับพ่อก่อนยังไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนดี เออ พ่อเรากำลังจะแต่งงานใหม่ว่ะ คิดว่าคงไม่มีปัญหาท่าทางแม่ใหม่เราก็โอเค
เอาไว้ใกล้วันเดินทางเราจะโทร.ไปบอกอีกทีแล้วกัน ตอนนี้เราอยากบันทึกความทรงจำดีๆที่เคยเกิดขึ้นที่นี่เก็บไว้กับเราให้นานๆ
หลายวันมานี้เราไปกินข้าวร้านที่เคยไปกับนิว ไปเล่นน้ำทะเลที่เดิม และฟังเพลง หัวใจผูกกันด้วย จำได้มั้ยว่ามันเป็นเพลงของเรา
ปล.อีก2วันก็จะถึงวันเกิดของนิวแล้วนะ เราตั้งใจจะให้จดหมายฉบับนี้ส่งไปให้ทันวันเกิดของนิว สุขสันต์วันเกิด นะเพื่อนรัก
รักนิวเสมอ
Take
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: Serendipity ที่ 21-07-2007 17:52:24
เหอะๆๆๆๆ มาทัน อิอิ  :m4: :m4: :m4:
ไม่ได้คุยกะพี่นิวเลยอ่าคับ
ยุ่งๆอ่าคับ
สู้ๆนะคับพี่นิว
^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 21-07-2007 18:58:43
ตอนที่20
ต่างก็มีทางเดินก้าวไป

ในที่สุดวันที่ เทค บอกไว้ในจดหมายก็มาถึง เทค โทร.มาบอกผมก่อนวันเดินทางเพียงแค่1วัน ผมได้ใช้โอกาสนั้นพูดคุยกับเค้า
เราคุยกันอย่างยาวนานเท่าที่จะนานได้ มีหลายครั้งที่ผมจะบอกบางสิ่งให้ เทค ได้ฟังแต่ผมก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปในใจ
พร้อมๆกับน้ำตาที่ผมไม่ยอมให้รินไหลออกมา และหวังว่าวันที่ผมไปส่งเค้าบางทีผมจะกล้าบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจผมให้เค้าได้รู้   

เทค จะออกเดินทางเวลา 10.30น. ผมจึงออกเดินทางด้วยรถทัวร์ตอนตี5 เพื่อให้ถึงดอนเมืองตอน8โมงเช้าตามที่เรานัดกัน
ทั้งผมและเทคตั้งใจว่าจะได้มีเวลาพูดคุยกันนานๆก่อนที่ เทค จะต้องเตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน แต่…อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
โดยเฉพาะเมื่อเราอยากไปถึงให้เร็วที่สุด มักจะกลายเป็นช้าที่สุด ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ตัวเลขที่หน้าจอมือถือบอกให้รู้
ว่าเป็นเวลา7.20 am. อีกเพียง40นาที ผมก็ควรจะได้เจอเทคแล้ว แต่ในตอนนี้รถทัวร์ยังจอดเสียอยู่ที่ วังน้อย อยุธยา อยู่เลย
ผมอยากจะบ้าตาย อยากร้องไห้ อยากโวยวายให้ลั่นรถว่า ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้? ผมโทร.หา เทค แต่โทรศัพท์เค้าไม่มีสัญญาณเ
ผมได้แต่คิดว่า  ‘เวลาที่เค้าอยากเจอเรา เราก็ผลักไสเค้า เวลานี้เราอยากเจอเค้าแทบตาย กลับไม่มีโอกาสอย่างนั้นหรือ?’
ผมพยายามข่มความไม่สบอารมณ์กับสถานการณ์บ้าบอที่ผมแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมจึงนั่งนิ่งๆค่อยๆหลับตาลงและเอนศรีษะแนบ
กับกระจกรถพิงเบาะที่นั่งค้างไว้อย่างนั้นเนิ่นนาน แล้วคิดว่า “ถ้าตอนนี้ได้พิงไหล่เทคเหมือนอย่างที่เคยพิงก็คงจะดีสินะ”
ผมคงเผลอหลับไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะแรงสั่นของมือถือ คนที่โทร.มาคือเทค ผมรีบกดรับสายและบอกเทคว่ากำลังเดินทาง
“อืม…เรารู้ accidentมันเกิดกันได้ เราเข้าใจ แต่ไม่ทันแล้วล่ะนิว ตอนนี้เรากำลังเตรียมตัวอยู่ที่หน้าGATEแล้วนะ”
เทค ตอบกลับมาหลังจากผมเล่ารายละเอียดความขัดข้องในการเดินทางให้เค้าฟังอย่างละเอียด…แต่สุดท้ายก็คือผมไปไม่ทัน
“เตรียมตัวแล้วเหรอ ทำไมเร็วนักล่ะ เดินทางตอนสิบโมงครึ่งนี่นาทำไมรีบไปรอที่GATEซะตั้งแต่ตอนี้ล่ะ”
ผมถามกลับไปอย่างร้อนรน เสียใจที่เค้าไม่รอผม เค้าคงคิดว่าผมจะไม่ไปส่งหรือบางทีเค้าอาจไม่เชื่อว่าผมกำลังไปหาเค้าด้วยซ้ำ
“ตอนนี้สิบโมงสิบห้าแล้วนะ พ่อเลยบอกให้รอตรงนี้ เราก็ไม่อยากขัดใจ กลัวโดนพ่อด่าให้เสียฤกษ์อ่ะ หึหึ”
เทค บอกเหตุผลของเค้าด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ผมรู้ว่าน้ำเสียงนั้นมีความสั่นไหวปนอยุ่ด้วย
“เฮ้ย!” ผมเผลออุทานเสียงดังเพราะผมไม่ทันดูเวลาตอนกดรับสาย  ผมรีบก้มดูเวลาในมือถือ “จริงด้วย ทำไมเป็นแบบนี้นะ” 
“แล้วนิวถึงตรงไหนแล้วล่ะ” เทคถาม “เดี๋ยวนะ อืม ใกล้ถึงเซียร์รังสิตแล้ว ต่อไปก็จะจอดให้ลงที่ดอนเมืองแล้วล่ะ” ผมตอบ
“เอางี้เราก็คุยกันไปเรื่อยๆถ้านิวลงรถทันก็มาเจอเราที่GATEแต่ถ้าไม่ทันก็ลากันทางโทรศัพท์ ดีมั้ย” เทค เสนอทางออก
“ก็ดี” ผมตอบไปแบบนั้นทั้งที่ในใจคิดว่า ‘ไม่ดีเลยเราอยากเจอแกมากกว่า’ แล้วผมกับ เทค ก็คุยกันเรื่อยๆจนผมลงรถทัวร์
“นิว เราต้องไปแล้วนะ พ่อรอจนรอไม่ไหว เดินเข้าไปก่อนเราแล้วเอาไว้ไปถึงจะเมล์มาหานะ นิว นิว ได้ยินป่ะ ตอบหน่อยดิ”
ผมได้ยินที่ เทค พูดทุกคำและอยากตอบกลับไปว่าผมอยู่ในอาคารผู้โดยสารแล้ว และกำลังวิ่งสุดแรงที่ผมมีเพื่อไปให้ทันส่งเค้า
“เทค เรามาแล้วนะเกำลังวิ่งไปที่GATE รอก่อนะ” เสียงของผม สั่นรัวไปหมดด้วยความเหนื่อยหอบจากการวิ่งหา เทค
“ฮัลโหลๆ ทำไมแถวนั้นเสียงดังจัง นิวว่าไงนะ นิวๆ เราต้องไปแล้วนะเดี๋ยวไปนั่งแล้วจะคุยอีกทีตอนนี้จะแกล้งเก็บมือถือก่อน”
ผมวิ่งมาถึงแล้วครับ เทค ยืนอยู่แค่ข้างหน้าผมนี่เอง ผมเห็นเค้าแต่เค้าไม่เห็นผมเพราะกำลังจะเดินเข้าประตูผู้โดยสารขาออก
“เทค เราอยู่นี่หันมาหน่อย หันมา” ผมพยายามเรียกเค้าผ่านทางมือถือทั้งที่เห็นว่า เทค กำลังซ่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกง
เทค เดินผ่านเข้าประตูผู้โดยสารไปแล้วผมเห็นเค้าเดินจากไปทั้งที่อีกนิดเดียวเราก็จะได้เจอกันและได้บอกลากัน แต่ก็สายเกินไป
“นิว นิว ได้ยินป่ะ เรานั่งเรียบร้อยแล้วเลยรีบเอามือถือมาคุยต่อ นิวล่ะอยู่ไหน” เสียงของ เทค เหมือนเด็กทำผิดที่กลัวถูกจับได้
“ก็ในแอร์พอร์ตนี่ล่ะ” ผมตอบด้วยเสียงแหบแห้ง “งั้นเราจะออกไปหา” แต่เทคก็ถูกห้ามไว้เพราะเครื่องบินกำลังจะขึ้นแล้ว
“ไม่เป็นไร เราแค่จะบอกว่า เอ่อ  คือ จะบอกว่า เทครักเรายังไงเราเองก็…” ..ตู๊ด ตู๊ด ..จู่ๆสัญญาณก็หายไปทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ
ผมรีบดูที่มือถือว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า ขีดแบตมือถือก็เต็ม ขีดสัญญาณก็มี แล้วเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ…ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนล้า
วันนี้มีแต่สิ่งผิดพลาด พลาดตั้งแต่ต้นจนวินาทีสุดท้าย วินาทีที่ผมกำลังจะพูดคำสุดท้ายออกไปให้เทคได้รู้ คำนั้นก็คือคำว่า ‘รัก’

อวสาน :+:กว่าจะรู้ว่ารัก:+: ภาค2
โปรดติดตามภาคจบบริบูรณ์ได้ใน :+:กว่าจะรู้ว่ารัก:+: ภาค 3
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 21-07-2007 19:02:50
อ่านทันแระ เศร้าจังคับ  :m15:


ปล.อะไรก็เกิดขึ้นได้...ถ้ามีปาปริก้า  :m2: :m7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-07-2007 19:31:13
 :m15: :m15: :m15: :m15:

บีบหัวใจอย่างแรง

ยิ่งตอนนิววิ่งตามหาเทคในแอร์พอร์ทนะ

งือออออ :sad2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-07-2007 19:38:17
บีบหัวใจเหลือเกิน  :m2:  :m2:  :m2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-07-2007 19:40:58
เศร้าๆๆๆๆๆ จะรออ่านภาค 3 นะค้าบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-07-2007 19:19:40
เวลานั้นมีค่า ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
จึงทำปัจจุบันอย่างดีที่สุดตามแต่ใจต้องการ
 :o7: :o7: :o7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: Serendipity ที่ 22-07-2007 21:00:58
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
เศร้าอ่าคับ  ยังไงมารอภาค3พี่นิวอยูนะคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: aumzaa ที่ 22-07-2007 22:06:26
 :sad4: :sad4: :sad4:
รอภาค 3 ครับผม
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 23-07-2007 05:55:00
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด รีบมาต่อภาค 3 เลยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 30-07-2007 23:50:31
เข้ามารอภาค 3 เช่นเดียวกันครับ
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ลงเพิ่ม2ตอนสุดท้าย : อวสานภาค2)
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 31-07-2007 09:18:05
ถึง เพื่อนๆทุกคน

ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน มาโพสท์อยู่เป็นระยะๆ
ทุกการอ่าน ทุกข้อความที่โพสท์ ทำให้ผมอบอุ่นใจมากครับ
ทำให้รู้ได้ว่าในชุมชนแห่งนี้ มีคนที่ผ่าน พบ เรื่องราวไม่ต่างจากผม
อาจจะเศร้ากว่า สุขกว่า สนุกกว่า ตื่นเต้นกว่าเรื่องเล่าของผม
หรือ บางเรื่องก็อาจโลดโผน จนเกินกว่าที่จะมาเกิดขึ้นจริงในชีวิตผมได้
แต่พอผมได้อ่านเรื่องของเพื่อนๆ และเพื่อนๆก็มาอ่านเรื่องของผม
นั่นก็ทำให้รู้ว่าในความแตกต่าง ยังมีความเหมือนที่เชื่อมโยงเราไว้ด้วยกัน
คือ ความคาดหวัง ความสมหวัง ความผิดหวัง ซึ่งก็เนื่องมาจาก...ความรัก...
แต่ไมว่าความรักของเราแต่ละคนจะลงเอยแบบไหน อาจจะเศร้า อาจจะซึ้ง อาจจะสุข

แต่อย่างน้อยที่ปลายทางในเรื่องเล่าของเราแต่ละคน ความจริงมันยังไม่มีตอนจบ
เพราะตัวเรายังอยู่ ชีวิตของพวกเรายังดำเนินไป และอาจจะมีเรื่องเล่าเรื่องใหม่
อาจมีคนที่ถูกเล่าในเรื่องเล่าเรื่องใหม่นั้นเป็นใครอื่นๆที่เพิ่งถูกแนะนำให้คนอ่านรู้จัก
แต่ที่สำคัญก็คือ เมื่อเป็นเรื่องเล่าของเรา ก็ย่อมจะมีตัวเราเป็นหลักของเรื่องนั้น
เช่นกันครับ เรื่องเล่าของผมก็ยังไม่จบ ไม่เพียงแต่ชีวตผมที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
แต่หมายถึงเรื่องที่ยังดำเนินอยู่ในเรื่องเล่าก็ยังไปไม่ถึงตอนสำคัญๆอีกหลายตอนเลย
ยังมีเรื่องราวระหว่างผม เทค พี่อาร์ท ความผูกพันของผมกับเพื่อนๆที่จะนำมาเล่าในภาคจบ

เรื่องเล่า :+:กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค3:+: ซึ่งยังคงเป็นเรื่องเล่าที่มาจากประสบการณ์จริงที่ผานมาแล้ว
ในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้น ยังแจ่มชัดในความทรงจำของผมเสมอนับเนื่องจนถึงบัดนี้
เรื่องเล่าของผม อาจไม่เร้าใจ จนถึงขั้นตื่นตาตื่นใจนักเพราะในเรื่องเล่าของผมเป็นเรื่องธรรมดาๆ
ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ที่มีเพื่อนแท้ ใครซักคน ที่มีเพื่อนรัก และใครก็ตามที่มีโอกาสได้รู้จักความรัก
แต่ในระหว่างที่รอเรื่องเล่า ในภาคสุดท้ายของผม ขณะนี้ผมเริ่มนิยายขนาดสั้นที่แต่งขึ้นโดยอ้างอิงเรื่องจริง
ที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ้งมีผลในทางลบกับผมพอสมควร ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่ง
ที่ผ่านเข้ามาสร้างความวุ่นวาย ความปั่นป่วนให้กับชีวิตของผมและคนรอบข้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
และจากการกระทำของ ผู้หญิงคนนั้น ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ ไร้ค่า เสียความเชื่อมั่น จิตใจย่ำแย่ลงทุกวัน

แต่ต้องบอกก่อนว่า นิยายก็คือนิยาย นะครับ เพราะแม้จะมีความจริงเป็นพื้นฐานของนิยาย
แต่การจะทำให้เรื่องจริงเรื่องหนึ่งกลายเป็นนิยายได้นั้นผมจึงตั้งใจที่จะแต่งเติมความสนุกขึ้นใหม่
ดังนั้นผลงาน(คั่นเวลา)เรื่องใหม่ของผมในครั้งนี้อาจจะให้ความรู้สึกสมจริงน้อยกว่าเรื่องเล่าไปบ้าง
แต่ก็จะได้ความสนุกสนาน เข้มข้น ในทางนิยายมากขึ้น ก็ลองอ่านงานเขียนแนวนิยายของผมกันก่อนนะครับ
ว่าจะสนุก เข้มข้น และทำให้เพื่อนๆรู้สึกอินไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงโดยเล่าผ่านการผสมผสานจินตนาการได้มากแค่ไหน
ฝากติดตามผลงานในแนวทางใหม่ งานเขียนนิยายเรื่องแรกของผมในเล้าเป็ดด้วยครับ รอติดตามอ่านกันนะครับ เร็วๆนี้

ปล. อาจสรุปได้ว่าเรื่องเล่ามีเรื่องจริงกว่า 90%(อาจผิดเพี้ยนไปบ้างตรงประโยคคำพูด หรือสถานการณ์บางอย่างที่ต้องกระชับหน่อย)
แต่ในส่วนของนิยาย ความจริงยังคงเป็นพื้นฐานอยู่อย่างน้อยๆก็ 50% แต่อีกครึ่งหนึ่งถูกเติมเต็มด้วย จินตนาการและกลวิธีการเล่าครับ

จาก ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ANA ที่ 31-07-2007 12:12:57
ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน มาอีกทีจบซะแล้ว

เดี๋ยวจะตามเก็บตอนที่ยังไม่ได้อ่านนะคะ แต่ตะกี้อ่านตอนสุดท้ายไปก่อน โฮ... :m15: บีบหัวใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 31-07-2007 12:24:09
รับทราบคับ :m18:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Jingjoh ที่ 31-07-2007 13:32:55
เป็นกำลังใจให้คุณนิวคับ
 :m4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 31-07-2007 13:59:44
เศร้ามากมายครับอยากให้นิวผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปให้ได้เเล้วยืนขึ้นอย่างเข้มเเข็งนะครับ :m2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 31-07-2007 14:48:23
มารอภาคใหม่
เข้มแข็งไว้ครับ ชีวิตต้องเจอเรื่องต่างๆอีกมากมาย
คนอื่นที่แย่กว่าเราก็มี
 :a1: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+: (ข้อความขอบคุณ และความคืบหน้าผลงานเรื่องใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 05-10-2007 09:45:56
-
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 05-10-2007 09:57:51
-
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 05-10-2007 11:08:53
เพลง หัวใจผูกกัน
บอย โกสิยพงษ์ Feat. บอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี

วันเวลาดี ๆ เหล่านั้น
เธอยังคงจำมันได้ไหม
วันที่เคยร่วมทุกข์และสุขจนล้นหัวใจ
วันที่เราได้ผ่านมาด้วยกัน

แต่ว่าเวลาที่ผ่านพ้นไป
อาจจะทำให้ใจของใครลืมสิ่งนั้น
อยากจะมีเพลง เพลงนึง
ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นพัน ๆ ให้เธอรู้

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่
เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้
จะไม่มีเปลี่ยนไป

และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน
เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป
ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

วันที่เราไม่เคย ย่อท้อ
วันที่เราต่างมีความฝัน
และทำทุก ๆ สิ่งด้วยหัวใจเดียวกัน
เธอยังคงจำมันได้ใช่ไหม

แต่ว่าเวลาที่ผ่านพ้นไป
อาจจะทำให้ใจของใครลืมสิ่งนี้
อยากจะมีเพลงเพลงนึงตอบ
เรื่องราวที่ดีดีเตือนให้รู้

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่
เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้
ว่าจะไม่มีเปลี่ยนไป

และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน
เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป
ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

ให้ทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ ที่แห่งนี้นั้นยังมีรักอยู่
เคยเป็นยังไงในตอนนี้ขอให้รู้
ว่าจะไม่มีเปลี่ยนไป

และทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้
ก็ขอให้รู้ที่ตรงนี้ไม่ว่าจะนาน เท่าไหร่
เราจะมีกันและกัน
เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป
ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

เราจะมีกันและกัน
เป็นหนึ่งในดวงใจตลอดไป
ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน

[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/djballoon55/HuachaiPhukKan.wma[/wma]
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: hutsepsut ที่ 08-10-2007 00:03:29
[glow=ยีพยสำ,2,300] :undecided:....เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะครับผม...อืม..มีเพลงนึงนะครับ..ผมชอบตรงที่เค้าร้องว่า...ในชีวิตคนทุกคน..ย่อมจะมีช่วงชิวิตเลวร้าย..ขอมีใครสักคน..อยู่คอยช่วยเป็นกำลังใจ....ยืนอยู่ในโลกนี้อย่างเข้มแข็งนะครับผม... :m7: :m19:[/glow][/color]

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: My name M ที่ 08-10-2007 15:59:46
 :sad2: :m2: :sad2:...พี่นิวครับ โทษทีครับ ที่ไม่ได้มาเมนให้...พออ่านไปแล้วฟังเพลง หัวใจผูกผัน  ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ดี ของพี่กับพี่เทค   เวลาที่เคยมีความสุขด้วยกัน  นึกแล้วอยากจะร้องไห้ บ้างครั้งผมเคยขอนะครับ  ขอให้ผมมีเวลาที่ผมรักคัยสักคน รักที่ออกมาจากใจจริงๆ แม้ว่ารักนั้นจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม  แต่มันอาจทำให้ผมรู้ว่ารัก  มันคืออะไร  และเหตุผลของควารักคืออะไร.... :sad2: :m2: :sad2:.........เดียวจะอ่านต่อให้จบนะครับ   :m23:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 15-11-2008 16:19:51
 :o12: :serius2:

ม่ายยยยย  ทำไมมันเศร้าแบบนี้...

ง่า.....

ภาค 3 แร่ะ  ภาคจบแร่ะ...

จะลงเอยอย่างไรหนอ

ลุ้นๆๆ   :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 24-11-2008 21:26:36
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

ผมเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: natwut ที่ 16-12-2008 17:18:48
สวัสดีครับพี่นิว :impress2: ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ

เรื่องของพี่นิวเป็นเรื่องที่สองที่ผมเพิ่งอ่าน

บอกได้คำเดียวว่า "หนุกมากกกก" o13


So Tragedy, Ready :impress3: :monkeysad:

ไงก็ รอเรื่องต่อไปของพี่นิว นะงับบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-09-2009 21:00:04
รู้ตัวในวันที่สายไปแล้ว รึเปล่า?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: จริงใจ ที่ 26-09-2009 01:54:49
เข้ามาขอบคุณ :pig4: นิวที่นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่าน เศร้า :m15: มาก

ชีวิตไม่สิ้นก้อต้องดิ้นกันต่อไปนะ  สู้  สู้ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: ริกะจัง ที่ 28-06-2011 20:35:40
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน
จดหมายจากเทคทำเราเศร้าอ่ะ อ่านไปร้องไห้ไป
ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมๆๆๆ ไม่อยากให้จบแบบนี้เลย
เทคเค้ารักคุณนะคุณนิว รักมากด้วย โอ้ย น้ำตามันไม่ยอมหยุดไหลง่ะ
ร่างกายเราเองยังควบคุมไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับหัวใจดวงน้อยๆเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 01-04-2012 19:35:08
อ่านภาคนี้แล้ว......พูดไม่ออกอ่ะ
ขอตามไปอ่านภาค 3 ก็แล้วกันนะ

น้าอุ๊
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-05-2012 18:07:01
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าที่น่าประทับใจนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้มอาบยาพิษ ที่ 03-11-2014 09:28:57
กลับมาเริ่มอ่านใหม่อีกรอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 30-12-2014 09:21:42
อ่า ไป อ่านภาคสามละ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 21:30:17
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเล่า] :+: กว่าจะรู้ว่ารัก ภาค2 :+:
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 20-03-2024 10:10:30
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)