พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น - จบแล้ว] เวลาที่ถูกหยุดเอาไว้..........
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: ExecutioneR ที่ 23-01-2007 23:11:04
มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ผมกับมันได้รู้จักกัน............. . . . ก็แค่เพื่อนกันธรรมดาๆ ที่บังเอิญได้รู้จักกัน ได้นั่งติดกันในห้องเรียน ได้เที่ยวเล่นด้วยกัน ได้ทะเลาะกัน เคยจีบผู้หญิงคนเดียวกัน ความสนใจของเราทั้งคู่ก็ช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมชอบเล่นบาส มันชอบเล่นบอล ผมชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงสากล มันชอบเล่นกีตาร์และฟังเพลงไทย ผมชอบซื้อแผ่นซีดีเพลง มันชอบสะสมอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับปืน ผมชอบเที่ยวป่าเขา ธรรมชาติ แต่มันชอบเที่ยวที่เจริญๆและนอนโรงแรมหรูๆ ผมชอบหัวเราะ และเปิดเผยความรู้สึก แต่มันชอบเก็บเงียบ และเลือกที่จะอดกลั้นกับทุกสิ่ง ผมชอบเปิดใจให้คนอื่นเข้ามาค้นหาได้ง่ายๆ แต่มันกลับชอบล็อคหัวใจเอาไว้ ไม่ให้ใครได้รู้จักตัวตนของมัน ผมมักจะขี้อาย ไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับโลกกว้างตามลำพัง แต่มันมักจะเป็นคนแรก ที่จะเดินออกไปสู่เส้นทางใหม่ๆที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ทำไม................. ทำไมผมถึงผูกพันกับมันได้มากขนาดนี้ และทำไม ผมถึงเลือกที่จะหยุดเวลาของผมไว้ที่มัน............... ทั้งหมดนี่ กูเขียนให้มึงนะ ไอ้เพื่อนตายของกู................. . . . กูก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าตอนแรกมึงคิดยังไงกับกู แต่กูน่ะ ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ามึงเท่าไหร่หรอก มึงดูขี้เก๊ก ขี้แอ๊ก และ น่าเตะตูดมากๆ แถมยังอยากจะมาจีบแฟนกูอีก ไอ้หัวดอ แต่ทำไมเมื่อเวลาผ่านไปๆ ทุกครั้งที่กูมองหน้ามึง ทุกครั้งที่กูได้ยินมึงพูด และทุกครั้งที่กูเห็นมึงกำลังเดินมาไกลๆ กูจะต้องรู้สึกแปลกๆแบบนี้ด้วยวะ มึงรู้มั๊ย ว่ามึงนั่นแหละ เป็นต้นเหตุที่ทำให้กูเลิกกับแฟนกู ไม่ใช่เพราะที่กูบอกมึงว่า กูกับเค้าทะเลาะกันเพราะเรื่องที่กูติดเกมส์หรอก จริงๆแล้วกูไม่ชอบเล่นเกมส์ ไอ้ห่า ถ้ากูจะติดเกมส์ก็คงเป็นมาริโอ้ ไม่ก็คอนทร้าแหละมึง เคยคิดมั่งมั๊ยวะ ห๊ะ แต่ที่กูเลิกกับเค้า ก็เพราะกูไม่มีเวลาให้เค้าน่ะสิ กูเอาเวลาที่จะเอาไปให้เค้ามาคุยกับมึงหมด ก็ถ้ามึงรู้จักแก้ปัญหาเรื่องผู้หญิงเองได้บ้าง ก็คงไม่ลำบากกูเท่าไหร่หรอก และถ้ากูไม่รู้สึกดี ที่ได้คุยกับมึงขนาดนั้น.......... ค่าโทรศัพท์ที่บ้านกูรวมๆกันก็คงไม่ต้องถึงเดือนละ สองสามพันบาทหรอก สัดเอ๊ยยย มึงจะรู้บ้างมั๊ยฮะ มึงเคยรู้บ้างมั๊ยเนี่ย ว่าที่กูเป็นขนาดนี้ มันเพราะอะไร เคยคิดมั่งมั๊ยวะ ว่ากูเพิ่งสนิทกับมึงได้ไม่กี่เดือน กูก็ต้องเลิกกับแฟนแล้วเลยเนี่ย เพราะมึงล้วนๆเล้ยยย แต่ก็แปลกนะ ที่กูกลับไม่เสียใจอะไรขนาดนั้น กูเองแทบไม่เคยร้องไห้ให้อะไรง่ายๆ เพราะอย่างน้อยๆที่กูเลิกกับนัทไป กูก็มีเหตุผลของกู นั่นก็คือ กูเลือกเพื่อนมากกว่าเลือกแฟน ถ้าเพื่อนกูมีปัญหา กูก็เลือกที่จะเข้าไปช่วยเหลือ และมึงก็เสือกมีปัญหาแม่งวันเว้นวัน นี่มึงไม่มีปัญญาจะแก้ปัญหาหัวใจมึงเองจริงๆเลยรึไงวะ (แต่กูก็ชอบนะ) . . . มึงจะรู้มั๊ย วันที่มึงโดนรถชนแม่งใกล้ๆหน้าโรงเรียนเพราะมัวแต่ทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวี เพราะกะอีแค่ผู้หญิงเค้าไม่รับของขวัญวันเกิดของมึงน่ะ (ก็เล่นหอบดอกกุหลาบช่อเบ้อเร่อไปให้เค้าต่อหน้าคนเป็นร้อยขนาดนั้น เค้าก็ต้องเขินมั่งแหละมึง ไอ้ควาย) พอเค้าไม่กล้ารับ มึงก็ซึม ทำเป็นเครียด ทำเป็นเซ็ง ไม่กลับบ้านกลับช่อง ก็นะ ทำอะไรเสือกไม่ปรึกษากูก่อน รู้ทั้งรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเค้าเป็นคนขี้อายแค่ไหน แล้วอยู่ดีๆ เล่นไปรุกหนักขนาดนั้น เค้าก้อเผ่นเอาน่ะสิ ไอ้เหี้ยยย พอมึงเครียด แล้วมึงรู้บ้างมั๊ย ว่ากูก็เครียด โทรหา มึงก็ไม่รับ พอรับ ก็เสือกบอกเซ็ง อยากอยู่คนเดียว แล้วมึงเคยคิดบ้างมั๊ย ว่าทุกครั้งที่มึงพูดว่าอยู่คนเดียวน่ะ กูอยากไปอยู่ข้างๆมึงด้วยทุกครั้ง.......... เออออ........... กูมีเหตุผลของกูน่ะ เพราะว่า เพื่อนต้องไม่ทิ้งเพื่อนไง.......... กูไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับมึงจริงๆนะ สาดดด แล้วมึงรู้มั๊ย ไอ้ความเซ่อซ่า งี่เง่าของมึง ที่เดินบนฟุตบาทอยู่ดีๆก็มีรถเก๋งขับมาเสยมึงน่ะ ทำให้กูต้องเสียน้ำตาไปมากขนาดไหน........... (น้ำตาแรกของกูในรอบปีเลยนะ) ตอนนั้นพอกูตามหามึงเจอ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รถมันพุ่งเข้ามาชนมึงพอดี กูนะ เห็นจะจะตาเลย เสียงของล้อรถที่บดถนนดังเอี๊ยดด เสียงของเหล็กที่กระทบเข้ากับร่างของมึงอย่างจัง จนถึงร่างของมึงที่พับงอ ลงบนตัวรถ แล้วค่อยๆกระเด็นกลิ้งโค่โล่ไปบนพื้นฟุตบาทน่ะ เลือดงี้กระจาย!! อีผู้หญิงคนขับก็ กรี๊ดวี๊ดว้าย คนที่เดินอยู่ใกล้ๆก็แหกปากร้องกันลั่น กูนี่รีบวิ่งไปหามึงสุดฝีเท้า กูนะ ไม่เคยตกใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต พอกูวิ่งไปถึงมึง ช้อนตัวมึงขึ้นมาได้ (ไอ้คนที่มามุงๆ แม่งไม่คิดจะช่วยKอะไรเลยรึไงวะ!) ตอนนั้นมึงก็สภาพแย่เต็มทีแล้ว เลือดงี้เปรอะไปหมด หัวมึงก็แตก ปากมึงก็เลือดกลบ แผลถลอกก็เต็มตัว กูเรียกมึงเท่าไหร่มึงก็ไม่ตอบ จนกูตกใจมาก เพราะกูคิดว่ากูเสียมึงไปแล้วซะอีก และนั่นก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเลยด้วย ที่กูอยากจะตบผู้หญิงซะขนาดนั้น มึงคิดดู มือแม่งยังถือมือถืออยู่เลย อีนี่คุยไปขับไปชัวร์ๆ แล้วพอกูบอกมันว่าจะพามึงไปโรงพยาบาล มันต้องรับผิดชอบด้วย ต้องพาเพื่อนกูไปเดี๋ยวนี้เลย มันก็เสือกทำท่ายึกยักๆ กลัวเลือด กลัวเบาะเลอะ ห่าเหี้ยไรไม่รู้ กูเลยไม่สนแม่ง อุ้มมึงขึ้นวางเบาะหลังแม่งเลย ถ้าอีนี่ไม่รีบขับรถไป ก็ปล่อยให้มึงตายเป็นผีติดรถมันเนี่ยแหละ คอยดู ได้ผลว่ะ แม่งรีบไปเลย แต่คนขับไม่ใช่มันนะ เป็นลุงยามหน้าโรงเรียนเราต่างหาก โชคดี ที่เค้ามีสติมากกว่ากู เลยอาสาเป็นคนขับให้ ไม่งั้นเกิดให้อีนังผู้หญิงสติแตกนั่นขับ มันคงมีสิทธ์พากูกับมึงไปเสยท้ายรถใครเค้าอีกแน่ๆว่ะ พอมาถึงโรงพยาบาล มึงก็ถูกเข็นเข้าห้องไอซียูทันที พอมึงเข้าห้องไปสักพัก ความตื่นเต้นที่ได้เห็นมึงโดนรถชนตรงหน้า มันก็เริ่มหายไป กลายเป็นสติกูก็เริ่มกลับคืนมา และเพิ่มเติมมาด้วยความเป็นห่วงมึงนั่นแหละ......... ลุงยามเค้ามาขอรายละเอียดเรื่องของมึงไปจากกู เพื่อที่จะโทรบอกที่บ้านมึง แต่กูเอง ที่เป็นคนอาสาโทรไปบอกพ่อกับแม่ของมึง ไม่ใช่ตำรวจ รึ คนของโรงเรียนอย่างที่มึงเข้าใจหรอก เชี่ยแม่ง! ครั้งแรกที่กูได้โทรเข้าบ้านมึง ได้คุยกับพ่อมึง ก็ต้องเป็นข่าวร้ายไปซะแล้ว กูเองยังจะหัวใจสลายแทนแม่มึงเลย กูรู้ ณ วันนั้นเวลานั้นเลยนะ ว่าความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน.......... พอพ่อแม่มึงมาถึง แม่มึงก็เอาแต่ร้องไห้ ส่วนพ่อมึงหลังจากเคลียร์กับอีห่าลากนั่นแห้วก็อาสาจะพากูกลับไปส่งที่บ้าน เสื้อกูก็เปื้อนเลือดเต็มไปหมด พ่อมึงก็ดี๊ดี อุตส่าห์เอาเสื้อผ้าของมึงมาให้กูเปลี่ยนด้วย แต่มึงรู้มั๊ย ว่าพอกูเห็นเสื้อของมึงที่พ่อมึงยื่นมาให้กูเท่านั้นแหละ กูน้ำตาแตกเลย น้ำตาแรกของกูในรอบปี.............. กูเป็นห่วงมึง อย่างที่ไม่เคยห่วงใครขนาดนี้มาก่อนในชีวิต กูคิดถึงมึง ทั้งๆที่มึงอยู่ห่างจากกู แค่กำแพงกั้น............... กูคว้าเสื้อของมึงมากอดแล้วร้องไห้ พร้อมกับบอกขอบคุณพ่อของมึง แต่กูจะไม่เปลี่ยนเสื้อ ไม่เช็ดเลือด และจะไม่ไปไหนด้วย จนกว่าหมอจะเดินออกมาบอกข่าวดีกับกู.......... กูกอดเสื้อของมึง แล้วร้องไห้ ร้องแล้วร้องอีก ร้องจนกูแทบจะรู้แล้ว ว่าร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดเป็นยังไง ยิ่งกูเห็นแม่มึงร้องไห้ กูก็ยิ่งร้อง และสิ่งที่ทำให้กูยิ่งเสียน้ำตา ก็คือแม่มึงเดินมากอดกูเอาไว้ แล้วลูบหัวกู ปลอบกู ว่ามึงต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ทั้งๆที่น้ำตาของเค้าก้อหยดลงบนบ่ากูนั่นแหละ........... นี่นะหรือความอบอุ่นของคนเป็นแม่........... ความอบอุ่นที่กูไม่เคยได้สัมผัส......................... กูภาวนาอยู่ในใจภายในอ้อมกอดของแม่มึง ว่ามึงต้องรอดๆๆ มึงต้องกลับมา มึง ต้องยังไม่ทิ้งคนที่เค้ารักมึงมากขนาดนี้ไปไหนเด็ดขาด................... *** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
เพิ่งจาได้อ่านเรื่องของคุน ExecutioneR ไปม่านาน มีเรื่องหม่ายอีกแล้วเหรอนี่ Oh!! My godness เริ่มต้นมาก็มีเลือดตกยางออกเลยทีเดียวอะ บรึ๋ยส์(กลัวเลือดอะ) แค่ชื่อเรื่องก็โดนซะแล้ววว แล้วเรื่องราวมานจาเปนยังงายต่อไปน้า เดวตามไปที่โรงพยาบาลไปตามเรื่องต่อละกันน้า ฟิ้วววววว ไปแระ :yeb: :yeb: :angellaugh2:
เรื่องนี้ดีนะ ผมชอบ :monkeysad2:
:sad4: :sad4: :sad4:
มึงยังจำครั้งแรกที่กูกับมึงได้คุยกันได้มั๊ย น่าจะจำได้นะกูว่า เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกัน แล้วก็ทะเลาะกันทันทีเลยด้วย เอออออ กูผิดเองแหละ กูผิด ที่ขำชื่อจริงของมึง และ กูก็ผิดเองที่อารมณ์ร้อน แต่ก็นะ จริงๆกูก็แค่ ขำชื่อมึงต่อหน้ามึงแค่นั้นเอง คนอะไรวะ ชื่อ ฟ้าคราม เช๊ยยเชยย แล้วมึงก็เสือกหันมามองหน้ากู แล้วพูดชื่อกูด้วยน้ำเสียงกับสีหน้าราบเรียบจนเรียกได้ว่ากวนส้นตีน แถมมีเน้นคำอีกด้วย ว่า “ ศิลา” กูก็จี๊ดเลยดิ่ สาดด เอออ กูผิดเอง กูไปล้อชื่มึงก่อน แล้วไม่ได้ดูเลยว่าชื่อกูเองก็เชยไม่แพ้กัน กูผิดเอง ที่เกิดโมโหมึงแล้วพูดจาไม่เข้าหูมึงก่อน แต่ตอนนั้นกูไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ กูแค่ขำเฉยๆจริงๆ และนี่ถ้าไม่มีพวกไอ้แป๊ะ ไอ้กอล์ฟมาห้ามไว้ มาช่วยไกล่เกลี่ย กูกับมึง ก็คงเกลียดขี้หน้ากัน ไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหมือนอย่างนี้แน่ๆเลยว่ะ ดีนะที่ได้มีเพื่อนดีๆ............ เฮ้อออ....... ป่านนี้พวกมันจะเป็นยังไงมั่งวะ คิดถึงมันเหมือนกันนะเนี่ย อ้ออ กูนึกออกแล้ว เพราะเรื่องชื่อนี่ใช่มั๊ยวะ ที่ทำให้เราทะเลาะกัน แล้วมึงเลยจะมาจีบนัทแฟนกูน่ะ ไอ้สัดดดดด กูเพิ่งนึกออก!! มิน่า อยู่ดีๆทำไมมึงถึงมาเกาะแกะแฟนกูบ่อยนัก ทั้งๆที่มึงก็แทบไม่เคยอยากจะมองหน้ากู K! . . . “เมฆ เป็นอะไรมั๊ยลูก” เสียงอันอ่อนโยนของแม่ของมึงปลุกกูให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ น้ำตากูยังคงไหลอยู่ไม่ยอมหยุด ยิ่งกูนึกถึงเรื่องราวครั้งแรกที่กูได้คุยได้ทะเลาะกับมึงแล้วกูยิ่งคิดถึงมึง ยิ่งกูนึกถึงเวลาที่เคยได้พูดคุยให้คำปรึกษามึง กูยิ่งโหยหามึง กูไม่อยากเสียมึงไป กูไม่อยากเสียท้องฟ้าของกูไป........... ท้องฟ้าของกู กำลังเปื้อนเลือด ท้องฟ้า จะทิ้งก้อนเมฆไปแล้วอย่างนั้นรึไง........... ไม่มีทางหรอก เป็นไปไม่ได้! เรื่องแบบนั้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน กูตอบตัวเองอย่างหนักแน่นและสั่งน้ำตาให้หยุดไหล มึงจะไม่จากกูไปไหนแน่นอน ใช่มั๊ย............ กูได้แต่ก้มลงมองเสื้อของมึง ที่เลอะเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาและคราบเลือด พูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่หนต่อกี่หน น่าอายชิบหายเลย กูว่านะ ยิ่งพอมานั่งนึกแบบนี้ ยิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่เลยว่ะ แต่ตอนนั้น มันเครียดจริงๆ บรรยากาศรอบตัวมันดูหนักอึ้งไปหมด เวลาก็ราวกับจะหยุดเดินไปชั่วกัลป์ เข็มวินาทีแต่ละเข็มที่ค่อยๆคืบ ค่อยๆเคลื่อน ราวกับมันขี้เกียจเดินซะเหลือเกิน ทำเอาคนที่นั่งรอมึงอยู่ข้างนอกนั่นแทบจะขาดใจตายกันอยู่แล้ว คนไม่เคยเจอ คงไม่รู้เลยจริงๆนะนั่น เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกูก็ไม่รู้หรอกนะ จนหมอเดินออกมาบอกพ่อกับแม่ของมึงนั่นแหละ ว่ามึงปลอดภัยดี แค่หัวแตก สมองไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร แล้วก็แผลถลอกฟกช้ำ กับ ข้อมือหัก กระดูกส้นเท้าซ้ายแตกแค่นั้นเอง (ขำๆว่ะ เนอะ) พอแม่ของมึงรู้ว่ามึงไม่เป็นอะไร ก็ร้องไห้อีกรอบ (ผู้หญิงนี่ก็แปลกเนอะ) พ่อมึงที่มีทีท่าสงบเยือกเย็นมาตลอดก็ดูโล่งออกขึ้นอย่างเห็นได้ชัดพร้อมๆกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า แต่ที่กูคิดไม่ถึงก็คือ แม่มึงวิ่งเข้ามากอดกูอีกรอบนี่สิ ทำเอากูเขิน ทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกันว่ะ แต่กูก็ดีใจนะ ที่มึงไม่เป็นอะไร.................. ท้องฟ้าของกู กำลังจะกลับมาสดใส เป็นสีครามเหมือนดังเดิม............... . . . นี่มึงก็เล่นหลับยาวเลยนะ สาดดด ล่อหลับไปซะสองวัน แถมตอนที่ฟื้นขึ้นมาก็เสือกถามถึง เอ๋ เป็นคนแรกอีกต่างหาก นี่มึงฝังใจขนาดนั้นเลยรึไงกันวะ คือ.......... ตอนนั้นกูก็แอบน้อยใจนะเว้ย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่ะ แต่กูก็สับสนมากๆเลยเหมือนกัน............... แล้วกูก็ดันอยู่กับมึงตอนที่มึงฟื้นขึ้นมาซะอีก ไม่รู้มึงจะจำได้รึเปล่านะ เพราะกูก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับมึงอีกเลยเหมือนกัน ก็...... พอมึงฟื้นขึ้นมาถามถึงเอ๋ได้คำเดียวก็เล่นหลับไปอีกรอบ หลังจากนั้นสิ ค่อยได้สติสตังหน่อย ค่อยสนใจคนรอบข้าง สนใจตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างได้มั่ง ถ้ามึงสังเกต มึงน่าจะพอนึกออกนะ ว่าพอหลังจากมึงฟื้น เพื่อนๆก็มาเยี่ยมมึงกัน แต่กูเอง ที่กลับไม่ค่อยโผล่หน้าไปให้มึงเห็นเท่าไหร่ ถ้าไป กูก็ชอบไปตอนมึงหลับ มึงถึงได้ไม่รู้ ว่ากูไปไง แต่จริงๆแล้ว กูก็ไปบ่อยเหมือนกันแหละ กูชอบโผล่ไปหลังจากมึงกินยาหลับไปแล้วว่ะ 5555 คือ........ กูก็ไม่รู้ว่ากูทำตัวพิลึกๆแบบนั้นทำไมนะ งงตัวเองเหมือนกัน เลยยิ่งไม่ค่อยกล้าไปเจอหน้ามึงเข้าไปอีก แต่สุดท้าย วันนั้นที่พ่อกับแม่มึงไม่อยู่กูเลยต้องไปนอนเฝ้ามึงแทนนั่นน่ะ ที่ทำให้กูได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง................ มึงจำเรื่องที่กูคุยกับมึงในคืนนั้นได้ป่าว กูนะ ด้วยความที่ไม่รู้จะคุยอะไรกับมึง มัวแต่อึกอักๆกัน กูก็เลยยกเรื่องที่เราทะเลาะกันเรื่องนั้น มาคุย กูยังจำทุกคำพูดของกูกับมึงได้จนทุกวันนี้เลย........................... “ไอ้ซัน มึงรู้มั๊ย ที่มาของชื่อกูน่ะ แม่กูเป็นคนตั้งให้ก่อนที่แม่กูจะเสีย แม่กูเค้าอยากให้กูชื่อ ศิลา เพราะจะได้แกร่ง และมั่งคงเหมือนกับหิน ไม่หวั่นไหวง่ายๆและเป็นเสาหลักให้ครอบครัวได้หลังจากที่เค้าจะต้องจากไปไง ส่วนพ่อกูเป็นคนตั้งชื่อเล่นกูว่า เมฆ.............” พอกูบอกมึงแบบนั้น มึงก็ทำหน้าเศร้า และถามกูว่า กูเสียใจมั๊ย....... กูไม่เสียใจนะ จริงๆ ก็กูไม่เคยแม้แต่จะได้รับรู้ถึงความอบอุ่นจากแม่ของกูเลย เคยเห็นหน้าแม่กูก็แค่จากในรูป แต่ว่า พอกูรู้ ว่าชื่อของกูแม่เป็นคนตั้งให้และเพราะอะไรถึงใช้ชื่อนี้ กูก็รักชื่อๆนี้มากๆเลยว่ะ และก็ตั้งใจจะเป็นคนเข็มแข็งให้ได้อย่างที่แม่กูต้องการจริงๆ พอกูบอกมึงอย่างนั้น มึงถึงได้เล่าเรื่องที่มาของชื่อมึงให้กูฟังบ้างไง กูเลยยิ่งรู้สึกแย่ที่เคยล้อเคยขำชื่อมึงเข้าไปใหญ่เลยรู้ป่าว.......... “พ่อกูกับแม่กู เค้าอยากให้ชื่อของกูฟังดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่อยากให้ซ้ำใคร เค้าเลยคิดว่าชื่อของธรรมชาติเนี่ย ดีที่สุด แต่ชื่อ อาทิตย์ คนก็ใช้เยอะ ก็เลยให้กูชื่อ ฟ้าคราม เพื่อที่จะได้แสดงถึงความสดใส ในวันที่กูเกิด ความยิ่งใหญ่อันไม่มีที่สิ้นสุด และเพื่อเป็นสิ่งที่ห่อหุ้มและปกป้องโลก หรือก็คือครอบครัวของกูไว้ไง ส่วนพ่อกูยังไงๆเค้าก็ยังอยากได้ชื่อของพระอาทิตย์ที่เป็นสิ่งสร้างโลกขึ้นมา ก็เลยให้กูชื่อเล่นว่าซัน” พอมึงพูดจบแล้วยิ้มให้กูแบบนั้น มันทำให้ใจกูเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยมึงรู้มั๊ยย.......
อืม ท่าทางจะเศร้าแฮะ :sad4: เขียนได้ดีมากเลยค่ะ แต่ละประโยคเค้นอารมณ์ได้ดีจริง ๆ :impress: อ่านแล้วรู้สึกเหมือนทะลุเข้าไปในจิตใจของศิลา :monkeysad: จะรออ่านต่อไปนะคะ :yeb:
:monkeysad: เศร้าตั้งแต่เริ่มเลยวุ้ย เหมือนกับว่ากำลังได้อ่านไดอารี่ของศิลายังไงยังงั้นเลยอ่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ :yeb:
ฮือออออออออออ อ่านเรื่องนี้แล้วไม่ไหว เศร้าอะ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
ศิลากับฟ้าครามเหรอคับ ชื่อแปลกแต่ฟังดูแล้วดีจังนะครับ เอาเป็นว่าจาเข้ามาติดตามผลงานต่อนะครับบบบบ :yeb: :impress:
เหมือนได้อ่าน diary ที่ต้องการระบายความรู้สึกอาไรซักอย่าง.......... :teach: แต่น่าติดตามดีคับ...........รออ่านต่ออยู่นะคับ.......... :impress:
เวลาของเรามันคงไหลไปไม่เท่ากัน............ ตั้งแต่วันนั้นที่มึงถูกรถชน จนถึงวันที่มึงออกจากโรงพยาบาล ทุกๆเวลา ทุกๆนาทีและเสี้ยววินาทีที่กูได้อยู่กับมึง มันเหมือนโลกทั้งใบมันหยุดหมุน หรือไม่ก็หมุนเร็วมากเกินไปนี่แหละ งงมั๊ยวะ สารภาพตรงๆก็คือ ทุกครั้งที่กูได้พูดคุย ได้หยอกล้อได้เล่นกับมึง กูเหมือนจะหยุดเวลาของตัวเองเอาไว้ ณ ตรงนั้นเท่านั้นเลย แต่ทำไมความรู้สึกที่เหมือนกับเวลามันถูกหยุดเอาไว้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันถึงได้ผ่านไปเร็วนักก็ไม่รู้ หรือว่า นี่คือที่เค้าว่าเวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปเร็ว . . . มึงโชคดีนะที่รอดตายมาได้และไม่เป็นอะไรมาก มึงจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่มึงน่ะ ดูจงใจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มเกินไปหน่อยนะ กูรู้ ว่ามึงบอกกูเอง ว่ามึงไม่รู้ว่าจะตายไปเมื่อไหร่ เลยอยากทำอยากลองทำอะไรหลายๆอย่าง ใช้ชีวิตให้มันคุ้ม................. แต่หลายอย่างแบบนั้นมันก็เกินไป กูเอง มีแค่พ่อคนเดียว กูเลยไม่เคยเที่ยว ไม่เคยเกเร ไม่เคยทำตัวให้พ่อเสียใจ แต่มึงมีครบทั้งพ่อและแม่ กลับเสือกเลือกที่จะลองทำในสิ่งที่มันผิดๆ ไม่ว่าจะเที่ยว บุหรี่ เหล้า หนีเรียน หรือแม้แต่เรื่องผู้หญิง กูรับไม่ได้ว่ะบอกตรงๆ อย่างน้อยๆ ถ้าเป็นกูจะทำในสิ่งที่กูไม่เคยทำ ใช้ชีวิตให้คุ้ม กูคงไปเที่ยวที่ที่ไม่เคยไป ทำในสิ่งที่พ่อกูคาดหวังให้ดีที่สุด ทำอะไรๆ ที่ถ้ากูตายไปแล้วไม่มีใครครหา แต่ดูมึงทำ........... นี่คือเหตุผลที่หลังจากมึงออกมาจากโรงพยาบาลสักพักแล้วกูก็ห่างจากมึงไปไง กูเคยเตือนมึงแล้วนะ แต่มึงก็ไม่ฟัง ซ้ำยังจะมาชวนกูไปทำแบบนั้นกับมึงอีก กูรู้ เพราะมึงสนิทกับกู และก็คงรักกูเหมือนๆกับที่รักเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แต่ เพราะกูเองก็รักมึง กูถึงได้ชักชวนให้มึงเลิกทำเรื่องแบบนั้น ไม่ใช่จะยิ่งยุให้มึงทำสิ่งที่มันไม่ดี สุดท้าย มึงก็ไม่ค่อยจะเชื่อกู กูเลยจำใจ ต้องถอยระยะห่างออกมา.......... มึงคงไม่รู้หรอก ว่ากูเครียดมากแค่ไหน กูเลิกกับนัท เพื่อมึง แต่ตอนนั้น มึงก็เดินออกไปจากเส้นทางของกูแล้ว กูคิดหลายต่อหลายครั้ง ว่านี่รึเปล่า ที่มันเรียกว่าความเหงา กูจึงตัดสินใจกลับไปคืนดีกับนัทอีกครั้ง........... อะไรๆมันราบรื่นมาก กูเองก็มีความสุขมาก เพราะกูเองก็รักเค้าเหมือนกัน (ถึงคงจะไม่เท่ากับที่เค้ารักกูหรอกมั๊ง) แต่เวลาที่กูมีให้มึงมันถูกหยุดเอาไว้ซะแล้ว กูยังคิดถึงมึง ทั้งๆที่กูเองก็คุยกับมึงแทบทุกวัน กูยังเป็นห่วงมึง ทุกครั้งที่มึงอยู่นอกสายตา และกูก็ยังต้องการมึง........ถึงแม้กูกับมึงจะยังนั่งที่นั่งติดกันทุกๆวันก็ตาม........... ทำไมเวลามันถึงได้เดินผ่านไปช้านักนะ............... . . . เอ่ออออ....... กูสารภาพตามตรงว่ากูชักไม่แน่ใจตัวเองแล้วล่ะ ในตอนนั้นน่ะนะ เพราะงั้นหลังจากที่กูกลับไปคืนดีกับนัทได้แค่สามสี่เดือนถึงมีเรื่องระหองระแหงกันอีกไง คราวนี้เหตุผลมันเพราะกูผิดเองจริงๆแหละ เพราะกูหงุดหงิด กูโมโหใส่เค้าบ่อยขึ้น แต่ต้นเหตุ มันก็มาจากมึงนั่นแหละ K! เสือกไปติดผู้หญิง ไปคบกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แถมแก่กว่ามึงตั้งสามปี! และที่สำคัญ กูดันเป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้เรื่องนี้ แถมยังมาจากปากคนอื่นอีกด้วย ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย นึกขึ้นมาทีไรก็ยังโมโหไม่หาย! . . . สงสัยกูจะหึงซะล่ะมั๊ง.............. กูก็ไม่รู้หรอก ตอนนั้นกูยังไม่รู้จริงๆ ว่านั่นคือความรู้สึกที่เรียกว่าหึงน่ะ เพราะกูไม่เคยหึงใคร ไม่เคยหึงนัท ไม่เคยหวงของ ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่นัก กูรู้แต่กูหงุดหงิด ที่มึงไม่ยอมบอกกูจากปาก กูรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่ได้ยินคนอื่นพูดคุยถามมึงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น กูอิจฉา ที่มึงดูไปได้ดีกับเค้า ทั้งๆที่กูกับนัท ทะเลาะกันแทบทุกวัน........ กูยังเคยแอบคิดเลยว่ะ ว่า............. ว่า ถ้ากูกับมึง.......ไม่มีใคร และ เอ่ออ...... คบกัน แบบว่า เพื่อนสนิทเหมือนเมื่อก่อนน่ะนะ กูคงจะมีความสุขกว่านี้เยอะ แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายพอจะขึ้นมอห้า กูก็เลิกกับนัทอีกครั้ง และคราวนี้กูมั่นใจแล้วว่ากูจะไม่กลับไปคบกับเค้าอีกแน่นอน กูไม่อยากทำให้เค้าต้องเสียใจ และตัวกูเองต้องเจ็บปวด กูขออยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่า............ หึหึหึ แต่ก็ตลกดีเหมือนกัน ที่กูเองก็ไม่ใช่คู่เดียวที่เลิก มึงเองก็เสือกเลิกด้วยซะอย่างนั้น 55555 (ขอโทษทีว่ะ ที่ขำ) ตลกดีนะ ที่คราวนี้กูดันเป็นคนแรกที่รู้ว่ามึงเลิกกัน เวลามีความสุข ไม่เห็นมึงจะนึกถึงกู แต่พอมีความทุกข์กลับนึกถึงกูซะอย่างนั้นน่ะเหรอ K เห็นกูเป็นกระโถนเหรอวะ ตอนกินข้าวไม่ชวน แต่พอปวดขี้จะมายองๆใส่กูซะงั้น กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริงๆ.......... แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มึงเลิก และนั่นก็ดูเป็นบทเรียนที่ดีให้มึงด้วย มึงจะได้เลิกเที่ยว เลิกเหล้าบุหรี่อะไรพวกนั้นไปด้วยซะเลย (แล้วก็ดีนะ ที่มึงทำได้อย่างที่มึงรับปากกูไว้จริงๆ) . . . จำได้มั๊ย ว่ากูเองที่เป็นคนเอ่ยปากชวนมึงไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดด้วยกันน่ะ นึกๆแล้วยังตลกอยู่เลยว่ะ มึงอยากไปเชียงใหม่ นอนในตัวเมือง แต่กูอยากไปทะเล และนอนริมหาด แต่คราวนั้นกูเป็นฝ่ายชวน (และเป่ายิงฉุบชนะ) มึงจึงต้องตามใจกู ไม่เกี่ยวว่ามึงอกหักแล้วกูต้องเอาใจมึงสักหน่อย สาดดด เพราะกูเองก็เลิกกับแฟนมาเหมือนกันนะ หึหึหึ โอเค ตอนนั้นมึงรู้แล้วว่า เราจะไปทะเลกัน จะไประยอง นอนบังกะโลใกล้ๆริมหาด และเรื่องอาหารการกิน การเดินทาง ที่พัก ทุกอย่างจะสะดวกสบายอย่างที่มึงต้องการ แต่จริงๆแล้ว กูกะไปดัดนิสัยมึงเต็มที่เลยต่างหาก 5555 พอถึงวันเดินทาง พอไปถึงที่เกาะ มึงก็หาว่ากูโกหกทันที หลอกพามึงมาที่ไหนก็ไม่รู้ บ่นเป็นหมีกินผึ้งยาวววเลยเชียวนะ (กูเพิ่งรู้ว่ามึงขี้บ่นก็วันนั้นเองเลยล่ะว่ะ) บอกกูว่าที่พักไม่สวยมั่งล่ะ ไม่เห็นมีร้านอาหารเลยมั่งล่ะ แอร์ก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ไม่น่านอน อะไรต่ออะไร กูก็ได้แต่หัวเราะกับทำเป็นเงียบไว้ รอให้มึงได้เจอของดีเองต่างหาก........ แล้วเป็นไง ยังจำได้มั๊ยล่ะ ด้านหลังของเกาะที่กูพามึงไปดูพระอาทิตย์ตกดินน่ะ........... กูเองยังคงจำภาพวันนั้น รวมทั้งสีหน้าของมึงตอนนั้นได้จนถึงทุกวันนี้เลยนะ ไม่รู้ว่า........ มึงจะยังคงจำมันได้อยู่ไหม................... สุดท้ายในทริปนั้น กูก็เป็นคนทำกับข้าวให้มึงกิน ดูแลมึงทุกอย่างให้มึงมีความสุข พามึงเที่ยว สอนมึงตกปลา สอนมึงทำอาหาร แต่จากทุกสิ่งที่กูทำให้มึงทั้งหมด บอกตรงๆว่ากูก็ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลยจริงๆนะ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยด้วย กูแค่อยากให้มึงได้เห็นความเรียบง่าย และสิ่งดีๆในชีวิตบ้างเท่านั้นแหละ แต่สุดท้าย กูก็ได้รับสิ่งที่เหนือความคาดหมายและทำให้กูดีใจโคตรๆกลับมานั่นคือ........... มึงบอกกูว่า “ขอบคุณ” . . . อ๊ายยอายยว่ะ สารภาพตรงๆ แค่มึงพูดคำว่าขอบคุณให้กูตอนที่เรานอนดูดาวในคืนก่อนวันที่จะกลับนั่น ก็ทำกูดีใจขนาดนั้นแล้วเนี่ย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน กูรู้สึกดีมากๆ มากกว่าที่นัทบอกกูไม่รู้กี่ร้อยหนว่ารักกูอีกด้วยซ้ำ และไม่รู้อะไรเข้าสิงกูเหมือนกัน ที่ทำให้กูบอกว่า “กูรักมึง” ในตอนที่เรานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันในวันถัดมา......... เอ่อออ ดีนะ ที่กูไหวตัวทัน เลยรีบพูดต่อไปว่า “เหมือนกับที่ก้อนเมฆรักท้องฟ้า และพระอาทิตย์ไง.......... เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ไม่แผดเผาร้อนแรงเกินไป เมื่อใดที่ท้องฟ้ายังเป็นสีคราม เมื่อนั้นแม้แต่ก้อนเมฆก็ยังจะดูดีขึ้นไปด้วยเลย..........” แต่นั่นมันยิ่งดูเหมือนไม่ใช่คำแก้ตัวรึเปล่าวะ!
:pigscare2: ท่าจะติดอีกเรื่องหนึ่งแล้วมั่ง ไม่ต้องขงไม่ต้องเขียนเรื่องตัวเองมันซะเลย ดีดี เอามาลงต่อเร็วๆ นะเคอะ เจ้รออ่าน :yeb:
ทุกครั้งที่กูได้พูดคุย ได้หยอกล้อได้เล่นกับมึง กูเหมือนจะหยุดเวลาของตัวเองเอาไว้ ณ ตรงนั้นเท่านั้นเลย แต่ทำไมความรู้สึกที่เหมือนกับเวลามันถูกหยุดเอาไว้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันถึงได้ผ่านไปเร็วนักก็ไม่รู้ หรือว่า นี่คือที่เค้าว่าเวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปเร็ว :impress: :impress: :impress:
โรแมนซ์จัง ดูดาวตอนกลางคืนแล้วต่อด้วยดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แถมมีแอบบอกรักกันด้วย . . . :myeye:
สารภาพตรงๆก็คือ ทุกครั้งที่กูได้พูดคุย ได้หยอกล้อได้เล่นกับมึง กูเหมือนจะหยุดเวลาของตัวเองเอาไว้ ณ ตรงนั้นเท่านั้นเลย แต่ทำไมความรู้สึกที่เหมือนกับเวลามันถูกหยุดเอาไว้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันถึงได้ผ่านไปเร็วนักก็ไม่รู้ หรือว่า นี่คือที่เค้าว่าเวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปเร็ว ถ้าเราหยุดเวลาลงได้....ก็คงอยากหยุดเวลาแห่งความสุขเอาไว้.....แต่ก็ได้แค่อยาก :impress:
เราหลอกตัวเองกันเกินไปรึเปล่า.......... กับบางสิ่งที่แม้มันจะอยู่ตรงหน้า เราก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมัน หรือกับบางสิ่งที่เรายังไม่เคยเห็นแม้แต่เงา แต่เราก็ไขว่คว้าอยากได้มันมาเหลือเกิน........ . . . แล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากูตอนนั้นล่ะ มันคืออย่างไหนกัน.......... “เหมือนกับที่ก้อนเมฆรักท้องฟ้า และพระอาทิตย์ไง.......... เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ไม่แผดเผาร้อนแรงเกินไป เมื่อใดที่ท้องฟ้ายังเป็นสีคราม เมื่อนั้นแม้แต่ก้อนเมฆก็ยังจะดูดีขึ้นไปด้วยเลย.......... มึงเป็นเหมือนท้องฟ้าสำหรับกูนะ ไอ้คุณชายฟ้าคราม และ.... เอ่อออ กูก็ไม่รู้หรอก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก้อนเมฆ กับท้องฟ้า มันจะอยู่คู่กันไปชั่วนิรันดร์ กูก็...... ก็อยากจะอยู่เคียงข้างมึงไปจนวันสุดท้ายของชีวิตกูเหมือนกันนะ.....” พอพูดจบกูก็เขินนนนนนน สาดดดดด พูดไปตะกุกตะกักไป ไม่รู้เหมือนกัน ว่ากูจะสื่ออะไรกับมึงนะ เหมือนกับ กูก็อยากจะบอกมึง ว่ากูจะเป็นเพื่อนมึงอย่างนี้ตลอดไป แต่มันสับสนๆๆ เลยเผลอพูดสองแง่สองง่ามแบบนั้นออกไป พูดจบ กูก็ยังสับสนอยู่เลยยย! ใจเต้นระส่ำระสาย (เพราะกลัวมึงถีบตกทะเล) หน้ามึง กูก็ไม่กล้ามอง ไม่รู้มึงทำหน้ายังไงอยู่ ไม่รู้มึงคิดอะไรอยู่ กลัวมึงจะตีความหมายกูผิด (รึถูกก็ไม่รู้) แต่กูก็ไม่คิดจะแก้คำพูดกูเหมือนกันนะ แปลกดีมั๊ยล่ะ (อ่านไปแล้วอย่าพูดว่าไม่แปลกนะมึง สาดด) และยิ่งพอกูเงยหน้ามาเจอมึงกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า ไม่ได้กำลังมองหน้ากูอยู่อย่างที่กูคิด..... กูงี้ใจหายวาบเลย กลัวมึงจะไม่คุยกับกู จะโกรธกู จะเข้าใจกู....... ถูก “เมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ส่องแสงแรงเกินไป หรือกำลังจะดับลง......... กูว่ายังไงๆก้อนเมฆก็ยังคงอยู่คู่กับท้องฟ้าไปตลอดอยู่ดีแหละมั๊ง เนอะ.......จะกลางวัน หรือกลางคืน ก้อนเมฆก็ยังคงลอยกั้นระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน ปกป้องทั้งสองสิ่งเอาไว้อยู่ตลอดเวลา..........” พอมึงพูดจบก็หันมามองหน้ากู แล้วยิ้มให้กู พอเห็นอย่างนั้น ได้ยินอย่างนั้น แค่นั้นกูก็ไม่อยากขออะไรจากมึงอีกแล้ว มึงรู้มั๊ย.......... “ถ้ากูเป็นท้องฟ้าของมึง มึงก็จะเป็นก้อนเมฆของกู ที่ลอยอยู่ข้างๆกูตลอดไป ไอ้เมฆ.....” . . . แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น............. ตกลง กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ สุดท้าย ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไป กูกับมึงก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม คบกันเหมือนเดิม แต่ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไป เท่าที่กูรู้สึกได้ก็คือ กูแคร์มึงมากขึ้นมั๊ง และกูก็คิดว่ามึงเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากกูเท่าไหร่เหมือนกัน (รึเปล่า) หลังจากกลับมาจากทะเล กูก็ไม่สงสัยอีกแล้ว ว่าความรู้สึกที่กูมีให้มึงมันคืออะไร กูตอบได้เลย ว่ามันเกินคำว่าเพื่อนไปแล้ว แต่ถ้าหากกูคิดจะสงสัยก็คงจะเป็นว่า ทั้งหมดนี้มันเกินคำว่าเพื่อนไปมากแค่ไหนต่างหาก....... สังเกตรึเปล่า ว่าเวลาคุยกัน กูเริ่มบอกว่ารักมึงมากขึ้น ถึงแม้มันจะถูกสื่อออกมาในความหมายของคำว่าเพื่อน ที่ไม่ยอมทิ้งเพื่อนและไม่ปล่อยให้เพื่อนต้องมีปัญหา แต่มึงรู้มั๊ย ว่ากูไม่ได้หมายความแค่แบบนั้น............ เพราะกูรักมึงจริงๆ รัก........... และผูกพัน............... แม่กูตั้งชื่อให้กูว่า ศิลา เพราะอยากให้กูเข้มแข็งและมั่นคง แต่น่าเสียดาย ที่พ่อกูตั้งชื่อเล่นกูว่า เมฆ มันทำให้กู เป็นคนหวั่นไหวง่าย และเปราะบาง ถึงกูจะมั่นคง ก้อนเมฆจะยังคงอยู่ไม่มีวันจางหาย แต่หากถ้ามีลมพัดแรงเกินไป กูก็คงจะปลิว หากถ้าแสงแดดจากพระอาทิตย์ร้อนแรงเกินไป ก็คงแผดเผากูไปจนหมดสิ้น และถ้าหาก ภาระทุกสิ่งที่กูแบกรับไว้มันหนักมากเกินไป กูก็คงจะหายไปและกลายเป็นฝนร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน........ ถึงกูจะมั่นคงกับบางเรื่อง แต่กับบางสิ่ง กูก็เปราะบางเหลือเกิน........ ต่างกับท้องฟ้าที่ช่างมั่นคงและมีอิทธิพลกับหลายสิ่งเหลือเกิน.......... ท้องฟ้า รู้จักเปลี่ยนสี........ ท้องฟ้าสีคราม ใครๆก็ชอบ ฟ้าครึ้ม ก็ชวนให้ใจหม่นหมอง และท้องฟ้าที่ไร้เมฆ....... ก็คงเผาผลาญทำลายหลายสิ่งบนพื้นดิน...... มึงยังจำท้องฟ้าในตอนพระอาทิตย์ขึ้นได้มั๊ย......... ท้องฟ้าสีส้มรำไรที่ริมขอบทะเล ค่อยๆสาดแสงส่องสว่างทำลายความมืดมิดที่ปกคลุมผิวโลก แสงสว่างจากมัน ค่อยๆเผยให้เห็นความสดใสของสีฟ้าคราม และความขาวงามสง่าของก้อนเมฆที่ลอยประดับฟ้า....... แล้วมึงเคยเห็นตอนพระอาทิตย์ตกดินรึเปล่า........ ท้องฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นสีส้ม หรือสีแดงสด ช่างดูน่าเศร้า ราวกับกำลังจะบอกลาความสว่างสดใสยามกลางวัน และปล่อยให้ความมืดมิดของยามกลางคืนเข้ามาแทนที่ เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป เป็นสัญญาณว่ามันหมดหน้าที่ที่ให้ความอบอุ่นแก่ผู้คนแล้ว ต่อไปจะเป็นเวลาของความมืดมิดและความเหน็บหนาวเข้ามาแทนที่ และหน้าที่ของก้อนเมฆก็จะจบลง.............. มึงมันช่างร้อนแรง ราวกับดวงอาทิตย์อย่างที่พ่อมึงตั้งชื่อให้จริงๆ และมึงก็ช่างสวยงาม และสงบ ตรงกับชื่อฟ้าคราม ที่แม่ของมึงมอบให้......... ทุกคนสามารถจับจ้องไปที่มึง และพบกับความยิ่งใหญ่และสวยงามได้ทุกเวลา แต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่มึง ร้อนแรงจนใครๆก็ไม่สามารถแหงนหน้าไปสู้แสงของมึงได้ กู ก็จะคอยเป็นผู้ที่มาบดบัง และปลอบโยนพระอาทิตย์ให้สงบลง เพื่อที่คนข้างล่างจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะความร้อนนั้น........ กูเกิดมา เพื่ออยู่เคียงคู่กับท้องฟ้า กูเกิดมา เพื่อทำให้ท้องฟ้าสดใสและสวยงาม กูเกิดมา เพื่อทำให้พระอาทิตย์อ่อนโยน และอบอุ่น กูเกิดมา เพื่อมึง................ (ก้อนเมฆ เป็นเพียงตัวประกอบ ที่ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันมากขึ้นแค่นั้นเอง....... ท้องฟ้าคงอยู่ได้ โดยไร้เมฆ แต่เป็นเมฆต่างหาก ที่ไม่สามารถลอยอยู่ได้ หากปราศจากท้องฟ้าให้พักพิง)
กูเกิดมา เพื่ออยู่เคียงคู่กับท้องฟ้า กูเกิดมา เพื่อทำให้ท้องฟ้าสดใสและสวยงาม กูเกิดมา เพื่อทำให้พระอาทิตย์อ่อนโยน และอบอุ่น กูเกิดมา เพื่อมึง................ :impress3: :impress3: :impress3:
ก้อนเมฆ เป็นเพียงตัวประกอบ ที่ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันมากขึ้นแค่นั้นเอง....... ท้องฟ้าคงอยู่ได้ โดยไร้เมฆ แต่เป็นเมฆต่างหาก ที่ไม่สามารถลอยอยู่ได้ หากปราศจากท้องฟ้าให้พักพิง ท้องฟ้าอยู่ได้โดยไร้เมฆ...แต่อาจจะไม่มีชีวิตชีวา....เท่านั้นเอง :impress3:
จะเริ่มเข้าสู้อารมณ์เศร้า รึเปล่าเนี่ย จะได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเลย รู้สึกว่า ช่วงนี้มีแต่เรื่องที่อ่านแล้วต้องให้เสียน้ำตา :monkeysad2:
:impress3: :impress3: :impress3: อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอิ่มอย่างบอกไม่ถูกอ่ะ . . . อิ่มใจ :myeye:
เริ่มเรื่องมา อารมณ์นี้ :monkeysad: แต่ตอนนี้อารมณ์นี้ :monkeylove2:
ความฝัน กับ ความจริง มันต่างกันตรงไหน ถ้าตอนที่เราหลับ เราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังฝันอยู่ หรือตอนเราตื่น เราแทบไม่คิด ว่าสิ่งที่เกิดนั่นจะเป็นความจริง............. กูแทบไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้เห็น นี่น่ะหรือ คือคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่างที่กูกับมึงผ่านพ้นมาด้วยกันตลอดระยะเวลาสามปี........ . . . น่าแปลกนะ ทั้งๆที่ความชอบของกูกับมึงต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะในเรื่องไหน......... กูชอบฟังเพลง มึงชอบเล่นกีตาร์ เพราะงั้นมึงก็เลยชอบหิ้วกีตาร์มาเล่นให้กูฟังบ่อยๆเวลาที่เราคุยโทรศัพท์กัน กูชอบเล่นบาส และดู NBA เลยชอบที่จะเล่าเรื่องเกมที่เพิ่งได้ดูไปให้มึงฟัง ซึ่งมึงก็ฟังอย่างตั้งใจทุกครั้ง ส่วนมึงชอบเล่นบอล แต่มึงรู้ว่ากูไม่ดูบอล มึงก็เลยแทบไม่เคยคุยเรื่องฟุตบอลกับกูให้กูงงเลย กูชอบอยู่กินกับธรรมชาติชอบเที่ยวแบบง่ายๆ แต่มึงชอบเที่ยว ในตัวเมืองและนอนที่พักสบายๆ เพราะงั้น เวลาเราไปเที่ยวกัน เราถึงได้นอนรีสอร์ทหรือบังกะโลที่อยู่ติดกับพื้นที่ธรรมชาติ แต่สามารถเดินทางได้สะดวกๆ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน (กูแกล้งมึงครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวก็พอแล้วไง) กูชอบอ่านหนังสือและเอาหนังสือดีๆ ที่กูชอบมาให้มึงอ่าน มึงเองก็ชอบฟังเพลง เลยเลือกไรท์เพลงไทยเพราะๆที่กูชอบมาให้กูเสมอโดยที่กูไม่ต้องบอก กูชอบอะไร มึงไม่จำเป็นต้องชอบเหมือนกู และถ้ากูไม่ชอบอะไร มึงก็มักจะไม่ชอบเหมือนๆกับกู......... มันเป็นความต่าง ที่กูคิดและเชื่อมาตลอดแล้วว่ามันลงตัวที่สุด เป็นสิ่งที่กูให้ และได้รับ แบบที่กูไม่คิดว่ากูจะสามารถหาได้จากคนอื่น ไม่สำคัญอีกต่อไป ว่ากูกับมึงคบกันในสถานะอะไร แค่กูได้มีมึง มีท้องฟ้า ให้กูได้พักพิง กูพอใจแล้ว............. . . . มึงรู้มั๊ย ตลอดเวลาที่คบกัน ที่รู้จักกันมา กูไม่เคยฝันถึงมึงเลยแม้สักครั้งเดียว แปลกดีมั๊ยวะ มึงมีฝันถึงกูมั่งรึเปล่า ทั้งๆที่กับเพื่อนคนอื่นกูก็ฝันถึงออกบ่อยนะ แต่ไม่รู้ทำไมกูถึงไม่เคยฝันเกี่ยวกับมึงเลย บางทีอาจเป็นเพราะ.............. กูไม่จำเป็นต้องฝันเกี่ยวกับมึงอีกแล้วก็ได้มั๊ง ในเมื่อความเป็นจริงกูมีมึงอยู่ข้างๆกูแล้วนี่ แต่ว่าอะไรๆมันก็คงไม่สวยงามเหมือนในนิทาน ที่ตัวเอกจะต้องจบลงอย่างมีความสุขไปตลอดกาล มึงเป็นคนแรกที่สอนให้กูรู้ถึงความเจ็บปวด และความผิดหวัง ในแบบที่ไม่มีใครอีกแล้ว จะสอนได้ดีเท่ากับมึง กูเองยังไม่เคยเข้าใจแม้ในขณะนี้เลยนะ ว่าทำไมพอเรียนกันมาจนจะจบชั้นมอปลายแล้ว หลายๆคู่กลับจะต้องเลิกกัน ทำไมพวกนั้นถึงยังจะประคับประคองความสัมพันธ์กันต่อไปไม่ได้ ระยะห่าง มันเป็นตัวแปรที่สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ อืมมมม กูเองอาจจะไม่เข้าใจเอง หรือมองโลกในแง่ดีเกินไปมั๊ง เพราะจริงๆ ก็ได้ยินกันอยู่ออกบ่อย ว่า เวลาเปลี่ยน หัวใจเปลี่ยน รักแท้ แพ้ใกล้ชิด หรืออะไรก็ตามนั่นน่ะ....... แต่ตอนนั้นกูก็รับไม่ได้จริงๆว่ะ ทำไมมึงถึงไม่บอกกูก่อนใครๆ ทำไมมึงถึงคิดว่าจะปิดบังกูไว้ได้ และทำไมเพื่อนทุกคนถึงได้รวมหัวกันปิดบังกูกันหมดทุกคนเพื่อมึง แต่ไม่คิดถึงจิตใจกูกันบ้างเลย วันนั้นกูเดินไปเห็นตอนไอ้วิทกำลังเขียนเฟรนด์ชิพให้มึงพอดี กูก็เลยถามมันว่ามันเขียนให้ใครวะ คือ ยังไงๆๆกูก็คิดว่าไม่ใช่ให้มึงแน่ๆอยู่แล้วอ่ะ นิสัยมึงมันไม่ใช่แบบนั้น จะมาทำเฟรนด์ช๊งเฟรนด์ชิพ Kไรเนี่ย แต่พอมันอึกอักๆใส่กู กูเลยหยิบขึ้นมาดูเองเลย ถึงได้รู้ว่า มันเขียนให้......... มึง มึงจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ................... ทำไมวะ ไอ้ซัน ทำไมมึงถึงไม่บอกกู นี่คือคำถามที่คั่งค้างอยู่ในใจกูมาตลอดเวลาจนทุกวันนี้ พอกูถามมึง โวยวายกับมึง มึงก็เงียบ ไม่ตอบอะไรกูสักคำ และยังหาว่ากูไปยุ่งเรื่องของมึงซะอีก มึงรู้มั๊ย คำๆนั้นมันทำให้กูเจ็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจ กูกับมึง ยุ่งเรื่องของกันและกันมามากขนาดไหนแล้ว แต่ทำไมอยู่ดีๆ มึงถึงพูดกับกูแบบนั้น สุดท้าย เราก็ทะเลาะกันจนได้ ตอนนั้นกูก็คิดนะว่า แปลกดี ที่เพื่อนๆของเราทุกคนเห็นกูกับมึงทะเลาะกันขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครว่าอะไรเลยสักคน มีแค่คนมาห้ามบ้างเท่านั้น กูยังคิดว่า นี่มันไม่น่าแปลกใจรึไงวะ ผู้ชายสองคนทะเลาะกันจะเป็นจะตายเพราะเรื่องแค่นั้น พอกูแยกจากมึงมา และ ไอ้วิทมันมาปลอบกู กูก็เลยถามมัน ว่านี่มันงี่เง่ามั๊ย กูผิดมั๊ย ที่เป็นแบบนี้ มึงรู้มั๊ย มันตบบ่ากู บีบไหล่กู แล้วบอกกูว่า ไม่หรอก มันเข้าใจ กูรู้สึกเอะใจ เลยมองหน้ามัน มันบอกกูว่า “กูรู้ เรื่องมึงสองคนน่ะ คนอื่นหลายคนก็รู้ แต่พวกเราเงียบไว้ เพราะมึงก็ดูไปด้วยกันได้ดี และมึงทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักของพวกเรานี่หว่า” กูร้องไห้เลย น้ำตาครั้งนี้มันหมายความว่าอะไรกูเองก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกนะ แต่กูก็ร้องไห้ไปแล้ว มันเหมือนกับ ความหนักอึ้งทั้งหมดมันถูกปลดปล่อยลงมาเพียงเพราะคำพูดสั้นๆของมันตรงนั้นแค่นั้นเอง.......... แต่ว่า................ อะไรๆ ระหว่างเราสองคนมันก็คงไม่ง่ายดายนักใช่มั๊ย สงสัยมันจะจริงนะ ที่คนเค้าเคยว่าไว้ ยิ่งรัก ก็ยิ่งเกลียด............ ยิ่งกูรักมึงมากเท่าไหร่ กูก็ยิ่งเกลียดมึงมากเท่านั้น ยิ่งกูคาดหวังจากมึงมากเท่าไหร่ กูก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น........... ไม่ใช่ว่ากูเกลียดมึงหรอกนะ แต่เพราะกูรักมึงมากต่างหาก เวลากูทะเลาะกับมึง กูถึงได้ยิ่งเกลียดมึงมาก มากกว่าใครคนอื่นที่เคยทำให้กูผิดใจไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า กูผิดหวัง และเสียใจในตัวมึงมาก มึงกำลังจะจากกูไปไกล แต่มึงกลับไม่เคยบอกกูเลยสักคำ มึงไม่ปรึกษากู เรื่องที่มึงจะต้องไปเมืองนอก มึงโกหกกู ว่ามึงจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับกู คณะเดียวกับกู และมึงโกหกกู ว่ามึง.............. จะอยู่กับกูตลอดไป..................... . . . กูเสียใจมากแค่ไหน มึงจะรู้มั๊ยนะ ตลอดเวลาหลังจากวันนั้น ที่มึงกับกูไม่ได้พูดคุยกันอีก กูต้องร้องไห้คนเดียว หลายต่อหลายครั้ง กูกลายเป็นคนเงียบขรึมมากขึ้น และพูดน้อยลง บางครั้ง กูก็ขี้หงุดหงิด น็อตหลุดขึ้นมาง่ายๆอย่างไม่มีเหตุผล มึงได้สังเกตเห็นมันมั่งรึเปล่า.............. แต่ก็คงสังเกตมั่งแหละมั๊ง เพราะหลายต่อหลายครั้งที่กูทำไปก็เพื่อจงใจประชดมึง กูก็รู้นะ ว่าที่กูทำมันไม่ดี และไม่มีเหตุผล หลายต่อหลายคน ที่เค้าเป็นห่วงกู (โดยเฉพาะพวกไอ้วิท) พวกมันคอยให้กำลังใจ และ ช่วยพูดให้กูรู้สึกดีขึ้นอยู่แทบทุกวัน วันเว้นวัน กูเอง...... ให้สารภาพตรงๆ กูก็รู้ตัวนะ และก็รู้สึกดีขึ้นด้วย เพราะมัน ก็มาพูดตอกย้ำในสิ่งที่กูรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว นั่นคือ มึงคงไม่ต้องการจะบอกกู เพราะกลัวกูจะเสียใจ และ ตัวมึงเอง ก็จะต้องเสียใจ มึงคงคิดจะบอกกู ตอนมึงใกล้ๆจะไป เพื่อที่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เราสองคนจะได้ไม่ต้องเศร้าและอาลัยอาวรณ์กันมาก ใช่มั๊ยวะ อืมมมมมม กูก็คิดของกูแบบนี้น่ะนะ เพราะถ้าให้กูเดาสิ่งที่มึงคิด ก็คงจะเป็นแบบนี้ และไอ้พวกนั้นก็คิดเหมือนๆกันกับกู.......... เนี่ยนะ กูยังเดาสิ่งที่มึงคิดได้เลย (ถ้ากูเดาถูกน่ะนะ) แต่ทำไมมึง ไม่เห็นจะคิดอย่างที่กูคิดได้มั่งล่ะ ว่ากูต้องการให้มึงบอกกูเป็นคนแรก หรือแม้แต่ปรึกษากูสักนิดนึงก่อนที่มึงจะคิดจะทำอะไรลงไป โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆแบบนี้............... อย่างน้อยๆ ถ้ามึงบอกกู ปรึกษากู กูก็คงแค่ช็อก และก็ไม่อยากให้มึงไปเท่าไหร่หรอก แต่ถ้ามึงจะไป มันก็เรื่องของมึง และกูก็จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ก่อนมึงจะไปให้ได้ดีที่สุด กูอยากอยู่กับมึงให้นานที่สุด.................. ไม่ใช่มึงมาบอกกูก่อนมึงจะไป แค่อาทิตย์เดียว แล้วเวลาที่กูจะได้ใช้เป็นครั้งสุดท้ายกับมึงก็มีแค่เจ็ดวันอย่างนั้นน่ะเหรอ.......... แบบนั้นกูไม่เอาด้วยหรอก เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน............... สุดท้ายกูกับมึงก็ไม่ได้คุยกันมาตั้งแต่ก่อนจะสอบไฟนอล ยันจนจบชีวิตนักเรียนมัธยมปลาย กูบอกแล้ว ว่ากูรู้ตัว ว่ากูมันหัวดื้อ ยิ่งมึงจะต้องจากกูไปไกล ทำไมกูยิ่งไม่กลับไปคืนดีกับมึง และใช้เวลาที่เหลือด้วยกันให้มันดีๆนะ...... มันเป็นความผิดพลาดเดียวของกู ที่ทำให้กูยังคงเสียใจ มาจนถึงทุกวันนี้......... นั่นก็คงเป็นเพราะ กูชื่อ เมฆ กูเลย โลเล ล่องลอย และเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่หากกูก็ชื่อ ศิลา กูจึงหนักแน่น หัวดื้อ และไม่ยอมคนไม่ยอมใคร........... กูก็แค่รอ......... รอให้มึงเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับกูก่อน รอให้มึง เปิดเผยความในใจ เปิดเผยสิ่งที่มึงเอาแต่เก็บเอาไว้ไม่ค่อยจะแสดงออกมาง่ายๆ รอวันที่ มึงเดินมาหากูและรับกูไปอยู่ข้างในใจมึง และพาบินไปพร้อมๆมึงที่อังกฤษ......... กูรอ................. รอ มึงเดินมาบอกกูว่า............. มึงรักกู กูคงเรียกร้องมากเกินไปใช่มั๊ย............ เพราะสุดท้าย กูก็ได้แค่เสียใจ และเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เงียบๆคนเดียว............... เวลาผ่านเลยไป เวลาที่กูจะได้เจอหน้ามึง ได้คุยกับมึง ก็ลดน้อยลงไปทุกทีๆ กูจึงตัดสินใจจะโยนทิฐิของกูทิ้งไปซะ แล้วเดินกลับไปหามึง........ ไปหาท้องฟ้าของกู ใช่แล้ว กูคือก้อนเมฆ และมึงก็เป็นท้องฟ้าของกู กูไม่ใช่ก้อนหิน ที่ได้แต่แหงนมองพระอาทิตย์ ที่กำลังจะลาลับจากสายตาของกูไป ก้อนเมฆ จะยังคงลอยอยู่กับท้องฟ้าเสมอ.......... ไม่ว่ามัน จะเคยแปรเปลี่ยน หรือ ลอยหายไปในทิศทางใด ยังไงๆ มันก็จะกลับมาที่เดิม......... มาหาท้องฟ้าของมัน............................. อีกแค่ไม่กี่วัน ก็จะถึงวันที่พวกเราทุกคนนัดไปเที่ยวทะเลกันทั้งห้องเป็นการส่งท้าย ก่อนหน้านั้นวันนึง กูเที่ยวเดินออกไปเลือกซื้อของที่มึงชอบ เพื่อที่อยากจะขอโทษมึง ขอมึงคืนดี และเพื่อให้มึงแปลกใจ............ แต่พูดจริงๆ กูนึกไม่ออกเลย ว่ากูจะซื้ออะไรให้มึงดีวะ มึงเองก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว อยากได้อะไร มึงก็ได้อย่างต้องการมาตลอด ตอนนั้นเรียกได้ว่า กูมืดเกือบจะแปดด้านแล้ว กูเดินหาตั้งแต่สิบโมงยังสองทุ่ม ตั้งแต่ห้างเล็ก ไปจนถึงห้างใหญ่ ร้านทุกร้าน เท่าที่ขากูมันจะพาเดินไปไหว กูก็เข้าหมด จนกระทั่งห้างกำลังจะปิด กูก็ยังไม่รู้ ว่าจะซื้ออะไรให้มึง กูเซ็ง เครียด และผิดหวังในตัวเองมาก ทำไมสักครั้ง ที่กูตั้งใจจะทำอะไรให้ใครแบบจริงๆจังๆ มันจะต้องลงเอยแบบนี้ทุกที......... กูหย่อนตัวลงนั่งลงบนพื้นที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ไม่สนใจอะไรแล้ว กับสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่จับจ้องมาที่กู กูนึกท้อใจ และเสียใจ ที่กูจะต้องไปเจอมึงมือเปล่า ทั้งๆที่กูตั้งใจจะมอบของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายให้มึงก่อนที่มึงจะต้องจากกูไปไกลแล้วเชียว............ แต่ว่า ฟ้าก็ยังเข้าข้างกูเหมือนกัน ทำไมกูไม่คิดให้เร็วกว่านี้นะ กู น่าจะมอบของที่กูชอบที่สุดให้มึงสิเนอะ........... สายตากูเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “The Missing Piece Meets Te Big O” มันเป็นหนังสือ เล่มที่กูเคยชี้ให้มึงดู และเปิดให้มึงดูเนื้อหาด้านใน.................................... “นี่ ไอ้ซัน เล่มนี้เจ๋งมากๆ” กูหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้มึง “ทำไมมันเรียบๆ ไม่มีอะไรเลยวะ” มึงพลิกดูปกหน้าปกหลัง แล้วก็ถามกู “เออ ไม่มีจริงๆ ข้างในก็ไม่มี............ นี่ มึงดู มีแต่รูป แบบนี้มึงน่าจะชอบนะ ความหมายโคตรดีเลย” กูเปิดเนื้อหารูปภาพด้านในให้มึงดู มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางตามหาส่วนเติมเต็มของ The Missing Piece จนกระทั่งมันไป พบเข้ากับ The Big O ที่สามารถรับมันเข้าไปได้อย่างพอดิบพอดี และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นส่วนที่เติมเต็มให้กันและกัน และอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล....... “ก็เหมือนกับที่ท้องฟ้าต้องอยู่คู่กับก้อนเมฆ และก้อนเมฆก็อยู่ไม่ได้โดยปราศจากท้องฟ้าสินะ” มึงพูดกับกู ทำให้กูได้แต่นึกดีใจอยู่ภายในอก ว่ามึงกับกู ก็จะต้องเป็นดังสามเหลี่ยมและวงกลมคู่นี้......... กูนั่งมองปกหนังสือแล้วก็คิดถึงเรื่องในวันนั้น คิดถึงใบหน้าของมึง................. กูจึงตัดสินใจ เลือกซื้อเล่มที่ดูใหม่ที่สุดมา เพื่อที่จะมอบให้มึงในวันรุ่งขึ้น พอกลับถึงบ้าน กูก็เฝ้ารอวันรุ่งขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่หากเป็นเพราะกูจะได้กลับมาคุยกับมึงอีก และกูก็คาดหวัง ว่าจะได้เห็น ได้รับรอยยิ้มของมึง เมื่อกูมอบหนังสือเล่มนี้พร้อมกับบอกความหมาย ว่าทำไมกูถึงมอบให้มึง............ และยังแอบหวังอีกว่า มึงจะยังจำคำพูด จำเรื่องราวในวันที่กูเคยชี้ให้มึงดูหนังสือเล่มนี้ได้นะ.............. คืนนั้น กูนอนแทบไม่หลับเลย คิดแต่ว่าจะให้หนังสือมึงยังไง จะเริ่มต้นคุยกับมึงยังไงดี มึงจะทำหน้ายังไงนะ ทั้งกังวล ทั้งตื่นเต้น และรอคอย................... สุดท้าย กูก็ข่มตาหลับลงจนได้ และฝันถึงมึงเป็นครั้งแรกในรอบสามปี..................................................
หนุกจัง รออ่านอยู่นะค่ะ
กำลังลุ้นเลย นะเนี่ย :laugh:
บางทีอาจเป็นเพราะ.............. กูไม่จำเป็นต้องฝันเกี่ยวกับมึงอีกแล้วก็ได้มั๊ง ในเมื่อความเป็นจริงกูมีมึงอยู่ข้างๆกูแล้วนี่ :myeye: กลัวจะต้องเศร้าจัง . . . :monkeysad:
ถ้าตอนที่เราหลับ เราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังฝันอยู่ หรือตอนเราตื่น เราแทบไม่คิด ว่าสิ่งที่เกิดนั่นจะเป็นความจริง............. คนเราอยากหั้ยความฝันมันซ้อนทับกับชิวิตจริง... แต่ในชีวิตจริง....ความจริงก็มักจะบดบังความฝันที่เราอยากหั้ยเป็นเสมอ... :impress:
ความรัก เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายจะรับรู้ได้ จากการกระทำ ไม่ใช่คำพูด แต่ ความผูกพัน เป็นสิ่งที่จะรับรู้ได้จากความรู้สึกเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งคำพูดและการกระทำ............ . . . “อดีตเราเคยเป็นอย่างไรกัน มันจะไม่มีผลอะไรต่อปัจจุบันและอนาคตเลยอย่างนั้นเหรอ” มีคนเคยพูดคำเหล่านี้เอาไว้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าประโยคๆนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเราเข้าสักวัน......... . . . กูตื่นสายว่ะ สายโด่งเลยด้วย เป็นเพราะเมื่อคืนกูนอนไม่ค่อยจะหลับนั่นเอง เพราะกูเอาแต่เฝ้าคิดถึงมึง พะวงถึงวันที่กูจะได้เจอมึง ได้คุยกับมึง เอาของขวัญให้มึงและได้ไปเที่ยวกับมึงอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ มันเป็นความกังวลที่ทำให้กูมีความสุข และยังนอนหลับฝันดีอีกด้วย............ กูรีบวิ่งออกจากบ้านโดยที่ยังไม่ได้แม้แต่กินข้าวเช้า มื้อเย็นเมื่อคืนกูก็ไม่ได้กิน เพราะมัวแต่เลือกหาซื้อของให้มึง แถมยังกลับถึงบ้านดึกอีกต่างหาก แต่จริงๆกูก็ไม่ได้จะไปสายนักหรอก แค่ตื่นสายกว่าที่กูตั้งใจไว้ไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง และแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กูรู้สึกเพลีย และอดนอนสุดๆ กูเองไม่อยากจะไปสายและให้ใครต้องมารอกู แถมกูยังอยากจะเป็นฝ่ายไปรอมึง เห็นมึงเดินมา มากกว่ากูไปถึง แล้วเห็นมึงนั่งรออยู่แล้วด้วย กูจึงตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ไปยังโรงเรียนทันที ระหว่างทางที่นั่งรถ กูยังอดรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกกังวล และคาดหวังสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้านี้ไม่ได้ กูหยิบหนังสือขึ้นมาดูแล้วดูอีกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่กูก็ยังพยายามที่สุด ที่ไม่ให้หนังสือมันเกิดรอยยับ หรือ รอยเปื้อนแม้แต่นิดเดียว กูมองหน้าปกหนังสือ กูก็คิดถึงหน้ามึง กูพลิกไปมองปกหลัง กูก็คิดถึงรอยยิ้มของมึง กูเปิดดูข้างใน กูก็คิดถึงเสียงหัวเราะของมึง......... ในใจกูตอนนั้น มีเพียงแต่มึงเท่านั้นเอง น่าอายเนอะ เหมือนมองไปทางไหน กูก็เห็นแต่หน้ามึง ทำอะไร คิดอะไรก็จะวกมาคิดถึงแต่มึง ผลลัพธ์ของวันนี้มันจะเป็นยังไงก็ช่างแล้วล่ะ กูรู้แต่ว่ากูจะทำสิ่งดีๆสิ่งนี้ให้มึง ก็เท่านั้น................ กูมองออกไปหน้ากระจกรถ แหงนหน้าดูท้องฟ้า แล้วกูก็ยิ้ม............. ท้องฟ้าวันนี้ช่างสีครามสวยสดใส แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า ตกกระทบสะท้อนกับก้อนเมฆสีขาว และเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืน จึงทำให้เกิดเป็นสายรุ้งสาดทอประดับท้องฟ้า เคียงคู่อยู่กับก้อนเมฆภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่น.............. ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆนะ.......... ทำไมอะไรๆ มันก็ดูสดใสไปซะหมดทุกอย่าง ถ้าคนขับมันจะมองกระจกหลังแล้วเห็นกูนั่งยิ้มอยู่คนเดียว แล้วคิดว่ากูเป็นคนบ้า........... ก็ช่างมันแล้ว กูมีความสุข กูถึงได้ยิ้ม ใช่ กูมีความสุข ที่กำลังจะได้ไปเจอมึง.............. ถ้าความรัก มันทำให้คนตาบอด แล้วความคิดถึง มันทำให้คนเป็นยังไงวะ............ กูว่ามันคงทำให้คนขาดความช่างสังเกตและการระมัดระวังตัวล่ะมั๊ง.............. กูไม่ได้สนใจดูเลย ว่าคนขับ มันขับรถเฮงซวยขนาดไหน และไม่ได้สังเกตเลย ว่าสภาพของคนขับมันเป็นยังไง (หรือจะเป็นเพราะกูเพลียเกินไป) กว่ากูจะรู้ตัว มันก็สายไปซะแล้ว สิ่งที่กูเห็นกูรับรู้เป็นสิ่งสุดท้ายก็คือ สภาพของคนขับ ที่นั่งหลับใน รถสองแถว ที่พุ่งออกมาจากซอย และเสียงดังลั่น กับความเจ็บปวด ที่กรีดเข้าไปถึงส่วนลึกที่สุดของระบบประสาท จากนั้นทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนเป็นความมืดมิด......................................... . . . . . . . . . . . . . . . . . . นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับกู....................................... กูลืมตาขึ้นมาภายในห้องสีขาว ไฟจากหลอดไฟนีออนบนเพดานทิ่มแทงเข้ามาในลูกตาของกู รอบตัวกูช่างเงียบสนิท ได้ยินเพียงแต่เสียงหึ่งๆของเครื่องปรับอากาศ และมีเพียงกลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ ที่ทำให้กูรู้ว่ากูยังมีชีวิตอยู่ กูมองไปรอบๆตัว ค่อยๆนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู บรรยากาศแบบนี้มันคือโรงพยาบาล............. กูหันไปมองเห็นพ่อ ที่ยืนหันหลังให้กูกำลังจัดของอยู่บนโต๊ะข้างๆเตียง “พ่อ....” กูเรียก พ่อกูรีบหันหลับมาตามเสียงเรียกของกูและเดินเข้ามาจับมือกูไว้พร้อมกับร้องไห้............. น้ำตาของพ่อกู ที่กูเกิดมาสิบแปดปี ยังไม่เคยเห็นแม้แต่หยดเดียว.............. พ่อกำลังร้องไห้........... ทำไม........ พ่อร้องไห้ทำไมครับ........... “พ่อนึกว่าจะเสียลูกไปซะแล้ว............ พ่อดีใจเหลือเกิน ที่ลูกกลับมาอยู่กับพ่อ เมฆ......... พ่อเสียแม่ของลูกไปแล้ว พ่อไม่อยากจะเสียลูกไปอีก..........” พอกูได้ยินอย่างนั้นกูก็ร้องไห้เลย “ผม ผมขอโทษครับพ่อ........” กูไม่รู้กูขอโทษพ่อกูเรื่องอะไรหรอกนะ แต่กูรู้แต่ว่า กูไม่อยากเห็นพ่อร้องไห้ ไม่อยากเห็นพ่อที่เข้มแข็งมาตลอดของกูต้องร้องไห้ กูไม่อยากทำให้พ่อร้องไห้......... กูไม่อยากให้พ่อมาร้องไห้เพราะกู................. พ่อกูค่อยๆเล่าให้ฟัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกูเริ่มจะจำมันได้นิดหน่อย พ่อกูเล่าให้ฟัง ว่าพ่อรู้เรื่องอุบัติเหตุได้ยังไง และสภาพของกูตอนนั้นเป็นยังไง พ่อกูบอกว่ากูหลับไปนานมาก มากเสียจนพ่อคิดว่ากูอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว จนกูฉุกใจนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บางอย่างที่สำคัญมากๆ “นี่มันวันที่เท่าไหร่ครับพ่อ” กูถามพ่อด้วยความตกใจ พอพ่อกูบอกว่า วันนั้นคือวันที่ 24 มีนาคมเท่านั้นแหละ น้ำตาของกูก็ไหลออกมาอีก กูหลับไปนานถึงเดือนครึ่ง................... นาน..................... นานมาก....................................... นานพอที่มึงจะจากกูไปแล้ว................................. . . . กูนึกย้อนถึงความทรงจำช่วงก่อนที่กูจะหลับไปอย่างรวดเร็ว กูจำได้ และจำได้อย่างแม่นยำทีเดียว ว่ามึงจะต้องขึ้นเครื่องไปในวันที่ 21 มีนา กูตื่นขึ้น ช้ากว่าที่มึงไปเพียงแค่สามวัน...................... สามวันเท่านั้น . . . กูห้ามน้ำตาไม่ได้ กูห้ามไม่ให้ตัวเองเสียใจไม่ได้ กูอดคิดไม่ได้ ว่ากูไม่น่ารอดเลย ทำไมกูไม่ตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องรับรู้ ว่ามึงจากกูไปแล้ว ให้กูเป็นฝ่ายลาจากไปซะดีกว่า ดีกว่า ให้ใครมาลาจากกูไปโดยที่กูไม่ได้บอกลาแบบนี้ และที่สำคัญ คนที่จะลาจากกูไปอย่างนี้ ทำไมถึงต้องเป็นมึง.............. มึงคนเดียวเท่านั้น ที่กูไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่ต้องพูดถึงอนาคตที่เราสองคนเคยวาดฝันไว้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่นี่ แม้แต่คำพูดคำว่า ขอโทษ และ ลาก่อนจากปากของกู กูก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะได้เอื้อนเอ่ยออกไปให้มึงได้รับรู้ พ่อของกูเล่าเรื่องต่างๆมากมายในช่วงที่กูหลับไปให้กูฟัง แต่กูก็ไม่ได้สนใจฟัง น้ำตาของกูมันไหล และกูหยุดมันไม่ได้ กูไม่รู้หรอก ว่าพ่อกูคิดยังไงที่เห็นลูกชายของตัวเองอยู่ดีๆก็ร้องไห้ออกมาแบบนี้ พ่อกูปลอบกู กูก็ไม่หยุดร้อง กูอยากหยุดนะ แต่กูหยุดไม่ได้ นั่นก็เพราะว่ากูรักมึง กูคิดถึงมึง กูต้องการมึง กูอยากบอกมึงเหลือเกิน ว่ากูขอโทษ กูเสียใจ กูผิดไปแล้ว ให้อภัยกูนะ กูอยากเห็นหน้าของมึง อยากเห็นรอยยิ้มของมึง และได้ยินเสียงหัวเราะของมึง กูแค่อยากจะบอกมึงจากปากของกูอีกสักครั้ง ว่ากูรักมึง........................ หลายความคิดความเสียใจประดังรุมเข้ามาภายในหัวของกู กูสับสน กูโกรธ กูผิดหวัง กูเสียใจ กูไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ ณ นาทีนั้น กูรู้สึกเหมือนกูไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ความรัก ความตั้งใจ ความปราถนาดีที่กูอยากจะมอบให้มึง มันสูญสลายกลายเป็นความว่างเปล่าไปหมดตรงหน้าของกู กูจะได้เจอมึงอีกมั๊ย กูจะได้เจอมึงอีกเมื่อไหร่................ ท้องฟ้า ลาจากก้อนเมฆไปแล้ว................................. . . . พ่อเดินมาตบบ่ากูและเช็ดน้ำตาให้กู เค้าหันหลังไปหยิบหนังสือที่ดูคุ้นตาเล่มหนึ่งยื่นมาส่งให้กู พอกูเห็นมันเท่านั้นแหละ กูรีบคว้ามันมาจากมือของพ่อ แล้วเพ่งมองดูที่หน้าปกราวกับมันเป็นสิ่งที่กูต้องการมาชั่วชีวิต........... แต่เสียดาย ที่ตรงกันข้าม................ The Missing Piece Meets The Big O กูไม่ได้ต้องการมันมาตลอดทั้งชีวิต แต่หากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ของกูต่างหาก ที่กูอยากจะมอบมันให้กับมึง................. แต่มันสายไปเสียแล้ว มึงไปจากกูแล้ว ไปไกลเหลือเกิน....... สิ่งสุดท้ายที่จะเหลืออยู่ในความทรงจำของมึงกับกู คือการที่เราทะเลาะกัน และทำให้เราไม่ได้คุยกันมาเป็นแรมเดือนอย่างนี้น่ะหรือ กูกอดหนังสือเล่มนั้นไว้แน่น ปล่อยให้น้ำตามันค่อยๆไหลรินหลดลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง.............. “นี่ไม่ใช่เล่มที่ลูกเป็นคนซื้อมาหรอกนะ” พ่อบอกกูแบบนั้น กูเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วมองพ่อด้วยความตกใจระคนแปลกใจ “เล่มนั้นมันเละเทะไปหมดแล้ว เปื้อนเลือดเต็มไปหมด เล่มนี้มีคนเค้าซื้อมาให้ลูก ในวันแรกที่เค้ารู้ว่าลูกเข้าโรงพยาบาลพอดี” กูไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นั่นสินะ ก็ถ้าสภาพของกูในวันเกิดอุบัติเหตุวันนั้น มันยับเยินอย่างที่พ่อกูเล่าจริงๆ หนังสือเล่มนั้น มันก็คงไม่เหลือซากอะไรเช่นเดียวกันแหละ และมันก็คงจะถูกทิ้งไปนานแล้วด้วย แล้วนี่มันใครซื้อให้กูกันล่ะ............... หัวใจของกูเต้นแรง รอคอยคำพูดคำต่อไปของพ่อกูอย่างใจจดใจจ่อ “..........หลังจากเกิดอุบัติเหตุ พ่อก็ได้รับโทรศัพท์เข้ามา เลยรีบมาหาลูกที่โรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด เพื่อนๆลูกที่กำลังจะไปเที่ยวกันก็คงโทรตามลูกกันใหญ่แต่ยังไงก็คงโทรไม่ติดหรอก เพราะโทรศัพท์ของลูกมันก็พังไปแล้ว เค้าบอกเค้าโทรเข้าบ้าน ก็ไม่มีคนรับ พวกเค้าเลยตัดสินใจไปเที่ยวกันเองโดยไม่มีลูก...........” พ่อกูเว้นช่วง แล้วจึงเล่าต่อ “...........แต่พอหลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นพ่อก็กลับมาเก็บของที่บ้านเพื่อไปนอนเฝ้าลูก วันนั้นแหละ ที่พ่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของลูกอีกครั้ง พอพ่อบอกพวกเค้า พวกเค้าก็รีบกลับมากรุงเทพและมาเยี่ยมลูกกันทันที...... ทำเอาโรงพยาบาลแทบจะแตกแน่ะ” พ่อกูพูดจบก็หัวเราะหึๆ “ทุกคนเป็นห่วงลูกมากนะ............. ลูกมีเพื่อนดีนะ รักษาเอาไว้ให้ดีๆล่ะ” ช้าไปแล้วล่ะครับพ่อ............. เพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้แล้ว.............. “และเพื่อนลูกที่ชื่อซัน.............” พอพ่อกูพูดถึงชื่อมึง กูทำเอาหัวใจกูเต้นรัว พ่อกูส่งสายตาแปลกๆ แต่แสนอ่อนโยนมาให้กู แล้วจึงพูดต่อว่า “พอเค้ามาถึงพร้อมเพื่อนๆ เค้าก็รีบเดินมาที่เตียงลูกก่อนเลย แต่พอเพื่อนๆลูกมารุมล้อมลูกที่เตียง เค้าก็เดินฉากออกมาแล้วก็ ยื่นหนังสือเล่มที่ลูกถืออยู่นี่แหละ ให้พ่อ พร้อมกับฝากพ่อ ให้เอามันวางไว้ใกล้ๆลูก เพื่อที่ลูกจะได้ตื่นขึ้นมาเจอมันก่อนสิ่งอื่น........... “หลังจากนั้น พ่อเพื่อนๆลูกทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว ซันเค้ายืนยัน อยากจะนอนค้างที่นี่เป็นเพื่อนของลูก พ่อบอกเค้า ว่าให้กลับบ้านจะดีกว่า เค้าก็ไม่ฟัง เค้าบอกพ่อว่า ลูกเคยเป็นคนที่ช่วยชีวิตเค้าไว้มาแล้วครั้งนึง และเป็นคนที่อยู่ข้างๆเค้าในตอนที่เค้าตื่นขึ้นมา เพราะฉะนั้น ครั้งนี้เค้าก็จะอยู่กับลูก จนกว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเหมือนกัน.............. “เค้ามาเยี่ยมลูกทุกวัน และนอนเฝ้าลูกทุกคืน เท่าที่เค้าทำได้........... พ่อคุยกับเค้าแล้วล่ะ...... คุยกันหลายเรื่องเลยด้วย..................” พ่อกูมองหน้ากูแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พ่อเอามือมาปาดน้ำตาของกูออก แล้วพูดกับกูว่า “พ่อรักลูกนะ.......... และจะรักอย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” กูยิ้มน้อยๆให้พ่อแทนคำตอบ และให้น้ำตาที่ไหลรินลงมา เป็นสิ่งบรรยายความรู้สึกของกู................. พ่อกูลุกขึ้นยืน และเริ่มเดิน จากนั้นจึงเริ่มเล่าต่อ.......... “เค้าบอกพ่อว่า เค้าทำผิดต่อลูกไว้มาก เค้าทำให้ลูกเสียใจโดยไม่ทันได้คิดถึงความรู้สึกที่ลูกมีให้เค้า ถ้าเป็นไปได้ เค้าอยากจะชดเชยทุกสิ่งที่เค้าได้ทำลงไปให้ลูก............ แต่เค้าก็ทำไม่ได้ เค้ารอทุกวันทุกคืน เพื่อที่จะให้ลูกตื่นขึ้นมา แต่สุดท้าย ลูกก็ไม่ตื่น............ จนถึงวันสุดท้ายที่เค้าต้องไป.........” พ่อหยุดเดิน และหันมามองหน้ากูด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ซันเค้าต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษใช่มั๊ยลูก” กูพยักหน้าแทนคำตอบ พยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดกำลังจากทุกสิ่งที่กูได้ยิน “แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก.......... สุดท้าย เค้าต้องย้ายไปอยู่ที่นู่นเลยทั้งครอบครัว........ และคิดว่าคงจะไม่ได้กลับมาที่ประเทศไทยอีก.....................” โลกทั้งใบ มันเหมือนพังครืนลงมาต่อหน้าต่อตากู กูแทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพ่อเลย น้ำตาที่กูกลั้นเอาไว้ เริ่มไหลรินหลั่งลงมาเป็นสายอย่างห้ามไม่ได้ กูไม่ได้สะอื้น กูไม่ได้โวยวาย กูยังไม่ทันจะได้ไตร่ตรองสิ่งที่พ่อกูพูดออกมาได้ดีเลยด้วยซ้ำ แต่กูรู้อยู่เพียงอย่างเดียว ว่ากูเสียใจ เสียใจที่สุดในชีวิต เสียใจ กว่าการที่ต้องเติบโตมาและโดนเพื่อนๆล้อว่า ไอ้ลูกไม่มีแม่เสียอีก................. กูเคยสูญเสียแม่ของกูไป แต่นั้นมันก็ตั้งแต่กูจำความไม่ได้ แต่ตอนนี้ กูสูญเสียมึงไปแล้ว ตลอดกาล.......................... “เมฆ.......... ซันเค้าฝากสิ่งนั้นไว้ให้ลูก เปิดดูข้างในซะสิ” กูสังเกตเห็นหนังสือมันถูกอะไรบางๆคั่นเอาไว้ที่หน้ากลาง กูชันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก และค่อยๆเปิดหนังสือเล่มนั้นออกมา “อ้อ...... หนังสือเล่มที่ลูกซื้อมาตั้งใจจะเอาไปให้เค้าน่ะ......... ซันเค้าเอาไปด้วยนะ” พูดจบ พ่อกูก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้กูอยู่เพียงลำพัง ขอบคุณมากครับ พ่อ............... พอกูกางหนังสือออก กระดาษแผ่นไม่เล็กไม่ใหญ่ มีรูปท้องฟ้าและก้อนเมฆเป็นพื้นหลัง ก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมาบนหน้าอกของกู กูหยิบมันขึ้นมาอ่านดูข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ด้วยลายมือที่กูคุ้นเคย................. “ท้องฟ้าต้องอยู่คู่กับก้อนเมฆ และก้อนเมฆก็อยู่ไม่ได้โดยปราศจากท้องฟ้า” น้ำตากูเริ่มหยดลงมาอีกครั้ง.............. แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ความเสียใจที่มึงได้จากกูไปแล้ว แต่หากเป็นความอบอุ่น................ ความอบอุ่น ที่กูรับรู้ กูรู้สึกได้ผ่านทางหนังสือเล่มที่กูกำลังกอดมันเอาไว้อยู่ตรงหน้าอก มึงยังไม่ลืมเรื่องราวของเราในวันนั้น มึงยังจำคำพูดที่มึงเคยพูดไว้ในร้านหนังสือวันนั้นได้........... กูรักมึงจริงๆ กูรักมึง กูต้องการมึง กูอยากให้มึงมาอยู่ข้างๆ กูอยากเห็นหน้ามึงเป็นครั้งสุดท้าย............ กูขอโทษ............................. กูพลิกดูด้านหลัง ของที่คั่นหนังสือแผ่นนั้น และยังพบกับประโยคยาวๆอีกประโยคหนึ่ง ถูกเขียนด้วยลายมือของมึงอีกนั่นแหละ “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พระอาทิตย์จะยังคงสาดส่อง ท้องฟ้าจะยังคงสดใส ก้อนเมฆจะยังคงนุ่มนวล และก้อนหินจะยืนยังมั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง............. กูรักมึงนะ ก้อนเมฆของกู” กูไล่สายตาอ่านมาเรื่อยๆจนถึงบนบรรทัดสุดท้าย มันถูกเขียนไว้ด้วยลายมือขยุกขยิกและสั่นไหว เป็นคำสั้นๆ ที่กูไม่เคยอยากรับรู้และได้ยิน............. มันคือคำว่า “ลาก่อน” . . . . . ต้นไม้ จะต้องอยู่คู่กับพื้นดิน หมู่นกน้อย จะต้องโบยบิน อยู่บนท้องฟ้า ปลาทุกชนิด จะต้องอาศัยผืนน้ำ เพื่อดำรงอยู่ และก้อนเมฆ ถ้าไม่ได้ลอยอยู่บนฟ้า สุดท้ายคงไม่แคล้วต้องคล้อยต่ำลงกลายเป็นเม็ดฝน ร่วงลงสู่ผืนดินแล้วจึงจางหายไป................. มึง คือ ส่วนเติมสิ่งที่ขาดหายไปของกูให้เต็ม เป็นทั้งท้องฟ้า และพระอาทิตย์ ที่ให้ทั้งที่พักพิง และความอบอุ่นแก่กูมาตลอด ท้องฟ้าสีคราม ช่างสวยสดงามตาและน่ามอง เมฆก้อนเล็กใหญ่ ต่างลอยอยู่เคียงข้างไม่ขาดหาย พระอาทิตย์ ที่สาดส่อง ช่างอบอุ่น สว่าง และนุ่มนวล สร้างความสดใสให้แก่ผิวดิน ณ ที่ก้อนหินก้อนเล็กๆกำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่ ก้อนหินก้อนนี้ทั้งชีวิตของมัน ไม่เคยต้องการสิ่งอื่นใดไปมากกว่าการได้เห็นท้องฟ้ามีสีฟ้าครามสดใส และได้มีพระอาทิตย์ที่คอยส่องสว่างให้ความอบอุ่นกับมันไปตลอดจนกว่ามันแตกสลาย หรือถูกทำลายหายไป.................. แต่ตอนนี้ ท้องฟ้าไม่สดใสอีกแล้วพลันเปลี่ยนเป็นความมืดมนและหมองเศร้า พระอาทิตย์ที่เคยมอบความอบอุ่นก็ลาลับไป เหลือเพียงความว่างเปล่า และหนาวเหน็บ จนเกินที่ก้อนหินก้อนเล็กๆ จะทนไหว............... แล้วก้อนหินเล็กๆก้อนนี้ จะคงอยู่ได้อย่างไร ถ้าหากไร้ความรัก มาหล่อเลี้ยงเหมือนดังเคย................. . . . ลาก่อน ท้องฟ้าของกู.......................... กูจะไม่มีวันลืม ความสดใสและความอบอุ่น ที่กูเคยได้รับจากมึงเลย....................... . . . . . ท้องฟ้าต้องอยู่คู่กับก้อนเมฆ และก้อนเมฆก็อยู่ไม่ได้โดยปราศจากท้องฟ้า.............. เพราะอย่างนั้นเราสองคนจะยังอยู่ด้วยกันไปตลอด ไม่ว่าความเป็นจริง เราจะอยู่กันไกลแสนไกลเพียงใดก็ตาม................... เวลาของกู ถูกหยุดไว้ที่มึง กูจะไม่มีวันลืมมึงเลย..................... กูรักมึง ท้องฟ้าของกู.................................................................
จบแล้วครับ คิดยังไงบอกกันด้วยนะครับ นี่เป็นเรื่องสั้นๆ ที่มีอยู่วันหนึ่งอารมย์ผมมันพาไปให้ลุกขึ้นมาเปิดแลปทอปอีกครั้ง แม้จะพูดไม่ได้ ว่านี่คือเรื่องจริง แต่ผมก็พูดได้เต็มปาก ว่ามันไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นทั้งหมด............ ความรู้สึกทั้งหมดของผมคือของจริง ผมรักท้องฟ้าของผม และผมจะไม่ยอมปล่อยให้ท้องฟ้าจากผมไปไหนไกลอีกแล้ว........... เรื่องสั้นเรื่องนี้ผมเคยเอาไปโพสไว้อีกเวบนึงมาแล้วโดยที่ไม่ได้ใช้ชื่อว่า ExecutioneR แต่เป็น ท้องฟ้ากับก้อนเมฆ ครับ แอบปลอมตัวไปนิดหน่อย บางคนก็จำได้ (แต่ส่วนมากจะไม่ได้) อ้อ เรื่องรักครั้งแรกมันเกิดขึ้นกับผมนานมาแล้วล่ะครับ และผมก้อจบมันไปตั้งแต่ ปีกว่ามาแล้ว เอาไว้หลังจาก รักครั้งแรกจบ ผมจะมาบอกที่มาของเรื่องนี้ให้รู้กันแล้วกันนะครับ ขอบคุณทุกคนมากๆครับ
อยากจะบอกว่าน้ำตาคลอเบ้าเลยละครับ :sad4: บรรยายทุกฉากได้เห็นภาพเลยล่ะ ไม่รู้ทำไมวันนี้ได้ฟังกับอ่านแต่เรื่องเศร้าๆ
เพราะอย่างนั้นเราสองคนจะยังอยู่ด้วยกันไปตลอด ไม่ว่าความเป็นจริง เราจะอยู่กันไกลแสนไกลเพียงใดก็ตาม :monkeycry2: :monkeycry2: :monkeycry2: รู้สึกเศร้าปนสุขยังไงไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่น้ำตาคลอแต่ยังมีความสุขที่ได้อ่าน :impress3: :impress3: ขอบคุณมากค่ะ ที่เขียนเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเลยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ :impress3:
ความรักคือความเข้าใจกัน ขอเพียงเรามีความสุขกับมัน ตัดกรอบทั้งหมดทิ้งไป อยู่กับวันเวลาดีๆ เพื่อเป็นแรงใจก้าวต่อไป :yeb:
เขียนได้ดีมากในความคิดเจ้ ให้อารมณ์ของการรำพึงได้ดี ไม่รำพันมากไป อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องมันเป็นสีเทาๆ เหมือนควันบุหรี่จางๆ ชอบๆ เอาอีก แต่ขอเป็นสีอื่นๆ บ้างนะ เทามากไปไม่ไหว มันจะ ... :monkeycry2:
:impress: อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านแล้วน้ำตาตกตามเลยครับ รู้สึกว่า ท้องฟ้ากับก้อนเมฆ เป็นอะไรที่ธรรมชาติ สร้างมาให้คู่กัน จิงๆ ขอบคุณครับผม :impress:
เศร้าอ่ะ เหงาแบบบอกไม่ถูกเลยอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าสีมันหม่นๆไงไม่รู้อ่ะ สงสัยจะเป็นสีเทาๆเหมือนที่เจ๊บอกมั้งนะ สงสัยตอนเขียนเรื่องนี้คุณผู้แต่งคงอยู่ในอาการซึมเศร้า แฟนหายแน่เลยอ่ะ :kikkik: ขอบคุณมากนะครับ จะรอติดตามเรื่องต่อไปครับ :yeb:
:impress3:
พึ่งตามมาอ่านเรื่องนี้ของคุณเอ็กซ์ :impress3: บาดลึกไปถึงอารมณ์เรย การที่จาหาเพื่อนแท้ซักคน ยากนะ แล้วนี่ต้องจากกันไปไกลอีก :monkeycry2: แต่ถึงตัวจะไกลกันยังไงแต่มิตรภาพก้อยังคงอยู่นี่เน๊อะ เวลาเหงาๆนั่งมองท้องฟ้า แล้วนึกถึงวันเก่าๆที่เคยได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อน :monkeysad:
ชอบมากๆ เลยคับ :-[ :-[
I Cry.....
ชอบจิงๆ นะ คับ รักครั้งแรก ด้วย อย่าลืมมาบอกที่มานะค๊าบ " เล่าอีกนะ :: รักครั้งแรก :: รักคือ การเสียสละ " by ExecutioneR ^^ ได้ใจมากมายค๊าบ
แต่งได้ดีมากๆเลยค่ะ ประโยคทุกประโยคซึ้งและมีความหมายมากๆเลยค่ะ ทำเอาร้องไห้แบบหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว ขอตัวไปอ่านภาคต่อก่อนนะค่ะ^^
ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี รู้แต่ว่าเป็นเรื่องที่อ่านแล้วได้อารมณ์มากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา ทุกบรรทัด ไม่มีบรรทัดไหนที่จะไร้ซึ่งความหมายและไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและซาบซึ้ง ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวและความรู้สึกดีๆ แก่กันครับ จะติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
อ่านแล้วแค่น้ำตาคลอเบ้า แต่เจ๊บแปลบกลางใจเลยแฮะ คนรักกัน ต้องเลิกลากัน ว่าเศร้าแล้ว แต่ถ้าคนรักกัน แต่ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน มันเศร้ายิ่งกว่า :dont2:
รักน่ะไม่เท่าไหร่ . . . แต่คิดถึงสุดหัวใจนี่สิ ทรม๊าน . . . ทรมาน
แอบเศร้ามากๆ เป็นความรักที่น่ารักและบริสุทธิ์มากๆเลยอะ :เศร้า1:
:give2: แฮะ ๆ เพิ่งเข้ามาอ่านคับ แต่ก็ทำให้ซึ้งจนร้องไห้เลยอ่ะครับ ความรัก ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ยังคงใช้ได้ต่อไป ขอบคุณ คุณ EX ด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ :impress:
เศร้ามากมาย :dont2: ไม่อยากให้ต้องจากกันแบบนี้เลย ... การที่ต้องจากกัน.. เหมือนโอกาสได้กลับมาเจอกันน้อยมาก... ทั้งๆที่ยังรักกันมากๆๆๆ :sad5: :sad3: เฮ้อ ......... อ่านแล้วเห็นหมอกสีเทาๆเกิดขึ้นกลางใจจริงๆ ขอบคุณมากนะครับ ที่มาถ่ายทอดอะไรสวยงามแบบนี้ให้อ่านกัน
เขียนดีมากๆ เลยคับ สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ได้ความรู้สึก
:m15: :m15: :m15: เศร้า เฮ้อ เขียนได้ :m4:
เศร้ามากครับ เล่นเอาซะผมซึมไปเลย......เศร้ามากจริง ๆ :undecided: :undecided: :undecided:
:undecided: :undecided: :undecided: :undecided: :undecided: จบละ อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหงาบอกไม่ถูกแฮะ
มันสุดจะบรรยายคำพูออกมา รู้แค่ว่าอารมณ์มันยอมแพ้ ให้ นำตามันไหลออกมา :m5: :m5: :undecided: CArGO CArGO
สุด ๆ เลยครับ แต่ละบรรทัด แต่ละคำพูด มันแบบว่า.... :sad2: บอกไม่ถูกอ่ะมันเหมือนไม่ใช่เรื่องแต่ง ทุกบรรทัดมันมีความรู้สึกจริง ๆ ใส่ลงไปในทุกตัวอักษร อ่านแล้วเศร้า ร้องไห้ แต่ก็มีความรู้สึกดีๆ ตามมาด้วย บอกไม่ถูกจริงๆครับ o7 o7
:undecided: พูดไม่ออก.... :sad2:
อ่านจบแล้ว พูดไม่ออก ทั้งเศร้า เหงา และก็อบอุ่น
ตามอ่านครับ มาช้าดีน้า :m15:
:undecided: ชอบการบรรยายแบนี้จัง เหมือนกับได้รับความรู้สึกเต็มที่ อ่านแล้วนึกถึงรักครั้งแรก ว่าเมื่อไร ตรูจะมีบ้างฟระ :m16: :m16:
:undecided: :undecided: ความรักมันช่างอบอุ่นจริงๆ แต่ความคิดถึงมานช่างโหดร้าย อยากเจอแต่เจอไม่ได้ ทรมานเจงๆๆๆ
ให้อารมณ์เศร้าจัง อ่านแล้วเศร้า เหงา คิดถึง ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ครับ :undecided:
:m15:
อร๊ายยยยสสส์...ชอบนะครับ แต่..แต่...แต่...อยากให้แทรกบทพูดขึ้นอีกอ่ะครับ ผมว่าจะทำให้มันดูสมบูรณ์มากกว่าอ่ะครับ...จะได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว มากกว่าเป็นการระบายความใจใน
โห้ยยเรื่องจริงมั้ยเนี่ย บรรยายความรู้สึกได้จนร้องไห้โฮเลย :m15:
:sad2:อ่านแล้วน้ำตาท่วมจอเลยอ่ะ :m15:
หึหึ ..... ตอนนั่งอ่านดันมีบีจีซาวน์ไฮไฟท์ของเพื่อนประกอบไปด้วย แล้วเพลงมันดันชื่อว่า.... วงกลม ของบัว ชมพู เอาเข้าป๊าย!!!!.................................. เฮ้อ....
เขียนเก่งมากค่ะ อ่านไปนี่น้ำตาไหลพรากกกก~~ :sad4: มันเศร้าแบบบอกไม่ถูก ชอบท่อนนี้มากเลยค่ะ"ก้อนเมฆ เป็นเพียงตัวประกอบ ที่ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันมากขึ้นแค่นั้นเอง....... ท้องฟ้าคงอยู่ได้ โดยไร้เมฆ แต่เป็นเมฆต่างหาก ที่ไม่สามารถลอยอยู่ได้ หากปราศจากท้องฟ้าให้พักพิง" มันทั้งเศร้า ทั้งเหงา ให้ความรู้สึกแบบโหยๆ จี๊ดมากค่ะ o7 ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ o14
Thank you for a beautiful story, Will read 'เวลาที่เริ่มเดินอีกครั้ง' now. :oni2: :oni2: :oni2:
เขียนสุดยอดมากคับ น้ำตาแทบจะไหล ซึ้งคับ ขอบคุนมากคับ :m23:
น้ำตาไหลแล้ว ฮื่ออๆ (หันมาดูบนโต๊ะคอมทิชชูเต็มเลย :m15:) ... :m15: ทำไม?? มันเศร้าอย่างนี้ ซึ้งมากๆ ไม่ไหวแล้ว ฮื่อๆ :m15: อ่านจนจบ แม้แม่จะไล่ให้ปิดคอม แฮะๆ เอาเป็นว่า +1 ให้เล้ยยย...
เป็นเรื่องสั้นเศร้า ๆ ที่น่าประทับใจในความผูกพันของคนสองคน อ่านแล้วซึมไปเลย ถายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีครับ ประทับใจคนเขียนด้วยนะครับเนี่ย :pig4:
ทำไงดี อะ น้ำตา ไหลไม่หยุดเลย :m15: :m15: :m15: :m15:
*จมน้ำตาตัวเอง* ง่า.. เศร้า ซึ้ง T__T
เขียนได้อารมณ์มากๆเลยค่ะ ภาษาสวยมาก อ่านแล้วแทบน้ำตาร่วง สมแล้วที่เป็นเรื่องสั้นที่แนะนำให้อ่าน ขอบคุณนะคะ :กอด1:
อ่านมาหลายครั้งแล้วค่ะ อ่านครั้งใดก็ทำให้น้ำตาไหลได้ทุกครั้ง ความรักมีทั้งความสวยงาม หวาน ขม ทุกข์ สุข เศร้า ก็คงแล้วแต่มุมมองของคนที่สัมผัส ติดตามเรื่องของคุณ exe..มาตลอดนะคะและจะตามตลอดไป ... :pig4:
เขียนได้ึถึงอารมณ์ แบบ เศร้าสุด ๆ พออ่านแล้ว น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ยังอ่านต่อมาจนจบ เศร้าเหลือเกิน เหงาเหลือเกิน ทุกข์้เหลือเกิน แต่ก็....มีความสุขเหลือเกิน
แถบไม่มีบทพูดคุย มีแค่คำบรรยาย แต่มันก็เรียกอารมณ์ได้จริงจัง อ่านแลวเศร้าไปกัยตัวหนังสือค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
ตามมาอ่านครับ ถูกใจจริง ๆ คำบรรยายจากใจของตัวละครตัวเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ความรู้สึกเหมือนไปนั่งดูละครใบ้ที่แสดงคนเดียว แต่ให้อารมณ์ได้ดีมากครับ เขียนได้ดีจริง ๆ :L2: ขอบคุณครับ :pig4:
เขียนได้ดีมาก ๆ เลยอ่ะ :monkeysad: ภาษาที่ใช้ก็สวยมาก ๆ เลยอ่ะ ที่สำคัญโดนมาก ๆ เลยอ่ะ ถึงจะไม่เหมือนที่เดียวแต่ ก็คล้ายมาก ๆ เลยอินเป็นพิเศษ ร้องไห้ไม่หยุดเลย
อ่านแล้วร้องไห้ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้ายเลยอะครับ :m15:
เออ.... จะไม่ได้เจอกันแล้วจริงๆเหรอ??? :monkeysad:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะครับ อ่านแล้วประทับใจมากครับ
อ่านแล้วได้ความรู้สึกทั้งรักทั้งผูกพัน ความรัก คงต้องดูที่การกระทำ แต่ความผูกพัน มันใช้ความรู้สึกล้วนๆ อ่านแล้วโดนมากเลยค่ะคุณต้น ถ้าวันนั้น ไม่เกิดอุบัติเหตุ ถ้าวันนั้น เมฆได้ไปลาซันอย่างที่ตั้งใจ เหตุการณ์คงเปลี่ยนเป็นอีกแบบ ที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะเป็นยังไง การจากลากันแบบนั้น อาจจะดูเจ็บปวดไปนิด แต่มันก็ดูอบอุ่นไปอีกแบบ (ก็เพราะมันเลือกอย่างอื่นไม่ได้แล้วนี่นา - -" ) :sad11: เมฆกะซัน ต้องจากกันด้วยความรู้สึกข้างในว่า "รัก" ยังดีกว่าบางคน ที่ต้องจากกัน เพราะคำว่า "รัก" มันหายไป ขอบคุณคุณต้นนะคะ สำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้ :pig4:
ร้องไห้ออกมาดังน้ำ เเย่ชะมัดเสร้าจิง :sad4: ไม่ชอบเลยกับคำว่า ..ลาก่อน เเต่ดีกว่าไปด้วยไม่ลา ขอบคุณมากๆๆกับเรื่องราวดีๆเเบบนี้ :sad11:
ชอบสำนวนครับ เนื้อหาไหลลื่นมาก ท้องฟ้ากับก้อนเมฆ... แอบอยากให้มีตอนพิเศษไม่ได้ ก้อนเมฆได้ลอยไปเจอกับ ท้องฟ้าอีกครั้งไหมครับ ไม่ต้องเร็วๆ นี้ แต่เป็นหลังจากนี้ เมื่อโตขึ้น 10 ปี 20 ปีต่อจากนี้ ท้องฟ้ากับก้อนเมฆจะยัง เหมือนเดิมไหมครับ เป็นกำลังใจให้ก้อนเมฆกลับไปเจอฟ้าที่มีพระอาทิตย์ดวงเดิม หรือไม่ก็เจอพระอาทิตย์ดวงใหม่ รักครั้งใหม่ที่มั่นคงครับ
ชอบสำนวนครับ เนื้อหาไหลลื่นมาก ท้องฟ้ากับก้อนเมฆ... แอบอยากให้มีตอนพิเศษไม่ได้ ก้อนเมฆได้ลอยไปเจอกับ ท้องฟ้าอีกครั้งไหมครับ ไม่ต้องเร็วๆ นี้ แต่เป็นหลังจากนี้ เมื่อโตขึ้น 10 ปี 20 ปีต่อจากนี้ ท้องฟ้ากับก้อนเมฆจะยัง เหมือนเดิมไหมครับ เป็นกำลังใจให้ก้อนเมฆกลับไปเจอฟ้าที่มีพระอาทิตย์ดวงเดิม หรือไม่ก็เจอพระอาทิตย์ดวงใหม่ รักครั้งใหม่ที่มั่นคงครับ ซีรี่ยส์เรื่องนี้มีภาคต่อนะครับ ^^ สำหรับคนอยากให้จบแบบนี้ก็จบเท่านี้ได้เลย สำหรับคนอยากได้ตอยจบอีกแบบ ก็ไปตามหาอ่านภาคที่เหลือได้เลยครับ แต่ละภาคจะให้จบสมบูรณ์ในตัวของมันเลยก็ได้ หรือจะอ่านจนจบบริบูรณ์ในภาคสุดท้ายเลยก็ได้เหมือนกัน ขอบคุณมากๆครับ :กอด1:
เข้ามาอ่านอีกรอบ :bye2:
:o12: น้ำตาแทบไหล ใจแทบขาด :o12:
:L2:...พึ่งได้อ่าน เห็น log in นี้เม้นให้กระทู้อื่นๆๆ ดูเหมือนเป็นคนตรงๆๆห้าวๆๆ ...ไม่คิดว่าจะมีอารมณ์สุนทรีย์ เขียนเรื่องสั้นได้ดีขนาดนี้ เดี๋ยวจะไปตามอ่านภาคต่อๆไปจ้า ...อยากรู้เหมือนกันว่า บทสรุปของเค้าจะเป็นอย่างไร ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆๆให้อ่าน เป็นกำลังให้นะ :L2:
เป็นการแต่งที่นุ่มนวล ลื่นไหล และน่าติดตามมากคร้า o13
บอกได้แค่........................ v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v สุดยอดดดดดดดดดดด ขอบคุณมากครับ ร้องไห้เรยอ่ะ :m15:
เคยอ่านเรื่องนี้นานมาแล้วได้อ่านอีกดีใจมาก
เหมือนจะเศร้าแต่ก็ไม่เศร้า เหมือนจะสุขแต่ก็ไม่สุข โหวงเหวงไงไม่รู้ ใจหายล่ะมั้ง เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีบทพูดแต่ชวนติดตามมาก สำนวนภาษาดี บรรยายได้ความรู้สึกของเมฆเลยค่ะ *ขอบคุณนะคะ*
พูดได้คำเดียว ขอบคุณครับ
เรื่อง "เวลาที่ถูกหยุดเอาไว้" นี้ จะเป็นเรื่องหลักในหนังสือรวมเรื่องสั้นของผมแล้วนะครับ มาแจ้งไว้ให้ได้ทราบกัน ตอนนี้กำลังเปิดจองและสั่งซื้อกันอยู่ที่ กระทู้นี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8434.3120) รายละเอียดอยู่ประมาณหน้า 157 เป็นต้นไป แต่น่าจะกำลังหมดแล้วล่ะครับ ถ้าใครสนใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้อ่านเป้นรูปเล่มก็รอดูล็อตสองได้นะครับ
แบบว่าเศร้าอ่ะ :เฮ้อ: มันซึมๆ เหงาๆ อย่างบอกไม่ถูก
ขอบคุณน้องต้น สำหรับเรื่องราวดีๆ นะคะ อ่านไปเศร้าไป ชอบการใช้ภาษาของน้องต้นค่ะ อ่านแล้วกินใจดี :sad11: ตามไปอ่านภาคต่อไปดีกว่า :pig4:
:monkeysad: เหงา เศร้า ซึ้ง
จะเศร้าไปหนายยยยยยยยยยยยยย ฮือๆๆๆ มาทำเค้าร้องไห้อีกแล้ว คนยิ่งอยู่ในสภาวะ เศร้าใจอยู่ด้วย แต่ว่า ภาษาดีมากค่ะ ไม่มีสะดุด ขอภาคต่อนี่ หวานจนเลื่ยนได้ป่ะค๊า
เพิ่งรู้ว่าน้องต้นทำหนังสือ... แล้วเรื่องเวลาที่เริ่มเดินต่อ (เมฆกับซัน) น้องต้นสนใจจะรวมเล่มบ้างไหมอ่ะจ๊ะ? พี่ชอบเรื่องนี้อ่ะน่อ :-[
ชอบคับ น้ำตาคลอ :monkeysad:
:m15: :monkeysad: :sad11:
ดีมากๆเลยคับ :3123: :3123: :3123:
ซึ้งน้ำตาไหลพราก ๆ ๆ ที่สุดของที่สุด เก๋าอ่ะนาย :bye2: :bye2: :bye2:
อ่านไปแล้วอยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา เศร้าคับ :sad11:
ซึ้งมากมายครับ ขอบคุณ :L2:
:sad11:น้ำตาไหลพรากเลยทีเดียว
ชะ...โชคดี ที่อ่านอีกเรื่องมาก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นต้องร้องไห้แน่ๆ แต่รู้แล้ววววววววววววววววว ว่าอาเมฆกับอาซันอยู่ด้วยกันจนหลานโตเลยล่ะ หึหึ :o8:
กำลังทยอยตามอ่านงานเขียนของคุณต้นอยู่ค่ะ เริ่มเรื่องนี้เรื่องแรกเลย........ ความรู้สึกแรกที่อ่านเรื่องนี้จบ..........คือมันตื้อในอกอะค่ะ ชอบทั้งการบรรยาย ชอบภาษา ชอบความรู้สึก ชอบบรรยากาศ ทั้งๆที่มันแทบจะไม่มีบทพูดเลยด้วยซ้ำ..........แต่กลับรู้สึกว่ามันลงตัวดีชะมัด จริงๆแล้ว.......ครั้งนึงเราก็เคยทำอะไรคล้ายๆกับเมฆในเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ 55555 ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆแบบนี้ด้วยนะคะ ขอตามไปเม้นภาคสองก่อนค่ะ.....กำลังจะเริ่มอ่านภาคสามแล้วววววว o13
โอ๊ยยยยย....ม่ายไหวจิงๆ กะจะอ่านแค๋ตอนสองตอนก่อนนอน...ดันติดลมอ่านรวดเดียวจบซะนี่เรา เพิ่งได้ตามผลงานของพี่ต้น... :o8: ประเดิมด้วยเรื่องนี้ :m15: น้องขอสมัครเปน FC อีกซักคนนะพี่นะ..... :กอด1: ปล.ไม่อยากเริ่มอ่านภาคสองตอนนี้ เด๋วไม่ได้นอนกันพอดี :onion_asleep: ปล2 ในหัวตอนนี้มีแตเรื่องศิลากับฟ้าคราม...ขอเก็บไปจิ้นในฝันต่อละกันนะ....อิอิ
ขอบคุณครับ ประทับใจมากๆ
หึหึ ทักทายเพื่อนต้น อบมาหาซันกับเมฆอ่ะ ไม่ว่ากันนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้จักอ่ะ และก็ เสียน้ำตาไปอีกหนึ่งรอบตามธรรมเนียม +55
ร้องอีกแล้วT^T วันนี้อ่านนิยายไป2เรื่อง ร้อง2เรื่องเลย เฮ้อ! เรื่องนี้เขียนออกมาได้ดีมากเลย บรรยายเมฆได้ถึงความรู้สึกมาก เศร้าเลยT^T
สุดยอดดด วันนี้กะว่าจะอ่านเรื่องสั้น ๆ ก่อนไปอ่านหนังสือสอบ เปิดไปเปิดมามาเจอกับเรื่องนี้สุดยอดดดจิง ๆ ผมเคยเห็นชื่อกระทู้ของ กระดานดำหลังรั่วโรงเรียนชายแล้วน่ะ แต่เห็นว่ามันยาววววมากกกเลยไม่ได้อ่าน แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วคงต้องเอาเวลาไปอ่านเรื่องกระดานดำแล้วล่ะครับ เศร้าาาาแต่ยังไงคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ขอบคุณนะครับ ไว้จะไปตามอ่านในกระดานดำนะครับ....
:sad4: :sad4: :sad4: เศร้ามากอะ ซึ่งกินใจ ง่าาาาพูดไม่อออก ขอบคุณสำรหับดรื่องดี ๆๆนะค่ะ
ชอบอ่ะ แต่เรายังอ่านไม่จบ เพิ่งอ่านได้แค่หน้าเดียว เดี๋ยวกลับไปอ่านต่อ
อ่านแล้วจะร้องไห้ อยากให้จบแบบแฮปปี้เอนดิงจังเลย แต่หากไม่สมหวัง ความรู้สึกทั้งหมดคือความทรงจำครับ รักตลอดไป
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ • •。★Christmas★ 。* 。 ° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚ ˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ • Jaaaaaaaa \\(^^)//
ซึ้งมากเลยอ่ะ ไปอ่านที่ร้านเน็ต แล้วน้ำตาไหล+สะอื้นเล็กๆๆ คนมองเต็มเลย 5555+ :sad4:
น้ำตาคลอเลยค่ะ เศร้ามากอ่ะ อุตส่าห์แอบคาดหวังว่าจะจบแฮปปี้ แต่ก็ไม่ ก็นะคะ ชีวิตมันไม่เหมือนในละครนี่นะ ที่จะได้มีแต่แฮปปี้ลูกเดียว สงสารเมฆค่ะ นอกจากจะไม่ได้เจอซันอีกตลอดไปแล้ว ยังไม่ได้อยู่ลาอีกต่างหาก อะไรจะน่าเศร้าขนาดนั้น เศร้าเกินไปแล้วนะ เราว่าเมฆต้องไปสะเดาะเคราะห์มั่งแล้วล่ะค่ะ ซวยซ้ำซวยซ้อนสุดๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
อ่านแล้ว ชอบมากค่ะ ถึงจะเศร้า แต่ก้อสนุกมาก ตอนอ่านไป เค้าอินมากก น้ำตาปริ่มๆ อีกแล้ว ซิก ซิก
แรกเริ่มอ่านก็ยังเฉยๆอยู่นะคะ แต่อ่านไป อ่านไปเริ่มอิน พอถึงตอนจบของเรื่อง เอ๊ะๆ ทำไมน้ำตาเค้าไหลออกมาเลยเนี่ย ฮึก ฮึก เศร้ามากมายเลยค่ะ
ไม่มีคำใดจะมีค่าเท่ากับคำว่า " ขอบคุณ " :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณด้วยเช่นกันครับ กับเรื่องราวดีดี :pig4: :pig4: :กอด1:
สั่งจองหนังสือ
ง่ะ ทำไมเป็นงี้ ฮือออ :sad4: :sad4: :sad4: เศร้าอะ
อยากได้หนังสือ ยังมีขายป่าวครับ
อบอุ่นอย่างเหงา ๆ นะครับ
ง่ะ จบได้เศร้าดีแท้ :sad4: แต่ชอบฮะ ชอบมาก :pig4:
อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของ...เมฆ ที่มีต่อ ซัน การที่จะเขียนอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก ความคิดถึง ความห่วงใย ...เศร้า เหงา ตัดพ้อ... ออกมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวดีๆครับ
กว่าจะตามภาคแรกเจอ :เฮ้อ:
แอบเสียน้ำตาเล็ก ๆ :impress3:
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: น้ำตาร่วง เศร้ามากๆ
:monkeysad: :monkeysad:เศร้ามากๆ ทำไมอ่ะ พรากจากกันอีกเเล้วสิน่ะ ซัน เมฆ
ง่ะ ดีที่คุย MSN เรื่องฮาฮา ไม่งั้นน้ำตาท่วมจอ :sad11:
ไม่ได้อ่านนิยายมานานมากแล้ว และก็ไม่ผิดหวังเลยที่มาอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในรอบหลายเดือน ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะครับคนเขียน แล้วก็เรื่องราวดี ๆ ที่ถึงแม้จะเศร้าไปบ้างแต่ก็ทำให้รู้ว่า "ความรักมันอบอุ่นและยิ่งใหญ่มากเพียงใด" กับคนที่ผิดหวังกับความรักมาสองครั้ง จนเแทบไม่คิดว่าจะรักใครได้ พอมาอ่านเรื่องนี้ ถึงเริ่มรู้สึกว่า บางที มันอาจรอผมอยู่ก็ได้... สิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" นั้นน่ะ เวิ่นเว้อมาซะยาว แบบว่าเก็บกดมานาน แหะๆๆ ไว้จะติดตามต่อไปนะครับ ปล. ขอให้คนเขียนมีความสุขกับชีวิตและความรักต่อไปนะครับ :)
จบแบบ Badending ซะงั้น ผมพยายามหลอกตัวเองคลิกหาตอนต่อไปฮ่าๆ ขอบคุณครับ :sad4: :sad4:
นี่รู้ว่าเป็นภาคแรกนะคะ เลยมาตามอ่าน อบอุ้นแบบซึ้งๆเนอะ ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านนะคะ ประทับใจจริงๆ :impress3:
อบอุ่น แบบเศร้าๆ
:-[ :pig4: o13
:sad4:เศร้าจังเลยอ่ะ :เฮ้อ:
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดี ๆ เรื่องนี้ค่ะ ให้อารมณ์เหมือนแอบอ่านไดอารี่ของเมฆเลย.. ความรัก ไม่จำเป็นต้องได้อยู่ใกล้แนบชิดกันตลอดเวลาหรอกนะ.. แค่รู้ว่า " รัก " อยู่ไกลแค่ไหน.. หัวใจก็..อุ่น :)
o13 สุดยอดครับ ไม่รู้จะบอกยังไงดี :m15: :pig4: :L2:
ถ้าถามว่าอ่านแล้วเศร้าไหม.....บอกได้เลยว่าเศร้า แต่ร้องไห้ไหม.....ไม่ร้องหรอก ภาษาที่ใช้....สวยไหม....ก็ไม่ แต่มันตรง........และมันอบอุ่นอยู่ในใจ บรรยายได้ถึงความคิดถึงและความรู้สึกของคนคนหนึ่งได้เป็นอย่างดี :กอด1:แน่นๆ...สำหรับความอบอุ่นในหัวใจนะคะน้องต้น
อ่านแล้วได้อารมณ์สีเทาจริง ๆ ละฮ๊าฟฟฟ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
:กอด1: soooooooooo nice (:
:m15: :m15: :m15: :m15: :m15: เรื่องนี้เลวร้ายมากอะ คนเขียนเอามีดมาจ่อหนูเถอะค่ะ เศร้ามากๆๆเลย สะอึกสะอื้น :m8: :m8: :m8: เจ็บปวดโว๊ยยยย แงแงแง
o13 o13 o13
ซึ้งกินใจ!
ประทับใจ กับก้อนเมฆและท้องฟ้า ขอบคุณค่ะ o13
ชอบชื่อเรื่อง คนสองคนท้องฟ้ากับก้อนเมฆ อ่านจบแล้วบีบหัวใจ ถึงจะคลาดกันไปตอนนั้น แต่ถ้าเป็นคู่กันแล้วย่อมกลับมาคู่กันนะ
ทำไมเศร้าอย่างงี้ละะ ..อ่านเเล้วร้องตามเลย....
ฮือออ ไม่นะอยากให้ทั้งสองคนได้พบกันอีกก็ยังดีอะ ไม่ใช่จากกันไปโดยที่ยังไม่ได้คุยกันอย่างนี้ :sad4:
:o7: :dont2: o7 โฮ~~~ ร้องไห้เลยอ่ะค่ะ ซึ้งมากเลย ยิ่งตอนจบ ยิ่งโซแซดมากกกกก ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันให้อ่านนะคะ :sad4:
น้ำตานองหน้าทั้งเรื่อง :mc4: :mc4:
ไม่รู้จะพูดอะไรดี...... สุข เศร้า ร้องให้ เจ็บปวดในหัวใจมากๆ อารมณ์ในการเขียนทำให้อินอ่านไปโดยไม่รู้ตัว ขอบคุณค่ะ
น้ำตาคลอเบ้าเลย ซึ้ง ความทรงจำ ความรู้สึกเหล่านี้ ถึงจะอยู่ไกลกัน อาจไม่มีวันได้เจอกันอีก แต่ความอบอุ่น ความรู้สึกดีๆ ก็ยังคงอบอวลอยู่เสมอ ในวันที่เราย้อนเวลากลับไปคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น ถึงจะมีน้ำตาแต่ก็ทำให้เรายิ้มได้ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆค่ะ ^^
ขอบคุณค่ะ บีบคั้นหัวใจมากเลยค่ะ
น้ำตาคลอตลอดเวลาที่อ่าน บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้จบตรงที่ความสุขสมหวังเสมอไป มีพบเจอก็ต้องมีจากไกล ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย
เรื่องสั้นเรื่องนี้ของคุณต้น อ่านไปแล้วมันจุกๆ หน่วงๆ อยู่ในอก พอจะเดาได้ว่าเศร้าแน่ แต่ก็ยังอ่าน :m21: ชอบการบรรยายถึงความรู้สึกของก้อนเมฆและท้องฟ้า มันทำให้ผม นึกถึงความรู้สึกของตัวเองเมื่อนานนนนนนมาแล้ว จะคอยติดตามผลงานต่อๆ ไปนะครับ
เมฆจะคิดมากก็ไม่แปลก ซันก็น่าจะบอกเมฆนะ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม น่าจะบอกไปจะดีกว่า
เจ็บปวดดีจริง ความพลั้งพลาดที่เหมือนจะไม่มีโอกาสแก้ไข...อย่างสิ้นเชิง //พออ่านจบ คำที่หลุดจากปากคือ "ตายไปเลยเรา" เป็นเรื่องที่กระทุ้งใจดีเหลือเกิน ชอบมาก :กอด1:
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ ให้อ่านนะคะ
:pig4: :pig4: :pig4: :mew2:
ซึ้งอ่ะ :hao5: :hao5: เนื้อเรื่องบรรยายได้ดีมากคับบ ชอบ :กอด1: :heaven :heaven
อยากอ่านภาคต่อ ทำเป็นเรื่องยาวเลยนะ
อยากอ่านภาคต่อ ทำเป็นเรื่องยาวเลยนะ ลงไว้หมดแล้วครับ ลองไปหาอ่านได้
อ่านแล้วน้ำตาาจะไหล เศร้าสุดๆๆ
:L2: อารมณ์ ความรู้สึก ความรัก :L1: :pig4:
อยากซื้อหนังสือ ภาคแรกและภาคต่อ ๆ ไป ใครทราบ PM บอกหน่อยนะ :pig4: อ่านแล้วชอบสำนวนเขียนมากมาย
ร้องไห้อ่ะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
โดยส่วนตัวเราชอบนิยายแนวนี้นะคะ แต่ก็ค่อนข้างหาอ่านยากเหมือนกัน การได้มาเจอนิยายเรื่องนี้ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของวันเลยทีเดียว ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านมากๆ ค่า ^ - ^ แปลกดีนะคะ ทั้งที่เป็นสำนวนเรียบง่ายที่ไม่มีคำบรรยายเหยียดยาวเป็นหน้าๆ แท้ๆ แต่อ่านแล้วช่างหอมกรุ่นใจเหมือนได้ดื่มกาแฟร้อนๆ ซักถ้วยจริงๆ บางครั้งเราก็แปลกใจว่าคนเขียนสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นผ่านหนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดได้อย่างไร และไม่ใช่แค่ความคิดที่ถูกส่งผ่านออกมา แต่ทั้งสถานการณ์รอบข้างและรายละเอียดต่างๆ นั้นก็ถูกเก็บมารวมไว้ด้วยอย่างไม่ตกหล่น อืม... อ่านนิยายแบบนี้ทีไรก็คิดถึง "กีตาร์" และ "ร้านกาแฟ" ทุกทีเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะความเรียบง่ายตรงไปตรงมาล่ะมั้งคะ เอิ๊กๆ แปลกดีนะคะ เพราะเราก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นกีตาร์และร้านกาแฟ ^^ เอาเป็นว่าข้ามไปก็ได้ค่ะ ธีมเมฆและดวงอาทิตย์เป็นอะไรที่น่ารักดีค่ะ เรารู้สึกว่าตัวละครคบกันด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ความจริงแล้วลึกๆ เราว่าทั้งคู่ก็รับรู้ถึงความสำคัญของกันและกันได้เป็นอย่างดี เพราะต่างคนต่างจำเป็นต้องมีกันและกัน เราแอบจิ้นไว้แล้วล่ะว่าในอนาคต สองคนนี้จะต้องได้เจอกันแน่ๆ ดังนั้นเราแอบรอตอนพิเศษนะคะ คุคุคุ >.< ขอบคุณล่วงหน้าถ้ามีค่า ~ ประทับใจงานเขียนแบบนี้มากๆ เลยค่ะ สู้ๆ ต่อไปนะคะคนเขียน ติดตามต่อไปค่าาาาา <3
อ่านไปร้องไห้ไปเลยคะ จี๊ดอะ มันแบบทึมๆ :impress3: แล้วดันกำลังฟัง kiss the rain อยู่ด้วย เข้าเลยที่นี้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคะ
เศร้าาา ดีนะคะที่เพิ่งมาอ่านตอนนี้เพราะรู้ว่ายังจะได้อ่านเรื่องราวของเมฆและซันต่อไปอีก ไม่งั้นคงจะเศร้ามากๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีดีนะคะ
สุดยอดมากเลย สัญลักษณ์ของเรื่องมาเต็ม
พึ่งเคยอ่าน น้ำตาจะไหล เจ็บปวดเล็กๆ แต่ซึ้งจิงๆ ค่ะ
อบอุ่น ซึ้งกินใจ ได้อารมณ์ในรัก และจบหักมุม!(เพราะส่วนมากจะจบแบบพระ-นายอยู่ด้วยกัน) :o12: แต่ชอบมากๆ อยากได้น้ำตามาอ่านเรื่องนี้เลย o13 :bye2:
พูดไม่ออก บอกไม่ถูก อ่านแล้วมันบีบหัวใจสุดๆ เจ็บปวด แต่ร้องไห้ไม่ออกอ่ะ ไม่รู้ทำไม T_T
เศร้าจังค่ะ โทนของเรื่องดูเป็นสีหม่นๆ จบเศร้าจัง T-T
กระชากอารมณ์ได้แบบสุดยอดครับไม่ต้องมีอะไรบรรยายแล้ว ขอบคุณมากนะครับ
อ่านรอบที่สอบครับ ซึ้งมากอ่ะ ใช้ภาษาได้สวยมากเลย แต่ก็เศร้ามากด้วย ขอบคุณครับ
เศร้าอ่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ :กอด1: :pig4:
เศร้า แต่อบอุ่นเพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าใจตรงกัน :sad11:
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
น้ำตาซึมอะ :sad4: :sad4:
:hao5: ร้องไห้เยอะมากจริงๆ ฮือๆๆๆ ขอบคุณมากค่ะที่ถ่ายทอดทุกๆสิ่งออกมาเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ อ่านจบแล้วเหงาสุดๆไปเลย
กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง ด้วยความที่โตขึ้นก็ได้คิดได้เก็บอะไรใหม่ๆจากมุมมองที่ต่างออกไป แต่ก็ยังคงชอบเรื่องนี้อยู่ อ่านไปอ่านมา เจอเม้นตัวเองสมัยก่อน เห็นวันเวลาที่โพสแล้วก็ตกใจ ..... เชี่ยยยย นี่กรูจะจัดแซยิดให้กับซ้น เมฆ และคุณต้นได้แล้วเหรอเนี่ย. 555 :laugh: ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ keep up with the good work krub! ^^
เปิดจองหรือยัง ครับ :katai5:
:hao5:
:m15: :m15:
เจ็บปวดอ่ะ ถึงจะมีเรืีองดีๆอยุ่ในนั้น แต่มันก็เจ็บปวดอยู่ดี...
:hao5:
ภาษาสวย มีความหมายลึกซึ้งทุกประโยคเลย