พิมพ์หน้านี้ - ตะลอนทัวร์หัวฟู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => พูดคุยทั่วไป => คลังกระทู้เก่า => ข้อความที่เริ่มโดย: oaw_eang ที่ 13-12-2006 04:37:46

หัวข้อ: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-12-2006 04:37:46
ดีๆๆๆ   :yeb:

มาถึงเมือง ottawa ที่แคนนดาเรียบร้อยแล้วครับ  มาถึงเมือวาน(11 ธค. เวลา 22.50 น. ถ้าเมืองไทยก็  12 ธค. เวลา 10. 50 น.)

อากาศไม่หนาวเท่าไหร่แต่ลมมันแรงเลยทำให้หนาวกว่าที่ควรจะเป็น  เมื่อวานฝนตก  วันนี้ลมแรง  หมอกลง  แต่พรุ่งนี้ฝนคงตกอีก(เค้าว่าอย่างนั้นนะ)  :untrust:

ottawa เป็นเมืองหลวงของแคนาดา  อยู่ในแคว้น ontario  แต่ไม่ใช่เมืองหลวงของแค้วนนะ  แล้วเมืองที่ใหญที่สุดของแคว้นคือ toronto   อู้ย   :confuse: ไหงงั้น

ช่างหัวมันกิโลสองบาท  ชิส์  :laugh:

ที่นี่  ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากนักเมื่อเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ แม้แต่ กทม. เองก็ตาม  คาดว่าเที่ยวแค่สองวันคงทั่ว

ที่นี่อยู่ใกล้นิวยอร์ก  แต่คงไม่ไปเพราะไม่ได้ทำวีซ่ามา

แค่นี้ก่อนนะแล้วค่อยมาเล่าต่อ

ปล.ที่นี่มันหนาว  คงไม่ว่าถ้าจะหาคนมานอนกอด  ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววว  :like2:

หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-12-2006 17:16:39
มาแล้นๆๆๆๆ

ตอนนี้ ตี 4.56 น.  ตื่นขึ้นมาแชทโดยเฉพาะ 

ก้อที่นี้มันช้ากว่าเมืองไทย 12 ชม. นิ  เลยต้องตื่นแต่เช้ามาแชทกะเพื่อนกะฝูง  พยายามสูงเนอะ  :monkeylaugh2:

เมื่อวานนอนตั้งแต่ สองทุ่ม  ง่วงสุดๆ  ตื่นมาอีกทีตีสาม  หลับยาวมาก

อาหารไทยมื้อแรกคือข้าวไข่เจียวหมูสับ อิอิ  หุงข้าวไม่ค่อยจาสุก  อิอิ  ก็คนมันลืมนี่หว่าว่าจะหุงไง

น้ำปลาก็ไม่มีต้องใส่เกลือแทน  กะว่าเสาร์จะออกไปเดินหาร้านคนไทย  :3061:

แต่ว่าคงหายาก  เพราะหัวดำๆ แถวนี้ไม่ค่อยมี

ฉ้านอยากได้น้ำปลา   :serius2:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 05:18:11

ตอนนี้อากาศหนาวมากๆ ประมาร - 16 องศาน่าจะได้ 

ข้างนอกหิมะตกตลอดเลย  ตอนนี้หนาประมาณคืบได้แล้วมั่ง 


ไม่ดีเลย  เดินไปลื่นไป :sad5:  เกือบหัวทิ่มแปร๊ด  :try2:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-01-2007 21:55:22

วันนี้ตื่นมาด้วยสภาพที่ตัวเองก็ยัง :confuse: ตัวเองอยู่เหมือนกัน  คือตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกางเกงนอนรูดลงไปเกือบถึงเข่า  ถุงเท้าถูกถอดออกหายไปข้างหนึ่ง  เสื้อถูกดึงรั้งขึ้น

 :pigscare2: หรือว่าจะโดนลักหลับ 

 :sad5: ไม่นะ  ไม่ยอม  มาลักหลับทำไม  บอกกันตรงๆ เลยดีกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่  :like6:

เมื่อวานทำกับข้าวกินเองสวยงามและน่ากินมากๆ

หมูผัดน้ำมันหอย

วิธีการทำก็ง่ายแสนง่ายเพราะนึกเอาเองว่ามันต้องเป็นแบบนี้

๑. ไปซื้อหมูสามชั้นที่ติดมันน้อยมา  แล่หนังออก  หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  ส่วนหนังหั่นเป็นแผ่นสีเหลี่ยม

๒. จัดการเอาเจ้าเนื้อหมูและหนังลงต้มให้สุก เอาขึ้นมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำ

๓. เอาหนังหมูไปย่างให้กรอบเกรียมหรือทอดก็คงจะได้เหมือนกัน

๔. ตั้งกะทะเอากระเทียมลงไปเจียวพอสุกตักขึ้ร  จากนั้นเอาเนื้อหมูลงไปผัดใส่เกลือนิด  ซี้อิ้วหน่อย  น้ำปลาน้อยๆ พริกไทยตามใจชอบ

๕. พอเนื้อหมูสุกดีใส่น้ำมันหอยลงไป  คลุกๆ เอาขึ้นใส่จาน

๖. เอาน้ำใส่หม้อตั้งบนไฟ  ใส่เกลือผงหนึ่งช้อนชา  รอจนเดือดจัด  เอาผักที่เตรียมลงไปลวกพอแค่สลด  เอาขึ้นแช่น้ำเย็นจัดทันที

๗.  ตั้งกะทะใส่น้ำมัน  เอาผัดขึ้นจากน้ำเย็นลงพัดให้พอน้ำมันเคลือบผัก  ตักขึ้นเรียงบนจานที่ใส่หมูไว้ก่อนแล้ว

๘. ราดน้ำมันหอยลงบนผักในจาน  เอาหนังหมูมาเรียงราดน้ำมันหอยลงบนหนังหมู

๙. พร้อมเสิร์ฟแล้วครับ  :monkeylove2:


(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Picture002.jpg)


หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-01-2007 00:56:33
ว่าแต่ว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัยอ่ะ หรือลักหลับตัวเอง กร๊ากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-01-2007 04:46:46


คงประมาณนั้นคุณบลู  แต่ไหงดมกลิ่นแล้วมันไม่มีหละ

  :o หรือว่า......:sad5:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 03-01-2007 14:08:05
5555  ลักหลับตัวเองด้วย  วันหลังก็หากล้องวีดีโอติดตั้งไว้ดิ  เอาไว้ดูว่าตอนลักหลับตัวเองหรือมีคนทำ...ทำไงอ่า  อิอิ  :kikkik:

ชอบเมนูทำกับข้าวจัง  ดูง่าย ๆ แต่ display ได้ไฮโซมากมาย  จะจำเอาไปทำน้า   :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2007 07:58:47
:pigscare2:

ว้ายๆๆๆๆไ  ทะลึ่งอะตัวเองสองคนเนี้ย 

จะให้เค้ามาตั้งกล้องถ่ายตัวเอง  ว้ายๆ  ไม่อาววววววววววววววว  :-[ :-[

เคยบอกว่า...เกือบลืมหัวทิ่มมาหลายวันแล้วใช่ไหมครับ

วันนี้ของจริง...ตูดทิ่มแพร๊ด!  กลางถนนท่ามคนผู้คนเยอะแยะมากมาย..... :monkeycry2:

ก็เมื่อคืนฝนที่ตกมามันกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง  อิชั้นก็ไม่รุเรื่องเคอะ  เดินฉับๆ

ไอ้ครั้นจะก้าวยาวจ้ำอ้าวๆ ยาวๆ เหมือนฝรั่งก็ทำไม่ได้ๆๆๆๆๆ ไม่ได้เด็ดขาด

เพราะอิชั้นคือนางแบบ...สับขาป่านอยู่บนแคตวอกค์สุดฤทธิ์

เกือบจะข้ามพ้นถนนแล้วค่า  แล้วอิชั้นก็....แพร๊ด! ท่ามกลางสายตาแห่งพยานที่กำลังเร่งรีบจะไปทำงานในตอนเช้าของวัน    :3128:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2007 08:51:52


(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Picture052.jpg)

เอาภาพถนนหน้าบ้านพักมาฝากครับ

เห็นมะ! ว่าผมนะน่าสงสาร  ตัวคนเดียวไม่มีแฟนท่ามกลางหิมะขาวโพลนและอากาศหนาวเหน็บจับใจ

อิอิ  งั้นมาเป้นแฟนผมกันเต้อะ   :piglove2: :piglove2:

:like2: :like2:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 05-01-2007 04:32:31
โห... อากาศหนาวจริงๆด้วย
หิมะก้อตก บรื๋อๆ

แม๋..แม๋..เห็นชวนไปเป็นแฟน...(อ้ายเรารึ ก้อใจง่ายซะด้วย..ติดแต่...)
ว่า... :impress2: (บิดอายม้วน..ด้วยความเขิล)
ว่า....................................... เจ๊ อ้าว...ไม่ชอบทานอาหารทะเล....นี่น่ะสิคะ (หมดกัน )  :try2:


เหอ..ตูดทิ่มแพร๊ด.... เจ้ย.... ระบมมะคะนั่น...
ต้องการคนจ้วยทายาอ๊ะป่ะ ฮี่ๆ ( ยังไม่เลิกล้มความตั้งจาย ฮ่าๆ)


ว่าตะไปทำอะไรที่นั่นอ่ะค๊า..ไปเรียน..ไปทำงาน..รึไปเที่ยว...คับป๋ม... :impress:

มีความสุขค่า..รักษาสุขภาพนะคะ


ป๋อล๋อ.* อยากรุ.. ลักหลับตัวเอง..ทำไง?  ทำได้ด้วยรึ???  :confuse:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-01-2007 10:09:56


ไม่รู้จิครับ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่รู้เรื่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เบื่อมากๆ เลย  เพราะว่าในห้องทำงานมีแต่ผู้หญิง  ไร้วี่แววของ  ปู้จาย   :monkeycry2: :monkeycry2:

หันไปทางไหนก็มีแต่ ชะนี  ชะนี  แล้วก็ชะนี

ชะนีครองโลก  :serius2:

ล้อเล่น  แต่มีผู้หญิงอีกสามคนในห้องเดียวกัน

เค้าก็ดูแลผมดีนะ  แบบว่า  ดาวล้อมเดือนไงครับ

ไอ้ผมสิ....ดันพูดกับเค้าไม่รู้เรื่องเอง จนเค้าเบื่อไปเอง  ฮา....... :monkeylaugh2:


วันนี้ตอนเดินไปซื้อของที่ซุปเปอร์  ได้ยินเสียงคนไทยคุยกันด้วย 

ดีใจ๊...ดีใจ  อยากจะแล่นเข้าไปกอดขาเค้าแล้วบอกว่า  คุณพี่คร้าบผมก็คนไทยคร้าบบบบบบบบบบบบ

แต่ไม่กล้า  :3128:

เลยได้แต่ยืนแอบมองอย่างเงียบๆ แล้วก้มหน้าเดินกับบ้านพักพร้อมๆ กับความเหงาที่มาส่งแล้วทำท่าจะค้างอยู่กับผมด้วยในคืนนี้ :monkeysad2:

ไว้พรุ่งนี้ว่างๆ จะมาต่อเรื่องกับข้าวนะครับผม 

หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-01-2007 00:26:10
เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว  เมื่อไหร่จะเสร็จๆ จบๆ กันไปเสียทีนะ  ตูเบื่อแล้วโว้ย

เฮ้อ! พอได้บ่นแล้วค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

วันนี้เบื่อๆ อะครับอะไรๆ ก็เดิมๆ ยังพูดกะเขาไม่รู้เรื่องยิ่งเรื่องฟังยิ่งไปกันใหญ่  ยังไม่ชอบอากาศหนาวๆ  เหมือนเดิม

ว่าแล้วก็ออกไปเดินๆ หาของกินดีกว่า  แล้วก้ได้จานนี้มาครับ....ลาบหมู

วิธีทำก็แสนจะง่ายคือต้มน้ำ ลวกหมูบดที่ซื้อมา  พอสุกค่อนข้างดี(เอาแค่ค่อนข้างสุกดีนะ  อย่าสุกมากเดี๋ยวมันไม่อร่อย) เทน้ำลวกทิ้งแต่เหลือไว้นิดนึงพอแฉะๆ ใส่ผงทำลาบที่ซื้อมาเป็นซองๆ ลงไป คลุกๆ เติมพริกป่น มะนาว น้ำปลา   ต้นหอมซอย ฯลฯ ตามใจปรารถนา คลุกๆ อีกรอบ เท่านี้ก็เรียบร้อย  ตกใส่จานกินกับผักสดกรอบๆ หวานๆ ได้แล้วครับ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/Picture014.jpg)

แต่ผมว่าหน้าตามันแปลกๆ เนอะ  ว่ามะ?  งั้นก็ตั้งชื่อจานนี้ว่า  "ลาบตามใจฉัน" แล้วกันนะคับป๋ม   :try2:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-01-2007 06:08:53
เจ๊อยู่มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย  แล้วต้องอยู่อีกนานแค่ไหนอะ สู้สู้เน้อ  เป็นกำลังใจให้นะ  ยิ่งอยู่เมืองหนาวยิ่งเหงามากเป็นธรรมดา   ตอนเรามาครั้งแรกใหม่ ๆ นะ  เหงาเหมือนกัน  ที่เรียนก็ไม่มีเด็กต่างชาติแบบเราเรียนเลยมีแต่พวกที่พูดอังกฤษไฟแลบ  ตอน discuss กัน  พรีเซนต์กัน เรามาแรก ๆนี่ใบ้แดกเลยอะเจ๊  แล้ว Prof ที่สอนก็ค่อนข้างเข้มงวดมาก  ชอบถามแบบแล้วเธอว่าไง  ไอ้ตรูรึก็ฟังไม่ทัน  มันพูดถึงไหนแล้ววะ  โอ๊ย เครียด กดดันสุด ๆ   เข้าใจว่าเจ๊มาทำแต่วิจัยใช่ปะ  ก็ดีแล้วนะเจ๊  เรามาต้องทำอะไรที่เกี่ยวกับคนอื่นด้วย  แล้วเค้าต้องจ่ายตังส์ให้เราค่อนข้างเยอะมากๆ ก่อนเริ่มทำอะ   เราต้องพยายามทำให้เค้าเชื่อถือเราให้ได้ด้วยภาษาห่วย ๆ ต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจ อะไรอย่างเงี้ย  แล้วก็ต้องพยายามทำให้คนที่ทำงานเชื่อถือเราว่ากรูไม่ใช่กระเหรี่ยงที่ไหนนะโว้ย  กรูทำได้   ระบบการทำงานก็ไม่เหมือนกับที่บ้านเรา  ตอนนั้นเครียดมาก ๆๆๆๆ จริง ๆ เลยอะ  ทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ  กว่าจะปรับตัวปรับใจได้ก็อย่างน้อยหกเดือนนู้นอะ (จริง ๆแล้วผ่านปีนึงแล้วถึงรู้สึกว่าเบาขึ้น  แต่งานหนักเหมือนเดิม)  เฮ้อ  บ่นเรื่องตัวเองซะงั้น  โทดทีนะเจ๊  แต่ยังไงก็สู้สู้แล้วกันนะ   :yeb:

เรื่องลาบเจ๊อะ  เคยทำเหมือนกัน  แต่เราว่าไอ้ผงนี่มันไม่อร่อยวะ  ปรุงแล้วก็นะ  รสชาติประหลาด ๆ แต่หน้าตาอาหารเจ๊ก็โอเคอยู่นา แม้มันจะเหมือนสปาเกตตี้ก็เหอะ  :laugh:

ปล  เรารู้ละว่าใครลักหลับเจ๊อะ (อ่านจากทู้อื่นของเจ๊ อิอิ)
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 07-01-2007 09:40:53
อ่า.. ว่าตะใครลักหลับ เจ๊อ้าว น่อ ฮี่ๆ อยากรุซ้าง้าน...

อ่า ลสบหมูเหรอคะ แหะๆ..ซินก้อคิด

ประมาณพิมว่านั่นแล่ะ เอิ้กๆ สปาเก็ตตี้ :try2:

แต่ก้อน่าทานดีเนาะ.................อยู่ บ้านเรา เครื่องมานครบ

ไม่ต้องหาเครื่องปรุงเป็นผงๆใส่อ่ะ เนาะ

แรกๆก้อเหงา ธรรมดาแล่ะเนาะ พูดยังก่ะเคยไปไหนไกลบ้านแล่ะเรา.. จริงๆไม่เคยแฮ่ๆ)

แต่พอปรับตัวได้.... คงจะไม่เหงาเทาไหร่มั๊งคะ เนอะ

แต่อ่านตอนที่แบบได้ยินเสียงคนไทยคุยกัน ละอยากวิ่งเข้าไปกอดขาเลยอ่ะ

ถ้าเป็นซิน คงเดินเข้าไปทัก ฮ่าๆ...( อดไม่ได้แน่ๆ มานเหงานิ )

ต้องได้คุย ซักคำสองคำก้อยางดีเอิ้กๆ  :yeb:

แต่เพื่อนๆในเล้า ก้ออบอุ่นน๊า....เนอะๆ
งัยก้อเข้ามาหาความอบอุ่นแถวนี้ล่ะกันเนอะ  :teach:

สู้ๆฮับป๋ม  :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-01-2007 03:22:11
วันนี้ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหนเลย  นอนอืดอยู่ในบ้านทั้งวัน  อ่านเรื่องของคนโน้นทีคนนี้ที  อ่านไปแล้วเศร้าใจไปก็มี  อ่านแล้วนั่งอม...ยิ้ม ก็มี  ท่าจะบ้าไปแล้ว

ขอบใจพิมกะมูมู่น้อยมากๆ เลยนะที่เข้ามาคุยด้วย  เรื่องปรับตัวก็พยายามอยู่แต่เนื่องด้วยจากสายงานแล้วมันไม่มีโอกาสไปเจอใครเลยไงวันๆ เจอแต่สารเคมีและหลอดทดลอง  เครื่องเขย่า(ที่กำลังคิดว่าถ้าเอาตัวเองใส่เข้าไปแล้วมันจะรู้สึกยังไง) เครื่องอบเครื่องแก้วและอุปกรณ์อีกสารพัดมากมาย

เวลามองออกไปนอกหน้าต่างก็เจอแต่ หิมะ  แล้วก็หิมะ  หาคนทำยายากมากๆ เพราะมันหนาวไม่ค่อยมีใครออกมาเดินกัน

สถานที่ท่องเที่ยวก็มีไม่มากเหมือนเมืองอื่นๆ เขา  มีแต่ลานไอซ์สเก๊ตที่ทำจากแม่น้ำกลางเมือง  เฮ้อตูละกลุ้มจิต!

ส่วนเรื่องงาน...มันเป็นอะไรที่ฝากไว้กับโชคชะตาจริง  อย่างวันนี้ใส่สารนั่นสารนี้หยดไอ้นั้นหยดอันนี้  อ่าส์! ได้ผลแบบนี้ๆๆๆ  พออีกวันใส่ทุกอย่างเหมือนกันทำเหมือนกันหมดเพียงแต่เปลี่ยนตัวอย่างตัวทดลอง  เอ้า! หอยส์ ไม่ได้ผลวะ ตูอุตส่าห์นั่งทำตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันบ่ายสี่โดยที่ทิ้งไปไหนเลยไม่ได้  แล้วมรึงมาทำกับตูอย่างงี้ได้ไงวะ  ไอ้การทดลองห่วยๆ  :monkeycry2: :monkeycry2:

แต่โชคดีหน่อยตรงที่ได้เข้ามาในเล้า  เลยเที่ยวได้ตามไป(เจือก)อ่านเรื่องของชาวบ้านเขา

พอเที่ยง...อาการหิวกำเริบ  เดินลงไปในครัวรื้อๆ หาว่ายังคงมีอะไรที่พอกินได้เหลืออยู่บ้างก็เจอแค่  หัวแครอท  ข้าวสาร  กระเทียมสามกลีบ  ไข่สองฟอง หมูที่ตอนนี้สีคล้ำไปหน่อยนะผมว่า  หัวใหญ่ครึ่งหัว  เห็ดที่เกือบจะเน่าแล้ว  นมติดอยู่ก้นกล่องและก็แตงกว่าที่เหี่ยวๆ อีกครึ่งลูก  คราวนี้ก็เลยคิดหนักว่าจะทำอะไรกินดีนะ  เลยไปรื้อๆ เครื่องปรุงว่ามีไรบ้าง

อ้า! เจอผงกะหรี่ครับ อิอิ นึกถึงคำที่โทรไปด่านังเรียวมันเลย ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ทำไปได้ไงนะตอนนั้น ผิดคอนเซปท์นังเอกหมดเลย  ว่าแล้วก็ลงมือทำกับข้าวกินกันเลยดีกว่า

เริ่มจากหุงข้าวก่อน  ใส่ข้าวสารลงไปกะพอกินหมดในสองมื้อ  ถ้ามากกว่านั้นเดี๋ยวข้าวแฉะเพราะหม้อเล็ก อิอิ  ใส่น้ำลงไปให้สูงกว่าระดับข้าวสารสักหนึ่งความยาวนิ้วชี้  แล้วก็เอาขึ้นตั้งไฟ  เปิดไฟแรงต้มให้เดือด คนๆๆๆ  ไม่งั้นเดี๋ยวก้นไหม้  พอเดือดลงไฟลดเหลือปานกลางค่อนข้างแรง เอ! มันขนาดไหนกันนะ  เอาเป็นว่าน้อยกว่าเมื่อกี้แต่ไม่หรี่จนเกินไปนะ เอาแบบ mid. High น่ะ คนไปเรื่อยๆ นะ

ตักเม็ดข้าวขึ้นมาดูเป็นระยะว่าสกดีหรือยัง  ลองชิมดูก็ได้นะ แล้ววันนี้ผมก็อุตริหั่นแครอทเป็นลูกเต๋าใส่ลงไปด้วยในตอนนี้ อิอิ  มันจะเป็นยังไงบ้างนะ  แล้วก็คนไปเรื่อยๆ  พอข้าวสุกดีแล้ว(หัวแครอทช่างมัน  เราเน้นข้าวนิ)ปิดไฟ  ยกลงมารินน้ำออก

น้ำที่รินออกอย่าทิ้ง  เทรินใส่ถ้วยเก็บไว้  เอาไว้กินได้  กินไงเหรอก็นี่เลยครับ

ใส่ถ้วยเอาไว้แล้วใช่มะ?  เติมเกลือ  พริกไทย  ข้าวสวยที่เราหุงสุกแล้วเมื่อกี้สักช้อนโต๊ะ(หรือหนึ่งทัพพีก็ได้ผมไม่ว่าไรหรอกนะ อิอิ) น้ำปลา ไข่ลวก แล้วก็คนๆ มันก็จะออกมาแบบนี้ครับ

 (http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1001.jpg)

แล้วก็กินได้  ถ้าฝรั่งถามว่าอะไร  ก็บอกมันว่า stream rice soup ก็แล้วกันเนอะ  เข้าท่าไหม? เก็บเอาไว้อุ่นไมโครเวฟกินเป็นมื้อเช้าได้นะ

 ก็ผมมันงกนิ! ต้องประหยัดๆ จะได้มีเงินไปซื้อซีดีหนังโป๊มาดู ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววว

ส่วนข้าวที่รินน้ำออกจนแห้งสนิทดีแล้วก็ให้เอาไปวางไว้บนเตาอีกครั้ง  เปิดไฟอ่อนๆ ถึงอ่อนมากๆ ค้างเอาไว้เพื่อระเหยน้ำที่เหลืออยู่ออก  ภาษาใต้บ้านผมเรียกว่า “ดังหรือดงข้าว” เนี่ยหละครับจำไม่ได้แล้ว  ไม่ได้พูดนานเพราะคนพูดด้วยไม่อยู่แล้ว  ก็เป็นอันว่าเราหุงข้าวเสร็จแล้ว


 :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-01-2007 07:31:30
ต่อเนื่องจากกระทู้อันก่อนนะ     เมื่อกี้สอนหุงข้าวแบบสมัยโบราณตอนที่ยังไม่มีหม้อหุงข้าวไปแล้ว  เขาเรียกว่าหุงแบบเช็ดน้ำไงครับ  ยายทวดผมสอนผมเองแหละ  สมัยนั้นยังใช่เตายังเป็นแบบสามข้าวอยู่เลย  ใช่ไม้ฟืนหุงกะหม้อดิน  เวลารินน้ำออกก็จะมีไม้ไผ่เหลาเป็นแผ่นบางๆ อันนึ่งเอามาคาดฝาหม้อเอาไว้ไม่ให้มันหลุด  เรียกว่า  “ไม้คาดปาก”  เอาไว้ตีมือคนแอบขโมยหยิบกับข้าวกินได้ครับ อิอิ  พอรินน้ำเสร็จก็เอาฟืนที่กลายเป็นถ่านไปบ้างแล้วขึ้นวางเรียงๆ บนฝาหม้อแล้วก็เขี่ยๆ หรี่ไฟในเตาลงให้เหลือพอเรี่ยๆ นิดเดียวเท่านั้น  เนี่ยหละครับการดงข้าว(โทรไปถามยายมาแล้วว่าเขาเรียกว่าไง)  ส่วนที่ก้นหม้อก็จะไหม้ๆ หน่อย กลายเป็นข้าวดังหรือข้าวตัง  อันนี้ก็อร่อยนะ

เวลาตักข้าวหมดหม้อแล้วก็ค่อยๆ แซะมันออกมา  มันจะได้เป็นแผ่นๆ ข้างล่างมันจะไหม้ๆ  เอามาตากแดดสักแดดสองแดด  เก็บไว้ทอดในน้ำมันร้อนๆ จิ้มกินกับน้ำแกงมัสมั่นข้นๆ นะหรือจิ้มกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็อร่อยครับ   :serius2: ว้ากๆๆๆๆๆ  ว่าแล้วก็อยากกินจังเลย   :monkeycry2:  :monkeycry2:

คร่ำครวญเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ลงมือหมูผัดผงกะหรี่กันเลยดีกว่าเนอะ พล่ามไปได้เรื่อยเปื่อยจริง  ช่างเป็นคนที่ไหลไปได้เรื่อยๆ มากๆ  :seng2ped:

เริ่มจากหั่นหมูก่อนเลย หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาใส่ถ้วยแช่นมไว้  จากนั้นก็สับหัวหอมต่อเลย สับๆ ใส่ถ้วยเตรียมไว้อีก หั่นแครอท เห็ด แตงกวา เตรียมไว้เหมือนกัน  แล้วก็อย่าลืมบุบกระเทียมด้วย

โอเค! ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ลงมือตั้งกระทะ  ไฟค่อนข้างแรง ใสน้ำมัน...พอร้อนดีแล้วก็โรยผงกะหรี่ลงไป ผัดๆ พร้อมกระเทียมที่บุบไว้ ผัดๆ ให้หอมเชียว  แล้วเททั้งหมูทั้งนมตามลงไป ผัดๆ ให้สุก ใส่หัวหอม แครอท เห็ดที่เมื่อกี้เราหั่นเตรียมเอาไว้แล้วไง ใส่ตามลงไปอีกรอบ  ผัดๆ เอ๊ะ! ผงกะหรี่น้อยไปหน่อยสีไม่ค่อยจะเหลือง  งั้น! ก็ใส่ลงไปอีก ผัดๆ  :like2:

แล้วก็ตอกไข่ลงไป คนๆๆ ให้แตก คลุกๆๆๆ ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกไทย เกลือ(นิดเดียวนะ) น้ำตาล  ชิม!   
อืม...อร่อยล้ำ  ตักขึ้นตักใส่จานได้ ตกแต่งด้วยแตงกวาเหี่ยวๆ  ต่อไป

 (http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1003.jpg)

เห็นมะ? เก่งขนาดนี้เมื่อไหร่จะมีคนมาโฉบเอาไปทำแฟนน้อ?  รีบๆ มากันหน่อย  ก่อนที่อะไรๆ มันจะฟ่อจนใช่การไม่นะซะก่อน  :myeye:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-01-2007 07:32:41
หกโมงเช้าตื่นล้างหน้าเตรียมตัวไปทำแลป

เจ็ดโมงครึ่งถึงที่ทำงาน

สิบเอ็ดโมงแอบหนีไปกินข้าว....ตูหิวแล้วเพราะเมื่อเช้ายังไม่ได้กินไรมาเลย....รีบมากลัวไม่ทันรถฟรี

บ่ายสี่ดูผลแลป

บ่ายสี่โมงครึ่งนั่งหน้าเศร้าเพราะแลปเจ๊ง

บ่ายห้าโมงครึ่งเดินคอตกอยู่ริมถนน....จิตตก  ทำแลปไม่ขึ้น  เลยเดินจากที่ทำงานกลับบ้านแก้กลุ้ม  เหนื่อยมาก  ไกลประมาณสามย่าน-อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ล่ะม้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

สองทุ่มกว่าๆ (ไม่ได้ดูนาฬิกาแต่คิดว่าคงประมาณนั้น)นั่งอยู่หน้าอาหารหน้าตาแปลกๆ จานนี้

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1004.jpg)

มันคือหมูหวานที่ผมเพิ่งจะลองหัดทำครั้งแรกในชีวิต

จะว่าไป...ในชีวิตคนเราก็มีครั้งแรกเยอะแยะมากมาย
หัดเดินครั้งแรก  พูดคำแรก  ไปโรงเรียนวันแรก  พูดหน้าห้องครั้งแรก  สมัครเรียนต่อครั้งแรก รับน้องครั้งแรก  ออกเดทครั้งแรก รับปริญญาครั้งแรก  สัมภาษณ์งานครั้งแรก  อกหักครั้งแรก  แต่...
สมหวังในความรักครั้งแรก.....มันเป็นยังไงนะ?  ผมยังไม่เคยเจอเลย  ใครเคยเจอแล้วช่วยบอกผมหน่อยสิ

ช่างหัวพระมารดาบังเกิดเกล้ามัน  กลับมาเรื่องหมูหวานต่อดีกว่า  อะไรนะ?  ทำยังไงหรอ  ง่ายมาก อิอิ
ก.   หั่นหมูก่อนเลย ก๊ากกกกก ง่ายมะ  หั่นๆๆๆๆๆ  หั่นจนหมดเลยนะ  โอเค?
ข.   หั่น & สับ หอมใหญ่เตรียมไว้ครึ่งถ้วยแกงพอ  แต่ถ้ามีหอมแดงจะเลิศมันเตากว่าเพราะใช่น้อยกว่าแต่หอมน่ากินกว่าสามเท่า
ค.   ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอประมาณ...เอาแค่เลนทั่วก้นกะทะพอไม่ต้องเจิ่งนองนะเพื่อน
ง.   พอน้ำมันร้อนใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดๆๆๆๆๆ  ให้มันหายเหม็นเขียว  เอาหมูลงตามไปกลิ้งๆๆ
จ.   แล้วไงต่อวะ?  ลืม! ใส่น้ำตาลลงไปมั่ง  อิอิ ประมาณครึ่งค่อนแก้วกาแฟ(ใส่มากๆ หน่อยเดี๋ยวมันจะไม่หวาน แต่เนื่องจากผมทำอะไรก็มักจะหวานเป็นพิเศษโดยไม่ต้องเพิ่มน้ำตาลเพราะผมเป็นคนหวานอยู่แล้ว อุ้ย! เขินลลล์)
ฉ.   เหยาะน้ำปลาลงไปนิด หยดซีอิ้วดำลงไปหน่อย  ส่วนเกลือ...แค่ปลายนิ้วมือพอ  หรี่ไฟเหลือปานกลาง  แล้วปล่อยมันค้างเอาไว้อย่างนั้นแหละ
ช.   รอจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจริงๆ พอคิดว่ามันสวยแล้วก็บีบมะนาว(ถ้ามีมะกรูดล่ะก็เยี่ยมเลย)ลงไปสองสามหยดเพื่อความสวยงามของหมูหวาน  มันจะได้เป็นแก้วๆ ใสๆ น่าเจี๊ยะ!  คลุกๆๆๆๆๆๆ
ซ.   อ้อ! ผมใส่พริกไทยด้วย  อยากให้มันมีสามรส  หวานนำ  เปรี้ยว-เผ็ด(พริกไทย)ตาม  คาดว่าคงอร่อยนะ  อืม?
ฌ.   ตักใส่จานแล้วฟาดได้เลยเพ่

ห่มผ้าไม่เคยอุ่นเลย  กอดหมอนไม่เคยอุ่นใจ
นอนหลับไปอย่างเดียวดายทุกที
และไม่มีอะไรจะเขียนให้เธอได้อ่านคราวนี้
เพราะว่ารู้สึกในใจตอนนี้มันอ้างว้างเหมือนกระดาษเปล่า...จริงๆ

ปล. ถ้าอ่านการ์ดใบนี้จบแล้ว  ก่อนทิ้งลงถัง....คิดถึงคนทางนี้หน่อยนะ  ขอบใจ
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: nai ที่ 11-01-2007 21:54:21
นี่กระทู้ไรคับ ครัวคุณพี่เหรอ แต่หน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลยอ่ะ ไงนายขอเก็บไว้ลองทำดูมั่งนะครับ มีทั้งเมนูอาหาร มีทั้งประกาศหาแฟน สารพันดีจริงๆ จะตามมาอ่านนะคับ เพราะดูจะอัพเดทมากกว่าอันอื่น คิดถึงมากเลย ทำไงดีเนี่ย เมื่อวานวันเกิดนายอ่ะคับ รอเมล์จากพี่ ก็ไม่มาสักที เฮ้อออ นายรอจากคนอื่นก็ได้ ชิชิ ขอให้ผลการทดลองสำเร็จไวไว จะได้เจอกันเร็วๆ นะครับ อิอิ :myeye:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-01-2007 07:39:53
หวาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดี

มีเรื่องมากมายว่าจะเล่าแต่ยังนึกไม่ออก  ขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่า  สงสัยใจมันมัวพะวงกะเรื่องงานเลยพาลให้นึกไม่ออก  เด๋วมานะ

ว่างแระ!  ต่อๆ  จะเขียนไรต่อดีวะ  อออ! เอาอันนี้ก่อนดีกว่า

คือที่มาเปิดกระทู้นี้ขึ้นนะไม่ใช่จะเอาไว้เขียนเรื่องของตัวเองคนเดียวหรอกนะ  ใครๆ ก็มีสิทธิเขียนมาลงครับเพราะว่ามันคือเล้าของทุกคน

แต่ไหงไม่มีใครเอามาเขียนเลยว่ะ?  เด๋วก็มีคนหาว่าผมเอามาเขียนลงเป็นไดฯส่วนตัวไปเสียนี่

ไม่ใช่นะ  แค่อยากมีพื้นที่ให้คนที่ต้องเดินทาง...ไม่ว่าจะไปไหน  ใกล้ไกล  ไปคนเดียวหรือไปกับใครก็ตาม

เอามาเขียนลงได้หมดแหละ  เพราะว่ามันคือการตะลอนทัวร์ของแต่ละคน

มันจะได้คล้ายๆ กับการรวบรวมประสบการณ์การเดินทางของลูกเป็ดแต่ละตัวไง  เผื่อใครอาจจะได้ไปเจอแม่เป็ด(คุณนัท...คนต้นเรื่องของเล้านี้ไง)

เมื่อวานที่นี้หนาวได้ใจ  แค่ -11 องศาเอง  หนาวไปถึงไส้ติ่งเลยแหละ

มีข่าวดีจะบอก....ผมเริ่มหาวิธีจัดการความเหงาที่ผมพยายามสลัดเท่าไหร่มันก้ไม่ยอมออกได้แล้วนะ

ก็ไม่มีไรมาก!  แค่ทำตัวให้ยุ่งๆ เข้าไว้

ทำงานหนักทุกวัน  เปิดดิกฯจนมือหยิกเพื่อพยายามอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือทั่วไป  หนังสือวิชาการ(อันนี้จำใจอ่านจริงๆ ครับ)  เขียนเรื่องราวของตัวเองไว้ลงในเล้า  ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ดูแลตัวเอง(อาทิเช่น หาครีมมาลงตัว  นวดหน้าตัวเองด้วยฝ่าเท้าตัวเอง)  ตระเวนท่องเล้าเป็ดอ่านเรื่องของชาวบ้าน  สรรหาเมนูกับข้าว...ทำ...แล้วก็ถ่ายรูป...เอามาลงในกระดานแผ่นนี้

แต่บางที...ความเหงามันก็จู่โจมผมอย่างรุนแรงจนผมต้านทานไม่ไหว  ต้องยอมผ่ายแพ้ให้มันเข้ามาครองเรือนใจผมอยู่บ่อยๆ
โทรศัพท์ข้ามทวีปเลยเป็นอาวุธอีกอย่างที่ผมเอามาใช้ประหัตประหารความเหงา  ผมจะลองยกตัวอย่างให้ดูสักอันนะ  อิอิ

“มีไร?” เสียงตอบมาเบาๆ แล้วก็แอ๊บแมนนิดๆ นะผมว่า

“ไม่มีไรแค่จะโทรมาบอกว่าคิดถึง”

“อืม”  พูดน้อยจังเลยนะเว้ย

“อยู่ไหน?”

“บนรถ”

“ไปไหน?”

“ไปทำหนังสือเดินทาง”

“ไปไหน?”

“เกาหลี  ญี่ปุ่น”

“ไปกะใคร?”

“ที่บ้าน  พ่อ แม่ น้อง เนี่ยอยู่บนรถหมดเลย  คงรู้นะ”

“ไปทำไม?”

“เล่นสกี”

“อืมๆไม่มีไรแค่โทรมาเพื่อจะบอกว่าคิดถึงเท่านั้นแหละ”

“อืมๆ เมื่อไหร่จกลับ?”

“จะมารับ?”

“อืม...มั่ง?”

“ยังไม่รู้  คงกำหนดเดิมแหละแต่ขอบใจนะ  งั้น...ไม่กวนแล้วนะ”

“อืมๆ เดี๋ยวสิ”

“อะไร?”

“เหมือนกันนะ”

“อืม...”  ตูยิ้มหน้าบานสามกลีบแปดกลีบ

“แค่นี้นะ”

“อืม....เดี๋ยว! อย่าเพิ่ง”

“ทำไม?”

“คิดถึง”

“อืม”

“คิดถึงมาก”

“อืมมมมมม”

“กรูคิดถึงเมิงนะโว้ย”

“เอออออออ แค่นี้นะ  รู้นะ!”

“เดี๋ยว! อีกแป๊บ  ขอร้องละอย่าเพ่งวางสาย  ขอร้องจริงๆ  คิดถึงมาก”

“รู้...เหมือนกัน”

“อยากเจอเร็วๆ คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”

“อืมๆ”

“ก็คนมันคิดถึงอะ................................ส์”

“อืมมมมมมมมมมม  เบาเสียงหน่อย  รู้นะ?!”

“อืม...งั้นไม่กวนแล้ว  คิดถึงนะ”

“อืม...”

“คิดถึงนะ”

“อืม...อย่าแกล้งสิ!  ก็รู้นิ”

“รู้  แต่ไม่ได้แกล้ง  คิดถึงจริงๆ  รู้ไหม?”

“อืมๆ ไม่พูดไรมากไม่ได้ เบาเสียงหน่อย...ในนี้มันเงียบ”

“คิดถึงมากนะ (กระซิบ)”

“เหมือนกัน(กระซิบ)”

“งั้นไปเหอะ  คิดถึงจริงๆ นะ”

“อืมๆ เหมือนกันนะ...แต่มาก”

“ขอบใจ ไปเหอะ บาย”

“บาย”

จบแล้วครับบทสนทนาสั้นๆ ที่ไม่มีไรมาก  แต่อุ่นใจดีจัง  ว่ามะ?

 :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: `Nu_PaNn` ที่ 15-01-2007 00:33:26
หูยยยยยย เจ๊ขรา  :pigscare2:  :pigscare2: 

อาหารที่เจ๊ทำ ถึงจะใช้ของที่มีแต่ออกมาน่ากินมั่กๆๆ  :like2: :like2:

อยากมีไว้ที่บ้านซักคนจังเรย ^^   :monkeylove2: :monkeylove2:

***การโทรศัพท์นี้ เป็นวิธีแก้เหงาที่ใช้ได้ดีนะค่ะ *** อิอิ :myeye:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-01-2007 07:47:26
อิชั้นเห็นภาพหมูหยดหยองของทู้บนหัวก็ตกใจไปใหญ่โต
นึกว่าเกิดอะไรขึ้นกะอิชั้น
ที่ไหนได้ 
ที่แท้ก็.....มหัศจรรย์ในความสามารถที่ซ้อนเล้นของเจ้หรอเคอะคุณน้อง  :-[
ยังมีอีกเยอะนะคะ  เข้ามาใกล้ๆ สิแล้วเจ้จะกระซิบบอกเบาๆ


"จุ๊บๆ"


อิอิ

เปลี่ยนเรื่อง.......

ได้ไปอ่านเรื่องของนุกับแม็คมา  เจอคอมเม้นต์อันหนึ่งที่โดนใจมากๆ
“....ปล่อยให้ความรักมันมีชีวิตสิครับ....”
ผมเลยอดที่จะคิดพิเคราะห์กับข้อความนี้ไม่ได้
จริงสิ!  ลองปล่อยให้ความรักมีชีวิตของมันเองแล้วเราเป็นผู้ติดตามเฝ้าดูหรอ?
มันช่างน่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร
แต่ก่อนอื่นใดนั้น...ขอผมตามหาความรักของตัวเองให้เจอก่อนเถอะครับ  แล้วค่อยมาว่ากันต่อ...หรือไง?

..........เปลี่ยน...........
วันนี้ต่อมแหลทำงานหนักไปหน่อยครับ  เลยส่งผลให้ผมทำของขึ้นมาสามอย่าง
แฮมรมควันบนแคนตาลูป ที่ผมขอเรียกมันว่า “แตงเค็ม”  กินแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเรากินแตงโมปลาแห้งอยู่ที่บ้านนั้นแหละครับ  เฮ้อ! คิดไปคิดมาแล้วก็คิดถึงคนทำให้กินจัง 
ใครจากผมไปนานแล้วครับ
เค้าและผมเรามีเรื่องประทับใจกันไม่เยอะหรอกครับ  แต่มันลึกติดใจ 
อยากฟังไหม?  มาสิ  ผมจะเล่าให้ฟัง
เค้าเป็นคนที่รู้จักผมดีและผมก็คิดว่าผมพอจะรู้จกเค้าบ้าง
เค้าเป็นคนสอนให้ผมรู้จักการเข้าครัว   ก็กับข้าวมื้อแรกของผมนั้นแหละ!
กากหมูเจียวผักแตงกวาใส่น้ำปลาน้ำตาล  ปลาทูทอด  ไข่เจียว และข้าวหุงสุกใหม่ๆ ...กับข้าวพื้นๆ
ผมยังจำแววตาของเค้าได้เมื่อเราเงยขึ้นสบตาพร้อมกันตอนนั่งล้อมวงกินข้าว
กับข้าวพื้นๆ กับใครบางคน....แต่มันช่างอร่อยได้มากมาย

.... “แหวนที่นิ้วนะ! สวยดี  อยากได้  เห็นใส่มากนานแล้วนิคงเบื่อ  ขอเหอะ”
“เอาสิ” ง่ายๆ สั้นๆ แล้วแหวนเงินวงนั้นก็มาอยู่ในมือผม
เพียงแต่ผมทำมันหายไปกับกระแสน้ำเสียตอนน้ำหลากหลังจากใส่ติดมืออยู่ได้สองสามวัน
“แหวนหายไปไหนแล้ว?” เขาถามขึ้นเมื่อก้มลงมองที่นิ้วผม
“หายแล้ว  สงสัยหายตอนไปเล่นน้ำ”
“..............”  เงียบ...ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากคนๆ นั้น  ผมเห็นเขานิ่งเงียบไป  ผมเลยเดินออกมาจากที่ตรงนั้น
“ไปไหน? กินข้าวหรือยัง” เขาถาม
“ยัง  ก็เนี้ยจะมากินข้าว”
“งั้นเข้ามาสิ”

หรือตอน...
.... “กล้วยน้ำหว้าหวีนี้งอมมากแล้ว  เปลือกก็ดำด้วย  ท่าจะเน่า  ทิ้งดีกว่าเนอะ?”
“อย่าเพิ่ง!  เอามานี้...จะแปลงโฉมมันให้ดู”
แสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ แบบนี้ส่องลอดรูหลังคาลงมาเป็นลำเมื่อพาดผ่านกลุ่มควันไฟที่ฟุ้งล่องลอยอ้อยอิ่งอยู่
คนสองคนนั่งยองๆ อยู่ใกล้ๆ กันหน้าเตาถ่านที่ติดขึ้นเพื่อย่างกล้วยหวีนั้น
ผมมองหน้าเค้าแล้วยิ้มให้  เค้าก็ยิ้มตอบกับมาด้วยแววตาที่ผมเห็นแล้วอุ่นใจ
“สุกกินได้ยัง?”
“คงจะได้แล้วหละ”
“งั้นเอาอันนี้ละนะ โอ้ย!”
“ร้อนอะสิ ไม่ระวังเลย  เวลาจะกินอะไรให้มันระวังหน่อย  เอามานี้ก่อนมา” เค้าเอากล้วยไปจากมือผมแล้วลงมือเป่าให้ไล่ความร้อน 
ไอความร้อนยังคงลอยขึ้นจากกล้วยแต่ลดน้อยลงมากแล้วเมื่อเค้าส่งมันคืนให้ผม
“อะ! คงเย็นแล้ว  กินได้  ชิมสิ!”
“ไหนๆ อืม....อร่อยจริงด้วย  หวานแล้วก็หอมมาก”
“ถึงเรียกว่ายายแก่แปลงโฉมไง”

... “ไม่กินอะ  เหม็น!”
“เหม็นที่ไหน?  ลองชิมดูก่อนสิ”
ผมรับถ้วยที่อยู่ในมือเค้ามาลองดมๆ  เออแหะ! ไม่เหม็นจริงด้วย  กินก็ได้
แล้วทุกเช้าผมจะได้รับของสิ่งนี้จากมือคนคนนั้นมาตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
มันคือ...น้ำเต้าหู้ที่ผมแสนเกลียดเพราะไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวของมันในตอนแรก
แต่ตอนนี้ผมกินได้แล้วกลับชอบ  เพราะใคร?  คนคนนั้นไง....เค้า
หลังจากที่มันเป็นความลับอยู่นาน...มันก็ถูกเปิดเผยขึ้นในเช้าวันหนึ่งเมื่อผมดันเกิดตื่นขึ้นเช้าผิดปกติในรอบปี
“ทำไรนะ?”
“เตรียมชงน้ำเต้าหู้ให้ใครบางคน”
“ชง?”
“ใช่”
“ทำไมต้องชง? ไม่ไปซื้อที่ตลาดหละ”
“ซื้อมาแล้ว  นี้ไง”
“แล้วชงอะไรอีก”
“ชงน้ำเต้าหู้ไง”
“ให้ใคร?”
“คนช่างถามที่ยืนอยู่นั่นไง” คงหมายถึงผม
“ไหนดูสิ! นมตรามะลินิ?”
“ใช่”
“ทำไม?”
“ผสมสิ  จะได้ดับกลิ่นเหม็นเขียว อะ! กินซะ”
ผมถึงได้รู้ว่าตั้งแต่ตอนแรกเลยมันคือนมตรามะลิล้วนๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ผสมน้ำเต้าหู้ลงไปทีละน้อย  ทีละน้อย จนสัดส่วนมันกลายเป็นน้ำเต้าหู้มากกว่านมตั้งหลายเท่าแล้วในตอนนี้
“ต่อไปไม่ต้องใส่นมแล้วนะ”
“ทำไม?”
“เสียเวลา  ยุ่งมือเปล่าๆ  งานอื่นก็เยอะ”
“ไม่หรอก  ทำได้”
“ตามใจ”
ผมรับรู้ได้ในความรู้สึกดีๆ ที่เค้ามีให้ผม  หากการที่เค้าต้องมายืนชงนมผสมน้ำเต้าหู้ให้ผมมันจะทำให้เค้ามีความสุขแล้วหละก็....ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดขึ้นอยู่ต่อไป...เพื่อเค้า...คนที่ดีกับผมซะเหลือเกิน

ปล. แล้วจะมาเล่าเรื่องแตงเค็มต่อวันหลังนะ
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 16-01-2007 11:06:08
เจ๊เขียนได้น่ารักจัง  เค้าคนนั้นเป็นคนในครอบครัวเจ๊เหรอ  อ่านแล้วคิดถึงความหลังจังเลย  คิดถึงบ้านอ่า  แง แง  :impress3:

เมื่อวันเสาร์ลองทำอาหาร Greek ด้วยเจ๊  ทำกับเพื่อนอะ  ตามสูตรในหนังสือเลย  มีขั้นตอนที่ต้องเตรียมข้าวก่อนที่จะเอามาคลุกหมักอะนะ  เราก็ทำตามขั้นตอนมันทุกอย่างเลย  พอทำออกมามันก็คือ การหุงข้าวดีดีนี่เอง (แต่วิธีที่มันบอกให้ตรูทำ คือ การหุงข้าวแบบเช็ดน้ำหรือไม่เช็ดน้ำอะไรซักอย่าง) แสดดดดดดด  รู้งี้กรูก็หุงด้วยหม้อหุงข้าวก็ด้ายยย จะบ้าตาย  เซ็งเล็กน้อย  แต่พอทำเสร็จหน้าตาอาหารสวยงามก็ดีอยู่นา  อิอิ  (ไว้มีโอกาสจะเอามาโชว์ให้เจ้ดูนะ  เราเป็นลูกมือนะ)

รออ่านแตงเค็มของเจ๊เน้อ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-01-2007 05:06:42
มาแล้วครับ...............

ก่อนอื่นก็ตอบรีบนหัวก่อนดีฟ่าเนอะ
...ครับ  เค้าเป็นคนที่อาจจะรักผม  และ...แน่นอนผมรักเค้ามากจริงๆ
วันที่เค้าจากผมไปไกล  ผมร้องไห้มากมายต่อหน้าผู้คน
เราจากกันโดยไม่ได้เอ่ยคำลา  จากกันทั้งๆ ที่เรายังรักกัน(มั่ง?)
แต่ผมยังคงเจอเค้าอยู่บ่อยๆ ....................ในใจผมเอง

เปลี่ยนเรื่อง.......................
เอารูปมาลงด้วยสิมูมู่ฯ  เจ้อยากเห็นว่าหน้าตามันเป็นไง  ให้ดีเอาวิธีการทำลงด้วยสิ  เจ้จะได้เอาไว้ทำกินมั่ง อิอิ

ส่วนอีแตงเค็มก็นะ....
วิธีการทำก็ง่ายแสนง่าย แต่อร่อยล้ำ...อย่างน้อยก็ในความคิดผมหละ
เริ่มจากไปเลือกแตงมาก่อนเลย  วิธีการเลือกก็แค่จับๆ ดมๆ ดู ลูกไหนหอมมากก็แสดงว่าสุกและหวานมากควรแก่การเอามากินยิ่ง ฮาส์
จากนั้นก็ผ่าเหมือนผ่าแตงโมนั้นแหละครับ  คว้านเมล็ดมันออกเสียงหน่อยนะ
ความจริงไอ้แคนตาลูปนี่มันเป็นพืชตระกลูเดียวกันกับฟักทองนะผมว่า  สังเกตจากลักษณะเปลือก  เนื้อแล้วก็หน้าตาของเมล็ดมัน  มันคล้ายๆ กัน  แต่ไหงเราดันเรียกมันว่าแตงแคนตาลูปและจัดให้มันเป็นผลไม้  ทั้งๆ ที่มันเหมือนฟักทองที่เราให้มันเป็นผักมากกว่า
แต่เรื่องหลักเกณฑ์แยกผักออกจากผลไม้เนี่ยนะ  ผมหาคำตอบให้ตัวเองมานานแล้วพอได้นะ  เดินๆ ไป อ้าว! เจอข้อโต้แย้งเสียงั้น เช่น
ผลไม้ คือ ลูกของไม้ยืนต้นหรือพืชที่ลำต้นมีเนื้อไม้แล้วก็มีอายุต้นหลายปี เช่น มะม่วง กระท้อน  ในกรณีนี้...แล้ว มะนาว  มะกรูด หละ
ผัก คือ ลูกของไม้ล้มลุกหรือพืชที่ลำต้นไม่มีเนื้อไม้  อายุต้นสั้น คือปลูกไม่กี่ปีก็ตายต้องลงใหม่ เช่น พริก ในกรณีนี้...แล้ว กล้วยกับมะละกอ หรือแตงโม หละ  งง?
เอาใหม่  ผลไม้มันต้องเป็นลูกๆ เช่น ส้ม แตงโม ส่วนผักต้องเป็นใบๆ เช่น กระหล่ำ ผักบุ้ง  แล้วหัวมันกะหัวหอมหละจะเอามันไปไว้ไหน แล้วอ้อยอะควรจัดให้มันเป็นผักหรือผลไม้
เอาใหม่  ผลไม้กินเปล่าๆหรือกินเป็นของหวาน เช่น ละมุด น้อยหน่า  ผักกินกับข้าวหรือของคาว เช่น มะเขือ แตงกวา แต่ผมเคยเห็นคนกินกะแตงโม  กะมะม่วง กะทุเรียน กะลำไย  เคยเห็นชมพู่ในสำรับผักจิ้มน้ำพริก  ตูงงอีกรอบ
เลยเลิกคิด  ไม่สนใจแล้ว  กินแมร่งมันหมดเลยดีกว่า ฮ่าๆ อร่อยดี

ไปถึงไหนแล้วเนี้ยฉ้านนนนนนนนนนนนนนนนนนน
กลับๆๆ กลับมาที่แตงเค็มกันต่อ....เราหั่นแตงคว้านเม็ดเรียงใส่จานไว้แล้วใช่ไหม
จากนั้นก็ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง  ไม่ต้องใส่น้ำมันนะ
แล้วให้เอาแผ่นหมูแฮมที่แกะจากซองเมื่อกี้นะไปนาบกับกะทะร้อนสักแป๊บหนึ่ง(หายใจเข้าออกหกที)แล้วเอามาวางบนชิ้นแตงแต่ถ้าใครชอบแฮมดิบหรือต้มก็ตามสบายเลย  ถ้าดิบ...ก็แกะจากซองแล้วเอามาวางบนแตงเลย  ส่วนถ้าใครชอบต้ม...ก็เอามันไปต้มก่อนเท่านั้นเอง
แล้วก็จะได้อย่างในภาพนี้  อิอิ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1006.jpg)

น่ากินไหม  ส่วนเวลากินก็.....ทำอย่างนี้ครับ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1027.jpg)

แล้วเอาเข้าปากเคี้ยวๆ กลืน เอือก! อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ล้ำ

หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-01-2007 06:16:35
เมื่อวันก่อนตอนเย็นๆ กำลังเดินไปรอรถกลับบ้านพัก...
มี ฮ. มาจอดหน้าตึก  หิมะกระจาย  เข้าหูเข้าตาเข้าปากตูหมดเลย  ดีนะที่ไม่เข้า....ไม่งั้นคงต้องหาอะไรอุ่นๆ ร้อนๆ มาแหย่  ฮาส์
เห็นคนลงจาก ฮ. ความคิดถึงใครบางคนก็ผุดพรวดขึ้นมาในสมอง  แถมมากเสียด้วย
ใครคนนั้นคือ คนต้นเรื่องของเล้านี้ไง  คุณเป็ด
ผมชอบที่ตะเรียกเขาว่าเป็ดนะ  ไม่ชอบเรียกนัท  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน?
ป่านนี้แล้ว  เป็ดน้อยจะบินอยู่แถวไหนนะ
ผมเงยขึ้นมองท้องฟ้า  อีกาฝูงใหญ่มากๆ กำลังบินกลับที่ไหนสักแห่งที่มันเท่านั้นที่รู้จุดที่หมายปลายทาง
แล้วคุณเป็ดของผมหละ?  ยังบินอยู่ที่ไหน  เมื่อไหร่เป็ดจะเจอที่หมายปลายทาง...
แล้วตัวผมเองหละที่หมายปลายทางอยู่ที่ไหน
ใครสักคน?
บ้าน รถ เงินในสมุดธนาคาร?
ความสำเร็จในหน้าที่การงานตามสายงาน + การยอมรับในสังคม?
ครอบครัวที่อบอุ่น + ลูก?
อะไรคือจุดหมายปลายทางที่ผมอยากจะเดินไปถึงกันแน่นะ
ผมรู้ดีว่าผมคงไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปถึงพร้อมกันในหลายๆ จุดหมายปลายทางได้
เพราะแต่ละอย่างมันต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง
ผมคงต้องเลิกที่ใดที่หนึ่ง...เพียงที่เดียว
ที่ตรงไหนก็ได้...กับใครสักคน  ที่เขาพร้อมจะดูแลผม
มันจำเป็นไหมครับที่เขาจะต้องรักผมด้วย? 
ผมว่าผมไม่ค่อยจะถนัดดูแลใครนะ...ผมว่า
ตัวของผมเองผมยังเอาไม่ค่อยรอดเลย
...นอนดึกหลายคืนติดกันเพื่ออ่านนิยาย หนังสือที่ตัวเองชอบ
...สายตาสั้นและเอียงแต่ไม่ยอมใส่แว่น
...ไม่ออกกำลังกายเพราะขี้เกียจ
...ไม่ยอมไปหาหมอทั้งๆ ที่บางทีก็รู้สึกผิดปกติในร่างกาย
...เที่ยวสิบคืนติดกันกับเพื่อนๆ
...ไม่ยอมกินข้าวถ้ายังทำงานที่ค้างอยู่ไม่เสร็จ
ผมใช่...ร่างกาย...ตัวเองอย่างหักโหมเพื่อตอบสนองความต้องการของ...จิตใจ...ตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
เห็นไหมครับว่าผมไม่ค่อยสนใจร่างกายตัวเองสักเท่าไหร่  แล้วอย่างนี้ผมจะไปดูแลใครได้?
แต่บางที...ผมก็ดูแลตัวเองได้ดีเหมือนกันนะ
เคยไหมครับที่เราแยกตัวและหัวใจออกจากกัน?
บ่อยครั้งที่ผมทำอย่างนั้น
อย่างตอนอกหักครั้งแรก...หนักมากจนรูมเมททั้งเก่า(เพื่อนตั้งแต่สมัยปีหนึ่งมันเป็นชายแท้แต่ขอมาอยู่ห้องเดียวกะผมที่เป็นเกย์และมันก็รู้)และใหม่(มันเองครับ...คนที่ผมแอบรัก?)ต้องหามส่งโรงพยาบาล
ความรู้สึกอยากนอนนิ่งๆ ไม่หายใจ ไม่กินอะไร ไม่พูดไม่จา...แต่ร่างกายกลับต้องการในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ผมต้องบอกกับใจตัวเองว่า...แกต้องกิน  กินเพื่อร่างกายของแกเพราะถึงแกจะไม่อยากกินแต่ร่างกายแกต้องการอาหารนะ
ร่างกายมันรักแก  มันทำอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อแก  แล้วแกจะใจร้ายไม่ทำเพื่อมันบ้างหรอ...
หรือตอนป่วยไม่สบายอยู่คนเดียวในห้อง
ปวดเมื่อยจนไม่อยากจะขยับร่าง  ตัวร้อนสูงแต่หนาวสั่น  อยากนอนหมกตัวอยู่ในผ้าห่ม
นี้ก็เหมือนกัน  ผมต้องสั่งใจให้ลุกขึ้นไปเอาผ้ามาเช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 
บอกจิตใจตัวเองให้ลงไปหาอะไรขึ้นมากินแล้วกินยาซะ
บอกใจให้ดูแลร่างกายนี้ให้มากๆ เพราะหากร่างกายไม่ไหวแล้วใจจะอยู่ได้ยังไง
ในเมื่อร่างกาย ทำเพื่อจิตใจมากแล้ว  คงถึงเวลาที่จิตใจต้องดูแลร่างกายบ้างเสียที

ปล. เพ้อเจ้อเนอะผมเนี้ย  ว่ามะ?

ปล. ก่อนจากกันวันนี้ครัวอิเจ้ขอเสนอขนมหวานให้เอาไปทำกินกัน  อิเจ้ยังไม่ได้ตั้งชื่อใครว่างจัดไม่มีไรทำก็ลองลับสมองประลองปัญญาตั้งชื่อให้เจ้ด้วยนะ  จักขอบพระคุณยิ่ง

วิธีการทำก็ง่ายยิ่งกว่าอะไร  เริ่มจาก  ไปหาแก้วมาสิยะเธอจะมัวนั่งอ่านเฉยอยู่ทำไมยะ?  แล้วก็ไปเอาแยมสตรอเบอแหลใสนตู้เย็นมานะ  เปิดฝามันออกแล้วก็ตักใส่แก้วเลยดิ

พอแล้วๆๆ  อย่าเยอะขนาดนั้น  ตักออกหน่อยสิมันเยอะเกิน  เอาแค่ก้นๆ แก้วพอ  โอเคนะ?
แล้วก็ไปโยเกิร์ตรสไรก็ได้  แต่เจ้ พรีเฟอร์ รสสตรอบอรี่เท่านั้น  เพราะเจ้สวย  เจ้เลยต้องกินรสนี่  อิอิ

แล้วก็เอาโยเกิร์ตนั้นแหละโป๊ะทับลงไป  แล้วก็เอาผลไม้ชิ้นเล็กๆ เก๋ๆ แปะไว้ด้านบนอีกที   

เท่านี้ก็อวดแขกได้แล้นนนนนนนนนน  ดังรูป

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1014.jpg)

อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์  ตูเก่งจริงๆ  ทั้งเก่งทั้งแรด  ครบเครื่อง
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 19-01-2007 19:39:35
ก็ถูกของเจ๊นะที่จุดหมายปลายทางของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน  ความรัก ครอบครัว การงาน เงิน ฯลฯ แล้วแต่ความฝันของแต่ละคน 
อ่านดูเหมือนเจ๊อยากที่จะอยู่กับความรัก  หาใครซักคน  ถ้าได้คนที่เรารักและรักเราก็ดีนะคะ  เท่าที่อ่าน ๆ ดูความรักแบบชายรักชายมาเร็ว  รักแรง  หน่ายง่าย  อาจจะเป็นเพราะไม่มีสิ่งที่มาพัฒนาความสัมพันธ์ให้ต่อยอดละมั้ง  อย่างเช่น  ถ้าเป็นความสัมพันธ์แบบชายหญิงจะได้รักการยอมรับจากสังคมมากกว่า  มีลูกมาเป็นผูกพัน  แต่ความสัมพันธ์แบบชายรักชายคงต้องอาศัยใจและกายของคนสองคนที่จะฝ่าฟันไป  เจ๊เจอคน ๆ นั้นของเจ้ละยังเอ่ย  ถ้ายังไม่เจอ  ก็ขอให้เจอนะคะ  แต่ถ้าเจอแล้ว  ก็รักกันนาน ๆ ละ  อยากเห็นคู่ที่รักกันนาน ๆ จัง

เปลี่ยนเรื่อง...  วันนี้เอารูปอาหารมาฝาก  ขอย้ำว่ามีแต่รูป  วิธีการไม่มี เพราะ............... อิฉันเป็นลูกมือ  ลืมไปแล้วว่าทำไง  5555555   เผื่อเจ้จะได้เอาไปเป็นเมนูเวลาคิดอะไรไม่ออกนะคะ
เริ่มต้นจาก อาหารกรีก Yogurt Chicken and Rice Cake

(http://i140.photobucket.com/albums/r14/pimduen/food1.jpg)

แล้วก็ พล่าแซลมอน  ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว  กุ้งเทมปุระ และ หอยลวก

(http://i140.photobucket.com/albums/r14/pimduen/food2.jpg)

เป็นเมนูที่เพื่อนเลี้ยงให้แหละ  อิอิ   ไว้มาคุยกับเจ้ใหม่เน้อ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-01-2007 07:17:55


ถึงน้องมูมู๋น้อยสุดสวย  :monkeylove2: ....

ไปหาวิธีการทำไอ้เค้กรูปบนมาหน่อยสิเคอะ  เจ้อยากได้  ท่าทางมันจะเป็ฯอาหารเพื่อความงามอย่างเท้จริง

เจ้ชอบเคอะเมนูแบบนี้

ปล. ชีสเค้กคือขนมหวานในดวงใจของเจ้......................................
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-01-2007 07:52:50

อันนี้ไม่เกี่ยวกับชื่อกระทู้

แต่เจ้อยากอัพอะ  แล้วก็ถือโอกาสถามใครอ่านเลยว่ามันแปลว่าอะไร

คืองี้.....


คุณแบะ....เพื่อนสาวอิเจ้เล่ามาในกระทู้โน้นนนนนนนนนน  ว่าฝันเห็นงู

เจ้ก็เคยฝันนั  งูแมร่งมากเป็นกองทัพเลย  งูเห่าตัวดำๆ ทั้งน้าน

เจ้ก็กรีดสิเคอะ  แต่ไม่สาหลบนะ

เอามีดอีโต้ฟันหัวขาดเรียบ....แต่ไม่หมด  เหลือตัวหนึ่งท่าทางจะเป็นหัวหน้าใหญ่

เพราะตัวมันใหญ่ฟ่าลูกน้องเยอะมากๆ  เกล็ดสวยแวววาวมาก  ประกายมันเป็นสีฟ้าๆ สวยมาก

แม่เบี้ยตรงลำคอที่แผ่พังพานออกเป็นตัวอักขระคล้าย ข.ไข่ แต่มีหัวสองข้างทั้งหน้าหลัง  เป็นตัวอักขระสีเหลือง สวยมาก

งูหัวหน้ามันไม่ทำไรเลยนะ  ชูคอแผ่แม่เบี้ยนิ่งงงงงงงงงงงงง  แล้วก็ดูเจ้เฉยๆ แววตามันเศร้ามากๆ เจ้ยังจำได้เลยว่าพอเจ้สบตากะตัวหัวหน้าแล้วเจ้อยากจะร้องไห้

แต่อิพวกลูกน้องสิ  ดาหน้าเข้ามาจะกัดตูจัง 

เจ้ก็เอาอีโต้ฟันคอขาด เสียงดังฉับๆ คอขาดเลือดกระจาย   :pigangry2:

แล้วอยู่ๆ ตัวหัวหน้าลงลดคอลงแล้วเลื้อยลงน้ำไป  ไม่ว่าน้ำนั้นจะเป็นยังไง ดำสกปรกแค่ไหนแต่พอตัวหัวหน้าเลื้อยลงไปแล้วน้ำกลับกลายเป็นใสกระจ่างจนเห็นพื้นด้านล่างตลอดเลย

มันแปลว่าไงอะ เจ้อยากรู้จริงๆ  แถมฝันคล้ายๆ กันแบบนี้บ่อยมากๆ เลย  เมื่อก่อน  เรื่องจริงไม่ได้โม้เอาไปสาบานวัดไหนก็ได้เลยค่า

พอเจ้ไปเล่าให้หมอดูฟัง    หมอดูก็ทายว่า......

อย่ารู้เลย  เรื่องมันเศร้านะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-01-2007 10:59:22
ฝันเห็นงูเขาว่าจะได้เนื้อคู่
แต่คงเป็นเพราะกำแพงที่ตั้งไว้สุง
แม้จะรักกัน แต่เขาก็ต้องจากไป
 :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-01-2007 08:03:33
 :o

อย่างนั้นเองหรอตาบลู
แต่เจ้ไม่ค่อยมีกำแพงอะไรเลยนะ  ไม่เคยตั้งมาตรฐาน(ก็ดูสาระรูปเจ้สิยะ  จะไปตั้งอะไรได้ซะที่ไหน)

แล้วทำไหมต้องจากเจ้ไปด้วย

มาหาเจ้แล้ว....จากเจ้ไปงั้นหรอ?

มาหาทำอะไรมิทราบเคอะ   มาเพื่อให้ตูชีช้ำว่างั้น?

มะเอาอะบลู  เจ้ไม่ชอบแบบนี้  :sad4: ทำนายใหม่อีกทีสิเคอะ
..................................................

เปลี่ยนเรื่อง...

วันนี้ไม่มีอะไรจะมาคุยเพราะว่ากำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยสูตรชีศเค้กจากมูมู่อยู่
รอมาหลายวันแระ  แต่ก็ยังไม่ได้สักที  อาจจะต้องร้องเพลง......สงสัยอย่างนี้ต้องรอหน่อย  อย่างนี้ต้องคอยหน่อย  ซะแล่น
อ๊ะ! ดูรูปจานอื่นๆ ของเจ้ไปพลางๆ นะ  อันนี้เป็นยำมาม่าก็ไม่มีไรมาก  คงไม่ต้องบอกเนอะว่าทำไงกินไง  อืมมมมมมมมม

ยำมาม่า
(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1018.jpg)

รวมทั้งหมด
(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1022.jpg)
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 23-01-2007 17:12:52
เจ้จ๋า....คิดถึงเจ้เหมือนกัน  โทดทีไม่ได้มาตอบเจ้  ปล่อยให้เจ้รอ  อยากกินชีสเค้กละสิ   :monkeylaugh2:

แต่ว่าเจ้จะผิดหวังเปล่าอ่า  คือ ..... ชีสเค้กที่เจ้หวังไว้  มันเป็นข้าวอะเจ้  กร๊ากกกกกกกกกกกกก  :laugh:
สงสัยจากรูปทำให้เข้าใจผิด  มันเป็นข้าวทั้งดุ้นเลยเจ้  ไม่มีชีสหรือเค้กเจือปนแต่อย่างใด  มันก็คือ  ข้าวที่เป็นรูปเค้กไง  เป็นสไตล์กรีกอะนะ  แต่ก็นะ  ไหน ๆ เจ้ก็เข้าใจผิดละ  เอามาฝากแล้วกันว่ามันทำยังไงถึงได้หน้าตาเป็นเค้กได้  อิอิ   เริ่มตามขั้นตอนเรยยย

1. ผสมกรีกโยเกิร์ตสองถ้วย ไข่สองฟอง อบเชยผงหนึ่งช้อนชา ตีให้เข้ากัน  ใส่สีซะหน่อย ด้วย saffron ละลายน้ำ
2. เอาไก่ครึ่งโลที่ผัดด้วยเนยกับหัวหอมสับ มาหมักด้วยส่วนผสมข้างบน ปรุงรสด้วยเกลือกะพริกไทยตามชอบ แล้วก็พักไว้
3. เปิดเตาอบไว้ก่อนที่อุณหภูมิ 160 องศา แล้วก็หุงข้าวสวยสองถ้วย (คดเอาข้าวจากหม้อหุงข้าวที่บ้านเลยนั่นแหละ)
     แยกไก่ที่หมักออกจากเครื่องหมักแล้วก็แบ่งเอาข้าวหนึ่งถ้วยลงไปคลุกแทน
4. (ให้นึกถึงเรากำลังจะทำเลเยอร์เค้กนะ) เอาข้าวที่คลุกกับเครื่องหมักข้างบนแผ่ลงบนถาดอบ จากนั้นก็เอาไก่ที่แยกไว้
     ใส่ลงไปเป็นชั้นที่สองตามด้วยลูกเกด ชั้นบนสุดเป็นข้าวสวยอีกถ้วยที่เหลือ ราดด้วยน้ำซุปไก่ แตะเนย และพรมอัลมอนด์
      ฝานจากนั้นก็เอาเข้าเตาอบสี่สิบห้านาที
5.  พอครบเวลา  ก็เอาออกจากถาดคว่ำลงบนเขียง โรยลูกเกดข้างบน ตัดแบ่ง เสริฟกับสลัดผัก และก็มะกอก เสร็จละ  หน้า
     ตาก็จะออกมาเหมือนรูป ส่วนรสชาติก็นะ  อร่อยแบบกรีกๆอ่ะ อย่ากินมากนัก มันเลี่ยนอ่ะ เอิ๊ก  ๆ

(http://i140.photobucket.com/albums/r14/pimduen/food1.jpg)

ไว้วันหลังจะไปหาชีสเค้กมาทำ  แล้วจะเอามาฝากเจ้น้า  วันนี้เอาอันนี้ไปก่อง  อิอิ 
โทดที ๆ เจ้ผิดหวังแย่เรยยย  บะบาย  ไว้มาคุยใหม่นะเจ้    :yeb:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-01-2007 09:20:40
ดีมูมู่
ขอบใจนะแล้วเจ้จะเอาไปทำตามดู  แต่อยากได้ชีสเค้กอะ  :monkeysad:

....................................................

พ่อเฮ้ย! แม่เฮ้ย! วันนี้ผมนี้ผมร่อนตัวเองไปตากอากาศหนาวๆ ในย่านไชน่าทาวน์มาครับ

ก็ได้หมูย่าง(เมืองตรังมั่ง?)มา   

พอกลับถึงบ้านก็นั่งเลือกกินแต่อันที่มันถึงเครื่องถึงซีอิ้วถึงแรงไฟย่าง

กินไปจนอิ่ม(ซื้อมาปอนด์กว่าๆ) ก็เหลืออีพวกที่มันเป็นเนื้อขาวๆ ไม่ค่อยโดนซีอิ้วโดนไฟเท่าไหร่  รสชาติมันเลยออกจะจืดๆ ไปหน่อยหนึ่ง

ก็เลยคิดๆๆๆ ว่าจะทำอย่างไงกับมันดีนะ 

นอนอืดไปหลายชั่วโมงก็ยังคิดไม่ออกเลยเอามันเข้าตู้เย็นไปก่อนดีฟ่า  อิอิ

ตื่นขึ้นมาอีกวัน  อ๊ะ! คิดออกแล้ว  เอามาผัดถั่วกินดีกว่า  ง่ายดีไม่ยุ่งยาก

เริ่มจากไปเอาถั่วฝักยาวมาล้างๆ แล้วหั่นเป็นท่อนยาวๆ ประมาณความยาวหนึ่งนิ้วชี้

แล้วก็เอาหมูมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า

ตั้งกระทะบนไฟ  ใส่น้ำมัน  พอน้ำมันร้อนก็เอากระเทย เฮ้ย! กระเทียมลงให้เหลืองๆ หอมๆ แล้วก็เอาหมูลงไปกลิ้งๆๆ

พอหมูมันนิ่มก็เอาถั่วใส่ตามลงไป  เติมน้ำตาลนิดน้ำปลาหน่อย น้ำมันหอยน้อยหนึ่ง  พริกไทยสองสามเหยาะ ก็ตักขึ้น  ใส่จานกินได้เลย
หน้าตามันก็ออกมาอย่างนี้หละครับ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1087.jpg)

ซูมใกล้ๆ

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1085.jpg)

ภาพใหญ่

อร่อยมั๊กมากๆ (ในความเห็นของผมเอง อิอิ)
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-02-2007 13:35:27
หวัดดีจ้า  เจ้สองคนงาม  คิดถึงเจ้จังเลย  จริง ๆ นะเนี่ย  ทำเค้กไปก็นึกถึงเจ้ไปอะ   แต่เจ้คงไม่คิดถึงเค้าแล้วอะสิเพราะว่าเค้ามะช่ายผะชายยยยย  แงแง (เจ้เพิ่งรู้ความจริง)   :sad4:

วันนี้เอาชีสเค้กที่เจ้อยากได้สูตรมาฝากแล้วเน้อ ตามสัญญาแม้ว่าจะช้าไปหน่อย แหะๆ   ทำเพื่อเจ้โดยเฉพาะนะเนี่ย  แบบว่าถ้าเจ้ไม่ request ก็คงไม่คิดว่าชาตินี้จะทำอะนะ  เอิ๊ก ๆ  แต่พอทำแล้วก็รู้สึกดีแฮะ  อร่อยดีด้วยนา ชมตัวเอง  แต่อยากบอกว่าวัสดุอุปกรณ์ยุ่งยากโครต ๆ เลยนะเจ้กว่าจะทำได้   เราต้องมีถาดที่มันเปิดแยกออกด้านข้างได้ด้วยอะ  แล้วอุปกรณ์แพงโครต ๆ เรยยยยย  เกือบถอดใจแระ   แต่สุดท้ายก็กัดฟันซื้อมาเผื่ออีกหน่อยครึ้มอกครึ้มใจทำอย่างอื่นอีก  มาดูกันเลยดีก่า…..

ชีสเค้กทับทิม

(http://i140.photobucket.com/albums/r14/pimduen/DSC09910new.jpg)

ส่วนประกอบ
ชั้นฐาน
   • 225g/80z oat biscuits
   • 75g/30z unsalted butter, melted
ชั้นกลาง
   • 45 ml/3 tbsp orange juice
   • 15 ml/1 tbsp powdered gelatine
   • 250g/ 90z/generous 1 cup mascarpone cheese
   • 200g/ 70z/ scant 1 cup full fat soft cheese
   • 75g/ 30z icing sugar
   • 200ml/ scant 1 cup coconut cream
   • 2 egg whites
ชั้นบน
   • ทับทิม (pomegranates) 2 ผล แกะเมล็ดให้เรียบร้อย
   • Grated rind and juice of 1 orange
   • 30ml/ 2 tbsp caster sugar
   • 15ml/ 1 tbsp arrowroot
   • สีผสมอาหาร (ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีการทำ (ส่วนประกอบจะบอกคร่าว ๆนะ รายละเอียดว่าต้องใส่ปริมาณเท่าไหร่  ตามข้างบนนะจ๊ะ)
1. เริ่มจากชั้นฐานก่อน
   • หาถาดหรืออะไรที่มันใส่ได้อะนะ  ขนาดประมาณ 23 cm หรือ 9 นิ้ว  มาทาเนยให้เรียบร้อย  กันขนมติดแล้วแยกไม่
      ออกทีหลัง
   • ทุบ oat biscuits ให้ละเอียด  เติมเนยที่ละลายความร้อนแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
   • เอาช้อนตักใส่ถาดที่เตรียมไว้  ทำให้เป็นแผ่นบาง ๆ  แล้วแช่ตู้เย็น
2. สำหรับชั้นกลางที่เป็นครีม
   2.1 เตรียมน้ำส้มกับ gelatine
   • เติมน้ำส้มสดลงในถ้วยที่ทนความร้อนได้
   • โรยผง gelatine ลงบนน้ำส้ม วางพักไว้ประมาณ 5 นาทีจนกระทั่งเป็นวุ้น
   • วางถ้วยลงในหม้อที่ใส่น้ำร้อน  คนจนกระทั่ง gelatine ละลายเป็นน้ำ  พักไว้ก่อน
   2.2 เตรียมครีมชั้นกลาง
   • ผสม mascarpone cheese กับ soft cheese เข้าด้วยกัน
   • เติม icing sugar
   • จากนั้นค่อย ๆ เติม coconut cream ลงไป
   • พักไว้ก่อน
   2.3 เอามาผสมกัน
   • เทส่วนผสมจากข้อ 2.1  ลงไปในส่วนผสมข้อ 2.2 ด้วยความรวดเร็ว
   • เตรียมตีไข่ขาวให้ขึ้น ในถ้วยต่างหาก พักไข่ขาวไว้ก่อน
   • จากนั้น  เทส่วนผสมข้างต้น (2.1 + 2.2) ลงในไข่ขาวที่ตีขึ้นแล้ว
   • เทลงบนชั้นฐานที่แช่เย็นไว้จากข้อ 1  แล้วก็นำไปแช่เย็น
3. สำหรับชั้นบนสุด
   • น้ำเมล็ดทับทิมที่แกะแล้วลงในกะทะ  เติมเปลือกส้มและน้ำส้มลงไป  คนให้เข้ากัน
   • เติม caster sugar แล้วต้มให้เดือด  ลดความร้อนลง  เคี่ยวต่ออีกประมาณ 5 นาที
   • เติม arrowroot (มันเหมือนแป้งมันอะนะ) ลงไป  คนสม่ำเสมอจนกระทั่งข้นหนืด
   • ใส่สีผสมอาหาร (ถ้ามี)  ปล่อยให้เย็น  คนเป็นครั้งคราว
   • เทส่วนผสมชั้นบนที่เย็นแล้วลงบนชั้นกลางที่เย็นตัวจากข้อ 2
   • แช่เย็น  พร้อมเสริฟ
   • ปล. ระวังตอนแยกเค้กกับถาดเน้อ  แยกยากหน่อย  ต้องค่อย ๆ เลาะมันออกจากกัน

(http://i140.photobucket.com/albums/r14/pimduen/DSC09915new1.jpg)

จบแว้ววววววว  สำหรับขั้นตอนการทำชีสเค้กทับทิม  จริง ๆ ก็สามารถนำไปประยุกต์ไปทำเป็นหน้าอะไรก็ได้ตามใจต้องการ  เจ้สองหรือเพื่อน ๆ ที่สนใจก็สามารถเอาไปทำได้นะ  สนุกดีไปอีกแบบ  ไว้วันหลังจะเอาอย่างอื่นมาฝากอีก  จริง ๆ น่าจะตั้งกระทู้ใหม่เป็นกระทู้สรรหาตามใจปากเนอะ  :yeb:

ปล  เจ้สองคนสวย  ช่วงนี้เหงาเหรอ  ปล่อย ๆ มันไปเห้อ  งานมันน่าเบื่อ  ล่ม  ผู้คนพูดไม่รู้เรื่อง   ก็ช่างมันเหอะ  อย่างดีก็แค่จิตตกเป็นช่วง ๆ อะนะ  เด๋วเจ้ก็ได้กลับบ้านแล้ววว  รู้มั้ยว่ามีคนอิจฉานะเนี่ย  เจ้ยังได้นึกถึงวันที่จะได้กลับบ้าน อีกไม่กี่เดือนเอง  แต่ยังมีอีกคนที่ได้แค่ฝันถึงวันที่จะได้เก็บของกลับบ้านจริง ๆ อะ  นึกยังไงก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าวันนั้นมาถึงจะเป็นยังไง  จะดีใจแค่ไหน  แงแง   :impress3:


หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-02-2007 09:35:48
ขอบใจนะมูมู่

เจ้ก็เริ่มทำใจแล้วแหละเรื่องพวกนนั้นนะ  ก็สบายใจขึ้นมาหน่อยนึง

เอาละก็มาเริ่มรายการตะลอนทัวร์ (กิน) หัวฟู (พุงบานดีกว่าเนอะ)

วันนี้เจ้ขอเสนอ  น่องไก่อบ

ขั้นตอนการทำ.......เริ่มจาก

ทำไงหว่า  ตูลืมไปแระส์  อิอิ  โทษที  อย่าโกรธกันนะ

เด๋วขอนึกก่อน.....เอาน่องไก่ตรงสะโพกมานะ  หมักด้วย  นม เกลือ น้ำปลา  พริกไทย น้ำตาลและผงคะนอร์

คลุกๆๆๆๆๆๆๆ ขยำๆๆๆๆๆๆๆๆ  แช่เอาไว้ครึ่งวัน  แล้วก็เอามาห่อกระดาษฟลอยส์  ใส่เนยขาวชนิดไม่ใส่เกลือลงไปให้มากๆ หน่อย  แล้วก็เอาเข้าเตาอบเลย 

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1066.jpg)

หน้าตามันก็เป็นอย่างงี้อะครับ  แฮะๆๆ  อร่อยสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(http://i132.photobucket.com/albums/q8/oaw_eang/food1074.jpg) รวมน่องไก้กับชีสเค้ก(ซื้อเขามากิน อิอิ)
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: united3365 ที่ 05-05-2011 14:44:09
โอยยยย หิว  :angry2:
หัวข้อ: Re: ตะลอนทัวร์หัวฟู
เริ่มหัวข้อโดย: moomimmoom ที่ 31-05-2011 10:24:16
อะไรจะน่ากินขนาดนี้ ขอชิ้นนุง :angry2: