พิมพ์หน้านี้ - เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 12:30:55

หัวข้อ: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 12:30:55
เยี่ยมแวะวิมาน

   •   เยี่ยม: เยี่ยมกันในอดีต (รู้จักกันตั้งแต่เด็ก)
   •   แวะ: แวะเข้าไปทบทวนความรู้สึกที่หลงลืม
   •   วิมาน: ความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่สร้างขึ้นใหม่ด้วยความเข้าใจ

“บางทริป…ไม่ได้พาเราไปแค่ที่ใหม่ แต่พาใจกลับมาเจอกันอีกครั้ง”

ใครจะคิดว่า ‘วิมาน’ ที่ใคร ๆ วาดฝันไว้ อาจไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ รถคันหรู หรือชีวิตที่ราบรื่น
แต่มันอาจหมายถึง ‘ช่วงเวลาสั้น ๆ’ ที่ได้อยู่กับใครบางคน
แม้จะทะเลาะกันแทบทุกวัน
แม้จะเห็นไม่ตรงกันแทบทุกเรื่อง
แต่ก็ยังเลือกจะ “เยี่ยม” และ “แวะ” เข้าไปในใจของกันและกัน
ซ้ำแล้ว…ซ้ำเล่า

ทริปยุโรป 20 วัน ที่เริ่มต้นด้วยความไม่ลงรอย
กลับกลายเป็นการเดินทางที่ทำให้สองหัวใจ
…ไม่อยากกลับจากวิมานที่ทั้งคู่สร้างไว้กลางฟ้า
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 13:14:04
พวกเขาเคยเป็นเด็กชายสองคนที่ทะเลาะกันเรื่องดินสอ 2B
โตขึ้นมากลายเป็นวัยรุ่นที่เถียงกันเรื่องเพลงใครดีกว่า
และเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่…ก็ยังไม่วายขัดกันเรื่องว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวมันไก่

ภัทรกับดินสอ
ต่างกันทุกอย่างที่คนสองคนจะต่างกันได้
หนึ่งคนเสียงดัง หัวเราะง่าย ใจร้อนเป็นไฟ
อีกคนเงียบเฉียบ คิดนาน พูดน้อยจนบางครั้งเหมือนพูดกับผนัง
แต่ไม่ว่าจะกี่ปี กี่ช่วงวัย
ทั้งคู่ก็ยังวนกลับมาอยู่ในวงโคจรเดียวกันเสมอ

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มเอียง
เมื่อคำว่า “แฟน” เริ่มสั่นคลอน
และเมื่อความอดทนของคนสองคนใกล้จะหมดลง

ตั๋วเครื่องบินสองใบที่จองไว้ตั้งแต่ยังรักกันดี
ทริปยุโรปตะวันตก 20 วัน พร้อมโรงแรมหรูระดับห้าดาว
กลายเป็นเดิมพันสุดท้ายก่อนจะตัดสินว่า “จะไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้”

จากปารีสสู่บาร์เซโลนา
จากคลองในอัมสเตอร์ดัมถึงหิมะบนเขาริกิ
เสียงหัวเราะ การเงียบงัน คำประชด
และสายตาที่เผลอมองกันเวลาหนึ่งคนไม่รู้ตัว
กลายเป็นบทสนทนาที่ไม่ต้องใช้คำพูด

เพราะบางที
“วิมาน” ไม่ได้แปลว่าปลายทางอันสมบูรณ์แบบ
แต่มันคือระหว่างทาง ที่คนสองคน…เลือกจะเยี่ยม เลือกจะแวะ
และเลือกจะไม่หายไปจากกัน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 14:11:32
ตัวละครหลัก

1. ภัทร (พระเอก)
   •   อายุ: 26 ปี
   •   ส่วนสูง/ลักษณะ: 186 ซม. หุ่นล่ำ กล้ามแน่น ผิวแทนสุขภาพดี
   •   บุคลิก: Extrovert, ขี้เล่น พูดตรง มีเสน่ห์แบบคนมั่นใจ มักชวนทะเลาะเพราะคิดเร็วพูดเร็ว
   •   อาชีพ: เจ้าของบริษัทสตาร์ทอัปสายเทคฯ ที่เพิ่งปิดดีลกับฝั่งยุโรป ทำให้ต้องไปยุโรปอยู่แล้ว
   •   จุดแข็ง: ใจใหญ่ ใจเร็ว ใจนักเลง
   •   จุดอ่อน: หงุดหงิดง่าย หัวร้อน ชอบตัดสินแทนดินสอ

2. ดินสอ (นายเอก)
   •   อายุ: 26 ปี
   •   ส่วนสูง/ลักษณะ: 172 ซม. ผิวขาวจัด หน้าตานิ่ง ๆ ดูเย็นชาแต่ใจดี
   •   บุคลิก: Introvert ชอบเงียบ ๆ ไม่ชอบวุ่นวาย มีระเบียบในชีวิตสุด ๆ
   •   อาชีพ: Interior Designer ฟรีแลนซ์มีชื่อเสียง ทำโปรเจกต์ให้ลูกค้าต่างประเทศ
   •   จุดแข็ง: ละเอียด ละเมียด ฉลาดนิ่ง
   •   จุดอ่อน: ดื้อเงียบ ขี้เก็บ ไม่ชอบพูดตรง ๆ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 14:23:50
ตอนที่ 1: เสียงเงียบในกระเป๋าเดินทาง

เสียงซิปกระเป๋าเดินทางดังขึ้นในห้องคอนโดที่แสนจะเงียบ
ดินสอนั่งพับเสื้อแบบเรียงมุมตามสีเสื้อ – สีฟ้าไว้ซ้าย, สีขาวตรงกลาง, สีเข้มไว้ล่างสุด
การจัดกระเป๋าสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ
มันเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ควบคุมได้ ในโลกที่อะไรหลายอย่างควบคุมไม่ได้…โดยเฉพาะคนชื่อภัทร

“แกร๊ง”
เสียงโทรศัพท์สั่นคว่ำอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา
หน้าจอขึ้นชื่อว่า “ภัทร (อีกเบอร์)”

แน่นอนว่าดินสอไม่รับสาย
เขาเลือกจะปล่อยให้เสียงสั่นนั่นเงียบไปเอง
เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุย…แต่เพราะไม่รู้จะพูดยังไงต่างหาก

ทริปยุโรป 20 วันที่เคยตั้งใจจะไปด้วยกัน
กลายเป็นเส้นทางที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังอยู่ข้าง ๆ กันถึงวันสุดท้ายหรือเปล่า

“ไปทั้งที่ยังทะเลาะกันแบบนี้ มันจะดีเหรอวะ…”

ประโยคที่ดินสอเคยถามตัวเองเมื่อสองวันก่อน ยังคงวนอยู่ในหัว
คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม

“เสียดายตั๋ว”

ทันใดนั้น
เสียงแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่สายเรียกเข้า
แต่เป็นข้อความ

ภัทร: “ถ้ามึงยังไม่ยกเลิก กูจะไปรอที่สนามบินเลยนะเว้ย”
ภัทร: “ขึ้นเครื่องแล้วจะนั่งข้างกันมั้ยก็เรื่องของมึง แต่กูจะไป”

ดินสออ่านจบ
นิ่งอยู่สักพัก
แล้วลุกไปหยิบแจ็กเก็ตจากราว
พับมันวางบนสุดของกระเป๋า
ตามด้วยหมวกไหมพรมที่ภัทรเคยล้อว่า “ใส่แล้วเหมือนเด็กสกีหลงฤดู”

เสียงซิปปิดลงอีกครั้ง
แน่นกว่าเมื่อครู่
เงียบ…แต่แน่นด้วยอะไรบางอย่างที่เขาไม่กล้าพูด

“ถ้ากลับมาค่อยเลิกกันก็ได้” เขาพึมพำเบา ๆ
แล้วลากกระเป๋าไปจอดไว้ข้างประตู



End – ตอนที่ 1
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 14:57:47
ตอนที่ 2: คนที่โยนยางลบลงจากชั้นสอง

โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี
สนามเด็กเล่นสีซีดเต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กชายหญิงในชุดนักเรียนสีกรมฯ

เด็กชายร่างสูงกว่าปกติในวัย 6 ขวบ ชื่อ “ภัทร”
กำลังหัวเราะเสียงดัง เพราะเขาเพิ่งเล่น “เตะบอลใส่ต้นไม้แล้วหล่นโดนหัวเพื่อน” ได้สำเร็จ
อีกฟากของห้องเรียน
เด็กชายอีกคน ตัวเล็กกว่า ผิวขาวจัด นั่งเหลา “ดินสอ 2B” อย่างบรรจง

ภัทรเดินผ่านมา
เห็นดินสอนั่งนิ่ง ๆ ก็แหย่ตามประสาเด็กขี้แกล้ง

“เหลาอะไรนักหนาวะ ไว้จิ้มข้อสอบหรือจิ้มคน?”

ไม่มีเสียงตอบ
ดินสอแค่เงยหน้ามองเล็กน้อย แล้วกลับไปเหลาอย่างเดิม
ภัทรเบ้ปาก ก่อนจะคว้ายางลบของอีกฝ่ายขึ้นมา

“ขอลองดูหน่อยดิ๊ ว่าใช้ดีปะ!”

แล้วก็…ปา ปิ้วววว
ยางลบเจ้ากรรมลอยผ่านหน้าต่างห้องเรียน
ตกไปยังชั้นล่างเหมือนลูกดิ่ง

ดินสอนิ่ง…
เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เจอ Blue Screen

30 วินาทีต่อมา
น้ำปลาหนึ่งฝาเทลงในรองเท้าภัทรตอนพักเที่ยง
โดยเด็กชายคนเดิม ที่ไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว



หลายปีต่อมา
เรื่องราวขำ ๆ แบบนี้ยังคงเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
บางทีเป็นสไตล์การแหย่
บางทีเป็นความพยายามจะดึงอีกคนให้ออกมาจากเปลือก
หรือบางที…ก็แค่
“เพราะนายอยู่ตรงนั้น ฉันเลยเป็นแบบนี้ได้”

แม้จะเรียนคนละห้องตอนมัธยม
แม้จะห่างกันช่วงมหาวิทยาลัย
แต่ไม่เคยห่างเกินกว่าใครจะหายไปจากชีวิตของใคร

พวกเขาโตขึ้นด้วยกัน…ทะเลาะกัน…แล้วก็กลับมาคุยกัน
ซ้ำแล้ว…ซ้ำเล่า
จนถึงวันนี้ ที่ทุกอย่างเหมือนจะถึงจุดแตกหัก

เสียงเครื่องบินขนาดใหญ่กำลังทะยานขึ้นฟ้าจากสนามบินสุวรรณภูมิ
ดินสอนั่งเงียบข้างหน้าต่าง
ภัทรนั่งข้าง ๆ ขาเหยียดชนกันนิด ๆ
ไม่มีคำพูด
ไม่มีการสบตา
แต่ก็ไม่มีใครลุกไปไหน

เหมือนยางลบที่เคยโดนโยนจากชั้นสอง
สุดท้าย…มันก็ยังกลับมาอยู่บนโต๊ะเดิม



End – ตอนที่ 2
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 15:46:18
ตอนที่ 3: สนามบินที่ไม่มีใครยิ้ม

เสียงล้อกระเป๋าเดินทางลากไปบนพื้นหินแกรนิตของสนามบินสุวรรณภูมิ
เสียงประกาศสายการบินดังเป็นระยะ
แสงยามเช้าส่องผ่านกระจกสูงเป็นแถบ ๆ ทาบลงบนไหล่ของคนสองคน
ที่ยืนห่างกันประมาณ 1.3 เมตร…อย่างพอดีเป๊ะ

ดินสอใส่เสื้อคอเต่ากับเสื้อโค้ตสีเทาเข้ม
ภัทรใส่เสื้อยืดพอดีตัวกับแจ็กเก็ตสีน้ำเงินกรมท่า
ใบหน้าทั้งคู่เรียบเฉยพอ ๆ กัน
เหมือนทั้งโลกไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ในหัว…อาจกำลังเดือดคนละแบบ

“กินอะไรมารึยัง” ภัทรถาม ขณะกำลังวางกระเป๋าขึ้นตาชั่งเช็กอิน

“ไม่หิว” ดินสอตอบโดยไม่หันมามอง

“โอเค” ภัทรพยักหน้า แต่ในใจน่าจะกรอกตาไปแล้วสามรอบ



ไม่นานนัก พวกเขาก็เดินเข้ามาใน Lounge ของสายการบิน
ผู้โดยสารบางส่วนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ดื่มกาแฟ หรือจัดทริปลงในมือถือ
ภัทรหยิบครัวซองต์มากินสองชิ้น แถมน้ำส้มอีกแก้ว
ดินสอไม่หยิบอะไรเลย นอกจากถ้วยชาดำที่ไม่มีน้ำตาล

ทั้งคู่เลือกที่นั่งติดหน้าต่าง
มองเห็นเครื่องบินจอดเรียงอยู่ด้านนอก
ไม่มีคำพูด
จนภัทรอดไม่ได้

“ถ้ามึงจะมางอนกูแบบเงียบ ๆ แบบนี้ มึงจะไปกับกูทำไมแต่แรกวะ?”

ดินสอวางถ้วยชาลงช้า ๆ
ไม่หันไปมองด้วยซ้ำ

“ถ้ากูไม่ไป มึงก็ต้องไปคนเดียว แล้วก็จะไม่เช็กอินโรงแรม ไม่ตามทัวร์ ลืมซื้อตั๋วเข้า Louvre แล้วก็คงหลงที่ La Défense จนกลับไม่ถูก”

ภัทรหันมามอง ยกคิ้วสูง

“โห…ใส่กูเหมือนจ้างมึงทำทริปนี้เลยนะ”

“เปล่า กูแค่รู้จักนิสัยมึงดี”

เงียบอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่อึดอัดเหมือนก่อนหน้า
ภัทรเหลือบมองหน้าอีกฝ่าย เห็นเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่
แสงเช้าทาบลงบนใบหน้าเรียบเฉยของดินสอ
เหมือนป้ายเตือนว่า “อย่าแตะตอนนี้ เดี๋ยวเจ็บ”

“โอเค…งั้นขึ้นเครื่องแล้วค่อยทะเลาะใหม่”
ภัทรว่า แล้วหยิบครัวซองต์อีกชิ้นส่งให้
“ถือว่าเป็นสินบนก่อนขึ้นฟ้า”

ดินสอรับไว้เงียบ ๆ
ไม่ได้ยิ้ม
แต่ครัวซองต์นั่น…หายไปจากมือเขาในอีกไม่ถึงนาที



End – ตอนที่ 3
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 04-04-2025 15:48:54
ขอลบตอน 4 นะครับ เหมือนมันขาดอะไร เดี๋ยวจะมาลงใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (ขอแก้ไข ลบตอน 4 ครับ เดี๋ยวจะลงใหม่ ใครทันบ้าง)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 13:02:42

ตอนที่ 4: ฟ้าใกล้ขึ้น…ใจยังห่างอยู่

สนามบินสุวรรณภูมิ – Emirates Lounge

เสียงบรรจบกันของเสียงคนลากกระเป๋า เสียงตู้กาแฟ และเสียงรองเท้าหนังเคาะพื้น
ภัทรกับดินสอนั่งอยู่ที่โซฟาริมสุดของ Lounge ชั้น Business Class
ตรงมุมที่มีปลั๊กไฟครบสามช่อง และแสงไม่สว่างเกินไป

ดินสอกอดหมอนอิงใบเล็ก สีเทาเข้ม
เขานอนตะแคงขดตัวเล็ก ๆ เหมือนลูกแมวที่ไม่อยากโดนปลุก
ภัทรนั่งข้าง ๆ เปิดไอแพดอ่านบทสัมภาษณ์นักออกแบบรถไฟฟ้าในฝรั่งเศส
อ่านไปไม่กี่บรรทัด…ก็หลุดมองคนข้าง ๆ

“จะหลับก็หลับไปเลยสิ จะฝืนตาแฉะทำไม”
เขาคิดในใจ

ในจังหวะที่สายตาเผลอมองแก้มขาว ๆ นั่นนานเกิน
ดินสอก็พูดเบา ๆ โดยไม่ลืมตา

“อย่าจ้องขนาดนั้น กูไม่ได้ทาครีมกันแดด”

ภัทรสะดุ้งนิด ๆ

“อ้าว มึงไม่หลับเหรอ?”

“ไม่ได้หลับ กำลังตั้งใจไม่ง่วง”



10:15 น. – เรียกขึ้นเครื่อง

เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังมาเบา ๆ ผ่านลำโพง
คณะกรุ๊ปทัวร์เริ่มทยอยลุก
พีทหาววอด ๆ พร้อมลากกล้อง
เจ๊พลอยยังแต่งปากไม่เสร็จดี
คุณลุงก้องกับป้าอุ๊จับมือกันแน่นเหมือนคู่รักในละคร

ภัทรลุกขึ้น หันไปหาดินสอ
ยื่นมือลงไปตรงหน้า

“ลุกไหวมั้ย หรือต้องให้กูอุ้มขึ้นเครื่อง”

ดินสอมอง

“ลุกเองได้ แต่ถ้ามึงจะอุ้มก็ไม่ว่า”

ทั้งคู่เดินเคียงกันไปยังเกท B4
ระยะห่างระหว่างหัวไหล่
คือระยะเดียวกับความสัมพันธ์ช่วงนี้
ไม่ใกล้…แต่ก็ไม่ได้ห่างพอจะไม่คิดถึง



11:00 น. – ขึ้นเครื่อง Business Class

เบาะกว้างสีครีมอ่อน มีกลิ่นน้ำหอมแบบ Oriental
พนักงานต้อนรับยิ้มทัก

“Welcome onboard, gentlemen. Here’s your Moët & Chandon.”

ภัทรรับแชมเปญ
ดินสอเลือกเป็นน้ำแอปเปิ้ล
แค่เรื่องเครื่องดื่มก็สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้ชัดพอ ๆ กับไลน์นิ้วมือ

บนที่นั่ง
มีหมอนขนเป็ดนุ่ม
ผ้าห่มสีเทา
และชุด amenity bag สีทองของ Emirates
ภัทรหยิบดูของในถุงแบบตื่นเต้น
แปรงสีฟัน ชุดนอน แผ่นปิดตา

“โห อย่างกับนอนโรงแรมห้าดาว”
“มึงเอาแผ่นปิดตามั้ย กูไม่ใช้”

ดินสอรับมาเงียบ ๆ

“ขอบใจ”



11:45 น. – เครื่องเริ่ม taxiing บนรันเวย์

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ
แสงแดดเอียงเข้ามาจากหน้าต่าง
ผืนฟ้าไกลออกไป เหมือนผืนผ้าสีฟ้าบาง ๆ

Inside – ความคิดของภัทร

“เรากำลังจะบินไปยุโรป…กับคนที่เรารู้จักมาตั้งแต่ ป.1”
“แต่ตอนนี้เรากลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับเขา…”

“หรือจริง ๆ แล้ว กูแค่กลัวว่า…ดินสอจะเปลี่ยนไป”



Inside – ความคิดของดินสอ

“เราอยู่กับภัทรมานาน…จนบางทีเราก็แยกไม่ออกว่าเรารักเขา หรือแค่คุ้นเคยกับเขา”
“แต่ถ้าไม่รักจริง…เราคงไม่ยอมมาด้วยหรอก ใช่มั้ย?”

“หรือเรากำลังพยายามพิสูจน์อะไรบางอย่าง…”



12:05 น. – เครื่องทะยานขึ้นฟ้า

ภัทรหันขวับมาทางดินสอพอดี
ดินสอกำลังหันมาทางภัทรเพราะเครื่องกระชาก
จังหวะนั้น
หัวของทั้งคู่ชนกันเบา ๆ

“โอ๊ย!”
“เฮ้ย มึงหัวหนักมาก!”

ทั้งคู่หลุดหัวเราะพร้อมกัน
เสียงมันไม่ดังนัก
แต่เพราะมันนานมากแล้ว ที่ไม่ได้หัวเราะด้วยกัน
แค่นั้น…ก็พอให้ทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน
นิ่ง
เงียบ
และใจสั่นนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว



12:30 น. – เสิร์ฟอาหาร

Appetizer: สลัดแซลมอนรมควันกับครีมชีสเคเปอร์
Main Course:
   •   ภัทรเลือกเนื้อสันในย่างซอสไวน์แดงกับมันบด
   •   ดินสอเลือกพาสต้าเพสโต้ใส่ผักย่าง
Dessert: ช็อกโกแลตมูสกับวิปครีมฝรั่งเศส
พร้อมชาเอิร์ลเกรย์สำหรับดินสอ และกาแฟดำสำหรับภัทร

“ของมึงดูเขียวมาก”
ภัทรแซวเบา ๆ

“ของมึงก็แดงมาก กินแล้วเลือดร้อนขึ้นมั้ย?”



บ่ายวันนั้น – กลางท้องฟ้าเหนืออินเดีย

สองคนหลับไปเงียบ ๆ
ใต้ผ้าห่มสีเทาเหมือนกัน
แต่หัวใจ…ค่อย ๆ ขยับเข้าหากันนิดเดียว



End – ตอนที่ 4
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน (ขอแก้ไข ลบตอน 4 ครับ เดี๋ยวจะลงใหม่ ใครทันบ้าง)
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 13:43:29
ตอนที่ 5: ยิ่งสูง ยิ่งเห็นช่องว่างชัดเจน

กลางอากาศ – ที่นั่ง Business Class

แสงจากไฟ ambient light บนฝ้าเพดานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเฉดสีอำพันอ่อน
ในขณะที่เสียงเครื่องยนต์ต่ำลึกเบื้องใต้กำลังพาร่างของทุกคนทะยานผ่านชั้นเมฆระดับสามหมื่นฟุต

ภายในห้องโดยสาร Business Class ของ Emirates
บรรยากาศเงียบสงบ
ทุกเบาะมีฉากกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวแบบ mini suite
กลิ่นอ่อน ๆ ของเลมอน ผสมดอกไม้ตะวันออก ลอยมากับระบบปรับอากาศ
เบาะนั่งปรับราบได้ 180 องศา ห่อด้วยผ้าห่มขนเป็ดเนื้อนุ่มและหมอนรองคอผ้าซาติน
หน้าจอ 27 นิ้วฉายภาพท้องฟ้ายามเช้า…ในขณะที่เวลาจริงกำลังย่างเข้าสู่กลางคืน

ภัทรนั่งพิงเบาะด้านหนึ่ง
มองออกไปยังความมืดนอกร่างเครื่องบิน
ข้างตัวมีแชมเปญ Moët ที่เหลือครึ่งแก้ว
อีกมือจับพาสปอร์ตแน่นราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียว

ในหัวเขา…เสียงดินสอยังชัดอยู่

> “ถ้าเราจะมาเที่ยวด้วยกันแค่เพื่อจะรู้ว่าเราไปต่อไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาก็ได้นะ”



> …แต่มึงก็มากับกูอยู่ดี



ภัทรจำได้ดี—คืนที่เขาถามดินสอว่า “จะไปมั้ย”
เสียงในสายโทรศัพท์สั้น ง่าย แต่ชัดเจน

> “ไปสิ…ซื้อตั๋วแล้วนี่”



ภัทรไม่แน่ใจว่าคำตอบนั้นคือ “ตกลง” หรือแค่ “ตามมารยาท”
แต่ในวินาทีนั้น เขาเลือกไม่ถามอะไรอีก
เพราะกลัวคำตอบจริง ๆ

...

ด้านข้างอีกฝั่ง
ดินสอนั่งหลังตรง มือจับแก้วน้ำผลไม้ใส่น้ำแข็ง
สายตาไม่ได้มองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนภัทร
แต่มองต่ำลงที่ฝ่ามือตัวเอง

ในมือนั้น
มีสายรัดข้อมือจากงานวิ่งการกุศลเมื่อสองปีก่อน
วันนั้นภัทรลงแข่งวิ่ง 10 กิโล
เขานั่งรออยู่ที่จุดเส้นชัย
พร้อมน้ำเย็นกับแซนด์วิชที่เตรียมมาให้ภัทรโดยไม่บอกล่วงหน้า

> “มึงอยากให้กูมาวิ่งด้วยมั้ยวะ”
“เปล่า…แค่มาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว”



คำพูดนั้น
ยังคงอุ่นอยู่ในใจ
แต่ความอุ่นก็ไม่สามารถกันลมหนาวได้ทั้งหมดเสมอไป

...

บรรยากาศบนเครื่อง – สมาชิกกรุ๊ปทัวร์

เจ๊พลอย กำลังไลฟ์สั้นใน Instagram พร้อมพร่ำบรรยาย


> “กี่แสนฟุตแล้วเนี่ย หัวใจยังเต้นแรงกว่า altimeter อีกแม่”



พี่ดา ใช้เวลาพลิกไพ่ Tarot บนโต๊ะพับ


> “อ้าว…ไพ่ The Lovers กลับหัวนะพลอย เห็นมั้ย ฉันเตือนแล้ว”



โอ๊ตกับพีท เอาหูฟังแชร์กันดู Netflix เรื่องเกี่ยวกับการตกหลุมรักระหว่าง flight attendant กับนักธุรกิจ


> “มึงว่าเราน่าจะเจอกันบนเครื่องบินมั้ย ถ้าไม่ได้เจอตั้งแต่ ม.3?”



พี่แป๋ว กำลังขอไวน์แดงรอบที่สอง พร้อมบอก


> “กลิ่นเบอร์รี่ตอนบินมันฟินกว่าในบาร์จริง ๆ นะเธอ”



คุณเอิร์ธกับคุณต่าย แชร์ไอแพดจดลิสต์ “ร้านอาหารที่ห้ามพลาด” ตลอดทริป

พี่แม็กซ์ ใส่ noise cancelling headphone แล้วนอนนิ่งเหมือนเทพเจ้าแห่งการพักผ่อน

ลุงก้องกับป้าอุ๊ เล่น Sudoku ด้วยกันเงียบ ๆ และหัวเราะตอนเขียนเลขผิดช่อง

สมาชิกใหม่อีกสองคน: โจ & เจน
ฝาแฝดวัย 30 ต้น ๆ จากเชียงใหม่ หน้าตาดีมีสไตล์ โจเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้า เจนเป็นสไตล์ลิสต์สายญี่ปุ่น
กำลังนั่งวาดบันทึกการเดินทางลง iPad ด้วย Apple Pencil ข้างละแท่ง


...

14 ชั่วโมงผ่านไป – เครื่องบินแตะรันเวย์ที่ Charles de Gaulle

เสียงล้อกระแทกพื้นดังกึกเบา ๆ
ไฟในห้องโดยสารสว่างขึ้น
กลิ่นกาแฟอุ่น ๆ ลอยมาตามทางเดิน
ภัทรหันไปมองดินสอที่กำลังบิดขี้เกียจเงียบ ๆ ในที่นั่ง

> “ถึงแล้ว…”
“แต่ใจเรายังไม่ถึงกันเลยว่ะ”



...

สนามบิน Charles de Gaulle – ความหรูหราของการมาถึง

ทันทีที่ออกจากเครื่องบิน
คณะทัวร์ถูกพาเข้าสู่เลานจ์ตรวจคนเข้าเมืองพิเศษสำหรับ Business Class
เส้นทาง fast track, พนักงานพูดอังกฤษได้ชัด, แอร์สะอาดไม่มีคนเบียด
แสงไฟเหลืองนวลตกลงบนพื้นหินอ่อนสีครีม
ประตูอัตโนมัติบานใหญ่เปิดสู่โถงกระเป๋าที่มีจอภาพศิลปะหมุนเวียนจากศิลปินฝรั่งเศสรุ่นใหม่

...

บรรยากาศข้างทาง – ระหว่างทางเข้าเมือง

รถโค้ชล้อใหญ่แล่นผ่านทิวต้นไม้เปลือยใบของฤดูใบไม้ผลิ
ท้องฟ้าในเดือนเมษายนของปารีสเป็นสีฟ้าขุ่นอ่อน ๆ
มองเห็นหอไอเฟลลิบ ๆ ตรงเส้นขอบฟ้า
ร้านเบเกอรี่ริมทางเปิดหน้าต่างโชว์ครัวซองต์ในตู้แก้ว
เสียงเพลงแจ๊สฝรั่งเศสเปิดคลอเบา ๆ ในรถ

ภัทรเอนตัวนิด ๆ
มองออกไปข้างทาง

> “จะผ่านอีกสิบยี่สิบเมืองก็ได้
แต่ถ้าคนข้าง ๆ ไม่หันมามองพร้อมกัน
ทริปนี้มันก็เหมือนหายใจอยู่ในที่ที่ไม่มีออกซิเจน”



...
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 13:53:28
ตอนที่ 6: ห้องเดียว เตียงเดียว ใจใกล้แต่ยังห่าง

สนามบิน Charles de Gaulle – ประตูแห่งยุโรป

สนามบิน Charles de Gaulle ไม่ใช่แค่ท่าอากาศยาน
แต่มันคือ "สถาปัตยกรรมแห่งฝันของโลกเก่า"
ตั้งชื่อตามประธานาธิบดี Charles de Gaulle ผู้ปลุกปารีสให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังสงครามโลก

สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1974
ด้วยวิสัยทัศน์ของฝรั่งเศสที่อยากเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก
สนามบินนี้จึงไม่ได้เป็นแค่สนามบิน
แต่มันคือลูกผสมระหว่างประวัติศาสตร์แห่งชาติ
กับเทคโนโลยีล้ำยุคที่ปรับตัวมาตลอดครึ่งศตวรรษ

เพดานกระจกโค้งสูงของ Terminal 2E สะท้อนแสงแดดยามบ่าย
พื้นหินอ่อนสีน้ำผึ้งเรียบหรูจนเงาสะท้อนของคณะทัวร์เต้นระริกอยู่ใต้เท้า

ภัทรหันมองดินสอที่ลากกระเป๋าเงียบ ๆ ข้างตัว
เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขาอยากจะเอื้อมมือไปแตะแขนอีกฝ่าย
…แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ระยะห่างระหว่างกันพอเหมาะพอดี

...

โรงแรม Le Meurice – กลิ่นหอมของยุคศตวรรษที่ 18

เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในล็อบบี้
ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในภาพวาดของ Monet
โคมไฟคริสตัลระย้ากว่า 200 ดวง
พรมลายดอกไม้สีเขียวอ่อนปูตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงลิฟต์
เพดานสูงหกเมตรแต่งด้วยปูนปั้น
พนักงานในสูทสีเทาชา พูดอังกฤษเป๊ะไม่มีติดสำเนียง

Le Meurice เคยเป็นโรงแรมที่ Salvador Dalí เช็คอินทุกปี
มีห้องพักที่เขาเคยสร้างสรรค์ผลงาน
แม้กระทั่ง Picasso เองก็เคยจัดเลี้ยงแต่งงานที่นี่

ภัทรหันไปมองดินสออีกครั้ง
“ดินสอที่เคยบ่นว่าห้อง Deluxe ของเชียงใหม่มันแพงไป…
กำลังยืนอยู่ใต้โคมไฟ Baccarat ราคาเกือบล้านบาท”

...

ห้องพัก – King Size Bed ที่ไม่รู้ว่าจะอบอุ่นหรืออึดอัด

พนักงานเปิดประตูเข้าห้อง
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของลาเวนเดอร์ผสมเบอร์กาม็อตตีเข้าจมูกทันที
วิวจากหน้าต่างเป็น Jardin des Tuileries ที่ค่อย ๆ ถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์ตอนเย็น
เตียงกลางห้องคือ King Size แบบ French style ไม่มีรอยต่อ

ภัทรยืนมอง
เงียบ…

> “กูลืมบอกทัวร์เรื่องแยกเตียงอะ…”
“เดี๋ยวคืนนี้มึงจะนอนลำบากมั้ยวะ…”



ดินสอแค่มอง
ไม่ได้พูด
แล้วเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า

...

Welcome Set
บนโต๊ะเล็กริมหน้าต่าง
มีขนมมินิครัวซองต์ร้อน ๆ วางข้าง macarons หลากสี
ข้าง ๆ คือแชมเปญ Laurent-Perrier ขวดเล็กในถังน้ำแข็ง
การ์ดเขียนลายมือ “Bienvenue, P. & D.” ติดโบว์เล็ก ๆ

> “เหมือนงานแต่งย่อม ๆ เลยว่ะ”
ภัทรพูดเบา ๆ



...

ค่ำคืนแรก – ความเงียบที่ไม่เคยเงียบ

ภัทรกำลังหยิบเสื้อยืดไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ดินสอกำลังพับชุดวางเข้าลิ้นชัก

เตียงกลางห้องยังว่าง
แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จะเริ่มวางตรงไหนดี

ภัทรเปิดน้ำอุ่น
ยืนอยู่ใต้ฝักบัวนานกว่าที่ควร
ความคิดวนกลับมาที่เดิม

> “ยี่สิบวันกับเตียงเดียว...
มันคือโอกาส หรือบททดสอบวะ”



...

ดินสอเปิดกล่อง skincare ชุดเล็ก
ทาครีมช้า ๆ
มือเรียวค่อย ๆ ลูบไปตามแก้ม
ภาพสะท้อนตัวเองในกระจก คือคนที่ยัง “ไม่พร้อม” กับบางสิ่ง
แม้จะอยู่กับภัทรมาตลอด 20 กว่าปีก็ตาม

> “กูไม่เคยบอกภัทรว่า ‘ไม่อยาก’
กูแค่ยัง ‘ไม่พร้อม’
แล้วกูก็กลัวว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่…มันจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย”



...

อาหารว่างก่อนนอน

ทั้งสองคนลงมาที่คาเฟ่ชั้นล่างของโรงแรม
ชื่อว่า Le Dali – ห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยภาพวาด surreal
แสงไฟนวล
บรรยากาศเหมือนในฝัน

ภัทรสั่งฟัวกราส์กับขนมปังไรย์
ดินสอสั่งซุปหัวหอม
ทั้งคู่นั่งฝั่งตรงข้าม
ไม่พูด
แต่จังหวะยกช้อนกลับตรงกันเป๊ะ
ก่อนจะมองหน้ากันแล้วเผลอยิ้มบาง ๆ

...

กลับห้อง – นอนข้างกันในความเงียบ

เตียงคิงส์ไซด์ดูใหญ่เกินไปสำหรับคนสองคนที่ไม่พูดอะไร
ภัทรนอนหงาย
ดินสอนอนตะแคงหันหลัง
หมอนกั้นไม่มี
แต่ระยะกายห่างพอสมควร

เสียงแอร์เบา ๆ ดังอยู่ใต้เพดาน
เสียงในใจภัทรดังกว่า

> “ขอให้ทริปนี้เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรใหม่ ๆ
ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเราสองคนเลยนะ…”



...

รุ่งเช้า – แสงแรกในปารีส

แสงอาทิตย์ลอดม่านสีครีม
ทอดผ่านปลายเตียงลงบนใบหน้าของดินสอ
ภัทรตื่นก่อน
นั่งพิงหมอนมองวิวด้านนอก

สวน Tuileries ยามเช้าเหมือนภาพฝัน
ผู้คนเริ่มวิ่งเหยาะ
กลิ่นขนมปังอบลอยมาตามลม

เขาหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยังหลับ

> “มึงน่ารักกว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศอีกนะ…
แค่กูยังไม่กล้าบอกออกไปเฉย ๆ”



...

End – ตอนที่ 6
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 13:55:35

ตอนที่ 7: ใจมันพาไป…แต่ไม่รู้จะไปในฐานะอะไร

07:30 น. – ห้องอาหารเช้า Le Meurice

ห้องอาหารเช้าถูกจัดไว้ที่ Restaurant Le Dali ใต้โคมไฟที่ประดับด้วยจานเซรามิกลอยฟ้า
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านกระจกสีทอง
ตัดกับกลิ่นขนมปังอบใหม่ที่อบอวลไปทั่วทั้งห้อง

บนโต๊ะบุฟเฟต์วางเรียงครัวซองต์เนยสด ไข่คนเนื้อเนียน
มีโยเกิร์ตรสวานิลลา ผสมน้ำผึ้งจากแคว้นโปรวองซ์
ผลไม้สดเรียงในถาดหินอ่อน—มะม่วง ฝรั่ง ลูกฟิกซ์
พร้อมกับกาแฟดำเข้มข้นเสิร์ฟในถ้วยพอร์ซเลนของ Bernardaud

> “เชี่ย ดินสอ กูไม่รู้เลยว่าครัวซองต์ที่เคยกินมาทั้งชีวิต…มันปลอมขนาดนี้”
ภัทรพูดพลางหยิบมาอีกชิ้น



> “เออ กูก็คิดแบบนั้น…แต่ไม่กล้าพูด กลัวโดนว่าเป็น elitist”



โต๊ะคณะทัวร์เริ่มสนิทกันขึ้น
พี่แป๋ว เริ่มแจกสเปรย์ฉีดหน้าว่าช่วยให้สดชื่นระหว่างเดินทาง
โอ๊ตกับพีท ลองถ่าย Tiktok เปิดกล่องอาหารเช้า
เจ๊พลอย ถามทุกคนว่าเมื่อคืนใครนอนดิ้นบ้าง (ก่อนหันมาหัวเราะให้ภัทรแบบรู้ทัน)

...

08:30 น. – ออกเดินทางสู่ Île de la Cité

รถโค้ชล้อใหญ่พาคณะข้ามแม่น้ำแซนน์
เข้าสู่เกาะกลางน้ำที่เป็นจุดเริ่มต้นของกรุงปารีส

Île de la Cité
คือหัวใจแห่งประวัติศาสตร์
ที่นี่มีบ้านเรือนมาตั้งแต่สมัยโรมัน
พื้นทางเดินยังคงปูด้วยหินขนาดใหญ่
กลิ่นของอดีตกระซิบผ่านอิฐแต่ละก้อน

...

09:00 น. – มหาวิหาร Notre-Dame de Paris

แสงเช้าตกกระทบปลายยอดแหลมของ Notre-Dame
ทำให้หน้าต่างกระจกสีสว่างขึ้นเหมือนจะหายใจเองได้
ภัทรกับดินสอยืนอยู่หน้าทางเข้า
มองรูปปั้นเทวดาบนซุ้มประตูที่เล่าถึงวันพิพากษา

> “มึงว่าถ้าเราอยู่ยุคกลาง มึงจะเป็นอะไร?”
ดินสอถามขำ ๆ



> “ก็คงเป็นอัศวินอุ้มพระสังฆราชหนีไฟ”
“แล้วมึงอะ?”



> “ก็คงเป็นคนขายกระดาษเขียนจดหมายรัก”



...

10:00 น. – มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ (La Sorbonne)

ดินสอยิ้มมุมปากทันทีที่ไกด์พูดถึง
“หนึ่งในศูนย์กลางการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1257”

ดินสอเป็นคนรักหนังสือ
แม้จะไม่พูดมาก แต่เขามักอ่านทุกอย่างที่อยู่ในมือ
ภัทรสังเกตเห็นแววตาอีกฝ่ายเปลี่ยนเวลามองหอสมุดกลาง
เหมือนเด็กที่ได้เห็นโลกครั้งแรก

...

10:45 น. – พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

ทุกคนเดินเข้าสู่ Louvre ผ่านปิรามิดแก้ว
แดดตอนสายส่องผ่านแล้วตกกระทบพื้นหินอ่อน
เสียงฝีเท้าและกล้องกดชัตเตอร์สลับกันไป

กลุ่มยืนฟังไกด์พูดถึง Mona Lisa, Venus de Milo, Liberty Leading the People

ดินสอยืนดูภาพ Liberty ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
หญิงสาวในภาพชูธงด้วยสายตาที่ไม่กลัวอะไร
เขาเงียบอยู่นาน
ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงคนเรียกภัทร

> “Excuse me, can we take a picture with you?”



หญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาเอเชีย พูดภาษาอังกฤษคล่อง
ภัทรยิ้ม

> “Sure”



...

แล้วก็ตามมาคนที่สอง คนที่สาม…จนถึงสิบกว่าคน
เสียงกล้องดังต่อเนื่อง
ดินสอยืนมองอยู่ข้างหลัง
เหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้าในภาพที่ไม่มีเขา

> “คนสองคน…กูยังรับได้
แต่สิบกว่าคน คนละสองสามรูป
แล้วมึงจะเป็น idol รึไง…”



เจ๊พลอยแซว

> “ภัทร! พ่อนักกล้ามสายเบ้าหล่อแน่นแห่ง Louvre!”



โอ๊ตหัวเราะ

> “นี่กูถ่ายไว้หมดเลยนะ เดี๋ยวตัดต่อส่งให้นายแบบนะครับ”



ภัทรหันมาเห็นดินสอ
แววตานิ่งกว่าทุกที
ไม่โกรธ…แต่ก็ไม่ชัดเจน

...

Flashback – 3 ปีก่อน / เส้นชัย Half Marathon

เสียงคนเชียร์ดังระงม
ภัทรวิ่งเข้าเส้นชัย
เหงื่อท่วมหน้า
หายใจแรงจนตัวโยน

เขาก้มหน้าลง…ก่อนจะเงยขึ้นมาเห็นใครบางคนถือขวดน้ำยื่นให้

> “กินน้ำก่อน เดี๋ยวเป็นลม”
ดินสอพูดพลางส่งผ้าเช็ดหน้า



> “เฮ้ย มึงมาทำไม…”



> “อยากรู้ว่าถ้ามึงล้มกลางทาง จะมีใครมาเก็บมั้ย”



...

13:00 น. – Le Grand Véfour

ร้านอาหารในสวน Palais Royal
ตกแต่งด้วยกระจกสี ทองคำเปลว และเฟอร์นิเจอร์ศตวรรษที่ 18
เคยเป็นร้านประจำของ Napoleon Bonaparte และ Colette นักเขียนฝรั่งเศส

กลิ่นเป็ดอบซอสส้มลอยมาแตะจมูก
เสิร์ฟพร้อมซุปหัวหอมฝรั่งเศสและไวน์ขาวจากแคว้น Bourgogne

ภัทรนั่งฝั่งตรงข้ามดินสอ
อยากจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่ในจังหวะที่คนมากมายเข้าหาเขาเมื่อครู่
เขากลับคิดถึงแค่คนคนเดียว
ที่นั่งเงียบอยู่ตรงนี้

...

End – ตอนที่ 7
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 13:59:36
ตอนที่ 8: งอนเปล่า ๆ หรือเปล่าเปล่า งอนจริง ๆ

15:00 น. – ล่องเรือแม่น้ำแซนน์ (Seine River Cruise)

เรือไม้ลำยาวลอยเอื่อยอยู่เหนือผืนน้ำสีเทาอมฟ้าของแม่น้ำแซนน์
ลมเย็นของเดือนเมษายนพัดกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์จากริมฝั่ง
ท้องฟ้าใสกว่าทุกวันที่ผ่านมา จนเงาของหอไอเฟลสะท้อนลงน้ำราวกับกระจก

เสียงไกด์ในระบบหูฟังเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงนุ่ม

> “แม่น้ำแซนน์คือลมหายใจของปารีส
มันไหลผ่านใจกลางเมืองมานานกว่าสองพันปี
มีสะพานมากกว่า 30 แห่ง
รวมถึง Pont des Arts ที่เคยเป็นจุดคล้องกุญแจรัก…ก่อนเมืองจะรื้อออกเพราะน้ำหนักมันมากเกินไป”



ภัทรนั่งริมหน้าต่างขวา
ดินสอนั่งอีกฝั่ง—ไม่พูด ไม่สบตา ไม่แม้แต่จะเหลือบมา
มือเรียวของดินสอจับขอบเก้าอี้แน่น เหมือนต้องยึดอะไรบางอย่างเอาไว้

> “มึงหิวรึยัง”
“ไม่”



> “หนาวรึเปล่า”
“ไม่”



ภัทรอมยิ้ม

> “แล้วมึง ‘ไม่พอใจ’ มั้ย”
“ก็ไม่”



เขารู้ดี—คนอย่างดินสอเวลางอนจะ “ไม่” ทุกคำถาม
และเขาก็ชอบ…ที่จะง้อ

...

16:30 น. – Café de Flore
(หนึ่งในคาเฟ่ที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ปารีส)

โต๊ะไม้กลมด้านหน้าเพียงหนึ่งโต๊ะยังว่าง
ภัทรแอบดีใจ เพราะโต๊ะนั้นคือ “โต๊ะประจำของ Sartre กับ Simone de Beauvoir”
คาเฟ่แห่งนี้คือที่ประชุมของนักปรัชญา นักเขียน และนักรัก
กลิ่นกาแฟผสมกลิ่นหมึกปากกาน้ำเงินเหมือนจะยังคงลอยอยู่ในอากาศ

> “รู้มั้ย ที่นี่เป็นที่ที่เขียนบทละครแห่งยุคสมัย
แล้วตอนนี้…มันคือที่ที่กูอยากเขียนประโยคเดียวกับมึง”



> “อะไร”
ดินสอยกคิ้ว



> “ว่า ‘มึงหึงกูใช่ไหม’”



ดินสอวางช้อนกาแฟ

> “เปล่า”



ภัทรขำ

> “หึงอะ”



> “เปล่าไง”



> “แล้วทำไมตั้งแต่ลูฟวร์ถึงเรือนี้…มึงไม่สบตากูเลย”



> “มึงชอบให้คนขอถ่ายรูปเหรอ”
ดินสอพูดออกมาแบบไม่มอง



ภัทรถอนหายใจ แต่ยิ้มมุมปาก

...

Flashback – งาน half marathon สามปีก่อน

แสงแดดส่องจ้า
เหงื่อไหลเข้าตา
เขาก้าวขาแทบไม่ไหว

แต่พอเห็นร่างสูงโปร่ง ใส่เสื้อฮู้ดสีเทา ยืนอยู่ตรงเส้นชัยพร้อมผ้าเย็นกับขวดน้ำ…

หัวใจก็วิ่งไปถึงก่อนร่างกาย

> “มึงมาได้ไง”
“มารอแฟน”
“อะไรนะ?”
“มารอแฟนไง”
ดินสอยิ้ม แล้วค่อย ๆ เช็ดเหงื่อบนหน้าภัทร
ค่อย ๆ ลูบตรงขมับ
ค่อย ๆ ซับบนอกเสื้อที่เปียก



ภัทรยังเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้จนวันนี้—แม้จะซักแล้วก็ตาม

...

19:00 น. – Le Jules Verne
(ร้านอาหารบนหอไอเฟล ชั้น 2)

ลิฟต์แก้วพาทั้งคณะขึ้นสู่ระดับ 125 เมตร
แสงไฟสีส้มของหอไอเฟลด้านนอกส่องผ่านกระจกเข้ามาเป็นลวดลาย
ภายในร้านตกแต่งด้วยเส้นโค้งแบบ futurist
คล้ายเป็นภาพจำลองของ Jules Verne นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง

เสียงกระจกชนแก้วไวน์เบา ๆ ดังแทรกท่ามกลางเสียงพูดคุยของคณะ

เมนูเย็นนี้:

กุ้งล็อบสเตอร์ปรุงซูวีในเนยกระเทียม

ไก่เบรสตุ๋นซอสขาวสูตรเก่าแก่

แชมเปญ Laurent-Perrier Cuvée Rosé

ของหวาน: มูสราสป์เบอร์รีเสิร์ฟพร้อมซอร์เบต์กุหลาบ


> “มึงจำได้มั้ย…”
ภัทรพูดเบา ๆ ขณะดินสอกำลังจิ้มของหวาน



> “อะไร”



> “ตอนนั้นมึงเช็ดเหงื่อให้กู แล้วบอกว่ามารอแฟน…
…กูยังไม่เคยลืมเลยนะ”



ดินสอก้มหน้า

> “แล้ววันนี้ล่ะ มึงยังเป็นแฟนกูอยู่มั้ย”



ดินสอเงียบ
ภัทรยิ้มให้

> “ไม่เป็นไรก็ได้ ถ้ายังไม่แน่ใจ
กูรอได้
เหมือนตอนวิ่งเลย
ต่อให้เหนื่อย
แต่ถ้าปลายทางมีมึงรออยู่…กูพร้อมวิ่งต่อเสมอ”



...

เสียงหัวเราะพร้อมกันเบา ๆ ดังขึ้น

เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ๊พลอยหันไปยิ้ม
โอ๊ตกับพีทกระซิบกันว่า

> “ขอให้คู่นี้รอดเถอะวะ เห็นแล้วมันฟีลกู๊ดจัด”



...

22:30 น. – เดินทางกลับโรงแรม

รถโค้ชล่องผ่านแม่น้ำแซนน์อีกครั้ง
หอไอเฟลที่เมื่อกี้ยังอยู่ข้างตัว
ตอนนี้กลายเป็นภาพเล็ก ๆ ในกระจกหลัง

บนที่นั่งคู่ท้ายรถ
ภัทรกับดินสอยังไม่จับมือ
แต่ระยะห่างระหว่างไหล่เริ่มแคบลงทีละนิ้ว

...

End – ตอนที่ 8
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:01:22
ตอนที่ 9: คนนึงขี้งอน อีกคนก็ขี้แกล้ง

22:30 น. – บนรถโค้ชกลับจากหอไอเฟล

แสงไฟของหอไอเฟลยังวาบวับอยู่ปลายกระจกหลัง
ภัทรนั่งริมหน้าต่าง
ดินสอนั่งข้าง ๆ แต่เอียงตัวออกไปเล็กน้อย

เสียงในรถเริ่มเงียบลง เหลือแค่แสงไฟสลัวจากทางเดิน
และบทสนทนาเบา ๆ จากคู่สามีภรรยาที่นั่งหลังสุด

> “ทำหน้างี้อีกแล้ว มึงเป็นอะไร?”
ภัทรหันมาถาม



> “กูปกติ”



ภัทรยิ้ม
แล้วเอื้อมมือไปดีดหน้าผากดินสอเบา ๆ

> “โอ๊ย!”
“มึงดีดหัวกูทำไม!”



> “ก็มึงงอน แล้วไม่ยอมบอกกูว่าทำไมอะ”



> “ก็บอกแล้วว่ากูปกติ!”



> “แล้วหน้ามึงที่เบ้ขนาดนี้เรียกว่าปกติ?”



เสียง “เหอะ” ดังออกมาจากปากบาง
ดินสอหันไปอีกทาง
ภัทรเลยแกล้งเอื้อมมือไปหยิกแก้ม

> “เลิกยุ่งกับกูสักทีภัทร!”



เสียงในรถเงียบกริบ
เจ๊พลอยหันมามอง
พี่แป๋วถอนหายใจเบา ๆ
โอ๊ตกับพีทสบตากันแล้วหัวเราะเงียบ ๆ

> “คู่นี้แม่งเหมือนลูกหมาแมวขี้งอนอะ”
พีทกระซิบ



...

23:00 น. – ห้องพัก Le Meurice

ห้องยังคงหรูหราตามสไตล์ศิลปะฝรั่งเศสยุคศตวรรษที่ 18
ไฟหัวเตียงสลัว
ม่านลูกไม้ปลิวเบา ๆ ตามลมจากหน้าต่างที่แง้มไว้

ดินสอนั่งพิงหัวเตียง
ไม่พูดกับภัทรแม้แต่นิดเดียว
ภัทรถอนหายใจ…เดินไปอาบน้ำ
แล้วออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

เสียงผ้าขยับ
ภัทรหยุดยืนหน้ากระจก

กล้ามแน่นจากการออกกำลังปรากฏชัด
แต่สายตาที่มองเงาสะท้อนของตัวเองกลับดูอ่อนแรง

> “นี่กูทำผิดตรงไหนวะ”
เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ



> “กูแค่ดีใจกับมึง
อยากให้มึงหึง
เพราะมันหมายความว่ามึงยังรู้สึก…”



เสียงขยับผ้าจากเตียง
แต่ไม่มีคำตอบใดจากดินสอ

...

07:30 น. – อาหารเช้าที่โรงแรม

เช้าวันใหม่
กลิ่นกาแฟเข้มลอยมาแตะจมูก
ดินสอกำลังคีบครัวซองต์ใส่จาน
ภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ หยิบไข่ลวกมาอีกสองฟอง

> “เอาเพิ่มมั้ย กูหยิบมาให้ก็ได้”
ภัทรถามเบา ๆ



ดินสอหันมา
พยักหน้าเล็กน้อย
ภัทรยิ้ม…แอบโล่งใจ

...

08:30 น. – ย่านธุรกิจ La Défense

กรุงปารีสในอีกมุมหนึ่ง
ตึกกระจก ตึกเหล็ก เส้นสายเรขาคณิตสะท้อนแดดยามเช้า
ทุกอย่างดูเหมือนนิวยอร์กมากกว่าฝรั่งเศส

Grande Arche
คือสัญลักษณ์แห่งศตวรรษใหม่ของปารีส
โครงสร้างทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูง 110 เมตร
สามารถมองทะลุจาก La Défense ไปถึงประตูชัย Arc de Triomphe ได้

ภัทรถ่ายรูปคู่กับเจ๊พลอย
ดินสอแอบมอง…แต่ไม่พูดอะไร
แล้วเดินไปถ่ายภาพ art installation ที่เป็นปีกโลหะลอยกลางอากาศ

...

11:00 น. – Atelier des Lumières

โกดังเก่าในเขต 11 ของปารีส
ถูกแปลงให้กลายเป็นโลกของแสง สี และเสียง

วันนี้เป็นโชว์ของ Klimt และ Monet
ภาพวาดถูกฉายเต็มกำแพงสูง 10 เมตร
แสงสีเคลื่อนไหวประกอบเสียงดนตรีคลาสสิก

> “รู้มั้ย…ตอนดู Klimt กูนึกถึงมึง”
ภัทรพูดเบา ๆ



> “เพราะอะไร?”
ดินสอถามโดยไม่หันกลับมา



> “เพราะมึงเหมือน ‘The Kiss’
คนที่ไม่เคยพูดว่ารัก
แต่แค่ก้มลงมา…กูก็รู้แล้วว่ามึงรู้สึกอะไร”



...

13:00 น. – Pink Mamma

ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนที่ตกแต่งด้วยต้นไม้แขวน
ผนังเป็นกระเบื้องสีพาสเทล
โต๊ะทำจากไม้เก่า พื้นเป็นลายกระเบื้องดินเผา

เมนูเด็ด:

พาสต้า truffle กลิ่นหอมจนหันมองโต๊ะข้าง

พิซซ่าเตาถ่านหน้า mortadella ชีส burrata

ทิรามิสุคลาสสิก เสิร์ฟในแก้วโหล

น้ำเลมอนโซดาทำสด


ทุกคนในกรุ๊ปหัวเราะกันใหญ่
เพราะพีทแอบเอาทิรามิสุไปจิ้มจมูกโอ๊ต

ภัทรตักพาสต้าเข้าปาก
หันไปเห็นดินสอกำลังดูเมนูเครื่องดื่ม
ภัทรเลยเลื่อนแก้วของตัวเองให้

> “อันนี้มึงน่าจะชอบ”
“ไม่ขมมาก แต่ซ่าแบบพอดี ๆ”



ดินสอหยิบแก้วมาดื่ม
ไม่ได้พูดอะไร
แต่คิ้วที่เคยขมวดเริ่มคลาย

...

End – ตอนที่ 9
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:28:38
ตอนที่ 10: กลิ่นหอม วิวสวย และรสสัมผัสของความรักที่ยังไม่แน่ใจ

14:30 น. – Galeries Lafayette Haussmann
(ตำนานแห่งแฟชั่นและศิลปะการค้าของปารีส)

หากหอไอเฟลคือสัญลักษณ์ของเมือง
Galeries Lafayette ก็คือหัวใจแห่งความหรูหราและความฝันของเหล่านักช้อป

อาคาร Art Nouveau หลังใหญ่สีขาวครีม โดดเด่นด้วยโดมกระจกหลากสี (stained glass) อันวิจิตร
ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1912
ศิลปะลวดลายที่เพดานโดมเป็นทั้งสถาปัตยกรรมและผลงานศิลป์
บันไดวนตรงกลางชั้นล่างให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโบสถ์แห่งการจับจ่าย

ภัทรเดินมาช้า ๆ จนถึงเคาน์เตอร์ Dior Homme
ดินสอเดินแยกไปอีกทาง ไปที่โซนน้ำหอม
เฮียโอ๊ตกับพีทกำลังลองแว่นตากันแดด
พี่แป๋วกับเจ๊พลอยตรงไปที่ Louis Vuitton อย่างไม่ลังเล

ภัทรแอบเหลือบมองดินสออยู่ไกล ๆ
ดินสอกำลังลองกลิ่นน้ำหอมบนกระดาษเทสเตอร์
จังหวะที่เขายื่นข้อมือขึ้นมาเพื่อดม กลิ่นของเขาก็ลอยล่องผ่านผู้คน

> “Musk กับกุหลาบขาว…” ภัทรพึมพำ
“…กลิ่นเหมือนมึงเลยว่ะ”



...

15:30 น. – Rooftop Garden

ดาดฟ้าชั้นบนสุดของ Galeries Lafayette
เป็นที่เปิดโล่ง มีคาเฟ่เล็ก ๆ และโซนชมวิวที่สามารถมองเห็นปารีสแบบ 360 องศา
หอไอเฟลตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล
โดมของ Opéra Garnier เป็นสีเขียวอ่อนสะท้อนแสงแดดอ่อน ๆ
ปลายฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ทำให้มีดอกไม้เล็ก ๆ บานเต็มกระถาง

ดินสอยืนมองวิวเงียบ ๆ
ภัทรเดินไปยืนข้าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
เงียบแต่ไม่อึดอัด
เย็นแต่ไม่เหินห่าง

> “สวยดีเนอะ”
ดินสอพูดก่อน



> “เออ”
ภัทรตอบเรียบ ๆ
แต่ยิ้มในใจ—เพราะมึงเริ่มคุยกับกูก่อนแล้วไง



...

17:00 น. – Rue Saint-Honoré
(ถนนแห่งกลิ่นหอมและความลักชัวรี)

ย่านนี้คือที่ตั้งของแบรนด์น้ำหอม niche และ concept store ที่ดีที่สุดในปารีส
อาคารยุคศตวรรษที่ 17–18 ถูกรีโนเวตให้กลายเป็นร้านกล่องกระจก
แต่ยังคงบานหน้าต่างแบบฝรั่งเศสดั้งเดิม
ทั้งถนนอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้ เครื่องหนัง และกลิ่นไม้หอมที่แฝงกลิ่นไวน์แดง

> “มึงว่าเวลาเราคิดถึงใคร กลิ่นมันมาก่อนภาพมั้ย?”
ดินสอถามเบา ๆ ตอนเดินผ่าน Diptyque



> “สำหรับกู กลิ่นของมึงแม่งติดหัวใจกูตลอดอะ”
“กลิ่นครีมกันแดดของมึง กลิ่นเสื้อยืดใหม่…แล้วก็น้ำหอมขวดเดิมตั้งแต่ปีสาม”



ดินสอหน้าแดง
รีบเดินเข้าร้าน Ex Nihilo เพื่อหลบสายตา

...

19:00 น. – Septime
(ร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่จองยากที่สุดแห่งหนึ่งในปารีส)

หน้าร้านเรียบง่าย เป็นประตูไม้เก่า ๆ สีเทา
ไม่มีป้ายใหญ่ ไม่มีเสียงเพลง
แต่บรรยากาศภายในกลับอบอุ่นเหมือนบ้านในหนังฝรั่งเศส

เชฟ Bertrand Grébaut สร้างชื่อจากความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก
ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล และไม่เคยเสิร์ฟเมนูเดิมซ้ำในแต่ละวัน

Tasting Menu 7 คอร์สของค่ำคืนนี้ ได้แก่:

1. Amuse-bouche: ครีมดอกกะหล่ำกับไข่ปลาแซลมอน


2. คอร์สที่ 1: หน่อไม้ฝรั่งอ่อนกับซอสไข่แดง


3. คอร์สที่ 2: ปลากะพงขาวนึ่งในไวน์ขาว เสิร์ฟพร้อมพิวเร่มันม่วง


4. คอร์สที่ 3: เป็ดอบไม้แอปเปิ้ล ซอสเบอร์รี่ดำ


5. คอร์สที่ 4: โฟมเห็ดทรัฟเฟิลกับไข่ออนเซ็น


6. ของหวาน: พายราสป์เบอร์รีแบบเปิดหน้า


7. จบด้วย: ไอศกรีมส้มยูซุราดน้ำผึ้งลาเวนเดอร์



ไวน์ Pairing:
ไวน์ขาวจากแคว้น Loire
Rosé เบา ๆ จาก Provence
และ Pinot Noir จาก Burgundy ที่ละมุนจนน่าหลงรัก

ทั้งคณะเงียบไปชั่วขณะ เพราะอาหารมันดีเกินกว่าจะพูด

ภัทรหันไปมองดินสอ
เห็นอีกฝ่ายกำลังตักพายราสป์เบอร์รีเข้าปากอย่างตั้งใจ

> “มึงชอบของเปรี้ยวเหรอ”
“อืม”
“งั้น…คงไม่ชอบกูอะดิ กูมันออกจะหวาน”



ดินสอเกือบสำลัก
ภัทรหัวเราะจนเจ๊พลอยต้องยื่นผ้าให้

...

21:00 น. – กลับโรงแรม

รถโค้ชเคลื่อนผ่านแสงไฟริมแม่น้ำ
ฝรั่งเศสในยามค่ำไม่ต่างจากโปสการ์ด
ดินสอหลับตาเอนหัวกับเบาะ
ภัทรมอง แล้วถอนหายใจเบา ๆ

คืนนี้…ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้จับมือ
แต่เขาได้รอยยิ้มบาง ๆ กลับคืนมาแล้ว

...

End – ตอนที่ 10
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:29:53
ตอนที่ 11: เมื่อมือของใครบางคนไม่ขัดขืนอีกต่อไป

07:00 น. – อาหารเช้าก่อนออกเดินทาง

ห้องอาหารของ Le Meurice ยังคงหรูหราแม้จะเป็นเช้า
พื้นหินอ่อนลายขาวเทา
แชนเดอเลียวิบวับเหนือโต๊ะบุฟเฟต์
เสียงเปียโนคลอเบา ๆ ยามเช้า

> “วันนี้ต้องเดินเยอะ อย่าลืมกินให้พอ”
เจ๊พลอยบอกก่อนจะตักสลัดผลไม้ใส่จาน



> “พี่แป๋วเคยไปแล้ว แต่ก็ยังอยากไปอีก”
พี่แป๋วหัวเราะ ขณะคีบแซลมอนรมควัน



มิวกับบีนั่งข้างกันเงียบ ๆ
เหมือนเป็นคู่เพื่อนสนิทที่ไม่พูดเยอะแต่รู้ใจกันดี
ข้าง ๆ กันคือพี่แทนและพี่มายด์—คู่รักวัย 30 ปลาย ที่ดูเรียบร้อย
พี่แทนอ่าน guidebook เล่มเล็กอย่างตั้งใจ
พี่มายด์กำลังเช็ดเลนส์กล้อง DSLR อย่างทะนุถนอม

โอ๊ตกับพีทยังคงเป็นเหมือนเดิม
กินเยอะ คุยเยอะ หัวเราะเยอะ
แต่ก็แอบชำเลืองมองคู่ตรงข้ามที่เริ่มนั่งใกล้กันอีกครั้ง…

ภัทรกับดินสอ
วันนี้ไม่ทะเลาะ
แม้จะยังไม่มีคำขอโทษ
แต่น้ำเสียงที่อ่อนลง…คือสิ่งที่ดังกว่า

...

08:00 น. – รถโค้ชมุ่งหน้าสู่แวร์ซาย

วิวข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งสีเขียวอ่อนตัดกับท้องฟ้าใส
แสงแดดอุ่นไม่แสบตา
กลุ่มนักท่องเที่ยวในรถคุยกันเบา ๆ

> “รู้มั้ย Versailles ไม่ใช่แค่พระราชวัง มันคือนิยามของคำว่า ‘อำนาจ’ ในยุคหนึ่งเลยนะ”
พี่แป๋วเล่า
“ตอนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สร้าง มันคือการบอกว่า ‘ข้าคือศูนย์กลางจักรวาล’ แบบไม่ต้องพูด”



...

09:30 น. – พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace)

ประตูทองเหลืองสูงตระหง่าน
แสงแดดเดือนเมษายนกระทบกับทองคำเปลวแล้วเปล่งแสงเหมือนเวทย์มนตร์

พระราชวังแวร์ซายคือสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง
และความปรารถนาที่จะควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของราชวงศ์บูร์บง
ภายในมีห้องมากกว่า 2,300 ห้อง
มีผู้รับใช้และข้าราชการอยู่อาศัยนับพันคน
โดยเฉพาะในยุคของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งได้รับฉายาว่า The Sun King

กลุ่มเดินตามไกด์ท้องถิ่น
ที่อธิบายถึง Hall of Mirrors ห้องกระจกยาว 73 เมตร
ตกแต่งด้วยกระจก 357 บาน และโคมไฟระย้าคริสตัล
ห้องนี้เคยเป็นสถานที่ลงนามสันติภาพ สนธิสัญญาแวร์ซาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1

ดินสอหยุดมองภาพจิตรกรรมบนเพดาน
แล้วพูดเบา ๆ

> “บางทีพวกเราก็เหมือนกระจกเนอะ…”
“สะท้อนกันไปมา แต่ไม่เคยมองกันตรง ๆ เลย”



ภัทรไม่ได้ตอบ
แต่เดินเข้าไปใกล้
ยืนข้าง ๆ แล้วโอบไหล่คนตัวเล็กเบา ๆ
ดินสอไม่ขัดขืน

และนั่นคือครั้งแรกในทริป
ที่มือทั้งสอง…จับกันไว้โดยไม่ต้องมีเหตุผล

...

11:30 น. – สวนฝรั่งเศส (Jardin à la française)

สวนของพระราชวังแวร์ซายออกแบบโดย André Le Nôtre
แนวคิดคือ "ความสมมาตร สมดุล และควบคุมธรรมชาติ"
ทางเดินถูกตัดตรงเป็นแนว เส้นทางสี่เหลี่ยม
ต้นไม้ถูกตัดแต่งเป็นทรงเรขาคณิต
มีน้ำพุ มีรูปปั้นเทพเจ้ากรีก
ทุกจุดถูกวางอย่างแม่นยำราวกับคณิตศาสตร์

ดินสอเดินไปหยุดที่ริมสระน้ำ
ภัทรหยิบกาแฟอเมริกาโนร้อนจากคาเฟ่เล็ก ๆ ในสวน
แล้วยื่นให้อีกฝ่าย

> “วันนี้แดดดี…”
“อากาศก็ดี…”
“แล้วกูก็…ดีขึ้น”
ดินสอพูดเบา ๆ ขณะถือแก้ว



...

12:30 น. – La Petite Venise

ร้านอาหารกลางวันใกล้พระราชวัง
ตัวร้านเป็นอาคารหินสไตล์อิตาเลียนแบบเรียบง่าย
ภายในตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน พื้นกระเบื้องโบราณ

เมนูแนะนำ:

Coq au vin (ไก่ตุ๋นไวน์แดง) กลิ่นหอมเข้มข้นจากการเคี่ยวกว่า 8 ชั่วโมง

เนื้อแกะตุ๋น เสิร์ฟกับมันฝรั่งบด

Crème brûlée หน้ากรอบนิด ๆ หอมวนิลา


โอ๊ตกับพีทยังคงโวยวายเหมือนเดิม
แต่วันนี้พี่แทนกับพี่มายด์นั่งหัวโต๊ะ
แบ่งไวน์แดงให้พี่แป๋วกับเจ๊พลอย
มิวกับบีนั่งมุมเงียบแต่ยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า "ของหวาน"

ภัทรกับดินสอไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ตักอาหารให้กัน
แลกขนม
และนั่งข้างกันเหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น

...

End – ตอนที่ 11
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:30:57
ตอนที่ 12: ความรักบนเนินเขา และครัวซองต์รางวัลโลก

14:00 น. – เดินทางกลับปารีส

รถโค้ชหรูเลี้ยวจากทางหลวงเข้าสู่เขตเมือง
บ่ายแดดอ่อน ๆ ปะทะกระจก
วิวฝั่งขวาคือทุ่งลาเวนเดอร์ที่ยังไม่บานเต็มฤดู
แต่ก็มีความคลาสสิกแบบฝรั่งเศสอยู่ในนั้น

บนรถ ทุกคนเริ่มหลับ ๆ ตื่น ๆ
ดินสอหลับพิงไหล่ภัทร
ภัทรยิ้มมุมปาก แล้วโน้มตัวลงเอียงหน้าไปซบเบา ๆ
เงียบ…แต่ไม่เหงาอีกต่อไป

...

15:30 น. – Montmartre (มงมาร์ต)

เขตบนเนินเขาที่เคยเป็นแหล่งมั่วสุมของศิลปิน
และยังคงกลิ่นอายของอิสระจนถึงทุกวันนี้

พอรถจอด
กลุ่มทัวร์ก็ก้าวลงสู่ถนนหินโบราณ
ข้างทางคือร้านคาเฟ่ปูนเปลือย ต้นไม้เถาเลื้อย และนักวาดภาพข้างทาง

Basilica of Sacré-Cœur
โบสถ์สีขาวงาช้างตั้งตระหง่านบนยอดเขา
สร้างขึ้นเพื่อเป็นการไถ่บาปของฝรั่งเศสในช่วงสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย
โดมของมันคือหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของปารีส
เห็นหอไอเฟล พระราชวังลูฟวร์ แม่น้ำแซนน์
และยอดตึกของ La Défense

ภัทรยืนข้างดินสอ
โอบไหล่
ดินสอหันไป…งับเบา ๆ ที่ไหล่ของภัทร

> “โอ๊ย!”
“มึงกัดกูทำไม!”
“มือมึงเย็น…อยากให้หายง่วง”
“พูดดี ๆ ก็ได้ไหม!?” ภัทรว่า
แต่ยิ้มเหมือนหมาบ้า



โอ๊ตถ่ายภาพไว้ทัน
ลงกลุ่มไลน์พร้อมแคปชั่น

> “#รักกัดได้ #อย่าตีกันอีกละน้าาา”



เจ๊พลอยกรี๊ดลั่น
พี่แป๋วแทบหงายหลัง
พี่แทนกับพี่มายด์พยักหน้ารัว ๆ

...

Rue Norvins & Wall of Love

เดินลงจากโบสถ์
เข้ามาย่าน Rue Norvins—ถนนเล็กในย่านศิลปิน
สองข้างทางคือร้านของที่ระลึก
นักวาดรูป
ร้านคาเฟ่ที่ยังใช้เก้าอี้หวายกับโต๊ะกลมไม้

จนมาถึง “Le mur des je t’aime”
หรือ กำแพงแห่งรัก

> “I Love You” เขียนด้วย 311 ภาษา
กระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม วางเรียงกันกว่า 600 ชิ้น
ตรงกลางมีรอยแตก เป็นรูปหัวใจ
สื่อว่าแม้ความรักจะไม่สมบูรณ์ แต่มันยังคงสวยงาม



ภัทรเอื้อมไปจับมือดินสอ
แล้วพูดเบา ๆ ว่า

> “กูไม่รู้ภาษาที่ 312…”
“แต่กูรู้ว่ารักมึงแค่ไหน”



...

17:30 น. – Le Grenier à Pain

เบเกอรี่รางวัลโลกแห่งนี้ชนะการประกวด “Best Baguette in Paris”
ครัวซองต์ของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความบาง 64 ชั้น
ด้านนอกกรอบเบา ๆ แต่ด้านในยังชุ่มเนย

ดินสอสั่งครัวซองต์อัลมอนด์
ภัทรสั่งแบบคลาสสิก
เจ๊พลอยซื้อติดไม้ติดมือกลับโรงแรมหกชิ้น
เพราะเธอบอกว่า “อร่อยเหมือนรักแรกพบ”

...

19:00 น. – Moulin Rouge

สถานที่แห่งตำนาน
กังหันสีแดงหมุนแช่มช้า
ภายนอกดูเหมือนโรงละครเล็ก
แต่ภายในคือความหรูหราอลังการระดับราชสำนัก

Moulin Rouge เปิดเมื่อปี 1889
โดย Joseph Oller ผู้ก่อตั้ง Paris Olympia
ที่นี่คือที่กำเนิด “คาน-คาน” (Can-Can)
และเป็นเวทีของตำนานนักเต้นสาวของยุโรป

เมนูมื้อค่ำ:

Duck Confit (เป็ดตุ๋นจนหนังกรอบ เนื้อในเปื่อยนุ่ม)

Seafood Platter: หอยนางรม, กุ้ง, หอยแมลงภู่

ไวน์แดง Bordeaux


โชว์คาบาเรต์เริ่ม
ผู้คนในชุดประดับเพชรขนนก
ดนตรีฝรั่งเศสยุค 20s
แสงสีเสียงเต็มพิกัด

ภัทรกระซิบ

> “มึงดูเหมือนไม่ใช่ทางมึงเลย”
ดินสอหันมา
“แล้วไงอะ ก็ทางมึง กูก็ดูให้มึงไง”



...

22:30 น. – กลับโรงแรม

รถโค้ชวิ่งผ่านไฟถนน
ภัทรเอื้อมไปจับมือดินสอ
ดินสอไม่ได้ขืน

คืนนั้นทุกอย่างไม่ต้องพูด
แค่จับมือไว้…ให้อุ่นพอ


---

End – ตอนที่ 12
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:32:12
ตอนที่ 13: เมื่อคำถามไม่ได้ถาม…แต่ทุกคนพร้อมใจตอบว่า “แน่ๆ”

22:30 น. – กลับถึงโรงแรม Le Meurice

หลังค่ำคืนสุดตื่นตา ณ Moulin Rouge
คณะทัวร์ทยอยขึ้นห้องด้วยความอ่อนล้า
บรรยากาศในลิฟต์เงียบ ๆ มีเพียงเสียงกดชั้นและถอนหายใจยาว ๆ

ดินสอเปิดประตูห้องก่อน เดินลากขาเข้าห้องน้ำทันที

> “เหนื่อย จะอาบน้ำก่อนนะ”
เสียงทุ้มเล็กหายเข้าไปพร้อมไอน้ำอุ่นในห้องน้ำ



ภัทรถอดรองเท้า โยนตัวลงเตียง เอื้อมไปหยิบขวดน้ำจิบ

> “อาบไปเลย กูจะนอนรอ”



เสียงน้ำจากฝักบัวยังคงดังอยู่
ดินสอพูดลอดประตู

> “เดินทั้งวันไม่อาบน้ำ สกปรก”



ภัทรหัวเราะในลำคอ

> “ถอดเสื้อแล้วไงอะ? ไม่สกปรกแล้วมั้ง”
ว่าจบก็ลุกขึ้น ถอดเสื้อ
กล้ามอกแน่น ๆ กับหน้าท้องลีนแบบที่เทรนเนอร์ก็ต้องยอม
ผิวแทนลึกจากการออกกำลังกายกลางแจ้ง
สะท้อนกับแสงไฟหัวเตียงอ่อน ๆ



ประตูห้องน้ำเปิด
ดินสอออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันรอบเอว หยุดกึก

> “มึงจะไม่ใส่เสื้อเหรอ?”



ภัทรยักไหล่

> “ก็มึงบอกให้ถอดของสกปรก กูก็ถอดแล้วไง”



ดินสอพ่นลมหายใจแรง แต่ไม่ต่อปาก
เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้า พึมพำอะไรเบา ๆ
ภัทรเข้าไปนอน กางแขนกอดอีกฝ่ายไว้จากด้านหลัง
ไม่รัดแน่น แต่มั่นคง

> “คืนนี้ไม่กวนหรอก แค่นอนเฉย ๆ”
เสียงต่ำของภัทรเหมือนลมหายใจ
ดินสอไม่ตอบ
และก็ไม่ขัดขืน



...

เช้าวันที่ 5 – 06:00 น.

ห้องอาหารเช้าของโรงแรมเปิดไวเป็นพิเศษ
กล่องอาหารเช้าถูกแจกให้ทุกคนก่อนออกเดินทาง
มีครัวซองต์เนย กาแฟร้อน ไข่ต้ม และโยเกิร์ตใส่ผลไม้

เสียงฮือฮาเริ่มดังในกลุ่ม
พี่แทนกระซิบกับพี่มายด์
เจ๊พลอยกับพี่แป๋วหัวเราะหึ ๆ
โอ๊ตกับพีทเอามือปิดปาก แต่ยิ้มเหมือนเห็นอะไรสนุกมาก

พีทกระซิบเสียงดังพอให้ทั้งโต๊ะได้ยิน

> “เมื่อคืนผมเคาะห้องไปขอยานวดขา ภัทรเปิดประตูให้...ไม่ใส่เสื้อครับ”



ทุกคนพูดพร้อมกัน

> “แน่ๆๆๆๆ!”



ภัทรลงมาหลังสุด
สายตาหลายคู่มองพร้อมรอยยิ้ม
เจ๊พลอยแกล้งถาม

> “วันนี้เอา หอยนางรม หรือ ไข่ลวก ดีคะ?”



> “หอยนางรมครับ ถ้าไข่ลวกเดี๋ยวไม่ตื่น”
ภัทรตอบหน้าตาย



ดินสอหยิบกล่องอาหารของตัวเอง
แล้วเดินเลี่ยงออกไปนั่งข้างมิวกับบี
แต่แก้มที่ขึ้นสีมันบอกทุกอย่างแล้ว

...

07:30 น. – รถไฟ Thalys สู่บรัสเซลส์

รถไฟความเร็วสูง Thalys ใช้เวลา 1.5 ชม. วิ่งจากปารีสถึงบรัสเซลส์
เบาะกำมะหยี่นุ่มแนบตัว
เสียงประกาศภาษาฝรั่งเศสและดัตช์สลับกัน

พนักงานเสิร์ฟอาหารเช้าแบบ light meal
เป็นขนมปังดำ แยมลูกแพร์ และชีสสด

ดินสอเปิดฝาอาหาร
นิ่วหน้า

> “มึงเคยกินชีสที่กลิ่นแรงกว่านี้ไหม”



> “มึงก็อย่าเปิดเล่น ๆ แล้วไม่กิน มันเสียมารยาทอะ”
ภัทรพูดเรียบ ๆ



> “กูก็แค่…ดูไง”
“ดูจนเหม็นทั้งโบกี้อะดิ”
“ภัทร!”



เสียงเริ่มดัง
ทุกคนในคณะเงียบ
มือหลายคู่ยกมือถือขึ้น…ถ่ายภาพนิ่ง
กลุ่มไลน์ของกรุ๊ปทัวร์มีข้อความขึ้นว่า

> "Live: คู่รักทะเลาะเรื่องชีส"



...

09:00 น. – บรัสเซลส์

อากาศสดชื่นกว่าในปารีสเล็กน้อย
แสงแดดกระทบยอดอาคารกอธิกทองอร่ามของ Grand Place
จัตุรัสที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในยุโรป
เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง สถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 15
ทุกอาคารเต็มไปด้วยรูปปั้น ประดับทองคำ และลวดลายแกะสลักแน่นละเอียด

พี่แป๋วอธิบายเสียงเบา

> “ตอนกลางคืนที่นี่สวยกว่านี้อีก…เขาเปิดไฟ projection บนตัวอาคารเลยนะ”
“Grand Place เคยถูกทำลายในสงคราม แล้วสร้างใหม่จากภาพวาดเก่า ๆ อย่างละเอียด”



เดินต่อไปยัง Manneken Pis
รูปปั้นเด็กชายยืนฉี่ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
สร้างขึ้นในปี 1618
โดยเชื่อว่าเด็กชายในตำนานนี้เคยดับไฟในเมืองด้วยการฉี่ใส่เปลวไฟ

ภัทรมอง

> “เหมือนเด็กผู้ชายเวลากินชีสมั้ง…ฉี่แรงดี”



ดินสอหัวเราะเบา ๆ

> “มึงก็พูดอะไรของมึง…”



...

11:30 น. – Maison Dandoy

ร้านวาฟเฟิลในตำนาน
สูตรดั้งเดิมแบบ Liège waffle
อบแบบมีน้ำตาลเกล็ดหยาบด้านใน กรอบนอกนุ่มใน
ราดซอสช็อกโกแลต Valrhona
เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตร้อนเบลเยียมแท้

โอ๊ตกัดเข้าไปคำแรก

> “นี่แหละ วาฟเฟิลที่ทำให้ผมรู้ว่าโลกนี้ยังมีอะไรดี ๆ เหลืออยู่”



ดินสอเงียบ กินช้า ๆ
ภัทรมอง แล้วกระซิบ

> “ยังไม่หายหงุดหงิดเหรอ?”



> “กูกำลังพยายามละลายเหมือนช็อกโกแลตอยู่นี่แหละ…”



ภัทรยิ้ม—รสชาติวาฟเฟิลอาจไม่หวานเท่าคำพูดนั้นก็ได้

...

End – ตอนที่ 13
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:34:22
ตอนที่ 14: Moules, Moment & มึงคิดอะไรอยู่

11:50 น. – บนรถบัสระหว่างทางไปร้าน Chez Léon

เสียงพูดคุยในรถเริ่มจางลง หลังทุกคนได้พักหูจากการโดนกล่อมด้วยเสียงบรรยายประวัติศาสตร์ครึ่งเช้า
รถกำลังเคลื่อนไปตามถนนคดเคี้ยวของกรุงบรัสเซลส์ ผ่านสถาปัตยกรรมยุโรปผสมผสาน
ด้านนอกหน้าต่าง มีทั้งตึกยุคเรอเนซองส์สีหม่น และร้านเบเกอรี่หน้าตาอบอุ่นริมทาง

ภัทรนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างดินสอ
พอเห็นป้ายร้านอาหารขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าตัวก็บ่นเสียงดังพอให้ได้ยินทั่วรถ

> “นี่เราจะกินกันอีกแล้วเหรอ…”



ทันใดนั้นเอง…
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลัง
บางคนยิ้ม
สองสามคนสำลักน้ำแบบอัตโนมัติ
เพราะมันสอดคล้องกับบทสนทนาที่ทุกคน เข้าใจผิด กันทั้งรถตั้งแต่ตอนเช้า
“แน่ๆ” ยังคงเป็นคำที่อยู่ในใจใครหลายคน

ภัทรเพิ่งรู้ตัว
แต่ยิ้มกะล่อน เหล่มองคนข้าง ๆ

> “ดินสอ มื้อเที่ยงนี่คือ…เราจะกินกันแล้วใช่ไหม?”



ดินสอหันไปบิดแขนภัทรเต็มแรง

> “มึงจะพูดอะไรไม่ดูปากตัวเองบ้างเลยรึไง!?”



ภัทรร้อง

> “โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย!”



เสียงหัวเราะทั้งรถบัสดังลั่น
ดินสอว่าเสียงเขียว

> “กูยังไม่เคยโดนใครกิน กูจะรักษาไว้ห้าร้อยชาติ!”



ภัทรเบิกตากว้าง ยกมือเป็นเชิงยอมแพ้

> “เฮ้ย กูหมายถึงมื้อเที่ยง! มึงคิดไปถึงไหนเนี่ย คิดเยอะนะเราอะ”



ดินสอหันหน้าหนี
แต่ยังอุบยิ้มมุมปาก

> “ไม่ต้องมาแกล้งกู กูรู้…กูกินปลา”



เสียงฮาในรถไม่หยุดง่าย ๆ
เจ๊พลอยพูดเบา ๆ กับพี่แป๋ว

> “คู่รักคู่นี้แม่งมีความสุขในการเถียงกันเนอะ”



...

12:30 น. – Chez Léon

ร้านอาหารดังที่สุดแห่งหนึ่งของบรัสเซลส์
ชื่อเสียงสืบทอดมาตั้งแต่ปี 1893
ตกแต่งภายในเป็นสไตล์เบลเยียมโบราณ ด้วยกระเบื้องเคลือบลายเก่าและโต๊ะไม้เข้ม
กลิ่นเนยละลายและเบียร์สดโชยอวลชวนหิวทันทีที่เปิดประตูเข้าไป

อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ Moules-frites – หอยแมลงภู่สดจากทะเลเหนือ
ปรุงกับไวน์ขาว กระเทียม และสมุนไพร
เสิร์ฟในหม้อเหล็กดำร้อน ๆ คู่กับ เฟรนช์ฟรายส์ กรอบนอกนุ่มใน
พร้อมเบียร์เบลเยียมสดที่ไม่มีในไทย

ภัทรยกเบียร์ขึ้นชนแก้วกับโอ๊ต

> “ใครว่าอาหารทะเลต้องอยู่แค่ฝรั่งเศสกับอิตาลี เบลเยียมนี่แหละตัวจริง!”



ดินสอคีบหอยเข้าปาก
แล้วทำตาโต

> “หอม…ไม่คาวเลยมึง”
“มึงลองบีบเลมอนนิด ๆ ด้วย จะตัดเค็มได้ดีเลย” – มิวแนะนำ



มีกลุ่มนักดนตรีพื้นบ้านเล่นแอคคอร์เดียนอยู่ด้านนอก
สร้างบรรยากาศให้มื้ออาหารกลมกล่อมยิ่งขึ้น

พี่แทนสั่งซ้ำสองหม้อ
เจ๊พลอยสั่งเบียร์ตัวแรงขึ้นกว่าเดิม
ดินสอกินหมดหม้อ
ภัทรหันมา

> “มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้หิวเพราะอะไรที่กูยังไม่รู้?”



ดินสอสวน

> “แน่ใจ...ก็กินปลาไง”



...

14:00 น. – Atomium

หลังอาหารเที่ยง
คณะทัวร์เดินทางสู่ Atomium
สิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาที่มีรูปทรงเป็นอะตอมของผลึกเหล็กขยายขนาด 165 พันล้านเท่า
สร้างขึ้นเพื่อ World Expo 1958
เป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่สะท้อนวิสัยทัศน์ด้านวิทยาศาสตร์และอนาคตของยุโรปยุคนั้น

คณะทัวร์ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงในเสาเหล็กหลัก
ไปยังจุดชมวิวพาโนรามาบนลูกบอลที่สูงที่สุด
จากนั้นค่อย ๆ เดินลงไปตามลูกบอลอื่น ๆ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และนวัตกรรม

ดินสอมองไปที่เมืองเบื้องล่าง
ลมเย็นตีหน้า
แสงอาทิตย์เดือนเมษาไม่แสบตา แต่ทำให้ใจอุ่น
ภัทรเดินมาข้างหลัง โอบไหล่หลวม ๆ

> “นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน กูกอดแบบนี้มึงต้องตีมือ”
“มึงพูดเหมือนกูมีแรงตี”
“ถ้ากูตีคืนล่ะ”
“ลองสิ”
“ได้เลย…”



...แล้วเงียบไป

แต่ไม่มีใครผละออกจากกัน

...

16:30 น. – เช็คอิน Warwick Brussels – Grand Place

โรงแรมระดับ 4 ดาว ทำเลดีที่สุดในกรุงบรัสเซลส์
ห่างจาก Grand Place ไม่ถึง 3 นาทีเดิน
ห้องพักตกแต่งแบบร่วมสมัย หรูหราด้วยวัสดุไม้เข้ม ผ้ากำมะหยี่ และไฟหัวเตียงอบอุ่น

ดินสอวางกระเป๋าแล้วล้มลงบนเตียงทันที

> “วันนี้เดินเยอะกว่าที่คิดแฮะ”
ภัทรวางหมวกลงบนโต๊ะ วางโทรศัพท์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ



> “ขานวดมั้ย?”
“ไม่ต้องเลยมึง เดี๋ยวเผลอกูโดนกินอีก”



...

18:30 น. – เดินเล่น Galeries Royales Saint-Hubert

ห้างหรูสไตล์เรเนซองส์ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1847
มีหลังคาโค้งกระจกสูงโปร่ง ประดับเหล็กดัดสีทอง
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านช็อกโกแลตระดับโลก
ร้านนาฬิกา ร้านหมวกโบราณ และโรงละครเล็ก ๆ

โอ๊ตซื้อช็อกโกแลตให้พีท
เจ๊พลอยซื้อหมวกปีกกว้างคลุมตา
ดินสอกินไอศกรีมวานิลลาจากร้านเลอเฟเบร

ภัทรแกล้งแย่งคำสุดท้าย

> “กูลองให้ก่อนว่ามันปลอดภัยมั้ย”
ดินสอเบะปาก
“มึงปลอดภัย แต่ไอติมกูไม่รอด”



...

19:30 น. – ดินเนอร์ที่ La Roue d’Or

ร้านอาหารเบลเยียมแท้ ๆ
บรรยากาศอบอุ่น ผนังตกแต่งด้วยโปสเตอร์ละครเก่ายุคศตวรรษที่ 19
เมนูดังคือ Carbonnade flamande – เนื้อตุ๋นเบียร์ ดำข้น รสลึก หอมเครื่องเทศ
กับ กุ้งทอดเบลเยียม ที่กรอบนอกนุ่มใน

เจ๊พลอยเอื้อมมือไปแตะไหล่ดินสอ

> “วันนี้ไม่ทะเลาะกันเลยนะลูก”
“อาจจะหิวจนไม่มีแรงเถียงครับ” – ภัทรตอบแทน
“หรือไม่ก็อาจจะอิ่มจากเมื่อคืน…”



ทั้งโต๊ะหัวเราะ
ภัทรยกแก้วไวน์
ดินสอมองหน้า

> “มึงอย่าเพิ่งพูดอะไร กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไร”



ภัทรยิ้ม

> “กูยังไม่ได้พูดซะหน่อย…”



...แต่ในสายตา เขาพูดหมดแล้ว


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:39:20
ตอนที่ 15: เพลงที่มึงร้องครั้งแรก...ยังอยู่ในใจ

21:00 น. – จัตุรัสกลางกรุงบรัสเซลส์

ค่ำนี้ บรัสเซลส์อ่อนแสงลงอย่างงดงาม
พื้นหินก้อนเล็ก ๆ ของจัตุรัสสะท้อนแสงไฟจากโคมเก่า
สายลมเย็นปะทะใบหน้าแบบพอดี ๆ
และเสียงดนตรีจากมุมถนนก็ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ ให้หยุดฟัง

ภัทรที่ยืนข้างดินสอหันไปสบตากับนักกีตาร์
แล้วพูดเบา ๆ ว่า...

> “ขอแจมได้มั้ยครับ?”



หนุ่มนักดนตรียิ้ม พยักหน้า
ภัทรยกมือขอไมค์…แล้วหันมาหาดินสอ
เจ้าตัวไม่พูดอะไร แต่แววตาแม่งบอกทุกอย่าง


---

เพลงที่ภัทรร้อง: _“Best Part” – Daniel Caesar ft. H.E.R. (Acoustic)

> You're the coffee that I need in the morning
You're my sunshine in the rain when it's pouring
Won't you give yourself to me
Give it all, oh...



เสียงของภัทรนุ่มลึก เป็นเสียงที่ดินสอเคยฟังทุกครั้ง
ตอนซ้อมกีตาร์ช่วง ม.5
ตอนนั่งท้ายห้องพร้อมสมุดเพลงเก่า
ตอนเขินจนไม่กล้ามองหน้า แต่ภัทรก็ยังร้องเพลงนี้ให้เสมอ


---

> I just wanna see how beautiful you are
You know that I see it
I know you're a star
Where you go I'll follow
No matter how far...



ช่วงสุดท้ายของท่อนฮุก
ภัทรหันมามองดินสอ
...ไม่พูดอะไร
แต่ตายังคงมอง...มองเหมือนเดิม
แบบที่เคยมองตั้งแต่สิบปีก่อน
และจนถึงวันนี้ก็ยังมอง

...

เจ๊พลอยเอียงหน้ามากระซิบกับพี่แป๋ว

> “เด็กดินสอหูแดงมาก…”
“กินไวน์ไปแก้วเดียวเองนะ”
“ไม่เมาหรอกมึง...เขิน”



มิวหันมาหาโอ๊ต

> “คู่รักวัยมัธยมแบบนี้แม่งโคตรเรียลเลยเนอะ”
“แล้วดูสิ มึงดูหูดินสอ...แดงยิ่งกว่าทับทิม”
“คนมันโดนจีบด้วยเพลงที่เคยร้องตอนเรียน ม.ปลาย จะไม่เขินได้ไง”



...

หลังจบเพลง

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วทั้งจัตุรัส
ภัทรยิ้ม รับคำชมจากนักท่องเที่ยว
ก่อนเดินกลับมาหาดินสอ

> “เฮ้ย...”
“อะไร?”
“มึงยังจำได้มั้ย กูเคยร้องเพลงนี้ให้ฟังตอนเรียน ม.5”
“…อือ”
“แล้วตอนนั้นมึงตอบกูว่าไง?”
“…ไม่ตอบอะไร”
“แต่หลังจากนั้นก็เป็นแฟนกันใช่มั้ย?”
“...กูไม่ได้ปฏิเสธก็แล้วกัน”



ภัทรหัวเราะเบา ๆ

> “มึงแม่งก็ยังขี้เขินเหมือนเดิมเลยว่ะ”



...

ภาพสุดท้ายของคืนนี้
ทั้งคู่เดินกลับโรงแรม
ในขณะที่กลุ่มคณะทัวร์บางคนยังพูดไม่หยุดว่า

> “ชั้นว่าเค้าจะคืนดีกันเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ”
“คือดูแววตามันอะ พี่แทนขนลุกเลย”



...

เพลงยังคงเล่นต่อ
แต่ในหัวของดินสอ...มีแค่เสียงของภัทร
เสียงที่เคยร้องให้ฟังครั้งแรก
เสียงที่ยังอยู่
เสียงที่ยังไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิดเดียว


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:41:44
ตอนที่ 16 — คืนที่ภัทรเกือบพิชิต

บรัสเซลส์ยามค่ำ… สวยเสียจนเหมือนภาพฝัน

สายลมยามฤดูใบไม้ผลิพัดโชยมาพร้อมกลิ่นโกโก้อุ่นและช็อกโกแลตสดที่ลอยมากับไอหวาน ๆ จากร้าน Maison Dandoy ที่เพิ่งปิดไฟไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แสงไฟจากหน้าต่างของคาเฟ่ย่าน Grand Place ยังสะท้อนลงบนถนนหินเก่าราวเวทมนตร์

หลังจากโชว์เสียงหล่อกล่อมสาว ๆ — ไม่สิ กล่อม "ดินสอ" — ภัทรก็แกล้งบอกให้คนตัวเล็กเดินกลับโรงแรมกับพี่ ๆ ไปก่อน ส่วนตัวเองขอแวะ "ซื้อของ"

> “ซื้ออะไร?”
“ของที่ต้องใช้ตอนมึงไม่รู้ตัว”
“พูดให้มันดี ๆ”
“ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าคืนนี้มึงยังไม่พร้อม…”





ระหว่างทาง

พีทเดินตามมาในร้านเวชภัณฑ์พอดี
แทนมองถุงกระดาษในมือภัทรแล้วหรี่ตา
โอ๊ตยิ้มแล้วแกล้งกระซิบ

> “คืนนี้แน่ ๆ ใช่ไหม?”
“ไม่แน่ แต่กูต้องพร้อมไว้ก่อน”
“กล้ามมึงพร้อมขนาดนี้แล้ว ของเล็ก ๆ พวกนี้จะพลาดได้ไงวะ”



ภัทรหัวเราะหึในลำคอ ไม่ตอบ

> “ห้องติดกันด้วย กูขออย่างเดียว ถ้ามึงจะปลุกพรหมจรรย์ 500 ปีคืนนี้ เสียงเบา ๆ หน่อยนะ…”




---

กลับถึงโรงแรม

ไฟในห้องเปิดไว้แค่โคมหัวเตียง

ภัทรถอดแจ็กเก็ต วางของไว้เงียบ ๆ
เสียงน้ำไหลจากห้องน้ำแผ่วเบา
เขายืนมองเงาตัวเองในกระจก
ผ้าเช็ดตัวพาดอยู่บนไหล่แกร่ง กล้ามแน่นสะท้อนแสงสีอุ่นอย่างคมชัด
ภัทรสูดหายใจลึก

> “คืนนี้ ถ้ามึงยังไม่ปฏิเสธ กูจะรู้แล้วว่าความหวังของเรายังมีอยู่จริง”



ดินสอเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมไอน้ำจาง ๆ
สายตาทั้งคู่สบกัน
ไม่มีคำพูด แต่บรรยากาศรอบห้องแทบหยุดหายใจ

> “...อาบมั้ย?”
“อาบดิ”
“นานแน่คืนนี้”



ภัทรหันหลังเข้าไป
อาบน้ำ ล้างหน้า บ้วนปาก
สระผมรอบสอง
แล้วฉีดน้ำหอมกลิ่นที่ดินสอชอบไว้ที่ซอกคอ ใต้ข้อมือ
ทุกจุดที่เขา "อยากให้ดินสอจำได้"

> “วันนี้ต้องไม่เหมือนคืนก่อน ๆ”




---

แต่เมื่อเขาออกจากห้องน้ำ...

ดินสอหลับแล้ว

ตัวเล็ก ๆ ขดอยู่ตรงมุมเตียงใต้ผ้าห่มหนานุ่ม
แก้มขาวขึ้นสีจาง ๆ คงเพราะความเหนื่อยตลอดวัน
ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย
ลมหายใจสม่ำเสมอ… และเสียงหัวใจภัทร…ช้าลงทันที

ภัทรนั่งลงข้างเตียงเงียบ ๆ
มือใหญ่ลูบผมนิ่มของดินสอเบา ๆ
แล้วก็หัวเราะในใจ…ให้กับความหวังอันยาวนานของตัวเอง

เขาขึ้นเตียง ห่มผ้า
กอดดินสอจากข้างหลัง
ฝังจมูกไว้ที่ท้ายทอยอีกฝ่าย

กระซิบเบา ๆ ว่า...

> “กูไม่รีบหรอกดินสอ… ถึงมึงจะหลับทุกคืน กูก็จะกอดมึงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”
“ไม่ใช่เพราะกูแพ้มึงนะ…แต่เพราะกูรักมึงทุกคืนมาตลอด…”




---

เช้าในบรัสเซลส์

ในกลุ่มไลน์ของคณะทัวร์
เจ๊พลอยโพสต์:

> “เมื่อคืนพีทไปขอยานวดขา…ภัทรเปิดประตูมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว!”
“พูดพร้อมกันค่ะ ‘แน่ ๆ’!!!”



แทนเสริมทันที

> “กูว่าไม่ใช่แค่ยานวดที่ใช้แน่ ๆ”
“คู่นี้เงียบผิดปกติ เช้านี้ไม่ทะเลาะ แปลว่าเมื่อคืน…อะไรยังไงล่ะครับ?”



ดินสอกำลังตักโยเกิร์ตในไลน์บุฟเฟต์
มือไม่นิ่ง
ใบหูแดงอีกแล้ว

ภัทรเดินเข้ามาข้าง ๆ พร้อมกระซิบด้วยเสียงทุ้ม

> “เมื่อคืนกูไม่ได้อะไรเลย…นอกจากลมหายใจมึงตอนหลับ”
“แต่ก็ยังดี…เพราะมันยังเป็นของกูคนเดียว”




---

จบบทที่ 16
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:44:07
ตอนที่ 17 — บรูจจ์ เมืองโบราณ ความหวานยังไม่จาง

เสียงล้อรถโค้ชบดกับถนนหินกรวดของเบลเยียมขับกล่อมเช้าอากาศดีให้ละมุนขึ้นอีกหลายระดับ
เมืองบรูจจ์กำลังเรียกหา

> “ขับตรงอีกไม่ไกลค่ะ อีกสิบกว่านาทีจะถึงใจกลางเมืองแล้วค่ะทุกคน”
เสียงไกด์สาวชื่อพี่ก้อยดังจากไมโครโฟนในรถ ภัทรหาวเบา ๆ
ดินสอหลับตาพิงไหล่เขาแบบไม่ได้ตั้งใจ



ภัทรลูบผมอีกฝ่ายช้า ๆ

> "แค่เมื่อคืนไม่ได้อะไร มึงก็หมดแรงขนาดนี้เลยเหรอดินสอ..."




---

09:30 น. — เดินชมเมืองเก่าบรูจจ์

เมืองนี้คือเมืองในนิทาน

บ้านไม้โบราณปลูกเรียงริมคลอง สะพานหินเก่าทอดข้ามไปยังตรอกศิลปะกลางเมือง
เสียงนกร้องเคล้ากับเสียงจักรยานที่กลุ่มนักเรียนเบลเยียมปั่นผ่านไปอย่างสดใส

> “มันสวยจนเหมือนหลุดมาจากภาพวาดเลย” ดินสอพูดออกมา
ภัทรยิ้มแล้วตอบ “แต่กูว่าอะไรก็ไม่สวยเท่ามึง”
“มึงเพิ่งตื่นเหรอ”
“ก็เพิ่งตื่นมาเจอมึงนี่แหละ”



กล้องจากพี่โอ๊ตลั่นชัตเตอร์ทันที
“แชะ!”

> “มึงอยากได้รูปคู่มั้ยวะ”
“ถ่ายให้หน่อยครับพี่โอ๊ต”
“ใกล้กันอีก ๆ ไอ้ภัทร จับเอวมันเลย”



ภัทรจับเอวดินสอ ดินสอทำท่าจะผลัก แต่สุดท้ายแค่เขินแล้วหันหน้าหนีไปอีกฝั่ง
แชะอีกภาพ… หูแดงอีกแล้ว…


---

10:00 น. — ตลาดกลาง (Markt Square) & Belfry Tower

จัตุรัสแห่งนี้คือหัวใจของบรูจจ์
ด้วยอาคารกิลด์เฮาส์แบบเฟลมิช ปลายจั่วสูงล้อมรอบลานกว้าง
เสียงม้าลากรถแผ่ว ๆ กับเสียงนาฬิกาจากหอคอย Belfry Tower ดังทุก 15 นาที ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์แบบย้อนยุค

> “ใครไหวขึ้นบันได 366 ขั้นไปดูวิวบ้างคะ?”
“ใครขึ้นบ้าง เดี๋ยวผมขึ้น” ภัทรยกมือทันที
“มึงน่าจะอยู่ข้างล่างกับกู” ดินสอพูด
“ไม่เอา กูจะขึ้นไปตะโกนบอกรักมึงจากยอดหอคอย”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้น…”



เสียงคณะทัวร์หัวเราะ
พลอยหันมากระซิบกับแทน

> “ฉันล่ะอยากเห็นดินสอเขินจนเป็นลมสักวัน”




---

11:00 น. — ล่องเรือคลองบรูจจ์

เรือพายลำยาวพานักท่องเที่ยวไหลไปตามลำคลองน้ำใส
ดอกไม้บานริมหน้าต่างบ้านไม้สองฝั่ง
เป็ดว่ายน้ำคู่กัน เงาสะท้อนอาคารเก่าบนผิวน้ำไหวเบา ๆ
อากาศเย็นจับแก้มแต่หัวใจกลับอุ่นมากเกินควร

> “อยากอยู่เมืองนี้นาน ๆ” ดินสอพึมพำ
“อยู่กับกูมั้ยล่ะ”
“พูดอีกทีดิ”
“อยู่กับกู”



...


---

12:00 น. — ร้านอาหารกลางวัน De Gastro

ร้านอาหารเล็ก ๆ แต่เก่าแก่ อยู่ติดกับสะพานหินด้านใต้ของ Markt Square
กลิ่นของสมุนไพรต้มกับเนื้อปลาโชยอ่อน ๆ ออกมาจากห้องครัว
ทุกอย่างตกแต่งด้วยไม้เก่าและแจกันดอกทิวลิปสด

เมนูวันนี้:

ซุปปลาเฟลมิช (สไตล์ดั้งเดิม กลิ่นหอมละมุน ละเอียดมาก)

ข้าวต้มทะเลเบลเยียม (ใช้ปลาทะเลสด ผสมหอยลาย กุ้ง และใบไธม์)

ของหวาน: ช็อกโกแลต handmade จากครัวหลังร้าน เสิร์ฟพร้อมราสป์เบอร์รี่สด


ภัทรกินไปมองหน้าดินสอไป

> “ช็อกโกแลตหวานสู้มึงไม่ได้เลย”
“จบประโยคเถอะภัทร…”




---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 14:45:53
ตอนที่ 18 — ภัทรลุย แต่ฟ้าไม่เป็นใจ

13:30 น. – เดินทางต่อสู่รอตเตอร์ดัม (ประมาณ 2.5 ชม.)

เสียงล้อรถโค้ชไถลผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนที่เริ่มแต่งแต้มด้วยดอกทิวลิปบานสะพรั่ง ต้นไม้สองฝั่งทางชูใบอ่อนรับลมฤดูใบไม้ผลิ

ดินสอหลับพิงหน้าต่าง ส่วนภัทรนั่งดูหน้าตัวเองในกล้องมือถือ

> “คืนนี้กูจะต้องทำให้ได้… พรหมจรรย์ 500 ปีของมึง กูจะทำพิธีเปิดมันคืนนี้แหละดินสอ”




---

16:00 น. – เข้าชม: Cube Houses (บ้านลูกบาศก์)

Cube Houses หรือ Kubuswoningen เป็นผลงานการออกแบบอันล้ำยุคของ สถาปนิก Piet Blom ที่ต้องการ "เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นต้นไม้" และเมื่อมองจากด้านบน อาคารทั้งหมดจะดูเหมือน "ป่าเรขาคณิต" กลางเมือง

เกร็ดเด็ด:

แต่ละบ้านเอียงทำมุม 45 องศา

คนในพื้นที่เคยบอกว่า “ถ้าอยู่ในบ้านนี้นาน ๆ แล้วไม่เวียนหัว ถือว่าใจแข็ง”


> “ถ้าคืนนี้เราจะทำอะไรกันในบ้านแบบนี้ กูน่าจะเมาแน่นอน” ภัทรแกล้งกระซิบ
“บ้านเราจะอยู่โรงแรมนะมึง ไม่ใช่บ้านทรงลูกบาศก์”
“งั้นมึงต้องมาอยู่ในอ้อมแขนกูให้มึนแทน”




---

16:45 น. – Markthal (Markthal Rotterdam)

Markthal คือตลาดโดมขนาดยักษ์กลางเมืองที่ไม่เหมือนใครในโลก โดมโค้งสูง 40 เมตร ด้านในเป็นภาพจิตรกรรม "Horn of Plenty" ขนาดใหญ่บนเพดาน ที่รวมผลไม้ ผัก ดอกไม้ และแมลงไว้ในความหมาย "ชีวิตเต็มไปด้วยของขวัญ"

บรรยากาศภายในอบอวลด้วยกลิ่นหอมจากชีส ดอกไม้แห้ง กาแฟคั่วสด และอาหารทะเล

> “เฮ้ย ข้างบนเหมือนมีกล้วยบิน!”
“เขาเรียกจิตรกรรมแนว surrealism …ไม่ใช่กล้วยบิน”



ของที่น่าซื้อ:

ชีส Gouda รุ่น matured

Stroopwafel อบสด

เบียร์รสผลไม้จากท้องถิ่น

น้ำหอมกลิ่นขนมปัง (มีจริง!)



---

18:00 น. – เช็คอิน: Mainport Hotel Rotterdam (5 ดาว วิวแม่น้ำ Maas)

โรงแรมหรู ที่อยู่ริมแม่น้ำ Maas ห้องพักของภัทรและดินสอเป็นห้องมุมกระจก เปิดรับวิวท่าเรือเก่า หอคอย Euromast และแสงพระอาทิตย์ตกสีทองฉาบลงบนแม่น้ำ

ในห้องมีอ่างจากุซซี่มองเห็นวิวเมือง
มีบับเบิลบาธ กลิ่นลาเวนเดอร์
ไวน์ขาวและผลไม้จัดไว้ครบถ้วน

Welcome set:

วาฟเฟิลเนยอบใหม่

จานชีส & ไวน์ Pinot Grigio

โน้ตเขียนด้วยลายมือจาก GM โรงแรมว่า

> “For the lovely couple — may your night be sweet”




ภัทรแทบจะกอดหมอนตายไปตรงนั้น

> “คืนนี้แน่นอน”




---

19:30 น. – ดินเนอร์ที่ FG Restaurant (Michelin Star)

ร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำ ภายในตกแต่งด้วยโทนไม้สีอ่อน เงาสะท้อนจากกระจกทำให้ห้องดูกว้างเหมือนท่าเรือขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ

Tasting Menu คืนนี้:

1. กุ้งทะเลเหนือหมักสมุนไพรและวานิลลา


2. ฟัวกราส์กับซอสเบอร์รี่เข้ม


3. เนื้อวัวแองกัสย่างถ่านเสิร์ฟกับมูสเห็ดทรัฟเฟิล


4. ดาร์กช็อกโกแลตเบอร์กันดีมูส


5. จิบไวน์ Ice Wine กับเนยสดเกลือทะเล



ภัทรเทไวน์ให้ดินสอ แล้วพูดเสียงเบา

> “คืนนี้...ต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอีกแล้วนะ”
“กูแค่กินข้าวเอง…”




---

21:00 น. – กลับโรงแรม

ดินสอเดินนำเข้าห้อง
ขณะนั้นหนุ่ม ๆ คนอื่น ๆ ที่ไปเดินเล่นริมท่าเรือก่อนกลับ แอบเห็นภัทรแวะมินิมาร์ทซื้ออะไรบางอย่าง

> “ถุงยาง…แน่นอน”
“เจลด้วย…ครบเครื่องแล้ววันนี้”
“ใครก็หยุดมันไม่ได้แล้ว!”




---

ห้องพักวิวแม่น้ำยามค่ำ

ภัทรเปิดไฟสลัว ๆ ใต้หัวเตียง
เปิดเพลง Jazz เบา ๆ
จากนั้นก็...

ถอดเสื้อ

ผ้าเช็ดตัวพันแค่เอว

ฉีดน้ำหอมตรงซอกคอ

ล้วงของออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ตมาวางไว้ริมเตียง


ดินสอกำลังอาบน้ำ
เสียงสายน้ำรินไหลออกมาเหมือนซาวด์แทร็กของค่ำคืนที่ควรเป็น “คืนแห่งความสมหวัง”

ภัทรยิ้ม… พร้อมมาก…





แต่…

ดินสอเดินออกมาพร้อมคำเดียวว่า

> “เหนื่อย…ขอนอนเลยนะ กูเพลียมากวันนี้”



แล้วล้มตัวลงนอนแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น



ภัทรหันมองของข้างเตียง
ถอนหายใจ...

แล้วบ่นกับตัวเองในกระจก

> “เฮ้อ...500 ปี กูจะต้องสู้ต่อไป...”




---

จบบทที่ 18
ภัทร : 0
พรหมจรรย์ดินสอ : ยังอยู่…


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 16:21:38
ตอนพิเศษ 1 — บทสนทนายามค่ำ ของคนที่ยังไม่หลับ

สถานที่: ล็อบบี้บาร์ของโรงแรม Warwick Brussels – Grand Place
เวลา: 22:47 น.
ผู้ร่วมวงสนทนา: พลอย, พีท, โอ๊ต, พี่แป๋ว, คุณเอิร์ธ, เจน, โจ, พี่แม็กซ์

เสียงเปียโนเบา ๆ ลอยมาจากลำโพงบาร์ด้านใน
บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นไวน์ เบียร์เบลเยียม และขนมอบที่เพิ่งออกจากเตา

พวกเขามากันแบบไม่ได้นัดหมาย
แต่สุดท้ายก็รวมตัวกันที่โซฟาใหญ่หน้าบาร์เหมือนเป็นธรรมเนียมของคืนนี้

> “ฉันบอกเลยนะ… สองคนนั้นน่ะ คืนนี้ต้องมีซัมติงแน่ ๆ”
เสียง พลอย เริ่มก่อนคนแรก ขณะกำลังคนไวน์ในแก้ว



> “อ้าว! เค้าแค่นอนห้องเดียวกัน เตียงคิงส์ไซด์เท่านั้น”
โอ๊ต แย้ง พร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบเล็ก ๆ
“หรือว่าเค้า…เคยแล้ว?”



> “ดินสอยังซิง”
พีท พูดขึ้นแบบทันทีทันใด



ทุกคนหันขวับมองเขา
พีททำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะยกมือขึ้นตั้งรับ

> “ก็ภัทรบอกผมเองตอนคุยกันในห้องฟิตเนสเมื่อวาน ว่าดินสอยังไม่เคย…เขาไม่เคยฝืนเลยซักครั้ง”



บรรยากาศเงียบลงเล็กน้อย เหมือนมีอะไรบางอย่างนุ่มนวลเคลือบอยู่ในคำพูดของภัทรผ่านเสียงของพีท

พี่แป๋ม ยิ้มบาง ๆ

> “ภัทรมันดูเป็นผู้ชายห่าม ๆ นะ แต่เวลาอยู่กับดินสอ มันเหมือนหมาบ้านที่นอนหนุนตักแมวเลยอะ”



> “เมื่อเช้าฉันยังแอบเห็นมันถอดหมวกให้ดินสอเอามาบังแดดตอนขึ้นไปที่ Sacré-Cœur อยู่เลย”
พี่เมย์ เสริม ขณะกำลังตักไอศกรีมรสวานิลลาที่สั่งมากินคู่แชมเปญ



> “เอาจริง ๆ นะ ผมไม่คิดว่าคู่นี้จะเหมือนคนจะเลิกกันเลย”
เจย์ ที่นั่งเงียบมาตลอดพูดขึ้น
“แต่กลับกัน…มันเหมือนคนที่กลัวจะเสียกันไปมากกว่า”



เงียบกันไปแป๊บหนึ่ง
เสียงเพลงเปียโนยังคงเล่นคลอ
บรรยากาศในล็อบบี้บาร์ดูอุ่นขึ้นทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ

คุณเอิร์ธ ยกแก้วไวน์แล้วพูดอย่างมั่นใจ

> “ถ้าเราเป็นทีมซัพพอร์ตภัทร…ฉันว่าเราต้องช่วยมันเฮได้ก่อนเครื่องบินลงที่สุวรรณภูมิ”



เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นพร้อมกัน

โอ๊ต : “แผนการณ์สนับสนุนความรักแห่งยุโรปสินะครับ”
พลอย : “หรือเราเรียกตัวเองว่า Operation Bedside Victory ดี”

พีท : “แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะครับ?”

เงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนที่ พี่แป๋ม จะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในวง

> “ก็ช่วยให้ทั้งคู่…ได้เข้าใจกันจริง ๆ ก่อนกลับไทย ถึงจะไม่ได้นอนทับกัน แต่ก็ขอให้นอนใจตรงกันก่อนละกันเนอะ”




---

00:04 น.

เสียงบาร์ปิดไฟบางส่วน
คณะสนทนาเริ่มทยอยแยกย้าย

> “คืนนี้พรุ่งนี้ยังอีกยาว…แต่ความรักไม่เคยรอใครหรอกเนอะ”
เจย์ พูดก่อนหันหลังขึ้นลิฟต์




---

คืนนี้ในบาร์ไม่มีพระเอกกับนายเอก
แต่มีแฟนคลับ #ทีมพ่อกล้าม กับ #ทีมแมวขี้งอน
ที่เฝ้ารอดูว่า...พรุ่งนี้ รักจะก้าวหน้าไปอีกกี่เซนติเมตร



จบบทพิเศษ 1
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 16:40:02
ตอนพิเศษ 1 — ค่ำคืนของคณะทัวร์ (ไม่มีภัทรและดินสอในฉาก)

ชื่อ: “บทสนทนายามค่ำ ของคนที่ยังไม่หลับ”

สถานที่: ล็อบบี้บาร์ของโรงแรมในบรัสเซลส์

ตัวละครหลัก: พีท, โอ๊ต, พลอย, พี่แป๋ว, พี่แม๊ค, คุณเอิร์ธ, เจน

> หลังดินสอกับภัทรกลับขึ้นห้อง
คนอื่น ๆ รวมตัวนั่งจิบไวน์ที่ล็อบบี้บาร์…



พี่แป๋ว : “ฉันว่าเด็กสองคนนั้นต้องมีอะไรกันแน่ ๆ เมื่อคืนก่อน”
พลอย : “ภัทรกล้ามแน่นจะตาย…ใครจะอดใจไหว”
พีท : “เอ้า แล้วไปเคาะห้องเมื่อคืนไง เจอมั้ย?”
โอ๊ต : “ภัทรเปิดประตูมาทั้งตัวเปียกผ้าขนหนูผืนเดียว กล้ามเป็นลอน…ผมนี่กดหัวตัวเองเลยครับ”

แล้วทุกคนก็หลุดหัวเราะ

พี่แม็ค : “แต่ดินสอไม่ธรรมดานะ ผมว่าเค้ายังไม่ยอมง่าย ๆ”

บทสนทนาในคืนนี้ ยังพูดถึง “ความรักที่เหมือนจะไปไม่รอด แต่ก็ยังไม่อยากหยุดเดิน”
และทุกคนพร้อมใจว่า

> “ถ้าเราเป็นทีมสนับสนุนภัทร ต้องช่วยมันให้พิชิตใจน้องให้ได้ก่อนกลับไทย!”




---

ตอนพิเศษ 2 — มุมมองของไกด์ประจำทริป

ชื่อ: “ผู้ชายที่ชื่อภัทร กับเด็กที่ชื่อดินสอ”

เขาเป็นไกด์มากว่า 10 ปี
เคยเจอคนรักกันกลางทริป
เลิกกันกลางทริป
มีคนแอบคบกันในทริป
แต่ไม่เคยเจอ “คู่นี้”

> “คนตัวใหญ่...มักเดินตามคนตัวเล็ก”
“คนตัวเล็ก...ชอบหยุดถ่ายรูปเงียบ ๆ”
“คนตัวใหญ่...จะหลบแดดให้เขา”
“คนตัวเล็ก...มักแกล้งเฉย แต่หูจะแดงตอนโดนมอง”



ไกด์เก็บรายละเอียดไว้เงียบ ๆ
และตอนค่ำ
เขาเขียนลงในสมุดบันทึกชื่อว่า

> “บันทึกของคนที่ไม่อยากให้ใครเลิกกันในทริป”




---

ตอนพิเศษ 3 — ดินสอในวันที่ภัทรไม่ได้อยู่ด้วย

ชื่อ: “วันที่ไม่มีเงาใครเดินข้าง”

วันหนึ่ง...ระหว่างช้อปปิ้งที่ Le Marais ดินสอหลุดจากกลุ่มสักพัก

ร้านกาแฟเก่า ๆ ใกล้ถนน Rue Vieille-du-Temple
แสงแดดลอดผ่านม่านไม้ไผ่
เสียงเพลง Edith Piaf คลอเบา ๆ

ดินสอนั่งลง...
แล้วเขียนบางอย่างลงบน Postcard ใบหนึ่งที่ซื้อจากร้านหนังสือเก่า

> “ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีมึง...กูจะยังยิ้มให้รูปเก่า ๆ เหมือนวันนี้หรือเปล่าวะ”



ดินสอไม่เคยพูดว่ารัก
แต่เขาเขียนเก็บไว้เสมอ
ในที่ที่ไม่มีใครเห็น


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 16:46:58
เสริมตอนพิเศษ 3 — วันที่ไม่มีเงาใครเดินข้าง

ชื่อรอง: “คนข้าง ๆ ไม่ได้อยู่ แต่เงายังอยู่ในใจ”
สถานที่: Le Marais, ปารีส
เวลา: บ่ายวันหนึ่งในช่วงท้ายของทริป


---

คณะทัวร์แยกกันเดินเล่นตามอัธยาศัยที่ย่าน Le Marais
ร้านหนังสือมือสอง ร้านเสื้อผ้า local designer คาเฟ่คราฟต์เล็ก ๆ สลับกับเสียงกีตาร์ของนักดนตรีข้างถนน
บ่ายนี้อากาศอบอุ่น ลมเบา ดินสอเดินหลุดกลุ่มออกมานิดหน่อยอย่างไม่รู้ตัว

เขาไม่ชอบเสียงคนเยอะ ไม่ชอบคุยตลอดเวลา
บางครั้ง...เขาชอบเงียบ และให้ขาค่อย ๆ พาใจเดินไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ


---

“ร้านหนังสือมือสอง” บนถนน Rue Vieille-du-Temple
ร้านเล็ก ๆ ที่มีโปสการ์ดติดผนังเก่า สีจาง
กลิ่นกระดาษ…กลิ่นน้ำหมึก…กลิ่นความทรงจำ

ดินสอหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมา
ภาพนั้นคือ ภาพสะพาน Pont des Arts ยามค่ำ ที่เต็มไปด้วยกุญแจล็อกรักเก่า ๆ
เขายืนนิ่งอยู่หน้าโปสการ์ดนานมาก

ไม่ใช่เพราะเขารำลึกอะไรบางอย่าง
แต่เพราะ…เขาไม่รู้ว่าควรเขียนอะไรลงไป

> “เขายังจะอยู่กับกูไหมวะ…หลังจากทริปนี้?”



เงาของตึกริมถนนทอดยาวเข้ามาในร้าน
เงาของฝ่ามือที่เขาคุ้นเคย…เงาของคนตัวสูงที่มักชอบเดินเยื้องเขานิด ๆ
วันนี้ไม่มี

เขาหยิบปากกา
แล้วเขียนข้อความสั้น ๆ บนโปสการ์ดใบนั้น


---

> “ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีมึง...กูจะยังยิ้มให้รูปเก่า ๆ เหมือนวันนี้หรือเปล่าวะ”
– ดินสอ




---

เขาไม่ส่งโปสการ์ด
ไม่แม้แต่ให้คนตัวสูงได้อ่าน
เขาเก็บมันไว้ในกระเป๋ากล้องของตัวเอง
ใต้เลนส์ฟิกซ์ 35mm ที่เขาชอบใช้ถ่ายหน้าภัทรเวลาหลับ


---

ก่อนออกจากร้าน
เจ้าของร้านแก่ ๆ ชาวปารีสทักเขาเป็นภาษาฝรั่งเศส
“Tu as l’air triste, mais doux.”
แปลว่า...

> “คุณดูเศร้านะ แต่ก็ดูอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน”



ดินสอไม่เข้าใจ
แต่เขายิ้ม


---

1 ชั่วโมงต่อมา

เขาเดินกลับมาเจอกลุ่มทัวร์หน้า Carette Café
แสงยามบ่ายกระทบหอไอเฟลจากฝั่ง Place du Trocadéro

ภัทรเดินมาใกล้ ๆ ยื่นแซนด์วิชให้

> “กินมั้ยมึง?”



ดินสอมองหน้าเขา

> “ไม่หิว...แต่กินก็ได้”



เขากัดคำเล็ก ๆ แล้วส่งคืน
ขนมปังยังกรอบ
แต่อะไรบางอย่างในใจ…เริ่มไม่แข็งเท่าเมื่อเช้า


---

คืนนี้ดินสอจะเก็บโปสการ์ดใบนั้นไว้
ใต้หมอน หรือในกระเป๋าเสื้อโค้ทของภัทร
ไม่รู้เหมือนกัน

แต่เขารู้ว่า…

> ถ้าวันหนึ่งไม่มีมึงอยู่ข้างกูจริง ๆ
อย่างน้อยกูจะยังยิ้มให้รูปนี้ได้
เพราะกู...เคยมีมึงในมันแล้ว




---

จบบทพิเศษ 3
— Le Marais, Paris —
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 19:56:09
ตอนที่ 19 – หึงจนกล้ามเกร็ง

ยามเช้าของรอตเตอร์ดัม
เสียงน้ำไหลเบา ๆ ของแม่น้ำมาส (Maas River) สะท้อนประกายแดดแรกของเดือนเมษายน
ม่านโปร่งของห้องพัก Mainport Hotel Rotterdam สีครีมไล่เฉดทอง เปิดแยกออก เผยให้เห็นวิวแม่น้ำเบื้องล่างที่ทอดตัวยาวไปถึงท่าเรือไกลลิบ

ดินสอขยับตัวก่อน ลืมตาขึ้นช้า ๆ ในอ้อมแขนของภัทร
ร่างสูงที่ยังคงนอนนิ่ง กล้ามแน่นเต็มหน้าท้องยังสม่ำเสมอในลมหายใจ
เมื่อคืน...ภัทรพยายามมากกว่าทุกคืน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สำเร็จ
และสิ่งที่ภัทรไม่รู้คือ — ดินสอไม่ได้หลับทันทีหรอก...

> "มึงแม่ง...อาบน้ำสะอาดเป็นพิเศษด้วย"
เขาเคยได้กลิ่นแชมพูกลิ่นนี้จากห้องน้ำโรงแรม...แต่ไม่เคยได้กลิ่นจากตัวภัทร
แล้วเมื่อคืน ภัทรก็ฉีดมันทั่วตัวไม่มียั้ง




---

หลังจัดการตัวเองเสร็จ คณะทัวร์ทยอยลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้นล็อบบี้
อาหารเช้าที่ Mainport Hotel โดดเด่นด้วยความสดใหม่ของวัตถุดิบจากเนเธอร์แลนด์ตอนใต้
เมนูเช้านี้มีทั้งครัวซองต์อบใหม่จาก Rotterdam Central Bakery
ไข่ลวกในถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว – เสิร์ฟแบบ “6-minute boil”
แซลมอนรมควันจากท่าเรือ Hook of Holland
น้ำผลไม้คั้นสดในขวดแก้วปิดจุกไม้ก๊อก

และแน่นอน...พระเอกของโต๊ะเช้าวันนี้คือ "ไข่ลวก 6 ฟอง"


---

"ภัทร ๆ เอาไข่ไหม?"
พลอยพูดยิ้ม ๆ แล้ววางจานไข่ 6 ฟองลงตรงหน้า

"เยอะไปป่ะพี่?" ภัทรหัวเราะ

"เมื่อคืนใช้พลังงานเยอะไม่ใช่เหรอ?" พีทกระซิบแบบไม่เบา

โต๊ะทัวร์ทั้งโต๊ะหัวเราะพรึ่บ
ดินสอก้มหน้าทันที หูแดงถึงติ่งหู
ภัทรยักคิ้ว แล้วยกช้อนตักไข่ลวกกินทีเดียวรวดทั้ง 6 ฟอง
"มาแล้วครับพี่! ฟื้นพลังเต็มที่"


---

รถโค้ชนำคณะเดินทางสู่ อัมสเตอร์ดัม เมืองแห่งคลอง ศิลปะ และอิสระ
ระยะทางประมาณ 80 กม. ใช้เวลาราว 1.5 ชม.
ระหว่างทาง ไกด์หญิง “คุณเอม” หยิบไมค์ขึ้นมาเล่าเรื่องแกล้ง ๆ แซวเบา ๆ

> “ทุกคนรู้ไหมคะว่าอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีจักรยานมากกว่าคน?”
“แต่ถ้าให้เดา...กล้ามพี่ภัทรเมื่อคืนแข็งกว่าล้อจักรยานแน่นอนค่ะ!”



คณะทัวร์หัวเราะอีกรอบ
ภัทรหัวเราะเงียบ ๆ ดินสอเขินจนต้องพิงกระจกหนีสายตา


---

10:00 น. – พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นสถานที่รวมผลงานมากที่สุดของ Vincent van Gogh ศิลปินชาวดัตช์ผู้มีชีวิตอันบอบช้ำและเปราะบาง
บรรยากาศภายในเงียบสงบ แสงไฟอุ่น และการจัดเรียงผลงานตามลำดับชีวิตของศิลปิน

ดินสอเดินชมเงียบ ๆ เหมือนทุกครั้ง
ข้าง ๆ กัน ภัทรเดินแบบไม่ห่าง ไม่ใกล้

"The Bedroom" ภาพวาดห้องนอนเรียบง่ายของแวนโก๊ะในเมือง Arles
เป็นภาพที่ดินสอยืนดูนานกว่าทุกภาพ

“...เรียบแต่สงบดีเนอะ” ดินสอพูดกับตัวเองเบา ๆ

> แต่ภัทรได้ยิน




---

11:40 น. – เกิดเหตุ

นักท่องเที่ยวคนหนึ่งสะดุดเชือกกั้นขณะถ่าย vlog ด้วยมือถือ
ดินสอซึ่งอยู่ใกล้พอดี รีบคว้าแขนเขาไว้
คนที่เขาช่วยไว้คือ...YouTuber หนุ่มหล่อชาวเกาหลี ผิวขาว ผมยุ่ง ใส่หมวกแก๊ป กล้อง GoPro แขวนคอ

เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีเสน่ห์ และที่สำคัญ...คุยกับดินสอเก่งมาก
ดินสอหัวเราะเบา ๆ กับมุกของอีกฝ่าย ขณะคุยกันเรื่องเลนส์กล้อง
ภัทรที่ยืนอยู่ห่างออกไป มองด้วยสายตานิ่งเฉียบ

ดินสอหันมาหยิบแผ่นพับให้อีกฝ่าย
ภัทรเดินเข้ามาช้า ๆ แล้วเอ่ย

> “เลนส์กล้องเขาดีใช่ไหมมึง...” “หรือว่าคนมันดี?”



ดินสอเงยหน้าขึ้นสบตา
“อะไรของมึง?”

“ก็เห็นคุยกันขำขนาดนั้น…”

“กูไม่ได้มีอะไรกับเขา มึงหึงเหรอ?”

“เปล่า” ภัทรตอบทันที แต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าโคตรหึง


---

จากพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ทั้งคู่เดินต่อมายัง Rijksmuseum
อาคารสุดยิ่งใหญ่ สถาปัตยกรรมแบบ Dutch Renaissance
มีผลงานชิ้นเอกอย่าง “The Night Watch” ของ Rembrandt
และภาพวาดที่บันทึกชีวิตชาวดัตช์ตั้งแต่ยุคทอง

ดินสอยืนดูภาพ “The Milkmaid” ที่หญิงสาวรินนมลงชามด้วยความเงียบสงบ
ข้างหลังคือภัทรที่ยังยืนนิ่ง ไม่พูดกับใคร
ทุกคนในคณะเริ่มสังเกตว่าคู่นี้…เริ่มงอนกันอีกแล้ว


---

> “เมื่อคืนกูไม่ได้แกล้งหลับนะ”
ภัทรคิดในใจ ขณะมองแผ่นหลังของดินสอ
“แต่มึงแกล้งทำเหมือนไม่รู้ว่ากูรู้...มากกว่า”




---

12:30 น. คณะเริ่มเดินออกจาก Rijksmuseum
เฮียพีทแอบกระซิบกับคุณเอม
“พี่เอมครับ วันนี้ภัทรไม่ได้ยิ้มตั้งแต่ไอ้หนุ่มเกาหลีเข้าฉากเลยครับ”

คุณเอมหัวเราะเบา ๆ
“เอาน่า เดี๋ยวบ่ายนี้ เดี๋ยวก็หาย...พวกนี้ขี้งอนทั้งคู่แหละ”


---

จบบทที่ 19
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 19:59:14
ตอนที่ 20: ดอกไม้กลางลำคลอง

แสงแดดสีทองอ่อนของบ่ายคล้อยเดือนเมษายน สาดผ่านกระจกเรือนกระจกขนาดใหญ่ของร้านอาหาร De Kas ในอัมสเตอร์ดัม สะท้อนกับสีเขียวอ่อนของผักสลัดอินทรีย์ที่เพิ่งเด็ดจากแปลงหลังร้าน ทุกอย่างราวกับฉากในสารคดีเกษตรแนววิจิตรศิลป์—แต่บนโต๊ะอาหารของคณะทัวร์ 14 ชีวิต กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมบางเบา ที่เริ่มจะจับกลิ่นทะเลาะได้ตั้งแต่น้ำเปล่ายังไม่หมดแก้วแรก

ภัทรไม่ยอมมองหน้าดินสอ ดินสอเองก็ทำท่าราวกับเมนูซุปครีมเห็ดตรงหน้าเป็นสิ่งที่ต้องจ้องเขม็งไปตลอดชีวิต

"มึงจะไม่อธิบายอะไรหน่อยเหรอ?"
เสียงภัทรกดต่ำ ไม่ดังมากแต่ชัดเจนพอให้คนข้าง ๆ เงี่ยหูฟัง

"อธิบายอะไรวะ" ดินสอไม่เงยหน้า

"เมื่อเช้า กับไอ้ยูทูบเบอร์นั่น"

คำว่า ยูทูบเบอร์ ถูกออกเสียงแบบติดคมมีด ผสมความเถื่อนเล็ก ๆ จนกลุ่มพี่ ๆ อย่างพี่แม๊ก พี่เอ พี่กี้ ถึงกับเหลือบตามามอง

“เค้ามาขอให้กูช่วยเปิดกล้องเฉย ๆ กูไม่ได้ยิ้มให้มันด้วยซ้ำ กูแค่สุภาพ” ดินสอบ่นเสียงเบา

“แต่คุยตั้งนาน มึงก็หัวเราะด้วยอ่ะ” ภัทรย้อน พยายามทำเสียงให้ดูไม่เด็ก แต่แอบเง้างอนจนน้องแป้งเบือนหน้าหลบไปแอบขำกับพลอย

พี่โอ๊ตกระซิบ "เฮ้ย ขี้หึงว่ะพ่อนักกล้าม"

"เฮียเขาหึงของเขาทุกวัน" พลอยกระซิบตอบ พยายามกลั้นหัวเราะ

เมนูจานที่สองมาเสิร์ฟ—พาสต้าเฟตตูชินีเห็ดทรัฟเฟิลสด พร้อมไข่ออนเซ็นจากฟาร์มในสวนเดียวกัน กลิ่นหอมครีมและทรัฟเฟิลลอยอบอวล แต่ภัทรกับดินสอก็ยังไม่แตะ

“มึงคิดเยอะไปเองปะวะ ภัทร กูไม่ได้ชอบมัน” ดินสอเงยหน้าขึ้นมอง ภัทรเห็นชัดว่าตาเขาขุ่นแต่มีประกายวูบหนึ่งเหมือนเจือเสียใจ

ภัทรถอนหายใจเฮือก ลุกออกจากโต๊ะ เดินไปยืนรับลมที่ริมแปลงผักหน้าร้าน


---

14:30 น. – ล่องเรือในคลองอัมสเตอร์ดัม

เรือไม้โบราณดีไซน์คลาสสิกล่องเอื่อย ๆ ไปตามลำคลองที่ตัดผ่านใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม เสียงน้ำกระทบท้องเรือแผ่วเบา กลิ่นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิจากระเบียงบ้านริมคลองลอยมากับสายลม กลบกลิ่นความเงียบระหว่างคู่รักที่ยังงอนไม่หาย

ภัทรนั่งคนเดียวตรงท้ายเรือ ดินสออยู่ฝั่งหัวเรือ ไกลกันพอสมควร แต่สายตายังแอบมองผ่านแว่นดำอยู่ตลอด

"ขอโทษนะครับ ขออนุญาตถ่ายรูปคู่นิดนึง" พี่แม๊กบอกคนขับเรือ แล้วเดินมานั่งกลางระหว่างภัทรกับดินสอ "ง้อน้องมันได้ยังเนี่ย"

"ยังครับพี่" ภัทรพูดเสียงเบา

"เร็ว ๆ เลยนะ ใกล้ถึง Pulitzer แล้ว"


---

16:00 น. – ย่าน Jordaan
ย่านศิลปินที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟเล็ก ๆ ป้ายไม้แฮนด์เมด และดอกทิวลิปหน้าร้านที่จัดราวกับภาพในโปสการ์ด ร้านหนึ่งชื่อ “Blossom & Bean” ดินสอหยุดดูสมุดบันทึกปกหนังที่สลักลายแวนโก๊ะ ภัทรเดินตามมายืนข้างหลัง

“เมื่อกี้กูขอโทษนะ…”

"..."

"คือ กูไม่ชอบเวลามึงหัวเราะให้คนอื่นอะ กูไม่ชอบเวลาใครชอบมึง แล้วมึงก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามึงน่ารัก"

ดินสอยิ้มมุมปาก เลิกคิ้ว “มึงหึงเหรอ?”

“เปล่า”

“มึงหึง”

“เปล่าเว้ย”

“หึงแน่ ๆ” ดินสอหัวเราะเองคนเดียว

“เออ…หึงก็ได้เว้ย”


---

18:00 น. – Pulitzer Amsterdam
โรงแรมระดับตำนานที่รวมเอาบ้านสไตล์ดัตช์เก่ากว่า 25 หลัง มาดัดแปลงเป็นห้องพักหรูริมคลอง แต่ละห้องไม่เหมือนกันสักห้อง ห้องของภัทรกับดินสอในคืนนี้ เป็นห้องเพดานสูง มีหน้าต่างโค้งขนาดใหญ่ที่มองออกไปเห็นคลอง Keizersgracht

"ห้องแม่งโรแมนติกเกินปะวะ..." ดินสอพึมพำ

“เหมาะกับคืนคืนหนึ่งที่อาจจะ...เป็นความทรงจำที่มึงไม่ลืมไง” ภัทรตอบเสียงทุ้ม ยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง

ดินสอเหลือบมอง “มึงอย่ามาหยอด กูหายงอนก็จริง แต่กูยังไม่พร้อม”

ภัทรยิ้ม ไม่ได้แตะ ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ เขาเดินมานั่งบนเตียงข้าง ๆ แล้วเอานิ้วแตะหลังมือของดินสอเบา ๆ

“แค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ กูก็ไม่ขออะไรมากแล้ว” ภัทรพูดช้า ๆ น้ำเสียงนุ่มกว่าทุกที


---

19:30 น. – ดินเนอร์ที่ The Duchess

ร้านอาหารหรูที่ตั้งอยู่ในอดีตธนาคารกลางของอัมสเตอร์ดัม ตัวร้านตกแต่งด้วยศิลปะนีโอคลาสสิก ผนังหินอ่อน แชนเดอเลียร์แก้วโบราณ และเปียโนขาวล้อมกลางห้อง

อาหารค่ำเสิร์ฟมาเป็นคอร์สตามสไตล์ European fine dining
จานเด่นคือ “เนื้อกวางตุ๋นไวน์แดง” เสิร์ฟคู่ซอสบลูเบอร์รี่และผักรากดัตช์เคลือบน้ำผึ้ง
อีกจานคือ “ปลากะพงอบสมุนไพร” กลิ่นหอมฟุ้งจนดินสอเผลอยิ้มออกมา

“ไวน์มื้อนี้จากไร่องุ่นดัตช์ใน Limburg ค่ะ หอมละมุนมากนะคะ”
พนักงานสาวยิ้มหวาน แต่ภัทรจับมือดินสอใต้โต๊ะไว้แล้วพูดเบา ๆ
“มึงยิ้มแล้วน่ารักดีว่ะ”


---

21:00 น. – เดินกลับโรงแรม

สองข้างทางเงียบสงบ ไฟประดับริมคลองสะท้อนในผิวน้ำ ดินสอเดินอยู่ข้างภัทร แล้วค่อย ๆ เอียงไหล่มาพิงเขานิดหนึ่ง

“คืนนี้จะหลับก่อนอีกไหม”

“ไม่รู้สิ” ดินสอตอบเบา ๆ

“แต่กูจะนอนกอดมึงเหมือนเดิม”

“กูไม่ได้ว่าอะไรซักคำ”


---

คืนนี้ภัทรนอนกอดดินสอแน่น เหมือนกลัวว่าถ้าเขาปล่อย มึงจะหายไปอีก

To be continued...


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:01:19
ตอนที่ 21 – ปราการ (ไม่) แตก… กลางดึกแฟรงก์เฟิร์ต

ค่ำคืนใน Pulitzer Amsterdam ผ่านไปอย่างเงียบงัน — สำหรับคนอื่นในกรุ๊ปทัวร์

แต่สำหรับภัทร มันคือ “คืนแห่งการปฏิบัติภารกิจ”… ที่เหมือนกำลังลอบเข้าฐานทัพลับ แต่สุดท้ายก็โดนรปภ.ปิดประตูใส่หน้า

…อีกครั้ง


---

00:48 น. – โรงแรม Pulitzer Amsterdam

Pulitzer คือโรงแรมหรูระดับตำนานริมคลอง Keizersgracht ที่เชื่อมต่อคฤหาสน์เก่าถึง 25 หลังเข้าด้วยกัน ตกแต่งแบบ Dutch classic ร่วมสมัย ผสมศิลปะกับกลิ่นอายความรักเก่า ๆ ของเมืองอัมสเตอร์ดัม

ห้องพักของภัทรกับดินสออยู่โซนเก่า วิวกว้างมองเห็นคลอง และเรือที่ยังจอดลอยอยู่ใต้แสงโคม

ภัทรนั่งพิงหัวเตียง นุ่งเพียงผ้าขนหนูตัวเดียว กล้ามแน่นแนบผ้าเช็ดตัว ขาท่อนโตเหยียดพาดอยู่บนเตียง ร่างกายมีกลิ่นน้ำหอมจาก Acqua di Parma ที่ฉีดซ้ำสองรอบ และบ้วนปากจนฟลูออไรด์จะกัดลิ้น

เขามองร่างขาว ๆ ของคนที่เพิ่งล้มตัวลงข้าง ๆ — ดินสอที่อาบน้ำเสร็จในชุดนอนสีเทาอ่อน หน้าใสหมดจด แถมหลับเร็วเหมือนเด็ก

ภัทรมองซ้าย มองขวา... มองซ้ำอีกที
ขยับมือไปแตะเบา ๆ ที่เอวบางของคนข้างตัว...

ไม่มีการตอบสนอง
ไม่มีการขัดขืน

แต่…
มีเสียงกรนเบา ๆ แทรกออกมาพร้อมคำว่า
“มึงอย่าคิดล้วงนะ… กูยังตื่นอยู่”

เงียบ…
และแล้วเสียงหายใจเรียบ ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง

ภัทรนั่งตัวตรงทันที ก่อนจะค่อย ๆ ฟุบหน้าลงกับหมอน

“…แผนพิชิต 500 ชาติ ล่มอีกแล้ว” เขาพึมพำ


---

07:00 น. – เช้าวันใหม่

แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านบาง ทำให้เงาของกรอบหน้าต่างทาบบนเตียง ภัทรตื่นก่อน ลุกไปยืนที่หน้าต่าง เห็นคลองเงียบสงบ เรือบรรทุกดอกไม้กำลังล่องผ่านช้า ๆ ข้างล่าง

Pulitzer เป็นโรงแรมที่ใครมาอัมสเตอร์ดัมก็อยากพัก
เคยต้อนรับเซเลบดังทั้ง Audrey Hepburn, Brad Pitt และ Madonna
แต่ตอนนี้ คนที่ภัทรอยากต้อนรับสุด ๆ อยู่บนเตียงข้างหลังเขานี่แหละ — ยังไม่ยอมต้อนรับเลย


---

08:00 น. – รถโค้ชมุ่งหน้าสู่โคโลญจน์

“เมื่อคืนเป็นไงพี่ภัทร หอยนางรมโอเคไหม?”
พีททักขึ้นเสียงใส พร้อมยื่นไข่ลวก 3 ฟองให้
แม็กซ์เพิ่มให้อีก 3 “เอาไปเลยหกฟอง เผื่อเมื่อคืนหมดแรง”

ทั้งคันรถหัวเราะสนั่น
แต่ภัทรกลับตอบนิ่ง ๆ พร้อมแววตากรุ้มกริ่ม
“ไม่พอด้วยซ้ำ ไข่หกฟองก็ฟื้นไม่ทัน”

ดินสอหูแดงแจ๋

พลอยซบโอ๊ตแล้วกระซิบ
“ดินสอหน้าเหมือนไข่ต้มเลยวันนี้”
โอ๊ตพยักหน้า “แดงขนาดนี้คงน้ำเดือดแล้วแหละ”


---

ระหว่างเดินทาง – สู่โคโลญจน์ (Cologne)

ไกด์หนุ่ม “พี่โต” ยืนถือไมค์หน้ารถ
“ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่เส้นทางมุ่งหน้าโคโลญจน์นะครับ เป็นเมืองสำคัญทางตะวันตกของเยอรมนี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ มีประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่า 2,000 ปี และเป็นหนึ่งในเมืองที่โดนทิ้งระเบิดหนักสุดในสงครามโลกครั้งที่สอง”

“แต่ Cathedral ยังรอดนะครับ นี่ไงเกร็ดน่ารู้ของวันนี้ — ตอนพันธมิตรทิ้งระเบิด พวกนักบินจงใจไม่ทิ้งตรงโบสถ์ เพราะมันใหญ่จนใช้เป็นจุดสังเกตทางอากาศ”

“อีกอย่าง… Cologne เป็นที่มาของน้ำหอม Eau de Cologne ด้วยนะ”

ภัทรหันไปกระซิบดินสอ
“มึงได้กลิ่นกูยัง เมื่อคืนกูฉีดทั่วตัวเลย”

ดินสอพึมพำ
“…เมื่อคืนกูไม่ได้ดม กูหลับ”

“กูรู้ว่ามึงไม่หลับ มึงแกล้ง”
“เปล่า”
“แกล้ง”
“เปล่า”
เถียงกันอีกรอบ… แต่ครั้งนี้ ดินสอหัวเราะออกมาเอง


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:04:12
ตอนที่ 22
“เสียงหัวเราะบนทางด่วน… กับคนที่เรายังไม่เลิกรัก”

เสียงหัวเราะกรุ๊งกริ๊งของเจ๊พลอยดังขึ้นก่อนใครระหว่างที่รถโค้ชสีดำเงาวับเคลื่อนตัวออกจากอัมสเตอร์ดัม มุ่งหน้าสู่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ถนนหลวง A3 ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาภายใต้แสงแดดอ่อนปลายเดือนเมษายนรายล้อมด้วยทุ่งหญ้าและแปลงทิวลิปที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นหย่อม ๆ ทำให้บรรยากาศบนรถอบอวลไปด้วยความผ่อนคลาย ปนเสียงกรนเบา ๆ ของพี่ดาผู้แพ้แอร์เย็นแบบคลาสสิก

“คนตัวเล็กอย่างอนบ่อย คนตัวใหญ่อย่าแกล้งแรงนะลูกเอ๊ย”
เสียงลุงก้องดังลั่นรถพร้อมเสียงหัวเราะครืน ๆ ของป้าอุ๊ที่นั่งข้างกัน ดินสอหน้าขาวจัดอยู่แล้วกลับยิ่งซีดจัดเข้าไปอีก ขณะที่ภัทรยิ้มมุมปาก กอดอกเอนพิงเบาะแบบคนที่มีชัยแต่เมื่อคืนก็พ่าย

“เมื่อวานแค่จะห่มผ้าให้ แต่โดนถีบตกเตียงเลยครับลุง”
ภัทรว่าพลางหันมามองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้เบะปาก ทำทีเป็นง่วงใส่ แล้วหลบตาออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่รู้เรื่อง

“ไม่ต้องอ้าง! เมื่อคืนเสียงคราง—”
เจ๊พลอยกำลังจะเผลอพูดต่อ แต่ถูกพี่แม็กซ์เบรกด้วยการยื่นโดนัทยัดปากไว้ทัน ทำเอาทั้งรถหัวเราะลั่น บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายคลิปไว้ตามธรรมเนียม

ช่วงที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่นั้น เสียงไมค์บนรถก็ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล ก่อนเสียงทุ้มอบอุ่นจะดังตามมา

“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อโตนะครับ เป็นไกด์ที่จะดูแลทริปพวกเราต่อจากวันนี้ไปจนจบทริป… ก่อนอื่นเลย ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
น้ำเสียงของพี่โตทำให้ทั้งรถเงียบลงทันที บางคนละสายตาจากโทรศัพท์ บางคนหยุดเคี้ยวขนมแล้วหันมองไปด้านหน้า

พี่โต อายุ 42 สูง 182 ซม. รูปร่างสมส่วน สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่า พับแขนขึ้นถึงศอกเผยกล้ามแขนแน่น ๆ แบบไม่ได้ฟิตหุ่นแต่เกิดมาดี
เขาเป็นญาติห่าง ๆ ของภัทร เคยไปเยี่ยมบ้านภัทรเมื่อสิบกว่าปีก่อน และภัทรยังจำได้ว่าเด็กผู้ชายวัยสิบหกอย่างเขา ตอนนั้นเคยมองพี่โตเป็นเหมือน “พี่ชายฮีโร่” ในครอบครัวเลยก็ว่าได้

“ผมเป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้เองครับ แต่ที่ผ่านมาฝากทีมงานคนอื่นช่วยดูแลไว้ก่อน เพราะติดทริปแถบสแกนดิเนเวีย วันนี้เพิ่งบินจากโคเปนเฮเกนมาเจอกับทุกคนที่อัมสเตอร์ดัมเมื่อคืนครับ”

ทุกคนปรบมือแปะ ๆ ต้อนรับ
พี่โตโค้งให้ก่อนจะพูดต่อแบบกันเอง

“จริง ๆ ผมสนิทกับน้องภัทรอยู่บ้างครับ เป็นญาติกันห่าง ๆ ตั้งแต่รุ่นปู่ ภัทรเรียกผมว่าพี่ได้เลยนะ”

“พี่โต พูดงี้ดินสอจะหึงผมรึเปล่าเนี่ย”
ภัทรยักคิ้วใส่คนข้างตัว
ดินสอหันขวับ “มึงอย่าโยง” แล้วแอบเตะเข้าที่หน้าแข้ง ภัทรหัวเราะ

รถเคลื่อนตัวผ่านเขตป่าโปร่งที่เริ่มเปลี่ยนสีใบไม้จากเขียวเป็นทองอ่อน สลับกับกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ และป้ายบอกระยะทางไปโคโลญจน์

พี่โตเปิดประวัติเมืองให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“โคโลญจน์เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมนี เดิมเป็นเมืองของชาวโรมันชื่อ Colonia Claudia Ara Agrippinensium เป็นที่ตั้งของฐานทัพโรมัน แล้วต่อมากลายเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสำคัญยุคกลาง…”
ทุกคนในรถตั้งใจฟังแบบคนรู้ว่ามีของรออยู่ข้างหน้า

ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าถนนสายหลักที่เห็นยอดแหลมของ มหาวิหารโคโลญจน์ (Cologne Cathedral) ตระหง่านอยู่แต่ไกล

“ที่นี่คือหนึ่งในมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปครับ ใช้เวลาสร้างกว่า 600 ปี มีโครงสร้างสูงถึง 157 เมตร สูงที่สุดในโลกเมื่อร้อยปีก่อน ติดอันดับ UNESCO World Heritage Site ด้วยนะครับ”
พี่โตว่า ก่อนพาทุกคนลงจากรถ

มหาวิหารยิ่งใหญ่และสง่างามกว่าทุกภาพถ่าย เส้นสายของยอดแหลมปาดฟ้าสีครามจนเหมือนจะเชื่อมสวรรค์กับโลกได้จริง ๆ ประตูบานไม้เก่าที่แกะสลักพระคัมภีร์ รายละเอียดของผนังที่เต็มไปด้วยลวดลายเหมือนเส้นผมของเทวดา ทุกอย่างทำให้ทุกคนเงียบไปโดยอัตโนมัติ

ภัทรเดินถ่ายรูปให้ดินสอหน้ามหาวิหาร
ดินสอไม่พูดอะไร ยิ้มบาง ๆ แต่ตากลับมองภัทรนานกว่าปกติ

“ใส่ฟิลเตอร์มั้ย”
“ไม่เอา ชอบของจริงมากกว่า”
“กูหมายถึงภาพ”
“กูก็หมายถึงของจริง…”

ภัทรนิ่งไปนิด ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าดินสออีกที
เหมือนรู้ว่า ดินสอเริ่มจะไม่อยากเลิกกันแล้วจริง ๆ



เวลาเที่ยงตรง — ทุกคนมุ่งหน้าสู่ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อ Früh am Dom ซึ่งอยู่ใกล้มหาวิหารแค่เดินไม่ถึง 5 นาที

ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ขายเบียร์ท้องถิ่นชื่อ Kölsch ซึ่งเป็นเบียร์สีทองใสรสชาติละมุน ที่ขึ้นชื่อที่สุดของโคโลญจน์ คู่กับเมนูชื่อดัง Bratwurst mit Sauerkraut หรือ ไส้กรอกเยอรมันกับกะหล่ำปลีดอง
เสียงแก้วชนกันดังกรุ๊งกริ๊ง ท่ามกลางกลิ่นเบียร์และกลิ่นเนยที่ลอยฟุ้งทั่วร้าน

พี่โตสั่งเมนู “Eisbein” หรือขาหมูเยอรมันตุ๋นไวน์เบียร์ขาว กรอบนอกนุ่มใน
เจ๊พลอยขอลอง “Leberknödel” หรือ ลูกชิ้นตับเนื้อในซุป
ส่วนดินสอเลือกสั่งไส้กรอกสมุนไพรคู่มันบดเนยละลาย และเบียร์แก้วเล็กที่ดื่มไม่หมด เพราะถูกแย่งไปครึ่งแก้วโดยคนข้าง ๆ ที่อ้างว่า “ลองชิมเฉย ๆ”



หลังมื้อเที่ยง รถเคลื่อนตัวออกจากโคโลญจน์ มุ่งหน้าสู่ แฟรงก์เฟิร์ต
เมืองศูนย์กลางการเงินอันดับต้นของยุโรป ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมเก่าและใหม่ได้อย่างกลมกลืน

ก่อนเข้าโรงแรม ทุกคนมองออกไปเห็นตึกระฟ้าเรียงกันเป็นแนว ตัดกับแสงอาทิตย์ที่เอียงต่ำในยามเย็นพอดี
พี่โตหันมายิ้ม “ยินดีต้อนรับสู่มหานครแฟรงก์เฟิร์ตครับ”



To be continued in ตอนที่ 23
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:05:56
ตอนที่ 23 — ข้ามสายลม...สู่เมืองเก่าริมไรน์

ช่วงบ่ายในเยอรมนี อากาศโปร่ง แสงแดดอุ่นจัดจ้าแต่ไม่ร้อน รถโค้ชสีดำเงาวับแล่นฉิวไปตามทางด่วนสาย A3 จากโคโลญจน์มุ่งหน้าแฟรงก์เฟิร์ต วิวสองข้างทางทอดยาวด้วยทุ่งหญ้าเขียวสดแซมกลุ่มบ้านเรือนสีครีมอมน้ำผึ้ง สไตล์ half-timber แบบเยอรมันดั้งเดิมตัดกับท้องฟ้าสีคราม

เสียงเพลงจากลำโพงบนรถคลอเบา ๆ เป็นดนตรีคลาสสิกแบบเบา ๆ พี่โต ไกด์อาวุโสประจำทริป อายุ 42 ปี สูง 182 เซนติเมตร รูปร่างสมส่วน ผิวแทนแบบคนตะลุยยุโรปมายาวนาน หัวเราะเบา ๆ ขณะกดไมค์บนรถ “ใครหิวก็อดทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวเราเข้าโรงแรมแล้วไปกินกันที่ร้านบนตึกสูง วิวอลัง!”

ดินสอนั่งริมหน้าต่าง ใบหน้าหวานคล้ายเด็กน้อยอมขม เขาเงียบ ขมวดคิ้ว กอดอกมองวิวข้างทาง ไม่ยอมหันมาทางภัทรแม้แต่น้อย ส่วนภัทรนั่งข้างกัน เบะปาก สูดลมหายใจ “ก็แค่แซวนิดเดียวเองมึง... ขำ ๆ” น้ำเสียงเบาหวิว

เหตุการณ์ก่อนขึ้นรถคือจุดเริ่มต้น...

“เฮ้ย ไอ้ภัทร!” พี่แม็กซ์หัวเราะโบกมือเรียกหน้าร้านขายของที่ระลึก “ดูนี่ดิ มีชุดหนังเยอรมันแท้ ๆ ด้วย ใส่ได้เลย”

“เดี๋ยวกูซื้อน้ำก่อนนะ มึงดูไปก่อน” ภัทรหันขวับหันไปคว้าข้อมือดินสอ “มึงเอาอะไรไหม”

“ไม่เอา” ดินสอบอกเสียงเย็น ไม่แม้แต่จะสบตา ภัทรหน้าเหวอ ลูบท้ายทอยตัวเอง หันไปหยิบเจลหล่อลื่นยี่ห้อเยอรมันจากมุมลับหลังร้านขายยา แล้วหยิบถุงยางไซส์ XL มาอีก 3 กล่อง

“เอาไปทำไรเยอะแยะวะ” โอ๊ตถามเสียงดัง พีทขำตาม ทุกคนแอบเห็นหมดแล้ว หัวเราะกันยกแผง

“เตรียมพร้อมเผื่ออนาคต...มึงไม่รู้หรอกว่าภารกิจใหญ่แค่ไหน” ภัทรยักคิ้วกวน ๆ แต่สายตาเหลือบไปมองดินสอที่ยังไม่พูดกับเขา

“มึงหยาบ” ดินสอพูดสั้น ๆ แล้วเดินหนีทันที

พอขึ้นรถมาด้วยอารมณ์ที่ยังไม่จาง ดินสอก็นั่งเงียบ ภัทรก็หงุดหงิด จึงแกล้งกระซิบ “เมื่อคืนถ้ามึงไม่หลับ กูว่ามีสิทธิ์นะ...”

“ภัทร!” เสียงพี่โตดังจากเบาะข้างหน้า “ใจเย็น ๆ นะ มึงตัวใหญ่ มึงแกล้งน้องแรง ๆ เดี๋ยวเขาใจเสีย เข้าใจกันดี ๆ นะ ทริปยังอีกยาว”

ดินสอเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง ไม่พูดต่อ ส่วนภัทรถอนหายใจ แล้วหลับตาพิงเบาะ มุมปากกระตุกเล็กน้อยเหมือนยังมีไฟอยู่



17:00 น. – เข้าที่พัก: Steigenberger Frankfurter Hof

โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวใจกลางเมืองเก่าแฟรงก์เฟิร์ต ตึกหินทรายสไตล์นีโอเรอเนซองส์ตั้งตระหง่านตรงจัตุรัส Willy-Brandt-Platz ภายในตกแต่งคลาสสิกแบบยุโรปเก่า โคมไฟระย้าแก้ว ม่านกำมะหยี่สีทอง และกลิ่นหอมอบอวลของลาเวนเดอร์ผสมกลิ่นเนยอบจากร้านขนมด้านล่าง

ห้องของภัทรและดินสออยู่ชั้น 3 เตียงคิงไซส์หัวเตียงบุหนังสีครีม วิวจากหน้าต่างเห็นโบสถ์ St. Bartholomew พอดี แสงแดดยามเย็นส่องกระทบโดมทองเป็นประกาย

“คืนนี้มึงนอนฝั่งขวานะ กูจะได้ไม่กลิ้งไปโดน” ดินสอพูดขณะวางเป้บนเก้าอี้ ภัทรแค่พยักหน้า เดินไปล้างหน้าด้วยสีหน้าหม่น ๆ



18:00 น. – เดินชมเมืองเก่า Römerberg

เมืองเก่าของแฟรงก์เฟิร์ตคือฉากในฝัน บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนเรียงรายล้อมจัตุรัสกลางเมือง ตึกสีสันสดใส มีลายไม้ไขว้เป็นรูปกากบาทแบบ Fachwerkhäuser เดินต่อไปถึงวิหาร St. Bartholomew กับหอคอย Main Tower ที่สามารถขึ้นไปชมวิว 360 องศา

ทุกคนถ่ายรูป ดินสอยิ้มแค่ตอนพี่เจ๊พลอยถ่ายให้ แต่ยังไม่คุยกับภัทร ภัทรเดินถ่ายรูปเล่นแบบเงียบ ๆ แต่ไม่ห่างจากดินสอเกิน 5 เมตร



19:30 น. – ดินเนอร์: Main Tower Restaurant & Lounge

ร้านอาหารหรูบนชั้น 53 ของ Main Tower หน้าต่างกระจกสูงจากพื้นถึงเพดาน เผยให้เห็นวิวทั้งแฟรงก์เฟิร์ตยามค่ำ แสงไฟจากตึกระฟ้าสะท้อนแม่น้ำ Main ด้านล่างราวฉากหนังไซไฟ

เมนูเย็นนี้คือ เนื้อวัว Wagyu เยอรมันอบซอสทรัฟเฟิล, ปลาเทราต์ย่างซอสสมุนไพร, เสิร์ฟคู่ไวน์ Riesling เย็นฉ่ำ

ดินสอกินน้อย ภัทรคีบเนื้อเข้าปาก แต่ไม่เคี้ยวแรง พี่แม็กซ์กระซิบ “เมื่อคืนเสียพลังเยอะสินะ...”

“กูยังไม่ได้ทำไรเลยเว้ย!” ภัทรกระซิบกลับเบา ๆ แต่หน้าแดง ส่วนดินสอได้ยินเต็มสองหู สะบัดหน้าหนีแต่ยิ้มมุมปาก



หลังอาหารเย็น

ภัทรแยกตัวแวบไปร้านขายยาใกล้โรงแรม ซื้อเจลอีกหลอด กลับห้องพร้อมถุงใบเล็ก

คืนนี้... เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ดินสอร้องไห้ แต่ถ้าร้องเสียงอื่น เขาคงยิ้มได้

แต่...

ดินสอหลับไปแล้วอีกครั้ง พร้อมโพสต์ท่าคลุมโปงจนเหลือแค่ผมที่ยื่นออกมา...

ภัทรถอนหายใจ หยิบหมอนมากอดแน่น แล้วหลับไปทั้งกลิ่นแชมพูหอมจาง ๆ


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 18 และตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:08:59
ตอนพิเศษ — "ทัวร์ซ่า เมาท์ซ้อนมุก"
บทสนทนาเบื้องหลังรถโค้ช…ที่ไม่ได้มีแค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังรวมไปถึงจุดหมายของหัวใจ

รถโค้ช Mercedes-Benz สีดำด้านแล่นฉิวบนทางด่วนสาย Autobahn เสียงล้อบดไปกับยางหนา ๆ แทบไม่ได้รบกวนการสนทนาที่กำลังเบ่งบานอยู่ด้านหลัง ที่นั่งโซนกลางของรถ โซนที่กลุ่ม “แก๊งชาวคณะ” มักนั่งจับกลุ่มขำกันแบบไม่เกรงใจคนนอนหลับอยู่แถวหลัง

เจ๊พลอย — สาวเปรี้ยวแห่งวงการเอเจนซี่โฆษณา ที่เสียงหัวเราะดังกว่าเสียงลมพัด เปิดประเด็น

“เมื่อคืนใครเดินผ่านห้อง 312 แล้วได้กลิ่นหอม ๆ เหมือนน้ำมันยูคาลิปตัสผสมกลิ่นคนกำลังอดกลั้นบ้างวะ”

พี่แม็กซ์ยกมือทันที “กู! กูผ่าน! แล้วเสียงแอร์มันฟังเหมือนคนถอนหายใจ… สม่ำเสมอมาก เหมือนเสียใจที่ไม่ได้ปลดล็อกด่านลับ!”

โอ๊ตกับพีทหลุดขำ ลุงก้องพยายามจะกลั้นแต่ก็หลุด “เฮ้ย… พูดถึงก็ขำ กูแอบเห็นน้องภัทรลงไปซื้อของจากร้านข้างโรงแรมตอนสี่ทุ่ม... ถือถุงกลับมาเบา ๆ เหมือนถือเพชร”

ป้าอุ๊เสริม “มีแต่คนถือใจ... แต่หนูภัทรถือถุงยาง โอ๊ยยยย น่ารักไม่ไหวแล้วลูก!”

พี่แป๋วกับพี่ดานั่งขำเบา ๆ ฝาแฝดโจกับเจนตีกันเอง “กูว่าเมื่อคืนมันต้องมี! มึงเห็นหน้าไอ้ภัทรตอนลงมากินข้าวเช้ามั้ย หน้าอย่างฟิน”

“แต่ดินสอเหมือนโดนเป่าผมแรง ๆ มา หน้าม้าแฉลบ!”

ทุกคนหัวเราะแทบตกเบาะ พี่โตหันหน้าจากเบาะหน้า บอกด้วยรอยยิ้ม “ขอเตือนแบบไกด์มืออาชีพนะครับ ว่าอย่าตีกันแรงในรถ แต่ถ้าจะแซวกันแรง... ขอผมแซวด้วย!”

คุณเอิร์ธกับคุณต่ายที่นั่งริมซ้ายขวา มองหน้ากันแล้วบอก “แต่จะว่าไป คนตัวเล็กแบบน้องดินสอ เวลาเงียบแล้วหูแดง... อันตรายมากนะ”

“กูเห็น ๆ ตอนเช้าตักไข่ลวกให้ภัทรไปหกฟอง ดินสอเบะปากแต่ไม่พูด ไข่มันฟ้องหมดแล้ว!”

เจ๊พลอยจับไมค์บนรถทันที “และนี่คือไฮไลต์ของทริป…
สองคนนี้จะ ‘รักกันจริง’ หรือ ‘ตีกันเล่น’
จะ ‘ยอมกันง่าย ๆ’ หรือ ‘ต้องพิชิตถึงปลายทาง’
ติดตามได้ใน... ภัทร & ดินสอ The Series: เดอะทัวร์รัก 20 วันสุดท้ายก่อนเลิก!”

เสียงฮือฮาจากเบาะหลังดังขึ้น พี่โตถึงกับขับรถมือสั่น “กูว่าแค่ชื่อก็ขายตั๋วรอบปฐมทัศน์ได้ละ...”

แล้วเสียงเฮอา เสียงหัวเราะ และเสียงกดมือถือพร้อมแคปชั่น “อย่าตีกันอีกละ” ก็กลับมาอีกครั้ง

บนรถคันนี้ ไม่มีแค่การเดินทาง…
แต่มิตรภาพ เสียงหัวเราะ และความผูกพัน กำลังเดินทางไปพร้อมกัน


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:12:49
ตอนพิเศษ — "โจ & เจน: ฝาแฝดตัวแสบ ผู้พิชิตสนามบิน…ไม่สำเร็จ"
ว่าด้วยเรื่องรักวูบวาบแบบจิ้มจุ่ม ที่เจอดินสอแล้วก็ต้องถอนตัว

ตั้งแต่วันแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ…

โจ — ฝาแฝดพี่ ผู้ใส่เสื้อฮาวายแต่ใจแมนไทยแท้ ตอนเดินผ่านประตูเข้า Lounge ก็แอบเหลือบมองหนุ่มร่างบางผิวขาวที่นั่งกอดกระเป๋าอยู่ข้างคนตัวโต

ตอนนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าคนนั้นชื่ออะไร แค่รู้ว่า...

“เออ… หน้าตาน่ารักดีว่ะ น่าจะสายซอฟต์ ดัดได้อยู่”

เจน — ฝาแฝดน้อง ที่รู้ไส้ในพี่ตัวเองดีกว่าใคร กระซิบเบา ๆ พร้อมจิกเบา ๆ ที่แขนพี่ชาย

“เพลา ๆ ไอ้พี่โจ มึงเขยิบสายตากลับมาทางไลน์อาหารบุฟเฟต์เลย อะไรอยู่ในสายตาแล้วเขามีเจ้าของ มันเจ็บรู้ไหม”

แต่โจก็ไม่หยุดมอง…

จนกระทั่งได้ขึ้นเครื่อง และได้นั่งใกล้กลุ่มภัทรกับดินสอในแถวเดียวกัน โจเริ่มได้ยินเสียง… เสียงที่คนตัวเล็กพูดกับคนตัวโตแบบไม่เกรงใจโลก

> "มึงจะสั่งไวน์ทำไมตอนนี้"
"เอาน่า มึงก็จิบ ๆ ไปเถอะ จะได้นอนง่าย"
"ภัทร มึงก็พูดเหมือนรู้ใจเกินไปปะ"



เจนเหลือบตามองพี่ชายแล้วพูดว่า...

“จบมั้ย?”

โจถอนหายใจยาว เอาศอกเท้าพนักพิงแล้วหัวเราะเบา ๆ

“กูว่ากูถอนตัวละ มันเหมือนดูซีรีส์ที่เขาจะจูบกันอยู่แล้ว แล้วกูไปแทรกกลางฉากไม่ได้ว่ะ กูเกรงใจ”

ตั้งแต่นั้นมา...

โจกลายเป็นผู้ชมเงียบ ๆ คนหนึ่งของทริปรักนี้

บางทีตอนเห็นภัทรแกล้งดินสอแล้วดินสอเบะปาก
บางทีตอนดินสอหันไปงับไหล่ภัทรแล้วโดนแซวในกลุ่มไลน์
บางทีตอนที่ดินสอเดินตามหลังภัทรแล้วหลบแดดด้วยเงาไหล่ของเขา…

โจแค่ยิ้ม แล้วพูดกับเจนว่า

“ความรักแม่ง… มันไม่ต้องเป็นของเราเสมอไปหรอก แค่ได้เห็นมันเกิดขึ้นตรงหน้าแบบนี้… กูก็โคตรอิ่มใจละ”

เจนพยักหน้า “ดีมากมึง นี่แหละฝาแฝดที่กูภูมิใจ”

แล้วทั้งคู่ก็เดินไปซื้อกาแฟกันสองคน พร้อมแอบถ่ายคลิปภัทรกับดินสอเดินกัดกันเบา ๆ ลงในกลุ่มไลน์ แล้วตั้งแคปชั่นว่า

> "วันไหนมึงจะยอมกันสักที"



พร้อมอีโมจิหัวใจสีชมพูที่เหมือนเป็นเชียร์ลีดเดอร์เงียบ ๆ ในเรื่องราวของคนสองคน ที่ไม่รู้หรอกว่าโลกกำลังลุ้นให้พวกเขารักกันไปจนถึงปลายทาง


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:14:15
ตอนพิเศษ – “พี่แม็กซ์: กล้องที่เก็บทุกโมเมนต์…ยกเว้นหัวใจตัวเอง”

“พี่แม็กซ์” ไม่ได้พูดเยอะ

แต่กล้องที่ห้อยคอเขาตลอดทริป พูดแทนทุกความรู้สึกได้ชัดเจนกว่าคำพูดนับพัน

ทุกเช้า พี่แม็กซ์จะลงมาก่อนใคร พร้อมกาแฟดำหนึ่งแก้ว กับกล้อง DSLR คู่ใจ
ไม่มีใครรู้ว่า เขาเป็นอดีตช่างภาพฟรีแลนซ์สายแฟชั่นที่เคยเดินงาน Milan Fashion Week มาแล้วหลายปี

แต่ตอนนี้ พี่แม็กซ์เลือกใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
มาถ่ายรูปกับกลุ่มทัวร์ผู้หลากหลาย ตั้งแต่เจ๊พลอยสายหวาน พี่ดาสายบุญ โจเจนฝาแฝดตัวแสบ ยันคู่รักที่เถียงกันจนคนทั้งรถปวดหัว… “ภัทรกับดินสอ”

“เถียงกันอีกละ” พี่แม็กซ์เคยพูดเบา ๆ กับพี่แป๋ว
แต่สายตากลับมองผ่านเลนส์กล้องแล้วกดชัตเตอร์ทันทีที่ดินสอหันหน้าหนี แต่ภัทรยื่นขวดน้ำไปให้

เขาเคยบอกตัวเองว่า…

> “อย่าอินกับเรื่องของคนอื่นมากไป
เพราะเราไม่ได้เป็นพระเอกในเรื่องนั้น”



แต่ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งมองผ่านเลนส์ พี่แม็กซ์ก็ยิ่งเห็นสิ่งที่คนสองคนนั้นมองไม่เห็นกันเอง

ความห่วงใยในรอยเถียง
ความอ่อนโยนในคำพูดแรง ๆ
ความรักที่ยังไม่กล้าบอกกันตรง ๆ

หลายคืน พี่แม็กซ์นั่งจัดรูปในกล้องที่ถ่ายมาตลอดวัน
ภาพภัทรหันมายิ้มให้ดินสอ
ภาพดินสอกอดอกมองออกนอกหน้าต่าง ขณะภัทรหลับอยู่ข้าง ๆ
ภาพตอนพวกเขาเดินเคียงกันโดยไม่รู้ตัว

มีอยู่รูปหนึ่ง ที่พี่แม็กซ์ชอบเป็นพิเศษ
เป็นรูปที่ดินสอเผลอยิ้มมุมปาก ตอนที่ภัทรโดนเด็กเสิร์ฟลืมเสิร์ฟอาหาร แล้วบ่นกับตัวเองเบา ๆ

ในรูปนั้นแสงสวยมาก ฟ้าข้างหลังใสจัด วิวเมืองในยุโรปโค้งอยู่พอดี

แต่สิ่งที่สวยที่สุดในภาพไม่ใช่วิว

…คือสายตาของดินสอที่มองภัทร

พี่แม็กซ์ไม่ได้พูดถึงรูปนี้กับใคร
แค่ตั้งชื่อไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ลับว่า

"Scene_Of_The_Love_They_Can't_Say"



บางครั้ง ตอนกลางคืนที่โรงแรม พี่แม็กซ์จะออกมาเดินถ่ายภาพริมแม่น้ำคนเดียว
และคิดถึงใครบางคน… ที่เคยยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตรงแม่น้ำที่มิลานเมื่อหลายปีก่อน
ความรักในอดีตที่จบลงเพราะคำว่า “ไม่พร้อม”

เงียบเหมือนภัทรกับดินสอในตอนนี้

แต่เงียบ…ไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรเลย

เหมือนภาพที่ไม่พูด แต่ยังเก็บทุกอารมณ์ไว้ในแสงและเงา

เหมือนใจของเขา ที่แม้จะเก็บไว้เงียบ ๆ…

แต่เมื่อเห็นความรักค่อย ๆ เบ่งบานตรงหน้า เขาก็เผลอเชียร์ไปเงียบ ๆ เหมือนกัน



พี่แม็กซ์ อาจจะเป็นตัวประกอบในเรื่องราวของคนอื่น

แต่ในทุกภาพ ทุกเฟรม ทุกจังหวะ…

เขาคือคนที่ "เก็บทุกความรู้สึกไว้…เผื่อใครบางคนจะอยากย้อนกลับมาดูในวันที่สายตาเริ่มมองชัด"


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:16:04
ตอนพิเศษ – “เจ๊พลอย & พี่ดา: กองเชียร์ที่เกินต้าน และมิตรภาพที่เกินคาด”

“ดู๊ดูพี่ดา มันงอนกันอีกแล้ว”
เสียงเจ๊พลอยกระซิบเบา ๆ พร้อมยกสมาร์ตโฟนขึ้นแอบถ่ายคลิปคู่รักที่ชาวกรุ๊ปเรียกว่า ‘ผัวเมียแห่งยุโรปตะวันตก’

“เธอว่าเคยมีอะไรกันยังอะ” เจ๊กระซิบเบา ๆ

พี่ดาหัวเราะเบา ๆ ขณะกำลังจิบชาเขียวแบบเย็น ๆ

> “ยังหรอก…น้องเขายังซิง”
“แต่พี่มั่นใจว่าเด็กมันรักกันมาก…แค่ยังไม่กล้าพูดว่า 'ฉันกลัว' มากกว่า”




---

พี่ดา
อายุราว ๆ 39 ปี สายบุญที่ชอบแบกกล้องเล็ก ๆ และถือหนังสือธรรมะเล่มเล็กติดกระเป๋าไว้เสมอ
เธอคือคนที่ใคร ๆ ก็เรียกว่า “แม่พระ” ประจำกรุ๊ป
แต่เบื้องหลังความใจเย็นนั้น พี่ดาเคยผ่านชีวิตคู่ที่แหลกสลาย
สามีที่อยู่กันมาเกือบสิบปีจากไปพร้อมคนใหม่ที่อายุน้อยกว่าเธอครึ่งหนึ่ง
พี่ดาไม่ร้องไห้ตอนเล่าให้เจ๊พลอยฟังที่ริมแม่น้ำไรน์ในเยอรมนี
แค่พูดว่า…

> “พี่ไม่โกรธ ไม่เสียใจ…แค่รู้สึกว่า เราไม่ใช่พื้นที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว”



และตั้งแต่นั้น เธอก็ออกเดินทางปีละสองครั้ง เพื่อหาพื้นที่ของตัวเองอีกครั้ง


---

เจ๊พลอย
คุณหญิงไฮโซตัวแม่ อดีตนางเอกละครที่เคยขึ้นปก “ทีวีพูล” สมัยอายุ 22
วันนี้แม้จะเข้าหลัก 4 แต่ยังคงแต่งหน้าเป๊ะ ฟาดลิปสีแดงเหมือนเชือดใจคนทั้งยุโรป

เจ๊พลอยไม่เคยแต่งงาน แต่เคยมีแฟนที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่
ชายผู้ลบชื่อเจ๊ออกจากบัญชีผู้ถือหุ้นในวันที่เจ๊คิดจะเกษียณ

วันนี้เจ๊พูดเสียงเรียบ ๆ กับพี่แม็กซ์ที่เคยถามเรื่องความรักว่า…

> “พี่ไม่เคยถูกทิ้ง…แต่ก็ไม่เคยถูกรักด้วยจริง ๆ”
“แต่ไม่เป็นไร เจ๊อยู่ได้…เพราะเจ๊รักตัวเองเป็นแล้ว”




---

ทั้งพี่ดาและเจ๊พลอย ต่างเป็นคนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่ม…เงียบ ๆ แต่เสมือนมีพลังงานบางอย่างที่คอยโอบหลังทุกคนไว้

เวลาภัทรกับดินสองอนกัน พี่ดาจะพูดว่า

> “ใจเย็นนะลูก…บางความสัมพันธ์ต้องทะเลาะถึงจะรู้ว่า เรายังแคร์”



ส่วนเจ๊พลอยจะหยิบมือถือขึ้นถ่ายแล้วแซวในไลน์ว่า

> “โอ๊ยยยย ทริปนี้ถ้ากูไม่มีรูปทะเลาะกันของพวกมึง กูคงตายตาไม่หลับ!”



และทุกครั้งที่เงียบลง
สองคนนี้จะนั่งด้วยกันที่ระเบียงโรงแรม
คนหนึ่งวางมือบนหัวเข่า อีกคนถอดขนตาปลอมวางบนแก้วไวน์

และพี่ดาจะพูดว่า…

> “แก…ยังอยากเชื่อในความรักอยู่ไหม?”



เจ๊พลอยจะเงียบไปครู่ ก่อนยิ้มเบา ๆ แล้วตอบ…

> “ถ้าดูคู่นั้นแล้ว ยังไม่เชื่อ ก็คงไม่มีอะไรทำให้เชื่อได้อีกละ”



แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน
ก่อนจะชงไวน์ให้กันอีกแก้ว
และเดินไปแซวภัทรกับดินสอที่กำลังทะเลาะกันอีกรอบ


---

สำหรับพี่ดาและเจ๊พลอย…ความรักอาจไม่ใช่ปลายทาง

แต่การได้เห็นคนที่ยังมีความหวังในรัก
ก็อาจเป็นการเริ่มต้นรักตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:17:29
ตอนพิเศษ – “รักที่ไม่หวือหวา...แต่หนักแน่นกว่าใคร”

รถโค้ชแล่นเอื่อยไปตามทางหลวงระหว่างเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่ง
ภัทรกำลังง้อดินสอที่งอนตุ้บเพราะเรื่องเดิม ๆ …ไม่รู้จะหวงหรือไม่รู้จะยอม
และข้างหลังเขา สองสามีภรรยาวัยเกษียณนั่งพิงกันเบา ๆ พลางจิบโกโก้อุ่น ๆ ที่พกมาเองจากไทย

> “ก้อง…ยังจำได้ไหม ตอนเราไปสวิตฯ ครั้งแรก…”
ป้าอุ๊ถามเสียงเบา ขณะมองวิวทุ่งหญ้าไกลลิบที่กำลังรับแสงแดดอ่อน ๆ



> “จำได้สิ…ตอนนั้นยังไม่มีเงิน แต่แกก็ยังตามฉันไปทุกที่”



ลุงก้องยิ้ม น้ำเสียงนิ่ง สุภาพ และอบอุ่นแบบที่ทำให้ใครหลายคนในกรุ๊ปคิดว่า
“อยากมีรักตอนแก่ที่ดูแลกันแบบนี้บ้างจัง”


---

ลุงก้อง
อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยด้านประวัติศาสตร์ยุโรป
ผู้มีน้ำเสียงนุ่มลึกเหมือนพระเอกหนังฝรั่งเศส
การพูดของลุง ไม่เคยดัง แต่ฟังแล้วอบอุ่นใจ
ชอบเล่าเรื่องตึก ถนน โบสถ์ และประวัติศาสตร์ที่ไกด์ยังไม่ทันเล่า
และทุกครั้งที่ลุงพูด…ป้าอุ๊จะยิ้มอย่างภาคภูมิ

> “ลุงเคยพาอุ๊มาที่นี่เมื่อยี่สิบปีก่อน…”
“วันนั้นอุ๊ยังเดินไม่ไหว เพราะเพิ่งผ่าตัด…แต่ลุงก็เข็นรถเข็นให้ทั้งวัน”




---

ป้าอุ๊
อดีตครูสอนภาษาไทยที่นุ่มนวลที่สุดในจังหวัด
ชอบชวนทุกคนคุยเรื่องอาหารไทย / ของฝาก / ยาดม
เวลาพักจะหยิบสมุดเล่มเล็กจดชื่อร้านน่าสนใจไว้
และทุกคืนจะกางแผนที่ ทบทวนว่า "พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันอีก"

> “ฉันกับลุงเดินช้า แต่ดูได้ทุกมุมนะลูก”
“บางทีรักก็เหมือนเที่ยว…ไม่ต้องรีบไปถึงปลายทางก็ได้ ขอแค่ได้ไปด้วยกันทุกวัน”




---

ในวันหนึ่งที่ภัทรกับดินสอเงียบใส่กันจนบรรยากาศในรถกร่อย
ลุงก้องพูดเบา ๆ หลังไมค์ผ่านลำโพงว่า…

> “การเถียงกันน่ะไม่ใช่เรื่องเสียหาย…มันแปลว่ายังอยากให้กันเข้าใจอยู่”



และป้าอุ๊ตามมาว่า…

> “แต่ต้องรีบเคลียร์นะลูก…เพราะบางที รอไปพรุ่งนี้ อาจไม่ได้พูดแล้วก็ได้”




---

ในอีกค่ำหนึ่งที่ริมแม่น้ำไรน์
ลุงก้องเดินจูงมือป้าอุ๊ช้า ๆ พร้อมกระซิบ…

> “หูยยย ภัทรนี่หล่อล่ำกว่าลุงตอนหนุ่มอีกเนอะ”



ป้าอุ๊หัวเราะแล้วตอบ…

> “แต่ตอนนั้นของลุงก็แน่นไม่แพ้นะ”



เสียงหัวเราะดังขึ้น
และภัทรที่เดินนำอยู่ข้างหน้า หันกลับมาแล้วบ่น…

> “ลุงงง! มึงอย่าแกล้งพ่อกับแม่กู!”



ทุกคนในทริปหัวเราะร่วน


---

ความรักของลุงก้องกับป้าอุ๊อาจไม่ได้มีไฟวาบวับ แต่เป็นแสงอุ่นที่ไม่เคยมอด
เป็นรักที่ไม่ต้องใช้คำพูดมาก แต่ทุกคนสัมผัสได้ในทุกย่างก้าว

พวกเขาคือพลังเงียบของทริป
ที่ทำให้ทุกคนอยากรักให้ดีขึ้น
และอยากอยู่ดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้งกับใครสักคน…ที่ยืนอยู่ข้างกันได้ในทุกช่วงวัย


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:18:50
ตอนพิเศษ – “เพื่อนกันมันส์ทุกทริป แต่ก็อยากมีทริปเป็นแฟนบ้าง”

ในคณะทัวร์ยุโรป 20 วันนี้
ถ้ามีรางวัล “คู่หูที่ทำให้ทุกเช้าไม่เงียบเหงา”
โอ๊ตกับพีท คงได้ไปครองแบบไร้คู่แข่ง


---

โอ๊ต
หนุ่มไอทีจอมกวน ทำงานสาย data analyst แต่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมคลอง
มีความสามารถพิเศษคือ พูดได้เร็วในระดับที่ Siri ฟังไม่เข้าใจ
เวลาเงียบ ๆ บนรถ จะมีเสียงจากแถวหลังว่า…

> “เห้ยมึง ๆ ไข่ลวกของภัทรยังร้อนอยู่ปะวะ”
“เมื่อคืนมีเสียงน้ำหยดป่ะ หรือกูหูดีไป?”




---

พีท
หนุ่มฝ่ายการตลาดสายครีเอทีฟ รักการถ่ายภาพ ชอบจับจังหวะซีนชาวบ้านเวลาทะเลาะกัน
เป็นเจ้าของประโยคอมตะที่ชาวคณะจำได้ขึ้นใจ:

> “ใครอยากขึ้นเวทีร้องเพลงคืนนี้ ยกมือ!”
“ใครสงสัยว่าภัทรกับดินสอจะไปถึงขั้นไหน ยกขวด!”




---

จุดเริ่มต้นของตำนาน “ปั่นม้วนเดียวจบ”

ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ
โอ๊ตกับพีทก็สังเกตได้ทันทีว่า ภัทรกับดินสอ คู่นี้มันมีอะไรแน่ ๆ
ท่าทีที่เหมือนจะรัก แต่ตีกันตลอด
มองหน้ากันเหมือนจะชก แต่ก็หวงกันแทบบ้า

> “กูว่าเค้ายังไม่เคยมีอะไรกันว่ะ”
“กูว่าเค้ามีแล้ว แต่ยังไม่รับกันเฉย ๆ”
“หรือเค้าแกล้งทะเลาะเพราะกลัวหายใจไม่ตรงกัน?”



หลังจากวันนั้น โอ๊ตกับพีทตั้งหน้าตั้งตา “ปั่น” คู่ภัทร-ดินสอทุกเช้าเย็น
ตั้งแต่แอบวาง ไวอากร้าปลอม ไว้บนโต๊ะ
จนถึงสร้าง กลุ่มไลน์ลับ ที่มีแต่คนในกรุ๊ป – ยกเว้นภัทรกับดินสอ


---

กลุ่มไลน์ลับที่ไม่ลับเลย

ชื่อกลุ่ม: “ทัวร์รักหมัดแรก”

เจ๊พลอยตั้งภาพโปรไฟล์เป็นภาพภัทรกับดินสอกอดกันแน่น ๆ ใน La Défense

พี่แม็กซ์ส่งสติ๊กเกอร์หมีกอดตลอดเวลา

ลุงก้องตอบด้วยคำว่า “โอ้ย พ่อแม่ลูกเอ๊ย”

พีทตั้งโพลว่า “คืนนี้ภัทรจะสำเร็จไหม” – ผลโหวต 11/12 คือ “ไม่”

โอ๊ตเปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่เป็น “แพ้พรหมจรรย์ 500 ชาติ”



---

ความหวังในหัวใจเพื่อนซี้

แม้จะตลกเฮฮาในทุกมื้ออาหาร
แต่ใครจะรู้ว่า ในใจของโอ๊ตและพีท
ก็มีคำถามเงียบ ๆ ที่ยังไม่มีคำตอบ...

> “เราไปเที่ยวด้วยกันมาตั้งหลายรอบ แต่ไม่เคยมองกันมากกว่านี้ใช่ไหมวะ?”



พีทนั่งเขียนโปสต์การ์ดส่งให้ตัวเอง
โอ๊ตถ่ายภาพวิวหอไอเฟลลง IG แล้วใส่แคปชันว่า...

> “บางมุมของเมือง มันสวยพอ ๆ กับบางมุมในใจมึงเลยว่ะ…”



แต่พอพีทมาเห็น ก็กดลบให้ทันที พร้อมกับตะโกนใส่

> “อย่าหวานแต่ในแคปชันดิ! กินคาร์โบฯหน่อยไหม?”




---

โอ๊ตกับพีทคือพลังบวกของคณะทัวร์
ที่ทำให้ทุกเช้าคึกคัก ทุกเย็นเฮฮา
และทำให้ความรักของภัทรกับดินสอ…
มีเสียงหัวเราะเป็นซาวด์แทร็กประกอบฉากทุกวัน


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:21:00
ตอนพิเศษ – “พี่แป๋ว: หัวใจที่อยากให้โลกเป็นสีชมพู แม้ตัวเองจะยังอยู่ในโหมดเทาอ่อน”


---

ชื่อจริง: พี่แป๋ว
อายุ: 34 ปี
อาชีพ: สไตลิสต์ฟรีแลนซ์ / คอลัมนิสต์ด้านแฟชั่น
ลุคประจำตัว: ชุดกิโมโนกึ่งแฟชั่นสตรีต รองเท้า Onitsuka ผ้าคลุมไหล่พริ้วๆ กับหมวกปีกกว้าง
นิยามจากเพื่อนในทริป: “นางคือกูรูแฟชั่นประจำรถโค้ช”


---

สนามบินสุวรรณภูมิ – จุดเริ่มต้นของพลังงานสาย “ป้าสายแฟ”

ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่สนามบิน
ทุกคนในคณะทัวร์ต่างจดจำพี่แป๋วได้จากชุด field jacket สีเขียวมะกอก
แมตช์กับกระเป๋าเดินทางลายเสือดาว

เจ๊พลอยพูดเบาๆ กับพี่ดา

> “แป๋วแต่งตัวเหมือนจะไปถ่าย editorial มากกว่ามาทัวร์นะ”



ซึ่งก็จริง เพราะแป๋วเคยบอกว่า...

> “ถึงจะเที่ยว แต่รูปต้องพร้อมลง! คนเห็นภาพก่อนจะรู้ว่าเรามีความสุขหรือเปล่า…”




---

ความจริงในใจแป๋วที่ไม่ค่อยมีใครรู้

แม้พี่แป๋วจะเป็นคนคุยสนุก สดใส ทันแฟชั่นทุกซีซัน
แต่ในห้องพัก เวลาอยู่คนเดียว
เธอคือผู้หญิงที่ยังพกโปสการ์ดจาก "เขา" เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์

ชายคนหนึ่ง… ที่เคยเดินด้วยกันตอนเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อ 5 ปีก่อน
ตอนนั้นยังไม่กล้าเรียกแฟน
แต่ตอนนี้… ไม่มีแม้แต่สถานะจะให้ลืม

> “ไม่ใช่ไม่เปิดใจ... แต่แค่ไม่รู้จะเปิดให้ใครแล้วมั่นใจเหมือนตอนนั้นอีกมั้ย”




---

พี่แป๋วกับภัทรและดินสอ

แป๋วสนิทกับภัทรก่อน เพราะเคยเจอกันในงานวิ่งการกุศล
ส่วนดินสอ เธอชอบมากเพราะน้องเรียบร้อยน่ารักและใส่แว่น
(คนที่ใส่แว่นสไตล์ round frame คือ type ที่แป๋วชอบมาก)

เวลาที่ภัทรกับดินสอตีกัน
แป๋วจะทำหน้าที่เป็น mediator (ตัวกลางที่เป็นแฟชั่นนิสต้า) เสมอ
ประโยคที่พูดจนเจ๊พลอยท่องได้ขึ้นใจคือ…

> “เอาอย่างนี้ ใครไม่ง้อใครก่อน คืนนี้ต้องใส่ชุดนอนน่าเกลียดสุด!”




---

บนรถทัวร์ พี่แป๋วเป็นที่พึ่งของใครหลายคน

โอ๊ตกับพีทเวลาอยากถามว่า “นี่กางเกงสีเบจเข้าได้กับอะไร”
จะถามแป๋ว

เจ๊พลอยอยากเปลี่ยนลุคใหม่ ก็มานั่งข้างแป๋วบนรถแล้วให้แต่งหน้าให้

คุณต่ายบ่นว่า “ผ้าพันคอที่ซื้อมาแพงเกินมั้ย”
แป๋วตอบกลับพร้อมตบไหล่ว่า…

> “พี่เป็นนักช้อปที่ไม่เคยรู้สึกผิด เพราะรู้ว่าของที่เราซื้อ จะอยู่กับเรายาวนานกว่าผู้ชายบางคน”




---

บทส่งท้ายเล็กๆ

พี่แป๋วคือผู้หญิงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ภายในจะยังไม่เคยหายเศร้าจากใครบางคนในอดีต
แต่เธอก็เลือกใช้แฟชั่น ปากแดง และความเฟียร์ซ
เป็นเกราะบาง ๆ ปกป้องหัวใจของตัวเองไว้

เพราะเชื่อเสมอว่า...

> “คนเราจะเริ่มต้นใหม่ได้... ถ้าเชื่อว่าโลกยังสวยอยู่ แม้ความรักจะยังเทาอยู่ก็ตาม”




---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:23:52
ตอนที่ 24 — ไข่ลวก เสียงถอนใจ และเมืองเก่าที่ไม่เคยเปลี่ยน

เสียงเครื่องปรับอากาศของโรงแรมหรูใจกลางแฟรงก์เฟิร์ตยังคงทำงานอย่างเงียบเชียบ แสงแดดแรกของวันลอดผ่านม่านโปร่งบางที่ปลิวไหวเบา ๆ กับลมฤดูใบไม้ผลิยามเช้า สาดเข้ามาแตะขอบเตียงคิงส์ไซส์ที่ยังไม่ได้เก็บผ้าห่มเรียบร้อย — และในมุมนั้น… มีเงาร่างของใครบางคนนั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่าง

“...เมื่อคืนก็รีบนอนอีกแล้ว”

ภัทรพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เหมือนบ่นแบบกลัวใครได้ยิน ขณะเหม่อมองวิวเมืองแฟรงก์เฟิร์ตที่ค่อย ๆ ตื่นจากความเงียบยามค่ำ แสงแดดแต้มยอดตึกระฟ้า ตัดกับเงาของโบสถ์เก่าที่อยู่ไม่ไกลนัก ใจภัทรรู้สึกหนักหน่วงแบบอธิบายไม่ถูก

บนเตียงนั้น ดินสอยังคงนอนห่มผ้ากอดหมอนข้างเงียบ ๆ — เหมือนคนที่ยังหลับ หรือแกล้งหลับ

เมื่อคืนเขาแค่… อยากจะกอด อยากจะพูด อยากจะ “ลองขอ” บางอย่าง แต่พอเจอแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้นพลิกตัวหนีด้วยความเหนื่อยล้า ภัทรก็ถอนใจ ถอยออกมา ยอมแพ้อีกคืนหนึ่ง

“กูไม่รู้ว่ามึงกลัวอะไรดินสอ… แต่กูจะไม่บังคับ”

เขานั่งนิ่ง ๆ แบบนั้นนานนับสิบนาที ก่อนที่เสียงฝักบัวในห้องน้ำจะดังขึ้นในที่สุด และหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็แต่งตัว เตรียมตัวลงไปเจอกับมื้อเช้าที่ห้องอาหารหลักของโรงแรม


---

Steigenberger Frankfurter Hof – อาหารเช้ากลางตำนาน

โรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่าของแฟรงก์เฟิร์ตแห่งนี้ ไม่ได้โด่งดังแค่เพราะความหรูหรา แต่คือหนึ่งในโรงแรมเก่าแก่ที่เคยต้อนรับแขกระดับโลกมามากมาย ตั้งแต่พระราชวงศ์ยุโรปไปจนถึงนักการเมืองชื่อดัง นักเขียนชื่อก้อง และดาราฮอลลีวูด

ห้องอาหารเช้าชั้นล่างตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าแวววาว พื้นหินอ่อนขาวครีม เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้สไตล์คลาสสิก อาหารวางเรียงรายในบุฟเฟ่ต์แบบไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

ภัทรเดินไปตักไข่ลวกมา 6 ฟอง พร้อมเบคอน ผักโขม และครัวซองต์ “โอ๊ต! พีท! เอาไข่ลวกมาฝากพ่อกล้ามหน่อยสิ!” พี่ดาตะโกนจากอีกมุม

“เฮ้ย! เอามาอีกเหรอ” ภัทรหัวเราะ

“เมื่อคืนเสียพลังไปเยอะ วันนี้ต้องกินเสริมพลัง” โอ๊ตพูดพร้อมยกนิ้วให้ ทุกคนในกลุ่มหัวเราะเสียงดังกันครื้น

ดินสอแกล้งทำหน้าหงิก ตักโยเกิร์ตกับผลไม้เงียบ ๆ แต่หูแดง

“อ้าว ทำไมไม่กินไข่ล่ะมึง”

“จะกินปลา…”


---

เส้นทางสู่ไฮเดลเบิร์ก – เมืองเก่าริมแม่น้ำเนคคาร์

รถโค้ชค่อย ๆ เคลื่อนออกจากแฟรงก์เฟิร์ต มุ่งหน้าสู่เมืองโบราณที่ชื่อ “ไฮเดลเบิร์ก” (Heidelberg) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยแห่งแรก ๆ ของเยอรมนี และยังเป็นเมืองที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกซอกซอยยังเต็มไปด้วยมนตร์ขลังแบบยุโรปคลาสสิก

พี่โต ไกด์ประจำทริปที่เพิ่งขึ้นมานั่งข้างหน้าพร้อมไมค์ในมือ เริ่มเล่าอย่างออกรส

“เมืองไฮเดลเบิร์กนี่นะครับ เป็นที่ตั้งของ Heidelberg University มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1386 ตอนช่วงยุคกลางเลย — ที่สำคัญยังเป็นที่รวมปราชญ์ นักปรัชญา และนักเขียนยุคหลังสงครามมากมาย…”

ทุกคนในรถฟังเงียบ ๆ ขณะผ่านทุ่งเขียวขจี แม่น้ำเนคคาร์ทอดยาวขนานไปกับถนนสายเล็ก ๆ ดินสอกดกล้องถ่ายรูปมือถือเงียบ ๆ

ภัทรเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้เบา ๆ ใต้เบาะที่นั่ง


---

Heidelberg Castle – ความโรแมนติกของอดีต

เมื่อขึ้นมาถึงจุดชมวิวของ ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberger Schloss) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำ บรรยากาศเย็นลมพัดผ่านใบไม้ในสวนสไตล์เรอเนซองส์เบา ๆ ท้องฟ้าเมษายนใสและมีเมฆบางแต้มไว้บ้างอย่างมีศิลปะ

ซากหินสีแดงของกำแพงปราสาท บอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 700 ปี ทั้งเคยเป็นที่พำนักของเจ้าชาย Elector Palatine เคยถูกทำลายระหว่างสงคราม และถูกปล่อยให้เป็นซากบางส่วนเพื่อคงไว้ซึ่งความงามแบบ “โรแมนติก”

“สวย…” ดินสอพูดเบา ๆ

“มึงชอบเหรอ”

“ชอบ… มันเหมือนเวลาเราผิดพัง แต่ยังมีคนมองว่าเราสวยอยู่”

ภัทรเงียบ ไม่พูดอะไร แค่กระชับมือแน่นขึ้นอีกนิด

จากด้านบน ปราสาทสามารถมองลงไปเห็น “เมืองเก่า” ด้านล่าง และสะพานหินที่ทอดข้ามแม่น้ำเนคคาร์ในรูปโค้งมน — ทั้งหมดดูเหมือนหลุดมาจากหนังเทพนิยาย


---

[จบบทที่ 24]
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:26:12
ตอนที่ 25: แอบกลัวจะเป็นแค่ฉากหนึ่งในหนังรัก

กลางวันวันนั้น แดดเมืองไฮเดลเบิร์กอุ่นจัดจ้านพอดีเหมือนฉากเปิดของหนังรักฟิล์มยุโรปเก่า ดินสอกับภัทรเดินเคียงกันกลับลงมาจากปราสาท ข้างทางเต็มไปด้วยต้นเชอร์รี่เพิ่งผลิบาน ใบเขียวอ่อนสะท้อนแสงแดดระยิบระยับเหมือนกลีบหิมะที่สลายตัวไปบนยอดเขา

12:00 น. – มื้อเที่ยงที่ Wirtshaus zum Spreisel

ร้านอาหารไม้สไตล์บาวาเรียนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าปราสาท เป็นบ้านไม้สองชั้นสีอบอุ่น มีดอกเจอราเนียมสีแดงปลิวอยู่ริมหน้าต่าง บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นหมูย่างและเครื่องเทศจากครัวที่เปิดโล่ง เสียงหัวเราะจากนักท่องเที่ยวเยอรมันแท้ ๆ ดังแทรกเสียงเพลงพื้นเมืองเบา ๆ จากวิทยุเก่าในร้าน

คณะทัวร์นั่งล้อมวงกันตรงระเบียงไม้ วิวเบื้องหน้าคือเนินเขาสลับซับซ้อนกับแม่น้ำ Neckar คดเคี้ยวทอดผ่านกลางเมืองเก่า

“ภัทร มึงสั่งอะไร” ดินสอถามเสียงเบา ขณะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“สเต็กหมู...จะลองดูว่าของจริงเยอรมันมันเด็ดแค่ไหน” ภัทรตอบเสียงเรียบ แต่ในใจแอบมองคนตัวเล็กที่เปิดเมนูแล้วเงียบไปนิดหนึ่ง ดวงตาไล่ไปตามบรรทัด แต่จิตใจเหมือนไม่อยู่ตรงนั้น

ทุกคนเริ่มได้จานของตัวเอง:

สเต็กหมูเยอรมัน – ชิ้นใหญ่ทอดหนังกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมมันบดและกะหล่ำดอง

ซุปมันฝรั่ง – กลิ่นหอมกรุ่น เสิร์ฟมาในถ้วยเซรามิกสีเบจวินเทจ

Apple Strudel – ขนมหวานประจำแคว้นบาวาเรีย หอมอบเชย ราดซอสวานิลลาเยิ้ม ๆ


ภัทรเงียบไปช่วงหนึ่งก่อนจะหันมาพูดเบา ๆ “ดินสอ…เมื่อคืนกู...” แต่ดินสอก้มหน้ากินต่อ ไม่ตอบ

“กูไม่ได้จะบังคับมึงนะเว้ย” ภัทรพูดเร็วขึ้น “แค่อยากให้รู้ว่ากูรอได้นะ รอได้อีกเป็นชาติเลยด้วย ถ้ามึงยังไม่พร้อม”

ดินสอวางส้อมลงเงียบ ๆ “แล้วถ้ามึงรอแล้วกูยังไม่เคยพร้อมเลยล่ะ”

คำพูดนั้นเหมือนสะกิดอะไรในใจของภัทร เขานั่งนิ่ง ค่อย ๆ วางส้อมลงแล้วเงียบตาม

13:30 น. – เดินทางสู่ลูเซิร์น (Lucerne)

รถโค้ชออกจากไฮเดลเบิร์กพร้อมเสียงล้อบดเบียดไปกับถนนเรียบเงียบ ทิวทัศน์สองข้างทางค่อย ๆ เปลี่ยนจากเมืองเก่าเป็นทุ่งหญ้า ลำธาร แล้วก็เข้าสู่เขตป่าเขาแถบชายแดน

ภัทรแกล้งนั่งเบียดดินสอจนคนตัวเล็กเอนไปพิงหน้าต่าง แต่คราวนี้ดินสอไม่ว่าอะไร เงียบเฉย แค่กระซิบว่า “อย่าเบียด เดี๋ยวล้ม”

“มึงไม่ด่ากูเหรอ” ภัทรถามพลางยิ้มมุมปาก

“ขี้เกียจพูด” ดินสอพูดเรียบ ๆ แล้วหันหน้าออกไปมองวิว

ข้างในใจเขายิ่งกว่าสายหมอกในหุบเขา ตื่นกลัวว่าถ้าพลั้งใจเดินไปถึงจุดหนึ่ง แล้วอีกคนจะเปลี่ยนไป… ถ้าแค่ได้นอนด้วยกัน แล้วทุกอย่างจะจบแบบที่เคยเห็นในหนัง

17:30 น. – เช็คอิน Hotel des Balances, Lucerne

โรงแรมริมทะเลสาบลูเซิร์นหลังใหญ่สีครีมไข่มุกหลังคาแดง เป็นอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สไตล์ Neo-Renaissance ที่ได้รับการรีโนเวทใหม่หมดโดยยังคงกลิ่นอายเดิมไว้ทุกกระเบียดนิ้ว ล็อบบี้ปูด้วยหินอ่อนสีน้ำตาลทอง มีโคมระย้าคริสตัลห้อยย้อยลงมาจากเพดานทรงโค้ง

ห้องพักของภัทรกับดินสออยู่ชั้น 3 วิวจากระเบียงคือทะเลสาบลูเซิร์นสะท้อนภูเขา Rigi และ Pilatus หิมะขาวยังเกาะบนยอดเป็นทางยาว

“วิวดีเกินไปแล้ว” ดินสอพูดเบา ๆ ขณะเปิดม่าน

“แต่กูชอบวิวในห้องมากกว่า” ภัทรพูด ยิ้มกวน ๆ จ้องคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ในแสงเย็น

18:30 น. – เดินเล่น Chapel Bridge และริมทะเลสาบ

สะพานไม้โบราณ Chapel Bridge (Kapellbrücke) อายุเกิน 700 ปี ข้ามคลอง Reuss เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น หลังคาไม้เก่าและดอกไม้หลากสีประดับรายทางสะพาน ภาพวาดใต้หลังคาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์สวิตเซอร์แลนด์เป็นฉาก ๆ

ภัทรกับดินสอเดินเคียงกัน โดยมีเจ๊พลอยกับพี่แม็กซ์แซวตามหลัง “แฟนกันอย่าขี้เก๊กนักสิ”

“ใครแฟน” ดินสอหันขวับไปแต่ไม่หลุดยิ้ม

19:30 น. – ดินเนอร์ที่ Old Swiss House

ร้านอาหารหรูหราสไตล์ chalet ต้นศตวรรษที่ 20 ตัวบ้านไม้เก่าแก่อบอุ่น เปิดไฟส้มละมุน ภายในตกแต่งด้วยผ้าปูโต๊ะลายคลาสสิก ภาพวาดยุคเรอเนสซองส์ และโคมไฟทองเหลือง

อาหารค่ำนั้นหอมละมุน:

Fondue ชีสแบบดั้งเดิม – ละลายในหม้อทองเหลือง เสิร์ฟกับขนมปังสด

เนื้อวัวอบไวน์แดง – รสเข้มเคี่ยวหลายชั่วโมง

ไวน์ขาวจาก Ticino – กรุ่นกลิ่นดอกไม้และผลไม้เขตร้อน


ทุกคนในคณะทัวร์หัวเราะครืนเมื่อพี่แม็กซ์พูดว่า “คืนนี้ภัทรต้องบำรุงนะ เชียร์ให้สำเร็จซักที”
ดินสอก้มหน้ากินไวน์ คำพูดนั้นแทงใจยังไงก็ไม่รู้



เงียบในห้อง ขณะภัทรมองคนตัวเล็กหลับแล้ว

กล้ามอกของเขาสะท้อนแสงไฟจากระเบียง เขายืนเฉย ๆ ในห้องน้ำ พลางคิดในใจว่า…

“คืนนี้…จะพิชิต หรือจะหลับเหมือนเดิม?”

เขาไม่ได้รู้ว่า บางที คนตัวเล็กอาจจะไม่ได้กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิด แต่กลัวว่าสิ่งนั้นจะเป็นฉากสุดท้ายของเราในหนังเรื่องหนึ่ง…ก็แค่นั้นเอง.

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:28:10
ตอนที่ 26: เสียงโอ๊ยกลางหิมะ หัวใจลั่นกลางฟ้า

เสียง “โอ๊ย!” กลางดึกเมื่อคืนดังกังวานเกือบทั่วทั้งชั้นของโรงแรม Hotel des Balances ริมทะเลสาบลูเซิร์น ผู้ร่วมคณะบางคนสะดุ้งตื่น บ้างหัวเราะเบา ๆ พลางแชทลงไลน์กลุ่ม บอกว่า “คืนนี้คงปิดจ๊อบได้แล้วมั้ง…”

แต่ความจริงคือยัง

ภายในห้องพักหรูริมทะเลสาบที่ตกแต่งแบบสวิสคลาสสิกผสมกลิ่นอายเรอเนสซองส์ ดินสอในชุดคลุมสีขาวขดตัวอยู่ในห้องน้ำ หลังใช้หัวโขกภัทรที่กำลังจะ "พิชิต" อยู่ในจังหวะสุดท้าย ทั้งคู่เหลือแค่กางเกงใน... ภัทรยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองที่โดนโขก หัวเราะเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง “เกือบแล้วไอ้ภัทร…เกือบแล้ว…”

เช้าวันที่ 10 ของทริป… ลูเซิร์นตื่นขึ้นมาพร้อมอากาศหนาวเย็นในฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิอยู่ที่ราว ๆ 7°C กลิ่นหิมะจาง ๆ ลอยมากับลม ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน แสงแดดลอดผ่านม่านบางที่ปลิวไหวเบา ๆ ตามแรงลมจากหน้าต่างริมทะเลสาบ

เสียงนกนางนวลลูเซิร์นดังเป็นจังหวะเชิญชวนให้เริ่มเช้าวันใหม่…

ภัทรตื่นก่อน ขยับแขนอย่างระวังไม่ให้ปลุกดินสอที่ยังขดตัวนอนข้าง ๆ เขากดจูบเบา ๆ ที่กลุ่มผมของคนรักก่อนจะลุกขึ้นมาล้างหน้า แล้วแกล้งทำเสียงดังเป็นพิเศษ

“โอ๊ย… เมื่อคืนนี้…”

เสียงดินสอลุกพรวด “อย่าแม้แต่จะพูดนะมึง” พร้อมสายตาเขิน ๆ ที่ทั้งขู่ทั้งสั่น ภัทรหัวเราะเบา ๆ เดินไปหยิบเสื้อคลุมของโรงแรมมาสวมแล้วพาดไว้บนไหล่ดินสอ

ไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้าแบบสวิส

ที่ชั้นล่างของโรงแรม ห้องอาหารวิวทะเลสาบถูกเปิดม่านรับแสงเช้า กลิ่นขนมปังอบสดหอมลอยมาแต่ไกล

บนไลน์อาหารเช้าจัดเต็มแบบสวิสแท้:

ขนมปัง Zopf ถักเปียสีทองนวล เสิร์ฟคู่แยมแอปริคอต

ชีส Emmental และ Gruyère หั่นแผ่นบาง

ไข่ลวกสุกปานกลางในแก้วทรงยาว

โยเกิร์ตสดรสเนเชอรัลและราสป์เบอร์รี

แฮมและไส้กรอกสวิสแบบเนื้อแน่น รมควันเบา ๆ

ขนมปังโรเจินคลุกเนย

น้ำแอปเปิ้ลสกัดเย็นจากไร่องุ่น

กาแฟลาเต้และเอสเพรสโซ่เข้ม ๆ


เจ๊พลอยยกจานไข่ลวกเดินมาเสิร์ฟให้ภัทร 6 ฟอง “เมื่อคืนเสียพลังไปเยอะสินะลูก?”

คนทั้งโต๊ะพร้อมใจมองดินสอที่หูแดงจนถึงปลายคอ…

ล่องเรือทะเลสาบ Lucerne – ขึ้นสู่ยอด Rigi

08:30 น. คณะทัวร์ทั้งหมดขึ้นเรือจากท่าเรือในเมืองลูเซิร์น เรือขนาดกลางสีขาวลำนี้ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง แล่นผ่านทะเลสาบลูเซิร์นอันใสราวกระจก ทะเลสาบที่นี่ลึกที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ วิวสะท้อนของภูเขา Rigi และ Pilatus ที่ถูกหิมะปกคลุมบาง ๆ เป็นเหมือนภาพวาดน้ำมันเคลือบฟ้า

บรรยากาศบนเรือสงบ ผู้คนถ่ายรูป วิวเงียบแต่หัวใจไม่เงียบ…

ภัทรเดินมาแอบจับมือลูบดินสอเบา ๆ จากด้านหลัง เสียงคลื่นเบา ๆ คล้ายจะกล่อมความรู้สึกกลัวที่อยู่ลึก ๆ ในใจของดินสอให้คลี่คลาย

รถไฟฟันเฟืองสู่ Mount Rigi

จากท่า Vitznau คณะทัวร์ขึ้นรถไฟฟันเฟืองสายประวัติศาสตร์ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1871 รถไฟสีแดงค่อย ๆ ไต่ขึ้นตามไหล่เขา วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ไร่นา วัวสวิส และหิมะสีขาวกระจายตัวตามพื้นที่สูง

บนยอด Rigi Kulm ความสูงราว 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลมเย็นพัดแรง พื้นที่บางจุดยังมีหิมะหลงฤดู กองสุมตามพุ่มไม้

ภัทรยื่นมือไปจับมือดินสออีกครั้ง ครั้งนี้ ดินสอจับตอบ

“กูยังไม่พร้อม... แต่กูไม่เคยไม่อยากให้มึงอยู่ข้าง ๆ” ดินสอบอกเบา ๆ

“กูจะอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหน”

จบตอนที่ 26 ด้วยบรรยากาศบนเขาริกิ
เสียงกล้องถ่ายภาพดังแชะ ๆ ในหมอกหนาเบา ๆ ของหิมะที่ตกลงมาเป็นเกล็ดโปรยปรายเล็ก ๆ…

และเสียงภัทรในใจที่พูดเบา ๆ “อีกนิดเดียว… อีกนิดเดียวเท่านั้น…”

หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:29:39
เยี่ยมแวะวิมาน – ตอนที่ 27

“กูรู้สึกว่ามึงกลัว”

เสียงล้อรถไฟฟันเฟืองเสียดสีรางเหล็กดังสะท้อนก้องเหนือหุบเขา เสียงคล้ายจังหวะใจของคนสองคนที่ไม่เคยจูนกันได้พอดีสักที — หนึ่งคนเดินหน้าเสมอ หนึ่งคนถอยเสี้ยวหัวใจทุกครั้งที่ใกล้จะก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างคำว่า “รัก” และ “กลัว”

สายลมเย็นเฉียบของเช้าวันที่ 10 โชยเข้ามาจากบานหน้าต่างบนรถไฟสาย Cogwheel Train ที่ไต่ระดับลงจากยอดเขาริกิ (Rigi) ช้าๆ จากจุดสูงสุดของยอดเขา มองเห็นทิวเขาแอลป์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ผลิใบสีเขียวอ่อนแซมด้วยหิมะขาวบางราวฝัน ดวงอาทิตย์ไถลลอดม่านเมฆลงมาทาบไหล่

ภัทร นั่งพิงพนักเก้าอี้ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ สวมเสื้อโค้ทสีกรมท่า ท่ามกลางอุณหภูมิ 5 องศา

ดินสอ นั่งอยู่ข้างกัน แต่อ้อมไหล่แทบไม่แตะกันเลย แม้ขาของภัทรจะยื่นมาชนต้นขาเขาแผ่วๆ อยู่ก็ตาม

บรรยากาศเงียบ... เงียบเกินไปสำหรับสองคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ

“...มึงเงียบอีกแล้ว” ภัทรพูดเบาๆ เหมือนกลัวทำลายความนิ่งงดงามของธรรมชาติ

ดินสอไม่ตอบ ยังคงมองวิวเบื้องล่างของทะเลสาบลูเซิร์นที่เลื้อยอยู่ท่ามกลางไหล่เขา

“มึงกลัวอะไรอยู่ใช่ไหม?” ภัทรพูดเสียงแผ่ว แต่จริงจัง
“กูรู้สึกว่ามึงกลัว... มึงกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่”

ดินสอหันขวับ แต่ไม่ใช่เพราะตกใจ... เป็นการปฏิเสธด้วยสายตา และเขาก็หลบตาในทันที

“ไม่ใช่...กูไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น”

ภัทรถอนหายใจเบาๆ มองมือของตัวเองบนตัก

“มึงกลัวว่า ถ้าเรามีอะไรกันแล้ว กูจะเปลี่ยนไปใช่ไหม?”
“หรือมึงกลัวว่า ถ้ากูได้ในสิ่งที่กูหวัง... แล้วกูจะทิ้งมึงไป?”

ดินสอหันมามองทันที
สายตานั้น... เหมือนเจอความคิดของตัวเองถูกแฉกลางแดด

เงียบ
ภัทรไม่พูดซ้ำ
ดินสอไม่ตอบ
ต่างคนต่างนั่งฟังเสียงรถไฟเสียดเสี้ยวระหว่างความจริงและความกลัว


---

12:00 น. – Rigi Kulm Hotel Restaurant
ร้านอาหารกลางวันบนยอดเขา Rigi คือกระท่อมไม้แบบชาเลต์หลังน้อยที่อบอุ่นที่สุดในวันที่เย็นยะเยือก เมนูที่เสิร์ฟในวันนี้เป็น สตูว์ไก่กับมันบดชีส และ ช็อกโกแลตร้อน ที่ข้นหนืดหอมหวาน

ดินสอช้อนซุปขึ้นช้าๆ บนไอน้ำร้อนที่ลอยฟุ้ง เหมือนเผลอคิดไปถึงประโยคของภัทรบนรถไฟ

ภัทรจ้องเขาตลอดมื้อกลางวัน แต่ไม่พูดอะไรอีก
ทุกอย่างเหมือนสงบ... แต่สงบแบบที่ข้างในยังสั่นอยู่


---

13:30 น. – ลงรถไฟอีกสายสู่ Arth-Goldau / กลับ Lucerne

การเดินทางกลับเมืองลูเซิร์นผ่านเส้นทางฝั่งตรงข้ามของเขาริกิ สองคนไม่พูดกันเลย จนกระทั่งถึงโรงแรมช่วงบ่าย


---

15:30 น. – พักผ่อน + ช้อปของฝากในลูเซิร์น

ที่ถนนเก่าของลูเซิร์น ร้านขายของฝากมีทั้ง นาฬิกาสวิส, มีดพับ Victorinox, และ ช็อกโกแลต Lindt รุ่นลิมิเต็ด
โจแอบซื้อมีดพับมาฝากพ่อ
คุณเอิร์ธถามราคาช็อกโกแลตทุกแบบ
โอ๊ตกับพีทเถียงกันว่าจะซื้อนาฬิกาใครดี

เจ๊พลอยแซวดินสอ “วันนี้เดินเกาะแขนกันทั้งวันเลยนี่นา?”
ดินสออ้อมแอ้มปฏิเสธ
ภัทรแกล้งกระแอมใส่เสียงดัง
ทุกคนหัวเราะ


---

18:30 น. – ดินเนอร์: Restaurant Mill’Feuille (Modern Swiss Dining)

ร้านอาหารหรูริมแม่น้ำ Reuss ให้บรรยากาศสุดโมเดิร์น เสิร์ฟจานแบบ New Swiss

ปลาซัลมอนสดจากทะเลสาบ

ผักโขมอบชีสกรอบนอกนุ่มใน

ไวน์แดงเขต Graubünden ที่หอมกลิ่นเชอร์รี่เจือโอ๊ค


ระหว่างมื้อ ภัทรกับดินสอยังแทบไม่สบตา
แต่หลังจากดินสอจิบไวน์ไปสามอึก...

เขาเผลอพูดเบาๆ ว่า
“...มึงพูดถูกนะ กูอาจจะกลัวจริงๆ”
“แต่ไม่ใช่กลัวมึงทิ้ง กูกลัวว่า... กูจะไม่ดีพอสำหรับมึงมากกว่า”

ภัทรมองเขาอยู่นาน แล้วก็ยิ้ม...

“มึงรู้ไหม... ที่มึงกลัวน่ะ กูไม่กลัวเลย กูมั่นใจว่ามึงคือคนที่กูเลือกแล้ว”
“กูแค่อยากให้มึงรู้ว่า... กูจะไม่ไปไหน”


---

จบบทที่ 27


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:31:15
— ตอนที่ 28 —
“เราจะจากกันแบบดี ๆ ได้ไหม”

กลางคืนที่ลูเซิร์นไม่ได้เงียบเท่าไหร่ เพราะมีเสียงน้ำกระทบฝั่งของทะเลสาบ Vierwaldstättersee หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lake Lucerne ดังคลอเบา ๆ ตลอดแนวทางเดินริมตลิ่งใกล้กับร้าน Mill’Feuille ซึ่งเป็นจุดยอดฮิตของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่อยากเดินย่อยหลังมื้อค่ำ หรือไม่ก็แค่มานั่งดูดาว สะท้อนเงาน้ำระยิบบนผืนน้ำสีหม่นของคืนฤดูใบไม้ผลิ

ทะเลสาบนี้ไม่ได้เป็นแค่แหล่งน้ำ หากแต่เป็นหัวใจของเมืองและประวัติศาสตร์ชาติสวิส… ว่ากันว่าบริเวณนี้เองเป็นจุดที่ William Tell วีรบุรุษของชาวสวิส เคยลอบสังหารขุนนางออสเตรียเพื่อจุดชนวนการเรียกร้องเอกราชของประเทศ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในแบบที่เราเห็นทุกวันนี้

สองเงาเดินเคียงกันช้า ๆ ระหว่างแสงไฟริมฝั่งและเสียงหัวใจที่เงียบเกินกว่าจะพูดออกมา ดินสอไม่ได้จับมือภัทร แต่ภัทรก็ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กอยู่ไกลเกินแขน

“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากทริปนี้… เราอาจเลิกกัน”

เสียงนั้นดังจากดินสอ ท่ามกลางแสงไฟและอากาศที่เย็นแค่พอให้หายใจออกมาเป็นไอจาง ๆ

ภัทรหยุดเดิน หันไปสบตากับดินสอ คนตัวเล็กหลบตา มือกำชายเสื้อกันหนาวแน่น

“เรารู้จักกันมา 20 ปี เป็นแฟนกัน 10 ปี เราคบกันมานานแล้วนะ…”
“แต่เรายังไปไม่ถึงไหนกันเลย”

ภัทรขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะไม่เข้าใจ

“แล้วไงล่ะ กูมีเวลาให้มึงทั้งชีวิต” เขาว่าเรียบ ๆ

“ตีกันทุกวันเนี่ยนะ…”

เงียบ

เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินเรียงริมทะเลสาบดังกว่าที่ควรจะเป็น

“กูไม่อยากให้เราจากกันแบบไม่ดี” ดินสอพูดต่อ สุดท้าย

ภัทรไม่ตอบ แค่ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนเดินนำไปอย่างเงียบ ๆ

ดินสอเงยหน้าขึ้นมองฟ้า บอกตัวเองในใจว่า... ถ้าไม่อยากเสียเขา ก็ต้องเริ่มจากตัวเองก่อน


โรงแรม: Hotel des Balances

โรงแรมระดับห้าดาวริมทะเลสาบแห่งนี้ คืออดีตคฤหาสน์ของพ่อค้าในศตวรรษที่ 12 ดัดแปลงให้กลายเป็นโรงแรมหรูตั้งแต่ปี 1800 และได้รับการบูรณะอย่างประณีตจนปัจจุบันกลายเป็นไอคอนแห่งเมืองลูเซิร์น ห้องที่ทั้งคู่พักหันหน้าออกทะเลสาบโดยตรง วิวหน้าต่างพาเห็นยอดเขา Pilatus ที่อยู่ไกล ๆ กับแสงไฟที่สะท้อนผิวน้ำคล้ายระยิบระยับของอัญมณีในตู้โชว์

คืนนี้ไม่มีเสียง "โอ๊ย!" เหมือนคืนก่อนหน้า
ไม่มีเสียงโต้เถียง
มีแค่ความเงียบ… กับความคิดในใจของแต่ละคนที่ดังเท่านั้น


เช้าวันที่ 11

อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส พระอาทิตย์ยิ้มบางเบาผ่านม่านบางริมหน้าต่าง เสียงแม่น้ำ Reuss ยังไหลเรื่อยราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยน

โจกับเจนตื่นสาย เป็นเรื่องปกติของฝาแฝดในทริปนี้ ไม่มีใครว่าอะไร เพราะทัวร์นี้ไม่เร่ง ทุกคนเริ่มผูกพันจนกลายเป็นครอบครัวชั่วคราว

ไลน์อาหารเช้าแบบสวิสของโรงแรม

ขนมปังสวิสสดใหม่ (Zopf, Bürli)

ชีส Emmental และ Gruyère

มันฝรั่ง Rösti แบบกรอบนอกนุ่มใน

เบคอนสวิสและไข่ลวก

แยมผลไม้โฮมเมด

นมสดจากฟาร์ม

น้ำผลไม้สด ส้ม แอปเปิล ลูกแพร์

ช็อกโกแลตร้อน Lindt แบบพรีเมียม


คุณเอิร์ธกับคุณต่ายกำลังจดบันทึกรายละเอียดของชีสทั้งสามแบบลงในแอปรสชาติ
เจ๊พลอยถ่ายรูปฟองนมในช็อกโกแลตร้อนว่าเหมือนรูปหมี
พี่แม็กซ์เอา Röst มาทำแซนวิชกับแฮม ใครก็ไม่รู้แอบถ่ายไปลงในไลน์กลุ่มทัวร์

บรรยากาศเฮฮาตามสไตล์คณะทัวร์ที่รักกันมากเกินจะเป็นแค่ผู้ร่วมเดินทาง


เดินทางสู่ Lugano

ถนนเส้นระหว่าง Lucerne ไปยังเมืองลูกาโนในรัฐทิชีโน เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ได้รับการยอมรับว่าสวยงามที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตลอดสองข้างทางคือภาพของเนินเขาเขียวเข้ม แซมด้วยบ้านไม้แบบชาเลต์ และโบสถ์เล็ก ๆ บนไหล่เขา มีแม่น้ำหลายสายไหลเลาะคู่ทางและรถไฟเส้น Gotthard Express วิ่งสวนอยู่เป็นระยะ

บรรยากาศบนรถโค้ชอบอุ่น เสียงพี่โตเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ

และภัทร… เงียบผิดปกติ

ดินสอแอบมอง เห็นภัทรเปิดโทรศัพท์ แล้วพิมพ์อะไรบางอย่างก่อนจะลบ

เขาจะงอนอีกนานแค่ไหนนะ
...หรือจริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่งอน

[จบบทที่ 28]

หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:33:15
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 29 — เก้าอี้ของเรา

ลมเช้าของลูกาโนแผ่วผ่านริมทะเลสาบอย่างแผ่วเบา ใบไม้ต้นเก่าแก่ริมทางสั่นไหวเหมือนกำลังชูมือทักทายสายตะวันแรกของวันใหม่ เสียงฝีเท้าเบา ๆ บนพื้นไม้หินกรวดกรังดังสม่ำเสมออย่างเงียบงัน ก่อนจะหยุดลงตรงม้านั่งตัวยาวที่วางหันหน้าไปหาทะเลสาบ

ภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างยกแก้วกาแฟ takeaway ร้อน ๆ ขึ้นจิบอย่างเงียบ ๆ ดินสอยืนห่างออกไปเล็กน้อย เงียบกว่าภัทรเสียอีก จนกระทั่งในที่สุด... เขาก็พูด

"ถ้าเรานั่งเก้าอี้หันหลังชนกัน..."
เสียงนุ่มของดินสอค่อย ๆ ลอยมาตามลม
"…วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเปลี่ยนให้คนสองคนหันเก้าอี้เข้าหากันได้ คือต้องเริ่มที่เราหันเก้าอี้เราเข้าหาเค้าก่อน"

ภัทรหันไปมอง ไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาคู่นั้นแอบสะท้อนความอ่อนโยนที่ปนกับความดีใจแบบที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

"กูอาจจะไม่เก่งเรื่องความสัมพันธ์" ดินสอพูดต่อ สายตายังคงจ้องไปที่ผิวน้ำ
"แต่กูรู้ว่าตั้งแต่ ป.1 มึงไม่เคยทิ้งกูไปไหนเลย"

ภัทรเงียบอยู่อีกพัก ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัว
"กูก็ไม่อยากไปไหนไกลมึงหรอก… กูมันขี้หึงไง"

"รู้แล้ว กูเลยหันเก้าอี้อยู่เนี่ย"
ดินสอยิ้มนิด ๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้าง ๆ

...

11:45 น. | Grotto della Salute – ลูกาโน

คณะทัวร์ทยอยเดินเข้าสู่ร้านอาหารท้องถิ่นที่ถูกซ่อนตัวอยู่ในตรอกสงบ Grotto della Salute คือร้านอาหารพื้นเมืองอิตาเลียน-ทิซิโน่ในบรรยากาศชนบทโบราณ ผนังอิฐสีน้ำตาลเข้ม ประตูไม้ขัดมันเปิดต้อนรับอย่างอบอุ่น

เมนูวันนี้คืออาหารท้องถิ่นที่รวมกลิ่นอายของเทือกเขาแอลป์กับเสน่ห์แบบอิตาเลียน
– Polenta กับเนื้อสตูว์ไวน์แดง (Brasato al Merlot)
– Risotto เห็ด porcini สด
– ชีสท้องถิ่นสามชนิดกับขนมปัง rustic
– ของหวานเป็น Torta di Pane เค้กขนมปังรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมซอสครีมวนิลาอุ่น ๆ

"กูว่ามึงน่าจะชอบ Torta di Pane นะ มันไม่ได้หวานมาก" ภัทรพูดเบา ๆ ขณะช่วยวางผ้าเช็ดปากให้ดินสอ

"กูรู้... มึงก็จะกินหมดอีกแหละ" ดินสอบ่นแต่ยิ้มมุมปาก สบตาอีกฝ่ายแค่เสี้ยววินาที ก่อนรีบหันไปดูหน้าต่าง

พี่โตพูดขัดจังหวะกลางวง
"โอ๊ยยย นั่งเก้าอี้หันหน้ากันละเนอะ คู่เนี้ย"
เสียงเฮฮาจากลุงก้อง ป้าอุ๊ คุณเอิร์ธคุณต่ายตามมาแทบจะทันที
"ระวังหันแล้วจะกอดกันลืมกินข้าวนะลูก!"

...

14:30 น. | อำลาลูกาโน สู่อิตาลี

ถนนสายเล็กเลียบทะเลสาบพาเข้าสู่ทางหลวง E35 ที่ตัดผ่านหุบเขา สีเขียวของแมกไม้สองข้างทางถูกแทนที่ด้วยผาหินและอุโมงค์ เสียงพี่โตเล่าประวัติเมืองมิลานอย่างออกรส

"มิลานเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตกช่วงศตวรรษที่ 4 และยังเป็นเมืองแห่งแฟชั่นอันดับต้น ๆ ของโลก..."
เขาพูดพร้อมเปิดภาพโชว์ Duomo di Milano และ Galleria Vittorio Emanuele II ขึ้นหน้าจอบนรถ

...

16:45 น. | Park Hyatt Milan – ที่พักสุดหรูในมิลาน

โรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรูหราอยู่ติด Galleria Vittorio Emanuele II ตัวโรงแรมผสมผสานระหว่างความคลาสสิกอิตาเลียนกับความหรูหราทันสมัย ห้องพักของภัทรและดินสออยู่ชั้นบน วิวมองลงมาเห็นโดมกระจกกลางแกลเลอรี่

"เตียงคิงส์ไซด์อีกละ…" ดินสอมองแล้วพูดเบา ๆ

ภัทรวางกระเป๋า หันมายิ้มกะล่อน
"อย่าหันเก้าอี้หนีกันละกันคืนนี้"

"อย่ามานะ"
"มึงเอาหมอนมากั้นดิ"

"หมอนเหรอ… เดี๋ยวคืนนี้กูกอดหมอนแทนก็ได้"
เสียงภัทรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดินสอปรายตามอง แกล้งผลักอกอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะเดินไปเปิดม่าน

...

ภายนอก แสงเย็นของมิลานอาบทาเส้นขอบอาคารด้วยสีทองอ่อน ๆ เสียงฝีเท้าของผู้คนเบาบางลงเมื่อถึงเย็นวันใหม่
และในห้องนั้น เก้าอี้สองตัวที่เคยหันหลังชนกัน… กำลังเริ่มหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:34:32
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 30 — คืนของเรา

วิวโดมกระจกกลางแกลเลอเรียเบื้องล่างสะท้อนเงาแสงอาทิตย์บ่ายคล้อยลอดผ่านม่านโปร่งห้องพักของ Park Hyatt Milan โรงแรมระดับห้าดาวที่เคยต้อนรับแขกคนดังนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ Madonna, George Clooney จนถึงนักการเมืองระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความหรูหราสไตล์อิตาเลียนดั้งเดิมกับความทันสมัย ห้องพักของภัทรและดินสอตกแต่งด้วยโทนสีขาวเบจ พื้นไม้โอ๊คขัดมัน และห้องน้ำหินอ่อน Carrara สไตล์มิลานเนสสุดเนี้ยบ

"ข้างล่างเหมือนรันเวย์เลยอะ…" ดินสอพูด ขณะมองลงไปยัง Galleria Vittorio Emanuele II ผ่านหน้าต่างบานใหญ่
“กูอยากใส่สูทแล้วเดินช้า ๆ ถ่ายคลิปเล่น”

“กูว่ามึงใส่ชุดไหนก็เท่…”
“แต่ตอนนี้ ขอแค่ใส่เสื้อก่อนก็พอ” ภัทรตอบทั้งที่ตัวเองยังไม่ยอมใส่เสื้อเช่นกัน
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของทั้งคู่แทรกความเงียบของบ่ายวันนั้น

...

16:10 น. | Duomo di Milano และ Galleria Vittorio Emanuele II

บันไดหินอ่อนที่ทอดขึ้นสู่ยอดวิหาร สะท้อนแสงอาทิตย์สีทองส้ม มหาวิหารดูโอโมแห่งมิลาน (Duomo di Milano) คือหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 600 ปี ตั้งแต่ปี 1386 จนแล้วเสร็จในศตวรรษที่ 20
ตัววิหารทำจากหินอ่อน Candoglia สีขาวอมชมพู ประดับด้วยยอดแหลมกว่า 3,400 ยอด และรูปปั้นพระแม่มารีสีทองด้านบนสุดที่ชื่อว่า Madonnina ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

ดินสอแหงนหน้ามองยอดวิหาร
“เหมือนมันจะสูงจนน่ากลัว แต่ก็สวยจนละสายตาไม่ได้”

“เหมือนมึงเป๊ะ…”
เสียงภัทรกระซิบแผ่วเบา ดินสอรีบเบนสายตาไปที่พื้น แต่หูแดงไปแล้วเรียบร้อย

เดินไม่ไกลจากมหาวิหารคือ Galleria Vittorio Emanuele II ห้างเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี สร้างในช่วงปี 1865–1877 โครงสร้างโดมกระจกและเหล็กหล่อกลางห้างสะท้อนแสงไฟหรูหราราวฉากแฟชั่นโชว์
"คนที่หมุนส้นเท้าบนบอลของวัวกระทิงบนพื้นโมเสกตรงกลาง จะโชคดีตลอดปี" ไกด์บอกพร้อมหัวเราะ
ดินสอมองพื้นแล้วพูดเบา ๆ
“ถ้าหมุนบนหลังมึง กูจะโชคดีไปทั้งชาติเลยมั้ยวะ…”

ภัทรกลั้นยิ้มไม่อยู่ “คืนนี้จะให้ลองก็ได้นะ”
ทั้งคู่หัวเราะแบบเก็บเสียง แต่สายตาเริ่มมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

...

19:00 น. | Ristorante Cracco — Fine Dining ระดับตำนาน

ภายในร้านหรู Ristorante Cracco ที่อยู่ใกล้ ๆ แกลเลอเรีย เสียงเปียโนแผ่วเบาเคล้าไปกับกลิ่นหอมของ Truffle และไวน์อิตาเลียนชั้นดี Chef Carlo Cracco คือหนึ่งในเชฟชื่อดังที่สุดของอิตาลี และเคยเป็นกรรมการรายการ MasterChef Italy

อาหารค่ำค่ำนี้คือ Tasting Menu แบบ 6 คอร์ส พร้อม ไวน์จากแคว้น Piemonte ซึ่งมีรสเข้มลึกแต่กลมกล่อม

– คอร์สที่ 1: Crudo di Mare – ปลาทูน่ากับซอสซิตรัส
– คอร์สที่ 2: Risotto allo Zafferano con Osso Buco
– คอร์สที่ 3: ปลาหิมะซอสเนยขาวกับ asparagus
– คอร์สที่ 4: Lamb loin ย่างกับซอสโรสแมรี่และเบบี้แครอท
– คอร์สที่ 5: ชีสจากแคว้น Piemonte
– คอร์สสุดท้าย: Cioccolato Fondente กับเจลลาโต้ส้ม

“ไวน์นี่ดีจริง ๆ …มึงรู้มั้ยว่าตอนแรกกูกลัวว่าคืนนี้จะอึดอัด” ดินสอพูด

“แล้วตอนนี้ล่ะ?”

“…มันเหมือนกูหายใจได้เต็มปอดอีกที มึงก็เหมือนไวน์นั่นแหละ… เข้มข้นแต่แม่งอบอุ่นฉิบหาย”
ภัทรไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ยื่นมือมาแตะหลังมือดินสอบนโต๊ะอาหาร แล้วบีบแน่นเบา ๆ

...

21:15 น. | Rooftop Bar – วิวดูโอโมกลางคืน

เสียงแก้วไวน์กระทบกันเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟอบอุ่น
Duomo ที่เบื้องหน้าเปล่งประกายด้วยแสงไฟสีทองจากทุกทิศ มองจาก rooftop ของโรงแรม Cracco บรรยากาศเหมือนภาพฝัน

"ถ้ามีคืนไหนที่มึงจะปล่อยตัว… แล้วไม่ต้องกลัวอะไรเลย…" ภัทรพูด
"คืนนี้อาจเป็นคืนนั้น"

ดินสอไม่ตอบ แต่สายตาที่มองภัทร… มันชัดกว่าอะไรทั้งหมด

...

23:00 น. | ห้องพัก – Park Hyatt Milan

ม่านขาวโปร่งพลิ้วตามลมเบา ๆ
กลิ่นไวน์ยังอวลในลมหายใจ
เงาร่างสองร่างแนบชิดกันอยู่บนเตียงใหญ่ เตียงเดียวที่พวกเขานอนร่วมกันมาหลายคืน
แต่คืนนี้… ไม่มีหมอนมากั้น
ไม่มีเสียงทะเลาะ
ไม่มีคำว่า “อย่ามานะ”
มีแค่เสียงลมหายใจที่ประสานกัน และมืออุ่น ๆ ที่ค่อย ๆ ประคองอีกฝ่ายไว้ด้วยความอ่อนโยน

“กูไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อน…”
เสียงดินสอแผ่วเบา
“…แต่มึงคือคนที่กูอยากมีครั้งแรกด้วยจริง ๆ”

...

และในคืนนั้น…
เก้าอี้สองตัวไม่ได้แค่หันหน้าเข้าหากัน
แต่ได้วางชิดจนกลายเป็นเก้าอี้ตัวเดียวกันไปแล้ว


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:35:49
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 31 — เมืองน้ำ และสายตาเขิน ๆ ของมึง

เสียงนาฬิกาข้างเตียงดังเบา ๆ ตามการตั้งปลุกในระบบของห้องพัก
06:15 น. — แสงยามเช้าเล็ดลอดผ่านม่านโปร่งในห้อง Park Hyatt Milan อากาศเย็นนิด ๆ อย่างน่าประหลาดสำหรับเช้าวันใหม่ในมิลาน

ภัทรตื่นก่อนตามเคย… แต่วันนี้ต่างออกไป
เพราะคนตัวเล็กข้าง ๆ ไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือแตะแก้มของดินสอที่แดงเรื่ออย่างผิดปกติ

“ดินสอ… ตัวร้อนนี่หว่า” เสียงกระซิบเบา ๆ เคล้าไปกับลมหายใจเป็นห่วง
เขาหยิบผ้าขนหนูเล็กในห้องน้ำ ชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาด ก่อนจะมาแตะหน้าผากอีกฝ่ายอย่างเบาที่สุด

ดินสอลืมตาช้า ๆ เสียงแหบ ๆ กว่าปกติ
“กูไม่เป็นไร…”

“เมื่อคืน…แรงไปเหรอวะ กูขอโทษนะ”
ภัทรพูดเสียงเบาแฝงความรู้สึกผิด จนดินสอหันหน้าหนีไปอีกทาง
“…กูไม่ได้โกรธนะ” ดินสอบอก

“งั้นมึงเขินเหรอ?”
“เปล่า”
“งอนเหรอ?”
“เปล่า”
“…กูไม่รู้ กูเลือกงอนละกัน ง่ายดี”

ภัทรหัวเราะนิด ๆ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะดัง เพราะคนตรงหน้ายังไม่สบาย
“งั้นขอกูง้อ ด้วยไลน์อาหารเช้าอิตาลีระดับโลกเลยนะมึง”

...

07:00 น. | อาหารเช้า – Park Hyatt Milan

ห้องอาหารเช้าของโรงแรมหรูหราตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวและแสงแดดธรรมชาติที่กรองผ่านกระจกโค้งเหนือศีรษะ
ไลน์อาหารเช้าแบบอิตาเลียนแท้ๆ ถูกจัดอย่างประณีต

– Cornetto (ครัวซองต์สไตล์อิตาเลียน) ไส้แยมบ๊วย-อัลมอนด์
– Cappuccino / Espresso เสิร์ฟแบบดั้งเดิม
– Frittata ไข่เจียวอิตาเลียนใส่ชีสกับแฮม
– Ricotta cheese กับน้ำผึ้งแท้
– Panettone ชิ้นเล็ก ๆ หอมหวานแบบมิลาน
– ผลไม้สดสไตล์ยุโรป และ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

ภัทรเลือกของทุกอย่างมาใส่จานเล็ก ๆ แล้วเดินมาวางบนโต๊ะของดินสอ พร้อมวางแก้วชาร้อนข้าง ๆ
“ชาอุ่นๆ กับขนมหวาน มึงต้องกินนะ มันเบากระเพาะ ไม่ต้องฝืนเยอะ”

ดินสอพยักหน้าเบา ๆ แต่ยังหลบตาอยู่
จนในที่สุดภัทรต้องยื่นหน้ามาใกล้
“ถ้ามึงยังไม่ยิ้ม กูจะทำหน้าน่ารักใส่จนมึงขำให้ได้เลยนะเว้ย”
“อย่า! หน้ามึงไม่เหมาะกับคำนั้นเลย”
เสียงหัวเราะหลุดออกจากดินสอในที่สุด… เบา ๆ แต่มีจริง

...

08:00 น. | สถานีรถไฟ Milano Centrale

รถไฟความเร็วสูง Frecciarossa สีแดงสด จอดเทียบท่ารับผู้โดยสารอย่างสง่างาม สถานีขนาดใหญ่กลางเมืองมิลานเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
คณะทัวร์ทยอยขึ้นรถไฟช่องที่ 6 โดยพี่โตจัดโซนที่นั่ง First Class สำหรับทุกคน

ที่นั่งคู่ของภัทรกับดินสออยู่ริมหน้าต่าง ดินสอห่มผ้าแล็ปเบา ๆ พร้อมหมอนรองคอสีครีมจากโรงแรม
“จะนอนก็ได้ เดี๋ยวกูปลุก” ภัทรพูดข้างหู

“กูไม่อยากนอนหรอก…” ดินสอตอบ
“วิวข้างทางสวยจะตาย”

รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากมิลาน มุ่งหน้าสู่เมืองเวนิส

...

10:30 น. | ท่าเรือ Santa Lucia – ล่อง Vaporetto เข้าสู่เกาะเวนิส

เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ กลิ่นไอเค็มปนกลิ่นละอองน้ำ
เรือ Vaporetto ลำสีขาวครีมเคลื่อนตัวไปตามคลองใหญ่ Grand Canal ของเวนิส

ตึกรามบ้านช่องสีพาสเทลที่เรียงรายอยู่สองฝั่งผุดขึ้นจากผิวน้ำเหมือนฉากในฝัน
สะพานโค้งเล็ก ๆ กับหน้าต่างไม้บานคู่เปิดรับลมทะเล
ภัทรโอบไหล่ดินสอไว้เบา ๆ ดินสอไม่พูดอะไร แต่พิงลงมากับอกเขาเต็มแรง

“เมืองนี้เหมาะกับการรักกันนะ…” ภัทรพูดเบา ๆ ข้างหู
“มึงว่าปะ?”

ดินสอเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาที่ยังมีไข้ แต่แววตามีแววอ่อนโยน
“ถ้ากูยังงอนอยู่ มึงจะยังรักกูมั้ยวะ”

“มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ…”

...

และในขณะที่เรือล่องเข้าสู่หัวใจของเวนิส เสียงน้ำกระทบไม้สะท้อนกับหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
เมืองน้ำ… กับคนที่เผลอใจให้กันไปตั้งแต่ก่อนล่องเรือเสียอีก


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 23 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 06-04-2025 20:37:37
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 32 — เวนิสไม่ได้เบาเลย และใจมึงก็ไม่เบาเหมือนกัน

เสียงลมทะเลอ่อน ๆ กับแสงแดดอุ่นเบาแห่งเวนิสต้อนรับผู้มาเยือนบนท่า Vaporetto
มือของภัทรจับมือดินสอไว้แน่นตลอดทาง ไม่ใช่เพราะกลัวคนแย่ง… แต่กลัวคนตัวเล็กล้มไปมากกว่า

“มึงเดินช้า ๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ” ภัทรพูดเบา ๆ ขณะประคองกระเป๋าสะพายของดินสอ
“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก…”
“แล้วทำไมแก้มแดงกว่าพระอาทิตย์กลางทะเลอีกล่ะ” ภัทรถามแบบจริงจังปนห่วง

ข้าง ๆ มีคนแอบมองด้วยสายตากังวล...
โจ – หนุ่มมาดดีในคณะทัวร์ที่เคยแอบมีใจให้ดินสอแบบไม่ออกนอกหน้า
เขาเดินเข้ามาใกล้
“ดินสอ โอเคปะ?” เขาถาม
“หน้าแดงจัง เดี๋ยวขอแตะตัวดูได้ไหม?”

ดินสอยังไม่ทันตอบ โจก็ยกมือแตะแขนดินสอเบา ๆ อย่างเผลอ
“ตัวร้อนแฮะ เหมือนไข้เลย”

“พอเลย”
เสียงภัทรดังขึ้นชัดเจน น้ำเสียงราบแต่แข็ง
มืออีกข้างคว้าคอเสื้อดินสอเข้ามาใกล้ตัว
“ไม่ต้องแตะ เดี๋ยวกูดูแลเอง”

โจผงะไปเล็กน้อย เจนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบกระซิบเบา ๆ
“โจ… พอแล้วนะ ตัดใจเหอะ”
“ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ…” โจตอบ
“…แค่เผลอ”

...

11:30 น. | เช็คอิน – Baglioni Hotel Luna

โรงแรมหรูริม Grand Canal ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในเวนิส และเคยเป็นสถานที่พักของนักเดินทางยุคศตวรรษที่ 12
Baglioni Hotel Luna โดดเด่นด้วยเพดานเฟรสโกวาดด้วยมือโดยศิลปินสมัยบาโรก วิวจากห้องพักของภัทรและดินสอมองเห็นคลองใหญ่ทอดยาวเป็นเส้นสายระยิบระยับใต้แสงแดด

“โรงแรมสวยฉิบหาย…” ดินสอพูดเบา ๆ ขณะนั่งลงบนโซฟาหน้าต่าง
“เหมือนมึงตอนมองพระอาทิตย์ตกเมื่อวานอะ” ภัทรตอบทันทีโดยไม่เว้นจังหวะ
ดินสอมองแรง แต่หน้าแดงอีกแล้ว

“ไข้ขึ้นอีกแน่เลย”
“มึงอ่ะ… พูดจนคนป่วยเหนื่อย”
“เดี๋ยวให้กูเช็ดตัวก็หายแล้ว”

“มึงใจเย็นนะ…”

...

12:30 น. | มื้อกลางวัน – Ristorante Lineadombra

ร้านอาหารริมคลองสุดโมเดิร์น ที่ตั้งอยู่บนแพลอยน้ำกลางเวนิส ตกแต่งด้วยโครงเหล็กกับกระจกโค้ง บรรยากาศริม Grand Canal ที่คลื่นเบา ๆ กระทบฝั่ง ทำให้ทุกจานอาหารเหมือนมีลมทะเลรสละมุนเคล้า

เมนูวันนี้:
– ราเมนปลาหมึกดำ (Squid Ink Ramen) เส้นนุ่มละลายในปาก
– ทาร์ทาร์ทูน่า กับซอส balsamic
– Prosecco ไวน์อิตาเลียนแบบ sparkling ที่หอมสดชื่น

“ตกลงนี่อาหารญี่ปุ่นหรืออิตาเลียนกันแน่”
เสียงป้าอุ๊ดังขึ้นในวงโต๊ะพร้อมหัวเราะ
“แต่เอ๊ะ… หรือเมนูเมื่อคืนมันหนักไปจนวันนี้ต้องกินเบา ๆ กันหมด?”

เสียงหัวเราะกระจายจากโต๊ะฝั่งแก๊ง 500 ชาติ
คุณเอิร์ธเสริมว่า
“เมื่อคืนใครได้กินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าเนี่ย ทำไมวันนี้ป่วย”
ภัทรกับดินสอไม่ตอบอะไร… แต่ดินสอเงียบกว่าปกติ และภัทรก็เฝ้าดูเขาเป็นพิเศษตลอดเวลา
แม้แต่ตอนที่เสิร์ฟ Prosecco เขายังเอื้อมมือไปหยิบแก้วจากหน้าดินสอ
“มึงกินไม่ได้ เดี๋ยวยาไม่ออกฤทธิ์”

...

14:00 น. | เดินชมจัตุรัสเซนต์มาร์ค – มหาวิหาร – สะพานถอนหายใจ

กลุ่มนักท่องเที่ยวแน่นขนัดใน Piazza San Marco หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ค ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ห้องนั่งเล่นของยุโรป” ด้วยขนาดที่กว้างขวางและความงดงามของสถาปัตยกรรมโดยรอบ

ดินสอเดินช้า ๆ พร้อมหมวกปีกกว้างที่ภัทรเอามาคลุมให้
“แดดแรง เดี๋ยวมึงจะร้อนขึ้นอีก”

มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Basilica) ด้านหน้าตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกทองคำและโดมหลายลูกตามแบบไบแซนไทน์ หรูหราและอลังการในทุกมุม
พี่โตเล่าว่า “แต่ก่อนนี่แหละ เป็นที่เก็บร่างของนักบุญมาร์ค ที่ถูกลักลอบนำมาจากอียิปต์เมื่อพันกว่าปีก่อน”

เดินต่อมาจนถึง สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs)
พี่โตชี้ให้ดูช่องหน้าต่างหินเล็ก ๆ
“นักโทษสมัยก่อนจะถูกพาเดินข้ามสะพานนี้จากศาลไปยังคุก แล้วมองออกมานอกหน้าต่างเป็นครั้งสุดท้าย... จากนั้นก็ถอนหายใจ…”

“แต่กูถอนหายใจทุกครั้งที่มึงไม่สบายอะดินสอ”
ภัทรกระซิบเบา ๆ ข้างหู
“เพราะกูแม่งเป็นห่วงจนหายใจไม่ทั่วท้อง”

ดินสอหลุดยิ้มนิดนึง — เขินก็เขิน หายงอนก็หายงอน แต่ไม่ยอมพูดอะไร

...

16:30 น. | ล่องเรือกอนโดลา

เสียงน้ำเบา ๆ กระทบหัวไม้ของเรือ Gondola ที่ลอยผ่านคูคลองแคบ ๆ ของเวนิส แสงแดดเย็นอ่อน ๆ สะท้อนหน้าต่างของบ้านเรือนโบราณ

ภัทรนั่งข้างดินสออีกครั้ง มือจับไว้เบา ๆ ไม่ให้เย็น
“ตอนลอยเรือ มันเหมือนลอยอยู่ในใจมึงเลยอะ”
“ใจมึงโคตรสวยเลย”

ดินสอหันมามองนิ่ง ๆ
“…แต่โคตรวุ่นวายด้วยใช่มั้ย”

“แต่กูก็อยากลอยอยู่ในนั้นทั้งชีวิต”

...

และเวนิสก็ล่องผ่านไปช้า ๆ เหมือนหัวใจของคนสองคนที่กำลังพากันล่องผ่านความลังเล และมุ่งสู่ความชัดเจน... ที่ไม่ต้องถอนหายใจอีกต่อไป


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 18:15:11
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 33 — มึงจะไม่ทิ้งกูใช่มั้ย

เสียงไม้พายของกอนโดลิเย่ร์ค่อย ๆ ตัดผ่านผืนน้ำของคลองเวนิสอย่างแผ่วเบา เรือกอนโดลาโคลงเบา ๆ ตามจังหวะที่น้ำไหล สะท้อนแสงเย็นสีทองอมชมพูของยามเย็นที่กำลังเคลื่อนสู่กลางคืน

เรือกอนโดลา (Gondola) คือเรือแบบดั้งเดิมของเวนิส ใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มีความยาวเฉลี่ย 11 เมตร แต่กว้างเพียง 1.4 เมตร ตัวเรือถูกออกแบบให้เอียงเล็กน้อยทางซ้ายเพื่อให้สมดุลกับการพายด้านเดียวของกอนโดลิเย่ร์
สีดำของเรือไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกฎหมายของเมืองที่ออกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เพื่อควบคุมความฟุ่มเฟือย เรือทุกลำต้อง “ดำ” เท่ากัน

“มันดูโรแมนติกกว่าที่คิดว่ะ” ดินสอพูดเบา ๆ
เสียงคลื่นกระทบเรือทำให้คำพูดนั้นยิ่งฟังดูใกล้ชิดกว่าปกติ
ภัทรพยักหน้า
“แต่กูก็ไม่ได้โฟกัสวิวเท่าไหร่หรอก”

ดินสอหันไปมอง ภัทรยังคงจ้องเขาอยู่
“…กูมีเรื่องจะพูด” ดินสอพูด
“…จริงจังนะ”

ภัทรนิ่งทันที น้ำเสียงของดินสอไม่ใช่เล่น ๆ
คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ

“ที่กูกลัวมาตลอดน่ะ… มึงรู้ใช่ไหม ว่ากลัวอะไร”
“กูกลัวว่ามึงจะเป็นเหมือนพระเอกในหนังหลาย ๆ เรื่อง…”
“…ที่พอได้แล้วก็ทิ้ง”
“เพราะมันเกิดขึ้นในโลกจริงเยอะมากเลยนะเว้ย”
“กูเลยไม่เคยให้ใครได้ กูเลยยังซิงมาจนถึงวันนี้”

“แล้วเมื่อคืนอะ?” ภัทรถามเบา ๆ แต่ชัด
“กูกลัวนะ… แต่กูเชื่อใจมึง”

“ดินสอ” ภัทรขยับมือมากุมมืออีกฝ่ายแน่น
“กูไม่ใช่พระเอกในหนังพวกนั้นนะเว้ย”
“กูเป็นคนที่รู้จักมึงมาตั้งแต่ ป.1 ที่ซื้อข้าวโพดคั่วให้มึงวันแรก”
“กูเป็นคนที่ฟังมึงเล่าเรื่องการบ้านทุกคืนตอนมหา’ลัย”
“แล้วกูก็เป็นคนที่เมื่อคืน… ไม่ได้แค่ ‘ได้’ มึง แต่กูรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบชีวิตไอ้ตัวเล็กคนนี้ให้ดีที่สุดต่างหาก”

ดินสอเงียบไปนาน… ก่อนจะพูดเบา ๆ
“หูแดงหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้เพราะเป็นไข้ หรือเพราะอาย”

ภัทรหัวเราะ “กูว่าทั้งคู่”
“แต่หูแดงยังไง กูก็จะอยู่ตรงนี้ต่อให้แดงเป็นปี”



19:00 น. | มื้อค่ำ – Ristorante Antiche Carampane

ร้านอาหารลับริมคลองในซอยเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวจากถนนหลัก Antiche Carampane เป็นร้านอาหารเวนิสแบบดั้งเดิมที่เน้นวัตถุดิบทะเลสดจากทะเลอาเดรียติก ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “หนึ่งในร้านลับที่คนท้องถิ่นยังอยากจอง”

เมนูวันนี้:
– Spaghetti alle Vongole (สปาเกตตี้หอยลาย) เส้นหนึบ น้ำมันมะกอกกระเทียมหอมฉุย
– หอยเชลล์ย่างกับเลมอนสด
– ไวน์ขาวจากแคว้น Veneto หอมกลิ่นดอกไม้เบา ๆ และผลไม้ตระกูล stone fruit

“ของหวานล่ะ?” ดินสอถาม
“ไม่รู้สิ มันอยู่ตรงข้ามหน้ากูรึเปล่า” ภัทรพูดพร้อมยักคิ้ว

“พอเลย!”
“แค่เมื่อคืนยังไม่พอใช่มั้ยไอ้ภัทร”

“ไม่พอ กูจะไม่พอไปทั้งชีวิต”
เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของแก๊ง 500 ชาติที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ ดังขึ้น
ลุงก้องแอบแซว “ดูสายตาเมื่อคืนก็รู้แล้วแหละว่ากินแล้วติดใจ”



21:00 น. | เดินชมเวนิสยามค่ำคืน

ถนนหินเล็ก ๆ ที่เชื่อมระหว่างซอกซอยและสะพานโค้งเหนือคลอง แสงไฟจากโคมโบราณสีเหลืองนวลสะท้อนผิวน้ำ ระยิบระยับราวกับน้ำตาของดวงดาว

เสียงรองเท้าสองคู่เดินเคียงข้างกันแบบไม่รีบ
เวนิสยามค่ำคืน…
ไม่มีเสียงรถยนต์ ไม่มีควัน ไม่มีการเร่งรีบ
มีแค่ลมหายใจที่ชัดขึ้นทุกครั้งเมื่ออีกคนอยู่ใกล้

“มึงว่าถ้าเราอยู่ที่นี่นานกว่านี้… เราจะรักกันมากกว่านี้ได้อีกมั้ย”
เสียงดินสอแผ่วลงเหมือนถามตัวเอง

“ต่อให้เรากลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ กูก็จะรักมากขึ้นทุกวันอยู่ดี”
“ไม่ใช่เพราะที่นี่นะ… แต่เพราะเป็นมึง”



22:00 น. | ห้องพัก – Baglioni Hotel Luna

หน้าต่างไม้เปิดรับลมจากคลองใหญ่ ผ้าม่านบางปลิวไสว
เตียงคิงไซส์ที่นุ่มที่สุดเท่าที่ทั้งคู่เคยนอน กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย
ไม่มีอะไรเร่งรีบ ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว

“คืนนี้มึงไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ”
ภัทรกระซิบข้างหู
“เพราะกูจะเป็นบ้านของมึงตลอดไป”

ดินสอไม่ได้ตอบ
แต่พิงตัวเข้ามาแนบแน่นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา



และเวนิสในคืนนี้…
ไม่ได้แค่โรแมนติก
แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความผูกพันที่ไม่มีวันปล่อยมือ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 18:17:11
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – ดาวมิชลินในใจเธอ

“ต่าย! เช็กร้านที่เวนิสไว้กี่ดาวแล้วเนี่ย?”

เสียงคุณเอิร์ธดังลั่นขณะที่กำลังเช็กเช็คลิสต์ร้านอาหารในมือถืออย่างจริงจัง
ข้าง ๆ คือชายหนุ่มร่างโปร่ง ผมหวีเรียบ แว่นกรอบบางชื่อ “คุณต่าย” ที่กำลังนั่งจิบเอสเพรสโซ่ด้วยท่าทีสบายใจราวกับไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ

“ก็บอกแล้วว่ายังไม่เช็กไง มาตามใจปากก็พอแล้วปะวันนี้”
“แต่ดาวมิชลินมันไม่รอใครนะต่าย!”

ทั้งคู่คือ นักล่ามิชลินตัวจริง ที่รู้จักกันในงานเปิดตัวหนังสืออาหารเมื่อห้าปีก่อน และกลายเป็นคู่รักที่ออกเดินทางเพื่อลิ้มลองร้านระดับดาวไปทั่วโลก
รักแท้ของพวกเขา… มีรสชาติเป็นแก่นของเรื่อง



Flashback: ปารีส – 3 ปีก่อน

“ต่าย! เราได้โต๊ะที่ Septime แล้วนะ มึงรู้มั้ยว่าจองยากขนาดไหน!”

“เอิร์ธ มึงจำได้ใช่ไหมว่าเราต้องกินแบบไม่หลุดคอร์ส…”

“แน่นอน! แต่ถ้าพนักงานเสิร์ฟให้กูไวน์ผิดตัว กูจะไม่ยอมเงียบแน่!”
“เพราะมิชลินคือเกียรติยศของนักล่า!”



เวนิส – ปัจจุบัน

คืนนี้คุณเอิร์ธและคุณต่ายเลือกร้าน Antiche Carampane ไม่ใช่เพราะดาว แต่เพราะคำว่า “Soul of Venice” ที่พวกเขาอ่านจากรีวิว

“ต่าย… มึงเคยคิดไหมว่า ถ้าวันหนึ่งเราหยุดล่าดาว แล้วเปิดร้านของตัวเอง…”

คุณต่ายวางส้อม
“เราจะเปิดร้านที่ไม่มีดาว แต่เสิร์ฟด้วยหัวใจละกัน”
คุณเอิร์ธนิ่งไปชั่วครู่ก่อนยิ้มออก
“…แล้วขอจานแรกของร้าน ชื่อว่าอะไรดี?”

“Spaghetti al Cuore mio”
“เส้นสปาเกตตี้ของหัวใจฉัน… เสิร์ฟให้เธอคนเดียว”

เอิร์ธหัวเราะ
“ไม่รู้จะเขินหรือจะสั่งเลยดี!”



เบื้องหลังความรักของนักล่าดาว
   •   คุณเอิร์ธ: หลงใหลในเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่ เคยบินไปกินที่ “noma” โคเปนเฮเกน
   •   คุณต่าย: สายเชฟญี่ปุ่น ความรู้ลึกซึ้งเรื่องรส umami และเคยฝึกงานในโอซาก้า
   •   ทั้งคู่มีกฎคือ “ห้ามเถียงกันตอนชิมคำแรก” เพราะต้องเปิดใจก่อนตัดสิน
   •   และกฎอีกข้อคือ “ใครหาคำว่า ‘ไม่อร่อย’ ในรีวิวก่อนกิน… ต้องเป็นฝ่ายจ่าย!”



เวนิส ยามค่ำคืน

ขณะทุกคนแยกย้ายกลับโรงแรม คุณเอิร์ธกับคุณต่ายเดินข้ามสะพานหินเล็ก ๆ

“ต่าย มึงรู้ใช่ไหมว่าไม่ต้องดาว กูก็ให้มึง 3 ดวงอยู่ดี”
“ดาวอะไร?”
“ดาวในใจ กูให้มึงหมดแล้ว”



และสำหรับสองนักล่ามิชลิน…
บางที สิ่งที่มีค่ากว่าดาวทั้งสามดวง
คือการได้แบ่งปันจานเดียวกันกับคนที่ทำให้รอยยิ้มอร่อยที่สุดในโลก
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 18:19:23
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – โตคนเดียวไม่ได้หมายความว่าเหงา

“พี่โต! คืนนี้จะพาไป rooftop bar อีกรึเปล่า?”

เสียงของน้อง ๆ คณะทัวร์ดังมาตั้งแต่เช้า
ชายหนุ่มวัย 42 ปี สูง 182 ซม. ยืนยิ้มมุมปากในชุดสูทแบบพอดีตัวกับผ้าพันคอผืนเล็ก
เขาพยักหน้าให้ แต่ยังไม่ตอบ
เพราะสายตากำลังมองเลยไปยังสองคนที่เดินกอดกันเบา ๆ ริมคลอง—ภัทรกับดินสอ

“เด็กสองคนนั้น… โตขึ้นเยอะว่ะ”



พี่โต ชื่อจริงคือ โตมร วัฒนะกิจ
อดีตนักเรียนทุนการท่องเที่ยวจากไทย ไปเรียนที่ลียง ฝรั่งเศส ก่อนจะตระเวนทำงานทั่วอิตาลี-สเปน-เบลเยียม แล้วกลับมาเปิดบริษัททัวร์ของตัวเอง
เหตุผลเดียวที่เขากลับมา คือ “อยากให้คนไทยได้เห็นความสวยงามของโลกแบบลึกซึ้งกว่ากล้องถ่ายรูป”



Flashback: เวนิส – 14 ปีก่อน

ชายหนุ่มอายุ 28 ยืนถือดอกไม้หน้าสะพานริอัลโต
ตรงหน้าคือหญิงสาวผมยาวชาวอิตาเลียนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมคอร์สภาษา
“โต ฉันรักคุณนะ แต่ฉันอยู่เวนิส ส่วนคุณอยู่กรุงเทพ…”

เขายิ้ม
“เพราะงั้น ผมถึงอยากเป็นไกด์… จะได้มีข้ออ้างกลับมาเจอคุณบ่อย ๆ”

“แต่เรารักกันพอจะเดินทางไปด้วยกันไหม?”



คำถามนั้นไม่มีคำตอบชัด
เธอยังคงอยู่ที่นี่ ส่วนเขา… ก็ยังกลับมาทุกปี
แต่ไม่เคยเจอกันอีกเลย



ปัจจุบัน: ในห้องพักของพี่โตที่ Baglioni Hotel Luna

บนโต๊ะไม้หัวเตียง วางสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง
หน้าล่าสุดเขียนไว้ว่า:

“วันที่เด็กสองคนนั้นกอดกันได้โดยไม่ทะเลาะ…
กูรู้แล้วว่าความรักบางทีมันก็แค่ต้องมีคนยืนคอย ไม่ได้ต้องเข้าฉากเสมอไป
และบางที…
คนที่เดินนำหน้า อาจไม่ได้เหงา
แค่อยากให้คนที่ตามมา เห็นวิวสวยที่สุด”



บันทึกของพี่โต (ที่ไม่เคยให้ใครอ่าน)

– “ภัทรโตแล้วว่ะ เด็กที่เคยแอบเอาขนมในกระเป๋ากูไปแจกเพื่อนใน ป.1 วันนี้ยอมลูบหัวคนอื่นแทนตัวเองแล้ว”

– “ดินสอเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เงียบแต่ลึก เขามองทุกอย่างด้วยตาแบบคนที่เคยเจ็บ เลยพิเศษกว่าคนที่แค่ไม่พูดเฉย ๆ”

– “บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่เลวร้ายนะ กูได้เห็นความรักของคนอื่นชัดมากกว่าตอนที่ตัวเองมีอีก”

– “และถึงกูจะชื่อโต… แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการใคร”



คืนนั้นพี่โตนั่งเงียบอยู่ริมหน้าต่างโรงแรม
ข้างกายไม่มีใคร
แต่รอบตัวเต็มไปด้วยรอยยิ้มของคณะทัวร์ที่เขาได้พาออกเดินทางอีกครั้ง
และเมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง…

เสียงน้ำกระทบสะพานเล็ก ๆ ในเวนิส
มันตอบเขาว่า
“ความรัก… มันอยู่ได้แม้ไม่ได้ครอบครอง”



และพี่โตก็พร้อมพาทุกคนออกเดินทาง… แม้หัวใจตัวเองจะอยู่ที่เดิมมาตลอดก็ตาม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 18:21:10
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 34 — ริเวียร่า กับไอ้ตัวเล็กของกู

แสงแดดเช้าสาดเข้ามาแบบไม่เร่งเร้า
กลิ่นไอทะเลจากคลองเวนิสลอยมาจาง ๆ ผ่านหน้าต่างเปิดไว้
เสียงหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็กที่นอนซุกอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ภัทรไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว

ดินสอค่อย ๆ ลืมตา
ใบหน้าซุกกับแผงอกที่เปลือยเปล่าแบบไม่มีผ้าห่มกั้น
“…มึงไม่หนาวเหรอ ไม่ใส่เสื้อเลย”

ภัทรยิ้ม ทั้งยังหลับตา
“กูมี Heater ส่วนตัวแล้วนี่ไง ไอ้ตัวเล็ก”
“…”

“กล้ามกูก็เยอะนะ แข็งแรงจะตาย”
พูดจบ มือข้างหนึ่งก็ยกทาบคางของดินสอแล้วเบ่งกล้ามแขนโชว์
กล้าม Bicep แน่นเปรี๊ยะขยายจนดันหน้าดินสอไปอีกทาง

“เห้ยยยย! หน้ากูแบนหมดแล้วไอ้บ้า!”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังขึ้นในเช้าวันใหม่ของเวนิส



07:00 น. | อาหารเช้า – Venetian Breakfast

ห้องอาหารของโรงแรม Baglioni Hotel Luna เสิร์ฟไลน์อาหารเช้าสไตล์เวนิสแท้ ๆ ที่รวมความเป็นอิตาเลียนกับอิทธิพลทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

– Buranelli คุกกี้วนิลาเนยสดสูตรเวนิส
– Frittelle Veneziane โดนัทเวนิสสอดไส้ครีม
– Polenta e Schie (โพลเอนต้ากับกุ้งจิ๋ว) จานเช้าเค็มแบบชาวเวนิสแท้
– Prosciutto / Salami / Parmigiano Reggiano
– คาปูชิโน่ ที่เข้มแต่หอมละมุนที่สุด

“โพลเอนต้านี่อร่อยดีว่ะ” ดินสอบ่น
“แต่โดนัทนี่หวานจนมึงต้องหอมกูคืนเลยนะ”

“ได้เลย ขอเบิ้ลสองคำ”
“กูหมายถึงโดนัท!”



08:00 น. | สนามบิน Marco Polo – ขึ้นเครื่องสู่ Nice

คณะทัวร์พร้อมหน้าที่ Gate C3 ทุกคนดูสดใสเป็นพิเศษเพราะวันนี้กำลังจะข้ามประเทศ
เครื่องบินภายในประเทศของสายการบิน Air France ลำเล็กแต่หรูหราใช้เวลาบินเพียง 1.5 ชม. สู่เมืองชายฝั่งในฝัน: Nice (นีซ)

บนเครื่อง
ดินสอซบไหล่ภัทรเบา ๆ ขณะอ่านโบรชัวร์
“เมืองนี้มีอะไรให้กินบ้างวะ”

“กูรู้อย่างเดียว” ภัทรพูด
“กูจะกินลม กินวิว และกินไอ้ตัวเล็กนี่ให้เต็มอิ่มเลยวันนี้”



10:30 น. | ถึงสนามบินนีซ – เมืองแห่งแสงอาทิตย์และลมทะเล

นีซ (Nice) เมืองใหญ่อันดับห้าของฝรั่งเศส และเป็นราชินีแห่ง French Riviera หรือ Côte d’Azur
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหาดกรวดสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส และแสงแดดที่อบอุ่นตลอดปี

รถของคณะทัวร์วิ่งผ่าน Promenade des Anglais ถนนเลียบชายฝั่งที่ทอดยาวไปกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดอกไม้หลากสีปลิวไหวตามสายลม

ภัทรเปิดหน้าต่าง สูดลมเข้าปอดลึก
“มึงไม่ป่วยแล้วใช่มั้ยเนี่ย ดินสอ”

“ไม่แล้ว… แต่อย่าเอากล้ามมาขยี้หน้ากูอีกนะ”



11:30 น. | มื้อกลางวัน – Le Plongeoir

ร้านอาหารในฝันที่ตั้งอยู่บนโขดหินกลางทะเลแบบจริงจัง
Le Plongeoir สร้างจากฐานกระโดดน้ำเก่าที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารกลางน้ำกลางฟ้า
วิวรอบด้านคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดสายตา เสียงคลื่นกับลมทะเลกระทบตัวเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบรัก

เมนูวันนี้:
– ปลาซีบาสย่างซอสมะกอกดำ เนื้อแน่น ฉ่ำ หอมฟืน
– Salade Niçoise ต้นตำรับแท้จากเมืองนีซ — ปลาทูน่า ไข่ต้ม มะกอก มะเขือเทศ ถั่วเขียว น้ำสลัดวินิแกร็ต
– Rosé จาก Provence แช่เย็นเสิร์ฟในแก้วบางเฉียบ

ภัทรยกแก้วไวน์ขึ้น
“แด่เมืองใหม่… และรักเก่าที่กำลังกลายเป็นรักใหม่อีกครั้ง”

ดินสอยิ้มบาง
“…แด่กล้ามมึง ที่ทำหน้ากูแบนแต่ทำใจอุ่น”



เสียงลมพัดผ่านริมผิวทะเล
เวนิสยังอ้อยอิ่งอยู่ในใจ
แต่นีซ… กำลังเปิดประตูต้อนรับความทรงจำบทใหม่ ที่มีเสียงหัวเราะเบา ๆ และสายตาอบอุ่นของคนที่ชื่อว่า “ภัทร”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 18:23:08
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 35 — กลิ่นของมึง…ก็คือบ้านของกู

ค่ำคืน – ห้องพัก Park View Suite, Le Negresco Hotel

คืนที่เงียบสงบเหนือเส้นขอบฟ้าของนีซ
แสงโคมระย้าคริสตัลสะท้อนเงาแสงจันทร์ผ่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน
ห้องพักสุดคลาสสิกของโรงแรม Le Negresco ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ศตวรรษที่ 18 ที่สลับกับงานศิลปะโมเดิร์น ทำให้ทั้งห้องราวกับอยู่กึ่งกลางระหว่างอดีตและปัจจุบัน

เตียงคิงไซส์ที่มีหัวเตียงกำมะหยี่สีแดงเข้ม ล้อมรอบด้วยม่านขาวบางที่ปลิวไสวเบา ๆ ตามลมจากทะเล
ดินสอนอนตะแคงข้าง หันหน้าเข้าหาภัทรที่ยังไม่หลับ

“ห้องนี้มันเหมือนห้องในหนังอะ” ดินสอพูดเบา ๆ
“แต่กูไม่อยากให้มันเป็นแค่ฉากที่เราอยู่กันแค่คืนเดียว”

ภัทรเอื้อมมือมาจับมืออีกฝ่ายไว้ใต้ผ้าห่ม
“งั้นมึงอยู่กับกูให้มันเป็นทั้งหนังเลย”
“เป็นหนังรักยาว ๆ ที่ไม่มีตอนจบ”



07:30 น. | เช้าวันที่ 14 – ริมหน้าต่างวิวทะเลเมืองนีซ

แสงเช้าของริเวียร่าไม่เคยรีบร้อน
มันค่อย ๆ ลูบผิวฟ้าด้วยเฉดสีพีชอมทอง แล้วส่งประกายสะท้อนผืนน้ำสีฟ้าสดนอกหน้าต่างห้องพัก
เสียงคลื่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซัดกระทบฝั่งเบา ๆ เป็นเสียงกล่อมยามเช้าที่โรแมนติกเกินบรรยาย

ไลน์อาหารเช้าสไตล์นีซ ที่โรงแรมเสิร์ฟในห้องโถงเพดานสูงริมชายหาด:

– Croissant au Beurre กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่แยมส้มฝรั่งเศส
– Socca แพนเค้กถั่วชิกพี อาหารเช้าท้องถิ่น
– Oeufs brouillés (ไข่คนเนยสด)
– Pain de Campagne กับชีส Tomme de Provence และเนยสด
– สลัดนีซัวส์แบบจานเล็ก กับปลาทูน่ารมควัน
– คาปูชิโน่ / กาแฟดำ / น้ำส้มคั้นสด

ดินสอใช้มีดปาดเนยลงขนมปังเงียบ ๆ ขณะที่ภัทรยืนถ่ายรูปเขาจากข้างหลัง
“มึงถ่ายทำไมเยอะ?”

“กูอยากเก็บไว้ว่าคนที่กินขนมปังตรงหน้ากูทุกเช้า… หน้าตาแม่งละมุนแค่ไหน”



08:30 น. | ออกเดินทางสู่หมู่บ้านเอซ (Èze)

รถโค้ชเคลื่อนตัวขึ้นสู่แนวผาริมทะเลของ French Riviera
เส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านเขียวของแมกไม้และฟ้าเข้มของทะเล ชวนให้ทุกคนเงียบลงไปโดยอัตโนมัติ

หมู่บ้านเอซ (Èze) คือหมู่บ้านหินเล็ก ๆ บนหน้าผาที่มองเห็นวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดสายตา
ถนนหินแคบ ๆ พาไปสู่บ้านโบราณหลังเล็ก ร้านศิลปะ และสวนพฤกษศาสตร์บนยอดเขา



Fragonard Parfumeur – โรงงานน้ำหอมต้นตำรับฝรั่งเศส

ภายในอาคารหินอ่อนสีครีมที่ซ่อนตัวอยู่ริมหน้าผา คือ Fragonard โรงงานน้ำหอมชื่อดังของฝรั่งเศสที่ก่อตั้งในปี 1926
กลิ่นดอกไม้ วานิลลา ซิตรัส และไม้หอมลอยตลบอบอวลไปทั้งชั้น

พลอย แป๋ว เจน เดินไปตรงบูธทดลองกลิ่นอย่างตื่นเต้น
“มีกลิ่นกุหลาบตุรกีด้วย! กรี๊ด!”

ดินสอ ลองกลิ่นไม้ซีดาร์และลาเวนเดอร์บนข้อมือตัวเองเบา ๆ
“กลิ่นนี้แม่ง…เหมือนเวลามึงกอดกูเลยภัทร”

“งั้นซื้อเลย แล้วฉีดก่อนนอนทุกคืน” ภัทรพูดยิ้ม ๆ
“จะได้รู้ว่าแม้กูจะไม่ได้กอด… แต่กูก็ยังอยู่ในอากาศรอบตัวมึง”

พี่แม๊ก เลือกกลิ่น Citrus แบบดิบเท่
โจ เลือกกลิ่นโทนอบอุ่นหวานปนไม้สน
พี่โตเดินผ่านแล้วหันไปพูดกับภัทรเบา ๆ
“น้ำหอมเปลี่ยนทุกซีซั่น… แต่ถ้ามึงหากลิ่นที่เป็นมึงกับเขาได้ละก็ เก็บไว้เลยนะ มันจะพามึงกลับมาหากันได้เสมอ”



Le Jardin Exotique – สวนบนยอดผา

ขณะที่คณะทัวร์เดินต่อมาที่ สวน Le Jardin Exotique บนยอดเขา
พุ่มไม้ดอกหายากและกระบองเพชรเรียงรายบนทางเดินหินเล็ก ๆ วิวมองลงไปเห็นทะเลและเมืองนีซแบบพาโนรามา

คุณเอิร์ธ คุณต่าย พี่ดา ป้าอุ๊ เดินถ่ายรูปอย่างร่าเริง
“ฉันว่ากลิ่นดอกไม้ในสวนนี้ยังแพ้กลิ่นที่สองคนนั้นมองตากันอยู่เลย”
ป้าอุ๊พูดพลางหัวเราะเบา ๆ

“ขนาดฉันฉีดกลิ่น Cedar Wood ยังไม่ได้ Cedar Love แบบพวกเขาเลย”
พี่ดาแซวต่อ



ในขณะที่กลิ่นหอมลอยละลายอยู่ในอากาศ
ภัทรกับดินสอเดินอยู่ข้าง ๆ กัน
ไม่มีคำพูด
มีเพียงเสียงของใจที่เต้นพร้อมกัน…
ในหมู่บ้านที่สูงเท่าหัวใจใครบางคนที่กำลังจะไม่หนีอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:03:19
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 36 — มอนติคาร์โล: เสน่ห์ที่ไม่เคยหลับใหล

11:30 น. | เดินทางสู่โมนาโก

หลังจากเช็คเอาต์จากโรงแรมในนีซ คณะทัวร์ออกเดินทางสู่ โมนาโก ประเทศเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและเสน่ห์เฉพาะตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีผ่านเส้นทางเลียบชายฝั่งที่งดงาม

พระราชวังโมนาโก (Prince’s Palace of Monaco)

เมื่อถึงโมนาโก คณะทัวร์มุ่งหน้าไปยัง พระราชวังโมนาโก ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Le Rocher พระราชวังนี้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ Grimaldi มานานกว่า 700 ปี และเปิดให้ประชาชนเข้าชมบางส่วน

ขณะเดินชมภายในพระราชวัง ภัทรแอบกระซิบข้างหูดินสอ

“รู้ไหมว่าห้องนี้เคยมีผีหลอกด้วยนะ”

ดินสอสะดุ้ง “จริงเหรอ?”

ภัทรหัวเราะเบาๆ “ล้อเล่นน่า”

ดินสอทำหน้ามุ่ย “ถ้ามึงแกล้งกูอีก กูจะเลิกกับมึง”

ภัทรยิ้ม “กูไม่เลิกกับมึงหรอก”

คาสิโนมอนติคาร์โล (Casino de Monte-Carlo)

ต่อมาคณะทัวร์เดินทางไปยัง คาสิโนมอนติคาร์โล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1863 โดยเจ้าชาย Charles III เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของโมนาโก คาสิโนนี้เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น James Bond

ลุงก้อง พี่แม๊ก โจ คุณต่าย คุณเอิร์ธ โอ๊ต และพีท ต่างเสียดายที่มีเวลาอยู่ในคาสิโนน้อยเกินไป

“ถ้ามีเวลาอีกสักชั่วโมง คงได้ลองเสี่ยงโชคมากกว่านี้” ลุงก้องกล่าว

13:00 น. | รับประทานอาหารกลางวันที่ Café de Paris Monte-Carlo

คณะทัวร์เดินทางไปยัง Café de Paris Monte-Carlo ร้านอาหารสไตล์บราสเซอรี่ที่ตั้งอยู่บนจัตุรัสคาสิโน ร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี และเป็นที่นิยมของทั้งชาวโมนาโกและนักท่องเที่ยว

เมนูวันนี้:
   •   เนื้อแกะอบ (Curried lamb from the Alpilles) เนื้อแกะนุ่มๆ ปรุงด้วยเครื่องเทศและซอสเข้มข้น
   •   สลัดหอยเชลล์ (Salad Niçoise with Seared Tuna) สลัดสดชื่นกับหอยเชลล์ย่างสุกกำลังดี
   •   แชมเปญชั้นดี เพิ่มความหรูหราให้กับมื้ออาหาร

คุณเอิร์ธและคุณต่ายประทับใจกับบรรยากาศและรสชาติอาหารเป็นอย่างมาก

“ร้านนี้สวยและอาหารอร่อยจริงๆ” คุณต่ายกล่าว

15:30 น. | กลับนีซ / พักผ่อนชายหาด

หลังจากอิ่มอร่อย คณะทัวร์เดินทางกลับนีซ เพื่อพักผ่อนที่ชายหาดใกล้โรงแรม Le Negresco ซึ่งมี Le Negresco Beach Club ให้บริการเตียงอาบแดดและร่มชายหาด

ชายหาดใกล้โรงแรม:
   •   Forum Beach อยู่ใกล้โรงแรม Le Negresco เป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและอาบแดด
   •   Ponchettes Beach ตั้งอยู่หน้าเมืองเก่าของนีซ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ฉากภัทรอวดกล้ามเล่นทะเล

ภัทรถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ฟิตเปรี๊ยะ เดินลงทะเลอย่างมั่นใจ ดินสอนั่งมองอยู่บนชายหาด หน้าแดงเล็กน้อย

“มึงจะโชว์อะไรขนาดนั้น” ดินสอพูดเบาๆ

ภัทรยิ้ม “ก็แค่อยากให้มึงดูว่ากูแข็งแรงแค่ไหน”

ดินสอส่ายหัว แต่ก็อดยิ้มตามไม่ได้
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:09:55
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 37 — หาดทราย แสงแดด และใจมึง

16:00 น. | หาด Forum Beach – นีซ

เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ แดดบ่ายคลุมเมืองนีซด้วยเฉดทองอบอุ่น
ทรายสีเทาอ่อนของชายหาด Forum Beach ทอดยาวออกไปสุดสายตา เตียงอาบแดดเรียงรายริมทะเล และน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใสจนมองเห็นเท้า

ภัทรเดินออกจากห้องน้ำชายหาดด้วยผ้าขนหนูคาดเอว — ท่อนบนไม่ใส่เสื้อ
ผิวแทนอมทองส่องกระทบแสงแดด ร่างสูง 186 ซม. ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังสม่ำเสมอ
กล้ามแขนไหล่หน้าอกเป็นลอนสวยชัดเจน โดยเฉพาะ Bicep ที่เบ่งเมื่อหยิบขวดเบียร์ขึ้นดื่ม

เสียงหัวเราะของสาวฝรั่งเศสจากเตียงข้าง ๆ ดังแผ่ว
ดินสอที่นั่งอยู่ใต้ร่ม รู้สึกหน้าร้อนวูบแบบไม่เกี่ยวกับแดด
“เอาอีกละมึง… ถอดจนกูนึกว่ามาแข่งเพาะกาย”

“ก็หาดนี้เขาให้เล่นฟรี จะเล่นทั้งกล้ามด้วย”
ภัทรยิ้มขี้เล่น ก่อนจะล้มตัวลงบนผ้าขนหนูข้างๆ แล้วหลับตา



ความทรงจำย้อนกลับ – มัธยมปลาย

แดดสยามร้อนกว่าแดดนีซ
ภัทรวิ่งอยู่ในสนามหญ้าโรงเรียน ไม่ใส่เสื้อ กางเกงวอร์มเปียกเหงื่อ
เพื่อน ๆ ตะโกนเชียร์ วิ่งไล่บอลแบบเอาจริง

ข้างสนาม
ดินสอคนเดิม… นั่งอยู่ใต้ร่มไม้
ถือขวดน้ำเย็นมองมาแบบไม่พูดอะไร
ในตอนนั้น… พวกเขาคบกันใหม่ ๆ — ไม่มีใครรู้

หลังจบเกม ภัทรเดินเข้ามาหา ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดว่า
“กูวิ่งเสร็จแล้ว ขอหอมมึงเป็นรางวัลได้ปะ”

ดินสอทำหน้างอ
“เหงื่อเปียกขนาดนี้ กูขอหอมคืนตอนมึงอาบน้ำแล้วละกัน”



ปัจจุบัน – หาดนีซ

ภัทรลืมตา
เห็นดินสอยืนหันหลังให้ทะเล ผ้าขนหนูพาดบ่า
หัวใจเต้นแปลก ๆ ทั้งที่นอนนิ่ง
เพราะไม่ว่าวันนั้นหรือวันนี้
คนที่เขารัก…ก็ยังเป็นคนคนเดิมที่อยู่ข้างสนามชีวิตของเขาเสมอ



19:00 น. | ดินเนอร์ริมทะเล – Castel Plage

ริมหน้าผาใต้โค้งหินของเมืองนีซ คือร้านอาหารชื่อดัง Castel Plage
โต๊ะของคณะทัวร์ตั้งอยู่ริมระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปจนมองเห็นน้ำทะเลสีน้ำเงินลึก

เมนูคืนนี้:

– Spaghetti ai Frutti di Mare พาสต้าทะเล เส้นเหนียวนุ่มกับหอยสด ปลาหมึก และกุ้งคลุกซอสรสกลม
– Bière Blonde Française เบียร์ฝรั่งเศสสีทอง
– Lemon Sorbet รสเปรี้ยวหวานเย็นชื่นใจ ปิดท้ายมื้อ

“ซอร์เบ้นี่โคตรดีเลยอ่ะ” คุณเอิร์ธพูดขณะตักคำที่สาม
“กลิ่นเลมอนมันฟาดมากเลยเนอะพี่ต่าย”
คุณต่ายพยักหน้าพร้อมจดชื่อไวน์และเบียร์ในโน้ตมือถือทันที

“มึงกินซอร์เบ้แล้วไม่ขมปากเหรอ?” ภัทรถาม
“เปล่า แต่กูจะขมใจ ถ้ามึงไม่ป้อนกูบ้างอะ”
ดินสอพูดจบก็ดันช้อนใส่ปากตัวเองทันที

ภัทรกลั้นหัวเราะ
“น่ารักฉิบหายเลยว่ะ ไอ้ตัวเล็ก”



วันที่ 15 – 06:30 น. | อาหารเช้า / เช็คเอาต์

ห้องอาหารของโรงแรมเสิร์ฟอาหารเช้าแบบนีซประยุกต์ กลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบลอยคลุ้งไปทั้งห้อง

ไลน์อาหารเช้าแบบนีซประยุกต์:

– ครัวซองต์อบใหม่ + แยมโฮมเมด
– Omelette Niçoise ไข่เจียวใส่สมุนไพรท้องถิ่น
– ขนมปังโฮลวีตกับมะเขือเทศบดและเนย
– น้ำส้มคั้นสด + กาแฟดำฝรั่งเศส

ดินสอหยิบขนมปังขึ้นมา “รู้มั้ย มื้อเช้านี่… ถ้ามีกู มันถึงจะครบ”

ภัทรยิ้มขณะจิบกาแฟ “กูเลยมาก่อนมึงตลอด… จะได้ไม่มีวันขาด”



08:00 น. | เครื่องบินสู่บาร์เซโลนา

ที่นั่งริมหน้าต่าง ฝั่งซ้ายของเครื่องบิน
ภัทรนั่งข้างดินสอ
เสียงประกาศของนักบินฝรั่งเศส-อังกฤษดังแว่ว

ดินสอมองออกไปนอกหน้าต่าง
“มึงว่าเราจะผ่านสนามบอลของบาร์เซโลนาปะ?”

“กูว่า…ไม่ผ่าน แต่ถึงไม่ผ่าน กูจะพามึงไปเอง”
“กูเคยฝันตอนเด็ก ๆ ว่าจะมาดูเมสซี่… แต่มาวันนี้ ได้พามึงมาด้วย กูดีใจกว่าได้ดูบอลอีก”

ดินสอหันไปมอง
แล้วพูดเสียงเบา
“…มึงแม่ง… ทำให้สนามบอลยังน่ารักน้อยกว่ามึงเลย”



และบนฟ้าที่ทอดยาวจากริเวียร่ามาสู่สเปน
สองคนที่รักกันมาตั้งแต่ม.ปลาย
กำลังจะเริ่มบทใหม่…ในเมืองที่เสียงปรบมือ ดนตรี และหัวใจ เต้นแรงไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:13:38
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 39 — ศิลปะที่กูอยากเดินเข้าไปอยู่ข้างในกับมึง

10:00 น. | เช็กอิน Hotel Casa Fuster – บาร์เซโลนา

รถบัสหรูเลี้ยวเข้าสู่ Passeig de Gràcia ถนนสายหลักของบาร์เซโลนา ท่ามกลางตึกสไตล์ Modernisme ที่เรียงรายเป็นลวดลายเฉพาะตัว ก่อนจะจอดสนิทหน้าตึกหินสีครีมอ่อนที่ยืนตระหง่านราวปราสาท — Hotel Casa Fuster

Casa Fuster เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแนว อาร์ตนูโว (Art Nouveau) ที่เคยเป็นบ้านของเศรษฐีตระกูล Fuster ในปี 1908 ออกแบบโดย Lluís Domènech i Montaner ศิลปินร่วมยุคกับ Gaudí ตัวอาคารสร้างจากหินอ่อนและตกแต่งด้วยลายเส้นพลิ้วไหวเหมือนศิลปะหลุดออกมาจากดินสอของใครสักคน

ล็อบบี้สูงโปร่ง เสาแกะลายหินอ่อนรับแสงธรรมชาติที่ส่องลงมาจากกระจกสเตนกลาส
ภัทรพิงผนังหินแล้วมองไปรอบ ๆ
“แม่งเหมือนเดินเข้าไปอยู่ในพวกฝันฟุ้ง ๆ ของมึงเลยว่ะ ดินสอ”

“ไม่ฟุ้งหรอก… ถ้ามีมึงอยู่ในนั้นด้วย”
เสียงเบาของดินสอ ทำเอาคนพิงผนังแทบล้ม



11:00 น. | ชม Casa Batlló และ Casa Milà

ถัดจากโรงแรมไม่ไกล
คณะทัวร์เดินชม Casa Batlló ผลงานชิ้นเอกของ Antoni Gaudí ศิลปินชื่อก้องโลกแห่งยุค Modernisme
ตัวตึกโดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสี ลายกระเบื้องสีฟ้าเขียว และระเบียงรูปกระดูก — เหมือนหลุดจากนิทานในฝัน

พี่โตชี้ให้ดูหลังคาทรงคล้ายเกล็ดมังกร
“คนบาร์เซโลนาเรียกว่าหลังคามังกร เพราะเชื่อว่า Gaudí ได้แรงบันดาลใจจากตำนานนักบุญเซนต์จอร์จที่สังหารมังกร”

ดินสอแอบกระซิบภัทร
“กูไม่ได้ฆ่ามังกร แต่กูแพ้กล้ามมึงไปละหนึ่ง”

“เมื่อไหร่จะเลิกแซวกล้ามกูแล้วหันมาหลงหน้ากูแทน”
“ก็แค่กล้ามกูก็ยังหวง… แล้วหน้ากูจะไม่หวงได้ไง”

แก๊ง 500 ชาติเดินตามมาพอดี
คุณต่ายหันไปกระซิบคุณเอิร์ธ
“เมื่อกี้ได้ยินชัดเลยว่าพูดคำว่า ‘หวง’ นี่ไม่ต้องใช้กล้าม ใช้ใจล้วน ๆ”



เดินต่อมาอีกไม่ไกล
ถึงคิวของ Casa Milà หรือ La Pedrera อาคารแปลกตารูปทรงโค้งมนเหมือนภูเขาหิน
ที่นี่เป็นตึกอพาร์ตเมนต์ที่ Gaudí ออกแบบโดยไม่มีมุมตรงเลยแม้แต่นิดเดียว

พี่ดาเอ่ยขึ้น
“เหมือนชีวิตคู่นะ ไม่มีทางตรง มีแต่ทางโค้ง… แต่ก็สวยในแบบของมัน”



13:00 น. | อาหารกลางวันที่ El Nacional

ถนน Passeig de Gràcia พาเข้าสู่โถงสูงขนาดใหญ่ของ El Nacional — ฟู้ดฮอลล์สุดหรูในตึกเก่าปรับปรุงใหม่ ที่รวบรวมอาหารทุกภูมิภาคของสเปนเอาไว้

บรรยากาศภายในเหมือนโรงงานอาร์ต ๆ ที่เต็มไปด้วยโต๊ะไม้ หลอดไฟวินเทจ และเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว
กลิ่นแฮมอบกรุ่น ๆ ผสมเสียงแก้วกระทบกันจากบาร์กลางห้อง

เมนูวันนี้:

– ทาปาสหลากชนิด: ขนมปังหน้ามะเขือเทศ, โครเกต์แฮม, แอนโชวีหมัก
– Jamón Ibérico: แฮมหมูดำสเปนรสละมุนจากแคว้น Extremadura
– Pulpo a la Gallega: ปลาหมึกย่างโรยปาปริกา เสิร์ฟบนมันฝรั่งนุ่ม

คุณเอิร์ธกับคุณต่ายเดินตรวจจานอย่างกับกรรมการเชฟกระทะเหล็ก
“ตัวปลาหมึกนี่ดีเลยนะ พี่เอิร์ธดูเนื้อ”
“แฮมนี่ต้องปี 36 แน่นอน มันละลายบนลิ้นเลย”

โจกับพีทนั่งข้าง ๆ ลุงก้อง
“นี่ขนาดไม่ได้จิบไวน์ ยังเมาจากสายตาคู่นั้นเลยครับลุง”



15:00 น. | เดินเล่นย่าน Gothic Quarter

ย่านโบราณของบาร์เซโลนาเต็มไปด้วยตรอกแคบ ๆ และตึกสูงหินสไตล์กอธิกที่เรียงตัวแน่นราวกับกอดกันอยู่
พื้นทางเดินเป็นหินเก่าที่ถูกขัดเงาด้วยฝีเท้าคนหลายร้อยปี

ดินสอเดินจูงมือภัทร ขณะที่อีกมือถือกล้องฟิล์ม
“ตรอกนี่แม่งโรแมนติกฉิบหาย”
“แต่ไม่เท่ามึงตอนถอดเสื้อเตะบอลตอน ม.6”

ภัทรหัวเราะเสียงดัง
“แล้วมึงจำได้ไหมว่าตอนนั้นใครเอาน้ำเย็นราดหัวกูตอนพักครึ่ง”

“กูเองไง เพราะกูไม่ทนไอ้ที่มึงยืนหายใจหอบโชว์สาวได้”
“กูหึงแบบไม่เนียนเลยอ่ะ”



เสียงกีตาร์ฟลามิงโก้จากคาเฟ่เล็ก ๆ แทรกในตรอกหินเก่า
ตารางเดินทางยังไม่จบ
แต่หัวใจบางคน… เริ่มคิดว่าทุกเมืองที่เขาไป
จะสวยขึ้นทุกครั้ง
…ถ้ามีอีกคนเดินอยู่ข้าง ๆ แบบนี้
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:17:30
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – ก๊วนสาวสายส่อง สายซึน และสายซัพ

ค่ำคืนที่บาร์เซโลนา | Rooftop Bar โรงแรม Casa Fuster

ห้าสาวนั่งล้อมวงบนโซฟาโค้งริมกระจก ใต้ท้องฟ้าสีครามเข้ม
เบื้องหน้าเป็นวิวเมืองที่เต็มไปด้วยไฟประดับและโบสถ์กอธิก
เบื้องหลัง… มีเสียงหัวเราะกรุ๊งกริ๊งปนเสียงแก้วชนเบา ๆ

“คืนนี้แซะใครก่อนดี?”
เสียงพี่แป๋วเปิดมาอย่างไม่รีรอ

พี่พลอย: “ขอกูเริ่มเลย ภัทรแม่ง… สายตาตอนมองดินสอคือ ‘กินแล้วรัก’ จริง ๆ ไม่ได้กินอย่างเดียวแล้วทิ้งแน่นอน”
เจน: “แค่สายตามึงก็รู้ว่า… น้องสอไม่รอดแล้วเว้ย!”

ป้าอุ๊: “แต่ต้องชมดินสอนะลูก หน้าใสไม่หลุดเลย เดินตามภัทรทุกเมือง เสื้อผ้าสไตล์ไม่ซ้ำเลยด้วย!”
พี่ดา: “ฟอร์มจัด แต่ดูแลเขาทุกวัน แม่รู้นะว่ารัก”



ย้อนกลับไปเมื่อวันแรกของทริป

บนรถจากสนามบิน CDG เข้าเมืองปารีส
ดินสอหลับพิงหน้าต่าง ภัทรห่มผ้าให้แล้วแอบลูบหัวเบา ๆ
พี่ดาที่นั่งหลังสุด แอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป พร้อมบอกเบา ๆ กับเจนว่า

“อีพี่นี่… ละมุนกว่าหมอนขนห่านบน Business Class อีก”



มิตรภาพของห้าสาว
   •   พี่แป๋ว: แม่ค้าสายแฟ รู้มุมถ่ายรูปทุกเมือง แต่อยากรู้อะไรปัจจุบัน? “เมื่อไหร่ดินสอจะเลิกฟอร์มแล้วเรียกภัทรว่า ‘ที่รัก’ แบบไม่เขินซักที”
   •   พี่พลอย: เจ้าของแบรนด์เครื่องหอม สนใจกลิ่นคนมากกว่าน้ำหอมที่เอามาขาย
   •   พี่ดา: กูรูเรื่องความรักที่เคยผ่านเรื่อง “เกือบได้แต่ง” มา 2 ครั้ง จนทุกคนตั้งฉายาว่า “เจ้าสาวในใจแต่ไม่ในทะเบียน”
   •   เจน: น้องสาวของโจ ปากกล้าใจกล้า เป็นสายแซะตัวแม่ที่มักจะบอกทุกคนว่า “ดินสอไม่ได้ซึน เขาแค่กลัวเสร็จแล้วรักเธอมากกว่าเดิม”
   •   ป้าอุ๊: รุ่นใหญ่ใจซ่า สายตาแม่บ้าน แต่หัวใจสาวสยาม ใครมีปัญหาความรักมาคุยกับป้า… น้ำตาจะหายทันทีเพราะมัวขำ!



ภาคเมาท์ & วิเคราะห์

พลอย: “ภัทรเคยมีแฟนคนอื่นไหมนะ?”

ดา: “มีแน่ แต่ไม่มีใครเหมือนดินสอ”

เจน: “และไม่มีใครทนไอ้ภัทรได้นานเท่าดินสอแน่ด้วย!”

ป้าอุ๊: “ดินสออาจจะเงียบ แต่เขาแน่น เขาจริง เขาใช้ใจรัก ไม่ใช่แค่ใช้มือ”

เสียงหัวเราะครืนในกลุ่ม
แล้วจู่ ๆ ทุกคนก็เงียบ
เพราะเสียงจากโต๊ะข้าง ๆ ดังขึ้นเบา ๆ…

ภัทร: “พวกพี่แอบเมาท์อะไรกันอะ?”

เจน: “ก็แค่ช่วยเชียร์ให้พวกมึงแต่งงานให้ไวไง”

ภัทรหัวเราะ
“งั้นช่วยจัดเซอร์ไพรส์ให้มันขอกูแต่งก่อนด้วยนะครับ… เพราะกูจะไม่รอแล้ว”



และในค่ำคืนที่บาร์เซโลนา
เมืองแห่งเสียงกีตาร์ เสียงหัวเราะ และกลิ่นไวน์
ห้าสาวก็รู้ว่า…

ความรักของสองคนนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของเขาสองคน แต่เป็นเรื่องของพวกเธอด้วย

เพราะทุกการแซะ ทุกการซัพ ทุกเสียงหัวเราะ
…คือพลังเงียบที่ผลักดันให้รักครั้งนี้ถึงฝั่งฝัน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:21:56
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 40 — พี่จะดูแลน้องเอง

17:30 น. | Café de l’Opera – La Rambla

บ่ายแก่ ๆ บนถนน La Rambla
เสียงรองเท้าแตะจังหวะกับหินบนพื้นถนน
เสียงกีตาร์ฟลามิงโก้จากศิลปินข้างทาง
และกลิ่นกาแฟคั่วสดลอยมาตามลม

Café de l’Opera เปิดมาตั้งแต่ปี 1929 เป็นคาเฟ่รุ่นบุกเบิกของบาร์เซโลนา ตกแต่งด้วยไม้โอ๊ค แชนเดอเลียร์วินเทจ และกระจกเงาบานใหญ่

ภัทรและดินสอได้นั่งริมกระจก หน้าร้าน
เสียงรถราง เสียงคนเดิน และเสียงกาแฟกำลังไหลจากเครื่อง ช่วยกล่อมใจให้ผ่อนคลายอย่างประหลาด

เมนูวันนี้:
– Café con leche (กาแฟนมร้อนแบบสเปน)
– ขนมปังบาแก็ตย่าง กับมะเขือเทศทาบบาง ๆ (Pa amb tomàquet)
– มาการองไส้ซิตรัสเฉพาะฤดูกาล

“ถนนนี้แม่งเหมือนซอยที่คนหลงทางกันด้วยศิลปะ”
ภัทรพูดพลางละเลียดกาแฟ

ดินสอพยักหน้า
“แต่มึงไม่หลง กูเห็น… มึงเดินตรงเข้ามาหากูตั้งแต่วันแรกแล้ว”



19:30 น. | ดินเนอร์ – Moments (Mandarin Oriental, 2 Michelin Stars)

ห้องอาหารหรูของเชฟ Carme Ruscalleda
ผู้นำเสนออาหารกาตาลันแบบร่วมสมัย (Catalan Modern Cuisine) ในแบบ tasting menu ที่แต่ละจานคือบทกวีแห่งรสสัมผัส

โต๊ะของคณะทัวร์ตั้งเรียงข้างหน้าต่างสูง
คุณเอิร์ธและคุณต่ายนั่งหน้าตึงมือถือ ไม่ใช่เพราะเครียด แต่เพราะกำลัง “บันทึกผลการล่า”

รายการอาหารบางจาน:

– Esqueixada de bacallà (สลัดปลาเค็มตากแห้งกับพริกหยวก)
– Caneló de l’àvia (คาเนลโลนหมูบดใส่ฟัวกราส์ ซอสเห็ดทรัฟเฟิล)
– Arròs negre amb sèpia i allioli (ข้าวดำกับหมึกและซอสกระเทียม)
– Crema catalana reinterpretada (เครมาบรูลเล่แบบใหม่ในแก้วแกะสลัก)

คุณเอิร์ธกระซิบ “คำนี้ติดดาว 2.5 ในใจฉันแล้ว”
คุณต่ายแค่พยักหน้า… แล้วจดลงโน้ตทันที



ระหว่างกิน
ภัทรวางส้อมลง แล้วหันไปมองดินสอ

“มึง… มีความสุขปะ”

“มึงถามทำไมอะ”
“ก็แค่… กูเห็นมึงยิ้มบ่อยขึ้นหลังจาก… คืนนั้น”

ดินสอเงียบไป
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“ถ้ามีความสุขแบบนี้ตั้งแต่แรก กูก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลยใช่มั้ยวะ”

ภัทรยกมือขึ้นจับมืออีกคน
“มึงยังไม่สายเลยสักนิด”
“พี่จะดูแลน้องเอง… ดินสอของพี่”



คืนนั้น | ห้องพัก Casa Fuster

เงียบ
ช้า
แต่ไม่ลังเล

ดินสอวางกล้องลงบนโต๊ะ
ภัทรวางโทรศัพท์บนเตียง
ไม่มีคำพูด
มีแต่สายตา

มือแตะมือ
กลายเป็นกอด
เสียงหายใจกลายเป็นเสียงใจ

และในค่ำคืนที่สองของบาร์เซโลนา…
พวกเขาเหนื่อยกันอีกครั้ง

อาบน้ำด้วยกันอีกครั้ง

มือสระผมให้กัน
สบู่ถูแผ่นหลังให้อีกฝ่าย
เสียงหัวเราะเบา ๆ กับน้ำอุ่นไหลผ่านผิว

ดินสอซบไหล่ภัทรขณะล้างฟอง
“มึงอย่าหายไปนะ”

ภัทรจูบกลางหัวดินสอเบา ๆ
“กูไม่หายไปไหนทั้งนั้น นอกจากเข้าไปลึกในใจมึง…มากกว่าเดิม”



เช้าวันที่ 16 – 07:30 น. | อาหารเช้าแบบบาร์เซโลนา

ห้องอาหารเช้าเปิดกลิ่นกาแฟสเปนแรง ๆ และแฮม Iberico หั่นใหม่ๆ

ไลน์อาหารเช้า:

– Pa amb tomàquet: ขนมปังทามะเขือเทศและน้ำมันมะกอก
– Tortilla Española: ไข่เจียวมันฝรั่งสไตล์สเปน
– Churros con Chocolate: ชูโรสกรอบจิ้มช็อกโกแลตร้อนข้น
– Fruits de temporada: ผลไม้สดตามฤดูกาล
– Café solo / con leche: กาแฟเข้มสองระดับ

ภัทรยกชูโรสจิ้มให้ดินสอ
“หวานพอ ๆ กับเมื่อคืนไหม”

ดินสอพูดไม่ออก แต่หน้าแดงจนตอบอะไรไม่ได้



08:30 น. | Sagrada Família – วิหารที่ยังไม่เสร็จ แต่สวยเกินคำว่าขาด

Sagrada Família คือหัวใจของบาร์เซโลนา
วิหารในฝันของ Antoni Gaudí ที่เริ่มสร้างในปี 1882 และยังคงสร้างต่อเนื่องด้วยความรักและศรัทธา
ลายปูนปั้นที่เหมือนถูกเสก โค้งเสาที่เหมือนกิ่งไม้สวรรค์
ทุกช่องแสง คือบทสวดของพระอาทิตย์

ไกด์พูดเบา ๆ
“Gaudí เคยบอกว่า ‘ลูกค้าของผมไม่รีบ… เพราะเขาคือพระเจ้า’”



ดินสอยืนมองกระจกสีที่สะท้อนลงบนพื้นหิน
ภัทรยืนข้าง ๆ แล้วพูดเบา ๆ

“ไม่ว่ามึงจะมีบาดแผลแค่ไหน กูก็จะอยู่ตรงนี้ จนกว่าหัวใจมึงจะเสร็จสมบูรณ์”



และบาร์เซโลนาในตอนเช้า
อบอุ่นด้วยแสง… และรักที่ไม่ต้องเร่งรีบ
เหมือน Gaudí ที่ไม่เคยเร่งงานของพระเจ้า
ภัทรก็ไม่เคยเร่งใจของดินสอเช่นกัน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:26:37
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – พิชิตแล้วต้องฉลอง (ชายล้วน ฉบับไม่ต้องมีมารยาท)

ค่ำคืนหลังกลับจากมื้อเย็นที่ Castel Plage — Rooftop Bar Hotel Casa Fuster | บาร์เซโลนา

เสียงแก้วไวน์ชนกันดังกรุ๊ง…
เบียร์ฝรั่งเศสเปิดฝาเสียงดังป๊อก…
เสียงหัวเราะของผู้ชายสิบคนกระจายทั่วดาดฟ้าโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่คืนนี้เหมือนเปลี่ยนจากรีสอร์ตหรูเป็นโต๊ะร้านเหล้าหน้าปากซอย

ทุกคนมานั่งกันเป็นวงล้อม
ไม่มีดินสอ
ไม่มีพี่สาว
ไม่มีคนใจบาง

มีแค่ชายล้วนกับเบียร์ขม ๆ และความเฮฮาที่พร้อมเปิดหมดทุกซีน!



พี่แม็กซ์ (เจ้าพ่อจอมเก๋า):
“ภัทร… ตอบตรง ๆ หน่อย”
“เมื่อคืน มึงได้ ‘พิชิต’ ตามเป้ารึยังวะ?”

เสียงเฮดังลั่น
โอ๊ตกับพีทยกแก้วขึ้นชนกันก่อนพ่นเบียร์ออกมาเพราะขำจนสำลัก

ภัทร (หน้ามึนแต่ยิ้มมุมปาก):
“…ได้สิครับ”
“ไม่ใช่แค่ได้ ‘พิชิต’ หรอก… แต่ผม ‘ปกครอง’ แล้วด้วย”

คุณเอิร์ธ:
“เดี๋ยว… ฟังดูเหมือนมึงตั้งราชวงศ์ใหม่เลยนะภัทร!”

คุณต่าย (พิงเก้าอี้ ม้วนแขนเสื้อเชิ้ต):
“น้องดินสอไหวเหรอวะ ตัวเล็กขนาดนั้น”

ภัทร:
“ตอนแรกก็ไม่ไหวครับ… แต่พอจูบแล้วเงียบไปเลย”

เสียง “โอ๊ยยยย!” ลั่นทั้งวง
พี่โตที่เงียบมานานยกไวน์ขึ้นจิบอย่างสง่างามก่อนพูดนิ่ง ๆ

พี่โต:
“ในฐานะคนโสดที่อยู่มานาน… พี่ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจว่ะไอ้ภัทร”
“ที่มึงได้เจอคนที่ ‘ยอมให้พิชิต’ เพราะเชื่อว่ามึงจะไม่ทิ้ง”

เงียบไปแวบหนึ่ง
แล้วลุงก้องก็ตบโต๊ะ

ลุงก้อง (สายฮาแห่งวง):
“แต่พวกมึงรู้มั้ย! ตอนเช้าเสียงโอ๊ยเมื่อคืน มันดังไปถึงห้องกูเลย!”
“กูนึกว่าแมวกัดกัน ที่ไหนได้… มนุษย์พิชิต!”

โจ:
“เอาจริงนะ ตอนแรกผมนึกว่าดินสอซนไม่เป็น แต่เมื่อคืน… ภัทรแม่งซนกว่าอีก”

ภัทร (ยิ้มหล่อแบบไม่ถ่อมตัว):
“มึงอย่าประมาทกล้ามกูดิ”

พีท:
“กูไม่ได้ประมาท… กูอิจฉา!”

โอ๊ต:
“ไม่เป็นไรพีท… เดี๋ยวเราหากันเองในกองทัพโสด!”



ทุกคนพร้อมใจยกแก้วขึ้นอีกครั้ง

“แด่ภัทร…”

“ที่พิชิตได้แล้ว… แต่ไม่หยุดแค่นั้น”

“และแด่ดินสอ…”

“ที่ไม่ได้แค่ยอมให้พิชิต แต่ยอมเปิดใจให้คนที่รักจริง”

เสียงชนแก้วกระหึ่ม
เสียงหัวเราะดังลั่น
และแม้จะไม่มีใครพูดออกมาตรง ๆ
แต่ทั้งหมดรู้ดี…

ความสำเร็จของภัทร ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
แต่คือการ “ชนะใจ” คนที่เขารักที่สุด
…ด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่กล้าม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:29:51
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 40 (ต่อ) — ศิลปะ สไตล์ และใจที่เต็มตลอดวัน

11:00 น. | Park Güell – สวนแฟนตาซีแห่งบาร์เซโลนา

รถบัสของคณะทัวร์เลี้ยวขึ้นเนินไปยังย่าน El Carmel
เมื่อประตูสวนเปิดออก… เหมือนก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ

Park Güell ไม่ได้เป็นแค่สวน แต่คือจินตนาการของ Antoni Gaudí ที่กลายเป็นของจริง
สวนนี้เริ่มต้นจากความฝันของนักธุรกิจ Eusebi Güell ที่อยากสร้างหมู่บ้านบนเนินเขา
แต่เมื่อไม่สำเร็จ… ก็กลายเป็นสวนเปิดที่กลายเป็นสัญลักษณ์โลกแทน

โค้งบันไดมังกรเซรามิก ลานกว้างที่มีม้านั่งยาวที่สุดในโลกเป็นลายโมเสกสีสด
และเสาโค้งใต้อาคารที่ทำให้ทุกมุมมองเหมือนกำลังเดินอยู่ในนิทาน

ภัทร จับมือน้องไว้แน่น

“มึงว่า… ที่นี่มันเวอร์วังไปมั้ย”

“ไม่เลย” ดินสอยิ้มบาง “มันเหมือนข้างในหัวกูเวลานึกถึงมึง”

ภัทรนิ่ง
“ถ้าข้างในหัวมึงมีมังกรสีรุ้งกับม้านั่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด กูก็ยอมอยู่นั่นตลอดชีวิตเลย”



12:30 น. | มื้อกลางวัน – La Pepita

ร้านอาหารท้องถิ่นแบบเท่ ๆ บนถนน Carrer de Còrsega
La Pepita ขึ้นชื่อเรื่อง Tapas แบบโมเดิร์นและบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านของเชฟเอง

เมนูวันนี้:

– Tapas ทะเล: กุ้งย่าง, หอยแมลงภู่ไวน์ขาว, ปลาซาร์ดีนรมควัน
– Gazpacho: ซุปเย็นมะเขือเทศรสสด เปรี้ยวหวานลงตัว
– เบียร์ Estrella Damm: เบียร์ท้องถิ่นของบาร์เซโลนา รสเข้ม ขมเบา ๆ

คุณต่าย สะบัดผ้าเช็ดปากแล้วบอกกับคุณเอิร์ธ
“คำนี้ให้ 3 ดาว…เพราะกลิ่นหอมแค่เดินผ่านก็รู้ว่าเด็ด”

พี่ดา แอบหันมาบอกดินสอเบา ๆ
“ลูก… แม่ว่า Gazpacho แก้วนี้เผ็ดน้อยกว่าสายตาน้องภัทรเวลามองเราอีก”

ดินสอเก็บคำพูดไว้เงียบ ๆ
แต่ใจเต้นรัวมากกว่าเสียงช้อนชนจานแน่นอน



14:00 น. | Barcelona Design Museum – งานศิลป์แห่งปัจจุบัน

อาคารทรงเรขาคณิตทรงเฉียงเหมือนโดนตัดมุม
Barcelona Design Museum (Museu del Disseny)
จัดแสดงทุกอย่างตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก จนถึงแฟชั่น ป้ายโฆษณา และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

พี่แม็กซ์ เดินช้า ๆ หน้าตู้โชว์รองเท้าหนัง
“โอ๊ย มันคือ Dior สำหรับคนใช้เท้าเดินจริง ๆ ไม่ใช่แค่เดินพรมแดง!”

ดินสอ หยุดดูหมวกที่ออกแบบโดยนักเรียนดีไซน์
“ถ้าใส่หมวกนี้ แล้วเดินกลับไทยพร้อมมึง… คนจะมองไหมวะ”

ภัทร: “คนอาจจะมองหมวกนะ… แต่กูจะมองแค่มึง”



16:00 น. | Passeig de Gràcia – อิสระช้อปปิ้งในย่านแฟชั่น

แบรนด์หรูเรียงรายทั้ง Loewe, Balenciaga, Hermès, Massimo Dutti
แต่ก็ยังมีร้านหนังท้องถิ่นที่ตั้งแต่ปี 1925
ย่านนี้คือความหรูหราผสมกลิ่นศิลปะแบบกาตาลันที่หาไม่ได้จากที่ไหน

พี่พลอย จับกระเป๋าหนังใบใหญ่
“เอาจริงนะ… ถ้าค่าชิปปิ้งเกิน พี่จะโบกมือเรียกเครื่องบินส่วนตัวแล้ว!”

พี่แป๋ว ถือกล่องรองเท้า 2 กล่อง เดินเข้า Loewe ไปอีก
“ถึงไทยเราค่อยว่ากัน เรื่องวันนี้ พี่ไม่แคร์!”

พี่แม็กซ์ ลูบเสื้อเชิ้ตสีเขียวมรกต
“อันนี้พอใส่แล้วถอด… น่าจะกร้าวใจคนดู”

ภัทร หยิบเสื้อแจ็กเก็ตหนังขึ้นมา ลองทาบกับตัว แล้วหันไปหาดินสอ
“มึงว่ากูใส่แล้วเท่มั้ย”

ดินสอหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายแบบไม่พูด
แล้วตอบแค่ “ถ้ามึงถอดเร็วเท่าตอนถอดตอนกลางคืน กูซื้อให้เลย”

ภัทรยิ้มทะเล้น… ก่อนจะหันไปจ่ายตังค์ทันที



เสียงหัวเราะของคณะทัวร์ดังขึ้นเป็นระยะ
กระเป๋าเดินทางเริ่มขยายร่าง
แต่อารมณ์ของวันนี้… ก็เบาเท่าลมบาร์เซโลนาที่พัดมาทุกครั้งที่เดินใกล้มึง
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 07-04-2025 19:31:50
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 41 — มึงห้ามทิ้งกู… เพราะกูไม่มีวันทิ้งมึง

19:30 น. | ร้าน Tickets – Modern Tapas & Molecular Cuisine

ค่ำคืนสุดท้ายในบาร์เซโลนา
ร้านอาหารแห่งนี้… ไม่ได้มีแค่เมนู
แต่มีเวทมนตร์

Tickets คือผลงานของ Ferran และ Albert Adrià แห่งตระกูล El Bulli อันโด่งดัง
ที่เคยเปลี่ยนโลกของอาหารไปตลอดกาล
ที่นี่… ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่คือ “โรงละครแห่งการกิน” ที่ทุกจานคือโชว์

บรรยากาศร้าน:
ตกแต่งเหมือนคณะละครสัตว์ ผสมโรงภาพยนตร์เรโทร
มีไฟนีออนสีสด ผนังภาพโปสเตอร์ยุคเก่า พนักงานแต่งตัวเหมือนตัวตลกในโรงละคร แต่ทุกจังหวะของการเสิร์ฟคือ พิธีกรรมศิลปะ

เมนูไฮไลต์:

– Spherical Olive: มะกอกที่แตกในปากเป็นของเหลวกลิ่นมะกอกเข้มข้น
– Air Baguette Iberico: ขนมปังอากาศกรอบที่มีเพียงอากาศในไส้ แต่เคี้ยวแล้วเค็มหอมของแฮม
– Liquid Nitrogen Popcorn: ข้าวโพดแช่เย็นด้วยไนโตรเจน ทำให้หายใจพ่นควันได้
– Foie Gras Cotton Candy: ตับห่านห่อไหมฝ้าย

พี่ต่าย จดทุกคำที่กิน
คุณเอิร์ธ ถ่ายวิดีโอแล้วหันไปกระซิบ
“อันนี้ไม่ใช่แค่ Michelin นะ… นี่มันศิลปะ”

ภัทร มองดินสอที่กำลังอมลูกมะกอกแตกในปาก แล้วถามเสียงเบา
“รู้สึกเหมือนกูมั้ย… เหมือนเรากินเวลาอยู่”

ดินสอไม่ตอบ
แต่ยิ้มบาง ๆ เหมือนคนที่รู้ว่า
บางวิมาน… อาจอยู่ได้ไม่นาน
แต่ยังไม่อยากให้หายไป



คืนนั้น | ห้องพัก Casa Fuster

ห้องพักตกแต่งด้วยงานศิลปะร่วมสมัย ผนังลายอ่อนโค้งนุ่ม โซฟากำมะหยี่ ผ้าปูเตียงสีเบจ
ภัทรเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เดินออกมาจากห้องน้ำ
นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
หยดน้ำเกาะกล้ามแน่น

ดินสอ ยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ที่ริมหน้าต่าง

“…ทำไมเงียบ”
ภัทรถามเบา ๆ

“อีกไม่กี่วัน… เราก็ต้องกลับแล้วใช่มั้ย”
“แล้วเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม… หรือแย่กว่าเดิมวะภัทร”

ภัทรเดินเข้ามาช้า ๆ
ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด
หน้าแนบอกเปลือยที่ยังอุ่นไอจากน้ำ

“ไม่ต้องกลัว”
“มึงห้ามทิ้งกู… เพราะกูไม่มีวันทิ้งมึง”



ภัทรยกคางของดินสอขึ้น
จูบลงอย่างแผ่วเบา
ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรุนแรง
แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ

“ขออีกรอบนะ”
เสียงกระซิบดังในห้องที่มีแค่สองคน และแสงไฟส้มอ่อนของโคมคริสตัล



วันที่ 17 | 07:00 น. | อาหารเช้า & เช็คเอาต์

มื้อเช้าสุดท้ายในบาร์เซโลนา
ภายในห้องอาหาร Casa Fuster
แสงแดดยามเช้าสะท้อนผ่านกระจกสเตนกลาส พาดลงบนจานอาหาร

ไลน์อาหารเช้า:
– ครัวซองต์อบใหม่
– Tortilla de Patatas (ไข่เจียวมันฝรั่ง)
– โยเกิร์ตแอนดาลูเซีย โรยอัลมอนด์
– กาแฟดำร้อน ๆ และน้ำส้มวาเลนเซียสด

ดินสอเงียบผิดปกติ
ขณะกินเงียบ ๆ
ภัทรพยายามยิงมุก
แต่กลับมีแววใจหวิวซ่อนอยู่ในดวงตา



08:00 น. | รถไฟ AVE สู่มาดริด

AVE คือรถไฟความเร็วสูงของสเปน
ที่วิ่งได้ถึง 310 กม./ชม.
ขบวนสีขาวสะอาดภายในกว้างขวาง พร้อมหน้าต่างกว้างที่มองเห็นทุ่งดอกทานตะวันและบ้านไร่หินตลอดทาง

ดินสอหลับพิงไหล่ภัทร
แต่จับมือไว้แน่นตลอด
เหมือนกลัว… ถ้าปล่อยแล้วอาจไม่มีโอกาสได้จับอีก



10:30 น. | Plaza Mayor & Royal Palace of Madrid

Plaza Mayor คือหัวใจของมาดริด
ลานกว้างที่เคยเป็นทั้งตลาด สถานที่ประหาร และฉากละครเร่
ล้อมรอบด้วยตึกสีอิฐแดงที่มีระเบียงเรียงราย 237 ช่อง

ต่อด้วยการเข้าชม Royal Palace of Madrid
พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
มีห้องกว่า 3,000 ห้อง เครื่องเรือนทองคำ นาฬิกาเก่า ศิลปะโรมัน และสวน Sabatini

ภัทรกระซิบ
“เมื่อวานเราดูมังกรที่ Gaudí สร้าง”
“วันนี้มาดูพระราชวังที่สร้างโดยคนจริง… แต่สำหรับกู มึงคือบ้าน”

ดินสอไม่ตอบ
เพียงยิ้มบาง ๆ
แต่ไม่พูดอะไร



12:30 น. | ร้านอาหาร Sobrino de Botín (ก่อตั้งปี 1725)

ร้านอาหารเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใกล้ Plaza Mayor
ที่ Ernest Hemingway เคยมานั่งเขียนงาน
และยังใช้เตาอบดั้งเดิมที่อายุเกือบ 300 ปี

เมนูไฮไลต์:

– Cochinillo Asado: หมูหันสไตล์ Castilian หนังกรอบ เนื้อนุ่ม
– Rioja Tinto: ไวน์แดงจากแคว้น Rioja รสเข้มดิน ชุ่มคอ
– ขนมปังโบราณอบเตาถ่าน



ดินสอพูดน้อยลงเรื่อย ๆ
นั่งมองจานตัวเองเงียบ ๆ
ภัทรพยายามยิงมุก
แต่เสียงหัวเราะของอีกคน… เริ่มน้อยลง

หัวใจภัทรเริ่มหน่วง
เหมือนรู้ว่า
ไม่ใช่เพราะดินสอเบื่อ
แต่เพราะกำลังกลัว… ว่าทุกอย่างจะหมดเวลาแล้วจริง ๆ



และในมื้อกลางวันที่เสิร์ฟจากเตาอายุหลายร้อยปี
ความรักของพวกเขา… กลับต้องตั้งคำถาม
ว่าหลังจากกลับไทยไป
“วิมานนี้จะยังอยู่… หรือจะหายไปอีกครั้ง”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 32 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 07:01:12
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 42 — ขอเบา ๆ …แต่ใจกูแรง

14:30 น. | Museo del Prado – สวรรค์ของศิลปะคลาสสิก

อาคารหินอ่อนทรงนีโอคลาสสิกกลางกรุงมาดริด
ที่เต็มไปด้วยเงาของผลงานอมตะจากศิลปินระดับโลก
Velázquez, Goya, Rubens — ชื่อนี้ไม่ใช่แค่ในหนังสือเรียน แต่ยืนเด่นตรงหน้า

“Las Meninas” ของ Velázquez อยู่ตรงกลางห้องใหญ่
ดินสอมองภาพ… แล้วขยับมากระซิบภัทร
“คนวาดแม่งเข้าใจมุมมองว่ะ”

ภัทรก้มลงกระซิบ
“แต่มึงนี่ยืนมุมไหนกูก็เห็นแต่ตูด… เอ๊ย หน้า มึงอยู่ดี”

ดินสอหูแดงจนกลืนไม่ลง
“มึงเลิกพูดลามกไม่ได้เหรอวะ”

ภัทรยักไหล่ “กูก็พูดแบบชมศิลปะไง”
“ศิลปะของกู = มึง”



ระหว่างทางออกจากพิพิธภัณฑ์
แก๊ง 500 ชาติเดินรวมตัวกัน

ลุงก้อง: “เดี๋ยวนี้ไอ้ภัทรแม่งเป็นศิลปินมากเลยนะ”
พี่แม็กซ์: “ศิลปะสายหื่นปะล่ะพี่ก้อง”

เจน: “เออ! เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ลามกธรรมดา ลามกแบบมีปรัชญา!”

ดินสอ: “กูยังอยู่ตรงนี้นะเว้ย…”
ป้าอุ๊ (กระซิบ): “ลูกก็แค่โชคดีที่ได้คนรักแบบนี้ไง ฮึ่ย… แข็งแรงอีกต่างหาก”



17:00 น. | เช็กอินโรงแรม – Only YOU Hotel Atocha

Only YOU Atocha เป็นโรงแรม 4 ดาวสุดชิค สไตล์อินดัสเทรียลโมเดิร์น
ห้องพักตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม กระจกบานใหญ่ เตียงคิงไซซ์ และไฮไลต์สำคัญ…

อ่างอาบน้ำทรงรีสีขาวกลางห้อง ที่เห็นวิวพระอาทิตย์ตกพอดีจากหน้าต่างสูง

ภัทรอาบน้ำก่อน
เสียงน้ำหยุดไหล
ไม่นานนัก ภัทรเดินออกมานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวต่ำ ๆ ติดกระดูกสะโพก
กล้ามหน้าท้องชัดเหมือนปั้นจากหิน
และ…แน่นอนว่า ใต้ผ้าเช็ดตัวก็ปิดของขนาด “มหึมาเกินอัตราสากล” ไว้แค่บาง ๆ เท่านั้น

ดินสอหันมาเห็นแล้วกลืนน้ำลายเฮือก

“…มึงอย่าบอกนะว่า มึงจะ—”

ภัทรยิ้ม
“กูยังไม่เคยในอ่างเลย… ขอได้ปะ”
“ขอกูนะ กูจะทำเบา ๆ …สัญญา”

ดินสอหน้าร้อนจนแทบจะละลาย
มือหนึ่งทับลงบนอกภัทร
“…ไอ้คนลามก”

แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเบา ๆ
ในแสงโคมส้มอุ่น และเสียงน้ำในอ่างที่กำลังเติมเต็ม…



19:00 น. | ดินเนอร์ Rooftop – Azotea del Círculo

Azotea del Círculo เป็นร้าน Rooftop ที่วิวดีจนเหมือนลอยอยู่เหนือเมือง
เห็นยอดตึก Telefónica และพระอาทิตย์ตกตรงแนวขอบตึกพอดี

เมนูวันนี้:

– ปลาทูน่าย่าง (Atún a la plancha) ราดซอสสมุนไพรกาตาลัน
– Salmorejo (ซุปเย็นมะเขือเทศเข้มข้นกวาซ์ปาโช)
– Sangria แก้วเย็นที่เต็มไปด้วยผลไม้และไวน์แดงเข้ม

ภัทรนั่งข้างดินสอ มือยังอุ่นจากการจับเมื่อกี้
แต่ไม่มีใครพูดถึงอ่างนั้น… ทั้งที่ทุกคนสงสัย

คุณเอิร์ธกระซิบคุณต่าย:
“คืนนี้แม่ง… ต้องมีอีกแน่ ๆ”
พี่แป๋ว: “ดูหน้าไอ้สอดิ แดงไม่พักเลยลูกแม่”

เจนยิ้ม: “คืนนี้… เช็คอินบนเตียงอีกคนแล้วแน่ ๆ”



วันที่ 18 | 07:00 น. | อาหารเช้า & เช็คเอาต์

ไลน์อาหารเช้าของโรงแรม:
– ขนมปังอบสด
– ไข่คน / ไข่ดาว / ไข่ลวก
– Churros & ช็อกโกแลตร้อน
– ผลไม้สด
– กาแฟสเปน

ขณะทุกคนนั่งกิน
พี่ดา ถามเสียงดัง “ภัทร! วันนี้มึงกินไข่ลวกกี่ฟอง?”

ภัทรไม่ตอบแต่ยกนิ้ว “สิบ!”

เสียงหัวเราะกระหึ่ม
ดินสอหูแดงขึ้นทันที
แล้วหยิกแขนภัทรเต็มแรง

“โอ๊ยยยยยย! กูหมายถึงไข่ในถ้วย!”

“เออ! กูหมายถึงไข่มึงนี่แหละ!”



08:30 น. | เดินทางสู่ปารีส – ปิดท้ายเมืองแห่งรัก

เครื่องบินของสายการบิน Iberia พาคณะทัวร์บินตรงสู่ ปารีส
เมืองที่ทุกคนรอคอย… ทั้งความโรแมนติก และคำถามสุดท้ายของใจ

สำหรับภัทรกับดินสอ…
มันไม่ใช่แค่การเดินทาง
แต่คือคำถามว่า “เมื่อวิมานเริ่มจากการเยือน… จะอยู่ต่อได้หลังกลับถึงไทยไหม”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:42:24
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 43 — ปารีสไม่เคยแผ่ว… แล้วภัทรจะยอมได้ยังไง

11:00 น. | เข้าสู่ปารีส – เช็กอิน Shangri-La Paris

รถบัสเลี้ยวเข้าถนน Avenue d’Iéna อย่างสง่างาม
ตึกหินสีครีมสูงหรูยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้า — อดีตเคยเป็นวังของเจ้าชาย Roland Bonaparte ปัจจุบันคือหนึ่งในโรงแรมที่หรูที่สุดในฝรั่งเศส

Shangri-La Paris
– วิวหอไอเฟลจากเตียงนอน
– ผ้าปูเตียง Egyptian Cotton 1,000 เส้น
– อ่างหินอ่อนกลางห้องน้ำ พร้อมกลีบกุหลาบ
– ชา TWG และ Macaron ต้อนรับทุกห้อง

ภัทรยืนริมหน้าต่าง
แสงแดดเช้า ๆ ส่องผ่านหอไอเฟล
“ห้องนี่แม่งโคตรวิมานเลยมึง”

ดินสอเดินมากอดจากข้างหลัง
“ถ้ามีมึงอยู่… ต่อให้เป็นกระท่อมปลายนากูก็อยู่ได้”

ภัทรยิ้ม แล้วจูบหน้าผากอีกคน
“แต่นี่มันห้องราคาคืนละแสน ไม่ปลายนาแน่นอน”



12:30 น. | มื้อกลางวัน – Carette @ Trocadéro

กลางวันอุ่น ๆ กับร้าน Carette คาเฟ่เก่าแก่ฝรั่งเศสตรงหัวมุม Place du Trocadéro
โต๊ะริมถนนมีวิวน้ำพุและหอไอเฟลเด่นอยู่ตรงหน้า

เมนูของวันนี้:

– ครัวซองต์ไส้แฮมชีส เสิร์ฟร้อน กรอบนอกนุ่มใน
– ซุปหัวหอมฝรั่งเศส โรยชีส Gruyère เยิ้มกำลังดี
– ชาฝรั่งเศส กลิ่นลาเวนเดอร์อ่อน ๆ

ลุงก้อง: “มื้อนี้มันฟีลขอแต่งงานเลยนะ”
พี่แม็กซ์: “ไอ้ภัทรเอาไวน์มาไว ๆ จะได้ขอกันซะที”

ดินสอทำหน้าแดงแล้วงับครัวซองต์
ภัทรยิ้ม… เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายเขิน แต่ไม่อยากให้เลิก



14:00 น. | เดินเล่น Le Marais – ย่านศิลปะหัวใจคนเท่

Le Marais คือย่านที่ผสมผสานอดีตและความร่วมสมัยได้ลงตัว
ตรอกหินแคบ ๆ เต็มไปด้วยคาเฟ่แปลกตา
ร้านหนังสือเก่าแบบตั้งซ้อน ๆ เป็นเนิน
เสื้อผ้าดีไซน์เนอร์ฝรั่งเศส local ที่ไม่มีขายที่ไหน

ดินสอกำลังเลือกโปสการ์ด
ภัทรแวะร้านขายยาใกล้ ๆ เพื่อซื้อของสำคัญ



ซีนเด็ดกลางร้านขายยา

พี่โต โอ๊ต พีท โจ เดินตามเข้าไปในร้านพอดี
ทุกคนหยุดพร้อมกัน…เมื่อเห็นภัทรหยิบ ถุงยางอนามัย 3 กล่อง ขึ้นวางเคาน์เตอร์

พีท: “มึงซื้อเผื่อใครวะ”

ภัทร (ไม่มอง): “กูซื้อเผื่อมึงได้ใช้ไม่ทันดู”

โจ: “แล้วของเดิมล่ะ?”

ภัทร: “หมดแล้ว”

เสียงฮาแตกทั้งร้าน
พี่โตยกนิ้ว: “ยอดมนุษย์!”
โอ๊ต: “กล้ามแน่นไม่พอ… stamina ก็ขั้นเทพ!”



17:00 น. | ช้อปปิ้ง Champs-Élysées – ปิดท้ายแบบปารีสสไตล์

ถนนที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันจะมาเดิน
แบรนด์หรูเรียงรายตั้งแต่ Louis Vuitton, Cartier, Guerlain
ภัทรจูงดินสอเข้าร้านน้ำหอม เจอดินสอเลือกขวดดีไซน์คลาสสิก

“มึงชอบกลิ่นไหน”

“กลิ่นที่ติดตัวมึงหลังอาบน้ำเมื่อคืน”

ภัทรสะดุด… หันมายิ้มกว้าง
“อันนี้ต้องซื้อเป็นลิตรแล้วล่ะ”



คณะทัวร์ทยอยซื้อของกันจุใจ
พี่แป๋วพี่พลอยช้อปจนเกินโควต้า
พี่แม็กซ์ลองเสื้อผ้าชุดที่หากใส่บนเตียงจะดึงดูดสายตาทุกคน
คุณเอิร์ธคุณต่ายถ่ายภาพหน้าร้าน Louis Vuitton แบบมุมกล้องเหมือนแคตตาล็อก



ในยามเย็นของปารีส
สายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน
ภัทรเดินจับมือดินสอแน่น ไม่สนว่าใครมอง

“กูซื้อครบแล้ว”
“แต่ของสำคัญสุด… กูพาออกจากไทยมาด้วยตั้งแต่วันแรก”

ดินสอหันมามอง
ไม่พูด
แต่จูบเบา ๆ ที่หลังมือของภัทร



และในเมืองแห่งความรัก
เงาของหอไอเฟลเริ่มทอดลงยาว
พร้อมกับใจสองดวง
ที่เริ่มรู้ว่า…

วิมานที่สร้างจากความรักครั้งนี้… มันไม่ใช่แค่ ‘เยี่ยม’ อีกต่อไปแล้ว
แต่มันคือ บ้าน ของเขาทั้งคู่
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:43:43
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 44 — คืนสุดท้าย ที่ใจไม่อยากให้เป็นคำว่า “สุดท้าย”

19:30 น. | ดินเนอร์ส่งท้ายทริป – ร้าน L’Avenue

L’Avenue คือร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์หรูร่วมสมัยใจกลาง Avenue Montaigne
สถานที่ที่ทั้งคนท้องถิ่น เซเลบ และนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์มักมา “ส่งใจ” กับค่ำคืนในปารีส

โต๊ะของคณะทัวร์ตั้งอยู่ด้านใน ใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นแสงสะท้อนจากถนนด้านนอก

เมนูของค่ำคืนนี้:

– Canard à l’Orange (เป็ดย่างซอสส้ม): หนังกรอบ เนื้อนุ่ม ฉ่ำซอส
– Huîtres fraîches (หอยนางรมสด): เสิร์ฟพร้อมเลมอนและน้ำจิ้มไวน์ขาว
– ไวน์ Bordeaux: ตัวท็อปประจำปี กลิ่นโอ๊คและผลไม้เข้มข้น

เสียงพูดคุยในโต๊ะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
พี่ดายกแก้วบอก “คืนนี้ใครอยากพูดอะไรก็พูดเลยนะ… เพราะพรุ่งนี้มันจะเหลือแค่ความทรงจำแล้ว”

ภัทรมองดินสอ
ดินสอไม่ได้พูด
แต่หันมาพิงแขนแฟนตัวโตเงียบ ๆ



21:30 น. | ล่องเรือแม่น้ำแซนน์ – ค่ำคืนสุดท้ายกับแชมเปญ และความรู้สึกที่ไม่มีใครพูดออกมา

แสงไฟจากสะพาน Pont Alexandre III พาดตัวลงบนน้ำ
Bateaux-Mouches ลำหรูค่อย ๆ เคลื่อนผ่าน Notre-Dame, Pont Neuf, Musée d’Orsay
สองฝั่งเต็มไปด้วยอาคารหินที่เปิดไฟสว่างนวล

ในมือคือ แชมเปญเย็นจัด
แต่ในอกกลับอุ่นเกินบรรยาย

บนดาดฟ้าเรือ… ภัทรกับดินสอยืนอยู่ข้างกัน
ไม่มีใครพูดอะไร
นอกจากแลกสายตากันเนิ่นนาน

บางที… คำพูดก็ไม่จำเป็น
เพราะในแววตาคู่นั้น
มันคือคำว่า “รัก” ที่ไม่มีคำใดแทนได้อีกแล้ว



23:00 น. | กลับถึงโรงแรม Shangri-La Paris

ภายในห้อง
ไฟส้มสลัว
ม่านบางลู่ลมเบา ๆ
เตียงปูเรียบร้อย
อ่างอาบน้ำยังมีเศษกลีบกุหลาบจากตอนเย็นที่แม่บ้านโรยไว้

ภัทรเดินเข้ามานั่งข้างเตียง
เงียบ
แต่แววตานั้น… จริงจังกว่าทุกวัน

“คืนนี้… คืนสุดท้ายของทริปแล้วนะมึง”

ดินสอหันมามอง

“กูอยากขอบใจที่มาด้วย ขอบใจที่อยู่กับกูตลอดแม้ทะเลาะบ้าง งอนกันบ้าง
แต่ทริปนี้… มันทำให้กูเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น กูฝันมาตลอดว่าซักวันหนึ่งกูจะได้มีอะไรกับมึงทั้งคืน
…ได้ไหม”

เสียงภัทรนิ่ง
จริงจัง
น้ำเสียงไม่ใช่แค่ตัณหา
แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นเกินจะซ่อนไว้อีก

ดินสอหลบตานิดหนึ่ง
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“…เอาจริงเหรอ”

“ที่ผ่านมา หลัง ๆ มานี่ ทุกคืนเลยนะเว้ย”

ภัทรยิ้ม หัวเราะเบา ๆ

“ก็กูเสพติดมึงไปแล้ว”



ดินสอมองหน้าแฟนตัวโตที่ทั้งรัก ทั้งลามก และทั้งอ่อนโยนกับเขาเสมอ
ก่อนจะกระซิบกลับเบา ๆ

“ก็โอเค… แต่กูขอเลือกเพลงเปิดก่อน”



เสียงเพลงฝรั่งเศสเบา ๆ ดังจากมือถือ
ม่านปิดลงช้า ๆ
เสื้อผ้าค่อย ๆ หลุดจากไหล่
และเสียงหายใจ… ก็เริ่มสอดประสานกันอีกครั้ง

คืนนี้ ไม่ใช่คืนธรรมดา
แต่มันคือ คืนที่คำว่า “แฟน” กลายเป็นคำว่า “บ้าน” ได้อย่างเต็มใจ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:45:04
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ — ฟินก่อนบิน (คืนนี้มึงคือไฟลท์สุดท้ายของกู)

00:05 น. | ห้องพัก Shangri-La Paris — คืนสุดท้ายของทริป

เตียงขนาดคิงไซส์หรูหรา
ผ้าปูเรียบแน่นจนอากาศแทบไหล
เสียงฝนบางเบาข้างนอกหน้าต่างที่มองเห็น หอไอเฟล
ค่อย ๆ จางลงเมื่อภัทรกดตัวดินสอลงบนเตียงเบา ๆ

“คืนนี้กูจะไม่ให้มึงได้นอน… แต่มึงจะได้ ‘พัก’ ในอ้อมแขนกูทั้งคืน”



ซีนละมุนเริ่มด้วยจูบ… แต่ไม่จบแค่นั้น
จากจูบ กลายเป็นลูบ
จากลูบ กลายเป็นจับ
จากจับ… กลายเป็นกอดแน่น ๆ แล้วกลิ่นกายอุ่น ๆ ของภัทรก็ห่อหุ้มดินสอจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันอีกเลย

ยาง — หนึ่งกล่องแรก หมดใน 2 ชั่วโมง

เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงเรียกชื่อ
“ภัทร…”
“ครับมึง”
“ยังไม่พอ…”
“กูก็ยังไม่หยุด”



ตีสาม — อ่างน้ำวนเปิดน้ำใหม่

ภัทรอุ้มดินสอลงอ่าง เหมือนจะให้พัก
แต่มือนั้นกลับลูบจากบ่าไปถึงสะโพก
ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาร้อนอีกครั้งในอ่าง
เสียงน้ำกระเพื่อมสลับกับเสียงคนที่ไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากเรียกชื่ออีกคนเบา ๆ

ยาง — กล่องที่สอง เริ่มเปิดตอนตีสี่สิบห้า



ตีห้า — พื้นห้องหน้ากระจก

“ไอ้ตัวเล็ก มึงแม่ง…”
“อะไร”
“ร้ายกว่าที่กูคิด”
“ก็กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงรอดนี่หว่า”

เสียงจูบซ้ำ ๆ
เสียงแผ่นหลังเสียดกับกระจก
เสียงหายใจขาดห้วงของภัทร
พร้อมมือที่เริ่มสั่นเพราะใช้แรงมาเกือบทั้งคืน



เช้า — ฟ้าเหลือง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

ม่านบางเริ่มเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีทองจาง ๆ
ดินสอทิ้งตัวลงบนอกภัทร
ในขณะที่ภัทรนอนหายใจแรง ขาทั้งสองข้างแทบไม่ขยับ

“ไหวมั้ย”

“กูว่าขากูไม่ตอบสนองแล้ว”

“แต่ใจมึงยังอยู่ใช่มั้ย”

ภัทรหัวเราะหอบ
“อยู่สิ มึงยังอยู่บนตัวกูอยู่เลยเนี่ย”



เสียงข้อความไลน์ของแก๊ง 500 ชาติดังขึ้น

ลุงก้อง: “ใครยังรอดตื่นอยู่บ้างวะ?”

พี่แม็กซ์: “เห็นแสงทองแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกจากเตียงเลย”

พีท: “ห้อง 608 ไม่ได้ยินเสียงตั้งแต่ตีหนึ่ง สงสัยกำลัง ‘บำเพ็ญภาวะ’ อยู่”

คุณต่าย: “แน่ใจนะว่าไม่ได้เบิร์นแคล 2,000 ไปแล้ว?”

เจน: “เดี๋ยว… แล้วใครจะอุ้มไอ้ภัทรขึ้นเครื่องตอนสาย?”



ดินสอ (นอนทับภัทร):
“ถ้าไม่ไหว กูก็จะลากมึงขึ้นเครื่องเอง”

ภัทร (หัวเราะหอบ):
“มึงมันตัวเล็ก… แต่แรงแม่งเยอะฉิบหาย”

จบด้วยเสียงจูบเบา ๆ บนหน้าผาก
ก่อนที่ทั้งคู่จะผล็อยหลับไปในเช้าอันอบอุ่น
พร้อมความรู้สึกว่า…

คืนนี้คือ “ฟินก่อนบิน”
แต่ความรักของเราจะยัง “ฟิน” ไปได้ไกลกว่าทุกไฟลท์ในโลกใบนี้
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:46:57
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 45 — เช้านี้กูยังไม่ฟื้นเลยมึง

07:45 น. | ห้องพัก Shangri-La Paris – หลังคืน “ฟินก่อนบิน”

แสงแดดสีเหลืองทองลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องพักหรู
เตียงผ้านวมยับยู่เหมือนผ่านสงครามกลางคืน
บนเตียง — ภัทรนอนหายใจช้า ๆ เหงื่อยังซึมตามไรผม หน้าอกกระเพื่อมหนัก ๆ

ขาขวาเกร็ง… ขาซ้ายพับแปลก ๆ
แขนวางแนบอกเหมือนคนเพิ่งรอดจากการโดนเวฟระลอกใหญ่ซัดเข้าฝั่ง

เสียงของดินสอดังขึ้นเบา ๆ
“ตื่นได้แล้วป่ะ… จะได้ลงไปกินข้าว”

ภัทร: “กูยังไม่รู้สึกถึงขาตัวเองเลย…”
“เมื่อคืนมันเกินขอบเขตมนุษย์แล้วมึง กูไม่คิดว่าคำว่า ‘ตลอดคืน’ จะจริงขนาดนี้”

ดินสอเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำในเสื้อคลุม
“มึงขอเอง… กูแค่ตามคำขอ”
แล้วส่งยิ้มมุมปากแบบคนที่รู้ว่าตัวเอง “เด็ด”



09:30 น. | มื้อเช้า Shangri-La Paris – แบบสบายกาย (แต่มึนหัวใจ)

ห้องอาหารเปิดโล่ง มองเห็นหอไอเฟลผ่านกระจก
กลิ่นกาแฟ Illy ลอยมาเบา ๆ เคล้ากับเสียงเพลงคลาสสิกในแบ็กกราวด์

ไลน์อาหารเช้า:
– ครัวซองต์อบสด
– ไข่ลวก 2 ฟอง (ภัทรเห็นแล้วสะดุ้ง)
– โยเกิร์ตผลไม้
– ซุปหัวหอมเบา ๆ
– ชา TWG / กาแฟดำเข้ม ๆ

แก๊ง 500 ชาติ เริ่มทยอยมานั่งรวมโต๊ะ

พี่แม็กซ์: “ภัทร มึงดูโทรมกว่าตอนวิ่งมาราธอนอีกนะ”

โอ๊ต: “เมื่อคืนกี่รอบวะ… กูถามจริง”

ภัทร: (พูดทั้งที่ตายังปรือ) “กูนับไม่ทัน… รู้ตัวอีกทีคือฟ้าเหลือง”

โจ: “ไอ้ดินสอ กูยกให้มึงเป็น MVP แล้วนะเว้ย”

พี่โต: “มึงอย่าลืมบินกลับไทยนะเว้ย… ไม่ใช่ลอยกลับเพราะหมดแรง!”



11:00 น. | เดินเล่นชิลล์ – สวน Jardin du Luxembourg

ภัทรใส่แว่นดำ เดินช้า ๆ แบบคนที่ยังเจ็บก้นเบา ๆ
ดินสอถือกล้อง เดินอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเหมือนคน “เก็บแต้มเมื่อคืนสำเร็จ”

สวนเงียบ ลมเย็นพัดพาเสียงใบไม้กรอบแกรบ
สองคนหยุดที่บ่อน้ำกลางสวน
ถ่ายภาพ Portrait ที่สะท้อนรอยยิ้มในดวงตาโดยไม่ต้องแต่งเพิ่ม



12:30 น. | มื้อกลางวัน – L’As du Fallafel @ Le Marais

ร้านสตรีทฟู้ดดังในย่านเก่าแก่
Fallafel ลูกชิ้นถั่วบดทอดกรอบ เสิร์ฟในพิต้าอบใหม่
ใส่ผักดอง ซอสกระเทียม ซอสพริก และทาฮินี

ภัทรกัดคำแรก แล้วน้ำตาไหล
เจน: “ไอ้ภัทรร้องเพราะซึ้งหรือเพราะเผ็ด”

ภัทร: “ไม่รู้ว่าหัวใจกูหรือสะโพกกูพังก่อนกันแน่ตอนนี้…”



14:45 น. | ร้านขายยาใน Le Marais – เชี่ย (อีกแล้ว)

ภัทรแยกตัวออกจากกลุ่มเล็กน้อย
เดินเข้าร้านขายยาเงียบ ๆ
เดินตรงไปที่ชั้นเดิม…

หยิบ “ถุงยาง 3 กล่อง” ขึ้นมาตรงเคาน์เตอร์อย่างมั่นใจ

พี่แม็กซ์ โอ๊ต พีท โจ เดินตามมาเห็นพอดี

ทุกคนเงียบ… แล้ว อุทานพร้อมกันเสียงดังว่า
“เชี่ย!!!!!!!”

พีท: “นี่เราจะบินแล้วเว้ย!! มึงจะเอาไปแจกคนบนเครื่องเหรอ!”

ภัทร (ยิ้มมุมปาก): “ของเดิมก็หมด… ของใหม่ไว้เผื่อไฟลท์ดีเลย์อะ”

โอ๊ต: “ถ้ามึงยังมีแรงเหลือ กูจะพามึงไปเข้า Guinness World Record แทนแล้วนะเว้ย”

โจ: “ไอ้นี่แม่งไม่ใช่คน… มันเป็นอสูรกล้ามแน่น!”



18:00 น. | กลับโรงแรม – จัดกระเป๋าเตรียมกลับไทย

ดินสอแพ็คของเงียบ ๆ
ภัทรนอนเหยียดยาวบนเตียง
กล้ามยังเด้ง… แต่ตาทั้งสองข้างเริ่มปิด

“คืนนี้นอนนะ กูขอ…”
“กูไม่เอาแล้วนะ…”
“เอาไว้กลับไทยก่อนก็ได้… กูขอสองวันพักฟื้น…”

ดินสอ (ยิ้ม):
“ไว้กูจะซื้อถุงยางให้กล่องใหญ่เลยนะ”

ภัทร (เสียงแผ่ว):
“ซื้อให้กู… หรือซื้อกันตัวเอง?”

ดินสอไม่ตอบ
แต่เดินมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

“มึงก็เดาเอาเองสิ… ไอ้ยอดมนุษย์”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:48:24
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ — ฟินก่อนกลับ (คืนนี้มึงจะจำชื่อกูได้ทั้งชาติ)

21:50 น. | ห้องพัก Shangri-La Paris – คืนก่อนบินกลับไทย

ภายในห้องอันแสนหรูที่กลายเป็นสนามรบยามค่ำคืนอีกครั้ง
กลิ่นหอมของเทียนกลิ่นวนิลา
แสงไฟส้มอ่อนจากโคมทรงคริสตัล
ดินสอกำลังเปิดกระเป๋าเช็กของ… ก่อนจะหันไปเห็นบางคนยืนพิงผนัง
นุ่งผ้าเช็ดตัวไว้แค่สะโพก กล้ามขึ้นเป็นมัด ๆ
ตาแดงนิด ๆ แต่แวววิบวับเหมือนคนจะก่อการ

ภัทร (เสียงต่ำ):
“เมื่อคืนกูไม่ได้แพ้… แค่ผ่อนแรงให้มึงได้พักบ้าง”
“แต่คืนนี้… กูจะใช้ถุงยางให้หมดทั้งแผง — 3 กล่อง รวม 36 ชิ้น”
“วันนี้ กูจะเป็นคนคุมเกมเอง”

ดินสอเงยหน้าช้า ๆ
“…มึงแน่ใจ?”

ภัทรไม่พูด
แต่เดินเข้ามายกตัวดินสอขึ้นแนบอกเลยทันที



เวลาไม่ถูกจดไว้ เพราะทุกวินาทีมีแต่เสียงหอบหายใจ

จากเตียง
ไปโซฟา
จากโซฟา
ไปพรม
จากพรม
…กลับขึ้นโต๊ะกระจก

ยางกล่องแรกหมดตอน 23:15 น.
กล่องที่สองหมดตอนตีหนึ่งสิบนาที
กล่องสุดท้าย… ขาดตอนตีสองห้าสิบเจ็ด

เหงื่อเปียกทั้งตัว อกขึ้นเป็นเงา
รักแร้เปียก กล้ามแน่นสะท้อนแสงไฟ
เสียงดินสอกระซิบเบา ๆ:
“พอก่อน พอก่อน พอก่อน…”

แต่ภัทรกอดแน่น แล้วกระซิบเสียงแหบ
“มึงขอกูแบบนี้… กูหยุดไม่ได้แล้ว”



ตีสามครึ่ง — บนเตียงผ้านุ่มของห้องพักหรู
ภัทรนอนหายใจแรง
หน้าอกกระเพื่อมจนเห็นชัด
กล้ามแขนที่เคยแน่นตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นปาดเหงื่อ

ดินสอนั่งคร่อมอยู่ข้าง ๆ ลูบหัวแฟนตัวโตเบา ๆ

“…พ่อ Superman ของกู”

ภัทรหันมามอง
ยังหอบ ยังเหงื่อซึม
ยังหมดแรงเหมือนคนเพิ่งโดนดูดวิญญาณ

แต่ก็ยังยิ้ม

ดินสอก้มลงกระซิบข้างหู

“แต่ถ้ามึงกล้าไปทำแบบนี้กับใครนะ กูตัดของมึงแน่”



ภัทรไม่ได้ตอบอะไร
เพราะพูดไม่ไหว
ได้แค่นอนอ้าปากหายใจ
เหมือนปลาที่เพิ่งโดนลากขึ้นบก

จบด้วยภาพของคนตัวโตนอนหมดสภาพ อกชุ่มเหงื่อ
ข้างกายคือคนตัวเล็กที่ยิ้มกวน ๆ พร้อมพูดเบา ๆ

“พักให้พอนะพ่อ Superman… พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านของเราแล้ว”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:49:55
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 46 — สลบเหมือด บนไฟลท์แห่งความรัก

06:00 น. | ห้องพัก Shangri-La Paris — เช้าวันที่ 20

เสียงนาฬิกาปลุกของโรงแรมดังขึ้นพร้อมกับแสงแดดเช้าลอดม่านเข้ามา
บนเตียง… ภัทรนอนหมดแรง แขนกาง ขาชา หน้าท้องเต็มไปด้วยรอยเล็ก ๆ จากเล็บของดินสอเมื่อคืน

ผ้าห่มคลุมอยู่ครึ่งตัว
เหงื่อยังซึมซับอยู่ตามร่องอก และรักแร้
กล้ามแน่น ๆ ตอนนี้ดูน่วมเล็กน้อย เหมือนคนเพิ่งผ่านศึกเผด็จศึกมาราธอน 12 ชั่วโมง

ดินสอเดินออกจากห้องน้ำ
ใส่เสื้อเชิ้ตตัวหลวมของภัทร
ในมือถือแปรงสีฟันของอีกฝ่าย แล้วพูดเบา ๆ

“ตื่นได้แล้วไอ้ Superman… ต้องไปสนามบินแล้วนะ”

ภัทรครางเบา ๆ ในลำคอ
“กูยังไม่รู้สึกว่าขากูเป็นของกูเลยมึง…”

ดินสอเดินมาโยนยางอนามัยกล่องเปล่าลงถังขยะ
ก่อนจะหันมายิ้ม
“เมื่อคืนกูให้มึงคุมเกมเองแล้วนะ… พอใจยัง?”

ภัทรพยักหน้าอ่อนแรง:
“พอ… กูพอแล้ว… กูขอข้าวต้มกับเตียงไทย กูไม่ต้องการอย่างอื่นแล้ว”



07:00 น. | เช็คเอาต์ – เดินทางสู่สนามบิน Charles de Gaulle

รถโค้ชของคณะทัวร์เคลื่อนออกจากโรงแรม Shangri-La อย่างสงบงาม
วิวหอไอเฟลยามเช้าสะท้อนบนกระจกหน้าต่างราวกับภาพฝัน

พี่แม็กซ์มองภัทรที่เดินขึ้นรถช้า ๆ
“โอ๊ย มึงนี่มันไม่ใช่แค่ยอดมนุษย์แล้ว มึงคือวิมานเคลื่อนที่!”

โอ๊ต: “อาการคนขาดโปรตีน… หรือคนหมดน้ำในตัววะ”

ภัทร (นั่งปุ๊บ หลับพิงดินสอทันที):
“กูจะหลับ กูจะฝันถึงอ่างน้ำ… แต่ไม่มีมึงอยู่ในฝันนะ กูขอพักบ้าง”

ดินสอหัวเราะเบา ๆ แล้วลูบผมอีกคนเบา ๆ
“ได้… คืนนี้กูจะให้มึงพัก… สองวัน”



10:30 น. | บินกลับไทย โดยสายการบินเดิม – Business Class

เครื่องบิน Airbus A350 ลำเดิมที่เคยพาทุกคนมาสู่ฝรั่งเศส
ตอนนี้กำลังจะพาทุกคนกลับประเทศไทย พร้อมหัวใจที่แน่นด้วยความรู้สึก

ห้องโดยสาร Business Class หรูหราตามเคย
เบาะปรับนอนได้เต็มที่
เซ็ต amenity สีเทาเงิน
ผ้าห่มอุ่น กาแฟหอม และการต้อนรับอย่างมืออาชีพ

เมนูบนเครื่อง:

– Starter: กุ้งลายเสือย่างซอสซีฟู้ดฝรั่งเศส
– Main: ข้าวอบเนยกับอกเป็ดตุ๋นไวน์แดง
– Dessert: มูสช็อกโกแลตฝรั่งเศสและผลไม้สด
– Wine: Bordeaux & Champagne

ดินสอป้อนข้าวให้ภัทรที่ยังไม่ยอมตื่นเต็มตา

คุณเอิร์ธแอบถ่ายรูป แล้วบอกคุณต่ายเบา ๆ:
“นี่แหละ… คนที่ชนะใจได้ทั้งทริป ทั้งเตียง และทั้งหัวใจ”



06:00 น. (วันรุ่งขึ้น) | สนามบินสุวรรณภูมิ – กลับถึงไทย

แสงไฟในอาคารผู้โดยสารสะท้อนสายตาที่ล้าแต่เปี่ยมด้วยพลัง
ทุกคนทยอยลากกระเป๋า
บ้างแยกย้าย
บ้างกอดลา
แต่ทุกคน… ยิ้ม

ลุงก้องตะโกนแซวท้ายรถกอล์ฟ:
“ใครได้กันแล้ว ชูมือหน่อย!”

ป้าอุ๊: “อย่าชูแรง เดี๋ยวขาสั่นตกเก้าอี้!”

ภัทรกับดินสอแค่สบตากัน… แล้วจับมือกันแน่น

เพราะพวกเขาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
ไม่ต้องประกาศอะไรให้โลกรู้

…เพราะพวกเขารู้กันสองคนว่า

วิมานที่เคยเยี่ยมแวะมา 20 วัน
…ตอนนี้มันได้ ตั้งหลักอยู่ในใจ แล้วตลอดไป
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:51:30
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ — ความทรงจำแต่ละคน

เสียงเครื่องยนต์ยังคงกึกก้องอ้อยอิ่งอยู่ในความคิด
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งในที่นั่งของตัวเอง
บนเที่ยวบินกลับประเทศไทย

ทริป 20 วันผ่านไปเหมือนภาพสไลด์
แต่ในใจของแต่ละคน… ยังไม่พร้อมจะกดปิด



ป้าอุ๊ – “ลูกฉันโตหมดแล้ว… แต่หัวใจแม่ยังหายใจได้ดีเสมอเมื่อได้ออกเดินทาง”

เธอหลับตาลงเบา ๆ
นึกถึงกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ Provence
และเสียงหัวเราะของภัทรดินสอตอนทะเลาะกัน
“เด็กสองคนนั้น… เหมือนฉันย้อนกลับไปตอนเป็นสาว”



ลุงก้อง – “บางที… สิ่งที่ดีที่สุดของการเที่ยว ก็คือการได้ฟังคนอื่นแซวเราโดยไม่ต้องโกรธ”

เขายิ้ม
นึกถึงตอนถูกแซวว่า “มองผู้หญิงร้านน้ำหอม”
ตอนกินไวน์แดงแล้วหน้าแดง
ตอนเผลอหลับแล้วกรนใส่พี่ดาบนรถไฟ

…และตอนที่ภัทรขาสั่นแต่ยังยิ้มได้



พี่แป๋ว – “ฉันซื้อกระเป๋ามา 3 ใบ แต่สิ่งที่หนักที่สุดไม่ใช่ของในกระเป๋า… แต่เป็นความคิดถึงที่ยังไม่ทันเริ่ม”

เธอกอดกล่องน้ำหอมไว้แน่น
นึกถึงตอนดินสอเลือกกลิ่นให้ภัทร
นึกถึงสายตาทั้งคู่ที่ไม่พูด…แต่เข้าใจ
เธออดไม่ได้จะอมยิ้ม

“ฉันอยากให้แฟนเก่าฉันพามาแบบนี้บ้างว่ะ…”



พี่พลอย – “ไม่คิดว่าอิตาลีกับฝรั่งเศสจะเป็นฉากรักของใครบางคนที่เรารักเหมือนน้อง”

เธอเลื่อนดูรูปที่ถ่ายให้ดินสอในตอนพระอาทิตย์ตกที่เวนิส
แล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงประโยคที่ดินสอพูดว่า

“ถ้าเราอยากให้เก้าอี้สองตัวหันหน้าเข้าหากัน… เราต้องเริ่มหันของเราก่อน”



พี่ดา – “วัยเรามันไม่ต้องเจอความรักใหม่… แต่ได้เห็นความรักของคนอื่น มันก็เติมเต็มดีเหมือนกัน”

เธอหยิบโน้ตในมือถือ
พิมพ์ชื่อร้านอาหารที่ชอบในทริป
กับบรรทัดหนึ่งด้านล่าง

“‘รัก’ ไม่จำเป็นต้องเริ่มใหม่… แค่ได้เห็นใครสักคนไม่ยอมแพ้ ก็คุ้มแล้ว”



พี่แม็กซ์ – “รักของเขา ทำให้เราอยากกลับไปมีรักของเราอีกครั้ง”

เขานึกถึงสายตาของภัทรเวลามองดินสอ
กับจังหวะที่เขาแซวแล้วดินสอหน้าแดง
มันเป็นความสุขที่แท้จริง

“วันหนึ่งฉันจะมีแฟนที่กล้าบอกว่า ‘คืนนี้กูจะคุมเกม’ เหมือนภัทรให้ได้”



เจน – “ความรักที่มีพยานเป็นคนทั้งทริป มันชัดกว่ารักในหนัง”

เธอมองรูปที่ถ่ายตอนดินสอกอดภัทรแน่นที่ริมทะเลสาบ Lucerne
แล้วพิมพ์แคปชั่นใน IG ไว้รอ

“ไม่ต้องอ้อน… แค่มึงอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”



คุณเอิร์ธ & คุณต่าย – “เราคือล่ามิชลิน… แต่ทริปนี้คือการล่าความรักของคนอื่น”

ทั้งคู่เปิดแอปจดชื่อร้านอาหาร
แล้วเขียนเชิงอรรถไว้ด้วย

– Le Jules Verne: “ตอนที่ดินสอเริ่มหึง”
– La Roue d’Or: “วันที่ภัทรเล่นดนตรีข้างถนนให้ดินสอฟัง”
– Tickets: “ค่ำคืนก่อนพัง!”



โอ๊ต & พีท – “กูไม่เคยคิดว่าผู้ชายสองคนที่เถียงกันทั้งวัน จะรักกันได้มากขนาดนี้”

โอ๊ต: “เอาจริงนะ กูก็แอบอยากได้คนแบบดินสอวะ”
พีท: “แต่กูอยากได้แบบภัทร…”
แล้วทั้งคู่ก็เงียบ… ก่อนจะพูดพร้อมกันว่า

“หรือมึงจะลองเป็นของกูก่อนดี?”



โจ – “ผมเคยคิดว่าผมอาจชอบดินสอ… แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าผมรักเวลาที่เขารักกัน”

เขาเขียนข้อความลงใน Notes:
“ครั้งหน้า… ถ้าผมมีแฟน ผมอยากให้เธอเดินเข้ามาในฝรั่งเศสในหัวใจผม แบบที่ดินสอเดินเข้าหาหัวใจของภัทร”



ภัทร – “กูไม่รู้ว่าวิมานจะอยู่ได้ตลอดไปไหม… แต่กูรู้ว่ากูจะทำให้มันอยู่ได้นานที่สุด”

เขานอนพิงเบาะ
มือจับมือดินสอแน่น

“กูยังจำตอน ป.1 ได้เลย… แล้วตอนที่กูจะตาย กูก็อยากจำมึงเป็นภาพสุดท้ายเหมือนกัน”



ดินสอ – “กูเคยกลัวว่ารักครั้งนี้จะจบลง… แต่ตอนนี้ กูไม่กลัวแล้ว”

เขามองหน้าแฟนที่หลับพิงไหล่อยู่
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“มึงไม่ต้องเป็น Superman หรอก… แค่มึงเป็นมึงอยู่ตรงนี้ กูก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว”



และที่นั่งริมหน้าต่างของเครื่องบินที่กำลังบินผ่านเมฆเหนืออินเดีย

คือที่ที่หัวใจทั้ง 14 คนของทริปนี้
รู้ว่า…

“วิมาน…ไม่ได้เป็นแค่จุดหมาย
แต่มันอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:52:59
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 47 — ยืนรอกระเป๋า… แล้วหัวใจแม่งเหมือนยังอยู่ฝรั่งเศส

06:00 น. | สุวรรณภูมิ – วันแรกหลังกลับไทย

เสียงประกาศจากกัปตันแว่วในหู
“ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านปรับพนักพิงตั้งตรง ปิดโต๊ะหน้าที่นั่ง และรัดเข็มขัดนิรภัย…”

แสงแดดไทยยามเช้า สาดเข้าทางหน้าต่างขวาของเครื่อง
ภัทรลืมตาช้า ๆ
แล้วก้มลงมองคนที่หลับพิงแขนตัวเองอยู่

ดินสอยังหลับตาอยู่…แต่จับมือแฟนแน่นไม่ปล่อย
เหมือนกลัวว่าเมื่อลืมตาแล้ว ทุกอย่างจะเป็นแค่ฝัน



06:25 น. | เท้าสัมผัสพื้นไทยอีกครั้ง

กลิ่นอากาศในท่อเทียบเครื่อง
เสียงเจ้าหน้าที่พูดไทย
เสียงคนดึงกระเป๋าเดิน

ทุกอย่างดูคุ้น… แต่ในใจยังไม่ชิน

เจน (หันมา):
“กลับไทยแล้วเว้ย”

พี่แป๋ว:
“แต่ใจฉันยังอยู่ Lucerne”

พี่ดา:
“ของฉันยังติดอยู่ที่อ่างน้ำห้อง Shangri-La…”

ทุกคนหันไปมองภัทรพร้อมกันทันที

ภัทร (ยิ้มเหนื่อย ๆ):
“กูก็อยากกลับไปเอาขาของกูคืนเหมือนกัน…”



06:40 น. | ตม. สุวรรณภูมิ – ไม่มีคิวอีกต่อไป

คนไทยที่ถือ Passport รุ่นใหม่ ไม่ต้องกรอกใบ ตม.
ไม่ต้องต่อคิว
แค่เดินเข้าเลน “Thailand Passport – Autogate”
สแกนหน้า… ประตูเปิด… เสร็จ

ภัทรยืนข้างดินสอ
มองอีกฝ่ายสแกนหน้าแล้วไฟเขียวขึ้น
“กูว่ามึงยิ้มแบบนี้ มึงเหมาะกับไฟสีเขียวว่ะ”

ดินสอหันมาหัวเราะเบา ๆ:
“มึงก็รีบผ่านไปสิ… จะได้ไปยืนรอกูหน้าสายพานแบบพระเอก”

ภัทรเดินผ่าน Autogate ด้วยรอยยิ้มเบี้ยว ๆ แต่ตาหวานฉ่ำ
เหมือนแค่ผ่านจุดนี้ไป ก็เป็นอีกก้าวของชีวิตที่ “อยากอยู่กับมึงตลอดไป”



06:50 น. | สายพานรับกระเป๋า – Baggage Claim

สมาชิกคณะทัวร์ยืนเรียงกันข้างสายพาน
บางคนหาว บางคนหยิบมือถือ
แต่ดินสอยืนพิงไหล่ภัทร
แล้วพูดเบา ๆ แบบที่ไม่มีใครได้ยิน

“มึงจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมเลยไหมวะ?”

ภัทรไม่ตอบทันที
แต่จับมือนั้นแน่นขึ้นอีกนิด

“…กูไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมไหม
แต่กูรู้ว่าหลังจากทริปนี้ กูไม่อยากอยู่โดยไม่มีมึงอีกแล้วว่ะ ดินสอ”



07:10 น. | กระเป๋าใบสุดท้ายมาถึง — และการเดินออกจาก Arrival Hall

ภาพจาก 20 วันค่อย ๆ ลอยย้อนเข้ามา
เสียงหัวเราะ เสียงเพลง เสียงทะเล
เสื้อผ้าในกระเป๋าที่เปื้อนทราย
ของฝากที่ยังไม่รู้จะให้ใคร
และกลิ่นตัวของใครบางคน…ที่ยังอยู่ในหัวใจ



“กูกลับมาถึงไทยแล้วนะ…”
ภัทรพูดเบา ๆ ข้างหูดินสอ

“อือ กูก็ด้วย”
ดินสอตอบ
ก่อนจะพูดต่อแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย

“แต่กูว่าหัวใจกู… ยังอยู่ที่ฝรั่งเศสกับมึงนั่นแหละ”

ภัทรหันมายิ้ม ก้มลงจูบหน้าผาก

“เดี๋ยวพากลับไปเอา…”

หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:54:30
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 48 — แค่หันเก้าอี้เข้าหากัน เราก็เห็นหน้ากันชัดขึ้น

วันจันทร์ – หนึ่งสัปดาห์หลังกลับจากยุโรป

เช้าอันเงียบเหงา
เสียงนาฬิกาปลุกจากคนละมุมของกรุงเทพฯ
เตือนให้รู้ว่า วิมาน 20 วันจบลงแล้ว… แต่ชีวิตยังต้องไปต่อ



สำนักงานของภัทร – สตาร์ทอัปเทคฯ ชั้น 34 ย่านอโศก

ภัทรยืนหน้าโต๊ะประชุม
สไลด์เบื้องหลังคือโลโก้บริษัทใหม่ที่เพิ่งปิดดีลจากยุโรป
แต่ในใจกลับคิดถึงอย่างเดียว…

“เมื่อคืนดินสอนอนถึงกี่โมงวะ”



เสียงเลขาดังขึ้นขัดจังหวะ:
“คุณภัทรคะ ลูกค้าญี่ปุ่นขอเลื่อนประชุมเป็นบ่ายโมงนะคะ”

ภัทรพยักหน้า แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ:
“กูต้องโทรหามึงตอนเที่ยงให้ได้เลยนะ ดินสอ…”



อีกฝั่งของเมือง – สตูดิโอเล็ก ๆ ใกล้พระราม 9

ดินสอ นั่งหน้าจอ Mac Studio
เปิดไฟสีวอร์มในห้องที่มีแต่เสียงเพลงคลาสสิก
โปรเจกต์ออกแบบร้านกาแฟในลิสบอนอยู่ตรงหน้า
แต่มือขวากำลังวาดเส้นเดียววน ๆ ซ้ำ

ใจลอยไปที่คนตัวใหญ่ที่เคยนอนข้าง ๆ ทุกคืน

เสียงแจ้งเตือน LINE เด้งขึ้น:

ภัทร:
“กินข้าวยังมึง”

ดินสอยิ้มมุมปากเล็ก ๆ

ดินสอ:
“ข้าวสั่งแล้ว ยังไม่ได้เคี้ยว”
“มึงล่ะ”



กลางวันวันเดียวกัน – โทรศัพท์ดังขึ้น

ภัทร: “กูแค่โทรมาฟังเสียงว่ามึงยังอยู่ดี”
ดินสอ: “เมื่อคืนก็อยู่ดี… แค่นอนไม่มีคนกอดเท่านั้นเอง”

เสียงภัทรเงียบไปนิด
ก่อนจะพูดแบบคนที่เริ่มหัดฟัง

ภัทร:
“กูไม่ใช่คนพูดเก่งเรื่องพวกนี้ แต่… กูพยายามอยู่นะเว้ย
กูไม่อยากให้มึงเป็นคนหันเก้าอี้เข้ามาคนเดียวแล้วเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว”



ค่ำวันนั้น – ทั้งสองต่างอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ในห้องที่เคยเงียบ… แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป

ดินสอเปิดโน้ตในไอแพด
เขียนหัวข้อไว้ว่า
“Project: บ้านหลังใหม่ของเรา (เผื่ออนาคต)”



ภัทรนั่งพิงเก้าอี้
มือถือสมุดวาดเล่น แล้ววาดภาพดินสอในเสื้อคลุมโรงแรม
เขียนไว้ใต้ภาพว่า
“สิ่งที่กูอยากตื่นมาเห็นทุกเช้า”



คืนนั้น ทั้งคู่ไม่ได้วิดีโอคอล
แค่ทิ้งข้อความไว้ก่อนนอน

ภัทร:
“วันนี้กูอาจยังไม่เก่งเรื่องความรัก แต่กูจะค่อย ๆ หัดไปพร้อมมึงนะ”

ดินสอ:
“แค่เก้าอี้หันเข้าหากัน… ถึงจะเหนื่อยบ้าง แต่กูก็ไม่อยากหันไปทางอื่นแล้วล่ะ”



ในความเงียบของห้องนอนทั้งสองฝั่ง
พระเอกกับนายเอกที่รักกันมานาน
ไม่ได้ต้องการอะไรหวือหวาอีก

แค่มี “ความพยายาม”
ในทุกวันธรรมดา
เพื่อให้วิมานของพวกเขา… ไม่ใช่แค่ที่พักใจ
แต่เป็นที่อยู่ที่มั่นคงตลอดไป
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:55:54
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 49 — คืนนั้นในคอนโดของเรา…ที่เคยไม่เหมือนเดิม

เวลา 20:15 น. | คอนโดห้อง 2602 ย่านสุขุมวิท

เสียงเปิดประตูดัง ติ๊ด เบา ๆ
ก่อนที่ประตูจะเปิดออก และคนสองคนจะยืนมองเข้าไปในห้องพัก
ห้องที่เคยนอนด้วยกันบ่อยมากในช่วงปีแรก ๆ ของความรัก
แต่ในช่วงปีหลัง ๆ… กลับห่างเหินกันโดยไม่มีคำพูด

ภัทรวางกระเป๋าลงช้า ๆ
เปิดไฟห้องนั่งเล่น
ไฟสีอุ่นส่องลงบนโซฟาสีเทาที่เคยเป็นที่โปรดของดินสอ

ดินสอเดินตามเข้ามา ไม่พูดอะไร
แค่ยืนเงียบ ๆ มองรอบห้อง
ที่เคยมีเสียงหัวเราะ… และเสียงทะเลาะ
บางมุมยังมีกล่องของขวัญที่ไม่ได้เปิด
และในครัว…มีช้อนที่ไม่เคยใช้



ภารกิจที่ 1 — ทำอาหารเย็นด้วยกัน

“วันนี้ไม่สั่งข้าวนะ” ภัทรพูด
“ลองทำด้วยกันดู กูก็อยากใช้ครัวซะที”

ดินสอพยักหน้า แต่ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งคู่เริ่มหยิบของจากตู้เย็น
พบว่า…ของหมดอายุครึ่งตู้
ดินสอหัวเราะ: “คือพอมึงไม่อยู่ กูก็ไม่ได้มาบ่อย… แล้วตอนอยู่ก็ไม่เปิดตู้เย็นเลยไง”

ภัทรยิ้มแหย
“กูก็เหมือนกันว่ะ…”



สองคนเริ่มล้างผัก
แยกวัตถุดิบ
ต้มซุปง่าย ๆ
ผัดไข่กับข้าว
และระหว่างนั้น…

เสียงช้อนกระทบกระทะ
เสียงน้ำเดือด
เสียงหัวใจที่ค่อย ๆ เต้นสอดกันอีกครั้ง



ภารกิจที่ 2 — พับผ้าด้วยกัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ
ตะกร้าผ้าเก่า ๆ ในห้องน้ำเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ได้พับตั้งแต่ก่อนทริป

“เดี๋ยวช่วยพับหน่อยนะ กองนี้มันหลอนกูมาหลายเดือนแล้ว”
ภัทรว่า

ดินสอพับเสื้อเสร็จก็วางเรียงบนเตียง
“เสื้อมึงนี่ต้องพับยากกว่าชาวบ้านอีก แขนแม่งใหญ่เป็นตึก”

ภัทรหัวเราะ: “กูก็ต้องฟิตไว้เผื่อมีคนใช้แขนกูเป็นหมอนข้างอะดิ”



ภารกิจที่ 3 — นอนด้วยกันในห้องเดิม…ที่เคยไม่เหมือนเดิม

ทั้งคู่ขึ้นเตียง
ไฟหัวเตียงดับ
ในความมืด…ได้ยินแต่เสียงหายใจ และเสียงแอร์เบา ๆ

ดินสอ:
“ตอนนั้นที่เราทะเลาะกันบ่อย ๆ กูกลัวมานอนที่นี่นะ”
“กลัวเงียบ… กลัวมองหน้าแล้วไม่รู้จะคุยอะไร”

ภัทรตอบเบา ๆ:
“กูก็กลัวเหมือนกัน…
แต่ตอนนี้กูไม่กลัวแล้วว่ะ เพราะต่อให้ไม่รู้จะคุยอะไร กูก็อยากอยู่ข้างมึงมากกว่าอยู่คนเดียว”



มือข้างหนึ่งของดินสอค่อย ๆ เอื้อมมาจับมือภัทรใต้ผ้าห่ม

“คืนนี้เราไม่ต้องมีอะไรนะ…” ดินสอพูด
“แค่ได้นอนด้วยกัน…ก็พอ”

ภัทรบีบมือนั้นแน่นขึ้น

“พรุ่งนี้กูอาจยังเป็นคนที่พูดแรงบ้าง… ลืมฟังบ้าง…
แต่มึงจะเห็นว่ากูพยายามจริง ๆ”



ในความเงียบของห้องคอนโด
เตียงเดิม ผ้าห่มเดิม
แต่เสียงหัวใจ…ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

คืนนี้ไม่ใช่คืนโรแมนติกแบบยุโรป
แต่เป็นคืนที่ คนสองคนพยายามหันเก้าอี้เข้าหากันในบ้านของตัวเอง

และนั่น…มันยากกว่าแค่จูบกันเสียอีก
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:57:21
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 50 — เหนื่อยแค่ไหน ก็ยังอยากนั่งหันหน้ากับมึง

วันพุธ – สองสัปดาห์หลังกลับจากยุโรป

21:48 น. | คอนโดห้องเดิม — แต่เวลาคนละแบบ

ดินสอนั่งที่โต๊ะทำงาน
แบบร้านคาเฟ่ญี่ปุ่นที่ต้องส่งให้ลูกค้าคืนนี้
สายตาเริ่มพร่า
มือจับสไตลัสแน่น
คาเฟอีนหมดฤทธิ์ไปตั้งแต่หนึ่งทุ่ม



อีกฝั่งของห้อง — ภัทรนั่งโทร Zoom อยู่หน้าโน้ตบุ๊ก
ประชุมกับทีมฝั่ง Berlin ที่เพิ่งเปิดดีลใหม่
สีหน้าเริ่มเครียด เสียงเริ่มแข็ง
“แต่ถ้า delay เราก็ต้อง rescope ฟีเจอร์ทั้งหมดนะครับ ไม่งั้นทีม dev ฝั่งไทยจะรับไม่ทันแล้ว!”



ห้องทั้งห้องเงียบ
มีแต่เสียงพิมพ์ เสียงประชุม
และเสียงถอนหายใจสลับกันเบา ๆ

23:05 น. | ดินสอลุกจากโต๊ะ… มาหยุดตรงหน้าภัทร

“กูทำอาหารไว้นะ ไม่ต้องอุ่น กินได้เลย”

ภัทรหันมา:
“มึงยังไม่ได้นอนเลยเหรอ”

“ยัง… แต่กูรู้ว่ามึงก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน”

ภัทรถอนหายใจเบา ๆ
ก่อนจะดึงดินสอเข้ามากอดช้า ๆ
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่ปิดคอม

“ขอบใจนะ… ถึงมึงจะไม่พูดอะไรก็เถอะ
แต่กูรู้ว่ามึงเหนื่อย… แล้วก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามอยู่ดี”



01:17 น. | ไฟในห้องดับ — เตียงเงียบ แต่หัวใจยังเต็ม

คืนนี้ไม่มีจูบ
ไม่มีแม้แต่บทสนทนายาว ๆ
แค่สองร่างนอนข้างกัน
ในท่าที่อาจจะเมื่อยหน่อย แต่รู้สึกปลอดภัย



เช้า — ตี 5:58 น. | เสียงนาฬิกาปลุกดัง

ดินสอสะลึมสะลือ ลุกไปก่อน

เดินไปปิดไฟห้องครัวที่ลืมไว้
หันมาเห็นภัทรยังนอนคว่ำหน้าอยู่
กล้ามแน่น ๆ พาดขวางหมอน
เสื้อหลุดไปครึ่งตัว

ดินสอยิ้มเบา ๆ แล้วพูดกับตัวเองในใจ

“ยังไม่ต้องเป็นวิมานใหญ่ก็ได้… แค่เป็นบ้านที่มีคนนี้อยู่ก็พอแล้วตอนนี้”



แม้ภารกิจจะเริ่มหนัก
แม้เวลาจะไม่เหมือนเดิม
แต่การหันหน้าเข้าหากันในทุกคืนก่อนนอน
มันกำลัง “เปลี่ยนชีวิต” ของคนสองคนทีละนิด

และใช่…
มันเหนื่อย
แต่มันยัง “ทนไหว”
เพราะเขารู้ว่า พรุ่งนี้จะยังตื่นมาแล้วเจออีกคนอยู่ตรงนี้เสมอ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 09:58:44
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 51 — พอเราต่างเหนื่อย เราก็เริ่มมองกันไม่เหมือนเดิม

วันศุกร์ – สามสัปดาห์หลังกลับจากยุโรป

เสียงฝนตกกลางเมือง
ไฟรถติดยาวไปทั้งสุขุมวิท
กลิ่นกาแฟในห้องทำงานของดินสอหมดไปตั้งแต่บ่ายสาม
แต่โปรเจกต์ของลูกค้าใหม่จากฮ่องกงยังค้างอยู่ตรงหน้า
พร้อมเดดไลน์ที่เหลือเวลาอีกแค่ 28 ชั่วโมง



อีกด้าน — ภัทรกำลังนั่งคอลกับ VC จากเยอรมนีที่พูดอังกฤษสำเนียงเร็วปานจรวด
ระหว่างที่ทีม dev กำลังถามเขาเรื่องฟีเจอร์ที่เพิ่งถูกสั่งแก้
แต่เขาก็ยังไม่ทันประชุมสรุป
ลูกน้องรอ
นักลงทุนรอ
แต่สิ่งที่เขาคิดถึงกลับเป็นข้อความจากดินสอที่เขายังไม่ได้ตอบตั้งแต่เที่ยง



21:00 น. | คอนโด — เสียงประตูเปิดแบบไร้พลัง

ดินสอนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว
บนโต๊ะมีอาหารที่เย็นชืด
มีแค่เทียนเล่มเล็ก ๆ ที่ดับไปนานแล้ว

ภัทรเปิดประตูเข้ามา เสื้อเปียกครึ่งตัว หอบแฟ้มกับกระเป๋าโน้ตบุ๊ก

ดินสอลุกขึ้น
“กูก็แค่… อยากกินข้าวพร้อมมึงบ้าง”

ภัทรถอดรองเท้าเสียงดัง
โยนกระเป๋าลงโต๊ะ
“กูก็อยากเหมือนกัน! แต่งานมันไม่ใช่แค่เดินออกมาแล้วจบ!”



ความเงียบอึดอัดเข้าปกคลุมห้องทั้งห้อง
มีแค่เสียงฝนที่กระทบกระจก

ดินสอ (เสียงนิ่ง แต่ตาเริ่มแดง):
“กูรู้ว่ามึงเหนื่อย… แต่กูเหนื่อยเหมือนกัน
กูไม่ใช่แค่คนที่รอมึงกลับบ้านนะภัทร
กูก็มีงาน กูก็มีชีวิต…”



ภัทรนิ่งไปแป๊บ
แล้วหลุดพูดออกมาทั้งที่ไม่ควรพูด

“มึงก็แค่ฟรีแลนซ์… เลือกเวลางานเองได้ มึงไม่เข้าใจหรอกว่ามันต้องแบกทั้งบริษัทมันเป็นยังไง!”



เงียบ…
แค่ไม่ถึง 2 วินาที
แต่มันเหมือนระเบิดอีกลูกที่ตกลงกลางโต๊ะกินข้าว

ดินสอพูดแค่ว่า:
“…โอเค”

ก่อนจะลุกไปหยิบจานทั้งหมดในห้องครัว
แล้วปิดประตูห้องเบา ๆ แบบคนที่ไม่ต้องการทะเลาะอีก



ภัทรยืนอยู่กลางห้องคนเดียว
เหงื่อซึมที่หลัง
น้ำฝนเกาะตามตัว
แต่หัวใจเย็นเยียบกว่าทุกวัน

เขารู้ทันทีว่า…
เขาไม่ได้แค่เหนื่อย
แต่เขาเริ่มทำให้ “คนที่เขารักที่สุด” เหนื่อยกับเขาไปด้วย



คืนนั้น — ไม่มีบทสนทนาอีก

ดินสอหลับข้างนอก
ภัทรหลับในห้อง
เตียงว่างครึ่งหนึ่ง
ไฟหัวเตียงเปิดไว้ แต่ไม่มีใครนอนอ่านหนังสือ



บางทีการหันเก้าอี้เข้าหากัน…
มันไม่ยากเท่าการ นั่งเงียบ ๆ แล้วฟังกันให้จบ

คืนนี้ยังไม่มีใครพูดว่าเลิก
แต่อีกก้าวหนึ่ง… มันอาจไม่กลับมาเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 10:05:17
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 52 — เพราะมึงเงียบ กูเลยไม่กล้าพูด

วันอังคาร — สี่สัปดาห์หลังกลับจากยุโรป

06:42 น. | คอนโด

ดินสอลุกจากโซฟา
ขอบตาคล้ำ เบ้าตาลึก
เดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันไปมองเตียง
เตียงที่ตอนนี้ว่างเปล่า เพราะภัทรตื่นไปตั้งแต่ตีห้า

ไม่ใช่เพราะต้องรีบไปประชุม
แต่เพราะไม่อยากอยู่ให้ใครเห็นว่าตัวเอง นั่งอยู่ในห้องเดียวกับความเงียบที่ตัวเองสร้าง



สายวันเดียวกัน — สองที่ สองจังหวะ

ภัทรนั่งฟังพรีเซนต์จากทีมในห้องประชุม
แต่ในหัวกลับไม่จดอะไรเลย
เอาแต่มองโทรศัพท์ที่ยังไม่เด้งข้อความจากคนที่เคยนั่งกินมื้อเย็นด้วยกันทุกคืน



ดินสอออกไปดูไซต์งานกับลูกค้า
ยิ้มให้คนรอบข้าง
ทำงานละเอียด
แต่พอใครถามว่า “แฟนเป็นไงบ้าง”
ก็ได้แค่ยิ้มและบอกว่า “ยุ่งกันทั้งคู่ครับ”



วันพฤหัสบดี — ห้าวันโดยไม่มีคำว่า “ฝันดี”

ห้องครัวเงียบ
โต๊ะกินข้าวไม่มีอาหาร
เครื่องชงกาแฟไม่ได้ถูกแตะ
โซฟาที่เคยนั่งกอดกัน… ตอนนี้ห่างกันสองที่นั่ง
เหมือนทุกอย่างพยายามบอกว่า “เรากลับมาอยู่คนเดียวแล้วนะ”



คืนวันศุกร์ — ฝนตก

22:47 น. | คอนโด

ภัทรกลับถึงห้อง
เปิดประตูเข้าไป… เห็นดินสอนั่งตาแดงอยู่ที่โต๊ะทำงาน
ไม่ได้ร้องไห้
แค่เหมือนคนที่อดนอนมาหลายคืน และ “ไม่รู้จะสู้เพื่ออะไรแล้ว”



ภัทรวางกระเป๋าเบา ๆ
เดินเข้าไปหยุดที่ปลายโต๊ะ
แต่ไม่พูดอะไร
แค่มองคนที่เขารักที่สุด… เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่กล้าทัก

ดินสอเงยหน้าขึ้นมา

เสียงแหบ ๆ
ช้า… และชัด

“มึงอยากเลิกกับกูไหม”



ภัทรไม่ตอบทันที
เพราะใจเขา…เจ็บเกินกว่าจะตอบอะไรได้ในตอนนี้

เขารู้ดี
ว่าทุกอย่างไม่ได้พังเพราะใครคนเดียว
แต่เพราะทั้งสองคน…ต่างพยายามจนล้า
แล้วไม่มีใคร “ยอมพูดก่อน” ว่าตัวเองเหนื่อยแค่ไหน



ดินสอลุกขึ้น
หยิบกระเป๋าสะพายใบเล็ก
“คืนนี้กูไปนอนบ้านเจนนะ”

ภัทรยังนิ่ง
แค่กลืนน้ำลาย
แต่ยังไม่พูดออกไปสักคำ



ประตูปิดลงเบา ๆ

ไม่ดัง
แต่ดังกว่าฝนทั้งเมืองที่กำลังตกอยู่



คืนนี้ภัทรนอนคนเดียว
ไม่มีแม้แต่ข้อความว่า “ฝันดี”
ไม่มีเสียงแปรงฟันในห้องน้ำ
ไม่มีรอยยับของผ้านวมฝั่งขวา

มีแค่เงา…
และคำถามในใจที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

“หรือมึงจะหันเก้าอี้หนีจากกูจริง ๆ แล้ววะ”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 10:06:42
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 53 — ยิ่งไม่พูด…ยิ่งดังในใจ

วันอาทิตย์ – ร้านอาหารไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา

แก๊งค์ 500 ชาตินัดรวมตัวกันอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่มีประเทศ ไม่มีไฟลท์ ไม่มีกระเป๋าลาก
แต่มีโต๊ะกลมยาว
กับจานอาหารไทยร้อน ๆ วางอยู่ตรงกลาง
เสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง…

พี่แม็กซ์:
“เฮ้ย ไอ้ภัทร ไอ้ดินสอ มานั่งใกล้กันดิ นั่งห่างกันขนาดนี้ ใครจะกล้ามองรูปคู่!”

โอ๊ต:
“หรือวันนี้ใครตด กลัวอีกคนได้กลิ่นวะ!”

ทุกคนหัวเราะ
แต่สองคนนั้น…ยิ้มแบบไม่เต็มหน้า



ดินสอนั่งข้างเจน
ไม่แตะโทรศัพท์
ไม่พูดเยอะ
หัวเราะตามมุกคนอื่นแบบฝืน ๆ

ภัทรนั่งตรงข้าม
คุยกับพี่โตเรื่องบริษัท
แต่หางตายังแอบเหลือบมองอีกฝั่งตลอด



เจน (กระซิบเบา ๆ ข้างหูดินสอ):
“มึงโอเคจริง ๆ เหรอ”

ดินสอไม่ได้ตอบทันที
แค่นั่งเขี่ยข้าวในจาน

“แค่กินข้าวให้จบก็พอแล้ววันนี้ กูยังไม่อยากพูดอะไร”



คุณเอิร์ธกับคุณต่ายแอบมองกันเงียบ ๆ
เหมือนรู้สึกได้ว่า
สายตาสองคนที่เคยมองกันอย่าง “ผูกพัน”
วันนี้มัน “ห่าง”
เหมือนคนที่ยังรัก แต่ไม่กล้าสบตา



ป้าอุ๊ถามตรง ๆ ขณะตักต้มยำกุ้ง:
“เฮ้ย! หรือทะเลาะกันจริงจังวะเนี่ย? เดี๋ยวนี้ไม่แกล้งกันให้หมั่นไส้เลย”

ภัทรเงียบ
ดินสอก้มหน้า

พี่ดาช่วยเบี่ยงบรรยากาศ:
“กินก่อน ๆ เดี๋ยวของหวานละลาย!”



แต่ความเงียบก็ละลายยากกว่าข้าวเหนียวมะม่วงเสียอีก



หลังมื้ออาหาร – ช่วงยืนถ่ายรูปรวม

ทุกคนขยับมาเรียง
เจนจับแขนดินสอ ดันเบา ๆ ให้ยืนใกล้ภัทร

ดินสอ (เสียงเบา):
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง…”

ภัทรขยับกล้ามเนื้อหน้าไม่ทัน หัวใจหวิว ๆ ชั่วครู่หนึ่ง



เจนกระซิบให้ภัทรตอนที่คนอื่นแยกย้าย:
“เมื่อคืนดินนอนที่บ้านกูนะ…”

ภัทรชะงัก

เจนพูดต่อ
“กูไม่รู้ว่าพวกมึงจะรอดมั้ย
แต่ที่แน่ ๆ ถ้ามึงไม่เริ่มพูดก่อน… คนอย่างดินสอจะยอมถอยจนหายไปจากชีวิตมึงเลยก็ได้”



คืนนั้น — กลับถึงคอนโด

ห้องยังคงเหมือนเดิม
แต่รู้สึกแปลกกว่าตอนอยู่ยุโรปคนละประเทศเสียอีก

ภัทรนั่งลงบนโซฟา มองไปที่เก้าอี้ตรงข้าม

คิดถึงคำที่ดินสอเคยพูดไว้ที่ริมทะเลสาบลูกาโน

“ถ้าเราอยากให้เก้าอี้หันเข้าหากัน… คนหนึ่งต้องเริ่มก่อน”



คืนนี้…
ยังไม่มีใครเริ่ม
แต่ในใจของภัทร… เริ่มรู้แล้วว่า
เขาคือคนที่ต้องหันเก้าอี้ก่อน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 10:08:25
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 54 — จุดที่เสียงในหัวเริ่มดังกว่าเสียงของกันและกัน

[ครึ่งแรก] | อุปสรรคที่หนักกว่าทุกครั้ง

วันพฤหัสบดี – ต้นเดือนถัดมา

08:45 น. | ห้องประชุม

ภัทรกำลังยืนพรีเซนต์ดีลระดับประเทศให้กับผู้ถือหุ้น
ลูกน้องส่งสไลด์ผิด
เสียงไมค์ช็อต
คิ้วภัทรกระตุก
และในห้อง ไม่มีชื่อของคนคนหนึ่งที่เขาอยากเห็นแววตาช่วยใจเย็นเลยแม้แต่นิด



เวลาเดียวกัน — สตูดิโอดินสอ

ลูกค้าญี่ปุ่นบินตรงมารีวิวโปรเจกต์
โมเดลหลักพังตอนขน
ระบบแสงที่จัดไว้ล้มไม่ตรงคิว
และช่วงสุดท้าย ลูกค้าบอกว่า “แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราคุยกันไว้ตั้งแต่ต้น”

ดินสอกลืนน้ำลาย ฝืนยิ้ม — แต่ในใจมันเหมือนพังทั้งสตูดิโอ



คืนนั้น ทั้งคู่กลับถึงคอนโดพร้อมกัน

ต่างคนต่างหน้าเหนื่อย
ต่างคนต่างอยากให้ใครสักคนถามว่า “วันนี้เป็นไงบ้าง”

แต่…
ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน

ภัทรถอดสูทเงียบ ๆ แล้วเข้าห้องน้ำ
ดินสอวางกระเป๋าเบา ๆ แล้วเดินเข้าห้องครัว

มื้อเย็น — ต่างคนต่างกิน
บนโต๊ะเดียวกัน
แต่ไม่มีบทสนทนา



[ครึ่งหลัง] | จุดที่ใจเริ่มไม่ไว้ใจกัน

วันเสาร์ — สองวันหลังจากนั้น

ดินสอออกไปทำงานนอกไซต์แต่เช้า
ไม่บอกภัทรล่วงหน้า
กลับมาเกือบเที่ยงคืน
มีเพียงข้อความสั้น ๆ:

“วันนี้มีงานเลื่อนตอนเย็น ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ”

ภัทรอ่านข้อความนั้น
แล้วเปิด IG
เห็นสตอรี่ของผู้จัดการโปรเจกต์ลูกค้าดินสอ
ที่แท็ก @dinsorinterior
พร้อมแคปชั่นว่า
“Great dinner with the most talented designer in town!”



ดินสอกลับมาถึงห้อง — เห็นภัทรนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา

ไม่มีทีวี
ไม่มีเพลง
แค่เงียบ
…และเย็น

ภัทรถามเสียงนิ่ง ๆ:
“วันนี้งานเย็น… หรือดินเนอร์กับลูกค้า”

ดินสอชะงักไปครู่หนึ่ง
“ก็… ลูกค้านั่นแหละ เขาเลื่อนเวลามาเจอกันตอนค่ำ”

ภัทรไม่ตอบ

แต่เสียงในหัวของเขาตะโกนว่า

“แล้วทำไมมึงไม่บอกกู”
“หรือเพราะมึงไม่อยากให้กูรู้”



อีกด้าน — ดินสอกลับเข้าห้องน้ำ
เปิดโทรศัพท์ดูสตอรี่ของภัทรที่เพิ่งโพสต์
ภาพในออฟฟิศ… แต่มีคนแท็กชื่อ “พลอย” ผู้ช่วยที่เคยชอบภัทรอยู่เงียบ ๆ

“เหนื่อย แต่ได้กำลังใจจากทีมเสมอ”



ดินสอไม่ได้พูดอะไร

แต่เสียงในหัวของเขาเริ่มถามว่า

“หรือกูเริ่มไม่ใช่กำลังใจของมึงแล้วจริง ๆ”



คืนนั้น — นอนบนเตียงเดียวกัน
แต่ใจห่างกันไกลจนเหมือนคนละบ้าน

มือไม่ได้แตะกัน
ขาก็ไม่เกี่ยว
และฝันก็ไม่ซ้อนกันอีกแล้ว



ดินสอหันหลังให้ภัทร
กระซิบกับตัวเองในใจ

“เราหันเก้าอี้เข้าหากันมาตั้งไกล…
แต่ตอนนี้… เหมือนมึงเริ่มลุกออกจากเก้าอี้นั่นแล้ว”



ภัทรมองแผ่นหลังของดินสอในความมืด
แล้วถามเบา ๆ กับตัวเอง

“ถ้ามึงไม่ไว้ใจกูอีกแล้ว…
กูยังมีสิทธิ์ไหม ที่จะหันกลับไปเจอมึงอีกครั้ง”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 42 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 10:16:27
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 55 — มึงไม่รู้เลยเหรอ ว่ากูไม่ได้อยากเลิก

วันอาทิตย์ – 2 เดือนหลังกลับจากยุโรป

18:47 น. | คอนโด

เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดลง
ภัทรเดินออกมาพันผ้าเช็ดตัว
มองไปที่โซฟา — ไม่มีใคร
โต๊ะกินข้าว — ไม่มีมื้อเย็น
เตียง — ผ้าปูตึงเหมือนไม่มีใครได้นอนด้วยเลยเมื่อคืน

ภัทรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์หา

“มึงอยู่ไหน”

ไม่มี seen
ไม่มี typing



22:15 น. | ประตูเปิด

ดินสอกลับเข้ามา
สีหน้าเหนื่อย
มือหิ้วแบบฟอร์มลูกค้า
ไม่ได้ซื้ออะไรให้ภัทรเลย



ภัทร (เสียงนิ่ง):
“กูถามว่ามึงอยู่ไหน”

ดินสอ (ไม่มองหน้า):
“ไปดูไซต์… ลูกค้าให้เปลี่ยนดีไซน์เกือบหมด”

ภัทรเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิมนิดเดียว
“กูรอข้าวเย็นจนสองทุ่ม… มึงแม้แต่จะบอกกูก็ไม่บอก”

ดินสอหันมา สีหน้าอ่อนล้า:
“มึงก็ไม่ได้ถามกู”

ภัทรพูดเสียงแข็งขึ้น:
“กูต้องถามทุกอย่างเหรอวะ ถึงจะได้อยู่ในชีวิตมึงน่ะ!”



ดินสอวางแฟ้มลงโต๊ะ เสียงดังพอให้คนข้างห้องสะดุ้ง

“เพราะมึงแม่งคิดว่าทุกอย่างมันต้องเท่ากันเป๊ะ ๆ ไง
มึงเคยคิดมั้ย ว่ากูเหนื่อยเหมือนกัน!
แต่มึงก็ยังเอาความรู้สึกมึงเป็นศูนย์กลางอยู่ดี!”



ภัทรนิ่ง… แล้วพูดช้า ๆ

“ถ้ามึงเหนื่อยขนาดนั้น…
ก็ไม่ต้องฝืนอยู่กับกูก็ได้”



ห้องเงียบสนิท — เหลือแค่เสียงหัวใจของสองคนที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ดินสอพูดคำที่ภัทรไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากคนนี้เลย

“งั้น… ถ้าเราจะเลิกกัน มันคงดีกว่านี้เนอะ”



ภัทร (เสียงเบา):
“มึงเอาจริงเหรอ…”

ดินสอพยักหน้า — ทั้งที่มือสั่น

“ใช่… เพราะอยู่แบบนี้กูก็ไม่รู้ว่ากูยังมีความสุขอยู่รึเปล่า”



ภัทรพูดแผ่วลง:
“แล้วมึงรู้มั้ย… ว่ากูยังรักมึงขนาดไหน”

ดินสอก้มหน้า:
“กูรู้… แต่บางทีมันก็ไม่พอว่ะ”



คืนนั้น ไม่มีใครนอนหลับเลย

ดินสอหลับตาในห้องทำงาน
ภัทรนอนมองเพดานบนเตียง
แต่สิ่งที่อยู่ในใจทั้งสองคนตรงกันคือคำเดียว…

“กูไม่ได้อยากเลิก… แต่กูก็ไม่รู้จะรักษามึงไว้ยังไงแล้ว”



และนั่น…คือวินาทีที่เก้าอี้สองตัว
หันออกจากกันชัด ๆ เป็นครั้งแรก
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:10:32
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 56 — วางแผนซ่อมวิมาน ในวันที่สองคนนั้นไม่กล้ามองตากัน

บ่ายวันเสาร์ – ร้านอาหารเรือนริมสวนของป้าอุ๊

โต๊ะยาวในเรือนไทยไม้สัก
บรรยากาศร่มรื่น กลิ่นดอกโมก ลมพัดเอื่อย
แก๊งค์ 500 ชาติรวมตัวกันครบ 13 คน
โดยมีเจนยืนพิงเสา หายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาแบบไม่อ้อม

เจน:
“กูว่าคราวนี้…มันไม่ใช่งอนกันธรรมดาแล้วว่ะ”

พี่แม็กซ์:
“มึงพูดจริงเหรอ… ไม่ใช่แค่งอละลายในอ่างแบบตอน Lucerne นะ?”

เจนพยักหน้า:
“ไม่จบที่อ่างแน่นอนค่ะพี่ ภัทรมันเงียบ ดินสอไม่กลับคอนโด
กูอยู่กับดินสอมาเกือบสองอาทิตย์ กูเห็นแล้วว่ามันพังไปข้างในจริง ๆ”



คุณเอิร์ธ (เสียงนิ่ง):
“มันเป็นแบบที่เราคิดไว้จริง ๆ…”
“เราตามดูสองคนนี้มาตลอด กลัวว่าสักวัน…ความโรแมนติกจะไม่พอ”

ป้าอุ๊:
“เขารักกันนะ แต่เวลาเหนื่อย มันก็มักเผลอหันหลังให้กันก่อนพูดอะไรดี ๆ กันเสมอ”



เจ๊พลอย (เสียงแหลมขึ้น):
“แล้วที่ว่าพลอยในไอจีภัทรน่ะ…ไม่ใช่กูนะเว้ย! คนละพลอย!
คนนี้ชื่อพลอยพราวอะไรก็ไม่รู้! อย่าหมั่นไส้กูผิดคน!”

โอ๊ตกับพีท:
“ขำไม่ออกเลยเจ๊ แต่ดีละที่เคลียร์ไว้ก่อน เดี๋ยวเราจะจัดหนักผิดตัว”



ลุงก้องลูบเคราแล้วพยักหน้า:
“ในเมื่อเด็กมันไม่กล้าคุยกันตรง ๆ… งั้นเราต้องสร้าง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ให้มันสองคนได้เริ่มใหม่”

พี่โต (ยิ้มมุมปาก):
“ให้กลับไปนั่งหน้าเครื่องบิน Business Class แล้วซับน้ำตาให้กันเหรอครับลุง?”

พี่ดา:
“เฮียอย่ากวน — แต่พูดถูกนะ ต้องหาวิธีให้เค้าสองคนเจอ ‘เหตุการณ์ร่วม’ อีกครั้ง
เพราะมันเป็นอย่างนั้นเสมอ… เวลาได้ออกเดินทางด้วยกัน พวกเขาจะกลับมาจับมือกันทุกครั้ง”



เจนวางแผนจริงจัง:
“งั้นเราวางแผนเลยดีมั้ย”

พี่แป๋ว:
“เอาสิ อย่ามัวช้า เดี๋ยวใจใครจะหลุดจากกันจริง ๆ”

เจน:
“เราจะจัด ‘ทริปวันเดียวในไทย’ แล้วทำทีว่าแค่รวมตัวกัน
แต่จะ ‘ดีไซน์สถานการณ์’ ให้สองคนนี้ต้องได้ใช้เวลาเงียบ ๆ ด้วยกันบ้าง
แบบไม่บีบบังคับ ไม่จับยัด แต่อยู่ในสถานที่ที่เคยมีความทรงจำดี ๆ”



คุณต่ายเสนอ:
“อย่างเช่น… เขาใหญ่ที่เคยไปวิ่งมาราธอนด้วยกันตอนมหาลัย?”

คุณเอิร์ธยิ้ม:
“ดีมากค่ะ เราเก็บบรรยากาศตอนนั้นไว้หมดเลย รูปยังอยู่ครบ”



เจนปิดท้าย:
“และถ้าสองคนนี้ยังไม่พูดอะไรออกมา…
แผนที่สองคือ ‘วางระเบิดความทรงจำ’ ด้วยบางอย่างที่มีค่าเฉพาะพวกเขาเท่านั้น”

พี่โตพยักหน้า:
“ของที่ภัทรเคยเก็บไว้ตั้งแต่วันแรกที่ดินสอเช็ดเหงื่อให้มันหลังวิ่ง…
ผ้าผืนนั้นยังอยู่ที่บ้านกู…”



ทุกคนหันมองกัน — แล้วพยักหน้าพร้อมกัน

เจ๊พลอย (สรุป):
“โอเคค่ะ ทีนี้พวกเราจะไม่ปล่อยให้วิมานมันหายไปเฉย ๆ
เพราะคนสองคนยังรักกันอยู่… แต่ดันไม่กล้ารักให้สุด”



แผนแรกเริ่มคืนนี้ — นัดรวมตัว “บังเอิญ” ทริปเขาใหญ่ 1 คืน
และภายในคืนนั้น…
ต้องมีใครสักคน “พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:11:56
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 57 — ไม่มาตามนัด…แต่ใจยังรออยู่ดี

วันเสาร์ – 08:40 น. | หน้าร้านกาแฟกลางเขาใหญ่

สายลมอ่อน ๆ ปะทะผิว
แสงแดดช่วงเช้าไม่ได้ร้อนแรง
โต๊ะไม้ยาวใต้ต้นก้ามปูมีเครื่องดื่ม 13 แก้ววางเรียงกัน
สมาชิกแก๊งค์ 500 ชาติทยอยกันมาครบทุกคน… ยกเว้นภัทร



ดินสอนั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะ
จิบชาเขียวเย็นเงียบ ๆ
สีหน้าไม่ได้เศร้า… แต่แววตาดูไม่แน่ใจ ว่า “เขาควรรู้สึกยังไงดี”

เจนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พูดนิ่ม ๆ:
“ขอโทษนะ… พี่ภัทรติดประชุมด่วนที่บริษัท ต้องบินไปสิงคโปร์วันนี้”

ดินสอพยักหน้าเบา ๆ:
“อือ… กูไม่เป็นไร”



โอ๊ตกับพีท:
“เอ้อออ งั้นวันนี้ถือเป็นวันพักใจของพวกเราเนอะ
ใครมีอะไรเครียด เอาไปโยนลงน้ำตกกัน!”

เจ๊พลอยเสริม:
“ยกเว้นความรักนะลูก แค่เปียกมันไม่พอ!”



เสียงหัวเราะดังเบา ๆ ที่โต๊ะ
แต่ดินสอเงียบ
แววตาเหมือนคนที่เพิ่งเดินผ่านบ้านที่ไม่มีใครเปิดไฟไว้ให้



14:30 น. | เส้นทางเดินป่าระยะสั้น

ทุกคนเดินขึ้นเนินไปน้ำตกเล็ก ๆ
คุณเอิร์ธกับคุณต่ายแกล้งลื่นตกบ่อ
พี่โตหยิบใบไม้มาแปะหัวลุงก้อง
เจนยื่นผ้าเย็นให้ดินสอแล้วถามว่า

“มึงแน่ใจนะ ว่ามึงโอเคจริง ๆ”

ดินสอยิ้มบาง:
“กูแค่เริ่มทำใจว่า… บางทีความรักมันไม่ได้หายไป
แต่มันอาจไม่ใช่เวลาเดียวกันอีกแล้วก็ได้”



17:45 น. | จุดชมวิวบนเขา

พระอาทิตย์กำลังจะตก
สีฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นส้ม
กล้องโพลารอยด์ถูกหยิบออกมาทีละตัว
แต่ไม่มีรูปคู่ของภัทรกับดินสอเกิดขึ้นในกล้องเลย

พี่ดา (พูดเบา ๆ กับป้าอุ๊):
“ฉันเห็นดินสอยืนคนเดียวแล้วใจมันหวิวแปลก ๆ”
ป้าอุ๊:
“เด็กคนนี้…เค้ารักเงียบ ๆ แต่ลึกมาก ถ้าเค้าถอย…เค้าถอยไม่หันกลับเลยนะ”



ดินสอหยิบกล้องมือถือขึ้นมา
ถ่ายภาพวิว
ก่อนจะเผลอมองข้าง ๆ
ที่…ว่างเปล่า

“ที่วางตรงนี้…มันเคยมีมึงยืนอยู่เสมอ”



คืนนั้น – 22:10 น. | ห้องพักเดี่ยวของดินสอ

ห้องขนาดเล็ก วิวภูเขา
เงียบ
สบาย
แต่เปล่า

ดินสอเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าเจอเสื้อฮู้ดตัวหนึ่ง — ของภัทร

ที่เขาหยิบมาผิด โดยไม่รู้ตัว
เสื้อนั้น…ยังมีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มประจำของอีกฝ่ายอยู่จาง ๆ



ดินสอพึมพำเบา ๆ กับเสื้อตัวนั้น:
“มึงแม่ง…ยังตามกูมาทุกที่
แต่กูเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าสุดท้ายเราจะเดินไปด้วยกันได้จริงไหม”



เขานอนกอดเสื้อนั้นทั้งคืน
ไม่ได้ร้องไห้
ไม่ได้เสียใจ
แต่ใจ…ว่างเปล่ามากกว่าที่เคยเป็น

และนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:13:17
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 58 — กูยังอยู่ตรงนี้…มึงแค่หันมามองก็พอ

คืนวันเสาร์ – 01:17 น. | ห้องพักดินสอ | เขาใหญ่

เสียงฝนตกเบา ๆ เริ่มดังขึ้น
กลิ่นดินชื้นและกลิ่นไม้ในห้องพักอวลไปทั่ว
ไฟหัวเตียงสลัว
ดินสอกอดเสื้อฮู้ดของภัทรแน่นขณะหลับตา — แต่ไม่หลับ

ทันใดนั้น… เสียงประตูหน้าห้องเคาะเบา ๆ

ก๊อก ก๊อก



ดินสอขมวดคิ้ว
ลุกขึ้นช้า ๆ
มองนาฬิกา
ตีหนึ่งสิบเจ็ด — ใครจะมา

เปิดประตูอย่างระวัง
แล้วทันทีที่ประตูแง้ม…

เขาเห็นภัทรยืนเปียกฝนอยู่หน้าห้อง — เสื้อยืดแนบตัว ผมเปียก หน้าเหนื่อย

ดินสอเบิกตาโพลง
ไม่ได้พูดอะไร
แต่ในหัวมันดังไปหมด

“มึงมาได้ยังไง…”

ภัทรหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนพูดแค่คำเดียว

“คิดถึง”



ไม่มีเสียงตอบกลับ
มีแค่ฝ่ามือของดินสอที่ค่อย ๆ ขยับ… แล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้นอีกนิด

ภัทรเดินเข้ามาในห้องช้า ๆ

เสียงฝนข้างนอกยังดัง
แต่เสียงในใจของทั้งสองคน… ดังยิ่งกว่า



ภัทรวางกระเป๋าเปียกไว้ที่มุมห้อง
ดินสอเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้

ไม่มีบทสนทนา
แต่ในแววตา…เต็มไปด้วยคำพูดที่ยังไม่กล้าพูด



ภัทรเช็ดหัวตัวเองเงียบ ๆ แล้วพูดขึ้นเบา ๆ

“ตอนที่เครื่องลง กูโทรหามึง…แต่ไม่ติด
เจนก็ไม่รับ
กูเลยถามพี่โต แล้วขับรถมาต่อเลย
กูแค่…ไม่อยากให้ทริปนี้จบลงโดยที่เราไม่ได้เจอกันเลย”



ดินสอนั่งลงช้า ๆ บนเตียงอีกฝั่ง

เสียงเบากว่าเสียงฝน:
“มึงมาเพราะคิดถึง… หรือเพราะรู้สึกผิด”

ภัทรเงียบไปอึดใจหนึ่ง

ก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
กุมมืออีกฝ่ายไว้ แล้วพูดชัด ๆ

“กูมาเพราะมึงยังสำคัญ
สำคัญพอที่กูไม่อยากเสี่ยงให้มึงหายไป”



ดินสอไม่พูดอะไร
แต่กำมือภัทรแน่นขึ้น
น้ำตาซึมที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว



03:03 น. | มุมเงียบของรีสอร์ต | ห้องลับที่พี่โตจองไว้เผื่อ

เจนเดินไปกระซิบพี่โต:
“แผนยังไม่ล่มนะพี่… แค่มันกลับมาตอนที่เราไม่ได้วางไว้”

พี่โตยิ้มมุมปาก:
“งั้นเริ่มแผนสองเลย… ก่อนที่เด็กสองคนนี้จะตัดสินใจจากกันจริง ๆ”



เช้าวันพรุ่งนี้ — สมาชิก 500 ชาติทุกคนจะทำเป็น “ไม่รู้ว่าเมื่อคืนภัทรมา”

แต่จะ วางฉาก วางบท วางความทรงจำเก่า
ไว้ตามมุมต่าง ๆ ของรีสอร์ต
เพื่อให้ทั้งสองคน…เจอความรู้สึกเดิมอีกครั้ง
ไม่ใช่จากคำพูด
แต่จาก “สิ่งเล็ก ๆ” ที่เคยมีแค่สองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:15:25
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 59 — แค่เดินข้างกันแบบวันแรก…หัวใจก็เริ่มหันกลับมา

07:42 น. | เขาใหญ่ – ห้องพัก

เสียงนกร้องเบา ๆ
สายหมอกเกาะกระจกหน้าต่าง
แสงอ่อนยามเช้าสาดเข้าในห้อง
ภัทรนอนตะแคงข้าง มองคนตัวขาวที่ยังหลับอยู่เงียบ ๆ

มือของดินสอ…วางพาดบนแขนเขาแบบไม่รู้ตัว

ภัทรไม่ได้ปลุก
แค่มอง และยิ้มจาง ๆ

“มึงยังเหมือนเดิมเลยว่ะ…
แค่มึงไม่รู้ว่า กูยังอยากเป็นบ้านของมึงอยู่”



08:15 น. | ลานอาหารเช้ากลางสวน

ทุกคนมาถึงพร้อมกัน
เจ๊พลอยเห็นภัทรกับดินสอเดินมาด้วยกัน แต่ทำเนียนหันไปพูดกับโอ๊ต

เจนกระซิบพี่โต:
“มากันละพี่… ดินสอหน้านิ่ง แต่หูแดงว่ะ”

พี่โต (หัวเราะ):
“เริ่มแผนได้แล้วลูกพี่…”



โต๊ะอาหารเช้าเป็นแนวยาว
มีมุมเบเกอรี่เล็ก ๆ กลางสวน
ตรงกลางโต๊ะ มีแผ่นโน้ตเขียนว่า:

“เช้านี้ใครอยากตักโจ๊ก ต้องมาต่อคิวเองนะจ๊ะ ใครเคยไปวิ่ง half marathon จะรู้ดี”

ดินสอชะงักเล็กน้อย

เพราะครั้งหนึ่ง
…ภัทรเคยบ่นว่า
“ที่มึงรอมึงเช็ดเหงื่อให้กูตอนนั้นเพราะอยากตักโจ๊กก่อนใช่มั้ย”



คุณเอิร์ธหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมา:
“เรามีเกม Morning Memory ค่ะ! ทุกคนต้องหาของในสวนที่มีแปะโน้ตไว้
แล้วถ่ายรูปคู่กับมัน พร้อมคำอธิบายว่า…
‘ของชิ้นนี้ทำให้นึกถึงอะไรในทริปยุโรป’”

ลุงก้อง:
“ใครไม่ยอมเล่น ป้าอุ๊จะให้กินน้ำมันปลาวันละ 3 ช้อนโต๊ะ!”

เสียงหัวเราะดังไปทั่วโต๊ะ — รวมถึงดินสอที่หลุดยิ้มบาง ๆ ออกมาจริง ๆ



09:30 น. | มุมต้นสนท้ายสวน

ดินสอเดินมาเจอกระดาษแปะอยู่ใต้ต้นไม้
เป็นรูปวาดจากหลังคา Le Jules Verne
ที่เขาเคยเถียงกับภัทรเรื่องหึงบนหอไอเฟล

ข้อความใต้ภาพเขียนว่า:

“เราจะไม่มีวันรู้สึกหึง…
ถ้าเราไม่กลัวจะเสียใครไป”

ดินสอนิ่ง…
ภัทรเดินมาข้างหลังพอดี
ไม่ได้พูดอะไร
แค่มายืนข้างกัน
เงียบ
แต่มือ…แตะหลังมือเขาเบา ๆ



11:00 น. | ห้องประชุมเล็กของรีสอร์ต

ทุกคนกลับมารวมตัว
พี่แม็กซ์เปิดโปรเจกเตอร์ฉายภาพทริปยุโรป — รูปของคณะทัวร์ 14 คนที่ยิ้มอยู่ใต้พระอาทิตย์

มีรูปหนึ่งที่ไม่เคยเห็นในกลุ่มไลน์

ภัทรกำลังนั่งซบหัวกับไหล่ดินสอ… บนรถไฟจากอัมสเตอร์ดัม

เจนพูดเบา ๆ:
“ตอนนั้นพวกมึงหลับพร้อมกัน… กูถ่ายไว้เอง”

ดินสอมองภาพนั้น…เงียบอยู่นาน



ภัทร (เสียงเบา):
“กูคิดถึงมึง…แบบในรูปนั่นว่ะ”

ดินสอไม่ตอบ
แต่ยื่นมือไปจับชายเสื้อฮู้ดของภัทรเบา ๆ
เหมือนสัญญาณว่า…

“กูก็ยังอยู่ตรงนี้นะ”



13:00 น. | ทุกคนเตรียมตัวเช็กเอาต์

เจ๊พลอยถามเสียงดังลั่น
“คืนนี้จะให้ใครขับรถกลับดีคะ? คู่ที่ปรองดองกันแล้ว หรือคู่ที่ยังแอบตัดใจ!”

เสียงฮือฮาเบา ๆ
ดินสอหน้าแดง
ภัทรหัวเราะในลำคอ
ทุกคนรู้… ว่าแผนคืนวิมานยังไม่จบ

แต่วันนี้
เก้าอี้สองตัว…เริ่มขยับเข้าหากันอีกครั้งแล้ว
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:17:05
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 60 — มึงไม่ต้องกลับมารักกูเหมือนเดิม…แค่กลับมาเป็นมึงคนเดิมก็พอ

15:20 น. | ถนนสายเล็ก – ขากลับจากเขาใหญ่

ฝนตกปรอย ๆ
ใบไม้ริมทางกระพือเบา
เครื่องเสียงในรถเปิดเพลงเก่า “บ้านของหัวใจ” เวอร์ชันเปียโนเบา ๆ

ภัทรเป็นคนขับ ดินสอนั่งข้าง
ไม่มีบทสนทนา
มีแค่เสียงใบปัดน้ำฝน
กับแอร์อุ่น ๆ ที่เปิดพอไม่ให้เงียบจนเกินไป



จนกระทั่ง…

ภัทรพูดขึ้นเบา ๆ โดยไม่หันมอง:
“ขอบคุณนะ…ที่ยังมา”

ดินสอตอบช้า ๆ:
“มันคือแผนของพวกเขานี่”

ภัทรยิ้มบาง ๆ มองถนนต่อ
“แต่ถ้ามึงไม่มา… แผนมันก็คงไม่มีค่าอะไร”



ดินสอถามกลับ:
“แล้วทำไมมึงถึงมา… ทั้งที่แรกบอกจะบินไปสิงคโปร์”

ภัทรถอนหายใจยาว:
“เพราะตอนนั่งบนเครื่อง กูรู้ตัวว่า…
กูไม่อยากกลับมาโดยไม่มีมึงอยู่ในชีวิตแล้วว่ะ”



เงียบอีกครั้ง
มีเพียงเสียงรถวิ่งไปตามทาง



ภัทรพูดต่อ:
“กูขอโทษนะ ที่กูทำเหมือนไม่เห็นว่ามึงเหนื่อยแค่ไหน
กูพยายามวิ่งไปข้างหน้า
แต่กูลืมมองข้าง ๆ ว่าคนที่กูรัก…เริ่มเดินช้าลงแล้ว”



ดินสอพูดโดยยังมองตรง:
“กูก็ผิด… ที่ไม่พูดให้มึงฟังว่ากูรู้สึกยังไง
กูคิดเองเออเองไปหมด
แล้วก็เงียบ…จนเราสองคนเริ่มไม่เข้าใจกัน”



ภัทรหยุดรถข้างทาง
ที่มีเพิงไม้และร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมเขา
ฝนยังตกเบา ๆ



ทั้งคู่ลงไปนั่งในร้านกาแฟนั้น – โต๊ะริมหน้าต่าง

บาริสต้าเสิร์ฟลาเต้ให้สองคน
บนฟองนมมีลายหัวใจ
แต่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกต

เพราะตอนนี้…สายตากำลังมองกัน
แบบที่ไม่ได้มองกันแบบนี้มานานมากแล้ว



ภัทรพูดขึ้นช้า ๆ:
“มึงรู้ไหม เวลามึงเงียบ…กูกลัวนะ”

ดินสอตอบเบา ๆ:
“กูก็กลัวเหมือนกัน…เวลามึงหายไป”



ภัทรเอื้อมมือไปแตะหลังมือดินสอ
น้ำหนักเบามาก
แต่ความรู้สึกเหมือนกลับมาหนักแน่นอีกครั้ง



ดินสอก้มหน้าพูดเบา ๆ:
“เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ย…”

ภัทรตอบทันที:
“รักทุกวัน… แม้ในวันที่เราโกรธกัน”



ฝนยังไม่หยุดตก
แต่ภายในใจของทั้งสองคน
เหมือนแสงอาทิตย์เริ่มลอดลงมาแล้ว



17:00 น. | รถออกต่ออีกครั้ง – เส้นทางกลับกรุงเทพฯ

ภัทรเปิดกระจกลงเล็กน้อย
ให้ลมเย็นเข้ามา
ดินสอหลับตาพิงเบาะ
ด้วยใบหน้าที่สงบที่สุดในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา



เสียงภัทรพูดเบา ๆ ขณะขับรถต่อ:
“ไม่ต้องรีบรักให้เหมือนเดิมก็ได้นะ…
แค่กูยังได้จับมือมึงแบบนี้
กูก็พอแล้ว”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:18:24
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 61 — ข้าวต้มเบา ๆ กับใจที่เริ่มอุ่นอีกครั้ง

20:47 น. | คอนโดของภัทรและดินสอ

ประตูเปิด
ไฟในห้องเปิดขึ้นพร้อมเสียงแอร์เบา ๆ
กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกวางลง
ดินสอถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าห้องครัวทันที

ภัทรวางกุญแจรถลงโต๊ะ
เงียบ ๆ
ไม่ต้องพูด
เพราะแววตาที่มองกันระหว่างทางกลับ…มันชัดกว่าคำพูด



21:10 น. | ห้องครัว

กลิ่นข้าวต้มลอยอ่อน ๆ
หมูบดลวกสุกกำลังเด้งในหม้อ
กระเทียมเจียวกรอบ ๆ วางอยู่ข้างถ้วย
ต้นหอมซอย โรยมือไม่ต้องเยอะ

ดินสอพูดเบา ๆ ขณะยืนหันหลังให้:
“กูไม่ได้ทำกับข้าวนานแล้ว”

ภัทรที่นั่งพิงเคาน์เตอร์:
“แต่กลิ่นมันคุ้นดีว่ะ… เหมือนตอนกลับจากญี่ปุ่นรอบแรก
ที่มึงไม่พูดกับกูทั้งทริป…แต่พอกลับก็ทำข้าวต้มให้กูกินอยู่ดี”



ดินสอไม่หันมา แต่ยิ้มบาง ๆ



21:25 น. | โต๊ะอาหาร

สองชามวางเคียงกัน
นั่งคนละฝั่ง
ไม่มีโทรศัพท์
ไม่มีซีรีส์
มีแค่ “มือที่ตักข้าวต้ม”
กับเสียงหัวใจที่ค่อย ๆ ตรงจังหวะ

ภัทรพูดขณะเป่า:
“อร่อยเหมือนเดิม”

ดินสอแซวเบา ๆ:
“ก็อย่าหาทำให้กูเลิกทำอีกละกัน”



22:10 น. | ห้องนั่งเล่น

ทั้งคู่ย้ายตัวเองมานอนบนโซฟายาว
ภัทรนั่งพิงหมอนข้าง ดินสอซบขาเขา เอาผ้าห่มคลุมครึ่งตัว

เปิดเพลงเบา ๆ – บรรเลงเปียโนไร้เนื้อร้อง

ภัทรลูบผมคนตัวเล็กเงียบ ๆ
ไม่ได้พูดอะไร
แต่ในใจ…โล่งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาหลายสัปดาห์



22:52 น. | เสียง “แอ๊ง” ของบางอย่างตกลงจากชั้นวาง

ดินสอลุกขึ้นไปเก็บ
เจอ “ขวดน้ำหอม Fragonard” ที่ซื้อจากเอซตอนฝรั่งเศสใต้
วางอยู่ในกล่องผ้าไหม
และข้างใน…มีซองโน้ตใบเล็กที่ยังไม่ได้เปิด

เขานิ่ง ก่อนหยิบมาเปิด

“ถึงดินสอของกู
ถ้ามึงเปิดจดหมายนี้ แสดงว่ามึงยังอยู่ข้างกู
ไม่ว่าจะทะเลาะ ห่าง หรือหลงทางแค่ไหน
มึงคือ ‘บ้าน’ ของกู
ถ้ากูเคยทำให้บ้านหลังนี้สั่น… กูจะเป็นคนซ่อมมันด้วยมือของกูเอง
– ภัทร”



ดินสอนั่งนิ่งอยู่นาน
ก่อนจะเดินกลับมานอนพิงไหล่ภัทร แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“มึงไม่ต้องซ่อมคนเดียว…
บ้านหลังนี้กูอยู่ด้วย กูก็ต้องช่วยมึงซ่อมเหมือนกัน”



00:00 น. | แสงไฟในห้องปิดลง

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนสองคน
ที่นอนเบียดกันในห้องเดิม
เตียงเดิม
และ… ใจที่เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:21:34
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 62 — กูไม่รู้อนาคตหรอก แต่ถ้ามึงจับมือกูอยู่แบบนี้…กูพร้อมเดินไปทุกที่

08:20 น. | วันจันทร์ – คอนโดของภัทรและดินสอ

เสียงเครื่องชงกาแฟดังเบา ๆ
แสงเช้าอ่อน ๆ ลอดผ่านม่าน
ดินสอในเสื้อยืดตัวโคร่ง กำลังนั่งจัดตารางนัดลูกค้า
ภัทรยืนข้าง ๆ ชงกาแฟ ดูแจ้งเตือนในมือถือ

ไม่มีใครพูดอะไร
แต่ความนิ่งนั้นไม่ใช่ความเงียบ
มันคือ “ความสงบ”



09:10 น. | บนโต๊ะอาหาร

ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 2 แผ่น
อะโวคาโดบด
ไข่ต้ม
และกาแฟดำ 1 แก้วสำหรับภัทร / ลาเต้ร้อนสำหรับดินสอ

ดินสอพูดขึ้นเสียงเบา ขณะคนลาเต้:
“มึงว่า…เราจะผ่านมันไปได้ไหมวะ”



ภัทรวางส้อมลง
มองหน้าอีกคนโดยไม่ลังเล

“กูไม่รู้หรอกว่าอีกกี่ครั้งที่เราจะทะเลาะกันอีก
กูแค่รู้ว่า…มึงคือคนที่กูอยากทะเลาะด้วยไปจนแก่
แล้วก็อยากคืนดีกับมึงทุกครั้งเหมือนเดิม”



ดินสอก้มหน้า ยิ้มบาง ๆ
แต่แววตาอุ่นขึ้นทันที



10:00 น. | มุมห้องทำงานของดินสอ

บนผนังมีการ์ดใบเล็กติดไว้
เป็นการ์ดที่ภัทรเขียนจากตอนทริปอิตาลี

“ถ้ามึงเหนื่อย มึงนั่งพักได้นะ
กูจะยืนข้าง ๆ จนกว่ามึงจะลุกขึ้นอีกครั้ง”

ดินสอมองการ์ดนั้น แล้วถอนหายใจยาว
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์หาภัทร

“คืนนี้กลับมากี่โมง”

ภัทรตอบทันที:

“ยังไม่แน่ แต่ไม่เกินสองทุ่ม
อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวซื้อกลับมาให้”

ดินสอ:

“อยากกินคนที่พูดเพราะกับกูทั้งวันได้มั้ย”



ภัทรโทรกลับทันที — เสียงหัวเราะดังผ่านสาย:
“ได้ครับคุณดินสอ เดี๋ยวคนพูดเพราะจะซื้อน้ำเต้าหู้กลับไปด้วยเลย”



18:32 น. | คอนโด

ภัทรกลับถึงห้องพร้อมถุงอาหาร
ในนั้นมีน้ำเต้าหู้ 1 ถุง
และ “ขนมจีบหมู” ที่ดินสอเคยกินตอนทะเลาะกันใหญ่แล้วหายโกรธเพราะคำว่า

“ขนมจีบคือคำขอโทษแบบมีแป้งห่อ”



ภัทรวางถุงอาหารบนโต๊ะ แล้วเดินไปกอดดินสอจากด้านหลัง

เสียงเบา ๆ ข้างหูอีกคน:

“กูไม่รู้หรอกว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่
แต่กูรู้ว่ากูจะพยายามทุกวัน
ให้บ้านหลังนี้มันอยู่ได้…ไม่ใช่แค่ด้วยความรัก
แต่ด้วยความเข้าใจ”



ดินสอกลั้นยิ้มไม่ได้
ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดว่า

“งั้น…เราลองกันดูอีกครั้งนะ
คราวนี้…กูจะไม่เงียบแล้ว
และมึง…ก็อย่าหนีอีกแล้วเหมือนกัน”



คืนวันนั้นไม่มีเซ็กส์
ไม่มีดราม่า
ไม่มีคำว่า “แฟน” หรือ “ขอเริ่มใหม่”

มีแค่สองคน
ที่นอนบนเตียงเดียวกัน
โดยไม่ต้องกังวลว่าอีกคนจะหายไปตอนไหน



และสิ่งที่พิเศษที่สุดในคืนนั้นคือ…

ไม่มีอะไรพิเศษเลย
แต่ก็เป็นคืนที่ทั้งสองคนรู้ว่า
“เรากลับมาหากันจริง ๆ แล้ว”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:22:07
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 63 — ชีวิตคู่ไม่ได้มีแต่โรแมนติก แต่มันต้องการการเลือกกันทุกวัน

เช้าวันอาทิตย์ – 10:15 น. | คอนโด

แสงแดดลอดม่านกระทบพรมกลางห้อง
กล่องกระดาษหลายใบถูกวางเรียง
ภัทรกับดินสอนั่งขัดสมาธิบนพื้น พร้อมปากกาเมจิกคนละแท่ง

วันนี้คือ “วันจัดระเบียบของในห้อง”



ดินสอหยิบกล่องที่เขียนว่า ‘ของที่ไม่ได้ใช้ แต่ยังไม่กล้าทิ้ง’
เปิดออกมาช้า ๆ
ข้างในมี
– รูปถ่ายจากมาราธอนปีแรก
– เสื้อที่ภัทรเคยใส่ตอนวันครบรอบ
– ตุ๊กตาแมวเล็ก ๆ ที่ดินสอซื้อให้แต่ภัทรวางบนชั้นจนลืม



ดินสอมองมันแล้วพูดเบา ๆ:
“มึงรู้มั้ย บางทีที่กูไม่อยากเก็บอะไร
มันไม่ใช่เพราะกูไม่แคร์
แต่เพราะกูกลัวจะเสียใจเวลามันหายไป”

ภัทรเงียบ… ก่อนพูดช้า ๆ:
“งั้นต่อไป…เราจะเก็บของที่มีค่าไว้ด้วยกัน
และถ้ามันจะหาย…ให้มันหายพร้อมกัน
จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บคนเดียวอีก”



12:45 น. | มุมห้องนั่งเล่น

ภัทรหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง
เขียนหัวข้อว่า: “ชีวิตเราหลังจากนี้”

ในนั้นมี
– วันว่างที่ต้องเว้นให้กัน
– วิธีง้อเมื่ออีกคนเงียบ
– บัญชีที่ใช้จ่ายร่วม
– และ “กฎ 3 ข้อของวิมาน” ที่ทั้งคู่ตั้งไว้ใหม่

กฎข้อ 1: ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ต้องพูดก่อนนอน
กฎข้อ 2: อย่าพูดคำว่า “เลิก” เวลายังรัก
กฎข้อ 3: ทุกเดือนต้องมีหนึ่งวันสำหรับกันสองคน โดยไม่มีใครแทรกได้



15:00 น. | คาเฟ่แถวคอนโด

สองคนออกมานั่งจิบกาแฟด้วยกัน
ดินสอเอามือวางบนโต๊ะ
ภัทรคว่ำมือลงมาทับเบา ๆ

ดินสอถามเบา ๆ:
“มึงคิดไว้ยัง ว่าถ้าเราจะอยู่กันแบบนี้ไปอีกนาน…เราจะบอกพ่อแม่ยังไง”



ภัทรยิ้ม มองตรง:
“ก็บอกว่า…นี่คือคนที่กูเลือก
ไม่ใช่แค่เพราะกูรัก
แต่เพราะกูใช้ชีวิตแล้วรู้ว่า…อยู่กับคนนี้
กูไม่เหนื่อย”



คืนนั้นก่อนนอน

ดินสอนอนอ่านไลน์กลุ่ม
เห็นลุงก้องส่งรูปแก๊งค์ 500 ชาติที่หน้าพระราชวังโมนาโก พร้อมแคปชั่นว่า

“ดีใจที่ไม่ได้ปล่อยให้วิมานมันพัง”



ภัทรเดินออกจากห้องน้ำ
นอนลงข้าง ๆ แล้วดึงอีกคนมากอดจากด้านหลัง

“ขอบคุณนะดินสอ
ที่ยังอยู่กับกูถึงตอนนี้”



ดินสอหลับตา ยิ้มบาง ๆ พูดเบา ๆ ว่า

“ขอบคุณเหมือนกัน
ที่มึงไม่ลืมว่า เราเคยสร้างวิมานไว้ด้วยกัน”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:25:25
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 64 — ถ้าเรายังเลือกกันทุกวัน มันไม่มีวันกลายเป็นแค่ความทรงจำ

เช้าวันพุธ – 07:20 น. | คอนโด

ดินสอนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ไม่ได้แต่งตัว
ไม่ได้แตะข้าวต้มที่ภัทรเตรียมไว้

ภัทรเดินออกจากห้องนอน เห็นแล้วก็ชะงัก:
“ทำไมยังไม่อาบน้ำวะ มึงมีประชุมเช้านี่?”

ดินสอเงยหน้า พูดเบา ๆ:
“กู…ไม่ได้ไป”



ภัทร:
“หืม? เป็นอะไร หรือมึงไม่สบาย?”



ดินสอสูดหายใจลึกก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
ในแฟ้มมีตั๋วเครื่องบิน
และจดหมายจากบริษัทออกแบบในลอนดอน

“กูได้ข้อเสนอให้ไปอยู่ลอนดอน 6 เดือน
เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่เคยฝันไว้
เขาอยากให้เริ่มเดือนหน้า”



ห้องเงียบ
แม้แต่เสียงลมหายใจก็ดูเบากว่าปกติ

ภัทรหยิบกระดาษขึ้นมาดู
สายตาอ่านทุกบรรทัด
ช้า…มั่นคง
ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

ภัทร (น้ำเสียงนิ่ง):
“แล้วมึงอยากไปมั้ย?”

ดินสอเงียบไปนิดหนึ่ง…แล้วพยักหน้าเบา ๆ:
“อยาก…แต่มึงก็รู้ว่ากูเพิ่งกลับมาอยู่กับมึงจริง ๆ”



ภัทรเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม
มองตาคนตัวเล็กแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ

“งั้นก็ไป”



ดินสอเบิกตากว้างเล็กน้อย:
“มึงไม่โกรธเหรอ? ไม่กลัวเหรอว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม?”



ภัทรส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“กูกลัว…
แต่กูกลัวมากกว่าว่า ถ้ามึงไม่ไป มึงจะเสียดาย
แล้ววันหนึ่ง…มึงอาจมองหน้ากูแล้วรู้สึกว่า
‘มึงเสียโอกาส เพราะคนอย่างกู’”



ภัทรพูดต่อทั้งที่มือสั่นเล็กน้อย:
“แต่ถ้ามึงไป แล้วกลับมาในวันที่มึงได้เติมเต็มความฝัน
กูว่า…มันจะไม่ใช่แค่ ‘ชีวิตคู่’
แต่มันจะเป็น ‘ชีวิตที่เราเลือกกันอย่างไม่เห็นแก่ตัว’”



ดินสอนิ่ง ก่อนค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินไปกอดภัทรจากด้านหลัง
พูดเสียงเบา จมูกแนบกับต้นคออีกคนว่า

“มึงมันคนใจดี… ใจดีจนกูอยากกลับมาให้เร็วที่สุดเลยว่ะ”



คืนนั้น – ห้องนั่งเล่น

ดินสอแพ็คของบางส่วน
ภัทรเอาโพลารอยด์ในทริปยุโรปออกมาวางเรียงบนโต๊ะ
รูปดินสอหน้างอที่ Montmartre
รูปจับมือกันที่ Chapel Bridge
รูปหลับพิงกันบนรถไฟ

ภัทรยื่นรูปหนึ่งให้ดินสอ — รูปที่ดินสอหลับอยู่บนไหล่เขาตอนบินกลับจากปารีส

“เอาไว้ดูเวลาคิดถึงกูนะ
หรือเวลาหลงทางที่โน่น
จะได้จำได้ว่า…บ้านมึงอยู่ตรงไหน”



ดินสอมองรูปนั้นนานมาก ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า

“กูสัญญา…ว่าจะกลับมาในวันที่กูดีกว่าเดิม
และไม่ทำให้มึงต้องซ่อมวิมานคนเดียวอีกแล้ว”


หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:27:27
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 65 — อยู่ไกลก็ไม่เท่าคิดถึง แต่เรายังส่งใจกันได้ทุกวัน

Week 1 – กรุงเทพฯ / ลอนดอน

ภัทร ยังคงนั่งอยู่ที่มุมทำงานเดิม
ทุกเช้าเขาชงกาแฟ 2 แก้วเหมือนเคย
ก่อนจะหยิบมือถือมาถ่ายรูป
พร้อมส่งให้ดินสอ พร้อมข้อความว่า

“อีกแก้วคือของมึงนะ ถึงมึงไม่ได้อยู่ กูก็ยังทำให้เหมือนเดิม”



ดินสอ เปิดอ่านข้อความตอน 07:42 น. (เวลาลอนดอน)
ยิ้มเงียบ ๆ แล้ววางมือถือข้างแก้วชาเขียว
ก่อนพิมพ์ตอบกลับ

“ของมึงใส่น้ำตาลสองช้อนใช่ปะ… กูจำได้นะ”
“ส่วนกูขอหอมแก้มทางไกลวันละที”



Week 2 – คืนวันอาทิตย์

ภัทรนั่งดูซีรีส์เรื่องเดิม ที่เคยดูกับดินสอ
เปิดเสียงดังขึ้นกว่าปกติ
เพราะเสียงหัวเราะของอีกคนไม่อยู่แล้ว

เขากด pause ตรงฉากฮา แล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายหน้าจอ
ส่งไปให้ดินสอ

“ถ้ามึงอยู่ กูรู้ว่าตรงนี้มึงต้องหัวเราะก่อนกูแน่ ๆ”
“อย่าเปลี่ยนใจไปดูกับใครที่ลอนดอนล่ะ กูหวง”

ดินสอตอบกลับทันที:

“จะดูกับใครได้ มึงทำ bookmark ทุกตอนที่เราดูคู่กันไว้ใน Netflix ของกูหมดเลย”



Week 3 – วันเกิดดินสอ

ภัทรส่งของขวัญข้ามประเทศ
เป็นกล่องเล็ก ๆ ที่ข้างในมี
– พวงกุญแจบ้านจิ๋ว
– รูปโพลารอยด์ของตอนนอนกอดกันที่ Lucerne
– การ์ดใบเล็กที่เขียนว่า

“ไม่มีของขวัญอะไรพิเศษกว่านี้หรอกนอกจากคำว่า
‘กลับมาเร็ว ๆ บ้านยังเหมือนเดิม’”



Week 4 – คืนวันศุกร์ (เวลาลอนดอน 01:34 น.)

ดินสอกำลังทำงานที่ต้องส่ง
เหนื่อย
เครียด
ไม่พูด
ไม่ไลน์หา



แต่จู่ ๆ มีคลิปเสียงเข้ามา

เสียงภัทร…ในความเงียบของดึก

“กูไม่รู้หรอกว่างานที่มึงทำอยู่มันยากขนาดไหน
แต่กูรู้ว่า มึงเคยผ่านมาได้ทุกครั้ง
และทุกครั้งกูรออยู่ฝั่งนี้เสมอ
วันนี้ก็เหมือนกัน
…อย่าลืมกินข้าวนะ กูเป็นห่วง”



ดินสอฟังจบ แล้วร้องไห้เงียบ ๆ

ไม่ใช่เพราะเศร้า
แต่เพราะรู้ว่า

“ต่อให้ห่างกัน 10,000 กิโล
กูก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเลย”



Week 5 – วันธรรมดาในไทย

ภัทรตื่นสาย
ทำงานวุ่น
รถติด
ประชุมล่ม
แต่ระหว่างทางกลับ
เขาแวะร้านเดิมที่ดินสอชอบกิน

แล้วเขาส่งรูปให้แค่คำเดียวว่า

“คิดถึง”

ดินสออ่าน แล้วพิมพ์กลับมาแค่คำเดียวว่า

“กลับบ้านดี ๆ นะ”



และแค่คำนั้น…ภัทรยิ้มทั้งที่รถยังติดอยู่

เพราะมันคือ “บ้าน”
ที่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน
อีกคนก็ยังรออยู่ในใจเสมอ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:40:28
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 66 — ถ้าใจยังอยู่…แค่ระยะห่างมันไม่ควรเป็นอุปสรรค

Week 6 – ลอนดอน

21:42 น. (เวลาลอนดอน)
ดินสอเพิ่งเลิกจากประชุมกับทีมดีไซเนอร์
วันนี้เหนื่อยเป็นพิเศษ
แต่ในขณะเดินกลับที่พัก
มีเสียงหนึ่งจากข้างหลังเรียก

“Hey Dinso… wait!”

เป็นไอแซก – ดีไซเนอร์ลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่น
หน้าตาดี ใจดี พูดไทยได้บ้าง
คอยช่วยดินสอตลอดการทำงานที่นี่



ไอแซกเดินมาข้าง ๆ พร้อมรอยยิ้ม:
“วันนี้นายดูเหนื่อย… อยากหาอะไรกินก่อนกลับไหม?”

ดินสอปฏิเสธเบา ๆ:
“ไม่เป็นไร เราอยากกลับไปพักเฉย ๆ”



ไอแซกพยักหน้า ก่อนจะพูดแบบไม่ได้คิดอะไร:

“เพราะแฟนที่เมืองไทยใช่ไหม?”

ดินสอชะงักเล็กน้อย… แต่ก็พยักหน้าช้า ๆ

ไอแซกหัวเราะเบา ๆ:
“ไม่ต้องเครียดหรอก เราแค่แซว
แต่จะว่าไป…นายเก่งมากเลยนะ
ที่ยังรักษาระยะห่างขนาดนี้ได้”



ดินสอยิ้มตอบ
แต่ภายในใจ…กลับ “เงียบลงกว่าทุกวัน”



Week 6 – กรุงเทพฯ

22:10 น. (เวลาประเทศไทย)
ภัทรเพิ่งกลับถึงคอนโด
หยิบมือถือขึ้นมา
ไม่มีข้อความใหม่จากดินสอ

แต่มี “รูปรวมทีมโปรเจกต์” ที่ไอแซกโพสต์ในสตอรี่
มีดินสอในรูปด้วย
ยิ้ม
ผ่อนคลาย
และมีคนหนึ่ง…จับแขนดินสอไว้ตอนถ่าย

หัวใจภัทร…นิ่งไป 3 วินาที

“เขาแค่เพื่อนร่วมงาน”

“แต่มึงก็ไม่เคยยิ้มแบบนี้กับใครในไทยเลย…”



22:13 น. | ดินสอพิมพ์ข้อความเข้ามา

“เหนื่อยมากเลยวันนี้ ขอโทษนะที่ตอบช้า”

ภัทรมองจอ…ลังเล 5 วินาที ก่อนพิมพ์กลับไป

“เห็นละ ยิ้มทั้งวันเลยนี่ ขนาดไม่มีกูนะ”





…เงียบ



อีกครึ่งนาที ดินสอพิมพ์ตอบกลับ

“มึงประชดเหรอ…”

ภัทรพิมพ์กลับทันที

“กูก็แค่พูดตามที่เห็น
หรือมึงจะเถียงว่าเขาไม่สนใจมึง?”





เงียบ…อีกครั้ง



23:00 น. – กรุงเทพฯ
ภัทรนอนตะแคง
มองเพดาน
ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองพูดแบบนั้น
ทั้งที่…แค่ “คิดถึงจนพูดดี ๆ ไม่ออก”



03:17 น. – ลอนดอน
ดินสอนั่งกอดเข่าที่มุมเตียง
มือถือยังเปิดอยู่
ข้อความภัทรยังอยู่หน้าจอ
แต่ดินสอไม่ตอบกลับ

เขาไม่ได้ร้องไห้
แต่เงียบ…จนไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองกำลังอึดอัดขนาดไหน

“มึงไม่ไว้ใจกูแล้วเหรอ…”



สุดท้ายดินสอพิมพ์กลับไปแค่คำเดียว

“ฝันดีนะ”



และนั่นคือคืนแรกในหลายเดือน
ที่ไม่มีใครโทรหากันก่อนนอน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:41:00
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 67 — บางทีสิ่งที่เจ็บกว่าระยะทาง…คือใจที่ค่อย ๆ ห่างโดยไม่รู้ตัว

Week 7 – ลอนดอน / กรุงเทพฯ

08:40 น. (เวลาลอนดอน)
อากาศหนาวจัด ฝนตกพรำ
ดินสอนั่งเหม่อที่ริมหน้าต่างห้องพัก
มือถือยังเงียบ…ไม่มีสายจากภัทรเหมือนเคย

ในกล่องข้อความล่าสุด
ยังคงเป็นคำว่า “ฝันดีนะ” ที่เขาพิมพ์ไปเมื่อหลายวันก่อน
แต่ไม่มีคำว่า “เช้าแล้วนะ” กลับมาอีกเลย



11:25 น. (เวลากรุงเทพฯ)
ภัทรนั่งดูจอมอนิเตอร์ในห้องประชุม
มือถือสั่นเบา ๆ มีข้อความใหม่จากไอแซก (ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนดินสอ)

“Dinso is really talented. You’re lucky to have someone like him.”



ภัทรอ่านข้อความนั้น…
แล้วเงียบ
ทั้งที่มันคือ “คำชม”
แต่มันเหมือนมีอะไรมาจิ้มแผลที่เขายังไม่รู้ว่ามี



คืนนั้น – 22:15 น. | คอนโดของภัทร

เขานั่งอยู่บนโซฟา
มองรูปโปรไฟล์ของดินสอในไลน์
นิ้วแตะจอค้างไว้
แต่ไม่กดโทร



“มึงจะยุ่งอยู่รึเปล่า”

“มึงจะรำคาญไหมถ้ากูโทรไป”

“หรือมึงไม่ได้อยากคุยแล้วจริง ๆ…”



สุดท้าย…เขาแค่ปิดจอ แล้วพิงหัวกับพนักพิงโซฟา
สายตาเหม่อ
ใจเหนื่อย



ลอนดอน – 03:02 น.

ดินสอเปิดโน้ตบุ๊กทำงานอยู่
ไฟในห้องสลัว
แก้มข้างหนึ่งแนบฝ่ามือ
แววตาล้า
ไม่ได้ร้องไห้ แต่เหมือนจะร้องได้ทุกวินาที



เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
เป็นข้อความจากพี่แม็กซ์ในกลุ่มแก๊งค์ 500 ชาติ

“ไอ้ภัทรเป็นอะไรปะช่วงนี้ เงียบ ๆ”

“ใครรู้บ้าง ดินสอไปลอนดอนครึ่งเดือนละ ยังคุยกันอยู่มั้ยวะ”



เจนตอบมาเบา ๆ

“มันคุยกันน้อยลง เพราะทั้งคู่กำลังเก็บความรู้สึก
เหมือนกลัวว่า พอพูดไป…จะไม่มีแรงซ่อมอีกแล้ว”



ดินสออ่านข้อความนั้นแล้ววางมือถือลง
แค่พึมพำในใจ

“กูก็ยังรักเหมือนเดิมนะเว้ย…”



กรุงเทพฯ – 23:30 น. | ภัทรนั่งในรถ เปิดข้อความร่างไว้ แต่ยังไม่ได้ส่ง

“มึงเคยคิดมั้ยว่า…ถ้าวันหนึ่งเรากลับมา แล้วมันไม่เหมือนเดิมอีก
เราจะยังอยู่ด้วยกันได้ไหม”



แต่เขาก็ กดลบ
ปิดหน้าจอ
แล้วขับรถต่อไปในความเงียบ



ท้ายตอน – เพลงเปียโนบรรเลงดังเบา ๆ
ภาพตัดสลับ:
– ภัทรนั่งอยู่ที่คอนโด มองรูปเก่าในมือถือ
– ดินสอนั่งพิงหน้าต่าง ฟังเสียงฝน
– ทั้งคู่กอดตัวเอง โดยไม่รู้ว่าอีกคน…ก็กำลังกอดตัวเองอยู่เหมือนกัน

เพราะบางที ความคิดถึงที่มากเกินไป…
ก็กลายเป็น “กำแพง” แทนที่จะเป็น “สะพาน”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:44:27
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 68 — ไม่ได้ห่างกันเพราะระยะทาง แต่เพราะใจเรากลัวเกินไปที่จะพูดความจริง

Week 8 – ลอนดอน / กรุงเทพฯ

00:08 น. (เวลาลอนดอน)
ดินสอวางมือจากการวาดแบบ
สายตาจ้องมือถือที่วางคว่ำอยู่ข้างเตียง
นิ้วชั่งใจว่าจะพลิกมันขึ้นมาดูดีไหม
“วันนี้ภัทรก็ไม่ทักมาอีก”

เขาเปิดจอ — ไลน์ล่าสุดจากภัทรคือ 3 วันก่อน
ข้อความสั้น ๆ:

“นอนละนะ เหนื่อยมาก”



ดินสอพิมพ์ไป 1 บรรทัด แล้วลบทิ้ง
พิมพ์ใหม่อีกครั้ง แล้วก็ลบอีก
สุดท้ายเขาพิมพ์แค่…

“เหนื่อยมั้ย”

กดส่ง
แล้ววางมือถือลง
ไม่ได้คาดหวังว่าภัทรจะตอบ
แค่…อยากส่งอะไรไปให้ถึงบ้าง



07:42 น. (เวลาประเทศไทย)
ภัทรตื่นขึ้น
เสียงแจ้งเตือนดัง
เห็นข้อความนั้นบนจอ
เขานั่งนิ่งนานมาก ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปสั้น ๆ

“โอเคดี”

แล้วก็วางมือถือกลับลงบนโต๊ะ
…ทั้งที่ในใจ
คำที่อยากพิมพ์จริง ๆ คือ

“ไม่โอเคเลย กูคิดถึงมึงมากจนไม่รู้จะเริ่มคุยจากตรงไหนแล้ว”



กลางวัน – คอนโดภัทร

ภัทรเจอแมวในซอยหน้าคอนโด
มันเดินตามมา เขาเลยหยิบมือถือขึ้นถ่าย
แท็กว่า “ลูกแมววันก่อนโตแล้วนะ”

แต่ไม่ได้ส่งให้ดินสอ
เพราะคิดว่า

“มึงคงไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้แล้วมั้ง…”



เย็นวันเดียวกัน – ลอนดอน

ไอแซกยื่นช็อกโกแลตมาให้ดินสอ
“นี่ ของโปรดของนาย เราผ่านร้านนั้นมาเลยซื้อให้”

ดินสอยิ้มเกรงใจ:
“ขอบใจมากนะ”

ไอแซกพูดเบา ๆ ขณะเดินเคียงกันในสวน:
“เราขอโทษนะถ้ามันดูมากไป…
แต่เราแค่อยากให้นายรู้ว่า เวลานายเศร้า เราเห็นเสมอ”



ดินสอไม่พูดอะไร
แต่แววตาสะท้อนความอ่อนล้าแบบที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยเห็น



คืนวันนั้น — 03:20 น. (ไทย)
ภัทรฝันร้าย
ในฝัน…เขาเห็นดินสอเดินจากไป
หันหลังให้
แล้วหายลับตาไปในสายหมอกที่ลอนดอน

เขาสะดุ้งตื่น
เหงื่อออก
ลมหายใจถี่
มือคว้าโทรศัพท์
แต่ไม่มีข้อความใหม่จากดินสอเลย



เขาพิมพ์ไปหา

“เรายังโอเคอยู่มั้ย…”



เงียบ…



เงียบ…



อีกห้านาทีถัดมา
ดินสอตอบกลับ

“โอเคดี”



แต่ไม่มีอีโมจิ
ไม่มีจุด
ไม่มีน้ำเสียง
แค่ 2 คำ…ที่รู้กันในใจว่า
“ไม่มีอะไรโอเคเลย”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:47:01
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 69 — บางครั้ง สิ่งที่เจ็บไม่ใช่คำพูดจากปากใคร…แต่คือความเงียบจากปากคนที่เรารัก

กรุงเทพฯ – วันพุธ 21:15 น. | คอนโดของภัทร

เสียงวิดีโอคอลจาก เจน ดังขึ้น
ภัทรรับสาย ทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เสื้อยืดสีเทาหลุดรุ่ย
เจนมองหน้าจอแล้วพูดทันทีโดยไม่อ้อมค้อม

“กูขอถามตรง ๆ — มึงจะปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้หายไปเพราะมึงไม่กล้าคุยเหรอ?”

ภัทรนิ่ง… ไม่ตอบ

เจนพูดต่อ น้ำเสียงเย็นกว่าที่เคย

“มึงไม่ได้เลิกรัก แต่ก็ไม่ได้รักษา
แล้วตอนนี้ดินสอ…กำลังรู้สึกว่าตัวเองรักอยู่ฝ่ายเดียว”



ภัทรกลืนน้ำลายลงคอ
พึมพำเบา ๆ ว่า

“กูกลัว…ว่าถ้ากูพูด กูจะยิ่งเสียเขาไป”



เจนส่ายหน้าแรง ๆ:

“บางทีความเงียบก็แย่กว่าการทะเลาะ
เพราะมันไม่เหลือแม้แต่โอกาสให้เข้าใจกัน”



ลอนดอน – วันพุธ 15:40 น. | ระเบียงออฟฟิศ
ไอแซกยื่นกาแฟให้อย่างเคย
แต่ครั้งนี้ไม่ยิ้ม ไม่แซว
เขานั่งลงข้างดินสอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดตั้งแต่รู้จักกัน

“เราขอพูดตรง ๆ ได้ไหม…”

ดินสอชะงัก…ก่อนพยักหน้าช้า ๆ



ไอแซกพูดเป็นภาษาไทยชัดเจนกว่าที่เคย:

“เราชอบนาย”



บรรยากาศเงียบลงทันที
แม้เสียงรถ เสียงลม จะยังอยู่
แต่หัวใจของดินสอ เหมือนหยุดไปชั่วครู่



ไอแซกพูดต่อ:

“เรารู้ว่านายมีคนที่รักอยู่แล้ว
และเราก็ไม่ได้หวังอะไร
แค่อยากให้นายรู้ว่า…ถ้าวันหนึ่งนายรู้สึกว่าเหนื่อย
หรือไม่ได้รับความเข้าใจจากเขาอีก
เราอยู่ตรงนี้”



ดินสอนิ่ง เงียบ
ก่อนจะพูดเสียงเบามาก

“ขอบคุณนะไอแซก…
แต่นายรู้ไหม ว่าที่ฉันเงียบ…
เพราะฉันกลัวว่า ถ้าฉันพูดความรู้สึกออกไป
แล้วเขาเงียบ…มันจะเจ็บยิ่งกว่าการโดนบอกว่าไม่รัก”



ไอแซกพยักหน้า เข้าใจทุกคำ
ไม่พูดอะไรอีก
แค่ยื่นกระดาษทิชชู่ให้เบา ๆ
ขณะที่ดินสอก้มหน้าซ่อนน้ำตา



กลางคืนวันเดียวกัน – กรุงเทพฯ

ภัทรยืนมองแสงเมืองจากระเบียง
ในมือคือมือถือ
หน้าจอเปิดค้างอยู่ที่ชื่อของดินสอ



เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ

“กูจะรอให้เขาหายไปจริง ๆ ไม่ได้…”



เขากดโทรออก



สัญญาณดัง…
…ดัง…
……ดัง…



ปลายสายรับสายช้า ๆ
เสียงของดินสอเบากว่าทุกครั้ง
เหมือนผ่านการร้องไห้มา

“ฮัลโหล…”

ภัทรเงียบไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะพูดว่า

“กูขอโทษนะดินสอ…
กูเงียบไปนานเกินไปว่ะ
แต่กูยังอยู่ตรงนี้นะ
และถ้ามึงยังอยากให้กูเป็นบ้าน
กูจะไม่ปล่อยให้บ้านหลังนี้พังอีกแล้ว”



ปลายสายเงียบ ก่อนจะตอบเบา ๆ ว่า

“แค่ได้ยินเสียงมึงตอนนี้…กูก็เหมือนได้กลับบ้านแล้ว”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:48:15
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 70 — พูดกันตรง ๆ สักที…ก่อนเราจะกลายเป็นแค่ความทรงจำ

กรุงเทพฯ – 22:40 น. | คอนโดของภัทร

เสียงวิดีโอคอลจากดินสอดังขึ้น
ภัทรรีบกดรับทันที
ภาพที่ขึ้นมาคือใบหน้าขาวจัดใต้ผ้าห่ม พร้อมเสียงน้ำฝนเบา ๆ จากลอนดอน

“อย่าพูดอะไรตอนกูยังไม่พูดนะ”
ดินสอเอ่ยเบา ๆ ขณะสายตายังไม่กล้าสบจอ



“กูรู้ว่ามึงยังรักกู
แต่ที่ผ่านมามึงเงียบ
จนกูไม่รู้จะวิ่งกลับมายังไง…”

“กูเลยยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนี้
ทั้งที่อยากกอดมึงจนจะบ้า
แต่ก็กลัวว่า มึงจะไม่ต้องการกูแล้ว”



ภัทรเงียบ — น้ำตาคลอโดยไม่ทันรู้ตัว

เขายกมือถือวางพิงหมอน แล้วพูดทั้งที่เสียงสั่น

“ขอโทษที่เงียบ ขอโทษที่กลัวจนกลายเป็นคนใจร้าย
แต่กูไม่เคยหยุดคิดถึงมึงเลย
กูยังดูรูปเราทุกวัน ฟังเพลงที่เคยฟังด้วยกัน
แค่…กูไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วมึงจะหายไป”



ดินสอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาซึมตา:

“ไอ้บ้า… มึงไม่พูด กูก็เกือบหายไปแล้วจริง ๆ”



เงียบอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่อึดอัด
เป็นความเงียบที่เหมือนคนสองคนกำลังกอดกันในใจ



ภัทรพูดเบา ๆ:

“มึงกลับมาได้ไหม…”



ดินสอเงียบหนึ่งจังหวะ ก่อนพูดว่า

“ยังกลับไม่ได้…แต่เรานัดกันได้นะ
กูขอลาหยุด 3 วันเจอมึงที่ปารีส”



ภัทรยิ้มทันที ทั้งที่ยังมีน้ำตาค้างอยู่ในตา

“สนามบิน Charles de Gaulle อีกแล้วใช่มั้ย…
สถานที่ที่เราคุยกันเรื่องจะเลิก…
แต่ครั้งนี้กูจะรอ…เพื่อบอกมึงว่า
เราจะไม่พูดคำนั้นอีก”



ปลายสายทั้งสองคนยิ้ม
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
แค่มองกัน…ให้แน่ใจว่า

“ถึงเราจะเคยเงียบ
แต่เรายังอยู่ตรงนี้
และเราจะเริ่มใหม่…ด้วยการฟังกันมากกว่ากลัว”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:49:47
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 71 — กลับมาเจอกันอีกครั้งในเมืองเดิม…แต่หัวใจจะเป็นเหมือนเดิมได้ไหม

สนามบิน Charles de Gaulle – ปารีส | 09:40 น.

เสียงประกาศตามสายเรียกผู้โดยสารลงเครื่อง
ภัทรยืนอยู่ตรงจุดนัดหมายเดิม
มือถือกุหลาบขาวหนึ่งดอก
แต่หัวใจสั่น…
ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น
แต่เพราะกลัวว่า “ภาพที่อยู่ตรงหน้า” จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว



เสียงล้อกระเป๋าลากเบา ๆ ดังขึ้น
ดินสอเดินตรงเข้ามา
ในเสื้อโค้ทยาวสีเทา กับหน้าตาที่ไม่ได้แต่งอะไรมาก
แต่ยังเป็นดินสอที่ภัทรจำได้ทุกจุดบนใบหน้า



เงียบ — ไม่มีคำพูด
จนภัทรยื่นดอกไม้ให้

“มึงยังแพ้เกสรดอกไม้ปะวะ”

ดินสอยิ้มบาง ๆ รับกุหลาบมา แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“แต่กูไม่เคยแพ้มึงนะ”



10:20 น. – รถไฟใต้ดินปารีส

สองคนนั่งข้างกัน
ระหว่างทางจากสนามบินเข้าสู่เมือง
ไม่มีบทสนทนา
แต่ภัทรเอานิ้วก้อยเกี่ยวมือดินสอไว้
แน่น
นิ่ง
เหมือนจะพูดว่า

“มึงกลับมาแล้ว…อย่าไปไหนอีกเลยนะ”



11:00 น. – Place du Trocadéro (ลานหน้าหอไอเฟล)

อากาศเย็นแดดอ่อน
คนไม่เยอะ
เสียงนักดนตรีเปิดหมวกเล่นบรรเลงเปียโนเบา ๆ

ภัทรพูดในขณะที่ยังมองหอไอเฟลอยู่:

“มึงรู้มั้ย กูคิดไว้หลายรอบมาก ว่าถ้าเราได้กลับมานั่งตรงนี้อีกครั้ง
กูจะขออะไรบางอย่าง”

ดินสอหันไปสบตา ชะงักนิดหนึ่ง
ภัทรหันมามองจริงจัง

“กูไม่กล้าขอให้มึงอยู่ตลอดไป
เพราะกูรู้ว่าชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน
แต่กูขออย่างเดียว…”

ภัทรเอื้อมจับมือนั้นแน่นขึ้น

“อย่าปล่อยกูง่าย ๆ เวลาที่เราห่างกันอีก
เพราะมึงคือบ้านของกูจริง ๆ แล้ว”



ดินสอเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า

“แล้วถ้าวันหนึ่งบ้านมันสั่นอีกล่ะ”



ภัทรตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

“งั้นเราซ่อมมันด้วยกัน”



บ่ายวันนั้น – พักที่โรงแรมเดิมใกล้ Pont Alexandre III
เสียงฝนโปรยลงมาเล็กน้อย
กลิ่นกาแฟจากร้านเล็ก ๆ ข้างทางลอยมาถึงระเบียงห้อง
ทั้งคู่ยืนพิงหน้าต่าง มองแม่น้ำแซนน์ที่ไหลนิ่ง

ภัทรเอ่ยเบา ๆ ขณะโอบไหล่ดินสอไว้แน่น

“เราผ่านมาขนาดนี้แล้วนะ
ต่อให้จะมีอะไรอีก
กูก็ไม่ปล่อยมึงไปอีกแล้ว”



ดินสอไม่ได้ตอบ
แค่ยกมือซ้ายขึ้นมาแตะหลังมือภัทรที่โอบตัวเขา
แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า

“อย่าให้มันสั่นแรงไปกว่านี้เลยนะภัทร
เพราะกูอาจไม่มีแรงพอจะยืนไหวอีกครั้ง”



ท้ายตอน

กล้องค่อย ๆ เผยให้เห็นกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ในกระเป๋าเป้ของภัทร
เขายังไม่ได้ให้ดินสอ
ยังไม่ได้พูดอะไร
เพราะหัวใจเขายังไม่แน่ใจว่า…มือนี้จะกล้าจับไปจนตลอดชีวิตได้มั้ย



และตอนนี้ เมืองเดิม บรรยากาศเดิม
แต่ความรู้สึกกลับ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะความกลัว…ยังอยู่
และแรงกระเพื่อมใหญ่…กำลังใกล้เข้ามา
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:51:10
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 72 — บ้านที่ซ่อมมาด้วยกัน อาจพังเพราะแค่คำเดียว: ไม่เชื่อใจ

ปารีส – คืนวันสุดท้ายของทริป

ภัทรยืนมองดินสอที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
ไฟหัวเตียงเปิดไว้สลัว ๆ
กล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ยังซ่อนอยู่ในลิ้นชัก
เขายังไม่ได้ให้ เพราะยังไม่มั่นใจ…ว่ามันคือเวลาใช่ไหม



เช้าวันถัดมา – Café ใกล้โรงแรม

ดินสอได้รับอีเมลเร่งด่วน
จากบริษัทออกแบบในยุโรปอีกแห่ง
ข้อเสนอครั้งนี้คือ “Full-time contract” ระยะยาว 2 ปี
เริ่มต้นเดือนหน้า
และนี่คือสิ่งที่ดินสอไม่เคยบอกภัทรมาก่อน…



ภัทรเห็นดินสออ่านอีเมลแล้วหน้าเปลี่ยน
ถามแค่เบา ๆ

“มีอะไรหรือเปล่า”



ดินสอยิ้มเล็ก ๆ แล้วส่ายหัว

“ไม่มีอะไร แค่เรื่องงานนิดหน่อย…”



แต่คืนนั้น —
ภัทรเปิดแมคบุ๊กของดินสอไว้ตอนที่อีกคนนอนหลับ
เพื่อหาไฟล์เร่งที่ต้องใช้ส่งให้ทีมดีไซน์
แล้วเผลอเห็นไฟล์ที่ชื่อว่า
“LND_Contract_2026.pdf”



เขาเปิดดู…
และข้างในคือรายละเอียดของสัญญาใหม่
ที่ดินสอ “ยังไม่เคยพูดถึงเลย”



ภัทรนั่งนิ่ง
มือกำเมาส์แน่น
หัวใจเต้นดัง
เหมือนถูกตบหน้าด้วยความเงียบ
ทั้งที่คนตรงหน้าบอกว่า “เราคุยกันทุกอย่าง”



เช้าวันถัดมา – ที่สนามบิน CDG
ก่อนแยกกันกลับกรุงเทพฯ / ลอนดอน
ดินสอกำลังจะยกมือขึ้นลูบแขนภัทร
แต่ภัทรขยับตัวหลบ…โดยไม่รู้ตัว

ดินสอชะงัก

“เป็นอะไร”

ภัทรพูดช้า ๆ:

“กูไม่รู้ว่ากูควรถามมึง…
หรือควรรอให้มึงเป็นคนเล่าเอง”



ดินสอเงียบ



ภัทรมองตาอีกคนตรง ๆ
ก่อนพูดต่ออย่างหนักแน่น

“กูเห็นไฟล์นั้นแล้ว ดินสอ
สัญญา 2 ปีที่มึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลย
ทั้งที่มึงรู้ว่ากูเคยกลัวการหายไปแบบไม่มีคำลา…”



ดินสอก้มหน้า
เสียงเบาและสั่นมากว่าเดิม

“กูแค่…ยังไม่แน่ใจ
กูไม่อยากพูดจนกูชัวร์
เพราะกูกลัวว่ามึงจะผิดหวัง…”



ภัทรส่ายหัว

“ไม่ใช่ว่ากูผิดหวัง…
แต่กูเสียใจ
ที่สุดท้าย…มึงก็เลือกจะ ‘เงียบ’ แทนที่จะคุยกับกูอีกแล้ว”



เงียบ
สนามบินเต็มไปด้วยผู้คน
แต่ตรงนี้…เงียบจนเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแตกช้า ๆ



ดินสอพึมพำเสียงแผ่ว

“มึงอยากให้กูกลับไหม…”



ภัทรมองอีกคนในชุดโค้ทตัวยาว แล้วพูดอย่างเจ็บลึก

“มึงเคยกลับมาแล้ว…แต่ถ้ามึงจะไปอีก
ครั้งนี้กูขอแค่…บอกกูตรง ๆ
อย่าหายไปโดยไม่บอกอีกแล้วนะ”



เครื่องเรียกให้ดินสอเข้าเกต
เขาก้าวไปช้า ๆ
ก่อนหันกลับมา พูดประโยคสุดท้ายว่า

“ขอเวลาให้กูมั่นใจว่า…
ชีวิตที่กูอยากเลือก มันยังมีมึงอยู่ในนั้นแน่ ๆ”



ภัทรไม่พูดอะไรอีก
แค่ยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้า



แต่พออีกคนหายลับไป
เขาก็ทรุดนั่งลงตรงข้างเสา
ก้มหน้า…กำมือแน่น
และในมือ…คือกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ
ที่เขาไม่ได้มีโอกาสยื่นให้ใครเลย
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:52:50
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 73 — บางทีการรักกันมากไป อาจทำให้เรากลัวจนไม่กล้าอยู่ด้วยกัน

3 สัปดาห์ต่อมา – กรุงเทพฯ

ภัทรยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม
แต่ไม่มีเสียงวิดีโอคอลจากลอนดอน
ไม่มี “มึงกินข้าวยัง”
ไม่มี “ฝันดี”
ไม่มีแม้แต่สติ๊กเกอร์ในไลน์

เขาไม่ได้ลบรูป ไม่ปิดแชต
แค่…ไม่ได้กล้ากดเปิด

“เพราะกลัวว่า…จะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึง”



ด้านลอนดอน – ดินสออยู่ในห้องพักสตูดิโอใหม่
เพื่อนร่วมทีมส่งเบียร์ให้หนึ่งกระป๋อง
เขารับมา แต่ไม่ได้ดื่ม
แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์

“วันนี้ที่กรุงเทพฯฝนตกมั้ย”



เขานั่งค้างกับจอแบบนั้นเกือบ 10 นาที
สุดท้าย…
กดลบ



วันรุ่งขึ้น – ที่ออฟฟิศภัทร

เจนมาเยี่ยม
ทั้งสองคนนั่งกินกาแฟกัน
เจนถามคำเดียว…

“แล้วมึงโอเคจริง ๆ เหรอที่ปล่อยให้เขาไปโดยไม่คว้าไว้เลย”



ภัทรเงียบ
สายตาจับอยู่ที่ถ้วยกาแฟ
ก่อนพูดเบา ๆ ว่า

“กูเคยคว้าแล้ว…
แต่มันเหมือนกูรั้งไว้ทั้งที่เขายังไม่แน่ใจจะอยู่กับกูจริง ๆ
คราวนี้กูเลยปล่อยให้เขาเลือกโดยไม่มีมูฟกูอยู่ข้างหลังเลย”



วันเดียวกัน – ลอนดอน

ไอแซกยื่นซองจดหมายให้ดินสอ
“บริษัทส่งสัญญาฉบับเต็มมาแล้ว
ถ้านายเซ็นภายในสิ้นเดือนนี้ เราจะบินไปเปิดโปรเจกต์ที่ญี่ปุ่นกันช่วงปีใหม่”



ดินสอถือซองไว้
แต่ไม่ได้เปิด
กลับเดินออกไปที่สวนข้างออฟฟิศ
นั่งคนเดียว
เงียบ…
ก่อนหยิบรูปโพลารอยด์ที่พับเก็บไว้ในสมุดสเก็ตช์ออกมาดู

เป็นรูปที่ภัทรถ่ายตอนนั่งยิ้มโง่ ๆ ในร้านกาแฟที่ Lucerne



ดินสอพูดกับรูปเบา ๆ ว่า

“ถ้ามึงอยู่ตรงนี้ มึงจะพูดว่าอะไรนะ…”

“จะบอกว่า ‘ไปเหอะ กูรอได้’ เหมือนเดิมรึเปล่า”



เงียบอีกครั้ง
แต่น้ำตา…ไหลออกมาเงียบ ๆ



วันเสาร์ – กรุงเทพฯ

ภัทรเดินเข้าไปในร้านขายของแต่งบ้าน
ซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง
มันคือ เก้าอี้ไม้ตัวเล็กขนาดฝ่ามือคู่หนึ่ง
วางประกบกัน

เขาแนบโน้ตไว้ในกล่องว่า

“เผื่อวันไหนมึงอยากกลับมานั่งข้างกันอีก กูยังเก็บที่ไว้ให้นะ”



แต่เขายังไม่ส่ง
แค่เก็บไว้ที่ลิ้นชักข้างเตียง
ข้างกับกล่องกำมะหยี่ที่ยังไม่ได้เปิด



ท้ายตอน – ฉากตัดสลับ
– ดินสอนั่งเขียนจดหมาย แต่ยังไม่กล้าเขียนชื่อผู้รับ
– ภัทรเปิดดูโพสต์เก่า ๆ ที่ดินสอเคยลง
– ไม่มีใครกดไลก์ ไม่มีคอมเมนต์ ไม่มีแม้แต่สตอรี่แท็กกันอีก
แต่ทั้งคู่…ยังไม่บล็อกกัน
ยังไม่ลบกัน
ยังอยู่ตรงนั้น — เงียบ
แต่ ยังอยู่ในกันและกันอยู่ดี

และบางครั้ง ความรักที่ยังอยู่…ก็เจ็บกว่าการเลิกรักเสียอีก
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:54:31
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 74 — ไม่ใช่เพราะใครผิด แต่เพราะเรากลัวกันทั้งคู่…เลยหายกันไป

กรุงเทพฯ – วันอาทิตย์ / ค่ำ

กล่องของขวัญเล็ก ๆ บรรจุเก้าอี้ไม้คู่
ยังวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
ภัทรมองมันทุกคืน
แต่ไม่เคยกล้าส่ง



คืนนั้น
เขานั่งทำงานจนเกือบตีหนึ่ง
ก่อนจะฟุบหลับคาโต๊ะ


ตีสองครึ่ง – มือถือสั่น
เบอร์พี่โต

“ภัทรอยู่ไหน!! ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้! เจ๊พลอยเข้า ICU!”



ตัดภาพ – โรงพยาบาลกลางกรุงเทพฯ

ภัทรมาถึง
ทุกคนในแก๊งค์ 500 ชาติทยอยกันมา
ลุงก้อง ป้าอุ๊ พี่แม็กซ์ โอ๊ต พีท เจน โจ
ไม่มีใครยิ้ม
แววตาทุกคนเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่อก



พี่ต่ายพูดเบา ๆ ข้างหูภัทร

“อยู่ดี ๆ พลอยก็วูบ… เส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน
โชคดีมากที่ยังยื้อไว้ได้ทัน”



ภัทรนั่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยครึ่งชั่วโมง
เหมือนทั้งตัวเบาหวิวไปหมด
เขาคิดถึงแค่ประโยคเดียว…

“ถ้าวันนี้คนที่วูบคือดินสอล่ะ…”



03:50 น. | เขาหยิบมือถือขึ้นมาทันที
กดหาเบอร์ดินสอ
แต่หยุดนิ้วไว้ตรงปุ่มโทร
มือสั่น
หัวใจเต้นแรง



เจนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พูดเบา ๆ ว่า

“ถ้ามึงไม่โทรไปตอนนี้…แล้ววันหนึ่งเขาไม่อยู่ให้มึงโทรแล้วจริง ๆ มึงจะเสียใจไปทั้งชีวิตเลยนะ”



ภัทรกดโทร



เสียงรอสาย







ตัดภาพ – ลอนดอน | 22:56 น.
ดินสอเพิ่งกลับถึงห้อง
เสียงโทรศัพท์ดัง
ชื่อที่ขึ้นหน้าจอคือ “ไอ้บ้า”



เขากดรับแบบไม่ลังเล
เสียงปลายสายหอบ หายใจแรง
ภัทรพูดประโยคเดียว ด้วยน้ำเสียงสั่นสุดใจ

“กูขอโทษ…
มึงยังอยู่ใช่มั้ย
กูแค่อยากได้ยินเสียงมึงตอนนี้ กูไม่ไหว…”



ดินสอเงียบไป 2 วินาที ก่อนตอบว่า

“กูยังอยู่… มึงจะเล่าให้กูฟังได้มั้ย
หรือแค่นั่งเงียบ ๆ ก็ได้
กูไม่ไปไหน”



ภัทรร้องไห้เงียบ ๆ

ไม่ใช่เพราะเจ๊พลอย
ไม่ใช่เพราะกลัว
แต่เพราะในที่สุด เขา “ไม่เงียบอีกต่อไป”



ปลายสายทั้งคู่เงียบ – แต่เหมือนกอดกันแน่นในหัวใจ



ท้ายตอน — ห้อง ICU / ภัทรเฝ้าเจ๊พลอย

เสียงหัวใจเต้นจังหวะมั่นคงดังแผ่ว ๆ

ภัทรพิมพ์ข้อความไปหาดินสอ

“กูจะไม่รอให้มึงหันกลับมาอีกแล้ว
กูจะเป็นคนวิ่งไปหามึงเอง
ถึงมึงยังไม่พร้อมเลือก กูก็จะยืนอยู่ตรงนี้
เพราะกูรักมึง
ไม่ใช่แค่ตอนมึงอยู่ข้าง ๆ
แต่รวมถึงตอนที่มึงหลงทางด้วย”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:56:14
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ — เจน: คนที่ไม่ได้เดินข้าง แต่ไม่เคยหายไปจากข้างใน

“บางครั้ง เพื่อนที่สำคัญที่สุด…
อาจไม่ใช่คนที่อยู่ใกล้ตลอดเวลา
แต่คือคนที่ ‘เห็นเรา’ ในวันที่เราคิดว่าไม่มีใครเข้าใจ”



ย้อนกลับไปวันที่ 1 ของทริปยุโรป
เจนคือหนึ่งในคนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม
นั่งริมรถบัส ตอบคำถามสั้น ๆ
ไม่ค่อยหัวเราะ ไม่ค่อยถามอะไรใคร

ภัทรเคยคิดว่า:

“ผู้หญิงคนนี้นิ่งเหมือนดินสอเลยวะ”



วันนั้น — วันที่ทุกคนลงไปชมมหาวิหารนอเทรอดาม
ดินสอเดินช้าเพราะรองเท้ากัด
ภัทรเอาแต่ถ่ายรูปกับฝรั่งสาว
ไม่มีใครรู้ว่าเจนเดินมาข้าง ๆ
หยิบพลาสเตอร์แปะให้ดินสอเงียบ ๆ
แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“อย่าฝืนเดินจนตัวเองเจ็บเลยนะ”



วันนั้น…ไม่มีใครเห็น
แต่ดินสอจำได้
และวันหนึ่งที่ปัญหาในความสัมพันธ์เริ่มขยาย
ดินสอเลือกไป “นอนที่บ้านเจน” เงียบ ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไร



จากเพื่อนร่วมทริปที่ไม่ค่อยได้คุยกัน
เจนค่อย ๆ กลายเป็นคนที่รู้ว่า
– ดินสอเก็บอะไรไว้ในใจ
– ภัทรแค่พูดตรงเพราะกลัวจะพูดไม่ทันเวลา
– และทั้งคู่…รักกันมากจนกลัวว่าความรักจะทำร้ายกันเอง



คืนหนึ่ง — วันที่ภัทรเกือบพูดคำว่า “เลิก”
เจนคือน้ำเสียงสุดท้ายในสายวิดีโอคอล
ที่พูดเบา ๆ ว่า

“มึงลองนึกถึงวันแรกที่มึงรักเขา
แล้วถามตัวเองสิ ว่ามึงอยากเลิกเพราะอะไร
เพราะเขาเปลี่ยน…
หรือเพราะมึงไม่ได้ฟังเขามานานแล้ว”



และหลังจากสายวางลง
ภัทรก็ไม่ได้พูดคำนั้นออกมาอีกเลย



เจนเคยเขียนในบันทึกของตัวเองว่า

“ฉันอาจไม่ใช่คนที่ทำให้เขากลับมารักกัน
แต่ฉันแค่อยากอยู่ตรงนี้…
เผื่อวันที่เขาทั้งสองคนหลงทาง
แล้วมองหาใครสักคน
ที่บอกเขาได้ว่า — ความรักมันไม่ได้ยาก
ถ้าเรายังฟังกันอยู่”



ท้ายตอน – วันรวมตัวแก๊งค์ 500 ชาติ

ดินสอนั่งข้างเจน
ภัทรยกแก้วชูให้เธอ
ก่อนจะพูดตรง ๆ ทั้งโต๊ะได้ยิน

“ถ้าไม่มีมึงนะเจน… กูกับดินสอคงเหลือแค่ภาพในอัลบั้มไปแล้ว
ขอบใจนะ…ที่ไม่เคยพูดมาก
แต่ทุกคำที่พูด แม่งเข้าหัวใจกูหมดเลยว่ะ”



เจนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบเรียบ ๆ ว่า

“กูไม่ได้ฉลาดหรอก
แค่รู้ว่าเวลาที่คนสองคนรักกัน
เขาไม่ต้องชนะกัน…
แค่ต้องยอมแพ้เพื่อกันบ้าง…เท่านั้นเอง”



และในคืนที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
ทุกคนรู้แค่ว่า — เพื่อนคนนี้
แม้จะไม่ได้เดินข้าง ๆ ทุกวัน
แต่ก็เป็น “หนึ่งในเส้นเลือดของบ้านหลังนี้”
ที่ไม่มีใครลืมได้เลย
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:57:30
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 75 — มึงยังรัก กูก็ยังรัก งั้นเรากลับมาเริ่มใหม่…แม้มันจะยังไม่พร้อมก็ตาม

กรุงเทพฯ – ดึกวันหนึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เจ๊พลอยเข้า ICU

ภัทรกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม
ห้องเงียบเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
แสงไฟสีอุ่นจากมุมห้องตกกระทบกล่องกำมะหยี่ที่ยังไม่ได้เปิด

เขาถือมันไว้ในมือ
ไม่พูดอะไร
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ไปหาดินสอ

“มึงว่าวันนี้ถ้ากูไปหามึงเลย มึงจะว่ากูบ้าปะ”



ไม่ถึง 30 วินาที
ข้อความตอบกลับมา

“ไม่ว่าหรอก
แต่อาจร้องไห้”



2 วันถัดมา – สนามบินฮีทโธรว์ / ลอนดอน

ดินสอยืนรออยู่ที่จุดนัดพบ
ลมหายใจเป็นไอขาว
อากาศหนาวจัด
แต่หัวใจเขาอุ่นจนมือไม่ต้องซุกกระเป๋าเลย



เสียงคนลากกระเป๋าดังขึ้นด้านหลัง

ดินสอหันไป
ภัทรยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ได้ยิ้ม
แต่ตามองกันนิ่งมาก



“มึงบ้ามากเลยนะ” ดินสอพูดเบา ๆ

ภัทรพยักหน้า

“กูบ้าทุกครั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้มึงว่ะ”



ไม่มีคำพูดอะไรอีก
ภัทรเดินเข้าไป…กอดแน่นจนแขนดินสอยกไม่ขึ้น

“ไม่ต้องพร้อมก็ได้
แค่อย่าหนีกันอีก กูขอแค่นี้”



คืนนั้น – ห้องพักเล็ก ๆ ในลอนดอน

เสียงฮีตเตอร์ทำงานเบา ๆ
เบาะเตียงยวบลงเมื่อทั้งสองคนนั่งพิงกัน

ดินสอพูดเบา ๆ ขณะมองวิวเมืองยามค่ำคืน

“กูยังไม่เซ็นสัญญานั้นนะ
ไม่ใช่เพราะกูไม่อยากไปญี่ปุ่น
แต่เพราะกูอยากให้มึงเป็นคนแรกที่กูพูดถึงมันด้วย”



ภัทรพยักหน้า หันมาแตะมือ

“กูไม่ได้อยากขวางมึง
กูแค่อยากเดินไปกับมึง
จะญี่ปุ่น จะยุโรป จะกรุงเทพฯ
ถ้ามึงจะไป…แค่อย่าทิ้งกูไว้ข้างหลังแบบไม่บอกกันก็พอ”



ดินสอพยักหน้า น้ำตาคลอ

“งั้นเราหยุดเงียบกันเถอะนะ”

“เรารักกันก็จริง…
แต่ที่เราจะไปกันรอด คือเราต้องกล้าพูดในวันที่เรากลัวที่สุด”



ภัทรก้มลงจูบหน้าผากเบา ๆ
ก่อนพูดว่า

“กูไม่หนีอีกแล้ว
มึงอย่าหนีกูด้วยนะ”



ท้ายตอน – ฉากเบา ๆ ที่เตียงในห้องพักลอนดอน

ดินสอนอนหนุนแขนภัทร
ไฟหัวเตียงปิด
มีแค่แสงเมืองลอดหน้าต่างเข้ามา
และเสียงหัวใจสองคน…ที่เต้นเบา ๆ ในจังหวะเดียวกันอีกครั้ง

ไม่ต้องพร้อมที่สุด
แค่ไม่หายไปอีกพอแล้ว
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 11:58:52
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 76 — บ้านที่เราจะอยู่ด้วยกัน ต้องสร้างจากมือทั้งสองข้างของเรา ไม่ใช่แค่หัวใจ

ลอนดอน – เช้าวันที่ฟ้าสีเทา แต่ห้องกลับอบอุ่น

ดินสอวางแก้วกาแฟลงข้างเตียง
ภัทรยังไม่ตื่น
แต่เขานั่งมองคนตรงหน้า
ก่อนจะยื่นมือไปจับกล่องกำมะหยี่ที่วางไว้ใกล้หัวเตียง



“ยังไม่ได้ให้ใช่ไหม…”

เสียงภัทรดังขึ้นเบา ๆ
ดินสอสะดุ้งนิด ๆ แล้วพยักหน้า
ภัทรยื่นมือมารับกล่องนั้นไว้เอง



เขาเปิดกล่อง
ข้างในคือ “แหวนเรียบสีเงินคู่”
ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลาย
มีแค่ด้านในที่สลักว่า

“1st chair – Always”



ดินสอยิ้มออกมาทั้งที่ตายังแดง

“เก้าอี้ตัวแรก… ที่มึงเคยพูดใช่ไหม
ตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน”



ภัทรพยักหน้า แล้วพูดต่อ

“กูอยากให้แหวนวงนี้ ไม่ได้เป็นเครื่องหมายของการครอบครอง
แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่า เราเริ่มจากตรงนี้
จากเก้าอี้สองตัวที่เคยหันหลังให้กัน
แล้ววันนี้…เราหันหน้ากลับมาแล้ว”



เงียบ…แต่ไม่ใช่ความอึดอัด
เป็นเงียบแบบที่หัวใจอิ่ม



ช่วงบ่าย – ระเบียงห้องพัก

ดินสอกางแล็ปท็อป
ภัทรนั่งข้าง ๆ

“มีบริษัทในญี่ปุ่นกับอัมสเตอร์ดัมที่ติดต่อมา
อยากให้กูไปช่วยวางระบบออกแบบภายในช่วงครึ่งปีหน้า”



ภัทรไม่ได้ตกใจ ไม่ได้ทำหน้าเสียใจ

เขาแค่ยิ้ม แล้วพูดว่า

“แล้วเราจะอยู่ยังไงดี”



ดินสอนิ่ง ก่อนตอบว่า

“ถ้ามึงยังอยู่กับบริษัทของมึงในไทย
กูอาจต้องเลือกพาร์ตไทม์แทนฟูลไทม์
เพื่อจะได้มีเวลาเจอกันมากขึ้น
หรือไม่ก็…มึงย้ายฐานมาทำรีโมตกับทีมยุโรปบางช่วง
ก็ได้เหมือนกัน”



ภัทรหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า

“มึงรู้มั้ย
แค่วันนี้ที่เรานั่งคุยกันด้วยเสียงธรรมดา
ไม่เสียงดัง ไม่เงียบเกินไป
กูก็รู้แล้วว่าเรากลับมาเป็นพวกเราอีกครั้ง”



ท้ายตอน – ดินสอหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมาถ่ายภาพคู่

ทั้งคู่ใส่เสื้อยืดธรรมดา
ผ้าห่มยังคลุมขา
แสงแดดอ่อน ๆ ของลอนดอนลอดหน้าต่างมาพอดี

หลังจากรูปปรินต์ออกมา
ดินสอเขียนไว้ด้านล่างภาพว่า

“วันธรรมดาที่กลับมาอยู่ข้างกัน – Again”



และในอีเมลฉบับหนึ่งที่ดินสอกำลังเขียนหาคุณเอิร์ธกับคุณต่าย

“พี่เอิร์ธครับ พี่ต่าย
ถ้าเราจะจัดพิธีเล็ก ๆ ไม่ต้องหรู
ขอเป็นมื้ออาหารดี ๆ
แล้วเชิญแก๊งค์ 500 ชาติครบทุกคน
ที่เมืองไหนก็ได้ที่มีความทรงจำของเรา…”

“พอจะช่วยเป็นเจ้าภาพให้พวกเราสองคนได้ไหมครับ”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 12:00:06
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 77 — ไม่มีเจ้าบ่าว ไม่มีเจ้าสาว มีแค่คนสองคนที่เลือกจะอยู่ข้างกัน ตลอดไป

สถานที่: Le Jules Verne – หอไอเฟล | ปารีส

ร้านอาหารบนหอไอเฟลเปิดพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหนึ่งกลุ่มเล็ก
แสงเทียน เสียงไวโอลินเบา ๆ และโต๊ะอาหารยาวหนึ่งตัว
สมาชิก “แก๊งค์ 500 ชาติ” มากันครบ

ลุงก้อง ป้าอุ๊
พี่แป๋ว พี่พลอย พี่ดา เจน
พี่แม็กซ์ โอ๊ต พีท
โจ พี่โต
และคุณเอิร์ธกับคุณต่าย – สองเจ้าภาพของค่ำคืนนี้



คุณเอิร์ธลุกขึ้นกล่าวเบา ๆ หน้ากลุ่ม

“ผมกับต่ายไม่ได้มีลูกเป็นของตัวเอง
แต่เราเคยบอกกันไว้ว่า…
ถ้าชีวิตนี้เราจะส่งใครเข้าประตูบ้านหลังใหญ่ในใจได้สักคู่
คู่นี้แหละ…ที่เราภูมิใจที่สุด”



คุณต่ายยิ้ม น้ำตาซึม พูดต่อเบา ๆ

“ไม่ใช่เพราะเขารักกันสวยงาม
แต่เพราะเขารักกัน ‘จริง’
จริงจนยอมเปลี่ยน ยอมฟัง ยอมโง่ ยอมเจ็บ…
แค่เพื่อจะไม่หายไปจากกัน”



ภัทรลุกขึ้น

มือสั่นเล็กน้อย
แต่แววตาชัดกว่าทุกคืนที่ผ่านมา

“ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนดี
ผมใจร้อน ขี้หวง เอาแต่ใจ และพูดไม่คิด
แต่ตั้งแต่เด็ก…มีแค่คนเดียวที่ยอมทนความเลวทั้งหมดของผม
นั่นคือดินสอ”



เสียงหัวเราะปนสะอื้นเบา ๆ ของพี่แป๋วดังขึ้น
เจ๊พลอยยกแก้วไวน์เชียร์
เจนยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา



ดินสอลุกขึ้น พูดต่อทันทีโดยไม่ให้ใครกลั้นน้ำตานานเกินไป

“ทุกคนชอบถามว่าทำไมยังอยู่กับภัทรได้
คำตอบคือ…ผมไม่ได้อยู่เพราะเขาดี
แต่เพราะเขาเป็นเขา
และทุกครั้งที่ผมกลัว เขาจะกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม
แม้บางครั้งจะเป็นคนที่ทำให้ผมกลัวเองก็ตาม”



เสียงหัวเราะทั้งโต๊ะดังขึ้น



ภัทรล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต

เป็น “เก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัว” ที่เขาเคยซื้อแต่ไม่ได้ให้

“นี่คือเก้าอี้ที่ผมอยากให้เรานั่งด้วยกันไปจนแก่
หันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่าครั้งหน้าจะทะเลาะกันอีกกี่รอบ
ผมยังจะหันกลับไปหามึงเสมอ
และมึงก็ต้องหันกลับมาหากูด้วย เข้าใจมั้ย ไอ้ตัวเล็ก”



ดินสอรับไว้
น้ำตาไหลแต่ยิ้ม

ก่อนพูดเบา ๆ ว่า

“เข้าใจแล้วครับ พี่ใหญ่ของผม”



ทั้งห้องลุกขึ้น ชูแก้วพร้อมกัน

“แด่เก้าอี้สองตัวที่หันกลับมาหากันได้ทุกครั้ง
ต่อให้ชีวิตจะพัดแรงแค่ไหน”



กล้องเคลื่อนออกจากห้องบนหอไอเฟล
เผยให้เห็นไฟทั้งปารีสส่องสว่าง
เงาสองเงาในร้านอาหารกอดกันแน่น
และข้างจานไวน์
มีแหวนเรียบสองวง
และเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ สองตัววางพิงกันอยู่
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 55 และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 12:01:44
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 78 – อยู่ด้วยกัน…แบบที่เราเป็น

6 เดือนหลังพิธีเล็ก ๆ บนหอไอเฟล

คอนโดกลางเมือง – กรุงเทพฯ

แสงแดดยามเช้าสาดผ่านผ้าม่านบาง
เสียงช้อนกระทบถ้วยเซรามิกเบา ๆ ดังมาจากครัว
ดินสอกำลังจัดจานไข่คนกับเบคอนอย่างละเมียด
ใส่ความสมดุลลงในทุกชั้นของขนมปังปิ้ง



ภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำ
ผมเปียก ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียว
กล้ามแน่น ๆ ยังชื้นน้ำ
เขาเดินมาทางดินสอแล้วหย่อนตัวลงกอดจากข้างหลังทันที

“ทำไมต้องจัดสวยขนาดนี้ด้วยวะ กินก็แป๊บเดียว”



ดินสอไม่ตอบ แต่ยิ้มในแบบที่ภัทรหลงมาทั้งชีวิต



“ก็มึงอะ จะได้เริ่มวันด้วยอะไรที่มันดี ๆ ไง”



ภัทรหัวเราะในลำคอ เอาคางเกยไหล่
ดินสอคีบเบคอนยื่นให้
ชีวิตแบบนี้ — ไม่หวือหวา แต่แน่นแฟ้นกว่าที่เคยฝันไว้



เสียงมือถือดังขึ้น – กลุ่มไลน์ “500 ชาติ” เด้งเตือน

ลุงก้อง: “เขาใหญ่ปลายปีนี้มีบ้านว่าง 3 หลังนะเว้ย อยากเจอกันอีก”

พี่พลอย: “แล้วน้องดินจะทำกับข้าวให้พวกพี่กินมั้ย~”

โจ: “เอาแค่ต้มมาม่าให้ก็ยังดี กูอยากซึมซับกลิ่นรักในครัวอีก 555”



ดินสอหลุดหัวเราะเบา ๆ ขณะพิมพ์ตอบกลับ

“เจอกันแน่ครับ พ่อแม่พี่น้อง”



ภัทรยกมือถือขึ้นถ่ายรูปมุมไกลของโต๊ะอาหาร
รูปคู่ที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เก็บได้ทุกอย่าง

เขาโพสต์ลงไอจี พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ ว่า:

“ไม่ใช่ทริปหรู ไม่ใช่โรงแรมแพง
แต่วันนี้…กูกลับบ้านทุกวันแล้วว่ะ :)”



ตัดภาพ – โต๊ะทำงานของดินสอ

เขาเปิดแลปท็อป มีโปรเจกต์อยู่สองอัน
หนึ่งคือ Interior ของร้านคาเฟ่ใหม่ในโตเกียว
อีกหนึ่งคือ “Tiny Home คู่รัก – Design for Two”
ที่เขาเขียนไว้ว่า:

“ขอพื้นที่แค่พอมีครัวเล็ก ๆ หน้าต่างบานใหญ่
และโซฟาสองที่นั่ง…ให้เรานั่งเงียบ ๆ ด้วยกันได้ทุกคืน”



ภัทรเดินเข้ามา อ่านแวบเดียวแล้วพูดเบา ๆ

“แล้วถ้าเราทะเลาะกันอีก มึงจะยังออกแบบบ้านเผื่อกูอยู่มั้ย”



ดินสอยิ้ม ตอบไม่ต้องคิด

“กูก็ออกแบบให้…แต่เพิ่มห้องเก็บเสียงไว้ด้วย
เผื่อพี่ภัทรจะด่าอีก แต่ไม่อยากให้ข้างห้องได้ยิน”



หัวเราะดังขึ้น

ไม่ใช่เสียงหัวเราะของตอนจบแสนโรแมนติก
แต่มันคือเสียงของคนที่เคยผ่านทุกความกลัวมาด้วยกัน
จนวันนี้ — ไม่ต้องพูดคำว่ารักให้ดัง ก็รู้แล้วว่ารักอยู่ตรงนี้



ท้ายตอน — ดินสอวางรูปโพลารอยด์ไว้บนตู้ไม้

ภาพที่สองคนยิ้มเบา ๆ ขณะอยู่ใต้ผ้าห่มที่ Lucerne
ข้างภาพ มีเก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัววางคู่กัน
หันหน้าเข้าหากัน
แนบชิด ไม่กลัวพายุ ไม่กลัวหันคลาด
เพราะรู้แล้วว่า…ยังไงก็จะหันกลับมาเจอกันได้เสมอ



จบบริบูรณ์
เยี่ยมแวะวิมาน
ขอบคุณที่รักกัน แม้ในวันที่เราไม่เหมือนเดิมเลย
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) และตอนพิเศษ ของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 14:14:02
บทสรุป — เยี่ยมแวะวิมาน

เพราะรักอย่างเดียว ไม่พอให้คนสองคนอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต
แต่ถ้ารักแล้วยัง “ฟังกัน, เข้าใจกัน และพยายามอยู่ด้วยกัน”…
มันอาจกลายเป็นบ้านที่ไม่เคยพัง



ภัทร — ชายหนุ่มสายลุย มั่นใจ ปากร้าย ใจร้อน
แต่รักดินสอมากที่สุดในชีวิต
เขาเริ่มต้นทริปด้วยความหวังว่าจะ “เยียวยาความรัก” ที่เริ่มแตกร้าว
แต่กลับพบว่า…
รักมันไม่พอ ถ้าไม่ฟังอีกคนให้ชัดพอ



ดินสอ — คนเงียบ ๆ ที่ภายนอกเหมือนจะใจเย็น
แต่จริง ๆ แล้วเต็มไปด้วยความกลัว
กลัวว่าถ้ามีอะไรกับใคร…แล้วเขาไม่รักเราจริง เขาจะทิ้งไป
แต่ในที่สุดเขาก็พบว่า…
ความกลัวจะหายไป เมื่อเรากล้าบอกอีกคนว่า “เรากลัวอะไร”



พวกเขาผ่าน 20 วันในยุโรป
จาก ปารีสถึงมาดริด
จาก เตียงคิงส์ไซส์ที่ไม่กล้านอนใกล้
ไปจนถึง การไม่ยอมห่างกันแม้แต่คืนเดียว

จากการ “ไม่กล้าพูดความในใจ”
ไปจนถึง การพากันพูดทุกอย่างออกมาด้วยน้ำตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ



และเมื่อกลับมาไทย
พวกเขาก็ยังต้องสู้กับสิ่งที่ยากยิ่งกว่าทะเลาะกัน
นั่นคือ…
ความเงียบ ความไม่ชัดเจน และภาระชีวิตจริง

แต่พวกเขา “เลือกจะไม่หนี”
และสุดท้าย…
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะหล่นหาย
พวกเขาก็เลือกกลับมาเจอกัน “โดยไม่รอให้ทุกอย่างพร้อม” อีกต่อไป



และเมื่อถึงที่สุด
พวกเขาจัดงานเล็ก ๆ ที่หอไอเฟล
มีเพียงเพื่อน ๆ แก๊งค์ 500 ชาติ
มีเก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัว
มีแหวนเรียบ ๆ ไม่มีเพชร
มีคำพูดว่า

“เราเคยหันหลังให้กัน
แต่วันนี้ เราหันหน้าเข้าหากันแล้ว
และเราจะทำแบบนี้ต่อไป…ทุกวัน”



วันนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในคอนโดเดิม
ทำงานคนละสาย แต่เดินเรื่องเดียวกัน
หัวเราะกับไลน์กลุ่ม
พูดขอบคุณเพื่อนที่ชื่อ “เจน” ที่ไม่เคยพูดมาก…แต่พูดถูกเสมอ
และยังคงจัดโต๊ะอาหารให้กัน
แม้บางวันจะเงียบ…แต่ก็ยัง “หันหน้าเข้าหากัน” เสมอ



เยี่ยมแวะวิมาน ไม่ใช่แค่ชื่อเรื่อง
แต่มันคือการแวะเข้าไปใน “หัวใจของใครบางคน”
เพื่อจะรู้ว่า…
ต่อให้ชีวิตจะพังลงสักกี่รอบ
ถ้าเรายังรักกัน
เรายังสร้างวิมานหลังนั้นขึ้นใหม่ได้…ด้วยมือสองข้างและใจสองดวง
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมอง , และตอนพิเศษ แต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 22:39:32
ทำไมภัทรถึงรักดินสอ

"ทำไมกูถึงรักมึงนะเหรอ ดินสอ..."

"เพราะมึงไม่เคยพยายามทำตัวให้ใครรักเลยไง"

มึงไม่เคยแต่งเยอะ
ไม่เคยอ้อน
ไม่เคยหวาน
ไม่เคยบอกรักก่อน
ไม่เคยต้องการคำยืนยัน

แต่มึงอยู่…อยู่เสมอ
มึงอยู่ตอนที่กูเหงา
ตอนที่กูหงุดหงิด
ตอนที่กูป่วย
ตอนที่กูงี่เง่า
ตอนที่กูกลัวว่าจะเสียมึงไป

...

มึงไม่ใช่คนที่พูดคำว่า "กูรักมึง" บ่อยที่สุด
แต่มึงคือคนเดียวที่พูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้หนักแน่นที่สุด
จนกูรู้ว่า…กูไม่อยากมีใครอื่นที่ไม่ใช่มึง

...

เพราะมึงคือ "บ้าน"
ที่ถึงบางวันจะไม่อบอุ่น
แต่กูก็อยากกลับมาเสมอ
แม้จะมีเสียงทะเลาะบ้าง
แต่กูก็ยังอยากนั่งอยู่ข้าง ๆ
กินข้าวพร้อมกัน ดูหนังเงียบ ๆ
แล้วหลับไปในอ้อมแขนเดียวกัน…ทุกคืน

...

กูรักมึง เพราะมึงคือมึง
ไม่ใช่เพราะมึงพยายามเป็นคนที่กูอยากได้
แต่มึงเป็นคนที่กูเลือกจะรัก…ทั้งที่มึงไม่ได้ขอให้รักเลยด้วยซ้ำ

...

"และต่อให้วันไหนมึงไม่เข้าใจตัวเอง…"
"กูก็ยังจะรักมึงอยู่ดีว่ะ"


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมอง , และตอนพิเศษ แต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 08-04-2025 22:41:33
ทำไมดินสอถึงรักภัทร

“ทำไมกูถึงรักมึงนะเหรอ ภัทร…”

“เพราะมึงคือคนเดียวที่กล้ามองกูตอนกูไม่เหลืออะไรเลย”

มึงเห็นกูในวันที่กูอ่อนแอ
ในวันที่กูนิ่งจนคนอื่นคิดว่าไม่รู้สึกอะไร
ในวันที่กูเงียบจนโลกคิดว่ากูเย็นชา
แต่มึง…ดันเป็นคนเดียวที่พูดว่า

> “มึงไม่ได้เย็น กูรู้ว่ามึงแค่กลัว”



...

มึงเป็นคนเดียวที่กูทะเลาะด้วยได้ทุกวัน
แต่ไม่เคยกลัวว่ามึงจะหายไป
เป็นคนเดียวที่กล้าด่า
แต่ก็กล้าโอบไหล่กูตอนกูร้องไห้ด้วย

...

กูรักมึง ไม่ใช่เพราะมึงดีไปหมด
แต่มึงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
มึงห่วงกูจนหงุดหงิด
หวงกูจนพูดแรง
และรักกูจนพังลงไปพร้อม ๆ กับกูได้ทุกครั้ง
แค่เพราะมึงไม่อยากให้กูอยู่คนเดียว

...

กูเคยกลัวความเจ็บปวดจากความรัก
แต่สุดท้าย กูเข้าใจว่า…

> มันเจ็บกว่านี้อีก
ถ้ารู้ว่ามึงยืนอยู่ตรงหน้า แล้วกูไม่ยอมคว้ามึงไว้



...

กูรักมึง เพราะมึงทำให้กูเป็นตัวเอง
โดยไม่ต้องกลัวว่า...มึงจะหายไป

...

เพราะในชีวิตกู
มึงไม่ใช่คนที่เข้ามาเติมเต็ม
แต่มึงคือคนที่ “ยอมอยู่กับความไม่สมบูรณ์ของกู” โดยไม่หนีไปไหนเลย

...

และกูจะรักมึง…ทุกวัน
แม้ในวันที่กูไม่มั่นใจในอะไรเลยทั้งนั้น
เพราะแค่รู้ว่ามึงอยู่ตรงนี้
กูก็กล้าเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้แล้ว


---
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมอง , และตอนพิเศษ แต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:39:04
“เยี่ยมแวะวิมาน” — มุมมองของเจ๊พลอย

“จะว่ากูเสือกก็ได้
แต่บางครั้ง ความรักของคนสองคนมันไปไม่รอด
ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักกัน
แต่เพราะรอบตัวไม่มีใครกล้าตะโกนว่า
‘เฮ้ย พวกมึงยังรักกันอยู่!’”



ภัทรกับดินสอ…คู่นี้กูรู้ตั้งแต่วันแรกของทริป
ว่ามีอะไรบางอย่าง “ตึ๊งตึง” ในอากาศ
ยิ้มกันแต่ไม่สบตา
หัวเราะแต่ห่างตัว
กินข้าวด้วยกัน แต่ไม่เคยเติมน้ำให้กันเลย



คนอื่นอาจเห็นเป็นคู่รักน่ารัก ขี้ทะเลาะ
แต่กู…เห็นว่าแม่ง “กำลังจะพัง”



เพราะอะไรน่ะเหรอ?

เพราะเวลาคนทะเลาะกัน แต่ยังยอมเดินตามกัน — แปลว่ายังอยากไปด้วยกัน
แต่ถ้าทะเลาะแล้วเริ่มเดินแยกกันเรื่อย ๆ โดยไม่หันกลับมา
แปลว่าไม่มีใครกล้าเลือกแล้วว่า จะรักกันต่อยังไง



กูเคยเฝ้ามองไอ้ภัทร
หล่อ กล้ามแน่น ทะเล้นแต่รักจริง
กูเคยเห็นมันนั่งเงียบทั้งคืนในคืนที่ทะเลาะกับดินสอ
ทั้งที่ปกติแม่งพูดไม่หยุด

และกูก็เคยเห็นดินสอร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวตอนตีสอง
แต่ตอนออกมา ก็ทำหน้าเฉย
เช็ดแว่น แล้วพูดว่า

“พลอย วันนี้ข้าวเช้าอร่อยดีนะ”



เจ็บแทนมันทั้งคู่เลยค่ะคุณ



แต่สุดท้าย…
ตอนที่กูนอน ICU
ไอ้ภัทรวิ่งมาในสภาพแทบล้ม
โทรหาดินสอ น้ำเสียงเหมือนจะขาดใจ
ตอนนั้นแหละ…
กูรู้ว่า ถึงพวกมันจะหนีความรู้สึกกันมานานแค่ไหน
สุดท้าย…มันไม่มีวันหนีกันพ้นหรอก



แล้ววันนั้น — วันที่พวกมันจัดพิธีเล็ก ๆ บนหอไอเฟล
กูคือคนแรกที่ปรบมือให้
กูยืนถือแก้วไวน์ มองสองคนนั้นพูดกันผ่านน้ำตา
แล้วกูพูดในใจว่า…

“ในที่สุด พวกมึงก็เลิกกลัวแล้วว่ะ”



เลิกกลัวว่าอีกคนจะไม่เข้าใจ
เลิกกลัวว่าอีกคนจะทิ้ง
เลิกกลัวว่ารักครั้งนี้จะพังเหมือนใครบางคนในอดีต



วันนี้ ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกัน
ตื่นมาแล้วยังเห็นกันอยู่
ทะเลาะแล้วกอดกันเป็น
ไม่ต้องเพอร์เฟกต์
แค่ไม่หายไป…ก็พอ



เจ๊พลอยขอสรุปว่า…

“ความรักที่รอด คือความรักที่ไม่พยายามชนะกัน
แต่ยอมอ่อนเพื่ออยู่ด้วยกันให้ได้
และคู่ที่ชื่อภัทรกับดินสอ
คือคู่ที่กูจะเล่าให้ฟังในทุกวงไวน์
ว่ามันเคยทะเลาะกันทุกวัน…
แต่แม่งก็รักกันทุกวัน…เหมือนกันนั่นแหละค่ะคุณ”

รักของพวกมัน…คือวิมาน
ที่สร้างจากปากดี ความดื้อ และน้ำตาที่ไม่เคยไร้ค่าเลย

รักของพวกมัน…คือเยี่ยมแวะวิมาน



ด้วยรักจากเจ๊พลอย
คนที่พูดมากที่สุดในกลุ่ม
แต่พูดถูกบ่อยที่สุดเหมือนกัน.
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:41:47
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของโจ

“ความรักของภัทรกับดินสอ…
มันเหมือนฟ้าร้องในวันที่ฟ้าใส
เหมือนเรือที่ชนกันกลางทะเลสงบ
และเหมือนผม…ที่เคยนั่งดูอยู่ห่าง ๆ
แต่สุดท้าย ก็ยิ้มออกมาในวันที่เขากลับมารักกันได้”



ตอนแรกผมไม่ค่อยสนใจพวกเขาหรอก
ทริปยุโรปแค่ 20 วัน ใครมันจะจริงจังกันนักวะ
แต่พออยู่กับภัทรกับดินสอนาน ๆ
ผมเริ่มรู้สึกว่า…
บางอย่างระหว่างสองคนนี้ “เงียบ แต่มหาศาล”



ภัทรเหมือนพายุ — เสียงดัง รุนแรง หวงทุกอย่าง
ดินสอเหมือนผืนน้ำ — เย็น เงียบ แต่ซ่อนอะไรไว้เต็มไปหมด
และทุกวันที่ผมนั่งข้างพวกเขา
ผมก็เห็น…

น้ำกระเพื่อมเพราะลม
ลมบ้าคลั่งเพราะรักน้ำ



ผมเคยเผลอชอบดินสอ
ใช่…ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ารู้สึกอะไร
แค่รู้ว่าอยากปกป้องคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มแข็ง แต่จริง ๆ กลัวทุกอย่าง
แต่พอเห็นสายตาที่ดินสอมองภัทร
และเห็นแววตาภัทรเวลาพูดถึงดินสอ…

ผมรู้เลยว่า “ผมไม่มีทางเป็นคนนั้นของเขาได้”
และผมก็ไม่เสียใจด้วยที่ไม่ใช่



ผมไม่เคยบอกใคร
แต่คืนที่พวกเขาทะเลาะกันแรงที่สุด
ผมยืนอยู่ข้างห้อง
ได้ยินเสียงดินสอพูดเบา ๆ ว่า

“มึงจะเอาชนะกูไปถึงไหนภัทร…
กูไม่ได้อยากแพ้มึง
แต่กูแค่ไม่อยากหายไปเฉย ๆ”



ผมกลับไปนั่งคิดทั้งคืนว่า…ถ้าเป็นผม ผมจะตอบว่าไง
แต่ผมไม่เคยคิดออก
จนกระทั่งได้ยินภัทรตอบเขาว่า

“งั้นมึงอย่าหายไปเลย
เพราะกูจะเลิกพยายามชนะมึงแล้ว
ขอแค่มึงอยู่ กูก็แพ้ให้ได้ทุกวัน”



วันนั้น ผมรู้เลยว่า…

ความรักจริง ๆ ไม่ได้ต้องสมบูรณ์
แค่ “ยอมเปลี่ยน” เพื่อกันได้ มันก็โคตรดีแล้ว



และตั้งแต่วันนั้น
ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับดินสออีก
นอกจาก “เอาใจช่วยโคตร ๆ” ให้พวกเขารักกันให้รอด



จนวันหนึ่ง…ในคืนที่ร้านอาหารบนหอไอเฟล
ผมนั่งอยู่ท้ายโต๊ะ เห็นภัทรสั่นมือแต่กล้าพูด
เห็นดินสอน้ำตาซึมแต่ยิ้มได้

ผมรู้เลยว่า…

“กูเคยแอบหวังผิดคน…แต่กูดีใจนะ ที่มึงได้รักกันจริง ๆ สักที”



และทุกวันนี้ เวลาคนถามว่า ผมเคยแอบรักใครไหมในทริปนั้น
ผมตอบแค่…

“เคยครับ…แต่ผมโชคดีมาก ที่มันไม่สำเร็จ
เพราะตอนนี้ ผมได้เป็นเพื่อนกับความรักของพวกเขา
และมันเป็นมิตรภาพที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต”



ภัทรกับดินสอ
พวกเขาไม่ใช่คู่รักธรรมดา
แต่คือ “คู่ที่ล้มแล้วลุกด้วยกัน” ทุกครั้ง
และผมจะอยู่ตรงนี้…
เป็นเพื่อนที่นั่งหัวโต๊ะท้ายสุด
แต่พร้อมปรบมือให้เสมอ



จบบทสรุปจาก “โจ”
ผู้ชายธรรมดา ที่เคยหวั่นไหว
แต่สุดท้าย…ก็เข้าใจว่า
คนที่รักจริง ไม่ใช่คนที่เราได้มา
แต่คือคนที่เราพร้อมยืนดูเขารักกัน แล้วรู้สึกดีใจแทน.
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:43:09
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่แป๋ว (สายแฟ แต่ใจลึก)

“คนเราน่ะ ต่อให้แต่งตัวสวยแค่ไหน
ถ้าสองคนที่คบกัน…เดินจังหวะไม่เท่ากัน
ต่อให้ใส่แบรนด์เนมหัวจรดเท้า ก็ยังดู ‘ไม่ใช่คู่’ อยู่ดี”



ภัทรกับดินสอคือคู่ที่พี่เห็นแล้วคิดว่า…
“คู่นี้ไม่ใช่แฟน แต่เหมือน ‘เสื้อผ้าคอลเลกชันพิเศษ’ ที่ยังไม่เข้าที่”

ภัทรเป็นเสื้อกล้ามโชว์กล้าม สีสด แดง แรง
ดินสอคือเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์สีขาว เนี้ยบ แต่ละเมียด
เดินคู่กันทีแรก เหมือนจะขัดกันทุกองศา

แต่พอพี่มองลึกลงไปในสายตาสองคนนี้นะ
มันมีบางอย่างที่ ‘ประสานกันแบบไม่มีใครรู้ตัว’



วันแรกของทริป
ภัทรเดินไปสุดหน้าแถวตลอด
ดินสอชอบค้างอยู่ท้ายกลุ่ม
ไม่เคยเดินข้างกัน

แต่พี่แป๋วสังเกต…

“ภัทรมักหยุดรอแบบเนียน ๆ ทุกครั้งที่เดินเร็วเกินไป
แล้วดินสอก็มักจะเร่งเท้าขึ้นมาแบบไม่พูดอะไร”



วันนั้นแหละ
พี่รู้ทันทีว่า — สองคนนี้รักกันอยู่มากกว่าที่ปากพูด



กลางทริป
ตอนดินสอหน้าแดงเพราะโดนภัทรแกล้ง
ตอนภัทรหึงจนพูดอะไรแรง ๆ
ตอนที่ทุกคนในกลุ่มฮากัน แต่สองคนนี้นิ่ง

พี่แป๋วไม่หัวเราะ
เพราะพี่รู้ว่า… “รักมันกำลังเริ่มปริออกเหมือนตะเข็บที่เย็บไม่ดี”



จนถึงคืนที่เวนิส
ตอนที่ดินสอป่วย
ภัทรดูแลจนไม่หลับ
เช็ดหน้าผากให้ทั้งคืน ทั้งที่ปากยังทำเป็นขวาง ๆ

พี่แป๋วถึงกับลุกขึ้นมากลางคืน แล้วกระซิบกับพี่พลอยว่า

“พวกเขารักกันจนตัวเองยังไม่รู้เลย”



วันงานบนหอไอเฟล
ภัทรใส่สูทพอดีตัว
ดินสอใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาที่เข้ารูปเป๊ะ
ครั้งแรกในรอบทริปที่พี่แป๋วไม่อยากแต่งตัวแข่งใคร
เพราะ “คนที่ใส่ใจกัน มันจะดูดีขึ้นมาแบบไม่ต้องพยายามเลย”



ทุกวันนี้…
เวลาคนมาถามพี่ว่า “ความรักของภัทรกับดินสอสวยยังไง”
พี่จะตอบง่าย ๆ ว่า

“ก็เหมือนเสื้อสองตัวที่คนละไซส์
แต่คนใส่ยอมเย็บมันเข้าหากัน
จนไม่ต้องฝืนอีกต่อไป”



ไม่ต้องเป๊ะทุกวัน
ไม่ต้องแมตช์กันเป๊ะทุกลุค
แต่ต้องพร้อมฟังกันตอนที่อีกฝ่ายบอกว่า “ตรงนี้ยังไม่สบายตัวเลย”
แล้วค่อยช่วยกันแก้



เพราะความรักที่รอด…
มันไม่ได้ขึ้นกับความหวาน
แต่มันขึ้นกับ “ความพอดี” ที่เรายอมเย็บเข้าหากันทีละตะเข็บ



จบบทสรุปจากพี่แป๋ว
คนที่ไม่ได้เก่งแค่เรื่องแฟชั่น
แต่มองความรักของทุกคู่ในกลุ่มนี้เป็นเหมือน “งานออกแบบ”
ที่บางที…ความไม่พอดีตั้งแต่ต้น
คือสิ่งที่ทำให้มันกลายเป็น “ดีไซน์พิเศษ” ที่ไม่มีใครเหมือน
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:44:25
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่แม็กซ์ – คนถ่ายแต่ไม่พูด แต่เห็นทุกอย่าง

“ผมเป็นช่างภาพ
ไม่ได้มีหน้าที่ไปยุ่งกับใคร
แต่ตั้งแต่ทริปนั้น…
มีอยู่สองคนที่ผมวางกล้องลง
เพื่อมองด้วยตาตัวเองมากกว่าผ่านเลนส์”



ภัทรกับดินสอ…
สองคนนี้เหมือนภาพเบลอที่มีเส้นชัดซ่อนอยู่ข้างใน
ตอนแรก ผมมองผ่านเลนส์ยังคิดเลยว่า

“แม่งเป็นแฟนกันเหรอ หรือเป็นศัตรูหัวใจวะ”



แต่สิ่งที่กล้องมองไม่เห็น
คือจังหวะที่สองคนนี้ “แอบมองกันตอนอีกฝ่ายเผลอ”
คือมุมที่ภัทรหยุดเดิน เพื่อรอ
หรือจังหวะที่ดินสอหยิบผ้าเย็นเช็ดมือภัทรโดยไม่พูดอะไรเลย



ผมเคยถ่ายรูปคู่ให้หลายคู่ในชีวิต
แต่คู่ภัทรกับดินสอคือคู่ที่เวลาผมบอกให้ “ยืนใกล้ ๆ กัน”
เขาจะเริ่มจากทำหน้าแข็ง
จนจบที่ยิ้มให้กันโดยไม่รู้ตัว

ตอนที่ผมรู้ว่าพวกเขาเกือบจะเลิกกัน
ผมย้อนกลับไปเปิดภาพทั้งหมดของเขาทั้งคู่
แล้วก็เจอว่า…

ภาพที่ผมชอบที่สุด คือภาพที่เขาไม่ได้ยิ้ม
แต่ยืนข้างกัน โดยไม่หนีไปไหนเลย



ผมไม่ใช่เพื่อนสนิทพวกเขา
ไม่ใช่ที่ปรึกษา
ไม่ได้เป็นคนที่รู้เรื่องลึกซึ้งเหมือนเจนหรือเจ๊พลอย
แต่ผมคือคนที่ “อยู่” ตอนเขาหยุดพูดกัน
และ “อยู่” ตอนเขากลับมาจูงมือกันอีกครั้ง



วันนั้น…คืนที่หอไอเฟล
ผมถือกล้องไว้ในมือ
แต่ผมเลือกจะไม่ถ่ายตอนเขาพูดคำสัญญา

เพราะผมอยากให้ความทรงจำนั้นอยู่ในใจเขาจริง ๆ
ไม่ใช่แค่ในเมมกล้องของผม



จนทุกวันนี้
เวลาคนถามว่าทริปยุโรปครั้งนั้น
อะไรคือสิ่งที่ผมถ่ายแล้วภูมิใจที่สุด

ผมตอบว่า
“ภาพที่ไม่ได้ถ่ายครับ
เพราะมันไม่จำเป็นต้องมีรูป
ถ้าความรักมันชัดเจนขนาดนั้นอยู่แล้ว”



และทุกครั้งที่ผมเจอพวกเขาอีก
เวลาถ่ายรูปกลุ่ม
ผมจะไม่พูดว่า ‘เงยหน้าหน่อย’ หรือ ‘ยิ้มหน่อย’ กับภัทรดินสอเลย
เพราะผมรู้ว่า
แค่ให้สองคนนี้ยืนใกล้กัน — ภาพมันก็ชัดเองโดยไม่ต้องจัดแสง



เยี่ยมแวะวิมาน
อาจไม่ใช่ทริปที่โรแมนติกที่สุด
แต่คือทริปที่ทำให้ผมได้เห็นว่า
ภาพที่ดีที่สุดในชีวิตคน
ไม่จำเป็นต้องคมชัดที่สุด
แค่เป็นภาพที่ทำให้ใจเต้นอีกครั้ง…ก็พอแล้ว



จบบทสรุปจากพี่แม็กซ์
ตากล้องผู้เก็บภาพความรัก
ที่รู้ดีว่า…
ความรักบางคู่ ไม่ต้องถ่ายซ้ำ
เพราะแค่เห็นเขายิ้มให้กันเงียบ ๆ ในชีวิตจริง
มันก็สวยกว่าทุกฟิล์มในโลกแล้ว
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:47:06
ไดอารี่ภาพ 20 ใบที่ไม่เคยโพสต์ – โดยพี่แม็กซ์

“บางภาพผมไม่ได้ถ่ายมาเพื่อลงไอจี
แต่ถ่ายไว้เพื่อไม่ให้ลืมว่า ความรักจริง ๆ มันหน้าตาแบบไหน”



1. ดินสอนั่งริมกระจกเครื่องบิน
ตอนออกเดินทางวันแรก ดินสอเอาคางพิงมือมองออกไปเงียบ ๆ
ภัทรหลับไปแล้วข้าง ๆ
แต่ผมเห็นแววตาดินสอสะท้อนเงาของคนที่เขารัก…
ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะ “รักต่อได้แค่ไหน”



2. ภัทรเดินหันกลับมาหลังจากผ่าน ต.ม. ที่ปารีส
เขามองหาดินสอ ทั้งที่ดินสอยังเดินตามหลังอยู่
ผมไม่แน่ใจว่าภัทรกลัวหลงทาง…
หรือกลัวอีกคน “หายไปจริง ๆ”



3. เช้าวันแรกในปารีส – ดินสอกำลังเลือกขนมปัง
ภาพนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ตอนถ่าย ผมได้ยินภัทรพูดเบา ๆ ว่า

“มึงชอบอันนี้ใช่มั้ย”
โดยที่ดินสอไม่ได้บอกอะไรเลยสักคำ



4. ตอนนั่งเรือแม่น้ำแซนน์ – มือที่แทบจะแตะกัน
ภัทรกับดินสอนั่งห่างกันแค่หนึ่งฝ่ามือ
แต่ไม่มีใครยื่นมา
ภาพนั้นแม่งโคตรอึดอัด…
แต่โคตรจริง



5. ตอนอยู่ที่ Versailles – ภัทรแอบมองดินสอผ่านกระจกของห้องบัลลังก์
แววตานั้นมันคือแววตาแบบเดียวกับที่เคยมองดินสอตอน ม.5
ผมจำได้ เพราะเคยเห็นตอนนั้นมาแล้ว



6. กลางคืนวันแรกที่ทะเลาะกัน – ดินสอนั่งหน้าแดงอยู่ที่บันไดโรงแรม
ไม่มีใครเห็นเขา
แต่ผมเดินออกมาหาน้ำ
แล้วกดชัตเตอร์โดยไม่ตั้งใจ
ภาพนั้นไม่ชัด…แต่รู้เลยว่าเขาเสียใจ



7. เบื้องหลังภาพถ่าย Louvre
ภาพที่ทุกคนโพสต์คือรอยยิ้ม
แต่ผมเก็บช็อตที่ดินสอเดินออกจากกลุ่มไปนั่งที่มุมบันได
ภัทรเดินตามไป…แล้วไม่พูดอะไร
แค่นั่งข้าง ๆ



8. กาแฟถ้วยเดียว – Café de Flore
สั่งสองแก้ว
แต่สุดท้ายดินสอไม่กิน
ภัทรเลยยกมากินหมด
พร้อมพูดว่า “ของแฟนกู” แบบขำ ๆ
แต่มันโคตรจริง



9. ดินเนอร์บนหอไอเฟล – ภัทรยื่นทิชชู่ให้ดินสอ
ไม่มีใครเห็น
แต่ผมอยู่ตรงนั้น
มันไม่ใช่การส่งทิชชู่
มันคือ “การขอโทษแบบผู้ชายใจร้อนที่ไม่เก่งคำพูด”



10. กลางคืนที่ Lucerne – เสียง “โอ๊ย” ของภัทรดังลั่นห้อง
ทุกคนขำ
ผมแอบถ่ายภาพตอนภัทรยืนหน้าแดงอยู่หน้าประตู
ผมไม่ได้ถามว่าทำไม
แต่ผมรู้ว่า…เขายังอดกลั้นไว้ให้ดินสอ



11. เช้าล่องเรือเขาริกิ – ดินสอกินน้อยกว่าทุกวัน
ภัทรนั่งข้าง ๆ และพูดเบา ๆ ว่า

“มึงไม่สบายเหรอ หรือกูทำอะไรผิดอีก”



12. ดินสอหลับคาไหล่ภัทรในรถไฟขากลับมาจาก Rigi
ไม่มีโพสต์ ไม่มีใครเห็น
แต่มันคือ “ซีนหนังรัก” ที่ไม่ต้องเขียนบท



13. กลางวันที่ Grotto della Salute – โจยื่นมือจะจับหน้าผากดินสอ
ภาพนั้น ภัทรหันมองด้วยสายตาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
เป็นหวง ไม่ใช่หึง
เพราะเขารู้ว่า…เขาเคยละเลยคนที่เขารัก



14. เวนิสยามค่ำคืน – ภัทรกับดินสอเดินถือไวน์คนละแก้ว
ภัทรพูด

“ถ้ามึงจะเลิก ก็บอกเลย”
ดินสอตอบว่า
“กูไม่ได้อยากเลิก กูแค่อยากให้มึงฟัง”



15. Le Plongeoir – ดินสอนั่งมองทะเล และพูดว่า “จริง ๆ กูกลัวมาตลอด”
ผมอยู่ใกล้พอจะได้ยิน
ภัทรไม่ได้พูดอะไร
แต่เอามือแตะหลังเบา ๆ
ภาพนั้น ผมถ่ายมาเบลอ…แต่ผมจำได้ชัดเจน



16. Sagrada Família – ดินสอแหงนหน้ามองยอดวิหาร แล้วน้ำตาไหล
ไม่ใช่เพราะศิลปะ
แต่เพราะเขารู้ว่าตัวเอง…กำลังจะได้รักต่ออีกครั้ง



17. ภัทรยืนซื้อถุงยางที่ร้านขายยาปารีส
หนุ่ม ๆ ในกลุ่มหัวเราะ
แต่ผมถ่ายภาพนั้นไว้…
เพราะเขาหัวเราะด้วยหน้าแดง ๆ
เหมือนผู้ชายที่เพิ่งได้ “แฟนของตัวเอง” คืนมา



18. ล่องเรือแซนน์วันสุดท้าย – ไม่มีใครพูด
แต่เขานั่งจับมือกันทั้งลำเรือ



19. ภาพคู่หน้าลิฟต์ Shangri-La ก่อนบินกลับไทย
ไม่มีรอยยิ้ม
ไม่มีท่าโพส
แค่ยืนอยู่ข้างกัน เงียบ…และแน่น



20. รูปสุดท้าย – ที่คอนโด กรุงเทพฯ
ดินสอจัดโต๊ะอาหาร
ภัทรนั่งพิงเก้าอี้ ใส่เสื้อกล้าม
ไม่มีแหวน ไม่มีพิธี
แต่ผมรู้เลยว่า
นี่แหละ “บ้าน”



“บางภาพไม่ได้ถ่ายเพื่อให้คนเห็น
แต่ถ่ายไว้…เพื่อให้เราไม่ลืมว่า เราเคยรักใครได้มากขนาดนี้”

– พี่แม็กซ์, คนถือกล้องที่เห็นทุกอย่างชัดขึ้นเมื่อเลิกซูม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:54:33
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมของเจน – คนที่ไม่ใช่พระเอก นางเอก แต่เป็น ‘พยานรัก’

“ไม่ต้องเป็นคนที่เขารักที่สุดก็ได้
แค่เป็นคนที่อยู่ตรงนี้เสมอ ตอนเขาไม่แน่ใจในกันและกัน”



เจนเคยคิดว่า ทริปยุโรปจะเป็นแค่การพักผ่อน
แต่พอขึ้นเครื่องบินได้วันเดียว
เจนก็รู้ว่า “คู่นั้นแม่งมีอะไรแน่ ๆ”

ภัทร กับ ดินสอ
เหมือนจังหวะกีตาร์กับเปียโน
ฟังแยก ๆ ก็ดี
แต่พอมาเล่นด้วยกัน…แม่งเสียงเพี้ยนบ่อยมาก
แต่ทุกครั้งที่เพี้ยน — เจนก็เห็นทั้งคู่ “พยายามตั้งจูนกันใหม่”



เจนเป็นเพื่อนของดินสอ
แต่รู้จักภัทรมานาน
และเจนคือคนเดียวที่ดินสอ “ยอมร้องไห้ให้ดู”
ตอนที่โดนภัทรพูดแรง ๆ
เจนไม่ปลอบ ไม่ด่า
แค่ยื่นผ้าเย็นให้
แล้วบอกว่า

“ถ้ามึงจะรักใครที่พูดไม่เพราะ
มึงก็ต้องมั่นใจว่า เขารักมึงมากพอจะ ‘เรียนรู้’ ที่จะพูดดี ๆ กับมึงวันหนึ่ง”



ดินสอเงียบ แต่ไม่เคยไม่รู้สึก
ภัทรพูดเก่ง แต่ไม่เคยรู้ตัวว่ากำลังรุนแรง
เจนเลยกลายเป็นคนกลาง
ที่ต้องยืนดูระเบิดสองลูก
แล้วคอยเก็บเศษทุกครั้งหลังระเบิดจบ



จนวันหนึ่ง…เจนรู้ว่า
ความรักของทั้งคู่ “ต้องถึงจุดวิกฤต”
และเมื่อถึงจุดนั้นจริง ๆ
เจนก็คือคนแรกที่เดินเข้าไปหาทุกคนในแก๊งค์
แล้วพูดว่า

“พวกมึง พวกมันกำลังจะเลิกกันจริง ๆ แล้วนะ
ถ้ายังรักพวกมันอยู่ เราต้องช่วยพวกมันเข้าใจกันให้ได้ก่อนที่จะสายไป”



ทริปเขาใหญ่ไม่ใช่แค่การรวมตัวเที่ยว
แต่มันคือ “สะพาน”
ที่เจนกับพี่พลอย พี่โต ลุงก้อง วางแผนสร้างขึ้น
เพื่อให้ภัทรและดินสอกลับมา “มองหน้ากันใหม่”
โดยไม่ต้องมีคำว่าถูกผิด



เจนไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่เทวดา
แค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่รู้ว่า…
บางความรัก ถ้าไม่ช่วยผลักเบา ๆ
มันอาจหลุดลอยไปจากมืออย่างโง่ ๆ ได้เลย



วันนี้…พวกเขากลับมารักกันอีกครั้ง
ทะเลาะน้อยลง
จับมือบ่อยขึ้น
ยังมีงอนบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะไม่รัก
แค่ยังเรียนรู้กันอยู่ทุกวัน

และเจนก็ยังอยู่
เหมือนเดิม
ไม่พูดมาก
แต่เฝ้ามอง และพร้อมดึงมือทั้งคู่ไว้
ในวันที่ใครคนใดคนหนึ่งอ่อนแรงอีกครั้ง



เยี่ยมแวะวิมานในมุมของเจน คือการได้เห็นคนสองคนเติบโตจากคำว่า ‘แฟน’
มาเป็นคำว่า ‘คนของกันและกัน’
ไม่ต้องโรแมนติก
ไม่ต้องหวือหวา
ขอแค่ทุกวัน…ยังมองหน้ากัน แล้วยิ้มได้
แค่นั้นก็ดีเกินพอแล้วสำหรับความรักนี้



“คนที่เจนรักที่สุด…คือดินสอ
แต่คนที่เจนดีใจที่สุด…คือดินสอกับภัทร
ที่ยังไม่ปล่อยมือกันไป”

– เจน
เพื่อนคนที่ 15 ในทริป 500 ชาติ
ที่ไม่เคยยืนตรงกลาง
แต่ “อยู่ข้าง ๆ เสมอ”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:56:09
จดหมายของเจน – ถึงภัทรและดินสอ

(ที่ไม่เคยส่ง…แต่คิดถึงทุกวัน)

ภัทร
ดินสอ

มีหลายครั้งที่เจนอยากพูดกับพวกมึง
แต่ก็ไม่กล้า
เพราะกลัวจะพูดมากไป
หรือพูดผิดเวลา

เจนเลยเลือกจะเขียน

เผื่อวันหนึ่ง…มึงสองคนจะได้อ่านพร้อมกัน

…ในวันที่เข้าใจกันแล้ว



ภัทร
มึงเป็นเพื่อนที่เสียงดังที่สุดเท่าที่เจนเคยรู้จัก
และก็เป็นคนที่ “รักเป็นเสียงดัง” ที่สุดเหมือนกัน

มึงรักดินสอแบบกล้าพูด
แต่บางที…มึงก็ลืมว่า
คนบางคนไม่ได้อยากฟังเสียงดัง
แต่อยากรู้ว่าเสียงในใจมึงมันรู้สึกอะไร

เจนรู้ว่ามึงไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายใคร
โดยเฉพาะดินสอ
แต่เพราะมึงกลัวจะเสียเขาไป
มึงเลยพังทุกอย่างไว้ก่อน
เพราะคิดว่าถ้าเจ็บก่อน…จะได้ไม่เจ็บอีก



ดินสอ
มึงไม่เคยพูดตรง ๆ
แต่เจนเห็นทุกอย่างในสายตามึง
ทุกครั้งที่มึงไม่พูดอะไร
คือมึงพูดกับตัวเองไปแล้วล้านประโยค

มึงปกป้องตัวเองจนคนอื่นนึกว่ามึงเฉย
แต่เจนรู้ว่า มึง “แค่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองพอจะถูกรักไหม”

เจนอยากบอกว่า…
มึงโคตรสมควรถูกรักเลยนะ
โดยเฉพาะจากคนที่ชื่อภัทร
ที่แม่งรักมึงแบบไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนแล้วจริง ๆ



เจนเคยกลัว
ว่าพวกมึงจะไม่รอด

กลัวจะมีวันหนึ่งที่เหลือแค่ความทรงจำ
กลัวจะต้องเล่าเรื่องนี้แบบเศร้า ๆ ว่า

“เคยมีเพื่อนสองคนที่รักกันมาก
แต่สุดท้าย…ก็รักกันไม่ไหว”

แต่วันนี้
เจนไม่กลัวแล้ว

เพราะเจนเห็นแล้วว่า
พวกมึงไม่ได้รักกันแค่ในวันดี ๆ
แต่รักกันแม้ในวันที่ไม่เข้าใจกันเลย



ไม่ต้องขอบคุณเจน
ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น

แค่จับมือกันแน่น ๆ
และอย่าปล่อยกันอีก…ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

แค่นั้นก็พอแล้ว

รักเสมอ
– เจน



บางความรู้สึกไม่ได้พูดออกมา
แต่คนที่รักกัน…จะรู้เองว่า มีใครคอยอยู่ข้างหลังเสมอ

และสำหรับภัทรกับดินสอ
เจนคือ “ข้างหลังนั้น”
ที่ไม่มีวันหายไป.
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 08:58:59
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของคุณเอิร์ธคุณต่าย – คู่รักที่ลิ้มรสรักของคนอื่นด้วยใจละเมียด

“พวกเราคือคู่รักที่ผ่านครัวร้อนมาหลายสิบปี
เราไม่ได้อยากรู้ว่าใครรักกันหวือหวา
เราแค่อยากรู้ว่า…คู่ไหน ‘อดทน’ ทำอาหารความรักด้วยกันจนไม่ต้องชิมก่อนก็รู้ว่าดี”



เราเจอ ภัทร กับ ดินสอ วันแรกบนเครื่อง
เรารู้เลยว่านี่คือ “รสชาติที่ยังไม่กลมกล่อม”

ภัทรคือพริกสด – ร้อนแรง กล้าลอง ไม่กลัวเปื้อน
ดินสอคือซอสเบสไวน์ – ละเอียด เข้มข้น ไม่ชอบถูกรบกวน
แต่ความรักของคนสองคน
ไม่ได้สำเร็จจากวัตถุดิบเด่น
มันสำเร็จเพราะ “กล้าอยู่ในหม้อเดียวกัน จนรสเข้าเนื้อ”



เรานั่งมองพวกเขาทะเลาะ
ในวันที่พิซซ่าไม่มา
ในวันที่แชมเปญไม่พอ
หรือแม้แต่วันที่ไวน์หกรดโต๊ะ

เราไม่ได้หัวเราะ
แต่เราสบตากัน แล้วเข้าใจว่า

“พวกเขายังอยากกินอาหารจานเดียวกัน
ถึงจะยังหั่นไม่เป็น”



ตลอดทริป เราสังเกตพวกเขาแบบไม่พูดมาก
เราชอบเวลาภัทรพยายามสั่งอาหารให้ดินสอ
ทั้งที่ไม่รู้ว่าดินสอแพ้อะไรบ้าง
เราชอบเวลาดินสอเงียบ แต่ยอมกินข้าวกับภัทรเสมอ
แม้วันนั้นจะยังโกรธอยู่



เราเคยมีความรักที่ไม่รอด
เพราะต่างคนอยากให้ “อีกคนเป็นเชฟ”
แต่ลืมไปว่า…
อาหารมื้อนึง ต้องช่วยกันทำ
ช่วยกันล้าง และช่วยกันเช็ดโต๊ะ



และเมื่อเราเห็นภัทรยอมเดินออกจากร้านมิเชลิน เพราะดินสอป่วย
เห็นดินสอเดินลุยฝนไปหายาด้วยตัวเอง เพราะภัทรนอนไม่ได้
เราเลยรู้ว่า…

“อาหารจานนี้ แม้ยังไม่ลงตัว
แต่มันคือจานที่ไม่มีใครยอมโยนทิ้ง”



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับเรา
ไม่ใช่แค่ทริปท่องเที่ยวของคนรักกัน
แต่มันคือ
“ครัวเล็ก ๆ” บนรถไฟ บนเรือ บนห้องพัก
ที่คนสองคนค่อย ๆ เรียนรู้ว่า
ความรักไม่ได้เสิร์ฟมาแบบสำเร็จรูป
แต่มันต้องค่อย ๆ ต้ม…คน…แล้วชิม
วันละนิด
โดยไม่ทิ้งกันกลางทาง



“เราเคยล่ามิชลินมาแล้วทั่วโลก
แต่รางวัลเดียวที่เราอยากมอบให้พวกเขา
คือ ‘ดาวหัวใจ’ ที่ได้จากการพยายามกันสุดหัวใจ”



และถ้าครั้งหน้า
ภัทรกับดินสอเปิดครัวของตัวเอง
เราอยากเป็นลูกค้ากลุ่มแรก
ที่สั่งจานพิเศษชื่อว่า

“เรายังรักกันอยู่…แม้บางวันจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม”

– คุณเอิร์ธ & คุณต่าย
คู่รักผู้ไม่เคยรีวิวร้านไหนยาวเท่าความรักของพวกเขาเลยสักครั้ง
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:07:47
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของลุงก้อง & ป้าอุ๊ — คนแก่สองคนที่ยังจับมือกันแน่น

“ลุงกับป้าไม่ได้เห็นความรักจากแค่คำพูดหวาน ๆ
แต่จากการที่คนสองคน ยังยอมเดินอยู่ข้างกัน…
ในวันที่ไม่รู้จะพูดอะไร”



วันแรกของทริป
ลุงนั่งอยู่ข้างหลัง
ป้านั่งติดหน้าต่าง
เรามองเห็นภัทรกับดินสอ ไม่ได้นั่งด้วยกัน
แต่ใจ…ดูเหมือนผูกกันแน่นกว่าทุกคู่ในเครื่องบิน



ป้าอุ๊กระซิบบอกลุงว่า…

“คู่ข้างหน้าเรานี่ เขายังรักกันอยู่ แต่คงทะเลาะกันมาหนักมาก”
ลุงพยักหน้า
แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“ก็เหมือนเราสมัยหนุ่ม ๆ ไง…เสียงดังแต่ไม่เคยปล่อยมือ”



เราสังเกตพวกเขาทุกวัน
ภัทรเป็นผู้ชายที่ใจร้อน
แต่ทุกครั้งที่ดินสอเงียบ…เขาจะหันไปมองเสมอ
ไม่ว่าจะอยู่กลางลูฟวร์ หรือล่องเรือที่เวนิส



ดินสอเป็นเด็กที่เหมือนจะเข้มแข็ง
แต่ทุกครั้งที่หลบมุมเงียบ
เรามักเห็นเขายืนใกล้กระจก หรือหน้าต่าง
เหมือนถามตัวเองว่า…

“กูจะไปต่อกับเขาได้ไหม”



ลุงกับป้าไม่พูดมาก
แต่เราคอยยื่นขนม ยื่นร่ม ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเสมอ
ไม่ใช่เพราะอยากเสือก
แต่เพราะเรารู้ว่า…

“ความรักของเด็กสมัยนี้บางทีมันร้าวไว…
เพราะไม่มีใครคอย ‘ซับน้ำตาเงียบ ๆ’ ให้อยู่ใกล้ ๆ”



คืนที่พวกเขาทะเลาะกันที่ Lucerne
ป้าอุ๊ตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นดินสอนั่งกอดเข่าหน้าระเบียง
ลุงก้องเดินไปหยิบน้ำอุ่นมา แล้ววางไว้ข้างเขา
ดินสอไม่พูด แต่ยิ้ม…
น้ำตาคลอ



และวันที่ภัทรหายไปจากทริปเขาใหญ่
ป้าอุ๊บอกว่า

“เขาคงกำลังเลือกว่าจะเดินกลับเข้ามาไหม
แต่ดูจากตาคู่นั้นนะ…ยังไม่ยอมแพ้หรอก”



เราทั้งคู่เห็นเด็กสองคนนี้เติบโตขึ้นทุกวัน
จากแฟน…เป็นคู่รัก
จากคนรัก…เป็นคนที่อยากอยู่ด้วย



ลุงก้องเคยพูดกับป้าอุ๊หลังจากล่องเรือแซนน์วันสุดท้ายว่า

“ถ้าคืนนี้เขายังนอนกอดกันอยู่แบบเมื่อวาน
แปลว่ารักครั้งนี้แม่ง ‘รอด’ แล้วจริง ๆ”



และมันก็รอดจริง ๆ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาลุงกับป้า
คือเรื่องของคนสองคนที่ไม่สมบูรณ์
แต่พยายามเติมกันทุกวัน
ไม่ใช่เพราะอยาก “ชนะ” แต่อยาก “รักษา”



เราเคยผ่านมาแล้ว
เคยทะเลาะ
เคยเกือบแยกทาง
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้…

“เราไม่เคยรีบตัดสินกันในวันที่อารมณ์ร้อนที่สุด
และไม่เคยปล่อยให้อีกคนรู้สึกว่า…อยู่คนเดียวแม้แต่วันเดียว”



ถ้าภัทรกับดินสอจะได้อะไรจากลุงกับป้า
เราอยากบอกว่า
ความรักไม่ต้องสมบูรณ์
ขอแค่ไม่ยอมแพ้กัน…ก็พอ

– ลุงก้อง & ป้าอุ๊
คู่ที่ทะเลาะกันตั้งแต่ยุคไม่มีมือถือ
แต่ยังจับมือกันไว้แม้จะหลงทางบ่อยแค่ไหนก็ตาม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:12:46
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่ดา — หัวใจที่เฝ้ามองความรักแบบคนเป็นแม่

“บางคนมีหน้าที่รัก
แต่บางคน…ขอแค่ได้เฝ้ามองคนที่รักกัน
แล้วหวังว่าจะไม่หลุดมือจากกันไป”



ตอนวันแรกที่เครื่องบินจะลงปารีส
พี่ดานั่งอยู่หลังภัทรกับดินสอหนึ่งแถว
มองออกไปเห็นเงาทั้งคู่ซ้อนกันในกระจกหน้าต่างเครื่อง
หนึ่งคนโน้มหน้า
อีกคนพิงเบาะแล้วหลับ

ภาพนั้น…มันไม่โรแมนติกเลย
แต่ในใจพี่กลับรู้สึกว่า

“สองคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกันธรรมดา
แต่เป็นอะไรที่ผูกพันกว่านั้น
เป็นคนที่ ‘ถ้าไม่ได้รักกัน…จะเจ็บมากกว่าคนอื่น’”



พี่ไม่ได้รู้ลึกเท่าคุณเจน
ไม่ได้คอยแซวแรงเท่าพี่พลอย
ไม่ได้หัวเราะเฮดังเหมือนลุงก้อง
แต่พี่ “ฟัง” ดินสอเสมอเวลาเขานั่งเงียบ

บางที ดินสอก็ไม่พูดอะไร
แต่พี่รู้ว่าเขาเหนื่อย
เหนื่อยกับการพยายามเข้าใจคนที่เขารัก
และเหนื่อยกับการกลัวว่าจะไม่พอ



ภัทรเองก็ใช่ย่อย
ทำเป็นร่าเริง
ทำเป็นล้อเล่น
แต่เวลาหันหลัง เขามักถอนหายใจเงียบ ๆ
เหมือนเด็กผู้ชายที่กลัวโดนเมินจากคนที่รักที่สุด



ในมื้อเย็นวันหนึ่งที่มิลาน
พี่จำได้ดีว่า ภัทรยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า

“กูไม่รู้ว่าอนาคตเราจะยังอยู่ด้วยกันไหม
แต่คืนนี้…ขอแค่กูยังได้มองมึงอยู่ก็พอ”

พี่ไม่รู้ว่าดินสอได้ยินไหม
แต่พี่ได้ยิน และเก็บมันไว้ในใจเสมอ



พี่เคยผ่านความรัก
ที่ตอนแรกมันแน่นหนา
แต่ค่อย ๆ เบาลง จางลง
เพราะต่างฝ่ายไม่มีใครยอมเหนื่อยเพื่องานนี้อีก

แต่ภัทรกับดินสอไม่ใช่แบบนั้น
ถึงจะเหนื่อย
ถึงจะเจ็บ
ถึงจะพูดแรง
แต่ทุกครั้งที่หันไปดูอีกที…
เขายังอยู่ตรงนั้นให้กันเสมอ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่ดา
ไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนสองคนที่ไปเที่ยวยุโรป
แต่มันคือเรื่องราวของความรักที่ “รอด” มาได้
ไม่ใช่เพราะมันสมบูรณ์
แต่เพราะ “มันมีคนพยายาม”



และพี่ดีใจมาก
ที่ตอนนี้…ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน
รักกันเงียบ ๆ
งอนกันเบา ๆ
แต่ไม่หนีกันอีกแล้ว

“บางความรักไม่ต้องเสียงดัง
ขอแค่ยังมีอยู่
ยังมองตากัน…ก็เพียงพอ”

– พี่ดา
คนที่เฝ้ามองความรักจากมุมอบอุ่น
ไม่ต้องไปยืนตรงกลาง
แต่อยู่ตรงนั้น…เสมอ
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:13:56
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของโอ๊ตพีท – สองหนุ่มที่ไม่ได้ช่วยเย็บรัก แต่คอยปูเบาะไว้กันล้ม

“เราไม่ได้รู้ลึก…
แต่เราอยู่ใกล้พอจะรู้ว่า ทุกครั้งที่สองคนนั้นเกือบหลุด
พวกเขายังมองหากันอยู่เสมอ”



พวกเราไม่รู้หรอกว่าความรักมันต้องใช้ความเข้าใจลึกแค่ไหน
เราไม่ได้รู้ว่าดินสอเก็บอะไรในใจ
หรือภัทรกลัวอะไรอยู่บ้าง

แต่เรารู้ว่า…
ทุกครั้งที่ภัทรเดินเร็ว
ดินสอก็เดินเร็วตาม
และทุกครั้งที่ดินสอเงียบ
ภัทรก็ทำเป็นพูดมากขึ้น
เพราะกลัวบรรยากาศจะเย็นไป



วันแรกเราคิดว่าคู่นี้จะทะเลาะกันยันจบทริป
แต่พอเข้าวันที่ 3…
เราเริ่มเห็นบางอย่างในสายตาพวกเขา

ตอนนั้นที่หอไอเฟล
ดินสอพูดว่า

“ถ้ามึงจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
ภัทรเงียบ…แล้วพูดว่า
“งั้นมึงบอกกูสิว่ากูควรทำยังไง”
เราทั้งสองคนเงียบทั้งโต๊ะเลย



เราสองคนเป็นเพื่อนประเภท
ไม่ได้เก่งเรื่องความรัก
ไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนเจน
ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนพี่ดา
ไม่ได้เป๊ะเหมือนคุณเอิร์ธคุณต่าย

แต่เรามีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ…

“คอยดันหลังเบา ๆ เวลาพวกมันกำลังจะหันหลังให้กัน”



คืนก่อนกลับไทย
ภัทรเดินมาซื้อถุงยาง
เราแซวว่ากล่องเก่าไปไหน
เขายักคิ้วแล้วบอกว่า

“หมดแล้วพี่…มึงจะให้กูเหลือทำไม ในเมื่อทริปนี้กูได้คนของกูคืนมา”

เราไม่ได้ตอบอะไร
แต่ในใจเราสองคนแม่งโคตรเฮเลยเว้ย



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับโอ๊ตพีท
คือทริปที่ทำให้เราเชื่อว่า
ความรักไม่จำเป็นต้องโรแมนติก
ไม่ต้องเป๊ะ
ไม่ต้องสมบูรณ์

แต่ขอแค่
ยังกล้าเดินไปพร้อมกันแม้ในวันที่พูดไม่ออก
ยังกล้าจับมือ แม้ในวันที่เพิ่งทะเลาะกันมาหนักมาก



“เราไม่เคยพูดว่าภัทรกับดินสอจะรักกันได้ตลอดไป
แต่เรารู้…ว่าพวกเขารักกัน ‘พอจะพยายามต่อ’ เสมอ”

และถ้าถามว่าใครเชียร์ที่สุดให้คู่นี้รอด
ก็ต้องโอ๊ตกับพีทเนี่ยแหละ
เพื่อนที่ไม่ชอบดราม่า
แต่รักความรักของพวกเขาเหมือนเป็นของตัวเอง

– โอ๊ต & พีท
นักพากย์สายเฮ ผู้เฝ้าลุ้นเหมือนดูบอลนัดชิง…
แต่ความสุขคือการเห็น “เพื่อนเรายังอยู่ในสนาม…พร้อมกัน”
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:17:36
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่โต – ไกด์ที่ไม่ได้พาทัวร์แค่เมือง…แต่พาหัวใจกลับบ้าน

“เวลาเป็นไกด์ พี่ต้องรู้แผนที่ทุกเมือง
แต่สำหรับคู่นั้น…
พี่ต้องรอดูว่าพวกเขาจะ ‘หลงรักกันใหม่’ ได้ยังไงอีกครั้ง”



ตอนพี่มารับหน้าที่ในวันที่ 8 ของทริป
แค่ขึ้นรถไปห้านาที พี่ก็รู้เลยว่า…

“อ้อ คู่ที่เขาเตือนมานี่คือคู่นี้แน่นอน — ไอ้คนล่ำขี้เล่น กับไอ้ตัวขาวหน้าเหวี่ยงนั่นแหละ”

แต่สิ่งที่พี่ไม่รู้
คือคู่นี้แม่ง “รักกันโคตรจริง”



ภัทรน่ะพี่เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ
เป็นญาติห่าง ๆ ที่โตมาแบบไฟแรง ขี้เล่น หัวร้อน แต่ใจกว้าง

ดินสอพี่เพิ่งรู้จัก
แต่จากวันแรกที่มองสบตา
พี่รู้เลยว่า “เด็กคนนี้…เก็บความรู้สึกลึกกว่าที่ใครเข้าใจ”



ช่วงแรก พี่แกล้งไม่รู้ ไม่พูด
เพราะบางอย่างมันไม่ต้องมีใครเข้าไปช่วย
ต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้จังหวะกันเอง

แต่พี่ก็ “อยู่”
อยู่ตอนเขาทะเลาะ
อยู่ตอนเขาเงียบใส่กัน
อยู่ตอนเขาหันหลังกลับมาแล้ว “ยังอยู่กันครบ”



พี่ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
แต่ครั้งหนึ่ง พี่แอบได้ยินตอนดินสอพูดกับตัวเองที่ริมทะเลสาบว่า

“ถ้าเรากลับมาดีกันจริง ๆ…เราจะพังกันอีกไหมวะ”

พี่เลยพูดเบา ๆ กลับไปว่า

“ทุกคู่มันก็พังได้หมดแหละ
แต่ถ้ายังอยาก ‘ซ่อม’ อยู่ มันก็ยังไม่พังจริง”



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่โต
มันไม่ใช่แค่ทริปไกด์พาทัวร์
แต่มันคือการได้เห็น “คนสองคนที่เคยหันหลังให้กัน
ค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมานั่งหันหน้า”



พี่โตอาจไม่ได้พูดมาก
แต่พี่มีบทในใจตลอดเรื่องนี้
พี่อยากให้ทั้งสองคนรู้ว่า…

“การรักกันให้ชัด มันยากกว่าการเดินทางทั้งยุโรปอีก
แต่ถ้ารักนั้นมันยัง ‘เดินกลับมาหากัน’ ได้ทุกครั้ง
มันก็โคตรคุ้มที่จะเดินต่อด้วยกัน”



และพี่ขอสรุปไว้ให้เลยว่า
ภัทรกับดินสอไม่ใช่คู่รักที่หวานที่สุด
แต่เป็นคู่ที่ ‘จริงที่สุด’ เท่าที่พี่เคยเจอมาในการเป็นไกด์ 20 ปี

– พี่โต
ไกด์ผู้ไม่ได้แค่ถือธงนำทาง
แต่เฝ้าดูความรักค่อย ๆ ซ่อมให้หายร้าว…แล้วกลับมาแน่นกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:20:25
เยี่ยมแวะวิมานตอนประถม | ตอน: เด็กชายตัวโตกับเพื่อนใหม่ที่นั่งเงียบ

ภัทร คือเด็กชายตัวสูงที่สุดในห้อง ป.1/3
ผิวแทนจัด วิ่งเก่ง เตะบอลแม่น กินเก่ง และเสียงดังมาก
ชอบกอดคอเพื่อน ชอบหัวเราะ ชอบปีนโต๊ะตอนครูเผลอ
เป็นคนที่ครูแป๋วจะเรียกชื่อบ่อยที่สุดวันละสามรอบ

ดินสอ คือเด็กชายคนสุดท้ายที่เข้าห้อง
ตัวขาว ตัวเล็ก ใส่แว่นกรอบดำ หิ้วกระเป๋าผ้า เดินเงียบ
วันแรกที่มานั่งหลังห้อง ไม่มีใครกล้าเล่นด้วย
แต่ครูแป๋วพูดว่า “ภัทร มานั่งข้างน้องนะลูก”

แล้วก็เกิดสิ่งที่เหมือนจะธรรมดา
แต่กลับ “กำหนดความสัมพันธ์ตลอด 20 ปี” หลังจากนั้น



“เฮ้ มึงชื่ออะไรนะ?”
ภัทรถามเสียงดังตั้งแต่นั่งลง

“…ดินสอ”
เด็กชายตัวเล็กตอบเบา ๆ จนเกือบไม่ได้ยิน

“ห๊ะ! จริงดิ ชื่อเหมือนของในกระเป๋ากูเลย!”
ภัทรหัวเราะ ก่อนจะหยิบดินสอของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“เอาไว้เรียกผิดเวลาโยนใส่หน้าจะได้ไม่โกรธนะ มึงก็เป็นของกูเหมือนดินสอนี่แหละ”

ตอนนั้นดินสอหน้าแดงไปจนถึงคอ
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขายิ้มในโรงเรียนนี้



พักเที่ยงวันต่อมา
ภัทรลากดินสอไปโรงอาหาร
ช่วยถือถาด
แลกขนม
ตักแตงโมให้
แล้วพูดว่า

“ถ้ามีใครแกล้งมึงนะ บอกกู กูเตะให้”

ดินสอไม่ได้พูดอะไร
แค่พยักหน้า
แต่วันนั้น เขากินข้าวหมดครั้งแรกในรอบสัปดาห์



ตอนเย็นวันหนึ่งฝนตก
ดินสอลืมร่ม
ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเขากับภัทรที่รอผู้ปกครอง

“มึงหนาวปะ?”
ภัทรถาม ก่อนจะถอดเสื้อพละโยนคลุมหัวดินสอ
“แม่กูชอบบ่นอยู่ละว่าเสื้อตัวนี้เหม็น กูเลยให้มึงแทน”

วันรุ่งขึ้น ดินสอเอาเสื้อพับมาให้ใหม่
ซักหอมเรียบ
ติดโน้ตว่า
“เสื้อของมึง แต่…ขอใส่ก่อนอีกวันนะ มันอุ่น”



หลังจากนั้น…ชื่อของทั้งสองคนก็ไม่เคยแยกจากกันเลยในสายตาเพื่อนและคุณครู

ภัทรกับดินสอในวัย 6 ขวบ
ไม่รู้หรอกว่าคำว่า “รัก” คืออะไร
แต่เขารู้ว่า…

ถ้าอีกคนร้องไห้…เขาจะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว
ถ้าอีกคนไม่พูด…เขาจะพูดแทนให้
ถ้าอีกคนล้ม…เขาจะยอมโดนดุแทนก็ได้



และนั่นแหละ
คือจุดเริ่มต้นของ “วิมาน” ที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้แวะเข้าไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
เริ่มหัวข้อโดย: Shibaguy ที่ 09-04-2025 09:22:18
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ: ภัทร & ดินสอ วัยมัธยม – เพลงนั้นของเรา



ม.1 — จุดเริ่มของคำว่า “เพื่อนสนิท”

ภัทรยังเหมือนเดิม เด็กชายตัวโต ขี้เล่น ขี้แกล้ง เสียงดัง
ส่วนดินสอก็ยังเป็นเด็กขาว ตัวเล็ก เงียบ ชอบอ่านหนังสือคนเดียวใต้ต้นหูกระจง

ทุกคนในห้องรู้ว่า “สองคนนี้ต้องนั่งด้วยกันเท่านั้น”
ครูประจำชั้นสั่งย้ายที่กี่รอบ ภัทรก็จะลากโต๊ะกลับมาข้างดินสอทุกครั้ง
“มึงนั่งคนเดียวทำไมวะ เหงาแย่เลยป่ะ?”
“…กูไม่เหงา แต่ถ้ามึงมานั่งด้วยก็โอเค”

วันนั้นเป็นวันที่ดินสอยิ้มทั้งวัน
โดยไม่ต้องมีเหตุผล



ม.2 — เริ่มรู้สึก แต่ยังไม่รู้ชื่อของความรู้สึกนั้น

ภัทรเริ่มไม่ชอบเวลามีผู้ชายคนอื่นมาคุยกับดินสอ
ชอบถามว่าใคร
แล้วก็บ่นเสียงดังว่า
“แม่งหน้าเหมือนกล้วยไข่เลย ยังจะคุย”

ดินสอเริ่มเขียนบันทึก
หน้าหนึ่งมีประโยคว่า
“ทำไมมึงต้องทำหน้าหงุดหงิดทุกครั้งที่กูคุยกับคนอื่นวะ?”

แต่ไม่มีคำตอบในตอนนั้น
มีแค่เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่อีกคนเรียกชื่อ



ม.3 — ปีที่หัวใจชัดเจนที่สุด

ดินสอเริ่มมีแฟนคลับในโรงเรียน เพราะหน้าตาดี เรียนเก่ง
ภัทรหงุดหงิดแทบระเบิด
จนวันหนึ่งในงานกีฬาสี
บนเวทีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ กลางสนาม
ภัทรยืนถือไมค์ ใส่เสื้อกีฬา
แล้วร้องเพลง
“แค่คุณ”

ดินสอยืนอยู่ข้างสนาม
ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือร้องไห้
เพราะประโยคถัดมาคือ

“ดินสอ…กูไม่รู้ว่าแฟนที่ดีต้องทำตัวยังไง
แต่กูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างมึงทุกวันได้ไหม?”

เสียงเฮดังลั่นสนาม
ดินสอหน้าแดง
และพยักหน้าเบา ๆ

ตั้งแต่วันนั้น ทั้งโรงเรียนก็รู้ว่า…พวกเขาเป็นของกันและกันแล้ว



ม.4 — ปีแห่งความลังเล และการปรับตัว

เข้าสายวิทย์-คณิต
เรียนหนักขึ้น
ดินสอเริ่มหงุดหงิดง่าย
ภัทรเริ่มไม่เข้าใจเวลาที่ดินสอเงียบใส่

แต่ทุกเย็นหลังเลิกเรียน
ภัทรจะนั่งรอหน้าห้องเรียน
พร้อมชาเขียวเย็นหนึ่งแก้ว

“มึงยังไม่อยากคุย กูก็นั่งตรงนี้นะ”

บางทีความรักไม่ต้องแก้ปัญหาเลยทันที
แค่ไม่วิ่งหนีกันก็เพียงพอแล้วในตอนนั้น



ม.5 — ปีที่ทะเลาะบ่อยที่สุด แต่ก็ยังไม่เคยปล่อยมือ

ดินสอเริ่มมีความฝันอยากเรียนดีไซน์
ภัทรยังคงสนใจพวกเทคโนโลยี
เป้าหมายเริ่มต่าง ความชอบเริ่มแยก

ทะเลาะกันเรื่องอนาคต
แต่ทุกเช้า…ภัทรก็ยังวางข้าวเช้าไว้บนโต๊ะดินสอ
พร้อมโพสต์อิทใบเล็กที่เขียนว่า

“ไม่ต้องยิ้มตอนนี้ก็ได้ แต่กินข้าวก่อนนะ กูห่วง”



ม.6 — ปีสุดท้ายของความทรงจำวัยรุ่น และสัญญาที่ไม่มีใครกล้าพูดออก

ใกล้สอบ
ใกล้แยกย้าย
แต่กลับ “ใกล้กันที่สุด” เท่าที่เคยเป็น

ภัทรพูดน้อยลง
แต่เวลาเดินสวนกันในโรงอาหาร เขาจะเอานิ้วเกี่ยวข้อมือดินสอเบา ๆ
ดินสอทำเป็นเฉย
แต่พอเดินไปถึงโต๊ะ…จะยกแขนขึ้นกอดกระเป๋าแน่นกว่าเดิม

วันจบการศึกษา
ภัทรเขียนในการ์ดว่า

“ไม่ว่าต่อไปเราจะอยู่ตรงไหน
ถ้ามึงยังเป็นมึง
กูก็จะยังเป็นของมึงเหมือนเดิม”



และนั่นคือ
รักวัยรุ่นที่ไม่ฟูมฟาย แต่แน่นหนากว่าใคร

ความรักที่เริ่มจากดินสอ HB ในกระเป๋า
สู่ดินสอคนจริง ๆ ที่กลายเป็นบ้านของกันและกัน
แม้จะมีพายุ
แม้จะมีวันเหนื่อย
แต่ก็ยังกลับมา
ทุกครั้ง…ไม่เคยเปลี่ยน