พิมพ์หน้านี้ - Waiting for,รอจนเจอ(เธอ)ที่รัก::ซีซั่น3::ดราม่าคิงเวิร์ส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: keisarinna ที่ 05-12-2023 16:45:41

หัวข้อ: Waiting for,รอจนเจอ(เธอ)ที่รัก::ซีซั่น3::ดราม่าคิงเวิร์ส
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 05-12-2023 16:45:41
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

                                                       *****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 05-12-2023 17:17:50
https://pic.in.th/image/cover.001.19bbNy
ซีซั่นแรกออกมาแล้วนะคะนักอ่านเล้าเป็ดทุกท่าน
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNjg3MDQwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMyMTQwNCI7fQ
Title : WAITING FOR,LOVING AROUND - หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
Genre : Romance
คำเตือน นิยายเรื่องนี้อาจมีชื่อหน่วยงานหรือตำแหน่งหน้าที่การงานที่สมมุติขึ้นมาเพื่อความบันเทิงในการอ่านเท่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือกับบุคคลใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Summary:
          เรื่องราวความรักมึนๆ ของหนุ่มอัยการและดาราหนุ่มชื่อดังที่บังเอิญมีกายสัมพันธ์แต่หลังจากคืนนั้นไม่ใช่แค่ร่างกายที่โหยหาแต่ยังมีหัวใจที่เรียกร้องกันและกันจนต้องสานสัมพันธ์ให้เกิดรักที่ทั้งสองปรารถนา อีกคู่เป็นเรื่องของเพื่อนรักรักเพื่อน เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนหนุ่มหล่อรู้ใจตัวเองว่ารักใครจึงตั้งหน้าตั้งตาเดินหน้าหารักไม่หยุดหย่อน ส่วนนายตำรวจที่ถูกเพื่อนรักก็หนีรักที่พุ่งใส่ไม่ทันตั้งตัวจนหัวซุกหัวซุน ผลลัพธ์ของทั้งสองคู่จะบรรจบสมรักกันอย่างไร ติดตามชะตารักกันได้ตามบัญญัติรักของทั้งสองคู่
          คนบางคนนับวัน เดือน ปี เพื่อสิ่งหนึ่ง ตั้งตารอคอยเพื่ออยากเจออย่างจดจ่อ หากไม่ใช่คนของใจที่โหยหา 'ความรัก' ซึ่งกันและกันการอดทนที่จะรอหรือถอดใจไปก่อนที่จะได้รัก หากสักวันคุณอาจเจอคนคนนั้นคนที่เชื่อและศรัทธาในรักเดียวกัน คนที่อดทนรอเพื่อจะเจอคุณ คนที่ไม่รีรอเอ่ยคำว่ารักให้คุณฟัง
          และสักวันหนึ่งมีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้าและกำลังบอกรัก และคุณเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันนั้นอย่ามัวรอโชคชะตาเพื่อเสาะหาคนที่ดีกว่าคนตรงนี้ เพราะคนตรงหน้าคุณตอนนี้อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เจอเมื่อรอถึงคนในวันหน้า
Love Section 1: หวั่นไหว - One Night Stand แทนใจ
          เคยเป็นเหมือนกันหรือเปล่าที่บางครั้งปล่อยให้ชีวิตหลงระเริงไปกับประโยคไม่กี่ประโยคของคำทำนาย ทั้งที่รู้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำ
          เคยเป็นเหมือนไหมที่บางครั้งพยายามไม่สนใจคอลัมน์ดวงชะตาแต่ตากลับจ้องเขม็งไม่อาจละจากมันไปได้ ทั้งที่รู้ว่าชีวิตไม่ได้เกิดจากความคาดคะเน และความน่าจะเป็นตามหลักพยากรณ์
          เคยเป็นเหมือนหรือไม่ ที่บางทีไม่ได้อยากอ่านแต่เมื่อรู้ตัวก็อ่านคำทำนายจนจบที่ประโยคสุดท้ายนั้นเสียแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ ทั้งๆ ที่เข้าใจว่าตัวเราคือผู้กำหนดชะตาชีวิต ส่วนโชคชะตาคือผลพลอยได้
          และเคยเป็นเหมือนกันบ้างไหม เหมือนมีอะไรบางอย่างในร่างกายกำลังเรียกร้อง ข้างในนี้อะไรบางอย่างที่ร่างกายไม่อาจควบคุมได้กำลังเต้นกำลังเร้าให้ร่างกายทำงานไม่ปกติ ทุกครั้งที่อ่านคำทำนายทายทักว่ารักจะมาเยือน...แต่
          การที่เรายึดติดมากไปจนหมกมุ่นจะรู้สึกอึดอัด เมื่อไม่เป็นดังหวังเราอาจทำให้ตัวเองหดหู่ เสียใจและท้อแท้ ดังนั้นผมเองจึงไม่เคยคิดที่จะอ่านคำทำนายอะไรนั่นจนกระทั่งวันนั้น วันที่จังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวกับคำว่า “รัก” และร่างกายของผมไม่ประหม่าและสั่นไหวเมื่อได้ยินคำว่า “รอ”
          อยากเจอความรัก ต้องรู้จักที่จะรอ...แต่จะอีกนานแค่ไหนกัน กลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะหมดความอดทนกับคำว่า ‘รอคอยความรัก’ เหลือเกิน


          แอมโบรเซียส เอซิซ เวลส์ นักแสดงและนายแบบยอดนิยมที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ พ่วงด้วยตำแหน่งนักร้องบางโอกาสหรืออีเวนส์สำคัญ คนในวงการที่สนิทกันมากๆ มักจะเรียกชื่อกลางของเขาว่า ‘เอซิซ’ ส่วนเหล่าแฟนคลับหรือคนร่วมงานตามวาระจะเรียกชื่อย่อสั้นๆ ว่า ‘แอม์ (ซึ) ’ ย่อมาจาก...คงเก๋ไก๋ในความคิดเหล่าแฟนๆ (ล่ะมั้ง)
          ดาราคนนี้มีดีที่ใบหน้าไม่หล่อเหลาแต่กระเดียดออกไปทางสวยด้วยองค์ประกอบที่คนหน้าตาดีควรจะมียิ่งมองยิ่งหลงใหลโดยเฉพาะดวงตากลมโศกสีเฮเซลแทรกริ้วสีเทารับสันจมูกเรียว โหนกแก้มสูงปลายคางมน ผมสีน้ำตาลหม่นขับใบหน้าให้ดูงดงามโดดเด่น
          สัญญาลักษณ์ของคนราศีเมถุนคือคนคู่ มีความมั่นใจสูงชอบเข้าสังคมและมักจะมีผู้คนห้อมล้อมมากมาย บุคลิกสองด้านทั้งสนุกสนามเฮฮาและสุขุมเคร่งขรึม ดาราดังรายนี้จึงมีอารมณ์แปรปรวณไม่ใช่น้อยแต่กลับไม่เคยได้ยินข่าวซุบซิบนินทาในด้านทะเลาะเบาะแว้งหรือความเอาแต่ใจตามประสาคนดังของเขานัก เท่าที่ได้ยินจนเหล่าแฟนคลับที่ตอบตรงกันและต่างทำใจให้ชาชินคือเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น เข้าคอนเซ็ปจริงใจรักง่ายหน่ายเร็ว? ประมาณนั้นเสียมากกว่า

          มาดูคำทำนายดาราคนนี้กันว่าตำราจะตรงเหมือนตามติดชีวิตดาราหรือเปล่า!

          นักแสดงคนดังนั่งจิบคาลัวร์มิลค์คอฟฟี่เย็นฉ่ำเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย เขานั่งทอดกายพิงหมอนอยู่ที่ระเบียงกระจกชั้นสูงห้อง เดอร์ลุกซ์ของคอนโดหรูชื่อดัง ตากลมโตมองผ่านกระจกไม่ได้จดจ่อสิ่งใดเป็นพิเศษด้านนอก การที่เขาทำท่าไม่ยินดียินร้ายไปกับเรื่องรอบตัวไม่ได้หมายความว่าไม่สนใจคนรอบข้างแต่กลับกันคนๆ นี้จับจ้องทุกอย่างให้อยู่ในสายตาด้วยท่าทางสบายๆ และเป็นมิตร บริเวณไหนที่สามารถมองเห็นพฤติกรรมผู้คนคือมุมโปรดปรานเป็นที่สุด
          ...หากพูดกันแบบคำทำนาย ผู้ชายคนนี้มีทุกอย่างตามโชคชะตา รูปร่างดี หน้าตางดงามชอบเข้าสังคมเพียบพร้อมด้วยหน้าที่การงานแต่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ จิตใจไม่มั่นคงและอ่อนไหวง่าย นี่แหละคือคำทำนาย ‘คลุมเครือ’ การทำนายทายทักแบบนั้นใครก็รู้ว่านั่นเป็นคำกล่าวตามตำราหลายร้อยปีที่ตกทอดกันมาทั้งท่องจำและจดบันทึกแน่นอนต้องมีคลาดเคลื่อนบ้าง...
          ไม่มีใครรู้จักตัวผมได้ดีเท่าตัวเองหรอก บอกแล้วไงผมไม่ได้พึ่งโชคชะตา ผมไขว่คว้าที่จะเป็นดาราด้วยตัวเอง รูปร่างผมไม่ได้ดีโดดเด่น ต้องเข้าฟิตเนตและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หน้าตาผมไม่ได้หล่อเหลาขั้นเทพต้องพึ่งคอสเมติกบ้างทำแล้วดูดีผมเองยินดีให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งกับงานที่ผมทำอยู่ตอนนี้ผมเองได้ประโยชน์มากที่สุด แต่ไม่สนใจทำศัลกรรมบนใบหน้าเพราะจะขาดเสน่ห์ทางใบหน้าที่จำเป็นต่องานแสดง
          เรื่องขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์นั้นผมเองอาจจะหงุดหงิดง่ายและชอบโหวกเหวกโวยวายอยู่บ้าง แต่ผมควบคุมตัวเองได้ไม่ได้ปล่อยให้อารมณ์เป็นอุปสรรคกับการเข้าสังคม จะบอกว่าผมสร้างหน้ากากก็ไม่ผิดแต่ถ้าสวมมันแล้วผมเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจ แล้วผมจะลังเลอะไรที่จะไม่สวมมัน
          แต่อาจจะตรงอย่างหนึ่งก็ได้ ผมอ่อนไหวง่ายกับคำๆ หนึ่ง ‘รัก’ ผมรอว่าเมื่อไหร่คำๆ นี้จะสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้ผมได้สักที ทั้งที่ผมเปิดใจรับใครมาหลายต่อหลายคนแต่ยังไม่มีใครทำให้จิตใจของผมรู้สึกได้ถึงความมั่นคงในอนุภาคแห่งรักสักคน ถึงสรีระร่างกายจะเข้ากันได้แต่สักพักความใคร่เจือจางความห่างก็มาเยือนแล้วกลายเป็นเลิกราจากกัน

          ‘โชคชะตาน่ะบางทีก็พึ่งพาไม่ได้หรอก’

          หนุ่มร่างสูงอีกคนทำลายความเงียบด้วยคำกระทบกระเทียบซึ่งไม่เหมาะกับใบหน้าสุขุมกายกิริยานอบน้อมตามวัฒนธรรมชาวเอชียราวฟ้ากับเหวแต่นั่นแทรกความรู้สึกห่วงใยเอาไว้ด้วย ผลประโยชน์มาก่อนก็จริงแต่เมื่อยามเราได้ผูกพันใกล้ชิดกับใครซักคนนานๆ ความรู้สึกอยากเอาเปรียบจะค่อยๆ ลดลงตามกลไกธรรมชาติของสายสัมพันธ์แห่งความเป็นเพื่อน ญาติหรือพี่น้อง
          โฮ โอลิเวอร์ โจนส์ รูปร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งหน้าตาชัดเจนด้วยโหนกแก้มสันกราม ดวงตาคมจมลึกสีน้ำตาลดันจมูกโด่งนูนเป็นสันสวยพร้อมที่จะเป็นเพอร์เฟ็คโมเดลแถวหน้า คนอื่นๆ มักจะเรียกเขาว่า โฮโอปป้า (คุณพี่ชายโฮ) ซึ่งเจ้าตัวไม่ค่อยชอบชื่อนี้เท่าไหร่ และจะไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่มีใครเรียกเขาแบบนั้นจนเอซิซต้องคอยปลอบใจให้เขาทำใจที่โดนแซวว่าโฮโอปป้าตามถิ่นบ้านเกิด แต่มันไม่ได้เลวร้ายเลยเหมือนเป็นพี่ชายสุดหล่อ รวย เท่ห์ สมาร์ท สารพัดสารเพแล้วตบท้ายด้วยการล้อเขาทุกครั้งว่า ‘โฮโอปป้า’ จะแปลกสักหน่อยเมื่อคุณป้าเรียกเท่านั้นเอง
          จากรุ่นน้องที่เจอกันตอนแคสติ้งโฆษณาชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เขาได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวไปแล้ว จะด้วยความบังเอิญหรือความถูกอกถูกใจในนิสัยใจคอเมื่อคราวแรกพบกัน นั่นก็สุดแล้วแต่คนที่หลีกเลี่ยงคำว่า ‘โชคชะตา’ จะบิดเบือนความเชื่อส่วนตัว
          บทสนทนาจิกกัดอย่างรักใคร่มักจะได้ยินจากคนคู่นี้เสมอ เห็นเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยอย่างนั้นแต่คำพูดคำจาเวลาอยู่กับเอซิซเผ็ดร้อนดุเดือดเลยทีเดียว แต่แทนที่คนขี้หงุดหงิดจะโวยวายโมโหโทโสกลับนั่งฟังอย่างสบายอกสบายใจ จะเรียกว่าไม่สะทกสะท้านเลยก็ว่าได้ นอกจากร่างกายจะได้รับแรงสะเทือนจากหมัดหรือมือด้วยความหมั่นไส้ หรืออยากหยอกเล่นแรงๆ ของหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีนั่นแหละถึงจะสะดุ้งแล้วตีสีหน้าไม่พอใจใส่
          โอลิเวอร์เดินเข้ามานั่งในบริเวณเดียวกัน สายตาคมมองวิวด้านนอกไปเรื่อยๆ วันนี้หมอกลงจัดกว่าทุกวัน นี่หรือเปล่าเป็นสาเหตุให้ดาราดังที่เขายกย่องให้เป็นพี่ชายอารมณ์แปรปรวนกว่าปกติ แต่นั่นไม่เท่ากับโปรเจคที่อยู่ในมือเขาตอนนี้...อัลบั้มรวมภาพเกือบเปลือย

          ถ่ายนู้ดอย่างนั้นหรือ...คิดอะไรของเขาอยู่นะ?

          “นี่คิดจะถ่ายจริงเหรอ ก็รู้นะครับถ้าถ่ายไปแล้วจะดังทะลุดาวอังคาร แต่คุณพี่นายแบบก็ดังทะลุจักรวาลไปแล้วจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ” มือหนาโบกเอกสารปึกบางๆ กลางอากาศ เสียงแผ่นกระดาษขยับตีกันไปมาเบาๆ ผนวกกับน้ำเสียงอันแสนสุภาพแต่ชวนหาเรื่องกลายๆ นึกสงสัยทำไมดาราเงินล้านเที่ยวหางานให้เขาทำอยู่ตลอดเวลา
          เมื่อคราวก่อนก็คลิปหลุดเห็นแผ่นหลังเต็มๆ ใครจะกล้าปฏิเสธว่าพ่อชายหนุ่มที่มีรอยสักเต็มสะบักนั่นไม่ใช่เอซิซ ดาราชื่อดังกำลังซอยบั้นเอวใส่อะไรซักอย่างที่มีขาขาวๆ พาดวางที่ไหล่ แต่เจ้าตัวกลับออกมาพูดด้วยหน้าตาสบายๆ ไร้แววกังวลเมื่อนักข่าวถามถึงคลิปฉาว
         ‘ผมไม่เคยถ่ายคลิปแบบนั้นจริงๆ ครับ แต่ถ้าเมาแล้วอาละวาด หรือทำตัวแย่ๆ เนี่ย อาจเป็นผมก็ได้’ ตบท้ายด้วยการส่งยิ้มอายๆ กับท่าทีลนน้อยๆ ไม่รู้จะจัดการกับมือไม้ตัวเองอย่างไร ใครล่ะจะกล้าต้านเสน่ห์จัดเจนขนาดนั้น แล้วบอกว่าไอ้หมอนี่มันโกหกปลิ้นปล้อน! ไม่ทันที่โฮโอปป้าจะได้อ้าปากต่อว่า เจ้าตัวแก้ปัญหาด้วยการไปเพิ่มรอยสัก ทำเอาเขานึกชมว่ารู้จักสถานการณ์ได้ดี

          แต่แหม!…เรื่องแบบนี้ถนัดจัดเจนนักเชียว ผู้จัดการมือหนึ่งนึกหมั่นไส้

          “หรือว่า...โดนใครเปิดซิงแล้วชิ่งหนี หรือถ่ายประชดรัก หรือถ่ายเรียกเรทติ้ง หรือ...”
           “อืม...อาจจะนะ”
           “หมายความว่าไง” ผู้จัดการโฮพิงบานกระจกทำหน้าเซ็งสุดชีวิต ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแสดงความไม่พอใจกับคำตอบสั้นๆ ที่สุดจะคาดเดาความหมาย ตาคมมองตรงไปที่เอซิซอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก็เพราะคำตอบที่บอกไปมีตั้งหลายเหตุและปัจจัย แล้วที่ว่า ‘อาจจะ’ มันเข้าประเด็นไหนกันล่ะ ทำไมต้องทำให้สมองตื่นอยากสอดเรื่องชาวบ้านขึ้นมาด้วย
            “อยากรู้ไปทุกเรื่องเลยนะ”
            “ไม่อยากรู้ก็ได้” เมื่อคนถามโดนแขวะเข้าให้จึงทำเป็นมองเมินไม่สนใจคำตอบ โฮถอยห่างจากระเบียงกระจกหยิบเอกสารพิเศษนั่นติดมือมาด้วย เขาสาวเท้าออกจากบริเวณนั้นตั้งใจจะกลับเข้าไปที่บริษัทแต่ไม่ใช่ไอ้เรื่องถ่ายภาพหวิวนี่หรอกนะ เขาไปจัดการคิวที่ต้องเลื่อนเพราะเอซิซเพิ่งฟื้นไข้ขึ้นมาต่างหาก หางานทำลายภาพพจน์ดีนัก ประเดี๋ยวจะปล่อยคลิปอย่างว่าให้หมดเอาให้ตกงานไปเลย
           “ขอบคุณครับ แล้วจัดการเรื่องอัลบั้มภาพถ่ายพิเศษกับทางบริษัทให้ฉันด้วย”
           “เออได้! คุณนายแบบได้ตามที่สั่งครับ” น้ำเสียงแข็งตอบกลับไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำออกไปยังประตู ดาราหนุ่มอดขำกับน้ำเสียงสั้นๆ ห้วนๆ แบบนั้นไม่ได้ นี่คงกำลังไม่พอใจอยู่สินะ
           “อะไรกันทำเป็นหงุดหงิด ทุกวันนี้รู้ทุกเรื่องยิ่งกว่าตัวฉันเองยังไม่พอใจอีกหรือไง คุณน้องผู้จัดการโอลิเวอร์ โจนส์” เอาน่าชีวิตไม่ได้ทุกสิ่งที่ต้องการนะคุณโฮ
           “ก็อยากรู้เรื่องคืนนั้น ปิดเงียบเลยนิคุณพี่ ทุกทีออกจะเปิดเผยจนผมไม่อยากรับรู้ ทำนิ่งแบบนี้ยิ่งทำให้อยากรู้ไม่ใช่หรือ?” จะลดละความสนใจทีไรชอบรั้งความอยากรู้อยากเห็นของเขาไว้ทุกที แต่ไม่ยอมบอก...โอปป้าเซ็ง!
            “อย่าลืมจัดการเรื่องงานให้เรียบร้อยด้วยแล้วกันอยากพักผ่อนอีกหน่อย” นายแบบสุดหล่อหน้าสวย? ถอนหายใจแบบเหนื่อยๆ แล้วพาดหัวลงบนพนักพิงหลับตาพริ้มเหมือนโลกรอบตัวหลับไปพร้อมกับเขา
            “จะไม่เล่าให้ฟังบ้างเหรอ มันคงอัดอั้นในอกตันๆ ของพี่นะผมว่า”
            “บา...บาย”
            “โห้! ไล่! ไปก็ได้เห็นว่าวันนี้พี่ลากิจนะเนี่ยถ้าไม่โทรมขนาดนี้นะ น่าดู!”
            มือเรียวโบกไปมากลางอากาศเป็นคำตอบให้รีบไปจะพักผ่อน พร้อมกับเสียงโวยวายของโอลิเวอร์ที่หน้าประตูห้องก่อนจะพาตัวเองออกไปทำงานตามหน้าที่ทิ้งให้คนบอกว่าเหนื่อยบ่นว่าเพลียพักผ่อนเสียให้เต็มที่
           ชายหนุ่มนอนยิ้มให้กับประโยคเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ของผู้จัดการ เขารู้สึกถึงความห่วงใยที่แฝงไว้กับคำคมร้ายๆ นั่นแต่ตอนนี้อยากนั่งคิดและทบทวนเรื่องบางอย่างเพียงลำพังมากกว่ามีคนความรู้สึกไวอย่างโฮคอยจับจ้องและจับผิด
          มือเรียวสัมผัสเบาๆ ตามรอยสีแดงจางๆ ตามเนื้อตัว ร่องรอยนั้นค่อยๆ เลือนตามวันเวลาแต่ความรู้สึกบางอย่างไม่อาจสั่งให้ร่างกายลืมได้เสียที นามบัตรที่เผลอหยิบจับมาตลอดสองสามวันนี่ก็อีก แค่กดโทรออกตามเบอร์ที่ระบุไว้มันจะยากเย็นอะไรนักหนา แต่ทำแบบนั้นแล้วจะได้อะไรขึ้นมา...เพราะ

          ‘คืนนั้นอย่างนั้นเหรอ ก็ไม่เห็นมีอะไรมากมาย แค่สนุกกันตามประสาผู้ชายสองคน’

           แต่ความรู้สึกหวั่นไหวนี่มันหมายความว่าอย่างไร รอยแต้มแต่งจากเรียวปากหยักคู่นั้นยามเมื่อประทับบนร่างกายเขา ทำไมยังจำความรู้สึกหวามไหว ทุกมโนภาพยังฉาบฉายจนถึงวันนี้ ยามนึกถึงความอุ่นชื้นจากเรียวปากคู่นั้นประทับไปยังทุกส่วนสัดบนร่างกาย เอซิซเผลอกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นเรียวนิ้วกดลงมาบนฝ่ามือ อุ้งมือนิ่มทั้งสองถูกปลายเล็บจิกกดจนเริ่มชา
           เมื่อหลับตาภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นฉายเข้ามาให้จดจำซ้ำแล้วซ้ำอีก ความอุ่นชื้นจากริมฝีปากคู่นั้น ปลายลิ้นร้อนระอุ สองมือหนาที่คอยลูบไล้ให้สติกระเจิดกระเจิง ร่างกายแน่นกล้ามเนื้อที่กดคลึงแนบชิดและเร่งเร้าจนร่างกายของเขาหลงเสน่ห์ในเพศชาย จนอยากจะตอบสนองปรนเปรอเสนอความสุขและอิ่มเอมให้ได้เสพเสมอกัน ทุกท่วงท่าถูกปรับเปลี่ยนให้สมกับแรงปรารถนาแต่ละช่วงอารมณ์ ผิวเนื้อแนบชิด ไอเหงื่ออุ่นระอุ รสจูบที่วาบหวาม ชายคนนั้นปลุกตัณหาของเขาคุกรุ่นครั้งแล้วครั้งเล่าและตัวเขาเองไม่รีรอที่จะระบายออกทุกหยาดหยด
          มือเรียวบรรจงลูบไล้ผิวกายตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยจิตใจล่องรอยไปยังวันคืนก่อนหน้า กลีบปากอิ่มครางคลอเมื่อมือปรนเปรอความต้องการในส่วนลึกล้ำภายใต้เสื้อผ้า ส่วนอ่อนไหวล้นเอ่อระบายความต้องการเหมือนสายน้ำปริ่มตลิ่งรอเวลาประทุขึ้นถึงขีดสุดและไหลบ่าทำลายการกักกั้น
          ปลายนิ้วรูดแก่นความต้องการขึ้นลง คลึงเคล้าให้สมความกระสัน มืออีกข้างวนเวียนกระตุ้นจุดไวสัมผัสทั่วแผงอกจนปลายถันแข็งเต่ง เจ็บปนรัญจวนชวนขนลุกจนหนาวสั่นทั่วทั้งร่าง ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ ใบหน้าสวยเสือกไสไปมาเหมือนคนทุกข์ทนทรมาน
           ริมฝีปากเผยอออกพร้อมระบายความเจ็บปวดเป็นเสียงอึงอื้อไม่ได้สัพ แต่เจ้าตัวกลับพึงพอใจกับควานทนทุกข์นั่นครางครวญเรียกหาให้เร่งปรนนิบัติความต้องการของตัวเองให้มากขึ้น เร็วขึ้นไปอีก จนถึงจุดสูงสุดที่ไม่อาจทานทนได้ไหว
           มือทั้งสองข้างเหมือนจะทำงานได้ไม่ตรงใจและไม่เพียงพอ เขากระสับ กระส่ายโยกย้ายสะโพกจินตนาการถึงแรงกระทั้นกระแทกที่ยังจดจำได้ดีถึงความคับแน่นรุกรุนแรง จนร่างกายทลายเพศรสทุกครั้งที่โดนกระทำด้วยแรงตัณหาจากอีกฝ่าย ระบายออกมาจากอารมณ์ใคร่ รำพึงรำพันรสสัมผัสอันสุดโหยหา ทุกส่วนทั่วร่างกายยังตรึงตราความหวานฉ่ำสุดเร่าร้อนไม่ลืมเลือน
          ร่างบางกระตุกเป็นจังหวะ เอซิซคนดังกึ่งนั่งกึ่งนอนสั่นเกร็งอยู่ในท่าที่ไม่ค่อยสบายนักบนเก้าอี้แอนกว้างเกินสามฟุต เสียงทอดถอนลมหายใจยาวเหมือนปลดปล่อยความทรมานจนมลายสิ้น

          “ให้ตายเถอะ เอาอีกแล้วสิน่า” เขาเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำ คิดถึงเรื่องคืนนั้นทีไร ร่างกายตอบสนองเร็วกว่าความคิดอยู่เรื่อย

          ใช้เวลาไม่นานร่างอิดโรยเดินโอนเอียงและทิ้งตัวล้มบนโซฟากว้าง มือเรียวควานหารีโมทคอนโทรลหวังเปิดเพลงร็อคจังหวะแรงๆ กระแทกโสตให้สมองได้ปลอดโปร่ง
          แต่ดวงตากลมโตกลับจับโฟกัสไปที่นิตยสารเล่มหนึ่ง พาดหัวด้านหน้าดึงดูดใจให้ต้องละมือจากการหารีโมทแล้วมาหยิบนิตยสารเล่มนั้นมาเปิดลวกๆ เพื่อให้เจอคอลัมน์ที่หมายตาเอาไว้
          “หนุ่มโสดท็อปเทนกับความเชื่อเรื่องความรัก...น่าสนใจจริงๆ ยังมีนิตยสารแบบนี้วางขายอยู่อีกหรือนี่”
           ชายหนุ่มมองผ่านเนื้อหาอื่นๆ ที่มีในเล่มจนมาเจอบุคคลน่าสนใจ ที่คิดไว้ไม่ผิดไปเลย ผู้ชายหน้าตาดูดีขนาดนั้นกับสถานที่ที่พบกัน ชายหนุ่มแปลกหน้าต้องไม่ใช่พนักงานบริษัทต๊อกต๋อยเป็นแน่ ดวงตากลมโตมองภาพถ่ายของคนคุ้นตา รู้สึกขำกับนิยามความรักแบบนักกฎหมายจนหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
          ขาเรียวก้าวเดินไปยังมุมส่วนตัวบริเวณระเบียงกระจกอีกครั้ง มือที่ไม่ได้จับหนังสือหยิบนามบัตรคุ้นตาขึ้นมาเทียบ อดยิ้มไม่ได้ที่ได้เจอใบหน้าคุ้นตากับเห็นร่างกายคุ้นสัมผัสอีกครั้ง ถึงจะเป็นแค่ภาพสี่สีแต่เท่านี้สมองของเอซิซได้จดจำ และประมวลผลชายผู้นี้ไว้อย่างดิบดีเกินพอแล้ว

          “ผมจะเริ่มบทบัญญัติข้อแรกเลยแล้วกัน คุณจดจำร่างกายร้อนแรงของผมได้ทุกสัดส่วนหรือเปล่าอัยการเคลาส์ ฮอฝแมนน์

          มือเรียววางหนังสือนิตยสารชื่อดังไว้ข้างๆ นามบัตร ยืนมองสองสิ่งที่วางไว้คู่กันแล้วก็นึกถึงคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
          คืนที่ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการร่างกายเป็นพิษ ทั้งที่นอนอยู่บนที่นอนโอ่อ่าเครื่องนอนปราณีตชั้นดี แต่ไม่ว่าจะขยับนั่งหรือยันกายให้ลุกยืนก็ทำให้เขาเจ็บระบมไปหมด ยามก้าวขาเดินความเจ็บแปรบแล่นริ้วไปทั่วสะโพกจนต้องชะงักเท้า กว่าจะสวมเสื้อผ้าและทำตัวให้ชินกับสภาพร่างกายก็เล่นเอาเหงื่อซึม ถึงรู้สึกเหนียวตัวบริเวณโคนขาจนน่ารำคาญ แต่เขาไม่คิดเสียเวลาที่จะเข้าไปชำระล้าง เพราะพรุ่งนี้มีงานช่วงเช้าเขาต้องรีบกลับบ้านไปพักผ่อนให้มากที่สุดจะได้ไม่เป็นลมล้มพับตอนถ่ายแบบ
          และอีกอย่างกลิ่นคล้ายแยมผลไม้รสหวานเลี่ยนจนฉุนกึกของเจลเหนียวๆ ที่เคลือบบางส่วนบนร่างกาย สามารถดับกลิ่นคาวสวาทที่ยังทิ้งหลักฐานไว้บนตัวได้เป็นอย่างดี นึกสงสัยว่าครั้งแรกกับผู้ชายของตัวเองคราวนี้คงสุดเหวี่ยงเซ็กซ์ซาบซ่านกันน่าดู นี่ถ้าถึงขั้นเสพติดขึ้นมาจะทำยังไง แล้วจะไปหาชายหนุ่มพลังช้างคนนี้ได้ที่ไหน!
          ก่อนที่จะข่มอาการปวดร้าวทั้งตัวก้าวออกนอกห้องสวีทหรูหราของโรงแรมดัง เขาพยายามกวาดสายตาหาคนต้นเหตุเพื่อจะคาดโทษที่ทำให้เขาอาการย่ำแย่ขนาดนี้ แต่ก็พบเพียงนามบัตรหนึ่งใบบนเคาน์เตอร์บาร์วางคู่กับคีย์การ์ดสีทองของโรงแรมดัง แล้วยังจ่ายค่าห้องพักสุดแพงนี้ให้ด้วย ประทับใจจริงๆ พ่อยอดชาย!
          มือเรียวคว้าวิสกี้มาดื่มอย่างอ้อยอิ่งลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าต้องรีบกลับบ้านไปพักผ่อน เอซิซใช้ปลายนิ้วเคาะสันนามบัตรเบาๆ ไปเรื่อยๆ เมื่อแอลกอฮอล์ซึบซาบเข้าสู่ร่างกายได้ส่วนหนึ่งอาการปวดเมื่อยเริ่มทุเลาลงจนพอจะเดินแบบปกติได้ เขาจึงโทรลงไปยังประชาสัมพันธ์ขอเส้นทางลับเพื่อจะออกจากโรงแรมโดยที่ไม่เป็นเหยื่อของปาปารัสซี่

          “คุณน่ะ ไม่น่าทำให้ผมตื่นตัวอยากเล่นบทอาชญากรยั่วอัยการรัฐเลยให้ตายเถอะ”

          เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มสวย รอยยิ้มเดียวกันกับเมื่อตอนเจอนามบัตรชายหนุ่มในคืนนั้น ใบหน้าหวานเอียงน้อยๆ เหมือนกำลังชั่งใจว่าสิ่งที่จะทำสมควรหรือเปล่า แต่แววตาระยิบในดวงตากลมโตนั่นฉายแววเด่นชัดว่าครั้งนี้ไม่ปล่อยเฉยแน่นอน
          ต้องโทษอัยการถึกทนถมึงทึงสุดหล่อคนนั้นที่ทำให้คนเอื่อยเฉื่อยกับความรัก หมกมุ่นอยู่กับรักฉาบฉวยเพียงข้ามคืน เกิดตื่นตัวอยากจะสัมผัสความรักที่มากกว่าการเข้ากันได้ดีทางกายภาพขึ้นมาอีกครั้ง
          แล้วเป็นซะอย่างนี้คำพูดที่ว่า...'แค่สนุกกันตามประสาผู้ชายกับผู้ชาย'... ก็เป็นอันตกไปสินะ
          เพียงแค่คิดเท่านั้นร่างกายก็แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบทันที นี่เขาคงไม่ได้กินยาโด๊ปจำพวกพระกระโดดกำแพง! สาวน้อยตกเตียง! โด่ไม่รู้ล้ม! กำลังเสือโคร่ง! แสนนางวาน! หรือม้ากระทืบโรง! เข้าไปหรอกนะ?


          “บ้าจริง? จะอยากอะไรหนักหนา ไม่มีแรงจะเดินแล้วให้ตายสิ!”

หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 05-12-2023 17:55:53
Love Section 2 : ไหวหวั่น - งานราชห้ามขาดงานรักก็ห้ามใจไม่ได้

สำนักงานหน่วยปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ

ห้องอัยการเคลาส์ ฮอฟแมนน์


        ชายหนุ่มลูกผสมใบหน้าคมนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาดูเคร่งขรึมดุดัน กิริยาท่าทางดูเป็นคนเคร่งครัดระเบียบจัดทุกกระเบียดนิ้ว ผู้เป็นเจ้าของห้องทำงานนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ที่โต๊ะมีกองเอกสารกองสุมอยู่มุมหนึ่ง
         คอมพิวเตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้แต่เจ้าของไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน ร่างสูงใหญ่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนมีชายร่างเล็กเดินทะลึงพรวดเข้าไปอย่างไม่ต้องมากพิธี มือหยิบหนังสือนิตยสารพร้อมกางหน้าที่มีคอลัมน์ยอดนิยมในกลุ่มเหมารวมเรียกผู้หญิง
(สาวรุ่น สาวสวย สาวใหญ่) เหล่ารักร่วมเพศ LGBTQ ทั้งหลาย)
         เสียงแหบแหลมอ่านบทสัมภาษณ์ของเพื่อนสนิทในหัวข้อ ‘หนุ่มโสดท็อปเทนกับความเชื่อเรื่องความรัก’
         ไคจินหนุ่มเชื้อสายจีนครึ่งอเมริกันผิวขาวราวครีมนมเบ้ปากเมื่อสายตาเรียวรีดั่งเมล็ดอัลมอนด์กวาดอ่านคอนเซปคอลัมน์ฮอทฮิตของสาวๆ ไม่รู้ว่าจะติดใจอะไรกันกับไอ้แค่ความคิดผู้ชายๆ เชยๆ แบบอัยการหน้าใหม่ไฟเลยแรงหนักหนา ตาเรียวจิกตามองเพื่อนตัวเองที่นั่งทำท่าเซื่องไร้พิษภัยอยู่ตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง เรียวปากเล็กๆ รูปกระจับอ่านออกเสียงดังลั่นห้อง
        “ผมไม่ใช่คนเชื่อหรือศรัทธาอะไรง่ายหรอกครับ อาจจะเพราะงานที่ผมทำด้านกฎหมายและอาชญากรรม ถ้าจะถามเรื่องโชคชะตาหรือคำทำนายรักเนี่ย ผมตอบไม่ได้หรอกว่าเชื่อมากน้อยแค่ไหน เอาเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นได้บัญญัติไว้แล้ว แค่เราหาเจอเราก็ได้พบหรือหากเราละเมิดข้อบัญญัติก็เจอบทลงโทษและจบบทนั้นไป ประมาณนั้นครับ” ไคจินปิดหนังสือแล้วโยนกองๆ ไว้ที่ว่างซักมุมหนึ่งในห้อง อ่านแล้วชวนหมั่นไส้ชะมัดสาวๆ สมัยนี้เทสตกต่ำกันใหญ่ต้องชายมาดแมนอย่างเขานี่ถึงจะเท่ห์
         “พ่อคนสำบัดสำนวนฟังแล้วพะอึดพะอมไม่เอาคำพวกนั้นไปจีบแบล็คลิสต์ของคุณวะครับ รับรองวิ่งร่อนมาหาเลยมารอรับบทลงโทษแห่งรักของคุณเพื่อนไงครับ” เพื่อนรักร่วมหน่วยเริ่มระบายความอึดอัดคับอกทันที
          “เพราะนายไม่ใช่ผู้หญิงไงไค” เสียงทุ้มต่ำดังมาพร้อมเสียงบานประตูที่ถูกเปิดออก คนมาใหม่ใช้ส้นเท้าเตะบานประตูให้ปิดมองซ้ายมองขวาหาที่นั่ง เมื่อเจอที่ว่างร่างสูงโปร่งของเพื่อนอีกคนเดินอาดๆ มานั่งแหมะบนขอบโต๊ะอัยการชื่อดัง
          “หรือนายเป็นผู้หญิงฌาน หลงคารมสุดหล่อเลยตามมาซวยด้วยกัน จะตายวันตายพรุ่งในหน่วยสืบสวนสอบสวนเนี่ย”
          ตำรวจสายสืบฟังประโยคนั้นยิ้มๆ ทำเอาไคจินถึงกับรู้สึกเข้าตาจนมาในทันที สถานการณ์แบบนี้อยากจะกัดปากกัดลิ้นให้ตายไปซะก่อนจะเจอประโยคเด็ดแย็บครั้งเดียวจอด
          “อืม...คิดดูดีๆ นายก็ตามมาด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้ท่าทางกระเง้ากระงอดแบบนี้ นายมันสาวแตกกว่าฉันอีก นี่มองไปมองมาฉันนึกว่ามีเพื่อนสาวมาเพิ่ม”
          “ชิส์ เออ ก็ใช่ไง เอ้ย! จะบ้าหรือไง ฉันน่ะแมนร้อยเปอร์เซ็นต์”
          คนโดนกระทบกระเทียบรีบแทรกมากลางปล้องทั้งที่ฌานยังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำ จึงกลายเป็นเหยื่อความสาวเป็นที่เรียบร้อย และเหมือนคนตัวสูงจะวางหลุมพรางให้เพื่อนรักเดินลงหลุมได้อย่างสมชายชาตรีกับคำว่าแมนร้อยเปอร์เซ็นต์แบบฉบับไคจิน เวลธ์ตัน เท่านี้ณานก็สุขแสนสุขแล้ว
          “ฮ่ะ ฮ่า ไงคุณอัยการเจ้าคารม ทนายผู้ต้องหาที่จับได้ขอยื่นประกันตัว” ร่างสูงโปรยยิ้มมาทางเพื่อนรัก เมื่อยื่นเอกสารให้อ่านแล้วมือยาวๆ เสยปัดผมทรงใหม่ให้เข้าทรงเสริมหล่ออยู่ตลอดเวลา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มีแค่สูทกับรองเท้าหนัง เพื่อนพ้องต่างลงมติว่าไม่มีใครเทรนดี้ได้เครซี่เหมือนอย่างเขาอีกแล้วในกรม ไม่เสียชื่อฉายา ‘สายสืบเทรนดี้ฌาน’
          “ตกไป” อัยการเคลาส์ต่อรองค่าประกันตัวให้มากขึ้น
          “หรือคุณอัยการจะเอาซักสิบล้าน!”
          “มันมีปัญญาจ่ายน่าเป็นห่วงเงินมันนักเลย” อัยการหนุ่มเริ่มอ้าปากออกบ้างแล้ว ก็เพื่อนรักสองคนเล่นพูดใส่กันเสียงดังคับห้องอย่างนี้ต่อให้เป็นห้องกระจกเก็บเสียงแต่เจ้าของห้องที่นั่งหัวโด่เป็นประธานอยู่เนี่ยหนวกหู คนยิ่งใช้สมองเยอะอยู่จะมาก่อกวนให้หยักลอนในสมองต้องทำงานแปลงสัญญาณเสียงเป็นภาษามนุษย์ให้มากขึ้นกว่าปกติอีกทำไมกัน
         “นี่...ท่านอัยการ สองวันก่อนหนีหน้าที่ไปทำภารกิจอะไรมา ปล่อยให้ฉันกับไคเข้าหน่วยไปจับผู้ร้ายกันสองคน ส่วนนายนะมาตอนจับได้ซะงั้น รู้มั้ยฉันกลัวนะเว้ย ยิงกันเปรี้ยงปร้างๆ หวาดเสียวจะตาย” เมื่อฌานเห็นเพื่อนเริ่มเครียดเลยรีบสร้างสถานการณ์ฟื้นฟูอารมณ์ด้วยการเล่นโอเวอร์แอ็กติ้ง ประมาณหนูน้อยเสียขวัญกลัวเสียงปืนต้องหาที่ซ่อนด้วยการเอามือปิดหู (คงรอด)
         เมื่อเห็นเพื่อนเล่นปัญญาอ่อนล้าหลังอายุจริงมากเกินไปจนทนไม่ไหว อุจาดลูกนัยน์ตาเลยต้องเตือนสติขึ้นมาหน่อย ประเดี๋ยวเคลาส์เกิดบ้าตามลุกขึ้นมาปลอบจะยิ่งบ้ากำลังสอง แล้วไคจินยอดตำรวจผู้นี้จะต้องวิ่งแจ้นไปเกาะหน่วยอื่น ไม่เอาแบบนั้นหรอกอยู่ที่นี้เบ่งได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนสนิทอัยการสบายกว่าเห็นๆ
         “นายไม่ใช่เหรอที่ยิงพวกมันร่วงเป็นใบไม้ฌานอย่ามาทำดัดจริตได้มั้ย ประเด็นคือนายอัยการเคลาส์ ฮอฝแมนน์หายไปอึ๊บกับคนสวยจนลืมหน้าที่อย่างนี้ต้องทำรายงานเรียนเบื้องสูง” นิ้วชี้จ่อเข้าที่หน้าผู้ต้องสงสัยทันที แถมพูดด้วยหน้าตาจริงจังเหมือนซักฟอกจำเลยไม่มีผิด นี่ถ้าไคทำงานอย่างจริงจังเหมือนคั้นเอาคำตอบจากเพื่อนอัยการตอนนี้ รับรองตำแหน่งประธานาธิบดีก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
          “หลักฐาน?” หน้าตาหล่อเหลาติดอันดับสิบชายในฝันของสาวๆ ที่เพื่อนๆ เรียกจนเจ้าตัวจำฝังหัวว่าเป็นไอ้หน้าเซื่อง ยักคิ้วงามให้หนึ่งทีประมาณว่าหากไม่มีหลักฐานก็อย่ามาซักให้ผู้ต้องสงสัยอ้าปากยอมสารภาพ
          “กลิ่น” สายสืบสุดชิคช่วยเพื่อนตำรวจซัก
          “นายเป็นสุนัขตำรวจหรือไง” แทนที่จะช่วยกันกดดันแต่หันมาจิกกัดกันเองด้วย (ความรัก) ไปซะได้ น่าสงสารคนไร้รักที่มีแค่เคลาส์คนเดียวในห้อง
          “อย่าพึ่งสอดได้ไหมฌาน!” คนถูกว่ายิ้มน้อยๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรเหมือนกับวางแผนรับส่งกันมาดี
          ไคจินเอียงตัวไปมองเคลาส์เต็มๆ ตา นิ้วชี้เล็กๆ เรียวๆ นั่นยังแตะไว้ที่ปลายจมูก นัยน์ตากระหายใคร่รู้คู่นั้นเจาะจงจ้องเขม็งยั่วโทสะเคลาส์เต็มที่เห็นแล้วก็อดที่จะแหย่ให้แยกเขี้ยวไม่ได้ อุ่นเครื่องเอาไว้ก่อนเพราะคนที่จะโดนแหย่ให้คำรามลั่นห้องตอนนี้ต้องเป็นเพื่อนอัยการ
          “ตอนที่นายวิ่งมากลิ่นหวานๆ มันฟุ้งตัวนายเลยขอบอก แล้วก็…” มือเล็กๆ นั้นคว้าหมับเข้าที่ชุดสูทยี่ห้อดัง นิ้วมือทำหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในออกอย่างรวดเร็ว เท่านั้นยังไม่พอสองมือยังแหวกออกให้กว้างมากที่สุดเท่าที่ รอบอกของเสื้อจะอำนวย เคลาสน์ไม่รอช้ายื้อยุดเสื้อตัวในและเสื้อนอกของตัวเองเหมือนกันเดือดร้อนเพื่อนตัวดีอีกคนต้องรีบแยกมวยยกหนึ่ง
          “เฮ้ยๆ ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ต้องโทษปรับนะครับเว้ย” เพื่อนนักสืบกระชับมือไคจินเอาไว้แน่น เสื้ออัยการมันแพงโขอยู่ถ้าโดนเรียกร้องค่าเสียหายที่ทำเจ้าหน้าที่รัฐอกสั่นขวัญผวาขึ้นมาจะทำอย่างไร
          “จะขัดอะไรนักหนาวะครับ อยากรู้แล้วทำไมให้ฉันลุย ทำเองสิทำเลยเร็วๆ” คนเข้าไปห้ามยกถึงกับทำหน้าด้อยปัญญาทันที ตีสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย โดยมีสายตาคมกริบของเคลาสน์จ้องเขม็งอยู่ข้างๆ นึกเสียใจที่ไม่น่าทำตัวเป็นพ่อพระแยกยกคนทั้งคู่ออกจากกันเลยจริงๆ
          “เชิญตามสบายครับ” มือที่รั้งไว้รีบปล่อยมือเพื่อนรักทันที
          เมื่อเป็นอิสระไม่ถึงนาทีเชิ้ตตัวในสีสะอาดบนตัวอัยการหนุ่มก็หลุดลุ่ยออกจากกางเกงเรียบร้อย สาบเสื้อทั้งสองข้างโดนปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็วแถมทิ้งท้ายด้วยรอยยับจากแรงขย้ำขยุ้มอย่างไม่ไยดีจากเพื่อนตัวเล็กสุดในกลุ่ม
          ‘นายแน่มากไคจินที่ทำคนตัวโตเป็นรองได้ขนาดนี้’
          “นี่” นิ้วเรียวจิ้มตามจุดแดงๆ ตามแผงอก
          “นี่อีก” ย้ายที่ใหม่ไปยังหน้าท้องขึ้นลอนสมชาย
          “แล้วก็นี่” สองมือดึงกางเกงลงต่ำแต่ทำได้ไม่สะดวกเพราะติดเข็มขัด ไม่ได้คิดลามกเลยแต่ไอ้รอยแดงๆ จางๆ ที่เชิงกรานน่ะ มันน่าคิดขนาดไหน
          “แล้วยังไง” อัยการยังทำหน้าธรรมดาไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อนรักยอมลงทุนตะกายตัวเขาและจับเปลื้องผ้าแบบนี้ (คิดในทางที่ดีไม่ได้เลย) คิดเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบว่าไคจินกับรอยแดงๆ ตามเนื้อตัวเขาเกี่ยวพันธ์กับเพื่อนตัวแสบตรงไหน นี่อย่าบอกนะว่าอยากแต๊ะอั๋งเพื่อนตัวเอง!?
          “ลุกขึ้นยืน!”
          พลั่ก! ไม่ต้องรอให้ฟังตามคำสั่งสองมือก็ดันคนตัวสูงกว่าหันหน้าอัดกำแพงไปแล้ว เคลาส์ถึงกับร้องเสียงหลงเป็นหมีหลงฤดู (?) กันเลยทีเดียว
         “อ่ะ!/อู้ว?” สองเพื่อนรักประสานเสียงพร้อมกันไม่ทันนัดแนะ
         “ไปบริหารเอวกับสะโพกมาจริงๆ ด้วย หนักเอาการล่ะสิสามวันมาแล้วนะอัยการยังไม่เข้าที่อีกเหรอ หักโหมเกินอายุหรือไง”
          ไม่เสียเวลานานหมัดขนาดกำลังดีทุบไปตรงๆ ระหว่างเอวกับแนวสะโพกของเพื่อนอัยการเล่นเอาคนโดนหมัดถึงกับทรุดไปซบกับพนักเก้าอี้ เมื่อร่างกายชินกับความเจ็บเมื่อครู่ ก็เริ่มหันหน้ามาประจัญพร้อมคาดโทษไว้เสร็จเรียบร้อย
          แต่ว่าสถานการณ์เป็นรองอย่างเห็นได้ชัดและสัญชาติญาณบ่งบอกว่ารอดยาก
          ม่านบังตาถูกดึงลงมาอย่างรวดเร็ว ประตูห้องปิดล็อคกลอนอย่างที่เจ้าของห้องไม่เคยทำมา ฌานล้วงมือไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังหยิบถุงมือสีขาวขนาดกำลังดีขึ้นมาสวม ตรวจเช็คสภาพให้แน่ใจว่ากระชับมือแค่ไหนด้วยการกรีดกรายนิ้วมือไปมาเหมือนเฟรดดี้ คลูเกอร์ตัวละครที่มันทำเขากลัวฝังใจตั้งแต่วัยเด็ก
          “ยิ้มอะไร! สวมถุงมือทำไม! อย่านะเว้ย ไอ้…!”
          อัยการเคลาส์ตะเกียกตะกายหนีแต่มีแขนทั้งสองข้างของไคจินกดล็อคที่ไหล่และอกของเขาไว้ และที่หนียากไปกว่านั้นมือยาวๆ ของยูชอนกดหมับเข้าที่ลำคอ กะไม่ให้ขยับเขยื้อนกันเลย
          “ถึงหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอย่างฉันแล้ว ไคถอดกางเกงอัยการหนีงานออก”
          “รับทราบ”
          “เฮ้ย! พวกแกหยุดนะ!”
          ตำรวจสืบสวนผลักร่างหนาให้ชิดกำแพงอีกครั้งเพื่อช่วยให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์จัดการหน้าที่สำคัญให้เรียบร้อย คนใต้ร่างก็ยังไม่ยอมหยุดดิ้น ไม่เข้าใจเพื่อนตัวดีว่าจะหนีอะไรกันหนักหนาไม่ได้จับปล้ำข่มขืนซักหน่อยทำเป็นร้องโวยวาย บอกไปแล้วว่าจะพิสูจน์หลักฐานเท่านั้นเอง บ็อกเซอร์ขอบหนาราคาแพงไม่ได้ถอดออกเสียหน่อยทำเป็นกลัวโดนกระทำอนาจารไปได้ถึงตอนนี้โดนกระทำไปแล้วก็เถอะ
         “เซ็กซ์หมู่ หรือไปฟัดกับหมามาล่ะเนี่ย” มือเล็กๆ ละจากกางเกงที่กองอยู่กับข้อเท้าแล้วถลกชายเสื้อให้ขึ้นไปยังไหล่ ร่องรอยต่างๆ ใต้ร่มผ้าจึงปรากฏเด่นชัด จนดวงตาเล็กๆ ของไคจินเบิกกว้างกลมโตโดยอัตโนมัติไม่ต้องใส่บิ๊กอาย
          “หนังถลอกเชียว รอยข่วนเนี่ย นี่ถ้าเขาคนนั้นเอาผิวหนังนายไปตรวจดีเอ็นเอแล้วใส่ร้ายว่านายทำร้ายเขาเนี่ย อนาคตไม่เหลือแน่ๆ”
          นิ้วของสายสืบกดรอบรอยแผลที่เริ่มตกสะเก็ด แต่ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับรอยฟันที่แนวเอวหนาด้านข้าง ถึงจะไม่ขึ้นรอยจนฟกช้ำดำเขียวแต่ก็ทิ้งรอยชัดว่าโดนงับหยอกๆ มาไม่เบา
          “รอยกัด...เอ่อ...คู่นายเนี่ยซาดิสต์เป็นบ้าเลยว่ะ”
          ฌานดันลำตัวผู้ต้องสงสัยให้หันมาหาเขา รอยแดงเป็นจุดๆ ด้านหน้ามีกระจัดกระจาย พยายามพลิกหารอยคิสมาร์คที่น่าจะอยู่แถวต้นคอ ไหล่หรือไหปลาร้า ที่ฮอทฮิตติดอันดับของการประทับรอยจูบ รอยดูด และรอยขบแต่ผิวเนื้อบริเวณนั้นและใกล้เคียงก็เรียบเนียนปกติดี แต่ก็มาสะดุดที่หน้าท้องขึ้นลอนเข้าจนได้
          “คิสมาร์คเป็นแถบๆ เกร็งหน้าท้องสิ...มิน่า ถามจริงเถอะพ่อยอดชาย”
          “อะไร?” คนถูกถามเกร็งหน้าท้องขึ้นรอนโดยอัตโนมัติ สาบานได้จริงๆ ว่าไม่ได้กลัวคำสั่งเพื่อนสนิทแค่ปฏิกิริยาโต้ตอบโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากจิตใต้สำนึกเท่านั้นเอง?
          สายตาเพื่อนรักสองคนอยู่ระดับเดียวกัน มองไปมองมาจริงจังกันน่าดูกับเจ้ารอยต่างๆ บนร่างกายอัยการสุดเซ็กซี่ ผิดก็แต่คนที่โดนพิสูจน์หลักฐานด้วยวิธีการเปิดเผยขนาดนี้ไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนสองตัวจะมาสนใจอะไรหนักหนา ตัวก็ตัวเขา รอยพวกนี้ก็ไม่มีรอยไหนกระเด็นไปแปะบนหน้าหรือหนีไปอยู่บนตัวเจ้าพวกนี้ซักหน่อย ทำอย่างกับเขาไปข่มขืนใครมาอย่างนั้นแหละ
          “ได้กันท่าไหนมาเนี่ย อเมซิ่งชิบ...เลย!”
          “ไอ้บ้า ใครจะจำได้”
          ...ถามแบบนี้มันน่าซัดซักเปรี้ยง!...
          “โห้! คู่นอนไม่ตายไปแล้วเหรอ”
          ...นี่ก็อีกคนจินตนาการไปถึงไหนแล้ว? ...
          “ถ้าจำไม่ผิดคนที่นายออกไปด้วยคืนนั้น ผู้ชายไม่ใช่หรือไงดาราดังอีกต่างหาก”
          “เหรอ...ไม่เห็นรู้” ในความหมายคือรู้ว่าเป็นผู้ชายแต่ไม่รู้ว่าเป็นดารา ก็เห็นนั่งทำหน้าเหงาๆ เศร้าสร้อย ทำตาละห้อยเหมือนรอใครอยู่ก็แค่คิดจะเข้าไปคุยเท่านั้นเอง...แล้วมันก็รอยเต็มตัว!
          “จำแต่หน้าอาชญากรล่ะซิ” ฌานยังกระเซ้าไม่เลิกนี่ถ้าไม่โดนหมัด หรือโดนเตะคงจะไม่เงียบง่ายๆ คำด่าคำจิกกัดหรือคำกระแนะกระแหนกินคนหน้าเป็นไร้ยางอายแบบเขาไม่ลงหรอก
          “ใครจะไปสังคมจัดเหมือนนาย สายสืบขี้เหล้าเมาคาปาร์ตี้” เพื่อนคู่หูทนไม่ไหวคันมือคันปากอยากจะแฉชีวิตฌานในทั่วโลกรู้
          “หึ...มิน่า...” เคลาส์ไม่มีสลดแถมยังทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เหมือนรู้ความลับสุดยอดเข้าให้อีก
          อยากยั่วต่อมเจ็บใจให้กับคนที่กล้าสาดสายตาล่อเหยื่อแบบนั้นมาทางเขานัก ผู้ล่าอย่างนักสืบไม่มีทางเป็นเหยื่อให้เคี้ยวง่ายๆ หรอกอัยการหน้าหล่อ อย่างน้อยๆ นายกับไคจินก็เหยื่อชั้นดีเลยยั่วให้หน่อยต่อมอยากรู้ก็ทำงาน
          “อะไร!” , “หืมม์?” พร้อมใจอยากรู้กันขึ้นมาเลยเหมือนที่คาด ขอให้เดาใจผู้ร้ายได้เหมือนทำนายใจเพื่อน ขั้นของเขาจะได้เลื่อนมาเป็นรองผู้กำกับ ได้หน้าได้ตาแทนเพื่อนหน้าเซื่องและเพื่อนสุดรักเสียที
          “ที่นายซึมกะทือไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานเนี่ยเพราะฟันเขาแล้วทิ้งใช่ไหม สำนึกผิดแล้วกฎหมายจะยกโทษให้กึ่งหนึ่ง หากจำเลยไปแสดงความรับผิดชอบกับเจ้าทุกข์ ศาลจะไกล่เกลี่ยให้ยอมความกันได้ (จริง? กฎหมายชาววายใช่ไหม) ”
           “ศาลเตี้ยหน่ะสิ...ฉันต้องรีบไปสมทบจับผู้ร้ายที่พวกนายไปลากคอมาไง ความจำเสื่อมหรือไง”
           “อ่า...เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย สุดท้ายโดนคาบไปกินต่อหน้าต่อตาสินะ” สองเพื่อนรักได้ฟังแล้วย้อนความหลังเอ่ยประโยคอันเจ็บปวดขึ้นมาลอยๆ
          “ได้ข่าวว่าสายของฉันรายงานมานะไคและแผน...ฉันก็เป็นคนวางลวงเอาไว้ อย่าอ้าปากเถียงนะฌาน นายสองคนเป็นพวกชุบมือเปิบเห็นๆ”
         อย่าเถียงซะให้ยากนั้นมันก็หมูในอวยเห็นๆ กันอยู่ และอีกอย่างยกหน่วยไปเป็นโขลงเสี่ยงตายตรงไหน กับอีแค่ยิงปืนไม่กี่นัดหน่วยสมทบยิงป้องกันก็ทำหน้าที่ อย่านึกนะว่าจะข่มกันง่ายๆ สายอัยการมีอยู่ทั่วมองตาก็รู้ข่าววงในแล้วอดีตตำรวจเก่าไม่อยากจะคุย
          “แล้วไง?” นายตำรวจยังไม่ยอมจำนนถึงเคลาส์พูดถูกแล้วจะมีความหมายอะไร
          “ฉันตอบให้ก็ได้ เมื่อวางแผนไว้เรียบร้อยก็ส่งให้หน่วยทำส่วนตัวเองก็ไปเริงสวาทกับดาราหนุ่มหน้าสวยยังไงล่ะ” ฌานรีบเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ทั้งที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยากรู้เรื่องคืนนั้นไปทำไม
          ก็แค่เพื่อนอัยการไม่ยอมรับโทรศัพท์ระหว่างปฏิบัติหน้าที่
          ก็แค่เพื่อนอัยการผู้ทำงานเที่ยงตรงยังกับไม่บรรทัด ไม่เคยเข้าสมทบกับหน่วยสายจนจับผู้ต้องสงสัยได้
          แล้วก็แค่คนบ้างานอย่างอัยการสุดหล่อกลับนั่งนิ่งเหมือนคนอยู่ในภวังค์งานการไม่สนใจ
         ก็แค่นั้นเอง
...มันเกินพอที่จะทำให้เพื่อนๆ อย่างพวกเขาสนใจจนห้ามใจไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนรักไม่ได้
          “หุบปากได้แล้วน่าพวกนายงานไม่มีทำหรือไง ปล่อยได้แล้วจะใส่กางเกง”
          “หึ...หึ”
          “ขำอะไรวะ น่าเกลียดเป็นบ้า” ไคจินเป็นฝ่ายทนไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนรักนักสืบแสยะยิ้มได้น่าเกลียดสิ้นดี
         “อยากลองแบบอัยการบ้างอะไคที่รัก...ยอมฉันซักทีไม่ได้เหรอแบบนี้น่ะ”
         “บ้า! ไม่เว้ย เคลาส์มันยังโดนขนาดนี้แล้วดารานั่นจะเหลืออะไร ไม่เอา!”
         อันนี้ก็ไม่ทราบว่ารับส่งมุขกันหรือจะอยากลองกันจริงๆ หรือวางแผนจะล้วงคองูเห่าให้คายพิษออกมาอีก แต่ถ้าเป็นอย่างที่สองเห็นทีเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยนี้คงไม่มีนายหญิงให้ลูกน้องได้ยกย่องเป็นแม่หน่วยแน่ๆ แต่จะไม่มีใครเป็นไบเซ็กซ์ชัวล์เหลือไว้สืบสกุลซักคนเลยเหรอ
         ก่อนที่พวกพ้องจะคิดกันไปไกล จำเลยของเรายังไม่ได้คายความลับออกมาเลยไม่ใช่หรือไง อย่าให้สิ่งที่ลงทุนลงแรงระดมสมองกันไปต้องเสียเปล่าสิ
        “ก็ไม่เห็นเขาจะเป็นอะไรนี่”
         “หือ?” / “หา!”
        “อัยการซาดิสกับดารามาโซคิสต์!! ชอบความเจ็บปวด โอ้เยส!” เพื่อนสองคนฉลาดได้พร้อมเพรียงกันแบบนี้แทบจะนับครั้งได้ และทุกครั้งที่สองคนนี้เกิดฉลาดเหนือคนขึ้นมามักจะไม่ใช่เรื่องดีทุกครั้งสิน่า
         “หุบปาก แล้วไสหัวกลมๆ กับขายาวเก้งก้างๆ ออกไปซะ!” ร่างหนาได้แต่นั่งขู่ฟ่อๆ ไปแบบนั้นเพื่อนสองคนนั่นกลัวกันซะที่ไหนหล่ะ
          “ครับผม ฮะ ฮ่า ท่านอัยการแต่งตัวให้เรียบร้อยนะครับ”
          ผู้เป็นเหยื่อได้แต่ส่งนิ้วกลางขับไล่ก็ใครที่จับเขาแก้ผ้าและทำการพิสูจน์หลักฐานบ้าบออะไรนั่นยังมาทำหน้าระรื่นริออกคำสั่ง เสื้อยับขนาดนี้จะให้แต่งออกมาเรียบร้อยก็เกินคนแล้ว
          เมื่อทุกอย่างในห้องทำงานสงบลง ดวงตาคมก็ลอบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองแทบนับนาทีได้ หรือนามบัตรที่เขาให้ตกหล่นที่ปลายเตียงหรือเขาคนนั้นรีบออกไปเหมือนกันโดยไม่ได้มอง หรือ...?
          สารพัดเหตุผลสุดที่ปัญญาหลักแหลมจะหยิบยกมาเป็นประเด็น ไม่เห็นก็ตาบอดเพราะนามบัตรวางข้างคีย์การ์ดแทบจะเบียดกันตกเคาน์เตอร์บาร์
          แล้วทำไมตัวเองต้องมารู้สึกผิดแบบนี้ด้วยที่ลุกหนีออกมาก่อนโดยไม่ได้ถามแม้กระทั่งชื่อแต่ทั้งใบหน้าและเรือนร่างในคืนนั้นเขาสามารถบอกเจ้าหน้าที่สเก็ตภาพแล้วร่างแบบออกมาได้เหมือนจริงจนโปรแกรมสร้างภาพเสมือนกลายเป็นโปรแกรมวาดภาพของเด็กประถมไปเลย
          “หลายวันมาแล้วนะทำไมไม่โทรมาซักทีนามบัตรก็วางไว้ให้ แล้วที่ว่าเป็นดาราดังเนี่ยจะรู้ไหมว่าคนไหน!”
          อัยการหนุ่มก็ได้แต่บ่นพึมพำไปเรื่อยทั้งที่ไม่อยากคิดถึงแต่สมองกลับเวียนวนฉายภาพร่วมกิจกรรมเริงอารมณ์ไม่เว้นวันทั้งที่ไม่อยากสนใจแต่สายตาเจ้ากรรมดันเผลอมองโทรศัพท์มือถือครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันตราตรึงเกาะกุมทุกอณูในร่างกายชนิดที่ว่าไม่เคยมีใครทำให้เขาส่ออาการคลั่งไคล้ได้หนักหนาสาหัสจนสุดจะเยียวยาอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ
          “เป็นใครกันนะ? เป็นดาราดังขนาดที่ฌานรู้จัก เราก็ไม่น่าจะพลาดที่จะไม่รู้จักนี่นา”
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 05-12-2023 18:15:54
Love Section 3 : หลอกล่อ - รอผู้ร้ายมาติดกรงรัก
        อัลบั้มภาพถ่ายนู้ดกลายเป็นงานถ่ายแบบสุดเซ็กซ์ซี่ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความละมุนของแสงและฉากที่ทำขึ้นมาเพื่อลดความร้อนฉ่าของหัวข้องานที่กำลังถ่าย ช่างภาพและผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ก็ล้วนทำงานด้วยกันหลายครั้งหลายครา ธีมภาพถ่ายชุดนี้คือใกล้ชิดเหมือนได้เข้าไปนั่งเล่นอยู่ในห้องกับ แอมโบรเซียส เอซิซ เวลธ์สองต่อสอง
          ดาราดังไม่รอช้าที่จะโพสท่าเตือนความจำใครบางคน หลายภาพที่ถ่ายทอดผ่านกล้องทำเอาช่างภาพต้องสั่งคัท ด้วยความงามสุดเซ็กซ์-ซี่ (SEX-XY) ของนายแบบอาจทำให้ตากล้องกลายเป็นคนผิดเพศในอีกสองวินาทีถ้าฝืนถ่ายต่อไปอีกซักภาพสองภาพ
           เอซิซทำภาพธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งดึงดูดสายตา ด้วยประกายแววตากลมโตสีเฮเซลชวนประหลาดใจคู่นั้นสะท้อนแสงเป็นสีเขียวอมเทาดึงดูดความสนใจ กับเรียวปากอิ่มสีสวยเผยอยั่วสายตาหน่อยๆ ต้นแขนเรียวมีกล้ามเนื้อลอนน้อยๆ ประคองกอดหมอนแนบลำตัว เสื้อกล้ามคอลึกคว้านมาถึงอกโชว์ความสมบูรณ์ของกล้ามแน่นๆ ได้น่ามอง
          และคงจะไม่เรียกสายตาพร้อมเสียงฮือฮา ถ้าอากัปกิริยาที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้อยู่บนเตียงนอน
          ยังไม่รวมอีกหลายๆ ภาพที่โชว์แนวหน้าท้องเรียบตึงในกางเกงหูรูดเอวสุดต่ำที่ค้างไว้แค่แนวสะโพก
          ไหนจะตอนถอดเสื้อกล้ามที่นายแบบตั้งใจให้รูปออกมาค้างเอาไว้ตอนกำลังถอดก่อนที่สายตายั่วยวนคู่นั้นจะถูกเสื้อบดบัง
          เสียงกดชัตเตอร์ดังระรัวเป็นที่ถูกใจของนายแบบจนอยากแอ็คท่าดีๆ สร้างชื่อให้ตากล้องคนนี้ดังทะลุฟ้าไปเลย
           “ให้มันน้อยๆ หน่อยพี่” เหมือนจะมีใครบางคนรู้ทันความคิด รีบหยุดความกล้าบ้าบิ่นเกินความจำเป็นไว้เสียก่อน
          “อัลบั้มส่วนตัวก็จริง แต่อย่าให้เหมือนรวมเล่มภาพนู้ดปลุกใจเสือ สิงห์ กระทิง กระซู่ หมูป่าเลยขอร้อง”
          โอลิเวอร์ทำเสียงเซ็งๆ ดาราร้อยแอ๊คได้แต่ยิ้มรับทำเป็นไม่ได้ยินคำเตือน แต่ก็ลดดีกรีความร้อนแรงลงมา หลายคนในห้องถึงกันถอนหายใจกันเป็นทิวแถว ไม่รู้ว่าโล่งใจที่ไม่ได้เห็นภาพหวือหวามากกว่านี้ หรือเสียดายที่ไม่ได้เห็นเรือนร่างนายแบบสุดฮ็อตกันแน่
          ผู้จัดการโฮคอยยืนคุมอยู่ตลอดเพราะรู้ดีนิสัยแบบเอซิซสามารถทำเรื่องที่คาดไม่ถึงได้ทุกเวลา ยิ่งตอนที่มีแรงจูงใจแอบแฝงด้วยแล้วยากเกินจะคาดเดา ตราบเท่าที่เขายังเป็นผู้จัดการและรุ่นพี่ยังเป็นดาราในคอนโทรล เขาจะไม่ยอมให้ความแรงแปลกๆ ของคนๆ นี้ทำลายโอกาสทางการงานเป็นอันขาด
          แค่แรงอย่างทุกวันนี้เขาก็ปวดหัวเพราะสมองบวมไปหลายรอบอยากจองห้องพิเศษของโรงพยาบาลหนีข่าวคราว (คาว) ที่ดาราหนุ่มทิ้งทวนไว้วันละหลายครั้งอยู่แล้ว
          “คนบ้าอะไรไม่รู้จักทางสายกลางซะมั่ง!” หนุ่มรุ่นน้องบ่นเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นคนหูไวได้ยินแม้เสียงกระซิบโดยเฉพาะมีคนนินทาหูจะดีเป็นพิเศษ
          “พูดอะไรโฮโอปป้าได้ยินนะ”
          รุ่นน้องร่างสูงได้แต่ทำหน้าปลง ทีอย่างนี้ทำเป็นสนใจ เมื่อไหร่คนสูงวัยจะคิดเป็นเสียบ้างว่าเป็นดาราต้องรักษาภาพพจน์ไม่ใช้ทำลายจะจนมองไม่เห็นภาพลักษณ์ดีๆ
          อาศัยหน้าตาสวยๆ นั่นทำน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเดียวมันไม่ลบล้างกับเรื่องหวาดเสียวที่พี่ทำไว้ทั้งหมดเหรอนะจะบอกให้
          อะ...แต่ก็ไม่แน่แฟนคลับอาจชอบแอม์ซึแบ๊ดบอยก็ได้ใครจะไปรู้? แค่คิดถึงแฟนคลับผู้จัดการอย่างเขาคิดได้หลายโปรเจคไว้ล่อหลอกให้เหล่าสาวกของเอซิซที่ยอมเทกระเป๋าซื้อสินค้าชิ้นพรีเมียมแบบไม่ต้องคิดเสียดายเงินเลยทีเดียว
          คิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวจนคนรอบข้างหวั่นใจ ผู้จัดการดาราที่หล่อดังเทพบุตรเคยยิ้มเคยหัวเราะให้ใครได้เป็นที่ไหนกัน...เรื่องที่กำลังคิดอยู่นั้นต้องสุดติ่งกระดิ่งแมวแน่ๆ รอชื่นชมได้เลย!

         อาทิตย์หนึ่งไม่นานแต่กลับนานเกินไปสำหรับคนที่รอมาตลอดอย่างเอซิซ เมื่อภาพเปิดตัวถูกตีพิมพ์ลงปกนิตยสารชื่อดังปักษ์พิเศษก็สร้างความโกลาหลบนแผงหนังสือทั่วประเทศทั้งที่คนไม่ค่อยสนใจซื้อนิตยสารกันเหมือนอดีตแต่ยอดสั่งจองโฟโต้บุ๊คฉบับพิเศษกลับหมดสต๊อกอย่างรวดเร็วจากการโปรโมทบนปกท็อคออฟเดอะทาวน์เล่มนั้น
         แต่แค่นี้หรือจะเป็นที่พอใจ เมื่อเขาบอกผู้จัดการให้ทำเบื้องหลังออกขายอีกหรืออยากจะให้ทำซิงเกิลเพลงเพิ่มก็ได้เขาพร้อมที่จะทำงานได้ตลอดเวลา แต่ขอให้เอาภาพเซ็กซ์ซี่ยั่วตานี้เป็นปกโปรโมทก็พอ
         โอลิเวอร์ได้ฟังถึงกับทึ้งผมตัวเอง นี่เขาไม่ได้หูฝาดสมองเสื่อมพี่ชายจอมอู้งาน (เมื่อมีโอกาส) เรียกร้องอยากทำงานเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างที่เขายังหาคำตอบไม่ได้ในตอนนี้
        “แค่นี้อาชญากรก็ออกอาละวาดทั่วเมืองแล้ว” ดาราหนุ่มหน้าสวยยิ้มนิดๆ กับความคิดระห่ำของตัวเองนี่ยังดีที่ไม่ถ่ายนู้ดเหมือนที่ตั้งใจก่อนหน้านั้น แต่แค่นี้อยู่ในขอบเขตที่กำลังดีและไม่ได้ทอนความตั้งใจของเขาแต่อย่างใด ที่จะใช้ตัวเองเป็นเป้าล่ออัยการสุดเฉื่อยปล่อยเวลาล่วงเลยไปและยังสืบไม่ได้ว่าตัวเขาเป็นใคร
          ‘แค่ทิ้งนามบัตรไว้ให้อย่าหวังว่าเอซิซคนนี้จะโทรไปหา ไม่มีทางเสียหรอก’
          “แน่ใจหรือพี่ว่ารอยจางๆ พวกนี้จะไม่รีทัชออกไป” ถามไปอย่างนั้นแค่อยากดูปฏิกิริยาของคนชอบโชว์
          ผู้จัดการรุ่นน้องคุยกับเอซิซเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงรอยจางบาง ๆ ที่มองมุมไหนก็เดาได้อย่างเดียวว่าเป็นคิสมาร์ค ปรากฏหราบริเวณอกขนาดนั้น มันจะกลายเป็นทอร์คออฟเดอะแฟนคลับให้วิ่งตามหาคนทำรอยด้วยการขุดคุ้ยคู่ควงคนก่อนๆ มันธรรมดาซะที่ไหนกัน ก็คนของแฟนๆ ที่เชียร์กันออกนอกหน้าจะให้งาบดาราหน้าสวยนี่และจะให้ถูกเอซิซงาบเป็นผู้ชายทั้งนั้นตั้งแต่รุ่นน้องยันรุ่นพี่ ทั้งก๊วนเมา ก๊วนปาร์ตี้ ก๊วนอาร์ตติสหลุดโลก ไม่ฉาวคราวนี้ก็ไม่รู้จะฉาวนานเผื่อคราวหน้าด้วยหรือเปล่า
          ว่าแต่รู้สึกตะหงิดๆ อะไรขึ้นมาบางอย่าง หากสมองอันชาญฉลาดของผู้จัดการไม่ประเมินสถานการณ์พลาด พี่ชายที่กำลังยิ้มหน้าบานเท่าโล่เหมือนกำลังเล่นเกมอะไรซักอย่างแน่ๆ นี่ถ้าให้บอกว่าโดนฟันแล้วทิ้งจะเชื่อสนิทใจเลยตอนนี้
          “อ่า...ผมเข้าใจลางๆ แล้ว เล่นโปลิสจับขโมยอยู่ใช่หรือเปล่าครับพี่”
          “ไม่รู้สิ” ดาราหน้าสวยตีสีหน้าเฉยเมย เปิดอ่านนิตยสารออนไลน์ไปเรื่อยไม่ได้มีท่าทีสนใจคนพูดแม้แต่น้อย
          “อย่างพี่ต้องเป็นโจร สงสารตำรวจดวงซวยคนนั้นเป็นบ้า ต้องเป็นเหยื่อโดนอนาจารเพราะทิ้งรอยบนตัวโจรที่ปิดประกาศให้จับตัวเองไปทั่วเมือง”
          “อย่าฉลาดนักน่า ฉันกลัวนะ” เมื่อแผนแตกก็ต้องยอมรับแหละนะว่าผู้จัดการโฮฉลาดเกินไปแล้ว ขนาดไม่ได้ล่วงรู้เหตุการณ์อะไรเลยยังเดาเรื่องราวและเรียงร้อยเหตุการณ์ได้แตกฉานขนาดนี้
          “พี่เองก็อย่าบ้าให้มันมากนักตอนพี่อยากได้อะไรขึ้นมารู้หรือเปล่ามันน่ากลัวทำเอาผมขนลุกซู่ไปหมดเลย” เขานึกกลัวอาการจริงจังของพี่ชายขึ้นมากะทันหัน นี่คงไปเจออะไรถูกใจมาเป็นแน่ถึงเริ่มใช้สัญชาตญาณทำงานแทนสมองอีกแล้ว และถ้าไม่เป็นตามที่ต้องการมีหวังได้ตายทั้งเป็นก็คราวนี้แหละ ได้แต่ภาวนาว่าต้นเหตุของความระห่ำแตกไม่ใช่เพราะเผลอไปรักใครอย่างหัวปักหัวปำเข้าให้แล้ว
          “ขนาดนั้นเลย” ฟังคนวิจารณ์ตัวเองทำให้นึกกลัวตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ
          “อย่าโง่ทำเป็นไม่รู้จักตัวเองหน่อยเลยครับคุณดาราดัง” ผู้จัดการทำเสียงฮึในลำคอ
          เจอคำคมสอยเข้าให้จนสมองประมวลผลไม่ทันพักใหญ่ เขาไม่อยากรออีกแล้วเท่านั้นเอง ในเมื่อร่างกายเรียกร้องขนาดนี้เขาเองก็ประเภทตามใจตัวเองเสียด้วย สองวันหลังจากคืนนั้นเขาเฝ้ารอคนที่ร่างกายต้องการด้วยความอดทนแล้วเขาก็ผิดหวัง
          อยากเจออีกซักครั้งเพื่อจะได้พิสูจน์ความรู้สึกที่นอกเหนือจากความต้องการทางร่างกาย เขาอยากฝากหัวใจที่ยังไม่เคยมีใครเข้าถึงไว้กับคนๆ นั้น คนที่ทำลายกำแพงปิดกั้นตัวตนของเขาออกมาจากโลกจอมปลอม แค่อยากให้เขาคนนั้นถอดหน้ากากชวนหลงใหลที่ฉาบฉายอยู่เบื้องหน้าออกเท่านั้น
          “การที่ฉันอยากรักใครซักคน มันดูเลวร้ายอย่างนั้นเลยเหรอ...แย่จังน้า”
          “ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก แค่ต่อมไร้ท่อของพี่ทำงานไม่เหมือนชาวบ้านเขาเท่านั้นเอง แล้วคนนี้เหรอที่พี่เผลอรักเข้า...ไม่อยากจะเชื่อ”
          เอซิซหันไปมองหน้ารุ่นน้องและมองตามลำแขนนั้นจนสุดที่ปลายนิ้วมือ ชายหนุ่มคุ้นตากับรอยยิ้มหล่อคงมาตรฐานเดิม ของ
         อัยการหนุ่มที่เป็นจุดสนใจของสาวๆ ค่อนเมืองทั้งที่บทสัมภาษณ์ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากกฎหมายน่าเบื่อ ใบหน้างามๆ หันกลับไปมองโอลิเวอร์อีกครั้งแล้วพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ
          “นี่อัยการเชียวนะพี่ แล้วหน้าที่พี่นั่งอ่านอยู่...คอลัมน์กฎหมายตรงนี้ เขาก็เป็นนักเขียนประจำลงในนิตยสารออนไลน์นี้ด้วย”
          รอยยิ้มกว้างของโฮทำให้เอซิซแปลกใจอยู่เสมอ ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นรอยยิ้มแบบนี้อยากจะอ้อนทุกครั้งสิน่า ขออะไรตอนนี้นะน้องชายสุดรักทุ่มให้หมดตัวเลย
          “เล่นสมบัติของรัฐบาลเลยหรือครับเนี่ย”
          “แล้วเอามาเป็นของส่วนตัวไม่ได้เหรอ”

          ผู้จัดการหนุ่มอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวไม่ได้และยิ่งได้ยินทำตอบอ้อนๆ แบบเด็กดื้อเอาแต่ใจของเด็กน้อยเอซิซยิ่งอยากลงไปดิ้นขำให้หายบ้า โลกมันกลมเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?
          มือเรียวเกาะลำแขนแข็งแรงเบาๆ ดวงตากลมโตเจิดจรัสเหมือนเด็กกำลังอ้อนอยากได้ของสำคัญแค่รอให้ผู้ปกครองอนุญาตว่าได้เท่านั้น รอยยิ้มสดใสด้วยความดีใจจะส่งผ่านมาให้เขาได้เห็นจนตาพร่าแน่ๆ
          นึกแล้วก็อิจฉาอัยการหน้าหล่อเหมือนกัน ได้คนน่ารักไปครอบครองทั้งที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เจ้าตัวเลยซักนิด แค่ใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อคืนเดียวเท่านั้นเองทำเอาดาราดังหลงจนสติฟั่นเฟือน
          รุ่นพี่จะถ่ายคลิปเก็บไว้มั่งหรือเปล่าเนี่ย อยากเห็นนักเชียวไปทำท่าไหนกันมาถึงมัดตัวมัดใจได้ชะงักนัก
          “อกหักขึ้นมาอย่ามาว่าผมนะครับ ไปคลับเฮ้าส์หรือจองโรงแรมเดิมที่ไปกับเขาเมื่อคราวก่อนอีกครั้งสองครั้งสิพี่ บางทีอาจจะเจอว่าที่คนรักของพี่ในอนาคตก็ได้”
          เรียวปากนิ่มสัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้ม พร้อมกับเสียงจุ๊บเบาๆ ประกอบเมื่อกดจูบไปเรียบร้อย
          ผู้จัดการโฮรีบหันหน้าหนีทันที ไม่ใช่เพราะเขินกับจูบเด็กๆ และเอซิซก็ไม่ได้ให้จูบข้างแก้มแทนคำขอบคุณเป็นครั้งแรก แต่นี่เป็นห้องประชุมตีกระจกใสที่บริษัท พนักงานเดินไปเดินมากันให้ขวักเขาไม่อยากถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในฮาเร็มชู้รักของดาราหนุ่มหน้าสวยที่แฟนคลับจัดให้
          ผมไม่อยากเป็นตัวเลือกของใครสักหน่อย!

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านในเล้าเป็ดแห่งนี้นะคะ ไคซ์ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเราชาววายไว้ด้วยนะคะ จะทยอยอัพให้เรื่อยๆ ค่ะ ฝากด้วยนะคะ
Keisarinna
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 06-12-2023 19:24:14
Love Section 4 : รอรักลวง - ร้ายนักอัยการจะต้องจับพิพากษา!

          อัยการเคลาส์เหนื่อยสายตัวแทบขาดกว่าจะรวบรวมหลักฐานและดำเนินการฟ้องร้องคดีฟอกเงินที่ได้มาจากค้ายาเสพติดที่รวบตัวหัวหน้ามาได้เมื่ออาทิตย์ก่อน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขายังนอนวันหนึ่งไม่ถึงสามชั่วโมง บ่ายนี้หัวหน้าอัยการเรียกประชุมอีกเขาแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองท้องฟ้าแบบเต็มๆ ตาเลยให้ตายเถอะ
         เอกสารต่างๆ ถูกมือหนารวบเข้าแฟ้มอย่างลวกๆ ก่อนเวลานัดประชุมเขาต้องรีบเคลียร์คดีความบทโต๊ะให้หมดเพื่อสรุปสำนวนแล้วส่งขึ้นศาลคัดค้านการขอประกันตัว
        “เฮ้! อัยการรูปหล่อมีการ์ดเชิญมาให้”
        ฌานปลีกเวลาเอาการ์ดจากคลับหรูมาให้เพื่อนรักถึงห้องทำงาน เพื่อนอัยการไม่มีท่าทีสนใจเลยซักนิดแต่ก็ยอมเหล่หางตามองนิดหนึ่ง
        “ว่างจัดก็มาช่วยกันทำงาน” พูดไปแต่มือก็รับการ์ดสีทองสอดใส่กระเป๋าด้านในเสื้อสูทอย่างเรียบร้อย
        สายสืบเพื่อนรักได้แต่มองมึนๆ หน้าที่ไม่ใช่ หลักฐานต่างๆ ประเคนให้จนหมดแล้วจะให้ช่วยทำคดีหรือไง และนี่เพื่อนตัวดีจะไม่ดูซักหน่อยหรือว่ามันการ์ดอะไรเกิดเป็นระเบิดขึ้นมาจะทำยังไง ‘แต่ถ้าเป็นระเบิดจริงเขาก็คงเละเป็นรายแรกไม่ต้องรอให้ถึงมือเคลาส์หรอก’
        “ฉันก็อยากจะว่างช่วยนายในทุกๆ เรื่องล่ะนะ ถ้านายรีบเคลียร์คดีนี้ให้มันจบๆ”
         อัยการตวัดตาคมๆ ใส่เพื่อนปากดี ก็ถ้ามันง่ายแบบนั้นเขาจะเสียเวลาทำมันทั้งอาทิตย์หรือไง พวกพูดไม่คิดเนี่ยน่าจับไปช๊อตไฟฟ้านักสมองจะได้ทำงานเป็นปกติ
         “อย่ามองสายตาแบบนั้น...เพื่อนไม่ใช่อาชญากร มองจ้องแบบนั้นมันน่ากลัว” ร่างสูงโปร่งของเพื่อนรักรีบเผ่นออกจากห้องท่านอัยการเหมือนเท้าติดจรวดทันที
          อัยการคนเก่งได้แต่ถอนหายใจระบายความเครียดลึกๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน ป่านนี้แล้วเขายังไม่รู้เลยว่าดาราดังที่เขาหลงเสน่ห์เข้าให้นั้นชื่ออะไร
          “คนอะไรหยิ่งจริงๆ ให้เบอร์ไปก็ไม่ยอมโทรกลับ”
          ถึงการจะตามหาดาราซักคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอัยการอย่างเขา แต่ไม่อยากใช้อภิสิทธิ์ได้เปรียบตรงนี้โหลดข้อมูลของรัฐ มานั่งดูให้กินเวลาราชการแล้วอีกอย่างถ้าบทบัญญัติรักกำหนดว่าต้องลงเอยกับผู้ชายหน้าสวยเป็นดาราดังคนนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้เขาบินข้ามฟ้าข้ามทะเลหรือมุดไปทำภารกิจใต้ดินเป็นเดือนๆ เชื่อได้เลยว่าคนๆ นั้นจะยังอยู่ตรงนั้นเพื่อรอเขา (โอ้ว...ความคิดคนเป็นอัยการช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก)
          แต่ถ้าไม่ใช่...คืนนั้นก็เป็นบทบัญญัติแรกเตือนให้เขาอย่าริอาจหลงใหลกับตัณหาเย้ายวนแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
           เสียงเปิดประตูดังมาขัดความตั้งใจที่จะจัดการกองงานตรงหน้าให้ลุล่วงโดยไม่วอกแวก ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันที่ต้องนับหนึ่งใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
           น่าโมโหนักทำไมตอนว่างงาน ไม่มีใครมากวนประสาทเขานะ!
          “สวัสดีครับพี่...พอมีเวลาว่างให้ผมหรือเปล่า” ร่างหนาที่นั่งทำงานไปคิดเรื่องหนุ่มหน้าสวยไปชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูจากลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อที่รับราชการอยู่ในกรมเดียวกัน
        “เป็นไงมาไงเนี่ยโอลิเวอร์? เป็นดาราดังไปแล้วเหรอไม่ยักจะเห็นหน้า”
         “ว่าแล้วเชียว พี่นะไม่สนใจใครนอกจากอาชญากรจริงๆ ด้วย ฮ่ะ ฮ่า ผมเลิกคิดเป็นดารานานแล้วครับพี่” ชายหนุ่มผู้มาเยือนกล่าวอย่างขำขันอยากจะแย้งว่าเป็นนายแบบแต่ก็ปล่อยผ่านดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย
         ลูกพี่ลูกน้องมาในภาพลักษณ์วัยรุ่นผู้แต่งตัวเรียบร้อยแต่ดูหรูหราเกินมาตรฐานวัยรุ่นธรรมดา เดินเข้ามานั่งตรงหน้าเคลาส์ พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดเท่ากระดาษเอสี่ส่งไปให้
         “ผมมีของมาฝากครับ”
         “ให้พี่เหรอ? ขอบคุณมาก” อัยการหนุ่มรับของขวัญมาแบบงงๆ นี่ถ้าคนในหน่วยมาเห็นเข้าจะหาว่าเขารับสินบนหรือเปล่าก็ไม่รู้
         “ผมทำตามหน้าที่เรียบร้อยแล้วคราวนี้ก็อยู่ที่พี่ว่าจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงนะครับ” โอลิเวอร์ลุกขึ้นโค้งตัวเล็กน้อยตามธรรมเนียมบ้านเกิด เพื่อให้เกียรติเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้เป็นเสมือนพี่ชายที่มีศักดิ์สูงกว่า
        “จะกลับแล้วหรือโฮ”
        “ครับ” ตอบพร้อมเหล่ตามองไปยังกล่องของขวัญชิ้นนั้น โดยมีสายตาคมกริบมองตามแล้วไปหยุดที่กล่องใบเดียวกัน
         “พี่รู้จักร้านกาแฟดีๆ ใกล้ๆ ที่นั่นมีมีลเฟยกับชาเอิร์ล เกรย์ ที่นายชอบด้วยนะ...พี่จำได้”
         “พี่นี่น้า...ดูแลกันดีแบบนี้ ถ้าผมเป็นแฟนพี่นะจะถวายหัวถวายตัวให้ดูแลไปตลอดชีวิตเลย” นึกชมเชยความเอาใจใส่กับผู้คนของพี่อัยการ มิน่าล่ะคนขี้เหงาอย่างเอซิซถึงหลงรักปักจิตเทใจ
         “พูดเกินเบอร์ไปนั่น ไปรอพี่ที่ห้องรับรองก่อน ขอเคลียร์งานสิบนาที”
         โอลิเวอร์น้อมรับคำเชิญ เขามีอีกหลายเรื่องอยากคุยกับพี่เคลาส์เช่นกัน เรื่องหลักๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องดาราดังจอมบ้าบิ่นนั่นแหล่ะ
          ไม่นานที่น้องชายออกจากห้องไปเขาก็ทำการเปิดผนึกกล่องต้องสงสัยทันที เสียงสบถเบาๆ แต่ทำเอาเจ้าตัวที่ทำเสียงไม่พอใจถึงกับหัวใจเต้นแรงจนแทบทรุดลงไปนั่งกุมไว้ กลัวอวัยวะที่เรียกว่าหัวใจจะเต้นเร็วจนทะลุออกมานอกอก
          "ให้ตายเถอะ คนในคืนนั้น” มือหนาสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพบนปกหนังสือ
          เขารวบรวมกำลังทั้งหมดจับนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมามองใกล้ๆ มันแปลกกว่านิตยสารทั่วไปมีแต่รูปภาพเต็มไปหมด เปิดไปทีละหน้าๆ แข้งขาเกิดสั่นจนต้องทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ภาพความทรงจำคืนนั้นไหลบ่าเข้ามาดังกระแสน้ำ พัดพาความร้อนแรงกลับมาแผดเผาเขาอีกครั้ง
          ดวงตาโศกสวยซึ้งคู่นี้ดูโหยหาอะไรบางอย่าง อยากเข้าไปใกล้อยากเข้าไปปลอบอยากเข้าไปทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคย
          กลีบปากอิ่มสีสวยเจ่อหน่อยๆ กำลังเรียกร้องให้เขาทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มในทุกสิ่งที่ขาดหายไป ร่างกายที่สอดประสานรองรับอารมณ์ของเขาทุกท่วงท่าได้อย่างไม่อิดออด ยินดีแม้กระทั่งยอมเป็นฝ่ายถูกชำเรา
          รอยกัดรอยขบหรือรอยจูบนั้นเขาไม่ได้สะทกสะท้าน เพราะในเมื่อรู้ว่าเขาสามารถตอบสนองความต้องการของคนๆ นี้ได้มากกว่าร่องรอยเหล่านั้นเป็นเท่า ตัว
        “เคลาส์!”
        “ครับผม!” คนโดนเรียกชื่อสะดุ้งเฮือกไม่ทันได้ระวังตัวทำเอาโฟโต้บุ๊ค เล่มนั้นหลุดมือหล่นไปกองอยู่ที่พื้น
         “ผีเข้าหรือไง หน้าซีดตัวสั่นอย่างนี้เนี่ย” ไคจินเดินเข้ามาไต่ถามอาการอัยการที่ไม่ค่อยสู้ดี อยู่ดีๆ ก็ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่มือกลับสั่นพึ่บๆ พลิกแผ่นกระดาษทีละหน้าๆ เหงื่อก็ไหลซึมโคนผมด้านหน้าจนเปียกชุ่ม ตาก็จ้องมองหน้าหนังสืออะไรซักอย่างเขม็งไม่ยอมกระพริบ
         “โดนจดหมายขู่ฆ่าหรือ?”
          อัยการหนุ่มส่ายหน้าแรงๆ เหมือนกับเป็นคำตอบและเป็นการเรียกสติของตัวเองให้กลับมา สองมือซับเหงื่อตามไรผม โดยมีตำรวจตัวจ้อยหยิบยื่นกระดาษทิชชูมาให้เช็ดมือชื้นเหงื่อนั่น
         “ฉันว่านะ...นายควรหาเวลาส่วนตัวมั่งจะดีมากเลย เมื่อกี้นะฉันเห็นนายเหมือนพวกหัวขโมยที่กำลังจะโดนจับหรือตอนที่คนร้ายโดนพวกเราสอบปากคำเปี๊ยบเลย ไปกระทำชำเราใครเขาไว้ก็ตามไปรับผิดชอบซะ...แล้วก็มาดูอะไรนี่สิ”
         ไคจินหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ตึกสำนักงานไม่สูงมากแต่วิวห้องจากตรงนี้เห็นทิวทัศน์ย่านธุรกิจได้ดีทีเดียวโดยเฉพาะป้ายโฆษณาใหญ่โตนั่น เหมือนจงใจหันหน้ามาทางห้องอัยการพอดิบพอดี
          เคลาส์เดินขืนๆ มายังจุดที่เพื่อนมองตรงไป นิ้วมือเล็กๆ นั้นชี้ไปยังจุดที่พร้อมเป็นเป้าสายตาได้ตลอดเวลา
          “ผู้ร้ายตัวเบ้งที่นายต้องไปจับเองไงล่ะ ประกาศจับให้ว่อนทั่วเมืองแล้วนะ รีบๆ จับมารับโทษเสียทีซิ ยั่วตาชิบเป๋ง”
          “นี่นาย...รู้” อัยการหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อว่าเรื่องที่เขาไม่เคยปริปากพูดจะมีคนล่วงรู้โดยเฉพาะกับไคจินผู้ไม่สนใจใคร
          “นี่นายเมาหรือเจอความรักบังตา วันที่นายหายไปกับดาราหน้าหวานนั่น ฉันกับเจ้าโย่งนั้นเป็นคนลากนายไปดริ้งเองจำไม่ได้หรือไง แล้วอีกอย่างถ้าไม่รู้จะมาพิสูจน์ร่างกายนายทำไมว่าหายไปไหนมาครึ่งคืน...ว่าแต่เตรียมรับบทลงโทษจากบัญญัติรักบ้าบอของนายไว้ให้ดีแล้วกัน”
          เคลาส์ยิ้มหวั่นๆ ไคจินถึงกับออกปากเตือนนี่ เขารู้สึกไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
          “แล้วเมื่อไหร่เจ้าหน้าที่มือดีอย่างนายจะยอมจำนนต่อเพื่อนนักสืบซักทีล่ะ ฌานมันเที่ยวไล้เที่ยวขื่อจนพื้นซีเมนต์ลื่นไปหมดแล้วนะ”
          “อย่าเปลี่ยนเรื่องน่าคุณอัยการ” เสียงแหบแหลมขึ้นจมูก ทำมาเป็นพูดสำนวนจีน ที่บ้านพูดจีนกลางไม่ใช่จีนแต้จิ๋วซักหน่อย
         “จับมันมาทรมานบ้างกำหลาบอะไรบ้างเข้าใจไหมไค”
         “บังเอิญว่าไม่ชอบพวกอุปกรณ์เสริมพิเศษน่ะ” ไม่พูดเปล่ายังมีการแสดงอาการขัดเขินจนผิวหน้าขึ้นสีชมพูนั่นด้วย
          ร้อยวันพันปีหมื่นนาทีไม่เคยเห็นคนมุทะลุเขินอายทำให้เคลาส์ถึงกับหัวเราะตัวอ่อนตัวงอเพราะจินตนาการตามคำตอบไกลถึงโลกหน้าเป็นที่เรียบร้อย
          “กุ้ยซาเซ๊วะแปะเล๊วะ! (บ้าบอคอแตก) ” ประโยคภาษาถิ่นที่เจ้าตัวย้ำนักหนาว่าพูดจีนภาคกลางได้หลุดจากปากเล็กๆ ชวนหาเรื่องนั่น ไคจินยืนมองด้วยแววตาฉงนบ่นสมเพชหน่อยๆ ที่เจ้าหน้าผู้น่านับถือขำได้หมดความน่าเชื่อถือได้ถึงเพียงนี้
         หรือท่าจะเพี้ยนหนักเพราะเริ่มมีความรัก? ...แม๋แม่แป๊ขื่อ (รีบไปไกลๆ ตีนเลย) เห็นอย่างนี้แล้วกลัวชะมัดอยู่เป็นเพื่อนให้โย่งฌานโลมเลียไปวันๆ ดีกว่าเยอะ! มีรักแล้วเป็นบ้า! โอ้วมายก๊อด!
          อัยการหนุ่มรีบเก็บแฟ้มงานและตรงไปยังห้องรับรองเมื่อนึกขึ้นได้ว่านัดลูกชายเพื่อนพ่อเอาไว้ ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาประชุม นึกหวังว่าคงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับดาราดังที่ทำให้โอลิเวอร์มาหาเขาถึงที่ทำงาน หรือจะมีเรื่องอะไรสำคัญเกี่ยวกับดาราหน้าสวยนั่นหรือเปล่า
          เดาไปทำไม! กระวนกระวายไปได้เจอโฮแล้วก็จะได้รู้ทุกนั่นแหล่ะ อัยการคนเก่งจะรู้ตัวไหมนะว่าอาการที่เป็นอยู่ คนทั่วไปที่มีความรักเขาเรียกว่า ประหม่า!...เหมือนครั้งแรกที่อัยการได้ว่าความในชั้นศาลอย่างไรอย่างนั้นเลย
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 06-12-2023 20:12:17
Love Section 5: จับให้มั่น - คนมันรักอยากจับล่ามแต่ทำไม่ได้
         เมื่อเสร็จภารกิจประจำวันก็เป็นเวลาย่ำค่ำแล้ว อัยการหน้าเข้มสำรวจความเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วตรงปรี่มายังสถานที่ที่ระบุในการ์ดสีทองทันที
         ณ โรมแรมหรูชื่อดังและห้องสวีทห้องเดิมพนักงานขอตัวออกไปทำหน้าที่ของตนเองทิ้งให้แขกพิเศษซึมซับบรรยากาศที่พึ่งผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์เต็ม

          “สวัสดีครับ ผมแอมโบรเซียส เอซิซ เวลธ์......”
         เคลาส์หันขวับไปยังต้นเสียง เสียงนี้ใช่เลยเสียงของคนคนนั้น ขายาวๆ ก้าวตามต้นเสียงนั้นไปจนเจอจอพลาสมากำลังฉายภาพการถ่ายทำอะไรสักอย่าง
         รอยยิ้มและสีหน้าจริงจังของคนหน้าสวย ที่มีแต่คนรอบตัวบอกว่าเป็นดาราดังดูกระตือรือร้นตื่นเต้นไปกับการโพสท่านั้นท่านี้เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยบ้างหรือไงกันแค่เขายิ้มตอนเจอสื่อมวลชนในงานพิธีทางราชการก็เมื่อยแล้ว
         ร่างหนาเดินอ้อมมานั่งลงที่โซฟายาวดูเรื่องราวผ่านการทำงานของอีกคนหนึ่งและฟังเสียงพูดคุยหยอกล้อกันในจอโทรทัศน์อย่างสนใจ
        ชีวิตอีกส่วนหนึ่งของคนที่เขาหลงใหลซึมซับผ่านเข้ามาช้าๆ ดูไปยิ้มไปโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ไม่ได้มีไว้เพื่องานทางการแต่เป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่พร้อมจะโอบอุ้มคนตรงหน้าถ้าใครคนนั้นยอมเดินมาหาและสวมกอดตัวเขาไว้
        “มาจับผมแล้วเหรอให้รอตั้งนาน”
         เรียวแขนขาวโอบตวัดรอบบ่า น้ำเสียงกระซิบที่ซอกคอทำเอาหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ มือหนาโอบวงแขนนั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง
        เคลาส์เงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตากลมเศร้าซึ้งคู่นั้นที่ดึงดูดให้เขาต้องเข้าไปหา ยิ่งมองยิ่งพิศล้วนแต่ทำให้พิศวงเหมือนสีนัยต์ตาสวยเปลี่ยนได้ตามอารมณ์ของคนหน้าหวานจนติดบ่วงเสน่ห์จนหนีไปไหนไม่รอดถึงทุกวันนี้
         “พึ่งส่งอาชญากรเข้าคุกเสร็จน่ะครับ”
          เรียวปากหยักยกยิ้มให้นิดๆ เมื่อพูดถึงเรื่องหน้าที่การงานของตัวเอง เอซิซคลายวงแขนออกทำให้ลำแขนแข็งแกร่งต้องถอนออกโดยอัตโนมัติ
         “ผมก็อยากเป็นอาชญากรให้อัยการจับบ้างนี่ แต่จับใส่ตรงนี้จะได้หรือเปล่าน้า” มือเรียวจับมือหนามาทาบไว้บนหน้าอกด้านซ้ายกดแนบลงมาให้รู้สึกถึงจังหวะเต้นของหัวใจ
         ร่างบางก๋ากั่นสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อบรรเทาจังหวะการเต้นของอวัยวะสำคัญให้กลับมาเต้นในจังหวะปรกติ
         “จะให้ใส่ไว้ที่สำคัญขนาดนั้นเลยหรือครับ แสดงว่าเป็นอาชญากรร้ายแรง” มือหนาซุกซนจงใจถูกไถเบาๆ ยังจุดไวสัมผัสผ่านเนื้อผ้าเรียบลื่นนั้น
         เมื่อเห็นเรียวปากอิ่มเผยอออกเกินงามจึงหยุดระรานแล้ววางมือทาบทับฟังจังหวะเต้นถี่ๆ ของหัวใจตามเดิม
         “อย่าใจร้ายกับผมนักสิ กระตุ้นแล้วไม่ทำต่อผมโกรธจริงนะ”
        “ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจมาทำอย่างคืนนั้นหรอก” มืออัยการหนุ่มสัมผัสผิวหน้าซับสีเลือดฝาดแผ่วเบา พรางคิดในใจ ‘คนอะไรทำไมน่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้’
        “แล้วมาทำไม?” ดาราหนุ่มปล่อยมือเคลาส์ แต่ดวงตากลมโตใสแจ๋วนั่นยังมองเข้าไปยังนัยน์ตาคมดุดันหวังจะหาคำตอบแทนการฟังจากคำพูด
         “มาเพราะตรงนี้...อยากพิสูจน์โจรปล้นใจ” คราวนี้อัยการคารมคมคายกลายเป็นฝ่ายจับมือขาวๆ นั้นทาบทับลงบนอกด้านซ้ายตัวเองบ้าง
         “ฮะ ฮ่า สำนวนลุงมากเลอ(เลย) ”
         นิ้วหนาทาบเบาลงบนเรียวปากเจื้อยแจ้วนั่นจนอีกคนทำหน้าประหลาดใจ บทท่านอัยการจะเป็นงานเป็นการก็ดูเคร่งขรึมจนรู้สึกเหมือนกำลังโดนสอบสวนก็ไม่ปาน
         “ผมพูดไม่เก่งหรอกนะ ไม่โรแมนติกอีกด้วย” เคลาส์พูดยิ้มๆ แต่ไม่รู้ทำไมในตอนนี้เขาอยากจะพูดเก่งขึ้นมาเหมือนตอนเดินเข้าไปทักคนๆ นี้
         เมื่ออาทิตย์ก่อนอยากเป็นคนโรแมนติกอ่อนหวานคอยหาโอกาสที่จะเซอร์ไพรส์ให้คนๆ นี้ได้มีความสุขกับช่วงเวลาพิเศษที่เขาเป็นคนสร้าง
         “แต่ผมเป็นประเภทชอบแสดงออกทางการกระทำ...และทางร่างกาย” วลีท้ายสุดถูกกระซิบอย่างแผ่วเบาข้างๆ ใบหูเรียว
         เอซิซพยักหน้ายอมรับว่าเป็นคนแบบนั้นจริงๆ จูบเบาๆ บริเวณข้างแก้มไม่ได้ทำให้เขาเขินเท่ากับถามตามต่อมา
         “ยิ่งผมมีความสุขเท่าไหร่ ผมจะตอบแทนคนที่ทำให้ผมมีความสุขทวีคูณ...คุณคงจำความสุขคืนนั้นได้ บอกผมหน่อยสิครับ ปรารถนาทั้งหมดที่ผมอยากให้รับรู้มันน้อยเกินไปหรือเปล่า มีความสุขกับคืนนั้นน้อยเกินไปไหม”
          ดาราคนดังคลี่ยิ้มบางๆ นึกค้านในใจ ก็ใครกันเล่าทำให้เขาต้องลาป่วยถึงสามวันแล้วร่องรอยที่ทิ้งไว้ให้ยามต่างหน้านั้นไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดเหมือนที่คนอื่นเคยทำ ตรงกันข้ามเขากลับยิ้มกับรอยแดงๆ ช้ำๆ เหล่านั้น
        มันเหมือนกับตัวเขาเองมีเจ้าของแล้ว มีคนพิเศษที่ต้องการตีตราจับจองเขาเอาไว้ และทุกการกระทำจากเคลาส์ร่างกายของเขายอมรับว่าทุกๆ สัมผัสจากชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขามีความสุขและอิ่มเอมยิ่งกว่าเซ็กซ์ฉาบฉวย
          หากเขาจะขี้ตู่เอาเองได้หรือเปล่าว่าการร่วมรักในคืนนั้นคือการบอกรักแบบฉบับอัยการ ‘รักแรกพบคือบทบัญญัติ...ในบทความนั้นหรือเปล่า’ เขาถึงมั่นใจว่าถ้าเปิดใจแล้วเขาเองจะไม่ผิดหวัง เราสองคนจะไม่มีใครต้องรู้สึกผิดและเสียใจ
         “หาบัญญัติรักฉบับอัยการเจอแล้วหรือ” เอซิซแกล้งทำหน้าสงสัยทำสายตาลังเลไม่มั่นใจว่าจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นดีหรือเปล่า
         “สนใจขนาดตามอ่านบทสัมภาษณ์ผมเลยเหรอ”
         เรียวปากหยักกดจูบเบาอีกครั้งบนหน้าผากเนียน ร่างหนาไม่ได้โอบกอดคนทำตัวน่ารักให้อึดอัดไม่แสดงท่าทีอยากตักตวงเอาแต่ความสุขส่วนตัว
          หากว่านี้คือบทเริ่มต้นของความรัก เขาเองยอมรับว่าเริ่มได้ไม่สวยงามซักเท่าไหร่ เกิดความใคร่แล้วกลายเป็นความรัก มันเปราะบางเกินไปที่จะสานสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างคนสองคนแต่เขาก็อยากลองทำอยากทำให้ทุกอย่างให้ดวงตาติดเศร้าน้อยๆ ได้กระจายรอยยิ้มจนทั่วใบหน้าโดยเฉพาะที่ดวงตาใสกระจ่างเหมือนลูกแก้วคู่นี้ ถึงรอยยิ้มนั้นจะไม่ได้มีไว้ให้เขาแค่คนเดียวแต่อยากเป็นคนทำให้รอยยิ้มนั้นเกิดขึ้นเพราะเคลาส์ ฮอฟแมนน์
          “ผมยัง (บังเอิญ)รู้ ว่าคุณเป็นนักเขียนและมีคอลัมน์ประจำด้วย”
          ดาราหน้าสวยพูดเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ พอจะพูดต่ออีกก็เอียงหัวนิดๆ แล้วก็เงียบไปเหมือนกลัวข้อมูลผิดหรือไม่แน่ใจถ้าพูดออกมาอาจทำลายบรรยากาศในตอนนี้
          “มีรายงานประวัติผมด้วยหรือเปล่า” อัยการแกล้งแหย่เล่นแล้วลุกขึ้นไปหาอะไรดื่ม อยู่ใกล้สิ่งเร้ามากๆ รู้สึกกระหายน้ำยังไงพิกล
          “ของแบบนั้นผมไม่มีหรอก ผมเป็นดารานะดังด้วย...แล้วจะไปไหนน่ะ” ร่างบางเดินตามคนตัวสูงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ด้านนอก มือหนาหยิบแก้วทรงเตี้ยขึ้นมาพร้อมเสิร์ฟสก๊อตวิสกี้เครื่องดื่มง่ายๆ ให้ตัวเองและจะจัดแจงให้อีกคนด้วย
          “หาอะไรดื่มน่ะครับ จินโทนิคไหม มีมะกอกดองอยู่ตรงนี้ด้วย”
          “วันนี้งดแอลกอฮอล์ ผมไม่อยากเมา”
         เอซิซส่ายหน้าช้าพร้อมกับไขว้มือเป็นเครื่องหมายกากบาท ดวงตากลมโตมองตนตัวโตจิบวิสกี้จนหมดแล้วทำท่าจะรินเติมอีกจึงบอกเตือน
         “มาสารภาพรักกับผมต้องใช้เหล้าช่วยด้วยหรือครับ...คุณอัยการ”
          ตาคมเหลือบมองไปเจอนามบัตรตัวเองอีกครั้ง หวังว่าก่อนมาวางไว้ตรงนี้เอซิซคงเอามันกลับไปก่อนแล้ว คลื่นสมองทบทวนความจำอีกครั้งว่าเขามาวันนี้เพื่อสารภาพรักเหมือนที่คนหน้าสวยนี้บอกจริงหรือเปล่า
          แล้วก็ได้คำตอบในที่สุด นี่เป็นการตัดสินใจที่ยาวนานที่สุดถึงหนึ่งอาทิตย์ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่คิดแต่ความจริงเขาเองคิดหาคำตอบที่อยากจะเจอคนที่ทำให้เขาคลั่งไคล้จนสมองแทบแตกยิ่งกว่าวางแผนจับโจรเสียอีก
         “ผมไม่ได้มาสารภาพรักกับคุณหรอกครับคุณดาราดังแอม์(ซึ) ” เคลาส์กล่าวยิ้มๆ เขาล้อเรียนด้วยชื่อที่เหล่าแฟนคลับเรียก เล่นเอาดาราเจ้าบทบาทถึงกับใจเสียแต่ก็ยังทำใจดีสู้ฝืนยิ้มกลับไปให้เหมือนไม่ได้ยินประโยคทำร้ายจิตใจ นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าเชื่อใจนักกฎหมายให้มากนัก
         “แต่ผมมาขอร้องให้คุณรักต่างหากครับ ไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะอะไรขอให้รักผมเท่าที่คุณอยากจะรักและทิ้งผมเมื่อคุณหมดระ(รัก) ”
        “ซูว์! เคลาส์!”
          เอซิซกระโจนขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์สองมือวางทาบเรียวปากอัยการหนุ่มไม่ให้พูดประโยคนั้นจนจบ มือหนากระชับมือที่ปิดปากเขาไว้แน่นรอยยิ้มใต้ฝ่ามือนิ่มนั่นทำให้อีกคนต้องก้มหน้างุดเพราะความอายที่เผลอทำอะไรเปิ่นๆ ออกมา
          ปกติดาราคนดังเป็นแบบนี้ที่ไหนกัน มาดดีต้องมาเป็นที่หนึ่งแต่งตัวเป็นต้องเนี้ยบไม่เป็นรองใคร นี่อะไรกันกระโจนข้ามเคาน์เตอร์เสียอย่างนั้นเพราะไม่อยากได้ยินคำที่อาจทำร้ายจิตใจชายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรักเลยด้วยซ้ำ
          ให้ตายเถอะอยากหายตัวได้ก็ตอนนี้ทำตัวน่าอายชะมัดร่างบางคิดตำหนิตัวเองในใจ ยิ่งแสดงอาการเสียศูนย์ให้อัยการหน้าเข้มเห็นจะยิ่งได้ใจแกล้งแหย่ให้รักแล้วจากไป ผลของมันไม่อยากจะคิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
          ร่างบางมองความสูงจากพื้นและขอบเคาน์เตอร์ทำหน้าเลิ่กลั่กว่าจะลงด้านที่ปีนขึ้นมาหรือจะลงอีกด้านดี อัยการจึงตัดสินใจให้ง่ายขึ้นด้วยการอุ้มลงมายืนเสมอกันตรงเคาน์เตอร์บาร์ด้านใน

         “ผมพูดอะไรให้ไม่พอใจหรือไง” ปลายจมูกโด่งซุกซนยังคงวนเวียนอยู่แถวซอกคอขาว
         “ไม่นี่”
         เมื่อกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้งกลับรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อยากเฉียดกายเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ อีกคนที่ท่าทางจะรู้จุดอ่อนยิ่งโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนสัมผัสกับต้นคอเนียนเรียวปากขยับเป็นคำพูดตั้งใจให้สัมผัสใบหูอย่างฉิวเฉียด
          “ไม่มีอะไรอยากบอกผมบ้างเหรอ”
          “ก็ผมมาให้จับ” เอซิซย่นคอลงต่ำหนีลมหายใจร้อนๆ ที่คอยตามราวีแถวต้นคอ
          สถานการณ์เสียเปรียบแบบนี้รู้สึกไม่ค่อยดีที่โดนคุมเกมส์ซะได้ ทั้งที่อยากจะมาแกล้งปั่นหัวแต่กลับโดนก้อนหินหนักๆ จากปากเคลาส์ปั่นหัวเสียเอง
          “ถ้าเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ผมมีวิธีเปิดปาก”
          ร่างสูงเริ่มรุกหนักขึ้น เคาน์เตอร์ด้านในไม่มีที่ให้คนในอ้อมกอดหนีไปไหนได้ไกลนัก เรียวปากหยักไล่จูบตั้งแต่สันกรามลงมาเรื่อย ๆ ขบปลายคางมนเบาๆ จนร่างบางสั่นสะท้านกับสัมผัสเร้าอารมณ์
         “อะ...อื้อ...ก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง”
         มือเรียวพยายามดันหน้าอกหนาให้ห่างออกไป กลีบปากอิ่มหลีกหนีจากเรียวปากหยักที่กำลังจะฉกชิงความอุ่นหวานด้านใน ไม่ได้ตอนนี้ก็รอทีเผลอหารู้ไม่คืนนี้อัยการหนุ่มมีเวลาทั้งคืน
         “อยากทำใจจะขาดแต่กลัวคุณจะหาว่าผมหื่นกาม”
          คนได้ยินถลึงตาเข้าใส่ แล้วพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ไม่เรียกว่าหื่นกามสักนิดเลยนะ
          “อยากพูดอะไรก็รีบพูดนะครับก่อนจะไม่ได้พูด” คนพูดมองยิ้มๆ พร้อมส่งสายตาเอาจริงเตือนว่าคราวนี้หาโอกาสรอดยาก
          “อื้อ....” ไม่ทันรอฟังคำตอบเรียวปากอุ่นร้อนที่รอคอยความหวานล้ำนานร่วมสัปดาห์ตามประกบปิดเรียวปากอิ่มสวยทันทีที่อ้าปากจะพูด เรียวลิ้นกวาดซับทุกอณูความอ่อนหวานไล่ต้อนปลุกกระตุ้น จนร่างกายที่กกกอดเริ่มกระจายความเร่าร้อน
         เอซิซเริ่มแผ่ขยายความต้องการมายังร่างกายของคนปรนเปรอรัก เสียงครางอือออในลำคอคนทั้งคู่ยิ่งเป็นชนวนจุดระเบิดอารมณ์รักและใคร่ทะยานขึ้นขีดสุด
         ตืด...ตื๊ด...ตืด....ติ๊ด! เสียงโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมดังขัดจังหวะความสุขได้ถูกเวลานัก
         มือเรียวกดรับโทรศัพท์มือถือให้เพราะอยู่ใกล้กระเป๋ากางเกงของอัยการหนุ่ม เคลาส์พยายามละริมฝีปากจากร่างขาวกระจ่างแต่เรียวปากอิ่มสีสดนั้นไม่ยอมละจากต้นคอแกร่งและใบหูหนา ทั้งขบทั้งดึงจนอารมณ์แปรปรวนปรับเสียงให้เป็นปกติแทบจะไม่ทัน
         “เคลาส์พูด...ดะ...ได้...อะ!...อีกสิบห้านาทีเจอกันที่หน่วย”
         สายถูกตัดไปแต่มือหนายังวนเวียนทั่วแผ่นหลังบางและแนวสะโพกอย่างอ้อยอิ่งนวดเบาๆ เพื่อทอนอารมณ์อยากให้รักของเอซิซค่อยๆ ลดระดับลง
         ร่างบางสูดลมหลายใจลึกๆ สองสามครั้งเพื่อช่วยลดความต้องการของตัวเอง ถึงจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ช่วยให้เขาหายอาการอยากจนหน้ามืดอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้นิดหน่อย
         “จะไปแล้วหรอ” น้ำเสียงอ่อยๆ ไต่ถามอย่างเสียดาย ยิ่งนิ้วมือหนาของอัยการหนุ่มหันมาติดกระดุมเสื้อรูดซิปกางเกงยิ่งแน่ใจว่าต้องอยู่คนเดียวในคืนนี้แน่ๆ
          “เป็นข้าราชการนี่ครับ แล้วหน่วยผมก็ไม่มีเวลาเข้างานเลิกงานซะด้วย ไปก่อนนะครับ”
          มือเรียวช่วยขยับเสื้อสูทชั้นนอกให้เข้าที่พร้อมกับกระซิบคำบางคำที่คิดว่าชั่วชีวิตคงได้แต่รอไม่มีหวังจะได้พูดกับคนที่ทำให้ใจเต้นตึกตักจนอยากทุบอกเบาๆ ให้หายตื่นเต้นขณะพูดคำนี้
         “รักนะ”
         “อะไรครับไม่ได้ยิน” คนอยากฟังหนักหนาแกล้งทำหูทวนลม แต่ระดับการเต้นของหัวใจรัวกระหน่ำถึงกับทำให้เสียงสั่น ยิ่งได้ยินประโยคต่อไปยิ่งอยากจะรักมากๆ เอาให้หายใจหายคอแทบไม่ทันอีกซักคืน
         “ผมก็มาเพื่อเป็นคนรักของคุณ และก็ห้ามทิ้งห้ามขว้าง ต้องรักผมมากๆ ทุกๆ วันต้องดูแลผมดีๆ เพราะผมน่ะรักคุณเข้าแล้วอัยการเคลาส์ ฮอฟแมนน์”
         “ให้ตายสิ! ทำไมน่ารักอย่างนี้น้า...ไม่อยากไปทำงานแล้วสิ” มือปลาหมึกเกาะหมับเข้าที่สะโพกมน ดาราหนุ่มร้อยแอ๊คยิ้มใสเข้าสู้ บีบเบาๆ ที่มือทั้งสองข้างวางส่งกลับไปไว้ข้างลำตัวของอัยการมือไว
          คราวที่แล้วก็เพราะเขาไปยั่วคนตรงหน้าจนอารมณ์เตลิดฉุดไม่อยู่จนต้องเสียงานเสียการไปครั้งหนึ่งแล้วและเขาก็ต้องเสียตัวเจ็บตัวเพราะพลังช้างอยู่หลายวัน ถึงอยากยั่วอยากแกล้งมากแค่ไหนขอเก็บไว้ใช้คราวหน้าแล้วกัน ก็อัยการรัฐคนนี้น่ะน่ารักออกจะตาย!
         “ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ดาราหนุ่มเขย่งตัวไปจูบที่ข้างแก้มพร้อมกับจูงมืออัยการผู้น่าเกรงขามให้เดินตามต้อยๆ เหมือนเด็กน้อยมาที่ประตู มือเรียวหยิบคีย์การ์ดสีทองกดรูดปลดล็อคบานประตูแล้วดันเคลาส์ออกไปนอกห้อง
         “รักคุณเหมือนกัน” จูบหนักๆ บนเรียวปากอิ่มเป็นการส่งท้ายพร้อมกับรีบจ้ำออกไปยังหน่วยที่พลั้งปากบอกว่าอีกสิบห้านาทีเจอตัว
          คนหน้าสายมองตามแผ่นหลังกว้างตาละห้อย เวลาจะได้เจอกันก็น้อยนิดซะเหลือเกินถ้าจะให้ไปหาถึงที่ทำงานยิ่งดูไม่เหมาะสมเข้าไปใหญ่ไม่อย่างให้ความเอาแต่ใจของตัวเองทำให้คนที่เขาตกหลุมรักต้องตกที่นั่งลำบากอึดอัดใจกันเปล่าๆ
         เอซิซรินปิโนต์นัวร์ ไวน์สีเย้ายวนรสละมุนหอมอบอวนด้วยกลิ่นผลไม้ ในตู้แช่ไวน์มาดื่มมีหลายคนค่อนขอดเขาว่ารสนิยมดื่มไวน์ช่างเหมาะสมกับนิสัยใจคอกับเจ้าตัวเสียจริงๆ ‘สีสันดึงดูด ดื่มง่าย ทั้งกลิ่นหอม...ดั่งซาตานในหมู่ไวน์’
          “แด่โชคชะตา...ความรัก...และสมบัติของชาติ” เอซิซดื่มเพื่อดับความกระหายบางอย่างข้างในร่างกายให้คลายลง
          'ห่างบ้างเว้นบ้างเพื่อครั้งต่อไปจะได้กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น'...คนหน้าสวยปลอบใจตัวเอง
          เจอกันตอนต่อไปนะคะท่านผู้อ่านทุกคน ฝากเรื่องรักๆ ไว้ให้ชาวเล้าเป็ดอ่านไปลุ้นไปนะคะ ช่วงนี้คู่อัยการกับดาราพาหวานมาก อ่านแล้วน้ำตาลจะพุ่ง แล้วเจอกันตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 07-12-2023 12:01:12
Love Section 6 : ทำงานยังต้องมีที่ปรึกษา งานรักมาต้องมีคนคอยติว

          เคลาส์มานั่งดื่มเงียบๆ ในร้านประจำที่มาไม่บ่อยนักปกติไม่ค่อยมีเวลาว่างมากพอให้สังสรรค์นอกจากงานจัดเลี้ยงครั้งสำคัญโดยหน่วยงานรัฐบาลเขาถึงมีเวลาผ่อนคลายแต่ก็ไม่วายต้องทำงานอยู่ดี
          “เฮ้! ท่านอัยการรูปหล่อวันนี้ทำไมมานั่งดริ้งได้ล่ะเนี่ย”
          “หยุดพูดมากน่าฌาน ถ้าจะดื่มด้วยกันก็นั่งลงถ้าไม่ก็ไปไกลๆ”
          “มีไล่แต่ไม่ไปหรอก! ท่านอัยการเลี้ยงทั้งทีมีหรือผมจะกล้าปฏิเสธ" คนถูกหมายมั่นว่าจะให้จ่ายทำตีมึนใครที่ไหนจะเลี้ยง ใครกินใครจ่ายเว้ย เงินเดือนข้าราชการนะไม่ได้เงินเดือนประธานาธิบดี!
         “เจอเรื่องอะไรดีๆ มาหรือไง”
         “ไม่ดีซะทีเดียวและก็ไม่เชิงร้าย”
         “อุ๊บ! สำบัดสำนวนหันไปแต่งนิยายขายท่าจะรุ่งนะเพื่อน”
         เพื่อนหน้าหล่อบรรจงกระดกเหล้าเข้าปากเหมือนเหล้าเป็นน้ำเปล่า เพื่อนนักสืบต้องรีบยกมือห้ามเมื่ออีกคนจะกระดกรวดเดียวหมดแก้วติดๆ กันเป็นแก้วที่ห้า
         “ไปคอทองแดงมาจากไหน คุยกันบ้างก็ได้”
         “ไม่รู้จะคุยอะไรนี่ ไคไม่มาด้วยเหรอ”
         “คุณครับช่วยพูดเรื่องไกลตัวหน่อยได้หรือเปล่า วันนี้มันวันชายโสด”
          สายสืบฌานทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยเตรียมหลีสาวเต็มที่เหมือนสามีดีใจที่ได้สละโสดอีกครั้งหรือไม่ก็พวกเมียที่บ้านเผลอแล้วเจอกัน?
          สองคนนี้มันช่างเหมือนกันโดยแท้ไม่น่าแปลกใจหากฌานจะรู้จักเอซิซถึงขั้นสนิทสนม แล้วอย่างอีกคนล่ะจะเรียกว่ายังไง! (ผัวเผลอแล้วเจอกัน...)
         “เป็นอะไรอีกเนี่ย เหล้าไม่ได้มีไว้แก้ปัญหานะเพื่อนรัก”
         เรียวปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย เขายอมรับว่าน้ำเมาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ไม่เถียงว่าบางทีมันก็แก้กลุ้มได้บางครั้งเป็นเรื่องๆ ไป
          “ชอบไคตรงไหนหรือฌาน”
          “Curve!” มือเรียวยาวทำท่ารูปร่างสะโอดสะองค์...คนนะไม่ใช่งู
         เป็นคำตอบที่ตรงสุดๆ เท่าที่เคยได้ยินมาช่วยตอบอ้อมๆ เสแสร้งบ้างก็ได้เหมือนพวกอาชญากรหัวเสจะให้การกับหน้าเจ้าหน้าที่ก็ต่อเมื่อมีทนายส่วนตัวอยู่ด้วยเท่านั้น
         “ไอ้บ้ากามเอ้ย! ฮ่ะ ฮ่า สมเป็นนายจริงๆ”
         “อะไรกัน? เมาหรือเปล่าว่าคนอื่นแล้วก็ขำเองซะอย่างนี้” คนถูกว่าก็นั่งหัวเราะเป็นเพื่อนล่ะ ให้อัยการขำไปคนเดียวเดี๋ยวภาพลักษณ์ท่านผู้สูงศักดิ์จะโดนหมิ่นหาว่าเป็นคนเมาแล้วบ้าหัวร่อกับตัวเองก็เป็น
         “เรื่องแบบนี้น่ะมันตอบไม่ได้เหมือนตัวบทกฎหมายหรอกไอ้คุณอัยการผู้เถรตรง”
         นั่งฟังคนมากประสบกามประสบการณ์ความรักที่กำลังตั้งอกตั้งใจพูดอย่างมีหลักการเหมือนเป็นอาจารย์มหาประลัยบอกนักศึกษาจดเลคเชอร์เรื่องใต้สะดือ ถึงจะรู้กันดีอยู่แล้วแต่ก็อยากรู้มากขึ้นไปเรื่อยๆ นี่ถ้ามีถึงขั้นจบปริญญาเอกสาขาเพศศาสตร์เพื่อนเขาคงคว้าใบปริญญาจบเอกเป็นคนแรกของสาขา
    ก็อยากจะขัดอยู่หรอกเพราะเจ้าตัวก็ยังไม่ได้แอ้มเพื่อนรักรักเพื่อนอยู่จนทุกวันนี้! แต่บางที่เพื่อนหัวเถิกคนนี้อาจมีคำแนะนำดีๆ ที่คาดไม่ถึงก็ได้ตามประ สาคนหัวอกเดียวกัน ‘รักเมียมีกระจุ๊กกรู้’
         ว่าแต่ได้เสียกันแล้วจะเรียกว่าคู่สามี-ภรรยา คู่ผัว-เมีย ได้หรือยังนะ? มันก็แค่ครั้งเดียวเองหรือต้องหลายๆ ครั้งแต่ใช่ว่าจะเรียกความสัมพันธ์แบบนั้นสร้างพันธะที่แนบแน่นได้
          “คุณครับช่วยฟังผมหน่อยเถอะ”
          “อะ อ่า ฟังๆ พูดอีกรอบสิ”
          “มันน่าแชร์ประสบการณ์เสียวไหมเนี่ยวะครับ”
          “เร็วๆ เล่ามากำลังสนใจอยากฟัง”
          ฌารกรอกเหล้าใส่ปากตัวเองบ้าง เขาเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนตอนนี้หรอกแต่ที่ยังทำตัวเสเพลเป็นหนุ่มเพลย์บอยลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้ได้เพราะเขายังไม่มีคนที่อยากได้เป็นคนรักมาเคียงข้างให้สมใจต่างหาก
          ตอนนี้ข้างกายยังว่างก็หาเผื่อเลือกไปเรื่อย แต่คนข้างใจนั้นเขามีหนึ่งในดวงใจตั้งนานแล้ว แต่ในเมื่อคนที่อยากรักยังไม่พร้อมเปิดใจรับเขาอย่างจริงจัง ก็ไม่ผิดที่จะสะสมความสุขให้ตัวเองตามประสาผู้ชายเหมือนคนอื่นเขา
         “ฉันรักไคเพราะเป็นไค ส่วนสรีระร่างกายมันเป็นของแถมที่อาจทำให้ฉันสุขสมมากขึ้น...มั้ง? ยังไม่เคยลองบอกไม่ได้ แต่!  หากนายมีทรวดทรงองเอวขึ้นมาใช่ว่าฉันจะรักนายเสียหน่อย” เพื่อนนักสืบนั่งมองการตอบสนองของเพื่อนอัยการด้วยความสนใจ
         “ถ้ารู้ตัวว่าชอบเจ้าตัวที่เป็นตัวเขาเองนายก็ไม่เห็นต้องสนใจเลยนี่นา ว่าเขาเพศอะไรทำงานอะไรมีสังคมแบบนั้นใช้ชีวิตยังไง แค่สนใจตัวตนของเขาก็พอแล้ว”
           คนฟังถึงกับนั่งนิ่งฟังหลักการความรักอย่างตั้งใจและคิดตาม ที่เพื่อนรักพูดมาก็ถูกแต่ก็ยังอยากคัดค้านเพราะมีบางอย่างไม่ถูกต้องในทัศนะของเขา
          “รักที่ตัวตนของเขาแต่ฉันก็อยากรับรู้เรื่องราวรอบตัวเขาด้วย”
          “เมื่อถึงเวลานั้นฉันว่าเขาต้องพานายไปยังโลกอีกใบที่เขาใช้ชีวิตอยู่แน่ นอนไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่นา”
          “ใจเย็นเหมือนนายใช่ไหมล่ะ ระวังสาวสวยหมวยอึ๋มจะคาบไปกิน”
          “ฮ่ะ ฮ่า เมาแล้วปากดีนะครับท่าน หากเป็นอย่างนั้นจริงมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วชายหญิงเป็นของคู่กันแต่ถ้าเสร็จผู้ชายคนอื่นนี่ฉันไม่ยอมจริงๆด้วยต้องมีศึกชิงนายแน่ๆ" มีอย่างที่ไหนนั่งป้อก้อร้อก้อติกมาตั้งนานไม่ยอมใจอ่อนดันไปอ่อนกับผู้ชายคนอื่นฌาน รูเพียร์ซ่าไม่มีวันยอมเด็ดๆ
          “กุ้ย ซา เซ๊วะ แปะ เล๊วะ!” เคลาส์นึกประโยคนี้ขึ้นมาได้จากที่ได้ยินไคจินพูดว่าเขาไว้ที่หัวเราะจินตนาการกว้างไกลของเจ้าตัว ทั้งที่ออกตัวแรงว่าใช้ภาษาจีนกลางแต่กลับพูดจีนภาษาถิ่นได้คล่องปากนักจนเพื่อนสนิทพูดและรู้ความหมายของประโยคนี้ได้ทั้งสองคน ‘บ้าบอคอแตก!’
          สองหนุ่มนั่งขำกันอยู่สองคนตรงเคาเตอร์บาร์ บรรยากาศครื้นเครงแบบนี้แน่นอนต้องมีสาวๆ เหล่ตาเดินโฉบไปมาให้ท่าบ้างล่ะ
          สองหนุ่มก็ไม่ขัดศรัทธาพูดคุยหยอกล้อตามมารยาทพอเป็นกระไสและตามกระแสของคนหนุ่มหน้าตาดีหน้าที่การงานมั่นคงทั่วๆ ไปย่อมเป็นที่สนอกสนใจของบรรดาสาวๆ
          ท่าทางสองเพื่อนคู่หูจะพากันเสียคนเป็นหนุ่มเพลย์บอยก็คราวนี้ คอยดูเถอะสรุปคะแนนโหวตหนุ่มหล่อที่สาวๆ หลงใหลตอนสิ้นปีรายชื่อ อัยการเคลาส์ ฮอฟแมนน์คงกวาดคะแนนนำโด่งเห็นมาแต่ไกลถ้าเพลาๆ เรื่องกฎหมายกับเรื่องเครียดๆ ลงบ้างเวลาพูดคุยกับผู้หญิง ทีคุยกับผู้ชายหน้าสวยทำเป็นถึงเนื้อถึงตัวปากว่ามือถึง ทีกับผู้หญิงทำเป็นติ๋มไม่กล้าเข้าใกล้ไว้เนื้อไว้ตัวโชว์พาวเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว
         กลัวว่าที่เมียมาเห็นล่ะสิท่า! ว่าที่แฟนของหนุ่มหล่ออัยการรายนั้นยิ่งกว้างขวางทางพฤติกรรมและชื่อเสียงกระฉ่อนขจรกระจายซะฟุ้งจนปิดจมูกกันฝุ่นและควันแทบไม่ทันอยู่ด้วย
สองหนุ่มเริ่มปรึกษาปัญหารักกันแล้วจ้าเคลาส์ไปเจออะไรตำมาหนอถึงกับเครียด ส่วนตอนต่อไปจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตรักของอีกคู่แล้วนะจ๊ะ พ่อหนุ่มณานจะออกโรงแล้วจ้า ไคซ์บ้าพลังน่าดูแต่งมันทั้งสองคู่ในเรื่องเดียว (ก็เค้าหลงณานพ่อหนุ่มอินตะระเดีย)
เรททุกตอนคนแต่งไม่ไหวน้า  :hao6: แบบว่า ไม่ได้หื่นแต่ต้องเติมโดจินบ่อยๆ ของจะขาด :katai5:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 07-12-2023 12:30:26
Love Section 7 : อดีตรัก X' File - พบหน้าแต่ไม่หวนคืน
          ปรับทุกข์คลายโศกให้เพื่อนเสร็จก็ต้องมานั่งคลายความโศกาให้กับตัวเองเพียงลำพังตามเคย
          ชายหนุ่มราศีกรกฏเจ้าหน้าที่สอบสวนสืบสวนหน่วยคดีพิเศษ ฌาน ลูเพียร์ซา ลูกครึ่งอังกฤษ-อินเดียได้ลูกเสี้ยวยุโรปตอนใต้จากคุณย่า
           เขามีใบหน้ายาวตาลึกสีน้ำตาลทองหวานซึ้งและดวงตาทรงพลังคู่นั้นเชื่อมสันจมูกโด่งปลายงุ้มรับเรียวปากและคางบุ๋ม คนที่เคยเดทกับเขามักชมว่าใบหน้าของเขามีเสน่ห์ดูเหมือนหนุ่มเจ้าชู้เจ้าสำราญ รูปร่างสูงโปร่งยิ่งทำให้เขาโดดเด่นด้วยนิสัยขี้เล่นเป็นมิตรไม่คิดมากทำให้เขามีเพื่อนหลากหลาย
          มีรูปเป็นทรัพย์คุณสมบัติยังเป็นคนฉลาดรั้นหน่อยๆชอบความอบอุ่นของบ้านและความเป็นครอบครัวไม่แปลกใจที่หนุ่มตาหวานคนนี้หมดเงินไปกับการแต่งแมนชั่นตัวเองให้เหมือนบ้านมากที่สุด
          เพื่อนฝูงมักมาเยี่ยมเยือนเขาสม่ำเสมอด้วยอุปนิสัยส่วนตัวและทัศนคติที่เข้าถึงคนรอบตัวได้ดี ณานเป็นหนุ่มอารมณ์อ่อนไหวตามสภาวะรอบข้างมีความรู้สึกไวด้วยเซนส์ฉพาะตัวหรืออาจเป็นเพราะอาชีพของเขาด้วยส่วนหนึ่ง

          โชคชะตาทำให้เขาเจ็บช้ำจากรักเก่าแต่พรมลิขิตทำให้เขาพบรักซึมลึกจากเพื่อนใกล้ตัวที่พาเขาผ่านช่วงเวลาช้ำรักมาได้พร้อมเปิดใจกับรักใหม่รอให้เพื่อนตำรวจตัวเล็กอ้าแขนรับรักเขาจะได้แฮปปี้เอนดิ้งเสียที
          ชีวิตพ่อหนุ่มมากรัก(มักมาก(ในกาม)แค่คนเดียว((ขณะนี้)))แม้คนอื่นจะชอบเรียกชื่อเขาผิดจากณาน เป็น ชาร์ลเลส บ้างก็เรียกล้อเขาว่า ชาร์ลอตปิดจริตเป็นเพื่อนสาวไปนั่นแล้วใครจะมาขายขนมจีบให้เขากัน เลยต้องนั่งเฉาระบายความเหงาอยู่คนเดียวห่อเหี่ยวเหมือนได้เที่ยวแต่ไม่สุด? อยู่ทุกวันๆ
          ร่างสูงถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อยากจำเพราะทุกครั้งที่นึกถึงชายร่างเล็กเสียงแหบแหลม ไม่ว่าเขาจะนั่งยืนเดินหรือนอนมักต้องถอนหายใจระบายความอัดอั้นเป็นประจำไม่จำกัดกิจกรรมและเวลา(ของเขาแรงจริงๆ)
          “ตายจริง! เจ้าหน้าที่รัฐบาลใช้เวลาว่างในที่แบบนี้ด้วยหรือเนี่ย สวัสดีค่ะเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษฌาน รูเพียร์ซา หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคะ”
          “เจ้าหน้าที่รัฐก็คนธรรมดานะครับต้องมีเวลาผ่อนคลายกันบ้าง ส่วนคนสวยแสบทรวงอย่างคุณผมจำใส่สมองไว้เรียบร้อย ผิดอีกครั้งได้สวยในลูกกรงรอบสองแน่ที่รัก”
          สาวสวยผิวปากรับคำทักทายสุดรัญจวนใจไม่ได้สนใจคำขู่เลยซักนิดกลับยิ้มรับหน้าระรื่นเมื่อชายหนุ่มจำเธอได้อย่างแม่นยำนี่ถ้าพ่วงประวัติเธอออกมาด้วยเธอจะปราบปลื้มไม่รู้ลืมเลยจริงๆ
          “สบายดี? เป็นพลเมืองดีอยู่ใช่หรือเปล่า…วิกกี้ เซนเดอร์ซัน” เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวคำทักทายสาวสวยคนหนี่ง เขาจำได้ขึ้นใจว่าเธอเป็นใคร
          ‘วิคเตอร์เรีย เทมส์’ สามปีก่อนคนสวยหน้าคมใช้ชื่อนี้ เรารู้จักกันเพราะต่างมีเชื้อสายอินเดียครึ่งหนึ่งเหมือนกันก่อนจะเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ วิกกี้มีใบหน้าคมคายละม้ายคล้ายคลึงคนอินเดียผสมคนอเมริกันผิวสี ฌานตกหลุมรักเธอเพราะดวงตาสีน้ำตาลมีเสน่ห์น่าค้นหาผิวสวยเรียบเนียนสีน้ำผึ้ง รอยยิ้มบนเรียวปากกว้างอิ่มสวยโชว์เรียวฟันขาวสะอาดช่างเป็นยิ้มที่ประทับตราตรึงใจไม่รู้คลาย ไม่ง่ายที่จะฝ่าด่านชายอีกหลายคนที่หมายปองคนสวยคนนี้เช่นเดียวกัน
          “ไม่เอาน่าอย่าซีเรียสไม่ใช่เวลางานแล้วนี่” เธอพูดพลางหัวเราะมุกขำขันที่ไม่ค่อยขำของคนเคยชิดใกล้
          “ปกติคุณไม่ใช่เสือยิ้มยากแบบนี้นี่นาหัวเราะให้ได้ยินหน่อยสิ” สาวสวยยังคงเจื้อยแจ้วพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงใกล้กับฌาน
          “หึๆ” ฌานเอียงคอแล้วเค้นเสียงหัวเราะในลำคอให้ตามที่เธอต้องการ
          วิกกี้ยิ้มมุมปากให้กับการประชดประชันเล็กๆ นั่นอย่างไม่ใส่ใจเพราะรู้ดีสิ่งที่เคยทำไว้กับอดีตคนรักยากแต่การสานสายสัมพันธ์ให้กลับมาเหมือนเดิม
          ชื่อใหม่ที่ทางการเปลี่ยนให้หญิงสาวไม่เข้าปากเขาเท่าไหร่ ตัวเขาเองไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนักด้วยไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ใดที่ต้องรับรู้ทราบเพียงว่ามีคำสั่งให้ท่านรองฯ ยื่นข้อเสนอต่อศาลขอประกันตัวออกจากที่คุมขังเพื่อทำภารกิจพิเศษให้กับทางราชการ โดยได้รับชื่อและที่อยู่ใหม่มีเจ้าหน้าที่คุมความประพฤติตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและรายงานตัวทุกเดือนตามคำสั่งศาล
          ทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบรอบตัวเข้าครอบคลุมบรรยากาศ ตำรวจหนุ่มนั่งนิ่งไม่ได้พูดคุยหยอกเย้าเหมือนที่เคยทำสิ่งที่เขาได้รับมาจากเธอคนนี้มันยากนักที่เขาจะไร้อคติเมื่อเจออีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งตัว ถ้าจะให้เขาพูดคุยหยอกเย้าอดีตคนรักเหมือนที่เคยเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะทำได้ในตอนนี้

          “สบายดีใช่ไหมฌาน ได้ข่าวว่า...”/ “ผมไม่มีอะไรจะบอกคุณหรอกอย่าเสียเวลาเปล่า” เขารีบตัดบทปลายหางตาเห็นรอยยิ้มเศร้าสร้อยแต่กลับระแวงว่าอาจเป็นแค่มารยาหญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยลุ่มหลงหัวปักหัวปำ
          “ฉันอยากขอโทษกับเรื่องทั้งหมดฌาน ทั้งที่รู้ว่าคุณคงไม่ให้อภัยแต่ว่าฉันก็ยังอยากจะพูดคำนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้งอยู่ดี….” เสียงใสๆ สั่นเครือเล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคที่เหลือตามมา
          “คุณอาจฟังว่ ามันเป็นคำแก้ตัวสำหรับฉันเองมันเป็นเรื่องจริง ระหว่างเราตอนแรกฉันคิดว่าคุณเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีจนมารู้ตัวอีกทีฉันก็รักคุณหมดใจ”
          “น้อมรับด้วยความยินดี” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความขมขื่นคำขอโทษมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยในสถานการณ์เช่นนี้ ยามที่ต้องเผชิญหน้ากันเขายังไม่พร้อมที่จะเจอและอาจจะตลอดไปตราบที่เขายังมีลมหายใจ แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่อดีตนายตำรวจใสซื่อคนเก่าผู้ยึดติดความรักเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิต
          “จริงๆ แล้ว...” ฌานค้างถ้อยคำกลางห้วงอากาศสมองของเขากำลังประมวลถ้อยคำต่างๆ มากมายที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกยากที่สมองจะตีความเป็นคำพูด
          สาวสวยใบหน้าคมเข้มผู้มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับฌานนั่งนิ่งรอฟังประโยคต่อจากนั้น เธอไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนอกจากได้พูดคุยกับคนที่เธอรักอีกซักครั้งความบังเอิญอย่างจงใจที่ตามเขามาที่นี่ไม่มีผลประโยชน์ใดมาเกี่ยวข้องมีเพียงหัวใจอันบริสุทธิ์เท่านั้น ผลประโยชน์ที่เคยตักตวงจากณานมันเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต
         “จริงๆ แล้ว คุณไม่ผิดอะไรต่อตัวผม บางอย่างที่คุณได้ไปจากผมล้วนเกิดการประมวณผลที่ชาญฉลาดของคุณทั้งนั้น ...”
         “คุณเรียนรู้มาดีวิกกี้สิ่งที่คุณทำผิดโดยตรงคือหน้าที่ของพลเมืองที่ดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้…ต่อหน้าศาลและกระบวนการยุติธรรมคุณได้ถูกลงโทษไปแล้ว ผมก็ยอมรับคำตัดสินของศาลสุงสุด...”
          “...มันจบมานานแล้ว”  เสียงแทบทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาไม่ได้คิดถึงเหตุการณ์เก่าเก็บเรื่องนี้มานานมากแล้วได้แต่ให้ประสบการณ์เตือนสติตัวเองอยู่เป็นนิจอย่าคิดเชื่อใจใครแม้แต่ตัวเอง
          ถ้อยคำที่พลั่งพรูเหล่านั้นไม่มีความโกรธเกลียดชิงชังแม้แต่น้อย ที่น่าใจหายกว่านั้นความรู้สึกฉันท์ชู้สาวเหมือนเมื่อคราวยังหวานชื่นไม่ได้หลงเหลือเป็นตะกอนขุ่นข้องในหัวใจเช่นกัน สิ่งที่เหลือไว้ให้กับคนรักเก่ามีเพียงแค่ความหวังดีเฉกเช่นมนุษย์ปุถุชนควรมีให้แก่กัน
          “คุณเปลี่ยนไปเยอะเลยในสามปี ดื่มอะไรอีกไหมฉันเลี้ยงคุณเอง” เธอไม่รอคำตอบ เรียกบาร์เทนเดอร์และสั่งเครื่องดื่มสุดโปรดของเขาทันทีพร้อมอาหารรองท้องอีกสองสามอย่าง
          ณานนั่งทบทวนประโยคนี้ไปมาสามปีที่ว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาไปแล้วสำหรับเธอหรืออย่างไร? เขาแค่เข้าใจการกระทำของผู้คนมากขึ้นจากบรรดาอาชญากรตามกฎหมายและอาชญากรรมในสังคม ได้เรียนรู้ทัศนคติผู้คนที่ล้วนมีความคิดและดำเนินชีวิตเพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเอง บ้างก็เลือกที่จะเดินเป็นเส้นตรงบางคนเลือกที่จะเดินทางลัดเพื่อให้ถึงหลักชัยน้อยคนรู้จักความพอเพียงและมีคนส่วนมากละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ
          กฎหมายที่เคยตั้งปฏิญาณอย่างแรงกล้าว่าธำรงค์สังคมให้สุขสงบได้ทำให้เขาลุ่มหลงกับจินตคติอันสวยงามว่ามันช่างสวยสดงดงามดั่งภาพวาดของศิลปินดัง ตัวอักษรที่ร่ำเรียนมาตีครอบความไม่พอดีคนในสังคมจริยะสูงเฉียดฟ้ากับคนบางกลุ่มแต่กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดินกับคนอีกกลุ่มทั้งที่ทุกคนก็ล้วนหล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมและถิ่นกำเนิดเดียวกัน
          สายสืบหนุ่มมัวแต่คิดเรื่องของตัวเองจึงไม่ทันได้สั่งเครื่องดื่มพอกลับมาสนใจอดีตคนรักที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เห็นแก้วน้ำสีอำพันวางอยู่ตรงหน้ายิ่งชวนให้แปลกใจ
          “ขอบคุณ…ไม่คิดว่ายังจำได้” นิ้วเรียวยาวหมุนแก้วเครื่องดื่มช้าๆทั้งที่เป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานยามต้องการผ่อนคลายอารมณ์ตรึงเครียดจากงานที่ทำ
          เนโกรนี(Negroni)คอกเทลสีแดงเลือดนกตัดด้วยเปลือกส้มสีสดตัดกันในแก้วคริสตัลทรงต่ำ เขาจิบรสขมนุ่มละมุนสุดคลาสสิคข่มความเครียดสร้างความผ่อนคลายยิ่งได้ดื่มด่ำบรรยากาศยามแสงอาทิตย์อัสดงบอกได้เลยที่นั่งแคบๆแห่งนี้เป็นสวรรค์ของขาเลยทีเดียว
           “กลัวฉันมอมยาหรือไง” หญิงสาวหยอกเย้า
           “เรื่องแค่นี้จะกลัวไปทำไมจัดหนักมาได้เลย” ใบหน้าหล่อยักคิ้วลิ่วตาเป็นหนุ่มคาสิโนวาคนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
           “ฮ่ะ ฮ่า จริงๆ เลยคุณนี่” เสน่ห์เฉพาะตัวที่เคยทำให้เธอต้องทั้งตามห่วงตามหวงกลัวจะไปต้องตาต้องใจหญิงคนไหนเข้าให้อีก
           วิกกี้หัวเราะออกมาเป็นครั้งแรกน้ำเสียงสดใสดึงความสนใจของฌานให้หันกลับมาจับจ้องที่เธออีกครั้งอย่างจดจ่อ
           “มีอะไรติดหน้าฉันหรือไง” เธอรู้สึกดีใจที่ชายตรงหน้ายอมหันกลับมามองเธอโดยไม่หลบสายตา เขาคงไม่ได้เกลียดเธอจนแช่งชักหักกระดูกหรือเผาพริกเผาเกลือไล่ว่าอย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยชาตินี้
           “ไม่มี…ไม่มีอะไรติดเลย” ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างจริงใจ
            รอยยิ้มอ่อนละมุนเหมือนที่เคยเป็นแต่ดวงตาสีน้ำตาลทองฉ่ำหวานคู่นั้นแห้งผากเหมือนทะเลทราย หญิงสาวมองลึกลงไปยังนัยน์ตาที่ครั้งหนึ่งเงาสะท้อนในนั้นทำให้เธอภาคภูมิถึงความรักที่คนสุดฮ็อตคนหนึ่งเคยมีให้เธอ ฌานคนเดิมที่เธอเคยพักกายพิงใจหายไปแล้วตลอดกาล
           เธอยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจเป็นที่สุดเช่นกันอยากขอบคุณชายตรงหน้าที่ไม่โกรธเกลียดชิงชังกับความละโมบของเธอที่เคยทำไว้กับเขา เป็นโชคดีของฌานที่มีเพื่อนดีคอยช่วยเหลือไม่ต้องติดร่างแหกับสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อ
          หน้าที่การงานของเขาเคยเป็นโล่กำบังให้เธอทำสิ่งผิดกฎหมายสร้างรายได้ด้วยการหาข่าววงในจากหน่วยงานราชการไปปล่อยอีกทอดสู่ธุรกิจสายสีเทา ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไม่ใช่น้อยในเรื่องความแม่นยำผิดพลาดน้อยในแหล่งข้อมูลใต้ดินไกลหูไกลตากฎหมายภายใต้ร่มเงาของชายหนุ่มไฟแรงผู้มุ่งมั่นอุดมการณ์หวังผดุงสังคมด้วยกฎหมายและความเที่ยงธรรม
          น่าขำ!สองคนรักที่ใช้ชีวิตต่างกันคนละขั้วเหมือนเป็นละครคนละบทในโทรทัศน์และตอนจบไม่มีคู่พระนางประคองกอดพลอดรักตามสมัยนิยม
          มือเรียวยาวของชายหนุ่มหยิบเครื่องดื่มสุดโปรดจิบที่ละนิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของวิกกี้เคยทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินแต่วันนี้เขากลับอยากได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายอีกคนมากกว่า อยากเห็นรอยยิ้มขัดเขินดวงตาเรียวรียิ่งเล็กหรี่แทบจะเป็นเส้นตรงเมื่อหัวเราะ เสียงแหบๆ ที่เขาฟังที่ไรรู้สึกคันในรูหูทุกที หรือบางทีเจ้าตัวก็ชอบทำเสียงแปลกๆ คล้ายเสียงร้องของสัตว์โลกบางประเภทบนโลกใบนี้ที่เขายังหาไม่เจอ บ้าพลังเป็นที่หนึ่งชอบกวนประสาทเพื่อนฝูงและชาวบ้านชาวช่อง(ถึงหน้าตาคนทำจะดูน่ารักก็เถอะ)
          คนมีความรัก!…จะเป็นเหมือนเขาหรือเปล่านะ?คิดถึงคนในดวงใจได้ไม่นานนักก็ต้องตัดใจ ระยะนี้เขารู้ศึกหมกหมุ่มกับเพื่อนรักร่างเล็กมากเกินไป
          ขณะที่เขามองอดีตคนรักเก่าเรื่องราวมากมายในอดีตค่อยๆผุดขึ้นมาให้คะนึงคิดอีกครั้งอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเป็นใย
         "คุณยังทำงานแบบเดิมอยู่หรือเปล่า” การดำเนินชีวิตของเธอมันเสี่ยงในทางมิชอบด้วยกฎหมายและการเริ่มต้นใหม่หลังจากก้าวพ้นจากที่คุมขังยังไม่ปลอดภัยเพียงพอ ต่อให้อยู่ในที่คุมขังก็ใช่จะหลุดพ้นจากอำนาจมืดเหนือกฎหมาย
          ถึงเธอจะฉลาดต่อรองอย่างไรให้ตัวเองพ้นโทษจองจำจากรัฐแต่คนที่เคยร่วมงานในอดีตเป็นพวกตื่นตระหนกง่ายรับรู้ได้ไวต่อความรู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่อเธอเดินกลับเข้าเดินเส้นทางเดิมไม่มีทางที่เธอจะได้รับความปลอดภัย คนพวกนั้นไม่โรยกลีบกุหลาบหรือปูพรมแดงต้อนรับเธอเมื่อกลับมาแน่นอน
          “นี่คือการสอบปากคำหรือเปล่าฌาน ฉันจะพูดก็ต่อเมื่อมีทนายของฉันอยู่ด้วยเท่านั้น”  เธอเอียงคอถามพร้อมกับตั้งท่าปกป้องสิทธิส่วนบุคคลเติมที่
          “โอ้ว! ให้ตายเถอะ คุณกล้าพูดแบบนี้กับผม!”
          ทั้งสองคนกระหน่ำเสียงหัวเราะใส่กันจนคนรอบข้างหันมามองด้วยความฉงน ทั้งคู่ชดเชยเวลาที่จากลากันด้วยความไม่เข้าใจเมื่อสามปีก่อนให้ค่อยๆ คลายปมขุ่นเคืองปลดเรื่องบาดหมางของกันและกันทีละชั้นๆ ผ่านค่ำคืนแสนสั้นแต่ความสัมพันธ์ฉันเท์พื่อนในเวลานี้จะคงอยู่ยาวนาน
           ณานฉันรัก ป๊าบ! โดนไคจินต่อยสลบ! พอๆ กลับมาก่อน ตอนพิเศษย้อนรักยังมีต่อนะคะ วันนี้ลงสองตอนเจอกันตอนชีวิตรักลับๆ ของณานต่อตอนหน้านะคะผู้อ่านทุกคน ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะบอกต่อในเล้าถ้าถูกอกถูกใจกันนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 08-12-2023 20:53:51
Love Section 7 : อดีตรัก X' File - มีพบย่อมมีจาก เกิดพลััดพรากอาจไม่ได้เจอ
          ผู้คนมักกล่าวว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วผิดกับตอนทุกข์ระทมแสนสาหัสวันเวลามักจะผ่านความเจ็บปวดนั้นไปอย่างเชื่องช้า
          สามปีของคนทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างกัน ต่างคนเจ็บปวดกับความรักที่ล้นเปี่ยมด้วยความคาดหวังอีกคนจมอยู่กับความรักที่ถูกกัดกร่อนด้วยความละอายใจ วันเวลาผ่านไปคนทั้งสองต่างข้ามผ่านช่วงเวลายากลำบากนั้นมาได้
          ยามพระอาทิตย์ทอแสงขึ้นวันใหม่จากแสงแรกแห่งวันนั้นเป็นต้นไปพวกเขาจะแข็งแกร่งพร้อมเดินไปข้างหน้ามุ่งหาความสุขที่รออยู่ไม่ไกลเกินไปเมื่อสองเท้าเริ่มก้าวเดิน

          “ท่านสุภาพบุรุษ…พาสุภาพสตรีสาวสวยไปส่งบ้านได้แล้วครับร้านจะปิดบริการแล้ว” เจ้าของร้านเดินเข้ามาแซวคนคุ้นเคยประจำร้าน ฌานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือซ้ำสองรอบแล้วจึงหันออกไปมองนอกร้านเหมือนไม่แน่ใจความเที่ยงตรงของหน้าปัดนาฬิกา
          “จะเช้าแล้วไม่อยากจะเชื่อเลย” วิกกี้ลุกขึ้นยืนบิดลำตัวคลายความเมื่อยที่แทบไม่รู้สึกยามพูดคุยกับฌานนานเกินนับชั่วโมง
          “ตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ชายหนุ่มพูดพลางรวบเสื้อคลุมของฝ่ายหญิงพาดท่อนแขนแทนคลุมไหล่ด้วยอากาศเริ่มอุ่นขึ้นรับรุ่งอรุณวันใหม่ ชายหนุ่มส่งสัญญาณให้เจ้าของร้านเก็บค่าเครื่องดื่มที่เขา
          “บอกแล้วไงว่าฉันเลี้ยงเอง แทนคำขอบคุณ” หญิงสาวไวกว่าหยิบบิลพร้อมแนบธนบัตรเกินราคาบวกค่าบริการล่วงเวลาให้เจ้าของร้านเสร็จสรรพ
          “จ่ายหนักแบบนี้ผมยินดีเปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษเลยครับคุณผู้หญิง” ชายสูงวัยยิ้มกริ่มกับทิปพิเศษแถมโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าชั้นดีให้ด้วย
          “ลุง! อย่างกนักเลยเอาเปรียบผู้บริโภคระวังจะโดนฟ้อง” เจ้าหน้าที่สืบสวนดักคอด้วยความหวังดีจนได้นิ้วกลางอวบป้อมเหมือนหุ่นเจ้าของร้านสวนกลับมา
          “ดูหมิ่นเจ้าพนักงานถือเป็นความผิดตามกฎหมายมาตรา...” ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกมืออ้วนๆ ดันออกจากร้านพร้อมหมุนป้ายหน้าร้านว่า “ปิดบริการ” ใส่หน้าสายสืบทันที กริยาที่เจ้าของร้านทำใส่สร้างเสียงหัวเราะให้กับทั้งสองคน รวมทั้งเจ้าของร้านที่ทำหน้าทะเล้นหลังบานประตูกระจก ซึ่งไม่ได้โกรธจริงจังหัวเราะขำขันเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขันไป
          “ผมจะไปส่งเอง คุณจะปลอดภัยหากมีเจ้าหน้าที่รัฐอารักขาให้” ชายหนุ่มสัมผัสข้อศอกให้เธอเดินมาด้วยกัน
          “ฉันรู้สึกว่าถูกลิดรอนสิทธิ์จากเจ้าหน้าที่รัฐบาลนะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ แต่ก็ยอมเดินตามเขาไปเรื่อยๆ
          “ฟังคุณพูดแบบนี้แล้วผมประทับใจจริงๆ คุณอยากฟ้องผมกลับไหมล่ะ” องค์นักกฎหมายลงทับร่างเข้าให้แล้วเขาตั้งใจจะร่ายบทกฎหมายยาวเป็นทอดๆ เท่าที่สมองจะจดจำได้
          “ฉันอยากคุยกับฌานมากกว่าเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษฌาน ช่วยสลับร่างกันได้ไหมเวลาคุยกันเนี่ย”
          ชายหนุ่มดีดนิ้วดึงตัวเองคนธรรมดาให้กลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนเสกได้ มายากลโปรยเสน่ห์เพศตรงข้ามฌาน รูเพียร์ซาถนัดยิ่งกว่าท่องมาตรากฎหมายเสียอีกโชคไม่ดีที่ผู้หญิงคนนี้คือวิกกี้ ซันเดอร์ซันผู้เป็นโจทย์จำเลยกันเมื่อครั้งเก่า
          ทั้งสองเดินทอดน่องไปเรื่อยตามทางเดินพร้อมกับเสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะหยอกเย้าไม่ขาดระยะ มีบ้างที่การพูดคุยขาดตอนแต่ไม่ได้ขาดรอยยิ้มที่ทั้งสองส่งความปรารถนาดีให้แก่กัน
          “เดินออกกำลังกายตอนเช้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาลอยๆ
          “จะให้ดีมากกว่านั้นต้องเดินออกกำลังกายพร้อมเจ้าหน้าที่รัฐสินะ” คนปากไว้สวนกลับทันทีไม่ทันยังคิดพูดแล้วจึงคิดได้ว่าอาจจะไปจี้ใจดำของคนฟัง
          วิกกี้ยักไหล่ไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดกระทบกระแทกประโยคนั้น ทุกวันนี้ตัวเองดำเนินชีวิตแบบนั้นอยู่แล้วเอาเรื่องจริงมาหยอกเล่นขำๆ กันไป ร่างสูงเดินนำหน้าหญิงสาวไปยังรถยนต์ส่วนตัวพร้อมเปิดประตูด้านข้างคนขับไว้เสร็จสรรพ
          “พอเถอะ ให้เป็นฉันอิสระบ้างก็ได้”
          “เชิญครับคุณผู้หญิง” ฌานทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเขาตั้งใจจะไปส่งก็ต้องไปส่งให้สมกับที่ตั้งใจเอาไว้ เมื่อเธอเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้วมือเรียวยาวตามปิดประตูรถให้พร้อมสรรพ
          “สุภาพบุรุษขนาดนี้ฉันห่วงสุขภาพจิตนักโทษหญิงจริงๆ” หญิงสาวหน้าคมขำเคลื่อนตัวเข้าไปยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ มือบางสัมผัสเข็มขัดนิรภัยแล้วดึงคาดข้ามลำตัวเป็นกิจวัตรอดนึกไม่ได้ถึงความรู้สึกเดิมๆ เมื่อได้กลับมายังรถคันนี้อีกครั้ง ดวงตาทั้งสองกวาดมองโดยรอบอย่างไม่รู้ตัว ที่คับแคบตรงนี้ไม่มีร่องรอยและความทรงจำที่เกี่ยวกับวิกกี้เลยแม้แต่น้อย
          เธอส่งยิ้มบางเบาให้กับชายหนุ่มเมื่อเขาก้าวมานั่งประจำที่คนขับ ความว่างเปล่าในช่องท้องและลมหายใจที่เคยปกติกลับติดขัดความรู้สึกเย็นวาบทั้งสองมือมันคืออะไร ‘ความรู้สึกสูญเสียใช่ไหมนะ?’ รอบตัวของฌานไม่มีเธอเข้าไปเกี่ยวข้องมานานเท่าไหร่แล้ว เมื่อต้องมารับรู้ด้วยตัวเองทำไมความรู้สึกที่โถมเข้าใส่ถึงทำให้เธอแทบขาดใจตายเสียให้ได้
          จบแบบนี้เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายแล้วไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดและขังตัวเองอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด  ฌานน่าจะมีคนสำคัญอยู่ข้างกายแล้วตอนนี้ อยากรู้จักคนๆ นั้นจริงๆ ใครกันที่ทำให้ผู้ชายอ่อนไหวคนนี้ฟันฝ่าช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้จนกลายเป็นชายคนใหม่ที่เธอไม่คาดคิดว่าคนๆ นี้คือฌาน ลูเพียร์ซาจริงๆ
          ชายหนุ่มเปิดเพลงฟังสบายๆคลอไปตลอดทางคนทั้งคู่พูดคุยกันในเรื่องสัพเพเหระโดยมีเสียงใสๆ ของหญิงสาวบอกทางเป็นระยะจนมาถึงร้านสะดวกซื้อตรงหัวมุมถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าทางแยกแคบๆ ขนาบด้วยร้านรวงที่กำลังเปิดร้านขายของดูอลหม่านทั้งสองข้างทาง เขาตัดสินใจเบนรถกลับหวังจะเข้าถนนอีกเส้นทะลุด้านหลังที่แยกข้างหน้าแทน
          “จอดแค่ตรงนี้พอแล้ว เดินอีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้วค่ะคุณเลี้ยวออกอีกทางได้เลย” หญิงหน้าคมเอ่ยปากบอกชายหนุ่มรอยยิ้มที่มุมปากยังไม่จางหายไปก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อเจอใบหน้ามึนงงของฌานและยังไม่ยอมจอดรถให้ลงตามคำขอแต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนแต่ยังเป็นห่วงความปลอดภัยไม่วางใจง่ายๆ
          “แน่ใจ?”
          “ฉันดูแลตัวเองได้ บาย! แล้วเจอกัน” อดีตคนรักเปิดประตูพร้อมก้าวขาลง อย่างเด็ดเดียวไม่หวนคิดถึงเยื้อใยที่เคยผูกคนสองคนไว้แน่นหนาแค่ไหน
          “ดูแลตัวเองให้ดีด้วย” ชายหนุ่มคอนโทรลกระจกรถด้านข้างลงมาจนสุดพร้อมส่งความห่วงใยผ่านคำล่ำลา
          ตัวเขาเองไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปโดยขาดการคิดไตร่ตรองว่าสมควรหรือไม่ หรืออาจเป็นสายใยบางเบาที่ยังห่อหุ้มหัวใจรักของเขาที่มีให้วิกกี้อยู่แต่คำพูดประโยคนั้นแสดงความห่วงใยในแบบของเขาที่มีให้กับคนทั่วไป
          ดวงตาคมจ้องมองหลังของหญิงสาวไปเรื่อยๆ จนลับสายตาจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับออกจากถนนที่ชุลมุนไปด้วยพ่อค้าแม่ขายแห่งนี้
          “เสื้อโค้ท! ลืมไว้หรือไง?” ขับรถออกถนนใหญ่ไปได้ซักระยะเขาก็เหลือบไปเห็นเสื้อคลุมของคนที่ลงไปได้ไม่นานวางอยู่ข้างประตูรถหรือจะหล่นตอนเธอกำลังลงจากรถไป
          เขาตัดสินใจเลี้ยวรถกลับไปยังที่เดิมอีกครั้งนึกแปลกใจที่มองเห็นตำรวจในเครื่องแบบทำการจำกัดพื้นที่เข้าออกถนนเส้นนี้เห็นสายสืบร่วมอาชีพหลายคนก็มาตรวจตราด้วย
          “ห้ามเข้าครับ! ขอตรวจใบขับขี่ด้วย” ณานให้ความร่วมมือส่งเครื่องหมายประจำตำแหน่งให้พร้อมบัตรประจำตัว
          “เกิดอะไรขึ้น” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบๆ พร้อมรับตราประจำตัวจากมือตำรวจท้องที่
          “ยังไม่ทราบครับแต่มีคำสั่งให้จำกัดพื้นที่เป็นเขตเฝ้าระวังช่วงเช้าตรู่” ตำรวจหน้าใหม่ยกมือทำความเคารพตอบคำถามอย่างสุภาพแล้วส่งสัญญาณให้ฌานเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมเพราะได้รับคำสั่งให้รถทุกคันห้ามผ่านพื้นที่ที่ปิดล้อมไว้ยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายงานสามารถเข้ามาภายในบริเวณได้
          “บ้าจริง!” เขาพรึมพรำเบาๆ จำใจกลับรถทั้งที่ยังค้างคาถึงภารกิจพิเศษที่เขาควรจะรู้พอสายตามองเสื้อคลุมในมือก็อดสบถออกมาอีกไม่ได้
          “ทำไมไม่ขอเบอร์โทรไว้เนี่ยสัพพร่ำจริงๆ” เสียงบ่นยังคงพรึมพรำต่อไปอีกระยะก่อนที่รถสปอร์ตคูเป้สีเทาเงาวับแล่นผ่านถนนสายนี้ไป

          เมื่อมีการเรียกตัวให้เข้ารับภารกิจกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัวหรือนอนให้เต็มตื่นเช่นทำงานตามปรกติ ก็ย่อมมีบ้างเจ้าหน้าที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งย่อมมีบ่นมีโมโหบ้างแต่ยังขยันขันแข็งทำหน้าที่ไม่มีอิดออด ตำรวจสายบู้มักได้ออกภาคสนามบ่อยๆ นี่คืองานที่เจ้าถวิลหานายตำรวจร่างเล็กพึงพอใจอยากจะออกเดินสายบ่อยๆ เสียด้วยซ้ำ
          “ให้ตาย! ทำงานยันเช้าไม่ได้หลับซักงีบ” เสียงบ่นของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาไล่ระยะห่างกันไม่นานหลังท้ายรถร่างสูงขับลับตาออกไป แต่ไม่วายสายตาเรียวรีจับจ้องได้ทันเสี้ยวนาทีที่รถคันนั้นแล่นผ่านไป
          เขาจำทันทีเหมือนระลึกชาติขึ้นมาได้ก็ไม่ปานว่าเป็นรถของเพื่อนสนิทร่วมหน่วยงาน ซึ่งงานนี้ฌานถูกกันให้ห่างจากภารกิจพิเศษเพราะเป้าหมายมีความเกี่ยวข้องกัน
         “ฌานมาทำอะไรที่นี่?” นายตำรวจหน้าตี๋ขมวดคิ้วเข้มทำหน้าฉงนราวกับว่าเพื่อนสายสืบมีญาณวิเศษล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ต้องกลับมาใช้สมาธิกับงานและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตรงหน้าเสียก่อน
          ยังไงเสียไอ้คนสูงโย่งนั้นก็ไปจากที่เสี่ยงนี้แล้ว เสียงแหลมแหบดังขึ้นสั่งงานเป็นช่วงๆ จบงานนี้เมื่อไหร่อาจจะได้เพิ่มยศกับเขาบ้าง…แค่หวังล่ะน่าก็หวังมันทุกภารกิจล่ะนะ
          เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้นเป็นระยะๆ หน่วยของไคจินกระชับพื้นที่เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงโค้งมุมถนนที่มีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ เขาส่งสัญญาณให้คนในร้านทั้งหมดออกไปด้านนอก ตำรวจนายอื่นจัดระเบียบคนไม่ให้ตื่นตระหนกคุมการเคลื่อนย้ายผู้คนให้ดำเนินไปตามปรกติตามชีวิตประจำวันที่ทำมากที่สุด โชคดีเป็นนายตำรวจหน้าใหม่พึ่งบรรจุน่ามองน่าเอ็นดูอยู่ไม่ใช่น้อย
          “เคลียร์!ทุกหน่วยพร้อมประจำจุดนัดหมายที่…” สัญณานขาดหายไปพร้อมด้วยเสียงดังสนั่นตามมา
          ตู้ม! เสียงระเบิดดังขึ้นกึกก้อง พร้อมทั้งเสียงสัญญาณเตือนภัยรถยนต์ดังระงมไปทั่วบริเวณด้วยแรงสะเทือนจากระเบิด
        ลงสองตอนนะคะ รอสักครู่...
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 08-12-2023 22:04:41
Love Section 7 : อดีตรัก X' File - No Happy End!
          ชายร่างเล็กหัวหน้าหน่วยรีบหันกลับไปมองผู้ร่วมหน่วยทันที ทุกคนปลอดภัยมีรอยขีดข่วนจากกระจกและเศษปูนเล็กน้อยไม่ลึกมากจนเป็นแผลฉกรรจ์อาจเป็นเพราะหน่วยของเขากำลังรุกเข้าไปยังจุดนัดนัดหมายยังไม่ทันจะไปยังจุดที่มีการระเบิด
         ไคจินรีบจะนำหน่วยของเขาเข้าสมทบหน่วยอื่นที่อยู่ใกล้เหตุระเบิดทันที
         “หยุดก่อนเจ้าหน้าที่ไคจิน! ให้หน่วยที่เขาถนัดงานนี้เข้าไปดีกว่า” เสียงใหญ่ทุ้มคุ้นหูของนายตำรวจใหญ่ปรามไว้ได้ทัน ด้วยไม่แน่ใจว่าอาจจะมีระเบิดระลอกใหม่ตามมาอีกไม่อยากจะเสียนายตำรวจดีๆ ไปทีละหลายๆ นายจากความไม่รอบคอบ การสูญเสียไม่คุ้มค่าเมื่อเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่เอง
         “รับทราบครับผม” ไคจินรับคำสั่งนายใหญ่พร้อมทำความเคารพ
         “คุณพาหน่วยของคุณไปปฐมพยาบาลกันก่อน ตัวคุณก็ด้วยเลือดจะอาบหน้าอยู่แล้วประเดี๋ยวได้แตกตื่นกันทั้งกอง” มือหนาทำสัญญาณให้หน่วยพิสูจน์ระเบิดเข้าไปก่อนตามด้วยหน่วยจู่โจมพิเศษเข้าไปยังเขตควบคุม
         “ครับผม” ถึงจะรับคำแต่สายตาเรียวจับจ้องดูเหตุการณ์ตรงหน้าไม่วางตาพลางคิดในใจว่านี่มันล้อมจับอาชญากรเบอร์ไหนกันถึงกับต้องพึ่งหน่วยจู่โจมพิเศษ
          หน้าที่ไม่ใช่! ก็ไม่ต้องสอดรู็เป็นดีที่สุดประสบการณ์เคยสอนไว้
          หลังจากแยกหน่วยกันแล้วที่สถานพยาบาล ความอยากรู้อยากสอดของไคจินได้กัดกินประสบการณ์ให้มลายสิ้นเขาพยายามถามเจ้าหน้าที่ที่ตนรู้จักจากหน่วยอื่นๆ ก็ไม่มีใครได้เข้าไปใกล้จุดนัดหมายซักนายเดียว
          หลังจากคำสั่งให้บุกยังไม่ทันจบคำสั่งดีเสียงระเบิดได้ดังขึ้นเสียแล้วเจ้าหน้าที่มีบาดเจ็บบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่สายตำรวจที่อยู่ยังจุดนัดหมายเสียชีวิตทันที่ในที่เกิดเหตุ
          นายตำรวจอย่างเขาทำงานเกินหน้าที่ด้วยการตามข่าวลึกไปถึงสายตำรวจที่เสียชีวิตว่าเป็นใครและได้มายืนอยู่หน้าร่างไร้ลมหายใจนั้นแล้ว เขาทำความเคารพศพอย่างนอบน้อมก่อนค่อยๆแย้มผ้าสีขาวที่คลุมทั่วร่างออกเฉพาะช่วงใบหน้า ซีกหน้าที่ไม่ได้รับอันตรายจากแรงระเบิดระยะใกล้ทำให้ใจของเขาแทบหยุดเต้นอยู่นะที่ตรงนี้
         “ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย!?” เสียงที่แหบอยู่แล้วแทบหายกลืนเข้าไปในลำคอ
          สองมือสั่นเทาค่อยๆ ปิดคลุมใบหน้าตามเดิม ไม่กล้าแม้กระทั้งจะมองร่างกายส่วนอื่นที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด เขาไม่กล้ามองจริงๆ ถึงจะเคยเห็นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
          หลากหลายความรู้สึกโถมเข้าใส่ประเดประดังจนคิดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทรุดตัวลงไปนั่งมือเกาะขาเตียงที่วางร่างว่างเปล่าไร้ลมหายใจไว้ก่อนจะทำใจลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั้นไป
          เขาเดินสวนกับเจ้าหน้าที่ชันสูตรที่กำลังเดินเข้ามาทำตามหน้าที่ ร่างเล็กยิ้มให้เล็กน้อยเพราะเคยเจอกันมาบ้างแต่ไม่บ่อยนักเพราะเขาเองไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับแผนกนี้
         “รู้จักหรือครับ” เจ้าหน้าที่ชันสูตรไตร่ถามเพราะเจ้าหน้าที่ไคจินที่มาที่นี่ไม่บ่อยนักนอกจากเป็นคนสำคัญหรือเป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจ เขาไม่ได้บอกเจ้าหน้าที่คนอื่นหรือแม้แต่หัวหน้าสายงานที่มีคนนอกมาเยื่ยมชมงานทั้งที่ธุระไม่ใช่แต่ขอแค่ข้อมูลเล็กน้อยที่เป็นประโยชน์ต่องานเขาบ้างจากการปิดปากเงียบเรื่องนี้
          “รู้...แต่” ไคจินยืนพิงผนังทางเดินแคบๆ จากห้องที่พึ่งเดินออกมา อาจเรียกว่าคุ้นเคยแต่ความสนิทสนมยณานเหมาะสมกับคำจำกัดนี้มากกว่า
          “ผมไม่เกี่ยงข้อมูลครับบอกผมมาให้หมดก็พอแล้ว” เสียงเรียบๆ แต่หนักแน่นแบบนี้ทำให้คนตรงหน้าหนีไม่ได้ทุกครั้งไป
          “ถ้าเป็นค่าปิดปากนายได้ก็ตั้งใจฟังให้ดีแล้วกัน” น่าหงุดหงิดชะมัดที่ไม่สามารถเรียกสติตัวเองให้ออกมาก่อนจะเจอคนร้ายกาจคนนี้ไคจินคิดแค้นตัวเองในใจ
          “อ่า…นั่นสินะครับ คุณตำรวจ(คนพิเศษ)” แพทย์นิติเวชพูดจาเป็นนัยเหมือนรู้ตัวตนแท้จริงว่าไคจินเป็นมากกว่าตำรวจธรรมดา
          ร่างสูงสมส่วนดูสุขภาพดีไม่รู้ลากเก้าอี้นั่งมาจากที่ไหนเตรียมพร้อมนั่งฟังนิทานก่อนเริ่มงานที่ไคจินจะเล่าด้วยความสนใจ ตัวตนแท้จริงของเจ้าหน้าที่นิติเวชคนนี้คือหนึ่งในสายข่าวที่มีหน่วยงานระดับภาครัฐส่งมาสืบหาข้อมูล
         จบตอนนี้ไปต่อไม่ออก ตอนหน้าจะเป็นตอนหนุ่มอัยการกับพ่อหนุ่มเอซิซ มันช็อทฟิวแปลกๆ มันแปลกๆ ไบโพล่าแปลกๆ  :katai1: เจอกันตอนต่อไปนะคะ คืนนี้บะบายก่อนค่ะชาวเล้าเป็ดทุกท่าน ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน้าทุกคน
          ย้อนมาดู Love Section 7 : อดีตรัก X' File กี่ตอนมาแล้วเนี่ย ไคซ์ลำเอียงให้ณานไปหรือเปล่าน้า ไม่ๆ มันคือเรื่องราวรักในอดีต แต่ตอนนี้ต้องลากยาวต่อเนื่องให้พ่อณานเขาหน่อย แฟนๆคู่อัยการรออีกอึดใจเดียวนะคะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-12-2023 09:37:38
Love Section 8 : ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์รัก
          ร้อยวันพันปีที่ณาน ลูเพียร์ซ่ามาทำงานแต่เช้าตรู่โดยปกติร่างสูงโปร่งราวนายแบบคนนี้แทบจะไม่เข้าหน่วยนอกจากมีการเรียกประชุมแต่เขาสามารถทำงานได้ดีตามที่ได้รับมอบหมาย ตอนนี้อาจจะเห็นหน้าหล่อคมเข้มบ่อยๆ เดินร่อนไปทั่วทุกที่ที่มีนายตำรวจชำนาญการพิเศษเดินตามติดเหมือนชีวิตนี้มีชายคนนี้เป็นผู้นำทางแห่งชีวิต ด้วยเพื่อนสนิทพึ่งย้ายมาเป็นตำรวจหน่วยพิเศษที่สำนักงานแห่งนี้หรือกลัวเพื่อนรักจะหลงทาง…(ทางแห่งรัก)
          “หลับแต่เช้าเลยนะเมื่อคืนกายกรรมหนักสิท่า” อัยการหนุ่มทักทายคนที่เอนกายนอนหลับบนเก้าอี้ทำงานของเพื่อนร่างเล็ก
          “พักสายตากับนั่งหลับมันต่างกันเยอะน่า” สายสืบหนุ่มยังหลับตานิ่งปล่อยความคิดต่างๆ ให้ไหลผ่านความคิดไปเรื่อยๆ นี่คือการคบคิดปัญหาบางอย่างในแบบของเขา
          “ไม่คิดจะเรียนต่ออาชญากรรมวิทยาหรือไง เป็นสายสอบสวนสืบสวนแล้วเมื่อไหร่จะได้นั่งโต๊ะบริหารงานในสำนักงานเสียที ยศก็ไม่ได้ขึ้นหน้าที่การงานก็นิ่งอยู่อย่างนั้น นายไม่สนใจเลือกสิ่งที่นายสนใจและถนัดหน่อยหรือสายงานของฉันยังขาดผู้ชำนาญการอีกหลายตำแหน่งนะ” เพื่อนสนิทชวนคนนอนใช้ความคิดให้มาร่วมงานด้วยกัน ทั้งที่ออกปากชักชวนด้วยจะชักแม่น้ำทั้งสิบทิศดึงแรงจูงใจมาจนหมดทั้งโลกก็ไม่เป็นผลกับคนอย่างฌานเลยซักนิด
          “ขอบคุณที่เป็นห่วงเคลาส์ ฉันมีความสุขดีนะรายงานตัวเมื่อมีภารกิจ เข้าประชุมตามวาระ แต่งตัวยังไงก็ได้ทำงานได้ตลอดเวลาหยุดเมื่อไหร่ก็ได้(ล่ะมั้ง) ที่สำคัญไม่ต้องนั่งดูเอกสารทั้งวันในคอกเล็กๆของสำนักงาน เขียนรายงานส่งก็จบรอภารกิจใหม่ บางครั้งก็อยากออกไปบู้กับไคจินบ้างถ้าเจ้าตัวอนุญาติล่ะนะ” อธิบายไหลหลบไปได้เป็นฉากๆ แต่ไม่ยอมปฏิเสธเต็มปากว่าไม่ต้องการ ไม่ต้องมาเป็นนายหน้าเสนองานให้สุดหล่อหน้าเข้มแสนคูลคนนี้ จะเปลี่ยนตำแหน่งงานไม่ยากแต่อยากจะอยู่ตำแหน่งรักให้แน่นแฟ้นเสียก่อน
         ทำงานสืบสวนสอบสวนนั้นกว้างขวางกว่าเจ้าหน้าที่ถือกระดาษเป็นปึกนั่งอ่านกันตาแฉะก้นด้านก็ไม่สามารถเข้าใจบางอย่างจากตัวหนังสือได้หมดหรอก
          ทนายว่าความยังต้องพลิกแพลงกลับผิดมากให้เป็นน้อย ผิดน้อยให้ได้เปรียบด้วยช่องว่างของกฎหมาย ให้เลือกระหว่างตัวหนังสือที่คนใช้ ทำไมไม่เข้าไปยังพฤติกรรมของคนที่ทำให้ต้องเขียนออกมาเป็นข้อกฎหมาย การทำงานดูง่ายแต่หลักฐานหายากยิ่งลึกเกาะป้องกันยิ่งหนาแน่น
          การลงลึกไปยังต้นตอถึงจะเสี่ยงแต่เขาก็ไม่ได้ทำงานคนเดียว มีสายตำรวจที่เขารู้จักและไว้ใจได้อยู่บ้าง รวมทั้งยังมีหน่วยสนับสนุนคอยดูแลจนจบภารกิจ อย่างน้อยก็ไม่เคยเจ็บปางตายกลับมาหรือนอนอยู่บนเตียงคนไข้ห้องไอซียูอาจมีเข้าห้องฉุกเฉินบ้างเป็นครั้งคราวแล้วแต่งาน
          เอาน่าแสวงหาความตื่นเต้นในชีวิต…แต่ก็ไม่เคยไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหรอกนะผมเองก็กลัวตายเหมือนกัน!
          “พอๆ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง!” อัยการหนุ่มไม่อยากฟังคำอธิบายยกฟ้าจรดมหาสมุทรหากยังเป็นคู่สนทนาให้ต่อไปคงได้นั้งเรือลอยคอเคว้งคว้างกลางทะเลแน่นอน งานยังมีอีกมากเวลามีน้อยต้องรีบสะสางงานให้เสร็จโดยเร็วและว่องไว
          “เอาน่าเพื่อนอย่างน้อยยังมองเห็นผักบุ้ง” ฌานนอนหัวเราะหึในลำคอ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ ไม่ได้อยากจะกวนเท้าเบอร์ใหญ่ซักเท่าไหร่หรอกแต่มันคือเรื่องจริงต่างหาก เขาพูดก็มีสาระนะถึงจะน้อยก็เถอะแม้จะสรุปได้ว่าอยากจะมีเพื่อนเป็นแฟนให้ได้ก่อน! ความมั่นคงต่างๆ จะตามมาเอง
          “ทำตามที่สบายใจเลยเพื่อน” อัยการหนุ่มคิดว่าต่อปากต่อคำก็ไม่เกิดประโยชน์แยกย้ายกันทำงานจะมีประสิทธิภาพมากกว่ามานั่งเถียงกับฌาน พูดกับไคจินง่ายกว่ารายนั้นนักเลงเรียกพี่พูดจริงทำจริงคำไหนคำนั้นใช้กำลังเป็นใหญ่เหนือทุกสิ่งอย่างที่เจ้าตัวตัดสินเองว่าถูกต้อง
          แค่คิดถึงเจ้าตัว ตัวเป็นๆ ก็มา…..
          “วันนี้ว่าง?”  เสียงแหบโทนสูงถามคนร่างสูงนอนเหยียดยาวบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง
          “มารอคู่เดท…พร้อมหรือยังที่รัก อุ๊บ! เพื่อนรัก” ฌานดีดตัวขึ้นนั่งตัวตรงสลัดความง่วงเหงาหาวนอนออกได้เป็นปลิดทิ้ง
          “เดท! กับนายเนี่ยนะเดินไปสู่หายนะชัดๆ นรกบนดินนะสิ ไม่เอาด้วยหรอก” ร่างเล็กทำท่าทางขยาดประกอบ เขาต้องได้รางวัลนักแสดงชายดีเด่นแน่ๆ ที่ยังคงหยอกเย้าเล่นหัวกับคนตรงหน้าได้อย่างปกติเช่นนี้
          ยังไม่ทันที่บรรยากาศกระเซ้าเย้าแหย่จะเกิดขึ้นให้คนที่ง่วงงุนจากการอดหลับอดนอนกระชุ่มกระซวยขึ้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องที่ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่
          “ท่านรองฯ เรียกประชุมที่ห้องเล็กตึกกลางครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมหุนหันเข้ามาหาไคชินด้วยคำสั่งด่วน
ไคจินหันกลับไปหาเจ้าหน้าที่สายข่าวทำให้ฌานเห็นบาดแผลที่ผ่านการปฐมพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว บาดแผลปิดด้วยผ้าก็อตขาวสะอาดหลายจุดไม่มีรอยเลือดซึมอาจจะเป็นแผลที่ไม่ลึกมากนักเขาเดา ขอให้เป็นอย่างที่คาดการณ์
         ตำรวจพิเศษที่โดนเรียกตัวกะทันหันรับคำแล้วหันกลับมายังชายหนุ่มที่คงสงสัยกับบาดแผลบนศีรษะด้านหลัง เขาเผลอสัมผัสแผลที่ด้านหลังศีรษะ ซึ่งอาจจะได้มาจากแรงระเบิดทำให้วัตถุที่แตกหักลอยมากระทบหัวเข้าให้ตอนหันหน้าหลบควันฝุ่นที่่ฟุ้งกระจายหลังการระเบิด
          ด้วยเพราะตัวเขาเองเป็นหัวหน้าหน่วยและอยู่ด้านหน้าสุดหันหลังพุ่งตัวดันผู้ตามให้ก้มลงหลบฝุ่นและสาระพัดเศษของสิ่งแตกหักพร้อมดันพลพรรคให้ถอดกลับไปตั้งลำใหม่ตรงมุมถนนข้างห้างสะดวกซื้อ
          “มีอะไรที่ฉันต้องรู้? หรือนายเองไม่คิดจะบอกให้ฉันรู้แม้แต่แผลบนหัวของนาย” ขายาวๆ ไขว่ห้างสบายๆ มือทั้งสองกอดอกไว้หลวมๆ ตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบของคนปากแข็ง ตัวเขาเองเห็นไคจินเช่นเดียวกันที่ถนนสายนั้นแต่คิดว่าอาจจะเป็นชายหนุ่มเอเชียคนอื่นเพราะถ้าเพื่อนเขาลงพื้นที่ไม่มีทางที่ฌานจะพลาดไม่ติดสอยห้อยตามไปด้วย
          “สิ่งที่นายควรได้รู้ย่อมได้รู้ อาจจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้หรือมะรืน…นายจะได้รู้วันซักวันเมื่อถึงเวลาอยู่แล้ว” ไคจินตอบคำถามได้กำกวมที่สุดในรอบหลายวันหรือจะเป็นมุกตลกแบบใหม่ต้องขำออกไปรับมุกด้วยหรือเปล่า
          เคลาส์รับเอกสารสรุปรายงานภารกิจจากเพื่อนร่างเล็ก ตัวเขาเองไม่รู้รายละเอียดมากนักกับภารกิจเมื่อเช้าเพราะอยู่นอกเหนือหน้าที่การทำงานของตนเอง หน่วยแบ่งหน้าที่ออกจากกันชัดเจนมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตรวจสอบงานอีกครั้งแล้วเรียกประชุมสรุปการทำงาน มือหนาเปิดอ่านรายงานแทบจะทันทีที่ได้รับมา
          วิคเตอเรีย เทมส์!...วิกกี้ เซนเดอร์ซัน? ชื่อแรกอัยการหนุ่มคุ้นเคยเป็นอย่างดีแต่กับชื่อถัดมาทำให้เขาต้องเข้ารหัสหาข้อมูลอยากแฟ้มพิเศษของงานราชการ
          ใช้เวลาไม่นานข้อมูลทั้งหมดได้ถูกอ่านจนครบจบทุกกระบวนความจนมาจบที่ประโยคสุดท้าย ‘หน่วยงานได้สูญเสียเจ้าหน้าที่สืบราชการลับจากการระเบิดที่จุดล็อกเป้าหมาย’ มีรายงานผลชันสูตรแนบเป็นเอกสารแยกให้อ่านแต่ยังไม่มีการอัพเดตรายละเอียด
          ไม่รอให้เพื่อนคนไหนตอบคำถามฌานเดินอ้อมไปดูจอมอร์นิเตอร์ของเพื่อนอัยการทันทีไม่ทันที่จะปิดซ่อนแฟ้มข้อมูลเอกสารระบุการตายนั้นณานเห็นเต็มสองตา
          “เคลาส์! เกิดอะไรขึ้นกับวิกกี้?”
          “ฉันไปประชุมก่อนนะ” ไคจินหันหลังจะออกจากห้องให้เร็วที่สุดเขาเริ่มเห็นลางร้ายที่กำลังจะตามมาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป ยังไม่ทันได้ก้าวขาชะตาขาดตัดหน้าแล้ว
          “ไคจิน! วิกกี้เป็นสายให้กับหน่วยไหน” น้ำเสียงแหบเสน่ห์กลายเป็นเสียงขู่กรรโชกทรัพย์ในทันที
แล้วทำไมต้องเป็นร่างเล็กเสียงน่ารักคนนี้ต้องมาตอบคำถามนี้ด้วย ไคจินหนีไม่พ้นลางร้ายที่สัมผัสได้แต่ไม่อาจหนีทัน รอดตายเพราะดวงแข็งแต่ไม่อาจรอดปลอดภัยจากคำถามง่ายๆแต่ตอบยาก
          “นายก็อ่านแล้ว…” ไคจินนั่งบนขอบโต๊ะทำงานตัวเองลอบถอนหายใจเบาๆ หนักใจที่ต้องบอกรายละเอียดภารกิจพิเศษนี้ให้เพื่อนสนิทได้รู้ ท่านรองฯกำชับให้เก็บเงียบไว้ใครก็บอกไม่ได้นอกจากหน่อยพิเศษที่จัดตั้งขึ้นมาเฉพาะเท่านั้น
          “จะปิดไปถึงเมื่อไหร่กัน” ขายาวๆ ก้าวมายืนตรงหน้าใกล้แค่เอื้อม มือไม้ไม่เกาะเกะคนที่แอบรักเหมือนแต่ก่อนแต่ท้าวแขนทั้งสองข้างบนโต๊ะคล่อมไคจินไว้เหมือนอยู่ในอ้อมกอดเขากลายๆ ยิ่งทำให้คนในวงแขนอึดอัดเข้าไปใหญ่
          “จะมาเค้นอะไรกันฉันเล่า นายจะฟื้นฝอยหาตะเข็บคิดว่าจะเย็บกลับมันได้เหมือนเดิมหรือไง” ร่างเล็กฮึดฮัดเผลอขึ้นเสียงตอบกลับไปทั้งที่่คนตั้งทำถามไม่ได้มีความผิดอะไร
          ข้อมูลที่เขาไล่อ่านลอยเด่นเป็นมโนภาพชัดเจนอยู่ในหัว มันจะเป็นไปได้ยังไงที่วิกกี้จะตายไปแล้วก็พึ่งจะเจอกันและจากกันเมื่อฟ้าสาง รายงานของไคจินต้องไม่ใช่เรื่องที่นั่งเทียนเขียนมาแน่แต่ปฏิกริยาของคนน่ารักนี่มันยังไงกัน
          “นี่โกรธ?หรือโมโหหึง!...หือ?ไค” ไม่วายแหย่ให้คนในอ้อมแขนแสดงสีหน้าและท่าทางกระอักกระอ่วน อาการแบบนี้ช่างน่ารักน่าชังในสายตาณาน(คนเดียว)ยิ่งนัก
          “ลามปาม!!...นายล่ะ ไปทำอะไรที่นั่น” คนตกเป็นเบี้ยล่างขึ้นเสียงขึ้นมาบ้าง
          “รู้แล้วจะยิ่งโมโห หึงแรงอีกหรือเปล่าล่ะ…ล้อเล่นน่า เจอวิกกี้ที่ร้านประจำของฉันกับเคลาส์ คุยกันจิบเครื่องดื่มแล้วไปส่งเธอที่หน่วยของนายไปปิดล้อมพื้นที่ไว้ แต่ต้องย้อนมาอีกเพราะจะเอาเสื้อคลุมคืนให้เธอ” ฌานถอนมือทั้งสองข้างออกจากคนร่างเล็กดุดันยังกับกระทิงหนุ่มขณะพูดอธิบายเหตุการณ์ที่พึ่งได้เจอกับสายลับสาวที่ครั้งหนึ่งใกล้ชิดกับเขามากที่สุด
          “นายอาจจะถูกกันไว้เป็นทยาน ช่วงนี้อย่าทำอะไรสะดุดตา อยู่ติดกับไคจินไว้เรื่องที่เจอวิคเตอเรียเงียบไว้ ไม่จำเป็นทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไว้ไม่ต้องบอกใคร” อัยการหนุ่มพูดหน้านิ่งสีหน้าเอางานเอาการไม่เล่นหัวเล่นหางเหมือนที่เคย
          ครั้งก่อนที่ฌานต้องเผชิญกับเรื่องของวิคเตอเรียพวกเขาทั้งสองคนยังพอจะช่วยเหลือเพือนสนิทคนนี้ได้เต็มความสามารถ แต่ภารกิจนี้ทุกอย่างเหมือนทำกันลับๆล่อๆ มีพลร่วมภารกิจเป็นเจ้าหน้าที่พึ่งบรรจุใหม่ซะส่วนใหญ่ มีการขอความร่วมมือจากหน่วยพิเศษด้วย เหมือนภารกิจนี้ถูกเขียนไว้ล่วงหน้าเป็นแค่ละครหลอกตาฉากหนึ่ง…หรือจะเป็นละครลิงตีฉิ่งตบฉาบเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมหรือไงกันงานนี้?
          “ฉันไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะเพื่อน สำรวจเสื้อตัวนั้นให้ดีก่อนจะมีมือดีฉกมันไปไม่ว่าเจออะไรไม่ต้องบอกใครทั้งนั้นไม่ว่าจะกับฉันหรือไคจิน นั่นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ให้นายก็ได้ณาน”
          “คนสุดท้ายที่วิคเตอเรียเลือกที่จะเจอคืนนาย เธอน่าจะคิดและวางแผนบางอย่างไว้แล้ว” ราวนี้คนใช้แต่กำลังสนับสนุนความคิดเห็นของเคลาส์เต็มที
          “คิดมากไปน่าที่รัก…อ่ะ! เพื่อนรัก”
          “ถ่านไฟเก่าคุหรือไงพูดถึงนิดพูดถึงหน่อยต้องปกป้องคนที่เคยทำให้เจ็บช้ำจนจะเป็นจะตายเมื่อหลายปีก่อนน่ะลืมไปหมดแล้วหรือไง…สมองนะสมองเจ็บแล้วไม่จำ” ไคจินพ่นไฟใส่แบบไม่มียั้งยังดีที่ไม่แถมแม่ไม้มวยไทยที่ซุ่มเรียนมาฟาดแข้งตีเข่าชกตัวจนฌานสลบก็ดีแล้ว
          “ครับ…ระบายมาเลยผมน้อมรับความหึงหวงของคนที่รักกัน ผมยินดีๆ”
          “อย่ามัวแต่ยินดี เก็บคำพูดฉันไปคิดและทำตามซะด้วย” อัยการพูดเสียงแข็งเป็นการออกคำสั่งมากกว่าพูดเล่นพูดหัว
          เคลาส์เริ่มหมั่นไส้เพื่อนตัวดีที่ยังไม่รู้ตัวว่าลางร้ายกำลังจะมาเยือนในไม่กี่อึดใจแต่ยังทำตัวมีความสุขเล่นหูเล่นตาทำหน้าระรื่นชื่นมื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
          เช่นเดียวกับฌานคิดเหน็บอัยการเพื่อนรักเพื่อนเที่ยวเพื่อน…อยู่ในใจทำเป็นพูดดีไปจัดการเรื่องแฟนมีดุ้นของตัวเองได้แล้ว พอมีเรื่องคอขาดบาดตายของเพื่อนแกล้งทำตัวลอยเหนือปัญหาเลยนะ ผับผ่า!
          อัยการส่งสัญณานมือให้รีบไปจัดการให้เร็วและเงียบที่สุด เพื่อนก็เหมือนรู้ใจพยักหน้ารับและเดินตามไคจินไปเหมือนวันก่อนๆ หาจังหวะปลีกตัวไปยังที่จอดรถ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ลานจอดรถที่สำนักงานแห่งนี้แน่นอน เซนส์ของเขาบอกไว้ก่อนหน้าเพื่อนอัยการทักท้วงแล้วเหมือนกัน
          ได้เวลาอัยการรักดาราออกโรงตอนต่อไปค่ะ  :katai3:
         
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-12-2023 10:07:16
Love Section 9 : ฉากรัก สะท้อนใจสะท้านอารมณ์
          หนึ่งวันสองวันนานเป็นอาทิตย์และล่วงเลยมาเป็นเดือนที่เอซิซไม่ได้ข่าวคราวจากอัยการหนุ่มรักแรกเซ็กส์เลยแม้แต่ข้อความสั้นๆ บนมือถือ
         “ไม่เจอแค่เดือนสองเดือนเองพี่อย่าทำหน้าเซ็งแบบนั้นน่า” โอลิเวอร์ผู้อยู่ใกล้ชิดและเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมมาตลอดพูดแซวดาราดังที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะคนที่ตัวหลงรักไม่ยอมติดต่อมา
         “หยุดพูดเลยเดี๋ยวหงุดหงิดใส่”
         “พี่ก็หงุดหงิดใส่ผมอยู่เรื่อยล่ะ”
         ดาราหนุ่มได้แต่ทำเสียงจิจ๊ะไม่พอใจจะอารมณ์เสียใส่ใครก็ไม่ถูกไม่ควรอยู่แล้วอยากจะตบหัวตัวเองให้หายบ้าที่ดันไปหลงรักสมบัติของชาติเข้าให้
          “เอาน่าพี่เลิฟซีนฉากนี้เล่นให้สมบทบาทใส่ให้เต็มที่ ผมไม่รั้งแล้ว ฮ่ะฮ่า ดึงเรตติ้งเยอะๆเล่นแล้วต้องให้แรง!เอาให้สุด!ไปเลยนะพี่” ผู้จัดการยุส่งให้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
          “อะไรกัน? ไม่ห้ามแล้วหรือไง ไหนบอกว่าใช้มุมกล้องช่วย”
          “เอ๋? เอซิซสุดแซ่บ! กลายเป็นคนเรียบร้อยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมไม่ยักสังเกต ฮ่ะ ฮ่า โอ้ย! พระเจ้าช่วยผมด้วยหัวเราะจนจะตายอยู่แล้ว” คนยิ้มยากถึงกับหัวเราะงอก่องอขิง
          หากรู้ว่าคนมีความรักแล้วรักนวลสงวนตัวแบบนี้จะรีบยุยงส่งเสริมให้เอซิซมีความรักไวๆ แถมคนที่ทำให้ดาราพฤติกรรมแรงๆ หลงใหลได้ขนาดนี้ก็หาใช่คนอื่นคนไกลจัดการนัดบอดให้ซะก็สิ้นเรื่อง ก็ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ล่ะนะ!
         “ขำอะไรนักหนา”
         “เปล่าๆ ฮ่ะๆ แค่โคตรขำมากๆ เท่านั้นเอง” โอลิเวอร์ระเบิดเสียงหัวเราะสะใจอีกระลอกใหญ่จนคนที่เดินผ่านหน้าห้องพัก
          ดาราหนุ่มสุดเซ็กซี่ถึงกับหันกลับมามองทำหน้าเลิ่กลั่กว่าเสียงหัวเราะที่ได้ยินนั้นของผู้จัดการหน้านิ่งหรอกหรือ?
ดาราหนุ่มหน้าสวยได้แต่มองด้วยสายตารุกฆาต ทุกทีเคยแต่กวนโทสะยั่วประสาทโฮพอวันนี้เป็นฝ่ายถูกก่อกวนเข้ามั่งถึงกับอยากระเบิดกะโหลกคนฉลาดให้บ้าอย่างนี้ตลอดไปไม่ต้องกลับมาเป็นผู้จัดการมาดนิ่งสุขุมคนเดิมซะเลย
          ปล่อยให้ผู้จัดการให้ปลดปล่อยอารมณ์ไปซักพัก ก็เริ่มกลับมาเป็นผู้จัดการรุ่นน้องจอมเคี่ยวคนเดิม
          “ได้เวลาแล้วครับพี่ ไปทำงานกันได้แล้ว”
          “ครับคุณผู้จัดการโฮโอ้ปป้า...ชิส์!”
     นางเอกและพระเอกซักซ้อมฉากจูบสุดโรมานซ์กันได้ซักพัก ผู้กำกับก็สั่งให้ซ้อมฉากเรียกอารมณ์ก่อนการถ่ายจริงโดยผู้กำกับหนังรักโรแมนติกสไตล์เศร้าซึ้งตามสูตรรักแบบฉบับดราม่าน้ำตาท่วมจอ
         ในระหว่างที่ทั้งคู่มีความรู้สึกดีต่อกันต่างฝ่ายต่างซึมซับความรักที่มีให้กันทีละน้อยๆ ใต้ฉากแสงพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า
          “เอซิซพูดขึ้นมา 'ผมอยากจูบคุณ' หลังจากนั้นกล้องจะเพลนฉากจูบสุดงดงาม ขอให้จูบค้างไว้ก่อนแค่ริมปากเตะกันเป็นพอแล้วหยุดค้างไว้ เพื่อรอให้แสงอาทิตย์จริงเลื่อนลงมาซ้อนเป็นฉากหลังฉาก ลักษณะจูบจะต้องลึกซึ้งถ่ายทอดความรู้สึกตั้งแต่ฉากเริ่มต้นจนอารมณ์รักปะทุมาถึงฉากจูบตรงนี้ เอาล่ะมาซักซ้อมกันก่อน” ผู้กำกับทบทวนฉากนี้ให้นักแสดงได้เข้าใจอีกครั้งเตรียมซักซ้อมเดินกล้องถ่ายฉากสำคัญ
          “ACTION!”
          ดวงตากลมโตบรรจงมองใบหน้าสวยใสของดาราสาว หญิงที่เขาเผลอใจรักเพียงแค่ระยะเวลาสิบสี่วัน เธอลอบมองแววตาหวานซึ้งนั้นด้วยความขวยเขิน
          เมื่อสองคนได้สบตาต่างรู้ได้โดยพลันว่าเราสองคนต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันเข้าให้แล้ว เอซิซมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยแต่พยายามควบคุมมันไว้
          “ผมอยากจูบคุณ...ได้ไหม”
          หญิงสาวอ้ำอึ้งไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือเอ่ยปากรับคำเธอมองเขาด้วยความฉงนเธอกำลังสับสนในตัวเอง
          เมื่อไร้การปัดป้องใบหน้าชายหนุ่มก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปากอิ่มสวยบรรจงแนบเข้าไปกลีบปากบางของนักแสดงสาว ผู้ยึดติดกับคนรักผู้จากไป โดยหารู้ไม่การที่เธอให้พบกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ดีกันบ้างทะเลาะกันบ้างรวมช่วงเวลาต่างๆที่อยู่ร่วมกัน ค่อยๆ เปลี่ยนเธอให้รักเขาอย่างช้าๆ เธอได้พบความรักครั้งใหม่สุดโรแมนติกอีกครั้ง
          กว่าจะรู้ตัวเธอและเขาก็จูบตอบแทนความในใจซึ่งกันและกันอย่างหวานซึ้ง
          มือของเอซิซประคองใบหน้าหญิงสาวที่เขามีใจอย่างถนุถนอม ค่อยๆ บดริมฝีปากช้าๆ ดึงความรู้สึกคู่แสดงให้จมสู่ห้วงแห่งรักที่เขาต้องการบอกหญิงสาวที่ครั้งนี้อาจเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะได้พบเจอกัน
            “CUT!”
          ฉากจูบสุดหวานที่ถูกซักซ้อมจนเป็นที่พึงพอใจ และเมื่อเข้าฉากถ่ายทำจริงทั้งนักแสดงและผู้กำกับ รวมผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ภายใต้การแสดงฉากนี้เหมือนโดนมนต์สะกดให้จับจ้องอยู่กับนักแสดงทั้งคู่
          เอซิซแสดงได้หวานสมใจแต่ละครั้งที่ซ้อมเขาสามารถพัฒนาการแสดงทั้งสีหน้าและแววตาได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนยากที่ใครจะละสายตาออกจากการแสดงของเขาได้ จนเมื่อฉากจริงเริ่มถ่ายทำดาราทั้งคู่ร่ายมนต์สะกดอีกครั้งอย่างไม่ติดขัดและขวยเขิน
          ดาราหนุ่มบรรจงถ่ายทอดความรักของเขาผ่านบทจูบได้อย่างอ่อนโยนและร้อนแรง ยามเมื่อแสงอาทิตย์อัสดงสาดฉายแสงสีทองอร่ามมายังคนทั้งคู่เหมือนดังม่านหมอกที่ดูดกลืนสรรพสิ่งให้จมดิ่งอยู่ในห้วงเวลาที่แสนอบอุ่นและงดงาม ทุกอย่างรอบตัวแตกพล่าเหมือนจะแหลกสลายเสียให้ได้เมื่อได้ประทับจูบแรกรักของกันและกัน
          กล้องยังคงเดินเก็บภาพฉากรักนี้ไปเรื่อยๆ คนทั้งคู่ต่างพรั่งพรูความรักที่มีให้กันและกันทั้งสายตาและร่างกายอย่างเต็มศักยภาพจนกว่าจะได้ยินเสียงสั่งคัทจากผู้กำกับ
       “OKAY!, CUT!”
          นักแสดงทั้งสองค่อยๆ ผละออกจากกัน ทั้งคู่ต่างสวมกอดกันตามมารยาทและโค้งขอบคุณทีมงานที่ได้ทำงานหนักมาด้วยกันจนถึงฉากสุดท้ายเมื่อครู่ที่จบลงอย่างสวยงาม
          เสียงขอบคุณดังแซ่ซ้องทั่วทั้งกองผู้ร่วมงานต่างเดินเข้ามาจับมือแสดงความยินดีกับดารานำทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองในกระบวนการตัดต่อ
          “คืนนี้มีฉลองปิดกองนะคะ”
          “ครับ” ดาราหนุ่มยิ้มเล็กน้อยพร้อมก้มศีรษะน้อมรับคำเชื้อเชิญ ในเมื่อคืนนี้ไม่มีธุระที่ไหนอยู่แล้ว หาเพื่อนคุยแก้เหงาดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะ
          “แล้วเจอกันค่ะ” ดาราสาวที่แสดงคู่กันเชิญให้อีกฝ่ายไปเลี้ยงสังสรรค์กันคืนนี้ด้วยเหล่าเพื่อนสาวกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ห่างๆ ที่สาวเจ้ากล้าชวนคนสุดฮอต
          “ครับแล้วเจอกัน” เขาเผยรอยยิ้มหวานสร้างเสน่ห์ให้ตัวเองไม่หยุดหย่อน สองแก้มของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อสร้างความภูมิใจให้เจ้าตัวได้ไม่น้อยที่สามารถทำให้นักแสดงหญิงเขินอาย
          “เสือไม่ทิ้งลายเลยนะพี่” ผู้จัดการคู่กายกระแซะให้
          เห็นทีคงไม่ต้องเตือนคุณพี่ให้มาร่วมงานด้วยตัวเองซะแล้ว ผู้กำกับกำชับว่าต้องพาเอซิซมาให้ได้เพราะจะมีปาร์ตี้ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณที่สนับสนุนละครเรื่องนี้
          “ฉันก็ผู้ชายคนหนึ่งนี่นา” เรื่องจริงซะอย่างยืดอกพูดให้ภาคภูมิ
          ผู้จัดการพยักหน้าเหมือนเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความเป็นผู้ชายแบบเอซิซ ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ผู้ชายจะโปรยเสน่ห์ใส่เพศตรงข้ามไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่จะใช้เสน่ห์มัดใจชายด้วยกันถ้าเป็นดาราสุดฮ็อตคนนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ(ไปหรือเปล่า?)
          “พี่มีตารางงานในห้องอัดด้วยเป็นมินิอัลบั้มของหนังเรื่องนี้” ผู้จัดการโฮบอกตารางงานให้ดาราที่ดูแลอยู่รู้ขณะเดินกลับไปห้องแต่งตัว
          ร่างบางได้แต่พยักหน้ารับรู้ไม่ได้ต่อปากต่อคำเหมือนเคยเมื่อรู้ตารางงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
          “แล้วก็เรื่องหน้าปกซิงเกิลพิเศษพี่อยากเสนออะไรหรือเปล่าผมจะได้บอกกับทางบริษัท”
          “ถ้าเอาฉากจูบขึ้นปกได้ฉันจะดีใจมาก”
          หนุ่มฮ็อต(ซ่า)ก็ยังคงความแรงได้อย่างสม่ำเสมอ นึกสงสารแฟนคลับอยู่เหมือนกันอีกครั้งมาแล้วนะที่โดนดาราหน้าสวยทำร้ายจิตใจอยู่เรื่อยๆ แต่ก็แปลกแทนที่จะหนีหายกลับเพิ่มความคลั่งไคล้อย่างบ้าคลั่งซะอย่างนั้น ลัทธินิยมซาดิสมาโซคิสม์กันทั้งดาราและแฟนคลับจริงๆ
          “พูดมาได้นะพี่ ก็รู้กันอยู่ว่ายากถ้าลงในสมุดภาพที่แถมในดีวีดี ผมรับรองว่าข้อเสนอนี้ผ่านฉลุย และก็ไม่ใช่จูบแต่กำลังจะจูบ”
          “งั้นก็ไม่ต้องถาม ความคิดเห็นไม่ต้อง!”
          ผู้จัดการวัยละอ่อนกว่าถึงกับส่ายหน้ากับคำตอบเอาแต่ใจของเอซิซ แต่ก็น่าดีใจที่รุ่นพี่ตอบโต้เขาได้เป็นฉากๆ แบบนี้แสดงว่าเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้วสินะ?
          แต่ว่าดาราดังอย่างเอซิซเสียเซลฟ์เพราะรักนี่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่ใช่น้อยเลย น่าเสียดายๆ ที่จะไม่ได้เห็นอิมเมจแบบนี้อีกแล้ว!
          “แล้วพี่จะปาร์ตี้คืนนี้แน่นะ?”
          “แน่นอน ไม่น่าถาม” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นมีหรือโฮโอ้ปป้าจะไม่รู้ทัน นี่คงจะไปสอยสาวสวยอีกสิท่านึกว่าเจอที่รักในดวงใจแล้วจะหายตีหม้อซะอีก!
          “ก็หวังว่าอย่าทำประชดใครก็แล้วกัน มีความสุขสุดเหวี่ยงนะพี่ขอให้โชคดี ครางสนั่นเตียงสะเทือนนะครับคุณพี่หน้าสวยมาดแมน”
         
          สรรพคุณแปลกประหลาดทำให้หันขวับมาค้อนผู้จัดการผู้ฉลาดเกินคนไปหนึ่งที เรื่องส่วนตัวของเขาเนี่ยรู้ดีไปเสียทุกอย่าง เรื่องคนอื่นจะฉลาดรู้เหมือนเรื่องของแอมโบรเซียส เอซิซคนนี้หรือเปล่าไม่ทราบ!
          ‘หงุดหงิด’
          ‘ต้องหาที่ปลดปล่อย!’
          ‘ผู้ชายแบบอัยการนั่น คงไม่มีคนเดียวในโลกหรอกน่าไม่ตายซะก่อนก็คงหาได้อีกหลายคน’ นึกพาลโกรธคนหายหัวหายหน้าหายไปซะทุกอย่างในชีวิตอีกจนได้

          ผู้จัดการโฮได้แต่มองไล่หลังดาราหนุ่มด้วยอาการขำขัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อขายาวๆ กำลังก้าวตามหลังดาราหน้างอไป เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นหมายเลขพร้อมชื่อคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอ
          “ครับ เสร็จแล้วครับวันนี้เอง”
          เสียงปลายสายยังคงพูดจาเรื่อยๆ ไม่ได้แสดงน้ำเสียงปิติยินดีอะไรมากมาย นักกฎหมายนี่มันน่าเบื่อชะมัด!
          “ได้ครับ ช่วยถนอมร่างกายพี่ผมด้วยนั่นดารานะครับไม่ใช่ตุ๊กตายาง” โอลิเวอร์ส่งข้อความไปบอกสถานที่ที่เอซิซไปหลังจบงานถ่ายละคร
          ผู้จัดการแสนดีแค่บอกให้เว้นระยะแต่คุณท่านอัยการหายเงียบไม่ส่งเสียงซักแอ่ะ นี่คงไม่เข้าใจอะไรผิดไปหรอกนะแค่บอกให้ห่างเซ็กซ์นิดหน่อยไม่ใช่หยุดสักหน่อยนะคุณพี่!
          คุณพ่อเคราส์ก็แข็งทือตรงเป็นมาตราชั่งวัดตวง อ่านว่าอย่างไรได้ยินคำพูดอะไรก็ทำตามตรงเป๊ะ! ระวังสติจะขาดผึงน้าคุณท่านอัยการขา :impress2: จะต่อตอนต่อไป...นานหน่อยนะคะอย่าใจร้อน
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-12-2023 11:28:40
Love Section 10 : ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรัก ผู้ชายจับมัดเขาว่าหวังจะรักแรงๆ

          คนเคยเป็นคนเสน่ห์ร้ายกาจเพียงใดตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ดาราหน้าสาวยเที่ยวรู้จักคนนั้นคนนี้ไปทั่วทั้งหญิงและชาย คนในวงการนี้เหมือนมากหน้าหลายตาแต่พอรู้จักกันจริงจังแล้วก็เจอกันคบกันแต่กับคนเดิมๆ ยิ่งคนไหนชอบพอกันรสนิยมเดียวกันมักไม่แคล้วกันไปซะทุกงาน
          เสียงพูดคุยหยอกล้อสัมผัสเนื้อแตะต้องตัวดูเหมือนเรื่องปกติยิ่งพอแอล กอฮอลิซึ่มตามๆ กันด้วยแล้วเรื่องใต้สะดือมักไม่พ้นเป็นหัวข้อสนทนา
          เรื่องราวครั้งเก่าเก็บถูกนำมารื้อฟื้นกันอย่างสนุกปาก ท่าทางเจ้าตัวคงทำเรื่องที่น่าจดจำไว้เยอะพอๆ กับใบหน้าสวยๆ นั่นแน่ๆ
          ใครว่าผู้หญิงจับกลุ่มสนทนานินทากันได้ร้ายกาจลองมาฟังผู้ชายด้วยกันจับกลุ่มคุยกันบ้างได้มีอาย!
         “ก็ผู้ชายธรรมดา...หวังอะไรมากมาย”
          ร่างสูงเดินหายไปยังมุมมืดของคลับเฮ้าส์ชื่อดังอาจเป็นความผิดมหันต์ที่เขาอยากรู้จักโลกของอีกคนให้มากขึ้น แต่พอได้มาเห็นจริงๆ กลับไม่อยากรับรู้ซะดื้อๆ
          “ชอบคนไม่ได้ชอบสังคมที่เขาอยู่สักหน่อยคิดมากไปได้”
          อัยการหนุ่มขับรถออกจากแหล่งคนดังมีดาราสาวสวยบางคนจำเขาได้ และยิ้มทักทายเขาก็แสดงไมตรีตอบตามมารยาท
คงเป็นเรื่องปกติที่หลายคนอาจจดจำหน้าตาหรือชื่อของเขาได้ เพราะรูปของเขาถูกตีพิมพ์ลงในคอลัมน์เกี่ยวกับกฎหมายหรือในนิตยสารออนไลน์สำหรับผู้หญิงบ้างเป็นครั้งคราว
          การตอบคำถามแปลกๆ ที่แสนจะยากเข้าใจในความรู้สึกนึกคิดนักกฎหมายอาชีพ หรือถูกจัดลำดับเป็นผู้ชายในฝันหนึ่งในสิบที่คุณผู้หญิงสรรหาแต่งตั้งและขยันจัดประเภทของผู้ชายกันขึ้นมาสารพัดสารเพ เขาไม่เคยสนใจว่าจะมีคนสนใจตามอ่านบทความที่เขาได้เขียนไว้ไหม
          คิดว่าที่ดังมาได้เพราะวันงานพิธีการของรัฐบาลงานหนึ่งดันไปยืนข้างๆ ท่านรัฐมนตรีความมั่นคงที่ท่านได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาใหม่ ทำให้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชน เพราะเป็นการรวมพลคนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนภาพลักษณ์การทำงานระบบราชการรุ่นเก่าๆ นี่เป็นเหตุการณ์เดินผิดชีวิตเปลี่ยนเหมือนได้เป็นเซเลปคนดังเดินอยู่บนพรมแดง แจ้งเกิดกันวันนั้นเลย!
          ก็ดีอยู่หรอกที่เป็นที่สนใจ เป็นผู้ชายนี่นาก็ย่อมอยากเป็นหัวข้อสนทนาของสาวๆ อยู่แล้ว
          ผู้ชาย? ผู้หญิง?
          ผู้หญิง?หรือผู้ชาย? หรือต้องเป็นผู้หญิง?
          นี่ถ้าเขานั่นเด็ดกลีบดอกไม้เลือกเพศของคนที่ตัวเองรักได้มันคงจะดีไม่น้อยเลย

          ร่วมเดือนทำให้เขากระวนกระวายใจที่ไม่ได้ติดต่อกับดาราหนุ่มหน้าสวยเหมือนตัวเองเป็นคนใจดำทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆให้ต้องหม่นหมองรู้สึกผิดแต่ลึกๆ จะได้พิสูจน์หัวใจตัวเองว่ารักเขาคนนี้จริงหรือหลอก
          อาจด้วยเจอเหตุผลเป็นงานเป็นการจากผู้จัดการหนุ่มรุ่นน้องลูกชายของเพื่อนพ่อค้ำคอค้ำจิตสำนึกที่ดีอยู่ คำพูดของโฮยังดังอยู่ในหูเมื่อนึกถึงเอซิซ ‘ผมไม่ได้รังเกียจความรักแบบนี้หรอกนะครับแต่ช่วงนี้พี่เอซิซมีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะพอสมควร ผมอยากให้พวกพี่ชะลอเรื่องพันธะทางกายเอาไว้ก่อน และก็อยากขอเวลาให้ทั้งสองคนคิดทบทวนเรื่องอ่อนไหวนี้ให้ดีๆ ผมไม่ได้พูดแค่กับพี่เคลาส์คนเดียวนะครับ กับพี่เอซิซผมก็ต้องพูดเช่นเดียวกัน’
          “หนึ่งเดือนเต็มๆ เชียวนะ ทั้งที่...เฮ้อ เอาเถอะตามเวรตามกรรมคู่กันแล้วจะแคล้วกันสวรรค์คงบัญญัติเอาไว้แล้ว”
          เมื่อได้เข้ามาในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่โอลิเวอร์ส่งบัตรผ่านเข้างานมาให้ กลับทำใจยอมรับไม่ได้เสียเองว่าเอซิซดาราหนุ่มหน้าตาดีเกินมาตรฐานเป็นที่ต้องตาต้องใจของใครต่อใครทั้งหญิงและชาย เจ้าตัวเองก็ดูมีความสุขดีทักทายพูดคุยเปิดเผยและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ชายเท่ห์ๆ เป็นที่หมายปองของใครๆ
          เขาหามุมนั่งพิจารณาพฤติกรรมของคนสุดคิดถึง อกด้านซ้านกลับตึงแน่นจนหายใจลำบาก อาจเป็นเพราะอากาศในห้องจัดเลี้ยงที่ทำให้คนอย่างเขารู้สึกอึดอัดได้ขนาดนี้ คงต้องออกไปสูดอากาศระบายความอัดแน่นในปอดออกเสียบ้าง....
(หึงล่ะคุณท่าน ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเชื่อไคซ์สิคะ)
          ร่างหนากึ่งนั่งกึ่งนอนเพียงลำพังในห้องสวีทสุดหรูของโรงแรมชื่อดัง เห็นทีชีวิตเขาคงต้องผูกขาดกับห้องหมายเลขนี้ไปตลอดชีวิต? จนกว่าจะทำใจได้
          “กี่ครั้งแล้วนะที่มาที่นี่” นับวันตั้งแต่คืนนั้นยังหาโอกาสเจอดาราหน้าหวานไม่ได้อีกเลย เรื่องงานทั้งเรื่องเพื่อนรวมเรื่องสารพันสารเพโหมใส่เหมือนเครื่องถ่ายเอกสารทำงานไม่มีหยุดหย่อน
          ตั้งแต่ร่างสูงกำยำเดินเข้ามายังห้องชุดสุดพิเศษ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอคนที่อยากเจอแต่เหมือนมาด้วยความเคยชินไปเสียแล้ว
          เคลาส์ประหลาดใจกับกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนตีเข้าจมูกตั้งแต่มาถึง นึกว่าเป็นกลิ่นอโลรม่าที่ทางโรงแรมจุดไว้บริการผู้เข้ามาพักเพื่อเพิ่มสบายและผ่อนคลาย
          ความหอมที่มาพร้อมกับความมึนงงเหมือนฤทธิ์ยากดประสาท หรือยาจำพวกแก้แพ้ ใจอยากจะลุกไปเปิดประตูที่ระเบียงออกเพื่อไล่กลิ่นให้จางลง แต่ร่างกายอ่อนเพลียอยากพักผ่อนมากกว่าจะพาร่างกายหนาหนักอึ้งลุกเดินไปไหน
          เขาเอนหลังนอนบ่นพึมพำไปเรื่อยบนเก้าอี้โซฟายาว อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่มีมากเกินไปในกระแสเลือดก็ได้ที่ทำให้เขาอยากกลับมาดื่มด่ำบรรยากาศสุดหฤหรรษ์แห่งบทเริงรักสุดเร้าร้อนที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้ แต่แปลกที่ว่าวันนี้ไม่ได้เมาแต่สมองมึนงงเหมือนดื่มหนักมาครึ่งค่อนคืน
          “บ้ากันไปใหญ่แล้ว” เหมือนเปลือกตาหนักขึ้นกว่าทุกวัน อัยการหนุ่มชะงักในความคิดอาการแบบนี้ไม่ใช่การมึนเมา แต่เป็นการมอมให้เมาด้วยยาประเภทหนึ่ง!  เกินการที่จะต้านผลลัพธ์ของสารหอมสารพัดพิษ ดวงตาลุกวาวคิดจะต่อต้านแต่ต้องแพ้ภัยปิดสนิทเข้าหากัน ตัดขาดโลกภายนอกด้วยฤทธิ์เสมือนน้ำเมาที่ทำให้เขาหลับลึกอย่างไม่เคยเป็นในรอบปี
           โลกภายนอกจะเป็นเช่นไรตอนนี้? มันไม่สำคัญอะไร เพราะทุกวันๆ ของเขาก็ดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนเคย ขอวันนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมาที่นี่เพื่ออำลาความรู้สึกล้ำค่าที่เกือบจะได้เจอะเจอคนที่ใช่สำหรับตัวเอง
          ความรักมันยากที่จะเข้าใจ อัยการอย่างเขาถึงสนใจที่จะไล่ล่าผู้ร้ายต้อนเข้าคอกให้จำนนต่อหลักฐานและสิ้นหนทางหลบหนีมากกว่าวิ่งไล่ตามรักแท้ เพราะไม่รู้จะตามจับที่บุคคลใด
          กฎหมายเข้าใจง่ายกว่านิยามรักที่คนทั่วโลกสรรหามาอธิบาย แต่ไม่เห็นจะเข้าใจได้ตรงกันซักที นิยามรัก Love is…มันครอบจักรวาลเกินไป เขาไม่ชอบในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้!
          “Au revoir, mon amour” (โอเริฝวา มง นามูร์) ลาก่อนความรัก...เสียงอ่อนล้าพึมพำภาษาต่างประเทศออกมาเบาๆ
          รู้สึกท้อใจกับโชคชะตาความรักของตัวเอง เขาควรจะให้ธรรมชาติสรรค์สร้างความรักตามครรลอง คนแบบเอซิซควรเจิดจรัสเป็นเพชรเม็ดงามเป็นที่หมายปองของใครต่อใครตามเดิมจะดีกว่า ตัวเขาเองเคร่งเครียดเกินไปยากจะปล่อยให้ใครได้ของดีมีค่าชิ้นนี้ถ้าได้มาเป็นเจ้าของ มีหวังตามจองล้างจองผลาญเหล่าหัวขโมยจนหน้าที่การงานไม่ต้องทำทั้งตัวเอซิซดาราคนดังและอัยการงานล้นมืออย่างเขา
     
         ดูท่าท่านอัยการอาการหนักนะคะ....หุหุ อยากรู้แล้วสิว่า(พิมพ์เร็วกลายเป็นคำหยาบ เวรกรรม) เอซิซจะใช้วิชารักอะไรปรับทัศนคดีเคราส์ได้บ้าง ติดตามตอนต่อไปนะคะ ฝากผลงานนิยายให้ชาวเล้าเข้ามาอ่านกันด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้า บายจ้า

         
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-12-2023 13:33:03
Love Section 11 : คนคิดมาก ต้องกำราบ ให้ยอมสิโรราบ
          ภายใต้แสงสลัวร่างหนึ่งแทรกกายเข้ามาในห้องอย่างเงียบกริบ พร้อมเบลล์บอยสามคนช่วยกันยกร่างสลบสไลนั้นไปวางไว้บนเตียงในห้องนอน เมื่องานสำเร็จเรียบร้อยต่างได้รับทิปหลังแบกร่างหนาแน่นกล้ามเนื้อไปยังจุดหมายของผู้เข้าพักห้องวีไอพี
          ชายหนุ่มผู้ว่าจ้างงานแบกหามคน คาดว่าน่าจะเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีอาจรวมถึงใบหน้าด้วย แม้มองไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดเพราะสวมแมสพิมพ์ลายเฟชั่นยี่ห้อดังปิดบังไว้ แล้วยังสวมหมวกเบสบอลปิดบังเกือบถึงคิ้ว เห็นแค่เพียงดวงตาคู่สวยดูซุกซนปนเจ้เล่ห์มีเสน่ห์น่ามอง ภายใต้การปกปิดมิดชิดนั่นถ้าไม่หล่อมากก็ต้องเป็นคนที่สวยมากแน่นอน
          เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูแล้วเจ้าตัวแทบจะเต้นระบำเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้สดชื่นอย่างสบายอกสบายใจ ภายในใจเตรียมบทลงโทษอัยการหนุ่มสุดหล่อไว้หลายวิธีนัก
          เอซิซไม่ลืมดับกำยานกลิ่นเร้าอารมณ์ที่ลอยอบอวนอยู่ในห้องยาวนานระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม่รู้ผู้จัดการรุ่นน้องไปหาของพวกนี้มาจากไหนได้ผลชะงักนัก เห็นทีต้องตอบแทนเป็นรางวัลใหญ่ให้เสียแล้ว
          เคลาส์ไม่รู้ตัวว่าผล็อยหลับนานแค่ไหน เขาได้สติอีกทีก็เมื่อรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อึดอัดกะทันหันอย่างแปลกประหลาดที่ช่วงอก เกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างรุนแรงจากที่ไหนซักแห่งบนร่างกาย
          แปลกจัง...หรือโรงแรมดังจะมีผี!
          ผีอะไรกันลามกชะมัด?
          ปลายลิ้น...
          มือ...
          ตรงนั้น...

          “อ่า...”
          ผีสางตนไหน? จะลามกเกินไปแล้ว!
          มือหนาคว้าหมับเข้าให้เมื่อส่วนสงวนของบุรุษเพศเริ่มถูกรุกรานหนักขึ้น
          “อะไรกัน!” อัยการหนุ่มถึงกับกระส่ำกระส่ายทั้งที่เบิกตาเต็มพิกัดแต่กลับเห็นได้เพียงความมืดมิดไม่ชอบเลยจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้ กับสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมอะไรได้  มือหนาถูกรวบขึ้นไปเหนือหัว คนถูกกระทำไม่อยู่นิ่งให้การถูกกดขี่ข่มเหง(?)ดำเนินไปได้ง่าย
          เสียงคลิ๊กของโลหะกระทบกันดังเบาๆ บริเวณเหนือหัว ข้อมือสัมผัสได้ถึงแหวนวงใหญ่คล้องข้อมือทั้งสองข้างไว้พร้อมกัน
          ‘กุญแจมือ!’ ใบหน้าหล่อเหลาแหงนหน้าขึ้นไปมองยังข้อมือที่ถูกพันธนาการทั้งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
          อัยการเคลาส์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกกระชากเสื้อเชิ้ตราคาแพงออกอย่างแรง ถึงจะเป็นแค่แบรนด์ในประเทศแต่อดเสียดายไม่ได้ เงินเดือนราชการไม่ได้เยอะเหมือนดารานะพ่อทูนหัว! ยิ่งได้ยินเสียงกระดุมเหล็กกระเด็นกระดอนไปทั่วยิ่งใจหายเสียค่าซ่อมกับเงินเดือนอันน้อยนิดรายได้สุทธิยิ่งลดลงไปอีกโดยไม่จะเป็น
          “เล่นแรงจัง” แทนที่จะโมโหโทโสคนหน้าหล่อกลับยิ้มกรุ้มกริ่มพึงพอใจซะอย่างนั้น ไม่เป็นไรล่ะมั้ง นานๆทีกระตุ้นเลือดทั่วร่างกายให้พลุ่งพล่าน!
          “คุณไม่ชอบหรือไง” จะเป็นเสียงใครไปได้ถ้าไม่ใช่ดาราเจ้าบทบาทเอซิซ
          “ยังไม่เคย แต่ลองได้ ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ” เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนกระทำมิดีมิร้าย  คนถูกประทุษร้ายผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาแอนกายลงนอนบนเตียงทำท่าทางขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็จำยอมให้กระทำลวนลาม
          “โอ้ว!” หัวเข็มขัดและกางเกงถูกกระชากลงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นบ็อกเซอร์ยอดนิยมแนบเนื้อขอบหนาสีสุภาพโชว์หราเต็มๆ ตา ดึงอารมณ์หวือหวาได้ยอดเยี่ยมนัก
          “โอ๊?” เขาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อแผงอกถูกเจลเย็นๆ เทลงมาจนเปียกชุ่ม อัยการหนุ่มนอนกึ่งเปลือยยอมจำนนต่อการปลุกเร้าด้วยฝ่ามือ เหตุการณ์นี้คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่คนโดนกระทำไม่ใช่เขานี่นา หรือคนสวยอยากรุกเอง?
          ยอดอกเกร็งสู้แรงนวดเฟ้นไม่ถดถอย กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งเขม็งขึ้นเป็นลอนยามมือซุกซนลวนลามส่วนบนของหน้าตักที่ขยับขยายจนโป่งพอง เขาขยับยกสะโพกให้สองมือสัมผัสแก่นชายให้มากขึ้น
          คนกระทำมองการตอบสนองเร้าร้อนถึงกับเส้นเลือดขาดผึง อยากกระโจนเข้าใส่ให้สาแก่ใจแต่งต้องข่มจิตสงบใจไว้ก่อน
          “คิดจะทิ้งผมง่ายๆ แบบนี้หรือคุณอัยการ” เอซิซคำรามเสียงหวานข้างใบหูร่างหนาที่นอนกระสันอยู่บนเตียง
          ร่างบางขึ้นคร่อมใต้ราวรักแร้ บรรจบรูดซิบกางเกงลงให้คนถูกปิดตาได้ยินให้ได้มากที่สุด เมื่อเคลาส์ได้ยินเสียงตัวซิบครูดกับรางจึงดันศีรษะขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณระวังภัย จังหวะเดียวกันนั้นใบหน้าได้สัมผัสเข้าอย่างจังกับส่วนหน้าของสะโพกคนตรงหน้าพอดิบพอดี อยากจะกัดให้จมเขี้ยวนัก กล้าหาญอะไรอย่างนี้!
          “ปรนเปรอผมสิ” เสียงหวานๆ สั่งการให้คนที่ถูกคร่อมปฏิบัติรักให้เขาด้วยปาก ไม่พูดเปล่ายังดันสะโพกถูไถไปมาตามข้างแก้มซ้ายทีขวาที กร่อนเสียงครางเบาๆ กระตุ้นให้อีกคนตอบสนองต่อทำสั่ง
          “ทำสิครับท่านอัยการ คุณต้องโดยทำโทษที่ทำให้ผมรอนาน” อยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง ครั้นจะกัดให้ขาดก็ดูจะโหดร้ายกับคนหน้าสวยเกินไป
          ดาราหนุ่มไปกินรังแตนที่ไหนมา หรือหนังที่พึ่งปิดกล้องเป็นหนังพิ้งค์ฟิล์ม เลยอารมณ์ค้างเก็บสะสมมาลงกับเขา? กริยาท่าทางที่มองไม่เห็นแต่จินตนาการกลับกว้างไกลและคำพูดหมิ่นเหม่ที่ได้ยินทำให้คิดถึงการร่วมรักปรกติสามัญไม่ได้เลย
          เรียวปากหยักงับสันนูนโด่งด้านหน้าตามคำสั่งไม่อิดออด ร่างบางตรงหน้าอ่อนละทวยผิดกับเสียงแข็งที่ตอนนี้ดีแต่ออกคำสั่ง ส่วนคนอยู่ใต้อาณัติได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย
          “ดี...แรงกว่านี้อีก อืม”
           เคลาส์ไม่ทำให้ผิดหวังเขาโน้มศีรษะจัดการปรนเปรอให้สนใจ ติดอยู่ที่กุญแจมือคล้องติดที่หัวเตียงไม่ให้ลุกไปจัดการมาสเตอร์ประจำคืนนี้ได้ถนัดนัก
           สองมือกดหัวทุยๆ ไว้แนบแน่น สะโพกมนเคล้าคลึงเป็นจังหวะ เอวบางทาบหน้าผากชื้นเหงื่อจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนและลมหายใจอุ่นที่รดรินจากปลายจมูกโด่ง
           ความชำนาญมีไม่มากถ้าเทียบกับประสบการณ์แนวเดียวกันที่ดาราผู้คร่ำหวอดเรื่องบนเตียงได้ประสบมาแต่ในด้านความรู้สึกอิ่มเอมกระหยิ่มยิ้มย่องในอำนาจที่สามารถสั่งชายหนุ่มสมบูรณ์แบบมาบำเรอร่างกายของเขาได้
           ภาพมือหนาโดนคล้องกำไลมือใบหน้าถูกผืนผ้าปิดตามัดไว้หลังศีรษะทุยทำให้เอซิซเสนอตนวางมาดเป็นเจ้านายผู้กำลังกดขี่พฤติกรรมลูกสมุนให้ปรนิบัติส่วนสำคัญของเจ้านายให้สุดความสามารถ ถึงจะโดนขูดรูดจากเรียวฟันหนานิดๆ หน่อยๆ ร่างกายเขากลับตอบสนองได้ดี
           คนหน้าสวยงอตัวซุกหน้าบนแนวบ่าหนาเมื่อถึงจุดปะทุแห่งอารมณ์ เขาผ่อนลมหายใจระบายความตื่นกระสันให้ช้าลงจนกลับเป็นปกติ
           มือเรียวปาดเช็ดหยาดหยดแห่งรักของตัวเองออกจากใบหน้าหล่อเหลา ถือซะว่าบทลงโทษวันนี้ถือว่าเสร็จสิ้น
          “หายไปไหนมา” คนกระหายรักถามห้วนๆ
           “หือ?” อัยการหนุ่มนอนหายใจหอบทั้งที่ยังถูกผ้าปิดตาผูกติดอยู่รอบศีรษะ เขาพลิกตัวกลับมาทาบทับดาราเจ้าบทบาทที่นอนนิ่งอยู่ข้างลำตัว ช่วงตัวที่ต่างขนาดกันทาบในตำแหน่งล่อแหลม
           "คุณหายไปไหนมา ไม่ยอมติดต่อผมเลย” เอซิซเอื้อมมือไปปลดผ้าผูกตาออกให้ มือเรียวสั่นเล็กน้อยเพราะพึ่งระบายความเก็บกดออกไป
           “ผม...ทำงาน” ปลายจมูกโด่งไล้วนไปมาบนปลายจมูกเรียวแหลมของอีกคน ดวงตาคมทั้งสองข้างกวาดตามองคนที่ต้องการเจอมากที่สุดเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
          “โกหก” ดาราหน้าสวยจ้องมองลึกลงไปยังดวงตาคู่นั้น เขาพยายามมองหาคำตอบที่ไม่ได้ผ่านทางริมฝีปากของคนที่หลงรัก
          “ผมก็อยากจะโกหกว่าไม่อยากเจอคุณอีก”
          “แล้วยังไง” ดาราหนุ่มเลิกคิ้วถามกวน ๆ หากเคลาส์หนีไปจริงเขาจะตามจิกตามลากให้ทั่วหน่วยงานเลย
          “ทุกทีที่อยากเจอคุณผมก็กลับมาที่นี่” ริมฝีปากชื้นจูบซับผิวกายขาวเปล่งประกายจนทั่ว อยากทำแบบนี้ อยากจูบ อยากลูบไล้ อยากสัมผัสจวนเจียนจะขาดใจ แต่ทุกครั้งทำได้แค่จินตนาการ ตอนนี้เมื่อยามเจอตัวตนจริงๆ เขากลับไม่แน่ใจว่าทุกการเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่ในฝันอันหลอกลวง
          “ทำไม?” ดาราหนุ่มได้แต่ตั้งคำถาม เขาไม่มีความสามารถมากพอจะคิดค้นหาคำพูดใดๆ ออกมาได้มากกว่านี้
          หากตอนอยู่ในคลับเฮ้าส์เขาไม่ได้ยินสาวๆ โต๊ะข้างๆ คุยกันว่าได้เจออัยการหนุ่มคนดังที่พึ่งเดินสวนกันออกไป เขาจะไปตามหาคนๆ นี้ได้ที่ไหน
          แค่ไม่กี่วันเขาแทบจะผลาญเงินเล่นเพื่อจ่ายค่าห้องสวีทแห่งนี้ไว้รอรัก คิดแล้วก็คับแค้นใจไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านจนงานการไม่อยากทำ
          การที่จะกลับไปเป็นแอมโบรเซียส เอซิซคนเดิมมันไม่ง่ายเลยซักนิด ในเมื่อร่างกายและจิตใจของเขาพะว้าพะวงอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนของหัวใจตีตราจองไว้แล้วทั้งตัว มันฟังดูโง่งี่เง่าไม่สมกับเอซิซดาราหนุ่มเสน่ห์แรงเอาเสียเลย!
          “ขอโทษยอดรัก ผมแค่ทำตัวไม่ถูก” ร่างหนาพยายามใช้ร่างกายโอบกอดร่างบางไว้ให้มากที่สุด เขาพยายามจูบซับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตากลมโตเศร้าสร้อย
          คนหน้าสวยนอนนิ่งให้อีกคนพร่ำจูบตามแต่ใจ ความปรารถนาของเขาที่อยากเป็นคนรักของร่างหนาหน้าคมเข้ม คงมากล้นท่วมท้นจนเกินไปและอาจทำให้อีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก
          “ผมยังไม่เคยรักใคร ไม่เคยต้องการใครเหมือนคุณมาก่อน ผมกลัวว่าความรักของผมจะทำให้คุณต้องลำบากใจเหมือนกัน”
          เอซิซพลักตัวคร่อมอัยการเคลาส์แล้วไขกุญแจของเล่นคู่นั้นออก เรียวปากอิ่มบรรจงจูบซับรอยแดงโดยรอบเมื่อเห็นว่าเขาทำให้อัยการต้องเจ็บตัวด้วยความคิดแผลงๆ
          “เราจะทำยังไงกันดีทีนี้” อัยการหนุ่มเป็นฝ่ายถามคำถามขึ้นมาบ้างคนฟังได้แต่ยิ้มหวานกลับมา
          “ทำตามที่ใจเราต้องการก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ให้มันดำเนินไปตามธรรมชาติ เรื่องแค่นี้คนเป็นถึงอัยการคิดหาคำตอบเองไม่ได้หรือไง”
          “ไม่ได้พูดถึงเซ็กส์ซักหน่อย ความหมายผมก็คือสถานะของผมกับคุณต่อจากนี้ไปต่างหาก”
          “สวมแหวนคู่เป็นไง”
          “น่ารักเชียวคุณเนี่ย” ชายหนุ่มสุดหล่อมึนงงกับพฤติกรรมดาราดังที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่เขาเคยได้ยินมามากมายนัก
          ดาราที่มีชื่อเสียงมักจะถือเนื้อถือตัว เลือกแล้วเลือกอีกจนแน่ใจ แต่เอซิซถึงเนื้อถวายตัวจนเขานั้นแทบจะแบกรับรักคนสวยไม่ทัน
          พรุ่งนี้อัยการต้องหาเวลาไปหาของหมั่นหมายสักชิ้นแล้วสิ สั่งทำสร้อยเก๋ไก๋สักเส้นคล้องตัวเกี่ยวใจดาราหนุ่มไว้ก่อน ส่วนแหวนค่อยพาคนน่ารักไปเลือกด้วยกัน
          เอซิซยิ้มเหมือนคนรู้ทัน เจอผู้ชายเกรดดีระดับสมบัติแห่งชาติต้องรีบมัดตัวรวบหัวรวบหาง มือเรียวล้วงเข้าไปหยิบกล่อมสี่เหลี่ยมขนาดเล็กในกระเป๋าเสื้อแนวแฟชั่น บรรจงเปิดและหยิบแหวนทองคำขาวแบบกลมเกลี้ยงตามเทรนด์ใหม่ล่าสุดจากแคตตาล็อกเครื่องประดับยี่ห้อดังออกมาหนึ่งวง
          อัยการมองแหวนวงนั้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนน่ารักน่าชังตระเตรียมสู่ขอเขาพร้อมสรรพขนาดนี้ จะสู่ขอเขาเนี่ยไม่ใช่แค่หลักหมื่นหลักแสนแค่นั้นหรอกนะคนสวย!
          ดาราคนสวยผู้ใจกล้าหน้าทนค่อยๆ ดันแหวนคู่หนึ่งวงใส่นิ้วนางข้างซ้าย ส่วนอีกวงเขาหยิบมันออกมาแล้วสวมไว้บนนิ้วนางข้างขวา ร่างหนาทำเสียงไม่พอใจ มีอย่างที่ไหนให้เขาเป็นฝ่ายโดนตรีตราแค่คนเดียวไม่เสมอภาคกันเลย
          “นิ้วนางข้างซ้ายดีที่สุดครับ”
          หนุ่มหน้าหวานนั่งขำอยู่บนตัวของเคลาส์ไม่ยอมถอดแหวนออกมาเปลี่ยนเป็นอีกข้างสมความตั้งใจคนตัวโต จึงเกิดเป็นการตะลุมบอนเล็กๆ กันบนเตียง ยื้อแย่งกันไปมากลายเป็นว่าเอซิซเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
          จากที่หนีคลุกคลักกลายเป็นนอนครางครวญด้วยบทรักอย่างไม่ทันตั้งตัว มือหนาบรรจงถอดแหวนอีกคนแล้วย้ายกับมายังนิ้วนางด้านซ้ายเหมือนๆ กัน
          “อย่าเจ้าเล่ห์นักสิ เราสองคนตั้งใส่เหมือนกันเอซิซ”
          “เปล่าซักหน่อย คุณยังอ่อยผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์บาร์ได้เลย”
          “หึงหรือไง?”
          “มากๆ เลยล่ะ”
          คนได้ฟังนึกมันเขี้ยวขึ้นมาทันทีคืนนี้จะฟัดให้หนำใจ แต่ก็อดนึกถึงคำสั่งสุดท้ายของโอลิเวอร์ในโทรศัทพ์ไม่ได้ ที่กำชับหนักหนาว่าดาราหนุ่มไม่ใช่ตุ๊กตายาง เลยขอแค่ทำรักให้สมอยากแค่นั้นก็พอ
          แต่ถ้าเอซิซเสนอสนองเองอันนี้เขาไม่ขอแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ดาราหนุ่มหน้าหวานเป็นฝ่ายรุกเขาเอง ฉะนั้นความผิดทั้งหมดต้องยกประโยชน์ให้กับจำเลยไป!
          “วันนี้จะไม่ทำต่อเหรอ” ร่างบางนึกสงสัยที่อยู่ดีๆ อัยการถึกทึงเหมือนกั๊กๆ ไม่ยอมแสดงแสนยานุภาพบทรักให้เต็มที่เหมือนที่เฝ้าถวิลหามาครบเดือน
          “ได้เหรอ” คนหล่อได้โอกาสเลยหาช่องทางอ้อนด้วยท่าทางน่ารักเท่าที่จะนึกท่าทางและน้ำเสียงได้ในตอนนั้น
          “ผมเขียนไว้บนตัวหรือไงว่าห้ามทำรักรุนแรง” เจอหนุ่มสุดเซ็กซี่ยิ้มยั่วเข้าหน่อยร่างหนาถึงกับกระโจนเข้าใส่อย่างหมดมาด
          “เสื้อเกะกะจังเลยที่รัก...คราวหน้าไม่ต้องใส่มานะ”
          ไม่ต้องรอให้อีกคนตอบก็จัดแจงกระชากออกให้เสร็จสรรพ เหมือนเก็บกดจากการโดนกระทำเมื่อก่อนหน้า แรงกระชากไม่เบาร่างดาราหนุ่มกระดอนเหมือนเล่นกายกรรมบนเตียง แต่เสื้อผ้าสปอนเซอร์ขาดออกจากตัวเป็นริ้วยาว เสียงร้องเบาๆ กระตุ้นคนเร่งเร้าจนไม่อาจระงับอาการกระสันได้
          ดาราหนุ่มได้แต่ขำคิกคักในลำคอแต่ไม่นานก็ต้องร้องครางเมื่อลำรักรุกล้ำเครื่องเคราเติมเต็มความว่างเปล่าให้คับแน่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
          ร่างบางถอดถอนลมหายใจยาวเมื่อโดนแรงยั่วเย้าจนร่างกายโยกโยน สองมือเหนี่ยวรั้งแผ่นหลังหนาได้ไม่สะดวกนักเพราะความเงามันของเจลที่ได้ละเลงไว้บนแผงอกของยุนโฮ ได้แต่ยึดจับหัวเตียงเป็นที่มั่นตอบสนองรสรักให้ถึงใจกันคู่

          โอ้ย! :กอด1: รักกันขนาดจัดมาแบบนี้คนแต่งก็ตายคาคอมเหมือนกันนะจ้าคุณขากับดารา...จัด :jul1:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-12-2023 16:24:01

ส่งท้าย - เหม็นคนมีความรัก
          ดาราหนุ่มหน้าตาสดใสเดินเข้าห้องอัดด้วยความสดชื่อผิดหูผิดตากับเมื่อวันก่อนจนผู้จัดการหนุ่มอดที่จะแซวรุ่นพี่สุดรักไม่ได้
          “ไงครับหน้าตามีน้ำมีนวลแบบนี้เมื่อคืนคงโดนเติมเต็มจนล้นปรี่เลยสิครับพี่”

          เอซิซหันมายิ้มยียวนให้หนึ่งทีก่อนที่จะทำท่าเสยผมโชว์แหวนคู่อย่างเนียนๆ
          “โอ้! ยังไม่ทันไร พี่ก็ต้องเสียตังซื้อแหวนหมั่นให้ฝ่ายชายแล้วหรือเนี่ย อย่างนี้ต้องรีบทำงานเยอะๆ นะครับจะได้มีเงินไปสู่ขอสามีไวๆ เดี๋ยวผมจัดตารางงานให้ใหม่เลยดีกว่า” รุ่นน้องแสดงท่าที่กระตือรือร้นเปิดสมุดงานพร้อมจดอะไรบางอย่างลงไปขยุกขยิก
          “โฮโอปป้า!” ไม่ทันสิ้นเสียงขานชื่อ เสื้อคลุมจากร่างแจจุงลอยละลิ่วปลิวไปครอบหัวผู้จัดการร่างสูงทันที
          “โห้? พี่ครับเสื้อสปอนเซอร์ทำไมมันขาดวิ่นขนาดนี้!” ผู้จัดการกางเสื้อคลุมที่ผ่านการคัตติ่งอย่างประณีตออกมาพิจารณาแทบไม่เหลือคุณค่าเสื้อยี่ห้อดังคุณภาพเยี่ยมอยู่เลย
          “วันหน้าขอคลิปด้วยนะพี่ อย่าลืม!”
          ดาราดังสุดเซ็กซ์ซี่ยิ้มขวยเขินได้น่ารักเกินไป(?) อย่างที่ไม่มีใครเคยเห็น หนุ่มรุ่นน้องได้แต่นั่งส่ายหน้าไปมา ไหนๆ ก็กีดกันได้ไม่สำเร็จ หากรักกันจริงถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ คงต้องยอมรับแล้วสินะ
          “แรกรักต่อให้อมบอระเพ็ดยังว่าหวาน รักจืดจางระวังน้ำตาลยังบอกขมนะพี่”
          “ผู้จัดการโฮอย่าหวงนักได้ไหม ครั้งหน้าเดี๋ยวจะพาไปสวิงกิ้ง” ดาราหนุ่มอารมณ์ดีเสนองานเลี้ยงดีๆ ให้ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ได้ปลอปล่อย
          “เป็นชายต้องไม่เสียงเชิงชายแต่อย่าไปอายถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย โย่ๆ สุดหล่อพ่อยอดชาย สาวๆทั้งหลายต้องความหวังมลาย เมื่อชายเหนือชายมาทวงรักคืน โย่ววว”
          ดาราหนุ่มสุดฮิตร้องแรปสดเป็นการวอร์มเสียงแต่ฟังแล้วท่านผู้จัดการไม่ค่อยอยากฟังเสียเท่าไหร่ เหมือนดาราเห่อคนรักใหม่ร้องข่มให้เขาฟัง
          “พอเลยๆ อย่าเอาเรื่องตัวเองมาล้อเล่น! เริ่มทำงานได้แล้วพี่ อยู่ในห้องอัดยังตะโกนโหวกเหวกอยู่อีกเก็บเสียงไว้ร้องเพลงครับ” ผู้จัดการมือหนึ่งทำหน้าที่ดูแลศิลปินไม่ขาดตกบกพร่อง
          “แล้วนี่น้ำผึ้งอุ่นๆ ผสมมะนาวเอาไปจิบด้วยเสียงแห้งไปแล้ว เมื่อคืนใช้เสียงหนักหรือไง”
          โอลิเวอร์นซะอย่างเรื่องยอมจำนนให้นั้นไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำหรอก อย่าเอาเซ็กส์มาล่อลวงเขาเลย ไม่ใช่แนว!
          คนได้ฟังได้แต่ทำเสียงกระฟัดกระเฟียดแต่ใบหน้างามๆ ของนักร้องดังกลับแดงแป๊ดขึ้นมาโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ
หรือว่าเจ้าตัวคิดทะลึ่งอะไรขึ้นมาได้ ตอนฟังคำเหน็บแนมของผู้จัดการโฮ? ขอคลิปด่วน! อยากจะรู้นักรักแบบไหนถึงมัดใจดาราหนุ่มสุดซ่าให้สะดุดรักจนหน้าทิ่มล้มคะมำท่ามกลางดงดอกรัก!

          ชีวิตผู้จัดการต่อจากนี้คงมีเรื่องสนุกๆ ให้คลายความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวันที่เกาะติดดาราหนุ่มสุดฮอตได้บ้าง อย่างน้อยคนติดแฟนคงปล่อยให้เขามีเวลาหลังเลิกงานมากขึ้นจะได้ตามหารักเหมือนคนอื่นเขา
          “นี่พ่อหนุ่มผู้จัดการไม่คิดจับงานถ่ายแบบอีกครั้งหรือไง เสียดายของจังนาวัยหนุ่มเนื้อตัวแตกเปรี้ยงปร้างไม่ยอมใช้งาน” โปรดิวเซอร์คนดังคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเขา
          “จัดมาให้ผมได้พิจารณาสิครับ บางทีเนื้อผมอาจจะเต้นออกมาทำงานหน้ากล้องอีกครั้ง” โฮตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ทำให้คนฟังถึงกับถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสนองานให้แต่ทุกครั้งที่ถามไถ่ให้รับงานกลับโดนปฏิเสธทุกครั้งไป
           “ฉันล่ะอ่อนใจแทนเจ้าของแบรนด์! ต้องมาชะเง้อคอรอง้อขายาวๆ ของคุณนายแบบโอลิเวอร์ ก่อนหันไปเป็นผู้จัดการทำรันเวย์เขาแทบแตกเดินจนรองเท้าสึกไปหลายคู่แล้วแท้ๆ” เอซิซพูดขึ้นมาลอยๆ เขาเองถ้าจะให้ดันรุ่นน้องไปทำงานที่ชอบอีกครั้งก็พร้อมช่วยผลักดันเสมอ แต่เจ้าตัวยังมีบางอย่างที่ข้ามผ่านไปไม่ได้
          โฮได้แต่ยิ้มรับคำติชม ถึงตอนนี้ต่อให้เขาถอดผ้าเดินโชว์ตัวหุ่นของเขาไม่ได้พร่องไปจากแต่ก่อนเลย รูปร่างตอนนี้ลอนเนื้อและมัดกล้ามเด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิมด้วยมีเวลาออกกำลังกายมากขึ้นดูแลอาหารการกินจนสุขภาพดีขึ้นเหมือนร่างกายย้อนวัย ด้วยวัยวุฒิที่มากขึ้นทำให้โครงหน้าเด่นชัดกว่าช่วงวัยรุ่น
          อีกทั้งการลดเหล้าลดบุหรี่งดสิ่งมึนเมาด้วยเพราะต้องตามลากสังขารดาราขี้เมากลับห้องเกือบทุกคืน และต้องใช้รูปร่างสูงใหญ่ของเขายังทำหน้าที่เป็นบอร์ดีการ์ดส่วนตัวได้ไม่ติดขัด มีทักษะเทควันโด้ตามประเทศบ้านเกิดและกำลังสนใจศึกษามวยไทยที่มีพิษสงรอบตัว คิดแล้วผู้จัดการโฮก็ปรับเปลี่ยนชีวิตไปหลายอย่างเพื่อให้เข้ากับดาราหน้าหวานได้
          ร่างสูงใหญ่ยืนพิงหลังยืนฟังเอซิซร้องเพลงอย่างสบายอกสบายใจ นึกทบทวนวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตัวเขาเองถ้าให้กลับไปเดินแบบถ่ายแบบเหมือนเดิมต้องสร้างปัญหาให้ทั้งตัวเขาเองและผู้จัดงานแน่นอนถ้าปมในใจยังกำจัดออกไปไม่ได้
มีแต่เอซิซเท่านั้นที่รู้แต่ช่วยแก้ปัญหาของตัวเขาไม่ได้ นอกจากให้เขาได้ทำงานเป็นผู้จัดการมีเงินใช้มีงานทำ แกล้งรับงานเยอะๆ ด้วยความหมั่นไส้บ้าง เต็มใจรับงานที่จะทำให้เป็นท็อคออฟเดอะทาวน์บ้าง
          แต่เสน่ห์ส่วนตัวของเอซิซเองดันตัวเองให้มาเป็นดาราแถวหน้าเสียมากกว่า ผู้จัดการอย่างเขาเสียอีกกลับถูกใช้งานไม่หยุดหย่อนจนแทบคลั่ง
          “สูงกว่านี้ซักสิบเซนต์ ก็จะได้เป็นหุ่นเชิดแทนกันแล้ว เสียดายหุ่นกะทัดรัดไปหน่อย หน้าหวานไปอีก รันเวย์ว็อคเลยไม่ค่อยติดต่อมาได้แต่เชิญให้ไปร่วมงาน” นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้จัดการมือทองเซ็งเป็นที่สุดเพราะงานเดินแบบเป็นงานที่เขารักมากที่สุดและสนใจงานในแวดวงแฟชั่นเป็นพิเศษเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับต่างๆ บนร่างดาราค่าตัวแพงโฮเป็นคนคัดสรรจัดการด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น
          ร่างหุ่นเชิดก็ไม่ได้ดั่งใจแถมตัวเองดันมีปมกับคนบางประเภท...การใช้ชีวิตกับงานที่ชอบทำให้อยู่ยากในโลกแฟชั่น ชีวิตของเขามันชวนยุ่งยากเสียจริง

          ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ตอนต่อจากนี้จะเป็นเรื่องของตำรวจหน้าตี๋และนักสืบหนุ่มแล้วนะคะ อยากส่งกำลังใจพูดคุยเรื่องในนิยายทักมาหลังไมค์ได้เลยจ้า ขอฝากนิยายทุกเรื่องที่ไคซ์แต่งในเล้าเป็ดด้วยน้า เจอกันตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 11:15:34
เราเริ่มเข้าสู่ส่วนสืบสวนสอบสวนกันแล้วนะคะ ทำตัวตื่นเต้นด้วยตั้งแต่ตอนนี้ค่ะท่านผู้อ่านในเล้าเป็ดทุกท่าน! :a5:

Love Section 12 : รู้สิ่งใดไหนสู้รู้วิชา รู้รักษาให้ตัวรอดเกือบตายจริง

          หลังจากฌานแยกจากอัยการเพื่อนรักและรักเพื่อนชื่อไคจิน? นักสืบหนุ่มได้วางแผนไว้คราวๆ นำทางไว้ก่อนแล้ว ต่อไปคือทำตามแผนอย่างละเมียดกับกระบวนการติดต่อคนสำคัญที่จะเป็นคนดำเนินแผนการณ์ให้สำเร็จโดยที่เขาเจ็บตัวน้อยที่สุด
          ชายหนุ่มแกล้งเดินหลบพวกตาไวที่สะกดตามอยู่หลายจังหวะ เข้าไปสั่งกาแฟในคาเฟ่แวะซื้อครัวซองต์ทำเหมือนทักทายคนรู้จักแต่ที่จริงคือสายของสายสืบเองที่คอยแอบส่งซิกแนลว่าเขาโดนสะกดรอยจากเหล่านกรู้ที่ตรงไหนบ้าง
          ร่างสูงเพรียวมองหาง่ายก็จริงแต่เขาสามารถพาร่างสะดุดตาหายวับได้ในพริบตาถ้าแห่งนั้นมีฝูงชนเดินขวักไขว่ ไม่รอช้าขายาวๆ ก้าวไปยังที่คนพลุกพลานทันที ตลาด งานเทศกาล แม้แต่งานนิทรรศการกลางแจ้งผุดขึ้นมาให้เลือกใช้บริการ
          เมื่อหลบเลี่ยงสำเร็จด้วยการปรับเปลี่ยนเสื้อนอกที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งสองด้านและมีสีต่างกันสวมหมวกเสริมแว่นปรับท่าเดินเล็กน้อย เดินหักมุมลัดเลาะมาตามซอกตึกจนมาถึงรถของเขาที่จอดไว้ในที่ลับตาเจ้าหน้าที่และผู้คน
          เมื่อเข้าไปนั่งประจำที่คนขับมีสายโทรศัพท์จากแมนชั่นที่เขาอาศัยอยู่ปรากฏอยู่ที่หน้าจอมือถือส่วนตัว มือเรียวกดวางแล้วเสียบเครื่องดักจับสัญญาณไม่ให้ค้นหาจากจากเครื่องหาตำแหน่งจากสัณญานมือถือทันทีแล้วจึงกดหมายเลขเดิมโทรกลับไป
          “มีเรื่องอะไรหรือครับคุณป้า” เสียงแหบทุ้มพูดคุยตามปกติแต่ปลายสายพูดตะกุกตะกักเหมือนตื่นตระหนกกับอะไรบางอย่างจนคุมโทนเสียงให้เป็นปกติไม่ง่ายนัก คนหูไวเดาเหตุการณ์ได้ทันทีเมื่อได้ยินคนในสายพูดตอบกลับมา
          "มีเจ้าหน้าที่เข้ามาที่ห้องคุณนะคะ ป้าไม่รู้จะห้ามยังไงเขามีหมายราชการมาด้วย ป้าเองไม่ได้ใส่แว่นอ่านไม่ทันเห็นแต่หัวกระดาษว่าเป็นหมายค้นน่ะคะ” ความพยายามของคุณป้าน่าชื่นชมอ่านไม่ทันแต่รู้ว่าเป็นหมายค้น? หนังสือราชการควรจะตัวเท่ากันหมดเพราะพิมพ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทุกหน่วยงานแล้วไม่ใช่หรือไง เขาไม่ได้เข้าใจผิดนะนี่คือเรื่องจริง!
          “ขอบคุณครับป้าไม่มีอะไรหรอกครับ ให้เจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ของเขาไป” สายสืบหนุ่มจะตัดสายทิ้งทันทีแต่ปลายสายยังชวนคุยไม่ยอมวาง
          “เออ...อ่ะ! คุณไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไรใช่ไหมค่ะป้าไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลยค่ะ”
          เหมือนจะจบบทสนทนาไม่ลงและถามถึงสิ่งที่นอกเหนือจากการบอกข่าวสำคัญแล้วล้วนผิดวิสัยของคุณป้าคนนี้ที่เขารู้จัก ชายหนุ่มมองนาฬิกาเช็คเวลาที่ได้พูดสายกันเครื่องหลบเลี่ยงสัญญานมีเวลาทำงานของมันต้องรีบตัดบทให้ทันเวลา
          “ป้ารู้จักผมมานานแล้วนะครับ ถ้าเจ้าหน้าที่ถามอะไรเกี่ยวกับผมป้าตอบเขาไปตามจริงได้เลยครับ”
         "ค่ะๆ” ณานตัดสัญณานทิ้งแล้วปิดเครื่องทันทีไม่ฟังคู่สายว่าจะถามอะไรต่อ
          ฟังจากน้ำเสียงป้าคนดูแลแมนชั่นเขารับรู้ได้ทันทีฝ่ายตรงข้ามได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว จุดแรกคือแมนชั่นที่เขาพักอยู่ ที่ทำงานคงไม่มีอะไรให้ตรวจค้นจะมีก็แต่รถคันนี้ที่เขาขับเป็นประจำ
          นึกขอโทษคุณป้าอยู่เหมือนกันต้องตกอกตกใจเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กรูกันไปหน้าแมนชั่นแห่งนั้น เดาได้เลยคงมีเจ้าหน้าที่บอกให้โทรหาเขาเป็นแน่และกำลังฟังบทสนทนากันหน้าสล่อนอยู่ข้างๆ เพื่อจับสัญณานว่าตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของเมือง นึกชมการคาดเดาจากคำเตือนของเพื่อนอัยการขึ้นมาในทันที
          “เคลาส์นายนี่น่ะมีสัมผัสที่หกหรือไงกันอ่านเกมส์ขาดจนน่าขนลุก…นายมันอัยการปีศาจชัดๆ ไม่ทิ้งลายอดีตตำรวจดีเด่นซะจริง!”
          ชายหนุ่มไม่รอให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีรีบจัดแจงเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวเองพร้อมคิดทันทีว่าที่ปลอดภัยที่สุดที่จะเก็บเสื้อคลุมน่าจะเป็นที่ไหน ไม่คิดจะตรวจค้นภายในเสื้อเหมือนที่เพื่อนแนะนำ รู้แล้วอาจจะเสี่ยงมากกว่าไม่รู้อะไรเลย คิดได้แบบนี้แล้วเขารีบจัดแจงพับเสื้อคลุมใส่กระเป๋าเอกสารใบหรูทันที ชายหนุ่มสายสืบมีเวลาขบคิดหาแผนการไม่มากนักก่อนไม้ผลัดจะถูกส่งมาให้เขา
          เวลาผ่านไปไม่นาน รถยนต์ซีดานยี่ห้อดังราคาแพงแล่นมาจอดเทียบมัสแตงค์ของเขา หนุ่มยอดสายสืบเปลี่ยนตัวเองให้เป็นหนุ่มใหญ่ร่างหนาแต่งตัวภูมิฐานสเปรย์สีผมให้เป็นสีเทาประปรายเหมือนคนสูงวัยทั่วไป เสริมความน่าเกรงขามด้วยสูทรสีเข้มยี่ห้อดังสไตล์คลาสสิคถือกระเป๋าเอกสารไว้ข้างลำตัว และมีกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลากขนาดมาตราฐานสีเข้มเช่นเดียวกับสูทอยู่ข้างหลัง
          คนขับรถกดเปิดประตูอัตโนมัติด้านหลังคนขับต้อนรับทันทีพร้อมทั้งลงมาจัดวางกระเป๋าเดินทางไว้ที่ท้ายรถ เมื่อพนักงานเข้าประจำที่คนขับสายตามองจอมอนิเตอร์ด้านหน้าระบุสถานที่ไว้แล้วว่าจะต้องไปส่งที่ไหนก่อนหลังตามลำดับ
          “สบายดีนะครับท่าน ยินดีให้บริการครับผม” น้ำเสียงสุภาพของผู้ให้บริการดึงความคิดของหนุ่มใหญ่กำมะลอให้กลับมา
          “ตามวัยนั่นแหล่ะ ช่วงนี้ต้องใช้บริการบ่อยหน่อยนะ” เขาตอบกลับตามมารยาท ถึงจะเรียกใช้บริการหลายครั้งแล้วแต่เขาเลือกที่จะเป็นลูกค้าแบบเคร่งขรึมพูดน้อยทิปหนักถ้าไม่ซักไซ้ให้มากความ
          “ด้วยความยินดีครับท่าน” คนขับรถยิ้มแก้มปริเมื่อได้บริการลูกค้าใจกว้างเงินถึง
ร่างสูงนั่งเงียบตีใบหน้าขรึมเฉกเช่นคนกำลังใช้ความคิด ไม่ให้พนักงานขับรถถามซอกแซกจะได้มีเวลาคิดทบทวนเรียงลำดับสิ่งที่ควรทำก่อนหลังให้แม่นยำและผิดคลาดน้อยที่สุดเพื่อรักษาเวลาที่พอจะมีก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่แห่กันมาตามตัว
          ใจจริงอยากจะรีบรุกเพื่อนรักหนักๆ ให้ยอมรับรักจากเขาเสียที แต่เห็นที่สวรรค์จะยังไม่เป็นใจ นรกเลยเข้ามาสวมรอยต้องห่างกันออกไปอีก รักเก่ามาลาจาก รักใหม่ยังไม่คืบหน้าคนหล่ออย่างเขานี่ชั่งบุญน้อยนัก
          เหมือนไคจินจะเคยบอกเขาว่าชาวตะวันออกนิยมสร้างโบสถ์สร้างวัดชีวิตจะได้เฮ็งๆปังๆ หลีกหนีสิ่งอัปมงคล คราวนี้ถ้ารอดไปได้คงต้องรีบไปเสริมบุญ ชีวิตรักจะได้เจริญรุ่งเรือง  ฉุกคิดว่าได้ว่าเพื่อนรักของเขานับถือศาสนาอะไรกันแน่ จะได้ส่งจิตให้ถึงได้ถูกต้องจะได้ไม่ผิดพลาดคลาดรักกันไปอีก?
          คริสต์ ต้องกล่าว อาเมน อิสลาม คงไม่น่าใช่ หรือนับถือพุทธ ต้องกล่าว สาธุ หรือนับถือลัทธิอะไรอีกหรือเปล่า ไม่เห็นไคจะไปวัด เคารพศาสดา ไหว้พระ นับถือเจ้า...หรือจะไม่นับถือศาสนา! ยาก!ชั่งเป็นคนเข้าใจอยากที่น่าหลงใหลที่สุดในสามโลก(ของฌาน)
          สุดท้ายแล้วที่เข้มขรึมก็เรื่องเพื่อนตัวเล็กทั้งเพ! พ่อหนุ่มคลั่งรัก!
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 11:47:31
Love Section 12 : The Love Mission! Part 1.
          หลายวันต่อมาเหตุการณ์และปฏิบัติงานต่างๆ ยังคงดำเนินไปตามปกติแต่สิ่งที่ผิดปกติคือเพื่อนตัวดีของเขาเองไม่รู้หายเข้ากลีบเมฆไปเที่ยวสืบคดีที่ไหน
          “ติดต่อฌานได้ไหมไค” อัยการหนุ่มถามเพื่อนสนิทที่มาทำงานตามปกติ
          “ไม่อ่ะ” นายตำรวจหนุ่มละสายตาจากสมุดรายงานแล้วหันมามองเพื่อนอัยการหน้าหล่อ นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่เจอกันล่าสุดเขาเองก็ติดต่อณานไม่ได้แล้ว
          “อืม...เหรอ” ไม่มีคำตอบออกจากปากเคลาส์และนั่นทำให้เพื่อนตัวเล็กรู้คำตอบโดยไม่ต้องถามให้มากความต้องมีเรื่องอะไรซักอย่างที่สะกิดใจอัยการเพื่อนรักแน่นอน
          ไม่มีภารกิจเกี่ยวกับตามหาเจ้าหน้าที่สืบสวนหน้าคมก็จริง แต่เขาทั้งสองคนโดนเรียกสอบเกี่ยวกับการหายตัวไปของฌานเพื่อนร่วมหน่วยปฎิบัติการแน่นอนเขาทั้งสองตอบตรงกัน เรื่องจริงไม่ต้องเตี๊ยมฌาณวางแผนได้ยอดเยี่ยมในสิ่งที่คนทั่วไปคาดการณ์
          “ไม่รู้ท่านรองฯ รู้ได้อย่างไรว่าฌานได้เจอวิคเตอเรีย” อัยการเอ่ยปากเหมือนถามตัวเองเปรยๆ แต่ตำรวจตัวเล็กดันได้ยิน
          ไคจินส่ายหน้าในความอ่อนด้อยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศยุคเทคโนโลยีครองโลกคุณอัยการยังย่ำอยู่กับยุคดึกดำบรรพ์อยู่อีกกล้องวรจรปิดมีทุกหัวมุมถนนหาคนๆเดียวง่ายเหมือนปิดเมืองหาเสียอีกถ้าไม่มุดดินหนี
          “เสื้อคลุมที่ใครๆ ตามหากันเนี่ยมีของสำคัญอยู่ในนั้นหรือไง” เพื่อนตำรวจเปิดประเด็นข้อข้องใจ
ข้อสงสัยของเพื่อนจับใจเขาอย่างจังไคจินก็สงสัยเช่นกันต้องมีของสำคัญอยู่ในเสื้อคลุมแน่นอน ถ้าณานฉลาดก็น่าจะเปิดตรวจสอบดูก่อนแล้วแต่ถ้าเป็นเขาจะต้องฉลาดกว่านั้นไม่แตะต้องสิ่งน่าสังสัยถ้าสมองชนะความอยากรู้อยากเห็นได้เพราะสิ่งน่าสงสัยมักอันตรายเสมอ
          “มีรายงานภารกิจจากฌานส่งมาที่แผนกเอกสาร พวกเขาตรวจพบว่าพนักงานส่งเอกสารรับมาจากพนักงานโรงแรมอีกที ไม่มีลายนิ้วมือของณานที่ซองเอกสารมีเพียงลายนิ้วมือของพนักงานโรงแรมและพนักงานส่งของ”
          “นายไปรู้มาจากไหน?” ไคจินสงสัยว่าเขามีเพื่อนเป็นอัยการหรือนักสืบกันแน่
          “กำแพงมีหูประตูมีตา บนฝ้ายังมีหนูในรูต้องมีแมลงสาบ!” สำนวนแปลประหลาดของนักกฎกมายมาอีกแล้วฟังแล้วเห็นภาพเลยให้ตาย
          “Oh! Man!!!” นายตำรวจสายบู้รู้สึกหมดแรงจะพูดต่อเมื่อนึกภาพตามไปด้วย ภาพติดตาทั้งหนูทั้งแมลงสาบวิ่งกันยุบยับไปหมด
          “นายเจอม้าศึกของเขาหรือยัง” เคลาส์ถามถึงรถของณาน มาสแตงท์สีเทาเมทาลิคที่เขาขับอยู่เป็นประจำที่ตามหากันให้ขวักอยู่ตอนนี้
          “คิดว่าฉันจะหลุดออกไปเจอได้ง่ายๆ หรือไงกัน” ไคจินตอบตามความจริง ไม่ว่าจะเดินไปไหนเหมือนมีตาร่วมร้อยคู่คอยจ้องมองอยู่
          “ม้าศึกไม่คึกเหมือนที่คิดหรือจะโดนวางยาไปแล้ว” สายข่าวของเขาไม่มีใครตามหาพื่อนนักสืบเจอสักคนรู้แต่จุดที่คาดการณ์ว่าน่าจะไปแต่คว้าน้ำเหลวแทบทุกครั้ง ถ้าเพื่อนจะเก่งขนาดนี้ภาวนาให้อย่ากลับเนื้อกลับตัวเป็นผู้ร้ายเขาคงได้ทำงานไม่ว่างเว้นแน่นอน
          “บ่ายนี้จะออกไปเคลียร์งานที่ทำค้างไว้เสียหน่อย” ปล่อยหนูวิ่งเพ่นพ่าน ประเดี๋ยวจะไปกัดสายไฟชาวบ้านชาวช่องเขาเสียหายไคจินบอกธุระพร้อมจะออกจากสำนักงาน
          “บ่ายนี้มีประชุมอัยการกว่าจะเลิกประชุมน่าจะช่วงเย็น” ร่างหนาเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานตามปกติ เช็คสายข่าวที่ให้ตามหาฌานและเริ่มจัดการการงานเอกสารตรงหน้าให้เสร็จก่อนจะมีประชุมเร่งด่วน
          “เรียกประชุมอัยการ? เรื่องคอขาดบาดตายหรือไงสงสัยจะเป็นทอล์ค ออฟเดอะทาวน์” เพื่อนร่วมงานนึกสงสัยหรือจะเป็นข่าวระเบิดที่ผ่านมา การตายของสายคนหนึ่งมีความสำคัญขนาดไหนทำให้สำนักอัยการเรียกประชุมด่วนขนาดนี้ หรืออัยการเจ้าวางแผนจะได้ของเด็ด! กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของเขาจริงๆ ให้ดิ้นตาย
          “ถ้าหลุดไปถึงมือสื่ออาจเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์” เคลาส์พูดยิ้มๆ เรื่องฉาวโฉ่ของวงการราชการเล่นเมื่อไหร่โดนจัดใหญ่เมื่อนั้น
          “อย่าเชียวนะ!นายตกจากสวรรค์ทะลุโลกมนุษย์ไปเกิดในนรกเลยคราวนี้” พูดเตือนไม่ทันขาดคำข้อความสำคัญแจ้งเตือนเข้ามาบนหน้าจอมือถือของหนุ่มอัยการ มือหนากดอ่านอย่างรวดเร็วนึกสังหรณ์ใจว่าอาจจะเป็นข่าวไม่ดีนัก
          “เจอม้าศึกแล้วนายไม่ต้องคิดจะตามหาแล้วไคสายรายงานว่าไม่เจอสิ่งต้องสงสัย” เขารายงานเพื่อนตำรวจด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วต่อให้เจอรถแต่ไม่เจอตัวเจ้าของจะหาข้อมูลอะไรได้
          “รวดเร็วฉับไวต้องยกนิ้วให้” รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎอยู่บนใบหน้าอ่อนวัย ภูมิใจอยู่บ้างที่เพื่อนนักสืบรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางทักษะการเอาตัวรอดเป็นเลิศถ้าคิดจะตามจับคงไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
          “นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเห็นจับไอ้แฟ้มรายงานอันนี้อยู่นานแล้ว”
          “มีพลเมืองดีส่งมาให้”
          “พลเมืองคนไหนจะกล้าส่งมาให้อัยการถึงมือ” ไคจินแยังกลับทันทีจะมีกี่คนกันที่หาญกล้าฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ส่งแฟ้มให้อัยการไม่ผ่านตำรวจ
          สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างรู้ทันพลเมืองดีที่ว่าต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอาจจะเป็นสายข่าวของเจ้าตัวก็ได้ อัยการบ้านนี้เมืองนี้ยิ่งใหญ่เสียเต็มประดาคราวหน้าคงออกไปตามจับผู้ร้ายเสียเองไม่ต้องให้ตำรวจทำหน้าที่
          “นั่นสินะเป็นพลเมืองที่ดีจนถึงวาระสุดท้ายของขีวิต” เหมือนจะรู้ความคิดของเพื่อนอัยการบอกใบ้ให้เล็กน้อยเผื่อจะคลายความสังสัย
          “God damn it! โกหกตกนรกนะเพื่อน”  นายตำรวจไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ฌานอยู่ไม่เป็นสุข
          “จิกหัวเจ้าบ้านั่นให้อยู่มืออย่าให้ไปอาละวาดที่ไหนอีก” แม้จะเดาไม่ได้ว่าเพื่อนสายสืบวางแผนจะทำอะไรแต่คงไม่ใช่แค่วิ่งเล่นแน่นอน
          “นายมีแผน?” ไคจินกระดี้กระด้าขึ้นมาทันที่เหมือนได้ของเล่นใหม่จะได้ออกยืดเส้นยืดสายเสียที
          “ยังไม่มีในตอนนี้” คนได้ฟังถึงกับทำหน้าเหวอ
          “แต่ฉันมีแผน สนใจฟังหน่อยไหมล่ะคุณอัยการ” ในเมื่อคนเหลี่ยมจัดไม่มีคราวนี้เขาจะได้โชว์ฝีมือบ้างแล้วคนน่ารักทำหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบายถ้าฌานเพื่อนรักได้มาเห็นคงหลงหัวปักหัวปำยิ่งกว่าตอนนี้
          “นายพอจะรู้จักเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ไว้ใจได้หรือเปล่า” เมื่อเคลาส์พยักหน้าตอบรับก็ได้เวลาร่ายยาวแผนร้ายทันทีเมื่อได้ฟังแผนตำรวจเพื่อนรักแล้วอดทึ่งไม่ได้
          “บังเอิญเห็นคนฮิตทำคอนเทนต์สร้างกระแสเลยอยากทำบ้างเผื่อจะมียอดวิวเป็นหลักล้านได้เงินใช้เหมือนยูทูเบอร์คนอื่น”
          “พวกนายเนี่ยทำไมเหมือนกันยังกะฝาแฝด น้ำไม่ต้องขอเนื้อเน้นๆ ชัด! ตรงประเด็น! เสียเวลาฟัง!”
          ตำรวจหนุ่มหน้าหยกเล่าแผนการณ์ฉบับมินิว่าจะไลฟ์ผ่านมือถือ ขอใช้สี่จีห้าจีให้เกิดประโยชน์เผื่อทางการจะได้ให้หกจีใช้ไวๆ แต่ก่อนอื่นต้องตะครุบตัวฌานให้ได้ก่อนสายสืบนั่นต้องวางแผนอะไรไว้บ้างแล้วค่อยล่อเสือออกจากถ้ำ
          “ฉันจะตามเกาะแกะณานให้เหมือนปลิงฉลามเลยคอยดู” ไคจินรับคำ หน่วยนี้ไม่รู้ว่าสายใครเป็นของใครภารกิจลุยเดียวไคจินรับผิดชอบเองจะคล่องตัวที่สุด
          “แยกย้ายกันตามหน้าที่ ติดต่อกันที่มือถือเครื่องนี้และภารกิจสุดบรรเจิดของนายด้วย” เคลาส์ส่งมือถือรุ่นใหม่เครื่องหนึ่งให้เพื่อนไว้ติดต่อและไลฟ์บรรลือโลกไซเบอร์
          “Yes,sir!” ไคจินเปลี่ยนมือถือตัวเองวางไว้บนโต๊ะพกแต่วิทยุสื่อสารไว้ติดต่อหน่วยเมื่อจำเป็นและจะได้รู้ด้วยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
          มือเล็กๆ ทำการเปิดเครื่องและเริ่มการใช้งานอย่างรวดเร็วเข้าโปรแกรมที่ต้องการในหัวคิดไว้ว่าจะไลฟ์ผ่านเว็ปไซท์ไหนดีเมื่อตัดสินใจได้แล้วปัญหาใหญ่เริ่มผุดขึ้นมาจึงเอ่ยปากถามอัยการสุดหล่อเพื่อขอการสนับสนุน
          “นายมีวิธีไหนที่ทำให้คนมาดูไลฟ์ฉันเยอะๆไหมล่ะ”
          “ไลฟ์ให้ได้แล้วทุกอย่างฉันส่งต่อให้เอง” อัยการทำสัญณานมือให้รีบไป
           ได้สายเรียกประชุมด่วนน่าจะเป็นเรื่องสำคัญส่วนรายงานที่วิกกี้ส่งให้มาต้องรอฌานกลับมา เขามั่นใจว่าเสื้อโค้ตตัวนั้นต้องมีความสัมพันธ์กับแฟ้มเอกสารที่ได้มาแน่นอน ความหวังต่อจากนี้คือให้ไคจินหาฌานให้เจอก่อนคนอื่นจะได้ตัวไป
          อัยการหนุ่มตัดสินใจเก็บงานประจำวันแล้วเริ่มเปิดอ่านแฟ้มข้อมูลใหม่พี่พึ่งจะได้มาจากวิกกี้อีกครั้งแล้วหุนหันลุกขึ้นไปยังห้องผู้บังคับบัญชาทันที

หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 17:15:55
Love Section 12 : The Love Mission! Part 2.
          เหล่าผู้คนในเมืองใหญ่ต่างใช้ชีวิตตามวิถีของตัวเองตามหน้าที่การงานในแต่ละวัน จะมีผ่อนคลายความเครียดจากการงานและการใช้ชีวิตต่อเมื่อถึงเวลาส่วนตัวช่วงหลังเลิกงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ หากแต่เทศกาลพิเศษที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาผ่อนคลายนี้กลายเป็นงานรื่นเริ่งที่สนุกสนานและตื่นตาตื่นใจเรียกความสนใจตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงคนสูงวัย
          ณ งานเทศกาลถูกจัดขึ้นบนถนนสายหลักเส้นหนึ่งในตัวเมือง การสันจรถูกปิดเพื่องานสังสรรค์ครั้งนี้ ผู้คนออกมายืนดูขบวนพาเหรดเต็มสองข้างทางเปิดงานด้วยขบวนคณะรัฐบาลผู้นำประเทศและคณะผู้บริหารตามติดด้วยเหล่าผู้พิทักษ์หลากเหล่าทัพเข้าเดินตบเท้าปิดท้ายขบวนแรก ขบวนสองกองคาลาวัลนักดนตรีนำหน้านักแสดงกายกรรมร่วมแสดงไปกับขบวนพาเรด ปิดท้ายด้วยขบวนตลกชวนหัวตลกล้อเลียนบ้างทะลึ่งตึงตังบ้างสร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกเป็นระยะ ท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่
          ท่ามกลางความขวักไขว่ของเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา มีสายตรวจสองคนกำลังตามหาคนในความโกลาหลของผู้คนในงาน เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ชายสูงโปร่งรูปร่างคุ้นตาท่าทางคล้ายกับบุคคลที่กำลังต้องการตัวอยู่ต่างวิ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
          “เจ้าหน้าที่ฌาน!” เมื่อเจอคนแต่งกายตามที่สายรายงานพวกเขาพุ่งเข้าชาร์ตเพื่อจับกุมทันที
          “เรียกผมเหรอ?” ชายแปลกหน้าตกใจเมื่อมีเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุม
          “ขอโทษด้วยครับ” ตำรวจสายตรวจรีบขอโทษขอโพยเมื่อเห็นหน้าตาของคนที่เข้าใจว่าเป็นคนที่ต้องการจับตัว ได้แต่ก้มหน้ารับคำตำหนิติเตียนจากชายร่างโปร่งเป็นคำรับการขอโทษ
          เจ้าหน้าที่ได้แต่เดินหน้าตกคอเหี่ยวไม่อยากมีเรื่องกับพลเรือนเท่าไหร่นัก ยิ่งกับพลเรือนประเภทบ้ากล้องบันทึกภาพทุกอย่างไม่เว้นแม้อาหารที่จะกินไม่เว้นวัน
          “ง่ายเหมือนหมูในอวยไหมล่ะคราวนี้ รู้หรือยังทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนรับภาระกิจจับหมูเข้าอวย” เพื่อนสายตรวจด้วยกันติติงเพื่อนคู่หู
          “ทราบ!ซึ้ง!ถึงก้นบึ้งหัวใจ ใครจะไปรู้ว่าหมูจะกลายเป็นสิงห์” อีกคนก็บ่นงึมงำไม่คิดว่าภารกิจที่ดูเหมือนง่ายจะยากเย็นขนาดนี้เล่นเอาเหงื่อตกวิ่งตามจนขาล้าแถมยังเวียนหัวกับผู้คนเดินไปมารอบตัวอีก
          “เป้าหมายหลุดไปแล้วหน่วยต่อไปพร้อมดำเนินตามแผน” เพื่อนตำรวจอีกคนรีบรายงานผ่านวิทยุสื่อสารทันที่เมื่อพลาดเป้าหมาย
          เมื่อคนเดินเกมวิ่งเล่นอยู่ในดงคนจนพอใจถึงเวลาต้องออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างแล้วเขายังมีนัดสำคัญต่อจากนี้อีก ฌานที่คอยเผ้าดูเหตุการณ์อยู่แฝงตัวออกจากบริเวณนั้นก่อนที่จะมีทีมอื่นเข้ามาหาตัวเขาอีกระลอก
          “เสียม้าอย่าโทษคนขี่สิครับคุณเจ้าหน้าที่” เจ้าของร่างโย่งยิ้มย่องพึงพอใจในความแยบยลของแผนที่วางไว้ล่อลวงพวกเดียวกันในหลงทาง
          “เก่งจังเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนพิเศษณาน ลูเพียสซ่า” น้ำเสียงที่คุ้นเคยพูดกระซิบเบาๆ ตอนที่เขากำลังก้มตัวหลบสายตาเจ้าหน้าที่ปลีกตัวออกมาจากงานรื่นเริง
          “อยากรู้จังว่าค่าหัวของเจ้าหน้าที่รัฐจะพอซื้อเบียร์ได้ซักกี่ลัง” โลหะแข็งจี้มาที่หลังไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นอะไร
          “ที่รักล้อเล่นแบบนี้ ตลกไม่ออกเลยนะครับ” ฌานหัวเราะแห้งๆ ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวเล็กจับได้
          “หายตัวได้ยังกับผีมิน่าทั้งกองตามจับไม่ได้ แต่!นายหนีฉันไม่พ้นหรอก อยากตายด้วยมือของฉันหรือคนของรัฐบาล“ ปืนที่จ่อหลังจิ้มเบาๆ สองสามครั้งเป็นการหยอกเย้าที่หวาดเสียวทั่วสันหลัง เพื่อนสุดน่ารักไม่คิดว่าปืนจะลั่นใส่เขาบ้างหรือไง
          “ก็อยากจะตายคาอกที่รักหรอกนะแต่ตรงนี้มันอร่างฉ่างโล่งโจ้งนะครับ ผมไม่ค่อยชอบเอ๊าท์ดอร์ “ โดนปืนจ่อหลังยังทำทะเล้นยิ่งทำให้คนกดดันโมโหจนอยากจะเหนียวไกปืน
          “หัวสมองคิดได้แต่เรื่องอย่างว่าหรือไง หลบมาได้หลายวันจนหนีมาได้ขนาดนี้แล้วแผนของนายคืออะไร” ไคจินเก็บปืนพกแล้วหันมาถามคนเล่นเกมแมวจับหนู
          “แผน? ไม่มี ไว้เจอปัญหาแล้วค่อยคิด” เจ้าพ่อคุณพ่อขนุนหนังไม่มีใครจะสบายอกสบายใจเท่าสายสืบที่โดนตามล่าคนนี้แล้ว
         “เอาเถอะ…อัยการให้จิกหัวนายไว้สงสัยหัวนายได้เถิกเป็นรูปหัวใจแน่นอนเพื่อนรัก” ว่าไงก็ว่าตามกันแค่ตามติดนายไว้ให้ไลฟ์ได้เป็นพอ
          “จะออกไปจากงานรื่นเริงนี้ยังไงล่ะ” ไคจินชะเง้อคอไปยังขบวนพาเหรด
          “มีนายเป็นหน่วยสนับสนุนนี่นา” ฟังแล้วมันจักจี้หัวใจอยากจะทุ่มคนร่างสูงให้ลงไปนอนหมอบกับพื้น
          “ฌาน…พ่อหนุ่มรูปงามสมองเลยไม่ค่อยได้ใช้งานเหมือนหน้าตาสินะ มองหน้าเพื่อนคุณด้วยดูรูปร่างดูอาวุธเพื่อนคนนี้ของคุณเหมือนซูปเปอร์แมนหรือไงหรือเหมือนยักษ์เขียวฮัก” ตำรวจร่างเล็กท้าวสะเอวพูดข่มอารมณ์โมโหไว้เป็นที่สุด ไม่มีเรื่องไม่ให้ช่วยพอมีเรื่องขึ้นมากลับมานึกถึง
          “เอาน่าช่วยผมหน่อยที่รัก ผมนัดคนสำคัญไว้แล้วเหลือแค่จะออกจากที่นี่?…ได้ยังไง” น่าขันนักคนเริ่มเกมส์กลับไม่รู้วิธีจบหรือจะแกล้งโง่เพื่อเรียกร้องความสนใจ
         “ใครล่ะที่นายดีลไว้ ใช่ท่านรองฯ หรือเปล่าถ้าคนนี้ฉันจะพานายไปเอง” ไคจินภูมิใจเสนอความคิดไปหาท่านรองฯง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเพราะท่านเป็นหัวหน้าบัญชาการภารกิจส่วนใหญ่ของหน่วยเขาอยู่แล้ว
         “โถ่ๆ เด็กน้อย…เดี๋ยวพี่จะสอนงานให้นะคอยตามพี่มาแล้วกัน” หน้าคมเข้มของสายสืบยิ้มแบบมีเลศนัย จบภารกิจนี้ตำรวจน้อยกลอยใจจะต้องกลายเป็นพี่เบิ้มใหญ่คับกรมแน่นอน
          “เพี้ยนไปแล้วหรือไง?” นายตำรวจตามความคิดคนร่างสูงไม่ทัน ตกลงว่ามีแผนอยู่แล้วแต่ไม่บอกเขาต้องเล่นไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ…จะรอดหรือจะดับล่ะคราวนี้
          “ชู่ว์…”  ฌานบอกคนร่างเล็กให้เงียบไว้ มีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในเขตเซฟโซนของเขา
          “นายเล่นของสูงนี่หว่า นายกำลังปีนเกลียวคนบนหอคอยเลยนะ” ไคจินตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน คนที่เขาเห็นว่ากำลังเดินเข้ามาอย่างระแวดระวังเป็นถึงมือขวาผู้อำนวยการผู้เป็นใหญ่บนพีรมิตรแห่งกรมตำรวจเชียวนะ ไม่ใช่ของที่คนธรรมดาจะหยิบมาเล่น
          “ท่านรองฯ อาจรู้แต่ขาดหลักฐาน” ฌานตอบกลับมาลอยๆ ไม่ใคร่จะสนใจเรื่องที่ตำรวจตัวน้อยสูงร้อยเจ็บสิบกว่าๆ! พูดมากนัก
          “อาจจะ!...นายคงไม่คิดไปคนเดียวหรอกนะ” ฌานกล้าเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้กับความน่าจะเป็นทำให้ไคจินเสียวสันหลังแทน
          สายสืบหนุ่มสืบรู้มาว่ามีการร่วมมือกันระหว่างนักการเมืองและนายตำรวจตำแหน่งสูงและพรรคพวกจำนวนหนึ่งวางแผนให้วิกกี้กลับไปเป็นสายลับเพื่อไปสอดแนมกลุ่มอิทธิพลที่ตอนนี้กำลังขยายอำนาจเข้าสู่ทุนนิยมอย่างถูกกฏหมาย
          “แยกกันก่อน หูตาเยอะเกินไป” สิ้นคำสั่งการสายสืบหนุ่มรีบแยกตัวออกจากไคจินเพื่อไปยังเป้าหมายทันที ส่วนเพื่อนรักกลับออกไปยังถนนที่มีขบวนแห่พร้อมเปิดฟังสัญญาณวิทยุสื่อสารที่พกมาด้วย
          เมื่อสืบข่าวและภารกิจแล้วไม่มีรายชื่อไคจิน เวลธ์ตัน ทำภารกิจใด เหมือนฟ้าเปิดสวรรค์เป็นใจให้ภารกิจส่วนตัวสำเร็จ เขารีบแอบตามสัญญาณติดตามตัวที่แอบติดบนเสื้อฌานไป
          ไม่ไกลจากงานเทศกาลนัก บนตึกว่างเปล่าที่รอการเช่าเป็นสถานที่นัดพบที่ดีจริงๆ เสียงบรรเลงเพลงจากขบวนพาเรดดังมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงคุยกันฟังไม่ได้ศัพท์ เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้เสียงนั่นอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งเริ่มเปิดไลฟ์ผ่านมือถือ ทีมทีมอัยการที่กำลังรอรับสัญณานจัดการส่งต่อเผยเพร่ถ่ายทอดสดสู่สาธารณะทันที
          “ซี๊เลี้ยวอ่า! (ตายห่านแล้ว!)ยับเลยสุดหล่อณาน! คลาดกับแป๊บเดียว” เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่โดนหิ้วปีกอยู่ถึงกันถอนหายใจปากก็บรรยายไปด้วยว่าใครที่กำลังโดนจับ ส่วนชายอีกคนที่อยู่ในเฟรมรู้ว่าเป็นใครแต่ยังไม่พูดชื่อออกไปรอจังหวะหันกลับมาที่กล้องแล้วก็…Bravo!
          “แชร์…แชร์ครับ แชร์ไปๆ เยอะๆ เหล่าสาวกโซเชียลทั้งหลาย ต้องขอแรงพวกคุณเพื่อภารกิจนี้ซะแล้ว” เขาทำเสียงกระซิบกระซาบตื่นเต้นสุดๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้าน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย คนได้ยินต้องรู้สึกเห็นใจเขาแน่นนอนที่ต้องมาเจอเหตุการณ์สุดระทึกแบบนี้…เสแสร้งแสดงละครได้ดีเกินคาด เชทบ๊อกซ์แทบแตกอ่านเมนต์แทบไม่ทัน
          อ่อนจิตอ่อนใจเมื่อผู้ชมครึ่งหนึ่งคิดว่าสร้างคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดวิว หรือคิดว่าเป็นหนังสั้นออนไลน์ แต่นี่คือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจริงครับประชาชน!
          หัวเรื่องไลฟ์ real life! real time! reality show! ปล่อยออกไม่กี่นาทียอดคนดูพุ่งเป็นร้อยไต่ขึ้นเป็นพันและอาจเป็นหมื่นในอีกสิบนาที
          ไคจินพยายามปรับระบบเสียงให้ดังที่สุดเท่าที่อุปกรณ์แอบถ่ายจะทำงานได้ ตัวเขาเองยังต้องตะแคงหูตั้งใจฟังว่าคนกลุ่มนั้นพูดอะไรกัน
          “ของที่อยู่ในนั้น ส่งมาให้ผมดีกว่า” ชายสวมสูทยืนหันหลังให้กล้องกำลังพูดกับเจ้าหน้าที่สืบสวนที่โดนคนของเขาจับตัวไว้ได้
         ใบหน้าฌานมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย มุมปากมีรอยช้ำแดงและมีเลือดไหล ถ้าเป็นการจับกุมกันอย่างจริงจังแผลที่เห็นถือว่าเล็กน้อย คนไล่จับหนูถือว่าใจดีพอสมควรที่ไม่ลงไม้ลงมือเต็มแรงหรือไม่ก็เป็นการสมยอมให้จับเล่นบทผู้ร้ายจอมปลอมพบหอมปากหอมคอ
         คนถูกจับไม่พูดอะไรนอกจากมองจ้องคนถาม ริมฝีปากนั่นยกยิ้มเล็กน้อยยิ่งก่อกวนอารมณ์คนได้เห็นจนโดนหมักเสยเข้าช่องท้องจนเต็มรัก
          “จุกแทนเลยว่ะครับ!” ไคจินเผลออุทานพร้อมกุมท้องน้อยๆ ด้วยมืออีกข้างที่ไม่ถือกล้องเหมือนโดนต่อยซะเอง
          “ถ้าคุณเจ้าหน้าที่ไม่พูดผมก็ไม่รอที่จะฟังเหมือนกัน พวกเราเสียเวลากันมามากพอแล้ว” ผู้ช่วยผู้บัญชาการหันหลังกลับมาสั่งการลูกน้องที่ยืนขนาบอยู่ด้านหลัง ถึงจะหันมาแค่ด้านข้างแต่คนดังอย่างท่านไม่มีใครที่จำไม่ได้ สัญญาณมือเหมือนให้รีบเก็บงานทำเอาคนแอบถ่ายถึงกับใจหายธีมไอทีอัยการจะมือขั้นเทพเก็บไปแล้ว
          นายตำรวจร่างเล็กเริ่มกระวนกระวายใจต้องหาจังหวะเข้าไปช่วย แต่จะไปยังไงในเมื่อมีแค่คนเดียว จะบุกเดี่ยวเข้าไปดูเท่ห์ก็จริงแต่อาจไม่รอดปลอดภัยกลับไปหาอัยการเพื่อนรักแน่ๆ
          “ถ้าท่านไม่คิดจะฟัง พรุ่งนี้ท่านคงได้ฟังจากสื่อโทรทัศน์ทุกช่องเองแหละครับ” เจ้าหน้าที่สืบเค้นคำพูดให้ชัดเจนที่สุด แผนการถูกจับวางไว้แล้วแต่ไม่คิดว่าจะเล่นจริงเจ็บจริงแทนที่จะได้เจอผู้อำนวยการได้เจอแต่ลูกกระจ๊อกกับเหล่าสมุนเสียเวลาเจ็บตัวชะมัด
          ปิ้ว!
          อั้ยหยา!ตายห่าน!...ไคจินคุ้นเสียงนี้ดีของปืนเก็บเสียง

          จะลงต่อให้จบอีกสองตอนนะคะ โพสไปแก้คำผิดไปรอใจเย็นๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 19:41:53
Love Section 12 : The Love Mission! Part.3
          “ขอโทษที ปืนมันลั่น” ยังไม่ทันได้คิดอะไรเสียงปืนเก็บเสียงดังเฉียดเท้าสายสืบไปแค่คืบพร้อมกับเสียงขอโทษที่ฟังยังไงเหมือนเป็นคำขู่มากกว่า แต่ฌานกลับไม่ได้แสดงท่าทีว่าหวาดกลัวกับกระสุนนัดนั้น ถ้าเขาตายคงสร้างปัญหาใหญ่ให้กับผู้อำนวยการไม่น้อย
          “ผมยังไม่ยื่นฟ้องและปลดคุณจากตำแหน่งที่ลักลอบขโมยของกลางและหลบหนีการจับกุม ถ้าหนักขึ้นอีกข้อหากระทำการปั่นทอนความมั่นคงแห่งรัฐ…” นายหน้าผู้ทำหน้าที่เป็นหนังหน้าไฟทำงานไม่มีขาดตกบกพร่อง
          “นี่กะจะแช่แข็งผมในคุกหรือไงครับท่านอย่าล้อผมเล่นน่า” คนถูกวางข้อกล่าวหาท้วงติง ของกลางเขาไม่ได้เอาไปแต่ถูกวางไว้ในรถเขาเองจากวิกกี้พอจะหลบหลีกและสร้างข้อแก้ต่างได้ แต่ปั่นทอนความมั่นคงไม่แน่ใจว่าหนักฐานที่ได้มาจะกระทบผู้หลักผู้ใหญ่เจ้าที่เจ้าทางคนไหนบ้าง
          “คุณเห็นแล้วว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง วิคเตอเรียเคสไม่ได้สอนอะไรคุณบ้างหรือไงเจ้าหน้าที่ณาน ลูเพียส์ซา” 
          ”แล้วคุณจะทำอะไรผมล่ะ ลบประวัติผมหรือไง? หรือจะระเบิดให้ผมตายใต้ซากตึกนี่” ร่างสูงที่โดนหิ้วปีกถามอย่างไม่เกรงกลัว ปลายเสียงยังท้าทายเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
          “รับมือได้ดี! เจ้าหน้าที่พิเศษมือดีใจกล้าหน้าไม่อายอย่างนายพวกเราติดตามมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันอย่างเป็นมิตรเสียที” เจ้าหน้าที่นิสัยเสียมักเป็นแบบนี้ กำหลาบยากใช้งานไม่ได้ไม่เข้าใจว่าผู้บังคับการสนใจใช้งานทำไมหรืออาจเกี่ยวโยงกับใครเป็นพิเศษ
          คนไลฟ์อยากเห็นแอคติ้งของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กำลังยื่นข้อเสนอให้ฌาน อยากจะหามุมถ่ายที่ดีกว่านี้แต่กลัวว่าจะถูกจับได้เสียก่อนได้แต่ถ่ายทอดสีหน้าของเพื่อนไปทั่วโลกโซเชียลให้ได้ชมแทน อีกใจก็นึกเป็นห่วงเพื่อนรักอยากจะเข้าไปช่วยแต่เหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟ เข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็มีแต่จะไหม้ไฟไปทั้งคู่
          มือขาวๆ ค้นหาโทรศัพท์มือถือหวังจะโทรให้เพื่อนอัยการมาช่วย แต่มานึกได้ว่ามีเพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวที่ใช้ไลฟ์สดอยู่ตอนนี้ ส่วนว็อคเกอร์ที่มีไว้ติดต่อคนในหน่วยตัวเองปิดไว้ตั้งแต่เข้ามาในโกดังร้างกลัวสัญญาณทำไปทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว
          เป็นความเสี่ยงในความเสี่ยง อยากจะย้ายมุมก็ทำไม่ได้ตำรวจหน้าตี๋ได้แต่ยืนถ่ายคลิปหน้านิ้วคิ้วขมวดด้วยอยากออกไปช่วยเพื่อนตะลุมบอนจนกำหนัดแน่นเนื้อเต้นตุบๆ พยามยามทำอารมณ์ให้เย็นลงต้องคิดหาวิธีช่วยเพื่อนให้ออกไปได้
          คลิปไลฟ์สดยังดำเนินต่อไป แต่มีเสียงของไคจินแจ้งข่าวไปยังเคลาส์ที่มีเพียงสามเพื่อนรักรู้กันเท่านั้น ฝ่ายฌานคนบอบช้ำในมิสชั่นนี้มากที่สุดดูจะยังคงรักษาความสุขุมอยู่ได้ ไม่รู้ไปกินยาดีอะไรมา
     “เรามาร่วมมือกันดีกว่า”  คนยื่นข้อเสนอเดินเข้าไปใกล้ฌานแล้วบอกให้คนคุมสายสืบหนุ่มให้ถอยไป สองมือยังโดนพันธนาการจากกุญแจมือร่างสูงจึงทรุดลงไปกับพื้นเมื่อไม่มีคนพยุง
          “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนกลับมาได้ …สี่คนสบายบื๋อ” เจ้าหน้าที่คนดังก้มตัวตามลงมาพูดข้างๆ หู
          ฌานรู้สึกขันกับคำเปรียบเทียบนี้ คิดในใจใครจะมาตายเป็นเพื่อน เพื่อนเยอะก็มากเรื่องมากความ สุภาษิตนี้ไม่เข้ากับเขาเลยซักนิด สำหรับเขาแล้วนั้นเพื่อนที่มีไว้รักมีแค่คนเดียวเพียงพอแล้วในชาตินี้
          “ผมคงเป็นอัมตะเพราะมีเพื่อนเป็นกองร้อยกองพัน” คนหล่อหน้าช้ำอยากจะขำ
          “เราทุกคนเป็นมนุษย์อย่าห่วงไปเลย” คนฟังยิ้มรับความตลกร้ายของคนตรงหน้า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังไม่มีทีท่ากระวนกระวายตื่นกลัวเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ สมกับที่เจ้านายได้หมายตาไว้
          “ถ้าไม่มาร่วมกับเราก็ส่งของมาได้แล้วเจ้าหน้าที่ณาน” คนต่อรองเริ่มหมดความอดทนกับการต่อรองที่ไม่มีทางสำเร็จนี้ ได้รับคำสั่งว่าห้ามใช้ความรุนแรงแต่บางทีก็สุดจะทน
          “ของก็ต้องอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐานสิครับ คุณค้นตัวค้นรถค้นบ้านผมแล้วไม่มีคือไม่มี” คนถูกจับแย้งทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าหลักฐานไม่ได้อยู่ที่ถูกค้นหาแต่จะต้องยื้อไว้จนกว่าคนที่เขาต่อรองข้อตกลงกันไว้จะมาถึง
          “ถ้าอยู่ที่นั่นจริงเราจะตามตัวคุณให้วุ่นวายกันทำไม” เจ้าหน้าที่สูงขั้นกว่าโต้กลับพยายามคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดไม่แสดงอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจ
          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะการเจรจา เจ้าหน้าที่รัฐรับกดรับเมื่อรับคำสั่งเสร็จได้เป็ดสปีคเกอร์โฟนให้เจ้าหน้าที่สืบสวนที่โดนจับไว้ได้ฟัง
          “สวัสดีเจ้าหน้าที่ฌาน ลูเพียร์ซ่าผมต้องขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยแล้วกันพวกเขาใจร้อนเกินไปหน่อย” คนฟังได้แต่ถอนหายใจใส่ รู้สำนึกเลยว่าประชาชนเดินดินธรรมดารู้สึกเช่นไรเมื่อโดนเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมและจะปล่อยตัวเมื่อจับโจรผิดคน
          “ผมสร้างวิกกี้ให้มีชีวิตจริงแต่ผมไม่ได้ฆ่าเธอหรอกนะเจ้าหน้าที่ฌาน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันที่ทำร้ายคนของผม” คนฟังได้แต่นิ่งปลายสายสั่งให้คนได้บังคับบัญชาปิดสปีคเกอร์โฟนเพราะอยากคุยกับเจ้าหน้าที่สืบสวนเป็นการส่วนตัว
          เสียงดังมาจากด้านหลังพร้อมกลุ่มคนสวมสุทสีดำหน้าตาดุดัน เดินดาหน้าตรงเข้ามากดดันให้คนอยู่ก่อนหน้าชะงักงัน
          “สงสัยผมจะมาช้าไปนะ” สื้นเสียงคนมาใหม่ม่านคนชุดดำเปิดทางให้คนอยู่ด้านหลังได้เปิดออกมาแสดงตัว
          “ผูบ้อ!(ตระกูลพ่อแม่)ให้ตายเถอะ! นี่มันปาร์ตี้รวมคนดังหรือไงเนี่ย” ไคจินเห็นหน้านักการเมืองชื่อดังเต็มสองตาแต่มือของเขาไม่ได้หันหน้ากล้องจับไว้
          “คงได้ยิงกันสนั่นเหมือนในหนังหรือเปล่านะ? ซีนใหญ่มาแล้วเว้ยเฮ้ย!” นายตำรวจร่างเล็กอดคิดไม่ได้ว่าอาจเกิดความรุนแรงขึ้นแล้วการไลฟ์ของเขาอาจผิดกฎการแพร่ภาพออกสู่สารธารณะและอาจต้องไปนั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่โรงพักแทน
          รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ปลอดภัยคนมากันเยอะย่อมต้องมีคนมาสำรวจพื้นที่โดยรอบ แน่นอนว่าต้องเจอเขาซ่อนตัวแอบถ่ายอยู่ที่นี่ โชคดีแค่โดนจับโชคร้ายก็โดน...ไม่เป็นมงคล! คิดไม่เป็นมงคลเฉ๊าฉุ่ย! ไคเอ้ย!
          นายตำรวจสายเลือดตะวันออกพยายามปลีกตัวไปหาที่ซ่อนตัวแห่งอื่น เพียงแค่คิดจะทำแต่การไหวตัวเร็วของเขากลับช้ากว่าการมาถึงของเหล่าพลพรรคของนักการเมืองชื่อดัง
          “อย่าขยับ! เดินไปข้างหน้าช้าๆ” คนได้ยินคำสั่งค่อยๆ ปล่อยมือถือพร้อมโชว์มือทั้งสองข้างให้ดูว่าไร้อาวุธ สายคล้องโทรศัพท์ที่รอบคอรั้งให้กล้องยังคงถ่ายไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนดูเสมือนเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์เสียเอง
          ไคจินทำตามคำสั่งนั้นอย่างว่าง่ายเดินออกมาจากที่กำบังตัวและตรงไปยังคนกลุ่มใหญ่ …ให้ตายตื่นเต้นชะมัดยาด! คนตัวเล็กคิดอยู่ในใจ
          ตาย!....รอด!....จะตาย!!...หรืออาจจะรอด!!...เกีย เก๊า เซี้ยม ใส้! (กลัวขี้หดตดหาย)โอ้วมายตายล่ะเว้ยคราวนี้
          “สงสัยว่าท่านเจ้าหน้าที่จะมีคู่หู ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว”
          เจ้าหน้าที่ฌานทำหน้าโกรธแค้นทันที เมื่อเห็นเพื่อนรักโดนปืนดันหลังให้เดินมาประจันหน้า ดวงตาเล็กมองตรงมายังเจัาหน้าที่สายสืบเหมือนจะกล่าวขอโทษขอโพยที่ทำตัวเองให้โดนจับและอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
          “เอาอย่างไรดีละคุณนักสืบพอจะตัดสินใจอะไรได้ดีขึ้นไหม” นักการเมืองเล่นไม่ซื่อเอ่ยปากถาม
          “สองคนเพื่อนตายเชียวนะ!” ตาคมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างคาดโทษที่พูดประโยคนี้กับเขา
          ไคจินไล่มองกลุ่มคนตรงหน้าได้เต็มสองตา กลุ่มหนึ่งเป็นของผู้บังคับบัญชาสูงสุด อีกกลุ่มเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เรื่องยิ่งบานปลายออกไปเหมือนเล่นงูกินหางไม่มีผิด
          “ผมเลือกได้นานแล้วว่าจะเดินทางไหน ถ้ารอให้ท่านมาถามด้วยตัวเองผมเกรงว่าจะไม่มีลมหายใจพอจะตอบท่านได้”
          “ปากคอคมคาย น่าสนใจๆ ท่านเจ้าหน้าที่เลือกฝ่ายไหนไว้แล้วล่ะ” ทั้งคนในสายทั้งคนนอกสายต่างรอฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ
          ไคจินอยากกระโดดเตะก้านคอเพื่อนหน้าหล่อนั่นนัก ตอบไปแบบนี้ถ้าคนหนุนหลังไม่ใหญ่ไปกว่าสองคนนี่คงได้เป็นสองผีเพื่อนรักเฝ้าโกดังร้างแห่งนี้แน่ เหมือนฌานจะอ่านใจคนตัวเล็กได้ เกมเดินมาขนาดนี้ไม่เล่นใหญ่คงไม่รอดออกไปเดทกับที่รักแน่
          “มีประชุมนอกรอบกันหรือทุกท่าน ขอผมเข้าร่วมด้วยคนสิ” ทุกคนหันไปมองต้นเสียงพร้อมกันและแสดงความเคารพ ชายผู้มาใหม่ท่าทางภูมิฐานดีพร้อมด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ฌาน
          “คนของผมไปทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรให้ท่านสุภาพบุรุษหรือ?” ทุกคนก้มหน้านิ่งใครกันจะกล้าตอบต่อหน้าท่านรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง
         “ไม่ตอบแสดงว่าไม่มี ถ้าอย่างนั้นผมขอคนของผมกลับไปทำงานตามปกตินะทุกท่าน” ท่านรัฐมนตรียังคงสั่งการต่อไปไม่ได้สนใจกลุ่มคนตรงหน้ามากนักเพราะคุ้นเคยกันแล้วเป็นอย่างดีโดยเฉพาะกับบางคน
         “แย่จริงๆ เลย เจ้าหน้าที่ฌาน ทำไมมาวิ่งเล่นไล่จับกันในที่ลับหูลับตาคนอย่างนี้สภาพดูไม่ได้เลย” ท่านผู้ใหญ่ด้านงานบริหารประเทศออกแรงพยุงสายสืบให้ลุกขึ้น สองมือยกใบหน้าที่โดนทำร้ายถึงสภาพการฟกซ้ำจะไม่สาหัสมากนักแต่พรุ่งนี้คงระบมเจ็บน่าดูกว่าจะหาย กว่ากลับมาหน้าหล่อเหลาคมคายตามเดิมคงใช้เวลาหลายวัน
          “ท่านรองฯมาพอดีพาเจ้าหน้าที่ฌานไปโรงพยาบาลตรวจอาการบาดเจ็บด้วยและพานายตำรวจใจกล้าคนนี้กลับไปด้วย” หัวหน้าหน่วยสายสืบรีบตามมายังที่เกิดเหตุเมื่อได้รับทำสั่งโดยตรงจากท่านรัฐมนตรี เขาให้เจ้าหน้าที่สองนายที่ตามมาประคองฌาน และพาไคจิกลับไปกับเขาด้วยตามคำสั่งที่สอง
          ทุกอย่างเหมือนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ความขัดแย้งเริ่มก่อตัว ต่อจากนี้มิตรอาจกลายเป็นศัตรู ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่อาจเริ่มเปิดเผยตัวท้าทายอำนาจ
          “ท่านผู้บังชาการยังอยู่ในสายไหม เรียนท่านให้ได้ยินชัดๆ ด้วยว่าผมขอนัดท่านทานข้าวเย็นกับผมสักมื้อ”
          “ท่านทำแบบนี้กับผมได้อย่างไร” สมาชิกผู้แทนเค้นเสียงเข้มไม่ปิดบังความโกรธต่อหน้ารัฐมนตรีกระทรวงใหญ่เลยสักนิด เขาและพวกพ้องเป็นคนส่งเสริมให้ได้ยืนบนจุดสูงสุดไม่คิดว่าจะโดนคนที่คิดว่าไร้เขี้ยวเล็บแว้งข่วนเอาได้
          “ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วท่านส.ส ก็ควรจะปรับเปลี่ยนยุทธวิธีดูบ้างนะท่าน” มือแข็งแรงตบเบาๆ ที่ต้นแขน ตอนนี้ตำแหน่งของเขาจะไม่ใช่หุ่นเชิดให้ใครต่อใครอีกต่อไป เมื่อมีโอกาสแสวงหาอำนาจจงอย่าเกรียจคร้านที่จะกอบโกย
          “ลบไลฟ์นั่นซะ!หรือไม่ก็…” นายใหญ่ออกคำสั่งอีกครั้ง ถึงเขาได้ตัดสัญญาณไลฟ์ไปแล้วแต่วิดีโอนั่นยังคงอยู่ในระบบและยังสามารถกู้คืนเอามาเป็นหลักฐานชิ้นดีที่จะใช้ต่อรองให้การเจรจาสำเร็จได้โดยง่าย
          “ท่านครับ ไลฟ์ถูกตัดสัญญาณไปก่อนที่ท่านจะมาแล้วครับ” ลูกน้องเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู  ข่าวที่ได้ยินสร้างความพอใจให้คนได้ฟังยิ่งนักพร้อมสั่งให้คนของเขาจัดการที่เกิดเหตุให้เรียบร้อยแล้วปิดสถานที่แห่งนี้เสีย
          เกมส์หมากนี้เขาขอเป็นคนคุมสักตา เขาวางแผนซ่อนเล็บซ่อนเขี้ยวและเริ่มโพล่หูโชว์หางเมื่อได้ตำแหน่งนี้เป็นสมัยที่สอง นอกจากความสามารถส่วนตัวแล้วเขาเริ่มวางคอนเนทชั่นกับฝ่ายรัฐบาลค่อยๆ ดึงคนสำคัญจากสมาคมพ่อค้าผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจหลักของประเทศมาเข้าพวก ดึงพลพวกธุรกิจสีเทามาร่วมงานหรือมาช่วยงานบางอย่างที่ถ้าลงเล่นเองอาจทำให้ตำแหน่งเขาต้องแปดเปื้อน
          เจ้าหน้าที่สืบสวนคนสำคัญส่งสัญญาณมาหาเขาถือว่ากล้ามากทีเดียว เส้นสายที่มีคงจะแข็งน่าดูถึงรู้ว่าเขาต้องการอะไรและสามารถเจรจาต่อรองได้ตรงประเด็น ไหวพริบนายตำรวจหนุ่มนั่นก็ดีคิดแก้การด้วยไลฟ์โชว์ช่วยเพื่อนร่วมสายงาน
          “อารมณ์ดีอะไรครับท่าน” คนสนิทเห็นเจ้านายนั่งยิ้มดั่งคนอารมณ์ดี ทั้งที่ไม่เห็นนายตัวเองยิ้มแบบนี้มานานหลายปี
          “แค่คิดว่า…ย้อนอายุกลับไปสักห้าปีก็น่าจะดี” แต่ยังดีที่ยังมีโอกาสที่เมื่อห้าปีก่อนไม่เคยมี

หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 20:26:48
รอกันหน่อยนะคะตอนนี่จะลงเป็นตอนสุดท้ายของวันนี้ สองบ่าวจะได้กะจิกะจ๊ะกันบ้างแล้ว แบบว่าแม๊นแมน :hao4: มรสุมลุมเหลือเกินนักสืบกับเพื่อนรักนายตำรวจ
Love Section 13 : Love Record!
          หลังจากแยกจากผู้บัญชาการหน่วยไคจินและฌานขอแยกตัวพาเพื่อนไปโรงพยาบาลและกลับไปพักก่อน ส่วนหลักฐานที่ฌานเก็บไว้เจ้าตัวบอกว่าจะนำไปให้ในวันพรุ่งนี้
          “นายทำได้ยังไงฌาน? ดึงท่านรัฐมนตรีฉาวโฉ่มาเล่นเกมปาหี่นี่ล่ะนะ” ไคจินคันปากยิบๆ วันนี้เพื่อนรักรับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ตะเวนพาฌานไปตามจุดต่างๆ ที่ได้มาร์คเอาไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาขับรถมัสแตงคู่ใจสายสืบตรงดิ่งไปโรงพยาบาลก่อน ส่วนที่อื่นๆ ค่อยตามเก็บสแปร์ตามๆกันไป
          “ที่รักเรียกชื่อเกมได้หวาดเสียวมาก บ้านเกิดผมเรียก Black Magic” เกมแหกตาที่ผู้เล่นและนักแสดงสมทบคบคิดกันหลอกผู้เล่นคนอื่น ฌานยังแสดงสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องยิ่งมองยิ่งน่าหมั่นไส้ เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาไม่นานไม่เห็นจะทำให้เกิดความยินดีปรีดาตรงไหน ต่อจากนี้ต่อไปเพื่อนอัยการต้องไม่เร่งรัดให้เขาขยับขยายหน้าที่การงานให้เจริญก้าวหน้าไปอีกนาน
          “นายจะลงยากเอานะ ถ้าคิดจะขี่หลังเสือน่ะ” ตำรวจหน้าตี๋เทศนาเพื่อนยืดยาวเมื่อได้โอกาส ไม่รู้เพื่อนเขาโง่! ข้อนี้คงไม่ใช่ น่าจะทำเป็นแกล้งโง่เล่นเกมตามแผนการที่วางเอาไว้จนชนะไปหลายกระดาน หรือความใจกล้าหน้าด้านอยากขึ้นบังเหียนคุมสัตว์ร้ายร่างใหญ่โต
          “สีดำก็คือดำวันยังค่ำ สีเทามองยังไงก็ไม่ขาวได้หรอกฌาน ถ้าไม่โดนสะกดจิตให้เชื่อว่ามันขาว” ตั้งแต่เป็นตำรวจมาเขาไม่เคยเห็นใครจะทำดำให้เป็นขาวได้ตลอดรอดฝั่งจนสุขสบายจนถึงวัยเกษียณสักคน โดนเพชฌฆาตสั่งตายทั้งนั้น
          “ที่รักเป็นห่วง?” นักสืบหน้าช้ำอยากจะหยอกคนที่รักเล่นๆ ให้คลายเครียดลงบ้าง
          “ใครได้นายเป็นแฟนนะ สงสัยจะเป็นม่ายไม่ทันได้แก่” สองมือรีบสาวพวงมาลัยม้าสึกเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลตรงดิ่งไปหน้าห้องฉุกเฉิน พูดมากปากดีขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรมากให้ต้องห่วง
          “ชีวิตต้องมีอะไรให้ตื่นเต้นกันบ้างจะได้ไม่เบื่อกันไง” ฌานเตรียมบัตรราชการและบัตรประจำตัวไว้พร้อมให้เพื่อนดำเนินเรื่องการเข้ารับการรักษาของเขา
          “ครับ เชิญคุณสุดหล่อไปสนุกสุดเหวี่ยงแล้วนอนเคียงสุสานตัวเองคนเดียวแล้วกัน ฉันไม่อยากเสียดายน้ำตา!” ตาเรียวค้อนขวับมือเล็กคว้าหมับเอาบัตรสำคัญของเจ้าตัวมาถือไว้ แล้วเตรียมตัวลงจากรถ
          “ที่รักก็พูดแรงเกินไป ใจร่มๆ ก่อนยังไม่ได้เป็นคู่ผัวตัวเมียกันเลยที่รัก” เรื่องใช้ปากสู้ คนอย่างฌานไม่มีทางยอมแพ้โดยเฉพาะกับไคนอกจากเขาจะยอมให้ อยากเอาใจให้คนตัวเล็กไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนหน้าตาน่ารักบูดบึ้ง
          “ลื่อ หม่อ เซียงสิ่ง ปักนั้ง ตั้งแอ่ อีแหล่แก๊!” ไคจินพ่นพิษเป็นคำจีนทำเอาคนฟังทำหน้างุงงง ปรกติได้ยินเป็นคำๆ คราวนี้มาเป็นประโยคจะให้เข้าใจได้เลยคงทำไม่ได้ หนุ่มหน้าตี๋ได้แต่ส่ายหน้าเพราะรู้ความหมายอยู่คนเดียวว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนจะจนใจเอง! จะไว้ใจใครก็จงเกรงว่าจะโดนเขาหลอกเอาไว้บ้าง
          “ลงมาได้แล้วหรืออยากได้รถเข็น” ไคจินเห็นฌานขยับเขยื้อนตัวไปมาไม่ออกมาจากรถเสียทีจึงเปิดประตูรถและชะโงกหน้าเข้าไปถาม
          “ที่รัก! ผมไม่ใช่คนเหล็กนะครับ โดนมาหนักขนาดนี้ต้องมีช้ำในกันบ้าง” คนร่างเล็กกว่าได้ฟังก็คล้อยตามช่วยพยุงคนเจ้เล่ห์ให้ลุกออกมาจากรถ
          จะไปเอารถเข็นร่างสูงยาวโย่งก็บอกว่าแค่ช่วยพยุงนิดหน่อยก็พอเอารถเข็นให้ผู้ป่วยอาการหนักได้ใช้งานดีกว่า ตอบได้ดีจนไคจินไม่รู้จะต่อว่ายังไง คนกะล่อนลิ้นเลี่ยมทอง! ดีนะที่เขาเป็นผู้ชายถ้าเป็นผู้หญิงคงสิ้นลายยอมศิโรราบแทบอกฌานจนลูกดกหัวปีท้ายปี
          ผลจากการวินิจฉัยของแพทย์ฌานไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง รอยฟอกช้ำตามใบหน้าบางจุดไม่กี่วันก็กลับมาหล่อได้เหมือนเดิมแต่ร่องรอยตามร่างกายอาจใช้เวลาซักพักไม่ถึงกับกระดูกร้าวหรือหักแค่ช้ำในจากหมัดและแรงเตะ
          หลังรับยาเสร็จไคจินลากฌานขึ้นรถแล้วขับกลับมาส่งที่สำนักงานมาพบท่านรองฯเพื่อไถ่ถามเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อถูกถามถึงหลักฐานที่อยู่กับฌาน นักสืบหนุ่มบอกว่าจะถูกส่งมาให้กองอัยการระบุชื่อผู้รับเป็นอัยการเคลาส์ภายในพรุ่งนี้
          นายตำรวจเพื่อนรักอยากจะอาสาขับรถไปส่งบ้านแต่เจ้าบอกมีงานบางอย่างที่ต้องไปทำด้วยตัวเองก่อน เขาบอกให้ไคจินไปรอที่แมนชั่นของเขามาช่วยทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวให้สักคืนสองคืนพร้อมรับประกันด้วยค่าจ้างที่ทุ่มทุนสร้างเพื่อเพื่อนรักคนเดียว!
          ไคจินนิ่งคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจไปดูแล เมื่อเพื่อนป่วยขอให้ช่วยเพื่อนรักก็ต้องไป เรื่องผลประโยชน์ถ้าให้ได้อย่างที่พูดก็ยินดีรับไม่รู้สึกผิดหรือเอาเปรียบเพื่อนแต่อย่างใด ชีวิตดำเนินไปด้วยเงินแล้วไซ้ชีวิตตำรวจต๊อกต๊อยก็ต้องหาเงินเพื่อดำเนินชีวิตเช่นกันเหมือนประชาชนทั้งหลาย!
         
          หลังจากแยกตัวออกมาจากไคจินได้สำเร็จพ่อหนุ่มคลั่งรักหน้าช้ำแปลงร่างเป็นหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานถือกระเป๋าเอกสารเดินออกจากสำนักงานด้วยความสง่าผ่าเผย เรียกไรเดอร์ส่วนตัวมารับไปยังจุดหมาย โดยที่ไม่สะดุดตาเจ้าพนักงานทุกคนที่คอยสอดส่องนักสืบฌานไม่ให้คลายสายตาแล้วส่งสารไปยังนายของตัวเอง
      “เหนื่อยหน่อยนะครับท่าน” พนักงานขับรถสอบถามตามมารยาทอาจเพราะคิดไปเองว่าคนลักษณะแบบนี้ต้องมีตำแหน่งสำคัญในองค์กรที่ไหนสักที่ วันนี้ดูเท่ห์ไปอีกแบบสวมแว่นสีเข้มกรอบใหญ่มาด้วย เหมือนออกมาจากหนังมาเฟียแห่งอิตาลี เดอะก๊อดฟาเธอร์ ลุกนี้ก็น่าเกรงขามทรงพลังเขาเห็นแล้วยังรู้สึกประหม่าเลย
           “ไม่เท่าไหร่หรอก” ฌานเยียดรอยยิ้มตอบรับทำทักทาย วันนี้เขาแสดงท่าทางสบายๆ ทั้งที่พึ่งผ่านเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่เขาได้คาดคะเนไว้
           “ท่านจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” คนขับรถถามถึงสถานที่จะให้ขับไปส่งเพราะไม่ได้รับรายงานจากศูนย์รับบริการว่าจะให้ไปที่ไหน
      “พาผมไปถนนอเวนิว แล้วจะบอกอีกที” ฌานตอบเรียบๆ คนขับรถรับคำแล้วขับตรงไปยังจุดหมายที่ได้รับคำสั่งมา
   นักธุรกิจกำมะลอให้พนักงานขับรถไปส่งที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง มีบอดี้การ์ดร่างใหญ่รออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาพูดคุยกันไม่กี่ประโยคการ์ดร่างใหญ่ก็ขึ้นมานั่งด้านข้างคนขับแล้วพาไปยังที่จอดรถวีไอพี จากนั้นพาฌานไปพบเจ้านายที่รออยู่ภายในโรงแรม
     ใช้เวลาไม่เกินครั่งชั่วโมง ฌานเดินออกมาพร้อมกับชายสูงวัยและผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วแยกจากกันมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ในโซนพิเศษ
     คนขับรถวนรถรอบเขตเศรษฐกิจตามคำสั่งของฌาน ดวงตาคมลึกแสร้งมองทิวทัศน์รอบเมืองที่ประดับประดาด้วยแสงจากหลอดไฟหลากสีทำให้ชีวิตช่วงกลางคืนสนุกสนานและตื่นตัว
          แว่นกันแดดทำให้เขาหลบสายตาจากคนขับรถได้ดีและไม่สร้างความสงสัยให้อยากรู้อยากเห็น สายตาทั้งคู่ของฌานสาดส่องรอบตัวเหมือนเรดาร์กราดมองสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เขายังไม่หลุดจากกลุ่มคนที่ขับตามติดมาตั้งแต่ออกมาจากโรงแรมชื่อดัง เห็นทีต้องงัดไม้เด็ดออกมาใช้เสียแล้วไม่เช่นนั้นเขาคงกลับบ้านไปเจอไคจินไม่ได้
    “พ่อหนุ่ม ผมอยากหาอะไรดื่มคลายเครียดซักสองสามแก้ว” นักธุรกิจจอมปลอมเอ่ยปากขอความเห็นจากด้านหน้าคนขับ
    “บาร์ ผับ คลับ หรือ เลานจ์ ดีครับท่าน” พนักงานขับเห็นซีกฟันสีขาวจากรอยยิ้มกว้างของหนุ่มใหญ่จากกระจกหน้ารถ คำตอบของเขาคงทำให้ผู้โดยสารอันทรงเกียรติพอใจอยู่ไม่น้อย
          “อืม...เลานจ์ ก็ดีเหมือนกัน” ฌานตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางกระตือรือร้นเต็มที่เหมือนข้อเสนอนี้ดีเป็นที่สุด
          “เลือกได้ดีมากครับท่าน แยกหน้ามีเลานจ์ชื่อดังอยู่ขอผมเช็คก่อนว่าจะพาท่านไปโซนพิเศษได้หรือเปล่าวันนี้ โปรดรอสักครู่ครับ”
          ทุกอย่างราบรื่นเหมือนจัดวางไว้จนพลขับรู้สึกวันนี้ช่างเป็นวันที่พระเจ้าประทานพรให้เขาจริงๆ บริการประทับใจแบบนี้อาการคันไม้คันมือของเขาคงจะบอกว่าทิปก้อนใหญ่กำลังจะลอยมาอยู่ในมือ
          ชั่วโมงกว่าแล้วที่หนุ่มใหญ่หายเข้าไปในเลานจ์แห่งนี้ คนขับรถรออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ สายตาจ้องมองที่ทางเข้าและมองนาฬิกาข้อมือสลับไปมา ความกังวลใจทำให้เขาตัดสินใจโทรไปยังศูนย์ให้บริการหลักที่ส่งงานนี้มาให้เขาว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
          บริกรหนุ่มเดินตรงมายังคนขับรถที่ดูมีท่าทางกระวนกระวายใจ เขาส่งซองเอกสารขนาดเท่าซองจดหมายมาให้คนที่กำลังพะว้าพะวังอยู่บนรถพร้อมยื่นกระดาษที่มีข้อความส่งมาให้พร้อมกัน
          “นี่คือสินน้ำใจที่บริการผมเป็นอย่างดีในวันนี้ และไม่ต้องรับกลับ” ชายหนุ่มผู้ให้บริการขับรถยิ้มกริ่มคลายความกังวล เป็นจังหวะเดียวกับสัญญาณสื่อสารบนหน้ารถบอกให้เขาขับรถกลับมายังศูนย์บริการหลัก และงานวันนี้จบสิ้นลงแล้ว
           ชั่วโมงก่อนหน้านักสืบหนุ่มเปลี่ยนตัวกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เขาออกมาจากทางออกของพนักงานด้านหลังแล้วขับรถยนต์ขนาดกระทัดรัดที่จอดรอเขาไว้ตั้งแต่เช้าและให้บริกรหนุ่มนำทิปและข้อความจากเขาไปให้หลังจากเขาออกจากที่นี่ไปแล้วชั่วโมงครึ่ง
          ตอนนี้เขากลับมายังเพ้นเฮ้าส์ของตัวเองและกำลังขึ้นไปหาหวานใจที่รอเขาอยู่ในห้องหอ!
         
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 12-12-2023 23:09:52
Love Section 14 : บันทึกรัก มหกรรมคนคิดร้าย
          จัดการความสะอาดตัวเองเรียบร้อยแล้วตรงดิ่งไปยังร่างเล็กที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟายาวในโถงรับแขก ร่างของเพื่อนรักนอนผิดที่ผิดทางหรือว่ารอเขากลับมาจนผลอยหลับไป ร่างสูงนั่งรอข้างๆ เพียงชั่วครู่ความคิดพิศดารได้แล่นเข้ามาให้หัวให้คิดเล่นๆ แต่ทำจริงๆ
          เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อไคจินเบาๆ ที่ข้างหู คนเซนส์ไวอืออออยู่ในลำคอ แต่การผจรภัยในเมืองวันนี้ทำให้เขาเหนื่อยอ่อนอะดรีนาลีนหลั่งไหลไปทั่วร่างจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด เป็นเหตุให้เขาหลับลึกกว่าปรกติและด้วยความรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ในบ้านของเพื่อนรักฌานทำให้ลดความระแวดระวังตัวไปมากกว่าที่เคยเป็น
          มือเล็กๆ ผิวขาวๆ ตัดความมืดสลัวในห้องทำให้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเกาที่นั่นที่นี่ไปทั่วร่างกายพรางนึกในใจว่าทำไมห้องนอนชั้นสูงๆ ของฌานเต็มไปด้วยยุงและแมลงที่รุมกัดแทะร่างกายเขาอยู่ยุบยับขนาดนี้
          รอยจูบเป็นดั่งรอยกัดที่ร่างเล็กคิดนั่นทำให้ฌานอดขำไม่ได้ เขาบรรเลงรอยจูบไปทั่วร่างกายที่เผยออกมานอกเสื้อผ้า จนสุดท้ายความระเริงใจเริ่มซุกไซ้ร่างกายที่เปล่าเปลือยจากการปลอดกระดุมด้วยริมฝีปากของเขาด้วยกลัวสองมือนี้จะแรงเกินไปจนทำให้ร่างเพื่อนรักตื่นจากภวังค์
          ฌานพยายามกดมือตัวเองไพร่หลังคอยหักห้ามใจไม่ให้สัมผัสร่างยั่วยวนที่เหมือนตั้งใจทอดร่างกายให้เขาเชยชม สายตาคมจมลึกมองจิกไปที่กล้องที่กำลังบันทึกการกระทำของเขากับร่างเล็กไว้ได้หมด ตั้งใจสื่ออารมณ์ทางสายตาและสีหน้าให้เร้าอารมณ์มากที่สุดที่ตัวเองจินตนาการได้ไว้ในหัว
          ร่างขาวนวลเนียนช่างเร้ากามารมณ์ของเขานัก หลายครั้งที่ต้องข่มอารมณ์ให้สงบลงก่อนจะกระโจนตัวปลุกปล้ำไคจิน จากแอบถ่ายจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เตลิดเปิดเปิงจนคนที่หมายตาไว้ต้องหนีกระเจิดหระเจิงไปจากเขา
          สุดท้ายด้วยความใคร่ฌานเริ่มรุกล้ำเข้าสู่ส่วนสงวนของตำรวจตี๋ร่างขาวนวลที่นอนรวยระรินจากรอยขบกัดของแมลงนับพัน! จากฝีปากของฌานเป็นพันจูบจนร่างขาวดั่งกระเบื้องขึ้นปื้นเป็นรอยแดงทั่วไปหมด
          ไออุ่นจากอุ้งปากกดกกดึงเม้มจนความอ่อนตัวแข็งขึงผึงผงาดชูช่อยั่วยวนให้หลงระเริงความเป็นชายที่ทอดกายตั้งตรงให้ปรนเปรอด้วยรัก เรียวปากของฌานนั้นยิ่งไม่ย่อท้อต่อความขึงขังที่สู้สวนแรงรักของเขา
          ใบหน้าสุดเช็กชี่ปรือตารองรับแรงปราถนาที่กำลังจะตามมาเติมเต็มกระพุ้งแก้มทั้งสองของนับสืบเพื่อนรัก ไคจินคงจะรักเขามากน้ำรักไหลล้นปรี่เล็ดลอดไหลลงลำคอ
          เมื่อสุดทางรักหลังปลดปล่อยร่างขาวนวลขึ้นสีชมพูระเรื่อน่าหลงใหล ตาเล็กเรียวปรือตาขึ้นมาด้วยร่างกายรองรับแรงกระตุ้นจนทนไม่ไหว สะโพกยกสูงขึ้นกว่าปรกติจนรู้สึกเกร็ง สุดสายตามองเห็นฌานค่อยๆ คายแท่งอะไรซักอย่างบนตัวเขาระหว่างขาทั้งสองข้าง ช่วงล่างของเขาไหวระริกสั่นสะท้านเหมือนอยู่ในฤดูกาลกาลที่หนาวเหน็บ
          ร่างเล็กจ้องมองใบหน้าสุดเร้าอารมณ์ของเพื่อนรัก เรียวลิ้นสีเข้มขบเม้มแท่งทรงกระบอกแปลกตานั่นจนแดงไปหมด ได้ยินเสียงแหบแห้งครางสำเนียงประหลาดเหมือนตกอยู่ในกำหนัดของตัวเองไม่หยุดหย่อน จนจุดศูนย์กลางของร่างกายผงาดความเป็นชายอีกครั้ง
          “ฌาน หม่อ โหม่ย เจี้ย แซ!...โอ้...ฌาน!” เหมือนตกอยู่ในความฝันอยากจะห้ามเพื่อนรักอย่าทำแบบนี้ หรือเขาคงเป็นห่วงเพื่อนฌานมากจนเก็บมาฝัน ร่างเล็กคิดแบบนั้นแต่เป็นฝันที่ลามกจกกระเปรตสิ้นดี ไคจินคิดสงสัยตัวเองว่าคงไม่ได้เป็นคนเก็บกดจนร่ายกายและความคิดต้องระบายออกเป็นความใคร่ในห้วงฝันแบบนี้
          หลังปลดปล่อยความใคร่รักไปหลายครา เขายังคงรู้สึกถึงแรงปลุกปั่นให้คลั่งรักอีกระรอก แต่ร่างกายสุดจะรับไหวกับกำหนัดที่ได้รับครั้งก่อนๆ ทำให้สติดับหลับลึกลงอีกครั้ง
          “สามครั้งเองที่รัก...ไม่ไหวแล้วเหรอ?”
          ฌานลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบิดเนื้อบิดตัวคลายความเมื่อยล้าที่นั่งคุดคู้นานเป็นชั่วโมง มือเรียวกดปิดกล้องที่จงใจบันทึกไว้หวังว่าคงได้ใช้ประโยชน์จากการอัดคลิปลับครั้งนี้ในอนาคต
          นักสืบหนุ่มจัดแจงเช็ดถูร่างกายขาวนวลอย่างเบามือให้คลายไอร้อนจากการทำรักด้วยปากของเขา จะได้หลับสบายตัวยิ่งขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้กลับมาอยู่บนร่างกายตามสภาพเดิมจนเรียบร้อย
          ชายหนุ่มมองดูส่วนขึงขังของตัวเองที่ลุกโชนอยู่เบื้องล่าง มือทั้งสองข้างลูบผมชื้นเหงื่อให้แนบไปข้างหลังแล้วผ่อนลมหายใจออก เขาเดินถอดเสื้อแล้วโยนใส่ตระกร้าไว้เตรียมซักแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเข้าไปจัดการความต้องการของเขาให้เบาบางลงจะได้หลับได้นอนกับเขาเสียทีหลัง
          จากบริหารใบหน้าและสันกรามจนเจ็บระบมทั้งจากการโดนต่อยโดนชกและละเลงบทรัก ร่างกายและปากของเขาช่างดีจริงจังจนทำให้เขารู้สึกทึ่งในความสามารถของตัวเอง
          สายน้ำช่วยชำระล้างเหงื่อไคลและปรับอุณภูมิร่างกายให้เย็นลงแต่ไม่ได้ช่วยให้ท่อนลำร้อนฉ่าให้คลายความเร่าร้อน ใบหน้าขาวผ่อนของคนที่รักลอยเด่นอยู่ในห้วงความคิดสองมือบรรจงสาวขึ้นลงรูดลำรักขึ้นลงสอดรับแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสุดถึงจุดยอดแล้วผ่อนคลายให้แรงรักไหลรินไปกับสายน้ำ และอาบชำระล้างร่างกายจนสะอาดประโลมร่างหนาให้หอมกรุ่นด้วยโคโลญจน์คู่กายกลิ่นอควาสอดแทรกความหวานซ่อนเปรี้ยวที่เจ้าตัวชอบเป็นหนักหนาเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย
          หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยจนสบายตัวแล้ว ฌานหาเครื่องดื่มช่วยให้เขาหลับสบายขึ้น เขายืนมองด้านนอกหลังผ้าม่านริมหน้าต่างเห็นพนักงานรับรถที่เขาได้เช่าไว้ล่วงหน้ามาขับรถกลับไปแล้ว
     ฌานยืนดื่มไวน์พื้นถิ่นโซโนมาด้วยชื่นชอบกลิ่นเฉพาะตัวและถิ่นที่ผลิต ยืนจิบไปเรื่อยๆ ขณะใช้ความคิด ประมวลผลกลยุทธ์ที่ตัวเองได้วางเอาไว้และยังไม่รอบคอบเท่าไหร่เพราะเริ่งรีบหาความปลอดภัยให้กับตัวเอง อาจจะเป็นจริงดั่งที่ไคจินเคยเตือนเขาไว้ก็ได้ว่าถ้าคิดจะคุมสัตว์ดุร้ายถ้าอยากลงจากบังเหียนคงไม่ง่ายที่จะไม่ให้สัตว์ร้ายแว้งกัด
          เห็นทีชีวิตนี้เขาอาจจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ยาก ถ้าหากต่อจากนี้เดินเกมผิดชีวิตเขาอาจจะต้องจบเกมก่อน ได้เคียงคู่ชู้ชื่นรื่นรักจนร่วมเตียงเคียงหมอนกับที่รักไคจินเป็นแน่แล้วในชีวิตนี้
          รู้สึกสมองเริ่มมึนตึงร่างสูงตัดสินใจกลับเข้าไปนอนพักผ่อนเสียที เขาตัดสินใจหันหลังกลับไปเข้าห้องนอน ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอไคจินยืนนิ่งพิงร่างกายไว้ที่ประตูห้องนอน ทั้งแปลกใจทั้งตกใจไม่รู้จะทำท่าทางอย่างไรเพราะดันไปนึกถึงสิ่งที่ได้ทำไว้กับเพื่อนรัก
          “นอนกันได้แล้ว” เสียงแหบเรียกให้เข้าไปนอนในห้องพร้อมเปิดประตูรอไว้เสร็จสรรพ
          คนฟังได้แต่ขนลุกซูกับคำเชิญชวนนี่ถ้าคิดมากกว่านี้อีกนิดเขาคงได้อุ้มไคจินกระโจนลงบนเตียงละเลงรักจนเตียงหักแล้วเป็นแน่
          ร่างสูงถอดถอนลมหายใจยาวๆ ละบายความอยากรักอยากใคร่ แล้วเดินตามเข้าไปอย่างหงอยๆ แต่รอยยิ้มร้ายไม่คลายออกจากใบหน้าเสียทีจนไคจินต้องเอ่ยปากถาม
          “ฉันว่านายคงไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายมาหรอกนะ ใช่ไหม?” ไคจินถามด้วยความสงสัย
          ร่างสูงไม่ตอบอะไรลากเพื่อนร่างเล็กกว่ามานอนบนเตียงตัวเองนอนกอดนอนเคียงเหมือนร่างอุ่นของเพื่อนเป็นหมอนข้าง หากมัวอายม้วนต้วนคงอดได้ที่รักมาเชยชม ดั่งที่สำนวนโบราณเคยบอกว่าด้านได้อายอดถ้ามัวแต่กลัวหัวหดต้องอดกินของอร่อย!
          ไคจินหมดแรงต่อต้านเพราะพึ่งเหนื่อยอ่อนจากฝันเสมือนจริง ฌานจะทำอะไรกับร่างกายของเขาวันนี้ก็ยอมศิโรราบสุดที่จะหาเหตุผลให้วิ่งหนี วันนี้ยกประโยชน์ให้ฌานไปก่อนถือว่าปลอบใจที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้ครบสามสิบสอง
          กลิ่นกายชายหนุ่มผสมกลิ่นไวน์จางๆ ผ่านลมหายใจทำให้คนในอ้อมกอดรู้สึกผ่อนคลายเหมือนนอนอยู่ท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำกลิ่นหวานซ่อนเปรี้ยวมอมเมาทำให้อยากลิ้มชิมรสเหมือนร่างสูงเป็นผลไม้พิศดารน่าลิ้มลองจนเผลอตัวเผลอใจเบียดตัวเข้าใกล้เพื่อนนักสืบจนแนบแน่น
          ใบหน้าขาวร้อนผ่าวเมื่อได้ยินเสียงเต้นรัวจากหัวใจของฌานจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่าง กลัวใจตัวเองถ้าเผลอสบตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มคู่นั้นเข้าคงไม่พ้นต้องมนต์สวาทจนต้องยอมเสียตัวในคืนนี้อย่างแน่แท้
          ไคจินแค่คิดก็เพลียใจถ้าตกลงปลงใจได้เมื่อไหร่เขาคงต้องตามหึงตามหวงเจ้าโย่งหน้าหล่อล่อใจสาวคนนี้เหมือนสาวเจ้าคนอื่นๆ ที่เจ้าตัวเคยออกเดตด้วยนั่นแหล่ะ
          โปรเจคเป็นคนรักของฌานขอพักไว้ก่อนแล้วกัน ชีวิตเขาขอสงบสุขในแบบของเพื่อนฌานกับไคจินเพื่อนรักเหมือนตอนนี้ไปก่อน
          จบไว้ที่คลิปสะท้านใจของพ่อนักสืบนะคะ เนื้อเรื่องดำเนินมาจนใกล้จบซีซั่นแรก Love Section แล้วนะคะ ฝากนิยายเรื่องหาจนเจอ,เธอคนที่รัก ให้ชาวเล้าเป็ดติดตามกันด้วยน้า :z2:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 15-12-2023 17:46:57
เหมือนไคซ์จะหลงคู่รองเข้าอย่างจัง...จะเด่นกว่าเคลาส์กับดาราเอซิซ แล้วน้า  :mew4: เดี๋ยวแถมๆ ให้หมดหน้ากระดาษเอสี่เลยนะจ๊ะ
Love Section 15 : หุ่นเ(ห)ล็ก แซ่บ ซี๊ด...
คนหลงแสง!


          หลายวันผ่านไปร่องรอยบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้าและร่างกายของฌานเริ่มหายดี สามารถดำเนินชีวิตด้วยใบหน้าหล่อเหลาและร่างกายสมบูรณ์แบบได้ตามปกติ
          ไคจินกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองได้เหมือนเดิมเช่นกันร่องรอยยุงกัดแมลงขบหายไปหมดแล้วเพราะเขาเป็นคนฉีดยากำจัดแมลงจนหายเรียบไม่มากวนใจในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที
           นายตำรวจร่างกะทัดรัดสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ กลับมามีเวลาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ฌานได้รับคำสั่งให้กลับมาประจำสำนักงานเป็นเวลาสามเดือน เรื่องนี้ทำให้เขาหมดห่วงความปลอดภัยของเพื่อนฌานไปได้อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง หวังว่าเมื่อสิ้นสุดคำสั่งนี้ความฮอตของเจ้าตัวจะเบาบางลดการเพ่งเล็งลงได้หน่อย
      โคจินตั้งเจตจำนงไว้ว่าวันนี้เขาต้องได้ปลดปล่อยความเครียดของตัวเองให้เบาเนื้อเบาตัว จะได้ยกเข้งยกขาเตะต่อยได้คล่องขาคล่องมือ ตัวเบาหวิวทำท่ากระโดดเตะกลางอากาศเหมือนตัวเองเป็นปุยนุ่น?
      ตำรวจหนุ่มพลังเหลือเฟือออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายพอให้มีเหงื่อชโลมกายจนเป็นที่พอใจ ก็มานอนแช่กายผ่อนคลายกล้ามเนื้อในจากุชชี่น้ำวนที่ทางฟิตเนสเซนเตอร์ชื่อดังราคาเมมเบอร์สุดแพงแห่งนี้มีไว้บริการ
      ขณะเดินออกจากฟิตเนสเซนเตอร์โคจินทักทายเทนเนอร์ที่รู้จักกันหลายคนเนื่องจากเขาไม่ได้มาใช้บริการบ่อยเหมือนเมื่อก่อนข่าวคราวโปรแกรมพิเศษต่างๆ ล้วนมาจากเพื่อนเหล่าเทรนเนอร์ทั้งชายและหญิงของที่นี่ เขาหมายตาโปรมแกรมที่หน้าสนใจไว้หลายคลาสหากมีเวลาจะไม่พลาดมาใช้บริการให้คุ้มค่าเงินที่เสียให้สถานบริการเพื่อสุขภาพแห่งนี้แน่นอน
      ไคจิน เวลธ์ตัน เป็นหนุ่มราศีเมษอารมณ์ร้อนโมโหง่ายอดกลั้นหรืออดทนทำอะไรได้ไม่นาน โมโหก็โกรธดีใจก็หัวเราะถูกใจก็ยิ้ม ตบมาต่อยกลับเตะมาถีบตอบโต้ไม่มีโกง
          การเป็นคนตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกตัวเองเปิดเผยจริงใจไม่มีพิษเป็นภัยกับคนรอบข้าง ทำให้บรรดาเพื่อนพ้องต่างเพศต่างรสนิยมถูกอกถูกใจมองไคจินเป็นคนน่าคบหาเจ้าตัวเองยังหมั่นคอยเอาใจเพื่อนๆ ด้วยของฝากของขวัญเล็กๆน้อย แล้วแต่โอกาส
          ข้อเสียที่เจ้าตัวแก้ไม่หายคือชอบความตื่นเต้นยิ่งเสี่ยงภัยอันตรายยิ่งท้าทาย ชอบการลงทุนทุ่มแรงกายเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่เขามองแล้วว่าคุ้มค่าที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดทำ
          ไคจินยอมรับข้อเสียที่ยากจะแก้ไขและมาม่าเซอร์พยายามพาเขาเข้ารับการรักษาสภาวะนาซิซิติสที่เรียกและรู้กันดีว่าโรคหลงตัวเอง(Narcisisitic/NPD) นายตำรวจหนุ่มรู้ตัวว่าชอบให้ตัวเองเป็นที่หลงใหลของผู้คน ชอบให้คนมาหลงเสน่ห์และห้อมล้อมรอบตัวเขายิ่งเป็นจุดสนใจยิ่งทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมากแต่ยังไม่เข้าขั้นคลั่งไคล้ลุ่มหลงตัวเองอย่างบ้าคลั่งจนต้องรับการรักษา เป็นแค่การระบายความเครียดอย่างหนึ่งให้ร่างกายของเขาถูกกระตุ้นให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา
          ความบังเอิญที่ได้รู้จักกับผู้จัดการโชว์หวานใจมามาเซอร์แนะนำให้รู้จักงานอดิเรกที่เรียกว่าแดร็กควีนโชว์ นายตำรวจหน้าตี๋ไม่รอช้ากระโจนเข้าใส่ทันทีและทำได้ดีจนเป็นดาวเด่นในการแสดงแนวนี้ แดร็กควีนผู้โลดโผนนำโยคะฟลายมาแสดงโชว์โบยบินบนผืนผ้า กายกรรมเซ็กซี่เล่นเลื้อยร่างกายกับเสาสูง หรือแสดงคู่แสดงกลุ่มในการแสดงแนวต่างๆ เขาเข้าร่วมตลอดไม่มียีหระขอแค่มีผู้ชมรอดูอยู่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนๆ สายตาทุกคู่สามารถสนองสัณชาตญาณของเขาให้เต็มอิ่มได้โดยไม่เสี่ยงอันตรายต่อตัวเอง
     จิตใจห่อเหี่ยวร่างกายเฉื่อยแฉะไม่กระฉับกระเฉงมานาน วันนี้จะต้องเต็มเติมพลังและหาความสุขจากความชอบส่วนตัวให้ได้ เขาคิดถึงสายตาผู้คนมากมายเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วฮอล กลิ่นบุหรี่กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมปนเปคลุ้งไปทั่วบริเวณ เสียงพูดคุยเสียงตะโกนโหวกเหวกแข่งกันตะเบงเสียงโต้ตอบไปมาจนฟังไม่ได้สัพเป็นเสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้ในความคิดของเขา
          และที่สำคัญที่นี่เขาคือดาวเด่นเปล่งแสงเจิดจ้าจนทุกสายตาต้องหันมาจับจ้อง แค่คิดอะดรีนาลีนก็ขับเคลื่อนไปทั่วร่างกายอดใจแทบไม่ไหวที่จะไปโชนแสงในสถานบันเทิงชื่อดัง
     ตำรวจหน้าตี๋แปลงร่างเป็นหนุ่มนักซิ่งควบ BMW R18 ขับตรงดิ่งไปยังสถานที่ให้ความบันเทิงแก่เหล่าชาว LGBTQ ที่เรียกกันว่า Midnight Circle กว่าจะมาเป็นสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงเฉพาะกลุ่มจนโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปวงจรชีวิตของสถานที่แห่งนี้นั้นผ่านวงจรอุบาทว์ต่างๆ จนมาได้ดีเพราะบารมีของผู้ใหญ่ที่มีอิทธิใช้อำนาจเงินปัดเป่าธุรกิจผิดกฎหมายให้กลายเป็นธุรกิจบันเทิงแบบครอบจักรวาลของชาวหลากหลายเพศ
          ชีวิตของไคจินช่วงหนึ่งผูกพันกับสถานที่นี่ตั้งแต่เป็นบาร์ คาบาเรต์โชว์ คลับโคโยตี้ และตกต่ำผันเป็นโชว์พิเศษเฉพาะกลุ่มเพราะคนถือครองทำธุรกิจทางเพศและเกี่ยวพันยาเสพติด ตัวเขาเองทำงานตั้งแต่เด็กรับรถ คนครัว พนักงานเสิร์ฟ ยันนักแสดงโชว์บนเวที ชีวิตหลังเที่ยงคืนของเขาชั่งน่าตื่นเต้นชวนหลงใหลจนกลายเป็นสิ่งเสพติดที่เขาต้องหาเวลาเสพอยู่ตลอดเวลา
           เมื่อก้าวขาเข้าประตูขาทั้งสองข้างยังไม่ทันได้สัมผัสพื้น เสียงผิวปากเสียงโห่ร้องต้อนรับยังกับดาราดังประจำร้านปรากฏกาย ไคจินได้แต่ยิ้มรับไม่ได้พูดอะไรโบกมือไปมารับรู้ถึงการต้อนรับ
          “วันนี้มาทำอะไรละฮ้าจินนี่ เจ้เรียกให้มาบริการอีกหรือจ้ะจินนี่จ๋า” บาร์เทนเดอร์สาวสองร่างใหญ่จีบปากจีบคอทักทายถามไถ่ถึงธุระสำคัญที่ทำให้คนใช้ชีวิตในช่วงกลางวันต้องกลับมาที่นี่หลังจากหายหน้าหายตาไปช่วงหนึ่ง
          “มีใครขาดงานไหมล่ะ ฉันทำแทนได้นะคนสวย” ไคจินตอบพร้อมเดินไปนั่งประจันหน้าคนถามด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์ กวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณโถงกลางของสถานที่ให้บริการยังว่างเปล่าไม่มีลูกค้าเข้ามารับบริการยังเหลือเวลาให้บรรดาเหล่าคนโชว์ได้เตรียมงานและคนทำงานส่วนบาร์ด้านหน้าเตรียมสถานที่
          “ฮิกกี้โชว์เสาไงเจ้ รายนั้นน่ะโดนท่อนซุงอัดจนกระอักออกคอแล้วมั้งป่านนี้แล้วยังไม่มาเตรียมตัว” สาวทอมหน้าหล่อผู้เป็นบาริสต้าประจำเคาน์เตอร์ด้านหลังกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมเครื่องชงกาแฟบอกสาวสองรุ่นพี่
          “หญิงฮิกกี้นี่ไม่รู้จักจำช้ำก้นเจ็บคอจนงานการไม่ได้ทำกี่ครั้งแล้วเนี่ยเดือนนี้อ่ะ” บาร์บี้สาวสองคุมบาร์ชักสีหน้าแสดงความเบื่อหน่ายที่คนมาใช้บริการจะต้องขาดอรรถรสในการชมการแสดงโชว์
          “นี่จินนี่มาม่ากำลังอยากเจอแกเลยนะ เจ้ใหญ่กำลังจนแต้มไม่รู้จะแก้เกมยังไงกับนักการเมืองคนใหญ่คนโตเบอเร่อเบอเทิ้มคับประเทศ” เด็กเสริฟกำลังยกถังเบียร์สดเข้ามาสำรองไว้เพราะวันนี้ตอนหัวค่ำมีถ่ายทอดสดกีฬาคนชนคนสุดฮิตในประเทศนี้ทางร้านจึงจัดโปรโมทชั่นชมถ่ายทอดสดพร้อมเบียร์สดแบบบุฟเฟต์ ชายหนุ่มรูปร่างทะมัดทะแมงแต่กริยากระตุ้งกระติ้งนั่งพักเหนื่อยเพื่อพูดคุยกับไคจิน
          “นักการเมืองมาเกี่ยวอะไรกับที่นี่” หนุ่มหน้าตี๋เอียงคอถามด้วยความสงสัย
          “ไม่รู้อ่ะ พี่ก็รู้ฉันไม่ได้ฉลาดแต่แอบได้ยินว่าไอ้นักการเมืองหน้าเงินนั่นอยากซื้อที่นี่ไปทำคาสิโน” พูดจบก็หายเหนื่อยรีบขึ้นไปวางระบบจอมอร์นิเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อจูนช่องรับสัญญาณเตรียม การถ่ายทอดสด
          ”ที่นี่เนี่ยนะ!” เมื่อได้ยินถึงอนาคตธุรกิจรูปแบบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นที่นี่อดที่จะแปลกใจไม่ได้
          “ฟังใครไม่ฟังไปฟังนังเจ้อนี่ จินนี่อย่าไปฟังมันมากถ้ามาม่าอยากเจอจินนี่เดี๋ยวแกมาหาเองล่ะจ้า” บาร์เทนเดอร์ร่างใหญ่ตัดบท จิกตามองเพื่อนพนักงานที่พูดจาเรื่อยเปื่อยไม่เข้าเรื่อง
          “ตกลงว่าจะทำแทนฮักกี้ไหมล่ะหญิง จะได้พาไปแปลงกายให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์นางกระเบื้องนางปูนปั้นนางภาพวาดนาง...” บาร์บี้เทนเดอร์พูดจีบปากจีบคอเหมือนเดิมคราวนี้ลากยาวด้วยคำพูดเปรียบเทียบเปรียบเปรยจับนั่นชนนี่ฟังแล้วชวนปวดหัว
          “พอๆ คำสร้อยมากไปฟังไม่รู้เรื่อง” ไคจินรีบหยุดคำร่ายยาวเสียก่อนนั่งฟังไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาเดินไปเปิดตู้แช่เครื่องดื่มหยิบน้ำอัดลมยี่ห้อดังมาดื่มเพิ่มความสดชื่น
          เมื่อรู้ว่าจะได้ขึ้นโชว์ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นจนเนื้อเต้นตัวสั่น หนุ่มร่างเล็กยื่นบัตรรูดค่าเครื่องดื่มและอาหารเย็นชุดเล็กมาทานรองท้องกว่าจะถึงเที่ยงคืนยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนเวลาโชว์ เพราะชีวิตหากจะเดินต่อท้องต้องอิ่ม!
          ทันทีที่คนดังคืนถิ่นเสียงร้องต้อนรับดังเซ็งแซ่ทั่วห้องสต๊าฟ เสียงเรียกจินนี่ๆ มีไม่หยุดหย่อน บรรดาคนหน้าใหม่ต่างงุนงงว่าคนดังที่ไหนเข้ามาในพื้นที่ของพนักงานต่างไถ่ถามรุ่นพี่เป็นการใหญ่ ด้วยบุคลิคและท่าทางที่ต่างจากคนที่นี่ไคจินดูเป็นชายแท้ทั่วๆไป ไม่ได้แสดงจริตจะก้านอะไรเป็นพิเศษเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตน
          ยังไม่ทันได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ให้หนำใจไคจินก็ปลีกตัวไปจัดการกับภาพลักษณ์ของตัวเอง ก่อนจะแปลงโฉมเป็นนางโชว์เขาต้องไปคุยกับคู่โชว์ซักซ้อมท่วงท่าทดลองเล่นกับเสาสูงเพื่อสร้างความคุ้นเคยและกะจังหวะให้เข้ากับทำนองเพลง
          การมาถึงของไคจินทำให้มาม่ายินดีปรีดาเป็นยิ่งนัก ด้วยรู้ถึงภาระหน้าที่ประจำวันของเจ้าตัวจึงทำให้ไม่กล้าโทรหาปรึกษาเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจให้เด็กดีอย่างไคต้องมารับรู้และเป็นทุกข์ไปด้วย
          มาม่าเซอร์เป็นชายร่างสูงบางวัยห้าสิบกว่าผมยาวตรงเคลียบ่าสีดอกเลาตัดกรอบขับใบหน้าเชื้อชาติลาตินอเมริกันให้อ่อนหวานขึ้น ร่างสูงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสไตร์คลาสสิคสีสะอาดสะอ้านมองสบายตา
          เมื่อผู้บริหารสูงสุดเดินลงมาที่ห้องแต่งตัวหลังเวทีพร้อมผู้ช่วยอีกสองคนนั่นคือเลขาส่วนตัวและผู้จัดการร้านส่วนของงานแสดง ม่านคนแหวกทางให้มาม่าเซอร์เดินผ่านได้สะดวกสบายและหยุดทักทายพูดคุยกับบรรดาเหล่านางโชว์ของร้านอย่างเป็นกันเอง
      นางโชว์จำแลงเลือกวิกผมสีดำยาวตรงตัดผิวหน้าขาวของตัวเองดวงตาเรียวแต่งแต้มให้ดูกลมหางตากรีดไลน์และถมเข้มให้ตาเรียวยาว ไล้จมูกปัดแก้มสร้างกรอบรูปหน้าให้ดูละมุนละไมจบปิดท้ายด้วยเรียวปากกระจับสีแดงกุหลาบ ช่างแต่งหน้าและดูแลเครื่องแต่งกายดูแลและเสริมแต่งอีกครั้งให้ชายหนุ่มกลายร่างเป็นแดร็กควีนสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดหนังแนบเนื้อคอสเพลขาสั้นสวมบู้ทยาวสีดำเข้าชุดส้นตึก
          “โอ้มายเซ็กซี่คิวตี้! เอเชี่ยนลุคหรือจินนี่” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ผู้มีพระคุณที่คอยดูแลไคอยู่ช่วงเวลาหนึ่งเอ่ยคำทักทาย แล้วเดินเข้ามาโอบกอดด้วยความคิดถึงพร้อมรอยยิ้มสดใส
          “สบายดีนะครับแพทริค ได้ข่าวว่ากำลังลำบากหรือครับ” แดร็กหนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นอากัปกิริยาของสองผู้ติดตามเบิกตากว้างอ้าปากค้างเมื่อเขาเรียกโอนเนอร์ด้วยชื่อมาดแมน มีแต่คนในครอบครัวของมาม่าเซอร์เท่านั้นที่อาจหาญเรียกนายหญิงของมิดไนท์เซอร์เคิลด้วยชื่อจริง
          “หูไวจริงนะไปได้ยินจากที่ไหนมา” เจ้าของร้านยอมรับด้วยเสียงถอดถอนลมหายใจ แต่คงไม่ได้สร้างความกังวลใจใดๆ ด้วยเข้าใจวัฏจักรของสถานบันเทิงแห่งนี้แค่เสียดายแรงกายแรงใจและความรักที่ทุกคนมีให้กับที่อโคจรแห่งนี้ให้โด่งดังเป็นแหล่งสุนทรีย์ยามค่ำคืนของเหล่าหญิงชายและเพศที่หลากหลายมากมายในสังคม
          “มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ ปีนี้ผมยังไม่ได้ลาพักร้อน” ไคจินพูดพร้อมกับสำรวจหน้าตาและเครื่องแต่งกายของตัวเอง ถ้ามีกุญแจมือถือแส้อีกซักหน่อยคงกระตุ้นเหล่าแฟนาติสิซึม (fanaticism)ได้เป็นอย่างดี
          สำรวจตัวเองตัวเองจนเป็นที่พอใจจึงหันกลับมาคุยอย่างจริงจังกับคู่สนทนา ด้วยมัวแต่สนใจตัวเองจนไม่ทันสังเกตว่าในห้องแต่งตัวเล็กๆ ซอกนี้เหลือเพียงเขาและมาม่าเซอร์เท่านั้น สีหน้าเรียบเฉยของผู้มีบุญคุณทำให้เขาคาดเดาสถานการณ์ไม่ถูกว่าต้องเข้าหาด้วยคำพูดและท่าทางเช่นไร
          สถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนี้ไคจินเจอมากนักต่อนัก แพทริคเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักนิยมการแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่าพูดจายึดยาวเป็นต่อยหอย ความนิ่งเหมือนดั่งอาวุธที่ทรงอนุภาพไม่ให้คนนอกมาเกาะแกะวุ่นวายทั้งเรื่องสวนตัวและธุรกิจของเขา และยังทำให้คุมเหล่าบรรดาคนหลากหลายเพศให้อยู่ภายใต้การปกครองของเขาด้วยความเคารพยำเกรง
          ถ้าจะเด็ดขาดแล้วใครก็ไม่สามารถคัดค้านได้นิสัยส่วนตัวของมาม่าเซอร์คนนี้ไคจินรู้ดี ด้วยช่วงผลัดเปลี่ยนอำนาจของอาณาบริเวณนี้อาศัยแค่เงินมหาศาลยังยากที่จะได้ครอบครองเขาคือหนึ่งในผู้ติดตามและจัดการงานใช้กำลังเคลียร์ทางให้เจ้าแห่งอาณาจักรได้ผงาดกุมอำนาจจากยุคมืดของอันธพาลให้กลับมาเจิดจ้าด้วยแสงนีออนจอมล่อลวง
          “จะให้ทำอะไรบอกมาสิครับ” คนใจร้อนอย่างนายตำรวจหนุ่มเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียก่อน
          “ไม่กล้ารบกวนเวลาราชการของไคจินหรอก ขอเวลาช่วงลาพักร้อนทั้งหมดที่มีในปีนี้ของจินนี่แล้วกัน” แพทริคพูดถึงคำขอของตัวเองในที่สุด คำใบ้ในคำขอร้องคือเขาไม่ต้องการให้ไคจินทำงานแต่ต้องเป็นจินนี่เท่านั้นที่ต้องทำงานแทน
          คนได้ฟังใช้เวลาประมวลผลเล็กน้อยแล้วตัดสินใจตอบตกลงทันที แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีคนแต่งหน้าจัดเครื่องแต่งกายให้เขาด้วย
          ต้องมีที่พักพร้อมอาหารหรือเขาต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรต้องจัดให้เขาตามที่เรียกร้องและข้อสุดท้ายตัวเขาต้องอยู่ติดกับมาม่าเซอร์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
          ข้อสุดท้ายผู้จัดการงานโชว์หวานใจของมาม่าเซอร์ต้องไม่พอใจเขาอย่างแรงแน่ๆ แค่คิดก็ทำให้หยุดยิ้มสะใจไม่ได้จนแพทริคต้องกระแอมเสียงจากลำคอเรียกสติคนชอบแหย่ชอบแกล้ง
     การทำสัญญาตบปากรับคำเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ไคจินผู้ไม่ได้มองเห็นผลประโชยน์เป็นหลักใหญ่ในการทำงานเขาตีค่าความตื่นเต้นเป็นค่าแรง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของงานนั้นๆ
          จากการเป็นบอดี้การ์ดให้มาม่าช่วงรวบกิจการเขาได้รับค่าจ้างมาคุ้มค่าจนไม่รู้ว่าชีวิตนี้ยังต้องการอะไรอีก จนมาได้เจอกับเคลาส์และไคจิน การได้มาเจอกับสองคนนี้ทำให้เขารู้ว่าชีวิตช่วงกลางวันน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน

          เดี๋ยวนะคะพ่อหนุ่มนายตำรวจสวมบทเป็นนักเต้นแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นท่านแดร็ก โว้ววไม่เบาค่ะๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 16-12-2023 09:58:37
Love Section 16: แดร็กโชว์ VS คลิปหลุด!
          การแสดงของแดร็กจินนี่ยังคงหวือหวาตื่นเต้นและสวยงานประทับใจผู้ชมเช่นเดิม เมื่อโชว์มีประกาศออกมาว่าจินนี่จะร่วมแสดงด้วยบัตรขายดิบขายดีเป็นการใหญ่ เมื่อจบโชว์ทุกครั้งธนบัตรจำนวนมากโยนเข้ามาบริเวณเวที
          เจ้าตัวเองยังงงและสงสัยคนดูเห็นเขาเป็นพวกหน้าเงินหรือไง หรือตีค่าการแสดงของค่าเป็นจำนวนเงินและมันจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เขาออกแสดงไม่ว่าจะเดียว คู่ หรือกลุ่ม
          ทิปหลังการแสดงของไคจิน กลายเป็นแนวปฏิบัติว่าถ้ายิ่งถูกใจยิ่งได้เงินจากผู้ชมมากขึ้น คราวนี้นักแสดงต่างกระตือรือร้นคิดโชว์กันบ้าคลั่ง หารู้ไม่นี้คือสิ่งที่มามาเซอร์วางยาไว้ให้กับคนทำโชว์และนักแสดงหน้าใหม่ที่แสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง
          ส่วนคนที่อิ่มตัวจนขอรีไทร์เขาจ้างเงินเดือนเพื่อช่วยทำงานบริหารร้านและดูแลนักแสดงและคิดสร้างผลงานโชว์ที่หลากลาย
          ด้วยความหลากหลายทางเพศในปัจจุบันสังคมยอมใจกว้างเปิดรับบุคคลเหล่านี้มีความสามารถและเป็นประชากรที่มีคุณภาพเช่นเดียวเพศสภาพชายหญิง แวดวงต่างๆ ล้วนดึงคนที่น่าสนใจจากที่นี่ไปทำธรุกิจสายบรรเทิงและการพานิชย์อื่นๆ เพราะเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนมาจำนวนหนึ่งแล้วคนสนับสนุนที่จะมีเพิ่มขึ้นทำต่อได้ไม่ยาก
          ดาวเด่นคนอื่นๆ ของมิดไนท์ล้วนได้โอกาสที่ดีในหน้าที่การงานมากมาย แต่ยังคงวนเวียนกลับมาทำงานที่นี่ต่อไม่ห่างหายไปไหน ดาวดวงน้อยรุ่นใหม่ๆ ก็ขยันหาแสงให้ตัวเองรอเวลาเชิดฉายเปล่งแสงเทียบดวงอาทิตย์ยามค่ำคืน
          ชีวิตช่วงกลางคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไคจินจัดการลบล้างจินนี่แดร็คควีนออกจากตัวเขาจนหมดสิ้น แอนการนอนดูดาวบนชั้นดาดฟ้าให้พลังงานที่ได้ชาร์จมาแล่นหลั่งทั่วร่างกายทุกอณูอยู่หน้าห้องพักด้านบนของมาม่าเซอร์ชั้นบนสุดของสถานบันเทิง
         “หายไปเสียนานนึกว่าลืมเวทีแล้วเสียอีก” แพทริคมาม่าหนุ่มใหญ่เดินออกมาทักทายไคจินแล้วยืนพิงเสาระเบียงจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบท่าทางไม่ได้ดูร้อนรนอะไรเหมือนหนุ่มใหญ่ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ทั่วๆไป
          “มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องให้ต้องจัดการ” นายตำรวจเชื้อสายจีนหลับตาตอบกลับไป เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ว่าไม่ใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องเพื่อนหนุ่มสุดหล่อใกล้ตัวเสียมากกว่า
          นี่ก็ไปทำเรื่องดิลธุรกิจกับคนใหญ่คนโตเขี้ยวลากดินเข้าไปอีก ไหนจะเรื่องอดีตสาวคนรักมาประสบเหตุที่น่าสังสัยจนตายจาก ไม่รู้เจ้าตัวจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ยังไง
          “ได้งาบพ่อหนุ่มตางามแล้วหรือยังล่ะ” คนถามเห็นไคจินลุกขึ้นมานั่งไม่ได้ตอบคำถามนั้น เหมือนไม่ได้ฟังหรืออาจทำแกล้งไม่ได้ยิน
          แพทริคเดินเข้าไปรินเครื่องดื่มในห้องเขาตะโกนถามหนุ่มร่างเล็กที่กำลังเหม่อมองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนว่าอยากดื่มอะไรบ้างไหม ได้ยินเสียงแหบแหลมตอบกลับมาว่าต้องการแค่น้ำผลไม้เพราะพรุ่งนี้ต้องทำงานมีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดร่างกายจะทำให้ภาพลักษณ์ไม่ดีถ้าได้เจอผู้หลักผู้ใหญ่ในสำนักงาน อาจจะโดนเพ่งเล็งทางด้านความประพฤติได้
          “ยังไม่ตอบเลยนะได้กันยัง” มามาเซอร์ยื่นน้ำผลไม้ผสมรสเปรี้ยวอมหวานที่ไคจินชื่นชอบส่งมาให้พร้อมย้ำคำถามเดิมที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
    “อืม...เกือบแล้ว ขอเวลาอีกนิดหน่อย” นายตำรวจรับมาดื่มตอบคำถามแบบผ่านๆ แต่ภาพในความฝันดีดผึงเข้ามาให้ความคิดจนแทบจะสำลักน้ำผลไม้
          “โอ้ววเซ็กซี่ฮันนี่! สี่ปีมาแล้วเน้อ ระวังสาวข้างบ้านจะคาบไปรับทานอีกนะจ้ะ” เรื่องราวเก่าเก็บถูกแพทริคนำออกมาแซะให้คนได้ฟังเจ็บจี๊ดๆ
          แม้จะเจอฌานมาก่อนใครแต่ยังไม่กล้าเปิดใจจนต้องเสียคนที่เฝ้ารักไปกลายเป็นคนรักของคนอื่น แต่พระเจ้าบนสวรรค์คงเห็นใจเมื่อรักเก่าเลิกรากันไปตัวเขาเองจึงได้โอกาสเข้าไปดูแลและหยอดรักหล่อเลี้ยงต้นรักจนเติบโตหยั่งรากลงในหัวใจของฌาน
     “อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้รักเสียดายแย่ โธ่! เด็กน้อยกลัวรักผู้น่าสงสาร” มาม่าเซอร์พูดยิ้มๆ เพราะรู้นิสัยเด็กน้อยในสายตาของเขาดี มีคนตามจีบไคจินหลายคนหลากเพศหลายวัยแต่ไม่มีใครได้เคลมรักเด็กน้อยผู้กลัวฝนได้ซักคน ทำให้รักทำให้หลงแต่ไม่ยอมตกลงปลงใจด้วยง่ายๆ จนคนตามจีบต้องท้อใจยอมยกธงขาวพ่ายแพ้ต่อการพิชิตใจของไคจิน
    “คุยเรื่องงานดีกว่า ตอนนี้ผมตื่นตัวจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว” หนุ่มหน้าตี๋เห็นแพทริคเดินเข้ามานั่งด้านข้างกระดกเบียร์ในกระป๋องขึ้นมาดื่ม เขาจึงเอ่ยปากถามเป็นการตัดบทสนทนาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของตัวเองให้จบไปเสีย
    เจ้าของมิดไนท์เซอเคิลบอกตารางเวลาที่นัดเจอกับนักการเมืองมีชื่อเสียงคนหนึ่ง บอดี้การ์ดที่ตามไปจะรออยู่ด้านนอกแต่จินนี่ในร่างไคจินต้องตามติดเข้าไปด้วย
          แพทริคตัดสินใจรับข้อเสนอทำมิดไนท์เซอร์เคิลเป็นคาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรที่มีฮอลใหญ่ไว้จัดงานอีเวนท์เพื่อรองรับเทศกาลและจัดงานว่าจ้างอื่นๆ ธุรกิจต่างๆ ที่เขาถืออยู่ที่นี่จากสีเทาหรือสีตุ่นๆ จะถูกชุบกลายร่างเป็นธุรกิจสีขาวสว่างไสว
     ธุรกิจใหม่ที่เขามองไกลออกไปจากการทำสถานบันเทิงและคาสิโนคืออสังหาริมทรัพย์ที่เขาถือครองอยู่รอบมิดไทน์เซอเคิลถ้าธุรกิจไปได้ดีและรัฐบาลสนับสนุน มูลค่าที่ดินที่เขาถือครองไว้คงสร้างกำไรให้เขามหาศาล
         แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาใช้ชีวิตอยู่ถึงเวลานั้นหรือเปล่าอายุอานามก็มากโขแล้วจะบริหารงานได้นานอีกแค่ไหน คนข้างกายและเพื่อนคู่คิดด้านการค้าและลงทุนแนะนำให้ศึกษาการบริหารงานด้วยรูปแบบบริษัทจำกัด คราวนี้ปีกสีดำดั่งซาตานจะกลายร่างเป็นปีกขาวเหมือนเหล่าเทวดา ยังไม่อยากกระหยิ่มยิ้มย่องกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเพราะยังไม่ได้ลงมือทำเสียด้วยซ้ำ
    ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ ทุกคนรู้ดี แพทริคเองรู้ถึงหลักสัจธรรมข้อนี้ดีเช่นกัน การเข้าสู่อ้อมอกของอำนาจแหล่งใหม่ครั้งนี้จะรุ่งโรจน์หรือรุ่งริ่งเขาเองคงต้องปล่อยมิดไนท์เป็นไปตามวงจรธุรกิจแนวโลกใหม่ให้ดำเนินต่อไป หวังไว้ว่านักการเมืองในคราบนักธุรกิจจะไม่ถือมีดไว้ข้างหลังพอได้จังหวะก็ง้างมือฟันเขาจนเหวอะหวะและฮุบของรักของเขาไปครอบครอง

    ขณะที่ตำรวจหนุ่มกำลังหลงแสงสี สายสืบหนุ่มก็กำลังเพลิดเพลินกับการตัดคลิปอย่างสุขกาย!สบายใจในห้องทำงานส่วนตัว ชายหนุ่มนั่งมองใบหน้าขาวนวลสุดเซ็กซี่ทำให้นึกถึงค่ำคืนที่โดนด้านมืดเข้าเกาะกุมความคิดให้ใจกล้าทำเรื่องสนองความต้องการลึกๆ ที่อาจจะเคยคิดแต่ไม่ใจกล้าอาจหาญลงมือทำ
    ตั้งหน้าตั้งตาตัดต่อคลิปอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัดตรงนั้นมาต่อตรงนี้หาคลิปอื่นๆ มาแทรกเนื้อหาจนกลายเป็นคลิปเรื่องสั้นสุดเซ็กซี่เรื่องหนึ่งโดยมีไคจินเป็นผู้แสดงนำ ไม่ต้องห่วงว่าทุกอารมณ์ของนักแสดงจำเป็นจะมีไม่พอตัดเพราะวีดีโอที่แอบอัดเอาไว้ยาวนานถึงชั่วโมงครึ่ง ฌานสามารถคัดสรรตัดแต่งได้ตามใจให้อยู่ในเวลาห้านาที
          เมื่องานเสร็จสรรพจบสมบูรณ์ก็ทำการเชฟเก็บไว้ในไดร์ส่วนตัวและทำการเข้ารหัสกันคลิปหลุด คิดให้รอบคอบและดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักด้วยหน้าที่การทำงานและประสบการณ์สอนเอาไว้
          คนหนึ่งผ่อนคลายสบายใจรอคอยความตื่นเต้นครั้งใหม่ๆ ที่รอเขาอยู่ข้างหน้า ส่วนเพื่อนร่างสูงโย่งก็กำลังพยายามแทบตายที่จะไม่วนวีดีโอดูครั้งแล้วครั้งแล้วแล้วจบท้ายด้วยการทรมานร่างกายเฉพาะที่ทุกที
          ตอนนี้สั้นแต่เร้าใจ เฉลี่ยๆ กันไปนะคะบางตอนก็อ่านจน :a5:

 
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 20-12-2023 20:21:14
Love Section 17 : Baby Come Back!
          ฌานกลับมาทำงานนั่งโต๊ะอันแสนน่าเบื่อหน่ายคิดว่าจะได้นั่งจ้องหาเพื่อนรักเพื่อฆ่าเวลาไปวัน ๆ แต่เขาคงไม่สมหวังเสียแล้วราวนี้ เมื่อเขากลับมาทำงานในส่วนของสำนักงานข่าวร้ายก็ส่งมาถึงเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ไคจินลาพัก
          “นายต้องไปคอร์ทกับฉันตอนบ่ายอย่าลืมนะ ห้ามสาย! ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านรอเจอนาย” อัยการสั่งเพื่อนทิ้งท้ายให้ทำงานสุดท้ายให้จบก่อนไปสานต่อธุรกิจรักให้จบกระบวนความ
          “ครับเพื่อนอัยการ แต่งเมียเมื่อไหร่มีรางวัลใหญ่เตรียมให้นายเลยเพื่อน ” ฌานพูดจบก็รีบออกไปทำงานที่อัยการเคลาส์มอบหมายให้ทันที
          งานที่ได้รับมอบหมายคือวิเคราะห์และตรวจสอบธุรกิจโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมผสานด้วยรูปแบบการบริหารงานแบบคาสิโนแอนด์รีสอร์ทที่หน่วยงานราชการส่งมาให้
          ที่ดินที่กำลังจะมีโครงการพัฒนาคือ มิดไนท์เซอร์เคิลและพื้นที่โดยรอบ สถานที่เสมือนบ้านของไคจินนั่นเอง การที่ที่รักของเขาจะหยุดยาวต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
          บรรยากาศครึกครื้นในช่วงกลางคืนของสถานบันเทิงแห่งนี้ได้หยุดชะงักลง เพื่อไม่ให้ขาดรายได้ในช่วงกลางวันธุรกิจคาเฟ่จึงเป็นรายได้และสร้างงานให้กับลูกจ้างภายในร้าน
     “รับเครื่องดื่มอะไรดีฮะ คุณผู้ชาย” บาริสต้าสาวหล่อถามลูกค้าผู้มาเยือนอย่างยิ้มแย้ม
          “มีเมนูอะไรใหม่ไหม” ฌานเดินเข้ามาสั่งกาแฟที่หน้าเคาน์เตอร์ พร้อมกวาดสายตามองดูไปรอบๆ บริเวณร้านที่เปิดให้บริการเฉพาะส่วน
          “ถ้าไม่กังวลกับสุขภาพขอเสนอมัคคิอาโต้ หรือถ้าอยากรับเป็นเครื่องดื่มเย็นเฟร้บเป้ต่างๆ ของเราก็ได้รับความนิยมเช่นกันนะฮะ อ้อ!ตอนนี้โคลด์บลูว์คอฟฟี่ของทางร้านก็เป็นที่ถูกใจของลูกค้าด้วยเช่นกัน”
          “ขายเก่ง! ขออเมริกาโน่เย็นพอแล้ว” สายสืบหนุ่มตอบยิ้มๆ  ตอนนี้เขาตื่นเต้นที่จะได้เจอไคจินหลังจากคิดถึงมาหลายวัน
          “รับอเมริกาโน่เย็นหนึ่งแก้วนะฮะ รับอาหารเช้าหรือเบเกอรี่เพิ่มไหมฮะ” ชายหนุ่มปฏิเสธมื้อหนักและของหวาน เมื่อสาวหล่อทวนคำสั่งซื้อเสร็จจึงรีบทำกาแฟบริการให้ทันที
          หนุ่มนักสืบสายตาสอดส่ายไปรอบๆ ร้านเห็นไรเดอร์บริการสั่งอาหารสองสามคนสวมยูนิเฟอร์มของสถานบริการชื่อดัง ผลัดกันเข้าปลัดกันออกไปบริการลูกค้านอกสถานที่นั่นแสดงว่าเครื่องดื่มและอาหารคงไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นัก เขามองดูราคาอาหารและเบเกอรี่ไม่ได้ราคาแพงพนักงานออฟฟิสทั่วไปสามารถซื้อกินได้
          มองดูแล้วสะท้อนใจว่าเขาห่างหายจากที่นี่อาจจะนานเกินไปหลังจากไคจินเริ่มใช้ชีวิตเหมือนปกติชนคนทั่วไป บาริสต้าเห็นฌานสนใจรายการอาหารหรืออาจจะเป็นบริการอื่นๆของทางร้านจึงเชิญให้เป็นเมมเบอร์ของร้านจะได้รับบริการส่งฟรีสามกิโลเมตรแรก พร้อมสิทธิพิเศษเข้ารับบริการหรือซื้อโชว์ต่างๆ อีกมากมาย
          เขายืนฟังไปเรื่อยๆ คำพูดคำจาของสาวหล่อชั่งน่าฟังไม่อวดตัวกริยามารยาทสุภาพอ่อนน้อม ทำให้นึกถึงผู้บริหารงานของที่นี่ที่คงฝึกฝนงานให้ลูกน้องมาเป็นอย่างดี แค่คิดถึงตัวตนจริงก็ปรากฎนี่คงเป็นช่วงพิศวงเดจาวู
          “โอ้ว! ฌานไม่เจอกันนานเลยนะ มาที่นี่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” แพทริคเดินเข้ามาทักทายฌานพร้อมสาวเอเชียคนหนึ่งซึ่งติดใจพ่อนักสืบช่างสงสัยมาก
          “มาม่าเซอร์ก็ทักทายซะห่างเหิน เราสนิทกันอยู่ระดับหนึ่งเลยนะครับ” เขาตอบรับอย่างรวดเร็วแต่สายตามองไปที่จุดน่าสนใจ
          คนต้องตาต้องใจประสานสายตากันเหมือนหนังรักโรแมนติก ฌานเข้ามาในร้านด้วยเสื้อผ้าดูสบายๆ ใส่เสื้อยืดมีปกและสวมกางเกงยีนส์สิ่งเดียวที่ทำให้เขาดูต่างออกไปจากปกติคือหนวด
          ไรหนวดไล่ยาวตั้งแต่จอนผมคลุมคางและเหนือเรียวปากช่างพูดนั่น ผมสีเข้มทรงผมสั้นที่ถูกปล่อยให้ยาวกว่าปกติไม่ได้จัดแต่งทรงมากมายนักดูยุ่งเหยิงแต่มีสไตล์ ไคจินในร่างสาวเอเชียมองแล้วรู้สึกท้อใจหากแต่งกันไปคืนวันฮันนี่มูนคงได้ลากยาวไปเป็นปี
          “ช่างเจรจาน้า ที่นี่มีอะไรให้มาสืบหาข้อมูลอย่างนั้นหรือ” มาม่าเซอร์เดินนำฌานมานั่งโต๊ะมุมหนึ่งในร้านมีสาวเอเชียคืนคุมอยู่ด้านข้างไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะด้วย
          “ผมมาด้วยเรื่องส่วนตัว” ชายหนุ่มพูดพร้อมชิมรสชาติกาแฟไปด้วย ไม่รู้กาแฟดี คนชงเก่งหรือบรรยากาศพาไปทำให้กาแฟอาเมริกาโน่ธรรมดาอร่อยขึ้น
          เจ้าของสถานบันเทิงยิ้มรับเบาๆ บรันช์เสริฟถูกยกมาบริการให้มีออมเล็ตเบคอนเห็ดผัดและโทสจบมื้อด้วยโกโก้ร้อน ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสาคนคุ้นเคย ฌานพยายามถามถึงไคจินอยู่หลายครั้งแต่แพทริคไม่พูดอะไรได้แต่บอกว่าตอนนี้เด็กน้อยน่ารักของเขายังทำงานอยู่คงให้ฌานพบไม่ได้
          ก่อนมาม่าเซอร์แพทริคจะขอตัวไปทำธุระส่วนตัว เขายื่นบัตรซูปเปอร์วีไอพีเข้าชมงานโชว์ใบหนึ่งให้ จะมาใช้บริการโชว์ไหนก็ได้ ถือว่าเป็นอภินันทนาการจากเจ้าของร้านพร้อมกระซิบข้างหูปิดท้ายให้เขาใจหวิวเล่น
          “บัตรเปิดทางรัก โอกาสมีครั้งเดียวนะพ่อหนุ่ม”
          ความคิดฌานล่องลอยไปไกลก่อนจะถูกฉุดให้กลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบต่ำที่คุ้นหูของคนแอบรัก “เฮ้า เลี่ยน! เก๊ง ซิม สื่อ!” กว่าจะประมวลผลได้คนที่พูดกับเขาเมื่อครู่ก็ได้เดินตามหลังแพทริกไปนอกร้านและขึ้นรถจนลับสายตาเขาไปแล้ว
      ไอหยา!ภาษาจีนท้องถิ่นที่ไคจินชอบพูดบ่อยๆ ดังในความคิด ถ้าเธอคนนั้นไม่ใช่เพื่อนรักของเขาคงต้องเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันแต่เด็กแน่นอน!
          การมามิดไนท์เซอร์เคิลของเขาครั้งนี้เซอร์ไพรส์ในเซอร์ไพรส์หลายต่อหลายอย่าง เขาก้มมองนาฬิกายังมีเวลาเหลือเฟือกว่าจะถึงเที่ยงคืนวันนี้ ต้องรีบทำงานหลวงให้เสร็จแล้วจะได้เอนจอยกับงานราษฎร์ให้สมใจ
          คนสูงวัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่รู้ถูกอกถูกใจอะไรมา ทำตัวเหมือนแม่สื่อเที่ยวสรรหาภรรยาให้ลูกชายเช่นในหนังจีนสมัยโบราณ หรืออาจเป็นหนังอินเดียที่ฝ่ายหญิงต้องจัดแจงสินสอนเพื่อแต่งสามี
          “วางยาอะไรไว้อีกเนี่ยแพทริค” ไคจินทำลายความเงียบภายในรถยนต์คันหรู วันนี้ต้องตามมาม่าเซอร์ไปคุยธุรกิจกับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันธุรกิจบันเทิงและคาสิโนให้ผ่านฝ่ายบริหารงานประเทศ
          ถึงจะเป็นตำรวจแต่เขาไม่เคยได้พบเจอกับคณะผู้บริหารประเทศสักคนนอกจากผู้แทนเขตที่เขาสังกัดอยู่ ผู้บังคับบัญชาหน่วย อัยการ สายสืบ และตำรวจที่ไม่นับว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง
          “อยากเป็นสปอนเซอร์รักให้” แพทริคเสนอตัวเป็นผู้ส่งเสริมหลักให้ลูกรักได้สมหวัง มัวอิดๆออดๆ เดี๋ยวก็โดนสาวงาบไปอีกเสียดายของดีๆ ที่คนร่างเล็กน่าจะได้ครอบครองมาตั้งนานแล้ว
          “ธุระไม่ใช่ล่ะนะ” สาวจำแรงสังเกตสังการอบตัวไปด้วย ขาบอกให้คนขับชิดซ้ายหลบให้รถน่าสังสัยที่ตามหลังมาให้ขับเลยไปก่อน
          มาม่าเซอร์เห็นท่าทางการทำงานเอาจริงเอาจังแล้วก็อดภาคภูมิใจไม่ได้ นี่ไคจินไม่มั่นใจกับรถกันกระสุนหรอกหรือเสียดายเงินที่ทุ่มทุนซื้อมาจริงๆ
          จากเด็กน้อยชอบชกต่อยเตะตีใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาในวัยรุ่นสามารถคุมความรุนแรงในตัวให้สุขุมลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ต้องขอบคุณเคลาส์และฌานที่พาไคจินออกไปจากความเสี่ยงในโลกบิดเบี้ยวนี้ได้ แต่ที่เยียวยาไม่ได้คือชอบล่าความท้าทายที่เสี่ยงชีวิตเกินความจำเป็นนี่แหล่ะ กลัวจริงๆ ว่าจะไม่ได้ผ่านวันเข้าหอลงโรง
          “โอ้มายคิ้วตี้! เด็กน้อยผู้หลบฝนคืนนี้ห่าฝนคงลงหนักเตรียมตัวไว้เลย หุ หุ”
          แล้วจินนี่จะได้รู้ว่าความหวาดเสี่ยวที่ชอบแสวงหาไม่ต้องหาที่ไหนไกล บนเตียงในห้องนอนนั่นแลสมรภูมิรักของแท้ ทั้งเสียวทั้งตื่นเต้นไคจินจะได้ปลดปล่อยได้เติมที่ คิดไปก็ยิ้มไปเหมือนจะเสียลูกสาวให้เจ้าสั่วอย่างไงอย่างนั้น หรืออาจจะเสียลูกสาวให้มหาราชา
          ไคจินได้แต่สายหน้าไม่เข้าใจว่าที่แพทริกจะสื่อถึงคืออะไร ตอนนี้เขาต้องมีสมาธิกับงานบอดี้การ์ดตรงหน้าก่อน เลยพงักพเยิดหน้าส่งๆ ไปไม่ได้คิดอะไรมากมาย
        “midnight circle celebrated, tonight midnight celeries, baby, wanna do this we gotta go it midnight circle c'est la vie!” แพรทิคฮำเพลงเปิดตัวงานโชว์ของทางร้าน มองรถที่ขับตามมาแล่นผ่านไปจนไม่มีคันอื่นตามมาอีกจึงให้ทำการออกรถขับตรงไปยังที่นัดหมายกลัวจะเลยเวลานัดเสียก่อน
          “มาม่าเซอร์จะมีความสุขมากไปนะครับ มีคนติดตามเรามานะครับช่วยคุมความสนุกสนานครับ” คนขับรถยังทนไม่ไหวกับความเอ้อระเหยของเจ้านาย ตั้งแต่มีจินนี่มาอยู่ใกล้ตัวดูเจ้านายจะชิลเลยจุดสูงสุดพุ่งทะยานทะลุความเครียดจากเดือนก่อนไปแล้ว
          ไคจินมองผ่านความสุขของแพทริคไปเสีย ปล่อยให้ผู้สูงวัยได้มีความสุขเล็กน้อยๆ ก่อนไปเจอกับความเครียดน่าจะเป็นความคิดที่เข้าท่า
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 21-12-2023 13:14:57
Love Section 18 : ย้อนรอยว่าที่แฟน
          ฌานทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่คิดเสียว่าทำงานฆ่าเวลาจนกว่าจะถึงเที่ยงคืน จากการเดินสำรวจพื้นที่จึงรู้ว่ามาม่าเซอร์แพทริคเป็นเจ้าของที่ดินโดยรอบมิดไนท์เซอร์เคิลเสียส่วนใหญ่ มีบางพื้นที่เปิดให้เช่าเป็นร้านค้า สร้างอพาร์คเม้นท์ให้ลูกน้องในร้านของตัวเองเช่าอยู่ด้วยราคาถูก และมีที่อยู่อาศัยให้บุคคลทั่วไปได้เช่าอยู่อาศัย
          ด้วยความที่บริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากใจกลางธุรกิจมากนักและสะดวกสบายเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัว ยังมีพื้นที่บางส่วนไม่ได้ทำการบริหารพื้นที่เข้าสู่ระบบธุรกิจ
         ธุรกิจที่ดินที่มาจากการรับจำนองและการซื้อของแพทริค อาจได้กรรมสิทธิจากการหลุดจำนองรวมถึงการหว่านแหซื้อไปเรื่อยๆ จากคนที่ต้องการผันที่ดินเป็นเงินสดอย่างเร่งด่วน
         ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งมีอคติกับพื้นที่แห่งนี้ที่ผ่านอดีตมาอย่างโชกโชน แพทริคเข้ามาเป็นเจ้าของก็ไม่ได้เข้ามาบริหารด้วยการเดินย่ำบนพรมแดงโรยกรีบกุหลาบหอมกรุ่น แต่ต้องต่อสู้กับความรุนแรงของคนกลุ่มเก่า เขาทั้งเสนอผลประโยชน์และงานแต่ยังไม่วายโดนต่อต้านถึงขั้นจะเอาชีวิต
          แพทริคไม่ใช่คนโนเนมในกลุ่มก้อนคนบริหารเก่า เป็นคลื่นลูกใหม่ที่อยากออกจากวังวนค้ายาและธุรกิจนอกกฏหมาย รายได้ต่างๆ ที่เขาได้มาบอกไม่เต็มปากว่าถูกต้องตามกฎหมายไปเสียหมด กว่าจะมาอยู่จุดสูงสุดมือของเขาไม่ได้ขาวสะอาดแต่เขาซื้อใจผู้คนภายใต้การปกครองของเขาในพื้นที่นี้ได้หมดด้วยพระเดชและหล่อเลี้ยงชีวิตผู้ติดตามด้วยการหยิบยื่นความมีพระคุณ
          เวลาในช่วงกลางวันของบริเวณนี้เงียบสงบทุกคนดำเนินชีวิตเรียบง่าย หรืออาจเป็นเพราะครึ่งหนึ่งของประชาชนที่นี่ทำงานอยู่กับสถานบันเทิงชื่อดังที่เปิดยันสว่างในช่วงวีคเอนด์ทำให้ดูเงียบเหงาให้ช่วงกลางวัน
          มีร้านสะดวกซื้อและร้านค้าต่างๆ มีตลาดที่เปิดตลอดวัน ตอบสนองการดำรงชีวิตประวันวันได้ไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารการกิน
          “แพทริคจะบริหารอาณาจักรได้ดีเกินไปแล้วน้า” สายสืบหนุ่มอดชื่นชมไม่ได้
          ฌานแวะนั่งดื่มชาจีนที่ร้านชาวบ้านในตลาดเขา เจ้าของร้านเสริฟขนมมาหนึ่งชิ้นถึงไม่คุ้นลิ้นแต่อร่อยดี แป้งร่วนๆ ใส้หวานหนึบติดลิ้นติดฟันต้องดื่มชาตามจะกลืนได้คล่องคอ
          ชายชาวจีนสูงวัยเจ้าของร้านเดินมาคุยกับเขา ด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มรูปลักษณะแบบนี้มาเดินเที่ยวในเขตนี้บ่อยนักนอกจากเวลากลางคืน สองหนุ่มคนละวัยคุยกันอย่างถูกคอจึงได้รู้อาชีพเก่าของชายเก่าเป็นถึงอดีตมือขวาของเจ้าถิ่นเก่า
          ชายสูงวัยเจ้าของร้านน้ำชาเคยเป็นคนคุมคนในตลาดทั้งหมดแต่ส่วนใหญ่ก็ล้มหายตายจากด้วยโรคประจำตัวและอายุรวัยที่ร่วงโรย ลูกน้องเก่าแก่ของเจ้านายเดิมทำข้อตกลงกับแพทริคเอาไว้ก่อนจะยอมปล่อยอำนาจให้แพทริคอย่างจำใจ อาจจะด้วยการติดเหล้าเสพยาบ้ากามรมณ์ตั้งแต่ยังวัยรุ่นทำให้อายุขัยของเจ้านายอยู่ได้ไม่นานนักหลังปลดระวางจากตำแหน่ง
          ชายชรายังจำวันที่แพทริคมาร่วมงานศพได้ดี วันที่พรรคพวกของเขารายล้อมกักกันให้คนมางานอยู่ท่ามกลางวงนักเลง ชายหน้าสวยไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแต่อย่างไรคนข้างกายสาวหมวยถึงดูนึ่งๆ แต่พร้อมบวกพร้อมสู้อยู่ตลอดเวลาและฝีมือการต่อสู้ทุกคนย่อมรู้ดีเพราะเป็นเด็กเก่าเจ้านายมาก่อน
          แพทริคสมัยยังหนุ่มพูดจาฉะฉานเกินอายุ เขาเดินผ่านักเลงตัวใหญ่โตจนแตกฝูงตรงไปเคารพศพอดีตผู้นำตามธรรมเนียม ก่อนจะนั่งรถคันหรูจากไปเขาหันกลับมาพูดกับทุกคนว่า “ท่านนักสู้ทั้งหลายมิทไนท์เซอร์เคิลยังขาดบอดี้การ์ดจำนวนมาก หากใครสนใจรับงานติดต่อผมได้” 
          “คนที่ใจกล้าเท่านั้นที่ผมจะฝึกฝน ไม่เกี่ยงอายุ เชื้อชาติ แต่ทุกคนต้องขาวสะอาดจากยาเสพติดและฟอกชีวิตให้ถูกกฎหมาย ใครพร้อมดำเนินชีวิตใหม่มาหาผมได้ทุกเมื่อ ผมเป็นนักบริหารคนไม่ได้เป็นผู้คุมชีวิตเตรียมใจให้ดีถึงจะยอมตายเพื่อผมแต่ผมดูแค่ผลงานที่คุณสร้างผลประโยชน์ให้องค์กร” พูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนั่งรถจากไป
          คำพูดทิ้งท้ายทำให้กลุ่มนักเลงแตกเป็นสองฝ่ายผู้มาจากอำนาจเก่าอย่างเขารู้สึกหวั่นใจกับการแตกสามัคคีในครั้งนี้ เด็กใหม่ไฟแรงอยากจะเดินไปข้างหน้า คนเก่าคนแก่ยังปรับตัวเองจากอำนาจที่เคยมีในอดีตไม่ได้ ชายชราจึงตัดสินใจเดินเข้าหาแพทริคเป็นคนแรกด้วยเรี่ยวแรงยังมีเหลือเฝือในวัยสี่สิบปี อยากมองหาชีวิตใหม่ๆ เพราะยังมีเวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะชราภาพหันหน้าลงโรง
          ผ่านกระบวนการฝึกฝนต่างๆ เรียนรู้กลยุทธ์ยุทวิธีการต่อสู้ที่หลากหลายจนเขาได้มาเป็นหัวหน้าคุมพนักงานบอดี้การ์ดที่แททริกจัดตั้งขึ้นมา และยังส่งออกงานบริการบอดี้การ์ดนอกสถานที่ให้บรรดานักการเมือง คนมีชื่อเสียงในสังคม หรือแม้แต่ดารา นักร้องหรือนักแสดงเพิ่มศักยภาพให้กับคนในบังคับบัญชาของเขาให้ทำงานตามหลักสากล
          เมื่อทุกคนมีรายได้และชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาจึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนความคิดและหันมาทำงานให้แพทริก งานดูแลความปลอดภัยเป็นงานบริการไม่ต้องการนักเลงหัวไม้จึงต้องมีการละลายพฤติกรรมถึงการฝึกจะยากและหนักยังไม่รวมกับกลุ่มคนที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาร้ายต้องทำการรักษาและปรับปรุงบุคคลิกภาพ หาใครไม่สามารถทำได้จะถูกส่งมาทำงานค้าขายหรือธุรกิจเบ็ดเตล็ดในชุมชนแทน
          และที่แพทริคต้องมีกองกำลังบอดี้การ์ด เพราะความปลอดภัยส่วนตัวเป็นหลักงานรองคือดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบรรดาลูกค้ามากหน้าหลายตาที่มาใช้บริการที่สถานบันเทิงของเขา และหารายได้เพิ่มจากการให้บริการจัดส่งบอดี้การ์ดที่มีคุณภาพไปยังผู้ที่ต้องการเรียกใช้งาน
          “ลูกรักแททริคช่างโชคดีจริงน้า” ชายสูงวัยนึกถึงชายผู้ติดตามของแพทริค เขาเคยเห็นตอนไม่แต่งเนื้อแต่งตัวอยู่ครั้งหนึ่งก็เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไปแต่ฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดาได้ยินข่าวมาเมื่อเร็วๆนี้ว่าได้บรรจุเป็นตำรวจมีกรมกองสังกัดแล้ว
          “ใครล่ะคุณลุง ทำงานในมิทไนท์เซอร์เคิลหรือเปล่า” ฌานถามขึ้นมาลอยๆ เหมือนนั่งฟังเรื่องราวสนุกสนานของเมืองนี้
          “ไม่รู้สิ? ผมเกษียณมานานแล้ว รู้แต่คุณแพทริคเรียกจินนี่” ชายสูงวัยหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง
         “อย่างเผลอเชียวนะคุณ จินนี่น่ะอยู่ใกล้เมื่อไหร่เงินหายเมื่อนั้น ฮ่ะ ฮ่า หมดตัวไปหลายราย” พูดจบเรื่องระลึกความหลังพอประมาณจึงขอตัวเข้าไปดูแลร้านด้านในให้พ่อนักสืบได้ดื่มด่ำบรรยากาศเรียบง่ายไปเรื่อยๆ
          ฌานเติมชาอีกถ้วยขอขนมรสชาติดีสัมผัสสากๆ ที่ชายแก่เรียกว่าขนมเปี๊ยะอีกสักชิ้น แต่ชิ้นนี้แป้งบางมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ส่วนใส้นุ่มหนึบหนับคนไม่ชอบของหวานอย่างเขาต้องสั่งเพิ่มอีกชิ้นก่อนออกไปจากร้าน
          ฌานเดินหาที่พักระยะสั้น หรือโรงแรมบริเวณรอบๆ นี้ไม่มีสักแห่งเขาจึงกลับไปตั้งต้นที่คาแฟ่มิดไนท์ตามเดิมไม่อยากขับรถไปมาให้เสียเวลาเสียพลังงาน เขาถามหาที่พักกับสาวหล่อบาร์เทนเดอร์ เธอบอกว่าบริเวณนี้ไม่มีโรงแรมแต่ถ้าอยากเข้าพักให้ถามจากผู้จัดการร้านดู เผื่อมีห้องพักของแขกที่มาม่าเซอร์จัดไว้ยังว่างอยู่
          “เยี่ยม!” สายสืบหนุ่มดูมีความหวังมากขึ้นถึงจะบ้าบิ่นในหลายเรื่องแต่ให้ขับรถไปๆ กลับๆ ทุกวันคงสู้ไม่ไหว
          ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาพอดีสาวหล่อเดินเข้าไปคุยแล้วพาเดินตรงมายังฌานที่ถามเรื่องห้องว่างให้เช่า ชายหนุ่มยื่นบัตรเวรี่วีไอพีให้ผู้จัดการร้านเป็นใบเบิกทาง
          ผู้จัดการโทรหาใครบางคนแล้วพาฌานไปด้านหลังของร้านตรงขึ้นไปยังชั้นสองมีห้องแขกว่างให้พักอยู่ท้ายสุดของตึก ชั้นสองเหนือฮอล์ของโรงโชว์สูงที่สุดที่เขาเคยเข้าพักเลยทีเดียวชายหนุ่มเดินสำรวจที่พักโดยรอบด้วยความพอใจ มีระเบียงยาวเชื่อมต่อกับสองห้องด้านหน้า ผู้จัดการบอกว่าเป็นห้องของมาม่าเซอร์และจินนี่
          “อยากดูโชว์ไหนเป็นพิเศษหรือครับจะได้จองที่ไว้ให้” ผู้จัดการถามเพราะฌานถือบัตรวีไอพีโชว์
          สายสืบหนุ่มไม่ประสีประสากับงานโชว์ถึงจะรู้ว่าแทพริคมีโชว์อลังการไว้ดึงดูดลูกค้า เขาจึงขอความเห็นว่าโชว์ไหนน่าสนใจ คำตอบที่ได้คือโชว์เดี่ยวของจินนี่จะมีแค่วันเสาร์หากมีคิวว่างจะมีทั้งเสาร์และอาทิตย์ ถ้าสนใจและมีเวลาที่จะรอจะถึงวีคเอนด์หน้า
          เขารับคำแนะนำแต่ยังไม่จองขอดูโชว์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ตอนนี้พึ่งจะต้นอาทิตย์ยังมีเวลาอีกหลายวันให้เลือกจองโชว์ที่น่าสนใจ 
          เมื่อมาถึงน้องพักเขาผิวปากรับความรู้สึกถึงบ้านหลังน้อยแสนอบอุ่น การตกแต่งสไตล์โฮมมี่ถูกอกถูกใจเจ้าตัวจนเกิดความประทับใจอยากพักที่นี่แบบถาวร นักสืบณานทิ้งตัวบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หนึ่งในชุดรับแขกหน้าห้องนั่งหลับตาก็มองเห็นปัญหามากมายหากไม่มีการบริหารจัดการระบบที่ดี จะอาศัยแค่กลุ่มคนของแพทริคคงจัดการงานใหญ่นี้ไม่ไหวเว้นแต่มีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังและส่งเสริมให้มาม่าเซอร์มากฝีมือเดินหน้า
          ในใจคิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นนักการเมืองคนดังทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียแต่ก็ต้องยอมรับกับงานด้านบริหารรัฐมนตรีชื่อดังมีกำลังพลที่เก่งฉกาจและมองเหตุการณ์บ้านเมืองได้แตกฉานเอาอกเอาใจผู้ที่นิยมชมชอบอย่างมีกลยุทธ์
          “ดำอยากเปลี่ยนเป็นเทา เทาอยากทำเป็นขาว คนโลภไม่มีวันสิ้นสุดความอยากได้อยากมี เฮ้อ!” ฌานไม่ค่อยชอบการเมืองมันซับซ้อนทางความคิดมากเกินไป คนดี ใจซื่อ มือสะอาดไม่มีใครอยากเอาตัวเองและครอบครัวมาเสี่ยงในแวดวงการเมืองที่มีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดวิ่งชนกันควักในสภาเต็มไปหมด
          ช่วงหัวค่ำฌานยอมแพ้ต่อความเหนื่อยที่ตะลอนทัวร์ไปรอบเมือง ถึงจะอ่านจากรายงานการสำรวจพื้นที่มาก่อนหน้าแล้ว แต่เขาเดินเท้าท่องเมืองทั้งวันจึงขอพักร่างกายให้พร้อมในวันถัดไป
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 21-12-2023 13:23:53
เดินทางมาจนจบซีซั่นแรกแล้วนะคะตัวละครและภูมิหลังออกมาครบแล้วจ้า :z2: โปรดรอตอนจบซั่นแรกครู่ใหญ่ๆ นะคะ

THE END of SEASON 1 : Love Section

Love Section 19 : Virtual Reality! - จำลองรักเสมือนจริง!
          ชายหนุ่มหลับใหลจนเลยเวลาอาหารเย็น เสียงอึกทึกครึกโครมของชีวิตย่ามค่ำคืนไม่อาจปลุกเขาให้ออกจากนิทราได้ ไคจินยกอาหารเย็นขึ้นมายังห้องของฌานเห็นเขาหลับเอาเป็นเอาตายเลยปล่อยเลยตามเลย
          ออกมายืนรับลมที่ระเบียงแทน นายตำรวจในบทบาทจินนี่เหลือบไปเห็นบทรักออดอ้อนของแพทริคเต็มสองตาจึงเดินไปเคาะประตูกระจกทำไม้ทำมือบอกให้ปิดผ้าม่านเสีย ผู้จัดการหนุ่มบริหารงานโชว์เขินจัดก้มหน้างุดจับแต่งเสื้อผ้ามือไม้สะเปะสะปะโดยมีแพทริคประโลมกอดจูบให้หายตื่นตกใจ

          ไคจินได้แต่ถอนใจเมื่อผ้าม่านได้ถูกปิดลง ไม่รู้คนแก่ร่างชายแต่ใจสาวอย่างแพทริคมีดีอะไรอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้วยังล่อลวงคนหนุ่มชายแท้อายุน้อยกว่าให้หลงใหลจนหัวปักหัวปำ     
          ความจริงเขานั่งดูไปเงียบๆ ก็ดีนะจะได้เปิดประสบการณ์ด้านใหม่ๆ ให้กับตัวเอง กว่าจะคิดได้จะไปเคาะให้เปิดม่านอีกครั้งก็อาจเป็นการขัดขวางช่วงเข้าได้เข้าเข็ม ทำบาปกับผู้สูงวัยอาจส่งผลให้เกิดความอัปมงคลมาสู่ชีวิตเขาได้
          ไคจินนอนดูท้องดาวบนท้องฟ้าไปเรื่อยเปื่อย ขืนเข้าไปนอนในห้องตัวเองต้องได้ยินแต่เสียงครวญครางแห่งรักจนนอนไม่หลับอยู่ดี ได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงฝีท้าวเดินตรงมายังเขาคงเป็นใครไม่ได้นอกจากฌาน   
          “หมดเวลางานแล้วหรือ เป็นเพื่อนทานข้าวกับผมหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพเพื่อดูปฏิกริยาของคู่สนทนา
          ไคจินไม่ได้ตอบอะไรลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปยังห้องพักของฌาน จัดแจงอุ่นอาหารจากเครื่องครัวที่จัดบริการไว้ในห้องนอนแขก เขามองดูอาหารค่ำที่ไม่ได้เต็มไปด้วยเครื่องเทศของชาวตะวันออกก็โล่งใจอย่างน้อยถ้าจูบกันคงไม่ทำให้เสียอรรถรสเท่าไหร่
          “คุณจะไม่พูดกับผมหน่อยเหรอ?” ฌานคร่อมหลังร่างเล็กกว่าไว้หลวมๆ เสียงกระซิบโทนต่ำที่ดังเบาๆ อยู่ข้างหูไคจินที่เจ้าตัวจงใจทำเสียงให้เซ็กซี่ชวนฟังเป็นที่สุด
          ไคสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ใช้ศอกกระทุ้งชายโครงให้ฌานถอยออกไป แล้วจัดการวางอาหารที่เตรียมไว้ให้พร้อมรับประทาน
          “ห้องรับรองแขกไม่มีบริการเครื่องดื่มนะ ถ้าอยากได้ต้องสั่งจากด้านล่าง” ไคจินจะเดินออกจากห้องแต่ฌานรั้งเอาไว้ได้ทัน
          “กลับห้องก็นอนไม่หลับหรอกน่า” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ้มแพรวพราว รู้ดีว่าคนพูดต้องการสื่อความหมายถึงอะไร พูดจบก็นั่งทานอาหารค่ำรอบดึกไปเงียบๆ ไคจินนั่งมองคนเจริญอาหารผิดที่ผิดเวลา เขาเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาดื่มฆ่าเวลา
          “ไคอิ่มแล้ว อยากดื่มสั่งไวท์ให้หน่อย” คนร่างสูงก็ยังพูดกระซิบกระซาบไม่ห่างหูของไคจินซักที ร่างบางถอนใจทำฮึดฮัดใส่แต่ก็โทรสั่งไวท์แบบมั่วๆ จากบาร์ด้านล่างให้ขึ้นมาเสริฟข้างบน
          สักพักเครื่องดื่มสีอัมพันมาส่งให้ถึงห้องฌานเปิดแล้วเทชิมรสชาติไม่ติดขัดอะไร แค่อยากดื่มให้หลับลึกสบายๆ เขาเสนอให้เพื่อนรักดื่มด้วยแต่อีกคนปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ไม่เซ้าซี้นั่งดื่มไปคนเดียวไม่รบเร้าให้เพื่อนรักต้องหมองใจ
          “ที่รักชอบแบบนี้เหรอ” สิ้นคำถามจากฌานไคหันขวับมาถลึงตามองจนตาโต
          “ที่รักใจเย็นๆ ต่อให้ไคจินเป็นนักเลงหัวไม้ผมก็รัก” สายสืบขำคิกคักเหมือนคนเมาดิบ ชายหนุ่มตบตักให้ไคจินมานั่งตรงหว่างขา พร้อมกับบอกว่าเขาคือแขกผู้เป็นเวรี่วีโอพีจากแพทริกเชียวนา
          เขาหักห้ามใจยังไม่โชว์คลิปลับที่ตั้งใจตัดต่ออย่างสุดความสามารถยิ่งกว่างานราชการที่ต้องตั้งใจทำ วันนี้เขาอยากสนุกไปกับจินนี่คนน่ารักตรงหน้านี้ก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนรักแต่งกายหรือมีงานอดิเรกสุดสยิวแบบนี้มาก่อน นึกว่าเป็นชายบ้าพลังที่แท้ก็มีมุงมุ้งมิ้งเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกัน
          สาวสวยในร่างชายยอมทำตามอยากจะรู้ว่าเพื่อนฌานจะมาไม้ไหน ยอมให้มือยาวๆ จับนั่นลูบนี้เหมือนเป็นตุ๊กตาที่เด็กน้อยถูกอกถูกใจ
         “ผมซื้อโชว์คุณได้ไหมจินนี่” ฌานบอกจุดมุ่งหมายในที่สุด เขาทำหน้าคิดเล็กน้อยนึกถึงโชว์ที่น่าจะมีในสถานที่ให้ความบันเทิงแห่งนี้ที่เขาพอจะพาตัวและสนุกไปด้วยได้
         “คุณอยากโชว์อะไรให้ผมตื่นเต้นท้าทายดีล่ะ ระบำหน้าตักหรือเปล่า หรือโชว์เต้นเซ็กซี่ ระบำหน้าท้องผมก็อยากดูนะที่รักแต่เราไม่มีดนตรีนี่สิ” ฌานพูดแหย่เล่นให้คนน่ารักโมโห แหย่นิดแหย่หน่อยให้ไคหน้าหงิกหน้างอก็ดูน่ารักดีถึงจะไม่ชินตาก็เถอะ มองพิจารณาดีๆ เหมือนเขานั่งอยู่กับตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง
          ก็ไม่อยากเปรียบว่าสวยเหมือน เอ่อ...ตุ๊กตายาง! แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ตุ๊กตายางรุ่นเวอชวล เรียลลิตี้เสียด้วย!!!
          “นายนี่มันน่าโมโหจริงๆ” ไคจินกระฉากเข็มขัดออกมาจากกางเกงยีนส์แล้วคล้องคอฌานดึงรั้งให้เข้ามาใกล้ ขาทั้งสองข้างดันหน้าตักร่างสูงให้กางออกกว้างขึ้นแล้วแทรกตัวเองไปนั่งระหว่างกลาง
          “อู้วว!” ฌานถูกใจเหมือนโดนสาวร่านรักกระชากวิญญาณ เตรียมใจเตรียมตัวรับความสุขสุดสยิวเต็มลิมิต
          “นายมีเงินจ่ายค่าโชว์พิเศษส่วนตัวไหมล่ะ” ในเมื่อของฟรีไม่มีในโลกไคจินก็ไม่ลงแรงทำให้เมื่อยฟรีๆ เหมือนของทิ้งขว้างตามข้างถนนเหมือนกัน
          “ผมก็แค่ข้าราชการย่ำต๊อก แต่รับรองค่าตอบแทนคุ้มกับการลงแรงแน่นอนที่รัก” ฌานเพิกเฉยไม่ยอมทำสัญญาผ่านธุรกรรมออนไลน์ส่งมาให้เสียที ผู้แสดงต้องหยิบมือถือออกมาให้พร้อมทำการ
          “ที่รักอยากเคี่ยวนักสิ ผมก็ให้ที่รักทั้งตัวมาตั้งนานแล้วยังไม่พออีกเหรอครับ” เมื่อโดนอ้อนไคจินก็อยากจะยอมอ่อนข้อให้ รอเวลาให้เจ้าตัวเช็คเอ๊าท์ออกก่อนเมื่อไหร่เถอะจะชาร์ตค่าบริการให้หลังหักเลยเคยดู
          จินนี่ประทับร่างไคจินทันทีร่างเล็กร่อนเอวไปรอบๆ หน้าตักของฌานเลื้อยร่างเล่นร่างกายเหมือนแสดงอยู่บนเวทีมีสายตาวิบวับของฌานมองตามไม่กระพริบทุกอากัปกิริยา ทุกการแสดงมีเสียงผิวปากเสียงอู้อ้าถูกอกถูกใจเป็นระยะยั่วยุไคจินให้ยิ่งสาดส่ายร่างกายพริ้วไหวยิ่งขึ้น บางจังหวะพ่อหนุ่มคารมดีเด้งเอวส่ายสะโพกตามนักแสดงอย่างสุดสวิงไม่มีกั๊ก
          ด้วยเวลาเลยเที่ยงคืนมาแล้วเสียงดนตรีจากงานโชว์เล็ดรอดเข้ามาในห้องผ่านประตูระเบียงที่ถูกอ้าเปิดไว้ เสียงดนตรีกระตุ้นให้จินนี่จินตนาการถึงการแสดงของตัวเองบนเวที ทุกสายตาที่กำลังจับจ้องมาที่ตัวเอง จนฌานต้องกระชับใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มให้ลืมตามาเผชิญกับดวงตาสวยซึ้งของตัวเองมากขึ้น
          “มองมาที่ผมสิครับ ผมซื้อโชว์คุณอยู่นะจินนี่” มือไม้นักสืบเริ่มไม่อยู่สุขจนจินนี่ต้องใช้เข็มขัดมัดแล้วไพร่หลังไว้หลวมๆ
          คราวนี้จินนี่มองตาหวานเชื่อมที่ใครต่างชมนักหนาว่าเซ็กซี่หยาดเยิ้ม เรียกว่าฌานจะแหหันสายตาไปทางไหนสายตาที่ถูกแต่งเติมจนสวยนั้นตามจิกไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดจ้องมาจ้องกลับไม่หลบตา
          เมื่อเห็นลูกค้าคนพิเศษเริ่มอึดอัดขยับสะโพกไปมาบ่อยๆ เขาก็ปล่อยให้ช่วงล่างของท่านลูกค้าสบายขึ้นด้วยการนั่งคล่อมเอวยั่วยวนความเขม่งขึงบดคลึงลำทวนนั้นเสียเลย ไคจินในร่างจินนี่ทำท่าทางเริงสวาทอย่างมีชั้นเชิงแสดงบทบาทเป็นสาวยั่วเมืองจนบทแตกกระจุยสติลูกค้าจะแตกกระจาย ฌานถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายรอบ
          ยั่วเขาไปมาตัวเองก็เริ่มอารมณ์ขึ้นเสียเอง เพราะใบหน้าหนวดหยุมหยิมของฌานชวนให้จั๊กจี้หัวใจนั้น ดันมาซ้อนทับกับภาพในฝันของคืนๆ นั้น สร้างความคึกคักทางความคิดและใบหน้าฌานที่แปลกไปสร้างแรงกระตุ้นให้จินนี่ได้ดีเหลือเกิน
          ฌานใช้จังหวะนี้คลายมือจากเข็มขัดที่ถูกมัดไว้มาโอบรอบสะโพกรั้งร่างจินนี้ไว้ให้สัมผัสถูกไถภายใต้ร่มผ้าก็ชวนสยิวกิ้วแปลกดีไปอีกแบบหนึ่ง ใบหน้าชื้นเหงื่อหลอกล่อให้จินนี่มองหน้าเขาใกล้ๆ หน้าผากของคนทั้งคู่เบียดชิดกันแต่ไม่มีใครเพรี้ยงพร้ำเสนอรอยจูบก่อนเป็นคนแรก
         ไคจินเป็นฝ่ายแพ้พ่ายไปด้วยการกดหน้าลงบนไหล่กว้างของเพื่อนรักเสียเอง แต่สะโพกยังคงเสียดสีบดคลึงอาจเป็นด้วยเพราะชุดที่ต่างออกไปทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านทั่วรอนท้อง เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ต้องเปล่งเสียงแปลกประหลาดออกมาหลายครั้ง
         ฌานไม่ยอมให้ช่วงเวลาสำคัญต้องเสียไปส่งมือยาวเข้าลูบไล้ใต้ร่มผ้าจนเจอเป้าหมายที่ต้องการจัดแจงรูดเร้าเร่งรัด นวดเฟ้นด้วยเทคนิคต่างๆ ที่สมองจะหาคิดได้ให้ไคจินเสร็จกิจสมอารมณ์และเสพติดตัวเขาด้วยเป็นผลพลอยได้
          ไคร่างจินนี่ไม่ยอมน้อยหน้ามือน้อยๆ รูดซิบกางเกงของอีกฝ่ายออกดึงรั้งชั้นในให้กายรักได้ผงาดบริหารกิจกรรมรักไปด้วยกันจนบรรจบสมดังจุดหมายแม้จะเลยเถิดไปมากจากที่คิดเอาไว้
          เรียวปากกว้างของฌานประพรมจูบไปทั่วหน้าผากแล้วแก้มขึ้นสีทั้งสองข้างของไคจิน อยากจะบดเรียวปากกระจับเล็กนั่นให้สมอยากแต่กลัวว่าจะข้ามความสัมพันธ์กลายเป็นเร่งรัดให้ไคจินตื่นกลัวและหนีจากเขาไป แต่อีกใจก็นึกค้านว่าขนาดบริหารกิจกรรมรีดรักด้วยกันได้แบบนี้จินนี่คงไม่ใสซื่อหน่อมแน้มเป็นเด็กน้อยวัยใสหรอกกระมัง สองจิตสองใจละล้าละลังไม่กล้าเดินหน้าเต็มสูบเสียที
          ร่างสวยแซ่บของเจนนี่ดึงคอเสื้อของฌานเข้ามาใกล้แล้วจับการกับริมฝีปากยั่วตาเสียเอง ไม่รู้ไปเรียนรู้ประสบการสู้รบผ่านปลายลิ้นมาจากไหนทำเอาคนโดนกระทำมีอารมณ์โมโหหึงขึ้นเล็กน้อย เลยจัดการสั่งสอนประสบการณ์รักด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นจนไคจินต้องยอมขอพักยก
          เพื่อนสนิทชิดเชื้อเนื้อตัวถึงกันขอตัวกลับห้องไปอาบน้ำและชำระล้างคราบเหนอะหนะให้สบายตัวเสียก่อน ปล่อยให้เพื่อนนักสืบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยด้วยเหมือนกัน
          นักสืบฌานสวมเพียงชั้นในและสวมเสื้อคลุมที่มีให้ในห้องน้ำทับร่างเกือบเปลือยไว้อีกชั้น นั่งจิบไวท์คุณภาพมาตรฐานก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่ได้คิดรอไคจินให้กลับมาหลังจากแยกย้ายกันไป เพียงแค่รอให้แอลกอฮอล์ได้ทำหน้าที่ของมันให้เต็มประสิทธิภาพก่อนค่อยเข้านอน
          กำลังนอนหลับสบายอยู่ดีๆ ก็มีร่างอุ่นเข้ามาซุกกายนอนเป็นเพื่อน ฌานนอนอมยิ้มจนคนเห็นรู้สึกหมั่นไส้ต้องบิดแรงๆ ที่ต้นแขนจนร้องโอดโอย
        “บริการนิดๆ หน่อยๆ อย่าทำเป็นได้ใจ” พูดจบมือเล็กก็สับสวิตส์ไฟนอนหลับตัดขาดจากโลกแห่งแสงสีของสถานที่แห่งนี้ทันที
          นอนคนเดียวก็เหงาแพทริคยังมีคนนอนข้างให้กอดทำไมคนอย่างไคจินต้องมานอนกอดหมอนข้างเย็นๆ คนเดียวบนเตียงด้วยล่ะ ไม่ยุติธรรม!
SEASON 2 : Lover Fire

Coming Soon

จบซี่ซั่นแรกเรียบร้อยแล้วนะคะฝากนิยาย Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอคนที่รัก ด้วยนะคะชาวเล้าเป็ดทุกคน
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก(จบซี่ซั่นแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 22-12-2023 13:57:03
ก่อนจะขึ้นซีซั่นใหม่ ส่งท้ายด้วยตอนพิเศษของหนุ่มอัยการและดาราคนดังก่อนนะคะ หลังจากตอนนี้จบจะขึ้นซีซั่น Lover Fire แค่ชื่อก็ร้อนแล้วจ้า  :mew1:


Story Love On Day All Night
Special Part of Claus xAmz
The Sweetest Love-Tasted Like Candy.
ลูกกวาดรสรัก หวานฉ่ำชุ่มลิ้ม! ชวนแสบคอ?

          หากทั้งสองมองรักเป็นดั่งของหวานเอซิซย่อมคิดถึงของหวานเหมือนงานศิลปะชวนให้ลุ่มหลงและหมกมุ่น ช่างยั่วตายุแยงความยากให้สวาปามไม่หยุดคิดทิ้งพิษเป็นน้ำหนักเป็นภาระให้ร่างกายต้องกำจัดออกไป
          ส่วนอัยการเคลาส์มองรักเป็นของหวานที่หากกินตะกละตะกลามไม่ยับยั้งชั่งใจผลร้ายของความหวานย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายเหมือนหลักวิทยาศาตร์เฝ้าเสาะหาตรรกะข้อเท็จจริง
          ขนมหวานจานนี้ที่ทั้งสองได้กัดกินคงรสชาติหวานลิ้นแต่ขมในคอ หรือไม่ก็หวานอะหยังปะล้ำปะเหลือจะกินก็กลัวอ้วนจะกลืนก็กลัวเป็นเบาหวาน!

          หากแต่เรื่องราวความรักหอมฟุ้งเหมือนกลีบกุหลายแรกแย้มยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ    สำหรับคู่ของดาราหนุ่มหน้าหวานและอัยการสุดเท่ห์เจอกันบ่อยห่างกันนานแล้วแต่โอกาสที่หน้าที่การงานจะพาให้เจอหรือต้องห่างกันไกล
          ศาสตร์การทำนายทายไว้ว่าหากรักเด่นงานจะด้อย หากงานพุ่งทะยานรักจะอ่อนแรง หากจะให้แรงทั้งรักรุ่งทั้งงานต้องสร้างอภิมหาบุญ หากบำเพ็ญบุญรักคงไม่ยุ่งมุ่งแต่ธรรมและเอซิซคงไม่หาคิดทำเพราะไม่ใช่คนสายบุญ!
          โชคชะตาทำได้แค่ปล่อยให้ชีวิตล่องลอยตามผลกรรมที่ทำมา บุญทำกรรมแต่งตามแรงวาสนาแล้วแต่จะนำพาให้ชีวิตดำเนินไป หากชีวิตหนึ่งดิ้นรนต่อต้านแล้วไซร้ก็หาใช่จะไร้ซึ่งชัยชนะเหนือลิขิตชีวิตตน…(สาธุ...คนแต่งยกมือไหว้ปลกๆ)
          ปัญหาทางกายรักดาราดังไม่ค่อยมีปัญหา คู่รักผลัดกันเย้าผลัดกันหยอดคำหวานอยู่เป็นนิจ เต็มรักเป็นลิตรๆ ใส่ในร่างกายคนสวยไม่มีห่างจวนเจียนจะบวมน้ำใกล้ต้องจบอาชีพทำมาหากินอยู่แล้ว! โดนแขวะจากผู้จัดการโฮเป็นเนืองนิจว่าชีวิตดาราดังคงไม่ต้องกินไม่ต้องเที่ยวแค่เลี้ยวไปเติมน้ำรักจากอัยการสุดหล่อเป็นอาหารก็เพียงพอในแต่ละวัน…นี่อาจเป็นความหมั่นไส้ส่วนตัวของผู้จัดการที่มีต่ออาการอิ่มเอมรักของดาราคนเดียวในสังกัด!
          “หน้างอทำไม มีอะไรไม่พอใจหรือครับคุณพี่” โฮถามไถ่อาการเมื่อคนหน้าหวานหน้าหงิกงองุ้มไม่พูดไม่จานั่งมองหน้าเขาจนตาแข็ง
          “เปล่า! ใครหน้างอ” ตอบเสียงห้วนขุ่นมัวไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี และสาเหตุนั้นคนฟังก็รู้ดีว่ามาจากอะไร
          “เอาน่า ระยะทางพิสูจน์รัก...งานที่หนักพิสูจน์คน” ผู้จัดการหนุ่มตอบเอาอารมณ์ขันแต่คนฟังอาจจะไม่เข้าถึงความตลกนั่นสักเท่าไหร่
          “ตามนั้น” เอซิซตอบสั้นๆ มีงานทำก็ดีหารายได้ก็ดีแต่งานคราวนี้จะลากยาวไปไหนเขาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักมากกว่านี้
          “พี่ก็ไม่ได้เจอพ่อยอดรักของพี่หรอกน่า ผมไปสืบมาแล้วเขาก็ติดภารกิจเหมือนกัน แต่ภาระกิจของพี่อาจจะนานกว่าของอัยการเคลาส์สักสามเดือนไม่รวมตอนซ้อมบท ฟิตติ้ง งานเดินสายแผลงข่าว” มือหนาหยิบขนมสัญชาติฝรั่งเศสที่ตัวเองชื่นชอบในกล่องกระดาษร้านชื่อดังเข้าปากไปด้วย เขาอยากจะนั่งกินสบายๆ ให้สมใจอยากแต่ดาราดังไม่ยอมให้เขาได้มีเวลาว่างไปจิบชาหอมๆและขนมอร่อยๆ ได้เลย
          “ไม่เอาแบบนี่น่ะโฮ งานอะไรทำไมมันนานอย่างนี้”ดาราหนุ่มงอแงเอาแต่ใจเหมือนยามเป็นเด็กน้อย มีตาคมของโอลีเวอร์หรี่มองด้วยความเอ็นดู เด็กดื้อไม่เชื่อฟังจะต้องให้อดของหวานเป็นการสั่งสอนตักเตือน
          “ถ้าไม่รับละครเวที ก็มีงานภาพยนตร์ ถ้าไม่รับงานภาพยนตร์อีก ก็มีซี่รี่ย์เสนอเข้ามาอีกหลายเรื่องมีภาคต่อเนื่องทั้งนั้น งานโชว์ตัวช่วงนี้ไม่มีติดต่อมาเพราะพี่มันดังเกินไปเจ้าของงานบางรายสู้ราคาไม่ไหว”หน้าที่ผู้จัดการมือทองทำงานอย่างรอบคอบรัดกุมและคุ้มค่าแรงถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคุ้มค่าดาราผู้กำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของเหล่าแบรนด์การค้าระดับสูง
          “งานพรีเซนเตอร์นี่พี่ก็กวาดจนครบแล้วนะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ นาฬิกา ยาสีฟัน แชมพู สบู่ ตู้เย็น ไม่เว้นแม้แต่กางเกงชั้นใน อ้า!มีโฆษณาเครื่องซักผ้าเข้ามาด้วย” ผู้จัดการโอหยุดคิดสักพักแล้วก็โพล่งออกมายาวเหยียดถึงงานต่างๆ ที่ดาราหนุ่มต้องเตรียมพร้อมรับมือ
          “ว่าแต่ยังไม่มีเครื่องสำอางท่านชายเข้าเลยนี่ มีแต่น้ำหอมแบรนด์นอก ครีมบำรุงผิวหน้าพึ่งหมดสัญญาไป ต้องหาเจ้าของแบรนด์บุญทุ่มรายใหม่สักหน่อยแล้ว”
          “พอๆ งานพวกนั้นฉันรับอยู่แล้ว ไม่รับละครมันนานกว่าจะจบ ขอร้องเพลงได้ไหมอ่า” เอซิซเริ่มเรียนรู้ที่จะต่อรอง
          “สมใจพี่ล่ะครับ เพราะเป็นละครเพลง!” โฮทำเสียงคลิ๊กพึงพอใจในคำขอของดาราหนุ่ม
          “ห๊า! นี่นายแกล้งฉันใช่ไหมโฮ บอกไม่เอาละครไง นายต้องโดนเทพเจ้าแห่งรักลงโทษให้ปิกาจูนายหด! คนเพศไหนก็ไม่รัก!” ดาราหนุ่มอยากจะทุ่มโลกทั้งใบใส่ผู้จัดการรุ่นน้อง คนประเภทไหนกันไม่รู้จักเข้าอกเข้าใจอาการของคนขาดรักที่กำลังเบิกบานอยู่เต็มหัวใจต้องมาเหี่ยวเฉาถึงจะเป็นงานหาเงินหารายได้ก็เถอะแต่ถ้าหางานให้เขาทำนานขนาดนี้เขาจะเลิกเป็นดาราแล้วเป็นคุณนายให้อัยการเคลาส์หาเลี้ยงไม่ดีเสียกว่าหรือไง
          มือหนาแตะที่ไหล่ดาราหน้าสวยเบาๆ สองสามครั้งพร้อมโชว์อภินันทนาการพิเศษจากวิลล่าบนเกาะระดับหกดาวบรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัว ให้กับดารารุ่นพี่ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจก่อนจะลงมือลงแรงและใช้ความสามารถในการแสดงละครร้องฟอร์มใหญ่ คิดแล้วก็อดปลื้มใจไม่ได้ที่ได้ดูแลดาราระดับบิ๊กสตาร์คนนี้ แต่ก่อนจะไปเผชิญศึกหน้าจะส่งไปลงศึกรักให้คึกคักก่อน
          “สุดสัปดาห์นี้จัดหนักจัดเต็มไปเลยนะครับคุณพี่” โฮยิ้มส่งยิ้มร้ายกาจแกมทะลึ่งชวนให้หมั่นไส้ทำเป็นรู้ดีทุกอย่างเหมือนตัวเองเคยทำอย่างไงอย่างนั้น ทำให้เอซิซทำเสียงหึในลำคอนึกเคืองในใจผู้จัดการรุ่นน้องตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ต้องมีอะไรซ่อนเร้นในงานนี้แน่นอน
          “แค่นี้คิดว่าสมน้ำสมเนื้อ?” สองตากวาดมองบริการต่างๆ ที่ทางวิลล่าจัดบริการให้ฟรีไม่มีลิมิตดูน่าพึงพอใจอยู่
          “ถ้าพี่ยังใช้ชีวิตลั่นล้าเหมือนเมื่อก่อนบรรดาคู่ขานักรักผมคงจัดให้แล้ว” โฮพูดเอื่อยเฉื่อยพลางนั่งนึกถึงพฤติกรรมเก่าก่อนที่ต้องคอยตามแก้ตามกลบผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้เขาเองก็เป็นเทพเจ้าแห่งผู้จัดการแล้ว
          “นี่ของหวาน เอ้ย! ของขวัญจากผม พ่อยอดชายของพี่คงไม่พิศวาสขนมหวานเท่าไหร่ ผมจัดดาร์กช็อกโกเลตสอดไส้ลิเคียวร์เป็นขนมยามว่างให้ด้วยอีกสองกล่องสุดพรีเมี่ยม” ผู้จัดการรุ่นน้องยิ้มกรุ่มกริ่มแสดงความภาคภูมิใจที่หาเครื่องบรรณาการรักเพิ่มกำหนัดมาให้รุ่นพี่ที่น่าเคารพรักทั้งสองคน
          “จะใช้ให้คุ้มค่าแล้วกัน” เอซิซยิ้มน้อยๆ ไม่ได้คาดหวังความสุขจากการอยู่วิลล่าสุดหรูและขนมหลอกเด็กมากนักความสุขที่เขาจะได้รับมาจากอัยการเคลาส์มากกว่าที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอ หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ติดงานจนมาสนุกสุดเหวี่ยงกับเขาไม่ได้ก็แล้วกัน
          เรื่องราววุ่นวายต่างๆ ถูกโอลิเวอร์สะสางให้เป็นที่เรียบร้อยเอซิซแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากตั้งใจทำงานและดูแลรูปร่างและสุขภาพตัวเองให้พร้อมเตรียมสู้งานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ข่าวคาวข่าวฉาวก็มีมือของโฮโอปป้ามาปัดมากวาดล้างคราบคราวจนสะอาดเท่าที่สามารถทำได้
          เป็นคนดีมักไม่เป็นที่รัก เป็นคนเฟียสปัง! พังเป็นพักๆ มักมีคนรักหัวปักหัวปำ!
          ดาราพบรักกับข้าราชการบุคลากรของชาติที่รับมือยาก ต้องอดๆอยากๆ เดี๋ยวรักเดี๋ยวคลายตามเวลาราชการหรือเขาอาจจะคิดมากไปคนเดียว?
          คนหน้าสวยเชิดหน้าพร้อมรับทุกสถานการณ์ ในเมื่อได้เจอจนสมรักกันแล้วคงไม่แคล้วรักคลาดกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เขาคิดยุบคิดยับไปฝ่ายเดียว
         
          ก่อนจะเริ่มงานใหม่เอซิซได้รับโบนัสจากผู้จัดการให้พักผ่อน!ใช้ร่างกาย?ให้เต็มที่หนึ่งอาทิตย์เต็ม และแน่นอนที่พักกายและรังรักสุดสัปดาห์คือวิลล่าหรูหราที่อยู่ริมหาดบนเกาะชื่อดัง หากเป็นเอซิซคนก่อนวิลล่าคงเต็มไปด้วยเพื่อนเที่ยวและเหล่าคนคลั่งปาร์ตี้ทั้งชายและหญิงที่รู้จักกันดีงานไหนงานนั้นไม่มีพลาด
          เมื่อเดินทางมาถึงที่พักด้วยเรือยอร์ชของทางโรงแรมมายังวิลล่าบนเกาะ ข้าวของส่วนตัวถูกนำขึ้นไปยังเรือนพักโดยพนักงานของทางโรงแรมส่วนดาราดังมาในชุดสบายๆ สวมเสื้อฮาวายมีลวดลายสีสันสดใสสวมกางเกงขาสั้นเสมอเข่าทรงตรงสีสว่างพอดีลำตัวและขาช่วงบน สวมหมวกปีกหน้ากว้างบดบังความร้อนแรงของแสงแดดแต่กลับเป็นที่สะสุดสายตาของบรรดาผู้มาเข้าพักรวมทั้งพนักงานต่างตื่นเต้นตกใจที่ได้เห็นดาราเซเลบริตี้ตัวเป็นๆ ต่างคว้ามือถือยกขึ้นถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกันพัลวัน
          เจ้าตัวเองไม่ได้หงุดหงิดอารมณ์เสียแต่อย่างใดที่ถูกทำลายความเป็นส่วนตัว เอซิซยังคงสดใสแม้การเดินทางจะทำให้วิงเวียนเขาพยายามตอบทำถามพนักงานต้อนรับด้วยความสนใจและกระตือรือร้นทุกคำถาม แม้เมื่อได้ยินทำถามที่ไม่คิดว่าจะต้องมาตอบเพื่อเข้าพักในโรงแรม อาทิเช่น เข้าพักคนเดียวหรือคะ? จะมี(ชื่อคนดังคนอื่นๆ) ตามมาด้วยหรือเปล่าคะ? ดาราเพื่อนเยอะได้แต่ยิ้มรับและทำเสียงขำขันตอบกลับไป
          พนักงานนำเวลคัมดริ้งมาบริการดับกระหายให้ดาราหน้าสวย ใบหน้างามยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทำงานอยู่หน้ากล้องอย่างไม่อิดออด พนักงานบริกรหน้าแดงเขินอายแทบมุดดินกลับเคาน์เตอร์ เจ้าตัวเองก็สนุกสนานไปกับการบริหารสเน่ห์เล็กๆ น้อยๆ ให้คนรอบข้างได้เสียศูนย์เข่าทรุด จะได้มีเรื่องราวดีๆ ในกระแสโลกโซเซียล ตีตื้นคู่ข่าวฉาวให้สมน้ำสมเนื้อเกาะกระแสไปเรื่อยๆ
          และแน่นอนเขาไม่ยอมตัดขาดจากเหล่าบรรดาแฟนคลับด้วยการอับเดตผ่านสื่อส่วนตัว มาทะเลต้องคู่ถ่ายภาพหวิว...ยังก่อน!
          ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ บรรยากาศโดยรอบ อาหารท้องถิ่น เครื่องดื่มสีสันสดใส พร้อมแคปชั่น หรือมีคำบรรยายสั้นๆ เหมือนคนกลางเมืองหลงป่าหลงพง แต่ไม่ละเว้นโพสท่าสุดคูลของตัวเองกับฉากหลังสวยๆ ในโรงแรมให้บรรดาเหล่าทัพแฟนคลับแอม์(ซึ)ได้อวยองค์! ประหนึ่งเป็นแอมบัสเดอร์ประจำโรงแรมไม่เกินเลย
          เป็นที่เฝ้ารอคอยว่า...บรรดาคอลเล็กชันสวิมมิ่งสูทต้องออกมายั่วยวนสายตาในไม่ช้านี้
          ไม่ทันจะข้ามวันโลกอินเตอร์เน็ตก็ถล่มทลายด้วยท็อปปิค Sweetest Aziz ชมสีเสื้อ ชมหน้าตา ชมรอยยิ้ม ชมบรรยากาศ ชมขนม ชมอาหาร ชมเครื่องดื่ม
          ป๊าบบบธ่ะ! สาระพัดสารเพที่พ่อหนุ่มรูปงามโพสลงพื้นที่ส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่วายทุกคนล้วนคอมเม้นท์ถวิลหา
          ชุดว่ายน้ำด่วนค่ะ!!
          ชุดว่ายน้ำจัดเต็ม!
          ชุดว่ายน้ำบัดเดี๋ยวนี้ค่ะแอม์(ซึ)ซับเลือดรอจ้า!! ต่างพร้อมเพรียงต้อนรับความร้อนฉ่าที่น้ำทะเลจะต้องละเหยกลายเป็นห่าพายุ(เลือด)ของบรรดาแฟนคลับ
          และแล้ว...ดาราผู้ร้อนแรงก็ไม่ทำให้พลพรรคต้องเสียน้ำใจ คลิปสั้นๆ ไม่ถึงห้าวินาทีได้เผยแพร่บนโลกอินเตอร์เน็ตบนช่องทางส่วนตัว
          ร่างสมส่วนคุ้นตาสวมกางเกงว่ายน้ำสีช็อคกี้พิ้งค์โดดเด่น ดันตัวเองขึ้นจากสระ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ลู่รับร่างกายช่วงบนด้วยชุ่มน้ำในสระเส้นสายลายน้ำอาบเรืองร่างดาราหนุ่มจนคนที่ดูอยู่ถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว ปิดท้ายด้วยมือเสยผมเปิดใบหน้าพร้อมรอยยิ้มสุดเซ็กซี่ปิดท้ายคลิป พร้อมแคปชั่นที่เจ้าตัวล้อเลียนบรรดาแฟนๆ ว่า  It is the Sweetest Aziz, Isn’t it?
          เอซิซทำการโฆษาณายี้ห้อกางเกงว่ายน้ำยอดนิยมที่ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์ในคอลเล็กชั่น CandyGY กางเกงว่ายน้ำสีสันแสบซ่าหลากหลายแบบและสไตล์แต่ตัวพรีเซ็นเตอร์เลือกใส่แบบเว้าสูงอลังการสุดเซ็กซี่ขยี้...หัวใจ โชว์เนื้อหนังท้าทายแสงแดดช่วงหน้าร้อน พร้อมแท็กไปยังแบรนด์ออฟฟิสให้ดูแบบต่างๆ และสั่งซื้อออนไลน์ได้ตามอัธยาศัย
          อึ่ม! ร้ายนะพ่อหนุ่มคนนี้ ทำให้น้ำสระสีฟ้าสดใสกลายเป็นน้ำเดือดสีแดงชาดประหัตประหารคนในโลกโซเชียลแล้วยังกระตุ้นยอดขายเพิ่มได้อีกด้วย สปอนเซ็นไม่รักไม่หลงจ้องแย้งชิงกันจองตัวก็ไม่รู้จะไปจ้างใครที่รู้งานและอยู่เป็นกว่าเอซิซอีกแล้วในวงการบันเทิง

          :haun4: จินตนาการเอซิซผุดขึ้นจากสระน้ำเลือดน้ำลายสาดเช็นไม่หวาดไม่ไหวเลยจริงๆ เจอกันตอนต่อไปนะทุกคน
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก(จบซี่ซั่น+ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 26-12-2023 16:30:52
Story Love On Day All Night

Special Part of Claus x Amz

The Sweetest Love-Tasted Like Candy. END
ลูกกวาดรสรัก หวานฉ่ำชุ่มลิ้ม! ชวนแสบคอ?

        สองสามวันแรกทุกสิ่งทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด ดาราหนุ่มเองก็ดูสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางน้ำและบนบก ขึ้นเขาปีนต้นไม้ เดินป่าไต่ผา ส่องนกตั้งแค้มป์ ตกปลาตามล่าวาฬ อุ้ย!...(เล่นตลกไปกับมุกผู้แต่ง) นี่เป็นครั้งแรกที่โอลิเวอร์ยอมปล่อยให้เอซิซใช้ชีวิตเพียงลำพังทำตามใจให้เต็มที่โดยไม่มีผู้จัดการโฮตามคุมพฤติกรรม
        ทุกวันหลังกิจกรรมจัดเน้นยามเช้า ยามว่างช่วงบ่ายเดินเข้าสปา ขัดผิว นวดตัว เข้าคอร์สเธอราพี ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนพลบค่ำดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมเครื่องดื่มและลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่น
         เวลายังเดินไม่ทันได้ต้อนรับเคลาส์ชายหนุ่มหน้าหวานเริ่มรู้สึกเบื่อกับกิจกรรมต่างๆ แล้วหันมาอยู่กับตัวเองเพียงลำพังในพูลวิลล่าที่ทางโรงแรมจัดให้แยกออกมาเป็นส่วนตัวและชมทิวทัศน์ที่สวยที่สุดบนเกาะ
         ด้วยนิสัยของเอซิซชอบอยู่กับคนหมู่มากได้เห็นความวุ่นวายได้ฟังคำพูดโหวกเวกไม่ได้สัพ ทำให้ดาราหนุ่มรู้สึกสนุกสนามไปกับผู้คนเหล่านั้น ภาพความโกลาหน เสียงหัวเราะโห่ร้องของเหล่าเพื่อนชายและเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาเพื่อนหญิง โยกหัวไปกับจังหวะเพลงสนุกๆ ตามสมัยนิยม นี่คือกิจกรรมที่เอซิซชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเขามีเวลาว่างจากการทำงาน
         ส่วนกิจกรรมนอกเหนือจากน้ำมึนมอมเมาให้เริ่มเข้าสู่กิจกรรมเฉพาะทางนั้นมันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเขาเองเสียมากกว่า บางคลิปที่หลุดออกมาเขาแค่นั่งอยู่ในวงกิจกรรมจนได้ร่วมเฟรมแค่นั้นเอง คนดูก็คิดกันไปไกลเกิน? ถึงเจ้าตัวเองจะรู้ว่าภาพที่หลุดออกไปอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แต่ภาพถูกถ่ายไปแล้วและก็ไม่ได้มาจากกล้องของเขาเลยปล่อยเลยตามเลย ต้องย้ำว่าแค่บางคลิป! และเฉพาะคลิปที่หลุด! ออกมาสู่สายตาชาวโลก เพราะเพื่อนร่วมก๊วนก็คนดังในแวดวงเดียวกันไม่มีใครอยากให้คลิปชีวิตลับทำลายชีวิตตัวเอง
         เอซิซไม่เคยรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเสียงเฮฮาจาเพื่อนร่วมปาร์ตี้จะน่าเบื่อหน่ายขนาดนี้ ดาราหนุ่มนั่งมองท้องฟ้านอนฟังเสียงคลื่นริมทะเลมาค่อนวัน เขาจึงหยิบสคลิปบทละครเวทีมานั่งอ่านทำความเข้าใจเนื้อเรื่องและค่อยๆ จำบทพูดของตัวละครที่ตัวเองต้องแสดง ในใจก็กร่อนคำต่อว่าตัดพ้อผู้จัดการตัวเองพร้อมกับอ่านบทและตำหนิตัวละครที่ตัวเองได้รับบทไปเรื่อยว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้จนสมาธิเริ่มนิ่งและจมสู่บทละครในมือโดยไม่รู้ตัว
         สายลมเอื่อยๆ พัดโชยจากชายทะเลมายังเก้าอี้รังนกหลังใหญ่ที่เอซิซกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านบทอยู่บนลานบ้านเปิดโล่งแนวโมเดิร์นโทรปิคอลที่ทอดแนวยาวไปยังน่านฟ้าและผืนท้องทะเลกว้าง
         บทชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้หญิงอันเป็นที่รักผ่านทางจดหมายรักของชายคนอื่นที่ตัวเองเป็นผู้เขียน...ดาราหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วขณะประมวลผลคำจำกัดความ ตัวละครสองในสามตัวที่ต้องสวมบทบาท หวังว่านี่คงไม่ใช่ละครโศกนาฎกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งชีวิตรู้แค่เพียงโรมิโอและจูเรียตของเชคสเปียร์ บทที่ได้รับคงไม่ใช่...
         ดวงตาโศกคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อเจอรายชื่อผู้ร่วมแสดงทั้งหมดในเรื่อง ‘ไซราโน (ตัวละครหลัก) รับบทโดย แอมโบรเซียส เอซิซ เวลส์’ เจ้าตัวแทบจะปล่อยบทให้หลุดมือไปกองบนตักเสียงอุทานบ้าบอดังก้องอยู่ในโสตประสาทของตัวเองโดยที่ริมฝีปากของเขาหลุดว่าแค่คำว่า
         “Oh แม่เจ้าเว้ย!” เจ้าตัวเองยังสับสนความสามารถและประสบการณ์การแสดงของเขาที่ยังไม่เคยรับบทพระเอกเลยซักครั้ง ผู้จัดการโฮเอาความกล้าหาญที่ไหนรับงานยิ่งใหญ่แบบนี้มาให้เขา
        เอซิซอ่านบทคัดย่อบทประพันธ์เดิมก่อนเพื่อปูพื้นฐานทำความเข้าใจลักษณะนิสัยตัวละครและเนื้อเรื่อง และเริ่มอ่านบทละครที่ได้ทำการดัดแปลงใหม่เพื่อความทันสมัยและให้เหมาะกับการแสดงละครเวที
        จินตนาการของดาราหนุ่มโลดแล่นไปกับตัวละครไซราโนแม้บทจะมีแค่บทสนทนาโต้ตอบกันไปมา มีฉากกำกับว่าเหตุการณ์ของบทเหล่านี้เกิดขึ้นในสถานการณ์ใด
        ดาราหน้างามนั่งอ่านบทหน้าบึ้งเม้มปากขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวถอนหายใจบางบทอ่านแล้วก็อดสบถคำหยาบคายระบายความเครียดออกมาไม่ได้ ตั้งใจอ่านอย่างอดทนจนจบมีหลายครั้งที่เขาแทบจะกระอักความตีสท์ของตัวละครแต่ละตัวออกมาเป็นงานอาร์ตชิ้นเอกประดับหอศิลป์ นี่มันละครตลกร้ายชัดๆ
        เอซิซค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพราะไม่เข้าใจบทอยู่หลายประเด็น จะให้ดาวน์โหลดต้นฉบับมาอ่านเขาคงไม่ทำนอกจากเสียเวลาทำความเข้าใจแล้วภาษาเขียนในวรรณกรรมคลาสิคยากที่เขาจะเข้าใจและไม่มีความรู้สึกร่วมในยุคสมัยนั้น
        ข้อมูลที่หาได้ไม่ตอบโจทย์ความสงสัยของตัวเองเสียเท่าไหร่ ยังเหลือเวลาทำความเข้าใจบทอีกหลายวันก่อนจะถึงวันทดลองอ่านบท อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบทกันอีกเมื่อนักแสดงทดลองต่อบทและซ้อมการแสดงร่วมฉากกันแล้ว
        ดาราหน้าสวยลุกขึ้นเดินบิดลำตัวขับไล่ความเมื่อยล้าที่ต้องนั่งอ่านบทเป็นเวลานาน เขาตัดสินใจนอนอาบแดดยามบ่ายบนเก้าอี่ริมสระน้ำด้วยบิกีนี่สุดเซ็กซี่ สมองของเขายังคงวนเวียนอยู่กับคาแรกเตอร์ของไซราโนในแบบการแสดงของเขา
        “Hi! My sweet Aziz.” เสียงคุ้นเคยกระซิบเบาๆ ข้างใบหูดาราหนุ่ม เขาหันหน้ากลับมามองที่ต้นเสียงด้วยความแปลกใจที่ได้เห็นใบหน้าของคนที่ต้องการเจอ รอยยิ้มเปิดกว้างต้อนรับเคลาส์ด้วยความยินดี
        “นึกว่าจะเจอคุณวันเสาร์เสียอีก” เอซิซเอ่ยคำทักทายด้วยประหลาดใจที่อัยการหนุ่มบอกว่าจะมาเจอกันได้แค่วันสุดสัปดาห์
        “ไม่อยากให้คุณรอนาน” ใบหน้าคมคายหล่อเหลายกยิ้มให้เล็กน้อยตัวเองยังแปลกใจที่กระตือรือร้นจัดการงานตัวเองและลาพักร้อนให้มีช่วงเวลาอยู่บนคนรักให้นานขึ้น
        “มานานแล้วหรือ...” / “ผมมานานแล้วแต่...” เหมือนความนึกคิดของคนรักจะส่งตรงขึ้นกันได้ด้วยการไต่ถามและบอกกล่าวเรื่องเดียวกัน
        เอซิซหัวเราะคิกคักกับความน่าขันที่บังเอิญไปตรงใจกับอัยการหน้าหล่อ เขาใช้เวลานี้มองคนรักของตัวเองเต็มสายตา เคลาส์สวมใส่ชุดลำลองด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครามพอดีตัวและกางเกงผ้าขายาวปล่อยชายสีขาว ดูขัดตาไปบ้างที่ปกติจะสวมใส่แต่สูทสีเข้มหรือไม่ก็เชิ้ตแขนยาวผูกเนคไท ที่ไม่แปลกใจคือความหล่อของเจ้าตัวที่บางครั้งทำให้ดาราหนุ่มเริ่มจะกลุ้มใจนึกหวงนึกห่วงไม่อยากให้ไกลห่างตัวเลยสักวัน
        “เห็นคุณกำลังอ่านหนังสืออยู่ หน้านิ้วคิ้วขนวดผมเลยไม่อยากรบกวน” ชายหนุ่มหน้าหล่อพูดพลางถอดเสื้อผ้าตัวนอกออกเหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำสีสันแสบสันคุ้นตา แบรนด์สินค้าโชว์หลาและชื่อรุ่น candy gay เรียกรอยยิ้มสดใสของดาราหนุ่มไม่ให้หยุดยิ้มได้ง่ายๆ
       “พักผ่อนตามสบายเถอะ ผมอยากนอนอาบแดดเสียหน่อยไม่ได้เจอแดดมานาน” อัยการเคลาส์พูดพร้อมกับเอนตัวลงนอนคู่กันบนเก้าอี้นอนข้างแฟนหนุ่มดาราดัง มองวิวสระน้ำตัดขอบทะเลและเวิ้งฟ้าสีครามระริ้วแนวเมฆ
       “ตากแดดทั้งแบบนี้น่ะ ขายหน้าผมแย่นะถ้าหน้าลอกตอนขึ้นศาล” มือเรียวเทน้ำมันทาลงผิวเนื้อสีอ่อนเพราะห่างไกลจากแสงแดดแผดเผา
        อัยการหนุ่มพลิกตัวโชว์แผ่นหลังให้ถูไถไล่ทาน้ำมันจนทั่วตัว เอซิซเอาอกเอาใจที่อัยการงานยุ่งยอมลางานเพื่อมาเจอเขา สองมือลงน้ำหนักนวดคลึงคลายกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าจากการทำงานและการเดินทาง กลิ่นหอมจากน้ำมันมะพร้าวเคล้ากลิ่นไม้หอมฉโลมอาบร่างกายอยู่ขณะนี้เหมือนดึงบรรยากาศรอบตัวให้ดำดึ่งอยู่ท่ามกลางหมู่เกาะลึกลับท่ามกลางทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา
         จากแผ่นหลังหนาพลิกกลับมาให้เจอกับแผ่นอกกว้างอาจไม่ได้แข็งแน่นด้วยมวลกล้ามเนื้อนักกีฬาแต่มัดกล้ามและลอนร่องกล้ามเนื้อที่ชัดเจนแสดงวินัยในการออกกำลังกายเป็นเนืองนิจ เจ้าของร่างกายน่ามองนอนยิ้มเมื่อเห็นแฟนดาราจ้องเรือนร่างหนุ่มแน่นของเขาด้วยดวงตาเร่าร้อน เหมือนคนถูกมองจะรู้ตัวเอามือตีหน้าห้องแน่นไม่เบามือละลายความเขินอายรีบถูๆไถ่ๆ ไล่น้ำมันทาให้ทั่วตัวเคลาส์โดยเร็ว
          มือหนาดังร่างดาราหนุ่มตัวลอยให้มาอยู่ในเก้าอี้เดียวกัน บรรจงเทน้ำมันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังแล้วไล่ลามมายังช่วงคอ ปลายจมูกสูดกลิ่นกายเอซิซจนเต็มปอดให้สมความคิดถึง ใบหน้าหล่อเหลาพาดคางตัวเองลงบนบ่าบางของคนรักนึกแปลกใจกับกลิ่นกายที่ควรจะส่งกลิ่นรัญจวนของน้ำมันประทินผิวที่เหมือนกัน
          กลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นกลิ่นไอลมทะเลของคนรักทำให้เขาไม่อยากหันหน้าออกห่างจากซอกคอกลิ่นละมุนนั่น แฟนหนุ่มเหมือนรู้ใจเอนกายทาบทับในสูดดมให้สมใจ พร้อมกระซิบบอกถึงที่มาว่าเป็นน้ำหอมแบรนด์ดังยี่ห้อใหม่ที่พึ่งตกปากรับสัญญาไปเมื่อเร็วๆ นี้ 
          “อย่าลืมอุดหนุนนะครับที่รัก” เอซิซถือโอกาสพรีเซนต์สินค้าล่วงหน้ามือบางลูบขอบกางเกงว่ายน้ำแผ่วเบากลัวจะไปปลุกสัญชาตญาณชายหนุ่มให้ลุกขึ้นขึงขังตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน
          เคลาส์ซุกหน้าส่ายไปมาเหมือนจะเอือมระอานักค้ามือทองที่เขาเห็นรูปลงโซเซียลต้องวิ่งแจ้นไปซื้อที่ช้อปดังอย่างว่องไว จะได้มีใส่มาเอาใจพรีเซ็นเตอร์คนดัง
          เคียงคู่อาบแดดยามบ่ายผลัดกันลูบไล้กายกันด้วยน้ำมันกลิ่นแก่นไม้หน้าระรื่นตัวเป็นมันกันทั้งคู่ ร่างบางดิ้นกรุกกรักอยู่ในอ้อมอกอุ่นหนาทั้งสองสอดสัมพันธ์นอกกายด้วยความรักใคร่ แรงรักภายในยังไม่ครุกกรุ่นคงเพราะเคลาส์อาจเหนื่อยล้าจากงานและการเดินทางแต่มือไม้ยังตามเกาะกุมมือเรียวงามของเอซิซไม่ให้ห่างไปไหนให้ร่างบางก่ายกอดรอบเอวตัวเองไว้บนเก้าอี้นอนอาบแดดตัวเดียวกัน
          นอนอาบแดดก็แค่คอนเทนต์ส่วนตัวที่ไม่สามารถเปิดให้เป็นสาธารณะได้ เคลาส์อยากโชว์แฟนให้โลกรู้ด้วยการถ่ายภาพดาราดังแบบย้อนแสงหน้ามืดร่างดำแต่สีสันกางเกงว่ายน้ำเด่นเด้งจากความทึบแสง วิวด้านหลังเป็นแสงสุดท้ายของวันสีส้มแกมแดงตีโค้งคู่ทะเล เมื่อภาพนี้ถูกแชร์ขึ้นสตอรี่บอร์ดส่วนตัวเรียกแสงฮือฮาจากแฟนคลับและคนทั่วไปได้อีกระลอกคลื่น
          บรรดาคนตาไวสังเกตเห็นความผิดปกติจากภาพถ่ายที่แตกต่างจากภาพที่ดาราหนุ่มเคยลงไว้ ต่างลงความเห็นในคอมเม้นท์ใต้ภาพว่าดาราคนโปรดอาจไม่ได้ถ่ายภาพนี้ด้วยตัวเอง สร้างกระแสอยากรู้อยากเห็นของคนติดโซเชียลไปอีกว่าใครหนอ? ที่อยู่กับเอซิซ ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อนร่วมก๊วน หรืออาจจะเป็นคนสำคัญที่กำลังมีความลึกซึ้งขั้นพิเศษ
           รูปนี้เป็นรูปที่เอซิซชื่นชอบเป็นพิเศษในหลายๆ ภาพที่เคลาส์เป็นคนถ่ายด้วยกล้องส่วนตัว เขายอมปล่อยภาพนี้เป็นเซอร์วิสแฟนได้เห็นงานอาร์ตดูเซ็กซี่เล็กๆ ด้วยแสงธรรมชาติ ส่วนภาพอื่นๆ ทั้งรูปคู่ รูปเดี่ยวของทั้งคู่นั้นอยู่ในเชฟโซนเป็นที่เรียบร้อย
           สองหนุ่มแทบจะเปลือยกายอยู่ในวิลล่านอกจากถูกเนื้อถูตัวกันแล้วเอซิซดูเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาแต่ความเครียดไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปลื้องผ้าอาบแดด เจ้าตัวบอกว่าอยากทำเรือนร่างให้เป็นสีบรอนส์แทนเพื่อถ่ายช็อตคัดโฆษณาน้ำหอมที่ตัวสินค้าเป็นสีโรสโกลด์ อัยการมีหรือจะเข้าใจแต่อยากเอาใจคนรักได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับรู้
           เรื่องรักเรื่องใคร่บนเตียงเคลาส์ไม่อยากรีบเร่งให้ค่อยเป็นค่อยไปจะกระจัดกระเจิงอารมณ์ได้มากกว่าตั้งหน้าตั้งตาทำให้เสร็จๆ ไป เขาคอยหยอกเย้าเรือนร่างยั่วยวนอยู่ไม่ห่าง พรมจูบไปทั่วร่างกายหอมกรุ่น เมื่อสบโอกาสเหมือนคนเห็นของหวานแล้วอดไม่ได้ที่จะหยิบใส่ปากมาเคี้ยวกิน
          เมื่อคนรักยังไม่พร้อมจะคลุกวงใน...ไม่เป็นไรระบายความต้องการไปกับกิจกรรมบ้าพลังที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้เสียก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลียร์ใจตอนบ่ายยังไม่สาย
          ข้อเสียของคนยึดติดกฎเกณฑ์คือชอบสังเกตและระแวดระวังตน อัยการหนุ่มรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนปากหนักการรับมือกับคนรักที่ชอบแหวกกฎรักการเปิดเผยตัวตนทำให้รู้สึกสับสนอยู่บ้างด้วยไม่รู้จะเข้าหาเอซิซอย่างไรให้ลื่นไหลแบบไม่ต้องดูพยายามและเป็นธรรมชาติมากที่สุด
          เคลาส์ปลดปล่อยพลังงานไปกับกิจกรรมทางน้ำมาค่อนวันแล้วถึงเวลาที่ต้องเคลียร์ใจละลายพฤติกรรมของคนรักเสียที
          เอซิซยังคงคอนเซ็ปนุ่งน้อยชิ้นเหมือนเดิม ดาราดังเมินเขาเล็กน้อยที่ปล่อยให้ต้องอยู่คนเดียว วงแขนแข็งแรงทำหน้าที่ง้อแทนปากของเขาได้ดีที่สุด ร่างบางไม่ได้หลบหนีอ้อมกอดนั่นแค่อาการพ่อแง่แม่งอนน่ารักๆ พอให้คู่รักรู้ว่ามีความไม่พอใจเกิดขึ้นแล้ว
          “ไม่มีอารมณ์หรือที่รัก เสียดายสถานที่ดีๆ จังเลยน้า” เคลาส์ทำเสียงออดอ้อนคนหน้าสวยในแบบของเขา ไม่เสียเวลาพูดพร่ำเรียวปากหยักกดจูบใบหน้าบึ้งตึง จนร่างบางที่ถูกกระทำทนไม่ไว้ต้องถอนหายใจฟึดฟัดเสียงดังบดบังอาการเขินอายที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
         ดาราหน้าสวยนิ่งคิดครู่หนึ่งว่าจะพูดเรื่องส่วนตัวกับเคลาส์ดีหรือไม่ในบรรยากาศคู่รักชู้ชื่นแบบนี้ แต่บางทีแฟนหนุ่มอาจมีข้อคิดที่ดีในอีกแนวคิดหนึ่งทำให้เขาวิเคราะห์ตัวละครที่ยังค้างคาใจอยู่
        “ผมยังคิดอิมเมจของตัวละครยังไม่ได้น่ะ ขอโทษทีที่ทำให้เสียบรรยากาศ” ดาราหนุ่มเอ่ยปากบอกแฟนหนุ่มที่กำลังเอาอกเอาใจให้เขาหายอารมณ์ขุ่นมัว ตัวเขาเองรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจเคลาส์เท่าที่ควรมัวแต่หมกมุ่นงานของตัวเองทั้งที่คนรักกระตือรือร้นรีบร้อนมาหาก่อนเวลานัดจริงตั้งหลายวัน
        “ตัวละครโรคจิตหรือ?” ร่างหนาโยกตัวดันเอซิชให้เดินไปนั่งยังวิวริมทะเล ลมเย็นๆ เคล้ากลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเอซิซทำให้ไม่รู้จักเบื่อที่จะทำตัวเป็นเด็กโข่งไม่ยอมปล่อยของเล่นสุดหวงให้ห่างกาย
        “พ่อสื่อช้ำรักต่างหาก” ดาราหนุ่มตอบขำๆ ไม่ได้ตั้งใจบอกลายละเอียดตัวละครไปมากกว่านี้เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่สาระที่จะต้องมาให้แฟนหนุ่มของตัวเองต้องมารับรู้
        “ไม่เห็นต้องสงสัยบางคนชอบดูของสวยงามแต่ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อ บางคนกลับเห็นคุณค่าของธรรมดาพื้นบ้านอาจจะยอมจ่ายแพงกว่าของสวยงามร่วมสมัยก็มี” อัยการเคลาส์ตอบเรียบๆ ในใจคิดไปถึงบริษัทจัดหาคู่มีผู้ใช้บริการบางคนพบรักกับพ่อสื่อแม่สื่อในบริษัทตัวแทนก็มีให้เห็นหลายคู่
        เกิดความว่างเปล่าโหวงเหวงเล็กน้อยเมื่อบทสนทนาขาดตอน ร่างบางหันหน้ากลับไปมองอัยการหนุ่มเล็กน้อยเมื่อใบหน้าคนด้านหลังโน้มเข้าหาพร้อมกับพูดบางสิ่งที่น่าสนใจ
        “ความรักก็เหมือนของหวานที่มีหลากหลาย บางคนชอบขนมอบ ปาติซิเย่ มีกระบวนการปราณีตสวยงาม อีกคนชอบขนมปังแป้งแน่นๆ บูลองเชอคี กินอิ่มและอร่อยมีให้เลือกหลายแบบ ถามคนพื้นเมืองอาจชอบขนมพื้นถิ่นทำกินกันเอง ของหวานสำหรับผมแค่ช็อกโกเลตอัดเม็ดก็อร่อยแล้ว” ส่วนตัวคนพูดนั้นไม่ค่อยจะกินขนมหวานมากชนิดนัก เพราะไม่ชอบรสหวานจัดของน้ำตาลความมันของเนยหากมีรสขมของช็อกโกเลตมาตัดเลี่ยนพอจะหยิบทานได้บ้าง
        “พ่อสื่อพ่อชักน่าจะชอบขนมรูปสวยรวยรสที่ตัวเองจินตนาการว่าดี ถ้าเขาเผลอใจกินมันเมื่อไหร่ของหวานสวยงามจะกลายเป็นยาพิษทำร้ายใจทันที” ดาราหนุ่มประมวลผลอย่างรวดเร็วด้วยเนื้อหาและบทละครบางช่วงยังคงติดอยู่ในหัว
        “พ่อสื่อจะกินขนมหวานที่ตัวเองเสาะหาเพื่อไปให้คนอื่นได้อย่างไรกัน” เคลาส์ถกเรื่องของหวานกับพ่อสื่ออีกเล็กน้อย เมื่อพูดถึงพ่อสื่อต้องเป็นคนชักชวนให้คนสองคนมารักกัน ไม่ใช่หาคนรักมาเป็นของตัวเอง
        “แล้วคนที่อาสาเขียนจดหมายรักจีบคนที่ตัวเองหลงรักในนามชายอื่น เรียกว่าพ่อสื่อได้ไหมนะ” เอซิซตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ มีหรือคนตั้งใจฟังจะไม่วิจารณ์คลายปมปัญหา
        “รักสาวก็ต้องกล้าจีบสิ ทำไมต้องทำเพื่อคนอื่น...ชายที่ยกยอดรักของเขาให้คนอื่นเชยชมจะต้องเป็นคนมืดมนขนาดไหนกัน” เสียงทุ่มขุ่นมัวเล็กน้อยด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมบทละครต้องสร้างปมชีวิตมากมายให้กับบทพระเอกนางเอกของเรื่อง
        “อืม...” เอซิซได้แต่กัดริมฝีปากไม่กล้าโต้ตอบ นี่อัยการสุดหล่อของเขาทำการตัดสินโทษพระเอกของเรื่องว่ามีความผิดฐานไม่ทำตามใจตัวเองจีบหญิงที่ตัวเองรักไปแล้ว
        “พักบทไว้ก่อนเถอะที่รัก ยังมีอีกหลายวันให้ตกผลึกตัวละคร” เคลาส์คลายอ้อมกอดจากดาราแฟนหนุ่มแล้วเดินไปหาเครื่องดื่มเพิ่มดีกรีให้เอซิซ
        ดาราดังหันหน้ากลับและมองตามหลังอัยการหนุ่มไปหยิบเครื่องดื่ม หากเขาเป็นไซราโนที่เจอขนมหวานที่ชื่นชอบแล้วทำไมต้องหยิบของหวานชิ้นนั้นให้คนอื่นกิน เราต้องกินมันเองสิของหวานแสนอร่อยไม่มีทางยกให้คนอื่นกินเด็ดขาด นอกเสียจากของหวานชิ้นนั้นแสนแพงและเขาเองไม่มีเงินซื้อกิน
        เคลาส์เดินกลับมาพร้อมกับแก้วทรงสูงสองใบและไวท์หนึ่งขวด เขาวางเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะริมขอบสระ ร่างสูงกระโจนลงสระว่ายน้ำแกว่างแขนตีขาว่ายไปมาสบายอกสบายใจ
        เอซิซเดินมานั่งหย่นขาแกว่งน้ำในสระเล่น ทอดสายตามองไปยังแสงจันทร์ที่มีมวลเมฆลอยมาบดบัง รู้สึกตัวอีกครั้งทีของตัวเองถูกคนร่างหนาดึงลงจมอยู่ในสระน้ำเสียแล้ว
        “ดื่มหน่อยไหม” เสียงทุ้มของอัยการเสนอ อัยการแบบเคลาส์นิยมความเข้มข้นสะใจในรสชาติของวิสกี้ออนเดอะร็อคมากกว่า
        “อยากอย่างอื่นมากกว่า” เอซิซคล้องแขนรอบลำคอเคลาส์ผยุงตัวเองใต้ผืนน้ำ แนบริมฝีปากกระซิบข้างใบหูร่างหนา
         เคลาส์ปรับความรู้สึกแทบไม่ทันสับสนกับความสามารถการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของคนเป็นดารา รอยยิ้มที่เสริมใบหน้าหล่อหลอแฝงไว้ด้วยความงุงงงและความทึ่ง ไม่สงสัยเลยว่าละครที่เอซิซจะได้สวมบทบาทให้ครั้งนี้จะต้องทำให้ดาราที่รักดังเป็นมหากาฬพลุแตก
         ร่างคู่รักลอยประคองตัวเด่นอยู่ท่ามกลางสระน้ำ ริมฝีปากของทั้งคู่แนบชิดดื่มด่ำความกระหายรักไม่ขาดระยะ เสียงพึมพำร่ำรักสอดแทรกเสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งไม่มีหยุด
         “ที่รักเขาห้ามทำในสระ” เสียงแหบพร่าของคนเปริ่มปริมกามหรรษากระซิบกระซาบคำรักบางอย่าง ร่างสูงดึงร่างอ่อนรักปวกเปียกขึ้นจากสระ สองร่างประคองกอดรั้งเอวโดยมีเคลาส์เป็นผู้พยุงอุ้มดาราหนุ่มไว้แนบอก
         ร่างฐานทรงพลังย่างกายอ้อยอิ่งเดินๆ หยุดๆ ยืดระยะทางให้ถึงรังรักไกลออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นรำพันเสียงครางคลอทุกจังหวะที่ก้าวขา
         ความประหลาดล้ำของการสรรหาทำรักท่ามกลางกระแสน้ำซ้ำด้วยกายกรรมเยื้องย่างทำให้อัยการขึงขังเกิดแรงใคร่กำหนัดที่ถูกกักกันขาดสะบั้นบดสะโพกกระทั้นรักเข้าหาไออุ่นระอุในร่างเอซิซไม่ขาดพร่อง
         มือหนาคว้าขวดสีทองส่องกระกายในความสลัวของห้องนอนที่แสงไฟสร้างบรรยากาศให้อบอวนอุ่นรักส่งสมอิ่มเอมสบายทั้งกายสุขทั้งใจ
          ตัวหนังสือเสียดแทงดวงตาเคลาส์ทะลุถึงหัวใจจนเต้นตึกตัก “Allure” อลลัวร์ ความหมายที่คิดดีไม่ได้ ไม่ว่าจะแปลดีหรือร้ายไม่ได้ห่างหายไปจากคำว่า ยั่วยวนล่อใจให้หลงใหล ได้เลย
         ชั่งเป็นน้ำหอมที่เหมาะกับคนโสดอยากหาคู่ แต่ไม่สู้ดีนักถ้าคนรักของตัวเองต้องฉีดน้ำหอมกลิ่นถวินหารักเดินไปเดินมา เขาถอดถอนลมหายใจคิดไม่ตกว่าทำไมดาราดังสุ่มเสี่ยงกับการยั่วยวนกามรมณ์ในสายงานบันเทิงเสียจริง
         โกรธสิงานนี้! เจ้าของแบรนด์คงไม่ใช้เอซิซเป็นเหงื่อล่อตกผู้บริโภคให้โกยเงินมาซื้อสินค้าตัวนี้หรอกนะ แค่คิดก็หนาวขนลุกตั้งชันแล้ว เดินไปไหนได้กลิ่นแต่เอซิซทั่วทั้งเมือง ประสาทเขาคงหลอนเที่ยววิ่งไล่ต้อนคนอื่นไปทั่วนึกว่าคนรักตัวเอง
         เสียงฉีดละอองน้ำเบาๆ พร้อมกลิ่นหอมคุ้นจมูกกระจายทั่วใบหน้าตัดความคิดว้าวุ่นของชายหนุ่ม มือเรียวของดาราในห้วงความคิดกดฉีดน้ำหอมสีกระจ่างประหลาดนั่น
         รอยยิ้มยั่วความรักของเอซิซทำให้ความเป็นชายของเคลาส์ลุกซู่ขึ้นมาอีก จนร่างที่กอดก่ายรอบเอวหนาถึงกับสะดุ้งยิ้มขวยเขินที่คนรักไม่รู้จักหยุดหย่นแรงรักลงเสียบ้าง
         สองร่างสอดประสานทาบทับบนเตียงอุ่นกลิ่นความรักหอมคลุ้งคลุมร่างคนทั้งสอง ผลัดกันรักผลัดกันฉีดประพรมน้ำหอมกันและกันจนสองร่างหลอมรวมเป็นกลิ่นเดียวและกลิ่นนี้นั้นสอดแทรกแก่นรักจนเอซินครางขอให้คลายพิศวาสลงเสียบ้างก่อนที่คนนอนรับรักอยู่ตอนนี้จะขาดใจด้วยโรคกระอักรักแน่นอกจุกท้องไปเสียก่อน
         แรงรักสงบลงแต่ยังคงแนบแน่นอยู่ในช่องอุ่นระอุรักไม่ถอดถอน มือหนาคว้าผ้าห่มคลุมร่างสองคนไว้ แรงลมและอากาศเย็นกลางดึกอาจทำให้ร่างกายที่ยังอุ่นระอุร้อนด้วยไอรักสั่นสะท้านอาจพาลไม่สบาย
         เคลาส์ซุกหน้าแนบลำคอเนียน ซอกคออุ่นและเสียงอือออที่ได้ยินผ่านลำคอนั้นทำให้เขาผ่อนคลายและพร่ำพรมจูบบอกรักทุกจังหวะและโอกาส
         ขวดน้ำหอมกลิ้งขลุกไปตกอยู่บนพื้นเมื่อร่างทั้งสองคนเริ่มขยับเข้าหากันอีกครั้ง ร่างสูงควบกุมจังหวะเนิบนาบสองมือนวดคลึงอวัยวะไวสัมผัสของคู่รักเบื้องหน้าเป็นจังหวะหวามไหว เสียงครางครวญบอกให้คนรักบรรเทาใคร่ลงบ้างเผื่อวันพรุ่งวันมะรื่นหากยังไม่หนำใจวันมะเรื่องก็ยังมี
         “กลิ่นตัวคุณคลุ้งไปหมด...” เสียงทุ้มต่ำของอัยการหน้าหล่อรำพึงรำพันเบาๆ ฟังดูชวนจั๊กจี๊จนเอซิซย่นคอลดการระคายเคืองของน้ำเสียงชวนให้มวนท้องน้อยของเคลาส์
         “เหมือนมีเอซิซนับร้อยอยู่รอบตัว” คำคลั่งรักที่เพ้อออกมาไม่หยุดหย่นของคนน่านับหน้าถือตาทำให้เอซิซนึกชนชื่นว่าเป็นพฤติกรรมสุดน่ารัก
         “ลามกนะอัยการ อ่ารร..” แค่ฟังแล้วจินตนาการก็ชวนสยิวและสยองที่เอซิซนับร้อยชีวิตที่ว่านั่นคงไม่ได้แค่ยื่นมุงดูอัยการเฉยๆ หรอกนะ?
         เปรียบเอซิซเป็นของหวานที่เคลาส์หลีกเลี่ยงเป็นนักหนา เห็นทีว่าน้ำหวานของเอซิซคงเป็นน้ำตาลหวานอมขมเพราะไหม้ไฟร่นจนเป็นน้ำตาลไหม้รัก ได้รสชาติที่มีเพียงอัยการหน้าหล่อชอบกินแค่เอซิซคนเดียวบนโลกแห่งรักของเขาตอนนี้   
 
         กว่ากำหนัดจะมลายเอซิซได้คลายสติจนหลับสนิทเสียแล้ว ร่างหนายังคงก่ายกกด้วยกลัวคนใต้ร่างจะหลบหนีหายไม่เจอหน้าค่าตาในวันพรุ่ง แต่ด้วยความหลงลืมว่าพรุ่งที่ว่านั้นได้ล่วงเลยด้วยบทรักร้อนแรงมาหลายชั่วโมงแล้ว
         เคลาส์ท้าวแขนนอนมองใบหน้าสวยหลับตาพริ้มได้ไม่นาน พละกำลังที่กระหน่ำโหนแรงรักไม่บันยะบันยังเริ่มส่งผลให้ร่างหนาเริ่มง่วงงุน
         ใบหน้าคมซุกลงบนบ่าและซอกคอหอมอีกครั้งและปล่อยวางความเหนื่อยอ่อนให้ร่างกายได้หลับใหล กลิ่นหอมของน้ำหอมอลลัวร์ หลอมรวมไอแดดยามเช้าตรู่และกลิ่นลมทะเลเป็นดั่งอโลม่าบำบัดนิทราให้คู่รักยืดเวลาหลับพักผ่อนไปอีกพักใหญ่ในช่วงเช้า
         เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ แนวทางการดำเนินชีวิตและวิถีการงานมักชอบสร้างอุปสรรคสำหรับคู่รักที่อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน นึกเสียว่าเป็นบททดสอบแห่งสวรรค์ที่ส่งข้อสอบให้คู่รักใช้ใจทำ
              :katai3: จบทั้งซี่ซันแรกและตอนพิเศษแล้วนะคะทุกคนฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ให้ชาวเล้่าเป็ดแวะเวีียนมาส่งพลังรักให้ทั้งสองคู่เอกด้วยนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก(จบซี่ซั่น+ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 31-12-2023 20:10:44
มีตอนพิเศษของคู่อัยการกับดาราสุดฮ็อต ก็ต้องมีของนักสืบกับนายตำรวจบ้าพลังสินะ :mew4: ไปหาอ่านกันในเรื่องสั้นฝันรักนะจ๊ะ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73676.msg4064728#msg4064728&gsc.tab=0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=73676.msg4064728#msg4064728&gsc.tab=0)
SEASON 2 : Lover Fire

Lover Fire 1 - Good Morning, Sweetheart!
          ฌานตื่นเช้ามาทำภารกิจส่วนตัวช่วงเช้าไม่ได้มีภารกิจอะไรให้ต้องรีบทำมากนัก เขามองหาเพื่อนรักที่ยอมนอนเคียงกันเมื่อคืน แต่ไม่เจอเสียแล้วเขาเดาว่าคงจะออกไปทำธุระกับมาเซอร์แพทริค
          สายสืบหนุ่มส่งรายงานส่วนตัวที่ได้ทำการทำรวจพื้นให้หน่วยงานไปวิเคราะห์ข้อมูลผ่านเพลตฟอร์มออนไลน์เพราะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานไม่ได้สำหลักสำคัญหรือเป็นความลับแต่อย่างใด

          ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับโครงการทุนนิยมคาสิโน ต่อให้เป็นโมเดลต้นแบบสถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นแหล่งอบายมุข ถึงจะถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็ไม่ดีไปกว่าบ่อนเถื่อนเพียง เพิ่มคุณค่าให้อีกนิดหน่อยตรงรายได้ส่วนหนึ่งส่งให้ส่วนกลางไว้บริหารประเทศ แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาการพนันใต้ดินได้เด็ดขาด อาชญากรรมอาจมากขึ้นและเจ้าหน้าที่รัฐต้องทำหน้าที่อย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาสังคมรวมทั้งการเกิดอาชญากรหลากหลายรูปแบบประชาชนในสังคมขาดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และแน่นอนเรื่องพวกนี้อาจทำให้นักบริหารบ้านเมืองบางคนมองว่าเป็นแนวความคิดที่เคร่งเครียดจริงจังและมองแค่ผลในแง่ลบ
          ก็แน่ล่ะสิ! นักการเมืองท่านไม่ต้องนั่งรถเมล์ขึ้นรถไฟหรือลงสถานีใต้ตินยามดึกดึ่นค่อนคืนเหมือนคนทำงานหาเช้ากินค่ำเสียหน่อย แค่ส่องไฟข้างทางให้สว่างไสวและตั้งกล้องซีซีทีวีไว้ไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ตลอดเวลาหรอกนะครับท่าน
          วกกลับมาเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ให้ตาย! มันคือเมืองวิปลาสเส็งเคร็งแค่นั้นเอง นี่เขาคลายเป็นคนแก่อยู่ในกะลาที่ไม่ยอมรับวงจรการพนันในระบบทุนนิยมยุคใหม่ไปแล้วหรือนี่? จะปากว่าตาขยิบหรือเปล่านะ? ตัวเขาเองยังเล่นพนันออนไลน์นิดๆหน่อยๆ แก้เครียดแก้เซ็งเลยนี่นา ถึงจะรู้ว่าไม่มีวันได้เงินรางวัลเป็นกอบเป็นกำเหมือนที่ ลงโฆษณาชวนเชื่อไว้ก็เถอะ
          “เราก็ดูเป็นคนย้อนแย้งไม่ใช่น้อยนะเนี่ย!” ฌานเปิดตู้เย็นมองหาเครื่องดื่มช่วยกระตุ้นเลือดลมไหลเวียนยามเช้า หยิบๆ จับๆ อยู่หลายขวดไม่พบเครื่องดื่มมีดีกรีสักยี่ห้อต้องจำใจหยิบน้ำแร่ดับความกระหายแทน
          อยากจะโทรหาเพื่อนรักให้มากินข้าวด้วยกันชูรสรัก เอ้ย! รสชาติอาหารแต่ใจไม่กล้าพอ เกรงจะไปรบกวนเวลาส่วนตัวที่เจ้าตัวตั้งใจลากิจมาจัดการโดยเฉพาะ
          เย็นนี้สายสืบฌานมีนัดกับนักการเมืองคนดังที่ผลักดันโปรเจคคาสิโน คนใหญ่คนโตในคณะรัฐบาลที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือเขาเมื่อต้องเจอความลำบากเมื่อครั้งก่อน
          อัธพาลในคราบนักการเมืองคนดีที่เขาเองพยายามอย่างยิ่งยวดให้มองในแง่ดีแค่ไหนนั่นก็คือคนไม่ดี! หัวแถวสอดส่ายหางแถวมีหรือจะตั้งแถวตรง ต่างก็แตกกระสานซ่านเซ็นตามหัวแถวที่ส่ายไปมานั่นแล โชคไม่ดีที่ตัวเขาเองกำลังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้
          “cheers!” แก่ชีวิตที่กำลังจะรุ่งโรจน์ และยุ่งหยิง ไม่ได้เป็นผู้กำกับก็ได้หลับยาวในหลุมล่ะคราวนี้ ดื่มน้ำแร่ฉลองความโชคดีรับเช้าวันใหม่ก่อนจะลงไปเพิ่มสารอาหารเสริมพลังให้กับตัวเองบริเวณคาเฟ่ด้านล่าง

          วันศุกร์สุดสัปดาห์ดูจะครึกครื้นเกินไปสำหรับธุรกิจกลางคืนและคาเฟ่เปิดใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเครื่องดื่มและอาหารยังไม่มีอะไรโดดเด่นเหมือนร้านยอดนิยมทั่วไป หากไม่นับการบริการที่ดีเริสเป็นที่สุดที่เขาได้รับมาจากร้านค้าประเภทเดียวกัน
          ขาวยาวๆของนักสืบหนุ่มสะดุดกึก ชุดเครื่องแบบของหน่วยงานด้านความปลอดภัยเดินเข้าเดินออกหน้าร้านหลังร้านไม่ขาดสาย ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อยหรือคาเฟ่นี้จะเจาะกลุ่มพนักงานผู้ให้บริการงานด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?
          ณานไม่ประหลาดใจหากมิดไนท์เซอเคิลมีด้านมืดที่เท้าของมาม่าเซอร์เหยียบไว้จนมิดกับรายได้จำนวนมหาศาลจากธุรกิจที่ไม่สามารถระบุได้อย่างถูกกฎหมาย นักสืบหนุ่มเคยสืบประวัติแพทริคเมื่อไคจินแนะนำว่าเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่วัยรุ่น
          แต่ประวัติที่หาได้ขาดๆ หายๆ จะมีหลักฐานรวบรวมได้ตั้งแต่ที่เขาได้จดแจ้งเปิดกิจการโรงโชว์ จนมาบริหารงานร้านคาเฟ่แอนด์เดริเวอรี่ เรื่อยมาจนถึงเปิดบริการผับแอนด์เรตเตอรองภายใต้ชื่อการค้ามิดไนท์เซอเคิล และเปิดเผยตัวตนให้ชัดเจนมากขึ้นทั้งเอกสารและภาพลักษณ์กับนักธุรกิจหน้าใหม่ผู้บุกเบิกการให้บริการด้านความปลอดภัย
          เล็งเห็นแล้วว่าแพทริคไม่ได้มีพิษภัยอะไรกับเพื่อนรักจึงปล่อยเลยตามเลย เพราะทั้งคู่ดูเคารพและรักใคร่กันดี
          วันธรรมดาที่ดูเหมือนจะเป็นวันสุดแสนจะวุ่นวายที่มิดไนท์เซอเชิล นักสืบหนุ่มสังเกตเห็นการ์ดหลายกลุ่มผลัดกันยกกระเป๋าสีดำหลายใบเข้าไปยังพื้นที่ด้านหลังของร้าน พนักงานของทางร้านเองก็เตรียมความพร้อมกับมินิคอนเสริตของศิลปินมาแรงวงหนึ่งในคืนนี้
          ทั้งคนเตรียมสถานที่คนทำงานรวมการ์ดชุดดำรวมทั้งพนักงานด้านความปลอดภัยเดินกันยุ่งวุ่นวายทั่วไปหมด เผลอนึกว่าเขาเองเป็นคนสำคัญที่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยคอยให้การคุ้มครองยิ่งกว่าผู้บริหารงานประเทศเสียอีก
          ความอยากรู้ไม่ได้ทำให้ณานเสนอหน้าหล่อๆ ของเขาเข้าไปสอดเรื่องราวของชาวบ้านถ้าไม่จำเป็นหรือโดนคำสั่งบังคับให้ต้องทำ ก็แค่ความสังสัยไม่ทำให้เขาต้องดิ้นทุรนทุรายอยากรู้ไปเสียหมด ระมัดระวังตัวไว้หน่อยไม่เปิดเผยตัวเองให้มากเกินไปจมูกเขาได้กลิ่นคนอาชีพเดียวกันจากคนเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน
          “มอร์นิ่งฌาน นอนหลับสบายดีนะ” น้ำหนักมือของแพทริคตบบ่าณามเบาๆ เป็นการทักทาย
          “ถามนำแบบนี้ ต้องการคำตอบแบบว่า...” เมื่อคนกระล่อนมาเจอกับคนเจ้าเล่ห์คำตอบที่ได้คงต้องคิดกันหลายชั้นหน่อยกว่าจะรู้ความหมายที่แท้จริง
          “ฮ่ะ ฮ่า อย่าทำเป็นตลกของในมือจะตกเป็นของคนอื่น” เจ้าของธุรกิจขยิบตาเหมือนจะรู้ความหมายดีกับคำตอบนั้น
          “เฮ้อ! นี่คงไม่ใช่คำเตือนใช่ไหมเนี่ย” ฌานทำน้ำเสียท้อแท้เหมือนเจออุปสรรคก้อนโตมาขวางทางรักของเขา
          “อย่าไปฟังคำสั่งเสียมาก หูนายน่ะหัดถ่วงให้มันหนักหน่อย” มือน้อยๆ หยิกใบหูคนเจ้าบทบาทอย่างแรงจนเจ้าตัวทำหน้าตาเหยเก
          มาม่าเซอร์แพทริคเชิญณามมาทานข้าวเช้าช่วงสายด้วยกันกับไคจิน ชุดอาหารเช้าถูกเสริฟแบบจัดหนักสไตล์อังกฤษที่ทำให้เขาสามารถข้ามไปทานมื้อเย็นได้เลยทันที
          ไคจินกระซิบกระซาบว่าพักนี้แพทริคคลั่งอิงลิซสไตล์เป็นพิเศษเพราะได้คนรักเป็นชาวอังกฤษ คงอยากเอาอกเอาใจประจบประแจงคนรักเป็นพิเศษแม้แต่ดอกไม้ประดับโต๊ะยังเป็นพุ่มเฮอริเทจกุหลาบสายพันธุ์อังกฤษ ชวนให้เหม็นความรักเหมือนเด็กน้อยเห่อของเล่นที่ถูกใจอยากอวดชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่ว
          การพูดคุยบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่ายไคจินไม่ได้ต่อปากต่อคำกับฌานมากนัก สายตาเล็กๆ คู่นั้นสอดส่ายระแวดระวังกับสภาวะรอบตัวอยู่ตลอด กลับเป็นแพทริคเองที่ทำตัวสบายๆ พูดกับกับณานเหมือนสหายเก่าได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และมักจะวนเข้ามาหาเรื่องความรักเป็นพ่อสื่อพ่อชักที่ทำงานหนักยิ่งกว่าบริษัทจัดหาคู่ให้กับไคจิน ส่วนเจ้าตัวที่ได้รับบริการฟรีได้แต่ปล่อยผ่านไปด้วยความเอือมระอา
          อย่างน้อยๆ ไคจินกับณานได้เริ่มสานสัมพันธ์ทางกายกันไปบ้างเล็กน้อย แค่คิดขึ้นมาได้แบบนั้นทำให้ใครบางคนนึกหงุดหงิดตัวเองจนหน้าแดงหน้าง้ำหน้าคว่ำเหมือนแพทริคจับพฤติกรรมและมองเห็นความรักคืบหน้าได้บ้างแล้ว
          หลังอาหารเช้าต่างฝ่ายแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง มาม่าเซอร์และไคจินยังคงเกาะติดเป็นเงาตามตัวของกันและกัน ส่วนณานเที่ยวเตร็ดเตร่พูดคุยกับพนักงานไปเรื่อยตามสไตล์พ่อหนุ่มมิตรสัมพันธ์ดี
          เมื่อห่างจากเพื่อนรักมาไกลพอสมควร ไคจินคันปากอยากจะถามถึงธรุกิจบางอย่างที่ดูยุ่งวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ของอดีตผู้ปกครอง ด้วยอยู่กันมานานจนรู้ไส้รู้พุงมองทะลุปุโปร่งคนปากกล้าจึงเอ่ยปากถามอย่างเปิดเผย
          “ผมนึกว่าคุณล้างมือจนสะอาดแล้วเสียอีก” สิ้นสุดคำถามโดยปราศจากความรู้สึกที่แสดงบนใบหน้าของนายตำรวจที่มารับงานเสริมเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัว
          “ต่อให้ชุบตัวในบ่อทองคำ ฉันคงเป็นทองคำมูลค่ามหาศาลไม่ได้หรอกเด็กน้อย” แพรทริคยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบคำถาม รู้สึกเอ็นดูในคำถามที่ส่งผ่านมาหาเขาแบบโต้งๆ  ไม่ต้องตีความมากมายของจินนี่
          มาม่าเซอร์พยักหน้าสั่งการแทนคำพูดกับคนกลุ่มหนึ่งแล้วแบนหน้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของตัวเอง ชายกลุ่มนั้นพยักหน้ารับแล้วเดินเรียงหน้ากันเข้าไปรอด้านในเหมือนทำพฤติกรรมนี้กันจนเคยชิน
          ไคจินมองตามแผ่นหลังเด็กหนุ่มเหล่านั้นไป ความคิดเก่าๆ เข้ามาในความคิดแว้ปแรกเขานึกถึงอดีตที่แพทริคอยู่ในยุคเริ่มกรุยทางสู่อำนาจคนละด้านกับกฏหมาย
          “อย่าใจเสาะน่า เรื่องแบบนี้ให้เด็กหน้าใหม่ไฟแรงแสดงพลังกันไป ผมเป็นทำหน้าที่เป็นกำแพงสุดแข็งแกร่งให้พักพิงก็เท่านั้น” คนวัยอาวุโสกว่าตอบกลับสบายๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายกับตำแหน่งและหน้าที่เหมือนยามที่ยังหนุ่มยังแน่นไฟยังพัดโหมแรงกล้าหาอำนาจและเงินทอง เขายังคงพูดพร่ำไปเรื่อยเหมือนไม่เคยได้เจอคนคุยถูกคอ
          “ที่รักอย่าทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้ ระบบงานเราเปลี่ยนแล้วจินนี่ นายน่ะมาช่วยดูแลมาเซอร์คนนี้ก็พอ” พูดจบก็เดินเข้าห้องทำงานและออกคำสั่งให้ไคจินไปแต่งหน้าแต่งตัว เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำหน้าที่การงานของไคจินต้องด่างพร้อยเพราะเข้ามาช่วยตัวเองยามมีภัย
          “ทำอย่างกับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยศน้อยอย่างผมจะได้เป็นรัฐมนตรี” ไคจินพูดส่งท้ายให้ผู้เคยปกครองเขาได้ยินพร้อมสาวเท้าก้าวตามไม่ทิ้งห่างมากเกินไป
          ความจริงใครจะเป็นอย่างไรจะทำอะไรจะเดินทางเส้นไหนหากคิดจะไขว่คว้าความสำเร็จแล้วมักจะเริ่มที่งานระดับล่างสุดก่อนทั้งนั้น หากจะเป็นพ่อค้าก็ต้องเป็นคนงานมาก่อน จะเป็นวิศวกรก็ต้องรู้จักงานก่อสร้าง จะเป็นผู้บริหารก็ต้องเคยเป็นลูกจ้าง เรียนรู้งานระดับล่างไล่ไปยังงานระดับสูงถึงจะประสบความสำเร็จได้ ตามหลักการที่ร่ำเรียนมา ไคจินก็ไม่ได้คัดค้านความคิดนี้เท่าไหร่ เพราะกว่าเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ดีได้อย่างทุกวันนี้เขาก็แค่เป็นอันธพาลสุดแข็งแกร่งมาก่อนแค่นั้นเอง

          ฉลองปีใหม่ด้วยซีซั่นใหม่กันเลยนะคะท่านผู้อ่านทุกคนในเล้าเป็ดแห่งนี้ เดินทางไปด้วยกันกับซีซั่น2นะคะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก(จบซี่ซั่น+ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 31-12-2023 21:53:06
         เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญวันเวลามักเดินเร็วกว่าปกติ ณานยังจำช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารเช้ามื้อแรกของวันเหมือนพึ่งผ่านมาไม่นาน แต่ตอนนี้เขามานั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อบนโต๊ะอาหารหรูอีกครั้งแต่เป็นภัตตาคารอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับโลเคชั่นมา
          เหมือนหนุ่มน้อยไม่ประสาในวงผู้หลักผู้ใหญ่เขี้ยวลากดินที่จับพลัดจับผลูได้มานั่งรวมโต๊ะร่วมวงเสวนา อาหารมื้อพิเศษจะถูกจัดเสริฟตามลำดับ เขาชำเลืองมองรายการอาหารในแผ่นเมนูถึงกับตาลาย อ่านชื่อเมนูออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่รู้สึกเป็นเกียรติในชีวิตอย่างสูงที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ร่วมโต๊ะกับระดับชนชั้นผู้บริหารประเทศ ที่ใช้เวลาในการรัปประทานอาหารถึงสี่ชั่วโมงและมีรายการอาหารมากถึง 17 คอร์ส การเข้าร่วมรับประทานอาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อประวัติศาสาตร์ในชีวิตที่จะส่งต่อให้ลูกหลานให้ภาคภูมิใจต่อไป...
          หรืออาจจะไม่! ส่งเสริมความภูมใจใดๆ เพราะเขาไปควบคุมลูกหลานให้คิดเหมือนตัวเองไม่ได้หรอก บางคนอาจคิดว่าบรรพบุรุษคนนี้หาเรื่องหาราวให้ตัวเองต้องลำบากดีที่ไม่ทำลูกหลานลำบากไปด้วยก็ได้
          ฌานแต่กายสุภาพด้วยชุดสูทพอดีตัวทรงทันสมัยสีดำคลาสสิคแต่ไม่ได้นำแฟชั่น หนวดเคราถูกโกนเรียบร้อยผมเผ้าที่ยาวรุงรังถูกจัดแต่งทรงให้เสยไปด้านหลังโชว์ใบหน้าสุขุม ควบคุมการแสดงออกทางร่างกายให้สุภาพเรียบร้อยเป็นงานพิธีการ
          ท่านรัฐมนตรีจัดการเรื่องงานบริหารด้วยฝีปากได้ประทับใจณานยิ่งนัก มีหลายเรื่องที่ได้ฟังแล้วคิดตามล้วนเป็นไปได้ในทางที่ดีและสมเหตุสมผล แต่บางแผนงานเขากลับค้านในใจทัศนะที่ท่านได้แสดงนั้นจะไม่มีวันเป็นจริงได้หากท่านไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลแบบรวบอำนาจบริหารงานบ้านเมืองแบบเบ็ดเสร็จเสียก่อน
          นักสืบหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าท่านรัฐมนตรีชวนเขามาดูละครจำอวดแนวการเมืองเสียนี่กระไร เสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ดีนะที่ได้มีประสบการณ์การทานอาหารอร่อยแบบ*ไฟน์ไดน์นิ่งเสริมพลังชีวิตอยู่ได้บ้าง
          ไฟน์ไดน์นิ่ง เป็นรูปแบบการรับประทานอาหารอย่างหนึ่งที่มีมาตรฐานสูง ตั้งแต่ตัวร้านอาหาร อาหารและเครื่องดื่มคุณภาพระดับพรีเมี่ยม รสชาติดี ตกแต่งสวยเป็นเอกลักษณ์ และสุดท้ายคือการบริการเหนือชั้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและมีความสุขกลับไป
          มื้ออาหารอันยาวนานปิดท้ายด้วยกาแฟรสกลมกล่อมแต่เขาอยากได้เครื่องดื่มมีดีกรีมาช่วยย่อยอาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้เสียมากกว่า
          “ผมจองตัวคุณสำหรับมื้อดึกแล้วนะ” ท่านรัฐมนตรีเดินตรงมายังที่ของแขกพิเศษแล้วโน้มศีรษะเข้าใกล้ใบหน้าด้านข้างของฌานเล็กน้อย เสียงกระซิบที่ได้ยินไม่ทำให้เขาแปลกใจเท่ากับการทำงานโอเวอไทม์ของท่านรัฐมนตรี รัฐมนตรีท่านหนึ่งยังทำงานหนักขนาดนี้แล้วประธานธิบดีประเทศนี้จะทำงานแข็งขันขนาดไหน?
          แขกท่านผู้มีเกียรติหลายคนแวะมาทักทายจับไม้จับมือแนะนำตัวเองกับนักสืบหนุ่ม ตัวเขาเองก็เออออตอบรับคำทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเพราะท่าทางสุขุมเคร่งขรึมที่เขาสร้างขึ้น บวกการแสดงของนักสืบหนุ่มเองถ้าหากมีคนส่งเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมคงได้รางวัลมานอนกอดติดต่อกันหลายปี
          เล่นละครตามน้ำไปเรื่อยพร้อมแอ่นอกโชว์ป้ายชื่อและตำแหน่งหน้าที่ปลอมที่แปะหลาไว้บนอก ไม่ต้องบอกกล่าวหลายๆครั้ง หลายคนหลายรอบ ประเดี๋ยวจะผิดบทชวนคิดให้มีพิรุธ
          นักแสดงหนุ่มกำมะลอสวมบทบาทอยู่นานสองนาน รอเสียงผู้กำกับสั่งคัดเหมือนดั่งเสียงสวรรค์ให้หลุดจากบทบาทสมมุตินี้เสียที
          “ดีใจที่คุณนักสืบยอมรับคำเชิญของผม” ท่านรัฐมนตรีทำหน้าที่เจรจาวิชาการจบแล้วจึงเดินเข้ามาทักทายฌาน เดินนำให้เขาตามเข้ามาให้ห้องที่เปิดบริการเฉพาะแบบส่วนตัว
          “ถ้าท่านเป็นผมคงไม่กล้าปฏิเสธ” นักสืบงึมงำตอบปากขมุบขมิบแต่ก็ไม่รอดพ้นจากการได้ยินของนักการเมืองคนสำคัญ
          “อารมณ์ขันดีนะ ทานอะไรดีผมจะให้บริกรจัดให้” ท่านรัฐมนตรีจอร์น ไธม์เยอร์ทิ้งตัวลงนั่งทำตัวสบายๆ บนโซฟายาวที่อยู่ในห้อง
          เขาเห็นโต๊ะอาหารสองที่นั่งถูกจัดวางไว้เรียบร้อยพร้อมบริการ บรรยากาศด้านข้างคือค่ำคืนยามวิกาลที่มองเห็นไฟดวงเล็กดวงน้อยเพราะอยู่ชั้นบนสุดของอาคารนี้
          “ผมรบกวนแค่ไวท์สักแก้วหากท่านจะเมตตา...” มือยาวๆ แตะพุงตัวเองเบาๆ เขาคงกินอาหารเข้าไปเพิ่มอีกครั้งน่าจะเป็นช่วงสายของวันรุ่งขึ้น
          “หรือท่านจะกรุณารับเลี้ยงดูผมตั้งแต่วันนี้เลย?” น้ำเสียงนิ่งๆ ฟังยั่วโทสะอยู่ในที คนระดับรัฐมนตรีคงมีวุฒิภาวะทางอารมณ์อยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐานแน่นอนไม่น่าโกรธกับทำพูดหยอกเย้าเล่นหัวเช่นนี้
          “จะดีหรือ?” คนมีวัยวุฒิกว่าสมยอมตกหลุมยั่วอารมณ์อย่างอารมณ์ดีไม่ได้มีท่าทางหรือน้ำเสียงไม่พอใจอะไรมากมาย
          “กฎระเบียบไม่ได้ห้าม แต่มโนธรรมจะหักห้ามใจท่านได้ผมเชื่อแบบนั้น” ฌานมองตามท่านรัฐมตรีที่ลุกขึ้นเดินไปหยิบไวน์ในตู้ควบคุมอุณหภูมิที่ด้านหลังห้อง แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมแก้วไวน์อีกสองใบในมือ
          “เฮ้อ! ดื่มเพื่อมโนธรรม เข้าเรื่องกันดีกว่าดึกมากแล้วคุณนักสืบจะได้กลับไปพักผ่อน” น้ำเสียงเหนื่อยล้าพูดจาเสียงอ่อนไม่ได้สนใจทำพูดกระแทกใจของคนหนุ่มผู้กำลังมีไฟลุกโซนในการทำงาน กลับดูชื่นชอบความปากกล้าของณามเข้าให้ด้วยที่รู้จักใช้ถ้อยคำได้จี๊ดแทงใจจนเขาสะดุดกึกได้
          สองหนุ่มต่างวัยพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอดีตรักของฌาน การตายที่ชวนน่าสงสัยและสิ่งที่เธอทิ้งไว้ให้เขาเหมือนรู้ว่าสักวันหนึ่งสิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์ไม่ต่อตัวเธอเองก็กับนักสืบหนุ่ม
          เรื่องในไฟล์ที่ได้รับมาอาจจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตัวฌานเองอาจจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำคนทะเลาะกันทั้งเมือง แต่ก็ไม่มีอะไรแก้ปัญญาได้ดีไปกว่าเล่นใหญ่เล่นโตเอาให้โลกจำกันไปเลย...แต่ไม่ต้องจารึกชื่อเขาไว้หรอกนะ เกิดเดินเกมผิดได้อายชาวโลกขายหน้าต้องแก้ผ้าแน่?
          “คุณนักสืบต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไร หาตัวการที่อยู่เบื้องหลัง หรือแค่อยากหลบภัย” รัฐมนตรีทำความเข้าใจเรื่องราวแต่ยังประเมินการณ์ไม่ได้ว่าคนที่มาร้องขอการช่วยเหลือต้องการอะไรนอกจากป้องกันอันตรายที่กำลังเข้าถึงตัว
          “ผมไม่อยากเก็บของร้อนไว้กับตัว ท่านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของผม ณ ขณะนี้...” ฌานเริ่มเข้าเรื่องที่เจ้าตัวเหมือนได้รับเผือกร้อนหล่นตุบลงกลางตักจนหน้าขาแสบไปหมด
          “ท่านคงไม่ให้ความช่วยเหลือหากไม่เห็นว่าพอมีประโยชน์บ้าง” นักสืบน้ำเสียงอ่อนลงเพื่อลดทอนความทะนงตนว่าพร้อมจะสร้างผลงานที่ดีให้กับผู้ที่พร้อมเข้ามาช่วยเหลือ
          “พูดตรงๆ ได้เลย ผมรอฟังอยู่ เราสองคนเหนื่อยกันแล้ววันนี้ไม่ใช่หรือ” ผ่านสงครามฝีปากมานานหลายปีบนถนนสายการเมือง หากไม่ละอาที่จะตัดบทจริงจังรัฐมนตรีจอร์นก็อยากให้คู่สนทนาสาธยายต่อไปแต่สำหรับวันนี้เขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ยากที่จะขยับกรามพูดประโยคยาวๆ
          “ผมรู้ว่าท่านกำลังรวบรวมกลุ่มธุรกิจบางกลุ่มอยู่” คนนำเสนอเว้นวรรคการพูดและมองดูท่าทางประเมินอาการของท่านรัฐมนตรี
          “เรื่องนี้ไม่มีใครไม่รู้” คนนั่งฟังไม่รู้สึกว่านักสืบหนุ่มจะรู้อะไรลึกซึ้งถึงเบื้องหลัง ข่าวดีข่าวฉาว ข่าวเม้าส์ข่าวจริงสังคมยุคนี้ก็ตีแผ่กันจนเป็นเรื่องเป็นราวจนใหญ่โตได้ตามสังคมออนไลน์ออฟไลน์ คนไม่ประสีประสาข่าวสารการไกลล้วนผ่านสายตากันอยู่แล้วทุกวีวันเพียงแค่กดโทรศัพท์มือถือดู
          “มีบางกลุ่มยังไม่ยอมลงให้เสียที ทั้งที่ท่านเองถือไพ่เหนือกว่า...” ฌานทิ้งท้ายและฝ่ายท่านรัฐมนตรีก็ดูกระตือรือร้นที่จะฟังขึ้นมาเล็กน้อย
          “ท่านยังไม่ได้ดีลกับคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริงของกลุ่ม เป็นเพียงแค่นายหน้าเท่านั้นที่ท่านได้อำนาจต่อรอง”
          “ใครกันที่ผมยังสาวสายป่านไม่ถึง?” นักการเมืองคนดังเริ่มคิดว่า ตอนนี้สมองดึงภาพบุคคลต่างๆ มากมายที่เขาได้นัดเจอ เขารู้ว่าที่ยังเดินหน้างานหลักของเขาต่อไม่ได้นั้นอาจไม่ได้มาจากนโยบายของเขาโดยตรง
          “ผมไม่ยอมรับนโยบายทุนนิยมคาสิโนสักเท่าไหร่ แต่หากท่านคิดว่าสามารถควบคุมปัญหาสังคมและบริหารอำนาจเงินมหาศาลกองนี้ได้เหมือนที่ท่านพูดปาฐถาไว้ ผมอาจจะเปิดใจ...ให้คีย์เวิร์ดกับท่านไขไปหาใครบางคน” ฌานจบบทสนทนาของเขาแล้วพร้อมแก้วไวน์ที่ว่างเปล่า
          “นักสืบฌานผมต้องการดันประตูเปิดเลย ผมประเมินแล้วว่าคุณคือคีย์แมนรีบเปิดประตูกันดีกว่า” ท่านรัฐมนตรีเร่งรัดให้รีบเข้าเนื้อหาหลักให้เร็วไว
          ฌานยิ้มมุมปากเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าเดิม เขาเปิดกลยุทย์ด้วยการส่งที่เก็บไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กให้แก่จอร์นโดยมีแก้วไวน์บังไว้เหมือนต้องการเติมไวน์อีกสักแก้ว การระมัดระวังตัวไว้เป็นการดีเพราะทุกวันนี้มีกล้องวงจรปิดทุกหนทุกแห่ง เป็นการรอบคอบที่จะไม่สร้างหลักฐานอะไรมาเพิ่มเพื่อมัดตัวเอง
          ธุรกิจนอกกฎหมายแบ่งเป็นห้าเส้นสายใหญ่ ท่านรัฐมนตรีสายดาร์คคนนี้เข้าไปถือครองอำนาจอยู่แล้วหนึ่ง และมาจากสานสัมพันธ์ผลประโยชน์ร่วมอีกครึ่งหนึ่ง ถ้าได้ถืออำนาจเกือบสามส่วนย่อมดีกว่าหนึ่งสายครึ่งต่อห้า ถ้าเสนออำนาจอีกสายงานหนึ่งให้คราวนี้อำนาจเบ็ดเสร็จควรจะอยู่ในมือรัฐมนตรีท่านนี้ ที่ต้องทำตอนนี้คือหย่อนเบ็ดรอปลาใหญ่งับเหยื่อ
          “ท่านได้ที่แต่ยังซื้อใจเจ้าของไม่ได้ รีบหน่อยครับทางนั้นต้องการอัศวินขี่ม้าขาวพอดี” เขาหยิบยื่นอีกอำนาจให้ท่านได้ถือครอง
          หากท่านรัฐมนตรีบริหารวาจาได้ฉกาจฉกรรจ์ก็อาจรวบอำนาจให้อยู่ในมือโดยไม่ต้องแสวงหาพันธมิตรที่ไหนมาร่วมอีก ไม่มีอะไรที่พ่อสื่ออย่างเขาจะต้องเป็นห่วงเพราะงานเจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ล้วนเป็นงานที่นักการเมืองระดับนี้ทำได้สำเร็จอยู่แล้ว
          “ผมก็รวบรัดแล้วนะ หรือมีใครกำลังเล่นตุกติกลับหลัง”  รัฐมนตรีจอร์นเรียกเลขาคนสนิทเข้ามาจัดการกับข้อมูลที่ถูกบรรจุอยู่ในเครื่องมือเก็บไฟล์
          “ผมไม่คิดว่าคุณจะยังเก็บมันไว้แสดงว่าข่าววงในของผมไม่ดีสักเท่าไหร่” ผู้ทรงคุณวุฒิคิดวิจารณ์การทำงานคนของตนเอง
          “ท่านสบายใจได้เลยว่าคนของท่านค่อนข้างหูตาว่องไว้” ฌานไม่ได้คิดจริงจังกับคำตัดสินนั้นเพราะข่าวที่ส่งถึงหูท่านรัฐมนตรีล้วนถูกต้องแม่นยำผิดที่ข้อมูลที่ท่างหน่วยเขาได้นั้นไม่ได้มาจากตัวเขาแต่เป็นอีกคนหนึ่ง
          “นั่นสินะ นักสืบฌานไปทำดีลลับๆ กับคนสวมเครื่องแบบอีกคนหนึ่งอยู่” ท่านรัฐมนตรีการันตีข้อมูลข่าวสารรอบตัวว่าถูกต้องแม่นยำยากที่เรื่องราวต่างๆ จะผ่านหูผ่านตัวคู่นี้ไม่ได้ถ้าได้จับตาดูอยู่
          “ท่านตีโจทย์แตกขนาดนี้บอกชื่อคนที่ผมไปพบก็ได้นะครับ ผมไม่แปลกใจหรอก” เรื่องจริงที่เขาทำดีลหลายฝ่ายแต่ไม่ใช่ไฟล์ชุดนี้ที่เขาเอาไปเสนอขาย
          “นักสืบฌานไม่คิดเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักการเมืองบ้างหรือ ประนีประนอมต่อรองเก่งแบบนี้คงได้ตำแหน่งดีๆ ในรัฐบาลแน่นอน ” ชักชวนเข้าร่วมก๊วนการเมืองกันง่ายๆ ไม่ต้องเกลี่ยกล่อมใช้ทฤษฎีมากมายให้ยุ่งยากรบกวนกระบวนการทางความคิด
          “ผมไม่อยากเป็นคนร้ายที่เล่นบทคนดีหรอกครับ” เจ้าตัวไม่ได้คิดอยากเป็นนักการเมืองตั้งแต่เริ่มมีความคิดว่าโตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร
          นักการเมืองดูห่างไกลจากความคิดมากจนไม่เคยคิดอยากเป็น ยิ่งได้เรียนประวัติศาตร์รากเง่าชาติพันธุ์นักการเมืองดังๆ ทำงานเพื่อประชาชนล้วนไม่ได้ตายดีสักคน ตายโหงด้วยลูกตะกั่วกันหมด!
          “ไม่เอาน่าคุณอย่ามีอคติแบบนั้น นักการเมืองเป็นอาชีพที่มีเกียรติ อ่า...แต่คนเกลียดมีเยอะ”
          “โอ้! ผมควรแสดงอารมณ์ขันกับมุกนี้” นักสืบหนุ่มสนับสนุนมุขท้ายประโยคมากกว่า
          คนส่วนใหญ่ประสบเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งในการดำเนินชีวิตมักด่านักการเมืองเอาไว้ก่อน ท่านผู้บริหารการเมืองคงไม่คิดว่าประชาชนก่นด่าคือความรักที่พรั่งพรูหรอกกระมัง ขนาดเขาเองยังบ่นเผลอด่าไปก็มีเมื่อบริหารงานบ้านเมืองไม่ได้ดั่งใจ
          “อย่าซีเรียสสิ เอนจอยกับชีวิตสุดแสนสั้นดีกว่า” ท่านยังคงทำตัวตามสบายนั่งจิบไวน์และเล่นมุขตลกร้ายให้นักสืบฌานฟัง
          “โอ้ว! ผมขอเวลาสักครู่ ” เมื่อเลขาคนสนิทเดินเข้ากระซิบเบาๆ ท่านรัฐมนตรีจึงแยกตัวออกจากฌานไปด้านนอก
          ร่างสูงของนักสืบฌานนั่งคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่เงียบๆ หวังว่าเผือกร้อนๆ ที่เขาจัดเสริฟให้ท่านรัฐมนตรีคงไม่ทำให้ปากท่านผองด้วยความร้อนที่ยังระอุอยู่ไม่ยอมอุ่นแม้จะผ่านการทำให้สุกมานานแล้ว
          ผ่านช่วงเวลาพบปะพูดคุยไม่ถึงชั่วโมงแต่เหมือนเขาล่องเรือรอนแรมอยู่กลางทะเลมาร่วมเดือน รู้สึกตัวเมื่อเท้าได้เหยียบลงพื้นดินก็ระหว่างที่เดินมายังลานจอดรถ โดยมีบอดี้การ์ดร่างหนาตัวสูงใหญ่เดินตามมาดูแลความปลอดภัย
          รถแลนด์โรเวอร์ขับมาจอดขนาบข้างฌาน กระจกถูกลดระดับลงมาพร้อมกับใบหน้าคนคุ้นเคย เขาเดินขึ้นไปนั่งบนรถสไตล์ออฟโรดสุดพรีเมียม บอดี้การ์ดสั่งการผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สายแล้วส่งสัญญาณให้ขับรถออกไปยังเส้นทางที่อำนวยความสะดวกไว้ให้ออกจากลานจอดรถของภัตตคารแห่งนี้ไป
          “ว่างงานแล้วหรือที่รัก” คนเสพติดความรักรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที่เมื่อได้เห็นไคจินยอมสละมาเซอร์ทิ้งได้ในคืนนี้
          “ดึกแล้วยังไม่กลับเลยเป็นห่วง” ไคจินตอนนี้ลบเครื่องสำอางและแต่งตัวด้วยสื้อยืดสวมใส่สบาย ปิดทับด้วยเจ็ตเก็ตหนังทำหน้าที่เป็นสารถีให้ณานสำหรับคืนนี้เป็นพิเศษ
          “รถนายท่านรัฐมนตรีจะให้คนขับไปให้” ตำรวจหน้าหวานบอกคนรักรถให้หมดห่วง ไม่ต้องกลับมารับรถที่นี่อีกครั้ง
ฌานก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมไคจินถึงขับรถมารับเขาด้วยตัวเอง และยังรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเขาด้วยตัวเขาเองนั้นไม่ได้ปริปากบอกใคร หักห้ามใจแม้จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพความอลังการของอาหารที่ได้มีประสบการณ์พิเศษครั้งนี้ยังไม่ทำ
          ไคจินเหมือนโดนโทรจิตส่งตรงมาถึงเขา ว่ากำลังสงสัยการแสดงตัวเป็นเพื่อนที่ดีในครั้งนี้ ตัวเขาเองไม่รู้ว่าเจ้าเพื่อนนักสืบตัวดีไปทำอะไรที่ไหนเหรอ แต่แพททริคบอกให้เขามารับพ่อตัวดีที่นี่พร้อมกับพ่นคำบ่นพึมพำฮึดฮัดฟึดฟัดฟาดงวงฟาดงาเหมือนช้างป่าโดนแย่งอ้อย แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะเจ้าช้างน้อยของเจ้าตัวโดนขัดจังหวะขณะทำรักนี่เองถึงได้โด่ตรงชี้หน้าเขาด้วยเหมือนพ่อของมัน
          “โอ้ว! พอเข้าใจสถานการณ์” ข้อมูลที่ฌานให้ไปท่านรัฐมนตรีงับเหยื่อไว้ได้อย่างรวดเร็ว คบแพททริคไว้เหมือนมีกองกำลังทหารส่วนตัวอารักขาเชียวนา
          เหยื่อจะคุ้มค่าต่อการตะครุบกินมากแค่ไหน ก็น่าจะค่อยๆ งับกิน ไม่ใช่งาบแล้วกลืนอย่างรวดเร็วจนนักสืบหนุ่มอึ้งทึ่งในความสามารถของคนมีอาชีพเป็นนักการเมือง
          “จำให้ดีเถอะหลอกอะไรใครไว้ ทำกับดักล่อใครไว้บ้าง ระวังตัวเองจะสะดุดป่วงแล้วร่วงตกหลุมเสียเอง” เพื่อนอย่างไคจินอดที่จะห่วงไม่ได้ ไหนผู้บัญชาการบอกว่าฌานอยู่ในช่วงเก็บตัวให้ไปทำภารกิจง่ายๆ สบายๆ นี่น่า แล้วทำไมเจ้าตัวถึงชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียเองล่ะเนี่ย
          “ห้อ เหลี่ยว ๆ, อั๊ว ไจ เหลี่ยวฮันนี่” เพื่อนกันมานานย่อมรู้ว่าไคจินเป็นห่วงตนเอง ฌานทำสำเนียงจีนล้อเลียนเพื่อนเลิฟ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเขาในตอนนี้เพราะนักสืบฝีมือดีคนนี้กำลังทำผลงานพิเศษชิ้นโบว์แดง
         “หื้อ!...” ไคจิรู้สึกจั๊กจี้รูหูชอบคนเมื่อคนเชื้อชาติอื่นพูดสำเนียงเสียงคนจีน แต่ก็แอบชมในใจที่เจ้าฝรั่งตาแขกซึมซับไปใช้ได้บ้างถึงจะพูดสำเนียงแปร่งๆ ประหลาดๆ ก็ตามที
          “เดทหลังเที่ยงคืนหรือที่รัก” คนนั่งข้างคนขับตัดบทขัดบรรยากาศได้น่าตบกะโหลกหนาๆ ให้นุ่มนัก คนชอบหยอกชอบเหย่ชวนไคจินพูดคุยเพราะเห็นคนตัวเล็กตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจเกินกว่าเหตุ
          “นั่งไปเงียบๆ ถ้าว่างนักก็มองดูสองข้างทางระแวดระวังตัวไว้ด้วย” ไคจินดุฌานที่ทำเสียสมาธิ ด้วยความไม่ชินทางเพราะใช้เส้นทางนี้เป็นครั้งแรกเพื่อหลบรถยนต์คันอื่นๆ และใครบางคนที่ชอบสอดส่องคอยติดตาม แต่เขามีความเชียวชาญเส้นทางทั่วทุกสารทิศในเขตเมืองนี้อยู่แล้วเพราะเติบโตและใช้ชีวิตมาแต่เด็ก โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางที่เขาตั้งใจจะไป
          “คร้าบ...ผม” พ่อนักสืบกลายร่างเป็นเด็กน้อยน่ารักตั้งหน้าตั้งตาทำตามคำสั่งจากผู้ปกครองอย่างเคร่งครัดและตั้งใจ
          สุดท้ายแล้วความสงบเสงี่ยมก็ได้ถูกทำลายลงเพราะเพื่อนรักยิ่งขับไปเรื่อยๆ เหมือนยิ่งไกลออกไปยังเมืองทิ้งร้างในหนังสยองขวัญ
          “เอ่อ...เรากำลังไปไหนกันหรือจ๊ะที่รัก” ถึงเวลาที่ฌานจะต้องตั้งหน้าตั้งตาเพ็งสมาธิให้อยู่กับสภาพแวดล้อมสองข้างทางบ้างแล้ว
          ไคจินดับไฟรอบตัวรถเหลือเพียงแสงริบหรี่ของหน้าจอดิจิตอลบนคอนโซลรถด้านหน้า ถนนสองข้างทางมีแสงไฟให้ความสว่างเป็นระยะแต่อาจไม่ช่วยด้านความปลอดภัยบนถนนสายเปลี่ยวเช่นนี้
          “ที่รักคง...แบบว่า...จิ๊กกะดึ๋ยบนรถใช่ไหมจ๊ะ” คนคิดดีด้านแสดงความรักคิดไกลจนเลยเถิดไปถึงสถานการณ์แปลกประหลาดสร้างประสบการณ์รัก
          “อยู่ในวัยกำหนัดหรือไง คลั่งจริงนะเรื่องใต้สะดือเนี่ย” ไคจินปล่อยให้ตัวรถยนต์ออฟโรดคันหรูแสดงสมรรถภาพเต็มศักยภาพ ขับฝ่าแสงสลัวของแสงไฟยามดึกดื่นค่อนคืนพร้อมกับเสียงร้องโหวกเหวกของณาน
          “โว้โอ! ที่รักป่านะจ๊ะ เราจะเข้าป่าข้างทางทำไมล่ะครับ ไม่นะผมยังไม่พร้อมวันนี้!” ....
          ติดตามกันต่อนะคะเปิดตอนด้วยคู่นี้รับรองว่าบู้สนั่นน้ำหมากกระจาย...ไม่เกี่ยวนะประโยคหลัง เจอกันตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 02-01-2024 23:24:41
          Lover Fire : 2 – ตะลุย(ป่า)รักข้างทาง!
          อยากสับต้นคอด้วยสันมือสักทีแต่ปล่อยไว้แบบนี้ณานเพื่อนรักก็ดูน่ารักดีเลยให้โวยวายต่อไป เปิดเพลงฟังแล้วมันไม่สบายใจฟังเสียงแหบแห้งร้องโวยวายดันทำให้จิตใจสงบได้ซะงั้น!...ถ้า
          แว้ปหนึ่งดันนึกถึงน้ำเสียงแปลกๆ ของณานในความฝัน เสียงลมหายใจหนักๆ เสียงอึกอักในลำคอ หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน เรียวปากขบกันแน่นจนเรียวกรามนูนชัด ให้ตายเถอะ! เพราะไอ้ฝันประหลาดนี่แท้ๆ ทำให้มองหน้าเพื่อนณานได้ไม่เต็มตาเสียที

          ไม่เพียงแต่คิดลามก เท้าน้อยๆ ขนาดเบอร์เก้าของนายตำรวจร่างเล็กกดคันเร่งรีบลบภาพจำไม่ดีออกจากความคิดโดยเร็ว ทำเอาคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถึงกับอ้าปากร้องทักแทบไม่เป็นภาษาคนสักเชื้อชาติหนึ่ง
          “ที่ร้าก! เสียว!จน (ตัว) แข็งแล้วจ้า พอก่อนเดี๋ยว (ฉี่) แตกน้า!”  คำพูดสองแง่สองง่ามไม่ทำให้นักสืบหน้าหล่อละอายปากที่จะพูดหยอกเล่นกับเพื่อนรัก
          "กลั้นไว้อยาก(ฉี่) แตกใน(รถ) ไม่อยากล้าง" ไคจินไม่สนใจประโยคชวนจั๊กจี้ใต้สะเอว ยิ่งเหยียบคันเร่งเฆี่ยนรถเหมือนขี่ม้าเลี้ยวเข้าป่ารกร้างข้างทางสู่ถนนเส้นวิบาก
         "ที่รักผมชอบ...เสี่ยว...นะแต่ๆ...ขอเปิดงานบนเตียง...ก่อน โอ้ว!" เสียงตะกุกตะกักของณานแม้แต่ระบบขับเคลี่ยนที่ดีก็ไม่สามารถช่วยได้เพราะถนนที่กำลังวิ่งคือดินและก้อนหินเกลื่อนกลาดต่างขนาดกันเหมือนวิ่งบนธานน้ำที่เหือดแห้งมีแต่กองหิน
          "ชู่ว์!..." เสียงกระซิบสั่งให้เบาและปิดปากให้สนิท แต่คนสั่งไม่ได้ตระหนกตื่นกลัวแต่อย่างไรกับกระหายความตื่นเต้นเหมือนหนีตายจากผู้ล่าแต่หน้าตายิ้มกริ่มเหมือนได้เล่นสนุก
          "มายก็อด!" ฌานเห็นหน้าตาท่าทางสนุกสนานกับการขับรถกลางป่ายามค่ำคืนของไคจินได้แต่อ่อนใจ
นักสืบตาไวมองเห็นดวงไฟแล่นตามผ่านกระจกข้างจึงรู้ว่าถูกติดตาม เขาจนปัญญาที่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ตามรังควานอยู่ตอนนี้เพราะช่วงนี้ต่อดีลไว้หลายฝ่ายเหลือเกิน ก็ไม่แต่ทำตามใจปราถนาของที่รักไปจะพาไปลงหลุมรักที่ไหนก็ยอมทั้งนั้น...
          พระเจ้า พระพุทธ พระอัลเลาะห์ พระโพธิสัตว์ โปรดเมตตามนุษย์ชายหน้าตาคมเข้ม สมาร์ทฮาร์ต ร่ำรวยอารมณ์ขัน สเน่ห์ชายชาตรีนั้นก็แพรวพราวคนนี้ด้วยเถิดเทอญ
          มนุษย์หนุ่มยังไม่ได้ดำเนินรอยตามอารยชนแพร่กระจายเมล็ดพันธุ์แห่งมนุษยชาติแม้แต่เมล็ดเดียว!...

          ใครจะไปคิดว่านั่งรถหรูหรายี่ห้อดังแต่สมบุกสมบันลุยป่าฝ่าดงตอนดึกมึดตื๋อแบบนี้ ความรู้สึกตื่นเต้นเกิดเถิดไปจนเริ่มตื่นตระหนกส่วนตัวเป็นคนรักสงบชอบอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนผิดกับเพื่อนไคจินรายนั้นชอบความโลดโผนโจนทะยานรักการผจญภัย
          “โอ้ย!เอ่อ...ที่ระ”/ “เงียบก่อน!”
           ณานอ้าปากค้างหุบคำว่ารักไม่ได้เพราะได้ยินคำขาดว่าให้งับริมฝีปากกักเสียงอย่าให้หลุดรอดออกมาได้
          ไคจินถอยรถเข้าป่าเข้าพงแม้มองไม่เห็นทางแต่ทำอย่างชำนิชำนานเหมือนทำมาจนชิน พื้นที่ป่าและพื้นที่รกร้างบริเวณนี้เหมือนกับลานหน้าบ้านที่ไคจินวิ่งเล่นตั้งแต่เด็ก เขามีหลุมหลบภัยที่พลางสายตาคนต่างพื้นที่ได้ดี
          ที่แห่งนี้เป็นที่เล่นเกมส์ล่าทรชนคนเล่นจริงกับเพื่อนพ้องอันธพาลเมื่อเป็นวัยรุ่นพลังพุ่งพร่านชอบสิ่งเร้าอารมณ์กระตุ้นอะดรีนาลีน เพื่อนพวกนั้นเล่นจริงเจ็บจริงเสียด้วยสิถ้าไม่เอาตัวรอดก็ต้องนอนระบมนอนซมรอหยอดน้ำข้าว
          สองคนออกจากรถอย่างเงียบเชียบนำโดยนายตำรวจหน้าตี๋เป็นผู้คุมสถาณการณ์ คอยดึงณานให้เดินหลบซ่อนตัวใต้เงาร่มไม้ ช่างเป็นสถานการณ์กระตุ้มต่อมโรแมนติกในคืนอันมืดมิดท่ามกลางแสงจันทร์ จนมาเจอบ้านทิ้งร้างหลังหนึ่ง
          เหมือนฉากละครสักเรื่องล่ะนะแค่ฝนไม่ได้ตกพร่ำๆ โอ้ละหนอ! ชีวิตคือละคร พระนาง ตัวร้าย นางรองก็หนีไม่พ้นคุณๆเราๆ นี่แหล่ะท่าน
          ด้านในเชลเตอร์ทำให้แปลกใจทำลายภาพลักษณ์ของบ้านร้างที่เคยจำฝังใจจนหมดสิ้น เหมือนบ้านที่จงใจทำให้ด้านนอกดูโทรมซอมซ่อแต่โครงบ้านเองกำลังโดนต้นไม้และพืชพันธุ์ธรรมชาติเข้ากลืนกิน
          มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนอนพักค้างแรมชั่วคราว การใช้ชีวิตในนี้ดูไม่ลำบากนักถ้าเตรียมตัวเตรียมสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้มาให้พร้อม
          “แฟนตาซีสุดขั้วเลยที่รัก บ้านคนแคระทั้งเจ็ดหรือ? ไหนสโนว์ไวท์ล่ะ” นักสืบหนุ่มเพ็งสายตาขยายม่านตาให้สุดขอบรับแสงจันทร์ที่ส่องมายังห้องหลบภัยขนาดเล็กนี่ หากแปลงร่างเป็นนกฮูกได้ตอนนี้คงจะใช้ชีวิตในค่ำคืนที่นี่ได้ง่ายกว่าร่างคน
          “ไม่ต้องตื่นเต้นไปน่า โชคดีพอมีแบตเตอรี่ให้ใช้ได้” ไคจินเคลื่อนไหวในความมืดอย่างคล่องแคล่ว ถอนหายใจยังไม่ทันสุด หลอดไฟดวงน้อยได้ส่องสว่างพอให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ชัดขึ้น
          ถึงจะอยู่ไม่สุขสบายเหมือนบ้านตัวเองแต่ไม่ได้อยู่อย่างลำบากเหมือนเข้าแคมป์ลุยป่าอยู่เต้นท์ ร่างเล็กๆของเพื่อนหนุ่มหน้าตี๋จัดนั่นทำนี่อีหลุกขลุกขลัก ทำให้คนอยากจะช่วยได้แต่ส่งกำลังใจให้แทนและหันไปสำรวจบ้านน้อยกลางสวนป่า
          “เราพักที่นี่คืนนี้ก่อน เช้ามืดค่อยกลับไปคลับ” นายตำรวจจัดที่นอนสำหรับคืนนี้อย่างลวกๆ แต่พอจะนอนหลับลงได้ ถึงจะไม่สบายเหมือนนอนเตียงแต่ก็ดีกว่านอนบนพื้นดินหรือพงหญ้า
          “หลับไม่ลงหรอกที่รัก” คนติดบ้านติดความสบายแต่สไตล์โฮมมี่แบบมีรากไม้ต้นไม้เป็นฝาบ้านเป็นหลังคาทำเขาตื่นเต้นจนหลับไม่ลง
          “แล้วแต่นายล่ะกัน” ไคจินคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาหวังจะโทรหามาเซอร์แพทริคแต่สัญญาณการสื่อสานไม่อำนวยนัก เขาทิ้งตัวนั่งพิงผนังต้นไม้แกว่งมือถือไร้ประโยชน์ไปมาฆ่าเวลา
          ณานเลิกคิ้วถามเพื่อนรักว่าทั้งหมดที่ถ่อสังหารเหมือนหนีการไล่ล่ามาที่นี่มีเพียงแค่นี้เท่านั้นหรือ เขานึกว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกระตุ้นการทำงานของหัวใจมากกว่านี้เสียอีก
          “จะรีบร้อนไปสู้ ยังไม่รู้เลยว่าศัตรูคือใคร” ไคจินเตือนสติเพื่อนชายให้ดำเนินชีวิตนักสู้ด้วยความระมัดระวังจะต่อยเตะต้องไม่ประมาท ให้ฝ่ายตรงข้ามสวนกลับเหมือนตัวเองเป็นกระสอบทราย
         “มีเพื่อนร่วมรัก เอ้ย! มีเพื่อนรักอยู่ด้วยเรื่องพละกำลังหายห่วง” นักสืบตีฝีปากใส่ไคจิน ส่งลูกล่อลูกชงจีบเพื่อนไม่หยุดหย่อน
         “นายไม่อยากพักบ้างหรือไง” พักทั้งหาเรื่องใส่ตัวและหยุดหยอดมุกจีบเขาเป็นแฟนเสียทีเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ให้รู้เวล่ำเวลาเสียบ้างบางครั้งคำพูดเลี่ยนๆ หื่นเหียนเหล่านั้นไม่ได้เสริมสร้างโหมดหลงรักแก่เขาเลย
          จะให้หลงรักก็คงไม่ได้แล้ว ความรู้สึกมันเกินหลงจนรักนานแล้วแต่...ใจของไคจินยังติดคำว่า แต่ แม้จะยอมรับใจตัวเองส่วนร่างกายยังไม่พร้อมจะยอมรับณานเข้ามาเสียที เหมือนคนอยากมีแต่สามีไม่ยอมเสียตัว!
          หลายเหตุการณ์รุมเร้าความรู้สึกนึกคิดของไคจินมากไปในตอนนี้ ให้เวลาช่วยแก้ไปที่ละเปาะปัญหาแล้วกัน ไว้เขาสามารถแก้ปมได้ด้วยตัวเองเมื่อไหร่...เมื่อนั้น ก็เมื่อนั้นแหล่ะ คิดไปวางแผนไปก็แก้ปัญหาทางความคิดและจิตใจไม่ได้อยู่ดี
          “ชีวิตไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่เพื่อนรักคิดเสียหน่อย” แค่ต้องวางแผนนิดหน่อยหากจะเดินสายเป็นนักชักใยตัวยง หากเป็นคนธรรมดาชีวิตมันช่างแสนง่าย
          “ถ้านายไม่นอนก็หุบปากเจื้อยแจ้วย้อยๆ ของนายเสียทีเถอะ” มือเรียวตบแปะๆ ข้างตัวให้ณานมานั่งพักซึ่งเจ้าตัวเองเมื่อถูกเรียกก็ยอมมานั่งด้วยแต่โดยดี
          ร่างสูงหยุดปากพูดมากของตัวเองแต่โดยดีเหมือนสามีโดนภารยาออกคำสั่ง ใจจริงไม่อยากยั่วอารมณ์ให้คนน่ารักต้องโมโหโทโส แต่มันหยุดแหย่ไม่ได้ ใช่ว่าพึ่งทำเสียเมื่อไหร่ตัวตนของเขาก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
          ไคจิเองก็ทำเป็นรำคาญที่จะฟังเขาพร่ำรำพันไปอย่างนั้นไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง เคยได้ยินพวกผู้ชายพูดกันไหมล่ะ ยิ่งรักมากก็ยิ่งแกล้งเยอะ แบบว่าเรียกร้องความสนใจล่ะน้า
          นายตำรวจร่างเล็กหลับตาพักความวุ่นวาย สมองฟุ้งซ่านคิดมากบานปลายผูกเรื่องราวมากมายผสมปนเปมั่วไปหมด แขนยาวๆ ของคนข้างๆ ก็อ้อมหลังมาดึงร่างเล็กของเพื่อนให้ซบตรงอกพอดี
          “นายเนี่ยนะจะให้ฉันพักบ้างไม่ได้หรือไง” ปากเล็กๆ บ่นแต่ไม่ได้คิดอะไรด้วยนิสัยส่วนตัวต้องโวยวายนิดหน่อยหรือเว่อร์วังขึ้นอยู่กับสถานการณ์
          เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอที่อยู่เลยหัวทุยเล็กๆ นั้นดูจะพอใจกับคำบ่นกระปอดกระแปด บ่นด่ามากๆ แสดงว่าคนๆนั้นรักเขามากจนต้องระบายออกมาเป็นคำด่า! ทัศนะคติคิดบวกแต่บางคนเขาด่าเพราะเขาเกลียดจริงก็มี ไม่เช่นนั้นบนโลกบนนี้คงไม่มีใครฆ่ากันหรอก แค่มองหน้ายังต่อยตีกันได้เลย
          “หึ! นายมันบ้าขนานแท้เลยสินะ” ไคจินไม่รู้ว่าณานคิดอะไรอยู่ตอนนั้น แค่อยากบ่นระบายความเงียบในห้องซ่อนตัวแห่งนี้
          ณานไม่พูดต่อความยาวสาวความยืดเยื้อ แค่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น สองแขนยาวนั้นโอบคนตัวเล็กให้แนบลำตัวหวังช่วยคลายความหนาวเย็น
          เขาเคยเรียนในวัยเด็กว่าช่วงกลางคืนต้นไม้คายความเย็นและทำให้เกิดลม ถึงในบ้านนี้ไม่มีลมแต่ล้อมรอบด้วยต้นไม้จนเขารู้สึกเย็น เสียดายที่ถอดสูทชั้นนอกไว้บนรถไม่อย่างนั้นคงใช้คลุมทำให้อุ่นได้บ้าง
          เพื่อนรักสองคนนั่งเคียงกันมองดวงจันทร์ผ่านหลังคาที่แตกหักของบ้านหลบภัยกลางป่า ไคจินอยากหลับแต่หลับไม่ลง ผิดกับอีกคนที่ยอมนั่งถ่างตาไม่อยากหลับเพราะนานที่เพื่อนรักสุดดื้อดึงจะยอมเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย
          “เลิกลูบฉันเถอะน่า มันจั๊กจี้ยังกับโดนหมาเลีย” นิ้วเล็กบิดไม่ยั้งแรงบนหลังมือที่เกาะกุมลูบคลำจนเริ่มรู้สึกวูบวาบแปลกประหลาด
          “ถ้าอย่างนั้น...คงไม่กลัวโดนหมากัดสินะ” เรียวปากไวงับหมับขบเม้นที่ใบหูของไคจิน ทำเอาคนในอ้อมอกถึงกับสะดุ้งโหยงความรู้สึกโยนขบกัดทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ร่างบางอาจจะชื่นชอบเมื่อถูกกระตุ้น
          “ให้ตายเถอะ!...นายจะเร่งเร้าทำไมหนักหนา” ไคจินอยากจะยอมโอนอ่อนให้เพื่อนบ้างแต่ด้วยนิสัยชอบเอาชนะมักจะขัดความตั้งใจจริงอยู่เรื่อย
          ”ดูนายออกจะชอบให้มีสิ่งเร้า” ณานรุกหนักครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้ไคจินหาทางรอด มุดหนีจากความรู้สึกรักของเขาออกไปอีกแม้จะออกห่างแค่เซนติเมตรเดียว เขาก็จะกระชากกลับให้ตัวติดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
          “นายนี่มัน โอ้ย!” ยังไม่ทันได้บ่นคำด่า เขี้ยวทื่อๆ ขบเข้าให้บนต้นคอ ถึงจะงับหยอกเย้าแต่ทิ้งรอยฟันไว้บนผิวขาวๆ ของไคจิน
          คนโดนกัดเจ็บจี๊ดๆ แสบๆ คันๆ เสียหัวเราะขอบใจของณานยิ่งทำให้ไคจินหมั่นหน้าหมั่นไส้ ปากน้อยๆ ยื่นไปงับคางบุ๋มเข้าให้ คมฟันหน้ากดกัดเมื่อสัมผัสกับผิวเนื้อปลายคาง
          “พระเจ้า! ผมหล่อจนที่รักอยากกินเข้าไปเลยเหรอ” ณานคนชอบแหย่เย้าจนเจอตัวจนเจ็บตัว ถึงไม่เลือดตกยางออกแต่ความเล่นใหญ่แสดงโตรอไคจินตกลงมา
          เรียวฟันแข็งเปลี่ยนเป็นรอยจูบนุ่มนวลของตำรวจหน้าตี๋ทำให้ณานด้นบทสดต่อไปไม่ออก บทจะดุก็ร้ายบทจะอ่อยก็ทำใจสั่น คราวนี้เขาเองคงต้องกลับไปรักษาโรคใจแกว่งแทนโรครักเสียแล้ว
         “นายก็ยั่วแหย่ฉันตลอดก็นึกว่าอยากให้ก...!” จะจบด้วยคำว่ากินก็ยังทำไม่ได้เพราะปากเจ้ากรรมโดนเรียวปากซุกซนของณานฉกชิงไปครอบครองประคองป้อนด้วยจูบแสนรักไปเสียแล้ว
          ตาเรียวเล็กหรี่ปิดลงเปิดใจสัมผัสรสรักผ่านจูบที่ทำให้หัวใจแข็งกระด้างอ่อนยวบยาบ ห้วงเวลาแห่งความเคลิบเคลิ้มหลงใหลกินเวลาไปเรื่อยจนกว่าทั้งสองคนจะถอนถอยริมฝีปากออกจากกัน
          นักสืบหนุ่มไม่รอให้เวลานั้นมาถึงเร็วนัก เขากวาดปากส่งทักษะสู่ปลายลิ้น หนุ่มเพื่อนรักชะงักเล็กน้อยด้วยไม่คาดว่าเพื่อนจะกล้าส่งลิ้นละเลงเล่น
         หนุ่มหน้าตี๋พยายามดึงหน้าออกจากคนหน้าหล่อล่อลวงจูบแต่ไม่สำเร็จ พอดันตัวออกห่างก็โดนโอบรัดให้แนบอกอุ่นจนผิวเริ่มระอุร้อน นักสืบใช้กลยุทธหลอกให้ผ่อนคลายแล้วโต้กลับจู่โจมไม่ยอมหยุดไม่มีหย่อน
          สุดแรงที่จะต้านและแข็งขึนไคจินได้แต่ปล่อยเลยตามเลย อยากจะลากอารมณ์ไปสุดทางที่ตรงไหนให้ณานนำไป
          เมื่อคนจู่โจมรับรู้ว่าคนที่เขารุกไล่ส่งลูกล่อลูกชนเริ่มจนทางหนีและยอมจำนนต่อเขาแล้ว มีหรือจะยอมหยุดอยู่แค่จูบ ถึงจะจูบเร้าอารมณ์แค่ไหนวันต่อไปไคจินก็ทำตัวเอ้อระเหยลอยชายกับความรักที่เขามีให้อีกเหมือนเดิม
          ในเมื่อโอกาสมีวันนี้เขาจะไม่ละทิ้ง ถึงจะแอบทำไม่ดีเอาไว้บ้าง แต่จะให้ทิ้งเวลาตอนนี้เพื่อรอวันต่อไป ไม่มีทางเสียหรอกที่จะพลาด ต้องรีบฉวยโอกาสนี้ไว้
          ณานทำอะไรไม่สะดวกนักเพราะชุดพอดีตัวที่สวมอยู่วันนี้ เขาปลอดกระดุมคลายทรงเสื้อให้พอหลวมจากนั้นจึงเริ่มวุ่นวายกับเสื้อผ้าบนร่างกายคนตัวเล็กที่นอนพิงซุกตัวระหว่างขาของเขา
          “ที่นี่ตอนนี้ที่รักไม่ติดนะครับ” เสียงแหบกระซิบกระซาบข้างหูแดงแจ๊ดของไคจิน ณานจะรุกให้สุดและหยุดที่...นี่เลยหรือ
ไคจินเบี่ยงหน้าหนีแม้แสงสว่างจะมีไม่มากแต่ความร้อนผ่าบนใบหน้าและไอระอุร้อนใต้เสื้อผ้าหนาๆ ที่สวมอยู่นี้ อีกทั้งยังมือเรียวยาวที่เกาะกุมอยู่บริเวณท้องน้อยยิ่งเร่งปฏิกิริยาทางร่างกายได้ดีนัก
           “ติดไม่ติดฉันคิดเองได้! ไม่ต้องให้นายมาถามเหรอ” สุภาพบุรุษจอมปลอมล่ะไม่ว่าไคจินค้านในใจ เพื่อนณานดื้อดึงดันทุรังเร่งรัดอารมณ์เขามาถึงขนาดนี้แล้วยังกล้าขอ
          ร่างสูงไม่รอช้าให้ไคจินรวมพละกำลังขึ้นมาใหม่เพื่อต่อต้านการกระทำของเขา ถึงเพื่อนรักจะชอบคำตัวเก่งกร่างตะบี้ตะบันปลุกปั้นพละกำลัง มีความชอบที่เขาไม่สามารถเข้าถึงและไม่สามารถใช้ความคิดตัวเองวิจารณ์ความชอบและการกระทำนั้นได้ แต่เขามั่นใจอย่างหนึ่งว่าไคจินมีใจให้เขาแน่นอน
          คนเจ้าเล่ห์จัดท่าทางให้เพื่อนรักเปลี่ยนเป็นนั่งคล่อมบนหน้าตัก ก้มหน้าเข้าใส่คนหน้าใสให้หน้าผากดันใบหน้านายตำรวจหนุ่มให้เงยขึ้นแล้วจุมพิตเรียวปากบวมตุ่ยน่ารักนั้น
          เสียงอือออให้ลำคอขาวไม่ได้พึงพอใจแต่อยากจะก่นด่าใส่ณามมากกว่าเพราะแนวคิ้วขมวดมัดกันเป็นโบว์บนหน้าผาก หากชอบใจคงไม่นิ่วหน้านิ่งคิ้วชนกันแบบนี้ ณานจะทำร้ายเรียวปากจิ้มลิ้มน่ารักของเขามากไปจนเขาเริ่มหมดความรู้สึกเมื่อเรียวปากสัมผัสกันแล้ว
          “ขอโทษ ตื่นเต้นไปหน่อย” คนเผลอตัวเอ่ยขอโทษขอโพยเหตุที่คุมความต้องการของตัวเองไว้ไม่อยู่
          “คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง นายนี่มัน!” สีหน้าไคจินไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมามากนัก น้ำเสียงประชดประชันไม่ได้โกรธเกี้ยวเหมือนยามที่คุยกันตามปกติ
          ความใจกล้าหน้าทนของพ่อนักสืบถึงคราวต้องนิ่งคิดแล้วว่าจะหยุดอยู่ตรงนี้หรือลุยต่อไปให้สุดทาง เขาแนบร่างเพื่อนรักไว้กลางอกหนุนปลายคางบุ๋มไว้บนศรีษะทุยเล็กนั้น
          เวลามาถึงแล้วแต่จังหวะยังไม่ดีพอ น่าเสียดายจริงๆ 
          ชายร่างเล็กซุกหน้าลงกลางอกอุ่นรู้สึกจั๊กกะจี้เล็กน้อยเมื่อแก้มยุ้ยของตัวเองสัมผัสไรขนบนอกชวนเซ็กซี่นั่น ใจลึกๆ อยากจะต่อโชว์ให้จบแต่ความรู้สึกอยากยับยั้งความหวิวไหวครั้งนี้ไปเสียก่อน ตัวเขาเองอ่อนใจกับความคิดตัวเองในบางครั้งบางคราวเหมือนกัน
          ความเหนื่อยหน่ายน่าหนักใจกว่านั้น คือมันทำให้เขาเป็นคนยักเย้ยักยัน ความสุขมากองอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่มีความกล้าก๋ากั่นที่จะกระโจนลงแรงแลกตัวกับความรัก
          “นาย...” ไคจินอยากถามณานว่าเบื่อคนยึกๆยักๆ เล่นตัวกับความรักอย่างเขาหรือยัง
          “ผมรอได้ แต่อย่าให้รอจนหิวตายนะที่รัก” จูบนุ่มนวลที่แก้มยุ้ยน่ารักด้วยความรักใคร่และเอ็นดู ไคจินเหมือนเด็กน้อยน่ารักในอ้อมกอดพ่อยอดชายจอมเจ้าชู้มากเลห์ในทันที เขารู้แก่ใจว่าได้ตะกละตะกลามกวาดกินออเดริฟมามากพอสมควร รอกินจานหลักสุดอร่อยล้ำอีกซักหน่อยไม่ได้ทำให้เขากระหายหิวแต่อย่างใด
          “ฉันจะชดเชยให้ นายไม่ขาดทุนแน่นอน” เสียงแหบแนบคำให้สัญญาว่าฝ่ายที่รอจะไม่เสียประโยชน์ เขาจะตั้งใจจ่ายค่ารอให้คุ้มค่าเกินทุนที่อดทนรอ
          นักสืบหนุ่มเอ็นดูความใจกว้างเกินจำเป็นของตำรวจหนุ่ม อดที่จะใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นแก้มก้นงามงอนที่นั่งซ้อนบนตักไม่ได้ คำพูดคำจาอ่อยอ้อยั่วเยไม่รู้ไปเรียนมาจากใครฟังแล้วทั้งหมั่นไส้ทั้งใจเสีย ถ้าเจ้าเพื่อนตัวดีไปเสนอตัวแบบนี้ให้ชายอื่นตัวเขาเองต้องได้อกแตกตายแน่
          “ผมจะทบต้นทบดอกจนจ่ายไม่ไหวเลยคอยดู” สองมือที่วนเวียนหยิกเขยำก้มไล่ลามมาจ้ำจี้รอบเอวของคนบนตัก คนร่างเล็กดิ้นกระตุ๊กกระดิ๊กขลุกขลักบนหน้าตักของณานเพราะจั๊กจี๊
          เวลาความร่มรมณ์ผ่านไปไม่นานนัก เพื่อนร่างเล็กได้ฟุบหลับแนบอกนักสืบหนุ่มไปแล้ว ดวงตาคมโตเหม่อมองยังแสงจันทร์ผ่านหลังคาแตกหักในบ้านทิ้งร้างแห่งนี้
          ณานหรี่ตาลงและข่มให้หลับแต่ทำไม่ได้ง่ายเหมือนนอนทิ้งตัวบนที่นอนเพราะให้อ้อมกอดของเขาตอนนี้มีร่างเนื้อทับอกเขาไว้อยู่ คืนนี้เขานั่งถอนหายใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่เพื่อนรักกลับหลับคาอกเขาได้หน้าตาเฉยและดูจะนอนสบายหลับสนิทผิดกับตัวเขาที่กระวนกระวายทั้งกายและใจ
          หนทางเก็บต้นทบดอกของณานยังจะอีกยาวไกล เขาควรจะต้องเพิ่มพลังเก็บแรงไว้เมื่อถึงเวลาละเลงต้นทะลายดอกเมื่อไหร่ ไคจินจะพูดจาก๋ากั่นเชื้อชักยั่วเพศอีกไม่ได้ นอกจากนอนรับรักที่ถาโถมเข้าใส่เพียงอย่างเดียว คิดได้เช่นนี้คนหน้าเข้มเหยียดยิ้มหลับตาพริ้มอยู่ในภวังค์ทั้งที่ไม่ฝัน เพราะหลับไม่ลง!
          อีกนิดเดียว อีกนิ๊ดเดี๊ยวค่า....เจอกันตอนต่อไปนะทุกคน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 09-01-2024 15:43:30
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชะตาลิขิตอลวน ช่วงชีวิตอลเวง หากใครที่ไม่เคยผ่านชีวิตตกระกำย่ำแย่เป็นโอกาสดีที่พวกคุณจะได้เร่งทำดีหนีความวิบัติทางภัยกรรมที่พร้อมกระหน่ำย่ำให้คุณจมอยู่ใต้โคลนดิน!

Lover Fire 2 - The New Begining : ภัยร้าย กลายรัก

          คนรุ่นเก่ามักปลอบขวัญเด็กฝันร้ายจะมักกลายเป็นเรื่องดี แต่เขาฝันเรื่องเดิมๆ จนสับสนว่าตื่นอยู่หรือกำลังฝันเพราะลืมตาอีกกี่ครั้งก็ยังอยู่ในเหตุการณ์นี้ไม่สิ้นสุดเสียที
          เสียงใบพัดตีอากาศเสียงดังสนั่น เฮลิคอปเตอร์สองลำแผ่ดเครื่องยนต์กึกก้องแข่งกับมวลหิมะถล่มที่ม้วนตัวรวมกันเป็นเกลียวคลื่นขาวโพลนที่ไล่หลังกระแทกตัวลงมาเสียงดังครืดๆ สามแหล่งที่มาของเสียงประสานแข่งเร่งเสียงตนให้ดังกลบเสียงคนตื่นตระหนกตะโกนโวกเวกเหมือนชมละครใบ้
          คลื่นหิมะยักษ์รวมพลม้วนตัวลอยไถลเป็นระลอกเหมือนทิวเขาเป็นดั่งท้องทะเล คลื่นขาวตีเข้าขอบฝั่งคือที่ราบระหว่างเขาด้านล่าง
          เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของรัฐมนตรีช่วยฝ่ายบริหารและผู้ติดตามเร่งใบพัดบินหนีคลื่นขาวโพลนไปได้อย่างหวุดหวิด ควาวมแรงของหิมะกระเซ็นซัดพัดหางเสือแกว่งจนเครื่องโคลงเคลงสร้างความหวาดเสียวให้คนบนเรือบินเล็ก
          ส่วนลำที่สองเป็นเฮริคอปเตอร์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ออกตัวช้ากว่าเพราะวนหาผู้โดยสารที่พลัดตกเครื่อง เมื่อคนขับตัดสินใจทิ้งคนแล้วรีบเร่งนำเครื่องบินให้สูงขึ้นหนีภัยคุกคามจากหิมะ อีกเสี้ยวนาทีจะหลบพ้นคลื่นหิมะกองมหึมา...
          เสียงเหมือนของแข็งทุบโลหะดังปัง! ทุกอย่างดับเหมือนไฟตัดทั้งสติและชีวิตคนบนเครื่องเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าโดนถอดปลั๊ก
          สรรพชีวิตรอบตัวนิ่งสนิทและหนาวเย็น สติวูบวาบดับๆติดๆเหมือนรถขาดน้ำมัน เขาเคยได้ยินคนใกล้ตายมักเรียกหาลูกหลานหรือคนสนิท ไม่ได้กลัวตายแค่เสียดายที่จากนี้ไปอาจไม่ได้เจอคนที่เรารักได้อีก
          ‘ณาน! เคลาส์ตก...’ เรียกปากรูปกระจับขยับแผ่วเบาก่อนนอนนิ่งสลบไป

          บริเวณหลังเขายังคงเงียบสงบดั่งเช่นปรกติ ผิดอีกฟากฝั่งที่โดนหิมะถล่มใส่จนขาวโพลน หลังจากเสียงครางครืนของจำนวนหิมะมหาศาลไหลกรูมายังตีนเขา พร้อมกับเสียงประหลาดดังตุบเหมือนของหนักตกลงมา พื้นหิมะที่ตกทับถมกันเป็นเวลานาน ความหนานุ่มบรรเทาแรงกระแทกได้ส่วนหนึ่งให้ได้ยินเสียงฟุ่บฟับ
          เสียงของตกดึงความสนใจของจิตรกรหนุ่มให้หยุดหมกมุ่นในงานศิลป์ตรงหน้า อากิเจ้าชายแห่งงานจิตรกรรมร่วมสมัยเดินนวยนาดเหมือนตัวเองเป็นงานอาร์ตมายังที่เกิดเสียงดัง
          เจ้าตัวเบิกตากว้างเหมือนยืนมองดูงานศิลปะชั้นยอด แนวเสมือนจริงและหลอนประสาท!
          เขากรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือแทบจะไม่ได้ฟังปลายสายพูดตอบกลับมา น้ำเสียงร้อนรนของเจ้าชายหาได้ยินไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่มักจะสาดคำพูดคำจาแข็งกระด้างกระดานยังเรียกพี่สภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูที่ดีและเข้มงวดคงไปกระตุ้นต่อมต่อต้านสังคมในตัวให้ลุกโชนเป็นวัยรุ่นสร้างแรงกดดันให้คนรอบข้าง
          “มาที่บ้านหน่อยสิ... เปล่า ๆ สบายดี แต่มีคนเจ็บอยู่ที่นี่ เหมือนตกลงมาจากที่สูง ...
          “นอนไม่ขยับเลย ...
          “ได้ ๆ จะไม่แตะเลย...
          เสียงพูดคุยต่อท้ายยาวเป็นหางว่าว ตาก็คอยชำเลืองมองว่าคนตรงนั้นจะลุกขึ้นมาหาตัวเองหรือเปล่า
          “ถามแปลกนะ ก็ไม่เป็นอะไรนี่... แต่เมื่อกี้ได้ยินเสียงประหลาด ดังครืน ๆ อยู่บนภูเขา” คนพูดกรอกเสียงใส่คู่สนทนาไม่หยุดพักหายใจ
          “หา? ปิดเขตอันตราย! หิมะถล่ม!” น้ำเสียงฟังอยู่ร้อนลนไม่ใช่เพราะกลัวการขาดการติดต่อยังใช้ได้อินเตอร์เน็ตก็ยังมี แต่ปัญหาอยู่ที่ไอ้คนตรงนั้นน่ะใครจะพาออกไปล่ะ
          “ว่าแต่ ฮอล์ของโรงพยาบาลมารับได้ไหม อย่าให้ใครมาตายในบ้านนะ กลัวผีเว้ย...
          “อ้าวเฮ่ย! อาหมอ! ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย มาไม่มาเนี่ย” มือเรียวกดโทรออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ติดต่อกลับไปไม่ได้ สัญญาณเหมือนขาดหายไปซะดื้อ ๆ
          “โห้ย...ตัดไปแล้ว มันน่านัก ชิส์” บ่นจิกจั๊กแล้วก็เดินตรงมายังผู้ทำให้เกิดเหตุคนหล่นจากฟ้า
          “นี่...นี่นาย” มือเรียวเขย่าบ่าหนาอยู่ซักพักแต่ก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่าคนเป็นหมอสั่งมาว่าห้ามไปขยับหรือทำอะไรกับคนเจ็บ ตากลมลอบมองใบหน้าของคนที่นอนสลบแน่นิ่ง ต้องจดจำรายละเอียดเอาไว้เผื่อเกิดเป็นผู้ร้ายจะได้บอกตำรวจถูก
          “หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน อ๊ะ! หน้าโหลนี่เอง!” เพ่งพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้วประมวลผลออกมาตามความคิดเจ้าตัว
          “หน้าคนฝรั่งเหมือนกันหมดเปล่าว้า” พูดเองเออเองไปทั่ว รั่วและเรื่อยเปื่อยด้วยความตระหนกตกใจ กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้าของตัวเองก็แทบจะแนบชิดกับคนตรงหน้าอยู่แล้ว และเหมือนจะนึกอะไรออกขึ้นอย่างอย่างกะทันหัน
          “ละ...เลือด!..บ้าเอ้ย! ทำไมไม่ยอมมารับซักที คนกลัวผีนะเว้ย เกิดมาตายอยู่นี่เป็นผีจะทำไง”
         เวลาผ่านไปพอควรจนคนคนเลิกลั่กเริ่มใจเย็นขึ้น นั่งรวบรวมสมาธิดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้มากขึ้น มือเรียวคอยจับชีพจรที่ใต้คางเป็นระยะ โชคดีที่หิมะหยุดตกมาได้ซักพักไม่เช่นนั้นคนที่หล่นตุบลงมากองตรงนี้คงได้มีหิมะฝังร่างโดยไม่ต้องใช้ดินกลบให้เสียเวลา
          หนุ่มสายศิลป์โลกส่วนตัวสูงผู้หลบลี้หลีกหนีสังคมมาอยู่บนเขา เดินเข้าบ้านไปหยิบผ้ามาสองผืน ผืนของตัวเองรีบนำมาห่มห่อกันความหนาว ส่วนอีกผืนนำไปคลุมร่างชายหนุ่มแปลกหน้าที่นอนนิ่งอยู่สวนหน้าบ้าน
          และแล้วการรอคอยที่เนิ่นนานก็จบลง เมื่ออาหมอมาพร้อมอุปการณ์ช่วยเหลือ โชคดีของพ่อหนุ่มนี่จริงๆ ถ้าเป็นหมอในระบบประจำการโรงพยาบาลอย่าหวังเลยว่าจะมารักษาคนป่วยนอกสถานที่ได้
          ด้วยความชำนาญในอาชีพไม่มัวมาเสียเวลากับการบาดเจ็บเล็กน้อยตามลำตัว มีแผลแตกที่ขมับคราบเลือดเริ่มแห้งและแข็งเกรอะบริเวณซีกหน้าขวา ที่สลบอาจไม่ใช่เพราะแผลที่หัวอาจเป็นอย่างอื่นเสียมากกว่า ต้องรอให้คนเจ็บฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยตรวจละเอียดอีกครั้ง
          “ยังไม่ต้องรับการรักษาเร่งด่วน กระดูกไม่มีหัก มีรอยขีดข่วนตามตัว รอยช้ำอาจชัดขึ้นวันพรุ่งนี้แล้ววจะแวะมาตรวจซ้ำ ส่วนหัวที่น่าจะถูกกระแทกต้องรอเขาฟื้นและจะได้ดูอาการต่อไป” อาหมอร่ายยาวบรรยายอาการคนเจ็บมีหลานชายยืนฟังจะเข้าใจหรือไม่นั้นคาดเดาได้ยากใบหน้าดุจเทพปั้นไม่แสดงอารมณ์อะไรนอกจากเรียวปากได้อ้าออกเสียงเท่านั้น...ไฟบรรลัยกัลป์!
          “ก็น่าจะไม่เป็นไรเสื้อผ้าหนากว่าตัวเสียอีก”
          “แล้วคุณชายแตกตื่นไปทำไม กลัวเขาตายทำไมล่ะหลาน” หนุ่มใหญ่ที่ถูกเรียกว่าหมอตอบล้อเลียน ที่อย่างเนี่ยล่ะทำเป็นปากเก่ง คนที่กลัวหนักกลัวหนาเมื่อกี้คงวิ่งหนีเข้าป่าหิมะไปแล้ว
          “ก็เลือดอาบหน้าซะขนาดนั้น” ตอนตอบแก้ตัวเสียงอ่อย ๆ เขามีความทรงจำที่ไม่ดีกับสีแดงเท่าไหร่ ตื่นตระหนกทุกครั้งที่เห็นเหมือนเป็นของแสลง และครั้งนี้จะต้องโดนล้อเรื่องนี้ไปอีกนานจากอาหมอขี้แกล้งแน่นอน
          “แล้วนี่ไปเจอมาจากที่ไหน” ถามไปพรางนำอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลต่างๆ ทำปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน
          “ตอนเจอก็เห็นนอนสลบอยู่ใต้แนวสนหน้าบ้านแล้ว” เชิดปากโบ้ยไปที่สวน
          คนเป็นหมอเรียกคนที่ตามมาด้วยให้ช่วยย้ายร่างคนเจ็บเข้าไปในบ้าน มีห้องว่างอยู่หลายห้องน่าจะรับรองคนเจ็บให้หลับสบายดีกว่านอนหนาวอยู่หน้าบ้านท่ามกลางกองหิมะ
          “พรุ่งนี้ถนนคงเปิดใช้งาน อาจะมารับพาลาดินไปตรวจในโรงพยาบาล” หลานชายตามมุขไม่ทันไม่รู้ว่าพาลาตินที่อาพูดคืออะไรจะใช่นักรบในเกมสายแทงค์ผู้อึดทึกทนในเกมส์หรือเปล่า
          “อยู่คนเดียวอันตรายนะ กลับญี่ปุ่นไปอยู่เป็นเพื่อนท่านย่าเถอะ เป็นอะไรขึ้นมาอาจะหาลูกชายหน้า...งามหุ่นดีแบบนี้ไปคืนพ่อเราได้ยังไง”
          “คุณอา! ทำไม? เหยียดเพศเหรอ ยุคสมัยเปลี่ยนแล้วตามให้ไว” คุณหมอฟังหลานตัวดีพูดได้แต่ยิ้มรับ เอ็นดูหลานก็ใช่แต่อย่าให้เอ็นขาดมันจะไม่น่าดูนะหลานรัก! (คุณอาหมอคนอ่านจะคิดลึกนะคะ)
          “จ้า...หลานเป็นตัวเองให้เต็มที่ อย่าให้อาเดือดร้อนก็แล้วกัน...ฮ่าๆ”
          ตรวจอาการคนเจ็บเสร็จ หยูกยาต่างๆ จัดไว้พร้อมแล้วเตรียมตัวกลับหิ้วกล่องสัมภาระคู่ใจออกไปหน้าบ้าน เดินตรงไปยังรถจิ๊ปที่มีทหารพลขับรอพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
          “คุณอา! เป็นถึงหมอพูดจาเรื่อยเปื่อย ผมยังไม่เดือนร้อนเลยมีหมอเป็นอาเนี่ย” เสียงแว๊ด ๆ ที่ตามหลังเขามาไม่ได้ทำให้เขาหันกลับไปมองเลยซักนิด
          “หึ...มีอาอย่างฉันจะเดือนร้อนก็บ้าแล้ว” เมื่อวันก่อนก็นอนซมเป็นไข้อยู่คนเดียว หากเขาไม่แวะมาหาก็คงต้องนอนตายคาบ้านแน่ๆ
          คาดเดาอารมณ์คนศิลปินเป็นงานหินและยากเกินคาด ดื้อก็ขนาดนั้น ขวางโลกก็ที่หนึ่ง แถมพูดยังไม่เสนาะหูอีกต่างหาก มีช่วงเวลาท้อใจแอบคิดเสียดายหน้าตาน่ามองย่างก้าวน่าดูกลับต้องมามัวหมองไม่ต้องใจผู้คนด้วยคำพูดของเจ้าตัวเองที่ห้วนทู่ระคายหูเสียจริง
          “เอ๋? หรือพระเจ้าอยากสั่งสอนหลานปากก๋ากั่นด้วยการส่งเทวทูตมาจัดการ!” อาหมอตบข่าตัวเองฉาดใหญ่จนพลขับหันมามองด้วยความตกใจ
          “ไม่มีอะไรๆ แถวนี้มีโบสถ์หรือวัดไหมพลทหารผมอยากสักการะเสียหน่อย”
          “บนเขาเนี่ยนะหมอ เฮ้อ! ผมจะถามคนในพื้นที่ให้นะครับ”
          ทหารหนุ่มส่งสัญณาณวิทยุเข้าศูนย์ได้รับคำตอบกลับว่ามีศาลเก่าแก่อยู่แห่งหนึ่งอยู่บนเขา แต่ยังเข้าไม่ได้ตอนนี้เพราะหิมะถล่มมากีดขวางทางขึ้นเขา และต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้นรถไม่สามารถขึ้นไปได้
          แรงศรัทธาของอาหมอลดลงมาเล็กน้อยเมื่อต้องถวายการบูชาด้วยการเดินเท้าไปสักการะ คนมีอายุแล้วอย่าเขาทุกวันนี้ต้องเสียเงินซื้อคอลาเจนกินเพื่อข้อขาข้อเข่าไม่รู้จะกี่ยี่ห้อ แต่ข้อต่อยังดังกึกกักอยู่เลย
          เมื่อไหร่จะมียาอายุวัฒนะซักทีนะ จะได้หล่อยืนยงคงกระพัน...
          เจอกันตอนต่อไปนะคะ อ่านเกริ่นนำไปก่อนเหมือนซีซั่นนี้เคลาส์จะเป็นพระเอกหลักนะเนี่ย ปัญหาชีวิตรุมเร้าเหลื๊อเกิ๊น
:hao4:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 14-01-2024 13:14:42
Lover Fire 2 Part 2: The Lost Memory
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน แล้วสมองของคนพิสูจน์อะไร?
     
         ชายหนุ่มรู้สึกถึงการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทำให้เขานอนหลับลึกพักผ่อนเต็มอิ่มไม่อ่อนเพลีย แต่ที่ไม่อยากล้มตัวลงนอนเพราะความฝันซ้ำๆ ไม่เห็นหน้าค่าตาว่าเป็นใคร ฝันที่ว่างเปล่ากลับหนักหน่วงอัดแน่นด้วยความรู้สึกที่ระบายเป็นคำพูดไม่ได้
        “เ ค ล า ส์” เสียงเรียกของใครซักคนเรียกชื่อที่เจ้าตัวคุ้นเคย ชื่อของเจ้าตัวที่เจ้าของชื่อเผลอหลงลืม
          แผ่วเบา…ล่องลอย ใครกันนะร้องเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าโรยแรง เสียงเรียกเดิมยังคงดังอย่างต่อเนื่องน้ำเสียงแตกพร่า สั่นครือคล้ายเสียงสะอื้น
          เสียงออกจะมาดแมนแต่ทำไมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยอ่อนต่อโลกแบบนี้? หรือมีใครแย่งของเล่นไปเลยอยากฟ้องเขาอย่างนั้นหรือ....ไม่ใช่ละมั้ง เขาเองไม่ได้เป็นพี่ชายแสนดีให้ใครขนาดนั้น
          แต่ยิ่งได้ฟัง เสียงแรียกนั้นมันแสนจะเจ็บปวดจนหัวใจของเขารับรู้ถึงความร้าวราน อยากกอดปลอบขวัญเจ้าของน้ำเสียงนั้นเหลือเกิน อยากทำให้เจ้าของเสียงอุ่นใจว่าเขาไม่ได้ห่างหายไปไหน จะอยู่ใกล้ ๆ ไม่ร้างลาห่างจากไปไกลเลย
          ‘เคลาส์’ ...เสียงนี้!! ร่างกายสะดุ้งโหยงดึงตัวหนาให้ลุกขึ้นจากที่นอนชื้นเหงื่อ
          เหมือนเช่นเคยเมื่อลืมตาตื่นสมองเขากลับว่างเปล่า ชื่อที่เฝ้าฝันถึงแม้จะดังก้องอยู่ในหูแต่ก็ไม่รู้ที่มาว่าใครเป็นคนเรียกและยังเฝ้าร้องเรียกเขาด้วยเสียงเดิมๆ ทุกเมื่อเชื่อคืน
          "บ้าจริง! ฝันเดิมๆซ้ำซาก อยากจะบอกอะไรทำไมไม่พูดออกมา"
          ดวงตาคมกระพริบถี่ ๆ ไล่ความอ่อนล้าที่เกาะกุมไปทั่วร่างกาย แผ่นหลังกว้างเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อไหลเรียงเม็ดกลั่นตัวซึมชื้นเปียกเสื้อคลุมผ้าแข็งหนาสไตล์ประหลาด ถ้าเนื้อบางกว่านี้คงได้เห็นแนวการแต่งกายแบบใหม่ที่ไกล้เคียงกับบอดี้ฟิตเสื้อแนบลู่ลำตัว
          ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนหนาที่วางลงแนบพื้นจากที่ไม่คุ้นชินก็เริ่มดำเนินชีวิตการนอนกับที่นอนแนวราบนี้ได้ดีขึ้น
          เขาเดินมานั่งพิงกายกับประตูบานใหญ่สักบานในบ้านแนวอนุรักษ์นิยมนี่ ที่ครั้งนี้เขาได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ยามตะวันสีทองเริ่มสาดลำแสงแทรกซึมหมอกเมฆสีครามทึบ
          "สวยงามแต่เศร้าสร้อย...อยากดื่มอะไรสักแก้วจัง" ความเคยชินและนิสัยส่วนตัวที่ทำให้เขายังจดจำความรู้สึกได้อยู่แต่แค่หลงลืมไปบางส่วน
          เขามักรู้สึกปวดตึบๆ แสบเล็กๆ ที่บาดแผลหลากหลายแห่งที่พร้อมใจกันเบ็งตัวบวมตึง โดยเฉพาะแผลแตกที่ขมับ ผลมาจากแผลสดต่างที่เริ่มทยอยตกสะเก็ดพร้อมกันตามแขนขาและลำตัว
          เสียงทอดทอนใจยาวไม่ได้รุนแรงนัก สถานที่แห่งนี้สุขสงบเรียบง่ายหากเขาตัดตอนชีวิตช่วงก่อนทิ้งไปซะแล้วหันมาอาศัยอยู่ที่นี่จริงจังคงสุขกายสบายใจดี
          ดวงตาอ่อนล้าทั้งสองข้างหรี่เล็กและปิดลงพร้อมภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ร่องรอยบาดแผลตามร่างกายไม่ได้สาหัญอะไร เขาเองคงเป็นเจ้ายักษ์ฮัลค์ตัวเขียวสินะที่ล่วงหล่นจากท้องฟ้าแล้วไม่ยักกะตาย
          เหตุการณ์ต่างๆไล่เลี่ยงภาพเหมือนสมองของชายหนุ่มกำลังฉายยอดภาพยนตร์ให้ตัวเองได้ชมเป็นการส่วนตัว
          เปรี๊ยะ! เสียงกิ่งไม้หักรับส่งกันเป็นทอด ๆ กิ่งไหนแข็งแรงหน่อยก็ชะลอแรงปะทะให้เบาลงแต่ก็ฝืนแรงโน้มถ่วงของโลกไม่ได้ ร่างหนัก ๆ ของใครบางคนร่วงลงสู่พื้นดินที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ
          ครืดดด! ซวบ! เสียงคลื่นหิมะพร้อมเสียงเสียดสีของผ้าเนื้อหนากับกิ่งไม้ ส่วนของผิวเนื้อที่โผล่พ้นร่มผ้าขูดครูดไปกับเศษกิ่งไม้แห้งๆ ช่วงหน้าหนาว จนเกิดรอยขีดข่วนตามแขนขาและลำตัวบางแห่ง
         ตุบ!เสียงหนักๆ เหมือนก้อนหินหล่นลงบนกองหิมะ ศีรษะเกร็งยกขึ้นลดแรงกระแทกก่อนตกลงพื้นอย่างแรงพร้อมเก็บคอป้องกันตัวเองการกระทำเป็นไปตามปฎิกิริยาตอบสนองตามที่ถูกฝึกมา
          เก่งและกล้าแค่ไหนแต่ดวงยังไม่ดีพอทำให้หลบหลีกเครื่องหินประดับสวนไม่พ้น ศีรษะชนเข้าเต็มรักร่างหนาแทบสิ้นสติในทันที เลือดสีแดงเข้มไหลย้อยลงมาจากรอยแผลแตกที่บริเวณขมับด้านซ้าย
          เขาพลิกตัวหมายจะลุกขึ้นเดินจากที่แห่งนี้ไป เพียงไม่กี่อึดใจ ซีกหน้าที่เคยแนบผิวหิมะก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดจากแผลแตกไปครึ่งหน้าเสียแล้ว
          ชายที่เหมือนเทวดาตกสวรรค์เบิกตามองสภาพแวดล้อมให้ชัดขึ้นแต่ไม่เป็นผล ดวงตาทั้งสองหนักอึ้งเหมือนหนังตาจะปิดลงท่าเดียว ก่อนสติจะหลุดไปใครบางคนวิ่งตรงมาทางเขา เสียงฝีเท้าบนพื้นหิมะดังตึกตับเหมือนเสียงเพลงกล่อมให้เขาหลับได้สบายใจ
          “คุณ! เฮ้! ยังดีอยู่ไหม?”
          เหล่านี้คือภาพเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เขาจดจำได้ในปัจจุบัน
          เสียงเคลื่อนของแนวประตูทำให้หนุ่มผู้หลงลืมลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองประตูอีกด้านของห้องที่เปิดออก ร่างสูงในชุดแปลกตาแบบเขาเดินเขามาหา
          ชุดประหลาดแบบเดียวกันแต่พออยู่ในร่างคนๆ นี้แล้วกลับดูสะโอดสะองอ่อนช้อนนุ่มนวล ไหนยังจะผมเผ้ายาวสีดำสลวยสวยเป็นเงางามที่ถูกมัดรวมไว้หลังท้ายทอยนั่นอีก เขาคงหลุดมาในยุควัฒนธรรมโบราณที่ใดสักแห่งเป็นแน่แล้ว
          "นายนอนไม่หลับหรือยูกิ"
          ผู้ที่ให้การช่วยเหลือไถ่ถามแล้วทิ้งตัวลงมานั่งเว้นระยะห่างเล็กน้อยอยู่ข้างๆ คนร่างสูงใหญ่ ชายสองคนนั่งมองหิมะโปรยปรายในช่วงเช้าตรู่ของวัน
          ชายร่างสูงนั่งท่าสบายๆ มือถืออุปกรณ์มีด้ามยาวไว้สูดและมีส่วนปลายไว้จุดเผาผงบางอย่าง เขาเดาเองว่าอาจจะเป็นบุหรี่หรือพวกยาสูบเพราะมีกลิ่มเฉพาะตัว การสูดจากท่อนโลหะยาวนั้นส่งควันออกมาเหมือนคนสูบบุหรี่
         "แม่ใหญ่บอกฉันบ่อยๆ ฝันร้ายมักจะกลายเป็นดี" พูดดีได้ไม่เท่าไหร่ตากลมโตสีน้ำตาลสดใสคู่นั้นก็ฉาบฉายแวววาวด้วยกลคนมากเล่ห์
          "ถ้ามนายฝันเปียกละก็ รีบไปทำให้มันเสร็จซะ!" 
          คนได้ฟังนิ่งงงงัน คนหน้าตาดีกริยามารยาทงามไม่น่าพูดจาทำลายภาพลักษณ์ตัวเองแบบนี้เลยจริงๆ เสียของหมด เสียดายแหล่งอารยะทรงคุณค่าที่เจ้าตัวดำเนินชีวิตมานักเชียว อุส่าห์หลงปลื้มอยู่ตั้งนานสองนาน
                   
          เจ้าบ้านเดินมาที่ห้องคนเจ็บนอนอยู่ตั้งใจจะแวะมาดูอีกครั้งก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ร่างสูงนอนกระพริบตาถี่ ๆ เหมือนจะยังไม่รู้สึกว่ามีใครอีกคนได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้อีกคน
          “ตื่นแล้วเหรอ”
          “ที่นี่...”
          “บ้านฉันเอง นายน่ะอยู่ดี ๆ ก็ตกลงมาจากฟ้าแถมด้วยหิมะหอบเบ้อเริ่ม รกหน้าบ้านไปหมด”
          “ผม...พร้อม หิมะ” น้ำเสียงเนือยเอื้อยเจื้อยฟังแล้วเหนื่อยแทนคนพูดจริง ๆ ให้นอนพักผ่อนก่อนแล้วกัน เลือดไหลโชกซะขนาดนั้นไม่ตายก็ดีแล้ว
          “ปวดหัว” คนป่วยหลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อน รู้สึกปวดระบมเจ็บไปทั่วทั้งตัว
          “นายนอนเถอะ ตื่นขึ้นมาอีกที ถ้าอาการดีขึ้นแล้วฉันจะติดต่อทางบ้านนายให้”
          “บ้าน...ผม...โอ้ย!” น้ำเสียงที่ฟังดูยังไงมันก็เหมือนเด็กผู้ชายอ้อนแม่อย่างไงอย่างงั้นยิ่งทำให้คนฟังนิสัยแมนเกินหน้าถึงกับหนวดกระดิก! ตีนกระตุก?
          “นี่นายเป็นลูกผู้ชายเปล่าเนี่ย อ้อนเป็นเด็กไปได้ นอนซะตื่นมาแล้วว่ากัน” นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยนะจะซัดเปรี้ยงเข้าให้ ผู้ชายบนโลกยิ่งน้อย ๆ อยู่ยังจะมาลดปริมาณอีก ผู้ชายใจอิสตรีอย่างฉันก็แย่ดิ
          “ว่าแต่...นายชื่ออะไร”
          “ผม…ผม”
          หนุ่มปากร้ายนึกขึ้นมาด้วยมายังมีเสื้อผ้าของคนเจ็บนี้อยู่คงจะมีหลักฐานแสดงตัวตนพกติดอยู่บ้าง ไม่รอช้ารีบบอกให้คนสับสนพักผ่อนเสียก่อนแล้วรีบออกไปยังกองเสื้อผ้าที่ถูกถอดออกไป
           อากิชมความรอบคอบของอาหมอทั้งเสื้อผ้าและของส่วนตัวของหนุ่มคนนั้นจัดวางรวมกันไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วยังห่อใส่ถุงสวมให้เรียบร้อยรอใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ตัวตนได้เลย
           เขาเจอกระเป๋าพกมีเงินสดอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นสารพัดบัตรแข็ง บัตรเครดิต บัตรประจำตัว บัตรข้าราชการ
          “อาหมอโครตเทพ! พาลาดินจริงๆ ด้วยเว้ยเฮ้ย!”  จิตกรอวยยศอาหมอผู้เฟี้ยวฟ้าวมาก่อนกาลทำนายอาชีพคนไข้เก่งยิ่งกว่าหมอดู
          อัยการเคลาส์ ฮอฟแมนน์ หน่วยงานสืบสวนสอบสวนพิเศษ จดจำชื่อสกุลนี้ไว้รอให้พาลาดินฟื้นสติเต็มที่เสียก่อนแล้วค่อยติดต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่พื้นราบติดต่อญาติจะได้กลับบ้านกลับช่องไปเสียที
          เจ้าของบ้านเดินกลับมายังห้องนอนคนป่วยอีกครั้งในรอบวัน จังหวะเดียวกับที่คนป่วยตื่นขึ้นพอดี เขาดันตัวเองลุกขึ้นนั่งหันมามองหน้าเจ้าบ้านแต่ไม่ได้พูดอะไร
          “ลุกไหวแล้วหรือ หัวนายเป็นไง” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยฟังแล้วสบายหูขึ้นเยอะเลย ถึงจะไม่ไพเราะเสนาะหูแต่ฟังแล้วปล่อยผ่านทางความรู้สึกได้
          “ไม่ปวดแล้วครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ
          “นายจำชื่อตัวเองได้ไหม” อากิถามข้อมูลเบื้องต้นจะได้ตอบอาหมอได้วันพรุ่งนี้ คำตอบที่ได้มีแต่ความว่างเปล่า
          ตากลมโตพิจารณาคนร่างสูงใหญ่ที่นั่งเหมือนเด็กหลงทางอยากจะพากลับไปหาแม่อยู่หรอก แต่ถ้าปล่อยเด็กน้อยไปเขาก็ต้องนั่งเหงานอนหง่าวอยู่คนเดียวบนเขาลูกนี้อยู่เป็นปีเลยกว่างานจะเสร็จ หาอะไรสนุกๆ ทำเล่นฆ่าเวลาคลายเหงาดีกว่า สิ่งที่กำลังทำไม่ถูกต้องนักแต่วิญญาณมารในร่างเทวาผู้งดงามคนนี้เริ่มแผลงฤทธิ์ส่งจิตด้านมืดเข้าครอบงำแล้ว
          “ยูกิ แล้วกัน...นายชื่อ ยูกิ”
          “ยูกิ...” เขาทวนชื่อของตัวเองที่อากิตั้งให้ นึกสงสัยชื่อตัวเองว่ามันใช่ชื่อนั้นจริงหรือเปล่า
          “อื้ม...ใช่นายหล่นมาพร้อมกับกองหิมะที่หน้าบ้านฉันตรงนั้น ยูกิ แปลว่าหิมะ” ชื่อนี้ฟังดูดีกว่ามนุษย์หินที่เจ้าตัวชนจนได้เลือดจนสลบไป
          “ยูกิ ผมคือยูกิ เหรอครับ” สุดท้ายคงต้องยอมจำนนต่อชื่อไม่คุ้ยหูนั่น ไม่มีความรู้สึกอะไรกับชื่อของตัวเองผิดกับชื่อในฝันที่ใครบางคนเฝ้าเรียกเขา ในฝันกลับเรียกเขาว่า ‘เคลาส์’
          “แล้วคุณหล่ะทำอะไรที่นี่! แล้วคุณชื่ออะไร? แล้วมาอยู่ที่นี่เพื่อ?”
          “ทีละคำถามสิ ฉันชื่ออากิฮิโระ มาเขียนภาพอยู่ที่นี่ ชิ้นงานเสร็จก็จะกลับญี่ปุ่น จัดงานประมูล รอเก็บตัง พักผ่อนหาแรงบรรดาลใจทำโครงการต่อไป ”
     “คุณเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ” ยูกิพิจารณาชาติพันธุ์คนตรงหน้าละม้ายคล้ายแขกขาวซะมากกว่า จินตนาการถึงชายชาวญี่ปุ่นไม่ได้มีภาพลักษ์เหมือนอากิฮิโระคนนี้เลย
          “ใช่ล่ะมั้ง มอมกับแด๊ดอยู่ฮาวายแต่ฉันโตมากับคุณยายที่ญี่ปุ่น” คนตรงหน้าบรรยายชีวิตไปตามเรื่องตามราว มือเรียว ๆ จัดแจงยาที่คาดว่าเป็นของยูกิ ยาสองสามเม็ดถูกยื่นมาให้พร้อมน้ำสะอาดหนึ่งแก้ว ดวงตากลมโตดุใส่เมื่อเห็นคนทำท่าทางอิดออดไม่อยากกินยา
         “แล้วผมต้องเรียกคุณว่า ” มือหน้าต้องยอมรับยามากินอย่างเสียไม่ได้
          คนหน้าตาคมเผลอมองใบหน้างดงามไร้ที่ติ มองกี่ทีก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่บางทีก็รู้สึกเฉย ๆ พฤติกรรมนี้ไม่ได้หลุดรอดสายตาของอากิไปได้
         “นายอยากจีบฉันหรือไง”
         “ห๊า!...จีบ! เปล่าครับๆ ชื่อคุณผมยังจำไม่ได้เลย” คนสมองเบลอรีบแก้ตัวพัลวัน
          ไหนๆ ก็โดนจับทางได้ขอถือโอกาสสำรวจคนตรงหน้าให้ชัดขึ้น  ดวงตากลมโตที่ดูจะก้าวร้าวดุดันมองยังไงก็ไม่เหมือนดวงตาชาวเอเชีย จมูกโด่งได้รูปรับริมฝีปากอิ่มขนาดกำลังดี สัดส่วนคิ้วตาหูจมูกบนใบหน้ารับกับใบหน้าเรียวได้รูปอย่างลงตัว เสริมด้วยเส้นผมสีดำยิ่งขับความน่ามองของใบหน้าให้โด่ดเด่นขึ้นไปอีก
          เป็นคนมีใบหน้าละมุนละไมเหมือนรูปปั้นเทวดาในโบสถ์ แยกไม่ออกเสียทีว่าเพศอะไร มองปราดลงมายังหน้าอกและรูปร่างก็ยังบอกว่าเป็นผู้หญิงได้ไม่เต็มปาก จะบอกว่าผู้ชายก็ยังไงอยู่ เพราะชุดปิดมิดชิดเห็นแค่หัว คอและมือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่บดปังสัดส่วน เครื่องแต่งกายเทรนใหม่ของชาวญี่ปุ่นหรือไงนะ? ปิดชิดชวนหายใจไม่ออก
          “ข้องใจอะไร” 
          มีบางอย่างรบกวนความอยากรู้ของเคลาส์ในชื่อยูกิ ผู้ที่ช่วยเหลือเขาถ้าเป็นผู้หญิงเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่กันเพียงลำพังที่บ้านหลังนี้คงต้องให้เธอช่วยเขาไปขอความช่วยเหลือยังชุมชนบริเวณตีนเขา
          ถ้าเป็นหญิงทำไมให้ความรู้สึกเหมือนวัยรุ่นเพศชายยังไงยังงั้นเลย? ห้าวเข็ดฟัน แค่ทำไมสำเนียงชาวอาทิตย์อุทัยช่างโหดร้ายต่อสุขภาพหูเสียจริงให้มองดูหน้าหล่อๆสวยๆอย่างเดียวดีกว่า
          “ชั่งเถอะ! ฉันหยอกเล่น ว่าแต่นายน่ะยังปวดหัวหรือเปล่า นอนครางบ่อยๆ ให้เรียกอาหมอมาเลยไหม” ความห่วงใยที่ผ่านน้ำเสียงแข็ง ๆ ก็ฟังดูอบอุ่นเหมาะกับสุขภาพผิวหน้าที่เจ้าตัวมีอยู่เป็นอย่างมาก
          “ไม่ต้องครับ มันไม่เป็นอะไรมากถ้าผมไม่คิดว่าตัวเองชื่ออะไร”
          “ใจเย็นๆ สมองมันเผลอลืมไปบ้างเดียวก็จำได้เองแหล่ะ ฉันเรียกนายว่า ยูกิไปก่อนแล้วกัน”
          รอยยิ้มกว้างส่งให้แทนการให้กำลังใจและปลอบใจ รู้ตัวอยู่แก่ใจว่ากำลังทำเรื่องร้ายแรงกับผู้ป่วยให้หวนคืนเป็นเคลาส์คนเดิม คนเหงาอยากมีเพื่อนทำชั่วนิดหน่อยแต่จะดูแลคลาส์เป็นอย่างดีไถ่โทษแทนกันไป
          “ผมขอออกไปเดินรอบๆ บ้านนะครับ คุณ...เอ่อ...”
          “อากิ เรียกฉันว่าอากิซัง ก็ได้ ฉันทำงานอยู่ห้องข้าง ๆ มีอะไรไปหาได้”
          ร่างสูงบางลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไป ยูกิสำรวจอากิอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง พลันสมองฉายภาพซ้ำของใครบางคนทับร่างของอากิฮิโระเดินซ้อนทับกันไป เหมือนกันเหลือเกิน ใครกันนะ...
          “เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันใช่มั้ย แบบ…ชั่งมันเถอะครับ”
          “หืม?” คนได้ยินถึงกับแปลกใจแบบไหนที่ยูกิหมายถึง จะเหมือนแบบเดียวกับที่เขาคิดหรือเปล่า
          “เวลาผมมองคุณ มันแปลก ๆ เหมือนผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่มันก็ขาดหายไป”
          เวลาเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ทั้งสองคนหันกลับมามองหน้าและดวงตาประสาเข้าหากันด้วยความบังเอิญ แต่คนละความรู้สึก
          “อากิซัง...”
          “ฉันจะทำงานต่อ ขอตัวนะ” เจ้าตัวทำท่าทางรีบกลับไปทำงานตัดบทสนทนาให้ยูกิใช้เวลาส่วนตัว ก่อนจะหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดสั่งให้คนเจ็บนอนบนเตียงไปก่อน
          “ฉันว่านายนอนพักดีกว่า บ้านฉันมันไม่มีขา ดีขึ้นแล้วค่อยเดินก็ไม่สาย” สิ้นเสียงคำสั่งยูคิล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย อาจเพราะไม่อยากขัดใจผู้ช่วยเหลือหรืออาจจะอยากพักผ่อนต่อ เหตุผลใดก็แล้วแต่กลับทำให้อากิเผยรอยยิ้มถูกอกถูกใจกับความว่าง่ายของนายพาลาดิน
          ปากบอกว่าจะทำงานแต่งานไม่คืบหน้าเสียเท่าไหร่ สุดท้ายต้องถอดใจปล่อยมือจากถาดสีและพู่กัน จังหวะนี้เสียงโทรเข้าจากอินเตอร์เน็ตเสียงปลายสายไม่ใช่ใครนอกจากอาหมอที่โทรถามอาการของพาลาดินเคลาส์
          อากิบอกอาการความจำเสื่อมของคนเจ็บ ซึ่งคนเป็นหมอคาดไว้ความทรงจำขาดหายอาจจะกลับมาเป็นปกติหรือจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ภายในสามเดือนหรือหนึ่งปีหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับแรงกระตุ้นหลายวิธี
          “มารับไปตรวจไหมพรุ่งนี้น่ะ”
          (“เฮ่เฮ้! เจ้าชายสนใจพาลาดินด้วยหรือเนี่ย ฮ่ะ ฮ่า”) คนปลายสายหัวร่อร่วนถูกอกถูกใจอาหมอเขาล่ะ เหตุการณ์นี้อาจเปลี่ยนหลานชายให้ทำตัวดีขึ้นมาบ้าง เขาคิดในแง่บวกหวังว่าหลานตัวดีคงไม่ทำอะไรแผลงๆ ให้ตกใจเล่น
           “เฮ้อ! พอเถอะน่า ตอบมาจะมารับหรือเปล่าแล้วกี่โมง ไม่ได้ว่างตลอดเวลานะอาก็รู้”
          นัดแนะเวลากันเสร็จเสียงปลายสายส่งต่อความห่วงใยของพ่อและแม่จิตรกรเอกได้รับรู้ บังคับให้ติดต่อกลับไปหาบ้างทั้งสองคนเป็นห่วงอย่างมากหลังจากได้ข่าวหิมะถล่มบริเวณใกล้ๆ ที่อยู่ของลูกชาย ไหนจะยังคุณย่าที่โทรหาหลายครั้งถามข่าวคราว
           “รู้แล้วๆ อาก็วางหูสิจะได้โทรหาไง” น้ำเสียงฟึดฟัดบ่นพึมพำที่ปลายสายและวางไป
          อากิทำหน้าที่ลูกและหลานชายที่ดีไม่ให้อาหมอต้องเสียน้ำใจ เขาเสียดายน้ำลายของอาหมอที่สาธยายความห่วงใยของผู้มีพระคุณทั้งสามให้เขารีบตอบรับความหวังดีนั้นอย่างรวดเร็วให้คนเหล่านั้นสบายใจ
          อากิฮิโระเป็นลูกติดของพ่อชาวญี่ปุ่นกับแม่ชาวต่างชาติ เขาไม่เคยเห็นหน้าแม่หรือมีรูปให้ดูต่างหน้า พ่อไม่เคยพูดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดเขามากนัก เขาโตมากับแม่เลี้ยงอากิไม่ได้ขาดแคลนความรักกลับได้รับมากเกินจนเหลิงไปบ้างเพราะถูกเลี้ยงแบบตามใจ
           เมื่อแม่เลี้ยงตั้งท้องน้องชายต่างมารดา คุณย่ามารับเขาไปดูแลและผลักดันเขาได้เป็นผู้สืบทอดศิลปะแขนงต่างๆ ที่คุณย่าได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ สืบสานศิลปะประจำตระกูลและส่งเขาไปเรียนตามสถาบันอื่นๆ หลากหลายแห่ง ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบเข้มงวดกวดขันขัดเกลาพฤติกรรมปั้นแต่งตัวเขาเป็นดั่งวัฒนธรรมตู้โชว์ เคลื่อนย้ายที่ไปใดทุกคนต่างมองมาที่เขาเป็นจุดรวมสายตา
          แม้จะเป็นหนุ่มลูกผสมแต่อาจด้วยหน้าตาต่างชาติต่างเผ่าพันธุ์ การปลูกฝังและบ่มเพาะวัฒนธรรมขั้นสูงเพื่อทดแทนความแปลกแยกเป็นความคิดที่แยบยลของคุณย่า โชคดีของผู้มีบุญคุณที่ตัวตนของเขาไม่ได้สันดารขบถเลี้ยงยากสอนลำบากให้คุณย่าต้องเหนื่อยใจ
          คนเป็นที่รักของเทพผู้สร้างท่านพิถีพิถันใบหน้ามนุษย์ที่รักแบบสุดโต่ง ด้วยใบหน้าชวนหลงใหลและเจ้าตัวเองดันเป็นคนโหยรัก อยากเป็นที่รักของใครๆ ไม่ว่าจะให้เขาทำอะไรเพียงโอบกอดเยินยอเขาก็พร้อมที่จะทำและทำได้ดีไปเสียทุกอย่าง
          งานศิลปะคือสิ่งที่ปลดปล่อยตัวตนให้เป็นอิสระ เขียนอักษร จัดดอกไม้ ภาพวาด งานปั้น เขาหลงใหลและหลอมรวมความเป็นตัวเองลงไปจนเป็นงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เหมือนนามปากกาของนักเขียน
          มีชีวิตมันไม่ง่าย แต่เขาก็สุขสบายดีอาจไม่ถึงเป็นราชาแต่เขาได้ฉายาว่าเป็นเจ้าชายต้องยกความดีความชอบให้คุณย่าที่สั่งสอนขัดเกลามารยาทกริยาและเปลี่ยนชื่อเขาเสียใหม่ ว่า อากิฮิโระ แปลว่าเจ้าชายผู้รุ่งโรจน์
          แต่...ข้อเสียที่เขาเองรู้ดีแต่ไม่พยายามแก้ไขคือสำเนียงการพูด จะเป็นอะไรไปไม่อ้าปากพูดซะอย่าง หลายสิ่งหลายอย่างก็สุดเฟอร์เฟ็คมากจนเกินพอแล้ว ดังนั้นจงเสพงานศิลป์ของเจ้าชายแห่งยุคคนนี้ไปเสียเถิด
          อาหมอจะมารับยูกิไปโรงพยาบาลตอนเช้าพรุ่งนี้เขาต้องไปบอกเจ้าตัวให้รู้ก่อน หวังว่าอาหมอสุดฉลาดคงไม่ระแคะระคายแผนการสร้างความสุขเสริมความสนุกให้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ กับพาลาดินยูกิเสียก่อน
          “ไม่ผิดเสียหน่อย เมื่อเจอคนบาดเจ็บต้องช่วยเหลือ เจอคนความจำเสื่อมก็ต้องช่วยดูแลสิ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษยด้วยกันผิดตรงไหน” หนุ่มอารมณ์ศิลปเป็นอาร์ตตัวพ่อยกยอตัวเองให้เป็นคนดีมีมนุษยธรรมถือหลักทำความดีแต่มีความต้องการด้านมืดแอบแฝง!
         เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 18-01-2024 14:18:29
Lover Fire 2 Part 3: The Lost Memory
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน หากใจคนจะผันแปรไม่ต้องพิสูจน์
          อาหมอมารับยูกิไปโรงพยาบาลตรงตามเวลานัด เส้นทางน่าจะเริ่มกลับมาใช้งานได้บางส่วนแล้ว เพราะหมอขับรถจิ๊ปส่วนตัวมาด้วยตัวเองพร้อมนักศึกษาแพทย์อีกหนึ่งคน อากิไม่ได้เดินทางไปด้วยขอตัวทำงานอยู่ที่บ้าน
          จิตรกรหนุ่มหมดห่วงเรื่องคนเจ็บเพราะคุณหมอคนเก่งรับตัวไปดูแล อาหมอได้อธิบายให้ทราบถึงขั้นตอนการตรวจรักษาเมื่อเสร็จสิ้นทุกกระบวนการแล้วจะเป็นคนมาส่งยูกิให้เอง
          อาผู้แสนดียังนำเครื่องอุปโภคบริโภคอีกจำนวนหนึ่งมาให้เขาด้วย ส่วนอาหารสดถูกแปรรูปมาเรียบร้อยเพื่อการเก็บรักษาได้นานขึ้น แม่บ้านมักจะเป็นคนทำและเก็บใส่ตู้เย็นให้เขาหาอุ่นทานเองเพราะไม่เคยกินตรงมื้ออาหาร ทุกเวลาการกินผิดเวลาไปเสียหมด ไม่แปลกใจกับรูปร่างสะโอดสะองของเจ้าตัวถึงจะไม่เข้าขั้นอดๆอยากๆ แต่ก็กินขาดๆ ไม่ครบสามมื้อต่อวัน
          ก่อนขับรถออกไปยังตะโกนสั่งกำชับให้เขากินข้าวตามเวลาอีกด้วย ยูกิชะโงกหน้าโกงคอมองอากิหน้าละห้อยเมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ตามไปด้วย น่ารักชะมัด!
          อากิหมกตัวอยู่ในห้องทำงานง่วนอยู่กับภาพวาดขนาดใหญ่กว่าทุกเฟรมและคาดหวังว่าผลงานชิ้นนี้จะต้องเป็นระดับมาสเตอร์พีชประดับอาชีพของเขาอีกภาพ
          ชายผู้ท่วมท้นด้วยพรสวรรค์ปล่อยจินตนาการให้มือบรรเลงพู่กันส่งวิญญาณจิตรกรเข้าสู่ภาพวาดสุดพิเศษที่สุดในเช็ทนี้
          เวลาทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังวิ่งกีฑา เริ่มสตาร์ทเริ่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วพอได้กลางทางขาที่วิ่งเริ่มอ่อนล้าลมหายคุมได้ยากเพราะเริ่มเหนื่อยพอใกล้ถึงเส้นชัยต้องเร่งฝีเท้าเค้นพลังเฮือกสุดท้ายตะกายตัวพุ่งตรงคว้าชัย
          ชีวิตการเป็นศิลปินมันช่างน่าเบื่อเมื่อหมดแรงบรรดาลใจ ไม่น่าตื่นเต้นเร้าใจเหมือนตอนดิ้นรนสร้างชื่อเสียงเมื่อเริ่มต้นสร้างเงินสร้างอาชีพ ที่มาเปลี่ยววิเวกอยู่บนภูเขาอันห่างไกลถึงต่างแดนเพราะอยากได้สภาพแวดล้อมแปลกใหม่หาแนวทางสร้างสรรค์ผลงาน
          ดวงตากลมโตมองเฟรมภาพวาดในสมองมีแค่ภาพสีขาวของหิมะในช่วงเวลาใกล้พลบค่ำ มีคำหนึ่งผุดเข้ามาในจินตนาการ ‘ยูกิ’ เป็นภาษาญี่ปุ่นถิ่นกำเนิดของคุณย่าและพ่อของเขา เห็นทีคราวนี้ต้องรีบสร้างผลงานยามสมองกำลังบรรเจิดงานศิลป์
           เจ้าชายจิตรกรรมไม่ได้เป็นคำยกยอที่เกินเลย ทุกการกวาดวาดพู่กันดั่งการร่ายรำเทพสวรรค์อำนวยพร งานชิ้นนี้เขาสะบัดปลายแปรงแสดงการเคลื่อนไหวอยากให้ผู้ชื่นชมภาพไม่ว่ามองจากมุมไหนภาพจะเหมือนเคลื่อนที่ตามไปด้วย
          นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการสร้างสรรค์จินตนาการ ปลายพู่กันตวัดรับความรู้สึกนึกคิดผ่านปลายนิ้วมือที่คอยบังคับทิศทางแปรสัณญาณภาพจากสมองถ่ายทอดเรื่องราวลงบนภาพ
          อากิไม่เคยใช้เทคนิคนี้เท่าไหร่จนถึงกับไม่อยากใช้ในงานของเขา ฝีแปรงแบบพลิ้วไหวตื่นตาเร้าใจแต่ใช้ไม่ได้กับทุกภาพ เนื้อหาของภาพไม่ใช่สร้างเพื่อสิ่งเร้า แค่จิตกรต้องการแสดงจินตนาการ บอกเล่าเรื่องราว ความคิด ความรู้สึกขณะสร้างผลงานชิ้นนั้นให้ผู้ชมงานศิลป์ได้ชื่นชม
          จินตนาการโลดแล่นเท่าไหร่อะดรีนาลีนยิ่งหลั่งไหลพรั่งพรูกระตุ้นอากิให้โลดแล่นโลดโผนตามจินตนาการปาดป้ายฝีแปรงและสาดส่ายเส้นสีไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
          งานชิ้นเอกก้าวหน้าในทางที่ดี มือทั้งสองปล่อยแปรงลงข้างตัวเขายืนมองผลงานที่ใกล้จะสำเร็จด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แย้มยิ้มพอใจ พื้นภาพเอนไหวดั่งใจประหนึ่งก้าวย่างเข้าสู่เฟรม
          ยังเหลือส่วนสุดท้ายผลงานชิ้นนี้จะเสร็จสมบูรณ์ อยากจะขยับมือหยิบภู่กันใหญ่แต่ไหนเลยเหมือนเขานอนหงายมองฝากฟ้ายามเย็นย่ำ เหมือนภาพที่เขาวาดไม่ผิดเพี้ยนนี่เขาเริ่มเข้าญาณแห่งวิชาชีพตามแนววิถีพุทธอันเป็นสุดยอดแห่งปัญญาหรือเปล่า เขาจะบรรลุเป็นพุทธศิลป์แล้วใช่ไหม?
          “หิวข้าวจังเลยน้า” แค่คิดท้องก็ร้องโครกครากประท้วงให้รีบส่งอาหารมาให้ย่อย เขาพยายามลุกขึ้นยืนจะเดินไปห้องครัวแต่ทำไมยังมองแผ่นฟ้าผืนเดิมอยู่ละนี่?
          ร่างใหญ่ตกใจรีบเข้าไปประคองร่างโงกเงกจะลุกจะนอนไม่ไปไหนเสียสักทาง มือหนาประคองร่างเจ้าชายแห่งภาพศิลป์อย่างระมัดระวัง ร่างบางโอนเอนแผ่นหลังแนบชิดอกอุ่นของยูกิที่กลับมาจากการตรวจรักษา
          มือเรียวเลอะสีเกรอะกรังลูบหน้าน่าเอ็นดู! ของยูกิแล้วนึกได้ว่า เวลาผ่านไปถึงสามวันเขาใช้เวลาอยู่กับภาพสุดรักผืนนี้นานเกินไป หากต้องตัดใจประมูลขายเขาจะยอมปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร
          “อ่า...ยูกิ” อากิได้แต่ส่งเสียงงึมงำแล้วเงียบไป


          รู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนลอยได้เขาคงไม่ได้ถูกพระเจ้าเรียกตัวกลับสวรรค์ใช่ไหม? แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีร่างของอากิก็อยู่บนอ้อมแขนของใครคนหนึ่งซะแล้ว
          “เอ้ย! ยูกิวางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
          “เดี๋ยวได้ตกลงจริง ๆ หรอกครับ” เสียงทุ้มนุ่มนวลฟังแล้วเหมือนฟังเสียงพากย์บทพระเอกในการ์ตูนเอนิเมะ
          “จะพาไปไหนเนี่ย” อากิยอมหยุดดิ้นในที่สุด ไม่ใช่กลัวตกไม่ใช่เพราะตกใจ เขาประทับใจไออุ่นยามอยู่ในอ้อมอกทำให้รู้สึกสงบและปลอดภัย
          “ไม่รู้สิครับ” ชายหนุ่มตอนซื่อ ๆ มองซ้ายแลขวาก็ตัดสินใจไม่ได้ซักทีเปิดเข้าไปที่ห้องไหน ทั่วบ้านมีพนังขนานทางเดินเหมือนกล่องซ้อนกล่องทั่วทั้งบ้านเหมือนเขาเดินอยู่ในเขาวงกต
          “อยากจะพาไปไหนล่ะ”
          “พาอากิซังไปนอน นั่งหลับจะสบายได้ยังไง”
          “ตรงไปแล้วเลี้ยวขวา ห้องนอนนายอยู่ด้านซ้าย” คนฟังก็งงถามห้องตนตัวเองทำไมตอบเป็นห้องนอนของเขาหล่ะ  ภาวะจิตสับสนเห็นเขาเป็นพ่อหรือไงจะเข้านอนด้วยกัน! เป็นคนหล่อที่แปลกความคิดเกินคาดเสียจริง
          “เอ่อ...แล้วห้องนอนคุณอยู่ไหนครับ” คนในอ้อมอกเอี้ยวคอไปทางห้องตรงข้าม
          “ไม่นอนหิวข้าว” พอคนอุ้มก้าวขาจะเดินตรงไปยังห้องของอากิ เสียงทู่ท้วนก็พูดออกมาพร้อมใช้มือตบเบาๆ ที่ท้อง
          “นอนพักก่อนผมจะไปทำอะไรมาให้ทาน” คนพื้นฐานมั่นคงทางความคิดไม่คล้อยตามไปด้วยแต่เหตุผลที่ได้รับฟังทำให้ขัดอากิซังไม่ได้
          “ไปด้วย เดี๋ยวนายก็หลงเปิดปิดห้องมั่วไปหมด”
         ตามที่หนุ่มหน้างามพูด ยูกิเดินตามคำบอกของอากิเป็นระยะๆ เหมือนเปิดจีพีเอสบอกเส้นทาง บ้านหลังไม่ใหญ่โตแต่มีทางเดินและห้องบานเลื่อนทำให้คนไม่คุ้นเคยงุนงง เดินอุ้นเจ้าของบ้านมาถึงห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลัง เครื่องครัวค่อนข้างทันสมัยแต่เหมือนคนอาศัยจะไม่ค่อยได้ใช้งานเสียเท่าไหร่
          “คุณแพ้อาหารอะไรครับ” สิ้นคำถามเขาหันมามอง อากิซังส่ายหัวจนหน้าสั่นแทนคำตอบ
          เขาสำรวจอาหารสดในครัวซึ่งส่วนใหญ่ถูกจัดเข้าซองเป็นแพ็คไว้อย่างเรียบร้อย เขาตัดสินใจเลือกทำอาหารที่ง่ายและเร็ว ซุปเห็ดสำเร็จรูปทำง่ายแค่ฉีกซอง แซลมอลสเต๊กย่างเนยปรุงรสเรียบร้อยแค่ลงกระทะย่าง ทานคู่กับพาสต้าผัดซอสกระเทียมและพาสลีย์ซอย
          เตรียมหม้อต้มเส้นจากนั้นใช้กระทะที่ย่างปลาใส่กระเทียมสับปรุงซอลการิคเครื่องเทศเล็กน้อยพอหอม ทำงานครัวกุกๆ กักๆ ไม่นานนักอาหารสำหรับหนึ่งคนก็ยกมาเสริฟให้อากิซังที่นั่งชะเงอคอมอง กลิ่มหอมของอาหารทำสดใหม่ยั่วให้อยากกินจนน้ำลายสอ
          หลังมื้ออาหารเจ้าชายอากิขอตัวไปอาบน้ำเขาอยากกลับไปทำงานต่อแต่สองมือล้าเกินกว่าจะจับแปรงสะบัดไปมา ยอมตัดใจเข้าห้องไปนอนพักเรียกเรียวแรงให้กลับมาพร้อมทำงานต่อวันรุ่งขึ้น
          ก่อนจะหลับไปพร้อมกับร่างกายอันอ่อนเพลียก็ต้องสะดุ้งลืมตาตื่นเพ่งตามองฝ่าความมืดเจอเงาตะตุ่มไม่คุ้นตาแต่เสียงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากยูกิ
          “ขอนอนด้วยได้ไหมครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรเลยล้มตัวลงนอนขดตัวหนา ๆ ลงบนเตียงหลังใหญ่ด้วยคน เจ้าของเตียงส่งผ้านวมให้เพราะตีความว่ายูคิคงจะหนาว
          “กอดหน่อยได้มั้ยครับ” คนถูกขอถึงกันนอนลืมตัวโพลง มีอ้อมแขนหนา ๆ โอบรอบเอวไว้แล้วเป็นที่เรียบร้อย มองมือใหญ่ ๆ ที่โอบเอวเอาไว้จนแน่นยิ่งคิดหมั่นไส้ จะมาอ้อนอะไรนักหนาไม่ใช่แม่ซักหน่อย
          “ขอ...”
          “อย่า! ไม่อนุญาตเว้ย!” อากิซังโวยวายลั่น ดิ้นตัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดของคนฉวยโอกาส แต่ตัวเองก็เป็นคนปล่อยให้มันเป็นแบบนี้นี่นา
          “เปล่า แค่บอกว่าขอนอนแบบนี้ทุกคืนได้มั้ยครับ” ใบหน้าคมคายเปิดปากยิ้มมีเสียงหัวเราะขำความคิดในทางไม่ดี
          “อืม!ตามใจ” น้ำเสียงห้วนสั้นแสดงถึงความไม่พอใจแต่ยอมนอนให้คนตัวโตนอนกอด ให้ข้ออ้างกับตัวเองว่าตอบแทนอาหารอร่อยๆ ที่กินเข้าไปจนพุงกางอิ่มเสียจนตาจะปิด
          “มันคุ้นจัง เหมือนผมนอนแบบนี้เป็นประจำเลยครับอากิซัง” เสียงยานคางฟังแล้วน่าส่งสักหมัดเสยเข้าปลายเข้าให้จะได้คุยภาษาคนแบบชายธรรมดาได้ แล้วไอ้ผู้ชายขี้อ้อนนี่มันเห็นเรากลายเป็นตัวแทนของใครไปแล้วเนี่ย
          “เจ็บจังครับอากิซัง” อ้อมแขนโอบรัดจากลำแขนแข็งแกร่งรุนแรงขึ้นเล็กน้อย มือเรียวลูบท่อนแขนใหญ่เบาๆ จนแรงกอดคลายลงเหลือเพียงโอบกอดธรรมดานึกว่ายูกิคงปวดหัวขึ้นมาอีก
          ร่างสูงรู้สึกเจ็บปวดนอนกระวนกระวาย ปวดก็ไม่ใช่อ่อนล้าตามเนื้อตัวก็ไม่เชิง ปวดร้าวจนหายใจไม่ออกยามหลับ คืนนี้เคลาส์และยูกิพร้อมใจประสานร่างผ่านฝันอีกครั้ง
          ฝันถึงใครบางคนที่คล้ายจะจำได้แต่กลับลืม จากเสียงเริ่มเห็นเค้าโครงของใบหน้าแต่รางเลือนภาพตัดไปมาไม่ปะติดปะต่อ
          มือของจิตรกรหนุ่มนอนเกาะกุมให้กำลังพาลาดินตกจากฟ้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาด้วยหรือเปล่าที่กักขังสร้างกรงขังเคลาส์ในร่างยูกิเพื่อตัวเองจะได้มีความสุขยามอยู่บนภูเขาเงียบงัน 
          ไออุ่นจากคนด้านหลังชับกล่อมคนคิดฟุ้งฟ้านจนหลับไปพร้อมกับคนความคิดอลวนตีกันวุ่นวาย เตียงนอนที่เคยกว้างมากเมื่อก่อนหน้า พอมีสองคนนอนกอดกายเคียงคู่กันดูน่าสุขกายสบายดีในคืนหิมะโปรยปรายเช่นฤดูหนาวปีนี้


หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 18-01-2024 14:22:08
          วันเวลาที่สองหนุ่มอยู่ร่วมกันเหมือนอยู่คนละซีกโลกในบ้านไม้ทรงโบราณกลางเขา ไม่กี่วันก่อน อากิบรรเลงเพลงภาพดังกลายร่างเป็นพู่กันและฝีแปรง มาวันนี้ช่วงเวลาฝีมือขึ้นเริ่มเข้าสู่ช่วงฝีแปรงฝืด จิตกรหล่อหน้าเดียวนั่งทำงานแต่หงุดหงิดฟาดแปรงฟาดสีหงุดหงิดตัวเองที่ดึงเอาช่วงเวลาฝีแปรงเทพกลับมาอีกครั้งไม่ได้
          “อากิซัง ทานพักทานข้าวหน่อยไหมครับ” ยูกิเข้ามาป่วนเปี้ยนที่ห้องทำงานของอากิฮิโระ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพ งานที่เจ้าตัวนั่งวาดจนสลบอยู่ห้องนี้ น่าอัศจรรย์ถ้าภาพเสร็จสมบูรณ์จะสวยงามควรค่าแค่คำว่าศิลปะขนาดไหน
          “เงียบน่า...คนจะทำงาน”
          “เอ่อ...ครับ แต่!” ถามเหมือนฟังภาษาคนไม่ออก แต่เขาสาบานได้ว่าไม่ได้อยากกวนอารมณ์หรืออวัยวะเบื้องล่างของคนช่างศิลป์เลยซักนิด แค่เป็นห่วงที่ร่างบางโอนเอนนั่นยังไม่ได้ทานอาหารสักมื้อตั้งแต่เช้า
          “หุบปากได้มั้ยห๊า!”
         ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุม อากิเข้าสู่โลกส่วนตัวกับผลงานของตัวเองโดยไม่สนใจคนมาใหม่ หางตาเห็นร่างหนานั่งหน้าหงอยอยู่ข้างๆ  อากิวางแปรงสีที่ถือไว้ลงรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองทำกิริยาไม่ดีและพูดทำลายน้ำใจ
          “จิส์...ขอโทษแล้วกัน นายก็อย่ามาทำให้ฉันโมโหได้มั้ย” จิกปากบอกขอโทษแบบไม่ตั้งใจแค่รู้สึกว่าตัวเขาเองน่าจะพูดจาดีๆ กับคนสมองเสื่อม
          “ปวดหัวอีกหรือเปล่า” เหมือนเป็นคำถามเอาใจชายขี้ใจน้อย แต่กลับมีความรู้สึกอยากถามออกไปแบบนั้นจริง ๆ
          “ไม่ครับ ผมสบายดีแต่คุณยังไม่ได้ทานอาหารตั้งแต่เช้า” คนโดนดุพูดเสียงอ่อยไม่กล้าสบตากลมโตที่จ้องมองมากลัวจะทำอะไรให้คนตรงหน้าไม่สบอารมณ์เข้าอีก
          “ฉันชินแล้วน่า จะกินไม่กินหิวก็หากินเอง” ร่างบางลุกขึ้นแล้วหันหลังให้กับภาพเฟรมใหญ่เหมือนยอมแพ้ความมือฝืดจนแปรงสีแห้งแข็งแผ่นภาพที่กำลังจะก้าวหน้ากลับไม่มีผลงานพิ่มเติมจากวันก่อน
          “โทษทีฉันอยู่คนเดียวมาตลอดเลยไม่ชิน” ใช้ชีวิตกับตัวเองเสียส่วนใหญ่ พอมีคนอื่นโผล่มาอยู่ด้วยมันทำตัวไม่ถูก ถ้าเป็นคนอื่นไม่ใช่คนสมองเสื่อมแบบยูกิ ป่านนี้คงหนีเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว
          “ผมคงวุ่นวายมากเกินไป พอมีงานให้ทำมั้ยครับ ผมจะได้ไม่กวนอากิซังทำงาน”
          “ทำอะไรได้บ้างไหนบอกมาสิ” คนมีโลกส่วนตัวสูงหันมาฟังคนอื่นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
          “ผมรู้สึกคุ้นเคยกับกฎหมาย คอรัปชั่น อาชญกรรม....เอ่อ! แล้วก็” อดีตกลับมาผ่านความทรงจำถึงงานที่เคยทำ รู้สึกผูกพันกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมากกว่าการทำอาหารถึงจะคล่องแคล่วแต่ไม่ได้เติมเต็มความต้องการเท่าไหร่
          “หยุด! ฉันไม่ต้องการทนาย” อากิทำท่าจริงจังตาโตคมกริบคู่นั้นตอกย้ำว่าความสามารถของคนหล่อร่างหนาไร้ประโยชน์กับจิตรกรอย่างเขา
          “หิวแล้ว อยากกินข้าว ทำอาหารให้กินแล้วกันขอให้อร่อยทุกมื้อก็พอ” ร่างเพรียวบางหันไปมองอาหารที่ยูกิยกเข้ามาถึงจะเย็นชืดแล้วแต่ก็อยากกินซักคำสองคำเพื่อให้คนทำไม่น้อยใจว่าทำแล้วไม่ยอมกิน นั่งหน้าหงอยคอตกหูลู่ให้เขาเห็นอีก
          กำลังจะตักข้าวเข้าปากมือของยูกิห้ามไว้ แล้วบอกให้ไปล้างมือล้างไม้ให้สะอาดและตามไปทานข้าวที่ห้องครัว เขาจะทำอาหารให้ใหม่อาหารที่ดีต้องกินร้อนๆ อาหารเย็นชืดไม่ดีต่อสุขภาพ
          “แล้วแต่อัยการเลย” คนแข็งกร้าวว่าง่ายทันทีผิดกับตอนที่เข้าไปขัดจังหวะเวลาทำงาน
          อากิใจคอไม่มี ความทรงจำเรื่องอาชีพเริ่มกลับมาแล้วมีเวลาอีกเท่าไหร่กันนะที่สามารถใช้เวลากับยูกิที่นี่ หากวันที่เคลาส์จำได้ทุกอย่างแล้วจะลืมเขาไหม?
          ว่าแต่แล้วทำไมจะต้องสนใจ ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ก็แค่ยืดอกส่งเคลาส์กลับบ้าน แยกย้ายทางใครทางมันอยู่แล้ว
          “อากิซัง อาหารพร้อมแล้วครับ”  เสียงนุ่มทุ้มเรียกตามให้มาทานข้าวได้แล้ว
          “อืม จะไปแล้ว” ร่างบางขานรับเสียงเรียกเขาใช้เวลากับการล้างมือเลอะสีมากเกินไปเพราะใจลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาเดินตรงไปยังครัวด้านหลังไม่คิดว่าอาหารจะเสร็จเร็วทันใจแบบนี้
          “ทานข้าวด้วยกันเลยนะครับวันนี้” ร่างสูงใหญ่ทำเรื่องละเอียดอ่อนได้น่าประทับใจ เขาเลื่อนเก้าอี้ออกรอให้อากิซังนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนแล้วย้ายตัวไปประจำที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่เป็นของตัวเอง
          บนโต๊ะวันนี้มีซีซาร์สลัดและสเต๊กเนื้อซอสพริกไทยดำ บริกรจำเป็นเปิดไวท์แดงรินทานคู่กับอาหารให้ผู้ร่วมโต๊ะและตัวเองในมื้อนี้ ยังมีของหวานเป็นผลไม้สดที่คุณป้าแม่บ้านพึ่งนำมาวันนี้ และเขาจัดการปลอกเปลือกรอไว้พร้อมทานตบท้ายมื้อเย็นนี้ด้วย
          เสียงตู้อบดังขึ้นร่างหนาลุกเดินไปเปิดแล้วนำมันผรั่งอบเนยมาเป็นเครื่องเคียง มือไม้ไวหยิบถาดขนมปังอบไหม่ที่แม่บ้านเตรียมไว้เป็นออเดิร์ฟมาให้อากิซังเผื่ออยากจะทาน
          คนขี้สงสัยนึกถึงเคลส์ใช้ชีวิตคนเดียวหรืออยู่กับคนรู้ใจ อาหารที่เขาได้ทานมักจะทำง่ายไม่ยุ่งยากรสชาติไม่ได้แย่เน้นความรวดเร็ว อัยการบ้านเมืองนี้งานมากมายจนไม่มีเวลาละเมียดละไมต่อมื้ออาหารหรือไง ถึงเขาทานข้าวมื้อเว้นสองมื้อแต่เขาก็ประดิษประดอยกับรูปลักษณ์รสอาหารที่กิน ไม่ได้รีบๆ เร็วๆ กินให้อิ่มๆ จบมื้อไม่กี่อึดใจ
          แต่ขอยอมรับตรงนี้เลยว่าอาหารง่ายๆ พอได้กินตอนร้อนๆ อร่อยจริงได้จริงจังไม่รู้จะติติงว่าอะไร

          มือเรียวบิขนมปังกินพอเป็นพิธีแล้วหั่นสเต็กเข้าปากเพราะทนกลิ่นเนื้อย่างยั่วให้น้ำลายไหลไม่ไหว พร้อมจิมไวท์แดงเพื่อเพิ่มอรรถรสให้อาหารมื้อนี้ ปิดท้ายด้วยสลัดและผลไม้สดแช่เย็นที่ยูกินำมาให้
          ระหว่างอาหารทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันผิดกับความเคยชินของเคลาส์ที่มักคุยสารพันเรื่องราวระหว่างทานอาหาร จะอ้าปากคุยกับอากิซังก็เห็นคนตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตากินอย่างอร่อยเลยไม่กล้าขัดจังหวะนั่งกินอาหารของตัวเองไปเงียบๆ
          ตาคมลอบมองคนหน้าตาตีใช้มีดตัดเนื้อมือบิดชิ้นขนมปังใช้ช้อนตักผักสลัดจริตจัดจ้านจับแก้วจิบไวท์ แค่ทานข้าวยังน่ามองขนาดนี้อากิใช้ชีวิตมายังไงก่อนที่จะมาเจอเขากันนะ หรือว่าจะเป็นเจ้าชายจริงๆที่ได้ยินมาจากอาหมอกล่อมบทบรรยายคุณสมบัติหลานรักให้ฟังตอนเขาอยู่โรงพยาบาลทุกครั้งที่เข้าตรวจเขา
          อากิซังศิลปินหนุ่มเคยชินกับการจับจ้องของผู้คน การที่ยูกิมองพฤติกรรมการทานอาหารของเขาไม่ได้ขัดต่อการเจริญอาหารแต่อย่างใด ไว้จะบอกคนจัดเตรียมอาหารให้เตรียมเค้กครีมสดหน้าสตอเบอร์รี่ไว้เขาอยากทานเป็นของหวาน ชิมผลไม้สดพอล้างปากเป็นอันจบอาหารมื้อเย็น
          ยูคิเดินอ้อมไปเก็บจานที่อากิทานเสร็จไปจัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย เพราะแม่บ้านประจำกลับไปแล้ว ตัวเขาเองกินอิ่มปริ่มไวท์ได้ครู่ใหญ่อยากคลายความมึนตึงหลังดื่มแอลกอฮอล์เสียหน่อย ทำงานเล็กๆ น้อยน่าจะพอช่วยได้
          จัดเก็บจานช้อนเข้าที่เช็ดถูโต๊ะอาหารเสร็จสรรพ เขาเดินตามแสงไฟมาเจออากิที่ห้องรับรองด้านนอก เขาเห็นอากิซังนั่งคุกเข่าปลายเท้าขนานพื้นกำลังจัดดอกไม้บนแจกันที่คุณแม่บ้านสุมใส่ลวกๆ ไว้เมื่อเช้า
          มือเรียวแยกประเภทไม้ดอกพินิจมองดอกไม้ บรรจงเล็มกิ่งริบใบจัดวางบนแจกัน รูปแบบดอกไม้ที่จัดเสร็จรูปแบบแปลกตา เสมือนว่าแจกันนั้นคือพื้นดินและมีเหล่าดอกไม้หลากพันธุ์ผุดขึ้นเบ่งบานตามธรรมชาติ
          การจัดวางอ่อนช้อยท่วงท่างดงามไปเสียหมดเหมือนกำลังร่วมพิธีบูชาพืชพรรณของชาวเอเชีย ทุกสิ่งรอบกายอากิเป็นศิลปะแปลกใหม่ที่ติดตาตื่นใจเสียทุกอย่าง
          ดอกไม้ในแจกันหลากรูปทรงถูกวางประดับไว้ตามมุมต่างๆ ทั่วทั้งบ้าน คนที่วิ่งวุ่นวางตรงนั้นตรงนี้ไม่ใช่ใครก็คือยูกินี่เองเดินขาขวิดถือแจกันที่จัดแล้วไปรอบบ้านตามคำสั่งเจ้าชายเดินหน้านิ่งชี้มือชี้ไม้ นี่คงเป็นสไตล์คนแบบอากิซังสินะ!
          เดินถือแจกันดอกไม้ตามหลังเจ้านายบุผฝา นิ้วเรียวชี้ให้เขาวางแจกันตรงนั้นตรงนี้ ภายในบ้านเลยดูมีชีวิตชีวาน่าอยู่ขึ้นทันที
          เขาแปลกใจที่ไม่เห็นทีวีหรือเครื่องเสียงแม้แต่เครื่องเดียวแต่กลับมีวิทยุสื่อสารแทน เดาว่าคงเป็นที่ตั้งของบ้านหลังนี้ที่อยู่บนเขาต้องมีไว้ติดต่อคนภายนอกยามฉุกเฉิน
          หากไม่รวมมือถือและคอมพิวเตอร์พกพาของเจ้าตัวทุกอย่างที่นี่ล้วนปรกติดี เขายังเห็นไอแพดอีกเครื่องในห้องทำงาน อากิไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างเด็ดขาด อาจจะแค่อยากมาพักผ่อนหรือหลบสถานการณ์บางอย่าง หรืออาจไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้นแค่อยากขึ้นเขาวิเวกเปล่าเปลี่ยวอยู่ตัวคนเดียวสร้างงานศิลปะเพียงเท่านั้น
          ยูกิร่างทรงสวมทับร่างอัยการเคลาส์เริ่มแปลกใจกับความคิดตัวเองทำไมต้องคิดวิเคราะห์สถานการณ์ให้มันยุ่งยากซับซ้อน แค่รู้ว่าคนที่เขาร่วมชายคาด้วยไม่ได้เป็นโจรภูเขาก็น่าจะพอ แถมยังเป็นคนอารมณ์ปรวนแปรจับทางไม่ได้เข้าหาไม่ถูกอีกต่างหาก
          อากิพายูกิเดินรอบบ้าน เหมือนพาเจ้าเพื่อนยากสี่ขาออกเดินเล่น ทั้งคู่นั่งรับลมหนาวหิมะปรายลมพริ้วเบาที่ระเบียงข้างบ้าน ต้นไม้ดอกไม้ถูกหิมะจับตัวแข็งทื่อ ทุกยอดชูช่อเหมือนตุ๊กตาหิมะประดับเรียงรายสูงต่ำคละระดับกันไป

          ยูกิเว้นระยะห่างจากคนอารมณ์แกว่งไกวแล้วนั่งลงอย่างระมัดระวัง ตัดสินใจนั่งไม่ถูกว่าต้องลงท่าไหนถึงจะไม่ขัดตึงกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดแปลกตานี้ เลยตัดสินใจนั่งขาห้อยริมชายระเบียบเป็นท่าง่ายสุดในตอนสวมชุดยาวคลุ่มข้อเท้าแบบนี้
          คนกิริยางามหยิบจับอะไรดูน่ามองไปทุกท่วงท่าแม้แต่ท่านั่งสูบยา พระเจ้าลำเอียงเสียจริงส่งเทวดามาเกิดไม่สร้างให้เหมือนมนุษย์มนาคนธรรมดาเสียหน่อยยังตัดใจทำไม่ลง
          เรื่องรักเรื่องใคร่ยอดชายที่นั่งอยู่ข้างเขาคงผ่านมาแล้วมายมายมีให้เลือกหลากหลายไม่มีเบื่อกระมังนั่น น่าอิจฉาชะมัด! หลายคนที่ได้เห็นอากิซังคงมีความคิดอิจฉาเล็กๆ แบบเขาเป็นแน่
          “อากิซังเป็นศิลปินหรือครับ” ยูกิทนความเงียบในบรรยากาศเหงาหงอยไม่ไหวเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน
          “จิตรกร...บางที” ร่างบางพ่นควันยาสูบเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่หยุดปากเงียบไว้
          “นายหล่ะ เป็นใครนึกได้หรือยัง หวังว่าไม่ใช่เป็นเซเลปคนดังหรอกนะ” น้ำเสียงแข็งกระด้างอ่อนลง เขาเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศถามเรื่องส่วนตัวของยูกิบ้าง
          “ผมหล่อใช่มั้ยล่ะครับ” เห็นหน้าตัวเองในกระจกมองอย่างไม่เอาดีเข้าตัวก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร พูดเสร็จก็เอียงองศาเก็กหน้าด้วยมุมที่ดูดีที่สุด
          คนสูบยาแทบสำรักควันถึงจะพูดเรื่องจริงแต่ไม่อวยตัวเองเกินไปหรือไง อายบ้างไหมพูดต่อหน้าเขาเนี่ย นี่คนความจำเสื่อมคงไม่มาพูดขายขำให้เขาสนุกสนานใช่ไหม
          “ให้ตายเถอะอย่างนายเรียกหล่อแล้วหนังหน้าอย่างฉันเรียกอะไร”
          “โอ้ย! ผมไม่กล้าวิจารณ์หรอก เดี๋ยวเทพผู้ปั้นคุณจะเศร้าใจ” ยูกิเงียบความคิดไว้ดีกว่ายังไงเสียก็สู้ใบหน้าเทพบันดาลไม่ได้หรอก คนอะไรหล่อก็ดีสวยก็ได้เหมือนใครจงใจปั้น ไหนเลยจะกล้าบอกว่าหน้าตาดีเพราะว่าดีเกินเกณฑ์มาตรฐานไประดับอิปิคแล้ว
           “ชั่งหน้าฉันเถอะ พูดถึงฝันนายดีกว่านายเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
          อากิอยากช่วยกระตุ้นความจำ ไม่ได้สำนึกผิดอะไรหรอกแค่ห่วงใยตามประสาเพื่อนร่วมโลก เคยรู้มาว่าความฝันก็คือความทรงจำชนิดหนึ่งที่สมองถูกสั่งให้กดมันเอาไว้ในเวลาปกติ และถูกปลดปล่อยในช่วงเวลาที่เผลอตัวไร้การควบคุม
           เมื่อหลับลึกความกดทับจะคลายตัวและพลั่งพรูให้เจ้าตัวได้รับรู้ว่าจิตสำนึกเก็บซ่อนอะไรไว้บ้าง หากปล่อยให้ยูกิอยู่ไปวัน ๆ ไม่ได้รื้อฟื้นความจำเลยเดี๋ยวจะกลายเป็นโรคสมองเสื่อมแทนความจำขาดหายเสียก่อนและยังเป็นภาระให้เขาอีกด้วย
          “ฝันที่ได้ยินแต่เสียงของผมหรือครับ” ร่างสูงใหญ่ดึงขาขึ้นในท่าขัดสมาธิ และเอนตัวไปด้านหลังใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างยันร่างกายไว้ ดวงตาคมมีแววเศร้าที่ซ่อนไว้สุดลึกมองขึ้นไปยังห้องฟ้ามืดมนว่างเปล่าเหมือนยามเขาหลับตาฝัน
          “เคลาส์ เสียงในฝันพูดแค่คำนี้ครับ”
          “ชื่อนายเหรอ” อากิถามหยั่งเชิง ยูกิอาจเริ่มรู้ที่มาของตัวเองมาบ้างแล้วก็เป็นได้ เขารู้สึกทั้งดีใจและแสนเสียดายเวลาที่ได้อยู่กับพาลาดินหนุ่มสั้นเหลือเกิน
          “ไม่รู้สิครับ อาจเป็นชื่อผม หรือใครสักคนที่สำคัญมาก” รู้สึกปวดหัวจนได้ยินเสียงตุบ ๆ เหมือนสมองจะระเบิดออกมาจึงไม่อยากคิดถึงความฝันนั้นอีก
          “ใจเย็น ๆ ถ้าฝันอีกใช้ใจของนายเข้าไปด้วย...ในนี้” มือเรียวจิ้มไปที่หัวตัวเอง
          เขาให้คำแนะนำดีๆ ไม่ได้หรอก เพราะตัวเองก็คิดไม่ดีกับคนสมองกลับเหมือนกันอยากดีดหัวคิดด้านปีศาจร้ายของเขาทิ้งเสียจริงๆ จิตใจเขาบางครั้งกลับไม่ได้สดสวยเหมือนหน้าตาที่ทุกคนกล่าวชื่นชมยกยอ เขาดับยาสูบและลุกขึ้นกลับเข้าข้างในบ้าน
           “อากิซังจะไปทำงานต่อหรือครับ” ยูกิลุกขึ้นอย่างรวดเร็วรีบเดินตามจิตรกรหนุ่มไปแล้วปิดบานประตูไล่หลังมา
          “ถ้างานเสร็จแล้วฉันต้องกลับญี่ปุ่น นายจะทำยังไง” อากิถามชายหนุ่มที่กำลังตามหลังมาลอยๆ เขาไม่คาดหวังว่าคำตอบจะทำให้เขาปลื้มปริ่มหรือไม่ แค่อยากจะถามลองใจดูเท่านั้นว่าตอนนี้คิดอย่างไรกับการที่ต้องอยู่กับเขาที่นี่
          “คุณคงไม่ใจร้ายทิ้งผมไว้ที่นี่นะครับ” คนตอบคำถามพาซื่อถ้าไม่มีอากิอยู่ที่นี่แล้วจะไปที่ไหนได้
          “อย่าพึ่งคิดเลย งานฉันไม่เสร็จง่ายๆ หรอก ไว้ค่อยคุยกันอีกที” บางทีนายเองอาจรีบลงเขาหนีฉันไปก็ได้ถ้าจำทุกอย่างได้ขึ้นมา คำพูดที่อยากจะพูดแต่นิ่งเงียบไว้ไม่ได้เอ่ยปากพูดไป
          “อยากเข้าไปทำงานกับฉันไหม” คนอารมณ์ไม่มั่นคงเปิดบานประตูเลื่อนค้างไว้แล้วหันมาถาม ฝ่ายคนถูกเชื้อเชิญทำตัวไม่ถูกตัดสินใจก็ลำบากแต่พยักหน้ารับคำเดินคอตกไหล่ห่อย่อตัวเหมือนเดินเข้าห้องศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งเดินเข้าศาลครั้งแรก!
          เคลาส์ผู้หลงลืมยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าต้องพาร่างกายตัวเองไปอยู่ส่วนไหนของห้อง เก้าอี้มีเพียงตัวเดียวรอบตัวมีแผ่นภาพเขียนวางทั่วไปหมด กลิ่นสีค่อนข้างรุนแรงจนเขาไม่กล้าสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
          คนใช้ชีวิตอุดอู้อยู่ในห้องนี้เสียส่วนใหญ่รู้ถึงความอึดอัดที่กลิ่นสีอัดแน่นอบอวน เขาเดินไปเปิดที่ดูดอากาศบรรเทากลิ่นให้บางลงเพื่อยูกิจะได้ไม่หายใจลำบากนัก
          จิตรกรร่างบางนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเดียวที่มีในห้องและกวักมือให้ยูกิมานั่งซ้อนด้านหลังบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน ถึงจะเงอะๆ เงะๆแต่ก็นั่งคล่อมเก้าอี้ใช้ลำตัวเป็นพนักพิงให้อากิซังไปเสียแล้ว
          หนุ่มหน้างดงามดั่งเทพกลายเป็นตาแก่ขี้เมาถือขวดเหล้าแบบพกพากระดกดื่มเป็นน้ำเปล่า จนมือหนาต้องจับรั้งไม่ให้ดื่มเหมือนเทน้ำเปล่าเข้าปาก
          ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอไม่ได้ต่อว่าต่อขานจนเขาลนลานเหมือนตอนเย็น ใครที่ว่าน้ำเมาเปลี่ยนนิสัยคน เขาเห็นด้วยก็ต่อเมื่อมาเห็นกับตาตัวเองนี่แหล่ะ
          นึกถึงตัวเองตอนเมาจะเป็นแบบอากิหรือเปล่าเดาไม่ถูกจริงๆ อาจจะยิ่งกว่าก็ได้ ก็คนเมาใครกันเล่าจะถือจะสาหาว่าเอาความคนเมาไร้สติ   
          “นี่! โชจูยอดนิยมที่ญี่ปุ่นสักอึกดูไหม” อากิยื่นเหล้าหมักสุดหวงมาให้ยูกิชิมรสชาติ คนถูกชวนลังเลเพราะไม่มีแก้วให้รินออกมา ถ้าดื่มปากขวดเดียวกันประเดี๋ยวคงได้โวยวายเขายกใหญ่แน่
          “เฮ้อ!ใจเสาะเป็นปลาซิลปลาสร้อย ” อากิพลิกตัวหันหน้าคุกเข่าขึ้นคล่อมตักหนามือเรียวดึงผมไปด้านหลัง อาศัยจังหวะตกใจของยูคิประจบริมฝีปากส่งผ่านโซจูร้อนระอุเข้าปากไปเรียบร้อย
          ใช่สิ ...ใครจะใจใหญ่ใจโตยิ่งกว่าภูเขาทั้งลูกอย่างศิลปินขั้นเทพกันเล่าที่ทำได้ขนาดนี้!

           เอาล่ะสิ เจอของแร๊งส์ขนาดนี้จะหยุดอิท่าไหนหนอ... :katai3: เจอกัน่ตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 04-02-2024 14:49:12
Lover Fire 3 : The Lost Mind New Guy
          น้ำเมาดีกรีแรงไหลลงคอร้อนผ่าวจนทั่วท้องเขาสติมึนตึงมาตั้งแต่หลังอาหารมื้อค่ำแล้ว พึ่งจะสร่างไม่ทันซากลับมาสะสมแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอีกรอบ
          รสสัมผัสคล้ายวิสกี้มีกลิ่นฉุนแฝงกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นนึกไม่ออกว่ากลิ่นอะไรที่ตีขึ้นจมูกหลักจากดื่มเหล้าสีใสกลิ่นแรงรสแปลกแต่ไม่เลวร้ายคอวิสกี้อย่างตัวตนของเคลาส์พอรับได้

          “โชจูสูตรเฉพาะตระกูลฉันเอง แต่ชอบสาเกมากกว่าเสียดายยี้ห้อที่ชอบไม่มีขายที่นี่” เจ้าของสูตรพูดโอ้อวดภูมิใจเหล้าในขวดสแตนเลทขวดนี้มาก
          “นายรู้วิธีดื่มโชจูในหน้าหนาวไหม” คนน่าตาดีทำหน้าเจ้าเลห์ดูไม่น่าวางใจแต่คนจะถูกล่อลวงสุดจะต้านทาน
          “แค่ดื่มไม่พอหรือครับ” คนตามไม่ทันคิดว่าวิธีการดื่มคงเหมือนวิสกี้ จะดื่มเพียวหรือผสมกับเหล้าอื่นและผสมทำค็อคเทล
          อากิซังยังนั่งคล่อมอยู่แบบนั้นมือเรียวยกขวดเหล้าพกพาดื่มอีกครั้ง ไม่ยอมกลืนแต่อมโชจูให้อุ่นขึ้น ยูกิมองตามตาไม่กระพริบสงสัยว่าทำไมคนตรงหน้าไม่กลืนเหล้าเสียที
          ไอร้อนจากใบหน้าจิตกรหนุ่มเข้ามาใกล้หน้าของเคลาส์ นิ้วเรียวเชิดปลายคางคมสันให้ยกขึ้นก้มหน้าตัวเองประกอบริมฝีปากหนาอีกครั้งและส่งเครื่องดื่มอุ่นระอุให้คนไร้ประสบการณ์ดื่มโชจูในฤดูหนาวรู้วิธีการดื่มอย่างถูกวิธี
          ใบหน้าดุจเทพบุตรชิดใกล้ใช้ปากเอิ่มสวยแทนจอกโชจูให้ยูกิในร่างเคลาส์ดื่มด่ำเหล้าวัฒนธรรมที่ไม่มีประเพณีแบบนี้ในประเทศต้นกำเนิด…รูปแบบปากต่อปากที่ทำอยู่นี่ล่ะนะ
          จากบริการใช้ปากเป็นจอกเหล้าเริ่มเลยเถิด มือหนาประคองดวงหน้าชวนมองที่หมกหมุ่นรุกเร้าความรู้สึกเขาจนมากเกินไป
          ก่อนจะปล่อยใจปล่อยกายถล่ำไกลเกินกว่าจะยั้งได้ เรียวปากหนาถอนออกจากริมฝีปากซุกซนใช้หน้าผากตัวเองดันหน้าผากของอากิไว้ให้หยุดการกระทำตามใจลงเสียก่อน
          “ดื่มโชจูแบบนี้ไม่ดีเลยครับ”
          “คิดมาก! สมองนายมีกฎเกณฑ์มากไป”
          “อากิซัง” เห็นทัศนคติคนกร่างเมาเมื่อเหล้าเข้าปากก็อยากจะห้ามปราม
          “ฉันอยากวาดรูปนายช่วยกระตุ้นอารมณ์หน่อย”
          ฟังคำขอความช่วยเหลืออ่อนอ้อนเช่นนี้จิตสำนึกเคลาส์ถึงกับอึ้ง มวลสารทั่วร่างกายหยุดกึก คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอถ้อยคำชวนใจละลายแบบนี้มาก่อน
          ร่างบางไขว้ขาอ้อมร่างพาลาดินร่างใหญ่ไปนั่งด้านหลังเหมือนคนเล่นกายกรรม สองขาเรียวตวัดรอบเอวหนาของยูกิไว้หน้าหล่อล้ำโลกวางพาดอยู่แนวบ่าหนา นั่งมองภาพวาดปลายแปรงสะบัดของตัวเองพร้อมจิบขวดโชจูส่วนตัวพินิจงานศิลป์เป็นกับแกล้ม
          ลมหายใจอุ่นรดต้นคอชวนให้คนโดนกระทำใจหวั่นไหวต้องถอนหายใจระบายความอัดแน่นชวนอึดอัดบางอย่างของร่างกาย
          คนชอบหยอกเย้าหัวเราะกรุ้มกริ่มมือไม้เล่มไม่หยุดอยู่นิ่งปล่อยขวดโชจูอันว่างเปล่าล่วงหล่นพื้นแล้วมาคว้าลำบางอย่างที่คอขวดคอดบนร่างเคลาส์แทน
          “อา กิ ฮิ โระ ซัง!” ยูกิในร่างเคลาส์สะดุ้งแต่ไม่ถอยหนี ภาพอย่างอย่างตีกันวุ่นวายภายในสมองสับสนที่กำลังมึนงงด้วยน้ำเมาและแรงยั่วเย้าให้พลั้งเผลอจากจิตรกรใจกระหายกระหืน
          เคลาส์หันหลังกลับมากระจันหน้ายูกิโดยอัตโนมัติ ใบหน้าคมสันฝังหน้าตัวเองตรงซอกคอระหงสติเลือนปล่อยร่างกายให้ดำเนินตามความรู้สึก มือหนาสัมผัสคนในอ้อมอกเช่นเดียวกับมือเรียวกำลังบำบัดเฉพาะที่
          ดวงตางดงามหยาดเยิ้มด้วยความต้องการ รอยจูบเย้ายวนรอบลำคอเหมือนแมลงไต่คันยิบยับทั้งหัวเราะขันทั้งครางคราช่างชวนให้คนแปลกแยกเปล่าเปลี่ยวกระซ่านสันต์กว่าที่เคยมา
          “เคลาส์...” ยูกิบรรจบกระซิบแผ่วเบาใกล้ใบหูหนาให้เจ้าของชื่อได้ยิน
          เพียงแค่อยากระเซ้าแหย่เล่น ด้วยความคิดผิดแผลงกลับกระตุ้นเคลาส์ผู้หลับใหลลืมตาตื่นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดปัดไล่ใครบางคนที่กำลังเข้าควบคุมสติและร่างกายของยูกิ
          ทุกเหตุการณ์ใต้จิตสำนึกถาโถมเหมือนวิญญาณร้ายเข้าสิงสู่ เคลาส์บรรเลงรักเหมือนระบายความคลั่งใคล้ร่างกายโหยหาเรียกร้องใครบางคนที่สุดรัก
          อากิปล่อยกายให้ไหลตามแรงปรารถนาของยูกิเปิดใจรับอารมณ์รุนแรงท่วงท่าพลิกแพลงมาอยู่ในท่านั่งทับร่างหนาสนิทแนบหน้าตัก ลำแขนเรียวจับแขนแข็งแรงกระชับอกกระชั้นร่างของตนไว้
          จินตนาการล่องลอยและกว้างไกลเกินกว่าสมองของเขาจะจินตนการได้ ปลดปล่อยร่างกายให้หลั่งไหลความอัดอั้นจนทานทน
          ร่างกายแอนอ่นโยนโยกตามแรงดึงดันแข็งขึงของชายคุ้มคลั่งระบายอารมณ์สับสนงุ่นง่านไปในทางรุนแรงทางกายภาพ ยูกิครางต่ำในลำคอจับความไม่ได้เหมือนจะสุขสมหรือจะทุกข์ทนแต่มีอ้อมแขนไร้เรียวแรงโอบกระชับต้นคอปลอบประโลมไว้ไม่ห่าง
          เรียวปากบางเผยอรอรับจูบปลอบประโลมที่ยูกิมอบให้ไม่ได้ขาด ร่างกายกระเส่าสั่นไม่ได้จากอากาศที่หนาวเย็นหยาดเหงื่อที่สองคนหลอมละลายหาได้มาจากความร้อนชื้น ความหมายที่สองร่างก่อเกิดมาจากแรงอารมณ์ความอ่อนไหวแห่งสภาวะจิตใจโหยหา
          พายุอารมณ์กระหน่ำพัดโหมถึงขีดสุดสองร่างนอนราบทาบทับบนพื้นเปรอะเปื้อนสี ยูกิในร่างเคลาส์นอนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ยังไม่ถอนตัวจากร่างอ่อนไหวไร้เรี่ยวแรงในอ้อมอก เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเป่ารดใบหูบางชวนจั๊กจี้จนต้องฝืนร่างกายลืมตาตื่น
          เหตุการณ์คืนวันนี้ทำให้จิตกรหนุ่มความคิดบรรเจิดรับรู้แล้วว่าฝ่ายรองรับพายุอารมณ์ร่างกายรับภาระหนักเพียงใด ทรมานร่างกายแบบนี้ถึงจะสุขสมกระตุ้นกามรมณ์ได้ดีแค่ไหน ประสบการณ์ชายใต้ชายครั้งเดียวกับเคลาส์เติมเต็มรสชาติเกินพอแล้ว
          ตากลมสวยนอนมองภาพผืนใหญ่ที่เขาทุ่มเทเวลาให้กับงานชิ้นนี้ ภาพสวยองค์ประกอบดีความรู้สึกได้แต่ยังไม่ถูกใจคนวาด เขานอนทอดสายตามองภาพอย่างเลื่อนลอยความพึงพอใจยังไม่ถูกเติมเต็มในผลงานนี้ เขาสร้างร่างกายให้ผืนภาพแต่ยังไม่ใส่จิตวิณญาณแห่งภาพลงไป
          อยู่ดีๆหัวใจกลับเต้นรำส่ำเกินต้านไหวมือไม้สั่นกระตุกอยู่ไม่สุขเวลาแห่งการจบผลงานกลับมาแล้ว เขาถอนร่างคลายอ้อมกอดของคนระเบิดพลังอารมณ์ให้หลับสนิทพักร่างกายจากกิจกรรมบันเทิงกาย ไม่แน่พรุ่งนี้ยูกิอาจจะจดจำทุกอย่างได้แล้วเดินจากเขาไปเหลือแค่ร่องรอยบนร่างกายให้คลายคิดถึง
          ร่างบางนั่งคุกเข่าวาดภาพด้วยจิตวิณญาณและความรู้สึก ผืนภาพงานชิ้นเอกกำลังถูกเติมเต็มให้เป็นงานศิลป์ที่สมบูรณ์
          อากิซังเทแรงกายแรงจินตนการและฝีแปรงภายในห้องงานศิลป์เสียหลายวันโดยมียูกิคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยูกิในร่างเคลาส์เริ่มคุ้นชินกับคนอารมณ์ฉวัดเฉวียนและปรับตัวให้อยู่ร่วมบ้านเดียวกับคนอารมณ์ดั่งงานอาร์ตระดับโลกได้ดี
          'ไม่ต้องเข้าใจแค่มองและชื่นชมทุกอย่างสมบูรณ์ในตัวของมันเอง'
          หลายวันมานี้ยูกิสับสนทางความคิดมากพอสมควร เขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองอยากหาที่สงบจิตสงบใจ ช่วงเวลาว่างเมื่อคนศิลป์ทำงานในห้องภาพเขาจึงใช้เวลานี้เดินเล่นบริเวณรอบๆ บ้าน เดินหาเพื่อนบ้านที่อยู่ในระแวกเดียวกัน
          มีเสื้อผ้าลำรองอยู่หลายชุดที่ไม่ใช่ชุดยาวแปลกตาที่สวมอยู่ ขนาดเสื้อผ้าใหญ่กว่าจิตรกรหนุ่มเขาเลยเปลี่ยนชุดคลุมยาวมาสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป ขนาดคับไปเล็กน้อยแต่พอถูไถ่ใส่ไปข้างนอกได้ ชุดเหล่านี้น่าจะเป็นของคุณอาหมอที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน
          สภาพแวดล้อมสงบนิ่งไร้ลม ไม่มีหิมะโปรย ความหนาวเย็นไม่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านเหมือนวันแรกที่อยู่นี่ ทุกอย่างโดยรอบดูเหงาเงียบหงอยหากเป็นช่วงหน้าร้อนที่นี่คงจะมีชีวิตชีวามากกว่านี้ และวิวทิวเขาคงสวยงามมาก

          ยูกิคิดคำนวณเวลาที่อยู่บนเขากับอากิซังน่าจะครึ่งเดือนผ่านมาแล้ว ไร้การติดต่อจากโลกภายนอกเขาหาอดีตของตัวเองจากชุดที่เขาสวมใส่เมื่อพลัดตกลงมาที่นี่ แต่ไม่เจอบัตรประจำตัวหรือหลักฐานแสดงตัวตนอะไร
          หลายคืนที่ผ่านมาเขาเริ่มฝันมากขึ้น ไม่มีเพียงเสียงเหมือนตอนแรก สติของเขาหลอนภาพเก่าเก็บที่เคยบรรจุไว้หรืออาจจะเคยมีส่วนร่วมแต่ได้หลงลืมไป เรื่องราวมากมายไหลบ่าเหมือนน้ำป่าทะลักเข้าหมู่บ้าน แต่เขาก็ยากจะลืมเลือนคืนค่ำแห่งกายสัมพันธ์ระหว่างเขาและอากิซังคนหล่อเทพช่างปั้น
           เขาเฝ้าถามตัวเองถึงเหตุการณ์ที่ยากจะลืมในคึนนั้นเพราะเหตุใดทำไมใจเขาไหลตามเหล้าสีใสได้ถึงเพียงนั้น คิดทบไปทวนมากลับพบนิสัยส่วนเป็นคนชั่งสงสัยระแวดระวังยังกับหนังสืออ่านยากไม่น่าดึงดูดให้เปิดอ่าน หรือเป็นนิตยสารวิชาการที่ยากจะเข้าใจ
          เดินคิดอะไรไปเรื่อย สังเกตสังการณ์และตั้งคำถามหาที่มาที่ไปตลอดทางจนยูกิรำคาญตัวเองตบหัวเปาะแปะอยู่หลายทีในการเดินสำรวจวันนี้
          เขาเจอชาวบ้านกลุ่มหนึ่งตั้งแค้มป์อยู่ใกล้ทางลงเขา พูดคุยถามเรื่องราวเกี่ยวกับชุมชนบริเวณนี้ ได้ความว่าไม่มีชาวบ้านอาศัยมีแต่ขึ้นเขามาหาของป่าล่าสัตว์มักมาเป็นกลุ่มและตั้งแค้มป์บนเขาเป็นครั้งคราว
          ยังมีสถานที่โบราณบนเขาด้านบนน่าจะเป็นวัดหรือศาลเจ้าเก่าแก่อยู่แห่งหนึ่ง มีตำนานเล่าต่อกันว่าหากขอเรื่องความรักมักสัมฤทธิ์ผล
          เล่าเรื่องไปชาวบ้านก็เถียงกันเองว่าใครจะขึ้นมาขอพรให้ลำบาก หากมีรักทั้งทีสุดแสนจะยากเย็นก็เป็นโสดจนตายคงไม่ลำบากมากกว่าตอนนี้หรอก เรียกเสียงหัวเราะทั้งกับยูกิและคนที่นั่งฟังบริเวณนั้นอย่างพร้อมเพียง
          เสียเวลาพูดคุยไร้สาระได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไป ร่างสูงเงยหน้ามองหลังคาสถานศักดิ์สิทธิ์ที่โผล่พ้นยอดสนมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปเตรียมอาหารให้อากิซัง
          เขาเห็นความก้าวหน้าของผืนงานที่แสนจะแปลกตา ถึงไม่เข้าใจงานศิลปะแต่บอกได้เลยว่าไม่อาจหันหน้าหนีหรือกระพริบตาจากงานภาพของอากิฮิโระซังได้เลย รวยเมื่อไหร่เขาต้องไปประมูลงานชิ้นนี้ของอากิซังมาเป็นของประดับบ้านให้ได้
          ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำมามากแล้วขายาวรีบจ้ำอ้าวฝ่าพื้นหิมะที่เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง เดินยากไปเสียหน่อยแต่ความใจร้อนของเขาเอาชนะอุปสรรคเล็กน้อยได้สบาย
          กว่าจะถึงตัวบ้านก็เป็นเวลาใกล้ค่ำ เห็นคนหน้าหล่อยืนหน้าบึ้งรอรับอยู่แล้วที่หน้าบ้าน รู้สึกถึงการกลืนน้ำลายครั้งนี้ฝืดหนึดคอเสียจริงๆ
          “เห็นทีขานายต้องมีโซ่ล่ามน่าจะดี”
          “อากิซังอย่าหงุดหงิดสิครับ เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้ทาน”
          คนแข็งกร้าวเมื่อโดนน้ำเสียงอ่อนอ้อนเข้าลูบความโมโหคลายลงไปบ้าง ถึงไม่เข้าใจตัวเองว่าจะหงุดหงิดงุ่นง่านไปทำไม คนมีขาก็ต้องเดินนกมีปีกก็ต้องบินขนาดแมวยังปีนต้นไม้ได้เลยแล้วคนจะให้นั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้อย่างไรกัน
          “เก็บรายละเอียดงานเสร็จแล้ว ฉันพานายเดินเล่นเอง”
          นี่อากิซังจะพาเขาไปเดินเล่นเหมือนเจ้าของหมาพาเพื่อนยากสัตว์หน้าขนเดินสี่ขาวิ่งจ็อกกิ้งตอนเช้าแบบเดียวกันใช่ไหม? เหนื่อยใจแทนคนรักในอนาคตอากิซังจังหนอชีวิตรักน่าสนุกตื่นเต้นจนขนหัวลุก
          เคลาส์หุบยิ้มไม่ลงได้แต่ก้มหน้าซ่อนมันไว้แล้วเดินตามจิตรกรหน้าหล่อขั้นเทพไป มีหรือการกระทำเล็กๆ น้อยๆ จะหนีรอดสายตาว่องไวจอมจับผิดได้พ้น แต่อาจจะเข้าใจและตีความไม่ตรงกันถึงรอยยิ้มนั่น

          “นายอยากเล่นกับโซ่จริงๆ สินะ”
          ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นมาหน้าหล่อเหลาคมสันร้อนวูบหุบยิ้มอย่างฉับพลัน คอตั้ง ไหล่ลู่ แขนตก เสียงยานคางได้แต่เรียกชื่อคนอารมณ์ร้อนเบาๆ 'อากิซัง อย่ารุนแรงกับคนป่วยอย่างผมนักเลย...'

 :z10: เจอกันตอนหน้านะคะ ฉากเรทจิ้นกันนะคะท่านผู้อ่านคนแต่งยังหาฉากจูงใจไม่ได้ไว้ถ้าพบเจอได้เปิดโลกแล้วจะมาอิดิทนะจ๊ะ คอยส่องย้อนหลังกันด้วยนะทุกคน :laugh:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 16-02-2024 18:16:37
Lover Fire 4 : The Love Breeze
วอนลมฝากรัก
          นักเดินทางมักไม่หยุดแสวงหาความตื่นเต้นบนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ ท้องทะเลทอดไกลสุดสายตายังอยากจะหาที่สุดของปลายทาง ไม่มีที่แห่งหนไหนที่มนุษย์ไม่เคยเดินทางไปอย่าว่าแต่อีกซีกโลก ต่อให้ไปนอกโลกมุ่งสู่จักรวาลยังคิดเดินทางสำรวจมาแล้ว
          จะใจเสาะไปทำไมกับแค่เดินขึ้นเขามีหิมะปกคลุม อาจจะยากกว่าเดินร้อนๆ บนทะเลทรายก็ตรงโดนหิมะกัดผิวที่น่าจะเจ็บกว่าโดนแดดเผากลางทราย
          บางทีเขาน่าจะรับงานกลางทะเลทรายดูบ้างถ้ายังไม่มีเคลาส์เป็นคนรักอาจจะได้พบกับเจ้าชายขี่อูฐถือนกเหยี่ยวบ้างก็ได้ แต่เมื่อมีคนรักแล้วต้องผจญภัยบนภูเขาหิมะแทน
          ขายาวก้าวช้าๆ ผ่านขั้นหินทีละขั้นๆ สงบจิตสงบใจก้มลงมองปลายเท้าตัวเองทีละก้าวอย่างระแวดระวังแและสุขุม หิมะรอบข้างละลายเปิดเส้นทางให้พอสันจรผ่านไปได้บ้าง
          ดาราดังหยุดมองทิวทัศน์รอบตัวเป็นระยะและแหงนหน้ามองฟ้าที่สดใสไร้กลุ่มเมฆ ดาช้ำแดงขอบตาคล้ำร่วงโรยแม้ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแต่ดวงตาคู่สวยรื้นชื้นด้วยน้ำตายามอยู่คนเดียว
          มองข้างหน้าเป็นทิวเขาลูกปกคลุมด้วยหิมะยังดีที่พื้นราบระหว่างเขาตรงนี้หญ้ายังเขียวชอุ่มดีแต่ลมเย็นพัดโบกไม่ขาดสายต้องเดินกระชับเสื้อโค้ทอยู่ตลอด
          ทุกครั้งที่หยุดเดินและเงยหน้ามองฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงผลอยหยดลงอาบแก้ม ผ่านเรื่องราวความรักๆ ใคร่ๆ มามากมาย อกหักรักคุดโดนรักหลอกมีรักลวงยังไม่มีครั้งไหนที่เขาเศร้าซึมหนักจนต้องระบายออกด้วยน้ำตา นี่ถ้าได้เลิกกันจริงเขาคงไม่คิดมีชีวิตอยู่ใช่ไหมเนี่ย
         เอซิซเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ทางสถานีขอความร่วมมือร่วมโครงการด้านสังคมเพื่อสาธารณประโยชน์ ตัวเขาเองตั้งใจอยากมาที่นี่อยู่ก่อนแล้วทันทีหลังจากที่ได้รู้ข่าวว่าเคลาส์มาทำภารกิจและผลัดตกเขาระหว่างการเดินทางลงพื้นราบระหว่างหิมะถล่ม
          "ไม่ไหวก็หาเรื่อง เฮ้อ! พี่เนี่ยนะ มาเดินข้างหน้าเดี๋ยวผมระวังหลังให้" ผู้จัดการรุ่นน้องดูแลความปลอดภัยของนักแสดงเต็มสปิริต โอลิเวอร์เห็นใจแต่ไม่เห็นด้วยที่จะมาแสวงหาความคาดหวังที่คนส่วนหนึ่งเรียกความศรัทธา
          เอซิซทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายไม่ได้ต่อปากต่อคำเหมือนเคย รู้ดีแก่ใจว่าต้องการมาที่นี่เพื่อตามหาเคลาส์ด้วยตัวเอง ส่วนงานอาสาถือว่าตัวเองมาทำบำเพ็ญประโยชน์ตอบแทนสังคมไป ไม่ได้คิดให้ใครเยินยอหรือเขียนเล่าข่าวให้ดาราหนุ่มดูดีขึ้นจากเดิม เขาไม่ได้ต้องการชื่อเสียงแต่ต้องการเพื่อนร่วมสังคมที่หลากหลายและสามารถหารายได้จากคนต่างกลุ่มต่างสังคม
          รุ่นน้องผู้จัดการไม่อยากให้เอซิซมาทำอาสาที่นี่ถึงผลลัพธ์รับงานเพื่อสังคมจะทำให้ชื่อเสียดูดีขึ้นมาบ้าง ด้วยภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่ดาราต้องสร้างเป็นเรื่องจริง แต่พ่อดาราตัวดีทำลายชื่อดีจนมีชื่อเสียโด่งดังมานานแล้ว ไม่ต้องสร้างแสร้งทำดีเพื่อให้ผู้คนจดจำให้เสียเวลาหรอก พวกแอนตี้แฟนจะโจมตียิ่งกว่าเดิมว่าเป็นดาราจอมหลอกลวงชอบสร้างภาพเสียเปล่าๆ
          ไม่อยากจะคิดว่าคนไร้ศรัทธาอย่างเอซิซ เมื่อได้ยินตำนานเรื่องเล่าจากชาวบ้านถึงศาลเก่าบนภูเขาก็รีบยักย้ายร่างกายเหมือนซอมบี้มาขึ้นเขาทันทีไม่เสียเวลาคิด
          โอลิเวอร์เดินเกาหัวแกร๊กๆ ไม่เข้าใจหัวอกคนกำลังมีรัก แต่ก็อยู่เคียงข้างรุ่นพี่ตัวแสบทุกช่วงเวลาไม่ว่ายามทุกข์หรือสุขจนเขาหมั่นไส้ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดนี่น่ากลัวจนขนหัวลุกซู่เลยทีเดียว
          ‘เ ค ล า ส์’ เสียงภายในใจเรียกขานชื่อคนรักไม่หยุดหย่อน ได้แต่ฝากชื่อคนรักผ่านสายลมช่วยพัดพาความคิดถึงและห่วงหาจากเอซิซคนนี้ไปถึงชายคนรักที่ยังหาตัวไม่เจอให้ด้วย
          “อย่าได้เจ็บได้ปวดหรือเกิดภัยอันตรายขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย กลับมาเจอกันอีกครั้ง”
          “บ่นอะไรน่ะพี่ จะสวดมนต์ตั้งแต่ต้นทางเลยหรือไง” ผู้จัดการหนุ่มชะโงกหน้าไปดูดาราหน้าเศร้า ความจริงแล้วเป็นห่วงน่ะแหล่ะแต่ด้วยความปากไวพูดจากระแทกแดกดันกันอยู่ทุกวี่วัน จะมาให้พูดเห็นอกเห็นใจกันมันผิดวิสัย
          อย่างน้อยโอลิเวอร์รู้จักยับยั้งปากของตัวเองไว้ได้บ้าง ยอมเดินตามหลังเอซิซขึ้นเขาไปอย่างเงียบๆ คอยเตือนให้ระวังบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อเห็นคนอ่อนกำลังทั้งกายและใจเดินขึ้นเขาด้วยความไม่พร้อม
          ‘บ้าเอ้ย!’ หลายวันมาแล้วดันไม่เศร้า คราวต้องเป็นกำลังใจหลักให้เอซิซก้าวผ่านวิกฤตชีวิตดันหมดแรงใจเอาตอนรุ่นพี่เริ่มละทิ้งความท้ออ่อนแอและเริ่มก้าวขาเดินหาความหวัง
          พยายามจับจดจับตามองคนเดินโอนไปเอียงมาไร้เรียวแรงแต่ไม่ยักจะหกล้มหกท่าราวกับสายลมคอยพยุงปีกของหมู่นกให้ดันร่างตีปีกทะยานขึ้นฟ้า
          สายลมยามหมดหิมะโปรยปรายไม่หนาวจับใจเหมือนอย่างที่กลัว ลมแรงโบกสะบัดประเดี๋ยวโชยแรงจนร่างประเดี๋ยวก็พัดโบกโบยเบาเหมือนเพื่อนปลอบประโลมคนช้ำใจ
          สองคนเดินกันไปเงียบๆ ทุกก้าวเดินต่างระวังกันและกันมีล้มบ้างเดินเซปัดเป๋บ้างต่างประคองกันไป จุดหมายเบื้องหน้าด้านบนคือศาลเก่าโบราณ
          “ไปถึงแล้วอย่าศรัทธาจนออกบวชนะพี่ ผมไม่ยอมหรอกขาดรายได้!” สุดท้ายคนปากไวต่อให้ความร่วมมือให้การช่วยเหลือมากแค่ไหนก็สุดจะอดกลั้นไม่ตัดกระดาษที่วางสอดเข้าปากกรรไกรได้
          เอซิซได้แต่ยิ้มรับ เขาอยากจะขอบใจที่ไม่ทำให้การเดินขึ้นเขามาขอพรไม่เหงาจนเกินไป เสียงลมพัดหวีดหวิวชวนใจหาย เขาถอนหายใจและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าเหมือนจะหายไปพร้อมสายลมโบกโบย
          ดาราหนุ่มหน้ายิ้มแต่เศร้าสร้อยได้แต่ฝากฝังสายลมช่วยพัดพาชื่อของชายผู้นี้ไปให้ถึงเจ้าตัวให้เขารับรู้และรีบกลับมาหายอดรักของเขาคนนี้
          “เ ค ล า ส์”
          พยานรักทำหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อ เร่งรัดสายลมโบกพลิ้วสะบัดพัดหาคนแห่งใจของคนโหยหาฝากฝังเหล่าหิมะพราวนภาช่วยส่งคำเรียกขานหาให้กลับมารักกันเร็วไว
          เสียงเศร้าโศกเรียกหาใครบางคน นิมิตฝันยามค่ำคืนทำหน้าที่เชื่อมจิตโยงความคิดถึงสู่คู่รัก ถึงไม่อาจเห็นหน้ากันแต่จิตผูกพันย่อมสานสัมพันธ์ไม่ว่าจะห่างกันกี่ร้อยไมล์
          ยูกิสะดุ้งตื่นกลางค่ำคืนเหมือนเช่นทุกวัน เสียงเรียกของใครซักคนเรียกชื่อคนคุ้นเคย น้ำเสียงแผ่วเบาร่องลอยใครกันนะพร่ำร้องเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าโรยแรง
          แต่ตัวเขาไม่ได้ชื่อ เคลาส์ อากิซังเรียกเขาว่า ยูกิ เป็นชื่อสมมุติเรียกแทนตัวเองที่ความจำของเขาตอนนี้ขาดหายไป
          ช่วงหลังนี้เสียงในฝันเร่งเร้าความคิดและความรู้สึกของเขามากกว่าเดิม บางคืนฝันประหลาดจนร่างกายแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง
          ช่วงแรกคิดว่าอากิซังเข้ามาแกล้งเล่นสนุกแปลกๆ กับร่างกายตัวเอง แต่เมื่อมองหากลับเจอจิตรกรเอกทำงานที่ห้องภาพหรือไม่ก็นอนหลับนิ่งสนิทอยู่ข้างเขา
          ร่างหนาล้มตัวลงนอนต่อเขากวาดมือควานหาคนนอนข้างๆ พบเพียงความว่างเปล่า อากิคงกลับไปทำงานในห้องรูปเช่นเคย
          ยูกิข่มตาให้หลับแต่ยากจะทำได้ เขาดันตัวลุกขึ้นเดินไปนั่งชมจันทร์ยามหิมะตกโปรยปรายที่ระเบียงข้างห้อง
          ลมหนาวพัดผ่านมายูกิหลับตาให้สายลมผ่านร่างของเขาไป น้ำเสียงในความฝันยังกึกก้องทั้งสองหู ความทรงจำของเขามันมืดมนหมองมัวเหมือนท้องฟ้าในฤดูหนาวยามค่ำคืน
          ร่างหนาเคลิอบเคลิ้มกับบรรยากาศ ในความง่วงงุนทำเขาวูบหลับนั่งคอตกภาพใครบางคนวูบวาบผ่านเข้ามาทางความคิด
          ในโลกแห่งฝันเขาทั้งสองมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งร่างกายผูกพันทั้งจิตใจ คนนั่งฝันจดจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้ดีต่อเมื่อหลับตาและเสียงคนเฝ้าถวิลหาส่งเสียงเรียกคร่ำครวญ
          ‘เ ค ลา ส์…’
          วันนี้จะลงอีกตอนแต่อาจจะเป็นดึกๆ นะชาวเล้าเป็ดรอกันนิดนึ่งนะคะ วางแผนจะอัพนิยายแฝดเป็นเรื่องต่อไปนะคะ ติดตามผลงานด้วยนะคะ ยินดีต้องรับนักอ่านทุกท่านด้วยค่ะอยากคอมเม้นท์นิยายส่งตรงมาหลังไมค์ได้เลยนะคะ :pig2:
   
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 17-02-2024 21:32:09
Lover Fire 5 : หวนคืน
            หลังจากได้วางแผนออกเดินทางผู้จัดการหนุ่มได้ติดต่อรถที่สามารถพาขึ้นไปให้ได้ไกลที่สุดที่ทางเดินรถจะไปถึง สอบถามเส้นทางจากคนในพื้นที่ต้องใช้เวลาหลายวันผ่านเขาหลายลูกเพื่อไปยังโบราณสถานแห่งนี้
            จำเป็นต้องแบกสัมภาระจำเป็นต่อการตั้งแค้มป์พักระหว่างทาง ดังนั้นพวกเขาสองคนต้องการคนนำทางที่จะพาพวกเขาขึ้นไปยังศาลโบราณได้สำเร็จไม่เสียเที่ยว
            ผ่านการเดินทางได้สองวันการผจญภัยครั้งนี้ผ่านได้ด้วยดี เอซิซดูผ่อนคลายจากสภาพแวดล้อมสวยงามผ่านเขาลูกนี้เขียวเขาลูกต่อไปมีหิมะขาวโพลนปกคลุม โอลิเวอร์หยุดถ่ายภาพสวย ๆ ได้หลายร้อยช็อตเขาน่าจะเกษียณงานผู้จัดการมาทำงานช่างภาพน่าจะรุ่ง
            สองหนุ่มดาราและผู้จัดการพากันเดินขึ้นเขาลูกสุดท้ายแต่เช้ามืดกว่าจะขึ้นเขาสูงชันทั้งยังมีหิมะเป็นอุปสรรคการเดินทางที่คาดการณ์ถึงศาลเก่าในช่วงเช้าต้องเลื่อนไปยามสาย เมื่อสวรรค์เปิดทางอุปสรรคต่างๆ ล้วนง่ายดาย
            “โอ้ว! สุดยอดเลยพี่”
            “พระเจ้า!”
            สี่ขาสองคนก้าวเท้าเข้าสู่ประตูสวรรค์ นี่คือนิยามของเทวสถานที่ตั้งบนยอดเขา ชายสองคนหยุดมองสถานที่เบื้องหน้าจินตนาการถึงศาลเทพ ศาลเจ้า โบสถ์ หรือวัด มลายหายไปเสียสิ้นไม่มีส่วนไหนที่เทียบเคียงศาลที่วาดภาพจินตนาการก่อนหน้านี้ได้เลย
            ผ่านเวลามานับพันปีแต่ทุกหนแห่งของสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ แท่นบูชาเป็นฐานสี่เหลี่ยมกว้างเหมือนทรงพีระมิดที่ส่วนยอดตัดเป็นไปได้ว่าอาจเป็นสถาปัตรูปแบบโบราณ หากไม่เช่นนั้นอาจมีการพังทลายตามกาลเวลา กำแพงและทางเดินทำด้วยหินแข็งแรงหลากหลายขนาดเชื่อมด้วยกันโดยไม่มีซีเมนต์ แน่ล่ะยุคโบราณการก่อสร้างยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน
            หินทุกก้อนวางทาบเชื่อมติดกันเหมือนตัวต่อที่เล่นตอนเด็กๆ ผิดแต่หินที่นี่มีหลากหลายขนาดแต่สามารถต่อตัวเรียงกันได้สวยงามและไม่ล้มระเนระนาด เรียบง่ายแต่ประทับใจร่างกายสุขสงบเพราะความนิ่งแข็งแรงของแผ่นหิน
            “ผมว่านี่ไม่น่าใช่ศาลที่ชาวบ้านเล่านะพี่ เรามาไม่ผิดที่ใช่ไหม?” ผู้จัดการโฮเอ่ยปากถามดาราหนุ่มหลังจากหายจากอาการตกตะลึง
            เอซิซได้ยินแต่ไม่ได้ตอบคำถามว่ามาผิดหรือใช่ที่นี่ มาถึงแล้วจะให้ย้อนกลับไปตั้งต้นใหม่ก็เสียเวลาเปล่า
            ชายหนุ่มทั้งสองเดินช้าๆ ฟังผู้นำทางทำหน้าที่บรรยายโบราณสถานแห่งนี้ไปด้วย มีช่องทางเข้าให้เดินไปยังโถงด้านใน เอซิซไม่อยากเดินเข้าห้องมืดทึบเขาขอตัวเดินชมด้านนอกเท่านั้น
            ส่วนผู้จักการมือทองผู้กระตือรือร้นรีบพาไกด์จำเป็นเดินนำเขาเข้าด้านในหายเงียบ ปล่อยให้ดาราในการดูแลอยู่กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่พวกเขาเต็มใจมาเป็นผู้นำทาง
            เอซิซเดินลัดเลาะโบราณสถานหินโบราณ เขาสงสัยมีโบราณสถานใหญ่ขนาดนี้แล้วที่นี่ไม่มีหมู่บ้านรอบๆ บ้างหรือ บางที่ศาลเก่าตามคำบอกเล่าอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้
            ถามเจ้าหน้าที่ที่ตามมาคุยปรับบรรยากาศ จากคำตอบได้ความว่ามีชุมชนร้างทางด้านหลังเขาแต่ยังไม่ได้ทำการสำรวจอย่างเต็มรูปแบบ มีเพียงนักโบราณคดีที่ทำงานอยู่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
            เขาสวมแว่นกันแดดเพราะดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสงแผดความร้อนมายังที่แห่งนี้ ดวงตาของเขาช่วงวนี้อ่อนแอและแพ้แสงจากการร่ำไห้เสียใจตั้งแต่รู้ข่าวของเคลาส์ แว่นตากรอบใหญ่สีเข้มยังช่วยปิดปังใบหน้าของตัวเองด้วยอีกสาเหตุหนึ่ง
            มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมความรุ่งเรื่องสมัยอดีตบ้างประปรายอาจเป็นเพราะที่นี่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์หิมะถล่ม รวมทั้งเป็นที่นิยมการท่องเที่ยวแนวผจญภัยแต่ไม่ใช่ตัวเขาที่มาเพราะมีความต้องการแฝง
            เจ้าหน้าที่หน้าเข้มตาแข็งขรึมตามติดให้การดูแลดาราคนดังอยู่ห่างๆ คอยเดินอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยด้วยเจ้าตัวเป็นผู้มีชื่อแสงจึงได้รับการฝากฝังจากผู้ใหญ่ขององค์กร ที่สำคัญกลัวคนดังจะมีอันตรายหรือเกิดอุบัติเหตุไม่ควาดฝันเพราะมีผาหน้าตัดอยู่หลายแห่งนักท่องเที่ยวผู้ไม่ชำนาญทางอาจผลัดตกเขาได้
            เมื่อเอซิซถามถึงหมู่บ้านเขาเสนอตัวนำทางไปยังชุมชุมเล็กๆ ด้านหลังเขาที่กำลังทำการสำรวจอยู่ ดาราหนุ่มตัดสินใจไปเพราะได้ยินว่ามีโบสถ์อีกหลังหนึ่งฝังตัวอยู่กับภูเขาสร้างเพื่อรับพลังงานตามความเชื่อเพื่อบูชาดวงอาทิตย์ของอริยธรรมเก่าแก่
            เขาเดินตามทางเดินหินแคบๆ ของตัวโบสถ์มีช่องหินทุกระยะเพื่อรับแสงยามอาทิตย์ขึ้น ได้รับความรู้อีกว่าช่องว่างที่มีแต่ละห้องมีไว้ใช้ทำนายภูมิอากาศคำนวณเวลาและพยากรณ์วิถีชีวิต เจ้าหน้าที่บรรยายรายละเอียดด้วยความปิติที่มีการค้นพบที่แห่งนี้
            สถาปัตยกรรมที่สร้างจากหินดูน่าทึ่ง ผิวสัมผัสด้านหน้าของหินแต่ละก้อนเรียบเนียนจากการกัดกร่อนของลมและกาลเวลา หินแต่ละก้อนสะท้องเสียงลมเหมือนขับขนานเพลงอะคับเปร่าตามธรรมชาติ
            ขาเรียวยาวก้าวเดินวนตามแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดเข้าใส่ช่องว่างในตัวโบสถ์ ภาพจิตกรรมตามธรรมชาติทำให้ดาราคนเศร้าหลีกหนีการเซื่องซึมลงได้บ้าง แสงแดดสาดส่องผ่านหินแต่ละก้อนเหมือนนาฬิกาพลังแดดหมุนวนรอบโบสถ์ไปเรื่อยๆ จนหมดวัน
            ยังไม่ทันได้สวดภาวนาเพราะมัวแต่อัศจรรย์ใจกับความเจริญทางปัญญาของคนแห่งอณาจักรโบราณที่ในอดีตสามารถสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาได้
            แสงแดดเริ่มจัดจ้าเขาเดินก้มหน้าหนีแสงเดินงุดๆ ไม่ได้มองดูสภาพแวดล้อมรอบตัว กำลังเดินอ้อมรอบโบสถ์เพลินๆ ร่างบางสะกุดร่างหนาของใครคนหนึ่งที่เดินอ้อมมาอีกทางแล้วเดินมาชนกันที่ช่องรวมแสงในห้องนี้พอดิบพอดี
            สายลมพัดมาวูบหนึ่งขับไล่รัศมีความร้อนของแสงอาทิตย์ที่กำลังร้อนแรงเจิดจ้า เหมือนเทพเทวดาประทานพรให้คำขอร้องที่เอซิซวิงวอนสัมฤทธิ์ผล
            หากขานชื่อครั้งนี้ได้พบคน! ต่อจากนี้ไปเอซิซดาราผู้มีชื่อเสีย (ง) จะขอสดุดีวายุเทพเป็นผู้คุ้มครองประจำกายนับแต่วินาทีนี้ไป
            “ขอโทษครับ!” เสียงทุ้มคุ้มหูของใครบางคนดังแว่วตามสายลมคนได้ยินหันขวับหัวขวิด
            “คา...เคลาส์! ใช่คุณจริงๆ ด้วย”
            สองคนพูดพร้อมกัน คนหนึ่งตกใจที่เสียงในฝันตามมาหลอนเขาอีกแม้ในชีวิตจริง ส่วนอีกคนสุดดีใจที่ได้เจอคนที่เผ้าคอย สองมือเรียวโอบรอบลำตัวหนาโถมหน้าเข้าอ้อมอกอุ่นที่คุ้นเคย น้ำตาที่เคยเหือดแห้งกลับเร่งรัดกลั่นตัวไหลอาบหน้าอีกครั้งด้วยความยินดี
            “คุณ...เอ่อ ครับ” มือหนาจับแขนเรียวสองข้างที่กำลังจับหน้าเขาเอาไว้ เขากระพริบตาถี่ๆ ไล่ความคิดและภาพจำต่างๆ ที่วิ่งแล่นเข้ามาในหัวเหมือนโดนหน่วยคอมมานโดเข้าจู่โจม
            “คุณไม่เป็นอะไรนะ” สองมือเรียวเย็นจัดด้วยความตื่นเต้นเอซิซประคองใบหน้าหล่อคมเข้มเพ่งมองอย่างละเอียดลออด้วยความเป็นห่วง พร้อมจะดึงใบหน้าสุดถวิลหาเข้ามาจูบรับขวัญ
             ดารางหนุ่มเริ่มเห็นความผิดปกติของเคลาส์ ยังไม่ทันได้ถามไถ่เสียงใครบางคนด้านหลังดังขึ้นขัดจังหวะทำให้คนหน้าสวยสวมแว่นกันแดดต้องหันมามอง
            “เขาเสียความจำ น่าจะเกิดจากการตกจากที่สูง” อากิเดินตามมาทีหลังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กริยาอาการคนหน้าตาดีสวมแว่นดำเป็นห่วงเป็นใยพ่อพาลาดินหนุ่มเสียเหลือเกิน น่าจะไม่ใช่คนใกล้ชิดธรรมดา
                 “คุณ...” เสียงเรียกชื่อของผู้มาใหม่ทำให้เอซิซต้องหันกลับมามองเคลาส์อีกครั้ง
            “อากิซัง” ยูกิเรียกชื่อจิตรกรหนุ่มแล้วขอตัวพาตัวเองจากอ้อมกอดคนรักแท้จริงของตนเอง
            “คุณมีเวลาคุยกันไหม บ้านพักฉันไม่ไกลจากที่นี่” อากิซังชวนให้เอซิซพูดคุยกันในที่สะดวกกว่านี้ แสงแดดเริ่มจะแรงขึ้นและกินพื้นที่ในโบสถ์เก่านี้มามากแล้วประเดี๋ยวได้ตัวไหม้ตายกันเสียก่อนทั้งสามคน
            “ได้ครับ ขอบคุณที่ดูแลเคลาส์ด้วยนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ” ดาราดังตอบรับคำชวนและขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือคนรักแม้จะสะดุดเล็กน้อยที่ได้ยินชายคนนี้เรียกชื่อเคลาส์ด้วยชื่อใหม่ที่ไม่คุ้นหูเขาเสียเลย
            “พอเถอะๆ ยูกิพาคนหน้าสวยนั่นมาที่บ้าน แค่เดินก็จะปลิวตามลมแล้ว”
            สิ้นเสียงห้าวห้วนทรงพลังอัยการร่างใหม่ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย จูงแขนพยุงร่างชายแปลกหน้าคนดังตามหลังอากิซังไปพร้อมยิ้มให้กำลังใจคนรักในอดีตเสียด้วย
            ให้ตายเถอะ! ไม่ใช่ว่าเทพแห่งลมรักพัดพาคนรักเขาแรงไป จนวิณญาณหลุดออกจากร่างเพี้ยนไปหมดแล้วใช่ไหม! ทำไมพฤติกรรมท่าทางและการพูดการจาถึงได้กลายเป็นหนุ่มน้อยหงอยหงอเหมือนหมาเหงาได้ถึงเพียงนี้...


            
                ไม่น่าเชื่อว่าหลังเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะจะมีบ้านคนอาศัยอยู่ ตัวบ้านทำด้วยไม้หลังค่อนข้างใหญ่มองดูแข็งแรงรูปทรงแปลกตาแต่เขาเคยเห็นมาบ้างเมื่อไปทำงานต่างบ้านต่างเมืองของชนชาวตะวันออก
            เขาทำตามเคลาส์ที่ถอดรองเท้าหน้าบ้านก้าวขาเข้าบ้านแล้วสวมรองเท้าไหมพรมที่เตรียมไว้ให้ สายตามองไปด้านในเห็นหลังแม่บ้านไวๆ เดินนำพวกเขาทั้งสองไปยังห้องรับแขก

            ที่นี่คือแกลเลอรี่แสดงผลงานหรือไง!?เอซิซเดินตัวแข็งทื่อกลัวมือไม้จะไปปัดเอางานศิลปะทั้งหลายทั้งแหล่หล่นแตกเขาต้องจ่ายค่าเสียหายสุดคณานับ
            ความสวยงามของภาพวาด งานปูปั้นรอยตัว มีแม้กระทั้งชุดเครื่องแก้วจานชามดาหน้าโชว์ผลงานแบบจัดเต็ม ณ บ้านหลังเขาที่นี่ ความน่าจะเป็นมีน้อยมากหรือเจ้าบ้านเป็นเศรษฐีผู้คลั่งงานศิลป์ดูสมจริงและเป็นไปได้
            แดงบวมช้ำแต่ยังเบิกตาชมผลงานที่ยากจะเจอ ทุกชิ้นงานได้ถูกจัดวางบนชั้นกระจกทรงสูงขนาบข้างทอดยาวตามทางเดินเหมือนเข้าชมพิพิธภัณฑ์งานศิลป์
            ชื่อคนสร้างผลงานเป็นคนเดียวกันทั้งหมดแม้จะหลายหลายรูปแบบ ‘The Imperial Pride’ นามแฝงน่าหมั่นไส้คนสร้างผลงานเป็นชนชั้นราชวงศ์หรือไงเป็นความภาคภูมิใจที่ยโสโอหังชะมัด แต่ผลงานถือเป็นที่สุดหยุดโลกอย่างแท้จริงคนอ่อนด้อยศิลปะอย่างเขายังชื่นชมความสามารถของศิลปินท่านนี้
            หรือความรู้ทางงานอาร์ตของเขาเองนั้นน้อยนิดจึงชื่นชมผลงานต่างๆ จะดาษดื่นหรือมาสเตอร์พีชก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด...คงไม่ใช่? (ร้ายมากเอซิซ เธอจะข่มเจ้าชายอากิไม่ได้น้า)
            เอกิฮิโระนั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว มือเรียวยาวประณีตชงชาตามวิถีทางตะวันออกให้ทั้งตัวเอง ยูกิ และแขกคนสำคัญ
            ดารานั่งเกร็งพิจารณาชายหน้าตาหล่อเหมือนคนจับปั้นตรงหน้า ผมสีดำยาวปะบ่า ผิวพรรณขาวผ่องดูน่าจะสูงพอสมควรเพราะเมื่อย่อตัวลงนั่งระดับศีรษะไม่ห่างจากเคลาส์มากนัก รูปทรงเครื่องหน้าตาจมูก ปากสอดรับกันสมสัดส่วนหาที่ให้ติแทบไม่มี
            เขาไม่ได้อิจฉาริษยาความหล่อเหลาของคนชงชาแต่เขากลัวใจเคลาส์มากกว่าว่าจะหวั่นไหวแค่ไหนเมื่อต้องอยู่กับคนสมบูรณ์แบบทั้งหน้าตาและท่าทางแบบเขาคนนี้เป็นเวลานาน
            เคลาส์เรียกคนตรงหน้าว่า ‘อากิซัง’ อย่างสนิทสนม ได้ยินแล้วยิ่งชวนให้โมโหทีกับแฟนตัวเองดันจำชื่อไม่ได้ เจ็บใจนัก!
           “สวัสดีครับ ผมเอซิซเป็นคนรักของเคลาส์”
            บรรยากาศระหว่างคนสามคนน่าอึดอัดเมื่อคนประกาศความสัมพันธ์บอกสถานะเป็นคนสนิทเกินกว่าเพื่อนระหว่างเคลาส์กับตัวเอง
            “ดื่มชาคลายหนาวเสียหน่อย” เอกิตอบรับการทักทายเล็กน้อยแล้วเชิญให้แขกดื่มชาพี่พึ่งชงเสร็จ มือเรียวยกถ้วยชามาตรงหน้าเหมือนบังคับแขกคนสำคัญจงดื่มชาต้อนรับเสียตอนนี้
            “ขอบคุณครับ” มือเรียวรับถ้วยชามาจิบเพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย นึกติคนเจ้ากี้เจ้าการบังคับสั่งคนทำตามใจด้วยใบหน้าฟ้าประทานจนขัดแข้งคัดค้านเสียไม่ได้
            “เลิกพูดคำนี้ได้แล้ว พูดจนฉันนับไม่ถ้วนแล้ว” อากิซังยังคงแสดงความกระด้างทางคำพูดไม่เกี่ยงอายุมากอายุน้อยล้วนได้รับความเท่าเทียมเมื่อพูดกับเจ้าชายแห่งศิลปะ   
            “อยากพูดอะไรบอกตามที่คิดได้เลย ฉันรอฟังจนเมื่อยแล้ว” พูดพลางเปลี่ยนท่านั่งจากท่าคุกเข่าเท้าชิดเป็นนั่งขัดขาธรรมดา
            “ผมขอพาเคลาส์กลับไปกับผม เขาจะได้ฟื้นความจำด้วย” คนได้ฟังก็บอกความต้องการให้รู้ว่าต้องการพูดคุยเรื่องอะไร
            “ยูกินายอยากไปกับแฟนนายหรือเปล่า” อากิหันหน้ามาถามยูกิพูดจากกันต่อหน้าไม่ต้องไปไถ่ถามกันลับหลังเสียเวลาต้องมาบอกต่อกันอีกรอบ
           “อากิซังไม่พาผมกลับญี่ปุ่นแล้วหรือครับ” ร่างใหญ่นั่งจิบชาอย่างสงบเสงี่ยมตั้งใจฟังคำตอบด้วยลุ้นไปด้วยว่าจะได้ไปยังบ้านเกิดจิตรกรเอกด้วยไหม
             ศิลปินหน้าหล่อนั่งหน้านิ่งไม่ตอบคำถาม ใจหนึ่งก็อยากให้เคลาส์กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนจะเสียความจำ อีกใจก็อยากจะพายูกิไปกับเขาด้วยชีวิตที่มีคนสมองเสื่อมค่อยป้วนเปี้ยนติดพันทำให้คุ้นจนชินไปเสียแล้ว
           “มีความสุขหรือครับที่พาคนรักคนอื่นหนีไปอย่างนี้” เอซิซพยายามคุมความหงุดหงิดใจยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกนั่นยิ่งทำให้เขาอยากเอาเท้ากระทุ้งให้ซักทีหน้าหล่อๆ จะได้แสดงความรู้สึกออกมาบ้าง
           “อย่างน้อยก็มีความสุขกว่าคุณตอนนี้” ใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงดูถูกเย้ยหยันน้ำเสียงยังราบเรียบเมื่อตอนเจอกันเป็นแบบไหนตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเติมคู่สนทนาหน้าตึงทันที
            “ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ เสียอีก” ดาราหนุ่มยอมลดโทสะลงเขาเหนื่อยกับหลายสิ่งหลายอย่างมามากพอจะมานั่งทะเลาะกับคนไร้ความรู้สึกและหยาบคาย
            ไม่มีใครผิดใครถูกไปเสียหมดเป็นตัวเขาก็คงไม่ให้เคลาส์ไปกับใครง่ายๆ แค่บอกว่าเป็นคนรักเช่นกัน
            “ทุกอย่างดูง่ายอยู่แล้วถ้าคุณไม่หงุดหงิดใส่” น้ำเสียงอ่อนลงมาเล็กน้อยเมื่อเอซิซอ่อนให้ มือขาวๆ ที่โผล่พ้นชายเสื้อยาวยื่นซองเอกสารให้กับเอซิซ
             ยูกิมองเอกสารที่อากิซังยื่นให้คนหน้าสวยด้วยความสงสัย ชะเง้อคอมองสิ่งของที่มือเรียวนั้นหยิบออกมา มันคือกระเป๋าเงินและบัตรประจำตัวต่างๆ ที่เขาเคยหาในชุดเก่าตอนที่ตกลงมาแต่ไม่เจอ
            เอซิซส่งเอกสารแสดงตัวตนเหล่านั้นให้ยูกิได้ดู ซึ่งอาจกระตุ้นความจำในอดีตได้บ้างว่าตัวเองเป็นใครมีความเป็นมาอย่างไร
            “อัยการเคลาส์ ฮอฟแมนน์” งงกับชื่อจริงของตัวเองอยู่ไม่นาน มือก็จับบัตรประจำตัวอีกหลายใบที่แสดงสถานะของเขาขึ้นมาดู เหมือนจะจำอะไรขึ้นมาได้แต่เลือกที่จะตัดใจไม่คิดถึงปล่อยผ่านความรู้สึกนั้นไป
            “ถามเจ้าตัวแล้วกันว่าตัดสินใจยังไง” อากิซังขอตัวไปสูบยาที่ระเบียบข้างบ้าน ปลีกตัวเองออกมาให้คนทั้งคู่ได้พูดคุยกัน
            เคยคิดว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง วันเวลาใจร้ายกับเขาเหลือเกินเร่งวันเร่งคืนให้รวดเร็วก่อนที่ตัวเองจะทำใจปล่อยพาลาดินตกสวรรค์ให้เดินจากไป
            ส่วนลึกในใจอยากยื้อยูกิให้อยู่กับเขานานที่สุดจนนาทีสุดท้ายแม้ไม่ได้ไปด้วยกันก็อยากใช้เวลาที่พอมีเหลืออันน้อยนิดอยู่ด้วยกันไปก่อน แล้วค่อยตัดใจปล่อยยูกิกลับไปฟื้นคืนความเป็นเคลาส์
            จิตกรหนุ่มบ่นพึมพำเจ้าตัวได้ยินคำที่ตัวเองพูดก็ขำเบาๆ ไม่คิดว่าการต้องเสียยูกิที่เขาสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่จะทำให้รู้สึกโหวงเหวงในใจได้ขนาดนี้

            “คนรักใครเขาก็หวงกันทั้งนั้นสิท่า” (คนแต่งอยากระซิบท่านอากิ มันแน่อยู่แล้วสิคะท่านคนรักใครใครเขาก็หวงน้า เสียทองท่วมหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร เคยได้ยินไหมล่ะคะท่าน)
          เราสามคน....คงต้องมีใครเป็นฝ่ายไป เพลงเก่ามากแต่มันได้ฟีลมาก (แต่เพลงเก่าจริง :mew5:) มาต่อแล้วนะคะ เจอกันแล้วจะยังไงกันล่ะเนี่ย ติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 21-03-2024 22:28:58
Lover Fire 6 :  He's Mine!

          สองคนแปลกหน้าที่เคยเป็นคนรักกันก่อนความทรงจำของเคลาส์จะขาดหายไป ทั้งคู่นั่งข้างกันแต่ไร้คำพูดใดภายในห้องรับแขก
          ไม่มีใครเอ่ยถามไถ่เรื่องราวกันและกัน ใช้ความเงียบคุยกันได้อย่างออกรสออกชาติทั้งเคลาส์และเอซิซ สุดท้ายเป็นยูกิเสียเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาก่อน

          “คุณ...คือ” จะพูดต่อว่าเป็นคนรักแต่ปากเจ้ากรรมไม่กล้าพูดหางตาคอยมองหาอากิซังบ่อยๆ กลัวคนฉุนเฉียวจะน้อยใจ
          “เอซิซ... แอมโบรเซียส เอซิซ เวลส์ ” คนถูกถามตอบชื่อเต็มชัดถ้อยชัดคำ
          เห็นพฤติกรรมเคลาส์แล้วอยากจะเอาถ้วยชากระแทกหัวให้ความจำกลับมาแต่ก็กลัวทำไปแล้วถ้าความจำไม่คืนมา กลายเป็นชายเอ๋อเด๋อด๋ากว่านี้จะทำอย่างไร คิดไปทางแนวนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจก็ไม่พ้นความห่วงใยไม่อยากทำอะไรให้คนรักต้องเจ็บตัวอีก
          “เอซิซ...” เสียงของชายร่างบางคนนี้เป็นเสียงเดียวกับที่เขาฝันถึงซ้ำๆ ทุกคืน มีฝันเป็นภาพเหตุการณ์บ้างบางครั้งแต่ลืมตาตื่นกลับจำคนในฝันไม่ได้
          “ไม่พอใจพี่ผมพูดแบบนั้นกับอากิซังหรือเคลาส์…ผมก็แค่พูดความจริง” ใช่ว่าความทรงจำขาดหายไปแล้วทำให้ลบล้างความเป็นคนรักให้หายตามไปด้วยเสียเมื่อไหร่
          เคลาส์แค่อาจจะหลบไปพักผ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในตัวของยูกิ
          “ความจริงอะไรครับ” ยูกิหันมาสนใจคนที่บอกว่าเขาเป็นคนรักของตัวเอง ถ้าหากเอซิซมีชีวิตชีวามากกว่านี้ต้องเป็นคนหล่อขั้นเทพอีกคนหนึ่งที่ไม่แพ้เอกิซังเลย
          “ความจริงที่ว่า เราเป็นคนรักกันไง ผมพูดความจริงนะ” น้ำเสียงจริงจังและจริงใจพูดชัดถ้อยชัดคำใบหน้าเชิดขึ้ดวงตาจ้องเขม็งแน่วแน่ไม่วอกแวกหรือหลบตา
          ยูกิในร่างเคลาส์เผลอมองดวงตาสีสวยแปลกไม่ซ้ำใครสีน้ำตาลอ่อนแทรกริ้วสีเทาน่ามองชวนหลงใหล เขาคุ้นสายตาคู่นี้เหลือเกินเหมือนใครสักคนที่ร่างนี้จำฝังใจ
          จ้องตาจนลืมตอบคำถามว่าเอซิซพูดว่าอะไร กว่าจะรู้สึกตัวกลับมาสู่บทสนทนาได้ดาราหนุ่มก็หมดความสนใจเสียแล้ว
          “ลืมกันจริงสินะ” คนหดหู่พูดเสียงเบาแต่ไม่พ้นคนนั่งข้างๆ ยังได้ยิน
          แล้วจู่ๆ มือทั้งสองข้างของเอซิซกระชากคอเสื้อโค้ตของยูกิเข้าหาตัวเอง คนโดนกระทำตกใจจนหน้าเหวอตาเบิกโต เพราะจูบกะทันหันที่เอซิซมอบให้
          ความคิดถึงถูกถ่ายทอดผ่านริมฝีปากซีดเซียว ดวงคู่สวยหลับตาพริ้มซึมซับตัวตนของคนรักควาณหาเคลาส์ที่ยังหลงเหลือควมทรงจำอยู่บ้าง อดีตอัยการถึงกับประมวลผลไม่ทัน ด้วยความตระหนกเขาดันตัวเองออกมาจากอ้อมอกคนโหยหา ยูกิเห็นรอยยิ้มโรยราของคนรักเคลาส์ใจของเขาก็หล่นวูบเหมือนตกลงเหวลึก
          “เอ่อ!...ครับ” น่าตีปากตัวเองนักด้วยความเคยชินที่อยู่กับอากิซังต้องรับคำไว้ก่อนเพื่อปรับจูนคนอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าท้องทะเล
          “ไม่เป็นไร ลืมได้ก็ต้องจำได้สักวัน ขอแค่คุณกลับมาก็พอแล้ว” มือเรียวทาบใบหน้าคนสุดคิดถึงดวงตาคู่สวยระรื่นด้วยหยาดน้ำตายืนยิ้มยอมรับความจริงที่ว่าเคลาส์คนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นคนละคน
          กรอกคำพูดใส่สมองสร้างกำลังใจให้ตัวเองแม้ความจำยังไม่กลับมาแต่ร่างกายยังอยู่ข้างกันก็อุ่นใจแล้ว ความจำหายเราก็สร้างความทรงจำใหม่ขอแค่เคลาส์และเขาได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
          ถ้ายังจำชื่อกันไม่ได้เอซิซจะเขียนป้ายแขวนคอไว้ให้เคลาส์เห็นทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่อย่างนั้นก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วยกันเสียเลย ให้มันรู้ไปตัวติดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจะกระตุ้นความจำเก่าๆ ไม่ได้อะไรๆ ที่เคยทำด้วยกันไว้เขาจะจัดฉากลากความทรงจำเหล่านั้นออกมาให้หมดจนเคลาส์จำได้เอง
          มือหนาประคองดวงหน้าคนเหงาหัวใจเศร้า ยูกิก้มจูบริมฝีปากน่าเชยชมบรรจงประทับแทบแผ่วเบา มือเรียวของเอซิซจับกุมข้อมือหนาสายน้ำตาไหลรินรดมือทั้งสองของคนกอบคุมหน้าหวาน จุมพิตเปลี่ยนมาจูบซับความโหยไห้ ร่างกายทิ้งร่องรอยคนเคยรักเบียดร่างแนบสนิทชิดเชื้อ น้ำตาแห่งรักเหือดกายเรียวปากคนทั้งคู่กลับดูดดึงซึ้งในรักหลายคราครั้งภายใต้เงาแสงจันทร์อบอุ่นสุดถวิลหา
          สองร่างกกกอดกันและกันยูกิไม่ดึงดันอยากกระชับสัมพันธ์ผ่านร่างกายเหมือนเช่นเอซิซที่รบเร้าต้องการ คนหน้าสวยปลุกเร้าปรารถนาในเคลาส์บนร่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงตัวเองยอมปล่อยใจให้หัวใจนำร่างกายแต่ยังคงยึกยักไม่อยากเผลอไผลเหมือนตอนเอกิซังมอมเหล้ารสชาดบาดคอนั่น
           “ผมต้องไปกับคุณวันนี้ไหมครับ”
           “คุณเลือกเองว่าจะไปเมื่อไหร่”
           “ผมอยากชื่นชมคอลเลคชันภาพชุดนี้ทั้งหมดของอากิซังก่อน คุณจะอนุญาตได้ไหม” บทสนทนากระซิบกระซาบพูดคุยกันผ่านซอกคอ
            “หึ!นานแค่ไหน” คนฟังเริ่มจะไม่พอใจจากคนเคยเป็นหนึ่งที่เคลาส์เคยให้ความสำคัญเหนือใคร ไม่นับผู้บังคับบัญชาและคนเกี่ยวข้องในหน้าที่การงาน รู้สึกคุณค่าในตัวเองลดลงยิ่งปั่นทอนกำลังใจลงไปอีกจากที่ใจฟูเมื่อได้เจอคนรัก
            “พี่ต้องกลับไปซ้อมละครเวทีนะ!” เสียงโอลิเวอร์ผู้จัดการเอซิซดังเปรี้ยงเหมือนฟ้าผ่ากลางฤดูหนาว
           การเจรจาต่อรองยังไม่ทันสำเร็จเสียงสวรรค์ฝ่าเปรี้ยงกลางกระโหลกของดาราหนุ่มอย่างจัง ผู้จัดการคนเก่งไม่รู้ตามมาเจอเขาที่นี่ได้อย่างไร
          คนตั้งใจจะลงหลักพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะลากตัวเคลาส์ไปด้วยกันถึงกับหน้าเซ็ง หน้าที่การงานก็ต้องทำคนสำคัญของใจก็ต้องดูแล ยิ่งเคลาส์เหมือนเป็นคนละคนแบบนี้มันยากที่เขาจะไว้ใจให้อยู่กับคนแบบอากิ จะบอกว่าห่วงก็ได้แต่ที่แน่ใจอย่างหนึ่งคือหึงและหวงมากๆ เลยตอนนี้

           คนอารมณ์อ่อนไหวริมระเบียงได้ยินเสียงรถจิ๊ปของอาหมอจึงลุกเดินอ้อมทางชื่อมรอบตัวบ้านมายังสวนด้านหน้า เห็นคนจำนวนหนึ่งพูดคุยกับอาตัวเองดวงตาคมกริบไม่พอใจที่มีจำนวนคนมาเยือน ยุ่งยาก โหกเหวก เสียงดังและรบกวนความเป็นส่วนตัวที่หวงแหนเป็นนักหนา
          อาคนสำคัญมองสายตาพิฆาตอย่างรู้ตารู้ใจ ยกมือทำสัญญาณขอโทษขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนที่เจ้าชายใจศิลป์จะระเบิดอารมณ์กับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
          ผู้จัดการเก่งฉกาจสะดุ้งโหยกเงียบปากทันที รีบเดินมานั่งหลบหลังดารารุ่นพี่เมื่อกวาดตาเห็นใครคนหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา
           หุ่นสูงร่างเพียวหน้าหล่อหวานย้อยกระชากใจครบองค์ประกอบที่บนร่างกายอากิซังมี หน้าตาและรูปร่างแบบนี้คนปากกล้าที่ตะโกนแว้ดๆ แพ้ทางจริงจังไม่ได้แพ้ทางรักแต่แพ้ราบคาบยอมศิโรราบชนิดต้องหนีแบบไม่คิดชีวิต!
          ดาราในคอนโทรลใช้มือลูบหัวเบาๆ ให้กำลังใจ อ่อนอกอ่อนใจทำไมหน้าตาอย่างเขาถึงไม่ทำให้ผู้จัดการโฮเกรงอกเกรงใจจนหนีหางจุกตูดอย่างนี้บ้าง
          อาหมอเดินตามหลังทักทายหลานสุดรัก กลุ่มคนที่พามาด้วยเจอกันที่ต้นทางเมื่อสอบถามได้ความจะมานี้ที่นี่เลยอาสารับขึ้นรถมาด้วยไม่ต้องเสียเวลาเดิน บอกที่มาที่ไปเรียบร้อยจึงเดินมาทักทายเอซิซ เขารู้เรื่องราวมาจากผู้จัดการส่วนตัวตั้งแต่คุยกันบนรถรวมทั้งเรื่องของเคลาส์ด้วย
          โชคไม่เข้าข้างหลานสุดแสบเสียแล้วรักครั้งนี้ หวังว่าอากิจะทำใจได้ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนรักแค่ครั้งนี้เหมือนหลานคนโปรดจะมีใจให้มากอยู่
          อาอย่างเขาก็เสียดายนิดหน่อยวาดหวังจะได้เขยดีๆ ต้องปล่อยให้หลุดมือ ไม่แน่หลานชายอาจจะอยากสู้กลับชะตารักให้เขาลุ้นสนุกๆ ก็ได้ เอาแน่นอนอะไรไม่ได้กับอารมณ์ศิลปิน
          ดูท่าว่าคืนนี้หลานตัวแสบจะกลายร่างเป็นหลานผู้เหงาหงอย แต่ไม่ต้องห่วงเขาจะเป็นคนปลอบใจหลานให้เองเชื่อมืออาหมอได้เลย...ถ้าไม่โดนโยนออกมาเสียก่อนล่ะนะ
          อาหลานขอแยกตัวกันไปยังห้องวาดภาพแยกตัวไปคุยธุระส่วนตัว ให้ทั้งสามคนที่เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีพูดคุยถามสาระทุกข์สุขดิบกันให้หายห่วงและคลายความคิดถึง
          เอซิซออกมาเดินเล่นบริเวณสวนหน้าบ้านก้าวขาเดินสำรวจบริเวณที่เคลาส์ตกลงมา โชคดีที่มีแนวสนชลอการร่วงหล่นให้ช้าลงมายังสวนหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยหิมะเสียดายที่หลบเสาประดับหินไม่พ้นถ้าไม่มีวางไว้ตรงนี้เคลาส์อาจจะไม่เสียสูญเสียความจำก็ได้
          สายลมยามที่พัดมากกระทบกายทำให้เขาใจเย็นขึ้น เขาคิดว่าถ้าเจอเคลาส์จะต้องร้องไห้ฟูมฟาย พอมาเจอยูกิในร่างเคลาส์กระชากอารมณ์เขาไปคนล่ะขั้วยิ่งกว่าหนังคนละม้วนเสียอีก
          “นึกว่าคุณจะสู้กับอากิซังแย่งผมเสียอีก” น้ำเสียงและจังหวะการพูดนี่คือเคลาส์ชัดเจนทำให้เอซิซหันหลังกลับอย่างรวดเร็วเกือบเสียการทรงตัวแต่มีมือหนาและลำแขนแข็งแรงของยูกิเข้ามาประคองไว้ทัน
           “เคลาส์ นี่คือคุณใช่ไหม?”
           “ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นใคร รออากิซังวาดรูปเสร็จเมื่อไหร่ผมจะลงจากเขาตามหาตัวเองกับคุณ” ผู้ชายคนที่บอกว่าเป็นคนรักของเขา เรียกเขาว่าเคลาส์ครั้งแล้วครั้งเล่าและชื่อนี้ทำให้เขาใจสั่นหัวหมุนทุกครั้งที่ได้ยิน เสียงคุ้นหูพูดชื่อซ้ำๆ กระตุ้นความคิดเขาแบบนี้รู้สึกเหมือนคนร่างเล็กตรงหน้ากดดันเขามากเหลือเกิน
          “จัดการเรื่องคุณให้เสร็จแล้วเราจะลงเขาไปพร้อมกัน” ดาราดังยอมให้แต่ยังไม่ยอมแพ้ดึงดันจะต้องลงไปพร้อมกันให้ได้
           น้ำเสียงหนักแน่นทำให้ยูกิในร่างเคลาส์ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้คนตั้งปณิธานแข็งกร้าวเปลี่ยนใจ ดาราหนุ่มคนนี้มีงานที่ต้องกลับไปทำหากมาอยู่กับเขาไม่เสียงานเสียการหรือไง อีกเดี๋ยวได้โดนผู้จัดการส่วนตัวดุอีกครั้งแน่
           ตอนเย็นอากาศเริ่มลดอุณหภูมิลง หิมะหยุดตกแต่ลมหนาวยังพัดโชยอยู่ไม่ขาด เขากลัวคนอ่อนแอตรงหน้าจะเป็นไข้ไปเสียก่อนได้ลงเขาจึงชวนให้กลับเข้าข้างในบ้าน
          คิดหาคำอธิบายที่ต้องบอกอากิซังว่าแขกจะขอพักอาศัยด้วยหวังว่าเขาคงไม่โดนถาดใส่สีเขวี้ยงเข้าหัวหรอกคราวนี้ มีหวังสมองได้เสื่อมถาวรแน่ คิดแล้วทำใจลำบากไม่อยากเข้าไปเจอคนอารมณ์ร้อนที่ห้องทำงานเลย
          “ฉันไม่ชอบให้คนมาวุ่นวาย ครั้งนี้จะเว้นให้สักคน” คนยืนฟังอยู่นานตอบแทนความตั้งใจของยูกิโดยยังไม่ต้องเอยปากขอ เพราะรู้เรื่องที่พักของคนกลุ่มนี้ด้วยอาหมอบอกไว้ก่อนแล้วแต่ไม่คิดว่าคนรักของเคลาส์จะดันทุรังอยู่ต่อกับเขาที่นี่จนกว่ายูกิจะดูแลเขาทำงานจนเสร็จ
          เอซิซมีร่างหนาของเคลาส์ประคองเข้าบ้าน การกระทำแสดงความห่วงใยเกินหน้าโดยไม่ทันได้ใช้สมองตรึกตรองเหมือนเคยทำเช่นนี้เป็นประจำ คนในอ้อมแขนอุ่นใจขึ้นมาบ้างว่าเคลาส์คนเดิมไม่ได้หายไปเสียทีเดียว
          ขอบคุณสายลมที่พัดพาไอเย็นจนหนาวสั่นทำให้คนหลงลืมกันมองแล้วสงสารยอมกระชับอกอุ่นให้ซุกกายเหมือนครั้งเก่าเคยมา
          อากิซังเตรียมเสื้อผ้าหนาเป็นชุดคลุมยาวมาให้เอซิซและบอกยูกิให้พาแขกไปพักร่วมห้องกับเขา ส่วนคนอื่นๆแม่บ้านได้จัดเตรียมไว้และนำไปให้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว
          “นายลงเขาพร้อมอาหมอพรุ่งนี้ได้เลยยูกิ รีบกลับไปจัดการเรื่องตัวตนให้เรียบร้อยถ้าอยากเจอฉันให้มาที่นี่” พูดจบศิลปินสุดหล่อปิดประตูห้องและเดินจากไปทิ้งทั้งคู่ให้ใช้ชีวิตในห้องร่วมกันตั้งแต่คืนนี้         
          “ความรักมันลืมยาก ถ้าอยากรั้งไว้ทำไมไม่ทำซะตอนนี้” ร่างสูงของอาหมอยืนพิงเสามองเหตุการณ์ที่ด้านนอกพูดทักท้วง
          “ของอะไรเป็นของเราก็ของเรา ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยไปยื้อไว้ได้ต้องมีเรื่องให้จากกันอยู่ดี”
          อาหมอฟังหลานพูดรู้สึกปลงในชีวิตยิ่งกว่าหลานตัวแสบเสียอีก เขาโอบไหล่ศิลปินผู้ทรนงทานทนต่อมรสุมชีวิต ดันร่างดั่งเทพให้มานอนร่วมห้องเดียวกันจะทำหน้าที่หมอรักษาใจให้เอง ต้องหาทางปลอบขวัญหลานรักให้ฮึกเหิมก่อนจะแยกจากยูกิวันพรุ่งขึ้น
          อากิซังหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอาตัวเองทำสีหน้ากระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจึงยอมอ่อนให้หน่อยในครั้งนี้เดินตามอาขี้แกล้งไปอย่างว่าง่าย
           หมอเดินเกาหัวแก้เก้อพ่อคนเทพสายศิลป์หัวร่อคงไม่มีสิ่งไหนทำแปลกใจเท่าวันนี้ ร้อยวันหมื่นปีหน้าหล่อชวนตีไม่เคยจะแย้มยิ้มกลัวใจหลานเหลือเกินอกเดาะครั้งนี้อาจกลายร่างจากหล่อขั้นเทพกลายเป็นหลอนเทพคลั่ง กลัวใจหลานคนดังเสียจริง

            หรือว่ารักเราสามคนพล็อตนี้ต่อไปดีไหมนะน้า :ling2: มาต่อให้นะค้าแล้วเจอกันตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 30-04-2024 18:04:15
Lover Fire 7 :  Stay in Touch!
          เมื่ออยู่กับเอซิซตามลำพัง ร่างหนานั่งคอตกนึกถึงรอยจูบที่โดยบังคับตอนหัวค่ำควรจะห้ามใจและหยุดอยู่แค่นั้นแต่ดันเผลอไปล่วงเกินคนร่างเล็กน่าสงสารนี้เข้าอีกเขาเลยทำตัวไม่ถูกว่าจะเข้าหน้ากันอย่างไร ผิดกับดาราคนดังทำตัวสบายๆ มีนั่งนิ่งมองเหม่อบ้างเป็นครั้งคราว
          ยูกินั่งขัดสมาธิถอนหายใจเห็นคนที่บอกเป็นคนรักของตัวเองนั่งหน้าเศร้าก็สะท้อนความรู้สึกลึกๆ อยากเข้าไปปลอบและมอบอ้อมกอดให้กำลังใจ ติดที่ว่าร่างกายมักแข็งขืนขัดความรู้สึกที่ต้องการแสดงความรักเสียเหลือเกิน
          คนกระอึกกระอักความอัดแน่นฝังอยู่ในอกกลับหนีปัญหานอนหลับไปเสียดื้นๆ เอซิซใช้เวลานี้นั่งพิจารณาร่างกายคนรักที่หายตัวไปเนิ่นนาน นี่แค่ร่วมเดือนถ้าเป็นปีเขาได้หนีชีวิตในโลกนี้ตามเคลาส์ไปแน่
          มือเรียวจับมือหนามาแนบอกก้มตัวลงนอนหวังจะกอดมืออันคุ้นเคยช่วยให้หลับสนิท จังหวะยูกิพลิกตัวมานอนตะแคงข้างหันหน้ามายังเอซิซ
          ใบหน้าซีดเซียวขึ้นสีเล็กน้อยความคิดหวนกลับไปนึกถึงยามที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ใช้เวลาและร่างกายแนบแน่นชิดใกล้กันแค่ไหน จูบอุ่นๆ ประทับกลางหน้าผากของเคลาส์หวังเรียกตัวตนคนแห่งรักได้กลับมาสิงสถิตที่ร่างเดิมแล้วผล็อยหลับไป

          กลางดึกยูกิสะดุ้งตื่นจากความฝันเหมือนเช่นเคย เขามองคนข้างกายด้วยความแปลกใจที่รูปร่างอากิซังแปลกตาไป แล้วคิดได้ว่าเขาไม่ได้นอนคู่กับจิตรกรหนุ่มจมเผด็จการแต่เป็นคนรักของเคลาส์
          ร่างที่นอนคู่คุ้นคู้เบียดกายเข้ามาใกล้มือของเขายังคงอยู่ในอ้อมแขนของเอซิซ เขาเผลอยิ้มไม่รู้ตัวคิดในใจว่าคืนนี้คนหน้าเศร้าคงจะกำลังฝันดีไม่ใช่น้อย
          ใบหน้ายามหลับดูไม่มีพิษภัยแต่ทำไมชอบแสดงความรักดุดันก๋ากั่นได้ขนาดนั้น ปลายนิ้วมือสัมผัสริมฝีปากตัวเองแบบไม่รู้ตัวรอยจูบที่ทั้งสอบมอบให้แก่กันจับจิตประทับใจยูกิจนยากจะลืม
           เขาค่อยๆ เลื่อนมืออย่างระวังและลุกตัวขึ้นยืนเบาที่สุดไม่อยากรบกวนเวลานอนของเพื่อนร่วมห้อง การตื่นนอนกลางดึกเป็นเรื่องปกติไปแล้วเขาเดินไปยังห้องทำงานของอากิซังด้วยความเคยชิน
           ผิดคาดที่ไม่เจอจิตรกรทำงานอยู่ที่นี่ กลิ่นสียังคลุ้งอบอวนเหมือนเช่นทุกครั้งที่เข้ามาที่นี่ ภาพวาดผืนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ลายเส้นศิลปะบนแผ่นภาพราวกับว่าขยับเขยื้อนเองไปมา อากิซังสร้างสรรค์จนผลงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขานึกถึงภาพ ‘Starry night’ ของแวนโก๊ะ รายเส้นต่างกันแต่ความรู้สึกแนวๆ นี้
           ตาคมกวาดตามองไปทั่วเฟรมภาพ เขาเหมือนเปิดประตูบ้านแล้วยืนมองวิวที่สวนด้านหน้าผ่านทิวสนมีเทือกเขาที่โพลนด้วยหิมะปกคลุมเป็นฉากหลัง
          ไม่ใช่ภาพที่สมจริงเหมือนมองด้วยสายตา แต่เป็นเส้นสีสาดส่ายเหมือนมองพายุหิมะผ่านกระจกตอนฝนสาด แผ่นฟ้าหมองหม่นเล่นสีไล่แสงในแต่ละระดับดูแล้วไม่เหงาเศร้าซึมตามบรรยากาศพลบค่ำ
          เมฆหมอกเคลื่อนตัวเมื่อเขาย้ายสายตามองไปทิวเขาที่ทอดตัวทางด้านภาพ หัวยูกิเอียงไปเอียงมาโยกตัวซ้ายทีขวาทีสนุกกับการพิจารณาภาพทิศทางต่างๆ สนุกเขาล่ะคืนนี้!
          “ว้าว! อาซิซังทำได้ยังไงหล่ะเนี่ย สุดยอด!” อยากจะใช้มือสัมผัสภาพแต่ต้องห้ามใจไว้การทำเช่นนี้จะเป็นการทำลายงานศิลป์ให้เสียหายได้และต้องโดนจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่งับหัวเสื่อมๆ ของเขา
          “ฝันอีกแล้วหรือไง” เสียงจากด้านหลังทำให้คนกำลังเสพสุขกับภาพวาดสะดุ้งโหยง
          “ครับ แต่วันนี้โชคดีได้เห็นงานชิ้นนี้เสร็จแล้ว” แปลกใจที่อากิตื่นมาตอนดึกเช่นนี้ งานเสร็จสมบูรณ์น่าจะพักผ่อนบ้างได้แล้ว
          “ฉันทำงานอยู่อีกห้อง เตรียมของที่ระลึกให้ทุกคน...พรุ่งนี้” จิตรกรเดินเข้ามาใกล้ผลงานของตัวเองและหยุดยืนมองอยู่ข้างๆ ยูกิ
          “คุณทำใจยอมให้คนประมูลภาพรูปนี้ได้หรือครับ” ความประทับใจทำให้คนชมงานภาพอย่างเขารู้สึกเสียดายแทน
          “อาจจะ...ไม่รู้ ” เจ้าตัวรู้สึกว่าสมองประมวลคำพูดมั่วไปหมด อาการรวนเหมือนเครื่องยนต์ร้อนทั้งที่อากาศด้านนอกหนาวจับใจ
          “อย่าถามมาก!” ตัดจบบทสนทนาเอาเสียดื้นๆ
          อากิทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานที่มีตัวเดียวในห้องนี้ ยูกิเดินมานั่งด้านหน้าเจ้าของภาพหนุนตักของอากิต่างหมอนมองดูภาพในมุมที่ต่างไป คนหลากอารมณ์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่วางมือบนศีรษะคนออดอ้อนลูบเล่นไปมา
          คนร่างใหญ่นอนหนุนตักรู้จักวิธีเข้าหาตัวเองเสมอ จากโมโหก็แค่ขุ่นเคืองหงุดหงิดก็แค่ปล่อยผ่าน จะหาใครมารองรับอารมณ์หลากหลายจากเขาได้อีกโดยไม่หนีหน้าจากไป
          จิตรกรหนุ่มนึกถึงค่ำคืนที่ปล่อยกายให้ใจแก่คนสมองหลงลืมแสนว่าง่ายคนนี้ ยามสุขเขาพร้อมตักตวงแต่ยามต้องทุกข์กลับทำใจยอมรับได้ลำบาก
          รู้ดีและเตือนตัวเองว่าอาจมีวันนี้สักวันหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงกลับโทษโชคชะตาชอบปัดแข้งปัดขาความสุขของเขา ช่วงเวลาอันน้อยนิดกลับทำให้สั้นลงไปอีกกรวดน้ำคว่ำขันเขายังดีเสียกว่าให้เขาต้องมากินน้ำใต้ศอกคนอื่นแบบนี้
          ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นทั้งสองคนจับจ้องมองภาพวาดที่แฝงความรู้สึกไว้มากมาย เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หาได้มีคนสนใจ จนเสียงกระเอมด้านหลังดังขึ้นนั่นแหล่ะทั้งสองคนถึงหลุดจากภวังค์
          “ยังไม่พักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทางนะยูกิ” อาหมอเตือนคนไข้ของตัวเองถึงบาดแผลทางร่างกายจะหายดีแต่ความทรงจำยังไม่กลับมาก็ยังถือว่าเป็นคนป่วยภายใต้การดูแลของหมออยู่
          “ครับ ดูแลอากิซังต่อด้วยครับคุณหมอ ผมขอตัว ” พูดจบก็หันหน้าไปทางคนหน้าหล่อเทพ มือเรียวยาวโบกไล่ให้ยูกิกลับไปพักผ่อนคนว่าง่ายทำตามแต่โดยดี
           คนอ่อนไหวนั่งบ่นพึมพำอยู่หน้าภาพตัวเองโดยมีอายืนมองภาพอยู่ข้างๆ งานภาพแปลกตาด้วยเทคนิคที่เขาไม่เคยเห็นในงานศิลปะของหลานรัก ถ้าต้องเดินบนสายงานเดียวกันเขาคงอยากหักมือมากพรสรรค์ของหลานตัวดีด้วยจิตอิจฉาชิงชังแน่นอน แต่เขาเป็นคนดีนะไม่ทำหรอกแค่คิดเล่นๆ
          ไม่รู้อากิซังนำโชจูแบบพกพามากี่ขวดจากญี่ปุ่น ถือขวดขนาดกระทัดรัดกระดกเหล้าท้องถิ่นเข้าปาก สองตามองเหม่อภาพศิลป์ปล่อยความคิดให้ล่องลอย เมื่อฤดูหนาวกำลังจะจากไปใจของเขาคงต้องพร้อมรับมือความผลิบานของหมู่แมกไม้ยามเข้าสู่วสันต์ฤดู
           มือขาว ๆ ยกดื่มรวดเดียวจนหมดขวดแล้วปล่อยให้หล่นลงพื้น ‘ลาก่อนฤดูกาลแห่งหนาวกายแต่อุ่นใจ’ ไม่กล้าถามตัวเองว่าตกหลุมรักและกำลังจะอกหักเลยใช่ไหม? เพราะคำตอบบอกด้วยตัวเองอยู่แล้วเมื่อพรุ่งนี้เช้าต้องจากกัน
          “ยูกิ โนะ โอจิ” คนลงมือทุ่มเทผลงานชิ้นนี้ให้ชื่อภาพหลังจากพยายามคิดอยู่นาน หิมะในภาพนี้ถือว่าเป็นแก่นแท้ของของภาพ ‘The Snow Prince’ เหมาะสมดีแล้ว
          “อาการหนักเหมือนกันนะเราเนี่ย” อาหมอถึงกับส่ายหน้าแค่ชื่อภาพก็ยังเป็นชื่อของยูกิ แล้วอย่างนี้ภาพนี้คงไม่คิดเปิดประมูลให้ใครซื้อไปชื่นชมหรอก เอาหัวหมอไปผ่าเล่นได้เลยรับประกัน!
          หลานรักโงนเงนเหมือนจะเมาแต่ไม่รู้ว่าเหล้าหรือรักที่ทำให้เจ้าตัวเมามายได้เพียงนี้ แขนแข็งแรงแบกร่างคนใจช้ำพาดบ่าพาเข้านอน หน้าที่เดิมตั้งแต่หลานเป็นเด็กน้อยน่ารักจนโตเป็นหนุ่มน่า...ช่างเถอะ!
          เอาใจหลานรักจะได้มีข้ออ้างซื้องานด้วยราคามิตรภาพ ยึดอกแอ่นรับสุดยอดแฟนคลับเดินแบกเจ้าชายผู้รุ่งโรจน์แต่รักรุ่งริ่งอกหักคอตกอยู่ที่นี่

          เช้าวันใหม่การจากลาก็มาถึง อากิซังออกมาส่งเคลาส์และเอซิซพร้อมทั้งคณะผู้ติดตาม จิตรกรมอบของที่ระลึกให้กับทุกคนที่มาเยือนบ้านคนศิลป์แห่งนี้
          เจ้าชายงานวาดมอบผลงานสุดหวงเป็นของแทนใจและมิตรภาพระหว่างอยู่ด้วยกันให้กับยูกิ ภาพวาดหนึ่งแผ่นม้วนใส่กล่องทรงกลมอย่างดีและนั่นคืองานแห่งความรู้สึกที่ทำด้วยหัวใจเมื่อคืนนี้

          “ติดต่อมาหากนายหาเคลาส์เจอแล้วยังจำฉันได้ ที่อยู่และเบอร์โทรอยู่หลังภาพ...ขอให้นายและคนรักโชคดี” นี่คือประโยคที่นุ่มนวลที่สุดตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา หน้าตาหล่อประจักษ์ราวรูปปั้นไม่แสดงความเศร้าให้ยูกิได้เปลี่ยนความคิดให้อยู่เสียซะที่นี่ต่อยาวไป
          ยูกิรับของขวัญชิ้นพิเศษด้วยความยินดี รู้สึกเสียใจและน้อยใจที่การจากไปของเขาไม่ทำให้อากิซังคิดรั้งไว้เลยแม้แต่คำพูดเดียว
          อาหมอผู้รู้ใจตบไหล่คนเกือบเป็นหลานเขยเบาๆ ไม่ว่าหลานเขาคนนี้จะพูดจาแข็งกระด้างอย่างไรแต่จิตใจและร่างกายก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน มีเศร้ามีเสียใจเหมือนกันแค่คนหล่อไม่ยอมเสียภาพลักษณ์ให้อารมณ์ความรู้สึกมากลบทับรัสมีความสมบูรณ์แบบและตัวตนของอากิฮิโระ
          ยูกิผู้สมองพัง เอ้ย! สมองกระทบกระเทือนคงประเมินความรู้สึกของหลานผู้หยิ่งทนงไม่ได้หรอ ขนาดคนขี้อวดหลานอย่างเขาเป็นถึงอาแท้ๆ ยังปล่อยให้คุณหลานท่านใช้ชีวิตตามวิถีทางของตัวเอง
          จากกันวันนี้ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันในวันข้างหน้า แม้ไม่ได้เป็นคู่กันแต่ความผูกพันฉันมิตรไม่อาจตัดให้ขาดหากไม่สิ้นรากยังเหลือใยให้สานสายสัมพันธ์ต่อไปได้ สวรรค์ยังปราณีอากิซังอยู่บ้างหรืออาจลงโทษอยู่ก็คิดไปทางนี้ได้
          ยูกิชโงกหน้าออกมานอกรถโบกมือหยอยๆ ให้กับศิลปินหนุ่มที่ยอมยกมือขึ้นโบกตอบผิดวิสัยของตัวเอง ส่วนเอซิซเกยคางบนข้อศอกมองวิวข้างทางไม่อยากเห็นความผูกพันธ์ของคนรักที่มีใจชิดเชื้อกับคนอื่น
          สายลมโกรกพัดผมดาราหนุ่มจนยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัววิ่งวุ่นจิตตกอมทุกข์หาข่าวคราวของเคลาส์จนละเลยตัวเอง ผมเผ้าที่เคยเข้าทรงเริ่มยาวปะบ่าต้องมัดผมครึ่งหัวไม่ให้รุงรังรกหน้าตา
           ดาราหน้าสวยแต่พกใจร่วงโรยเหี่ยวเฉาเมื่อได้ลมเย็นฉ่ำปะโลมปลอบ ส่งเสียงกระซิบส่งสารบอกสายลมกล่าวคำขอบคุณผ่านหัวใจที่พัดเคลาส์ให้มาใกล้และพานพบคนรักได้ท้ายสุดนี้ไม่มีอะไรตอบแทนได้แต่น้อมรับคำอวยพร
          สุขใจทุกข์กายตอนนี้สถานการณ์รักระหว่างเราอยู่ในช่วงถดถอยไม่อาจเรียกได้แม้สถานะคนรู้จัก แต่เขาพร้อมอ้าแขนต้อนรับ  ไม่ว่าจะยูกิหรือเคลาส์ขอแค่ได้กลับมาใช้เวลาแห่งรักร่วมกันขอแค่นั้นก็สมหวังแล้ว
           “เอซิซอย่ายื้นหน้าไปนอนรถสิครับมันอันตราย” เสียงเคลาส์ดังจากที่นั่งข้างอาหมอผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับ คนได้ยินเก็บแขนกลับเข้าตัวรถนั่งตัวตรงหลังติดพนักพิงทันที เชื่อฟังพร้อมปฏิบัติตามเช่นนี้ทำให้คนออกคำสั่งยิ้มกริ่มพอใจ
          “ดูท่านายจะถูกฝึกมาดีจากใครบางคนนะยูกิ” อาหมอเห็นอาการและท่าทางยิ้มย่องอดไม่ได้ที่จะตั้นหน้าด้วยคำพูดแทนหมัดใส่ยูกิสักหน่อยจนคนริอาจออกคำสั่งต้องแก้เขินด้วยรอยยิ้มแก้เก้อ
          ผู้จัดการโฮมองแล้วยังหมั่นไส้นี่ขนาดยังจำกันไม่ได้ยังใส่ใจถึงขนาดนี้ ถ้าความทรงจำกลับมาคราวนี้ดารารุ่นพี่ต้องได้แฟนแถมพ่อมาด้วยแน่ๆ คิดแล้วก็ส่ายหัวชวนให้ระอา ชังน้ำหน้าคนมีรักเป็นว่าที่พ่อ! เขาจะเตรียมพานพุ่มพร้อมธูปเทียนบูชารักให้เลยคราวนี้
          แต่ก็ดีเอซิซจะได้เลิกถอดผ้าเรียกร้องความสนใจได้เสียทีเหนื่อยจะเคลียร์!


          ส่งท้ายพาพ่อยอดชายกลับบ้านแล้วนะจ๊ะต่อไปก็เป็นส่วนของคู่เพื่อนรัก จะโพสลงตอนแรกไว้นะคะ ฝากนักอ่านชาวเล้าเป็ดติดตามต่อด้วยจ้า :z2:

หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 30-04-2024 18:54:19
Lover Fire 8 : Fan's Series

ฝันร้ายอันขาวโพลน!

หลายอาทิตย์ก่อนหน้าการเกิดปรากฎการณ์หิมะถล่ม
             รัฐมนตรีช่วยมีประชุมนอกรอบกับแพทริค บนสกีรีสอร์ทแห่งหนึ่ง คณะติดตามมีเคลาส์อยู่ในนั้นด้วยส่วนมาม่าเซอร์มีบอดี้การ์ดส่วนตัวและไคจินต่างคนต่างมาถึงด้วยเครื่องบินส่วนตัวแล้วไปเจอกันในห้องจัดเลี้ยงที่ทำการจองไว้ล่วงหน้า
            ทั้งสองคณะมาด้วยชุดไม่เป็นทางการเครื่องแต่งกายคล้ายคลึงกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่มาใช้บริการสถานที่แห่งนี้อันมีชื่อเสียงด้านลานเล่นสกี นักท่องเที่ยวใช้เวลาไปกับความสนุกสนานบนลานน้ำแข็งมากกว่านั่งจับเจ่าอยู่ภายในรีสอร์ท

            แพทริคค้านแต่แรกว่าเป็นการบุ่มบ่ามและสถานที่เปิดเผยเกินไปเขารู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องเจรจาเรื่องสำคัญปะปนกับนักท่องเที่ยวที่ผสมบนแปไม่รู้ใครเป็นใครหากมีเกลือเป็นหนอนทั้งเขาและรัฐมนตรีไม่ต้องได้กลับไปเดินบนพื้นดินแน่โดนกลบฝังหิมะบนภูเขานี่แหล่ะ
           เหตุผลที่ยอมตามไปคือเป็นรีสอร์ทของคนสนิทและสถานที่ที่จัดไว้อยู่ห่างออกไปจากรีสอร์ทที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว มีการคุ้มกันป้องกันคนนอกจากการ์ดมืออาชีพ
           แพทริคถึงมับผายมือแบ้ปากการ์ดมืออาชีพของท่านก็คนของเขาเกือบทั้งหมดจะไปสู้โจรหิมะหรือผู้ก่อความไม่สงบบนดงหิมะได้อย่างไรความเชี่ยวชาญมันผิดกันทำไมต้องพากันไปตายแบบไม่จำเป็น
          ให้ตาย! ค้านไปก็ไม่สู้คนมีปากเป็นวิชาชีพ ได้แต่ย้ำว่ามันเสี่ยงเกินความจำเป็น ท่านรัฐมนตรียิ้มรับซ่อนแผนบางอย่างบนใบหน้าน่าเชื่อถือเช่นนี้ตลอดและคนอย่างแพทริคตามเกมทันแต่คิดแก้การประทันหันสู้คนเจ้าแผนการณ์ไม่ค่อยได้ มีหลายครั้งที่ต้องยอมเล่นตามไปเพราะผลที่ได้ไม่เลวร้ายจนยอมรับไม่ได้
          รีสอร์ทลับตามีลานจอดเครื่องบินเล็กบนดาดฟ้าตึกสองชั้น อาคารเหมือนป้อมปราการมากกว่าสกีรีสอร์ททั่วไป คราวนี้แพทริคเริ่มใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อยจากปลายเท้าถึงหัวเข่า!
          การพูดคุยข้อตกลงพร้อมเริ่มทันที่เมื่อคนทั้งสองคณะมาถึงห้องประชุม แพทริคกับเลขาส่วนตัวและไคจินถูกเลือกเข้าไปในห้องฝ่ายคู่เจรจาเป็นรัฐมนตรีกับเลขาส่วนตัวพร้อมผู้คุ้มสองคนหนึ่งในนั้นคือผู้บังคับบัญชาของเคลาส์และไคจิน
          ส่วนเคลาส์อยู่ด้านนอก เพื่อนทั้งสองสบตากับครู่หนึ่งแต่ไม่มีใครพูดหรือทักอะไรกันจนไคจินเดินตามแพทริคเข้าไปด้านใน
          การตกลงรอบแรกไม่ค่อยสู้ดีความต้องการของทั้งคู่ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ เรื่องการจัดการและแบ่งรายได้แพทริคต้องการถือหุ้นครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย งานบริหารจัดการภายในต้องมีเขาหรือบริษัทของเขาเป็นผู้บริหารทั้งงานและบุคคล ที่เหลือท่านรัฐมนตรีจะเทขายหรือส่งต่อให้หน่วยงานใดบริหารจัดการแล้วแต่เชาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
          ฝ่ายราชการถือหุ้นเมืองพนันคงไม่สมควรเสียกระมัง! ใจจริงแพทริคอยากถือครองทั้งหมดเสียด้วยซ้ำและแบ่งกำไรเป็นเปอร์เซ็นให้รัฐแต่ละปีๆ หลักการรายได้สุทธิไปเลยจะได้ไม่ทำงานทับซ้อนยุ่งยากมากคนมากความผู้บริหารมากการทำงานยิ่งยุ่งเหยิง
          และที่สำคัญเขาได้เรียนรุู้ว่าธุรกิจของประเทศหากรัฐบาลเป็นผู้บริหารเรื่องผลกำไรไม่ต้องพูดถึงนอกจากไม่ค่อยได้ซ้ำยังมีแต่จะขาดทุนดึงงบประมาณแปะหน้าโปะหลังพัลวันรุ่งริ่งไปหมด สืบได้ไม่ต้องสาวกันเลย
         สองฝ่ายต่างรู้เท่าทันจุดประสงค์หลักคือจัดหาแหล่งฟอกเงินชั้นดี เบื้องหลังคนทั้งคู่ไม่ได้สะอาดสอ้านเป็นผ้าขาวสบายตาแต่อย่างใดต่างคนต่างเข้ามาอยู่ใต้กฏหมายได้เพียงแต่ใช้อาชีพมีที่กฎหมายรองรับและมีการรับรองรายได้จากแหล่งที่มาว่าถูกต้องตามกฎเกณฑ์
         ท่านรัฐมนตรีแย้งแพทริคจะจัดการบริหารเบ็ดเสร็จไม่ได้ต้องให้รัฐต้องเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการบ่อนกับประเด็นจริยธรรม ศีลธรรมกระตุ้นให้ประชาชนลดการต่อต้าน ถึงในทางปฏิบัติมันจะเป็นคนละเรื่องกันก็ตาม รัฐต้องสร้างมารตราการบริหารจัดการด้วยตัวเองอย่างน้อยต้องถือสัดส่วนหกสิบจากร้อยเปอร์เซ็น
         “พูดตลกนะครับท่าน จริยธรรรมศีลธรรมมันคนละเรื่องกับการพนัน! เด็กยังรู้การพนันเป็นสิ่งไม่ดีท่านรัฐมนตรีจะทำอย่างไร ให้ธุรกรรมราชการเป็นแหล่งคอรัปชั่น ทำงานเชื่องช้าและราคาแพง!” คำพูดแดกดันวิจารณ์นโยบายธุรกิจที่เอกชนพึ่งทำกับราชการภายใต้การทำเสนอทางภาครัฐ
          “ให้ตายเถอะแพทริค ผมคุยกับคุณเหมือนโดนฝ่ายค้านวิจารณ์การทำงานในสภา พอก่อน!” ท่านรัฐมนตรีผ่อนสถานการณ์ให้กลายเป็นเรื่องขำขัน
          “ถ้าคุณอยากเป็นโต้โผ แสดงศักยภาพให้ผมเห็นก่อนพูดคุยกันอย่างเดียวไม่รู้เรื่องกันหรอก” เจ้าของคนคุ้นเคยกับธุรกิจสีเทามองเห็นการทำงานที่ผ่านมาของเจ้าหน้าได้ประโยชน์จากเจ้าของอาชีพใต้ดินได้มากมายขนาดไหนจากเงินเดือนข้าราชการ
          “ผมถึงเรียกคุณมาร่วมหาทางและให้คำปรึกษาแนะแนวทางไงล่ะ” ท่านนักการเมืองแสดงวาทะศิลป์ชวนเชื่อแม้เจ้าตัวอาจไม่ได้ตั้งใจให้คู่สนทนาคิดไปในแนวทางนั้นก็ตาม
         “นักการเมืองร่วมมือกับนักเลง...น่าดูชมล่ะ สส.ร่วมรัฐบาลรู้หรือเปล่าเนี่ย ของไม่สะอาดแค่ล้างอย่างเดียวมันก็ยังสกปรก” แพทริคตอกหมุดปิดฝาโลงไม่ยอมอ่อนให้ข้อเสนอที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายดำเนินการ
         “ผมอยากแปรรูป เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้มันสะอาดแม้จับกลิ่นยังติดมือ แค่สะอาดจอมปลอมผมพอใจแล้ว” คนเจ้านโยบายโอนอ่อนผ่อนความหมายให้คนใจแข็งความคิดเด็ดขาดให้คลายความคิดตรึงเครียดและยอมฟังความเห็นเขาดูบ้าง
         “คุณขายวิณญาณให้ซาตาลแล้วรู้ตัวไหม”
         “เทียบไม่ติดกับปีศาจตัวฉกาจอย่างคุณหรอก มาม่าเซอร์แพทริค”
         “ว้าย! ตายแล้ว! อกตาแป้นจะแตก? หักหาญน้ำใจผมมากครับท่าน” คนฟังไม่ได้โกรธทำท่าสะดีดสะดิ้งใส่ขำๆ ก็อยู่ฝ่ายอสูรทั้งคู่นั่นแหล่ะถึงรู้ทันกันยังไงล่ะท่าน
         สองหนุ่มใหญ่นั่งยิ้มกริ่มคำพูดของทั้งคู่สาแก่ใจคนทั้งคู่ยิ่งนัก กลับความหมายคำชมเป็นคำด่าอย่างสุภาพซาตาลและปีศาจต่างอยู่ฝ่ายเดียวกันไม่มีใครจะดีเด่นเป็นเทวดาไปกว่ากันได้หรอก
        แต่ไม่แน่ท่านรัฐมนตรีอาจดีกว่าปีศาจอย่างแพทริคตรงเคยเป็นทูตสวรรค์เปี่ยมด้วยความงดงามและเป็นที่รักในบางความเชื่อ…สุดท้ายทำผิดจนโดนขับตกสวรรค์ล่ะว้าไม่ต่างกันเลย
        คนของรัฐมนตรีเดินทะเล่อทะล่าเข้ามากระซิบข้างหูนักการเมืองตำแหน่งสำคัญ ไคจินมองเหตุการณ์เดาได้ทันทีว่าอาจเกิดเหตุการณ์ไม่สู้ดีนัก เขาเตรียมจัดการให้แพทริกรีบกลับไปยังเครื่องบินเล็กที่พาพวกเขามา วอล์บอกคนขับให้เตรียมเครื่องให้พร้อมบินออกจากที่นี่
        “ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดแผน เราต้องรีบออกจากที่นี่” รัฐมนตรีไมเคิลเชิญคู่สนทนาให้รีบออกจากสถานที่นัดพบ
        “หน่วยสวาตบุกหรือท่าน” เขาเคยดูในหนังมาเฟียบ่อยๆ ถึงช่วงสำคัญจะต้องมีฉากสาดกระสุนใส่กันเหมือนห่าฝน
        “หิมะถล่มน่ะ” พยากรณ์อากาศไม่ได้คาดการไว้ว่าจะเกิดภัยธรรมชาติเป็นเหตุบังเอิญที่ชวนน่าสงสัยไว้ตรวจสอบทีหลังให้ออกไปจากที่เสี่ยงภัยตรงนี้ก่อน
         “ต้นหนาวเนี่ยนะ! พูดเป็นเล่น เอาเถอะยังมีเวลาให้เราเจอกันอีกถ้ารอดจากนรกหิมะนี้ได้ล่ะนะท่าน” หนุ่มใหญ่ไว้ผมทรงบ็อบกระเด้งตัวออกจากที่นั่งอย่างว่องไว
        “คุณและเลขามากับผม” คนมีอำนาจสั่งการด้วยความเคยชินแต่เหมือนจะไม่ถูกใจคนที่ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชานัก
        “พูดเป็นเล่นถ้าม่องเท่งกันทั้งคู่ข่าวที่ออกจบอาชีพการเมืองท่านเลยนะ”
        “มากับผมไม่ตายหรอก จะปล่อยให้คุณโดนรวบหรือข่าวนี้หลุดออกสื่อไม่ได้หรอกเสี่ยงต่ออาชีพผมเกินไป” ท่านรัฐมนตรีเร่งเร้าให้รีบเดินทางออกจากรีสอร์ทแห่งนี้
        “ไม่ต้องกลัวหรอกหนุ่มตี๋บอดี้การ์ดคุณคุ้นเคยกับผู้บังคับบัญชาของผมพอสมควรเลยล่ะ”
        ผู้ติดตามด้านนอกเตรียมพร้อมสำหรับการส่งตัวบุคคลสำคัญไปยังเครื่องบินส่วนตัวพร้อมบินอย่างทันท่วงทีด้านบนดานฟ้า ลำเลียงคนอย่างชำนาญการใช้เวลาไม่นานทั้งท่านรัฐมนตรีและแพทริคอยู่บนเครื่องบินเรียบร้อยพร้อมออกตัวจากที่แห่งนี้ทันที   
         “เฮ้อ! เนี่ยล่ะนะคบนักการเมือง” สะดวกสบายเหมือนมีป้ายอาญาสิทธ์ผิดที่คนถือไว้ไม่ใช่ฮ่องเต้ในราชวงศ์จีน
         “นักเลงยังคบตำรวจได้เลย” คนใหญ่คนโตขยิบตาส่งให้เรื่องใต้ผืนพรมเขาล่วงรู้หมดนั่นแหล่ะแต่ต้องทำหลับหูหลับตาเหยียบๆ ข้ามๆ ไปไม่เช่นนั้นชีวิตนักการเมืองคงไม่สุขสงบราบรื่น
        “เฮ่อะ! ชิส์” แพทริคไม่เถียงเขามองไปยังหน้าต่างเห็นกลุ่มหิมะรวมตัวกันเริ่มม้วนเป็นเกลียวขนาดใหญ่เคลื่อนตัวไล่ลงมายังด้านล่างที่พวกเขาพึ่งดึงเครื่องบินขึ้นมา
        มาม่าเซอร์เริ่มเป็นห่วงไคจินที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินเล็กลำถัดจากเขา การเคลื่อนที่ของคลื่นขาวโพลนไม่ได้รวดเร็วแต่การรวมกันที่ละชั้นๆ ทำให้คลื่นหนักขึ้นเรื่อยๆ และความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนถล่มท่วมโรงแรมแห่งนี้
        “ให้ตายเถอะน่าจะให้ไคจินมาด้วย” คนเป็นห่วงเด็กน้อยในปกครองบ่นงึมงำภาวนาให้เหตุการณ์ที่เขากังวลไม่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยผู้น่ารักในความคิดเขา
        เก่งแค่ไหนถ้าเอาชีวิตแลกความเสี่ยงตลอดเวลาคนใกล้ชินอย่างเขาคงหัวใจวายตาย ถึงจะรักความเสี่ยงแบบนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมแต่กับภัยธรรมชาติแบบนี้ท้ายทายชีวิตเกินไป

             คณะท่านรัฐมนตรีรวมแพทริคและเลขาของเขาอยู่บนเครื่องบนส่วนตัว ผู้บังคับบัญชาอยู่บนเครื่องบินสมทบลำแรกที่ขึ้นลำบินเรียบร้อยเหลือฮอล์ช่วยเหลือที่ณานติดสอยห้อมตามมาด้วยกำลังจะพาไคจินและเคลาส์ขึ้นตามจากดาดฟ้าเหลือเป็นสองคนสุดท้ายจึงตัดสินใจไปกับเครื่องบินกู้ภัย
        การจัดการส่งกำลังพลขึ้นบินไม่ได้ช้าแต่คลื่นหิมะออกตัวแรงไม่รอเวลาเช่นกัน ณานเห็นเหล่ามวลหิมะม้วนตัวไล่ลงมาจากเทือกเขาจากทยอยลงจนเริ่มเพิ่มความเร็วเหมือนคลื่นยักษ์ที่เร่งกำลังตีเข้าสู่ชายฝั่ง
         เครื่องบินกู้ภัยลงจอดบนลานไม่ได้ต้องลอยตัวเหนือพื้นดินดาษฟ้าและโยนสะพานเชือกลงมาเพื่อดึงทั้งสองเพื่อนรักขึ้นไป
         “ให้ตาย! คิดผิดชิบหาย! แจ๋เจ๋งเฉ่งข่วง อั้วเก๊กซิมสีเจ๊าะลอ! (สถานการณ์แบบนี้ กูกลุ้มใจชิบหายเลย)” สถานการณ์ไปในทางเลวร้ายทั้งที่คิดว่าฮอล์กู้ภัยน่าจะปลอดภัย
         “หยุดบ่น! และพูดภาษาคนซะไคจิน” เคลาส์เร่งให้เพื่อนร่างเล็กรีบปีนขึ้นไปบนบันไดเชือกให้ว่องไว
         เขามองเห็นคลื่นสีขาวระลอกใหญ่ใกล้จะซัดเข้ากับตัวรีสอร์ทแล้ว และพื้นที่ลานจอดเครื่องบินด้านบนคือส่วนแรกที่ต้องรับแรงปะทะ มันจะใครเสียอีกที่ต้องเสี่ยงกับคลื่นหิมะยักษ์มันก็เขานี่แหล่ะที่ห้อยโหนเป็นคนสุดท้าย
         “เร็วเข้าเพื่อนยาก! จับให้แน่น! เอาขาไขว้บันได! จะดึงขึ้นแล้ว” ณานตะโกนส่งเสียงให้เพื่อนรักและเพื่อนสนิทให้รู้ตัวพร้อมเปิดวาล์วเครื่องช่วยดึงทันที ใจก็ลุ้นละทึกว่าจะทันท่วงทีกับหิมะมหึมาเหล่านี้ไหม
         คนตัวเล็กรีบปีนขึ้นไม่รอให้เครื่องดึงขึ้นมาอย่างเดียวเมื่อขึ้นถึงตัวเครื่องบินเขาชะโงกมองลงไปที่เพื่อนร่างใหญ่ ไอเย็นโชยมาใกล้คนตาเล็กมองเสยขึ้นไปด้านบนเห็นกองหิมะม้วนตัวเข้ามาใกล้ในระยะกระชั้นชิด เขาเบิกตาโพลงแล้วรีบก้มมองเคลาส์ที่ยังห้อยโหนอยู่บนราวเชือกทันที
         ณานรีบดึงเชือกช่วยเครื่องดึงราวบันไดทำงานให้เร็วขึ้นไคจินรีบกุลีกุจอเข้าช่วยทันที ทุกอย่างดูช้าและได้ดังใจไปเสียหมด นายตำรวจหน้าตี๋ละมือจะเครื่องนั่นแล้วรีบส่งมือให้เพื่อนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายรีบปีนมาจับเขาไว้จะได้รีบช่วยดึงตัวขึ้นมา
         แรงลมที่หิมะหอบมาด้วยทำให้การปีนขึ้นไปไม่ง่ายนักราวบันใดเชือกกวัดแกว่งมากเกินไปเคลาสือาจจะเหยียบพลาดตกลงไปได้ อัยการหนุ่มแต่มองดูมือขาวๆ สั้นๆแกว่งไปมาไหวๆ และรอให้เครื่องทุ่นแรงดึงเขาขึ้นไปบนฮอล์แทน   
         เหมือนอากาศไม่เป็นใจทั้งหิมะและลมกรูมาพร้อมกันทั้งหนักหน่วงและรวดเร็ว พริบตาเดียวคลื่นหิมะโหมตัวลงมามิดร่างสูงเป็นสง่ากลางหิมะขาวโหลนหายลับไปในพริบตา
         “เคลาส์!” คนตัวเล็กตะโกนเสียงสั่น เขาแหกปากเรียกเพื่อนที่โหนอยู่ปลายบันไดที่บัดนี้ร่างนั้นหายไปพร้อมคลื่นหิมะที่สาดสัดเข้ามา
           “ณาน! เคลาส์ตก…”ใบหน้าขาวซีดกว่าเดิมเขากลับหันไปมองหน้าเพื่อนรักเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
           ณานเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีรีบดึงคนร่างเล็กเข้ามาแนบตัวและตัวเองรีบนั่งประจำที่รัดเข็มขัดคาดตัวและรอบเอวอย่างทันท่วงที เขาอยากจะดึงหมอที่กำลังหกคะเมนนั่งคว่ำหน้าอยู่ข้างหน้าด้วยแต่มือยาวกลับดึงไม่ถึงตัว และไม่ทันการ! พวกเขาทั้งหมดในเครื่องบินกู้ภัยลำนี้หนีไม่พ้นคลื่นหิมะที่โถมเข้าใส่สิ่งกีดขวางสุดแรง!
           คนเหมือนฝันกระพริบตาถี่ๆ ปรับแสงและจับภาพสถานการณ์ตรงหน้า กระชับอ้อมกอดเหมือนร่างเพื่อนรักแน่นิ่งคาอกเขาอยู่ ร่างสูงนอนตะแคงตัวโอบแขนยาวรอบอกตัวคล้ายมีคนคว่ำหน้าจบยอดอก สติกลับมาความเจ็บร้าววิ่งไล่ตามแนวขาแล่นริ้วยังสะโพก ณานนอนขมวดคิ้วเข้มโดยไม่รู้ตัว
           “อ่าส์! ให้ตาย! ฝันหรือไงเนี่ย?” คนอยู่ในภวังค์สะลืมสะลือมองรอบตัว รับรู้ว่าที่คือห้องนอนในบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ภายในเคบินเครื่องบินคับแคบนั่น เมื่อคลายความกังวลใจสองตาทั้งสองข้างปิดตัดสภาพการณ์ลงลึกจมดิ่งสู่นิทราที่ยาวนาน

          เป็นเกริ่นนำเรื่องที่ยาวมาก :really2: ติดตามเรื่องรักๆของเพื่อนเลิฝคู่นี้นะคะจะหนาวเหน็บขนาดไหน :katai2-1:


หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: Innocent.m ที่ 24-05-2024 05:32:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก-ซี่ซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 26-05-2024 12:10:17
Lover Fire 9 : Fan's Series
More Love Than Friendship
         เสียงใบพัดตีอากาศเสียงดังสนั่น เฮลิคอปเตอร์สองลำแผ่ดเครื่องยนต์กึกก้องแข่งกับมวลหิมะถล่มที่ม้วนตัวรวมกันเป็นเกลียวคลื่นขาวโพลนที่ไล่หลังกระแทกตัวลงมาเสียงดังครืดๆ สามแหล่งที่มาของเสียงประสานแข่งเร่งเสียงตนให้ดังกลบเสียงคนตื่นตระหนกตะโกนโวกเวกเหมือนชมละครใบ้
         คลื่นหิมะยักษ์รวมพลม้วนตัวลอยไถลเป็นระลอกเหมือนทิวเขาเป็นดั่งท้องทะเล คลื่นขาวตีเข้าขอบฝั่งคือที่ราบระหว่างเขาด้านล่าง

         เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของรัฐมนตรีช่วยฝ่ายบริหารและผู้ติดตามเร่งใบพัดบินหนีคลื่นขาวโพลนไปได้อย่างหวุดหวิด ควาวมแรงของหิมะกระเซ็นซัดพัดหางเสือแกว่งจนเครื่องโคลงเคลงสร้างความหวาดเสียวให้คนบนเรือบินเล็ก
         ส่วนลำที่สองเป็นเฮริคอปเตอร์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ออกตัวช้ากว่าเพราะวนหาผู้โดยสารที่พลัดตกเครื่อง เมื่อคนขับตัดสินใจทิ้งคนแล้วรีบเร่งนำเครื่องบินให้สูงขึ้นหนีภัยคุกคามจากหิมะ อีกเสี้ยวนาทีจะหลบพ้นคลื่นหิมะกองมหึมา...
         เสียงเหมือนของแข็งทุบโลหะดังปัง! ทุกอย่างดับเหมือนไฟตัดทั้งสติและชีวิตคนบนเครื่องเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าโดนถอดปลั๊ก
         สรรพชีวิตรอบตัวนิ่งสนิทและหนาวเย็น สติวูบวาบดับๆติดๆเหมือนรถขาดน้ำมัน เขาเคยได้ยินคนใกล้ตายมักเรียกหาลูกหลานหรือคนสนิท ไม่ได้กลัวตายแค่เสียดายที่จากนี้ไปอาจไม่ได้เจอคนที่เรารักได้อีก

         ‘ณาน! เคลาส์ตก...’ เรียกปากรูปกระจับขยับแผ่วเบาก่อนนอนนิ่งสลบไป

         ใครบางคนนอนฟังเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่เสียงหายใจรวยระรินของอีกคนเงียบเสียงและร่างกายแน่นิ่งไปพักหนึ่งแล้ว เขาได้แต่ส่งใจภาวนาขอให้คนที่จากไปสงบสุขชั่วนิรันดร์ ส่วนเขาเองคงจะตามไปในอีกไม่ช้าแต่ติดที่ว่าจิตใจยังพะว้าพะวงกับร่างเล็กที่สลบซบบนอกนี่
         เสียงลมหายใจผ่อนคลายตอนไร้สติ เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจยาวและหนักหน่วง แสดงว่าร่างกายนี้รู้สึกตัวแล้ว บางทีกลไกของร่างกายก็แสดงออกมาชัดเจนจนน่ากลัว

         “ฟื้นแล้วหรือที่รักไม่ค่อยได้นอนสินะหลับนานเชียว” เสียงแหบต่ำคุ้นหูได้ฟังที่ไรชวนให้หงุดหงิดและทั้งดีใจ
         ไคจินพยายามจะขยับตัวและปรับสภาพให้ฟื้นคืนสติเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอบตัวเขาหนาวเย็นแสงแดดสะท้อนได้เพียงแค่เงาสลัวเหมือนกับเขาไม่ได้อยู่บนพื้นดิน
         ใช่แล้ว...ครั้งสุดท้ายเขาอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ เขา... แล้วแพทริค!....
         ไม่! เคลาส์...เพื่อนเคลาส์อยู่ไหน? แล้วทำไมณานมาอยู่ในนี้ ใช่ณานมากับเครื่องบิน ดวงตาหรี่เล็กพยายามกวาดมองหาผู้รอดชีวิตคนอื่น เขาจำได้ว่ามีคนขับและผู้ช่วยมีแพทย์เคลื่อนที่อีกหนึ่งคน
         ความคิดหยุดชะงักลงเมื่อเห็นใครคนหนึ่งไม่ได้นั่งอยู่บนที่นั่งเซฟความปลอดภัยเหมือนกับเขาแต่กลับนอนนิ่งบนพื้นโลหะแข็งแทน
         “คุณเป็นไงมั่ง” ไคจินพยายามดันตัวจะเขามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้นนั่งทั้งที่ตัวเองยังไม่ทันได้ปลดเข็มขัดนิรภัย
         “อย่า!” ณานพูดห้ามด้วยเสียงอ่อนแรง
         แพทย์เคลื่อนที่นอนนิ่งไม่ขยับรู้ถึงความผิดปกติบนร่างกายตัวเอง เขาพูดกับไคจินเสียงเบาแต่ในภายเฮลิคอปเตอร์แคบๆ ได้ยินกันหมดทั้งสามคน
         “คุณอย่าพึ่งขยับตัวผม แล้วคุณเองก็อย่าพึ่งขยับตัว รู้สึกเจ็บชาหรือปวดตรงไหนหรือเปล่า”
         “ผมโอเค แล้วคนขับยังอยู่ดีไหม” แต่สิ่งที่ไม่โอเคคือความคิดผมต่างหากสับสนมึนคงคิดอะไรไม่ออก
         “อย่ามอง!” ณานใช้หัวดันหน้าไม่ให้ชะโงกไปมอง แต่สายตาผมจับจ้องมองที่ศีรษะของผู้ช่วยคนขับไม่ทันได้เห็นคนชับเครื่องบิน
         ฉับพลับความทรงจำที่เหมือนจะถูกหยุดไว้ย้อนกลับมาฉายอีกครั้ง ร่างกายสะท้านสั่นไหวไม่ใช่ความกลัว โกรธหรือโมโห น้ำตาที่ไม่รู้เอ่อล้นตั้งแต่ตอนไหนไหลเลอะเปรอะหน้าไปหมด 
         ใช่แล้วเคลาส์!
         เคลาส์ขึ้นมาไม่ได้! เคลาส์ตกจากบันไดเชือก!
         บินวนหาเคลาส์ หิมะถล่ม เคลาส์หายไป!
         “ควบคุมอารมณ์ไว้ยิ่งแสดงอารมณ์ยิ่งต้องการออกซิเจน” แพทย์ที่บาดเจ็บพยายามจะเตือนให้คนอ่อนไหวหยุดร้องไห้
          ณานอยากจะเข้าไปปลอบแต่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ร่างสูงรู้สึกชาบริเวณขาและตอนนี้ไล่ลามมาถึงสะโพก กระดูกตรงไหนสักที่อาจหักหรืออาจมีวัตถุแทงทะลุขาของเขาอยู่ ไม่กล้าบอกเพื่อนที่รักขณะที่กำลังฟื้นความจำหลังภาพตัดตอนเครื่องตก
         “คุณพอขยับตัวได้หรือเปล่า ช่วยลากผมไปใกล้ๆ เจ้าหน้าที่ณานที” แพทย์เพียงหนึ่งเดียวเรียกไคจิให้ช่วยเพราะมีคนเดียวในที่นี่ที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ นักบินผู้ช่วยยังไม่กลับคืนสติเขาพอได้ยินเสียงหายใจอาจไม่มีอะไรให้เป็นห่วง
         “มองเห็นกล่องสี่เหลี่ยมใต้ที่นั่งมั้ยครับหยิบมันขึ้นมา”
         ไคจินควาญหากล่องที่ว่า มองหาพักหนึ่งหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วหยุดอยู่ที่วัตถุที่คล้ายกล่องแต่มีสายคล้องเหมือนกระเป๋าด้านบนมีสัญลักษณ์ทางการแพทย์ เขาหยิบมาวางใกล้หมอตัวจริงและทำตามคำสั่งที่ละขั้นตอน
         ไคจินรีบก้มดูบริเวณขาของณานมีเลือดจำนวนมากไหลมารวมกันที่ข้อเท้าจนขากางเกงยาวเปียกชุ่ม
         ตำรวจร่างเล็กใช้แรงที่มีลากดึงร่างหมอให้มาใกล้ขาของณานมากที่สุดและคอยส่งอุปกรณ์การแพทย์ให้หมอทำหัตถการเบื้องต้นบรรเบาอาการไปก่อน
         ระบบการทำงานของร่างกายเริ่มกลับมาทำร้ายณานเขาเสียเลือดมากเกินไป แพทย์สั่งการให้เตรียมกระป๋องออกซิเจนและกำกับการใช้งานให้คนมีสติสมบูรณ์คนเดียวทำหน้าที่แพทย์ผู้ช่วย กระป๋องอัดอากาศและที่ครอบสมบนใบหน้าเพื่อนนักสืบเป็นที่เรียบร้อยกู้วิกฤตไปได้
         เสียงแหบสูงเรียกสติเพื่อนรักให้รีบสูดออกซิเจนเข้าปอดโดยไม่ต้องรอให้หมอแนะนำต่อ คนตัวเล็กทำงานอย่างว่องไว้หันมาถามแพทย์ว่าต้องการบ้างหรือไม่จะได้จัดการไปพร้อมกันเลย
         “มีไม่พอสำหรับเราทุกคนนะครับจะใช้เมื่อมันจำเป็นจริงๆ” คนเป็นหมอคำนวณเครื่องมือและยาที่เครื่องบินลำนี้เตรียมมามีจำกัดไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ในนี้นานเท่าไหร่กว่าจะมีคนมาช่วย
         “คุณไม่เป็นอะไรแน่นะคุณหมอ...คริสโตเฟอร์” ตำรวจนอกหน้าที่มองป้ายประจำตัวที่ห้อยรอบคอหมอที่นอนเจ็บแต่ออกคำสั่งเขาราวกับคนปกติ
         คริสโตฟไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนนอนราบกับพื้นเครื่องบินข้างเท้าของณาน พอโคจิจะเข้าไปประคองก็รีบห้ามไว้ เขาขยับตัวมามากจากท่าเดิมและเสี่ยงชีวิตกับการย้ายตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่งจะไม่มีอีกครั้งเพื่อพาตัวเองรอดจากที่นี่ไปได้
         ความกังวลใจกลับมาดูอาการเพื่อนรักอีกครั้ง การหายใจดีขึ้นเขาปลดเสื้อผ้าหนาตรวจดูบาดแผลบริเวณอื่น นักสืบคนสนิทกระพริบตาปริบๆ มือเรียวยาวคว้ามือไคจินมาจับไว้
         “หมอคริส...ผมขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณตอนนั้น” คนอารมณ์ร้อนชอบใช้แรงแก้ปัญหาศอกหมอไปหายทีเหมือนกันเพราะความเป็นห่วงเคลาส์ที่หล่นไปพร้อมคลื่นหิมะ
         “ช่างมันเถอะ คุณเป็นห่วงเพื่อนคุณนี่”
         “ผมทำให้คุณกับคนอื่นต้องลำบาก” ทั้งที่ตัวเอารู้จักระบบดีกว่าใครแต่ไม่ยอมทำตามกฎจนต้องมาเจอเหตุการณ์ลำบากกันหมดทั้งคันบิน
          มันจะยิ่งแย่กว่านี้ถ้าณานบาดเจ็บสาหัสหรือได้รับอันตรายถึงชีวิต และหมอคริสที่ยังรักษาคนไข้คนได้รับบาดเจ็บอีกได้เห็นพันเป็นหมื่นหรือเป็นแสนหากประกอบอาชีพหมอรักษาคนไปเรื่อยจนเกษียณ
         “พวกเราจะต้องออกจากที่นี่ได้ทั้งหมด” ดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังทำให้ไคจินประทับใจ ชายคนนี้เกิดมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จริง ๆ
         “แน่นอนเราจะต้องออกไปพร้อมกัน” เรายิ้มรับความเข้มแข็งของหมอใจแกร่งเป็นกำลังใจ คราวนี้ถึงตาคนแดนตายอย่างเขาบ้างต้องแบกชีวิตทุกคนออกจากสมรภูมิความเย็นนี้ไปให้ได้
         การรักษาแบบประคับประคองทำให้ณานกลับคืนสติอีกครั้ง อาการชาดีขึ้นแต่รู้สึกปวดแทนเขาให้หมอคริสฉีดยาระงับการปวดให้ ต้องรีบดันตัวออกจากหลุมหิมะนี่เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
         นักสืบกวาดตามองหาเพื่อนรักนายตำรวจ เจ้าตัวง่วนอยู่กับการค้นหาอุปกรณ์บางอย่างส่วนท้ายของเครื่องบิน ฝาด้านบนถูกกระทุ้งดันกองหิมะขึ้นไปด้านบนเห็นแสงรำไรแต่ยังไม่ถึงหิมะชั้นบนความเย็นเริ่มเข้ามาบริเวณนี้ที่ละน้อยแต่ด้วยเครื่องแต่งกายที่ทุกคนสวมใส่พอทนกับความหนาวเย็นได้อยู่
         ไคจินลากผ้าห่มออกมาหลายผืนหมอคือคนแรกที่ถูกห่มและห่อร่างกายอย่างระมัดระวัง และจึงนำอีกผืนมาห่มให้กับณาน เพื่อนตัวแสบกระซิบเบาๆ ที่ใบหูเมื่อรู้ว่าคนที่เป็นห่วงรู้สึกตัวแล้ว
        “ถ้านายกล้าตายต่อหน้าฉัน รับรองจะตามล่าวิณญานนายถึงนรกแน่ แต่ถ้าเราออกไปจากเคบิ้นนี่ได้มาเป็นแฟนกันเถอะ!”
         “อย่าให้พูดซ้ำฉันรู้นายได้ยินเต็มรูหูซ้ายทะลุหูขวาเลย” เสียงคาดคั้นฆ่าโทษเมื่อเพื่อนตัวดีทำหน้าไม่เชื่อหูตัวเองอยากให้พูดย้ำอีกรอบ ใครจะบ้าพูดอีกครั้งแค่ครั้งเดียวก็อายจนจะซุกหิมะหนีแล้ว!
          พูดจบก็นำผ้าอีกผืนไปคลุมให้ผู้ช่วยคนขับก่อนคลุมผ้าเขาให้หูแนบตรงบริเวณหน้าอกมันกระเพื่อมขึ้นลงแล้วเสียงหายใจไม่มีอะไรผิดปรกติ เขาตรวจสอบให้แน่ใจด้วยการจับชีพจรที่ใต้คางอีกครั้ง มือเล็กๆหาผ้าผืนเล็กมาคลุมใบหน้าของคนขับเครื่องบินเอาไว้ เขาสงบนิ่งเป็นการส่งวิณญาณให้คนที่จากไป
          ณานเริ่มขยับตัวได้เริ่มแสวงหาทางรอดชีวิตทันที หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหวังโทรขอความช่วยเหลือทั้งทางตำรวจและหน่วยกู้ชีพกู้ภัยแต่ไร้สัญญาณ เขาหมดความสนใจกับมือถือแล้วหันมาดูอาการแพทย์ประจำการบนเครื่องบินลำนี้
         “ผมว่าคุณอาการไม่ค่อยดีเลย ผมต้องการติดต่อคนภาคพื้นดินต้องทำอย่างไรหมอรู้ไหม” ถามอาการพร้อมถามคนชำนาญการหาทางรอดร่วมกัน
         “โทรไม่ติดหรอก...คุณต้องทดสอบวิทยุสื่อสารบนเครื่องว่าทำงานได้ไหมเพื่อให้คนมาช่วยเรา”
         “มันอยู่ตรงไหน” ร่างสูงเริ่มปลดสายรัดคาดลำตัวและเอวอยากจะช่วยเพื่อนรักอีกแรงเขามองเห็นคนร่างเล็กทำหลายอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดแล้วสุดจะทึ่ง
         “ด้านหน้าคนขับ หัวฟังของคนขับทำให้คุยได้ยินสัณญาณที่ส่งมาชัดขึ้น”
         “ถ้าผมไม่ดันทุรังมากับคุณ ถ้าผม....”
         “เราจะออกไปด้วยกันหมดนี่ล่ะ หยุดเวิ่นเว้อและกลับไปนั่งที่ของนายซะ!” มือเล็กแต่แรงเยอะดันคนตัวสูงให้กลับไปนั่งที่เดิม เขาบีบมือณานแรงๆ ให้อีกคนได้รับรู้ถึงสัญญาที่ให้ไว้
        ‘เราทั้งคู่ต้องรอดออกจากที่นี่ด้วยกันแล้วเป็นแฟนกันซะให้รู้แล้วรู้รอดเลยโว้ย!’ จิตวิญณาญแห่งจินเปิดทำการโดยอัตโนมัติสั่งเรียกสติพื่อนสนิท
         “โอเค เราจะออกไปด้วยกัน” รอยยิ้มที่กลั่นออกจากใจ ยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ได้เห็นมา ไคจินคงเป็นบ้าถ้าเป็นแฟนกันแล้วอิตาเจ้าชู้ประตูดินเที่ยวหว่านยิ้มแบบนี้ไปทั่ว
         หมอคริสผล็อยหลับชั่วครู คนเป็นหมอดูแลตัวเองเป็นอย่างดีโดยมีผู้ช่วยเฉพาะกิจจัดยาฉีดยาชาให้ สิ่งเดียวที่ทั้งณานและไคจินยังอุ่นใจคือแผงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอ หลักประกันฟังดูหลักลอยคงมีแต่ศรัทธาและความหวังเท่านั้นที่ต่างเชื่อว่าหมอคริสโตฟจะต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน
         ไคจินทำงานอย่างรวดเร็วรีบกระทุ้งหิมะผ่านช่องประตูด้านบนของเฮริคอปเตอร์ ณานทนให้แฟนในอนาคตลำบากไม่ได้กระเผลกร่างกายไปยังแผงควบคุมด้านหน้าคนขับสวมที่ครอบหูฟังและเปิดเครื่องรับสัณญาณวิทยุทันที งุงงงระบบเล็กน้อยได้ยินเสียงของหมอคริสพูดไล่หลังมา
         “เปิดแล้วคอยฟังเสียงจากคลื่นวิทยุนะครับ กดปุ่มอัตโนมัติแล้วเครื่องจะจูนเสียงคนภาคพื้นดินได้เอง กดปุ่มสีเขียวแล้วพูดขอความช่วยเหลือได้เลย” คนตั้งใจฟังพยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด หมอคนเหล็กกลับมาได้สติอีกครั้งแล้วมันทำให้ณานอุ่นใจขึ้นเยอะ
         “หมอผู้ช่วยนักบินไม่สลบนานไปเหรอ”
         “ใครจะเหมือนพวกคุณสองคน ผู้ช่วยเป็นคนธรรมดานะครับ”
         “อ้าว! หมอก็คนธรรมดานี่ยังไม่สลบยาวเลย แล้วพวกผมก็คนนะครับแต่แบบว่ากระดูกเหล็กกล้ามเนื้อแข็งแรง”
         “เด็กใหม่น่ะ เจอแบบนี้บ่อยเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เองเหมือนผม”
         “โอ้ว! ผมสงสารผู้ช่วยคนนี้แล้วล่ะครับ หลับไปเถอะพ่อหนุ่มน้อย!”
         “หมอฟื้นแล้วเหรอ ผมกระทุ้งหิมะได้แล้วถ้าเปิดทางให้กว้างกว่านี้ไปได้สัณญาณโทรศัพท์อาจใช้ได้” โชคดีใบฟัดหักขวางทางหิมะได้ส่วนหนึ่งไม่ยากแล้วที่จะดันหิมะออกเปิดทางให้ขึ้นไปด้านบนได้
         “หมอต้องการมอร์ฟีนไหม ผมว่าช่วงขาหมออาจจะ...ร้ายหักเบาร้าวหวังว่าสะโพกหมอยังดีอยู่ใช่ไหม” คนบ้าก๋ากั่นพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ
         “อย่าขยับตัวผมแล้วกัน ส่วนเรื่องปวดผมฉีดยาระงับอาการไว้แล้วไม่ต้องพึ่งมอร์ฟีนไม่ร้ายแรง”
         “ผู้ช่วยนักบินเป็นอย่างไรบ้างณาน” ได้คำตอบเป็นการยักไหล่แทนคำพูด แล้วดวงตาน่ารักดั่งเมล็ดอัลมอนล์ฉายรังสีพิฆาตส่งคำสั่งตรงให้เพื่อนตัวดีที่กำลังเจ็บมานั่งอยู่กับที่เลิกกระเผลกไป ๆ มา ๆ หน้าแผงควบคุมเสียที
         หมอคริสโตฟมองการควบคุมร่างกายและความคิดของไคจินด้วยความชื่นชม น่าเสียดายที่ไม่มาสมัครเป็นหมอภาคสนาม ตัวเขาเองคงได้เพื่อนร่วมงานที่มีความสามารถและมีกระบวนการจัดการทางความคิดที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง
         “หมออย่ามองชื่นชมมากนัก เพื่อนรักผมน่ะเป็นแก๊งสเตอร์เหมาะที่สุด”
         “ดีนะวันนี้นายเจ็บตัวอยู่แล้ว”
         “นี่ไงหล่ะหมอ”
         ณานและหมอคริสยิ้มให้กันรู้ความหมายกันสองคนว่าต้องการสื่อถึงอะไร มีเพียงไคจินเท่านั้นขมวดคิ้วนิ่วหน้า เป็นคนบ้าพลังมันไม่ดียังไงพวกนายทั้งสองคนต้องพึ่งคนแบบเขานี่หล่ะพาให้รอดชีวิต

         
         มาต่อแล้วจ้าคู่อึดทึกทนตายยาก พึ่งมาอ่านทนนิยายตัวเองอีกรอบในหลายๆรอบที่ได้ทวนอ่านมา บทบรรยายพรรณาเด่นเหลือเกิน จนเป็นสไตล์ติดตัวเป็นซิกเนเจอร์แล้วจ้า :z13: ฝากติดตามซีรี่ย์นิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก:ซี่รี่ย์ตอนBe Fan My Friend!
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 02-06-2024 12:38:23
Lover Fire 9 : Fan's Series

Keep your Promise!

          หนุ่มร่างเล็กวุ่นวายอยู่กับงานละลายพลังงานเหมือนคนอะดรีนาลีนหลั่งแบกตุ่มยกตู้เมื่อเจอสถาณการณ์เจียนตัวถึงชีวิต แสงสลัวจากด้านบนส่องเข้ามาได้บ้างแล้วตามช่วงว่างระหว่างใบพัดเวลาที่ใช้ไปไม่เสียเปล่าที่เจ้าตัวค่อยๆ กระทุ้งหิมะเจ้ากรรมที่ตอนนี้เหมือนกลบฝังพวกเขาในเคบินเสมือนอยู่ในหลุ่มศพ
          เวลาเดินผ่านความยากลำบากอย่างเชื่องช้าช่างดูหยอกเย้าความเป็นความตายของผู้คนที่ดำรงอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต เกมชีวิตครั้งนี้ไม่ทราบได้เจ็ตพ็อตก้อนใหญ่ตกเป็นของใครที่นำพาให้เพื่อนพ้องที่ตกชะตากรรมเดียวกันสุดทนห้วงความตาย
          เสียงวิทยุสื่อสารส่งเสียงหวีดเล็กน้อยตามด้วยเสียงซ่า จากนั้นเสียงพูดจากอีกฝากฝั่งส่งตรงมายังเครื่องบินช่วยเหลือลำนี้ จากเสียงซ่าไร้สัณญาณจนมีเสียงชัดเจนของเจ้าหน้าที่อีกฝากฝั่งสัณญาณ
          “...กู้ภัยHA0xxตอบด้วย...”
          ผู้ช่วยคนขับฟื้นสติพอดิบพอดี ลนลานรีบควานว่าเฮดโฟนรีบสวมแล้วเปิดไมล์พูดตอบโต้ทันที
          “กู้ภัยHA0xx ขณะนี้ภาวะฉุกเฉินติดภายใต้หิมะ ขอแม่ข่ายให้การช่วยเหลือ”
          “...บอกตำแหน่งของคุณด้วย!...”
          “...บอกตำแหน่งด้วย!...”

          เสียงกดปุ่มดังกึกกักผู้ช่วยนักบินกรอกข้อมูลส่งให้อย่างเคร่งแคล้วเขารวมรวมสติได้รวดเร็วพอสมควรทั้งที่เห็นคนตายอยู่ด้านข้าง เป็นความคิดที่ดีของไคจินที่นำผ้ามาปิดบังไปหน้ากัปตันผู้ลาลับโลกนี้ไว้
          “....ผมพูดกับใครอยู่ แจ้งด้วย...”
          “ผู้ช่วยนักบินโคว์ล รหัสประจำตัว NHPxxxxx ”
          “... เรากำลังทำการช่วยเหลือคุณอยู่ เตรียมพุส่งสัณญาณ ย้ำเตรียมพุส่งสัณญาณ...”
          “เรามีผู้บาดเจ็บรอการช่วยเหลือ” เสียงคนพึ่งคืนสติแผ่วเบาตะกุกตะกับเล็กน้อยแต่พยายามสื่อสารสุดกำลัง
          นายตำรวจสุดแกร่งตั้งใจฟังแล้วเริ่มดันตัวขึ้นช่องเพดานเรือบินที่กรุยทางหิมะไว้แล้วทันที เขาพกพุสัณญาณติดตัวไว้พร้อมแสดงพิกัดว่าอยู่บริเวณไหน
          “..แจ้งสถานการณ์ด้วย มีผู้โดยสารเท่าไหร่...”
          ยังไม่ทันได้หันมาสำรวจลูกเรือณานชะโงกหน้ามาบอกลายละเอียดของผู้โดยสารบนเครื่องบินกู้ชีพให้อย่างรวดเร็ว
          “แพทย์ประจำการเจ็บหนัก พลขับเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สองคนกำลังดิ้นรนออกจากน้ำแข็งที่ถล่มทับลงมา”
          “ซะ...ซ่า...รับทราบ กำลังไป ...” สัญญาณกระพริบถี่ๆ แล้วขาดตอนไป
          “ขอบคุณมากครับ”/ “ยินดีต้อนรับกลับ ฟื้นได้จังหวะพอดี” ผู้รอดชีวิตและกลายเป็นผู้ประสบภัยทักทายผู้ช่วยนักบินที่คืนสติขึ้นมาอีกครั้ง
          นักบินผู้ช่วยนั่งนิ่งกำลังประมวลผลทางความคิด นี่มันนานเท่าไหร่แล้ว กี่วันกี่คืน ด้วยสติเกือบเต็มร้อยทำให้หลงลืมเรื่องนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองเสียสนิท เห็นทีว่าจะต้องใช้เวลาบินอีกนานเหมือนหมอคริสโตฟบอกเสียแล้ว
          พุสัณญาณถูกจุดเรียบร้อย คนเก่งด้านการต่อสู้ให้ตัวเองมีชีวิตรอดรีบใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่พอหาได้กวาดกองหิมะที่ถมทับเครื่องบินทันที เพื่อความสะดวกในการนำคนเจ็บขึ้นมาด้านบน
          ส่วนนักบินผู้ช่วยโคร์ลทำการติดต่อเข้าศูนย์วิทยุเป็นระยะ ๆ การติดต่อขาดๆ หายๆ แต่สามารถระบุตำแหน่งและยิงพุสัณญาณไปพร้อมกัน
          เสียงดังเอะอะโวยวายที่ด้านนอก พร้อมกับเสียงกะเทาะกระแทกของแข็งดังขึ้นไม่ขาดระยะหน่วยกู้ภัยน่าจะพาถึงแล้ว
          “พร้อมส่งคนเจ็บ!” แพทย์รีบลงมาดูอาการหมอคริสทันท่วงที จากนั้นแพทย์ผู้ช่วยนำตัวณานส่งตัวขึ้นด้านบน มีเฮลิคอปเตอร์อีกลำรอรับการส่งตัวอยู่แล้ว การช่วยเหลือล่าช้าเล็กน้อยแต่มายังตำแหน่งได้สำเร็จ
          คนเจ็บหนักถูกนำตัวขึ้นหลังณาน ผู้ช่วยนักบินโคร์ลปีนขึ้นมาด้วยตัวเองพร้อมช่วยนำศพของพลขับขึ้นมาทีหลัง การช่วยเหลือเต็มเปี่ยมด้วยพลังและความเป็นมืออาชีพทุกการดำเนินการทำได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
          “ขออ็อกซิเจนให้หมอคริส!” หมออีกคนสั่งให้ผู้ช่วยเร่งดำเนินการ เตียงหามถูกส่งมารับหมอประจำการที่มาใหม่รีบยึดร่างคนร่วมอาชีพอย่างรวดเร็วและระมัดระวัง พร้อมคลุมทับร่างคนเจ็บหนักนั้นด้วยผ้าผืนหนา กุลีกุจอช่วยกันดันเปลหามขึ้นเครื่องเรียบร้อยส่งสัณญาณมือพร้อมบินทันที
          “หมอคริสสลบแล้วครับหมอ!” เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบตะโกนแจ้งเมื่อผู้บาดเจ็บนอนนิ่งไป
          “ใจเย็นๆ สัณญาณชีพดีอยู่ พยุงอาการให้ดีที่สุดแจ้งโรงพยาบาลบอกรายละเอียดอาการหมอคริสให้ครบถ้วน ฉุกเฉินจะได้เตรียมการรักษาทันทีเราจะต้องมีหมอคริสทำงานนี้ต่อไป” วิชาชีพหมอตอบกลับอย่างหนักแน่นพร้อมเร่งการทำงานให้เร็วขึ้น
          “ครับ!” คนรับงานต่อรีบติดต่อประสานงานกับทางโรงพยาบาล
          ณานและไคจินมองดูสถาณการณ์ตรงหน้าพร้อมจดจ่ออยู่กับอาการของหมอคริส ในใจต่างเริ่งให้บินถึงโรงพยาบาลต้นทางให้เร็วไว
          เมื่อถึงที่หมายทางโรงพยาบาลรอท่าพร้อมรับการส่งต่ออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาพึ่งเห็นการทำงานแข่งกับเวลาของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิดก็คราวนี้ ทุกคนที่ผ่านพ้นเรื่องร้ายมาด้ายถูกส่งตัวตรวจร่างกายอย่างละเอียด
          ทุกคนปลอดภัยหมอคริสยังทำหน้าที่ได้เหมือนเดิมแต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเสียหน่อยกว่าจะลงแพทย์ภาคสนามอีกครั้ง
          “เป็นไงบ้าง”  ตำรวจหน้าตี๋ถามไถ่เพื่อนนักสืบที่นอนรักษาแผลที่โรงพยาบาล
          “ผมสบายดีที่รักล่ะพร้อมหรือยัง” ณานยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ลืมสัญญาที่ไคจินพูดไว้บนเครื่องบินใต้หิมะถล่มบนภูเขา
          “คำไหนคำนั้น” ไคจินตอบนักแน่นแต่ไม่ยอมตอบรับว่ายอมคบเป็นแฟนตรงๆ
          “ผมรักแรงนะที่รักเตรียมใจพร้อมกายไว้ให้ดี” หายดีเมื่อไหร่จัดให้เลยชุดใหญ่ที่รักมือใหม่จะต้องเร่าร้อนจนหิมะละลายแน่นอนคราวนี้รับประกันโดยนักสืบณานเพื่อนรักเพื่อนเลิฟเว่อร์
          “เฮ้าเลี่ยน! เรื่องแบบนี้เร็วจริงๆ เลยนะ”ไคจินอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายไม่น่าพูดตรงใจไปในตอนหน้าสิ่วหน้าขวานเมื่อตอนชีวิตตกระกำลำบากเลยน่าจะยั้งคิดดึงสติให้นิ่งก่อนจะพูดแบบไม่คิดบอกไปแบบนั้นเลย ความกลัวมันน่ากลัวจริงๆ! ให้ตาย


          อาการบาดเจ็บของณานดีขึ้นเป็นลำดับ เชาสามารถออกจากการดูแลของโรงพยาบาลกลับมารักษาตัวที่บ้านได้แล้ว ลำพังอยู่ตัวคนเดียวไม่ประสบความลำบากอะไรเพราะมีแม่บ้านที่เขาจ้างไว้ประจำมาช่วยดูแล
          คนแผนสูงมีหรือจะเมินโอกาสทองทดสอบคนรักว่าจะทุมเทใจจริงหรือแต่ปากไวพูดให้เขาสู้กับสถานการณ์เลวร้าย

          “นี่นายคงไม่คิดหลอกให้มาดูแลใช่ไหม หมอให้กลับมาบ้านแล้วทำไมยังต้องมาดูแลอีกล่ะ” ตำรวจร่างเล็กส่งเสียงโวยวายทักทายเพื่อนก่อนเลย
          “ที่รักไม่เห็นขาผมหรือไง ความสงสารมีบ้างหรือเปล่า อย่าใจร้ายกับคนป่วยนักเลย” ณานยกขาที่ได้รับบาดเจ็บตอนเครื่องบินตกให้ดู
         นักสืบหนุ่มมองดูสภาพร่างกายเพื่อนผู้ทนทายาดดีใจที่ไคจินสบายดีใช้พลังกายได้เต็มกำลังเหมือนเดิม
         “แพทริคฝากมาเยี่ยม และนี่คนในคลับที่นายไปอ่อยไว้ช่วยกันซื้อมาให้กิน” ดอกไม้ช่อใหญ่จากคนเว่อร์วัง ผลไม้และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพรวมทั้งอาหารเสริมบำรุงร่างกายจากเหล่าพนักงานฝากมาให้
          แม่บ้านยิ้มตอนรับพร้อมรับของต่างๆ ไปจัดเก็บ เธอจัดดอกไม้ช่อใหญ่ใส่แจกันไว้บนโต๊ะรับแขก ส่วนของทานต่างๆ จัดเข้าตู้เย็นและตู้เก็บยาสำหรับอาหารเสริม ไคจินมองการทำงานระดับมืออาชีพเป็นระเบียบงานเรียบร้อยและไม่ยืดยาดทำงานเชื่องช้าให้เวลาวิ่งผ่านไป ยิ่งไม่เข้าใจว่าเพื่อนณานจะต้องการเขามาดูแลอะไรอีก
          “รับน้ำอะไรดีคะคุณ” เธอเดินกลับมาถามผู้มาเยี่ยมเจ้านาย
          “ไม่ครับขอบคุณ ทำงานของคุณต่อได้เลย” ไคจินยิ้มตอบแม่บ้านจนตาหยี๋
          “อยากอาบน้ำ ที่รักช่วยหน่อยได้ไหม” คำร้องขอร้องแปลกประหลาดส่งตรงถึงพยาบาลประจำตัวทันที
          “อาบน้ำ! จะอาบยังไงเล่าแผลโดนน้ำไม่ได้” ไคจินตาโตใส่ทันทีขาพันแผลอยู่แบบนี้จะไปยืนอาบได้ยังไง
          “ลงอ่างไง ตัวแช่น้ำขาพาดขอบอ่าง อยากสระผมด้วยทำให้ด้วยเหนียวตัวคันหัวไปหมดแล้วนะไคที่รัก” เสียงเด็กเล็กออดอ้อนฟังดูน่ารักแต่พอผู้ใหญ่ร่างชายทำเสียงอ้อแอ้โอดโอยมันน่าลำคาญเจ้าตัวไม่รู้บ้างหรือไง
          “อาบให้ก็ได้ รอก่อนเตรียมของ” ตำรวจหนุ่มเดินหาแผ่นฟิล์มใสกันน้ำมาทาบปิดทับผ้าพันแผล แล้วพยุงคนหนุ่มปัญญาเด็ก! (แรงนะเธอว์) ไปเปลี่ยนชุดเตรียมอาบน้ำ
          ณานเปลี่ยนชุดใส่เพียงเสื้อคลุมตัวเดียวผูกสายคาดเอวไว้หลวมๆ เดินเงียบ ๆ แล้วหยุดมองดูคนง่วนเตรียมสบู่แชมพูให้พร้อมสรรพ น่ามองจะตายเพราะคนน่ารักใส่กางเกงในเต็มตัวปกปิดการขาวผ่องแบบนี้ไม่มองก็เสียของตาย
          “เฮ้ย! เล่นอะไรบ้าๆ ตกใจหมด ลงอ่างไปเลยไป๊!” จังหวะหันกลับมาจะเรียกเพื่อนให้มาอาบน้ำได้ต้องตกใจที่พ่อตัวดีมายืมนิ่งยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวอยู่ข้างหลัง ดีนะไม่ฟาดแข้งเข้าให้คราวนี้ได้สลบคาห้องน้ำแน่

          ณานปลดปมแล้วปล่อยเสื้อคลุมให้พ้นตัว เดินตัวเปล่าเปลือยโทงเทงไปที่อ่างแล้วก้าวขาข้างหนึ่งลงไปนอนแช่น้ำอุ่นที่ไคจินเตรียมให้ส่วนอีกข้างพาดคาไว้ที่ขอบอ่าง
          “ปิดไว้!” เพื่อนรักนายตำรวจทนไม่ได้ที่เห็นของรักของเจ้าตัวแกว่งไกว! (หัวจะปวดคนแต่งเขียนซะเห็นภาพ มันคือชิงช้าใช่ไหม?) โยนผ้ามาวางโป๊ะปิดจุดสะดุดสายตา
          “มีเหมือนกันเขินทำไม เดี๋ยวที่รักก็ชินไปเอง” คนน่าไม่อายยิ้มร่าไม่เคอะเขินปกปิดของสงวนของตัวเองแต่ก็ยอม ๆ ให้คนตัวเล็กจัดการเรื่องต่างๆ ไป
          “ชินกับผีสิ อุจาดตา เฮ้าเลี่ยน!(อวดดี/อวดเก่ง)” ถึงจะมีเหมือนกันแต่ไม่เท่ากันหรอกนะ คนเรายังมีสูงต่ำดำขาวไอ่นั้นมันจะเหมือนกันหมดไม่ได้เขาไม่ได้โรคจิตชอบมอง .---.สักหน่อย
          “น่ารักจริงๆ แฟนผมเนี่ย หือ ๆ หึ ๆ” ณานอยากแกล้งแฟนหนุ่มป้ายแดงหยิบผ้าปิดของรักมาโปะบนหัวตัวเองให้เปียกไปนั่น
           "หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ป๋ายซือ!(ปัญญาอ่อน!)” ไคจินหยิบผ้าเจ้าปัญหาออกปิดไว้ที่เดิม
          จัดการปัญหาคนอยากโชว์ด้วยเม็ดสบู่โยนตุบลงไปให้เกิดฟอง จัดการภาพไม่น่ามองให้ฟองฟูฟองปิดปังแก้เกม แล้วจัดการสระผมเพื่อนตัวดีเขายืนเหนือหัวณานแล้วใช้ฝักบัวฉีดใส่ผมเทแชมพูให้มือเกายึกๆ ยักๆ ผมเผ้าพันมือไปมาเพราะเจ้าตัวปล่อยให้ยาวไม่ยอมตัดแต่ง คนนั่งกึงนอนหัวพาดขอบอ่างหลับตาพริ้ม

:mew3:ติดตามตอนต่อไปนะคะ :a5: ต่อสองเรื่องนะคะสัปดาห์นี้ฝากนิยายทุกเรื่องไว้ให้ชาวเล้าเป็ดเข้ามาสูบความหื่นและดึ่มด่ำความวายโดยถ้วนหน้าเทอญ สาธุ
หัวข้อ: Re: Waiting for,Loving around:หาจนเจอ,เธอที่รัก:ซี่รี่ย์ตอนBe Fan My Friend!
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 07-08-2024 20:50:54
Lover Fire 10 : Keep The Promise!

          มีคนมาสระผมให้มันสบายอย่างนี้สิท่า หลังจากวันนี้วันหน้าต้องให้ที่รักมาสระผมอาบน้ำและทดลองท่า...ท่วงท่าเพื่ออาบน้ำแบบคนขาเจ็บรูปแบบใหม่ๆ บ่อยๆ เสียแล้ว เก็บกดอารมณ์รักมาตั้งแต่คลิปลับของตัวเองแต่คราวก่อนแล้วได้เวลาระบายออกเสียที (ผู้อ่านมาใหม่หาย้อนไปอ่านนะคะตอนrec…)
          “อ่า!...(เกา)แรงอีกที่รัก โอ้!” ปากอยู่ไม่สุขร้องเสียงประหลาดออกมายั่วโมโหเพื่อนไค
          “หยุด! ทำเสียงประหลาดเดี๋ยวนี้ณาน” มืออูมปิดปาดเจื้อยแจ้วเสียให้สิ้นเสียง เดี๋ยวแม่บ้านได้ยินจะยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ไอ้เจ้าเพื่อนบ้านี่!
          จังหวะยักแย่ยักยันมือแข็งแรงของคนเจ็บนั้นใช้เทคนิคเล็กน้อยดึงร่างเล็กของเพื่อนรักลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ในอ่างร่วมกับเขาเรียบร้อยแล้ว
          “เฮ้!? ทำอะไรเนี่ย! เปียกหมดแล้ว” ไคจินไม่พอใจที่โดยทำให้เปียกโซกแบบนี้เขาไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยนแล้วจะกลับบ้านไปยังไง
          ถึงจะคิดว่าวันนี้อาจไม่รอดจากมือหนวดปลาหมึกของเพื่อนรักที่คอยกระทุ้งสัมพันธ์รักให้เดินหน้าเกินเพื่อนตลอดเวลา แต่กับหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักอยู่ตอนนี้ไคจินเองก็เริ่มกลัวว่าจะเป็นคนจับเพื่อนรักกดนอนจมเตียงเสียเอง ทำตัวเป็นคนรักษาท่าทีมานานจะมาเสียท่าเพราะความซ่านซ่าของตัวเองก็วันนี้
          “อาบคนเดียวเหงา ที่รักก็รู้เหงาใจแล้วขายังมาเจ็บมันยากจะทน เฮ้อ!” ณานพาดหัวบนบ่าเล็กทันที มือไม้อยู่ไม่สุขลูบไล้เนื้อตัวเพื่อนรักไปทั่วโดยเฉพาะช่วงอกแน่นปั๋งนั่น
          “อย่าลามปาม! อืม!” นิ้วเรียวสะกิดสะเกาส่วนอ่อนไหวบนอกและกลางลำตัวจนคนในอ้อมอกร้องห้ามปรามศอกน้อยๆ ประเคนให้คนด้านหลังหนึ่งกระบวนท่า
         “เป็นแฟนผมแล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะไคจินที่รัก ผมอยากรักแล้วนะครับ” ณานรุกหนักด้านล่างของคนที่เขารักไม่ห่างหายจากมือเรียวยาวของเขา
          “อ๊ะ! ณาน!” สิ่งเร้ากระตุ้นด้านบนและช่วงล่างมากเสียไคจินร้องครางแล้วต้องรีบขบริมฝีปากให้เงียบไว้ มือเล็กกว่าพยายยามดึงให้มือปลาหมึกหยุดลวนลามร่างกายท่อนล่างใต้น้ำ
          ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุณานคนขี้แกล้งอยากเอาชนะคนเก่งที่มักจะห้ามใจไม่อยากรุกรักกับคนมากเสน่ห์เล่ห์ลากดินอย่างเขาเสียที มัวแต่อดกลั้นไว้แบบนี้เมื่อไหร่จะได้ละลายร่างกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน
          “หะ...หายก่อน ฉันไม่หนีไปไหน อ่า!” มือเล็กกระชากหัวเพื่อนนักสืบลงมากระซิบข้างใบหนูหนาด้วยเสียงชวนสยิว หารู้ไม่การกระทำรักรุนแรงแบบนี้ชวนกระตุ้นต่อมร้ายร่านรักของณานอย่างจริงจัง
          “ขอมัดจำก่อน” คนไม่ยอมดึงดันไม่ลดละ เขาจับจองคนตรงหน้านานเกินพอแล้ว ซื้อของต้องทดลองสินค้ารับรองได้เลยณานคนหล่อไม่คิดส่งเคลมขอกรรมสิทธิ์ครอบครองอย่างเดียว
          “แผลนาย!” ขาทั้งสองของณานลงมาอยู่ในอ่างคร่อมร่างของเขาไว้ ด้วยความเป็นห่วงมือสั่นเทาพยายามดึงให้เขาที่ยังไม่หายดีขึ้นไปพาดขอบอ่างเช่นเดิม
          “ขาผมไม่เป็นไร ใจผมน่ะสิที่รักจะขาดแล้วคนดี” น้ำเสียงสุขุมส่งผ่านความเซ็กซี่บรรจงกรอกข้อความใส่หูไคจิน ทั้งเขินอายและจั๊กจี้ส่งผลให้คนหน้าตี๋แดงแป๊ดไล่ลามถึงใบหู เป็นภาพสุดน่ารักน่าฟัดของคนคลั่งอยากจะรักนักแล
          “หูโจว!(ตอ..แหล) เฮอะ! ซวี่สื่อปา(ไปตายเลย) ผูบ้อ!(เม่งเอ้ย) อะ!” สำเนียงบ้านเกิดกระหน่ำต่อว่าคนลามกและยังมาร้องขอให้เห็นใจ ให้อยากจนขาดใจตายไปเลย!
         มีหรือคนฟังไม่ออกจะสนใจ รุกเร้าล้วงคลึงร่างน่ารักน่าฟัดไม่หยุดหย่อนเมื่อไร้เสื้อผ้ามีแต่เนื้อตัวเสียดสีเคล้าคลึงเคลื่อนไปเคลื่อนมาคนที่ใจแข็งอย่างเหล็กกล้าเริ่มระทวยอ่อนลง เรียวปากเจ้าสำราญกดจูบดูดดึงเบาบ้างแรงบ้างกระตุ้นความสราญให้คนภายในอ้อมกอด ถึงใจจริงอยากจะรีบกระทำอนาจารร่างกายเพื่อนให้สมใจเสียให้ได้แต่กลัวกระต่ายน้อยขนสีขาวปกปุยจะกระโดดหนีมุดเข้ารูให้เขาต้องรอไปอีกนานแสนนาน
          “ฮวา ชรือ! อา...“(ไอ้บ้าผู้ชาย...เอ้าหนูเป็นชายนี่ไคจิน ณานต้องบ้าผู้ชายอยู่แล้วสิค้า)”
          “หื้อ? พูดภาษารักหน่อยที่รัก” ภารกิจปลดปล่อยพลังรักเริ่มทำงาน ชั้นในตัวเล็กกระเด็นหลุดจากกายขาวทันท่วงที ในเมื่อพูดกันไม่รู้ภาษาก็ใช้กายวัจนะพูดแทนเสียเลยรวดเร็วชัดเจน
          ร่างสูงดันคนอ่อนแรงลงท่าคลานเข่าคุดคู้อยู่ในอ่าง แรงกระเพื่อมขึ้นลงของน้ำไม่ได้ชะลอรักของณานที่มีต่อไคจินเลย มือยาวเก้งก้างกลับยึดแขนเรียวล่ำกระชับแน่นจนคนตัวเขาร่างเล็กกว่าดิ้นหนีไม่ได้ ของของคนด้านหลังสอดทะลุผ่านต้นขาแน่นกล้ามเนื้อพอดิบพอดี
          “บ้าเอ้ย! อย่าให้ฉันรอดไปได้นะ! นะ...นายตาย! อ้า!” ไคจินพยายามที่จะหนีออกจากท่าน่าอายนี้ แต่ติดที่สภาพพื้นที่สุดคับแคบและแรงต่อต้านหายไปเสียดื้อๆ แค่ไอ่เจ้าแท่งโทงเทงนี้มันพุ่งพรวดมาอยู่กลางหน้าขา
          “ใครจะสนกันเล่ามาขนาดนี้แล้วบอกว่าขอค่ามัดจำไว้ก่อนไงครับ ยอมเสียเถอะคนดี” นักสืบหนุ่มไม่รอช้าบัญชาการรักให้สะโพกสอบทำงานตอบรับ
          อารมณ์มา(เต็ม)ท่วงท่า(แปลกใหม่)เกิด! (คนแต่งว่ามันแปลกๆ) เมื่อสองเขือเครือรักสอดประสานจนแข็งขึง (จิ้นกันเองนะคะ) ณานประพรมจูบรอบต้นคอขาวซ้ำไปมาจนช้ำไปทั่ว มือเล็กรวบหัวขยุกขยิกเข้ามาจูบเสียเองท่าคลายกลายเป็นนั่งคู่คุกเข่าช้อนกันแต่กิจกรรมสอดประสานรักยังดำเนินตามแรงอารมณ์
          ไคจินโอนอ่อนแผ่นร่างกายและอารมณ์ยอมให้ณานประโคมประเคนรักมัดจำจนน้ำเหือดแห้ง! (คนแต่งมือทาบอกแล้วนะคะคำนี้)
          ((ปล.โปรดอย่าหาว่าคนแต่งกร้านรัก ทุกอย่างดูและอ่านมาจากแหล่งอ้างอิง คือมังงะวายทั้งหลายแหล่นะจ๊ะ คนแต่งแค่บรรยายให้เห็นภาพ กรี๊ดดด! คนแต่งจะมาช็อทฟีลตอนนี้ไม่ได้นะ))
         
          ผ่านท่วงท่ารักนานเสียพักใหญ่คนห้าวจัดสติหลุดจนหลับพับคาอกณาน คนต้นเหตุทำการชำละล้างสะอาดเอี่ยมทั่วร่างกายขัดถูดูสำรวจทุกซอกทุกมุม
          ร่างสูงนำผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มร่างแฟนหนุ่มแล้วอุ้มออกมาจากห้องน้ำอาบรัก หยุดสะดุดอากาศเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาของแม่บ้านมองพวกเขาสองคนตาโตสองมือปิดปากด้วยความตกใจ

          “ตายแล้ว! คุณเขาเป็นอะไรคะนั่น” แม่บ้านกุลีกุจอจะเดินเข้ามาช่วย
          “ไม่มีอะไรเหรอครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” คนคมเข้มไม่ปัดความรับผิดชอบคนรักที่สลบเพราะกระอักรัก! นี่แค่มัดจำถ้าเขาทบต้นเพิ่มดอกไคจินจะไหวหรือ เตือนแล้วนะว่าของเขาแรง!
          “ได้ค่ะ วันนี้ขอกลับเร็วหน่อยนะคะ อาหารที่คุณเขานำมาให้ป้าอุ่นร้อนเรียบร้อย อาหารเย็นเตรียมแล้วอุ่นเองนะคะ” คนดูแลมองเหตุการณ์แล้วก็รู้ใจเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
          เธอเป็นห่วงเจ้านายอยู่เหมือนกันตั้งแต่สายแล้วยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเอาแต่นอนปลุกมาแล้วก็ยังกลับไปหลับอีกเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว โชคดีที่เพื่อนคุณเขามาเยื่ยมวันนี้เธอจะได้หายห่วงมองเหตุการณ์แล้วว่าอาหารเที่ยงไม่น่าจะได้ท่านเตรียมอาหารหนักมื้อเย็นไว้คอยท่าน่าจะดีกว่า
          “ขอบคุณครับป้า ลำบากป้าแล้วครับวันหยุดต้องมาดูแลผมอีก” ณานยิ้มกว้างโชว์เรียวฟันขาว
          “ช่วยกันไปค่ะ คุณณานอย่าทำอะไรเกินกำลังนะคะ เดี๋ยวจะโดนเกลียดเอานา ป้าไปก่อนนะคะ” เธอฝากคำพูดเตือนใจเจ้านายบ้าพลังไว้ เสียงเล็ดลอดในห้องน้ำใช่ว่าเจ้านายจะรวบรักตัดตอนได้ง่ายๆ ทำอะไรรุนแรงไปเดี๋ยวจะชวดหลุดมือจากคนรักจะเสียดายร้องไห้โยเย เจ้านายเธออกหักทีไรเหมือนเด็กหนุ่มแรกรักที่โดนหญิงรอบจัดหักอกจนชีวิตตุปัดตุเป๋ทุกที
          “อะ...อ่า...ครับๆ” ณานรับคำอย่างนอบน้อม หัวเราะแห้งๆ เหมือนตัวเองทำผิดล่วงละเมิดผืนอธิปไตยทั้งที่ยังไม่ได้รุกเข้าไปแม้แต่เซนติเมตรเดียว
          เขาวางร่างไคจินบนเตียงนอนพร้อมสอดแทรกตัวเองเข้าโอบรัดรอบเอวคนผิวขาวผ่อง จูบแผ่วเบาบนหน้าผากฝากรักแก่ไคจิน ร่างในอ้อมอกก้มหน้าซุกอกหาไออุ่นแฟนตัวดีดึงผ้ามาคลุมกันความหนาวเย็น
          พักกันเสียครู่เดี๋ยวค่อยปลุกคนรักออกไปดินเนอร์เปลี่ยนบรรยากาศเขาหลับๆ ตื่นๆ ฝันบ้างความจริงบ้างตีกันมั่วไปหมด จนสมองสับสนอยู่หลายวัน แต่ที่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงคือทำมัดจำรักวันนี้กับไคจินนี่หล่ะจริงแท้แน่เหมือนแช่แป้ง! (เป็นสำนวนไทยที่หมายถึงแน่นอนแม่นยำอย่างมาก)
          เสียงประตูปิดพร้อมเสียงระบอบล็อกทำงาน คนนอนยิ้มอิ่มอกอิ่มใจที่เหลือเราเพียงสองคน อ้อมแขนกอดคนรักที่นอนนิ่งไร้การขัดขืนยากนักที่ไคจินจะยอมเขาได้ถึงขั้นนี้
          อยากให้คนปากหนักเรียวว่าที่รักซักที พ่นภาษาต่างถิ่มมากมายใครจะเข้าใจ หรืออาจมีภาษารักอยู่ในคำเหล่านั้นก็ได้ คิดแล้วอิ่มอกเอมใจ!...(ค่ะรักมากด่าหนักค่า)
          คนเราจะโชคดีทั้งเรื่องงานและเรื่องรักย่อมเป็นไปได้ยาก เสียงเรียกเข้าจากมือถือของณานดังขึ้นขัดจังหวะความสุขของคนบนเตียง เจ้าของแปลกใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าเพื่อนหมอที่เขาไหว้วานให้ทำเผือกจอมปลอมให้เขาสวมเท้าอยู่ตอนนี้จะติดต่อมา
          ณานรับและพูดสายด้วยเสียงกระซิบกระซาบซึ่งการกระทำนั้นไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาเพื่อนตัวเล็กไปได้ เจ้าเพื่อนตัวดีต้องแอบไปทำเรื่องไม่ดีลับหลังเขาไว้แน่นอน
          จะไม่ให้เพื่อนตัวดีพูดจากกระมิดกระเมี้ยนได้อย่างไรในเมื่อเฝือกที่สวมอยู่ไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บอะไรแค่ใส่ไว้เพื่อเรียกคะแนนน่าสงสารและเห็นใจกระตุ้นให้เพื่อนรักหันมาเอาอกเอาใจตนเอง ถ้าปล่อยให้เพื่อนไครู้ล่ะก็ มีหวังเขาไม่ได้ตายบนเตียงแน่ๆ อาจจะต้องตายคา...ตีนคนรัก
          ไคจินแกล้งนอนนิ่งได้สมบทบาทเรียวปากรูปกระจับเหยียดยิ้มเล็กน้อยมีเสียงคำรามเบาๆ รอดไรฟันออกมาพอให้เจ้าตัวได้ยินคนเดียว ไอ้เพื่อนเวร! เพื่อนใคร่กาม! มันน่าจับมัดและหักสมองที่หว่างขานั่นทิ้งสะ! อย่างนี้สิถึงเรียกว่าเสียวสะท้านร่างกายสั่นขารัวระริกของแท้
          สองกายกลับมานอนกอดก่ายกันกลมบนเตียงนอนเช่นเดิม ไคจินดันหัวเสยคางณานพร้อมตั้งคำถามด้วยเสียงยานคางฟังน่าเอ็นดู
         “นายคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรลับหลังฉันใช่ไหมณาน” คนถามหลับตาพริ้มไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแต่คนได้ฟังถึงกับใจเต้นตึกตัก
          “อาจจะมีบ้าง แต่ที่รักไม่ต้องห่วงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง” เจ้าตัวพยายามคุมความตื่นตระหนกที่กำลังระทึกอยู่กลางอก
เรื่องที่ทำลับหลังเพื่อนไคจินก็มีหลายเรื่องอยู่แต่ที่โด่ดเด่นและมีหลักฐานพร้อมก็มีเรื่องเดียว...คืนรักหลอกหลอนสนองนิดส์ของเขา ไคจินที่รักคงจะไม่โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟหรอกนะ
          “เอ่อ! แล้วที่รักมีเรื่องอะไรกวนใจล่ะครับ” ทำใจดีสู้เสือถามกลับไปแต่เพื่อนรักที่ได้เลื่อนมาเป็นแฟนมีคำตอบรอทดแล้วอยู่ในใจ ต้องรีบหาทางซ่อนไฟร์ลับของสองเราให้ได้ก่อนจะโดนจับได้คาหนังคาเขา!
          “ไม่นิ...นายพักเถอะ ไม่บอกก็อย่าให้รู้แล้วกัน” สิ้นเสียขู่สีหน้าณานไม่ได้ระรื่นเหมือนยามปกติเสียเท่าไหร่
          เพื่อนรักนักสืบดึงไคจินกระชับเข้าแนบชิดแทบสิงร่าง บรรเลงลีลาหวานหวามให้เจ้าตัวลืมความคิดเรื่อยเปื่อยไร้สาระใช้ทักษะทางเรียวลิ้น ผิวสัมผัสและร่างกายให้สอดประสานอารมณ์ที่ทะยานขึ้นรอรับขอบฟ้ายามรุ่งอรุณ ค่ำคืนดื่มด่ำที่อาจจะยังไม่ใช่คืนมอบใจถวายกายแต่หากผ่านคืนนี้ไปไคจินที่แข็งแกร่งจะกลายเป็นชายผู้อ่อนไหวในอ้อมกอดณานคนรัก
          ข้าวสาร...ก็ยังไม่เป็นข้าวสุก ไม่รู้คนหุ้งอย่างณานจะรอให้ข้าวใหม่เป็นข้าวเก่า รอมอดขึ้นข้าวค่อยจุดเตาหุ้งกินหรือเปล่าหนอ?


มาต่อให้แล้วนะคะ :-[ ค้างนานข้าวไม่สุกเสียที :mew2:
หัวข้อ: Re: Waiting for,รอจนเจอ(เธอ)ที่รัก ซีซั่นแรกจบ : เริ่ม Love Lesson ซีซั่น2
เริ่มหัวข้อโดย: keisarinna ที่ 21-09-2024 21:22:09
ก่อนเข้าสู่ดราม่าขอประกาศข่าว e-book เรื่องนี้นะคะท่านผู้อ่านชาวเล้าเป็ด
ใครสนใจอยากอุดหนุนและสนับสนุนนิยายของผู้เขียนไปจิ้มกับเลยนะคะที่ Mebmaket.com จ้า
https://pic.in.th/image/cover.001.19bbNy  (https://pic.in.th/image/cover.001.19bbNy)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNjg3MDQwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMyMTQwNCI7fQ  (https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNjg3MDQwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMyMTQwNCI7fQ)
ฉบับลงอีบุ๊คเป็น uncut นะคะ ปรับปรุงและแก้ไขเนื้อหาบางตอนแล้วจ้า

SEASON 3 : Worn your Heart, To Touch your Soul

Love Solution1 : Drama King VS Drama Queen

         คำกล่าวที่ว่าหลังฝนกระหน่ำเบิกม่านฟ้าหลังห่าฝนนั้นย่อมสดใสเสมอ ทุกสรรพสิ่งล้วนดำเนินไปตามวิถีของตัวตนแต่สำหรับบางคนหลังพายุฝนไม่ได้สดชื่นแจ่มใสเหมือนคนอื่น
          เมื่อกลับมาทำงานตามอาชีพเดิมอัยการหนุ่มสวมบทบาทได้ดีไม่ประสบปัญหาใดด้านหน้าที่การงาน เขาพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนระยะประชิดตัวรู้สึกอึดอัดใจและปวดศีรษะรุนแรง เมื่อพยายามฟื้นความจำว่าคนที่บอกเขาย้ำๆ ว่าเป็นคนรัก แท้จริงนั้นเป็นใคร
          หลังจากลงมาจากภูเขาหน้าที่การงานถูกโอนมาที่สำนักงานใหญ่ รอให้เจ้าตัวรักษาอาการเจ็บป่วยส่วนตัวให้ดีขึ้น หรือหายเป็นปกติ
          งานราชการทำงานเพื่อบ้านเมืองจะให้นั่งนอนอยู่บ้านรอให้ความทรงจำกลับมา เคลาส์สมัครใจทำไม่ได้ จึงผันมาทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามผู้บังคับบัญชาที่รู้เรื่องราวและโรคที่เจ้าตัวกำลังทำการรักษาอยู่ ช่วยงานจิปาถะของท่านไปก่อน
          กินเงินรัฐแต่ไม่ลงแรงทำงาน เหมือนโดนประชาชนสาปแช่งส่งคำด่าเพราะเงินเดือนราชการมาจากภาษีของพวกเขา เงินทุกหน่วยมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเขาเหล่านั้น
          “ว่าไงอัยการสมองเสื่อม งานสบายไหมไม่ติดต่อเพื่อนฝูงมั่งเลย” ณานโผล่หน้ามาเยี่ยมเพื่อนรัก ตั้งแต่เจอกันที่โรงพยาบาลและรู้ความผิดปกติทางความทรงจำพวกเขายังไม่ได้เจอกันอีกเลย
          “สบายดีครับ ผมเกรงใจไม่อยากไปรบกวน” เคลาส์พูดจาสุภาพผิดการความสนิทชิดเชื้อจนแทบจะตบหัวกันเล่น
ณานตบหน้าผากเถิกของตัวเองดัง เปรี๊ยะ! เสียงดังจนเพื่อนต้องสะดุ้ง ไคจินที่เดินตามเข้ามาสมทบชะโชกหน้าเข้ามาดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
          ต่างคนต่างไม่คุ้นชินที่เพื่อนเปลี่ยนไป แต่ให้ห่างหายไปไม่เข้าช่วยเหลือมันไม่ใช่หน้าที่ของเพื่อนแท้อย่างพวกเขา ทั้งสามคนดูยักแย่ยักยันพูดคุยทักทายกันดูเคอะเขินไม่เป็นธรรมชาติ ท้ายสุดไคจินคือคนแรกที่หมดความอดทน!
          “หยุด! นายอยากพูดอะไรก็พูดถึงถ้าจำไม่ได้ ก็ไม่ต้องจำมัน ฉันกับไอ้โย่งนี้คือเพื่อนรักของนาย ทำตัวตามสบายจำไม่ได้ชั่งหัวแม่งมัน โอเค!” มือเล็กๆ จิ้มถี่ๆ บนอกของเพื่อนอัยการ
         “ฉันว่านะ นายไปยิมกับฉันก่อน หุ่นนายแม่งเหมือนแป้งเปียกเลยว่ะครับ ไป! เลิกงานแล้วด้วยตามมาเลย” เพื่อนชายก๋ากั่นดึงเนคไทเพื่อนสติเลือนลากจูงเหมือนเพื่อนเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ดึงหัวเข็มขัดเพื่อนณานออกแรงลากให้เดินตามมา
          ณานตาโตไม่คิดว่าไคจินจะรุกเขาหนักขนาดเดินลากจุดใกล้ยุทธศาสตร์ของร่างกายเพศชาย ประเดี๋ยวดึดผึงเข้าให้คงได้ลากจูงผิดๆ ถูกๆ แน่นอน
          เสียเหงื่อออกกำลังกายเหมือนร่างกายได้ปลดปล่อยความเครียดละทิ้งเรื่องทุกอย่างในชีวิตที่เกิดขึ้นเล็งแค่พละกำลังที่ต้องทุ่มเทออกไปให้สุดแรงทุกสัดส่วนของร่างกาย
          ทั้งสองคนเริ่มเข้าใจว่าเหตุใดไคจินถึงคลั่งการเข้ายิมและการออกกำลังกายรวมทั้งศิลปะการต่อสู้ประชิดตัว ช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากนอกจากออกแรงมันคือการคลายความเครียดและการระบายอารมณ์
          แต่ณานอยากเล่นแค่โยคะ ผ่อนคลาย ยืดเส้นยืดสาย ออกแรงสบายๆ ไม่เดินก็วิ่งทั้งบนลู่วิ่งและสวนสาธารณะ...เกินจะพอ เขาไม่เครียดไม่ต้องเสียเหงื่อเล่นศิลปะต่อสู้เพื่อหลั่งอะดรีนาลีน ที่รักไคจินคงไม่มีวันเข้าใจ
          หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายสามหนุ่มสามสไตล์เดินเรียงหน้าโชว์ความหล่อ ความเท่ห์ และสู้ชีวิต? ไปยังร้านโปรดประจำแก๊ง(สเตอร์) นั่งดื่มพูดคุยกินกับแกล้มรองท้องนิดหน่อย คนในวงเหล้าคือการปล่อยวางตัวตน...ความคิดใคร! คงไม่ใช่มาจากคนที่ดื่มแต่น้ำผลไม้กระป๋องแน่นอน
          บาร์เทนเดอร์เห็นสามหนุ่มเดินเข้าร้านมาพร้อมเพรียงส่งเสียงทักทายทันที สองหนุ่มทักทายด้วยความสนิทสนมโดยมีอีกหนึ่งคนตามน้ำไปอย่างเนียนๆ แสดงเก่งสมบทบาทเหมาะแก่การมีแฟนเป็นดารา!
          เคลาส์ทำตัวสบายขึ้นพูดคุยอย่างเป็นกันเองเพราะเพื่อนทั้งสองคนกรุยทางเสนอความสนิทสนมที่มาจากใจจริง เรื่องอะไรที่หายไปจากความทรงจำมีเสียงแหบแหลมคอยพูดคุยเล่าเรื่องราวที่เคยผ่านไปให้ฟังและคิดตาม เขาอาจจะไปสะดุดเจอความทรงจำนั้นในสมองเขาสักเรื่องหนึ่งก็ได้จึงตั้งใจฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
          “นายโทรหาดาราสุดฮ็อตจุดไฟลุกบ้างหรือเปล่า”  ไคจินถามถึงคนรักของเจ้าตัว โอยมีข้อศอกแหลมๆ ของณานกระทุ้งเบาๆ เหมือนไม่ให้ถามเรื่องที่อาจทำให้เสียบรรยากาศ
          “เขาส่งข้อความหาตลอด ผมก็อ่านทุกวันมีตอบกลับไปบ้าง” เคลาส์ตอบพร้อมกับเสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือแจ้งเตือนมาสนับสนุนคำพูดของเจ้าตัว
          อัยการหนุ่มล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือเปิดข้อความนั่งอ่านทันทีคาตาเพื่อนทั้งสอง เรียวปากหยักยกยิ้มน้อยๆ ดวงตามีชีวิตชีวา แค่มองก็รู้ว่าเอซิซเป็นคนสำคัญแม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวแต่คงไม่มีอะไรต้องห่วงถ้าทั้งสองคนหาเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ
          สิ่งที่น่ากลัวเรื่องหนึ่งของเรื่องความรัก คือการเริ่มต้นใหม่และการเลิกลาทั้งที่ยังรัก
          ไคจินยกดราฟต์เบียร์ขึ้นดื่ม วันนี้ปล่อยให้ร่างกายได้รับรสเครื่องดื่มมีดีกรีสักหนึ่งวัน ถึงเป็นเบียร์สดแต่ทำให้เพื่อนรักณานแปลกใจ ถึงเพื่อนนายตำรวจจะดูไม่เครียดชอบส่งพลังบวกให้เพื่อนบ่อยๆ แต่ครั้งนี้เจ้าตัวคงจะเครียดเรื่องอาการป่วยของเคลาส์จริงๆ
          “นายดูดีนะ เวลาอ่านข้อความของแฟนนายน่ะ” ณานพูดคุยกับเพื่อนอัยการอย่างเป็นกันเอง พยายามย้ำคำว่าคนรักกันให้เจ้าตัวได้รู้ถึงความสัมพันของคนทั้งคู่
          “อืม...มีความสุขแปลกๆ ที่ได้อ่านข้อความของเขา” คนถูกถามตอบตรงๆ แบบจริงใจ ปรกติเขาเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้ว
          ณานรู้สึกดีใจขึ้นมาหลายเปอร์เซ็นที่เพื่อนรักยังมีตัวตนเดิมเหลืออยู่มากพอสมควร เขาเคยรู้มาว่าคนความจำขาดหายมักลืมตัวตนของตัวเองจนกลายเป็นคนใหม่ไปเลยก็มี
          “ทำไมไม่นัดเจอกันล่ะ เหมือนที่นายและพวกฉันทำอยู่นี่ไง” เพื่อนร่างเล็กเสนอความคิดที่น่าสนใจ ในเมื่อรู้ตัวว่ามีใจก็ลุยเข้าไปเลยเป็นผู้ชายจะมารักษาภาพกลัวหน้าด้านไปทำไม ณานยังไม่เห็นสนใจเลย (อ้าวหนู...ว่าพี่เขาทำไมคะ ควรดีใจนะที่หนูยังบริสุทธิ์อยู่น่ะค่ะ)
          “เขาไม่ว่างกำลังเริ่มงานละครเวที” เคลาส์ตอบเสียงอ่อย หากไปรบกวนมากดาราหนุ่มจะเสียงานเสียการเพราะเขาก็อาจเป็นได้
          “โอ้ย! เจินเต่าเหมย! ซวยแท้จังหวะไม่คลิ๊กกัน ” ภาษาถิ่นเริ่มพ่นออกมาจากปากรูปกระจับอีกครั้ง คนฟังจะได้คุ้นเคยอาจจำอะไรได้บ้าง
          “นายทำไมไม่รุกเองเลยล่ะ ” ไคจินแนะนำให้สิ่งที่เพื่อนทั้งสองคนตกใจ
          ที่ตกใจไม่ใช่เรื่องเดียวกันของเพื่อนทั้งสอง ณานตกใจที่คนไม่ยอมให้เขารุกจะกล้าบอกให้คนอื่นไปรุกให้คนอื่นรัก ส่วนเคลาส์ตกใจเพราะทำไมเขาคิดไม่ได้ไปหาเอซิซบ้างก็ได้คนเป็นดาราไม่ได้แสดงละครทั้งวันนี่นาอย่างน้อยก็ต้องนอนเหมือนคนปกติล่ะนะ (จะไปนอนกับเอซิซหรือคะคุณอัยการ ว้ายยจัดไปค่า)
          กลุ่มแก๊งเพื่อนชายพูดกันสารพัดเรื่อง ณานและไคจินช่วยกระตุ้นความคิดต่างๆ ให้แก่เคลาส์ได้ในบางเรื่องโดยไม่ต้องเครียดหรือปวดหัว เรื่องไหนจำไม่ได้เพื่อนทั้งสองก็ช่วยเล่ารายละเอียดไม่มีอิดออด
          เพื่อนกันจะเพื่อนแท้หรือเพื่อนหลอกก็ต้องดูกันตอนที่ตกระกำลำบากนี่แหล่ะถึงจะรู้นิสัยคนโดยสันดาน
          อัยการหนุ่มมีความคิดดีๆ หลายอย่างผุดขึ้นมาในความคิด คืนนี้เขาจะกลับไปดูมือถือเครื่องเก่าที่เก็บได้จากสัมภาระที่นำกลับมาจากบ้านภูเขา ต้องมีรูปภาพบอกเรื่องราวดีๆ ระหว่างเขาและดาราหนุ่มแน่นอน อยากจะตบหัวให้ความจำย้อนคืนเรื่องใกล้ตัวง่ายๆ ยังคิดไม่ออกต้องรอให้ผ่านมาเนิ่นนานปล่อยให้เอซิซติดต่อมาอยู่ฝ่ายเดียว
          เขาไม่อยากหลอกตัวเองว่าไม่รู้สึกดีใจที่ได้อ่านข้อความของคนที่อ้างว่าเป็นคนรัก ความรู้สึกสุขใจตื่นเต้นทุกครั้งที่เสียงข้อความเด้งเข้ามาสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันหลอกตัวเองไม่ได้เลยว่าไม่รู้สึกอะไรกับดาราคนดัง ในเมื่อยอมรับแล้วก็ต้องรุยทำตามความรู้สึกไปตรงๆ จะเคลาส์คนนี้หรือเคลาส์คนเก่าเขาก็คือคนรักของเอซิซไม่มีวันเปลี่ยน...TBC

          ดราม่ามาให้ชื่นหัวใจแล้วค่ะ :heaven อีกคู่ก็ยังไม่เจาะไข่แดง คู่นี้ก็ดันความจำหาย ลุ้นไปอ่านไปค่ะคนแต่งเองก็ลุ้นไปพิมไปแต่งไปค่า :katai4:
         ฝากผลงานรวมเล่ม Waiting for, Loving around แบบ e-book ด้วยนะคะ