พิมพ์หน้านี้ - จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Ramkadee ที่ 21-08-2022 17:29:33

หัวข้อ: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 21-08-2022 17:29:33
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

____________________________________________________________________________________________

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(รัชกาลที่1) แต่ไม่ได้ดำเนินการตามเนื้อเรื่องทั้งหมด


เนื้อเรื่องเกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเอง...นิยายเรื่องนี้ภาษาไม่ยากเกินความเข้าใจ


"ท่านมาลีวราชข้าเฝ้าขอพรท่านมานับปีเหตุใดข้าจึงไม่พบเจอรักแท้เหมือนอย่างคนอื่นเขา"



"....."

"เห้อ...คุยกับรูปปั้นก็เป็นนะเราเนี่ย"

"เจ้าต้องการรักแท้ใช่ไหม"

"เห้ย!!!!"

"ไม่ต้องตกใจข้ามาดี...ในเมื่อเจ้าเฝ้าบูชาข้ามาเนิ่นนานข้าก็จะให้พรเจ้า"

"ขอบพระคุณครับท่าน"

"ด้วยฤทธิ์เดชแห่งวาจาสิทธิ์ข้าขอให้เจ้าจงไปเกิดเป็นทศกัณฐ์เจ้าแห่งกรุงลงกาแล้วเจ้าจะเจอรักแท้เอง"

"เห้ย...ไม่ใช่อย่างงั้นท่านข้าขอแค่โลกมนุษย์ก็พอแล้ว"

"มาลีวราชตรัสแล้วไม่คืนคำ"

"ม่ายยยยยย"



และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 21-08-2022 21:12:34
0 เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นขอพร

อันจะกล่าวเล่าถึงซึ่งตำนาน

ที่ขับขานลือลั่นทุกสมัย

เป็นหนึ่งปางวิษณุท่านลงไป

เพื่อคงไว้ถ้อยคำที่สัจจา

ณ บันไดขึ้นเขาเข้าไกรลาศ

น่าประหลาดใจนักเป็นหนักหนา

มีเจ้ายักษ์ล้างเท้าเทวดา

โดนก่นด่าต่อว่าแกล้งทุกวัน

อันเจ้ายักษ์ตนนี้มีพงศา

เป็นพรหมา¹อยู่ชั้นฟ้าเมืองสวรรค์

เหตุเกิดจากริษยาอิจฉากัน

จึงถูกท่านเทพอิศวรสาปลงมา

จึงต้องทำหน้าที่ให้ครบโกฎิ²

สำเร็จโทษของตนอันหนักหนา

แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งโดยเทวดา

เจ็บอุราตัวข้าชอกช้ำใจ

อ้าวไอ้ยักษ์ล้างเท้าที่ต่ำต้อย

ยศก็น้อยจะทำตัวช้าไปไหน

รีบล้างเท้าตัวข้าให้เร็วไว

จะรีบไปพานพบประสบองค์

นนทกได้แต่คิดแค้นในทรวง

พวกมันล่วงเล่นหัวตามประสงค์

ผมก็ร่วงโรยราเริ่มน้อยลง

ไม่อาจคงความงามได้ทั้งมวล

เลยรีบวิ่งขึ้นเขาเข้าไกรลาศ

ด้วยใจคาดหวังพบองค์อิศวร

พอไปถึงร้องร่ำทำคร่ำครวญ

โศกกำสรวลครวญไห้ใจระทม

อ้าวไอ้นี่เป็นไรมาร้องร่ำ

หรือใครทำให้เอ็งใจขื่นขม

มาร้องไห้ดั่งใจเจ้าตรอมตรม

ทำเป็นซมซึมเศร้าโศกทรวงใน

ข้าแต่องค์อิศวรผู้ใหญ่ยิ่ง

ข้ารีบวิ่งมาขอพรท่านโปรดให้

ข้าทำงานรับใช้ทุกวันไป

ขอท่านใช้ความคิดพิจารณา

ครั้นสดับรับฟังท่านก็คิด

ต้องใช้จิตไร้คนให้ปรึกษา

จึงตัดสินถวิลไต่ถามมา

เอ็งนั้นหนาต้องการซึ่งสิ่งใด

อันพระองค์ตัวข้านั้นถูกรังแก

ขอเพียงแค่นิ้วเพชรใช้ได้ไหม

ให้ชี้ที่ผู้อื่นแล้วตายไป

แค่เอาไว้ป้องกันกายข้านี้เอง

เมื่อองค์เทพได้ยินก็ครุ่นคิด

ใช้ดวงจิตพินิจว่าเหมาะเหมง

มันเอาไปใช้ให้คนอื่นเกรง

ถ้าละเลงไปใช้ไม่เป็นไร

ว่าแล้วก็รีบรี่ไม่รอช้า

ให้พรมาเกิดแสงสว่างไสว

นิ้วมือก็เปลี่ยนเป็นนิ้วเพชรไป

จากร้องไห้กลับกลายเป็นยิ้มแทน

อันนิ้วเพชรที่กูให้มึงนี้

ทำแต่ดีอย่าชี้ให้ใครเจ็บแสน

ใช้ให้ดีอย่าให้มีใครดูแคลน

เก็บความแค้นในใจไว้ให้ดี

นนทกได้สดับรับคำกล่าว

มือเหนือเกล้าบังคมกราบพระทรงศรี

ตัวข้านั้นจะใช้ทำแต่ความดี

ไม่ให้มีราคีมาครอบงำ

และแล้วก็มาถึงซึ่งวันใหม่

นั่งรับใช้ล้างเท้าพร้อมกับขำ

โถ่ไอ้พวกเทวดาหน้าระยำ

จะกระหน่ำนิ้วชี้ให้วอดวาย

ครั้นเหล่าเทพเทวดามาถึงเสร็จ

ชี้นิ้วเพชรหมายเด็ดชีวาหาย

เหล่าเทวาผวาหนีกระจาย

ไม่ทันไซร้ล้มตายมากมายตน

เรื่องราวทราบถึงซึ่งหัสนัยต์³

ความบรรลัยมอดไหม้ทุกขุมขน

ไอ้ยักษ์เลวระเริงหลงลืมตน

เทวดาหลายตนต้องตายไป

ต้องรายงานกล่าวขานแก่จอมเทพ

ด้วยสังเขปทำเวลาอย่าสงสัย

แล้วบอกกล่าวองค์อิศวรในทันใด

ให้รู้ไว้ว่าใครมันก่อการ

ครั้นองค์เทพทราบเรื่องก็พิโรธ

ต้องให้โทษมันถึงขั้นประหาร

ไอ้ยักษ์เลวระยำช่างสามานย์

ต้องประหารร้าวรานซึ่งชีวา

จงไปตามนารายณ์ที่ทรงฤทธิ์

ที่สถิตชั้นไวกูณฐ์มาเถิดหนา

เพื่อมาปราบยักษ์ชั่วตัวต่ำช้า

สิ้นชีวาหากช้าไม่ได้การ

ครั้นนารายณ์ทราบเรื่องก็เข้าเฝ้า

ฟังเรื่องราวที่เล่าคำกล่าวขาน

ชีวายักษ์ตนนี้ต้องแหลกลาญ

จะจัดการประหารให้มันตาย

ว่าแล้วก็รีบเหาะไปดักหน้า

เปลี่ยนกายาเป็นนางฟ้างามเฉิดฉาย

เดินผ่านหน้าร่ายรำงามไม่คลาย

นนทกชายเหลือบเห็นใจเต้นรัว

โอ้น้องนางเจ้าช่างสวยจริงแท้

งามจริงแม่โสภาไม่สลัว

พี่มาสร้างสัมพันธ์น้องอย่ากลัว

พี่มิชั่วหรอกหนาน้องคนดี

อันชายชาญวาจาเป็นร้อยลิ้น

คงไม่สิ้นคารมหลอกโฉมศรี

หากอยากได้น้องเป็นคู่ชีวี

รำตามซีน้องจึงจะมีใจ

รำท่าไหนขอให้เจ้าบอกมา

พี่นั้นหนาจะรำตามไม่ห่างหาย

ได้ทุกท่าทุกทางไม่เสื่อมคลาย

ขอดวงใจนั้นไซร้โปรดรำนำ

ครั้นได้ยินนนทกพูดขึ้นแล้ว

ตัวนางแก้วเพริศแพร้วหน้างามขำ

เทพพนมปฐมใส่ท่ารำ

พรหมสี่หน้าน้อมนำรำเชื้อเชิญ

สอดสร้อยมาลาร่ายรำตรง

กวางเดินดงเดินรำไม่เคอะเขิน

ท่าหงษ์บินไม่สิ้นงามเหลือเกิน

อีกท่าเพลินกินรินเลียบถ้ำไง

ช้านางนอนงามงอนภมรเคล้า

อีกแขกเต้าเข้ารังดูสดใส

อีกหนึ่งท่าคือผาลาเพียงไหล่

เมขลาล่อแก้วไงจำได้ดี

มยุเรศฟ้อนบังอรงามจับจ้อง

ลมพัดยอดตองดังน้องสง่าศรี

พรหมนิมิตลิขิตเจอนารี

ตัวพี่นี้สุขใจจริงงามงอน

ร่ายรำกลางนภางค์กับดวงใจ

อีกท่าไงพิศมัยเรียงหมอน

อีกหนึ่งท่ามัจฉาชมสาคร

พระสี่กรขว้างจักรหักใจปอง

มาถึงท่านาคาม้วนหางนี้

ตัวของพี่ชี้นิ้วลงไม่หม่นหมอง

ถูกที่ขาเจ็บแสบน้ำตานอง

ครั้นเมื่อมองร่างน้องก็เปลี่ยนไป

กลายเป็นองค์นารายณ์ผู้เรืองฤทธิ์

ทำไมคิดแปลงกายหลอกน่าสงสัย

ด้วยความโกรธพิโรธจึงกล่าวไป

ว่าไม่อายหรือไรเทพเทวา

อันตัวท่านมีสี่กรพร้อมอาวุธ

ตัวข้าสุดแค่สองมือน่าอิจฉา

หรือเกรงกลัวนิ้วเพชรจงบอกมา

จึงทำเป็นนางฟ้าใช้อุบาย

เดี๋ยวเถอะไอ้นนทกยักษ์โอหัง

เอ็งจงฟังก่อนที่ชีพจะสลาย

ที่เอ็งแพ้เพราะเจ้าชู้ของใจกาย

จึงมลายหายสูญความจำตน

ถ้าชาตินี้เอ็งบอกว่าสู้ไม่ได้

เพราะข้าใช้สี่กรไม่ขัดสน

เอ็งจงเกิดเป็นยักษ์ไม่อับจน

แล้วตั้งตนแข็งแกร่งเหนือโลกา

จงให้มีสิบหน้ายี่สิบมือ

ให้ร่ำลือเรื่ยงราวไปเถิดหนา

ข้าจะเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา

และจะฆ่าชีวาพาแหลกลาญ

เมื่อสิ้นคำจำนรรจ์ที่บอกกล่าว

ชีพยักษ์เล่าก็หายอวสาน

ใช้ตรีเพชรจัดการไม่ช้านาน

ก็กลับคืนวิมานสวรรค์เอย


"เห้อ...."  ชลธีถอนหายใจเฮือก..ใหญ่หลังอ่านบทประพันธ์ที่ตนพึ่งเขียนเสร็จเมื่อสักครูในชีวิตของเขาคือนักศึกษาชั้นปีที่2ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทยยังไงล่ะแถมเขายังเรียนครุศาสตร์บัณฑิตสาขาภาษาไทยด้วยนะ

ไอ้ตอนแรกก็คิดว่าจะไปยากตอนปี3 ปี4 แต่ไหงกลับกลายต้องมาแต่งกลอนตั้งแต่ปีสองด้วย...รามเกียรติ์ก็เป็นตำนานวรรณคดีที่สนุกเรื่องหนึ่งของไทยแต่มันแฝงไปด้วยความเศร้า...เหตุใดเล่ายักษานามว่านนทกถึงต้องถูกกลั่นแกล้งจากเหล่าเทวาทั้งหลายพอได้นิ้วเพชรมาด้วยความแค้นก็ฆ่าเทวดาทั้งหมด

เป็นอันต้องถูกองค์นารายณ์มาสั่งหาร...แล้วก็ไปเกิดเป็นพญายักษ์ทศกัณฐ์ที่ท้ายที่สุดก็จบชีวิตลงอยู่ดี...แต่ว่านอกเหนือจากความเศร้าก็มีสิ่งที่ชลธีชื่นชอบและใฝ่หามาตลอด..นั่นคือความรักแท้ของนางสีดาที่มีต่อพระรามเป็นความใฝ่ฝันที่ชลธีอยากให้เกิดขึ้นกับตนเองจริงๆ

นึกดูสิหากเขาได้มีคนรักที่เพียบพร้อมด้วยความงามทั้งกริยา วาจา ใจ เหมือนดั่งนางสีดาคงจะเป็นความสุขที่ประเมินค่ามิได้เป็นแน่

ด้วยความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของชลธีนี้เองเขาจึงเฝ้าขอพรจากรูปภาพของท้าวมาลีวราช⁴ที่เขาซื้อมาจากห้างชั้นนำราคาก็แพงพอสมควร...แต่นี่ก็ผ่านพ้นมาเนิ่นนานนับปีแล้วเหตุใดเขาถึงไม่สมหวังในสิ่งที่ขอสักที

ชลธีเดินเข้ามาในห้องที่เก็บรูปท้าวมาลีวราชไว้เพื่อจะขอพรเหมือนดังเช่นเคยที่ทำทุกวันเขามองดูรูปภาพด้วยความท้อแท้...นี่ก็หนึ่งปีเต็มแล้วที่ผมเฝ้าขอพรจากท่านทำไมถึงไม่สมหวังสักทีกันนะ

เหมือนกับว่ารูปภาพได้ยินสิ่งที่เขาอธิษฐานจู่ๆพายุลมก็โหมกระหน่ำเล่นเอาชลธีวิ่งไปปิดหน้าต่างเกือบไม่ทัน...แต่สิ่งที่หน้ากลัวกว่านั้นพอชลธีหันหน้าไปก็ตกใจสุดขีดกับภาพที่เห็น...

บุคคลที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมกับเหล่าคนธรรพ์⁵ทั้งหลายซึ่งเหมือนกับในรูปที่เขาเฝ้าขอพรจนหาจุดต่างมิได้กำลังนั่งปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขา...ชลธีแทบหัวใจวายตายเขาไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นท้าวมาลีวราชตัวเป็นๆ

"อ้าวๆ...มัวแต่ร่ำไห้จาบัลย์⁶อยู่ทำไมเจ้าอยากได้พรไม่ใช่หรือ"

"ชะ...ชะ...ใช่ครับ" เขาเอ่ยตอบไปด้วยเสียงสั่นๆอย่าว่าแต่เสียงเลยแค่ประคองร่างกายไม่ให้สั่นก็ยากแล้ว

"หากเจ้าอยากได้พรนักล่ะก็เราจะให้เจ้าเลือกสิ่งต่อไปนี้"

"เอ๋...เลือกอะไรหรอครับ"

"อันความรักของเจ้านั้นหากจะหาบุคคลที่มีความเพียบพร้อมทั้งด้านกริยา วาจา และใจย่อมหาได้ยากจะมีก็ได้ในวรรณคดีเท่านั้นแหละข้าจึงจะให้เจ้าเลือกเรื่องที่เจ้าต้องการ"

ชลธียิ่งงงเข้าไปใหญ่...เขาแค่ต้องการมนุษย์ในโลกความจริงทำไมท่านมาลีวราชถึงเอ่ยถึงนางในวรรณคดีซะได้

"เจ้าจงเลือกเถิด"

1.พระอภัยมณี

2.อิเหนา

3.รามเกียรติ์



เมื่อชลธีทราบเรื่องที่เขาต้องเลือก...เขาก็ช่างใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง...พระอภัยมณีมีนางเงือกก็ไม่เลวแต่ต้องไปอยู่กับนางยักษ์อีกช่างน่าเศร้าใจอย่างยิ่ง อิเหนาก็สตรีมากมายเหลือเกินแถมยังต้องง้องอนบุษบาอีกส่วนรามเกียรติ์แม้นจะได้สีดาแต่ก็ต้องทำสงครามกับยักษ์คงจะเป็นเรื่องยาก

"เลือกอิเหนาครับ"

"อืมเลือกได้ดีงั้นเจ้าไปในรามเกียรติ์แล้วกัน" What...ผมบอกอิเหนาเหตุใดท่านเอารามเกียรติ์มาให้ผมเล่า...ชลธีอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

"แต่ว่า"

"ไม่มีแต่...เอ้าเจ้าจงเลือกตัวละคร"

1.พระราม

2.ทศกัณฐ์

3.พิเภก

ตัวเลือกนี้ชลธีแทบไม่ได้คิดจึงตอบไปในทันทีว่า

"พระรามครับ"

"ช่างน่าเสียดายแต่รามเกียรติ์ขาดเพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือทศกัณฐ์" เเล้วจะให้ผมเลือกทำสากกระเบือมะเขือเผาทำไม...ฮือๆๆๆต่อยเทพจะผิดไหมกู

"ด้วยฤทธิ์เดชแห่งวาจาสิทธิ์ของข้าเจ้าจงเข้าไปในโลกรามเกียรติ์ไปเป็นทศกัณฐ์เมื่อใดที่ถึงเวลาความรักของเจ้าก็จะปรากฏ"

"แต่ท่านผมไม่ขอพรแล้วได้ไหมผมขอยกเลิก"

"เห็นทีจะไม่ได้มาลีวราชตรัสแล้วไม่คืนคำ"

"ม่ายยยยยย"



___________________________________



โอย...ปวดเอวสุดๆ...ชลธีลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่พบอะไรเห็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น...นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่หรือว่าเราจะฝันไปช่วงนี้ทำงานหนักสมองคงจะเบลอๆเป็นแน่

แต่ที่นี่ก็มิใช่ห้องของเขานี่นาหรือว่าเขาจะเข้ามาในรามเกียรติ์แล้วจริงๆ...ชลธีมุ่งหน้าไปส่องคันฉ่อง⁷ดู...ใบหน้าที่งดงามร่างกายที่บอบบางที่มันอะไรกันแต่ก็ยังมีเขี้ยวน้อยๆพอให้เขาได้รู้ว่าเขาคือทศกัณฐ์อยู่แล้วผมสีน้ำเงินนี่มันอะไรกัน....ทศกัณฐ์โลกไหนวะเนี่ย

แต่พอคิดๆดูสงสัยเขาจะฝันไปแน่แล้วเพื่อนๆก็มาแต่งหน้าให้เขาเช่นนี่เมื่คิดได้ดังนั้นชลธีจึงรีบรี่เดินปรี่ออกจากห้องในทันใด

"ตื่นแล้วหรือเพคะท่านพี่" เสียงเอ่ยถาม...จากผู้หญิงปริศนาผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นเธอสวยเลยแหละซึ่งถ้าชลธีเดาไม่ผิดคนๆนี้ก็คงจะเป็น....มณโฑ⁸เป็นแน่แท้

พญายักษ์ทศกัณฐ์จำเป็นในยามนี้จึงได้แต่พยายามใช้ภาษาที่ตนร่ำเรียนมาตอบไปในทันที

"อืม...ข้าตื่นแล้วเจ้าล่ะไปหนใดมาถึงพึ่งมาไตร่ถามข้า"

"อะไรกันเพคะก็ท่านพี่ให้น้องไปจัดเตรียมอาหารน้องก็ไปจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วจึงด้นดั้น⁸เดินมาเรียกท่านพี่นี่แหละเพคะ

"อย่างงั้นเองรึสงสัยข้าจะลืมไปน่ะ5555" ชลธีไม่รู้ว่านางจะจับได้หรือเปล่าแต่เรื่องแถนี่เขาไม่เป็นสองรองใครแน่นอน



วันนี้คงเป็นวันรวมญาติเป็นแน่แท้...พี่น้องมากันซะเยอะเลย...ทั้งกุมภกรรณ พิเภก ขร ทูษณ์ ตรีเศียร และยังมีสำมนักขาอีกเล่นเอาทศกัณฐ์ฝึกหัดทำตัวไม่ถูก

ชลธีไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรกับเหล่าพี่น้องพวกนี้เขาคิดแค่ว่าอย่าถามไถ่ตัวเขาเลยจะดีกว่ามิเช่นนั้นคงจะคุยกันไม่รู้เรื่องเป็นแน่

"หมู่นี้ข้าไม่ค่อยเห็นท่านพี่ไปออกรบกับเทวดาเลยเป็นเพราะเหตุใดหรือพะย่ะค่ะ" พญาขรเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเล่นเอาเจ้าลงกาถึงกับสะดุ้ง

"ข้าเห็นว่าพวกมันคงสู้ไม่ได้ข้าเลยไม่รู้จะไปรบกับพวกมันทำไม" 

"สมกับเป็นท่านพี่จริงๆ"

"พวกเจ้ามาเหนื่อยๆกินกันให้อิ่มหนำสำราญเถิด" ชลธีเอ่ยตัดบทไปเขาไม่อยากจะยืดเยื้อบทสนทนาให้มากถึงเขาจะอ่านรามเกียรติ์มาจนจำเนื้อเรื่องได้บ้างแล้วแต่พอมาอยู่ในเรื่องจริงๆความตกใจและตื่นเต้นก็กลืนกินความจำไปเสียจนหมดสิ้น

อันเหตุการณ์ในยามนี้ก็คงจะพอประมวลภาพได้....เนื่องจากเห็นอินทรชิตคงจะแสดงว่าในตอนนี้ทศกัณฐ์เพียบพร้อมไปด้วยอำนาจบารมีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วหล้าแล้ว

และหากเขาไปลักพาตัวสีดาผู้งดงามมาก็คงจะต้องถึงจุดจบของชีวิตเป็นแน่แค่คิดเขาก็ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว...

ทันทีที่ทศกัณฐ์กำลังนึกอะไรได้นั้น...ก็มีตัวประหลาดปรากฏกายขึ้นมาซึ่งหากเขาไม่ได้เรียนภาษาไทยแล้วนั้นคงจะคิดว่ามันเป็นค้างคาวผีเป็นแน่แต่เขารู้จักมันเป็นอย่างดีเจ้านี่คือเวตาลสมุนของเขาเอง

"เวตาลเจ้ามาทำอะไรที่นี่"

"ข้ารู้ว่าท่านมาจากต่างแดน"

"เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร"

"ท้าวมาลีวราชบอกข้าหมดแล้วข้าจึงต้องมาดูแลท่านในยามนี้"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยข้าสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้หรือไม่"

"ตามกฏที่ท้าวมาลีวราชสร้างขึ้นให้ข้าดูแลท่านมีดังต่อไปนี้"

กฏจากมาลีวราช

1.เจ้ามีค่าแห่งความดีอยู่ 100 คะแนน

2.หากฝ่าฝืนเนื้อเรื่องจะถูกหักคราวละ 5 คะแนน หากเหลือ 0 จะปิดทางพบรักแท้ทันที

3.หากทำสิ่งที่เป็นความดีคะแนนความประพฤติจะกลับมา 1 คะแนน

4.เจ้าจะได้รับความดีอันทรงคุณค่าหากทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมาก 1 ความดี

5.ความดีอันทรงคุณค่าสามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องได้หนึ่งอย่างทั้งนี้ขึ้นอยู่กับท้าวมาลีวราชจะพิจารณา

6.หากจะใช้ความดีธรรมดาในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต้องใช้ 10 คะแนนความดี



นี่มันกฏบ้าอะไรวะเนี่ยคะแนนความดี100คะแนนกูนึกว่าค่า K P A ให้คะแนนนักเรียน ข้อสองยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ แล้วความดีกูจะทำอะไรเล่า โอ้โหอันทรงคุณค่าก็มาแบบนี้กูคงลำบากเป็นแน่

"และนี่ก็คือกฏทั้งหมดของท่านขอจงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด"

"อืม...ข้าจะปฏิบัติตามก็แล้วกัน"

"ไม่มีแล้วกันท่านต้องปฏิบัติตาม"

"เออๆ"

คุยกันเสร็จสรรพเจ้าเวตาลก็พลันหายวับไปกับตาทิ้งไว้แต่ทศกัณฐ์ยักษาที่กำลังกลัดกลุ้มใจเป็นยิ่งนักเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชาตินี้เขาจะเข้ามาอยู่ในโลกรามเกียรติ์จริงๆยิ่งคิดเขาก็แทบจะบ้าตายแล้ว

ถึงแม้นว่าชลธีจะรู้เรื่องราวรามเกียรติ์อย่างดีแต่เขาก็ยังหาจุดที่จะเปลี่ยนแปลงได้ยากเพราะสิ่งที่ควรเปลี่ยนคือสิ่งที่มันต้องจำเป็นจริงๆ

หากจะกล่าวถึงเวตาลนั้นในตอนนี้ได้รับหน้าที่อันใหญ่หลวงจากท้าวมาลีวราชให้เป็นผู้คุมคะแนนทั้งหมดของทศกัณฐ์และมีหน้าที่บอกภารกิจในแต่ละวันให้ทศกัณฐ์ทราบด้วย

ชลธีนอนกุมขมับที่เขาเป็นยักษ์ทศกัณฐ์จริงๆหรอเนี่ยว่าแต่ทำไมหน้าตาไม่ดุดันเหมือนยักษ์เลยแต่กับน่ารักซะงั้น...แก้มขาวเนียนแทนที่จะตัวสีเขียวแถมยังมีผมสีฟ้าอีกนี่มันทศกัณฐ์โลกไหนวะเนี่ย ปากก็ได้รูปน่าจูบซะเหลือเกินขนตางอนสวยนี่มันผู้หญิงชัดๆ...ถามจริงๆใครจะกลัวกูวะเนี่ย

สมดังที่พิเภกได้ร่ายอักษราชมความงามของพี่ชายตนไว้ว่า

งามพักตร์ดุจดังศศิธร

พระขนงโก่งงอนมากจริงเหลือ

นวลปรางสองแก้มหอมกรุ่นเจือ

งามเนื้อกายาช่างงามจริง

งามนาสิกงามเนตรทั่วธาตุขันธ์

งามทุกวันหน้าตาเหมือนดังหญิง

ใครพบเห็นมิอาจจะประวิง

ต้องรีบวิ่งพานพบประสบเจอ



"ท่านพี่เพคะวันนี้น้องไปนอนอีกห้องนะเพคะ"

"ตามใจเจ้าเถิด"

ถึงแม้นนางมณโฑจะหน้าตาโสภามากเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้ทศกัณฐ์รู้สึกพิศวาสเลยเล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะมิใช่รักแท้ด้วยจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้้

ชลธีนอนหลับตาไปในใจก็ยังคงว้าวุ่นหากได้พบหน้าสีดาแล้วตนไม่ชอบพอก็คงหารักแท้ไม่เจอเป็นแน่ในยามนี้ยังไม่รู้เลยว่าตนเองรักใครกันแน่ท้าวมาลีวราชให้พรอย่างไรถึงเป็นเช่นนี้

__________________________________

1.พรหมา คือพระพรหม ในที่นี้หมายถึง อดีตของนนทก นนทกเคยเป็นพรหมมาก่อน แต่อิจฉาริษยารุ่นน้องที่ได้รับตำแหน่งไปแทน จึงถูกพระอิศวร (หรือพระศิวะ) สาปให้เป็นยักษ์ล้างเท้าอยู่เชิงบันไดเขาไกรลาศเป็นเวลาโกฏิปี

2.โกฏิ ชื่อมาตรานับ ๑ โกฏิเท่ากับ ๑๐ ล้าน.

3.หัสนัยต์ คือ พระอินทร์

4.ท้าวมาลีวาราช คือ ท้าวมาลีวราช หรือมาลีวัคคพรหม เป็นพระพรหมมีสี่พักตร์แปดกร มีความยุติธรรมมากจึงได้รับพรจากพระอิศวรให้มีวาจาสิทธิ์ ท้าวมาลีวราช มีศักดิ์เป็นปู่ของทศกัณฐ์เนื่องจากเป็นเชษฐาของท้าวจตุรพักตร์

5.คนธรรพ์ คือ ชาวสวรรค์พวกหนึ่งจัดเป็นเทพชั้นต่ำ

6.จาบัลย์ คือ ร้องไห้คร่ำครวญ, สะอึกสะอื้น.

7.คันฉ่อง คือ เครื่องสำหรับส่องหน้าทำด้วยโลหะเช่น ทองแดง หรือสัมฤทธิ์ ขัดจนเป็นมันเงา มีด้ามจับ.หรือ กระจกเงารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีกรอบ 2 ชั้น เอียงเข้าออกได้.

8.มณโฑ คือ เป็นมเหสีของทศกัณฐ์ มีชาติกำเนิดเดิมเป็นกบ อาศัยอยู่ใกล้อาศรมของพระฤๅษี 4 ตน พระฤๅษีมักจะให้ทานน้ำนมนางกบอยู่เสมอวันหนึ่งนางกบเห็นนางนาคมาคายพิษใส่อ่างน้ำนมเพื่อฆ่าพระฤๅษีทั้ง 4 นางจึงสละชีวิตกระโดดลงไปกินนมในอ่างจนตายพระฤๅษีได้ชุบชีวิตนางให้ฟื้นขึ้นเพื่อถามเรื่องราวเมื่อทราบความจริงแล้ว จึงชุบนางกบให้เป็นมนุษย์ มีความสวยงามมาก ตั้งชื่อให้ว่า "มณโฑ" (แปลว่ากบ)แล้วนำนางไปถวายพระอุมาบนสวรรค์ ต่อมาพระอิศวรประทานนางมณโฑให้แก่ทศกัณฐ์เป็นรางวัลตอบแทนที่ยกเขาไกรลาสให้ตั้งตรงเหมือนเดิมได้แต่ถูกพาลีชิงนางไประหว่างทางนางต้องเป็นภรรยาของพาลีจนตั้งครรภ์ พระฤๅษีอังคัตจึงสั่งให้คืนนางให้แก่ทศกัณฐ์โดยผ่าท้องนำทารกไปฝากไว้ในท้องแพะ ต่อมาจึงเกิดมาเป็นองคต

___________________________________



สวัสดีทุกคนสาเหตุที่เราเขียนเรื่องนี้ก็เป็นเพราะชื่นชอบในรามเกียรติ์มากๆจึงอยากจะลองเขียนแนวนี้ดูหวังว่าทุกคนจะชอบกันน๊าาา

ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะจะพยายามเขียนให้ดีที่สุดเลย

ทศกัณฐ์จะเจอรักแท้ตอนไหนนะ....กฏของท้าวมาลีวราชจะทำให้ความรักทศกัณฐ์เป็นอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 26-08-2022 05:38:47
รักแท้คือพระรามแน่นวล แบบนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 27-08-2022 17:15:48
01 โลกใหม่ไฉไลกว่าเดิม

เสียงไก่ขันในยามเช้าปลุกพญายักษ์ให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลนานหลายชั่วโมง...ให้ตายสิหากเป็นในโลกมนุษย์จะจับทำKFCให้หมดเลยทว่าเขาดันมาเป็นตัวร้ายในโลกวรรณคดีซะนี่

ทศกัณฐ์กำลังครุ่นคิดอะไรเพลินๆเจ้ากรรมนายเวรของเขาก็โผล่มาจะใครอีกล่ะนอกจากไอ้ค้างคาวเวตาลผู้น่ารำคาญเขายังงงอยู่ไม่หายว่าตกลงท้าวมาลีวราชส่งมันมาช่วยแนะนำหรือส่งมาเป็นคนคุมกันแน่

"อรุณสวัสดิ์ยามเช้าท่านทศกัณฐ์วันนี้ข้านำฟังก์ชันใหม่ที่ท่านท้าวมาลีวราชคิดค้นมาฝากท่าน" ฟังก์ชั่นอะไรอีกวะเนี่ย...เป็นตางงแท้เด้

เอ่ยจบเวตาลก็เปลี่ยนร่างเป็นจอเวทย์มนต์มีรูปทรงสี่เหลี่ยมพร้อมกับแสดงตัวอักษรให้ประจักษ์แก่สายตาของพญายักษ์

นี่คือฟังก์ชันที่ข้าเพิ่มให้เจ้า

ทักษะการสู้รบ

ทศกัณฐ์มองดูไอ้รูปต่างๆที่ยังเป็นสีเทาๆอยู่ในตอนนี้สภาพมันก็คงไม่ต่างจากพวกสกิล¹ ที่ยังไม่ได้ปลดล็อคในเกมสักเท่าไหร่

"แล้วข้าจะใช้ได้เยี่ยงไรในเมื่อทักษะเหล่านี้ถูกปิดไว้"

หากท่านจะใช้ทักษะการต่อสู้จะต้องใช้เลเวล²ในการปลดล็อคซึ่งการเลื่อนเลเวลได้ต้องมีค่าประสบการณ์³ที่มากพอโดยค่าประสบการณ์จะได้รับจากการปฏิบัติภารกิจ...เลเวลที่ใช้ในการปลดล็อคจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของทักษะการต่อสู้ที่ท่านจะปลดล็อกหากแข็งแกร่งน้อยจะใช้ค่าประสบการณ์ไม่เยอะหากแข็งเเกร่งมากจะใช้ค่าประสบการณ์เยอะ...โดยเลเวลจะไร้ขีดจำกัดจนกว่าจะปลดล็อคทักษะได้หมดจึงจะสิ้นสุดเลเวล

อืม...ช่างดีจริงๆ...ถุ้ยประชดโว้ย...นี่ท้าวมาลีวราชไปดูเกมที่ไหนมาเนี่ยถึงได้เอาค่าประสบการณ์เข้ามาได้เนี่ย

"แล้วตอนนี้ข้ามีค่าประสบการณ์เท่าไหร่"

"0" อื้อหือ...ดีใจอย่างยิ่งไอ้เชี่ยย...ชาติไหนกูจะปลดล็อคได้

ไหนลองดูหน่อยสิพอจะมีทักษะไหนปลดล็อคได้ง่ายๆบ้าง

ทักษะการแปลงร่างปลดล็อคได้ในเลเวล1

อืม...ดูเหมือนไอ้นี่จะปลดล็อคง่ายสุดๆแล้วล่ะคงต้องดูภารกิจอีกที

"แล้วมีอะไรอีกหรือไม่ที่ท้าวมาลีวราชเพิ่มให้ข้า"

อีกสิ่งหนึ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ ค่าเสน่หา เมื่อใดที่ค่าเสน่ห์หาเพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัดเจ้าจะพบรักแท้....ค่าเสน่หาจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อบุคคลที่เป็นรักแท้ของเจ้ารู้สึกประทับใจในตัวเจ้าหรือชื่นชมหรือในทำนองที่ว่าคือ ฟินนั่นแหละ

ช่างเป็นการเพิ่มสิ่งที่น่าประทับใจจริงๆเอาค่าเสน่ห์ฮงเสน่หามาทำไมอี๊กใครมันจะเป็นรักแท้กูอีกหวังว่าจะไม่ใช่ไอ้พวกนางสนมกิ๊กก๊อก⁴ของทศกัณฐ์คนเดิมนะไม่งั้นตรอมใจตายดีกว่ามีแต่ นางช้าง ยักษ์ นางปลา อื่นๆอีกมากมาย...บอกไว้ก่อนเลยว่ากูรับไม่ได้

ภารกิจของท่านมาถึงแล้ว



ทศกัณฐ์ชายตามองไอ้จอมเวทย์มนต์ที่อยู่ตรงหน้าพอจะจับใจความได้ว่า

[ภารกิจหลัก ตรวจดูความเรียบร้อยของเมือง 1วัน ค่าประสบการณ์ที่ได้รับหากทำสำเร็จ 1000 Xp]

โอ้โหภารกิจแรกช่างง่ายมากๆก็แค่ดูความเรียบร้อยของเมืองช่างง่ายเป็นยิ่งนัก...แต่จะว่าไปไอ้ทศกัณฐ์มันก็ไม่ค่อยสนใจบ้านเมืองเท่าไหร่ส่วนใหญ่มันหาแต่ผู้หญิงนี่สิช่างน่าละเหี่ยใจจริงๆ

อืม...ว่าแต่จะเริ่มจุดไหนดีวะเนี่ยเท่าที่อ่านรามเกียรติ์มาเห็นแต่รบกันไม่ค่อยเจอทศกัณฐ์ดูแลชาวประชาเท่าไหร่แต่ก็เอาเถอะเขาให้ทำก็ต้องทำปฏิเสธได้ที่ไหนล่ะ

เอ...จะว่าไปการที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของเมืองนั้นไอ้เราก็ไม่ได้ชำนาญเส้นทางเมืองเท่าใดนักเอาเป็นว่าใช้พวกเสนาอำมาตย์ไปดูก็แล้วกันคงไม่มีอะไรเสียหาย...แต่ก่อนอื่นเลยห้องโถงใหญ่ที่ใช้พูดคุยมันอยู่ตรงไหนเนี่ย

"เวตาลช่วยบอกตำแหน่งห้องโถงที่ใช้ว่าราชการให้ข้าหน่อยซิ"

กำลังประมวลผล

มาร์คตำแหน่งเรียบร้อย

ทันทีที่เวตาลบอกตำแหน่งนั้นก็ปรากฏวงกลมสีฟ้าขึ้น พร้อมกับบอกระยะทางที่คาดว่าเลขที่ปรากฏก็คือ450เมตรเห็นทีจะมิไกลมากเท่าไหร่

ทศกัณฐ์พึงพอใจกับระบบที่ท้าวมาลีวราชเพิ่มเข้ามาให้เป็นอย่างมากซึ่งเท่าที่เขาดูมันก็คงมิต่างจากเกม Ark survival Evolution ที่เขาเคยเล่นเท่าใดนักทั้งระบบเลเวลและค่าประสบการณ์นี่ใช่เลยล่ะถึงมันจะไม่มีไดโนเสาร์ก็เถอะ

คิดได้ชั่วครู่เขาก็คิดได้ว่าจักต้องเดินไปห้องโถงเพื่อทำภารกิจแรกก่อนที่มันจะหายไปซะก่อนเพราะเวตาลบอกว่าภารกิจจะปิดให้ดำเนินการในอีก5ชั่วโมง

พญายักษ์เดินมานั่งอยู่ ณ บัลลังก์ที่ตกแต่งด้วยสารพัดของมีค่าทั้งเพชรนิลจินดาทองคำระยิบระยับไปหมด

นั่งได้เพียงครู่นึงก็เห็นยักษ์ตัวสีเขียวถือกระดานชนวนกับชอล์ก็พร้อมกับมีแว่นวิเศษอยู่ในมือ...ไม่ต้องเดาให้ยากก็คงเป็นพิเภกซึ่งคือเวสสุญาณเทพบุตร⁵ที่พระอิศวรส่งลงมาให้เป็นไส้ศึก

ในใจของชลธีลึกๆพิเภกก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารอยู่ไม่เบาการที่ตนเองบอกความลับต่างๆจนนำมาซึ่งการตายของญาติวงศ์ทั้งหลายใช่ว่าพิเภกจะดีใจเสียเมื่อไหร่ออกจะเสียใจมากกว่าถ้าจะโทษก็คงต้องโทษทศกัณฐ์นั่นแหละที่ดันไม่เชื่อฟังแถมยังไล่พิเภกออกไปจากเมืองด้วยซ้ำ

ทศกัณฐ์ส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดต่างๆออกไปแล้วจึงหันไปมองพิเภกที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาให้ตายสินี่กูพี่มึงไงไม่ใช่ฆาตกรจะกลัวอะไรกูนักหนา

แต่จะว่าไปอำนาจบารมีทศกัณฐ์ใครๆก็ย่อมเกรงกลัวถ้าไม่นับพ่อคุณทูลหัวของเรื่องอย่างพระรามก็คงไม่มีใครแล้วล่ะจะไม่กลัว

"ข้าต้องการจักให้เจ้าจัดการส่งเหล่าเสนาอำมาตย์ไปตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านเมืองเรา"

"พะย่ะค่ะท่านพี่ข้าจักเร่งดำเนินการให้เดี๋ยวนี้เลยพะย่ะค่ะ"

"ดีถ้าเช่นนั้นก็เร่งดำเนินการเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

ว่าจบพิเภกก็ออกเดินทางไปดำเนินการตามคำสั่งของทศกัณฐ์....พอพิเภกออกไปแล้วนั้นทศกัณฐ์เหลือบไปเห็นนางมณโฑคนสวยนั่งทำหน้าอึ้งๆก็รู้ในทันทีว่าในหัวนางคงจะคิดอะไรทำนองที่ว่า

ร้อยวันพันปีมึงไม่เคยออกตรวจดูความเรียบร้อยของเมืองเลยวันนี้นึกคึกอะไรขึ้นมาถึงออกตรวจดู....ก็อย่างว่าแหละภารกิจบังคับใครจะฝืนได้เล่า

เวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมงหน่อยๆพิเภกก็เข้ามารายงานถึงปัญหาต่างๆให้ทศกัณฐ์ได้ทราบเมื่อทราบแล้วก็สั่งให้ดำเนินการแก้ไขทันที

ภารกิจสำเร็จ

ได้รับ 1000xp

Level up

คุณเลเวล1 แล้ว ปลดล็อคทักษะการแปลงร่าง

ทศกัณฐ์มองดูทักษะที่แปลงร่างก็พบเพียงสามร่างเท่านั้นที่ตนแปลงได้คือ ตั๊กแตนตำข้าว⁶ยักษ์ ปูยักษ์ และเหยี่ยว อะไรกันวะเนี่ยเท่าที่อ่านมาทศกัณฐ์มันแปลงได้หมดไม่ใช่หรอทำไมถึงจำกัดได้แค่ 3 ร่างวะเนี่ย และดูเหมือนเวตาลมันจะออกความคิดเขาออกจึงตอบมาว่า

หากท่านถึงเลเวล 5 เมื่อใดก็จะแปลงร่างได้ทุกอย่างแต่ในเพลา⁷นี้ท่านยังแปลงได้แค่นี้อยู่

จ้า....เจริญจริงๆ....เอ้าแค่นี้ก็แค่นี้คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้แล้วล่ะ...ซึ่งสิ่งที่เลวร้ายลำดับต่อไปก็คือภารกิจนี่แหละทศกัณฐ์มองดูจอมเวทย์มนต์สี่เหลี่ยมที่ขึ้นแจ้งภารกิจก็เล่นเอาแทบจะเป็นลม

[ภารกิจหลัก เอาชนะอสูรจตุรทิศ นาคมรกต และอสูรบาล ค่าประสบการณ์ที่ได้รับหากทำสำเร็จ 5000Xp]

โอ้โหแต่ละตัวมีแต่โหดๆทั้งนั้นแล้วดูทักษะที่กูปลดล็อคจะสู้เขาได้ไหมเนี่ยถ้าในเรื่องหลักน่ะทศกัณฐ์มันเก่งไงเอาชนะได้หมดทุกคนที่กล่าวมานั่นแหละแต่ตัดภาพมาที่กูนอกจากเหาะได้ก็ไม่มีอะไรดีแล้วเนี่ย....จริงสิหากเราใช้ร่างที่มียี่สิบมือได้เราต้องชนะแน่นอน

"เวตาลข้าสามารถใช้ร่างยี่สิบมือได้หรือไม่"

"ตอนนี้ท่านยังมิปลดล็อคทักษะนั้น"

"แล้วเมื่อไหร่ข้าจักปลดล็อคได้"

"เมื่อท่านเลเวล 10 จะปลดล็อดทักษะร่างยักษ์ 10 มือ และเลเวล 20 จักปลดล็อคร่างยักษ์ 20 มือ" 

โอเคกูตายก่อนพอดีแล้วภารกิจต่อไปที่มันยากๆกูจะเอาอะไรไปสู้เนี่ยคิดแล้วหดหู่จริงๆแต่ก็เอาเถอะคงต้องจัดการพวกนี้ก่อนแล้วกัน

มาร์คตำแหน่งอสูรจตุรทิศสำเร็จ

ทศกัณฐ์มองดูตำแหน่งของอสูรจตุรทิศ อื้อหือ...ตั้ง10 กิโลเมตรถามจริงวันนี้กูจะได้รบกับมึงไหมเนี่ย

แต่บ่นไปก็เท่านั้นสุดท้ายเขาก็เหาะไปตามตำแหน่งอยู่ดีด้วยความสามารถในการเหาะทำให้เขาไปถึงด้วยระยะเวลาที่เร็วพอสมควร

นั่นไงอสูรจตุรทิศสงสัยต้องยั่วอารมณ์ให้โกรธก่อนไม่งั้นคงไม่ได้สู้กันเป็นแน่ว่าแล้วไม่รอช้ารีบยั่วอารมณ์ในทันใด

"ว่าไงอสูรจตุรทิศถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ยอมก้มหัวให้ข้าซะเถอะ"

"หนอยแน่ไอ้ยักษ์ทศกัณฐ์บังอาจมาท้าทายพวกข้าเชียวรึถ้าเช่นนั้นก็จงตายซะเถอะ"

อสูรจตุรทิศบุกเข้ามาพร้อมกันแบบนี้คงรับมือยากเอาล่ะใช้ทักษะแปลงร่างเป็นครึ่งตั๊กแตนตำข้าวครึ่งยักษ์ในบัดนี้

5555โอเคเลยร่างนี้รับรองชนะใสๆ....ทศกัณฐ์สู้รบกับอสูรจตุรทิศอย่างดุเดือดในตอนนี้เขาจัดการได้1คนแล้วด้วยขาหน้าที่คมกริบของตั๊กแตนตำข้าวทำให้รับมือกับดาบได้ดีการหลบหลีกศัตรูได้ในครั้งแรกก็ใช่ว่าครั้งที่สองจะปลอดภัยเขาถูกฟันเข้าเต็มๆโชคดีที่เขาร่ำเรียนวิชาถอดดวงใจกับฤาษีโคบุตรมาทำให้ไม่ตายแต่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บบอกเลยว่า

เจ็บเชี่ยๆ.......

ขออภัยยังไม่ปลดล็อดทักษะกายสิทธิ์

เอาที่มึงสบายใจเลยจ้าไอ้เวตาลไม่ต้องบอกกูก็รู้เจ็บขนาดนี้เอาล่ะเห็นทียืดเยื้อมากจะเกิดผลเสียรีบจัดการให้เสร็จเลยจะดีกว่า

ทศกัณฐ์ใช้ขาคู่หน้าที่เหมือนเคียวของตั๊กแตนตำข้าวฟาดฟันใส่อสูรจตรุทิศจนพ่ายแพ้ลงไปนอนกองอยู่ข้างล่างกันหมด

ในที่สุดก็ชนะสักทีแต่ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่ายังเหลือสิ่งที่ต้องจัดการอีกสองสิ่งนั่นคือนาคมรกตกับอสูรบาลแย่แล้วสิเล่นเสียแรงไปซะเยอะแบบนี้จะสู้ได้ไหมยังไม่รู้เลย

แต่ก็เอาเถอะขอลุยอีกสักตั้งแล้วกันว่าจบทศกัณฐ์ก็ลงไปยังน้ำแล้วใช้ร่างปูยักษ์จัดการนาคมรกตหลังจากนั้นก็ไปยังเมืองบาดาลจัดการอสูรบาลต่ออีกทีนึงก็สำเร็จเสร็จสิ้นภารกิจ

ภารกิจสำเร็จ 

ได้รับ 5000 xp

Level up

ปลดล็อคทักษะกายสิทธิ์

ในที่สุดก็ปลดล็อคสักทีกูจะได้เจ็บน้อยลงบ้างพญายักษ์นอนอยู่ ณ ห้องบรรทมพร้อมกับบาดแผลที่เต็มตัวผลสุดท้ายก็ทำเป็นออดอ้อนให้นางมณโฑให้ทำแผลให้ไหนๆก็มีศักดิ์เป็นเมียก็ทำแผลให้ผัวหน่อยจะเป็นไรไป

ไม่รู้ว่าจักมีภารกิจอะไรมาวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆคงจะวุ่นวายมากแน่ไปถึงโลกที่เขาเข้ามาจะเป็นรามเกียรติ์ก็เถอะแต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนที่เขาอ่านมาทั้งหมดล่าสุดเวตาลพึ่งบอกว่าบางสิ่งอ่านเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่เปลี่ยนเนื้อเรื่องหลักสักเท่าไหร่ทำให้เขาไม่ทราบว่าไอ้ที่เปลี่ยนแปลงไปน่ะคือส่วนไหนกันแน่่

เวลาเช้าตรู่ของอีกวันมาถึงทศกัณฐ์คนใหม่เริ่มจะชินกับโลกที่เขาถูกส่งมาอยู่มากขึ้นในทุกๆเช้าเาก็จะคอยคิดหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเสมอแน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่สูญเปล่าเพราะมันให้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นตั้ง 20 นั่นแหละจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องแหกขี้ตาตื่นมาจัดการ

จะว่าไปแล้วไอ้ปัญหามันก็ไม่ได้ยุ่งยากสักเท่าไหร่...ทว่าไอ้ทศกัณฐ์คนเก่ามันดันไม่คิดแก้ไขนี่สิจึงทำให้งานทั้งหมดเหมือนกับดินพอกหางหมูผู้ที่รับกรรมจะเป็นใครได้ล่ะนอกจากทศกัณฐ์คนใหม่คนนี้ไงล่ะ

วันนี้รู้สึกได้ว่าไอ้เวตาลไม่โผล่หัวมารบกวนเขาแต่อย่างใดสงสัยจะให้เขาพักผ่อนกระมังคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันเขาจะได้มีเวลานอนบ้างเมื่อวานไปรบเล่นเอาซะเหนื่อยแถมบาดเจ็บมาก็ไม่ใช่น้อย

แต่ดูเหมือนความคิดของเขาจะเป็นได้เพียงจินตนาการเท่านั้นเพราะเมื่อเขาคิดได้ประมาณไม่เกิน 1 นาทีไอ้ค้างคาวผีมันก็โผล่มาอีกจนได้

ภารกิจของท่านในวันนี้

[ภารกิจหลัก ร่วมรบกับอินทรชิตในการล้างแค้นเหล่าเทวดา ค่าประสบการณ์ที่ได้หากทำสำเร็จ 5000Xp]

นั่นไงเล่นเอาภารกิจยากๆมาให้กูอีกเห็นทีจะลำบากเสียแล้วหากเขาเดาไม่ผิดเพลานี้อินทรชิตยังคงเที่ยวบำเพ็ญตบะเป็นแน่แสดงว่าไอ้ที่เขาเห็นวันแรกที่ร่วมกินอาหารไม่ใช่อินทรชิตแต่เป็นมังกรกัณฐ์ลูกของพญาขร

แต่นี่มีภารกิจขึ้นมาแสดงว่าอินทรชิตคงกำลังจะกลับมาในไม่ช้า...ทศกัณฐ์ลุกขึ้นยืนขยับร่างกายเพื่อเป็นการขจัดความขี้เกียจออกไปจะว่าไปเขาก็นั่งมาหลายชั่วโมงแล้วนะก้นระบมไปหมดแล้ว

"พิเภกเจ้าเห็นอินทรชิตบ้างไหม"

"ผู้ใดหรือท่านพี่คืออินทรชิต"

เออว่ะลืมไปเสียสนิทตอนนี้ยังชื่อรณพักตร์อยู่นี่หว่าภายหลังชนะพระอินทร์แล้วจึงเปลี่ยนเป็นอินทรชิต

"ข้าหมายถึงรณพักตร์น่ะ"

"อันรณพักตร์นั้นบำเพ็ญตบะอยู่ในป่ามาเนิ่นนานปีแล้วข้าคิดว่าอีกไม่นานก็คงกลับมาพะย่ะค่ะ"

"ดีถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะได้รอพบรณพักตร์"

ไม่นานยักษ์ตัวสีเขียวมีรูปร่างหน้าตาน่าเกรงขามไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นบิดาในอดีตพูดง่ายๆก็คือไม่น้อยไปกว่าทศกัณฐ์คนเดิมนั่นแหละก็มุ่งหน้าเข้าสู่ห้องโถงแล้วทำความเคารพบิดาตน

"โอ้...รณพักตร์ลูกพ่อบัดนี้เจ้าร่ำเรียนวิชาจนเสร็จแล้วรึจึงกลับมา"

"พะย่ะค่ะท่านพ่อลูกร่ำเรียนวิชาแถมยังได้รับการประทานพร⁸จากองค์มหาเทพทั้งสามด้วยนะพะย่ะค่ะ"

"ดีๆถ้าเจ้าได้รับวิชามามากเช่นนั้นเราคงแก้แค้นเหล่าเทวดาได้สำเร็จเป็นแน่"

"มีเรื่องอันใดที่ลูกยังมิได้รู้หรือพะย่ะค่ะ"

ทศกัณฐ์จึงเริ่มเล่าเรื่องราวให้รณพักตร์ฟังว่า

ครั้งหนึ่งฤๅษีทุรวาสที่รับดอกไม้สักการะจากพระแม่ปาราวตี⁹ แต่ฤๅษีเห็นว่าหากตนคล้องดอกไม้จากพระแม่คงจะไม่เหมาะสม จึงได้ถวายดอกไม้นั้นแก่พระอินทร์ เมื่อพระอินทร์รับแล้วก็ทรงมอบแก่พระชายาอีกต่อหนึ่ง แต่ด้วยกลิ่นของดอกไม้ทำให้พระชายามึนเมาจึงทิ้งไป ฤๅษีเห็นดังนั้นก็โกรธจึงสาปแช่งพระอินทร์และบริวารให้อ่อนกำลังลงและพ่ายแพ้ในสงคราม เมื่อสาปแช่งดังนี้แล้วฤๅษีก็เดินจากไป พลันกำลังของเทวดาก็ลดลงกึ่งหนึ่ง และเมื่ออสูรทราบข่าวพระอินทร์โดนสาปแช่งจึงได้ยกทัพไปตีสวรรค์ ทำให้พระอินทร์พ่ายแพ้ และเพื่อฟึ้นคืนกำลังจึงต้องทำการกวนเกษียรสมุทรให้เกิดน้ำอมฤตที่เมื่อดื่มกินจะเป็นอมตะและกำลังมากขึ้นกว่าที่เคยมี พระวิษณุได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในการย้ายภูเขามันทรคีรี ซึ่งเป็นภูเขาที่เป็นแหล่งกำเนิดมณีนพรัตน์มาไว้เกษียรสมุทร แต่เนื่องจากเทวดาฝ่ายเดียวไม่สามารถกวนเกษียรสมุทรให้สำเร็จได้จึงต้องชักชวนอสูรมาด้วย โดยเทวดาออกอุบายว่าจะแบ่งน้ำอมฤตครึ่งหนึ่งให้ แต่เมื่อกวนจนได้น้ำอมฤตมาแล้วเทวดาก็ออกอุบายหลอกอสูรเพื่อให้พวกตนได้ดื่มน้ำอมฤตก่อน แต่ราหูได้แปลงตนเป็นเทวดาทำให้ได้ดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์กับพระจันทร์ทราบเรื่องจึงฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงขว้างจักรตัดราหูขาดเป็นสองท่อนแต่ไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตทำให้เป็นอมตะแล้ว ราหูจึงโกรธแค้นพระอาทิย์กับพระจันทร์เมื่อเจอกันครั้งใดก็จะอมพระอาทิตย์กับพระจันทร์
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 27-08-2022 17:16:54
เมื่อรณพักตร์ได้สดับรับฟังคำที่บิดากล่าวก็เกิดความพิโรธโกรธาขึ้นมา

"หากเป็นเช่นนั้นเราก็ไปบุกสวรรค์เลยไหมท่านพ่อบัดนี้ลูกก็มีวิชามากมายแล้วเห็นทีจะเอาชนะพวกมันได้ไม่ยาก"

"ได้เลยลูกพ่อจักให้เจ้าออกรบร่วมด้วย"

"พะย่ะค่ะ"

เอาล่ะ...อย่างน้อยอินทรชิตก็คงมีฝีมือพอที่จะช่วยเขารบได้แล้วล่ะเผื่อเขาพลาดพลั้งเป็นอะไรไปอินทรชิตจะได้ช่วยไว้ทันหากแปลงเป็นเหยี่ยวบินไปโฉบหัวพระอินทร์เล่นก็คงจะโดนจักรแก้วเป็นแน่

พญายักษ์ทศกัณฐ์จึงสั่งให้จัดทัพอสูรเพื่อที่จะไปรบบนสวรรค์โดยมีรณพักตร์ร่วมทางไปด้วย

มาร์คตำแหน่งสวรรค์เรียบร้อย

ดูเหมือนว่าไอ้เวตาลนี่มันจะเตรียมพร้อมเสียจริงนะยังไม่ทันได้สั่งให้มันทำเลยมันก็ทำไว้ให้แล้ว

เอ...จะว่าไปแล้วเมื่อทศกัณฐ์รบชนะเทวดาสุดท้ายรณพักตร์ก็ต้องขึ้นมารบเพื่อที่จะชนะไปอีกเสียเวลายืดเยื้อเปล่าๆก็ให้ชนะไปในคราวเดียวเลยแล้วกันหวังว่าจะโดนหักคะแนนไม่เยอะนะ

เมื่อขึ้นมาถึงบนสวรรค์เสียงไชโยโห่ร้องของเหล่าอสูรก็ไปดังกระทบหูพระอินทร์เข้าถึงถูกเหล่าเทวดาเข้ามาโจมตีกองทัพยักษ์กับเทวดาสู้รบกันมานานหลายชั่วโมงจนกระทั่งทศกัณฐ์เหาะไปท้าทายพระอินทร์ให้มาสู้รบกับตน

"เหวยๆๆๆพระอินทร์แน่จริงเจ้าก็มาสู้กับข้าสิ"

"ชิชะไอ้ยักษ์โอหังมึงอาจมาท้าข้ารบเชียวรึ"

"เป็นอะไรไปเล่าหรือเจ้ากลัวที่จะพ่ายแพ้แก่ข้า"

พูดไปงั้นแหละความเป็นจริงอ่ะกูจะสู้อะไรได้แปลงเป็นได้แค่ตั๊กแตนตำข้าวเนี่ยจริงสิเรายังมีเหยี่ยวอยู่นี่นา

แปลงกายเป็นเหยี่ยว ณ บัดนี้้พูดจบร่างของทศกัณฐ์ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเหยี่ยวสีฟ้ามีขนาดตัวใหญ่มหึมากว่าเหยี่ยวทั่วไปแล้วก็บินเลี้ยวเฉี่ยวโฉบพระอินทร์สู้รบกันนานหลายชั่วโมง

"ไอ้ยักษ์ตนนี้ฤทธิ์เดชมันมีมากนักสงสัยต้องใช้จักรแก้วในการจัดการมัน "

ว่าจบพระอินทร์ก็ใช้จักรแก้วเข้าโจมตีทศกัณฐ์ในร่างเหยี่ยว

ด้วยขนาดร่างที่ใหญ่โตจึงมิอาจหลบหลีกจักรแก้วได้จึงโดนจักรแก้วเข้าไปเต็มๆ

โอย...ขนาดปลดล็อคทักษะกายสิทธิ์ยังได้รับบาดเจ็บเพียงนี้เห็นทีคงจะยากแล้วล่ะในการสู้กับพระอินทร์ไม่ได้การสงสัยต้องไปให้รณพักตร์ช่วย

"ฝีมือเจ้ามีแค่นี้เองหรือพระอินทร์ฝีมือไร้ความสามารถเช่นนี้มิสมควรจะสู้กับข้าดอกเจ้าจงเอาชนะรณพักตร์ลูกชายข้าให้ได้ก่อนเถิดแล้วค่อยมาสู้กัน"

"จะเป็นยักษ์ตนไหนข้าก็เอาชนะได้หมดสิ้นทั้งนั้นแหละ"

ว่าแล้วพระอินทร์ก็เหาะตามทศกัณฐ์มา ณ ที่สู้รบของเทวดากับอสูร ซึ่งตอนนี้เหล่าเทวดาก็พากันล้มตายเป็นจำนวนมาก

"รณพักตร์ลูกพ่อเจ้าจงสู้กับพระอินทร์และเอาชัยชนะมาฝากพ่อ"

"พะย่ะค่ะท่านพ่อ"

ด้วยฤทธิ์เดชแห่งศรวิเศษที่รณพักตร์ได้รับจากมหาเทพทั้ง 3 ทำให้สามารถเอาชนะพระอินทร์ได้ในที่สุดพระอินทร์ก็จำต้องหนีจากไปทศกัณฐ์กับรณพักตร์จึงกลับสู่กรุงลงกา

"พ่อภูมิใจในตัวเจ้าจริงๆต่อไปนี้พ่อจะเปลี่ยนชื่อเจ้าเป็นอินทรชิตแปลว่าผู้ชนะพระอินทร์"

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"

ภารกิจสำเร็จ

ได้รับค่าประสบการณ์ 5000xp

เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง -2500xp

คงเหลือ 2500xp

เฮ้อ...เจริญล่ะเป็นหักค่าประสบการณ์ไปถึงครึ่งแล้วชาติไหนเลเวลกูจะเลื่อนวะเนี่ยอันที่จริงกฎของท้าวมาลีวราชหากเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องก็จะโดนหักค่าแห่งความดี....แต่ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาจึงเป็นการหักค่าประสบการณ์แทนแต่ใครจะคิดว่าจะหักเยอะขนาดนี้

แต่ก็เอาเถอะปฏิเสธได้ซะที่ไหนล่ะจะไปร่ำร้องอุทธรณ์ที่ไหนก็คงมิได้ดอกเพราะในเรื่องนี้ส่วนใหญ่ถ้าจะถามหาความยุติธรรมต้องไปถามหาจากท้าวมาลีวราชแล้วถ้าเราไปถามคงโดนด่าเป็นแน่

แต่จะว่าไปตอนนี้ค่าเสน่หาก็ยังไม่เห็นจะมีการเพิ่มขึ้นเลยนี่หว่าแสดงว่ายังไม่เจอรักแท้เป็นแน่

หากจะกล่าวถึงรามเกียรติ์นั้นความรักของทศกัณฐ์ที่มีมากล้นก็คงจะไม่พ้นสีดาเป็นแน่หากท้าวมาลีวราชไม่เล่นอะไรตุกติกก็คงจะเป็นสีดานั่นแหละแค่คิดก็อยากเจอสีดาไวๆจัง

แต่ถ้ามองในอีกมุมนึงสีดาก็เป็นลูกของทศกัณฐ์ไม่ได้เราจะทำลายศีลธรรมอันดีงามไม่ได้เด็ดขาดเราจะแต่งงานกับลูกตัวเองเนี่ยนะเป็นไปไม่ได้ชลธีอยากจะหลั่งน้ำตาเหตุใดไฉนเล่าชีวิตเขาจึงต้องมาเป็นตัวละครที่มีความสัมพันธ์รักใคร่ลูกสาวแบบนี้

จะว่าไปพิเภกก็มีความชำนาญด้านนี้นี่นาหากเราถามพิเภกอาจจะให้ตอบได้บ้าง

ว่าแล้วไม่รอช้าพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแห่งกรุงลงกาก็ไคลคลาเดินหน้าสู่ห้องโถงทันทีพอมาถึงห้องโถงก็สั่งให้เหล่าเสนาอำมาตย์ไปตามพิเภกเข้าพบ

"พิเภกเจ้านั้นมีความชำนาญด้านโหราศาสตร์จงดูดวงให้พี่เถิดว่าผู้ใดคือเนื้อคู่ของพี่"

"พะย่ะค่ะ" พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาราวกับกลัวเขาจะทำร้ายร่างกายยังไงยังงั้น

"นี่พิเภกอันพวกเราก็เป็นพี่น้องกันเหตุใดไฉนเจ้าจึงกลัวข้าเช่นนี้ไม่ต้องกลัวข้าหรอกข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกพูดมาตามตรงเลย"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็จักทำตามคำสั่งท่านพี่พะย่ะค่ะ"

"ท่านพี่จะให้ข้าดูดวงเรื่องเนื้อคู่อย่างนั้นหรือ"

"ใช่แล้วเจ้าจงดูให้ข้าหน่อยว่าผู้ใดกันแน่เป็นเนื้อคู่ของข้าที่แท้จริง"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าขอถามท่านพี่นิดหน่อยนะพะย่ะค่ะ"

"เอาที่เจ้าสบายใจอยากถามอะไรก็ถามมา"

"ในชีวิตของท่านเกิดมาท่านเคยโดนหมากัดหรือไม่"

"ไม่เคยจอมอสูรอย่างข้าจะเสียทีให้กับสัตว์พรรค์นั้นเหรอไม่มีทาง"

"แล้วท่านเคยโดนหมาเห่าหรือไม่"

"ไม่เคย"

"แล้วหมามองท่านไหม"

"ไม่เคยมอง"

"แล้วท่านให้ข้าดูอะไรให้"

"เนื้อคู่ไง"

"ท่านจะให้ข้าดูทำพระแสงของ้าวอะไรขนาดหมายังไม่มองท่านแล้วเนื้อคู่ท่านจะมาจากไหน"

ก็พอเข้าใจแหละว่าพิเภกเป็นคนสุขุมแต่ก็ไม่คาดคิดนะว่ามันจะกวนตีนขนาดนี้เอาเถอะกูผิดเองแหละที่บอกมันว่าไม่ต้องกลัว

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องเอาง้าวฟาดหัวเจ้าแล้วล่ะดูดีๆ"

"ข้าตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วบุคคลที่เป็นเนื้อคู่ของท่านนั้นอยู่ในกรุงอโยธยาข้ารู้ข้อมูลแค่นี้จริงๆ"

ไม่ผิดจากที่คาดไว้สักเท่าไหร่อันว่าสถานที่กรุงอโยธยานั้นสีดาก็ได้เข้ามาอยู่อยู่แล้วแสดงว่าเนื้อคู่ของข้าต้องเป็นสีดาเป็นแน่หากเป็นผู้อื่นก็คงไม่รู้ว่าจะเป็นใครแล้วล่ะ

"ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าในวันนี้เอาเถอะเจ้าออกไปพักผ่อนได้แล้ววันนี้เจ้าเหนื่อยมามากพอแล้ว"

ยอมราตรีที่เงียบสงัดเพียงนี้มีเพียงพญายักษาทศกัณฐ์ตนเดียวที่นอนอยู่ในห้องบรรทมหากจะถามหานางมณโฑคู่ชีวิตแล้วไซร้คำตอบที่ได้ก็คงจะเป็นนางขออนุญาตไปพบพระแม่อุมาเทวีแล้วจะกลับมากรุงลงกา

ทศกัณฐ์นอนหลับไหลเข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยล้าจากการรบในวันนี้ฝั่งเมืองตรงข้าม ณกรุงอโยธยาก็คงไม่ต่างกันมากดอกพระรามก็หลับเช่นเดียวกัน....การนอนหลับไหลนั้นนำพาพระรามเข้าสู่ความฝันซึ่งเป็นความฝันที่แปลกประหลาดเขาไม่เคยฝันมาก่อน



คืนหนึ่งนั้น

เป็นคืนสวรรค์สว่าง

พี่ได้พาน้องนางภิรมย์ชมดาว

พริ้มพราววาววาบนภา

พบชาวเทวัญสวยงามอร่ามตา

นับว่าเป็นวาสนา

ได้มาสวรรค์อำไพ

เพลินชมภิรมย์นภางค์

จนพาน้องนางหลงไป

ผ่านเมฆรำไรมาพบบึงใหญ่อโนดาตงาม

ไทรย้อยห้อยกิ่ง

ทิ้งก้านคลุมน้ำสีคราม

บัวน้อยอร่ามงามน่าภิรมย์

เสียดายมิทันเด็ดบัวสวรรค์ชม

คืนนั้นสวรรค์ล่ม

เสียงฟ้าเสียงลม

ฝนพร่างพรมพี่หนาวจนสั่น

กลับกลายเป็นฝันไปไร้คู่กอดนอน



คืนนั้นสวรรค์ล่ม:ทูล ทองใจ

ประพันธ์โดย ไพบูลย์ บุตรขัน




พระรามสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันทีว่าแล้วไม่รอช้าเรียกเหล่าเสนาอำมาตย์ให้ไปตามโหรมาทำนาย



"ว่าไงพวกเจ้าเหตุใดข้าจึงฝันเช่นนั้น"

"อันความฝันของพระองค์นั้นเป็นความฝันแห่งความรักในอารมณ์กวีสื่อสารอย่างแน่ชัดแล้วว่าพระองค์นั้นจะเจอเนื้อคู่ในไม่ช้าพะย่ะค่ะ"

"แล้วผู้ใดกันเล่าจะเป็นเนื้อคู่ของข้า"

"เนื้อคู่ของพระองค์จะเป็นบุคคลที่พระองค์เห็นหน้าก็เกิดความรู้สึกที่มันร้อนรุ่มในร่างกายเป็นความรู้สึกที่ว่าไม่เหมือนกับเจอผู้อื่นที่มิใช่เนื้อคู่พะย่ะค่ะ"

"อย่างนั้นหรือถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเจ้าบ่กลับไปพักผ่อนเถิดข้าจะนอนหลับแล้วล่ะ"

"พะย่ะค่ะ"



เช้าตรู่วันใหม่

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าตรู่ท่านทศกัณฐ์รีบลุกขึ้นมาได้แล้วเดี๋ยวค่าประสบการณ์จะไม่เพิ่มขึ้นพอดี



ทศกัณฐ์งัวเงียตื่นขึ้นมาก็เห็นไอ้ค้างคาวผีกำลังเทศนาอบรมอยู่หากแต่ไม่มีธรรมาสน์และไม่ได้ครองจีวรเท่านั้นไม่งั้นเขาคงคิดว่าเป็นพระแน่นอน

"เจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็รีบๆบอกมาเถอะเวตาลเสียเวลา"

"ด้านของการตรวจความเรียบร้อยของเมืองก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรแล้วต่อจากนี้ไปคงเป็นภารกิจในวันใหม่ที่ท่านต้องรับไปทำล่ะ"

"ภารกิจอะไรอีกเล่า"

"ข้าก็ยังคิดไม่ออก"

นอกจากพิเภกแล้วก็คงมีไอ้เวตาลผีนี่แหละที่กวนส้นตีน

"ปัดโธ่...แล้วเจ้าจะรีบมาปลุกข้าทำไมเนี่ยในเมื่อมันไม่มีอะไร"

"ก็ข้าคิดว่ามันจะมีอะไรนี่นาท้าวมาลีวราชดันไม่ส่งอะไรมาให้ข้าดูเลย"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอทำธุระส่วนตัวก่อนล่ะ"

"ตามสบายแล้วแต่ท่านเลย"

ทศกัณฐ์อาบน้ำแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็เหาะออกไปนอกเมืองลงกาไปเดินเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงาม....ให้ตายสิบรรยากาศที่ช่างงดงามสมคำร่ำลือที่เขาประพันธ์ไว้มากมายจริงๆ

ในชีวิตจริงนั้นคงจะหาสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้ได้ยากหรือว่าอาจจะไม่มีเลยด้วยความที่เขาเป็นนักศึกษาครูวิชาภาษาไทยออกมาชมธรรมชาติที่สวยที่สดงดงามเช่นนี้ก็มิอาจจะปฏิเสธอารมณ์กวีของตนเองได้้

จึงได้เอ่ยคำจำนรรจาออกมาเป็นบทกลอนว่า



ชมป่าไม้ในพงไพรพนาวัลย์

ช่างสุขสันต์ดวงจิตเป็นหนักหนา

เห็นจำปีพร้อมด้วยต้นจำปา

ผลน้อยหน่ามากล้นอร่อยดี

เหล่านกแก้วสวยจริงแท้แม่คุณเอ๋ย

ต้นใบเตยหอมหวลชวนสุขี

ฝูงลิงค่างกับพวกบ่างและชะนี

วุ่นวายดีหลีกหนีอะไรกัน

ต้นไทรสวยแตกกิ่งหลายสาขา

จนเป็นป่าเปรียบเหมือนครอบครัวฉัน

มีวงศ์ยักษ์หลากตนล้นเป็นพัน

แสนสุขสันต์ทุกวันไม่สร่างซา

มะลิวัลย์เรียงร้อยบรรจงจิต

เหมือนกับมิตรร้อยเรียงตามประสา

แต่บัดนี้มันคงได้เพลา

ที่ตัวข้าจะกลับคืนสู่เมืองกรุง

ทศกัณฐ์เหาะกลับกรุงลงกาในทันใดแน่นอนด้วยความที่เป็นทศกัณฐ์ฝึกหัดจึงหาทางกลับกรุงลงกาไม่เจอ

ครั้นจะขอความช่วยเหลือจากเวตาลเดี๋ยวก็โดนหัวเราะเยาะอีกว่าเป็นถึงพญายักษ์แต่หาทางกลับบ้านตัวเองไม่เจอ

แค่คิดก็หดหู่ในใจแล้วล่ะแต่จะว่าไปบรรยากาศตรงนี้มันคุ้นๆยังไงไม่รู้แถมลิงแถมค่างก็เยอะด้วยเขาอยู่แห่งหนใดกันแน่

"อ้าว...ทศกัณฐ์คู่กัดคู่แค้นของข้าเหตุใดเจ้าจึงมาเดินอยู่แถวเมืองของข้าเล่า"

ทศกัณฐ์เหลือบสายตาไปเห็นผู้ที่เอ่ยถ้อยคำถามเขาเมื่อสักครู่หากให้เดาก็คงจะไม่พ้นพญาพาลีผู้ปกครองกรุงขีดขินเป็นแน่จากการเห็นเป็นลิงตัวสีเขียวดูดุดันและแข็งแกร่ง

ด้วยสถานการณ์ที่ทศกัณฐ์คาดเดาได้อันพญาพาลีนั้นได้รับพรจากพระอิศวรเมื่อครั้งไปยกเขาพระสุเมรุให้สู้รบกับผู้ใดก็ให้กำลังของผู้นั้นลดลงไปกึ่งหนึ่งแล้วไปเพิ่มให้กับพญาพาลีจึงเป็นการยากที่จะสามารถเอาชนะได้

เพลานี้เวตาลก็กลับไปพักผ่อนมิได้มากับเขาแล้วเนื้อเรื่องในตอนนี้ก็ไม่ได้มีอยู่ในรามเกียรติ์ซะเมื่อไหร่เขาจะเปลี่ยนแปลงยังไงก็ได้เพราะว่ามันไม่ได้อยู่เรื่องหลักอยู่แล้ว

"โอ้...พญาพาลีลิงผู้เก่งกล้าอันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากจะรบกับเจ้าสักเท่าไหร่หรอกเราจะรบกันไปทำไมในเมื่อบางสิ่งบางอย่างมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะสู้รบกันในเรื่องไร้สาระเปลืองแรงเปลืองกำลังเปลืองทหารเปล่าๆเจ้าคิดเหมือนข้าไหม"

"ตั้งแต่เจอเจ้ามาครั้งนี้เจ้าพูดเข้าหูข้าที่สุดข้าก็เห็นด้วยกับเจ้าในเมื่อเจ้าคิดได้ดังนั้นข้าว่าเจ้าเข้ามาในเมืองข้าก่อนดีกว่ามารับประทานอาหารแล้วค่อยกลับก็ได้ดอกกรุงลงกาไม่หนีเจ้าไปไหน"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณเจ้ามาก"

"ไม่เป็นไรมาเลยมิต้องเกรงใจ"



จะว่าไปนครขีดขินก็สวยงามเหมือนกันนะเนี่ยเคยอ่านแต่ในรามเกียรติ์พอได้มาเห็นจริงๆไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้สวยยิ่งกว่าภาพวาดในฝาผนังที่เราเห็นตามวัดตามวาอีก

"เอ้าเชิญ....พวกเจ้าไปหาอาหารมาต้อนรับทศกัณฐ์สหายข้าหน่อยสิ" พาลีสั่งให้เหล่าลิงไปหาอาหารมาให้ทศกัณฐ์กินอันทศกัณฐ์นั้นมิได้สนใจคำสั่งกรมพาลีเลยแม้แต่น้อยหากแต่ว่าเขากำลังสงสัยว่าบุคคลที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือใครกันแน่

จะบอกเป็นผู้ชายก็ไม่เชิงเป็นผู้หญิงก็ไม่ชัดแถมยังมีเขาน้อยๆบนหัวอีกถ้าให้มองดูก็คงไม่ต่างอะไรจากกระบืออย่าบอกนะว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยเขาไม่อาจกลับไปอ่านรามเกียรติ์เรื่องเดิมได้อีกแล้วหากเป็นเช่นนั้น

"นี่พาลีข้าสงสัยเหลือเกินว่าบุคคลที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือผู้ใดหรือ" ทศกัณฐ์ถามพาลีแล้วก็หยิบแก้วน้ำเพื่อที่จะดื่ม

"บุคคลที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะหรือก็ทรพีไงเมียข้าเอง"

ทศกัณฐ์น้ำแทบพุ่งออกจากปาก เหตุใดทรพีเป็นเมียพาลีได้เนี่ยถ้าตามรามเกียรติ์จริงๆมันเป็นคู่กัดกันไม่ใช่หรือแถมยังฆ่ากันตายอันเป็นเหตุให้น้องชายอย่างสุครีพต้องออกจากเมืองอีก

"เขาเป็นบุรุษใช่หรือไม่"

"ก็ใช่ไง" ท้าวมาลีวราชเล่นอะไรกันเนี่ยวางผังเรื่องมั่วซั่วไปหมดที่เวตาลบอกอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเขาก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนเยอะขนาดนี้้

"เหตุใดเจ้ากับเขาจึงรักกันทั้งที่เจ้าทั้งสองก็เป็นบุรุษแท้ๆ"

"อันเพศชายต้องรักกับเพศหญิงเท่านั้นหรือส่วนเพศหญิงต้องรักกับเพศชายใช่หรือไม่...บัดนี้โลกเขารณรงค์ความเท่าเทียมกันแล้วตัวอย่างเช่นประเทศไทยเข้าถึงขั้นรณรงค์สมรสเท่าเทียมหากเจ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องเดิมๆแล้วสิทธิมนุษยชนของทุกคนจะได้เมื่อไหร่เล่า" 

ทศกัณฐ์ถึงกับตะลึงนี่ท้าวมาลีวราชไปสืบเสาะหาความรู้มาจากไหนเนี่ยเขานึกว่าวันๆจะนั่งตัดสินคดีความซะอีกทันสมัยเหมือนกันนะเนี่ย

"แล้วสุครีพล่ะไปไหน"

"อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้ข้าได้ยินข้าไม่ต้องการได้ยินอีก"

"เอาเถอะเจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังด้วยก็แล้วกัน"

"อันตอนที่ข้าสู้รบกับทรพีอยู่นั้นข้าเป็นฝ่ายชนะแต่ก็ดันเกิดความรักใคร่ซะนี่จะทำยังไงได้ก็ทรพีนั้นน่ารักจนบาดตาบาดใจข้านี่นาข้าก็เลยเข้าหอกับทรพีในถ้ำเหน็ดเหนื่อยจนไม่ได้ออกมาเลยแต่จู่ๆไอ้เจ้าสุครีพมันก็ดันเอาหินมาปิดปากถ้ำซะงั้นมันคิดจะไม่ให้ข้าครองกรุงขีดขินข้าจึงไล่มันออกจากเมืองไปแล้ว" 

ก็ยังคง concept ที่ว่าไล่สุครีพออกจากเมืองหากจะกล่าวถึงรามเกียรติ์นั้นพาลีก็ได้บอกกล่าวกับสุครีพก่อนที่จะเข้าไปสู้รบกับทรพีว่าถ้าเห็นเลือดเป็นสีแดงแสดงว่าเลือดของทรพีแต่หากเห็นเลือดเป็นสีใสแสดงว่าเป็นเลือดของพี่ให้เจ้าเอาหินมาปิดปากถ้ำได้เลยปรากฏว่าสู้รบกันนานพาลีเหนื่อยนอนหลับไปไอ้เลือดสีแดงที่ออกมานั้นก็ถูกฝนทำให้เลือดจางลงกลายเป็นสีใสสุครีพก็เข้าใจผิดจึงเอาหินมาปิดปากถ้ำแล้วก็เป็นเหตุที่ทำให้สุครีพต้องโดนไล่ออกจากเมืองนี่แหละ

คิดๆแล้วก็น่าเห็นใจสุครีพมิใช่น้อย....ทศกัณฐ์จึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อไปแล้วก็กินอาหารกับพาลีจนดึกดื่นจึงแสร้งถามทางไปกรุงลงกาจากพาลีโดยทำเป็นว่าจะทดสอบว่าสหายจะจำทางไปบ้านเมืองตนได้หรือไม่

ส่วนไอ้ความเป็นจริงนั้นกูจำทางกลับไม่ได้.....

___________________________________

1.สกิล(Skills) ความเชี่ยวชาญ,ชำนาญ ปรากฏในเกมค่อนข้างบ่อย

2.เลเวล คือระดับ ในที่นี้ผู้แต่งนำมาจากเลเวลในเกม Ark Survival Evolution

3.ค่าประสบการณ์  คือ เป็นค่าที่พบเห็นในเกมแนวRPG  มักเรียกเป็น exp หรือ XP ในที่นี้ผู้แต่งใช้xp ตามเกม Ark Survival Evolution นอกจากนี้ระบบบอกตำแหน่งหรือมาร์คนั้นก็นำมาจากในเกมดังกล่าวเช่นกัน โดยในเกมจะเป็นระบบบอกตำแหน่งไดโนเสาร์แต่ในนิยายเป็นระบบบอกตำแหน่งตัวละครต่างๆ

4.นางสนมกิ๊กก๊อก คือ เมียทศกัณฐ์รวมแล้วก็ 1,014 คน

5.เวสสุญาณเทพบุตร คือ เป็นผู้ที่รับคำสั่งจากพระอิศวรให้ลงมาจุติเป็นพิเภก

6.ตั๊กแตนตำข้าว คือ แมลงชนิดหนึ่งโดยตั๊กแตนตำข้าว มีอกปล้องแรกยาว มีลักษณะท่าทีชอบยืนขยับตัวขึ้นลง ๆ คล้ายอาการยงโย้ยงหยก จึงได้รับชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า "ตั๊กแตนโยงโย่" หรือ "ตั๊กแตนยงโย้" เนื่องจากมีขาคู่หน้าที่พัฒนาให้กลายเป็นขาหนีบใช้สำหรับจับเหยื่อ เวลาเมื่อไม่ได้ใช้งาน มักจะยกขึ้นประกบกันอยู่ที่ด้านหน้าคล้ายท่ายกมือไหว้หรือการจรดมวย อันเป็นที่มาของชื่อ ส่วนหัวของตั๊กแตนตำข้าว สามารถหมุนคอได้เกือบรอบ 360 องศา จัดเป็นแมลงที่สามารถมองผ่านไหล่ของตัวเองไปด้านหลังได้ นอกจากนี้แล้วยังมีตาเดี่ยวอีกสามดวงตาอยู่ตรงกลางหน้าผากระหว่างตารวมทั้งสองข้าง ตาเดี่ยวทำหน้าที่รับแสงมากกว่ารับภาพเหมือนตารวม

7.เพลา คือ เวลา

8.ประทานพร คือ เป็นพรที่อินทรชิตได้รับจากการบำเพ็ญตบะ เมื่อบำเพ็ญจนเก่งกล้าแล้ว จึงทำพิธีขออาวุธวิเศษต่อมหาเทพทั้ง 3 มหาเทพจึงประทานอาวุธวิเศษให้ คือ 

พระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์ และมอบพรสามารถแปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้

พระพรหมประทานศรนาคบาศ และมอบพรหากเศียรตกลงพื้น จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ต้องนำพานแว่นฟ้าของพระพรหมเท่านั้นมารองรับเศียรจึงจะระงับเหตุได้

พระนารายณ์ประทานศรวิษณุปาณัม

9.ปาราวตี คือ  ปารวตี หรือ อุมา เป็นเทวีในศาสนาฮินดู เป็นเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความรัก การอุทิศตน ตลอดจนพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์





เอ็นดูน้องทศกัณฐ์ไม่ไหวน้องหาทางกลับบ้านไม่เจอ5555.....เป็นยังไงกันบ้างสนุกกันไหมถ้าสนุกก็ช่วยเม้นด้วยน๊าาาาา

เนื้อคู่ทศกัณฐ์จะเป็นใครกันแน่นะรอติดตามตอนต่อไปได้เลย
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:18:49
02 พบรักที่มิถิลา

เนื้อหาในบทนี้มีส่วนเหมือนกับ รับรักข้าเถิดองค์ราม หากผู้ใดเคยอ่าน ให้รู้ไว้ว่าผู้แต่งคนเดียวกันแต่มาเขียนเรื่องนี้แทน


อรุณสวัสดิ์ทุกท่านกระผมชลธีไงจะใครล่ะบัดนี้ผมก็ลุกขึ้นมานั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากหลับไหลมาเนิ่นนานเอาเข้าจริงๆก็คงนอนไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงหรอกเพราะว่ากว่าจะกินเลี้ยงกับพวกพาลีเสร็จก็ใช้เวลานานพอสมควรมาถึงบ้านปุ๊บก็ฟุบหลับเป็นตายเลยล่ะ

ทว่าดูเหมือนฟ้าและโชคชะตาจะกลั่นแกล้งเขานักทศกัณฐ์ยังหลับได้ไม่เต็มอิ่มก็ส่งพญามารในรูปแบบของค้างคาวผีมาปลุกเขาซะได้ฟังไม่ผิดหรอกครับมันก็คือไอ้เวตาลนั่นแหละใจจริงก็อยากจะจับมันมาผัดกระเพราซะให้เรียบร้อยแต่ติดตรงที่ว่ามันหักคะแนนผมได้นี่สิก็เลยทำอะไรมันไม่ได้นอกจากแอบด่ามันลับหลัง

"ท่านทศกัณฐ์วันนี้มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาให้ท่านทำอีกแล้ว" ภารกิจอะไรอี๊ก...คราวที่แล้วบุกเมืองสวรรค์ไปสู้กับพระอินทร์จนชนะยังไม่ใหญ่พออีกเหรอทศกัณฐ์ได้แต่บ่นในใจพลางเหลือบดูจอเวทมนต์สี่เหลี่ยมที่เกิดขึ้นจากเวตาลแถลงไขภารกิจในวันนี้

[ภารกิจหลัก สั่งนางกากนาสูรไปจัดการเหล่าฤาษีที่บำเพ็ญตบะ หากทำสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 10000Xp] โอ้โหได้ 10,000 เชียวหรือเนี่ยคงจะปลดล็อค level ทักษะต่างๆให้เขาได้มากโขเลยล่ะ

"เริ่มทำภารกิจตอนใด"

"เริ่มได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

"ขอบใจเจ้ามากถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจักดำเนินการให้เร็วที่สุด"

หลังจากทศกัณฐ์พูดคุยกับเวตาลเสร็จไอ้ค้างคาวผีนั่นมันก็หายวับไปกับตาราวกับว่ามันมาเพื่อส่งข่าวยังไงยังงั้น....ทีตอนกูทำผิดเนื้อเรื่องนี่โผล่มาบ๊อยบ่อย...พอแจ้งภารกิจให้กูปั๊บไม่ชี้นำอะไรเลย

ก็ได้แต่บ่นไปเท่านั้นแหละครับทำอะไรมากไม่ได้หรอกหลวมตัวเข้ามาอยู่ในนี้แล้วนี่เอาเข้าจริงๆชลธีก็ชินแล้วล่ะสำหรับการเข้ามาอยู่ในโลกของวรรณคดีเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะว่าเขาถนัดในด้านของรามเกียรติ์ด้วยทำให้เขาสามารถเข้าใจบทบาทตัวละครได้อย่างแจ่มแจ้งและลึกซึ้ง

พญายักษาผู้ครองกรุงลงกานั่งครุ่นคิดอยู่ ณห้องโถงแววตาที่ดุดันพลันดูห่อเหี่ยวสิ้นดี....สาเหตุคงเดาได้ไม่ยากหากเป็นทศกัณฐ์ในเรื่องนี้นั้นก็ไม่รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น...แต่เขารู้ทุกอย่างหากส่งนางกากนาสูรไปรุกรานเหล่าฤาษีที่บำเพ็ญตบะอยู่นั้นในรอบแรกนางก็กลับมาแต่ครั้งที่ 2 ที่ส่งไปนางก็ต้องโดนศรของพระรามสังหารอยู่ดี

จะว่าไปนางกากนาสูรนี้ก็มีฤทธิ์เดชใช่ย่อยซ้ำยังสามารถขยายร่างเป็นอีกาขนาดยักษ์ได้อีกเมื่อถึงตอนที่รบกับพระรามนั้นนางคงมีประโยชน์ต่อเราอย่างแน่แท้

แต่ว่าถ้านางตายไปการสู้รบก็คงจะเสียเปรียบเป็นแน่ในหัวของเขาตอนนี้ครุ่นคิดเป็นอย่างมากว่าจะทำอย่างไรให้นางกากนาสูรไม่ต้องตายถ้าเขาจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องมันก็ดูเหมือนจะเร็วเกินไปความดีอันทรงคุณค่าก็ยังไม่ทันจะมีโดนหักค่าความดีเป็นสิบกว่าจะฟื้นฟูกลับมาคืนได้ก็คงใช้เวลานานหากถึงเวลาสำคัญจริงๆก็คงไม่ได้ใช้เป็นแน่

เอาวะลองดูสักตั้งก็แล้วกันได้วิธีแล้วหากใช้วิธีนี้มันคงต้องสำเร็จบ้างแหละ

"ทหารจงไปตามนางกากนาสูรมาเข้าเฝ้าข้าเดี๋ยวนี้"

"พะย่ะค่ะ"

หลังจากทศกัณฐ์ออกคำสั่งให้ทหารไปตามนางกากนาสูรได้ไม่นานก็มีนางยักษ์กายสีม่วงตาจระเข้สันฐานปากเป็นอีกาเดินเข้ามาเมื่อเข้ามาถึงก็ก้มหน้าทำความเคารพทศกัณฐ์ลักษณะดูเหมือนจะสั่นกลัวราวกับว่าต้องโทษประหารอย่างใดอย่างนั้น

กูอยากรู้จริงๆไอ้ทศกัณฐ์มันน่ากลัวตรงไหนเนี่ยถ้าเป็นเวอร์ชั่นก่อนจะไม่ว่าเลยสักคำมึงช่วยแหกตาดูด้วยเถิดว่าหน้ากูเนี่ยไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลย

แต่ก็เอาเถอะคนขี้กลัวยังไงก็ขี้กลัวอยู่วันยังค่ำรีบฟังรีบเสร็จภารกิจจะได้บรรลุเป้าหมายและปลดล็อคทักษะจะดีกว่า

จะว่าไปตอนนี้ level เราก็ถึงได้ความสามารถปลดล็อคท่ากายสิทธิ์ได้แล้วนี่ก็คงแข็งแกร่งบ้างแหละถึงจะเลเวลยังไม่เลื่อนก็เพราะว่าโดนหักการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องทำให้ค่าประสบการณ์ถูกหัก 2500 ก็เถอะแต่ว่าถ้าครั้งนี้เราทำสำเร็จถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องแต่เมื่อโดนหักก็คงได้รับการเลื่อนเลเวลเป็นแน่

คุณคิดได้คู่หนึ่งก็นึกได้ว่านางกากนาสูรยังก้มหน้าอยู่เพื่อรอคำบัญชาที่ถูกสั่งจากนายเหนือหัวของมันอยู่...เกือบลืมไปเสียสนิทเลยไหมล่ะ

"นางกากนาสูรเจ้ามาก็ดีแล้วข้ามีเรื่องที่ต้องการให้เจ้าทำ"

"จะให้หม่อมฉันทำอะไรหรือเพคะท่านทศกัณฐ์"

"บัดนี้พวกฤาษีบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าหากพวกมันยังทำต่อไปได้อีกละก็พวกมันคงแข็งแกร่งและเป็นคู่แข่งของพวกเราเหล่าอสูรเป็นแน่ข้าจึงใคร่อยากให้เจ้าไปจัดการพวกมันไม่ให้บำเพ็ญตบะซะ"

"เพคะท่านทศกัณฐ์หม่อมฉันจะจัดการให้พวกมันไม่กล้าบำเพ็ญตบะอีกเลย"

"ดีถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าจงรีบดำเนินการเถิด"

"เพคะ"

หลังจากที่นางกากนาสูรออกไปดำเนินการตามภารกิจแล้วนั้นทศกัณฐ์ก็คิดหาวิธีที่จะทำให้นางกากนาสูรไม่ตาย...จะว่าไปวิธีช่วยเหลือก็ยากยิ่งตัวพระรามนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีฝีมืออะไรแถมยังมากับพระลักษมณ์อีกฤทธิ์เดชเยอะใช่ย่อย

ทศกัณฐ์ฝึกหัดอย่างเราคงสู้ได้ยากเป็นแน่...จริงสิเรามีพิเภกอยู่นี่นาน้องชายของเราบุคคลผู้เปรียบเสมือนตัวบั๊ก¹แห่งรามเกียรติ์หากเราเรียกมาถามคงมีวิธีดีๆเป็นแน่

หลังจากนั้นทศกัณฐ์จึงให้ทหารไปตามพิเภกมาเข้าพบด้วยความที่ทศกัณฐ์บอกว่าไม่ต้องเกรงกลัวเขาให้มากพิเภกจึงมีความกดดันน้อยลงทำให้ทศกัณฐ์พึงพอใจเป็นอย่างมาก....ในที่สุดมึงก็ไม่ก้มหน้าตอนมาหากูสักที

"ท่านพี่เรียกข้ามามีอันใดรึ"

"เจ้าจงดูดวงชะตาของนางกากนาสูรด้วยเถิดว่านางจะเป็นเช่นไร" พูดจบพิเภกก็เอากระดานชนวนขึ้นมาขีดๆเขียนๆแล้วตอบทศกัณฐ์มาอย่างรวดเร็ว....อันที่จริงเขาคิดว่ามันควรได้เป็นบิดาแห่งคณิตศาสตร์โลกก็ดูดิแม่งเขียนคิดเลขอย่างเร็ว

"อันว่านางกากนาสูรนั้นออกไปจัดการเหล่าฤาษีในคราแรกจะไม่เป็นไรแต่หากออกไปในครั้งที่ 2 แล้วไซร้นางจักต้องตายด้วยศรของพระรามโอรสแห่งอโยธยาเป็นแน่"

"ข้ามิต้องการให้นางตายข้าควรต้องทำเช่นไรดีพิเภก"

"อันว่าพระรามนั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจดีจิตใจบริสุทธิ์หากท่านพี่ได้เข้าไปพูดคุยกับเขาแล้วเขาย่อมไม่ฆ่าล้างผลาญชีวานางกากนาสูรพะย่ะค่ะ"

เดี๋ยวก่อนมึงจะให้กูไปหาพระรามเลยเนี่ยนะเขาก็ฆ่ากูตายพอดีจะว่าไปอโยธยามันอยู่ตรงไหนเนี่ยแค่คิดกูก็หลงทางแล้ว

"ข้าจักไปได้เช่นไรเล่าในเมื่อกรุงอโยธยาข้ายังไม่รู้จักเลยว่าอยู่แห่งหนใด"

"ท่านพี่ไม่ต้องคิดมากดอกท่านพี่ก็รอแค่การออกไปจัดการฤาษีครั้งที่ 2 ของนางกากนาสูรท่านพี่ก็ลองไปชวนพระรามคุยดูขอให้ไว้ชีวิตนางเท่านี้ก็พอแล้ว"

"หากเจ้าคิดเช่นนั้นพี่ก็จะทำตามหวังว่าจะได้ผลนะ"

"ไม่มีผิดพลาดแน่นอนพะย่ะค่ะ"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอบใจเจ้ามากที่มาให้คำปรึกษาในวันนี้เอาล่ะเจ้าไปพักผ่อนเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

Part กากนาสูร

นางกากนาสูรบินโฉบเฉี่ยวมาดังสถานที่บำเพ็ญตบะของเราฤาษีหลังจากนั้นจึงได้เอ่ยสุนทร²ออกไปว่า

"ชิชะพวกฤาษีข้าขอสั่งให้พวกท่านหยุดบำเพ็ญตบะเดี๋ยวนี้มิฉะนั้นจะได้รับอันตราย"

"เจ้าอีกาปากร้ายพวกเราบำเพ็ญตบะมาเนิ่นนานเหตุใดข้าต้องหยุดการบำเพ็ญตบะดังคำที่เจ้าบอก"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นเราคงได้เห็นดีกันแน่พระดาบส"

"เจ้าจะทำอะไร"

"ก็จะสั่งสอนให้พวกท่านรู้ไงว่าหากไม่ทำตามที่ข้าบอกจะเป็นอย่างไร"

"...."

"ทหารจัดการ"

เหล่าทหารพร้อมกับนางกากนาสูรเข้าจู่โจมเราฤาษีทั้งหมดจนได้รับบาดเจ็บกันไม่เป็นอันที่จะบำเพ็ญตบะต่อได้อีกเมื่อเห็นดังนั้นแล้วจึงถอนทัพกลับไปในที่สุด

"โอย....เจ็บปวดเหลือเกินเห็นทีพวกมันคงไม่อยากให้เราบำเพ็ญตบะเป็นแน่"

"ข้าว่าเราไปปรึกษาฤาษีวสิษฐ์กับฤาษีสวามิตรจะดีกว่า"

"ข้าเห็นด้วยถ้าเป็นเช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ"

ฤาษีทั้งหลายจึงรีบเดินทางไปพบกับฤาษีวสิษฐ์และฤาษีสวามิตร

เมื่อมาถึงจึงได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฤาษีทั้งสองฟังฤาษีทั้งสองจึงรับปากจะช่วยเหลือแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปสู่เมืองอโยธยาเพื่อขอความช่วยเหลือจากท้าวทศรถ³

"ที่ท่านฤาษีพูดมาข้าก็อยากจะช่วยเหลือท่านแต่ตัวข้านั้นก็แก่เต็มทีจะสู้รบอะไรก็คงจะลำบาก"

"ข้าขออาสาออกรบเองพะย่ะค่ะ" พระรามเอ่ยปากพูด

"ถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อก็ฝากให้เจ้าออกไปช่วยรบขอให้เจ้าได้รับชัยชนะกลับมานะลูกพ่อ"

"การศึกครั้งนี้เป็นการสู้กับอสูรข้าเกรงว่าพี่รามคงจะรับมือลำบากเพราะฉะนั้นข้าขอไปด้วยอีกคนพะย่ะค่ะ" พระลักษณ์เอ่ยบอกความประสงค์....หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วพระรามพระลักษณ์และฤาษีทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังอาศรมของพระฤาษีเพื่อพักผ่อนพร้อมที่จะออกรบในวันพรุ่งนี้

เมื่อมาถึงอาศรมของพระฤาษีพระรามก็ถามไถ่เกี่ยวกับความรักของตน

"ท่านฤาษีทั้งสองท่านทราบหรือไม่ว่ารักแท้ของข้าคือใครกันข้าลองให้โหรทำนายแล้วโหรก็มิอาจที่จะล่วงรู้ได้"

"เนื้อคู่ของท่านนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกพระรามอีกไม่นานท่านก็คงได้พบแล้วล่ะ" ฤาษีวสิษฐ์เอ่ยตอบพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

"แล้วเหตุใดท่านไม่บอกมาเลยล่ะว่าเขาผู้นั้นคือใคร"

"หากข้าบอกไปมันจะขัดต่อโชคชะตาของท่านข้าจึงมิอาจที่จะบอกได้"

"หากท่านฤาษีเห็นควรว่ายังไม่ควรที่จะบอกข้า...ข้าก็น้อมรับความเห็นของท่าน"

"เอาเถอะท่านรีบนอนเถิดพักผ่อนไว้วันพรุ่งนี้เวลารบจะได้ไม่เหนื่อย"

"ขอบคุณท่านฤาษีอย่างมากข้าจะนอนเดี๋ยวนี้แหละ"

ด้านกรุงลงกา

เวลาเช้าตรู่ของอีกวันทศกัณฐ์ได้รับแจ้งจากทหารว่าเหล่าฤษียังคงบำเพ็ญตบะอยู่ก็ทราบได้ในทันทีว่าวันนี้จะเป็นวันตายของนางกากนาสูรเห็นทีตนจะต้องทำอะไรสักอย่าง...พอนึกถึงคำพูดของพิเภกที่เคยแนะนำก็รีบดำเนินการตามแผนทันที

"นางกากนาสูรเจ้าจงไปจัดการเหล่าฤาษีนั้นอีกอย่าให้บำเพ็ญตบะได้อีก"

"เพคะ"

เอาล่ะคงต้องเริ่มแผนการแล้วล่ะหวังว่าจะทำสำเร็จล่ะนะ

ทศกัณฐ์เหาะออกไปนอกเมืองทันทีเพื่อได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้....เอ..จะว่าไปจุดที่ฤาษีบำเพ็ญตบะมันอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย

"เวตาลหาตำแหน่งฤาษีบำเพ็ญตบะให้ข้าที"

"มาร์คจุดเรียบร้อย"

ทศกัณฐ์เหาะมาหยุดซุ่มตรงโคนไม้ใหญ่เพื่อหลบหลีกหนีสายตาของทุกคน...คนนั้นน่าจะพระลักษมณ์ส่วนนั่นพระราม....เชี่ย...พ่อพระเอกจะหล่อไปไหนวะเนี่ยเล่นเอากูดรอปไปเลยสาบานว่ามึงเป็นพระเอกในวรรณคดีกูนึกว่าดาราเกาหลี

สถานการณ์ไม่สู้ดีนักนางกากนาสูรกำลังถูกรุมหากเป็นเช่นนี้ไม่นานนางคงโดนศรของพระรามสังหารเป็นแน่...แล้วแผนการที่เราวางไว้จะล้มเหลว

"เปิดใช้ทักษะแปลงกาย...."

โปรดเลือกร่างที่ต้องการ

เหยี่ยวสีฟ้า

ดำเนินการแปลงกายเสร็จสิ้น

เอาล่ะคงต้องช่วยนางกากนาสูรแล้ว...เหยี่ยวยักษ์สีฟ้าบินมาใช้ปีกโบกสะบัดจนเกิดพายุลมโหมกระหน่ำพัดพาเหล่าฤาษีกระเด็นกระดอนไปคนละทาง

ขออภัยอย่างสูงท่านผู้ทรงศีลข้าไม่อยากทำเช่นนี้ดอกแต่สถานการณ์มันบังคับเอาเป็นว่าจะทำให้เบาสุดๆแล้วกัน....หลังจากโหมกระหน่ำพายุได้เพียงครู่เหยี่ยวยักษ์ก็บินหนีเข้าป่าไป

พระรามเห็นดังนั้นจึงเอ่ยบอกกับน้องชายนามพระลักษมณ์ว่า

"ลักษมณ์เจ้าจงต้านทัพนางกากนาสูรไว้ก่อนพี่จะตามไปจัดการเหยี่ยวตัวนั้น"

"พระเจ้าค่ะท่านพี่"

พระรามวิ่งตามเหยี่ยวตัวนั้นมาติดๆก็พลันนึกได้ว่าตนมีศรวิเศษอยู่จึงหยิบศรมาแล้วทำการยิงไปใส่เหยี่ยวยักษ์ทันที

ทศกัณฐ์ในร่างเหยี่ยวเห็นดังนั้นก็หาทางหลบหลีกในทันทีแต่ทว่าศรที่ถูกยิงมานั้นมีจำนวนมากเกินจะหลบหลีกทำให้ถูกตัวทศกัณฐ์ในร่างเหยี่ยวเต็มๆถึง 5 ศร

โอย...เจ็บเป็นบ้าไหนมึงปลดล็อคกายสิทธิ์แล้ววะทำไมมันยังเจ็บอยู่เนี่ย

กายสิทธิ์นั้นปกป้องท่านจากอาวุธที่ไม่ร้ายแรงแต่นี่เป็นอาวุธที่มีอานุภาพมากจึงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างที่เห็น

โอเค...ไอ้ระบบเฮงซวยเป็นเช่นนั้นมึงไม่ต้องเอาทักษะนี้มาให้กูก็ได้

เอาวะหลบลงไปในพุ่มนั้นก่อนแล้วกันหวังว่าพ่อพระเอกสุดหล่อจะหากูไม่เจอนะถ้ามันหาเจอก็ตัวใครตัวมันล่ะ

ทศกัณฐ์กลับคืนสู่ร่างเดิมแล้วก็ดึงศรที่ปักร่างกายออกไปไว้ด้านข้างนอนเหนื่อยหอบเหมือนหมดแรง...ให้ตายสิหากมีสงครามกันเขาจะเอาอะไรไปสู้พระรามได้ล่ะเนี่ย

"เจ้าเป็นใคร" ทศกัณฐ์สะดุ้งเฮือก...เมื่อได้ยินเสียงของบุคคลที่พึ่งจะวิ่งไล่ยิ่งเขามาหมาดๆ...มันหาเจอได้ไงเนี่ย

"ข้าเดินหลงป่ามาหลายวันแล้วหาทางกลับเมืองไม่เจอพอดีได้ยินเสียงผู้คนจึงจะหวังเข้าไปถามไถ่แต่กลับโดนศรอะไรไม่รู้เจ็บมากเลย" เอาล่ะรางวัลโนเบลสาขาตอแหลต้องเข้าแล้วแหละนาทีนี้

"ข้าขอโทษข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ในป่าพอดีข้าไล่ยิงเหยี่ยวยักษ์สีฟ้าอยู่"

"ไม่เป็นไรพอดีไม่ได้โดนตัวข้ามากเท่าไหร่เลยไม่เป็นอะไรมาก"

"แต่ข้าต้องรับผิดชอบ" จ้าพ่อคนที่มีใจเป็นบุญสุนทานพ่อพระเอกที่เป็นคนดีทำเอาซะกูดูเหี้ยไปเลยในตอนนี้

 "ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก....โอ้ยยย" นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำหน้าแทบคะมำเจ็บเชี่ยๆศรของมึงเนี่ย

"เจ้าเดินไม่ไหวหรอกมานี่ขี่หลังข้าจะดีกว่า"

"ไม่เป็นไรข้าเกรงใจเจ้า"

"อย่าดื้อให้มากขึ้นมา" เห้ย...กูพญายักษ์ผู้น่าเกรงขามนะเนี่ยด่าซะกูดูน่ารักไปเลย

สุดท้ายก็ขัดใจพ่อพระเอกคนหล่อมิได้จำยอมต้องขึ้นขี่หลังแต่โดยดี...อย่าให้ใครมาเห็นเชียวอับอายไปทั่วโลกเป็นแน่

"เจ้าชื่ออะไรหรือ"

"ข้าเอ่อ...ชื่อ.." เอาไงดีวะไม่ได้เตรียมแผนหลอกโดยใช้ชื่อปลอมซะด้วยสิ

"พี่รามช่วยข้าด้วยข้าจะต้านไม่ไหวแล้ว" ขอบพระคุณพระลักษมณ์อย่างสุดซึ้งที่ช่วยกระผมในครั้งนี้

"เจ้านั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวข้ากลับมาอย่าไปไหนล่ะ"

"อืมได้ข้าจะรอเจ้า"

พระรามไปแล้วจะมารออะไรล่ะครับไปดีกว่าแปลงร่างเป็นตั๊กแตนตำข้าวขนาดเล็กบินไปโลด

ทศกัณฐ์บินมาเกาะที่ไหล่ของนางกากนาสูรพร้อกับบอกให้ถอยทัพกลับไปถึงแม้นว่านางกากนาสูรจะยังไม่ยากที่จะถอยเพราะเห็นว่าตนได้เปรียบก็เถอะแต่มันก็มิอาจขัดความประสงค์ของนายเหนือหัวของมันได้จึงถอยทัพกลับไปแต่โดยดี

ด้านพระรามพอมาถึงก็ไม่เห็นผู้ใดจึงไต่ถามพอได้ความแล้วก็รีบกลับไปหาทศกัณฐ์ที่พึ่งหนีกลับลงกาไปเมื่อกี๊

"บ้าจริงบอกให้รอไม่รู้จักรอเลยดื้อจริงๆนะเจ้าเนี่ย"

เสียดายจริงๆข้าน่าจะจัดการซะตั้งแต่เมื่อกี๊ให้เสร็จสิ้นจะได้ไม่หนีไปไหนได้คราวหน้าถ้าเจออีกล่ะก็เสร็จข้าแน่....



ภารกิจสำเร็จ ได้รับ xp10000 เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องถูกหัก5000 xp

Level up

ปลดล็อคทักษะแปลงกายได้ทุกอย่าง

เอาซะอย่างน้อยเลเวลก็เลื่อนรู้สึกดีใจเป็นบ้าถึงเลเวลจะเลื่อนน้อยไปก็เถอะแต่ก็ไม่เป็นอะไรยังไงหนทางก็อีกยาวไกล

ค่าเสน่หา เพิ่มขึ้น 500

ห๊ะ...จู่ๆก็ขึ้นเนี่ยนะเสน่หาอะไรกูไม่ได้มีฉากสวีทกับใครเลยนะโว้ย....มึงจะขึ้นมั่วๆไม่ได้นะ

ขณะนี้ท่านได้มีจิตใจที่ดีงามในการช่วยเหลือนางกากนาสูรให้รอดพ้นจากความตายถึงจะเป็นการกระทำที่ไม่สมควรทำเพราะมันขัดต่อเนื้อเรื่องแต่ด้วยความไร้ระเบียบวินัย ความเอาแต่ใจ และความบ้าบอของท่านจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเราจึงขอมอบความดีอันทรงคุณค่าให้ท่าน 1 ความดี

ตกลงมึงจะชมหรือด่ากูกันแน่เนี่ยน่าตบจริงๆไอ้เวตาลนี่

แต่จะว่าความดีอันทรงคุณค่ามาแล้วเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องเลยดีกว่ายังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

"ข้าขอเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง"

ท่านต้องการเปลี่ยนแปลงในทิศทางใดโปรดระบุรายละเอียด

"ข้าต้องการให้นางสีดารู้ว่าข้าเป็นพ่อของเขาเวลาข้าไผลักพานางมาจะได้ไม่เกิดสงคราม"

คำขอของท่านไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องที่สำคัญมากๆได้หากแต่เปลี่ยนได้แต่เพียงเนื้อเรื่องยิบย่อยเท่านั้น

แล้วมึงจะบอกว่าเปลี่ยนได้ทำไมล่ะเนี่ยในเมื่อพอกูเปลี่ยนมึงก็ไม่อนุญาต

"แล้วข้าจะเปลี่ยนยังไงได้ล่ะ"

หากตามคำขอท่านแล้วท่านสามารถเปลี่ยนแปลงให้นางสีดาทราบว่าท่านเป็นพ่อได้แต่มีผลกระทบคือพระลักษมณ์จะกลายเป็นคู่ของนางสีดาและผู้อื่นจะไม่ทราบว่านางเป็นบุตรของท่านและหากท่านไปนำตัวนางมากรุงก็จะยังเกิดสงครามอยู่ดี

ขนาดกูเปลี่ยนแปลงขนาดนี้มึงก็ยังดึงดันให้มันเกิดสงครามจนได้เนาะแต่ก็เอาเถอะให้สีดารู้ว่าเป็นพ่อก็ยังดีกว่าเนื้อเรื่องเดิมเป็นไหนๆ

"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ตกลงเปลี่ยนแปลงตามนั้นได้เลย"

ระบบกำลังปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง

กรุณารอสักครู่

เปลี่ยนแปลงสำเร็จ

โล่งใจไปอีก 1 เรื่องแต่มันก็ยังเหลืออีก 1 เรื่องอยู่ดีที่เขายังสงสัยไม่หายสรุปไอ้ค่าเสน่หาที่มันขึ้นใครกันที่เป็นคู่ของเขา

เนื่องจากท่านปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องทำให้มีภารกิจเข้ามาใหม่

ภารกิจอะไรอีกเนี่ย...ชีวิตทศกัณฐ์นี้มันน่าอับสูหดหู่จริงๆเลยจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งทีทำไมมันยุ่งยากจังวะเนี่ย

[ภารกิจจำเป็น เข้าพบนางสีดาโดยมิให้ผู้ใดรู้หากทำเสร็จจะได้รับค่าประสบการ์ณ 5500 Xp]

ช่างเป็นภารกิจที่เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายการหลบหลีกหนีให้พ้นสายตาทหารทั้งเมืองจะทำได้เช่นไรเล่านี่...แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็เปลี่ยนแล้วก็คงต้องทำตามแล้วล่ะปฏิเสธคงไม่ได้

"เวตาลช่วยบอกตำแหน่งนางสีดาด้วยเถิด"

มาร์คตำแหน่งนางสีดาเรียบร้อย อีก 60 กิโลเมตร

เออไกลชิบหายแต่ไม่ยากเกินความสามารถแปลงร่างเป็นนกบินไปไม่นานก็คงถึงแล้วล่ะ

ทศกัณฐ์จึงแปลงร่างเป็นเหยี่ยวสีฟ้าบินไปด้วยความเร็วสูงไม่นานนักก็มาถึงกรุงลงกาจึึงแปลงร่างเป็นแมลงหวี่ตัวเล็กบินเข้าไปหานางสีดาที่นั่งอยู่คนเดียวแล้งก็คืนร่างดังเดิม

พอนางสีดาเห็นหน้าทศกัณฐ์ก็ดีใจสุดขีดที่ได้พบพ่อตนเอง

"ท่านพ่อ"

"ลูกพ่อ"

ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง...เอ่อ..ที่พูดเมื่อกี๊น่ะสีดาล้วนๆไม่เกี่ยวกับกูเลยกูก็แค่เล่นตามบทเฉยๆ

"เพลานี้ท่านท้าวชนกก็ประกาศหาคู่ให้ลูกแล้วนะเพคะไม่นานก็คงมีเจ้าชายจากเมืองต่างๆมาแข่งขันกันเป็นแน่"

"เป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าจะได้มีคู่ครอง" ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าคือพระลักษมณ์ก็เถอะ

"ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อก็พักผ่อนในอีกห้องเถิดเพคะห้องนี้ไม่มีใครเห็นท่านพ่อแน่นอน"

"ขอบใจเจ้ามากสีดา"

ทั้งสองพูดคุยกันจนเข้าใจแล้วทศกัณฐ์จึงเข้าไปพักผ่อนในห้องที่สีดาบอกด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางจึงหลับไหลไปในที่สุด



มาจะกล่าวบทไปถึงการประกาศหาคู่ครองให้กับนางสีดาเพียงไม่กี่วันเรื่องก็โจษจันไปทั่วหล้าเจ้าชายต่างๆ รีบเดินทางมาเพื่อหวังจะชิงชัย
เรื่องทราบถึงโยคีก็นั่งพูดคุยกันอึงมี่⁴จนมาถึงอาศรมของฤาษีสวามิตรและฤาษีวสิษฐ์ ฤาษีทั้งสองจึงรีบนำความไปบอกแก่พระรามและพระลักษมณ์
"ท่านคิดว่านางสีดานั้นเหมาะสมที่จะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับพระลักษมณ์เหมือนข้าหรือไม่" ฤาษีวสิษฐ์เอ่ยถาม
"ข้าก็คิดไม่ได้ต่างจากท่านองค์ชายลักษมณ์นั้นมีฝีมือในด้านของการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดแถมยังรูปงามอีกทั้งน่าเกรงขามคงหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว" ฤาษีสวามิตรพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบในทันใด
"ถ้าท่านเห็นด้วยดังนั้นข้าว่าเราควรรีบไปแจ้งแก่ท้าวทศรถถึงความมุ่งหมายนี้เถิด"
ว่าแล้วฤาษีทั้งสองก็มุ่งหน้าสู่เมืองอโยธยาเพื่อแจ้งข่าวสารแก่ท้าวทศรถ


ณ เมือง อโยธยา

"ถ้าท่านทั้งสองเห็นว่าลูกลักษมณ์ของเราควรที่จะครองคู่กับนางสีดาแล้วนั้นเราก็คงเห็นด้วยเชิญท่านนำลูกเราไปที่เมืองนั้นด้วยเถิด"
ท้าวทศรถทราบความจากพระฤาษีทั้งสองก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่งจึงอนุญาตให้พระรามและพระลักษมณ์ไปที่เมืองมิถิลาตามคำขอของพระฤาษีทั้งสอง
หลังจากพูดคุยกันเสร็จสรรพฤาษีทั้งสองและพระลักษมณ์กับพระรามก็มุ่งหน้าสู่เมืองมิถิลา
ลัดเลาะริมธารป่าใหญ่ ผ่านป่าเขาลำเนาไพร
ครั้นถึงมิถิลาเกรียงไกร ก็ไคลคลาเท้าเข้าบุรี

ครั้นมาถึงเมืองกันเรียบร้อยแล้วก็ได้ยินเสียงดังชุลมุนวุ่นวายไปทั่วจากเจ้าชายเมืองต่างๆ งานครั้งนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่นัก พระลักษมณ์ที่มีความตื่นเต้นเพราะไม่เคยเจอผู้คนมากมายถึงเพียงนี้อีกทั้งบ้านเมืองก็สวยงามแปลกตาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

กล่าวถึงนางสีดาผู้เลอโฉมเป็นผู้ที่เจ้าชายต่างๆ หมายปองที่จะได้ไปเป็นคู่ครองในวันนี้มองลอดช่องบัญชร⁵ลงมานัยน์เนตรก็สบเนตรกับพระลักษมณ์ ความเสน่หาก็บังเกิดขึ้นในทันใด


หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:19:51
สีดา:

อันชายชาญ ผู้นี้ ช่างงามนัก

สุดจะหัก ห้ามจิต มิคิดได้

ดั่งดารา ส่องแสง บนฟ้าไกล

งามไม่หน่าย น่ามอง น่าแลชม

เหตุใดเล่า เราถึงได้ อาวรณ์นัก

ใจจึงภักดิ์ รักท่าน ไม่ขื่นขม

หรือเคยคู่ เคียงกัน ร่วมภิรมย์

เป็นคู่สม กันมา แต่ชาติใด

คงเป็นเพราะ บุพเพ สันนิวาส

แยกเราขาด จากกัน นั้นมิได้

จึงได้ถูก ชะตา ต้องทรวงใน

รักกันได้ แค่เเรกพบ ประสบตา



พระลักษมณ์:

อันนารี สวยงาม เห็นมามาก

แต่ช่างยาก ที่จะงาม เท่าเจ้าได้

ช่างโสภา งามแท้ แม่ทรามวัย

เหตุอันใด ถึงได้ ถูกชะตา

เหมือนดั่งดาว พริ้งพราว วับวาวผ่อง

เพียงได้จ้อง ดูเจ้า เฝ้าห่วงหา

โอ้เหตุใด ถึงได้ มากโสภา

ให้ครวญหา กานดา ถึงเพียงนี้

เพียงแรกเห็น ใจข้าเต้น สุดในทรวง

รักพุ่มพวง สุดใจ ไม่หน่ายหนี

ขอให้เรา ได้ร่วมคู่ ร่วมชีวี

รักเจ้านี้ เป็นแน่ แม่ศรีไพร



จะกล่าวถึงหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศาผู้เรืองฤทธิ์ทานั่งมองอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าก็แคลงใจ
เจ้าชายที่เสด็จมายังเมืองนี้มากล้นแต่ละคนก็มุ่งหมายนางสีดาทั้งสิ้นหากไม่ได้ดังสมใจที่พวกตนถวิล⁶คงจะรบราฆ่าฟันกันเป็นแน่เห็นทีตัวข้าจักต้องลงไปเป็นประธานในพิธีสักหน่อยอย่างน้อยพวกเจ้าชายทั้งหลายคงเกรงใจบ้าง
"เทวดาทั้งหลายเจ้าจงลงไปกับข้ามุ่งสู่เมืองมิถิลาเพื่อเป็นประธานในพิธียกคันธนูโมลี⁷ของพระอิศวรผู้ใดที่สามารถยกได้ก็จะได้รับนางสีดาเป็นคู่ครอง"
"พะย่ะค่ะ"
ว่าแล้วพระอินทร์และเหล่าเทวดาก็ขึ้นราชรถแล้วเหาะมายังกรุงมิถิลาในทันใด
พอมาถึงจึงขึ้นมณฑปแก้วที่เพริศแพร้วมากล้นรัศมีสถิตอยู่เหนือแท่นรัตนมณีตามที่อัครราชเทวัญ

ด้านท้าวชนก⁸หลังแต่งกายเสร็จสรรพก็เสด็จมายังโรงราชพิธีครั้นมาถึงก็เสด็จนั่งลงเหนืออาสน์ยกกรอภิวาทโยคีทั้งหลายที่มาร่วมพิธีอีกทั้งไหว้โกสีย์ผู้มีฤทธิไกร แลเห็นเจ้าชายจากเมืองต่างๆ ที่มากมายแต่งกายทรงเครื่องอำไพกันทุกคนครั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นพระรามและ
พระลักษมณ์ที่รูปงามกว่าใครโดยเฉพาะด้านของพระลักษมณ์ที่รูปงามอย่างที่ไม่เคยเห็นบุรุษใดมาก่อน
พระอินทร์กับท้าวชนกจึงพูดคุยกันตามอัธยาศัยที่มีไมตรีต่อกันพูดคุยกันเสร็จแล้วท้าวชนกก็ประกาศการยกธนูโมลีขึ้น
"ยินดีต้อนรับเจ้าชายจากเมืองอื่นๆ ทุกท่านตัวข้านั้นคือท้าวชนกผู้ครองทศพิธราชธรรมผู้ไม่เคยมีบุตรธิดาใดๆ เลยข้าจึงออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าจนสามารถสร้างสตรีเป็นบุตรธิดามาเติบโตได้ถึงเพียงนี้ ด้วยใจของข้าที่ปรารถนาจะให้ธิดาของข้าได้สืบราชสันตติวงศ์ต่อไปข้าจึงอยากให้ธิดาของข้ามีคู่ครองหากผู้ใดมีวาสนาจะได้เป็นคู่ครองกับลูกข้าแล้วไซร้ขอจงได้ยกคันธนูโมลีนี้ขึ้นโดยง่ายด้วยเถิด"

ครั้นท้าวชนกพูดจบก็มีเสียงจากการลั่นฆ้องชัยดังขึ้นบรรดากษัตริย์น้อยใหญ่ที่หมายใจจะชิงพระธิดาฉันได้ยินของสำคัญตีก็ลุกขึ้นกันทันทีจนทั่วหน้าเบียดเสียดยัดเข้ามาฉุดคร่าวัดเหวี่ยงเถียงกัน

กล่าวถึงหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงสวรรค์เห็นกษัตริย์มากมายดึงดันเถียงกันวุ่นไปจึงมีเทวราชสุนทรว่า
"ดูกรเหล่าพญาน้อยใหญ่ทั้งหลายคันธนูโมลีนี้เป็นของจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่มีกำลังฤทธิไกรใหญ่ในโลกา อันผู้ที่จะยกขึ้นได้ต้องมีวาสนาที่จะได้เป็นคู่ครองกับนางสีดาก็จะสามารถยกขึ้นได้โดยง่าย ใช่จะมาหักกันด้วยกำลังหาญ อันตัวเรานี้มาอยู่เป็นประธานอย่าลนลานกันให้มากจงทยอยเข้ามายกทีละคนเถิด"
ครั้นได้ยินพระอินทร์พูดเสร็จสรรพฝ่ายกษัตริย์ก็ปรีดาภิรมย์พนมกรนั่งเรียงกันเป็นลำดับตาก็มองจ้องไปที่คันธนูโมลีแล้วก็ทำตามเทวสุนทรต่างผลัดผ่อนกันเข้าไป เมื่อกษัตริย์เข้ายกคันธนูกันทุกธานีก็มิอาจที่จะยกคันธนูขึ้นได้แม้จะใช้กำลังมากมายเพียงไหนก็ตามได้แต่นั่งหน้าซีดอ่อนใจเสียดายนางสีดาเป็นยิ่งนัก

ท้าวชนกเห็นดังนั้นจึงบอกแก่พระลักษมณ์ว่า
"ดูกรพระกุมารผู้วงศ์จักรพรรดิธิบดีบัดนี้กษัตริย์ทุกเมืองไม่สามารถที่จะยกคันธนูโมลีได้คงเหลือแต่เจ้าที่ยังไม่ได้ยกขอเชิญเจ้ามายกคันธนูขึ้นเถิดเพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้ด้นดั้นมาแสนไกลส่วนพระรามนั้นไซร้บอกแก่ข้าแล้วว่าจะไม่ยกคันธนูในครั้งนี้มาที่นี่เพียงเพราะมาเป็นเพื่อนเจ้าเท่านั้น"
เมื่อพระลักษมณ์ได้ยินดังนั้นก็เดินมุ่งหน้าสู่สถานที่จัดวางธนูโมลีทันใดครั้นเมื่อมือไปหยิบจับจะหนักหนาสาหัสนี้ก็หาไม่แล้วยกขึ้นชูเหนือหัวในทันใดประกาศชัยให้ศักดาทั่วมุมเมือง
เมื่อพระอินทร์เห็นพระลักษมณ์ยกมหาธนูได้อย่างว่องไวก็เป่าวิชัยยุทธมหาสังข์เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหล่าโหรเฒ่าก็ลั่นฆ้องชัยชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลองเสียงดังกึกก้องอึงมี่เหล่าเสนาไพร่ฟ้าประชาชีก็ยินดีร่วมด้วยอำนวยพร
เหล่ากษัตริย์มากมายทั้งน้อยใหญ่เห็นพระลักษมณ์ยกธนูโมลีขึ้นได้ก็ทั้งอับอายเสียดายนางสีดาเป็นยิ่งนักครั้นจะเข้าไปสู้รบก็เกรงอำนาจบารมีมิอาจที่จะเทียมทันได้จึงร่ำลาท้าวชนกผู้เกรียงไกรแล้วกลับไปบ้านเมืองเหมือนดังเดิม
ด้านท้าวชนกเมื่อธิดาจะได้คู่ครองสมดังใจหมายแล้วนั้นก็พลันรีบสั่งทหารในทันใด
"อันอาลักษณ์ของข้าเจ้าจงเขียนพจนารถลงไปในสารเพื่อเชิญท้าวทศรถมาร่วมงานวิวาห์ให้ของพระลักษมณ์และสีดาด้วยเถิด ครั้นเมื่อเจ้าเขียนเสร็จก็จงนำไปให้เหล่าเสนีที่มีปรีชาชาญมุ่งหน้าสู่
อโยธยาสถานโดยเร็วด้วยเถิด"
"พะย่ะค่ะ"
เมื่อรับคำสั่งเสร็จแล้วอาลักษณ์ก็รีบเขียนพจนารถในทางใด เมื่อเขียนเสร็จก็นำไปใส่กล่องนพรัตน์จำรัสศรีส่งต่อให้เหล่าเสนีไปแจ้งแก่ท้าวทศรถต่อในทันใด
เหล่าเสนีก็รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงอโยธยาครั้นไปถึงก็แจ้งแก่ผู้มียศถาในเมืองนั้น
ฝ่ายว่าเสนาอำมาตย์เมื่อรับทราบข้อความจากสารแล้วก็พากันขึ้นเฝ้าพระจักรี
ไปถึงก็น้อมเศียรประณตบทบาทพระพงศ์เทวราชผู้เรืองศรี
"ท้าวชนกธิบดีให้เสนีนำราชสาส์นมาถวายใต้เบื้องบาทองค์พระผู้พงศ์เทวาพัฒนาถาความว่าขอเชิญพระองค์เสด็จมาทำการวิวาห์เฉลิมขวัญของพระลักษมณ์กับพระนางสีดา ณ กรุงมิถิลา พะย่ะค่ะ"
ท้าวทศรถได้ฟังดังนั้นก็มีใจโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง อันลูกลักษมณ์ของเรานี้จะได้มีคู่ครองเห็นทีจักต้องนำความบอกลูกพรตและสัตรุดให้มาในเร็ววัน
"ทหารจงมุ่งหน้าสู่เมืองไกยเกษแจ้งต่อลูกพรตและสัตรุดให้มายังกรุงอโยธยาเราต้องการพบหน้าจงรีบไปตามมาให้เร็วไว"
"พะย่ะค่ะ"
ครั้นเหล่าเสนาอำมาตย์ได้ฟังคำบัญชาก็รีบมุ่งหน้าสู่เมืองไกยเกษทันที

มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวทศรถพระพรตและพระสัตรุดออกเดินทางในยามราตรีครั้นผ่านธารผ่านเนินสิงขรก็สั่งให้ทหารหยุดพักก่อน
"ทหารหยุดพักผ่อนค้างคืนที่นี่ก่อนเมื่ออุษาสางเราจะเดินทางกันอีกครั้ง"
ทหารได้ฟังคำบัญชาดังนั้นก็หยุดพักผ่อนหลับไหลเข้าสู่นิทรามีทหารเฝ้ายามไว้ด้วยเพื่อป้องกันภยันตราย

ครั้นเมื่อถึงเวลารุ่งสางท้าวทศรถก็ชวนสามสุดายาใจชมนกชมไม้ชมสัตว์ในไพรวัน


        ชมป่าไม้ ในพงไพร พนาวัลย์

ช่างสุขสันต์ ชีวัน เป็นหนักหนา

โน่นจำปี ทางนี้ ดอกชบา

อีกไก่ป่า เดินมา ชวนให้มอง

เหล่าชะนี ลิงค่าง ช่างมากล้น

ครวญระคน ต้นไม้ ไม่หม่นหมอง

ชมมัจฉา แหวกว่าย แถวฝั่งคลอง

ปานฉลอง ให้เรา ที่ได้มา

ต้นลั่นทม ไม่ตรม เหมือนดังชื่อ

งามระบือ ลือเลื่อง เฟื่องจริงหนา

เหล่าวิหค ผกผิน บนนภา

ช่างงามตา พาข้า ให้มองชม

แล้วเสร็จสิ้น เวลา จะชมป่า

พาชีวา ให้ใจ คลายขื่นขม

มีสุขแล้ว จิตใจ มากภิรมย์

ช่างสุขสม ไปต่อ ออกเดินทาง


"ทหารมุ่งหน้าสู่กรุงมิถิลาเราจักไปถึงก่อนที่ทิพากรจะลับฟ้า"
"พะย่ะค่ะ"
มุ่งหน้าเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงกรุงมิถิลาหยุดราชรถไว้ด้านหน้าเมืองแล้วสั่งทหารในทันใด
"ทหารของข้าบัดนี้ข้ามาถึงกรุงมิถิลาเรียบร้อยแล้วพวกเจ้าจงเข้าไปแจ้งความแก่ท้าวชนกเถิด"
"พะย่ะค่ะ"

"ถวายบังคมแก่ท้าวชนกกษัตริย์ผู้ครองกรุงมิถิลาบัดนี้ความที่ท่านแจ้งนั้นได้ไปถึงท้าวทศรถแห่งกรุงอโยธยาเมื่อท่านทราบข่าวก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ขบวนเสด็จของพระองค์เดินทางมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ บัดนี้ขบวนเสด็จยังคงอยู่หน้าบุรีของท่าน"
ท้าวชนกได้ยินดังนั้นก็เกิดความปลื้มเกษมเปรมปรีดิ์เป็นอย่างยิ่งจึงเอ่ยคำบอกพระรามและพระลักษมณ์
"อันเจ้าชายทั้งสองบัดนี้พระบิดาของพวกเจ้าได้มาถึงหน้าเมืองของเราแล้วพวกเจ้าจงออกไปเชิญท้าวทศรถเข้ามาในเมืองนี้เถิด"
2 เจ้าชายได้ยินดังนั้นก็ทำความเคารพแล้วรีบออกมาหาพระบิดาพร้อมกับขบวนทหารที่ท้าวชนกจัดให้

ครั้นมาถึงที่พระบิดาอยู่ก็น้อมเศียรประณตบทบาทพระบิตุรงค์ธิราชชาญสมรอีกทั้ง 3 สมเด็จพระมารดาแล้วทูลความตามที่ท้าวชนกแจ้งมา
ฝ่ายด้านพระราชบิดาเมื่อทราบเรื่องก็ดีใจดังได้ยาทิพย์ชโลมใจออกคำสั่งทหารในทันใดให้คลาไคลเข้ากรุงมิถิลา
เมื่อนั้นพระพงศ์เทเวศร์เรืองศรีขับรถเข้าสู่ธานีมิถิลาเหล่าบรรดาหญิงชายแก่เฒ่าหนุ่มสาวมากมายแต่งตัวโอ่อ่าประกวดกันเห็นท้าวทศรถกษัตริย์แห่งกรุงอโยธยาก็พากันต่างตนนบนิ้วประนมกรถวายพรกันทั้งบุรี
ท้าวทศรถชมความงามของเมืองมิถิลาช่างสวยงามตระการตาเป็นยิ่งนักหอรบอร่ามเรือง ปราสาทแสงประเทืองน่าดูน่าชมเพลินชมเมืองได้ไม่นานก็มาถึงหน้าพระราชวัง


มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวชนกจักรวรรดิชาญสมรกับองค์อัครราชบังอรที่ยืนรอต้อนรับท้าวทศรถอยู่ก่อนแล้ว
ครั้นเมื่อท้าวทศรถมาถึงท้าวชนกจึงกล่าวต้อนรับด้วยไมตรีจิตในทันใด

"ขอเชิญพระจอมภพเรืองศรีขึ้นไปยังปราสาทแก้วมณีตัวข้านี้จะนำท่านไป"

เมื่อนั้นท้าวทศรถได้ฟังคำจำนรรจ์เอ่ยกล่าวก็มีพระทัยเปรมปรีดิ์แล้วเสด็จลงจากราชรถทองพักตร์ดูผ่องดั่งดาวสกาวงาม แล้วเดินตามท้าวชนกเข้าไปในปราสาท

ครั้นเมื่อไปถึงก็ลดองค์เหนือบัลลังก์อาสน์งดงามดั่งเทวราชในสรวงสวรรค์ท่ามกลางเหล่าเสนาอำมาตย์ยศน้อยใหญ่ทั้งหลายก็บังคมคัลกันเกลื่อนกลาดดื่นดาษไป

ฝ่ายว่าท้าวชนกจักรพรรดินาถาจึงมีสุนทรวาจาปราศรัยโดยราชไมตรี

"อันมิถิลากับอโยธยานั้นจะอยู่ร่วมกันถาวรสุขเกษมศรีตัวข้านี้ช่างสุขีเปรมปรีดิ์เป็นหนักหนาส่วนนางสีดาธิดาข้าจะได้มีคู่ครองร่วมชีวีในอนาคต"

เมื่อนั้นพระสุริย์วงศ์เทเวศร์รังสรรค์ฟังท้าวชนกรำพันก็ตอบสนองไป

"อันตัวเรานี้ได้รับแจ้งสารสวัสดิ์โสมนัสไม่มีที่จะเปรียบได้จึงได้รีบยกพลมามากมายด้นดั้นฟันฝ่าป่าพนามานานเพลาก็หวังจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันร่วมชีพชีวันกันไปในวันหน้ากว่าจะถึงวันที่มันสิ้นดินสิ้นฟ้าเราก็ปรารถนาให้ลูกสุขี"

สองกษัตริย์สนทนาปราศรัยจนสูรย์ลอยคล้อยต่ำสายัณห์เย็นย่ำไปทุกทีต่างองค์จึงเสด็จจรลีเข้าสู่ที่บรรทมนอน

เมื่อนั้นท้าวชนกจักรวรรดินาถา ครั้นยามรุ่งแสงสุริยาเสียงไก่ขันมากึกก้องกังวานก็เสด็จออกจากที่ไสยาสน์แต่งกายทรงเครื่องพรายพรรณและก็ออกสู่พระโรง

เมื่อมาถึงจึงนั่งลงบนบัลลังก์รัตน์ภายใต้เศวตฉัตรมณีศรี แล้วตรัสถามเหล่าโหราจารย์

"ดูกรเหล่าขุนโหราจารย์อันตัวเราจะอภิเษกพระธิดาพวกท่านจงหาฤกษ์วันที่จะได้อภิเษกเถิด"

ฝ่ายว่าโหราจารย์เมื่อได้ฟังท้าวชนกตรัสดังนั้นก็รีบจับกระดานชนวนมาขีดเขียน อันว่าวันพรุ่งนี้ดีแท้เหมาะสมเป็นแน่ที่จะอภิเษกสมรสหลังทราบวันจึงทูลบอกท้าวชนกในทันที

"อันว่าโหราจารย์ทุกท่านพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าองค์หญิงสีดาควรจะอภิเษกสมรสกับองค์ชายลักษมณ์ในวันพรุ่งนี้พะย่ะค่ะ"

ท้าวชนกได้ยินดังนั้นก็ชื่นชมภิรมย์ใจเป็นอย่างยิ่งจึงมีพระราชวาทีสั่งเสนีต่อไป

"พวกเจ้าทั้งหลายจงจัดปราสาทแก้วให้อำไพด้วยเครื่องอลงการแล้วก็ไปนิมนต์พระมหาอาจารย์ไว้ด้วยเพื่อให้มาร่วมพิธี"

"พะย่ะค่ะ"

ฝ่ายเสนาอำมาตย์ทหารทั้งหลายก็รีบดำเนินการตามคำสั่งเร่งรีบเข้าตกแต่งปราสาท ออกไปแจ้งพระฤาษีบ้าง เตรียมความเรียบร้อยบ้าง

"อันท่านดาบสบัดนี้ท้าวชนกจะจัดงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงสีดากับองค์ชายลักษณ์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ข้าจึงนำความมาแจ้งแก่ท่านผู้ทรงศีล"

ฝ่ายพระสุธามันตันฤาษีได้ยินดังนั้นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งจึงรีบไปบอกเหล่าคณะดาบสชีป่าเพื่อจะได้เตรียมการในวันพรุ่งนี้้

มาจะกล่าวบทไปถึงเมืองมิถิลากรุงใหญ่บัดนี้จะมีงานอภิเษกสมรสของนางสีดาและพระลักษมณ์ครั้นเมื่อวันงานมาถึงเราพระดาบสก็เดินเข้ามาในพิธีอภิเษกสมรสเตรียมพร้อมที่จะดำเนินงาน

เมื่อนั้นหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศาทั้งโฉมนางสุจิตราก็ไคลคลาเข้าในเมือง

ครั้นมาถึงซึ่งมิถิลาสองกษัตราก็ประนมกร

"อันเรานี้ทราบข่าวว่าจะมีงานอภิเษกสมรสในวันนี้จึงได้เร่งรีบเข้ามาร่วมงานครั้นถึงเวลาเลิกงามยามดีเช่นนี้ก็จะได้เริ่มพิธีการ"

ฝ่ายว่าพระอินทร์เมื่อทราบถึงเวลาที่ต้องดำเนินพิธีการแล้วนั้นก็จุดเทียนสั่งแว่นเวียนซ้ายไปขวา ครั้นถ้วน 7 รอบโดยศาสตร์เทวราชก็ดับเทียนเฉลิมขวัญพระหัตถ์นั้นโบกเปลวควันจุณจันทน์เจิม 2 กษัตรา

เมื่อนั้นพระวสิษฐ์สวามิตรฌาณกล้าพระสุธามันตันทั้ง 3 พระมหามุนีก็เอาน้ำสังข์น้ำกลศ รดพระลักษมณ์และนางสีดาเหล่าพราหมณ์ชีก็พร้อมกันอำนวยพร

ครั้นสำเร็จเสร็จการมงคลต่างคนก็แสนโสมนัสสาพระอินทร์ก็หมายมุ่งสู่นภาก่อนจะลาก็อวยพรให้สองกษัตรา

"อันพิธีมงคลก็สำเร็จแล้วตัวเราจักกลับคืนสู่ที่พำนักพักพิงก็ขออวยพรให้ท่านทั้งสองอย่ามีทุกข์โศกโรคภัยเป็นที่พึ่งทั่วไปทั้งไตรจักรเป็นหลักของโลกต่อไป"

หลังจากนั้นพระอินทร์และเหล่าพระดาบสก็ลากลับไปยังสถานที่พักพิง

เมื่อนั้นสองพระบิตุรงค์นาถาเมื่อเสร็จสิ้นงานวิวาห์ก็แสนโสมนัสยินดีจึงพาพระลักษณ์และพระนางสีดาไปยังปราสาทมณีแพรวพราย

ครั้นพระลักษณ์ไคลคลาเข้าราชวังถึงห้องแล้วครุ่นคิดด้วยจิตที่หลงไหลสีดาช่างงามยิ่งกว่าใครบุรุษใดจะทานทนครุ่นคิดได้เพียงครู่โฉมตรูก็ตามมาช่างพาใจข้าให้ร้อนรุ่ม

พระลักษณ์:

โฉมเอยโฉมเฉลา

นงเยาว์ผู้เป็นยอดพิศมัย

พระบิตุรงค์ของทรามวัย

ประกาศให้เสี่ยงศิลป์พระศุลี

พี่นี้หวัง เคียงคู่ เยาวลักษณ์

ด้วยใจภักดิ์ ต่อเจ้า ไม่หน่ายหนี

เพียงรู้ข่าว เร่าร้อน ทั่วอินทรีย์

ดั่งพี่นี้ ชีวี จะขาดรอน

พี่มิเคย คิดว่า จะลำบาก

มาไม่ยาก หรอกหนอ นวลสมร

บุกฝ่าฟัน พงไพร พนาดร

ไม่บั่นทอน จิตพี่ ให้ท้อกาย

มาบัดนี้ พี่ได้ เจ้าเป็นคู่

ไม่อับสู หรอกหนา แม่แขไข

เพียงเห็นหน้า รุ่มร้อน ทั่วกายใจ

เหตุอันใด เจ้าจึงได้ ชวนชิดเชย

อย่าตกใจ ไปเลย น้องกานดา

มาหาพี่ เถิดหนา สีดาเอ๋ย

ว่าจบแล้ว ลงอาสน์แก้ว อุ้มทรามเชย

สองหัตถ์เกย โอบแนบ แอบบังอร



นางสีดา

อันสีดา น้อยใจ จนสุดฤทธิ์

ควรหรือคิด พินิจ มาทำได้

แล้วสลัด ปัดกร ในทันใด

มองค้อนให้ หุนหัน ไม่แลมอง

ฝ่ายว่าเล็บ ก็หยิก แล้วก็ข่วน

ใช่ว่าควร แล้วหรือ อยู่แค่สอง

คิดว่าดี แล้วทำ นางเนื้อทอง

พี่จักต้อง ครุ่นคิด พินิจดี



พระลักษมณ์:

อันนวลน้อง เนื้อทอง ผิวผ่องพักตร์

พี่นี้รัก เจ้าจน ความเจ็บหาย

จะหยิกแขน ข่วนขา ไม่แคลนคลาย

ก็ด้วยใจ รักใคร่ แม่นงคราญ

อันว่าหัก ห้ามจิต ให้คิดนั้น

มันสุดกลั้น จริงหนา ขอกล่าวขาน

สุดจะทน ใจพี่ แล้วดวงมาน

เหลือจะทาน ทนได้ ทรามวัยเอย



บทร่วมรัก

โอ้นงคราญ นงนุช สุดที่รัก

พี่นี้ภักดิ์ รักเจ้า ไม่ห่างหาย

ว่าแล้วก็ อิงแอบ แนบร่างกาย

จุมพิตไว้ เป็นหลักฐาน พยานดี

อันว่ามือ เคล้าคลึง คลอเคลียเจ้า

สองแขนเข้า เกี่ยวกระหวัด รัดโฉมศรี

จับบัวน้อย เคลื่อนคล้อย คลึงนารี

สุขฤดี เรานี้ มีสุขใจ

ฝ่ายสีดา แน่งน้อย คล้อยตามพี่

สังวาสนี้ เสพกับพี่ ไม่ห่างหาย

ลืมบิดา มารดา สิ้นความอาย

จนอุทัย ลอยเด่น เหนือพารา



กล่าวถึงพระรามในยามค่ำคืนนี้มานั่งชมแสงจันทร์ที่สาดส่อพลางนึกถึงหน้าบุคคลที่หนีตนเองไป

ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ทศกัณฐ์ก็ดันออกมาเดินเล่นด้านนอกพอทั้งสองพบประสบพักตร์กันทศกัณฐ์ก็รีบหนีทันที

อะไรวะเนี่ยกูอุตส่าห์เอามาอย่างแนบเนียนแล้วนะไหงมาเจอมึงได้เนี่ยพระราม...

"หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าจะไปไหน"

จ้างให้ก็ไม่หยุดหรอกโว้ย

"ศรพรหมาสตร์จงออกไปจับมัน"

ว่าจบพระรามก็แผลงศรออกไปกลายเป็นเชือกวิเศษรัดเกี่ยวกระหวัดตัวทศกัณฐ์ไว้...

บ้าจริงดิ้นไม่หลุดด้วยสิ...อนาถจริงๆไยทำกับชีวิตกูได้ขนาดนี้เนี่ย

"เจ้าไม่รอดหรอกข้าจับได้แล้ว"

"อย่าทำอะไรข้าเลย"

"ข้าจะทำอะไรเจ้าได้ล่ะหืม" มึงใช้ช่องเสียงอะไรวะเนี่ยกูขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย

"แล้วจะจับข้าทำไมล่ะ"

"ก็เจ้ามาที่นี่ได้ไงข้าแค่สงสัย"

"ก็ข้าเห็นเขาประกาศกันซะโด่งดังก็เลยมาดูมาชมก็แค่นั้น"

"แล้วทำไมต้องหนีด้วยล่ะ"

"ใครหนีข้าแค่จะกลับบ้าน"

"โกหกไม่เนียนเลยนะ" อ้าว...สกิลตอแหลกูลดลงหรอเนี่ย

"ไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้าแต่ตอนนี้ปล่อยข้าไปก่อนจะได้ไหม"

"คิดว่าทำหน้าตาออดอ้อนแล้วข้าจะเห็นใจรึ"

"ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น"

"ข้าไม่ได้เห็นแก่การอ้อนเจ้าหรอกนะแค่กลัวเจ้าจะกลับบ้านดึกแค่นั้นเอง"

"ขอบใจเจ้ามากที่เห็นใจถ้างั้นก็แกะเชือกให้ข้าได้แล้ว"

พระรามจึงแกะเชือกให้ทศกัณฐ์พอหลุดจากเชือกทศกัณฐ์ก็รีบเหาะไปทันทีปล่อยให้พระรามยืนรำพึงรำพันว่า

"ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแต่เจ้าแล้วล่ะลักษมณ์ที่ได้ชายางดงามหึหึหึ"

ทศกัณฐ์เหาะกลับแต่ระหว่างที่กลับนั้นก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมา

ค่าเสน่หาเพิ่มขึ้น 100

ใครกันอีกเนี่ย....แต่ที่แน่ๆผู้ต้องสงสัยคนแรกคือมึงแน่นอนพระรามแต่ก็คงเป็นไปได้ยากเพราะเจอกันมึงก็จับกูมัดแล้ว



ชลธีล่ะเพลียจิตเพลียใจ



______________________________________

1.ตัวบั๊ก = บั๊ก (อังกฤษ: bug) หรือ จุดบกพร่องหมายถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมอันเนื่องมาจากคำสั่งในโปรแกรมนั้น ๆ เอง ซึ่งทำให้การทำงานของโปรแกรมไม่ถูกต้อง มีข้อผิดพลาด หรือไม่ราบรื่นเท่าที่ควร นอกจากปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมแล้ว อาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวเครื่องก็ได้ในที่นี้หมายถึงตัวละครที่มันโกงจนเกินไป

2.สุนทร= ดี, งาม, ไพเราะ

3.ท้าวทศรถ= ท้าวทศรถ เป็นพระราชโอรสของท้าวอัชบาลกับนางเทพอัปสร ครองกรุงอโยธยาต่อจากพระราชบิดา โดยท้าวทศรถเป็นพระบิดาของ พระราม พระพรต พระลักษมณ์ พระสัตรุต ท้าวทศรถได้กำหราบยักษ์หลายตน เช่น ปทูตทันต์ ในการศึกนั้นปทูตทันต์แผลงศรทำให้เพลารถของท้าวทศรถหัก นางไกษเกษีที่ตามเสด็จมาด้วยเห็นดังนั้นจึงนำแขนมาเทียมรถ จนในที่สุดท้าวทศรถขว้างพระขรรค์ไปใหม่ ด้วยอำนาจอันเรืองฤทธิ์ของพระขรรค์ปทูตทันต์จึงกระเด็นตกยังพื้นพสุธาคอหักตายคาที ท้าวทศรถจึงได้ให้รางวัลแก่พระนางไกษเกษีว่าในวันข้างหน้า หากนางขออะไรก็จะให้ตามที่นางขอ

4.อึงมี่= ดังอื้ออึงระงมไป.

5.ช่องบัญชร=กรง ซี่กรง หน้าต่าง

6.ถวิล= คิด, คิดถึง, ห่วงหา.

7.คันธนูโมลี= ที่มาของคันธนูโมลี มียักษ์ตนหนึ่งชื่อตรีบูรัมปกครองเมืองโสฬสเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชมากเป็นที่เกรงขามแก่หมู่เทวดาคนธรรพ์และนาคทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งและ

ตรีบูรัมนั้นเกรงกลัวพระนารายณ์มากจึงคิดจะเอาชนะพระนารายณ์โดยไปทำพิธีบูชาไฟขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำพร้อมนั่งหลับตาร่ายพระคาถาอยู่ถึง 7 ปี 7 วันฝ่ายพระอิศวรอยู่บนวิมานให้รู้สึกร้อนพระวรกายจึงเล็งตาทิพย์มาดูเห็นตรีบูรัมนั่งบูชากองไฟอยู่ก็เสด็จมายังสถานที่ที่ตรีบูรัมทำพิธีพร้อมกับถามว่า

"อันปกติมิมีใครดอกมานั่งทำพิธีบูชาไฟนานถึงขนาดนี้เหตุใดไฉนเล่าเจ้าจึงมานั่งทำพิธีหรือว่าต้องการสิ่งใดจงบอกเรามา"

"อันตัวข้านั่งทำพิธีมานานสิ่งที่ข้าประสงค์จะได้ก็คือต้องการจะขอพรจากพระองค์ไม่ให้พระนารายณ์มาทำร้ายได้"

"ถ้าเจ้าต้องการสิ่งนั้นเราก็จะให้แต่จงจำไว้ให้ดีเจ้าจงใช้มันในทางที่ถูกที่ควรครอง

ทศพิธราชธรรมปกครองบ้านเมืองอย่าทำตัวชั่วช้าสาธารณ์เป็นอันขาด"

"ถ้ารับปากว่าจะไปทำความชั่วจะตั้งตนปกครองเมืองให้ไพร่ฟ้าประชาชีมีความสุขกันทั่วหล้า"

ครั้นตรีบูรัมได้รับพรสมดังปรารถนาแล้วก็กลับลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่องค์พระอิศวรก็ทำตัวชั่วช้าขับไล่เหล่าเทวดาไล่ไขว่คว้านางฟ้าให้สวรรค์ทุกชั้นวุ่นวายไปทั่ว

เหล่าเทวดาจึงนำความมาฟ้องพระอิศวร

"ท่านจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่บัดนี้ตรีบูรัมมีจิตคิดการชั่ววุ่นวายสวรรค์ไปทั่วทุกชั้นฟ้าแล้วพะย่ะค่ะ"

"หนอยแน่...ไอ้ตรีบูรัมพอได้ของดีก็กำเริบเหิมเกริมในฤทธิ์ของตนส่งไปตามพระนารายณ์และพระอินทร์มา"

หลังจากได้พูดคุยกันเสร็จแล้วนั้นพระอิศวรก็จัดทัพเทวดาไปรบกับตรีบูรัมโดยเอาเขาพระสุเมรุมาเป็นคันธนูชื่อว่าโมลีเอาพญานาคมาเป็นสายธนูแล้วเอาองค์นารายณ์มาเป็นลูกธนูยกทัพไปล้อมเมืองของตรีบูรัมไว้ ฝ่ายตรีบูรัมเห็นพระอิศวรยกกองทัพเทวดามารู้สึกตกใจกลัวจึงสั่งให้กองทัพเข้าโจมตีจอมทัพเทวดาแล้วตนก็เข้ารบกับพวกเทวดาด้วยตนเองพระอิศวรเห็นดังนั้นก็แผลงศรไปทันที ครั้นแผลงศรเท่าไหร่ก็ไม่ไปแม้แต่ครั้งเดียวแผลงถึง 3 หนก็ยังไม่ไปเพราะพระนารายณ์กำลังหลับสนิทอยู่พระอิศวรกริ้วมากจึงทิ้งศรลง เมื่อพระนารายณ์ตื่นจึงทูลบอกพระอิศวร

"สาเหตุที่ท่านมิอาจยิงศรออกไปได้นั้นเป็นเพราะพรที่ท่านให้แก่ตรีบูรัมว่าไม่ให้พระนารายณ์เอาชนะได้..ศรจึงไม่อาจลั่นออกไปได้พระเจ้าค่ะ"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องใช้ตาไฟในการฆ่ามัน"

เมื่อเอ่ยเสร็จพระอิศวรก็หยิบกล้องวิเศษส่องไปที่ทำตรีบูรัมทำให้เกิดไฟกรดไหม้ตรีบูรัมและพวกยักษ์ตายหมด

เมื่อจบศึกตรีบูรัมครั้งนั้น พระอิศวรจึงได้มอบธนูโมลี เก็บไว้ที่กรุงมิถิลา

จบที่มาของธนูโมลีเพียงเท่านี้

8.ท้าวชนก=เป็นกษัตริย์กรุงมิถิลา ครั้งหนึ่งยอมสละราชสมบัติออกบวชเป็นฤาษี เพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนา แต่มาเจอทารกในผอบลอยน้ำมา จึงเก็บขึ้นมาเลี้ยงดู และรับอุปการะเป็นพระธิดา เมื่อนางสีดาโตขึ้นท้าวชนกจึงสละเพศฤาษีกลับมาครองกรุงมิถิลาดังเดิม เพราะบำเพ็ญเพียรเท่าไรก็ไม่เกิดมรรคผลแล้วก็จัดพิธียกศิลปศรหาคู่ให้นางสีดา ซึ่งก็ได้พระรามมาเป็นบุตรเขย
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:23:19
03 แผนการสุดแนบเนียน

"บัดนี้ก็ควรค่าแก่เวลาแล้วตัวข้าขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมปรึกษาหารือปัญหาบ้านเมืองในวันนี้"

พิเภกเอ่ยปิดการประชุมปรึกษาหารือปัญหาบ้านเมือง...อันที่จริงหลังจากที่เขากลับมาจากครั้งเมื่อไปเมืองมิถิลานี่ก็นับได้ว่าเป็นเวลาเนิ่นนานถึง 10 วันแล้ว

พอมาถึงก็กระทำการมอบหมายหน้าที่การประชุมให้แก่พิเภกรวมไปถึงอินทรชิตด้วยเช่นกันด้วยเหตุผลที่ว่าตนเองนั้นต้องออกรบกับข้าศึกไม่เว้นแต่ละวันหากพลาดพลั้งตายไปอินทรชิตก็จะได้สืบอำนาจต่อจากตนส่วนพิเภกก็คงอยู่ต่อเป็นผู้ช่วยในการปกครองบ้านเมืองเนื่องจากพิเภกไม่ได้มีฝีมือด้านการรบแต่อย่างใดจึงเป็นเหตุผลที่ทศกัณฐ์ผู้นี้เห็นควรจะแก้ต่างให้ตนเองที่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากบริหารสักเท่าไหร่

ทำไมน่ะหรอ...เหตุผลใครๆ ก็เดาได้อย่างแน่นอนหากใครที่ไม่เคยอ่านรามเกียรติ์ก็คงเดาไม่ออกแต่สำหรับชลธีด้วยความแม่นยำในรามเกียรติ์ของเขาทำให้เขาทราบดีว่าจะเกิดภารกิจใดขึ้นเป็นภารกิจต่อไป

แน่นอนคงหนีไม่พ้นการลักพาตัวนางสีดาอันเป็นชนวนนำมาสู่สงครามครั้งยิ่งใหญ่นำมาซึ่งการล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์จนเกือบหมด

หากเป็นเขาในสมัยอยู่ในโลกมนุษย์ก็คงจะไม่สนใจอะไรมากเพราะมันก็เป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นเท่านั้นแต่ในตอนนี้เขาสวมบทบาทของทศกัณฐ์เจ้าเมืองลงกาการที่จะให้ญาติวงศ์ของตนตายไปทีละตนสองตนต่อหน้าต่อตาตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้

และสำหรับชลธีการเป็นนักศึกษาครูจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนซึ่งเขามีคุณสมบัติข้อนั้นดีเพราะฉะนั้นเขาจึงวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภารกิจนั้นจะมาถึงเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

หลังจากหลีกหนีจากพระรามมาได้ในวันนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะไปพบหน้าพระรามอีกให้ตายสิมันน่ากลัวอย่างกับปีศาจที่สำคัญมันไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่งที่จะเสี่ยงไปพบพระราม

เขาจึงแปลงกายเป็นแมลงหวี่ไปพบสีดาถึง 2 รอบด้วยกันด้วยการนัดแนะแผนการขั้นสุดยอดที่เขาคิดได้อย่างเฉียบแหลมแน่นอนด้วยอานิสงส์ผลบุญที่เขามีเพื่อนเรียนอยู่สาขานิเทศศาสตร์ทำให้เขาสามารถซ้อมบทละครกับสีดาได้อย่างยอดเยี่ยมรับรองมิมีผู้ใดจับได้เป็นแน่

คิดได้ดังนั้นก็ควรที่จักดำเนินแผนการโดยเร็วเพื่อให้การลักพาตัวในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบและหากเข้าไปหน้านี้พระรามต้องจดจำได้เป็นแน่แต่ไม่เป็นไรยังไงก็ปลดล็อคทักษะการแปลงกายมาแล้วนี่ใช้ให้มันเป็นประโยชน์เลยก็แล้วกัน

ทว่า...ในระหว่างนี้เรื่องราววุ่นวายก็ดันเกิดขึ้นในเมืองอโยธยาซะนี่....โดยเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

ตัวก่อเรื่องมันก็มาจากนางค่อมกุจจีนี่แหละโดยนางคิดแค้นต่อพระรามจึงเอ่ยกับพระนางไกยเกษีว่า

"พระนางไกยเกษีท่านลืมไปแล้วหรือเมื่อครั้งรบกับปทูตทันต์¹เมื่อพระองค์รอนราญอสุราข้านี้รู้ว่าพระแม่เจ้าเอากรสอดแทนเพลารถพระองค์จอมกษัตริย์จึงให้คำสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างตามที่พระนางปรารถนา อันพระพรตนั้นก็อยู่ในพงศ์จักรพรรดิ์ควรจะขอสมบัตินั้นยกให้ข้าคิดว่าท่านคงได้ดังใจปรารถนาในทันที"

ฝ่ายพระนางไกยเกษีได้ฟังยิ่งปลื้มเปรมปรีดิ์ตัวข้านั้นลืมไปว่าแล้วก็ไม่รอช้ารีบไคลคลาเข้าห้องบรรทมสะอื้นอกตรมร้องไห้

ฝ่ายว่าท้าวทศรถเมื่อยามสิ้นแสงพระอาทิตย์ดวงดาวพริ้งพราวสกาวผ่องเจิดจำรัสแสงบนท้องฟ้าก็คิดถึงไกยเกษีจึงรีบเสด็จไปหาในทันใด

ครั้งเมื่อมาถึงก็เห็นนางร้องไห้ด้วยความไม่รู้ทันมารยาหญิงก็เข้าไปนั่งแนบแอบเทวี

"อันว่าไกยเกษีเหตุใดเล่าเจ้าจึงโศกีบอกพี่นี้ได้ไหม"

ครั้นเมื่อนางไกยเกษีได้ยินก็ไม่ตอบอะไรทำสะอึกสะอื้นด้วยมารยาทอดถอนฤทัยในที่แท่นแก้วอลงการ

"อันว่าน้องเอยน้องรักเยาวลักษณ์ผู้น่าสงสารเหตุใดจึงไม่ตอบพี่ทำโศกาทรมานให้พี่นี้แคลงใจเหมือนเจ้าจะแกล้งให้พี่เวทนา"

ครั้นเมื่อนางไกยเกษีได้ยินดังนั้นก็สะอื้นพร้อมกับเอ่ยตอบไป

"อันตัวข้าไม่มีโรคใดทั้งสิ้นแต่ข้าชอกช้ำระกำจิตคิดน้อยใจเป็นหนักหนาข้าจึงได้ร้องไห้โศกาเมื่อตอนปราบปทูตกุมภัณฑ์ข้าเอากรสอดแทนเพลารถมณีตัวท่านนี้จึงมีชัยแล้วให้สัตย์สัญญาจะให้ตามสิ่งที่ข้าปรารถนาบัดนี้ล่วงเลยนานหลายเพลาก็ยังไม่ได้สิ่งใด"

"ว่าดวงเอ๋ยดวงเนตรอัคเรศผู้ยอดพิศมัยสิ่งที่เจ้าทำนั้นความชอบเหลือคณาอันว่าเจ้าต้องการสิ่งใดจงบอกมาอย่ามัวแต่โศการีบบอกมาโดยไว"

"ข้าอยากให้พระรามไปจากพระนครสัญจรเดินไพร 14 ปีแล้วจึงกลับมาครองเมืองเหมือนเดิมขอให้พระพรตลูกของข้าได้ครองเมืองก่อน"

ฝ่ายว่าท้าวทศรถได้ยินดังนั้นเหมือนดั่งต้องยาพิษชีวิตเเทบม้วยด้วยวาจาดู๋ดูเองช่างพูดถูกแล้วหรือไกยเกษีจิตใจช่างริษยาครั้นจะผิดคำพูดก็เสียสัตย์ที่ให้สัญญา

"อันว่าตามธรรมเนียมประเพณีบ้านเมืองแต่เก่าก่อนนั้นมีหรือที่ไหนให้น้องขึ้นครองราชย์ก่อนพี่ตัวเจ้าจงพินิจให้ดี"

"ตัวท่านจะผิดสัญญาที่ให้กับข้าไว้หรือเพคะอันว่าท่านเป็นกษัตริย์วาจาสัตย์นั้นยิ่งใหญ่รามไปเพียงแค่ 14 ปีเดี๋ยวก็กลับมาครองเมืองดังเดิมแล้วข้าก็ขอเมืองให้ลูกข้าด้วยเพคะ"

"เหวยอีไกยเกษีใจบาปหยาบช้าสาธารณ์อันลูกมึง มึงก็รักลูกเขามึงจักอยากจะฆ่าให้อาสัญ²ความโลภพันตัวทุกสิ่งอันจะอายนั้นก็ไม่มีอันตัวกูเลี้ยงมึงมาดั่งกูเป็นบิดาบังเกิดเกล้าเหตุใดจึงจะผลาญชีวีให้สามีม้วยบรรลัย"

"อันตัวข้านั้นใจภักดิ์ต่อท่านไม่ห่างหายแต่เหตุใดท่านจึงจะผิดคำสัญญาทั่วโลกจะประณามท่านว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดตนเอง"

ท้าวทศรถได้ยินดังนั้นก็ทั้งโกรธและเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากหวนคิดถึงพระรามก็เจ็บแสบฤดีลูกรักของพ่อเจ้าจะต้องจากไปในป่าสิบสี่ปี ชีวีของพ่อนี้แทบบรรลัย

เพราะว่าตัวเป็นกษัตริย์จะผิดสัตย์สัญญาก็หาไม่ว่าแล้วพระองค์ก็ลุกไปเข้าที่บรรทมทันทีด้วยจิตใจที่มัวหมองเศร้าสร้อยเสน่หาอาวรณ์อาลัยถึงลูกยาเจ้านั้นหนาจะจากไป

นั่นแหละเรื่องราวมันก็คงประมาณนี้แหละพระรามจึงจำต้องออกเดินทางไปในป่าก็มีการบวชเป็นฤาษีด้วยความผูกพันฉันพี่น้องทำให้พระลักษมณ์ขอติดตามไปด้วยอีกคนนางสีดาที่เป็นภรรยาของพระรามก็จำต้องติดตามด้วย...นำมาซึ่งความโศกเศร้าอาลัยของท้าวทศรถเป็นอย่างยิ่ง

แต่นั่นแหละมันก็เป็นเนื้อเรื่องเดิมในส่วนของเรื่องใหม่นี้ถึงมันจะคล้ายๆ ของเดิมก็เถอะแต่ก็มีจุดต่างตรงที่ว่าพระลักษมณ์ตามพระรามเข้าป่าสีดาที่เป็นเมียพระลักษมณ์ก็เลยตามด้วยส่วนท้าวทศรถก็โศกเศร้าแต่ไม่ถึงขั้นตาย

การเดินบุกป่าฝ่าดงของเหล่าพระรามก็มีอุปสรรคต่างๆ นานาส่วนใหญ่ก็เกิดจากการรุกรานของพวกยักษ์นี่แหละไม่ต้องถามหาตัวต้นเหตุหรอกเพราะตัวต้นเหตุก็คือคนที่กำลังพูดให้ท่านฟังอยู่นี่แหละ

ไม่รู้เหมือนกันว่าทศกัณฐ์นึกคึกอะไรอยากไปเที่ยวป่ากับนางมณโฑถึง 7 วัน 7 คืนระหว่างไปก็ฝากชิวหาซึ่งเป็นสามีของนางสำมนักขาดูแลบ้านเมืองให้....พ่อชิวหาก็ไม่รู้แกคึกอะไรเดินตรวจบ้านเมืองไม่หลับไม่นอนถึง 7 วัน พอจะง่วงก็ขยายร่างตัวเองให้ใหญ่ขึ้นยังไม่ไว้ใจก็ขยายลิ้นตัวเองไปปิดเมืองลงกาไว้ทศกัณฐ์กลับมาหาเมืองไม่เจอก็เลยใช้จักรตัดลิ้นชิวหาขาดทำให้ชิวหาสิ้นใจตายนางสำมนักขาก็เลยต้องเป็นหม้าย...สุดท้ายก็ไปท่องเที่ยวแต่ดันไปเจอพระรามก็เกิดปิ๊งรักหักสวาทกันที่นั่นหมายมั่นจะเอามาเป็นผัวพอเข้าไปจีบเขาถ้าเขาไม่สนพูดง่ายๆ ก็คือนกนั่นแหละ...ก็ตามไปดูเขาพอเห็นนางสีดารักของพระรามก็จะเข้าไปทำร้ายนางสีดาด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นมารหัวใจก็เลยโดนพระลักษมณ์จัดการทำร้ายร่างกายก็เลยไปฟ้องเหล่าพี่ๆ เป็นอันทำให้พวกพี่ๆ ต้องตายกันผลสุดท้ายก็ด้นดั้นมาบอกทศกัณฐ์จึงเป็นเหตุให้ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดา

เป็นไงล่ะเรื่องราวช่างน่าปวดหัวไหมล่ะทศกัณฐ์ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเขาต้องคิดหาวิธีในการจัดการปัญหานี้ให้ได้เขาจึงหลีกเลี่ยงการไปท่องป่ากับนางมณโฑแน่นอนว่าโดนเวตาลหักคะแนนไปโทษฐานไม่ทำตามเนื้อเรื่องแต่โชคดีที่ฆ่าประสบการณ์เขาเหลือเยอะจึงโดนหักค่าประสบการณ์ไป 1,000 Xp

ตอนนี้คงต้องดำเนินการตามแผนก่อนที่ไอ้ภารกิจบ้าบอคอหอยพอกนั่นมันจะมา...ทศกัณฐ์ครุ่นคิดในใจยังไม่ถึงนาทีก็มีเสียงดังพร้อมกับหน้าจอเวทมนต์ของเวตาลขึ้นมาว่า

[ภารกิจหลัก ลักพาตัวนางสีดา จะเริ่มในอีก 20วัน หากทำสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 10000Xp หากล้มเหลว -100000 (ปิดทางรักแท้) ]

ไอ้เชี่ยยยย......

ฆ่ากูเลยเถอะคงจะเป็นเพราะเป็นภารกิจสำคัญด้วยแหละที่ทำให้เกิดสงครามในเรื่องราวของรามเกียรติ์ขึ้นมันจึงหักคะแนนเยอะแยะเช่นนี้

จะด่าก็ไม่ได้เดี๋ยวโดนหักคะแนนเยอะกว่าเดิมสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่าไปได้แต่ก้มหน้ารับทราบไปเท่านั้น

เอาเถอะมีเวลาอีกตั้งหลายวัน คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินการตามแผนการที่เราได้วางไว้อย่างดีตอนนี้สีดาก็คงเดินป่ามาถึงอาศรมที่พระอินทร์สร้างไว้ให้พระรามแล้วแหละ

แผนการขั้นแรกที่เราควรดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดก็คงจะเป็นการบอกกล่าวแก่บุคคลที่ชื่อนางมณโฑเมียรักของพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงลงกาเพราะหากไม่บอกนางต้องโดนด่าเป็นแน่สกิลปากใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ล่ะคนนี้

ว่าแล้วไม่รอช้ารีบไคลคลาไปหานางในทันใด...เอ...เพลานี้ไปหลบอยู่แห่งหนใดกันหว่า...เวลากูหาเนี่ยไม่ค่อยเห็นหรอกเวลาไม่หาเนี่ยเจอบ๊อยบ่อย

อา...นั่นไงนั่งอยู่กับอินทรชิตนี่เอง....เริ่มแผนขั้นที่หนึ่งเลยก็แล้วกัน

"มณโฑบัดนี้บ้านเมืองเราก็สงบสุขดีมวลประชาก็สุขีกันทั่วหน้าพี่จึงคิดว่าจะออกไปชมป่าไม้พักผ่อนสัก 2 สัปดาห์เพียงผู้เดียว"

"ได้อย่างไรกันหากท่านไปแล้วมีข้าศึกมารุกรานเราจะทำเช่นไร"

"เอ่อ..คือว่า"

"ท่านเคยคิดถึงข้อนี้บ้างไหมเป็นถึงเจ้าเมืองแต่กลับทำตัวเสเพล³ไม่สนใจบ้านสนใจเมืองหนีไปเที่ยวแบบนี้"

"มณโฑคือ"

"แบบนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่ลูกได้อย่างไร" ด่ากูซะไม่เกรงใจความโหดของกูเลยนี่แหละที่เขาเรียกว่าพลังแห่งเมีย

"หยุด!"

"....."

"เจ้าเป็นเมียมิใช่แม่ที่จะมาออกคำสั่งกับข้าอีกอย่างอินทรชิตก็มีฤทธิ์เดชมากถึงขั้นชนะพระอินทร์ได้เขาสามารถดูแลบ้านเมืองได้เป็นแน่เจ้าอย่ามาขัดความประสงค์ข้าเลย"

"ใช่ขอรับท่านแม่ลูกนี้มีวิชาเก่งกล้ามากยากที่จะมีใครมาเทียมทันอีกอย่างเรายังมีท่านชิวหาซึ่งเก่งกล้าทั้งอากุมภกรรณที่เก่งอีกคนไม่ต้องกลัวดอก"

"เหอะ...ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็ตามใจแม่ไม่ว่าอะไรหรอกถึงว่าไปก็ขัดความประสงค์พ่อเจ้าไม่ได้อยู่ดี" ไม่วายแซะกูอีกนะมณโฑ

หลังจากเข้าใจความประสงค์ซึ่งกันและกันแล้วทศกัณฐ์ก็เหาะทะยานมายังสถานที่ๆ ได้นัดแนะสีดาเอาไว้อย่างดิบดี

จะว่าไปแล้วลูกสาวคนสวยของเขาก็มีความสามารถในการแสดงที่เยี่ยมยอดราวกับเป็นนักแสดงมืออาชีพนางตีบทได้เข้าถึงแผนการเสียจริงๆ บอกเลยถ้าถููกจับได้พระรามมันก็คงจะฉลาดและเก่งมากๆ เลยล่ะ

ตอนนี้ทศกัณฐ์เหาะอย่างสบายใจด้านบ้านเมืองก็ฝากอินทรชิต พิเภก และกุมภกรรณดูแลให้อีกทั้งชิวหายังคงปลอดภัยนับว่าเขาเป็นทศกัณฐ์ในเวอร์ชันวิวัฒนาการจนกลายเป็นคนดีเลยล่ะ

จะว่าไปจะปลอมแปลงเป็นอะไรดีวะถ้าตอนลักพานางสีดาก็แปลงเป็นฤาษีมิใช่รึแถมยังพามารีศ⁴มาแปลงเป็นกวางทองหลอกล่ออีกเอาเป็นว่าแปลงเป็นฤาษีก็แล้วกันเอาสภาพแบบดูอดๆ อยากๆ เหมือนขาดอาหารมาหลายสิบปีให้มันดูน่าสงสารสักหน่อย

และแล้วก็เหาะมาพบสถานที่ๆ นัดหมายกันไว้อย่างดีทศกัณฐ์ไม่รอรีรีบรี่แปลงกายเป็นฤาษีในทันใดบอกเลยสภาพเขาในตอนนี้อย่างกับขอทาน

ทำเดินโอดโอยไปใกล้ไปอาศรมหลังจากนั้นก็แกล้งเป็นลมด้วยความเหนื่อยล้าอย่างแนบเนียนซึ่งถ้าตามแผนแล้วมันย่อมเพอร์เฟคแต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นดังหวังเพราะทศกัณฐ์ในร่างฤาษีนั้นดันไปล้มใส่กับดักที่พระรามดักสัตว์ซะนี่ทำให้ตอนนี้เขาถูกตาข่ายรัดตัวไว้ห้อยโตงเตงอยู่บนต้นไม้....ไอ้เหี้ย...มึงมาดักสัตว์ทำไมก่อนจบกันแผนการกูที่คิดมาสามวันสามคืน

ไม่นานเสียงพระลักษณ์อนุชาแห่งพระรามก็เดินออกมาด้านนอกพร้อมกับเอ่ยบอกพี่ชายสุดที่รักของตนไปว่า

"พี่รามดูเหมือนจะมีสัตว์หน้าโง่เดินมาติดกับดักเราแล้วล่ะ" โง่บ้านมึงสิเขาเรียกว่าพลาดพลั้งเพราะไม่เห็นโว้ย...อีกอย่างมึงช่วยแหกตาดูก่อนได้ไหมว่าที่ติดกับดักมึงไม่ใช่สัตว์แต่มันคือฤาษีโว้ยยย

ไม่นานนักชายหนุ่มรูปงามนามว่าพระรามก็เดินออกมาทันทีที่เห็นเขาติดกับดักใบหน้านั้นก็หัวเราะเบาๆ แต่กูได้ยินโว้ย...มันน่าขำตรงไหนกูล่ะอยากรู้จริงๆ

"ผิดแล้วล่ะลักษมณ์นั่นท่านฤาษีเจ้าจงไปเอาท่านลงมาด้านล่างนี้เถิด"

"พระเจ้าค่ะท่านพี่"

หลังจากผมถูกปลดปล่อยแล้วนั้นสีดาก็เดินออกมาแล้วก็เริ่มแสดงบทบาทที่นับแนะกันไว้ทันที

"ว๊าย...ตายแล้วพี่ลักษมณ์พี่รามดูท่านฤาษีท่านนี้สิสงสัยท่านจะไม่ได้กินอาหารมาหลายวันจึงมาเป็นลมหมดสติอยู่ตรงนี้น้องว่าเราควรหาอาหารและที่พักอาศัยให้แก่ท่านฤาษีผู้นี้นะ"

ไม่ทันแล้วสีดากูติดกับดักเขาแล้วความแนบเนียนเป็นศูนย์แล้วตอนนี้

"ใจเย็นก่อนสีดาฤาษีท่านนี้ติดกับดักที่พี่วางไว้ดักสัตว์พี่จึงช่วยท่านลงมาท่านไม่ได้เป็นลมแต่อย่างใด" พระลักษมณ์เอ่ยปรามสีดาในทันทีก่อนที่นางจะเเสดงละครไปไกลกว่านี้

"อย่างงั้นเองรึเพคะน้องมาเห็นก็เลยนึกว่าท่านเป็นลมแต่น้องว่าเราก็ควรหาที่พักอาศัยให้ท่านนะดูเหมือนท่านจะร่อนเร่พเนจรมาหลายวันแล้ว"

"พี่รามเห็นควรเช่นไรพระเจ้าค่ะ"

"อืม...ถ้าเช่นนั้นก็ควรให้ท่านฤาษีผู้นี้พักอาศัยกับเรานะดูแล้วท่านคงจะลำบากตรากตรำน่าดู" อ้าว...นี่แผนกูยังไม่แตกหรอวะเนี่ยพระรามเชื่อด้วยสงสัยเราคงประเมินพระรามสูงไปหน่อยแล้วล่ะ

เอาวะเพื่อความแนบเนียนเริ่มแผนการขั้นที่สองทำทีตีสนิทกับพระรามสักหน่อยคงมิเสียหายอะไร

"ข้าทราบซึ้งในน้ำพระทัยของท่านเป็นยิ่งนักไม่ทราบว่าชื่อเสียงเรียงนามของท่านคืออะไรรึ"

"ท่านฤาษีกระผมเห็นว่าเวลาเราจะถามชื่อผู้ใดเราควรที่จะแนะนำตนเองก่อนไม่ใช่รึ"

อ้าวเวรแล้วไงไม่ได้คิดชื่อปลอมด้วยสิมัวแต่พะวงหน้าพะวงหลังกลัวแผนไม่สำเร็จเอาไงดีวะ...ถ้างั้นเอาชื่อนี้แล้วกัน

"อ้อ...ขออภัยเป็นอย่างยิ่งข้าชื่อ..."

"ข้าชื่อพระรามเป็นโอรสของท้าวทศรถหน้าตาก็หล่อพ่อข้าก็รวยแม่ข้าก็สวยมากๆ"

กวนตีน...คือคำปรุสวาทที่ปรากฏขึ้นในหัวของทศกัณฐ์หลังจากที่ได้ฟังพระรามพูดจบ...คือมึงบอกให้กูแนะนำตัวก่อนพอกูจะอ้าปากพูดมึงก็เสือกพูดก่อนจะว่าไปเคยอ่านรามเกียรติ์ก็รู้สึกว่าพระรามดูค่อนข้างเรียบร้อยแต่แข็งแกร่งไหงมาเจอเข้าจริงๆ ถึงได้กวนตีนแบบนี้วะเนี่ยสงสัยกัญชาปลดล็อคพระรามเลยซื้อมาใช้เป็นแน่

"แล้วตัวท่านล่ะชื่ออันใด" มึงให้กูบอกตั้งแต่เมื่อกี๊ซะก็สิ้นเรื่องดันมาบอกชื่อตัวเองก่อนซะงั้น

"ข้าชื่อสาคเรศ"

"ว่าแต่ท่านฤาษีเหตุใดท่านจึงมาเดินบุกป่าฝ่าดงจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเช่นนี้ล่ะขอรับ"

"เมื่อก่อนข้าก็เป็นเจ้าเมืองพอปกครองนานเข้าข้าก็รู้สึกเบื่อหน่ายจึงออกมาบวชเป็นฤาษีนั่งบำเพ็ญเพียรตบะมาเนิ่นนานหลายปี"

"อย่างนั้นหรือขอรับ"

"ใช่แล้วว่าแต่พวกท่านนะหน้าตาก็ดูหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์มิน่าจะใช่คนธรรมดาเหตุใดจึงมาบวชเป็นพราหมณ์ในป่าเช่นนี้"

แน่นอนว่าเขาทราบเรื่องดีอยู่แล้วแต่แกล้งทำถามเพื่อเพิ่มความแนบเนียนให้แก่ตนเอง....แล้วเขาก็นั่งฟังพระรามนั่งเล่าเรื่องจนจบ

"ท่านฤาษีคงจะหิวมากเป็นแน่เดี๋ยวพวกเราจะออกไปหาอาหารมาให้ท่านอยู่กับสีดาก่อนหนาขอรับ" พระรามเอ่ยบอกพลางส่งสายตาดูเจ้าเล่ห์นิดๆ ...หรือว่าเราจะคิดไปเองว่ามันเจ้าเล่ห์วะ

"ขอบพระทัยพวกท่านมาก"

หลังจากพระรามและพระลักษมณ์ออกไปหาอาหารทศกัณฐ์กับนางสีดาก็เริ่มต้นบทสนทนากันทันที

"แผนเกือบแตกเพราะเจ้าแล้วไหมล่ะสีดาเอ๋ย"

"ท่านพ่อนั่นแหละไหนนัดกันว่าท่านพ่อจะล้มลงตรงนั้นแล้วเหตุอันใดกลายเป็นท่านติดกับดักอยู่เล่า...ข้าก็ไม่รู้ออกมาเห็นท่านนอนอยู่ที่พื้นก็นึกว่าทำตามแผนก็เลยเริ่มแสดงบทบาทเลย" อย่าตอกย้ำติดกับดักได้ไหมมันสะเทือนใจพ่อสีดาลูกรัก

"ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าสามีเจ้ามันจะวางกับดักไว้ตรงนี้"

"55555หมดกันภาพพจน์พญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่"

"ไม่ต้องมาขำเลยแต่ก็เอาเถอะสิ่งที่เกิดไปแล้วก็ปล่อยมันไปทำตอนนี้ให้ดีที่สุดก็พอ"

"แล้วเราจะดำเนินการตามแผนขั้น 2 เลยไหมล่ะท่านพ่อข้าจะได้เตรียมการไว้เลย"

จะว่าไปเริ่มเลยก็ดีเหมือนกันไหนๆ พวกนั้นก็จับไม่ได้อยู่แล้วโดยแผนขั้นที่ 2 ก็คืออาศัยอยู่กับพวกพระรามไปในระยะหนึ่งก่อนเมื่อสบจังหวะก็ลักพาตัวนางสีดาไปกรุงลงกาทันทีช่างเป็นแผนที่แยบยลจริงๆ ไม่ฉลาดคิดไม่ได้นะเนี่ย

"พวกนั้นตายใจแล้วเราก็มาเริ่มแผนกันเลยก็ได้งั้นตัวข้าจะนอนกับพระลักษมณ์ส่วนตัวเจ้านั้นไปนอนกับพระรามก็แล้วกัน" ไม่ขอเสี่ยงตายไปอยู่ใกล้พระรามจะดีกว่ามันไม่น่าไว้ใจสีหน้ามันเหมือนแบบรู้อะไรบางอย่างแต่มันแค่ไม่พูดเท่านั้นเอง

"จะบ้ารึท่านพ่ออันตัวข้านั้นเป็นภริยาของพระลักษมณ์ไฉนจักไปนอนกับพระรามผู้เป็นชายอื่นได้ชาวสวรรค์รู้มันก็คงนำไปสู่วาจาถากถางได้ข้าว่าท่านควรไปนอนกับพระรามจะดีกว่า" ชีวิตกูทำไมมันน่าเศร้าขนาดนี้หลงเข้ามาในโลกวรรณคดียังไม่พอโชคยังไม่มีกับเขาอีกไม่ใช่อะไรหรอกพระรามนั้นเฉลียวฉลาดเป็นอย่างยิ่งฤทธิ์เดชก็ใช่ย่อยถ้าอยู่กันไปคงใช้เวลาไม่นานนักพระรามต้องจับได้แน่ๆ ว่าเขาคือทศกัณฐ์

"ถ้าเจ้าเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นพ่อก็มิอาจปฏิเสธได้แล้วเราจักทำเช่นไรพ่อไม่อยากอยู่ในร่างนี้นานเท่าไหร่มันรู้สึกอ่อนแอ"

"ไม่ยากดอกท่านพ่อภารกิจในทุกๆ วันนั้นพระรามกับพระลักษณ์มักจะออกไปหาอาหารลูกก็อยู่ที่นี่คนเดียวตลอด"

"ถ้าเช่นนั้นพ่อก็คงคืนสู่ร่างนี้ได้เรื่อยๆ แต่ก็คงต้องระวังจับตาดูว่าพวกนั้นจะมาเมื่อไหร่มิเช่นนั้นแผนเราคงแตกเป็นแน่"

"ใช่เพคะ"

"เอาเถอะว่าแต่แถวนี้มีที่อาบน้ำไหมเนี่ยพ่อรู้สึกร้อนจะตายอยู่แล้ว"

"เดินตรงไปหน่อยก็จะมีสระน้ำอยู่ท่านพ่อก็ลงไปอาบน้ำที่นั่นเถิดน้ำที่นั่นสะอาดรับรองว่าท่านพ่อจะสดชื่นเป็นแน่"

"ขอบใจเจ้ามากสีดาถ้าเช่นนั้นพ่อไปก่อนนะ"

"เพคะท่านพ่อ"

ทศกัณฐ์เดินออกมาพร้อมกับคืนร่างเดิมพลางสายตาก็เหลือบหาสระน้ำที่สีดาบอก...เอ...อยู่ตรงไหนหว่าสระน้ำรู้สึกว่าจะไม่มีสระตรงนี้ซะด้วยสิ

หลังจากเดินวนไปวนมาสุดท้ายก็หาสระเจอจนได้เขาแทบอยากจะฉลองชัยชนะด้วยการกระโดดแก้ผ้าลงไปในน้ำในทันทีแต่ทำไม่ได้เพราะเขาก็มีความอายอยู่เหมือนกันนะเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่จะได้นิ่งเฉย

ทศกัณฐ์อาบน้ำอย่างสนุกสนานมีความสุขสุดๆ นั่นแหละอากัปกริยาเช่นนี้ทำให้เขาได้ชื่อว่าชลธี....เพราะว่าในวัยเด็กนั้นเวลาอาบน้ำเขาจะไม่ร้องแล้วจะมีความสุขหัวเราะร่าตลอดคนที่บ้านเขาก็เลยตั้งชื่อเขาว่าชลธีซึ่งหมายถึงสายน้ำนั่นแหละ

"อาบน้ำอยู่หรือขอรับ"

เสียงตะโกนดังไล่มาจากด้านหลังทศกัณฐ์เสียวสันหลังวาบเขาจำไม่ดีถึงเสียงนี้เสียงที่เขาได้ยินบ่อยครั้งเป็นเสียงของชายหนุ่มรูปงามนามว่าพระรามทศกัณฐ์ดำน้ำแล้วก็คือร่างฤาษีในทันทีแล้วก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับหันไปตอบพระรามว่า

"ใช่แล้วเดินทางรอนแรมมานานเพิ่งจะเจอสระน้ำตรงนี้นี่แหละรู้สึกมีความสุขจังเลยที่ได้อาบเนี่ย"

"คงจะมีความสุขมากสินะขอรับ"

"ใช่เลยท่านเออว่าแต่หาอาหารกันเสร็จแล้วรึ"

"ขอรับข้าจึงมาตามท่านไปกินด้วยกันนี่ไง"

"ประเดี๋ยวนะเดี๋ยวข้าแต่งตัวก่อน"

"ขอรับ"

"แล้วเจ้าจะมายืนมองข้าทำไมเล่าปัดโธ่กลับไปสิ"

"ขอรับ" ทศกัณฐ์เริ่มจะคิดว่าพระรามเป็นโรคจิตขึ้นทุกทีแล้วขนาดฤาษีแก่ๆ อาบน้ำมันยังมายืนแอบดูเลย

ค่าเสน่หา+100

ค่าเสน่หา+50

ค่าเสน่หา+65

มึงมาเด้งอะไรเนี่ย...อยู่ดีๆ ก็เพิ่มขึ้นมารัวๆ ซะงั้นกูอยากรู้จริงๆ เลยเนี่ยสภาพกูเลยตอนนี้ไอ้คนที่ชอบมาเห็นน่ะมันยังจะฟินได้อีกเหรอ

จะว่าไปแล้วคนที่เห็นเขาก็มีเพียงแค่พระรามเท่านั้นหรือว่าจะมีบุคคลอื่นแอบดูเขาอยู่กันแน่แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะรู้ได้ว่ามึงแม่งโรคจิตขนาดคนแก่อาบน้ำมึงยังฟินได้

ทศกัณฐ์ขึ้นมาแต่งกายด้วยชุดของฤาษีขณะเดียวกันพญาขรน้องชายของพญาทศกัณฐ์ก็เหาะผ่านมาเห็นพี่ชายตนเดินตามพระรามอยู่ก็เข้าใจผิดคิดว่าทศกัณฐ์ถูกจับกุม

อันว่าพญาขรนั้นแรกเริ่มเดิมทีก็เป็นน้องชายของพญาทศกัณฐ์ได้ออกมาสู้รบกับพระรามเพราะว่านางสำมนักขาได้บอกกล่าวว่าตนถูกพวกพระรามทำร้ายพญาขรจึงโกรธและออกมาสู้รบด้วยแต่ผลปรากฏว่าก็ตายอยู่ดี

แต่เหตุการณ์ในเรื่องนี้เนื่องจากทศกัณฐ์ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องในบางส่วนทำให้พญาขรยังมีชีวิตอยู่ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบัดนี้ก็น่าจะตาย

"นั่นท่านพี่ทศกัณฐ์นี่เหตุใดจึงไปเดินตามมนุษย์ต้อยๆ อย่างนั้นหรือว่าท่านพี่จะเสียท่าให้แก่มนุษย์ไม่ได้การแล้วข้าต้องไปช่วยท่านพี่"
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:28:56
ด้วยความที่เป็นยักษ์เหมือนกันทำให้ตัวพญาขรสามารถมองเห็นฤาษีตนนั้นเป็นทศกัณฐ์ได้อย่างชัดเจน

ทศกัณฐ์ที่เดินอยู่ก็พลันเหลือบไปเห็นพญาขรเหาะทะยานเข้ามาหาตนจึงรีบห้ามปรามทันทีก่อนที่จะแผนแตก

"ช้าก่อนขรนี่เจ้ามาทำอันใดที่นี่"

"ข้าเบื่อหน่ายในบ้านเมืองจึงออกมาท่องเที่ยวเมื่อเหาะอยู่ข้าเห็นท่านเดินตามมนุษย์ข้าจึงคิดว่าท่านเสียทีมนุษย์ข้าจึงจะลงมาช่วย"

"เข้าใจผิดแล้วล่ะข้ากำลังดำเนินการตามแผนของข้าเจ้ากลับไปเถิดไม่ต้องห่วง"

"เเผนอันใดรึท่านพี่"

"ไว้ข้าค่อยบอกเจ้าทีหลังตอนนี้ยังไม่สะดวก"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอกลับเมืองก่อนนะพระเจ้าค่ะ"

"โชคดีน้องรัก"

หลังจากพญาขรเหาะไปแล้วทศกัณฐ์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกให้ตายสิเขาคิดว่าจะถูกจับได้ซะแล้วเคราะห์ดีที่พระรามไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่าพระรามเดินนำไปไกลมากเหลือเพียงเขาที่กำลังเดินตามอยู่เท่านั้นจึงมิมีผู้ใดทราบเรื่องนี้

จะว่าไปแล้วการหาโอกาสลักพาตัวนางสีดาก็มีมากจะตายไปแต่ก็ยังคงดำเนินการไม่ได้เพราะยังไม่ถึงเวลาหากดำเนินการก่อนอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็เป็นได้

"อาหารสุกแล้วมารับประทานกันได้" เสียงสีดาเอ่ยอย่างสดใสอันที่จริงเขาก็สงสัยนักเป็นหนักหนาว่าลูกสาวคนนี้ของเขาเนี่ยมันมีความเครียดบ้างหรือเปล่าเวลาคุยด้วยทีไรเห็นหัวเราะตลอดเวลาเลยไม่แต่เพียงเท่านี้สกิลปากก็ชั้นเยี่ยมไม่แพ้มณโฑผู้เป็นมารดาเลยล่ะ

ทศกัณฐ์เดินมาถึงสถานที่ที่ทุกคนนั่งรับประทานอาหารกันอาหารวันนี้ก็เป็นพวกผลไม้นั่นแหละแล้วก็มีเนื้อสัตว์อีกนิดๆ หน่อยๆ ทุกคนเขาก็กินกันปกติแหละยกเว้นตัวเขาเองที่ตอนนี้กำลังถูกจับจ้องอยู่โดยใครบางคนซึ่งทุกคนไม่ต้องเดาหรอกมันก็คือพระรามนั่นแหละไม่รู้มันจะจ้องอะไรนักหนา

"ท่านฤาษีอาศรมก็มีเพียงแค่ 2 อาศรมเท่านั้นอันสีดาก็เป็นชายาของพระลักษมณ์ข้าจึงเห็นควรว่าท่านควรมานอนกับข้าจะดีที่สุดนะขอรับ" ถึงไม่บอกกูก็ต้องนอนกับมึงอยู่แล้วโชคชะตาลิขิตช่างทำร้ายชลธียิ่งนัก

"ข้าเกรงใจอันที่จริงข้าเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะมาเนิ่นนานให้ข้านอนด้านนอกก็ได้นะ" ทศกัณฐ์กล่าวขึ้นพลางทำหน้าตาแบบเกรงอกเกรงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

"อันผืนป่าแห่งนี้อันตรายนั้นมากนักข้าไม่อยากให้ท่านนอนด้านนอกดอกอีกอย่างเหล่าเทวาเขาจะติฉินนินทาได้ว่าเป็นคนใจบาปไม่ยอมให้ฤาษีนอนด้วย"

"ถ้าท่านพูดเช่นนั้นข้าก็คงขัดมิได้ก็คงต้องนอนกับท่าน"

"ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมานอนกับข้า"

ค่าเสน่หา+500

เอาอีกแล้วจู่ๆ มึงก็เด้งขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเนี่ยนะผมเริ่มสับสนอลหม่านกับตัวเองแล้วว่าไอ้ค่านี้มันเกิดจากใครกันแน่จะว่าไอ้ขรก็ไม่น่าใช่เดี๋ยวมันผิดผี

"ถ้าเป็นเช่นนั้นเพลานี้ก็เย็นมากแล้วอีกไม่นานก็คงจะดึกข้าว่าพวกเราควรที่จะเข้านอนพักผ่อนได้แล้วเดี๋ยวมันจะค่ำซะก่อน"

เสียงสีดาเอ่ยช่วยชีวิตทศกัณฐ์เอาไว้ขอบคุณมากลูกรักมิเช่นนั้นพ่ออาจตายด้วยสายตาที่พระรามมันมองมาก็ได้แม่ง...มันมองเหมือนจะแดกกูยังไงยังงั้น

ขณะนี้ทศกัณฐ์กำลังอยู่ในสถานที่ที่คิดว่าน่าจะเสี่ยงภัยที่สุดแล้วถ้าให้เขาเลือกว่าจะอยู่ตรงนี้หรือว่าไปอยู่ตรงชายหาดที่กำลังเกิดสึนามิเขาเลือกที่จะไปอยู่ชายหาดยังจะดีกว่า

ประการหนึ่งพระรามจ้องที่จะจับผิดเขาตลอดเวลา

ประการ 2 เขามั่นใจว่าตัวเองทำตัวแนบเนียนนะแต่ผลที่ปรากฏออกมามันก็ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่

ประการสุดท้ายไอ้นี่มันไม่น่าไว้ใจ!!!

"เป็นอะไรหรือขอรับทำหน้าอย่างกับตื่นกลัวข้ายังไงยังงั้นล่ะ" ชิบหายมึงรู้ได้ไงวะว่ากูกลัวมึงสงสัยมีพลังอ่านจิตใจเป็นแน่

"ข้าก็ขอไม่คุ้นชินกับมนุษย์น่ะข้าออกบวชมาเนิ่นนาแล้วไม่ค่อยพบเจอมนุษย์กันสักเท่าไหร่"

"ถ้าเช่นนั้นก็คุ้นชินเถิดขอรับเพราะข้าจะอยู่ที่นี่ถึง14 ปีจึงจะกลับไปครองบ้านเมืองได้ซึ่งหากไม่มีข้อผิดพลาดประการใดก็ขอเชิญท่านอยู่ร่วมพักอาศัยกับพวกเราเถิดหนา" ไม่ต้องมาทำเป็นเชิญชวนหรอกกูอยู่อีกไม่กี่วันก็จะลักพาสีดาหนีมึงแล้ว

"น้ำพระทัยของท่านช่างยิ่งใหญ่หาใครเหมือนมิมีเลยหนอข้าขอชื่นชม"

"ขอบพระคุณขอรับ"

"ว่าแต่กิจวัตรประจำวันของท่านเป็นเช่นไรเล่า" ถามไถ่ดูก่อนสิครับเผื่อได้รู้กิจกรรมที่ทำในแต่ละวันก็จะเป็นการง่ายต่อแผนลักพาตัวสีดา

"ก็ออกหาอาหารแล้วก็อยู่อาศัยที่สำคัญข้าชอบร้องเพลงด้วยขอรับ"

"ท่านร้องเพลงด้วยรึ"

"ใช่ขอรับท่านอยากจะฟังไหมเล่าข้าจะร้องให้ฟัง"

"ก็ดีเหมือนกันข้าไม่ได้ยินเสียงเพลงมานานเนิ่นแล้วหวนคิดถึงอยู่เรื่อยเลยพอมาเจอท่านก็นับว่าเป็นโชคได้ทั้งน้ำใจไมตรีอีกทั้งยังได้สดับรับฟังเสียงเพลงเพราะๆ อีกช่างดีอะไรปานนี้" พูดเอาใจสักหน่อยแล้วกันเดี๋ยวหาว่ากูไม่เนียน

พระรามจึงเริ่มร้องเพลง...เหล่าคนธรรพ์ก็มารวมตัวกันบรรเลงดนตรีให้


เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง

หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า

หยาดเพชรเกล็ดแก้วแววฟ้า

ร่วงมาจากฟ้าหรือไร

หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก

ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้

หยาดเพชรเกล็ดแก้วผ่องใส

นั้นอยู่ไกลเกินผูกพัน

แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า

ร่วงลงมาฟ้าคงไหวหวั่น

ดวงดาวก็พลอยเศร้าโศกศัลย์

มิอาจกั้นน้ำตาอาลัย

เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว

เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่

หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส

แม้อยู่ในความมืดมน

เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว

เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่

หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส

แม้อยู่ในความมืดมน

เพลง:หยาดเพชร

คำร้อง:ชาลี อินทรวิจิตร⁶

ทำนอง:สมาน กาญจนะผลิน⁷

ขับร้อง:ชรินทร์ นันทนาคร⁸


ทศกัณฐ์ถึงกับเคลิ้มตามเสียงร้องอันไพเราะเสนาะหูของพระรามช่างเป็นเสียงที่ไพเราะสุดๆ ยากที่จะหาผู้ใดมาเทียมทันเนื้อหาของเพลงนี่มันอะไรกันประกอบกับการส่งสายตาหวานหยดย้อยมาทางเขาอีกอีกประการหนึ่งก็คือ

ค่าเสน่หา+100

มึงขึ้นมาทำไรอีกเนี่ยยยยย

"ช่างไพเราะดีจริงๆ นี่ก็ดึกดื่นแล้วข้าคงต้องนอนก่อน"

ทศกัณฐ์พูดพลางฟุบตัวลงนอนด้้วยอาการเหนื่อยอ่อน...ก็แหงสิเคยอยู่ในเมืองอย่างสบายอกสบายใจพอมาอยู่ป่าเช่นนี้ลำบากตรากตรำสิ้นดีคิดแล้วก็เพลียใจ

โอย...อากาศก็ช่างหนาวเหน็บเหลือเกินผ้าห่มก็ไม่มีถ้าเป็นที่กรุงลงกาก็คงจะคลายหนาวได้บ้างแต่นี่มันอยู่ในป่าแถมชุดฤาษีนี่ก็น้อยชิ้นยิ่งนักจะหาความอบอุ่นได้เยี่ยงไรเล่า

หนาวสั่นอยู่ไม่นานทศกัณฐ์ก็ต้องสะดุ้งเฮือก...เมื่อเขาถูกกอดรัดโดยบุคคลที่พึ่งจะร้องเพลงเสร็จไปเมื่อสักครู่

"ทำอะไรของท่านจู่ๆ ก็มากอดข้า"

"ข้าเห็นท่านนอนหนาวสั่นเพลานี้มันก็ดึกดื่นมากแล้วจะหาผ้าห่มก็คงจะมิได้ข้าจึงจำต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน"

"ขอบคุณท่านมากแต่ไม่เป็นไรดอกข้าทนได้"

"เอาเถอะน่าท่านข้าเต็มใจอีกอย่างเราเป็นชายทั้งคู่คงมิมีอะไรดอก"

ค่าเสน่หา+500

นี่แหละที่มันมีไอ้พระรามมมมมม

ช่างไม่แนบเนียนเอาซะเลย...พระรามคิดในหัวความจริงเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฤาษีตนนี้คือคนเดียวกับยักษ์ตัวน้อยที่เขาเจอที่มิถิลา

ซ่อนด้วยการแปลงกายอาจจะซ่อนจากสายตาเขาได้แต่กลิ่นกายของเจ้ามิอาจปิดบังข้าได้ดอกประกอบกับสายตายิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่

เป็นยักษ์ที่เขาต้องการปราบอย่างยิ่ง

คอยดูซิจะเล่นละครอีกนานแค่ไหนกัน


กลิ่นกายของทศกัณฐ์นี้หอมหวลยั่วยวนใจเสียจนพระรามร่ายอักษราเป็นกลอนจารึกไว้ที่ห้องบรรทมในกรุงอโยธยาโดยเปรียบเทียบกลิ่นดอกไม้ถึง 64 ชนิด ว่าเอามารวมกันยังมิอาจหอมเทียบเทียมกลิ่นกายของทศกัณฐ์ได้ (คิดดูเถิดว่ากลิ่นตัวทศกัณฐ์จะหอมขนาดไหน

อันผกา บุปผา มวลดอกไม้

ช่างมากมาย หลากหลาย มากจริงหนอ

การเวก การะเกด กรรณิการ์

เป็นบุปผา ที่มีกลิ่น ขจรไกล

กุหลาบ แก้ว กาหลง บรรจงรัก

อยากจะหัก ห้ามจิต ทำไฉน

ขจร เข็ม คัดเค้า ต้องทรวงใน

เข็มหอมไซร้ หอมหวล ชวนดมดอม

จำปา จำปี เจ้านี้ หอมไกลถิ่น

รวยระริน เคล้ากลิ่น ชงโคหอม

ช้างน้าวหลอก ล่อแมลง ให้ดมดอม

อีกกลิ่นหอม ชำมะนาด ฟาดดวงใจ

ดอกตันหยง อวลระคน เคล้าซ่อนกลิ่น

อีกกระถิน หอมหวล ไม่จางหาย

โมกลาสร้าง เพิ่มกลิ่น ไม่สิ้นวาย

นมแมวไซร้ นมสวรรค์ เรียงรายมา

นางแย้มชู ดอกโตเด่น เห็นไม่หน่าย

ลมพระพาย พัดบงกช หอมจริงหนา

บัวหลวง บัวเผื่อน เลื่อนลอย ในธารา

บานเย็นพา ใจข้า ให้ชิดเชย

บุนนาคพา ใจชวน ให้ร้องเพรียก

บุหงาลำเจียก เรียกร้อง อกข้าเอ๋ย

บุหงาส่าหรี หอมตอน ลมรำเพย

เบญจมาศ เย้ยอวด กลิ่นถวิลตัว

ประยงค์เคียง ข้างปีบ บีบปาหนัน

มะลิวัลย์ พวงชมพู ไม่สลัว

พะยอม พิกุล หอมจริง ไม่ขุ่นมัว

หอมจนทั่ว ทั้งป่า พนาไพร

ดอกพุดปีบ พลับพลึง คลึงพุดซ้อน

ไม่เกี่ยงงอน พุทธชาด บาดใจหลาย

มณฑา มหาหงส์ แนบใจชาย

ไม่เสื่อมคลาย ในกลิ่น ถวิลทรวง

มะลิลา นำพา มะลิซ้อน

ลือกระฉ่อน มะลุลี ทั่วเมืองหลวง

ดอกโมกซ้อน ซ่อนเงื่อน จนใจกลวง

ยี่เข่งร่วง โรยดอก ยังหอมนาน

ดอกยี่โถ ยี่หุบ โยทะกา

หอมเรื่อยมา เหมือนดัง คำกล่าวขาน

รสสุคนธ์ ยังสถิต ในดวงมาน

หอมซาบซ่าน ราตรี ฤดีจำ

ราชาวดี หลากสี ช่างสวยสด

แสนงามงด ลดาวัลย์ ชวนถลำ

ลั่นทมขาว เคยนั่งมอง คลายระกำ

จวบพลบค่ำ มองไปเห็น ลั่นทมแดง

เล็บมือนาง ลำดวน เมื่อมองเห็น

ชวนใจเต้น พร้อมสร้อยฟ้า ไม่หน่ายแหนง

สารภี สายหยุด ส่งกลิ่น เหมือนแสดง

ไม่เสแสร้ง อโศก ไม่โศกไป

หอมสาละ ประทิน กลิ่นเกสร

เพียงหลบซ่อน กลิ่นก็ยัง ไม่เลือนหาย

หกสิบสี่ดอก ส่งกลิ่น หอมไม่คลาย

แต่ก็พ่าย กลิ่นกายเจ้า ยักษ์ร่างบาง



กลับสู่ปัจจุบันทศกัณฐ์กำลังพยายามหาวิธีออกจากอ้อมกอดของไอ้พระเอกหน้าด้านที่ยังคงกอดเขาอยู่อย่างไม่อายฟ้าอายดินด้วยความที่เขาค่อนข้างฉลาดจึงคิดแผนหลอกล่อพระรามได้อย่างเฉียบแหลมเมื่อนึกได้ดังนั้นทศกัณฐ์จึงเอ่ยบอกพระรามไปว่า

"ท่านปล่อยข้าเถิดตัวข้านั้นเป็นโรคความดันสูงเดี๋ยวมันจะติดต่อไปสู่ท่านหนา"

"โรคที่ท่านพูดมันไม่ใช่โรคติดต่อที่ข้าเคยได้ยินเพราะฉะนั้นไม่เป็นไรดอกขอรับหากมันติดได้จริงข้าก็ยอมอย่างน้อยข้าก็ได้สร้างผลบุญผลกุศลกับท่านฤาษีผู้มากบารมี" สรุปง่ายๆ คือมึงจะไม่ปล่อยกูสินะ

"ปล่อยข้าเถิดความดันสูงมันน่ากลัวนะท่าน" ทศกัณฐ์ในร่างฤาษีพูดไปพลางดิ้นไปด้วย

"หากท่านขยับเช่นนั้นความดันต่ำของข้ามันก็กำลังจะดันขึ้นมาแล้ว" ทศกัณฐ์รับรู้ถึงอะไรแข็งๆ ทิ่มที่ก้นเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า....ไอ้พระรามไอ้เหี้ยยยยยยยยย

ขนาดกูแก่ขนาดนี้มึงก็อุตส่าห์หื่นได้อีกเนาะ


ชีวิตชลธีมันน่าเศร้า......





______________________________________





1.ปทูตทันต์ = ยักษ์ปทูตทันต์ อาศัยอยู่ถ้ำแก้วมณี ในเขาสุรกานต์ มีอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้าสามารถเป็นที่เลื่องชื่อลือนาม ไม่มีใครหาญมาต่อกร เกิดกำเริบเสิบสานฟุ้งซ่าน ทำตัวเป็นอันธพาลถึงขนาดคิดจะสังหารพระอินทร์ เกิดความโกลาหลอลหม่านทั่วทุกวิมานสวรรค์ เมื่อพระอินทร์ทราบความ จึ่งมีความคิดลึกซึ้งว่า อันยักษ์ปทูตทันต์นั้นจะใช้พระขรรค์ไปสังหารเสียเมื่อใดก็ย่อมได้ อย่ากระนั้นเลย ควรมอบถวายงานนี้ให้ท้าวทศรถเป็นผู้ออกโรงจะเป็นการที่ดีกว่า เพื่อสร้างเกียรติประวัติไว้ให้กับวงศ์พระนารายณ์ ดำริดั่งนี้แล้วจึ่งบัญชาให้พระมาตุลี สารถีประจำพระองค์ นำรถแก้วมณีลงไปอัญเชิญท้าวทศรถมาปราบยักษ์ปทูตทันต์ในบัดดล

ระหว่างนั้นท้าวทศรถพร้อมมเหสีทั้งสามกำลังประพาสอุทยาน เมื่อทรงทราบถึงภารกิจจึงให้มเหสีทั้งสามกลับเข้าวังไปก่อน มีแต่เพียงนางไกยเกษีที่ขันอาสาขอติดตามไปด้วย โดยหวังจะขึ้นไปชมเมืองสวรรค์ชั้นฟ้าให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง

เริ่มต้นการรบครั้งนี้ยักษ์ปทูตทันต์ใช้ตระบองมณีเป็นอาวุธ แต่มิอาจต้านทานอานุภาพของพระขรรค์อาวุธของท้าวทศรถได้ คทาแหลกลงเป็นผง ยักษ์ปทูตทันต์จึงใช้ศรโมลีแผลงใส่ท้าวทศรถ ไปโดนเพลารถแก้มณีขาดสะบั้น แล้วศรนั้นยังวนเวียนรอบองค์ท้าวทศรถ นางไกยเกษีเกรงว่าท้าวทศรถจะเสียหลักและอาจเพลี่ยงพล้ำได้ จึงใช้แขนแทนเพลารถโดยตั้งจิตอธิษฐานขออย่าได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด





เมื่อนั้น จึ่งโฉมนางไกยเกษี

เห็นเพลารถแก้วมณี ต้องศรอสุรีหักไป

จึ่งตั้งสัตย์เดชะข้าซื่อตรง

ต่อองค์ภัสดาหาหมิ่นไม่

จะเอากรแทนเพลารถชัย

อย่าให้อันตรายชีวา

เสี่ยงแล้วยื่นหัตถ์สอดเข้า

ในดุมต่างเพลารถา

ด้วยอานุภาพสัตยา

ดั่งมหากายสิทธิ์ฤทธีฯ

ท้าวทศรถขว้างพระขรรค์ออกไปทำลายศรของยักษ์ปทูตทันต์แหลกเป็นจุณ แล้วพุ่งไปฟาดฟันยักษ์ปทูตทันต์ตาย ท้าวทศรถซาบซึ้งในความเสียสละกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางไกยเกษียิ่งนัก จึงลั่นวาจาตกปากรับคำว่า แม้นหากนางปรารถนาสมบัติใดๆ ก็ตามที่เป็นของพระองค์ จะจัดยกให้ทันที

2.อาสัญ=ตาย

3.เสเพล=ชอบประพฤติเหลวไหล, ประพฤติตนในทางเสื่อม, ไม่เอางานเอาการ.

4.มารีศ= เป็นยักษ์กายสีขาว เป็นบุตรของนางกากนาสูร เมื่อทศกัณฐ์ได้ฟังคำยอโฉมนางสีดาจากนางสำมนักขา ก็ให้หลงใหลอยากได้นางเป็นชายา จึงบังคับมารีศให้แปลงเป็นกวางทองเดินไปให้นางสีดาเห็น นางสีดาอยากได้กวางทองจึงอ้อนวอนให้พระรามออกไปจับมาให้ พระรามรู้ว่าเป็นยักษ์จึงใช้ศรยิงมารีศล้มลง มารีศแกล้งดัดเสียงเป็นพระรามร้องขึ้นดัง ๆ เหมือนได้รับบาดเจ็บ นางสีดาได้ยินคิดว่าพระรามมีอันตรายขอให้พระลักษมณ์ตามไปช่วย แล้วมารีศก็ขาดใจตาย

มารีศมีภรรยาชื่อแก้วเจษฎา มีบุตรสามคนคือ ชิวหา นนยวิก และวายุเวก อนึ่งในจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สะกดชื่อมารีศว่า "ม้ารีด" โดยภาพของมารีศมีลักษณะคือตัวเป็นม้า หน้าเป็นยักษ์

5.สาคเรศ= น้ำ

6.ชาลี อินทรวิจิตร= (6 กรกฎาคม พ.ศ. 2465 – 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564) เป็นผู้ประพันธ์คำร้อง ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์คำร้อง-ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปีพุทธศักราช 2536 มีผลงานประพันธ์คำร้องเพลงที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สดุดีมหาราชา, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สาวนครชัยศรี, ทุ่งรวงทอง, มนต์รักดอกคำใต้, แม่กลอง, เรือนแพ, จำเลยรัก หลงเงา ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก รักเธอเสมอ กรุงเทพ ป่าลั่น บ้านเรา ฉันรอจูบจากเธอ ฯลฯ

7.สมาน กาญจนะผลิน= (10 มีนาคม พ.ศ. 2464 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2538) นักดนตรีและนักแต่งทำนองเพลงลูกกรุง /ไทยสากลเด่นๆ จำนวนมาก ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2531

8.ชรินทร์ นันทนาคร= หรือชื่อเดิม ชรินทร์ งามเมือง [3] (1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 -) เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ศิลปินนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2541 สมรสกับนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง เพชรา เชาวราษฎร์ โดยชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้ริเริ่มร่วมสร้างสรรค์เพลง สดุดีมหาราชา ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ "สังข์เงิน" สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ที่ขับร้องเพลงไทยสากลผสมผสานกับเพลงไทยเดิม มีท่วงทำนองสูงต่ำเอื้อนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ชวนฟัง ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงประมาณ 1,000 เพลง









อุตส่าห์คิดว่าเนียนไหงไม่เนียนซะงั้นน้องทศกัณฐ์5555 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะครับ ขอบคุณคอมเมนต์ด้วยครับเป็นกำลังชั้นดีให้ไรท์ได้เขียนนิยายต่อไป

ในส่วนของเพลงหยาดเพชรนั้นหากฟังในนี้ไม่ได้ก็สามารถหาฟังได้ตามยูทูปเลยครับเพลงเพราะเนื้อหาก็ดีด้วย

วันนี้ไรท์นำพาทุกท่านมารู้จักบุคคลสำคัญ ศิลปินแห่งชาติทั้ง 3 ท่านด้วยครับ....

ยังไงก็รอดูตอนต่อไปได้เลยว่าทศกัณฐ์ของเราจะทำสำเร็จหรือไม่ติดตามในตอนต่อไปได้เลย เนื่องจากมันอ่านไม่เห็นข้อความไรท์จึงลงใหม่นะทุกคน








หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:33:35
บทพิเศษ 1 กลอนทั้งบท พาลีทรพีที่รัก

อันนี้เป็นบทพิเศษนะครับเขียนขึ้นเพื่อคั่นเนื้อเรื่องหลัก โดยจะเอาเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ปรากฏในเรื่องมาให้อ่านในรูปแบบของกลอน



อันพาลี วานร ผู้เรืองฤทธิ์

เก่งพิชิต สู้รบ คนกล่าวขาน

เก่งเป็นเลิศ มากล้น ปรีชาชาญ

เป็นตำนาน เล่าขาน สืบสานมา

ได้รับพร จากองค์ พระจอมเทพ

พอสังเขป สรุปได้ ดังนี้หนา

หากถึงคราว สู้รบ ศัตรูมา

ก็เก่งกล้า มากมี ซึ่งกำลัง

โดยพลัง ศัตรู ลดไปครึ่ง

จะสู้ซึ่ง หน้าได้ อย่ามาหวัง

ให้มันมา เพิ่มเติม เสริมกำลัง

จนยืนยัง ไม่มีใคร จะเทียมทาน

มาวันหนึ่ง มีควาย มาท้ารบ

บอกจะจบ ชีวา ดับสังขาร

ให้เลื่องลือ โจษจัน ถึงคัดนานด์

จนกล่าวขาน ตำนาน นี้สืบไป

เมื่อพาลี ได้ยิน ก็เคืองโกรธ

พูดคาดโทษ ไอ้ควาย ทำเฉไฉ

อันตัวกู มึงก็รู้ เก่งกว่าใคร

เหตุอันใด จึงกล้า มาท้าดวล

อันตัวข้า พญาควาย ทรพี

กำลังมี มากมาย จะโต้สวน

ระวังเถิด เจ้าจะ ร้องครางครวญ

เหมือนถูกข่วน ด้วยเล็บ เจ็บทรวงใน

ชะหนอยแน่ ไอ้ควาย มาอวดเก่ง

ทำนักเลง ทระนงตัว ช่างมากหลาย

มึงกับกู ต้องสู้ ถึงขั้นตาย

จึงจะคลาย สู้รบ จบด้วยดี

ทรพี ได้ยิน พาลีเอ่ย

ไฉนเลย หยิ่งทระนง หลงศักดิ์ศรี

มาตัดสิน กันเถิด เจ้าพาลี

พวกเรานี้ จึงจะรู้ ผู้มีชัย

ทั้งสองคน จึงมุ่งหน้า เข้าฟาดฟัน

ทำห้ำหั่น สู้รบ จนป่าหาย

สู้มานาน ก็ยัง ไม่มีใคร

ที่จะได้ ชนะ กันสักที

ฝ่ายพาลี จึงได้ เอ่ยสุนทร

จงหยุดก่อน ทรพี ควายบัดสี

พวกเรานั้น ก็สู้นาน หลายนาที

จนสุรีย์ เลื่อนลับ ดับดวงลง

ข้านี้เห็น ว่าเรา ควรหยุดพัก

พรุ่งนี้จัก สู้รบ ตามประสงค์

โดยสู้กัน ในถ้ำ ที่มั่นคง

หากตกลง เราจะได้ รู้ผลกัน

ทรพี ได้รับฟัง พาลีกล่าว

คล้อยตามเจ้า ลิงเจ้าเล่ห์ พูดเสกสรรค์

จึงรีบเร่ง ตอบโต้ รวดเร็วพลัน

ตัวข้านั้น ตกลง มิขัดใจ

หลังจากคุย กันเสร็จ ก็รีบกลับ

เดินลาลับ ไปพัก อย่างไม่ไหว

สู้วันนี้ เหนื่อยอ่อน ทั้งกายใจ

พักผ่อนไป ดีกว่า อย่ามัวรอ

ด้านพาลี เข้าห้องมา เจอสุครีพ

จึงเร่งรีบ บอกคำ ร้องกล่าวขอ

ว่าสุครีพ พี่จะสู้ ควายชีกอ

มันมาล่อ กวนใจ พี่เหลือเกิน

เขาผู้นั้น เป็นใคร หรือท่านพี่

จึงกล้าดี ทำให้ พี่ข้าเขิน

หรือเป็นลิง ต่างถิ่น ที่เที่ยวเดิน

มาบังเอิญ พบกัน ที่กลางไพร

อยู่ต่อหน้า ของเขา ข้าอวดเก่ง

ร้องเอ๋งๆ เลยหนอ เมื่อเขาหาย

ตอนนี้ข้า ร้อนรุ่ม ทั้งใจกาย

คิดถึงควาย ตัวนั้น จนเจ็บใจ

โถท่านพี่ อย่ามัว แต่โศกเศร้า

พรุ่งนี้เช้า ก็จะเจอ ไม่มีหาย

ขอให้ท่าน ทำจิต ให้สบาย

แล้วจะได้ มีสุข สถาพร

ถ้าเช่นนั้น สุครีพ เจ้าจงฟัง

คำที่ดัง จากปากพี่ คือคำสอน

หากเห็นเลือด สีแดง ควายชีพรอญ

ข้าแค่นอน หลับพัก ไม่เป็นไร

แต่หากเจ้า เห็นเลือด เป็นสีใส

นั่นมันหมาย ว่าชีพข้า ต้องขาดหาย

เจ้าจงเอา ก้อนหิน ปิดถ้ำไป

เพื่อมิให้ ใครเห็น ศพพาลี

แล้วมาถึง ซึ่งวัน ที่นัดรบ

มาประสบ พบเจอ ไม่หน่ายหนี

ทั้งสองคน สู้กัน พลังดี

ทรพี พลาดพลั้ง ต้องแพ้ไป

อันทรพี อับอาย จึงยอมแพ้

ข้านั้นแค่ ควายกระจอก ชื่อเสียงหาย

ท่านโปรดฆ่า ข้าเถิด ข้าอับอาย

ให้ข้าตาย ดีกว่า มีชีวี

ด้านพาลี ได้ยิน จึงเข้ากอด

รัดกายยอด ดวงมาน มารศรี

โอ้เจ้าช่าง งามจริง ทรพี

ข้าพาลี มิอาจ ฆ่าเจ้าลง

แล้วหอมแก้ม นวลปราง ที่หอมกรุ่น

ซบอกอุ่น เถิดหนา แม่นางหงส์

หน้าก็สวย พาใจ ข้าเหลวลง

ตัวเจ้าคง มีมนต์ เสน่ห์ตรา

นี่พาลี ไอ้ลิง จอมเจ้าเล่ห์

คิดว่าเท่ห์ จนข้าหลง เสน่หา

บอกตามตรง ข้าไม่หลง แผนมารยา

เจ้าจงฆ่า ข้าเถิด อย่ารีรอ

อันตัวข้า รักเจ้าจริง นะเนื้อนวล

กลิ่นอบอวล หอมหวล จริงๆหนอ

เพียงอยู่ใกล้ หัวใจ ให้พะนอ

ข้าจักขอ ร่วมรัก สลักใจ

ว่าแล้วก็ บรรเลงรัก อย่างแน่นหนัก

ฝากความรัก ด้วยใจ ภักดิ์มากหลาย

เสียงสุขสม เล็ดลอด ขจรไกล

ทั้งสองได้ สุขสม อารมณ์ดี

ด้วยครั้งแรก เลือดจึง ไหลรินหยด

มาราดรด หน้าถ้ำ ไม่หลีกหนี

สีแดงสด เลือดควาย ทรพี

ฝนตกมา พอดี เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งสองคน นอนหลับ เพราะเหนื่อยอ่อน

กอดงามงอน นอนด้วยกัน หน้าสดใส

ด้านนอกนั้น ฝนตก เลือดเปลี่ยนไป

เป็นสีใส สวยสด งดงามจริง

ด้านสุครีพ มาดู เห็นเลือดใส

โถพี่ชาย มาตาย สมดังสิงห์

มิอาจรอ ได้แล้ว อย่าประวิง

จึงรีบวิ่ง ยกหิน มาปิดไป

พอพาลี ตื่นมา ก็กริ้วโกรธ

ใจคาดโทษ ไอ้สุครีพ น้องฉิบหาย

มันคิดจะ แย่งบัลลังก์ ของพี่ชาย

จึงปิดปลาย ปากถ้ำ ทำอวดดี

ว่าแล้วก็ อุ้มทรพี  ออกจากถ้ำ

น้องระยำ มึงต้อง โดนไล่หนี

เหาะเข้าเมือง เข้าห้อง วางทรพี

แล้วพาลี ก็ไปพบ สุครีพชาย

ไอ้น้องเลว มึงคิดจัก แย่งเมืองพี่

ทำอวดดี ปิดปากถ้ำ ไอ้ฉิบหาย

กูจึงใคร่ ไล่มึง ให้ออกไป

แล้วอย่าได้ มาพบ ประสบกัน

ด้านสุครีพ เสียใจ จนสุดฤทธิ์

มิเคยคิด แย่งเมือง พี่ชายฉัน

หรือเป็นเพราะ โชคชะตา รังแกกัน

ให้เรานั้น จากจร ซึ่งญาติไป





หลังจากนั้นสุครีพก็เดินอยู่ในป่าจนพบหนุมายจึงถูกหนุมานชวนเชิญให้ไปช่วยพระรามรบกับทศกัณฐ์สุครีพจึงถือว่าเป็นตัวละครที่มีความโดดเด่นมากๆตัวหนึ่งในเรื่องเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:38:24
04 จุดเริ่มต้นแห่งสงคราม

นี่ก็เป็นเพลาเนิ่นนานหลายวันแล้วที่ตัวทศกัณฐ์จำต้องอยู่ในร่างฤาษีนามสาคเรศเพื่อที่จะทำภารกิจลักพาตัวสีดาให้สำเร็จหากนับรวมๆดูแล้วมันก็ผ่านมาถึง17วัน เหลือเพลาอีก 3 วันเขาจึงจะเริ่มดำเนินการแน่นอนว่าระหว่างอยู่ที่นี่ก็ใข่ว่าจะปลอดภัยสักเท่าไหร่....จะมีใครล่ะที่ทำให้เขาหวาดระแวงก็คงจะไม่พ้นพ่อพระเอกของเรื่องที่ชื่อพระรามนั่นแหละตั้งแต่หลับนอนด้วยกันมาหลายวันก็รู้สึกว่าค่าเสน่หามันจะเพิ่มขึ้นรัวๆเลยอย่างไม่ทราบสาเหตุครั้นจะคิดว่าพระรามนั้นแอบชอบตัวเราเองแล้วไปบอกปฏิเสธตั้งแต่เนิ่นๆ

มันก็คงจะเป็นการตีตนไปก่อนไข้¹เสียน่ะสิหากพลาดพลั้งในความคิดขึ้นมาจะอับอายเปล่าๆพญายักษ์จึงต้องรอดูเพื่อความแน่ใจเสียก่อนว่าพระรามชอบเขาจริงๆ

ในเพลานี้ลักษมณ์กับสีดาก็คงจะไปชมนกชมไม้ในพงไพรเหมือนทุกวันที่ผ่านมา...ค่อนข้างจะห่วงพ่อมากเลยนะสีดา ปล.กูประชด

ส่วนพระรามน่ะหรือไม่ได้ไปไหนดอกก็นอนเกี่ยวกอดเขาเช่นเดิมราวกับขาดความอบอุ่นยังไงยังงั้นนี่มึงจะทำกูหนักใจไปถึงไหนเนี่ย...ทศกัณฐ์ถึงกับถอนหายใจไม่เคยคาดคิดว่าจะมาเจอพระเอกแห่งเรื่องรามเกียรติ์ที่ทำตัวราวกับเด็กอนุบาลแบบนี้

"นี่รามเจ้าตื่นได้แล้วอุุษาสาง²แล้วหนา"

"อือข้าขออีกนิดนะท่านยังนอนไม่อิ่มเลย"

"ไม่ได้เราจักมานอนเกียจคร้านเช่นนี้มิได้หนาขืนตื่นช้าเดี๋ยวไม่ได้กินข้าวปลาอาหารกันพอดี"

"แต่ข้าง่วงอยู่นี่นา" มึงเป็นพระเอกหรือลูกพระเอกกันแน่วะเนี่ยอ้อนชิบหาย

"หากเจ้าไม่ตื่นก็แล้วไปเดี๋ยวข้าไปหาข้าวปลาอาหารเองก็ได้"

"ตื่นแล้ว!...ข้าตื่นแล้วรอข้าประเดี๋ยวนะท่าน" เป็นแบบนี้ทุกทีทุกเช้าเขาต้องมาปลุกพระรามตามคำสัญญาที่เคยสัญญาไว้ โดยเขาต้องเรียกพระรามว่ารามและต้องปลุกพระรามโดยให้เหตุผลว่าตัวพระรามตื่นยากเลยต้องการคนปลุก...เอิ่ม...ได้ข่าวว่าตอนกูยังไม่มามึงก็ตื่นเช้าได้ทุกวันนี่หว่า

นั่นแหละครับคือสิ่งที่ทศกัณฐ์ต้องพบเจอในแต่ละวันซึ่งการจะใช้ชีวิตร่วมกับพระรามนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ส่วนหนึ่งก็มาจากความเอาแต่ใจเหมือนเด็กด้วยแหละเขาว่า

ทศกัณฐ์นั่งอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อรอกินข้าวกับพระรามที่กำลังอาบน้ำอยู่อันที่จริงจะกินก่อนก็ได้แต่ที่ต้องรอเพราะว่า....มันงอแงไงเดี๋ยวก็บีบน้ำตาบอกท่านกินไม่รอข้า....รางวัลตุ๊กตาทองต้องเข้าแล้วแหละถ้าจะแสดงเก่งขนาดนี้

ไม่นานนักพระรามก็วิ่งมาด้วยหน้าตาตื่นตกใจทศกัณฐ์เหลือบมองหาต้นสายปลายเหตุว่าพระรามวิ่งหนีอะไรมาก็พบสตรีนางหนึ่งงดงามอย่างมากเอวองค์อรชรอ้อนแอ้นแต่ก็แฝงไปด้วยกลิ่นสาปยักษ์ด้วยเช่นกัน....เหตุใดตัวเขาถึงรู้ก็เป็นยักษ์ด้วยกันนี่นาไม่รู้สิแปลก

พระรามหยุดยืนกอดแขนเขาแน่นปานประหนึ่งเด็กน้อยที่กลัวผียังไงยังงั้น...

ค่าเสน่หา+100

มันใช่เวลาไหมเห้ย....

"ไม่ต้องตกใจกลัวข้าดอกพ่อหนุ่มน้อยข้านี้หลงรักท่านจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรแล้วมาเป็นสามีข้าเถิด" คือมึงจะให้เขาไปเป็นผัวไอ้คนที่วิ่งตามมาแบบดูหิวกระหายผู้ชายเนี่ยนะใครไปก็บ้าแล้ว

"อันตัวข้ามิได้มีจิตใจรักใคร่ลุ่มหลงเจ้าเลยขอให้เจ้าจงกลับไปเถิด" เป็นไงล่ะมึงหน้าหงายไปเลยสิโดนพระเอกกูตอกกลับ

"ข้ามิอาจกลับไปไหนได้อีกแล้วเพราะหัวใจข้านั้นรักท่านยิ่งนัก" 

"เจ้านี่มันช่างหน้าด้านหน้าทนจริงๆขนาดผู้ชายเขาไม่สนยังอุตส่าห์ตามตื๊ออยู่นั่นแหละ" ทศกัณฐ์ในร่างฤาษีทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากพูดขึ้นไปทำเอานางยักษ์แปลงถึงกับโกรธเป็นอย่างมากแล้วโต้ตอบกลับในทันใด

"หุบปากของเจ้าไปข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า"

"เกี่ยวสิข้าต้องตักเตือนเจ้าในสิ่งที่ทำอันสตรีนั้นมาวิ่งไล่บุรุษหาควรไม่จะเป็นที่ติฉินนินทาของโลกได้หนา"

"หนอย...ไอ้ฤาษีแก่ใครจะว่าข้าแล้วมันไปหนักส่วนไหนของเจ้าขอแค่ข้าได้พ่อหนุ่มคนนี้ไปเป็นสามีก็พอแล้ว"

"ช่างหน้าด้านหน้าทนเป็นยิ่งนักขนาดผู้ทรงศีลเตือนยังไม่ฟังอีก...หากทำตัวเช่นนี้ผู้คนเขาจะคิดว่าเจ้าน่าโสมม³และถ้ายังไม่หยุดแล้วทำต่อไปเรื่อยๆเจ้าก็จะเป็นคนที่ต่ำช้ายิ่งนัก"

"นี่เจ้ากล้าด่าข้าถึงเพียงนี้เชียวรึเหตุใดเข้าจึงมายุ่งวุ่นวายเรื่องของข้า...เอ๊ะ...หรือว่าเจ้าชอบพ่อหนุ่มผู้นี้ใช่หรือไม่"

ทศกัณฐ์ถึงกับอ้ำอึ้งตอบไม่ถูกเลยทีเดียวเล่นถามคำถามแบบนี้ใครจะไปตอบได้อันที่จริงตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาหลายวันมันก็ปรับเปลี่ยนความรู้สึกของเขาไปมากเหมือนกัน

"เจ้าไม่ตอบแสดงว่าจริงสินะ"

ค่าเสน่หา+1000 มึงจะขึ้นก็ช่วยดูสถานการณ์ด้วยเถอะกูขอร้องหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมามีความเสน่หาอีก

"หึ...ถึงว่าทำเป็นมาด่าข้าที่แท้เจ้าก็หวังจะได้พ่อหนุ่มคนนี้ไปครอบครอง....เหอะ..ไอ้พวกไส้เดือนสองเพศเป็นชายแท้ๆแต่กลับชอบชายด้วยกันผิดแผกแหวกแนวเสียจริงๆ"

ผลั๊วะะะะ

เชี่ยยยย......พระรามมึงต่อยนางยักษ์เลยหรอโหดเกินไปแล้วที่สำคัญนางกระเด็นไปไกลด้วยนะ

"รามเจ้าทำอะไรน่ะ"

"นางว่าท่านข้าจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกท่านเด็ดขาด"

"ขอบใจเจ้ามากเจ้ากลับไปพักเถิดเดี๋ยวข้าจะไปสั่งสอนนางเอง"

"แต่ว่าให้ข้าไปด้วยจะดีกว่าหนาขอรับ"

"ไม่ต้องข้าจะไปเองเจ้าไปพักเถอะ"

"ถ้าท่านว่าอย่างงั้นข้าก็คงขัดไม่ได้...ขอให้ท่านสั่งสอนนางสำเร็จด้วยเถิด"

คุยกันเสร็จสรรพทศกัณฐ์ก็มุ่งหน้าไปยังนางยักษ์ที่นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด...หึ...ใจนึงเขาก็อยากจะสมน้ำหน้าแต่อีกใจนึงก็อดสงสารไม่ได้

"อ้าวเป็นยังไงล่ะเจ็บไหมล่ะเจ้า"  นางยักษ์แปลงหันมามองพร้อมกับส่งสายตาเคียดแค้นมาให้หากพูดถึงรสในวรรณคดีนางก็คงจะหนีไม่พ้นพิโรธวาทัง⁴เป็นแน่

"ไม่ต้องมาพูดเยาะเย้ยเป็นเพราะเจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้าต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"

"นั่นมันเป็นเพราะเจ้าต่างหากที่รนหาเรื่องเองจึงต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"

"หยุดพูดจาถากถางข้าได้แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าข้าจะฆ่าเจ้า"

"คิดจะฆ่าข้าจริงๆรึ" พูดเสร็จฤาษีสาคเรศก็คืนร่างเดินไปเป็นทศกัณฐ์เล่นเอานางยักษ์ตกตะลึงอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก

"ทะ...ทะ...ท่านทศกัณฐ์"

"เออข้านี่แหละคิดว่าไม่รู้เรื่องหรอว่าเจ้าคือยักษ์อัสมูขีปลอมตัวมา"

"หม่อมฉันต้องขอโทษด้วยนะเพคะที่ล่วงเกินพระองค์ท่าน" ไม่แปลกที่นางอัศมูขีนอบน้อมถ่อมตัวเช่นนี้อันชื่อเสียงของทศกัณฐ์นั้นลือขจรไกลไปทั่วทั้ง 3 โลกใครไม่รู้จักสิแปลก

"เอาเถอะมันเป็นเพราะเจ้าไม่รู้ว่าเป็นข้า....ก็ถือซะว่าคำที่เจ้าด่าข้ามาข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกัน"

"ขอบพระทัยเพคะ"

"แล้วก็อีกเรื่องที่เจ้าดูเหยียดหยามเพศสภาพผู้อื่นข้าบอกตามตรงว่าข้ารับไม่ได้อันสตรีควรคู่บุรุษเท่านั้นหรือบุรุษควรคู่สตรีเท่านั้นมนุษย์เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหรือแม้แต่อสูรความรักนั้นมันอยู่ที่ใจไม่ใช่หรือจะชายรักชายหรือหญิงรักหญิงก็ย่อมได้ไม่ได้แปลกตรงไหนเลยหรือจะความรักที่นอกเหนือจากชายรักชายและหญิงรักหญิงอีกทั้งไม่ใช่ชายรักหญิงทั้งหมดนี้ก็ย่อมเป็นสิ่งที่สวยงามทั้งนั้นเจ้าจงนำสิ่งที่ข้าบอกกล่าวไปปรับปรุงความคิดของเจ้าให้ดีขึ้นเถิด"

"เพคะหม่อมฉันจะนำไปปรับปรุงตัวเอง"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิดแล้วอย่ามารุกรานพวกเราอีก"

"ถ้าท่านพูดเช่นนั้นแสดงว่าท่านกับพระรามก็"

"หยุดความคิดของเจ้าไปเลยอัศมูขีมันไม่ได้มีอะไรดอก"

"เขาว่าสายตาหลอกกันไม่ได้นะท่านทศกัณฐ์สายตาที่พระรามมองท่านนั้นมันผิดแผกไปจากสายตาที่มองคนอื่น"

"เจ้าจงกลับไปเถิดอย่ามาเสียเวลาพูดอยู่เลยข้าไม่ต้องการฟัง"

"เพคะ"

เห้อ...หมดเรื่องหมดราวสักทีทศกัณฐ์แทบจะเป็นบ้าตายอยู่ที่นี่มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวันอยากทำภารกิจให้มันจบๆให้ไวจัง

ทศกัณฐ์คืนร่างเป็นฤาษีสาคเรศเช่นเดิมก่อนที่จะเดินกลับมายังอาศรมที่พำนักพักพิงที่เขาพักพิงมาหลายวันแล้วก่อนที่จะพบพ่อพระเอกสุดหล่อยืนทำหน้าทำตาละห้อยพลันเหลือบมามองเห็นเขาเท่านั้นแหละ

ค่าเสน่หา+500

เอาล่ะทีนี้ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วล่ะว่าไอ้ค่าเสน่หามันมาจากใคร...อาการออกซะขนาดนี้

"ท่านหายไปเสียเนิ่นนานรู้ไหมข้าเป็นห่วงท่านมากเพียงใดน่ะขอรับ" พูดพลางทำหน้าตาเศร้าอีกมึงนี่มันนักแสดงชั้นยอดเยี่ยมจริงๆเลย

"ไม่ต้องห่วงข้าดอกทุกอย่างเสร็จสิ้นดีแล้ว"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็วางใจ"

เราพูดคุยกันได้สักพักไม่นานพระลักษมณ์กับนางสีดาก็มาถึงแล้วพระรามก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังนั่นแหละพอเล่าแล้วก็มีการพูดคุยกันบ้างเป็นปกติก็คงจะมีสีดาที่ปากค่อนข้างที่จะแจ๋วหน่อยเอาเข้าจริงๆผู้หญิงในโลกที่ผมเข้ามาอยู่ในตอนนี้เนี่ยมีแต่ปากแจ๋วๆทั้งนั้นราวกับว่าเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการด่า

ณ วันที่ภารกิจเริ่มขึ้น

และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่จะต้องเริ่มภารกิจลักพานางสีดาเข้ากรุงลงกาแน่นอนว่าทศกัณฐ์เตรียมการไว้อย่างดีเขาไปเอาบุษบกแก้วที่ชิงมาจากกุเปรันผู้เป็นพี่ของเขาอันเป็นเหตุให้งาช้างของพระอิศวรต้องปักอยู่ที่อกเขาจนถึงทุกวันนี้มารอท่านางสีดาไว้เรียบร้อย

ขณะนี้พระรามกับพระลักษณ์ก็ออกไปหาอาหารเป็นเวลาเหมาะเจาะที่เขาจะลักพานางสีดาเสียจริงๆ....เอ...จะเรียกว่าลักพาก็คงจะไม่ถูกเรียกว่าพากลับบ้านจะดีกว่าเพราะนางก็สมยอมกลับด้วยเพราะว่าเป็นลูก

"สีดาเพลานี้พ่อจักพาเจ้ากลับสู่กรุงลงกาแล้วหนา"

"ไวจังเลยเพคะท่านพ่อถ้ายังไม่ได้เตรียมใจจะจากลาจากพี่ลักษมณ์เลยนะเพคะ"

"สีดาเอ๋ยใช่ว่าพ่ออยากพาเจ้ากลับไปเท่าไหร่ดอกแต่ว่าพ่อนั้นมีเหตุผลจริงๆที่จำเป็นต้องพาเจ้ากลับไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่เจ้าก็จะได้พบกันอีกครา"

"ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น"

"ขึ้นมาบนบุษบกแก้วเถิดก่อนที่พวกนั้นจะกลับมาประเดี๋ยวเราจะมิได้กลับ"

"เพคะ"

ทศกัณฐ์และนางสีดาขึ้นบุษบกแก้วเหาะลอยกลับไปยังกรุงลงกา....แต่ทว่าด้านหน้าของพวกเขากลับมีพญานกตัวใหญ่กายสีเขียวบินผ่านมาทศกัณฐ์คาดเดาไม่ผิดนี่ก็คงจะเป็นพญานกสดายุ⁵เป็นแน่...บ้าจริงยังต้องมาเจอนกที่มีอิทธิฤทธิ์เยอะขนาดนี้จะสู้ไหวไหมเนี่ย

"อ้าวๆทศกัณฐ์เหตุใดจึงไปลักพาสีดาเมียของพระลักษมณ์มาได้"

"ท่านเข้าใจผิดแล้วท่านสดายุข้ามิได้รักพาแต่อย่างใดขณะนี้พระรามกับพระลักษมณ์ต้องออกมาเดินป่าถึง 14 ปีสีดาก็คิดจะตามมาด้วยเพราะว่าสามีนางก็เข้าป่าแต่พออยู่ไปได้หลายวันนางก็เกิดคิดถึงท้าวชนกผู้เป็นบิดาพอดีข้าจะไปมิถิลาพอดีก็เลยอาสาพานางไปส่งเรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้แล"

"นี่เจ้าจะให้ข้าเชื่อเจ้าผู้เจ้าเล่ห์หลอกลวงอย่างนั้นรึ" กูว่าแล้วต้องไม่มีใครเชื่อไอ้ทศกัณฐ์คนก่อนเล่นไว้ซะเยอะพอถึงเวลากูได้เป็นจริงๆความซวยเลยตกที่กูซะงั้น

"ถ้าท่านไม่เชื่อก็เรื่องของท่านเถิดข้าต้องรีบพานางไปก่อนที่จะดึกอันตัวข้าก็มีนางมณโฑอยู่แล้วเหตุใดข้าจะต้องพาสีดาไปกรุงลงกาอีกทำไมเล่า"

"มันก็ไม่แน่นอนดอกเรื่องสตรีที่เจ้ามีนั้นอื้อฉาวไปทั้งโลกแล้ว" ขอประทานอภัยนั่นมันคนก่อนไม่ใช่ผม

"ถ้าเช่นนั้นคงต้องประลองกันสักตั้ง"

"ไม่มีปัญหาข้าไม่ได้กลัวเจ้าอยู่แล้ว"

"สีดาเอาธำมรงค์เจ้ามา" 

"ท่านพ่อข้าไม่ต้องการเห็นผู้ใดตายต่อหน้าต่อตาเพราะข้าเป็นต้นเหตุให้เขาตายได้โปรดเถอะ" จะมาเป็นคนดีอะไรเล่าลูกแล้วพ่อจะสู้ได้ไงเนี่ย

"เช่นนั้นเจ้าจงบอกสดายุไปเถิด"

"เพคะ"

"ท่านสดายุที่ท่านทศกัณฐ์พูดนั้นเป็นความจริงข้าจะไปมิถิลาขอให้ท่านโปรดให้เราผ่านไปด้วยเถิดข้าคิดถึงพระบิดาจนจะแย่อยู่แล้ว"

"ถ้าแม่นางพูดเช่นนั้นข้าก็สบายใจขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ"

"ขอบใจท่านมากที่เชื่อเรา"

ทศกัณฐ์กับนางสีดาจึงมุ่งหน้าสู่กรุงลงกาต่อไป

ขอย้อนรอยเล่าเรื่องราวของสดายุอันพญานกสดายุนั้นได้มาเยี่ยมพูดคุยกับพระรามและพระลักษมณ์บังเอิญบินผ่านทะยานอากาศพบเห็นทศกัณฐ์กำลังลักพาตัวนางสีดาพอดีจึงเข้าไปขัดขวางด้วยความเผลอพลาดพลั้งประมาทในตนจึงเอ่ยวาจาบอกหนทางฆ่าตนเองให้แก่ทศกัณฐ์เป็นอันนำไปสู่การเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ลมปีกกวักสะท้านกล้าสดายุ

เดือดดันดุสะเทือนโลกโยกเวหา

กลับต้องจบชีวิตน่าเวทนา

เพราะวาจาอวดตนจนเสียที

มาจะกล่าวบทไปถึงพระรามและพระลักษมณ์ครั้นหาอาหารเสร็จสรรพก็กลับมายังอาศรมร้องเรียกหาสีดาก็มีพบครั้นมองหาฤาษีสาคเรศไม่เห็นจึงยืนทำหน้าเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์

"โถ่...สีดาเจ้าอยู่หนใด"

"สาคเรศเจ้าไปไหนเหตุใดไม่บอกกล่าวข้า"

ประจวบเหมาะกับสดายุที่บินผ่านมาพอดีครั้นสดายุมองเห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของทั้งสองพี่น้องก่อให้เกิดความแคลงใจขึ้นมาจึงบินลงมาสอบถามเพื่อสืบสาวหาเรื่องราวจากพี่น้องทั้งสอง

"อ้าวๆองค์รามองค์ลักษมณ์เหตุใดจึงมายืนทำหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้มีอะไรรึ"

"สีดาหายตัวไปส่วนฤาษีสาคเรศก็หายตัวไปด้วยข้าคิดว่าคงมีอสูรมาลักพาตัวไปเป็นแน่"

"อันนางสีดานั้นข้าก็เห็นว่านางไปมิถิลามิใช่รึ"

"มิถิลารึนางไม่เห็นบอกข้าเลยท่านไปพบเจอนางที่ใด"

"เมื่อสักครู่ที่ข้าบินผ่านมาข่าวพบนางสีดาอยู่กับพญาทศกัณฐ์โดยบอกกล่าวกับข้าว่าจะไปมิถิลาเพราะคิดถึงพ่อ"

"ทศกัณฐ์พญายักษ์ที่เลวทรามต่ำช้ายิ่งนักมันคงมาลักพาตัวสีดาไปจากข้าแล้วท่านเห็นฤาษีสาคเรศด้วยหรือไม่"

"ไม่มีดอกข้าเห็นเพียงแต่ทศกัณฐ์กับนางสีดาเท่านั้น"

"ก็เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงนะพี่รามที่ฤาษีสาคเรศจะเป็นทศกัณฐ์แปลงกายมา"

"อืม..." พระรามตอบพลางทำหน้าเศร้า

"แล้วถ้าเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องบุกไปชิงตัวนางสีดาคืนมา"

"ช้าก่อนพระลักษมณ์อันพญาทศกัณฐ์นั้นมีฤทธิ์มากเหลือเกินข้าเกรงว่าพวกท่านทั้งสองจะมิอาจต้านทานพลังของทศกัณฐ์ได้ข้าคิดว่าควรไปขอความช่วยเหลือจากพญาพาลีผู้ที่ครองกรุงขีดขินอยู่ในตอนนี้"

"แล้วข้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร"

"มิยากดอกพวกท่านก็แค่เดินมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของอาศรมไม่นานนักก็คงเจอ"

"ขอบคุณท่านมากท่านสดายุที่แนะนำให้ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ"

"ไม่มีปัญหาถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกันไว้ข้าจะแวะมาเยี่ยมเยือนพวกท่านอีกนะ"

"พี่รามไปกันเถอะ"

"สาคเรศเหตุใดเจ้าต้องเป็นทศกัณฐ์ด้วยโชคชะตาเล่นตลกกับข้าหรือยังไร" พระรามพูดพลางทำสีหน้าเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์อย่างสุดขีด

พระรามกับพระลักษมณ์มุ่งหน้าไปยังนครขีดขินครั้นเดินทางมาได้หลายเพลาก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงนอนพักผ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ร่มเย็นน่าหลับนอนเป็นอย่างยิ่ง

แต่ทว่าพระลักษมณ์ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีลิงน้อยตัวสีเผือกโยนใบไม้ใส่เขาไม่เพียงแต่เท่านั้นมันยังขโมยธนูของเขาไปด้วย

พระลักษมณ์ส่งเสียงเอะอะดังสนั่นป่าทำให้พระรามรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วก็กล่าวคลี่คลายปัญหาให้

"เป็นอะไรของพวกเจ้าอีกเนี่ยส่งเสียงเอะอะโวยวายทำข้าตื่นเลยเห็นไหม"

"โทษทีพี่รามก็ไอ้ลิงเผือกนี่ล่ะสิอยู่ดีๆมันก็มาขโมยธนูข้าไปซะงั้นอีกทั้งยังเอาใบไม้มาโปรยใส่ตัวข้าอีก"

พลันพระรามกับลิงตัวนั้นมองหน้ากันก็ให้รู้ในทันทีว่าร่างเดิมของแต่ละคนเป็นเช่นไรน้อยจึงกลับคืนสภาพร่างเดิมแล้วเข้ามาถวายตัวรับใช้

"ขอเดชะข้ามีนามว่าหนุมานเป็นบุตรของพระพายและแม่สวาหะข้าขอถวายตัวรับใช้พระองค์ตามเทวราชโองการพะย่ะค่ะ"

"เรายินดีรับเจ้าเป็นผู้รับใช้"

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"

"ว่าแต่เจ้ารู้จักทางไปนครขีดขินหรือไม่"

"เหตุใดข้าจะไม่รู้จักเล่าพะย่ค่ะที่นั่นเป็นเมืองของน้าของข้าเองชื่อว่าพาลีแต่ว่าตอนนี้ข้าสงสัยว่าเหตุใดไฉนเล่าพระองค์จึงจะคิดมุ่งหน้าไปนครขีดขิน"

"พญาทศกัณฐ์ลักพาตัวสีดาชายาของพระลักษมณ์ไปเราจึงต้องจักตามไปเพื่อชิงตัวนางกลับคืน"

"ถ้าเช่นนั้นเกล้ากระหม่อมขอไปตามตัวท่านน้าสุครีพมาเข้าพบพระองค์นะพะย่ะค่ะ"

"ตกลง"

ไม่นานสุครีพก็เข้ามาถวายตัวรับใช้พระรามและพระลักษมณ์ทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปสู่นครขีดขินเมื่อไปถึงสุครีพก็ล่อพญาพาลีออกมาให้พบพระราม

หากเอ่ยตามเนื้อเรื่องหลักเนื้อเรื่องเดิมพาลีจะต้องตายได้ศรของพระนารายณ์ตามคำที่ตนได้เอ่ยให้สัจจาไว้ว่าจะเอานางดารามามอบให้สุครีพแต่กลับเอามาเป็นเมียของตนแต่ทว่าโลกที่ชลธีเข้ามาอยู่นี้มิได้ตรงตามเนื้อเรื่องทุกประการแต่อย่างใดจึงทำให้พญาพาลีมิต้องจบชีวิตลง



"โอ้พระรามข้าขอถวายตัวรับใช้พระองค์"

"ลุกขึ้นเถิดท่านพาลีที่เรามานี้ก็อยากจะได้รับความช่วยเหลือจากท่านแต่ว่าท่านพาลีกับท่านสุครีพก็บาดหมางกันซะเหลือเกินข้าจึงอยากให้พวกท่านปรับความเข้าใจกันก่อนเถิด"

"ท่านพี่พาลีตัวข้ามิได้มีความคิดอยากจะชิงเมืองจากท่านเลยแต่ว่าวันนั้นข้าเห็นเลือดที่ไหลออกมามันเป็นสีใสจริงๆ"

"เหตุใดมันจะเป็นสีใสไปได้ก็มันเป็นเลือดของทรพีใครก็รู้รู้อยู่ว่าเลือดควายน่ะเป็นสีแดง"

"ขอเดชะท่านพญาพาลีพวกข้าก็ไปกับท่านสุครีพในวันนั้นข้าก็พบเห็นเลือดเป็นสีใสจริงๆข้าคาดคะเนว่าอาจจะเป็นเพราะน้ำฝนทำให้เลือดสีเปลี่ยนไป"

"ถ้าพวกเจ้าทหารของข้าพูดเช่นนั้นข้าก็เชื่อ"

"สุครีพน้องข้าข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆที่ไม่คิดให้ดีไล่เจ้าออกไป"

"ไม่เป็นไรข้าไม่เคยโกรธท่านพี่เลยขอแค่ท่านเข้าใจข้าก็พอแล้ว"

สองพี่น้องกอดกันด้วยความคิดถึงทำเอาทหารลิงที่เห็นร้องไห้กันระงมด้วยความดีใจแล้วทั้งหมดก็เข้าไปพูดคุยกันในพระราชวังของพาลี

"ชิชะไอ้ทศกัณฐ์อุตส่าห์เป็นเพื่อนสมัครสมานรักใครกันเหตุใดมันจึงทำเช่นนี้เห็นทีข้าจำต้องออกรบเพื่อช่วยพวกท่านอีกแรงแล้วล่ะ"

"ดีเลยถ้าเช่นนั้นก็จัดทัพทหารให้พร้อมรุ่งขึ้นเราจะออกเดินทางกัน" พระรามเอ่ยขึ้นมาทำให้ทหารพร้อมกับพาลีสุครีพและหนุมานยกมือขึ้นเฮไปตามกันะ

หลังจากพูดคุยกันเสร็จสรรพทุกคนก็เข้านอนเพื่อพักผ่นเอาแรงไว้ออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น

"ท่านพี่พาลีท่านแน่ใจหรือว่าจะออกรบไปด้วย"

"ก็แน่ใจสิสุครีพมิมีผู้ใดดอกจะมาหยุดข้าได้เจ้าก็รู้ว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด"

"แต่แค่ว่าคงมีผู้นึงนะท่านพี่"

"ใครกันจะมาหยุดข้าได้"

"ตัวบุคคลที่อยู่ด้านหลังท่านไงข้าไปก่อนนะ" สุครีพเดินออกจากห้องไปในทันที

"เมื่อกี้เจ้าบอกว่าอะไรนะ"

"ชะอุ้ยทรพี"

"ใช่ข้าเอง"

"ยังไม่นอนอีกเหรอจ๊ะ"

"ไม่ต้องมาจ๊ะจ๋าข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปรบหากเจ้าไปใครจะดูแลบ้านเมืองนี้"

"แต่ทรพีข้ารับปากพระรามไว้แล้ว"

"ระหว่างข้ากับพระรามเจ้ากลัวอะไรมากกว่ากัน"

"กลัวเจ้ามากกว่าน่ะสิ"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่"

"โถเมียจ๋าแล้วใครจะไปช่วยพระรามรบเล่า"

"อันสุครีพก็มีฤทธิ์มากแลหนุมานก็แข็งแกร่งเท่านั้นข้าก็คิดว่าเพียงพอแล้วที่จะรบกับทศกัณฐ์"

"ก็ได้จ้าไม่ไปรบแล้วก็ได้"

"ดีมาก"

"งั้นผัวขอรางวัลหน่อยสิจ๊ะ"

"อื้อ...ไม่ต้องเลย"

"น๊าาาาา"

"ไม่เอาพาลีคนอยู่เยอะอายเขา"

"ถ้าเช่นนั้นด้านนอกก็ได้นะเมียจ๋า"

"ไอ้พาลีปล่อยกู......"
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:41:51
รุ่งเช้าทุกคนตื่นมาแล้วออกเดินทางไปในที่สุดด้านของพาลีนั้นก็บอกกล่าวแก่พระรามไว้เรียบร้อยแล้วถึงเหตุผลที่ตนไปรบร่วมด้วยไม่ได้ซึ่งความเป็นจริงนั้นก็คือกลัวเมียนั่นแหละ

"นี่เราก็เดินทางมาไกลหลายกิโลเมตรแล้วพักก่อนไหมพี่ราม"

"ดีเหมือนกันพักก่อนจะดีกว่า"

"ทหารพักก่อน"

"พะย่ะค่ะ"

ณ กรุงลงกา

ภารกิจสำเร็จ

ค่าประสบการณ์ + 10000 Xp

Level up

ปลดล็อคทักษะพลังเวทย์

ในที่สุดกูก็ปล่อยพลังระยะไกลได้แล้วน้ำตาจะไหลขณะนี้เขาก็เลเวล 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้วรู้สึกดีใจสุดๆอีกไม่นานหากเขา level 10 ก็คงจะปลดล็อคร่างเท่ห์ๆของทศกัณฐ์ได้บ้าง

การลักพาตัวนางสีดาก็เป็นไปอย่างราบรื่นง่ายดายมากหากแต่ว่าทศกัณฐ์ก็รู้ดีว่ามันจะนำมาซึ่งอะไรแต่เขาก็ยังด้นดั้นที่จะทำมันอยู่ก็กูโดนบังคับไงถ้าไม่ทำก็โดนน่ะดิ

"ว๊ายยยย....นางสตรีผู้นี้เป็นใครอย่าบอกนะทศกัณฐ์ว่าเจ้าไปลักพาเมียผู้อื่นมาอีกแล้ว" ทำไมกูดูเลวจังวะเนี่ย

"ช้าก่อนมณโฑนี่เจ้าจำไม่ได้จริงรึว่านี่คือผู้ใด"

"แล้วจะมีผู้ใดนอกเสียจากชู้ของเจ้า"

"นี่คือสีดาลูกของเราที่พิเภกเอาไปลอยทะเลยังไงล่ะ"

"ว่ายังไงนะจริงๆหรอเนี่ย"

"เพคะท่านแม่ท้าวชนกเป็นผู้พบลูกอยู่ในพระอบทองคำ"

"ไม่ผิดแน่ใช่จริงๆด้วยพอมองตาแล้วเราเกิดรู้สึกปิติขึ้นมาลูกแม่มากอดหน่อย"

นั่นแหละครับกอดกันกลมเชียว 2 แม่ลูกแล้วก็พากันเดินเข้าห้องไปทิ้งให้ทศกัณฐ์นั่งมองอย่างน่าอาดูรไม่นานนักพิเภกก็เข้ามาหาทศกัณฐ์พร้อมกับเอ่ยคำจำนรรจ์ออกมาว่า

"ท่านพี่ข้าเกรงว่าการที่ท่านไปลักพานางสีดามามันจะนำไปสู่มหาสงครามที่ญาติพี่น้องของเราจะต้องล้มตายกันระเนระนาดนะพะย่ะค่ะ"

"แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรในเมื่อข้าก็อยากให้ลูกข้ามาอยู่ที่นี่หากมีสงครามเราก็คงจะรับมือได้บ้าง"

หากตามเนื้อเรื่องจริงๆแล้วนั้นพิเภกต้องถูกไล่ออกให้ไปอยู่กับพระรามแต่ทว่าชลธีรู้ดีว่าถ้าทำเช่นนั้นฝ่ายเราจะเสียเปรียบจึงไม่ไล่พิเภกแต่อย่างใดและจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์

"ถ้าเช่นนั้นเราก็เตรียมตัวรับสงครามเถิดทั้งสงครามรักและสงครามต่อสู้"

"พิเภกตอนนี้ฝ่ายพระรามเป็นอย่างไรบ้าง"

"จากแว่นวิเศษของข้าขณะนี้กองทัพพระรามกำลังมุ่งหน้ามาอีกไม่ช้าก็คงจะมาถึงใกล้ๆเมืองเราแล้วพะย่ะค่ะ"

"แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีเพื่อป้องกันมิให้พวกนั้นมาถึงเร็ว"

กรุณาอย่าฝืนระบบ...

ไอ้ค้างคาวผีมึงมาอีกแล้วนะอะไรคืออย่าฝืนระบบพอกูไม่ฝืนมึงก็ฝืนกูเองทศกัณฐ์ไม่ค่อยแปลกใจเลยว่าทำไมห้ามนอกเรื่องเพราะว่าเรื่องมันนอกให้เราเองโดยที่เราไม่ต้องนอก

"คงหาวิธีป้องกันได้ยากระหว่างนี้เราควรเตรียมแผนการเพื่อให้พวกนั้นถอดถอนใจเสียเถิด"

"ข้าไม่อยากเสี่ยงเท่าใดดอกหากข้าไปพระรามก็จะจับได้ข้าคิดว่างานนี้ข้าจะส่ง ขร ทูษณ์และตรีเศียรไปจัดการพวกมัน"

"หากท่านพี่เห็นควรดังนั้นข้าก็จะไปตามพวกนั้นมาให้"

"ดีมากจงรีบดำเนินการเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

หลังจากนั้นไม่นานบุคคลที่ทศกัณฐ์มั่นหมายจะให้ออกไปขัดขวางกองทัพพระรามก็มาถึงเมื่อทั้งหมดรับทราบความประสงค์แล้วจึงมุ่งหน้าออกไปเพื่อขัดขวางกองทัพพระราม

ด้านพระราม

ฝ่ายพระรามก็กำลังออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงลงกาเห็นยักษ์ 3 ตนเหาะมายืนดักหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพวกของทศกัณฐ์

"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขวางทางเราเช่นนี้"

"ข้าคือขร ส่วนนั่นทูษณ์และตรีเศียรพวกเราได้รับคำสั่งจากท่านทศกัณฐ์ให้มาขัดขวางพวกเจ้ามิให้ไปถึงกรุงลงกา"

"อ้าวๆพูดอย่างนี้เห็นทีจะได้สู้กันล่ะสิ"

"ช้าก่อนหนุมานเรามีวิธี"

"วิธีใดรึพระองค์" หนุมานถามพระรามด้วยความสงสัย

"หากเราดื้อดึงสู้รบกันต่างฝ่ายก็ต่างได้รับผลกระทบทั้งนั้นเราคิดว่าควรสู้กันด้วยสิ่งที่มันเป็นศิลปะจะดีกว่า"

"ศิลปะอย่างงั้นรึจะให้ทำเช่นไรเล่า" พญาขรเอ่ยถามอย่างสงสัยไอ้มนุษย์คนนี้เหตุใดมันถึงสู้รบด้วยวิธีการแปลกๆ

"อันตัวข้านั้นชื่นชอบการร้องเพลงเป็นอย่างมากขอให้พวกท่านร้องเพลงแข่งกับข้าเถิดแล้วเชิญพระอินทร์มาตัดสินหากใครแพ้ฝ่ายนั้นต้องถอยทัพกลับไป"

"ตกลงหากเป็นเรื่องเพลงพวกข้าทั้งสามตนไม่แพ้อย่างแน่นอน"

"ถ้าเช่นนั้นท่านสุครีพไปเชิญพระอินทร์มาตัดสินเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

ไม่นานนักพระอินทร์ก็ลงมาเป็นประธานในการแข่งขันในครั้งนี้

"ข้าขอเริ่มก่อนแล้วกันต่อด้วยทูษณ์และตรีเศียรส่วนพระรามร้องเป็นผู้สุดท้าย" พญาขรพูดพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง

"ตกลงตามนั้น"

"อันพระรามการแข่งขันร้องเพลงนี้หากจะชนะได้ก็คงมีเพียงต่อข้าพญาขรผู้เดียวเพลงที่ข้าเลือกนั้นแสนไพเราะจับจิตถ้าเจ้าได้ฟังเพลงนี้แล้วเจ้าจะหลั่งน้ำตา"

ของๆใคร ของใครก็ห่วง

ของใคร ใคร ก็ต้องหวง

ห่วงใย รักใคร่ ถนอม

ใคร จะชิง ของ ใคร ใครยอม

ถึงจน อดออม

ไม่ยอมขาย ให้ใคร

.รักของใคร ของใครก็ห่วง

ของใคร ใคร ก็ต้องหวง

ห่วงคน รักดั่งดวงใจ

ใคร จะยอม ยก ไป ให้ใคร

รัก ใคร ก็ใคร

ต่างหวงไว้ ครอบ ครอง

.เธอ เป็น ของรัก

ของหวงที่ห่วงอาลัย

เป็นดวง ใจ

ฉันจึง ห่วงใย ใฝ่ปอง

กายและใจของเราต่างเป็น

เจ้าของ หากไม่ครอบครอง

เดี๋ยวของรักต้อง

หลุดลอย ไป

รักจริงถึงห่วง

ไม่ใช่หลอกลวง

รักจริงถึงห่วง ดวง ใจ

จะเป็นจะตาย ก็ไม่ยอมให้ใคร

แม้ใครชิง แย่งไป

ฉัน ยอม ตาย เอย

เธอ เป็น ของรัก

ของหวงที่ห่วงอาลัย

เป็นดวง ใจ

ฉันจึง ห่วงใย ใฝ่ปอง

กายและใจของเราต่างเป็น

เจ้าของ หากไม่ครอบครอง

เดี๋ยวของรักต้อง

หลุดลอย ไป

รักจริงถึงห่วง

ไม่ใช่หลอกลวง

รักจริงถึงห่วง ดวง ใจ

จะเป็นจะตาย ก็ไม่ยอมให้ใคร

แม้ใครชิง แย่งไป

ฉัน ยอม ตาย เอย



เพลงหวงรัก

คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์

ทำนอง ไทยเดิม

ขับร้อง หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์




"เป็นเยี่ยงไรเล่าตกใจในความเพราะของเพลงข้าล่ะสิ"

"สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหารสิ"

"ถ้าเช่นนั้นทูษณ์เจ้าจงร้องต่อพี่เถิดให้ไอ้พวกมนุษย์มันรู้ซึ้งในความไพเราะของเรา"

"พะย่ะค่ะพี่ขร"

หากแม้นเลือกเกิดเองได้

คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร

ก็ตามใจเขาปรารถนา

แต่ตัวฉันนั้นขอตั้งสัจจะวาจา

ถึงชาตินี้ชาติหน้า

ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ

หากร้อนผิวกายใจระทม

ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม

เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อนละมุน

หากหนาวนักขอเอารักวางไว้เป็นทุน

ขอเกิดมาเป็นผ้าอุ่น

เกิดเป็นหมอนหนุนสำหรับนาง

อยากเกิดมาเป็นสีแดง

แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ

อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น

ลูบไล้เนื้ออุ่นสองปราง

อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้

อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู

อยากอยู่ร่วมหอไม่ห่าง

จะขอเป็นแหวนสวมก้อย

เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย

เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง

อยากแนบเนื้อขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์

ขอเกิดเป็นหมอนข้าง

เพื่อนางนวลน้องได้กอดนอน

เพลงปรารถนา

คำร้อง-ทำนอง เบญจมินทร์

ขับร้อง ทูล ทองใจ




"ขอเชิญตรีเศียรร้องต่อไปได้การแข่งขันจะได้รวดเร็ว" พระอินทร์เอ่ยขึ้นตรีเศียรน้อมรับคำหลังจากนั้นก็เริ่มร้องเพลงในทันใด



คิดถึงพี่หน่อยนะกลอยใจพี่

ห่างกันอย่างนี้

น้องคิดถึงพี่บ้างไหม

อย่าลืมอย่าลืม

อย่าลืมสัจจา

สัญญาที่ให้

ว่าตัวห่างไกล

หัวใจชิดกัน

คิดถึงพี่ก่อนน้องนอนก็ได้

เมื่อยามหลับไหล

น้องเจ้าจะได้นอนฝัน

ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง

แสงของนวลจันทร์

เราสบตากันในแสงเรื่อเรือง

คืนไหนข้างแรม

ฟ้าแซมดารา

น้องจงมองหาดาวประจำเมือง

ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว

ทุกคราวเราฝัน

เห็นกันเนืองๆ

เห็นสุดมุมเมืองไม่ไกล

คิดถึงพี่หน่อยนะกลอยใจเจ้า

พี่ตรมพี่เหงา

เพราะคิดถึงเจ้าเชื่อไหม

ฝากใจกับจันทร์

ฝากฝันกับดาวทุกคราวก็ได้

เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน

คืนไหนข้างแรม

ฟ้าแซมดารา

น้องจงมองหาดาวประจำเมือง

ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว

ทุกคราวเราฝัน

เห็นกันเนืองๆ

เห็นสุดมุมเมืองไม่ไกล

คิดถึงพี่หน่อยนะกลอยใจเจ้า

พี่ตรมพี่เหงา

เพราะคิดถึงเจ้าเชื่อไหม

ฝากใจกับจันทร์

ฝากฝันกับดาวทุกคราวก็ได้

เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน

เพลงคิดถึงพี่ไหม

คำร้อง-ทำนอง พยงค์ มุกดา

ขับร้อง ศรคีรี ศรีประจวบ


"ต่อไปเชิญท่านเถิดองค์รามเราจะได้ติดสินสักที"

"พระเจ้าค่ะ"



..ก่อนจะอำลา

น้องนางบ้านนาของพี่

น้องเอ๋ยโปรดฟังให้ดี

คำเตือนของพี่นี้มาจากใจ

พี่ห่างเพียงตัว

หัวใจพี่นี้อยู่ใกล้

ถึงแม้พี่จะห่างไกล

มิใช่ว่าใจพี่จะห่างตาม

..ก่อนจะอำลา

น้ำตาพี่รินใหลร่วง

แสนรักแสนห่วงพุ่มพวง

จนทรวงนี้ยอก

เหมือนเหน็บด้วยหนาม

เจ็บแปลบแสบใจ

เหลือทนจนมิอาจห้าม

ก่อนลาน้องแม่โฉมงาม

พี่ขอห้ามเตือน สักนิดเถิดกลอย

..ชั่งเหน็บแนมแกมประชด

อรุณเอ๋ยแบบบด

ของแม่ชั่งหยดชั่งย้อย

โอ้นกเขาที่เคย

หนออย่าเลยลืมคู่

แม่นกเขาที่เคยคู

อยู่ที่คูโคนข่อย

แก่มที่พี่เคยจูบ

หนอเคยลูบเคยคลำ

น้องจงถนอมแก้มงาม

อย่าให้มันช้ำเป็นรอย

อย่าให้เป็นขีดเป็นข่วน

อย่าให้ผิวนวลน้องคล้ำ

ไอ้ผิวตรงใหนที่มันดำ

น้องจงถนอมมันหน่อย

น้องจงเอาแป้งคอยลูบ

อย่าให้ใครจูบซ้ำรอย

..ก่อนจะอำลา

น้องนางบ้านนาของพี่

น้องเอ๋ยโปรดฟังให้ดี

คำเตือนของพี่แม้นมีค่าน้อย

โปรดจงทำตาม

แม้วันละนิดละหน่อย

น้องจะมีค่าเลิศลอย

สูงกว่าเพชรพลอย

เป็นดาวบ้านนา..

เพลงคำเตือนของพี่

คำร้อง-ทำนอง สุรพล สมบัติเจริญ

ขับร้อง ไพรวัลย์ ลูกเพชร



"จากการที่ท่านทั้งสี่ได้ร้องเพลงจบไปแล้วนั้นทุกท่านล้วนแล้วแต่เสียงดีกันทั้งสิ้นเด็กข้าขอตัดสินตามความเป็นจริงไม่มีความทุจริตมาครอบงำข้าขอตัดสินให้พระรามชนะ"

"เหตุอันใดท่านจึงตัดสินเช่นนั้น" พญาขรเอ่ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยวนี่มันเข้าข้างกันชัดๆ

"ข้าตัดสินตามความเป็นจริงอันเพลงของเจ้าทั้ง 3 นั้นถูกผนวกรวมเป็นเพลงเดียวของพระรามอันความหวงรักนั้นเห็นได้ชัดจากการเตือนคนรักจากเพลงที่พระรามร้องครั้นความปรารถนาก็ยังมีโดยปรารถนาให้คนรักทำตามสิ่งที่ตนบอกอีกทั้งยังมีการบอกให้คนรักคิดถึงคำเตือนของตนอีกข้าให้พระรามก็ถูกต้องแล้วหากพวกเจ้าเชิญข้ามาตัดสินแล้วไม่รับฟังก็จะเป็นการดูหมิ่นได้"

"ถ้าเช่นนั้นพวกข้ายอมถอยทัพกลับไปก่อนก็ได้แล้วครั้งหน้าถ้ามีโอกาสเราจะมารบกันอีก"

"ตามใจเจ้าเถิด...เอ้าหมดธุระของข้าแล้วขอตัวก่อนก็แล้วกัน"

พระอินทร์จึงเหาะกับไปยังที่พำนักพักพิงพร้อมๆกับเหล่าน้องทศกัณฐ์ที่เหาะกลับไปกรุงลงกา

ณ กรุงลงกา

"ว่ายังไงนะนี่พวกเจ้าแพ้มันอย่างนั้นรึ"

"พะย่ะค่ะท่านพี่" 

"เอาเถอะไม่เป็นไรพวกเจ้ารอดกลับมาก็ดีแล้วกลับไปพักผ่อนกันเถิด"

"พะย่ะค่ะ" ทั้งหมดจึงเหาะกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองเพื่อพักผ่อนร่างกาย

หากเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้เห็นทีจะสร้างความลำบากใจให้เขาไม่ใช่น้อยต้องเตรียมการรับมือเช่นไรจะเอาแผนการจากสามก๊กมาใช้ก็ไม่ได้ด้วยสิคิดแล้วเพลียจิตเพลียใจ

แต่ก็เอาเถอะญาติวงศ์ยักษาที่มีฤทธิ์มากก็มีตั้งหลายตนอย่าคิดว่าจะชนะข้าได้เลยพระรามเจ้าน่ะเหมือนลูกไก่ในกำมือข้าแล้วหึหึหึ

ด้านพระราม

ถ้าเราสู้รบไปเรื่อยๆก็มีโอกาสที่จะเจอทศกัณฐ์ออกมารบเป็นแน่ถึงครานั้นเจ้าคงจะหนีข้าไม่รอดดอกหนาพญายักษาเอ๋ย....

แค่คิดก็อยากจะเจอเจ้าไวๆซะแล้วสิเพลงที่ข้าร้องในวันนี้น่ะใครๆก็คงจะรู้ว่าเขามอบให้ใครแต่เขาไม่บอกหรอกนะเขิน

ด้านทศกัณฐ์

ค่าเสน่หา+500



มึงเอาอีกแล้วนะไอ้พระรามขนาดกูไม่ได้อยู่ด้วยมึงก็ยังจะพิศวาสได้อีกเนาะ

โอ๊ยยยย....มันคือเครียดหลายเด๊......



___________________________________

1.ตีตนไปก่อนไข้ = การวิตกกังวลหรือแสดงอาการกลัวไปก่อนที่เหตุการณ์จริงจะเกิด ทั้งๆเหตุการณ์นั้นๆอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

2.อุษาสาง=รุ่งเช้า

3.โสมม=สกปรก, น่าขยะแขยง, โสโครก, ชั่วช้าน่ารังเกียจ.

4.พิโรธวาทัง=การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความและ ท่วงทำนอง แสดงความโกรธ ตัดพ้อต่อว่า เสียดสีเหน็บแนม ประชดประชัน หรือเยาะเย้ย การแสดงความโกรธ ตัดพ้อต่อว่า ประชดประชัน เสียดสี 

5.สดายุ=พระยาสดายุเป็นพระยาปักษาชาติ (นก)หนึ่งในตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นสหายกับท้าวทศรถ เมื่อทศกัณฐ์ไปลักนางสีดาจากบรรณศาลา พาอุ้มเหาะจะนำไปไว้ ณ สวนขวัญ กรุงลงกา ขณะที่พระรามไม่อยู่ในอาศรม แต่นกสดายุบินผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาสกัดไว้ ผลสุดท้าย พระยาสดายุหรือ นกสดายุถูกขว้างด้วยแหวนของนางสีดาปีกหักตกลงมายังพื้นดินแต่ยังไม่ตาย ทศกัณฐ์พานางสีดาหนีไปได้ สดายุรอคอยแจ้งเหตุกับ พระรามที่ออกติดตามหานางสีดา เมื่อพระรามมาเจอสดายุก็ได้มอบแหวนของนางสีดาให้แล้วจึงสิ้นชีพไป



มหาสงครามกำลังจะเริ่มเเล้วเอาใจช่วยน้องทศกัณฐ์เราด้วยน๊าาารู้สึกว่าจะถูกคนเจ้าเล่ห์ล็อคเป็นเป้าหมายอยู่ ปล.บทนี้เอาเพลงมาฝากเพียบเลยตั้งสี่เพลงแหนะมีแต่เพราะๆทั้งนั้นเลยครับ



หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:44:22
05 นางลอยนางลืม

"บ้าจริงหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกพระรามคงมาถึงกรุงลงกาเป็นแน่...พิเภกเราจักควรทำเช่นไรดี"

ทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห...ในหัวเขาคิดว่า ขร ทูษณ์ ตรีเศียรต่างก็มีฝีไม้ลายมือการสู้รบตบมือไม่ใช่น้อยหากส่งไปสู้พร้อมกันต้องได้ชัยชนะเป็นแน่แต่นี่อะไรดันไปรับปากแข่งร้องเพลงกันซะงั้น...แพ้ซะไม่เหลือชิ้นดี

"หากท่านพี่อยากยุติสงครามก็คงต้องคืนนางสีดาไปแล้วล่ะ"

"จะบ้ารึเจ้าก็รู้สีดาคือลูกข้าเรื่องอะไรจะส่งคืนให้แก่พวกนั้น"

"ถ้าเป็นเช่นนี้ท่านก็คงต้องรับมือกับกองทัพพระรามแล้วล่ะ"

"มันต้องมีวิธีสักวิธีสิที่จะจัดการพวกมันได้ง่ายๆ"

[ภารกิจหลัก จะเริ่มในอีก 5วันข้างหน้า  แปลงร่างเป็นนางสีดานอนตายลอยน้ำไปให้กองทัพพระรามเห็น หากทำสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 5000Xp]

จะว่าไปก็ไม่แปลกที่จะมีภารกิจนี้ก็แค่ส่งนางเบญกายลูกสาวของพิเภกไปสุดท้ายก็ถูกจับได้แล้วก็กลายเป็นเมียหนุมานในที่สุดและก็มีลูกด้วยกันคือ อสูรผัด นั่นเอง ภารกิจนี้ก็ไม่เห็นจะยากสักเท่าไหร่เลยนี่แค่ตามนางเบญกายมาก็เท่านั้น

"พิเภกเจ้าจงไปตามเบญกายมาพบข้า"

"ขณะนี้เบญกายไปอาบน้ำพุร้อนที่เทือกเขาอันไกลโพ้นอยู่หากจะให้ไปตามมาพบคงต้องใช้เวลาถึง 10 วัน พะย่ะค่ะ" ห๊ะ...นี่มึงมีอารมณ์ไปแช่ออนเซ็นด้วยเหรอเนี่ย...โอ๊ยน้อออ...จะบ้าตายปกติมันก็อยู่กรุงลงกานี่หว่าไหงพอมีภารกิจดันไม่อยู่อีก

"แล้วมีผู้ใดพอจะปลอมแปลงเป็นนางสีดาได้หรือไม่"

"อันว่าบุคคลที่อยู่ในกรุงลงกาในขณะนี้เห็นทีจะมีเพียงแค่ท่านพี่เท่านั้นที่จะแปลงได้...ด้านน้องสำมนักขานั้นก็ไม่อยู่เห็นทีท่านพี่คงต้องจัดการเองแล้วล่ะ"

มิติใหม่แห่งรามเกียรติ์รึไงวะเนี่ย...มีหรือทศกัณฐ์ต้องแปลงเป็นนางสีดาลอยน้ำไปหาพระรามที่โรคจิตสุดๆ...จะฝืนภารกิจมันก็ไม่ได้อีกอยากจะบ้าตาย

ทศกัณฐ์นั่งครุ่นคิดอยู่นานก็ยังไม่เห็นจะมีผู้ใดที่จะแปลงกายเป็นนางสีดาได้หากไม่ใช่ตัวเขาเองอีกประการหนึ่งหากเขาให้ญาติพี่น้องตนอื่นไปเสี่ยงตายแบบนี้เห็นทีจะไม่เป็นสิ่งที่สมควรคิดได้ดังนั้นเขาจึงต้องวางแผนที่รอบคอบเสียก่อนไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องแต่งกายของนางสีดาต้องเอาให้เหมือนเดี๋ยวไอ้หนุมานมันจะจับได้การลอยน้ำก็ควรลอยตามทิศทางหากสวนทิศทางแล้วไซร้จะเป็นการเปิดช่องให้ศัตรูรับรู้ได้

"พิเภกข้าจักทำเช่นไรดีอันหนุมานนั้นก็มีความฉลาดเป็นอย่างยิ่งข้าเกรงว่ามันจักจับพิรุธข้าได้"

"หนุมานมีความฉลาดก็จริงอยู่แต่ว่ามันยังมิเคยเห็นหน้าของสีดาเลยนะพะย่ะค่ะคงจะจับพิรุธตรงนี้มิได้"

"ถ้าเจ้าเห็นเป็นเช่นนั้นข้าก็จักปลอมแปลงเป็นนางสีดาแล้วไปลอยน้ำตามกระแสน้ำเพื่อให้พวกมันพบเจอได้ง่ายขึ้น"

"แบบนั้นก็ดีเลยท่านพี่รับรองว่าพวกมันมิอาจล่วงรู้ได้เป็นแน่ว่าเป็นนางสีดาตัวปลอม"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปตามมารีศมาพบข้า"

"พะย่ะค่ะ"

พิเภกรับทราบคำสั่งของทศกัณฐ์แล้วจึงเดินออกไปเพื่อตามมารีศมาเข้าพบเป็นเวลาไม่นานเท่าไหร่นักยักษ์มารีศก็เข้ามาทำความเคารพทศกัณฐ์และไตร่ถามถึงมูลเหตุที่เรียกตนมาพบ

"ข้าได้ยินท่านพิเภกกล่าวว่าท่านต้องการพบข้ามีเหตุอันใดให้ข้าช่วยรึพะย่ะค่ะ"

"มารีศข้ามีงานให้เจ้าทำ"

"งานอะไรรึพะย่ะค่ะข้ายินดีช่วยพระองค์เต็มที่" ทศกัณฐ์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจอย่างน้อยงานนี้เขาก็ไม่ได้ลุยเดี่ยวแน่นอนอีกทั้งแผนการที่เขาคิดไว้รับรองไม่มีพลาดแม้หนุมานจะฉลาดเพียงใดก็มิสามารถล่วงรู้ได้เป็นแน่ว่าเขาปลอมตัวเป็นนางสีดา

"ข้าต้องการให้เจ้าแปลงกายเป็นฤาษีเดินลัดเลาะตามพงไพรพนาติดตามข้าที่ปลอมเป็นศพนางสีดาลอยน้ำพอพวกพระรามพบและสงสัยในตัวข้าเจ้าก็หาเรื่องแก้ต่างเพื่อให้พวดพระรามหลงเชื่อกลอุบายของเรา"

"ช่างเป็นแผนการที่แยบยลจริงแท้สมแล้วที่ท่านเป็นจอมอสูรผู้ชั่วช้า...เฮ้ย...เก่งกล้า" กูว่า..กอไก่กับชอช้างมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันพอจะพูดผิดได้นะมารีศ

"เอาเถอะว่าแต่เจ้ามีข้อสงสัยอะไรหรือไม่"

"ข้าสงสัยว่าข้าควรจะโผล่มาพูดแก้ต่างให้ท่านเมื่อไหร่"

"เอาง่ายๆเจ้าก็เดินลัดเลาะหลบแอบตามพุ่มไม้ก่อนพอพวกพระรามมันเริ่มสงสัยเจ้าก็เริ่มอธิบายแก้ต่างได้เลย"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใดข้ารับรองว่าแผนการของท่านจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน"

"มันอยู่แล้ว555เอ้าตอนนี้มาฉลองให้กับแผนการก่อนเถิดในอีก10วันข้างหน้าเราจะเริ่มดำเนินการตามแผน"

"พะย่ะค่ะ"

หลังจากเฉลิมฉลองเสร็จสิ้นมารีศก็กลับไปนอนพักผ่อนเพื่อที่จะเก็บแรงไว้ดำเนินการตามแผนของทศกัณฐ์ขณะเดียวกันพิเภกก็เข้ามาพูดคุยกับทศกัณฐ์ถึงเรื่องเนื้อคู่ของพี่ชายตน

"ท่านพี่ทศกัณฐ์ข้าพอจะคาดคะเนได้แล้วว่าใครคือเนื้อคู่ของท่านพี่"

"บุคคลผู้นั้นเป็นใครเจ้าจงบอกข้ามา"

"บุคคลผู้นั้นก็คือ.........."

ด้านพระราม

"หนุมานพวกเราก็เดินทางมาจนถึงจุดนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววที่จะหากรุงลงกาเจอเลยข้าจึงใคร่อยากให้เจ้าออกตามหาที่ตั้งของกรุงลงกา"

"พะย่ะค่ะองค์รามข้าจะออกตามหาเดี๋ยวนี้แหละพระองค์" กล่าววาจาจบหนุมานก็เหาะทะยานไปอยู่บนถ้ำแห่งหนึ่งด้วยความที่มันไม่สามารถล่วงรู้ที่ตั้งของกรุงลงกาได้จึงได้แต่ยืนทำหน้ามุ่ยขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า

"ให้ตายสิตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปเมืองลงกาสักทีแล้ววันนี้เราจะหาเจอไหมเนี่ยถ้ารู้ว่ามันจะยากเย็นขนาดนี้เราไปถามท่านสดายุยังจะดีกว่า"

ทันใดนั้นเองก็มีพญานกตัวใหญ่ตัวสีแดงชาดโผล่ออกมาจากถ้ำด้วยลักษณะที่แปลกตาคือไม่มีขนทำให้หนุมานถึงกับเกาหัวด้วยความงง

"ใครพูดถึงสดายุน้องข้า"

"ข้าคือหนุมานแล้วท่านล่ะคือใคร"

"ข้าคือสัมพาที¹เป็นพี่ชายของสดายุว่าแต่ตอนนี้สดายุน้องข้าอยู่ไหนข้าไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว"

"สบายใจได้ท่านสดายุไปเยี่ยมท้าวทศรถที่กรุงอโยธยาท่านยังมีชีวิตอยู่มิได้เจ็บป่วยอะไร"

"โล่งอกไปทีข้าอยู่ที่ถ้ำนี้มาเนิ่นนานจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันสักที"

"แล้วเหตุใดตัวท่านจึงกักขังตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้มิยอมออกมาด้านนอกเล่า"

"เป็นเพราะว่าเมื่อตอนเด็กสดายุเห็นพระอาทิตย์เป็นผลไม้สุกจึงบินขึ้นไปหมายจะจิกกินพระอาทิตย์เห็นดังนั้นจึงกริ้วมากเปล่งแสงรัศมีความร้อนออกมาอย่างมากข้าจึงเข้าไปบังสดายุไว้ขนของข้าจึงหลุดลุ่ยไม่เหลือชิ้นดีมิหนำซ้ำข้ายังถูกสาปไม่ให้ขนขึ้นและให้ไปอยู่ในถ้ำเหมติรันและเมื่อใดที่มีทหารกล้าของพระรามมาโห่สามลาให้ข้า...คำสาปนั้นก็จะหายไป"

"ผู้ที่จะปลดปล่อยท่านให้พ้นจากคำสาปมาถึงแล้วข้านี่แหละคือหนุมานทหารเอกของพระรามเอาล่ะข้าจะโห่สามลาให้ท่านเดี๋ยวนี้"

"ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่งในที่สุดข้าก็จะได้โบยบินสู่ฟากฟ้าสักทีหลังจากไม่ได้โบยบินมาเนิ่นนาน"

"ว่าแต่ท่านจะเอาโห่แบบไพเราะหรือว่าไม่ค่อยไพเราะ"

"เอาไพเราะไปเลย"

"จะเอาโห่แบบลูกคอเยอะหรือว่าไม่ค่อยเยอะ"

"เอาเยอะๆแหละดีจะได้เพราะ"

"เอาโห่แบบมีเสียงก้องกังวานหรือว่าเอาแบบมีเสียงเบาๆ"

"กังวานไปเลยเขาจะได้รู้ว่าข้าพ้นคำสาป"

"เอาเสียงของข้าเลยหรือจะเอาเสียงแบบดัด"

"เอาที่มึงสบายใจเถอะหนุมานกูรอนานแล้วเนี่ยชาตินี้กูจะพ้นคำสาปไหม"

"ข้าก็แค่ล้อเล่นขำๆน่า...เอ้าข้าจะโห่ให้เดี๋ยวนี้แหละ"

หนุมานจึงเริ่มโห่...เมื่อโห่เสร็จเรียบร้อยพญาสัมพาทีก็พ้นจากคำสาปมีขนงอกขึ้นดั่งเดิมแล้วบินเหาะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยความดีใจ

"มาเถิดท่านหนุมานข้าจะพาท่านไปยังกรุงลงกา"

"ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้ากำลังจะไปที่นั่น"

"ไม่รู้สิแปลกก็ข้าอยู่ในถ้ำท่านมายืนพูดอยู่บนถ้ำข้าก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องการจะไปที่ใด"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอรบกวนท่านสักนิดก็แล้วกัน"

"ไม่มีปัญหาเชิญขึ้นมานั่งบนหลังข้าแล้วข้าจะบอกจุดที่ตั้งของกรุงลงกา"

หนุมานจึงขึ้นไปนั่งบนหลังพญานกสัมพาทีหลังจากนั้นสัมพาทีก็โบยบินพาหนุมานไปดูที่ตั้งของกรุงลงกา

"เกาะลงกามีภูเขาสลับซับซ้อนมากยิ่งนักท่านจงสังเกตหุบเขานิลกาลานั้นไว้นั่นแหละคือที่ตั้งของกรุงลงกา"

"ขอบใจท่านมากบินกลับได้แล้วท่านสัมพาที"

หลังจากรู้ตำแหน่งที่ตั้งของกรุงลงกาแล้วพระลักษณ์ก็ใช้ให้หนุมานไปสืบข่าวคราวนางสีดาว่าเป็นเช่นไรบ้างหนุมานจึงเหาะมายังกรุงลงกาแต่ก็ยังหาที่ตั้งไม่เจอจึงไปสอบถามพระฤาษีนารท²พอได้ความแล้วจึงรีบไปหานางสีดาในทันที

"เอ...นางสีดาอยู่แห่งหนใดกันหนาทำไมข้าถึงหาไม่เจอเลย"

ไม่นานนางสีดาก็เดินมาที่ตำหนักสวนขวัญตามคำบอกกล่าวของพระบิดาเพราะว่าทศกัณฐ์ล่วงรู้ว่าหนุมานจะมาเลยให้นางสีดามาพบเจอเพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่

"โอ้...แม่นางสีดาข้าหนุมานเป็นทหารเอกของพระรามที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมารับท่านกลับไปหาพระลักษมณ์เชิญไปกับข้าเถิด"

"ช้าก่อนหนุมานหากเราไปกับเจ้าผู้คนก็จะดูหมิ่นได้ว่าเดี๋ยวยักษ์พามาลิงพาไปเจ้าจงกลับไปบอกกล่าวท่านพี่ลักษมณ์เถิดว่าข้าจะรออยู่ที่นี่ขอให้พระองค์ยกทัพมานำพาข้ากลับไปเถิด"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอตัวลาก่อนนะพะย่ะค่ะ"

หนุมานจึงเหาะออกมาจากตำหนักสวนขวัญด้วยความที่เป็นลิงซุกซนจึงคิดจะหาเรื่องสนุกๆทำจึงไปทำลายต้นไม้เล่น

ทศกัณฐ์ล่วงรู้ดีว่าหากให้สหัสกุมารออกมาสู้รบก็จะทำให้สหัสกุมารต้องถึงแก่ความตายเขาจึงออกมารับมือเอง

"ไอ้ลิงเผือกเหตุใดเจ้าจึงมาทำลายต้นไม้ในสวนของเราเช่นนี้"

"อ้าวๆ...โผล่หัวมาจนได้นะพญาทศกัณฐ์เจ้าคิดจะสู้กับข้าหรือไง" อันว่าหนุมานนั้นสู้ไปมันก็ไม่ตายเพราะมันได้รับพรจากพระอิศวรหากตายแค่ลมพัดผ่านก็ให้ฟื้นขึ้นให้สมกับเป็นลูกของพระพาย

แต่ก็เอาเถอะไหนๆเขาก็ออกมาในจุดนี้แล้วก็คงต้องโชว์ฝีมือให้มันเห็นบ้างแหละเผื่อมันจะกลัวเกรงบ้าง

"แน่นอนข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้ากลับไปโดยเด็ดขาด"

"ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู"

"ศรนาคบาศจงไปรัดตัวมันไว้มัน"

ทันใดนั้นเองศรนาคบาศก็แผลงฤทธิ์รัดเกี่ยวกระหวัดหนุมานไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดแต่ด้วยความมากด้วยอิทธิฤทธิ์ของหนุมานมันจึงกระโดดไปหากองไฟที่เหล่าทหารยักษ์กำลังย่างอาหารทำไมตัวมันมีไฟลุกขึ้นเนื่องมาจากว่ามันชโลมน้ำมันไว้ล่วงหน้าแล้ว

ทศกัณฐ์ถึงกับกุมขมับเขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าหนุมานจะต้องหลอกล่อให้เขาเอาไฟมาจุดแต่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเตรียมชุบน้ำมันแล้วกระโดดเข้ากองไฟเช่นนี่มันไม่เหมือนกับเนื้อเรื่องที่เขาเคยอ่านเลยสักนิด

หนุมานกระโดดไปตามตรอกซอกมุมของกรุงลงกาอย่างสนุกสนานไฟบรรลัยก็ลุกโชนขึ้นทั่วเมืองญาติพี่น้องเหล่าทหารรีบวิ่งหนีตายออกมากันเต็มไปหมดไม่นานนักเมืองก็มอดไหม้เสียหายอย่างมาก

ทศกัณฐ์เเทบอยากจะสบถคำด่าออกมาต่อว่าหนุมานที่หนีจากกรุงลงกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ทว่า....

"ไอ้ลิงเหี้ยมึงมาเผาเมืองกูทำห่าอะไรไอ้เวรตะไลเอ๊ย..." ดูเหมือนว่าสีดาลูกรักของเขาจะพูดแทนทุกอย่างแล้วล่ะ

___________________________________

"ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเผากรุงลงกาอย่างนั้นหรือหนุมานนี่มันนอกเหนือจากคำสั่งของเรานี่ถ้าไม่ใช่การศึกเราจะลงโทษเจ้าอย่างหนักเลยทีเดียว" พระลักษณ์ด่าหนุมานด้วยน้ำเสียงโกรธแบบสุดๆทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลยไอ้ลิงตัวนี้ถ้าเกิดมันลามไปโดนนางสีดาตายจะว่ายังไง

"ขออภัยด้วยพะย่ะค่ะ"

"สีดาก็อยู่ที่นั่นหัดทำอะไรแล้วระมัดระวังหน่อยสิ"

"ข้ากลับไปตรวจสอบดูแล้วนางสีดายังปลอดภัยดีพะยะค่ะ"

"ทีหลังก็ระมัดระวังแล้วกันจะทำอะไรก็ใคร่ครวญให้มันดีก่อน"

"พะย่ะค่ะ"

"หนุมานแล้วเจ้าพบทศกัณฐ์บ้างหรือไม่" พระรามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนปกติพระรามจะพูดอีกเสียงหนึ่ง

"เจอพะย่ะค่ะเห็นร่างบอบบางแบบนั้นแต่อิทธิฤทธิ์ก็มากเช่นกันเล่นเอาซะข้าขยับเกือบไม่ได้"

"อย่างงั้นหรือ"

"พะย่ะค่ะ"

"เอาล่ะถ้าไม่มีอะไรก็ไปหลับนอนกันได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว"

พระรามเอ่ยขึ้นเป็นอันจบการพูดคุยสนทนากันเหล่าทหารเฝ้ายามก็ยืนรักษาการอย่างดีเพื่อป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ด้านทศกัณฐ์

"บัดนี้กรุงลงกาของเราถูกไอ้ลิงเผือกมันมาเผาจนมอดไหม้ไปหมดข้าเห็นควรว่าต้องไปเชิญพระเวสสุกรรม³มาเนรมิตเมืองเราขึ้นใหม่เพราะฉะนั้นกุมภกรรณเจ้าจงไปเชิญพระเวสสุกรรมมาเถิด"

"พะย่ะค่ะท่านพี่"

กุมภกรรณจึงเหาะไปอัญเชิญพระเวสสุกรรมลงมาเนรมิตกรุงลงกาขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อเนรมิต กรุงลงกาเสร็จแล้วพระเวสสุกรรมจึงกลับคืนสู่สวรรค์

ณ วันเริ่มภารกิจ

"มารีศเจ้าจงดำเนินการตามแผนได้"

"พะย่ะค่ะ"

ทศกัณฐ์และมารีศเหาะเลยสถานที่ตั้งทัพของเหล่าทหารลิงของพระรามมายังจุดที่ตนเองคาดว่าจะลอยตามกระแสน้ำไปได้เมื่อมาถึงยังจุดที่วางตำแหน่งไว้แล้วก็แปลงร่างเป็นนางสีดาทันทีส่วนมารีศก็แปลงกายเป็นฤาษีชราผู้หนึ่งทำทีเดินลัดเลาะป่าไปส่วนทศกัณฐ์ก็กลายเป็นนางสีดาลอยน้ำตามกระแสน้ำมุ่งหน้าตรงไปยังกองทัพพระราม

โอย...กระแสน้ำทำไมก็ช่างเย็นเช่นนี้เขาเริ่มจะรู้สึกหนาวแล้วสิแต่ต้องทำทีหลับตาเพื่อความแนบเนียนไม่งั้นพวกมันจับได้เป็นแน่

ไม่นานนักทศกัณฐ์ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาอุ้มตัวเองขึ้นจากน้ำ...แต่จะว่าไปเขาก็ว่าเราก็เหาะมาไกลจากกองทัพพระรามนี่หว่าทำไมจึงถึงเร็วจังแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะลืมตามองเพราะกลัวจะถูกจับได้เวลาผ่านมาเนิ่นนานทศกัณฐ์ก็รู้สึกว่าไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยใดๆทั้งสิ้นแต่เขาก็ยังไม่ลืมตาด้วยความที่ว่ากลัวแผนจะพัง

"ท่านพี่ทศกัณฐ์ท่านอยู่ที่ไหน" ชัดเจนเสียงนี้ไม่ใช่เสียงใครหรอกเสียงพญาขรน้องเขาเองมึงอุ้มกูมาทำไม....ทศกัณฐ์จึงคืนร่างเดิม

"นี่ขรเจ้าอุ้มข้ากลับมาทำไมเนี่ย"

"อ้าวท่านพี่ข้าก็นึกว่านางสีดาหลบหนีไปได้ข้าจึงอุ้มกลับมาคืนท่านไม่คิดว่าท่านจะแปลงกายเป็นนางสีดาเช่นนี้"

"ท่านขรนั่นไม่ใช่นางสีดานั่นมันท่านทศกัณฐ์" เสียงมารีศที่เหาะตามมาตะโกนอย่างเหนื่อยหอบ

"เออข้ารู้แล้วท่านพี่ทศกัณฐ์คืนร่างให้ข้าเห็นแล้ว"

"โทษทีท่านทศกัณฐ์ข้าเหาะตามไม่ทันจริงๆครั้นข้าจะตะโกนบอกตั้งแต่เนิ่นๆก็เกรงว่ากองทัพพระรามจะได้ยิน"

"ไม่เป็นไรมารีศว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึขร"

"ข้าก็แค่เหาะมาดููลาดเลากองทัพพระรามเผื่อในอนาคตข้าจะได้สู้รบอีก"

"ดีแล้วถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่เฝ้าเมืองให้ข้าก่อนไว้ข้าทำภารกิจเสร็จเมื่อไหร่เจ้าค่อยกลับเมืองเจ้า"

"พะย่ะค่ะ"

ทศกัณฐ์และมารีศจึงเหาะไปยังสถานที่เดิมอีกครั้งแล้วก็เริ่มดำเนินการตามแผนทศกัณฐ์ลอยตามน้ำมาเรื่อยๆจนถึงหน้ากองทัพพระรามด้านพระลักษมณ์ที่กำลังดื่มน้ำเห็นดังนั้นจึงร่ำไห้อย่างสุดขีดด้วยคิดว่าเป็นนางอันเป็นที่รักของตน

"สีดา..ฮือๆๆๆ...พวกมันช่างใจร้ายยิ่งนักถึงขนาดข้าเจ้าเอามาลอยทะเล" เป็นไปตามแผนพระลักษมณ์เชื่อสนิทใจเลย

"มีอะไรรึลักษมณ์" พระรามเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าเหตุอันใดน้องชายตนจึงร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้ 

"ก็ไอ้พวกยักษ์อันธพาลนั่นสิมันฆ่าน้องสีดาแล้วเอามาลอยทะเลท่านพี่ดูสิทำไมพวกมันจึงใจร้ายไส้ระกำได้ขนาดนี้ฮือๆๆ"

"แต่หม่อมฉันว่ามันแปลกๆนะพะย่ะค่ะ" หนุมานเอ่ยบอกในทันทีที่เห็นร่างนางสีดาแปลง

"แปลกอะไรเล่าหนุมานเจ้าก็เห็นอยู่ว่าศพที่ลอยมาเป็นน้องสีดาอย่างแน่แท้"

"ที่หม่อมฉันว่าแปลกก็เพราะว่าอันกรุงลงกาอยู่ทางด้านฝั่งโน้นเหตุใดไฉนเล่าศพนางสีดาจึงลอยมาจากอีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ที่ตั้งของกรุงลงกา" นั่นไงกูว่าแล้วไอ้หนุมานมันต้องสงสัยโชคดีนะที่เราเตรียมแผน 2 มา

"พี่เห็นว่าเป็นดังที่หนุมานพูดนะลักษมณ์" พ่อพระเอกของเรื่องกูก็ดันมาสงสัยด้วยอีกแล้วเมื่อไหร่มึงจะมานี่มารีศกูจะโดนเขาจับได้อยู่แล้วเนี่ย

"ถ้าท่านพี่ว่าเช่นนั้นแสดงว่าสีดานั้นเป็นพวกอสูรแปลงกายมารึ" ชิบหายไหงจู่ๆพระลักษมณ์มันดูฉลาดขึ้นวะ

"อ้าวๆตรงนี้มีคนด้วยรึ"  มาจนได้นะไอ้ยักษ์มารีศกว่ามึงจะมาดีกูไม่โดนจับได้ก่อน

"อ้าวท่านฤาษีท่านเป็นใครกันเหตุใดจึงมาที่นี่ได้" พระรามเอ่ยถามด้วยความสงสัยก็ตอนเขาเดินป่ามาเขาไม่เห็นจะมีฤาษีเลยสักคนเลยแถวนี้วันดีคืนดีมีฤาษีโผล่มาซะงั้น

"ข้าเป็นฤาษีชื่ออังสุบวชบำเพ็ญเพียรมานานใคร่อยากหาสถานที่บำเพ็ญเพียรใหม่จึงมาบำเพ็ญเพียรอยู่แถบนี้อยู่มาวันนึงก็เห็นพวกยักษ์เอาศพผู้หญิงมาโยนลงน้ำข้าจึงสงสัยว่าพวกมันโยนผู้ใดลงครั้นข้าจะเข้าไปดูตั้งแต่เนิ่นๆก็เกรงว่าพวกมันจะทำร้ายจึงคอยเดินติดตามศพตามแม่น้ำมานี่ไงสุดท้ายก็มาเจอพวกท่านนี่แหละ"

"เห็นไหมเล่าพี่รามพวกมันฆ่าน้องสีดาจริงๆด้วยท่านฤาษีก็เห็นฮือๆๆ"

"ใจเย็นไว้ลักษมณ์ถึงเจ้าร้องไปมันก็ไม่ได้ช่วยนางฟื้นขึ้นมาหรอกสงบสติอารมณ์ของเจ้าก่อน" พระรามปลอบน้องชายของตนเองให้หยุดร้องเมื่อพระลักษมณ์ได้ยินพี่ชายเตือนสติเช่นนั้นพยายามข่มอารมณ์ความเศร้าไว้เพราะในใจยังคาดคิดว่ามันน่าสงสัยอย่างที่หนุมานบอก

"แต่หม่อมฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีพะย่ะค่ะอั้นพญาทศกัณฐ์นำลักพาตัวนางสีดาไปด้วยความรักใคร่เหตุใดไฉนเล่าจึงฆ่านางและเอาศพนางทิ้งทะเลเช่นนี้"

"ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลหนุมานท่านว่าอย่างไรเล่าพี่ราม"

"ก็จริงอย่างที่หนุมานว่านะถ้าทศกัณฐ์ลักพาตัวสีดาไปด้วยความรักใคร่ทำไมถึงต้องฆ่านางด้วยล่ะ"

"ข้าขอออกความเห็นหน่อยนะ...อันความรักก็เปรียบเหมือนดาบสองคมรักมากก็ดูแลกันได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งถ้ารักกันมากก็ฆ่ากันได้เช่นกันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกหนาพวกท่านทั้งหลาย" ฤาษีอังสุที่เงียบอยู่นานจึงเริ่มออกความคิดเห็นและดูเหมือนว่าเหล่าพวกพระรามจะเริ่มคล้อยตามเขาซะแล้วสิมารีศในร่างฤาษีแอบยิ้มมุมปากโดยไม่ให้ใครเห็นแผนการของเราช่างแนบเนียนจริงๆ

"ที่ท่านฤาษีพูดมาก็มีเหตุผลแต่ข้าสงสัยเพียงจุดเดียวพะย่ะค่ะ" คนอื่นเขาไม่เห็นสงสัยเลยมึงสงสัยอะไรนักหนาเนี่ยหนุมานกูอยากจะบ้าตายรู้งี้หาอุบายทำให้ไอ้ลิงเผือกนี่มันไปอยู่ตรงอื่นดีกว่า

"เจ้าสงสัยตรงไหนหรือหนุมานบอกเราที" พระลักษมณ์เอ่ยถามในทันทีในใจก็คาดหวังว่าให้ศพที่ลอยมานั้นไม่ใช่นางสีดาตัวจริงแต่เป็นอสูรแปลงกายมาเป็นนางสีดาเพื่อหลอกล่อตน

"เมื่อคราวก่อนที่ข้าบุกไปกรุงลงกาข้าเห็นธำมรงค์อยู่ที่นิ้วของแม่นางสีดาแล้วเหตุใดศพที่ลอยมานี่ถึงไม่มีธำมรงค์อยู่ที่นิ้วเลยเล่า" ชิบหายแล้วกูลืมไปยืมแหวนสีดามาใส่โอ๊ยอะไรมันจะขี้ลืมขนาดนี้ทศกัณฐ์วางแผนมาดิบดีจะมาพลาดไม่ได้นะโว้ย

"เรื่องแหวนรึข้าไขข้อข้องใจให้ท่านได้ก่อนที่พวกนั้นจะโยนศพลงข้าเห็นพวกมันถอดแหวนของแม่นางสีดาแล้วเอากลับไปด้วยพวกมันคงคิดที่จะเอาไปขายกระมัง" ยอดจริงๆเลยมารีศมึงคือที่พึ่งอย่างแท้จริงดีกว่าเป็นกวางทองแล้วไปโดนเขาฆ่าตายเยอะเลย

"ถ้าเป็นอย่างที่ท่านฤาษีเล่าเห็นทีจะเป็นศพแม่นางสีดาจริงๆแต่ข้าขอทดสอบอะไรสักอย่างหนึ่งก่อนได้ไหมพะย่ะค่ะ"  กูล่ะรำคาญมึงจริงๆไอ้ลิงเผือกมึงจะเชื่อเขาเลยไม่ได้หรือไงเนี่ยต้องมาทดสอบโน่นทดสอบนี่กูว่าแผนกูต้องแตกแน่ๆเลยเพราะมึงมันขี้สงสัยจะว่าสงสัยก็คงไม่เหมาะกับมันน่าจะใช้คำว่าเสือกน่าจะดีสุด...ถือว่าให้เกียรติทหารเอกของพระรามสุดๆแล้วนะ...อ้อต้องใช้ว่าเกลียดสิถึงจะถูก

"เอาเถอะหนุมานเราเชื่อในปัญญาอันหลักแหลมของเจ้าลองทดสอบดูเถิด" มึงก็อีกคนพระลักษมณ์มึงไม่คิดจะแบบไม่ต้องทดลองหรอกหนุมานเรากลัวร่างสีดาจะแหลกสลายไปอะไรแบบนี้บ้างเหรอ

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะหม่อมฉันจะทำอย่างเต็มที่"

เอ่ยจบหนุมานก็ให้เหล่าทหารวานรไปเตรียมฟืนมาตั้งไว้มากมายเพื่อที่จะนำร่างนางสีดาลงไปนอนได้หลังจากวางร่างนางสีดาเสร็จก็เริ่มจุดไฟในทันใด

โอ๊ยทำไมมันร้อนอย่างนี้วะเนี่ยทักษะทนไฟไม่มีเลยหรือไงเนี่ยทศกัณฐ์....

ขออภัยยังไม่ปลดล็อคทักษะทนไฟต้องเลื่อนอีก 1 level คุณจึงจะปลดล็อคได้

แล้วกูจะปลดล็อคยังไงในเมื่อภารกิจนี้ต้องสำเร็จก่อนถึงจะปลดล็อคได้โอ๊ยชีวิตแต่ว่าเราก็มีทักษะกายสิทธิ์อยู่ถึงจะร้อนหน่อยก็เถอะ....แต่ว่ามันทนไม่ไหวแล้วไม่อยู่แล้วโว้ย....นางสีดาแปลงรีบเหาะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าในทันที

มารีศในร่างฤาษีเห็นดังนั้นจึงรีบเผ่นตามกันไปโดยไปคนละทางกับทศกัณฐ์ซึ่งก็มิมีใครเห็นในขณะที่ฤาษีหนีไปนับว่าเป็นโชคดีของมารีศเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีใครสนใจเขาเลย

"ข้าว่าแล้วมันต้องมีอะไรแปลกๆเดี๋ยวหม่อมฉันจะตามไปจับมันมาเองพะย่ะค่ะ"

"ช้าก่อนหนุมานเจ้าอยู่ที่นี่ช่วยคิดหาทางข้ามไปยังกรุงลงกาเถิดเดี๋ยวเราจะตามไปจับเขาผู้นั้นเอง" พระรามเอ่ยบอกพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยว่าแล้วพระรามก็วิ่งตามไปในทันที

รู้สึกว่าจะเหาะหนีมาได้แล้วนะโชคดีเป็นบ้าเลยว่าแต่ทำไมไอ้ลิงเผือกมันถึงไม่ตามมาวะเนี่ยแต่ว่าดีใจได้ไปนานหรอก...พ่อพระเอกของเรื่องเขาก็วิ่งถือธนูไล่ตามมาอยู่...ชิบหายแล้วผิดคาดปกติต้องเป็นหนุมานไม่ใช่หรอวะที่ตามมาทำไมเป็นพระรามได้เนี่ย

"เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก" กูว่าชาติที่แล้วมันต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูแน่นอนมึงจะตามอะไรกูนักหนาเนี่ย...จ้างให้ก็จับไม่ทันหรอกเร่งสปีดเต็มที่
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 01-11-2022 21:49:29
"คิดว่าอยู่บนฟากฟ้าหรือจะหนีข้าพ้นอย่างนั้นหรอ...โอมศรวิเศษของข้าจงกลายเป็นตาข่ายดักจับเขาผู้นั้นลงมาให้ข้า" ไม่นานศรวิเศษก็พุ่งตรงไปยังทศกัณฐ์ที่กำลังเหาะหนีอยู่แล้วก็กลายเป็นตาข่ายเข้าใกล้ทศกัณฐ์เข้าไปทุกที

เวรแล้วไงหนีไม่ทันแน่ไอ้ตัวพระรามน่ะวิ่งมาไม่ทันเขาหรอกแต่ตาข่ายมันเร็วมากจริงสิต้องกลายร่างเป็นฤาษีสาคเรศแล้วแสร้งทำอุบายหลอกว่าเหาะผ่านมาเจอตาข่ายนี้...ภูมิใจในตัวเองจริงๆทำไมถึงได้ฉลาดขนาดนี้วะเนี่ย

ทศกัณฐ์จึงกลายร่างเป็นฤาษีสาคเรศและก็ถูกตาข่ายจับได้ในที่สุดและร่วงหล่นลงสู่พื้นพสุธาแล้วทำเสียงหลอกล่อให้พระรามมาช่วย

"ช่วยข้าด้วยข้าติดในตาข่ายอะไรก็ไม่รู้"

"อ้าวท่านสาคเรศเหตุใดจึงมาติดตาข่ายได้เล่าขอรับ" พระรามที่วิ่งตามทศกัณฐ์อยู่นั้นพลันเหลือบมาเห็นจึงเอ่ยถามขึ้น

"ข้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าเนิ่นนานรู้สึกหิวกระหายน้ำจึงเหาะผ่านมากะว่าจะไปกินน้ำแต่ก็ถูกตาข่ายนี้ชนเข้าอย่างจังจึงได้ร่วงหล่นลงมาเช่นนี้"

"ข้าต้องขออภัยท่านด้วยพอดีข้าไล่จับอสูรที่แปลงร่างเป็นนางสีดามาลวงพวกข้าอยู่จึงได้ยิงตาข่ายออกไปเช่นนี้ไม่คิดว่าจะมีผู้อื่นเข้ามาถูกตาข่ายจับ" เป็นไปได้สวยดูเหมือนมันจะเชื่อเราซะด้วยสิฉลาดจริงๆเลยนะทศกัณฐ์เนี่ยก็ไม่ค่อยอยากอวดตัวเองเท่าไหร่หรอกนะแต่ว่าความฉลาดอ่ะมันเอ่อล้นออกมาให้เห็นไง

"ถ้าเช่นนั้นท่านก็ปล่อยข้าเถิดข้าหิวน้ำเหลือเกิน" ดำเนินการตามแผน 2 ได้เลยรับรองว่ามันต้องปล่อยผมอย่างแน่นอนรับรองว่ามันต้องปล่อยผมอย่างแน่นอนหากจะพูดถึงสภาพของทศกัณฐ์ในตอนนี้ครึ่งล่างตั้งแต่คอลงไปถูกตาข่ายรัดไว้มีเพียงหัวเท่านั้นที่โผล่พ้นตาข่ายออกมาช่างดูหน้าเวทนายิ่งนัก

"เห็นทีจะไม่ได้หรอกนะขอรับ" อ้าวทำไมมึงไม่ปล่อยกูเล่าเนี่ยไหนๆมึงก็รู้ว่ากูเป็นฤาษีสาคเรศมึงก็ควรปล่อยกูนะ

"ทำไมจะไม่ได้ข้าเป็นผู้ทรงศีลนะอีกทั้งยังรู้จักเจ้าด้วยเจ้าควรจะปล่อยข้ามิใช่รึ"

"ทำไมข้าถึงไม่ปล่อยเจ้าน่ะหรอ...นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไงคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือไงว่าเจ้าคือทศกัณฐ์" ชิบหายแล้วมันรู้ได้ไงวะเนี่ยว่ากูคือทศกัณฐ์อีกอย่างถ้ามึงรู้มึงก็บอกมาเลยว่ามึงรู้มึงไม่ต้องแกล้งทำเป็นเหมือนเชื่อกูก็ได้ไม่ใช่อะไรหรอกมันทำให้กูได้ใจ

"เจ้าจะบ้ารึก็เห็นอยู่ว่าเราคือฤาษีมิใช่ทศกัณฐ์"

"นี่ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะถ้าข้าไม่รู้ก็แปลกแล้วเจ้าคิดว่ากลิ่นของศพนางสีดาที่ลอยมาจะเหมือนกับกลิ่นของสาคเรศอย่างนั้นหรือถ้าทั้งสองไม่ใช่บุคคลเดียวกัน" ฮือๆตายแน่กูลืมไปเลยว่าเคยนอนกับมันนี่หว่ามันจำกลิ่นเราได้ตอนแรกกูกะจะมาเป็นนางลอยเฉยๆตอนนี้กูกลายเป็นนางลืมด้วยเลยเนี่ย

"อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ใครจะรู้" แถอีกครับเผื่อมันจะเชื่อไหนๆก็ถึงขั้นนี้แล้วไปให้มันสุดเลย

"เจ้าจะคืนร่างดีๆหรือจะให้ข้าทำให้เจ้าคืนร่าง" เอาล่ะคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วแหละทศกัณฐ์จึงคืนร่างดังเดิม

ค่าเสน่หา+500

ไอ้เชี่ยยย....มึงยังจะมามีอารมณ์ห่าอะไรตอนนี้อีกกูอยากรู้จริงๆว่ามันน่าฟินตรงไหนเนี่ย

"เป็นเจ้าจริงๆด้วยทศกัณฐ์อยากรู้นักเป็นหนักหนาว่าเจ้าลักพานางสีดาไปทำอะไร"

"ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยเจ้าคิดว่าข้าจะลักพานางไปเป็นเมียข้าอย่างนั้นรึ"

"ก็ประมาณนั้นแหละ"

"ข้าไม่ได้ลักพานางเพื่อไปเป็นชายาของข้าเลยแม้แต่น้อยแต้ข้ามีเหตุผลของข้าซึ่งไม่อาจที่จะบอกเจ้าได้"

ค่าเสน่หา+500 เอาเถอะกูปลงกับมึงแล้วล่ะพระรามนิดๆหน่อยๆก็เอานะไอ้เวร

"เหตุผลที่เจ้าบอกไม่ได้อย่างนั้นหรอแล้วเจ้าก็ให้มันเกิดสงครามขึ้นเนี่ยนะ"

"อันที่จริงข้าก็อยากตามหารักแท้อยู่เหมือนกันน้องชายข้าที่มีนามว่าพิเภกบอกข้าว่าความรักของข้าจะเกิดจากสงครามแต่ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นสงครามครั้งนี้หรือไม่"

ค่าเสน่หา+1000 

ไอ้ค่าเสน่หาขึ้นมากูก็ยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอกแต่มึงจะยิ้มหาบิดามึงรึ

"อย่างนั้นหรอถ้าจะพูดเรื่องความรักของข้าก็เคยมีคนทำนายเหมือนกันว่าเขาผู้นั้นเพียงแค่เห็นหน้าคนผู้นั้นแล้วข้าก็จะรู้ได้ในทันทีว่าคือใคร"

"แล้วคือใครเล่า"

"เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละข้าไม่จำเป็นต้องบอกการกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะ" จ้าคำคมก็มาสุดยอดจริงๆเลยพระเอกของกูนี่

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปตามหารักแท้เจ้าเถิดปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้"

"นี่เจ้าคิดว่าการที่เจ้ามาหลอกล่อให้น้องชายของข้าเสียใจเช่นนี้แล้วจะขอให้ข้าปล่อยตัวไปได้ง่ายๆโดยที่ไม่มีการทำโทษอะไรเลยรึ"

"ทำโทษอย่างนั้นหรอเจ้าจะทำอะไร"

"การลงโทษนั้นมีหลายวิธีที่ข้าจะทำโทษทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่เจ้าทำว่ามันหนักหนาสาหัสเช่นไรเเต่จากการที่เจ้าทำในวันนี้ข้าว่ามันหนักหนาสาหัสเป็นอย่างมาก" หวังว่ามันคงไม่ฆ่ากูถ่วงน้ำหรอกนะ

"ข้าไม่ได้ทำอะไรที่มันหนักหนาสาหัสอะไรอย่างที่เจ้าพูดปล่อยข้าได้แล้วข้าจะกลับเมือง" 

"ข้าคิดออกแล้วว่าจะทำโทษเจ้าอย่างไรข้าจะลงโทษเจ้าตามแบบฉบับของอโยธยาเมืองของข้า"

"ลงโทษแบบอโยธยาอย่างนั้นรึเจ้าจะลงโทษแบบใดใหญ่เขาก็ลงโทษโดยการเฆี่ยนตีไม่ก็สลักคำบนใบหน้านอกจากนี้ข้าก็ไม่เคยเห็นแล้วล่ะ"

"การลงโทษตามแบบฉบับของอโยธยานั้นหากเป็นโทษหนักอย่างที่เจ้าทำเขาก็จะลงโทษโดยการใช้จมูกดอมดมนวลปรางทั้งสองข้างของผู้กระทำผิดหรือพูดง่ายๆก็คือหอมแก้มนักโทษนั่นแหละ"  เดี๋ยวนะนี่มึงเรียกการกระทำอย่างนี้ว่าลงโทษเหรอ...ก็เชี่ยแล้วไม่มีบ้านเมืองใดเขาลงโทษกันแบบนี้หรอกโว้ย

"เจ้าจะบ้ารึเอาไม้มาตีข้ายังจะดีกว่าดอก"

"อันนั้นมันโทษสถานเบาของเจ้ามันโทษหนักต้องโดนแบบนี้แหละ"

"ม่ายยย.....ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"

"อย่าดิ้นเลยเสียเวลาเปล่าๆถึงเจ้าจะดิ้นด้วยแรงมากน้อยเพียงใดก็ไม่สามารถหลุดออกจากตาข่ายของข้าได้หรอก"

"ไม่ลองไม่รู้นี่หว่า" ทศกัณฐ์ดิ้นจนเหนื่อยหอบก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกจากตาข่ายนี้ได้เขาจึงนั่งอยู่เฉยๆแต่โดยดี

"อ้าวๆเหนื่อยแล้วหรือจึงไม่ขยับเขยื้อนร่างกายก็ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าดิ้นก็ไม่เชื่อกัน"

"จะทำอะไรก็รีบทำแล้วก็ปล่อยข้าไปด้วย"

"การลงโทษนี้ค่อนข้างนานนะเจ้าจะทนไหวรึ"

"ข้าเป็นถึงพญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่กะอีแค่บทลงโทษกระจอกงอกง่อยเช่นนี้ทำไมข้าจะทนไม่ได้"

"ก็ดีข้าจะได้ลงโทษได้อย่างเต็มที่"

พระรามจึงเริ่มการลงโทษทันทีทศกัณฐ์แทบอยากจะร่ำให้แก้มอันบริสุทธิ์คือเขาถูกพรากไปโดยไอ้พระเอกจอมหื่นกามมันมีที่ไหนการลงโทษสถานหนักด้วยการหอมแก้มกูอยากจะรู้จริงๆใครออกกฎหมายบ้านเมืองมึงจะไปต่อยหน้าสัก 2-3 ที

ฟอดดดดด......

ค่าเสน่หาหา+10000

ตอนแรกที่บอกว่านานเขาก็คิดว่าคงจะไม่นานมากแต่นี่มันผ่านมา 5 นาทีแล้วมึงยังไม่ออกจากแก้มกูเลยนี่มันเป็นการลงโทษบ้าบอคอหอยพอกอะไรเนี่ย

"เดี๋ยวก่อนนี่เจ้าจะทำอะไรกับคอข้า"

"เป็นการลงโทษขั้นสุดยอดไงล่ะเจ้ารู้ไหมว่าการฝากรอยไว้ที่คอผู้ที่ถูกทำโทษจะทำให้ผู้นั้นรู้สำนึกและไม่ทำอีก"

"ไม่รู้โว้ยแล้วก็เอาปากออกไปจากคอข้าด้วย"

"เห็นทีจะไม่ได้"

จ๊วบบบบบบ

ไอ้เหี้ยยยยยยคอกูเป็นรอยหมดแล้วมึงจำไว้เลยไอ้พระรามไอ้พระเอกหื่นกามโรคจิตกูจะล้างแค้นมึงให้ได้

"เดี๋ยวเถอะไอ้มนุษย์โอหังนี่แกทำอะไรกับท่านพี่ทศกัณฐ์ของข้า" นั่นมันเสียงกุมภกรรณนี่หว่าสุดยอดเลยน้องรักเจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี

"มีตัวเกะกะมาซะได้ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนเเต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกการลงโทษจะรุนแรงขึ้นนะจะบอกให้"  พระรามพูดเสร็จก็ปลดปล่อยทศกัณฐ์ออกจากตาข่ายที่พันธนาการตัวทศกัณฐ์ไว้แล้วก็เดินจากไปทิ้งให้ทศกัณฐ์ยืนปากด่าอยู่ตามหลังแต่พระรามก็หาสนใจไม่

ค่าเสน่หา+100000 ไอ้เชี่ย...นี่มึงฟินถึงขั้นไหนวะเนี่ยกูอยากรู้จริงๆแต่จะว่าไปไอ้ค่าเสน่หานี่มันจะไปสิ้นสุดตรงไหนวะเนี่ยขนาดแสนนึงยังไม่เต็มเลย

"เสียชื่อพญายักษ์ทศกัณฐ์ผู้ยิ่งใหญ่หมดเลยทันทีเหตุใดจึงถูกมนุษย์เดินดินธรรมดาจับได้แล้ว"

"ถึงมันจะเป็นมนุษย์แต่เราจะประมาทไม่ได้พวกมันมีอิทธิฤทธิ์มากเหลือเกินข้าพลาดท่าเองอาวุธข้าก็ไม่ได้เตรียมมาจึงถูกมันจับได้ง่ายเยี่ยงนี้"

"ทีหลังถ้าท่านจะมารบเองก็บอกข้าสิข้าจะได้มาช่วยอีกแรง"

"ไม่เป็นไรดอกกุมภกรรณครานี้ข้าแค่มาดูลาดเลาเฉยๆว่าศัตรูมีฤทธิ์เท่าไหร่เราจะได้ประเมินมันถูกครั้งต่อไปจะได้เตรียมการได้ดีขึ้น"

"ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนเถิดท่านพี่"

"ข้าก็เห็นตามนั้น"

ทศกัณฐ์และกุมภกรรณจึงเหาะกลับไปยังกรุงลงกาอีกด้านหนึ่งเมื่อพระรามเดินกลับไปก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าวานรฟังแต่ก็ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดที่เล่าไป...โดยเล่าแค่ว่าสามารถจับตัวได้ด้วยความสงสารจึงปล่อยไปโดยไม่ได้บอกว่าเป็นทศกัณฐ์ที่ตนจับได้

"พวกเจ้าคิดได้หรือยังว่าเราจะไปยังกรุงลงกาได้อย่างไร"

"ข้าคิดได้แล้วพะย่ะค่ะ"

"ท่านคิดได้เช่นไรก็บอกเรามาเถิดอย่าช้าอยู่เลยท่านสุครีพ"

"ข้าคิดว่าเราควรจะหาหินมาถมทะเลสร้างเป็นทางเดินไปจนถึงเกาะที่กรุงลงกาตั้งอยู่จึงจะสมพระเกียรติของพระองค์พะย่ะค่ะ"

"ดีถ้าเป็นเช่นนั้นเรามอบหมายงานนี้ให้หนุมานจัดการ"

"พะย่ะค่ะ" หนุมานน้อมรับคำสั่งแล้วก็เกณฑ์ทหารวานรไปช่วยกันขนหินมาถมทะเลโดยหินที่ถูกนำมาถมทะเลนั้นมีก้อนหินตั้งคำสาปอยู่ซึ่งก็คือนางกาลอัจนาซึ่งเป็นแม่ของนางสวาหะพาลีและสุครีพ

ต่อจากนี้ไปจึงจะขอบอกเล่าเรื่องราวของการกำเนิดพญาพาลีและสุครีพพร้อมทั้งนางสวาหะและนางกาลอัจนาให้ทุกท่านได้สดับรับฟัง

โดยนางกาลอัจนาเป็นภรรยาของฤๅษีโคดมซึ่งทำตบะสมาธิอยู่และได้ยินถึงการสนทนาของนกกระจาบป่าคู่หนึ่งสนทนาถึงบาปของการไม่มีบุตรจึงทำพิธีโหมกูณฑ์⁴เนรมิตสตรีนางหนึ่งขึ้นมาและให้นามว่า นางกาลอัจนา และมีบุตรีหนึ่งคน คือ นางสวาหะ ต่อมาได้มีเหตุให้ต้องมีการลักลอบมีสัมพันธ์กับพระอินทร์และพระอาทิตย์คือ พาลีและสุครีพ โดยที่นางสวาหะก็รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย และต่อมาฤๅษีโคดมดูแลเอ็นดูโอรสทั้งสองมาก ทำให้นางสวาหะ ธิดาคนโตไม่พอใจ จึงเปิดโปงเรื่องราวความจริง ฤาษีโคดมจึงจะพิสูจน์โดยให้ทั้ง 3 กระโดดลงไปในน้ำหากใครเป็นลูกตนให้โผล่ขึ้นมาเป็นคนแต่หากไม่ใช่ให้เป็นลิงเข้าป่าไปปรากฏว่ามีเพียงนางสวาหะเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาแล้วเป็นคนส่วนพาลีกับสุครีพก็กลายเป็นลิงหนีเข้าป่าไปทำให้ฤๅษีโคดมไม่พอใจในการประพฤติตนของนางกาลอัจนา โดยสาปให้นางนั้นเป็นหินให้พระรามในอนาคตใช้ถมเป็นถนนต่อไป และนางสวาหะก็โดนคำสาปจากมารดาเช่นกันไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมอยู่ในป่าเชิงขอบเขาจักรวาลก่อนที่นางให้กำเนิดหนุมานในเวลาต่อมา

"อ้าวเร็วๆหน่อยกองทัพวานรรีบขนหินไปถมทะเลเร็วเข้ายิ่งเราทำเร็วเท่าไหร่โอกาสที่จะได้แม่นางสีดาคืนมาก็มากเท่านั้น"

"เฮ้" กองทัพวานรโห่ร้องลั่นเสียงดังอย่างมีขวัญกำลังใจ

หลังจากนั้นทศกัณฐ์ทราบเรื่องจึงสั่งสุพรรณมัจฉานำกองกำลังปลาไปขนหินกลับคืนมาแต่ปรากฏว่าหนุมานล่วงรู้จึงลงมาด้านล่างเมื่อพบแล้วก็เกิดความรักขึ้นด้วยความเจ้าชู้ของหนุมานทำให้นางสุพรรณมัจฉาตกเป็นเมียของหนุมานและก็นำฝูงปลานำหินกลับมาคืนที่เดิมโดยทั้งคู่มีลูกด้วยกันชื่อมัจฉานุ

ด้านทศกัณฐ์

"นึกไว้แล้วว่ามันต้องเป็นไปตามที่เราคิดพวกมันขนหินถมทางมาจนถึงบริเวณเกาะที่เป็นที่ตั้งของกรุงลงกาจริงๆด้วย"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านพี่เองก็คงลำบากข้าคิดว่าควรปรึกษาหารือรับมือกับพวกมันนะพะย่ะค่ะ" กุมภกรรณเอ่ยบอกผู้เป็นพี่อย่างห่วงใย

"เราน่าจะเริ่มประชุมกันในวันรุ่งขึ้นข้าคาดคะเนไว้อย่างนั้นก็คงจะมีเจ้าและพิเภกที่จะร่วมประชุมด้วย"

"พะย่ะค่ะ...แต่ข้ามีเรื่องนึงที่สงสัยยังไม่หาย"

"เรื่องอันใดรึที่เจ้าสงสัย"

"ทำไมคอของท่านพี่จึงเป็นรอยแดงๆเช่นนั้น"

ทศกัณฐ์หน้าเห่อร้อนขึ้นมาในทันใดหวนคิดถึงตอนที่เขาถูกลงโทษโดยพระรามแค่คิดถึงมันเขาก็รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องเขานับล้านตัวอย่างบอกไม่ถูก

"น่าจะเป็นยุงกัดน่ะไม่มีอันใดดอก"

"สงสัยจะเป็นยุงรูปงามนะพะย่ะค่ะ" กุมภกรรณที่พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวที่ตนเห็นในวันนี้ได้เอ่ยแซวขึ้นอย่างขำๆแล้วก็เดินจากไป

ทศกัณฐ์ก็ได้แต่ยืนรำพึงรำพันในใจว่า...

พระราม....

ไอ้เหี้ยยยยยย....มึงทำให้กูดูแย่

____________________________________

1.สัมพาที=พญานกกายสีแดงชาดลูกพญาสุบรรณ เป็นพี่พญาสดายุเมื่ออยู่เขาอรรศกรรณ สดายุเห็นพระอาทิตย์ คิดว่าเป็นผลไม้สุกจึงบินขึ้นไปจับจิกรถทรง พระอาทิตย์กริ้วเปล่งแสงร้อนจัดยิ่งขึ้น สัมพาทีจึงใช้ปีกบังความร้อนให้สดายุ ขนเลยหลุดหมดตัว พระอาทิตย์สาปซ้ำมิให้ขนขึ้นอีกเลยให้อยู่ที่ถ้ำเหมติรัน ต่อมาเมื่อหนุมานจะไปถวายแหวนให้นางสีดา มาพบแล้วโห่สามลาจึงทำให้พญาสัมพาทีพ้นคำสาปมีขนงอกขึ้นดังเดิมเมื่อขนงอกขึ้นดังเดิมแล้วพญาสัมพาทีจึงพาหนุมานไปดูที่ตั้งของกรุงลงกา

2.ฤาษีนารท=พระฤๅษีนารทบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขาโสฬส นอกเมืองลงกา เมื่อคราวหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดาได้เหาะเลยเมืองลงกาเพราะไม่รู้จักทาง ไปพบกันเข้าจึงเกิดการประลองฤทธิ์กัน แต่หนุมานเกิดพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์พระฤๅษีจึงยอมอ่อนน้อม และเมื่อคราวหนุมานไปเผากรุงลงกาไฟที่ติดหางหนุมานจะดับอย่างไรก็ไม่สามารถดับได้ หนุมานจึงไปหาพระฤๅษีนารทให้ช่วยดับไฟให้

3.พระเวสสุกรรม= เป็นเทวดานายช่างใหญ่ของพระอินทร์ ตามตำนานกล่าวว่า เป็นผู้สร้างเครื่องมือ สิ่งของต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น และเป็นแบบอย่างให้กับมนุษย์สืบมา

4.โหมกูณฑ์ =หรือ บางครั้งสะกดทับศัพท์ว่า พิธีโฮมัม เป็นพิธีกรรมบูชาในศาสนาฮินดู โดยพราหมณ์จะนำสิ่งของเครื่องบูชาต่าง ๆ เช่น ไม้ เครื่องหอม สมุนไพร ธัญพืช ดอกไม้ เนย น้ำผึ้ง น้ำมันเนย ข้าว ขนม ผลไม้ อัญมณี พวงมาลัย รวมถึงพัสตราภรณ์ เช่น ส่าหรี และโทรตี้ เป็นต้น ลงไปเผาในกองกูณฑ์ที่ลุกโชนด้วยไฟ ซึ่งถือเป็นการถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระอัคนี (ไฟ) ไปสู่พระเป็นเจ้าองค์ที่ประกอบพิธีบูชา โดยแต่ละขั้นตอน พราหมณ์จะสาธยายพระเวท และมนตรากำกับไปด้วยตลอดทั้งพิธี
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 17-12-2022 12:09:30
บทย่อยที่2 หนุมานเกี้ยวสุพรรณมัจฉา(กลอนทั้งบท)



เป็นกลอนแบบบทละครนะครับอ่านจากซ้ายไปขวา





บัดนั้น เหล่าวานรที่มากล้น

ขยันขันแข็งอดทน ร่วมใจกันขนก้อนหินมา

ถมทะเลก่อร่างสร้างทาง ใจก็พลางครุ่นคิดครรหา

เหตุไฉนไยหินที่ขนมา ดูเหมือนว่าลดเลือนน้อยลง

จึงแจ้งเหตุแก่ท่านหนุมาน บอกเล่าขานถ้อยคำตามประสงค์

หินที่เราขนมาดูน้อยลง พวกข้างงไม่รู้เพราะเหตุใด

บัดนั้น หนุมานวานรผู้ยิ่งใหญ่

ได้สดับรับฟังให้วุ่นใจ คิดสงสัยหาเหตุในทันที

จึงปรึกษาน้าชายชื่อสุครีพ ว่าต้องรีบสร้างทางพระทรงศรี

ขืนชักช้าเสียเวลาจะไม่ดี ตัวข้านี้จะรีบรุดลงไปดู

ด้านสุครีพได้ยินจึงเอ่ยบอก อย่าโดนหลอกจงฟังไว้ระวังหู

หากผิดพลาดถือซะว่าเป็นครู จงไปดูเถิดหลานอย่าช้าเลย

หนุมานรับคำตามน้ากล่าว เหาะลงเข้าสู่วารีไม่รอเฉย

เห็นปลาแหวกว่ายไม่เหมือนเคย ไฉนเลยขนหินไปทิ้งกัน

ฝ่ายวานรได้เห็นก็กริ้วโกรธ จิตพิโรธเกินกว่าจะเสกสรรค์

เสมือนหนึ่งไฟไหม้บรรลัยกัลป์ ชีพมึงนั้นต้องพลันสลายไป

แล้วพุ่งเข้าโถมไปไล่เช่นฆ่า ฝูงมัจฉาตายเกลื่อนตามน้ำไหล

แล้วเหลือบเห็นนางปลาดูวิไล เหตุอันใดจึงได้นำฝูงปลา

บัดนั้น หนุมานวานรเห็นมัจฉา

ลักษณะครึ่งคนครึ่งปลา ดูโสภาแน่งน้อยวิไลวรรณ

นำฝูงปลาเข้าขนหินกันใหญ่ ให้แค้นใจเร่าร้อนในธาตุขันธ์

เหวยอีปลามาขนหินทำไมกัน หรือมึงนั้นอยากตายวายชีวี

อันก้อนหินที่พวกกูถมมานั้น เป็นของท่านพระรามผู้เรืองศรี

จะจัดการตัวมึงไม่ปราณี แล้วรีบรี่รุดไล่จับในทันใด

ฝ่ายสุพรรณมัจฉาเห็นดังนั้น ตกใจพลันรีบหนีซ่อนให้ได้

แต่ด้วยลิงสีเผือกนั้นว่องไว จับไว้ได้เงื้อตรีเพชรในทันที

ฝ่ายนางปลากลัวตายจึงเอ่ยไป ขอจงไว้ชีวิตมารศรี

อันทศกัณฐ์บิดาใช้นารี ด้วยเหตุนี้ข้าจึงต้องทำตาม

ฝ่ายว่าหนุมานชาญสมร ฟังบังอรพูดมาใจวาบหวาม

เสียงไพเราะหลงไหลในนงราม จึงห้ามปรามเอ่ยปลอบยอดดวงใจ

ดูก่อนนวลนางหน้าแฉล้ม แก้มสีแดงดูแล้วสวยสดใส

อันชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร เจ้านั้นไซร้โปรดบอกชื่อตนมา

ฝ่ายนางปลาได้ยินจึงเอ่ยคำ ชื่องามขำคือสุพรรณมัจฉา

เหตุอันใดจึงอยากรู้เล่าพี่ยา มาถามข้าด้วยเหตุผลอะไร

อันนารีสตรีเห็นมามาก สองฝั่งฟากเห็นหมดไม่สงสัย

ทั้งแผ่นฟ้าผืนดินป่าพงไพร แต่ก็ไม่เทียบเท่าแม่นงคราญ

บัดนั้น นางปลาได้ฟังคำกล่าวขาน

ก็บิดกายอายเขินหนุมาน ดูตัวท่านก็ยังกล้าพูดไป

อันสองเราต่างเผ่าพันธุ์กันนัก ข้าลูกยักษ์มิอาจรักท่านได้

โปรดเถิดท่านอย่ามาเกี้ยวทรามวัย รักไม่ได้หรอกหนาพี่ลิงเอย

หนุมานได้ยินนางปลากล่าว เหตุใดเรารักไม่ได้เล่าน้องเอ๋ย

มาเถิดน้องนวลนางน่าชิดเชย อย่าช้าเลยที่รักศรีสุดา

อันเผ่าพันธุ์ต่างกันมิแค่เรา ฤาษีเล่าคู่กินรีได้หนา

อย่าเขินอายเลยเจ้านางปลา ขอตัวข้าร่วมรักสลักใจ

ว่าจบหนุมานเข้าอิงแอบ ตัวชิดแนบกับกายแม่แขไข

ประโลมจูบลูบคลำทั้งร่างกาย คลึงบัวไว้ด้วยมือของพญา

มหาสมุทรคลื่นลอกกระฉอกเข้า เรือสำเภาหมายมุ่งพุ่งเข้าหา

คลื่นเกี่ยวรัดกระหวัดปิดทางมา เรือนั้นหนาจำต้องหยุดกลางคัน

แล้วรอคลื่นคลี่คลายความแน่นหนัก เรือก็จักแล่นไปสู่สวรรค์

มุ่งหน้าตรงแล้วถอยแล้วตรงพลัน ถึงสวรรค์ในที่สุดก็หยุดลง

มีน้ำฝนพรอยพรมรดลงคลื่น เสียงสะอื้นสุขสันต์พิศวง

เรือสำเภาก็เริ่มลำน้อยลง ท้ายสุดคงออกจากคลื่นน้ำไป

บัดนั้น สุพรรณมัจฉาพักตร์ผ่องใส

มอบตัวกับหนุมานทั้งใจกาย ด้วยหลงไหลในคารมวานร

เมื่อเสร็จสิ้นกิจรักศึก วานรนึกได้แล้วบอกดวงสมร

พี่มีงานต้องทำนะงามงอน ต้องไปก่อนแล้วพี่จะกลับมา

ฝ่ายสุพรรณมัจฉาได้ยินคำ อกระกำสุดแสนอาวรณ์หา

ถ้าไม่รักไม่ต้องมาเกี้ยวพา ให้สุดาหลงไหลในอารมณ์

หนุมานเห็นนางปลาหันหน้าหนี ก็รีบรี่ประคองเอวให้เหมาะสม

โถพี่นั้นยังรักเจ้าแม่ชวนชม เสร็จศึกกรมแล้วจะกลับมาหานาง

ว่าแล้วก็จุมพิตจูบสุดา แล้วไคลคลาขึ้นฝั่งตอนฟ้าสาง

นำหมู่ลิงเอาหินมาถมทาง โฉมสอางค์มองดูน้ำตาคลอ

วันเวลาผันผ่านเนิ่นนานไป ท้องก็ใหญ่เติบโตขึ้นแล้วหนอ

น่าเสียดายเจ้าเกิดมาพ่อไม่รอ ไม่พะนอดูเจ้าแน่แท้เอย

ด้วยกลัวเกรงทศกัณฐ์บิตุเรศ จะสังเกตพิรุธนำเฉลย

จึงไหว้วอนเทวาอย่าเฉยเมย สำรอกเลยเป็นลูกกำเนิดมา

เป็นวานรแกล้วกล้าดูแข็งขัน อายุนั้นโสฬสดูเก่งกล้า

ตัวเป็นลิงกายสีเผือกเช่นบิดา เหมือนมารดรตรงหางปลาน่าแปลกใจ

แล้วจึงสั่งบอกคำอำลาจาก จำต้องพรากจากเจ้าไม่สุงสิง

พ่อของเจ้านั้นหนาเขาเป็นลิง แต่มีสิ่งให้เจ้าควรจดจำ

เป็นทหารเอกขององค์รามา ร่างกายก็แข็งแรงดูคมขำ

หาวเป็นดาวเป็นเดือนเจ้าจงจำ งามเลิศล้ำกุณฑลดูให้ดี

ชื่อพ่อเจ้านั้นคือหนุมาน ปรีชาชาญกล้าแกร่งมากศักดิ์ศรี

หากเจ้าพบจงเคารพดุษณี ตัวแม่นี้ขอลาจำจากจร










หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 17-12-2022 12:12:09
06 ไมยราพออกศึก

"บ้าจริงแผนการข้าจะสำเร็จอยู่แล้วเชียวพวกมันดันรู้ตัวซะได้" ทศกัณฐ์เอ่ยขึ้นอย่างโมโห...แผนการที่เขาวางไว้เป็นดิบดีถูกบดขยี้ไม่เหลือเศษเพราะไอ้ลิงเผือกเปรตคนเดียวแค่คิดก็แค้นไม่หายแล้ว

"ก็แหงล่ะสิ...ท่านพี่เล่นบุกเดี่ยวไปเช่นนั้นอันพระรามก็มีฤทธิ์มากพอตัวไหนจะกองทัพวานรอีกล้วนแล้วแต่แกร่งกล้ากันทั้งสิ้นโชคดีนะที่ข้าไปช่วยไว้ทันไม่งั้นคงเสียชื่อยักษ์หมด" กุมภกรรณเอ่ยขึ้นอย่างปลงๆ...พี่ชายเขาเอาแต่ใจชะมัดโชคดีที่เขาเอะใจเลยเหาะมาพบทำให้ช่วยไว้ได้ทันเวลา

"เงียบเลยกุมภกรรณเจ้าไม่รู้รึว่ามารีศก็ไปกับข้า"

"อันมารีศนั้นใช่ว่าจะเก่งสักเท่าไหร่ถึงจะไปสองคนก็เสียเปรียบอยู่ดี"

"แล้วจะทำเยี่ยงไรดีในเมื่อบัดนี้กองทัพพระรามก็ยกทัพมาถึงเกาะเราแล้วไม่นานก็คงจะยกทัพมาประติดชิดเมืองเป็นแน่"

"ข้าคิดว่าเราควรเรียกพิเภกมาปรึกษา"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นจงดำเนินการเถิดกุมภกรรณน้องพี่"

"พะย่ะค่ะ"

ไม่นานพิเภกก็มาถึงพอทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงครุ่นคิดหาวิธีแต่ก็คิดไม่ออก...จนทศกัณฐ์แทบจะกระโดดตบหัวให้รู้แล้วรู้รอด...แหมทีตอนไปอยู่กับพระรามดักทางกูได้หมดเลยนะมึง...แต่ไม่ทันไรระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาก่อน

[ภารกิจหลัก ใช้ไมยราพออกศึก หากทำสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ + 10000 Xp]

จริงสิลืมไปเสียสนิทเลยยังมีไมยราพสุดยอดจอมขมังเวทย์ผู้มีฤทธิ์แก่กล้าอยู่นี่หว่าทีนี้แหละพระรามต้องพ่ายแพ้แน่

ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจู่ๆก็มีลิงโผล่พรวดเข้ามาให้เดาก็คงจะไม่พ้นองคตไปได้ที่มาก็คงมาส่งสาส์นให้เขาทราบนั่นแหละ

"เจ้าเป็นใครเหตุใดจึงบุกรุกเข้ามาเช่นนี้" แกล้งถามไปงั้นแหละความเป็นจริงคือรู้อยู่แล้ว

"ข้าคือองคตลูกของพญาพาลีเป็นทหารของพระรามและพระลักษมณ์มาที่นี่ก็เพื่อจะมาส่งสาส์นของพระลักษมณ์ให้ท่านทราบ...ถึงทศกัณฐ์จงคืนนางสีดาแก่เราหากดื้อดึงแล้วไซร้จะเกิดสงคราม"

"เหอะ...ข้าไม่คืนให้เจ้าดอกจงกลับไปบอกนายเจ้าเถิดว่าข้าจะรบด้วยเอง"

"นายข้าเก่งนะเดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือน"

"ไสหัวไปซะไม่ต้องมาทำเป็นอวดเบ่งให้ข้าฟัง"

"แล้วเจอกันที่สงครามนะท่านทศกัณฐ์5555" ว่าจบมันก็เหาะออกไปเอาจริงๆในวรรณคดีกูว่ามันก็กวนตีนแล้วนะมาเจอจริงๆกวนตีนกว่าอีก

"คอยดูเถอะข้าจะให้ไมยราพกำหราบซะให้เข็ด"

"หวังว่าจะไม่ล้มเหลวอีกนะท่านพี่"

"หุบปากไปเลยพิเภก" นอกจากจะไม่ช่วยทำห่าอะไรแล้วยังกวนกูอีกมึงนี่จริงๆเลย

"ทหารไปตามไมยราพมาพบข้า"

"พะย่ะค่ะ"

ด้านพระราม

"ข้าได้ไปแจ้งสาส์นแล้วแต่ดูเหมือนว่าทศกัณฐ์ไม่ยอมคืนนางสีดาโดยง่ายพะย่ะค่ะ"

"ไอ้ยักษ์ตนนี้มันชั่วช้ายิ่งนักข้าอยากจะฆ่ามันเหลือเกิน"

"ใจเย็นลักษมณ์พี่ว่าทศกัณฐ์น่ะให้พี่จัดการจะดีกว่านะ"

"แต่ว่ามันเป็นเรื่องของข้านะท่านพี่"

"แล้วไงเจ้าเป็นน้องข้า..ข้าก็ต้องช่วยเหลือเจ้าสิ"

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"

ณ กรุงลงกา

"ท่านเรียกข้ามาต้องการให้ข้าช่วยอะไรรึพะย่ะค่ะ" ยักษ์กายสีม่วงหน้าตาแลดูงดงามเอ่ยถามพญาทศกัณฐ์ผู้ซึ่งเรียกตนเองมาพบอย่างเร่งด่วน

"บัดนี้กองทัพของพระรามและพระลักษมณ์ยกทัพมาจนถึงเกาะของข้าแล้วพวกมันคงจะเข้าใกล้เมืองในไม่ช้า...อีกทั้งมันยังดูถูกเหยียดหยามพวกเราตระกูลยักษ์อีกว่าต้อยต่ำยิ่งนัก" เป็นทศกัณฐ์ตอนเสี้ยมไว้ก่อนครับตามวรรณคดีที่เคยอ่านยุแยงตะแคงรั่วเก่งมาก

"ชิชะ...ไอ้พวกมนุษย์โอหังนี่พวกมันดูถูกตระกูลยักษ์ของเราต่ำเตี้ยเรี่อดินขนาดนั้นเชียวรึเห็นทีข้าจะต้องไปจัดการพวกมันให้อยู่หมัดซะแล้ว"

"ช้าก่อนไมยราพ"

"เหตุใดท่านต้องห้ามข้าในเมื่อพวกมันดูถูกเผ่าพันธุ์เราเยี่ยงนี้"

"พวกมันมากด้วยฤทธิ์หากเจ้าลงมือโดยไม่ได้ไตร่ตรองหาวิธีที่ดีอาจจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้มันได้"

"ท่านไม่ต้องกลัวหรอกข้ามีวิธีการจัดการพวกมันโดยที่มันต้องคิดไม่ถึงเป็นแน่นอน"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะดำเนินการเมื่อใด"

"ค่ำคืนในวันพรุ่งนี้ข้าจะเริ่มแผนการ"

"ดีมากแล้วข้าจะไปหาเจ้าเพื่อร่วมแผนแต่ตอนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

อันที่จริงเนื้อเรื่องในตอนนี้ก็เดาไม่ยากเพราะว่าเขาเคยอ่านเรื่องราวอยู่โดยไมยราพได้รับบัญชาจากทศกัณฐ์ให้มาช่วยรบกับพระรามก่อนทำศึกกับพระราม ไมยราพฝันเป็นลางว่า มีดาวดวงน้อยเปล่งรัศมีมาบดบังดวงจันทร์ โหรทำนายว่าพระญาติ (ไวยวิก) จะได้ขึ้นครองเมืองแทน ไมยราพจึงหาทางป้องกันมิให้เป็นไปตามคำทำนายโดยการจับไวยวิกและมารดาคือนางพิรากวน (พี่สาวของไมยราพ) ไปขังไว้ ฝ่ายพระรามก็ฝันว่าราหูมาบดบังพระอาทิตย์แล้วจับไปได้ พิเภกทำนายว่าพระรามจะถูกลักพาตัวไปแต่จะรอดกลับมาได้ เมื่อใดที่พระอาทิตย์ขึ้นพระรามจะพ้นเคราะห์ หนุมานจึงพยายามหาทางป้องกันโดยเนรมิตกายให้ใหญ่อมพลับพลาที่ประทับของพระรามเอาไว้ แต่ไมยราพซึ่งปลอมตัวเป็นพลทหารลิงแอบล่วงรู้ความลับนี้ จึงเหาะขึ้นไปบนอากาศกวัดแกว่งกล้องทิพย์ทำให้เกิดความสว่าง พลลิงทั้งหลายที่อยู่ยามเข้าใจว่าเป็นเวลาเช้าแล้วก็พากันละเลยต่อหน้าที่ บ้างก็นอนหลับ บ้างก็หยอกล้อกันไมยราพจึงย่องเข้าไปเป่ายาสะกดไพร่พลในกองทัพของพระรามจนหลับใหลไปหมด แล้วจึงแบกพระรามพาแทรกแผ่นดินไปยังเมืองบาดาล เมื่อถึงเมืองบาดาลไมยราพสั่งให้นำพระรามไปขังไว้ในกรงเหล็ก และนำไปไว้ยังดงตาลท้ายเมืองบาดาล จัดทหารยักษ์จำนวนโกฏิหนึ่ง (๑๐ ล้านตน) เฝ้าเอาไว้อย่างแน่นหนา และสั่งให้นางพิรากวนตักน้ำใส่กระทะใหญ่เพื่อเตรียมต้มพระรามกับไวยวิกในวันรุ่งขึ้น ทางกองทัพของพระรามเมื่อทราบว่าพระรามถูกลักพาตัวไปให้หนุมานตามไปช่วยพระรามที่เมืองบาดาล ระหว่างทางหนุมานได้พบกับด่านต่าง ๆ หลายด่าน คือ ด่านกำแพงหินที่มียักษ์รักษานับพัน ด่านช้างตกมัน ด่านภูเขากระทบกันเป็นเปลวไฟ ด่านยุงตัวโตเท่าแม่ไก่ และด่านมัจฉานุ (บุตรของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา) หนุมานสามารถผ่านด่านต่างๆ ได้ และได้ขอให้มัจฉานุบอกทางไปยังเมืองบาดาลให้ แต่มัจฉานุนึกถึงพระคุณของไมยราพที่ชุบเลี้ยงตนเป็นบุตรบุญธรรม จึงเลี่ยงบอกทางไปเมืองบาดาลให้หนุมานทราบเป็นความนัยให้หนุมานนึกเดาเอา หนุมานจึงตามไปถึงเมืองบาดาลพบนางพิรากวนออกมาตักน้ำตามคำสั่งของไมยราพ จึงขอให้นางพิรากวนพาเข้าเมืองบาดาลโดยการแปลงเป็นใยบัวติดสใบนางเข้าไป หนุมานค้นหาพระรามจนพบแล้วร่ายมนต์สะกดยักษ์ที่อยู่เวรยามให้หลับหมดพาพระรามออกมาจากเมืองบาดาลและไปฝากเทวดาที่เขาสุรกานต์ให้ช่วยดูแลพระราม ส่วนตนเองก็ย้อนกลับไปสู้กับไมยราพ และฆ่าไมยราพตายในที่สุด

แค่คิดว่าไมยราพอาจตายก็หดหู่ใจเป็นอย่างยิ่งแต่ว่าพญายักษาอย่างเขาจะไม่ยอมเด็ดขาดจักต้องดำเนินการตามแผนให้จงได้ทศกัณฐ์คิดครุ่นได้สักพักก็คลายความกังวลลงแล้วพักผ่อนต่อไปวางเรื่องทุกข์ใจเพื่อให้จิตใจไม่ขุ่นมัวเดี๋ยวจะเสียความมั่นใจ

ขณะเดียวกันด้านพระรามที่กำลังอยู่ในนิทราอยู่นั้นก็เกิดฝันประหลาดขึ้นจึงได้เรียกลิงองคตมาทำนายให้

"จากฝันของพระองค์มีแนวโน้มชี้ชัดว่าจะมีเคราะห์ร้ายในค่ำคืนวันพรุ่งนี้จะมีอันตรายเกิดแก่พระองค์แต่ภัยเหล่านั้นจะหายไปเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น"

"ถ้าเป็นดังเจ้าว่าวันพรุ่งนี้เราคงต้องหาทางป้องกันเสียแล้ว"

"ไว้ช่วยกันคิดเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่เถิดพะย่ะค่ะคืนนี้ยังคงปลอดภัยมิมีอันตรายแน่แท้"

"ขอบใจเจ้ามากถ้าอย่างงั้นเจ้าก็ไปพักผ่อนเถิด"

"พะย่ะค่ะ" องคตน้อมเคารพพระรามแล้วก็ไปพักผ่อนพลางนึกแคลงใจว่าภัยอันตรายนั่นจะมากเพียงใดและจะปกป้องนายของมันได้ไหมครุ่นคิดจนเผลอหลับไปเลยทีเดียวนับว่าองคตจงรักภักดีต่อนายเป็นอย่างมาก

ยามเช้าตรู่เหล่าวานรทั้งหลายก็มานั่งฟังแผนการรับมือเรื่องเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพระลักษณ์ซึ่งองคตทำนายไว้แล้วว่าอาจจะเกิดกับพระรามแต่พอมาพิจารณาดีๆแล้วความเป็นไปได้มีน้อยกว่าพระลักษมณ์ซึ่งเสี่ยงภัยมากกว่า

"เจ้าคิดเห็นประการใดองคตน้องลักษมณ์เราจะเป็นอันตรายมากหรือไม่"

"อันตรายนั้นไม่มากเท่าไหร่จะมีทหารกล้าไปช่วยมาได้พะย่ะค่ะ"

"กันไว้ดีกว่าแก้เจ้าคิดหาวิธีป้องกันได้หรือไม่"

"เรื่องนี้ข้าก็จนปัญญาเห็นทีคงต้องให้ท่านพี่หนุมานช่วยเหลือ"

"ถ้าเช่นนั้นหนุมานเจ้าคิดเห็นประการใด" พระรามหันหน้าไปถามหนุมานซึ่งกำลังนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่ประการหนึ่งหนุมานค่อนข้างฉลาดน่าจะมีวิธีที่ดีในการวางแผนรับมือ

"ข้ามีความเห็นว่าจะขยายร่างให้ใหญ่โตแล้วอ้าปากให้พระลักษมณ์และพระองค์เข้าไปนอนด้านในส่วนด้านนอกก็ให้ทหารวานรยืนเฝ้าไว้ตลอดทั้งคืนครั้นมาตะวันขึ้นพอแน่ใจว่าพ้นภัยก็ค่อยพักผ่อนกัน"

"เป็นความคิดที่ดีเราสนับสนุนถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนเถิดค่ำคืนนี้จะได้รักษาความปลอดภัยได้อย่างดี"

"พะย่ะค่ะ"

เหล่าทหารวานรจึงนอนพักผ่อนเพื่อที่จะปฏิบัติรักษาความปลอดภัยให้แก่พระลักษมณ์ในยามค่ำคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านไมยราพ

ไมยราพฝันประหลาดในยามค่ำคืนเป็นความฝันที่ประหลาดที่สุดเขาไม่เคยฝันถึงเรื่องราวแบบนี้มาก่อนโดยฝันว่า....มีบุคคลร่างกายสีเผือกเข้ามาเหมือนจะทำร้ายเขาแต่ไม่นานก็กลับกลายเป็นดูแลเขาช่างเป็นความฝันที่ประหลาดดีแท้ไมยราพจึงเรียกโหรมาทำนาย

"อันความฝันของพระองค์นั้นหมายถึงจะมีศัตรูที่มุ่งมั่นจะมาทำร้ายพระองค์แต่พอประสบพบพักตร์พระองค์ก็เปลี่ยนใจเป็นอยากดูแลแทน"

"มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรศัตรูที่ไหนมันจะมาอยากดูแลคนที่มันจะทำร้าย"

"แต่ข้าพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วเป็นดังนั้นแน่แท้พะย่ะค่ะ"

"เอาเถอะข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำนายแม่นยำหรือเปล่านี่มันก็ใกล้ถึงเวลาที่นัดท่านทศกัณฐ์ไว้แล้วข้าจะรีบไปพบท่านทศกัณฐ์ส่วนเจ้าก็ไปพักผ่อนเถิด"

"พะย่ะค่ะ"

ไมยราพจึงรีบเหาะไปยังกรุงลงกาโดยไม่ลืมตรวจสอบดูกองทัพพระรามก่อนว่ามีแผนการรับมืออะไรกันบ้างเพื่อที่ตนจะเตรียมการโจมตีได้ถูก

เมื่อมาถึงพลับพลาพระรามไมยราพก็แปลงกลายเป็นลิงเพื่อเข้าไปสอดส่องดูแผนการของพระรามว่าจะรับมือกับตนอย่างไรไมยราพล่วงรู้ว่าหนุมานฉลาดต้องสงสัยเป็นแน่เขาจึงแปลงกายอย่างแนบเนียนสุดฤทธิ์ครั้นแปลงกายแนบเนียนแล้วนั้นจึงเข้าไปสอบถามเหล่าบรรดาลิงทั้งหลายถึงความเป็นไปในแผนการซึ่งในหัวเขาคิดไว้ว่าพวกพระรามต้องเตรียมแผนการอะไรสักอย่างเป็นแน่

"นี่พวกเจ้าวันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรหรือทำไมทุกคนถึงถืออาวุธเยอะแยะไปหมดเลย" ไมยราพในร่างลิงเอ่ยถามเหล่าวานรที่ยืนถืออาวุธกันอย่างเตรียมพร้อม

"ให้ตายสินี่เจ้าไม่ได้มาฟังอะไรเลยหรือเมื่อคืนพระรามฝันแปลกๆท่านองคตเลยทำนายว่าจะมีอันตรายเกิดแก่พระลักษมณ์พวกเราจึงต้องมาปกป้องรักษาเช่นนี้ครั้นเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้นก็จะปลอดภัย"

"อย่างนี้นี่เองพอดีค่ามัวแต่ไปหาอาหารมาน่ะเลยไม่ได้ฟังถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปหาอาวุธก่อนนะ"

"ให้เร็วเลยนะอันตรายจะเกิดแก่พระลักษมณ์ในยามค่ำคืน"

"รับทราบข้าจะรีบกลับมา"

ไมยราพจึงหลบออกมานอกสายตาของเหล่าวานร....แล้วจึงคืนร่างดังเดิมพร้อมกับเหาะไปยังกรุงลงกา...เมื่อถึงกรุงลงกาแล้วนั้นก็เห็นพระยาทศกัณฐ์ที่นั่งคอยท่าอยู่จึงรีบเหาะลงไปทำความเคารพทันที

"เอ้าไมยราพเจ้ามาแล้วรึ"

"พะย่ะค่ะ...ที่จริงท่านก็เห็นแล้วว่าข้ามาท่านจะถามหาอะไร" กูชักสงสัยแล้วนะว่าตัวละครในนี้มันกวนตีนทุกตัวหรือเปล่าเนี่ย

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะเจ้ามีแผนการอะไร"

"ก่อนที่จะมาหาท่านข้าได้ไปดูลาดเลาข้าศึกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วดูเหมือนว่าฝั่งนั้นจะเตรียมการรับมืออย่างดีซะด้วยไม่ทราบว่าล่วงรู้ได้อย่างไรแต่ให้เดาก็คงจะเป็นองคตเพราะลิงนั่นฉลาดมาก" ทศกัณฐ์ถึงกับกุมขมับอันที่จริงกองทัพพระรามจะรู้แผนการไมยราพได้ก็ต้องเป็นพิเภกที่บอกซึ่งในตอนนี้พิเภกก็อยู่กับเขาก็เลยคิดว่าฝั่งนั้นจะไม่รู้แต่องคตมันดันรู้ซะนี่

"แล้วเจ้ามีแผนอะไรที่จะจัดการกับพวกมันที่เตรียมการรับมือไว้อย่างดี"

"ง่ายมากข้าคือไมยราพจอมขมังเวทย์ข้าจะใช้กล้องเป่ายาของข้าทำให้พวกมันสลบไสลแล้วก็ลักพาตัวพระลักษมณ์ออกมาได้อย่างง่ายดาย"

"แล้วเจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแผนการจะสำเร็จ"

"ไม่ต้องห่วงหรอกหากมีผู้ใดล่วงรู้แผนการแล้วตามมาช่วยพระลักษมณ์ข้านี่แหละจะเป็นผู้จัดการเอง"

"ถ้าเจ้ามั่นใจขนาดนั้นข้าก็หมดห่วงเอาเถอะเพลานี้พวกเราพักกันก่อนอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเราก็จะได้ดำเนินการตามแผนรับรองว่าพวกมันต้องเสร็จเราแน่ๆ"
หัวข้อ: Re: จู่ๆผมก็กลายเป็นทศกัณฐ์ซะงั้น ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ramkadee ที่ 17-12-2022 12:12:38



และแล้วก็ถึงเวลาที่จะทำภารกิจอันใหญ่หลวงทศกัณฐ์กับไมยราพเหาะไปยังสถานที่ตั้งของกองทัพพระราม

"โอ้โหรักษาการแน่นหนาขนาดนี้พวกเราจะเข้าไปได้รึเนี่ย"

"ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะใช้กล้องเป่ายาทำให้พวกมันหลับไหลให้หมด"

ว่าจบไมยราพก็ร่ายคาถาเวทมนต์ที่ตนร่ำเรียนมาช้านานเป่ายาไปถูกกองทัพทหารของพระรามทำให้ทุกคนที่อยู่เบื้องใต้ไมยราพนั้นสลบไสลกันหมดคงเหลือไว้แต่ไมยราพกับทศกัณฐ์เท่านั้นที่ยังไม่สลบ

"เจ้าช่างมีฤทธิ์เดชมากจริงๆไมยราพข้าขอชมดูสิพวกมันหลับไหลกันหมดเลยเป็นการง่ายจริงๆที่เราจะลักพาตัวพระลักษมณ์"

"อย่ามัวแต่ชมข้าอยู่เลยรีบลงไปกันเถอะ"

ทศกัณฐ์กับไมยราพสอดส่ายสายตาหาตัวพระลักษมณ์ก็พบว่านอนอยู่ในปากของหนุมานจึงรีบมุ่งหน้าไปจับตัวในทันที

"โอ้โหท่านทศกัณฐ์ไม่รู้ว่าไอ้ลิงเผือกนี่มันได้แปรงฟันหรือเปล่าท่านได้พบหน้ากากอนามัยมาหรือเปล่าข้าเกรงว่าจะสลบตายเมื่อเดินเข้าไปข้างใน" What....รามเกียรติ์รู้จักหน้ากากอนามัยมิติใหม่ชัดๆทันสมัยนะเนี่ยท้าวมาลีวราช

"ใครจะไปพกมาเล่าอดทนหน่อยแล้วกัน"

"แต่จะว่าไปข้าว่าท่านลงไปรอที่เมืองบาดาลของข้าจะดีกว่าเดี๋ยวข้าลักพาตัวพระลักษมณ์ไปให้ท่านเองข้าเก่งว่าอาจจะมีผู้คนมาบุกเมืองบาดาลในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ได้"

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ฝากเจ้าด้วย"

"พะย่ะค่ะ"

ทศกัณฐ์จึงเหาะทะยานมุ่งสู่เมืองบาดาลของไมยราพในทันที

"เอ....จะว่าไปลืมถามท่านทศกัณฐ์ด้วยสิว่าไหนพระลักษมณ์ไหนพระรามถ้าเดาไม่ผิดพระรามเป็นพี่ส่วนพระลักษมณ์เป็นน้องหน้าตาย่อมแตกต่างกันคนนี้หน้าเด็กกว่าคงจะเป็นพระลักษมณ์แน่นอนรีบลักพาตัวไปให้ท่านทศกัณฐ์จะดีกว่าเดี๋ยวพวกมันจะตื่นซะก่อน"

ว่าจบไมยราพก็อุ้มเป้าหมายขึ้นหลังแล้วก็เหาะไปยังเมืองบาดาลเพื่อนำตัวไปส่งให้แก่ทศกัณฐ์

"ข้ามาแล้วท่านทศกัณฐ์ช่างเป็นเรื่องที่ง่ายมากดูสิพวกมันยังไม่ทันจะรู้ตัวข้าก็นำพาตัวพระลักษมณ์มาให้ท่านได้แล้ว"

"เจ้าจะบ้ารึ...นี่มันพระราม!....นี่เจ้าดูยังไงเป็นพระลักษมณ์ไปได้เนี่ย"

"ก็ข้าเห็นหน้าเด็กนี่นาข้าก็คิดว่าน่าจะเป็นพระลักษมณ์ซึ่งเป็นน้องพระราม"

"โอ้ย...แล้วทำไมเจ้าไม่ถามข้าก่อน"

"ขออภัยอย่างสูงไหนๆก็นำพาพระรามมาแล้วงั้นฝากไว้ที่ท่านก่อนแล้วกันเดี๋ยวข้าจะย้อนกลับไปนำพาพระลักษมณ์จะได้จัดการมันทั้งคู่เลย"

"เจ้าจงรีบดำเนินการเถิด"

"พะย่ะค่ะ" ไมยราพจึงเหาะขึ้นไปเพื่อที่จะนำพาพระลักษมณ์ลงมาอีกครั้งด้านของทศกัณฐ์ก็นำพระลักษณ์ขึ้นมาแบกไว้บนหลังแล้วเหาะทะยานขึ้นไปบนภูเขาแห่งหนึ่งหมายมั่นจะวางให้พระรามนอนอยู่ ณ ที่นี้ก่อนแล้วส่วนตนจะลงไปด้านล่าง

ทว่าไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดจู่ๆก็มีวงแขนปริศนากอดรัดเขาเข้าไปนั่งที่ตักซึ่งเขาไม่ต้องคิดนานเลยว่าใครดึงเขาเข้าไปผู้นั้นก็คือ...คนที่เขาเพิ่งแบกขึ้นมานั่นเอง

"ทำอะไรของเจ้ามากอดข้าทำไม"

"เจ้าคิดถึงข้าขนาดนั้นเชียวรึทศกัณฐ์ถึงได้แบกข้าขึ้นมายังยอดเขาแห่งนี้"

"คิดทงคิดถึงบ้าอะไรเจ้าอย่ามั่วข้าไม่ได้คิดถึงเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียวนี่เป็นแผนทำสงครามต่างหาก"

ค่าเสน่หา+1000

มึงจะมาบวกทำเชี่ยอะไรตอนนี้ไม่ใช่เวลาฟินโว้ย

"นึกว่าเจ้าจะคิดถึงข้าซะอีกแอบเสียใจนะเนี่ย"

"ไม่มีทางข้าไม่คิดถึงเจ้าหรอก"

"เจ้าลืมแล้วหรือว่าเพลงที่ข้าเคยร้องให้เจ้าฟังในยามค่ำคืนนั้นสื่อความหมายว่าอะไรเจ้าลืมหมดแล้วหรือว่าเจ้ากับข้าเคยอยู่ร่วมกันมานานเพียงใด"

"เจ้าหมายถึงอะไรเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้"

"ตอนแรกข้าก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวข้าถึงไม่โกรธเจ้าแต่กลับเอ็นดูเจ้าแทนแต่พอย้อนรำลึกนึกถึงฝันของข้าเมื่อคราก่อนแล้วโหรหลวงทำนายข้าก็นึกได้เลยว่าคนที่โหรหลวงบอกคือใคร"

"เจ้าพูดอะไรข้าไม่รู้เรื่อง"

"ทศกัณฐ์เจ้าคือเนื้อคู่ของข้า"



Wtf.....ไอ้เชี่ยยยยยย



ด้านไมยราพ

ให้ตายสิอุตส่าห์มั่นใจว่านั่นคือพระลักษมณ์แล้วแท้ๆแต่กลับเอาไปผิดตัวจนได้พวกมันจะรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย

จะว่าไปไอ้ลิงเผือกนั่นทำไมมันเหมือนคนที่เห็นในฝันจังวะไม่ใช่หรอกมั้งในฝันดูดีกว่านี้เยอะจะว่าไปรู้สึกว่าพวกมันจะรู้ตัวแล้วว่าพระรามหาย...แย่ล่ะสิจะไปลักพาตัวพระลักษมณ์ยังไงล่ะเรา

"ชิชะไอ้ยักษ์โอหัง...เจ้าสินะที่บังอาจมาลักพาตัวพระรามไป"

เอาแล้วไงโดนไอ้ลิงเผือกเห็นจนได้ไอ้ลิงตัวนี้ฤทธิ์มันก็เยอะพอสมควรถ้าสู้บนนี้เสียเปรียบเป็นแน่กลับเมืองบาดาลก่อนก็แล้วกัน

"อ้าวๆจะหนีไปไหนข้าไม่ให้หนีไปได้ดอก"

ไมยราพหนีลงไปในเมืองบาดาลหนุมานก็ตามมาผ่านด่านต่างๆจนเจอมัจฉานุแล้วก็คุยปรับความเข้าใจกันสุดท้ายก็ตามมาเจอตัวของไมยราพจนได้ทันทีที่พบหน้าไมยราพก็ร้อนรุ่มไปด้วยความเสน่หาในทันที


"เจ้าเป็นใครเหตุใดจึงลักพาตัวนายเรามาเยี่ยงนี้"

"ข้าคือไมยราพเจ้าเมืองบาดาลที่ข้าลักพาตัวพระรามมานั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดข้าคิดว่าพระรามคือพระลักษมณ์และผู้ที่สั่งให้ข้าลักพาตัวก็คือท่านทศกัณฐ์"

"แปลกจริง...ตอนข้าลงมาอารมณ์ของข้าเต็มไปด้วยความโกรธแต่พอเห็นหน้าเจ้าความโกรธกับพลันหายไป"

"หมายความว่าเยี่ยงไร"

"ไมยราพจะหาว่าข้าทรยศต่อพระรามก็ได้แต่ข้าไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้จริงๆข้าตกหลุมรักเจ้าสุดฤทธิ์แล้วมิอาจฝืนไม่ให้รักเจ้าได้"

"จะบ้ารึนี่อย่าบอกนะว่าคำทำนายของโหรมันเป็นจริงเนี่ย"

"โอ้...เจ้างดงามจริงๆไมยราพข้าอยากจะดูแลเจ้าจริงๆ"

"จะบ้าหรือตัวข้านั้นเป็นผู้ชายส่วนเจ้าก็เป็นผู้ชายอีกอย่างเจ้าก็มีเมียคือสุพรรณมัจฉาอย่าคิดว่าข้าไม่เห็นนะว่าเจ้ากับนางทำอะไรกันไว้"

"แสดงว่าเจ้าเห็นข้ากับนางทำเรื่องอย่างว่าลีลาข้าดีใช้ได้เจ้าไม่สนใจไหนหรือ"

"ก็บ้าแล้วไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย....ข้าเห็นเจ้าสั่งลากับนางสุพรรณมัจฉาแล้วเจ้ายังมาทำตัวเจ้าชู้กับข้าอีกข้ารับไม่ได้"

"น่าๆข้าสัญญาว่าจะมีเจ้าคนเดียวคนอื่นข้สจะไม่แลเหลียวเลย"

"จะให้ข้าเชื่อคำพูดของบุคคลที่เพิ่งทิ้งภรรยาอย่างเจ้าหรือ"

"เจ้าพูดเช่นนั้นก็หมายความว่าจะปฏิเสธความรักจากข้าแต่ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าไม่มีทาง"

"ไอ้หนุมานปล่อยกู...มึงถอดเสื้อกันทำมายยยยยยย"

เสียงกร่นด่ากลายเป็นเสียงแห่งความสุขสมในทันใดฝูงปลาในแถบนั้นแทบจะอ้วกให้กับทั้งคู่เพราะคลั่งรักกันซะเหลือเกิน

ย้อนกลับมาหาพระราม

"ข้าบอกให้เจ้าปล่อยข้าอย่างไรเล่าไม่ได้ยินรึ"

"ข้าไม่ปล่อยข้าสารภาพรักกับเจ้าไปแล้วเจ้าล่ะมีความรู้สึกอย่างไร"

"ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าปล่อยเดี๋ยวนี้"

"ให้ตายสิฟังแล้วเจ็บใจชะมัดนี่เจ้าลืมหมดสิ้นแล้วหรือว่าเพลงรักของเราก่อนนอนในวันนั้นความหวานของเพลงที่ข้ามอบให้เจ้าลืมมันไปหมดแล้วรึ"



โปรดเถิดดวงใจโปรดได้ฟังเพลงนี้ก่อน

อย่าด่วนหลับนอน อย่าด่วนทอดถอนฤทัย

จำเสียงของพี่ได้หรือเปล่า

จำเพลงรักเก่าเราได้ไหม

เคยฝากฝังไว้แนบในกลางใจนาง



ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพันแน่นหนัก

เคยฝากความรักว่าด้วยใจภักดิ์ไม่พราง

เสียงน้องออเซาะ ขอรักมั่น

รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง

ไม่อยากจะร้างห่างรักที่เริ่มลอง



แต่พออีกไม่นานนัก ความรักที่เคยหวานซึ้ง

เปลี่ยนจากหนึ่งกลับกลายเป็นสอง

ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง

อ้อมแขนที่เคยประคอง น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร



ดึกดื่นคืนนี้พี่คงเฝ้าคอยเหมือนก่อน

มิได้หลับนอน เฝ้าแต่ทอดถอนฤทัย

พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน

ดูช่างโหดร้าย ให้เราเฝ้าคร่ำครวญ




"ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้ายังคิดถึงข้าบ้างไหมเล่า" พระรามเอ่ยถามทศกัณฐ์หลังร้องเพลงจบ

"ไม่"

"ข้าต้องรู้สึกเยี่ยงไรกับคำตอบเจ้า"

"แล้วแต่เจ้าสิ"

"เจ้าคงหวังให้ข้าท้อถอยแล้วจากเจ้าไปสินะ"

"ก็ตามนั้นแหละ"

"ข้าไม่ใช่พวกที่จะท้อถอยเพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะจะบอกเจ้าให้ตราบใดที่สงครามยังคงดำเนินอยู่ข้าก็จะตามเกี้ยวเจ้าไปเรื่อยๆ"

"เจ้านี่มันตามตื๊อดีจริงๆ" ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพระรามมันจะขี้ตื๊อขนาดนี้กูจะรับมือมันยังไงล่ะทีนี้

"ข้าจะพิชิตใจเจ้าให้ได้"

"ฝันไปเถอะ"

"ทำหน้าแบบนั้นมันไม่ได้น่ากลัวหรอกนะมันดูน่าเอ็นดู"

"พูดมากน่ารำคาญบัดนี้หนุมานคงจะกำลังตามมาช่วยเจ้าข้าจะกลับไปกรุงลงกาแล้วพวกเจ้าก็เตรียมรับมือต่อได้เลยสงครามไม่จบง่ายๆหรอก"

"ข้าพร้อมรับมือทั้งสงครามและความรัก"

ทศกัณฐ์เหลือบตามองบนเมื่อได้ยินประโยคชวนอ๊วกของพระรามให้ตายสิคิดว่าในวรรณคดีประโยคหวานๆจากพระรามก็ชวนอ๊วกอยู่แล้วพอมาได้ยินจริงๆแทบจะรับไม่ได้ก่อนที่จะเหาะกลับไปยังกรุงลงกา

ด้านพระรามเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่อมยิ้มพลางคิดในใจว่านี่หรือพญายักษาที่น่าเกรงขามทำไมไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลยกลับน่าเอ็นดูซะอีก

ด้านไมยราพหลังจากตกเป็นเมียหนุมานเรียบร้อยแล้วความน่าเกรงขามก็หายไปเสียจนเหลือแต่เพียงความน่ารักใคร่น่าเอ็นดูจนหนุมานอดอมยิ้มไม่ได้เพลานี้เขากำลังจับจ้องมองดูหน้าตาของบุคคลที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆเขา

พญายักษ์ถูกจับจ้องจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะนิ้วมือที่เกี่ยวเส้นผมของตนเล่นอย่างนึกสนุก

"ทำอะไรของเจ้า"

"ข้าทำเจ้าตื่นหรือขอโทษนะ"

"ทำข้าเหนื่อยยังไม่พอยังจะมากวนข้าตอนหลับอีก"

"ก็เจ้าน่ารักน่าชังขนาดนี้ใครจะอดใจได้"

"คนเจ้าชู้อย่างเจ้าใครจะไปเชื่อ"

"ข้าเลิกเจ้าชู้เพราะเจ้าเลยนะเนี่ย"

"แผนการข้าคงจะไม่สำเร็จแล้วล่ะเจ้าไปพาตัวพระรามคืนเถิดป่านนี้ไม่ใช่ถูกท่านทศกัณฐ์ทำร้ายแล้วรึ"

"แต่ข้ายังอยากกอดเจ้าอยู่เลยไม่อยากไปไหนเลยอะ"

"เดี๋ยวเถอะตอนแรกจะมาทำร้ายข้าอยู่เลยทำไมตอนนี้อยากมาก่ายมากอด"

"ก็นั่นมันตอนแรกนี่นาตอนนี้ข้าอยากกอดเจ้า"

"ไว้ค่อยมาหาใหม่ก็ได้ตอนนี้ไปทำหน้าที่ทหารเอกของเจ้าเถิด"

"แต่ว่า...."

"หนุมาน...."

"รับทราบครับเมียจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ"

หนุมานจึงเหาะออกไปเพื่อไปพาพระรามกลับยังฐานทัพ

ให้ตายสินี่เราจะกลัวเมียเหมือนท่านน้าพาลีรึเนี่ยเสียชื่อวานรผู้มีอิทธิฤทธิ์เก่งกล้าหมดเลยเหาะมาได้ไม่นานก็พบพระรามที่ยืนอยู่บนยอดเขา

"องค์รามท่านยังปลอดภัยดีหรือไม่พะย่ะค่ะ"

"เราไม่เป็นไรดอกหนุมานเจ้าไม่ต้องห่วง"

"มันทำร้ายร่างกายพระองค์ไหมพะย่ะค่ะ"

"ทศกัณฐ์ไม่ได้ทำอะไรเราเลยแล้วเจ้ากับไมยราพล่ะเป็นเช่นไรเราทราบจากทศกัณฐ์ว่าไมยราพลักพาตัวเรามาคิดว่าเจ้ามาตามหาเราต้องเจอไมยราพเป็นแน่"

"เอ่อ...คือ...ว่าไม่มีอะไรหรอกพะย่ะค่ะคุยกันเข้าใจแล้ว"

"อย่างงั้นรึ"

"พะย่ะค่ะ"

"ถ้าอย่างงั้นเราก็กลับฐานทัพเถิดเดี๋ยวข้าศึกลักลอบมามันจะยาก"

"พะย่ะค่ะ"





ภารกิจสำเร็จ

+10000Xp

เอาวะอย่างน้อยภารกิจก็เสร็จสิ้นถึงจะไม่เป็นไปตามแผนสักเท่าไหร่ก็เถอะ

"เป็นอย่างไรบ้างท่านพี่แผนการสำเร็จดีหรือไม่" พิเภกเอ่ยถามทศกัณฐ์ที่นั่งทำหน้าตาหงุดหงิดอยู่บนบัลลังก์์

"สำเร็จอะไรล่ะไมยราพมันไปลักพาตัวพระรามมาข้าอุตส่าห์บอกแล้วให้ลักพาตัวพระลักษมณ์มาจัดการมันดันไปเอามาผิดตัวซะได้"

"ท่านแน่ใจหรือว่าเรื่องที่ทำให้ท่านหงุดหงิดคือเรื่องนี้"

"เห้อ..เจ้านี่มันช่างรู้ทันข้าไปหมดจริงๆ"

"ข้าตรวจดวงชะตาท่านนี่นาไม่รู้สิแปลก"

"มันก็เป็นดังที่เจ้าบอกข้าวันนั้นแหละ"

"พระรามสารภาพรักกับท่านรึ"

"อืม..."

"ข้าว่าแล้วว่าการตรวจดวงชะตาของข้าไม่น่าพลาดเนื้อคู่ของท่านคือพระรามอย่างแน่แท้"

"แต่ทำไมต้องเป็นพระรามด้วยข้าดูแล้วก็ไม่น่าจะมาเป็นเนื้อคู่กันได้เลยสักนิด"

"บางครั้งเรื่องโชคชะตามันก็ยากเกินกว่าจะคาดเดานะท่านพี่"

"แล้วจะมีวิธีใดที่จะทำให้พระรามเลิกรักข้า"

"เห็นทีจะยากอันโชคชะตาฟ้าลิขิตไปทำทั้งสองได้เป็นคู่ครองกันแล้วจะฝืนก็คงเป็นไปไม่ได้"

"บ้าจริง"

"ท่านจะบอกว่าท่านไม่ได้รักพระรามเลยอย่างนั้นรึโกหกคนอื่นท่านอาจจะโกหกได้แต่โกหกตัวเองท่านไม่สามารถโกหกได้หรอกนะ"

"เอ่อ...ข้า..."

"ช่างมันเถอะท่านคงลำบากใจในการตอบบัดนี้ไมยราพก็ทำตามแผนไม่สำเร็จนั่นหมายความว่าสงครามจะยังดำเนินต่อไปกองทัพพระรามคงเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้กรุงลงกาท่านควรหาวิธีรับมือได้แล้วนะ"

"เป็นดังที่เจ้าพูดจะมียักษ์ตนใดที่จะพอรับมือพวกมันได้ฤทธิ์เดขพวกมันก็มากซะเหลือเกิน"

"ข้าคิดว่าคงต้องหายักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลมาสู้รบกับพวกมันก็จะเป็นการดี"

"เป็นความคิดที่ดีถ้าเช่นนั้นคงต้องไหว้วานกุมภกรรณแล้วล่ะ"

"ข้าจะไปตามท่านพี่กุมภกรรณ¹มาพบท่าน"





"พิเภกไปตามข้ามาบอกว่าท่านอยากพบข้ามีอะไรรึท่านพี่"

"ไมยราพดำเนินแผนการไม่สำเร็จข้าเกรงว่าพวกมันจะยกทัพมาประชิดติดเมืองเราในเร็วๆนี้ข้าจึงอยากให้เจ้าออกไปจัดการกับพวกมัน"

"ข้ามีความเห็นว่าพวกมันต้องการนางสีดาท่านพี่ก็ควรคืนนางสีดาไปมันก็คงจะจบสงครามในครั้งนี้"

"ข้ามีเหตุผลของข้าไม่สามารถคืนให้พวกมันได้ดอกเจ้าจงทำตามคำสั่งข้าเถิดอย่าปฏิเสธเลย"

"ถ้าท่านพี่ต้องการเช่นนั้นข้าก็จะจัดการให้"

"ว่าแต่กุมภกรรณเจ้ามีหอกโมกขศักดิ์อยู่ไม่ใช่รึหอกนั้นมีฤทธานุภาพอะไรจงบอกข้ามา"

"อันหอกโมกขศักดิ์ของข้านั้นเป็นอาวุธที่วิเศษมากหากปรารถนาใช้ในทางรบก็ดีเยี่ยมจะใช้ในทางรักก็ไม่ขัดสน"

"ทางรักอย่างนั้นหรือหมายความว่าไง"

"ตัวผู้ใดที่ถูกหอกอันนี้แทงเข้าไปจะมีจิตใจที่รักใคร่ชื่อของคนที่สลักไว้ในหอกซึ่งหากมีผู้ใดมาดึงออกผู้ที่ดึงออกนั้นจะมีลบล้างความพิศวาสของคนที่ต้องหอกทั้งนี้ผู้ที่มาดึงจะต้องไม่พิศวาสรักใคร่ในตัวผู้ที่มีชื่อสลักในหอกมิฉะนั้นเขาจะรักใคร่มากกว่าเดิม"

"ช่างเป็นหอกที่วิเศษจริงๆข้าต้องการให้เจ้านำไปปาใส่พระรามเมื่อใดที่พระลักษมณ์ดึงออกมันจะได้ไม่มาพิศวาสข้าอีก"

"พระรามเนี่ยนะจะพิศวาสในตัวท่านพี่"

"ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะพิเภกทำนายดวงชะตาข้าไว้อย่างชัดเจน"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องเร่งดำเนินการหากพระรามรักท่านจริงๆเห็นทีตระกูลยักษ์เราคงรับไม่ได้เป็นแน่"

"นั่นแหละข้าจึงต้องการให้เจ้ารีบเร่งดำเนินการในเร็ววัน"



ณ เขาไกรลาส

"พระอินทร์หมู่นี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเยอะเหมือนกันนะ" พระอิศวรกล่าวพูดขึ้นมาในขณะที่เพ่งจิตลงไปดูโลกมนุษย์

"เรื่องอันใดหรือพะย่ะค่ะ"

"ก็จะเรื่องอะไรเล่านอกเสียจากพระราชโอรสของท้าวชนกเกิดความรักกับทศกัณฐ์เจ้าแห่งลงกาเจ้าจะไม่ให้มันแปลกได้เยี่ยงไรทั้งยังเป็นบุรุษทั้งคู่อีกข้ารับไม่ได้จริงๆ"

"โถ่...ท่านอิศวรตอนนี้บุรุษรักบุรุษหรือสตรีรักสตรีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่แล้ว"

"แต่ข้าก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีคอยดูนะหากสองผู้นั้นเกิดรักใคร่ชอบพอกันเมื่อไหร่ข้าจะขัดขวางไม่ให้รักกันให้จงได้"

"ไม่มีใครขัดขวางความรักผู้อื่นได้อย่างยั่งยืนหรอกนะพะย่ะค่ะขึ้นชื่อว่ารักแท้มันมิแพ้สิ่งใดดอก"

"เจ้าคอยดูก็แล้วกัน"

"หากถึงวันที่ท่านทำเช่นนั้นข้าก็คงไม่ยืนดูท่านทำเฉยๆหรอกต้องขัดขวางท่านอย่างแน่นอน"

"ถ้าคิดว่าเจ้าทำได้ก็ลองดู"

________________________________



"พี่รามเป็นอะไรหรือเปล่าข้าเห็นท่านยิ้มมานานแล้วนะอย่าบอกข้าว่าไปเจอสตรีที่ไหนมาล่ะ"

"เขาไม่ใช่สตรีที่ไหนหรอกเพียงแต่เขางดงามมากจนมิมีผู้ใดมาเทียบได้"

"ข้าชักอยากเห็นแล้วสิผู้ที่มาทำให้พี่ข้าลุ่มหลงปานนี้"

"เดี๋ยวเจ้าก็รู้ว่าคือใคร"

อันที่จริงโหรก็เคยทำนายไว้ชัดแจ้งแล้วว่าพระรามจะเจอเนื้อคู่ในเร็วๆนี้ซึ่งสิ่งที่บ่งบอกว่าผู้ใดเป็นเนื้อคู่ของเขานั้นก็ไม่ยากเลยเพียงแค่พบหน้าใครแล้วเกิดความพิศวาสในใจเท่านั้นแหละก็ยืนยันได้เลยว่าบุคคลนั้นคือเนื้อคู่แน่แท้ซึ่งแน่นอนบุคคลที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลเลยแต่เป็นทศกัณฐ์พญายักษ์ผู้กำลังทำสงครามกับเขาอยู่ในตอนนี้นั่นเองและดูเหมือนว่าจะค่อนข้างดื้อรั้นไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองซะด้วยสิแต่ไม่เป็นไรยิ่งยากพระรามยิ่งชอบ...

ไม่นานดอก...เจ้าเป็นของข้าแน่

ทศกัณฐ์....







_____________________________________

1.กุมภกรรณ=เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา มีศักดิ์เป็นน้องแท้ ๆ ของทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว มีอาวุธร้ายประจำกายคือหอกโมกขศักดิ์ที่ฝากไว้กับพระพรหม เหตุที่ชื่อกุมภกรรณ (หูหม้อ) นั้นเพราะมีร่างกายใหญ่โตมาก สามารถเอาหม้อใส่ใบหูได้

กุมภกรรณเป็นยักษ์ที่ตั้งมั่นในศีลธรรม แต่ต้องออกรบช่วยทศกัณฐ์เพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง กุมภกรรณได้แสดงความสามารถในการรบจนทำให้ทัพพระรามเดือดร้อนอยู่หลายครั้ง ได้แก่ วางอุบายลวงสุครีพถอนต้นรัง ทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ แต่ถูกหนุมานและองคตทำลายพิธี รบกับพระลักษมณ์และพุ่งหอกโมกขศักดิ์ถูกพระลักษมณ์จนเกือบสิ้นชีวิต ทำพิธีทดน้ำให้กองทัพพระรามอดน้ำตาย ถูกหนุมานทำลายพิธี สุดท้ายกุมภกรรณสู้รบกับพระราม เพลี่ยงพล้ำถูกศรพระรามฆ่าตาย

กุมภกรรณในรามายณะ ก็เป็นคนซื่อสัตย์เที่ยงธรรมคล้ายกุมภกรรณในรามเกียรติ์ แต่ในรามายณะ กุมภกรรณได้เคยขอพรพระพรหมให้ตนเองมีสภาพคล้ายพระวิษณุ คือนอนหลับอยู่เป็นเวลานานจึงตื่นเพียงวันเดียว และหยั่งรู้ความเป็นไปของโลกในการนอนหลับนั้น ดังนั้นเมื่อทศกัณฐ์ปลุกกุมภกรรณให้ไปรบกับพระนารายณ์นั้น กุมภกรรณย่อมรู้ว่าพระรามนั้นที่แท้คือพระวิษณุและตนไม่มีทางรบชนะเด็ดขาด แต่ด้วยหน้าที่ของการเป็นทหาร กุมภกรรณยังคงตัดสินใจไปรบโดยทูลทศกัณฐ์ว่า ถ้าตนตายในการรบก็ขอให้ทศกัณฐ์ยอมแพ้เสีย เพราะถ้าตนรบชนะไม่ได้ก็ย่อมไม่มีใครในลงการบชนะพระรามได้