❣︎ เหนือฟองคลื่น ❣︎ Ch.00
เขาคนนั้นชื่อเหนือ หรือคนส่วนใหญ่เรียกว่าเฮียเหนือ
เขาคนนั้นอยู่ปีสามและเป็นเฮดว้ากที่น้องปีหนึ่งหวาดกลัว
เขาคนนั่นเป็นหน้าตาดีจัดได้ว่าหล่อจนไม่สามารถละสายตาได้ แต่ใครๆ ก็บอกว่าเขาน่ากลัว เพราะตาเขาดุ
ตัวเขาสูงใหญ่
เขาคนนั้นเป็นคนนิ่งๆ แต่บ้างครั้งใจร้อนหัวร้อนไม่ฟังใคร
เขาคนนั้นมักมีบาดแผลประดับบนใบหน้าหล่อๆ นั้นแทบทุกวัน
เขาคนนั้นชอบกินกระเพราะหมูสับไข่ดาวพร้อมน้ำกระเจี๊ยบเป็นมื้อเที่ยง
และเขาคนนั้น
คือคนที่ผมแอบชอบ
"เชี่ยฟอง เบามึงเบา เดี๋ยวเมาตายห่า"กาวที่นั่งข้างๆ มันพูดขึ้นพลางเอื้อมมือมาหยุดมือที่กำลังเทน้ำสีอำพันลงแก้วอย่างไม่ยั้ง
"กูไม่เมา"ไอ้เพื่อนรักหรี่ตาแล้วก็แย่งขวดแก้วในมือไป ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมา
"มึงเมาไอ้ฟอง"
"..."ผมเลือกที่จะหยุดเถียงแล้วหยิบเอาขวดโซดามาเทผสมกับเหล้า สายตาจับจ้องฟองฟู่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมหยิบเอาที่คีบน้ำแข็งมาคนผสมน้ำเมาในแก้ว
"อ่ะ"
"ให้กู"
"อือ หมดแก้ว"
"ไอ้ฉิบหาย"ผมขำเมื่อเพื่อนมันด่าแต่ก็ยอมเอื้อมมาเอาแก้วเหล้าไปแล้วกระดกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ผมวาดยิ้มชอบใจแล้วจัดการเอาแก้วคืนมาแล้วผสมน้ำเมาแบบเดิมอีกรอบก่อนจะยกกระดกขึ้นดื่มเองจนหมดแก้วเช่นกัน
"เมาตายห่าพวกเรา"ไอ้กาวว่างทิ้งตัวนั่งพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาลง ส่วนผมก็ละสายตาจากใบหน้าของเพื่อนแล้วเลื่อนสายตาไปจับจ้องโต๊ะใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
เขาคนนั้นนั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะ
เขาคนนั้นที่กำลังพูดคุยพลางกระดมเครื่องดื่มมึนเมาขึ้นดื่มเป็นระยะ
ตาคมๆ ดุๆ ของเขาคนนั้นกวาดมองรอบๆ ร้านก่อนที่เราสองคนจะสบสายตากัน
เพียงชั่วขณะหนึ่ง
ผมเสสายตาเลื่อนไปมองทางอื่นพลางหยิบเอาแก้วเหล้าขึ้นมายกขึ้นดื่มไปพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นระรัวจากการที่ได้สบตากันเมื่อครู่
ผมแก้อาการเก้อเขินของตัวเองด้วยการผสมเครื่องดื่มแล้วยกขึ้นดื่มรัวๆ จนภาพเบื้องหน้าโครงเครงสีสันไหววูบไปมา
ผมเอนหลังพิงโซฟาพลางหันมอง ณ. ต่ำแหน่งที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้านั่งคลอเคลียเขาอยู่ข้างๆ
ผม...อิจฉาเธอคนนั้น
ผมอยากให้ที่ข้างๆ เขาเป็นของผม
ผมอยากเป็นคนที่นั่งข้างๆ เขา
"จะไปไหน"กาวเอ่ยทักเมื่อผมยันตัวลุกขึ้นยืน ผมไม่ได้ตอบเพียงแค่ขยับเดินโซเซไปยังเป้าหมาย ยิ่งเดินเข้าใกล้หัวใจผมก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นแข่งกับจังหวะของเพลงบีทส์หนักที่ทางร้านกำลังเปิด
ผมเดินมาถึงที่โต๊ะของเขา ยืนจังก้าอยู่หัวโต๊ะ เสียงพูดคุยในโต๊ะเงียบลงก่อนพวกเขาทั้งหมดจะหันมามองผม
"มีอะไรครับ"ใครสักคนถาม แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะตอนนี้ผมกับกำลังยืนมองหน้าเขาใกล้ๆ คิ้วหนา ตาดุๆ สันจมูกโด่งๆ ริมฝีปากหยักน่าสัมผัส
"เฮ้ย...!"
เร็วกว่าสมองสองมือผมกับก็คว้าเข้าที่คอเสื้อของเขาก่อนจะโน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากบนกลีบปากของเขาคนนั้น
กลิ่นมิ้นท์ บุหรี่นอกที่เขาชอบสูบ
ตาเราสองคนมองประสานกันเพียงชั่วขณะก่อนที่ร่างของผมจะถูกกระชากออก
"ขอโทษครับๆ เพื่อนผมเมามาก พี่อย่าถือสามันเลยนะครับ ผมขอโทษแทนมันจริงๆ ครับ"
ผมน่ะหรอเมา
ผมเปล่าซะหน่อย
ผมถูกเพื่อนลากออกมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะโดนไอ้กาวยัดใส่เบาะหลังรถนิสันมาร์ชสีส้มจืดคันโปรดของมัน
"ตายแน่มึง ไอ้เหี้ยฟอง มึงตายแน่"
"..."
"ฉิบหายแน่ๆ มึง"
"..."ผมไม่ได้โต้ตอบนอกจากทิ้งตัวนอนราบกับเบาะหลัง พลางหลับตาลงซึมซับความอุ่นจางๆ ที่ริมฝีปาก
มันอุ่นจนร้อน
ร้อนไปทั้งหน้าลามไปถึงหู
แถมหัวใจผมก็เต้นตึกตักไม่หยุด
และสุดท้ายผมก็ยิ้ม
คืนนี้ผมมีความสุขจัง
.
"อื้อออ ปวดหัว"ผมร้องเมื่อรู้สึกตัวจากแสงอาทิตย์ที่ส่องมาแยงตา พลางคว้านมือหาโทรศัพท์แล้วหรี่ตาขึ้นมองเวลาพบว่าตอนนี้มันเกือบจะสองโมงแล้ว
และผมมีเรียนตอนบ่ายสองโมงครึ่ง
ผมนอนแน่นิ่งตั้งสติก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ห้องทั้งห้องว่างเปล่าไร้รูมเมทอย่างไอ้กาวมันน่าจะออกไปเรียนคลาสเช้าแล้วยังไม่กลับมา ผมยกมือขึ้นนวดๆ ตรงขมับก่อนจะลุกขึ้นเดินโซเซไปยังห้องน้ำ
หลังอาบน้ำแต่งตัวผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อยแต่อาการปวดหัวยังไม่หายไป กวาดตามองไปยังหลังตู้เย็นก็เห็นมีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก้เหี่ยวๆ วางอยู่ก็คงเป็นฝีมือไอ้กาวเพื่อนรัก
ผมกินมื้อเช้าพร้อมกับมื้อเที่ยงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกจากห้องเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันบ่ายสองสิบห้าเข้าไปแล้ว
ผมอาศัยวินเจ้าประจำที่โทรเรียกให้มารับและใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่ผมจะมายืนปวดหัวตึบตั๊บอยู่หน้าคณะ
ให้ตายเถอะ
นี่เมื่อคืนผมเมามากขนาดไหนกันนะ
"มึง"ผมเรียกเพื่อนพลางทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะแลคเชอร์ตัวเล็ก ก่อนจะทิ้งหัวลงบนโต๊ะเมื่อรู้สึกหนักหัวแบบไม่ไหวแล้ว
"สภาพเหี้ยมาก"
"ตื่นมาเรียนไหวก็บุญแล้วกู"ผมตอบกลับพลางหลับตาลงเพื่อปรับจูนสมองระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอน
"เมื่อคืนกูเมาหนักเลยหรอวะ"
"นี่มึงจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"
"เหอะ"
"..."
"นั้นแหละคำตอบ เมาจนถึงจำอะไรไม่ได้เลยเนี่ย มันหนักมั้ยละ"
บทสนทนาของเราจบลงเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งดีๆ พลางตั้งใจฟังอาจารย์ที่กำลังกรอกบนเรียนที่แสนน่าเบื่อจนผมแทบจะหลับไปอีกรอบ
วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วกว่าเวลาเดิมครึ่งชั่วโมงเหตุเพราะเด็กปีหนึ่งของคณะวิศวะจะต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมอะไรสักอย่างของคณะและตอนนี้ก็มีรุ่นพี่กลุ่มใหญ่ทยอยเดินเข้ามาในห้องหลังจากอาจารย์เดินออกไป
"ใครที่ไม่ได้เรียนคณะวิศวะปีหนึ่งรบกวนออกจากห้องด้วยครับ"เนื่องจากมันเป็นรหัสวิชาบังคับของเด็กวิศวะปีหนึ่งแต่เป็นรหัสวิชาเลือกเสรีสำหรับคณะอื่น จึงไม่แปลกที่จะมีเด็กจากหลายคณะและหลายชั้นปี
ไม่รอช้า รีบกวาดข้าวของลงกระเป๋าเมื่อถูกสายตากดดันจากกลุ่มพี่ว้ากหน้าห้อง ก่อนจะพากันเดินตัวลีบออกมาจากห้องพร้อมกับไอ้กาว และคนอื่นๆ
"ทำไมโหดกันจังวะ"ผมไม่ได้ตอบเมื่อสายตาไปสะดุดกับกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงบันได
"เชี่ย"ผมหันไปมองไอ้กาวมันทำหน้าแตกตื่นหันซ้ายขวาเลิ่กลั่กก่อนจะจูงมือผมเพื่อเดินเลี่ยงไปทางอื่น
"จะไปไหน"
"ไปลงฝั่งโน้นกัน"ผมขมวดคิ้วก่อนจะดึงเพื่อนให้เดินตามมาด้วยกัน โดยไอ้กาวมันฝืนตัวเล็กน้อยแต่เมื่อสู้แรงไม่ได้มันก็เดินตัวลีบหลบหลังผมมา
"เป็นอะไร"
"เปล่า ช่างเถอะ เรารีบลงไปเหอะ"เพราะมัวแต่เถียงกันตอนนี้จึงเหลือแต่กลุ่มพี่ว้ากปีสามที่ผมจำหน้าได้เพราะเขาเป็นเพื่อนกับเขาคนนั้น กับพวกผมสองคน
"อ้าว นี่คนเมื่อคืนป่ะวะ"เสียงของคนที่ยืนพิงราวบันไดว่าเมื่อหันมาเห็นผมก่อนคนทั้งกลุ่มจะหันมามองแล้วความเงียบก็เข้าครอบงำพื้นที่ตรงนั้นพร้อมกับผมที่กลายเป็นเป้าสายตา ผมมองกลุ่มคนที่ยืนขวางทางก่อนจะลอบมองเขาคนนั้นที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ขั้นบันไดด้านล่าง
เราสองคนก็สบตากัน แต่ครั้งนี้ผมกับรู้สึกว่าสายตาดุๆ ของเขามันไม่ได้เมินเฉยเหมือนทุกทีแต่ตาคมคู่นั้นที่มองมาเหมือนกำลังจะตำหนิผมอยู่
"มึง ไปสิ"ไอ้กาวสะกิดไหล่พลางออกแรงดันหลังให้ผมเดิน ระหว่างลงบันไดผมรู้สึกว่าเวลารอบตัวมันหยุดหมุน ไร้เสียงรบกวนใดๆ มีเพียงแค่เสียงรองเท้ากระทบพื้นกับเสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้น ยิ่งผมเดินลงบันไดขั้นแล้วขั้นเล่าก็ยิ่งเข้าใกล้เขาคนนั่นไปทุกขณะ จนกลิ่นบุหรี่จางๆ มันลอยมาจากตัวเขา
กลิ่นบุหรี่มันก็ไม่ได้หอมหรอก แต่เพราะมันเป็นกลิ่นของเขานั้นแหละ
ผมดึงสายตามามองขั้นบันไดพลางสะกดจิตตัวเองไม่ให้เงยหน้าสบตามองใครคนนั้นที่ผมกำลังจะเดินผ่าน
"หึ"
ผมชะงักเมื่อเขาส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาจนผมเผลอเงยหน้ามองใบหน้าหล่อๆ ของเขา
และเราก็สบตากันอีกครั้ง
เป็นการสบตาตรงๆ ใกล้ๆ ครั้งแรกเท่าที่ผมจำได้
ผมอาศัยเวลาเพียงชั่ววินาทีจดจำรายละเอียดบนใบหน้าของเขาก่อนจะดึงไปสายมองไปที่อื่นแล้วก้าวเดินออกมา
"ไอ้เหี้ย เมื่อกี้กูนึกว่าจะตายห่าแล้ว แม่งโคตรน่ากลัวคนอะไรหน้าดุฉิบหาย"ไอ้กาวบ่นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนใต้ตึกเรียนรวม ผมหน้ามองมันก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
"ทำไมพวกพี่เขามองเราแบบนั้นล่ะ"
"ไม่ใช่เรา แค่มึง"
"กู?"
"เออ"
"เพราะอะไรอ่ะ"ไอ้กาวเหลือบสายตามามองก่อนจะถอนหายใจออกมา มันบ่นพึมพำก่อนจะปล่อยเบลอคำถามของผมไป
เมื่อเพื่อนไม่ให้คำตอบผมก็เลิกเซ้าซี้ เราสองคนต่างอยู่ในโลกของใครของมัน จนสักพักกลุ่มของเด็กปีหนึ่งคณะวิศวะก็เดินเรียงแถวลงมาโดยมีปีสองเดินคุมอยู่ด้านข้างและปีสามเดินรั้งท้ายแถว
ผมลอบมองคนที่เดินเอามือไขว้หลัง อกผ่ายไหล่ผึ่งอยู่หลังสุดก่อนจะยกมือถือขึ้นมาพร้อมเปิดกล้องโทรศัพท์แล้วกดรัวบันทึกภาพของเขาคนนั้นเอาไว้
!
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เขาก็หันมามองทางผม ไอ้ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็เก็บโทรศัพท์ไม่ทันเลยแสร้งทำเป็นนั่งเอาศอกเท้าโต๊ะหินอ่อนทำเป็นเล่นโทรศัพท์เนียนๆ ไป
แชะ
ผมบันทึกภาพสุดท้ายก่อนจะกดเข้าไปเช็ครูปในอัลบั้ม แล้วอดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มออกมา
เขาคนนั้นดูดีมากเลย
สีหน้า ท่าทาง
ผมละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ
.
------------------
ฝากเอ็นดูน้องคนนี้กับพี่คนนั้นด้วยนะคะ