พิมพ์หน้านี้ - ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: 11:11 ที่ 22-12-2019 15:48:22

หัวข้อ: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 22-12-2019 15:48:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************




สวัสดีพี่น้องชาวเล้าเป็ดทุกท่านค่ะ

    สิบเอ็ดอยู่กับเล้าเป็ดมาเนิ่นนานตั้งแต่วัยเรียนยันทำงานเลย เหงา เศร้า อกหัก หรือเบื่อก็จะเข้ามาเล้าเป็ดแห่งนี้ ที่ที่มอบความสุข ความฟิน และความนอยด์(นิยายเศร้า) ให้กับสิบเอ็ด รัก...ค่ะ

     'ฤกษ์มงคล' เป็นเรื่องแรกที่ได้เขียน และแอบหวังว่าจะช่วยสร้างความสุขเล็กๆให้กับนักอ่าน คำวิจารณ์ สิบเอ็ดยินดีรับฟังและนำไปแก้ไขค่ะ

     ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่าน เมื่อกดเข้ามาอ่านแล้วบางท่านอาจชอบหรือบางท่านไม่ชอบ สิบเอ็ดก็ขอขอบคุณนะคะที่เปิดใจกับ 'เจ้าฤกษ์' ของเรา

     และสุดท้ายนี้สิบเอ็ดพึ่งได้รู้ซึ้งถึงการคอมเม้นท์ค่ะ แค่เพียงเห็นหนึ่งคอมเม้นท์ก็ทำให้นักเขียนคนนี้ถึงกับใจเต้นรัว❤❤ ไม่เว่อร์เลยนะคะ ตื่นเต้นมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีคนมาเม้นท์ให้ สิ่งนี้เป็นกำลังใจอย่างดีเลยค่ะที่ทำให้อยากจะเขียนต่อ ส่วนนักอ่านแบบเงียบที่ไม่ได้คอมเม้นท์อะไรยังไงสิบเอ็ดก็ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน เพราะอย่างน้อยยอดวิวนักอ่านที่ขึ้นทำให้สิบเอ็ดดีใจค่ะ มีคนแวะมาหา เจ้าฤกษ์จะได้ไม่เหงาเน๊อะ❤❤

จะพยายามมาต่อเรื่อยๆนะคะ


11:11
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 22-12-2019 16:13:04
1… คนแปลกหน้า









กริ๊งงงงงงงงงง~~



กริ๊งงงงงงงงงง~~




"อืมมม...เสียงนี้อีกแล้ว" ก้อนกลมๆที่อยู่บนเตียงบ่นพึมพำ



กริ๊งงงงงงงงงง~~



ปัง!!


     ประตูห้องนอนถูกเปิดอย่างแรงด้วยความเคยชิน โดยร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดออกกำลังกาย กางเกงวอร์มขายาวสีเทาเข้มกับเสื้อสีดำเนื้อผ้าระบายอากาศแขนกุด ขายาวแข็งแรงก้าวเข้ามาในห้องด้วยความเคยชิน คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อคมขมวดเข้าหากัน พลางส่ายหน้า บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์กับภาพตรงหน้า


     แขนยาวเพียบพร้อมไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนแข็งแรงที่ออกกำลังเป็นประจำ เอื้อมมือจับผ้าห่มและกระชากออกอย่างออมแรง!? ถึงอย่างนั้นร่างบนที่นอนก็ปลิวตกลงมาข้างเตียงขนาด3.5ฟุต พร้อมผ้าห่มอยู่ดี


"โอ้ยยยย ไอ้เทียน!! กวนอะไรแต่เช้า" ผมหันไปตวาดน้องชายอย่างหงุดหงิด หลายทีแล้วนะโว้ย ที่ต้องลงมากองกับพื้นอย่างนี้เนี่ย!!


" วันนี้วันอังคารที่xx ถ้าไม่ไปมหาลัยก็ลงมาทำงานข้างล่าง วันนี้พี่ใบบุญไม่มาท้องเสีย"


     ผมนั่งฟังเสียงเย็นๆไร้อารมณ์แต่การกระทำไม่เย็นตามอย่างงัวเงีย เอามือถ่างตาขึ้นเพื่อเปิดรับโฟกัสว่าน้องมันยืนบ่นอยู่ตรงไหน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ตีสาม กว่าจะทำงานเสร็จ เพราะดันมีงานสั่งทำไซส์ใหญ่พิเศษกว่ามาตรฐาน


     หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างๆยังแปดโมงเช้าอยู่เลย ร้านเปิดเก้าโมงนี่หว่า ไอ้น้องชายหน้าโหดปกติต้องเลยเก้าโมงดิถึงขึ้นมาว้ากได้ แต่เอ๊ะ! วันอังคารที่xx....!!?


"เชี้ยยยยย!! วันนี้เปิดเทอมมมมมม"
















"ไม่!!"
 
     ผมแทบสะดุ้งกับคำว่า'ไม่'ของน้องชายหน้าโหด ที่โดนผมบังคับให้แว้นบิ๊กไบค์ทรงคลาสสิคลูกรักของน้องที่มันบอกว่าได้มาจากเงินถูกหวยมาส่ง หน้าตาก็โคตรจะหล่อแต่ไร้อารมณ์ฉิบหาย จะเบื่อโลกไปไหน


"มันไกลนะเว้ยจากหน้ามหาลัยไปคณะพี่อ่ะ น้าาาา ไปส่งหน่อย" นี่กูพี่มึงนะ


"ไม่!! ลงจากรถได้ล่ะ มีงานมีการรออยู่บ้าน" เทียนหันมาว้ากใส่ผมที่นั่งมึนอยู่ด้านหลัง


"ไหนๆก็มาส่งแล้วก็ขับไปอีกนิดดิวะเทียน คณะพี่อยู่ตึกสุดท้ายของม. เลยนะ ติดกำแพงหลังสุดเลยนะเว้ย!"


"...."


"สาวมหาลัยสวยนะ หุ่นงี้อย่างแจ่ม สนมะๆ พี่อนุญาตให้มีแฟนได้นะ แต่ต้องป้องกัน ตอนนี้เรายังเด็กอยู่แล้วก็อย่..."


"ฤกษ์รีบลง"


"เรียกพี่ดิวะ นี่กูพี่มึงนะ เรียกชื่อเฉยๆได้ไง บอกกี่ครั้งแล....เทียน!!! ไม่เอา ไม่ลง ไอ้เที๊ยนนน"


     ไอ้น้องหน้าโหดไม่พูดเปล่า มันก้าวลงจากรถแล้วกระชากผมแทบหัวทิ่ม ออกมาจากเบาะรถมันอย่างง่ายดายพร้อมกับยัดถุงผ้าเล็กๆใส่มือผม หลงเหลือแค่เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ ที่เบาบางลงตามระยะทางที่ขับห่างออกไป


     รวดเร็วฉับไวรีบเหมือนควายหาย โรงเรียนก็เปิดตั้งอาทิตย์หน้า ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา ทีบอกให้มาส่งหน่อยเรียกแล้วเรียกอีก ไม่อยากมาส่งก็แทนที่จะให้ขับมาเอง ก็บอกว่าขับได้ๆไม่รู้จะห้ามอะไรนักหนา แค่สอบใบขับขี่สามครั้งไม่ผ่าน ครั้งที่สี่อาจจะผ่านก็ได้


     ไอ้น้องเวร!! ผมบ่นหงุงหงิงๆ ด่าลม ด่าฟ้า ด่าต้นไม้ไปเรื่อย ยกถุงผ้ามาเปิดออกดู มีกล่องแซนวิซกับนมกล่องใหญ่อีกหนึ่ง เห็นแบบนั้นผมถึงกับยิ้ม ไอ้น้องชายนี่!! จะด่าก็ด่าไม่ลง เห้อออ


     ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแปดโมงสี่สิบ... มีเรียนตอนเก้าโมง เปิดเทอมวันแรกก็สบายๆ นั่นแหละ แต่ที่รีบตาลีตาเหลือกมาขนาดนี้ก็ดันมีนัดประชุมรุ่นพี่ เกี่ยวกับน้องๆ ปีหนึ่งหน้าใหม่แกะกล่องนี่ล่ะ ไอ้ผมจะไม่อะไรเลยถ้าไอ้เพื่อนซี้มันไม่เป็นประธานรุ่นและสายรหัสผมไม่ใช่พี่ว้าก และผมคนนี้ไม่โดนบังคับให้มาช่วยงาน นัดประชุมแปดโมง นี่ก็เลยมาครึ่งชั่วโมงกว่าล่ะไหนๆ ก็สาย ผมเลยหยิบแซนวิซขึ้นมากินซะเลย เดินไป กินไป รถรางผ่านไม่ขึ้นแม่งล่ะ ชิลล์ๆ ไอ้เทียนทำอร่อยเหมือนเดิมไส้งี้ทะลัก



"ฤกษ์!! "


"เชี้ยยยยย" ผมสะดุ้งโหยง กล่องแซนวิซเกือบหลุดมือ เมื่อไอ้ดาวคณะศิลปกรรรมโผล่พรวดออกมาข้างทาง


"ด่าคนสวยเป็นหมันนะมึง"


"ตรรกะไรของมึงลำไย ด่าแล้วเป็นหมัน ใครให้มึงโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ ที่อื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่อยู่ ไปทำอะไรในนั้นวะ?"


"เหรียญสิบกูหล่นกลิ้งเข้าไปในนั้นอ่ะดิ เอ๊ะๆๆ นั่นแซนวิซแฟนกูใช่ไหม? เอามานี่ๆ" ที่ลำไยรู้ว่าทำไมเป็นแซนวิซทำเอง เพราะกล่องที่ใส่แซนวิซเป็นกล่องที่ผมใช้ประจำ


"ของกูเหอะ แล้วน้องกูไปเป็นแฟนมึงตอนไหนอย่ามามโน น้องกูเสียหายนะเว้ย ลำไยยยยย  ไอ้สวยวอดวาย แซนวิซกู!!" สุดท้ายแซนวิซของผมก็ย้ายสำมโนครัวไปอยู่ในมือและในปากไอ้ลำไยดาวคณะหน้าสวยแต่นิสัยหยาบเรียบร้อย


"ผัวกูทำอร่อยเหมือนเดิม"


"น้องกูพึ่ง ม.6เอง ปล่อยเด็กมันไปเจอสิ่งที่ดีกว่านี้เหอะ"


"กูนี่แหละสิ่งดีๆ ขอแค่น้องมึงบอกมาว่าต้องการสิ่งใดกูเปย์ไม่อั้น อยากได้รถกูให้ขนม อยากได้บ้านกูจะเลี้ยงหนัง อยากได้ทองกูเลี้ยงชาบู แต่ถ้าอยากได้ผู้หญิงมาเอากูเถอะ" หมด...หมดกันเศษแซนวิซกระเด็นใส่หน้ากูหมดแล้วเนี่ย!!


"เอ๊ะ! นั่น! เฮ้ย!! หมอเทวดา"


"ไหนหมา หมาไร" ผมที่กำลังเอื้อมไปแย่งแซนวิซอย่างตั้งอกตั้งใจพลันสะดุ้งกับเสียงแตกตื่นของคนข้างๆ


"หมอต่างหากเว้ย หมอราล์ฟ มึ๊งงงง นี่มันเทวดาเดินดินชัดๆ" ผมหันไปมองตามนิ้วของลำไยนิสัยหยาบที่ชี้ไปทางตึกคณะเเพทย์ แต่เห็นแค่หลังไวๆ ก็เลยไม่รู้ว่าไอ้เทวดาเดินดินมันหน้าตาเป็นยังไง


"ใครวะ หมอราฟ ย่อมาจากยีราฟงี้เหรอวะ"


"ราล์ฟ! ร.เรือ สระอา. ล.ลิงการันต์ ฟ.ฟันย่ะ!! เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี หน้านี่ฝรั่งจ๋ามากแต่มองดีๆบางครั้งก็คมเข้มเหมือนคนไทยบ่าวใต้เลยมึ๊ง ได้ข่าววงในว่าเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพล ตระ 'กูลสิงห์เวคิน'อ่ะ ตระกูลนี้เป็นแหล่งขุมทรัพย์พวกนักการเมืองเลยนา พรรคใหญ่ๆก็มีเงินของตระกูลนี้ล่ะหนุนหลังอยู่ ถ้าข่าวที่กูได้ยินมาไม่มั่วรู้สึกว่าตระกูลฝั่งพ่อที่เป็นคนอิตาลีจะทำเกี่ยวกับอาวุธสงคราม บ้านงี้โคตรรวย ระดับพี่เขาอ่ะ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยมึง ไปเรียนมหาลัยที่เป็นอันดับต้นๆของโลกไม่ดีกว่าเหรอ"


"ไม่รู้เว้ย เขาอยากอยู่อยากเรียนตรงไหนมันก็เรื่องของเขาไหมวะ แล้วไอ้ที่หน้าฝรั่งจ๋าแต่คมเข้มเหมือนหนุ่มใต้บ้านเรานี่มันเป็นยังไงวะลำไย คำพูดเเลดูย้อนแย้งนะมึงเนี่ย"


"เอ้า นี่กูพูดจริงนะฤกษ์ มึงควรจะสนใจอะไรรอบข้างมั้งนะ ไม่ใช่วันๆทำแต่เรื่อ..."



"ไอ้เหี้ยฤกษ์!!" เหี้ยเต็มปากเต็มคำเลยนะครับพี่รหัสผมเนี่ย


"กูนัดมึงมากี่โมง แล้วนี่มึงมากี่โมง ที่บ้านมึงไม่มีนาฬิการึไงห๊ะ!! เปิดเทอมวันแรกมึงก็สายซะแล้วนะ มอง!! มองหน้าทำหอกไรอย่าเอาลูกตากลมๆ ซื่อๆ ของมึงมามองหน้ากูตอนกำลังด่า มองตีนกูนี่ ยัง!! ยังอีก เดี๋ยวกูโบกหัวทิ่ม!!"


"โถ่ว พี่...."


"ไม่มีแก้ตัวสายก็คือสาย ก้มหน้าลงห้ามเงยหน้าตอนกูด่า!! เป็นรุ่นพี่แล้วแทนที่จะมาคอยดูแลน้อง มึงนี่นะ! แล้วนี่แต่งตัวเชี่ยไรมึงเนี่ย สะพายย่ามวัดกูยังให้อภัยแต่แตะช้างดาวเนี่ยนะ แตะช้างดาวนี่ยนะ!!! ไอ้ฤกษ์มงคล!! ในมหาลัยเอกชนชื่อดังของประเทศเนี่ยนะ!!!" มองตีนอย่างเดียวครับตอนนี้


"พะ...พี่อิฐใจเย็นๆนะพี่พักหายใจก่อน" ลำไยพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว แหงล่ะ นี่พี่อิฐนะเว้ยพี่ว้ากหน้าโหด(สำหรับผม) สันดานเถื่อน


"อ้าวไอ้ฤกษ์ไม่เห็นหน้าเป็นเดือน ปิดเทอมเป็นไงบ้าง ไอ้เทียนสบายดีป่ะ" พี่ม่านฟ้าเพื่อนซี้พี่อิฐเอ่ยทักขึ้นมาจากด้านหลังพี่อิฐ ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองได้เดินมาถึงคณะแล้ว


"พี่ต้องถามผมดิว่าสบายดีป่ะ ไปถามหาไอ้เทียนทำไมน้อยใจว่ะ" ผมก็ไม่รู้ว่าน้องผมไปสนิทกับพวกพี่ๆเขาได้ไง รู้อีกทีก็เห็นมีบงมีเบอร์กันเเล้ว


"ดูจากสภาพมึงก็สภาพดีหนิ หน้าซื่อๆ เฉิ่มๆ หลุดโลกเหมือนเดิม แล้วมึงจะไปด่าอะไรมันนักว้าอิฐ มันจำวันเปิดเทอมได้ก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย ด่ามันมาปีกว่าแล้วไม่เบื่อบ้างไง นี่มันไอ้ฤกษ์นะ มึงจะเอาอะไรกับคนอย่างมันวะ" ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ อย่างเห็นด้วย แต่ฟังแล้วทะแม่งๆ เหมือนพี่ม่านมันหลอกด่าไงไม่รู้ แต่คงไม่หรอกมั้ง ก็ลืมจริงนั่นล่ะวันเปิดเทอมแต่น้องผมจำได้ไง



"เอ้อ! ผมมีของมาฝากด้วย" ผมล้วงลงไปในย่ามสีส้มเหลืองของตัวเอง เขย่าเล็กน้อยเพื่อที่ของข้างล่างจะได้ขึ้นมาข้างบน อ๊ะ เจอแล้ว ผมหยิบหลอดเล็กๆที่ข้างในบรรจุผ้าสีเหลืองอมน้ำตาลออกมาสามหลอด ที่เหลืออีกสามสี่อันเอาไว้ให้ เพื่อนๆที่ยังไม่โผล่หัวมา


" อะไรเนี่ย" ลำไยนิสัยหยาบถามเสียงตื่น

"ชายจีวรหลวงพ่อxx วัดxx กว่าจะไปเอามาได้เกือบโดนเหยียบแบนแล้วนะ คนเป็นพันอ่ะไปรอเอาสิ่งนี้อ่ะ ท่านมรณภาพเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว พอดีหลวงลุงเป็นลูกศิษย์ท่านเลยได้ไปงาน รับไปสิ" ผมยื่นให้พี่ม่านฟ้า พี่อิฐ และลำไย ที่ยืนมองผมเงียบกริบ


"เอาพกติดตัวไว้นะ ใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์ก็ได้ ป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็น เป็นศิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง เอาไว้ขอพร ขอความช่วยเหลือยามตกทุกข์ได้ยาก แต่สิ่งที่ขอจะได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับบุญของเราที่มีด้วย"


"...." พี่ม่านฟ้า/พี่อิฐ อดีตเด็กนักเรียนนานาชาติมองสิ่งในมือด้วยสีหน้างงๆ เหมือนเห็นไก่มีนม(?)แต่ก็เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ


"...." ลำไยสาวแฟชั่นหัวไฮเทค มองสิ่งในมือด้วยแววตาเหมือนเห็นทองคำพร้อมกับยกมือสาธุ บ่นงึมงำๆ



"เอ้อ แล้วเรื่องประชุมว่าไงอ่ะ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหมอ่ะพี่อิฐ" ผมเอ่ยถาม พลางก็ก้มดูดนมกล่องไปด้วย อร่อยดีรสกาแฟซะด้วย


     พี่อิฐยกมือขยี้หัวตัวเองแรงๆ แล้วถอนหายใจใหญ่อีกเฮือก ก่อนจะเอาวงแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามคว้าคอผมไปหนีบไว้ใต้รักแร้ เอามืออีกข้างขยี้ผมผมแรงๆ เหมือนพี่มันหลอกเช็ดมือ


"มีแน่ๆล่ะ ตอนเย็นมาหาที่ห้องกิจกรรมของคณะด้วย"


     พี่อิฐชี้หน้าผมพร้อมกับทำหน้าโหด แถมด้วยการเอามือใหญ่บีบแก้มผมสองข้างจนปากจู๋ ก่อนจะโดนพี่ม่านลากคอไปเพราะมีธุระ บ่งบอกให้เห็นว่าพี่มันมาดักรอด่าผมโดยเฉพาะภูมิใจเลยครับผม พี่รหัสผมก็งี้แหละปากร้ายใจดี ขี้ใจอ่อน


     หลายท่านอาจสงสัยว่ากำลังอ่านอะไรอยู่เนี่ย นั่นน่ะสิมาสนใจชีวิตธรรมดาอะไรของผมกัน ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด แต่ผมก็ขออนุญาตแนะนำตัวครับเผื่อมีบางท่านสนใจในชีวิตธรรมดาๆของผม

   ผมชื่อ ฤกษ์ (อ่านว่า-เริก) ชื่อเต็ม ฤกษ์มงคลครับ บ้างก็เรียกไอ้ฤกษ์ ไอ้สัสฤกษ์ ไอ้ห่าฤกษ์ ไอ้เชี่ยฤกษ์ หรือไอ้หมอผีฤกษ์ อันนี้แล้วแต่สถานการณ์ครับ ผมยินดีหันทุกชื่อ ตอนนี้พึ่งอยู่ปีสองไม่รู้ว่าสอบผ่านมาได้ไงก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน ไม่เก่งคณิต วิทย์ เคมี สังคม โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ มีดีแค่วาดรูปได้ นอกนั้นกากทุกอย่าง ที่จริงมหาลัยเอกชนแพงๆแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาผมเลยครับ แต่มหาลัยรัฐผมสอบไม่ติด ก็เลยต้องมาเรียนเอกชนที่สมัครและสอบนิดๆหน่อยๆก็ได้เข้ามาเรียนแบบงงๆโดยกู้เรียนกับทางรัฐเอา

   ผมมีน้องชายชื่อ เทียน ชื่อเต็ม เทียนพรรษา มีดีทุกอย่างที่ผมไม่มี ยกเว้นความโหด ผมอยู่กับน้องสองคนบ้านอยู่ข้างวัด ที่บ้านผมเปิดร้านขายโลงศพและพวกดอกไม้พวงหรีด แต่ก่อนเคยเป็นกิจการของลุงแต่ลุงของผมท่านปล่อยให้พวกผมดูแลกิจการกันเอง โดยท่านบอกว่าจะบวชเข้าพรรษา จนตอนนี้ห้าปีผ่านไปก็ยังไม่ถึงวันออกพรรษาสักที สงสัยปฏิทินของลุงจะเจ๊งนะครับ


      ตอนนี้ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว ผมกับน้องก็เลยเป็นเจ้าของร้านเองกันแบบงงๆ พ่อกับแม่ผมยังไม่ตายนะครับ แต่มาทิ้งผมกับน้องไว้หน้าบ้านลุงตั้งแต่ผมอยู่ป.5หรือ ป.6นี่ล่ะครับ ท่านสองคนต่างมีครอบครัวใหม่กันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองไปอยู่แถวขั้วโลกเหนือกันหรือไง เกือบสิบปีมานี้ผมเห็นหน้าพวกท่านไม่เกินห้าครั้ง ส่วนเจ้าน้องชายไม่ออกมาพบหน้าเลยตอนที่พ่อหรือแม่มาหาที่ร้าน ก็มีบ้างที่ท่านส่งเงินมาให้ใช้ แต่สงสัยเห็นผมกับน้องอิ่มทิพย์กันมั้งครับ ปีหนึ่งส่งมาสองสามครั้ง แต่พวกผมก็อยู่กันได้ครับลุงเลี้ยงอิ่มหนำสำราญดีเลยล่ะ กินข้าววัดทุกวัน กิจการโลงศพก็ได้กำไรดี คนตายทุกวันผมก็ดีใจครับ แต่ขอดีใจแบบเงียบๆนะ เกรงว่าลูกค้าจะก้านคอเอา








5 โมงเย็น




เอี๊ยด~ เอี๊ยด~



   "ฤกษ์ มึงรับผิดชอบงานป้ายเฟรชชี่นะ แล้วถ้าทำเสร็จก็ทำป้ายงานกีฬาต่อเลย ส่วนคนช่วยก็ไอ้ลำไยกับไอ้ปัดนั่นแหละ!!"





     เพราะไอ้ประโยคข้างบนจากเพื่อนซี้ที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม ณ ตอนนี้เป็นประธานรุ่นไปแล้วเรียบร้อย มันมีนามว่ามังกร หรือไอ้กร ไอ้ห่ากร ไอ้ตี๋แดนมังกรเชื้อสายจีน ลูกลุงก๋วยเปิดร้านขายส่งเหล้าเบียร์


     ไอ้ตี๋นี่ล่ะทำให้ผมต้องยืมจักรยานคันหรูแถมด้วยน้องสนิมจากคุณลุง รปภ.ป้อมหลังมหาลัย มาปั่นไปซื้ออุปกรณ์หลายๆ อย่างที่ต้องใช้ทำป้ายให้เสร็จในอีกเจ็ดวัน เพราะป้ายอันเก่าที่ใช้มานานหลายต่อหลายรุ่นปลวกดันกินเกือบทุกอัน น้องปลวกก็ช่างเลือกปีกินกันดีเหลือเกิน


     ร้านอุปกรณ์มันอยู่ไหนละเนี่ย ผมเคยมาซื้อของครั้งหนึ่งตอนปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาอีกเลย ส่วนมากจะฝากเพื่อนซื้อ จำได้แค่ว่าอยู่หลังมอ แต่มีซอยซอกแซกเป็นสิบซอย ผมก็จำไม่ได้ว่าซอยไหน


     โทรถามลำไยก็ไม่ว่าง กำลังประชุมเรื่องดาวเดือนคณะ พึ่งจะเปิดเทอมหลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมมันวุ่นวายจริง ก็เพราะว่าอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าปีสองครึ่งหนึ่งก็ต้องไปเข้าค่าย

     เป็นค่ายของมหาลัยทุกปี และโครงการนี้ได้ทำสืบทอดกันมาถึงรุ่นที่สี่แล้ว ปกติไม่เคยขอคนเยอะขนาดนี้ และคณะผมก็ไม่ค่อยจะไปมีส่วนร่วมอะไรกับกิจกรรมกับเขาเท่าไหร่ วันๆ ก็ได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่แถวคณะตัวเองนั่นแหละ ประโยชน์ไม่สร้าง วีรกรรมไม่ก่อ กินเหล้า สูบบุหรี่ อินดี้ไปเรื่อย


      เห็นไอ้กรมันบอกว่าเป็นโครงการค่ายสร้างวัด เป็นโครงการใหญ่ของมหาลัย อยู่แถวภาคใต้เป็นวัดเล็กๆเสื่อมโทรมไร้การดูแล จึงได้ทุบทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ และต้องการคนวาดรูปผนังโบสถ์ ไปแค่สิบห้าวันก็เลยต้องการนักวาดเยอะ ให้เสร็จทันกำหนดการ เพราะเราจะเป็นรุ่นสุดท้าย มันก็เลยตีกับกิจกรรมรับน้องนั่นแหละครับ เลยวุ่นๆ เพราะพอเสร็จค่าย กลับมาก็เป็นงานบอลมหาลัย


     ปีสาม ปีสี่ พวกพี่เขาไม่ยุ่งกับงานกิจกรรมแล้วครับเพราะถือว่าเขาทำตรงนั้นมาแล้ว รุ่นผมต้องบริหารกันเองใครมีปัญหาตรงไหนก็ไปปรึกษาได้ แล้วพวกผมก็ต้องมาปั่นงานกันตอนเส้นยาแดง


     ไอ้มังกรก็โทรไม่ติด สั่งงานผมเสร็จก็หายหัว ผมปั่นจักรยานเข้าซอยนู้น ออกซอยนี้ ไปเรื่อยรู้แค่ว่าชื่อร้าน 'ฟ้าใส' ถามคนข้างทางที่ผ่านไปมา บางคนก็ชี้ซ้าย บางคนก็ชี้ขวากันไปเรื่อย แต่ผมก็ยังไม่เจอร้าน



     เจอร้านไอติมก็แวะกินสักหน่อย ร้านนี้เด็ดอย่าบอกใคร หอมกะทิ หวานไม่เยอะแต่มันมาก ถั่วโรยหน้าก็ใส่ให้จนพูนถ้วย เจอวิวสวยๆก็แวะถ่ายรูปสักแปบ เพราะเอากล้องลูกรักติดมาด้วย เจอรุ่นพี่ที่รู้จักนั่งกินยาดองอยู่ร้านริมถนนก็แวะทักทายตามประสา ได้ซดนารีรำพึงฟรีอีกสี่ห้าเป๊ก เจอขนมครกก็แวะซื้อไปฝากลุง รปภ. สักถุงสองถุง ผมสะบัดหัวนิดหน่อยเพราะนารีรำพึงเริ่มแผลงฤทธิ์ซะแล้ว


เอ๊ะ!!


     ภาพเบื้องหน้าผมทำให้ต้องชะลอรถที่กำลังปั่น รถซุปเปอร์คาร์คันหรูสีดำเลื่อม จอดกระพริบไฟฉุกเฉิน มีผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ เห็นไกลๆก็รู้ว่าโคตรแพง ยืนก้มๆเงยๆดูล้อรถตัวเองอยู่ ร่างกายเป็นไปโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ(?)


"รถเป็นอะไรอ่ะพี่ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ" เรียกพี่ไว้ก่อนเพื่อให้เกียรติ ผมจอดน้องสนิมใกล้ร่างสูงที่ก้มๆเงยๆอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก่อนจะตอบเรียบๆ


"ยางแบน" เขาใส่ผ้าปิดจมูกทำให้ผมมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด


     ซอยตรงนี้ก็มืดมากไฟข้างทางก็แทบไม่มี และนั่นทำให้ผมเอะใจ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู สามทุ่มครึ่ง!! หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู เชี่ย! แบตหมด!! ผมมาซื้อของตั้งแต่ห้าโมงเย็น จนตอนนี้สามทุ่มกว่า ของก็ไม่ได้สักชิ้น งานก็ยังไม่เดิน ได้แต่ของกินไปฝากลุง รปภ. ภาพสวยๆอีกร้อยกว่ารูปที่อยู่ในกล้อง ขนมนมเนยที่อยู่ในท้อง และนารีรำพึงที่เกือบหมดแบน...เอิ้ก~ กูหนอกู


     เรื่องของเอาไว้ก่อน เอาเรื่องข้างหน้าก่อน สมองผมมีนิดเดียวคิดได้ทีละเรื่องครับ ผมลงจากน้องสนิมแล้วเดินสำรวจดูยางหลังฝั่งคนขับที่แบนติดดิน ทว่าเมื่อก้มดูแล้วเงยหน้าขึ้นก็ทำให้เสียหลักเซ จากฤทธิ์นารีรำพึง


     ก่อนที่หน้าจะได้ลงไปวัดขนาดความหนาถนน รอบเอวผมก็รับรู้ถึงความอุ่นจากวงแขนที่โอบกอดจากด้านหลัง ก่อนจะโดนพลิกตัวให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของวงแขน


"เมา?" เสียงทุ้มปนแหบเหมือนเจ้าของเสียงไม่สบายแต่ฟังแล้ว...เซ็กซี่ชะมัด เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาคมเฉี่ยวในเงามืดจ้องมองลงมาจนรู้สึกประหม่า เห็นดวงตาไม่ถนัดเพราะแสงน้อย แต่ก็รับรู้จากความรู้สึกว่าโดนจ้อง


"ปะ....เปล่า" ผมตอบเสียงเบาเหมือนคนทำความผิดแล้วโดยจับได้ กินยาดอง ขับจักรยานไม่ผิดกฎหมายนา


     ตัวผมแข็งทื่ออัตโนมัติ เมื่อคนตรงหน้าก้มตัวลงจนได้กลิ่นหอมเย็น เป็นกลิ่นที่จมูกผมไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน เหมือนเป็นกลิ่นที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ และผมก็ชอบ...เขาทำท่าเหมือนจะดมตัวผมเพื่อหาหลักฐาน แต่จะไปได้กลิ่นได้ไงเล่า ก็ในเมื่อใส่ผ้าปิดจมูกอยู่


     เฮ้ยๆ ใกล้ไปแล้วจมูกจะชนกันแล้ว...ผมดิ้นขลุกขลักๆออกจากวงแขนอย่างตกใจ คนตรงหน้าก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ผมเซเล็กน้อยถอยไปยืนเกาะท้ายรถหรูพร้อมตั้งสติ


"ไหว?"


"ไหวดิชิลล์ๆ เมื่อกี้เงยหน้าเร็วไป ไม่ได้เมาสักหน่อย พี่มียางสำรองรึเปล่า"

     ผมถามร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ที่กดมือถือยุกยิกๆ อย่างทุลักทุเลก็เลยเห็นว่ามือข้างขวาของเขามีผ้าพันแผลอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม พลางพยักหน้าให้หนึ่งที ไอ้ท่าทางบุคลิกเย็นๆนี่มันคุ้นๆ แฮะ แต่ผมไม่ถือสา เพราะที่บ้านก็มีอยู่ตัวหนึ่ง(?)


"ท้ายรถ"


"พี่มีอุปกรณ์เปลี่ยนยางติดรถมาเปล่า"


"มี" เออ สั้นๆได้ใจความ


"เปิดท้ายเลยพี่ผมเปลี่ยนให้"


"ไม่ต้องหรอก"


"เหอะน่าาา ผมทำได้เคยเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ(รถที่ร้านแบนบ่อย) พี่เองก็มือเจ็บทำไม่ไหวหรอก เดี๋ยวผมช่วย จอดนานไม่ดีนะพี่ ดึกแล้วซอยก็เปลี่ยว"

     เขามองสบตาผมแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปเปิดท้ายรถ ผมมองตามหลังเขาตาไม่กระพริบ เพราะพึ่งสังเกตว่าเขาไว้ผมยาว...เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าไว้หลวมๆทำให้มีลูกผมอยู่ตรงท้ายทอย เห็นต้นคอขาวรำไรๆทำให้ดู...


     เซ็กซี่... เฮ้ยๆๆ หยุดเลยๆ ไอ้ฤกษ์นี่ผู้ชายนะเว้ย และนี่เป็นจุดอ่อนของผมครับ บอกไว้เลย ถ้านิยามกันไว้ว่าผู้ชายชอบแอบมองผู้หญิงหน้าอกใหญ่ๆล่ะก็ ผมอารมณ์ประมาณนั้นเลย แต่แค่เปลี่ยนจากหน้าอกเป็นลูกผมรำไรๆระต้นคอ....



เพราะมัวแต่มอง...เลยทำให้เดินชนประตูรถที่เปิดค้างไว้ ถ้าปกติเดินชนก็คงไม่เป็นอะไร แต่เมื่อมีนารีรำพึงสิงอยู่ในร่าง ผลกระทบก็คูณห้าเข้าไปสิครับท่าน เพราะความรู้สึกนั้นเหมือนโดนประตูผลักจนหัวเกือบทิ่ม


"ทำดีๆ" มือแกร่งคว้าต้นแขนผมไว้ได้ทันอีกครั้งก่อนที่หัวจะโหม่งพื้น แต่รู้สึกว่าเสียงก็จะเพิ่มเลเวลความดุขึ้นอีกหลายระดับ สงสัยเคืองที่ชนประตูรถ


"ครับๆ" ผมพยักหน้ารับคำ





"เรียบร้อย!!" ผมเก็บอุปกรณ์ใส่ท้ายรถให้พี่เขาเรียบร้อย ก่อนจะตะโกนออกมาดังๆด้วยความภูมิใจ วันนี้ทำความดีไปอีกหนึ่งอย่าง


"เสื้อเปื้อน" เสียงทุ้มปนแหบที่แฝงความเซ็กซี่เอ่ยขึ้น พลางนิ้วมือยาวก็เอื้อมมาลูบเสื้อตรงอกด้านขวาที่เปื้อนรอยดำของยางรถเป็นทางยาว เขาลูบแค่แปบเดียว แต่ผมนั้นถึงกับสะดุ้ง เมื่อนิ้วมือของเขาปัดผ่านโดนหัวนมผมจนขนลุกเกลียว


"ไม่เป็นไรพี่ ซักได้" ผมขยับตัวเดินไปหารถจักรยานของตัวเอง ขึ้นประจำตำแหน่งน้องสนิมเหมือนเดิม


"เท่าไหร่?" เขาถาม พลางควักแบงค์พันออกจากกระเป๋าตังค์หรูมาสองใบ


"น้ำใจไม่มีราคานะพี่ เขาวัดกันที่ตรงนี้"

     ผมตบลงไปตรงหน้าอกตัวเองเบาๆ มือแกร่งที่กำลังยื่นแบงค์พันชะงักค้างอยู่ตรงหน้า


"กลับบ้านดีๆนะค้าบบ"

     ผมโบกมือบ๊ายบาย ก่อนจะหันไปแชะภาพดวงไฟตรงเสาไฟฟ้าฝั่งตรงข้าม ถ้ามองดีๆ ข้างๆดวงไฟดวงกลมเล็ก เป็นพระจันทร์เต็มดวง ความเป็นจริงนั้นระยะทางห่างไกลแต่พอมองตรงนี้ มุมนี้ ใกล้กันจนแทบไม่มีระยะห่าง....



แชะ~




     วันนี้ถ่ายภาพมาเป็นร้อยภาพ แต่ภาพนี้ ภาพสุดท้ายของวัน สวยกว่ารูปที่ถ่ายก่อนหน้านี้เป็นไหนๆ

































หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 22-12-2019 16:37:22
2… ลูกบอลลี้ลับ






" ฤกษ์ "


"อาราย" ผมตอบรับสลึมสลือ ขณะที่ตัวเองนอนเลื้อยอยู่บนโซฟา เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอน ทั้งงานนอก งานใน งานราษฎร์ งานหลวง มีไม่ขาดสาย เมื่อเช้าก็ตื่นไปช่วยเด็กๆในวัดถือของบิณฑบาตรแต่เช้า ได้ข้าวก้นบาตรมาฝากพี่บุญกับพี่เพชร คนงานที่ร้านผม


"วันนี้ไม่อยู่ ดูร้านดีๆ"


"วันนี้วันเสาร์ โรงเรียนปิดไม่ใช่เหรอ ไปไหนอ่ะ" ผมลืมตาขึ้นมาถามน้อง ที่เดินหยิบนู้นหยิบนี่ใส่กระเป๋าเป้มองตามน้องตาปริบๆ


"ธุระ"


"แล้วธุระอะไรอ่ะ"


"ธุระ" มาแนวงี้ง้างปากก็คงไม่พูด


"อยากรู้"


"ธุระ"


" กลับกี่โมงอ่ะ" ถามอย่างอื่นก็ได้วะ


"เย็นๆ" สั้นดีแท้ ต้องเล่นยี่สิบคำถามป่าววะ


"โทรไปต้องรับโทรศัพท์ด้วยนะ"


"อืม"


"ห้ามเกเร ห้ามทำอะไรที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและคนรอบข้างเสียใจ"


"ครับ"


"ห้ามทำร้ายใครก่อนและอย่าให้ตัวเองโดนทำร้าย ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามกลับบ้านค่ำ"


"ครับ"


"ซื้อขนมมาฝากพี่ด้วย เอาป๊อบคอร์นรสเค็มกับชีสนะขอถังใหญ่ๆ"


"....."


"เทียน"


"....."


"เทียน"


"...."


"เทียน"


"....."


"เที๊ยนนนนน"




บรื้น~~~





"ฮ่าๆๆ "


"ขำอะไรพี่บุญ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง" ผมหันไปว้ากใส่พี่บุญที่นั่งจัดพวงหรีดอยู่ใกล้ๆ ไอ้น้องตัวดีแว้นรถไปซะแล้ว


"เอาที่เอ็งสบายใจเลยไอ้ฤกษ์ พี่ล่ะเห็นใจไอ้เทียนมันจริงๆ"


"เห็นใจไรพี่ เทียนมันเป็นอะไร" ผมลุกจากโซฟาไปนั่งยองๆอยู่ใกล้พี่บุญ ที่นั่งทำพวงหรีดอยู่ตรงพื้น


"หนักใจที่มีพี่บ้าๆบอๆแบบเอ็งไง" พี่บุญไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ วุ้ย!! ทำไมมีแต่คนชอบบีบแก้มผม


"โอ้ย เจ็บนะโว้ยยย ไอ้พี่บุญ บ้าบอที่ไหน ผมเนี่ยปกติสุดล่ะ พวกรอบๆตัวผมนี่ล่ะ ที่บ้าบออ่ะ"


"เอาที่เอ็งสบายใจเลยฤกษ์" พี่เพชรเดินออกมาจากหลังร้าน แถมด้วยการผลักหัวผมหน้าแทบทิ่ม รุนแรงตลอดนี่เจ้าของร้านนะเว้ย



ปริ๊นนนนนนนน~



     สามชีวิตที่นั่งอยู่ในร้านสะดุ้งโหยง เมื่อมีเสียงแตรรถยนต์บีบสนั่นหวั่นไหวอยู่หน้าร้าน ไม่ต้องคิดให้รกสมองก็พอจะรู้ว่ามันคือใคร นอกจากจะมีเพื่อน นิสัยหยาบ นิสัยชอบสั่ง และก็ยังมีอีกคน นิสัยถ่อย!!


"หวัดดีพี่" ไอ้ร่างสูงหุ่นนักกีฬาทรงผมสกินเฮดลุคแบดบอย ยกมือไหว้พี่ๆในร้าน ก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมที่นั่งอยู่ข้างพี่บุญ


"เอากี่โลง ตายกี่ศพ"


"ศพมึงน่ะสิ ไอ้ห่าฤกษ์" อวยพรกูตลอด


"สี่วันมานี่หายหัวไปไหนมา กูกับลำไยนั่งทำป้ายกันจนหลังขดหลังแข็ง ขนาดมีน้องปีหนึ่งมาช่วยยังไม่เสร็จ" บ่นครับบ่น ตั้งแต่เปิดเทอมมาไม่เห็นหัวมันเลย


"น้องปีหนึ่งไม่ใช่น้อยๆที่มาช่วย ป้ายยินดีต้อนรับเฟรชชี่เนี่ย!! กูว่าสองวันก็เสร็จแล้วมั้ง แค่สองป้ายเนี่ย" ไอ้ลูกปัดหรือไอ้เชี่ยปัด มันยืนเท้าเอวจ้องเขม็งมาที่ผม ไหงผมถูกบ่นซะได้ล่ะ


"ก็...ก็..." คิดไม่ทันครับ


"อะไร!" โว๊ะ!! เสียงดังทำไม


"วันแรกเล่นผีถ้วยแก้วอ่ะละทีนี้สนุกไง ตะ...ติดลม"


"...." ไอ้ปัดพยักหน้ารับ หันหลังไปเปิดตู้เย็นหยิบข้าวโพดต้มในตู้มาแทะกิน แล้วเดินกลับไปนั่งโซฟา พลางหันมาจ้องกดดันให้ผมพูดต่อ เอ้อ ก็ได้ว่ะ!!


"ว้นที่สองมีน้องคนหนึ่ง บ้านมันเลี้ยงปลาขาย แล้วน้องอีกคนอยากกิน กูเลยพาไปตกปลาแล้วทำปลาเผากินกัน อร่อยอย่างนี้เลยมึง" ผมยกนิ้วโป้งทำท่าประกอบจนโดนถลึงตาใส่ เลยลดอารมณ์ขี้โม้ลง มีพี่เพชรกับพี่บุญส่ายหน้าเอือมระอาอยู่ข้างๆ


"สรุปพึ่งเริ่มทำ"


     ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ เลยโดนเม็ดข้าวโพดปาใส่หัวสองเม็ดติด


"ทำให้เสร็จอย่าให้เลยวัน"


"เอ้า! แล้วมึงไม่ช่วยทำไง๊" ประท้วงครับประท้วง


"ช่วยห่าไรเยอะแยะ งานอื่นรออยู่ตั้งเยอะจะเฮโลกันไปทำห่าไรงานเดียว" เพื่อนผมเป็นคนอ่อนโยนครับ!!


"แล้วมึงเสนอหน้ามาทำไรบ้านกูเนี่ยปัด" ผมถามพลางเดินไปเตะขามันลงจากโต๊ะหน้าโซฟา มึงจะชิลล์ไปไหม


"วันนี้ว่างป่ะ"


"ไม่ว่าง!!"








"อ้าว น้องฤกษ์มาด้วยเหรอเราน่ะ ขาวผ่องมาแต่ไกลนึกว่าหลอดไฟนีออน"


"ฤกษ์ไม่มา มาแต่น้องเวียร์ ศุกลวัฒน์ครับโผ๊มมมม" ผมตะโกนตอบพี่กิตปีสี่ ที่นั่งอยู่ข้างสนามฟุตบอล


"น้องเวียน ศาลาวัด รึเปล่ามึง!! ฮ่าๆๆ"

     ไอ้มังกรที่โดดตบมือเหยงๆอยู่ข้างพี่กิตแทรกขึ้น มันกำลังวอร์มร่างกายอยู่กลับ แต่ผมมองว่าเหมือนค่างเหมือนลิงกำลังโดนเห็บกัด


"ไอ้สัส!!" สั้นๆง่ายๆได้ใจความ


     ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามฟุตบอล!! โดนลูกปัดคนถ่อยมันลากมาจนได้นั่นล่ะ ถึงจะบอกว่าไม่ว่างงานกองท่วมหัว ที่มีทั้งพวงหรีดสั่งทำพิเศษ และโลงศพสั่งทำที่ต้องเป็นสีชมพูลายคิตตี้ ไอ้ปัดคนถ่อยก็โนสน โนแคร์ เร่งผมทำยิกๆ พอได้เวลานัดตอนเย็น น้องเทียนสุดเลิฟก็กลับมาพอดี มันก็เลยฝากฝังงานผมไว้กลับน้องให้ทำต่อ และลากผมออกมา...แค่หมูกระทะนะครับ!! ใครชนะได้กินหมูกระทะ เพราะทีมแพ้ต้องเลี้ยง!! มันถึงกับต้องลากผมออกมาทั้งที่ใส่แค่เสื้อตาห่านสีขาวกับกางเกงโสร่งขาสั้นเหนือเข่าสีแดง รองเท้าช้างดาว!!


     ผมเดินเนือยๆ ไปนั่งข้างพี่กิต แต่ก็ไม่พ้นสะดุดขาตัวเองหัวทิ่ม ดีนะที่ล้มไปทางไอ้พี่กิต มันเลยเป็นเบาะรองอีกทีไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่โดนพี่มันด่ามาอีกหลายบทกลอน เพราะเข่าผมดันกระแทกเข้าท้องพี่มันจนจุก



"ไอ้ปัด!! กูให้ไปหาคนเล่นบอลมานะโว้ย ไม่ได้ให้ไปหาหมอผีมา" พี่ตังค์ลุงรหัสผมที่เดินมาจากไหนไม่รู้เอ่ยขึ้น


"เอามันมาออกกำลังหน่อยพี่ กลัวจะเป็นง่อยไปซะก่อน"


"เออกูว่าก็ใกล้แล้วล่ะ ขนาดเดินดีๆหัวยังทิ่ม ไอ้ฤกษ์เอ๊ย" พี่กิตเขาว่ามาอย่างงั้น


"แล้วนี่มึงจะใส่ชุดนี้เตะบอล?"


     ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ ตอบไอ้ตี๋กร ทุกคนเป็นอันว่าเข้าใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมใส่ชุดแบบนี้และเล่นบอลเท้าเปล่า ผมชอบอ่ะมันสบายดี


"วันนี้ไม่ได้ว่ะ แข่งกับทีมอื่นโดนเหยียบตีนขึ้นมากูว่ากระดูกแตก ไปเปลี่ยนรองเท้า กางเกงก็เปลี่ยนด้วยวิ่งไปวิ่งมา โสร่งหลุดกลางสนามเดี๋ยวลูกตากูมีมลทิน"


      ไอ้พี่ตังค์สั่ง ส่วนผมจะทำไรได้ นอกจากเดินเนือยๆไปเปลี่ยนตามคำสั่ง เสื้อผ้ารองเท้าผมทิ้งไว้ในรถไอ้ปัดเป็นชาติแล้ว ไม่ค่อยได้เล่นบอลเท่าไหร่ เตะเสร็จก็ยัดๆไว้ในรถมัน มันด่าผมจนขี้เกียจด่าเพราะไม่ซักแล้วเอาไปยัดในรถมัน จนมันต้องให้แม่บ้านที่บ้านมันเอาไปซัก เพื่อนผมเป็นคนน่าร๊ากกก





"แข่งกับใครอ่ะ" ผมถามปากก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆที่พี่ตังค์อดีตพี่ว้ากถือมาเต็มสองมือ พี่มันหันมามองผมก่อนจะเอามือมาบีบแก้ม


"โอ๊ยยย เจ็บนะเว้ยทำไมมีแต่คนบีบแก้มผมเนี่ย!! ถ้าผมกินข้าวไม่อร่อยน้ำหนักลดจะทำไง เดี๋ยวน้องผมเป็นห่วงนะ"


"แดกข้าวมื้อละสามจานแบบมึงนี่ยังกล้าพูดนะ ไอ้ฤกษ์" ไอ้ปัดมันใส่ร้าย


"ก็เอ็งมันน่าเอ็นดู" พี่กิตว่า


"เฮ้ยๆ พวกไอ้หมอแข่งมาแล้ว"



     พี่โต้งเพื่อนพี่กิตตะโกนมาจากฝั่งตรงข้าม พวกรอบๆตัวผมเลยลุกขึ้นเดินไปหากลุ่มมาใหม่ ที่มีประมาณเจ็ดถึงแปดชีวิตมีแต่ผมที่ยังนั่งอยู่



"อ้าวเฮ้ย!! หมอราล์ฟก็มาว่ะ"


"หายหน้าหายตาไปนานเลยนะมึง เรียนหนักสิท่า"


     พวกพี่ปีสามปีสี่ส่งเสียงกันเจี๊ยวจ๊าว เหมือนพึ่งพบญาติที่พึ่งกลับมาจากสนามรบ ผมใช้ความอดทนอย่างสูงที่จะไม่ขยับตัว...



     ผมในตอนนี้นอนราบอยู่กับพื้นสนามหญ้า กำลังถือกล้องถ่าย...หนอน เจ้าตัวเล็กๆดุกดิกๆกำลังกระดึ๊บๆมาที่ยอดหญ้า และเมื่อน้องคลานมาถึงปลายยอด ผมจะได้ภาพที่ธรรมชาติสุดๆ



"วันนี้ต้องชนะนะเว้ยหมอแข่ง"


"แน่นอนสิวะ!!"


"ทีมพวกมันต้องจ่ายค่าสนามและค่าแดกพวกเราอยู่แล้ว"


"อ้าวขาดคนหนึ่ง ทีมยังไม่ครบเหรอวะ"


"ครบดิ....อ้าวเฮ้ย!! มันไปไหนเนี่ย"



     อีกนิดๆ นั่นแหละๆ



แชะ~



     ขออีกภาพเมื่อกี้มือสั่น อย่าพึ่งร่วงนะเว้ยเกาะไว้ๆ



"ไอ้ฤกษ์!!!"



     ผมสะดุ้ง ลุกพรวดด้วยความตกใจในเสียงตะโกนลั่นของพี่กิต จนไม่ทันระวัง เซเดินถอยหลังไปชนกับของแข็งๆด้านหลัง เสียหลักล้มกลิ้งลงไปอีกครั้ง ผมหลับตาปี๋กอดกล้องไว้แน่นแต่....ไม่เจ็บแฮะ  ถึงที่รองหลังจะแข็งไปหน่อยก็เถอะ

     ผมค่อยๆลืมตา พอปรับโฟกัสได้ สบเข้ากับดวงตาเฉี่ยวคบกริบนัยน์ตาสีเทาหม่นคู่สวย แววตาที่จ้องมองมาสะกดผมแทบลืมหายใจ จมูกโด่งปลายพุ่งทรงฝรั่ง แค่ใบหน้าก็บ่งบอกให้รับรู้ว่าไม่ใช่คนเอเชีย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะคิ้วเข้มและผมที่สีดำสนิทที่เกล้าไว้อย่างลวกๆ เขาผมยาว... ผิวที่ควรจะขาวเผือกอย่างที่ควรจะเป็นกลับกลายเป็นสีน้ำผึ้ง...หล่อ...น่ามองกว่าหนอนตัวนั้น ที่ผมตั้งใจนอนดูอยู่นานสองนานซะอีก หล่อราวกับเทวดาเดินดิน(!!)


     สติผมกลับมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงการกอดรัด ผมนอนอยู่ใต้ร่างของคนตรงหน้า มีแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสอดรองใต้แผ่นหลังช่วงบน และช่วงเอวของผม มีเพียงกล้องถ่ายรูปเท่านั้นที่คั่นกลางอยู่ตรงปลายคางของผมกับคนตรงหน้า



     ด้วยความตกใจ เมื่อรับรู้ว่าวงแขนของคนตรงหน้าเริ่มกระชับตีวงล้อมเข้ามามากกว่าเดิม ทำให้มือผมเผลอกดไปโดนปุ่มชัตเตอร์ แสงเฟลชส่องวาบไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้า และนั่นทำให้ผมใช้จังหวะนั้นดิ้นออกจากวงแขนของเขาได้


     กลิ่นหอม...เฉพาะตัวจากตัวของเขายังติดอยู่ที่ปลายจมูก หอมเย็นสดชื่นแฝงความเซ็กซี่เย้ายวน และค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลเจือจาง...เมื่อถอยห่างอยากดอมดมอีกครั้ง แต่ต้องเข้าใกล้ ดูลึกลับเหมือนกับดัก

     กลิ่นนี้เหมือนจมูกเคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคย...ที่ไหน



"เฮ้ยๆ พวกเอ็งสองคนนั่นทำไรกัน เห็นนะเว้ย"


"ไม่อนุญาตนะโว้ย นั่นหลานรหัสกูนะ ของดีของแปลกของหวงคณะห้ามล่อ...และลวง!!"


"สนามบอลนะเว้ย!! เผื่อยังไม่รู้"


"หมอเทวดากับหมอผี!!"


"อันนี้ได้!!"


"ฮ่าๆๆๆ"



     เสียงเอะอะ โวยวาย ของพวกที่อยู่ในสนามตะโกนแข่งกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็คงจะกวนบาทาไม่ใช่น้อย ดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง ผมที่พึ่งสังเกตเห็นว่ามีพวกวิศวะและแพทย์ด้วย ไม่รู้ว่าสนิทกันตอนไหนเพราะทุกครั้งที่ผมมาจะมีแค่คณะผมและเกษตรบ้าง ผมหันไปชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะหันมาหาคนตรงหน้า


     เมื่อเขายืนขึ้นเต็มความสูง ทำให้ผมที่ภูมิใจในความสูงที่ได้มาตรฐานชายไทย ถึงกับต้องนอยด์ เพราะผมสูงแค่ปลายคางเขาเอง เขาอยู่ในเสื้อยืดคอกลมสีดำกางเกงบอลสีน้ำเงิน และรองเท้ากีฬาสีดำเหลือบทอง...รองเท้าในฝันของโผ๊ม ราคาห้าหลัก โหวววววว


"ขะ...ขอโทษ" โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ตกใจหมด นึกว่าแถวนี้เหลือแค่ผมคนเดียว


     เขายืนนิ่งขมวดคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินลงไปในสนาม เอ๊ะ!! หรือไม่เข้าใจ ผมวิ่งตามหลังเขาไปติดๆ ใช้นิ้วสะกิดที่แผ่นหลังเขา...เขาหยุดและหันมามอง



"ซอลี่...รี่..เอ๊ยๆเอาใหม่ๆ"


"...."


"ซอรี่" ผมออกเสียงเบาหวิวเพราะกลัวออกเสียงผิด ผมกากนะครับ ภาษาอังกฤษเนี่ย


     เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินต่อ เหมือนแว่วเสียงหัวเราะ หึๆ มาตามลม คงจะเป็นเสียงพวกพี่ๆที่อยู่ในสนาม






ตุบ!!



     ผมนอนนับดาวอยู่กลางสนาม เป็นผลมาจากที่กระโดดแย่งโหม่งบอล แต่โดนศอกทีมตรงข้ามที่กระโดดแย่งโหม่งบอลพร้อมผม กระแทกเข้าที่ปลายคาง ส่งผลให้นอนเป็นศพอยู่กลางสนาม ยกมือแตะปากเลือดไม่ไหลแต่กลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บตรงข้อเท้าที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กูล้มท่าไหนว่ะเนี่ย โดนเสยคางแต่เจ็บข้อเท้า




"มึง เป็นไรมั้ยเมื่อกี้กูไม่ทันเห็น โทษนะเว้ย" พี่ซุงปีสี่คณะเกษตรขอโทษขอโพย ก่อนจะประคองผมลุกขึ้นนั่ง จะว่าไปมีแต่พี่ๆปีสี่ปีสามทั้งนั้นเลยนี่หว่า มีพวกผมปีสองแค่ไม่กี่คนเอง


"ไม่เป็นไรพี่ เมื่อกี้ผมก็ไม่ทันระวัง แต่เจ็บข้อเท้าอ่ะ" ผมชี้ที่ข้อเท้าซ้าย


"อ้าวเหรอ กูดูดิ"


"เป็นไงมั้งไอ้หมอผี" ไอ้พี่กิตเอ่ยถาม เงยหน้ามองอีกทีผมก็ตกอยู่ใจกลางวงล้อมของเพื่อนในทีมซะแล้ว


"ไม่เป็นไรอ่ะ เจ็บข้อเท้านิดหน่อย หิวด้วย ร้อนด้วย เหนื่อยด้วย อยากกินป็อบคอร์นอยากกินหมูทะ อยากชนะอ่ะ"


"วิ่งยังไม่ถึงยี่สิบนาทีบอกเหนื่อย เดี๋ยวกูยันโครม จะทำมาหาแดกไรได้"


     ผมเงยหน้ายิ้มยิงฟันให้พี่กิต พร้อมกับกระพือเสื้อห่านคู่สีขาวที่เปียกเหงื่อจนแนบเนื้อให้ลมเข้าแก้ร้อน พร้อมกับมีพี่ซุงนวดข้อเท้าให้อย่างเบามือ ไม่หายร้อนเลยถอดดีกว่า


"เฮ้ยๆๆมึงจะทำไร" พี่ตังค์ร้องเสียงหลง


"ถอดเสื้ออ่ะร้อน"


"ไม่ได้!!" พี่ตังค์ พี่กิต มังกร นัดกันประสานเสียง หรือเปล่าวะ!? ผมหันไปมองคนนี้ที คนนู้นทีอย่างงงๆ เห็นพี่ๆหลายคนทำตาโต พี่ซุงก็เป็นกับเขาด้วย มีบางคนก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ที่พี่ตังค์ตะโกนห้ามผม


"อะไรของพวกพี่เนี่ย" ผมเกาหัวอย่างงุงนงง หลังจากนั้นก็ถูกมังกรแบกมานั่งข้างสนาม เพราะคงเล่นต่อไม่ไหว สิบห้านาทีแรกผมก็เดี้ยงเป็นที่เรียบร้อย เก่งจริงเลยกูเนี่ย!!


"ไหนให้พี่ดูสิ" พี่หมอแข่งที่ผมพึ่งรู้จัก นั่งลงดูข้อเท้าให้ผม มือเรียวแกร่งนวดคลึงข้อเท้าให้อย่างเบามือ พวกพี่ๆในทีมก็แยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งเตรียมเล่นต่อ


"ไม่เป็นไรพี่ ไม่เจ็บแล้ว" ผมปดออกไป ที่จริงก็ยังเจ็บอยู่แต่จะให้ใครก็ไม่รู้ รู้จักกันยังไม่ถึงสามชั่วโมงมานั่งนวดข้อเท้าให้ก็ยังไงอยู่ อย่างน้อยพี่ซุงก็ยังเคยคุ้นหน้าคุ้นตาคุยเล่นกันบ่อย ผมชักเท้าหนีแต่พี่หมอแข่งก็จับไว้ได้ทัน ก่อนจะนวดให้อีกครั้ง นวดไปนวดมาทำไมรู้สึกเหมือนเป็นลูบล่ะ พี่เขาลูบขาผมขึ้นสูงเรื่อยๆจนถึงปลีน่อง


"เอ่อ...พี่" ผมเอ่ยท้วง


"ตรงนี่เจ็บไห..."


"เฮ้ยพี่!!"


ตุ้บ!!


     อยู่ดีๆก็มีลูกบอลปริศนาพุ่งตรงมาด้วยความแรง เร็ว มายังพวกผม เหมือนหัวพี่หมอจะเป็นเป้าหมายที่พุ่งชน ทั้งที่ผมเตรียมไว้อาลัยในใจเรียบร้อยแล้ว แต่กลับต้องเก้อ เพราะพี่หมอใช้มือรับลูกบอลอย่างง่ายดาย ท่าทางรวดเร็วจนน่าตกใจ เฮ้ย!! ถ้าพี่จะรับได้ขนาดนี้ไปเป็นโกลทีมชาติเถอะ


"หึๆ" พี่หมอหัวเราะอย่างชอบใจ


"เอ่อ....พี่เจ็บตรงไหนมั้ย" ผมถามพี่หมอที่กำลังเป็นประสาท เพราะแกหัวเราะอย่างชอบใจที่เกือบโดนลูกบอลอัดหัว ลูกบอลเมื่อกี้แรงจริงๆนะครับ เหมือนคนเตะตั้งใจเตะอัดเลย แต่ไม่รู้ว่าใครเตะนี่สิ


"พี่ไปก่อนนะ เมื่อกี้แค่ทดสอบอะไรนิดหน่อย"


"ฮะ!?"


"หึๆ"








"เฮ้ยๆ ระวังไอ้หมอเทวดา"




ตุ้บ!!



กร๊อบๆแกร๊บๆ



ตุ้บ!!




"เฮ้ยๆๆ ระวัง!!"



ตุ้บ!!



กร๊อบแกร๊บๆ




     ผมนั่งขัดตะหมาดกินขนมทอดกรอบอยู่ข้างสนาม ทีมฝั่งตรงข้ามคือพวกวิศวะกับเกษตร พวกเขาดูหัวเสียเป็นอย่างมาก เมื่อหล่อเทวดายิงประตูเหมือนโกรธโกลมา เอ้อพวกพี่หมออยู่ทีมผมนะครับ ครึ่งชั่วโมงมานี่ทีมผมยิงไปแล้วห้าประตูครับ!!! 5-0 เป็นเลขที่โคตรโอเวอร์ หนึ่งลูกเป็นของหมอแข่ง สี่ลูกที่เหลือหมอหล่อเทวดาฟาดเรียบ ยิงประตูเหมือนเก็บกด ไม่พูดไม่จากับใครมีพยักหน้าบ้างยิ้มมุมปากบ้าง สงสัยพูดไทยไม่ได้เพราะในสนามพูดกันแต่รุ่นพ่อขุน



     ผมนั่งมองหล่อเทวดาที่พวกรุ่นพี่ตะโกนกันปาวๆ ลั่นสนามว่าหมอราล์ฟ ชื่อคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ!? เขาดูโดดเด่นจนไม่สามารถละสายตาได้ ท่าทางคล่องแคล่วหลบหลีกจนไม่มีใครตามทัน เขาเก่งจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าสโมสรดังๆพลาดคนเก่งๆอย่างนี้ไปได้ไง


     หมดเวลาแข่งขัน.... ทีมผมได้ 7-0 และหกลูกเป็นของเขา... หมอราล์ฟ เขาวิ่งมาที่ข้างสนามตรงที่ผมนั่งอยู่ หยิบขวดน้ำดื่มที่ผมหอบมาไว้ข้างๆเพื่อเตรียมให้พวกในทีม ยกขึ้นดื่มและเทราดรดหน้า ลูกผมเปียกลู่ระต้นคอหยดน้ำเกาะพราวเต็มใบหน้า...เซ็กซี่




ตึกตัก~



ตึกตัก~




     ก้อนข้างในอกข้างซ้ายของผมเต้นแรงจนผิดปกติ สายตาคมนัยน์ตาสีเทาหม่นหันมาสบ เมื่อรู้ว่าถูกมอง...ร่างกายผมผิดปกติเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ไม่รู้ว่าควรเอามือเอาลูกตาไว้ตรงไหน



     ได้สติ...รีบลุกขึ้นเดินหนี ทุบอกตัวเองค่อนข้างแรงเพื่อหวังให้หัวใจทำงานปกติ...หมูกระทะวันนี้คงไปกินไม่ได้แล้ว เพราะรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ เหมือนจะไม่สบายหน้ามันร้อนแปลกๆ




















หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล 22/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 22-12-2019 16:47:57
3… เสียงลี้ลับ






     ณ โต๊ะหินอ่อนหลังตึกคณะในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ




“เฮ้ย!! ตกลงมึงยังไง”


“กูไม่อยากไปไหมล่ะ” ไอ้ปัดบ่าวใต้หน้าหล่อ คมเข้ม ดีกรีนักกีฬาฟุตบอล ตำแหน่งเดือนคณะและมหาลัย สมบัติของคณะ(มั้ง?) มีดีเรื่องกีฬาและการเรียน แต่นิสัยโคตรถ่อยและกวนตีน ผมตอบมันอย่างหน่ายๆ พร้อมกับนั่งเตรียมอุปกรณ์สำหรับค่ำวันนี้ไปด้วย ตื้อกูจริงๆเลยพวกมึงเนี่ย


“ไม่ได้นาา ปีสองแล้วนะเว้ย มึงไม่เคยให้ความร่วมมือกับกิจกรรมคณะสักอย่างเลยนะ ประธานรุ่นจะแดกหัวมึงอยู่แล้วนะอีฤกษ์!!”


     ไอ้นก หนุ่มไม่น้อยแต่หน้ามน ยื่นหน้าขาวๆปากแดงๆหมือนผีจูออนเข้ามาใกล้ๆ พร้อมมองด้วยสายตาจิกกัดบ่งบอกว่า…กูไม่ยอมนะโว้ยยย (เอ้อกูเดาเก่ง) ไอ้นี่ก็พึ่งจะว่างโผล่มา ก่อนหน้านี่ยุ่งๆเรื่องเชียร์ มาแล้วดันเสือกเอาปัญหามาอีก


     ไอ้ประธานรุ่นหน้าตี๋มันก็แดกหัวกูทุกวันอยู่แล้ว ถึงผมไม่เข้ากิจกรรมมันก็จิกหัวใช้ผมเบื้องหลังกิจกรรมตลอดอ่ะ ใช้ให้ไปซื้อของ ใช้ให้ไปช่วยถือของ อ้อนวอนงอแงให้ผมนั่งเฝ้ามันตอนทำงานอยู่มหาลัยดึกๆดื่นๆ เพราะมันตาขาว ผมแช่งให้มันโดนขับไล่ออกจากการเป็นประธานรุ่นตั้งแต่ปีหนึ่งล่ะ ลำบากเพื่อนฝูง แต่ก็ยังดวงแข็งเสร่อมาเป็นปีสองอีกจนได้


“มึงถอยออกไปหน่อยนก ไปตกบ่อน้ำหอมมาหรือไงกูเวียนหัวฉิบหาย! เอาแขนออกจากโต๊ะด้วย เดี๋ยวของกูเสื่อม” กลิ่นไหนก็ไม่ถูกจมูกเท่ากลิ่น.... เฮ้ยๆ เลิกคิดๆ


“เบิร์ดโว้ย!! อีฤกษ์เดี๋ยวกูตบปากเเตก”

     ไอ้นกแทบจะถีบผมตกเก้าอี้เมื่อเอ่ยชื่อมันที่ติดตัวมาแต่เด็ก ไอ้ผมนี่ก็ไม่เข้าใจ อยู่มัธยมชื่อนก พอเข้ามหาลัยชื่อเบิร์ด มึงจะตั้งใหม่ให้ยุ่งยากทำไม


      กลุ่มผมนี่ก็แปลกนะครับ? ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือยังไง จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันไม่พอดันเสือกมาเรียนคณะเดียวกันอีก มีผม มังกร ไอ้นก รู้จักกันตอนมัธยมต้น พอมัธยมปลายก็มาพบเจ้ากรรมนายเวรอีกสองคน ไอ้ลูกปัดกับลำไยนั่นแหละคับ ผมถึงขนาดหนีไปสอบมหาลัยรัฐแต่ก็ต้องมาซบเอกชนอยู่ดี ปัดโถ่ววว


"เอาจริงๆนะ ชื่อนกก็ดีอยู่แล้วป่ะ กูไม่เห็นว่าจะไม่เพราะตรงไหน" ชื่อไอ้หำเล็กว่าไปอย่าง


"ก็เบิร์ดมันดูอาเซียนอ่ะฤกษ์ นกก็น่ารักไงแต่กูชอบแบบอาเซียน" ทำไมต้องมีท่าประกอบ?


"ตรรกะไรของมึงเนี่ย!! แล้วแต่องศาซัลซิลของมึงเถอะ"


"อาเซียน!! โว้ยยย อีฤกษ์!! แต่ช่างหัวกลวงๆของมึงเถอะ กูไม่หวังว่ามึงจะรู้จักอาเซียนหรอก แค่เบอร์โทรของตัวเองจำให้ได้ก่อนเถอะ แล้วสรุปจะไปไหม?" ทำไมต้องเสียงเข้ม


“ฮูขี้กูหนิ!!” ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ อยู่มหาลัยก็ช่วยงานได้ ผมเป็นห่วงน้อง (แฮร่~ ผมตอแหล) ก็ไม่อยากไปอ่ะครับ คนอื่นๆมีตั้งเยอะไมไม่ไปชวนอ่ะ


“บักปอบเอ้ย!!”


“พอ!! ฤกษ์มึงก็ช่วยคณะหน่อยสิวะไปแค่สิบห้าวันเองนะ(เองพ่อง!!)งานใหญ่นะมึง งานบุญน่ะ ถึงมึงจะไม่เอาถ่านทำห่าไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง เล่นบอลเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็กาก แต่มึงวาดรูปสวยไง เนี่ย ข้อดีมึงพรสวรรค์เพียงหนึ่งเดียวของมึงเนี่ยฤกษ์” ไอ่ห่าเหมือนจะชมอ่ะไอ้ปัด ไอ้ตี๋มันจ้างมึงมากี่กลม


“มึ๊งงงง (เสียงจะสูงไปไหน) ไม่ได้ไปแค่คณะศิลป์เราอย่างเดียวนา หมอ วิศวะ ถาปัตย์ นิเทศ ก็ไปนะมิ๊งงงง” ท่าทางแรดๆเพ้อๆอย่างงั้นคือไรวะ


“คนอื่นก็ทำได้ป่ะ” ผมไม่ยอมคล้อยตาม ไม่อยากไปโว้ย ไม่ชอบคนเยอะ ทำบุญ ทำใกล้ๆบ้านก็ได้ไหม


“เขาต้องการคนเยอะไง อยากจะจบโครงการรุ่นเรา เขาขอคนคณะปีเราเยอะกว่าปีที่ผ่านมาเพื่อไปวาดผนังโบสถ์ พวกที่เหลือก็ต้องเตรียมงานรับน้องกับงานบอล พวกรุ่นพี่เขาก็เคยไปกันมาแล้วเหลือรุ่นเราเนี่ยที่ต้องไป และเอาคนไปเยอะกว่าทุกปี คณะแพทย์ก็ไปตรวจสุขภาพคนในชุมชน นิเทศก็ไปสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น ถ่ายภาพกิจกรรมและทำเป็นวิดีโอลงเว็บมหาลัย ” ไอ้ปัดพูดเป็นการเป็นงาน หน้าหล่อๆจริงจังจนต้องใจอ่อน เหม็นขี้หน้าไอ้เดือนเฮ้อ….


     หลายท่านอาจจะงงว่าพวกมึงพูดห่าเหวอะไรกันวะ? ก็เรื่องค่ายนั่นแหละครับ!! ผมไม่ได้ลงชื่อไปค่าย ไอ้พวกนี้พอรู้ก็มานั่งกดดันผมอยู่เนี่ย ที่ไม่อยากไปเพราะมันไกล นั่งรถน่าจะเป็นวันๆเลยล่ะ แล้วก็เป็นห่วงร้านด้วยถึงไม่น่าจะมีไรให้ห่วงก็เถอะ เพราะน้องผมไว้ใจได้มากกว่าผมอีก(?)


     ส่วนมากจะเน้นให้ปีสองไป ยกเว้นแพทย์ที่ต้องเป็นรุ่นปีสี่ปีห้าและก็พี่หมอที่จบออกไป แล้วจับฉลากใช้ทุนได้ทำในโรงบาลมหาลัยไป เพราะต้องใช้ประสบการณ์(มั้ง?) ไอ้ผมเนี่ยมันคนชอบแวบตรงไหนมีกิจกรรมตรงนั้นไม่มีกูครับ!


     หลายๆ คนอาจสงสัยไม่เข้ากิจกรรมรุ่นพี่ไม่ว่าเหรอ ก็ว่าครับ แต่ไม่ได้เคร่งอะไรมากมาย คณะผมมันอินดี้ครับ บางวันก็ว่า บางวันก็ช่างแม่ง? พี่รหัสผมก็ดีเหี้ยๆ ถึงมันจะเป็นพี่ว้าก แต่ก็แล้วแต่อารมณ์ บางวันก็เคร่ง บางวันก็ไม่เคร่งอะไร แต่ถ้านัดแล้วสายโดนเหมือนวันเปิดเทอมครับโผ๊ม!! 'มึงอยากทำอะไรก็เรื่องของมึงเถอะเพราะปีหนึ่งกูก็ไม่เข้ากิจกรรมเหมือนกัน' พี่อิฐเขาพูดมาอย่างนั้นอ่ะ


     เพราะอย่างนี้คณะผมก็เลยเป็นคณะที่มีสไตล์(?) แข่งอะไรก็แพ้ กีฬาก็อย่าหวังห่าไรเลย หาคนลงแข่งให้ครบรายการก็หืดขึ้นคอเเล้ว(มีปีนี้แหละที่ฟุตบอลชนะในรอบสี่ปีเพราะไอ้ปัดมันยิงประตูไปได้สามลูก ชนะวิทย์กีฬาไปสาม-หนึ่ง) เพื่อที่จะได้โผล่หน้าไปให้คณะอื่นเห็นให้รู้ว่า เอ้อ! มหาลัยนี้ยังมีคณะศิลปกรรมอยู่นะเว้ยถึงตึกจะอยู่หลังสุดท้าย ท้ายสุดมหาลัย ถึงข้างหน้าคณะจะมีต้นไม้ขึ้นหนาทึบ บังตึกจนแทบไม่เห็นหลังคาก็เถอะ


"เออๆ วันไหนล่ะ" ผมรับปากไปอย่างจำยอม


"อาทิตย์หน้า!! หึ!! ทีกูนี่อ้อนวอนแทบตายไม่ไป ทีอีปัดพูดนิดพูดหน่อยเสือกตกลง แหมๆๆ กูอยากจะแหมไปให้ถึงถ้ำกระบอก"


     ผมถลึงตาใส่ไอ้นก นิสัยสะดิ้ง!! ผมรู้ว่ามันก็พูดไปงั้นแหละ เพราะมันกับผมรู้ดีว่าถ้าไอ้เดือนพ่วงด้วยนักกีฬาประจำคณะและมหาลัยพิโรธขึ้นมา เพราะดันไปขัดใจพี่แกผมนี่แหละที่อาจถูกเตะไปถึงถ้ำกระบอก


"คืนมะรืนว่าไงไปกับกูป่ะ?" ผมถามรอบที่ห้าแล้วนะวันนี้


     ไอ้เบิร์ดเพื่อนนิสัยสะดิ้ง!! หันไปมองหน้าไอ้ปัดเพื่อนนิสัยถ่อย!! อย่างหน่ายๆทำท่าเอือมระอาผมแบบเว่อร์วังสิ้นดี


"แค่นี้ไม่ได้เหรอวะ จะให้กูไปคนเดียวเหรอ มีเงินกูก็เลี้ยงหนมป่ะวะ กูไม่สำคัญสำหรับพวกมึงสินะ" น้ำตาคลอได้รวดเร็วเหมือนเตรียมมา


"เออๆไปกันหมดนี่แหละ ไอ้ลำไยกับไอ้มังกรก็ไป อย่ามาดราม่า!!"







เวลา...23.15 น.




     ณ หน้าตึกคณะแพทย์



"ฤกษ์ มึงจะยืนทำเหี้ยอะไรตรงนี้ ไม่เดินเข้าไปวะ ยุงกัดจนกูคันไปหมดแล้วเนี่ย"

     ลำไยสาวหน้าคมดาวคณะ ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มถามอย่างหมดความอดทน ผมก็ออกจะงงๆหน่อยว่ากลุ่มผมทำไมมีดาวมีเดือนคณะมารวมกันได้ แต่ก่อนแต่ไรก็เป็นมนุษย์เพื่อนปกตินี่หว่า


"เดี๋ยว รอฤกษ์ดีๆ ก่อนดิว้า" ผมตอบมือก็ค้นลงไปในย่ามคู่ใจหยิบธูปขึ้นมาเตรียมพร้อม

"ฤกษ์ดีมึงน่ะเวลาไหน ลีลาฉิบหาย!!"



บรู๊ว~~~~~~~~



     ไอ้มังกรตี๋อินเตอร์ถาม พร้อมกับสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงหมาหอนดังประกอบประโยคคำถาม ไอ้นก เอ้ย!! ไอ้เบิร์ดกับลำไยสบถออกมาพร้อมกันโดยไม่ต้องนัด แถมยังกอดกันกลมแทบจะสิงกันได้อยู่แล้ว


"เวลาอะไรเวลาดีของมึงอ่ะ" ไอ้ปัดที่ยืนกินไส้กรอกอีสานข้างๆ ถามย้ำ


"23.23น. "


"ทำไมวะ?" ไอ้มังกรถาม


"กูชอบ"


"Kเหอะ!!" แหมะแจกกันมาเต็มหน้ากูเลยนะ


" ถ้าไม่เข้าดี๋ยวนี้พวกกูกลับแล้วนะ ยืนกันมาแม่งจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วไอ้ห่า ยุงกัดแขนลายหมดเเล้ว แขนเนียนๆของกู กว่าจะเนียนได้ขนาดนี้หมดครีมไปหลายกระปุกนะเว้ย" ไอ้นกเริ่มโวย


บรู๊ว์~~~~~



"เออๆ"

     น้องหอนประกอบอีกรอบกูก็ไม่รอแล้ว ที่แรงยิ่งนัก!! พวกผมเดินเกาะกลุ่มกันอ้อมมาทางหลังตึกคณะแพทย์ที่มีคนเล่าขานกันมานักต่อนักว่าแม่งดีจริง!?


"ทำไมต้องที่นี่วะที่เก่าก็ได้ไม่ใช่เหรอวะ" ลำไยเอ่ยถามเสียงเบาแขนข้างซ้ายเกาะไอ้เบิร์ดข้างขวาเกาะมังกร ไอ้ปัดไม่ให้เกาะเพราะแดกไส้กรอกอยู่ ที่เก่าที่ว่าก็หลังคณะผมนี่ล่ะ


" เขาว่ากันมาเว้ย เนี่ยเจ๋งสุด"


"ใครฟันธง" ไอ้ปัดสอด


"เขาว่ามาอะ เขาเล่ากันมา"


"หูมึงเบาไปไหมหลักฐานอะไรก็ไม่มี แค่ฟังคนอื่นเล่าต่อๆกันมาก็เชื่อจนโงหััวไม่ขึ้น เอาไข่กูไปถ่วงป่ะกูให้ยืม"


"ไอ้ปัด ไอ้เหี้ย!! สันดานจริงมึง แขวนคอมึงเถอะ ฟู่~ๆ ยุบหนอๆ ยุบหนอๆ จิตแจ่มใสๆ ยิ้มแย้มๆ" อารมณ์ดีเข้าไว้เดี๋ยวเสียเคล็ด


"เป็นเอามากนะมึงอ่ะ" ไอ้ปัดไม่ว่าเปล่าผลักหัวผมแทบหน้าทิ่ม ไอ้สัส!! มือแมร่งมีแต่กลิ่นไส้กรอก


"ถ้ากูได้งวดนี้นะ จะได้เปลี่ยนหลังคาหน้าร้านสักที ฝนตกทีไรเหมือนร้านกูไม่มีหลังคาอ่ะแถมยังเหลือเลี้ยงชาบูพวกมึงอีกได้สบาย"


"กูรอแดกชาบูมาตั้งแต่ปีหนึ่งล่ะ"




     ผมทำสมาธิยืนนิ่งอยู่หน้าตรงไม้ใหญ่ห้าคนโอบ(ต้นอะไรผมก็ลืมถามมา)มีผ้าสามสี เจ็ดสี และพวงมาลัยเต็มไปหมด มีลำไยกับลูกปัดยืนส่องไฟให้อยู่ข้างๆ ผมหยิบป๋องแป้งเด็กขนาดพกพาออกมาจากย่าม เริ่มพิธีจุดธูปบอกกล่าวขออนุญาต


"ห้ามวิ่งนะเว้ย" ผมหันไปบอกเพื่อนๆที่รู้กันดีอยู่แล้ว ก่อนจะเดินมาที่ต้นไม้ใหญ่ ยกมือไหว้ขอขมาอีกครั้ง


"ขอสามตัวตรงนะท่าน"

      เทแป้งลงบนฝ่ามือลูบวนไปอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมกับท่องคถาขอสมานางไม้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในต้นไม้ที่ลูกได้มารบกวน



บรู๊วววววว~~~



"เฮ้ยๆ นั่น!?"


"อะไรๆ มึงเห็นเลขไร" ผมถามไอ้ตี๋แดนมังกรที่ยืนข้างๆอย่างตื่นเต้น


"เลขไม่เห็น เห็นแต่หิ่งห้อย" มังกรชี้ไปบนพุ่มไม้บนหัวที่มีแสงวิบวับๆให้ได้เห็นเป็นหย่อมๆ


"ไอ้ตี๋!! มันใช่เวลามาชมธรรมชาติไหมวะ" ลำไยบ่นอย่างหงุดหงิด


"แต่ที่นี่มีหิ่งห้อยได้ไงวะ กรุงเทพมีหิ่งห้อยได้เหรอวะ" ไอ้ปัดเริ่มพาวิเคราะห์ธรรมชาติ


"ทำไมจะมีไม่ได้วะ ถ้ามีแมวน้ำอยู่บนต้นไม้มึงค่อยสงสัย" โถ่วว บักเบิร์ดมึงก็ช่างสรรหามาเทียบ




บรู๊ววววววว~





สวบๆ



     พวกผมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อปรากฎเสียงปริศนาบนพุ่มไม้เหนือศรีษะ



สวบๆ




"มะ....มึง"




ตุ้บ!!!




"อ้าก!!!/กรี๊ด!!/ว้าย!!/เหี้ย!!/ว้าก!!"















     ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน วิ่งมาไกลเท่าไหร่....รู้แค่เพียงอยู่ท่ามกลางความมืดกับไฟฉายหนึ่งกระบอก ต่างคนก็ต่างบอกกันว่าอย่าวิ่ง แต่เมื่อมีบางสิ่งที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ร่วงลงมาจากพุ่มไม้ข้างบน กลุ่มผมก็แตกฮือกันคนละทิศละทาง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือลำไยที่กระโดดขี่หลังลูกปัด


     ผมมองสำรวจไปรอบๆ ตรงนี้น่าจะเป็นโรงจอดรถคณะ แพทย์ ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ 00.25น. โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามาทิ้งไว้ในรถไอ้ปัด ปัดโถ่ว~ ทำไงวะเนี่ยจะรู้ไหมว่าพวกมันเตลิดไปถึงไหนกัน





"อ๊ะ~ อ๊า~ อ๊ะ!!"




หืม...



     เสียงอะไรนี่มันเสียงผู้หญิง คล้ายๆเหมือนกำลังเจ็บปวด หรือว่า...





"รุนแรงจังนะคะ อ๊ะๆๆ"




แย่แล้ว!

     หรือจะเป็นนางไม้ที่ตามมา ผมยกมือพนมไหว้พร้อมกับสวดมนต์ขอขมาบอกกล่าวในใจ




ฟรึ่บๆ




     เสียงเหมือนรถโยก ดังอยู่ใกล้ๆทางด้านขวามือ แรงขึ้นเรื่อยๆคล้ายท้าทาย เหมือนมนต์ที่สวดไปไม่ได้ผล ผมเริ่มท่องบทคาถาไล่ผีอีกบท พร้อมกับล้วงลงไปในย่ามหยิบขวดน้ำพลาสติกที่เจาะฝาไว้เป็นรูสามรู ถูกบรรจุด้วยน้ำมนต์ของหลวงลุงเตรียมพร้อม เอาล่ะถ้าครั้งนี้ไม่ได้ผลยังตามรังควานผมคงต้องสวดคาถาชั้นสูงแล้ว




พรึ่บ!!





"กรี๊ดดดดดดดดดดดด"



     ผมฉายไฟไปทางด้านขวามือพร้อมกับบีบขวดน้ำในมืออย่างแรงให้น้ำมนต์พุ่งออกไปยังเป้าหมายข้างหน้า




"เหี้ยยยยยยย!!!"





     ขวดน้ำมนต์ผมแทบหลุดมือเมื่อภาพตรงหน้าประจักษ์แก่สายตา... รถซุปเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้าน จอดนิ่งอยู่ข้างเสาปูนขนาดสามคนโอบ...  ผมถึงกับต้องสบถดังลั่นเมื่อเห็นภาพหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ในชุดนักศึกษา สภาพหลุดลุ่ย เธอนอนหงายอยู่หน้ากระโปรงรถหรู เสื้อนักศึกษาไร้การติดกระดุม แหวกกว้างจนเห็นหน้าท้องแบนราบและอกทรงโตที่อยู่ในบราสีดำ กระโปรงทรงเอถูกถกขึ้นจนเห็นสะโพกขาวขาเรียวยาวทั้งสองข้างเกี่ยวเอวผู้ชายร่างสูงใหญ่ให้อยู่ในระหว่างขาของหล่อน ขาข้างหนึ่งมีชั้นในสีดำติดอยู่ตรงข้อเท้า


     ชายคนนั้นอยู่ในท่วงท่าที่มือทั้งสองข้างค้ำยันหน้ากระโปรงรถหรู เขากำลังคร่อมร่างผู้หญิง เขาเงยหน้าขึ้นหันมามองแต่ก็เห็นหน้าไม่ชัด....  ผะ..ผมไม่เห็นหน้าผู้หญิงเพราะเสาบังเห็นแค่ช่วงอกลงมาและเป็นภาพที่เห็นแล้วถึงกับหน้าร้อน นี่มันเรท30+แล้ว ในมหาลัยนะโว้ย


     ผมยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก ตั้งสติได้อีกที เขาสองคนก็ผละออกจากกันแล้ว นึกได้ก็ก้มหัวขอโทษขอโพยก่อนจะหันหลังรีบเดินออกมา เดินมาได้ไม่ถึงสิบก้าวร่างก็ถูกกระชากไปชนกับของแข็งอย่างแรง ทำให้น้ำมนต์ผมกระฉ่อนออกมาเต็มไปหมด โอ๊ย!! วันอะไรวะเนี่ยหวยก็ไม่ได้น้ำมนต์ก็หกจะหมดขวดแล้ว กว่ากูจะเอาน้ำมนต์มาได้กูขัดห้องน้ำวัดอยู่เป็นอาทิตย์เลยนะโว้ย กว่าหลวงพ่อท่านจะให้มาได้



"เจ็บนะโว้ยย น้ำมนต์กูกว่าจะทำพิธีได้แต่ละครั้งมันนะ...นา.... เฮ้ย!! พี่!"

     ผมหันไปโวยวายเมื่อโดนกระชากแขน ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วไง หน้าก็แทบไม่เห็นจะอะไรอีกเนี่ย หันไปอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้ามันคือ...หมอ....หมอเทวดา เหี้ย!! นอกจากจะหล่อเทวดาแล้วมึงยังเอาไม่ธรรมดาอีก เย้ยฟ้าท้าดินไปไหม



"....."


"ผะ...ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมไม่เห็นอะไรเลยนะ" ยังไงเขาก็หน้าจะรู้จักลุงรหัสผม เพราะพึ่งเล่นบอลด้วยกันมา เป็นมิตรกันมันดีนะเออ


"...."

      เขาไม่ตอบอะไร ตาสีเทาหม่นเอาแต่จ้องและก็จ้องมือก็ไม่ยอมปล่อยออกจากแขนผม จนต้องเบนสายตาหนีตาคมคู่นั้น สายตาสะดุดเข้ากับเสื้อนักศึกษาที่ยังติดกระดุมไม่เรียบร้อย แหวกลึกจนเห็นแผงอกแกร่ง เสื้อสีขาวเปียกเป็นหย่อมๆ จากฝีมือการสาดน้ำมนต์ขั้นเทพของผม(!?) อยู่ดีๆใจผมก็เต้นผิดจังหวะแทบทะลุอก ตาเจ้ากรรมแอบเหล่ลงต่ำ เห็นเป้ากางเกงหมอเทวดารูดซิบเรียบร้อยดีไม่มีสิ่งแปลกปลอมโผล่มาทักทายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โอ๊ยยย แล้วผมจะไปมองหาอะไรเนี่ย


     เสียงหัวเราะดังอยู่ข้างหู เมื่อเขาเห็นผมถอนหายใจ เขาต้องรู้แน่ล่ะว่าผมมองอะไร ก็เขาจ้องผมอยู่นี่ แล้วหน้าจะก้มอะไรนักหนา แทบจะดมหน้าผากผมอยู่แล้ว ผมบิดแขนตัวเองออกจากมือเขาอย่างสุภาพ เขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างสักหน่อยให้หัวใจได้ทำงานอย่างปกติ กลัวว่ามันจะเกิดภาวะล้มเหลวเฉียบพลันไปซะก่อน ขนาดเล่นผีถ้วยแก้วผมยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลย เจอไอ้พี่หมอเทวดาทีไรร่างกายผมระบบรวนไปหมด จะว่าพี่มันหล่อเกินมาตรฐานมนุษย์จนเขินก็ไม่น่าใช่ไอ้ปัดก็หล่อ ไอ้มังกรก็หล่อ พี่อิฐนี่โคตรหล่อ ผมยังเฉยๆ เป็นเรื่องลี้ลับจริงๆ


"เอิ่ม..ผมกลับก่อนนะพี่ เฮ้ย!!"

     ผมยกมือบ๊ายบายพี่เขา อยู่นานอึดอัดโว้ยยย ไม่พูดห่าไรสักอย่างมองอยู่ได้ พูดฝรั่งไม่ได้สักกระติ๊ด ลามันภาษาไทยเนี่ยล่ะ


     แต่พูดยังไม่ทันจบดีก็โดนหมอเทวดาลากตัวปลิวมายัดอยู่ในรถซุปเปอร์คาร์คันหรูหันไปมองรอบๆไม่เห็นสาวหุ่นเอ็กซ์คนนั้นแล้วแฮะ ไม่รู้หายไปไหน จะเปิดประตูรถลงก็เปิดไม่ออก รถไรวะเปิดยังไงล่ะเนี่ย


"พี่จะพาผมไปไหน" ผมถามหมอเทวดาเสียงห้วนที่กำลังขับรถออกจากโรงรถ เขาแค่หันมามองแต่ไม่ตอบ เฮ้ออออ เขาคงรู้เรื่องหรอกว่าผมพูดอะไรฟังภาษาไทยไม่ออกนี่นา


"ยู โก แวร์?"


"...." ฟังไม่ออกเหรอวะ แล้วอันไหนต้องไว้หน้าไว้หลังละเนี่ย


"เอิ่ม...ยู แวร์ โก? คือแบบว่า ไอ จะ โก โฮม สลีป นอนอ่ะ โฮม ไอ อ่ะ"


"...."



     ปัดโถ่วโว้ย เฮ้อ อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนพี่อิฐ(?)มั้งน่าจะไว้ใจได้ ผมเลยกลับมานั่งเงียบๆตัวเกร็งในความเงียบไป แอบเหล่มองพี่หมอเป็นระยะ หล่อโว้ย อิจฉาชะมัดหาที่ติไม่ได้เลย ยิ่งเขาเกล้าผมลวกๆเซอร์ๆทั้งหล่อ เท่ และเซ็กซี่ มันจะมากไปแล้วที่มารวมอยู่กับคนๆเดียวเนี่ย สักพักก็เริ่มคุ้นเส้นทาง นี่มันทางไปบ้านผมนี่หว่า ผมเริ่มเบาใจและเริ่มเข้าใจว่าเขาคงมาส่ง ใจดีอยู่แฮะ ผมเริ่มผ่อนคลายเมื่อรู้ว่าเขาจะมาส่ง อย่างน้อยก็น่าจะพูดไรบ้างดิว้า 'โกโฮม' ผมก็รู้เรื่องอยู่นะเว้ย


"หอมอ่ะชอบกลิ่นนี้" ผมสูดหายใจเต็มปอดกลิ่นในรถเขาเป็นกลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาที่ผมได้กลิ่นตอนนั้นในสนามบอล


"...." เขาหันมามองแวบนึงก่อนจะขับรถต่อ ผมยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรพร้อมกับพูดไปเรื่อยเปื่อยเพื่อทำลายความเงียบกับอาการประหม่า และการเต้นแปลกๆของหัวใจ ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจอยู่แล้วหลอกด่าก็คงไม่รู้ ฮ่าๆๆ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นาที่ผมพูดไปเรื่อยเปื่อย


"ดูท่าทางพี่ก็มีตังค์อ่ะ ทำไมไม่ไปเปิดโรงแรมดีๆอ่ะ มาทำไรกลางแจ้งแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ถ้ามีกล้องวงจรปิดจะทำไงอ่ะ พี่งานเข้าเลยนะ อยากเป็นซุปตาร์คลิปโป๊เหรอ" ผมหันไปพูดกับพี่เขาอย่างจริงจัง เขาหันมามองแวบนึงแล้วก็ขับรถต่อ


" โอ๊ยยยย หงุดหงิดโว้ยบอกให้ระวังกล้องวงจรปิดพูดว่าไงเนี่ย จะเปิดกูเกิ้ลก็ไม่ได้เอามือถือมา" ผมยีหัวอย่างหงุดหงิดตัวเองที่กากภาษาอังกฤษ เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆแต่พอหันไปมองก็พบแค่หน้านิ่งๆ


"เออนั่นแหละ อย่าทำอีกนะผู้หญิงเขาก็มีพ่อมีแม่ อย่าชิงสุกก่อนห่ามดิ ทำงี้ผู้หญิงเขาเสียหายนะ เอ้อ แต่สมัยนี้ก็คงไม่ถือกันแล้วมั้ง พี่ก็ฝรั่ง พวกฝรั่งนี่ก็คงไม่ถือ แต่มันก็ไม่ควรอยู่ดีอ่ะ เรียนหมอต้องทำตัวให้น่านับถือดิว้า อีกเรื่อง นี่สำคัญมาก ในรถมีแม่ย่านางนะพี่อย่าไปทำอะไรบนกระโปรงรถอย่างนั้น มันไม่ดีท่านจะไม่คุ้มครองยามคับขันนะ พี่ต้องขอขมาท่านด้วยนะ"


     เขาขมวดคิ้วหันมามองผมแวบนึง คงจะไม่เข้าใจละสิ ช่างเถอะเดี๋ยวทำให้ ผมหยิบสร้อยพระในย่ามขึ้นมา หันไปมองเขาเชิงขออนุญาตทำมือทำไม้ประกอบว่าจะแขวนตรงกระจกส่องหลังในรถให้ เขานิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ ผมจึงแขวนพระให้เขายกมือไหว้ท่วมหัวบอกกล่าวในใจ อันเชิญท่านมาปกป้องคุ้มภัยทำเสร็จก็หันไปยิ้มแฉ่งให้เขา



     สักพักรถก็มาจอดอยู่หน้าร้านผม เขาเอื้อมมือมาเปิดประตูรถให้ เพราะผมเปิดไม่เป็นหน้าพี่หมอเทวดาใกล้แก้มผมจนแทบสะดุ้ง ใกล้จนระบบร่างกายผมรวนอีกแล้ว ผมลนลานรีบก้าวลงจากรถก่อนจะทุบหน้าอกตัวเองให้หัวใจเป็นปกติ เดินอ้อมไปยืนอยู่หน้ารถกวักมือเรียกเขาให้ลงมา เขาลงมาอย่างว่าง่าย ผมจุดธูปที่เอามาจากในย่ามยื่นให้เขาแต่เขาไม่รับ ผมจึงเอามาทำเอง


"ขอขมาแม่ย่านาง แต่พี่ไม่ต้องทำก็ได้ดูท่าคงไม่ใช่พุทธ เดี๋ยวผมทำให้" ผมยกมือไหว้เอาธูปปักกล่าวขอขมาในใจ


"เรียบร้อย อย่าทำแบบนี้อีกนะพี่ ขอบคุณครับที่มาส่ง กลับบ้านดีๆล่ะ พระคุ้มครอง" ผมพูดพล่ามเหมือนเขาฟังรู้เรื่องก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณและเดินเข้าบ้าน เฮ้อออ ง่วงชะมัด...










     ร่างสูงใหญ่ยืนรอจนกระทั่งประตูร้านปิด เขานั่งลงบนหน้ากระโปรงรถ ดวงตาสีเทาหม่นลุ่มลึกจนยากหยั่งถึง จ้องมองธูปที่ปักอยู่หน้ารถด้วยสีหน้านิ่งๆ ใบหน้าไร้อารมณ์ที่ยากจะคาดเดาว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ได้ฉายยาว่าเทวดาเดินดินนั้นกำลังคิดอะไรอยู่


     เมื่อกลุ่มควันธูปดับลงร่างสูงใหญ่ก็ก้าวขึ้นรถพร้อมกับขับออกไป มุมปากที่คาบบุหรี่กระตุกยิ้ม เมื่อนึกถึงคนที่เขาไปส่งบ้านเมื่อสักครู่ มีคนแปลกหน้าไปส่งบ้านถูกหลังโดยไม่ถามทางสักคำแต่กลับไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจของเจ้าเด็กคนนั้น...




















หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 22-12-2019 17:49:54
น่าติดตาม น่ารักกก น้องฤกษ์สายชิลล์เกิ้นนดูก็รู้ว่าเป็นภาระของทุกคน5555
น้องชายมาดโหดแต่หล่อ เอ็นดูวว

หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 22-12-2019 21:18:24
เอ๊ะๆ ยังไง :mew3:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-12-2019 11:00:25
เอ๊ะๆ ยังไง เตะบอลอัดชาวบ้านนี่ดอกแรก
ดอกชัดๆ คือส่งตรงถึงหน้าบ้านน้องเค้าได้งัยยยยย
พี่หมอเทวดาสุดหล่อ แอบชอบเด็กผีสะพายย่ามแล้วอ่ะดิ
แอทแทคความเอ๋อแต่น่ารักของน้องฤกษ์
กดบวกรัวๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-12-2019 17:24:53
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 23-12-2019 19:06:45
น้องฤกษ์น่าเอ็นดู~ ตอนน้องบ่นพี้เขานี่อยากจะบีบแก้มมาก มันเขี้ยวสุดๆ พูดจ้อไปเรื่อยไม่ได้เอะใจเลยว่าพี่เขารู้จักบ้านตัวเองได้ยังไง ถ้าเทียนรู้โดนดุยาวแน่ๆ ฮา

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 23-12-2019 23:02:36
สนุกมากจ้า ฮามาก ฤกษ์น่าเอ็นดูมาก ติดตามจ้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล ตอนที่3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-12-2019 02:25:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่3...เสียงลี้ลับ
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 24-12-2019 19:54:16
หมอผีตั๊ลล้าก….  :m3:


ส่วนหมอเทวดาก็….   :haun4:



คู่นี้คือดจีย์อร้า!!    :กอด1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่3...เสียงลี้ลับ
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 24-12-2019 20:40:11
ชอบบบบบบบ เอาอีกกกกกกกกกก มาด่วนเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่3...เสียงลี้ลับ
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 24-12-2019 21:20:31

4...ล้อหมุน










นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต~~~





"หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งครับ อิสสะน๊อมสะแน๊มเทเร ..."


"ไอ้ฤกษ์!! กวนตีน!!  ดัดเสียงผู้หญิงแต่พูดครับ แล้วไอ้สกิลภาษาอังกฤษกากๆ สำเนียงต่างดาวของมึงก็ยังจะกล้าพูดให้กูฟังเน๊อะ ไปหลอกเด็กอนุบาลมันยังไม่เชื่อกันเลยเหอะ!!"


     ผมรีบเอามือถืออกห่างหูเพราะเสียงตะคอกเมื่อกี้เล่นเอาขี้หูแทบสะเทือน


     ผมกำลังนั่งจัดพวงหรีดดอกไม้เทียม ที่ใช้แบงค์ห้าสิบและแบงค์ร้อยทำเพราะสั่งทำพิเศษ มือถือหน้าจอแตกก็ดังลั่น มองเห็นเบอร์แทบสะดุ้ง จะตัดสายทิ้งก็กลัวจะโดนลำแข้งพิฆาตเตะตูดขี้หักใน


"เก๊าะ~ล้อเล่นเอง พี่อิฐอารมณ์บูดไรว้าาา"


"กูนัดให้มาเช็คของสี่โมงครึ่ง นี่มันจะห้าโมงแล้วนะโว้ย ทำไมยังไม่โผล่หัวมา" ผมหยุดมือทำงานตรงหน้าเกาหัวแกรกๆ นัดไรวะ


"เช็คของไรอ่ะ? เฮ้ย!! พี่อิฐตายห่าแล้ว!"


"ตายห่าพ่องดิ!! มึงช่วยเอาชื่อกูกับคำสบถเว้นระยะห่างด้วย กูว่าแล้ว ไอ้น้องรหัสเส็งเคร็ง!!"


"ผมจะรีบบบบบ"


"รถออกหกโมงเย็นมึงมาให้ทันไม่งั้นกูนี่ล่ะจะจับมึงยัดลงโลงแล้วถ่วงทิ้งทะเล!! ตู๊ดๆๆ"


     สิ้นสุดเสียงพี่รหัสสุดเถื่อน ผมรีบตาเหลือกวิ่งขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เกือบสดุดบันไดแต่เจ้ากรรมนายเวรผมท่านยังใจดี ส่งไอ้เทียนน้องรักมาดึงคอเสื้อไว้ทัน


     วันนี้วันจันทร์เป็นวันออกค่าย แต่ผมดันลืมสนิทเลยเพราะ เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งๆกับโลงศพสั่งทำสามโลง ฉุดแขนไอ้เทียนเข้าห้องพร้อมอ้อนวอนมันจัดกระเป๋าให้ โดนมันเอาเป๋าเป้ฟาดสามทีเป็นค่าแรง!? หลังจากนั้นผมก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำเพราะทั้งวันยังไม่ได้อาบน้ำเลย เฮ้อ ชีวิตผมทำไมมีแต่ความเร่งรีบเลยวุ๊ย!?




นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต~~~



     

     เสียงมือถือผมดังขึ้นขณะกำลังออกจากบ้านเพื่อเดินไปขึ้นพี่วินหน้าปากซอย บรรยากาศอึมครึมคล้ายฝนกำลังจะตก จะให้น้องไปส่งมันก็ไปส่งของที่งานลูกค้า


"โหล..."


"ไอ้น้องรหัสเส็งเคร็ง!! ไม่ต้องมาเองยังไงมึงก็ไม่ทันตอนเย็นรถติด ดูจากความสามารถมึงแล้วคงขึ้นรถไฟฟ้าไม่เป็น(เอ้า รู้ดีอีก)มึงออกมายืนรอรถที่หน้าปากซอยตรงป้ายรถเมล์เดี๋ยวมีคนไปรับอีกสิบนาที มันรู้จักทางลัด! ตู๊ดๆๆ"


"โหลๆๆพี่อิฐๆ"


     มาเร็วเคลมเร็วเลยวุ๊ย ไม่ทันได้รู้เหนือรู้ใต้ใครมารับก็ไม่รู้ แทนที่จะบอกกันหน่อย ผมเดินเนือยๆไปหน้าปากซอย ถึงปุ๊บฝนเจ้ากรรมดันตก ไม่แรงมากแค่ปรอยๆ วิ่งไปหลบฝนที่ป้ายรถเมล์เพราะเห็นแวบๆว่ามีหลังคา มีร้านกาแฟอยู่ถัดไปใกล้ๆ เห็นคนไปยืนเบียดหลบฝนหน้าร้านกันเต็ม ป้ายรถเมล์ก็หลบได้ทำไมไม่มากันอ่ะ ยืนเบียดกันทำไมหนอ


     ยืนได้สักพักก็รู้สึกถึงสายตาของผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา เห็นผมแล้วก็พากันกลั้นขำ อะไรวะ? กางเกงก็รูดซิปแล้วนี่หว่า เสื้อก็ไม่ได้ใส่กลับด้าน ขำไรกัน เมื่อไหร่คนรับจะมาหนาวชะมัด!




ปริ๊นๆ



     หันซ้าย หันขวา สำรวจตัวเองได้สักพัก รถยนต์คันหรูสีดำก็จอดเทียบ กระจกรถติดฟิล์มสีดำทึบเลื่อนลงด้านข้างคนขับ ปรากฎใบหน้าหล่อเหลาแต่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หมอแข่งขัน... พี่เขากวักมือเรียกผมปนหัวหัวเราะ


     พวกพี่หมอเทวดานี่เองที่มารับ ผมวิ่งเหยาะๆไปที่รถเปิดประตูหลังก้าวขึ้นไป มีใครอีกคนนั่งอยู่เบาะหลัง พอเห็นหน้าชัดๆก็ต้องร้องอ๋อทันที พี่แสงปีสี่วิศวะ เคยเห็นไปเตะบอลกับพวกพี่อิฐพี่ตังค์อยู่ พี่สายรหัสผมพวกนี้เขากว้างขวางครับ ผมก็เลยพอคุ้นๆหน้ากับเขาบ้าง เห็นใกล้ๆหล่อชะมัดเลย ผมยกมือไหว้พี่เขาและพี่ๆที่นั่งอยู่เบาะหน้า


"น้องฤกษ์ทำไมไปยืนตรงนั้นฝนมันตกนะ" พี่หมอแข่งถามพลางกลั้นขำ อะไรวะก็ยืนรอพวกพี่ไง ผมหันไปมองคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างงงๆ กูทำไรผิดวะ หันไปมองพี่แสง พี่เขาก็มองผมยิ้มๆ มองไปที่คนขับก็นิ่งเหมือนก้อนหิน อย่างไรเขาก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่เเล้วจะนิ่งก็ไม่แปลก


     จังหวะการเต้นของหัวใจกระตุกเมื่อสายตาคมเฉี่ยวสบเข้ากับผมทางกระจกมองหลังที่เผลอแอบมองอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายสะดุ้งเหมือนทำความผิดแล้วโดนจับได้(แต่ผมเปล่าทำอะไรผิดนะเว้ย) รีบสะบัดหัวเรียกสติเบือนหน้าหนีกลับไปสนหมอแข่ง แค่โดนมองก็แทบลืมจังหวะการหายใจ ตายๆ เป็นคนที่ไม่น่าอยู่ใกล้เลยเว้ย กลัวตัวเองจะช็อคตาย!?


"ก็ฝนตกอ่ะ ก็ต้องไปยืนหลบฝนดิพี่ ผมไม่ใช่สีทนได้นะจะได้ทนแดดทนฝน" ผมตอบพี่เเข่งไป พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณพี่แสงที่ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้เช็ดเนื้อตัว


"ไม่แปลกใจหรือไงฝนตกปรอยๆแค่นี้ทำไมเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ"


"......" ผมเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ หันไปมอง เห็นพี่แสงกำลังกลั้นขำพร้อมกับนิ้วชี้ที่ชี้ให้หันกลับไปดูป้ายรถเมล์ที่พึ่งจากมา ยังเห็นอยู่ในระยะยี่สิบเมตรเพราะพวกผมติดไฟแดง


     ผมหันกลับไปดูก็มองเห็นป้ายรถเมล์เล็กๆปกติ มีหลังคาสี่เหลี่ยมผืนผ้ายื่นออกมา...


"เฮ้ย!!"


"ฮ่าๆ"


"หลังคา!! หลังคาหายไปไหน!!? ใครมันขโมยหลังคาป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้านผม!!" ผมโวยวายเสียงตื่น


"ฮ่าๆๆๆๆ~ "


     เสียงหัวเราะดังลั่นรถแม้แต่คนขับที่หน้านิ่งก็ยังแอบเห็นกระตุกยิ้ม ใช่ครับ!! ป้ายรถเมล์ที่ผมยืนหลบฝนมันมีหลังคาแต่มีแค่โครงหลังคา แผ่นหลังคาไม่มี โล่งจนเห็นท้องฟ้าเลยล่ะ!!!


     อ้ากกกกกก ปล่อยไก่กี่ตัววะเนี่ย ใครมันมาเลาะเอาหลังคาไป ถึงว่าทำไมรู้สึกเสื้อผ้ามันเปียกเยอะกว่าที่ควรจะเป็น ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะถ้าพวกพี่มันไม่หัวเราะกันลั่นรถกันอย่างนี้  เอาผ้าเช็ดตัวคลุมหัวแกล้งหลับแม่งเลย อายโว้ยยย







     พอมาถึงผมก็ยกมือไหว้พวกพี่ๆเขา แล้ววิ่งจู๊ดออกมาหาคณะตัวเองเพื่อเช็คชื่อ ไอ้พี่หมอแข่งแม่งล้อผมตลอดทางเลย เกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่มันจริงๆ และประเด็นหลักเลยคือ ผมหลบหน้าหมอเทวดาครับ อยู่ห่างๆได้ยิ่งดี ผมไม่ชอบตัวเองที่ระบบรวนเมื่ออยู่ใกล้ๆเขา...



"หวัดดีพี่"


     ยกมือไหว้พี่อิฐพี่ว้ากปัจจุบัน พี่ตังค์อดีตพี่ว้าก ที่กำลังยืนหน้าโหด('สำหรับผม' แต่หน้าหล่อ 'สำหรับคนอื่น') พวกพี่เขากำลังช่วยกันชี้นิ้วสั่งลำเลียงของขึ้นรถกระบะ 90% เป็นปีสอง 10% เป็นพี่ๆปีสามปีสี่ที่มาช่วยเพราะยังไงก็ยังไม่ไว้ใจปีสอง สังเกตง่ายๆใครที่ยืนชี้นิ้วสั่งนู้นนี่ก็พวกพี่ๆเขานั่นแหละครับ


     พอพวกพี่เขาหันมาเห็นผม ก็จัดการถวายลำแข้งมาเตะตูดผมคนละทีสองที หลังจากนั้นก็เทศนาอีกเล็กน้อยก่อนจะใช้ผมไปยกถังสีมาใส่รถ


"อร๊ายยย อีฤกษ์! มึงมากับพวกพี่เขาได้ไง"


"มึ๊งงงง ทำบุญด้วยอะไรตากูร้อนไปหมดแล้ว อร๊าย! แค่เห็นหน้ากูก็อยากเปลื้องผ้าแล้ว"


     ผมสะดุ้งโหยงเมื่อไอ้คู่หูเพื่อนซี้ นิสัยหยาบและสะดิ้งโผล่พรวดออกมาทางด้านหลัง แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็เห็นจะเป็นเสื้อที่ใส่มานั่นแหละ ลำไยมาด้วยเสื้อสีแดงสดสัญลักษณ์ทีมปีศาจแดง ไอ้นกมาด้วยแดงสดเหมือนกันแต่สัญลักษณ์หงษ์แดง ไอ้ปัดนิสัยถ่อยเดินตามมาติดๆมันมาด้วยเสื้อดำเขียวสัญลักษณ์บางกอกกล๊าส ไอ้ตี๋นิสัยชอบสั่งก็ตามมาติดๆด้วยสีกรมสัญลักษณ์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนผมสีน้ำเงินสัญลักษณ์การท่าเรือ!!


"ฮ่าๆ ไอ้เหี้ย!! อย่างกับนัดกันมา" ไอ้ตี๋มังกือร้องลั่น


"เนี่ย เขาถึงเรียกซี้ปึก" ไอ้ปัดว่า


"ซี้ปึกมันต้องทีมเดียวกันเว้ย" ไอ้นกว่า


"กูเปลี่ยนทันไหมเนี่ย พวกมึงแยกย้ายเลย ไม่ต้องมารวมกลุ่มมันเด่น อย่างกับมาเเข่งกีฬา แล้วหัวมึงเป็นไงบ้างวะ"


"สบายมากว่ะ สาสมกับที่ลืมพวกแม่งมัน" ไอ้ปัดพูดเหมือนรู้สึกผิด แต่หัวเราะเหมือนสะใจ


"กูว่าน่าจะโดนอีกสักสิบเข็ม"



พลั๊วะ!!



"โอ๊ย!! ไอ้เหี้ยกร!!!"



     ผมหันไปถามไอ้หล่อเดือนคณะที่หัวแตกเย็บไปสามเข็มแล้วก็โดนไอ้ตี๋ตบหัวเข้าให้  ข้อหาพูดไม่เข้าหู เหตุเนื่องมาจากในคืนวันนั้น.... ไอ้ปัดมันวิ่งหน้าตั้งโดยมีลำไยร้องกรี๊ดๆขี่หลังมันอยู่ สลัดยังไงก็ไม่หลุดเกาะแน่นเป็นเห็บหมา ทางก็มืดไอ้คนมีไฟฉายก็ไม่ส่องทางให้ เอาแต่ร้องกรี๊ดๆ มันก็เลยวิ่งชนเสา แตกหนึ่งเรียบร้อย หลังจากนั้นไอ้ลำไยพอเห็นเพื่อนแตก(?)มันก็ตั้งสติได้ ขับรถพาไอ้ปัดไปทำแผลโรงบาลแล้วก็พากันแยกย้ายกลับบ้านนอน


     เรื่องก็เกือบจบลงด้วยดี!? ถ้ามันสองตัวไม่ลืมเพื่อนไว้ที่มหาลัย ไอ้ตี๋กับไอ้นกต้องนั่งหลับสัปหงกอยู่กับลุงยามที่ป้อมยามจนเกือบเช้า เหตุเนื่องมาจากถูกเพื่อนทิ้ง ไม่มีแท็กซี่ผ่านสักคันมือถือแบตหมดทั้งสองเครื่องเรียกแกร็บก็ไม่ได้ ลุงยามก็ใช้รุ่นขาวดำ โถ่ววว ผม ลำไย ลูกปัด ก็พึ่งมานึกได้ว่าลืมเพื่อนหลังจากมาถึงมหาลัยตอนเช้า โดนไอ้นกไอ้ตี๋มังกรโกรธกันยกใหญ่ ต้องได้เลี้ยงข้าวพวกมันเป็นอาทิตย์ พวกมันก็ถามผมเหมือนกันว่ากลับยังไง ผมก็เลยบอกว่าเจอรุ่นพี่ระหว่างทางเขาเลยไปส่ง พวกมันเลยไม่ติดใจอะไร แต่เว้นชื่อคนมาส่งกับเหตุการณ์ 30+ ไว้ กลัวเล่าแล้วมันจะถามไม่จบไม่สิ้น เชื่อผมเถอะ! ถ้าพวกมันรู้มันต้องถามยันสีเล็บขบของสาวอกตูมคนนั้นแน่


     ส่วนเสียงปริศนาที่ทำให้พวกผมวิ่งหนีปานหมาโดนน้ำร้อนสาดนั้น….แมวครับ!! ไอ้มังกรตอนมันวิ่งมันหันกลับมามองด้านหลังด้วยความอยากรู้ ตามประสาประธานรุ่นคนรอบคอบ(?) สายตาปะทะเข้ากับป้าตู่ แมวขนขาววัยทอง ดาวเด่นประจำคณะพวกผม(แอบตามมาได้ไงก็ไม่รู้) ป้าตู่ก็ยืนมองพวกเรางงๆ ว่าพวกมึงเป็นห่าไรกัน


    ไอ้ตี๋กรมันเห็นอย่างนั้นก็เลยจะหยุดวิ่งแต่เพราะเห็นพวกผมใส่เกียร์หมากันมันก็เลยวิ่งต่อ นี่แหละหนา อุปทานหมู่ ฮ่วย~


"ยังแยกไม่ได้ เมื่อกี้พวกกูเห็นนะว่ามึงมากับใคร มาได้ไง? มายังไง? ไปสนิทกับพวกหมอเทวดาตอนไหน? "


"โว๊ะ!! อะไรของพวกมึงเนี่ย ไม่ได้สนิท พี่อิฐเขาให้มารับเห็นเป็นทางผ่านพวกพี่เขามั้ง"


     ผมว่าอย่างหน่ายๆ เดินเลี่ยงพวกมันไปทำงาน พวกไอ้มังไอ้ปัดเลี่ยงไปยกถังสีแล้ว พวกมันแค่มาทักทาย แต่ไอ้สองตัวหลังเนี่ยเกาะผมอย่างกับปลิง


"อีฤกษ์!!/ฤกษ์!!" พวกมันทำหน้างอเมื่อไม่ได้ดั่งใจ นี่กูเพื่อนนะไม่ใช่ผัว!!








ตื๊ดๆๆ~~




    เสียงเพลงตื๊ดๆ ดังสนั่นหวั่นไหวภายในรถบัสคันหลังสุด รถเริ่มทยอยออกจามหาลัยมุ่งสู่ภาคใต้คงจะถึงตอนใกล้รุ่งพอดี รถบัสสองคันข้างหน้าก็ใช่จะน้อยหน้าดังสนั่นอย่างไม่ยอมกัน รู้สึกจะเป็นวิศวะ


    นิเทศกับสถาปัตย์ สองคณะหลังน่าจะนั่งคันเดียวกันเพราะคนไปไม่เยอะ ส่วนรถคันที่เงียบกริบนั้นไม่บอกก็พอจะเดาได้เพราะพวกอาจารย์ก็นั่งไปกับทีมแพทย์ คงไม่เสี่ยงมานั่งกับพวกลิงพวกค่างให้ได้อดหลับอดนอน ได้แต่กำชับให้ปีสูงๆที่ประจำอยู่ตามรถต่างๆคอยดูแลควบคุมน้องๆ


     ค่ายนี้เราสานต่อจากปีที่แล้ว ปีที่แล้วเขาสร้างไว้แต่ยังไม่เสร็จดีเพราะเวลาจำกัด ปีผมเลยไปสานต่อ ได้ยินมาว่าค่ายนี้ทางมหาลัยผมทุ่มทุนสุดๆทำมาเรื่อยๆหลายปีแล้ว ทางเราได้ทุบทิ้งเพราะความเก่า เริ่มสร้างมาเรื่อยๆด้วยฝีมือนักศึกษามหาลัยนี้ จากรุ่นสู่รุ่น พวกผมเป็นรุ่นที่สี่ที่ไปสานต่อและก็คงจะเสร็จสมบูรณ์รุ่นผม เพราะเหลืออะไรไม่มาก แค่ไปเก็บรายละเอียด ดังนั้นเราจึงมีคณะแพทย์และนิเทศไปด้วย เพราะปกติจะมีแต่วิศวะสถาปัตย์และฝ่ายศิลป์ วัดที่เราสร้างนี้ทุ่มทุนสร้างมาหลายรุ่น พี่ตังค์บอกว่า เป็นวัดเล็กๆไม่ใหญ่มีพระจำวัดอยู่สี่รูป ถูกสร้างอย่างงดงามจนเริ่มเป็นที่สนใจของคนในจังหวัด และท่านอธิการบดีของมหาลัยเราเป็นลูกศิษย์วัดนี้ และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทางมหาลัยเราทุ่มเทมาเป็นระยะเวลานาน เพราะระดับท่านจะจ้างบริษัทก่อสร้างเอกชนมาสร้างกี่บริษัทก็ได้ แต่ท่านกลับเลือกผู้สร้างจากผลผลิตของมหาลัยท่าน....





     พวกผมนั่งเบาะหลังสุดนั่งเรียงกันอย่างกับเป็นทีมฟุตบอล ความต้องการเบาะหลังนี้ก็เป็นความต้องการของไอ้หล่อเดือนคณะเพื่อนผมนี่ล่ะ มันบอกว่าขามันยาวนั่งเบาะคู่มันปวดขา เพียงมันหอบหน้าหล่อๆไปขอรุ่นพี่ผู้หญิงว่าจะนั่งเบาะหลัง เขาก็แทบจะคุกเข่าอันเชิญให้นั่ง


     ทีพวกไอ้คัตโตะร้องแว้ดๆจะนั่งเบาะหลังดันไล่ไปนั่งหน้า ไอ้คัตโตะมันส่งสายตามองกลุ่มผมเคืองๆ ผมได้แต่ขอโทษขอโพยมันอยู่ในใจที่ความหล่อของไอ้ปัดเป็นเหตุให้ความยุติธรรมของพวกพี่ๆเขาสั่นคลอน แต่พอเหล้าต้มไอ้มังกรเข้าปากเท่านั้นแหละ คัตโตะกับมังกรก็กอดคอกันดิ้นแด่วๆอยู่ข้างหน้าโน้น

     

     พวกพี่ปีสูงๆและสายรหัสผมนั่งเบาะถัดไป ผมไม่เห็นว่าใครเป็นใครเพราะบรรยากาศเริ่มมืด มีเพียงแค่แสงไฟวับๆแวบๆ ผมนั่งนิ่งทำสมาธิยกมือท่วมหัวท่องคาถาและบอกกล่าวให้พวกเราทุกคนเดินทางกันปลอดภัยและให้การไปค่ายครั้งนี้ราบรื่น พวกเพื่อนก็ไม่มีใครกวนเพราะรู้กันดีอยู่แล้ว



"ครึกครื้นๆๆ "



"วู้ๆๆ"



"คณะศิลป์เด้งหน่อย!! เอ้าๆรัวๆ ความง่วงคืออะไรไม่รู้จัก!! แต่ถ้านอนและนาบคณะนี้ระดับโปร ถึงเรื่องเรียนเรื่องกีฬาจะไม่เด่น แต่เราเก่งเรื่องความซกมก เหล้ายาปลาปลิ้งคืออะไรเราใสๆ แต่ยกไหแล้วน็อคกลางอากาศคณะนี้ถนัด วู้ๆๆ" อะไรของไอ้พี่โต้งแม่งวะ?


"ลองๆ อันนี้กูต้มเอง สูตรนี้น้องรหัสกูช่วยคิด"


      มังกรแบกไหเดินแจกจ่ายตั้งแต่หัวรถมายังท้ายรถมึงแบกมาได้ไงวะเนี่ย ถึงบนรถจะไม่มีอาจารย์มาคอยคุมก็เถอะเพราะฝากรุ่นพี่ดูแล แต่คณะผมอย่าได้หวังอะไรจากรุ่นพี่ นู้น ดิ้นแด่วๆเป็นปลากระดี่โดนกระทืบอยู่กลางรถนู้นมือซ้ายเหล้าต้มมือขวาช้างกระทืบโลง โดยเฉพาะพี่โต้งมือหนึ่งถือไมค์ อีกมือถือไห เด้งหน้าเด้งหลังอยู่ด้านนู้น ปีสี่แล้วนะ ดูทำตัว


"อ้าวมึงรู้น้องรหัสแล้วเหรอ ไวจังวะ" ผมถาม แต่เพื่อนรอบข้างส่ายหน้าเอือมๆ ซะงั้น อะไรอ่ะกูถามไม่ได้หรือไง


"เออดิ คำใบ้กูง่ายยิ่งกว่าถอดกางเกงในออกมาดมอีก 'ตีวงสะเทิ้นน้ำอลังกว่ามิสทิฟฟานี่' "


"ใครว่ะ?" ผมถามงงๆ แม่ง ยากกว่าถอดกางเกงในอีกเหอะ


"น้องกุ๊กไก่ไง ที่ไว้ผมทรงแอฟโฟร่อ่ะ หล่อโคตร เห็นกลุ่มอีฟรุ้งฟริ้งมันบ่นว่าเสียดายจะจับลงประกวดเดือนสักหน่อย แต่น้องไม่ยอมตัดผมเลยต้องไปหาคนอื่น" ไอ้ลำไยจอมรู้ดี


"กุ๊กไก่ นี่ชื่อผู้ชายเหรอวะ"


"เออ น้องรหัสกูผู้ชาย ชื่อกุ๊กไก่ มึงเถอะไอ้ฤกษ์เขารู้น้องรหัสกันหมดล่ะมึงอ่ะหาเจอยัง คำใบ้อะไรนะที่เคยบอกไว้อ่ะ"


"ยังอ่ะ คิดไม่ออกว่ะ 'เปล่งประกายแม้ไกลตาเพียงยิ้มมาชะนีบ่างค่างอ่อนระทวย' คิดคำใบ้ได้เหี้ยมาก คนห่าไรจะยิ้มแล้วค่างระทวย"


"โว๊ะ!! แค่นี้มึงไม่รู้ ตบหัวอีกสักทีดีไหมฮึ!! ก็น้อง...อื้อๆๆ"


"น้องไรลำไย!! ไอ้นก!! มึงจะปิดปากมันทำไม"


"อร๊าย!! อีฤกษ์กูบอกให้เรียกเบิร์ด! ไม่! กูไม่ให้มันบอกกูหมันไส้มึงได้ของดีคณะไปอีก"


"ลำไย มึงก็รู้เหรอ"


"เชอะ!! น้องเขาควรเป็นของกู" สะบัดหน้าใส่กูอีก


"เอ้า!! กูผิดไรเนี่ย ช่างแม่งเหอะ! ไม่อยากรู้ก็ได้ เดี๋ยวน้องมันก็มาหาเองนั่นแหละ" พวกลูกทีมฟุตบอลผมส่ายหน้าเอือมๆ(ผมจะเป็นกัปตันอ่ะ) แต่บางทีที่พวกมันส่ายหน้าอาจจะตามจังหวะเพลงก็ได้ ปีที่แล้วพี่อิฐมันยังมาหาผมเองเลย ผ่านไปเดือนกว่าแล้วผมยังหาพี่รหัสตัวเองไม่เจอเลยอ่ะ ได้คำใบ้โคตรยากเหอะ 'มีนามแข็งแกร่งดั่งหินผา พ่วงด้วยหน้าที่ตำแหน่งอันทรงเกียรติ...จำต้องลอยเด่นกลมโตยามค่ำคืน '



     ผมยิ้มกริ่มเอื้อมมือเอาแก้วกระดาษจากไอ้ตี๋ขึ้นมาจิบ อืม....อร่อยฉิบหาย!! ยกอีกอึกรวดเดียวหมด หวานนุ่มคอชะมัดเลย


     ไอ้ลำไยกับไอ้นกเห็นผมว่าอร่อยเลยวางมือจากกระป๋องเสือมาขอไอ้ตี๋คนละแก้ว กูว่าคืนนี้พวกมึงคลานเป็นหมาแน่แดกเบียร์และมาต่อเหล้าต้ม!!








บัวลอย!!~~เจ้าเพื่อนยากกกกกก~~


ทามายจากข้าเร็วเกินปายยยยย~






     เสียงโหวกแหวกโวยวาย เสียงร้องเพลงลั่นสนั่นรถ ผมดิ้นดุ๊กๆ ดิ๊กๆ อยู่หลังรถไม่รู้ว่ากินอะไรไปบ้าง รู้แค่ว่าใครยื่นอะไรมาก็เอาเข้าปากหมด


     รถจอด ได้ยินเสียงคนตะโกนแวะปั้ม เข้าห้องน้ำ เติมน้ำมัน เสียงเพลงเบาลงเป็นเปิดคลอ อยากเข้าห้องน้ำ ไปไม่ไหว ลำบากไอ้ปัดกับมังกรแบกไป ทั้งที่มันสองคนก็สภาพทุเรศเหมือนกัน




ตุ้บ



"เฮ้ย!!/โอ๊ย!!"


     รู้สึกว่าเดินชนบางอย่าง จนพวกผมล้มกลิ้งไปกองกับพื้น พอหลังมันแตะพื้นก็ลุกไม่ไหวดิค้าบบบ กูปวดเยี่ยวววว



"ไอ้ปัด!! เมาอย่างหมาเลยเว้ย ลุกๆเลยพวกมึงเดี๋ยวอาจารย์เห็น" เสียงพี่กิตหรือเปล่าวะ?


"น้องเจ็บตรงไหนไหม เดินกันดีๆสิ" หมอแข่งเปล่าวะ?


"โอย เยี่ยวววว ส้วมกูอยู่หนายยย ส้วมจ๋าๆ"


     ผมนอนครางโอดโอยอยู่กับพื้น ม่านสายตาพร่าเบลอ เจ็บจู๋ไปหมดแล้ว รู้สึกเหมือนร่างโดนยกขึ้นเหนือพื้น โดนลากไปไหน? ฝืนลืมตาดู อ่อ ส้วมจ๋า


 "เข้าไป" เสียงเย็นๆออกคำสั่ง


 "หนาย โถเยี่ยวอยู่หนาย ทามมายมีแต่ชักโครก"


"ชักโครกก็เยี่ยวได้" ไมเสียงดุจังวะโมโหหิวป่ะ รู้สึกว่ากางเกงบอลกำลังจะถูกดึงลง


 "ม่ายๆ ทำเอง ขอบใจๆ" ทำได้ๆไม่เมาสักหน่อย


"ฤกษ์! ไหวไหมมากูช่ว...ปัง!!"


   ครายยย มันปิดประตูใส่หน้ากูวะ กะเอาให้หลุดเลยช่ายม้าย มาส่งถึงส้วมยังปิดประตูให้อีก ขอบจายๆ เอิ้ก~





     ผมถูกไอ้ฟรุ้งฟริ้งหิ้วขึ้นรถมานอนแอ้งแม้งอยู่เบาะหลัง ได้ถุงพลาสติกมากอดไว้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ยกนาฬิกาข้อมือดู เที่ยงคืนกว่า


     ได้ยินเสียงโหวกเหวกในรถ เสียงกรี๊ดดังสนั่น จะตั้งใจฟังว่ากรี๊ดอะไรกัน เสียงเพลงก็เปิดดังขึ้นอีกครั้งกลบเสียงไปหมด แล้วล้อก็หมุนอีกครั้ง....




"กรี๊ดดดดดดด พี่หมอๆๆ หมอเทวดา!!"




ครายโดนเตารีดดาดว่ะ




"กรี๊ดดดดดดด หมอแข่ง!! พี่แสง!!"





เออๆ ปิดไฟหน่อยแสงแม่งแยงตา





"ไงไอ้ตังค์ ไอ้กิต สภาพทุเรศว่ะ มีที่ให้นั่งไหมวะ"





"ข้างหลังเลยๆ แถวๆที่ไอ้ม่านกับไอ้อิฐสลบอยู่น่ะว่าง"




เออๆเปิดม่านไว้จะได้เห็นวิวววววว













หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่4...ล้อหมุน
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 25-12-2019 01:23:04
น้องฤกษ์!ถูกผู้ชายลากเข้าห้องน้ำลากขึ้นรถขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก :mew5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่4...ล้อหมุน
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 25-12-2019 06:53:03
นุ้งฤกษ์… หนูลูกกกกก…

ทำไมเมา น่าดูเอ็น  เอ้ย  น่าเอ็นดูจังซั่นเล่า!?     :haun5:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่4...ล้อหมุน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-12-2019 07:45:51
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่4...ล้อหมุน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-12-2019 02:50:10
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่4...ล้อหมุน
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 28-12-2019 16:41:25
5… ในวันที่ป่วย








     ~~คิดว่าไม่เกินโควต้า ที่ขาดเรียนได้ ต้องการจะใช้โควต้า ให้มันคุ้มค่า

กลางภาคคะแนนสูงมาก(top sec)

B+นอนมา ปลายภาคเลยเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง


กลางภาคได้คะแนนท็อป ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~




     สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเพลงโปรด ก้มดูนาฬิกาน็อคกลางอากาศไปประมาณสิบนาที ไอ้ลำไยกับไอ้นกสลบไปเป็นที่เรียบร้อย ลำไยนอนขดตัวหนุนตักไอ้นก เออดูแลกันดี ไอ้ปัดหายไปไหนไม่รู้  จะหยิบเอากล้องมาถ่ายไอ้นกกับไอ้ลำไยไว้ก็กลัวจะทำกล้องพังก่อนได้ภาพ ขนาดยืนยังเซจะยกกล้องไม่น่ารอด




     เหลือไอ้ตี๋นั่งดูดเหล้าต้มอยู่ข้างๆ ประธานรุ่นห่าไรเนี่ย!! มันเห็นผมลุกนั่งก็ส่งมาให้ทั้งไห เออ มึงขนมาเท่าไหร่วะ แดกกันเหมือนเทลงส้วม



        ผมรับมาอย่างไม่ขัดศรัทธา ดูดไปได้ไม่กี่อึก เสียงแหกปากร้องเพลงก็ดังลั่นขึ้นเรื่อยๆเพลงโปรดพวกมันล่ะครับ รวมถึงผมด้วย ไอ้คัตโตะเดินเซๆมาจากข้างหน้า กอดคอผมลากไปกลางรถให้ไปโยกกับมัน พึ่งจะสร่างจากเมื่อครู่ผมก็ซดอีกหลายยก เมาซ้ำซ้อนนะตัวกู



     ~~แต่งตัวเรียบร้อยมั่นใจ ในวันที่สอบ เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ไปถึงห้องสอบ


เลือกโต๊ะหลังเพื่อนคนเดิม รหัสติดมัน

คนคุมสอบมาไล่ คนคุมสอบมาไล่


กลางภาคได้คะแนนท็อป

ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~





     ผมกอดคอให้คัตโตะตะโกนแหกปากร้องลั่น แขนซ้ายหนีบถุงพลาสติกพร้อมไหเหล้า แขนขวากอดคอเพื่อนโยก ผมดูดสองอึกแบ่งไอ้คัตโตะดูดอีกอึก เพลงเป็นจังหวะโยกครับ ฟังแล้วอยากโยกไหล่ โยกเอว โยกตูด โยกไข่  โยกขา โยกหัว เนื้อเพลงโคตรกินจายยยย!



     ~~Top sec Top sec Top sec top sec

Get A Get A But now I got da F


กลางภาคได้คะแนนท็อป ปลายภาคหมดสิทธิ์สอบ~~



     ~~เสียใจๆๆ เสียใจๆๆ เดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันเดิม แอนๆๆๆ


ควันดำจากท่อไอเสีย เครื่องยนต์คงพังเหมือนฉันที่อ่อนเพลีย

วันนี้หมดสิทธิ์สอบ ขึ้นรถมอไซค์กลับไป นอนหอออออ~~~






Cr. หมดสิทธิ์สอบ :: ชาบลูส์








"นอนห๊ออออออออออ"


"โว้ยยย อีฤกษ์! ตะโกนไรนักหนาน้ำลายเต็มหัวกูหมดแล้ว แยกค่ะ! แยก! ไอ้คัตโตะมึงกลับที่เลย ส่วนมึงไปนอนหอมึงเลย ไอ้ฤกษ์เดินไปข้างหลังเลยค่ะ!!"


"ครายยยย เอ้า! ไอ้ฟลุ้ค!! ทามมายว้าๆๆ เปนหญิงต้องมีโนมนา เปนหญิงดีๆทามมายกลายเปนชาย เมิงสวยนาาาา"


"ไอ้ฤกษ์กูบอกให้เรียกฟรุ้งฟริ้ง!! กูเป็นกระเทยค่ะ!! ผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง!! ไม่ใช่ผู้หญิงแล้วเป็นชาย สติค่ะ!! เมาแล้วสมองกลวงมากค่ะเพื่อน!! ถือว่ามึงมีบุญนะที่ยังชมว่ากูสวยเดี๋ยวกูเดินไปส่ง!! เพราะมึงเลยนะอิดกทง ลำบากพี่ราล์ฟผัวในมโนของกูต้องยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำธุระพี่เขาก็ไม่ใช่ ผัวกูจิตใจดีก็งี้แหละเห็นสภาพมึงแล้วคงสงสาร กูถึงต้องรีบกุลีกุจอไปลากมึงมาขึ้นรถ กลัวมึงจะทำผัวกูมีมลทิน พอขึ้นรถมากูยังต้องหิ้วมึงไปนอนอีกเหรอวะ "


"คราย  ครายหิ้วครายย ไม่หิ้ววว เดินตัวเปล่า" ได้ยินแว่วๆนะเว้ย แต่ลิ้นกูตอนนี้ใช้การม่ายด้ายยย เถียงไม่ทัน


"แล้วช้างดาวมึงน่ะจะเหน็บรักแร้อีกนานไหม หวงขนาดนี้ไม่แขวนคอไปเลยล่ะ หน้าตาผิวพรรณก็ดีทำไมทำตัวทุเรศจังว่ะ ลำไยมากค่ะเพื่อน!!"





ตื๊ดๆๆ



     ทันใดนั้นเพลงโยกก็เปลี่ยนเป็นตื๊ดอีกครั้ง ไอ้คนที่พยุงแขนบอกจะไปส่งเมื่อกี้มันทิ้งผมไว้กลางทางเรียบร้อยเพราะรีบไปดิ้นกับเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า เออ กูไปเองก็ได้ ผมเดินเซๆกอดไหสุดที่รักกลับที่นั่ง เพื่อนที่กลับมาฟื้นคืนชีพก็ออกฤทธิ์ดิ้นอีกครั้ง โดนเบียดจนแทบหน้าทิ่ม ไม่ไหวแล้วมึนหัวอยากนอนตามันพร่าไปหมด




พรึ่บ!!



     รู้สึกเหมือนร่างถูกกระชาก ร่างกายมีเบาะนุ่มรองรับ แผ่นหลังพิงกับของแข็งพยายามลืมตามองเห็นเป็นกระจกหน้าต่างรถ อุ่นใจที่ไม่ใช่พื้นทางเดิน หยิบไหขึ้นมาจะดูดต่อ แต่กลับถูกดึงหลุดออกจากมืออย่างง่ายดาย หงุดหงิดอยากกินต่อ


"จะกิน"


"พอ นอนได้แล้ว" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูแฝงไปด้วยอำนาจ ลืมตามองเห็นเพียงใบหน้าคนเบลอๆ มันพร่ามัว เห็นไม่ชัดแม้กระทั้งแววตา แต่กลิ่นที่ลอยมากระทบจมูกนั้นฝังใจ ชอบ...


"หอม..ดม...ดมหน่อย" เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นถ้าเป็นฝันก็อยากจะดม ชอบ... ยกแขนขึ้นรั้งบางสิ่งตรงหน้า  เคลื่อนเข้ามาใกล้ตามแรงดึง ฝังจมูกลงตรงเนื้อแน่นตรงหน้า เหมือนกอดหมอนหอมๆที่พึ่งซักใหม่แล้วกดจมูกฝังสูดกลิ่นอยู่อย่างนั้น รู้สึกว่าแสงไฟรอบตัวดับลง เหลือเพียงเสียงเพลงที่ยังดังสนั่นพร้อมความมืด เลื่อนจมูกขึ้นไปสัมผัสผิวเนื้ออ่อนนุ่มที่โผล่พ้นเนื้อผ้า หอม...คลอเคลียตรงนั้นอยู่นาน เลื่อนขึ้นไปอีกเจอผิวสากเหมือนไรหนวด ไม่ชอบ จะผละออก แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยวงแขน...ของเขาที่อยู่ในฝัน


     เงยหน้าขึ้นไม่ทันได้เพ่งมองชัดๆ ปากก็ถูกบางสิ่งปิดทับ ตกใจ หันหน้าหนี แต่ท้ายทอยถูกมือใหญ่จับล็อค ร้องประท้วง ดันเป็นโอกาสให้ลิ้นชื้นแทรกเข้ามา จูบ!! แยกไม่ออกระหว่างฝันกับเรื่องจริง ถ้าฝันไปก็ดีจะได้ซ้อมไว้ เผื่อมีแฟนจะได้จูบเป็น


     ลิ้นอุ่นๆสอดแทรกเข้ามาอย่างจาบจ้วง รู้สึกถึงแรงอารมณ์ที่ไม่ปกติ เหมือนไม่พอใจ รั้งให้ขาดอากาศเกือบตาย จึงยอมปล่อยให้กอบโกยอากาศอีกครั้ง ก่อนจะประกบลงมาอีก ทำได้เพียงร้องประท้วงอยู่ในลำคอ สองมือทุบอกคนตรงหน้าจนมือรู้สึกเจ็บ ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยจากรสจูบที่เชี่ยวชาญจนยากต้านทาน จาบจ้วง รุนแรง แต่รู้สึกดี...รับรู้สัมผัสจากมือใหญ่ค่อยๆลูบเข้ามาบนผิวเนื้อภายใต้เนื้อผ้า ฝ่ามือร้อนลูบผ่านแผ่นหลังจนขนลุกเกลียว ลากผ่านมาที่หน้าท้องจนใจกระตุก เลื่อนขึ้นจนถึงตุ่มไตหน้าอก มือใหญ่ออกเเรงนวดเฟ้นอย่างย่ามใจ นิ้วร้อนผ่าวคีบคลึงตุ่มไตจนร่างสะท้าน ผมส่งเสียงครางอื้ออึงผ่านในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ยอมปล่อยปากให้เป็นอิสระเลย อ่อนระทวยปวกเปียกอย่างหมดแรงแม้แต่แขนก็ยกไม่ขึ้นร่างกายร้อนรุ่มเหมือนใกล้ระเบิด



     สมองเริ่มเบลอสติเริ่มไร้การรับรู้ เขาผละออก ได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึกๆเหมือนสะกดอารมณ์ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยคราบน้ำใสให้ที่มุมปากอย่างแผ่วเบา ถูกจัดท่าท่างให้นั่งสบายมากขึ้น ศรีษะซบอยู่กับไหล่แกร่ง พยายามจะลืมตามองคนตรงหน้า ไม่เห็น มืดไปหมด แต่กลิ่นนี้...ฝังใจ


"ร้อน ถอดเสื้อ" เผลอพูดออกไปกำลังจะถอดเสื้อออก มือถูกมือใหญ่จับออก ผ้าห่มผืนบางถูกคลุมบนร่าง รู้สึกถึงความเย็นของแอร์มากขึ้นกว่าเก่า เสียงเพลงหายไปแล้วความมืดยังคงอยู่....




"พี่ไม่อนุญาต"













"ห้าววววววววว"


     ผมนั่งหาววอดๆอยู่ในห้องเรียน ป.4/4 แข่งกับเสียงฝนที่ตกอยู่ข้างนอก พวกเรามาถึงตอนใกล้รุ่ง ขนของ เช็คชื่อ เลือกห้องเสร็จฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา อาจารย์คง เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ให้พวกเราพักผ่อนกันยาวจนถึงเที่ยง มีพี่แสงวิศวะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลและควบคุมพวกนักศึกษา


     พวกผมได้ห้อง ป.4/4 เป็นที่นอนเป็นห้องเรียนเล็กๆ นอนได้ไม่เกินสิบห้าคน อยู่ใกล้ๆกับวัดที่เราจะสร้าง เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึง หลังจากอาบน้ำทำธุระอะไรเสร็จ ผมก็นอนแอ้งแม้งด้วยอาการเมาค้างอย่างหนัก เพราะกินอะไรผสมมั่วไปหมด มีเพื่อนๆนอนครางกันระงมอยู่ด้วยข้างๆจากอาการปวดหัว ผมดูจะแย่กว่าใครเพื่อนนอกจากจะเมาค้างแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นไข้ เพราะอากาศที่แปรปรวน โดนฝนตั้งแต่เย็นเมื่อวานและเมื่อช่วงเช้าดันโดนฝนตอนขนของอีก


"ฤกษ์ลุก กูจะพาไปหาหมอสภาพแม่ง เเย่สัส!! " ไอ้ปัดยืนเอาตีนเขี่ยที่สีข้างผมไปมาเหมือนผมเป็นรองเท้าเปื้อนขี้ไก่


"ไม่เอาๆเดี๋ยวกินยาก็หาย"


"มึงแดกยาแล้ว ยังไม่ดีขึ้นเลย ลุก!!"


"ไม่เอา ไม่ไป" ผมไม่ได้กลัวหมอนะครับ แต่ผมไม่อยากเจอหมอบางคน!! เจอแล้วจะทำหน้ายังไง? อยู่ดีๆก็ฝัน...ฝันว่าได้จูบกับเขา หมอเทวดา...  อย่างเร่าร้อน เอ๊ะ! หรือเปล่าวะ? ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่กลิ่นอ่ะ ใช่แน่ๆ เอ๊ะ! หรือไม่ใช่? โอ้ยยย ไม่รู้แล้ว จำไม่ได้ เออ จำได้นิดหน่อยก็ได้(ย้อนแย้งฉิบ!!)


     โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้ฝันเปียก โดนปลุกให้ตื่นก็ตอนถึงที่หมายแล้ว พบตัวเองอยู่ในสภาพนอนยาวเหยียดบนเบาะคู่เพียงลำพังเท้าข้างหนึ่งพาดหน้าต่างรถ มีผ้าห่มผืนบางพาดอยู่กลางลำตัว ไม่เจอเขา ฝัน....


     โล่งอก(!?) แต่เปล่าเลยแค่เกือบ เมื่อได้ยินเพื่อนๆมันพูดกันว่าเมื่อคืนกลุ่มหมอเทวดามานั่งด้วย เมื่อได้ยินถึงกับเข่าอ่อนหรือจะเป็นความจริงวะ? ทำไมพวกพี่เขาถึงมาอยู่บนรถ ถึงผมจะรู้ว่ารู้จักกับพวกพี่ตังค์ก็เถอะสภาพแวดล้อมบนรถไม่เหมาะกับพวกเขาสักนิด หรือผมเมาจนไปจูบเขา ไม่รู้แล้วโว้ย! จำไม่ได้


     โอ๊ยยย!! ไม่เจอโว้ย ผมไม่รู้ว่าจริงหรือฝันแต่จะทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจริงหรือฝันผมก็ยังไม่อยากเจอหน้า


"เอ๊ะ!! มึงนี่! แค่ไปหาหมอที่เต็นท์แพทย์จะเป็นไร ดื้อมากเดี๋ยวกูถีบนะ!!" ไอ้นกที่นั่งทาครีมหน้ากลิ่นหอมฟุ้งขึ้นเสียงใส่


"ฤกษ์!! ไปดิพี่หมอเรียกแล้วกูไปบอกว่ามึงป่วย เขาให้ไปหา"


"เหี้ย!!" เสียงสบถดังลั่นทั้งห้อง เมื่ออยู่ๆก็มีผู้หญิงโผล่พรวดดข้ามาในห้องผู้ชาย และพวกที่อยู่ในห้องก็พึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังแต่งตัวจึงอยู่ในสภาพล่อแหลม


"ตามสบายเลยพวกมึงกูไม่ถือ" ไอ้ลำไยยิ้มหน้าระรื่นตาวาว ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม จนพวกมันต่างรีบแต่งตัว


"นี่มันห้องผู้ชายนะเว้ยลำไย เข้ามาได้ไงเป็นสาวเป็นนาง แล้วดูสายตามองพวกกูอย่างนี้กูเสียหายหมด" ไอ้คัตโตะประท้วง


"เสียหายตรงไหนกูรับผิดชอบเอง เดี๋ยวกูสร้างเป็นฮาเร็มเลยดีกว่า มีพวกมึง แล้วกิ๊กกูอีกสิบ"


"ไม่เอาโว้ย!! เห็นธาตุแท้มึงแล้วกูสงสารตัวเอง"








"เรียบร้อยครับ นอนพักสักหน่อยพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น แล้วอย่าไปซนที่ไหนก่อนได้รับอนุญาตอีกนะครับ นี่โชคดีนะที่แขนขาไม่หักแค่หัวโนน่ะ ยังไงวันนี้พวกเราคงยังไม่เริ่มงานเพราะฝนน่าจะตกทั้งวัน นอนในเต็นท์นี้แหละตอนเที่ยงค่อยลุกไปกินข้าว"


     ผมนอนฟังเสียงสั่งสอนนุ่มหูของอาจารย์หมอกรณ์หน้าเด็ก แต่อายุไม่เด็กอย่างสำนึกผิดไปเรื่อยๆ หลังจากโดนฉีดยาไปสองเข็ม พยักหน้า หงึกหงักๆ ด้วยท่าทางสำนึกผิดแต่ร่างกายกระสับกระส่ายลุกลี้ลุกลน เหมือนพวกกินน้ำท่อมแล้วจะโดนสุ่มตรวจฉี่



     "ไงฝากพวกเราดูน้องด้วยล่ะ อาจารย์จะออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอก"



     อ้ากกกกกก ผมได้แต่เลิ่กลั่กอยู่บนเตียงอย่างทำอะไรไม่ได้ เมื่ออาจารย์หมอเดินออกจากเต็นท์ไปแล้ว ร่างกายของผมตอนนี้นั้นเคล็ดขัดยอกไปหมด เหตุเนื่องมาจากเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นั้น…..



     ผมไม่ยอมมาหาหมอ รู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวแต่ก็ยังพอไหว ก็เลยไปช่วยขนอุปกรณ์ขึ้นนั่งร้านในโบสถ์เพื่อเตรียมงาน ถึงฝนจะตก งานนอกไม่เดินแต่งานในพวกผมสบายมาก แต่ก็นั่นแหละครับ


     ไอ้ฉิบหาย...ผมตกนั่งร้านครับ!! ไม่ได้มาจากเพราะพิษไข้แต่อย่างใด กูลื่น!! ถึงจะไม่สูงมากเพราะปีนไปได้แค่ครึ่งทางแต่เมื่อร่วงแล้วก็ลุกไม่ขึ้นอ่ะครับ บวกทั้งพิษไข้ เมาค้าง และตกนั่งร้านกูเดี้ยงครับ ลำบากเพื่อนฝูงต้องหิ้วมาเต็นท์หมออยู่ดี พวกมันแสดงความห่วงใยด้วยการรุมด่าอยู่สิบนาที ข้อหาที่เป็นภาระปกติอยู่ดีๆ ดันหาเรื่องเป็นภาระแบบพิเศษ(!?) และก็ทิ้งผมไว้เมื่ออาจารย์หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ผมอยากจะร่ำไห้อย่างเท่ๆแบบ คีอานู รีฟส์  จริงๆนะครับ


     ซ้ายก็พวกหมอทันตะ ขวาก็พวกหมอราล์ฟ พวกพี่ๆกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง มีเตียงสนามอยู่ห้าเตียงและหนึ่งในนั้นผมจองไว้เรียบร้อย


"ไงเราเจอกันแต่ล่ะทีเจ็บตัวตลอด"


     พี่หมอแข่งขันเดินยิ้มเจ้าเล่ห์มาหาผม (เป็นหมอต้องยิ้มอ่อนโยนดิว้า) ยื่นมือมาแตะหน้าผากแตะซอกคอเหมือนวัดไข้ ผมก็ได้แต่นอนมองตาปริบๆ กูเกร็ง หล่อว่ะอิจฉา


"เดี๋ยวถ้าไม่ดีขึ้นต้องเช็ดตัวนะ"


"ครับพี่" พยักหน้าตอบรับ พลางแอบเหล่ใครบางคนทางขวามือที่อาจเป็นคนเดียวกับในฝันเมื่อคืน หมอเทวดานั่งไขว่ห้างหลังพิงเก้าอี้ ตาคมกำลังจดจ้องอยู่กับเอกสารหนาๆตรงหน้า หล่อ ดูดี เท่ และมีรังศีน่าเกรงขามอยู่รอบตัว


พรึ่บ!



     เหมือนหมอเทวดารู้ตัวว่าโดนมองเขาเงยหน้าขึ้น สบตากับผมพอดี ผมสะดุ้งเหมือนโดนของร้อน ระบบร่างกายรวน ใจเต้น ทำอะไรไม่ถูก เขาลุกขึ้น เหมือนจะก้าวมาหา ตกใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ไม่รู้ต้องทำยังไง สวดมนต์อะไรดีมีคาถาไล่เทวดาหรือเปล่าวะ?



"เดี๋ยวดูเอง"


เฮ้ย!!


"อืม ดูให้ดีๆล่ะ หึๆ"


เฮ้ยๆๆๆๆ ? เมื่อกี้เสียง…




พรึ่บ!!




     ผ้าห่มผมถูกดึงออกเผยให้เห็นดวงตาคมเฉียบสีเทาหม่นบนใบหน้าหล่อเหลาเกินบรรยายที่กำลังจ้องมองมาที่ผม หมอราล์ฟทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง  ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร หมอแข่งและพวกพี่ๆหมอไปไหน?


"กินข้าวก่อน"


"เฮ้ยๆๆ พี่!!"


     อ้ากกกก กูควรตกใจอันไหนก่อน ภาษาไทยชัดแจ๋วเลย ไอ้สัส!! ทำไมต้องมานั่งตรงนี้!!  ทำไมต้องอยู่กันสองคน ทำม้ายยยยย


"พะ...พี่พูดไทยได้!!" ปากคอสั่นเป็นสันนิบาตเลยกู


"....."


" มะ... ไมไม่บอกแต่แรกล่ะวะ"  ก่อนหน้านี้พูดอะไรไปมั้งวะ? จำได้ที่ไหนกันเล่า!! (ตอบเองนักเลงพอ)


"ไม่เคยบอกว่าพูดไม่ได้" แค่สบตาคมผมก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง มือไม้มันเกะกะไปหมด หัวใจมันกระตุกแปลกๆ


"ตอนนั้นพี่ไม่เห็นบอกผมอ่ะ ปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่ได้"


"ก็เราไม่ได้ถาม"


"พี่แม่งเจ๋งอ่ะ พูดไทยชัดแจ๋วเลย อยู่ไทยนานแล้วเหรอ" ชมไว้ๆไอ้ฤกษ์ก่อนที่จะโดนฆ่าหมกเต็นท์


"ก็พอสมควร" สมควรนี่แค่ไหนว่ะ ถามซ้ำอีกทีดีป่ะ



"แล้ว…."



"กินข้าว" ยังไม่ทันจะได้เผือกต่อ….หมอราล์ฟก็ขัดขึ้น ชี้ไปที่ชามโจ๊กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หอมว่ะ


     หมอเทวดากลับไปนั่งไขว่ห้างก้มลงอ่านชีทในมือต่อข้างๆเตียงผม คล้ายบอกกรายๆว่า หยุดพูดแล้วแดกซะ กูจะอ่านชีท  แล้วทำไมไม่ไปนั่งที่อื่นละว้าาา ผมเกร็ง ผมไม่ชิน ผมไม่เคยอยู่ใกล้หมอหล่อเทวดา หล่อ ไฮโซ มาดขรึม และมีสาระ!!




"หมดแล้วก็วางจะเลียเลยไหม?"


     ผมถือช้อนค้างเมื่อมีเสียงทักจากคนที่นั่งข้างๆ เห็นด้วยเหรอวะว่าทำอะไร เห็นเอาแต่ก้มหน้าอ่านชีทที่มีแต่ภาษาน่าปวดกบาล


     ผมเงยหน้าจากชามโจ๊กขึ้นมายิ้มแห้งส่งไปให้ อร่อยอ่ะถึงจะเป็นโจ๊กซองก็เถอะแถมมีไข่ยางมะตูมใส่มาให้ตั้งสองฟอง ถ้าทฤษฎีที่ว่าใครไม่สบายแล้วจะไม่อยากอาหาร คงใช้กับผมไม่ได้อ่ะครับ


  "อยากกินอีกอ่ะพี่" เอาจริงก็ไม่อิ่มอ่ะ


"ตื่นมาค่อยกินพึ่งฉีดยาไปเดี๋ยวก็ง่วง อันนี้รองท้องไปก่อน กินอาหารหนักแล้วนอนมันไม่ดี" อื้อหือ พึ่งได้ฟังประโยคยาวเป็นบุญหูครั้งแรก


"อย่าพึ่งนอน นั่งก่อนสักสิบห้านาที"


     อื้อหือๆ สั่งเป็นน้องผมเลย!? ผมที่กำลังไถลตัวลงนอนถึงกับหยุดชะงัก จำใจลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง….



สภาวะเดดแอร์!! อย่างบ่ต้องสงสัย



     เงียบขนาดที่ว่าได้ยินแต่เสียงพี่หมอมันพลิกหน้ากระดาษ ผมได้แต่ขยับยุกยิกๆ อยู่บนเตียงไม่มีไรทำอ่ะนั่งตั้งสิบห้านาที กูเครียด



"แล้ว….แล้วเมื่อคืนพวกพี่มาขึ้นรถคณะผมเหรอ" สุดท้ายผมก็ทำลายความเงียบนั้นลง เพราะความเผือกข้างในมันร่ำร้องงงง


"อืม" หมอเทวดาตอบพลางลุกขึ้นยืน เดินไปเอาหมอนอีกสองใบที่วางไว้มุมห้อง มาวางทับหมอนที่เตียงผมแล้วจับตัวผมเอนลง ตอนนี้ผมอยู่ในท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอน...


"เหรอ...แล้ว…แล้วเป็นไงมั่งอ่ะพี่" ผมถามตาปรือ ความง่วงจากฤทธิ์ยาและความท้องตึงเริ่มย่างกราย



"ก็ดี เพลงแปลกหูดี" หมอเทวดาตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ ยื่นปรอทวัดไข้ให้ผมคาบไว้ มือเรียวแกร่งเอื้อมมาสัมผัสลงที่หน้าผาก ซอกคอและเลื่อนมาที่แก้มผมคล้ายวัดไข้...สัมผัสแผ่วเบาแต่หัวใจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แปลก แปลกมากจริงๆ


"แค่นั้นเหรอพี่" ตาจะปิดแล้วอ่ะแต่ก็ฝืน เบลอไปหมดแล้ว


"แล้วต้องแค่ไหน" ทำไม่รู้สึกเหมือนแก้มโดนบีบ



"พี่... คือ...ผม...ขะ...ขอโทษนะ ที่พูดอะไรๆก่อนหน้าน่ะ" ขอโทษไว้ก่อน ผมก็จำไม่ได้ว่าตอนเจอพี่เขาพูดไรไปบ้าง แม่งเล่นไม่หือไม่อือสักคำ เป็นใครใครก็คิดป่ะวะ หน้าก็ไม่ได้ไทยอะไรขนาดนั้น และเหตุผลสำคัญ ขอโทษที่ฝันลวนลามพี่เมื่อคืน สรุปผมก็ฝันอ่ะแหละนะ เพราะดูจากท่าทางพี่หมอราล์ฟก็เห็นไม่มีท่าทีผิดปกติอะไร(?)  สงสัยหน้าตาดีเกินจนเก็บไปฝัน? แต่ก็น่าจะฝันถึงผู้หญิงป่ะวะ? หืม….สมการนี้ยาก ช่างแม่ง!!


     ผมไม่รู้ว่าหลังจากขอโทษแล้วพี่หมอว่ายังไง เพราะภาพสุดท้ายที่เห็นคือข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์หน้าจอแตกของผมที่วางอยู่ข้างเตียง ก่อนหน้านี้ผมได้ส่งไปหาน้องว่าถึงค่ายแล้ว เจ้าเทียนส่งข้อความตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า 'อย่าสร้างปัญหา'





     








   


































หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-12-2019 17:41:05
โถ่น้องฤกษ์ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย :hao3:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 28-12-2019 19:15:25
ไม่รู้จะเม้นไร แต่ชอบมว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-12-2019 20:48:53
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-12-2019 01:30:26
เอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-12-2019 18:37:37
หมอตกหลุมน้องได้ไงเนี่ย คลายความลับมาซะดีๆ
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-01-2020 12:08:19
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 05-01-2020 23:51:15
น้อนนนนนเอ็นดู ลูกชายป้า พี่หมออ่อนโยนกะน้องหน่อยเน้อ คนเขียนคะ อยากให้ใส่วันที่อัพด้วยอ่ะ เวลาอัพหลายตอน จะเริ่มงง ๆ เน้อ ไม่ใช่คนเขียนนะ คนอ่านนี่แหละ แก่แล้วเลอะเลือน 555
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2020 01:26:59
รออยู่นะ~ :hao5:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: chompoo1997 ที่ 13-01-2020 03:29:16
เขินน อ่านล่ะเขินมากเวลาเค้าคุยกัน55555 ชอบมากรอติดตามน้าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-01-2020 17:33:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่5...ในวันที่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 13-01-2020 18:54:46
 :z13: รออยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่6..โปรฟรี? 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 31-01-2020 23:54:36
6…โปรฟรี?






ตุ้บๆๆ




สวบ




สวบ





     ท่ามกลางป่าหนาทึบใกล้ตีนดอย มีเพียงร่างของเด็กผู้ชายสองคนกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต คนตัวสูงกว่ามีสีหน้าเคร่งครึมและวิตกกังวล สองเท้าเปล่าเปลือยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินและบาดแผลจากหินบนพื้น รองเท้าเจ้ากรรมหลุดหายขณะวิ่ง  เลือดเริ่มไหลซึมออกมาเรื่อยๆ แต่เจ้าของร่างไม่คิดจะสนใจบาดแผลแม้สักนิด มือข้างหนึ่งกระชับมือเล็กที่เล็กกว่ากอบกุมเอาไว้ บ่งบอกให้เจ้าของมืออันเย็นเยียบที่เขาได้กอบกุมไว้ได้มั่นใจว่าจะไม่เป็นไร….






ปัง!!



ปัง!!



ปัง!!





"อ๊ะ!!"


"พี่!!!"


     คนสูงกว่าทรุดฮวบจากแรงกระสุนที่เฉียดโดนน่องซ้าย ร่างเล็กกว่าเมื่อเห็นพี่ทรุดตัวลงฉับพลันและเลือดสีแดงเริ่มไหลก็ร้องเสียงหลง เลือด….ไหลทะลักจนน่ากลัว


"ฮึกๆๆ พี่ๆ พี่ๆ ฮึกๆ"


"ชูว์~~"


     คนสูงกว่าลูบหัวปลอบประโลมเจ้าร่างเล็กกว่าที่หวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมปล่อยโฮออกมา ทั้งที่ดวงตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากความหวาดกลัว….กลั้นเสียงจนร่างกายเล็กสั่นระริก


     ทว่า...ถึงน้ำตาจะนองหน้าเต็มไปหมด เมื่อเห็นพี่เจ็บ ความเข้มแข็งก็กลับมาอีกครั้ง เจ้าร่างเล็กค่อยๆประคองคนตัวสูงกว่า หลบเข้าไปหลังจอมปลวกใหญ่ที่มีต้นหญ้าหนาทึบขึ้นบังไว้จนหนาแน่น ค่อยๆ วางร่างที่ถูกยิงลงด้วยร่างกายและมืออันสั่นเทา…



สวบ



สวบ



     เสียงพวกนั้น...พวกคนใจร้าย ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรให้ 'พี่' ปลอดภัย...


     กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งจนน่าใจหาย เจ้าร่างเล็กถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างไม่ลังเล มือเล็กเอาเสื้อพันแผลตรงน่องข้างซ้ายให้ร่างสูงด้วยมืออันสั่นเทา พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและเชื่อได้ว่าได้หยดลงบนบาดแผลนั้นไปหลายหยด… ด้วยวัยที่ไร้เดียงสาเพียงไม่กี่ขวบเขาไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับบาดแผลนี้...คิดได้เพียงแค่ว่าเอาผ้ามัดไว้แน่นๆ เลือดอาจจะหยุดไหลพี่จะไม่เป็นไร…


     คนสูงกว่าเบ้หน้าด้วยความเจ็บ...เมื่อน้องพันแผลให้ด้วยเสื้อของน้องเอง เม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มใบหน้าแต่ไม่อาจส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาให้น้องขวัญเสีย…


     ก้มมองแขนขาวเล็กเต็มไปด้วยบาดแผลที่โดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา สงสาร...ถ้าวันนี้เขามิอาจรอดแต่น้องต้องรอดเพราะเขาเองเขาเองความผิดเขาเอง



"ไป!! ไปซะ!!" คนสูงกว่าผลักเจ้าร่างเล็กล้มลงกับพื้น พลางออกปากไล่ ถึงเจ้าตัวเล็กจะไม่เข้าใจที่พี่พูดแต่ก็พอจะรู้จากกิริยาท่าทางที่เหมือนกับไล่ให้ไป…


"พี่…" เจ้าร่างเล็กมองด้วยสายตาตัดพ้อ และแค่ชั่วอึดใจก็ถลาเข้าไปกอดพี่ไว้แน่น แม้ว่าจะโดนผลักไสแค่ไหนก็ตาม


"ผมจะทิ้งพี่ได้ยังไง ฮึกๆ พี่เจ็บอยู่ ฮึกๆ เรา...เราจะไม่เป็นไร… ฮึกๆๆ ครั้งหน้าผมจะพาพี่ไปเที่ยวให้เยอะกว่านี้ ผมจะให้ยายสอนทำแกงเขียวหวานที่พี่ชอบกิน ฮึกๆ ครั้งหน้า...ครั้งหน้าผมจะทำให้พี่เอง ฮึกๆ " เจ้าตัวเล็กกอดคนสูงกว่าแน่นไม่ยอมปล่อย...สะอื้นฮักอยู่กับไหล่พี่ คนสูงกว่ากอดน้องแน่นราวกับกลัวว่าจะไม่ได้พบกันอีก..ตาคมสองคู่แดงกล่ำอย่างอดกลั้นความเสียใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง


"ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจเรียน ฮึกๆ ครั้งหน้า ฮึกๆ เราจะได้พูดกันได้เยอะๆ ผม...ผมอยากฟังเรื่องของพี่บ้าง ฮึกๆๆ" คนสูงกว่าตั้งใจจดจำทุกถ้อยคำของเจ้าตัวเล็ก ไม่ได้ใส่สมอง แต่ให้ฟังลึกลงไปในใจ ทุกถ้อยคำไม่ให้ตกหล่น สักวัน สักวันเขาจะต้องรู้ถึงความหมาย…



พลั่ก!!



     ชั่วอึดใจคนร่างสูงก็พลักน้องอีกครั้ง น้องไม่ยอมไป ถลาเข้ามาจะหาพี่ทว่า...ก็โดนพลักอีก เจ้าตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เห็นแบบนั้นหัวใจก็เจ็บแปลบ คว้าร่างมากอดไว้ ขอร้อง...อย่าทำแบบนี้


"อยู่นี่กันเองปล่อยให้หาอยู่ตั้งนาน"


     ชายชุดดำร่างสูงใหญ่สามคนโผล่เข้ามาพร้อมกับเอาปืนจ่อมาที่ร่างเด็กชายสองคน คนสูงกว่ากอดเจ้าร่างเล็กที่เปลือยท่อนบนไว้แน่นพร้อมกับเอาร่างบังไว้แทบมองไม่เห็นเจ้าตัวเล็ก เขาเห็นแล้ว...ว่าใครซุ่มอยู่อีกฝั่ง


"เก็บงาน"




ปัง!!     






ปัง!!     






ปัง!!






"นายน้อย! เป็นอย่างไรบ้างครับ"  ชายร่างใหญ่ผมสีบลอนด์ห้าหกคนที่ซุ่มอยู่อีกฝั่งวิ่งเข้ามาสมทบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ถอดเสื้อตัวเองไปใส่ให้น้อง…. จับใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นยกมือปาดน้ำตาบนแก้มขาวให้อย่างแผ่วเบา


"เราปลอดภัยแล้ว กลับ…"


"พี่!!" พลันในสายตาของเจ้าร่างเล็กก็เห็นชายชุดดำที่นอนจมกองเลือดอยู่ยกปืนขึ้นด้วยมืออันสั่นเทามาที่พวกเขา




ปัง!!




"ฤกษ์!!!!!!"










เฮือก!!!







   เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก~




"มึง…"


"...."


"เป็นไรหรือเปล่า"


"...."


"ฤกษ์"


"....."


 "ฤกษ์!!"


 "ห๊ะ!! ว่าไงนะ"


"กูถามว่า มึงเป็นเชี่ยอะไรหรือเปล่า!! อยู่ดีๆก็ลุกพรวดพราดมาตอนตีสี่เนี่ย ไข้กลับเหรอ หรือปวดหัว"


" เปล่าๆ กูเคยชินน่ะ ปกติเวลานี้จะตื่นไปช่วยหลวงลุงที่วัดน่ะ"


     ผมหันไปบอกไอ้นกที่มองมาอย่างเป็นห่วง พอผมบอกว่าไม่ได้เป็นไรก็ล้มตัวลงนอนต่อ ฝัน...










"เอ้า!! วิ่ง!! เร็ว! ไม่เป็นระเบียบกลับไปเริ่มต้นใหม่!! อย่าเอาแต่ตัวเอง ทำไมไม่รอเพื่อน!! "


    ร่างโปร่งยืนตะโกนเท้าเอว เย้วๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่นั่งรอดูอย่างกลั้นขำปนเอ็นดู ทว่า...ต้องปั้นหน้าให้ปกติกลัวว่าขำออกไปแล้วไอ้เจ้าของเสียงที่มันตะโกนเย้วๆ อยู่จะโกรธเอา ก็จะไม่ให้กลั้นขำอย่างไรได้เล่า...ไอ้ตัวขาว ปากแดงแจ๋ หน้าใสจนแก้มขึ้นสีอมชมพูเวลาตากแดดหรือออกแรง บวกกับทรงผมแสกกลางวินเทจที่เจ้าตัวเข้าใจว่าทำทรงนี้แล้แล้วโคตรเท่ แต่คนอื่นมองยังไงก็น่ารัก ดันยืนเก๊กหน้าเข้ม? หน้าโหด?


"มึงเข้มได้แค่นี้?"


"อะ แฮ่ม!! จัดแถวววววววว"


"ป่ะ!! แยกย้าย"


"พี่อิฐฐฐฐฐฐ!! "  ร่างโปร่งร้องโวยวาย ด้วยกลัวว่าเจ้าพี่รหัสที่ทั้งโหด ทั้งน่ารัก(?) จะเดินหนีจึงกระโดดเกาะหลังซะเลย


"อะไรของมึงเนี่ย ไอ้หมอผี!! เกาะกูเป็นกุมารทองเลยนะมึง ปล่อยเลยกูจะไปทำงานทำการ กูทำใจตั้งแต่ได้มึงเป็นน้องรหัสล่ะ ทำใจแล้วว่าสายรหัสพี่ว้ากจะสิ้นสุดที่รุ่นกู" พี่รหัสพ่วงตำแหน่งอดีตเดือนคณะสลัดไอ้ตัวข้างหลังไปมาแต่มันก็เกาะเหนียวแน่นยิ่งกว่าเห็บ กลายเป็นภาพน่ารัก ขบขัน ของผู้พบเห็น


"พี่แม่ง!! ดูถูกว่ะ"


"กูดูผิดที่ไหน ทีก่อนหน้ากูเรียกมาซ้อมเสือกไม่มา ทีกูหาคนอื่นได้เสือกดิ้น อยากจะเป็น!!"


"เอ้า!! พี่อิฐทำไมพูดงี้อ่ะ พี่พูดอย่างนี้ได้ไง พี่พูดความจริงเสียงดังอย่างนี้ได้ยังง้ายยยยยยยย"



     สุดท้ายผมก็โดนพี่อิฐมันจี้เอวจนต้องปล่อยมือร่วงลงพื้นไม่เป็ท่า ปัดโถ่ววว มันหยามกันเกินไปแล้ว แฮร่ พูดเล่นน่ะครับ วันนี้เป็นที่สองของการมาค่าย ทุกคนทำงานกันจริงจังประหนึ่งว่าตอนนี้ได้แปลงร่างเป็นกรรมกรเรียบร้อย สู้งานกันทุกคนไม่มีบ่นกันสักคำ ส่วนผมหายดีแล้วเด้อ โดนฉีดไปสองเข็มตอนนี้ก็กลับมาเป็นฤกษ์คนหล่อเหมือนเดิม ตอนนี้ผมไม่ได้อู้งานนะ มันเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงพอดี


     พอได้รู้ข่าวว่าใครจะเป็นผู้สืบเชื้อสายพี่ว้ากคนต่อไป ก็ทำให้ผมนั่งแทบไม่ติด!! ไอ้ปัดคือผู้ที่ถูกเลือก พอผมไปประท้วงว่าผมน้องรหัสพี่นะ!! ต้องมีความโปร่งใสและยุติธรรมดิ เอ้อ เอาความจริงก็ได้...คือถ้าไอ้ปัดได้เป็น ผมก็จะได้ตำแหน่งทาสเบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัยอ่ะดิ ก็เหมือนกับไอ้มังกรมันเป็นประธานรุ่นแล้วใช้เพื่อนสุดหล่ออย่างผมคนนี้เยี่ยงทาส ฮึ่มๆ(คำราม) แต่ถ้าผมได้เป็นพี่ว้ากผมก็จะได้ใช้พวกมันบ้าง (ใคร?ใครว่าผมไร้สาระ! ได้ยินนะ!!) แล้วผมก็โดนทดสอบอย่างที่หลายๆท่านได้เห็นไปแล้ว


     ไอ้ผมคนที่ไม่ถูกเลือกก็เลยสะบัดหน้าไปทำงานต่อ ใช่สิ! ผมมันคนกาก ทำไรก็แพ้ ไม่ได้งอนนะครับ กูร้อนนนน ยืนตะโกนตากแดดตั้งนาน ปัดโถ่วววว




"น้องฤกษ์! สรุปเป็นไงได้เป็นไหม"


     เสียงทักดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักแทบหัวทิ่ม ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว มีรูพรุนเหมือนโดนถล่มยิงรัวด้วยเอ็มสิบหก กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าขาดรุ่งริ่ง เจ้าตัวหันซ้ายขวาหาต้นเสียง พอเห็นเจ้าของเสียงทักที่กวักมือเรียกให้เข้าไปหาก็ขมวดคิ้วงงๆ แต่สองเท้าบนรองเท้าแตะคีบคู่ใจก็เดินเข้าไปหาคนกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งเรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้ยาว


"โห พี่ระดับผมไม่น่าถาม"


      เจัาตัวตอบคนถามโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบ้างนั่งอยู่บนโต๊ะ เพราะปกติฤกษ์ก็ไม่เคยโฟกัสอะไรมากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว ฤกษ์ทำได้ทีละอย่างเมื่อมีคนถามแค่คนเดียวเขาก็มองเห็นแค่คนเดียวในรัศมีการมองเห็น(?)


"เป็น?"


"ที่ไหนล่ะ แพ้ยับเยินอ่ะพี่" ฤกษ์ฉีกยิ้มแฉ่งสดใสยิ้มทั้งปากทั้งตายิ้มออกมาจากใจใครที่เห็นรอยยิ้มก็เอ็นดูและตกหลุมความน่ารักกันทุกคน และเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่เคยรู้ตัวสักนิด ฤกษ์เดินไปหยุดตรงหน้าหมอแข่งไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง


"ฮ่าๆ เรานี่น้า" หมอแข่งหัวเราะปนเอ็นดูพลางยื่นมือมายีหัวคนตรงหน้า เจ้าฤกษ์ยิ้มรับอย่างไม่ว่าอะไรที่มีคนมายีหัว เพราะเขาถือว่าช่วงนี้เจอกันบ่อยนับว่าเป็นมิตรกัน(?)


"เอ๊ะ!! พี่รู้ได้ไงอ่ะว่าผมทำไรอยู่ตรงนู้น" เจ้าฤกษ์พึ่งคิดได้


"ก็เราเล่นตะโกนลั่นขนาดนั้น เห็นเพื่อนเราคนที่หน้าตี๋ๆ ผมน้ำตาลๆอ่ะ เดินมาทางนี้เลยลากมาถาม"


"อ๋อ ไอ้มังกร" คนดังอีกคนของคณะ ฉายาหมอผีผู้น่ารักแต่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองดัง ทำหน้างงๆ ผู้ที่มีรูปตัวเองลงในเพจคิ้วท์บอยทุกอาทิตย์ ทว่าเจ้าตัวไม่รู้ ผู้ที่มีเพื่อนในเฟสแค่ห้าสิบคนและไม่รู้ว่าการลงสตอรี่ทำอย่างไร ผู้ที่พึ่งมีไลน์เมื่อหกเดือนก่อนจากการที่เพื่อนสมัครให้ ผู้ที่ไม่รู้ว่าทวิตเตอร์คืออะไร ผู้ที่พึ่งลงรูปในไอจีเป็นเมื่อสองเดือนก่อน พยักหน้ารับงงๆ แต่ก็ไม่คิดจะถามอีกตามเคยเพราะไม่คิดจะสงสัย(?)


     หมอแข่งขยับพื้นที่ให้ว่างพร้อมกับดึงแขนขาวของฤกษ์ให้นั่งลงข้างๆ เจ้าตัวก็นั่งตามแรงดึงอย่างงงๆ พอเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวก็รับรู้ได้สักทีว่าตัวเองตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของหมอ พวกพี่ๆหมอกำลังนั่งทานข้าวกัน บนโต๊ะไม้ยาวมีอาหารมากมายวางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด ฤกษ์ร้องโอ้โหอยู่ในใจ ทำไมกับข้าวกับปลามันน่ากินกว่าของเขาที่พึ่งไปกินในโรงครัวอีกล่ะเนี่ย!!


"นี่มันแบ่งชนชั้นนี่" เจ้าตัวประท้วง


"แบ่งที่ไหน กับข้าวพึ่งได้มาจากพวกชาวบ้านเมื่อสักครู่เอง พวกเขาห่อกันมาให้ ตอนมาตรวจสุขภาพ นี่ก็พึ่งจะแบ่งไปโรงครัวเมื่อกี้" หมอรอนที่นั่งถัดจากหมอแข่งเอ่ยขึ้น เจ้าฤกษ์พยักหน้ารับหมอหน้าหล่ออีกคนที่เขายังไม่รู้จัก


"อ้าวเหรองั้นผมไปล่ะ"


"ทานกับพวกพี่นี่ล่ะ" ฤกษ์เอ่ยลาพลางจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกลำแขนแกร่งพาดลงมาบนไหล่ กดให้นั่งลง หมอแข่งรู้ดีว่าไอ้เด็กแต่งตัวไม่สนโลกนี่มันจะไปไหน เห็นทำตาโตตอนพูดว่าอาหารพึ่งแบ่งไปโรงครัวเขาก็รู้แล้ว


"ผมกินแล้ว" ตอบไปตามมารยาททั้งนั้น


"มีน่องไก่ทอด"


"ผมเอาสาม!!" ฤกษ์ชูนิ้วพลางยิ้มแฉ่ง ทำให้คนในโต๊ะพากันขำพรืด คนที่เสนอเมนูเด็ดเมื่อกี้ก็ใช่ใครที่ไหน หมอเทวดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามฤกษ์นั่นเอง


     ฤกษ์หันไปหาต้นเสียงไก่ทอด ร่างก็สะดุ้งโหยงโดยอัตโนมัติ เมื่อเขาได้สบตาคู่คมที่มองตรงมา สายตาคมที่ทำให้คนโดนจ้องแทบนั่งตัวเกร็ง เหมือนกำลังโดนผู้ใหญ่ดุอยู่ตลอดเวลา อะไรเล่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย เจ้าตัวได้ร่ำร้องอยู่ในใจ


      ด้านข้างของหมอเทวดามีสาวแสนสวยนั่งอยู่อย่างแนบชิดสนิทสนม ใครกันนะ? ประโยคคำถามดังขึ้นภายในจิตใจจากคนที่ไม่ค่อยคิดจะสนใจหรือสงสัยอะไร


     ฤกษ์ยื่นมือไปรับจานข้าวและจานไก่ทอดจากหมอแข่งมานั่งกิน นั่งฟังพวกพี่หมอคุยกัน  กินไก่ทอด ตักลาบหมู ซดต้มจืด ชิมแกงเหลือง ก็ยังบังคับตัวเองให้หลุดโฟกัสจากสองคนตรงหน้าไม่ได้ ไก่ทอดที่อร่อยๆ พอเห็นคนสวยตรงหน้าตักนู้นตักนี่ให้หมอราล์ฟ เจ้าตัวก็เริ่มไม่อยากจะเคี้ยว หันไปซดต้มจืดให้คล่องคอ หางตาก็แลเห็นคนสวยยื่นหน้ามากระซิบข้างหูหมอหล่อเทวดา ท้องที่ได้ฉายาว่าหลุมดำมาหลายปีซ้อนอยู่ๆก็เริ่มรู้สึกจะอิ่มขึ้นมา เขาสนิทกันเหรอวะ? แล้วทำไมต้องไปสนใจว่าเขาจะสนิทหรือไม่สนิท? แล้วถ้าเขาสนิทกันจะเป็นไรวะ? แล้วทำไมกินข้าวไม่อร่อยหรือว่าอิ่มก็ไม่นี่ยังยัดได้อีกกับข้าวก็อร่อยอ่ะ เจ้าตัวได้แต่ไม่เข้าใจตัวเอง


"อร่อยไหม" น่องไก่อีกชิ้นถูกตักมาวางไว้ในจานโดยคนที่นั่งตรงข้ามกับเขานั่นเอง สายตาคมจ้องมองมานิ่งๆอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้สักอย่าง อาการเบื่ออาหารก็เหมือนเริ่มจะทุเลาลง


"อร่อยพี่ ขอบคุณครับ"


"อันนี้ก็อร่อยนะ" หมูทอดถูกตักมาไว้ใกล้ๆกับไก่ชิ้นเมื่อสักครู่จากอีกคนที่นั่งตรงข้ามกัน เธอยิ้มหวานส่งมาให้อย่างใจดี


"เอ่อ…ขอบคุณครับพี่…"


"พี่ลลินจ้ะ"


"อ่อครับ พี่ลลิน" รูปก็งามนามก็เพราะ บอกว่าเป็นดาราก็เชื่อ ดีกรีว่าที่หมออีกต่างหาก ครบเครื่องชะมัดเลย นั่งคู่กันกับหมอราล์ฟ นางฟ้ากับเทวดาชัดๆ เจ้าฤกษ์ร้องอยู่ในใจ


"ตักให้ทางนี้บ้างก็ได้นะ"


"น้องเขาเป็นแขก เราชวนน้องนั่งก็ต้องดูแลสิ แขนก็ตั้งยาวตักเองสิรอน" ลลินพูดยิ้มๆ อย่างน่ารัก



"น้องฤกษ์ น้องมีแฟนหรือยังครับ!!?"


     ฤกษ์เงยหน้าขึ้นหันไปหาต้นเสียงที่เอ่ยถาม เป็นพี่หมอคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะตะโกนถามมา


"เอ่อ...ยังครับพี่"


"งั้นพี่ขอไลน์น้องได้ไหมครับ?"


"เฮ้ยๆ ไอ้แม็ค"


"ไอ้นี่มันร้ายเว้ย!!"


"อร้ายยย แกจะตัดหน้าผู้หญิงอย่างนี้ไม่ได้!!"


"เฮ้ยๆ น้องมันโสดโว้ยยย"


     เสียงตะโกนโห่แซวดังลั่นโต๊ะ ฤกษ์ทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไป พลางคิดในใจว่าโดนพี่ๆหมอขอไลน์ก็ไม่เห็นแปลกอะไร มีเพื่อนเยอะๆไว้ดีจะตาย


     พี่หมอที่เพื่อนๆตะโกนว่าชื่อแม็ค ลุกขึ้นเดินตรงดิ่งมาหาฤกษ์พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ


"พี่ขอได้ไหมครับ?" หมอแม็คหยุดยืนตรงหัวโต๊ะเขาเท้ามือยันไว้กลับโต๊ะ พลางก้มหน้าลงมาส่งสายตาเจ้าชู้หาเจ้าฤกษ์ที่นั่งถือน่องไก่ค้างไว้ในมือ แต่ก็เท่านั้นเจ้าฤกษ์สังเกตที่ไหนกัน


"ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่ ไอดี…"


"ฤกษ์ คือพี่ว่า..." หมอแข่งเริ่มมีสีหน้ากังวล


"เวลานี้ควรปล่อยให้น้องมันกินข้าวนะ" เสียงเย็นๆ เรียบนิ่งเอ่ยแทรกขึ้นมากลางวง ทุกสายตาหันไปจ้องหมอราล์ฟพลางขนลุกเกลียว เมื่อสบเข้ากับสายตาน่าขนลุกที่มองตรงมา


"ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะราล์ฟ แป๊บเดียวเอง" ลลินพูดทำลายบรรยากาศที่แลน่าอึดอัดแปลกๆ


"เอ่อ...งั้น….งั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่าเนอะ" หมอแม็คพูดตะกุกตะกัก เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมคณะ เขาไม่รู้ว่าได้ไปเหยียบโดนอะไรคนตรงหน้าเข้าหรือเปล่า แต่การที่จะมีเรื่องผิดใจกับ 'หมอเทวดา' ไม่ใช่เรื่องที่ควรเลย


"เฮ้ยๆ พี่ไม่เป็นไรเรื่องจิ๊บๆ มาๆ ผมจัดให้"


     ฤกษ์ผู้ไม่รู้ถึงบรรยากาศน่าขนลุกเอ่ยบอก เจ้าตัวยื่นแขนไปดึงข้อมือหมอแม็คที่กำลังหันหลังเดินกลับไป มืออีกข้างที่เลอะไก่ทอดก็เช็ดขากางเกงตัวเองลวกๆ และยื่นมือไปเอาโทรศัพท์ในมือหมอแม็คมากดยิกๆ อย่างคนอารมณ์ดีที่จะได้มีเพื่อนเพิ่ม


"เรียบร้อยพี่" ฤกษ์ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืน


"เครครับ งั้นกินข้าวให้อร่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ทักไป" หมอแม็คส่งยิ้มให้และเดินกลับไปนั่งที่เดิม เขาลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ เพราะรอยยิ้มของน้องฤกษ์เมื่อกี้ น้องมันน่ารักจริงๆนั่นล่ะ!!


"สิ้นเดือนค่อยทักมานะพี่!!" เจ้าฤกษ์ตะโกนบอกหมอแม็คที่กำลังนั่งกินข้าวต่อ เขาพยักหน้ารับอย่างเอ็นดูเพราะคิดว่าน้องมันแค่กวนเล่น


"ทำไมต้องสิ้นเดือนล่ะ" หมอรอนยื่นหน้าผ่านหมอแข่งมาถามอย่างสงสัย


"อ๋อ คือผมใช้รายเดือนน่ะพี่ไม่ได้จ่ายเขามาสองงวดแล้วโดนตัดเน็ตแล้วอ่ะ โทรออกไม่ได้รับสายได้อย่างเดียว"


"ห๊ะ!!!"


"เมื่อวานก็ให้ไอ้ปัดแชร์เน็ตให้เล่นอ่ะ จะได้ส่งข้อความหาน้องได้แต่มันปิดแล้วอ่ะ เซ็งเลย"


"ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะดังลั่นทั้งโต๊ะ เปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดเมื่อกี้กลับมาเฮฮาอีกครั้ง หมอแข่งที่มีสีหน้าปั้นยากเมื่อกี้ก็ขำพรืดออกมาจนตัวงอ





"ฤกษ์!! กูหาตั้งนานอยู่นี่เอง" ไอ้มังกรวิ่งเยาะๆเหงื่อโทรมกายเข้ามาหา โหหห มองไกลๆ ผมนึกว่าพระเอกเกาหลีที่ไหน พอมันเดินมาใกล้ๆ เอ้า!! เพื่อนผมนี่หว่า(!?)


"กูกินข้าวรอบสองน่ะ" ผมยื่นจานข้าวให้มันเห็นชัดๆ มันพยักหน้ารับเอือมๆ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้พี่ๆที่นั่งอยู่


"ผมขออนุญาตเอาไอ้เพื่อนหน้ามึนตัวนี้ไปก่อนนะครับพอดีมีงานด่วน" ผมลุกขึ้นตามแรงดึงของไอ้กรแต่ก็หยิบน่องไก่ติดมาด้วย


"อ้าว!! น้องตี๋เพื่อนยังไม่อิ่มเลยมานั่งกินอะไรรอก่อนสิ" หมอแข่งพูดขัดยิ้มๆ สายตาเจ้าเล่ห์เห้ๆ


"ตี๋พ่อง!!" แหนะๆ กูได้ยินนะเว้ยถึงมึงจะพูดเบาก็เถอะ รุ่นพี่นะเว้ย มึงเห็นไหมกี่ตีน!!   


     ไอ้ตี๋กรถ้าใครไม่สนิทกับมันมาเรียกมันว่า 'ตี๋' มีวางมวยนะครับ พี่หมอแข่งเลิกคิ้วพลางขว้าแขนไอ้ตี๋ให้มาใกล้ๆ สงสัยดึงแรงไปหน่อยไอ้ตี๋เลยเซล้มลงนั่งทับบนตักพี่หมอแข่งซะงั้น ตามมาด้วยเสียงด่าดังลั่นของไอ้ตี๋กร อะไรของแม่งว่ะ ดูเหมือนเขาจะสนิทกันนะครับ?


     

"มานั่งนี่" ผมที่ยืนเคว้งอยู่นานก็โดนหมอเทวดาเรียกให้ไปนั่งข้างๆ ระหว่างรอไอ้ตี๋กร


"พี่ เพื่อนพี่จะต่อยเพื่อนผมไหมวะ?" ผมหันไปถามหมอเทวดาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ


"หึๆ ไม่หรอก"


"เหรอ ทำไมคิดงั้นอ่ะ เหมือนเขากำลังจะตีกันนะพี่"


"คนจะตีกันเขาจะชวนกินอะไรทำไม"


"อ้อ คงใช่"


"หายดีแล้วหรือยัง" พี่หมอเทวดาถามพลางยื่นถุงลองกองมาวางไว้ตรงหน้า หืม ให้กินหรือเปล่าวะ? แต่ก็ไม่ได้ห้ามนี่หว่า งั่มๆ หวานเจี๊ยบบบ


"ก็ดีแล้วนะ ผมก็ไม่ได้เป็นไรมากสักกะหน่อย โอ้ย!! "


"ช้ำขนาดนี้คงไม่เป็นไรมั้ง! ไม่ได้ทายาใช่ไหม"


     หมอราล์ฟจิ้มนิ้วลงมาอย่างไม่ออมแรงนัก ตรงหน้าผากที่ปูดเป็นลูกมะนาวจากการตกนั่งร้านด้วยท่าสวยงามเมื่อวานของผม เดี๋ยวทุบแม่ง!! (เก่งได้แต่ในความคิดค้าบ)


"พี่!! จิ้มมาได้นี่ปูดอยู่นะเว้ย สมองผมเกิดอักเสบขึ้นมาใครรับผิดชอบ"


"ฮ่าๆ น้องฤกษ์ครับถ้าเกิดมันอักเสบพี่รอนคนนี้ยินดี๊ ยินดี รับผิดชอบเองจะเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำให้อย่างดี" พี่หมอที่ผมเดาๆว่าชื่อรอน เอ่ยพลางหัวเราะขบขัน พี่เขาดูนิสัยดีนะครับ ยิ้มง่าย ดูอบอุ่น ติดกิ๊ฟคิตตี้สีชมพู ใส่นาฬิกาโพนี่สีฟ้าด้วย!! แฟชั่นอะไรของเขาเนี่ย


"พูดแล้วห้ามคืนคำนะ เอาแบบอาบน้ำให้นะไม่เอาเช็ดตัวไม่ชอบอ่ะ กับข้าวขอเป็นอ่อมตับนะช๊อบชอบ" ผมพูดอย่างอารมณ์ดีปนขำมากกว่าที่มีคนรับมุก


"ไหนๆมาดูสิ สมองอักเสบหรือเปล่า ไม่ใช่อักเสบนานแล้วเหรอเรา"


"อ้าวๆ พี่รอนเห็นผมหล่ออย่างนี้ ผมฉลาดนะพูดงี้หลอกด่าใช่…" พี่รอนกวักมือเรียกผมให้ยื่นหน้าข้ามโต๊ะไปหา เพื่อจะดูอาการสมองของผม ผมที่กำลังลุกขึ้นยืนกลับต้องชะงักเมื่อคนข้างๆ กดไหล่ผมนั่งลง


"อย่าไร้สาระน่า มันจะอักเสบไปได้ยังไง ฉันเช็คให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มันปวดเพราะไม่ยอมทายาน่ะสิ มานี่นั่งเฉยๆ"


"รู้จักกันมาตั้งนมนาน เรื่องนู้นเรื่องนี้ไม่ยักจะสน ไม่เค๊ยไม่เคย จะขัดนู้น ขัดนี่ ขัดคอถี่ไปอีก อะ...แค่ก อะแค่กๆ"


     อยู่ดีๆหมอรอนหน้าหล่อ นิสัยกวนทีนก็ไอกะด็อกกะแด็ก เหมือนน้ำลายติดคอพูดบ่นหงุงหงิงๆ อยู่คนเดียวแต่สายตามองมาทางที่ผมนั่งอยู่ พี่มันนินทาผมแน่ๆ ฮึ่มๆ (โปรดนึกถึงเสียงคำรามของเสือ)


 "โอ๊ย!"


     นิ้วเรียวแกร่งลูบเบาๆ ตรงรอยโนช้ำอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว จะหันไปแว้ดใส่ว่าลูบลงมาได้ แต่กลิ่นยาที่ลอยแตะจมูกและเนื้อเจลเย็นของยาก็ทำให้ต้องหยุดชะงัก ไปเอายามาจากไหนหว่า


     สัมผัสนิ้วเรียวแกร่งหายไป ผมเงยหน้าสบตาคมคู่สีเทาหม่น สงบ เรียบนิ่ง ยากหยั่งถึง คิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมปากบางสีแดงกุหลาบช้ำ เหมือนเจ้าของจะสูบบุหรี่ ใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงฝ่ามือกั้น ผมยาวที่ไม่เคยรู้ว่ายาวขนาดไหนถูกเกล้าลวกๆ ปล่อยลูกผมระใบหน้าหล่อเหลาและระต้นคอแกร่ง... อาการอกข้างซ้ายก็กำเริบอีกครั้งมันกระตุกอย่างรุนแรง เกือบจะเอื้อมมือไปปัดปอยผมออกให้…



"ราล์ฟคะ!"


     เสียงเรียกหวานหูของคนที่นั่งขนาบข้างอีกฝั่งของหมอเทวดาเอ่ยขึ้น ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าตัวเองยื่นมือออกไปเกือบจะถึงหน้าพี่หมอราล์ฟ รีบขยับตัวออกห่าง เฮ้ย!! ผมทำไร? เอื้อมมือออกไปทำไม? อ้ากกก กูจะทำเชี่ยไรเนี่ย



"ราล์ฟคะ ตกลงว่ายังไงคะ? ถ้ากลับจากค่าย?" คุณหมอลลินรูปก็งามนามก็เพราะ กอดแขนพี่หมอเทวดาเอาหน้าสวยๆซบไหล่อย่างอ้อนๆ


"อืมตามนั้น" พี่หมอตอบนิ่งๆพร้อมกับหันไปกระซิบกับพี่ลลินเบาๆ


"ปล่อย!! จะไปทำงาน"


      เสียงไอ้ตี๋มังเรียกสติสตังของผมให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากนั่งตักมานั่งข้างๆพี่หมอแข่งแล้ว แต่ก็โดนแขนพี่หมอแข่งล็อคคอไว้อยู่ดี อะไรกันว้าสองคนนี้


"กินผลไม้ก่อนดิค่อยไป"


"ไม่ปล่อยผมต่อยนะ!!" เออพี่หมอเเข่งเขาจะรักสุขภาพกันเกินไปไหม คนไม่กินผลไม้ก็บังคับอยู่ได้ มันไม่กินแต่ผมกินนะ


"สนใจใช้โปรฟรีไหม"


"ห๊ะ!!" ผมนั่งดูคนทะเลาะกันอยู่ดีๆ ประโยคปริศนาก็ดังขึ้นข้างตัวอย่างไม่มีที่มาที่ไป ปกติฟังคนอื่นพูดธรรมดาก็ไม่ค่อยจะเข้าใจแล้วนะเว้ย แล้วนี่คือหมายความว่าอะไรวะ?


"ฉันมีโปรโทรฟรี เล่นเน็ตฟรี" พี่หมอเทวดายื่นหน้ามากระซิบข้างหูอีกรอบที่คงจะเห็นสีหน้างงๆของผม พี่แกเล่นพูดเรียบๆ เรื่อยๆ เหมือนพูดเรื่องปกติ แต่ไม่ปกติโว้ย


"พี่พูดอะไรเนี่ย" กูงงนะครับ


"จดเบอร์เธอมาให้ฉัน ฉันจะสมัครโปรฟรีให้ เล่นเน็ตฟรีโทรฟรีไม่เสียเงิน" หมอราล์ฟยื่นโทรศัพท์ที่โคตรหรู!!สีทองมาให้ผม


"สนๆ ฟรีกี่เดือนอ่ะพี่" ผมรีบกดเบอร์ตัวเองลงเครื่องหรูแล้วส่งคืนอย่างอารมณ์ดี ของฟรีใครก็ชอบป่ะ


"ไม่มีกำหนด" หมอราล์ฟพูดเรียบๆ


"เฮ้ยพี่!! โปรแบบนี้มีที่ไหนกันเล่า"



"เฮ้ย!! ฤกษ์!! ไปโว้ยยยยย"


     แขนผมถูกกระชากให้ลุกขึ้นตามแรงดึงของไอ้มังกรที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะโดนบังคับให้กินแตงโม ทำไมผมรู้น่ะเหรอ เม็ดแตงโมยังติดแก้มมันอยู่เลย


"มือถือมึงน่ะปาทิ้งแม่งไปเลยนะ ไอ้สัส! ใช้งานเชี้ยไรไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้กูโทรหาไม่ติดล่ะ เขาตัดสัญญานมึงแล้ว"


"มึงๆ"


"ว่า?"


"เดี๋ยวนี้มันมีโปรโมชั่นเล่นเน็ตฟรีโทรฟรีอย่างไม่มีกำหนดด้วยเหรอวะ?"


"โปรเชี่ยไรมึง ถ้ามี บริษัทเครือข่ายแม่งเจ๊งตั้งแต่เดือนแรกอ่ะกูว่า คิดมาได้นะมึงเนี่ย ไปๆพี่โต้งบอกให้ไปแก้งาน"


"เออเนอะ พี่เขาแม่งอำกูแน่ๆ"













หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่6...โปรฟรี? 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2020 00:40:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่6...โปรฟรี? 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2020 02:47:54
น้องฤกษ์ผู้น่ารัก  โอ้ยยย!!ตะมุตะมิ จริงๆ
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่7...ป่าช้า 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 01-02-2020 21:44:08
7…ป่าช้า






"อิห่าน!! หน้าม้ากูทำไมมันเหินขึ้นอย่างนี้" ไอ้นกหรืออิเบิร์ดเริ่มคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด


"เอ้า อิห่า กูก็ตัดออกนิดเดียวผมมึงมันเหินขึ้นเองกูไม่ผิดนะเว้ย"

     

        ดาวคณะเริ่มแก้ตัวด้วยเหตุผล ตกลงห่านกับห่า อันไหนเจ็บกว่าวะ


"มึ๊งงง ลำไย เห็นกูหน้าสวยกว่าใช่ไหม ฮึกๆ ทำไม ทำม้าย ทำกับกูอย่างนี้ ฮือๆ แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มึงตัดขนาดนี้ไม่เอาเสมอโคนผมข้างหน้ากูเลยล่ะ อิหอยโข่ง ฮือๆ" แตกหนึ่งครับ เมื่อไอ้นก ยกกระจกขึ้นมาส่อง


"มึงจะหอนทำไม แบบนี้ก็น่ารักดีออก เปลี่ยนเป็นใสๆก็โอนะ เผื่อจะหาผัวได้" คิดว่ามันจะสำนึกเหรอ? อย่าน่า


"หุบปากเลย กูไม่อยากได้ยินเสียงมึง ปาดดดด ไอ้ปัด มึงดูให้กูหน่อย ฮือๆ"


        ไอ้นกวิ่งดุ๊กๆ ไปหาไอ้หล่อประจำคณะที่นอนหลับตานิ่งไม่สนโลก ผมบอกเลยตอนนี้มันอยู่ในอารมณ์บูดสุดๆ ขอกระซิบเบาๆว่า หนึ่งชั่วโมงก่อนมีสาวตบกันในค่ายเพราะไอ่ห่ารากนี่ครับ



"เฮ้ย"



"เฮ้ยๆ"



"เฮ้ยพี่!" 


        ผมที่กำลังนั่งแกะสลักรองเท้าแตะ รูปโดเรม่อนของไอ้พี่อิฐ พี่มันสั่งให้ทำให้พี่มันหน่อย อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยามเย็น ตอนนี้เป็นเวลาฟรีสไตล์อาบน้ำกินข้าว หลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ ที่ค่ายจะมีแม่ครัวอาสาจากทางหมู่บ้านผลัดเปลี่ยนเวรมาทำให้ พร้อมกับพวกนักศึกษาที่จัดเวรไปเป็นผู้ช่วย ผมได้เวรวันมะรืนอ่ะ ตกดึกก็มีกิจกรรมไหว้พระสวดมนต์ก่อนเข้านอน กิจกรรมอย่างอื่นเห็นจะยังไม่มี เพราะเหนื่อยกันมาก แต่ได้ยินแว่วๆ ว่าพวกนิเทศจะจัดรอบกองไฟคืนพรุ่งนี้

     

        ผมกับเพื่อนๆ กำลังรอกินข้าวพร้อมไอ้มังกรที่ไปเอาของบ้านผู้ใหญ่ นี่ก็พึ่งหย่อนตูดนั่งบนรากไม้ใหญ่ไม่ถึงสิบนาที ผมหันหันซ้ายหันขวาหาเสียงติดสำเนียงทองแดง พร้อมกับไอ้นกก็หยุดชะงักเพราะเสียงปริศนา เจอเด็กหน้าหล่ออายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดยืนเท้าเอวอยู่ด้านหลัง


"กุมารเปล่าวะ? หรือเจ้าของที่ที่กูนั่งวะ?"


"แล้วนี่คนบ้าหรือเปล่า" ไอ้เด็กหน้าคมมันว่าผมอ่ะ


"รุ่นพี่แล้วนะเว้ย เพื่อนเล่นเหรอ เรียก เฮ้ยๆ อยู่ได้ เย็นค่ำขนาดนี้แล้วมาเดินเพ่นพ่านอะไรแถวนี้ บ้านช่องอยู่ไหน"


         ผมเก๊กหน้าโหดสุดๆ เข้มเข้าไว้ แต่มันสนใจผมที่ไหนเล่า เดินดุ่มๆ มาหายืนค้ำหัวผมเนี่ย


"พี่ทำไรอ่ะ? เฮ้ย สวยว่ะพี่"


"เออขอบใจที่ชม เป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ซักผ้าอยู่มั้ง"


"กวนตีนว่ะ น้องนุ้งถามดีๆ"


"เอ้า ก็มึงกวนตีนกูก่อนป่ะ เดี๋ยวจะโดนนะมึงอ่ะ"


        ผมยกรองเท้าชี้หน้าไอ้เด็กแก่แดด ตัวก็เท่าๆ ผมนี่ล่ะ ซะที่ไหนล่ะ ใหญ่กว่าตั้งเยอะอายุแค่นี้สูงกว่าผมไปตั้งหลายขีด แต่ก็เถอะกลัวที่ไหนมีไอ้ปัดอยู่อวดเก่งได้ คิ้กค้าก


"แล้วมึงน้องกูตอนไหน กูไม่มีน้องเหอะ" อันที่จริงมีอยู่บ้านตัวหนึ่ง แค่กวนตีนเฉยๆ


"เตี้ยทำไรอ่ะ"


"เอ๊ะ!! ไอ้เด็กเวร!!!"


"ฤกษ์ น้องมันก็แค่หยอกเล่นเป็นจริงเป็นจังไปนะมึงอ่ะ มึงผิดเองนะ ที่ไม่อยากให้เป็นน้องอ่ะ"


"ลำไย มึงข้างใคร?"


"ขึ้นอยู่ที่หน้าตาฝ่ายตรงข้าม" ชัดเจนฉิบหาย


"พี่ พี่ร้องไห้ทำไมอ่ะ"


        ไอ้เด็กแก่แดดมันเลิกสนใจผมทั้งๆ ที่ผมกำลังจะเอาเกิบลายโดเรม่อนฟาดหัวมันอยู่ทนโท่ มันหันไปถามไอ้นกที่ยืนงงๆ มองมาทางพวกผม


"ปะ…เปล่าซะหน่อย" บอกว่าเปล่าแต่รีบยกมือเช็ดขี้มูกเช็ดน้ำตา ใครจะเชื่อครับคุณเพื่อน


 "โอ๋ๆนะ"


"เชี้ย!!"


         อึ้งแดกครับ ไอ้เด็กที่หน้าหล่อแต่เด็ก เดินไปกอดหมับเข้าที่เอวไอ้นก หัวซบอยู่ตรงบ่าพร้อมกับเอามือลูบหลังไอ้นกไปมาเหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็ก


"นะ...น้องครับ พี่ไม่เป็นไรครับ"

 

"นก มึงหน้าแดงวะ ฮ่าๆ เขินไอ้เด็กนี่เหรอ อย่าเลยว่ะ เดี๋ยวกูหาดีกว่านี้ให้" ผมเอ่ยแซว แต่เหน็บไอ้เด็กแก่แแดด ถึงจะหล่อกูก็ไม่ชมอ่ะ กวนประสาท จะติจนกว่ามันจะขี้เหร่


"ไม่น่าเลยนะพี่ อายุแค่นี้ตาบอดซะล่ะ ไม่ทันได้มีลูกมีเมียเลย"


"อ้ากกก กูสูนนนนน ตากูยังดีอยู่เหอะเดี๋ยวกูทดสอบให้ดู"


"โอ๊ยย! ผู้ใหญ่รังแกเด็ก" มันมองผมสายตาอาฆาตเมื่อโดนรองเท้าลายโดเรม่อน ป้าบ เข้าที่หัว


"ฤกษ์ โตเป็นควายแล้วยังไปถือสาเด็กมันอีก" ไอ้ลำไยที่กำลังนั่งเล็มผมตัวเองอยู่ข้างๆผม ตวาดแว้ด


"ก็มัน…."


"เงียบ!!" อะไรว้าาาา ทำไมกูผิดล่ะ


"สรุป ไม่เป็นไรแน่นะพี่" ไอ้เด็กแก่แดดเลิกสนใจผม หันไปถามย้ำไอ้นกแอ่นเบิร์ดให้แน่ใจ


"ครับๆ ไม่เป็นไรแน่นอนครับ"


        น้องมันยอมปล่อยหลังจากที่ไอ้นกบอกไม่เป็นไร ถามย้ำให้แน่ใจอีกแหนะ จะไปบอกได้ไงล่ะว่าร้องไห้ขี้มูกโป่ง มาจากสาเหตุตัดผมไม่ได้ดั่งใจ อายเด็กตายห่า


"พี่ตัดผมน่ารักจัง"


"ห๊ะ!!!" สามห๊ะ เลยล่ะ ยกเว้นไอ้ปัดที่น่าจะไหล

ตายไปแล้ว หูฝาดเปล่าวะ


"ขูดฟันอ่ะพี่ ผมมาขูดฟัน" น้องมันเอานิ้วชี้ไปที่ฟันหน้า อ่อๆหูฝาด


"ละๆๆๆ แล่วๆๆ ไอ้เด็กนี่มันร้ายกูบอกเลย กูได้ยินไม่ผิดแน่ๆ มันว่าไอ้นกน่ารัก" ไอ้ลำไยกระซิบกระซาบอยู่ข้างผม


"เออๆ กูก็คิดว่าได้ยินว่าน่ารัก "


"สัญชาตญาณกูมันร่ำร้องอยู่ข้างในเนี่ย แหมๆ ริอยากจะเป็นชายเหนือชายแต่เล็กแต่น้อย เดี๋ยวปั๊ด ยุให้ได้กันเร็วๆเลย"


"เฮ้ย นั่นเด็กนะเว้ย ไอ้นกมันไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอก"


        ผมร้องลั่นจนไอ้สองคนที่กำลังถูกนินทาอยู่หันมามองอย่างงงๆ ไอ้ลำไยมันคิดบ้าอะไรของมันเนี่ย ไอ้เด็กแก่แดดหน้าคมนั่นน่าจะอยู่แค่มัธยมด้วยซ้ำ ผมผลักหัวมันไปไกลๆ ก่อนที่จะเอาความคิดน่ากลัวมาใส่หัวผมมากไปกว่านี้ บ้าบอว่ะ


"ตัวโตขนาดนี้ไม่เล็ก เอ๊ย!! ไม่เด็กแล้วมึง" เสียงมึงหื่นมากไอ้ดาวคณะ


"อ๋อ ขูดหินปูน แต่เอ๊ะ นี่มันเย็นแล้ว พวกพี่หมอเขาปิดแล้ว พรุ่งนี้มาใหม่นะ" ไอ้นกตอบน้อง


"อ้าวเหรอ งั้นเครครับพี่ พรุ่งนี้ผมมาใหม่"


"เดี๋ยวๆ แล้วบ้านอยู่ไหนนี่มันเริ่มมืดแล้วนะเดี๋ยวพวกพี่ไปส่ง"


        ผมท้วงน้องมันก่อนที่จะหันหลังเดินไป ถึงมันจะกวนตีนตัวก็โตแต่มันก็รุ่นน้อง ไม่อยากปล่อยให้กลับบ้านคนเดียว ค่ำๆ มืดๆ


"อ๋อ ทางนี้ครับ" น้องชี้ไปทางด้านหลังของพวกผม


"เชี้ย!!"


"เอ่อ คุณน้องคะกลับบ้านปลอดภัยนะคะ เพื่อนพี่มันส่งถึงหน้าประตูบ้านแน่นอนค่ะ" ไอ้ลำไยมาไวเคลมไววิ่งจู๊ดเหลือให้เห็นเพียงฝุ่น


"น้องครับเพื่อนพี่ไปส่งปลอดภัยแน่นอน พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะครับ บาย ลำย๊ายยยยย รอกูด้วย!!"


"ไอ้เพื่อนเชี้ยยยยยยยยยยย"










"กูบอกมึงแล้วว่าอย่าอยู่นาน"


"เออน่า ก็กลับแล้วไง"


"ก็บอกว่าให้รีบๆๆๆ"


"เอ้า มึงก็แดกกับกูอะ"


"กูแดกครึ่งขวดเหอะ มึงกับไอ้ปัดล่อไปสองขวดอิห่า!! ตายๆ ตายแน่ๆ"


"ก็ตายแน่ๆล่ะ ฝังกันขนาดนี้"




บรู้ว~~~~~~~~~~




"อีฤกษ์ // อีปากหมา!"


"เดินเงียบๆ อย่าพูดกันให้มันมาก"


        ไอ้ปัดเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์ข้อความขยุกขยิกเรื่องธุรกิจของมัน หันมาบ่นพวกผม บวกกับสายตาว่าเริ่มจะหมดความอดทนกับคนหน้าตาดีๆ อย่างพวกผม (?) ทำให้ต้องรีบหุบปากฉับ เพราะหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ของสุดหล่อฤกษ์เกรงว่าพี่ท่านจะทิ้งพวกกระผมไว้กลางป่าช้าหลังวัด….


        คุณผู้ชมฟังไม่ผิดหรอกขอรับ ตอนนี้พวกกระผมนั้นกำลังเดินผ่าน เอ๊ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเดินอยู่ในใจกลางป่าช้าหลังวัด เหตุอันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้พวกผมได้เดินมาส่งน้อง 'รักษ์' ไอ้น้องหล่อหน้าคมที่มันบังอาจกอดเพื่อนผมหน้าม้าเหินฟ้านั่นแหละ ก่อนหน้านี้พวกมันวิ่งหนีผมกันคนละทิศละทาง เมื่อเห็นน้องรักษ์ชี้ว่าบ้านไปทางไหน


         ฮึๆ ชะล่าใจความสามารถของผมเกินไปแล้วไอ้พวกนี้ ผมเก๊าะเลยไปปลุกไอ้ปัดซะเลย พูดนิดพูดหน่อย 'ถ้ามึงไม่ไปเป็นเพื่อนกู กูจะตาม ตาม และตามมึงไปทุกที่ จะติดหนึบยิ่งกว่าขี้รังแคบนหัวมึงอีกนะ ไม่ว่าจะไปกิน ขี้ ปี้ นอน กูจะสิงมึงไปทุกที่ วะฮะฮ่าาาาา' ผมพูดแค่นั้นเอ๊งงงง ไอ้ปัดก็มาเป็นเพื่อนผมแล้วแต่ไอ้สองตัวที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้ทำไมถึงมาด้วยน่ะเหรอครับ?


        หลังจากที่ไอ้ปัดโดนผมข่มขู่เป็นที่เรียบร้อยดั่งหน้าผากเรียบที่มีรอยย่น(?) มันก็โทรหาไอ้พวกเพื่อนตัวดี 'กูจะไม่มีทางอยู่กับไอ้ตัวปวดประสาทนี่สองต่อสอง จะมา...หรือ...ไม่มา' แค่นั้นแหละครับพวกมันก็วิ่งจมูกบานมาหาผมจนหุบแทบไม่ทัน


        และเหตุที่ต้องทำให้พวกผมมายืนชมบรรยากาศอันชวนขอหวย เอ๊ย!! ชวนขนลุกตอนสามทุ่มอย่างนี้นั้นก็เหตุอันเนื่องมาจาก 'เหล้าบ๊วย' เครื่องดื่มอันแสนอร่อยด้วยสูตรทำเองจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่หลังป่าช้า(?) ของไอ้เด็กแก่แดดนามว่า รักษ์ มีป่าช้าคั่นกลางระหว่างวัดกับคฤหาสน์ เป็นทำเลที่โคตรจะ เอิ่ม… นั่นแหละครับ


        พอพวกผมเดินพ้นป่าช้าออกมาแทบตะลึงกับภาพเบื้องหน้าอย่างกับคนละโลก  อื้อหือ สวรรค์ชัดๆ บ้านสไตล์ยุโรปที่มีหมู่บ้านเล็กๆล้อมรอบห่างไกลความเจริญ มีนางฟ้าเรียงรายรอบน้ำพุหน้าคฤหาสน์


         เพียงแค่พวกผมเดินเข้ามาในเขตตัวบ้าน ก็มีคนในบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านเดินออกมาต้อนรับ 'คุณหนู' เป็นคำเรียกจากปากแม่บ้านที่เรียกไอ้เด็กแก่แดด ไอ้เด็กแก่แดดที่เรียกการขูดหินปูนว่าขูดฟัน อื้อหือ ไอ้ผ้าขี้ริ้วห่อทอง


        แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดมาถึงขั้นที่ว่า ไอ้ปัดหนุ่มแดนใต้ของเราดันรู้จักกับครอบครัวนี้ครับ!! ถ้าพ่อไอ้เด็กรักษ์ ไม่เดินออกมามันก็คงอมพนำไว้จนบูด พ่อไอ้เด็กรักษ์เป็นอดีตนักการเมืองเก่า และบ้านไอ้ปัดเนี่ยตระกูลมันเล่น สส.กันหมดครับ


        ไอ้ลำไยเร่งยิกๆ ว่าให้รีบกลับ เพราะเริ่มจะมืดเต็มที แต่...ไอ้เด็กแก่แดดไม่ยอมปล่อยไอ้นก ติดแจยิ่งกว่าเชื้อโรค ชวนเข้าบ้าน ชวนกินข้าว พวกผมก็ปฏิเสธไม่ได้เมื่อพ่อของเด็กรักษ์เอ่ยปาก ก็เลยตามเลยครับ ได้แต่ส่งข้อความไปบอกไอ้ประธานรุ่นไว้กลัวมันร้องไห้ที่พวกผมหายตัวไป (ร้องพ่อง!!<<<มังกร)


"แต่เหล้าบ๊วยแม่งอร่อยจริงว่ะ" ไอ้นกว่า


"อืม ถ้าไม่ติดว่าอยู่ใกล้วัดกูเอาไปกินในที่พักล่ะ"


"กูต้องขอบใจมึงไหมที่มึงมีจิตสำนึกอ่ะปัด" อันนี้ก็แล้วแต่มึงนะนก แต่กูว่าไม่ต้องนะ


"กูว่าน้องรักษ์ชอบมึงแน่ๆ" ลำไยโพล่งขึ้นท่ามกลางเสียงหมาหอน


"ไม่หรอกน่า น้องมันก็ปกตินะ มึงคิดมากไปป่ะ"


        ไอ้นก นามอาเซียนว่า เบิร์ด เห็นแรดๆบ้าผู้ชายอย่างนี้มันก็บ้าจริงนะครับ แต่ผมไม่เห็นมันคบใครสักคน เคยถามมันก็บอกแค่ว่าชอบความโสด


"กูว่าชอบ"


"อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ"


"ก็น้องเขาติดมึงแจอย่างกับอะไรดี พี่ครับๆ อยู่นั่นแหละ"


"หึๆ มึงผิดแล้วลำไย กูว่าน้องรักษ์สุดหล่อของกูติดไอ้คนที่ยืนข้างๆกูมากกว่าว่ะ กูเห็นแหย่กันเล่นตั้งแต่เดินออกจากค่าย"


        ไอ้นกหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม หืม อะไรวะ กูกับไอ้เด็กรักษ์ด่ากันสนั่นหวั่นไหวนี่เรียกว่า แหย่กันเล่นอ่อ บ้าบอว่ะ สายตามึงต้องมีปัญหาแน่ๆ


"ไม่ใช่อ่ะ สัญชาตญาณกูมันบอกว่าชอบมึง!!"


"มึงก็อย่าไปอะไรกับเด็กมันนักเลยว่ะ ถ้าหมอราล์ฟจะไม่เถียงสักคำ"


"พี่เขาชอบกู" มั่นหน้าให้100 หลงตัวเองให้550 ลำไยเพื่อนใคร? อ่อ เพื่อนกูเอง


"กูต่างหาก"


"กู"


"กู"


"กู"


     ผมหันซ้ายทีขวาทีสมองก็กำลังประมวลว่าพี่ราล์ฟชอบใครกันแน่ เอ่อ... พี่เขาชอบใคร อ๋อ


"พี่เขาชอบพี่ ลลิน" โพล่งออกไปเมื่อคิดได้


""ห๊ะ!!"


"แฟนพี่เขาชื่อ ลลิน สวยนางฟ้าสัสๆ"


"เทวดาของกูยังไม่มีแฟน!!" ไอ้นกว่า


"กูสืบมาดีกูฟันธง!!" ไอ้ลำไยสมทบ




สวบๆ




"เงียบ"


"แต่ตอนกินข้าวเขาสวีทกันมากนะเว้ย ซบไหล่กันด้วย กูรู้กูเห็นมา"


"ไอ้ฤกษ์การที่นั่งซบไหล่นั่งอี๋อ๋อกันไม่ต้องเป็นแฟนกันก็ทำได้ย่ะ โถ่ๆ พ่อสัปเหร่อน้อยของฉัน"


"แต่ว่า...อื้อๆๆ"


"เงียบ!!!"




     มือใหญ่ปิดปากผมฉับพร้อมกับเสียงดุเข้ม ดังลอดไรฟันออกมาแต่ได้ยินกันทุกคน ผมถูกไอ้ปัดลากมาทางพุ่มไม้ใหญ่อย่างเร่งรีบ จนเหยียบเข้ากับหลุมศพ ฮืออออ กระผมขอโทษกระผมไม่ได้ตั้งใจกระผมขอขมาาาาา


     ลำไยกับนกเดินตามมาติดๆ สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานการณ์ นกจะเอ่ยปากถามก็ต้องรีบหุบปากฉับเมื่อเห็นสายตาวิตกกังวลของเพื่อน




ปิ้ว!!




ปิ้ว!!




ปิ้ว!!




สวบๆ




     เสียงหมาหอนเงียบไปแล้วแต่กลับมีเสียงคล้ายสิ่งเล็กๆโดนแรงอัดแหวกอากาศอยู่ในความมืด เสียงเท้าย่ำเหยียบใบไม้แห้งหลายคู่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


"ปิดไฟ!" ปัดสั่งเสียงเข้ม


"มึง อะไรว่ะ" ผมถามอย่าง งงๆ


"ชูว์~~ ปิดเสียงโทรศัพท์ ด่วน!!"


     ไอ้ปัดหันมาสั่งเสียงรัวใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มันนั่งคุกเข่าหันหน้าออกมีพวกผมนั่งอยู่ข้างหลัง พวกผมรีบหยิบเอาโทรศัพท์มาปิดไฟฉายและเปิดระบบสั่นตามคำสั่งของเพื่อน ในมือไอ้ปัดมีมีดโบวี่ถือไว้...


"มึง กูกลัว"


    ลำไยกระซิบเสียงสั่นกอดนกแน่น ปัดหันมาลูบหัวลำไยเหมือนปลอบโยนบอกเสียงเรียบว่า 'จะไม่เป็นไร...'




ปิ้ว!!




"โอ้ย!!"




สวบๆๆ




"จับมัน!! มึงคิดว่าจะหนีกูรอดเหรอไอ้สัส!! มีปัญญาเล่นแต่ไม่มีปัญญาจ่าย กูก็จะเอาเครื่องในมึงนี่ล่ะมาใช้หนี้!!"


"ปล่อยกู!!"



     สำเนียงพื้นเมืองพูดดังลั่นฝ่ามาในความมืด แต่ถึงอย่างนั้นก็พอจะฟังกันออก เสียงแปลกๆที่ได้ยินเมื่อกี้ ก็คงเป็นปืนเก็บเสียง... พวกผมนั่งตัวแข็งทื่อ กอดกันกลมอยู่ข้างหลังปัด ซึ่งตอนนี้ไอ้ปัดกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ส่งข้อความหาใครบางคน


     ผมเริ่มสวดภาวนาอยู่ในใจขอให้ทุกคนรอด ทุกๆคน แม้กระทั่งคนที่ถูกยิงอยู่ในความมืดที่มองไม่เห็นนั่น


"อย่าทำอะไรผมเลย ผมสัญญา สัญญาว่าผมจะหาเงินมาคืน"



ปิ้ว!!




"อ้ากกกกกก!!!"


"เอาเงินมาคืน ถุย!! กูให้เวลามึงมากี่วันแล้วถ้ามึงมีมึงคงไม่มาอยู่ในสภาพแบบนี้ หึๆ แต่ไม่เป็น ไตมึง หัวใจ ลูกตามึง เงินทั้งนั้น"


"พี่!! อย่าทำผมเลยพี่!! ลูกผมยังเล็กอยู่เลย อ้ากกก"





"มึง ฮึกๆๆ เราจะทำยังไงกันดี" ผมเริ่มสะอื้นโดยไม่รู้ตัว จนลำไยต้องผละจากนกมากอดปลอบ


"เขามีลูกน้อย เขาจะโดนควักหัวใจ ฮึกๆ" ฮึบไว้ผมต้องฮึบไว้


"ชูว์~ เราควรเอาตัวพวกเราเองให้รอดก่อน อย่าทำอะไรสิ้นคิด" ไอ้ปัดเอ่ยเหมือนจะปลอบแต่กลับทำให้น้ำตาผมไหลมากกว่าเก่า มันบอกเหมือนกับว่าเขาคนนั้นจะต้องโดนฆ่าตาย


"มึงเราต้องทำอะไรสักอย่างนะ" นกพูดเสียงสั่นแต่แววตาเหมือนร้องขอ


"เรา...เราต้องช่วยเขานะมึง" ลำไยเอ่ยสะอื้น


"แต่พวกเราอาจได้รับอันตราย กูไม่อยากเสี่ยงว่ะ ถ้าให้กูเลือกกูต้องเลือกพวกมึงก่อน"


"ปัด…" 


     ปัดหันหน้าหนีไม่ยอมสบตา ผมรู้ผมเข้าใจมันทุกอย่างในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่ถ้าพวกผมอยู่ตรงนี้ก็อาจจะปลอดภัย แต่กลับกันอีกชีวิตหนึ่งล่ะชีวิตหนึ่งที่กำลังจะตาย ผมไม่รู้ว่าเราจะช่วยเขาได้ยังไงแต่ก็ยังดีกว่านั่งฟังเสียงเจ็บปวดจากเขาอยู่นิ่งๆโดย ไม่ทำอะไรเลย


     ลำพังตัวไอ้ปัดมันเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว แต่ที่มันมีสีหน้าเป็นกังวลก็คงเป็นเพราะพวกผม ในสถานการณ์ขณะนี้ ปัดมันเหมือนแม่ทัพ เก่งต่อสู้เกือบทุกอย่างเพราะที่บ้านมันเป็นคนมีอิทธิพลในภาคใต้ โดนลอบทำร้ายก็บ่อย ไม่แปลกที่ต้องเรียนรู้เอาไว้ แต่กลับพวกผมสามคนถ้าปัดเป็นแม่ทัพพวกผมก็คงเป็นทหาร? เปล่าเลย พวกผมคือคนที่ไม่ประสีประสาเดินหลงเข้ามาในสงคราม แต่อยากจะช่วยชีวิตคนทั้งที่ยังปกป้องชีวิตตัวเองไม่เป็น…


"อ้ากกกกกกก"


"ช่วย…..ชะ...ช่วยด้วย!!"




"ปัด ฮึกๆ/ฮือๆ ไอ้ปัด/ มึง"


"โอเคร กูเข้าใจแล้ว พวกมึงคิดดีแล้วนะ เราอาจจะเจ็บ" ปัดพูดเสียงเครียด


"ไม่เจ็บ พวกกูสัญญา" ลำไยสูดน้ำมูกฟืดๆ บอกด้วยแววตากล้า


"พวกมึงพอจะจำทางกลับค่ายกันได้ไหม"


"ได้" พวกผมตอบพร้อมกัน แต่ในคำตอบลึกๆในใจผมนั้นจำไม่ได้อ่ะ แต่ก็ต้องตอบว่าจำได้ไปก่อน ไม่งั้นไอ้ปัดคงไม่ยอมช่วยแน่ เดินตามพวกมันก็คงไม่หลงหรอก….มั้ง?


"ฟังกูดีๆนะ ค่อยๆเดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ อีกสักพักเมื่อได้ยินเสียงกูตะโกน ให้รีบวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดอย่าเปิดไฟ วิ่งกลับค่ายไปตามคนมาช่วย"


"แล้วมึงล่ะ" ผมถาม


"ไม่มีอะไรต้องห่วงกู เพราะกูก็จะวิ่งตาพวกมึงไปอีกที เอาล่ะ ค่อยๆลุกแล้วเดินไปทางซ้าย คอยฟังเสียงกู เดินเงียบๆอย่าเสียงดัง ห้าม...ส่องไฟ"


"มึง แล้วเขาล่ะ" ผมชี้ไปนิ้วไปในความมืด


"พอกูส่งเสียงพวกนั้นก็จะวิ่งเหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่มันจะแบกคนเจ็บไปด้วย เขาจะถูกทิ้งให้นอนอยู่ตรงนั้น เราต้องตามคนมาช่วยเขา เอาล่ะพวกมึงลุกขึ้น"


"มึง" ไอ้นกเริ่มลังเล


"ไป เร็ว!!"




     สิ้นเสียงปัด พวกผมก็ลุกขึ้นเดินไปทางซ้ายมืออย่างเงียบๆ เดินด้วยฝีเท้าให้เบาที่สุดเท้าที่จะทำได้ ไอ้นกนำหน้า ลำไยอยู่ตรงกลาง ผมปิดท้าย ยกนาฬิกาขึ้นมาดูสี่ทุ่มกว่าแล้ว รอบตัวผมมืดมาก โชคดีที่วันนี้จันทร์เต็มดวง ทำให้เห็นเงาลางๆของต้นไม้ แต่รอบด้านก็เป็นป่าและต้นไม้เต็มไปหมด ผมไม่รู้ว่าพวกเพื่อนๆ มันจำทางกันได้อย่างไร ทำได้แค่เดินตามเสียงและเงาลางๆ ที่อยู่ข้างหน้า ผม….ผมจำทางไม่ได้




วี้หว่อวี้หว่อ~~




"ตำรวจ!! ตำรวจ!!  ทางนี้ครับ!!"



"พวกมึงวิ่ง!!"





วี้หว่อวี้หว่อ~~~~~~~~





"วิ่ง!!!!"




     เสียงหวอรถตำรวจดังลั่นกลางป่าช้าจนผมสะดุ้งโหยง พร้อมเสียงลำไยตะโกนให้ออกวิ่ง ผมที่ยังยืนนิ่งหาสติไม่เจอก็โดนเรียกสติกลับมาเมื่อเสียงไอ้ปัดตะโกนไล่หลังให้วิ่ง


     ผมเริ่มวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ไม่รู้ทิศท่ามกลางความมืดเห็นเพียงเงาตะคุ่มของต้นไม้ ใบหญ้า หลุมศพต่อกี่หลุมที่ผมได้เหยียบย่ำลงไป ถ้ารอดจากนี้ไปได้แล้วผมไม่มาขอขมาผมอาจจะโดนหักคอตายก็เป็นได้นะครับ


     ผมเริ่มหอบ วิ่งมาไกลสมควรแต่ไม่ถึงค่ายสักที หันมองไปรอบๆตัว มีเพียง เสียงจั๊กจั่น เรไร รอบกายวังเวง ผมอยู่ที่ไหน?


"ปัด!!"


"....."


"ไอ้นก!!"


"......"


"ลำไย!! วู้~"



     มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ ผมทรุดตัวลงอย่างหมดแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่มีสัญญาณ ถึงจะมีก็โทรออกไม่ได้นี่หว่า เหตุการณ์เมื่อกี้มันชุลมุนไปหมด แต่ที่เดาๆ ได้เลยไอ้ปัดมันเปิดเสียงหวอรถตำรวจจากมือถือแน่ๆ ฉลาดเป็นกรดอ่ะ ในสถานการณ์มีมันสติครบถ้วนอยู่คนเดียว กูภูมิใจในตัวมึงจริงๆเลย ไอ้ปัดเพื่อนยาก แต่ตอนนี้กูท่าจะยากลำบากแล้วล่ะ ซวยแล้วไหมล่ะ ฮืออ


     พวกมันจะกลับถึงค่ายกันหรือยังก็ไม่รู้ หรือวิ่งหลงทางเหมือนผมกัน? จะตะโกนเรียกพวกมันอีกรอบผมว่าไม่เป็นการดีกับตัวผมเองแน่ๆ กลัวไอ้พวกขายเครื่องในมันจะได้ยิน เฮ้อ นี่มันเป็นบทลงโทษที่หนีค่ายมาแดกเหล้าหรือเปล่า คิดถึงบ้าน คิดถึงน้องชะมัดเลย ผมจะไปทางไหนดี เดินไปเรื่อยๆ หรือนั่งรออยู่ตรงนี้



บรู้วววววววว~~



     เอาแล้วไงเห็นกูเหงาล่ะเสนอตัวกันเชียว ผมนั่งตัวแข็ง เขยิบร่างเข้าโคนต้นไม้ใหญ่แทบจะสิงไปกับต้นไม้ กลัว... เป็นคำที่ก้องอยู่ในใจของผมอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ค่ายไปทางไหนอ่ะ




สวบๆ




สวบๆ




     เสียงเดินเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นใกล้ๆ บริเวณที่ร่างโปร่งนั่งซุกตัวอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ ร่างโปร่งกำลังจะตะโกนเรียกออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อดันฉุกคิดได้ว่า พวกไหน…?


     มือเรียวกดปิดไฟฉาย พยายามนั่งเงียบๆ เบียดตัวชิดกับโคนไม้ใหญ่ ก้มหน้าซุกเข่าตัวสั่นระริก ถ้าเป็นผีเขาก็ยังพอสวดมนต์ให้บุญได้ แต่ถ้าเป็นพวกนั้นล่ะ พวกขายเครื่องในคน เขาจะทำยังไง เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ร่างโปร่งแทบคุมสติไม่อยู่ ถ้า...ถ้าเขาจะลุกขึ้นวิ่งไปตอนนี้มันจะทันไหม ผีหรือคน ขอให้เป็นผี ขอให้เป็นผี ร่างโปร่งได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ



หมับ!!



"!?"


"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก"


"ฤกษ์!!"


"ช่วยด้วยยยยยยยยยยย"











     


     














     




 




     

หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่7...ป่าช้า 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2020 23:27:54
เด๋อมาก วิ่งไม่มองทางเลยลูก!!!
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่7...ป่าช้า 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-02-2020 04:45:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่7...ป่าช้า 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 02-02-2020 20:12:14
นี่คือนิยายตลก ท่ามกลางหน้าสิ่วหน้าขวานแต่อ่านแล้วฮา ใครกันนะมาช่วยฤกษ์
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่7...ป่าช้า 01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 18-03-2020 16:36:48
โอ้ยยย พ่อหมอผีน้อย วิ่งเด๋อด๋าหลงป่าช้าจนได้ อั้ยต้าวน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 01-04-2020 00:07:15
8…อาบน้ำ





 "อ้ากกกกกกกกกกก ปล่อย!! ปล่อยนะโว้ยยยยย"


        ร่างโปร่งหลับหูหลับตาเตรียมจะลุกวิ่งหนีเมื่อถูกจับเข้าที่หัวไหล่ แต่ก็ไม่สามารถจะหนีไปไหนได้ เพราะอ้อมแขนแข็งแรงได้โอบกอดร่างโปร่งสติแตกไว้แน่น เจ้าตัวได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น


"ลืมตา!!"


"ปล่อยนะโว้ย!! หลวงลุงช่วยด้วย!!"


"ฤกษ์!! พี่บอกให้ลืมตา"


        เจ้าฤกษ์หยุดชะงัก เมื่อคนที่กอดเขาอยู่ตวาดเสียงเข้ม พอสติเริ่มกลับมาเพราะเสียงตวาด ก็สำเนียกได้ว่าเสียงนี้ คุ้นๆ ตากลมหรี่ขึ้นน้อยๆอย่างชั่งใจ


"พี่หมอ…"


"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"


"พี่หมอราล์ฟ พี่ราล์ฟ พี่หมอเทวดา ไอ้พี่หมอราล์ฟ!!!"


        ราล์ฟเอ่ยถามเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า เจ้าฤกษ์คงจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นอกจากตะโกนชื่อคนตรงหน้าลั่นและยิ้มแป้นทั้งที่น้ำตาอาบแก้ม


"ใช่ ฉันเอง"


        เมื่อร่างโปร่งไม่ตอบคำถามนอกจากนั่งยิ้มแป้นเหมือนคนบ้า เจ้าของคำถามก็เลยสำรวจด้วยตัวเอง จับเจ้าฤกษ์พลิกซ้ายพลิกขวา สำรวจแขนขาว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พลางถอดแจ็คแก็ตหรูคลุมให้ร่างโปร่งตรงหน้า


"พี่มาได้ไงอ่ะ"


"กลับค่ายก่อน ไว้ค่อยคุยกัน ขึ้นมา"


"ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินเองได้"


"รองเท้าไม่มี จะเดินไปได้ยังไง บอกให้ขึ้นมา"


"แต่ว่า…"


"ขึ้นมา"


        ร่างโปร่งคอตกเมื่อหมอราล์ฟเริ่มขึ้นเสียง จำใจต้องขี่หลังหมอราล์ฟที่นั่งย่อลงรอก่อนแล้ว เขาก็พึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้ใส่รองเท้าก็ตอนหมอราล์ฟทักนี่ล่ะ เฮ้อออ หายไปตอนไหนว่ะเนี่ย เจ้าตัวได้แต่คิด


"ไงเรา หายออกจากค่ายมาหกชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต คิดว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องแล้วใช่ไหม?"


"พี่แสง!!"


        เจ้าฤกษ์สะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงบุคคลที่สามเอ่ยขึ้น หันไปมองด้านหลังก็พบกับหนุ่มหล่อวิศวะปีสี่ผู้มีอำนาจใหญ่สุดในค่ายขณะนี้รองจากอาจารย์ แสงกอดอกมองเจ้าฤกษ์หน้าขรึม ข้างๆมี หมอแข่งขัน และหมอรอนยืนส่งยิ้มปลอบใจส่งมาให้ ฤกษ์ทำได้แค่ยิ้มแห้งตอบกลับไป


"ใช่พี่เอง" แสงตอบเสียงนิ่ง ยิ่งทำให้เจ้าฤกษ์หัวหดลงอีกสองเท่า ร่างโปร่งเริ่มทำตัวยุกยิกๆ อยู่บนหลังหมอราล์ฟ อย่างคนที่เก็บอาการทำผิดแล้วไม่สามารถปกปิดไว้ได้


"พี่...พี่เห็นพวกไอ้ปัด ลำไยกับนกหรือเปล่า" ถามไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


"พวกนั้นกำลังรออยู่ที่ค่ายน่ะ ดูท่าน้องฤกษ์เหมือนมีอะไรอยากจะบอกพี่นะ"


"ไม่มี๊ ไม่มี...ไม่มีเลยนะพี่!!" ฤกษ์ปฏิเสธพัลวันพิรุธมาเต็ม


"ค่อยไปคุยกันที่ค่ายก็ได้ไอ้แสง ดูน้องยังตกใจอยู่เลย" หมอรอนช่วยพูดให้


"ห้าวววว เหนื่อย ง่วงจังเลย" ร่างโปร่งเอาแจ็คแก็ตที่หมอราล์ฟให้ไว้มาคลุมโปงซะเลย ซบหน้าลงบนไหล่แกร่งแกล้งหลับซะงั้น


"คร่อกฟี้~~"


"เอ้อ เด็กสมัยนี้หลับง่ายดีนะ"


     หมอแข่งพูดขบขันปนเอ็นดูไอ้เด็กตรงหน้า ร่างโปร่งก็ได้แต่เงียบและแกล้งหลับต่อไปบนไหล่แกร่งที่ยังไม่เคยมีใครได้ขึ้นขี่เลยสักครั้ง ร่างโปร่งไม่รู้ว่าควรพูดบอกอะไรหรือเปล่า ต้องรอไปปรึกษาพวกเพื่อนๆที่รออยู่ค่ายก่อน ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะว่าอย่างไรบ้าง เรื่องที่เห็นก่อนหน้ามันคงไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดมั่วซั่ว ถ้าเรื่องถึงหูอาจารย์พวกเขาจะโดนอะไรบ้างไม่อยากจะคิด เพราะฉะนั้นสงบปากไว้ก่อนดีกว่า เมื่อนึกถึงคำพูดของไอ้เพื่อนๆ พวกนั้นที่ชอบพูดกรอกใส่หูเขาอยู่ตลอดเวลา จนเริ่มไม่มั่นใจว่าจะพูดดีหรือเปล่า พวกมันชอบพูดว่า ไม่ว่าเรื่องไหนที่เขาโกหกเด็กแรกเกิดมองมาจากดาวอังคารยังดูออก… ฮ่วย!


        กลิ่นหอมที่เขาชอบลอยอยู่ตรงหน้า แอบสูดกลิ่นตรงบ่าแกร่งจนสบายใจ ผ่อนคลาย ไร้กังวล รู้สึกปลอดภัย จนหลับไปจริงๆ








"เอ็งวาดตัวอะไร แล้วจำเป็นต้องมีลูกเหลืองๆ เต็มต้นไม้ไหมวะ?"


"กระรอกไง ลูกเหลืองๆก็มะม่วงอ่ะ เห็นไหมสุกน่ากินปะ?"


"มันจำเป็นต้องวาดไหมวะ!! ใครเขาวาดกันล่ะโว้ย!"


"แล้วทำไมต้องไม่วาดล่ะ สมัยก่อนก็มีต้นมะม่วงนะ ไม่ได้วาดเสาไฟฟ้าสักหน่อยนะพี่ ไม่ผิดนะ ผมคิดแล้ว"


"เออๆ นี่ขนาดคิดแล้วนะ กูต้องขอบคุณมึงมากที่คิดแล้ว เอ๊ะ! แล้วนั่น ทำไมเอ็งไม่เอาเทวดาไว้ทางขวา พี่ว่ามันจะเหมาะกว่า"


"ก็ผมจะเอาต้นไม้ไว้ทางนี้อ่ะ"


"เอ็งก็วาดต้นไม้ไว้ทางซ้ายสิวะ มันจะได้ไปทางเดียวกันกับคนอื่น"


"ก็ผมชอบให้เทวดาอยู่ซ้าย ท่านบอกหันทางนี้ออกหล่อกว่า ดั้งโด่งกว่าทางนู้น"


"บอกพ่……!!"


"อะแหนะๆ ในโบสถ์นะพี่ นรกนะค้าบบบบ"


"เออ! เรื่องของเอ็งเถอะ! ขอให้ออกมาสวยก็แล้วกัน ปวดหัวโว้ย!!! บอกซ้ายไปขวา บอกขวาไปซ้าย บอกเหลืองทำเขียว บอกเข้มทำสว่าง บอกห้าทำสิบ!! เครียด!!"



        พี่อิฐยืนโวยวายอะไรของเขาอยู่ข้างล่างก็ไม่รู้อ่ะครับ เอามือยีหัวตัวเองจนเกรงว่าจะหลุดออกมาทั้งหัว หัวล้านไม่หล่อแล้วจะหาว่าน้องไม่เตือน ปกติหล่อลากถนนขนาดนี้ก็ยังหาแฟนไม่ได้ เพราะความ เอะอะเกรี้ยวกราด เอะอะโมโห เอะอะพาลไปทั่วไม่มีเหตุผล ถ้าหัวล้านขึ้นมาผมกลัวแทนว่าจะเหงาตลอดชีวิตนะพี่


        เนี่ย ผมไม่อยากจะฟ้อง แต่ขอพูดสักหน่อย ผมก็นั่งทำงานของผมอยู่ดีๆ ไอ้พี่รหัสที่หล่อเป็นบางเวลาสำหรับผม(เวลามันไม่ด่าผมอ่ะ) เดินตรวจงานอยู่ดีๆ พอมาถึงคิวผมก็ว้ากใส่ซะงั้น วัยทองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็นั่งทำงานอยู่ดีๆ


        ดีหน่อยก็ตรงที่พวกพี่ปีที่แล้วทำไว้เกือบเสร็จแล้ว เหลือให้ปีผมวาดเพิ่มเติมไม่มาก คอยเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์ พวกผมก็เลยชิวล์ๆ ไม่รีบไม่เครียด แต่มีบางคนที่ยืนอยู่ข้างล่างนั่งร้านของผมเครียดอยู่คนเดียว


        ยิ่งเมื่อเช้าพี่อิฐกับพี่ตังค์ได้รับรู้ว่าสายรหัสสุดรัก(?)ไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ไม่อยากจะเอ่ยอ่ะ แต่ขอเอ่ยหน่อย ด่าพวกผมเป็นชั่วโมงพอด่าจนปวดขี้(?)ก็โยนพวกผม ให้พวกพี่แสงพิจารณาทำโทษตามสมควร


        รู้ไหมว่าพวกพี่เขาทำยังไงกับพวกผม….เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ผมต้องเล่าก่อนว่ากลับจากค่ายได้อย่างไร? เอาใหม่ๆขอประทานโทษ ไม่ต้องไปถามไอ้สิบเอ็ดนะ เดี๋ยวผมเล่าเอง ผมก็เล่ารู้เรื่อง


        เรื่องคือ ผมตื่นมาอีกทีฟ้าก็สว่างแล้วอ่ะ รับรู้แค่ว่าตัวเองนอนอยู่ในเต็นท์แพทย์ คนแรกที่เห็นคือพี่หมอเทวดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง เกิดสภาวะเดดแอร์ไม่ถึงนาทีก็ถูกพวกไอ้ลำไยที่โผล่พรวดเข้ามาในเต็นท์ เหมือนเฝ้ารอจังหวะอยู่แล้ว? ลากผมออกมาให้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนั่งหารือกันว่า เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง?


        ไอ้นกมันเล่าว่า….พวกมันวิ่งกรูกันออกมายืนตรงทางเข้าป่าช้าโดยมีไอ้ตี๋มังกรยืนรอกระสับกระส่ายอยู่ตรงทางเข้าป่าช้าเหมือนกัน  และเมื่อพวกมันเห็นผมไม่โผล่หัวมาก็เลยตกลงกันว่าะเข้าไปตาม แต่ก็ต้องตกใจจนแทบลืมชื่อตัวเอง(มึงเว่อร์ไปนะ<<<ลำไยคนหยาบคาย) เมื่อพวกพี่หมอเทวดาเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง?


 'ทำอะไร ทำไมยังไม่ไปนอน แล้วกำลังจะไปไหนกัน' พี่แสงถามเสียงเข้ม


 'คือ...คือว่า...ไอ้ฤกษ์' นกพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัวว่าพี่แสงจะเตะตัดขา (กูตื่นเต้นในมาดหล่อเคร่งเครียดพี่เขาเหอะ<<<นกเหินฟ้า)


'น้องฤกษ์ทำไม?' พี่หมอรอนถามเสียงเหี้ยม (ที่กูเล่าคือพี่หมอรอนเขาถามเสียงปกตินะ<<<มังกรโอปป้า)


'มันอยู่ในนั้น…" ลูกปัดเอ่ยเสียงเครียด


'ตรงไหน?' หมอราล์ฟถามเสียงนิ่ง แต่สายตาและท่าทางเพิ่มความกดดันพวกมันคูณสิบ(อันนี้เชื่อมันได้<<<ปัดคนถ่อย)


'ผมคิดว่ามันหลง'


'....'




       หลังจากนั้นพวกมันก็ถูกไล่ให้กลับไปรอในห้องพัก ไอ้ลำไยมันลงทุนถึงขนาดที่ว่าเข้าไปรอในหอพักชายกับพวกไอ้ปัด แล้วทำไมถึงเข้าไปได้น่ะเหรอ มังกรโอปป้าเส้นไม่เล็กนะครับ(!?) รอจนใกล้เช้าผมก็ไม่โผล่หัวมาสักที พวกมันจึงวิ่งหน้าตั้งมาที่เต็นท์แพทย์เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็เจอผมนั่งหล่อสดใสอยู่บนเตียง?


        พวกผมตกลงกันว่าจะพูดแค่ว่า 'ไปลองของกัน' แล้วดันพลัดหลงกันเฉยๆ พอพี่แสงฟังดังนั้นก็เลยทำโทษพวกผมอย่างรุนแรง(?) โดยการต้องเป็นทีมลูกมือช่วยทำกับข้าวตอนเช้าตลอดที่อยู่ค่าย สรุปคือพวกผมต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน ตลอดอีกสิบสองวันที่เหลือ ปัดโถ่ว!! ไม่สาปกูเป็นไก่ไว้ขันตอนเช้าไปเลยล่ะ


        ส่วนคนที่จะโดนควักเครื่องในเมื่อคืนเขาปลอดภัยดีครับ ลูกน้องของลุงแรม(พ่อเด็กรักษ์) ไปช่วยลากร่างที่ไม่ได้โดนทำอะไรมาก นอกจากโดนกระทืบไปส่งโรงพยาบาล เป็นฝีมือของเจ้าเพื่อนปัดเองนั่นล่ะ  ที่ส่งข้อความไปหาลุงแรม เฮ้อ ถ้าเมื่อคืนพวกผมยอมให้ลูกน้องลุงแรมเดินมาส่งก็คงไม่ต้องมารับโทษอะไรเยี่ยงนี้…

        เหนื่อยแน่ๆ กว่าพวกผมจะนอนก็เที่ยงคืนตลอดอ่ะ รุ่นพี่ใช้งานหนัก? เปล่าเลย...เล่นไฮโล!!



"ฤกษ์ งานตรงนี้อีกกี่วันจะเสร็จ"


"สี่ห้าวันไม่เกินนี้อ่ะพี่ มีไรเหรอ"


"งั้นตามพี่มานี่"


        ผมไต่ลงจากนั่งร้านเดินตามพี่อิฐต้อยๆ มาที่รถยนต์เก่าๆคันหนึ่งที่จอดอยู่ในวัด พี่อิฐคุยวอเสร็จก็หันมากวักมือเรียกผมเข้าไปหา


"เมื่อคืนนี้ไอ้พวกเด็กวิศวะมันแอบมาเอาแก้วที่โรงครัวไปกินเหล้า เสือกเตะฝาถังข้าวสารเปิดไม่รู้ตัว หนูแม่งลงเต็มถังเลยว่ะ"


"เอ้า ทีนี้ทำไงอ่ะ ตอนเย็นกินไรอ่ะพี่"


"ไอ้อิฐๆ นี่กูม่านฟ้า พวกนิเทศไม่ว่างนะเว้ย ออกไปถ่าย vdo กิจกรรมออกค่ายในหมู่บ้าน"


"จุ๊ๆๆ โหลๆ โหลค้าบบบ พี่แสงๆ ผมต้นน้ำจากถาปัตย์นะพี่ ไม่มีคนว่างเลยครับ ห้องน้ำมันมีปัญหา ต้องแก้แบบ เป็นงานแทรกครับ ปกติไม่มีงานแทรกพวกผมก็มือจะพันกันแล้วพี่ เอ้อ เด็กพี่อยู่กับพวกผมนะขุดส้วมอยู่ ถ้ามีใครว่างก็บอกให้มาทางนี้นะครับ"


"กริชวิศวะครับ!! ไม่มีใครว่าง!! พวกผมทาสีกำแพงวัดอยู่ อีกพวกกำลังมุงหลังคาศาลาวัดอยู่ กะจะให้เสร็จภายในสองวันเพราะมีทำบันไดเพิ่ม แต่อาจจะยืดไปอีกวันเพราะถาปัตย์ขุดส้วมกันไม่ได้!!"


"เฮ้ยๆ ไอ้วิศวะ ห้องน้ำตั้งสิบห้อง!! นะโว้ยย ในแปลนก็บอกให้วางท่อตรงนี้ ทำไมพวกเอ็งไปวางอีกทางล่ะห๊ะ!!" เขาบอกว่าถาปัตย์ วิศวะ ไม่ค่อยจะลงรอยกันนี่คงจะจริงนะครับ


        พี่อิฐในชุดกางเกงเลสีส้ม เสื้อเอ็มร้อยห้าสิบสีเหลือง รองเท้าผ้าใบนักเรียนสีน้ำตาลขาดจนเห็นนิ้วโป้งตีน พี่แกเอาวอวางไว้ตรงหน้ากระโปรงรถ ยืนเการักแร้หน้านิ่วคิ้วขมวดฟังอย่างเงียบๆ ถ้าพี่มันไม่มีหมวกสานขาดๆอยู่บนหัวกับโทรโข่งสะพายไหล่ ผมอาจจะยกมือไหว้ เชิญนิมนต์ใส่บาตรแล้วนะเฮ้ย แฟชั่นฉิบหาย...ฉิบหายไปหมด


"เออ ได้ยินแล้ว แสงเรียกเด็กศิลป์" ทำไมผมรู้สึกว่างานตัวเองเบาเหมือนแบกจักรยาน (ปุยนุ่นจะเบาไปครับ สำหรับนั่งวาดรูปสิบชั่วโมงกว่า)


"เออๆ เดี๋ยวพวกกูไปเอง แค่นี้ล่ะ"


"ฝากด้วย"


"ป่ะมึง ไปเอาข้าวสารในเมือง"


"ในเมือง!! ไปๆๆพี่"








"น้องอิฐขับช้าๆ หน่อยครับ"


"...."


"น้องอิฐๆ ระวังหลุมข้างหน้า"


"...."


"น้องอิฐๆ จะถึงร้อยแล้วนะครับ นี่เขตชุมชนนะ"


"...."


"น้องอิฐ…"


"โว้ยยยย พี่รอน! ผมบอกให้เรียกอิฐเฉยๆ เรียกน้องๆอยู่ได้ แม่ง ขนลุก"


"เป็นน้องก็ต้องเรียกน้องสิครับ ผ่อนความเร็วหน่อยข้างหน้ามีหลุมนะน้องอิฐ"


"เห็นแล้ว เห็นแล้ว ผมเห็นแล้วโว้ย พี่นั่งเงียบๆไปเลยนะ ผมไม่มีสมาธิ!!"


        เอิ่ม…อะไรคือการที่คนนั่งข้างๆคนขับยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องทางข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา จะไปตลาดนะครับ ไม่ใช่จะขับไปลาดตระเวณแถวชายแดน ปัดโถ่ว มองแบบปกติก็เห็นหลุมข้างหน้าอ่ะพี่รอน แล้วการที่จะไปตลาดจำป็นต้องแต่งตัวใส่กางกางแดงลายดอก เสื้อสีแดงลายดอกหมวกปีกกว้างสีชมพูจี๊ดลายคิตตี้เหรอพี่!! แฟชั่นอะไรของหมอวะ ถึงจะหน้าตาดีมากก็ใช่ว่าจะใส่อะไรก็ได้นะเว้ย เหมาะกันดีฉิบหายเมื่อนั่งคู่กับพี่รหัสผม เฮ้อ กูเครียด

        ทุกท่านครับ ผมได้แต่นั่งหัวสั่นหัวคลอน ไปตามแรงรถที่ตกลงหลุมถนนดินแดง ย้ำ! ว่าถนนดินแดง พี่รหัสผมมันเก็บทุกหลุมครับ เล่นเอาสมองผมจะไหลลงมารวมกับลำไส้ใหญ่แล้วล่ะฮะ ขับมายังไม่ถึงสิบนาทีต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนหน้ารถปัดฝุ่นออกแล้วอ่ะ นึกขอบคุณที่รถมีแอร์ไม่งั้นได้เปิดกระจกดมขี้ฝุ่นเป็นแน่ หนักกว่า pm2.5 ก็ถนนหมู่บ้าน'กระบือเมา'นี่ล่ะ ควายจะเมาจริงไม่จริงไม่รู้แต่กูเมาแน่ๆ อีกสามสิบกิโลจะถึงถนนลาดยาง และต้องนั่งอีกสามสิบกว่าโลจะถึงตัวเมือง อ๊อก!


        ทางเราได้รับความห่วงใยจากคณะแพทย์ครับ เมื่อพวกหมอๆ ได้ยินเราวอคุยกัน ก็ได้รับความเมตตาส่งคนมาช่วยแบกของอีกสองคน เพราะมันไม่ใช่แค่ข้าวสารอย่างเดียวในเมื่อนานๆทีจะมีคนเข้ามาในเมือง ฝากซื้อตั้งแต่สารส้มยันผ้าอนามัย!! พวกผมก็เลยได้รายการของใช้ยาวเป็นหางว่าว


"เป็นอะไรทำไมทำหน้าเบี้ยว"


"เปล่าพี่ หน้าผมออกจะหล่อมองยังไงให้เบี้ยว พี่เหอะ คิดยังไงถึงมากับพวกผมอ่ะ เต็นท์แพทย์งานเยอะไม่ใช่อ่อ"


"เพราะไม่ได้คิดไงถึงมา" หมอราล์ฟคนหล่อละจากวิวขี้ฝุ่นข้างทางหันมาตอบ ใช่แล้วล่ะผู้ช่วยอีกคนก็คือเขานั่นเองงงง สุดหล่อเทวดาแห่งคณะแพทย์


"ดีๆ พี่ไม่ต้องคิดหรอก ถ้าพี่คิดผมคงไม่มีคนมาช่วยอ่ะ"


"หยุด!!"


เอี๊ยดดดดดดดดดด


        ผมเอื้อมมือจะไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงช่องเกียร์มาเช็ดแขนที่เลอะสีแต่...รถยนต์เบรกกระทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวจนหัวใจผมแทบหล่นไปอยู่ปลายเท้าคิดว่าหัวคงกระแทกหน้ารถแน่ๆ แต่เปล่าเลย…


"เป็นอะไรไหม?" หมอราล์ฟถามเสียงเรียบ ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆเรียบเรียงว่าเกิดอะไรขึ้น? อ่อ ผมอยู่ในวงแขนแกร่งของพี่หมอราล์ฟนี่เอง


"เอ่อ...ไม่เป็นไรพี่ ขะ...ขอบคุณครับ"


"มีอะไร หยุดรถทำไม" หมอราล์ฟละจากการมองหน้าผมหันไปถามพี่อิฐเสียงเข้ม


"อะ…อะ….ไอ้เหลือมพี่!! ไอ้เหลือข้ามถนน อ้ากกกกกกก"






"พี่อิฐเอาอันนี้ได้ป่ะ"


"โบโลน่า? แดกแพงว่ะ ไม่ได้ มันจะเกินงบ"


"พี่อิฐๆอยากได้อันนี้ซื้อให้หน่อย"


"ป๊อบคอร์น โห่ ถุงนึงตั้งร้อยกว่า ลำบากไปคั่วเองอีก กูเอาตังค์ตัวเองติดตัวมาแค่ห้าสิบบาท ไม่ได้ๆ"


"พี่อิฐๆ เอาอันนี้ได้ไหม"


"ไอติมหมีน้อย? เอาน่าเดี๋ยวกลับกรุงเทพกูซื้อให้แดก"


"สิบบาทเองนะโว้ย"


"มึงเอาตังค์ติดตัวมาเท่าไหร่? ไอ้ลูกกรอก"


"ยี่สิบบาทอ่ะ"


"งั้นเอามาให้กู จะเอาไปซื้อบุหรี่ ขาดอีกสิบกว่าบาท"


"โห่ อะไรของพี่วะไถตังค์น้องไม่ให้ๆๆ จะซื้อหนม"


"น่าาาา กลับกรุงเทพกูเลี้ยงชาบู"


"ไม่ให้โว้ยยยยยย"


"น้องอิฐ!! อยู่นี่เอง มานี่มา ตามหาตั้งนานบอกให้มาเอารถเข็นมายืนอู้อะไรตรงนี้"


"พี่มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป"


"ก็ไปพร้อมกันดิ แล้วของในมือเอามาจากตรงไหนเอาไปเก็บ" พี่รอนจ้องซองบุหรี่ในมือของพี่อิฐด้วยแววตาเอาเรื่อง โอ้โห ผมพึ่งเห็นอีกด้านหนึ่งของพี่แก โคตรน่ากลัวเลย


"แต่นี่มันเรื่อ…"


"ไปเก็บ" พี่รอนว่าเสียงเข้ม พี่อิฐมองตาขวางแต่ก็ต้องจำใจเดินไปเก็บยังไงพี่รอนก็เป็นรุ่นพี่ ผมไม่คิดว่าผู้ชายใจดีๆอย่างพี่รอน และดูเหมือนจะง่ายกับทุกเรื่องจะมาเคร่งอะไรกับเรื่องพวกนี้...หรือเลือกปฏิบัติวะ? วุ้ย!! คิดมากเดี๋ยวโง่


"เฮ้ยๆ ไม่ต้องลากผมเดินเองได้"


        ผมได้แต่มองตามไอ้พี่อิฐที่โดนพี่รอนลากคอไปตาปริบๆ อะไรกันวะ เมื่อกี้ก็เหมือนจะกินหัวพี่อิฐพอพี่อิฐเอาบุหรี่ไปเก็บ ก็กลับมาผีบ้าผีบอ ประสาท!!


     


        ผมยืนมองชั้นวางป็อปคอร์นตาปริบๆร้อยสามสิบบาทแต่ผมมียี่สิบบาท ฮือออ อยากกินอ่ะ อยากกิน ไม่ได้กินมาหลายวันแล้วนะเว้ย รสเนยเข้มข้นรสโปรดด้วย กลิ่นหอมๆของมัน ความกรอบของมัน ความมันของมัน….เคี้ยวทีกลิ่นเนยหอมๆขึ้นจมูกเลย


"อยากกินเหรอ"


        ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงพี่หมอเทวดาดังขึ้นอยู่ข้างหู มือเรียวแกร่งยื่นไปหยิบถุงป็อปคอร์นสิบถุงลงใส่รถเข็นหน้าตาเฉย ในรถเข็นมีข้าวของอยู่มากมายจนเกือบล้น ทำให้สำนึกได้ว่ากูอู้งานอยู่นานมาก ก้มมองดูรถเข็นของตัวเองมีสบู่นกแก้วของไอ้คัตโตะที่ฝากซื้ออยู่แพ็คเดียว ฮ่วย!


"ไม่มีตังค์ซื้ออ่ะมีอยู่ยี่สิบบาท" บอกไปตรงๆ ตามประสาคนจริง(?)


"สิบถุงพอไหม?"


"ฮะ!?"


"ฉันซื้อให้เอาไปแบ่งเพื่อนๆด้วย ทำงานกันหนักอยากให้มีแรง"


"เฮ้ยพี่ เยอะไป ไม่เอา ของไม่ใช่ราคาห้าบาทสิบบาทนะพี่" ผมส่ายหัวแทบหลุดสิบถุง ถุงละ130บาท ก็เก้าร้อยกว่าบาทแล้วนะเว้ย (พันสามจ้ะเจ้าฤกษ์เอ๊ยยย<---11.11)


"อย่ามัวแต่เล่นเดี๋ยวถึงค่ายดึก ตามฉันมาได้แล้วยังเหลือข้าวสารอีกหลายกระสอบ"


        พี่หมอเทวดาเข็นรถเข็นเดินหนีผมไปพร้อมกับถุงป็อบคอร์น ไม่ฟงไม่ฟังเสียงร้องประท้วงผมสักคำ เฮ้อ ไอ้ผมก็ได้แต่เข็นรถเข็นตามตูดต้อยๆ เป็นคนรวยมันดีชะมัดเลยโว้ย


        เมื่อเดินตามพี่มันได้สักพักก็เริ่มจะรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างรอบๆตัว ทั้งพนักงานในห้างทั้งคนเดินห้างต่างก็พากันเหลียวมองหล่อเทวดาของคณะแพทย์จนคอแทบเคล็ด บางคนก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป บางคนก็หันไปกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนของตัวเองอย่างเก็บอาการไม่อยู่ บ้างก็พากันซุบซิบว่าดาราหรือเปล่า ส่วนเจ้าของต้นตอของเรื่องทั้งหมดไม่มีความสะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น นอกจากเดินแล้วก็เดิน...







          ผมยืนกล้าๆกลัวๆ อยู่ตรงทางเดินที่จะมุ่งไปสู่ลำธารหลังโรงเรียน พวกผู้ชายต้องอาบน้ำที่ลำธารครับเพราะห้องน้ำในโรงเรียนยกให้ผู้หญิง อีกประมาณสองสามวันถึงจะใช้ห้องน้ำวัดได้ถ้าพวกวิศวะไม่ทำไรผิดพลาดอีกนะครับ


        ขณะนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วคนอื่นๆ เขาอาบน้ำกันเสร็จหมดแล้วครับตอนนี้ก็กำลังรวมตัวกันร้องรำเห่าหอนกันอยู่ตรงกองไฟสนามบอลคลายเครียดกันไปรวมถึงไอ้พวกเพื่อนๆตัวดีทั้งหลายของผมนั่นล่ะ เมื่อกี้ไอ้มังกรมันส่งข้อความมาว่ามันกับไอ้ปัดจะไปเป็นเพื่อนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมากันเลย กูว่าไม่เมาก็หม้อสาว

        ผมที่พึ่งกลับมาถึงจากในเมืองเมื่อตอนสามทุ่มครึ่งกินข้าวอะไรเสร็จก็สี่ทุ่มพอดี ลงจากรถได้อ้วกแทบพุ่งไอ้พี่อิฐแม่งเหยียบมิดเลย ไอ้พี่เชี่ยนี่ ผมแทบกราบยางรถที่มันไม่รั่วไม่แตกกลางทางซะก่อน ไม่งั้นแทบไม่อยากจะคิดว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง นอกจากรถพวกผมก็แทบไม่มีรถคันไหนวิ่งผ่านเลยนะครับ!!


"อ้าว น้องฤกษ์กำลังจะไปอาบน้ำเหรอ" พี่หมออะไรวะ? มุข? มาร์ค? ม้ง? คนที่เคยขอไลน์ผมอ่ะ ทักขึ้น เขามากับกลุ่มเพื่อนเขาอีกสามสี่คน


"ใช่ครับพี่"


"มีเพื่อนไปหรือเปล่า" เขาถามพร้อมรอยยิ้มละมุน อ่อนโยนสัสๆ


"เอ่อ กำลังรอพวกมันอยู่ครับ"


"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน ป่ะ"


"เอ่อ...คือว่า…"


"ป่ะเร็ว มันดึกแล้วไม่ต้องรอหรอกพี่ไปเป็นเพื่อน"


        พี่ที่มีชื่อคับคล้ายคับคลาว่ามี ม.ม้าเป็นส่วนผสม ว่าพลางยื่นแขนมากอดคอ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนอีกสองสามคำจนกลุ่มเพื่อนพี่เขาพากันหันมองผมด้วยสายกรุ้มกริ่ม(ทำเชี่ยไร)แล้วก็พากันเดินออกไป


       


"เอ่อ...เดี่ยวพี่นั่งรอผมตรงนี้แปบนะ ผมอาบไม่นานหรอก"  ผมชี้ไปตรงโขดหินก้อนใหญก้อนหนึ่ง


"แล้วเราไม่ถอดเสื้อผ้าเหรอ"


"ผมว่าจะไปถอดตรงนู้นอ่ะ" ผมชี้ไปที่โขดหินอีกอันที่ใกล้กับน้ำมากกว่า


"ก็ถอดตรงนี้แหละฝากไว้กับพี่เดี๋ยวพี่ถือให้ เสื้อผ้าจะได้ไม่เปื้อน ค่อยใส่ผ้าเช็ดตัวไป"


"อ่อ เอางั้นก็ได้ครับ"


        ผมตัดสินใจจะถอดเสื้อออกยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นจะเป็นไร แต่เพราะสายตาของพี่เขาที่มองผมทำให้ต้องหันหลังถอดเสื้อ จ้องอะไรขนาดนั้นวะขนลุกฉิบหายเลยเว้ย

 

"อ้าว ไอ้แม็ค!! มาทำไรตรงนี้วะ มึงอาบน้ำแล้วนี่"


        ผมสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้น เสียงพี่หมอแข่งนี่หว่า ผมหันกลับมาหาต้นเสียงก็เห็นเพียงแผ่นหลังใครบางคนยืนเป็นยักษ์ปักหลักบดบังทัศนียภาพของผมไปจนหมด กลิ่นแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หรอก…


"พาน้องมาอาบน้ำ"


        ยังไม่ทันจะฟังอะไรให้รู้เรื่องแขนผมก็โดนลากมาอีกทางที่มีโขดหินและถังน้ำตั้งอยู่ สำหรับคนที่ไม่อยากลงลำธาร


"อ้าวพี่ราล์ฟ พี่ยังไม่ได้อาบเหมือนกันเหรอ" หันไปมองหน้าชัดๆ เป็นพี่หมอเทวดาคนดังของห้างเมื่อตอนบ่ายจริงๆด้วยแฮะ แต่ทำไมทำหน้ายังงั้นอ่ะ อย่างกับจะฆ่าใคร งานหนักสินะ


"อืม รีบอาบดึกแล้ว"


"ครับๆ โล่งอกไปทีนึกว่าจะได้อาบคนเดียวซะแล้ววังเวงเป็นบ้าเลย"


"กลัวเป็น?"


"โคตรกลัวเลยพี่หมาก็หอน บรื๋อ~~" ใจผมกลับมาชื้นอีกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้ๆพวกพี่เขา อาจเป็นเพราะเราเริ่มคุ้นเคยกัน


"สนิทกันเหรอ"


"ฮ๊ะ?"


"เห็นพามาอาบน้ำ"


"อ๋อ ไม่อ่ะ ผมยังจำชื่อเขาไม่ได้เลยแต่เขาใจดีนะ เห็นผมจะมาอาบน้ำก็มาเป็นเพื่อน"


"คราวหน้าห้ามไปกับใครที่ไม่สนิท"


"ไม่เห็นเป็นไรเลย"


"ห้าม!!" พี่หมอราล์ฟพูดเสียงเข้ม ตอนนี้เขาเหมือนคนโกรธจัดที่กำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ เป็นอิหยังวะ


"งั้นผมไปอาบตรงนู้นดีกว่า ผมกับพี่ก็พึ่งรู้จักกันเอง" กวนประสาทคนอ่ะ


"เราสนิทกันแล้วและพี่ไว้ใจได้"


        พี่หมอราล์ฟพูดจบก็หันไปจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองเหลือแต่บ็อกเซอร์เหมือนกันกับผม ทิ้งให้ผมยืนค้าง งงกับคำพูดเมื่อกี้ ผมสนิทกับพี่เขาแล้วเหรอวะ? นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพี่หมอราล์ฟแทนตัวเองว่า"พี่" เพราะปกติเห็นพูดแค่ 'ฉัน' ให้อารมณ์ตะหงิดๆหูเหมือนกันเวลาได้ยินเหมือนกำลังพูดอยู่กับอาจารย์เลยแฮะ




ตู้ม!!


        ผมกระโดดลงน้ำไปมาอย่างสนุกสนานน้ำลึกแค่เอวผมแต่ถ้าเดินไปอีกหน่อยอาจมิดหัวได้ แถวนี้สว่างพอสมควรเพราะติดไฟไว้หลายดวง จากการเรียกร้องของนักศึกษาชายที่มีความขี้ขลาดเป็นส่วนมาก


"ฤกษ์ อย่าไปไกลมาเล่นตรงนี้"


"ค้าบบบ" เสียงพ่อคนที่สองของผมเอง


"ฤกษ์"


"ไปแล้วๆ โห่พี่ กำลังสนุกเลย" ผมว่ายกระดึ๊บๆ ไปหาหล่อเทวดาที่กำลังนั่งตรงโขดหินเล็ก กำลังตักน้ำราดผมที่ยาวของตัวเองอยู่ ใบหน้าหล่อคมแหงนขึ้นสายน้ำค่อยๆไหลลงตามใบหน้าหล่อไร้ที่ติ คอแกร่ง ลาดใหล่ หน้าอก ไหลลงมาตามหน้าท้องแกร่งลอนคลื่นทั้งหก อึก! ใจ ใจ กระตุก ผะ...ผมป่วย ต้องตบหน้าเรียกสติอยู่สักพักอาการร้อนๆบนหน้าเลยค่อยๆทุเลาลง


"ผม...ผมสระให้ไหมพี่"


"เอาสิ"


        พี่เขาเงียบไปชั่วอึดใจถึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ดูจากท่าทางของเขาแล้วคงไม่ได้สระผมด้วยตัวเองบ่อยแน่ๆ อาสาสระให้ดีกว่าให้สระเองกลัวว่าคืนนี้ก็จะไม่เสร็จ


        ผมค่อยๆตักน้ำราดลงบนผมนุ่มสลวย ผมยืนอยู่ตรงหน้าเขาพอดี พี่หมอราล์ฟนั่งอยู่ตรงโขดหินเล็กซึ่งศีรษะอยู่ในระดับหน้าท้องผมพอดี จะเดินไปอยู่ข้างหลังพี่เขาก็ติดที่ทั้งรอบด้านเป็นหินกั้นไปหมดยืนได้แค่ด้านหน้า เฮ้อ มานั่งอะไรตรงนี้ว้า

        พึ่งเห็นพี่เขาปล่อยผมเป็นครั้งแรก...มันยาวถึงกลางหลังเลยล่ะ พอปล่อยผมแล้วเซ็กซี่ชะมัดเลย ถ้าพวกผู้หญิงมาเห็นคงละลายกันอยู่ตรงลำธารนี่แน่ๆ


"ปกติพี่สระผมยังไงอ่ะ" ถามพลางเทแชมพูลงบนฝ่ามือ


"เข้าร้าน"


"ถึงว่าล่ะ ดูพี่ไม่ค่อยถนัดในการสระผมตัวเองเท่าไหร่" ค่อยๆขยี้ผมนุ่มอย่างเบามือ นุ่มมือชะมัดเลย


"เอ๊ะ!! พวกพี่หมอแข่งกับพี่อีกคนไปไหนแล้ว" ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มีแค่ผมกับพี่หมอราล์ฟ มองไปรอบๆตัวมีแต่ความเงียบสงัด


"ไปตั้งนานแล้ว เรามันมัวแต่เล่น"


"เปล่าสักหน่อย" เสียงเบาเชียวกู


"ผมว่าถ้าพี่ตัดผมสั้นต้องหล่อระเบิดแน่ๆ คงดูโคตรหล่อไปอีกแบบ"


"ชอบเหรอ"


"แบบไหนก็ชอบคนหน้าตาดีจะทำทรงไหนก็ได้อ่ะ ผมยาวดูแลยาก ถ้าไว้ผมสั้นพี่คงทำไรสะดวกกว่านี้"


"เป็นห่วงเหรอ"


"หืม พี่ว่าอะไรนะ"


"สระสองรอบ"


"อ่อ ครับๆสิบรอบก็ได้สำหรับเจ้ามือเลี้ยงป็อปคอร์น"


"หึๆ จะใช้ให้คุ้ม"


"พี่ชอบไว้ผมยาวเหรอ ดูแลดีอ่ะนุ่มมือชะมัดเลย นี่ถ้าลูบตอนจะนอนคงหลับปุ๋ย"


"ไม่ได้ชอบ"


"หืม?"


"มีใครบางคนชอบ"


"...."


        ตาคมเฉียบเทาหม่นคู่สวยเงยขึ้นสบตาผมที่ก้มมองอยู่ก่อนแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมชะงักค้างเหมือนโดนสะกด หูอื้อฉับพลัน หายจากการรับรู้สิ่งรอบตัวชั่วคราว ข้างในอกผมเริ่มมีสภาวะผิดปกติ...




"มันคือตัวแทนความคิดถึง"










       


       




 











     


       


       


     

     






หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 01-04-2020 04:00:30
อยากเห็นพี่ตัดผมเลยยย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-04-2020 21:23:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2020 00:57:58
เอาแล้วๆๆๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2020 13:47:11
 :o8: :-[ :impress2: :-[ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 03-04-2020 18:16:54
น้องฤกษ์น่ารัก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-04-2020 20:55:17
เหมือนจะมีคนหวั่นไหวเพิ่มอีกคน
ขอเดาว่าฤกษ์คือตัวแทนของความคิดถึง คู่นี้ต้องมีความหลังกันแน่เลยแต่ฤกษ์คงจำพี่เค้าไม่ได้
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่8...อาบน้ำ 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 03-04-2020 22:07:24
น้องงงมากไม่เคยตามใครทันเลยลูก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 07-04-2020 00:13:41
9…เบอร์แปลก




"น้องฤกษ์ลู๊กกกกก หั่นผักคะน้าเอาไปผัดนะคะไม่ต้องซอยถี่เป็นต้นหอมขนาดนั้นก็ได้ค่ะ"


"ครับๆ"


"น้องเบิร์ด มาดูเพื่อนด้วยพี่จะไปล้างผัก"


"ค่ะๆ พี่กู๊ดเดย์ กำลังไปค่ะ"


"ไอ้ฤกษ์!! กูบอกให้หยิบน้ำตาลนี่มันผงชูรส"


"เออๆ"


"ฤกษ์ มึงวางของตรงหน้ามึงเดี๋ยวนี้ แล้วกรุณากลับมาแกะกระเทียม มันใช่เวลามานั่งคั่วป็อปคอร์นเหรอหอกนี่"


"เข้มจังวะ"


"อีฤกษ์!! หุงข้าวทำไมไม่เสียบปลั๊กจะได้แดกมั้ย!! วันนี้"


"เออๆ กูลืม มึงก็เสียบดิ"


"ฤกษ์ กูบอกให้หั่นปลาเร็วๆน้ำเดือดแล้ว มึงจะนั่งอาลัยอาวรณ์แผ่เมตตาอีกนานมั้ยโว้ยยย"


"เอออออ"


"อีลำไย ตำพริกมึงก็ควรเด็ดก้านออกสิโว้ย"


"เอ้า!! กูตำจะเสร็จแล้วทำไงอ่ะ"


"ไอ้ตี๋ ก่อไฟชาตินี้จะได้ใช้ชาติหน้าเหรอวะ ครึ่งชั่วโมงแล้วนะไอ้ตี๋"


"กูก็รีบอยู่"


"เพื่อนปัดค่ะ ขอบคุณมึงมากนะคะที่ไม่ต้องเป็นภาระกู แต่กูขอเถอะมึงหั่นหมูเสร็จแล้วค่อยไปดูดก็ได้บุหรี่น่ะ มึงจะดูดไปหั่นไปอย่างนี้ไม่ด้ายยย"



ติ๊ง!!


"..."


"..."


"อีฤกษ์!!!! อีเวร ทำไมเอาข้าวเหนียวมาหุงใส่หม้อหุงข้าวววว"


"เม็ดมันเหมือนกันอ่ะ โทษทีๆ แยกไม่ออก"




 



"ฤกษ์ ไปเบิกเอายาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อที่เต็นท์แพทย์มาให้พี่หน่อย" ไอ้พี่ตังค์เดินมาในสภาพเหงื่อไหลไคลย้อย รองเท้าก็ไม่ใส่ เนื้อตัวมอมแมมไปหมดเหลือแค่ลูกตาที่ยังสะอาดอยู่ มาถึงก็ใช้กูเลย


"ให้ไอ้เบิร์ดไปดิมันว่าง ผมต้องขนสีไปให้พวกวิศวะตรงกำแพง" นั่งปั่นหูทำหน้าฟินอยู่ข้างๆกูเนี่ย


"ให้ไอ้เบิร์ดมันขนไป มึงไปเอายามา"


"ไอ้เบิร์ดมันก็ไปได้ ทำไมต้องผมอ่ะ" ตั้งแต่คืนนั้นที่ลำธารผมก็ยังไม่เจอพี่เขาอีกเลยเหอะ เจอดาเมจรุนแรงสบตาครั้งนั้นก็เหมือนตัวเองโดนสิง(?)จะแดก จะขี้ จะนอน จะนินทาคนอื่น หรือจะสวดมนต์นั่งสมาธิ ก็จะมีใบหน้าหล่อลูกครึ่งลอยเข้ามาในหัวตลอด ไม่ชอบเลยว่ะครับ!!


"ก็เห็นมึงสนิทกับเขา ให้มึงไปเอาเผื่อจะได้มาหลายๆหลอด"


"ผมไม่ได้สนิทเลยนะเว้ยยยยย"


"พี่ตังค์อ่ะ ผมจะขนไปได้ยังไงตั้งหลายถังน้องเบิร์ดคนนี้ตัวนิดเดียว" ตัวมึงก็พอๆกับกูนี่ล่ะอินก กูรู้มึงกลัวแดด ไอ้ลำไยมันจิ๊กร่มมึงไปกับพวกนิเทศอ่ะดิ แอบไปส่องตากล้องคนหล่อคณะเขา มันมาพร่ำเพ้อว่าหล่ออย่างนู้นอย่างนี้ ส่วนคู่หูกรี๊ดกร๊าดมันทำไมไม่ไปด้วยอ่ะเหรอ งานมันยังไม่เสร็จครับ สม!! มัวแต่เล่น กูก็ด้วย แอ่ะ!


"ฟรุ้งฟริ้งมานี่ดิ"


"ขาาาาาาาาาา" พี่ตังค์กวักมือเรียกไอ้ฟรุ้งฟริ้งที่กำลังเดินตูดบิดผ่านมาพอดีเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบปูนสงสัยไปช่วยพวกไอ้ปัดกับไอ้ตี๋สร้างหัวบันไดพญานาคมา พอมันเห็นว่าใครเรียก ก็แทบวิ่งหัวขวิดมาหา ยัง ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกว่างานจะเข้า





        ผมเดินกระโดด(?)หลบแดดไปตามทาง เห็นเงาไม้ตรงนี้ก็กระโดดไปหา เห็นเงาไม้ตรงนู้นก็โดดเข้าใส่ กลายเป็นสนุกสนานอยู่คนเดียว เอิ้ก~ แดดตอนเที่ยงต่างจังหวัดไม่ได้มาเล่นๆนะครับ เขามาแบบแผดเผาทำเอาไหม้เกรียมไปได้ง่ายๆ ผมว่าถ้าเอาไข่ใส่น้ำแล้วทิ้งไว้กลางแดดทั้งวันมีสุกอ่ะผมว่า ผมเดินกระโดดเหยงๆไปเรื่อย เต็นท์แพทย์ถูกตั้งอยู่ในโรงเรียนซึ่งก็ติดกับกำแพงวัดนี่ล่ะ


"พี่~~~~~~~~~"


        ผมหยุดชะงักเสียงเรียก? เรียกใครวะ ผมหันหาต้นเสียงที่น่าจะอยู่แถวๆนี้ รุ่นผมนี่เด็กสุดแล้วนะ ใครจะมาเรียกพี่วะ พวกปีหนึ่งก็ไม่ได้มา


ตุ้บ


"โหว ไรวะหันขวาหันหลังแต่ไม่หันซ้ายมันจะไปเห็นได้ไง อย่าไปเดินไหนคนเดียวรู้เปล่า เดี๋ยวโดนลากลงน้ำ"


" เอ้า ก็กูรู้สึกว่าเสียงอยู่ทางนี้" ไอ้เด็กเปรต ไอ้เด็กผ้าขี้ริ้วห่อทอง ไอ้เด็กเวรรักษ์ โผล่มากระโดดกอดคอผมเหยงๆเป็นผีกองกอยเลยนะมึง


"มาทำห่าไรแถวนี้" ผมหันไปถามพร้อมกับคว้าร่มในมือมันมาถือเอง มันมีมองตาขวางแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เออ มีประโยชน์หน่อย


"มาขูดฟัน"


"เขาเรียกหินปูนไหมวะ กูก็นึกว่ามาขูดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"


"เมื่อวานไม่อยากมา อยากมาวันนี้" มันพูดพลางเดินกอดไหล่ผมไปพลาง ตีซี้อย่างหน้ามึนๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ข้าวบ้านมันก็ไปแดกมาแล้ว ถ้าไม่นับความกวนตีน มันก็เป็นรุ่นน้องที่นิสัยน่าคบหาคนหนึ่ง (เรียกกูว่าพี่ยังพอทน เรียกกูเหี้ยกูจะไม่ทน)


"แล้วพี่จะไปไหน เห็นเดินโดดเหยงๆกลางแดดมาตั้งแต่ตรงนู้น ชอบเป็นเขียดเหรอ"


"เขียดพ่อง!! กูโดดหลบแดด กูจะไปเอายานวดที่เต็นท์แพทย์"


"งั้นไปด้วยกันดิ"


"ไม่อยากไปกับมึงอ่ะ เหม็นขี้หน้า"


"เอาร่มผมคืนมา"


"เออ กูไปด้วยก็ได้"


"ฮ่าๆๆ พี่แม่งน่ารักว่ะ" ฟอร์มเฟิมไรไม่มีให้รักษาอยู่แล้วตัวกูเนี่ย ชีวิตต้องการร่ม


"กูหล่อเหอะ!!" ตาไม่ดีนะมึงอ่ะ


"เออๆ ผมจะคิดสะว่าบ้านพี่ไม่มีกระจก แล้วเพื่อนๆพี่ไปไหนกันหมดอ่ะ"


"ทำงานทำการดิ เออ เกือบลืม คนนั้นเป็นไงบ้างวะ ในป่าช้าคืนนั้นอ่ะ" ถึงจะรู้ว่าลูกน้องลุงแรมพาไปส่งโรงพยาบาลแล้วก็เถอะ แต่ก็อยากถามอยากรู้อีกรอบ


"ไตหาย"


"ห๊า!! ไตหาย หายได้ไง ไหนบอกว่าช่วยทัน"


"...."


"ละ...แล้วเขาจะตายไหมวะ ไตหายแล้วจะใช้ชีวิตยังไง จะหายใจยังไง" โถ่ว นี่ผมช่วยเขาช้าไปเหรอ


"ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยย พี่แม่ง ฮ่าๆๆ"


"หัวเราะเชี้ยไรมึงไม่เห็นเหรอว่ากูซีเรียส ไอ้ด็กเวร" ผมตะโกนใส่มันอย่างฉุนๆ มันใช่เวลาไหมวะ


"ยอม ยอม ยอมจริงๆเลยครับ ไม่แปลกใจที่มีคนเป็นห่วง ผมล้อเล่นน่ะ เขาปลอดภัยดีเว้ย ไตไม่ได้หาย ปอดต้องหายเหอะถึงจะหายใจไม่ได้นะพี่ อีกวันสองวันก็ออกจากโรงบาลได้แล้ว พ่อผมจะรับมาเป็นลูกน้องที่บ้านพอดีขาดคนอยู่"


"ไอ้สัส!! ล้อเล่นทำเชี้ยไร กูก็นึกว่าหายจริงๆ ใจกูนี่หายหมด"


"เฮ้อ พี่แม่งเข้ามหาลัยมาได้ไงวะ"


"กูเก่ง" ใครไม่อวยแต่กูอวยตัวเองก่อน


"เออๆ ไม่อยากจะเถียง ไม่แปลกใจเลยที่มีคนโทรมาจิกผมทุกวัน"


"มึงว่าไรนะ ใครจิกไร"


"ไม่มีไรหรอกน่า หน้าเอ๋อแล้วหูยังไม่ดีอีกนะพี่"


"ไอ้สัส!!"







ตุบๆ


ตุบๆ


ตุบๆ


        เสียงหัวใจผมเองครับ ตอนนี้ผมยืนแอบอยู่หลังเต็นท์แพทย์ด้วยหัวใจอันเต้นระทึก เขย่าขวัญ สั่นประสาท กลัวว่าจะเจอกับใครบางคน ผมไม่ชอบที่ตัวเองมีอาการประหม่าแบบนี้เวลาเจอหน้าพี่เขาเลยจริงๆ ผมทิ้งไอ้เด็กรักษ์ไว้กับพวกทันตะก่อนจะชิ่งหนีออกมา เพราะถ้าอยู่กับมันนานกว่านี้กูจะเป็นบ้า!!




 นะโมตัสสะ ภะคะวะโต~~~




       หืม...เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์แปลกไม่คุ้นตา ใครวะ? ผมนึกว่าโทรศัพท์ผมโดนตัดสัญญาณไปแล้วสะอีก คิดว่ากลับจากค่ายว่าจะไปจ่ายอยู่ ที่พกติดตัวนี่คือไว้ดูเวลาล้วนๆเลยนะเออ


"ครับ?" กดรับสายด้วยความลุ้น เจ้าหนี้หรือเปล่าวะ ไอ้เทียนมันจ่ายค่างวดรถหรือยัง


"เข้ามาข้างใน มันร้อน"


"ห๊ะ!?"


"เข้ามา"

 

"ใครครับ โทรผิดหรือเปล่า" เข้าเชี้ยไรวะ


"ใครที่ยืนทำตัวลับๆล่อๆอยู่หลังเต็นท์แพทย์ให้เดินเข้ามาข้างใน"


        จบประโยคผมสะดุ้งโหยง ไอ้สัส กูคุ้นเสียงขึ้นมาทันที โผล่หน้าออกไปดูก็ต้องสะดุ้งรอบสองเมื่อสายตาประทะเข้ากับดวงตาคูคมสีเทาหม่น ร่างสูงแกร่งยืนเด่นสง่าท่ามกลางความวุ่นวายในเต็นท์ที่มีคนเข้ามาไม่ขาดสาย มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูเหมือนกำลังคุยอยู่กับใคร สาวๆในเต็นท์แพทย์ต่างพากันแอบมองด้วยสีหน้าเขินๆ พวกสาวๆคณะต่างๆที่ได้เวลาพักต่างก็มารวมตัวกันนั่งกรี๊ด แม้แต่พี่ป้าน้าอาที่มาตรวจสุขภาพก็พากันมองแต่หมอเทวดาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เอ่อ คงมีแค่ผมที่แม้แต่หน้ายังไม่กล้ามอง เป็นเชี่ยไรเนี่ยตัวกู

 

        ผมตอบกลับไปว่า ครับ ก่อนจะกดวางสายสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเดินเจี๋ยมเจี๊ยมเข้าไปหาคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ตรงหน้า เหมือนครูกำลังรอลงโทษนักเรียนอย่างไรอย่างนั้น เฮ้ย ผมเปล่าทำเชี้ยไรผิดนะโว้ย ไมทำหน้าดุจังวะ คนเขามองพี่อยู่นา


"หวัดดีครับพี่" ทักทายด้วยความนอบน้อม


"มาซนอะไรแถวนี้" มือแกร่งจับหัวผมโยกไปมา ก่อนจะดึงแขนผมไปนั่งเก้าอี้ตรงมุม ที่มีตู้ยาสองสามตู้ตั้งวางอยู่ จะมียานวดอยู่ในนั้นเปล่าวะ?


"ผมโตแล้วไม่ซนเหอะ"


"หึๆ งั้นเหรอ" พี่หมอราล์ฟกระตุกยิ้มมุมปาก(ไอ้สัส โคตรหล่อ)ก่อนจะหันไปค้นตู้ยา เวลาคุยกับเวลาไม่คุยนี่โคตรจะหน้ามือหลังตีนเลยเหอะ เวลายืนนิ่งๆจ้องนิ่งๆผมนี่โคตรจะกลัวตาแม่งโคตรจะดุ ถ้ามีเรื่องกับพวกนักเลงแล้วพวกนั้นโดนสายตาแบบนี้จ้องผมว่ามี สะตั๊นท์อ่ะ


"พี่หมอ ผมอยากได้ยานวดคลายกล้ามเนื้ออ่ะ"


"อืม มีคนโทรมาบอกแล้วว่าเราจะมาเอา" พี่หมอราล์ฟหันมาตอบพร้อมกับกล่องยาห้าหกกล่อง จัดการใส่ถุงกระดาษรักษ์โลกสีน้ำตาลให้เรียบร้อยก่อนจะยื่นมาใหผมรับเอาไว้


"รอก่อนจะไปด้วย"


"เฮ้ยพี่ ผมไปได้"


"จะไปกินข้าว"


"จะบ่ายสามแล้วนะพี่ยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ"



        พี่หมอไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเดินไปทำงานกับอาจารย์หมอ โรงอาหารของค่ายอยู่ในวัดอ่ะครับถ้าใครทำงานอยู่ฝั่งโรงเรียนต้องเดินไป ผมนั่งมองนู้นนี่นั่นไปเรื่อย มีหมอแข่ง หมอรอน และพี่หมอที่เคยพาผมไปอาบน้ำเข้ามาทักทายตามประสา สิบห้านาทีก็แล้ว ยี่สิบนาทีก็แล้ว ก็ยังไม่มา


 "ราล์ฟคะ ไปทานข้าวกัน" สาวสวยไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาในเต็นท์แพทย์พร้อมกับเอ่ยชวนเสียงหวานชวนคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำเอาสาวๆคนอื่นๆที่อยู่ในเต็นท์ต่างพากกันจ้องแทบตาถลน


"ครับ" พี่หมอราล์ฟพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะหันไปจัดการงานตัวเองสักครู่ แล้วเดินไปตบไหล่หมอรอน กับหมอแข่ง เหมือนเป็นการเรียกไปในตัว และสุดท้ายก็หันมากวักมือเรียกผมที่นั่งเป็นตอมาร่วมสามสิบนาทีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฮ่วย!! ผมรอตั้งนานจนรากตูดจะงอกก็ยังไม่ไป พอมีสาวมาเรียกแม่งลุกกันพึ่บพั่บ ไอ้สันขวาน!!


        เป็นแค่รุ่นน้องทำไรได้อะครับ ก็ต้องลุกเดินตามตูดต้อยๆไปอี๊กกก งานการก็ใช่ว่าจะว่างนะเว้ยรออยู่แทบจะท่วมเอว(หัวจะเยอะไปครับ) บอกให้รอนี่คือลืมผมไปแล้วหรือเปล่าวะ? แล้วสาวคนนี้ใครอ่ะยืนควงแขนนี่คือแฟน? เอ้า!! แล้วพี่รินๆอะไรนั่น เอาเขาไปไว้ไหนแล้ว


"เป็นไรอะเรา หน้ามุ่ยเชียว"


"เปล่าครับ แค่ร้อนแดด"


"มานี่ๆ จะได้ไม่ร้อน" พี่หมอแข่งลากคอผมให้เข้าไปในร่มคันใหญ่ที่พี่เขากางอยู่ แขนแม่งโคตรหนัก ผมกับพี่หมอแข่งเดินอยู่หลังสุด มีพี่หมอรอนเดินอยู่หน้าสุดกับร่มลายคิตตี้ของพี่เขา

และพี่หมอขวัญใจประชาชนเดินอยู่ตรงกลางกับสาวสวยเซ็กซี่ หน้าอกตูมๆกับเสื้อรัดรูปมันทำให้ภาพเหตุการณ์คืนนั้นแว๊บเข้ามาในหัว คืนติดเรทหน้ากระโปรงรถคืนนั้น อื้อหือ ไอ้เชี่ย กูคิดอะไรเนี่ย ในค่ายนะเว้ยคงไม่ทำใช่ไหมวะ?


"เป็นอะไรทำไมเงียบกว่าปกติ"


"..." แล้วถ้าเขาจะทำอะไรกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงจะไปเสือกหรือเปล่าวะฤกษ์


"ไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าแดงคอแดงไปหมดเลย"


"..." แล้วทำไมไอ้ภาพติดเรท20+ มันถึงไม่หลุดออกจากหัววะ ไอ้เชี่ยหน้าร้อน


"ฤกษ์!"


"ห๊ะ!! ครับ?" ผมสะดุ้งโหยงหลุดออกจากความบ้าบอ และตัวก็ต้องแข็งทื่อเมื่อภาพตรงหน้าปรากฎเป็นหน้าหล่อไร้ที่ติของตัวต้นเหตุที่ทำให้มีภาพติดเรทในหัว ใบหน้าของเราใกล้กันมากใกล้จนผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่เขา


"เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงไม่สบายหรือเปล่า หรือกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ๆอยู่"


"เอ่อ…" ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆเมื่อพี่หมอราล์ฟยื่นมือมาแตะตรงแก้มและหน้าผาก โดยมีพี่หมอแข่ง พี่หมอรอน พี่อกตูมยืนทำหน้าสงสัยอยู่ใกล้ๆ เอ่อ คือพวกพี่มึงจะช่างสังเกตอะไรขนาดน้านนน เดาเก่งอีกต่างหากว่าผมคิดพิเรนทร์อยู่ ฮ่วย!


"เปล่าๆพี่ มันแดงบ่อยๆอย่างนี้แหละเวลาตากแดด"


"ก็ดูผิวพรรณน้องก็น่าอยู่ ผิวดีจนผู้หญิงยังอาย" พี่อกตูมพูดออกมายิ้มๆพลางคว้าแขนหมอราล์ฟไปกอดทำให้ฝ่ามือที่แตะแก้มผมอยู่หลุดออก เฮ้อ ใจกูจะวาย


"หมันเขี้ยวโว้ย นี่แหนะๆๆ"


"โอ้ยๆ ไอ้พี่แข่งเจ็บนะโว้ย" ผมดิ้นทุลักทุเลพยายามให้หลุดออกจากฝ่ามือไอ้พี่หมอแข่งที่เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ มาบีบแก้มผมเนี่ย หนีไอ้พวกพี่ตังค์พี่อิฐที่ชอบบีบแก้มผมมาได้แล้ว ยังต้องมาเจอไอ้หมอบ้านี่อีก


พรึ่บ


"เดี๋ยวจะเดินไปส่งน้องก่อน ไปกันก่อนเลย"


        แขนพี่หมอแข่งถูกพี่หมอราล์ฟดึงออกก่อนพี่หมอราล์ฟจะดันให้ผมไปอยู่ด้านหลัง และหันไปพูดกับพี่หมอแข่ง บังผมอีกละ ไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย


"หึๆ กูไปส่งให้ก็ได้ สนิทกับน้องแล้ว ใช่มะ?" ไอ้พี่หมอแข่งยื่นหน้าข้ามไหล่แกร่งมาถามผมกระทันหัน และผมก็พยักหน้าไปแบบอัตโนมัติ ไอ้สัส สมองประมวลไม่ทัน เคยเป็นไหมที่ใครถามอะไรยังไม่ทันจะคิดให้ดีก่อนแต่พยักหน้ารับไปแล้ว ผมนี่เลย เป็นบ่อยฉิบหาย ไอ้เชี่ย ผมไม่ได้สนิทกับพวกพี่ขนาดน้าน


"จะไปส่งเอง" ห้วนสั้นได้ใจความฉิบหาย


"แต่น้องพยักหน้าอยากให้กูไปส่งแล้ว"


"เอ่อ...พี่ผมไปเองได้ใกล้แค่นี้เอง" ผมโผล่หน้าจากแผ่นหลังกว้างไปตอบ ไม่ต้องไปส่งกูกันครับ ผมแมนๆแข็งแรงดี แต่ก็ได้รับสายตาดุๆกลับมาจากพี่หมอราล์ฟ ทำไมการไปส่งผมมันถึงกลายเป็นถกเถียงอะไรกันขนาดนั้นวะ เฮ้ย ผมนี่ ฤกษ์มงคลบ้านขายโลงศพนะครับ ไม่ใช่ลูกชายนายก


"น้องเขาบอกว่าไปเองได้นี่คะ ให้น้องเขาไปได้แล้ว"


"คิมไปรอที่โรงอาหารก่อน" อ้อชื่อคิม


"ให้คิมไปด้วยนะคะ" โหว เสียงอ้อนอย่างน่ารัก


"ไม่ต้องหรอกมันร้อน"


"แต่ราล์ฟคะ"


"ฝากด้วย"


        พี่หมอราล์ฟหันไปบอกพี่หมอรอนที่พยักหน้ารับยิ้มแป้น และก็ลากแขนพี่คิมเดินไปอีกทาง เฮ้ย เผด็จการจังวะ เหลือพี่หมอแข่งขันที่ยืนยักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนเป็นการยอมแพ้ เมื่อเจอสายตาดุหันไปจ้อง อะไรของพวกพี่เขาวะ ประสาทจะแดก


"เฮ้ออออ ทำมาได้ตั้งนานแต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า"


        พี่หมอแข่งพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมที่ได้ฟังงงกับคำพูดของพี่เขา พัง?อะไรพังวะ


"พี่เขาหมายความว่าอะไรเหรอพี่" ผมหันไปถามคนที่เดินถือร่มอยู่ข้างๆ


"ไม่ใช่เรื่องของเด็ก"


"ก็ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น"


"แล้วหน้างอทำไมล่ะหืม"


"ตาฟาดแล้วพี่ แก่แล้วก็งี้แหละ" ว่าผมเด็กดีนัก


"คนแก่ก็ฟาดก้นให้เจ็บได้นะ ถ้ามีคนดื้อ"


"โหว กลัวๆๆ" ผมทำท่ากอดอกตัวสั่น


"เรานี่มันจริงๆเลย นะ"


"เฮ้ยๆพี่ไม่ต้องกอดคอผมก็ได้มันหนัก"


"ลงโทษเด็กซน"







"ฤกษ์มีคนอยากคุยด้วย"


"ลิซ่าอยากคุยกับกูเหรอ"


"พ่องงง!!"


"ไอ้สัส ถึงมึงจะหล่อขนาดไหนก็ไม่ควรเอาน้ำลายมาป้ายหน้าคนอื่น"


        ผมรับเอาโทรศัพท์เครื่องหรูของไอ้ปัดมาก่อนจะกรอกเสียงเท่ๆลงไป เผื่อจะมีสาวๆโทรมาสารภาพรัก


"โทรไม่ติด"


"ห๊ะ!!"


"โทรศัพท์เป็นไร" อ่อ เสียงนี้ ห้วน สั้น ไม่มีที่มา ที่ไป น้องกูเองครับ


"ไม่เป็นไรหนิ ตอนบ่ายยังมีคนโทรเข้าอยู่เลย"


"ไม่ติด"


"เออๆ วางสายเลยเดี๋ยวโทรให้ดู"


       ผมกดวางสายน้องก่อนจะควักเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดโทรหาน้อง อ้าวเฮ้ย ลืมไปเลยว่าโทรศัพท์ไม่มีตังค์


ตู๊ด ตู๊ด~


"เบอร์ใคร?"  เอ้าโทรได้เฉยเลยว่ะ


"เบอร์พี่ไง อะไรของเราเนี่ย"


"เปลี่ยนเบอร์?"


"ก็เนี่ยเบอร์พี่"


"โอเคร เปลี่ยนเบอร์ ตู๊ดๆๆๆ"


"โหลๆ เทียนไอ้เทียนโว้ย"


        ไอ้ลูกกรอกหนิ คิดจะวางก็วางสรุปโทรมาเพื่อ? ไม่ถามสารทุกข์พี่มันสักคำ ให้พี่มึงได้ถามบ้างสิเฮ้ย


"น้องมึงเหรอวะ" ไอ้ลำไยขยับมานั่งใกล้ผมแทบจะทันทีเมื่อได้ยินชื่อไอ้เทียนหลุดออกจากปากผม ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่รอบกองไฟเพราะวันนี้จะมีกิจกรรมคลายเครียดเฮฮา ของพวกนิเทศที่จัดขึ้น


"น้องมึงว่าไงมั้ง" อินกก็ตามมาอย่างไวว่อง


"มันว่ากูเปลี่ยนเบอร์ว่ะ กูลองโทรเข้าเครื่องมึงหน่อย" ผมกดโทรออกโทรเข้าเครื่องไอ้นก ปรากฎว่าเบอร์ที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอเป็นเบอร์แปลก แต่มันเป็นเบอร์ที่โทรจากเครื่องผม


"มึงเปลี่ยนเบอร์เหรอฤกษ์" ไอ้ตี๋ที่นั่งเช็คเอกสารเกี่ยวกับค่ายอยู่ข้างๆผมถามขึ้น


"เปล่านะเว้ย" ผมว่าพลางแกะดูซิมของเครื่องตัวเองว่าโดนเปลี่ยนหรือเปล่าแต่ก็เปล่านี่หว่า นี่มันก็ซิมของผมเอง


"เนี่ย นี่ไงซิมกู"

          ผมยื่นซิมไปให้พวกนั้นดูก่อนจะประกอบใส่ลงเครื่องอีกครั้ง ไอ้ปัดคว้าโทรศัพท์ผมไปเปิดเองก่อนจะไล่เปิดดูข้อความในโทรศัพท์ของผม มันนิ่งอ่านข้อความอยู่สักพัก ก่อนจะยื่นมาให้ผมอ่าน


'คุณได้เปลี่ยนหมายเลขเป็น 099-095xxxx โปรใช้งานไม่จำกัดทั้งโทรและอินเตอร์เน็ต ฟรีตลอดชีพ'


"เหี้ย!!!"


"เชี่ยไรมึงเนี่ย อะไรจะโชคดีขนาดนั้น" ไอ้ตี๋


"อิฤกษ์ มึงได้ไปเล่นเสี่ยงโชคอะไรไว้หรือเปล่า" ไอ้นก


"กูไม่ได้ทำเชี่ยไรเลย"


"เฮ้ย มันมีจริงๆเหรอวะโปรแบบนี้"ไอ้ลำไย


"ของฟรีไม่มีในโลก"


        ไอ้ปัดเอาโทรศัพท์ผมไปกดอะไรยุกยิกๆก่อนจะกดโทรออก มันเปิดลำโพงให้ได้ยินกันทุกคน


'สวัสดีค่ะศูนย์xxxยินดีให้บริการ'


"ผมอยากทราบโปรโมชั่นของเบอร์นี้ครับ แล้วก็อยากทราบว่าทำไมอยู่ดีๆเบอร์ถึงเปลี่ยนไปเป็นเบอร์อื่น"


'เบอร์099-095xxxxนี้นะคะ กรุณารอสักครู่ค่ะ'



"...."


'เบอร์นี้เป็นเบอร์ของลูกค้าวีไอพีค่ะ ถูกเปลี่ยนจากเบอร์ปกติเป็นวีไอพีเมื่อสามวันที่แล้วค่ะ โปรโมชั่นโทรและอินเตอร์เน็ตไม่จำกัด ฟรีตลอดชีพค่ะ'


"พี่ครับจะฟรีจริงๆเหรอพี่ แล้วผมก็ไม่เคยไปเป็นลูกค้าวีไอพีเลยนะครับ" ผมโพล่งออกไปอย่างงงๆ ไม่ใช่ส่งบิลมาเก็บหนี้ผมทีหลังนะเฮ้ย


'ฟรีตลอดชีพค่ะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ ทางเราจะส่งข้อความยืนยันไปให้อีกครั้งค่ะ พร้อมกับลิงค์ดาวน์โหลดเอกสารเป็นหลักฐานนะคะ ส่วนลูกค้าวีไอพีนอกจากฝ่ายผู้บริหารของบริษัทเครือข่ายxxxแล้วสิทธิ์นี้ไม่มีให้บุคคลทั่วไปค่ะ'


"แล้วไมผมได้อ่ะพี่ บ้านผมบริหารโลงศพเฉยๆนะ"


'เอ่อ...สักครู่นะคะ'



"ไอ้เชี่ย มึงไม่ต้องบอกเขาก็ได้ไหมว่าขายโลง" ไอ้ตี๋ท้วง


"ก็กูกลัวเขาคิดว่าอยู่ฝ่ายบริหารเครือข่ายเขาอ่ะ"


'ขออภัยที่ให้รอนานนะคะ ข้อมูลนี้เป็นความลับค่ะแต่เบอร์คุณได้สิทธิ์ใช้เบอร์วีไอพีค่ะ'


"อ่อครับๆขอบคุณครับ แค่นี้นะพี่"


"บุญของการไปช่วยหลวงลุงหิ้วของตอนบิณฑบาตสินะ ไอ้ฤกษ์" ไอ้นกว่า


"ไม่อยากใช้ก็เอามาให้กู กูจะเข้าpornhub ให้หนำใจเลย" ไอ้ตี๋ระริกระรี้


"เรื่องไรล่ะของฟรีไม่เอาก็โง่แล้ว"


"จงใจน่ะสิ"


"จงใจอะไรวะปัด" ผมถามไปอย่างอยากรู้


"มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังสนิทกับคนที่มีอิธิพลที่สุด"


"รู้สิ ก็มึงไง"






 :pig4: :pig4:


















 























หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-04-2020 00:34:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2020 00:53:23
โอ๊ยย อิจฉาน้องฤกษ์ อยากได้โปรแบบนี้บ้าง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-04-2020 04:40:36
เป็นโปรที่ดีมาก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 07-04-2020 05:28:35
"หึง" สะกดอย่างนี้นะน้องฤกษ์
อยากมีพี่หมอสายเปย์เป็นของตัวเองมั่งจังเลย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่9...เบอร์แปลก 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 07-04-2020 07:22:10
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 07-04-2020 23:42:00
10…คำสบถของคนตกใจ






"สวัสดีพี่ๆ น้องๆ มิตรรักและมิตรเกลียดทุกท่านนะจ๊ะ วันนี้มาอยู่กับพี่กู๊ดเดย์คนงามและพวกเราชาวนิเทศกันก่อนนะ อย่าพึ่งหนีหายกันไปนอนก่อน พวกเรารู้ซึ้งถึงความเหน็ดเหนื่อยของพวกเราทุกๆคน วันนี้เรามารีแลกซ์กันเถอะ!! "


ตุ้งๆๆๆๆๆๆ~~


        เสียงรัวกลองปลุกใจสายแดนซ์ดังขึ้นรับเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศครื้นเครงกว่าวันไหนๆ คืนนี้เป็นคืนที่แปดของค่ายอาสาที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม หลังจากที่เมื่อคืนก่อนๆนั้นได้จัดกิจกรรมรอบกองไฟไปจนเป็นที่ติดอกติดใจของชาวค่ายทั้งหลาย จึงมีคำร้องให้จัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม รอบนี้กองไฟใหญ่กว่าเดิม บางกลุ่มคณะก็พากันมานั่งล้อมรอบกองไฟ บางกลุ่มก็พากันหามโต๊ะ หามแคร่ มาตั้งล้อมรอบห่างออกไปเพื่อนั่งดูกิจกรรมชิลๆกันไป


"พี่กู๊ดเดย์ปลาบปลื้มใจจนปลื้มปริ่มเป็นอย่างยิ่ง ที่มีคนชื่นชอบกิจกรรมคณะของเรา วันนี้มากันแน่นเต็มลานเลย เรามาทักทายคณะแรกกันเลยดีกว่า โครงการจะไม่สำเร็จเลยถ้าขาดพวกเขา ไหนๆ ขอเสียงชาวถาปัตย์หน่อยเร๊วว"


"โห่วววว//กรี๊ดดดด" พวกถาปัตย์พากันยืนขึ้นเต้นตามเสียงจังหวะกลองรัว พร้อมกับพากันส่งเสียงอย่างไม่มีใครยอมใคร


"เสียงดังฟังชัดและงานเอวดีกันทุกคนนะจ๊ะคณะนี้ และคณะต่อมาที่ทุ่มเทแรงกายทำงานหนักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เอ้า วิศวะ วิศวะจะยอมไหม มีเสียงไหมขอฟังหน่อยเร๊วว"


"โห่วววววววว" เสียงเข้มๆต่างพากันแหกปากตะโกนรัวๆ แทบไม่ได้ยินเสียงสาวๆเลย ลุกขึ้นเต้นจนฝุ่นตลบกับเพลงจังหวะสามช่า แล้วเสือกนั่งแยกกันเป็นหย่อมๆโคตรอินดี้ บางกลุ่มแม่งเต้นอยู่บนแคร่ บางกลุ่มอยู่แถวพุ่มไม้ แต่เสียงแม่งก็ยังโคตรดัง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะยกพวกออกไปตีกับใครเลยว่ะ น่ากลัวฉิบหาย


"มึ๊งงงงกลุ่มพี่แสง/กรี๊ดดดพี่แสงขาา" เพื่อนกูเอง


"โอ้โห เสียงกร๊าวใจพี่มากเลยจ้ะ  ม๊ะ! คณะต่อไปถึงจะมากันแค่กลุ่มเล็กๆแต่หน้าที่ของเราก็ล้นไม้ล้นมือสารพัดที่จะทำ คณะพี่จะยอมกันไหม ถึงเราจะมีน้อยแต่เราก็ไม่เล็กนะ นิเทศ นิเทศอยู่ไหน ขอเสียงหน่อยเร๊วว"


"กรี๊ดดดดดดดดด/วิศวะเป็นผัวชั้นเถอะ!!"  เสียงกรี๊ดกร๊าดแข่งกันจนแสบแก้วหู พากันเด้งหน้าเด้งหลังตามจังหวะเพลงจนกลัวเอวจะหัก  คุณภาพเขาแน่นจริงๆว่ะ โดยเฉพาะลำไยกับไอ้นกพากันดิ้นแด่วๆตะโกน 'พี่แฟลชๆๆ พี่แฟลชเต้น' จนโดนไอ้ปัดกับไอ้ตี๋มังกรโบกหัวไปคนละทีด้วยความรำคาญ พวกมันคงน้อยใจที่พวกมึงไม่เคยมองเห็นความหล่อมัน


"ไม่ผิดหวังกับนิเทศ เล็กพริกขี้หนู เอนเนอจี้ความอยากได้วิศวะนั้นลั้นหลามเกินหน้าเกินตาไปมากเลยลู๊ก ใจเย็นๆกันก่อนนะ เดี๋ยวไก่ตื่น และคณะที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือทีมแพทย์และทันตะนั่นเอง หลายชีวิตในค่ายรอดตายมาได้ก็เพราะคณะนี้เลยจ้ะ ม๊ะ!! ทีมแพทย์และทันตะส่งเสียงหน่อยค่าา"


"ฮิ้วววว~ขาวจังเลยค้าบ"


"กรี๊ดดดดด/พี่หมอๆๆ"


"พี่หมอราล์ฟขาาา"


"อร๊ายยย เทวดาของบ่าว"


"งานดีมากค่าาาาา"


       พวกทีมหมอลุกขึ้นยืนตบมือรัวๆพลางส่งเสียงบ้าง โอ้โห กินขาด กินขาดความเป็นผู้ดี ไอ้ที่ร้องโหวกเหวกกันลั่นลานนี่คณะอื่นกันทั้งนั้น พวกวิศวะก็โห่แซวพี่หมอสาวสวย พวกผู้หญิง กระเทย เกย์ ตุ๊ด ก็กรี๊ดกันคอแทบแตกกับแก๊งหมอเทวดาโดยเฉพาะหัวหน้าแก๊งที่ยืนตบมือเงียบๆ แต่ฟาดเรียบด้วยการกระตุกยิ้มมุมปากเท่ๆ เล่นเอาละลายกันเป็นแถว รวมถึงพี่กู๊ดเดย์พิธีกรของงาน งานการไม่ทำห่าไรล่ะ กรี๊ดจนไมค์ร่วงพื้น เป็นคืนแรกที่ผมเห็นพวกพี่เขาเข้าร่วมกิจกรรม สองคืนที่จัดกิจกรรมมาผมไม่เคยเห็นพวกพี่หมอจะมากันเลย และนี่เป็นการเห็นพี่เขาครั้งแรกของรอบหลายๆวันที่ผมไม่ได้เจอพี่เขาเลย


"อะแฮ่มๆ กรุณาสงบสติอารมณ์กันก่อนนะคะ เกรงใจคณะอาจารย์ที่นั่งดูอยู่ไกลๆด้วยค่ะ ถึงพวกท่านจะร่วมกรี๊ดกร๊าดไปกับพวกเราด้วยก็ตาม คริๆ ของดีของมหาลัยก็ต้องชื่นชมกันเป็นธรรมดาเนอะ และนี่ก็เป็นคณะสุดท้ายของเราถ้าไม่มีพวกเขาความสวยงามและประณีตของความเป็นไทยก็คงไม่เกิด ศิล ศิล ศิลกำแสดงตัวหน่อยเร๊ววว"


"กรี๊ดดดด/อ้ากกก/โห่วววว"


         พวกเราลุกขึ้นเต้นอย่างไม่ลืมหูลืมตามจังหวะเพลงสามช่า เต้นจนรองเท้ากระเด็น เหยียบตีนกันก็ยังไม่เจ็บ พวกผมนี่เวฟตัวกันแทบเป็นปลาไหล ด้วยความที่พลังเหลือล้น เปล่าเลย...ไอ้สัส เมา!! ขวดน้ำที่พากันเหน็บอยู่ข้างเอวนี่ล่ะ เหล้าต้ม


"เอ่อ พอค่ะ พอ ใจเย็นๆกันนะคะศิลปกรรม  นั่งลงกันพักเหนื่อยก่อน ฮ่าๆ เรื่องเต้นต้องยอมเขาจริงๆเลยนะคะเนี่ยเด็กศิลป์หัวครีเอทจริงๆเลย ท่าเต้นแต่ละท่าพี่ละยอมใจ"



        หลังจากนั้นกิจกรรมเราก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะออกไปโชว์เต้น มีขนมแจก เล่นละครตลกจากพวกนิเทศ แข่งกันตอบคำถามเอาของแจก หรรษากันฟรีสไตล์ เพราะทุกคนก็เหนื่อยกับงานตอนกลางวันอยู่แล้วกิจกรรมเราก็เลยสบายๆไม่ต้องมานั่งเครียดอะไรกันมากมาย เหมือนพบปะพูดคุยกันมากกว่า


"และนี่ก็เป็นกิจกรรมสุดท้ายของคืนนี้ เป็นรางวัลใหญ่จากทางมหาลัย น้องๆพี่ๆก็คงพอจะทราบว่าพอเรากลับไปก็ใกล้จะเป็นงานกีฬาของทางมหาลัยหลังจากงานเฟรชชี่จบลง เรามีเงินรางวัลห้าพันบาท ให้กับคณะที่ชนะการแข่งขันในค่ำคืนนี้ เอาไปเป็นค่าขนมให้น้องๆแสตนเชียร์และนักกีฬากันจ้ะ คณะไหนที่ชนะมารับบัตรรางวัลแล้วไปยื่นเบิกกับทางมหาลัยในวันกีฬาได้เลยค่ะ"


"โอ้โห /โคตรดี"


"อยากได้ๆ"


"บอกเร็วพี่ต้องทำไง"


"ขอตัวแทนสองคนของแต่ละคณะค่ะ"



         ผมกับไอ้ปัดโดนดันไหล่ให้ลุกออกไป ด้วยเหตุผลว่าไอ้ปัดคือหน้าตาของคณะศิลป์เรา ควรเอาของดีไปอวด แล้วผมไปเกี่ยวเชี่ยไรด้วยเนี่ย ดังนั้นรากตูดผมจึงยังเหนี่ยวแน่นถึงแม้จะโดนดัน โดนผลัก ก็ไม่มีขยับ แต่เมื่อโดนพี่รหัสชี้หน้าเป็นเชิงขู่ก็เลยต้องยกตูดเดินแท่ดๆออกไป ยิ่งไม่มั่นใจในกางเกงที่ใส่อยู่ด้วย กางเกงผมมันแห้งไม่ทันเลยยืมของไอ้นกมาใส่ ก็เป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆธรรมดานี่ล่ะครับแต่มันจะสั้นกว่าปกติที่เคยใส่มานิดหน่อย เลยเข่ามาหลายนิ้วเลยอ่ะ พอดีใส่เสื้อโอเวอร์ไซส์มาก็เลยแนวๆไป กูไม่น่านั่งหน้าเลยไอ้สัส พวกข้างหลังแม่งเมาจนกูซวย ไอ้สันขวาน


"เฮ้ยๆ น้องฤกษ์นี่หว่ามาค่ายด้วยเหรอไม่ยักเห็นเลย" เอ้า พวกวิศวะรู้จักผมเฉย ก็มาดิวะแต่จะไปเห็นได้ไงอยู่แต่ในโบสถ์ แดกข้าวบางวันยังต้องแดกบนนั่งร้าน


"เมื่อไหร่จะรับพี่เป็นเพื่อนในเฟส" เชี่ยไรวะเนี่ย


"ขาอย่างสวยเลย" ขาใครวะ? ที่ลุกออกมานี่มีแต่ผู้ชายนะเว้ย


       ผมเดินออกมายืนตรงกลางอยู่กับพี่กู๊ดเดย์ ฟังพี่กู๊ดเดย์อธิบายกติกาไปเรื่อยๆ ไม่สนใจมองคนที่นั่งรายล้อมอยู่ตรงหน้า ที่ส่งเสียงโห่ เสียงแซวมาเป็นระยะ กวนตีนฉิบหาย อายครับ!! มองฟ้า มองอากาศมองต้นไม้แก้อาย แม่ง       


"น้องที่มาจากคณะเดียวกันแยกเป็นคนละแถวจ้า เรียงหน้ากระดานหันหลังให้กันเลย ขณะนี้เรามีสองแถวหน้ากระดานค่ะ แถวหลังจะเป็นคนขี่ แถวหน้าจะโดนขี่หลัง แต่ละแถวสามารถสลับที่กันได้เลยแต่อย่าพึ่งหันหลังกลับไปมองกันนะ เราจะขี่หลังวิ่งรอบกองไฟหนึ่งรอบคนที่โดนขี่หลังใครวิ่งมาถึงพี่ก่อนสองคนแรกถือว่าเข้ารอบ ที่เหลือตกรอบจ้ะ คนที่ขี่หลังถ้าหันมาเจอคณะเดียวกันก็โชคดีไปน้าา แต่ถ้าคนละคณะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เขาวิ่งได้ เตรียมตัวนะ"


        ผมเลือกที่จะเป็นคนขี่เพราะน่าจะสบายกว่าเยอะเลยยืนอยู่แถวหลัง ขอแลกที่กับพี่คนข้างๆอีกรอบที่น่าจะเป็นตัวแทนคณะแพทย์ด้วยความไม่มั่นใจว่าไอ้ปัดมันจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนข้างหลัง มีพี่ๆสต๊าฟคอยยืนกันรอบกองไฟคงเกรงว่าพวกผมจะพากันวิ่งลุยไฟเป็นหลวงปู่เค็ม




ปรี๊ดดดด




        ผมหันหลังแทบจะทันทีเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ในใจภาวนาขอให้เป็นไอ้ปัดๆๆๆ ไอ้เชี่ยปัด ภาพตรงหน้าปรากฎในม่านสายจนดีใจแทบสิ้นสติ ไอ้สัส กูประชด ใครวะเนี่ย!? ผมรีบกระโดดขี่หลังไอ้คนตรงหน้าเกือบจะทันที ก่อนที่มันกำลังจะวิ่งออกไป


"ฤกษ์!! น้องฤกษ์สู้ๆ"


"ไอ้ฤกษ์ล็อคไว้ๆ"


"อิดอกฤกษ์ อย่าทำพี่เขา"


"ไอ้ฤกษ์ ปิดตามันสิวะ"


"อิฤกษ์ อย่าทำพี่กริช"


        เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังสนั่นลั่นลานรอบกองไฟ ผมจับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง รู้แค่ว่าไอ้คนตรงหน้าแม่งไม่จับขากูเลย ไอ้สัส กูจะตกแล้ว ผมปล่อยแรงเฮือกสุดท้ายยกขาขึ้นมาล็อคเอวคนตรงหน้าไว้ได้ ก่อนจะเอามือปิดตาแม่งไปอีก หยุดวิ่งสิโว้ยยย


"แรงควายจังวะ นี่แหนะๆ" ผมทั้งเอามือปิดตา ทั้งเอานิ้วทิ่มจมูก


"หึๆ ทำไรพี่ไม่ได้หรอกเตรียมรับความพ่ายแพ้ซะ"


       อ่อ เป็นรุ่นพี่นี่เอง ไอ้คนตรงหน้าวิ่งหน้าตั้งไม่สนสี่สนแปดใดๆทั้งสิ้นเหมือนมันมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ


"ฝันไปป่ะพี่ นี่ศิษย์หลวงปู่เค็ม ฮ่าๆ"


        ผมพูดพลางเอานิ้วที่กำลังทิ่มจมูกอยู่มาจี้เอว ไอ้ห่าน แข็งโป๊กไม่มีสะดุ้ง ทำไงดีวะจะถึงเส้นชัยแล้ว ถ้าผมกระโดดลงล่ะ? มันก็คงวิ่งต่อไปได้สบายๆดิ ฮ่วย!


"คอ!! จุดอ่อนมันอยู่ที่คอ จูบคอเลยไอ้ฤกษ์!! "


        ไอ้พี่อิฐตะโกนลั่น ไอ้ห่าพี่มึงไปรู้จุดอ่อนแม่งได้ไงวะ ผมละมือจากเอวพี่มันมาลูบไปมาตรงคอพี่มัน เฮ้ย พี่มันเอียงคอหลบแต่ไม่ล้ม จูบ? เสร็จผมล่ะ ฮ่าๆ ผมเอามือทั้งสองข้างปิดตา ปิดปากพี่มัน ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบคอพี่มัน…



โครม



ปรี๊ดดดดด



"ที่หนึ่งคณะศิลป์จากฝีเท้าม้าเร็วสุดหล่ออย่างน้องปัดค่าา"


"กรี๊ดๆๆ ปัดขาา/น้องปัดของพี่"


"ที่สอง โดยน้องไม้จากถาปัตย์ค่าา"


"เย้!!!"


"น่าเสียดายแทนน้องกริชจากวิศวะจริงๆเลยค่ะ อีกแค่ก้าวเดียวแท้ๆก็จะชนะแล้ว โดยจูบพิฆาตของน้องฤกษ์ขวัญใจของพวกพี่ๆเข้าไป เข่าอ่อนกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ ชั้นเห็นนะว่ามีใครตาร้อน"


"โห่ววว มาแบบนี้เพื่อนพี่ก็ตายน่ะสิ"


        โอย….มาเก็บศพกูเลย ล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า เสื้อแม่งเลอะฝุ่นไปหมด ผมลุกมานั่งจุมปุ๊กงงๆอยู่กลางขี้ฝุ่นโดยมีไอ้คนที่ผมขี่หลังอยู่ มานั่งยองๆปัดฝุ่นให้


"เป็นไงศิษย์หลวงปู่เค็ม เก่งนี่หว่า"


"ไม่ไงอ่ะ พี่แม่งล้มให้มันละมุนๆหน่อยก็ไม่ได้เนอะ"


"ก็เอ็งมันจู่โจมพี่ตอนไม่ทันตั้งตัวนี่หว่า จูบพี่แล้วรับผิดชอบพี่ด้วย"


"โว๊ะ! บ้าบอ จูบคอเฉยๆโดนนิดเดียวเอง ผู้ชายเหมือนๆกัน แมนๆแข็งแรงดี"


"น่าเอ็นดูสมคำร่ำลือ"


"พี่แม่งก็พูดไปเรื่อย เอ้อ ไอ้พี่อิฐแม่งรู้จุดอ่อนพี่ได้ไงวะ หรือพี่สองคนแม่งแบบว่า แบบว่า...คือ..." ผมถามขณะที่เราเดินกลับไปหาพี่กู๊ดเดย์ แต่ก่อนที่ผมจะพูดจนจบประโยคก็โดนไปหนึ่งมะเหงก


"เลิกคิดอะไรที่มันน่าขนลุกเหอะว่ะ หน้าแม่งไปไกลมาก พี่กับไอ้อิฐแดกเหล้าด้วยกันบ่อย ความลับส่วนมากก็เอามาจากวงเหล้าแหละ"


          ผมเดินกระเผลกๆ กลับหลุมตัวเองหลังจากไปรับน้ำอัดลมขวดใหญ่เป็นรางวัลปลอบใจ ไอ้สัส ให้ขวดเดียวกูจะทันแดกพวกแม่งมันได้ไงวะ พอผมนั่งลงปุ๊บ น้ำอัดลมที่จับไว้อย่างแน่นหนาในมือก็ปลิวไปอยู่ข้างหลังเป็นที่เรียบร้อย ไอ้ตับห่าน


"เอาล่ะทุกคน วันนี้ประธานค่ายของเรามีเรื่องจะพูดนิดหน่อย เชิญค่ะพี่แสงคนหล่อแห่งวิศวะ" 


        พี่แสงเดินหน้านิ่งเข้ามาจนทุกคนต่างพากันเงียบกริบ พี่ว้ากวิศวะนี่มันน่าขนลุกจริงๆเลยเว้ย ผมเจอมาแล้วเว้ยความโหดนี้ ความโหดที่พวกผมต้องแหกขี้ตามานั่งหั่นผัก หุงข้าว ก่อไฟ ตอนตีสี่ทุกเช้า แต่ถึงอย่างงั้นพวกสาวๆทั้งหลาย ก็พากันแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเกือบทุกคน โดยเฉพาะไอ้สองตัวที่นั่งข้างผมเนี่ย คืนนี้ผมเห็นพวกมันพากันกรี๊ดผู้ชายสิบกว่าคนแล้ว คอพังขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้


"เราก็ได้สนุกสนานเฮฮากันไปพอสมควรแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ ดูแลตัวเองกันให้ดีอย่าให้เจ็บตัว ใครเป็นอะไรให้รีบบอกเพราะค่ายเรามีหมอ  ในตอนนี้พวกเราก็เดินทางมาได้เกือบถึงเส้นชัยแล้วสำหรับโครงการค่ายอาสานี้ที่สืบทอดกันมาหลายปี และเราก็จะเป็นรุ่นสุดท้ายของโครงการนี้ ขอให้ทุกคนเต็มที่กับงานเพราะเราคงไม่มีโอกาสได้มาทำงานบุญแบบนี้บ่อยๆ

ผู้หญิงก็นอนฝั่งหญิง ผู้ชายก็นอนฝั่งชาย อย่าริปีนป่ายไปหากัน เรื่องอื่นๆพวกพี่ก็หยวนๆให้ตลอด แต่ถ้าเป็นเรื่องสิ่งเสพติดผิดกฎหมายและเรื่องชู้สาวซึ่งทุกคนคงรู้ดีว่าพี่หมายถึงแบบไหน พวกพี่จะลงโทษอย่างหนักโดยเฉพาะสิ่งผิดกฎหมายจะจับส่งตำรวจทันที  ส่วนเรื่องชู้สาวถ้าพวกพี่จับได้ นอกจากจะลงโทษโดยการไม่ผ่านกิจกรรมทุกกิจกรรมแล้ว ซึ่งมีผลต่อเกรดของเราแน่นอน ห้องน้ำค่ายและทัณฑ์บนมหาลัยก็รออยู่ ขอบคุณครับ"


        พี่แสงพูดจบก็ยื่นไมค์ส่งต่อให้พี่กู๊ดเดย์จัดการต่อ อื้อหือ การลงโทษที่พูดมาเทียบกับพวกผมที่ได้รับแล้วแม่งซาบซึ้งฉิบหาย ขอบคุณค้าบพี่แสงสำหรับการหยวนๆในครั้งก่อน กูนี่อยากจะร้อง ผมจะเป็นเด็กดีจ้า


"อะแฮ่มๆ ก็ผ่านพ้นไปสำหรับบรรยากาศเย็นๆเมื่อกี้ ถึงพี่เขาจะมาพูดไม่บ่อยแต่ฟังจากบทลงโทษแล้วพี่ว่าพวกเราพึงระลึกไว้ทุกขณะดีกว่านร้า เอาล่ะ ก่อนจะปล่อยพวกเราไปนอนพวกพี่ๆจะเปิดเพลงเอาใจสายแดนซ์กันสักหน่อย  ประมาณสามสิบนาที ยืดเส้นยืดสายพอให้หลับสบาย พอเพลงจบลงขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปนอน โอเครกันน้าาา ฝันดีค่าาาาาชาวมหาลัยXXX"


        ไฟตรงกลางเริ่มมอดลงจนเห็นเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆ แสงไฟเธคดิสโก้เริ่มเปิดขึ้นจากพวกฝ่ายพี่ๆกิจกรรม ทำงานดีกันฉิบหายเลยเว้ย เพลงแดนซ์ถูกเปิดดังสนั่นทั่วลานกิจกรรม ต่างคนต่างเต้นจนไม่รู้ใครเป็นใคร จำกันแทบไม่ได้เพราะมืดมัวไปหมด พวกเพื่อนๆผมก็ดินแด่วๆอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะไอ้มังกรแม่งเมาแล้ว ไอ้สัส ไอ้พี่กิตโผล่มายื่นขวดน้ำที่คุณก็รู้ว่าอะไรมาจ่อปากผม กำลังจะเอ่ยปากว่ากูก็มีครับพี่ แต่พี่มันแม่งเทกรอกลงมาเลยไอ้ห่าเอ้ย นี่คือไม่ได้ให้กินช่ะ? จะให้อาบก็เทราดหัวกูเลยไอ้คุณพี่เอ้ย แม่งเดินยังเซเสือกอยากจะป้อนเหล้าคนอื่น ผมโดนไปหลายอึกเลย ถึงกับร้อนวาบในท้อง เอิ้ก~~


        ผมพยายามจะไม่กินเยอะเพราะยังเข็ดกับวันแรกที่มาถึงค่ายแล้วไข้แดก ก็ได้แต่ดิ้นไปตามจังหวะเพลงอย่างคึกคะนองตามประสาแอลกอฮอล์สิงร่าง มีไอ้พี่อิฐมาลากคอผมไปหาพวกวิศวะ ที่ยืนส่งเสียงโวยวายอยู่บนแคร่ไม้


"ไอ้ฤกษ์มาโว้ย/น้องฤกษ์!!"


"น้องรหัสกู"


"กูรู้แล้วครับเพื่อนเมาแล้วขี้อวด ไอ้สัส"


       พี่กริชเดินมาโยกหัวผมไปมาก่อนจะลากไอ้พี่อิฐไปนั่งชนขวดกันตรงแคร่ใกล้ๆ เอ้า ทิ้งกูเฉยลากกูมาทำเชี่ยไร

 

"ฤกษ์ๆแดกนี้ อันนี้แซ่บ!!"


        ผมว่าจะเดินกลับไปฝั่งตัวเองแต่ใครสักคนในพวกวิศวะก็ยื่นบางอย่างมา ผมรับเอาขวดของอีกฝ่ายมาลองชิม อื้อหือ อร่อยว่ะ อย่างนี้ต้องแชร์ ผมกวักมือเรียกไอ้พวกสี่เกลอของผมที่กำลังมองมาทางนี้อย่างสงสัยว่าผมมาทำห่าไรตรง พวกมันก็เดินตามมา ส่วนพวกวิศวะมันก็ต้องรับพวกผมกันเป็นอย่างดี นี่แหละเว้ยเหล้าเชื่อมมิตรภาพ ไอ้ปัดกับไอ้มังกรมันรู้จักพวกนี้อยู่แล้วเพราะเตะบอลกันบ่อย ส่วนลำไยกับไอ้นกอย่าไปห่วงพวกมันเลยมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ เต๊าะพวกวิศวะจนพากันเขิน


        ผมกอดคอพวกเด็กวิศวะเต้นไปเรื่อยเหล้าก็มาเรื่อยๆรีบแดกรีบไปนอนกันครับ ไม่รู้ว่าไปสรรหามาจากไหนทั้งที่แถวนี้ไม่ร้านค้าอะไรเลย ทยอยมาไม่ขาดสายจริงเลยเว้ย และสายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคน เอ๊ะ นั่นมันพี่หมอเทวดานี่หว่า เขายืนอยู่ในมุมมืดห่างจากตรงนี้พอสมควร พี่เขายืนกอดอกหันหลังหัวไหล่พิงต้นไม้สายตามองฝ่าความมืดออกไป  ไปทำไรตรงนั้นวะ ขาผมก้าวเดินไปหาแผ่นหลังที่อยู่ในสายตาอย่างลืมตัวจนตัวเองต้องตกใจ ผมจะไปสนใจอะไรพี่เขาวะเฮ้ย มันไม่ใช่เรื่องของโผ้ม


        กำลังจะหันหลังกลับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวสวยคุ้นหน้า ผมกระโดดหลบหลังต้นไม้แทบไม่ทัน พี่ลลินเดินเข้ามาหาพี่หมอราล์ฟคุยกันสักพักก่อนจะคล้องคอพี่หมอราล์ฟก้มลงมาหอมแก้มแล้วเดินจากไป สาวเพียบเลยว่ะ วันนั้นอีกคน วันนี้อีกคน คนหล่อแม่งก็เงี๊ยะ แล้วผมเป็นห่าไรก็ไม่รู้มาด้อมๆมองๆคนเขาสับรางรถไฟพลอดรักกันประสาทฉิบหาย ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดในพฤติกรรมแปลกๆของตัวเอง


ฟรึ่บ


        ร่างผมถูกกระชากอย่างแรงไปทางหลังต้นไม้ใหญ่กะว่าจะด่าแม่งแล้วใครเล่นเชี้ยไรเนี่ย แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาคู่คม และใบหน้าคุ้นเคย


"เอ่อ...พี่"


"...."


"วะ..หวัด...หวัดดีครับ"


"...."  ตอนนี้พี่ราล์ฟดูน่ากลัวกว่าวันไหนๆ


"มาแอบดูพี่ทำไม"


"คือ...คือว่า...ผมไม่ได้ตั้งใจกะแค่จะเดินมาทักเฉยๆ ถ้า..ถ้าพี่ไม่พอใจผมขอโทษ" ผมยืนหลังพิงต้นไม้ใหญ่พี่หมอราล์ฟกางแขนกั้นผมไว้ทั้งสองข้างไม่ให้ไปไหน พอลองออกแรงดันอกแกร่งให้ถอยห่างทว่าพี่เขาก็ยังยืนนิ่งไม่ขยับ จนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกแม้แต่หน้าพี่เขาผมยังไม่กล้าจะมองแล้ว ผมไม่ชินกับท่าทางของพี่เขาตอนนี้เลย


"เมาหรือเปล่า"


"ปะ...ปะเปล่าครับ" ขณะพูดผมก็พยายามดันอกแกร่งอีกครั้งแต่พี่เขาก็ไม่ยอมแม้แต่จะขยับ มือแกร่งยื่นมาจับแก้มผมแผ่วเบาไล้ปลายนิ้วลงมาตามลำคอ น้ำหอมกลิ่นที่ผมชอบลอยมาแตะจมูกแต่คราวนี้มีกลิ่นของบุหรี่ปะปนอยู่และผมก็ชอบ แต่…


"พี่...ผมจะไปนอน" ผมเอามือปัดฝ่ามือแกร่งที่ลูบไล้อยู่แถวต้นคอออก ก่อนจะเงยหน้าไปเผชิญหน้ากับการกระทำของพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ สายตาคู่คมแสดงชัดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อผมปัดมือออก


"...."


        พี่ราล์ฟยอมปล่อยพร้อมกับก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว พี่เขาไม่ยอมพูดอะไรก่อนจะควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไร ผมได้แต่แปลกใจกับบุคลิกแปลกตาของคนตรงหน้า พี่เขาเป็นอะไรไป….ผมหลับตาลงก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินกลับไป บอกกับตัวเองว่าพี่เขาอาจเมา ถึงจะไม่มีกลิ่นเหล้าจากตัวพี่เขาเลย ผมจะลืมเรื่องนี้ บรรยากาศแปลกๆแบบนี้ พี่เขาอาจหน้ามืดตาลายเห็นผมเป็นสาวในสต็อค ใช่ ต้องใช่แน่ๆ


        ผมหันหลังกลับกำลังจะก้าวเดิน เพลงตรงลานกิจกรรมรอบกองไฟก็ดับ ไฟดิสโก้ถูกปิดลง ร่างผมถูกกระชากอีกครั้ง ถูกดันหลังให้ติดต้นไม้ใหญ่ท้ายทอยถูกล็อคด้วยมือแกร่งปากผมถูกประกบด้วยริมฝีปากเย็นชืด รอบด้านมืดมิดไปหมด พยายามร้องประท้วงแต่กลับเป็นการเปิดปากให้ลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนภายใน พยายามจะกัดสิ่งแปลกปลอมในปากตัวเองแต่แก้มก็ถูกฝ่ามือแกร่งบีบให้อ้าจนกัดไม่ได้ กลิ่นบุหรี่แปลกใหม่ราคาแพงที่ไม่เคยคุ้นเคยลอยคละคลุ้งอยู่ในปาก ผม...ผมไม่เข้าใจ ฝ่ามือทั้งสองข้างทุบอกแกร่งจนเจ็บมือไปหมดแต่พี่เขาก็ไม่ยอมปล่อย


"อื้อออออ"


"....."


"อื้อๆ"


        ผมร้องประท้วงเพราะหายใจไม่ออกแต่พี่เขาไม่ปล่อยให้ผมหายใจ ผมทำได้เพียงกอบโกยอากาศเพียงเล็กน้อยจากการขยับหน้าของพี่ราล์ฟ ลมหายใจที่กอบโกยได้ก็เป็นของเขา…


พรึ่บ


        ไฟในลานกิจกรรมถูกเปิดอีกครั้งจากหลอดไฟดวงเล็ก พี่ราล์ฟยอมปล่อย ผมหอบหายใจกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด มือแกร่งยื่นมาเช็ดน้ำลายของ'เรา'ให้ตรงมุมปากผม เราสบตากัน


        ผมชะงักค้าง เมื่อภาพคืนนั้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวผมอีกครั้งไม่ขาดสาย มันเริ่มชัดเจนจนเกินกว่าที่จะคิดว่าฝันไป ภาพที่ผมจูบกับใครบางคนบนรถบัส

ผมจ้องหน้าพี่เขาเขม็ง ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่โดนจูบแล้วจะต้องตบหน้า


ตุ้บ!!


"ไอ้พี่เหี้ย!!"


        ผมเอากำปั้นทุบลงไปบนอกแกร่งสุดกำลังก่อนจะวิ่งหนีออกมา ผมยังไม่อยากจะถามเชี่ยอะไรทั้งนั้น ความจริงมันตอกย้ำอยู่ในหัวว่าคืนนั้นมันคือเรื่องจริง แล้วคืนนี้มันคืออะไร เกลียด ไอ้สัส แม่งเห็นผมเป็นอะไรวะ ผมไม่ใช่สาวในสต็อคนะเว้ย แล้วผมก็เป็นผู้ชาย เกลียด เกลียด เกลียด เกลียดไอ้สัสเอ้ย เกลียดที่คิดถึงแต่จูบนั้น เกลียดที่กลิ่นบุหรี่ยังติดอยู่ที่ปาก เกลียดกลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่ตรงปลายจมูก ไอ้สัส เกลียดที่ไปทุบอกพี่เขาแต่กูเจ็บมือฉิบหาย ไอ้เชี่ยเอ้ย




          :pig4: :pig4:













♡สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ :mc4: :mc4:
ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์ทู๊กอย่างเพื่อนำกลับไปปรับปรุงค่ะ


♡♡ช่วงนี้หลายๆคนคงได้รับผลกระทบจากโควิดรวมถึงคนเขียนด้วย เราต้องผ่านพ้นกันไปให้ได้ทุกๆคนนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคและไวรัสทั้งหลาย


♡♡♡คนเขียนไม่หวังอะไรมากมายเลย เวลาอัพนิยายแต่ละตอนก็ขอแค่ให้คนอ่านมีความสุขและเอ็นจอยไปกับนิยายที่กำลังอ่าน :pig4: :pig4:

 











หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2020 00:28:47
อ้าว อีพี่หมอ ทำน้องได้ไง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-04-2020 02:23:28
หึงรึเปล่าอ่ะหมอ555
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 08-04-2020 05:15:10
ถ้าจะทำกับน้องขนาดนี้ก็สารภาพรักไปเลยพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 08-04-2020 18:51:06
ฤกษ์มงคล สู้เขาลูก ท่องไว้หนูน่ารัก หนูสวยเลือกได้  ต้องเล่นกับหัวใจพี่หมอ อย่าให้พี่หมอเล่นเราลูก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 08-04-2020 19:17:41
หึง ทำเป็นปากแข็งแล้วก็แพ้ใจตัวเอง มัวแต่จ้องระวังคนอื่นมาเอาไปนะจ๊ะคุณหมอ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่10...คำสบถของคนตกใจ 07/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-04-2020 22:29:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 09-04-2020 23:09:04
11…เจรจา




"สิ่งที่ปรากฎอยู่อยู่ตรงหน้านี้เป็นความภาคภูมิใจของเราทุกคนที่ร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมสร้าง ร่วมกันซ่อมแซมบำรุง สืบทอดพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนอีกยิ่งขึ้นไป…."


"มึงๆ คุณลุงที่เขาพูดอยู่ข้างหน้านี่ใครวะ" ผมหันไปสะกิดถามไอ้มังกรที่ยืนอยู่ข้างๆ


"พ่อไอ้ เอ้ย พี่หมอแข่ง"


"เอ้า แล้วเขามาทำไรค่ายเราวะ"


"โถ่ว ไอ้หลังเขา ก็พ่อพี่เขาเป็น'อธิการบดี' "


"ห๊าาาา"


 "เงียบน่า"


        ไอ้ปัดส่งเสียงดุเมื่อผมเผลออุทานเสียงดังจนคนที่อยู่ใกล้ๆหันมามอง ดุกูตลอดอ่ะมึงอ่ะ ดุกูตั้งแต่มัธยมยันมหาลัย สำนึกไหม? ไม่อ่ะ ฮี่ๆ ผมหันไปแลบลิ้นใส่มันแล้วหันไปซุบซิบกับไอ้ตี๋ต่อ คุณลุงพูดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ นานแล้วอ่ะครับ  ว่าแต่ว่าพี่หมอแข่งเป็นลูกอธิการบดี?นี่ผมไปอยู่ไหนมาไม่ยักรู้เลยแฮะ เฮ้อ แต่ช่างเถอะรู้แล้วก็ไม่ได้ทำให้ผมหล่อขึ้นสักหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้กูร้อน แอ่ะ!


         ขณะนี้เรายืนอยู่กลางแดดเปรี้ยง เพื่อฟังคุณลุงตรงหน้าพูดร่ายยาวเกี่ยวกับวัดและประวัติความเป็นมาต่างๆนาๆ วันนี้เป็นสุดท้ายของการอยู่ค่าย งานของพวกเราเสร็จก่อนกำหนดล่วงหน้าสี่วัน เพราะฉะนั้นพวกเราจึงได้กลับบ้านเร็ว ย้ากกก วันนี้ผมตื่นกันแต่เช้า อ่อ ผมมันเช้าอยู่แล้วครับ เอาใหม่ ต้องบอกว่าพวกในค่ายตื่นกันแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมพิธีปิดค่าย ตอนเช้าก็มีทำบุญใหญ่ร่วมกับคณะอาจารย์อีกสิบคนและท่านอธิการบดีที่มาสมทบและเตรียมงานกันตั้งแต่เมื่อวาน ต่อมาก็มีผูกสายสิญจน์จากหลวงพ่อ และปิดท้ายด้วยการพรมน้ำมนต์ให้กับทุกคนในค่าย


        ผมวนเวียนอยู่รอบตัวหลวงพ่อตั้งแต่เช้า ช่วยท่านถือของ บริการท่านทุกอย่างให้ท่านได้สะดวกสบายที่สุด โดยเฉพาะกระโถนคายหมากของท่านผมประกบไม่ห่าง เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆท่าน ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยจริงจริ๊ง ตั้งแต่มาค่ายผมไม่เคยเห็นหลวงพ่อเลย วัดแห่งนี้มีพระอยู่ห้ารูป แต่ผมเห็นแค่สี่รูปเอง ไปสอบถามมาว่าเจ้าอาวาสท่านไปไหนก็ได้รับคำตอบมาว่าไปปฏิบัติธรรมอยู่บนเขา ผมพึ่งเห็นท่านเมื่อวานเองแท้ๆ เฮ้อ


"วันนี้ ไมมึงขยันจังวะ" ไอ้ปัดเอ่ยทัก


"กูก็ขยันของกูทุกวัน"


"ม้ายม้างงง ทุกทีไม่เคยเห็นถือกระโถนติดตัว" ไอ้นกเสริม


"เอาดีๆ โกหกในวัดนี่บาปนะเว้ย" ไอ้ลำไยขู่


"คือ...อย่างนี้เว้ย หลวงพ่อท่านขลังมากเลยนะ สุดๆอ่ะ แล้วเขาว่ากันว่าหมากที่ท่านเคี้ยวใครได้ไปคือมงคลสุดๆ"


"โถ่ววว เจ้าเด็กน้อยผู้น่าสงสาร"


"อะไรของมึงลำไย"


"กูจะบอกให้ ไม่ได้มีมึงคนเดียวหรอกที่อยากได้ คนทั้งค่ายนี่แหละเว้ย ยิ่งไอ้พวกวิศวะนี่ถ้ามันจ้องตะครุบแล้วไม่ถึงมึงหรอก ขึ้นชื่อนักเชียวเรื่องหนังเหนียว แต่เขาบอกไม่เคยมีใครได้มานานแล้วนะมึง อาจจะหลายปีแล้ว ไม่เคยมีใครเห็นท่านคายออกมาเลย บ้างก็ว่ากันว่าท่านกลืนลงท้อง"


"เฮ้ย กินได้ด้วยเหรอวะ"


"กูจะรู้ไหม"


"เออ ลำไย กูว่าจะถามมึงหลายรอบแล้ว ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ"


"กูขี้ไม่ออก"


"กวนตีนแท้ เออ ว่าแต่ว่าไม่เห็นไอ้เด็กรักษ์เลยว่ะ ตั้งแต่มาขูดฟันวันนั้น" พอมันขูดฟันเสร็จมันก็แวะไปเล่นกับพวกผมอยู่สักพักก่อนกลับบ้าน


"กูก็อยากเจอน้องเขาเหมือนกัน จะได้กอดลาก่อนกลับ แต่ไม่เป็นไรกูได้เฟสน้องเขามาล่ะ รอน้องมันตอบรับเพื่อนอยู่"


"ไวกว่านี้มีอีกไหม"


"ไอ้นกได้เบอร์ไปแล้ว"




"เพื่อเป็นของรางวัลให้กับชาวค่ายเดี๋ยวจะแวะให้เที่ยวทะเลสามชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะมุ่งหน้ากลับบ้านกันนะครับ เอาล่ะ ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพถึงบ้านปลอดภัยกันทุกคน"


       ผมหันไปดี๊ด๊ากับอินกเมื่อได้ยินว่าจะแวะเที่ยว อั๊ยย๊ะ ที่ลุงพูดมาตั้งนานไม่ยักจะเข้าหูผมสักนิด แต่พอได้ยินว่าแวะเที่ยวคือหูผมดีขึ้นมาทันที ย้ากกก


        พวกเราแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของของตัวเอง ส่วนผมเดินหงอยๆเอากระเป๋าไปเก็บใต้ท้องรถบัส ด้วยความผิดหวังหน่อยๆเมื่อได้ทราบจำนวนศัตรูของตัวเอง ไอ้พวกวิศวะแม่ง ล้อมหน้าล้อมหลังหลวงพ่อเต็มไปหมด ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก! พอเอากระเป๋าและข้าวของไปเก็บเรียบร้อย พวกผมก็พากันทยอยเข้าไปกราบพระในโบสถ์ก่อนเดินทางกลับ


"ใจคอจะเอากระโถนอาตมา กลับไปหนุนนอนที่บ้านเลยรึ"


        ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงทักที่ดังอยู่ด้านหลัง ขณะที่ผมกำลังจะก้าวพ้นประตู ก้มลงมองมือตัวเองที่มีกระโถนติดอยู่ก็พึ่งรู้สึกตัว ฮ่วย! กูหนอกู เอาของวัดนี่ นรกนะครับ


"เอ้อ ผมลืมอ่ะ...คะ..ครับ"


        ผมหันกลับไปหาต้นเสียง พอเห็นว่าใครปรากฎอยู่ในสายตา ริมฝีปากก็ยกขึ้นเต็มสปีดอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็แค่เพียงไม่กี่วินาที เมื่อสายตาผมเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังของท่านเจ้าอาวาส พี่หมอราล์ฟในชุดหรูดูดีสีขาว แว่นตาสีดำถูกดันขึ้นไปคาดไว้บนศีรษะ ผมยาวสลวยถูกเกล้าเป็นมวยอย่างลวกๆเหมือนทุกที แต่มันเท่มากจนใจผมกระตุกผิดจังหวะ ตั้งแต่วันนั้นที่เรา'จูบกัน' ผมกับพี่เขาก็ไม่ได้เจอกันเลยจนกระทั้งวันนี้


        ผมละสายตาจากพี่เขา ยกมือไหว้หลวงพ่อและเดินเอากระโถนไปเก็บไว้ในที่ที่ควรจะเก็บ และหยิบขวดน้ำดื่มที่วางอยู่ตรงมุมติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินยิ้มแห้งๆเข้าไปหาหลวงพ่อ ตอนนี้ในโบสถ์เหลือคนแค่ไม่กี่คนเพราะต่างก็พากันทยอยขึ้นรถบัสกันเกือบหมดแล้ว


"อากาศร้อนนะหลวงพ่อ หลวงพ่อน่าจะหิวน้ำ"


"อาตมากินแล้ว"


"แต่กินอีกก็ชื่นใจอีกนะครับ เดี๋ยวผมไปกระโถนมาให้คายมะ...โอ้ย" ผมยื่นขวดน้ำไปให้ท่านยังพูดไม่ทันจะจบดีก็โดนมะเหงกมาหนึ่งโป๊ก


"แค่อ้าปากอาตมาก็เห็นไปถึงลำไส้ของโยมแล้ว"


"หลวงพ่ออ่า…"


"หลวงพ่อครับพวกผมต้องไปแล้ว ทานให้ตรงเวลานะครับ ผมเขียนรายละเอียดให้ไว้ตรงหน้าซองหมดแล้ว"


        พี่หมอพูดแทรกขึ้นก่อนจะยื่นถุงกระดาษรักษ์โลกที่มีตราโรงพยาบาลของมหาลัยเราไปให้หลวงพ่อ ถุงอะไรวะ?


"เอ้อ ขอบใจมากๆ อายุมั่นขวัญยืน" หลวงพ่อรับถุงกระดาษจากพี่ราล์ฟ ก่อนจะยิ้มรับอย่างเมตตา


"สิ่งที่โยมอยากได้มันไม่เหมาะกับโยมหรอก โยมมีสิ่งที่ควรมีแล้วและได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว"


"เอ๋…" ผมมองหลวงพ่ออย่างงงๆเมื่อท่านพูดบางสิ่งที่ผมไม่เข้าใจแต่ท่านก็ตอบผมอย่างเมตตา


"หนึ่งชีวิตจะกลืนกินอีกหนึ่งชีวิต แต่ 'ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน' ทุกอย่างมีจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้น กรรมหนักแต่บุญก็มาก"


"เอ๋…"


"ตัวของโยมน่ะดีกว่าหมากอาตมาเป็นไหนๆ"


        หลวงพ่อหันไปมองหมอราล์ฟด้วยความเมตตาก่อนจะหันมาเคาะหัวผมสามครั้งแล้วเดินจากไป ผมยกมือไหว้ท่านงงๆ ว่าท่านพูดอะไร คือปริศนาธรรมป่ะ หรือใบ้หวย? เอาน่าหมากไม่ได้แต่โดยเคาะหัวเลยนะเว้ย โชคดีไปอีกสามสิบปี งวดหน้าถูกหวยแน่ ฮี่ๆ


        ชั่วแวบหนึ่งผมกับพี่หมอราล์ฟหันไปสบตากัน เราไม่ได้พูดอะไรกัน แค่เดินออกจากโบสถ์มาพร้อมกันเงียบๆ เฮ้อ แป๊บเดียวเว้ย แค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็เดินแยกกันแล้ว อึดอัดอ่ะ อึดอัด ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ได้แต่ถามตัวเองว่าคืออะไร ผมโกรธพี่เขามากๆแต่ทำเชี่ยไรไม่ได้เว้ย อยากจะเดินไปเตะตูดแม่งสักทีแต่ก็ทำไม่ได้แค่เห็นหน้าหล่อๆในหัวลอยมา ความโกรธแม่งก็มลายหายไปอย่างห้ามไม่อยู่ กูหายโกรธพี่มึงตั้งแต่สองวันแรกแล้ว เหนื่อยครับ เวลาโกรธใครมากๆแล้วผมเหนื่อย มีใครเป็นป่ะ? แต่ผมแม่งเป็นว่ะ ห้ามไม่ได้ด้วยจะโกรธต่อกูก็ขี้เกียจ แต่ตอนนี้ผมแม่งเริ่มโกรธตัวเองล่ะ ที่เป็นห่าไรไม่รู้ คิดถึงแต่จูบของพี่เขา? จะเพราะอะไรล่ะ ก็ความรู้สึกจูบที่อยู่บนรถบัสน่ะสิ สัมผัส กลิ่น ฝ่ามือ ริมฝีปาก มันเหมือนกันเด๊ะกับจูบคืนรอบกองไฟคืนนั้น มันคือเรื่องจริงไอ้ฉิบหาย และเพราะผมมานั่งคิดเปรียบเทียบจูบคืนนู้นกับจูบคืนนั้น ในหัวมันก็เลยมีแต่จูบกับพี่เขาเต็มไปหมดเลยเว้ย หงุดหงิดๆๆ



        ยัง ยัง ยัง ยัง แม่ง พี่มึงทำไมยังไม่เดินไปอีกทางล่ะเว้ย รถพี่มึงอยู่ทางนู้น ทางนี้มันรถของฤกษ์ครับ! ผมหันไปมองตาขวางแต่พี่มันก็แค่กระตุกยิ้มเท่ๆ ส่งกลับมา ไอ้คนไม่มีความรู้สึก


"จ้องขนาดนั้นระวังแสบตา" กูมองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมไม่ได้จ้องเว้ย


"มะ!! เรามาเคลียร์กันอย่างแมนๆ" ผมหยุดเดินหันกลับไปจ้องไอ้หล่อเทวดาตรงหน้า พี่เขาก็กอดอกพยักหน้ารอฟังอย่างตั้งใจ หล่อโว้ย


"คืนที่ผมเมาบนรสบัสคืนนั้น คนที่ผมจูบเป็นพี่ใช่ไหม"


"ถ้าไม่ใช่พี่ ก็คงไม่ได้กินเหล้าอย่างทุกวันที่ผ่านมา"


"เอ่อ…" ผมสตั๊นท์ไปสิบวิพร้อมกับอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น หาแผนที่ให้ผมที ผมกลับหลุมคำถามเก่าไม่ถูก


"แต่พี่...พี่ไม่ควรลวมลามคนเมาป่ะวะ พี่ทำอย่างนั้นทำไม คนดีๆเขาไม่ทำกันนะเว้ย"


"ก็ไม่ได้เคยบอกว่าเป็นคนดี ปกติพี่ไม่เคยฉวยโอกาสกับใครยกเว้นคืนนั้น"


        เอ้า ไอ้สัส แผนที่ไม่ต้องแล้วกูเข้ากูเกิ้ลแมพเลยไปต่อไม่ถูกเลยเว้ย ไอ้เชี่ย อะไรของพี่เขาวะเนี่ย


"โกรธมาก?"


"ก็ใช่อ่ะดิ เป็นพี่ไม่โกรธเหรอวะ อยู่ดีๆโดนผู้ชายจูบ"


"ปกติก็ไม่มีนะ มีแต่ผู้หญิง"


"นี่พี่มึง มีหลายคนเหรอวะ ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอ่อ นี่พี่เป็นพวกฟันแล้วทิ้งใช่ป่ะ เชี่ย!! พี่แม่ง หัวงูฉิบหาย"


"ไม่เคยมีใครว่าพี่ว่า 'หัวงู' มาก่อนเลยนะ"


"หัวงูโคตรเหมาะกับพี่ล่ะ ผมเป็นรุ่นน้องพี่นะ รุ่นพี่ผมก็เพื่อนพี่ เออ ช่างเหอะ เอาเป็นว่า เราจะลืมๆเรื่องนี้ไป ทำเป็นเหมือนว่าพี่กับผมเราเมาทั้งคู่ ลืมๆเนอะ" เอาแบบนี้แหละง่ายดี กูเหนื่อยที่จะคิดล่ะ แล้วทำไมต้องทำหน้าจะฆ่าผมขนาดนั้นอีกวะ


"แสดงว่าทำบ่อย? อยากจูบใครก็จูบแล้วทำลืมๆไปอย่างนี้เหรอ"


"ใช่ ก็ลืมๆไปนั่นแหละคิดไรมาก" ผมตอบส่งๆ ไม่คิดมากเชี่ยไรกูนอนไม่หลับมาตั้งสามคืน แล้วนอกจากพี่มึงก็ยังไม่เคยไปจูบกับใครเลยเนี่ย แต่ใครจะยอมรับล่ะวะเสียเชิงชายแย่


"ฤกษ์!! อย่ายั่วโมโหพี่"


"แล้วพี่ว่าผมไมอ่ะ ทีพี่จะไปจูบ ไปหอมใคร ไปกินตับใคร ผมยังไม่พูดถึงเลย" เอ้า กูพูดไปแล้ว


"นี่ไม่พอใจ?"


"เปล่า ผมไม่อยากคุยกับพี่แล้ว ไม่อยากคุยกับคนไม่รับผิดชอบในการกระทำของตัวเองว่ะ ลวนลามคนเมาตอนไม่มีสติแล้วยังมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ถ้าผมจำไม่ได้เองก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลย บอกขอโทษแค่เนี๊ยะยากตรงไหน"


"ก็รับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว คำขอโทษไม่อยากให้เพราะตั้งใจ"


"...."


"แต่มันมีคนจำไม่ได้สักทีก็ต้องทำให้จำได้บ้าง รู้แล้วนะว่าอยู่ในความรับผิดชอบของพี่ จะไปจูบใคร หอมใคร อย่างคืนรอบกองไฟอีกก็คิดให้ดีๆ ถ้าไม่อยากขาดอากาศหายใจ"








"ลำไยมึงโอเครหรือป่าววะ?"

       

        ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ ขณะนี้เรานั่งอยู่ในร้านกาแฟริมหาด ตอนแรกพวกเราลงมติกันว่าจะไปเดินตลาดและเล่นน้ำทะเลกัน แต่พอเห็นอาการลำไยท่าจะไม่ไหวระหว่างเดินตลาดก็เลยพากันมานั่งจุมปุ๊กกันอยู่ในร้านกาแฟน่ารักๆริมหาด


"อาการมันเป็นยังไงไหนลองบอกกูดิ๊ จะพาไปหาพวกพี่หมอก็ไม่ไป" ไอ้มังกรถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนเป็นห่วง


"คือ...กู...กูอาย"


"ไม่ต้องอายแล้ว ผ้าอนามัยมึงพวกกูยังเคยไปซื้อให้เลย" ไอ้นกว่า


"ประสาทน่า ไม่สบายน่าอายตรงไหน ไม่งั้นก็บอกอาการมาจะได้ไปซื้อยามาให้ ปวดหัว ปวดท้อง จะอ้วก หรือไม่สบายตัวตรงไหน" ไอ้ตี๋เป็นการเป็นงานขึ้นมา ไอ้ลำไยก้มหน้าซุกไหล่ผมก่อนจะตอบอ้อมแอ้มแทบไม่ได้ยินเสียง


"อย่าล้อกูนะ กู...กูปวดท้อง แล้วก็ขี้ไม่ออก"


"นี่มึงพูดจริงเหรอว่ะ กูได้ยินเมื่อเช้านึกว่าล้อเล่น"


        มันพยักหน้าหงึกหงักๆอย่างน่าสงสาร พวกผมไม่มีใครหัวเราะมันหรอก แค่เห็นหน้าสวยๆซีดเชียวของมันละสงสาร ไอ้ปัดได้ยินแบบนั้นก็ละมือจากโทรศัพท์หันมาเอามือลูบหัวมันเบาๆ


"กูไม่ค่อยได้เข้าห้องน้ำเลยตอนอยู่ค่ายอ่ะ มันแปลกที่แปลกทางเลยไม่อยากเข้า แล้ว แล้วก็ไม่ค่อยได้กินน้ำเปล่าเลย อากาศมันร้อนกินแต่น้ำอัดลมอ่ะ มันชื่นใจกว่า" มันพูดอย่างหงอยๆ


"ไปลองเข้าดูก่อน" ไอ้ปัดพูดเสียงอ่อน


"แต่มันเจ็บอะมึง ครั้งที่แล้วก็เจ็บเลือดออกด้วย ฮือๆ"


        อ้าวไอ้สัส ร้องเลยเพื่อนกู แม่คนแข็งแกร่งของกลุ่ม มาตกม้าตายเพราะเรื่องขี้ๆ เฮ้อ สงสารว่ะ เลือดออกคงเจ็บน่าดู พวกผมนั่งกล่อมมันอยู่สักพักจนมันยอมเดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้านกาแฟ ที่เป็นห้องน้ำแบบเอ้าท์ดอร์อยู่หลังร้าน บรรยากาศดีน่าจะช่วยได้


        พวกผมนั่งรอมันประมาณเกือบชั่วโมง ไอ้นกกับไอ้ตี๋ไปซื้อยาสวนมาเตรียมไว้ให้จนพวกมันกลับมา ก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ โชคยังดีของพวกผมที่ร้านกาแฟที่เรานั่งวันนี้ไม่ค่อยมีคน ไม่งั้นพวกผมคงเกรงใจเจ้าของร้านกันฉิบหาย


"เฮ้ย ตายหรือยังวะ" ผมร้องถามมันอยู่หน้าประตูห้องน้ำหญิง มีไอ้มังกรกับไอ้เบิร์ดที่แปลว่านก? ตามมาติดๆ ไอ้ปัดอยู่นั่งเฝ้าโต๊ะแล้วก็โทรไปบอกพวกรุ่นพี่ว่าอาจจะไปเลท เพราะอีกยี่สิบนาทีรถก็จะออกแล้ว


"มึง มันไม่ออกอ่า แต่ปวดท้อง"


"พวกกูซื้อยาสวนมาให้อ่ะ กูบอกให้ร้านขายยาเขียนวิธีใช้ใส่กระดาษอย่างละเอียดมาให้ด้วย" ไอ้นกเดินไปเคาะประตู ไอ้ลำไยมันแง้มประตูมารับยา เงียบไปสักพักมันก็โวยวายขึ้นมาอีก


"กูจะแทงยังไงล่ะวะ ไม่เคยทำ กูทำไม่ด๊าย ไอ้นกมาแทงให้กูหน่อย"


"เชี่ย ไม่เอากูกลัวฝันร้าย"


"ไอ้ฤกษ์ มึงมาช่วยกูหน่อย"


"เฮ้ยๆ กูเป็นผู้ชายจะไปทำอย่างนั้นได้ไง" ใจกูหล่นไปหมดแล้วเพื่อนเอ้ย


"พวกมึงรังเกียจกูเหรอ กูไม่ถือสาอะไรแล้วกูอยากขี้ออก ฮือๆ กูจะไม่อั้นขี้และก็แดกน้ำอัดลมเยอะอีกแล้ว ฮือๆ ไอ้ตี๋มาแทงให้กูหน่อย"


"แทงเชี่ยไรเล่า มึงไม่ถือแต่พวกกูถือโว้ยยย กลั้นใจแทงๆไป ไม่งั้นพวกกูจะทิ้งมึงให้แห้งตายคาห้องน้ำนะ"


"พวกมึงมันใจร้าย"






"ถ้าพวกมึงล้อกูเรื่องนี่นะ กูจะโกรธพวกมึง รูปลับพวกมึงที่กูมีกูจะแฉให้หมด"


"เออน่า ยืนยังจะไม่ไหวเสือกมาขู่พวกกู" ไอ้นกว่า


        พวกเราพากันพยุงไอ้ลำไยดาวเด่นของคณะ ซึ่งตอนนี้อาจจะดับแสงชั่วคราวมายังสถานที่ที่รถบัสจอดรอ พวกเราเลทเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง โดยมีไอ้ปัดโทรบอกรุ่นพี่แล้วเรียบร้อยว่าเพื่อนไม่สบาย ก็เลยไม่ซีเรียสกันเท่าไหร่ ซะ ซะ ซะ ซะที่ไหนล่ะเว้ย!!


"ไอ้เหี้ยยยยย รถหายไปไหน" ไอ้มังกรตื่นตระหนกแทบตาถลน


"ห๊ะ!!! รถหาย" กูนี่ตระหนกกว่า

 

"บ้าน่าเราโทรบอกเขาแล้วว่าจะเลทเพราะเพื่อนไม่สบาย ยังไงต้องรอดิ" ไอ้นกพูดได้ดีแต่น้ำตาคลอแล้ว ไอ้สัส


"เรามาผิดที่หรือเปล่ามึง" ไอ้ลำไยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง


"มาถูกแล้ว แต่กูว่ารถคงไปแล้วล่ะ เดี๋ยวโทรถามพวกพี่ตังค์ก่อน" ไอ้ปัดว่าพลางกดโทรศัพท์โทรออก ใจเย็นเชี้ยๆเลยเพื่อนกู กูนี่เข่าทรุดตั้งแต่ 'รถคงไปแล้วล่ะ'


"นี่เราจะมานอนข้างถนนเพราะเรื่องขี้ๆไม่ได้นะเว้ย" ไอ้ลำไยเริ่มคร่ำครวญ


"ที่พูดนี่คือห่วงพวกกู?" ไอ้นกเริ่มซาบซึ้ง


"กูห่วงภาพลักษณ์ตัวเองอ่า ถ้าผู้ชายคนอื่นรู้ ใครจะมาจีบกู"


"โถ่ว อิคุณเพื่อนค่ะ ถ้าเขาจะไม่ชอบมึงแค่เพราะมึงขี้ไม่ออก มึงอย่าอาลัยอาวรณ์ค่ะผู้ชายเหี้ยๆ หาใหม่จ้ะ"


"แต่ถ้าเขาหล่อเหมือนฮยอนบินล่ะมึง"


"อิเชี่ย แค่นี้คิดไม่ได้? ก็อย่าให้เขารู้สิโว้ย"


"เหมือนจะดีนะพวกมึงสองคนอ่ะ เงียบๆไปเลย ไอ้ฤกษ์ แล้วเป็นห่าไรลงไปนั่งกับพื้นทำไม นี่มึงตกใจเรื่องตกรถอะไรขนาดนั้น? "


"ขนมกูอ่ะ ป็อปคอร์นกูอ่ะ สามถุงเลยนะเว้ยอยู่บนนั้น ไอ้พวกคัตโตะมันต้องลักของกูกินแน่ๆเลย ไอ้พวกพี่ตังค์แม่ง!! ทิ้งสายรหัสหล่อๆอย่างกูได้ยังไงอ่ะ ไอ้เชี่ยพี่อิฐ ไอ้พี่รหัสเส็งเคร็ง ทิ้งกูได้ไงอ่ะ วันนี้กูยังไม่ได้กินป็อปคอร์นเลยอ่ะ กูจะย้ายสายรหัส กูจะประท้วง กูจะไปเจาะยางรถจักรยานพี่มึง โอ้ย!!"


"พี่รหัสเส็งเคร็งเหรอ เดี๋ยวมึงจะโดน"


"ไอ้เหี้ยพี่อิฐ!! โอ้ยๆๆพี่"


        อยู่ดีๆมะเหงกปริศนาก็เคาะลงกลางหัว ผมชะงักค้างเมื่อมีเสียงเหี้ยมคุ้นหูดังอยู่ข้างหลัง หันไปแทบจะหงายหลังลงบนพื้นเมื่อเห็นไอ้พี่รหัสยืนหน้า เหี้ย เอ้ย หน้าเข้มอยู่ แต่ไม่ทันได้หงายหลังเพราะโดนไอ้ห่าพี่อิฐล็อคคอไปดีดหูก่อน หนักเลยผมงานนี้ ก็คิดว่าพี่มันทิ้งจริงนี่หว่า ฮ่วย!!


"จะเจาะยางรถกูเหรอ เดี๋ยวเหอะมึง"


"ก็ผมคิดว่าพี่ทิ้งผมจริงนี่หว่า"


"ด่ากูแล้วไม่ต้องมาอ้อน จะตัดมั้ยสายรหัสกูนี่อยากตัดจะแย่แล้วเนี่ย"


"ไม่อาวววว" ผมกระโดดเข้าไปเกาะแขนพี่รหัสสุดหล่อด้วยความประจบประแจงเอาตัวรอดของตัวเอง แต่ก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นใครยืนอยู่เบื้องหลังพี่อิฐพร้อมกับรถตู้คันหรูสีขาว เอิ่ม...ครบทีม


"น้องใช่ไหมที่ไม่สบาย ตอนนี้เป็นไงบ้าง ทานยาหรือยัง" พี่แสงเอ่ยถามลำไยพลางเอามือแตะหน้าผากเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ เพื่อนผมอาการหนักกว่าเก่าอีกครับหน้านี่แดงจนไหม้


"ทานแล้วค่ะ ดะ...ดีขึ้นแล้วค่ะ"


"อาการเป็นยังไงไม่สบายตรงไหนครับ พี่เตรียมยามาเยอะเลย" พี่หมอแข่งถามเสียงนุ่ม


"คือมันทะ….อื้อๆ"


"แค่เวียนหัวเป็นลมแดดนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากเลยค่ะ ยาก็ทานเรียบร้อยแล้วค่ะ" ไอ้ลำไยตะครุบปากไอ้มังกรไว้อย่างว่องไวราวกับเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี


"งั้นขึ้นรถกันเถอะ เราต้องเดินทางกันอีกนาน"


           พี่แสงพูดก่อนจะเลื่อนเปิดประตูรถตู้ให้พวกเพื่อนผมทยอยขึ้น


"พี่ๆรถตู้ใครอ่ะ ตอนมาไม่มีไม่ใช่เหรอมีแค่รถกระบะขนของมาสามคัน" ผมสะกิดไหล่พี่รหัสยิกๆ


"รถตู้อธิการบดี ท่านกับคณะอาจารย์นั่งเครื่องบินกลับน่ะ"


"แล้วพี่มาได้ไงกับพวกพี่เขาอ่ะ"


"ก็กูรุ่นพี่คณะมึงไหม รุ่นน้องเป็นไรก็ต้องมาดู"


"คนดีเชี้ยๆ"


"พี่รหัสกูบังคับมาอีกที กูอยากมาที่ไหนไอ้หมอรอนแอ๊บแบ๊วกวนกูจนประสาทจะแดกอยู่แล้ว"


"เอาคำชมผมคืนมา"



        เราทยอยกันขึ้นรถมีลำไยกับไอ้นกนั่งหลังสุด ถัดมาเป็นพี่รอน มังกร พี่อิฐ และถัดมา พี่ราล์ฟ พี่แข่ง...ผมวิ่งจู๊ดไปตัดหน้าไอ้ปัดที่กำลังเปิดประตูไปนั่งข้างคนขับรถและกระโดดขึ้นนั่งทันที มันมองผมดุๆก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างหลัง เฮ้อ กูจะตาย


"ไง เจ้าตัวป่วน"


"แหะๆ" ยิ้มแห้งไปอีกกู


"พี่เป็นประธานค่ายที่ดูเหมือนจะทิ้งใครไว้ง่ายๆเลยงั้นสิ"


"ผมแค่ตกใจเฉยๆ ผมไม่ได้คิ๊ดจริงจริ๊ง" เสียงสูงไปไหนกู ผมหันไปตอบพี่แสงที่กำลังขับรถอยู่เลยโดนมะเหงกมาอีกลูก วันนี้มันวันเคาะหัวผมสินะ


"ตกใจที่ขนมไปกับรถน่ะสิ ไม่ได้ตกใจที่ตกรถหรอกพี่ว่า" พี่แข่งเอ่ยขึ้นมาจากข้างหลัง


"เปล่าสักหน่อย" ตอบอย่างแผ่วเบา แถได้แถครับจะยอมรับตรงๆก็ ทะแม่งๆอยู่




 :pig4: :pig4:



     









หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2020 23:32:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2020 00:19:59
เอ่อมมม แก๊งอีน้องฤกษ์มีใครเต็มบ้าง 5556
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 10-04-2020 06:19:10
ชอบมนุษย์แบบน้องฤกษ์  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 10-04-2020 06:56:31
เจรจากันไปถึงไหนแล้วมาขยายความให้รู้ที มันค้าง
มาต่อบ่อยๆนะ ตอนนี้น้องฤกษ์เยียวยาจากโควิค19ได้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 10-04-2020 15:50:25
ตลกน้อง เจ้าก้อน อยากบีบมาก หมันเขี้ยว
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 10-04-2020 16:12:44

ชอบความน้องฤกษ์
อึนๆงงๆกันไปค่ะ
น่ารักมาก

หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่11...เจรจา 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-04-2020 23:39:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 11-04-2020 22:37:53
12…น้ำตาของพี่ชาย







          เสียงตะโกนโหวเหวกของเจ้าพวกเด็กประถมสามสี่คนตะโกนแข่งกับเสียงน้ำจนลั่นไปทั่วบริเวณน้ำตก ร่างเล็กเจ้าของรอยยิ้มสดใสค่อยๆปีนลัดเลาะขึ้นไปตามความสูงของโขกหินก่อนจะตีลังกากระโดดลงมาเป็นที่สนุกสนาน พอเล่นจนหมดแรงเจ้าของร่างเล็กก็ปีนขึ้นไปนั่งเล่นบนโขดหินเล็กๆริมฝั่งพลางหยิบข้าวต้มมัดที่ห่อมาจากบ้านนั่งเคี้ยว แจ๊บๆ อย่างสบายอารมณ์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของใครอีกคน กำลังนอนแช่น้ำอยู่อีกฝั่งของโขดหินใหญ่ที่กั้นระหว่างฝั่งเขากับคนที่นอนอยู่ ถ้าเขาไม่ปีนขึ้นมานั่งตรงนี้ก็คงจะไม่เห็น 'เล่นคนเดียวจะไปสนุกอะไร'


         คิดได้ดังนั้นเจ้าร่างเล็กก็ค่อยๆย่องเข้าไปหาร่างที่นอนถอดเสื้อแช่น้ำนิ่งสงบไม่ไหวติ่ง พอถึงตัวก็นั่งจ๋อมลงใกล้ๆร่างตรงหน้า ตากลมมองสำรวจอย่างสนใจ สูงก็สูง จมูกก็โด่งมาก คิ้มก็เข้มมาก ขนตายาวจัง ทำไมหน้าตาดีอย่างนี้นะ โอ้โห เสียบสายหูฟังฟังเพลงไปด้วย โดนน้ำอย่างนี้ไฟไม่ช็อตเหรอว้า มองตามสายหูฟังก็เจอไอ้เครื่องเล็กๆที่มือเจ้าของร่างตรงหน้าถืออยู่ใต้น้ำ โห แช่น้ำได้เลยเหรอ มันจะฟังได้จริงเหรอ ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างสนใจ


พรึ่บ


        ร่างสูงตรงหน้าลืมตาขึ้นมาอย่างกระทันหันจนเจ้าร่างเล็กสะดุ้งโหยง ตากลมสบเข้ากับตาคู่คม ก่อนเจ้าร่างเล็กจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ 'ตาสวยจัง' เจ้าของตาคู่คมมองมานิ่งๆอย่างไม่เอ่ยอะไรออกมา


"ไปเล่นด้วยกันไหม" เอ่ยปากชวนพร้อมรอยยิ้มสดใสแต่คนตรงหน้าก็เอาแต่จ้องมอง


"เล่นอยู่คนเดียวไม่สนุกหรอก ถ้าเบื่อก็ไปเล่นกับเราตรงนู้นนะ" เจ้าร่างโปร่งพูดทิ้งท้ายพร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย แล้วผละจากไปเพราะเพื่อนฝั่งนู้นเรียกไปตีลังกาต่อแล้ว




"พี่!! กลับบ้าน ยายให้มาตาม"


        เล่นไปได้สักพักเจ้าน้องตัวแสบของเขาก็มาตะโกนแย้วๆ ให้กลับบ้าน  ร่างเล็กได้แต่ทำหน้างอบอกลาเพื่อนๆแล้วเดินไปหาเจ้าน้องตัวแสบ จะไม่กลับก็ไม่ได้ ยายเขาเนี่ยะตีเจ็บมาก


        ก่อนจะกลับสายตาก็ยังเห็นร่างคุ้นตานอนนิ่งแช่น้ำอยู่ที่เดิมไม่ไหวติ่ง หลายชั่วโมงแล้วนา… นอนนิ่งๆเฉยๆไม่หนาวหรือไง คิดได้ดังนั้นก็เดินเข้าไปหาร่างตรงหน้า นั่งจ๋อมลงข้างๆอีกครั้ง ก่อนจะเอามือสะกิดร่างตรงหน้าเบาๆ ตาคมลืมขึ้นอีกครั้งพอเห็นว่าเป็นใคร คราวนี้ก็เลยลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ร่างเล็กยื่นถุงข้าวต้มมัดให้ที่มีอยู่สามสี่ห่อ คนตรงหน้าไม่ยื่นมือมารับ เจ้าตัวเลยถือวิสาสะจับมือคนตรงหน้ามารับไว้แกมบังคับ เพราะคิดว่าเขาคงเกรงใจที่ไม่รับ


"เห็นเล่นมาตั้งนานแล้วไม่ขึ้นสักที เผื่อหิวเอาไว้กินนะ ยายเราทำเอง โคตรอะไรเหาะอ่ะ"


"....."


"แล้วถ้าชอบ อยากกินอีกก็ไปเอาได้นะ บ้านเราอยู่ตรงนี้เองข้างๆรีสอร์ทอ่ะ เป็นสวนมะขามหวาน พรุ่งนี้มาเล่นด้วยกันนะ"


        เจ้าร่างเล็กชี้ไม้ ชี้มือ ไปข้างรีสอร์ทอยู่หลายรอบ เสร็จแล้วก็ลุกเดินจากไป พรุ่งนี้เขาหาเพื่อนเล่นได้แล้ว เย้ ไอ้เจ้าเพื่อนพวกนั้นพรุ่งนี้ก็กลับบ้านกันแล้วเซ็งเลย เล่นด้วยกันไม่กี่วันเอง เฮ้อ เพื่อนของร่างเล็กที่เล่นด้วยกันวันนี้ก็เป็นลูกค้าที่มาพักของรีสอร์ทแห่งนี้ล่ะ น้ำตกที่เขาชอบมาเล่นก็อยู่หลังรีสอร์ทนี่เอง ตรงที่เขาอยู่เป็นภูเขา มีต้นไม้เยอะแยะเต็มไปหมด เพราะส่วนมากเป็นบ้านสวน บ้านหลังหนึ่งก็ล้อมรอบไปด้วยพืชผลไม้ที่ปลูกตั้งหลายไร่ เพราะอย่างนี้บ้านเพื่อนของเจ้าตัวเล็กกับเจ้าตัวเล็กก็เลยห่างไกลกันคนละโยชน์ ไม่มีเพื่อนเขาก็เซ็ง พี่คนสูงๆคนนั้นเขาจะพักอยู่นานไหมนะ พรุ่งนี้เขาจะมาไหมนะ









"ฤกษ์"


"...."


"ฤกษ์ ถึงแล้ว"


"...."


"ลืมตา"


"พี่…"


"......"


"ฤกษ์"



เฮือก!!



        ร่างกายรู้สึกเหมือนร่วงหล่นลงจากที่สูง ความรู้สึกเหมือนทั้งร่างสะดุ้งเฮือกและลืมหายใจชั่วขณะ แต่ร่างกายไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ผมลุกขึ้นมานั่ง งงๆ ปรับระดับลมหายให้เป็นปกติ ปรับโฟกัสสายตาที่มัวๆอยู่สักพัก ผมน่าจะหลับไปนานเลยล่ะ หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว อาจเป็นเพราะหลายคืนที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้นอนเพราะมัวแต่คิดบ้าๆบอๆ ถ้าพี่แสงขับพาไปปล่อยป่านี่กูร้องไห้จริงๆนะ มานั่งหน้าแทนที่จะช่วยพี่เขามองทางดันหลับเหมือนไหลตาย เฮ้อๆ กูหนอกู


        หันไปมองภายในรถตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในรถเลย แม้แต่ที่นั่งคนขับก็ยังว่างเหลือเพียงผมคนเดียวในรถ หันไปเปิดประตูจะลงรถก็พบว่าประตูได้เปิดไว้แล้ว ร่างสูงคุ้นตายืนจ้องมองมาที่ผมเงียบๆ ผมเงยหน้าสบตาพี่เขา ดวงตาคมเทาหม่นคู่สวยคู่นี้ เหมือนที่เห็นในฝันเลย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนกัน...แต่ก็แค่คล้าย


"ถึงมหาลัยแล้ว"


"ครับ ถึงนานหรือยังอ่ะ ผมหลับสนิทเลย"  ผมถามด้วยท่าทางอึนๆของคนพึ่งตื่นนอน


"ถึงสักพักแล้ว อย่าขยี้ตาแรง เดี๋ยวตาจะอักเสบ" พี่ราล์ฟทำเสียงดุ


"ค้าบๆ คุณหมอ ไอ้พวกเพื่อนๆผมพวกนี้ทิ้งผมไปกันหมดเลย เฮ้อ เซ็ง" ปลุกกูสักหน่อยก็ไม่ได้ ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ราล์ฟอีกต่างหาก แอ่ะ!


"โฟกัสแค่คนที่อยู่ตรงหน้าก็พอ"


        สายตาคมจ้องมองจนผมที่เป็นฝ่ายที่ถูกจ้องต้องหลบสายตาหนี หัวจงหัวใจผมนี่รวนไปหมดแล้วใครมาเจอสายตาคำพูดแบบนี้ต่อให้เป็นผู้ชายนี่ต้องมีเป๋อ่ะ คือ...ผมก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองนะ แต่พี่มึงนี่จีบกูอยู่เปล่าวะ หรือแค่พูดเฉยๆตามประสา แบบไม่ได้คิดอะไร จะถามก็ไม่กล้ากลัวจะหน้าแหก กับคนอย่างผมเนี่ยนะ ไม่ม้างงงง


"เอ่อ…เอ่อ เอ้อ ผมว่าจะถามนานละ พี่เอาถุงอะไรให้หลวงพ่อเมื่อตอนเช้าอ่ะ" กูขอเปลี่ยนเรื่อง


"ยาโรคกระเพาะน่ะ อยากรู้ก็น่าจะถามตั้งแต่ตอนนั้นไม่ใช่มัวแต่วิ่งหนี"


"ผม ผมมีธุระเหอะพี่ ไม่ได้หนีสักหน่อย"


"หึๆ"


"งั้นผมไปเอากระเป๋าก่อนนะครับ"


        เดินเลี่ยงมาเอากระเป๋าที่รถบัสก้มมองดูนาฬิกาเที่ยงคืนกว่า เฮ้อ โคตรดึก ก้มอ่านข้อความกลุ่มในแอปสีเขียว ที่พึ่งสมัครใหม่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะเปลี่ยนเบอร์ ไอ้ปัดรีบกลับเพราะมีธุระด่วนที่ร้าน(เป็นธุรกิจที่บ้านมัน) ไอ้มังกรไปทำหน้าที่ประธานรุ่นเช็คชื่อเพื่อนอยู่ใต้ตึก ไอ้นกพาลำไยไปหาหมอ เพราะพวกมันรู้อยู่แล้วว่าน้องผมจะมารับก็เลยสลายตัวเร็ว ผมอ่านเสร็จก็ได้แค่ตอบพวกมันกลับไปสั้นๆ


'ไอ้สัส ไม่ปลุกกู'


'กูจะปลุกแล้วแต่พี่ราล์ฟเขาบอกเดี๋ยวปลุกให้' ไอ้นกพิมพ์ตอบกลับมาพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์รูปตัวการ์ตูนสงสัย


--> ไอ้ลำไยสมทบมาอีกตัว


 -->ไอ้ตี๋ตามมาด้วยสติ๊กเกอร์การ์ตูนหัวเราะหึๆ อย่างมีเลศนัย


-->ไอ้ปัดพิมพ์ตอบมาสั้นๆแต่จบ 'ฟวย'


ป่ะ!! แยกย้าย




"กลับยังไง" เสียงคุ้นเคยถามขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ หันไปหาพี่ราล์ฟที่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ยักรู้ พี่เขาเดินตามผมมาเหรอวะ


"น้องมารับครับ"


        ผม ผมไม่อยากจะคิดแล้วนะเว้ย คำพูดเมื่อตอนเช้าของคนตรงหน้าผมยังจำได้เกือบทุกประโยค 'ก็รับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว คำขอโทษไม่อยากให้เพราะตั้งใจ' ผมยอมรับว่าตกใจและตั้งตัวไม่ทันจึงวิ่งหนีออกมาทั้งอย่างนั้น ที่ผ่านมาก็มีทั้งชายและหญิงเข้ามาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั่นล่ะครับว่าผู้ชายจะเยอะกว่า อันนี้ผมไม่ซีเรียส เพราะไม่ว่าใครก็ตามผมก็วางตัวเป็นเพื่อนได้หมด ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆเลย

        แต่ ณ ขณะนี้ คนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร คำพูดกำกวม การกระทำแปลกๆ แต่มีผลต่อความรู้สึกอยู่ลึกๆ รอบกายของเขามีผู้หญิงสวยๆล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาดสาย เบื้องหลังความหล่อนั้น คือ ความเก่ง ความฉลาด อาชีพการงานที่ดีในอนาคต ฐานะที่ดีถึงขั้นมหาเศรษฐี ต่างกับผมราวฟ้ากับดิน ผมไม่เข้าใจว่าพี่เขาต้องการอะไร ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรอย่างที่เขาต้องการหรอก นอกจากความเป็นรุ่นน้อง และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมตัวผมเองถึงเอาแต่หลบ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แค่สบตาก็มีอะไรแปลกๆประทุอยู่ในอก ดวงตาคู่สวยคู่นั้น


"เป็นอะไรหรือเปล่าดูเงียบๆผิดปกติ" เฮ้อ ก็เพราะพี่มึงนั่นล่ะที่ทำให้เบลอๆอย่างนี้ พี่ราล์ฟยื่นมือจะมาแตะหน้าผากแต่ผมถอยหนีอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ


"กลัวพี่?"


"เปล่าครับ ผม...ผมแค่ตกใจ" ผมอยากจะทำตัวให้ถูกเหมือนที่เคยผ่านมา แต่กลับพี่ราล์ฟผมทำไม่ได้เลยผม...ผมทำตัวไม่ถูก


"...." พี่ราล์ฟยืนนิ่งลดมือลง ผมมองไม่เห็นสายตาของพี่เขา เพราะตรงที่ผมยืนอยู่ค่อนข้างมืด


"พี่หิว…." กำลังจะถามว่า 'พี่หิวไหม ไปกินข้าวกันระหว่างรอน้องผมมารับ' เพราะหน้ามหาลัยมีร้านอาหารโต้รุ่ง แต่ก็ไม่ทันได้ถามออกไป


"ราล์ฟคะ กลับกันเถอะค่ะ" พี่ลลินเดินเข้ามากอดแขนพี่ราล์ฟอย่างคนสนิท ผมยกมือไหว้พี่เขาเมื่อเขาหันมามอง


"อ้าว น้องฤกษ์กลับยังไงคะ" พี่ลลินถามน้ำเสียงอ่อนโยน


"น้องมารับครับ"


"กลับบ้านปลอดภัยนะคะ พี่ขอตัวพี่ราล์ฟนะ"


"ครับๆ"


"ราล์ฟคะ กลับกันเถอะค่ะ"


"...."


        พี่ราล์ฟพยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินออกไปพร้อมกับพี่ลลิน ผมมองตามทั้งสองร่างที่เดินไปขึ้นรถซุปเปอร์คาร์หรูสีขาว กระทั่งพวกพี่เขาขึ้นรถแล้วผมก็ยังยืนมองอยู่อย่างนั้น เหมือนดวงตาของผมตอนนี้ไม่ได้มีผมเป็นเจ้าของ เหมือนมันทำตามคำสั่งของอะไรสักอย่าง ไม่รับฟังสมองที่พยายามสั่งให้มองไปทางอื่น ทว่าก็ยังต้องแอบเหลือบไปมองอยู่ทุกขณะ เขาทำอะไรอยู่ในรถกันนะ ทำไมถึงยังไม่ไปสักที



ปริ๊นๆๆๆๆๆๆ


 

        เสียงบีบแตรรถดังสนั่นหวั่นไหวเรียกสติผมให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ผมหันกลับไปมองก็แทบเข่าทรุด!? พี่เพชรกับพี่บุญกับสภาพมอเตอร์ไซค์ของร้านและพ่วงด้วยรถไสต่อท้าย โดยมีพี่บุญที่นั่งซ้อนท้ายนั่งทับเอาไว้ ไอ้เชี่ย เอาถังมาคลุมหัวกูที


"คิดถึงว่ะ หายหัวไปตั้งหลายวัน" พี่บุญเอ่ยทักทั้งที่ยังอยู่บนรถและเดาว่าคงจะไม่ลง


"ไหนว่าไอ้เทียนมันจะมารับผมอ่ะ แล้วเอารถเชี่ยไรมาเนี่ย" กูเหนื่อยจริงๆนะวันนี้


"มันยังไม่กลับเลย เห็นว่ารุ่นพี่ให้ซ้อมอะไรเนี่ยล่ะยังไม่เสร็จ" พี่เพชรตอบ


"รถยนต์ที่ร้านสตาร์ทไม่ติดอ่ะดิ ก็เลยเอารถซิ่งมารับมึงเนี่ย จะให้นั่งรถกลับเองก็เปลืองเงินน่า" พี่บุญเสริม


"พี่ก็ขับมารับผมคนเดียวก็ได้จะพ่วงรถไสมาไมเนี่ย"


"ก็กูกลัวมึงเอาของมาเยอะนี่หว่าใครจะคิดว่ามีของนิดเดียว เร็วๆอย่าเรื่องมากพวกกูยังทำงานที่ร้านไม่เสร็จ" 


        ไอ้พี่เพชรเร่ง ผมโยนเป้ขึ้นรถไสอย่างเซ็งๆก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่ง รอบตัวผมมีเสียงแซวจากเพื่อนร่วมคณะมาไม่ขาดสายเกี่ยวกับรถซิ่งของผม ถามว่าอายไหม กูชินแล้วครับ!!


"เฮ้ยๆไปส่งพวกกูด้วย" ไอ้เชี่ยพี่อิฐกับพี่ม่านฟ้าวิ่งแท่ดๆ มากระโดดขึ้นรถไสผมโดยไม่ขออนุญาตผมสักคำ โอ้ย รถไสกูจะพังครับ


"ไปส่งพวกพี่ที่คอนโดพี่หน่อย" พี่ม่านบอกแกมบังคับ


"พี่จะให้พวกผมขับรถไสไปคอนโดพี่ม่านฟ้าเนี่ยนะเขาจะให้พวกผมเข้าเหรอ"


"เออน่าแค่ยื่นหน้าไอ้ม่านออกไปก็เข้าได้แล้ว ไปๆกูง่วง" ไอ้พี่อิฐบอกปัด คิดดูสิครับรถไสผมก็คันเล็กนิดเดียวมีผู้ชายตัวโตสามคนมานั่งเบียดกัน เชี่ยไรเนี่ย บ้านก็โคตรจะรวยเสียตังค์ค่าแท็กซี่นี่จะตายกันหรือไง ฮ่วย! แล้วไอ้พี่ม่านฟ้าไม่รักษาภาพพจน์ความเป็นซุปตาร์อะไรเลยหรือไงวะ เอ้อ ผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ม่านฟ้าเป็นดาราดัง ผมว่าเคยบอกไปแล้วนะ (คนอ่าน-->ยัง!!) ถ้าพี่ม่านฟ้าไม่ติดงานนะ ไอ้พี่อิฐคงไม่ได้เป็นเดือนอย่างทุกวันนี้

 

        พวกผมนั่งตะโกนโหวกเหวกโวยวายกินลมชมวิวไปเรื่อยเพราะรถขับเร็วไม่ได้ มีพี่บุญบ่นเป็นระยะๆว่าให้พี่เพชรขับช้าๆ เพราะรถไสที่นั่งทับหนีบตูด ผมว่ากว่าจะถึงบ้านอาจมีหนีบกางเกงขาด รถผ่านไปมาก็มีแต่คนมอง เสือกติดไฟแดงอีกต่างหาก พลันสายตาผมก็เหลือบไปเห็นรถหรูคันคุ้นตาที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ ซุปเปอร์คาร์กับรถพ่วง ความแตกต่างที่ไม่แม้แต่จะกล้าเทียบ กระจกติดฟิล์มทึบดำสนิท พยายามมองเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นข้างใน พี่เขาจะเห็นผมหรือเปล่าวะ


        ผมไม่ชอบความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลยว่ะ ไม่ชอบเลยจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง เฮ้อ แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว เขาก็อยู่ส่วนเขา ผมก็อยู่ในส่วนของผม ไฟเขียวแล้ว รถหรูข้างๆออกตัวเร็วอย่างไม่เห็นฝุ่น แต่รถผมต้องบิดแล้วบิดอีกกว่ารถจะเคลื่อนที่ เฮ้อ กูถอนหายใจหลายรอบมาก


"ไอ้เหี้ย!!! ด่าน" พี่เพชรตะโกนลั่นเมื่อขับมาได้สักพัก


        ไอ้พี่เพชรพยายามจะเลี้ยวรถกลับ แต่พี่แกคงลืมว่าตอนนี้กำลังขับรถพ่วงท้าย มันจะกลับรถได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไปได้ไงละโว้ย


"ไอ้เพชรอย่าเลี้ยวมันหนีบตูดกู"


"เขาไม่จับหรอกเราขับช้าจะตาย" ไอ้พี่อิฐ


"คนขับใส่หมวกกันน็อคนี่ กลัวไร" ไอ้พี่ม่านมึงสอบใบขับขี่ผ่านมาได้ไง


ไอ้สัส พ่อกูโบกรอเลย บอกว่าจะประหยัดค่ารถกันเป็นไงละคราวนี้ เรียกแท็กซี่ยังไม่เสียเยอะขนาดนี้อ่ะผมว่า  โอ้ย กูเหนื่อย ต้องเสียกี่พันวะเนี่ย ประหย้ด ประหยัด พ่องงง







ณ หลังตึกเรียนศิลป์




        ผมฟุบหน้านอนสลบไสลอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึกคณะ วันนี้ผมมีเรียนเช้าต้องฝืนสังขารตื่นขึ้นมาแต่ไก่โห่ เมื่อยครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ไอ้น้องตัวดีผมยังไม่เห็นมันเลยเมื่อคืนก็ไม่มารับ ตอนเช้าก็ออกบ้านแต่เช้า ตื่นมาก็ไม่เห็นละ ไม่รู้ว่ารีบอะไรนักหนา


"มึง คืนนี้มีประกวดเดือนมหาลัยไปป่ะ" ไอ้นกถามขึ้น


"ไม่ชวนกูก็ไปอยู่แล้วป่ะ" ลำไยละจากการเขียนคิ้วมาตอบ


"ปีนี้คณะเราใครเป็นเดือนดาว" ไอ้มังกรถาม


"ถ้าเป็นเดือนก็น้องเปา น้องรหัสไอ้ปุ้ม ส่วนดาวน้องแคร์น้องรหัสไอ้ต๊ะ" รู้ทุกอย่างยกเว้นข้อสอบนะมึงอินก


"น้องรหัสมึงอ่ะที่จริงเกือบจะได้เป็นแล้วนะอิฤกษ์ แต่น้องเขาไม่ว่างทำกิจกรรมเลยว่ะ เห็นว่าทำงานพาร์ทไทม์" ไอ้ลำไยบอก


"เออ น้องรหัสกูใครวะ?"


"หาสิเว้ย มาถามหาง่ายๆได้ไง อ่ะ กูจะใบ้ให้สักนิดน้องอยู่เซคสาม" ไอ้นกคนใจร้าย


"เอ้อ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้" กูจะรู้ได้ไงวะ เดี๋ยวเถอะ อย่าให้ต้องใช้วิธีไอ้ฤกษ์นะเว้ย


"อินกกูได้ยินมาว่าเดือนคณะประมงปีนี้ มงลงสุดๆ"


"เขาว่าหล่อมากกกก มีดีกรีเป็นนักกีฬามวยเยาวชนด้วยอ่ะมึง ตัวเต็งเลยมึง แต่ถ้ายังเรียกกูนกอีก กูตบปากนะ"


        ผมนอนพักสายตาฟังพวกมันเม้าท์มอยเรื่องประกวดเดือนดาวไปเรื่อย มหาลัยเขาประกวดดาวเดือนแต่พวกมันพูดเหมือนมีแค่การประกวดเดือนอย่างเดียว เอียงกว่าคนเมาก็พวกมันสองตัวนี่ล่ะ มีไอ้มังกรนั่งกินโจ๊กสำเร็จรูปอยู่ข้างขวา ส่วนไอ้ปัดโดนเรียกให้ไปเป็นพี่เลี้ยงน้องเดือนตั้งแต่เช้า ผมว่าแม่งไปยืนกดดันน้องเปล่าๆ แค่นึกภาพไอ้ปัดคนถ่อยมันจะไปดูแลน้องๆผมก็สยองแล้ว


"เห็นว่าได้ถ่ายรูปลงปกนิตยาสารวัยรุ่นชื่อดังด้วย เล่มล่าสุดเลยมึง"


"จริงดิ มึงเสริชหาด่วนๆเลยลำไย กูอยากเห็น"


"แป๊บๆ กูว่าจะดูตั้งแต่เมื่อวานที่ได้ข่าวละ ลืมเลย"


"พวกมึงให้มันเบาๆหน่อย ไม่เชียร์คณะตัวเองแล้วก็ไม่ต้องเชียร์คณะอื่นเกินหน้าเกินตา ระริกระรี้กันจนน่าเตะ" ไอ้ตี๋เริ่มหมันไส้


บรื้น~ ~ ~


        คณะผมมีใครขับรถพวกท่อดังๆแบบนี้ด้วยเหรอ แต่เสียงรถแม่งก็คุ้นๆอยู่นะ


"เฮ้ยมึง!! นี่มัน อิเบิร์ดมึงมาดูนี่!!"


"เฮ้ย!!!"



        ผมถูกมือปริศนาผลักหัวเบาๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใคร ไอ้ปัดนี่เอง มันชี้มือไปทางด้านหลังตัวเองก่อนจะนั่งลงคว้าโจ๊กถ้วยที่สามของไอ้ตี๋ไปกินหน้าตาเฉย ผมเห็นร่างคุ้นตาเดินตามไอ้ปัดมาติดๆ


"เจอเด็กหลง" ไอ้ปัดพูดเสริมหลังจากแดกโจ๊กไปสองคำ


        ผมมองร่างตรงหน้าอย่างตกใจ รองเท้าผ้าใบตามสไตล์เท่ๆ กางเกงยีนส์ดำขาดเข่า เสื้อนักศึกษาหลุดรุ่ย เนคไทถูกคลายปมให้หลวม มีเข็มคณะประมงปักอยู่ เฮ้ยๆๆ


"สามี!!/ทูนหัวของพี่" ลำไยกับไอ้นกแหกปากลั่น


"สวัสดีครับ" มันยกมือไหว้เพื่อนๆผมพร้อมกับผลักผมให้ขยับที่ให้นั่ง ก่อนจะวางพวกถุงของกินไว้กลางโต๊ะ กูนี่สตั๊นท์ไปแล้ว


"เจออยู่ในห้องซ้อมตัวดาวเดือนเลยพามาให้ตกใจเล่น" ไอ้ปัดเอ่ยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์


"ไอ้เชี่ย!! นี่คืออะไร มาอยู่นี่ได้ไง แล้วทำไมใส่เสื้อนักศึกษามีเข็มคณะประมงอีก ทำไมไม่ไปโรงเรียน!!"


"ใจเย็นฤกษ์ ก็มาเรียนอยู่นี่ไงไม่เห็นเหรอ"


"อ้าว ไมมาอยู่มหาลัยล่ะ"


"ก็สอบติด มหาลัยนี้ให้ทุนเลยเรียน"


"เอ่อ... ปีนี้อยู่ม.6ไม่ใช่อ่อ"


"ปีที่แล้วอยู่ ม.6"


"เดี๋ยวๆนะ นี่ขนาดปีเรียนน้องมึงยังจำผิดเหรอวะ" ไอ้มังกรเริ่มขยี้


"น้องจะเข้ามหาลัยแล้วเสือกไม่รู้เรื่อง" กูเบะปากแล้วไอ้สัส ถ้าไม่หยุดนี่กูร้องแล้วนะ


"ก็...ก็ เมื่ออาทิตย์ก่อนวันเปิดเทอมยังเห็นใส่ชุดม.ปลายอยู่เลย"


"สั่งชุดกับทางมหาลัยแต่ชุดมาช้าเลยใส่ชุดม.ปลายไปก่อน แล้วร้องไห้ทำไม"


"รู้สึกผิดอ่ะ ขอโทษอ่ะ ไม่รู้เลย บอกกันมั้งดิวะ"


"แค่อยากแกล้งเฉยๆ"


"ฮ่าๆๆๆๆ"


"หัวเราะทำเชี่ยไรกัน มึงไม่เห็นเหรอว่ากูเจ็บปวดแค่ไหนในวันนี้"


"ประสาท!!"


แอ่ะ!!


"น้องเทียนอันนี้พี่อยากรู้" ไอ้นกยื่นโทรศัพท์มาให้ไอ้เทียนดูแต่ผมไม่ยักเห็นดูไรกันวะ


"น้องรู้จักคนข้างๆนี่ด้วยเหรอ"


"เพื่อนผมตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ตอนนี้ก็อยู่คณะเดียวกัน"


"ไอ้เชี่ย โลกแม่งกลมเกิ๊น" ไอ้นกสบถลั่น


        ด้วยความอยากรู้เลยคว้าเอาโทรศัพท์ที่กำลังมุงดูรูปกันอยู่มาดู รูปที่ปรากฎในสายตาผมคือ รูปหน้าปกนิตยสารชื่อดัง พึ่งวางขายเมื่อสามวันก่อน หน้าปกโทนสีเข้มดำเทา มีรูปผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่บนปก แต่งตัวด้วยชุดสไตล์วินเทจเสื้อโดนแหวกจนเห็นซิกแพคเป็นรอน เพราะว่าแต่งหน้าจนดูแปลกตาออกไปทำให้ต้องเพ่งอยู่นานว่าใคร ข้างขวานี่น้องชายผมถ้าไม่สังเกตผมคงจำไม่ได้ ส่วนข้างซ้ายนี่…ใครวะ?คนที่ใส่หมวกปิดหน้า หน้าคุ้นๆ


"จะเป็นดาราไม่บอกพี่เลยนะ มาเซ็นให้พี่ก่อนเลยเดี๋ยวดังแล้วเข้าถึงตัวยาก" ไอ้ลำไยยิ้มจนปากจะฉีกละมึง


"เปล่าครับ เพื่อนผมมันเป็นนายแบบอยู่แล้วพอดีนายแบบอีกคนมาไม่ได้ หาคนไม่ทันมันเลยให้ผมช่วย" ทีกับเพื่อนพี่มึงนี่ตอบย๊าวยาว


"หล่อมากเลยอ่ะน้องเทียนของพี่ แล้วคนข้างๆไปไหนซะแล้วล่ะ" ไอ้นกถามหาใคร


"กำลัง…."


"พี่~~~~~คิดถึงจังเลย หวาดดีค้าบบบ"


"น้องรักษ์!!!!!!"


"ไอ้เด็กเปรต!!"
















♡ได้โปรดเข้าใจในความไร้สติของเจ้าฤกษ์ด้วยค่ะ


♡♡ส่วนความพี่หมอนั้นได้โปรดรอสักนิด (หึๆ) :hao5: :hao5:








หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-04-2020 23:23:11
เอ่อมม เด้ยวนะ อีฤกษ์น้องมึงเข้าปี 1 แระ มึงนี้นะ 55555
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-04-2020 04:35:10
ทำไมพี่หมอราล์ฟยังปล่อยให้สาวๆวนเวียนอยู่รอบตัวไม่นึกถึงใจน้องฤกษ์เลย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 12-04-2020 05:57:36
มีตัวป่วนเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว น่าสนุก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-04-2020 00:15:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่12...น้ำตาของพี่ชาย 11/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 22-04-2020 13:30:01
 :call:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13... ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 03-05-2020 03:19:17
13…ไปส่งอีกแล้ว




"เออ ถึงแล้วกำลังเดินเข้าไป"


          ผมกดวางสายไอ้เพื่อนนกที่อยากเป็นเบิร์ด มันโทรตาผมยิ๊กๆตั้งแต่นั่งแบ่งขี้อยู่ที่บ้าน เพราะว่ามันคิดถึงผม...ใช่ที่ไหนล่ะ!? ตลับแป้งยี่ห้อดังที่มันฝากผมซื้อก่อนมาถึงมากกว่า มันให้แบงค์พันผมมาตั้งหลายใบ แค่แป้งทาหน้าต้องแพงขนาดนี้ป่ะวะ ยี่ห้ออะไรนะ? อ้อ เนชั่น...แชนโน!? อะไรสักอย่างนี่ล่ะ มันบอกให้ซื้อในห้าง ผมก็เดินจนขาลากไม่เห็นจะเจอ เลยตัดสินใจซื้อยี่ห้อไทยๆไปเลย ถูกด้วย เหลือแบงค์พันอีกตั้งหลายใบ (เพื่อนที่ดีต้องช่วยกันประหยัดครับ)  แป้งแม่ตานี สูตรกันน้ำกันเหี่ยว ติดทนนาน ทาแล้วผ่องไปอีกสามวัน ไอ้นกน่าจะชอบ ถ้าล้างหน้าวันแรกความผ่องจะยังอยู่ ล้างวันที่สามถึงจะออก คิ้กค้ากกกกก



          ขณะนี้เป็นเวลา 18:45 น. คืนนี้มีการประกวดดาวเดือนมหาลัย งานเริ่ม 19:00 น. ซึ่งมีเวลาพอที่ผมจะเดินจากทางเข้าทางด้านหลังมหาลัยไปสถานที่ประกวด ผมนั่งรถเมล์ลงด้านหลังเพราะคิดว่าน่าจะใกล้กว่าด้านหน้า ไอ้สัส โคตรไกล เย็นแล้วด้วย รถผ่านด้านหลังวันนี้แทบไม่มี ตอนนี้คงจะไปติดกันอยู่ด้านหน้า( ทางเข้าด้านหน้าใกล้กว่า ผมเดาผิดอ่ะ) วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงบ่ายสามก็เลยกลับบ้านไปช่วยพี่บุญพี่เพชรทำงาน ปกติตอนนี้ก็คงนอนเกาไข่อยู่บ้าน หรือไม่ก็นั่งประกอบโลง แต่...วันนี้จะเป็นอย่างปีนั้นไม่ด๊าย ผมต้องมาเชียร์คนสำคัญของผม ไอ้เทียนน้องร้ากกก 



ปริ๊นๆ



        เสียงแตรรถดังมาจากหลัง ใคร? หันไปมอง อื้อหือ ไอ้สัส ไฟส่องตา เห็นแต่แสงไฟ พอเห็นผมยกมือป้องดวงตา คนขับก็กรุณาหรี่ไฟต่ำลง ขับในมหาลัยเปิดไฟสูงทำสันขวานอะไรวะ ผมยืนงงๆ กำลังนึกว่ารู้จักใครขับรถแบบนี้หรือเปล่า หรือจะเป็นคนขับรถของท่านพ่อที่ส่งมารับผมเพราะรู้ว่าผมเดินไกล ถุย!!

        รถซุปเปอร์คาร์คันหรูสีแดงค่อยๆขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กระจกติดฟิล์มทึบค่อยๆเลื่อนลง เผยให้เห็นคนในรถ อ่า เปลี่ยนรถขับอีกแล้ว…


"หวัดดีพี่" ยกมือไหว้อย่างเท่ๆ ทั้งที่อยู่ดีๆก็รู้สึกประหม่า วันนี้พี่เขาหล่อโคตรเลยว่ะ ผมคิดว่าหล่อกว่าพวกเดือนที่กำลังประกวดอยู่ก็เป็นได้


"ขึ้นมาสิ"


"ไม่เป็นไรพี่ใกล้ถึงแล้ว" กูยังเดินไม่ถึงครึ่งทางอ่ะ


"ไปด้วยกัน"


"แต่ว่า…" ใจไม่ดีเลยกู


"ทำไมชอบดื้อ" พี่เขาทำเสียงดุ


"ไม่ได้ดื้อเหอะ เขาเรียกคนมีมารยาท" ตอแหลอีกแล้ว มารยาททุกวันนี้สะกดไม่ค่อยจะถูกอ่ะเอาจริง


"หึๆ งั้นเหรอ ถ้าไม่ดื้อก็ขึ้นมาได้แล้ว"


        สุดท้ายก็ต้องขึ้นไปนั่งรถหรู เบาะนุ่ม เป็นบุญตูดอีกครั้ง


"มาดูประกวดด้วยเหรอเรา" เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยถาม


"ปกติไม่มาอ่ะ แต่วันนี้น้องผมประกวดไง พี่อย่าลืมเชียร์น้องผมนะ เบอร์5 ประมง เอาดอกกุหลาบไปให้ด้วยนะ ใครได้ดอกกุหลาบเยอะจะได้รางวัลป็อปปูล่าโหวต"


"ไม่เชียร์น้องให้ได้ตำแหน่งเดือน?"


"อันนั้นก็อยากได้ แต่...ชอบป็อปปูล่าโหวตอ่ะ ได้ดอกไม้เยอะดี ผมจะเอาไปตกแต่งที่ร้าน"


"พี่เชียร์น้องๆคณะพี่"


"พี่ก็เชียร์น้องผมได้  เอาพวกพี่หมอแข่ง พี่หมอรอน มาให้กุหลาบน้องผมด้วยนะ นะ นะพี่หมอ..."


        เผลอไปจับแขนพี่หมอเขย่าอย่างลืมตัว ทำจนเคยชินเมื่ออยู่กับพวกพี่ๆสายรหัสเพื่อจะขออะไรสักอย่าง แต่ว่าครั้งนี้...เมื่อรู้สึกตัวรถก็จอดสนิทอยู่ที่โรงจอดรถ เงยหน้าขึ้น พี่หมอราล์ฟก็มองอยู่ก่อนแล้ว


"เอ่อ...ขอโทษครับ"


"ถ้าแค่ฤกษ์จับมากกว่านี้ก็ได้"


"...."


        ผละมือออกจากแขนแกร่ง พี่หมอพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปากจนใจกระตุก สายตาคู่คมสวยจ้องผมนิ่งๆ อย่างคาดเดาอะไรไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆคล้ายเอ็นดู…ตาโตกับประโยคที่ได้ยินไม่ทันจะพูดอะไรพี่หมอก็ลงจากรถ เอิ่ม ร้อนจังเลยครับ


         เราลงจากรถเดินไปที่งานพร้อมกัน...ได้ไม่ถึงสิบก้าว รอบตัวพี่หมอราล์ฟก็มีแต่คนมาขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ผมถูกดีดออกมาให้ยืนอยู่ห่างๆอย่างทำอะไรไม่ได้ ก็พอรู้ว่าพี่เขาเป็นคนดังมหาลัยเพราะพวกไอ้ลำไยไอ้นกมันกรอกหูตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นซุปตาร์ขนาดนี้นี่นา พี่เขาถูกห้อมล้อมจากคนเกือบห้าสิบคนและอาจจะมากกว่านั้น ไม่รู้หลั่งไหลมาจากไหน ทั้งสารพัดขนมนมเนย ตุ๊กตา ป้ายไฟ นี่มันดาราชัดๆเลยเว้ย วุ่นวายจนเห็นพี่ๆชายชุดดำห้าหกคนวิ่งมาจากไหนไม่รู้แฮะ เข้ามากันคุณๆแฟนคลับของพี่หมอราล์ฟให้ถอยห่าง พี่ รปภ.หรือเปล่าวะ? หล่อกันขนาดนี้ทำไมไม่ยักจะเคยเห็นเลยว้า พลันสายผมก็เห็นพี่ลลินคนสวยเดินคอตั้งมาแต่ไกล ก่อนจะแหวกฝูงชนเข้าไปหาพี่หมอ เหมือนคุ้นเคยกับสถานการณ์ตรงหน้าจนเคยชิน เฮ้อ คงไม่ต้องยืนรอหรอกมั้ง


        ยืนมองอยู่ชั่วอึดใจก็ตัดสินใจหันหลังกลับเดินเข้างาน ไปก่อนไม่รอแล้วนะ  เซ็งว่ะ!? ไม่รู้เซ็งอะไร อยู่ดีๆก็เซ็ง น่าจะซื้อลูกชิ้นมากินจะได้ไม่เซ็ง


"พี่ครับ"


"ว่าไงไอ้น้อง?" ผมหันไปถามไอ้เด็กตัวโตที่ดูก็รู้ว่าปีหนึ่งเพราะห้อยป้ายชื่อ มันยืนอยู่กับเพื่อนอีกสองคน ตอนเด็กๆแม่พวกเอ็งเลี้ยงด้วยเสาไฟฟ้าหรือไงวะ สูงกันจนกูอิจฉา


"ห้องน้ำอยู่ทางไหนอ่ะ"


"ตรงไปเจอน้ำพุเลี้ยวซ้าย เจอสวนเลี้ยวขวาตรงไปแล้วเลี้ยวขวาอีกที" ผมเริ่มตะเบ็งเสียงเพราะเสียงในงานเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ


"อะไรนะพี่ ผมไม่ได้ยินขออีกรอบ" ไอ้เด็กเสาไฟยื่นหูมาใกล้ๆหน้าผม


"ตรงไปเห็นน้ำพุเลี้ยวซ้าย เจอสวนเลี้ยว…"



พรึ่บ



"ทำไมไม่รอ" ผมเซถลาเข้าไปหาแผ่นอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อแขนผมถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่รู้ว่าใคร สายตาเหลือบเห็นพี่ลลินเดินตามมาติดๆ เหล่าแฟนคลับถูกพี่ๆ รปภ.กันให้ยืนถ่ายรูปอยู่ห่างๆ


"เห็นพี่ไม่ว่างอ่ะ แป๊บนะ" ผมบิดแขนออกจากมือพี่ราล์ฟเบาๆ เพราะยังไม่เสร็จภารกิจบอกทาง หันไปยื่นหน้าเอามือป้องปากตะโกนข้างหูกับไอ้เด็กๆเสาไฟด้านหลังเพื่อบอกทางไปห้องน้ำ พวกมันยกมือไหว้กันลวกๆก่อนจะวิ่งจู๊ดไปตามทางที่บอก อย่าขี้ใส่กางเกงกันนะเว้ย หันกลับมาก็สะดุ้งโหยงกับสายตาดุดันที่จ้องมองอยู่


"ราล์ฟคะ มีอะไรกันหรือเปล่า" พี่ลลินยกมือแตะไหล่พี่หมอด้วยความเป็นห่วง เป็นห่วง?


"เปล่า ลลินไปก่อนเลย" พี่หมอพูดเสียงแข็งโป๊กเหมือนคนผีเข้า


"ไปด้วยกันสิคะ"


"...."


"เอ่อ...งั้นเจอกันข้างในนะ"


        พี่ลลินเดินเข้าไปในงานด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่กับพฤติกรรมเย็นชาของพี่หมอ หน้านี่ตึงระดับวีวีไอพี


"เอ่อพี่หมอเรา...เรา…"


"...."


"เข้าข้างในกันเถอะพี่ ยืนนานๆ ลำบากพี่ๆ รปภ.เขา"


        พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆ อย่างไม่สบอารมณ์ อะไรล่ะวะ? พอสาวชวนก็ไม่ไป พอผมชวนก็ถอนหายใจใส่ เทวดานี่เอาใจยากว่ะ แขนแกร่งกอดคอผมหมับพลางลากเบาๆเดินเข้าไปข้างในงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่นที่ดังอยู่ด้านหลัง

ผมพยายามจะแกะเอาแขนพี่หมอออกจากคอก็ทำไม่ได้ พี่เขาล็อคแน่นอย่างกับคีมเหล็ก ปล่อยผมไว้คนเดียว เดียวดาย ให้เดินไปเองซะยังดีกว่าที่จะต้องถูกจ้องมองจากสายนับร้อยนับพันคู่  WTF!!


"แกร ใคร? คนนั้นใคร"


"กรี๊ดๆ พี่หมอเทวดากอดใคร"


"ผู้ชายน่ารักๆ ที่ใส่รองเท้าแตะกับกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆอ่ะ"


"ไหนๆ ชั้นไม่เห็นเลยพี่หมอบังหมดเลย"


"สะพายย่ามสีน้ำตาลอ่ะ"


"นั่น!! น้องฤกษ์หนิ!! น้องฤกษ์ที่แอดมินเพจคิ้วท์บอยชอบเอามาลงอ่ะ"


"แอร๊ย ตัวจริงโคตรน่ารักเลยแก้มน่าบีบเหมือนในรูปเลย น้องหาตัวยากมาก"


"น้องนิสัยดีมากด้วย วันก่อนเห็นพาลุงที่นั่งขอทานอยู่ตรงสะพานลอยมาหาหมอใน ม.ด้วยนะ น้องจ่ายให้หมดเลย มีคนแอบถ่ายไปลงเพจด้วย"


"โถ่ว เจ้าเทวดาตัวน้อย"


"แกร๊ น้องสนิทกับพี่หมอเหรอ"


"สืบ!!"






"เฮ้~"


เกร้ง



"น้องมึงมันแน่!! มันแน่มาตลอด" ลูกปัดพูดขึ้น


"ควบตำแหน่งเดือนมหาลัย ตำแหน่งป็อปปูล่าโหวตแค่คะแนนในเน็ตก็กินขาดแล้วยังมีคะแนนดอกกุหลาบอีกชนะขาดลอยเห็นๆ" ลำไยเสริม ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักๆอย่างเห็นด้วย แววตาเปี่ยมด้วยความภูมิใจสุดๆ แต่พูดไม่ได้เพราะปากยังเคี้ยวอาหารเต็มสองแก้ม

   

"ใครวะที่สั่งกุหลาบตั้งพันดอกมาให้น้องมึง แฟนคลับหรือเปล่า ไอ้เทียนจะแจกให้คนอื่นมึงก็ไม่ยอม ลำบากเพื่อนๆอย่างพวกกูขนกลับกันลำบากฉิบหาย" มังกรบ่น


"ไม่รู้ว่ะ แต่ดีแล้วกูชอบ ร้านกูจะได้สวยๆ"

 

"พันดอกก็เกินไปป่ะ มึงขายโลงนะเว้ย จะเน้นดอกเพื่อ" นกพูดอย่างหน่ายๆ


"เก็บไว้ให้คี๊สสส" ผมตอบอย่างกวนประสาทไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากอาหารตรงหน้า


"เสียดายคณะเราดาวได้ที่สองเองอ่ะ น้องออกจะสวย"


"ก็เพราะว่ามีรุ่นพี่อย่างมึงไงลำไย เขาบอกให้ไปเทรนน้องก็ตอแหลว่าป่วยแต่ดันนั่งส่องผู้ชายอยู่กับไอ้นก ดูอย่างไอ้ปัดสิ ถึงไปแล้วไม่ได้ช่วยอะไรมันยังไป"


"ไอ้เชี่ยตี๋ กูป่วยจริงเหอะเดินมากไม่ได้เจ็บตูดเว้ย!!"

       

           นั่งแดกเหล้าขวดเดียวกันแท้ๆตีกันอีกแล้วไอ้เกลอพวกนี้ ปัดโถ่ว ขณะนี้พวกผมอยู่ในร้านเหล้านั่งชิลล์แห่งหนึ่ง จากคำแนะนำของไอ้ตี๋ที่บอกว่าดี!! แต่ไกลโว้ย พวกมันจะลากสังขารมาไกลผมก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่มันดันลากผมมาด้วยอ่ะดิ น้องผมก็อย่างที่หลายๆท่านได้ยินไป ชนะครับ ภูมิใจสุดๆ แต่ไอ้คนที่พึ่งเป็นเดือนมหาลัยป้ายแดงหน้าอย่างกับตูดเป็ด ดูก็รู้ว่าไอ้เทียนโดนบังคับประกวดเห็นๆ ก่อนหน้านี้วุ่นวายกันใหญ่ หลังจากได้ตำแหน่งมันก็ชิ่งหายตัวอย่างลึกลับไปกับไอ้เพื่อนรักษ์เด็กเปรตของมัน เขาเรียกรวมถ่ายรูปไอ้ตัวเด่นเสือกหาย ตามหากันให้วุ่น ถ้ามันโดนปลดผมจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ โทรไปก็ไม่รับส่งข้อความมาแค่ 'กลับเช้า' เข้ามหาลัยแล้วเอาใหญ่เลยนะ!! เหมือนพี่มันฉิบหาย




"ฤกษ์ อย่าดื้อมันดึกแล้ว" ไอ้นกพูดอย่างไม่ชอบใจ


"ก็จะกลับเอง พวกมึงไปๆได้แล้ว ไอ้ตี๋ไม่ไหวแล้วน่ะ กูกลับแท็กซี่ได้" ผมช่วยไอ้นกแบกไอ้ตี๋ไปที่รถอย่างทุลักทุเล เมาเป็นหมา ไอ้ลำไยก็เป๋ซ้ายเป๋ขวา ก็ยังดีที่มันเปิดประตูรถคลานไปนั่งเองได้ พวกผมเอารถมาสองคันมีรถไอ้ปัดกับไอ้ตี๋ ไอ้ปัดหิ้วสาวกลับไปแล้ว ก่อนไปมันก็มาชวนให้ผมกลับพร้อมกันด้วยเพราะบ้านผมกับคอนโดมันทางเดียวกัน แต่ผมปฏิเสธไปเพราะไม่อยากเป็น กขค. ส่วนไอ้เพื่อนสามคนนี้บ้านมันทางเดียวกันห่างกับผมตั้งไกล ไปส่งผมแล้วต้องตีรถกลับให้วุ่นวายอีก นั่งแท็กซี่ดีกว่า


"แต่ว่านี่มันตีหนึ่ง…"


"เฮ้! น้องๆผู้น่ารัก วันนี้มาไกลกันจังครับ"  บังเอิญจังแฮะ กลุ่มพี่หมอเทวดาเดินตรงมาหาพวกผมด้วยสีหน้าแปลกใจ  บางทีผมก็สงสัยว่าพวกพี่เขาเรียนหมอกันจริงหรือเปล่าทำไมดูว่างกันจังวะ พี่หมอราล์ฟเดินมายืนข้างๆผม ผมได้แต่ยิ้มทักทายกลับไป และยืนก้มหน้าเงียบๆหลับตาลง ตอนนี้ผมง่วงมากๆ กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยลอยแตะจมูกจนต้องลืมตาหันไปมองเจ้าของอย่างเผลอตัว เราสบตากันชั่วแวบเดียวก่อนผมจะหันหนีมองทางอื่น เขามองผมอยู่ก่อนแล้ว


"เมาเหมือนหมา"


โป๊ก!!


"โอ๊ย!!" พี่หมอแข่งเดินไปผลักหัวไอ้ตี๋ที่นั่งไม่ได้สติอยู่หน้ารถด้วยสีหน้าหมันไส้จนหัวไอ้ตี๋โขกกับคอนโซลหน้ารถดังโป๊ก รังแกคนเมาไปอีกเน๊อะพี่หมอ


"มาเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ แล้วพวกๆพี่หมอมาร้านนี้บ่อยเหรอคะ" เสียงอ่อนเสียงหวานเกินไปแล้วไอ้นก


"ร้านคนรู้จัก มาบ่อยน่ะ มีอะไรให้พวกพี่ช่วยไหมครับ?" พี่รอนถามเสียงนุ่ม


"ไม่มีค่ะ กำลังจะกลับกันแล้ว งั้นพวกหนูไปก่อนนะคะ" พวกผมยกมือไหว้พี่ๆก่อนผมจะเดินแยกออกมาเพื่อเรียกแท็กซี่


"ฤกษ์!! จะไปไหนกูจะไปส่ง" ไอ้นกตวาดแว้ด


"ไม่ต้องกูจะกลับแท็กซี่ จะได้ไม่เสียเวลา"


"ไม่…"


"พี่ไปส่งเอง"


"เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ผมกลับเอง" ไม่เอาๆๆ


"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ไม่ต้องห่วง"


"ห๊ะ...คะคะคือ...ค่ะๆ" พี่ราล์ฟหันไปบอกไอ้นกที่กำลังยืนตาเหลือก มันพยักหน้ารับอย่างคนไม่มีสติ คล้ายคนช็อค ผมช็อคกว่าอีก!!



        และอีกครั้งกับซุปเปอร์คาร์สีแดงสีแสบทรวงกับแอร์เย็นฉ่ำ ฤกษ์ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากโดนลากแล้วก็ลาก


"ง่วงก็นอนถึงแล้วจะปลุก" หมอราล์ฟลูบเจ้าของผมนุ่มที่นั่งตาปรือตาปรอยอยู่ข้างๆ ดูก็รู้ว่าฝืน ห้านาทีแรกก็นั่งเกร็งรู้สึกประหม่า ทั้งที่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นั่งรถหมอราล์ฟแต่ฤกษ์ก็ไม่เคยที่จะชินสักที


กริ๊ง~~


"อืม ว่าไง"


"..."


"ความเสียหายแค่ไหน"


"..."


"เดี๋ยวไป" หมอราล์ฟกดวางสายก่อนจะหันมาหาฤกษ์ที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์


"พี่ต้องกลับบ้านก่อนมีธุระด่วน"


"งั้นให้ผมลงตรงนี้ก็ได้ ผมนั่งแท็กซี่กลับได้" ฤกษ์พูดอย่างกระตือรือร้นกลัวพี่หมอไม่ทันธุระ


"ไม่มีทาง มันดึกแล้ว อันตราย ไปกับพี่"


"แต่ว่า…"


"ไม่ไว้ใจพี่?"


"เปล่าๆ ผมแค่เกรงใจ"


"อะไรที่เกี่ยวข้องกับพี่ไม่ต้องเกรงใจ"


"หือ?" วันนี้พี่หมอพูดแต่อะไรแปลกๆให้ฤกษ์ใจกระตุกและปั่นป่วนลึกๆอยู่ข้างในอีกแล้ว


"จำด้วยล่ะ นอนเถอะถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก"



        ฤกษ์สะดุ้งตื่นเมื่อรถหยุดจอด เขานั่งงัวเงียปรับโฟกัสอยู่ชั่วครู่ ประตูฝั่งที่เขานั่งถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างคุ้นตา หมอราล์ฟพยักหน้าเชิงบอกให้ลงจากรถ ฤกษ์ลงจากรถอย่างงงๆ พร้อมกับมองไปรอบๆพอเห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ตื่นเต็มตา ร้องกับตัวเองดังๆในใจ นี่มันวังหรือเปล่าวะ แค่คฤหาสน์ตรงหน้าก็น่าจะเกือบสิบชั้นแล้วมั้ง มองไปบริเวณโดยรอบยังมีบ้านแยกอีกตั้งหลายหลัง อื้อหือ นี่มันห้างสรรพสินค้าหรือบ้านเอาดีๆ ฤกษ์ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ ยังไม่ทันที่จะมองให้ทั่วข้อมือก็ถูกดึงให้ขึ้นบันไดเข้าไปเข้าใน มีการ์ดชุดดำนับยี่สิบคนยืนรอรับอยู่ตรงประตูพร้อมกับแม่บ้าน ทุกคนโค้งตัวทำความเคารพทันทีเมื่อหมอราล์ฟกับฤกษ์เดินเข้ามา ฤกษ์รีบสะบัดมือออกจากหมอราล์ฟอย่างร้อนรนพร้อมกับรีบยกมือไหว้ทุกคนที่ก้มหัวให้เขา


          หมอราล์ฟไม่พอใจที่ฤกษ์สะบัดมือออกแต่พอหันกลับมาเห็นภาพคนข้างกายรีบยกมือไหว้ทุกคนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างนึกเอ็นดู  การ์ดผมบลอนด์เข้มหน้าตาหล่อเหลาคนสนิทของหมอราล์ฟเดินเข้ามากระซิบเบาๆกับหมอราล์ฟที่ยืนฟังนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ถ้าฤกษ์สังเกตสักนิดเขาจะรู้ว่าคนเดียวกันกับที่เขาเรียกว่าพี่ๆ รปภ. เมื่อตอนหัวค่ำ


"กินอะไรไหม หิวหรือเปล่า" หมอราล์ฟถามด้วยเสียงนุ่ม ปลอบประโลมคนที่ยืนตกใจอยู่ข้างๆ


"มะ..มะไม่ครับ" ฤกษ์ตอบอย่างแผ่วเบา สองมือเกาะแขนหมอราล์ฟแน่นไม่ยอมปล่อยเหมือนเด็กกลัวหลงทาง


"พี่ราล์ฟ นี่มันในหนังชัดๆเลย พี่พาผมมาเล่นหนังเหรอ"


"เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ขึ้นไปรอพี่ที่ห้องแล้วอาบน้ำนอนเลย เดี๋ยวให้แม่บ้านพาไป" ราล์ฟลูบผมนุ่มก้มมองดูคนตรงหน้าที่ตาแดงเพราะง่วงนอน แต่ก็ฝืนเพราะอยากรู้อยากเห็นจนน่าเอ็นดู รวมทั้งมือที่เกาะเขาแจไม่ยอมปล่อยเขาขยับไปไหนก็ขยับตาม อาจเป็นเพราะพวกบอดี้การ์ดและแม่บ้านที่ยืนหน้านิ่งไม่ไหวติ่ง


"ผมอยากกลับบ้านให้ผมนั่งแท็กซี่นะ นะ นะ" ฤกษ์เริ่มงอแง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเพราะความง่วง เหล้าที่กินไป และสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอ ท่ามกลางสายตาแปลกใจนับหลายคู่ที่มองมา


"มันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้พี่จะไปส่ง ยังไงพรุ่งนี้ก็วันหยุด"


"ครับ" ฤกษ์รับคำเสียงอ่อย ก็มาแล้วนี่ เฮ้อ


"คุณบัว พาแขกของผมขึ้นไปพักด้วย" ราล์ฟเรียกหัวหน้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเช่นทุกที


"ได้ค่ะ"


"ห้องผมนะ"


"ค่ะ" ทุกคนในห้องมองมาที่นายของพวกเขาอย่างแปลกใจปนตกใจพร้อมกับเก็บความสงสัยไว้ในใจ เด็กคนนั้นเป็นใคร? คนที่ได้พักห้องนอน'นาย'ของพวกเขา ห้องที่ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปนอกจากทำความสะอาด นอกจากเพื่อน'นาย' คุณรอนกับคุณแข่งขันแล้วก็ไม่เคยพาใครมาบ้านใหญ่ ใบหน้าอ่อนโยนของ'นาย'ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนยามเมื่อมองเด็กคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร อย่างไรต้องสำคัญมากแน่ๆ


"เชิญค่ะคุณ"


"ป้าครับ!! ไม่ต้องโค้งโผ๊ม ผมชื่อฤกษ์นะครับ เรียกฤกษ์ไม่ต้องคุณนะครับ"


        ฤกษ์เผลอโวยวายลั่นเมื่อคุณบัวโค้งทำความเคารพก่อนจะผายมือเชิญให้เดินไปอีกทาง เขารีบย่อตัวยกมือไหว้เกือบจะทันทีเมื่อคุณบัวก้ม พร้อมกับกระโดดกอดแขนคุณบัว หมับ เหมือนกลัวคุณบัวจะโค้งอีก พร้อมกับช่วยพยุงคุณบัวเดินไปด้วยเพราะคุณบัวก็อายุเยอะแล้ว


"คุณจะมาเกาะแขนแม่บ้านอย่างนี้ไม่ได้นะคะ คุณเป็นแขกมันไม่เหมาะสม"


"คุณป้าจะมาโค้งให้คนอายุน้อยกว่าไม่ได้นะครับ"


"เราทำงานนะคะ"


"ผมถือมากๆเลยอ่ะ นรกกินกบาลผมแย่เลย"


"กินเหล้าก็ตกนรกนะคะ"


"คุณป้าได้กลิ่นเหรอ ผมกินนิดเดียวเองนะครับ"


"ดิฉันเห็นเด็กสมัยนี้ไม่เคยกินนิดเดียวนะคะ"


"ก็คนที่หล่อๆตรงนี้ไงค้าบ คุณป้าบอกผมมาก็ได้ว่าห้องไปทางไหนเดี๋ยวผมไปเองนะ จะได้ไม่ต้องเดินไกลมันเมื่อย"


"ดิฉันไม่เมื่อยค่ะ"


"คุณป้าครับพรุ่งนี้ผมจะเจอคุณป้าไหมครับ"


"ดิฉันมาแต่เช้า"


"แถวนี้มีพระบิณฑบาตไหมครับ"


"ดิฉันใส่ทุกวัน"


"งั้นพรุ่งนี้ผมมาใส่ด้วยนะครับ"


"ดิฉันจะรอค่ะ"



         เสียงคุยของคนสองคนดังเบาๆไปตลอดทาง แต่เพราะตอนนี้ในบ้านเงียบมาก ทุกคนที่ยังยืนอยู่จึงได้ยินกันทุกคน จากสีหน้าเงียบขรึมของแต่ละคนกลับกลายเป็นกลั้นขำ คุณหัวหน้าแม่บ้านและแม่นมของ 'นาย' ผู้ซึ่งเงียบขรึมและเคร่งครัดทุกกฎ ทุกคนต่างเกรงกลัวเพียงแค่โดนจ้องนิ่งๆ แต่เด็กคนนั้นไม่เลยสักนิด เด็กอะไรน่าเอ็นดูเป็นบ้าเลย


         โดยเฉพาะกับเจ้าของบ้านที่เผลอกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงแว่วๆมาจากโถงทางเดิน ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ที่ได้ฉายยาว่าหล่อเทวดา มักเรียบนิ่งไร้อารมณ์แต่มาวันนี้ การ์ดคนสนิทแอบเห็น'นาย'เผลอยิ้ม ทั้งที่สถานการณ์วันนี้มันชวนยิ้มไม่ออกเอาซะเลย





         






 :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 03-05-2020 08:08:19
น้องฤกษ์มาแล้ว  :L2:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 03-05-2020 11:31:28
น้องฤกษ์น่าเอ็นดูมาก  :mew1: :mew4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-05-2020 13:36:41
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: sarahwut032 ที่ 03-05-2020 16:21:49
สนุกมากๆเลย อ่านวนไปวนมา ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: catmoon1112 ที่ 03-05-2020 16:28:27
สนุกมากๆๆครับ
เป็นนิยาย ที่สนุกสุดในรอบหลายปีของผมเลย
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะครับ
 :3123:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2020 17:44:59
โอ๊ยย เอ็นดูหนูฤกษ์
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-05-2020 21:40:35
สถานะยังไม่มีแต่พาเข้าบ้านแล้ว สถานการณ์ชั่งเป็นใจ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่13...ไปส่งอีกแล้ว 03/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-05-2020 23:46:47
 :katai2-1:


แยกห้อง เพื่อื ??
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 04-05-2020 03:43:25
14...หัวใจมัวๆ







         ตากลมโตเบิกโพลงค้างเมื่อเห็นห้องน้ำหรูตรงหน้า ห้องน้ำขนาดเท่าห้องนอนที่บ้านของเขาเลย ฤกษ์ได้แต่ยืนเปรียบเทียบในใจอยู่เงียบๆ แค่เข้ามาในห้องนอนก็ใหญ่โตหรูหราจนไม่กล้าหายใจแรงเกรงว่าจะทำให้ห้องนอนหรูหมอง พี่ราล์ฟในขณะนี้เทียบไม่ได้เลยกับที่เคยได้ยินมา เรื่องของพี่ราล์ฟที่เคยได้ยินยังไม่ถึงครึ่งอย่างที่เห็นเลย รู้ว่ารวยแต่ต้องแค่ไหน? ถึงมีบ้าน มีรถ มีคนคอยรับใช้เยอะขนาดนี้ รู้ว่าพอมีอิทธิพลแต่แค่ไหนถึงมีการ์ดอยู่ทั่วบ้านเยอะไปหมด  เฮ้อ รวยแท้ ฤกษ์คิดไปพลางเดินสำรวจห้องน้ำไปพลาง


          ขณะนี้ร่างขาวอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอวบางอย่างหมิ่นเหม่ผืนเดียว มือเรียวขาวยื่นไปลูบอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ที่คุณป้าบัวเปิดน้ำเตรียมไว้ให้จนเต็มอ่างอย่างสงสัยว่าแค่อาบน้ำทำไมต้องมีพิธีอะไรเยอะแยะ เขาเลือกจะเดินผ่านอ่างหรูไปที่ห้องกระจกอีกห้องที่มีฝักบัว มองหาขันน้ำ? แต่ไม่มีเลย มันจะอาบสะใจได้ยังไงกัน ฤกษ์ได้แต่งึมงำๆคนเดียวอยู่ในลำคอ ยื่นมือจะเปิดฝักบัว ชะงักค้าง เอ...เปิดยังไงหว่า เพราะมีหลายปุ่มจนตาลาย เมื่อกี้ป้าบัวบอกให้กดตรงไหนหมุนตรงไหนนะ? เขาลืม ลองหมุนๆกดมั่วๆดูเผื่อน้ำจะไหล


ซ่า~~~


"โอ๊ย!! ไอ้เชี่ย"


"ร้อนๆๆๆ"



ปัง



"ฤกษ์!! เป็นอะไร"


          ร่างบางยืนหลบมุมจนร่างติดผนังเพื่อหนีน้ำร้อน เขาสะบัดมือแรงๆให้หายร้อนจากน้ำฝักบัวโดยไม่ทันสังเกตว่าใครเข้ามา เอวบางถูกดึงให้ออกห่างจากกระแสน้ำร้อนเข้าไปหาคนมาใหม่ มือแกร่งวางมือลงบนเอวเปล่าเปลือยอย่างถือวิสาสะ


"พี่ราล์ฟ!! เข้ามาได้ไง ผมล็อคประตูแล้วนะ" ฤกษ์ถามอย่างตกใจ


"เราไม่ได้ล็อค"


"จริงเหรอ แต่ผมว่าล็อคนะ" ฤกษ์ถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ เขากดปุ่มล็อคแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือว่ายังนะ?


"โดนลวกหรือเปล่า ทำไมไม่ระวัง" ราล์ฟถามพลางมองสำรวจความเสียหายของร่างตรงหน้า


"ไม่เป็นไรพี่ โดนมือนิดเดียวผมหลบทันอ่ะ เมื่อกี้ป้าบัวก็บอกผมแล้วว่าให้กดตรงไหนแต่ผมจำไม่ได้" ฤกษ์ชูมือให้ดูว่าไม่เป็นไร เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า ขยับจะถอยห่างแต่มือแกร่งก็ไม่ยอมปล่อยออกจากเอวยิ่งรวบเอวเขาเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้า


"ปล่อยคลาดสายตาไม่ได้เลย อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของพี่ยังทำตัวเองเจ็บได้" ราล์ฟกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมือแกร่งลูบเอวเนียนลื่นมือไปมาอย่างเผลอตัว ฤกษ์ตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูกยกแขนขึ้นมาคั่นกลางระหว่างเขากับพี่ราล์ฟ กลัวว่าอะไรต่ออะไรจะชนกันไปมากกว่านี้


"เอ่อ พี่ราล์ฟ...ปล่อยก่อนเถอะครับ" ฤกษ์พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างทำอะไรไม่ถูก ราล์ฟยอมปล่อยแต่โดยดี เขาเดินไปปรับอุณหภูมิน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงร่างบางก็ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างทั้งร่างร้อนวาบ หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งจนมือเรียวต้องทุบอกตัวเองเพื่อหวังให้มันเป็นปกติ อ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้าเมื่อสักครู่นี้ ต่างจากอ้อมกอดของเพื่อน พี่ น้อง มันทำให้เขารู้สึกดี อบอุ่น เมื่อพี่ราล์ฟผละออกเป็นเขาเองที่เสียดาย… สายตาคมเรียบนิ่งที่จ้องมองมามันทำให้เขาสั่นไปทั้งตัวและหัวใจ ตาคมเทาหม่นคู่นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดจนยากละสายตา สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยของตาคมคู่นั้น... เราเคยจูบกันแล้ว ถึงแม้จะทำตัวปกติเมื่อเจอหน้ากันเพราะที่ผ่านมาอาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ถึงอย่างนั้นมันมีอะไรมัวๆในใจที่คอยกวนฤกษ์ตลอดเวลา และเมื่อเจอกันทุกครั้งอะไรแปลกๆในใจมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อครู่นี้เพียงแค่มองหน้าพี่หมอ ฤกษ์ก็อยาก...จูบ นี่เขา อยากจูบ อยากกอดผู้ชาย!! อ้ากกกก ฤกษ์ยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ตาเหลือก อ้าปากค้างกับความคิดของตัวเองเมื่อครู่ เขาจะทำอย่างไรดี


        เดินออกจากห้องน้ำด้วยสติเลื่อนลอยในสภาพชุดนอนแบรนด์หรู เสื้อแขนยาว กางเกงขาสั้น ถ้าทราบถึงราคาคนที่ใส่อยู่ตอนนี้คงจะตกใจอีกเป็นรอบที่ร้อย ห้องนอนหรูโทนขาวดำว่างเปล่า มีเพียงร่างบางที่ยืนเคว้งอยู่คนเดียวในห้อง เขาง่วงนอนแล้ว ง่วงมากๆจนพักเรื่องสับสนวุ่นวายในหัวไว้เพียงเท่านั้น พาร่างตัวเองไปที่เตียงหรูสีดำขาวเรียบตึง ชะงักเล็กน้อยว่าควรนอนยตรงนี้ดีไหมเจ้าของห้องยังไม่มาเลย แต่เขาง่วงจังเลย…


          ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าน่ากลัวจากการประชุมเมื่อสักครู่ที่พึ่งจบลง ราล์ฟถอดเสื้อออกเปลือยท่อนบนคลายความอึดอัด ปรากฎให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลัง ใบหน้าสิงโตกำลังคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แผงขนสยายเต็มหลังไม่เว้นที่ว่าง ดวงตาดุดันน่ากลัวจ้องมองเหมือนอยากจะฉีกทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นซาก เขี้ยวแหลมคมแสยะขึ้นพร้อมกัดกระชากได้ทุกเวลา อีกทั้งลายเส้นสวยงามจากช่างสักฝีมือระดับโลก ทำให้ภาพสักนี้เหมือนมีชีวิตจริงขึ้นมา ไม่ว่าใครที่ได้ยลภาพสักนี้ต่างต้องตะลึงและโดนสะกดกันทุกคน เหมือนเช่นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของแผ่นหลังนี้ ทว่า...เว้นไว้หนึ่งชีวิต ขนาดเคยอาบน้ำด้วยกันยังไม่เห็นแม้กระทั่งรอยสัก


          ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปหาร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนที่นอนแต่ทว่า...ตรงปลายเตียง ก้มลงอุ้มร่างตรงหน้าให้กลับไปนอนดีๆ จัดการห่มผ้าให้ถึงอก ทุกการกระทำอ่อนโยนจนแทบไม่รู้ตัว สีหน้าน่ากลัวก่อนหน้านี้มลายหายไปเมื่อมองเห็นร่างตรงหน้านอนขดตรงปลายเตียง ตากลมหลับพริ้มอย่างมีความสุขจนคนมองเผลอยิ้มตาม มือแกร่งเกลี่ยผมที่ตกลงมาปิดหน้าให้อย่างอ่อนโยน ค่อยๆก้มลงเข้าไปหาร่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบา รู้ว่าไม่ควรเลยตอนนี้ ราล์ฟมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่แต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้…ประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ไม่รุกล้ำ กล้ำกรายเข้าไปมากกว่านี้ แต่เนิ่นนาน


"พี่ขอโทษ" เขาห้ามตัวเองไม่ได้เลย…








           ที่รีสอร์ทมันน่าเบื่อ พวกการ์ดติดตามก็น่าเบื่อตามทุกฝีก้าวจนหมดอารมณ์ที่จะเที่ยว เขาแอบหนีมาปั่นจักรยานตรงถนนใหญ่ ขับไปเรื่อยๆรับลม วิวบนภูเขาสวยจนทำให้อารมณ์เริ่มดีขึ้น เงียบสงบแทบไม่มีรถวิ่งผ่าน


"เฮ้ยๆนั่นพี่ฝรั่งคนนั้นนี่!! พี่ พี่ พี่ๆ" เสียงโหวกเหวกตะโกนลงมาจากที่สูง เขาหยุดรถอยู่ตรงหน้าประตูรั้วบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง มองหาต้นเสียง เจอใครบางคนนั่งห้อยขาอยู่บนต้นมะม่วงริมรั้ว โบกมือไปมายิ้มจนหน้าบานไปหมด เด็กตัวยุ่งคนเมื่อวาน ร่างเล็กปีนลงจากต้นไม่อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งมาเปิดประตูรั้วแล้วกวักมือเรียกเข้าบ้าน


           เขาขมวดคิ้ว 'ทำไมต้องไป' เลิกสนใจ กำลังจะขับจักรยานต่อ ข้อมือถูกรั้งไว้ หันไปมองเจอสีหน้าเศร้าๆเหมือนไม่อยากให้ไป ร่างเล็กดึงข้อมืออีกครั้ง เขาหันไปมองสำรวจรอบบ้านอยู่สักพักอย่างคนรอบคอบ ถอนหายใจอย่างรำคาญ ลงจากจักรยาน และจำใจเดินตามแรงจูงไป


"ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวผมพาไปตกปลาที่สระหลังบ้าน"


"เจ้าฤกษ์พาเด็กฝรั่งที่ไหนมาล่ะ เอ็งคุยกับเขาเป็นรึ" ยายคำ ยายของเจ้าตัวเล็กเอ่ยทักขึ้นด้วยสีหน้าใจดี กำลังจัดโต๊ะกับข้าวสำหรับมื้อกลางวันอยู่กับหลานชายอีกคน วันนี้ทานตรงโต๊ะหินอ่อนนอกบ้านกัน


"ยาย นี่เพื่อนใหม่ฤกษ์ชื่อ….เอ๋ ชื่อไรอ่ะ?" หันไปถามอย่างรู้สึกผิดที่ลืมถาม


"....."


"เขาฟังเองไม่รู้ความหรอก มาๆกินข้าวเที่ยงกันพ่อหนุ่มฝรั่ง" ยายเอ่ยชวนพร้อมกวักมือเรียก


         ร่างเล็กออกแรงจูงมือคนสูงกว่าที่ยืนนิ่งไม่ไหวติ่งมานั่งกินข้าว ตาคมสวยมองกับข้าวหน้าตาแปลกๆอย่างไม่คุ้นตาเหมือนจะกินไม่ได้ ทำท่าจะลุกขึ้น ทว่า...มือเหี่ยวย่นอย่างคนสูงอายุจับไหล่ไว้ก่อนกดให้นั่งลง


"อร่อยนะ ยายรับรอง เจ้าพวกนี้กินหมดตลอดเลยล่ะ กินเถอะไม่เผ็ดหรอก อันไหนเผ็ดยายจะบอก" ยายคำพูดเสียงอ่อนโยน ยิ้มอย่างใจดี เขายอมนั่งลงและเริ่มทานอาหาร


"อันนี้อร่อยมากกก" ร่างเล็กตักแกงที่มีน้ำสีเขียวมาให้ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ตัวยุ่งนี้ว่าอะไร แต่เห็นท่วงท่าที่อยากให้ลองทานก็เลยตักเข้าปาก อืม...อร่อย ไม่เคยทานที่ไหนเลย รสชาติแปลกๆออกหวาน กลิ่นหอมอะไรน่ะ  เขาตักมาทานอีกอย่างถูกใจ ยายคำตักไข่เจียวหน้าตาแปลกๆที่ใส่ผักสีเขียวผสมลงไปมาให้เขา ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอาเข้าปาก อืม อร่อย รสชาติออกมันๆถึงกลิ่นจะแรงไปหน่อยแต่ก็อร่อยและแปลกดี และอีกหลายๆอย่างที่ถูกตักเข้ามาในจาน เขากินได้หมด เป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่ถูกปากเขามาก


"มาจากประเทศอะไรล่ะพ่อรูปหล่อ"


"...." ยายเหมือนจะถามอะไรเขาสักอย่างแต่เขาไม่เข้าใจ


"แว อา ยู ฟรอม?" เด็กตัวเล็กอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พอๆกับคนถูกถาม


"อิตาลี" เสียงทุ้มแปลกหูดังขึ้น สำเนียงฝรั่งชัดเป๊ะ


"ฮ่าๆ อายน้องไหมเจ้าฤกษ์ ยายส่งควายเรียนเหรอเนี่ย"


"ยายยยยย"

         


"นายน้อย ตั๋วไปญี่ปุ่นพร้อมแล้วครับ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางตอนตีห้านะครับ" พี่เลี้ยงพ่วงด้วยบอดี้การ์ดเอ่ยบอกขณะที่ 'นายน้อย' กำลังนอนดูดาวอยู่ตรงแคร่หน้าบ้านของใครบางคน


"ยกเลิก ปิดเทอมนี้ทั้งเทอมฉันจะพักอยู่ที่นี่"


"ครับ" การ์ดรับคำเบาๆอย่างแปลกใจก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบกริบ ทุกครั้งที่ปิดเทอม 'นายน้อย' ของเขาจะเที่ยวไม่ต่ำกว่าสามประเทศต่อเทอม แต่ครั้งนี้พึ่งประเทศแรกเองก็หยุดแล้ว 'นายน้อย' คงชอบประเทศไทยมาก


        ตาคมหันกลับไปมองดูดาวบนท้องฟ้าต่อ วันนี้มีคนบอกว่าจะมีดาวตกไปตะโกนเรียกเขาปาวๆอยู่ที่รีสอร์ทพร้อมกับแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่ที่เขียนเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า 'ไปดูดาวตกกัน' ด้วยลายมือเด็กเล็กดูก็รู้ว่าให้น้องชายเขียนให้ ทว่า...คนชวนดันมานอนหลับตาพริ้มน้ำลายไหลอยู่ข้างๆปล่อยให้เขานอนดูอยู่คนเดียว หันกลับไปมองคนข้างๆที่เริ่มขยับอย่างไม่สบายตัว เขาลุกขึ้นนั่งบีบครีมทากันยุงทาให้อีกรอบพร้อมกับห่มผ้าให้ ร่างเล็กจึงหยุดขยับ เห็นนอนอย่างมีความสุขก็ไม่อยากปลุกเลย แต่ไม่มีเสียงเจ้าตัวยุ่งก็เงียบเหงาเหมือนกัน นอนดูดาวเงียบๆอยู่สักพัก สิ่งที่รออยู่นานก็ปรากฎแก่สายตา ดาวตก เอื้อมมือจะปลุก แต่ก็ต้องดึงมือกลับ เจ้าตัวยุ่งไม่มีทางเห็นการดูดาวตกดีกว่าการนอนแน่นอน คิดแล้วก็ส่ายหัวน้อยๆกับตัวเอง ดูดาวตกกับคนข้างกายที่หลับอยู่ก็รู้สึกแปลกๆดี





พรึ่บ!!


          ลุกขึ้นมานั่งเกาหัวแกรกๆ อย่างงวยงงว่าที่นี่ที่ไหน เมื่อระลึกภาพได้ก็ถึงบางอ้อ สะดุ้งตื่นด้วยความเคยชินหันไปดูนาฬิกาตีสี่ครึ่ง!! พึ่งได้นอนตอนตีสองกว่าเอง ตื่นแล้วก็หลับไม่ลงมันเป็นความเคยชินในชีวิตไปแล้ว วันนี้ถ้าผมไม่ได้นอนกลางวันผมตายแน่ หันไปนอนที่นอนด้านข้างว่าง….พี่หมอยังไม่มานอนเหรอตีสี่แล้วนะ หรือว่าไปนอนห้องอื่น ท่าจะไปนอนห้องอื่นทำไมไม่ให้เขาไปนอนแต่แรกเล่า เจ้าของห้องจะได้นอนเตียงตัวเอง ไปไหนนะ โว้ยยย ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมยีหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งกับความพี่หมอๆๆที่มีอยู่เต็มหัวไปหมด ออกไปโว้ย


          ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำให้สดชื่นเสร็จ เปิดประตูห้องนอนออกไป หันซ้าย หันขวาว่าจะทำไรดี หนีกลับบ้านดีไหมวะ แต่กลับตอนตีสี่ไม่ใช่แผนที่ดีเลยนะตัวกู สายตาเหลือบไปเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากห้องข้างๆ ผมค่อยๆย่องไปแอบดูตามช่องที่ประตูปิดไม่สนิท ร่างสูงคุ้นตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ ขยันจัง นี่หมายความว่าพี่เขายังไม่ได้นอนเลยเหรอ ทำไมไม่ใส่เสื้อให้เรียบร้อยเปลือยท่อนบนในห้องที่แอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้ได้ป่วยกันพอดี กำลังจะก้าวขาเข้าไปบอกให้ไปนอนก็ต้องเปลี่ยนใจ กูเป็นใครไปบอกให้พี่เขาไปนอนไปใส่เสื้อให้เรียบร้อยล่ะ บ้าบอไปใหญ่แล้ว เลิกคิดๆไอ้ฤกษ์เอ้ย มันเรื่องของพี่เขา ผมได้แต่ยืนแอบมองพี่หมออ่านหนังสืออยู่เงียบๆ 'เซ็กซี่ชะมัดเลยว่ะ' ไม่รู้จะพูดคำไหนเลย ณ ตอนนี้ร่างกายท่อนบนกำยำเปลือยเปล่าต้องแสงไฟสลัวๆบนโต๊ะทำงานที่เปิดอยู่หลอดเดียว หน้าตาจริงจังที่ตั้งใจอ่าน ผมดำยาวถูกรวบมัดลวกๆเป็นมวยอยู่บนหัว ลูกผมบางๆระใบหน้าและลำคอแกร่ง เฮือก!! ดึงสติกลับมาแทบไม่ทัน ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว ต้องไปหาดูนม ดูนมตูมๆ เว็บอะไรนะ ดูเฉยๆคงไม่บาปหรอกมั้ง ผมวิ่งแจ้น ออกจากห้องนอนพี่ราล์ฟ


          วิ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์อย่างหอบๆ นี่บ้านหรือสนามฟุตบอลเหนื่อยฉิบหาย กำลังจะกดลิฟท์แต่ก็ต้องตัดใจเพราะไม่อยากเข้าลิฟท์คนเดียว ดูหนังผีทีไรมีผีในลิฟท์แม่งตลอด เปล่ากลัวนะครับ!! เลี้ยวกับไปที่บันได หกชั้น ออกกำลังกายยามเช้า เหอะๆ


 ฉับ


ฉับ


ฉับ


         เดินตามเสียงมั่วๆไปจนเจอกับคุณลุงที่ใส่ชุดฟอร์มเหมือนแม่บ้านเมื่อวานเลย เขากำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่


"คุณที่เป็นแขกเมื่อคืนใช่ไหมครับ"


"ใช่ครับ" ผมตอบพร้อมกับพาตัวเองไปยืนใกล้ๆลุงเพื่อดูว่าลุงตัดยังไง


"ลุงรู้ได้ยังไงครับ เมื่อคืนก็ดึกมากแล้วนะหรือว่าลุงยังไม่ได้นอน" ผมถามอย่างตกใจก็เมื่อคืนผมไม่เห็นคนที่ใส่ฟอร์มนี้มีผู้ชายเลย


"คุณหัวหน้าแม่บ้านบอกไว้แล้วครับ พอดีผมทำงานอยู่ด้านนอก เมื่อคืนผมเข้ากะตอนสี่ทุ่มครับเดี๋ยวตีห้าผมก็ออกกะแล้ว"


"อ๋อ แล้วลุงมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า"


"ไม่มีครับ คุณไปพักผ่อนเถอะครับ"


"ก็ผมตื่นแล้ว เอ๊ะ มีกรรไกรตัดสองอันนี่นา"


ฉับ


ฉับ


          ลุงไม้ออกกะไปแล้วอ่ะ ไม่รู้จะคุยกับใครเลยแฮะ เห็นลุงบอกว่ากะต่อไปเริ่มเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาลงมา ฟ้าใกล้จะสว่างแบบนี้น่าจะใกล้หกโมงเช้าแล้วมั้ง ตอนนี้ผมนั่งตัดขาน้องม้าอยู่ครับ ลุงไม้ตัดได้สวยมาก รอบบริเวณตรงสวนนี้ฝีมือลุงไม้หมดเลย มีตั้งแต่ รูปช้าง รูปกระต่าย รูปกวาง คือ...ต้องมีพื้นที่บ้านเยอะขนาดไหนอ่ะถึงใช้พื้นที่ได้ขนาดนี้ โซนที่ผมนั่งอยู่เป็นพุ่มไม้สูงประมาณเมตรกว่าถูกตัดเล็มตกแต่งให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายคอกกั้นม้ามีที่ให้เดินเข้าได้นิดเดียว ข้างในมีม้า(ต้นไม้ที่ถูกตัดแต่ง)อยู่สองตัว และหนึ่งในนั้นผมกำลังนั่งกับพื้นตัดให้สวยอยู่? ลุงไม้จะเล็มขาตัวนี้ที่เริ่มยาวไม่เป็นทรงแต่ผมขอไว้ข้างหนึ่งอยากลองทำบ้าง ทำจนลุงไม้ออกกะไปแล้วผมยังทำไม่เสร็จเลยอ่ะ ฮืออออ


"หาตรงนั้นหรือยัง"


"หาแล้วครับ"


"ไปดูข้างหลัง หาแบบเงียบๆนะ คุณหญิงท่านพึ่งกลับมาจากอิตาลีเมื่อช่วงตีสี่"


      เอ๊ะ อะไรกัน? เสียงโหวเเหวกเต็มไปหมดเลยแฮะ เขาซ้อมอะไรกันหรือเปล่า


"หาให้ทั่วไปดูในโรงจอดรถด้วย ศาลากลางสระน้ำ ห้องหนังสือ โรงหนัง ห้องดูดาว ห้องพยาบาล"


"ไม่เจอเลยครับ"


เอ๋ ที่พูดมานี่ที่ไหนกัน


"คลังอาวุธล่ะ"


"คนเฝ้าประตูบอกไม่เห็นเลยครับ"


        พวกพี่เขากำลังเล่นอะไรกันอยู่ ซ้อมคุ้มกันกันเหรอ ทำงานกันขยันแท้


"ตอนนี้นายอยู่ไหน"


"อยู่ที่ห้องดูกล้องวงจรปิดครับ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นายเลย ผมไม่เคยเห็นนายอารมณ์เสียขนาดนี้เลยให้ตายสิ เรื่องร้ายแรงกว่านี้ก็ยังไม่เคยเห็นนายเป็นขนาดนี้"


"แน่นอนล่ะ ถ้าหาไม่เจอหัวพวกเรามีกระสุนฝังอยู่แน่ๆ"



          มีบอดี้การ์ดต่างชาติด้วยเหรอว่ะ เมื่อกี้พวกพี่เขาพูดอังกฤษกันหนิ พูดอะไรวะ? แล้วทำไมพี่การ์ดวิ่งกันใหญ่เลยออกกำลังกายกันชุดสูทอย่างนี้เลยเหรอ อย่างน้อยก็น่าจะใส่รองเท้ากีฬากันนะครับ


ฉับ


ฉับ


เชี่ยแล้ว!!


            yedเข้!! ขาแหว่ง ตาย ตายแน่ ผมทำขาน้องม้าแหว่ง  ลุงไม้ผมขอโทษ ทำไงดีๆ พี่ราล์ฟต้องด่ากูแน่ๆเลย ฮืออออ


"ทำอะไร" ผมสะดุ้งโหยงเหงื่อแตกพลั่กๆอย่างคนทำความผิด เออครับ! กูพึ่งทำไปเมื่อกี้เลย สดๆร้อนๆ มาโคตรถูกจังหวะ ผมหันไปยิ้มแห้งให้กับพี่ราล์ฟที่ยืนหน้าโหดระดับเต็มสิบไม่หัก เต็มร้อยก็ไม่หัก ผมเริ่มหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆเมื่อสังเกตเห็นพี่ราล์ฟเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี


"ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาหาพี่" เสียงเข้มสั่งเย็นเยียบถึงไขสันหลัง จนแข้งขาแทบอ่อนแรงผมลุกขึ้นอย่างสั่นๆเดินก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดไปหาพี่เขา พี่ราล์ฟตอนนี้น่ากลัวเกินกว่าที่จะมองหน้า ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย


"มาทำอะไรตรงนี้" พี่ราล์ฟถามย้ำ เสียงน่ากลัวจนกูอยากแกล้งเป็นลมแดดยามหกโมงเช้า


"ผม...ผม...ผมมาตัดต้นไม้ครับ" การ์ดนับสิบพากันวิ่งหน้าตั้งมาทางผมพอเห็นว่าพี่ราล์ฟยืนอยู่ต่างพากันหยุดแล้วโค้งทำความเคารพ พากันเดินกระจายไปประจำตามจุดต่างๆยืนดูอยู่ห่างๆ ฮือ กูจะร้องอีกแล้ว


"จะทำอะไร จะไปไหน…"


"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจผมแค่อยากช่วย" ผมรีบพูดแทรกอย่างร้อนรนเพราะสร้างความเสียหายไว้จริงๆ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ


"พี่จะบอกว่าจะไปไหน จะไปทำอะไร พี่ไม่ได้ห้ามแต่มาบอกพี่บ้าง"


"ขอโทษครับ" คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเสียงพี่หมออ่อนลง


"พี่ไม่ได้จะว่าผมที่ตัดขาน้องแหว่งเหรอครับ" เงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้ง พี่หมอเลิกคิ้วเชิงถามเหมือนไม่เข้าใจ ผมก็เลยชี้นิ้วไปที่ขาน้อง


"ที่ทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้เมื่อกี้ กลัวพี่ว่าเรื่องนี้เหรอ" พี่หมอถามเสียงแปลกใจ


"ก็ใช่ครับ ผมขอลุงไม้ตัดเองแต่ลุงไม้ห้ามแล้วนะครับผมดื้อเอง พี่อย่าไปว่าลุงไม้นะ กว่าขาน้องจะงอกมาใหม่คงอีกนานเลย"


"...."


"ผมขอโทษนะครับ พี่โกรธผมได้เลย อย่าว่าลุงไม้นะ ผมจะรับผิดชอบเอง เดี๋ยวผมมารดน้ำให้ทุกวันเลย"


"ฤกษ์คิดว่าพี่โมโหเราเรื่องนี้?" พี่ราล์ฟถามเสียงอ่อนใจ


"ไม่ใช่หรอครับ" ผมเงยหน้าสบตาพี่ราล์ฟอย่างไม่เข้าใจ คนตรงหน้าถอนหายใจยกมือใหญ่ขึ้นลูบผมของผมไปมา


"มองกันอย่างนี้ใครจะโกรธลงหืม"


"ไม่ได้โกรธขาน้องแหว่งแล้วเหรอครับ"


"เลิกพูดเรื่องนี้แล้วเข้าบ้านได้แล้ว" พี่ราล์ฟดูผ่อนคลายลงจากเมื่อกี้ไปมาก แทบหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ สงสัยพักผ่อนน้อยหรือเปล่า ผีเข้าผีออก


เอ๊ะ!!


        นั่นป้าบัวนี่กำลังตั้งโต๊ะอยู่หน้าบ้านพร้อมกับมีแม่บ้านและบอดี้การ์ดอีกหลายคนช่วยยกถาดอาหารหลากหลายมาเต็มไปหมด ใส่บาตรหรือเปล่านะ


"ป้าบัวค้าบบบบบ"








 :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 04-05-2020 06:42:17
ชอบน้องฤกษ์มากค่ะ. อยากให้มาอัพทุกวันเลยค่ะ รอนะคะ :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-05-2020 19:49:00
น้องฤกษ์นี่ตัวป่วนจริงๆเลย โดยเฉพาะป่วนหัวใจพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2020 21:52:53
สนิทกะคนไปทั่วเลย น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-05-2020 23:27:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 05-05-2020 11:40:48
น้องฤกษ์น่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่14...หัวใจมัวๆ 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 05-05-2020 22:18:46
ชอบมาก สนุกมาก อ่านไปยิ้มไป เหมือนบ้าเลย น้องน่ารัก ชอบความไม่รู้ตัว ว่าตัวเองน่ารัก อยากรู้ปูมหลังมาก เหมือนชีวิตน้องจะถูกลิขิตไว้เพื่อพี่หมอเลยอ่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ สนุกๆ มาให้ผู้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่15...สำรวจบ้าน 06/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 06-05-2020 21:12:56
15…สำรวจบ้าน





 "โอ้โห ป้าบัวครับอาหารเยอะแยะเลย" โต๊ะยาวประมาณสองเมตรเต็มไปด้วยอาหารที่หลากหลายถูกมัดใส่ถุงไว้เรียบร้อย มีทั้งแกงจืด แกงส้ม ต้มยำ บัวลอย หม้อแกง สปาเกตตี้ แฮมเบอร์เกอร์ นม น้ำ และอีกหลายอย่าง จัดเป็นชุดใส่ตะกร้าสานไว้อย่างสวยงาม ฤกษ์เดินไปหยุดอยู่ข้างๆป้าบัว มีราล์ฟเดินตามมาเงียบๆ โดยที่ฤกษ์ไม่ได้สังเกตเพราะนึกว่าเดินแยกไปอีกทางแล้วซะอีก

"เตรียมมาเพื่อคุณฤกษ์ค่ะ ดิฉันคิดว่าจะเตรียมไว้เก้อซะแล้วนะคะ เพราะกว่าคุณจะได้พักผ่อนก็ดึกมากแล้วแต่เมื่อเช้าเห็นคนในบ้านแตกตื่นกันใหญ่ก็คิดว่าคงไม่เก้อแล้วค่ะ"

"อ๋อ เมื่อเช้าพี่ๆการ์ดเขาซ้อมรบกันแต่เช้าอ่ะครับ ผมเห็นเขาวิ่งกันหลายรอบมาก " พูดจบก็ได้ยินเสียงพี่ๆป้าๆแม่บ้านขำคิก ฤกษ์หันไปมองก็เห็นพากันกลั้นขำกันใหญ่ อะไรกันหว่า พี่ๆบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนที่ยืนเป็นแถวหน้ากระดานตรงเป๊ะอยู่ด้านหลังหมอราล์ฟ(ที่พึ่งสังเกตเห็น)ต่างพากันทำหน้าเลิ่กลั่กกันเต็มไปหมด  แต่ฤกษ์ก็ไม่ได้สนใจไปมากกว่านั้น

"ทำไมต้องมายืนทำอะไรแบบนี้กันด้วย ใส่บาตรแล้วมันยังไง" ราล์ฟเอ่ยถามเสียงเรียบอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เคยที่จะต้องมายืนทำอะไรที่ดูไร้สาระแบบนี้เลย แต่จะเดินกลับเข้าบ้านตัวยุ่งข้างๆก็ไม่ยอมตามเขาไป  จบประโยคคำถามของคนเป็นนายทุกคนก็เงียบกริบพากันยืนก้มหน้าเข้าใจว่าโดนเจ้านายตำหนิ เพราะโดยปกติคุณบัวหัวหน้าแม่บ้านจะจัดแค่โต๊ะเล็กๆไม่ได้ดูเอิกเกริกเหมือนอย่างเช้านี้ มีเพียงแค่คุณบัวที่ไม่สนใจคำถามของ'นาย' จัดข้าวของบนโต๊ะต่ออย่างไม่สนใจ

"การใส่บาตรเป็นกิจของชาวพุทธครับ ช่วยปรับลดความตระหนี่ ลดความเห็นแก่ตัวของเรา แล้วเราก็เชื่อกันว่าเมื่อใส่บาตรจะเป็นการต่อบุญต่อโชคเสริมทานบารมีให้แก่ตนเอง และเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ เณร ถ้าไม่มีใครใส่บาตรก็ไม่มีอาหาร ไม่มีอาหารก็ดำรงชีพอยู่ไม่ได้ พุทธศาสนาเราก็อาจถึงคราวสิ้นสุดลงนะครับ" ฤกษ์เอ่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังอย่างใจเย็นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้คนตรงหน้า ท่ามกลางสายตาหลายคู่และคุณบัวที่ยืนมองเขาสองคนอยู่อย่างเงียบๆแฝงไปด้วยแววตาชื่นชมเจ้าเด็กตรงหน้า  'คุณราล์ฟ' ชายที่เขาเลี้ยงมาแต่เด็ก ถึงหมอราล์ฟจะโตที่เมืองนอกแต่ก็ต้องกลับมาไทยเป็นบางครั้งเพราะคุณหญิงซึ่งเป็นแม่ของหมอราล์ฟอยู่ไทย เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่อยู่ไทยคุณบัวเองเป็นคนคอยดูแลคอยเห็นการเติบโตของ'นายน้อย'ผู้ที่มีภาระมากมายคอยอยู่ สังคม และครอบครัวที่เมืองนอก หล่อหลอมให้กลายเป็นคนเขร่งขรึม เก็บอารมณ์ เด็ดขาด และโหดเหี้ยม เป็นที่น่าเกรงขามต่อ'ศัตรูและคู่แข่ง' ทว่า..เมื่ออยู่กับเด็กคนนี้เหมือนกลายเป็นอีกคน เวลาทุกนาทีของ'คุณราล์ฟ'มีค่า ทว่า..ก็ยังยืนเฉยๆอยู่ตรงนี้ ไม่ชอบแต่ก็ยังไม่ไปไหน ไม่ชอบให้ใครขัดใจหรือเถียงแต่ก็ยังเงียบที่จะฟัง

"งั้นเหรอ" เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

"เอ้อ เขาว่ากันว่าถ้าคนเป็นคู่รักใส่บาตรทำบุญด้วยกันบ่อยๆ ชาติหน้าจะได้เจอและรักกันอีก"

"หลายความเชื่อเหลือเกินนะ แล้วถ้าไม่ได้นับถือใส่ได้ไหม" คนที่แสดงท่าทางไม่เชื่อซะเต็มประดา กลับกลายเป็นเอ่ยถามอย่างสนใจ

"ใส่ได้สิครับ ทำบุญใครเขาห้ามกัน ว่าแต่พี่นับถือศาสนาอะไรเหรอ คริสต์ อิสลาม ยิว เต๋า เชน?" ถามไปเผื่ออยู่ศาสนาที่เขาห้ามทำกิจศาสนาอื่น

"ไม่มี"

"หือ? ไม่มี งั้น ซุส ธอร์ โพไซดอน ไอรอนแมน โคนัน โอ๊ย!!" โดนมะเหงกไปหนึ่งดอก

"นับถือตรงนี้" หมอราล์ฟใช้นิ้วเคาะไปที่ศีรษะของตัวเองเบาๆ

"อ่า ไม่มีศาสนางั้นเหรอครับ แต่มนุษย์เราต้องการที่พึ่งทางใจนะครับ"

"พึ่งตนเอง"

"ค้าบๆ การไม่มีศาสนาก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรสักหน่อยโอเครครับ ท่านหล่อเทวดา"

           พยักหน้ารับทราบ ป้าบัวสกิดว่าพระมาแล้วฤกษ์หันไปดึงหมอราล์ฟมายืนข้างๆและตะโกนเรียกพี่ๆการ์ดที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งให้มาใส่บาตรด้วยกัน แต่ไม่ยักจะเดินมา กำลังจะเดินไปจูงมือมา หมอราล์ฟก็หันไปพยักหน้าเรียกก่อนฤกษ์จะเดินเข้าไปหา พวกบอดี้การ์ดเมื่อเห็นนายเรียกก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความว่องไว ฤกษ์มองอยากแปลกใจว่าพี่ๆที่เป็นฝรั่งหัวทองแจ๋อีกห้าหกคนที่รีบกุลีกุจอมาใส่บาตรเขาเป็นพุทธกันทุกคนเลยเหรอ

 "ยิ้มอะไรนักหนา" หมอราล์ฟเอ่ยถามคนข้างๆที่เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเดินเข้าบ้าน

"ผมดีใจที่ได้ใส่บาตรกับพี่หมอ ถ้าใส่ด้วยกันทุกเช้าคงดี….!!?" ฤกษ์ชะงักกึกตาเบิกโพลงรีบยกมือตระครุบปากตัวเองเมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ทว่า มันสายเสียแล้ว

"เอ่อ...เอ่อคือการทำบุญทำให้จิตใจเราเบิกบานนะครับ เป็น...ปะ...ปะเป็นเรื่องที่ดีถ้าได้ทำครับ!!" พูดจบปุ๊บ สองเท้าก็ก้าวออกวิ่งแต่ก็ช้ากว่ามือแกร่ง หมอราล์ฟจับแขนเล็กไว้แน่น ก้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับคนตรงหน้า ตาคมคู่สวยจ้องมองฤกษ์ที่หน้าแดงลามไปถึงคอ

"พี่ยินดีนะ"

จุ๊บ

          พอพูดจบริมฝีปากได้รูปบนใบหน้าหล่อเหลาก็ประทับลงที่ริมฝีปากสีสวยของคนหน้าแดงอย่างไม่ทันตั้งตัว แค่แตะเบาๆแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ฤกษ์ยืนนิ่งอย่างคนสติเลื่อนลอย แข่งขาอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงกับพื้นทางเดินไปซะเฉยๆ ท่ามกลางสายตาของบอดี้การ์ดนับหลายคู่ อับอาย อับอาย เขาจะเอาหน้าไปที่ไว้ไหน!! ฮือ ไม่เข้าใจตัวเองที่ไม่ด่าออกไปเหมือนครั้งก่อน ไม่เข้าใจตัวเองที่รู้สึกดีชะมัดเลย!!




"คุณฤกษ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" พี่แม่บ้านเอ่ยถาม

"ปะ...เปล่าครับ"

"อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่าคะ" ขณะนี้ผมกับพี่ราล์ฟกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะอาหารที่โคตรยาว ไม่รู้จะยาวไปไหน นั่งกันแค่สองคนรู้สึกเคว้งฉิบหาย ถามว่าเป็นอะไร? ก็ต้องเป็นสิวะ เมื่อกี้ผมพึ่งผ่านสถานการณ์สะเทือนไตมาหยกๆ แต่พี่ราล์ฟทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าตาเฉย มีเพียงผมที่ไม่รู้จะทำตัวยังไงแม้แต่หน้ายังไม่กล้ามอง ฮึ่มๆ เดี๋ยวก่อนเหอะ ขอเวลาตั้งตัวและคิดแป๊บ ไอ้หมอหัวงูเอ๊ย ผมไม่ใช่สาวในสต็อคพี่นะโว้ย เดี๋ยวเหอะๆ แดกข้าวก่อนเสริมทัพ

"พี่ครับ ผมขอข้าวเปล่าจานนึงได้ไหมครับ" ผมเอ่ยขอออกไปหลังจากนั่งมองอาหารตรงหน้ามาสักพัก หันไปมองของพี่ราล์ฟท่านกำลังทรงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาน่าปวดหัวอยู่มีแค่กาแฟดำแก้วเดียว แต่ของผมอะไรวะเนี่ย ไส้กรอก ไข่ดาว แผ่นชมพูๆนี่อะไรหมูแผ่นป๊ะ? อีกจานมีขนมปัง นมจืดหนึ่งแก้ว แดกไงวะ กินแต่กลับงี้เหรอ ได้ที่ไหนล่ะ ไม่อิ่มหรอก

"ไม่ชอบอาหารใช่ไหมคะ ในครัวมีข้าวต้มทะเลเดี๋ยวดิฉันไปตักมาให้นะคะ" พี่แม่บ้านเริ่มหน้าเครียด ขอข้าวจานนึงทำไมเครียดงั้น

"ไม่ๆพี่ ผมไม่อยากกินข้าวต้ม อันนี้ก็ดีอยู่แล้วผมอยากได้ข้าวเฉยๆ" พี่แม่หายไปสักพักแล้วกลับพร้อมจานข้าว เยส!! ให้มันได้งี้ดิ เอื้อมมือหยิบซอสแม็กกี้ตรงหน้าเยาะๆใส่ข้าว หยิบซอสพริกเทราดไข่ตักไข่มาโปะบนข้าว เอาเข้าปาก อืม อร่อยฉิบหาย หมูแผ่นนี่กินกับข้าวก็อร่อย กำลังกินเพลินๆก็ต้องชะงักค้างเมื่อหันไปมองพี่ราล์ฟแล้วพี่เขานั่งมองอยู่

"เอ่อ..มีอะไรหรือเปล่า"

"หึๆ เลี้ยงง่ายนะเราน่ะ กินเยอะๆล่ะ" พี่ราล์ฟกระตุกยิ้มหล่อๆ พร้อมกับเอื้อมมือจะมาลูบหัวผม ผมเลยเอียงตัวหลบพี่ราล์ฟเลยลูบไม่โดน ไม่ให้ลูบแล้วเว้ย

"พี่กินหนมปังป่ะ กินแต่กาแฟจะไปอิ่มอะไร" ผมเลื่อนขนมปังตรงหน้าไปให้พี่ราล์ฟ เอ๊ะ มีแยมด้วยหนิ

"พี่ไม่หิว"

"เหอะน่า สักแผ่นก็ยังดี เรียนหมออะไร ทำไมทำร้ายตัวเองก็รู้อยู่ว่าอาหารเช้าสำคัญ ผมทาแยมให้เอารสไรดีมีตั้งหลายรส ช็อค สตอ ส้ม เนย สับปะรด เอ๊ะ อันนี้อะไร" พลิกขวดกลับมาดู 'เนยถั่ว' เปิดและเอาช้อนมาตักชิม

"อันนี้อร่อยว่ะพี่ ผมทารสนี้ให้ รับรองฤกษ์ลิ้นเทวดาชิมให้แล้ว" ทาเสร็จก็ยื่นไปให้ พี่หมอทำเพียงแค่มองมานิ่งๆ แต่ไม่รับไป ชักมือกลับ เอามากินเอง เหลือคำสุดท้ายกำลังเอาเข้าปาก ข้อมือถูกจับไว้ ใบหน้าที่ชวนทำให้ใจสั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนริมฝีปากสีกุหลาบแดงช้ำจะงับขนมปังในมือผม นิ้วมือร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่งับลงมา…



         

"ผมกลับบ้านก่อนนะพี่" เอ่ยออกไปเมื่อเดินเขามาในห้องทำงานพี่ราล์ฟ ผมนั่งรอจนตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วพี่ราล์ฟก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปส่งผมที่บ้านสักที กูกลับเองก็ได้

"เดี๋ยวพี่ไปส่ง ตอนนี้เราอยู่แถวชานเมืองมันไกล" พี่ราล์ฟวางเอกสารตรงหน้าลงก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาหรูที่ข้อมือ สีหน้าพี่เขาดูอิดโรยมากเลย ผมเห็นเขาอ่านหนังสือมากี่ชั่วโมงแล้วนะ

"พี่ราล์ฟ!! พี่ได้นอนหรือยังเนี่ย!?"

"ลืมน่ะ" ตอบง่ายๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเปิดประตูเพื่อไปยังห้องนอน หยิบผ้าเช็ดตัวกำลังจะเข้าห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปคว้าแขนคนตรงหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

"พี่ควรนอนพักก่อนนะ"

        พี่ราล์ฟพยักหน้าเพียรๆ มือแกร่งปลดกระดุมตรงหน้าอกออกสองสามเม็ดก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนหรูที่ผมนอนคนเดียวเมื่อคืน นอนแน่นิ่งไปเลยเว้ย สงสัยจะเพียรจริงๆไม่ทักก็คงไม่นอนใช่หรือเปล่าวะ คนอะไรทำงานยังกับหุ่นยนต์รอคนมาปิดสวิตซ์หรือไง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงอก

พรึ่บ

"เชี่ย!! ทำไรเนี่ย ปล่อยนะโว้ย ไอ้พี่ราล์ฟ" ร่างผมถูกดึงลงไปกองแอ้งแม้งอยู่บนตัวพี่ราล์ฟอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ตัวจะโดนพลิกไปอยู่ใต้ร่าง

"ตอนที่พี่หลับอย่าก่อเรื่อง อย่าแอบหนีไปไหนพี่จะไปส่งเอง" พี่ราล์ฟยื่นหน้ามาใกล้จนต้องหันหนีไปด้านข้างไม่งั้นจมูกแตะกันแน่ๆ โธ่โว้ย

"รู้แล้วๆ ปล่อยได้แล้วโว้ย"

"พูดกับรุ่นพี่อย่างนี้เหรอ หืม"

"ครับๆๆๆ ผมไม่ก่อเรื่องหรอก" ปล่อยกูนะ!!

ฟอดดด

"ไอ้พี่เชี่ยยย ใครให้หอม" ผมโวยวายลั่นเมื่อแก้มโดนไอ้พี่ราล์ฟหอมฟอดใหญ่ ดิ้นจนเหนื่อยแต่ก็เปล่าประโยชน์กระดูกแม่งคนละเบอร์

"ให้รางวัลเด็กดี"

"ผมไม่เอา ปล่อยผมนะ ไอ้พี่หัวงู ผมไม่ใช่สาวในสต็อคพี่นะโว้ย ไปหาทำกับแฟนพี่ดิวะ ผมน้องพี่นะ!!" ตะโกนใส่หน้าอย่างโมโห ผมไม่ใช่ของเล่นพี่นะ ถึงผมจะรู้สึก...รู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้พี่ก็เถอะ อยู่ดีๆดวงตาก็ร้อนผ่าว ภาพผู้หญิงของพี่ราล์ฟที่ผมเห็นหลั่งไหลเข้ามาในหัว

"ฤกษ์ รังเกียจพี่หรือเปล่า"

"...."ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่เคยรังเกียจเลยแต่กลัว...กลัวในสิ่งที่ได้รับรู้แล้วว่าไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จ้องมองลึกเข้าไปที่ดวงตาคู่คมเทาหม่นคู่นั้น ใกล้จนลมหายใจอุ่นๆเป่ารดหน้า ความอุ่นแทรกลงไปถึงหัวใจ พี่...เขาจะใช่พี่หรือเปล่านะ ดวงตาคู่นี้เหมือนกันเหลือเกิน ความรู้สึกจุกๆตรงอกนี้คืออะไร

"อย่าคิดไปเองพี่ไม่ได้มีใคร พี่...พี่..แค่ฤกษ์" พี่ราล์ฟก้มลงมาจูบตรงหางตาผมเบาๆ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองน้ำตาไหล มันไหลตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

"ปล่อยผมเถอะครับ พี่จะได้พักผ่อน" เขายอมปล่อยผมแต่โดยดี ผมเดินออกจากห้องมาด้วยคำถามในหัวมากมายไม่เข้าใจเลย 'แค่ฤกษ์' แค่ผมอย่างนั้นหรือ? หมายถึงอะไร หรือว่า...ไม่!! เป็นไปไม่ได้อย่าคิดเข้าข้างตัวเองนักเลย พี่ราล์ฟเลยนะเว้ย คนอย่างพี่เขาไม่มีทางหรอกน่า สาวๆสวยๆล้อมกายเขาเยอะแยะ แล้วผมจะร้องไห้ทำไมเนี่ย แค่รู้สึกดีที่อยู่ด้วยเฉยๆเว้ยไอ้ฤกษ์ ไม่ได้ชอบสักหน่อย อาจจะเพราะพี่เขาหล่อ เพอร์เฟค เราอาจจะแค่ปลื้มเขาเฉยๆเป็นแบบไอดอลไง เลิกคิดๆ เดี๋ยวพอกลับบ้านก็ลืมๆไป พยายามอยู่ห่างๆก็พอ


           เดินไปเรื่อยๆผ่านพี่ๆบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ ทุกคนต่างก็โค้งทำความเคารพผม ยกมือไหว้ตอบกลับไปอย่างหงอยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า มีดอกบัวบานอยู่เต็มสระ มีทางเดินทอดยาวไปสิ้นสุดที่ศาลาเล็กๆอยู่กลางสระ รู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ข้างหลังหันไปมองเป็นพี่บอดี้การ์ด เขาสูงใหญ่และหน้าตาดีมากออกตี๋หน่อยๆ เขาหมือนไม่ใช่คนไทยเลย ผมไม่รู้ว่าเขาตามผมมาตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงเลย เลิกสนใจก่อนจะเดินไปที่ศาลากลางน้ำและนั่งลง หยิบมือถือส่งหาน้องว่าอยู่บ้านเพื่อนเลื่อนดูสายที่ไม่ได้รับห้าสาย เพื่อนๆผมทั้งนั้น เก็บโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมไม่ได้โทรกลับเพราะวันจันทร์ก็เจอกันอยู่ดี ถ้าพวกนั้นมีอะไรด่วนป่านนี้ส่งข้อความมาบอกแล้ว นั่งมองวิวไปเรื่อยๆ ให้สมองได้ผ่อนคลาย บ้านหลังนี้กว้างขวางจนน่าทึ่งเดินสำรวจหนึ่งวันเต็มๆคงยังไม่ถึงครึ่งหรอกมั้งดูมีอะไรลึกลับชะมัด คงเหมือนเจ้าของบ้านนั่นล่ะที่ดูมีอะไรลึกลับไปซะหมด

            หันไปมองพี่การ์ดคนหล่อเขายืนอยู่ที่เดิมเป๊ะ ยืนอยู่ตรงต้นทางเดินที่จะเดินมายังศาลายืนนิ่งไม่ไหวติ่งมองมาทางผมไม่เมื่อยหรือไงวะ เฮ้อ อะไรจะขนาดนั้นวะ เขากลัวผมจะขโมยของหรือไง หรือกลัวผมจะหนีกลับบ้านวะ บ้านหลังนี้แปลกชะมัด กวักมือเรียกให้เข้ามานั่งด้วยกันเขาก็เฉย เป็นหุ่นยนต์ทั้งนายทั้งลูกน้อง ผมลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปดึงมานั่งด้วยกันไปยืนทำไมตรงนั้นแดดร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว แต่เท้าผมก็ดันสะดุดแผ่นไม้กระดานที่ไม่เสมอกันพาร่างตัวเองลงไปกองกับพื้น อีกนิดเดียวคือผมก็เกือบตกสระแล้วอ่ะ บุญเมื่อเช้ายังช่วยไว้นะครับ รำคาญตัวเองแท้

"คุณฤกษ์ครับ!! เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เสียงภาษาไทยแปร่งๆดังขึ้น เงยหน้าขึ้นมองเป็นพี่การ์ดที่ผมกำลังจะเดินไปหา ตอนนี้เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆผมแล้ว มาไวจนผมแทบผงะ เชี่ย ขนาดวิ่งมาผมยังไม่ได้ยินเสียงเลย หูผมเป็นอะไรหรือเปล่าวะ

"ไม่เป็นไรครับ ผมจะเดินไปเรียกพี่มานั่งด้วยกันไงล่ะไปยืนตรงนู้นทำไมร้อนจะตายชัก" ลุกขึ้นยืนสำรวจหัวเข่าตัวเองเป็นรอยแดงนิดหน่อยแต่เลือดไม่ไหล หันกลับไปนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม ตบที่นั่งว่างข้างๆให้พี่การ์ดแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะพี่เขาก็ยังยืนนิ่งเหมือนเดิม แล้วแต่เลยฮะ

"คุณฤกษ์จะทานอะไรไหมครับ ผมจะเรียกแม่บ้านเอามาให้"

"ไม่อ่ะคร้บ ว่าแต่พี่ตามผมไมอ่ะผมไม่ขโมยของหรอกน่า" ถามพลางเอามือเท้าคางไว้กับโต๊ะเงยหน้ามองหน้าพี่การ์ด พี่เขาหน้าตาดีมากๆเลยแฮะ หล่อเหมือนดาราเลย

"ผมต้องคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้คุณฤกษ์ ตามคำสั่งนายครับ"

"อ่อครับ" ตอนอยู่ก็ทำให้วุ่นวายหัวใจแล้วตอนไม่อยู่ยังส่งคนมาตามหลอกหลอนอีกนะพี่ราล์ฟ

"พี่ชื่ออะไรเหรอครับ" เท้าคางเงยหน้าถามคนหล่อตรงหน้า หน้านิ่งเหมือนนายตัวเองเด๊ะ ทำไมถึงเคร่งเครียดอะไรกับชีวิตขนาดนี้ แค่คุยกับผมยังต้องยืนหลังตรงมือกุมไว้ข้างหน้า

"ชิโนครับ"

"พี่ไม่ใช่คนไทยใช่ไหม ผมเห็นพี่พูดไทยไม่ค่อยชัดเลย"

"ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-จีนครับ"

"โหวว แต่พูดไทยเก่งมากเลยครับ" ผมบอกอย่างชื่นชมจริงๆยกนิ้วโป้งแถมให้ด้วยกลัวพี่เขาไม่เชื่อ

"พี่ชอบภาษาไทยเหรอครับ"

"ถ้าทำงานกับคุณราล์ฟจะต้องพูดภาษาไทยได้ครับ"

"งั้นเหรอครับ" งาน? งานอะไรนะ ผมเห็นพี่เขาเป็นแค่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งเองเรียนก็หนักแล้ว ยังต้องทำงานอะไรอีกเหรอ แต่บ้านเขาใหญ่อลังขนาดนี้คงจะทำธุรกิจหลายอย่างมั้งคงจะยุ่งนั่นล่ะ

"เอ๊ะ! นั่นพวกพี่ๆเขาไปไหนกันอ่ะครับ" ชี้มือไปที่คนกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมาทางสระที่ผมนั่งอยู่ ในมือของพวกเขา มีแปรงขัดพื้น และถังหลายใบ นั่นมันพวกพ่อบ้านนี่

"มีล้างบ่อปลาตรงสวนด้านหลังครับ"





"คุณฤกษ์ครับ!! พอเถอะครับนี่ก็เย็นมากแล้ว" พี่ชิโนตะโกนเรียกอยู่ตรงขอบบ่อด้วยสีหน้ากังวล ไม่รู้จะกังวลทำไม

"คุณครับ!! ขึ้นเถอะครับ" พี่การ์ดผมสีบอร์นเข้มหน้าตารูปร่างเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบฝรั่ง ตาสีเขียว จ้องอย่างดุๆและส่งเสียงเข้ม พี่เขาชื่ออันเดรียพึ่งมาถึงหลังจากที่ผมลงมาล้างบ่อปลาได้ชั่วโมงกว่า เทียบกับพี่ชิโนแล้วพี่เขาโคตรดุเลยล่ะครับ เขาพูดไทยชัดกว่าพี่ชิโนซะอีก เขาจะไม่พูดอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น ขนาดชื่อพี่เขาผมยังกระซิบถามกับพี่ชิโนเลย

"อีกห้านาทีพี่ รอให้น้ำเต็มก่อน" เรากำลังปล่อยน้ำลงบ่อได้ครึ่งทางแล้วถ้าเต็มบ่อน้ำก็น่าจะถึงเอวผมพอดี



         ตะเกียกตะกายขึ้นจากบ่อโดยมีพี่ชิโนคอยช่วยดึงอยู่ข้างบน ถอดเสื้อยืดของพี่ราล์ฟที่ใส่อยู่ออกมาบิดน้ำให้หมาดพาดไว้ตรงไหล่ หันไปมองบ่อปลาคาร์ฟสะอาดเรียบร้อยดี พี่ๆพ่อบ้านกำลังถ่ายเทน้องๆจากบ่อชั่วคราวลงบ่อหลักแล้ว

กึก

         ร่างชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่มีผลต่อความรู้สึกยืดกอดอกรออยู่ด้านหลัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พี่ราล์ฟอยู่ในชุดสูทหรูที่ดูเหมือนพึ่งกลับมาจากข้างนอกเพราะคลายเนคไทออกและปลดกระดุมเสื้อ พี่เขาไม่ได้นอนพักผ่อนหรอกเหรอ ส่งยิ้มแห้งทักทายไปเมื่อพี่เขาเดินเข้ามาหาผม ไม่ทันจะได้พูดอะไรเสื้อสูทหรูก็คลุมปุบอยู่บนตัวผมที่เปลือยท่อนบนอยู่

"พี่!! เสื้อเปื้อนหมดแล้ว" จะดึงเสื้อคลุมออกเพราะกลัวเสื้อจะเปียกแต่พี่ราล์ฟกลับจ้องมาดุๆ บ่งบอกว่าถ้าเอาเสื้อออกจบไม่สวยแน่ เฮือก! นี่ล่ะเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่กลัวพี่อันเดรียที่ดุกว่าพี่ชิโน ก็มีคนที่ดุกว่าพี่อันเดรียหลายเท่าเลยน่ะสิ

"ไปอาบน้ำซะ" น้ำเสียงคือกำลังเดือดเลย ไปโมโหอะไรมาวะ

"สองคนตามฉันมา" หยุดเท้าที่กำลังจะเดินกลับเมื่อได้ยินเสียงพี่ราล์ฟเรียกพี่ชิโนกับพี่อันเดรีย

"พี่บอกให้ไปอาบน้ำ"

"พี่จะดุพวกพี่เขาเหรอ" ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

"ไปอาบน้ำ"

"ไม่ไป พี่จะดุพวกพี่เขาใช่ไหม ถ้าพี่จะดุพวกพี่เขาเพราะผมที่ช่วยล้างบ่อปลาพี่ดุผมเลยก็ได้ ถึงผมจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าผมทำผิดอะไรนักหนา ถ้าพี่ไม่ชอบพี่ก็น่าจะให้ผมกลับบ้าน" พูดออกไปด้วยความรู้สึกเหมือนน้อยใจ น้อยใจ? ไม่หรอกผมจะน้อยใจทำไมเล่า

"โอเครพี่จะไม่ดุ ไปอาบน้ำได้หรือยัง หืม" พี่ราล์ฟพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง

"เชื่อได้ใช่ไหม"

"อืม"




          ผมอาบน้ำสระผมเรียบร้อยอย่างรีบร้อนเพราะพี่ราล์ฟรอกินข้าวอยู่ข้างล่างพี่เขาบอกว่ากินเสร็จแล้วจะไปส่ง กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำเหลือบไปเห็นอ่างน้ำหรูอีกรอบวันนี้น้ำก็เต็มอ่างเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีน้ำเดือดปุดๆอยู่ในอ่าง เอานิ้วจุ่มลงไป ไม่ร้อนนี่อุ่นๆ เอ๋ น่าสนใจว่ะ จุ่มตัวลงไปเอาหัวพิงขอบอ่างหลับตาลง สบาย รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกนวดให้หายเมื่อยเลย อ่า รู้สึกดีจังชาตินี้จะมีโอกาสได้แช่แบบนี้อีกไหมเนี่ย แต่...วันนี้ผมยังไม่ได้นอนกลางวันเลย













 :pig4: :pig4:






 















หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่15...สำรวจบ้าน 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 06-05-2020 22:04:47
น้องฤกษ์จิตใจดี เป็นเด็กสุขภาพจิตดีมาก ชอบแบบนี้ ขอบคุณไรเตอร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่15...สำรวจบ้าน 04/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-05-2020 23:14:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 07-05-2020 03:42:31
16…สิ่งที่ชอบ








ตู้ม



ตู้ม




"เร็วสิพี่โดดเลย อย่างหนุก" ร่างเล็กตะโกนเย้วๆอยู่ข้างล่างหลังจากโชว์กระโดดตีหลังกาไปหลายตลบ คนพี่ทำเพียงแค่หันไปมองแล้วเลิกสน เขานั่งอยู่บนโขดหินสูงใต้กระแสน้ำตกปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างเขาไปร่วมชั่วโมงแล้ว ตอนแรกร่างเล็กก็อยากทำตามแต่เมื่อลองไปนั่งใต้กระแสน้ำที่ไหลลงมาร่างเขาก็โดนแรงผลักของน้ำให้ไหลลื่นหล่นตูมลงข้างล่างจนท้อใจ เลยเปลี่ยนไปเล่นตีลังกากระโดดลงมาแทน


        ลืมตาขึ้นเมื่อไม่ได้ยินเสียงโวยวาย หายไปไหน ลุกขึ้นมองหาด้วยท่าทางร้อนรน หรือน้องจะจมน้ำ คิดได้ดังน้ำก็กระโดดลงน้ำตูม ลงมาจากข้างบน ว่ายไปรอบๆ กำลังจะตะโกนเรียกชื่อที่ไม่เคยหลุดออกจากปากเลยแม้สักครั้งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กลัวน้องจะขำถ้าเกิดพูดแล้วไม่ชัด ทว่า...สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตากำลังเกาะโขดหินก้อนเล็กแอบมองใครอยู่ฝั่งตรงข้าม ว่ายน้ำเข้าไปหาใกล้ๆก็เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักผมยาวสลวยนั่งแกว่งขาเล่นน้ำอยู่บนโขดหิน ร่างเล็กหันมามองเมื่อรู้สึกว่าใครว่ายน้ำเข้ามาใกล้ ยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากบางบ่งบอกเป็นนัยๆว่าอย่าเสียงดัง


"พี่หล่อเห็นมั้ย น่ารักมากๆ ผมยาวๆสเป็คผมเลย" ร่างเล็กชี้ให้คนพี่ดูด้วยท่าทางเขินๆหน้าแดงหูแดงไปหมด เขาไม่เข้าใจหรอกว่าน้องพูดว่าอะไรแต่ดูจากท่าทางเขาก็พอจะเดาได้ เด็กผู้หญิงผมยาวอีกแล้วสินะ เขาสังเกตน้องมาหลายครั้งแล้วน้องจะชอบมองเด็กผู้หญิงผมยาว จังหวะนั้นเองเด็กผู้หญิงที่ร่างเล็กแอบมองก็หันมามองทางพวกเขา ร่างเล็กตกใจกระโดดไปหลบหลังพี่อย่างว่องไว สองแขนโอบรอบลำคอพี่ไว้ท่อนบนเปลือยเปล่าแนบสนิทไปกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของพี่ หน้าแดงๆซุกอยู่หลังคอของคนเป็นพี่ พ่นลมหายใจร้อนๆอยู่แถวต้นคอพี่อย่างไม่รู้ตัว เด็กผู้หญิงน่ารักเมื่อหันมาเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนี้ก็ส่งยิ้มเขินมาให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามแนวโขดหินมาหย่อนตัวลงนั่งอยู่ใกล้ๆ


          ร่างเล็กหน้ามุ่ยเมื่อเห็นพี่หล่อกับสาวน่ารักคนนั้นสนทนากันอย่างออกรส ไม่เห็นหรือไงว่าเขาก็อยู่ตรงนี้ พวกเขาพูดภาษาอะไรกันเขาไม่เข้าใจ คนน่ารักคนนั้นเก่งจังเลยพูดภาษาเดียวกับพี่หล่อได้ด้วยมีแต่เขาสินะที่ไม่เก่ง ร่างเล็กแยกตัวออกมาว่ายน้ำเล่นคนเดียวหันไปมองอีกครั้งก็ยังคงคุยกันอยู่ หงุดหงิดอ่ะ รู้ว่าน้องชอบทำไมถึงยังคุยหรือพี่ไม่รู้ แล้วทำไมพี่ถึงคุยกับเขานานจังทีกับเขาไม่เห็นจะพูดอะไรเยอะแยะขนาดนี้เลย แหนะ ยังไม่เลิกคุยอีก เออ เล่นกันไปสองคนเลย เขากลับบ้านแล้ว!!


          ร่างเล็กขึ้นจากฝั่งเดินหน้ามุ่ยจะกลับบ้านเตะดิน เตะใบไม้อย่างเด็กไม่พอใจอะไรสักอย่างแล้วเริ่มพาล


"จะไปไหน" ประโยคที่เขาฟังไม่เข้าใจดังขึ้นพร้อมกับแขนถูกรั้งไว้ หันไปมองก็เป็นพี่หล่อนี่เอง


"กลับบ้านแล้ว!! ไปคุยกันต่อดิ ไม่ต้องมาสนใจผม แย่งของน้อง!!" ร่างเล็กสะบัดแขนออก วิ่งไปที่จักรยานคู่ใจและปั่นออกไปด้วยสีหน้ามุ่ยๆ


          คนพี่ส่ายหัวน้อยๆอย่างไม่ถือสา เขาไม่เคยใส่ใจว่าน้องจะไปแอบมองใครแล้วกลับมาหน้าแดงอยู่ข้างๆมาส่งเสียงหงุงหงิงๆอยู่ข้างหูด้วยภาษาไทยที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่พอสังเกตอาการก็พอจะรู้ว่าเจออะไรที่ถูกใจมา มาครั้งนี้เขาก็ไม่ได้อยากจะสนใจอะไรเพราะยังไงเจ้าตัวเล็กก็ไม่มีทางจะเข้าหาก่อนแน่ๆ แต่พอเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหาด้วยตัวเองเขาก็มีความรู้สึกอยากคุยด้วยขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าน้องจะโกรธแต่ก็ทำ โชคดีของเขาที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเรียนนานาชาติถึงพูดกันรู้เรื่องบ้าง พรุ่งนี้เด็กคนนั้นก็กลับแล้ว สิ่งที่ทำไปไม่มีเหตุผลหรอกแค่อยากทำอยากแกล้งน้องเฉยๆ คนพี่บอกกับตัวเองไว้แค่นั้น


"นายน้อยครับมีคนมาหา" บอดี้การ์ดคนสนิทเอ่ยบอกขณะที่เจ้าของนัยน์ตาสีเทาหม่น กำลังทำความสะอาดวัตถุสีดำเงา ใบหน้าหล่อไร้ที่ติพยักหน้ารับ ทว่า...ถึงจะยังเด็กแต่ไม่ว่าใครเห็นเด็กคนนี้ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพระเจ้าช่างตั้งใจสร้างผลงานชิ้นนี้เหลือเกิน อีกทั้งท่าทางเงียบขรึม น่าเกรงขาม ที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยยิ่งชวนให้หลงใหล น่ามอง สองมือรีบประกอบวัตถุสีดำด้วยความว่องไวเพียงพริบตาเดียวอย่างผู้ชำนาญ อ่า อีกสามวันเขาก็ต้องไปจากที่นี่แล้วสินะ แค่คิดในใจ ข้างในอกเขาก็เหมือนมีหลุมดำขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้น


          ร่างสูงสมส่วนอย่างคนแข็งแรงเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านพัก  ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างเผลอตัวเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ร่างคุ้นตาบนรถจักรยานคู่ใจกำลังชูกระดาษแผ่นใหญ่ที่เขียนเป็นตัวภาษาอังกฤษลายมือคุ้นตาเหมือนวันแรกที่ได้อ่าน 'ไปกินข้าวกันนะ วันนี้ยายทำแกงเขียวหวานของโปรดพี่ด้วย (ยายให้มาชวน)' เอาป้ายลงก็ปรากฎใบหน้างอง้ำของคนชูป้าย


"จะกลับวันไหนเหรอ" เด็กตัวเล็กหน้านิ่งเอ่ยถามเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ถึงสำเนียงจะแปลกๆแต่เขาก็เข้าใจ เขากินข้าวด้วยกันเกือบทุกวันกับคนบ้านนี้ที่อยู่กันสามคนยายหลาน บางวันเขาก็สอนภาษาอังกฤษให้เด็กหน้านิ่ง เด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรด ใฝ่เรียนใฝ่รู้ เคยบอกเขาว่าอยากเรียนมวยไทย เด็กแบบนี้เขาอยากส่งเสริม ไม่เหมือนคนเป็นพี่เลยแค่คิดเขาก็ได้แต่ส่ายหัวให้กลับคนที่นั่งหน้ามุ่ยตักข้าวเข้าปากคำโต


"อีกสามวัน"


"เร็วจังเลย"


"อืม"





"นายน้อ…"


"ฮือๆๆ" ยังไม่ทันจะจบประโยคพูดของบอดี้การ์ดคนสนิท แค่เสียงคุ้นหูที่ดังแว่วเข้ามาเจ้าของนัยน์ตาสีเทาหม่นก็แทบกระโจนออกไปหาต้นเสียง 'จะกลับแล้วเหรอ' ป้ายภาษาอังกฤษที่เจ้าร่างเล็กถือเอียงกะเท่เร่ปรากฎแก่สายตา ใบหน้าขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มือของคนเป็นพี่สั่นระริกเมื่อเห็นน้ำตาของน้องครั้งแรก เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากดึงร่างเล็กมากอดจนจมอก 'อย่าผูกพันกับใคร' นี่คือกฏข้อแรกของ 'ตระกูลซาล์เลโอเน่' นี่คือผลลัพธ์หรือเปล่า


"พี่บอกน้องผมเมื่อวาน ฮึกๆ น้องผมบอกวันนี้ เหลือ...เหลืออีกสองวันใช่ไหม พี่น่าจะบอกผมบ้างสิ บอกให้เร็วกว่านี้" ตั้งใจฟังร่างเล็กพูดแต่เขาไม่เข้าใจเลย


"ผมหายโกรธพี่แล้วเราไปเที่ยวกันเถอะ" คนน้องเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ จูงมือคนพี่ไปที่จักรยานตัวเอง คนพี่เดินแซงหน้าไปขึ้นคร่อมที่คนขับบ่งบอกว่าจะให้คนน้องซ้อน


           คนน้องหัวเราะสดใสดังลั่นไปทั่วท้องถนนเมื่อคนพี่ขับรถเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนงูเลื้อยเป็นที่ถูกอกถูกใจคนน้อง พวกเขากำลังขับรถชมวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยดอกคูนสีเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา พื้นถนนลาดยางเกลื่อนกลาดไปด้วยสีเหลืองอร่ามของดอกคูน เป็นภาพที่สวยงามตราตรึงใจ คนพี่เคยเห็นดอกซากุระที่ญี่ปุ่นนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับที่นี่เมื่อมีเสียงหัวเราะสดใสดังตลอกทาง…


          ทว่า...สายตาเฉียบคมก็เหลือบไปเห็นรถตู้สีดำน่าสงสัยที่ขับตามอยู่ด้านหลัง มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาและกดปุ่มฉุกเฉิน การที่เขามาปั่นจักรยานกับน้องจะมีคนติดตามมาด้วยสี่คนซึ่งจะตามมาอย่างเงียบๆ ถ้าสี่คนนั้นยังอยู่ไม่มีทางที่รถตู้นี่จะขับตามมาได้ ตาคมเห็นทางเลี้ยวเล็กๆตรงหน้าที่ไม่มีทางที่รถใหญ่จะขับเข้ามาได้ ตัดสินใจเลี้ยวลงและออกแรงปั่นจนสุดแรง จนคนนั่งซ้อนท้ายเริ่มแปลกใจ มาจนสุดทาง ทางข้างหน้าไม่สามารถอำนวยให้ขับต่อไปได้เพราะเป็นป่า จอดรถอย่างเร่งรีบก่อนจะดึงข้อมือน้องที่มองด้วยความไม่เข้าใจออกวิ่ง แล้วก็วิ่ง


"พี่!! เป็นอะไรวิ่งทำไม" ร่างเล็กถามอย่างไม่เข้าใจ



ปัง!!



ปัง!!


     

         เสียงปืนดังสนั่นร่างเล็กหยุดชะงักตาเบิกโพลง ถึงเขาจะยังเด็กเขาก็เคยดูทีวีเสียงแบบนี้ไม่ดี อีกทั้งสีหน้าของพี่ที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด และเสียงเอะอะตะโกนโวยวายฟังไม่รู้เรื่องที่ดังไล่หลังมา แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าไม่เป็นมิตร ร่างเล็กถูกผลักให้ออกวิ่งอีกครั้งหลังจากหยุดชะงักเพราะเสียงปืน วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง แค่หันไปมองแล้วเห็นพี่วิ่งตามมาเขาก็รู้สึกอุ่นใจ…


          เจ้าของนัยน์คมสวยหยิบวัตถุสีดำวาวที่เหน็บกางเกงไว้ออกมาจากด้านหลัง ตาคมเฉียบเห็นหัววับๆแวมๆโผล่พ้นป่าหญ้า ยกปืนขึ้นเล็งด้วยแขนข้างเดียวอย่างใจเย็น


ปัง! ฮวบ



ปัง! ฮวบ



ปัง! ฮวบ



          ทุกกระสุนที่ลั่นไกออกไปคือคำสั่งตาย ไม่มีพลาดแม้แต่นัดเดียว และออกวิ่งตามน้องไปติดๆ เอื้อมมือไปกุมมือเล็กที่สั่นเทาใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา น้องร้องไห้อีกแล้ว เมื่อครู่ เมื่อครู่น้องพึ่งจะหัวเราะได้



ปัง!!



อึก!!



"พี่!!!"









"อืมมมมม" หนาวจัง ซุกตัวหาความอบอุ่น อ่า เจอแล้ว หมอนข้างแข็งจัง หืม? หมอนข้าง



พรึ่บ


 

          ลืมตาอย่างรวดเร็ว อ๊ะ ไอ้สัส ขี้ตาติดขนตาลืมไม่ค่อยขึ้น ขยี้สักพักแคะสักหน่อย ปรับโฟกัส เฮ้ย นี่มันบนเตียงนี่ สำรวจรอบตัวสักพักก็ต้องสะดุ้งอีกรอบที่สอง นอกจากผมจะอยู่บนเตียงพี่ราล์ฟแล้วยังนอนเกยอยู่บนอกพี่เขาด้วย เชี่ยไรวะเนี่ยตัวกู ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งเกาหัวอย่างงงๆ มีไฟหัวเตียงที่เปิดสลัวๆไว้ทำให้พอมองเห็นอยู่บ้าง มองดูนาฬิกาตีหนึ่งกว่า เชี่ย เท่าที่จำได้คือกำลังนอนแช่น้ำเดือดๆอยู่ แล้วภาพตัดเลย หันไปมองคนข้างๆที่กำลังนอนหลับสนิทเปลือยท่อนบน เผยหุ่นที่ใครๆก็ต่างอิจฉารวมถึงผมด้วย อยู่ดีๆคอก็แห้งต้องกลืนน้ำลายกันหลายอึกเลยทีเดียว แอบยกผ้าห่มขึ้นส่องดูถอนหายใจอย่างโล่งอก พี่ราล์ฟใส่กางเกงนอน


           ย้ากกก นี่ผมคิดอะไร? คิดว่าพี่เขาจะนอนแก้ผ้าหรือไงคิดอะไรวะเนี่ย นั่งทึ้งผมตัวเองสักพักก็ต้องชะงัก พี่ราล์ฟปล่อยผม ค่อยๆคลานเข้าไปหายื่นมือไปจับผมพี่เขาเบาๆ ลื่นชะมัดเลย กลิ่นเป็นยังไงวะ ค่อยๆหยิบผมพี่เขาขึ้นมาแตะจมูก…


หมับ


เฮือก


"ซนอะไร" ผมค้างเติ่งเมื่อพี่ราล์ฟจับข้อมือผมขณะที่หยิบผมพี่เขาขึ้นมา หลักฐานแน่นหนาฉิบหาย


"ปะ...เปล่าครับ" ปฏิเสธไม่ได้ดูหลักฐานในมือเลยกู


"ถ้าอยากนอนหลับแบบสงบก็จัดการตัวเองดีๆ" หือ? งงกับเขาพูดพี่หมอ แต่เมื่อเห็นสายตาพี่หมอที่จ้องมองมาทางผมก็เลยต้องมองตามสายตาพี่หมอกลับมาที่ตัวเอง สะดุ้งโหยง เมื่อเห็นตัวเองอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำไม่น่าตกใจเท่าที่มันมีสภาพหลุดลุ่ยอยู่ตอนนี้ ด้านซ้ายผมตั้งแต่หัวไหล่มาจนถึงอกเปลือยเปล่า แขนเสื้อคลุมด้านซ้ายตกมาอยู่ถึงข้อศอก ขาซ้ายเย็นวาบเมื่อรอยแยกของชุดคลุมแหวจนเห็นสะโพกเปลือย ตอนนี้ผมเหมือนใส่กระโปรงที่แหวกข้างมาถึงเอว สรุปด้านซ้ายผมโป๊ แอบๆล้วงมือเข้าไปสำรวจข้างในไม่มีแม้กระทั่งซับใน ไอ้สัส รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยท่ามกลางสายตาพี่หมอที่จ้องตาไม่กระพริบ


"มองอะไรเล่า!!" เริ่มโวยวายไม่มีเหตุผล อายจนผูกปมผ้าผิดๆถูกๆ


"ไม่ใช่ทำให้พี่มองเหรอ" พี่หมอลุกขึ้นมานั่ง จับมือผมออกแล้วผูกปมชุดคลุมให้ผม


"ไม่ใช่พวกโรคจิตชอบโชว์นะเว้ยพี่หมอ"


"ชอบพูดจริงนะไอ้คำสบถพวกนี้กับพี่น่ะ"


"โอ๊ยๆ พี่หมอ เจ็บ" ร้องประท้วงพี่หมอที่กำลังบีบจมูกผมไปมาเหมือนสนุก


"ไม่ใช่พวกชอบโชว์แล้วทำไมไปนอนหลับในอ่างสภาพเปลือยอย่างนั้นล่ะ มัวแต่ซนไม่รู้จักพักผ่อน"


"หา!? เอาผมออกมาเหรอ"


"อืม" พี่หมอตอบง่ายๆพร้อมกับล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม


"พี่...พี่ใส่ชุดคลุมให้ผมเหรอ"


"อืม" ผมผงะกับเขาตอบง่ายๆของพี่หมอหน้าร้อนผ่าวจนเกือบไหม้ ผมไม่เคยซีเรียสเลยที่จะโป๊เปลือยกับผู้ชายกับเพื่อนๆผู้ชายผมก็เคยอาบน้ำด้วยกันบ่อย แต่เมื่อเป็นพี่หมอ มัน...มันคือข้อยกเว้น ผมขอพักคำตอบ เพราะผมก็ตอบไม่ได้


"นอ…."


"พี่อย่าพูดนะ!!! " โหวกเหวกโวยวายเหมือนธาตุใกล้แตก


"ฤกษ์ พี่จะบอกให้นอนได้แล้ว"


"อ้าวเหรอ ผม...ผมนึกว่าพี่จะแซวผม ห้ามนะ!!" ถึงผมจะมั่นใจมาตลอดว่าลูกชายไม่แพ้ชายไทยแน่นอนก็เถอะ ก็พี่เขาเชื้อฝรั่งเลยนะเว้ย ฮึกๆ กลั้นไว้ๆ


"เรามีอะไรให้แซวล่ะ หึๆ พี่ไม่แซวคนไข้ตัวเองหรอก พี่มีจรรยาบรรณนะ"


"คนไข้?"


"ตอนเย็นเรามีไข้อ่อนๆน่ะ ตอนบ่ายก็เล่นน้ำ ตกเย็นก็แช่น้ำพี่ฉีดยาลดไข้ให้เมื่อช่วงหัวค่ำ เสียงดังอย่างนี้คงหายดีแล้วมั้ง"


"ขอบคุณครับ" ยกมือไหว้อย่างเคยชิน


"หิวไหม ตอนเย็นเรายังไม่ได้ทานอะไร" พี่หมอถามเสียงนุ่ม ละมุนจังวะหรือเพราะผมเป็นคนไข้


"ไม่ครับ"


พรึ่บ


"งั้นก็นอนได้แล้ว" พี่หมอดึงผมลงไปนอนข้างๆพี่เขา


"ไม่ได้กลับบ้านเลย" พูดออกไปอย่างคนไม่อยากจะนอน ตื่นเต็มตาแล้วอ่ะ หลับเต็มอิ่มเลย


"ใส่บาตรเสร็จพี่จะไปส่ง" พี่หมอหลับลงแล้วแต่ปากก็ยังตอบผมอยู่


"พี่จะใส่บาตรกับผมเหรอ"


"อืม" มองด้านข้างใกล้ๆแบบนี้ยิ่งหล่อ จมูกโด่งเป็นสันเลย


"พี่เข้าห้องน้ำได้ไงผมว่าผมล็อคแล้วนะ" ผมล็อคเองกับมือ


"เราไม่ได้ล็อค"


"จริงเหรอ" เริ่มไม่มั่นใจตัวเอง


"พี่ราล์ฟ นอนไม่หลับแล้ว"


"....."


"พี่ราล์ฟ"


"....."


"เฮ้อ"


          ผมพลิกไปพลิกมาอย่างคนตื่นเต็มตา นอนไม่หลับอ่ะ เอามือจิ้มแขนคนข้างๆไม่มีไหวติ่ง หลับเร็วชะมัดเลย ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆ เอามือเท้าคางมองหน้าหล่อเทวดาตั้งแต่หน้าผาก คิ้ว ตา จมูก ปาก ลำคอแกร่ง แผ่นอกกำยำ หน้าท้องเป็นรอน คนอะไรเพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง การศึกษาและฐานะ เมื่อตอนกลางวันผมคิดว่าเราทะเลาะกัน แต่บรรยากาศแบบนั้นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย รู้สึกคล้ายเราเคยทะเลาะกันแล้วก็ดีกันเป็นเรื่องปกติ ผมสนิทกับพี่ขนาดมานอนบนเตียงพี่สองคืนแล้วเหรอ ขนาดพี่อิฐกับพี่ตังค์ผมยังไม่เคยเลยอย่างดีสุดคือโซฟาของพวกพี่สายรหัสสุดรัก พี่ดีกับผมจังแต่ในบางครั้งการกระทำของพี่ก็ทำให้ผมสับสนจนเผลอร้องไห้….


           ซบหน้าลงกับหมอนตากลมจ้องมองเส้นผมดำสนิทคลอเคลียอยู่ตรงไหล่แกร่ง มือเรียวยื่นออกไปจับเล่นดึงเข้ามาใกล้จมูกโด่งรั้นของตัวเองสูดดมเส้นผมนุ่ม กลิ่นเดียวกับกลิ่นกายคนตรงหน้า สูดดมอีกรอบอย่างติดใจ มืออีกข้างจับผมนุ่มเล่นไปมาอย่างเพลินมือ จากไม่มีทีท่าว่าจะหลับง่ายๆ เจ้าของร่างโปร่งก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย ด้วยท่าทางที่มือหนึ่งจับปลายผมไว้ใกล้จมูก อีกมือหนึ่งจับผมที่ลื่นมือไว้เฉยๆเหมือนเด็กติดผ้าห่มที่ต้องมีผ้าห่มไว้จับ


           หมอราล์ฟค่อยๆดึงคนข้างกายเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา ฤกษ์ขยับตัวไปมาอย่างไม่สบายตัวจนได้ท่าที่นอนตะแคงข้างหันหลังให้หมอราล์ฟแต่สุดท้ายก็อยู่ในอ้อมกอดของหมอราล์ฟอยู่ดี ถึงจะขยับยังไงมือเรียวก็ไม่ยอมปล่อยผมที่จับไว้เลย ริมฝีปากได้รูปกดจูบเบาๆที่หลังลำคอขาวก่อนจะหลับตาลงและหลับไปพร้อมกันจริงๆสักที

 


 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 07-05-2020 05:49:17
ฤกษ์ในอดีตก็ซน  โตขึ้นมาก็แสนซน  รักกันเร็วน้าน้องฤกษ์พี่หมอราล์ฟ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 07-05-2020 13:25:01
ฤกษ์น่ารัตั้งแต่เด็ก จนโตเลย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2020 18:42:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2020 02:00:35
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 08-05-2020 16:17:31
เพิ่งกลับมาอ่านหลังจากที่ไม่ได้เข้าเล้ามานาน ฤกษ์น่าหมั่นเขี้ยวมาก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 09-05-2020 12:50:09
ไอ้ต้าวฤกษ์ตัวดื้อออออออออ ดื้อเก่งมากกกกก
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-05-2020 00:31:04
 :mew2: ทำไมน้องจำไม่ได้
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่16...สิ่งที่ชอบ 07/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-05-2020 16:43:17
พึ่งได้มาอ่านน่ารักมากกกกกก!!!!!!!!!
ติดตามน้องฤกษ์ :mew1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 12-05-2020 03:54:07
17…ปรึกษา





กึกๆ


เกือบอาทิตย์


กึกๆ


กึกๆ


กึกๆ


ทำไงดี


กึกๆ


สลัดไม่ออกเลย


กึกๆ


"โว้ยยยย กูขอล่ะเลิกเคาะโลงสักที กูหลอนไปหมดแล้วเนี่ย" เพชรหนุ่มหล่อหนวดเครายาวเฟิ้มดีกรีลูกเจ้าของร้านเบเกอรี่ฝั่งตรงข้าม แต่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านโลงศพ เขากำลังนั่งติดผ้าระบายลูกไม้ในโลง เริ่มประสาทเสียกับเจ้านายที่ไม่เคยคิดว่าเป็นเจ้านายเลยสักครั้ง เขาเห็นมันเป็นน้องชายคนหนึ่งมากกว่าคิดว่าเป็นเจ้านาย ทุกวันนี้พวกเขาต้องคิดเงินเดือนกันเองแล้วให้เทียนพรรษาตรวจอีกที เพราะเจ้านายตัวดีอีกคนเคยจ่ายเงินให้พวกเขาเกินมาหมื่นกว่าบาท ถ้าพวกเขาไม่ท้วงก็ไม่มีเอะใจอะไรเลย เป็นที่น่าเป็นห่วงจริงๆว่าถ้าเกิดพวกเขาลาออกไป แล้วคนอื่นมาเป็นลูกน้องจะโดนโกงหมดตัวไหม


"งานท่วมหัวยังทำตัวว่างนะมึง ไม่ทำอะไรก็อย่ามารบกวนคนอื่นเขา" ใบบุญหนุ่มหล่อหน้าใสกำลังเรียนวิศวะปีสี่อยู่ที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังลงสีเคลือบเงาโลงศพอีกโลงอย่างกัดฟันทนเมื่อต้องทนฟังเสียงหลอนประสาทนี้มาร่วมชั่วโมง


          ตากลมโบกโพลงส่ายไปมาเลิ่กลั่ก ไม่ได้สนใจเสียงรอบตัวเลยสักนิด นิ้วเรียวเคาะผนังอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อกำลังใช้ความคิด กึกๆ เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เห็นพี่หมอ หลังจากวันนั้นที่พี่หมอมาส่งบ้านก็ไม่ได้เจอหน้าอีกเลย กึกๆ ในมหาลัยก็ไม่เจอ สำหรับเขาการไม่ได้เจอไม่ใช่เรื่องแปลก แต่...ที่มันแปลกก็คือ การที่เอาแต่คิดถึงใบหน้าหล่อนั่น จะทำอะไรก็เอาแต่คิดถึง ยามเรียน ยามตื่น ยามนอน เขาสลัดออกจากหัวไม่ได้เลย อยากเจอ อ้ากกก


"พี่!!! ถ้าเกิดเราคิดถึงใครสักคนมากๆแบบสลัดไม่หลุดมันหมายความว่าไงอ่ะ" ตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อมๆแอ้มๆ


"มันก็อยู่ที่ว่าคนนั้นเป็นใครว่ะ ถ้าเป็นคนในครอบครัวเอ็งก็คงแค่คิดถึงอาจเพราะไม่ได้เจอกันนาน แต่ถ้าเป็นนอกเหนือคนในครอบครัวเอ็งน่าจะชอบเขาหรืออาจจะรัก" เพชรตอบด้วยสีหน้าแปลกใจที่อยู่ดีๆก็ถามอะไรน่าสงสัย


"ชอบเหรอพี่!!!" โวยวายอย่างตื่นตระหนก


"ถามอย่างนี้ ไปชอบ ไปรักใครเข้าล่ะ" ใบบุญถามอย่างรู้ทัน


"เปล๊า!!" ฤกษ์ตัวแข็งทื่อพร้อมกับมือที่หยุดเคาะไปแล้วด้วยความช็อค ชอบเหรอ? ชอบพี่หมอเหรอ? เขาชอบผู้ชายเหรอ? ทว่า อยู่ในที่เย็นฉ่ำแท้ๆแต่เหงื่อเริ่มแตกพลั่กเต็มใบหน้าขาวเมื่อกำลังคิดทบทวนกับตัวเอง เราไม่ได้แค่รู้สึกดีเหรอ?


"เออๆ กูจะพยายามเชื่อ"


           ร่างสูงเดินมาหยุดที่โลงเย็นโลงหนึ่ง ตาคมมองโลงตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจกับสิ่งมีชีวิตข้างใน เอื้อมมือไปเคาะเบาๆ


ก๊อกๆ


"ไปกินข้าว อย่าให้ถึงขั้นที่ต้องยกใส่ถาดมาวางไว้หน้าโลง" เทียนพรรษาเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ชาย


"เทียน" ร่างสูงกำลังเดินกลับไปที่ครัวแต่ก็ต้องหยุดหันกลับมามองเมื่อฤกษ์ตะโกนเรียก


"ชอบกับรู้สึกดีนี่ต่างกันยังไง"


"รู้สึกดี มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ เป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้หวังครอบครองหรือเลื่อนสถานะ ส่วนรู้สึกชอบ อยากครอบครองเป็นเจ้าของเมื่อเสียไปอาจแค่เสียดาย" น้องชายเงียบไปชั่วอึดใจกับคำถามไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ก็ตอบเสียงเรียบ


"...."


"แต่ถ้ารัก เมื่อเสียไปย่อมเสียใจหรืออาจทนอยู่ไม่ได้เมื่อเขาจากไป คนส่วนมากไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบ รัก หรือรู้สึกดี เพราะรู้ตัวอีกทีก็รักจนหลั่งน้ำตา"


"....."


"ออกมาได้แล้วข้างนอกก็มีแอร์จะเข้าไปแช่ในโลงเย็นทำไม เปลืองไฟ" ร่างสูงพูดจบก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่า ภายใต้สีหน้านิ่งๆนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กับคำถามของผู้เป็นพี่ชายที่เอ่ยถามออกมมา


"ยินดีต้อนรับครับ สอบถามได้ครับ" ใบบุญลุกขึ้นต้อนรับลูกค้าสาวสวยสองคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน


"อยากได้พวงหรีดสักสามพวงค่ะ" ลูกค้าสาวพูดเสียงหวานเมื่อเห็นหน้าพ่อค้า


          ชอบเหรอ? ผมชอบพี่เขา? อยากได้มาครอบครองไหม อันนี้ไม่รู้ แต่ไม่ค่อยชอบที่พี่เขามีผู้หญิงเยอะๆมันหงุดหงิดแปลกๆ ชอบใครไม่ชอบมาชอบพี่หมอราล์ฟเนี่ยนะ ผู้ชายที่ต่างกับเขาราวหิมะกับเปลวไฟ….


"ซวยแล้ว!!!"


"กรี๊ดดดดดด" เสียงตะโกนดังลั่นจากโลงเย็นส่งผลให้ลูกค้าสาวสวยที่กำลังยืนเลือกพวงหรีดใกล้ๆโลงเย็น ต่างพากันตกใจกรี๊ดเสียงหลงและวิ่งหนีออกจากร้านไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


"ไอ้ฤกษ์!!!!"






"มึงกูเหมือนเกย์ปะวะ?" ผมถามทะลุความเงียบหลังจากคิดมาสักพัก ขณะนี้พวกผมกำลังนั่งอยู่ที่ประจำหลังตึกคณะช่วงพักเที่ยง พวกเพื่อนๆและป้าตู่ละจากขนมตรงหน้ามามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ


"ไม่เหมือนหรอกแมนๆเตะบอล เขินสาวสวยนมตูมขนาดนี้" ไอ้ตี๋ว่า


"แต่ทรงมึงแบบนี้ใครๆก็ชอบ" ไอ้ลำไยว่า


"เมี้ยว~" ป้าตู่เสริม


"ทรงนี้เหมือนเหรองั้นกูไปสกินเฮดเลยดีมะ"


"เฮ้ยๆไม่ใช่ กูหมายถึงรูปร่างหน้าตามึงต่างหาก"


"อะไรทำให้มึงมาถามแบบนี้กับพวกกูวะ มีผู้ชายมาชอบเหรอ แต่ปกติก็มีมาชอบออกบ่อยกูไม่เคยเห็นมึงจะซีหรือสนใจอะไร" ไอ้นกถาม


"ถ้าสมมติว่ากูชอบผู้ชายล่ะ" ผมโพล่งออกไปอย่างวิตกกังวล "แล้วๆพวกมึงรู้ คนอื่นรู้ แล้วๆถ้า…."


"ฤกษ์ตั้งสติ" ไอ้ปัดเอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วโยกเบาๆ


"มึงชอบใคร บอกพวกกูได้ไหม" ลำไยถามเสียงนุ่ม


"กูแค่สมมติเฉยๆเว้ย" ผมคิดว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้ สักวันคงเลิกชอบไปเอง


"โอเครไม่เป็นไร แค่สมมติ มึงตั้งสตินะ มึงรังเกียจกูไหมที่กูเป็น LGBT"  ไอ้นกจับไหล่ผมให้หันไปสบตา


"มึงเพื่อนกู กูไม่เคยรังเกียจมึง แต่ว่า...LGๆ คืออะไรเหรอ"


"LGBT เป็นชื่อที่ใช้เรียกแทนกลุ่มเพศที่สาม เกย์ ดี้ ทอม กระเทย อะไรอีกมากมายที่ไม่ใช่หญิงชายแท้ เรียกLGBT สุภาพกว่าเรียกเพศที่สาม"


"งั้นเหรอ กูไม่เคยรังเกียจ TBGนะ"


"เอาล่ะกูหวังว่าสักวันมึงจะพูดถูก แล้วถ้ามึงไม่รังเกียจ สิ่งที่ทำให้สติแตกแบบนี้คือ?"


"กูชอบผู้ชาย เอ้ย!! สมมติกูชอบผู้ชาย" ผมตอบเสียงเลิ่กลั่ก ผมชอบผู้หญิงมาตลอดดูเอวีนมตูมๆก็ดู ไม่เคยคิดเลยที่ต้องมามีวันนี้


"ฤกษ์ เราไม่ควรกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องความรู้สึกเรานะเว้ย คนคนหนึ่งจะสามารถรักใครก็ได้ อย่าไปกำหนดแค่ว่ามึงเป็นผู้ชายจะต้องชอบผู้หญิงเท่านั้น กฏเกณฑ์เหล่านี้มันก็แค่กฎที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งสร้างขึ้นเองว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง มันเป็นแค่กฎของคนกลุ่มหนึ่งที่โลกแคบและเห็นแก่ตัวเว้ย โลกเรามาไกลมากแล้ว เราไม่ได้ทำเรื่องผิดร้ายแรง เราแค่รักคนคนหนึ่ง ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครมันเป็นเรื่องดีทั้งนั้นล่ะ รักใครชอบใครก็ลุยเลยเสียเขาไปเมื่อไหร่มึงจะมานั่งเสียใจเอานะเว้ย"


"งั้นเหรอ" ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ อย่างเห็นด้วยกับคำพูดไอ้นก เราจะรักใครก็ได้ไม่ผิดสักหน่อยมันก็แค่ความรัก


"นอกจากเขาแล้ว มึงชอบผู้ชายที่ไหนอีกไหม"


"กูไม่ชอบใครเลยนอกจากพี่เขา เฮ้ย!! กูสมมติเฉยๆนะเว้ยลำไย"


"อ๋อ เป็นรุ่นพี่ มึงแค่อาจจะชอบแค่คนนี้คนเดียวไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนสักหน่อย มึงว่าไงไอ้ปัด" ไอ้ลำไยทำสีหน้าเจ้าเล่ห์หันไปถามไอ้ปัดที่นั่งลูบหัวป้าตู่ฟังอยู่เงียบๆ


"ไม่ว่าไง ความรักความชอบเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าเพื่อนเจ็บตัวเป็นเรื่องส่วนรวม"


"เอ่อ มันแค่เรื่องสมมติเฉยๆเว้ย งั้น งั้นกูไปห้องน้ำนะ" ผมรีบลุกขึ้นหนีสถานการณ์ชวนโป๊ะแตก


"เดี๋ยวๆ เอาเอกสารนี้ไปเบิกเงินด้วยจะเอามาสมทบทุนงานกีฬา ที่ตึกxxใกล้ตึกแพทย์นะ" มังกรยื่นเอกสารมาให้ เป็นเอกสารขอเบิกเงินห้าพันบาท


"เงินไรอะ?"


"ก็เงินที่เราชนะแข่งรอบกองไฟตอนไปค่ายไง ที่คัดเข้ารอบสองคนแล้วต้องมาแข่งงัดข้อกัน ไอ้ปัดมันงัดข้อแข่งกับพี่ถาปัตย์ชนะไง นี่มึงไม่รู้ว่าชนะ" มังกรถามสีหน้าตกใจ


"อ้าว มีแข่งต่อด้วยเหรอ" ตอนไหนผมไม่รู้เลย


"เฮ้อๆ ไปๆ จะไปเข้าห้องน้ำก็ไป แล้วไปเบิกตังค์มาด้วย"


          ไอ้ลำไยโบกมือไล่ผมอย่างเหนื่อยใจ ผมผิดอะไรก็ผมไม่รู้จริงๆนี่หว่า อาจเพราะตอนนั้นกำลังแย่งขวดน้ำอัดลมกับไอ้พวกขี้เมาข้างหลังอยู่ก็เป็นได้ ก้มมองเอสารที่อยู่ในมือ เบิกเงินที่ตึกxx ใกล้ตึกแพทย์นี่ อยากเห็นหน้าว่ะไปหาได้ไหม





"มึงว่าไอ้ฤกษ์มันชอบใคร" มังกรหนุ่มหน้าตี๋ผมน้ำตาลกระซิบกระซาบกับพวกที่นั่งอยู่ด้วยกัน


"กูยังไม่แน่ใจว่ะแต่มีอยู่ในหัวแล้ว ถ้ามั่นใจแล้วจะบอก" นกหนุ่มหน้ามนปากแดงเอ่ยอย่างหมายมั่น ใครเชื่อว่าเรื่องที่ฤกษ์เอามาปรึกษาเป็นเรื่องสมมติเขาจะตบคนที่เชื่อให้คว่ำเลย มองมาจากดาวพลูโตก็รู้ว่าเรื่องจริงล้วนๆร้อยวันพันปีเพื่อนเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องมาพูดเรื่องรักๆชอบๆ เพื่อนเขาไม่ใช่เกย์มันแค่ชอบผู้ชายคนหนึ่ง แต่ถ้าการชอบผู้ชายแค่คนเดียวแล้วเรียกเกย์ เขาก็ไม่ซีเรียสอะไร คนนั้นเขาก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกว่าคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆเพื่อนเขาตลอด ทั้งที่คนแบบพี่เขาไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องมาทำแบบนี้


"ทำไมมันไม่บอกเราล่ะ หรือมันไม่ไว้ใจเรา" ลำไยสาวสวยของคณะถามด้วยความไม่เข้าใจมากกว่าจะน้อยใจ


"ไม่ใช่หรอก มันแค่สับสน พวกเราก็รู้จักมันดีนี่ อย่างไอ้ฤกษ์น่ะ ถ้าบอกให้ไปดูกล่องลังที่วางอยู่ข้างหน้าว่ามีลูกหมาอยู่ในนั้นไหม มันก็จะเดินไปดูแล้วเดินกลับมาบอกว่ามี แต่ถ้าถามว่ามีกี่ตัวไอ้ฤกษ์มันก็จะเดินย้อนกลับไปดูใหม่ แล้วเดินกลับมาบอกว่ามีกี่ตัว และถ้าเราถามมันว่ามีสีอะไรบ้าง มันก็จะเดินกลับไปดูใหม่แล้วกลับมาตอบ ตอนนี้ก็คงเหมือนกันมันแค่สับสนและวิตกว่าคนที่มันชอบไม่ใช่ผู้หญิง อาจจะไม่จีบ ไม่ได้คิดถึงขั้นแฟน มันเลยยังไม่พูด เมื่อมันแน่ใจอะไรๆมากกว่านี้มันคงบอกพวกเราเองล่ะมั้ง" ลูกปัดพูดเสียงเรียบ มือเรียวแกร่งลูบขนนุ่มไปมาด้วยแววตาครุ่นคิด จนได้สินะเพื่อนเขาถูกล่อลวงเข้าไปในเปลวไฟ ก็หวังว่าเปลวไฟนั้นจะเป็นไฟพิเศษ ควรรู้ว่าอะไรเผา อะไรควรละเว้น




 ไป


ไม่ไป


ไป


ไม่ไป


          ขณะนี้ผมยืนกล้าๆกลัวๆ อยู่ตรงมุมเสาหนึ่งหน้าตึกคณะแพทย์ ในมือมีกาแฟเย็นกับแซนวิชอีกหนึ่งกล่องไม่รู้ว่าพี่เขาจะกินไหม มันก็แค่กาแฟกับแซนวิชธรรมดาที่ซื้อในร้านกาแฟมหาลัยแต่มันแพงมากสำหรับผม เกิดมาไม่เคยซื้อกาแฟแก้วละ65฿เลยแพงสุดก็35฿ แต่ถึงจะแพงสำหรับผมมันก็ดูธรรมดาสำหรับพี่เขาอยู่ดี เฮ้อ แต่ไม่เป็นไรเราให้ด้วยใจเว้ย น้ำใจอ่ะ เป็นการขอบคุณที่ไปกินข้าวบ้านพี่เขาตั้งหลายมื้อเขาจะกินไหมก็อีกเรื่องหนึ่งน่า


"น้องฤกษ์มาทำอะไรตรงนี้" ผมหันไปตามเสียงทักก็เจอกับพี่คนที่อาสาพาผมไปอาบน้ำวันนั้นตอนอยู่ค่าย เอ...ชื่อไรหว่า ยกมือไหว้ไปก่อนสวยๆ


"หวัดดีพี่ ผมมาหาพี่หมอราล์ฟน่ะครับ"


"อ๋อ ขึ้นวอร์ดน่ะ ปีสี่ส่วนมากอยู่โรงพยาบาล งั้นเดี๋ยวพี่พาไป" พี่เขาจูงมือผมและยิ้มอย่างใจดี


"ไอ้แม็ค!! ไม่ไปเหรอวะ" เพื่อนพี่เขาตะโกนเรียก อ่อ ชื่อแม็ค ต่อไปนี้จะจำให้ขึ้นใจเลยครับเผื่อเจอกันอีก


"ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป" พี่แม็คตะโกนบอกเพื่อนพร้อมกับจูงมือผมออกเดิน


"พี่ไปทำธุระกับเพื่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอง" ผมบอกอย่างเกรงใจ


"ไม่เป็นไรหรอกน่าไม่ได้สำคัญอะไร ว่าแต่เราเปลี่ยนไลน์เหรอพี่ไลน์ไปไม่อ่านเลย"


"อ๋อ ผมเปลี่ยนเบอร์น่ะเลยเปลี่ยนไลน์ใหม่ด้วยน่ะครับ"


"งั้นพี่ขอใหม่ได้ไหม" พี่แม็คถามอย่างไม่แน่ใจ แค่ขอไลน์ไม่เห็นต้องประหม่าเลย ผมให้อยู่แล้วน่า


"ได้ดิพี่"


          ผมเดินเข้ามาในโรงพยาบาลกับพี่หมอแม็คไม่นานก็เจอร่างสูงคุ้นตายืนคุยอยู่กับพี่หมอแข่งและเพื่อนๆพี่เขาอีกสองสามคนที่ผมไม่รู้จัก พี่เขาอยู่ในชุดกาวน์ กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาก็ต้องชะงักเมื่อพี่ลลินสาวสวยเดินเข้ามาหาพี่หมอราล์ฟพร้อมกับยื่นแก้วกาแฟสีเขียวแบรนด์หรูที่ผมพอจะรู้ว่าแก้วหนึ่งแพงแค่ไหน พี่ราล์ฟยื่นมือไปรับมาดื่มและพี่ลลินก็ส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับคล้องแขนพี่หมอ สวยขนาดนั้นใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว ผม...ผมกำลังจัดการความรู้สึกที่ประทุอยู่ในอกตอนนี้อย่างยากลำบาก มันไม่อยากจะยอมรับว่าไม่พอใจ


"น้องฤกษ์ มาทำอะไรที่โรงบาลไม่สบายตรงไหนครับ" พี่หมอรอนโผล่มาจากไหนไม่รู้ ทักผมซะเสียงดังลั่น จนกลุ่มพี่หมอราล์ฟที่ยืนคุยกันอยู่หันมามอง ผมรีบหลบสายตาทันทีเมื่อรู้ว่าพี่ราล์ฟเขาหันมามอง ไอ้เชี่ยพี่รอน พี่มึงจะโผล่มาตอนที่ผมขี้อยู่ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ รีบดึงพี่หมอรอนเดินมาหลบอยู่หลังเสามีพี่หมอแม็คยืนมองมาอย่างสงสัย


"เอ่อ ผมมาทำธุระน่ะ พอดีเสร็จแล้วกำลังจะกลับน่ะพี่" รีบพูดละล่ำละลักเหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้


"ไม่ไปทักเพื่อนพี่ก่อนล่ะ สนิทกันถึงขนาดไปนอนด้วยกันแล้วนี่" พูดเสียงดังทำข้อศอกอะไรล่ะเว้ย


"ไม่ล่ะผมรีบ นี่กาแฟกับขนมพอดีซื้อมาเกินน่ะพี่เอาไปกินเลย"


          ผมรีบยัดของกินใส่มือพี่หมอรอนก่อนจะเดินไปจูงมือพี่หมอแม็คแล้วพาวิ่งออกจากโรงพยาบาล ผมไม่ควรมา ไม่ควรมา ไม่ควรทำอะไรทั้งนั้น มันเกินตัวไป


"ฤกษ์ เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดเชียว" ผมหยุดยืนหอบแฮกจากการวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตหันไปมองคนข้างๆไม่มีแม้แต่เหงื่อ กระดูกมันคนละเบอร์สินะ


"เปล่าๆพี่ ผมคงต้องออกกำลังกายบ้างซะแล้ว"


"แล้วช่วงบ่ายว่างหรือเปล่า"


"ก็ไม่เชิงนะพี่" มีวิชาของอาจารย์ป๊อก แต่แกชอบพาเดินชมนกชมไม้รอบมหาลัยไม่เคร่งตอนสอนเท่าไหร่ แต่ตอนตรวจงานแทบจะเป็นลมล้มพับ แก้แล้วแก้อีก กูเนี่ยล่ะ


"พี่พึ่งออกเวร ไปดูหนังกับพี่ไหมคลายเครียด" พี่แม็คยิ้มอย่างใจดี อบอุ่นชะมัดถ้าเปลี่ยนจากผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นผู้หญิงมีหวังละลาย


"เอาดิพี่ เอาแบบบู๊เลือดสาดเลยนะ"







 

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-05-2020 05:02:42
น้องฤกษ์กระตุกหนวดเสือเข้าซะแล้ว ถ้าเสือโกรธจะโดนอะไรล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 12-05-2020 06:13:11
เล่นตัวเยอะๆน้องฤกษ์ ทำใจให้สบายๆไปดูหนังกับหมอแม็คให้พี่ราล์ฟมันอกแยกตายโล้ด สาวเนอะนักนิหมั่นไส้เด้อ555
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 12-05-2020 12:42:03
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 12-05-2020 14:28:20
งานจะเข้าน้องฤกษ์มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 12-05-2020 18:47:25
เอ้าเด็กมันสับสนพี่หมอต้องมาช่วยไขแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 12-05-2020 19:43:33
ชอบน้องมาก ชอบความไม่สนโลกรอบข้าง ความไม่รู้ตัวเองว่าน่ารัก ชอบพี่ที่มีความ ไว้ผมยาวเพราะน้องชอบคนผมยาว และทิ้งความสุขไม่ยอมไปเที่ยวรอบโลกเพราะถูกใจน้อง และคิดว่าคงยอมเรียนภาษาไทย และมาเรียนที่ไทยพราะน้องเช่นกัน สงสัยว่าทำไมน้องถึงจำพี่ไม่ได้ ชอบเรื่องนี้มากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งเรื่องนี้เรื่องแรก เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2020 21:26:12
อ้าวว อีหมอแม๊คจะทำไรน้องฤกษ์รึป่าว
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่17...ปรึกษา 12/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-05-2020 22:23:48
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 13-05-2020 05:35:18
18…ไว้ใจ






"ไม่เอา ถ้าพี่ไม่ให้ผมจ่ายผมไม่ดูนะเว้ย เดี๋ยวผมพาดู กล้วยหอมจอมซนในมือถือหน้าโรงหนังนะ"


"แต่พี่เป็นคนชว…"


"ก็พี่เลี้ยงข้าวผมแล้วไง อาหารอะไรก็ไม่รู้ปาไปพันกว่า ผมเกรงใจพี่จะตายอยู่แล้ว" ขณะนี้ผมกำลังยืนตั้งหน้าตั้งตาเถียงอย่างตั้งอกตั้งใจ(เรื่องเรียนเป็นงี้คงดีอะเนอะ) กับพี่หมอแม็คอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋ว พี่แม็คจะเลี้ยงผมทุกอย่างมันไม่ได้นะเว้ย ยังไงมันก็ต้องแชร์


"โอเครครับ งั้นพี่ซื้อป๊อปคอร์นโอเครนะครับ"


           พี่แม็คยกมือยอมแพ้แล้วเดินแยกไปซื้อป๊อปคอร์น ผมซื้อตั๋วเสร็จก็เดินไปนั่งขัดสมาธิรออยูที่โซฟา ยกโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาพวกเพื่อนๆทั้งหลายแหล่ว่าเช็คชื่อให้หน่อย กูโดด ก็หวังว่าพวกมันจะพึ่งได้


ติ้ง~ ติ้ง~ ติ้ง~ ติ้ง~


กูมาย้อมผมสีใหม่ <<<<<<ไอ้ลำไยดาวดับ


มาตัดผมร้านเดียวกับไอ้ลำ <<<<<<ไอ้มังกือ


มาเตะบอลแดกตังค์ <<<<<<ไอ้หล่อปัด


มาดูผู้ชายเตะบอล <<<<<< ไอ้นกแอนด์เดอะเบิร์ด


ไอ้สัส!! จะจบกันไหม


กูเนี่ยจะจบไหม ฮ่วย!!


ติ้ง~


          เสียงข้อความโทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้งไม่ทันได้เปิดดูว่าใครส่งมา เพราะว่าพี่แม็คเดินมาถึงพอดี ถ้าผมเปิดดูสักนิดคงจะดี


ฤกษ์ เพื่อนคณะอื่นกูเห็นว่ามึงไปกับไอ้หมอแม็คเหรอวะ ถ้าใช่มึงอย่าไปนะเว้ย โทรกลับหากูด่วนเลย <<<<< ไอ้หล่อปัด



            พี่หมอแม็คเดินกลับมาพร้อมกับป๊อปคอร์นถังใหญ่ ผมรับมาถือไว้ด้วยหัวใจที่พองโต อั๊ยยะ ป๊อปคอร์นสุดที่รักของพี่ฤกษ์วันนี้พี่จะกินให้เรียบเลยนะจ๊ะ


นะโมตัสสะ ภะคะวะโต~~


'ไอ้นกแอนด์เบิร์ด'



"จะเข้าโรงหนังแล้วนะครับปิดมือถือเถอะ" พี่หมอแม็คพูดขึ้นเมื่อผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา เป็นไอ้นกนั่นเอง มันคงจะฝากซื้อของอะไรเหมือนเคยแหละมั้ง เดี๋ยวดูหนังเสร็จค่อยโทรกลับ ผมกดปิดเสียงโทรศัพท์แต่ไม่ได้ปิดเครื่อง เดินถือถังป๊อปคอร์นเดินตามหลังพี่หมอไปพลันสายตาก็เหลือบเห็นใครคนหนึ่งเหมือนคนที่ผมรู้จัก เอ๊ะ หัวทองๆ นั่นพี่…


"น้องฤกษ์มีอะไรหรือเปล่าครับ" พี่หมอแม็คหันมาถาม


"เปล่าๆพี่ เมื่อกี้เหมือนผมเห็นคนรู้จัก อ้าว ไปไหนแล้ว" ผมหันกลับไปอีกทีก็ไม่เจอแล้ว สงสัยตาฝาด ผมเลิกสนใจหันไปหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากแล้วเดินเข้าโรงหนังไปกับพี่หมอแม็ค




"พี่ขอแวะอาบน้ำก่อนได้ไหม เหนียวตัวไปหมดเลยพอดีพี่มีงานเลี้ยงที่โรงแรมจะกลับไปอาบน้ำที่บ้านก็ไกล" พี่หมอแม็คหันมาถามผมอย่างคนเกรงใจขณะขับรถกลับมหาลัย เราดูหนังเสร็จก็สี่โมงเย็นพอดี ในระหว่างที่ดูหนังผมดันปัดแก้วน้ำอัดลมหกใส่พี่แม็คจนเสื้อพี่เขาเปียกโชกอย่างกับโดนสาดน้ำสงกรานต์ ไม่เหนียวตัวนี่ผมว่าโคตรแปลก


"เอาดิพี่ อาบไหนอะ" ผมโอเครอยู่แล้วความผิดผมเต็มๆ


"ม่านรูดข้างหน้านี้เอง"


"ม่านรูดเหรอพี่" ผมถามเสียงแปลกใจหันกลับไปมองสีหน้าพี่หมอแม็คก็ปกติดี อาจจะดูแปลกๆไปหน่อยแต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยผู้ชายเหมือนๆกัน


"ครับ พี่อาบแป๊ปเดียวไม่นานหรอก ถ้าฤกษ์ไม่โอเครพี่ก็ไม่แวะนะครับ เดี๋ยวทนเอาหน่อยไปอาบมหาลัยก็ได้แต่รถคงติดน่าดูเลย" พี่หมอแม็คขยับตัวอย่างไม่ค่อยสบายตัว


"ได้ๆพี่ อาบก่อนก็ได้รถติดน่าจะเป็นชั่วโมง พี่แม็คจอดแวะข้างหน้าให้ผมแป๊ปนึงดิ ผมจะซื้อเหนียวหมูทอดเข้าไปกินด้วย"  ผมชี้ไปที่ร้านขายหมูใกล้ทางเลี้ยวเข้าม่านรูด พี่แม็คก็จอดให้อย่างใจดี


"น้องฤกษ์เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่เดินไปจ่ายเงินพนักงานก่อน"


          ผมลงจากรถอย่างงงๆพร้อมกับข้าวเหนียวหมูทอดที่อยู่ในมือ ตรงที่จอดรถมันสลัวๆออกจะมืดหน่อยๆ เห็นแค่แผ่นหลังพี่หมอแม็คยืนคุยกับพนักงานอยู่ตรงมุมม่านสีเขียว ผมเลิกสนใจเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องแอร์เย็นฉ่ำเหมือนเปิดไว้ 24 ชม. เปลืองไฟนะเนี่ยไม่มีคนอยู่เปิดแอร์ทิ้งไว้ ถ้ามีใครมาถามผมว่าบริษัทใหญ่ๆอะไรบ้างที่ทำให้โลกร้อน หนึ่งในคำตอบผมมีม่านรูดแน่นอนค้าบ ภายในห้องติดกระจกรอบด้านแม้แต่เพดานก็มีกระจกให้ส่อง เงยหน้าไปมองบนเพดานเห็นเป็นหน้าตัวเองโคตรหลอน ยอมรับว่ามีสะดุ้งอ่ะ ห้องถูกตกแต่งด้วยแสงสีส้มอึมครึมๆให้ความรู้สึกอึดอัดชะมัดเลย แต่ช่างเถอะไม่ได้มานั่งดูไฟกูมารอคนอาบน้ำ


          ผมเดินไปนั่งที่พื้นใกล้โซฟามุมห้อง เอาข้าวเหนียวหมูทอดวางไว้บนโซฟาล้วงเอาโทรศัพท์ในกางออกมาวางไว้บนโซฟาจะได้นั่งถนัดๆ ผมกำลังจะแกะข้าวเหนียวหมูกิน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาตรงหน้าก็สั่นขึ้นครืดๆ 'ไอ้ปัด' โทรมามีอะไรหรือเปล่าวะ? ผมกดรับสายกำลังจะกรอกเสียงลงไป แต่ก็เป็นไอ้ปัดที่ตะโกนดังลั่นออกมาก่อน


'ไอ้ฤกษ์!!! กูโทรหามึงเป็นสิบๆสายทำไมไม่รับ มึงอยู่ไหน!!!'



"กูอยู่…"


          ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น หันไปมองเป็นพี่หมอแม็คที่เดินเข้ามา สายตาที่มองมาที่ผมมันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่พี่หมอที่น่านับถือและอ่อนโยนเหมือนที่เคยรู้จัก ผมรับรู้ได้ว่ามันเป็นสายตาที่อันตรายและไม่น่าไว้ใจ พี่เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถอดเสื้อนักศึกษาที่เลอะคราบเปื้อนออกก่อนจะโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี ผมค่อยๆยืนขึ้นทำใจให้นิ่งและกรอกเสียงลงโทรศัพท์


"ปัด...ปัดกูอยู่ม่าน...ตุ้บ!!" พี่แม็คคว้าโทรศัพท์ออกจากมือผมอย่างรวดเร็วเขากดตัดสายและปาทิ้งไปที่โซฟาอีกตัวในห้อง ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่พี่มันไม่ปาลงพื้นเครื่องนั้นกว่าผมจะผ่อนหมดสิบเดือนเลยนะเว้ย


"เอ่อ...พี่แม็คห้องน้ำอยู่ทางนู้นไปอาบน้ำสิ" ผมทำใจดีสู้เสือ ชี้ไปที่ห้องน้ำก่อนจะค่อยๆขยับตัวเดินหนีเมื่อพี่เขาก้าวเข้ามา


"พี่ว่า...ทำเสร็จแล้วค่อยอาบทีหลังดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา" พี่แม็คยกหลังมือมาลูบแก้มผมเบาๆ จนผมต้องปัดมือหนี ไอ้สัส หน้าโคตรหื่นกูว่าไม่ใช่ล่ะ


"ทำไรล่ะพี่!! หลบ ผมจะกลับ" คิดว่าจะกลัวเหรอผู้ชายเหมือนกัน มือ ตีน ก็มีเว้ย แต่ดูจากขนาดร่างกูเป็นรองแน่ๆเลี่ยงได้เลี่ยงก่อน  ผมพลักไอ้แม็คออกกะว่าจะเดินไปที่ประตู โทรศัพท์กับหมูทอดเดี๋ยวมาเก็บทีหลังอยู่ไกลมือผมเกินไป (กูเปลี่ยนสรรพนามเรียกเป็น'ไอ้'ละเพราะดูเหมือนมันไม่น่าเคารพ)


ตุ้บ!!


          ร่างผมถูกกระชากและโยนลงบนเตียงอย่างแรงตามมาด้วยร่างไอ้เชี่ยแม็คที่คร่อมทับอยู่ข้างบนตัวผม ข้อมือทั้งสองข้างของผมถูกมือใหญ่จับไว้แน่น หน้าขาทั้งสองข้างถูกร่างตรงหน้านั่งทับ จนร่างผมจมเตียง เตียงมึงนุ่มไปนะไอ้ม่านรูด


"ไอ้เชี่ย ปล่อยผม!!" ผมตะโกนลั่นใส่หน้ามัน ถ้าถุยน้ำลายใส่หน้ามันได้ผมถุยไปละแต่กลัวเจอกฎแรงโน้มถ่วงมันไหลย้อนกลับมาที่ผมอ่ะดิ


"อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยหน่า ยอมตามเข้ามาในม่านรูดขนาดนี้ก็เหมือนเล่นด้วยกับพี่นั่นแหละ" ไอ้พี่แม็คพูดพร้อมกับก้มลงสูดกลิ่นจากลำคอผม อ้ากกกก ไอ้โรคจิตเอ๊ย ที่กูตามมึงมาก็เพราะมึงบอกจะอาบน้ำนี่แล้วกูก็ผู้ชายมันจะเสียหายอะไรวะ ใครจะคิดว่ามึงมันเหี้ย เอาไม่เลือก  ผมสูดลมหายใจลึกๆตั้งสติ มีสติๆ เจรจากันก่อน


"ผมแค่คิดว่าพี่จะมาอาบน้ำจริงๆ พี่ปล่อยผมเถอะนะ หน้าตาหล่อๆอย่างพี่มีคนเต็มใจจะนอนกับพี่อีกเยอะ ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครหรอก เอาเป็นว่าเราเข้าใจจุดประสงค์ผิดกันเน๊อะ " ผมพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น


"ทีกับไอ้ราล์ฟยังนอนกับมันได้เลยนี่ ตอนแรกก็ดูเหมือนมันจะหวงเลยไม่อยากยุ่ง ไหนๆก็โดนมันเขี่ยทิ้งแล้วหนิ กับพี่อีกสักคนจะเป็นไรไป"


"ผมไม่ได้ชอบผู้ชายโว้ยยย(ยกเว้นคนนึง)" กับพี่ราล์ฟกูก็แค่นอนเฉยๆ ไม่รู้จริงอย่ามาเม้าท์มอย


"เดี๋ยวก็ชอบเอง"


"อื้อออออ"


          ไอ้สันดานแม็คก้มลงมาจูบผมอย่างจาบจ้วงแต่เพราะผมไม่ยอมเปิดปาก มันเลยเปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผม ผมหันหน้าหนีจูบน่ารังเกียจของคนตรงหน้าได้ก็ตะโกนลั่น


"ช่วยด้วย!!! ช่วยผมด้วย!!"


"หุบปาก!!"


          ไอ้แม็คเมื่อได้ยินผมร้องเสียงดังมันก็ปล่อยมือจากข้อมือผมมาปิดปากและอีกมือเริ่มถอดเข็มขัดกางเกงผมออก ผมอาศัยจังหวะนี้ล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงผมกำเอาตังค์เหรียญที่มีร่วมสามสิบบาท(ผมเป็นผู้บ่าวตังค์เหรียญนะครับ)ออกมาและฟาดไปที่หน้าไอ้หมอแม็คเต็มแรงฝ่ามือ ถึงไม่สลบแต่มีเจ็บอ่ะผมมั่นใจ มันร้องลั่นเอามือไปกุมขมับด้านซ้ายที่ค่อยๆมีเลือดไหลออกมา ผมอาศัยจังหวะนี้ถีบมันตกเตียงก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างว่องไววิ่งไปที่ประตู


"ไอ้ตัวดี!!" พี่แม็คสบถลั่นห้อง



โครม!!!


          ไอ้สัสเอ๊ย ข้อเท้าผมถูกดึงจนต้องล้มหน้าคะมำ พยายามถีบรัวๆแต่ไม่เป็นผลไอ้แม็คจับข้อเท้าทั้งสองข้างของผมพร้อมกับลุกขึ้นยืน ทำให้ผมอยู่ในสภาพนอนราบกับพื้นแต่ขาถูกจับยก มันจับปลายขากางเกงผมพร้อมกับออกแรงดึงกางเกง ไอ้เชี่ย มึงจะเชี่ยวชาญด้านข่มขืนคนเกินไปแล้ว มือผมได้แต่ปัดป่ายไปมาในอากาศคว้าได้รีโมทที่ล่วงอยู่กับพื้นมากำไว้ ชั่วอึดใจกางเกงขายาวผมก็ถูกถอดออกด้วยฝีมือมันและมันก็คงโดนลูกถีบผมไปหลายดอก ผมเหลือเพียงบ็อกเซอร์ขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตกระดุมหลุดลุ่ย มันกระโจนลงมาคร่อมทับผมอีกครั้ง ผมก็เอารีโมทที่อยู่ในมือฟาดซ้ำรอยแผลเดิมมันไปอีกทีรัวๆ ถ้ามึงไม่ตายกูก็ตายล่ะวันนี้


ผลัวะ!! ผลัวะ!!


ผลัวะ!! ผลัวะ!!


อึ่ก!!


"โอ๊ย…"


"จุ๊ๆ เห็นน่ารักก็อยากจะทนุถนอมกลัวผิวจะช้ำ แต่ดื้อขนาดนี้คงต้องสั่งสอนกันหน่อย"


          วันนี้มันไม่ตายหรอกเป็นผมเองมากกว่าที่จะตาย สี่หมัดหนักๆตรงหน้าท้อง เจ็บและจุกจนน้ำตาไหล ได้แต่นอนแน่นิ่งอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ทำได้แค่ร้องครางอย่างสัตว์บาดเจ็บ ไอ้พี่แม็คกระตุกยิ้มร้ายอย่างชอบใจมันเดินเอาโทรศัพท์ไปตั้งไว้โต๊ะปลายเตียงเหมือนกำลังตั้งถ่ายวีดีโอ และเดินกลับมาอุ้มร่างผมที่นอนอยู่บนพื้นไปโยนไว้ที่เตียง มันค่อยๆถอดกางเกงออกอย่างใจเย็นแค่เพียงพริบตาตัวมันก็เปลือยเปล่า มันค่อยๆเอามือชักท่อนเอ็นของตัวเองเดินเข้ามาหาผม ผมทำได้เพียงคลานหนี เอื้อมมือจะหยิบโคมไฟตรงโต๊ะใกล้หัวเเตียงแต่ข้อเท้าก็ถูกกระชากเสียก่อน


"พี่อย่าทำอะไรผมเลย ปล่อยผมไปเถอะเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันเลย" ผมยกมือไหว้อย่างหมดหนทาง


"เดี๋ยวดีเองนะครับ"


          พูดไปเหมือนไร้ประโยชน์ ร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าคร่อมทับร่างผมอีกครั้ง มือใหญ่ค่อยๆลูบไล้ขาอ่อนผมไปมา ท่อนเอ็นตรงหน้าสั่นระริกจนน้ำเยิ้ม มันขยับตัวครั้งใดก็โดนหน้าท้องผมตลอด ขยะแขยง จนน้ำตาไหล เห็นแล้วจะอ้วก เสื้อนักศึกษาที่เหลือกระดุมเพียงไม่กี่เม็ดก็ถูกกระชากออกจนขาดวิ่น ฮือ แล้วกูจะใส่อะไรกลับบ้านไอ้สัส!!


"น่ากินไปหมดเลยว่ะ ใครปล่อยไปนี่โคตรโง่ ไหนดูจานเด็ดหน่อยสิครับ"


"ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!! อื้อๆๆ"


          ผมตะโกนลั่นเมื่อรู้สึกว่ากางเกงกำลังจะถูกถอดออก ทว่ามือหนาน่ารังเกียจที่มีกลิ่นคาวมาปิดปากผมไว้ ผมหลับตาปี๋อย่างหนีความจริงที่จะเกิด ดิ้นมากก็รู้สึกเจ็บแม้กระทั่งหายใจ 'สิ่งไหนจะสำคัญ ก็ขึ้นอยู่ที่เราสมมติ' ร่างกายเป็นของไม่เที่ยงอย่าไปยึดติด ผมได้แต่พูดปลอบใจตัวเองอย่างคนจนหนทาง ฮึกๆ หลวงลุง ฮึกๆ หลวงลุงครับผมทำไม่ได้ผมวางไม่ได้ ฮือๆ


           และสุดท้ายคนที่ผมคิดถึงทุกขณะแม้กระทั่งตอนนี้ก็คือ...พี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟ


ผลัวะ!


ตุ้บ


พลั่ก!


ผลัวะ!!


ผลัวะ!!


ผลัวะ!!



"สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ฮือๆ พี่ราล์ฟ"


          สิ้นเสียงแผ่เมตตาของผม รู้สึกเหมือนห้องทั้งห้องเงียบสะงัด ไม่มีความรู้สึกว่ามีใครคร่อมร่างผมอยู่ ค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพแรกที่ปรากฎในม่านสายตาผมคือพี่อันเดรียที่ยืนเอาเท้าเหยียบหน้าอกไอ้พี่แม็คที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงจมกองเลือดอยู่ที่พื้นพรม มีพี่ชิโนยืนอยู่ที่ปลายเตียง ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดของใครสักคนเอ่ยออกมา ทั้งห้องเงียบกริบ ผมค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นก้มมองช่วงล่างกางเกงของผมยังคงอยู่ ลากร่างขยับไปนั่งกอดเข่าก้มหน้าพิงหัวเตียงเงียบๆ อยากจะพูดว่าขอบคุณแต่ก็พูดไม่ออกมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายไร้เสียงสะอื้น เพราะกลั้นเอาไว้


ตึก


ตึก


ตึก


ตึก


          เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งฝ่าความเงียบย่างกรายเข้ามาในห้องและหยุดยืนอยู่ข้างหัวเตียงที่ผมนั่งก้มหน้าอยู่ ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยหัวใจที่เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันค่อยๆกลับมาเต้น เร็วและรัวอีกครั้ง เมื่อคนที่ผมเห็นอยูในม่านน้ำตาของตนเองตรงหน้าเป็นใครถึงจะพร่ามัวแต่ผมรู้ว่าคือเขา….พี่ราล์ฟ


       ผมไม่รู้ว่าเขามองผมด้วยสีหน้าแบบไหนเพราะม่านสายตาผมพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกคลุมมาที่ตัวผมด้วยฝีมือของคนตรงหน้าพร้อมกับร่างผมที่ถูกอุ้มขึ้นด้วยสองแขนแกร่ง


"พี่คงจะใจดีกลับเรามากไปสินะ"


          พี่ราล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเหยียบไร้ความรู้สึกใดๆในน้ำเสียง ผมไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปกอดคอพี่ราล์ฟอย่างคนกลัวตก ได้แต่จับมือตัวเองไปมาแล้วร้องไห้อย่างกลั้นเสียง กลัวว่าพี่เขาจะรำคาญ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องมาร้องไห้เป็นสาวแตกอย่างนี้ แต่เมื่อมาอยู่ในอ้อมกอดของคนคนนี้มันก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ หวาดกลัว ปลอดภัย โล่งใจ อบอุ่นหัวใจ


          เดินออกมาข้างนอกก็เห็นรถหรูสีดำสองคันจอดอยู่มีพี่ๆการ์ดสี่คนยืนรออยู่ข้างนอก เมื่อเขาเห็นพี่ราล์ฟออกมาก็เปิดประตูรถให้พี่ราล์ฟเข้าไปนั่ง พี่ราล์ฟไม่ปล่อยผมให้นั่งแบบปกติ ผมถูกพี่ราล์ฟจัดให้นั่งในท่าที่ถูกอุ้มมาเลย นั่งบนตักแกร่งเปลี่ยนจากสองมือแกร่งที่สอดไว้ใต้ขากับหลังมาเป็นกอดเอวผมไว้แทน พยายามขัดขืนจะลงจากตักก็โดนสองแขนแกร่งรัดไว้แน่นและสายตาคมมองมาอย่างดุๆ


"พี่ ผม...ผมขอนั่งดีๆได้ไหม" เช็ดน้ำตาป้อยๆถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ


"...."


"โอ้ย…" พยายามจะดิ้นลงจากตักทว่าก็สะเทือนไปถึงบาดแผลที่หน้าท้อง จนต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด


"อย่าทำให้พี่อารมณ์เสียไปมากกว่านี้!" ผมสะดุ้งเมื่อพี่ราล์ฟขึ้นเสียงเกือบจะเป็นตวาด ทว่าพี่เขาก็ไม่ปล่อยผมลงจากตัก ผมก้มหน้านิ่งแม้แต่จะเงยมองหน้าพี่เขาก็ยังไม่กล้ามองได้แต่นั่งตัวเกร็งบนตักแกร่ง


           สักพักพี่ชิโนและพี่อันเดรียก็ขึ้นรถมาและขับออกไปโดยไม่มีการพูดคุยใดๆทั้งสิ้นมีเพียงความเงียบ พี่อันเดรียเป็นคนขับและพี่ชิโนนั่งข้างคนขับทั้งสองนั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ แม้กระทั้งคนที่ผมนั่งตักอยู่ สุดท้ายผมก็พูดทำลายความเงียบ


"ผมขอบคุณนะครับที่พี่มาช่วย แต่...พี่แม็คจะเป็นอะไรมากไหมครับ" ถามออกไปอย่างอดไม่ได้ ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นพี่เขาก่อนออกจากห้องมา เขานอนจมกองเลือดจนน่ากลัว ถึงเขาจะเลวผมก็ไม่อยากให้เขาตายและผมก็ไม่อยากให้พี่อันเดรียมีความผิดฆ่าคนตาย


"ถ้าไม่หยุดพูดชื่อนี้จากที่มันแค่พิการอีกไม่เกินชั่วโมงมันจะตาย" พี่ราล์ฟกัดฟันพูดอย่างข่มอารมณ์


"ผมแค่ถามเฉยๆกลัวพี่เขาตาย"


"หึ!! ทำไม!! เป็นห่วงเป็นใยมันอะไรขนาดนั้นหรืออยากเป็นเมียมัน!!!" พี่ราล์ฟตวาดลั่นรถจนผมสะดุ้ง


"แล้วพี่จะตวาดผมทำไมผมแค่ถามเฉยๆ ผมอยากจะไปเป็นเมียใครผัวใครมันก็เรื่องของผม!!" ผมเริ่มขึ้นเสียงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลเอ่ออีกครั้ง เริ่มหงุดหงิดกับน้ำตาแล้วนะไอ้สัส ผมปาดออกลวกๆ พร้อมกับขืนตัวขยับลงจากตักไอ้พี่บ้า!


"ปล่อยผม!! ผมจะลง!" ผมเริ่มออกแรงขัดขืนทั้งที่เจ็บจนหน้าเบ้


"ได้ลงสมใจแน่"


"ผมเจ็บ!!"


          รถหยุดลง ประตูถูกเปิดออกด้วยฝีมือพี่ราล์ฟร่างผมถูกอุ้มพาดบ่าแกร่ง ผมไม่รู้ว่าที่ไหนรู้แค่ว่าเป็นสถานที่หรูหรามาก ถูกพาเข้าลิฟท์ น้ำตาผมหยดลงพื้นลิฟท์เป็นทาง กัดปากจนเลือดไหลเจ็บปวดจากการโดนแบกเพราะหน้าท้องกระทบกับไหล่แกร่ง ไอ้พี่บ้า!! ผมผิดอะไร ผมผิดอะไร ทำไมต้องใจร้ายกับผมอย่างนี้


"ปล่อยผม!!! ผมจะกลับบ้าน!!"










●ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาทักทายกันนะคะ
●ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เป็นเสมือนแรงผลักดันและกำลังใจให้เขียนต่อค่ะ

 
 :pig4: :pig4:           




         





         
















         

หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: toonsora ที่ 13-05-2020 06:21:30
สั้นสุดใจ ใจจะขาดแล้วววว มาลงทุกวันเลยได้มั้ยคะ :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 13-05-2020 06:28:44
อิแม็คเลวมากทำร้ายน้องฤกษ์ มึงสมควรตาย
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-05-2020 07:14:55
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: casson ที่ 13-05-2020 11:48:21
พี่หมอราล์ฟโกรธน้องทำไม
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 13-05-2020 12:34:42
อย่าทำร้ายน้อง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: catmoon1112 ที่ 13-05-2020 16:14:57
สงสารน้อง  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-05-2020 19:03:13
พี่หมอใจเย็นน้องแค่หึงพี่กับผู้หญิงอื่นก็เลยหลงผิด อย่าทำร้ายน้องนะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-05-2020 20:10:30
ถือว่าเป็นบทเรียนละกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-05-2020 21:49:06
เอ่อมมม  อีพี่แม๊คตายรึยัง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-05-2020 21:56:22
 :m16:



ไม่โดนสักที ไม่ดีขึ้นเลย !!
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่18...ไว้ใจ 13/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 14-05-2020 00:37:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 14-05-2020 02:24:47
19….แนบชิด







ตุ้บ




          ร่างผมถูกโยนบนลงเตียงนุ่มภายในห้องที่แปลกตา ทำได้แค่นอนแน่นิ่งอย่างหมดแรงอยู่อย่างนั้นเพราะขยับตัวก็มีแต่เจ็บแผล พี่ราล์ฟในตอนนี้น่ากลัวจนผมเริ่มหวั่นใจเขาก้มลงมาคร่อมร่างผมที่นอนอยู่บน เป็นท่าทางที่น่าหวาดเสียวจนต้องหันหน้าหนี หลังมือร้อนค่อยๆไล้บนผิวของผม ขมับ จมูก ปาก แก้ม ลำคอ ตาคมจ้องมองตามมือที่ลูบไล้ผิวอย่างจับผิดจนผมขนลุกและร้อนทั่วร่าง


"เคยบอกแล้วใช่ไหม อย่าไปกับใครที่ไม่สนิท" พี่ราล์ฟพูเสียงดุแต่ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจ


"ผม...ผม...เห็นเขารู้จักพี่ เคยไปค่ายด้วยกัน ดู...ดูเขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีปกติผมก็ไปดูหนังกับพวกรุ่นพี่...ขอ...ขอโทษนะครับ" ผมหยุดพูดเมื่อเห็นพี่ราล์ฟกัดกรามกรอดอย่างข่มอารมณ์ เอื้อมมือไปจับเสื้อเชิ้ตราคาแพงตรงหน้าอกกำไว้แน่นอย่างกลัวพี่เขาจะโมโห และจะจากไป


"....."


"ขอโทษ...และขอบคุณจริงๆนะครับ" ผมพูดแผ่วเบาอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ใบหน้าหล่อแสนเย็นชาค่อยๆก้มลงมาหาผมเรื่อยๆ ริมฝีปากได้รูปกดจูบตรงหางตาผมเบาๆ แค่นั้น...สัมผัสแค่นั้นจริงๆเหมือนหัวใจผมได้รับการปลอบประโลม ทว่า...มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น! ริมฝีปากพี่ราล์ฟค่อยๆลากเลีย ใช่ครับ!! พี่เขาเลียผม ลิ้นร้อนลากผ่านผิวแก้ม มุมปาก ลำคอ ฮึ่ย นี่ผมคงไม่ได้หนีหมอเหี้ยมาปะหมอหื่นนะ


"พี่ราล์ฟ!! พี่จะทำอะไร" คำถามไม่เป็นผลเมื่อลิ้นร้อนพี่หมอตวัดเลียอยู่ตรงใบหู อ้ากกก ผมรีบพลิกตัวหันหลังให้ก้มหน้าแนบเตียงนุ่มหนีจากเหตุการณ์ชวนสยิว ใช่ ผมชอบพี่เขา รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ทุกสัมผัสของพี่หมอที่ผมได้รับไม่ได้รังเกียจเหมือนของไอ้พี่แม็ค ตรงกันข้ามรู้สึกดีจนผมรู้สึก….แต่มันไม่ได้เว้ย ไม่ใช่ตอนนี้ พี่เขามีแฟนแล้วนะเว้ย


แคว้ก


"พี่!!"


          ผมร้อนลั่นเมื่อด้านหลังของเสื้อนักศึกษาถูกฉีกขาดจนรับรู้ถึงความเย็นของแอร์ ฮือ เสื้อกู ตัวกระตุกเมื่อลิ้นร้อนลากผ่านไปทั่วแผ่นหลัง ยกมือไปทุบแขนแกร่งเมื่อรู้สึกว่าโดนกัด ใช่!! พี่เขากัดผม แต่ทุบไปได้ไม่กี่ครั้งแขนแกร่งก็รัดผมไว้แน่นจากทางด้านหลังแทบดิ้นไม่ได้ แผ่นหลังผมรับรู้สัมผัสถึงผิวเนื้อเย็นที่แนบสนิทกับแผ่นหลังของตัวเอง ไอ้เชี่ย ถอดเสื้อตอนไหนไอ้พี่หมอ! นี่กูหันหลังให้ศัตรูได้ยังไง


"พี่ราล์ฟปล่อยนะเว้ย ไม่ปล่อยผมโกรธแล...อื้อ!!"  ไอ้สัสหยุดเลียตรงใบหูกูเสียว


"ทำโทษเด็กดื้อ" พี่ราล์ฟลากลิ้นอยู่แถวหลังคอผมก่อนจะกัดจนเจ็บจี๊ด เป็นรอยแน่ๆเลย


"ทำโทษก็ไปเอาไม้เรียวมาดิพี่!! ไม้แขวนเสื้อก็ได้ อย่าทำ…ใช้ล้างจา อื้อ!!" ร่างผมโดนจับพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากับใบหน้าหล่อเทวดา ขณะนี้มันเซ็กซี่จนชวนผมใจสั่น ได้สังเกตเพียงไม่กี่วิ ริมฝีปากก็ถูกจู่โจมจากริมฝีปากร้อนแรงรับรู้ได้ถึงกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ


"อื้อออ" ได้แต่ร้องประท้วงผ่านเสียงในลำคอ พยายามหันหน้าหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่ล็อคปลายคางไว้แน่นพร้อมกับบีบให้เปิดปากลิ้นร้อนรุกรานเข้ามาอย่างเอาแต่ใจกวาดต้อนชักนำอย่างเร่าร้อนจนผมเริ่มคล้อยตาม มือผมทุบร่างแกร่งตรงหน้าจนเจ็บและเริ่มอ่อนแรง สมองเริ่มว่างเปล่า ความคิดผิดชอบชั่วดีเริ่มเลือนลาง ความต้องการของร่างกายกำลังอยู่เหนือเหตุผล ไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้ ไม่เคยได้จูบแบบนี้ ไม่เคยทำกับใครแบบนี้ รู้สึกดี ต้องการ อยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นอย่างไรต่อตามแรงอารมณ์


"อื้อ...พี่...อย่า...พะ..พอ...อ่า" ผมพยายามจะร้องห้ามเมื่อสติเริ่มกับมาหลังจากพี่ราล์ฟผละจูบออก ทว่า...ตัวผมก็กระตุกอีกครั้งเมื่อลิ้นร้อนครอบลงไปที่หัวนม ทั้งดูดแรงจนเกิดเสียงหน้าอาย ขบกัดจนเจ็บปนสยิวต้องเผลอครางส่งเสียงน่าอายอย่างไม่รู้ตัว รีบเอามือตะครุบปาก แต่ทว่าก็โดนดึงออกทุกครั้ง ฝ่ามือแกร่งลูบไล้สีข้างผมจนตัวเกร็งวนเวียนอยู่แถวอกก่อนจะลากลงต่ำและดึงกางเกงบ็อกเซอร์ผมออกไปอย่างง่ายดาย สติผมเริ่มกลับมาเมื่อรู้สึกตัวว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว


"ผม...ผมจะกลับบ้าน!! ถ้า...ถ้าพี่ทำอะไรผมอีกผมต่อยพี่แน่" ตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนก และไม่พอใจ พี่ราล์ฟชะงักผละออกไปยืนข้างเตียงเต็มความสูง ผมเริ่มใจชื้นคิดว่าพี่เขาหยุดแล้ว รีบเอาผ้าห่มมาคลุมร่างขยับไปนั่งชิดหัวเตียง เตียง เตียงอีกแล้วโว้ย วันนี้ทำไมกูเจอแต่เตียง ตอนนี้รู้สึกเกลียดเตียงฉิบหาย กลับบ้านไปคืนนี้กูจะนอนในโลง!!


"รังเกียจพี่?" พี่ราล์ฟถามเสียงเรียบ สีหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยแรงอารมณ์และความต้องการ หายใจหอบถี่ ลำคอและหน้าอกแดงเถือก หน้าท้องแกร่งเกร็งตัวจนเห็นรอนหกลูกอย่างชัดเจน ต้นแขนแกร่ง หน้าท้อง และหน้าอกมีรอยเล็บข่วนเต็มไปหมด ใครข่วน กูเหรอ? ผมเริ่มใจไม่ดีเมื่อมือแกร่งค่อยๆปลดเข็มขัดตัวเองออก ค่อยๆรูดซิปลงและแหวกออกจนเห็นชั้นในสีดำที่มีอะไรโป่งนูนอยู่ด้านใน ไอ้เชี่ย


"ผม...ผมไม่ได้รังเกียจพี่" ผมเริ่มขยับหนีเมื่อพี่ราล์ฟเริ่มคลานขึ้นมาบนเตียง "แต่พี่มีแฟนแล้ว แล้ว แล้วเราไม่ได้เป็น เฮ้ยๆๆ พี่!!"


          ผมร้องเสียงหลงเมื่อมือแกร่งจับข้อเท้าผมลากมาที่กลางเตียง สองมือแกร่งจับขาผมแยกออกจากกันอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่น่าอายจนต้องเอาผ้าห่มปิดหน้า ขาผมถูกแหวกออกและกดจนหัวเข่าติดกับเตียงนอน ผมหมดแรงแล้ว


"อื้อ อ่า อย่า อย่า ทำ อื้อออ" ลิ้นร้อนลากเลียตรงส่วนโป่งนูนของผมที่อยู่ภายในกางเกงในสีขาว มันเปียกชื้นจนน่าอาย ลากเลียซ้ำๆไปมาตามความยาว จนผมดิ้นพล่านขยับหนีไปไหนไม่ได้เมื่อขาถูกกดไว้ด้วยมือแกร่ง ทำได้เพียงดันหัวพี่ราล์ฟไว้จนผมที่ถูกมัดไว้หลุดปล่อยสยาย ลิ้นร้อนลากเลียไปตามผิวเนื้อขาอ่อนด้านในวนขึ้นมาตรงท่อนเอ็นผม ชั่วอึดใจมือแกร่งก็ถอดผ้าชิ้นสุดท้ายของผมที่อยู่ตรงหน้าพี่เขาออก


"อื้อ อื้อ อ่า หยุด!! อ่า...พี่ราล์ฟ" ปากร้อนก้มลงครอบครองท่อนเอ็นผมอย่างเอาแต่ใจ ขาผมถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วแต่มันแยกออกจากกันอย่างห้ามไม่อยู่ ผม..ผมต้องการปลดปล่อย สมองว่างเปล่า กิเลสครอบงำ ผู้ชายคนนี้อันตรายหน้าตาเขาคือกับดัก สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาคือมนต์สะกด


"พี่...พี่...ราล์ฟ...อ่า" ปากร้อนดูดอย่างรุนแรง ทุกสัมผัสไม่มีอ่อนโยนเหมือนเป็นการลงโทษอย่างที่พี่ราล์ฟพูดมันเจ็บแต่ร่างกายผมตอบสนองทุกสัมผัสอย่างเผลอตัว เหมือนพี่เขารู้ว่าผมเริ่มไม่ไหว เขาผละออกขึ้นมาจูบผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมไม่ขัดขืนแต่ก็จูบไม่เป็น เหมือนเขารู้และชักนำให้ผมทำตาม รู้สึกดี... มือร้อนลูบไล้ขยำก้นผมอย่างหนักหน่วง ร่างกายทุกส่วนของผมแทบไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาไม่ได้สัมผัส สะโพกแกร่งขยับถูไถกับท่อนเอ็นผมจนผมรู้สึกได้ถึงส่วนนูนใหญ่ใต้ร่มผ้าของคนตรงหน้า "อ่า...พี่" ริมฝีปากร้อนขบกัดตรงลำคอพร้อมกับมือร้อนขยำตรงหน้าอกแบนราบของผมอย่างรุนแรง เร่าร้อน เส้นผมนุ่มลากผ่านตัวผมจนขนลุกเกรียวทุกครั้งที่พี่ราล์ฟขยับ เอื้อมมือไปจับผมนุ่มมาสูดกลิ่นอย่างคนละเมอ


"อื้อ พี่...พี่ราล์ฟ" สติผมขาดๆหายๆ ท่อนเอ็นผมถูกครอบด้วยริมฝีปากอุ่นอีกครั้ง ลิ้นร้อนตวัดรัวเร็วจนผมครางไม่เป็นภาษา


"พี่..แฮ่กๆ..อ่า...ไม่ไหวแล้ว...พี่...อื้ออออออ" เอามือดันพี่ออกเพราะเริ่มไม่ไหวแต่พี่เขาไม่ยอมจนผมกลั้นไม่ไหวตัวกระตุกเกร็ง ปล่อยออกมาในโพลงปากอุ่น ทำได้แค่เอ่ยเบาๆว่า...ผมขอโทษ


"ฤกษ...ฤกษ์ครับ" เสียงทุ้มหวานแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนกระซิบเบาๆข้างหูอย่างออดอ้อนเหมือนจะขออะไรสักอย่าง ผมอาจหูฝาด


           ร่างกายเบาหวิว หนังตาหนักอึ้ง ริมฝีปากผมถูกกดจูบด้วยริมฝีปากร้อนชื้นที่มีกลิ่นคาว ดวงตาค่อยๆปิดลงอย่างคนหมดซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ รับรู้สัมผัสอุ่นอ่อนโยนที่หน้าผาก เปลือกตา แก้ม  ผม...ผมทำอะไรลงไป เป็นชู้กับแฟนคนอื่น...ผมทำให้คนที่ตัวเองชอบเป็นเกย์ ฮือ ผมเหนื่อยจะคิดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นขอเป็นแค่ฝันลามกๆของผมได้ไหม  ผมขออนุญาตนอนเพิ่มพลังก่อนวันนี้เหนื่อยจนแทบขยับร่างไม่ได้ และสัมผัสสุดท้ายอุ่นวาบแผ่วเบาตรงหน้าท้องที่เริ่มมีรอยเขียวช้ำเหมือนเป็นการบอกฝันดี


"หายไวๆนะ"

         







"นายน้อย! เป็นอย่างไรบ้างครับ"  ชายร่างใหญ่ผมสีบลอนด์ห้าหกคนที่ซุ่มอยู่อีกฝั่งวิ่งเข้ามาสมทบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ถอดเสื้อตัวเองไปใส่ให้น้อง…. จับใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นยกมือปาดน้ำตาบนแก้มขาวให้อย่างแผ่วเบา



"เราปลอดภัยแล้ว กลับ…"



"พี่!!" พลันในสายตาของเจ้าร่างเล็กก็เห็นชายชุดดำที่นอนจมกองเลือดอยู่ยกปืนขึ้นด้วยมืออันสั่นเทามาที่พวกเขา





ปัง!!





"ฤกษ์!!!!!!"



          ร่างเล็กตาโบกโพลงในอ้อมกอดของพี่ ร่างทั้งสองค่อยๆทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานค่อยๆไหลออกจากแผ่นหลังด้านซ้าย มือเรียวสั่นระริกเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นของเลือดคนตรงหน้า…


"พี่….ปลอดภัยแล้ว"  มือเล็กค่อยๆเอื้อมไปจับแก้มเย็นเฉียบของคนตรงหน้าด้วยมืออันสั่นเทาและร่วงหล่นลงกระทบพื้นในเวลาต่อมาจนคนตรงหน้าใจแทบขาด


"ฤกษ์ ฤกษ์!!!" พี่เขย่าร่างเล็กเพื่อหวังให้ฟื้นแต่สูญเปล่าร่างน้องแน่นิ่งไม่ไหวติง สองแขนช้อนร่างน้องอุ้มขึ้นลืมทุกความเจ็บปวดของบาดแผลตรงขาที่ถูกยิง


"ตามหมอเคริกมาเดี๋ยวนี้!!"

 

           ร่างเล็กถูกอุ้มลงจากเฮลิคอปเตอร์วางไว้บนเตียงโดยมีคนพี่อยู่ใกล้ไม่ยอมห่างจนส่งน้องเข้าห้องผ่าตัด พี่ก็ยังยืนนิ่งรออยู่หน้าห้อง เสื้อผ้าและสองมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของร่างเล็กและแผลจากการถูกยิงที่ขาของเขา คนพี่ทำการรักษาแผลที่ขาของตัวเองอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ยอมขยับไปไหน และมีบอดี้การ์ดเกือบยี่สิบคนยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าห้องผ่าตัด สักพักประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หมอเดินมาหาด้วยสีหน้าลำบากใจก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้พี่แทบคลั่ง


"คนไข้อาการสาหัส กระสุนอยู่ใกล้หัวใจมากเกินไปครับ ทางเราไม่มีเครื่องมือทันสมัยที่จะผ่าตัด และไม่มีเลือดพอ….กริ๊ก!"


"ยื้อชีวิตให้ได้นานที่สุดอีกสิบห้านาทีหมอที่มีฝีมือที่ดีที่สุดกับเครื่องมือที่ดีที่สุดจะมา ถ้าเขาตาย คุณและครอบครัวคุณก็ต้องตาย!!" เจ้าของดวงตาคมเทาหม่นยกปืนจ่อขมับหมอด้วยสีหน้าน่ากลัว น่ากลัวขนาดที่หมออายุห่างกว่าเขาสามสิบปีหน้าซีดและเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น แววตาคมคู่นี้ไร้ซึ่งความปราณีและเมตตา…


          ยี่สิบนาทีผ่านไปเฮลิคอปเตอร์อีกลำก็บินมาจอดตรงดาดฟ้า บอดี้การ์ดสิบกว่าคนรีบวิ่งขึ้นไปช่วยขนอุปกรณ์การแพทย์ลงมาที่ห้องผ่าตัด หมอเคริกหมอหนุ่มคนเก่งฝีมือระดับโลกและประจำตระกูลเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบด้วยสภาพรองเท้าแตะกางเกงขาสั้นลายดอกที่ดูก็รู้ว่ากำลังเที่ยวทะเลอยู่ ถึงจะบอกว่าเป็นหมอประจำตระกูลฝั่งพ่อแต่ทว่า..ก็เหมือนหมอส่วนตัวเขามากกว่า เจ้าของตาคมอยู่ประเทศไหนหมอเคริกก็จะอยู่ประเทศนั้น เหมือนคอยเตรียมตัวพร้อมอยู่ตลอดเวลา


"นายไม่ได้เป็นอะไรนี่" หมอเคริกถามออกมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นนายยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัด หมอเคริกตัดภาพขาที่เห็นว่าเลือดอาบโชกออกไป เพราะยังยืนได้คือไม่เป็นไร


"ถ้าเขาตายผมรับรอง คุณไม่เหลือแม้แต่ซากกลับถึงบ้าน" เจ้าของดวงตาคมพูดเสียงเรียบแต่เย็นเยียบ


"เชื่อฝีมือผมเถอะหน่า แม้แต่ยมทูตยังต้องมาขอร้องเอาความตายคนไข้จากผม" หมอเคริกพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไม่สนใบหน้าน่ากลัวตรงหน้า เจ้าเด็กคนนี้น่ากลัวก็จริงแต่เขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยและสนิทกันถึงจะแบบอึมครึมๆก็เถอะ


"อย่าให้มีแม้แต่รอยแผลเป็น" เจ้าของนัยน์ตาเทาหม่นพูดเสียงเหี้ยมกับหมอผมทองมาใหม่

           หมอเคริกพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูห้องผ่าตัดให้ขนเครื่องมือต่างๆมากมายที่มีคนเข็นมาห้าถึงหกคนเข้าไปข้างใน หมอเคริกเดินเข้าห้องผ่าตัดเป็นคนสุดท้ายและทิ้งท้ายประโยคไว้เบาๆเมื่อเห็นเอกสารข้อมูลคนไข้ที่พยาบาลส่งมาให้


"สำคัญขนาดนั้นก็น่าจะดูแลดีๆสิ ถ้าฉันไม่ตามมาใครจะรักษาได้"



ตึก


ตึก


ตึก

 


         ในห้องพักฟื้นที่หรูหราที่สุดในโรงพยาบาลต่างจังหวัดที่ได้ถูกจองไว้ตลอดทั้งปี มีร่างเล็กใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงมาร่วมอาทิตย์แล้วทว่า...ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย ภายในห้องเงียบกริบ บนโซฟายาวมีร่างของผู้เป็นยายนอนหลับอยู่ใกล้ๆ ใครบางคนค่อยๆเดินเข้าไปหาหยิบผ้าห่มที่ร่วงลงพื้นข้างโซฟาขึ้นมาห่มให้อีกครั้ง


           เจ้าของตาคมยืนอยู่ข้างเตียงของร่างเล็กอย่างเงียบๆ ยกมือเรียวขึ้นลูบผมนุ่มไปมาเหมือนทุกครั้งที่เขาทำ ดวงตากลมโตภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยับยุกยิกเมื่อรับรู้ถึงฝ่ามืออุ่นและค่อยๆลืมขึ้น ภาพแรกที่ปรากฎในสายตาของร่างเล็กคือเด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่เกินวัยใบหน้าหล่อเหลาสะกดสายตาและดวงตาคู่สวยคมเทาหม่น ฝืนเอื้อมมือไปคว้ามืออุ่นที่ลูบผมอยู่บนหัวตัวเองมาแนบแก้มนุ่มอย่างกลัวพี่จะหายไป ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้งอย่างฝืนตัวเองไม่ไหว ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคู่คมตลอดไม่มีพลาดทุกการกระทำแม้กระทั่งจังหวะการหายใจ เจ้าของตาคมก้มลงจูบที่หน้าผากน้องเบาๆก่อนจะผละออก


"เราต้องไปแล้วครับ"


"อืม" ใช่ เขาต้องไปแล้วเขาทำได้แค่รอให้น้องฟื้นเมื่อน้องฟื้นเขาต้องไป เขาไม่สามารถผลัดวันได้อีกแล้ว มีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาต้องไปสะสางให้เสร็จ

           ควรปล่อยให้น้องได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เป็นคนธรรมดาที่แสนมีความสุข ดีกว่าอยู่ใกล้เขาที่มีอันตรายรอบด้าน น้องเกือบต้องตายแค่เพราะอยู่ใกล้เขา...แค่เพราะเขาเห็นแก่ตัวดึงดันที่จะอยู่พักที่นี่ต่อก็เป็นจุดอ่อนให้ศัตรูตามรอยเจอ เขาลืมคิดถึงผลกระทบที่คนข้างกายจะได้รับแค่เพราะตัวเองมีความสุข


          เอื้อมมือสัมผัสผมนุ่มครั้งสุดท้าย ชะงักมือเมื่อน้ำตาของน้องค่อยๆไหลออกจากหางตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท ปาดเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาก่อนจะหันหลังเดินจากมา ตาคมค่อยๆหลับตาลงอย่างกลั้นความรู้สึก ไม่ว่าความรู้สึกแปลกๆอะไรก็ตามแต่ที่เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกดให้มันลึกลงไปที่ก้นบึ้งของหัวใจ กดลงไว้... อย่างน้อยน้องน่าจะได้รู้ว่าเขาชื่ออะไร เพียงแค่เพราะเขาอยากแกล้งน้องเลยไม่ยอมบอกไปแต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะเป็นการที่น้องไม่รู้ตลอดกาล ดีแล้ว...อาจลืมง่ายกว่า ชีวิตนี้ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากอำนาจ  ศัตรู ธุรกิจของตระกูลฝั่งพ่อเพราะเขาโดนปลูกฝังมาแบบนั้น ไม่เคยลำบากใจและเกินกำลังที่จะทำ แต่มาวันนี้มีบางอย่างกวนใจเขา...






 :pig4: :pig4:









หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2020 03:11:45
น้องฤกษ์เคยช่วยชีวิตเสี่ยงตายแทนพี่ราลฟ์นี้เอง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 14-05-2020 05:02:33
บทลงโทษเบาๆ น้องหายแล้วอย่าลืมเคลียเรื่องแฟนแฟนนะคุณพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 14-05-2020 06:04:56
เกือบไปแล้วน้องฤกษ์ เกือบจะได้เป็นเมียหมอล่ะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-05-2020 07:08:09
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: toonsora ที่ 14-05-2020 09:24:47
ติดงอมแงมเลยยยย โอ๊ยยยยยยย อิพี่เบาได้เบาเด้ออออ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2020 00:10:30
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่19...แนบชิด 14/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-05-2020 15:49:07
พาร์ทอดีตถือว่าเคลียร์จบแล้วเน้อะ อิอิ
น้องเคยช่วยชีวิตพี่ไว้เลยอ่าา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล +++++》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 17-05-2020 02:11:55
20…ความกังวล





           ณ  ขณะนี้ผมกำลังช็อคและอะดรีนาลีนกำลังพุ่งพล่านแข้งขาสั่นยิกๆ เมื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมา (เอ๊ะ! ใครว่าผมเว่อร์) นาฬิกาที่ข้อมือผมก็บอกเวลาสี่ทุ่ม!! ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นหลั่งไหลเข้ามาในหัวเหมือนเฉกเช่นโดนน้ำผสมน้ำแข็งก้อนสาดแถมถังน้ำครอบหัวไว้เป็นที่ระทึกช่วงสงกรานต์  ก้มลงสำรวจตัวเองใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ ค่อยๆลุกขึ้นย่อง ย่อง ไปที่ตู้เสื้อผ้าสีดำขอบทองเอ่ยขอยืมเสื้อกับกางขาสั้นที่คิดว่าถูกที่สุดอยู่ในใจมาใส่ ร้องซี้ดออกมาเบาๆเมื่อพิษจากอาการฟกช้ำตรงหน้าท้องเริ่มออกฤทธิ์เปิดหน้าท้องดูเป็นรอยช้ำจนน่ากลัว...มีกลิ่นยาด้วยแฮะ ใครทายาให้ผมกัน? หันไปมองสำรวจรอบๆห้อง เงียบกริบ ไม่มีใคร ผมอยู่ในห้องหรูแปลกตาเพียงลำพัง... หนีสิครับ!! รอพ่อมาทักเหรอ



ตึง ตึง ตือ ดื๊อ ตึง ตึง ~


ตือ ดือ ตึง ตึง ตือ ดือออ~



          โปรดจงจินตนาการมโนในหัวว่าคือทำนองเพลง mission impossible นะครับเพื่ออรรถรสในการอ่าน คิ้กค้าก  ขณะนี้ผมกำลังค่อยๆย่องออกมาหน้าห้องนอน กระดึ๊บๆ หลังติดผนังเดินไปที่ผ้าม่านสีดำตรงหน้า เอื้อมมือเปิดออก yedเข้! ตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า โอ๊ย ท้องผม เปิดม่านออกภาพที่ผมเห็นคือผนังกระจกเกือบรอบทิศทาง!! แต่ผมไม่สนใจเท่าวิวที่เห็นเมื่อสักครู่ มันสูงจนลูกกระเดือกผมสั่นคลอน ถ้าบอกว่าห้าสิบชั้นมันจะได้ไหมวะ ตายๆสามเมตรผมก็สั่นแล้ว ค่อยๆเขยิบตูดออกมาให้ห่างๆ แล้วนั่งสงบใจแป๊บ ฮะ? ว่าผมกลัวความสูงอ่อ เอ้า! รู้เฉย ถ้าให้เดาผมว่าที่นี่มันต้องเป็นคอนโดแน่ๆ แต่เป็นคอนโดที่หมือนบ้านหลังโคตรใหญ่หลังหนึ่งอ่ะ แม่งมีสองชั้นว่ะ คอนโดมีสองชั้นได้ด้วยเหรอครับ? เกิดมาไม่เคยเห็น เอ๊ะๆ นั่น เพดานตรงนั้นเป็นกระจกด้วย เห็นดาวโคตรชัด เฮ้ย ไอ้ฤกษ์สติๆ ไม่ใช่เวลามานอกเรื่อง


          ผมกลับมาเป็นคนมีสาระอีกครั้ง!? ค่อยๆย่องเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง โอ้โหหหห มีสระน้ำด้วย ดีจังวะ ข้าวของเครื่องใช้นี่เกินไปไหม ยังกับอยู่วังพระราชา ใช้เงินเยอะจังวะ ผมมองข้าวของหรูหรารอบห้องอยู่ห่างๆไม่กล้าเดินไปใกล้กลัวทำเสียหาย ขายเครื่องในหมดร่างก็คงยังไม่พอใช้ถ้าเกิดทำพังขึ้นมา มองรอบฟห้องชั้นล่างไม่มีใครอยู่สักคน มีห้องสองสามห้องที่บานประตูปิด


 แกร้ก


          หันไปมองบานประตูหรูอย่างสงสัยเสียงบานประตูก็แทบจะเปิดทันที ด้วยความที่เป็น รด. เก่า(แต่...โดนครูฝึกด่าทุกครั้งที่วิดพื้น เพราะวิดไม่ค่อยขึ้นครับ!!)ทำให้ผมกระโดดไปหลบหลังโซฟาหรูอย่างรวดเร็ว อื้อหือ ขนโซฟานุ่มจังวะ เฮ้ย ไม่ใช่ ผมแอบมองผ่านช่องเล็กๆตรงโซฟาเห็นพี่อันเดรียคนหล่อหัวทองเดินออกมาจากห้องตรงมาที่โต๊ะตรงมุมห้องที่มีเอกสารเยอะแยะวางไว้เต็มไปหมด เสื้อไอ้พี่ราล์ฟนี่ก็น่ารำคาญชะมัดตัวใหญ่จนคอเสื้อไหลลงมาตกที่ต้นแขนขวา อีกนิดเดียวหัวนมกูจะโผล่ละ ดีนะที่กางเกงมีเชือกให้ผูกไม่งั้นผมจะไปหายางวงในห้องหรูนี่ได้จากที่ไหน พี่อันเดรียหยิบเอกสารพวกนั้นและกลับเข้าไปในห้องเดิม ทำไมผมรู้สึกว่าพี่เขาเหล่มองมาทางที่ผมซ่อนตัวอยู่วะ หรือจะรู้ ไม่หรอกหน่า ผมซ่อนออกจะเนียน พี่เขาอาจจะเจ็บตามั้ง คิดได้ดังนั้นเมื่อพี่อันเดรียเดินเข้าห้องไป ผมก็คลาน กระดึ๊บๆ ไปที่ประตู เจ็บเข่าสัส!!


ติ๊ด ติ๊ด


          เอ๋….? ประตูเชี่ยไรเนี่ยปุ่มเยอะจังวะ ต้องสแกนม่านตาเลยไหมวะ เว่อร์ไปหรือเปล่าไอ้ประตูเอ๊ยยย ผมไม่ยอมแพ้กดมันทุกปุ่มที่มี เอาซี้ ใครมันจะแน่กว่ากัน


ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด แกร้ก


          เยสสส ไอ้ฤกษ์อัจฉริยะประตูกล ฮิๆ "เชี่ยยย" ผมสบถเบาๆเมื่อเปิดประตูไปเห็นพี่ๆบอดี้การ์ด ยืนเป็นยักษ์ปักหลักอยู่หน้าประตูสองคนซ้ายขวา และตลอดทางเดินที่จะเดินไปลิฟท์มีพี่การ์ดยืนเรียงรายอีกห้าหกคน เอ่อ ผมควรทำไงดีวะ? ยกมือทักทายหยอยๆพร้อมกับส่งยิ้มหล่อๆไปให้ พี่การ์ดทำแค่ก้มหัวรับอย่างสุภาพแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมค่อยๆเดินผ่านอย่างกลั้นใจเมื่อไม่มีการทักท้วงอะไรจากพวกพี่ๆ ผมนี่ซอยเท้าเปล่าถี่ยิบไปที่ลิฟท์อย่างรวดเร็ว อย่าทักเรื่องรองเท้านะเว้ย


"ฮ้าววว หิวจังเลยไปซื้อหนมให้พี่ราล์ฟดีกว่า" ยกมือขึ้นทำท่ายืดเส้นยืดสายระหว่างรอลิฟท์ให้เนียนๆเหมือนเรียนมา อย่าให้เขารู้ว่าแอบหนีเจ้าของห้องมา หยึย~ แค่คิดหน้าพี่ราล์ฟก็ลอยมาแล้ว ไอ้เชี่ย หน้าร้อน อับอายผมทำอะไรลงป๊ายย


ติ้ง


          กดลิฟท์ลงชั้นหนึ่งจากชั้น75 ไอเชี่ย สูงฉิบหาย แต่ช่างเหอะ ผมเหนื่อยจะตกใจแล้ว เก็บแรงไว้ตกใจตอนได้เอวิชาภาษาอังกฤษดีกว่า เยสสส รอดแล้วโว้ยอย่างน้อยก็หนีไปตั้งหลักก่อน ฮิฮ้า ผมกระโดดโลดเต้นกระพือปีกอยู่คนเดียวในลิฟท์เหมือนคนบ้า โบกมือบ๊ายบายให้กล้องในลิฟท์ โอ๊ยๆ ลืมสังขารว่าเจ็บท้องอยู่ และความเจ็บเมื่อสักครู่ก็ทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้ว่า?!!!! กระเป๋าตังค์ผมล่ะ โทรศัพท์ผมล่ะ ฮือออออ


ตึ้ง


          ยืนคอตกอยู่ชั่วครู่ประตูลิฟท์ก็เปิดออก เงยหน้าขึ้นกำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟท์อย่างคนหมดแรง ทว่า...ก็ถอยหลังอย่างรวดเร็วกับภาพตรงหน้า


"พี่...พี่...ชิโน"


"สวัสดีครับคุณฤกษ์ ออกมาเดินเล่นนานแล้วนะครับขึ้นไปพักบนห้องเถอะครับ'นาย'กำลังรออยู่"


"ผมจะ...กลับบ้าน" หมดเรี่ยวแรงจะพูดต่อ


"เรื่องนั้นเดี๋ยว'นาย'พาไปส่งครับ แต่ตอนนี้กลับขึ้นข้างบนกับผมก่อนนะครับ ดึกขนาดนี้แล้วอันตรายครับ นี่ครับ"


            พี่ชิโน่เดินเข้ามาในลิฟท์ก้มลงวางรองเท้าแตะที่มีลายลวดลายเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 'BALENCIAGA' รอบรองเท้าเต็มไปหมด ให้กับผมและหันไปกดลิฟท์ชั้น75!! ผมทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิทับรองแตะอย่างหมดแรง รองตูดกูด้วยเจ้ารองเท้า ฮือ แล้วที่กูคลานหนีเป็นสายลับจนเจ็บเข่าฉิบหายนี่คืออาร๊ายยยยยย



 


          ผมนั่งฟุบหงอยเหงาเอาแก้มขวาแนบหินอ่อนเย็นเยียบตรงเคาน์เตอร์บาร์ใกล้สระว่ายน้ำสีฟ้าใสแจ๋วที่มีกระจกใสกั้นแทนผนังปูน มีพี่การ์ดเดินเป็นวิวให้มองอยู่สองสามชีวิตตรงสระน้ำ พี่ชิโนบอกให้ผมขึ้นไปนอนแต่ผมไม่ง่วงเลยนั่งโด่เด่อยู่ในห้องเพียงลำพัง พี่ชิโนเดินเข้าไปในห้องเดียวกับพี่อันเดรียได้สักพักแล้ว ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานเพราะแอบเห็นตอนที่พี่ชิโนเปิดประตูมีคอมพิวเตอร์และโต๊ะประชุมยาวอยู่กลางห้อง ละจากวิวตรงสระว่ายน้ำเปลี่ยนเป็นแก้มซ้ายแนบเคาน์เตอร์บาร์จ้องมองขวดไวน์และเหล้านอกยี่ห้อต่างๆที่วางอยู่ในตู้กระจกหลังบาร์และเริ่มนับขวดฆ่าเวลา


แกร้ก


         นับยังไม่ทันจะถึงสามขวดเสียงเปิดประตูจากห้องข้างๆพี่อันเดรียกับพี่ชิโนก็ดังขึ้น พี่ราล์ฟ...พี่เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อมองมาทางผม หล่อฉิบ!! ผมทำเป็นมึนมองไม่เห็นพี่เขาและเปลี่ยนท่าเป็นหันไปมองวิวสระน้ำเหมือนเดิม เพื่อหลบสายตาและลดอาการหน้าร้อน ทำไงดีๆ  ไอ้เชี่ย เสียงฝีเท้า มาแล้ว มาแล้ว พี่เขาเดินเข้าแล้ว แกล้งหลับแม่งเลย


          มีเสียงก๊อกแก๊กๆดังเบาๆอยู่หลังบาร์ เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง มีเงาทาบทับบนใบหน้าผม เสียงก้นแก้ววางกระทบหินอ่อน เสียงน้ำแข็ง เสียงเทของเหลวลงแก้ว เสียงเลื่อนเก้าอี้และเหมือนมีคนนั่งข้างๆผม ฮือ ผมควรทำไงกับบรรยากาศแบบนี้


"พี่สั่งอาหารไว้ให้ จะกินเลยไหม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นผมตีมึนทำเป็นหลับ จะว่าไปผมไม่ค่อยหิวเลย อาจจะแดกหมัดจนอิ่มแล้ว ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ฝ่ามืออุ่นก็วางลงบนผมผม ลูบไปมาอย่างอ่อนโยนรู้สึกดี...จนเริ่มง่วงแล้วจริงๆ


"พี่!!!"


          ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งดีๆเมื่อสัมผัสนุ่มอุ่นแตะเบาๆลงที่ลำคอ...พี่ราล์ฟจูบคอผม หันหน้ากลับไปแทบจะทันทีอย่างเอาเรื่อง พี่ราล์ฟนั่งเอามือเท้าศีรษะด้านข้างมองผมอีกมือถือแก้วเหล้ายกขึ้นดื่มด้วยท่าทางผ่อนคลายเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่เคยเห็นพี่เขาดูผ่อนคลายเท่าครั้งนี้เลย


"พี่ทำอะไรวะ ไอ้คนฉวยโอกาส!!" ผมไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนพี่นะเว้ย กูประสาทจะแดกอยู่แล้ว


"มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว" พี่ราล์ฟว่าเสียงเรียบเหมือนบอกให้แดกข้าว และนั่งจ้องผมด้วยสายตาเหมือนเจ้าป่าเจอเหยื่อ มึงผิดแล้วไอ้พี่ราล์ฟ ผมไม่ใช่ตัวตุ่นนะผมเป็นนายพราณ เอือก กลืนน้ำลายไม่ค่อยลงแฮะ


"พี่ชอบผู้ชายเหรอวะ" ผมถามอย่างคลางแคลงใจไม่ใช่พึ่งจะมาเป็นเหมือนผมนะเว้ย


"ก็มีบ้าง แล้วถ้าพูดกับพี่เหมือนเพื่อนเล่นอีกระวังตัวไว้ดีๆ" เฮ้อออ ถอนหายใจอย่างโล่งอก พี่เขาเป็นก่อนผมเว้ย


"หิวข้าวไหม พี่สั่งอาหารมาให้" พี่ราล์ฟถามและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เท่ว่ะขนาดแดกเหล้าเฉยๆยังเท่ ผมเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราเมื่อเย็น ด้วยพี่ราล์ฟก็ไม่ได้พูดถึงและเอ่ยอะไรออกมา ผมเองก็ผิดที่ไม่ขัดขืนให้มากกว่านี้ อาจเพราะเป็นพี่… อาจเพราะรู้สึกดีกับสัมผัส… อาจเพราะเผลอปล่อยไปตามอารมณ์…. อาจเพราะเผลอปล่อยใจ... ผมจะปล่อยเบลอและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก คนอย่างพี่ราล์ฟกับผมไม่มีทาง… อ่า เตือนตัวเองได้ดังนั้นอยู่ดีๆ ก็รู้สึกยิ้มไม่ค่อยออกเลยแฮะ


"ไม่ครับ มันตื้อๆท้อง"


"งั้นกินนมรองท้องจะได้กินยา พี่จะทายาให้อีกรอบปวดมากไหมจะได้ฉีดยาให้แทน" พี่ราล์ฟลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นเทนมใส่แก้วและวางไว้ตรงหน้าผม


"ไม่มากเท่าไหร่ครับ พี่ราล์ฟกินนี่ได้ปะ?" ผมชี้ไปที่ขวดเหล้านอกที่อ่านยี่ห้อไม่ออกแต่น่ากินชะมัด แดกคนเดียวไม่มีชวน


"กินนม" ตาคมจ้องมาอย่างดุๆ เชิงบังคับให้ยกนมขึ้นดื่มเดี๋ยวนี้ ไม่ได้กลัวนะครับแต่แดกเหอะ ยกนมขึ้นดื่มอยู่ดีๆภาพที่พี่ราล์ฟ ดูด เลีย ขบกัด ขยำนมผม และใบหน้าเซ็กซี่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เมื่อช่วงเย็นก็ฉายเข้ามาในหัว เกิดอาการร้อนลูบวาบไปทั่วท้องน้อย เชี่ยไรเนี่ย ฮึ่ย~ ไอ้ฤกษ์ ไอ้จัญไร


ติ๊ด ติ๊ด แกร้ก


           เสียงเปิดประตูจากทางเข้าหน้าห้องดังขึ้น ปรากฎร่างงามคุ้นตาในชุดเดรสรัดรูปสีดำ พี่ลลิน…สองมือเล็กถือถุงหิ้วพะรุงพะรัง ขาเรียวสวยบนรองเท้าส้นสูงก้าวเข้ามาในห้องอย่างคุ้นชินก่อนจะมาหยุดอยู่ที่บาร์น้ำข้างพี่ราล์ฟ ผมยกมือไหว้พี่ลลินเมื่อพี่เขาหันมาเห็นผมและทำสีหน้าแปลก 


"น้องฤกษ์นี่!! มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ" พี่ลลินพยักหน้ารับไหว้ และเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ


"เอ่อ...คือผม…" รู้สึกผิด…


"มาทำไม" พี่ราล์ฟถามแทรกขึ้น


"ไปเที่ยวฝรั่งเศสมาค่ะแวะเอาของฝากมาให้ อยู่กันแค่นี้เหรอ" พี่ลลินมองไปรอบๆห้อง


"อืม กลับไปได้แล้ว" อ่า เย็นชาจัง ผมนั่งดื่มนมและฟังบทสนทนาอย่างเงียบๆ


"คิดว่าลินจะไปให้จริงๆเหรอ" พี่ลลินยกมือกอดแขนอ้อนอย่างน่ารักเหมือนจะขออะไรสักอย่าง เหมาะสมกันมาก…


"เอาของไปไว้ในห้องประชุม" พี่ราล์ฟพูดเสียงเรียบ


"ก็แค่นี้" พี่ลลินเขย่งตัวจุ๊บแก้มพี่ราล์ฟอย่างคนอารมณ์ดีหันมาโบกมือให้ผมและรีบวิ่งตรงไปที่ห้องที่มีพี่อันเดรียกับพี่ชิโนอยู่ พี่ราล์ฟกลับมานั่งที่เดิมและดื่มต่อ ผมพยายามฝืนดื่มนมให้หมดแก้วอย่างรวดเร็ว ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องกินนมยากเย็นขนาดนี้แทบกลืนไม่ลงคอ เมื่อหมดแก้วแล้วผมลุกเอาแก้วไปล้างที่หลังบาร์น้ำ เช็ดคืนให้เสร็จเรียบร้อย ผมรู้ว่าพี่ราล์ฟมองอยู่แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ


"ให้ผมนอนตรงไหนครับ" ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อยู่ดีๆก็แผ่วเบา


"ห้องเดิม กินยาก่อนสิ" พี่ราล์ฟยื่นยามาให้ ผมรับมาทานให้เรียบร้อย เอ่ย ขอบคุณเบาๆ หันหลังจะกลับห้องไปนอนแต่ร่างผมก็ถูกกระชากให้หันหลังกลับและถูกอุ้มลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์น้ำมีพี่ราล์ฟยืนแทรกกลางอยู่ระหว่างขาผม


"พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!!"


"เป็นอะไร ทำไมดูเงียบๆ เจ็บตรงไหนอีก" พี่ราล์ฟก้มหน้าลงมาจนจมูกชิด ผมหันหนีและผลักพี่ราล์ฟให้ออกห่างเพราะกลัวพี่ลลินจะมาเห็น ผมน่ะเหรอ...อยู่ดีๆหัวใจก็เจ็บ


"เปล่า ผมแค่ง่วง พี่อยู่ห่างๆผมหน่อยได้ไหม ผม..ผมไม่ชอบว่ะ" พูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห ที่ควบคุมไม่ได้ ผลักร่างตรงหน้าให้ออกห่างอีกครั้งแต่ก็ไม่แม้แต่ขยับ


"ไม่ชอบพี่?" พี่ราล์ฟเลิกคิ้วกระตุกยิ้มร้ายทวนคำ ตาคมมองผมนิ่งอย่างคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างว่ามีอะไรแฝงอยู่ ร้าย? ดี? "แต่บนเตียงเราเกือบเข้ากันได้ดีนะ" ริมฝีปากได้รูปก้มลงกระซิบข้างหูผมเบาๆ


"พี่!! หมับ!!" ยกมือจะต่อยคนตรงหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่แต่ก็ช้ากว่าคนตรงหน้า มือใหญ่กำข้อมือผมไว้แน่นอย่างรู้ทัน

 

"หยุดพูดเรื่องนั้นนะ!! ผมแม่งโคตรกะ…" หยุดคำพูดว่า'เกลียด'ไว้ได้ทัน ผมไม่ได้เกลียดเลย ขอบคุณอยู่ทุกขณะด้วยซ้ำสำหรับวันนี้ที่ช่วยผมเอาไว้ พี่ราล์ฟเลิกคิ้วเข้มสวยได้รูปเหมือนเชิงถามว่าเมื่อกี้จะพูดอะไร ผมได้แต่ปิดปากเงียบอย่างสับสนว่าเป็นบ้าอะไรถึงโมโหใส่เขา


"ไม่ชอบ? เกลียด? หึ!! แล้วยังไงพี่ต้องสนใจ? " พี่ราล์ฟเริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆด้วยท่าทีคุกคาม สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่โมโหขึ้นเรื่อยๆ


"พี่ไม่สนแต่ผมสน พี่มีแฟนแล้วอย่ามาทำรุ่มร่ามกับผม"  ผมกลัวตัวเองจะเสียใจถ้าสักวันผมรักคนเจ้าชู้อย่างพี่ "เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกัน ผมเกลียดการนอกใจ ความเจ้าชู้ ความหัวงู"  ผมว่าผมชักจะหลุดและเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว


"นี่เราหึง?" พี่ราล์ฟเริ่มผ่อนลง


"ไม่ได้หึง!! ทำไมผมต้องหึง!!"  ปฏิเสธเสียงดังกับคำถามที่อยู่ๆก็แทงลงมาที่กลางใจ  "เรื่องเมื่อเย็นผมลืมแล้วถ้าพี่พูดอีกผมแม่งเตะตัดขาพี่แน่ๆ" เก่งฉิบหายกูเนี่ย พูดอะไรไม่นึกถึงขนาดตัวพี่เขาเลย


"พี่กับลินเราเป็นแค่แฟ…"


"ผมจะไปนอนแล้ว" ผมตัดบทผลักพี่เขาออกแต่ก็ไม่ยอมขยับเหมือนเดิม โว้ยยย รู้แล้วๆว่าเป็นแฟน


หมับ


"อื้ออออออ" มือใหญ่จับล็อคท้ายทอยไว้ผมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเย็นกดจูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว พยายามจะไม่เปิดปากแต่ก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อฟันคมกัดปากผม เป็นผลให้ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามา เหมือนรู้ทันว่าผมจะกัดลิ้นมือใหญ่อีกข้างบีบแก้มผมไว้ กลิ่นเหล้านอกหอมคละคลุ้งอยู่ในปาก'เรา' ผมได้แต่ส่งเสียงประท้วงกับจูบรุนแรงนี้ มันทั้งรู้สึกดีปนรู้สึกแย่... สองมือของผมจากที่ทุบไหล่แกร่งเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเกาะไว้เพื่อทรงตัว เมื่อจูบอันเร่าร้อนรุนแรง แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน...อ่อนโยนจนแทบหลอมละลายครั้งแรก….กับจูบอ่อนโยน พี่ราล์ฟผละออกเมื่อผมเริ่มหายใจหอบถี่เหมือนหายใจไม่ทัน ใบหน้าหล่อคมละจากริมฝีผมและค่อยๆแลบลิ้นเลียคราบน้ำลายตรงมุมปากให้ กดจูบหนักๆตรงมุมปาก ทิ้งท้ายด้วยการจูบตรงหน้าอกเปล่าเปลือยข้างซ้ายของผมเมื่อคอเสื้อตกลงมาถึงต้นแขนและผละออกไป


"เคยบอกไว้แล้วว่าอย่าพูดสบถและไม่เพราะกับพี่ ไม่งั้นจะถูกลงโทษ" นิ้วยาวเกลี่ยตรงมุมปากผมที่ถูกร่างตรงหน้ากัด "แต่ทำตัวน่ารักพี่เพิ่มรางวัลให้" นิ้วยาวเปลี่ยนมาเช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากให้อีกครั้ง


พลั่ก!!


          ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าดี เดี๋ยวตบหัวแล้วลูบหลัง เดี๋ยวลูบหลังแล้วตบหัว ได้แต่ทุบลงไปบนอกแกร่งเต็มแรงจนเจ็บมือและเดินออกมา พี่ลลินอยู่ใกล้ขนาดนี้แท้ๆ


"ฤกษ์ เรื่องนอกใจพี่ไม่เคยมีประวัตินะ" ผมหันกลับไปมองตามเสียงเรียก พี่ราล์ฟยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์บาร์มองผมอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีประวัติอะไร? ที่ทำอยู่เมื่อกี้ชวนกูต้มมาม่ามั้ง ผมยกมือกำลังจะชูนิ้วกลางกลับไปแต่ก็ต้องชะงักกับคำพูดรู้ทันของไอ้พี่ราล์ฟหัวงู จนแทบเก็บนิ้วและวิ่งขึ้นห้องแทบไม่ทัน


"ลองชูสิ ครั้งนี้ไม่มีทางจบแค่จูบแน่"



 รู้ทันกูไปหมดไอ้ฉิบหาย!!












 :pig4:❤❤❤❤❤❤ :pig4:


         






     



















             

หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-05-2020 03:35:29
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2020 04:36:45
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-05-2020 05:47:26
ความชัดเจน = ความไม่ชัดเจน
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 17-05-2020 05:47:35
ถ้าพระเอกจะคั่วหญิงไปเรื่อยๆแบบนี้  ก็ไม่อยากให้น้องฤกษ์ ได้ผู้ชายแบบนี้เป็นแฟนเด้อ สำส่อนแบบนี้มิสมควรเป็นพระเอกอ่ะ ขยะแขยงเบาๆ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-05-2020 07:34:42
ก่อนอื่นคนแต่งเคลียร์ที่มาของลลินก่อนได้มะ ขนาดเข้าห้องมาได้ก็คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
ทำไมพี่ราล์ฟไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจเลย หงุดหงิดแทน
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 17-05-2020 12:05:41
พี่ราล์ฟ ท่ามากไปมั้ย น่ารำคาญ มันไม่เคลียร์ สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-05-2020 12:16:09
บังคับเก่งงง สั่งเก่งงง ไม่เชียร์แล้วดีมั้ยพระเอกเนี่ย ทำตัวไม่น่ารักเลยอ่า
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 13:07:19
 :pig4:
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่20...ความกังวล 17/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 20-05-2020 19:22:17
คิดถึงๆ น้องฤกษ์ มากกกกกกกกกดดด
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 21-05-2020 02:35:14
21…ความกังวลที่ได้รับรู้






               วันนี้วันเสาร์สุดหรรษาผมควรอยู่บ้านหรือที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ที่หะหรูหะหราแบบนี้ อาจจะกำลังช่วยไอ้ตี๋กรขนลังเบียร์ส่งตามร้านลูกค้ามัน อาจจะนั่งไสไม้แผ่นประกอบโลงอยู่บ้าน หรืออาจจะไปแรดๆกับพี่สายรหัสแถวร้านยาดองเจ้าประจำ แต่ทว่า...ผมกับมานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่คอนโดหรูของรุ่นพี่ที่เหมือนจะสนิทกัน? นั่งมองอาหารตรงหน้าที่มีทั้งไทยและอิตาเลียนหน้าตาน่าทาน ส่งกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ แต่ความรู้สึกอึดอัดใจในตอนนี้ทำให้อาหารตรงหน้ากลายเป็นอากาศสำหรับผม ใช่!! ผมอึดอัดใจ บนโต๊ะอาหารมี พี่ราล์ฟ พี่ลลิน พี่อันเดรียและพี่ชิโน นั่งร่วมทานอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าพี่ชิโนและพี่อันเดรียมีความสนิทกับพี่ราล์ฟมากแค่ไหนเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่การ์ดคนอื่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชิโนและพี่อันเดรียก็ยังทำตัวเคารพพี่ราล์ฟอย่างไม่มีบกพร่อง ผมหันไปมองหน้าพี่ราล์ฟ เมื่อพี่ลลินตักอาหารให้และต้องชำเลืองมองพี่อันเดรียอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกผมที่มองพี่ราล์ฟกับพี่ลลินในตอนนี้ต่างจากเมื่อคืน ต่างกันจนผมอยากจะก้มหัวแล้วตะโกนลงไปในโอ่งแดงว่ามันเรื่องเชี่ยอะไรกันเนี่ย!!! WTF!!


          เมื่อคืนห้องที่ผมนอนคือห้องนอนพี่ราล์ฟ ฟังแบบนี้เหมือนผมกับเขาจะนอนด้วยกัน ใช่ที่ไหนเล่า!! เมื่อคืนผมขึ้นมานอนได้สักพักแต่หลับไม่ลงหลับเพราะอาการปวดหน้าท้องที่เริ่มแผลงฤทธิ์ ทำให้ผมนอนกระสับกระส่ายจนพี่ราล์ฟที่เข้าห้องตามหลังผมมาห่างกันไม่กี่สิบนาทีต้องฉีดยาแก้ปวดให้ หลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความหิวหันไปมองข้างๆใจผมก็วูบโหวงขึ้นมาซะเฉยๆ เมื่อมันว่างเปล่า พี่ลลินอาจจะยังไม่กลับ พี่ราล์ฟกับพี่ลลินคงกำลัง… แค่คิดความรู้สึกตรงอกขณะนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าอาการปวดที่หน้าท้องผมซะอีก ลุกขึ้นจากเตียงเมื่ออาการแสบท้องจากความหิวเริ่มประท้วง เห็นแสงไฟจากห้องข้างๆลอดผ่านช่องประตูออกมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่ค่อยมีอยู่ในตัวผมแต่ ณ ตอนนี้มีอยู่ท่วมท้น ผลักประตูเข้าไปด้วยมืออันสั่นเทา ทรุดเข่าอยู่หน้าประตูกับภาพเบื้องหน้า พี่ราล์ฟ...นั่งถอดเสื้ออยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองหนังสือและเอกสารมากมาย ใบหน้าหล่อเคร่งขรึมจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าด้วยใบหน้าอิดโรย เคาะหน้าผากตัวเองหนึ่งทีกับความคิดสัปดนของตัวเอง เขาเป็นแฟนกันถ้าคืนนี้จะอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลก แต่...เมื่อเห็นพี่ราล์ฟนั่งทำงานอยู่คนเดียวความรู้สึกมัวๆ แย่ๆของผมก็หายไป ยอมรับว่าผมดีใจ… ผมมันบ้า


          ลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ กับตัวเองว่าหิวขนาดที่แข้งขาอ่อนลงไปกองหน้าประตูอย่างนั้นได้อย่างไร หันหลังกลับเดินลงไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน อยู่ๆก็มีความรู้สึกอยากอาหารมากกว่าเดิมขึ้นมาหลายเท่า ก่อนหน้าพี่ชิโนบอกมีอาหารแช่แข็งในตู้เย็นนี่ บอกที่ซ่อนผมขนาดนี้แสดงว่ากินได้ เสร็จผมล่ะ! ขาชะงักหยุดเดินเมื่อผมคิดถึงใครบางคนที่นั่งทำงานอยู่ข้างบน ตีสามแล้วพี่เขายังไม่นอนเลย ผมไม่ค่อยเห็นพี่ราล์ฟพักผ่อนหรือนอนหลับเลยทำงานและเรียนตลอดเวลา เหนื่อยแย่เลย ทำตัวอย่างกับเป็นหุ่นยนต์ เอาอะไรไปให้พี่เขากินดี? กาแฟดีไหม เฮ้ย แดกตอนนี้จะนอนตอนไหน พี่เขากินข้าวหรือยังนะ ก่อนหน้าก็เห็นกินแค่เหล้า เป็นหมอที่ไม่ดูแลสุขภาพเอาซะเลย


โครม!!


          เสียงของหล่นระเนระนาดดังออกมาจากห้องที่พี่ราล์ฟเรียกว่า'ห้องประชุม'ขณะผมกำลังเดินผ่าน ด้านนอกที่ผมยืนอยู่ปิดไฟเกือบหมดมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่เปิดไว้ตามทางเดินและห้องประชุมขนาดย่อส่วนที่เปิดสว่างโล่ ผมหันกลับไปมองตามเสียงแทบจะทันที ประตูห้องประชุมไม่ได้ปิด !!!? ตาสองข้างผมแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อเห็นใบหน้าสวยของพี่ลลินเต็มไปด้วยคราบน้ำตา กำลังจูบพี่อันเดรียที่ยืนนิ่งเป็นหินไม่ไหวติง ไม่ผลักออกแต่ก็ไม่ตอบสนอง...


"คนใจร้าย คนไม่มีหัวใจ!!!"


"...."


"ลินไม่ดีตรงไหน ฮือๆ ไอ้คนบ้า!!" พี่ลลินผละจูบออกตะโกนใส่หน้าพี่อันเดรียด้วยเสียงสะอื้นก่อนมือเล็กจะผลักพี่อันเดรียจนเซแล้ววิ่งออกมาทั้งน้ำตา ผมรีบวิ่งหลบเข้าไปในครัวอย่างคนไม่มีสติ ที่วิ่งมาได้คือสัญชาตญาณล้วนๆ และนี่เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ผมไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้าน เผือกแล้วเอาตัวไม่ค่อยรอดอ่ะครับ





หมับ!


"โอ๊ยๆๆ พี่! ดึงแก้มผมทำไม" ผมหันไปเหวใส่ไอ้พี่หมอสายแดกเหล้าสูบบุหรี่แต่ดันมุ้งมิ้งไว้ผมยาว มือใหญ่ดึงแก้มผมให้หันกลับไปหาเจ้าของมือ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเกือบหยิกก็ได้ ไม่รู้ว่าแอบแค้นอะไรผมนักหนา เมื่อคืนผมก็ทำหน้าที่เป็นผู้อาศัยที่น่าร้าก ชงโกโก้ร้อนไปให้กินถึงจะใส่น้ำเยอะจนมันจืดก็เถอะ ผมชงใส่แก้วทรงเบียร์อ่ะครับมันใหญ่ดี กลัวพี่เขาไม่อิ่ม และก็พึ่งได้สติจากแรงดึงแก้มว่าตัวผมเองนั่งถือช้อนค้างจ้องพี่สุดหล่อหัวทองตาไม่กระพริบ


"เอ่อ อะแฮ่มๆ ขอโทษครับ พอดีผมกำลังฝึกนั่งนิ่งๆให้เป็นคนเรียบร้อย ฮ่าๆ" หันไปขอโทษพี่อันเดรียซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นหุ่นยนต์เหมือนเดิม


"น้องฤกษ์มองขนาดนี้คงไม่ได้ปิ๊งพี่อันเดรียใช่ไหม?"


เคร้ง


" ไม่!!! เอ่อๆขอโทษครับ ไม่ใช่ครับ" มือไม้อ่อนจนทำช้อนร่วงเสียงดังพร้อมกับร้องด้วยสีหน้าแตกตื่นเหมือนตดในลิฟท์แล้วมีคนจับได้ เมื่อพี่ลลินเท้าคางถามด้วยท่าทางหยอกล้ออย่างน่ารัก!! อย่า อย่ามาล้อเล่นอย่างนี้นะเว้ยข้าวจะติดคอผมตาย


"ไม่มีพิรุธเลยนะเราน่ะ ทานเยอะๆนะน้องฤกษ์ของอร่อยทั้งนั้นเห็นเรากินแล้วพี่เจริญอาหารมาก" พี่ลลินแซวผมก่อนจะเหล่มองพี่อันเดรียแว๊บหนึ่งแล้วทานข้าวต่อ เฮ้ยๆ พี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้พี่ลลินเหล่พี่อันเดรียด้วย พี่มึงนอกจากมีเขางอกแล้วหลังก็จะหักแล้วนะ!!! หันไปทำสีหน้าแตกตื่นทางพี่ราล์ฟที่กำลังกินกาแฟดำและอ่านอะไรในแท็บเล็ตอยู่ ผมยื่นหน้ายักคิ้ว จึ๊กๆ ถามทางสายตาว่าพี่มึงเห็นไหมๆเมื่อกี้ แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบและสายตาอำมหิตมาแทน คล้ายบอกว่า เห็นกูไหมว่าไม่ว่างแดกไปเงียบๆ โถ่ววว ไม่หน้าโง่เลยพี่กู แล้วแต่เลยนะผมไม่ยุ่งละ กูเหนื่อยมากบอกเลย



"น้องฤกษ์รู้จักกับราล์ฟนานแล้วเหรอแลดูสนิทกันจัง" พี่ลลินถามขึ้น


"ไม่นานครับรู้จักกันตอนเตะบอลอ่ะครับ" หลังจากแดกอะไรต่อมิอะไรเต็มลำไส้ผมก็ต้องมาจบที่...อื้อหือ ไอ้ขนมปังจุ่มชีสร้อนๆในหม้อเล็กๆนี่อร่อยฉิบหาย เกิดมาไม่เคยกินเทราดลงไปบนขนมปังเลยได้ไหมทำไมต้องจุ่มให้เสียเวลาแดก


"พี่ ตักราดได้ไหมอ่ะ" หันไปถามพี่ชิโนที่นั่งกินเงียบๆอยู่ข้างๆผมอย่างเกรงใจเพราะไม่มีใครตักราดเหมือนผม


"ได้ครับ" พี่ชิโนเอื้อมขยับหม้อชีสร้อนๆมาให้ผมและตักชีสราดบนขนมปังชิ้นลูกเต๋าลงในถ้วยให้ เมื่อเห็นว่าผมยังงงๆกับช้อนข้างตัวที่มีหลายขนาดซะจนลังเลว่าจะหยิบอันไหนตักดี น่าร้ากกก


"อย่างนี้เราต้องพิเศษกับราล์ฟยังไงเอ่ย ถึงได้เข้ามาในเขตพื้นที่ส่วนตัวอย่างนี้" แหนะ ถามซะชีสกูลวกปากเลย ใครบอกให้ถามแบบนี้ตอนกินฮะพี่ลลิน


"ไม่หรอกพี่ พี่น้องกันครับ" ผมตอบอย่างจริงใจ แต่รักแร้กูเปียกแล้วเนี่ย ผมจะไม่สวมเขาให้พี่แน่นอนครับ!!!


"จริงเหรอคะราล์ฟ" พี่ลลินหันไปเอานิ้วชี้เคาะไหล่พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งอ่านข่าวเงียบๆในแท็บเล็ตอยู่ เอิ่ม แล้วทำไมผมต้องมองพี่อันเดรียอีกแล้ววะกู


"อิ่มแล้วก็กลับได้แล้ว ไม่มีเวรขึ้นวอร์ดหรือไง" พี่ราล์ฟปัดมือพี่ลลินที่จิ้มไหล่อยู่ออก อ่า หยาบคายฉิบเป๋งเลยไอ้พี่คนนี้


"วันนี้วันหยุดลิน แต่วันนี้ราล์ฟน่าจะมีนะคะเมื่อวานก็เห็นออกเวรกระทันหันเส้นไม่ใหญ่จริงคงทำไม่ได้"


"ฮะ!!? วันนี้มีเรียน!! พี่ราล์ฟแปดโมงแล้วผมต้องไปเรียน" ผมร้องอย่างตกอกตกใจที่นึกได้ พี่หมอเขายังไปเรียนกันเลย ตายๆผมจะไปทันไหมชุดอะไรก็ไม่มี


"วันนี้วันเสาร์เราไม่มีเรียน ส่วนพวกพี่เรียนไม่เหมือนเรา"


          พี่ราล์ฟบอกผมพร้อมกับวางแท็บเล็บลง เอาส้อมตัวเองมาจิ้มขนมปังราดชีสในถ้วยผมที่แทบล้นไปกินหน้าตาเฉย อ่า วันนี้วันเสาร์วันหยุดผม เฮ้อ ฟังพวกพี่หมอคุยจนหลอน โล่งอก ว่าแต่ว่าวันหยุดผมอยู่กับพี่ราล์ฟอีกแล้วเหรอวะ


 "งั้นลินกลับก่อนนะ พอดีมีธุระกับคุณพ่อ" พี่ลินลุกขึ้นเมื่อก้มมองนาฬิกาหรูที่ข้อมือตัวเอง ร่างสวยเดินมาหาผมที่กำลังนั่งกินขนมปังคลุกชีส มือสวยบีบแก้มข้างหนึ่งผมเบาๆอย่างหมันเขี้ยว เอ่อ ผมมหาลัยแล้วครับไม่ใช่อนุบาลหอยน้อย


"พี่กลับก่อนนะน้องฤกษ์ คงได้เจอกันบ่อยขึ้น" พี่ลลินพูดพร้อมกับโปรยยิ้มหวาน และก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบาๆให้ได้ยินกันสองคน


"เมื่อคืนนี้พี่เห็นเรานะ แอบดูผู้ใหญ่คุยกันไม่ดีเลย"


แว้กกกกกกกกกกกกก กูเอาตัวไม่รอด








"เมื่อไหร่จะเลิกซน"


          พี่ราล์ฟที่กำลังนั่งพิมพ์งานในโน็ตบุ๊คบนโต๊ะข้างสระว่ายน้ำบ่นผมที่เดินไปเดินมารอบสระว่ายน้ำ เมื่อยก็กลับมานั่งเก้าอี้นอนใกล้ๆพี่ราล์ฟแล้วก็กลับไปเดินต่ออีกหลายรอบ


จึ๊กๆ


           เอาวะ ตัดสินสินจิ้มนิ้วไปบนไหล่แกร่ง พี่ราล์ฟหยุดมือที่กำลังทำงานบนโต๊ะ หันมาหาผมพร้อมกับนั่งไขว่ห้างกอดอกมองผมนิ่งๆบนเก้าอี้


"ไหนว่ามาซิ ถ้ากวนพี่เฉยๆระวังตัวให้ดี"


"ผมมีอะไรจะถามอ่ะ" เงยหน้ามองพี่ราล์ฟที่นั่งเก้าอี้สูงกว่าอย่างกล้าๆกลัวๆ ถามได้ไหมนะ


"พี่กับพี่ลลินเอ่อ...คือ คบกันนานแล้วเหรอ"


"รู้จักกันตั้งแต่เด็กแม่พี่กับแม่เขาเป็นเพื่อนกัน" อ่า อย่างงั้นเหรอ อย่างงั้นเหรอ เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสดใสอยู่เลยทำตอนนี้มันหม่นๆจังวะ ไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะยอมตอบ


"พี่คงรักพี่ลลินมาก" ถ้าพี่โดนหักหลังคงเจ็บแย่


"....."


"ไม่เป็นไรนะพี่" ยกมือไปตบไหล่พี่เขาเบาๆอย่างลืมตัว


"คิดอะไรอยู่ หืม" พี่ราล์ฟลูบผมผมเบาๆถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


"กลัวพี่เสียใจถ้า ถ้า ต้อง…."


"เราเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เกิด"


"...." ทำไมตัวชาขนาดนี้


"พี่ถอนหมั้นตอนอายุสิบห้า"


"...." เหมือนน้ำตาจะไหล


"สำหรับลลินกับพี่เราไม่เคยเป็นอะไรกันแต่สำหรับคนนอกที่มองมาเราคือแฟนเก่า"


"...." อยากอาหารอีกแล้ว เอื้อมมือหยิบขนมบนโต๊ะมากินและนั่งฟังด้วยหัวใจที่พองโตอย่างห้ามไม่อยู่


"สำหรับพี่ ลลินก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญแต่ตัดไม่ได้เพราะรู้จักกันมานาน สำหรับลลินพี่เป็นแค่เครื่องมือเอาไว้เข้าหาใครอีกคน เลิกคิดมากได้แล้ว เวลาคิดมากเรามันน่ารักจนอยากทำให้ช้ำคามือ"


"ไอ้พี่!!! พูดบ้าอะไร ใครคิดมาก บ้าบอว่ะ ผมก็แค่ห่วงกลัวพี่โดนสวมเขา" ผมยกมือดันพี่ราล์ฟออกเมื่อพี่เขาคว้าเอวผมเข้ามาใกล้ๆ


"งั้นเหรอ นึกว่าเมื่อคืนไปเห็นอะไรมาเห็นหน้าซีดๆ"


"เปล๊าาาา ไม่มี๊" พูดได้ไม่ได้ไม่รู้แต่เงียบไว้ก่อนเดี๋ยวเจ๊มาตบทำไงอะ


"เรื่องเป็นงี้เหรอ ผมเห็นพวกพี่ชอบกอดชอบจุ๊บกันบ่อยๆนึกว่าแฟนกัน"


"เราโตที่เมืองนอกถึงจะคนละประเทศกันก็เถอะ เลยติดวัฒนธรรมมา ไม่ชอบเหรอ" พี่ราล์ฟเลิกคิ้วถาม


"ทำไมผมต้องไม่ชอบ แค่อยากรู้ อยากรู้เฉยๆ" ก็อยากรู้จริงๆอ่ะ แต่ไม่อยากรู้เฉยๆ อยากรู้มากๆจนจะบ้า


"มีเราแค่คนเดียวพี่ก็แทบบ้าแล้ว" ผมชะงักกับคำพูดพี่ราล์ฟหน้าร้อนวูบจนแทบไหม้ ตาคมสบผมนิ่งก่อนจะค่อยๆก้มลงมา….


"กลางแจ้งเลยเหรอ อายฟ้า อายดิน อายบอดี้การ์ด และแขกด้วย!!" เสียงพี่หมอแข่งตะโกนเข้ามา ผมสะดุ้งผลักพี่ราล์ฟออกอย่างตกใจ พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆลุกไปนั่งทำงานต่อ ผมตีมึนนั่งแดกขนมต่อหน้าตาเฉย เมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย


"มาทำไม" พี่ราล์ฟถามเสียงเรียบ


"ขึ้นวอร์ดบ่ายพร้อมกันเลยแวะรับ แต่ดูท่าคงอยากไปเองมากกว่า" พี่แข่งตอบพี่ราล์ฟแต่หันมายักคิ้วให้ผมและหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้นอนข้างๆผม ตัวอื่นมีเยอะแยะไมไม่นั่งวะ


"เป็นไงบ้างครับน้องฤกษ์ เมื่อวานพี่ได้ข่าวว่าเราไปซน ไม่เจ็บตัวใช่ไหมครับ" ไอ้เชี่ย!!! กูแทบตาเหลือกกับแฟชั่นของพี่รอน กางเกงขายาวลายดอกสีชมพู รองเท้าแตะคิตตี้ เสื้อยืดสีขาว กับหมวกปีกกว้างที่แทบจะกางเป็นร่มได้อยู่แล้ว พี่มึงควรไปอยู่กับพี่รหัสกู


"ไม่ครับ ไม่มีอะไรเลย" ผมตอบพลางยัดขนมเข้าปากแก้เครียด กูอยากกลับบ้านแล้วน้องผมเป็นห่วงแย่ (หวังให้มันห่วงจริงๆ)


"แล้วทำไมมาอยู่กับราล์ฟมันได้ นี่คบกันเหรอ" พี่แข่งถามได้เชี้ยมาก


"คบไรวะพี่ บ้าบอ พี่น้องกัน" ตอบปากคอสั่น


"อ้อเหรอ พี่น้องกันแต่จูบกันได้ด้วย" เกลียดสีหน้าพี่แข่งว่ะ


"ไม่มีเหอะตาฝาดแล้ว" พูดมากยัดขนมใส่ปากแม่งเลย พี่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแดกหน้าตาเฉย หน้ามึนกว่าผมก็ไอ้พี่แข่งเนี่ยล่ะ


"ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว จะไปเอง" ไล่เลยพี่ราล์ฟ ไล่ไปเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสนับสนุนนิสัยหยาบคาย ไล่ไอ้พี่รอนไปด้วยตอนนี้แม่งนั่งส่องกล้องส่องทางไกลมาที่หน้ากูเนี่ย


ตุ้บ


"เฮ้ย!! ห้ามกิน"


"ทำไม ไม่ได้ตกพื้นสักหน่อยแค่ตกถึงเก้าอี้เอง"


"ไม่ได้!!" ผมห้ามเสียงหลง จับข้อมือพี่หมอแข่งที่กำลังเอาขนมที่ตกลงบนเบาะเก้าอี้ใส่ปาก


"ก็จะกิน" เริ่มฉุดกระชาก


"พี่ก็เอาชิ้นใหม่ดิ ในจานมีอีกเยอะแยะ" ยังไม่ยอมปล่อยให้กิน


"แล้วทำไมชิ้นนี้ไม่ได้" พี่หมอแข่งเริ่มจะแดกหัวผม


"ของกินที่ตกจากมือเราแสดงว่าเขาอยากกินด้วย"


"ใคร?"


"วิญญาณไง เอาให้เขากินเถอะ"


"ห๊ะ!!!"








●ช่วงนี้นักเขียนจะยุ่งๆหน่อยนะคะเพราะที่ทำงานเพิ่งเปิดหลังจากปิดมาสองเดือน เนื่องจากผลกระทบโควิด19 จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ขออภัยในความล่าช้านะคะ
●ขอให้นักอ่านมีสุขภาพที่แข็งแรงกันทุกคนนะคะ





 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 21-05-2020 05:48:11
บางทีการที่หมอจะเอาน้องมาอยู่ด้วยนานๆแบบนี้ทั้งที่ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย แล้วการทีฤกษ์ยอมอยู่บางทีมันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่  มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอมอยู่และกลัวอะไรขนาดนั้น กลับบ้านเสียทีน้องฤกษ์
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 21-05-2020 06:35:16
ขอบคุณผู้แต่งที่สละเวลามาอัพให้ทั้งที่มีงานประจำ ขอบคุณมากจริงๆ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยค่ะ ชอบน้กงฤกษ์มากๆ อ่านสนุก แต่ก้อมีความคลุมเครือหลายอย่าง ในวัยเด็ก หลังจากน้องบาดเจ็บ แล้วเป็นอย่างไร พี่หายไปเลยหรอ หรือแอบดูแล ติดตามดูน้องอยู่ห่างๆ เพราะทำไมน้องไม่มีความจำอะไรในตัวพี่เลย แล้วอยู่มหาลัยเดียวกันมาหลายปี ถึงเพิ่งเจอกันใกล้ชิดกัน..
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-05-2020 09:10:27
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-05-2020 13:30:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2020 14:11:33
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-05-2020 16:13:37
ตามอ่านจนทัน ไม่ได้เข้าเว็ปนี้ไปพักนึง เมื่อก่อนเข้าทุกวัน
เหมือนเห็นคุณสิบเอ็ดอยู่ตลอดเลยนะคะ

ชอบความมึนของฤกษ์อ่ะ แบบ คิดว่าหนักแล้วนะ แต่ฤกษ์ยังมีขั้นกว่า
หวังว่าจะรู้ใจตัวเองเร็วๆนะะะ :o8:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-05-2020 18:23:43
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 25-05-2020 00:29:53
22…ชีวิตประจำวันที่แปลกไป







"โอ๊ย!!! ใครเหยียบวะ!" ไอ้มังกรเอามือปัดป่ายอากาศร้องโวยวายเมื่อถูกเหยียบเข้าที่หน้าท้อง ลุกเด้งดึ๋งขึ้นมานั่งงัวเงียอย่างหมางง เมื่อวานตอนเที่ยงหลังจากพี่ราล์ฟแวะมาส่งผมและไปขึ้นวอร์ดเพราะเป็นทางผ่านไปโรงพยาบาลมหาลัย ไอ้พวกเพื่อนๆตัวดีทั้งหลายก็แท่ดๆมาหาผม เมื่อมีสายลับของพวกมันโทรไปบอกว่าผมกลับมาแล้ว(ไอ้พี่เพชรทายาทอสูร เอ๊ย ร้านเบเกอรี่นั่นเอง) พวกมันเป็นห่วงผมมั๊กมากกก ใช่ที่ไหนเล่า!! ดีใจอยู่ได้ไม่เกินนาทีเมื่อเห็นรถพวกมันจอดหน้าร้าน(บังร้านกูมิดกะไม่ให้กูทำมาหาแดก) และพากันยกเบียร์ยกเหล้ามาเป็นลังๆ เดินข้ามหัวผมไปทักทายไอ้เทียน ผมอุตสาห์ดีใจอย่างแสนสุดซึ้งที่มันมาหาเพราะอาจเป็นห่วงผมที่หายหัวไป น้ำตาแทบเกือบไหลทะลัก ไอ้สัส มาชวนน้องกูแดกเหล้า



'ดีใจฉิบหาย กูแม่งโคตรไม่ชอบขี้หน้าไอ้แม็คเลยว่ะมีแต่ข่าวเชี่ยๆ' >>>>>>ไอ้ลำไยดาวไม่ดับ(ผมสีทองโฉมใหม่สว่างยันชาติหน้า)


'ใครรับโทรศัพท์มึงวะ พูดไทยไม่ค่อยชัดกูอยากเห็นหน้าวิดีคอลหาแม่งเลย อิห่านเอ๊ย หล่อจนลำไส้กูสั่น เป็นไรกับผัวเทวดาของกูอ่ะ'  >>>>>>ไอ้นกแอนด์เดอะเบิร์ด(เหมือนจะถามกูแต่เดินยกลังเบียร์ข้ามหัวกูไปหาน้องกูเฉย)


'ได้ข่าวว่าไอ้แม็คมันไปกับมึง  แล้วทำไมลงเอยนอนเดี้ยงอยู่โรงบาลวะ? ได้ยินว่าติดคุกด้วยว่ะ ข้อหาขับรถชนคนตาย' >>>>>>ไอ้มังกรโฉมใหม่หัวแดงกว่าเดิม(มึงมาจากร้านเดียวกับไอ้ลำแน่ๆ)


'หลบดิ๊ เอาหน้าควายงงไปไกลๆเกะกะ รอดกลับมาได้ไงนะคนอย่างมึงเนี่ย' >>>>>ไอ้เดือนขี้เหล่!!!


          และนี่ก็เป็นบทสนทนาตอนเจอหน้าไอ้พวกนี้ ไม่มีใครรู้ว่าไอ้พี่แม็คพาผมเข้าโรงแรม ไม่มีใครรู้ว่าไอ้พี่แม็คพยายามจะทำอะไรผม พวกเพื่อนๆผมมันแค่รู้จากพี่ชิโนที่รับโทรศัพท์ผมว่า ผมมีเรื่องกับพี่แม็คที่ห้างแล้วพี่ราล์ฟเข้าไปช่วยก็เลยนอนค้างกับพี่เขาหนึ่งคืน เรื่องมันเหนือความคาดหมายผมเกินกว่าจะขุดคุ้ยให้หนักหัวสมอง ผมไม่เป็นอะไร เพื่อนผม น้องผมไม่มีใครต้องกังวัลก็เกินพอแล้ว ส่วนไอ้พี่แม็คที่ขับรถชนคนตายอันนี้ผมไม่รู้ว่ามันใช่เรื่องจริงไหม แค่ผมกับพี่เขาเลิกแล้วต่อกันก็พอ เรื่องบางเรื่องก็เป็นอจินไตย…



"คนนะเว้ย ไม่ใช่มะขามป้อมที่จะไม่เห็นน่ะ" ยังโวยวายอย่างต่อเนื่อง


"อาตมาเองโยม"


"ว้ากกก หลวงพ่อ!!" ไอ้มังกรร้องลั่นลุกขึ้นจะคลานเข้าไปหาหลวงพ่อ เสือกหน้าทิ่มหัวโขกพื้นดังลั่นอยู่ตรงปลายเท้าหลวงพ่อ ไม่เอ๋อนี่บุญของมึงมากนะกูบอกเลย


"ทำไมมานอนตรงนี้" หลวงพ่อถามเสียงดุ ไม่ดุได้ไงกลิ่นละมุดโชยเลยมึง


"มาช่วยงานหลวงพ่อออ" เสียงยานทำเชี่ยไร


"ดีแล้ว ถ้าโยมมาได้ก็มา อาตมาจะไปเตรียมตัวก่อน"

 

"สาธู๊~~~" หลวงพ่อเคาะหัวไอ้ตี๋และเดินจากไป ไอ้ตี๋ยกมือไหว้ท่วมหัวสงสัยสูงไป หงายหลังตึง~ นอนแอ้งแม้งและแน่นิ่งไปชั่วพริบตา ไอ้สัส ไม่ต้องไปแล้วมั้งดูสภาพ ฝ่ามือพิฆาตหลวงพ่อเคาะทีเดียวไหลตายเลย เวร


"เดี๋ยวพวกกูลากมันไปนอนกับไอ้ปัดมึงไปเหอะ"


         ไอ้นกบอกและเดินไปประคองไอ้ตี๋ให้ลุกขึ้นโดยมีไอ้ลำไยคอยช่วย ขณะนี้เป็นเวลาตีสี่ครึ่ง เมื่อคืนพวกผมนัดกันว่าจะมาช่วยหลวงพ่อ(ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสและลุงของผม)ถือของบิณฑบาตตอนเช้า ลำไยกับไอ้นกจะกวาดลานวัดและเตรียมของรอ แต่…ก็อย่างที่เห็นอ่ะครับไอ้มังกับไอ้ปัดซัดแหลกเหมือนแดกกล้วย!! ผมกินไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเข็ดตั้งแต่เมาบนรถบัสไปค่ายครั้งนั้น ตอนนั้นแค่โดนจูบ ครั้งต่อไปถ้าเมาไข่ผมอาจจะหายก็ได้เมื่อตื่นขึ้นมา เจ็บแล้วจำคือคนครับแต่ถ้าเจ็บแล้วยังทำอยู่มึงเป็นเชี่ยอาร๊ายยย ไอ้ปัดด้วยความที่ว่าอยากทำบุญกลัวตื่นไม่ทันเพราะนานๆทีพวกมันจะมานอนบ้านผม มันก็เลยเดินเซๆเป๋ๆ หนีบเสื่อผืนมุ้งครอบอีกอันมานอนรอที่ศาลาท่าน้ำในวัดตอนตีสามพร้อมกับไอ้ตี๋ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกมันเดินกันมาอีท่าไหนไอ้ปัดถึงกางมุ้งนอนสบายใจเฉิบอยู่ตรงศาลาท่าน้ำ ส่วนไอ้ตี๋นอนอืดอยู่ตรงหน้าประตูโบสถ์ เออ ปกติก็ตกนรกกันแบบตายตัวอยู่แล้วยังมาทำตัวตกนรกซ้ำซ้อนกันอีก เฮ้อ…



"ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง" หลวงพ่อเอ่ยถามขณะที่เรากำลังเดินกลับวัด(แต่ก่อนผมเรียกหลวงลุงตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าอาวาสผมก็เลยเรียกหลวงพ่อตามพี่ ป้า น้า อา ญาติ โยมทั้งหลาย)


"ดีครับไม่มีอะไรไม่ดีเลย นอกจากไม่ถูกหวย"


"ให้มันเพลาๆลงบ้างนะ พวกการพนันและของมึนเมาทั้งหลาย" หลวงพ่อบอกพร้อมกับเอาไม้เท้าเคาะหัวผมเบาๆ


"ค้าบๆ ผมไม่ได้กินบ่อยสักหน่อย แต่หวยงดไม่ได้นะครับ ยังไม่ได้ทุนคืนเลย หลวงพ่อมีโชคให้ผมบ้างไหมอะ อ้ากกก หลวงพ่อรังแกเด็ก" ผมยกมือไหว้ปลกๆกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อไม้เท้าพิฆาตเตรียมง้างขึ้นอีกครั้ง


"จะเอาโชคไม่ใช่รึ มาใกล้ๆนี่" หลวงพ่อยกไม้เท้าขึ้นแกว่งไปมาเรียกผมยิกๆให้เข้าไปหา โถ่ววว ใครจะกล้าเดินเข้าไปไปล่ะค้าบบบ


"พี่ฤกษ์ไปเร็ว หลวงพ่อจะให้หวยแล้ว" ไอ้สร้อยสหายผู้น้องศิษย์วัดผลักหลังผมให้เข้าไปหาหลวงพ่ออย่างตื่นเต้น  ไอ้สันเขื่อน!!


"ไอ้เชี่ยสร้อย อยากได้ก็ไปดิวะ โอ๊ย!!หลวงพ่อ" ผมหันไปว้ากใส่ไอ้สร้อยรุ่นน้องผมสองปี ก่อนจะโดนไม้เท้าพิฆาตฟาดก้นเข้าให้ แอ่ะ


"มันเป็นยังไงกันฮึ จะพูดจะจาอะไรก็พูดกันดีๆ ตะโกนโวยวายหยาบคายกันจนติดปากไปแล้วหรืออย่างไร"


"...." ส่งยิ้มหวานยืนกุมไข่อยู่เงียบๆ


"วันนี้คัดลายมือศีลห้ามา100จบ จะได้ซึมลึกลงไปให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง"


"ผมท่องได้ครบแล้วนะหลวงพ่อออออออ"


"ยังจะเสียงดังอีก" ผมนั่งยองๆจับมือหลวงพ่อเขย่าไปมาอย่างคนสิ้นหวัง(?)โดยมีไอ้สร้อยยืนหัวเราะคิกคักกับเพื่อนมันอีกสองคน ผมหันไปถลึงตาใส่พวกมันทำท่าทางยกมือเชือดคอตัวเองเป็นการข่มขู่จนพวกมันวิ่งแจ้นหนีเข้าวัดไปอย่างรวดเร็ว หางตาแอบเห็นไม้เท้ากำลังลอยขึ้นเหมือนเตรียมจะเคาะกบาลผม ผมหดคอลงอย่างรวดเร็วเตรียมรับชะตากรรม เจ็บนะครับบอกเลย ฮือออ ไม่อยากคัดร้อยจบอ่ะ


หมับ


"จะทำอะไร"


          เอ๋? เสียงคุ้นจังวะ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหัวใจแทบหยุดเต้นกับภาพตรงหน้า พี่ราล์ฟจับข้อมือหลวงพ่อไว้ หน้าตาพร้อมเอาเรื่อง เฮ้ยๆ นี่หลวงพ่อนะเว้ย


"พี่!!! ทำอะไรเนี่ย" รีบกระโดดหยองเหยง(?)เข้าไปขวางเอาไว้และตั้งหน้าตั้งตาแกะมือใหญ่ที่จับข้อมือหลวงพ่อไว้จนหลุด


"พี่ขอโทษหลวงตาด้วย" ผมพูดสั่งแต่เสียงสั่นระดับเก้าริกเตอร์ คนที่ผมสั่งนี่ท่านเทวดาราล์ฟนะครับ


"...." หยาบคายไปอีกว่ะพี่มึง


"โยมมีอะไรหรือเปล่า" หลวงพ่อถามด้วยน้ำเสียงเมตตาไม่ถือเป็นอารมณ์


"หลวงพ่อครับ นี่รุ่นพี่ผมครับพี่เขาเคยช่วยอะไรผมไว้เยอะเลย" ผมหันไปบอกหลวงตา


"ผมมาใส่บาตร รบกวนคุณเดินไปทางนั้นหน่อย" พี่ราล์ฟบอกหลวงพ่อเสียงเรียบแล้วชี้ไปข้างวัดซึ่งเป็นร้านโลงศพผมมีเพียงถนนสายเล็กๆกั้นกลางไว้ หน้าร้านผมตอนนี้มีพี่ชิโนและพี่อันเดรียยืนรออยู่พร้อมโต๊ะยาวตั้งอยู่หน้าร้าน มีถุงอาหารติดแบรนด์ร้านชื่อดังวางเรียงรายจนเกือบล้นโต๊ะ เอ่อ…


"พี่ราล์ฟ พี่ต้องพูดว่านิมนต์แล้วต้องเรียกท่านว่าหลวงพ่อ" ผมพูดเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจว่าพี่เขาจะทำตาม


"นิมนต์ครับ" พี่ราล์ฟพยักหน้ารับก่อนจะพูดว่า'นิมนต์'แล้วเดินนำไปที่ร้าน มีไอ้เทียนยืนกอดอกพิงประตูร้านมองนิ่งอยู่เงียบๆและเดินเข้าบ้านไป ผมเดินปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีกนี่ถ้าปาดอีกห้ารอบกูว่าหนังหน้ากูมีหลุดติดตามแขนแน่ๆ ไอ้พี่ราล์ฟ!อย่างน้อยก็ควรจะส่งสารล่วงหน้ามาสักนิดว่าจะโผล่มา ผมเดินตามหลังหลวงพ่อไปเงียบๆ เพราะพระท่านอื่นกับศิษย์วัดเดินล่วงหน้าเข้าวัดกันไปหมดแล้วเหลือแค่ผมกับหลวงพ่อ




"โอ้โหหหหห เป็ดย่างเกิดมาผมยังไม่เคยกินเลยพี่" ไอ้เมฆคู่แสบไอ้สร้อยร้องลั่นเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า


"เฮ้ยๆ นี่กุ้งตัวเท่าแขนกูเลยว่ะ" ไอ้สร้อยตาเหลือก


"เกิดมาไม่เคยเห็นสตรอเบอรี่ลูกใหญ่ขนาดนี้เลยว่ะ" ไอ้โจ้เด็กสุดในวัด


"ปูตัวนี้กูว่าไม่ต่ำกว่าสามพัน" อินกวิเคราะห์พร้อมเนื้อปูเต็มปาก


"มึงดูสเต็กกล่องนี้กับซุปเห็ดนี่ นี่มันร้านเซฟชื่อดังเลยนะเว้ย!!" ไอ้ตี๋ผู้ชื่นชอบสเต็กแต่แดกได้แต่สเต็กลุงเคราเพราะมันถูก


"แดกให้มันเงียบๆหน่อย" ไอ้ปัดพูดอย่างรำคาญมันกำลังนั่งแดกกาแฟดำกับโจ๊กอยู่เงียบๆ


"อะไรน่ะ"


"หมกถั่วเน่าครับ พี่กินไหม" ผมตอบพี่ราล์ฟที่นั่งหน้าเคร่งขัดสมาธิหลังตรงเด๊ะอยู่ข้างๆ หลังจากพี่ราล์ฟใส่บาตรเสร็จโดยมีผมใส่เป็นเพื่อน และมีพี่ชิโนกับพี่อันเดรียเป็นเด็กวัดช่วยถือของช่วยหลวงพ่อชั่วคราวขณะผมใส่บาตร ท่านราล์ฟก็เดินตามผมเข้ามาในวัดเงียบๆไม่พูดไม่จา ไล่ให้กลับไปนอนก็ไม่ไปเพราะพึ่งออกเวรมา ทำไมต้องมานั่งร้อนเหงื่อออกจนเสื้อชุ่มเหงื่อไปหมดก็ไม่รู้

          จิ้มข้าวเหนียวกับหมกถั่วเน่า อื้มมมม แซ่บ!! ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งทานข้าวหลังจากที่รอพระท่านฉันจนเป็นที่เรียบร้อย เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของผม


"เสียแล้วจะกินทำไม ของดีๆมีเยอะแยะทำไมไม่กิน เอาไปทิ้ง!" พี่ราล์ฟพูดเสียงดุเกือบจะคว้าจานผมปาทิ้งแล้วถ้ายกหนีไม่ทัน


"พี่!! มันไม่ได้เสียแค่ชื่อเรียก มันกินได้ลองชิมดู" ผมเอาช้อนตักยื่นไปจ่อตรงปากพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟชะงักไปชั่วขณะแต่ก็กิน


"เหม็น" พี่ราล์ฟบ่นแต่ก็ไม่ได้คายทิ้งแต่อย่างใด มือใหญ่ยกแก้วน้ำผมขึ้นดื่มตามจนเกือบหมดแก้ว ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจใดๆ




"กินดิอร่อยนะ" ตักส้มตำปลาร้ายื่นไปให้คนตรงหน้า


"....." คนถูกป้อนชะงักนิ่งชั่วครู่แต่ก็อ้าปากให้ป้อน


"เป็นไงพี่"ถามอย่างตื่นเต้น


"เหม็น" ไม่รู้ว่าคนถูกป้อนพูดว่าอะไรแต่ท่าทางไม่ชอบใจกับรสชาติเท่าไหร่




          ฤกษ์ชะงักค้างเมื่อจู่ๆภาพในอดีตย้อนกลับมาในความคิดอีกครั้ง เขาคิดว่าลืมแล้วแท้ๆ ลืมคนที่ทิ้งเขาไป ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันแท้ๆแต่ทว่า...เมื่อเขาตื่นขึ้นมากลับไม่มีแม้กระทั่งจดหมายบอกลา


"พี่...พี่เหมือนคนที่ผมเคยรู้จักเลย"


"...." คนที่คิดถึง...อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างสบายดีไหมนะและในเวลาเดียวกันก็เป็น….


"คนที่อยากลืม..." ฤกษ์พูดเหมือนคนละเมอ  แต่...จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า พี่หล่อคนนั้นไม่มีทางจะมาอยู่ตรงนี้ คนที่ไม่ยอมบอกชื่อตัวเอง คนที่ไม่ชอบภาษาไทยแม้กระทั่งเรียกชื่อเขาก็ไม่เคย คิดได้อย่างนั้นฤกษ์ก็นั่งซึม


"....."


"เอ้อ พี่เมื่อกี้ผมเพ้อเจ้อน่ะอย่าถือสาเลย พี่กินข้าวหน่อยสิ พึ่งออกเวรมายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ" ฤกษ์ได้สติปัดอดีตทิ้งไป เขาไม่ชอบคิดมากยิ่งคิดเยอะเขายิ่งไม่ชอบ จัดการแย่งถุงโจ๊กจากเพื่อนสุดหล่อข้างๆมาเทใส่ถ้วยให้ราล์ฟ โดยมีสายตานับหลายคู่คอยสังเกตการณ์อยู่เงียบๆแต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเพราะเกรงกลัวบารมีและรังสีน่าเกรงขามของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนจอมบื้อของพวกตน


"เกลียดเขามากเลยเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อเงียบไปชั่วครู่


"หืม?"


"คนที่อยากลืมน่ะ"


"เปล่าครับ แค่ไม่อยากคิดถึงเลยอยากลืม"


"...."


"...."


"ฤกษ์"


"ครับ?"


"คบกับพี่ได้ไหม"


เคร้ง


เคร้ง


เคร้ง


          เสียงช้อนตกกระทบจานดังติดต่อกันโดยไม่ได้นัดหมายจากกลุ่มเพื่อนที่คอยจับตามองอยู่ก่อนแล้ว ยกเว้นเจ้าพวกศิษย์วัดที่ไม่ได้สนอะไรนอกจากอาหารตรงหน้า


"คนอย่างพี่ราล์ฟหล่อเทวดา... มาขอคบไอ้เชี่ยฤกษ์ในรูปประโยคขอคบ แบบเชิงไม่มั่นใจ" หนุ่มตี๋พูดด้วยเสียงกระซิบ


"กูขอยาดม" สาวสวยคนเดียวของกลุ่มมโอดครวญ


           เจ้าของตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจกับประโยคที่เขาได้ยิน ปากเล็กอ้าพะงาบๆเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ความรู้สึกชาวาบแล่นไปทั่วร่างพร้อมกับหัวใจในอกข้างซ้ายที่เต้นตอบรับกับประโยคเมื่อสักครู่อย่างบ้าคลั่ง


"โยมสองคนเป็นแฟนกันรึ"






●นิยายเรื่องนี้จะเป็นนิยายคลายเครียดจริงๆเหรอ ^○^



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่21...ความกังวลที่ได้รับรู้ 21/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 25-05-2020 00:46:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 25-05-2020 05:03:41
คบเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 25-05-2020 05:59:49
อย่าพึ่งคบนะฤกษ์  ยังไม่โอเคกับหมอราล์ฟ ไม่พูดอะไรซักอย่างมัวแต่อมพะนำ อย่าพึ่งคบเลยน้อง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2020 18:18:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2020 22:37:15
 :pig4:
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-05-2020 22:55:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 26-05-2020 06:55:20
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่22...ชีวิตประจำวันที่แปลกไป 25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 19-06-2020 07:16:09
 :call:  :z13:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ••••••••》ตอนที่23…ความมั่นใจที่ไม่กล้ามั่นใจ 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 16-07-2020 19:02:36
23…ความมั่นใจที่ไม่กล้ามั่นใจ





"โยมสองคนเป็นแฟนกันรึ"


"ไม่ใช่ๆ รุ่นพี่ผมครับ!!"


"กำลังจะเป็น"


          ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงคุ้นเคยที่อยู่ด้านหลังหันไปโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่า...ก็ต้องหยุดชะงักกับคำตอบของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ


"พี่!!!" ว้ากใส่อย่างลืมตัว


"อาตมาถามเฉยๆทำไมต้องโวยวาย"


"ผมเปล่า!!!" ไอ้สัส คุมโทนเสียงในระดับเดิมไม่ได้


"เอ้อ แล้วแต่เถอะ โวยวายเสร็จแล้วก็ไปทำงานแทนโยมช้างด้วยล่ะ เขาลาพักร้อน แล้วโยมชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรนะ" หลวงพ่อสั่งผมเสร็จ ก็หันไปถามพี่ราล์ฟที่นั่งหน้านิ่งอยู่ด้านข้างผม


"ราล์ฟครับ" พี่ราล์ฟตอบเสียงนิ่ง


"งั้นรึ เหนื่อยหน่อยนะ" หลวงพ่อพูดพร้อมกับระบายยิ้มอย่างเมตตา


"ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน" พี่ราล์ฟยกมือไหว้หลวงพ่อและลุกขึ้นเดินออกไป ไม่หันมาบอกลาผมเลยสักคำ เขาโกรธอะไรผมหรือเปล่า?


"พี่ราล์ฟ!!" ผมลุกขึ้นยืนตะโกนเรียกออกไปอย่างไม่ได้คิดหน้า คิดหลัง แค่รู้สึกอยากรู้ สงสัยว่าพี่หมอเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้เขาพูดจริงหรือที่ขอคบ? หรือเขาแค่พูดเล่นๆ พี่ราล์ฟหยุดเดินหันกลับมามองผมหน้านิ่ง ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัดแม้แต่เสียงเคี้ยวข้าวเสียงดังของพวกไอ้สร้อยก็เงียบลง ผมยืนเคว้งหัวสมองโล่งเหมือนไม่มีรอยหยัก(ปกติก็ไม่มี)หันไปมองรอบๆตัว หลวงพ่อหายไปไหนแล้ว? วาร์ปได้หรือเปล่า หลวงพ่อวาร์ปได้หรือเปล่า งั้นผมจะพูด….


"พี่…"


"...."


"พี่...บ๊ายบายนะ"


"..."


"ไอ้ฤกษ์!!!!"


          พูดออกไปแล้ว...พูดเชี้ยอะไรออกป๊ายยย พี่ราล์ฟหันหลังเดินลงบันไดไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำ ไอ้สัสเอ๊ยยย เขาโกรธกูหรือเปล่าวะ? เขาจะโกรธกูทำไมล่ะปกติก็กวนตีนเขาอยู่แล้ว แล้วทำไมผมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยบ้าบอตาแตกอะไรอย่างนี้ด้วยวะ ผมนั่งลงทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเอง โดยมีถาดพลาสติกฟาดลงมาบนหัวผมอย่างนับไม่ถ้วนจากไอ้ลำไย ไอ้สัส!!


"มึงควรเดินไปส่งเขา" ไอ้เดือนคณะหน้าเชี้ย


"ไอ้ไม่มีสมอง!!" ไอ้ลำไยหัวทองคำ


"ไม่ตกลงพี่เขาไปวะ มึงก็ชอบพี่เขา" ไอ้ตาตีบเสือกหล่อ


"หน้าเชี้ยแล้วยังเล่นตัว" ไอ้นกแอนด์เดอะเบิร์ด


"ก็กูคิดว่าพี่เขาพูดเล่น" ตอบเสียงอ่อย


"พูดเล่น!! คนจริงอย่างพี่ราล์ฟเขาจะพูดเล่นทำเชี้ยไร มึงจะคิดเองเออเองอะไรดูหน้าพี่เขาด้วย"


"อยู่ดีๆพี่ราล์ฟเขาก็บอกว่าขอคบ? กูก็ตกใจดิวะ พี่ราล์ฟเขาดูไม่มีวี่แววจะชอบกูสักหน่อย" ผมตอบไอ้นกด้วยใบหน้าคิดหนัก แต่ผมกับพี่เขาเคยจูบกันแล้วอ่ะ เฮ้ยๆ แค่จูบกันเฉยๆไม่ได้แปลว่าจะชอบนี่หว่า


"มึงมันโง่ไง คนระดับอย่างเขาไม่มีทางเห็นได้ง่ายๆบ่อยๆอย่างทุกวันนี้หรอก ถ้าเขาไม่มาให้เห็นน่ะ กูกับพวกแอดมินเพจคิ้วท์บอยไปตามเฝ้าเช้าเย็นเกือบอาทิตย์เพื่อจะถ่ายรูปพี่หมอไม่เคยเจอแม้แต่เงา รู้ไว้ซะด้วย" ไอ้ลำไยจิ้มนิ้วมาที่กลางหน้าผากผมจนหงายหลัง


"หรือพี่มันชอบกูวะ? ไม่มั้ง พี่ราล์ฟเนี่ยนะ พี่มันคงไม่จริงจังหรอก...มั้ง" พูดเองนอยด์เองนักเลงพอ


"มีตา มีสมอง มีหัวใจก็ดูก็สัมผัสเองดิวะ แต่กูจะบอกให้เอาบุญคนอย่างพี่ราล์ฟกูไม่เคยเห็นต้องตามใคร" ไอ้นกจิ้มหัวกูซ้ำทำเชี้ยไร


"หรือกูจะเป็นทายาทคนรวยระดับหมื่นล้านวะ พี่ราล์ฟเขารู้เขาเลยมาจีบกูเพื่อจะเอาผลประโยชน์จากกูแล้วหักอกกูวะไอ้นก"


"อิฤกษ์ มึงควรเขย่าหัวสักสิบทีเผื่อสมองจะเข้าที่เข้าทาง"


"หาคนอื่นเถอะ ไอ้หมอนั่นไม่เหมาะกับมึงหรอก เลิกชอบมันเถอะ" ไม่เหมาะกันเหรอ? อืม...ก็จริง


"ไอ้ปัดอย่าใส่ไซโค มันยิ่งโง่อยู่ เป็นห่วงได้แต่ให้มันคิดเองชีวิตมัน ถึงมันจะไม่เหมาะกันจริงๆก็เถอะ" ไอ้เชี้ยตี๋!! เหมือนจะดีเสือกกระทืบซ้ำ


"ไอ้ตี๋!! เพื่อนกูออกจะน่ารักแบบโง่ๆขนาดนี้ไม่เหมาะตรงไหนคนอย่างมันเลยนะเว้ย คนอย่างไอ้ฤกษ์ชอบเขาออกจะขนาดนี้บุญของพี่หมอราล์ฟแล้ว อย่างน้อยก็มั่นใจว่าชีวิตเหนื่อยยากแน่นอน " ได้โปรดหยุดเข้าข้างกูเถอะไอ้ลำไย ไอ้ตับห่าน แต่เอ๋…


"เฮ้ย!! พวกมึงรู้ได้ไง กะ...กะ...กูไม่ได้ชอบพี่ราล์ฟนะเว้ย"



ปริ๊นๆๆ



          เสียงแตรรถดังลั่นลานวัด ผมรีบหุบปากที่กำลังเตรียมจะแถ ข้างๆ คูๆ กับไอ้พวกเพื่อนๆที่ฉลาดเป็นกรดมันรู้ได้อย่างไรว่าผมชอบพี่ราล์ฟ บรื๋อ~~ ไอ้พวกนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ผมหันกลับไปมองเห็นรถหกล้อสี่ห้าคันกำลังวิ่งเข้ามาจอดเต็มลานวัด หันไปมองสบตาเพื่อนอย่างงงวยและรีบลุกขึ้นเดินไปหารถหกล้อ มีพวกพี่ๆชายฉกรรจ์ในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินสิบกว่าคนกำลังเปิดท้ายขนของอะไรสักอย่างลง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นเป็นตู้กดน้ำเย็นและน้ำร้อนสามสี่ตู้ที่ได้ถูกยกลงมาวางไว้ข้างๆรถ


"มาส่งของครับ" พี่หนึ่งในชุดยูนิฟอร์มบอก


"ครับ?" กูงง ใครสั่งตู้กดน้ำเยอะขนาดนี้ไม่มีเงินจ่ายนะเว้ย


"มีคนโทรมาสั่งให้มาส่งที่นี่ครับ" พี่เขาตอบอย่างสุภาพ


"ไม่ได้สั่งนะพี่ส่งผิดหรือเปล่า" ไอ้ตี๋ถาม


"ไม่ผิดครับนี่ครับวัดxxx มีคนบริจาค" พี่เขายื่นแผ่นกระดาษเอกสารการขนส่งที่มีชื่อวัดเป็นจุดหมายปลายทางให้พวกผมดู


"อ๋อ ขนไปไว้ข้างบนเลยครับ ไอ้นกไปตามหลวงพ่อมาดิ๊บอกว่ามีคนมาบริจาคของ" ผมหันไปบอกพวกพี่ที่มาส่งของให้ยกขึ้นไปไว้ตรงศาลาก่อนและหันไปบอกไอ้นกที่ยืนส่งยิ้มหวานชวนขนลุกให้พวกพี่ๆพนักงานส่งของ อยู่ในวัดก็ยังไม่เว้นนะมึง


"อันนี้ล่ะครับ"


"โอ้โหหหหห"


         พี่เขาชี้ไปที่ท้ายรถที่เหลืออีกหลายคันที่มีพัดลมตั้งพื้นขนาดใหญ่สี่ห้าตัว มีแอร์อีกสี่ตัว มีแผ่นฝ้าเพดานลายไทยอีกเต็มคันรถ มีกระจก หน้าต่าง โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ เก้าอี้ โซฟา เครื่องดูดฝุ่นอีกหลายเครื่อง พัดลมเพดาน และอุปกรณ์มากมายสำหรับติดตั้งแอร์ เปลี่ยนกระจก ประตูและเปลี่ยนฝ้าเพดาน เอ่อ...


"ใครบริจาคครับ" ไอ้ปัดถามเพราะตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรแล้ว ตื่นตา ตื่นใจ และตื่นเต้นกับแอร์มาก วัดจะมีแอร์แล้ว แอร์จ๋าาา


"ในนามบริษัท 'สิงห์เวคิน' ครับ"


"โอ้โหหหหหห" ไอ้ลำไยตะโกนแหกปากลั่นจนผใสะดุ้งโหยง


"อะไรมึง บริษัทค้ายาเหรอ" ผมถามหน้าตาตื่น กูตกใจจริงๆนะเออ


"ค้ายาพ่องงง ชื่อบริษัทของบ้านพี่ราล์ฟ!!"


"อ้าว ไม่เห็นน่าตกใจอะไรเลย"


          เอิ่ม….ไม่แปลกใจเท่าไหร่จริงๆนะครับ หลังจากที่เห็นแผ่นหลังพี่ราล์ฟชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่อเช้านี้ ถ้าเทียบจากระดับความรวยที่ผมไปสัมผัสมาของพี่เขา ของพวกนี้เป็นการจ่ายที่เทียบเท่าขี้ผงในกระเป๋าพี่เขาอ่ะ เป็นคนไม่พูด ไม่บ่น แต่ทำเลยสินะพ่อหล่อเทวดา ดีครับ!! คิ้กค้ากกกก


"มึงหนีไปไหนไม่พ้นแล้วฤกษ์"


"อะไรนะปัด"


"เลิกกระโดดสักทีเถอะรำคาญ!"


"แอ่ะ"








"พี่ฤกษ์สี่โมงเย็นแล้วนะ ยังไม่ไหม้เลยทำไงดี" ไอ้สร้อยเริ่มเบะปากน้ำตาคลอ


"ถ้าห้าโมงแล้วยังไม่ไหม้ผมขออนุญาตทิ้งพี่ไว้ตรงนี้นะเว้ย" ไอ้เมฆหน้าซีดเผือดยกมือไหว้ผมคล้ายบอกผมว่า 'ขอโทษนะเว้ย แต่ห้าโมงกูจะทิ้งมึงจริงๆนะ'


"เออๆ ใจเย็นกันหน่อยสิวะเดี๋ยวก็ไหม้แล้ว ไอ้โจ้มันหายหัวไปไหนวะ"


"ไอ้โจ้มันวิ่งแจ้นไปตั้งแต่สี่โมงครึ่งกับพวกพี่มังกรตั้งนานแล้วเหอะ"


"เอ้า ไอ้พวกนี้" ผมหันไปมองด้านหลังที่เคยมีพวกไอ้ตี๋ ไอ้นกยืนอยู่ ขณะนี้กลับว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงาหัว เออออออ ลากูบ้างก็ได้ ไอ้พวกเชี้ย ส่วนไอ้พวกเดือนดาวมันกลับกันตั้งแต่เที่ยงแล้วเห็นว่ามีธุระ ที่มหาลัย


"หลวงพ่อก็ไม่อยู่ โทรหาลุงช้างก็ไม่ติดอะพี่ ทำไงดี"


"มึงรู้อยู่แก่ใจว่าควรทำไง"


"ฮือออออ ไม่เอาๆ"


          ไอ้สร้อยครวญครางด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก!!? ไอ้สัส กูนี่ที่ต้องร้อง!! ผมยืนนิ่งมองเปลวไฟที่กำลังแผดเผาร่างร่างหนึ่งมาหลายชั่วโมงแต่ไม่มีที่ท่าว่าเปลวเพลิงจะทำให้มอดไหม้ลงได้เลย สัปเหร่อประจำวัดอย่างลุงช้างดันลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ไปเที่ยวทะเลทรายดูพีระมิดกลางแดดกับครอบครัวที่อียิปต์ ได้เหรอวะ? มันได้เหรอ? ที่ให้ผมมาทำหน้าที่แทนเนี่ย!! ถึงผมจะอยู่กับวัดมานานแต่ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ต้องมา ตอกมะพร้าวล้างหน้าศพ ต้องสวดมนต์คาถากำกับ(ลุงช้างทิ้งสมุดบันทึกคาถาไว้ให้)และจัดการเผาด้วยตัวเอง ผมเป็นแค่ลูกมือลุงช้างเองนะเว้ย และนี่เป็นงานแรกที่ผมต้องทำเองแต่ดันไม่มีที่ปรึกษาให้คอยถาม ศพคุณลุงท่านนี้ก็ดันเป็นศพไม่มีญาติอีก ฮือออออ กูร้องแล้วนะ


"ลุง...ลุงไหม้เถอะนะเดี๋ยวพวกผมทำบุญไปให้" ไอ้เมฆเริ่มขอร้อง


"หลอกพวกผมมันบาปนา" ไอ้สร้อยเริ่มขู่


"ถ้าไม่ไหม้พวกผมเฉือนเนื้อลุงมากินจริงๆนา" ผมดับเบิ้ลขู่ ไม่ได้พูดเล่นนะครับถึงจะอยากให้เป็นก็เถอะ ในหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกคู่ใจของลุงช้างเขียนบอกไว้ว่าให้เฉือนเนื้อมาย่างกินแล้วสวดมนต์บทที่เขียนบอกไว้ในสมุดบันทึก



ตุ้บ!!



(เสียงใจผมหล่นครับ)





"พี่!! ผมปวดขี้ไปขี้ก่อนนะ!!"


"ผม...ผมจะเป็นลมแล้วหน้ามืดอ่ะไปพักแป๊บ"


"เฮ้ยๆ จะไปไหนกันกลับมานี่นะโว้ยยยย"


          ไอ้สร้อยพอบอกปวดขี้เสร็จมันก็วิ่งจู๊ดหายวับไปชั่วพริบตา ตามมาด้วยไอ้เมฆหน้าซีดเสียยิ่งกว่ากระดาษวิ่งตามไปติดๆ ทิ้งให้ผมที่นั่งขัดสมาธิเท้าคางนั่งมองเปลวไฟอยู่นิ่งค้างเมื่อรู้ตัวว่าโดนทิ้ง ไอ้พวกเชี่ย กลับมาก๊อนนนน กูลุกไม่ด๊ายยย กูเป็นเหน็บ!! ไอ้พวกน้องเชี้ย ฮือออออ


นะโมตัสสะ~~~


"ครับ!!!" เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมแผดดังลั่นเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ใครวะ? แต่ช่างเถอะ ใครที่โทรมามันต้องรู้จักกูแน่ๆไม่งั้นจะโทรมาทำข้าวต้มมัดทำไมล่ะ ผมรีบกดรับอย่างไวว่องก่อนจะตะโกนแหกปากออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว เห็นผมหล่อๆกล้าหาญอย่างนี้ก็กลัวเป็นนะเว้ย เมื่อต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว โปรดเห็นใจคนหล่อด้วย


"อยู่ไหน"


"ฮะ!!?"


"อยู่ไหน"


"มะ...มะ...เมรุเผาศพครับ"


"......"


"ฮืออออ พี่ราล์ฟช่วยผมด้วย ตู๊ดๆๆ"


          เมื่อรู้ว่าใครโทรมาผมก็แหกปากเสียงดังแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้สายก็โดนตัดไป อะไรของเขาวะ? โทรมาเพื่อ? จะทิ้งคุณลุงไว้แบบนี้ก็ไม่ได้มันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องรับผิดชอบ(หล่อเลยอ่ะดิ) ลุงค้าบบบ ไหม้สักทีสิวะ


หมับ


"ไอ้เหี้ยยยยยย" ผมร้องลั่นเมื่อมีมือปริศนาวางแปะลงบนหัว หันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นใครผมยกมือไหว้ขอขมาแทบไม่ทัน ไอ้พี่ราล์ฟยืนหน้าถมึงทึงจ้องตาแข็งเป๊กมองมาอย่างเอาเรื่อง


"ขอโทษค้าบคุณพี่" บอกขอโทษเสียงอ่อยยื่นมือไปจับขากางเกงหรู(ผ้าโคตรนิ่ม)ยึดไว้เกรงว่าจะทิ้งผมซ้ำซ้อนอีกคน อย่าริมีเรื่องกับผู้มีอำนาจที่พึ่งบริจาคของราคาเกือบล้านเมื่อเช้านี้


"มานั่งทำอะไรตรงนี้"


"พี่มาทำไมอ่ะ"


"ใกล้มืดแล้วทำไมไม่กลับบ้าน"


"พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า พี่มาหาผมเหรอ"


"ร้องโวยวายทำไมใครทำอะไร"


"พี่เห็นหลวงพ่อกลับมายังอ่ะ"


"ฤกษ์!"


"ครับ?"


"คุยเรื่องเดียวกับพี่ก่อน" พี่หมอว่าเสียงดุจับมือผมที่ยังคงดึงขากางเกงของเขาออกและดึงผมลุกขึ้นยืน


"กลับบ้าน"


"เดี๋ยวๆพี่ งานยังไม่เสร็จเลย" ผมยื้อแขนที่ถูกดึงให้ออกเดินไว้ จะไปได้ไงล่ะเว้ย พี่ราล์ฟเหลือบมองเปลวเพลิงที่ผมชี้ให้ดู พี่เขาขมวดคิ้วเข้มอย่างไม่สบอารมณ์และยกโทรศัพท์ออกมากดโทรออกและพูดภาษาอังกฤษอยู่สองสามคำ ไอ ยู โอเคร (แฮร่ ฟังรู้เรื่องแค่นี้อ่ะครับ) เอ้อ!! มี อีส ด้วย


"เดี๋ยวให้คนของพี่มาแทน" พี่ราล์ฟกดวางโทรศัพท์และหันมาบอกผม


"ไม่ได้พี่ ผมเผาตั้งแต่บ่ายแล้วจนตอนนี้ยังไม่ไหม้เลย" ชี้นิ้วยิกๆไปที่ร่างลุงให้ดูเป็นหลักฐาน เดี๋ยวหาว่าผมเพ้อเจ้อ


"ทำไม"


"ผมว่าลุงแกต้องเป็นคนมีของมีวิชาแน่ๆ ถึงเผาไม่ไหม้"


"...."


"เนี่ย ตามตำราเขาว่าเอาไว้ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่ไหม้ให้สัปเหร่อเฉือนเนื้อมากินเพื่อเป็นการแก้ของ ถอนของ" ผมบอกพี่ราล์ฟที่ยืนหน้าหล่อฟังเงียบๆพร้อมกับหยิบบุหรี่ราคาแพงออกมาจุดสูบ สนใจกูไหมเนี่ยที่พูดไป


"เป็นสัปเหร่อหรือไงเราน่ะ"


"ก็...เปล่า"


"งั้นกลับ"


"เฮ้ยๆพี่ไม่ได้ ลุงเขาไม่มีญาติที่ไหนจะทิ้งลุงได้ไง" ผมยื้อแขนตัวเองอีกครั้งเมื่อไอ้พี่หมอจะดึงให้กลับบ้านอย่างเดียว ผมไม่รีบโว้ยบ้านอยู่ข้างวัด พี่หมอราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆยอมปล่อยมือผม ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ร่างของลุงที่อยู่ในเปลวเพลิง พี่ราล์ฟโยนบุหรี่เข้าไปในเปลวเพลิง มือแกร่งคว้าวัตถุสีดำเลื่อมออกมาจากด้านหลังหันปากกระบอกเล็งไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งในเปลวเพลิง


กริ๊ก


"พี่!! พี่จะทำอะไรเนี่ย ไม่ได้นะเว้ย!!!" ผมแหกปากลั่นกับภาพตรงหน้า ยิ่งพี่ราล์ฟปลดเซฟผมยิ่งสั่นยิกๆเป็นเจ้าเข้า ไม่ได้นะเว้ยไอ้หมอเถื่อน


"จะไหม้ไปดีๆ หรืออยากจะตายอีกรอบ ตายครั้งนี้แกไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ๆเพราะฉันจะแช่งแก"


"พี่ราล์ฟนี่ในวัดนะเว้ย พี่พกปืนมาเดินในที่สาธารณะแบบนี้ไม่... เฮ้ยๆ พี่ลุงไหม้แล้ว" ผมกระโดดไปคว้าแขนพี่ราล์ฟที่ถือปืนเล็งลุงอยู่กดลง แต่ก็ต้องตาเหลือกโพลงเมื่อเหลือบไปเห็นร่างลุงค่อยๆเริ่มไหม้ขึ้นทีละนิด หันไปมองพี่ราล์ฟที่ยืนนิ่งด้วยความพิศวง


"เอ็ง เอ็งเป็นใคร?"


"...."


"ออกจากร่างพี่ผมนะ!!" ผมถอดสร้อยพระตัวเองออกยื่นไปตรงหน้าพี่ราล์ฟ


"ออกไปเลยนะ ชิ้วๆๆ"


"เฮ้อ…"


"ถอนหายใจทำไม คาถาใหม่รึ!! ออกไปนะเว้ย"


"กลับบ้านเถอะพี่เหนื่อย" ผีในร่างพี่ราล์ฟคว้าข้อมือผมข้างที่ถือพระอยู่


"ชิ้วๆๆ โอ๊ย!!!"


 "แล้วก็เลิกทำตัวประหลาดได้แล้ว" ว่าผมประหลาดพร้อมกับบีบจมูกผมได้ขนาดนี้คงเป็นพี่ราล์ฟแหละ หรือเปล่าวะ?


"ผมหล่อขนาดนี้จะประหลาดได้ไงเล่า" ผมเถียงกลับขณะที่พี่ราล์ฟจูงมือผมให้ออกเดินเมื่อมีพี่การ์ดสามสี่คนเดินเข้ามา


" จริงดิ พี่มึงจะให้พี่ๆการ์ดเฝ้าลุงจริงดิ"


"...." ชะอุ้ย!! เผลอพูดคำหยาบ ตาคมมองมาอย่างดุๆ ผมทำได้เพียงยกมือไหว้ขอโทษตาใส เออๆคงเป็นพี่ราล์ฟตัวจริงแหละมองแรงขนาดนี้


"พี่ พี่เอานี่ไว้อ่านนะ" ผมรีบโยนสมุดบันทึกของลุงช้างไปให้พี่ๆการ์ดและรีบสาวเท้าตามแรงจูงของพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟพาผมมาหยุดอยู่ตรงรถหรูคันไม่คุ้นตา(ไม่เคยคุ้นสักคันเปลี่ยนแม่งทุกวัน)ที่จอดอยู่หน้าร้านของผม มีพวกพี่เพชรกับพี่บุญกำลังเก็บของจะปิดร้านส่วนน้องผมเห็นขับรถไปส่งของตั้งแต่บ่ายจนป่านนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาแขน


"พี่มีไรหรือเปล่า" ผมเอ่ยถามเมื่อเราหยุดเดิน


"จะมาหาต้องมีอะไรด้วยหรือไง" พูดจบก็เดินเข้าบ้าน(ร้าน)ผม ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนโซฟาขาดๆในบ้าน สรุปกูเป็นแขกหรือเปล่า พี่ราล์ฟเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่า


"พี่ไม่ได้โกรธผมเหรอ" ผมเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆพี่หมอ


"โกรธ? เรื่องอะไร" พี่หมอราล์ฟเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ อ่า หล่อจัง ไม่อยากจะบอกเลยว่าวันนี้ทั้งวันผมเอาแต่คิดถึงพี่ พอเห็นพี่มาหาแล้วมันรู้สึกดีชะมัด


"ก็...เมื่อเช้าเหมือนพี่โกรธผมที่ผม...ผมไม่...ไม่..."


"ที่ไม่ได้สนใจคำพูดพี่เรื่องที่พี่ขอเราคบ"


"พี่โกรธผมเหรอ ผมขอโทษนะผมตกใจ"


"ถ้าพี่โกรธเราพี่ก็คงไม่มีวันหายโกรธเพราะเรามีเรื่องให้พี่โกรธได้ทั้งวัน"


"งั้นเรื่องเมื่อเช้าพี่ก็พูดเล่นอะดิ ฮ่าๆ"


"อืม"


         เสียงหัวเราะผมเริ่มเบาลงเรื่อยๆและกลับกลายเป็นว่าแม้แต่จะยิ้มก็แทบยิ้มไม่ออก หัวใจวูบโหวงฉับพลัน ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เขาอาจจะพูดเล่นแต่พอมาได้ยินจากปากทำไมถึงรู้สึกผิดหวัง…. ตาคมมองมาที่ผมนิ่งจนเหมือนจ้อง ผมเสหลบทำทีเป็นลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อเอาน้ำมาให้พี่ มีเสียงพี่บุญพี่เพชรตะโกนมาจากหน้าร้านว่า'กลับแล้วนะ' ผมทำเพียงโบกมือหยอยๆ ตามหลังอย่างไม่มีอารมณ์ เล่นเองเจ็บเองไม่เท่เลยว่ะ


"อ่ะพี่น้ำ เฮ้ย!!"  ก้มลงเอาแก้วน้ำวางไว้โต๊ะเล็กตรงหน้าพี่ราล์ฟ ไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นดีๆร่างผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งแหมะอยู่อยู่บนตักแกร่ง วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


"เป็นอะไร" พี่ราล์ฟเอ่ยถามพร้อมกับวางคางตัวเองลงบนไหล่ผม ใกล้จนคอผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆและกลิ่นหอมคุ้นเคย


"เปล่า" ผมพยายามจะดิ้นลงจากตักแกร่งแต่ก็สูญเปล่า จะไปสู้แรงคนที่เคยอุ้มผมจนตัวลอยได้ยังไง


"เสียใจหรือไง"


"ปะ…."


" 'อืม' เมื่อกี้พี่พูดเล่นแค่อยากให้รู้ว่าเมื่อเช้าพี่รู้สึกแบบนี้ แบบที่ฤกษ์กำลังรู้สึก"


"พี่…" พี่ผิดหวังเหรอ พี่เจ็บเหรอ


"แต่ขอคบเมื่อเช้านี้พี่พูดจริง"


"พี่...พี่ขอคบผมแบบไหนอ่ะ แบบแฟนอะเหรอ"


         ผมถามอย่างไม่มั่นใจอะไรเลย พี่ราล์ฟไม่ตอบแต่ปากร้อนจูบลงที่หลังคอผมจนขนลุกซู่ "แบบที่ทำแบบนี้ได้" พี่ราล์ฟพูดเบาๆข้างหูผม และจูบลงบนหัวไหล่ ร่างผมถูกผลักให้นอนลงบนโซฟาแบบเบลอๆ ปากร้อนก้มลงจูบตรงหน้าอกข้างซ้ายผม "แบบที่ตรงนี้มีแค่พี่" หน้าหล่อเงยขึ้นสบตาผม เราสบตากัน เหมือนพี่เขาจะบอกให้ผมชอบแค่เขา เหมือนพี่เขาจะชอบผม และเหมือนว่าพี่เขาจะจูบผม….เฮ้ย!! ไม่ได้โว้ย


พลั่ก!


"หยุดเลยนะ ไม่งั้นพี่เจอดีแน่"


         เมื่อได้สติผมก็ทุบลงไปตรงหัวไหล่พี่ราล์ฟเต็มแรง อย่ามาเล่นทีเผลอนะเว้ยผมไม่หลงกลหรอก พี่ราล์ฟถอนหายใจหน่ายๆแต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี ผมลุกขึ้นนั่งดีๆหน้าเห่อร้อนไปหมด กำลังจะลุกวิ่งไปหาอะไรกินในตู้ยินแก้หน้าร้อน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยคราบเปื้อนบนเสื้อเชิ้ตสีขาวตรงหัวไหล่พี่ราล์ฟ ข้างที่ผมพึ่งตีไปเมื่อสักครู่ มันเริ่มขึ้นรอยเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ มือผมเย็นเฉียบ ตัวชาวาบ หัวใจเหมือนกำลังถูกบีบ


"เลือด!! พี่!! พี่บาดเจ็บเหรอ"









 :mew3: :pig4:







         













หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่23…ความมั่นใจที่ไม่กล้ามั่นใจ 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-07-2020 20:05:23
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่23…ความมั่นใจที่ไม่กล้ามั่นใจ 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-07-2020 20:37:17
ราล์ฟ โหดกระทั่งกะศพ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 16-07-2020 21:26:00
24…ห้องผม






"พี่!! นั่นเลือด เลือดใช่ไหม? ใครทำอะไรพี่!!" ผมถลาเข้าไปจับหัวไหล่ข้างที่เริ่มเต็มไปด้วยเลือด เอื้อมมือที่อยู่ๆก็สั่นอย่างห้ามไม่อยู่แตะลงไปเบาๆตรงรอยเลือด พี่ราล์ฟไม่หลบ เขายังนั่งนิ่ง ไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดอะไรสักนิดจนผมคิดว่าอาจจะเป็นแค่รอยคราบเปื้อน


"ไม่เป็นไรหรอกแค่รอยเปื้อน พี่กลับก่อนมีธุระ" พี่ราล์ฟลุกขึ้นยืนก้มลงมาจูบหน้าผากผมเบาๆและหันหลังกำลังจะจากไป ผมรีบคว้าแขนพี่ราล์ฟไว้ดึงให้นั่งลง ไม่ได้สนแล้วที่โดนฉวยโอกาสจูบหน้าผาก


"พี่ ให้ผมดูก่อน" ผมไม่รอให้พี่เขาอนุญาติถือวิสาสะปลดกระดุมเสื้อของพี่ราล์ฟออกด้วยมือที่สั่นเทา ผมกลัว กลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิดในหัว กลัวว่าพี่เขาจะเจ็บ


"พี่….ใคร...ใครทำพี่" ร่างผมชาวาบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า...หัวไหล่แกร่งเป็นรอยช้ำมีผ้าก๊อซปิดไว้ถูกพันทบด้วยผ้ายืดพันแผลรอบหัวไหล่อีกทีอย่างเรียบร้อย ทว่า...ตอนนี้กลับมีเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆจนผมใจหาย


"ผมขอโทษผมไม่รู้ พี่...พี่เจ็บมากไหม ผม..ผมจะพาพี่ไปโรงบาล"


"ฤกษ์ ใจเย็นๆพี่ไม่ได้เป็นไร" พี่ราล์ฟลูบหัวผมเบาๆ


"แต่เลือดไหลนะพี่ ต้องไปหาหมอให้หมอเขาดูนะ ต้องเย็บแผลไหม ต้องนอนโรงบาลไหม ต้องกินยาอะไรหรือเปล่า" ผมบอกอย่างไม่สบายใจ


"ลืมแล้วหรือไงว่าพี่เรียนหมอ พี่บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ"


"แต่เลือดพี่ไหลนะ เยอะด้วย ผม..ผม…"




ปัง!!



           ภาพต่างๆของความทรงจำเก่าๆที่พยายามกดลึกลงไปภายใต้จิตใจ ขณะนี้มันย้อนกลับขึ้นมาเต็มหัวของผมไปหมด ภาพของเหลวสีแดงฉาน เสียงปืน กลิ่นคาวเลือด ความหวาดกลัว และหลังจากนั้นคือการลาจาก…..


"ฤกษ์ ค่อยๆหายใจ ฤกษ์ ใจเย็นๆ พี่ไม่เป็นไร ค่อยๆ"


"...." ผมกลัว กลัวพี่ราล์ฟจะหายไปพร้อมกับเสียงปืน และบาดแผล


"ฮึกๆๆ ฮือๆ"


"ฤกษ์…."


"ฮือๆๆ" ผมหยุดไม่ได้ผมหยุดน้ำตาไม่ได้ ทุกอย่างมันอัดแน่นอยู่ในอก เหตุการณ์ในวันนั้นผมสูญเสีย สูญเสียพี่ สูญเสียบ้านที่ถูกวางเพลิง สูญเสียยายที่หัวใจวายเพราะตกใจที่บ้านไฟไหม้ สูญเสียบ้านสวน เพราะเสียงปืน บาดแผล และการนองเลือด


          ผมชอบพี่ราล์ฟมากขนาดนี้เชียวหรือ มากขนาดที่ว่ากลัวเขาจะหายไป มากขนาดที่ว่าทำให้ความทรงจำครั้งเก่าผุดขึ้นมา ผมหลับตาลงพยายามหยุดร้องไห้


"ขอร้อง...ขอร้องหยุดเถอะ หยุดร้อง"


          อ้อมกอดแข็งแรงกอดกระชับผมแน่นขึ้นแน่นจนผมรู้สึกเจ็บทว่ากลับอบอุ่น ผมไม่รู้ว่าตัวผมถูกยกให้มานั่งบนตักพี่ราล์ฟในลักษณะคร่อมได้ย่างไร หน้าผมซบลงกับอกแกร่ง เสื้อเชิ้ตหรูเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา น้ำมูกผม แขนแกร่งกอดแน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับเสียงทุ้มกระซิบข้างหูบอกซ้ำๆ 'ว่าไม่เป็นไร'


"ผม...ผมไม่ ฮึกๆ ได้ร้อง ฮึกๆ" เงยหน้าขึ้นมาเถียง ผม...กลัว...กลัว...เสียฟอร์ม (อย่าด่าเยอะนะครับ)


"ชูว์~"


"ผมไม่ได้ร้อง ฮึกๆ"


"ครับๆ ไม่ร้อง" มือใหญ่เช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา มือของพี่ราล์ฟสากและหยาบกร้านเหมือนคนที่ทำงานหนักมาอย่างมาก และผมก็ชอบ เราสบตากันนิ่ง ริมฝีปากได้รูปกดจูบหางตา จมูก แก้ม ลำคอของผมแผ่วเบาจากนั้นริมฝีปากอุ่นก็กดจูบอีกครั้งที่ริมฝีปากผม ลิ้นร้อนค่อยไล่เลียตามแนวฟันเหมือนเป็นการบอกให้ผมเปิดปากออก และผมก็ได้สติรู้สึกตัวอีกครั้งว่ากำลังทำอะไรอยู่


"ทำแผลกันเถอะครับ" ผมหักห้ามใจหันหน้าหนีกับจูบลึกซึ้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลักพี่ราล์ฟออกเบาๆแล้วลุกลงจากตักแกร่ง ยอมรับว่าอยากสัมผัสคนที่เราชอบ ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ต้องการ ใครจะไม่ชอบล่ะ ได้แตะได้กอดได้สัมผัสคนที่เราชอบ ทว่าผมกลัวจะห้ามตัวเองไม่อยู่น่ะสิ แค่วันนั้นผมก็รู้ตัวแล้วว่าแพ้ราบคาบกับสัมผัสของพี่หมอ ประสบการณ์ผมก็ไม่มี เคยดูหนังโป๊แค่ผู้ชายกับผู้หญิง ชายกับชายไม่เคยอยากรู้อยากเห็นเลยสักครั้ง ขอยอมรับว่ากลัวโว้ยยย


"พี่อยากอาบน้ำก่อน" พี่ราล์ฟบอกเสียงนิ่งลุกขึ้นยืนตามผม ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธที่ผมลุกหนีกระทันหัน แต่จูบหน้าจูบคอผมไปขนาดนั้นถ้าจะโกรธอีกเดี๋ยวแม่งเตะตัดขา


"เออใช่อาบก่อนแล้วค่อยทำแผล เดี๋ยวผมหาชุดให้ใส่จะได้สบายตัว"






"พี่ใส่ได้หรือเปล่า"


          ผมหันไปถามพี่ราล์ฟที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง บนตัวพี่หมอราล์ฟมีเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวของเทียนน้องชายผม ที่ตัวน่าจะพอๆกับพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟเอากล่องปฐมพยายามเข้าไปทำแผลเองในห้องน้ำโดยให้เหตุผลว่าพี่ทำเองเร็วกว่า เอออออ ผมมันไว้ใจไม่ได้


"อืม" พี่ราล์ฟพยักหน้าและเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ในครัวที่มีผมกำลังจัดอาหารเยอะแยะมากมายอยู่บนโต๊ะจากการสั่งของพี่ราล์ฟกินกันสองคนสั่งมาอย่างกับอยู่เป็นสิบ เฮ้อ ไอ้เทียนก็ไม่กลับส่งข้อความมาบอกว่าอยู่พัทยา พอเข้ามหาลัยก็ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเจ้าเทียน!! ไปทำห่าไรตั้งพัทยา ไม่ชวนกูเลย ฮือ…


"พี่ต้องกินยาอะไรก่อนหรือเปล่า" ผมถามพร้อมกับยื่นจานข้าวให้พี่ราล์ฟ


"พี่ทานแล้ว"


"งั้นรีบกินเถอะพี่ ขับรถตอนดึกๆมันอันตราย"


"พี่จะกลับเช้า"


"อืม...แล้วแต่พี่"


"..."


เอ๋…


"พี่จะค้างเหรอ!!?"






"อันนี้แฟลชไดร์ฟอะไร"


          ท่านเทวดาหน้าตาหล่อไร้ที่ติขณะนี้ปล่อยผมยาวสลวยนั่งอยู่บนเตียงผม ชูแฟลชไดร์ฟสีชมพูหวานแหววขึ้นมาถามผมที่กำลังเดินเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ


"อ๋อ ของไอ้ลำไยอะพี่เอาไว้เปิดเพลงฟังสงสัยลืมไว้เมื่อคืน เสียบกับลำโพงตัวนี้มีแต่เพลงฝรั่งนะพี่น่าจะชอบผมไม่ชอบอ่ะฟังไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ" ผมตอบหยิบแฟรชไดร์ฟในมือพี่หมอไปเสียบกับลำโพง กดปุ่มเล่นเพลง เสียงเพลงสากลช้าๆฟังสบายๆก็ดังขึ้น ให้บรรยากาศมันผ่อนคลาย กูเนี่ยแหละควรผ่อนคลาย ทุกการกระทำของผม ผมรู้ว่าพี่เขามองผมอยู่ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น อ้ากกกก กูจะทำยังไงดี กูเขิน ไอ้สัส


          ผมเดินไปตากผ้าเช็ดตัวเหมือนคนทำตัวไม่ถูก ผมเคยนอนกับพี่เขาแล้วแต่นั่นที่บ้านพี่เขา แต่ในห้องของผมยังไม่เคยเลย ห้องนอนธรรมดาๆหรูสุดก็มีแค่แอร์เก่าๆหนึ่งตัวที่เร่งแอร์ก็ไม่ได้ลดแอร์ก็ไม่ได้เพราะไม่มีรีโมท ก็หวังว่าพี่เขาจะนอนสบาย


"ฤกษ์"


"ครับ?"


"กลัวเลือดเหรอเรา"


"ไม่เชิงหรอกพี่ ผมแค่ไม่ชอบอ่ะ" ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาผ้าห่มอีกผืนออกมา


"พี่ไม่เห็นรู้เลยว่าเรากลัว"


"ไม่ได้กลัวผมแค่ไม่ชอบเฉยๆเหอะ แล้วพี่จะไปรู้ได้ไงเราไม่ได้ซี้กันเหมือนพวกไอ้ปัดสักหน่อย"


"พี่ไม่อยากซี้แบบนั้น ซี้แบบนี้ดีแล้วชิมได้ทั้งตัว"


"ไอ้พี่หมอ!!!" ผมตะโกนว้ากลั่นห้อง อย่างทำอะไรไม่ได้จะเตะสักป๊าปก็ใจไม่ถึง จะด่าโคตรแม่กูก็มีส่วนสมยอม ฟินด้วยสิ เสร็จเลยกู ไอ้สาสสส


"เรียกพี่เบาๆก็ได้ยิน เขินพี่หรือไง" พี่หมอราล์ฟถามหน้านิ่งแต่แววตาเทาๆนั่นแม่งแกล้งกูชัดๆ แพรวพราวฉิบหาย


"ไม่ได้เขิน!!" กูจะเสียงสูงทำไม


"ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน" พี่ราล์ฟพูดหน้านิ่งเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าลมฝนเหมือนชวนแดกข้าว


"พี่ราล์ฟทะลึ่งว่ะ ทำไร ไม่มีทำไรทั้งนั้นแหละ" หน้ากูไหม้แล้ว ผมเขินปู้ชายยย


"งั้นเหรอ" พี่ราลฟ์กระตุกยิ้มหล่อก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอโน๊ตบุ๊ตต่อ ทิ้งให้ผมหัวใจเกือบวายกับรอยยิ้มนั่นอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า พี่มันร้ายแกล้งผมจนทำอะไรไม่ถูก ตัวผมก็ร้ายกว่าอยากกอดคนที่ชอบจะตายอยู่แล้ว แต่ต้องรักษาระยะห่างไว้ ให้ผมทำใจก๊อนนน ให้ผมไปเรียนรู้ในคลิปก่อน ฮือ คืนนี้กูจะใช้ชีวิตยังไง





"ทำอะไร"


"ปูที่นอนดิ พี่ก็เห็นอยู่ อะโด่ ถามมาได้" ไม่ได้กวนบาทานะเว้ย อย่าตาแข็ง เออ!! กูกวนอยู่หมันไส้แม่ง!! คนห่าไรแค่นั่งทำงานเฉยๆอยู่บนเตียงก็หล่อแม่งฉิบหาย ข้อความในโทรศัพท์ดังทุกห้านาที เอกสารก็วางกองเป็นตั้ง ทำไมไม่กลับบ้านวะถ้าชีวิตมันจะยุ่งเหยิงขนาดนี้ ที่นั่งทำงานอยู่ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะสบาย บ้านตัวเองมีห้องทำงานตั้งใหญ่โตดันไม่ไป มาสิงอยู่ที่นี่ทำไมห้องผมไม่มีโต๊ะทำงาน โต๊ะเขียนหนังสืออะไรทั้งนั้นแหละผมทำบนเตียง บนพื้นตลอด เฮ้อ จะไล่กลับบ้านก็ไม่ได้ยังไงผมก็เคยไปรบกวนบ้านเขาตั้งหลายวันเขามานอนด้วยแค่คืนเดียวเรื่องเล็กน้อย แต่...พอเห็นพี่ราล์ฟในวันนี้อยู่ดีๆผมก็อยากได้โต๊ะเขียนหนังสือไว้ในห้องสักชุด ไปซื้อวันไหนดีนะ เอ….ทำเองดีกว่า


"มานอนด้วยกัน" พี่ราล์ฟที่นั่งพิงหัวเตียงละมือจากโน๊ตบุ๊คหรูที่เอามาจากในรถเพื่อทำงานพูดเสียงจริงจัง


"ไม่เอาอ่ะ เตียงมันเล็กเดี๋ยวพี่นอนไม่สบายเจ็บแผล เอ...ผมว่าผมไปนอนห้องไอ้เทียนดีกว่านะ พี่นอนคนเดียวได้ใช่ไหม" เตียงผม 3.5 ฟุตนะครับ ผู้ชายสองคนจะนอนกันยังไงแถมอีกคนมีแผลอีก


 ตุ้บ!!


พี่ราล์ฟลุกขึ้นยืนผลักร่างผมลงเตียงเบาๆพร้อมกับเดินไปปิดไฟในห้อง เดินกลับมาที่เตียงดันร่างผมเข้าไปชิดผนังและล้มตัวนอนลงข้างๆ โอเคร!!! นอนเถอะครับ!!!




"ฤกษ์"


"หืม" ผมขานรับเสียงงัวเงีย เสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบาท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆในความมืดอย่างที่ไม่มีใครคิดจะลุกไปปิด ผมไม่รู้ว่าพี่เขานอนตอนไหนภาพสุดท้ายที่เห็นคือนั่งพิงหัวเตียงพิมพ์งานกับเจ้าโน๊ตบุ๊คท่ามกลางแสงโคมไฟสลัวๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียง พี่ราล์ฟเขามักจะนอนทีหลังผมเสมอ ส่วนผมตอนนี้ไม่ไหวแล้วหนังตาหนักไปหมดเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน กูแดกเหล้าอ่า


"เพลงนี้เพลงอะไร" ที่ผมตื่นไม่ใช่เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหูนั่นหรอกครับ แต่แขนแกร่งนี่ต่างหากที่ทำให้ตื่น...ผมรับรู้ได้ถึงวงแขนแกร่งสอดเข้ามาใต้ศีรษะผมแทนหมอน และเอวผมมีวงแขนแกร่งอีกข้างที่กอดแน่นขึ้นจนรู้สึกอบอุ่น ร่างผมถูกดึงให้เข้าใกล้แผ่นอกแกร่งจนแผ่นหลังผมแนบชิดรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจของคนด้านหลัง ผมง่วงเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาบ่นแล้ว


"หืม..."


"เพราะดีนะ"


"ผมฟังเพลงฝรั่งไม่รู้เรื่อง" ง่วงงงง


"เพลงไทย"


"...."


"ฝันดีนะ" 


"...."


          ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงแผ่วเบาบนหลังคอขาวท่ามกลางความมืด แขนแกร่งกอดกระชับร่างตรงหน้าให้แน่นขึ้นราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้วสำหรับเขาสองคน เสียงเพลงไทยเพลงหนึ่งยังดังขึ้นเบาๆ ถ้าคนที่ถูกกอดได้ฟังก็คงจะดี…




~อาจจะดูว่าฉัน โง่งมที่ทำเพื่อเธอ ให้เธอได้เสมอ ทั้งตัวและหมดหัวใจ

ทั้งๆที่ความเป็นจริง แค่ฝันก็ยังเกินไป ไม่มีอะไรคู่ควรสักอย่าง


ผ่านไปถึงเพียงไหน หัวใจก็พอรู้ดี แต่บังเอิญตอนนี้ รักเธอเกินหยุดยั้งใจ

พื้นที่ในใจที่มี ไม่เหลือให้ใครคนใด ทุกห้องในใจมีเพียงแต่เธอ


เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอคนเดียวอยู่อย่างนี้

ต่อให้มันไม่มีหนทางใดๆ ก็ไม่เคยหวั่นไหว

เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอจริงๆและพร้อมจะตายแทนได้

ก็เพราะหัวใจ ฉันมันสร้างมาเพื่อเธอ


แต่ไม่เคยโทษฟ้า ที่พาให้เราพบกัน และกำหนดให้ฉัน รักเธอเหมือนดังนิยาย

ให้ฉันต้องเจียมตัวเอง ให้ฉันต้องทนทำใจ แม้ทุกข์เพียงใด ก็มีเแต่เธอ


เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอคนเดียวอยู่อย่างนี้

ต่อให้มันไม่มีหนทางใดๆ ก็ไม่เคยหวั่นไหว

เกิดมาเพื่อจะรัก รักเธอจริงๆและพร้อมจะตายแทนได้

ก็เพราะหัวใจ ฉันมันสร้างมาเพื่อเธอ


ก็เพราะว่าเธอนั้นคือที่สุดของหัวใจ~






             เกิดมาเพื่อรักเธอ-มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์















 :katai4: :katai4:

:pig4: :pig4:

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-07-2020 22:20:06
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-07-2020 23:28:38
 :o8: :impress2: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-07-2020 00:03:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-07-2020 07:17:55
 o13
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-07-2020 21:12:34
มีเหตุการณ์ที่มากกว่าฤกษ์โดนยิงอีกเหรอ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่24…ห้องผม 16/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 26-07-2020 20:45:55
ปมเยอะไปหมดเลย ไม่มีโอกาสได้หวานกันสักที
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่25…(1.1) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 26-08-2020 18:01:51

25...ราล์ฟ(1.1)







          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ร่างสูงกำลังก้าวขึ้นเครื่องบินหรูส่วนตัว คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาขมวดเข้าหากันอย่างคนมีความกังวล เบอร์โทรของบอดี้การ์ดโชว์เด่นหราบนหน้าจอ ราล์ฟกดรับอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวใจที่ไหววูบ มีบางสิ่งเกิดขึ้นในหัวใจของเขา เป็นความรู้สึกแรกในชีวิตที่เกิดขึ้น…เขากลัว


"....."


"ฉันกำลังไป" ราล์ฟยืนนิ่งฟังเสียงต้นทางจากโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งและนิ่งขึ้น แผ่รังสีความกดดัน น่ากลัว ออกจากตัวขึ้นเรื่อยๆดวงตาคมสีเทาหม่นกราดมองไปทางไหน ใครๆต่างก็ก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นั้น สายตาที่พร้อมจะเอาชีวิตทุกชีวิต… เสียงทุ้มกรอกเสียงลงไปสั้นๆทว่าเย็นยะเยือก ราล์ฟหันหลังกลับเดินกลับไปที่รถหรูที่เขาพึ่งนั่งมาทันที


"นายครับ!! นัดนี้เราเลื่อนๆไม่ได้แล้วนะครับ"


"หุบปาก!!"


"....."


"เตรียมคนของเราให้พร้อมคืนนี้ฉันจะไปเอาเลือดตระกูล 'ซานโดร' !!!"


         เสียงเย็นตะคอกดังลั่นลานบิน บอดี้การ์ดยี่สิบกว่าชีวิตยืนเงียบกริบ แม้แต่บอดี้การ์ดคนสนิทก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาอีกเขารู้ดีว่า ไฟเพลิงกัมปนาทได้ถูกจุดติดในร่างนายของเขาแล้ว 'ใคร' ที่บังอาจมาจุดเพลิงนี้ ใครผู้นั้นไม่มีทางรอดเพลิงกัมปนาทนี้ไปได้แม้ชีวิตเดียว ราล์ฟผลักคนขับรถออกบ่งบอกว่าเขาจะขับเอง รถหรูพุ่งทะยานออกสู่ถนนในเมืองชนบทด้วยฝีมือการขับของเด็กหนุ่ม มันแรงเร็วจนแถบจะทยานบินสู่ท้องฟ้า เหล่ารถบอดี้การ์ดขับตามกันมาด้วยความเร็วที่เหยียบมิด ทว่าก็ทิ้งห่างนายของเขาอยู่ดีด้วยฝีมือการขับหลบหลีกอย่างเทียบไม่ติด


         รถหรูจอดนิ่งงันอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่เหลือแต่ซากปรักหักพังจากเพลิงไหม้ ร่างสูงก้าวลงจากรถขายาวก้าวอย่างช้าๆไปที่ซากของกองเพลิง ตรงหน้าของเขามีหน่วยรถพยาบาลและเหล่าบอดี้การ์ดของเขาที่เขาสั่งให้อยู่ดูแลครอบครัวนี้เป็นอย่างดี จนกว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง


เพี๊ยะ!!


          เสียงตบหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดดังสนั่นท่ามกลางความเงียบจากมือแกร่งของราล์ฟใจจริงเขาอยากจะลั่นกระสุนใส่กลางหน้าผากด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามีหลานชายคนเล็กของหญิงชราอยู่ด้วย มือเล็กๆยืนกุมมือของร่างหญิงชราที่นอนแน่นิ่งบนเตียงสนามของรถพยาบาลไม่ยอมห่างไปไหนเงียบๆ ด้วยสีหน้า แววตาเหม่อลอย ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา


"คุณยายกลับมาเอาเสื้อผ้าของใช้เพิ่มครับ เมื่อมาถึงบ้านก็ถูกไฟไหม้ไปครึ่งหลังแล้ว คุณยายตกใจจนหมดสติครับ พวกผมพยายาม…"


ผลัวะ!!!


          ปลายด้ามปืนฟาดเข้าที่หน้าของหัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างแรงและรวดเร็วจนร่างใหญ่ทรุดลงกับพื้นฉับพลัน แต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าทีมก็รีบสบัดหน้าไล่ความมึนงงรีบนั่งคุกเข่าก้มหน้าทั้งที่เลือดไหลออกปากและจมูกหยดลงบนพื้นอย่างไม่ขาดสาย


กริ๊ก~


"ฉันเสียใจ คนไข้เสียก่อนที่ฉันจะมาถึง เธอหัวใจวายเฉียบพลันจากการตกใจกว่าจะได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีมันก็สายไปเสียแล้ว" หมอเคริกวางฝ่ามือลงบนไหล่ราล์ฟเบาๆคล้ายดึงสติ เมื่อเจ้าของดวงตาคมเทาหม่นปลดเซฟปืนจ่อไปที่ศีรษะของหัวหน้าบอดี้การ์ด สิ่งที่หมอเคริกทำมันช่วยเรียกสติของราล์ฟได้จริง ราล์ฟเก็บปืนเมื่อหันไปเห็นหลานชายคนเล็กของหญิงชราจ้องเขาอยู่ไม่วางตา ใบหน้าหล่อไร้ที่ติแต่เรียบนิ่งหลับตาคู่คมลงคล้ายพยายามคุมสติ ชั่วครู่ ราล์ฟลืมตาขึ้นอีกครั้งปัดมือหมอเคริกที่วางอยู่บนบ่าออก ขายาวก้าวไปอีกทางหนึ่งที่มีถังน้ำมันที่ใช้แล้ววางกองไว้ บอดี้การ์ดคนสนิทยื่นรูปถ่ายจากกล้องวงจรปิดรอบบ้าน ที่ได้ติดตั้งไว้ตั้งแต่เขามาเที่ยวเล่นบ้านหลังนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ในรูปมีชายชุดดำสี่ห้าคนกำลังเทน้ำมันและจุดไฟเผาบ้านหลังนี้ ถึงแม้จะพากันปกปิดหน้าด้วยผ้าอย่างไรก็ไม่เกินความสามารถของฝีมือบอดี้การ์ดของราล์ฟที่จะตามหาตัว…


"ฉันฝากจัดการทางนี้ให้เรียบร้อย อยู่กับพวกเขาจนกว่าฉันจะกลับมา" ราล์ฟหันมาพูดกับหมอเคริกที่กำลังยืนลูบหัวหลายชายคนเล็กของหญิงชราอย่างปลอบประโลม


"ได้สิ แล้วถ้าเกิดนายไม่กลับมาล่ะ ฉันควรทำไง" หมอเคริกแสร้งถามด้วยความใสซื่อ เขารู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร


"หมอแค่จะกลายเป็นบุคคลสูญหาย" ดวงตาคมมองมาที่หมอคน(ที่อาจ)สนิทนิ่ง เพียงแค่แว๊บหนึ่งที่หมอเคริกสบตาคมลึกคู่นั้นพลันขนก็ลุกซู่ สิ่งที่ออกจากปากเด็กหนุ่มหมอเคริกรู้ดีว่ามีทางเป็นไปได้ 100% แต่หมออย่างเขาทำใจมาตั้งนานแล้วน่ะสิ ทำงานกับตระกูล 'ซาล์เลโอเน่' ลมหายใจของคุณในวินาทีข้างหน้าอาจไม่มีอยู่แล้วก็เป็นได้




ณ….อิตาลี




          เสียงฝีเท้านับสิบคู่ย่องเงียบกริบภายในโรงแรมหรูใจกลางเมืองประเทศอิตาลี ไฟฟ้าภายในโรงแรมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกขณะนี้ดับลงอย่างน่าสงสัย มีเพียงแสงไฟสำรองสีส้มสลัวๆส่องตามทางเดิน เบื้องหลังของชายนับสิบที่สวมชุดสีดำสนิทใส่หมวกปิดบังใบหน้าเจ้าของคู่เท้าที่กำลังย่องอย่างเงียบกริบ มีร่างของบอดี้การ์ดสี่ห้าร่างนอนจมกองเลือดอยู่



ฟรึ่บ



ฟรึ่บ



            ร่างสูงร่างหนึ่งภายใต้ชุดดำปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด เปิดเผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาคมเฉียบนัยน์ตาสีเทาหม่นเพียงเทานั้น ดวงตาที่ปราศจากความเมตตา ดวงตาที่พร้อมจะพรากทุกชีวิตที่สบตาคู่คม เขาลั่นกระสุนเก็บเสียงออกไปอย่างไม่ลังเลเมื่อข้างหน้าเริ่มมีบอดี้การ์ดของคนที่เขาหมายจะมาเอาชีวิตทยอยกันวิ่งเข้า เพียงนัดเดียวที่ศีรษะเท่านั้นจากปืนเก็บเสียงของเขาก็พรากเอาทุกชีวิตรงหน้า เฉียบขาด แม่นยำ ราวจับวาง

          'ราล์ฟ' เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด หนึ่งในพรสวรรค์นั้นคือการ 'ฆ่า' ชื่อเสียงด้านความฉลาด ไหวพริบและฝีมือในการฆ่าดังกระฉ่อนไปทุกสารทิศในวงการด้านมืดหรือที่เรียกกันมาว่า 'มาเฟีย'          มาเฟียใหญ่แห่งตระกูลซาล์เลโอเน่ ตระกูลมาเฟียที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆในอิตาลีและของโลก อาวุธสงคราม และแหล่งสถานบันเทิงทั้งผิดและถูกกฎหมายสองในห้าทั่วโลกเป็นของซาล์เลโอเน่ และสิ่งที่ตามมาจากความยิ่งใหญ่ของคนในตระกูลนี้ก็คือ...ศัตรูทั่วทุกสารทิศถ้าประมาทคือ'ตาย'


          ไม่เคยมีศัตรูหน้าไหนที่ราล์ฟต้องลงมือจัดการเอง ทว่า ณ ขณะนี้สิ่งนั้นกำลังจะเกิดขึ้น ศัตรูตัวเป้งของตระกูลเขา ไอ้พวก 'ซานโดร' คู่แข่งด้านธุรกิจของบิดาราล์ฟ ถ้าให้เขาเดาพวกมันคงเข้าถึงตัวผู้เป็นบิดาเขาได้ยาก พวกมันเลยหันมาเล็งที่ตัวเขาเองทายาทของตระกูลเพราะเมื่อหลายปีก่อนพี่ชายของเขาที่อายุห่างกันสิบปีก็ได้จากไปเนื่องจากเหตุถูกลอบยิง…ส่วนเขานั้น พวกมันฆ่าเขาไม่ตายก็เลยข่มขู่ แต่พวกมันคงประมาทในฝีมือของเด็กหนุ่มมากเกินจนชะล่าใจ ในวันนี้ราล์ฟมาในแบบกองโจรไม่เปิดเผยตัวให้วุ่นวายกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้รู้ถึงพวกศัตรูคนอื่นๆที่จ้องจะแทรกแซง แต่ก็นั่นล่ะ!! ไอ้พวกซานโดรคงรู้อยู่แล้วว่าเป็นพวก'ซาล์เลโอเน่' พวกนั้นคงไม่คิดว่าราล์ฟทายาทแห่งตระกูลจะลงมือเอง


          ไม่กี่ชั่วลมหายใจราล์ฟก็จัดการพวกซานโดรให้นอนจมกองเลือดได้อย่างง่ายดาย สองเท้าของร่างสูงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและรวดเร็วจนพวกบอดี้การ์ดของราล์ฟที่ติดตามมาตามแทบไม่ทัน บานประตูหรูห้องพักห้องหนึ่งของโรงแรมถูกพังทะลายลงด้วยฝีมือของราล์ฟ ร่างสูงในชุดดำที่เผยให้เห็นเพียงดวงตาคมสาวเท้าตรงไปที่บานประตูห้องนอนที่ปิดสนิท เขากระโดถีบเพียงครั้งเดียวบานประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นชายผมทองแซมขาวตัวใหญ่กำลังกดลั่นไกปืนมาทางประตูแต่ก็ช้าไปกว่าผู้บุกรุก


ฟรึ่บ


          ร่างของชายหนุ่มวัยกลางคนถอยผงะหลังติดผนังห้องห้องทันทีเมื่อราล์ฟเล็งปืนไปที่ข้อมือของเขาจนปืนรัวกระสุนแบบออโต้ที่กำลังจะลั่นไกหล่นลงพื้นแทบจะทันที เลือดเริ่มไหลทะลักหยดลงสู่พื้นเมื่อเส้นเลือดที่ข้อมือถูกทำลาย ชายวัยกลางคนมองผู้บุกรุกที่เข้ามาใหม่อย่างตกใจปนทึ่ง บานประตูเปิดพร้อมกับกระสุนที่ถูกเล็งมาที่เขาราวจับวางได้อย่างไร


ฟรึ่บ


         ไม่มีคำเอ่ยคำใดชั่ววินาทีกระสุนอีกนัดก็วิ่งผ่านทะลุอกข้างซ้ายของชายวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว ร่างใหญ่ทรุดลงไปนอนกองกับพื้นตาค้าง เขาเริ่มไอ และกระอักเลือด เขายังอยู่ เพียงแค่ลมหายใจมันช่างรวยรินซะเหลือเกิน เหมือนกับว่าเป็นความเมตตาของซาตานตรงหน้าซึ่งเท้าข้างหนึ่งกำลังเหยียบอกเขาอยู่


"ต้อง...ต้อง...การเท่าไหร่...ถ้าแก...แกไว้ชีวิตฉัน...ฉันจะตอบ...แทน...แกอย่างที่แกต้อง...การ" ชายวัยกลางคนที่กำลังนอนกระอักเลือดใต้แทบเท้าของราล์ฟพูดกระท่อนกระแท่น


พรึ่บ


"หึ!! ทั้งโคตรตระกูลแกก็ใช้ฉันไม่หมดหรอก"


"แก…" ชายวัยกลางคนตาเบิกโพลงเมื่อคนตรงหน้าถอดหมวกออก ดวงตาคมสีเทาหม่นมันหน้ากลัวเสียร่างสั่นเทิ้มอย่างคุมไม่อยู่ ความตายอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…


"ถ้าแก...แก..ฆ่าฉันตระกูลแกก็อย่าหวังว่า…"


ฟรึ่บ


"อ้ากกกกกกก" กระสุนอีกนัดเจาะทะลุอกขวาของชายวัยกลางคนอย่างไร้ความปราณี


ฟรึ่บ


ฟรึ่บ


"อ้ากกกกกกกกกกกก" อีกสองนัดเจาะผ่านไปยังต้นขาทั้งสองข้างจนเลือดไหลนองเต็มพื้น


"แก….อ่อก...ฮึ่ก...ฮึ่ก" ชายวัยกลางคนตัวกระตุกด้วยพิษบาดแผลกระอักเลือดจนตาเหลือกโพลง มืออันไร้เรี่ยวแรงยื่นไปจับปลายขากางเกงคนตรงหน้าส่งสายตาอันอ้อนวอนพร้อมเสียงครางแผ่วเบาอย่างสัตว์ใกล้ตาย คล้ายพยายามบอกให้ฆ่าเขาเสียเถอะ


ฟรึ่บ


"ฮึ่กๆ" กระสุนอีกนัดพุ่งตรงเข้าที่ลำคอ ทว่า แฉลบออกข้างเหมือนตั้งใจ เลือดสีแดงสดไหลทะลักราวเปิดก๊อก กลิ่นคาวของของเหลวสีแดงส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วห้อง ร่างชายวัยกลางคนเริ่มแน่นิ่ง เหลือเพียงดวงตาสีฟ้าสดที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากความเจ็บปวดแสนทรมานราวตกนรก เปลือกตากระพริบอย่างอ่อนแรง เด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้ชายผู้เป็นดั่งผู้ยิ่งใหญ่แห่ง 'ซานโดร' กลายสภาพเป็นตาเฒ่าสิ้นฤทธิ์อยากตายแต่ไม่ได้ตาย ความอวดเก่งและประมาทศัตรูทำให้ความตายมาเยือนก่อนแก่ตาย ดวงตาคู่คมมองอย่างเยือกเย็นไร้ซึ่งความเมตตา ราล์ฟหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น เขายืนจ้องมองดูร่างใต้ฝ่าเท้าตัวกระตุก กระอักเลือด ส่งเสียงครางจับไม่ได้ศัพท์ หายใจขาดห้วง ด้วยแววตาเรียบนิ่ง ระหว่างรอลูกน้องเขาเก็บกวาด


"เฮือกกกก"


"หึ!!"


         ลมหายใจเฮือกสุดท้ายสิ้นสุดลงพร้อมกับดวงตาสีฟาสดเบิกค้างแน่นิ่งจมกองเลือด เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มเย็นก่อนจะปาบุหรี่ทิ้งลงไปที่น้ำมันซึ่งลูกน้องเขาเทไว้ตรงมุมห้อง  เปลวเพลิงถูกจุดขึ้นลามทั่วทั้งชั้น45ของโรงแรมหรูอย่างรวดเร็ว


"เรียบร้อยดีไหมครับ"


"เสื้อฉันเลอะ"


          ราล์ฟตอบเด็กหนุ่มอีกคนที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปีซึ่งกำลังขับเฮลิคอปเตอร์อยู่ ณ ขณะนี้  ชิโนผู้ที่กำลังขับเฮลิคอปเตอร์อยู่ส่ายหัวกับคำตอบห้วนๆของราล์ฟ เขาหันกลับมามองผู้ที่เป็นนายที่เขาเคารพรักและดั่งเพื่อนตายเพื่อสำรวจความเรียบร้อย


"เปลี่ยนซะ" เด็กหนุ่มอีกคนซึ่งอายุมากที่สุดที่นั่งข้างชิโนหันกลับมายื่นชุดให้ผู้เป็นนายของเขาและดั่งเพื่อนรักเพื่อเปลี่ยนชุดที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด


"ขอบใจอันเดรีย ฉันไม่คิดว่านายสองคนจะเป็นคนมารับฉัน"


"นายไม่คิดจะบอกพวกฉันสักหน่อยเหรอ นายควรให้พวกฉันตามไปด้วยตั้งแต่กลับไทยไปหาแม่นาย"


"ฉันเบื่อหน้าพวกนาย" ราล์ฟไม่คิดถามว่าชิโนและอันเดรียรู้ได้อย่างไรเพราะอย่างไรเจ้าหมอเคริกก็เป็นพี่ชายของอันเดรีย อันเดรียกับชิโนคงรู้มาจากหมอเคริก


"ฉันไม่เห็นความจำเป็นสักนิดที่นายต้องลงมือเอง" ชิโนถามอย่างแคลงใจ


"สำคัญ" ราล์ฟพูดเสียงเรียบ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ อันเดรียและชิโนหันมาสบตากันด้วยความแปลกใจ พวกเขาสองคนพึ่งได้ยินคำนี้เป็นครั้งที่สองจากปากของราล์ฟ...หลังจากพี่ชายของราล์ฟตายพวกเขาก็ไม่ได้ยินคำนี้มานาน...สำคัญงั้นหรือ?


"นายกำลังประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับซานโดร ทายาทคนที่สืบทอดรุ่นต่อไปฉันได้ยินความสารเลวแทบนับไม่ถ้วนมันกัดเราไม่ปล่อยแน่ ตอนนี้เรื่องที่นายฆ่า 'เอาโล ซานโดร' รู้ถึงหูท่านประธานแล้ว เบื้องบนกำลังวุ่นวายและตึงเครียดกับเรื่องนี้"


"พูดมา" ราล์ฟกดรับโทรศัพท์จากหมอเคริกโดยไม่สนใจกับคำพูดอันยืดยาวของอันเดรียแม้แต่น้อย


'มีคนมารับฤกษ์กับเทียนไปอยู่ด้วย คนเป็นพ่อมาเมื่อช่วงเช้าแม่พึ่งมาถึง คนแม่กำลังจัดการประกาศขายที่ของคุณยาย ฉันสืบประวัติพ่อกับแม่ของเด็กมาแล้ว เปิดดูสิ"



"กว้านซื้อที่มาให้หมด" ราล์ฟพูดเสียงเรียบก่อนจะหยิบแล็ปท็อปมาเปิดดูข้อมูลที่หมอเคริกส่งมา ประวัติของพ่อกับแม่ฤกษ์ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นักสำหรับเด็กหนุ่ม สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเด็กคนหนึ่งมันเป็นความผิดของเขาเอง...การที่เขาจะรับเด็กสองคนนั้นมาอยู่ด้วยมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยสักนิด แต่ทว่า...สังคมและชีวิตที่เขาอยู่มันโหดร้ายเกินกว่าจะทำให้ฤกษ์ต้องแปดเปื้อน ความรู้สึก'ห่วงใย'เกิดขึ้นอยู่เต็มหัวใจของเด็กหนุ่ม


"ให้ไปอยู่กับลุงของเขา" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอีกครั้งเมื่อเงียบไปจนหมอเคริกที่รออยู่ปลายสายเริ่มหวั่นใจ ตาคู่คมนั่งนิ่งอ่านประวัติของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น'ลุง'อย่างตั้งใจ หมอเคริกเขียนบอกไว้แล้วว่าผู้เป็นลุงมาถึงเป็นคนแรก เขาจะรับเด็กสองคนไปอยู่ด้วยแต่ผู้เป็นพ่อกับแม่ไม่ยอม


"จัดการให้เรียบร้อยพรุ่งนี้ฉันคงจะไปถึง" ราล์ฟกดวางโทรศัพท์ทันทีหลังพูดจบ เฮลิคอปเตอร์จอดลงบนดาดฟ้าของโรงแรมหรูในเครือซาล์เลโอเน่ ร่างสูงของราล์ฟในชุดหรูใหม่ก้าวลงจากเครื่องแทบจะทันทีที่เครื่องลงจอดอย่างรีบเร่ง ทว่า ร่างสูงก็ต้องหยุดชะงักเมื่อการ์ดเกือบห้าสิบชีวิตวิ่งกรูเข้ามาล้อมเขาไว้ อันเดรียและชิโนยืนขนาบข้างผู้เป็นนายอย่างพร้อมจะถวายชีวิต


"หมดเวลาพักร้อนแล้วครับ"


          หนึ่งในการ์ดเอ่ยขึ้น เขาคือชายผมขาวร่างใหญ่ป็นการ์ดมือดีคนสนิทของท่านประธานและเป็นหนึ่งในอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวของพวกเขา…







ปัง



ปัง



ปัง



"ขออนุญาตครับ"


"ว่ามา" ราล์ฟวางปืนที่กำลังฝึกซ้อมลงเมื่อมีบุคคลเข้ามาใหม่ ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นมาให้เขาโดยชิโน มือแกร่งรับมาเปิดดูพลางขมวดคิ้วเข้มอย่างต้องการคำธิบาย รูปถ่ายหลายใบเต็มไปด้วยภาพของเด็กหนุ่มผิวขาวผ่อง ผมดำขลับ ดวงตากลมโตสดใสเสื้อผ้ามอมแมมไปด้วยคราบฝุ่น ขาและแขนถูกดามด้วยเฝือก

         

"วันนี้คุณฤกษ์มีเรื่องกับพวกเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนครับ" ชิโนพูดไปพร้อมกับเหงื่อที่เริ่มออกเยอะขึ้น เมื่อสบเข้ากับตาคมที่จ้องมองมาเหมือนกดดันให้พูดให้หมด


"คือเด็กพวกนั้นมาหาเรื่องเด็กในวัดครับ คุณฤกษ์เขาเลยบุกไปเอาคืน คุณฤกษ์ไปคนเดียวครับแต่พวกคุณลูกปัดและคุณมังกรเขาไปช่วยไว้ทัน"


"หึๆๆ เก่งเหลือเกินตัวเท่านี้" เสียงหัวเราะพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากของราล์ฟเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้เห็นสภาพของคนในรูป รอยยิ้มที่คนอื่นๆมักเห็นได้ยากและอาจจะไม่เคยปรากฎที่ไหนให้เห็นได้ง่ายเกิดขึ้นเกือบทุกครั้งเมื่อฟังเรื่องราวของคนในรูป ทุกการเคลื่อนไหวของคนในรูปอยู่ในการดูแลของเขาอย่างห่างๆตลอดไม่ให้รู้ตัว และคอยระวังไม่ล้ำเส้น ราล์ฟตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงต้องเฝ้ามองดูการเติบโตของเด็กหนุ่มตลอดหลายปี อาจเพราะรู้ว่าตนเองเป็นเหตุให้เด็กหนุ่มนั้นต้องเคยเกือบถึงแก่ชีวิต อาจเพราะเด็กหนุ่มเคยช่วยเขาไว้ อาจเพราะอะไรก็แล้วแต่ก็ช่างเถอะ การเฝ้ามองดูชีวิตของฤกษ์มันเป็นเรื่องคลายเครียดสำหรับเขาไปแล้ว ถึงบางขณะจะมีพฤติกรรมแปลกๆให้ได้เห็นมาบ่อยๆก็เถอะ



"ส่วนทางเรื่องมหาลัยที่คุณราล์ฟสนใจผมจัดการให้แล้วนะครับ คุณแข่งขันฝากมาบอกว่าอาทิตย์หน้าคุณแข่งกับคุณรอนจะแวะมาหาครับ" ชิโนพูดเป็นทางการเพราะในห้องไม่ได้มีแค่เขากับราล์ฟ ยังมีบอดี้การ์ดอีกหลายคน


"อืม เคลียร์ตารางงานให้ฉันด้วย" ราล์ฟพูดเสียงเรียบพลางนึกถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนที่อยู่เมืองไทย เขารู้จักแข่งขันกับรอนตั้งแต่สมัยเด็กตอนที่เขาบินไปหาแม่ ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้กลับไปไทยหลายปีแล้วแข่งขันกับรอนก็มักจะบินมาเที่ยวหาเขาบ่อยๆ พวกนั้นรู้ดีว่าเขาเป็นใครและเขาก็รู้ดีว่าเจ้าพวกนี้ก็ไม่ธรรมดา เมื่อนึกถึงเพื่อนอีกสองคนราล์ฟก็ได้แต่ส่ายหัวไอ้พวกนี้น่ะ ซาตานในคราบนักบวช


"คุณราล์ฟจะลงคณะไหนครับ"


"ฉันจะลงเรียนแพทย์"


"แต่ว่าคุณราล์ฟพึ่งจะเรียนจบไปนะครับ" ชิโนถามอย่างแปลกใจ ใช่แล้ว สิ่งที่ชิโนพูดไม่มีผิดเพี้ยน  ราล์ฟผู้เป็นนายของเขาพึ่งเรียนจบแพทย์จากมหาลัยดังของโลกด้วยอายุเพียง18ปี เขาคืออัจฉริยะในหลายๆด้าน


"เรียนอีกก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ส่วนนายกับอันเดรียถ้าอยากเรียนอะไรเพิ่มก็ลงเรียน หรือจะอยู่ที่อิตาลีไปเลยก็ดี"


"โถ่ ยังไงพวกผมก็ต้องไปกับคุณราล์ฟด้วยอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องเรียนพวกผมคงพักไว้ก่อน" สำหรับชิโนและอันเดรียปริญญาสองใบก็เกินพอแล้ว แต่สำหรับนายของพวกเขาที่มีอยู่ห้าใบตอนนี้คงยังไม่พอ…


"คุณราล์ฟจะแวะไปหาคุณฤกษ์ไหมครับ" อันเดรียผู้ที่ยืนฟังเงียบๆอยู่นานเอ่ยถามผู้เป็นนาย ราล์ฟชะงักนิ่งชั่วครู่กับสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิด เขาเพียงแค่เฝ้ามองอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้วไม่กล้าแม้แต่จะคิดเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้น สังคมดำมืดและศัตรูของเขาไม่เคยปราณีชีวิตของใคร


"คงไม่..." ราล์ฟตอบเสียงเรียบมือแกร่งหยิบปืนขึ้นเล็งไปที่เป้ากระดาษอีกครั้ง เขาแค่อยากไปพักผ่อนหัวสมองที่ใช้ชีวิตเคร่งเครียดกับสังคมดำมืดมานาน เขาแค่ต้องการกลับเมืองไทยเพื่อไปหาหญิงผู้เป็นแม่ที่ไม่ได้เจอมาหลายปี เขาแค่อยากไปเมืองไทย เมืองไทยที่เขาอยากไปมาตลอดหลายปี ตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับมาฆ่า 'เอาโล ซานโดร' เขาก็ไม่ได้กลับไปอีกเลยเพราะเหตุของการกระทำของราล์ฟ ทำให้ตระกูลของซานโดรตามล่าเขาอย่างหนักแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ หลังจากนั้นผู้เป็นบิดาของราล์ฟก็ส่งเขาไปอยู่แถบทะเลทรายเพื่อฝึกความอดทนและฝีมือป้องกันตัว ทว่า สำหรับราล์ฟและบอดี้การ์ดซ้ายขวาอย่างอันเดรียและชิโนคือการทรมานอย่างแสนสาหัส แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้


           ราล์ฟเจ้าของในตาคมยกปืนเล็งไปที่รูปศีรษะบนกระดาษยิงเป้า เพียงชั่วแว๊บเดียวก่อนลั่นกระสุนออกไป 'ถ้าได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งจะเป็นยังไงนะ' แค่ความคิดชั่วขณะ กระสุนที่ลั่นไกออกไปก็พลาดไปที่เบ้าตา….สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าแม่นยำ ทว่า สำหรับชิโน อันเดรีย และตัวราล์ฟเองมันผิดปกติ เขาแค่สมาธิหลุดเท่านั้นเอง ราล์ฟบอกกับตัวเองและปัดทุกอย่างในหัวทิ้ง เขาแค่อยากไปพักผ่อนที่เมืองไทยเพียงเท่านั้นเอง...







หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่26…(1.2 ) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 26-08-2020 18:29:31
26...ราล์ฟ(1.2)







 "ตอนนี้ฉันยังไม่มองใคร~~ โสดหล่อโก้ๆแบบนี้กำลังสำบาย ถ้าน้องน่ารักคิกขุมั่กมาก~~ เรามาคุยกันก่อนได้~~ เย้เย โอ้โอ~
  ปัดโถ่ววว ส่ายตูดดิไอ้เสือ"




          เสียงโหวกเหวกที่ลานเอนกประสงค์ของคณะแพทย์เงียบลง เมื่อมีเสียงร้องเพลงประหลาดดังขึ้นทุกคนในคณะที่กำลังทำกิจกรรมรับน้องร้องเพลงคลายเคลียดและแนะนำตัวกันอยู่นั้น หันไปมองที่ทางเท้า ทางเดินผ่านหน้าคณะแพทย์


"กรี๊ดดดด น่าร้ากกกกกก"


"เด็กปีหนึ่งใช่ไหม คณะไหนเนี่ย"


"น้องโก๊ะมาก"


"แกๆถ่ายไว้เอาไปลงเพจ"


"อยากหยิกแก้ม"


"น่ารักๆๆๆๆโว้ย"


          เสียงพูดดังขึ้นไม่หยุดเมื่อทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างของเด็กหนุ่มสะพายย่ามที่เต้นดุ๊กดิ๊กๆ พลางเดินไปด้วยอย่างสนุกสนาน ข้างกายมีหมาอีกสองตัวเดินตามไม่ห่างเพื่อรอกินลูกชิ้นจากเด็กหนุ่มที่กำลังถืออยู่ หูสองข้างเด็กหนุ่มปริศนามีสายหูฟังเสียบไว้ เสื้อนักศึกษาตัวใหญ่กับกางเกงสีซีดตัวใหญ่ขาดวิ่นจนเผยให้เห็นขาขาววับๆแวมๆ ซึ่งส่วนนั้นเป็นที่จับจ้องของชาย(?)หลายๆคนที่อยากจะเห็นมากกว่านั้น



          ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กำลังเดินผ่านมาลานเอนกประสงค์หน้าคณะแพทย์เพื่อไปยังโรงจอดรถหยุดชะงักนิ่งงันเหมือนต้องคำสาป ตาคู่คมมองร่างเด็กหนุ่มที่สดใสเจิดจ้า ณ ขณะนี้ไม่วางตา บางสิ่งในอกข้างในกำลังทำงานผิดปกติ น้องเรียนที่นี่? เรื่องนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคาดฝัน ครั้งแรกจากหลายปีมาแล้วที่เขาได้เห็นน้องใกล้ขนาดนี้...


          แข่งขันหรือหมอแข่งซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่นั้นกำลังจะตะโกนเรียกเด็กหนุ่ม แต่ก็ต้องชะงักไว้แค่นั้นเมื่อราล์ฟเดินมาบังและฉวยเอาโทรโข่งในมือของหมอแข่งไปถือเอง


"ทุกคนครับมีสมาธิกันหน่อย"


"กรี๊ดดดดดดดดดด พี่หมอเทวดา"


"ตัวจริงหล่อมากกกก"


"ฉันเคยเห็นพี่เขาแต่ในทีวี ตัวจริงคือหล่อจะเป็นลม"


"ไหนว่าพี่เขาไม่เข้ากิจกรรมไง"


         เสียงเรียบนิ่งที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยเรียกสติทุกคนให้หันกลับมามอง เสียงแตกตื่นดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อหันมาเห็นคนที่ยืนถือโทรโข่งเป็นใคร ตาคู่คมสวยเมื่อเห็นร่างเล็กพร้อมกับหมาอีกสองตัวเดินลับไปแล้วหมอราล์ฟก็ยื่นโทรโข่งให้หมอแข่งและเดินจากไป ทิ้งให้ทุกคนมองตามด้วยความงุนงง


"ดะเดี๋ยวคร้าาาา พี่หมอคร้าาาา"


"อย่าพึ่งไปสิคร้าาา"






"และ...และ….ผู้ชนะในการประกวดเดือนมหาลัยปีxxxxได้แก่...ได้แก่….ได้แก่…"


"โอ้ยยยย บอกสักทีสิโว้ยกูลุ้นขี้จะแตกแล้วเนี่ย" เสียงของเด็กหนุ่มหน้าตี๋ตะโกนอย่างไม่ชอบใจ แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของเขาก็ไม่สามารถไปถึงบนเวทีได้เนื่องจากมีเสียงตะโกนเชียร์แข่งกันมากมายจากหลายคณะ


"เบอร์13โว้ยยยยยยยพูดสักทีสิวะ"


"เฮ้ย!! ลำไยมึงควรอยู่หลังเวทีไหมวะมาทำห่าไรข้างเวทีตรงนี้" เด็กหนุ่มหน้านวลท่าทางอ้อนแอ้นหันมาเหวใส่ผู้มาใหม่ที่พึ่งตะโกนไปเมื่อสักครู่


"กูตกรอบแล้วกูเบื่ออยู่หลังเวทีไหมละ อิฤกษ์เลิกสวดมนต์พึมพำสักที ถ้าไอ้ปัดไม่ชนะกูตบมึงหัวทิ่มแน่เลขมงคลเชี่ยไรมึงเลข13เนี่ย!! มันจับได้เลข9ดีๆอยู่แล้วเสือกไปให้มันเปลี่ยน มึงเห็นไอ้หล่อคณะแพทย์นั่นไหมตัวเต็งเลย" ลำไยหันมาว้ากใส่เจ้าเพื่อนข้างๆที่มันกำลังเอาปืนฉีดน้ำบรรจุน้ำมนต์..'นะเมตตา' ฉีดขึ้นไปบนเวที โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของพวกเขามีรุ่นพี่อีกคณะหนึ่งกำลังยืนมองอยู่ อาจเพราะตำแหน่งข้างเวทีเป็นมุมมืด ใครๆจึงไม่สังเกตุเห็น


"เออหน่า….ถ้าไอ้ปัดไม่ได้กูให้ถีบ" ฤกษ์พูดด้วยความมั่นใจ


"คาถามึงศักดิ์สิทธิ์?" มังกรถามอย่างตื่นเต้น


"เอาเงินยัดน่ะ พ่อมันรวยจะตาย ฮ่าๆๆ"


"อ้ากกก อย่าทำกู" เจ้าฤกษ์วิ่งแจ้นเมื่อลูกเตะจากเจ้าตี๋กำลังพุ่งมาและก็กลับมาสงบอีกครั้งเมื่อเสียงพิธีกรกำลังเอ่ยหมายเลข…"


"โอม...นะเมตตา คุณนัง ขอให้ตำแหน่งเดือนมหาลัยเป็นของนายลูกปัดจอมนิสัยเสีย สาธุๆๆๆๆ"


"หมายเลข13คร้าาาา น้องปัดจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เชิญน้องปัดเดินมารับรางวัลทางนี้ด้วยค่ะ"


"กรี๊ดดดดดดดด อิปัด!!!"


"เพื่อนผมๆๆ"


"อร๊ายย ไอ้หล่อนี่เพื่อนหนูคร้าาาาา"


"ถึงมันจะเชี้ยแต่มันหล่อค้าบบบบบ"


"ยินดีกับน้องปัดด้วยค่ะ ตำแหน่งนี้ช่างเหมาะสมกับน้องมากจริงๆ ขอเชิญเดือนและดาวดวงใหม่ถ่ายรูปคู่ทางด้านนี้ด้วยค่ะ"


"มึงๆเดี๋ยวกูมาปวดฉี่ว่ะ" ฤกษ์หันไปสะกิดนกที่กำลังถือดอกไม้รอมอบให้เพื่อน


"ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม" นกถามอย่างเป็นห่วงเขากลัวมันไปแล้วไปลับน่ะสิ ไอ้ตัวน่ารักกวนประสาทเนี่ย


"ไม่ต้องๆเดี๋ยวกูมา" ฤกษ์บอกปัดเขาหันหลังเดินแยกจากพวกเพื่อนๆของเขามาเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องลื่นด้วยเหตุจากน้ำมนต์ของตนเองที่ดันฉีดซะจนเลอะพื้นเต็มไปหมด


"เฮ้ยๆๆๆ"


ปึก


          ร่างเล็กไถลลื่นไปข้างหน้าอย่างบังคับตนเองไม่ได้ ก่อนที่เขาจะล้มลงแขนแกร่งของใครบางคนก็โอบเข้าที่เอวบางไว้ได้ทัน สองมือเล็กกำเสื้อตรงต้นแขนของใครบางคนไว้แน่นอย่างลืมตัว หน้าเล็กซุกเข้าที่ต้นแขนแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ


"...."  ไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยอะไรของเจ้าของวงแขนแกร่ง มีเพียงเสียงรอบข้างที่ตะโกนแข่งกันฟังไม่ได้ศัพท์ กลิ่นหอมอ่อนๆของร่างนุ่มในวงแขนทำให้จมูกโด่งก้มลงไปสูดกลิ่นอย่างเผลอตัว ร่างนุ่มในอ้อมแขนของราล์ฟดันตัวออกจากวงแขนอย่างงงๆ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างคนสำนึกผิด


"เอ่อ ขอโทษและขอบคุณนะพี่พอดีผมลื่น ไปนะครับ"


          ฤกษ์ก้มหัวขอโทษก่อนจะเดินจากไปด้วยความเร่งรีบ ราล์ฟมองตามเจ้าของร่างนุ่มที่เดินจากไปไม่วางตา ขายาวกำลังจะก้าวตามไปแต่ก็ต้องชะงักไว้แค่นั้น…


"อ้าวไม่ตามเหรอ เด็กอะไรโคตรน่าเอ็นดู" หมอแข่งที่ยืนสังเกตอยู่เงียบๆเอ่ยถามขึ้น


"ไม่" ราล์ฟตอบเสียงเรียบพร้อมกับเดินออกจากงาน


"อ้าว เมื่อกี้ดูเหมือนนายอยากได้นี่ แต่ก็ดีที่นายปฏิเสธ เสร็จฉันล่ะ เด็กคนเมื่อกี้สเป็คฉันเลย" หมอแข่งพูดยิ้มๆ เพราะหลายคนรู้ดีว่าเขาเป็นไบเช็กชวล


"งั้นก็ลองดูสิ" ราล์ฟหยุดเดินดวงตาคู่คมเฉียบหันมาสบหมอแข่งขันอย่างแข็งกร้าว หมอรอนที่เดินคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ข้างๆแต่หูและตาของเขายังรับรู้เรื่องราวรอบตัวอยู่ทุกขณะ ถึงกับต้องละจากโทรศัพท์หันมาสนใจเพื่อนทั้งสอง หมอแข่งขันก็เลิกคิ้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างกวนประสาทพร้อมกับจ้องตอบตาคู่คมสวยไปนิ่งๆอย่างไม่มีหลบ หมอแข่งจำเด็กคนนั้นได้ เด็กที่ร้องเพลงวันนั้น วันที่ราล์ฟเพื่อนของเขาที่อยู่ดีๆก็เข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้มันจะแค่ชั่วครู่ก็เถอะ และในวันนี้ เพื่อนเขามางานประกวดดาวเดือนอีก ไม่มีทางที่คนอย่างราล์ฟจะสนใจงานแบบนี้ และเมื่อเด็กคนนั้นเดินออกไปเพื่อนของเขาก็เดินออกจากงานเช่นกัน หึ ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาและไหวพริบอันชาญฉลาดของแข่งขันไปได้หรอกนะ


"นายรู้จักเด็กคนนั้นใช่ไหม" หมอแข่งถามขึ้นเพราะระหว่างที่พวกเขายืนอยู่ข้างหลังของเด็กกลุ่มนั้นสายตาของเพื่อนเขานั้นจ้องเด็กคนนั้นไม่วางตา


"...." หมอราล์ฟไม่ตอบแต่ตาคมบ่งบอกว่าเขากำลังจะระเบิด และราล์ฟเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม่เขาถึงรู้สึกโกรธและหงุดหงิดจนน่ารำคาญขนาดนี้


"โอเค้ เด็กคนนี้ฉันจะไม่ยุ่ง หึๆ แต่ก็ใช่ว่ารอดมือฉันไปได้ กับคนอื่นก็ใช่ว่าจะรอดนี่ ว้าาาาาเสียดายแย่" หมอแข่งยกมือขึ้นยอมแพ้ยิ้มๆอย่างคนที่เริ่มจะรู้อะไรบางอย่าง เขาแค่ยั่วโมโหไปอย่างนั้นเองไม่คิดเลยจริงๆว่าครั้งนี้เขาจะเห็นราล์ฟผู้สุขุมโมโห


          ราล์ฟกัดฟันกรอดเขาไม่ตอบอะไร เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถหรูด้วยท่าทีนิ่งๆก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วที่ยากจะคาดเดา เพื่อนทั้งสองดูจากการออกตัวของรถก็รู้แล้วว่าคนขับหัวเสียขนาดไหน


"ฉันว่ากำลังมีเรื่องสนุกล่ะ" หมอแข่งพูดด้วยรอยยิ้มร้าย


"ก็เห็นๆอยู่" หมอรอนกระตุกยิ้มพลางยกโทรศัพท์โทรออกหาใครบางคนก่อนจะสั่งบางอย่างกับคนปลายสาย


"สืบประวัติเด็กบางคนให้ฉันหน่อย"








"อ่า~"


พรั่บๆ


พรั่บๆ


"อ่า~ ราล์ฟคะ"


"อ่า~~อ๊ะๆๆๆ~ ราล์ฟคะกรีนไม่ไหวแล้ว"


           หญิงสาวในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงหรูครางลั่นกับเซ็กส์อันร้อนแรงในค่ำคืนนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่ากับชายตรงหน้า ชายหนุ่มผู้ที่มีร่างกายอันกำยำแผ่นหลังเต็มไปด้วยลายสักอันน่าเกรงขาม ตามเนื้อมัดกล้ามทั่วร่างขณะนี้มีเหงื่อเกาะพราวระยับ ช่างเป็นภาพที่น่ามองชวนหลงใหล ตาคู่คมหลับตาลงขณะกระแทกสะโพกเข้าออกอย่างดุดันกับคนใต้ร่าง ภาพของร่างนิ่มในอ้อมกอดเขาชั่วขณะครั้งนั้น กลิ่นหอมอ่อนโยนนั้น ตากลมคู่นั้นก็ปรากฎขึ้นในหัวทุกครา     


          ราล์ฟกระแทกสะโพกแรงๆอีกสองสามครั้งเขาก็คำรามลั่นออกมา เขาถอนตัวออกจากร่างงามสุดแสนเซ็กซี่ของนางแบบชื่อดังที่ใครๆต่างก็หมายปอง แต่สำหรับราล์ฟนั้นไม่ใช่ ร่างตรงหน้าก็เป็นเหมือนอย่างเดิมๆที่ใครหลายๆคนเคยผ่านเข้ามา ชื่อเสียง อำนาจ เงิน บารมี อิทธิพลของตน คือสิ่งดึงดูดสิ่งที่งามแต่เปลือกนอกเข้ามาหาเขา ราล์ฟไม่แม้แต่จะสนใจร่างงามตรงหน้าที่กำลังนอนหมดเรี่ยวแรง ปากสีแดงสดของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่น เธอมองจ้องมาที่ร่างกำยำพร้อมกับตวัดลิ้นเลียคราบน้ำขาวขุ่นที่เลอะริมฝีปากด้วยสีหน้าอย่างคนรู้สึกเต็มอิ่มกับเซ็กอันร้อนแรงและเธอรู้สึกภูมิใจอย่างมากอยู่ลึกๆที่ได้นอนกับราล์ฟ...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เข้าใกล้คนอย่าง 'ราล์ฟ สิงห์เวคิน ซาล์เลโอเน่'  ร่างกำยำก้าวลงจากเตียงเขาหยิบเช็ควางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงอย่างทุกครั้ง


         ร่างกำยำภายใต้สายน้ำยืนนิ่งอย่างครุ่นคิด ราล์ฟปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเสร็จเพราะภาพของฤกษ์ในหัว ครั้งแล้วครั้งเล่ากับบทรักคืนนี้ภาพในหัวของเขาก็มีแต่เจ้าเด็กนิสัยประหลาดดวงตากลมโต


พลั่ก


          มือแกร่งทุบลงไปที่ผนังอย่างแรง ตาคมหลับตาลงอย่างช้าๆ ยืนนิ่งสงบปล่อยให้สายน้ำไหลผ่าน นาทีแล้ว นาทีเล่า เขาก็ห้ามตนเองให้หยุดนึกถึงเจ้าของร่างนุ่มไม่ได้ เขาเฝ้าติดตามชีวิตของฤกษ์และช่วยเหลืออย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ทั้งนี้ ทั้งหมดของการกระทำที่ผ่านมาเขาแค่รู้สึกอยากรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยมีตัวเขาเป็นสาเหตุ ทั้งที่เขาจะไม่แยแสไปเลยก็ได้ และคนอย่างราล์ฟเลือกที่จะทำอยู่แล้ว ทว่า... เขากลับฝืนที่จะไม่รู้ไม่ได้ แค่ได้เห็นภาพถ่ายผ่านการรายงานของลูกน้องเขาก็รู้สึกสบายใจที่เห็นฤกษ์มีความสุขดี และ ณ ขณะนี้เมื่อได้กลับมาพบอีกครั้ง ได้มองใกล้กว่าครั้งไหน โดยที่ไม่ได้ผ่านภาพถ่าย มันมีบางอย่างเกิดขึ้น ความรู้สึกที่อยากเข้าใกล้และหวงแหน…. มือแกร่งเสยผมยาวสลวยที่ตกลงมาปกหน้าขึ้น นิ้วเรียวค่อยๆไล้เส้นผมดำสนิทที่ชุ่มไปด้วยน้ำตั้งแต่โคนจรดปลายอย่างเชื่องช้า 'จะตัดดีไหมนะ' เกิดคำถามขึ้นภายในใจ ไม่ใช่ครั้งแรก หลายครั้งและหลายครั้งที่เขาถามตัวเอง และสุดท้ายก็จบลงด้วยการปัดความคิดนี้ทิ้ง เขารู้...รู้ดีว่าตัวเองกำลังพยายามมากแค่ไหนกับความปลอดภัยของใครบางคน….





 หลายเดือนผ่านไป




         รถหรูชะลอความเร็วลงและจอดนิ่งสนิทริมทางเท้าในซอยแห่งหนึ่งหลังมหาลัย ตาคู่คมจ้องมองไปที่คนกลุ่มหนึ่งตรงร้านยาดองริมถนนซึ่งมีร่างอันคุ้นตานั่งหัวเราะร่าเฮฮาอยู่ในกลุ่ม ราล์ฟพึ่งกลับจากต่างประเทศเพื่อไปทำงานแทนบิดา ระหว่างเดินทางกลับเขาโดนลอบทำร้ายถึงไม่สาหัสแต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บที่มือและพิษไข้จากการแช่อยู่ในน้ำทะเลเป็นเวลานาน เพื่อหลบหนีเอาชีวิตรอด หลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้เจอเจ้าของตากลมเลยสักครั้ง และในวันนี้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสตรงหน้า เขาต้องยอมรับกับตัวเองว่าตลอดหลายเดือนเขาคิดถึง...บางสิ่งที่รู้สึกว่าแหว่งหายไปขณะนี้ได้ถูกเติมเต็ม


"เมาขนาดนั้นยังจะขับรถอีก" ราล์ฟพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางกัดฟันกรอดเมื่อมีชายในกลุ่มประคองเอวบางให้นั่งบนเบาะรถจักรยานดีๆ เขารีบก้าวลงจากรถเพื่อจะเดินไปหาคนตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดได้ว่าเขาไม่ควรทำ… ร่างสูงยืนนิ่งก่อนจะหันหลังกลับเดินไปที่รถ พลันสายตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นล้อรถของรถหรูของเขาค่อยๆยุบลง ราล์ฟสบถอย่างหัวเสียเขาระบายอารมณ์ด้วยการเตะเข้าไปที่รถหรูจนเกิดรอย คนรอบข้างหยุดเดินมองการกระทำของเขาและหยิบโทรศัพท์ออกมาอัดคลิปด้วยสายตาที่มองอย่างชื่นชม ต่างพากันพึมพำว่าเท่ห์ และดูดีไม่ขาดปาก ราล์ฟไม่คิดจะสนใจเสียงชัตเตอร์และเสียงกรี๊ดรอบตัว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ตาคมกราดมองนิ่งๆด้วยสายตาดุ ทุกคนต่างพากันหลบสายตาและลดโทรศัพท์ที่กำลังถ่ายลง ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาหาเพราะหลายคนต่างรู้ดีถึงวีรกรรมอันแสนเย็นชาของคนตรงหน้า แต่ก็อดไม่ได้จริงๆที่จะต้องหยุดชื่นชมความหล่อเหลาดุจเทวดาเดินดินของเขา


"รถเป็นอะไรอ่ะพี่ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ"


         เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเป็นเสียงที่เคยได้ยินเพียงไม่กี่ครั้งแต่เขาจำได้ในทันที ดวงตาคู่สวยหันสบเจ้าของเสียงยานคางด้านหลัง เด็กหนุ่มดวงหน้าขาวใสดวงตากลมโต ตากลมแดงกล่ำและแก้มที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เด็กคนนั้นมาปรากฎตรงหน้าเขาแค่เอื้อมมือแล้ว...






"เฮ้~~ หายหัวไปตั้งหลายเดือนคิดถึงว่ะ" หมอรอนเปิดประตูห้องทำงานวิ่งถลาอ้าแขนเข้ามาหาเจ้าของห้อง ซึ่งราล์ฟที่นั่งทำงานอยู่ก็ยกเท้ารออยู่ก่อนแล้วทำให้หมอรอนเบี่ยงหลบไปฟุบนั่งอยู่ตรงโซฟามุมห้องแทบไม่ทัน


"ได้ข่าวว่าหลายวันก่อนนายไปเตะบอลมา ฉันนี่แทบไม่อยากจะเชื่อหูที่ได้ยิน" หมอรอนในชุดสีสุดแสบตาพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


"...." ราล์ฟทำเพียงแค่เงยหน้ามาสบตานิ่งและหันกลับไปสนใจงานต่อ มีหรือที่คนอย่างรอนและแข่งขันจะกลัว


"เมื่อวานฉันเจอน้องฤกษ์ด้วยว่ะ" แข่งขันเดินตามหลังมาติดๆทรุดลงนั่งบนโต๊ะทำงานของราล์ฟด้วยท่าทีกวนประสาท ทำทีหันไปพูดกับรอนด้วยสีหน้าแสร้งตกใจ ราล์ฟเงยหน้าขึ้นมองทันทีเมื่อชื่อบุคคลที่สี่ถูกเอ่ยออกมา เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าเพื่อนของเขารู้จักฤกษ์ได้อย่างไร


"มองอะไรครับเพื่อนครับ รู้จักน้องฤกษ์เหรอครับ" แข่งขันยักคิ้วถาม


"มาทำไม" ราล์ฟไม่สนใจในสิ่งที่เพื่อนถาม เขาละจากงานเอกสารตรงหน้าเปลี่ยนมานั่งกอดอก หลังพิงเก้าอี้ มองนิ่งๆ เขารู้ดีว่าพวกนี้ตั้งใจมากวนเขาโดยเฉพาะ


"ยังไงต่อวะ ฉันไม่ได้ไปเสียดายฉิบ" รอนถามต่ออย่างนึกสนุก


"น่ารัก กินเก่ง แก้มตุ่ย"


"......"


"ฉันเห็นไกลๆยังน่ารักเลย ถ้าได้กอดสักครั้งรับรองจะเลี้ยงดูอย่างดี " รอนสมทบ


"วันนั้นน้องขาแพลงฉันเลยไปนวดให้ ผิวตรงขาอ่อนนี้นะ มันแบบว่า…."


ครืด~~


"เฮ้ย!!! ฉันมีนัดกับชิโนว่ะ ไปละ"


"เออใช่ ไปล่ะ" แข่งขันสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นยืนวิ่งเร็วจี๋ออกจากห้องเป็นคนแรก รอนตามเขามาติดๆอย่างไม่ต้องเอ่ยเรียกเหมือนเตรียมตัวไว้อยู่ก่อนแล้ว ไปหาชิโนน่ะแค่คำอ้าง แต่วิ่งหนีตายเนี่ยเรื่องจริงจะอยู่ได้อย่างไรเล่าเมื่อเจ้าของห้องลุกขึ้นยืนพร้อมกับปืนที่อยู่ในมือ แข่งขันกับรอนเมื่อวิ่งลงมาข้างล่างต่างพากันมองหน้ากันและยิ้มขำ ช่วงนี้พวกเขาดูเหมือนจะสนุกกันเป็นพิเศษ


"ฉันพอจะรู้เหตุผลแล้วน่ะนะ ว่าทำไมชิโน อันเดรียและลูกน้องของราล์ฟถึงถูกบังคับให้เรียนภาษาไทย ฮ่าๆ"






"ทำไมยังไม่มีตัวอย่างวิดีโอโฆษณาของโทรศัพท์รุ่นใหม่มาให้ฉัน ทั้งที่กำหนดส่งงานคือวันนี้"


"เราติดปัญหาเรื่องนางแบบโฆษณาครับ มีอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำ เราเปลี่ยนนางแบบมาเป็นคุณคิม ณิชา นางแบบชื่อดังทั้งในไทยและต่างประเทศแล้วครับ เรากำลังเริ่มเร่งถ่ายทำให้เร็วที่สุดครับ "


          ราล์ฟเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาดูเอกสาร ขณะนี้เขากำลังประชุมเรื่องงานเปิดตัวโทรศัพท์ยี่ห้อ 'ซาล' ยี่ห้อดังจากการวางจำหน่ายหลายประเทศด้วยยอดขายถล่มถลาย และในเร็วๆนี้กำลังจะเปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดในไทย


"ฉันให้เวลาสามวัน ข้างนอกนั่นยังมีคนเก่งๆอีกมากที่อยากทำงานกับบริษัทนี้" ราล์ฟบอกเสียงเรียบก่อนจะลุกเดินออกไปเป็นความหมายว่าการประชุมได้จบลงแล้ว ทว่าทุกคนในห้องประชุมเกือบสิบต่างพากันแทบสะดุ้งทุกครั้ง อย่างหวาดกลัว..วันนี้คุณราล์ฟไล่พนักงานออกไปสองคนแล้วจากการทำงานผิดพลาด ทุกคนต่างพากันคิดถึงท่านประธานผู้เป็นมารดาของคุณราล์ฟกันเสียสุดใจ ซึ่งท่านได้ลาพักร้อนอย่างไม่มีกำหนดเป็นเหตุให้ลูกชายของท่านมาดูแลแทน ถึงจะอายุยังน้อยแต่ความสามารถก็เรียกว่าอัจฉริยะได้อย่างเต็มปาก






"คุณราล์ฟสวัสดีค่ะ"


"คุณคิม ณิชา นางแบบโฆษณาคนใหม่ของเราครับ" อันเดรียที่ทำหน้าที่ทั้งบอดี้การ์ดและเลขากระซิบเบาๆที่ข้างหูราล์ฟ เมื่อมีสาวสวยในชุดนักศึกษารัดรูปเอ่ยทักขึ้นขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ชิโนและอันเดรียที่ยืนอยู่ข้างๆราล์ฟต่างรู้หน้าที่ดี เขาแยกตัวออกมาขึ้นรถและขับออกไปก่อน ปล่อยให้นายได้คุยธุระกับนางแบบสาวให้เสร็จ...


          ขณะนี้เป็นเวลาดึกสงัด ราล์ฟยังอยู่ในมหาลัยเขาพึ่งทำงานเสร็จ รอบตัวเขามีเพียงแสงสลัวๆส่องให้เห็นทางเพียงเท่านั้น และรถหรูขิงเขาจอดอยู่ตรงมุมมืด...


"พอดีคณะคิมมีกิจกรรมนิดหน่อยพึ่งเสร็จเหมือนกัน คิมเอารถมาจอดที่ตึกแพทย์น่ะค่ะ โชคดีจังได้เจอคุณราล์ฟพอดี คิมยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเลยนะคะ ที่ได้ร่วมงานกับบริษัทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก"


"ยินดีเช่นกันครับคุณคิม"


"ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป คิมขอเลี้ยงมื้อเย็นคุณราล์ฟได้ไหมคะ เป็นการฉลองที่เราได้ร่วมงานกัน" หญิงสาวส่งยิ้มหวานมาให้ ราล์ฟรู้ดีว่ามันหมายความว่าอะไร เธอไม่ใช่คนแรกที่เข้าหาเขาเพื่อหวังผลประโยชน์จากตัวเขา


"คิดดีแล้วเหรอ ผมกิน'หนัก'นะ " ราล์ฟกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็ดีเหมือนกันวันนี้เขาใช้สมองเยอะมีเรื่องให้ผ่อนคลายบ้างคงดีไม่น้อย ราล์ฟดันหญิงสาวให้นั่งลงบนกระโปรงหน้ารถของเขา มือแกร่งหายวับเข้าไปภายใต้กระโปรงสั้นรัดรูปและดึงบางสิ่งที่กำลังปกปิดทางเข้าออกมาให้พ้นทาง หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นตรงนี้ เธอย่อมระวังตัวอยู่แล้วเพราะต้องแบกชื่อเสียงของเธอไว้บนบ่าตลอด แต่เมื่อคนตรงหน้าเป็น'ราล์ฟ' เธอไม่กังวลเลยสักนิดใจจริงอยากให้เป็นข่าวกับคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ


"ด้วยความยินดีค่ะ" หญิงสาวตอบพลางยิ้มยั่วก่อนจะค่อยๆเอาเรียวขาสวยเกี่ยวเอวแกร่งอย่างเชิญชวน







             






















หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่25…(1.1 ) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 26-08-2020 18:34:33
 :fire:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่25…(1.1 ) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 26-08-2020 21:40:57
 :z1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่25…(1.1 ) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-08-2020 23:07:39
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่25…(1.1 ) 26/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2020 22:03:24
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 28-08-2020 00:47:28


27...แวะมาหา






ราล์ฟ…







"เหี้ยยยยยยย!!!"


          แสงไฟสาดส่องมาที่ร่างสองร่างบนหน้ากระโปรงรถหรู ถึงจะเป็นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวแต่นั่นก็ทำให้ร่างทั้งสองที่กำลังสอดประสานกันผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ฝ่ายหญิง...แต่เป็นฝ่ายชายต่างหากเล่า แสงไฟไม่มีผลกับราล์ฟ คนอย่างเขาไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้ว ทว่า หากเป็นเสียงสบถหยาบดังลั่นต่างหากเล่าที่ทำให้เขาร่างเขาผละออกแทบทันที่ได้ยินเสียง เสียงที่เขาจำได้แม่น ตาคมเห็นแผ่นหลังคุ้นตากำลังเดินกลับหลังหนีไป ขายาวของราล์ฟก็รีบก้าวตามด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ถาถมเข้ามา มือเท้าเย็นเต้นระรัวด้วยความ….กลัว เขากลัวเจ้าของแผ่นหลังเข้าใจผิด อยู่ดีๆก็กลัวจะสูญเสีย….คนตรงหน้า


"เจ็บนะโว้ยย น้ำมนต์กูกว่าจะทำพิธีได้แต่ละครั้งมันนะ...นา.... เฮ้ย!! พี่!"


          เสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหตะหวาดลั่น นั่นยิ่งทำให้มือแกร่งบีบต้นแขนในมือแรงขึ้นอย่างลืมตัว เขาไม่ได้โมโหคนตรงหน้า แต่แค่กลัว… ตาคมจ้องดวงตากลมตรงหน้าด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ความรู้สึกที่เขาได้แต่ปัดทิ้งแล้ว ปัดทิ้งอีก ราล์ฟได้แต่ถามตัวเองอีกครั้งและอีกครั้ง ที่เขามายืนตรงนี้เขาทำถูกแล้วใช่ไหม แต่ถึงจะไม่ถูกเขาก็เลือกที่จะมายืนตรงนี้ เขาเลือกแล้วจริงๆเขาเลือกที่จะเห็นแก่ตัว เขามองคนตรงหน้าอยู่ไกลๆไม่ได้แล้ว



"ราล์ฟคะ รอใครหรือเปล่า"


"เปล่า"


"ไม่ได้รอใครก็ไปสักทีสิคะ ลลินรีบนะ" หลังจากนั่งรอมาสักพักจนหญิงสาวเริ่มทนไม่ไหว เธอก็เริ่มที่จะโวยวายขึ้น


"ถ้ารีบก็ไปเอง" ราล์ฟตอบอย่างไม่สนใจ ตาคมยังจ้องมองออกไปนอกรถต่อโดยไม่คิดจะสนใจคนนั่งข้างๆที่นั่งหน้างอไปแล้ว


"ถ้าไปเองจะเจออันเดรียได้ไงเล่า!! ถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่ไปกับนายหรอกราล์ฟ"


"เมื่อไหร่จะเลิกตอแยลูกน้องฉันสักที" ราล์ฟหันมาหาหญิงสาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อเห็นบุคคลภายนอกรถที่เขามองอยู่มีคนมารับสักที


"แล้วเมื่อไหร่ลูกน้องนายจะชอบฉันสักทีเล่า ฉันไม่ดีตรงไหน" ลลินถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจพร้อมกับกอดถุงของฝากจากค่ายที่เธอจะเอาไปมอบให้คนที่กำลังพูดถึงไว้แน่น


"เธอดีเกินไปต่างหาก แล้วก็เลิกมายุ่มย่ามกับฉันเพื่อยั่วโมโหอันเดรียซะที อย่าทำให้อันเดรียลำบากใจเลย" ราล์ฟพูดพร้อมกับขับรถออกจากมหาลัย อันเดรียกับชิโนตามเขาไปค่ายด้วยแต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆและได้กลับจากค่ายล่วงหน้ามาก่อนสองวันแล้ว


"ราล์ฟ นายคิดว่าอันเดรียชอบฉันบ้างไหม" ลลินถามอย่างเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง หญิงสาวที่ใครๆต่างก็หมายปองเรียงแถวกันเข้ามาจีบ ต้องมาขาดความมั่นใจให้กับเจ้าหนุ่มผมบลอนด์หน้านิ่งไร้อารมณ์ เธออยากจะเลิกชอบเขาเสียจริง ทว่า ทำได้ที่ไหนกันเล่า


"อย่าฝันให้มากนักเลย หาเอาใหม่เถอะ" ราล์ฟพูดอย่างตัดรำคาญ บางทีเขาก็อยากจะบังคับให้ลูกน้องเขาที่เป็นทั้งเพื่อนรักเพื่อนตายรับรักลลินสักที เธอจะได้เลิกมาเข้าทางเขาเพื่อใกล้ชิดอันเดรีย แต่เขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้ง เมื่อเห็นน่านิ่งๆของอันเดรีย เขารู้ว่าเพื่อนเขาก็รัก...และเขาไม่อยากก้าวก่าย


"งั้นนายก็ช่วยฉันสิ" ลลินกอดแขนพลางออดอ้อน


"รำคาญหน่า" ราล์ฟสะบัดออกเมื่อลลินมาเกาะแขน ส่งผลให้ร่างบางหลุดออกจากแขนที่กำลังเกาะ ลลินเบะปากใส่ให้คนตรงหน้ากับการกระทำที่ดิบเถื่อนไม่เคยเปลี่ยนแปลง


"ชิ ใครกันที่ช่วยสอนภาษาไทยให้ตอนเด็กๆ ไม่สำนึกบุญคุณ หืมมมม" ตาคู่หวานกระตุกยิ้มร้ายเมื่อเห็นอะไรอยู่นอกรถ


"ถ้าฉันไม่ได้ นายก็ต้องไม่ได้นะราล์ฟ ถ้าฉันไม่ได้คบกับอันเดรียฉันจะบอกคุณป้าว่านายกับฉันตกลงจะแต่งงานกัน!!" ลลินพูดพร้อมกับมองออกไปภายนอกรถไม่ลดละ


"ก็ลองดูสิ" ราล์ฟก็ไม่แยแสเช่นกันใครก็บังคับเขาไม่ได้


"อืมมม เด็กผู้ชายอะไรน้าาา ตากลมโตน่ารักมากเลย"


"...." ราล์ฟหันขวับไปทางที่หญิงสาวกำลังมองอยู่แทบจะทันที ร่างคุ้นตานั่งอยู่บนรถไสระหว่างรอไฟจราจร ตากลมจ้องมองมาที่รถเขาอย่างสงสัยใคร่รู้ด้วยสีหน้าซึมๆ


"อืม ถ้าทำให้ร้องไห้คงจะน่ารักมากๆเลยสินะ อยากเห็นจัง" ลลินหันมายิ้มร้ายให้ราล์ฟ ทำไมเธอจะไม่รู้ตลอดหลายวันที่อยู่ค่ายตาคู่คมเทาหม่นอันแสนทรงเสน่ห์คู่นั้นเฝ้ามองใครอยู่ เธอคิดว่าจะไม่สนใจอยู่แล้วเชียวนะ เพราะเรื่องตัวเองก็ปวดหัวจะแย่ ในเมื่อราล์ฟไม่ยอมช่วย เธอก็ไม่มีทางเลือก หึๆ ใครว่าเธอร้ายไม่เป็น ความอ่อนโยนที่เห็นน่ะแค่เปลือก ความร้ายกาจน่ะธาตุแท้ของเธอเอง









'เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 09.30  เกิดเสียงระเบิดและเสียงยิงปะทะกันทางเลี่ยงเมืองแถวxxx ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเสียงปืนนานเกือบสิบห้านาที แต่ทางด้านตำรวจกลับออกมาแถลงการณ์ว่าเป็นสถานการณ์เข้าใจผิด ไม่ได้มีการยิงปะทะกันแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่แค่กำลังซ้อมปฏิบัติการณ์ป้องกันการก่อการร้าย และได้เอ่ยขอโทษที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ยืนยันว่าไม่มีใครได้รับอันตราย"


"นี่มันถนนไปทางบ้านมึงหนิฤกษ์ โหวว เดี๋ยวนี้ซ้อมกันฮาร์ดคอร์ไปไหมวะ ที่สาธารณะเลยนะเว้ย"


"กูว่าตำรวจแม่งต้องปกปิดอะไรแน่ๆ ฟังแล้วมันทะแม่งๆอยู่นาอิเบิร์ด"


"หรือว่ามีก่อการร้ายจริงๆวะ ฤกษ์เมื่อเช้ามึงผ่านทางนั้นหนิ เห็นอะไรผิดปกติปะ? มีรอยกระสุน รอยระเบิดอะไรไหม"


         เสียงข่าวจากโทรศัพท์ในมือไอ้ปัดกำลังเป็นที่น่าสนใจของพวกผมเป็นอย่างมาก เมื่อเช้าผมตื่นมาก็ไม่เห็นใครไม่รู้ว่าพี่ราล์ฟไปตอนไหน ไม่มีแม้กระทั่งโน๊ตเขียนบอกอะไร มีเพียงชุดอาหารเช้าจากร้านดังที่มาส่งให้ผมหน้าบ้าน พอคิดแล้วป๊อปคอร์นที่เคี้ยวอยู่เต็มปากอยู่ดีๆก็กลืนไม่ลง พี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า แผลอักเสบไหมนะ


"ฤกษ์!!"


"เออๆ ไม่มีหนิถนนสะอาดดี"


"มึงเป็นอะไร ดูเบลอๆสมองไปกระทบอะไรมารึ ยิ่งโง่ๆอยู่" ไอ้ปัดจ้องมาอย่างจับผิด


"กูคิดถึงพี่ราล์ฟ"


"ฮ๊ะ!!!!!"


"ตกใจอะไรวะ ก็พี่เขาไม่ค่อยสบายแล้ว...แล้วพี่เขาก็ช่วยกูไว้ตั้งเยอะกูก็…"


"เป็นห่วง?" ไอ้ปัดเลิกคิ้วถามด้วยหน้าหล่อๆ


"ก็พี่เขาไม่สบาย เออ!!! กูเป็นห่วงว่ะ" ตรงๆนักเลงพอ เอาจริงๆคือกูตอแหลไม่ทัน


"คิดถึงก็โทรหาสิวะ" ไอ้นกแนะ


"เอออออออออ จริงด้วย แต่กูโทรได้เหรอวะ ถ้าพี่เขาไม่รับล่ะ จะรบกวนพี่เขาหรือเปล่า พี่ราล์ฟงานเขาเยอะมากๆเลยนะมึง"


"ถ้ากลัวโทรไปรบกวนมึงก็ไปหาเขาสิ ตึกแพทย์ก็รู้จักแล้วป่ะ เขาจีบมึงอยู่มึงต้องไปได้ เอ๊ะ หรือว่าคบกันแล้ว"


"เฮ้ยยยย ไม่ใช่" ผมตะโกนลั่นเถียงลำไย เอาจริงๆผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจีบกันเป็นยังไง พี่มันตอแหลหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนเจอกันแรกๆพี่มันแม่งยังเอาผู้หญิงให้เห็นอยู่เลย อึ่ยยยย ผมชอบพี่มันไปได้ไงวะ กูโดนดีดน้ำมันพรายแน่ๆ


"จร้าาา กูจะคอยดู จบ!! แยกย้าย กูจะไปคุมน้องซ้อมหรีดกับอินก ส่วนมึงไปหาพี่หมอเสร็จแล้วก็ไปซ้อมบอลที่สนามกับพวกไอ้ตี๋ไอ้ปัดด้วย วันมะรืนก็งานแข่งกีฬาแล้ว"


"กูไม่ได้จะไปหาพี่หมอ!!!"





 



          เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เฮ้อ ไอ้สัส กูปวดขา ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆพักเหนื่อยข้างๆริมทางเดิน เอาปิ่นโตวางไว้ข้างๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แม่งอยู่ไหนวะ กูเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ จะโทรหาก็ไม่กล้ากลัวไปรบกวน รำคาญตัวเองที่เป็นห่าไรไม่รู้มาเดินตามหาผู้ชาย ถุ้ยยยย


"นี่ๆน้องฤกษ์ใช่ไหม"


"อ้าว พี่ลลินหวัดดีค้าบ" ไหล่ผมโดนสะกิดยิกๆหันไปก็เจอนางฟ้าในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตา โอ้โหงามจริงๆแม่คุณเอ้ยยยยย


"มาหาราล์ฟเหรอ" พี่ลลินถามผมอย่างตื่นเต้น ดวงตาสวยเป็นประกายอย่างมีหวัง เพื่อ???


"ทำไมคิดว่าผมมาหาพี่ราล์ฟอ่ะ" ผมหันไปถาม ไม่คิดว่าผมอาจจะมาส่องหมอสาวๆคนอื่นบ้างไง โว๊ะ!! เสียความมั่นใจ


"ก็พี่อยากให้มาหาน่ะสิ ปะ พี่จะพาไปหา ลุกเร๊ววว เอ้า! ลุกเร็วๆลีลามากพี่จุ๊ฟนะ"


"เฮ้ยๆพี่ ช้าๆ ผมไม่รีบ พี่ลลินค้าบบบ" ผมลุกอย่างงวยงงตามแรงดึงที่ข้อมือด้วยฝีมือของนางฟ้าเสื้อกาวน์ เอ่อ คนสวยแดกอะไรมาครับคือดีดดีแท้

   

         พี่ลลินพาผมขึ้นลิฟท์เดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ก็มาหยุดอยู่ที่ห้องพักหนึ่งที่มีป้ายติดหน้าห้องว่า วีไอพี 'ห้ามรบกวน' ยังอ่านไม่ทันจบดีคุณเธอก็เคาะประตูรัวๆ จนผมสะดุ้งโหยง


"พี่ เขาติดป้ายว่าห้ามรบกวน" กูนี่ท้วงอย่างไว


"อ้าวเหรอ ไม่เห็นนะ" อันนี้คุณพี่จริงจังหรือกวนอ่ะ เอาดีๆ ป้ายแม่งอย่างเด่น


แอ๊ดดดดด


"มีอะ…."


ปึก


"ราล์ฟคะ ดูซิ ลลินพาใครมาเอ่ย" เสียงประตูห้องถูกเปิดโดยพี่อันเดรีย พี่ท่านยังถามไม่ทันจบดีพี่ลลินก็เดินกระแทกไหล่หนาเหมือนมองไม่เห็น(?) เข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรออันเชิญและมีผมเดินตามแรงดึงไปติดๆ เฮ้ย ได้เหรอวะ เอาดีๆ


          พี่หมอราล์ฟขณะนี้นั่งอยู่ที่โซฟาหนังตัวยาวกับหนังสือหนาเตอะในมือหนึ่งเล่ม ภายในห้องมีโต๊ะทำงานขนาดกลางหนึ่งตัว และตู้สำหรับวางหนังสืออีกไม่กี่ตู้ คล้ายๆเป็นห้องทำงานกึ่งๆห้องพัก ในห้องมีแค่พี่ราล์ฟและพี่อันเดรียสองหนุ่มหน้าไร้อารมณ์ และเพิ่มเติมมาอีกสองชีวิตที่เพิ่งโผล่เข้ามา แค่เห็นพี่หมอผมก็เกิดอาการประหม่าอีกแล้ว


"งั้นเหรอ เสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว" ผมหน้าเสียเมื่อได้ยินคำนั้น ไม่น่าเลย ไม่น่ามากวนพี่เขาเลย


"ไร้มารยาทที่สุด" พี่ลลินในมาดสาวเหวี่ยงที่ผมพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกบอกเสียงสะบัด ขณะนี้นั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะทำงาน เอ่อ บาปนะนั่น มีหนังสือบนโต๊ะอยู่ตั้งเยอะ


"ฉันไม่เคยมีอยู่แล้ว"


"ก็ไม่เคยหวังว่าจะมีหรอกจ๊ะ คุณอดีตคู่หมั้น" เมื่อก่อนผมใช้อะไรดูว่าเขารักกัน


"กลับไปได้แล้ว" พี่ราล์ฟก็ไล่จังวุ้ย กูนี่หน้าเสียหลายรอบล่ะ ไล่อีกทีคงเน่าแล้วล่ะครับ!!! ครั้งหน้าจะไม่มาหาแล้วนะโว้ย


"ไปอยู่แล้วล่ะถ้ามีคนไปส่ง ลลินเจ็บเท้าเดินไม่ไหว เมื่อกี้เดินมากับน้องฤกษ์รองเท้ากัด" พี่ลลินบอกด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร เอ่อ กูตามอารมณ์ไม่ทัน


"อันเดรีย"


"ครับ คุณราล์ฟ" พี่อันเดรียขานรับหน้านิ่งแต่คุณพี่ลลินผมเห็นนะโว้ย แววตาดีใจน่ะ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าพี่ลลินชอบพี่อันเดรีย แต่พี่อันเดรียไม่ชอบพี่ลลิน เอ๊ะ หรือว่าชอบวะ?หน้านิ่งขนาดนี้เดาไม่ถูก


"ไปส่งลลิน"


"ครับ" พี่อันเดรียรับคำพี่ราล์ฟ ร่างใหญ่เดินเข้าไปหาพี่ลลินด้วยใบหน้านิ่งขรึมก่อนจะก้มหัวให้พี่ลลินนิดหน่อยเป็นเชิงขออนุญาตประคองแขน แต่พี่ลลินดันสะบัดออก เอ้า อิหยังวะ


"ฉันจะขี่หลัง เดินไม่ไหว"


"ครับ" พี่อันเดรียรับคำอย่างนอบน้อมก่อนจะย่อตัวลงให้พี่ลลินขึ้นหลัง ร่างงามบนหลังกว้างหันมายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะโบกมือ หย็อยๆ ให้ผมอย่างอารมณ์ดี โดยที่เจ้าของแผ่นหลังกว้างไม่มีทางได้เห็นสีหน้าพี่ลลินขณะนี้แน่ ถึงว่าล่ะ กระตือรือล้นสุดๆที่จะพาผมมาหาพี่ราล์ฟ ร้ายนักนะเจ๊ ผมส่ายหัวเซ็งๆและก้าวตามหลังพี่อันเดรียไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...ผมหนักปิ่นโตแหละ พูดผิด


"จะไปไหนล่ะเราน่ะ พี่ให้พวกนั้นกลับ มานั่งนี่" เสียงทุ้มทักขึ้นเมื่อผมกำลังจะก้าวพ้นประตู


"อ้าว ก็ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นนี่" ผมเกาหัวแกรกๆก้าวเข้าไปหาพี่ราล์ฟ ด้วยความรู้สึกที่โคตรจะแตกต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ เชื้อพี่ลลินแม่งแรง จับแค่ข้อมือติดเชื้อได้ไง


"ผมเอาขนมไทยมาฝาก มีหลายอย่างเลย พี่กินข้าวยังอ่ะ"


"ยังไม่ได้กินพึ่งได้พัก มานี่มา เมื่อเช้าอาหารถูกปากไหม"


"อร่อยหมดแหละผมอ่ะ กินข้าวคลุกน้ำปลายังอร่อยเลยคะ...พี่ราล์ฟ!!!" ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว จมูกโด่งก้มลงมาหอมที่ซอกคอผมจนขนลุกเกลียวก่อนจะผละออกไป ผมรีบลุกออกจากตักมานั่งโซฟาหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็วเมื่อทรงตัวได้ ยื่นมือจะทุบลงไปบนไหล่แกร่งอย่างคนจะเอาเรื่องแต่ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่เขามีแผล


"แผลพี่เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม" ผมยื่นมือไปแตะเบาๆที่ไหล่


"ไม่เป็นอะไร" พี่ราล์ฟจับมือที่ผมแตะไหล่มากุมมือไว้เบาๆ ตาคมมองสบมาที่ผมอย่างอบอุ่นหัวใจ ครั้งแรก...ของผมที่มองตาคมคู่นี้โดยไม่หวาดกลัว


"แต่เมื่อวานนี้…"


"เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน ส่วนวันนี้พี่ไม่ได้เป็นอะไร" มือแกร่งยื่นมาลูบผมเบาๆ อ่อนโยนจังวะ ผมทำอะไรไม่ถูกเลยพี่ราล์ฟเวอร์ชั่นผ้าห่มเนี่ย รู้สึกดีโว้ยยยย


"โอมเพี้ยง หายไวๆนะ อย่าเจ็บอย่าป่วยอีกนะครับ" ผมก้มลงไปเป่าที่หัวไหล่พี่ราล์ฟเบาๆก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า พี่ราล์ฟชะงักนิ่งก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดไม่ยอมปล่อย


"พี่ราล์ฟ เรากอดกันบ่อยไปไหมวะ" ผมดันตัวเองออกแต่พี่ราล์ฟไม่ยอมปล่อย ใจไม่ดีเลยโว้ย


"คบกันแล้วกอดกันบ่อยแค่ไหนก็ได้" พี่ราล์ฟยอมปล่อยผมแต่โดยดีก่อนจะหันไปเปิดปิ่นโตที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟา


"เราคบกันตอนไหนอ่ะ คบกันแล้วเหรอ ที่เป็นแบบแฟนกันอะนะ" สาสสส ตอนไหนวะ กูละเมอตกลงคบงี้เหรอ


"ถ้าไม่ชอบพี่ ฤกษ์ปฏิเสธได้ เอาไว้พร้อมแล้วค่อยให้พี่เป็นแฟนฤกษ์แต่ตอนนี้ฤกษ์เป็นแฟนพี่"


"เฮ้ยพี่ ยังไงวะดูงงๆนะ แล้วนี่ยังไม่ได้กินข้าวอย่าพึ่งกินขนมสิ" ผมท้วงพี่ราล์ฟที่หยิบขนมเข้าปากแล้วยกถ้วยกาแฟร้อนดำปี๋ที่มีอยู่ก่อนแล้วดื่มตาม


"กินขนมก็อิ่มเหมือนกัน อันนี้ขนมอะไรพี่ไม่เคยเห็น"


"ไม่เอาพี่กินเลยผมยัดมาเต็มที่แล้ว อันนี้เรียกกระเช้าสีดา อร่อยป่ะ" ผมปฏิเสธขนมที่พี่ราล์ฟยืนมาป้อนให้ก่อนจะตอบในสิ่งที่คนตรงหน้าถาม แต่ไหงปากผมมีแต่ขนมวะ


"อืม ทำเองเหรอเรา"


"ใช่ทำเอง เดินไปซื้อเอง ต่อแถวเองกับตัว เก่งปะ" ผมตอบอย่างภูมิใจสุดๆ รอเป็นชั่วโมงอ่ะร้านนี้กว่าจะได้กิน พี่ราล์ฟยกมือดีดหน้าผากผมเบาๆพร้อมกับส่ายหัวอย่างหน่ายๆและหันไปรับโทรศัพท์เมื่อมีสายเข้ามาพอดี พี่เขามักจะทำงานตลอดเลยแฮะ ผมช่วยอะไรพี่เขาได้บ้างไหมนะ


          ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา อีกชั่วโมงกว่าจะถึงชั่วโมงเรียน ยังมีเวลาลีลาอีกเยอะใจจริงก็อยากอยู่กับพี่เขาอะครับ การได้อยู่กับคนที่เราชอบมันโคตรจะดีเลยอ่ะ ผมไม่เคยมั่นใจในความรู้สึกพี่เขาเลย ผมแค่รู้ว่าผมชอบพี่เขา  วันนี้ดูเหมือนผมกับพี่ราล์ฟจะดูผ่อนคลายกันมากขึ้น ถ้าผมไม่รู้สึกไปเองนะ...แค่นึกถึงคืนที่ผ่านมาที่ผมเอาแต่ร้องไห้เป็นเด็กๆพี่ราล์ฟเอาแต่กอดผมไม่ยอมปล่อย ผมก็แทบจะเอาปิ่นโตตรงหน้าครอบหัวแล้ว แต่มันก็ดีแล้วที่พี่ราล์ฟก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน 


"มองอะไรอยู่"


"เผื่อจะเจอสาวสวยในห้องพี่อ่ะ" ผมไม่รู้ว่าพี่เขาคุยโทรศัพท์เสร็จตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็หลุดพูดอะไรออกไปอย่างลืมตัว…


"พี่ไม่มีมาสักพักแล้ว" พี่ราล์ฟพูดพลางถอนหายใจ พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่าวะ


"คือผมแค่แซว…"


"แค่แซวเล่น? แล้วทำไมถึงทำหน้าไม่พอใจพี่"


"เฮ้ยพี่ ผมเปล่า!!" ผมเถียงเสียงดังลั่นพลางเอามือจับหน้าตัวเองอย่างเริ่มไม่มั่นใจ หรือกูทำวะ? บ้าบอหน่า


"จะจับผิดพี่หรือไง ไม่ทันไรทำหน้าที่แฟนซะแล้ว พี่ไม่ได้ซ่อนใครไว้ในห้องหรอกนะ " พี่ราล์ฟพูดพลางกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ


"ผมไม่ได้จับผิดพี่ซะหน่อย พี่จะยิ้มอะไรนักหนา ห้ามยิ้มนะโว้ย" ผมเอื้อมมือจะไปปิดปากรอยยิ้มร้ายอย่างหมันไส้ ไม่บ่อยครั้งหรอกนะที่จะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของคนตรงหน้า แต่ก็ดันถูกรวบเอาไว้ได้ทัน อย่าผลักผมนอนลงบนโซฟาสิเฮ้ย กูสู้แรงไม่ได้


"ตอนนี้พี่มีอยู่คนเดียว คนนั้นอยู่ตรงหน้าพี่ตอนนี้ ขณะนี้ " พี่ราล์ฟพูดขณะที่หน้าเราห่างเพียงแค่ฝ่ามือกั้น


"พี่เจ้าชู้อ่ะ"


"ตอนนั้นไม่มีแฟน เขาไม่เรียกว่าเจ้าชู้"


"พี่มีสาวเยอะแยะไปหมด"


"ตอนนี้เลิกหมดแล้ว"


"เลิกทำไมอ่ะมีสาวเยอะดีจะตาย ผมก็อยากมี"


"ถ้าฤกษ์ให้พี่มี พี่ก็โอเครนะ"


"ถ้าพี่ให้ผมมีผมก็โอเครครับ"


"มันจะไม่มีวันนั้น"


"พี่ราล์ฟ"


"ครับ?"


"ขอบคุณนะครับสำหรับของที่บริจาคให้ที่วัด"


"แค่คำขอบคุณเหรอ" พี่ราล์ฟก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูผมจนขนลุกเกลียว


"แล้วต้องแค่ไหนอ่ะครับ ผมไม่ได้เอาพวงมาลัยดอกไม้ติดมือมาด้วยน่ะสิ อื้อออออ"








       


 





















































หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-08-2020 01:37:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 28-08-2020 06:41:38
 :m25:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 30-08-2020 22:04:14
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 13-10-2020 12:12:53
ดัน รอน้อง
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-10-2020 19:04:44
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่27…แวะมาหา 27/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: toonsora ที่ 18-11-2020 18:14:54
เมื่อไหร่จะมาต่ออออจะลงแดงตายแล้ววว :katai1: :katai1: :katai4: :katai4: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 19-12-2020 20:41:03
28….เล่นบอลนะครับ!






พลั่ก


ตุ้บ



"โอ๊ยยย ไอ้สัสเอ้ย!!"



"ปรี๊ดดดดดดดดด"


"เฮ้ยๆ เป็นไงบ้างวะ"

"ไอ้สัส หลายทีแล้วนะพวกมึงอ่ะ"

"หลายทีแล้วยังไงวะ อุบัติเหตุห้ามกันได้เหรอ"

"อุบัติเหตุพ่องมึงสิ กูเห็นอยู่ว่ามึงตั้งใจทำน้องกู อย่าคิดว่าพ่อมึงใหญ่แล้วจะทำไรใครก็ได้นะเว้ย" เสียงพี่แสงนี่หว่า

"กูทำอะไร มันโง่วิ่งมาชนกูเอง" ด่ากูเฉย

"เอ้า ไอ้สัสนี่!!"

"เฮ้ยๆๆ ไอ้อิฐ! ไอ้ม่าน! ใจเย็นเพื่อน"

          โอยยย ผมนอนแผ่หราพึ่งแดดเป็นครั้งที่สี่กลางสนามบอลจากการโดนศอกกระแทกเข้าที่ก้านคอ นี่ผมต้องสำนึกบุญคุณมันไหมวะที่เว้นลูกกระเดือกกูไว้ เฮ้อ ท้องฟ้าวันนี้มันช่างอึมครึมยิ่งนัก กูหิวป็อปคอร์น

"พี่ฤกษ์เป็นไงบ้าง"

"เออ กูรู้สึกสบายขึ้นเมื่อได้นอน" ผมตอบไอ้ขลุ่ยน้องรหัสผมเสียงเอือย กว่าผมจะรู้จักน้องรหัสตัวเองกูแม่งต้องลงทุนไปดักรอมันที่หอพักเป็นชั่วโมง ไม่ใช่ว่าเกิดรักสายรหัสตัวเองขึ้นมานะแต่ไอ้พี่ตังค์แม่งเสือกอวดรวยอยากเลี้ยงสายรหัสน่ะสิ ใช้ผมให้รับน้องรหัสมางานด้วย ส่วนผมจะทำไรได้ ไอ้สัส! น้องรหัสกูเป็นใครยังไม่รู้เลยโว้ย? ถ้าไอ้พวกพี่ตังค์ พี่อิฐมันรู้ว่าผมยังไม่เจอน้องรหัสตัวเอง กูน่วมครับ ผมนี่ตามหาแทบพลิกมหาลัย พลิกร้านเหล้า ไปตามเฝ้าหน้าหอมันเป็นชั่วโมง เพื่อ?? ไปดักรอที่หน้าห้องเรียนมันกูก็เจอละไอ้สัส!! (พึ่งคิดได้) หาตัวยากกว่าน้องกูก็มึงนี่ล่ะ

"กีฬาสีมหาลัยแม่ง!! เล่นแรงเอาโล่กันเหรอวะ"

"เขาเรียกงานบอลมหาลัย" ไอ้ปัดที่นั่งประคองผมอยู่ท้วงขึ้น กูเข้าใจผิดตรงไหนก็งานกีฬาเหมือนกันปะ?

"พี่แม่งเคยมีเรื่องอะไรกับพวกแม่งหรือเปล่าวะ ทำไมพวกแม่งเล่นแต่พี่ ตัวยิ่งแค่กระดูกหมาอยู่" ไอ้ขลุ่ยถามอย่างไม่พอใจ แหม่~เปรียบเทียบซะกูน่ารักเชียว

"มันไม่ได้ตั้งใจเปล่าวะ" มันอาจมองไม่เห็นอ่ะ จะว่าไปผมก็สูงแค่หัวไหล่พวกมันเอง บางทีมันมองมามันอาจไม่เห็นหัวผมที่อยู่ใต้คางมันก็ได้ เอิ่ก ทั้งทีมกูหล่อกระทัดรัดอยู่คนเดียว ปัดโถ่ววว

"กูเห็นมันตั้งใจ!! เวลานี้อย่ามาโลกสวยเก็บความโง่ไว้ใช้ที่บ้าน เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ไอ้เทียนไม่รู้มาจากไหนประคองผมที่นอนหนุนตักไอ้ขลุ่ยอยู่ให้ลุกมานั่งดีๆ โดยที่ฉากข้างหลังผมมีการทะเลาะกันของพวกทีมฟุตบอลกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวโดยมีพวกไอ้ตี๋ ไอ้คัตโตะกระโดดเกาะหลังพี่อิฐเพื่อห้ามกันจ้าละหวั่น ทะเลาะไรกันว้าา นี่พึ่งจะเตะได้ครึ่งแรกเองนะเว้ย เอ๊ะ!! ว่าแต่ว่า...กูเป็นคนโดนอัดนะไหงกลายเป็นคนโง่ น้องมันด่าหรือมันห่วงเอาดีๆ

"มึงจะเอาไง มีปัญหาอะไรกับพี่กู" ผมลุกขึ้นนั่งได้ดีๆยังไม่ทันจะตอบอะไรน้อง ไอ้เทียนก็ลุกกระโจนไปผลักอกไอ้คนที่เอาศอกกระแทกหน้าผม(ใช่เปล่าวะ?ผมก็จำหน้าไม่ได้)

"เฮ้ยๆใจเย็นโว้ยยยย มันเป็นแค่อุบัติเหตุกูไม่ได้เป็นไรมาก" ผมรีบลุกขึ้นไปยืนคั่นกลางแทบจะทันทีเมื่อเห็นน้องเริ่มจะมีเรื่อง มีเซนิดหน่อยแต่ไอ้ขลุ่ยยังคอยประคองไม่ทิ้งกูไปไหน ซึ้งใจน้องรหัสฉิบหาย

      ผมกัดฟันพูดทั้งที่ยืนแทบทรุด หันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุด้วยสายตาตรงเป็นครั้งแรก รูปร่างสูงใหญ่เกินคนเอเชีย ผมสีเทาเด่นสะดุด แววตาร้ายกาจบนใบหน้าหล่อมองผมอยู่ก่อนแล้ว ปากได้รูปแสยะยิ้มร้ายมาที่ผม ก่อนที่จะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม

"อึดดีนี่…"

"..."

"ขายไหม? เท่า..."



พลั่ก



"มีอะไรมาเคลีย์กับฉัน" เสียงเย็นดังขึ้น แผ่นหลังกว้างใหญ่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของผม เพียงชั่วพริบตา ที่ฝ่ามือใหญ่ของไอ้หัวเทากำลังสัมผัสที่ผิวแก้มผมขณะที่ผมกำลังยืนงงกับคำถามของมัน? กูใส่ชุดบอลเตะบอลหล่อๆอยู่ดีๆ ไหงกลายเป็นสินค้าไปได้วะ?
           ร่างไอ้หัวเทาตรงหน้าโดนผลักออกอย่างแรงแทบจะล้มลงกับพื้นถ้าเพื่อนที่อยู่ข้างหลังรับไว้ไม่ทัน  พี่ราล์ฟในเสื้อสต๊าฟสีน้ำเงินสวมปลอกแขนสีขาวสัญลักษณ์ตราพยาบาลขณะนี้ยืนแผ่รังสีความหล่ออำมหิต(!?)อยู่เบื้องหน้า เอ่อ มายังไงครับพี่!? ผลุบๆ โผล่ๆ อย่างกับผีปอบ

          ผมสะกิดแขนพี่หมอยิกๆเป็นเชิงบอกให้ขยับหน่อย ยืนบังเป็นกำแพงแบบนี้ผมมองไม่เห็นอะไรเลยอ่ะ แต่ก็นั่นแหละ หลบกูที่ไหนมองไม่เห็นโว้ย
ผมค่อยๆเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อที่จะเดินไปข้างหน้ายืนข้างๆพี่ราล์ฟ แต่เพียงแค่ขยับตัวสายตาคมดุก็มองมาเป็นเชิงปราม เออ โผล่ไปแค่หัวก็ได้ ไม่ได้กลัวนะครับพอดีหลังพี่ราล์ฟมันบังแดดผมพอดีอ่ะ แฮร่

"วันนี้ไม่อยากมีแล้วว่ะ ไว้วันหน้าก็แล้วกัน"

"..."

"ของเล่นชิ้นใหม่ของฉันท่าทางจะเหนื่อยแล้ว สงสัยจะโดน 'ใช้งาน' หลายคน"

ผัวะ!!!

"เฮ้ยๆ พี่ราล์ฟอย่าพี่!!"

"ฉันขอเตือนถ้ายังอยากแก่ตายอย่าได้มายุ่งกับคน 'ของฉัน' ถ้ายังขืนมายุ่งอีกฉันจะส่งแกไปอยู่กับปู่ของแก"

"ราล์ฟ…แกคงจะไม่รู้ว่าขณะนี้'ซานโดร'แข็งแกร่งเพียงใด 'ซาล์เลโอเน่' น่ะหรือ? ถึงเวลาจบความยิ่งใหญ่แล้ว ฮึๆ"
 
"มาร์คัส!! ฉันขอเตือนความหยิ่งผยองโอหังของแกจะทำให้ชีวิตแกถึงจุดจบเร็วขึ้น"

"งั้นเหรอ? แล้วเราจะได้รู้กันราล์ฟ!!"


          ไอ้หัวเทาแสยะยิ้มกวนส้นเท้ายกหลังมือเช็ดเลือดที่ปลายคางอย่างขบขันจากหมัด5Gความไวแสงของพี่ราล์ฟ ตาคมแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะปรายตามาที่ผมแวบนึงและกลับหลังหันเดินจากไปพร้อมกับพรรคพวกที่มีร่างกายใหญ่ไม่แพ้กันอีกสี่ห้าคน   ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกันเพราะผมฟังไม่ออกแต่พี่ราล์ฟนั้นนิ่งจนน่ากลัว ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งนั้น แต่ผมรู้ว่าเขาโมโหมากแน่ๆ สายตาคู่นั้นของไอ้หัวเทาที่มองมายังผมเมื่อครู่นี้ มันช่าง...กวนส้นตีนดีแท้!!


"ไม่ต้องอันเดรียอยู่เฉยๆ"

"อ้าวพี่!!มาตอนไหนเนี่ย" พี่อันเดรียกับพี่ชิโนในชุดสต๊าฟสีเดียวกับพี่ราล์ฟขณะนี้ยืนปั้นหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆผม แล้วพวกพี่ทำไมมาเป็นสต๊าฟได้ล่ะเนี่ยพวกพี่ไม่ได้เป็นนักศึกษามหาลัยผมนี่

"แต่ว่า…"

"เอาไว้ค่อยคุยกัน" พี่ราล์ฟยกมือปรามพี่อันเดรีย พี่อันเดรียกับพี่ชิโนทำได้เพียงก้มหัวแล้วยืนมองไอ้หัวเทาเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"โอเครๆ ไม่มีอะไรแล้วแยกย้ายพักครึ่งแรก" พี่รอน(ที่ไม่รู้มาตอนไหน)ตะโกนลั่นสนามก่อนจะลากคอพี่อิฐที่มีท่าทางโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่ยอมรามือเดินกลับที่พักนักกีฬา

"โหววว ไรวะยังไม่ได้กระทืบพวกแม่งเลย" ไอ้ตี๋โอดครวญ

"ไปๆ นี่มันกีฬาฟุตบอลไม่ใช่สนามมวย"

"แต่พวกแม่ง..เฮ้ย!!อุ้มผมทำไมเนี่ย ปล่อยกูโว้ยย"

"เออน่า!! มันไม่ใช่ตอนนี้" พี่หมอแข่งที่โผล่มาเหมือนผีพุ่งใต้ลากคอไอ้ตี๋ที่เลือดกำเดาไหลอยู่ขณะนี้ กลับเข้าที่พัก เอ่อ อย่างง่ายดาย



เอ่อ คือว่า...ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยังไง นักศึกษาต่อยกันกลางสนาม? นั่นก็คือพี่ราล์ฟนั่นเองที่ไปต่อยเขา พวกผมมีเรื่องกัน(?)หรือเปล่า แต่ดูเหมือนไม่มีใครมายุ่ง ใครที่หมายถึงก็คืออาจารย์ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎอะไรใดๆ มันแปลกไหมนะ?

"หยุดคิดอะไรที่มันเกินกำลังได้แล้ว"

"เอ๋..ใคร?ผมเหรอ?" รู้ตัวอีกทีผมก็เดินตามแรงจูงมือจากพี่ราล์ฟมาที่ข้างสนามแล้ว พวกผมเดินมาที่ข้างสนามไม่ใช่เพราะมีเรื่องกัน แต่เพราะหมดเวลาครึ่งแรกพอดี ที่ได้ยินเสียงปรี๊ดดดดด เมื่อสักครู่เนี่ยไม่ใช่เป่าเพราะผมนอนแดกหญ้าอยู่ เป่าเพราะหมดเวลาครึ่งแรกโว้ย ไอ้ฉิบหาย!!

"พี่ราล์ฟ พี่จะโดนลงโทษอะไรปะ? มีเรื่องชกต่อยกันอ่ะ" ผมถามอย่างเริ่มกังวล เอ๊ะ หรือผมกังวลแล้ววะ

"ไม่หรอกพี่คุยได้" พี่ราล์ฟตอบเสียงเรียบ

"คุยยังไงอ่ะ พี่จะข่มขู่อาจารย์เหรอ เหมือนในข่าวใช่ป่ะที่พวกมีเงิน มีอิทธิพลเยอะๆเขาทำกันอ่ะ"

"ฮึๆ เลิกเพ้อเจ้อแล้วนั่งรอพี่ตรงนี้" พี่ราล์ฟกดไหล่ผมให้นั่งเก้าอี้ในเต็นท์แพทย์ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เฮ้ออออ ให้ถามให้จบก่อนก็ไม่ได้เดี๋ยวผมก็ลืมถามกันพอดี!!



"เป็นไงบ้าง" ไอ้เทียนที่อยู่ในชุดกีฬาฟุตบอลของคณะตัวเองเพื่อรอเตะในรอบชิงชนะเลิศถามเสียงขรึมก่อนจะเอาผ้าเย็นโปะลงบนกลางกบาลผมที่นั่งมึนอยู่ เออ สดชื่นดีว่ะ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดและซุบซิบเบาๆ ของคุณหมอและสาวๆในเต็นท์แพทย์

"ไม่มีตรงไหนหักใช่ปะ" ไอ้ตี๋เดินตามหลังไอ้เทียนมาติดๆ ถามสมทบ พร้อมกับเอาทิชชู่ยัดรูจมูกไปด้วย สังขารไม่ให้แต่ใจรักจะมาหากูสิหน่า

"กูไม่ได้อยากมาหรอกนะพอดี ไอ้นก ไอ้ลำไยมันเป็นห่วงแต่ทิ้งภาพตรงหน้าที่มีหุ่นล่ำๆถอดเสื้อไม่ได้ พวกมันก็เลยเตะให้กูมาดูมึงเนี่ย" ไอ้ตี๋ตอบหน่ายๆ

"เออ ไอ้สัสขอบคุณ ซาบซึ้งไปถึงไส้ติ่งฉิบหาย กูไม่เป็นไรแค่งงๆนิดหน่อย"

"เออ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ปกติมึงก็งงของมึงอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลก" อ้าวไอ้ตี๋ มึงว่ากูปะเนี่ย

"แล้วก่อนหน้านี้เคยไปมีเรื่องอะไรกับพวกบริหารหรือเปล่า" ไอ้เทียนถามอย่างกังวล

"ไม่นี่ พี่ไม่เคยเห็นหน้าพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ" ผมนึกๆดูยังไงก็ไม่เคยเห็นหน้าจริงๆนะไอ้หัวเทาๆน่ะ

"งั้นเหรอ" เทียนตอบรับด้วยสีหน้าเครียดๆ

"เครียดไรว้า มันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะโว้ย บางทีกูอาจจะหล่อจนพวกมันอิจ...เอ้า!! ไอ้นี่!?"

"ฝากด้วยนะพี่" ไอ้เทียนผลักหัวผมก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางหล่อๆของมัน ไม่เคยอ่ะ ไม่เคยที่จะฟังกูให้จบ!!

"แล้วมึงอ่ะ เป็นไงบ้างกูเห็นได้เลือด โดนใครวะ" ผมถามไอ้ตี๋ขณะที่มันนั่งลงข้างๆ ใบหน้าหล่อๆของมันก้มๆเงยๆอยู่ตรงหัวเข่าที่มีรอยช้ำของผม

"เออ กูก็ไม่รู้แม่งแต่จำหน้าแม่งได้อยู่ ถ้าไอ้เชี้ยพี่แข่งมันไม่โผล่มากูคงได้เอาคืนมั้ง"

"เออใช่ โผล่กันมาอย่างกับเป็นผีเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย ว่าแต่มึงดูสนิทกับพี่เขานะ ยังไงๆแดกเหล้ากันบ่อยเหรอ" หรือผมเข้าใจผิด?

"แดกเหล้าพ่องดิ มันแม่งชอบเสนอหน้าไปซื้อเหล้าร้านกู รวยซะเปล่าขอลดราคาแม่งอยู่นั่น ร้านกูขายราคาส่งแล้วเหอะลดมากกว่านี้มึงไม่ขอแม่งแดกฟรีไปเลยล่ะ"

"งั้นก็ดีดิวะ มึงก็บอกพี่แม่งไปว่าถ้าอยากได้ลดกว่านี้ก็มาแบกลังเบียร์ไปส่งลูกค้า ถ้าเกิดพี่มันทำจริงขึ้นมามึงแม่งสบายเลยนะเว้ยไม่ต้องแบกลังเบียร์ให้เหนื่อย"

"เฮ้ย!! จริงของมึงว่ะ มึงแม่งทำไมฉลาดในเรื่องโง่ๆแบบนี้วะ" ไอ้ตี๋ทำหน้าชอบอกชอบใจ

"มึงจะชมก็ชมดีๆ อย่าทั้งชมทั้งด่า กูปลาบปลื้มไม่ถูกไอ้สัส ว่าแต่...ทำไมพี่แข่งไปร้านมึงบ่อยล่ะ บ้านพี่มันอยู่แถวนั้นเหรอ"

"ไม่รู้ว่ะ สงสัยอยู่แถวนั้นมั้ง" ไอ้ตี๋มังกรตอบขอไปที คล้ายๆจะบอกว่า 'กูไม่อยากรู้เรื่องมัน ไอ้ห่าน'

"เออ พี่มันคงอยากช่วยอุดหนุนอ่ะแหละแต่กวนตีนไปหน่อย ว่าแต่ว่า นี่มึง...นัดนี้เราเตะกับพวกบริหารเหรอวะ" ผมหันไปถามไอ้ตี๋ที่นั่งทายาให้รอยช้ำตรงเข่าผมที่เกิดจากการถูกเสียบจากด้านหลังเพื่อแย่งบอล

" ไอ้ฤกษ์!! ก็ใช่น่ะสิวะ มึงคิดว่าแข่งกับคณะไหนอยู่"

"คิดว่าแข่งกับวิศวะเห็นชุดสีแดง ไม่น่าล่ะไม่เห็นพี่แสงกับพวกพี่กริชเลยว่ะ กูก็มองหาตั้งนานเตะเสร็จจะชวนไปร้านหมูทะสักหน่อย"

"โอ๊ยยยยยย"

"ไอ้ตี๋ ร้องทำเชี่ยไรเจ็บตรงไหน"

"กูเครียด!!"

"ประสาทนะมึงอะ นั่งอยู่ดีๆก็เครียด" ผมพูดตามหลังไอ้ตี๋ที่ลุกหนีไปแดกน้ำหวานกับพวกไอ้ขลุ่ยด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง อะไรของแม่งมันอีกอ่ะ


"กูผิดอารายยย"





(มีต่อจ่ะ)
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: 11:11 ที่ 19-12-2020 20:43:21
    (ต่อจ่ะ)   


            พี่ราล์ฟในเสื้อสต๊าฟสีน้ำเงินสวมปลอกแขนสัญลักษณ์ตราพยาบาลหลังจากหายไปสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล พี่ราล์ฟทรุดตัวลงนั่งข้างๆผมด้วยสีหน้านิ่งๆเป็นปกติของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่ามองอะไร? วันนี้พี่เขาหล่อฉิบหายวายป่วง แว่นกันแดดแบรนด์ดังที่คาดไว้บนหัว รองเท้าผ้าใบสุดเท่และโคตรแพง กระเป๋าคาดเอวที่อยู่บนเอวพี่เขาอีก(น่าจะเอาไว้ใส่พวกยา) โอยยย ใจกู~

จุ๊ฟ

"วันนี้เก่งมากเลยจ่ะน้องฤกษ์ พี่เชียร์จนเจ็บคอไปหมด"

"พี่!!" ใจยังไม่ทรงตัวดีก็มาเกือบวายกับพี่ลลินคนงามที่เดินมาจุ๊ฟแก้มผม โผล่มาจากไหนเนี่ย ขออีกข้างได้มะ?

"แค่นี้โวยวายไปได้" แหนะบีบแก้มผมอีก

"ผมตัวเหม็นอ่ะ ให้ผมทาแป้งก่อนค่อยจุ๊ฟ เอาใหม่ได้ปะ พี่ราล์ฟมีแป...โอ๊ยยยย เจ็บครับๆ"

"เบาๆสิราล์ฟน้องเจ็บ" พี่ลลินท้วงให้ผมเมื่อพี่หมอราล์ฟยกขาผมไปวางพาดบนตักตัวเองอย่างไม่บอกกล่าว

"ลลิน ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไป ถ้ามีครั้งหน้าฉันคิดว่าอันเดรียคงได้นอนโรงบาล" พี่ราล์ฟพูดพลางจ้องหน้าพี่ลลินตาแข็งโป๊กก่อนจะหันมาเอาผ้าเย็นเช็ดแก้มให้ผม(แรงเชี่ยๆ) พอผมเห็นคราบแดงๆที่ผ้าเลยหุบปากดีกว่า ไม่ได้เช็ดจนเลือดออกแก้มนะค้าบ คราบลิปสติกค้าบบบ อย่าเข้าใจผิด อะแหนะ ผมป่าวแก้ตัวให้พี่ราล์ฟนะ ผมป่าววว

"ก็ลองทำดูสิได้เห็นดีกันแน่ อะไรๆก็เป็นจริงเป็นจังไปหมด ตาไม่มีมองหรือไงว่าหยอกเล่น เชอะ!! น่ารำคาญ" พี่ลลินเมื่อได้ฟังท่านหล่อเทวดาเอ่ยวาจาเยี่ยงนั้นก็ทำสีหน้าไม่พอใจ คุณคนสวยท่านยกมือคู่งามเหมือนจะฟาดพี่ราล์ฟแต่ก็ต้องชะงักไว้แค่นั้น ด้วยเหตุใดฤกษ์คนหล่อก็หามิทราบ ทว่า มือคู่งามเสือกเปลี่ยนทิศทางมาเขกหัวผมจนเกือบหน้าทิ่มแล้วเดินจากไป

"โอ้ยย พี่ลิน!! ผมผิดไรเนี่ย" ผมหันไปถามอย่างงวยงงพร้อมกับเกาหัวแกรกๆ ไอ้คนที่นั่งทายาที่ขาให้ผมอยู่ตอนนี้เป็นคนพูดแต่กูโดนเขกหัวซะงั้น ฮ่วย!!

ปึก

"โอ้ย!! แม่งเอ้ย "

เสียงกูเองครับ!!

           ทุบลงไปเต็มๆตรงไหล่แกร่งด้วยที่คิดว่าพี่ลลินอาจฝากมาตีคืน ฮืออออ กูเจ็บอีกแล้ว นี่มันผิวคนหรือต้นมะขาม แข็งฉิบ!!

"ตีพี่ทำไม นั่งอยู่เฉยๆสักทีได้ไหม" พี่ราล์ฟเงยจากรอยช้ำตรงข้อศอกผมขึ้นมาขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าอย่างนี้ไม่น่าจะเจ็บนะผมว่า ออกแนวโมโหแหละ

"พี่แม่งน่าหมันไส้ว่ะ"

"อืม พี่รู้ว่าพี่หล่อ" พี่ราล์ฟกระตุกยิ้มร้ายพูดหน้าตาเฉย โอ้ยหัวใจกู~

"ผมว่าพี่น่าหมันไส้โว้ย ไม่ได้ชมว่าหล่อสักกะแอะ"

"อ้าวเหรอ เห็นจ้องพี่ตาไม่กระพริบเลย" เฮ้ยจริงเหรอวะ!!? ผมรีบยกมือตะครุบลูกตาตัวเองเผื่อว่าลืมกระพริบตา จนพี่หมอราล์ฟกระตุกยิ้มร้าย อ้าว สรุปพี่หลอกผมหรือผมร้อนตัว ปัดโถ่ว ถึงผมจะชอบพี่ผมอยากก็ไม่อยากให้รู้อ่ะว่ากูนี่หลงหนักมาก

"เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า" พี่ราล์ฟถามพร้อมกับพลิกขาผมไปมา เอาจริงๆไม่ต้องลูบก็ได้ปะ ไม่มีหญ้ามีดินติดมาสักหน่อย

"ไม่มีอ่ะ สำบายมากอันที่จริงผมไม่ต้องมาเต็นท์แพทย์ก็ได้นะพี่ ทายาหม่องก็หายแล้ว" ถึงเต็นท์แพทย์จะเดินไม่กี่ก้าวถึงก็เถอะ จริงๆผมอยากอยู่เผือกเรื่องทีมมากกว่า

"ไม่ต้องลงแล้วนะ" พี่ราล์ฟพูดเสียงจริงจังเพื่อ? งานกีฬาสีไม่เครียดดิ

"ทำไมอะ ผมจะเล่น" ผมจะแก้แค้น แชมป์อะไรไม่เคยหวังอยู่แล้วคณะผม เล่นเอามันส์เอาเท่ คติประจำคณะ คิ้กค้าก

"เขาให้เราไปวิ่งเตะฟุตบอล ไม่ได้ให้ไปกลิ้งตามฟุตบอล"

"พี่ราล์ฟ!!! หาว่าผมไม่เจ๋งเหรอ!!"

"จะลงไปให้เจ็บตัวเพิ่มหรือไง ก็เห็นอยู่ว่าเราเป็นเป้า"

"กีฬามันก็งี้แหละ มีจงมีเจ็บบ้าง ผมไม่ได้เป็นเป้าหรอกน่า ไม่ได้แข่งยิงปืนสักหน่อย" ทำหน้าจริงจังด้วยการเบิกตาโตๆ แต่...ไอ้สัส แสบตา

"ให้คนอื่นลงแทน" ไอ้หล่อตรงหน้าพูดเสียงขรึม

"ผมซ้อมมาตั้งนานอ่ะ ผมจะเล่น" ผมเริ่มหน้าหงิก ห้าวันก็นานสำหรับผมล่ะ (วันที่ผมซ้อมบอลเนี่ย)

"น้องคะ?"

"ครับ?" ผมลุกขึ้นยืนหันไปมองงงๆกับเสียงหนึ่งที่เอ่ยแทรก ก็เห็นเป็นพี่...พี่...พี่ไรวะ? หน้าสวยๆอย่างนี้คุ้นอยู่นะ

"พี่หมอเขาทำแผลให้แท้ๆ ไม่ขอบคุณยังจะไปเสียงดังใส่อีก เป็นรุ่นน้องแทนที่จะเคารพรุ่นพี่ ถ้าไม่เคารพก็ต้องรู้จักสำนึกบุญคุณบ้างนะ"

"เอ่อ…" ผมยืนนิ่งมองตาปริบๆใช้สมองอันชาญฉลาดประมวลว่ากูผิดอารายยยยย หันไปมองรอบๆเต็นท์ก็เจอพี่ๆหมอที่หน้าคุ้นนั่งกันอยู่ และคนอื่นๆอีกสี่ห้าคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์มองมาทางผม? ด้านนอกก็มีสาวๆมากมายต่างยืนถือร่มพร้อมกล้องและมือถือตั้งท่าถ่ายรูปกันขยันขันแข็ง ถ่ายไรวะ?

"จิ๊ๆๆๆๆ ให้มันน้อยๆหน่อยจ่ะคิม มีสิทธิ์อะไรมาว่าน้องสะใภ้ฉัน" ผมมองหาเสียง จิ๊ๆๆๆ ที่คิดว่าอาจเป็นจิ้งจก ก็เจอพี่ลลินที่กำลังเดินเข้ามาในเต็นท์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แขนเรียวยกขึ้นเมื่อเดินมาใกล้ผม คอผมหดลงอัตโนมัติเมื่อนึกว่าพี่ลลินจะเขกหัวผมอีก แต่คิดผิดแขนเรียววางพาดบนบ่าผมเฉยๆ เอิ่ม กูหลอนไปหมดแล้วเนี่ย

"น้องสะใภ้!? พี่ลลินพูดอะไรคะ? คิมไม่เข้าใจ พี่ราล์ฟคะ ที่พี่ลลินพูดหมายความว่าไงคะ" น้องสะใภ้นี่ใครวะ? ใครแต่งงานแล้ว ใครเป็นเมีย พี่คิมคนอึ๋มๆเนี่ยเหรอเป็นน้องสะใภ้? พี่ราล์ฟรีบดึงแขนตัวเองออกแทบจะทันทีเหมือนโดนของร้อน(?)เมื่อพี่คิมเดินมากอดแขนอย่างคนคุ้นเคย มือใหญ่ของพี่ราล์ฟปัดแขนพี่ลลินออกจากไหล่ผมก่อนจะวางมือใหญ่ๆของตัวเองบนศีรษะของผม

"ผมมีแข่งต่อ ไปก่อนนะครับ หวัดดีพี่ๆ"

!!?


          ผมพูดลาพร้อมกับขยับศีรษะหนีออกจากการจับของมือใหญ่ แอบตั้งใจเหยียบเท้าใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่ด้วยความรู้สึก...อะไรก็ไม่รู้โว้ย เออ หมันไส้ แม่งใส่รองเท้าแพง!?  ผมวิ่งออกมาอย่างไม่อยากจะเห็นหน้าหล่อๆนั่น พี่แม่ง ไหนบอกเลิกหมดแล้วไง แล้วพี่คิมที่กอดแขนอยู่นั่นอ่ะ แล้วที่พี่ลลินเรียกพี่คิมว่าน้องสะใภ้อ่ะ แม่งเอ้ย!! แล้วกูเป็นอะไรเนี่ย อยู่ดีๆก็โมโห เมื่อกี้ทำตัวเสียมารยาทว่ะ เฮ้อ เป็นไรไปวะไอ้ฤกษ์เอ้ย

"โว้ยยยยย" ผมเดินกลับมาหาทีมอย่างอารมณ์ไม่ดี ยกมือยีหัวตัวเองอย่างคนประสาทแดกก่อนจะถอดเสื้อออกเพราะร้อน เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มอย่างไม่รู้จะกรี๊ดทำไม

"ฤกษ์!!!!" เออผมเอง

"พี่ฤกษ์" เออ

"น้องฤกษ์ค้าบบบบ" เสียงจากบนสแตนเชียร์เริ่มตะโกนชื่อผมกันยกใหญ่ ไม่ต้องเรียกหงุดหงิดอยู่!!

"เฮ้ย!! มึง...เคร้ง"

"ดีพี่ เก็บด้วยพี่มึง"  ไอ้พี่ซุงที่เรียนอยู่เกษตรแต่มาสิงอยู่ศิลป์ยกมือทักผมแต่ทำแก้วน้ำแดงร่วงซะงั้น ไม่ทันแข่งมือไม้อ่อนไปไหน ผมพยักหน้ารับพี่มันก่อนจะเดินแท่ดๆไปหาทีมที่เตรียมจะลงสนามอีกครั้ง พักครึ่งทีมอื่นเขาประชุมกันอย่างซีเครียด(?)ว่าจะแก้เกมอย่างไร แต่ทีมนักบอลคณะผม หึๆ นอนแผ่ผึ่งแดดรอเตะ นั่งเล่นกันหน้าสลอน กัปตันทีมแห่งคณะผมอย่างพี่ม่านฟ้าคนหล่อซุปตาร์ เวลาซ้อมไม่เคยจะมา แต่ดันถูกเลือกเป็นกัปตันทีมเพราะความหล่อและฉลาด!? นั่งแดรกกาแฟปั่นกระดิกตีน ยิกๆ เออ กูขอให้พี่มึงจุก จุกอย่างไม่มีอะไรมากั้น โว้ยยยย กูพาล

"โอ๊ยตายล้าววว อิฤกษ์คะ อกคนสวยจะแตกนี่คนหรือหลอดไฟ" ลำไยเดินมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ แล้วกดแชะๆ เพื่อถ่ายผม เออ เชิญเอาให้เต็มที่ดีกว่าแอบถ่ายเหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้จะแอบถ่ายผมอะไรนักหนาคิดว่าผมไม่รู้ไง ฮ่วย ฉลาดเด้อ

"มึงไปไหนมาอิดอกไม้" ดอกไม้นี่คำชมไหมครับ?

"ไปขี้!!" ผมตอบอินกแอนด์เบิร์ดที่วันนี้เขียนอันดำๆตรงตาไปถึงขมับ มึงไม่เขียนมันลามมายังคอเลยล่ะวะ

"ตอแหลมากกกกก กูเห็นมึงโดนอุ้มเป็นลิงไปเต็นท์แพทย์มากับตา" ด่ากูตอแหลแต่เดินมาทาครีมกันแดดให้กู? เออ ขอบใจ

"อุ้มห่าไรเล่า!! กูเดินไปเด้อ" ความจริงที่เป็นความจริงอ่ะ เคยพูดกันบ้างไหม!!

"สรุปยังไงกับพี่หมอเทวดา มึงคบกับเขาแล้วเหรอวะ ทำไมพี่เขาจูงมือมึงท่ามกลางสายตาประชาชีนับร้อยนับพันอย่างนั้น ยังไง? มึงยังไง? "

"กูไม่รู้ พี่เขาก็ปกติอ่ะ แค่จับมือปะ?ใครก็ทำกัน กูยังกอดมึงได้เลย เมื่อกี้ยังเห็นไอ้พี่หมอเทวดายืนกับพี่สวยๆอยู่เลยอ่ะ ยังไงดีวะมึง?" ผมถามย้อนไอ้นก ผมไม่รู้ววววว จริงๆนะเว้ย

"บอกพวกกูว่า 'ไม่รู้ แค่จับมือ?' แต่ถามพวกกูว่า 'พี่เขาอยู่กับผู้หญิง ทำยังไงดีวะมึง? ' สติค่ะเพื่อน!! ชีวิตนี้มึงจะสับสนไปไหน ไหนว่าชอบพี่เขา ไม่ขอเขาเป็นแฟนไปล่ะ ยังไงก็ดูเหมือนพี่เขาชอบมึง" ลำไยพูดเป็นจริงเป็นจัง

"ชอบกันต้องเป็นแฟนกันเหรอวะ" ผมชอบพี่เขาก็จริง แต่ต้องเป็นแฟนเหรอ ก็มีคิดถึงทุกวัน รู้สึกดีที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นห่วงที่เห็นไม่สบาย แต่ทำไมต้องเป็นแฟน? ไม่เป็นก็ชอบได้ปะ? หรือยังไง

"เอ้า!! โอ๊ยยยย กูจะเป็นลมค่ะเพื่อน" ไอ้ลำไยเซแท่ดๆไปซบไอ้นกแอนด์เบิร์ด

"คืองี้นะฤกษ์เพื่อนรัก!! มึงชอบพี่เขาแบบไม่เป็นแฟนก็ได้ แต่มึงจะไม่สิทธิ์อะไรมากกว่ารุ่นน้องคนหนึ่งเว้ย มึงจะหวงเขาก็ไม่ได้ มึงจะหึงเขาก็ไม่ได้ มึงจะชวนเขาไปไหนด้วยบ่อยๆก็อาจจะไม่ได้ มึงจะเห็นหน้าเขาบ่อยๆก็อาจจะไม่ได้" ไอ้นกตั้งใจอธิบายหน้านิ่ง

"ก็….ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหนิ" ผมก็แค่ชอบเองปะ?

"มึงนี่นะ!! ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เดี๋ยวกูปั๊ดฟาดให้สมองที่ไม่มีรอยหยักของมึงทะลักออกมาให้หมด สมองมึงนี่มีอะไรบ้างห๊ะ!! คิดอะไรแต่ละอย่างตื้นๆทั้งนั้น"

"อิเบิร์ดใจเย็นเพื่อน!! มึงเข้าใจมันหน่อยดิว้า"

"กูผิดอะไรอ่ะ อย่าด่ากูเยอะใจกูบาง กูสะเทือนใจ" ผมยืนบิดขี้เกียจ มองดูลำไยกอดคอไอ้นกเป็นเชิงปลอบอกปลอบใจ เล่นใหญ่ไม่มีใครเกิน

"แล้วพี่ราล์ฟของพวกกูไปไหนแล้ว"

"เห็นยืนคุยกับพี่คนสวยๆอยู่ในเต็นท์แพทย์อ่ะ" อยู่ดีๆก็ไม่อยากตอบคำถามไอ้ลำไยซะงั้น

"อิเชี้ย!! แล้วมึงมาอยู่อะไรตรงนี้" ไอ้ลำไยโวยลั่น

"ก็รุ่นพี่เขาคุยกัน กูคุยกับเขารู้เรื่องที่ไหน คุยเรื่องโลงศพ ฟุตบอลก็ว่าไปอย่างนี่คุยกันน้องสะภงสะใภ้เชี้ยไรก็ไม่รู้!!"

"เฮ้ยฤกษ์ มึงใจเย็นใส่เสื้อก่อน" ไอ้นกว่าเสียงเครียด

"กูร้อนไม่ใส่! แล้วกูก็ไม่ได้เป็นไรใจเย็นเชี้ยไร"

"เนี่ย!! เดินหนีออกมาแล้วก็มาพาลใส่คนสวยๆแบบพวกกู แทนที่จะอยู่เผือก คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย มึงยืนดู ยืนฟังเงียบๆไปสิ อยากรู้อยากเห็นก็อยู่ดูให้รู้ ไม่ใช่มาสะดงสะดิ้งทำเป็นไม่หึง แต่จริงๆแล้วแม่งหึง"

"กูไม่ได้หึง!!"


พรึ่บ!!


"พี่ราล์ฟหวัดดีค่ะ!!"

"ครับ พี่ขอคุยกับฤกษ์สักครู่"

"จ้า/ค่า"

"โหยยย อะไรของพี่เนี่ยผมเท่ๆของผมยุ่งหมด" เมื่อสักครู่นี้ผมยืนเกาพุงอยู่ดีๆภาพก็ตัด!! ด้วยอะไรน่ะหรือ อ่ะหรือ อ่ะหรือ ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่จากคนที่ก็รู้ว่าใครอ่ะดิ  แค่ได้ยินเสียงพูดกับเพื่อนผมก็จำได้แล้วเหอะ คลุมหัวผมมาได้ อ้าว แล้วเพื่อนผมมันหายไปไหนหมดเนี่ย ภาพผมตัดแค่แป๊บเดียวเอง

"ใส่เสื้อดีๆ"

"ไม่เอาอ่ะร้อน แล้วพี่คนสวยๆนั่นไปไหนอ่ะ"

"ไม่ใช่เรื่องของพี่ที่ต้องรู้" พี่ราล์ฟตอบเสียงเรียบแต่มือเนี่ย! พยายามเอาเสื้อบอลสวมหัวให้ผมใส่อย่างกับผมเป็นเด็กสามขวบ ฟังกูที่ไหน แรงก็เยอะถ้าเสื้อผมขาดนะ!! ซื้อให้ใหม่ด้วย

"ไม่ใช่เรื่องของพี่ ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่อยากบอกก็ว่ามา แค่นี้ก็ถามไม่ได้ อะโด่ว ก็ถามไปงั้นๆแหละ โอ๊ยๆพี่เจ็บ"

"อย่าทำหน้าทำตาทะเล้นแบบนี้ ถ้าไม่อยากเจอ...ดี" ผมปัดมือพี่ราล์ฟที่บีบจมูกออก ก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อได้ยินประโยคท้ายกระซิบที่ข้างหู ไอ้เชี่ย อยู่ดีๆก็เสียวท้องน้อยวาบเลยโว้ย ไอ้เชี่ยยยย กูเสียวทำไม กูคิดอาร๊ายยย อ้ากกก

"ไอ้ฤกษ์เตรียมตัวลงสนาม!!"

"ค้าบบบบ" ผมตะโกนตอบพี่ม่านฟ้ากลับไป ก่อนจะก้มลงมัดเชือกรองเท้าให้แน่น โอย ปวดหัวเข่า

"พี่ไม่อยากให้เล่น เราเจ็บขาอยู่ให้คนอื่นลงแทน" พี่ราล์ฟพี่มึงเป็นผีแน่ๆ รู้ทุกอย่างที่ผมพยายามหมกเม็ด

"แต่ผมจะเล่นอ่ะ ผมไหว ขาผมโอเครพี่"

"...."

"ผมจะเล่นนะ"

"...."

"ผมเล่นนะ"

"...."

"ผมจะเล่นนะ...ครับ"

"อืม...ไปเถอะ"

          พี่ราล์ฟตอบรับสั้นๆก่อนจะเดินหันหลังจากไป ผมที่ได้เล่นแล้ว ยืนนิ่งมองแผ่นหลังพี่ราล์ฟด้วยความรู้สึกแปลกๆ อยู่ดีๆก็ไม่อยากเล่น อันที่จริงจะเล่นไม่เล่นทำไมต้องขออนุญาตใครอ่ะ อยากเล่นก็เล่นดิ แต่แค่คำว่า 'อืม' ของพี่ราล์ฟมันทำให้ข้างในอกของผมไม่สบายใจ พี่เขาเป็นอะไร โกรธผมเหรอ หรือยังไง?


!!



"พี่...ผมจะไปเล่นแล้วนะ"

"ไปสิ พี่จะไปทำงานเหมือนกัน"

         ร่างกายไปก่อนสมองสองมือคว้าแขนแกร่งไว้อย่างไม่เข้าใจตัวเอง พี่ราล์ฟหันกลับมาพลางเลิกคิ้วคล้ายถามว่าต้องการอะไร เออ 'กูต้องการอะไรวะ?' ฤกษ์ยกมือเล็กเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจ

"พี่...เป็นอะไรหรือเปล่า" เป็นคนที่ไม่ชอบค้างคาใจอะไรนานๆ ฤกษ์โพล่งถามออกไป ตากลมโตจ้องเป๋งอย่างสำรวจราวกับว่าคำตอบจะผุดออกมาจากใบหน้าหล่อๆตรงหน้า

"พี่ควรถามเรามากกว่านะ พี่บอกเราแล้วว่าจะไปทำงาน" ราล์ฟตอบเสียงเรียบแต่หน้านิ่งอย่างทายอารมณ์ไม่ถูกเป็นปกติ ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าขยับตัวยุกยิกๆลุกลน

"พี่!! เอางี้นะพี่ ลูกผู้ชายแมนๆคุยกัน คือผมคิดว่าพี่ไม่พอใจผมอ่ะที่ผมจะไปเล่นบอล คือ...ผมก็เจ็บขาอ่ะ ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงในฐานะหมอ เพราะพี่ก็เกือบจะเป็นหมอถ้าพี่เรียนหมอจบอ่ะนะ แต่ผมว่าพี่ก็คงจบแหละ แต่ทีนี้ผมก็อยากเล่นอ่ะ ที่ผมถามเนี่ยไม่ใช่อะไรนะเว้ย ผม ผม ผม..." ฤกษ์พูดเสียงจริงจัง ทำหน้าขึงขังเป็นการเป็นงาน ตากลมจ้องเป๋งอย่างคนเปิดเผย ที่ใครดูก็รู้ว่าแคร์ความรู้สึกของคนตรงหน้าแค่ไหนแต่เจ้าตัวดันไม่รู้(?)

"ฮึๆ พี่ให้เราไปก็คือให้ไป ไม่มีอะไรซ่อนหรือคำประชดใดๆ พอใจหรือยัง?"  ใบหน้าหล่อก้มลงกระซิบใกล้ๆใบหูเล็ก เจ้าของตากลมตาแข็งค้างเมื่อรับรู้ว่าใบหูของตัวเองโดนขโมยจูบซะแล้ว ราล์ฟยืดตัวตรงขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"...."

"เตะบอลเสร็จแล้วไปกินข้าวเย็นกับพี่ พี่จะรอ"

"พี่ราล์ฟ!! ทำไรวะ? นี่มันสนามบอลนะโว้ย ฝากไว้ก่อนเหอะ ไม่ต้องรอ ผมไม่ไป!! มีนัดแล้วจะไปกินข้าวต้มถ้วยละบาทกับทีม" เมื่อตั้งสติได้ฤกษ์รีบถอยหลัง ก่อนจะชูกำปั้นหน้าตาขึงขัง ร่างเล็กรีบเดินจ้ำอ้าวด้วยใบหน้าแดงกล่ำด้วยความร้อนของแดดหรือความเขินก็ยากที่จะแยก ยังไงเขาก็ไม่มีทางลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่หมอเทวดาไปอี๋อ๋อกับสาวสวยในเต็นท์แพทย์ แล้วเขาจะต้องจำทำไมด้วยเล่า(!?)

"ฤกษ์"

"ผมไม่ไป!!"

"สนามฟุตบอลอยู่ทางนี้"

"!?"

"..."










"รู้แล้ว! ผมเดินมาตีโค้ง!!"
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 19-12-2020 21:42:33
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-12-2020 23:44:58
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2020 18:54:50
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-12-2020 08:02:04
เย้ ตามอ่านทันแล้ว สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-01-2021 23:57:06
น้องฤกษ์น่ารักเกิน  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-01-2021 18:42:26
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 15-01-2021 23:16:40
สนุกดี ติดตามนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: chompoo1997 ที่ 17-01-2021 16:07:45
ชอบมากก ทำไมเพิ่งมาเจออ ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะคะะ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-01-2021 22:36:40
คิดถึง :sad4:
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-04-2021 17:19:48
 :z13:รออ่านนะคับ
หัวข้อ: Re: ☆☆ฤกษ์มงคล☆☆ ●••••••••》ตอนที่28…เล่นบอลนะครับ! 19/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 29-05-2021 18:01:52
 :hao5:miss miss...