พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] #ครูครับอย่าก่อเรื่อง(ตอนที่4ผมมีเรื่องจะให้ช่วย/มีต่อ) 7-6-19
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: nym_nima ที่ 03-06-2019 18:44:41
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
-
[บทนำ-ครูครับอย่าก่อเรื่อง]
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ อะไรนะ ครูของเราจะขอลาออกอีกแล้วหรอ”
“ เฮ้อ ... นี่ก็คนที่ 2 ของเดือนแล้วนะ”
“ ช่วยทำอะไรหน่อยสิเชณ ครูเดี๋ยวนี้ก็หายากจะตาย”
เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ช่วงนี้ผมกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับครูในโรงเรียนที่จู่ ๆ ก็ขอย้ายออกไม่ก็ขอลาออกอยู่บ่อย ๆ ราวกับเป็นกระแสนิยมอะไรแบบนั้น แต่โชคดีที่เลขาของผมยังช่วยจัดการประสานงานไปทางกระทรวงและมหาวิทยาลัยต่างๆให้พอมีทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
“ ล่าสุดผมก็ประกาศลงในเว็บของโรงเรียนแล้วนะครับคุณวิท คงอีกไม่นานนักหรอกครับ”
“ จริงสิ ล่าสุดก็มีคนติดต่อมาอยู่นะครับ เห็นว่าจบมาจากคณะวิทย์กีฬา เคยทำงานเป็นเทรนเนอร์ 3 ปีกว่าเลยนะครับ คุณวิทสนใจไหม ?”
เชณเป็นเด็กหนุ่มใจเย็น ทำงานรอบคอบแถมมีลักษณะนิสัยที่เป็นมิตร ยิ้มแย้ม ทำให้ช่วยอะไรหลายๆอย่างได้เยอะเพราะครูอาจารย์ในโรงเรียนต่างพากันชื่นชมเขามากกว่าตัวผมที่เป็นผู้อำนวยการที่นี้เสียอีก บางทีผมก็แอบอิจฉาคุณเลขาคนนี้ซะจริงที่มีแต่คนรัก ผิดกับผมโดยสิ้นเชิง แต่ก็เอาเถ๊อะ..ผมพยายามเต็มที่แล้วนี้นะ
“ เชิญครับ”
เขาวางเอกสารและเรซูเม่ลงบนโต๊ะทำงานของผม ถึงข้อมูลแบบนี้ส่งอ่านทางเมลมันจะสะดวกกว่าก็เถอะ แต่บางทีผมก็ชอบอะไรที่มันเป็นกระดาษมากกว่าอยู่ดี
[ชื่อ นาย ภัครพงค์ อรุณเวศย์
อายุ 29 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย xxx คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
ประวัติการทำงาน
–เป็นผู้ฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาระดับจังหวัดและประเทศเมื่อปี พ.ศ. 25xx
-เป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส xxx เป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่ง ]
.......
....
..
ในความจริงแล้วประวัติและข้อมูลต่างๆของชายผู้สมัครคนนี้มีเยอะกว่านี้มาก เพียงแค่ผมขี้เกียจอ่านต่อก็เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนทิ้งรายได้ขนาดนั้นมาสมัครเป็นครูในโรงเรียนเอกชนเล็กๆแบบนี้ คิดแล้วก็น่าประหลาดใจเสียจริง
เอาเป็นว่าช่วงนี้ไหนๆคนก็ขาดอยู่ แถมประวัติการทำงานของเขาก็ดูไม่น่าเกลียดอะไร ลองมาสัมภาษณ์และให้ทดลองสอนดูก็คงไม่เสียหายอะไร... เด็กๆอาจจะชอบด้วยซ้ำที่มีครูใหม่ๆ อายุไม่เยอะมากมาเข้าสอน อีกอย่างหน้าตาเขาก็ไม่ได้แย่อะไร อยู่ในเกณฑ์สาวๆต้องเหลียวมองด้วยซ้ำไป
“ อืม.. เอาเป็นว่า คุณติดต่อมาเลยก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะสัมภาษณ์เขาเอง”
“ พรุ่งนี้เลยหรอครับ ?? งั้น...เดี๋ยวผมจัดการต่อให้ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณวิท ขอบคุณมากครับ”
“ ขอบใจมากที่ช่วย...”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นการแต่งนิยายใส่เว็บครั้งแรกของเราเลย ขอบคุณมากนะคะที่มาอ่าน แนะนำมาได้เลยนะคะ จะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ กำลังพยายามศึกษาวิธีใส่ตรงนู้นตรงนี้อยู่ แฮะๆ [ ‘3’]/ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่า
#ครูครับอย่าก่อเรื่อง
-
รอติดตามครับ
-
:pig2: :pig2: :pig2:
-
[เรื่องสั้น] #ครูครับอย่าก่อเรื่อง ตอนที่ 1 สัมภาษณ์งาน
-----------------------------------------------------------------------------------------------
“ขออนุญาตครับ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตู
“เข้ามาได้เลย”
ผมละสายตาจากโน้ตบุ๊กมองไปยังประตู ดูเหมือนว่าคนที่เชณพูดถึงเมื่อวานน่าจะมาถึงแล้ว ผมค่อยๆลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินไปนั่งรอบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนพลางหยิบเอกสารมาเตรียมไว้...ก็ไม่อยากให้มันดูทางการไปนี่ อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยชอบลุคผู้อำนวยการหน้าเข้มทำให้ลูกน้องหรือคนรอบตัวกลัวหรอกนะ
เขาเปิดประตูเข้ามาภายในทันทีหลังจากเสียงของผม ตัวจริงดูดีกว่าในรูปเสียอีก ทั้งตัวสูงและหุ่นดีตามสไตล์เทรนเนอร์ตามฟิตเนส ทำผมอดคิดเปรียบเทียบหุ่นตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ ถึงจะออกกำลังกายบ้าง เล่นเวทบ้างก็เถอะ แต่ด้วยอายุที่ขึ้นเลข 4 บวกกับไม่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอทำให้ค่อนข้างล้มเหลวหล่ะมั้ง แต่เอาเถอะถ้าดูผ่านๆผมก็ไม่ได้รูปร่างแย่อะไรขนาดนั้น
“สวัสดีครับคุณภัครพงศ์ เรียกผมว่าวิทก็ได้ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน xxx ครับ”
ผมลุกขึ้นจากโซฟานุ่มพลางยิ้มให้กับเขา ยื่นมือหนาไปจับมือของอีกฝ่ายพลางเขย่าเบาๆตามมารยาท ด้วยความที่คนตรงหน้าสูงกว่าผมหน่อยทำให้ต้องเงยมองเป็นระยะๆ
“อ..ครับ พงศ์ครับ เรียกพงศ์ก็ได้ครับ”
ดูท่าทางคนตรงหน้าเขาจะรู้สึกประหม่าพอสมควรหรือผมเผลอทำหน้าดุออกไปโดยไม่รู้ตัววะเนี้ย
“เชิญครับ.. จริงสิคุณจะดื่มอะไรไหม ชา กาแฟก็มีนะ บอกผมได้” ผมเอ่ยพลางทิ้งน้ำหนักตัวลงบนโซฟา
“ไม่เป็นไรครับ ผมพึ่งทานกับมื้อเช้ามา เออ..คุณจะสัมภาษณ์เลยหรือเปล่าครับ”
“ฮ่าๆ โทษที ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณเครียดเท่านั้นเอง...กระตือรือร้นกว่าที่คิดซะอีก”
เมื่อได้ยินประโยคจากปากของอีกฝ่ายก็ทำเอาหลุดขำออกมา ก็ปกติไม่เคยมีใครถามผมตรงๆแบบนี้นี่ สงสัยจะกลัวผมชวนคุยออกทะเลไม่เข้าเรื่องซักที
“งั้นเริ่มเลยก็แล้วกัน”
“คุณเคยทำงานเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสใช่ไหม ทำไมถึงลาออกมาสมัครที่ผมล่ะ เงินเดือนเยอะกว่าที่นี้ตั้งหลายเท่า”
“ผมอยากหาอะไรใหม่ๆทำดูหน่ะครับ ปกติทำงานสอนแล้วก็ดูแลแต่นักกีฬาผู้ใหญ่ ผมอยากลองทำงานกับเด็กๆครับ เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆอะไรแบบนี้”
“อืม...งั้นหรอ แล้วคุณแน่ใจหรอว่าเด็กๆจะต้อนรับคุณ เคยได้ยินหรือเปล่าว่าเด็กๆแสบแค่ไหน” ผมลองพูดแหย่ชายหนุ่มตรงหน้าไปอย่างอดไม่ได้ หวังว่าจะไม่หมดไฟซะก่อนนะ
"ครับ! ผมมั่นใจว่าจะรับมือเด็กๆได้ ไม่ต้องห่วงครับคุณวิท”
“แบบนั้นก็ดี” ผมยิ้มเล็กๆขึ้นมาเพราะสายตาเป็นประกายตรงหน้า เขาทำให้ผมนึกถึงสุนัขตัวใหญ่ที่กระดี้กระด้าเวลาได้ของเล่นเสียจริง หวังว่าเด็กๆจะไม่สร้างเรื่องให้กับเขา
“คุณมีที่พักหรือยัง ? โรงเรียนเรามีห้องพักให้ครูที่มาใหม่นะ แต่คุณต้องทำความสะอาดซะหน่อย เป็นห้องของคนที่พึ่งย้ายออกไป”
“มีแล้วครับ เป็นคอนโดใกล้ๆนี้เอง”
“งั้นหรอ ...จริงสิคุณเคยทำงานในฟิตเนสนี้เนอะ ไว้ว่างๆผมอาจจะจ้างคุณมาเทรนให้บ้าง”
“ด้วยความยินดีครับ แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่หรอครับ?”
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณมาเจอผมที่ห้องนี้ตอน 9 โมงแล้วกัน เดี๋ยวผมจะให้เชณพาสำรวจโรงเรียน แล้วก็ทำความรู้จักนักเรียนคร่าวๆ โอเคไหม?”
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณวิท”
“ฝากด้วยนะคุณครู” ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่หมดไฟไปเสียก่อนหากได้มาเจอเด็ก ๆ กับสถานการณ์จริง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ ครูครับ ?!!!”
“ไอ้พวกอาร์ตมันมีเรื่องอีกแล้ว !!”
นักเรียนชายคนหนึ่งผลักประตูกระจกห้องพักครูพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยท่าทีลุกลน แต่ถึงอย่างนั้นครูภายในห้องก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอาพร้อมกับเสียงงึมงัม ซุบซิบอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่..ใช่นี้เป็นเรื่องที่เกิดบ่อยๆจนครูแต่ละคนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวแล้ว มันเป็นแค่ความคึกคะนองของวัยรุ่นที่มีแต่เรื่องกับเรื่องเท่านั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แฮะๆ ติดตามการอัพได้ที่ทวิตเตอร์ Osakinima นะขราบ
เเต่เป็นแอคทวิตรวมทุกอย่าง อาจรีเยอะ ทำใจก่อนกดติดตาม 555555 ขอบคุณที่อ่านค่าา แนะนำได้นะคะล่าสุดใส่วันไปในหัวข้อเเล้ว
-
ช่วยลงวันที่อัพท้ายชื่อเรื่องหน้ากระทู้หลักให้ด้วยได้ไหมคะ ตามอ่านง่ายกว่า :pig4:
-
"ไหนพวกมันอยู่ไหน?!!"
"สนามบาสครับ'จารย์"
"คนอื่นไปเข้าห้องเดี๋ยวนี้!!! ใครไม่เข้าวิ่งรอบสนาม! "
สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายไปซะหมด ทั้งมหกรรมไทยมุงของนักเรียนและกลุ่มนักเรียนนักเลงเจ้าประจำที่เกาะกันอยู่บริเวณสนามบาส ชายหนุ่มอาจารย์ที่ปรึกษาคนหนึ่งรีบลงมาจากห้องก่อนจะตะโกนใส่นักเรียนที่มองลงมาจากตึกชั้น 2 และ 3
ดูเหมือนว่าวิธีนี้ก็ยังได้ผลอยู่ เด็กๆด้านบนรีบหลบเข้าไปภายในห้องเรียนโดยทันที อาจเพราะเคยมีเหตุการณ์ลงโทษที่เคยให้วิ่งแบบนั้นจริงๆ
กลางสนามบาสมีกลุ่มนักเรียนชายยื่นจ้องหน้ากันอยู่ประมาณ 4 5 คน หนึ่งในนั้นมีหัวโจกที่ใครๆก็รู้จักอย่าง'อาร์ต'
ด้วยความที่ที่นี้เป็นโรงเรียนเอกชน เด็กส่วนใหญ่ที่เข้ามาเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครองก็มักจะเป็นคนมีเงินทั้งนั้น แน่นอนเด็กบางคนก็นิสัยดีน่ารักไปเสียหมด ผิดกับบางคนที่เหมือนถูกเลี้ยงมาด้วยเงินอย่างเดียว อาร์ตก็เป็นหนึ่งในประเภทหลัง
ทุกครั้งที่มีเรื่องมีสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่าง
ส่วนใหญ่ก็เรียกร้องความสนใจ แกล้งเพื่อนเพราะความสนุกหรือแม้แต่เรื่องผู้หญิงที่คบไม่ซ้ำหน้าแล้วดันทำเขาท้องจนพี่หรือครอบครัวเขาตามมาเอาเรื่อง
พฤติกรรมหลายๆอย่างของนักเรียนคนนี้ทำครูอาจารย์หลายๆคนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวหรือดูแลใดๆ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เรียกทางผู้ปกครองมาคุยทุกอย่างก็ต้องจบด้วยอำนาจมืดของทางฝั่งนั้น ผ.อ.ตัวเล็กๆอย่างวิทจะไปสู้อะไรได้นอกจากคำว่า'ครับ'และปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป
"เชี่ย! 'จารย์มา "
กลุ่มเด็กผู้ชายที่ยืนตรงข้ามกับอาร์ตเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาผู้ชายเดินดุ่มๆมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด เด็กเหล่านั้นรีบวิ่งไปคนละทิศคนละทางเหลือแต่เจ้าประจำ
"ไง มีเรื่องอะไรอีกอาร์ต ?"
"พวกนั้นกวนประสาทผมอ่ะ'จารย์ ดีนะ'จารย์มาก่อนไม่งั้นพวกนั้นดั้งหัก กระดูกร้าวไปแล้ว"
"เออ ก็ดี ตามมาคุยที่ห้องพักครูด้วย"
"โหย อีกแล้วหรอ ผมไปจนเบื่อแล้ว 'จารย์ก็พูดแต่เรื่องเดิมๆอ่ะ ก็เห็นอยู่ว่าพวกนั้นมันหาเรื่องผมก่อน"
"ก็เราสร้างเรื่องเดิมๆตลอด แล้วจะให้ทำไง ขอการเรียนให้มันดีพอๆกับเรื่องแบบนี้บ้างเถอะ มาเลยตามมา"
"...."
สุดท้ายอาร์ตก็เงียบไม่ตอบอะไรกลับ เขาเบ้ปากเล็กๆพลางจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ทำไงได้ เขาไม่อยากให้ผู้ปกครอง แม่บ้งแม่บ้านมาแตกตื่นเพราะเขาแล้วนี่
--------------------
" ? "
หลังจากที่พงศ์เดินออกมาจากห้องของผู้อำนวยการได้ไม่นาน เขาก็สังเกตเห็นเด็กนักเรียนที่ยืนออกันบริเวณมุมตึก ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถามเด็กเหล่านั้นออกไปอย่างอดไม่ได้
"มีอะไรกันหรอนักเรียน?"
ร่างชายสูง180เซนกว่าๆก้มมองเหล่านักเรียนที่หันมามองด้วยท่าทีเหวอๆ อาจเพราะเขาพึ่งเข้ามาที่นี้วันแรก แถมเด็กๆก็ยังไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อยแต่ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าผมเป็นอาจารย์สายโหดแบบใครหลายๆหรือเปล่านะ
"อะ!? พวกผมมาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้แอบดูนะครั--"
"อาจารย์! ออ...ใช่ พวกหนูมาเข้าห้องน้ำเฉยๆค่ะ"
"เดี๋ยวสิเด็กๆ ...ครูไม่ได้จะทำโทษหรือดุอะไรเราเลย แต่ครูขอถามอย่างนึง ตรงนั้นเขามีอะไรกัน หืม?"
พงศ์ย่อตัวลงเล็กน้อยให้คุยกับเด็กๆที่สูงประมาณ 150 160 เซนติเมตรได้สะดวกมากขึ้นบวกกับไม่ทำให้เด็กรู้สึกกลัวเขา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดูเป็นมิตรทำให้เด็กๆคลายความกังวลได้มากทีเดียว
เด็กผู้หญิงผมสั้นม้าเต่อมองใบหน้าของชายหนุ่มพลางครุ่นคิดซักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมา
"อาจารย์พึ่งย้ายมาหรอคะ? แบบนี้ก็คงไม่รู้จักอาร์ตหน่ะสิ"
"อาร์ต? ตัวเด่นของที่นี้หรอ?"
นักเรียนทั้งสองหลุดขำออกมาเล็กๆอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าขี้สงสัยของคนตรงหน้า
"ฮ่าๆๆ ก็คงแนวนั้นล่ะค่ะ เขาชอบมีเรื่องกับเพื่อนๆไม่ก็คนด้านนอก หนูก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่"
"เป็นนักเรียนห้อง 3 หน่ะครับ เห็นว่า'จารย์ฝ่ายปกครองชอบเรียกตัวคุยบ่อยๆ แถมชอบมีเรื่องชกต่อยตลอดเลยเท่าที่ผมเห็น"
"อืมมม..งั้นเองหรอ ขอบใจมาก"
พงศ์พยักหน้าตอบรับคำตอบของทั้งสองเบาๆถึงจะเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆแต่ก็ทำเขารู้สึกคิดหนักพอสมควร หากเจอนักเรียนแบบนี้ในห้องจะหาวิธีแก้ยังไงดี
หลังจากบทสนทนาจบลงเขาก็แนะนำตัวเองไป ตั้งแต่เข้ามาภายในโรงเรียนนี่ก็ยังไม่ได้คุยกับเด็กๆจริงๆจังๆเลยนี่นะ
"จริงสิ ครูชื่อพงศ์นะ เร็วๆนี้จะมาสอนวิชาพละที่นี้ เจอกันก็ทักได้นะเด็กๆ"
"จริงหรอคะ ?! เพื่อนหนูต้องชอบ'จารย์มากๆแน่"
"ให้เกรดผมดีๆนะค้าบ-"
ดวงตาเป็นประกายของนักเรียนหญิงตรงหน้าพอทำให้พงศ์ดูออกว่าหลังจากนี้คงเอาไปเม้าท์กันภายในกลุ่มแน่ๆ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของทุกๆที่ล่ะมั้ง
"ฮ่าๆ จะเก็บไว้พิจารณา ไปเรียนเถอะ นี้ก็เลทมาซักพักแล้วนี้"
"งั้นไปก่อนนะคะ~ "
"สวัสดีครับ'จารย์พงศ์"
นักเรียนทั้งสองยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนจะรีบเดินกลับไปที่ห้องเรียนประจำ พงศ์ยืนมองแผ่นหลังที่ค่อยๆไกลออกไปพลางยิ้มขึ้นมาเล็กๆ
ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีของเขา....
หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลงเขาก็เดินกลับไปที่รถเก๋งญี่ปุ่นสีบรอนส์ที่จอดไว้ใกล้ๆกับห้องวิชาการ
"อ้าว ? ผมคิดว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก"
เสียงทักที่คุ้นเคยดังขึ้น พงศ์กวาดสายตามองก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของชายวัยกลางคน
"คุณวิท? ออ เมื่อกี้ผมยืนคุยกับเด็กๆนิดหน่อยหน่ะครับ"
"อืม..ดีๆ แล้วคุณจะกลับเลยหรือเปล่าล่ะ?"
"ครับ ผมจะกลับไปเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้"
"ผมชอบคนขยันอย่างคุณนะพงศ์ ขอให้สนุกกับการสอนล่ะ"
"จะพยายามครับ"
"งั้น..ผมขอตัวก่อนนะพงศ์"
"โชคดีครับ"
----------------------------------------------
ตอนแต่งรู้สึกยาวมาก แต่พอเอามาลงทีไรเหลือนิดเดียวทุกทีเลย ( ;´Д`)
จะพยายามนะคะะ /ทำเสียงเข้มแบบกระพงซัง /ฮา
-
ยังเดาทางไม่ออก..รอ
-
เช้าวันนี้ผมมาโรงเรียนเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เพราะมีนัดกับครูคนใหม่ที่จะเข้ามาฝึกสอน หลังจากที่จอดรถบริเวณหน้าตึกประชาสัมพันธ์เรียบร้อยแล้วผมก็รีบก้าวเท้าตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานทันทีเพื่อเก็บของและจัดเตรียมใบประเมินครูใส่แฟ้มใส เพื่อที่เวลาพงศ์เข้ามาจะได้ไม่เสียงเวลา
ระหว่างที่นั่งรอเวลานัดหมายผมก็เช็คอีเมล ตรวจเอกสารต่างๆไปตามหน้าที่ผู้อำนวยการ หลายๆคนมักบอกว่าเป็นงานสบาย สั่งคนนู้นคนนี้ทำก็ได้แถมได้ไปข้างนอกบ่อยๆ ไม่ต้องมาตามวุ่นวายกับนักเรียน
ผมล่ะอยากจะบ้าตาย ใครที่ไหนเป็นคนปลูกฝังความคิดแบบนั้นกันฟะ-
เอาตรงๆแล้ว ความจริงผมไม่ได้อยากจะมาอยู่ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่โตแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวแถมพ่อแม่สมัยผมก็ไม่ได้เปิดกว้างอาชีพอิสระอะไรเท่าไหร่ สุดท้ายภาระหน้าที่กิจการครอบครัวที่พ่อผมเป็นคนสร้างก็ต้องมาตกที่ผม
ผมรับหน้าที่นี้ต่อมาจากพ่อได้ประมาณสองสามปีแล้วแต่ดูเหมือนบุคลากร ครูอาจารย์ที่อายุมากกว่าผมและคนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อถือคุณศรัณ พ่อผู้แสนดีของผมซะมากกว่า อาจเพราะผมยังไม่มีผลงานอะไรเด่นๆแบบนั้นล่ะมั้ง อีกอย่างตอนเข้ามาแรกๆผมก็จัดการเปลี่ยนระบบการศึกษาเก่าๆในโรงเรียนไปซะวุ่นวายไปซะหมด คงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกเกลียดหน้าผม ฮ่าๆ
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ผมก็พยายามพัฒนา ปรับปรุงหลักสูตรและสภาพแวดล้อมต่างๆให้ดีเท่าที่จะดีได้ หวังว่าซักวันคนคงจะเข้าใจผมนะ...
“วันนี้มาเร็วนะครับ”
ระหว่างที่ผมเหม่อสลับกับดูเอกสารตรงหน้าเสียงประตูพร้อมกับใบหน้าประหลาดใจของเชณเลขาของผมก็โผล่ขึ้นมาคงเพราะปกติแล้วผมจะมาสายกว่านี้เกือบชั่วโมงกว่าๆเพราะบางงานมันจัดการที่บ้านก็ได้นี้นะ
“อืม มีนัดกับพงศ์หน่ะ วันนี้กะจะแนะนำโรงเรียนหลังจากนั้นก็ลองฝึกสอนดู”
“เรื่องแบบนี้คุณบอกผมก็ได้นี้ครับ
เชณตอบกลับมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงเพราะปกติงานเอกสาร ตอบรับการดูงานต่างๆที่มีก็เยอะจนไม่มีเวลาเดินไปไหนได้อยู่แล้ว
“ผมก็แค่อยากผูกมิตรกับคนใหม่ๆให้มากที่สุดแค่นั้นเอง นายก็รู้ว่าพวกอาจารย์ใกล้เกษียณพวกนั้นชอบปั่นหัวคนเรื่องผมมากแค่ไหน”
“ครับ ผมเข้าใจดี”
จะว่าไงดีล่ะ ผมก็อยากสร้างภาพลักษณ์ดีๆให้กับตัวเองเหมือนกันนี่...บางทีผมก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคจิตไปซะก่อน กลัวคนคิดอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งๆที่ความจริงอาจจะไม่มีอะไร ตีตัวไปก่อนไข้ กลัวคนเขาจะไปลับหลังอะไรเรื่อยเปื่อย บางวันผมดันเก็บเอาไปคิดเล็กคิดน้อยทำเอานอนหลับๆตื่นๆ
“จริงสิ วันนี้ร้านกาแฟประจำของคุณปิดนะครับ จะให้ผมไปซื้อร้านข้างๆให้ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยผมชงกินเองก็ได้”
ด้วยความที่เลขาคนนี้อยู่ทำงานกับผมมานานตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเป็นผู้อำนวยการ เขาจึงรู้การเสพติดกาแฟของผม ไม่รู้ว่าติดมันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าต้องกินมันเกือบทุกวันอย่างอดไม่ได้ จะไปซื้อร้านอื่นกินก็ไม่ชอบ ต้องร้านประจำที่เดิมตรงหน้าซอย 5 เท่านั้น
คิดแล้วก็ขำ แต่บางวันผมอดคิดไม่ได้จริงๆว่าไอ้ร้านนี้มันใช้น้ำกระท่อมชงกับกาแฟหรือเปล่า ทำผมติดเอาๆไม่อยากกินร้านอื่น
“คุณวิทครับ ผมขอพูดเรื่องนึงได้ไหมครับ”
“อืม..ว่ามา” ผมเลิกคิ้วมองใบหน้าของเชณพลางพยักหน้าเบาๆ
“ช่วงนี้อาจารย์หลายๆท่านอึดอัดกับปัญหาของเด็กคนนั้นพอสมควรเลยนะครับ ถ้าคุณปล่อยไว้แบบนี้ผมกังวลว่าจะไม่เป็นผลดีกับคุณ”
“เฮ้อ ชั้นรู้..แต่ทำไงได้ล่ะ ก็พ่อแม่เขา...”
เสียงถอนหายใจของผมดังออกมา หลุบสายตามองต่ำลงเล็กน้อย ผมรู้ว่ามันผิดก็จริงแต่ผมก็สู้อะไรเขาไม่ได้ ถ้าผมก้าวพลาดโรงเรียนแห่งนี้ก็มีอยู่ไม่กี่เส้นทาง ไม่ผมโดนเด้งด้วยข้อหาอะไรซักอย่างที่สร้างขึ้นก็โดนเขี่ยปิดที่แห่งได้ได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่ว่าผมไม่ทราบนะครับคุณวิท แต่นานๆไปเรื่องเงินมันจะมีปัญหาเอาได้”
“...”
ผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆเพราะเถียงอะไรไม่ออกเพราะพูดอีกก็ถูกอีก สรุปนี้จ้างมาเป็นเลขาหรือแม่วะเนี้ย...แต่ก็เอาเถ๊อะ ถือว่าช่วยเตือนๆกันไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไม่ทันไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมกับเชณหันไปมองบานประตูอีกรอบหนึ่ง
ใช่ เรามีนัดกับพงศ์ ลืมเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน...
“พงศ์เองครับ”
“เข้ามาเลย”
“สวัสดีครับคุณพงศ์” เชณเอ่ยทักพลางยกมือไหว้
“สวัสดีครับ? เอ่อ...ผมมาขัดพวกคุณหรือเปล่า”
เขารับไหว้พลางยิ้มๆให้ สายตาของพงศ์อ่านบรรยากาศของเราสองคนออก อาจเพราะหน้าผมเป็นพวกเก็บความลับไม่ค่อยเก่งเขาคงเห็นหน้าผมเครียด ๆ ล่ะมั้ง...ไม่แปลกที่เขาจะถามแบบนั้น
“ไม่เลยพงศ์ เราคุยกันเสร็จแล้ว...เชณไปเอาน้ำให้น้องหน่อยสิ”
เป็นสัญญาณรู้กันดีระหว่างผมกับเลขา มันเป็นประโยคแนวขอคุยเป็นการส่วนตัวไม่ก็ออกไปก่อนนะ แค่ดูซอฟกว่าก็เท่านั้น เลขาของผมพยักหน้าตอบรับเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“คุณโอเคไหมครับ มีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า สีหน้าคุณดูแปลกไป?”
และคำถามแบบเจ้าหนูจำไมก็เกิดขึ้น คนตรงหน้าผมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อบวกกับแววตาสงสัย ทำผมไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง
อยากจะดุก็ไม่ได้ หรือจะเบี่ยงเบนคำถามหรือตอบปฎิเสธก็ไม่ได้อีก เพราะแววตาและหน้าผมมันต้องสวนทางกับคำตอบแน่ๆ ผมนิ่งไปประมาณ 5 วิ คล้ายกับสมองดาวโหลดดิ่งก่อนจะตอบกลับไปด้วยคำเบสิคๆ
“เรื่องงานหน่ะ ไม่มีอะไร..เอกสารมันเยอะจนไม่รู้จะอ่านอะไรก่อน”
“หรอครับ เป็นคุณนี้ท่าจะเหนื่อยน่าดู”
ผมยิ้มแห้งๆให้กับคนตรงหน้าพลางส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้
หลังจากที่ถามสาระทุกข์สุกดิบกันจนเสร็จเรียบร้อยผมก็กลับเข้าเรื่องในวันนี้ แฟ้มใสที่จัดเตรียมไว้ถูกเอามาวางต่อหน้า ผมอธิบายนิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับเอกสารการประเมินครูภายใน
“อันนี้ใบประเมิน ให้นักเรียนในห้องเวลาคุณทำการสอน”
สำหรับผมแล้ว ความคิดเห็นจากตัวเองอย่างเดียวคงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ที่จะให้อีกฝ่ายเข้ามาทำงานเลย ผมจึงต้องขอความร่วมมือจากนักเรียนประเมินและเขียนความคิดเห็นมาด้วย
ถึงจะทำใจว่าต้องมีความคิดเห็นแนวๆ (อาจารย์หล่อมากค่ะ หนูชอบมาก ) ไม่ก็ (เห็นอาจารย์แล้วอยากเรียนด้วยเลยค่ะ) อะไรแนวๆนี้ก็เถอะ แต่ก็ยังดีที่นักเรียนอยากเขียนอะไรมาให้อ่านขำๆเล่น
“เดี๋ยวผมพาคุณเดินเล่นก่อนแล้วกัน ดีไหม จะได้คุ้นชินกับสถานที่”
ผมค่อยๆลุกจากเก้าอี้ทำก่อนก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายมารอหน้าห้อง เมื่อเห็นว่าประตูปิดเรียบร้อยแล้วเขาก็พาชายหนุ่มเดินลงจากตึกอาคารวิชาการก่อนจะลัดเลาะไปตามถนนของโรงเรียน ระหว่างที่เดินเสียงสวัสดีของนักเรียนก็ดังเป็นระยะๆที่ผ่าน ผมส่งรอยยิ้มให้กับเด็กๆพลางพงกหัวเบาๆเชิงรับรู้
ด้วยความที่โรงเรียนของเราพื้นที่ไม่ได้มากมายนัก ทำให้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มที่เดินข้างๆพยักหน้าตอบรับเกือบทุกครั้งที่ผมอธิบายรายละเอียดอีกทั้งถามคำถามจุกจิกแล้วก็เรื่องที่ไม่เห็นเกี่ยวกับโรงเรียนตรงไหน ซ้ำจะมาถามเรื่องผมคล้ายตีสนิทด้วยซ้ำอย่างเช่น
เคยมีครูผู้หญิงมาปลื้มไหมครับ
เด็ก ๆ ที่นี้กลัวคุณหรือเปล่าครับ
หนักสุดก็คงจะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ผม ให้ตายสิอยากรู้อะไรนักหนา แต่ประเด็นคือผมก็ดันบ้าจี้ตอบเจ้าเด็กนี้ไปเกือบหมด น่าตลกสิ้นดี
ไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนคิดคำถามได้เยอะแยะขนาดนี้...ปกติแทบไม่มีใครกล้าถามมากขนาดนี้แม้กับเลขาที่ว่าสนิทด้วยซ้ำ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาผ่านไปซักพักหนึ่ง ผมแยกกับพงศ์ ปล่อยให้เขาลองเข้าไปฝึกสอนในห้องเรียนจริงๆดูส่วนผมก็กลับมานั่งเคลียเอกสารภายในห้องทำงาน วันนี้ผมให้เขาลองไปสอนนักเรียน ม. 4 กับ ม. 5 ห้องสองห้องดู เอาแบบให้ซอฟๆให้เขาพอปรับตัวได้ก่อน
ระยะเวลาสองสามเดือนที่มีครูออกไปทำผมคิดหนักเกี่ยวกับภาระหน้าที่ของตัวเองว่าทำมันดีพอหรือยัง เมื่อมีครูคนใหม่เข้ามาผมก็อยากที่จะทำให้เต็มที่ที่สุดล่ะมั้ง
ผมพยายามดูแลครูเดิม ใส่ใจมากขึ้นไม่ให้งานจุกจิกวุ่นวายมากเกินไปจนรบกวนการสอน โชคดีที่เราเป็นโรงเรียนเอกชน เรื่องบางเรื่องเวลาเปลี่ยนแปลงจึงไม่กระทบกับงานส่วนอื่นหรือต้องยื่นเรื่องใหญ่โตวุ่นวายซักเท่าไหร่
ยิ่งคิดเรื่องจุกจิกแบบนี้ก็ทำเอาหัวหมุนไปหมด สุดท้ายผมก็ต้องพึ่งตัวเลือกสุดท้าย มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยก่อนจะโทรออกไปอย่างโดยเร็ว เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายผมก็เอ่ยบอกไปทันที
“ฮัลโหลเชณ ไปซื้อกาแฟให้ที ขี้เกียจชงแล้ว”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้พยายามจัดหน้าเผื่อจะอ่านง่ายขึ้นมานิดนึงค่ะ ที่เเสนเศร้าคือจัดในเวิร์ดพอลงในนี้วรรคหายไปเฉย เเง
ขอบคุณที่เข้ามานะคะ ติชมได้เลย เราจะเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
-
เอาใจช่วยคุณ ผอ. :katai2-1:
-
ในที่สุดงานเอกสารของวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอเงยมองนาฬิกาภายในห้อง นี้ก็ปาไปทุ่มครึ่งแล้ว ผมเอนหลังพิงพนักของเก้าอี้ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาพักซักห้านาทีแต่ยังไม่ทันจะได้พักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ในตอนแรกกะจะให้เสียงนั้นเงียบไปเอง แต่ไป ๆ มา ๆ ผมก็ทำไม่ไหวเสียเองจึงหยิบมันขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
พงศ์ ?
ผมใช้นิ้วเลื่อนรับสายทันทีพร้อมกับร้อยพันคำถามในหัว
(เขาจะมีปัญหากับนักเรียนหรือเปล่า)
(จะทนหัวหน้าหมวดได้หรือเปล่า)
(สอนวันนี้ราบรื่นดีไหม)
(และอื่น ๆ อีกมากมาย)
สุดท้ายผมคิดว่าหากเขามีปัญหาอะไรก็คงเอ่ยปากบอกเองนั้นแหละ เราไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาเหมือนเด็กๆพึ่งจบก็ได้นี่หว่า...
“ฮัลโหล วิทพูดครับ”
มันอาจจะดูทางการไปหน่อย แต่นั้นแหละนิสัยผม
“สวัสดีครับคุณวิท พงศ์เองนะครับ...”
น้ำเสียงของเขายังคงร่าเริงดังเดิม ผมพอเดาออกว่าวันนี้ของเขาผ่านไปได้ด้วยดี
“เป็นไงสอนวันแรก ดีไหม ?”
“ครับ เด็ก ๆ น่ารักมากเลย ตอนแรกผมคิดว่าจะแย่แล้วซะอีก แต่ตั้งใจเรียนกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
“ผมฝากใบประเมินไปกับคุณเชณ ไม่ทราบว่าคุณได้รับหรือยัง ? ผมฝากเขาไปเมื่อตอน 4 5 โมง”
“แป๊ปนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็รีบลุกพรวดพราดไปดูในกล่องเอกสารแถวชั้นวางหนังสือทันที ผมมัวแต่สนใจอันอื่นจนเกือบลืมมันสนิท เมื่อเห็นกระดาษปึกหนึ่งที่หัวข้อเขียนว่าการประเมินครูก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
“เจอแล้ว ๆ ไม่ต้องห่วง ถ้ามีเวลาผมจะเอามาอ่านคอมเม้นต์ของนักเรียน”
“ครับ จะว่าไปคุณยังไม่กลับอีกหรอ นี้ก็จะ 2 ทุ่มแล้วนะ”
“พึ่งเคลียเอกสารเสร็จเอง”
“คุณคงยังไม่ได้ทานข้าว คือ...สะดวกไหมครับ”
“...”
สะดวก ? สะดวกอะไร
ผมเงียบไปซักพักพลางครุ่นคิดและอยากฟังประโยคต่อมาของปลายสาย ถึงจะพอเดาออกแต่ก็ไม่น่าใช่หรอก พึ่งรู้จักกันไม่กี่วันแถมยังไม่เข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำจะชวนไปทานข้าวด้วยมันดูสนิทง่ายไปหรือเปล่า
ก็อย่างว่าผมเป็นพวกคิดเยอะแถมไม่ค่อยจะสุงสิงอะไรกับใครเท่าไหร่ มันจึงเลยเป็นเรื่องแปลกสำหรับตัวผม
“ค...คือผมอยากชวนคุณไปทานข้าวด้วย ได้หรือเปล่าครับ ?”
ดูเหมือนว่าไอ้การที่ผมเงียบไปมันทำให้อีกฝ่ายเขวไปเล็กน้อย แต่มันก็แค่เล็กน้อยจริงๆนั้นแหละ ถึงตอนนี้ผมจะไม่เห็นหน้าของคู่สนทนาแต่ก็พอเดาได้ว่าต้องทำหน้าเป็นกังวล เลิกคิ้วทรงสามเหลี่ยมนั้นขึ้นเพราะความไม่มั่นใจอยู่แน่ๆ นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“เอาสิ มีร้านแนะนำไหมล่ะ อ้อ...ผมไม่ทานอาหารเผ็ดนะ”
“มีครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงเรียนใช่ไหม เดี๋ยวผมไปรับ”
“ห..ห๊ะ? ผมไปเองได้คุณไม่ต้องมา...หรอก...อ้าว???”
คนบ้าอะไรคิดจะวางสายก็วาง นี้เจ้านายนะโว้ยยยยยย ผมเบ้ปากพลางบ่นพึมพำอย่างอดไม่ได้ ในเวลานี้คงได้แต่เก็บของและรออีกฝ่ายอย่างเดียว หลังจากเก็บเอกสารที่สำคัญและโน้ตบุ๊กใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลุกมาเอนหลังนอนบนโซฟาขนาดนั่งสองคนรอให้พงศ์โทรหา
Zzzzz
-------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ผมหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดัง อาจเป็นผลจากการอดหลับอดนอน ไม่ก็นอนวันละไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อวันของผม ไม่รู้ว่าผมเอาชีวิตรอดจากตรงนั้นมาได้ยังไงกัน
“คุณวิทครับ ?”
“อือ..แม่ครับ..งืมม 5นาทีเอง” ด้วยความเคยชินที่แม่ผมชอบมาปลุกบ่อยๆทำให้ผมคิดว่าคือแม่หน่ะสิ
“ไม่ได้นะครับคุณวิท”
เสียงปลุกน่ารำคาญบวกกับเสียงหัวเราะในลำคอนั้นทำผมที่กำลังเคลิ้มๆในห้วงนิทราตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมามองใบหน้าของคนที่มาปลุก เรามองหน้ากันซักพักหลังจากที่สติกลับมา ผมก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาตัวเล็กนั้น ผมได้แต่สถบและกรีดร้องในใจอย่างอดไม่ได้ (ถึงตอนนี้ผมอาจจะทำหน้าเหวอๆออกไปก็เถอะ)
หมดกันลุคผู้อำนวยการคูล ๆ เข้ม ๆ ที่ทุกคนเห็น
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาปลุกคุณแบบนี้ พอดีผมโทรมาตั้งหลายครั้งแต่คุณก็ไม่รับซักที”
“คิดว่าคุณไม่พอใจอะไรผมซะอีก ไม่คิดว่าคุณหลับ”
คิ้วทั้งสองข้างของผมขมวดเข้าหากัน มือรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแจ้งเตือน
สายที่ไม่ได้รับ 5 สาย พงศ์...ให้ตายสิ หลับลึกเกินไปแล้วเรา
“อ..เออ ไปเลยไหม ผมเก็บของหมดแล้ว ปะ เดี๋ยวไปรอข้างนอกห้องนะ”
ผมรีบเอ่ยตัดบทสนทนาก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินดุ่ม ๆ ออกนอกห้องทันทีด้วยความรู้สึกเขินอาย ?
---------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายผมก็ยอมนั่งรถของชายหนุ่มแต่โดยดี ด้วยความที่ไม่รู้จักร้านที่อีกฝ่ายบอกแถมพงศ์หาเหตุผลร้อยแปดพันอย่างมาบ่ายเบี่ยงผมจึงตัดปัญหาเหล่านี้ด้วยการมานั่งรถของเขา แต่นั้นก็แค่จุดเริ่มต้นก็เท่านั้น...
“เนี้ย ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะหลับในเฉยๆ ไม่มีเหตุผลอื่นเลย”
“ถ้าขับ ๆ อยู่แล้วคุณวูบขึ้นมาจะแย่เอานะครับ”
“วันไหนคุณง่วงก็บอกผมได้ เดี๋ยวขับไปส่งที่บ้านให้ ได้ยินจากเชณว่าอยู่แถวๆนี้นี่ครับ”
“รู้แล้วน่า ขับไปเถอะ”
โอเค น่าดีใจจริงๆ ผมได้แม่เพิ่มมาอีกหนึ่งรวมเป็นสามคนแล้วตอนนี้ ไม่ว่าจะเชณหรือพงศ์ก็ทำตัวคล้ายๆกัน จะห่วงอะไรกันนักหวาวะเนี้ย
ผมเท้าคางมองออกไปข้างนอกกระจกรถดูแสงสีแหล่งค้าขายกลางเมืองใหญ่แห่งนี้ ถึงนี้จะเริ่มดึกแล้วแต่คนก็ยังเดินพลุกพล่านเต็มไปหมด หวังว่าร้านที่ไปคนคงจะไม่เยอะนะ...
ไม่นานนักรถของพงศ์ก็จอดบริเวณลานกว้างของร้าน ๆ หนึ่งดูผ่าน ๆ ผมไม่คิดว่าจะมีร้านอาหารอยู่ในซอยเล็กๆแบบนี้ด้วยซ้ำ ด้วยความที่ซอยนี้เล็กไม่พอที่จะให้รถยนต์เข้าไปภายในได้ พวกเราจึงต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 30 เมตร
“หิวหรือเปล่าคุณวิท”
“ไม่มากหรอก”
“คุณดูเพลียๆนะ ทานข้าวเสร็จให้ผมไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“แต่ผมเป็นห่วงคุณนะครับ”
“????”
ระหว่างที่เดินพงศ์มองหน้าของผมเป็นระยะ ๆ เขาอาจจะกลัวว่าผมเดินตามไม่ทันซึ่งนั้นก็พอเข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือเขาชอบหันมาพูดอะไรแปลกๆใส่ ผมพอเดาได้ว่าเขาเป็นคนเทคแคร์คนเก่งแต่ดูยังไง ๆ มันก็เหมือนคนจีบกันชัดๆ พ่อหนุ่มนี้รุกแรงใช่เล่น เขาดูไม่กลัวสายตาที่ผมจะมองแปลกไปเลยแม้แต่น้อย
ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เดินมาไม่นานก็ถึงร้านอาหารที่อีกฝ่ายว่า ผมพึ่งรู้ว่าที่นี้มีแม่น้ำเล็กๆ ร้านอาหารที่เรามาเป็นแนวร้านอาหารญวนโบราณ ดูภายนอกเหมือนเป็นเรือนไม้เก่าประดับด้วยกระจกใสให้มองเห็นภายใน วิวข้างร้านเป็นแม่น้ำที่ชาวบ้านแถวนี้ใช้ตกปลากัน ถึงทุกอย่างจะดูเก่าแต่มันก็ได้รับการดูแลอย่างดี บรรยากาศรอบ ๆของร้านทำให้ผมลืมเรื่องจุกจิกเมื่อกี้ไปสนิท
ไม่ทันไรก็มีคุณป้าอายุประมาณ 60 มายืนต้อนรับพลางกล่าวทักทายชายข้าง ๆ ผมราวกับสนิทกันมานานแสนนาน ผมส่งยิ้มเล็ก ๆ พลางยกมือไหว้ให้กับผู้หญิงตรงหน้า
“สวัสดีครับคุณป้า”
“พงศ์ มาแล้วหรอ? ป้าจองโต๊ะให้เราไว้แล้ว เชิญเลย ๆ”
“นี้เจ้านายผมเอง คุณวิท”
“หน้าตาดีกว่าที่ป้าคิดซะอีก ฮ่าๆๆ ขอบคุณที่มานะพ่อหนุ่ม”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณป้าก็ชมเกินไป”
“ปะ กินข้าวกัน”
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียงเวลา คุณป้าคนนั้นเดินนำพวกผมไปยังโต๊ะไม้ติดกับระเบียง ดูเหมือนว่าตรงนี้จะเป็นมุมที่เห็นวิวได้ชัดและดีที่สุด...ผมได้แต่คิดว่าสองคนนี้ไปคุยอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าถึงได้จัดเตรียมการขนาดนี้
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะหนู ที่นี้อร่อยทุกอย่าง สูตรดั่งเดิมแบบที่คุณตาคุณยายป้าสอนมาเลย”
เมนูเล่มโตถูกวางลงบนโต๊ะ ผมยิ้มออกมาพลางเปิดดูอย่างสนใจเพราะมีเมนูแปลกๆที่ผมไม่เคยได้ลิ้มลองอยู่มากมายทีเดียว ปกติผมเป็นพวกติดบ้าน ไม่ค่อยได้มาทานอาหารข้างนอกแบบนี้ซักเท่าไหร่ มาร้านนี้ก็เหมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาพอสมควร...
“เอากุ้งพันอ้อย ขนมเบื้องญวนครับ”
“เออ...เมนูอันนี้คืออะไรหรอครับ”
ด้วยความที่ผมไม่ค่อยมั่นใจว่ามันออกเสียงยังไงจึงชี้ชื่อเมนู Cha Ca Thang Long ให้กับคุณป้าที่รับออเดอร์
“เป็นปลาหมักเครื่องเทศผัดกับเครื่องสมุนไพร อร่อยนะหนู เป็นเมนูยอดนิยมเชียวนะ”
“งั้นเอาอันนี้ด้วยครับ”
“แล้วคุณจะทานอะไรพงศ์ ? โทษที ผมสั่งไปซะเยอะเลย”
รู้ตัวอีกทีผมก็สั่งไปตั้งสามอย่างแล้ว หากกินไม่หมดค่อยห่อกลับบ้านก็แล้วกัน
“ไม่เป็นไรครับ ที่คุณวิทสั่งก็พอแล้ว” เขายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปหาคุณป้าคนนั้น
“ขอข้าวเปล่าสองจานนะครับ”
“จ้า อาหารรอซักครู่นะพงศ์”
คุณป้าเดินตรงดิ่งไปที่ครัวหลังร้านพร้อมกับใบออเดอร์ของโต๊ะเรา ระหว่างรออาหารผมเท้าคางมองชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามอย่างอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงอยากทำตัวสนิทสนมแบบนี้กับผมนัก
“เอ่อ..รู้จักนักเรียนชายที่ครูในหมวดชอบพูดถึงกันหรือเปล่า”
ผมเอ่ยชวนเขาคุยไประหว่างรออาหาร บรรยากาศแบบนี้ต่างคนต่างเงียบแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์กันคงอึดอัดน่าดู
“ครับ ? ใช่เด็กที่ชอบมีเรื่องบ่อยๆหรือเปล่า”
“อืม...นายคงได้ยินมาบ้างแล้วสิ”
“นักเรียนบางส่วนเล่าให้ผมฟังแล้วล่ะ”
“คือ...แบบ พอจะช่วยหน่อยได้ไหม ช่วยปรับนิสัยเด็กคนนั้นได้หรือเปล่า?”
“ขนาดนั้นเลยหรอครับ ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่นักเรียนคนเดียวก็ทำคุณหนักใจได้”
“ก็ใช่แหละ แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพของเด็ก มันเกี่ยวกับปัญหาผู้ปกครอง เรื่องเงิน และอื่นๆด้วย ผมอยากจบเรื่องนี้”
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น...ผมช่วยก็ได้ แต่ขอค่าเหนื่อยเพิ่มได้ไหมครับ”
“...” ผมหรี่ตามองคนตรงหน้าเล็กน้อยอย่างตงิดใจ
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”
“เดี๋ยวเถอะ มันน่านัก” ผมแกล้งทำเสียงดุๆใส่คนตรงหน้าก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อย
“คุณไม่ต้องห่วงนะครับ เด็กแบบนี้ผมเข้าใจ...”
“ขอบใจ...แต่ถ้ามันหนักไปก็บอกผมได้”
“ไม่เลย ผมยินดีที่จะช่วยคุณ นะครับคุณวิท”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ยังไม่จบมีต่อนะคะ อุอิอุอิ คิดว่าจะได้อัพอีกน่าจะสัปดาห์หน้าเลย เริ่มมีงานนู้นนี้เข้าถาโถมเข้าหาเเล้วค่ะ /ฮ่า