พิมพ์หน้านี้ - คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: sawapalm ที่ 05-05-2019 21:40:53

หัวข้อ: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 05-05-2019 21:40:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 05-05-2019 21:53:44
(https://www.img.in.th/image/EsxTyw)




คลื่นแม่เหล็ก

คุณเคยเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม?
ผมไม่เคยเชื่อ  จนกระทั่งวันนี้...

วันนี้...ที่สบตากับเขา​ครั้งแรก
วันนี้...ที่เขาทำให้รู้ว่ารักแรกพบมีจริง
วันนี้...ที่จะต้องเป็นวันตายของเขา...ด้วยมือผมเอง



บทนำ




ครั้งแรกที่ได้สบนัยน์ตาสีเขียวสดใสคู่นั้น คือวินาทีที่โลกของเขาเหมือนหยุดหมุน​ ทุกเสียงเหมือนหยุดชะงัก​  มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังดั่งกลองศึก​ เขาไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาคู่นี้ได้​ คู่ที่เขารู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนผืนป่า​ มากกว่างดงามแข็งแกร่งดั่งมรกต​ สีเขียวที่สดใสแม้จะอยู่ท่ามกลางห้องอับชื้นกลิ่นคาวคละคลุ้ง​ หรือท่ามกลางใบหน้าที่อาบไปด้วยสีเลือด​ เขาอยากรู้จัก​ อยากรู้ว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้​ จะอบอุ่นอ่อนโยนดั่งที่เขาคิด​ หรือแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้ใครหน้าไหนดั่งที่ตาเขาเห็น​ คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่...


"หัวหน้าครับ"


เสียงเรียกของคนข้างกาย​ ปลุกเขาขึ้นมาจากมนต์เสน่ห์ตรงหน้า​ เขาหลุบตาลงตั้งสติ​ หายใจเข้าลึกๆ​ ก่อนจะลืมตาจ้องมองอีกครั้ง... บ้าชะมัด​ เขาเม้นปากอย่างอดกลั้น​ เสียงภายในหัวตีกันมั่วไปหมด​ เขาควรเชื่อสัญชาตญาณหรือหลักฐานดีล่ะ​ คนคนนี้เป็นคนดี​ หัวใจเขาบอกแบบนั้น​ แต่...


"หัวหน้า..."


เราปล่อยคนทรยศไปไม่ได้...

เขาสูดหายใจเขาลึก​ จ้องดวงตาคู่นั้นไม่ละไปไหน


"อืม... ลงมือได้"


แก๊ก...ปัง!!!



เขาจ้องดวงตาคู่นั้น​
จ้อง... ให้นานสุดก่อนที่จะไม่มีโอกาส​
จ้อง... แม้หูจะได้ยินเสียงมัจจุราชสีดำดังบาดหู
จ้อง... แม้จะเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากอกข้างซ้ายของคนคนนั้น
จ้อง... จนกระทั่งดวงตาคู่นั้นหม่นแสงและหลับลงไปและคงไม่ได้ลืมขึ้นมาอีกตลอดกาล​ น่าขันทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนถูกยิง​แท้ๆ​ แต่อกข้างซ้ายมันกลับเจ็บเหมือนโดนกระชากดึงไปอย่างแรง​ เจ็บ...เหมือนเขาได้ตายตามเจ้าของดวงตาคู่นั้นไปด้วย




*******************************************

สวัสดีค่า​ เป็นนักอ่านมานาน​ วันนี้เลยขอตัวมาเป็นคนเขียนบ้าง​ ฝากนิยายเรื่องแรกของเค้าด้วยนะ​ ติชมได้เลยจ้าาา

ปล.ถ้ามีคำผิดขออภัยเป็นครั้งแรกที่พิมพ์ในโทรศัพท์​เหมือนกันค่า

สัญญาจะอัพจนจบ  อย่าหนีทิ้งเค้ากันไปก่อนน้าา // อ้อนวอน

Taaeng

หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : คลื่นที่​ 1
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 05-05-2019 21:59:54
คลื่นที่​ 1



ปัง!


แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก


เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างหนักหน่วงภายในห้องกว้างสีขาว สายตาเรียวกวาดมองรอบห้องที่คุ้นตาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก...ไม่ใช่ห้องนั้น เจ้าตัวลูบอกปลอบหัวใจที่ยังคงเต้นดังไม่ยอมหยุด เหลือบตามองนาฬิกาเรือนหรูข้างฝาผนังก่อนจะจิ๊ปากไม่สบอารมณ์...ตีสาม เขาสะดุ้งตื่นเวลาเดิมซ้ำๆ มาสามวันแล้ว เป็นสามวันที่ฝันวนเวียนอยู่แต่กับเหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำๆ เหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเขารู้สึกวูบโหวงแบบไม่ทราบสาเหตุ...ไม่สิ พยายามไม่อยากทราบสาเหตุต่างหาก

ไวเทลเสยผมชื้นเหงื่ออย่างหงุดหงิด ก่อนจะใส่สลิปเปอร์สีขาวข้่างเตียงลุกเดินไปยังมุมห้องที่มีตู้เย็นสีขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มือเรียวเปิดตู้เย็นที่ภายในมีแต่ขวดน้ำเปล่าอยู่สี่ห้าขวดซึ่งไม่เข้ากับตู้เย็นยี่ห้อดังขนาดใหญ่เลยสักนิด สงสัยพรุ่งนี้ต้องหาอะไรมาเติมบ้างแล้วละ เขาคิดในใจก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำยกขึ้นดื่ม


!!!!


ไวเทลเบิกตากว้างจ้องมองสิ่งที่นั่งอยู่บนหลังตู้เย็นใหญ่ยักษ์อย่างนิ่งงัน ดวงตาสีเขียวสดใสในความฝันจ้องมองตอบเขากลับมา รอยยิ้มค่อยๆ ถูกแสยะกว้างขึ้นอย่างยินดี มันกว้างขึ้นเรื่อยๆ กว้างจนใบหูที่ขาดแหว่ง มือขาวซีดที่นิ้วมือบิดหักงอผิดรูปค่อยๆ ล้วงเข้าไปในท้องที่มีแผลเหวอะหวะจนเห็นซี่โครงแถบทุกซี่ มือนั้นคว้านรอบๆ ท้องช้าๆ จนได้ยินเสียงเฉอะแฉะดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะหยิบลำไส้ยาวเฟื่อยยื่นออกมาตรงหน้าเขา ไวเทลเบิกตาที่กว้างอยู่แล้วกว้างขึ้นไปอีก น้ำที่ถูกกระดกยกสูงในทีแรก ถูกปล่อยร่วงพื้น ปากอิ่มที่อ้ากว้างอยู่แล้ว ก็อ้าหุบอ้าหุบไม่หยุด เหมือนอยากเปล่งเสียงร้องแต่กลับไม่มีเสียงออกมาเลยสักนิด สมองขาวโพลสติหลุดไปไกล


"กะ... กินไส้ ทะ.. แทนน้ำไหม"


เสียงแหบพร่าดังก้องชวนขนลุกพร้อมกับยื่นมือข้างที่ถือไส้เข้ามาใกล้หน้าเขามากขึ้นอีก ไวเทลสะดุ้งสุดตัว เท้าสวยที่ใส่สลิปเปอร์ก้าวถอยหลังเตรียมหนี แต่ด้วยความไม่ระวัง​ ไวเทลเหยียบน้ำที่อยู่บนพื้นลื่นหงายหลังอย่่างไม่ทันตั้งตัว



ตึง!!!



หูได้ยินแต่เสียงวิ้งดังไม่หยุด ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดดับลง สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือดวงตาสีเขียวทอประกายยินดีคู่นั้น... ฝัน ใช่แล้วมันคือความฝัน!! นั่นคือสิ่งที่เขาคิดก่อนสติจะดับวูบลงไป


ภายในห้องสีขาวกว้างใหญ่เงียบกริบมีแต่เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ติ๊ก บอกเวลาตีสามสามนาที สายลมเย็นเยือกพัดไหวโอบรอบร่างชายหนุ่มร่างโปร่งบาง ที่นอนหมดสติอย่างแผ่วเบาคล้ายปลอบโยนคนงาม เจ้าของดวงตาสีเขียวยืนมองจากปลายเท้าเรียวทอประกายลึกลับวูบหนึ่ง


"เจอกันอีกแล้วนะ"


กับผีน่ะสิ!!!! นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ไวเทลคิดก่อนสติจะดับวูบลงจริงๆ


----------------------------------


ก็ผีน่ะสิ ถ้าอีพี่พูดได้คงบอกแบบนี้ 555

และนี่คือคำทักทายแรกที่พระนางเขาทักทายกันล่ะค่าาา โคตรน่าประทับใจ มีใครให้มากกว่านี้ไหม 55555555555

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : คลื่นที่​ 2
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 06-05-2019 21:41:23
คลื่นที่​ 2



แสงแดดที่รอดผ่านม่านสีขาวมุกกระทบกับเปลือกตาที่ปิดสนิท จนเจ้าของต้องหยีตาหันหน้าหนีแสงอย่างรำคาญ แต่ความเจ็บจี๊ดที่เกิดขึ้นทันทีที่หันหน้า ทำให้คนนอนหลับค่อยๆ รู้สึกตัว มือเรียวยกขึ้นลูบต้นคอที่เจ็บอย่างมึนงง สติของคนพึ่งตื่นยังไม่เข้าตัวดี เขารู้แค่ปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการนอนบนพื้นมาเป็นเวลานานเท่านั้น


...นอนบนพื้นงั้นหรอ


ไวเทลสะดุ้งขึ้นมานั่งเบิกตาโต​ มองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง​  และค่อยๆหันกลับมาช้าๆ อย่างประหม่า เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไรผม​ทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นเฉียบ​ เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำจนเจ้าของยังได้ยิน เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปบนตู้เย็นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับภาวนาให้เรื่องเมื่อคืนคือความฝัน


ไม่มี...


ความว่างเปล่าบนหลังตู้เย็นทำให้ไวเทลเป่าปากอย่างโล่งอก หัวเราะขำใส่ตัวเองเล็กน้อย ฝันประหลาดชะมัด ผีมีที่ไหน แถมยังมาละเมอนอนอะไรบนพื้น ท่าทางช่วงนี้เขาจะทำงานมากไปจริงๆ คงต้องหาเวลาพักเหมือนที่มือขวาบ่นให้เขาฟังทุกวี่ทุกวันแล้วล่ะ

ไวเทลเหลือบมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลา เจ็ดโมงเช้า ยังดีที่นาฬิการ่างกายเขายังดีอยู่ แม้จะปวดเมื่อยแต่ก็ยังตื่นเวลาเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับจับต้นคอและหมุนไปมาไล่ความเมื่อยขบ


ภายในห้องน้ำหรูขนาดกว้างก็ยังเป็นโทนสีขาวไม่ต่างจากข้างนอกนัก เขาถอดเสื้อผ้าชุดนอนสีครีมลงตะกร้าก่อนจะเดินไปข้างในสุดของห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำขนาดที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สามคนลงไปนอนเล่นได้สบายๆ ควันที่ลอยมาจางๆ สื่อให้รู้ว่าน้ำอุ่นกำลังดี ขาเรียวก้าวเข้าไปนอนพิงขอบอ่างให้ร่างกายตั้งแต่ใต้ไหปลาร้าจมลงน้ำอุ่นแล้วรับตาพริ้ม

ความเมื่อยขบที่มีเริ่มทุเลาลงไปบ้างเมื่อสัมผัสน้ำอุ่น การตื่นนอนโดยมีน้ำอุ่นที่รออยู่แล้วไม่ต้องเปิดให้เสียเวลา มันถูกใจเขาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ พูดได้เต็มปากเลยว่า อ่างอาบน้ำราคาแพงที่มีระบบตั้งเวลาเปิดน้ำเองอัตโนมัติ ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินเลยสักนิด แถมออฟชั่นเสริมแบบน้ำวนเบาๆ อย่างตอนนี้ก็ทำให้เขาผ่อนคลายสุดๆ เขาชอบเวลาอาบน้ำแบบตอนนี้ที่สุดจริงๆ

ขณะที่ไวเทลกำลังแช่น้ำอย่างมีความสุข อยู่ๆ สัญชาตญาณของเขาก็กู่ร้องถึงอะไรบางอย่าง เขาลืมตาเพ่งมองไปข้างหน้าทันที แต่กระเบื้องสีขาวสะอาดตาคือสิ่งแรกที่เขาเห็น ชายหนุ่มถอนหายใจใส่ตัวเองเบาๆ ท่าทางเขาจะคิดมากเกินไป ต้องโทษความฝันเมื่อคืนเลย

"ผีมีจริงซะที่ไหน บ้าบอชะมัด"















"มีสิ แถมหล่อมากๆด้วยนะ"


!!!!!!


เสียงทุ้มขี้เล่น ที่อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้เขาหันขวับไปมองด้านข้างทันที ไวเทลเบิกตากว้างจ้องมองเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ลอยอยู่แถวโซนฝักบัว ยิ้มโชว์ฟันขาวครบสามสิบสองซี่ให้เขาจนดวงตานั้นเป็นสระอิ

" โย่ว"

เสียงร้องทักอย่างคนอารมณ์ดีทำให้ไวเทลสะดุ้งคว้าหยิบสิ่งของใกล้มือขว้างไปอย่างไม่คิดชีวิต

"โว้ๆ ใจเย็นๆสิ​คนสวย อารมณ์เสียแต่เช้าหน้าแก่เร็วนะ"


"ว๊ากกกกกนเขรเยีกย้แย้ปจีดบ่แบรอบ่อง"

" ออกไปนะ!!! "

ไวเทลยิ่งสติแตกมากขึ้นกว่าเดิมหมดคราบหัวหน้าเลขาผู้เก่งกาจไปหมดสิ้น ยิ่งเห็นว่าสิ่งที่ขว้างออกไปไม่ได้ผล แถมเจ้าของร่างโปร่งแสงยังคอยหลบซ้ายหลบขวาพยายามจะเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ สติของไวเทลยิ่งหลุดลอยออกไปไกล เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ขว้างไปได้อีก เขาก็ยกมือกุมหน้าอกท่องบทสวดมนต์​ไล่ผี ใส่ผีตรงหน้าทันที!​ สิ่งนี้แหละ​ ที่จะทำให้แกต้องตาย!!

" ท่องไปก็เปล่าประโยชน์คุณ ผมไม่นับถือคริสต์"

ผีหนุ่มยิ้มขำคนตรงหน้าที่กำลังหลับตาปี๋​ท่องบทสวดอย่างเอาเป็นเอาตาย ขนาดบอกไม่นับถือคริสต์ก็ยังท่องไปเลิก ไม่สิท่าทางจะไม่ได้ยินเขาพูดด้วยซ้ำ


น่ารักชะมัด...


ผีหนุ่มคิดอย่างขำๆ ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าเลขาสุดเซ็กซี่ผู้เก่งกาจและเด็ดขาดจนขนาดผู้ชายอกสามศอกยังกลัวหัวหดจะสติแตกได้ขนาดนี้ ให้ตายก็ไม่เคยมีใครเห็นมุมนี้ของเจ้าตัวแน่ๆ นี่คืออภิสิทธิ์ของผีสินะ

ผ่านไปกว่าสิบนาทีื​ ไวเทลก็ยังหลับตาท่องบทสวดไล่ผีอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่องจบก็ท่องใหม่วนเวียนไปเรื่อยๆ โดยมีผีหนุ่มนั่งเท้าคางกับขอบอ่างมองคนสวยอย่างเพลินๆ คนสวยๆ นี่นั่งดูเฉยๆ ยังไงก็ไม่เบื่อจริงๆแฮะ

ความเงียบสงบกว่าสิบนาทีทำให้ไวเทลคิดว่าผีบ้านั่นคงไปแล้วแน่ๆ ไวเทลหยุดสวดลง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างโปร่งแสงที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างทะเล้น ไวเทลสะดุ้งตกใจก่อนจะแหกปากร้องขึ้นมาอีกรอบ แต่คราวนี้บทสวดของเขาเริ่มเปลี่ยน ถ้าอันเก่าไม่ได้ผลต้องลองอันใหม่!

"นะโม ตัสสะ ภะคะวัตโต..." ไวเทลพนมมือสวดมนต์หลับตาปี๋ท่องวนเวียนไปมาเสียงดัง จนผีหนุ่มได้แต่เกาหัวแก่กๆ

"ภาษาอะไรอ่ะคุณ ศาสนาไหนเนี่ย"

ไวเทลหรี่ตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ก็ยังเห็นผีหนุ่มมองมาที่ตนเองแบบเคย ก็เริ่มเปลี่ยนบทสวดอีกครั้ง มันต้องมีสักศาสนาที่ได้ผลสิว่ะ!!

" นำโมไต๋ซื้อ ไต๋ปุย..."

ได้ฟังแบบนั้นผีหนุ่มก็หลุดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นทันที​ เสียงหัวเราะที่ดังก้องห้องน้ำทำให้ไวเทลหยุดชะงักเงยหน้ามองอย่างงงๆ

ผีหนุ่มกุมท้องขำน้ำตาไหลอย่างคุมตัวเองไม่ได้ มีแต่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนไวเทลจากที่กลัวจนสติแตกยังอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้

จะขำอะไรขนาดนั้นว่ะ...

"หยุดขำสักที!! "

"ฮะ ฮะ ฮ่าา...จะไม่ให้ขำได้ยังไงกัน" ว่าแล้วก็หัวเราะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม คิดดูสิ ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าเลขาผู้เลื่องชื่อ จะกลัวผีขนาดนี้ จุดอ่อนอะไรกันเนี่ย

"ไม่ตลกโว๊ยยย"

จากหงุดหงิดเริ่มเปลี่ยนเป็นอับอาย ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมอง จนผีหนุ่มยังอดเอ็นดูไม่ได้

ท่าทางนี่ก็คืออภิสิทธิ์ของผีอีกเหมือนกันสินะ


"โอเคๆ ไม่ตลกก็ไม่ตลก" ผีหนุ่มยกมือยอมแพ้ก่อนจะกลั้นขำไว้สุดชีวิต

ไวเทลที่เห็นเจ้าตัวกำลังพยายาม​กลั่นขำ ก็ได้้แต่ถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกัน​ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกันว่ะ ถึงถูกผีมาหัวเราะเยาะใส่เพราะสวดมนต์ไล่ผีไปไม่ได้เนี่ย!


ไอ้ผีหน้าด้าน...


ไวเทลได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขมุบขมิบบ่นงึมงำอยู่กับตัวเอง ผีหนุ่มที่คอยมองอยู่ตลอดเวลา ก็มองปากอิ่มๆ ชมพูขมุบขมิบ ขยับเบาๆ ไปมาอย่างเพลิดเพลิน พอมองไล่สายตาลงมาก็เจอกับลำคอขาวผ่องที่มีไรผมสีบลอนด์เปียกๆแนบอยู่อย่างเซ็กซี่ ไหนจะไหปราร้าขึ้นรูปสวยที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย​ ไอน้ำอุ่นที่เจ้าตัวแช่ก็เปลี่ยนสีผิวขาวผ่องให้ดูอมชมพูระเรื่อน่าสัมผัสมากขึ้นกว่าเดิม ถึงตรงนี้ผีหนุ่มก็ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ที่ใครเคยบอกว่าหัวหน้าเลขามีพลังทำลายล้างสูงเห็นทีท่าจะจริง สายตาซุกซนเลื่อนลงมาอีก จนเจอลูกเชอรี่สุดหวานช่ำลูกเล็กๆประดับประดาท่ามกลางผืนผ้าสีขาวอมชมพูระเรื่อ แค่ท่อนบนยังทำเขาเกือบกำเดาไหลแล้วถ้า...ข้างล่างล่ะ

ไวเทลที่เห็นผีหนุ่มเงียบไปนานจนผิดปกติก็เหลือบไปมอง​ จนเขาเห็นสายตาแพรวพราวที่มองมาทางเขาอย่างเหม่อลอย พอมองตามสายตานั้นที่กำลังเลื่อนลงต่ำ​ เขาก็พบกับร่างเปลือยเปล่าของตัวเองที่ไม่มีอะไรปิดบังเลยนอกจากควันจางๆ จากอ่างอาบน้ำ


!!!!!!


"ไอ้ผีลามก!!! "


-------------------------------------------------

สรุปวันนี้พวกพี่จะได้คุยกันดีๆ ไหมอ่าาาาา น้องอยากรู้ 555555

ขอบคุณทุกกำลังใจนะตัวเอง เค้าจะพยายามอัพให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ล่ะตอนน อย่าพึ่งเบื่อหนีหายกันไปก่อนหน้า ช่วงแรกจะดำเนินเรื่องช้าๆ หน่อยเท่านั้นเอ๊งงงง

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 07-05-2019 15:54:46
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : คลื่นที่​ 3
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 07-05-2019 19:33:21
คลื่นที่​ 3




ไวเทลติดกระดุมเสื้อเชิ้ต​ด้วยใบหน้าแดงก่ำ​ ลมหายใจฟึดฟัดเข้าออกอย่างหงุดหงิด​ปนเขินอาย ไอ้ผีลามก​ ไอ้ผีบ้ากาม​

"หน้าแดงหมดแล้ว​ โกรธหรือเขินอ่ะ"

ไวเทลปรายตามองผีลามกแวบหนึ่งอย่างเย็นชา​ แล้วหันไปแต่งตัวต่ออย่างไม่สนใจ

"นี่... อย่าโกรธเลยนะ​ เขาว่าโกรธมากๆหน้าแก่เร็วนะคุณ"

"...."

"นี่คุณ... จะไม่พูดอะไรจริงๆหรอ"

"...."

"คุณ.."

"...."

"...."

และแล้วความสงบทางเสียงก็คืนกลับมา​ ขอแค่เขาไม่สนใจ​ ไอ้ผีลามกจะทำอะไรได้​ ไวเทลแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น


"นี่!!!"


!!!!!


ไวเทลก้าวถอยหลังอย่างตกใจ​ เมื่อไอ้ผีตัวดี​ อยู่ๆก็โผล่ทะลุตู้เสื้อผ้ามาตะโกนใส่เสียงดัง​ เท่านั้นไม่พอ​ ยังทำลูกกระตาหล่นกลิ้งมาอยู่ใกล้เท้าเขาอีก!!


"อะ...ไอ้..."


ไวเทลได้แต่อ้าปากค้างมือไม้สั่นมองหน้าผีที่เหลือตาอยู่ข้างเดียว แต่เหมือนผีตกหน้าจะไม่สำนึก​ เจ้าตัวยกมือข้างขวาจะหยิบตาอีกข้างออกมา​ ไวเทลเบิกตากว้างได้แต่โบกไม้โบกมือห้ามเสียงสั่นทันที

"ยะ...หยุดๆๆๆ​ พอแล้วๆๆ!!"

"พูดกับผมได้แล้วหรอ"  ผีหนุ่มยิ้มทะเล้นใส่คนตรงหน้าเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"อะ...อะ"  ไวเทลถึงกับพูดไม่ออก​ ได้แต่มองผีบ้าที่ยังคงยิ้มให้เขาตาหยี​ แต่ดีที่อย่างน้อย​มันเอาลูกกระตาใส่กลับไปเหมือนเดิมแล้ว


"หยุดก่อกวนฉันสักที​ ฉันไปทำอะไรให้นายฮะ"


ไวเทลตะโกนเสียงดังใส่ผีตัวหน้าด้วยความหงุดหงิด​ เพราะตั้งแต่เจอมันมาเขาหลุดมาดที่พยายามปั้นแต่งมาหลายปีไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้​ ถ้าลูกน้องมาเห็น​เข้า ใครจะเคารพเขากันล่ะทีนี้

ผีหนุ่มได้ยินก็หุบยิ้มฉับหน้าบึ้งตึง​ใส่ไวเทลทันที​ ไวเทลขมวดคิ้วมองงงๆ​ นอกจากเป็นผีแล้วยังเป็นไบโพราด้วยอีกหรือไง​

"เยอะเลยล่ะ" ผีหนุ่มกอดอกหันหน้าหนี​ พองแก้มอมลมด้วยความโกรธ​ ​ที่เห็นแล้วออกจะทุเรศ​มากกว่าน่ารัก​

"อะไรบ้างล่ะที่ว่าเยอะ"  ไวเทลพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย​ คุยกับมันหน่อยแล้วกัน​ ดีกว่าบ้าควักลูกตามากลิ้งเล่นอีก​ นี่ยอมเพราะเบื่อนะ​ ไม่ได้กลัวมันเลยสักนิด!!

"คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง" ผีหนุ่มหันมามองเขาอย่างโกรธๆ​ แถมกัดปากน้ำตาคลอเบ้าเหมือนเมียงอลผัวยังไงยังงั้น

"คุณฆ่าผมนะ  ลืมไปแล้วหรือไง" ว่าจบก็หันหน้่ากลับไปอมลมพองแก้มอีกเหมือนเดิม​

ไวเทลนิ่วหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา​ ทำไมเขาจะจำเจ้าตัวไม่ได้​ เขาจำได้ตั้งแต่เห็นดวงตาสีเขียวเป็นประกายคู่นั้นแล้ว... เพียงแค่เขา​ ไม่อยากนึกถึงวันนั้น​ วันที่เขารู้สึกเหมือนตัดสินใจอะไรผิดไป​

" แล้วยังไง​ อยากได้ส่วนบุญหรือไง​ อยากกินอะไรเดี๋ยวทำบุญไปให้" ไวเทลสลัดไล่ความคิดแปลกๆออกจากหัวก่อนจะถามอย่างไม่ยินดียินร้าย​ ผีหนุ่มเห็นคนตรงหน้่าพูดอย่างเย็นชาก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยขึ้นมาจริงๆ​


"ส่วนบุญผมไม่ต้องการ​ ผมต้องการให้คุณรับผิดชอบต่างหาก"

"รับผิดชอบ?  รับผิดชอบอะไร​ ในเมื่อนายตายไปแล้วเนี่ยนะ"  ไวเทลถามผีตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

"ตายแล้วก็รับผิดชอบได้​ ถ้าคุณไม่ทำ​ ผมจะ..." มาถึงตรงนี้ผีหนุ่มก็ขมวดคิ้วนิ่งไป​  จะอะไรดีว่ะ​ ไม่ได้เตรียมมาซะด้วย


" จะอะไร"


" จะ..."


"..."

ไวเทลมองผีบ้าที่ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม​ก็ถอนหายใจอีกรอบ​ วันนี้เขาถอนหายใจเพราะผีงี่เง่าไปกี่รอบแล้วนะ​ ถ้าการถอนหายใจหนึ่งครั้งลดอายุขัยหนึ่งปี​ เขาเชื่อว่าเขาคงไม่แก่ตายแน่ๆ


"ถ้าไม่มีอะไรจะพูด​ ก็ไปผุดไปเกิดสักทีเถอะ"


เจ้าของดวงตาสีเขียวจ้องมองคนที่พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่แยแส่ทันที


"จะ... จะหลอกคุณแบบเมื่อคืนจนกว่าคุณจะตาย!!!"


กึก​


ผีหนุ่มเห็นคนงามหยุดเดินทันทีก็โล่งอก​ ท่าทางจะได้ผลแฮะ​ ดูท่าคุณเลขาจะกลัวผีมากกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก​ เขายิ้มมุมปากอย่างขบขันก่อนจะรีบตีหน้านิ่งเมื่อไวเทลหันกลับมามองเขาอย่างตะลึง


"นะ...นายว่าไงนะ"


"ผมบอกว่า​ ถ้าคุณไม่รับผิดชอบ​ ผมจะหลอกคุณแบบเมื่อคืนไปตลอดชีวิตคุณเลย"  ผีหนุ่มแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์​ ชนิดที่คนมองทั้งรู้สึกหมั่นไส้​และหวั่นใจไปพร้อมๆกัน​ หวั่นใจว่ามันจะทำแบบที่พูดจริงๆ​


"..."


อดีตมนุษย์เห็นคนงามยืนจ้องเขานิ่งก็คิดว่า​หรือไม่เชื่อว่าเราจะทำจริงว่ะ​ คิดได้ก็ทำเลย​ ลมเย็นเยือกที่โชยโอบรอบกายไวเทลทำให้เจ้าตัวสะดุ้งได้สติ​ มองเห็นผีที่เริ่มแสยะยิ้มกว้างขึ้น​ กว้างจนจะถึงหู​ ลูกตาดิ้นขลุกขลัก​ภายในทำท่าจะตกลงมา​ เห็นแบบนี้ไวเทลก็ได้แต่ร้องห้ามเสียงดัง​


"หยุดๆๆๆๆ​ เออๆ​ รับผิดชอบ​ ฉันยอมรับผิดชอบนายแล้ว!!" 


ไวเทลหลับตาปี๋​ ยกมือห้ามมือไม้สั่นไปหมด​ ผ่านไปสักพักก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะขำๆของใครบางคน​

เมื่อเห็นว่าผีตรงหน้ากลับมามีรูปร่างเหมือนคนสมบูรณ์ไม่มีอะไรขาดล่วง​ ไวเทลก็พ่นลมหายใจอย่างโล่งอก​ เซพิงผนังสีขาวครีมอย่างหมดแรง​ เมื่อเห็นคนตรงหน้าทำท่าจะเป็นลมผีหนุ่มก็พุ่งเข้ามาจะประคองทันที​ แต่ไวเทลกลับตกใจที่อยู่ๆผีตาเขียวก็พุ่งเข้ามาบอกไม่กล่าว​ผงะก้าวถอยหลัง​ทันที

"หยุดอยู่ตรงนั้น​ ห้ามเข้ามานะ!!"  เมื่อผีหนุ่มหยุดนิ่งตามที่ขอ​ ไวเทลก็กลับมายืนตัวตรง​ จับผมจับเสื้อตั้งสติ​ ถอนหายใจรอบที่ล้าน​ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผีที่บอกว่าเขาต้องรับผิดชอบมัน


"นายจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรก็พูดมา"


ไวเทลกอดอกฉับจ้องเขม็ง​ด้วยความระแวง​ เตรียมก้าวถอยหลังหนีทันที​ ถ้าผีบ้านี่ทำอะไรบ้าๆอีก​ เขาจะได้หนีได้ทัน ผีหนุ่มเห็นท่าเหมือนแมวขู่ฝ่อ​ ก็ได้แต่ขบขันเบาๆก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าเป็นจริงจังเหมือนเรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น


" อย่างแรกเลย​ คุณต้องรู้ก่อนว่า..."


ในตอนนั้นไวเทลเห็นดวงตาสีเขียวฉายความเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง​มาแวบหนึ่ง....เหมือนจริงๆ....เหมือนวันแรกที่เขาได้สบดวงตาคู่นี้ไม่มีผิด





"ผมไม่ใช่คนทรยศ"



********************************
อ่านจบแล้วเม้นให้กำลังหรือติชมอะไรก็ได้หน่อยน้าา​ เค้าจะได้มีกำลังใจเยอะๆๆ :mew2:

Taaeng





หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : คลื่นที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 08-05-2019 18:19:38
คลื่นที่ 4




แกก


ไวเทลวางแว่นลงก่อนจะนวดขึงขมับที่รู้สึกปวดตึบตึบมาสักพักแล้ว


"เอ่อ...พักก่อนไหมครับ"


"ไม่เป็นไร เอาที่เหลือมาเลย" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คิ้วของไวเทลก็ยังขมวดยุ่งจนผู้ช่วยเลขาอย่างอูบาร์โดยังรู้สึกเครียดตาม


"งั้น...ให้ผมปิดทีวีให้ไหมครับ? " จริงๆ อูบาร์โดอยากจะถามคำถามนี้ตั้งแต่เข้ามาส่งเอกสารให้หัวหน้าตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่กล้า เพราะสีหน้าตึงเครียดของหัวหน้าที่มากกว่าทุกวัน ทั้งๆ ที่งานตรงหน้าก็ไม่ได้เร่งรีบวุ่นวายอะไร ซึ่งความตึงเครียดที่แสดงออกมาทางสีหน้าของหัวหน้ามันช่างไม่เข้ากับ...

ไวเทลปรายตามองตามสายตาสงสัยของอูบาร์โด ก็ได้แต่ถอนหายใจ ว่าแล้วก็จ้องเขม็งไปทางไอ้ผีตัวเองที่นอนลอยอยู่ตรงโซฟาเบดหัวเราะเสียงดังเพราะชอบใจกับมุกตลกในรายการเกมโชว์ปัญญาอ่อนที่ชาตินี้คนอย่างเขาคงไม่มีวันเปิดดูแน่ๆ

แต่ถึงจะจ้องเขม็งขนาดไหนไอ้ผีหน้าด้านก็ไม่รู้สึก มีแต่จะหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิม

แต่เหมือนการจ้องเขม็งไปทางหน้าจอโฮโลแกรมสามมิติราวกับจะไปฆ่าใครตายของไวเทลจะทำให้ลูกน้องของเขาเข้าใจผิด


"งะ...งั้นผมไปปิดให้นะครับ"


ไวเทลตวัดสายตามาทางอูบาร์โด จนเจ้าตัวสะดุ้งเหงื่อเย็นไหลอาบแผ่นหลังจนชุ่มไปหมด พระเจ้า!! ใครก็ได้ช่วยเขาที เขาทำอะไรผิด อูบาร์โดได้แต่กรีดร้องโหยหวนในใจ

ไวเทลหลับตาลงสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขารู้ว่าเขาพาล เพราะหงุดหงิดไอ้ผีหน้าด้านที่เขาทำอะไรมันไม่ได้ อุตส่าห์ทำเป็นเมินก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจมัน มันก็ยังลอยไปลอยมา โผล่หน้ามาจากด้านหลังบ้าง จากโต๊ะบ้าง ใต้เก้าอี้บ้าง พอไม่สนใจมากๆ เข้า ก็ทำลูกตาหล่นใส่ก่อกวนไม่หยุดรบเร้าให้เขาเปิดทีวีให้ พอยิ่งนึกถึงก็ยิ่งหงุดหงิด ไวเทลทุบโต๊ะระบายอารมณ์จนอูบาร์โดหลั่งเหงื่อยิ่งกว่าเดิม ใครก็ได้เอาเขาไปจากตรงนี้ที!!

ไวเทลที่ลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องตัวเองสั่นงกๆ เป็นลูกนกก็ได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ

"นายวางเอกสารและออกไปได้แล้ว...ส่วนทีวีไม่ต้องปิด!! " ประโยคสุดท้ายไวเทลกัดฟันพูดออกมาอย่างแค้นเคือง อูบาร์โดแม้ไม่เข้าใจ แต่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวางเอกสารก้มตัวทำความเคารพเผ่นหนีีออกไปจากอาณาจักรน้ำแข็งทันที

เมื่ออูบาร์โดออกไป ไวเทลก็ก้มหน้าอ่านรายงานตามเดิม ทำเป็นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตอื่นในห้อง แต่เพราะเสียงทีวีที่อยู่ๆ ก็ถูกเร่งดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ทำให้ไวเทลที่อ่านรายงานซ้ำบรรทัดเดิมมาห้ารอบก็หมดความอดทน


ตึง


เสียงทุบโต๊ะด้วยแรงทั้งหมดที่มี เรียกผีหนุ่มตัวดีหันมามองทั้งน้ำตาที่ขำค้างทันที


"เอออ...มีอะไรจะพูดก็พูดมา"


ไวเทลตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ผีบ้านี้มันแกล้งเขา เพราะเขาไม่ยอมคุยกับมันต่อตั้งแต่ฟังประโยคนั้นจบลง ประโยคที่ราวกับมีอะไรฟาดลงใส่หัวจนมึนงง เขายืนนิ่งสักพักก่อนจะหมุนตัวออกไปทำงานตามปกติ ต่อให้ผีนี่จะก่อกวนยังไงก็ไม่สนใจ เพราะเขาต้องการเวลาคิด แต่เหมือนผีบ้านี่จะไม่ยอมให้เขาอยู่นิ่งๆ คิดอะไรสงบๆ คนเดียว มันตามก่อกวนตั้งแต่เช้าจนนี่จะสี่ทุ่มมันก็ยังกวนไม่เลิก จนเขาหมดความอดทนในที่สุด เอออ ในเมื่อมันไม่ให้เวลาคิดเขาก็จะไม่คิด พูดตรงๆ เคลีย์ตรงๆ ไปให้จบๆ เขาจะได้กลับไปทำงานอย่างสงบสุขสักที

ผีหนุ่มลอยเขามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง จะไม่ให้แฉ่งได้ไง เขารอเวลานี้มาทั้งวันเลยนะ!


"ใจเย็นๆ นั่งลงก่อนคุณ สูดหายใจเข้าลึกๆ เครียดมากระวังผมหงอกก่อนวัยนะ" ไวเทลปรายตามองอย่างเย็นชาทีหนึ่ง ก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่ได้อยากทำตามไอ้ผีนี่พูด แต่หน่ายใจเกินกว่าจะยืนพูดกับมันได้จริงๆ


"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายทั้งวันหรอกนะ"


" อ้าว ผมนึกว่าคุณเล่นเกมทำยังไงก็ได้ให้คุณหลุดขำซะอีก ผมก็เลยอุตส่าห์ทำทุกวิถีทางให้คุณขำให้ได้มาทั้งวันเลยนะ"


ไวเทลตวัดสายตามอง อ้าปากเตรียมจะด่าแต่ผีหนุ่มกับพูดแทรกขึ้นมาสักก่อน


"โอเคๆ ผมล้อเล่น ผมผิดเอง น่าๆ อย่าทำหน้าโมโหสิ" ไวดทลกัดปากข่มอารมณ์แต่ตาก็ยังจ้องเขม็งไม่เลิก ผีหนุ่มเห็นก็ได้แต่ยิ้มอ่อนใจ คนสวยนี่ขี้หงุดหงิดอย่างนี้ทุกคนไหมนะ เขากระแอมสองสามที ก่อนจะมองไวเทลอย่างจริงจัง


"อย่างที่ผมบอก ผมไม่ใช่คนทรยศ"


ประโยคเมื่อเช้าถูกพูดใส่หน้าเขาซ้ำอีกรอบ ไวเทลได้แต่เม้มปากข่มความรู้สึกบางอย่างที่กำลังตีตื้นขึ้นมาเอาไว้


"ถ้านายไม่ใช่ แล้วใคร" คราวนี้เป็นตาผีหนุ่มถอนหายใจบ้าง หลังจากให้ไวเทลถอนหายใจทิ้งมาทั้งวัน


"เพราะผมไม่รู้ ถึงได้มาอยู่ตรงนี้ไงล่ะ" ไวเทลขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจ


"ผมไปเกิดไม่ได้เพราะความยึดติด ถ้าผมรู้ว่าใครคือคนทรยศที่แท้จริงจนเป็นสาเหตุทำให้ผมตาย ผมก็จะหมดห่วงไปเกิดได้สักทีไง"


"นายหมายถึง ให้ฉันช่วยนายหาคนทรยศที่แท้จริง"


"ใช่แล้ว เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่มองเห็นผมอ่ะ"


"ทำไมต้องฉันด้วย"


"เพราะคุณเป็นคน​สั่ง​ฆ่า​ผมไง"


"......."


ไวเทลเม้นปากที่รู้สึกว่าอยู่ๆ ก็สั่นระริกขึ้นมาเมื่อจบประโยคของผีหนุ่ม ใช่ เขาฆ่าคนตรงหน้าเอง แววตาหม่นหมองที่มองมาทำให้ผีหนุ่มอดที่จะยิ้มมุมปากไม่ได้ ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าดูจะเป็นทุกข์ แต่เขากลับมีความสุขแบบนี้ แย่จริงๆ เลย...

"ได้ ฉันรับปาก" ผีหนุ่มยิ้มกว้างตาหยีจนไวเทลที่รับปากจะรับผิดชอบกับการกระทำตัวเอง อดที่จะหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้

"แต่...นายต้องรอไปสักเดือนนะ เพราะฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปตามสืบหรอก" ไวเทลยิ้มสะใจที่รู้สึกเอาคืนได้สักที แต่ผีหนุ่มเอียงคอมองอย่างครุ่นคิด


"จริงๆ มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ผมเหลือเวลาแค่ 100 วัน ถ้ายังหมดห่วงไม่ได้ ผมจะไปเกิดไม่ได้​ จะติดอยู่โลกนี้ ติดอยู่กับคุณในรูปลักษณ์แบบเมื่อคืนไปทั้งชีวิตจนกว่าคุณจะตาย"


"!!!!! "


"อ้อจริงๆผมพูดผิด เหลือ 99 วันแล้วต่างหาก" ว่าแล้วก็ยิ้มแฉ่งให้หนึ่งที


-------------------------------


ตอนหน้ามาเริ่มเข้าสู่เนื้อหาจริงๆสักที​  หลังจากดูเขากุ๊กกิ๊ก(?)​กันมานาน 55555
ตอนนี้อัพเท่าที่อัพให้เว็บอื่นแล้วนะคะ ต่อจากตอนนี้ไปจะมาลงช้าหน่อยน้าาา

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2019 22:48:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-05-2019 14:33:51
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 15-05-2019 17:48:54
+1ชอบ ติดตามๆ ขอบคุณมากจ้า^^
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 21-05-2019 00:26:46
(https://www.img.in.th/image/EsxUSf)


คลื่นที่​ 5



ย่าน Mistico

แหล่งรวมความบันเทิงยามราตรีที่ครบวงจรที่สุดในทวีปยุโรป​ ย่านที่สว่างไสวที่สุดเมื่อยามราตรีมาเยือน​ แสงไฟหลากหลายสีที่พาให้ผู้คนมัวเมาลุ่มหลง​ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไม่เคยน่าหนวกหูมีแต่จะเพิ่มรอยยิ้มให้กับเหล่าผีเสื้อผู้มาเยือน​ ความน่าหลงใหลของความใคร่และความโลภ​ที่ลอยตลบอบอวลในทุกๆบริเวณ​ ทำให้ไม่มีใครอยากปฏิเสธอย่างลุ่มหลงลึกลับชวนมึนเมาราวกับฝันนี้สักคน



ย่านมิสติโค​ จึงเป็นย่านที่ทำเงินให้กับแก๊งเอนซิโออย่างมากมายมหาศาล​ในทุกๆค่ำคืน​ และยิ่งทำเงินให้มากเท่าไหร่​ ก็ยิ่งมีช่องทางให้​ลักลอบขโมยไปที่ละเล็กละน้อยจนเจ้าของไม่ทันรู้สึกตัวมากเท่านั้น...



ดวงตาเรียวยาวภายใต้แว่นไร้กรอบกวาดมองผู้คนที่มากมายเหมือนทุกๆคืนที่ผ่านมาจากในรถด้วยความพอใจ​ ย่านนี้มีคนเยอะมาก​ แน่นอน...ยิ่งคนมากปัญหาก็มากตาม​ แต่พอเห็นชายชุดดำ​ที่อกซ้ายมีเข็มกลัดของแก๊งเดินอยู่รอบๆ​ คอยจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงทีทำให้ไวเทลอดจะรู้สึกชื่นชมคนดูแลเขตนี้ไม่ได้​ ถึงเขาจะไม่ค่อยมาที่เขตนี้​ แต่พอมาทีไรที่นี่ก็ยังมีการจัดการที่เป็นระบบได้อย่างดีเยี่ยม​ ต้องยกความดีความชอบให้กับนิโคโรจริงๆ​



รถสปอร์ต​สีขาวมุกเหลือบเงินวิ่งเข้ามาจอดที่โรงจอดรถเฉพาะพนักงานด้านหลังตึกซิริโน...ตึกที่ใหญ่และคึกคักที่สุดในย่านนี้​ หรืออีกนัยหนึ่งมันคือตึกศูนย์กลางของย่านและยังเป็นสำนักงานใหญ่ของย่านนี้อีกด้วย​



บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูเห็นรถคันโปรดของหัวหน้าเลขาเข้ามาจอด​โซน​ VIPก็ต่างเบิกตากว้างไปตามๆกัน​ ทันทีที่ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงสแล็คเนื้อดีก้าวออกจากประตูรถ​ การ์ดพลัน​ได้สติรีบแจ้งหัวหน้าบอดี้การ์ดผ่านตุ้มหูสื่อสารทันที​



ไวเทลเดินผ่านหน้าการ์ดที่ยืนทำความเคารพตัวแข็งทื่อ​ แค่ปรายตามองนิ่งๆ​อย่างเย็นชา​การ์ดก็สะดุ้งเป็นทิวแถว​ แต่มีคนหนึ่งสติดีกว่าเพื่อนลนลานมาเปิดประตู​ให้​คนงามทันที



ปัง



เสียงปิดประตูดังขึ้นทันทีเมื่อหัวหน้าเลขาคงงามเดินเข้าไปแล้ว​ บรรดาการ์ดต่างลอบถอนหายใจพร้อมๆกัน​   ไม่เห็นมีใครแจ้งเลย​ว่าหัวหน้าเลขาจะมาวันนี้ ถ้ารู้แบบนี้พวกเขาไม่มาเฝ้าประตูหลังหรอก​ สู้ไปห้ามพวกคนอ้วกคนเมายังจะดีซะกว่า!!

"เฮ้ออ​ เห็นกี่ทีก็น่ากลัวชะมัดเลย" การ์ดคนหนึ่งยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า​

"นั่นสิ​ เมื่อกี้ฉันนึกว่าจะตายซะแล้ว​" เพื่อนการ์ดอีกคนก็ทรุดลงไปนั่งอย่างหมดท่า

"ถึงจะหน้ากลัว... แต่ก็สวยชะมัดเลย" ใบหน้าเคลิ้มฝันของการ์ดคนที่สาม​ ทำให้เพื่อนอีกสองคนหันมามองหน้าเขาพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย​ เรื่องนี้ไม่มีใครในแก๊งปฏิเสธสักคน​ เป็นอันรู้กันดีภายในว่า​หัวหน้าเลขาแม้จะโหด​ เนี้ยบ​ เด็ดขาด​ แค่ปรายตามองก็แทบจะฆ่าคนได้คนนั้น​สวยและเซ็กซี่ขนาดไหน​ ใครจะคิดว่านั่นผู้ชาย​ ถึงจะมีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนไม่ผอมบางร่างน้อยอย่างหญิงสาว​ แต่นั่นล่ะ​ รูปร่างแบบนั้นมันยั่วใจกว่าพวกบางๆที่แค่กำก็กลัวจะหักเยอะ​ แม้จะดูน่ากลัวแต่ก็เป็นขวัญใจของบรรดาคนในแก๊งเหมือนกัน​ จนมีการตั้งแฟนคลับขึ้นมาอย่างลับๆ​ภายในองค์กร โดยใช้โค๊ดเนมเรียกกันสั้นๆว่า​ ควีน​ แน่นอนว่าเรื่องนี้เจ้าตัวไม่รู้...และถ้าจะรู้ก็คงอีกนานทีเดียว



ตึกซิริโนนี้มีทั้งหมดสิบชั้น​ ชั้นแรกที่ก้าวเข้ามาคือเลาซ์ต้อนรับที่มีทั้งพนักงานต้อนรับรวมถึงเด็กเรียกแขกเดินกันให้ว่อนเพื่อเชื้อเชิญแขก​ แต่สำหรับผู้ช่ำชอง​ที่มาเยือนทุกราตรี​จะไม่หยุดแวะพักแต่ตรงดิ่งไปที่ลิฟท์เพื่อไปชั้นที่หมายตาทันที​ ชั้นที่​ 2​ และ​ 3​ เป็น​ ผับแบบเปิดกว้างขนาดใหญ่ที่มีเวทีตรงกลาง​ ทุกวันคืนตลอดทั้งสัปดาห์จะมีการแสดงไม่ซ้ำแบบเผื่อลดทอนความน่าเบื่อจำเจ​ เพิ่มความสนุกให้กับเหล่าผีเสื้อกลางคืนด้วยเด็กเรียกแขกที่เด็ดจนเกินห้ามใจ​ ถึงขนาดที่ว่าบางคนมาเที่ยวเพื่อยลโฉมสักครั้งก็มี นี่ถือเป็นของขึ้นชื่อของชั้นนี้เลยทีเดียว​ ส่วนชั้น​ 3​ เป็นโซน​ vip ที่มองลงมาเห็นข้างล่างแต่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว​ด้วยมุมโซฟาที่ค่อนข้างห่างและแสงค่อนข้างมืด แต่ถ้าใครเคยขึ้นไปชั้น​ 3​ สักครั้งจะรู้ว่าส่วนตัวไม่มีจริง​ เพราะแสงที่มืดกว่า​ ทำให้ตามมุมต่างๆมีเสียงครางอื้ออึงดังตลอดทั้งคืน​

ชั้น​ 4​ - 6 เป็นห้องพักสำหรับแขกที่เมามายหรือทนคาบคาวโลกีไม่ไหวต้องลากคู่ขามาขับเคลื่อนปลดเปลื้องความปรารถนาที่ชั้นนี้​ ทำให้ทุกห้องของทั้ง​ 3​ ชั้น​ ไม่เคยเว้นว่างสักค่ำคืนเดียว​

ชั้น​ 7​ คาสิโนขนาดใหญ่ที่รวมการพนันไว้สำหรับผู้ต้องการแสวงโชคแม้จะมีชั้นเดียวแต่ก็มีขนาดกว้างขวางแม้คนจะไม่มากเท่าตึกที่เป็นคาสิโนขนาดใหญ่ทั้งตึกแบบตึกข้างๆ​ แต่การมีสาวและหนุ่มเรียกแขกขึ้นชื่อของที่นี่เดินไปมาก็ถือเป็นจุดขายที่ทำให้บางคนมาเล่นพนันพร้อมมองอาหารตาเหล่านั้นไปด้วยไม่น้อยทีเดียว

3​ ชั้นสุดท้ายไม่มีใครรู้ว่าคือชั้นอะไรเพราะลิฟท์ธรรดาหยุดที่ชั้น​ 7​ แต่เคยมีคนเล่าลือกันว่าบุคคลที่จะขึ้นไป​ 3​ ชั้นนี่ได้ถ้าไม่ใช่การ์ดก็ต้องเป็นบุคคลที่มีเงินมากมายและร่ำรวยไปด้วยอำนาจอันล้นเหลือทั้งนั้น​



ติ้ง



เสียงลิฟท์หยุดที่ชั้น​ 9​ ทำให้ไวเทลตื่นจากภวังค์ความคิดในหัวที่ทบทวนเรื่องชั้นต่างๆของที่นี่



ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด



เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก​ ไวเทลก็ได้สบตาเข้ากับเจ้าของเรือนผมสีแดงเข้มผู้มีนัยน์ตาสีเทาอันล่ำลึกและรูปร่างสูงใหญ่กำยำสมกับเป็นอดีตทหารหน่วยรบพิเศษ...นิโคโร​ โทมาสโซ​ หัวหน้าเขต​ 5​ ผู้ดูแลย่่านมิสติโค



"สุ่ม?"



"ใช่" ไวเทลเดินเลยคนถามออกไปแบบไม่สนใจ​ แน่ล่ะต้องรีบไป​ เดี๋ยวมีใครจับพิรุธ​ได้​ ถึงเขาจะโกหกหน้าตายเก่ง​ แต่คนมีชะงึกติดหลังยังไงก็อดที่จะระแวงเล็กๆไม่ได้อยู่ดีเขาพยายามเดินช้าๆมั่นคง​ไม่รีบร้อน​ ​แม้จะมีผีบางตัวลอยกินลมชมวิวแล่บลิ้นปริ้นตาหลอกการ์ดหน้านิ่งก็ตาม​



การสุ่มตรวจไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก​ ในทุกๆเขตทุกๆกิจการ จะมีการตรวจสอบเป็นปกติอยู่แล้วทุก​ 3​ เดือน​ แต่ก็จะมีกรณีสุ่มตรวจที่ไม่เกี่ยวกับทุก​ 3​ เดือนนั่นเหมือนกัน​ เพื่อเป็นการป้องกันการโกงเพราะจะไม่มีใครรู้เลยว่าการสุ่มตรวจจะหวยออกไปลงที่ไหน​และเมื่อไหร่ ทุกเขตเลยต้องระวังและซื่อสัตย์ตลอดเวลา มีคนรู้ล่วงหน้าแค่บอสกับเขาเท่านั้น​ ปกติหน้าที่นี้จะเป็นของบอส​ แต่เพราะตอนนี้ไอ้บอสงี่เง่ามันทิ้งงานโยนภาระมาใส่เขา​เพื่อไปไล่ตามจีบเด็กแถวเอเซีย​ ตอนนี้เขาเลยมีสถานะไม่ต่างกับบอสใหญ่เลยสักนิด​ เพราะทุกการตัดสินมันโยนให้เขาหมด​ บางทีเขาก็คิด​ โกงมันสักทีเลยดีไหม​ ไหนๆคนบ้าก็ไม่อยู่แหละ​ ให้จีบเด็กเสร็จแล้วกลับมาไม่มีบ้านอยู่ก็คงจะดี



พูดถึงเรื่องนี้ก็หงุดหงิด​ บอสใหญ่ที่เคารพหนักหนาของบรรดาลูกน้อง​ หนีงานไปไล่จีบเด็กเพราะเด็กไม่ยอมเล่นด้วย​ ใครได้ยินคงจะขำกลิ้งตายและหมดความเชื่อถือไอ้บอสนี้แน่ๆ​ เหอะ​ ว่าแล้วก็เบ้ปากใส่สีกที​ เพราะมันเขาถึงมีงานเยอะขึ้นแบบนี้ไงเล่า​

สีหน้าที่ทะมึนหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆทำให้บรรดาการ์ดที่ลอบแอบมองตามรายทางเริ่มเหงื่อตก​ คุณหัวหน้าเลขาคนงามมาสุ่มตรวจสอบกิจการ​ หรือจะมาสุ่มฆ่าใครตายหรือเปล่าว่ะ​

มือเรียวเปิดประตูบานใหญ่สีดำทะมึนเข้าไปนั่งลงที่โซฟาหนังสีดำอย่างไม่เกรงใจ​ พร้อมปรายตามองคนผมแดงที่เดินตามหลังเขามานิ่งๆเท่านั้น

"เมื่อสองอาทิตย์ก่อนพึ่งสุ่มตรวจไป​ ทำไมถึงมาสุ่มตรวจอีกเร็วขนาดนี้" ใช่...เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขาส่งอูบาร์โดมาสุ่มตรวจสอบที่นี่เพราะเขาไม่ว่าง​ จนเป็นเหตุให้จับโกงและคนทรยศที่ลักลอบขโมยเงินไปเกือบร้อยล้านคนนั้นได้​ เมื่อการตรวจสอบชี้ชัดว่าโกงจริงก็ต้องทำตามกฎองค์กร



คนทรยศมีหนทางแค่ตายเท่านั้น



ไวเทลเบนสายตามองผีที่ตายตามกฎที่กำลังแล่บลิ้นใส่นิโคโร​สนุกสนาน​ เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ​ เพราะเหมือนการตรวจสอบนั่นจะผิดพลาดเป็นเหตุให้เขามีวิญญาณตามติดแบบนี้ไงเล่า​ แต่ถ้าพูดออกไปคนจะหาว่าเขาบ้าแน่ๆ

"เพราะพึ่งจับคนทรยศได้ในเขตนายได้ บอสเลยสั่งให้ฉันมาตรวจสอบที่นี้ด้วยตัวเองอีกรอบ" ไวเทลมองสบตาบอกไปนิ่งๆแม้เหงื่อจะเต็มหลังก็ตาม​ อ้างบอสไปคงไม่มีใครสงสัยหรอก​ เพราะนอกจากเขาก็ไม่มีใครติดต่อไอ้บอสบ้านั่นได้แล้ว!!

นิโคโรมองคนเลขาบอสนั่งไขว้ห้างยักไหล่ไม่สนใจก็หันไปพยักหน้ากับลูกน้องนิ่งๆ​



" เดี๋ยวจะให้เด็กเอาเอกสารมาให้ "

" อืม "

"....."



แล้วความเงียบก็เกิดขึ้นทันที​ ไวเทลก็ไม่สนใจหยิบขวดไวน์ปี​ 1980 รินใส่แก้วยกจิบละเมียดละไมอย่างสบายใจทันที​

"งั้นก็ตามสบาย​ ฉันจะออกไปเดินตรวจงานต่อล่ะ"

ไวเทลแค่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่งก่อนจะเอนหลังจิบไวน์ต่อไป



ปัง



สิ้นเสียงปิดประตู​ ไวเทลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ตัวแทบจะไหลลงไปกองรวมกับโซฟาจริงๆ​ ให้ตามเถอะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องรู้สึกเกร็งขนาดนี้ด้วยว่ะ



"ของดีนี่คุณ​ แถมเป็นไวน์จากถิ่นต้นตำรับซะด้วย"



ผีตาเขียวจ้องมองไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะดวงตาเป็นประกาย​วิบวับ​ เขาเป็นคนชอบจิบไวน์มาก​ แต่ด้วยเงินที่มีทำให้เขาไม่เคยกินของดีขนาดนี้มาก่อน​ เลยอดที่มองด้วยตาละห้อยอย่างเสียดาย​ไม่ได้​ มีของดีตรงหน้าแต่กินไม่ได้นี่​ มันเศร้าใจชะมัด

ไวเทลที่มองตามดวงตาสีเขียวที่เป็นประกายสดใสและสักพักก็หม่นหมองลง​ ใจเขาก็กระตุกไปวูบนึง​ แม้ผีนี่จะทำตัวน่าหงุดหงิดไปบ้าง​ แต่เขาชอบมองดวงตาสีเขียวเป็นประกายสดใสมากกว่าหม่นหมองจนชวนปวดใจนั่น​ เห็นแบบนี้​ บางทีเขาคงต้องไปหาวิธีทำให้คนตรงหน้่ากินอะไรได้บ้างสักหน่อยแล้ว



ก๊อก​ ก๊อก



เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น​ ทำให้ไวเทลยืดตัวตรงทันที​ ก่อนจะกระแอ่มสองสามทีแก้เกล่อ เขาจะประหม่าทำไมเนี่ย



"เข้ามาได้"



เมื่อได้รับคำอนุญาต​การ์ดก็เปิดประตูหอบเอกสารมาวางลงบนโต๊ะ​ ตรงหน้าไวเทล​จนหมดก่อนจะค่อมตัวทำความเคารพเตรียมออกไป​ทันที



เมื่อเหลือตัวคนเดียวไวเทลก็ได้เป่าปากไหลตัวลงกองกับโซฟา​ การทำตัวให้ปกตินี่มันไม่ใช่ทางของเขาจริงๆ

แต่เมื่อเหลือบมองผีบางทีตัวที่ตอนนี้ดี้ด้าหันไปสนใจตู้เก็บไวน์ขนาดใหญ่ข้างพนังแทนก็อดยิ้มบางๆ​ ก็ดีกว่าทำหน้าเศร้าเยอะล่ะนะ



เอาล่ะมาเริ่มลงมือค้นหาความจริงที่กองอยู่ตรงหน้ากันดีกว่า



ความเงียบที่เข้าปกคลุมมีแค่เสียงพลิกหน้ากระดาษและคลิกไอแพดไปมาดังเบาๆขึ้นภายในห้อง​ หลังจากที่เขาชื่นชมไวน์เพลินหันมาอีกทีก็เจอคนงามทำหน้านิ่งตรวจเอกสารตรงหน้าอย่่างตั้งใจ​ ไม่รู้เขาบอกไปหรือยังเขาชอบเวลาคยตรงหน้าจริงๆกับสิ่งตรงหน้าอย่างตอนทำงานนี้ที่สุด​ ไม่รู้เขานั่งเท้าคางจ้องคนตรงหน้าที่มองยังไงก็ไม่เบื่อมานานเท่าไหร่แล้ว แต่เสียงปิดแฟ้มเสียงดังและอยู่ก็ลุกขึ้นก็ทำให้เขาอดที่จะลุกขึ้นยืนตามไม่ได้



"ได้เวลาแล้ว​ ลงไปตรวจสถานที่จริงเลยดีกว่า"

ไวเทลถอดแว่นคลึงขมับเบาๆ​ เขาจมอยู่กับเอกสารพวกนี้มาเป็นเวลานาน​ เอาเข้าใจจริงเขาก็ทำเป็นจมกับมันไปงั้นแหละ​ เพราะเอกสารพวกนี้เขาตรวจสอบมาหมดแล้ว​ แค่มาทบทวนมองหาอะไรบ้างอย่างและรอเวลาเท่านั้น​ อีกไม่กี่นาทีจะตีหนึ่งแล้วนี่แหละเวลาที่เขารอคอย

" ตรวจสอบ? ตรวจสอบที่ไหน" แต่เหมือนจะมีคนตามไม่ทัน​ แน่ล่ะใครจะตามทัน​ นั่งเงียบๆมาหลายชั่วโมงอยู่ๆก็ลุคขึ้นบอกจะออกไปข้างนอกที่ไหนสักที​ เขาเป็นผีนะไม่ใช่หมอดูอ่านใจใครไม่ได้!!



ไวเทลมองผีตรงหน้าก่อนจะยิ้มมุมปากลึกลับ



"โซนผับ​ โซนของเหล่านักท่องราตรี​ไง​ล่ะ​ คุณอดีตหัวหน้าผู้คุมผับ​ เฟริซิโอ ร็อคโค"



หน้ากระดาษของแฟ้มที่ถูกวางเมื่อสักครู่เผยหน้าประวัติของอดีตหัวหน้าผู้คุมผับที่ขึ้นชื่อเรื่องความวุ่นวายแต่ก็ถูกจัดการการได้อย่างเป็นระบบระเบียบน่าชื่นชมมากที่สุดมาหลายปี หัวหน้าที่เคารพรักของเหล่าลูกน้อง​ ภาพขนาดสองนิ้วมุมหัวกระดาษปรากฎภาพใบหน้าคมคาย​ ผิวเข้ม​ และแผลเป็นที่ปรายคิ้วข้างซ้ายเป็นเอกลักษณ์​ ดวงตาสีเขียวเป็นประกายน่ามอง​ มองตรงมาข้างหน้านิ่งๆอย่างเย็นชา​ ​ใบหน้าเดียวกันกับคนตรงหน้าเขาคนนี้นี่ไง

---------------------------------------------

อย่างแรกเลยขอโทษที่หายไปเป็นอาทิตย์น้าาา​ ช่วงนี้งานเยอะจนปลีกตัวลำบากมากๆ​ กราบขอโทษทุกคนจริงๆค่ะ

ส่วนตอนนี้นั่นต้องบอกว่าบรรยายเยอะมาก​ แต่ก็ยังไม่ไปไหนมาก​ เพราะชิ้นส่วนปริศนาจิกซอร์ที่เราทิ้งไว้จะปล่อยก็ไม่ได้​ล่ะเนอะ​ ต่อจากนี้ตัวละครจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ​ จำกันให้ดีๆน้าา​ ขนาดเค้ายังต้องจดไว้เลยอ่ะ​ กันลืม​ แถมแต่ละชื่อยังยากๆทั้งนั้น​ มาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงจับได้บ้างแล้วว่า​ สถานที่ที่ตัวเอกอยู่คือประเทศอะไร​ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ​ ไม่รู้สนุกไหมแต่จะพยายามให้ดีที่สุดเลย ภาษาอาจจะเมาไปบ้าง​ นี่ก็อ่านของตัวแล้วแบบอีหยังว่ะ​ 55555​ ว่างๆจะลงที่รีไรท์ตอนอื่นๆให้นะคะ​ ไม่เปลี่ยนเนื้อหาแต่เปลี่ยนภาษาและแก้คำผิดบ้าง​ ใครที่ไม่อยากอ่านใหม่ก็สามารถอ่านต่อได้ไม่สะดุดแน่นอน​จ้าา

Taaeng





หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-05-2019 18:02:05
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 19:20:40
 :pig2:
ติดตามค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 26-05-2019 22:07:08
กราบขออภัยทุกคนเลยยย​  อาทิตย์นี้ไม่มีน้าาาา​ อาทิตย์นี้เค้าทำงานทุกวัน​ วิ่งทั้งวัน​ จนตอนนี้ตาจะปิดอยู่แบ้วววว​ คราวหน้าเค้าจะมาชดเชยให้นะ​ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

​ไม่ทิ้งหายไปนานแน่นอน​นนนนน







Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 03-06-2019 16:50:01
คลื่นที่ 6


ทั้งสองจ้องตากันแทบไม่กระพริบ​ สายตาที่มองมากดดัน​จนผีหนุ่มหลุดหัวเราะพรืดออกมา​ขัดบรรยากาศ

"ฮ่าๆๆ​ ขอโทษๆ​ ปกติไม่เคยมีใครเรียกเต็มยศซะขนาดนี้"

"....."

"เรียกผมว่า  เฟย์  เฉยๆก็ได้นะและเพื่อไม่ให้ผมเสียเปรียบผมจะเรียกคุณว่า​ ไวท์​ ล่ะกันนะคร้าบบ"

ผีอารมณ์ดีพูดเองเออเองเสร็จสรรพยิ้มแย้มยินดีนักหนา​ จนคนถูกเรียกว่าไวท์​ ไม่พอใจทันที​ มีแต่บอสบ้าเท่านั้นที่เรียกว่าเขาด้วยชื่อเล่นนี้ คนเป็นลูกน้องจะมาเรียกสนิทสนมด้วยได้ยังไง!!

" อ่ะๆ​ ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณแล้ว​ เรียกได้ครับ​ ไวท์" แค่ไวเทลจะอ้าปากพูดเฟริซิโอก็สวนขึ้นมาก่อนเหมือนรู้ดี
จนไวเทลได้แต่เก็บปากหลับตานับหนึ่งถึงร้อยในใจ​ อยากเรียกอะไรก็เรียก​ไป​ ช่างมัน!!

"จะเรียกอะไรก็เรื่องของนาย"  ว่าจบก็เดินออกไปเปิดประตูทันที​ เฟริซิโอได้แต่มองตามยิ้มๆก่อนจะลอยไปอยู่ข้างๆคนขี้หงุดหงิด

"ว่าแต่...ไวท์จะลงไปทำอะไรชั้น​ 2"

ไวเทลเหลือบสายตามามองเล็กน้อยก่อนตอบ​ ถึงจะไม่อยากพูดกับผีแต่ก็ต้องพูด​ เพราะไม่รู้จะนึกบ้าป่วนอะไรให้ปวดหัวขึ้นอีก

"หาความจริง"  แต่คนพูดก็ประหยัดคำเหลือเกิน​ จนผีหนุ่มได้แต่มองอย่่างไม่เข้าใจ

"เรื่องผมหรอ?"

และความเงียบของไวเทลก็เหมือนจะเป็นคำตอบที่ดี

"ไวท์นี่ก็แปลกนะ​ ปกติเวลามีสืบสวนอะไรเขาต้องทำกันอย่างลับๆไม่ใช่หรอ​ แต่ผมเห็นไวท์เข้ามาแบบโต้งๆ​ เปิดตัวด้วยรถสปอร์ท​สุดอลังการ​ แล้วยังจะลงไปสืบด้วยตัวเองที่ข้างล่างอีก​ งี้คนอื่นไม่สงสัยกันหรอ"

แต่พอเห็นเจ้าตัวยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม​ เฟริซิโอก็ได้แต่ทำหน้าอ่อนใจ​ ลอยเข้าไปยืนตรงหน้า​ สบเข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่างด้วยความจริงใจ

"เอาเถอะ​ แต่อย่าทำอะไรเกินตัวนะ​ ผมเป็นห่วง"

ดวงตาที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วงทำให้ภายในอกของคนมองอุ่นวาบขึ้นมาทันที​ ไวเทลได้แต่เสหลบสายตา​ ข่มจิตข่มใจ​ไม่ให้เตลิด​กับความรู้สึกแปลกๆที่ตีตื้นขึ้นมา  ความรู้สึกที่ทำให้เขาหงุดหงิดกับทุกสิ่งมากกว่าปกติ​ ความรู้สึกที่ไม่รู้จัก​ ควบคุมไม่ได้​ ความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิด​ หงุดหงิดเพราะเขาไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดีตราบเท่าที่มีผีตนนี้อยู่ข้างๆตลอดเวลา​ ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วๆเพื่อที่จะได้ไม่ถลำลึกมากกว่านี้

"ไม่จำเป็น​ ปกติเวลามาตรวจแบบสุ่ม​ ก็จะเดินไปเดินมาแบบนี้แหละ​ ต่อให้ทำอะไรแปลกๆก็ไม่มีใครสงสัย"   แต่แบบนี้หลักฐานที่ถูกปกปิดก็ยิ่งถูกเก็บซ่อนน่ะสิ​ เฟริซิโอได้แต่ถามในใจ​ ไม่ได้ถามคนงามออกไป​จริงๆ​ ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ​ เพราะเขารู้สึกสังหรณ์​ใจไม่ดีแปลกๆ​

โซนผับแห่งตึกซิริโน ที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงอันดังกระหึ่ม​ เหล่าเด็กเรียกแขก​ หรือ​ บัตเตอร์​  ต่างเดินเยื้ยงย่างเฉิดฉายอวดความงามให้เหล่านักล่ามองกันตาเยิ้ม​ บางคนก็นั่งอิงแอบแนบซบกับแขก​

เวลาตีหนึ่ง​ เป็นเวลาที่ทุกคนเฝ้าจับตามองรอคอยชมความงามสุดหยั่งของบัตเตอร์  3​ อันดับ​แรก​ ที่มียอดความนิยมสูงลิบกว่าบัตเตอร์คนอื่นๆ​ เหล่าบัตเตอร์ที่มีแต่คนมีเงินเหลือล้นเท่านั้นถึงจะจองได้​รวมถึงเป็น​ 3​ คนที่มีสิทธิ์ขึ้นชั้นสูงกว่าชั้น​ 7​ มีห้องส่วนตัวหรูหรา​มีการ์ดตามอารักขาอย่างดี​  เหล่าคนธรรมดาที่อยากจะชมความงามสุดเฝ้าเพ้อฝันก็ได้แต่รอวันนี้​ได้เท่านั้น​

วันเสาร์สิ้นเดือน​  เวลาตีหนึ่ง​ ที่บัตเตอร์​ 3​ อันดับแรกจะออกมาวาดลวดลายแสดงโชว์ขอบคุณแขก​ประจำทุกเดือน​ แน่นอนว่าโอกาสงามๆแบบนี้ผู้คนย่อมไม่พลาดแน่นอน​

เมื่อนาฬิกาชี้บอกเวลาตีหนึ่ง​ เสียงเพลงที่กำลังดังกระหึ่มก็หยุดลงมันที​ แสงไฟที่เคยวิบวับสลัวๆก็มืดมิดลง ผู้คนต่างหยุดทุกกิจกรรมที่ทำ​ จ้องมองไปทางแสงไฟที่สาดส่องลงมาแค่ตรงกลางเวที เสียงเพลงยั่วยวนที่เริ่มคลอเบาๆก็ดังขึ้นเรื่อยๆ​ เมื่อมีเรียวขาเรียวยาวก้าวออกมาจากความมืด​ ความงามที่สะกดทุกสายตาให้หยุดมอง​ พาชวนให้คนลุ่มหลงแม้เห็นเพียงแค่เรียวขา​ และยิ่งชวนให้หยุดหายใจเมื่อเจ้าของเรียวขาก้าวเดินเนิบช้าออกมาจากความมืดมาโดนแสงไฟเพียงหนึ่งเดียวในผับทั้งตัว​ รูปร่างเรียวบางน่าทะนุถนอมแต่อวบอัดไปด้วยสัดส่วนยั่วยวนใจ​ ผมยาวสลวยสีดำตรงที่เคลื่อนไหวทุกครั้งที่เจ้าตัวขยับ​ ดวงตาคมเรียวสีอัลมอนด์​  เครื่องหน้าสวยคมชัดสไตล์สาวสเปนพาให้คนมองใจสั่นไหว​ แม้เธอจะเป็นแค่อันดับ​ 3​ เท่านั้น​ แต่ก็ทำให้คนที่พึ่งมาครั้งแรกอดที่จะตกใจไม่ได้​ ถ้าอันดับ​ 3​ สวยปานนางฟ้าเทียบชั้นนางเอกแถวหน้าได้สบายๆถึงขนาดนี้ แล้วอันดับหนึ่งจะขนาดไหนกัน...

สายตาคมเจ้าเล่ห์​ที่จ้องมองลงไปทางเวทีที่ชั้นสอง​ มองคนที่ก้าวเดินออกมาบนเวทีคนแรกด้วยสายตาพึงพอใจ​ พอใจมากที่ผลงานของเขาเฉิดฉายได้ขนาดนี้​ด้วยระยะเวลาเพียง 1​ เดือน​ จากอันดับ​ 10​ ขึ้นสู่อันดับ​ 3​ ไม่ง่ายเลยจริงๆ​ และอีกไม่นาน​ อันดับ​ 1​ ก็คงได้มาอย่างง่ายดายถึงเวลานั้นสิ่งที่เขาปรารถนาก็คงอีกไม่ไกลเกินเอื้อม

บัตเตอร์สาวมองชายหนุ่มข้างกายที่กำลังมองเพื่อนร่วมอาชีพของเธอ​บนเวทีก็ยิ่งเบียดอกอวบอิ่มแน่นเข้ากับต้นแขนชายหนุ่มทันที​

"ท่านคะ"

เสียงแหบพร่าเซ็กซี่ที่เรียก​ ทำให้เขาเบนสายตากลับมามองคนข้างกาย​ แค่เห็นแววตาของเธอ​ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอต้องการอะไร​ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากให้เธอก่อนจะหยิบเม็ดยากลมเกลี้ยงสีชมพูเม็ดเล็กใส่เข้าปากของหญิงสาวที่เผยอรออยู่แล้ว​ ริมฝีปากเรียวบางดูดดึงนิ้วเรียวของชายหนุ่มทันทีที่มาถึงปากเธอ​ เธอหลับตาเคลิ้มถึงฝันที่เธอจะมีโอกาสยืนบนเวทีบ้าง​ เธอกลืนยาลงคออย่างไม่ลังเล​ และยังคงดูดนิ้วเอาใจชายหนุ่มต่อไป​ เขากระตุกยิ้มมองกระต่ายน้อยข้างกายที่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นแม่เสือสาว​ ทาสสวาทของเขาอีกคนแน่ๆ​

จากเสียงดูดนิ้วยั่วเย้า​ เธอเลื่อนกายลงไปนั่งคุกเข่า​ มองเขาด้วยสายตายั่วยวนก่อนจะใช้ปากรูดซิบกางเกงเขาลงเบาๆ​ ชายหนุ่มมองเธอด้วยความพอใจ​ ให้เธอจัดการกับมันต่อไปอย่างไม่คัดค้าน​ เขาเอนพิงโซฟาแสนสบาย​ สายตาเลื่อนมองลงไปบนเวทีอีกครั้ง​ด้วยสายตาเปี่ยมสุข​ เสียงกระซิบบางเบาข้างหูของมือขวาที่บอกเรื่องราวบางอย่างทำให้ดวงตาของเขาลุกโชนมากยิ่งขึ้น​ มุมปากแสยะยิ้มกว้าง ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดก็ได้

"หึหึ  กำลังรออยู่เชียว​ ไวเทล​ เลโอนี"

---------------------------------------
เค้ามาแล้ววววววววววว​ มาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ยังไปไหนไม่ไกลและยังเปิดตัวละครลึกลับคนใหม่อีกต่างหาก​ 55555​ ขอบคุณที่ติดตามและรอกันนะค่าาาา​ จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน​ อาจจะมาช้าบ้างแต่จะมาเรื่อยๆแน่นอนค่ะ​ 

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-06-2019 15:29:55
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 09-06-2019 22:06:09
คลื่นที่​ 7


แสงไฟที่สว่างไสวแค่บนเวที​ ทำให้ทุกที่มืดสลัวจนยากจะมองหน้าใครออก​ แม้แต่การ์ดที่มักจะจำหน้าไวเทลได้ขึ้นใจก็ไม่รู้ตัว​ว่า​มีคนงามเจ้าของนัยน์ตา​สีฟ้ามายืนข้างๆ​ แถมยังจ้องไปทางบนเวทีเขม็ง​ไม่ต่างอะไรกับแขกคนอื่นๆที่ทุกคนต่างจ้องมองคนที่อยู่บนเวทีอย่่างหลงใหล

เสียงเพลงยั่วยวนเริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นนุ่มนวล​ ​เมื่อ​ขาเรียวเล็กภายใต้กางเกงขาสั้นก้าวเดินออกมาจากความมืด​ ผิวขาวเนียนละเอียดที่สะท้อนแสงไฟ​จนเปร่งแสงระยิบระยับ​ นัยน์ตา​สีน้ำตาลอ่อนรับกับเส้นผมหยักศกสีคาราเมลที่ล้อมกรอบใบหน้าจิ้มลิ้ม​ ดูเบาะบางน่าทะนุถนอม​ชวนให้คนอยากปลอบประโลมคนนัยน์โศกที่มักติดยิ้มบางเบา​ ดูราวตุ๊กตากระเบื้องเครือบชั้นดี​ สูงส่งล้ำค่า​ ควรค่าแก่การปกป้องดูแล

เฮอะ ก็แค่พวกอ่อนแอ​

ไวเทลเบะปากใส่หมายเลขสองของผับอย่างหมั่นไส้และหงุดหงุด คนที่ดูราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ​ ดีแต่ยิ้มโง่ๆ​ เอะอะบีบน้ำตานี่มีอะไรดี แขกทั้งหลายรวมถึงใครบางคนถึงได้หลงนักหนา​ ยกย่องชูไว้สูง​ ว่าแล้วก็ตวัดตามองสิ่งมีชีวิตข้างกาย​ ที่เหมือนคนถูกมองจะไม่รู้ตัว​ เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองไวน์ที่มีบริกรถือใส่ถาดผ่านไปมา​ ฮืออออ​ เค้่าอยากกินจริงๆนะ​ ผีหนุ่มได้แต่มองตามไวน์ตาละห้อย​ ไม่สนใจบนเวทีสักนิด​ ไวเทลได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจ​ ก่อนจะจุดยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี​ และหันไปมองบนเวทีอีกครั้ง​

ความหงุดหงิดที่สะสมมาทั้งวันเริ่มจางหาย​ ตามหาคนทรยศตัวจริงงั้นหรอ​ อย่างน้อยวันนี้ก็ก้าวหน้าไปหนึ่งอย่างล่ะนะ​

ไวเทลกวาดสายตามองรอบๆทีหนึ่ง​ สลับกับมองบนเวทีและผีข้างกายทีหนึ่ง​ ก็เห็นว่าทุกอย่างยังปกติดี​ ท่าทางวันนี้คงได้เรื่องแค่นี้แหละนะ​ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว​ ไวเทลก็เดินหันหลังเตรียมกลับไปนอนบ้านทันที

จังหวะที่หมุนตัวเดินออก​ ไวเทลได้ชนเขากับบริกรที่กำลังถือไวน์เข้าอย่างจัง​ จนไวน์สีแดงสดหกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาจนเป็นรอยด่างดวง​ ทำให้คนรักสะอาดตวัดตามองบริกรด้วยความหงุดหงิดทันที​ อะไรกันหนากันหนาว่ะวันนี้

"ขะ...ขอโทษครับ"

บริกรหนุ่ม​ เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของแขกก็หน้าซีดเผือกขอโทษขอโผย หาผ้าจะมาเช็คคราบไวน์ที่ตนทำหก​อย่างลนลาน​ พอเห็นท่าทีเงอะงะ​แบบนั้นไวเทลก็ได้แต่กรอกตามองอย่่างเหนื่อยใจ​ เอาเถอะ​ ถือว่าเขาหันหลังไม่ระวังแล้วกัน

ไวเทลบอกบริกรเบาๆว่าไม่เป็นไร​ ก่อนจะมุ่งตรงไปทางห้องน้ำทันที​ ไม่สนใจสายตารู้สึกผิดเล็กน้อยของบริกรชายสักนิด

นอกจากแสงไฟบนเวที​ ก็มีแต่ห้องน้ำนี่แหละที่ยังมีแสงสว่างให้คนเดินเข้าเดินออกมาทำธุระได้​ แต่เหมือนผู้คนจะมุ่งความสนใจไปที่เวทีกันหมด ทำให้ระหว่างทางมาห้องน้ำเงียบเชียบและไร้คนเดินสวน​

ไวเทลเดินตรงไปที่อ่างล้างหน้า​ เปิดน้ำใส่ผ้่าเช็ดหน้าเบาๆแล้ว​นำมาเช็ดตรงที่ไวน์หกใส่​ เขาไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ​ของน้ำพวกนี้เวลาอยู่บนตัวเลยสักนิด​ ได้แต่รีบเช็ดให้ความเหนียวหายไปสักหน่อยก็ยังดีแล้วค่อยไปอาบน้ำให้สบายตัวที่บ้านอีกที​

เมื่อเช็ดคาบความเหนียวไม่สบายกายจนดีขึ้นในระดับหนึ่งไวเทลก็เดินเร็วๆออกจากห้องน้ำหวังจะรีบกลับบ้านไปอาบน้ำเต็มแก่​ แต่จังหวะที่จะเลี้ยวออกจากห้องน้ำ​ สัญชาตญาณ​บางอย่างของเขาก็ทำงานทำให้ร่างกายหยุดชะงัก​ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเมื่อขวดสเปรย์ที่ถูกยื่นมาจากหัวมุมทางออกห้องน้ำ​ ถูกฉีดใส่หน้าเขา​ แต่ไวเทลเบี่ยงหลบออกมาได้ทันอย่างฉิวเฉียด​ ใช่... ฉิวเฉียด​เพราะมีบางส่วนที่กระทบหน้าเขาบางเบา​ แต่แค่นั่นก็ทำให้เขาถึงกับเซเพราะกลิ่นฉุนบางอย่าง​ เจ้าตัวตั้งสติ​ ยกมือปิดจมูกทันท่วงที​ คนหัวมุมห้องน้ำ​โผล่ออกมาเผชิญหน้ากับไวเทล​อย่างว่องไว​ ยกมือจะสับลงหลังคอ​ แต่ไวเทลหมุนหลบยกขาเตะข้อพับอีกคนเข้าอย่างจัง​ คนชุดดำทรุดตัวลงกับพื้นทันที​ ไวเทลไม่รอช้า​ รีบวิ่งออกจากห้องน้ำ​ เพราะรู้แล้วว่าสติของตัวเองเริ่มเลื่อนลางลงทุกที​ อย่างน้อยเขาต้องออกไปที่ที่คนพลุกพล่าน​มากกว่านี้​

คนชุดดำในห้องน้ำวิ่งตามหลังไวเทลออกมาทันทีที่ลุกขึ้นได้​ ไวเทลหันกลับไปมองและสบถออกมาเบาๆ​ ลุกไวจริงนะ​ เขาวิ่งให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมซิกแซกบนทางเดินอย่างชำนาญมีสะดุดเซบ้างแต่ก็ยังตั้งสติได้​

จังหวะจะเลี้ยวเข้าไปในโถงใหญ่ที่มีคนมากมายก็มีชายหนุ่มใส่แว่นตาดำ​ พุ่งออกมาจากมุมเลี้ยว​ฉีดสเปรย์​เข้าหน้าไวเทลที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าอย่างจัง ไวเทลได้แต่เบิกตากว้างก่อนที่สติจะมืดลงล้มใส่อ้อมแขนคนตรงหน้าที่รอรับอยู่แล้วทันที​ ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ถึงเสี้ยววินาที​ เงียบเชียบไร้เสียงไร้ร่องรอย​ และสื่อถึงคุณภาพของสเปรย์​ยาสลบอย่างดีเยี่ยม​

ชายชุดดำที่วิ่งตามหลังมาเห็นไวเทลในอ้อมกอดของเพื่อนก็เป่าปากโล่งใจ​ที่งานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี​ แม้จะมีขรุขระบ้างก็ตาม

"ที่หลัง​ระวังกว่านี้" เสียงเข้มหันไปบอกเพื่อนก่อนจะแบกไวเทลขึ้นบ่าพาไปอีกทางหนึ่งทันที





เสียงเฮที่ดังกระหึ่มทำให้เฟริซิโอสะดุ้งหลุดออกจากการมองตามแก้วไวน์​ เจ้าตัวหันไปมองรอบๆว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมแขกถึงส่งเสียงดังขนาดนี้​

"ทำไมเสียงดังกั..."

เฟริซิโอกะหันไปถามคนข้างกาย​ แต่ความว่างเปล่าตรงหน้าทำให้ผีหนุ่มหน้าขรึมลงทันที​ ไวเทลหายไปไหน  และความไม่สบายใจบางอย่างก็พุ่งริ้วขึ้นมาเสียดแทงใจเขาทันที​ ลางสังหรณ์.... บ้าเอ๊ย​ คาดสายตาได้ไงว่ะ​ ผีหนุ่มได้แต่สบถด่าตัวเองก่อนจะลอยหายไปหาอีกคนทันที

"ไวท์"

อย่าเป็นอะไรเลยนะ



-------------------------------------



มัวแต่มองไวน์จนลืมน้องงงง​ ตามไปช่วยน้องเดี๋ยวนี้!!

นายเอกของเราจะขี้หงุดหงุดหน่อยๆ​ ? ให้อภัยน้องด้วยนะคะ​ อย่าพึ่งรำคาญน้อง​ น้องมีเหตุผลลลลล 555555

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-06-2019 09:14:06
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 17-06-2019 21:10:18
คลื่นที่​ 8



"เมื่อไหร่จะฟื้นว่ะ"

"ไม่นานหรอก​ น่าจะอีกสักครึ่งชั่วโมงได้"

"เออ!! แต่ว่า...สวยชิบ"

"นั่นควีนของแก๊งเลยล่ะ"

"เอาได้ไหมว่ะ"

"หึ  ก็ไม่แน่​ รอคำสั่งนายก่อนดีกว่า"

"แล้วนายว่าไงบ้าง"

"นายบอกว่า...."

"เชี่ยยยย​ เออออ​ ลาภปากแล้วกู​ ฮ่าๆๆๆๆ"


แล้วนายบอกว่าอะไรว่ะ​ ทุกประโยคพูดดังเหมือนไม่กลัวใครได้ยินแท้ๆ​แต่ทำไมประโยคสำคัญถึงต้องเบาด้วย​ว่ะ ไวเทลได้แต่สบถด่าในใจ​ ถ้าเป็นสถานการณ์​ปกติเขาคงขมวดคิ้วหงุดหงิดไปแล้ว​ แต่นี่ต้องทำเป็นสลบหน้านิ่ง​แม้ในใจจะหงุดหงิดแค่ไหนก็ตาม


ใช่...เขาไม่ได้สลบอยู่อย่างที่พวกมันเข้าใจ​ เอาเข้าจริงก็เหมือนจะสลบไปวูบหนึ่งเหมือนกัน​ ยาสลบที่ฉีดมันโดนหน้าเขาเต็มๆจนเผลอสูดไปนิดหนึ่งแม้เขาจะรีบกลั้นหายใจแต่ก็ยังทำให้สลบไปวูบหนึ่งอยู่ดี ยาสลบบ้า​นี่มันแรงจริงๆ​ แต่ถือว่าโชคดีที่เขาสูดเข้าไปน้อยเลยฟื้นก่อนเวลา​ ยังพอมีเวลาถ่วงไปได้อีกสักพัก​

ถ่วง...เพื่อให้คนของเขาเข้ามาช่วยและถ่วงเพื่อแอบฟังว่าใครมันจับเขามาและทำเพื่ออะไร

แต่ไอ้พวกนี้ก็พูดแค่นายๆ ทำไมไม่เอ่ยชื่อออกมาบ้างว่ะ​ ไวเทลได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายในใจ​ เอาเถอะไว้ค่อยจับไปเค้นหาความจริงก็ยังไม่สาย​

ไวเทลอาศัยช่วงที่พวกโง่นี่คุยหัวเราะเสียงดัง​ กดกระดุมสีดำที่อยู่ตรงแขนเสื้อเบาๆ​ สองที​ ส่งให้คนของเขารู้ว่ายังพอมีเวลาอีก​ครึ่งชม.​ ก่อนหน้าที่เขาจะสลบเพราะยา สัญชาตญาณ​ของเขากู่ร้องจนกดเข้าที่กระดุมไปหนึ่งที​แล้วตอนนี้คนของเขาน่าจะวุ่นวายกันแล้วล่ะ

กระดุมเม็ดนี้คือปุ่มสัญญาณลับที่ถูกติดเข้ากับเสื้อผ้าและอีกหลายที่ในร่างกายเผื่อมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น​ เขาจะได้กดขอความช่วยเหลือให้ทางแก๊งส่งคนมาช่วยเขาได้อย่างทันท่วงที แม้เขาจะไม่เคยใช่มันมาก่อนก็เถอะ เพราะปกติกรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก ศัตรูส่วนมากจะเพ่งเล็งไปที่บอสมากกว่าที่จะเป็นตัวเขาเอง แต่ไอ้บอสขี้ห่วงก็ยังให้เขาติดปุ่มสัญญาณพวกนี้ไว้กับตัวอยู่ดี ถือว่าความรอบคอบของบอสช่วยเขาได้ดีจริงๆ เพราะถึงเขาจะเป็นเลขาผู้เก่งกาจ แต่เขาก็เก่งงานเอกสารมากกว่า แม้จะได้เรียนศิลปะการต่อสู้มาพร้อมบอสตั้งแต่เด็ก แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่ได้เก่งการต่อสู้ขนาดมือซ้ายหรือการ์ดบอสเลยสักนิด แต่ถ้าให้พวกนั้นมานั่งโต๊ะจัดการธุรกิจพวกนั้นก็ทำไม่ได้เหมือนเขาเช่นกัน พวกครูฝึกและนายท่านเล็งเห็นตรงนี้ เลยฝึกให้เขาใช่เทคนิคในการเอาตัวรอดมากกว่าใช้กำลัง ด้วยรูปร่างและความสามารถ​ เขาไม่สามารถฝึกการต่อสู้แบบใช้กำลังเข้าสู้พวกตัวถึกได้แน่ๆ การมีเทคนิคจะทำให้เขาพอสู้กับพวกปลายแถวหรือถ่วงเวลาหาทางหนีพวกระดับกลางๆได้ และนี่แหละเลยเป็นเหตุให้บอสเอาพวกปุ่มติดตามสัญญาณขอความช่วยเหลือต่างๆมาติดให้เขาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่งครั้งนี้เขายอมรับว่าประมาทเกินไปจริงๆที่ไม่เอาการ์ดติดตัวมาด้วย เพราะคิดว่านี่ถิ่นเขาใครจะมาทำอะไรได้


“แต่เอาจริงๆกูก็อยากขึ้นไปชั้น 8 เหมือนกันนะ”


ประโยคนี้ของพวกที่ลักพาตัวเขามาทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ทันที


“คิดว่าระดับเราจะได้ขึ้นไปหรือไงว่ะ”

“ใช่  มีแต่พวกแนวหน้าทั้งนั้นแหละที่ได้ตามนายขึ้นไป”

“ก็แค่หวังไหมว่ะ เห็นเขาว่าชั้นนั้นเด็กแจ่มสุดๆ”

“อยากดูคนแจ่มๆดูนี่ก็ได้ไหมว่ะ แจ่มเหมือนกัน”

ว่าแล้วก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของไวเทลลงสามเม็ด เผยให้เห็นอกขาวเนียนไร้ที่ติและเม็ดเชอรี่เย้ายวนร่ำไร ไอ้พวกบัดซบนี่นิ!!

“ซี๊ดด เด็ดจริงโว๊ยยย”

“ฮ่าๆๆ ต่อให้เป็นไอ้พวกแถวหน้าก็ต้องอิจฉาพวกเราเว้ย”

“แม่ง เมื่อไหร่บอสจะคุยเสร็จว่ะ อยากทดสอบยาจะแย่อยู่แล้ว”

“หึหึ รออีกนิดสิเว้ย”

แล้วพวกมันก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนไวเทลคิ้วกระตุก เหอะ คิดจะทำอะไรเขาน่ะหรอ อย่าหวัง!!



ปัง !!


เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงทำให้พวกที่อยู่ในห้องสะดุ้งหันไปมองทางประตูไปตามๆกัน ร่างใหญ่บึกบึนให้ชุดสูทสีดำสนิท ทำให้คนในห้องต่างกลืนน้ำลายหน้าซีดทันที

“ละ...ลูกพี่ มะ...มีอะไรหรอครับ”

ร่างสูงผลักคนที่ถามให้พ้นทาง จนคนโดนผลักส่งเสียงร้องตกใจออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ไวเทลจะได้ยิน สัญชาตญาณของเขาตื่นตัวทันที มีอะไรบางอย่างผิดปกติ ร่างสูงใหญ่ยืนมองคนที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆด้วยสายตาเป็นประกาย รอยยิ้มถูกจุดที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือหวังไปจับคนแกล้งสลบให้ลุกขึ้นมา

วินาทีที่ปลายนิ้วแตะที่ต้นแขนบางเบา ไวเทลลืมตาพรึ่บ สะบัดหมอนฟาดใส่หน้าคนตรงหน้าสุดแรง ทำให้ร่างสูงใหญ่ชะงักทันที ไวเทลไม่รอช้ากระโดดลงจากเตียงวิ่งไปทางประตู แต่พวกที่อยู่ตามรายทางแม้จะตกใจแต่ก็พอจะไหวตัวทันวิ่งเข้ามาสกัดไวเทลทันที คนที่ดูอ้วนที่สุดวิ่งมากะกระแทกไวเทลให้ล้ม แต่ไวเทลกระโดดเหยียบไปที่พุงให้ร่างกายถูกส่งขึ้นไปสูงๆ ตีลังกาข้ามหัวไอ้อ้วนไปได้เป็นอย่างดี แต่คนผอมสูงที่ถูกผลักตั้งแต่แรกวิ่งเอาไม้ฝาดมาจากทางขวาจุดที่ไวเทลกระโดดลงมา ไวเทลโยกตัวหลบไปทางซ้ายรอดจากไม้อย่างหวุดวิด ไวเทลกลิ้งออกซ้ายก่อนจะลุกขึ้นเตรียมวิ่งไปทางประตู แต่แล้วก็มีคนที่ตัวเล็กๆกระโดดมาขวางหน้าประตูทันที

ไวเทลพุ่งเข้าหาทันที​ ยกสองมือที่ยังมีกุญแจคล้องอยู่จับหมุนคอคนตรงหน้าไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว จนคนโดนหมุนคอทรุดลงกับพื้นหมดลมหายใจไปทันที เขาหมุนประตูวิ่งออกไปอย่างไม่คิด แต่แค่ก้าวออกไปก็ชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ที่ยืนหน้านิ่งอยู่หลังประตู กำแพงมนุษย์ร่างสูงใหญ่ผมทองมองลงมาแสยะยิ้มใส่ไวเทล ไวเทลจิ๊ปากหนึ่งทีก่อนจะก้าวถอยหลังก้าวแต่จังหวะที่ก้าวถอยหลังก็มีแขนใหญ่มาล็อคคอเขาไว้ ไวเทลจับที่แขนข้างนั้นก่อนจะทุ่มลงพื้นไปทางกำแพงมนุษย์ทางประตู คนที่อยู่ตรงประตูปัดคนที่ถูกฟาดมาทางตัวเองทันที เขาอาศัยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวหลบออกนอกประตูได้สำเร็จ เขาวิ่งสุดฝีเท้า​

แต่แล้วอยู่ๆประตูห้องพักห้องข้างๆก็เปิดมากระแทกใส่ตัวเขาเต็มๆจนกระเด็นไปโดนคนผมทองที่วิ่งตามหลังมา​ มันจับเขากดลงพื้นล็อคท้ายทอยและกลางหลังทันที​ ไวเทลพยายามสะบัดตัวออกแต่ไม่สำเร็จ​เลยได้แต่นอนถอนหายใจฟึดฟัด​ ขายาวในกางเกงสเล็คก้าวออกมาจากห้องที่เปิดประตูมากระแทกตัวเขา​ ไวเทลมองขึ้นไปจนเห็นคนผมสีขาวที่มีรอยบากที่ลากยาวจากคิ้วมาจนถึงข้างแก้ม​ มันมองลงมาทางเขาอย่างหยามเหยียด​ก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้า​และจับกระชากหัวไวเทลให้เงยมองหน้าเจ้าตัว

"หึ​ เก่งจังนะ​ เป็นแค่เลขาแท้ๆ"

ไวเทลจ้องมองคนตรงหน้านิ่งด้วยสายตาไม่มีแววสั่นกลัว​ ฟอรท์กระตุกยิ้มมุมปากเหมือนเจอของถูกใจ​ เพราะถ้าพังง่ายๆก็ไม่สนุกน่ะสิ

ฟอรท์จับผมไวเทลให้แหงนหน้าขึ้นไปอีก​ ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาจากในกระเป๋ากางเกงออกมา​ ไวเทลมองเข็มฉีดยาที่มีน้ำสีชมพูใสอยู่ข้างในอย่างแข็งกร้าว

"แกจะทำอะไร"

"หึ​ เดี๋ยวก็รู้" ฟอรท์กดเข็มเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอของไวเทลทันที​ ไวเทลไม่ทันจะสะบัดดิ้นหนี​ น้ำยาสีชมพูก็ถูกฉีดใส่เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว​ บัดซบเอ๊ย!!

"ยินดีต้อนรับสู่โลกของความหฤหรรษ์​นะ​ คุณเลขา"


------------------------------------------

กรี๊ดฉากบู๊มันยากจริงเลยค่าาาา​
เจอคำผิดบอกได้นะคะ​ เม้นติชมได้เสมอจ้าาา​


หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 23-06-2019 17:10:30
คุณเลขาอย่าเป็นอะไรนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 07-07-2019 23:01:29
คลื่นที่​ 9





"เร็วสิ!! เกินเวลาแล้วเนี่ย "



ชายร่างท้วมเร่งเด็กที่ตัวเองเรียกมาสนุกฆ่าเวลาก่อนจะถึงเวลาตีหนึ่ง แต่เหมือนจะสนุกเพลินเกินไปนิดจนเลยเวลามาหลายนาทีแล้ว​ บ้าชะมัด!!



"เสร็จแล้วค่าาา"



สาวน้อยร่างเล็กขานรับเสียงใส​ พร้อมกับรูดซิปกระโปรงไปเดินไปหาคนที่เร่งเธอไป​ หึ!สมน้ำหน้า มัวแต่มากตัณหาจนลืมเวลา​ งี้แหละพวกไม่มีปัญญาซื้อพวกคิวทองก็ได้แต่หันมาซื้อเด็กเกรดล่างๆแบบพวกเธอ ขอโทษเถอะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กเกรดล่างอย่างเธอ จะมีใครอยากนอนกับพวกตัวเหม็นแบบนี้ไหม แต่ถึงจะบ่นจะด่าลูกค้าในใจขนาดไหนใบหน้าก็ยังคงยิ้มแย้มเดินมาเกาะแขนออเซาะอย่างน่ารัก​



ชายกลางคนรีบเดินไปเปิดประตูทันทีที่สาวน้อยเดินมาเกาะแขนแล้วอย่างรีบร้อน​





ผลัวะ





เสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นมากระทันหัน​ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงทางเดินหันไปมองทันที​ แม้จะเป็นเวลาแค่สั้นๆไม่ถึงเสี้ยววิ​นาทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกแต่มันก็สามารถทำให้คนที่จับกดไวเทลลงกับพื้นชะงักเผลอคลายแรงที่กดลง​ ไวเทลที่ปรายตามองเพียงเสี้ยววิเห็นคนที่เปิดประตูเป็นแขก​ก็ไม่รอช้า​ ดีดตัวจากแรงกดที่ถูกคลาย​วิ่งไปทางบานประตูที่พึ่งถูกเปิดออกทันที​



ฟอร์ทที่ไหวตัวทัน พุ่งตามไวเทลไปติดๆ ไวเทลได้แต่จิ๊ปากขัดใจทันทีที่เห็นว่าฟอร์ทตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเขาทันทีแบบนี้



ไวเทลไม่มีทางเลือก เขาคว้าหญิงสาวที่ยืนตกใจอยู่ปลายเอื้อมมือ​โยนเข้าใส่ฟอร์ท​ที่กำลังจะถึงตัวเขาเข้่าอย่างจัง​จนทั้งคู่ล้มลงกับพื้น ไวเทลอาศัยจังหวะนี้วิ่งเข้าห้องล็อคประตูอย่างแน่นหนา



ฟอร์ทโยนหญิงสาวไปด้านข้างอย่างไม่สนใจ​ วิ่งไปหมายจะเปิดประตูห้อง​แต่ก็ไม่ทัน มันถูกล็อคจากข้างในแล้ว​ ฟอร์ทได้แต่ทุบประตูอย่างหัวเสีย



"บัดซบ"



เพราะเขารู้ดีว่าประตูทุกบานของที่นี่แน่นหนาขนาดไหน ถ้าไม่มีรีโมทบังคับเปิดจากหัวหน้าของที่นี่หรือคีย์การ์ดห้องต่อให้ใช้แรงช้างสารทขนาดไหนก็ไม่สามารถทำลายประตูได้...



คีย์การ์ด!!  ฟอร์ทตวัดสายตาไปมองทางชายร่างอ้วน​ทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งเลิ่กลั่ก​เห็นสายตาคมดุที่จ้องมองมา​ก็รู้ทันที​ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร​ เขารีบคว้านหาคีย์การ์ดไปทั่วตัว​ ก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มแห้งๆใส่ฟอร์ท​เพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาลืมหยิบคีย์การ์ดออกมา​  ให้มันได้อย่างนี้สิว่ะ!! ฟอร์ทเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน



“มันหนีไปได้”



“...”



“อืม”



ฟอร์ทกดตัดสายทันทีที่อีกฝ่ายสั่งการเสร็จสิ้น เขามองไปที่ประตูบานนั้นก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์



“หึ จะรอดไปได้นานแค่ไหนกันเชียว”













ภายในห้องมืดมิด ไวเทลนอนกอดตัวเองอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน ไม่สิ ต้องบอกว่าเขาขยับไปไหนไม่ได้ต่างหาก เขาหอบหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เหงื่อผุดซึมทั่วกรอบหน้าขาว ทันทีที่ปิดประตูได้ร่างกายของเขาก็มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ไวเทลได้แต่กัดฟัน  จิกเล็บเข้ากับต้นแขนแน่นเพื่อพยายามประคองสติตัวเองให้ได้นานที่สุด พวกบ้านั่นมันบังอาจฉีดยาปลุกเซ็กซ์ใส่เขา บ้าชะมัด!!



ไวเทลพยายามกดไปที่กระดุกสีดำที่ปลายแขนเสื้อด้วยมืออันสั่นเทาย้ำๆ สื่อให้ทีมช่วยเหลือรู้ว่าเขาไม่อาจรีรออะไรได้อีกแล้ว เพราะยาที่ถูกฉีดมานี้มันมีฤทธิ์รุนแรงมากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้

สติของเขามันน้อยลงทุกทีจนน่าใจหาย



ไวเทลพ่นลมหายใจเข้าออกก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นมา​ ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดคลานไปทางห้องน้ำหวังว่าน้ำเย็นจะช่วยถ่วงเวลาให้เขาได้บ้างนะ













เฟริซิโอ้ลอยวนอยู่แถวชั้นสาม​อย่างลนลานสองตามองหาใครบางคนที่เขาหวังว่าจะเจอในไม่ช้านี้ ไวท์...คุณอยู่ไหนกันแน่!! เขาพยายามหาไวเทลทั่วทั้งชั้นสองจนหมดทุกที่ก็ไม่มี เขาเลยขึ้นมาหาที่ชั้นสามแต่ก็ยังไม่เจอ​ หัวใจของเขามันเต้นรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ลางสังหรณ์เริ่มเด่นชัดขึ้น ยิ่งสัญชาตญาณทำงานมากแค่ไหนเขายิ่งกังวลถึงไวเทลมากขึ้นเท่านั้น​



สองตาของเขากวาดมองทุกพื้นที่​ สองหูเปิดรับฟังเพื่อฟังเสียงคนที่ตามหา​ โชคดีที่เสียงดนตรีเบาลงกว่าปกติเพราะการโชว์ตัวของ​ 3​ อันดับร้านไม่จำเป็นต้องใช้เพลงบีทหนัก​ๆ​ เขาเลยสามารถเปิดประสาทรับฟังได้มากกว่าปกติ​ และเขามั่นใจ​ต่อให้เสียงไวเทลเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน



"เกือบไปแล้วไหมล่ะ​ เพราะความชักช้าของเธอแท้ๆ"



ชายร่างอ้วนหันไปโวยสาวข้างกายด้วยใบหน้าซีด​ซียวและเหนื่อยหอบ ถ้าเมื่อกี้เขาไม่วิ่งหนีออกมาทันทีที่หาคีย์การ์ดให้คนหน้าดุไม่เจอ​ เขาอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้​ นี่ดีแค่ไหนที่พวกมันไม่วิ่งตามมาฆ่าเขา​ หญิงสาวที่เดินลูบแขนที่มีรอยแดงจางๆหันขวับไปมองค้อนใส่คนโวยวายใส่เธอทันที



" นั่นเพราะความมักมากของแกต่างหาก"



"ว่าไงนะ!!"



"หรือไม่จริง! ถ้าแกไม่มัวแต่จะเอาไม่ลืมหูลืมตา​ป่านนี้ก็ไม่ต้องมาเจอพวกนั่นหรอก"



"อีนี่​ มึงไม่มีสิทธิ์มาด่ากูแบบนี้!"



"เหอะ! ​เพราะมึงแหละกูถึงซวยไปด้วย"



เสียงด่าทอโวยวายใส่กันของคนสองคนที่ทางขึ้นลงบันไดของชั้นสี่และชั้นสามทำให้เฟริซิโอ้หันไปมองเล็กน้อยก่อนจะลอยผ่านไป​เพื่อขึ้นไปหาชั้นสี่บ้าง​เพราะชั้นสามเขาก็หาจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้วเหมือนกัน​ แต่จังหวะที่กำลังจะบินผ่านสองคนนั้น​ ประโยคบางอย่างที่หลุดออกจากการด่าทอกันกลับทำให้เขาชะงักทันที



"แล้วก็ยืนโง่ๆให้ผู้ชายสวยๆนั่นโยนไปทางไอ้โหด สมควรแล้วที่จะแดงช่ำแบบนี้"



"อยู่ๆมีคนเหมือนจะมีเรื่องกันอยู่หน้าห้อง​ ใครจะไม่ตกใจบ้างเล่า"



"แต่ก็ไม่ควรยืนโง่ๆให้เขาโยนเล่นไหม"



"ฉันไม่ได้ยืนโง่ๆ!"



"นี่ดีแค่ไหนที่ไอ้หัวขาวไม่ยิงเราทิ้ง​เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนสวยๆคนนั่นหนีเข้าห้องไปได้​ อ่า... ถึงจะเห็นแค่แวบเดียวแต่ก็เป็นผู้ชายที่สวยชะมัดเลย"  พ​อพูดถึงแล้วก็แสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มหื่นกระหายทันที



"ไอ้แก่ตัณหากลับ​ เวลาจะเป็นจะตายยังจะหื่นได้อีก​หรอว่ะ"



"เรื่องของกูโว๊ย!!"



ผู้ชาย? สวย?  มีเรื่อง? ไวท์หรอ​ ถึงจะไม่มีคำพูดไหนหลุดชื่อไวเทลออกมา​ แต่ผู้ชายที่สวยขนาดมองเพียงแปปเดียวและยังอยู่ในสถานการ์ณอันตรายยังทำให้คนอื่นเคลิบเคลิ้มได้จะมีกี่คนกันเชียว​ ขนาดอันดับสองของที่นี่ยังทำไม่ได้เล​ย!!



ไม่รอช้าเฟริซิโอ้พุ่งตัวไปทางชั้น​สี่ทันที​ ทางเดินที่ว่างเปล่าทำให้เขาใจหายวูบ​  เขากวาดตามองตามพื้นตามประตูหาร่องรอยบางอย่าง​ อย่างละเอียด​ จนมาถึงเกือบสุดทางเดิน​ ตรงนี้มีร่องรอยเหมือนมีการต่อสู้​กันเกิดขึ้น​ เฟริซิโอ้ไม่รอช้า​เขาทะลุประตูเข้าห้องๆหนึ่งบริเวณนั้นทันที​ ในห้องนี้มีแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่า​ ห้องน้ำก็ไร้คน​อยู่อาศัย​ เขาออกจากห้องนั้นทะลุอีกห้องหนึ่งใกล้ๆกันทันที​ สิ่งที่เขาเห็นไม่ต่างกัน​กับอีกห้อง​ ห้องที่มีแต่ความมืดมิดและว่างเปล่าไร้ผู้คน​แต่ห้องนี้กลับมีเสียงฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำบางเบา







ไวเทลกอดตัวเองแน่นขึ้น เอื้อมมืออันสั่นเทาไปหมุนฝักบัวจนสุด สายน้ำเย็นฉ่ำที่รินรดกายเปียกชุ่มไปทั้งตัว​ ทั้งๆที่น้ำหนาวเย็นขนาดนี้แต่ก็ไม่อาจลดทอนอุณหภูมิ​ร่างกายที่ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆนี้ได้เล​ย​ เขาทำได้เพียงจิกเล็บบนต้นแขนตัวเองเท่านั้น​ สติเริ่มเลือนลางลงทุกที​ ความใคร่ครอบงำไปทั่วสมอง​ เขาต้องการ​ เขาอยากปลดปล่อยความทรมาน​ ได้โปรดใครก็ได้ช่วยเขาที​ ช่วยเขาจากความทรมานนี้ที...





"ไวท์!!!"



เสียงตะโกนคุ้นหูของใครบางคนฉุดสติที่เริ่มจางหายกลับมา​ เสียงตะโกนแห่งความห่วงใยทำให้เขาปรือตามองช้าๆ​



สีเขียว...นั่นคือสิ่งแรกที่เขาเห็น​ สีเขียวที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง​ แต่ตอนนี้สีเขียวนั้นฉายชัดหลากหลายอารมณ์​ ห่วง​ กังวล​ กลัว​ หึ! คนที่ชอบยิ้มใส่คนอื่นหน้าตายก็ทำหน้าตื่นตูมได้เหมือนกันสินะ​ ไวเทลยิ้มน้อยๆให้กับความห่วงใยตรงหน้า​ หัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความต้องการเมื่อคู่กลับอบอุ่นวาบขึ้นมาจนเหมือนความใคร่จะจางหายไปชั่วขณะ



"ฟ...เฟย์..."



น้ำเสียงแหบพร่าที่เรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกไม่ได้ทำให้เขาดีใจสักนิด​ เฟริซิโอ้มีแต่ความกังวลอยู่เต็มหัวใจ​ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่​



"ไวท์..."



เขายื่นมือไปกะพยุงคนงามที่นอนคุ้ดคู้ขึ้นมา​ แต่แค่เพียงแตะต้นแขนบาง​มือของเขาก็ทะลุผ่านตัวไวเทลไปอีกด้านทันที​ เหมือนมีอะไรสักอย่างพังทลาย​ ไม่ว่าจะพยายามกวาดมือจับอีกคนแค่ไหน​ ก็เป็นเพียงภาพอันเลือนลางผ่านตัวไวเทลไปมาเท่านั้น​ เขากำมือตัวเองแน่นขึ้น​ จ้องมองไปที่ไวเทลด้วยดวงตาแดงก่ำ​ แม้แต่ตอนที่กำลังจะตายเขายังไม่เสียใจเท่านี้​ ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เล​ย



ไวเทลมองดวงตาสีเขียวที่น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ​ มองมือหนาที่พยายามจะจับเขาแต่ก็ทำไม่ได้นั่นด้วยความเจ็บปวดใจ​ เขาเข้าใจ​ เขารู้​ และเขาไม่ชอบเลย​ เขาชอบดวงตาสีเขียวที่ประกายความสดใสนั่นมากกว่าเสียอีก



"จะ...เจ้าโง่"



ไวเทลด่าคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเบาหวิว​ เอาจริงๆก็น่าแปลก​ เมื่อกี้ยังทุรนทุรายจะเป็นจะตาย​ ได้แต่อาศัยความเจ็บประคองสติ​ มาตอนนี้แค่เห็นอีกคนเจ็บปวดเพราะช่วยเขาไม่ได้​ ความร้อนรุ่มทรมานก็เหมือนจะจางหาย​ เรี่ยวแรงที่หดหาย​ก็เหมือนจะกลับมามีแรงอีกครั้ง​ มันน่าแปลกจริงๆนั่นแหละ



"วะ...ไวท์"



"ตะ...ตัวก็ใหญ่​ มาร้องไห้แบบนี้มันน่าเกลียด"



"...."



"ไป...ไปซะ"



"มะ..."



"นายช่วยฉันไม่ได้หรอก"



ไวเทลยิ้มบางเบาให้คนตรงหน้าที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขี้แยจังนะ...



"แต่นายให้คนอื่นมาช่วยฉันได้"



เฟริซิโอ้ตาโต​อ้าปากค้าง​ แววตาของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง​ เขายิ้มกว้างตาหยีใส่ไวเทลทันที



" ไวท์!! ​ คุณรอก่อน​รอผมนะ​ ผมจะไปตามคนมาช่วย"



ไวเทลมองรอยยิ้มกว้างอย่างกับเด็กๆก็ได้แต่ยิ้มมุมปากขำๆ​ ก็ดีว่าสีหน้าเสียใจนักหนานั่นแหละนะ



"อืม"



"ไม่นานผมจะรีบกลับมา"



"ไปสักทีเถอะน่า"



เฟริซิโอ้มองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใยก่อนจะพุ่งตัวออกนอกห้องน้ำไปตามหาใครบางคนที่หวังจะช่วยไวเทลได้ทันที​

ไวท์...อดทนอีกนิดนะ





ไวเทลมองเหม่อไปทางกำแพงที่ใครบางคนพึ่งทะลุออกไป​

หึ! บ้าชะมัด​ ใครเขาจะมองเห็นนายกัน เขาได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น​ ไม่รู้อีกคนสติแตกหรือโง่ไม่ทันคิดถึงความจริงเรื่องนี้กันแน่​ แต่มันก็คงดีกว่ามองตาแดงๆน่าสงสาร​ที่ทำอะไรไม่ได้คู่นั่นล่ะนะ



ไวเทลนอนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า​ เมื่อกี้เขาเผลอดีใจขึ้นมาจริงๆ​ ที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญความทรมานคนเดียว​ แม้จะเจ็บที่ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำเพราะเขา​ แต่ก็ดีใจที่มีใครอีกคนทรมานเป็นเพื่อน ย้อนแยงจริงๆ



ตึกตัก​ ตึกตัก



"อึก"



ไวเทลทรุดลงกอดตัวเองแน่นทันที​ที่อยู่ๆหัวใจก็เต้นเร็วรัว​ อุณหภูมิ​ร่างกายสูงปี๊ด​พุ่งพรวดขึ้นมาจนไม่อาจระงับอะไรได้อีกแล้ว​ เขาต้องการปลดปล่อย...



มือเรียวขาวเอื้อมไปถอดเข็มขัด​อย่างรีบร้อน​ ไวเทลจิ๊ปากกับความชักช้านี้​ เขาจะไม่ไหวแล้วนะ​  เมื่อถอดได้​เขาก็ไม่รอช้ารูดกางเกงสเล็คและซับในลงทันที​ มือขาวจับเข้ากับความแข็งขืนที่มีน้ำใสปริ่มรดรอการปลดปล่อยมาเนิ่นนาน​ เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว​ ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความกระสัน​ ทั้งเหงื่อและน้ำเย็นอาบชโลมผิวหน้าและผิวกายจนแยกไ​ม่ออก​



"อืมมม"



เขากัดริมฝีปากล่างอย่างอดกลั้น​ ขยับมือขวาให้เร็วขึ้นสุดกำลัง​ หัวสมองขาวโพลนคิดเพียงแค่จะกำจัดความร้อนรุ่มนี้ออกไป​ ความทรมานที่รอการปลดปล่อยมาเนิ่นนานทำให้ไวเทลอดกลั้นไว้ไม่ไหว​ทะลักทลายเหมือนเห็นแสงดาวพร่างพรายอยู่ตรงหน้าทันที​ มือขวาที่อ่อนปวกเปียกตกลงข้่างตัว​เมื่อสมปรารถนา​ เสียงหอบหายใจดังก้องห้องน้ำผสมผสานเข้ากับเสียงน้ำไหล​ แต่ยังไม่ทันได้หายใจให้สงบ​ ความร้อนก็พุ่งขึ้นมาอีกรอบ​จนคนงามน้ำตารื่น​ เขาจะไม่ไว้อยู่แล้ว​ เหมือนการปลดปล่อยเมื่อกี้มันไม่เพียงพอเลยสักนิด​ เขาต้องการ​ ต้องการใครก็ได้มาช่วยปลดเขาจากความทรมานนี้​  ไวเทลกัดปากจนเลือดซิบก่อนจะหลับตาขยับมือขวาขึ้นมาอีกครั้ง





ปัง



"แม่ง​! ลูกค้าลืมปิดน้ำหรือไงว่ะ"





ไวเทลขยับมืออย่างรวดเร็ว​ ไม่สนใจเสียงเปิดประตูและเสียงสบถของใครเลย​ เขาหวังเพียงพาตัวเองออกจากความทรมานนี้เท่านั้น​ อ่า...อีกนิด​



แก๊ก



"จริงๆเล...เฮ้ย!!"





"อ่าาา"



ชายหนุ่มในชุดทำความสะอาดเบิกตากว้าง​ จ้องมองน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งขึ้นมาตกตรงปลายเท้าเขาอย่างตะลึง​ ชายหนุ่มมองร่างสมส่วนที่นอนหายใจหอบระรัว​ ใบหน้างามแดงกล่ำชวนมอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกน้ำจนแนบเนื้อเห็นยอดอกรำไร เรียวขาขาวผ่องเบียดบิดเข้าหากันไปมาจนทำให้คนมองตาพร่า​ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก​ คะ...ใครว่ะ​ สวยกว่าเด็กเรียกแขกอันดับหนึ่งของที่นี่ซะอีก!!



ไวเทลปรายตามองไปทางประตูอย่างเหนื่อยหอบ​ เขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น​ แต่ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลอะไร​ ความร้อนสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้งจนสติของไวเทลแตกกระเจิง​ เขาต้องการแค่เพียงการปลดปล่อย​ ไม่สนอะไรอีกแล้ว!!



ไวเทลพยุงตัวขึ้นช้าๆเอื้อมมือไปจับขาชายหนุ่มอย่างสั่นเทา​ ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ​จ้องคนงามที่ค่อยๆลุกขึ้นมาจับเข็มขัด​เขาเขม็ง​ เขาจ้องมองดวงตาเรียวสวยที่ช้อนขึ้นมองอย่างเว้าวอน​ ริมฝีบากอิ่มแดงกล่ำที่เผยอเล็กน้อย​จนใจสั่นไหว



"ชะ...ช่วยด้วย"



เสียงแหบพร่าเซ็กซี่ที่ร้องขอและน้ำตาที่คลอหน่วยทำให้ชายหนุ่มสติขาดผึงทันที​ เขาพุ่งเข้าไปจับกดไวเทลลงกับพื้น​ ซุกไซร้ซอกคอขาวอย่่างกระหาย​ ไวเทลเอียงคอให้ชายหนุ่มซุกได้ถนัดขึ้นอย่างง่ายดาย​ แม้ภายในส่วนลึกของจิตใจจะตะโกนให้เขาผลักชายหนุ่มออกไป​ แต่สมองและร่างกายกลับไม่ขยับ​ มันต้องการ​  ต้องการอีก​ มากกว่านี้...ไวเทลอ้าขาเปิดทางกว้าง​ มองคนบนตัวอย่างยั่วยวน​  ชายหนุ่มเลียปากอย่างกระหาย​ ก่อนจะยืดตัวขึ้นรีบร้อนปลดเข็มขัด​ทันที​ แต่ยังไม่ทันจะดึงกางเกงลง​ เสียงเปิดประตูหน้าห้องก็ดังสนั่น



ไวเทลนอนหายใจหอบระรัว​ ดวงตาจ้องมองตรงหน้าอย่างพร่าเบลอ​ เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดังจากที่ไกลๆ​ ไกลมากๆ​ ความหนักของชายหนุ่มบนตัวหายไปแล้ว...ไม่นะ​ ช่วยเขาก่อน​ ไวเทลชูมือหวังคว้าใครสักคนตรงหน้า​แต่ก็เจอแต่ความวางเปล่า​ เสียงสะอื้นดังคลอในลำคอ​อย่างทรมาน



"ไวท์!!"



เสียงคุ้นหูดังจากที่ไกลๆ​ ใครกัน​ ใครก็ได้​  ช่วยเขาที​ ดวงตาพร่าเลือนพยายามมองหาคนที่สามารถช่วยได้​ แต่ก็เลือนลางลงเต็มทน​ เขาเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่สวยงาม​ สีเขียวเย็นชา​ สีเขียวที่เคยชอบทำไมตอนนี้แปลกไปจากเดิมจังนะ​ ความคิดสติสับสนวุ่นวายตีกันมั่วไปหมด​ รับรู้เพียงความเจ็บจี๊ดที่ต้นคอก่อนสติของเขาจะดับวูบลงทันที...







-------------------------------------------



เค้ามาแล้วววววววววววว​ ฮือออ​ขอโทษที่หายไปนานนะคะ​ เพราะเดือนที่ผ่านมามัวแต่รับงานทั้งเดือนจนอาทิตย์ที่ผ่านมาน็อคไม่สบาย​ไปเลยจ้าา​
เลยไม่ได้มาอัพให้เลยยย​ ตอนนี้เลยจัดเต็ม​ จัดไปยาวๆ​ ถือว่าเป็นตอนที่ยากสำหรับเราอีกตอนเลย​ หลายคนอาจจะสงสัยทำไมมันบู๊กันเร็วจัง​ เค้าอยากจิบอกว่า​ นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอ๊งงงง​ เรื่องนี้ยังมีอะไรอีกเยอะเลยค่าาา​ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ

เม้นกำลังใจของทุกคนเป็นแรงฮึดสำหรับเค้ามากๆเลย​ เม้นนิดเม้นหน่อยให้เค้ารู้ว่ามีคนอ่านอยู่​ เค้าก็มีแรงปั่นนิยายตอนต่อไปแล้ววววว

Taaeng
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 08-07-2019 00:10:57
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 16-07-2019 23:21:09
 
คลื่นที่​ 10


เฟริซิโอพุ่งตรงมาทางชั้น​ 3​ ทันที​ เขากวาดสายตามองหาใครบางคน​ ใครบางคนที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวในตอนนี้​ ใครบางคนที่จำได้ว่านั่งแถวนี้...

กึก

เฟริซิโอลอยคว้างนิ่งงันไปกลางอากาศทันทีที่สบตาเข้ากับคนที่เขาตามหา​ คนคนนั้นมองตรงมาทางเขาอย่างไม่หลบเลี่ยงเหมือนเมื่อตอนที่เขามาตามหาไวเทลเมื่อกี้ไม่มีผิด

ในช่วงเวลาที่ทุกผู้คนสนใจบัตเตอร์ผู้งดงามบนเวที​ เสียงโห่ร้องและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มทำให้ผู้คนคึกคัก​จับจ้องบนเวทีไม่วางตา​ แต่มีเพียงคนคนเดียวในมุมมืดของชั้น​ 3​ ที่มองตรงมาทางเขา จ้องสบตากับเขาไม่หลบเลี่ยง​เหมือนมองเห็น​ เห็นผีที่ไร้ตัวตนแบบเขา...

"คุณ... มองเห็นผมใช่ไหม"

เฟริซิโอจ้องสบดวงตาสีเขียวเย็นชา ใบหน้าคมแกร่งและกรอบแว่นทำให้เขาดูทรงภูมิ​อย่างประหลาด แค่อยู่เฉยๆก็พาให้ผู้คนนอบน้อม​ ดวงตาของเฟริซิโอฉายแววถึงความสั่นไหว ดีใจ ร้อนรน​ และเป็นห่วงอย่างชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า​ ดวงตาของเขาก็ฉายแววสิ้นหวัง​ เมื่อคนคนนั้นเพียงมองตรงมานิ่งๆเหมือนเดิมไม่ขยับ​ แม้แต่ความวูบไหวในดวงตาก็ไม่มีให้เห็น​สักนิด

เฟริซิโอเริ่มคิดว่า​หรือเขาคิดผิด​ คนคนนี้อาจจะมองไม่เห็นเขา​ นอกจากไวเทลก็ไม่มีใครมองเห็นเขาอีกแล้ว​ ใบหน้าของผีที่อารมณ์ดีอยู่เสมอเศร้าหมองลงทันที





"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"

เสียงทุ้มติดเย็นชาที่เอ่ยขึ้นมาเรียบๆทำให้เฟริซิโอตาโตหันขวับ​ไปมองคนพูดทันที​ เมื่อกี้นี้มัน...

ดวงตาที่ฉายชัดถึงความหวังทำให้คนมองกระตุกมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอีกรอบ

"ว่าไง จะตอบได้หรือยัง"

เฟริซิโอตาโต​ เมื่อกี้เขาไม่ได้หูฟาด!! ผีหนุ่มลอยไปตรงหน้าคนพูดทันที​

"คุณ...ได้โปรด​ ช่วยพวกเราด้วย"

ชายหนุ่มมองผีตรงหน้าที่เอ่ยประโยคขอร้องด้วยดวงตาสั่นไหว​ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"ทำไมฉันจะต้องช่วยนาย"

"ผม..."

"ผีก็อยู่ส่วนผี​ อย่ามายุ่งกับคน"

เสียงตอบกลับเย็นชาพาใจเฟริซิโอหล่นวูบลงทันที​ เจ้าตัวหันไปรินไวน์ยกขึ้นมาจิบไม่แยแสใคร​ แถมยังเป็นไวน์​แดงปี​ 1978 อีกต่างหาก​ เห็นแบบนี้ก็อดคิ้วกระตุกด้วยความโมโหไม่ได้​ ไอ้ขี้เก๊กเอ้ย​ แต่ถึงจะหงุดหงิดกับท่าทางกวนโอ๊ยไม่แยแสแค่ไหน​ แต่เขาจะใจร้อนไม่ได้​ เพราะนี่คือความหวังเดียวของเขาที่จะสามารถช่วยไวเทลได้ในตอนนี้​  เขาสูดหายใจเขาลึกๆ​ ยืดตัวตรงก่อนโค้งขอร้องคนตรงหน้าอีกรอบ

"ได้โปรด​เถอะครับ"

เสียงดังฟังชัดที่หนักแน่นทำให้ชายหนุ่มปรายตามองผีตรงหน้าอีกครั้ง

"ผมเป็นนักธุรกิจ"

เสียงเรียบเอื้อนเอ่ยประโยคที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาร้องขอ​ แต่เฟริซิโอก็เงยหน้าขึ้นฟังคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ

"และจะไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุน"

แค่นี้เฟริซิโอก็เข้าใจความหมายได้ทันที​ เขามองสบตาคนตรงหน้า​ไม่หวั่นไหว เอ่ยถ้อยคำหนักแน่นมั่นคงจริงจัง

"ทุกอย่าง​ ผมยินดีทำตามสิ่งที่คุณต้องการทุกอย่าง"

"ผีอย่างนายจะทำอะไรได้"

"..."

เฟริซิโอเม้มปากอย่างเคร่งเครียด​ คนคนนี้พูดถูก​ ถ้าเป็นตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่​ เขาสามารถทำได้หลายอย่าง​ แต่ตอนนี้แค่จะจับไวเทลเขายังทำไม่ได้เลย

"หึ"

"..."

"แต่น่าสนใจ​ เพราะฉันก็อยากรู้ว่า​นายจะทำอย่างปากว่าได้ไหม"

เพียงแค่นี้ดวงตาของเฟริซิโอก็ประกายแสงด้วยความดีใจทันที​ สมกับเป็นความหวังหนึ่งเดียวของเขา​ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ






"แน่ใจนะ"

"ครับ"

เสียงตอบรับหนักแน่นของหัวหน้าการ์ดทำให้นิโคโรสบถออกมาทันที​ นี่มันเรื่องอะไรกัน!! ไวเทลไปทำอะไรชั้น​ 4​ แถมยังกดปุ่มขอความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลืออีก​ จากคำบอกเล่าของหัวหน้าการ์ดทำให้เขารู้ว่า​ตอนนี้ทีมช่วยเหลือกว่า​ 20​ คนบุกมาถึงหน้าย่านมิสติโคแล้ว​ ไม่ถึง​ 5​ นาทีคงบุกมาถึงตึกซิริโนนี้แน่ๆ​ แต่ถือว่ายังโชคดีที่แขกทุกคนต่่างไปรวมกันที่​ชั้น​ 2​ และสนใจแต่บนเวทีเท่านั้น​ ไม่อย่างนั้นได้แตกตื่นวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ​

ส่วนเขาที่กำลังจะลงมาจากชั้น​ 8​ เพื่อไปตรวจความเรียบร้อยที่​ชั้น​ 2​ ก็ต้องเดินลงบันไดมาแทนเพราะอยู่ๆลิฟท์ที่คอยเช็คอาการตลอดเกิดเสีย​ขึ้นมา ทำให้เขาอารมณ์เสียมาก​ และตอนที่เดินอยู่ชั้น 6​ หัวหน้าการ์ดก็ได้รับรายงานจากลูกน้องเรื่องทีมช่วยเหลือ​ ให้ตายเถอะ​ ทำไมทุกอย่างมันต้องประจวบเหมาะสุดๆในเวลานี้ด้วย​ หลังจากจบเรื่องนี้​ เขาคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนซะแล้ว​ และขอให้เขามีชีวิตรอดไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยล่ะกัน​  เพราะถ้าไวเทลเป็นอะไรไป​ ต่อให้เขามี  10​ หัวก็คงไม่พอให้บอสฆ่าเล่นแน่ๆ

นิโคโรวิ่งลงมาถึงชั้น​ 4​ ยังไม่ทันคิดว่าจะหาไวเทลที่ไหน​ ก็สบตาเข้ากับดวงตาสีเขียวเงียบขรึมคู่นั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องหน้าห้องหนึ่งพร้อมกับมีการ์ดในชุดดำรายล้อมถึง​ 4​ คน

เขาขมวดคิ้วสงสัยทันที​ ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้​ ปกติแขกท่านนี้ไม่เคยหิ้วเด็กคนไหนมาเลยด้วยซ้ำ​ แต่ยังไม่ทันถามเรื่องสงสัย​ ฝ่ายแขกก็เปิดปากพูดก่อนทันที

"เปิดประตู"

"ว่ายั..."

"ไวเทลอยู่ข้างใน"

นิโคโรไม่รอช้าวิ่งมาถึงหน้าห้องที่ชายคนนั้นยืนอยู่ทันที​ แม้จะสงสัยว่าคนคนนี้รู้ได้ไง​ ทำไมถึงมาหาไวเทล​ นี่มันเกิดอะไรขึ้น​ แม้จะมีคำถามร้อยแปดในหัว​ แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า​เวลานี้ความปลอดภัยของไวเทลต้องมาเป็นที่หนึ่ง!!

แต่ยังไม่ทันแสกนคีย์การ์ดเสียงเอะอะและเสียงฝีเท้าเกือบ​ 20​ คู่ที่ทางเดินขึ้นมาชั้น​ 4​ ทำให้เขารู้ว่าทีมช่วยเหลือมาถึงแล้ว​ เขาไม่รอช้าแสกนคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปทันที​ ประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดถึงไว้พร้อมภาพที่เห็นอยู่ในห้องน้ำ​ ทำให้นิโคโรเบิกตากว้างยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ​ แต่ก็ได้สติทันทีเมื่อใครบางคนวิ่งชนไหล่เขาเข้าไปกระชากพนักงานขึ้นแล้วโยนมาทางเขา​ เขาที่ได้สติก็รับพนักงานคนนั้นไว้ทันที​  นิโคโรเห็นแขกคนนั้นเข้าไปประคองไวเทลขึ้นมาจากพื้น​ ยังไม่ทันที่เขาจะส่งเสียงอะไร​ ทีมช่วยเหลือก็กรูกันเข้ามาถึงหน้าประตู​แล้ว พวกทีมช่วยเหลือไม่สนใจใครเข้ามาจะผลักเขาให้พ้นทาง​ แต่เขาไวกว่าผลักพนักงานชายไปทางทีมช่วยเหลือและเข้าไปยืนขว้างทางห้องน้ำทันที

ไม่รู้สิ  สัญญาณ​ชาตเขามันบอกว่าอย่าให้ทีมช่วยเหลือถึงตัวไวเทลก่อนพวกเขา​ ต้องให้ชายที่ประคองไวเทลและกำลังกดเข็มฉีดยาบางอย่างลงบนต้นคอของไวเทลทำให้สำเร็จก่อนเท่านั้น​

เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวเย็นชาลึกลับเก็บเข็มฉีดยาทันทีเมื่อฉีดเสร็จแล้ว​ เขามองไวเทลที่นอนสลบไม่ได้สติและปรายตามองผีบางตัวที่นั่งมองไวเทลด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างๆ​

อย่างน้อยก็ทันเวลาล่ะนะ​

เขาอุ้มไวเทลเดินไปทางประตูทันที​โดยมีเฟริซิโอลอยตามไม่ห่าง​ นิโคโรสบตาชายคนนี้นิ่งๆก่อนจะเบี่ยงหลบให้เขาอุ้มไวเทลออกไป

"ส่งท่านไวเทลมานี่ครับ"

เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมองหัวหน้าทีมช่วยเหลือนิ่งๆอย่างกดดัน​ แต่หัวหน้าทีมช่วยเหลือก็ไม่ยอมแพ้สบสายตากลับแบบไม่หลบเช่นกัน

"ไปตามหมอซะ"

"ว่าไงนะ!"

"หมอเฉพาะทางแก้ยาเสพติด​ ไปตามมาซะ"

"นี่คุ..."

"ไม่อย่างนั้นไวเทลอาจตายได้"

ประโยคชวนสยองทำให้ทุกคนนิ่งงันไปทันที​ เขาเดินผ่านทุกผู้คนอย่างไม่สนใจ​ ยังไม่ทันไปไหนไกลการ์ดของเขาก็เข้ามาบอกว่าลิทฟ์ใช้ได้แล้ว​ เขาพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวขาเร็วๆไปทางลิฟท์ทันที  เมื่อหัวหน้าทีมช่วยเหลือเห็นอีกคนเดินเลยไปไม่สนใจใคร​ ก็รีบวิ่งตามไปแต่ก็ยังไม่วายหันไปตวาดลูกน้องเสียงดัง

"ยืนบื้ออยู่ทำไมรีบไปตามหมอสิว่ะ!!"


------------------------------------------------

มาช้าแต่มาน้าาาาาา​ เค้าอาจจะลงช้าหน่อย​ แต่จะไม่ให้ช้าเกินค่อยนะจ๊ะ

ตอนนี้นอกจากจะเปิดตัวพระเอก​ เอ๊ย​ เปิดตัวละครใหม่แล้ว​ อ่านๆไปยังดูวุ่นวายสุดๆอีกต่างหาก​ ขอสารภาพว่าเวลาจะพิมพ์ชื่อคนชื่อสถานที่​ บางทีต้องเปิดที่จดไว้อ่ะ​ มันจำยากจริงๆไปเลยค่าาาาา​ TT 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ​ ติดตามติชมเม้นให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆน้าาา

ขอสปอยว่า  ยังเปิดเผยตัวละครไม่หมดน้าาา​ จำชื่อกันดีๆนะคะ​ 55555555










 
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-07-2019 14:27:32
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 07-08-2019 23:40:45
คลื่นที่​ 11​  100%



ไวท์

ใคร...

ไวท์

ใครเรียกเรา​กัน...เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาทำให้เขาแปลกใจ​

ใครกำลังตะโกนเรียกเขาจากที่ไกลๆกัน

ไวท์...

ดังขึ้นอีกแล้ว​ เสียงนี้เหมือนจะดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ​ เขาพยายามเพ่งฟัง​เสียงนั้น​ เสียงที่คุ้นเคย

ไวเทล

เขาว่าเขารู้จักเสียงนี้นะ...เฟย์หรอ?

ไวท์ครับ

สติที่ค่อยๆกลับคืนมาช้าๆทำให้เขารู้ว่าคนเรียกคือใคร​ ไอ้ผีกวนประสานนั่นเอง​ แถมยังดังใกล้หูขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก​ ก็อยากจะตอบหรอกนะ​ แต่เขาขยับปากไม่ได้เลย

"ไวท์​ คุณตื่นเถอะนะ​ ได้โปรด"

เขาพยายามลืมตาเมื่อได้ยินเสียงคนคุ้นเคยดังที่ข้างหูชัดเจน​ เขาพยายามจะลืมตา​ แต่เปลือกตามันหนักเหลือเกิน

"ผมขอโทษ​ คนไม่ควรโก..."

อะไรนะ​ เสียงท้ายแผ่วเบาทำให้เขาอยากจะขมวดคิ้วมุ่นแต่ยากเหลือเกิน​ เขาพยายามลืมตาอีกครั้งอย่างยากลำบาก​ คราวนี้เขาลืมได้ แต่แสงสีขาวจ้าที่สาดเข้าทันทีที่ลืมตา​ ทำให้เขาหยี่ตาหลับลงอีกครั้งทันที

เฟริซิโอเฝ้ามองคนบนเตียงที่นอนหลับมา​หนึ่งวันเต็มๆอย่างหงอยๆ​ ไหนหมอบอกไม่นานก็ฟื้นไง​ ทำไมยังไม่ฟื้นอีกนะ​ ในขณะที่เขากำละงจะเรียกไวเทลอีกครั้ง​ เขาก็สังเกตุเห็นเปลือกตาบางขยับไปมาก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย​ แต่ก็หลับตาลงไปอีกครั้ง​อย่างรวดเร็ว

"ไวท์"

เฟริซิโอตะโกนเรียกคนที่เขารอมา​ 1​ วันเต็มอย่างดีใจ​ก่อนจะรีบพุ่งออกนอกห้องไปทันที







ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่กำลังนั่งทำงานผ่านแท็บ(1)อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกของคฤหาสน์​เอนซิโอด้วยท่าทางนิ่งเฉย แม้จะมีคนของแก๊งยืนรายล้อมกว่ายี่สิบคนก็ไม่หวั่น​ หรือแม้จะมีสายตากดดันจากหนุ่มผมแดงจ้องเขม็ง​ ก็ยังคงนั่งนิ่งทำงานผ่านแท็บต่อไปอย่างไม่ทุกข์​ไม่ร้อน​

นิโคโรจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนสักที​ แถมยังรู้เรื่องไวเทลในห้องนั้นได้ไง​ แม้จะมีคำถามเป็นร้อยในหัวเขาก็ไม่ได้คำตอบ​ เพราะถามอะไรไปคนตรงหน้าก็นิ่งเฉยไม่ตอบสักคำถาม เลยเปลี่ยนมานั่งกดดันจ้องอยู่อย่างนี้​ แต่คนคนนี้ก็ยังนิ่งเฉยทำงานของตัวเองต่อไปอย่างไม่สนบรรยากาศภายนอกสักนิด​ ให้ตายเถอะนี่คนหรือปูนปั้นว่ะ​ แต่ถึงจะสบถให้ตายในใจยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้​ เพราะถือว่าคนคนนี้คือผู้มีพระคุณของไวเทล​ ที่​​ ณ​ ตอนนี้ใครก็ล่วงเกินไม่ได้​ อึดอัดโว๊ยยยย!!

นิโคโรจ้องคนตรงหน้าเงียบๆก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจ​ เมื่อเห็นคนหน้านิ่งหยุดทำงานซะดื้อ​ๆ​ แถมยังถอนหายใจแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย​ ที่สำคัญยังเงยหน้ามามองเขานิ่งๆอีกต่างหาก​ อะไรอีกว่ะ

"ตามหมอที"

"ห๊ะ"

พอเขาทำหน้างง​ ก็ถอนหายใจใส่แถมยังมองเขาเหมือนเป็นคนโง่ที่เข้าใจอะไรยากอีก​ ไอ้...

"ไวเทลฟื้นแล้ว"

ก็พูดแบบนี้แต่แรกสิว่ะ​จะได้เข้าใจ!! นิโคโรขมวดคิ้วหงุดหงิดขั้นสุด อยากจะโยนไอ้กวนประสาทนี่ไปให้พ้นหูพ้นตา​ แต่ก็ทำได้แค่กดโทรเรียกหมอที่รออยู่ที่ห้องพยาบาลให้รีบมาเท่านั้น​

 จนลืมนึกไปว่าทำไมคนคนนี้ถึงรู้ว่าไวเทลฟื้นแล้ว​ทั้งๆที่ก็นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ



.............



"ไม่มีอาการของสารตกค้างแล้วครับ​ แต่อาจจะอ่อนแรงอยู่บ้าง​พักสักวันก็จะดีขึ้นเองครับ"

"ขอบคุณครับ"

"แต่ถ้ายังไงก็อย่าให้ตัวเองไปโดนสารตัวนี้อีกนะครับ​ นี่โชคดีที่ปริมาณที่ถูกฉีดมีน้อยจนไม่ทำให้ติดสาร​ แต่ก็ไม่ควรโดนอีก​เพราะไม่รู้ครั้งหน้าจะโชคดีแบบนี้หรือเปล่า"

ใครจะอยากโดนฉีดยาบ้าบออะไรใส่ว่ะ​ ไวเทลได้แต่ถอนหายใจใส่หมอ​แต่ไม่ตอบรับคำเตือน​

"นิโคโรไปส่งหมอด้วย"

" แต่..."

นิโคโรปลายตามองคนนอกองค์กรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างกังวล

"ปิดประตูให้ด้วยล่ะ"

แต่พอเห็นไวเทลจ้องมองนิ่งพร้อมไล่อีกรอบก็ได้แต่ปลงตก​ นำคุณหมอออกจากปราสาทน้ำแข็งทันที​ เอาเถอะ​ อย่างน้อยหมอนั้นก็คงไม่กล้าทำร้ายไวเทลหรอก​มั้ง?



ปัง

สิ้นเสียงปิดประตู​ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที​ ไวเทลจ้องมองคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้​นิ่ง​ แต่คนแปลกหน้าก็ยังเฉยทำงานในแท็บต่อไปอย่างไม่สนไม่แคร์สักนิด

เฟริซิโอได้แต่มองคนทั้งคู่ที่ต่างคนต่างนิ่งสลับไปมา​ โอ๊ยยย! อึดอัดโว๊ยยยย​ และเพื่อไม่ให้บรรยากาศเย็นเยือกนี้ดำเนินต่อไป​ เขาเลยลอยไปตรงหน้าไวเทล​ ยิ้มแฉ่งใส่จนตาปิด​ ก่อนจะแนะนำคนแปลกหน้าให้ไวเทลรู้จักทันที

"ไวท์ครับ นี่เฟาสต์​ มาร์ติโน คนที่ผมไปตามมาช่วยคุณเองครับ"

ไวเทลคิ้วกระตุกก่อนจะหันขวับมามองผีหน้าเป็นทันที

"ช่วยฉัน? "

เฟริซิโอพยักหน้าถี่ๆก่อนจะลอยเข้ามาใกล้ไวเทลมากขึ้นเพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้ไวเทลฟัง

"ใช่แล้ว​ ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน​ ถ้าเฟาสต์มองไม่เห็นผมและยอมช่วยเหลือล่ะก็​ ผมอาจจะไปช่วยคุณไม่ทันก็ได้​ นี่ถือว่าโชคดีมากๆเลย​"

เมื่อฟังจบไวเทลก็คิ้วกระตุกทันที​ ไอ้ขี้เก๊ก​นี่นะช่วยเขาแถมยังมองเห็นไอ้ผีหน้าเป็นอีกต่างหาก​ เหอะ!แล้วเขาจะหงุดหงิดทำไมว่ะ​ แค่มีคนอื่นนอกจากเขาเห็นไอ้ผีนี่เท่านั้นเอง!!

"ใครยอมช่วยนนาย"

เสียงเย็นชาที่อยู่ๆก็เอ่ยออกมาของคนที่ทำหน้านิ่งมาตลอดทำให้ทั้งเฟริซิโอและไวเทลหันไปมองทันที

"อ้าว"

"ฉันไม่เคยทำธุรกิจที่ขาดทุน"

ประโยคนิ่งๆที่พูดออกมาทำให้เฟริซิโอเข้าใจทันที​ เป็นเขาเองที่บอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง​ เมื่อช่วยไวเทลสำเร็จแล้วคงถึงเวลาที่ต้องตอบแทนแล้ว​ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเขาตอนนี้พอจะช่วยอะไรได้บ้างก็เถอะ

"นั่นสินะ​ ผมไม่ลืมหรอก"

"ดี​ และทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ"

"ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น"

เฟริซิโอจ้องมองตรงไปที่เฟาสต์อย่างแน่วแน่มั่นคงเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาจะไม่ผิดคำพูดส่วนเฟาสต์แค่มองตรงหน้านิ่งๆเท่านั้น

ไวเทลมองคนสองคนที่จ้องตากันก็ยิ่งขมวดคิ้วฉับทันที​ นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ​ ยิ่งเห็นสายตาจริงจังจริงใจของเฟริซิโอที่จ้องเฟาสต์ไม่ละสายตาแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้น​ ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์สองคนจ้องตากันลึกซึ้งคืออะไร​ ถึงคนหนึ่งจะไม่ใช่คนก็ไม่ควรไหม​ ดวงตาคู่นั้นควรจ้องแค่เขาคนเดียวสิว่ะ​

"หยุดจ้องตากันสักทีและช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!"

เพราะถ้านายไม่เล่าตอนนี้​ ฉันจะหาวิธิทำให้นายเล่าไม่ได้อีกเลย​ สายตากดดันเย็นยะเยือกทำให้เฟริซิโอขนลุกซู่​ ยิ่งเห็นไวเทลที่ทำหน้าถมึงทึง​ขั้นสุดใส่ก็รีบรนรานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังทันที​





เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ​ ไวเทลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปทางเฟาสต์ด้วยสายตาขอบคุณทันที

"ขอบคุณ​ คุณมาก​นะครับ"

เฟาสต์มองไวเทลที่ก้มหัวขอบคุณไม่ถือตัวก็ยกมุมปากขึ้นนิดๆ

"ไม่เป็นไร​ ยังไงผมก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่แล้ว"

ไวเทลพยักหน้าเข้าใจ​ ถึงจะบอกว่าได้ผลประโยชน์ก็เถอะแต่ผีตัวหนึ่งจะไปช่วยอะไรได้​ แต่ถ้าสุดท้ายเฟริซิโอช่วยอะไรเฟาสต์ไม่ได้เขาก็จะทำให้แทนด้วยความเต็มใจแน่นอน

"และสิ่งที่ผมจะให้คุณทำก็แค่ไปเอาของในสถานที่หนึ่งเท่านั้น"

คำพูดกำกวนของเฟาสต์ทำให้คนที่เหลือขมวดคิ้วถามออกมาพร้อมกันทันที

"ที่ไหน"

เฟาสต์จ้องมองดวงตาสีฟ้างดงามของไวเทลนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกระตุกมุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์​

"ตึกซิริโน ชั้นใต้ดิน"

------------------------



(1)  :   แท็บ   อุปกรณ์คล้ายโทรศัพท์เป็นแผ่นใสๆที่สามารถจัดเก่งข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม​
ปล.ไม่มีอยู่จริงนะคะ​ เค้ามโนขึ้นมาใช้เองนะเพื่อให้เหมาะกับอนาคต​น้าาา​


เค้าผ่านมรสุมงานรุมมาได้อีกสเต็ปแล้วววว

คราวนี้เลยเอาไปเท่านี้ก่อนนะค่าาาา​ ที่เหลือค่อยมาต่อไม่เกินศุกร์นี้นะ​ คราวนี้หายไปนานเบย แต่หลังจากช่วงกลางเดือนไป​ มรสุมงานจะบางลง​ เค้าจะมีเวลามากขึ้น​ จะไมาหายไปนานแบบนี้แล้วววว





เรามีนัดกันวันศุกร์ใครจำได้บ้างงงงงง​ ถึงตอนนี้จะเสาร์​ แต่ยังดึกอยู่ถือว่าวันศุกร์ล่ะกันเนอะ​ 55555​ วันนี้เค้าเลิกงานดึกกลับบ้านมาก็ปั่นนิยายให้จบก่อนเลย​ ตอนนี้อาจจะเมาๆไปบ้างก็ขออภัย​ด้วยนะคร้าบบบ​

และแล้วตอนนี้อาจจะบอกได้ว่าหรือจริงๆแล้วไวเทลไม่ใช่นายเอกน้าาา​  //// โดนเฟย์โยนลูกกระตาใส่​ 55555​ แล้วพบกันตอนหน้านะค่าาาา

หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 26-08-2019 01:09:34
คลื่นที่​ 12





ชั้นใต้ดินตึกซิริโน

มีขนาดกว้างใหญ่ที่แทบกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของย่านมิสติโค​ มันถูกสร้างมาตั้งแต่ปี​ 2020 จวบจนปัจจุบันผ่านมาร้อยกว่าปี​ชั้นใต้ดินแห่งนี้ก็ยังคงดำรงอยู่โดยมีทางเข้าอยู่ที่ตึกซิริโน​

ชั้นใต้ดินตึกซิริโนคือสถานที่สำหรับจัดงานประมูลใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกหรือที่เรียกกันในหมู่ผู้อยู่เบื้องหลังว่า
'โรงประมูลใต้ดินแห่งเอนซิโอ'​

แต่เพื่อตบตาทุกคนรวมถึงตำรว​จ​ เมื่อร้อยปีก่อนแก๊งเอนซิโอเลยได้สร้างย่านมิสติโคขึ้นมาเพื่อแจงเป็นแหล่งรายได้และเบี่ยงเบนให้ทุกคนสนใจแค่บนพื้นดิน​อันน่าหลงใหล​

'โรงประมูลใต้ดินแห่งเอนซิโอ'​   คือความยิ่งใหญ่เบื้องหลังของแก๊งเอนซิโออย่างแท้จริง​ มันคือสิ่งที่สร้างชื่อให้แก๊งเรื่อยมา​ ขึ้นชื่อว่าการประมูลใต้ดิน​  แน่นอนที่นี้มีสิ่งผิดกฎหมาย​มากมายมีแม้กระทั่งการประมูลข้อมูลที่จะสามารถทำลายคู่แข่งให้หายไปจากโลกได้​ก็มี แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อต่่างจากการประมูลใต้ดินที่อื่นๆก็คือ​ การค้ามนุษย์​อย่างเสรี​ บางครั้งดาราชื่อดังบางคนที่เคยมีข่าวป่วยตาย​ แท้จริงแล้วเขาถูกนำมาประมูลที่นี้​ก็มี​ หรือเซเลปชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแต่กลับมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ก็มี และเพราะการประมูลมนุษย์​ที่ไม่มีคำว่าเกรดต่ำสำหรับที่นี่​ เลยทำให้มันมีชื่อเสียงเรื่อยมา

จนเมื่อ​ 50​ ปีก่อน​ เมื่อนายท่านใหญ่ได้ขึ้นปกครองแก๊ง​เอนซิโอ เขาได้เปลี่ยนแปลงกฎของที่นี่ไปมากมาย​ ทั้งยกเลิกประมูลสัตว์สงวนใกล้สูญพันธุ์​ ยกเลิกประมูลยาเสพติดทั้งหลาย​ รวมถึงยกเลิกการประมูลมนุษย์ที่ไม่เต็มใจมาเข้าร่วมการประมูลด้วย  สิ่งนี้ทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนเลิกมาใช้บริการที่นี่ไป​ จนทำให้กำไรที่เคยได้จากที่นี่มากมายมหาศาลเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว​

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แก๊งเอนซิโอตกต่ำลงเลย​ แม้คนจะมาประมูลน้อยลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนมาเลย เพราะที่นี่ก็ยังมีของหายากแปลกใหม่​ หรือข่าวสารข้อมูลที่แม่นยำ​ 100​ % รวมทั้งคนที่สมัครใจมาถูกประมูลด้วย  ทุกคนล้วนแต่เต็มใจแถมยังมีเกรดดีเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะอยากเป็นทาสใครอีกด้วย




"ฉันจะไปเอง"

"ไวท์!"

เฟริซิโอหันไปมองคนพูดอย่างตกใจ​ แต่พอจะอ้าปากพูดอะไร​บ้างอย่างไวเทลก็สวนขึ้นมาเสียก่อน

"งั้นบอกหน่อยผีอย่างนายจะไปเอาของยังไง"

"..."

เฟริซิโอเม้มปากอับจนด้วยคำพูด​ ไวเทลพูดถูก​ เขาจะไปเอาของมาให้เฟาสต์ได้ยังไง​  ไวเทลเมื่อเห็นผีหนุ่มเงียบเสียงเม้มปากทำหน้าหงอยก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

"เพราะฉะนั้นงานนี้ฉันทำเองดีที่สุด"

เฟาสต์สบสายตาแน่วแน่ของไวเทลก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"ดี​ คืนพรุ่งนี้เจอกัน​ ผมจะไปกลับคุณด้วย"

กล่าวจบ​เฟาสต์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทันที

เฟริซิโอเงยหน้าสบตากับไวเทลที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว​ นัยน์ตา​สีมรกตทอประกายแห่งความเป็นห่วงชัดเจน​ ให้ตายเถอะ! เห็นแบบนี้ใครจะเก๊กได้ไหวกัน

"ฉันดูแลตัวเองได้"

"แต่ผมก็เป็นห่วงอยู่ดี"

"...."

ผีหนุ่มลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าไวเทล​ มองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยที่มีประกายสั่นไหวบางเบาก่อนจะจางหายไปกลายเป็นเย็นชาแบบเดิม​ แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผีหนุ่มอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

"คุณสัญญาได้ไหม​ รอบนี้คุณจะดูแลตัวเองดีๆ"

"ฉันไม่ใช่เด็กนะ​ คราวก่อนยอมรับว่าประมาท​ ซึ่งมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว"

ไวเทลยืนยันหนักแน่น​ ความประมาทเกิดขึ้นครั้งเดียวก็เกินพอ​ คราวหน้่าอย่าหวังว่าใครจะเข้าใกล้เขาได้อีกเลย​ เฟริซิโอรู้ว่าไวเทลเอาตัวรอดได้เก่งแค่ไหน​ แต่เหตุการณ์​ที่พึ่งเกิดขึ้นมันทำให้เขารู้ว่า​ อีกฝ่ายอาจจะเหนือชั้นยิ่งกว่า​จนอดห่วงไม่ได้​ แต่ถึงจะห่วงแค่ไหน​ เขาก็รู้ว่าตัวเองห้ามไวเทลไม่ได้​ ดื้อเงียบขนาดนี้​มันน่าจับตีก้นซะให้เข็ดจริงๆ

"อย่างน้อยคุณก็ควรนำทีมช่วยเหลือติดไปด้วยสักคนสองคนนะ"

"ไม่ได้"

เฟริซิโอขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ

"ทำไม?"

"ในพวกนั้นมีคนทรยศ"

"!!!"

เฟริซิโอมองไวเทลตาโต​ ว่าไงนะทีมช่วยเหลือมี่คัดแต่คนซื่อสัตย์​ที่สุดในองค์กร​เนี่ยนะมีคนทรยศ

 "คุณแน่ใจนะ"

"ไม่"

"อ้าว"

ไวเทลมองเฟริซิโอที่ทำหน้าเหวออย่างขบขำ​ หน้าตลกชะมัด​ เสียงหัวเราะแผ่วเบาและรอยยิ้มบางๆทำให้ผีหนุ่มหน้าบึ้งทันที​ แกล้งกันหรือไง!

ไวเทลเห็นผีทำหน้าบึ้งหันหน้าหนีเขาอย่างแสนงอลก็ได้แต่อ่อนใจ​ ตัวก็ใหญ่​งอลเป็นเด็กไปได้​ ทีไอ้ผีนี้โยนลูกตาใส่เขา​ เขายังไม่ทำท่าอุบาทว์​แบบนี้ใส่มันเลย​ เพราะไม่อยากมองหน้าอุบาทว์​ของผีตัวยักษ์​เขาเลยปรับน้ำเสียงให้จริงจังขึ้น

"ถึงจะไม่แน่ใจว่าใคร​ แต่พวกนั้นมีคนทรยศอยู่แน่ๆ​ ฉันจะหาหลักฐานกับเรื่องนี้เอง"

เฟริซิโอมองไวเทลนิ่งแล้วก็ได้แต่ปลง​ เขาคงห้ามอะไรไวเทลไม่ได้เล​ย​จริงๆ

"ผมเข้าใจแล้ว​ คุณพักผ่อนเถอะ"

ไวเทลพยักหน้าก่อนจะนอนลงบนเตียงดีๆ​ อาจจะด้วยฤทธิ์​ยาเมื่อหัวถึงหมอนไม่เท่าไหร่​ เขาก็หลับลงไปทันที​ เฟริซิโอมองคนบนเตียงด้วยดวงตาสั่นไหวก่อนจะลอยออกจากห้องนอนไปทันที

ผ่านไปสักพักคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมองเหม่อบนเพดานสีขาวนิ่ง​ ในหัวของเขามีแต่ภาพของเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ทอประกายความรู้สึกมากมายใส่เขาอย่างไม่ปิดบัง​ โง่...เขาคงจะโง่จริงๆที่ทำยังไงก็สลัดมันออกจากหัวไม่ได้​ งานนี้คงต้องรีบตามหาตัวคนที่ใส่ร้ายเฟริซิโอให้เจอเร็วๆ​ ก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้...



เฟาสต์นั่งนิ่งอยู่ในรถคนเดียว​ โดยมีบอดี้การ์ด​ 4​ คน​ ล้อมรอบรถเอาไว้​ แม้พวกการ์ด​จะไม่เข้าใจว่าเจ้านายของพวกเขานั่งอยู่ในรถคนเดียวเงียบๆทำไม​ แต่คำสั่งเจ้านายพวกเขาไม่อาจไม่ปฎิบัติตาม

และรอไม่นานคนที่เฟาสต์รอก็ปรากฎตัวมานั่งข้างๆเขาในรถ​ พวกเขามองกันนิ่งเงียบ​ ก่อนที่ฝ่ายผีจะเปิดปากพูดก่อน

"คุณช่วยดูแลไวเทลหน่อยนะครับ"

"หึ​ ผมเคยบอกแล้ว ผมเป็นนักธุรกิจ"

"ผมรู้"

เมื่อเห็นผีหนุ่มเงียบลง​อย่างจนปัญญา​ เฟาสต์ก็ยิ้มบางเบาเพียงเสี้ยวก่อนที่มันจะจางหายไป​จนคนเป็นผีไม่ทันสังเกตุ​เห็น

"เพราะผมเป็นนักธุรกิจ​ไม่ใช่ทหาร​ ​ผมไม่มีทางปกป้องใครเก่งเท่าพวกคุณ"

เฟริซิโอมองเฟาสต์อย่างไม่เข้าใจ

"ถ้าอยากดูแล​ คุณก็ต้องดูแลเอง"

"คุณหมายความว่ายังไง"

เฟาสต์ยิ้มให้เฟริซิโออย่างเจ้าเล่ห์​ ท่ามากจริงโว๊ย​ พูดตรงๆจะตายหรือไง​ อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้​     เขาได้แต่โอดครวญ​อยู่ในใจ​ แต่หูกลับฟังสิ่งที่เฟาสต์จะบอกอย่างตั้งใจ

เมื่อฟังจบเขาก็ได้แต่โตอ้าปากค้าง​ทันที

What!!!!

-----------------------------------

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง​ วันที่มรสุมงานพัดผ่าน​ไปแล้วววววว​ ฉลองงงงงงงง!!  หลังจากนี้จะมาอัพให้บ่อยขึ้นนะค่าาาา​

เชื่อว่าหลายคนเริ่มเอะใจมาหลายตอนแล้ว​ ตอนนี้ก็เฉลยสักที่ว่า​ ตีมเรื่องนี้คือโลกอนาคตนะค่าาาาาา

ตอนหน้าเราจะกลับไปตึกซิริโนกันอีกครั้งนะคะ​ และก็คงไปเยือนอีกหลายครั้งแน่นอน​

ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะคะ​ ขอบคุณทุกแรงใจแรงเม้น​ด้วยน้าาาา​ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

ปล.ถ้าเจอคำผิดบอกหน่อยน้าาาาาาา


หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-08-2019 14:28:44
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 31-08-2019 08:16:12
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 09-09-2019 09:51:01
                   
คลื่นที่​ 13


ทันที่รองเท้าบูต​ส้นสูงสีดำก้าวออกมาจากรถ​ ทุกสายตาไม่ว่าหญิงหรือชายต่างจับจ้องไม่วางตา​ เส้นผมสีดำประกายเทายาวสลวยที่พริ้วไหวไปตามลมช่วยขับให้ดวงตาสีอำพันดูโดดเด่นเป็นประกายรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางเบาชวนให้ผู้คนต่างมองกันตาพร่ามัว​ เสื้อคอเต่ารัดรูปที่สวมทับด้วยสูทสีดำเนื้อดีรับกับยีนส์​สีดำแนบเรียวขาที่มีบูตส้นสูงสีดำยาวถึงเข่าสวมทับ​ ทุกสิ่งที่รังสรรค์ช่วยให้เธอคนนี้ดูสูงส่งทรงอำนาจน่าหลงใหลและไม่อาจเอื้อม​ในเวลาเดียวกัน

และทันทีที่มือเรียวขาวผ่องทาบลงบนต้นแขนแกร่งของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมสันที่แผ่กลิ่นอายความน่าเกรงขามออกมา​ ก็ช่างเหมือนภาพวาดที่ชวนให้ผู้คนมัวเมาจนไม่อาจกระพริบตา​

แม้ทั้งสองจะเดินเข้าตึกซิริโนไปแล้ว​แต่ผู้คนด้านนอกยังคงมองเหม่อประหนึ่งตามติดสองคนนั้นเข้าไปข้างในด้วยยังไงยังงั้น

ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินเข้าไปในลิฟท์ก่อนจะหยิบบัตรสีดำที่มีลวดลายสีทองแนบที่ว่างเปล่าๆเหนือปุ่มกดลิฟท์ไปชั้นต่างๆ​ แสงสีเขียวกระพริบตอบรับบัตรที่แนบมาหนึ่งครั้งและลิฟท์​ตัวนี้ก็พาทั้งสองลงข้างล่างทันที​

ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก​ ไวเทลก็กวาดสายตามองทันที​ ที่นี่ให้ความแตกต่างจากข้างบนจริงๆ​ เขาเคยมาไม่กี่ครั้ง​ แถมทุกครั้งที่มาก็เขามาอีกทางเข้าพอครั้งนี้มาในฐานะลูกค้าเลยรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง​ แต่แค่เห็นมีพนักงานเดินเข้ามาเชื้อเชิญ​อย่างนอบน้อมก็รู้สึกดีขึ้นมา​ทันที ที่นี่อบรมพนักงานดีจริงๆนั่นแหละ

พนักงานชายคนนั้นพาเดินมาถึงห้องๆหนึ่ง​ เมื่อเปิดเข้าไปจะเห็นโซฟาทรงกลมยกสูงเพียงข้างเดียวสีขาวสะอาดตาที่สามารถนอนเอนได้​ ข้างๆมีโต๊ะแก้วขนาดเล็กที่มีแก้วแชมเปญแช่วางไว้อยู่​ ส่วนตรงหน้าโซฟาก็เห็นเป็นเวทีที่ใช้สำหรับงานประมูล​ แต่จริงๆแล้วนั่นคือภาพโฮโลแกรม​ 4​ มิติเสมือนจริงที่เราสามารถมองสิ่งของบนเวทีได้อย่างชัดเจนประหนึ่งไปยืนดูอยู่บนเวทีเอง
เมื่อมองไปด้านข้างก็จะเห็นนาฬิกา​ดิจิตอลที่กำลังนับเวลาถอยหลังที่บอกว่างานประมูลจะเริ่มในอีก  15​ นาที

ไวเทลเดินตรงดิ่งก้าวฉับๆไม่สนใจใครไปนั่งเหยียดขาบนโซฟาทันที​เมื่อพนักงานชายเดินออกไปจากห้องแล้ว​

เมื่อยชะมัด!!

พวกผู้หญิงชอบใส่ไอ้เครื่องทรมานทรกรรม​ที่เรียกว่าส้นสูงแบบนี้ทุกวันได้ยังไง​กันว่ะ​

ไวเทลถอดบูตออกโยนไปข้างๆโซฟาอย่างไม่แยแส​ เขาลงมือนวดน่องขาตัวเองทันที​

เฮ้อ ค่อยสบายหน่อย​ เอาจริงๆตั้งแต่เดินลงจากรถมาถึงนี่​ เขาพยายามเดินให้ดูเป็นผู้หญิงปกติที่สุดทั้งๆที่เกร็งแทบตาย​ หลังจากจบงานนี้บอกได้เลยว่า​ เขาจะไม่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงใส้ส้นสูงอีกแล้ว​ ลาขาดกันไปได้เลย!!

แต่ในขณะที่ไวเทลกำลังนวดขาให้ตัวเองอยู่นั้น​ ก็มีมือยื่นมาจับยกขาเขาไปวางบนตักแกร่งและลงมือบีบนวดให้ทันทีแบบไม่พูดไม่จา

ไวเทลได้แต่มองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตาค้าง ไม่ใช่แค่เขาที่ตกใจ​ บอดี้การ์ด​ของชายหนุ่มอีกสี่คนในห้องก็ช็อคตาตั้งไปแล้ว​เช่นกัน

ท่านเฟาสต์​  มาร์ติโน  ชายหนุ่มนักธุรกิจหลายหมื่นล้านผู้แสนเย็นชาเงียบขรึม​ ที่วันๆไม่พูดไม่จาดีแต่แผ่รังสี​ดำมืดใส่ชาวบ้านเป็นว่าเล่น​ ใครจะคิดว่าเฟาสต์​  มาร์ติโน​คนนั้น​ กำลังนั่งคุกเข่านวดขาให้เขาอยู่​ เออ...บุญของเอ๊งแล้วเจ้าขา​

"หายเมื่อยขึ้นไหม"

"หะ...ห๊ะ"

เฟาสต์​มองคนที่เคยแสนหยิ่งชอบทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ทุกคนทำหน้าเหวอตาโตอ้าปากค้างก็หลุดขำออกมาทันที​ ก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาเงียบขรึมเย็นชาดังเดิม

เฟาสต์​  มาร์ติโน​ หลุดขำ!! เรื่องนี้ทำบอดี้การ์ด​หน้าตายสี่คนเหมือนวิญญาณ​หลุดจากร่างไปแล้วจริงๆ

ไวเทลแม้จะตกใจที่เห็นอีกคนหลุดขำแต่ก็พยายามดึงสติกลับมา​ ก่อนจะทำเป็นไอสองสามทีแก้เกลอและพยายามหดขากลับมาช้าๆ

"ดีขึ้นมากแล้ว​ ขอบคุณครับ"

เฟาสต์​หลุดยิ้มบางเบาทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้าหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาตอบรับคำอ๋อมแอ้มแต่หูกลับแดงแปร๊ด​ เอาเถอะ​ ก็คุ้มค่าล่ะนะ

ชายหนุ่มไม่อยากต้อนคุณเลขาไปมากกว่านี้เลยยอมลุกมานั่งข้างเจ้าตัวดีๆ​ หันไปรินแชมเปญให้ตัวเองเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไวเทลเมื่อตั้งสติได้แล้วก็หันมากลับทำเสียงจริงจังคุยเป็นงานเป็นการทันที

"เหลืออีก​ 10​ นาทีการประมูลจะเริ่ม​ ผมขอทบทวนแผนการอีกรอบนะ"

น้ำเสียงจริงจังเป็นการเป็นงานทำให้มือแกร่งหยุดชะงักแก้วแชมเปญที่กำลังจะลิ้มรสอยู่ทันที​ เขาวางแก้วลงและหันมามองคนพูดอย่างตั้งใจ

"เมื่อการประมูลเริ่มจะคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะลอบออกไปเอาของที่อยู่ในห้องของผู้ดูแล​งานประมูล ที่นั่นจะมีการ์ดเฝ้าประตูอยู่​ 2​ คน​ และหลังงานประมูลเริ่มไป  20​ นาที​ทั้งคู่จะเปลี่ยนกระ​ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่ผมจะลอบเข้าไปเอาของมาให้​ และจะได้กลับบ้านไปนอนสักที"

เฟาสต์​พยักหน้ารับนิ่งๆ​ ประโยคนี้ของไวเทลเขาได้ฟังมาสักห้ารอบแล้วเห็นจะ​ได้​ เจ้าตัวย้ำกับเขาตั้งที่บ้าน​ บนรถและที่นี่​ ย้ำแล้วย้ำอีกจนเขาไม่เข้าใจว่าจะย้ำกับเขาทำไม​ ในเมื่อในแผนการของเจ้าตัวไม่มีเขาร่วมอยู่ด้วยสักหน่อย​ แต่เขาก็พยักหน้ารับให้เจ้าตัวสบายใจแบบนี้ทุกรอบไป

ไวเทลเป้าปากอย่างโล่งใจที่เฟาสต์​พยักหน้ารับปาก​ ต้องบอกตรงๆว่าเขากังวลใจมาก​ ไม่รู้ทำไม​ อาจจะเพราะวันนี้มีผีงี่เง่าบางตัวมันงอลไม่ยอมตามมาด้วย​ทั้งๆที่ปกติจะไล่ให้ตายก็ไม่ยอมไป​ แล้วพอไม่มีผีวนเวียนกวนใจให้หงุดหงิด​แทนที่จะดีใจทำไมถึงกังวลได้ขนาดนี้​กัน เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองแล้วจริงๆ

เห็นไวเทลทำหน้าซึมลงแถมยังถอนหายใจเฮือก​ใหญ่ ชายหนุ่มหน้าตายเลยเอื้อมมือไปกุมมือเรียวแล้วบีบเบาให้กำลังใจทันที

"ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี​ ไม่ต้องกังวล"

ไวเทลหันขวับมาสบดวงตาสีเขียวที่วันนี้ดูจะทอประกายประหลาดผิดปกติ​จนทำให้หัวใจข้างซ้ายเขาเต้นดังผิดจังหวะขึ้นมาทันที

บัดซบ! วันนี้เขาต้องตกใจหน้าเหวอกี่รอบไอ้หน้าตายนี่ถึงจะพอใจกันว่ะ



----------------------------

แฮ่! เค้ามาแล้วววว​  ตอนนี้เอาไปแบบซอฟท์ๆตอนหน้าค่อยไปบู๊​กันนะคะ​ แล้วมาลุ้นกันว่าแผนไวเทลจะเป็นไปด้วยดีไหม  และของอะไรที่เจ้าตัวต้องไปเอา​ เพื่อชดเชยที่หายไปนาน​ ตอนต่อไปจะมาในอีก  สามถึงสี่วันนี้แน่นอน​นนนน

ส่วนตอนนี้​ อืมมมม​ เหมือนจะมีใครหายไปนะ
นึกไม่ออกเลยอ่ะ​ อืมม...ช่างมันล่ะกันเนอะ​ คงไม่ใช่ตัวละครสำคัญล่ะมั้ง​ 55555

เฟย์​ :  .......





หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-09-2019 00:04:32
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 20-10-2019 23:57:46
คลื่นที่​ 14


"และแล้วเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง..."

น้ำเสียงร่าเริงของพิธีกรชายที่กำลังพูดอยู่บนเวทีทำให้ไวเทลได้สติรีบหันหน้าที่แดงระเรื่อไปอีกทางทันที​ ก่อนจะทำเป็นไอสองสามทีแก้เก้อและลุกขึ้นโดยไม่หันไปมองทางเฟาสต์เลยแม้แต่น้อย

"ดะ...ได้เวลาแล้ว"

"เดี๋ยว"  ยังไม่ทันเดินหนีไปไหนเสียงทุ้มและแรงจับที่ข้อมือเรียวก็ทำให้คนหูแดงหยุดชะงัก

แต่ยังไม่ทันถามว่ามีอะไร​ มือแกร่งก็ยื่นมาจับข้อเท้าให้เจ้าตัวได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่​ถูก​ รู้ตัวอีกทีก็มีรองเท้าผ้าใบสีขาวพอดีตัวถูกสวมใส่เสร็จแล้วทั้งสองข้าง​

"ใส่รองเท้าผ้าใบจะทำให้คล่องตัวกว่านะ"

"...."

"คุณไปเถอะ​ เสียเวลามามากแล้ว"

เมื่อเสียงทุ้มพูดจบลง​ ไวเทลก็รีบเดินไปที่ประตูทันที​


ปัง!!


นัยน์ตา​คมจ้องมองที่ประตูด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหุบลงและหันไปมองทางบอดี้การ์ด​ด้วยแววตาเย็นชา​

"ทำตามแผนได้"

"ครับ"





ไวเทลก้าวเร็วๆตามจังหวะหัวใจที่เต้นดังระรัว​ ยิ่งเต้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งก้าวไวขึ้น​เท่านั้น พอคิดว่าไกลห่างจากประตูบานนั้นมากพอ​ก็ทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรง​ บ้าบอที่สุด!!   
ไวเทลสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์​ตัวเอง เขานั่งปรับอารมณ์​ให้คงที่สักพักก่อนจะตบหน้าตัวเองเรียกสติและความพร้อมอีกที นี่ไม่ใช่เวลามาบ้อบอนะไวเทล​ สิ่งที่ควรโฟกัสที่สุดคือการไปห้องผู้จัดการ​ เอาของให้จบๆและกลับบ้านนอน!!
เมื่อได้แรงฮึดก็ลุกยืนตัวตรง​ หันมองนาฬิกาข้อมือที่บอกว่ามีเวลาไม่ถึง​ 15 นาที​ก่อนที่การ์ดจะเปลี่ยนกะ เขาต้องรีบแล้วตอนนี้

ไวเทลทบทวนแผนที่ของที่นี่มาอย่างดี​ เส้นทางเดินไม่ใช่ปัญหาของเขา​ ยิ่งกล้องวงจรปิดที่เขาแอบปล่อยไวรัสให้หน้าจอมันนิ่งค้างเป็นเวลาครึ่งชม.ทันทีเมื่อการประมูลเริ่ม​ ยิ่งทำให้ทุกอย่างสะดวกเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาต้องทำทุกอย่างให้ทันเวลาเท่านั้น

และไม่ถึง​ 5​ นาที​ เขาก็มาถึงมุมทางเลี้ยวที่จะไปห้องของผู้จัดการแล้ว​ เขาชะโงกหน้ามองจากมุมทางเดินเห็นการ์ด​ 2​ คนยืนหน้านิ่งเฝ้าประตูไม่ขยับ​ ไวเทลมองที่นาฬิกา​อีกรอบ​ อีกประมาณ​ 10​ นาทีจะเปลี่ยนกะ​ เวลานี้ล่ะ!!

มือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อสูท​ หยิบหน้ากากผืนบางสีขาวเรียบๆแต่คุณสมบัติดีเยี่ยมมาใส่​ ก่อนจะล้วงหยิบแท่งพลาสติกเล็กๆสีใสที่มองเหมือนว่างเปล่า​แต่แท้จริงแล้วข้างในบรรจุแก๊สยาสลบอย่างดีไว้​ ไร้สีไร้กลิ่นไร้รสที่แท้จริง​

ไวเทลเปิดจุกแล้วกลิ้งแท่งพลาสติดสีขาวไปตามทางเดิน​ให้ไปใกล้การ์ดมากที่สุด รอไม่ถึง​ 1​นาที​ การ์ดทั้ง​ 2​ คนก็ล้มหมดสติทันที​ รวดเร็วทันใจสมกับเป็นแก๊สยาสลบคุณภาพเยี่ยม

ขาเรียวรีบวิ่งไปที่หน้าประตูที่มีการ์ดนอนหมดสติ​ เขาเปิดประตูห้องผู้จัดการและลากการ์ดตัวโตไปหลบข้างในทันที​ นี่แหละงานยากที่สุด​ หนักชะมัดเลยเว้ย!

เมื่อลากเข้าไปได้ก็ปิดประตู​ ยืนหอบอยู่แปปนึงก่อนจะมองเวลา​ เหลืออีก​ 5​ นาที​

ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดมองรอบห้องหนึ่งที ก่อนจะเดินไปหาของที่เขาต้องมาเอา​ มันอยู่บนเอ่อ...เฟาสต์เรียกมันว่าหิ้ง​ หน้าตาแปลกชะมัด

สิ่งที่เขาต้องมาเอาคือสมุดเล่มเล็กๆเก่าๆที่กระดาษเป็นสีเหลืองกรอบๆแห้งๆเล่มหนึ่ง​ที่มีลวดลายอักขระแปลกๆบนหน้าปก​รวมทั้งด้ายสีขาวๆก้อนใหญ่ที่ถูกวางข้างๆสมุดนั่นด้วย​ เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าเฟาสต์จะเอาไอ้นี่ไปทำไม​ และยิ่งงงเข้าไปใหญ่ที่ผู้จัดการดันมาวางไว้อย่างดีบนนี้อีก  เอาเถอะ​ รีบทำงานให้จบๆไปดีกว่า

ไวเทลเมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็ออกจากห้องผู้จัดการทันที​ เขาเดินกลับไปทางเดิม​ ตามทางยังคงราบรื่นเหมือนขามา​ เขารู้สึกว่างานนี้มันง่ายเกินไปหรือว่าพวกลูกน้องเขามันหละหลวม​เกินไปกันนะ​ สงสัยกลับไปคราวนี้ต้องรื้อระบบกันใหญ่แล้วละ​ ทำงานแบบนี้​โจรที่ไหนก็เข้ามาขโมยของได้ไหม​ล่ะ

พอไวเทลจะเลี้ยวออกจากมุมทางเดินไปตาเรียวก็เบิกกว้างและหลบเข้ามุมแทบไม่ทัน​ เขาชะโงกหน้าออกไปมองทันที​ นั่นมันไอ้หัวขาวที่ผับนี่!!

ไวเทลมองไปที่ไอ้คนที่เคยจับเขาฉีดยาตาไม่ประพริบ​  มันมาทำอะไรที่นี่และที่สำคัญมันมายืนอยู่หน้าห้องประมูลของเฟาสต์ทำไม​
ไวเทลยืนนิ่งไม่กล้าขยับ​ตอนนี้เขาสับสนมากว่าเรื่องเป็นไงมาไงกันแน่​ และอาจจะเพราะมัวแต่มองทางไอ้หัวขาวที่กำลังเคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์มากเกินไปจนเขาไม่รู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง​ รู้ตัวอีกทีก็มีมือแกร่งยื่นมาปิดปากไวเทลซะแล้ว

!!

-----------------------------

สวัสดีค่าซิสสสสสสสสส​ ก่อนอื่นเลย​ ต้องขอโทษที่ผิดคำพูดน้าาาา​ ตอนแรกว่าจะอีก​ สองสามวันลง​ นี่ดันผ่านมาเดือนกว่าแล้ว​ ฮือออ
ต้องขอโทษจริงๆค่ะ​ เค้าติดงานมรสุมรุมเร้ากระทันหันขยับไปไหนไม่ได้เล​ย​ กว่าจะหลุดลอยมาขึ้นฝั่งได้​ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ววว

ส่วนใครที่กลัวว่าเค้าจะทิ้งนิยายไม่ต้องกลัวน้าาา​ เรื่องนี้เค้าแต่งพล็อตไว้จนจบแล้วค่าาา​ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่จบนะคะ​ จบแน่นอน​ แค่ว่าเมื่อไหร่เท่านั่นเอ๊งงงงง

เม้นคนละเม้น​ ถือเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะคะ










หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย​ >> คลื่นที่​ 15
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 28-10-2019 01:44:43
คลื่นที่​ 15

"ชู่​ ผมเอง"


!!


ยังไม่ทันที่ไวเทลจะตั้งตัวดิ้นให้หลุดก็มีเสียงกระซิบคุ้นหูดังขึ้นเบาๆ

"ค่อยๆหันมานะ"

ไวเทลพยักหน้า​ตอบรับก่อนจะหันไปมองคนข้างหลังทันทีที่มือแกร่งละออกจากปากเขาแล้ว

"คุณ.."

คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ​

"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้"

" ผมออกมาตามคุณ​ แต่ดูเหมือนว่า​ตอนนี้จะกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว"

เฟาสต์พูดเสียงเบาในขณะที่ตาคมจ้องมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเขาด้วยสายตาเคร่งเครียด... ทำไมหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้

ไวเมลมองตามสายตาของเฟาสต์ก่อนจะพยักหน้า​เห็นด้วย​

"ได้ของมาหรือยัง​"

" เรียบร้อย"

" ดี​ งั้นไปกันเถอะ​ ลูกน้องผมรออยู่ที่ประตูเข้าตึกแล้ว"

ไม่พูดเปล่า​ เฟาสต์จับมือไวเทลเดินออกไปอีกทางทันที​ ไวเทลที่ถูกจับมือแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ตาโตกำลังจะอ้าปากด่าคนฉวยโอกาส​ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อคนตรงหน้าหันมาบอกเหมือนรู้ทัน​

"อย่าเสียงดัง​ เดี๋ยวพวกมันรู้ตัว"

พูดจบก็ยังคงหน้ามึนจับมือเขาไม่ปล่อย...ไอ้...


ไอ้คนฉวยโอกาส!!


ถึงจะขัดใจแค่ไหนก็ได้แต่เก็บความขัดเคืองไว้ในใจเท่านั้น​ เพราะเวลานี้ไม่เหมาะกับ​การโวยวายจริงๆนั่นแหละ

เฟาสต์ยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี​เมื่อคุณเลขาขี้หงุดหงิด​ได้แต่ถลึงตาจ้องมองอย่างโกรธแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้... น่ารักดีแฮะ

เขาจับมือนิ่มลัดเลาะไปตามทางอย่างชำนาญเมื่ิ้อเจอพนักงานหรือการ์ดยืนเฝ้าก็จะรีบหลบมุมพาไวเทลเปลี่ยนทางเดินไปอีกทางได้อย่างสบายจนไวเทลอดแปลกใจไม่ได้​ นี่ชั้นใต้ดินที่ขึ้นชื่อว่าคือเขาวงกตถ้าไม่มีพนักงานนำทางมันเดินง่ายขนาดนี้เลยหรอ  ท่าทางเขาต้องเอาเรื่องปรับปรุงที่นี่เข้าที่ประชุมอย่างจริงจังซะแล้ว​  เพราะถ้ามันลอบเข้าลอบออกง่ายขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

เดินทางไม่นานพวกเขาก็เจอลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนจนได้​ แต่ยังไม่ทันเข้าลิฟท์​เฟาสต์ก็หันมาฉีดอะไรบางอย่างใส่เขาแบบไม่ทันตั้งตัว

"นี่!!"

"เข้าลิฟท์​ก่อนเดี๋ยวผมอธิบาย"

พูดดักขนาดนี้ก็ได้แต่กัดฟันกรอดก้าวตามคนหน้าตายนี่เข้าไปในลิฟท์​ลูกเดียวน่ะสิ
แต่เอาเข้าใจจริงพอเข้ามาแล้วหมอดีก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี  เอาเถอะ...เขาพอจะเดาเหตุผลได้แล้ว​ ในเมื่อไอ้ที่ฉีดใส่เขากลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้​ แต่ก็ควรบอกดีๆไหม​ อยู่ดีๆก็มาฉีดอะไรไม่รู้ใส่แบบไม่พูดไม่จาเป็นใครก็ตกใจ​โดยเฉพาะเขาที่ยังคงฝั่งใจจากการโดนฉีดยาสลบใส่เมื่อวานซืนก่อนอยู่เลย

ติ้ง

เสียงลิฟท์เปิดทำให้ไวเทลได้สติ​ ทำตามแผนคนปากหนักที่ไม่ยอมอธิบายแต่เขาก็เข้าใจได้ทันที​

อยู่ๆสาวงามข้างกายก็ตัวอ่อนปวกเปียกเอนพิงอกกว้่าง​ ดวงตาฉ่ำปรือช้อนมองอย่างอ่อนหวาน​ ริมฝีปากอิ่มแดงก่ำขบกันบางเบาอย่างเย้ายวน
บัดซบ!! ก็ไม่ต้องแสดงสมจริงขนาดนี้ก็ได้ไหม เจ้าของธุรกิจหลายหมื่นล้านได้แต่ยืนแข็งทื่ออย่างโง่งม​ สติเหมือนหลุดลอยเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้น​หลงทางอยู่ในดวงตาสีอำพันกระจ่่างใสอย่างหาทางกลับไม่ได้​ จนพนักงานของชั้น  1​ ต้องเข้ามาดูว่าทำไมแขกถึงไม่ยอมก้าวออกจากลิฟท์สักที

"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?"

เหมือนตื่นจากภวังค์​ เฟาสต์ได้แต่กัดฟันคาดโทษคนขี้ยั่วอยู่ในใจ​

จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม​ ได้!!

"ไม่เป็นไรครับ​ พอดีคู่ของผมเขาเมามากไปหน่อย​ เลยจะกลับกันแล้ว"

"เอ่อ...ให้เรียกพนักงานหญิงมาช่วยพยุงไหมครับ"

"ไม่ดีกว่าครับ​ แค่นี้​สบายมาก​"

คนจริงไม่ใช่แค่พูดแต่ทำให้ดูเลยอีกด้วย!

เฟาสต์ช้อนอุ้มไวเทลขึ้นอย่างรวดเร็ว​ จนคนที่แกล้งทำเป็นตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนได้แต่ผวา​ เผลอยกแขนโอบรอบคอแกร่งอย่างตกใจ​ สีหน้าตกใจจนปากหวอทำให้เฟาสต์กลับมาอารมณ์​ดีได้อีกครั้ง

คิดจะเอาคืนเขานะหรอ​ ยังเร็วเกินไป!!

เมื่อเขาอุ้มคนงามเข้ามาในรถได้แล้ว​ ไวเทลก็ดีดตัวไปหลบอยู่มุมอีกฝั่งทันที​ เฟาสต์ได้แต่มองลูกแมวน้อยที่แยกเขี้ยวพองขนขู่ด้วยสายตาอย่างขบขัน​   เมื่อเห็นอีกคนขำใส่อย่างไม่ปิดบังก็ยิ่งทำให้ไวเทล​ถลึงตาใส่เข้าไปอีก​ แต่เหมือนจะไม่สำนึกยังมีหน้ามามองด้วยดวงตาสีมรกตแพรวพราวนั่นอีก​

ไอ้ดวงตานี่ทำเขาหวั่นใจอีกแล้ว​

เพราะไม่อยากเห็นและโมโห​ไวเทลเลยกระชากวิกผมปาใส่หน้าคนตรงหน้าและหันไปมองวิวข้างทางอย่างไม่สนใจทันที

เมื่อไหร่เขาจะหนีไอ้สายตานี่พ้นสักที...

เฟาสต์ได้แต่เฝ้ามองคนตรงหน้าที่แม้ตอนนี้จะไร้วิกผมยาวสลวย​ แต่ก็ยังคงงดงามเปร่งประกาย

งดงาม

แข็งแกร่ง

และไม่อาจเอื้อม



เหมือนที่เคยเฝ้ามองเสมอมา...


---------------------------------------------------

ตอนนี้ไม่มีบู้อะไรทั้งนั้นนะค่าาาาา​ เป็นแค่ตอนที่พัฒนาความสัมพันธ์​ ถามว่าพัฒนา​ความสัมพันธ์​ของใครกับใคร​ ก็ของพระเอกกับนายเอกนะสิ!! 5555555​  //// หัวเราะอย่างชั่วร้าย

เป็นกำลังใจให้นุ้งเฟย์ด้วยนะทุกคนนนน​






หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 04-11-2019 01:01:10
คลื่นที่​ 16


ตุบ

ไวเทลทิ้งตัวลงเตียงอย่างกับของเหลว​  สัมผัสนุ่มนิ่มหลังแช่น้ำอุ่นนี่แหละที่เขาต้องการ

เฮ้อ

เหนื่อย...ทั้งๆที่ทุก​อย่างราบรื่นแท้​ๆ​ แต่กลับรู้สึกเป็นวันที่ใช้พลังมากกว่าปกติ​ โดยเฉพาะหัวใจข้างซ้าย​ รู้สึกวันนี้เอ๊งจะทำงานมากเกินไปจริงๆ

แต่นอนเหม่อมองเพดานได้ไม่นาน​ ก็ต้องหันไปมองผียิ้มแฉ่งที่นั่งเท้าคางมองหน้าเขามาสักพักแล้ว​อย่างหงุดหงิดทันที เพราะไอ้บ้านี่แท้ๆ​ ว่าแล้วก็ถอนหายใจใส่หน้ามันสักเฮือก

"เหนื่อยหรอ?"

แต่เหมือนผีจะไม่รู้ตัว​ เอียงคอถามเขาอย่างบ๊องแบ๋ว.... น่ารักตายล่ะ

"อืม"

"งั้นก็นอนพักเยอะๆเลยนะ​ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้หายเหนื่อย"

บอกให้เขานอนพัก​ แต่ผีบางตัวก็ยังคงยิ้มแฉ่งมองจ้องเขาต่อไป​ ใครจะไปนอนหลับกันฟ่ะ!
ได้แต่ด่าในใจ​ แต่เอาเข้าใจจริงๆแล้ว​สาเหตุที่เขานอนไม่หลับ​คือเรื่องนั้นต่างหาก​ ถ้าเขาไม่ได้รู้วันนี้​ ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ

"นายทำได้ยังไง"

" หือ? "

ผีหน้าซื่อ​ เอียงคอมองก่อนจะทำท่าอ้อ​และควักลูกตากลิ้งไปบนพื้นเตียงทันที

"นี่น่ะหรอ"

!!

ไวเทลเบิกตากว้างสะดุ้งสุดตัว

"ไม่ใช่โว้ยยยย"

"อ้าว"

โอเค...สบายใจล่ะ​ แค่เห็นแมวพองขน​ถลึงตาใส่​ ก็เหมือนผีแบบเขาบรรลุอะไรบางอย่างแล้ว​

ไวเทลได้แต่หลับตา​ข่มจิตข่มใจ​ ทำเป็นไม่เห็นสายตาแพรวพราวที่เหมือนกำจุดอ่อนของเขาได้อยู่หมัดนั่น​ อย่าไปเต้นตามมันไวเทล!!

พอตั้งสติได้ก็หันไปมองผีหน้าเป็นที่ตอนนี้ตาอยู่ครบไม่มีส่วนไหนหลุดหาย​ ไวเทลหรี่ตาลงอย่างจับผิดทันที

"นายทำได้ยังไง"

วันนี้เขาต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!

"เรื่อ..."

"นายไปอยู่ในร่างเฟาสต์ได้ยังไง"

!!

แม้จะเสี้ยววิแต่เขาก็เห็นแววตาตื่นตระหนกในดวงตาสีมรกตคู่นั้นชัดเจน​ ใช่จริงๆสินะ​ ถึงเฟริซิโอ​จะกลับมาทำหน้างงๆทันทีก็เถอะ​ แต่ปิดคนสายตาไวอย่างไวเทลไม่ได้หรอก

"อย่าโกหก"

เมื่อเจอดักขนาดนี้​ คนที่พยายามทำหน้างงก็ต้องยิ้มเจื่อนใส่ทันที​ เมื่อกี้ยังเป็นแมวอยู่​เลยแปปเดียวก็กลายร่างเป็นเสือซะแล้ว

"ผม..."

ยิ่งสบตามองดวงตาสีฟ้าใสที่หรี่่มองมาอย่างจับผิด​นั่นแล้ว​ ก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอทันที​

ไม่ให้เวลาคิดคำแก้ตัวเลยสินะ

"ร่างทรง"

เสียงงึมงำแผ่วเบา​ ทำให้ไวเทลขมวดคิ้วและขยับเข้าไปใกล้ผีตรงหน้ามากขึ้น

"อะไรนะ​ พูดให้มันดังขึ้นสิ"

"เฟาสต์บอก​ เขาเป็นร่างทรง!!"

เฟริซิโอตะโกนออกไปอย่างหมดเปลือก​ เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน  ยังไงเฟาสต์ก็ไม่เคยบอกให้ไม่บอกใครอยู่แล้ว​ เพราะงั้นไวเทลรู้ก็คงไม่เปนไรหรอกมั้ง...

"ร่างทรง?"

เกิดมาก็พึ่งเคยได้ยิิน​ ไวเทลขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม​ มันคืออะไรล่ะนั่น...

" แล้วมันคืออะไร​ "

"ผมก็ไม่รู้จักหรอก​ แต่เฟาสต์บอกว่า​ บรรพบุรุษของเขามีคนนึงสืบเชื้อสายมาจากประเทศหนึ่งในเอเซีย​ ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องไสยศาสตร์​ เอ่อ...เรื่องลี้ลับ​ หมอผี​ ผู้ปราบปีศาจประมาณนั้น"

"นักปราบปีศาจหรอ?"

ยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น​ นี่มันสมัยไหนแล้ว​ เขาเคยได้ยินถึงผู้ปราบปีศาจมาบ้าง​ แต่นั่นมันเรื่องเล่าหลอกเด็กนิ  ไม่ใช่หรอ?

" ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคือเรื่องหลอกเด็ก​ แต่เหมือนจะไม่ใช่​ เพราะเหตุนี้ทำให้เฟาสต์พอมีวิชาด้านปราบผีติดตัว​ เขาเลยมองเห็นและรู้อะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณเยอะมาก​ และหนึ่งในนั้นคือ... ทำให้ผมสามารถสิงร่างเขาได้"

ฟังมาถึงตรงนี้​ไวเทลก็ขนลุกขึ้นมาทันที​ เขารีบลงไปนั่งกับพื้นข้างๆเฟริซิโอ​อย่างหวาด​ๆ​ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวอย่างระแวง​

บ้าจริง! ผีมันสิงกันได้ด้วยหรอว่ะ

เฟริซิโอที่เห็นปฎิกิริยา​แบบนี้ของไวเทลก็ได้แต่รอบแอบขำ​กับตัวเองและเฝ้ามองท่าทางหายากนั้นอย่างเอ็นดู​ ท่าทางเจ้าตัวจะลืมว่าเขาก็เป็นผีนะ​ แถมเป็นผีที่พึ่งสิงคนอื่นมาอีกด้วย

"ไม่ต้องห่วง​ ถ้าเจ้าของร่างไม่ยินยอม​ ผีตัวไหนก็สิงไม่ได้หรอก"

เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่กระซิบบอกข้างหู​ ทำให้ไวเทลหันกลับมามองคนพูดทันที ดวงตาสีฟ้าใสสบกับนัยน์ตา​สีเขียวมรกตคู่นั่น​อย่างต้องมนต์​ สีเขียวที่ทอประกายอบอุ่นเหมือนผืนป่าที่เงียบสงบ​นั่น​ ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ทำให้เขาเหมือนหลุดลอยไปที่ไหนสักที่​ มีเพียงแต่เสียงเต้นของหัวใจเท่านั้นที่ดังชัดขึ้นมาในความรู้สึก​

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใกล้ขนาดนี้​ หลังจากที่เฝ้ามองไกลๆมาแสนนาน​ คนตรงหน้าเขาใครเห็นก็ยากที่จะละสายตาได้จริงๆ​ เฟริซิโอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสที่เวลานี้สายชัดถึงความหวั่นไหวชัดเจน​ เขายิ้มให้กับมัน​แม้ในใจจะเศร้าหมองแค่ไหนก็ตาม​ เขาละจากสายตาคู่นั่นมามองริมฝีปากบางแดงระเรื่อ​ เขามองอย่างปรารถนา​ ถ้าได้สัมผัสสักครั้งก็คงจะดี​ แต่นั่นก็คงทำได้แค่คิด​เพราะเพียงยกมือหมายจะทัดผมให้อีกคน​ มือเขาก็ทะลุผ่านเส้นผมไปอย่างง่ายดาย​

ไวเทลเห็นความเศร้านัยน์ตา​คู่นั้น​ ความเศร้าที่เขาก็ช่วยเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้​  ไวเทลหลุบตาลงต่ำ​อย่างไม่อยากจะมองสิ่งที่เขาแก้ไขมันไม่ได้ไปมากกว่านี้

บรรยากาศหม่นๆที่ลอยฟรุ้งอยู่รอบตัวเขาทั้งคู่​ ทำให้เฟริซิโอได้แต่ลอบถอนหายใจ​ และชวนคุยเรื่องอื่นเปลี่ยนเรื่องทันที

"จริงสิ​ คุณตกใจที่เจอฟอร์ททำไม"

"หือ?"

ไวเทลเงยหน้ามาสบตาคนเปลี่ยนเรื่องอย่างงุนงง

"ใครนะ?"

"ฟอร์ทไง​ คนหัวขาวที่เคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์อ่ะ"

"ว่าไงนะ!"

ไวเทลลุกขึ้นยืนและตาโตมองไปที่ผีหนุ่มอย่างตกใจทันที​ เฟริซิโอที่เห็นไวเทลอยู่ๆก็ลุกขึ้นยืน​ ก็เลยยืนตามขึ้นด้วย

" นายรู้จักหมอนั่นหรอ!"

"หือ? คุณไม่รู้จักหรอ​ ฟอร์ทเขาเป็นมือซ้ายของบอสเลยนะ"

!!

---------------------------------

เป็นอย่างที่คิดกันไหมค่าาาาาาาาา​ สรุปนุ้งเฟย์​ ไม่ได้หายไปไหนน้าาาา​ นางอยู่ข้างไวท์ตลอดนั่นแหละจ้าาาาา













หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย​ (คลื่นที่​ 17​)​
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 14-11-2019 11:07:11
คลื่นที่​ 17



[ อดีตค่ะ​ มาสเตอร์​ ]​

เมื่อเห็นเจ้านายยังคงขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยไม่หาย เอ็ดน่า​หรือเอไอคู่ใจของไวเทลก็ร่ายข้อมูลที่หามาได้ให้แก่เจ้านายอย่างหมดเปลือกทันที

[ ฟอร์ทเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองขององค์กรเรา​ มีความสามารถด้านการแทรกซึมและปลอมตัวสูงมาก​ ส่วนมากงานที่ฟอร์ททำจะเป็นการแทรกซึมเข้าไปหาข้อมูลในถิ่นศัตรู​ ไม่ค่อยกลับมาที่ฐาน เลยมีคนรู้จักคุณฟอร์ทน้อยมาก​ค่ะ​ ]​

งั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จัก​ ปกติงานส่วนมากของไวเทลคืองานเบื้องหน้าที่คอยช่วยเหลือบอสในด้านการจัดการและเจรจาธุรกิจ​ อาจจะมีไปช่วยงานใต้ดินบ้างแต่ไม่บ่อยมากนัก​ เพราะงานส่วนนั้นจะมีเลขาของบอสอีกคนคอยดูแลอยู่แล้ว​

ไวเทลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่โจทย์เป็นคนใกล้ตัวกว่าที่คิด

"ทำไมหมอนั่นถึงเล่นงานฉัน"

[ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ค่ะมาสเตอร์​ แต่จากข้อมูลพอจะบอกได้ว่า​ ฟอร์ทเป็นบุคคลที่ขึ้นแบล็คลิสคนหนึ่งขององค์กรเรา​ เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อนเขา​ทรยศองค์กรโดยการขายข้อมูลของเราให้กับศัตรู กว่าเราจะรู้ตัว​เขาก็หายตัวไปแล้ว​ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตามจับเขาได้ค่ะ​ ด้วยเหตุนี้​ เป็นไปได้ว่า​เขาอาจจะกลับมาแก้แค้นที่เราตามล่าเขามาหลายปีด้วยการเล่นงานมาสเตอร์ก็ได้ค่ะ]​

"หึ  เธอจะบอกว่ายอดฝีมือขององค์กรเป็นร้อยคนตามล่าจับเขามาหลายปีก็ยังทำไม่ได้ แต่ฉันดันโชคดีอยู่เฉยๆก็เจอหมอนั้นซะงั้น​"

[มาสเตอร์ช่างโชคดีจริงๆค่ะ]​

น้ำเสียงแสดงความยินดีแบบโมโนโทนของเอไอสาว​ ทำให้ไวเทลได้แต่ปลงตก นี่ยินดีด้วยความจริงใจหรือประชดกันแน่ว่ะ​

เฟริซิโอมองเหตุการณ์​ตรงหน้าด้วยดวงตาลุกวาว  เขากวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น​

นี่มันห้องปฎิบัติการ​ลับแบบในหนังชัดๆ!!

ห้องโทนสีขาวที่ไม่มีอะไรประดับตกแต่งเลยนอกจาก​โซฟานุ่ม​ขนาดใหญ่ที่ปรับนั่งปรับนอนได้กับโต๊ะกระจกเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆโซฟาและตู้เย็นสีขาวแบบฝังกับผนังขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ผนังห้องฟากหนึ่งทั้งหมด​ ถ้าสั่งการด้วยเสียงผนังที่แต่เดิมมีสีขาวจะมีสีใสเห็นภายในตู้เย็นมีทั้งขนมน้ำและอาหารแช่แข็ง​เต็มแน่น​เอี๊ยด พอลองลอยไปมองใกล้ๆก็จะเจอไมโคเวฟแบบฝังกับผนังข้างๆตู้เย็นเช่นกัน​ แถมถัดไปยังเป็นประตูสีขาวที่พอเปิดเข้าไปจะเจอห้องน้ำขนาดใหญ่​ที่ใหญ่พอๆกับห้องน้ำบนห้องของไวเทลอีกต่างหาก

ที่นี่อยู่ได้หลายปีแบบไม่ต้องออกไปไหนเลยได้สบายๆ

ตอนแรกที่อยู่ๆก็เห็นไวเทลตกใจกับอะไรบางอย่างวิ่งหน้าตื่นทะลุร่างของเขาเข้าห้องน้ำ​ไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เขาที่ตกใจกับปฎิกิริยานั้นก็ลอยตามไปติดๆด้วยเช่นกัน​

ในห้องน้ำเขาเห็นไวเทลพึมพำคำแปลกๆก่อนผนังข้างอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่จะเลื่อนเปิดขึ้นจนเห็นบันไดทางลงไปไหนสักที่​ เห็นแบบนั้นว่าตกใจแล้ว ยิ่งตามไวเทลเข้ามาเจอสภาพห้องแบบนี้อีก  ยิ่งตกใจตกตะลึงตื่นเต้นคูณสอง​เข้าไปอีก

หึหึ​ เจ้าพวกแฟนคลับราชินี​ทั้งหลาย​ เขาได้เข้าห้องลับของไวเทลที่พวกแกไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ด้วยนะเว้ย​ นี่แหละอภิสิทธิ์​ของผีแบบเขาล่ะ!

ไวเทลเดินไปนั่งที่โซฟาโดยไม่สนใจผีที่ยิ้มแปลกๆอย่างกับคนพี้ยา​ เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด​ ดูท่างานนี้ต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบมากกว่าเดิมซะแล้ว





อีกทางด้านหนึ่ง

ภายในห้องที่มืดสนิท​  มีเพียงแสงจากเทียนไฟไม่กี่เล่มที่รายล้อมร่างของชายหนุ่มไว้  ตรงกลางพื้นด้านหน้ามีสายสิญจน์​และเครื่องรางของขลังแปลกตาวางเต็มพื้น
เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั่วไรผมทั้งๆที่ภายในห้องเปิดแอร์ไว้เย็นเชียบ ริมฝีปากสีซีดทำให้คนที่ยืนมองมาสักพักรู้สึกอดเป็นกังวลไม่ได้​ แม้จะอยากเข้าไปช่วยเหลือชายตรงหน้ามากแค่ไหน​ เขาก็ทำได้แค่ยืนรอเงียบๆเท่านั้น

ผ่านไปสักพักดวงตาสีเขียวเย็นชาก็ลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาปรายตามองไปที่เลขาหนุ่มที่ยืนอยู่มุมห้องเขามาสักพักแล้วนิ่งๆ

เลขาหนุ่มค่อยๆนั่งคลานเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นของบางให้อย่างนอบน้อม

“นี่ครับของที่ประมูลมาได้”

เฟาสต์รับของชิ้นนั้นมาด้วยดวงตาเปร่งประกาย วันนี้ถือว่าคุมค่าจริงๆ แม้จะบอกว่าให้ไวเทลไปเอาของชิ้นหนึ่งมาให้ แต่วัตถุประสงค์หลักของเขาจริงๆแล้วอยู่ของชิ้นนี้ต่างหาก ของหายากที่ต้องให้ลูกน้องไปประมูลแย่งชิงมา​ โชคดีที่คนที่นี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและทำอะไรได้บ้าง​ เขาเลยประมูลมาได้ในราคาถูกแสนถูก​

ดวงตาสีเขียวหม่นมองกริช​สีแดงเล่มเล็กที่ให้ความรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด​

เลขาหนุ่มเมื่อเห็นว่าเจ้านายที่เคารพมองของชิ้นนั้นนิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดจะถามออกไปไม่ได้

“มันจะดีจริงๆหรือครับ”

เฟาสต์นิ่งเงียบไม่ตอบคำ เขาเหม่อมองออกที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ที่ภายนอกมีแต่เพียงแสงดาวริบหรี่​ไร้ดวงจันทร์กลมโต ความมืดสนิททำให้อำนาจบางอย่างของเขายิ่งมีพลังรวมถึงกริชเล่มนี้ด้วย​

“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

ใช่ทุกอย่าง...ทุกอย่างจะต้องไปได้สวยเพราะหมากที่เขาวางไว้เริ่มเดินไปอย่างที่เขาต้องการแล้ว



----------------------

มาถึงตรงนี้ใครเจอปริศนาอะไรบ้างคะ​ พอจะเดาได้ยั้งว่าใครกันนะที่ใส่ร้ายนุ้งเฟย์​   เรื่องนี้เงื่อนงำเยอะมากกกกก​ ตามต่อกันไปด้วยนะคะ​

ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนนะ​ คอมเม้นติชม​ได้เลยจ้าาา​









หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-11-2019 14:26:34
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-11-2019 23:34:21
ติดตาม
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 23-11-2019 01:56:33
คลื่นที่​ 18


"เอ็ดน่า​ เปิดโปรเจ็ค​ 'ส่งผีไปเกิด'​ ทีสิ"

[รับทราบค่ะ​ มาสเตอร์]​

พรึ่บ

สิ้นเสียงโมโนโทนตอบรับของเอไอ​ ทั้งห้องก็ถูกหรี่ไฟลงเล็กน้อยทันที​ ผนังรอบด้านที่มีสีขาว​ก็ค่อยๆปรากฏ​ข้อมูลมากมายขึ้นจนเต็มผนังทุกด้าน​ เฟริซิโอได้แต่มองทุกอย่างอย่างตะลึง​

นี่มันข้อมูลเรื่องของเขานิ!!

แค่ไม่กี่วันทำไมถึงมีข้อมูลมากมายขนาดนี้ เฟริซิโอได้แต่มองรอบๆห้องอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองไวเทลที่ตอนนี้ตรงหน้าเจ้าตัวปรากฏ​ภาพโฮโลแกรมเป็นรูปร่างของเขาแบบเต็มตัว​ ข้างๆกันก็มีข้อมูลส่วนตัวของเขามากมายผุดขึ้นมา​ แถมบนหัวภาพโฮโลแกรมตัวเขานั้นก็ยังมีข้อความขนาดใหญ่ว่า​ ส่งผีไปเกิด? อะไรล่ะนั่น​

เขาลอยเข้าไปดูภาพโฮโลแกรมจำลองตัวเองแบบใกล้ๆ​


“เอ็ดน่า ข้อมูลมันเกินจำเป็นมากไป เอาที่สำคัญต่อภารกิจก็พอ”

[ค่ะ]

ภายในพริบตาข้อมูลมากมายที่มีอยู่รอบผนังห้องทุกด้านก็หายไป เหลือเพียงภาพโฮโลแกรมและข้อมูลนิดหน่ออยู่ตรงหน้าไวเทลเท่านั้น

เฟริซิโออ่านข้อมูลหรือหลักฐานที่ไวเทลรวบรวมมาอย่างอึ้งๆ นี่ใช้เวลาไม่กี่วันจริงดิ​!! ว่าแล้วก็หันไปมองไวเทลสลับกับข้อมูลไปมา...สุดยอดสมเป็นเลขาบอสจริงๆ

“ไวท์ คุณหาข้อมูลได้เร็วจัง”

ไวเทลมองเห็นประกายของความชื่นชมในดวงตาคู่นั้นก็เงียบไป แน่นอนเขาไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้คนเดียวหรอก​ เขาแค่เจออะไรน่าสงสัยมีข้อมูลอะไรที่ได้มาก็โยนให้เอ็ดน่าไปทั้งหมด​ แล้วเอ็ดน่าก็จะแบ่งแยกข้อมูล​ เรียบเรียง​ เชื่อมโยงความเป็นไปได้และสรุปออกมา​ แค่นี้งานของเขาก็จะง่ายขึ้น​ แต่ถึงจะอย่างนั้น​ ข้อมูลนี่ก็ยังมีช่องโหว่​อีกมาก

“แต่ไม่สุดสักข้อมูล ตอนนี้เหมือนฉันกำลังต่อจิ๊กซอร์เลย มีแต่ข้อมูลเป็นชิ้นๆทั้งนั้น”

ใช่  เรียกว่าข้อมูลเป็นชิ้นๆ ไม่ประติดประต่อสักอย่าง ทุกอย่างไม่มีการเชื่อมโยงถึงได้กันได้เลย ดูมั่วไปหมด เห็นแล้วก็เหนื่อยใจสุดๆ ท่าทางงานนี้ยังอีกยาวไกลแน่ๆ

เฟริซิโอที่เห็นไวเทลทำหน้าหงอยๆก็หันไปยิ้มกว้างให้กำลังใจทันที

“เก่งแล้วครับ แค่ไม่กี่วันเอง ได้เท่านี้ถือว่าสุดยอดมากแล้วนะ”

“เหอะ”

พอพ่นลมใส่ก็หันหน้านี้สายตาวิบวับอ่อนโยนนั่นทันที คนอะไรชอบยิ้มพร่ำเพรื่อ

“แต่...มันก็งงๆจริงๆนั่นแหละ อย่างข้อมูลนี้คืออะไร” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ข้อมูลหนึ่ง ที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเบอร์สอง อะไรคือเบอร์สอง?

“หึ”

พอไวเทลเห็นข้อมูลนั้นก็ยิ้มหยันออกมาทันที

“ก็คนที่นายโกงเงินหลายร้อยล้านขององค์กรไปประมูลให้ออกมาจากโรงประมูลใต้ดินไง”

“ห๊ะ” เฟริซิโอถึงกับหันไปมองไวเทลอย่างงุนงง

มาถึงตรงนี้ไวเทลก็ลุกขึ้นยืนนำนิ้วไปจิ้มที่ข้อมูลนั้น ลากมาไว้ตรงกลางและอธิบายเป็นฉากๆให้ผีหนุ่มฟังทันที

"นี่คือบัตเตอร์หลายเลข​ 2​ ของผับ​ ราเวล​ เลซี่"

แล้วภาพของเด็กหนุ่มร่างบางที่หน้าตาอ่อนเยาว์ไร้เดียวสานุ่มนิ่มเหมือนตุ๊กตาก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้า

"เมื่อก่อนราเวลเป็นลูกคุณหนูที่ถูกพ่อที่เป็นหนี้พนันในคาสิโนของเราส่งมาขายประมูล​ แน่นอนรูปร่างหน้าตาแบบนี้คงถูกใจใครหลายๆคน​ จนมีคนแย่งกันประมูลอย่างล้นหลาม​หนึ่งในนั่นก็คือนายที่ไปแย่งประมูลกับคนอื่นจนชนะประมูลไปในราคาร้อยล้านดอลล่าร์​  แต่นายเป็นแค่หัวหน้าคุมผับที่ไม่ได้มีเงินถึงขนาดนั้นเลยทำการโกงเงินองค์กรไป​จ่ายค่าตัวราเวลแทน ต่อมาไม่นานนายก็ถูกจับได้​และตาย"

!?

มาถึงตรงนี้เฟริซิโอก็เหวอหนักทำตัวไม่ถูกทันทียิ่งมาเห็นสายตาเย็นชาที่ถูกตวัดมองมายิ่งไปไม่เป็น

" ผะ.. ผมไม่ได้ทำนะ!! "

เห็นผีหนุ่มรนรานตอบแบบนี้​ก็ได้แต่ยิ้มขำในใจ​ เรื่องนั้นเขารู้อยู่แล้ว

" ใช่​ นายไม่ได้ทำ​ นายคงไม่รู้จักราเวลด้วยซ้ำ​ ตอนที่ไปผับคราวก่อน​นายไม่มองขึ้นไปบนเวทีเลยสักนิด​ ข้อมูลนี้น่าจะผิดพลาดมีคนใส่ความนาย​"

"อ่า..."

เฟริซิโอถึงกับพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆเท่านั้น​ เขาปิดปากเงียบไปถามอะไรอีกเลย​เพราะกลัวจะงานเข้าแบบไม่ทันตั้งตัวอีก!

ไวเทลมองตรงไปที่ข้อมูลทั้งหลายอย่างปลงตก​ ถ้าเฟริซิโอไม่ได้โกงเงินไปประมูลราเวลแล้วเงินหายไปไหน? ไหนจะเรื่องของฟอร์ท​ เรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยของเขาที่คาดจะมีคนทรยศอยู่อีก​ ทุกอย่างไม่รู้จะเกี่ยวเนื่องกันไหม​ ตอนนี้ได้แต่ปลงกับความข้อมูลอันน้อยนิดนี้จริงๆ​ แต่เขาก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว​ นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่จะสามารถหามาได้​ ถ้าอยากได้มากกว่า​นี้เห็นที่ต้องลงมือไปสืบด้วยตัวเองจริงๆแล้วล่ะ

"งานนี้ไม่ง่ายเลย"

"..."

"คงมีแต่ต้องแฝงตัวเข้าไปเท่านั้นสินะ"

"อะไรนะ!"

ไวเทลหันไปมองเฟริซิโอก่อนจะตอบอย่างหนักแน่น

"ถ้าเรื่องทั้งหมดเกิดที่ผับนั่นมีแต่ต้องไปอยู่ที่นั่นเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด"

เฟริซิโอเห็นสายตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังคู่นั้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายหนักใจ​ เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้วสิงานนี้

------------------------------------

ได้เวลาลุยเดี่ยวแล้วพี่น้องงงงงงง​ มาลุ้นกันว่าไวท์จะแฝงตัวไปสืบยังไงกันนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนและทุกกำลังใจ​ ฝากเม้นให้กำลังใจเค้าด้วยนะ​ เค้าจะได้มีแรงมาอัพให้ไวไว​ 55555




หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-11-2019 23:04:35
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 03-12-2019 02:27:44
คลื่นที่​ 19



"ฟะ...."

"เฟ.."

"เฟาสต์!"

เฟาสต์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ​ ความรู้สึกเหมือนมีคนเรียกอยู่ไกลๆก่อนจะใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนต้องลืมตามาดู​ ทันทีที่นัยน์ตา​สีเขียวเย็นชาสบกับดวงตาสีเขียวที่กำลังตื่นตระหนก​ ก็ขมวดคิ้วยุ่งใส่ทันที

ยิ่งหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาตีสาม​ เขาก็ถอนหายใจใส่ผีตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายไม่ปิดบัง

"มีอะไร"

ผีร้อนใจไม่รอช้าพุ่งไปพูดธุระที่ตัวเองมากวนใครบางคนตอนตีสามทันที

"แย่แล้วล่ะ! ไวเทลจะแฝงตัวเข้าไปในตึกซิริโนแล้ว"

พอได้ยินแบบนั้นคนที่พึ่งลืมตาตื่นก็ยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อมากกว่าเดิม

"ตอนนี้? "

"เปล่าหรอก​ แต่ก็ไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอน"

"แล้วมาบอกฉันทำไม...ตอนนี้"

เฟาสต์เน้นเสียงหนักคำสุดท้ายก่อนจะพ่นลมใส่​อย่างเหนื่อยใจ มีเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวัน​แม้แต่เวลานอน​ หรือเขาคิดผิดที่ยื่นมือไปช่วยหมอนี่กัน?

ยิ่งเห็นว่าผีบางตัวทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่าทำไมต้องรีบแจ้นมาบอกเขาตอนนี้แทนที่จะรอเช้าสายตาที่เขามองไปก็ยิ่งเย็นชาขึ้นทันที

"เออ...ผมร้อนใจมาก"

ก็คงจะมากจริงๆ​ มากถึงขนาดรีบมาหาเขาตอนตีสาม!

ยิ่งเห็นสีหน้ามืดครึ้มของเฟาสต์​ เฟริซิโอก็ยิ่งยิ้มเจื่อนมากขึ้น

"เอาเป็นว่า...คุณพักเถอะ​ เดี๋ยวผมมาพรุ่งนี้เช้าใหม่ก็ได้"

เท่านั้นแหละเฟาสต์ก็ตวัดตาคมมองอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิมทันที​ ตอนนี้เขาตื่นแล้ว​ แต่ผีบ้าบางตัวดันบอกว่าจะจากไปเพื่อมาใหม่เนี่ยนะ

"มีิอะไรก็พูดมา"

"เออ...คือ"

"ถ้านายไม่พูด​ ฉันบอกเจ้าที่ที่นี่ไม่ให้นายเข้าได้อีก"

เพียงเท่านี้เฟริซิโอก็ตาโต​ รีบพูดบอกทันที​ ถ้าหมอนี่ไม่ให้เขาเข้า​มาที่นี่ เขาแย่แน่ๆ!​ เพราะโลกนี้คนที่มองเห็นเขามีแค่ไวท์และเฟาสต์เพียงเท่านั้น

"ผมต้องการให้คุณช่วย"

"..."

"ผมต้องการยืมร่างของคุณ"

"..."

เฟริซิโอมองคนตรงหน้าอย่างคาดหวังแม้ในตาคู่นั้นจะเย็นชาจนเดาความคิดไม่ออกเลยก็ตาม​
ผีนี่ท่าจะได้ใจมากไปจริงๆ​

"ทำไมฉันต้องช่วยนาย"

พอเห็นเฟริซิโอจะอ้าปากพูดเฟาสต์ก็สวนขึ้นมาทันที

"นายจะอ้างอะไรอีก​ จะยอมช่วยทุกอย่างที่ฉันขอ​ โดยจะใช้ร่างของฉันเนี่ยนะ? ฉันทำเองดีกว่าไหม​ รู้ตัวหรือเปล่าว่านายไม่ใช่คนอีกแล้ว​ นายคือวิญญาณ​ วิญญาญเร่ร่อนที่รอเวลาไปเกิดเท่านั้น​ แล้วยังจะขอยืมใช้ร่างฉันพร่ำเพรื่ออีก​ ทำไมฉันต้องให้นาย​ ครั้งก่อนมันก็มากเกินพอแล้ว​ "

เจอความจริงกระแทกใส่หน้าเต็มๆ​ เฟริซิโอก็ได้แต่นิ่งอึ้ง​หน้าสลดลงทันที​ ใช่...เฟาสต์พูดถูก​ เขาตายแล้ว​ คนตายมีสิทธิ​อะไรมายุ่งกับร่างคนเป็นแค่ครั้งก่อนหมอนี่ให้ยืมก็ดีแค่ไหน​ สงสัยการที่ทำให้เขามีเนื้อหนังเพื่อดูแลใครบางคนที่ปรารถนามานานจะทำให้เขาได้ใจจริงๆ

เฟาสต์เฝ้ามองสีหน้่าเศร้าหมองของผีตรงหน้าอย่างสมใจ​ ก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่จะทำให้แผนของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น​ จริงๆก็ไม่คิดว่าทุกอย่างที่วาดไว้จะมาถึงเร็วขนาดนี้​ ก็ถือว่าเป็นข้อดีล่ะนะ

"ก็ได้"

เฟริซิโอรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดด้วยประกายแห่งความหวังทันที​

"แต่มีข้อแม้​  นายจะต้องไปเอาข้อมูลอย่างหนึ่งจากตึกซิริโนมาให้ฉัน​ ถ้าตกลง​ ฉันจะให้นายยืมร่าง​ แต่ร่างที่จะให้นายยืมไม่ใช่ร่างฉันอย่าง
แน่นอน​ ว่าไงล่ะ​"

เฟริซิโอแทบไม่ต้องคิดเขาพยักหน้าตอบตกลงด้วยความดีใจทันที​ เวลานี้เฟาสต์จะเอาข้อมูลอะไรเขายินดีไปหาให้ได้หมด​ เพราะตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ​ ถ้าเขาเป็นแค่วิญญานอยู่แบบนี้​ แม้จะอยู่เคียงข้างไวเทลได้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี​ ถ้ามีร่างเนื้ออย่างน้อยก็พอจะช่วยเหลือได้บ้าง​ ถามว่าทำไมไม่ห้ามให้ไวเทลไม่ไปเสี่ยงอันตราย​ ใครจะไปห้ามได้! 

ก่อนมาหาเฟาสต์เขาทะเลาะและเถียงกับไวเทลมาแล้วใหญ่โต​ เจ้าตัวไม่ยอมท่าเดียวยืนยันนอนยันต้องเข้าไปสืบด้วยตัวเองให้ได้​ แม้เขาจะใช้มุกตาหลุดเดิมๆ​แล้วก็ตาม​ เจ้าตัวก็ทำเป็นเข้มแข็งไม่หวาดแค่ตาจะหลุดต่อไปอีกแล้ว​ จะทำมากกว่านี้ก็พลังเริ่มจะไม่พอ​ นี่ความลับเลยนะ​ภาพลักษณ์​แบบวันแรกที่เจอกับไวเทลทำได้แค่วันนั้นเท่านั้นแหละ​ ที่เหลือคือขู่ทั้งนั้น! ดื้อ! น่าตีเป็นที่สุด​ อย่าให้เขามีร่างเนื้ิอนะ​ จะจับมาลงโทษซะให้เข็ด!

"แล้วนายจะให้ฉันไปเอาข้อมูลอะไรมาให้"

เฟาสต์เงียบไปสักพักก่อนน้ำเสียงแหบพร่าเย็นชาจะพูดออกมา

"ข้อมูลส่วนผสมของยา​ LC-00 ที่กำลังระบาดอย่างเงียบๆในหมู่บัตเตอร์ของพวกนาย"

----------------------------

ใครถามหาร่างให้นังเฟย์​ ตอนหน้าเจ้าตัวจะมีร่างสิงสถิติไม่เป็นผีลอยไปลอยมาแล้วจ้าาาาา​ ตบมือออ

ขอบคุณทุกแรงใจนะคะ​ มาร่วมด้วยช่วยเข็นกันต่อไป​ด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้กำลังกระตืบๆไปแล้ววว



หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-12-2019 22:42:09
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 29-12-2019 02:56:54
คลื่นที่​ 20

"แปลกจังนะครับ​ ไม่คิดว่าคุณจะชอบอะไรแบบนี้"

เมื่อมองตามสายตาของช่างทำผม​ ไวเทลก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

"ผมว่ามันก็น่ารักดีนะครับ"

ช่างทำผมมองสิ่งนั้นอีกรอบ​ก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้เท่านั้นแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ารสนิยมคนเรานี่แปลกชะมัด​ ของแบบนั้นมันน่ารักตรงไหนกัน

ไวเทลมองเจ้าของประหลาดที่ถูกห้อยอยู่กับอกเสื้อด้วยแววตาขบขับ​ นัยน์ตาสีฟ้า​ไหวระริกด้วยความสนุก​ ยิ่งมองก็ยิ่งแปลกจริงๆนั่นแหละ​ ตัวเขาที่ใช้ของแบรนด์เนม​เรียบหรูตั้งแต่หัวจรดเท้า​ กลับมีของประหลาดๆอย่างตุ๊กตาเชือกโง่ๆห้อยอยู่กับอกเสื้อ​ไม่ห่าง​ ดูยังไงก็ไม่เข้ากับบุคลิก​ของเขาสุดๆ​​ แต่พอคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไรก็พอจะหยวนๆมองว่ามันน่ารักได้ล่ะนะ

'มองพอยั้ง'​

แต่เหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้นแฮะ

เฟริซิโอ​มองประกายความขบขันในดวงตาคู่นั้นด้วยความหงุดหงิด​ แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ที่อยากทำหน้างอลก็ทำไม่ได้​ ไอ้ตุ๊กตานี่หน้าตาไร้ชีวิตชะมัด!!

ว่าแล้วผีที่อยู่ในร่างตุ๊กตาก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งสุดขีด​ ใครจะไปคิดว่าไอ้ร่างชั่วคราวของเฟาสต์จะเป็นร่างนี้ว่ะ​ ไอ้ร่างนี้มันจะไปทำอะไรได้ นอกจากห้อยต่องแต่งไปวันๆเนี่ย!

'นายสามารถบังคับให้มันขยับได้​ ถ้าจิตนายแกร่งพอ'

แล้วเสียงเย็นชาของใครบางคนก็ลอยเข้ามา​

ยิ่งนึก​ก็ยิ่งอยากจะเบ้ปากใส่​ เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่รู้ว่าต้องเข้าไปอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้​ เขาถึงกับอึ้งไปไม่เป็น​ แต่คนตรงหน้ามันไม่สนความอึ้งของเขาเลยสักนิด​ ได้แต่พูดอธิบายเยอะแยะมากมายจนเขาตามแทบไม่ทัน​ พูดเสร็จก็จับวิญญาณเขายัดเข้่าตุ๊กตาผีนี่ทันที​  แถมยังใจดีมาส่งเขาให้ถึงมือไวเทลด้วยตัวเองอีกต่างหาก

ตอนแรกที่ไวท์รู้เรื่องก็อึ้งไปสักพักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะเสียงใสกังวาลอย่่างไม่ปิดบัง​ เห็นประกายความตลกขบขันใจในตาคู่นั้นแล้วก็ทั้งอยากฟัดและอยากงอลไปในเวลาเดียวกัน

ให้ตายเถอะว่ะ!

ตอนเจอก่อนตายก็โคตรย้ำแย่​ ตายแล้วยิ่งย้ำแย่กว่า​อีก จะไม่มีลุคเท่ๆให้เขามาปกป้องไวเทลแบบในหนังบ้างเลยหรือไง!

ดูดิ​ ขนาดผ่านมาหลายวันแล้วแต่เมื่อไวเทลเหลือบตามองเขาทีไรเป็นต้องยิ้มหรือไม่ก็หลุดขำทุกที​ น่าตลกนักหรือไง​ คนเป็นผีได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน​ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างอยู่ในตุ๊กตา​ แม้ความขุ่นเคืองนั้นไวเทลจะสัมผัสได้​ แต่จะให้เขาไม่ขำทุกครั้งที่เห็นเกรงว่าจะไม่ได้!  ถือว่าการเอาคืนเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยล่ะกัน



"เสร็จแล้วครับ"

ช่างทำผมปิดเครื่องที่ครอบอยู่บนผมของไวเทลก่อนกดปุ่มยกมันออกมา​ ทันทีที่ครอบผมถูกยกออกไป​ เส้นผมยาวตรงสีขาวก็ตกลงมาเคลียบั้นเอวคอดทันที

ไวเทลละสายตาจากเฟริซิโอไปมองผมตัวเองที่ทำเสร็จแล้วช้าๆ​ สีผมแปลกตาทำให้เขาค่อยๆสางมันเบาๆ​ สัมผัสนุ่มลื่นมีน้ำหนัก​ต่อให้กระชากแรกก็ไม่หลุดนี่​ถือได้ว่าเหมือนของจริงๆ​สุดๆ

ในขณะที่ไวเทลกำลังสำรวจผมตัวเอง​อยู่นั้น​ เฟริซิโอก็อดจะตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่บนกระจกตรงหน้าไม่ได้​ ก่อนหน้านี้ด้วยความหงุดหงิดเลยไม่ทันสังเกตนัก​ว่าการปลอมตัวของไวเทลครั้งนี้จะสวยขนาดนี้​ นี่บัตเตอร์อันดับหนึ่งของผับต้องถึงคราวมัวหมองแล้วแน่ๆ​!

เพราะเทคโนโลยี​ที่ก้าวไกล​ แม้แต่การแต่งหน้าทำผมเดี๋ยวนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึงระดับ​ DNA แล้ว! แม้จะชั่วคราวแต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย

ไวเทลได้แอบติดต่อช่างหน้าช่างผมไว้แล้ว​ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ต่างกับการทำศัลยกรรมชั่วคราวที่มีระยะเวลา​แค่ 1​ เดือนก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปและกลับไปเป็นแบบเดิม​ สำหรับคนทั่วไปการแต่งหน้าทำผมระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมไปสักนิด​ เพราะรัฐบาลป้องกันด้วยการที่จะแต่งหน้าทำผมระดับนี้ต้องขออนุญาต​ก่อน​เสมอ​ แม้ไม่ได้ขอยากอะไรแต่ค่าขออนุญาต​ก็ไม่ได้น้อยเลย​สักนิด แถมคนทำยังต้องขึ้นทะเบียนว่าทำอีกด้วย​

แน่นอนว่าไวเทลต้องจ้างช่างเถื่อนอยู่แล้วเพื่อยากต่อการตรวจสอบ​  ก็นะมีเงินมากหน่อย​เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย​ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้น่ะหรอ? ถ้าเขาไม่ปลอมตัวแบบเนียนๆเข้าไปเกรงว่าแค่ลงจากรถทุกคนก็คงจำเขาได้​ทันที จนสืบอะไรไม่ได้เลยแน่ๆ​ และแน่นอนไหนๆก็จะสืบเรื่องของบัตเตอร์ทั้งที​ เขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในผับ​และใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์เท่านั้น​ ใครจะใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์ได้เท่ากับบัตเตอร์กันเอง​จริงไหม? แล้วยิ่งพวกระดับสูงไม่ค่อยคุยกับพวกระดับล่าง​ด้วยแล้วเขาจึงต้องปลอมตัวให้สวยมากพอที่จะไต่ไปถึงระดับสูงได้​

เมื่อคิดแบบนี้แล้วไวเทลก็รับเคลียร์​งานทั้งหมด​ที่ค้างภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเต็มๆก่อนจะทำการยื่นเรื่องลาพักร้อน​ 3​ เดือนและผลักภาระทั้งหมดให้อูบาร์โดทันที

เมื่อจัดการงานเสร็จก็หาจ้างช่างหน้าช่างผมที่เชี่ยวชาญการทำหน้าทำผมมือฉมังมาช่วยแปลงโฉมเขาด้วยเงินสูงลิบทันที​ โชคดีที่พื้นเพไวเทลเป็นคนหน้าตา​ ผิวพรรณและรูปร่างถือว่าดีมากอยู่แล้ว​ ช่างหน้าช่างผมเลยไม่ปรับอะไรมากนักนอกจากปรับโครงหน้าเรียวบางคล้ายผู้หญิงมากขึ้น​ กับปรับรูปลักษณ์​ให้ดูโดดเด่นกระแทกตา​ แม้มองจากหอคอยงาช้างลงมาก็มองเห็นได้  และด้วยเหตุนี้เองการปรับโฉมของไวเทลเลยใช่เวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้น!

แถมพอทำเสร็จแล้วพวกเขาก็หมุนไวเทลไปมาอย่างชื่นชม​ นี่ถือเป็นผมงานชิ้นโบว์แดงเลยก็ว่าได้​ จากดวงหน้าเรียวคมที่จะมองว่าสวยแบบผู้ชายหรือบางมุมก็งามแบบผู้หญิงโซนยุโรปของไวเทลก็ได้​ ถูกปรับให้เรียวบางค่อนไปทางเอเซีย​มากขึ้น​ ผิวขาวกระจ่างใสอมชมพูที่ช่วยขับให้ดวงตาเรียวคมสีแดงทับทิมดูโดดเด่นเป็นประกายงดงาม ขี้แมลงเล็กๆตรงมุมปากช่วยเสริมเสน่ห์​ให้ใบหน้าและปากอิ่มมีเสน่ห์เย้ายวนแบบแปลกๆ​ ประกอบกับเส้นผมยาวสลวยเคลียบั้นเอวสีขาวที่เป็นประกายทุกครั้งที่ต้องกับแสงไฟด้วยแล้ว​ ยิ่งทำให้คนมองตาพร่าเบลอเข้าไปใหญ่​ นี่นางฟ้าตกสวรรค์​หรือนางมารจำแลงที่จะล่อลวงผู้คนให้ลุ่มหลงเมามายจนถอนตัวไม่ขึ้นกันแน่!

"โอ๊ยยย! สวยมากจริงๆค่ะคุณน้อง"

ไวเทลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดปลื้มปริ่มปานจะขาดใจของช่างแต่งหน้าชายใจหญิงนั่นเบาๆ​ ยอมรับว่ารูปลักษณ์​แบบนี้สวยมากจริงๆ​ แบบนี้ละที่เหมาะจะไต่เต้าขึ้นไประดับสูงๆของพวกบัตเตอร์ได้​ ไวเทลยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ​จนไม่รู้สึกถึงกระแสทะมึนไม่พอใจจากตุ๊กตาที่ห้อยอยู่ตรงอกเสื้อเลยสักนิด

แม้ตอนแรกจะตะลึงจนตาพร่าแต่พอมองไปมองมาดีๆแล้วก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้​ ปกติไวเทลก็สวยอยู่แล้ว​ติดแค่ชอบทำหน้านิ่ง​ แต่นี่ช่างหน้ากับทำให้ปากเป็นกระจับยกขึ้นน้อยๆเหมือนยิ้มบางๆตลอดเวลา​ ดูเป็นมิตรน่าเข้าหามากขึ้นแถมยังสวยมากกว่าปกติไปอีก​

บัดซบ! ไม่อยากให้ใคนเห็นเลยเว้ย​ เขาหวง​ หวงแทบบ้า!  แต่นอกจากความหวงก็มีความเป็นห่วงจนล้นใจ​อีกด้วย ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนี้​แน่นอนว่าจะต้องสืบข่าวจากพวกระดับสูงได้แน่ๆ​ แต่ก็เพราะแบบนี้ด้วยแหละที่จะดึงดูดพวกอันตรายให้เข้าหามากขึ้น​ แล้วไอ้ร่างตุ๊กตาโง่ๆนี่จะไปช่วยอะไรได้​

โอ๊ยยย! เขาคิดผิดหรือเปล่าว่ะ

 ถ้าตอนนี้สารภาพออกไป​ ไวเทลจะหยุดที่กำลังทำมทั้งหมดนี่ไหม​  ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน​ หวาดหลัว​ หวง​ ห่วง​ ปนกันมั่วไปหมด​ แต่ทุกอย่างก็มาไกลจนยากจะย้อนกลับหรือเขาจะปล่อยเลยตามเลยรีบสืบหารีบจบงานดี...เวลานี้เขาควรทำไง​กันดี

ไวเทลได้แต่มองตัวเองในกระจกโดยไม่รับรู้ถึงความกังวลของเฟริซิโอเลยสักนิด​ นัยน์ตาสีทับทิมมีประกายความมุ่งมั่นแน่วแน่จ้องตรงไปทางกระจกนิ่งๆ

นี่แหละ...ที่จะทำให้เขาหาความจริงทั้งหมดมาได้​

รอก่อนเถอะ​ตึกซิริโน​ ถ้าความลับมันเยอะนัก​ เขานี่แหละจะเข้าไปล้วงมันออกมาให้หมดเอง!


-----------------------

จบเฟส​  1​ แล้วนะคะ​ ไปต่อเฟส​ 2​ โลดดดด​ ลุยในผับกันยาวๆล่ะที่นี้






หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 27-01-2020 01:13:24
คลื่นที่​ 21

"ทำไมคนมีแค่นี้"

นิโคโรขมวดคิ้วฉับทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า​ เขาทำงานที่นี่มาหลายปีแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเข้าผับน้อยขนาดนี้​ น้อยขนาดที่กวาดตามองรอบหนึ่งยังนับนิ้วได้​...เกิดอะไรขึ้นกัน

"เอ่อ..."

เมื่อหันมาเห็นสีหน้าอึกอักไม่มั่นใจของเลขาก็ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดยิ่งกว่าเดิม

"มีอะไรก็พูดมา"

เลขาคู่ใจที่เห็นเจ้านายเริ่มฉายรังสีอำมหิตก็ยิ่งหลั่งเหงื่อเย็น​ เรื่องนี้ออกจะพูดยากสักนิด​ ตอนแรกที่เขาเห็นคนมาเข้าผับน้อยขนาดนี้เขาก็ตกตะลึงมากแล้วแต่ยิ่งรู้สาเหตุยิ่งตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม​ แล้วถ้านิโคโรรู้ว่าสาเหตุคืออะไรโบนัสสิ้นปีของเขาต้องปลิวแน่ๆ!
คนเป็นเลขาที่กำลังปลงตกจากโบนัส​ ถอนหายใจเฮือกใหญ่​ ปลายตามองเจ้านายตาปรอยเผื่อเจ้านายจะเวทนาไม่ลดโบนัสเขาบ้าง

"คุณ...ตามมาดูด้วยตาตัวเองเถอะครับ"





เขาไม่ได้คาดหวัง​ เรียกว่าไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผับเขาต้องคนน้อยในรอบสิบปีจะงดงามขนาดนี้​ แต่น่าเสียดายที่ความสวยงามนี่ดันมาอยู่ในที่แคบๆอย่างร้านนั่งดริ้งค์​ชิคๆเล็กๆที่อยู่ในหลืบหนึ่งของย่านมิสติโคแห่งนี้เท่านั้น​

เส้นผมสีขาวที่ทอประกายล้อกับแสงไฟ​ ดวงตาสีแดงที่แค่กวาดตามองไปที่ใครก็เหมือนจะทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจ​ รอยยิ้มมุมปากบางๆที่ชวนให้ลุ่มหลง...ก็ไม่น่าแปลกที่ฝูงชนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเพียงได้ยลสักเสี้ยวก็ยังดี​

เวลานี้แค่เจ้าตัวขยับไปซ้ายหน่อยกวาดตานิดผู้คนก็พร้อมใจกันกลั้นหายใจอยู่แล้ว​ มาถึงตรงนี้นิโคโรก็ตวัดสายตาเย็นชาใส่เลขาตัวเองทันที​ คุณเลขาที่หลั่งเหงื่อเย็นมาสักพักพอมาเห็นสายตานี้ก็ได้แต่สะดุ้งและคิดว่า... ลาก่อนนะเจ้าโบนัส

"ขอโทษครับ"

นอกจากก้มหน้ายอมรับผิดเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!

นิโคโรได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่​ลูกน้องเขานี่มันตาถั่วจริงๆ​ คนที่มีแรงดึงดูดขนาดนี้กลับมาอยู่ที่เล็กๆแทนที่จะเชิดฉายที่ตึกซิริโนของเขา​ ปกติคนสวยๆแรงดึงดูดเยอะๆถ้าหลุดมาย่านนี้เมื่อไหร่​ ลูกน้องเขาจะทาบทามมาเป็นบัตเตอร์ทันที​ แล้วที่งดงามระดับเทียบเท่าหมายเลขหนึ่งของผับขนาดนี้ ทำไมพวกลูกน้องถึงตาถั่วมองไม่เห็นได้กัน​ งานนี้มีตัดเงินเดือนแน่นอน!

"จบคืนนี้​ ติดต่อให้ไปอยู่ที่ตึกใหญ่ซะ​แล้วก็สืบประวัติให้เรียบร้อยอย่าให้พลาดอีก"

นิโคโรปรายตามองคนผมขาวนัยน์ตา​ทับทิมด้วยประกายประหลาดบางอย่างก่อนจะหันหลังเดินจากไป​ ทิ้งให้ลูกน้องจัดการเรื่องทั้งหมดแทน




'นิคมันเดินไปแล้ว'​

"อืม"

ไวเทลมองตามแผ่นหลังกว้างเรือนผมสีแดงเพลิงโดดเด่นที่แม้จะอยู่ไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างสมใจ​ คาดว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาติดต่อให้เขาเข้าไปอยู่ในตึกซิริโนแน่ๆ​

ต้องบอกก่อนว่าการจะมาปรากฎอยู่ที่ร้านเล็กๆแห่งนี้ในย่านมิสติโคนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปเช่นกัน​ แถมเขายังมาถึงที่นี่ได้สามวันแล้วแต่คนของนิโคโรพึ่งโผล่มาถือว่าช้ากว่าที่คาดไปจริงๆ​ เขาคิดว่าแค่คนหน้าตาแบบนี้หลงเข้ามาที่นี่พวกหมาล่าเนื้องามของนิโคโรจะโผล่พรวดมาเชิญไปตึกซิริโนเลยทันทีซะอีก แต่ผิดคาดเขาต้องอยู่ที่เล็กๆนี่ถึงสามวัน​ ทำกำไรให้ร้านมหาศาลในรอบสิบปีเพียงแค่นั่งเฉยๆจนผู้จัดการร้านยิ้มแก้มฉีก เรียกว่าทำงานล่าช้ามากเกินไปจริงๆ


เอาเถอะถึงจะช้าไปสักนิดแต่การที่เขาอยู่นี่ถึงสามวันก็พอจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแม้จะน้อยแต่ก็ถือว่าคิดถูกจริงๆที่โยนตัวเองเข้ามาสืบถึงถิ่นเสือ แต่ตอนนี้มันมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่...

ไวเทลปรายตามองตุ๊กตาเชือกที่ห้อยอยู่ตรงอกนิ่งๆ หลายวันแล้วที่เฟริซิโอ​ขลุกอยู่แต่ในตุ๊กตานี่แถมยังเงียบขรึมผิดปกติ​ บางทีถามคำตอบคำด้วยซ้ำ​ จะโผล่ออกมาให้เห็นก็แค่ช่วงกลางคืนแถมโผล่มาแล้วก็ไม่คุยอะไรอีก​เห็นแต่นั่งหลับตาโง่ๆอยู่ทั้งคืน​ พอเขาถามว่าเป็นอะไรก็บ่ายเบี่ยง​  เฮอะ! คิดว่าอยากรู้เรื่องของนายมากหรือไง​ ว่าแล้วก็เชิดหน้่าไม่สนใจ​แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ปรายตามองเจ้าก้อนเชือกนี่อีกครั้ง​แล้วก็เป็นแบบนี้ไปจนถึงเวลาร้านปิด...





ตุบ

ไวเทลทิ้งกายลงบนเตียงในห้องพักเล็กๆที่ทางร้านจัดให้อย่างเหนื่อยอ่อน​ ใช่...เหนื่อย​ แม้จะนั่งเฉยๆก็เหนื่อยนะเฟ้ย​ ว่าแล้วก็ปรายตามองผีบางตัวที่พึ่งออกมาจากตุ๊กตามาลอยอยู่แถวๆตัวเขาอย่างเหม่อลอย​ นอกจากจะเหม่อไม่สนใจเขาแล้วยังถอนหายใจใส่อากาศอีกเฮือกแล้วเตรียมจะนั่งหลับตาโง่ๆเหมือนคืนก่อนๆอีกแล้ว​ มีอะไรก็พูดออกมาสิเว้ย

และเหมือนคนงามจะหมดความอดทนแล้ว

"มีอะไรก็พูดมา!"

เขาหงุดหงิดแล้วนะ!

เฟริซิโอหันไปมองคนที่ตะโกนใส่เขาอย่างงุนงงก่อนจะเงียบไปอย่างเข้าใจ​ เขาพอจะเข้าใจ​ในสิ่งที่ไวเทลจะบอก​ แน่ล่ะ​ บรรยากาสอึดอัดระหร่างเราใช่จะมองไม่เห็น​ แต่เป็นเขาที่มีเรื่องให้คิดเยอะจนมองข้ามไปต่างหาก​ สามวันที่คิดอย่างไม่ตก​ ยิ่งพรุ่งนี้คนของนิคมันคงมาพาตัวไวเทลไปแล้วแน่ๆ​ยิ่งเครียด​และคิดหนักขึ้น​ ผีหนุ่มมองคนในดวงใจตาปรอย​  กัดปากอย่างชั่งใจก่อนจะลอยช้าๆมาหยุดตรงหน้าไวเทล

เอาว่ะ! อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด​ ยังไงซะก็ดีกว่าไวท์เอาตัวเองไปเสี่ยงอีกนั่นแหละ​ มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด

"ไวท์"

เสียงทุ้มแหบพร่าที่เปร่งออกมาอย่างหงอยๆทำให้คนงามตวัดตามองอย่างเคืองๆแต่ก็ตั้งใจฟัง

"ผม..."

"...."

"...."

เฟริซิโอมองหน้าไวเทลก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนงาม​ มองลึกไปถึงดวงตาคู่งามที่แม้เวลานี้จะคนละสีแต่เขาก็นึกรักมันอยู่เสมอทุกครั้งที่ได้มอง​

"ความจริง...คุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอก"

ไวเทลมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่ก่อนจะพูดอะไรผีหนุ่มก็เปิดปากพูดออกมาก่อนแล้ว

"ผมขอโทษที่โกหก"  คิ้วเรียวขมวดยุ่ง​ทันที

"เรื่องอะไร"

ดวงตาสีเขียวคู่เดิมมองตรงมาอย่างมั่นคง​ เขาอยากให้ไวเทลเห็นว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้เขาจริงใจไม่ได้อยากหลอกลวงเลยสักนิด

"คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาหาความจริงอะไรทั้งนั้น"

"..."

"เพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าผมจะถูกใครใส่ร้าย​ก็ตาม เมื่อครบ​ 100​ วันผมก็ต้องหายไปอยู่ดี"

!!!!

รอยยิ้มบางเบาปรากฎเมื่อคนฟังคำสารภาพตกใจจนตาโต​ ไวเทลอึ้งไปพักใหญ่​ เหมือนอยู่ๆสมองของเขาก็น็อคขึ้นมาเฉยๆกับความจริงที่พึ่งรับรู้​ แม้ที่ผ่านมาเขาจะพยายามหาความจริงเพื่อให้อีกคนไปสู่สุขคติ​มากแค่ไหน​ พยายามห้ามใจให้เรื่องทุกอย่างจบเร็วๆจะได้ไม่ผูกพันธ์​ไปมากกว่านี้​

 แต่เมื่อความจริงถูกตีกระแทกหน้าว่าไม่ว่าจะทำอะไรอีกคนก็จะหายไปอยู่ดี ใจดวงน้อยกับวูบโหวงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด​ วันที่เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องยิงปลิดชีพคนตรงหน้าคนนี้

ไวเทลกัดปากจนเจ็บช่ำหวังให้มันบรรเทาความรู้สึก​ประหลาดในใจ​ เขากระพริบตาถี่ๆทันทีที่มันทำท่าจะมีอะไรบางอย่างไหลออกมา​

"นาย..."  เสียงเปร่งปร่าที่เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเองทำให้ไวเทลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ

"ทะ...ทำไมต้องโกหกด้วย"

ชายหนุ่มยิ้มบางให้กับคนถาม​และตอบอย่างไม่ลังเล

"ผมแค่อยากอยู่กับคุณ"

แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนรู้เต็มตื้นแปลกๆทั้งๆที่เมื่อกี้ยังใจหายเหมือนจะขาดใจอยู่เลย

....เขาก็เหมือนกัน...

ไวเทลเก็บคำที่ล้นใจอยากจะเอ่ยแต่ไม่ได้พูดออกไป​

"ผมแค่อยากอยู่กับคุณก่อนที่จะหายไป​ ถึงกุเรื่องทั้งหมดนี่มา​ อยากใช้เวลาร่วมกับคุณ​ให้นานที่สุด​ ผมรู้ว่าถ้าไม่มีข้ออ้างอะไรเลยคุณจะไม่คุยกับผมจะทำเหมือนผมไม่มีตัวตน...ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว"

"..."

"ไวท์​ ขอโทษนะ"

"..."

"ผมต้องการแค่นี้แต่เหมือนมันจะทำให้คุณอันตรายขึ้นเรื่อยๆ​ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังเลย​ คุณอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะ​ มันไม่มีความหมายอะไรหรอก​ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอีกเลย"

" ทำไม... ทำไมถึงพึ่งมาบอก"

เฟริซิโอถอนหายใจก่อนจะสารภาพอย่างหมดเปลือก

"ถ้าคุณไม่ให้อยู่ผมจะอยู่ข้างคุณจนกว่าจะถึงเวลาไม่ได้"

!!

"ที่ผมยังปรากฎตัวอยู่รอบๆคุณได้เพราะคุณอนุญาต​แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณไล่ผมไป  ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้คุณอีกแล้ว​และผมรู้ว่าถ้าบอกไปแต่แรกคุณต้องไล่ผมแน่ๆ"

ก็จริง​ ไม่ลังเลที่จะไล่ไปไกลๆเลยล่ะ

ไวเทลนิ่งเงียบเหม่อมองไปไกลแสนไกล​ ก่อนจะหันมามองคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่​ตรงหน้า​ไม่ไปไหน  มองคนที่พยายามไล่นิ้วบนมือเขาเบาๆ​เพราะถ้าเพียงลงแรงสักนิดมันคงจะทะลุเหมือนเดิม​ แม้เขาจะสัมผัส​อะไรไม่ได้​ แต่หัวใจกับสั่นไหวอย่างรุนแรง​ ไวเทลกัดปากชั่งใจก่อนจะพูดตัดสินใจบางอย่างออกไป

"ฉันคงทำตามที่ขอไม่ได้"

เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างตกใจ​

"ฟังนะ​ นี่ไม่เกี่ยวกับนายแต่เกี่ยวกับองค์กร​ ยิ่งสืบยิ่งรู้​ว่าที่นี่มีความไม่ชอบมาพากล​หลายอย่างมาก​ ฉันปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอก​ นี่องค์กรของฉัน​ ฉันต้องรู้ให้ได้​และหาทางกำจัดสิ่งที่จะเป็นภัยออกจากองค์กรของฉันไปซะ!! "

"ไวท์"

เฟริซิโอครางเสียงแผ่วอย่างจนปัญญา​ เรื่องทั้งหมดมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

"แต่ยังไงนายก็มีความผิดที่โกหกฉัน"

"โถ...ไวท์ครับ"

เสียงหงอยๆที่มองผ่านๆเหมือนเห็นหูลู่หางตกก็ทำให้คนงามที่เก๊กหน้าเข้มตั้งนานเกือบหลุดขำ

"ชดใช้ความผิดซะ"

เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างเศร้าเสียใจแม้จะเตรียมตัวโดนไล่มาแล้ว​ แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้​อยู่ดี อย่างน้อยก่อนจะต้องห่างออกไปไกลขอแค่มองหน้านี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี

"อยู่ข้่างๆและคอยช่วยจนกว่าจะหาความจริงของเรื่องราวได้ทั้งหมดซะ! "

คำประกาศกร้าวที่มาพร้อมกับใบหน้าเชิดรั้นและดวงตาประกายขบขำทำให้เฟริซิโออ้าปากค้างไปไม่ถูกแล้วจริงๆคราวนี้

----------------------------------------------------

ลืมกันยังค่าาา อย่าพึ่งลืมเค้าน้าาา
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ​ 
อย่าพึ่งทิ้งเขาไปไหนนะ​ ต่อไปนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ​ เพราะอาการป่วยที่ถูกสั่งห้ามอยู่หน้าจอไปพักใหญ่ๆทำให้ไม่ได้มาแจ้งให้ทุกคนทราบ​ ตอนนี้เค้าแข็งแรงกลับมาอัพได้ตามปกติแล้วววว​ คิดถึงทุกคนมากกกกกก
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 27-02-2020 01:37:18
คลื่นที่  22

“สวัสดีค่ะ คุณลอฟท์” 
เจ๊ลิซหรือแม่ของเหล่าบัตเตอร์ยิ้มแย้มทักทายเสียงใสทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวบนชั้น 3

คนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซเข้ามาอดจะแปลกใจไม่ได้ที่ชั้น 3​ จะมีห้อง​ VIP ส่วนตัวให้เรียกบัตเตอร์ที่สนใจมาบริการได้ด้วย พึ่งรู้เลยนะเนี่ย

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวในห้องมองไปทางคนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซมาอย่างสนใจทันทีเพราะส่วนมากบัตเตอร์ที่จะมายังโซนนี้ได้มักจะเป็นตัวท็อปหน้าเก่าๆที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี เลยอดจะแปลกใจไม่ได้ที่นานๆจะมีหน้าใหม่มาให้ดูสักที

แถมยัง...สวยกว่าบางคนที่เขาเคยเห็นซะด้วย

“แหมๆ คุณลอฟท์ จ้องเด็กลิซไม่วางตาเลยนะคะ”

“ก็เด็กของคุณลิซ น่ามอง...ไปทั้งตัวนี่ครับ”

แววตาประกายกล้าที่กวาดมองจากบนลงล่างในประโยคสุดท้ายทำให้ไวเทลต้องนับหนึ่งถึงร้อยในใจทันที

อย่านะ อย่าหลุดเด็ดขาดไวเทล!

แม้ตอนนี้อยากจะพุ่งไปชกไอ้หน้าหล่อตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตาม 




‘มองอะไรของแกว่ะ!’

ผีในร่างตุ๊กตาว่าแล้วก็แกว่งตัวเองที่ถูกห้อยอยู่ตรงข้างสะโพกมนด้วยความโมโหทันที เห็นแบบนี้คนขี้หงุดหงิดก็สงบใจตัวเองขึ้นมาได้เฉยๆ ตัวก็มีแค่นี้​ เอาอะไรไปโกรธคนอื่นเขากัน เจ้าโง่...

แต่รอยยิ้มบางเบาที่อยู่ๆก็ปรากฏที่มุมปากกลับทำให้แววตาคมที่มองแบบไม่ละสายตาตั้งแต่อีกคนเดินเข้ามาแทบหยุดหายใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาเห็นภาพนั้นซ้อนทับกับใครอีกคนทันที

เป็นไปไม่ได้!

แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ดวงตาสีเทาหม่นก็ปรากฏร่องรอยความหลงใหลคลั่งไคล้​แบบไม่ปิดบังอยู่ดี​

เห็นแบบนี้เฟริซิโอก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดงุ่นง่าน​มากขึ้นไปอีก...อย่าให้มีกายเนื้อนะเว้ย จะชกให้ไม่เลี้ยงแลยแม่ง! หรือจะเป็นผีไปหลอกมันให้ช็อคตายดีว่ะ คิดมาถึงตอนนี้ก็สบถอย่างหัวเสีย

ทำไม่ได้อีก! 

ถ้าไม่ติดว่าเฟาสต์ย้ำหนักย้ำหนาว่าให้เขาอยู่แต่ในตุ๊กตาเชือกนี้และออกมาแค่หลังเที่ยงคืนเพื่อนั่งสมาธิเท่านั้น ป่านนี้เขาคงพุ่งไปหาไอ้หมอนี้และหลอกให้มันช็อคตายไปแล้ว

เฟริซิโอได้แต่บอกให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ ท่องหยุบหนอพองหนอตามที่เฟาสต์สอนมาช้าๆ รอหน่อยเถอะแก ถ้ามีพลังมากกว่านี้เมื่อไหร่ จะออกไปหลอกแกคนเป็นคนที่ 23 แน่นอน!

ใช่...คนที่ 23 เพราะตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา​ ทันทีที่คนของนิโคโรไปพาไวเทลมาที่นี่  เจ๊ลิซก็กรีดร้องโวยวายดีใจจับหมุนนู้นหมุนนี่สั่งเด็กๆให้ลากไวเทลไปแปลงโฉมเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้วตัวทันที​ จากที่สวยเด่นสะดุดตาอยู่แล้วยิ่งเปร่งประกายมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังพาไปแนะนำตัวกับบรรดาลูกค้า VIP อยู่หลายวัน แถมทุกครั้งยังต้องได้รับสายตาแบบนี้ตลอด แรกๆเฟริซิโอก็โมโหมากจนอยากจะเอานิ้วจิ้มตาพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด​ แต่อาจจะเพราะเขานั่งสมาธิสงบจิตใจทุกวันเลยมีช่วงหลังๆนี้พอจะระงับมันได้บ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะ​ถ้อยคำปลอบใจของไวเทลวันนั้นก็ได้...


'โวยวายอะไรของนาย เพ้อเจ้อชะมัด'​

'ผมไม่ชอบที่พวกนั้นมองไวท์แบบนี้เลย'​

'พวกนั้นก็ทำได้แค่มองป่ะ​ ไม่มีใครเข้ามาใกล้ฉันได้เท่านายอีกแล้วล่ะ เจ้าโง่'​



ถ้าจะพูดจาน่ารักขนาดนี้ เขาเป็นไอ้โง่ก็ได้ ! และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ยึดโมเมเอาประโยคนั้นว่าเป็นประโยคปลอบใจที่ไวเทลมีให้เขาทันที​

และถ้าไวเทลรู้ว่าเจ้าผีตัวดีคิดแบบนี้​ คงจะเบะปากแล้วมองด้วยแววตาสมเพชอย่างแน่นอน



“นี่เจวาค่ะ​ คุณลอฟท์”

ลอฟท์พยักหน้ารับคำของเจ๊ลิซอย่างเหม่อลอย ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งเหมือนจริงๆ สายตาลุ่มหลงของลอฟท์ทำให้เจ๊ลิซได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ นานมากแล้วที่ไม่มีบัตเตอร์หน้าใหม่ที่สวยโดดเด่นเข้ามาเลย แม้พวกครองอันดับต้นๆจะยังคงเรียกแขกได้ดีเสมอต้นเสมอปลายแต่ก็อดไม่ได้ที่เจ๊ลิซก็อยากจะได้คนใหม่ๆสวยๆมาเรียกแขกเพิ่มบ้าง ตอนเจอเจวาครั้งแรกถึงได้ดีใจจนสติเกือบหลุด แถมบวกกับที่พาแนะนำตัวกับแขกอยู่หลายวันทำให้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด เจวาจะต้องเป็นดาวดวงใหม่ที่จะมาเพิ่มสีสันให้กับตึกซิริโนแห่งนี้แน่นอน เจ๊ลิซคอมเฟิร์ม!!

เมื่อแนะนำตัวและพูดคุยอีกเล็กน้อยเจ็ลิซก็ขอตัวเพราะมีอีกหลายคนที่ต้องแนะนำเจวาให้ลูกค้าได้รู้จัก ในขณะที่กำลังเปิดประตูออกมาทั้งสองคนก็สวนเข้ากับบัตเตอร์ที่ลอฟท์ได้เรียกเข้ามาพอดี

จริงอยู่ที่การพาเด็กใหม่ที่โดดเด่นมาแนะนำให้ลูกค้ารู้จักไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่แนะนำให้แต่คนใหญ่คนโตแบบนี้นั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก เมื่อเหล่าบัตเตอร์รู้ข่าวก็อดหวั่นใจกันไม่ได้ว่าตัวเองจะต้องถูกแย่งตำแหน่งไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นสายตาของบัตเตอร์ที่ลอฟท์เรียกมาจึงมองเจวาอย่างไม่เป็นมิตรทันที แม้ไวเทลจะเห็นสายตาแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแค่เมื่อไหร่จะจบการแนะนำตัวบ้าๆบอๆนี่สักที การที่ต้องถูกเจ๊ลิซตามติดตลอดเวลาแบบนี้มันทำให้เขาขยับตัวลำบากมาก งานที่ว่าจะสืบก็ไม่คืบหน้าสักที ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจและปล่อยเลยตามเลย

ปัง

“ท่านคะ”

สิ้นเสียงปิดประตูรอยยิ้มหวานและดวงตาคมสวยฉ่ำเยิ้มตามแบบสาวสเปนและเสน่ห์​ของบัตเตอร์หมายเลข​ 3​  ก็ถูกส่งให้ลอฟท์ทันที​  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ลอฟท์สนใจเลยสักนิด สีหน้าของเขามีแต่จะดำมืดลงเรื่อยๆ​ ก่อนจะฉุดแขนคนที่ตัวเองเรียกมาลงมาที่โซฟาอย่างแรง จนสาวเจ้าอดจะหวีดร้องด้วยความตตกใจไม่ได้  ลอฟท์จ้องไปที่เธออย่างเย็นชา มือที่บีบอยู่ที่ต้นแขนยิ่งเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีกจนหญิงสาวได้แต่กัดปากกลั้นความเจ็บที่ตีตื้นขึ้นมาจากการกระทำของคนตรงหน้า

“ทะ...ท่าน”

“เมื่อไหร่เธอจะได้ที่หนึ่ง”

คำถามเยือกเย็นที่ถูกปล่อยออกมาทำให้คาร์ล่าเย็นสันหลังวาบอย่างไม่รู้ตัว เธอพยายามกลืนก้อนสะอื้นข่มความเจ็บและความกลัวลงไปก่อนจะพยายามยิ้มเอาใจคนตรงหน้า

“รออีกหน่อยนะคะท่าน อีกอาทิตย์หนึ่งผลของเดือนนี้ก็จะประกาศออกมาแล้วค่ะ​ คราวนี้ต้องได้ที่ 1 อย่างแน่นอน”

“ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ เธอคงรู้นะว่าจะเจอกับอะไร”

เมื่อพูดจบลอฟท์ก็สะบัดแขนเธอทิ้งอย่างไม่ใยดีทันที หญิงสาวอดที่จะลูบรอยยแดงที่ขึ้นเป็นปื้นที่ต้นแขนไม่ได้ น่ากลัวว่าถ้าบีบแรงอีกนิดแขนเธออาจจะหักได้

ลอฟท์หยิบแก้วที่บรรจุแอ​กอฮอล์​ดีกรีแรงขึ้นมาดื่มรวดเดียวลงคอก่อนจะวางลงอย่างแรงจนหญิงสาวข้างกายอดจะสะดุ้งไม่ได้ เขามองไปที่แก้วใบนั่นนิ่งๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

เจวา งั้นหรอ น่าสนุกจริงๆ...


-----------------------------------

กระดืบ​ กระดืบ​ กำลังค่อยๆกระดืบๆไปค่ะ​
หัวข้อ: Re: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-05-2020 15:17:10
 :pig4:
 o13