พิมพ์หน้านี้ - คลื่นแม่เหล็ก : แนววิญญาณ สืบสวน มาเฟีย
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: sawapalm ที่ 05-05-2019 21:40:53
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
-
(https://www.img.in.th/image/EsxTyw)
คลื่นแม่เหล็ก
คุณเคยเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม?
ผมไม่เคยเชื่อ จนกระทั่งวันนี้...
วันนี้...ที่สบตากับเขาครั้งแรก
วันนี้...ที่เขาทำให้รู้ว่ารักแรกพบมีจริง
วันนี้...ที่จะต้องเป็นวันตายของเขา...ด้วยมือผมเอง
บทนำ
ครั้งแรกที่ได้สบนัยน์ตาสีเขียวสดใสคู่นั้น คือวินาทีที่โลกของเขาเหมือนหยุดหมุน ทุกเสียงเหมือนหยุดชะงัก มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังดั่งกลองศึก เขาไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาคู่นี้ได้ คู่ที่เขารู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนผืนป่า มากกว่างดงามแข็งแกร่งดั่งมรกต สีเขียวที่สดใสแม้จะอยู่ท่ามกลางห้องอับชื้นกลิ่นคาวคละคลุ้ง หรือท่ามกลางใบหน้าที่อาบไปด้วยสีเลือด เขาอยากรู้จัก อยากรู้ว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้ จะอบอุ่นอ่อนโยนดั่งที่เขาคิด หรือแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้ใครหน้าไหนดั่งที่ตาเขาเห็น คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่...
"หัวหน้าครับ"
เสียงเรียกของคนข้างกาย ปลุกเขาขึ้นมาจากมนต์เสน่ห์ตรงหน้า เขาหลุบตาลงตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาจ้องมองอีกครั้ง... บ้าชะมัด เขาเม้นปากอย่างอดกลั้น เสียงภายในหัวตีกันมั่วไปหมด เขาควรเชื่อสัญชาตญาณหรือหลักฐานดีล่ะ คนคนนี้เป็นคนดี หัวใจเขาบอกแบบนั้น แต่...
"หัวหน้า..."
เราปล่อยคนทรยศไปไม่ได้...
เขาสูดหายใจเขาลึก จ้องดวงตาคู่นั้นไม่ละไปไหน
"อืม... ลงมือได้"
แก๊ก...ปัง!!!
เขาจ้องดวงตาคู่นั้น
จ้อง... ให้นานสุดก่อนที่จะไม่มีโอกาส
จ้อง... แม้หูจะได้ยินเสียงมัจจุราชสีดำดังบาดหู
จ้อง... แม้จะเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากอกข้างซ้ายของคนคนนั้น
จ้อง... จนกระทั่งดวงตาคู่นั้นหม่นแสงและหลับลงไปและคงไม่ได้ลืมขึ้นมาอีกตลอดกาล น่าขันทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนถูกยิงแท้ๆ แต่อกข้างซ้ายมันกลับเจ็บเหมือนโดนกระชากดึงไปอย่างแรง เจ็บ...เหมือนเขาได้ตายตามเจ้าของดวงตาคู่นั้นไปด้วย
*******************************************
สวัสดีค่า เป็นนักอ่านมานาน วันนี้เลยขอตัวมาเป็นคนเขียนบ้าง ฝากนิยายเรื่องแรกของเค้าด้วยนะ ติชมได้เลยจ้าาา
ปล.ถ้ามีคำผิดขออภัยเป็นครั้งแรกที่พิมพ์ในโทรศัพท์เหมือนกันค่า
สัญญาจะอัพจนจบ อย่าหนีทิ้งเค้ากันไปก่อนน้าา // อ้อนวอน
Taaeng
-
คลื่นที่ 1
ปัง!
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างหนักหน่วงภายในห้องกว้างสีขาว สายตาเรียวกวาดมองรอบห้องที่คุ้นตาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก...ไม่ใช่ห้องนั้น เจ้าตัวลูบอกปลอบหัวใจที่ยังคงเต้นดังไม่ยอมหยุด เหลือบตามองนาฬิกาเรือนหรูข้างฝาผนังก่อนจะจิ๊ปากไม่สบอารมณ์...ตีสาม เขาสะดุ้งตื่นเวลาเดิมซ้ำๆ มาสามวันแล้ว เป็นสามวันที่ฝันวนเวียนอยู่แต่กับเหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำๆ เหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเขารู้สึกวูบโหวงแบบไม่ทราบสาเหตุ...ไม่สิ พยายามไม่อยากทราบสาเหตุต่างหาก
ไวเทลเสยผมชื้นเหงื่ออย่างหงุดหงิด ก่อนจะใส่สลิปเปอร์สีขาวข้่างเตียงลุกเดินไปยังมุมห้องที่มีตู้เย็นสีขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มือเรียวเปิดตู้เย็นที่ภายในมีแต่ขวดน้ำเปล่าอยู่สี่ห้าขวดซึ่งไม่เข้ากับตู้เย็นยี่ห้อดังขนาดใหญ่เลยสักนิด สงสัยพรุ่งนี้ต้องหาอะไรมาเติมบ้างแล้วละ เขาคิดในใจก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำยกขึ้นดื่ม
!!!!
ไวเทลเบิกตากว้างจ้องมองสิ่งที่นั่งอยู่บนหลังตู้เย็นใหญ่ยักษ์อย่างนิ่งงัน ดวงตาสีเขียวสดใสในความฝันจ้องมองตอบเขากลับมา รอยยิ้มค่อยๆ ถูกแสยะกว้างขึ้นอย่างยินดี มันกว้างขึ้นเรื่อยๆ กว้างจนใบหูที่ขาดแหว่ง มือขาวซีดที่นิ้วมือบิดหักงอผิดรูปค่อยๆ ล้วงเข้าไปในท้องที่มีแผลเหวอะหวะจนเห็นซี่โครงแถบทุกซี่ มือนั้นคว้านรอบๆ ท้องช้าๆ จนได้ยินเสียงเฉอะแฉะดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะหยิบลำไส้ยาวเฟื่อยยื่นออกมาตรงหน้าเขา ไวเทลเบิกตาที่กว้างอยู่แล้วกว้างขึ้นไปอีก น้ำที่ถูกกระดกยกสูงในทีแรก ถูกปล่อยร่วงพื้น ปากอิ่มที่อ้ากว้างอยู่แล้ว ก็อ้าหุบอ้าหุบไม่หยุด เหมือนอยากเปล่งเสียงร้องแต่กลับไม่มีเสียงออกมาเลยสักนิด สมองขาวโพลสติหลุดไปไกล
"กะ... กินไส้ ทะ.. แทนน้ำไหม"
เสียงแหบพร่าดังก้องชวนขนลุกพร้อมกับยื่นมือข้างที่ถือไส้เข้ามาใกล้หน้าเขามากขึ้นอีก ไวเทลสะดุ้งสุดตัว เท้าสวยที่ใส่สลิปเปอร์ก้าวถอยหลังเตรียมหนี แต่ด้วยความไม่ระวัง ไวเทลเหยียบน้ำที่อยู่บนพื้นลื่นหงายหลังอย่่างไม่ทันตั้งตัว
ตึง!!!
หูได้ยินแต่เสียงวิ้งดังไม่หยุด ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดดับลง สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือดวงตาสีเขียวทอประกายยินดีคู่นั้น... ฝัน ใช่แล้วมันคือความฝัน!! นั่นคือสิ่งที่เขาคิดก่อนสติจะดับวูบลงไป
ภายในห้องสีขาวกว้างใหญ่เงียบกริบมีแต่เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ติ๊ก บอกเวลาตีสามสามนาที สายลมเย็นเยือกพัดไหวโอบรอบร่างชายหนุ่มร่างโปร่งบาง ที่นอนหมดสติอย่างแผ่วเบาคล้ายปลอบโยนคนงาม เจ้าของดวงตาสีเขียวยืนมองจากปลายเท้าเรียวทอประกายลึกลับวูบหนึ่ง
"เจอกันอีกแล้วนะ"
กับผีน่ะสิ!!!! นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ไวเทลคิดก่อนสติจะดับวูบลงจริงๆ
----------------------------------
ก็ผีน่ะสิ ถ้าอีพี่พูดได้คงบอกแบบนี้ 555
และนี่คือคำทักทายแรกที่พระนางเขาทักทายกันล่ะค่าาา โคตรน่าประทับใจ มีใครให้มากกว่านี้ไหม 55555555555
Taaeng
-
คลื่นที่ 2
แสงแดดที่รอดผ่านม่านสีขาวมุกกระทบกับเปลือกตาที่ปิดสนิท จนเจ้าของต้องหยีตาหันหน้าหนีแสงอย่างรำคาญ แต่ความเจ็บจี๊ดที่เกิดขึ้นทันทีที่หันหน้า ทำให้คนนอนหลับค่อยๆ รู้สึกตัว มือเรียวยกขึ้นลูบต้นคอที่เจ็บอย่างมึนงง สติของคนพึ่งตื่นยังไม่เข้าตัวดี เขารู้แค่ปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการนอนบนพื้นมาเป็นเวลานานเท่านั้น
...นอนบนพื้นงั้นหรอ
ไวเทลสะดุ้งขึ้นมานั่งเบิกตาโต มองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง และค่อยๆหันกลับมาช้าๆ อย่างประหม่า เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไรผมทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นเฉียบ เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำจนเจ้าของยังได้ยิน เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปบนตู้เย็นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับภาวนาให้เรื่องเมื่อคืนคือความฝัน
ไม่มี...
ความว่างเปล่าบนหลังตู้เย็นทำให้ไวเทลเป่าปากอย่างโล่งอก หัวเราะขำใส่ตัวเองเล็กน้อย ฝันประหลาดชะมัด ผีมีที่ไหน แถมยังมาละเมอนอนอะไรบนพื้น ท่าทางช่วงนี้เขาจะทำงานมากไปจริงๆ คงต้องหาเวลาพักเหมือนที่มือขวาบ่นให้เขาฟังทุกวี่ทุกวันแล้วล่ะ
ไวเทลเหลือบมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลา เจ็ดโมงเช้า ยังดีที่นาฬิการ่างกายเขายังดีอยู่ แม้จะปวดเมื่อยแต่ก็ยังตื่นเวลาเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับจับต้นคอและหมุนไปมาไล่ความเมื่อยขบ
ภายในห้องน้ำหรูขนาดกว้างก็ยังเป็นโทนสีขาวไม่ต่างจากข้างนอกนัก เขาถอดเสื้อผ้าชุดนอนสีครีมลงตะกร้าก่อนจะเดินไปข้างในสุดของห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำขนาดที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สามคนลงไปนอนเล่นได้สบายๆ ควันที่ลอยมาจางๆ สื่อให้รู้ว่าน้ำอุ่นกำลังดี ขาเรียวก้าวเข้าไปนอนพิงขอบอ่างให้ร่างกายตั้งแต่ใต้ไหปลาร้าจมลงน้ำอุ่นแล้วรับตาพริ้ม
ความเมื่อยขบที่มีเริ่มทุเลาลงไปบ้างเมื่อสัมผัสน้ำอุ่น การตื่นนอนโดยมีน้ำอุ่นที่รออยู่แล้วไม่ต้องเปิดให้เสียเวลา มันถูกใจเขาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ พูดได้เต็มปากเลยว่า อ่างอาบน้ำราคาแพงที่มีระบบตั้งเวลาเปิดน้ำเองอัตโนมัติ ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินเลยสักนิด แถมออฟชั่นเสริมแบบน้ำวนเบาๆ อย่างตอนนี้ก็ทำให้เขาผ่อนคลายสุดๆ เขาชอบเวลาอาบน้ำแบบตอนนี้ที่สุดจริงๆ
ขณะที่ไวเทลกำลังแช่น้ำอย่างมีความสุข อยู่ๆ สัญชาตญาณของเขาก็กู่ร้องถึงอะไรบางอย่าง เขาลืมตาเพ่งมองไปข้างหน้าทันที แต่กระเบื้องสีขาวสะอาดตาคือสิ่งแรกที่เขาเห็น ชายหนุ่มถอนหายใจใส่ตัวเองเบาๆ ท่าทางเขาจะคิดมากเกินไป ต้องโทษความฝันเมื่อคืนเลย
"ผีมีจริงซะที่ไหน บ้าบอชะมัด"
"มีสิ แถมหล่อมากๆด้วยนะ"
!!!!!!
เสียงทุ้มขี้เล่น ที่อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้เขาหันขวับไปมองด้านข้างทันที ไวเทลเบิกตากว้างจ้องมองเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ลอยอยู่แถวโซนฝักบัว ยิ้มโชว์ฟันขาวครบสามสิบสองซี่ให้เขาจนดวงตานั้นเป็นสระอิ
" โย่ว"
เสียงร้องทักอย่างคนอารมณ์ดีทำให้ไวเทลสะดุ้งคว้าหยิบสิ่งของใกล้มือขว้างไปอย่างไม่คิดชีวิต
"โว้ๆ ใจเย็นๆสิคนสวย อารมณ์เสียแต่เช้าหน้าแก่เร็วนะ"
"ว๊ากกกกกนเขรเยีกย้แย้ปจีดบ่แบรอบ่อง"
" ออกไปนะ!!! "
ไวเทลยิ่งสติแตกมากขึ้นกว่าเดิมหมดคราบหัวหน้าเลขาผู้เก่งกาจไปหมดสิ้น ยิ่งเห็นว่าสิ่งที่ขว้างออกไปไม่ได้ผล แถมเจ้าของร่างโปร่งแสงยังคอยหลบซ้ายหลบขวาพยายามจะเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ สติของไวเทลยิ่งหลุดลอยออกไปไกล เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ขว้างไปได้อีก เขาก็ยกมือกุมหน้าอกท่องบทสวดมนต์ไล่ผี ใส่ผีตรงหน้าทันที! สิ่งนี้แหละ ที่จะทำให้แกต้องตาย!!
" ท่องไปก็เปล่าประโยชน์คุณ ผมไม่นับถือคริสต์"
ผีหนุ่มยิ้มขำคนตรงหน้าที่กำลังหลับตาปี๋ท่องบทสวดอย่างเอาเป็นเอาตาย ขนาดบอกไม่นับถือคริสต์ก็ยังท่องไปเลิก ไม่สิท่าทางจะไม่ได้ยินเขาพูดด้วยซ้ำ
น่ารักชะมัด...
ผีหนุ่มคิดอย่างขำๆ ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าเลขาสุดเซ็กซี่ผู้เก่งกาจและเด็ดขาดจนขนาดผู้ชายอกสามศอกยังกลัวหัวหดจะสติแตกได้ขนาดนี้ ให้ตายก็ไม่เคยมีใครเห็นมุมนี้ของเจ้าตัวแน่ๆ นี่คืออภิสิทธิ์ของผีสินะ
ผ่านไปกว่าสิบนาทีื ไวเทลก็ยังหลับตาท่องบทสวดไล่ผีอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่องจบก็ท่องใหม่วนเวียนไปเรื่อยๆ โดยมีผีหนุ่มนั่งเท้าคางกับขอบอ่างมองคนสวยอย่างเพลินๆ คนสวยๆ นี่นั่งดูเฉยๆ ยังไงก็ไม่เบื่อจริงๆแฮะ
ความเงียบสงบกว่าสิบนาทีทำให้ไวเทลคิดว่าผีบ้านั่นคงไปแล้วแน่ๆ ไวเทลหยุดสวดลง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างโปร่งแสงที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างทะเล้น ไวเทลสะดุ้งตกใจก่อนจะแหกปากร้องขึ้นมาอีกรอบ แต่คราวนี้บทสวดของเขาเริ่มเปลี่ยน ถ้าอันเก่าไม่ได้ผลต้องลองอันใหม่!
"นะโม ตัสสะ ภะคะวัตโต..." ไวเทลพนมมือสวดมนต์หลับตาปี๋ท่องวนเวียนไปมาเสียงดัง จนผีหนุ่มได้แต่เกาหัวแก่กๆ
"ภาษาอะไรอ่ะคุณ ศาสนาไหนเนี่ย"
ไวเทลหรี่ตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ก็ยังเห็นผีหนุ่มมองมาที่ตนเองแบบเคย ก็เริ่มเปลี่ยนบทสวดอีกครั้ง มันต้องมีสักศาสนาที่ได้ผลสิว่ะ!!
" นำโมไต๋ซื้อ ไต๋ปุย..."
ได้ฟังแบบนั้นผีหนุ่มก็หลุดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นทันที เสียงหัวเราะที่ดังก้องห้องน้ำทำให้ไวเทลหยุดชะงักเงยหน้ามองอย่างงงๆ
ผีหนุ่มกุมท้องขำน้ำตาไหลอย่างคุมตัวเองไม่ได้ มีแต่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนไวเทลจากที่กลัวจนสติแตกยังอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
จะขำอะไรขนาดนั้นว่ะ...
"หยุดขำสักที!! "
"ฮะ ฮะ ฮ่าา...จะไม่ให้ขำได้ยังไงกัน" ว่าแล้วก็หัวเราะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม คิดดูสิ ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าเลขาผู้เลื่องชื่อ จะกลัวผีขนาดนี้ จุดอ่อนอะไรกันเนี่ย
"ไม่ตลกโว๊ยยย"
จากหงุดหงิดเริ่มเปลี่ยนเป็นอับอาย ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมอง จนผีหนุ่มยังอดเอ็นดูไม่ได้
ท่าทางนี่ก็คืออภิสิทธิ์ของผีอีกเหมือนกันสินะ
"โอเคๆ ไม่ตลกก็ไม่ตลก" ผีหนุ่มยกมือยอมแพ้ก่อนจะกลั้นขำไว้สุดชีวิต
ไวเทลที่เห็นเจ้าตัวกำลังพยายามกลั่นขำ ก็ได้้แต่ถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกัน นี่มันสถานการณ์แบบไหนกันว่ะ ถึงถูกผีมาหัวเราะเยาะใส่เพราะสวดมนต์ไล่ผีไปไม่ได้เนี่ย!
ไอ้ผีหน้าด้าน...
ไวเทลได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขมุบขมิบบ่นงึมงำอยู่กับตัวเอง ผีหนุ่มที่คอยมองอยู่ตลอดเวลา ก็มองปากอิ่มๆ ชมพูขมุบขมิบ ขยับเบาๆ ไปมาอย่างเพลิดเพลิน พอมองไล่สายตาลงมาก็เจอกับลำคอขาวผ่องที่มีไรผมสีบลอนด์เปียกๆแนบอยู่อย่างเซ็กซี่ ไหนจะไหปราร้าขึ้นรูปสวยที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย ไอน้ำอุ่นที่เจ้าตัวแช่ก็เปลี่ยนสีผิวขาวผ่องให้ดูอมชมพูระเรื่อน่าสัมผัสมากขึ้นกว่าเดิม ถึงตรงนี้ผีหนุ่มก็ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ที่ใครเคยบอกว่าหัวหน้าเลขามีพลังทำลายล้างสูงเห็นทีท่าจะจริง สายตาซุกซนเลื่อนลงมาอีก จนเจอลูกเชอรี่สุดหวานช่ำลูกเล็กๆประดับประดาท่ามกลางผืนผ้าสีขาวอมชมพูระเรื่อ แค่ท่อนบนยังทำเขาเกือบกำเดาไหลแล้วถ้า...ข้างล่างล่ะ
ไวเทลที่เห็นผีหนุ่มเงียบไปนานจนผิดปกติก็เหลือบไปมอง จนเขาเห็นสายตาแพรวพราวที่มองมาทางเขาอย่างเหม่อลอย พอมองตามสายตานั้นที่กำลังเลื่อนลงต่ำ เขาก็พบกับร่างเปลือยเปล่าของตัวเองที่ไม่มีอะไรปิดบังเลยนอกจากควันจางๆ จากอ่างอาบน้ำ
!!!!!!
"ไอ้ผีลามก!!! "
-------------------------------------------------
สรุปวันนี้พวกพี่จะได้คุยกันดีๆ ไหมอ่าาาาา น้องอยากรู้ 555555
ขอบคุณทุกกำลังใจนะตัวเอง เค้าจะพยายามอัพให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ล่ะตอนน อย่าพึ่งเบื่อหนีหายกันไปก่อนหน้า ช่วงแรกจะดำเนินเรื่องช้าๆ หน่อยเท่านั้นเอ๊งงงง
Taaeng
-
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
-
คลื่นที่ 3
ไวเทลติดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจฟึดฟัดเข้าออกอย่างหงุดหงิดปนเขินอาย ไอ้ผีลามก ไอ้ผีบ้ากาม
"หน้าแดงหมดแล้ว โกรธหรือเขินอ่ะ"
ไวเทลปรายตามองผีลามกแวบหนึ่งอย่างเย็นชา แล้วหันไปแต่งตัวต่ออย่างไม่สนใจ
"นี่... อย่าโกรธเลยนะ เขาว่าโกรธมากๆหน้าแก่เร็วนะคุณ"
"...."
"นี่คุณ... จะไม่พูดอะไรจริงๆหรอ"
"...."
"คุณ.."
"...."
"...."
และแล้วความสงบทางเสียงก็คืนกลับมา ขอแค่เขาไม่สนใจ ไอ้ผีลามกจะทำอะไรได้ ไวเทลแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
"นี่!!!"
!!!!!
ไวเทลก้าวถอยหลังอย่างตกใจ เมื่อไอ้ผีตัวดี อยู่ๆก็โผล่ทะลุตู้เสื้อผ้ามาตะโกนใส่เสียงดัง เท่านั้นไม่พอ ยังทำลูกกระตาหล่นกลิ้งมาอยู่ใกล้เท้าเขาอีก!!
"อะ...ไอ้..."
ไวเทลได้แต่อ้าปากค้างมือไม้สั่นมองหน้าผีที่เหลือตาอยู่ข้างเดียว แต่เหมือนผีตกหน้าจะไม่สำนึก เจ้าตัวยกมือข้างขวาจะหยิบตาอีกข้างออกมา ไวเทลเบิกตากว้างได้แต่โบกไม้โบกมือห้ามเสียงสั่นทันที
"ยะ...หยุดๆๆๆ พอแล้วๆๆ!!"
"พูดกับผมได้แล้วหรอ" ผีหนุ่มยิ้มทะเล้นใส่คนตรงหน้าเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"อะ...อะ" ไวเทลถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่มองผีบ้าที่ยังคงยิ้มให้เขาตาหยี แต่ดีที่อย่างน้อยมันเอาลูกกระตาใส่กลับไปเหมือนเดิมแล้ว
"หยุดก่อกวนฉันสักที ฉันไปทำอะไรให้นายฮะ"
ไวเทลตะโกนเสียงดังใส่ผีตัวหน้าด้วยความหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เจอมันมาเขาหลุดมาดที่พยายามปั้นแต่งมาหลายปีไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ ถ้าลูกน้องมาเห็นเข้า ใครจะเคารพเขากันล่ะทีนี้
ผีหนุ่มได้ยินก็หุบยิ้มฉับหน้าบึ้งตึงใส่ไวเทลทันที ไวเทลขมวดคิ้วมองงงๆ นอกจากเป็นผีแล้วยังเป็นไบโพราด้วยอีกหรือไง
"เยอะเลยล่ะ" ผีหนุ่มกอดอกหันหน้าหนี พองแก้มอมลมด้วยความโกรธ ที่เห็นแล้วออกจะทุเรศมากกว่าน่ารัก
"อะไรบ้างล่ะที่ว่าเยอะ" ไวเทลพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คุยกับมันหน่อยแล้วกัน ดีกว่าบ้าควักลูกตามากลิ้งเล่นอีก นี่ยอมเพราะเบื่อนะ ไม่ได้กลัวมันเลยสักนิด!!
"คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง" ผีหนุ่มหันมามองเขาอย่างโกรธๆ แถมกัดปากน้ำตาคลอเบ้าเหมือนเมียงอลผัวยังไงยังงั้น
"คุณฆ่าผมนะ ลืมไปแล้วหรือไง" ว่าจบก็หันหน้่ากลับไปอมลมพองแก้มอีกเหมือนเดิม
ไวเทลนิ่วหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา ทำไมเขาจะจำเจ้าตัวไม่ได้ เขาจำได้ตั้งแต่เห็นดวงตาสีเขียวเป็นประกายคู่นั้นแล้ว... เพียงแค่เขา ไม่อยากนึกถึงวันนั้น วันที่เขารู้สึกเหมือนตัดสินใจอะไรผิดไป
" แล้วยังไง อยากได้ส่วนบุญหรือไง อยากกินอะไรเดี๋ยวทำบุญไปให้" ไวเทลสลัดไล่ความคิดแปลกๆออกจากหัวก่อนจะถามอย่างไม่ยินดียินร้าย ผีหนุ่มเห็นคนตรงหน้่าพูดอย่างเย็นชาก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยขึ้นมาจริงๆ
"ส่วนบุญผมไม่ต้องการ ผมต้องการให้คุณรับผิดชอบต่างหาก"
"รับผิดชอบ? รับผิดชอบอะไร ในเมื่อนายตายไปแล้วเนี่ยนะ" ไวเทลถามผีตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"ตายแล้วก็รับผิดชอบได้ ถ้าคุณไม่ทำ ผมจะ..." มาถึงตรงนี้ผีหนุ่มก็ขมวดคิ้วนิ่งไป จะอะไรดีว่ะ ไม่ได้เตรียมมาซะด้วย
" จะอะไร"
" จะ..."
"..."
ไวเทลมองผีบ้าที่ขมวดคิ้วมากกว่าเดิมก็ถอนหายใจอีกรอบ วันนี้เขาถอนหายใจเพราะผีงี่เง่าไปกี่รอบแล้วนะ ถ้าการถอนหายใจหนึ่งครั้งลดอายุขัยหนึ่งปี เขาเชื่อว่าเขาคงไม่แก่ตายแน่ๆ
"ถ้าไม่มีอะไรจะพูด ก็ไปผุดไปเกิดสักทีเถอะ"
เจ้าของดวงตาสีเขียวจ้องมองคนที่พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่แยแส่ทันที
"จะ... จะหลอกคุณแบบเมื่อคืนจนกว่าคุณจะตาย!!!"
กึก
ผีหนุ่มเห็นคนงามหยุดเดินทันทีก็โล่งอก ท่าทางจะได้ผลแฮะ ดูท่าคุณเลขาจะกลัวผีมากกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก เขายิ้มมุมปากอย่างขบขันก่อนจะรีบตีหน้านิ่งเมื่อไวเทลหันกลับมามองเขาอย่างตะลึง
"นะ...นายว่าไงนะ"
"ผมบอกว่า ถ้าคุณไม่รับผิดชอบ ผมจะหลอกคุณแบบเมื่อคืนไปตลอดชีวิตคุณเลย" ผีหนุ่มแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ชนิดที่คนมองทั้งรู้สึกหมั่นไส้และหวั่นใจไปพร้อมๆกัน หวั่นใจว่ามันจะทำแบบที่พูดจริงๆ
"..."
อดีตมนุษย์เห็นคนงามยืนจ้องเขานิ่งก็คิดว่าหรือไม่เชื่อว่าเราจะทำจริงว่ะ คิดได้ก็ทำเลย ลมเย็นเยือกที่โชยโอบรอบกายไวเทลทำให้เจ้าตัวสะดุ้งได้สติ มองเห็นผีที่เริ่มแสยะยิ้มกว้างขึ้น กว้างจนจะถึงหู ลูกตาดิ้นขลุกขลักภายในทำท่าจะตกลงมา เห็นแบบนี้ไวเทลก็ได้แต่ร้องห้ามเสียงดัง
"หยุดๆๆๆๆ เออๆ รับผิดชอบ ฉันยอมรับผิดชอบนายแล้ว!!"
ไวเทลหลับตาปี๋ ยกมือห้ามมือไม้สั่นไปหมด ผ่านไปสักพักก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะขำๆของใครบางคน
เมื่อเห็นว่าผีตรงหน้ากลับมามีรูปร่างเหมือนคนสมบูรณ์ไม่มีอะไรขาดล่วง ไวเทลก็พ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เซพิงผนังสีขาวครีมอย่างหมดแรง เมื่อเห็นคนตรงหน้าทำท่าจะเป็นลมผีหนุ่มก็พุ่งเข้ามาจะประคองทันที แต่ไวเทลกลับตกใจที่อยู่ๆผีตาเขียวก็พุ่งเข้ามาบอกไม่กล่าวผงะก้าวถอยหลังทันที
"หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้ามานะ!!" เมื่อผีหนุ่มหยุดนิ่งตามที่ขอ ไวเทลก็กลับมายืนตัวตรง จับผมจับเสื้อตั้งสติ ถอนหายใจรอบที่ล้าน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผีที่บอกว่าเขาต้องรับผิดชอบมัน
"นายจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรก็พูดมา"
ไวเทลกอดอกฉับจ้องเขม็งด้วยความระแวง เตรียมก้าวถอยหลังหนีทันที ถ้าผีบ้านี่ทำอะไรบ้าๆอีก เขาจะได้หนีได้ทัน ผีหนุ่มเห็นท่าเหมือนแมวขู่ฝ่อ ก็ได้แต่ขบขันเบาๆก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าเป็นจริงจังเหมือนเรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
" อย่างแรกเลย คุณต้องรู้ก่อนว่า..."
ในตอนนั้นไวเทลเห็นดวงตาสีเขียวฉายความเกรี้ยวกราดบ้าคลั่งมาแวบหนึ่ง....เหมือนจริงๆ....เหมือนวันแรกที่เขาได้สบดวงตาคู่นี้ไม่มีผิด
"ผมไม่ใช่คนทรยศ"
********************************
อ่านจบแล้วเม้นให้กำลังหรือติชมอะไรก็ได้หน่อยน้าา เค้าจะได้มีกำลังใจเยอะๆๆ :mew2:
Taaeng
-
คลื่นที่ 4
แกก
ไวเทลวางแว่นลงก่อนจะนวดขึงขมับที่รู้สึกปวดตึบตึบมาสักพักแล้ว
"เอ่อ...พักก่อนไหมครับ"
"ไม่เป็นไร เอาที่เหลือมาเลย" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คิ้วของไวเทลก็ยังขมวดยุ่งจนผู้ช่วยเลขาอย่างอูบาร์โดยังรู้สึกเครียดตาม
"งั้น...ให้ผมปิดทีวีให้ไหมครับ? " จริงๆ อูบาร์โดอยากจะถามคำถามนี้ตั้งแต่เข้ามาส่งเอกสารให้หัวหน้าตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่กล้า เพราะสีหน้าตึงเครียดของหัวหน้าที่มากกว่าทุกวัน ทั้งๆ ที่งานตรงหน้าก็ไม่ได้เร่งรีบวุ่นวายอะไร ซึ่งความตึงเครียดที่แสดงออกมาทางสีหน้าของหัวหน้ามันช่างไม่เข้ากับ...
ไวเทลปรายตามองตามสายตาสงสัยของอูบาร์โด ก็ได้แต่ถอนหายใจ ว่าแล้วก็จ้องเขม็งไปทางไอ้ผีตัวเองที่นอนลอยอยู่ตรงโซฟาเบดหัวเราะเสียงดังเพราะชอบใจกับมุกตลกในรายการเกมโชว์ปัญญาอ่อนที่ชาตินี้คนอย่างเขาคงไม่มีวันเปิดดูแน่ๆ
แต่ถึงจะจ้องเขม็งขนาดไหนไอ้ผีหน้าด้านก็ไม่รู้สึก มีแต่จะหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิม
แต่เหมือนการจ้องเขม็งไปทางหน้าจอโฮโลแกรมสามมิติราวกับจะไปฆ่าใครตายของไวเทลจะทำให้ลูกน้องของเขาเข้าใจผิด
"งะ...งั้นผมไปปิดให้นะครับ"
ไวเทลตวัดสายตามาทางอูบาร์โด จนเจ้าตัวสะดุ้งเหงื่อเย็นไหลอาบแผ่นหลังจนชุ่มไปหมด พระเจ้า!! ใครก็ได้ช่วยเขาที เขาทำอะไรผิด อูบาร์โดได้แต่กรีดร้องโหยหวนในใจ
ไวเทลหลับตาลงสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขารู้ว่าเขาพาล เพราะหงุดหงิดไอ้ผีหน้าด้านที่เขาทำอะไรมันไม่ได้ อุตส่าห์ทำเป็นเมินก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจมัน มันก็ยังลอยไปลอยมา โผล่หน้ามาจากด้านหลังบ้าง จากโต๊ะบ้าง ใต้เก้าอี้บ้าง พอไม่สนใจมากๆ เข้า ก็ทำลูกตาหล่นใส่ก่อกวนไม่หยุดรบเร้าให้เขาเปิดทีวีให้ พอยิ่งนึกถึงก็ยิ่งหงุดหงิด ไวเทลทุบโต๊ะระบายอารมณ์จนอูบาร์โดหลั่งเหงื่อยิ่งกว่าเดิม ใครก็ได้เอาเขาไปจากตรงนี้ที!!
ไวเทลที่ลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องตัวเองสั่นงกๆ เป็นลูกนกก็ได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ
"นายวางเอกสารและออกไปได้แล้ว...ส่วนทีวีไม่ต้องปิด!! " ประโยคสุดท้ายไวเทลกัดฟันพูดออกมาอย่างแค้นเคือง อูบาร์โดแม้ไม่เข้าใจ แต่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวางเอกสารก้มตัวทำความเคารพเผ่นหนีีออกไปจากอาณาจักรน้ำแข็งทันที
เมื่ออูบาร์โดออกไป ไวเทลก็ก้มหน้าอ่านรายงานตามเดิม ทำเป็นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตอื่นในห้อง แต่เพราะเสียงทีวีที่อยู่ๆ ก็ถูกเร่งดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ทำให้ไวเทลที่อ่านรายงานซ้ำบรรทัดเดิมมาห้ารอบก็หมดความอดทน
ตึง
เสียงทุบโต๊ะด้วยแรงทั้งหมดที่มี เรียกผีหนุ่มตัวดีหันมามองทั้งน้ำตาที่ขำค้างทันที
"เอออ...มีอะไรจะพูดก็พูดมา"
ไวเทลตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ผีบ้านี้มันแกล้งเขา เพราะเขาไม่ยอมคุยกับมันต่อตั้งแต่ฟังประโยคนั้นจบลง ประโยคที่ราวกับมีอะไรฟาดลงใส่หัวจนมึนงง เขายืนนิ่งสักพักก่อนจะหมุนตัวออกไปทำงานตามปกติ ต่อให้ผีนี่จะก่อกวนยังไงก็ไม่สนใจ เพราะเขาต้องการเวลาคิด แต่เหมือนผีบ้านี่จะไม่ยอมให้เขาอยู่นิ่งๆ คิดอะไรสงบๆ คนเดียว มันตามก่อกวนตั้งแต่เช้าจนนี่จะสี่ทุ่มมันก็ยังกวนไม่เลิก จนเขาหมดความอดทนในที่สุด เอออ ในเมื่อมันไม่ให้เวลาคิดเขาก็จะไม่คิด พูดตรงๆ เคลีย์ตรงๆ ไปให้จบๆ เขาจะได้กลับไปทำงานอย่างสงบสุขสักที
ผีหนุ่มลอยเขามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง จะไม่ให้แฉ่งได้ไง เขารอเวลานี้มาทั้งวันเลยนะ!
"ใจเย็นๆ นั่งลงก่อนคุณ สูดหายใจเข้าลึกๆ เครียดมากระวังผมหงอกก่อนวัยนะ" ไวเทลปรายตามองอย่างเย็นชาทีหนึ่ง ก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่ได้อยากทำตามไอ้ผีนี่พูด แต่หน่ายใจเกินกว่าจะยืนพูดกับมันได้จริงๆ
"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายทั้งวันหรอกนะ"
" อ้าว ผมนึกว่าคุณเล่นเกมทำยังไงก็ได้ให้คุณหลุดขำซะอีก ผมก็เลยอุตส่าห์ทำทุกวิถีทางให้คุณขำให้ได้มาทั้งวันเลยนะ"
ไวเทลตวัดสายตามอง อ้าปากเตรียมจะด่าแต่ผีหนุ่มกับพูดแทรกขึ้นมาสักก่อน
"โอเคๆ ผมล้อเล่น ผมผิดเอง น่าๆ อย่าทำหน้าโมโหสิ" ไวดทลกัดปากข่มอารมณ์แต่ตาก็ยังจ้องเขม็งไม่เลิก ผีหนุ่มเห็นก็ได้แต่ยิ้มอ่อนใจ คนสวยนี่ขี้หงุดหงิดอย่างนี้ทุกคนไหมนะ เขากระแอมสองสามที ก่อนจะมองไวเทลอย่างจริงจัง
"อย่างที่ผมบอก ผมไม่ใช่คนทรยศ"
ประโยคเมื่อเช้าถูกพูดใส่หน้าเขาซ้ำอีกรอบ ไวเทลได้แต่เม้มปากข่มความรู้สึกบางอย่างที่กำลังตีตื้นขึ้นมาเอาไว้
"ถ้านายไม่ใช่ แล้วใคร" คราวนี้เป็นตาผีหนุ่มถอนหายใจบ้าง หลังจากให้ไวเทลถอนหายใจทิ้งมาทั้งวัน
"เพราะผมไม่รู้ ถึงได้มาอยู่ตรงนี้ไงล่ะ" ไวเทลขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจ
"ผมไปเกิดไม่ได้เพราะความยึดติด ถ้าผมรู้ว่าใครคือคนทรยศที่แท้จริงจนเป็นสาเหตุทำให้ผมตาย ผมก็จะหมดห่วงไปเกิดได้สักทีไง"
"นายหมายถึง ให้ฉันช่วยนายหาคนทรยศที่แท้จริง"
"ใช่แล้ว เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่มองเห็นผมอ่ะ"
"ทำไมต้องฉันด้วย"
"เพราะคุณเป็นคนสั่งฆ่าผมไง"
"......."
ไวเทลเม้นปากที่รู้สึกว่าอยู่ๆ ก็สั่นระริกขึ้นมาเมื่อจบประโยคของผีหนุ่ม ใช่ เขาฆ่าคนตรงหน้าเอง แววตาหม่นหมองที่มองมาทำให้ผีหนุ่มอดที่จะยิ้มมุมปากไม่ได้ ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าดูจะเป็นทุกข์ แต่เขากลับมีความสุขแบบนี้ แย่จริงๆ เลย...
"ได้ ฉันรับปาก" ผีหนุ่มยิ้มกว้างตาหยีจนไวเทลที่รับปากจะรับผิดชอบกับการกระทำตัวเอง อดที่จะหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
"แต่...นายต้องรอไปสักเดือนนะ เพราะฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปตามสืบหรอก" ไวเทลยิ้มสะใจที่รู้สึกเอาคืนได้สักที แต่ผีหนุ่มเอียงคอมองอย่างครุ่นคิด
"จริงๆ มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ผมเหลือเวลาแค่ 100 วัน ถ้ายังหมดห่วงไม่ได้ ผมจะไปเกิดไม่ได้ จะติดอยู่โลกนี้ ติดอยู่กับคุณในรูปลักษณ์แบบเมื่อคืนไปทั้งชีวิตจนกว่าคุณจะตาย"
"!!!!! "
"อ้อจริงๆผมพูดผิด เหลือ 99 วันแล้วต่างหาก" ว่าแล้วก็ยิ้มแฉ่งให้หนึ่งที
-------------------------------
ตอนหน้ามาเริ่มเข้าสู่เนื้อหาจริงๆสักที หลังจากดูเขากุ๊กกิ๊ก(?)กันมานาน 55555
ตอนนี้อัพเท่าที่อัพให้เว็บอื่นแล้วนะคะ ต่อจากตอนนี้ไปจะมาลงช้าหน่อยน้าาา
Taaeng
-
:katai2-1:
-
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
-
+1ชอบ ติดตามๆ ขอบคุณมากจ้า^^
-
(https://www.img.in.th/image/EsxUSf)
คลื่นที่ 5
ย่าน Mistico
แหล่งรวมความบันเทิงยามราตรีที่ครบวงจรที่สุดในทวีปยุโรป ย่านที่สว่างไสวที่สุดเมื่อยามราตรีมาเยือน แสงไฟหลากหลายสีที่พาให้ผู้คนมัวเมาลุ่มหลง เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไม่เคยน่าหนวกหูมีแต่จะเพิ่มรอยยิ้มให้กับเหล่าผีเสื้อผู้มาเยือน ความน่าหลงใหลของความใคร่และความโลภที่ลอยตลบอบอวลในทุกๆบริเวณ ทำให้ไม่มีใครอยากปฏิเสธอย่างลุ่มหลงลึกลับชวนมึนเมาราวกับฝันนี้สักคน
ย่านมิสติโค จึงเป็นย่านที่ทำเงินให้กับแก๊งเอนซิโออย่างมากมายมหาศาลในทุกๆค่ำคืน และยิ่งทำเงินให้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีช่องทางให้ลักลอบขโมยไปที่ละเล็กละน้อยจนเจ้าของไม่ทันรู้สึกตัวมากเท่านั้น...
ดวงตาเรียวยาวภายใต้แว่นไร้กรอบกวาดมองผู้คนที่มากมายเหมือนทุกๆคืนที่ผ่านมาจากในรถด้วยความพอใจ ย่านนี้มีคนเยอะมาก แน่นอน...ยิ่งคนมากปัญหาก็มากตาม แต่พอเห็นชายชุดดำที่อกซ้ายมีเข็มกลัดของแก๊งเดินอยู่รอบๆ คอยจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงทีทำให้ไวเทลอดจะรู้สึกชื่นชมคนดูแลเขตนี้ไม่ได้ ถึงเขาจะไม่ค่อยมาที่เขตนี้ แต่พอมาทีไรที่นี่ก็ยังมีการจัดการที่เป็นระบบได้อย่างดีเยี่ยม ต้องยกความดีความชอบให้กับนิโคโรจริงๆ
รถสปอร์ตสีขาวมุกเหลือบเงินวิ่งเข้ามาจอดที่โรงจอดรถเฉพาะพนักงานด้านหลังตึกซิริโน...ตึกที่ใหญ่และคึกคักที่สุดในย่านนี้ หรืออีกนัยหนึ่งมันคือตึกศูนย์กลางของย่านและยังเป็นสำนักงานใหญ่ของย่านนี้อีกด้วย
บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูเห็นรถคันโปรดของหัวหน้าเลขาเข้ามาจอดโซน VIPก็ต่างเบิกตากว้างไปตามๆกัน ทันทีที่ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงสแล็คเนื้อดีก้าวออกจากประตูรถ การ์ดพลันได้สติรีบแจ้งหัวหน้าบอดี้การ์ดผ่านตุ้มหูสื่อสารทันที
ไวเทลเดินผ่านหน้าการ์ดที่ยืนทำความเคารพตัวแข็งทื่อ แค่ปรายตามองนิ่งๆอย่างเย็นชาการ์ดก็สะดุ้งเป็นทิวแถว แต่มีคนหนึ่งสติดีกว่าเพื่อนลนลานมาเปิดประตูให้คนงามทันที
ปัง
เสียงปิดประตูดังขึ้นทันทีเมื่อหัวหน้าเลขาคงงามเดินเข้าไปแล้ว บรรดาการ์ดต่างลอบถอนหายใจพร้อมๆกัน ไม่เห็นมีใครแจ้งเลยว่าหัวหน้าเลขาจะมาวันนี้ ถ้ารู้แบบนี้พวกเขาไม่มาเฝ้าประตูหลังหรอก สู้ไปห้ามพวกคนอ้วกคนเมายังจะดีซะกว่า!!
"เฮ้ออ เห็นกี่ทีก็น่ากลัวชะมัดเลย" การ์ดคนหนึ่งยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า
"นั่นสิ เมื่อกี้ฉันนึกว่าจะตายซะแล้ว" เพื่อนการ์ดอีกคนก็ทรุดลงไปนั่งอย่างหมดท่า
"ถึงจะหน้ากลัว... แต่ก็สวยชะมัดเลย" ใบหน้าเคลิ้มฝันของการ์ดคนที่สาม ทำให้เพื่อนอีกสองคนหันมามองหน้าเขาพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย เรื่องนี้ไม่มีใครในแก๊งปฏิเสธสักคน เป็นอันรู้กันดีภายในว่าหัวหน้าเลขาแม้จะโหด เนี้ยบ เด็ดขาด แค่ปรายตามองก็แทบจะฆ่าคนได้คนนั้นสวยและเซ็กซี่ขนาดไหน ใครจะคิดว่านั่นผู้ชาย ถึงจะมีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนไม่ผอมบางร่างน้อยอย่างหญิงสาว แต่นั่นล่ะ รูปร่างแบบนั้นมันยั่วใจกว่าพวกบางๆที่แค่กำก็กลัวจะหักเยอะ แม้จะดูน่ากลัวแต่ก็เป็นขวัญใจของบรรดาคนในแก๊งเหมือนกัน จนมีการตั้งแฟนคลับขึ้นมาอย่างลับๆภายในองค์กร โดยใช้โค๊ดเนมเรียกกันสั้นๆว่า ควีน แน่นอนว่าเรื่องนี้เจ้าตัวไม่รู้...และถ้าจะรู้ก็คงอีกนานทีเดียว
ตึกซิริโนนี้มีทั้งหมดสิบชั้น ชั้นแรกที่ก้าวเข้ามาคือเลาซ์ต้อนรับที่มีทั้งพนักงานต้อนรับรวมถึงเด็กเรียกแขกเดินกันให้ว่อนเพื่อเชื้อเชิญแขก แต่สำหรับผู้ช่ำชองที่มาเยือนทุกราตรีจะไม่หยุดแวะพักแต่ตรงดิ่งไปที่ลิฟท์เพื่อไปชั้นที่หมายตาทันที ชั้นที่ 2 และ 3 เป็น ผับแบบเปิดกว้างขนาดใหญ่ที่มีเวทีตรงกลาง ทุกวันคืนตลอดทั้งสัปดาห์จะมีการแสดงไม่ซ้ำแบบเผื่อลดทอนความน่าเบื่อจำเจ เพิ่มความสนุกให้กับเหล่าผีเสื้อกลางคืนด้วยเด็กเรียกแขกที่เด็ดจนเกินห้ามใจ ถึงขนาดที่ว่าบางคนมาเที่ยวเพื่อยลโฉมสักครั้งก็มี นี่ถือเป็นของขึ้นชื่อของชั้นนี้เลยทีเดียว ส่วนชั้น 3 เป็นโซน vip ที่มองลงมาเห็นข้างล่างแต่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวด้วยมุมโซฟาที่ค่อนข้างห่างและแสงค่อนข้างมืด แต่ถ้าใครเคยขึ้นไปชั้น 3 สักครั้งจะรู้ว่าส่วนตัวไม่มีจริง เพราะแสงที่มืดกว่า ทำให้ตามมุมต่างๆมีเสียงครางอื้ออึงดังตลอดทั้งคืน
ชั้น 4 - 6 เป็นห้องพักสำหรับแขกที่เมามายหรือทนคาบคาวโลกีไม่ไหวต้องลากคู่ขามาขับเคลื่อนปลดเปลื้องความปรารถนาที่ชั้นนี้ ทำให้ทุกห้องของทั้ง 3 ชั้น ไม่เคยเว้นว่างสักค่ำคืนเดียว
ชั้น 7 คาสิโนขนาดใหญ่ที่รวมการพนันไว้สำหรับผู้ต้องการแสวงโชคแม้จะมีชั้นเดียวแต่ก็มีขนาดกว้างขวางแม้คนจะไม่มากเท่าตึกที่เป็นคาสิโนขนาดใหญ่ทั้งตึกแบบตึกข้างๆ แต่การมีสาวและหนุ่มเรียกแขกขึ้นชื่อของที่นี่เดินไปมาก็ถือเป็นจุดขายที่ทำให้บางคนมาเล่นพนันพร้อมมองอาหารตาเหล่านั้นไปด้วยไม่น้อยทีเดียว
3 ชั้นสุดท้ายไม่มีใครรู้ว่าคือชั้นอะไรเพราะลิฟท์ธรรดาหยุดที่ชั้น 7 แต่เคยมีคนเล่าลือกันว่าบุคคลที่จะขึ้นไป 3 ชั้นนี่ได้ถ้าไม่ใช่การ์ดก็ต้องเป็นบุคคลที่มีเงินมากมายและร่ำรวยไปด้วยอำนาจอันล้นเหลือทั้งนั้น
ติ้ง
เสียงลิฟท์หยุดที่ชั้น 9 ทำให้ไวเทลตื่นจากภวังค์ความคิดในหัวที่ทบทวนเรื่องชั้นต่างๆของที่นี่
ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ไวเทลก็ได้สบตาเข้ากับเจ้าของเรือนผมสีแดงเข้มผู้มีนัยน์ตาสีเทาอันล่ำลึกและรูปร่างสูงใหญ่กำยำสมกับเป็นอดีตทหารหน่วยรบพิเศษ...นิโคโร โทมาสโซ หัวหน้าเขต 5 ผู้ดูแลย่่านมิสติโค
"สุ่ม?"
"ใช่" ไวเทลเดินเลยคนถามออกไปแบบไม่สนใจ แน่ล่ะต้องรีบไป เดี๋ยวมีใครจับพิรุธได้ ถึงเขาจะโกหกหน้าตายเก่ง แต่คนมีชะงึกติดหลังยังไงก็อดที่จะระแวงเล็กๆไม่ได้อยู่ดีเขาพยายามเดินช้าๆมั่นคงไม่รีบร้อน แม้จะมีผีบางตัวลอยกินลมชมวิวแล่บลิ้นปริ้นตาหลอกการ์ดหน้านิ่งก็ตาม
การสุ่มตรวจไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในทุกๆเขตทุกๆกิจการ จะมีการตรวจสอบเป็นปกติอยู่แล้วทุก 3 เดือน แต่ก็จะมีกรณีสุ่มตรวจที่ไม่เกี่ยวกับทุก 3 เดือนนั่นเหมือนกัน เพื่อเป็นการป้องกันการโกงเพราะจะไม่มีใครรู้เลยว่าการสุ่มตรวจจะหวยออกไปลงที่ไหนและเมื่อไหร่ ทุกเขตเลยต้องระวังและซื่อสัตย์ตลอดเวลา มีคนรู้ล่วงหน้าแค่บอสกับเขาเท่านั้น ปกติหน้าที่นี้จะเป็นของบอส แต่เพราะตอนนี้ไอ้บอสงี่เง่ามันทิ้งงานโยนภาระมาใส่เขาเพื่อไปไล่ตามจีบเด็กแถวเอเซีย ตอนนี้เขาเลยมีสถานะไม่ต่างกับบอสใหญ่เลยสักนิด เพราะทุกการตัดสินมันโยนให้เขาหมด บางทีเขาก็คิด โกงมันสักทีเลยดีไหม ไหนๆคนบ้าก็ไม่อยู่แหละ ให้จีบเด็กเสร็จแล้วกลับมาไม่มีบ้านอยู่ก็คงจะดี
พูดถึงเรื่องนี้ก็หงุดหงิด บอสใหญ่ที่เคารพหนักหนาของบรรดาลูกน้อง หนีงานไปไล่จีบเด็กเพราะเด็กไม่ยอมเล่นด้วย ใครได้ยินคงจะขำกลิ้งตายและหมดความเชื่อถือไอ้บอสนี้แน่ๆ เหอะ ว่าแล้วก็เบ้ปากใส่สีกที เพราะมันเขาถึงมีงานเยอะขึ้นแบบนี้ไงเล่า
สีหน้าที่ทะมึนหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆทำให้บรรดาการ์ดที่ลอบแอบมองตามรายทางเริ่มเหงื่อตก คุณหัวหน้าเลขาคนงามมาสุ่มตรวจสอบกิจการ หรือจะมาสุ่มฆ่าใครตายหรือเปล่าว่ะ
มือเรียวเปิดประตูบานใหญ่สีดำทะมึนเข้าไปนั่งลงที่โซฟาหนังสีดำอย่างไม่เกรงใจ พร้อมปรายตามองคนผมแดงที่เดินตามหลังเขามานิ่งๆเท่านั้น
"เมื่อสองอาทิตย์ก่อนพึ่งสุ่มตรวจไป ทำไมถึงมาสุ่มตรวจอีกเร็วขนาดนี้" ใช่...เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขาส่งอูบาร์โดมาสุ่มตรวจสอบที่นี่เพราะเขาไม่ว่าง จนเป็นเหตุให้จับโกงและคนทรยศที่ลักลอบขโมยเงินไปเกือบร้อยล้านคนนั้นได้ เมื่อการตรวจสอบชี้ชัดว่าโกงจริงก็ต้องทำตามกฎองค์กร
คนทรยศมีหนทางแค่ตายเท่านั้น
ไวเทลเบนสายตามองผีที่ตายตามกฎที่กำลังแล่บลิ้นใส่นิโคโรสนุกสนาน เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะเหมือนการตรวจสอบนั่นจะผิดพลาดเป็นเหตุให้เขามีวิญญาณตามติดแบบนี้ไงเล่า แต่ถ้าพูดออกไปคนจะหาว่าเขาบ้าแน่ๆ
"เพราะพึ่งจับคนทรยศได้ในเขตนายได้ บอสเลยสั่งให้ฉันมาตรวจสอบที่นี้ด้วยตัวเองอีกรอบ" ไวเทลมองสบตาบอกไปนิ่งๆแม้เหงื่อจะเต็มหลังก็ตาม อ้างบอสไปคงไม่มีใครสงสัยหรอก เพราะนอกจากเขาก็ไม่มีใครติดต่อไอ้บอสบ้านั่นได้แล้ว!!
นิโคโรมองคนเลขาบอสนั่งไขว้ห้างยักไหล่ไม่สนใจก็หันไปพยักหน้ากับลูกน้องนิ่งๆ
" เดี๋ยวจะให้เด็กเอาเอกสารมาให้ "
" อืม "
"....."
แล้วความเงียบก็เกิดขึ้นทันที ไวเทลก็ไม่สนใจหยิบขวดไวน์ปี 1980 รินใส่แก้วยกจิบละเมียดละไมอย่างสบายใจทันที
"งั้นก็ตามสบาย ฉันจะออกไปเดินตรวจงานต่อล่ะ"
ไวเทลแค่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่งก่อนจะเอนหลังจิบไวน์ต่อไป
ปัง
สิ้นเสียงปิดประตู ไวเทลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ตัวแทบจะไหลลงไปกองรวมกับโซฟาจริงๆ ให้ตามเถอะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องรู้สึกเกร็งขนาดนี้ด้วยว่ะ
"ของดีนี่คุณ แถมเป็นไวน์จากถิ่นต้นตำรับซะด้วย"
ผีตาเขียวจ้องมองไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะดวงตาเป็นประกายวิบวับ เขาเป็นคนชอบจิบไวน์มาก แต่ด้วยเงินที่มีทำให้เขาไม่เคยกินของดีขนาดนี้มาก่อน เลยอดที่มองด้วยตาละห้อยอย่างเสียดายไม่ได้ มีของดีตรงหน้าแต่กินไม่ได้นี่ มันเศร้าใจชะมัด
ไวเทลที่มองตามดวงตาสีเขียวที่เป็นประกายสดใสและสักพักก็หม่นหมองลง ใจเขาก็กระตุกไปวูบนึง แม้ผีนี่จะทำตัวน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่เขาชอบมองดวงตาสีเขียวเป็นประกายสดใสมากกว่าหม่นหมองจนชวนปวดใจนั่น เห็นแบบนี้ บางทีเขาคงต้องไปหาวิธีทำให้คนตรงหน้่ากินอะไรได้บ้างสักหน่อยแล้ว
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้ไวเทลยืดตัวตรงทันที ก่อนจะกระแอ่มสองสามทีแก้เกล่อ เขาจะประหม่าทำไมเนี่ย
"เข้ามาได้"
เมื่อได้รับคำอนุญาตการ์ดก็เปิดประตูหอบเอกสารมาวางลงบนโต๊ะ ตรงหน้าไวเทลจนหมดก่อนจะค่อมตัวทำความเคารพเตรียมออกไปทันที
เมื่อเหลือตัวคนเดียวไวเทลก็ได้เป่าปากไหลตัวลงกองกับโซฟา การทำตัวให้ปกตินี่มันไม่ใช่ทางของเขาจริงๆ
แต่เมื่อเหลือบมองผีบางทีตัวที่ตอนนี้ดี้ด้าหันไปสนใจตู้เก็บไวน์ขนาดใหญ่ข้างพนังแทนก็อดยิ้มบางๆ ก็ดีกว่าทำหน้าเศร้าเยอะล่ะนะ
เอาล่ะมาเริ่มลงมือค้นหาความจริงที่กองอยู่ตรงหน้ากันดีกว่า
ความเงียบที่เข้าปกคลุมมีแค่เสียงพลิกหน้ากระดาษและคลิกไอแพดไปมาดังเบาๆขึ้นภายในห้อง หลังจากที่เขาชื่นชมไวน์เพลินหันมาอีกทีก็เจอคนงามทำหน้านิ่งตรวจเอกสารตรงหน้าอย่่างตั้งใจ ไม่รู้เขาบอกไปหรือยังเขาชอบเวลาคยตรงหน้าจริงๆกับสิ่งตรงหน้าอย่างตอนทำงานนี้ที่สุด ไม่รู้เขานั่งเท้าคางจ้องคนตรงหน้าที่มองยังไงก็ไม่เบื่อมานานเท่าไหร่แล้ว แต่เสียงปิดแฟ้มเสียงดังและอยู่ก็ลุกขึ้นก็ทำให้เขาอดที่จะลุกขึ้นยืนตามไม่ได้
"ได้เวลาแล้ว ลงไปตรวจสถานที่จริงเลยดีกว่า"
ไวเทลถอดแว่นคลึงขมับเบาๆ เขาจมอยู่กับเอกสารพวกนี้มาเป็นเวลานาน เอาเข้าใจจริงเขาก็ทำเป็นจมกับมันไปงั้นแหละ เพราะเอกสารพวกนี้เขาตรวจสอบมาหมดแล้ว แค่มาทบทวนมองหาอะไรบ้างอย่างและรอเวลาเท่านั้น อีกไม่กี่นาทีจะตีหนึ่งแล้วนี่แหละเวลาที่เขารอคอย
" ตรวจสอบ? ตรวจสอบที่ไหน" แต่เหมือนจะมีคนตามไม่ทัน แน่ล่ะใครจะตามทัน นั่งเงียบๆมาหลายชั่วโมงอยู่ๆก็ลุคขึ้นบอกจะออกไปข้างนอกที่ไหนสักที เขาเป็นผีนะไม่ใช่หมอดูอ่านใจใครไม่ได้!!
ไวเทลมองผีตรงหน้าก่อนจะยิ้มมุมปากลึกลับ
"โซนผับ โซนของเหล่านักท่องราตรีไงล่ะ คุณอดีตหัวหน้าผู้คุมผับ เฟริซิโอ ร็อคโค"
หน้ากระดาษของแฟ้มที่ถูกวางเมื่อสักครู่เผยหน้าประวัติของอดีตหัวหน้าผู้คุมผับที่ขึ้นชื่อเรื่องความวุ่นวายแต่ก็ถูกจัดการการได้อย่างเป็นระบบระเบียบน่าชื่นชมมากที่สุดมาหลายปี หัวหน้าที่เคารพรักของเหล่าลูกน้อง ภาพขนาดสองนิ้วมุมหัวกระดาษปรากฎภาพใบหน้าคมคาย ผิวเข้ม และแผลเป็นที่ปรายคิ้วข้างซ้ายเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาสีเขียวเป็นประกายน่ามอง มองตรงมาข้างหน้านิ่งๆอย่างเย็นชา ใบหน้าเดียวกันกับคนตรงหน้าเขาคนนี้นี่ไง
---------------------------------------------
อย่างแรกเลยขอโทษที่หายไปเป็นอาทิตย์น้าาา ช่วงนี้งานเยอะจนปลีกตัวลำบากมากๆ กราบขอโทษทุกคนจริงๆค่ะ
ส่วนตอนนี้นั่นต้องบอกว่าบรรยายเยอะมาก แต่ก็ยังไม่ไปไหนมาก เพราะชิ้นส่วนปริศนาจิกซอร์ที่เราทิ้งไว้จะปล่อยก็ไม่ได้ล่ะเนอะ ต่อจากนี้ตัวละครจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ จำกันให้ดีๆน้าา ขนาดเค้ายังต้องจดไว้เลยอ่ะ กันลืม แถมแต่ละชื่อยังยากๆทั้งนั้น มาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงจับได้บ้างแล้วว่า สถานที่ที่ตัวเอกอยู่คือประเทศอะไร ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ไม่รู้สนุกไหมแต่จะพยายามให้ดีที่สุดเลย ภาษาอาจจะเมาไปบ้าง นี่ก็อ่านของตัวแล้วแบบอีหยังว่ะ 55555 ว่างๆจะลงที่รีไรท์ตอนอื่นๆให้นะคะ ไม่เปลี่ยนเนื้อหาแต่เปลี่ยนภาษาและแก้คำผิดบ้าง ใครที่ไม่อยากอ่านใหม่ก็สามารถอ่านต่อได้ไม่สะดุดแน่นอนจ้าา
Taaeng
-
:กอด1: :pig4: :กอด1:
-
:pig2:
ติดตามค่ะ
:3123:
-
กราบขออภัยทุกคนเลยยย อาทิตย์นี้ไม่มีน้าาาา อาทิตย์นี้เค้าทำงานทุกวัน วิ่งทั้งวัน จนตอนนี้ตาจะปิดอยู่แบ้วววว คราวหน้าเค้าจะมาชดเชยให้นะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
ไม่ทิ้งหายไปนานแน่นอนนนนนน
Taaeng
-
คลื่นที่ 6
ทั้งสองจ้องตากันแทบไม่กระพริบ สายตาที่มองมากดดันจนผีหนุ่มหลุดหัวเราะพรืดออกมาขัดบรรยากาศ
"ฮ่าๆๆ ขอโทษๆ ปกติไม่เคยมีใครเรียกเต็มยศซะขนาดนี้"
"....."
"เรียกผมว่า เฟย์ เฉยๆก็ได้นะและเพื่อไม่ให้ผมเสียเปรียบผมจะเรียกคุณว่า ไวท์ ล่ะกันนะคร้าบบ"
ผีอารมณ์ดีพูดเองเออเองเสร็จสรรพยิ้มแย้มยินดีนักหนา จนคนถูกเรียกว่าไวท์ ไม่พอใจทันที มีแต่บอสบ้าเท่านั้นที่เรียกว่าเขาด้วยชื่อเล่นนี้ คนเป็นลูกน้องจะมาเรียกสนิทสนมด้วยได้ยังไง!!
" อ่ะๆ ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณแล้ว เรียกได้ครับ ไวท์" แค่ไวเทลจะอ้าปากพูดเฟริซิโอก็สวนขึ้นมาก่อนเหมือนรู้ดี
จนไวเทลได้แต่เก็บปากหลับตานับหนึ่งถึงร้อยในใจ อยากเรียกอะไรก็เรียกไป ช่างมัน!!
"จะเรียกอะไรก็เรื่องของนาย" ว่าจบก็เดินออกไปเปิดประตูทันที เฟริซิโอได้แต่มองตามยิ้มๆก่อนจะลอยไปอยู่ข้างๆคนขี้หงุดหงิด
"ว่าแต่...ไวท์จะลงไปทำอะไรชั้น 2"
ไวเทลเหลือบสายตามามองเล็กน้อยก่อนตอบ ถึงจะไม่อยากพูดกับผีแต่ก็ต้องพูด เพราะไม่รู้จะนึกบ้าป่วนอะไรให้ปวดหัวขึ้นอีก
"หาความจริง" แต่คนพูดก็ประหยัดคำเหลือเกิน จนผีหนุ่มได้แต่มองอย่่างไม่เข้าใจ
"เรื่องผมหรอ?"
และความเงียบของไวเทลก็เหมือนจะเป็นคำตอบที่ดี
"ไวท์นี่ก็แปลกนะ ปกติเวลามีสืบสวนอะไรเขาต้องทำกันอย่างลับๆไม่ใช่หรอ แต่ผมเห็นไวท์เข้ามาแบบโต้งๆ เปิดตัวด้วยรถสปอร์ทสุดอลังการ แล้วยังจะลงไปสืบด้วยตัวเองที่ข้างล่างอีก งี้คนอื่นไม่สงสัยกันหรอ"
แต่พอเห็นเจ้าตัวยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม เฟริซิโอก็ได้แต่ทำหน้าอ่อนใจ ลอยเข้าไปยืนตรงหน้า สบเข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่างด้วยความจริงใจ
"เอาเถอะ แต่อย่าทำอะไรเกินตัวนะ ผมเป็นห่วง"
ดวงตาที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วงทำให้ภายในอกของคนมองอุ่นวาบขึ้นมาทันที ไวเทลได้แต่เสหลบสายตา ข่มจิตข่มใจไม่ให้เตลิดกับความรู้สึกแปลกๆที่ตีตื้นขึ้นมา ความรู้สึกที่ทำให้เขาหงุดหงิดกับทุกสิ่งมากกว่าปกติ ความรู้สึกที่ไม่รู้จัก ควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิด หงุดหงิดเพราะเขาไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดีตราบเท่าที่มีผีตนนี้อยู่ข้างๆตลอดเวลา ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วๆเพื่อที่จะได้ไม่ถลำลึกมากกว่านี้
"ไม่จำเป็น ปกติเวลามาตรวจแบบสุ่ม ก็จะเดินไปเดินมาแบบนี้แหละ ต่อให้ทำอะไรแปลกๆก็ไม่มีใครสงสัย" แต่แบบนี้หลักฐานที่ถูกปกปิดก็ยิ่งถูกเก็บซ่อนน่ะสิ เฟริซิโอได้แต่ถามในใจ ไม่ได้ถามคนงามออกไปจริงๆ ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ เพราะเขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ
โซนผับแห่งตึกซิริโน ที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงอันดังกระหึ่ม เหล่าเด็กเรียกแขก หรือ บัตเตอร์ ต่างเดินเยื้ยงย่างเฉิดฉายอวดความงามให้เหล่านักล่ามองกันตาเยิ้ม บางคนก็นั่งอิงแอบแนบซบกับแขก
เวลาตีหนึ่ง เป็นเวลาที่ทุกคนเฝ้าจับตามองรอคอยชมความงามสุดหยั่งของบัตเตอร์ 3 อันดับแรก ที่มียอดความนิยมสูงลิบกว่าบัตเตอร์คนอื่นๆ เหล่าบัตเตอร์ที่มีแต่คนมีเงินเหลือล้นเท่านั้นถึงจะจองได้รวมถึงเป็น 3 คนที่มีสิทธิ์ขึ้นชั้นสูงกว่าชั้น 7 มีห้องส่วนตัวหรูหรามีการ์ดตามอารักขาอย่างดี เหล่าคนธรรมดาที่อยากจะชมความงามสุดเฝ้าเพ้อฝันก็ได้แต่รอวันนี้ได้เท่านั้น
วันเสาร์สิ้นเดือน เวลาตีหนึ่ง ที่บัตเตอร์ 3 อันดับแรกจะออกมาวาดลวดลายแสดงโชว์ขอบคุณแขกประจำทุกเดือน แน่นอนว่าโอกาสงามๆแบบนี้ผู้คนย่อมไม่พลาดแน่นอน
เมื่อนาฬิกาชี้บอกเวลาตีหนึ่ง เสียงเพลงที่กำลังดังกระหึ่มก็หยุดลงมันที แสงไฟที่เคยวิบวับสลัวๆก็มืดมิดลง ผู้คนต่างหยุดทุกกิจกรรมที่ทำ จ้องมองไปทางแสงไฟที่สาดส่องลงมาแค่ตรงกลางเวที เสียงเพลงยั่วยวนที่เริ่มคลอเบาๆก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเรียวขาเรียวยาวก้าวออกมาจากความมืด ความงามที่สะกดทุกสายตาให้หยุดมอง พาชวนให้คนลุ่มหลงแม้เห็นเพียงแค่เรียวขา และยิ่งชวนให้หยุดหายใจเมื่อเจ้าของเรียวขาก้าวเดินเนิบช้าออกมาจากความมืดมาโดนแสงไฟเพียงหนึ่งเดียวในผับทั้งตัว รูปร่างเรียวบางน่าทะนุถนอมแต่อวบอัดไปด้วยสัดส่วนยั่วยวนใจ ผมยาวสลวยสีดำตรงที่เคลื่อนไหวทุกครั้งที่เจ้าตัวขยับ ดวงตาคมเรียวสีอัลมอนด์ เครื่องหน้าสวยคมชัดสไตล์สาวสเปนพาให้คนมองใจสั่นไหว แม้เธอจะเป็นแค่อันดับ 3 เท่านั้น แต่ก็ทำให้คนที่พึ่งมาครั้งแรกอดที่จะตกใจไม่ได้ ถ้าอันดับ 3 สวยปานนางฟ้าเทียบชั้นนางเอกแถวหน้าได้สบายๆถึงขนาดนี้ แล้วอันดับหนึ่งจะขนาดไหนกัน...
สายตาคมเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองลงไปทางเวทีที่ชั้นสอง มองคนที่ก้าวเดินออกมาบนเวทีคนแรกด้วยสายตาพึงพอใจ พอใจมากที่ผลงานของเขาเฉิดฉายได้ขนาดนี้ด้วยระยะเวลาเพียง 1 เดือน จากอันดับ 10 ขึ้นสู่อันดับ 3 ไม่ง่ายเลยจริงๆ และอีกไม่นาน อันดับ 1 ก็คงได้มาอย่างง่ายดายถึงเวลานั้นสิ่งที่เขาปรารถนาก็คงอีกไม่ไกลเกินเอื้อม
บัตเตอร์สาวมองชายหนุ่มข้างกายที่กำลังมองเพื่อนร่วมอาชีพของเธอบนเวทีก็ยิ่งเบียดอกอวบอิ่มแน่นเข้ากับต้นแขนชายหนุ่มทันที
"ท่านคะ"
เสียงแหบพร่าเซ็กซี่ที่เรียก ทำให้เขาเบนสายตากลับมามองคนข้างกาย แค่เห็นแววตาของเธอ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอต้องการอะไร ชายหนุ่มยิ้มมุมปากให้เธอก่อนจะหยิบเม็ดยากลมเกลี้ยงสีชมพูเม็ดเล็กใส่เข้าปากของหญิงสาวที่เผยอรออยู่แล้ว ริมฝีปากเรียวบางดูดดึงนิ้วเรียวของชายหนุ่มทันทีที่มาถึงปากเธอ เธอหลับตาเคลิ้มถึงฝันที่เธอจะมีโอกาสยืนบนเวทีบ้าง เธอกลืนยาลงคออย่างไม่ลังเล และยังคงดูดนิ้วเอาใจชายหนุ่มต่อไป เขากระตุกยิ้มมองกระต่ายน้อยข้างกายที่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นแม่เสือสาว ทาสสวาทของเขาอีกคนแน่ๆ
จากเสียงดูดนิ้วยั่วเย้า เธอเลื่อนกายลงไปนั่งคุกเข่า มองเขาด้วยสายตายั่วยวนก่อนจะใช้ปากรูดซิบกางเกงเขาลงเบาๆ ชายหนุ่มมองเธอด้วยความพอใจ ให้เธอจัดการกับมันต่อไปอย่างไม่คัดค้าน เขาเอนพิงโซฟาแสนสบาย สายตาเลื่อนมองลงไปบนเวทีอีกครั้งด้วยสายตาเปี่ยมสุข เสียงกระซิบบางเบาข้างหูของมือขวาที่บอกเรื่องราวบางอย่างทำให้ดวงตาของเขาลุกโชนมากยิ่งขึ้น มุมปากแสยะยิ้มกว้าง ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดก็ได้
"หึหึ กำลังรออยู่เชียว ไวเทล เลโอนี"
---------------------------------------
เค้ามาแล้ววววววววววว มาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ยังไปไหนไม่ไกลและยังเปิดตัวละครลึกลับคนใหม่อีกต่างหาก 55555 ขอบคุณที่ติดตามและรอกันนะค่าาาา จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน อาจจะมาช้าบ้างแต่จะมาเรื่อยๆแน่นอนค่ะ
Taaeng
-
:pig4:
o13
-
คลื่นที่ 7
แสงไฟที่สว่างไสวแค่บนเวที ทำให้ทุกที่มืดสลัวจนยากจะมองหน้าใครออก แม้แต่การ์ดที่มักจะจำหน้าไวเทลได้ขึ้นใจก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนงามเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ามายืนข้างๆ แถมยังจ้องไปทางบนเวทีเขม็งไม่ต่างอะไรกับแขกคนอื่นๆที่ทุกคนต่างจ้องมองคนที่อยู่บนเวทีอย่่างหลงใหล
เสียงเพลงยั่วยวนเริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นนุ่มนวล เมื่อขาเรียวเล็กภายใต้กางเกงขาสั้นก้าวเดินออกมาจากความมืด ผิวขาวเนียนละเอียดที่สะท้อนแสงไฟจนเปร่งแสงระยิบระยับ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนรับกับเส้นผมหยักศกสีคาราเมลที่ล้อมกรอบใบหน้าจิ้มลิ้ม ดูเบาะบางน่าทะนุถนอมชวนให้คนอยากปลอบประโลมคนนัยน์โศกที่มักติดยิ้มบางเบา ดูราวตุ๊กตากระเบื้องเครือบชั้นดี สูงส่งล้ำค่า ควรค่าแก่การปกป้องดูแล
เฮอะ ก็แค่พวกอ่อนแอ
ไวเทลเบะปากใส่หมายเลขสองของผับอย่างหมั่นไส้และหงุดหงุด คนที่ดูราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ ดีแต่ยิ้มโง่ๆ เอะอะบีบน้ำตานี่มีอะไรดี แขกทั้งหลายรวมถึงใครบางคนถึงได้หลงนักหนา ยกย่องชูไว้สูง ว่าแล้วก็ตวัดตามองสิ่งมีชีวิตข้างกาย ที่เหมือนคนถูกมองจะไม่รู้ตัว เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองไวน์ที่มีบริกรถือใส่ถาดผ่านไปมา ฮืออออ เค้่าอยากกินจริงๆนะ ผีหนุ่มได้แต่มองตามไวน์ตาละห้อย ไม่สนใจบนเวทีสักนิด ไวเทลได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนจะจุดยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี และหันไปมองบนเวทีอีกครั้ง
ความหงุดหงิดที่สะสมมาทั้งวันเริ่มจางหาย ตามหาคนทรยศตัวจริงงั้นหรอ อย่างน้อยวันนี้ก็ก้าวหน้าไปหนึ่งอย่างล่ะนะ
ไวเทลกวาดสายตามองรอบๆทีหนึ่ง สลับกับมองบนเวทีและผีข้างกายทีหนึ่ง ก็เห็นว่าทุกอย่างยังปกติดี ท่าทางวันนี้คงได้เรื่องแค่นี้แหละนะ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ไวเทลก็เดินหันหลังเตรียมกลับไปนอนบ้านทันที
จังหวะที่หมุนตัวเดินออก ไวเทลได้ชนเขากับบริกรที่กำลังถือไวน์เข้าอย่างจัง จนไวน์สีแดงสดหกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาจนเป็นรอยด่างดวง ทำให้คนรักสะอาดตวัดตามองบริกรด้วยความหงุดหงิดทันที อะไรกันหนากันหนาว่ะวันนี้
"ขะ...ขอโทษครับ"
บริกรหนุ่ม เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของแขกก็หน้าซีดเผือกขอโทษขอโผย หาผ้าจะมาเช็คคราบไวน์ที่ตนทำหกอย่างลนลาน พอเห็นท่าทีเงอะงะแบบนั้นไวเทลก็ได้แต่กรอกตามองอย่่างเหนื่อยใจ เอาเถอะ ถือว่าเขาหันหลังไม่ระวังแล้วกัน
ไวเทลบอกบริกรเบาๆว่าไม่เป็นไร ก่อนจะมุ่งตรงไปทางห้องน้ำทันที ไม่สนใจสายตารู้สึกผิดเล็กน้อยของบริกรชายสักนิด
นอกจากแสงไฟบนเวที ก็มีแต่ห้องน้ำนี่แหละที่ยังมีแสงสว่างให้คนเดินเข้าเดินออกมาทำธุระได้ แต่เหมือนผู้คนจะมุ่งความสนใจไปที่เวทีกันหมด ทำให้ระหว่างทางมาห้องน้ำเงียบเชียบและไร้คนเดินสวน
ไวเทลเดินตรงไปที่อ่างล้างหน้า เปิดน้ำใส่ผ้่าเช็ดหน้าเบาๆแล้วนำมาเช็ดตรงที่ไวน์หกใส่ เขาไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะของน้ำพวกนี้เวลาอยู่บนตัวเลยสักนิด ได้แต่รีบเช็ดให้ความเหนียวหายไปสักหน่อยก็ยังดีแล้วค่อยไปอาบน้ำให้สบายตัวที่บ้านอีกที
เมื่อเช็ดคาบความเหนียวไม่สบายกายจนดีขึ้นในระดับหนึ่งไวเทลก็เดินเร็วๆออกจากห้องน้ำหวังจะรีบกลับบ้านไปอาบน้ำเต็มแก่ แต่จังหวะที่จะเลี้ยวออกจากห้องน้ำ สัญชาตญาณบางอย่างของเขาก็ทำงานทำให้ร่างกายหยุดชะงัก ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเมื่อขวดสเปรย์ที่ถูกยื่นมาจากหัวมุมทางออกห้องน้ำ ถูกฉีดใส่หน้าเขา แต่ไวเทลเบี่ยงหลบออกมาได้ทันอย่างฉิวเฉียด ใช่... ฉิวเฉียดเพราะมีบางส่วนที่กระทบหน้าเขาบางเบา แต่แค่นั่นก็ทำให้เขาถึงกับเซเพราะกลิ่นฉุนบางอย่าง เจ้าตัวตั้งสติ ยกมือปิดจมูกทันท่วงที คนหัวมุมห้องน้ำโผล่ออกมาเผชิญหน้ากับไวเทลอย่างว่องไว ยกมือจะสับลงหลังคอ แต่ไวเทลหมุนหลบยกขาเตะข้อพับอีกคนเข้าอย่างจัง คนชุดดำทรุดตัวลงกับพื้นทันที ไวเทลไม่รอช้า รีบวิ่งออกจากห้องน้ำ เพราะรู้แล้วว่าสติของตัวเองเริ่มเลื่อนลางลงทุกที อย่างน้อยเขาต้องออกไปที่ที่คนพลุกพล่านมากกว่านี้
คนชุดดำในห้องน้ำวิ่งตามหลังไวเทลออกมาทันทีที่ลุกขึ้นได้ ไวเทลหันกลับไปมองและสบถออกมาเบาๆ ลุกไวจริงนะ เขาวิ่งให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมซิกแซกบนทางเดินอย่างชำนาญมีสะดุดเซบ้างแต่ก็ยังตั้งสติได้
จังหวะจะเลี้ยวเข้าไปในโถงใหญ่ที่มีคนมากมายก็มีชายหนุ่มใส่แว่นตาดำ พุ่งออกมาจากมุมเลี้ยวฉีดสเปรย์เข้าหน้าไวเทลที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าอย่างจัง ไวเทลได้แต่เบิกตากว้างก่อนที่สติจะมืดลงล้มใส่อ้อมแขนคนตรงหน้าที่รอรับอยู่แล้วทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ถึงเสี้ยววินาที เงียบเชียบไร้เสียงไร้ร่องรอย และสื่อถึงคุณภาพของสเปรย์ยาสลบอย่างดีเยี่ยม
ชายชุดดำที่วิ่งตามหลังมาเห็นไวเทลในอ้อมกอดของเพื่อนก็เป่าปากโล่งใจที่งานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี แม้จะมีขรุขระบ้างก็ตาม
"ที่หลังระวังกว่านี้" เสียงเข้มหันไปบอกเพื่อนก่อนจะแบกไวเทลขึ้นบ่าพาไปอีกทางหนึ่งทันที
เสียงเฮที่ดังกระหึ่มทำให้เฟริซิโอสะดุ้งหลุดออกจากการมองตามแก้วไวน์ เจ้าตัวหันไปมองรอบๆว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมแขกถึงส่งเสียงดังขนาดนี้
"ทำไมเสียงดังกั..."
เฟริซิโอกะหันไปถามคนข้างกาย แต่ความว่างเปล่าตรงหน้าทำให้ผีหนุ่มหน้าขรึมลงทันที ไวเทลหายไปไหน และความไม่สบายใจบางอย่างก็พุ่งริ้วขึ้นมาเสียดแทงใจเขาทันที ลางสังหรณ์.... บ้าเอ๊ย คาดสายตาได้ไงว่ะ ผีหนุ่มได้แต่สบถด่าตัวเองก่อนจะลอยหายไปหาอีกคนทันที
"ไวท์"
อย่าเป็นอะไรเลยนะ
-------------------------------------
มัวแต่มองไวน์จนลืมน้องงงง ตามไปช่วยน้องเดี๋ยวนี้!!
นายเอกของเราจะขี้หงุดหงุดหน่อยๆ ? ให้อภัยน้องด้วยนะคะ อย่าพึ่งรำคาญน้อง น้องมีเหตุผลลลลล 555555
Taaeng
-
:กอด1: :pig4: :กอด1:
-
คลื่นที่ 8
"เมื่อไหร่จะฟื้นว่ะ"
"ไม่นานหรอก น่าจะอีกสักครึ่งชั่วโมงได้"
"เออ!! แต่ว่า...สวยชิบ"
"นั่นควีนของแก๊งเลยล่ะ"
"เอาได้ไหมว่ะ"
"หึ ก็ไม่แน่ รอคำสั่งนายก่อนดีกว่า"
"แล้วนายว่าไงบ้าง"
"นายบอกว่า...."
"เชี่ยยยย เออออ ลาภปากแล้วกู ฮ่าๆๆๆๆ"
แล้วนายบอกว่าอะไรว่ะ ทุกประโยคพูดดังเหมือนไม่กลัวใครได้ยินแท้ๆแต่ทำไมประโยคสำคัญถึงต้องเบาด้วยว่ะ ไวเทลได้แต่สบถด่าในใจ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงขมวดคิ้วหงุดหงิดไปแล้ว แต่นี่ต้องทำเป็นสลบหน้านิ่งแม้ในใจจะหงุดหงิดแค่ไหนก็ตาม
ใช่...เขาไม่ได้สลบอยู่อย่างที่พวกมันเข้าใจ เอาเข้าจริงก็เหมือนจะสลบไปวูบหนึ่งเหมือนกัน ยาสลบที่ฉีดมันโดนหน้าเขาเต็มๆจนเผลอสูดไปนิดหนึ่งแม้เขาจะรีบกลั้นหายใจแต่ก็ยังทำให้สลบไปวูบหนึ่งอยู่ดี ยาสลบบ้านี่มันแรงจริงๆ แต่ถือว่าโชคดีที่เขาสูดเข้าไปน้อยเลยฟื้นก่อนเวลา ยังพอมีเวลาถ่วงไปได้อีกสักพัก
ถ่วง...เพื่อให้คนของเขาเข้ามาช่วยและถ่วงเพื่อแอบฟังว่าใครมันจับเขามาและทำเพื่ออะไร
แต่ไอ้พวกนี้ก็พูดแค่นายๆ ทำไมไม่เอ่ยชื่อออกมาบ้างว่ะ ไวเทลได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายในใจ เอาเถอะไว้ค่อยจับไปเค้นหาความจริงก็ยังไม่สาย
ไวเทลอาศัยช่วงที่พวกโง่นี่คุยหัวเราะเสียงดัง กดกระดุมสีดำที่อยู่ตรงแขนเสื้อเบาๆ สองที ส่งให้คนของเขารู้ว่ายังพอมีเวลาอีกครึ่งชม. ก่อนหน้าที่เขาจะสลบเพราะยา สัญชาตญาณของเขากู่ร้องจนกดเข้าที่กระดุมไปหนึ่งทีแล้วตอนนี้คนของเขาน่าจะวุ่นวายกันแล้วล่ะ
กระดุมเม็ดนี้คือปุ่มสัญญาณลับที่ถูกติดเข้ากับเสื้อผ้าและอีกหลายที่ในร่างกายเผื่อมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น เขาจะได้กดขอความช่วยเหลือให้ทางแก๊งส่งคนมาช่วยเขาได้อย่างทันท่วงที แม้เขาจะไม่เคยใช่มันมาก่อนก็เถอะ เพราะปกติกรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก ศัตรูส่วนมากจะเพ่งเล็งไปที่บอสมากกว่าที่จะเป็นตัวเขาเอง แต่ไอ้บอสขี้ห่วงก็ยังให้เขาติดปุ่มสัญญาณพวกนี้ไว้กับตัวอยู่ดี ถือว่าความรอบคอบของบอสช่วยเขาได้ดีจริงๆ เพราะถึงเขาจะเป็นเลขาผู้เก่งกาจ แต่เขาก็เก่งงานเอกสารมากกว่า แม้จะได้เรียนศิลปะการต่อสู้มาพร้อมบอสตั้งแต่เด็ก แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่ได้เก่งการต่อสู้ขนาดมือซ้ายหรือการ์ดบอสเลยสักนิด แต่ถ้าให้พวกนั้นมานั่งโต๊ะจัดการธุรกิจพวกนั้นก็ทำไม่ได้เหมือนเขาเช่นกัน พวกครูฝึกและนายท่านเล็งเห็นตรงนี้ เลยฝึกให้เขาใช่เทคนิคในการเอาตัวรอดมากกว่าใช้กำลัง ด้วยรูปร่างและความสามารถ เขาไม่สามารถฝึกการต่อสู้แบบใช้กำลังเข้าสู้พวกตัวถึกได้แน่ๆ การมีเทคนิคจะทำให้เขาพอสู้กับพวกปลายแถวหรือถ่วงเวลาหาทางหนีพวกระดับกลางๆได้ และนี่แหละเลยเป็นเหตุให้บอสเอาพวกปุ่มติดตามสัญญาณขอความช่วยเหลือต่างๆมาติดให้เขาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่งครั้งนี้เขายอมรับว่าประมาทเกินไปจริงๆที่ไม่เอาการ์ดติดตัวมาด้วย เพราะคิดว่านี่ถิ่นเขาใครจะมาทำอะไรได้
“แต่เอาจริงๆกูก็อยากขึ้นไปชั้น 8 เหมือนกันนะ”
ประโยคนี้ของพวกที่ลักพาตัวเขามาทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ทันที
“คิดว่าระดับเราจะได้ขึ้นไปหรือไงว่ะ”
“ใช่ มีแต่พวกแนวหน้าทั้งนั้นแหละที่ได้ตามนายขึ้นไป”
“ก็แค่หวังไหมว่ะ เห็นเขาว่าชั้นนั้นเด็กแจ่มสุดๆ”
“อยากดูคนแจ่มๆดูนี่ก็ได้ไหมว่ะ แจ่มเหมือนกัน”
ว่าแล้วก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของไวเทลลงสามเม็ด เผยให้เห็นอกขาวเนียนไร้ที่ติและเม็ดเชอรี่เย้ายวนร่ำไร ไอ้พวกบัดซบนี่นิ!!
“ซี๊ดด เด็ดจริงโว๊ยยย”
“ฮ่าๆๆ ต่อให้เป็นไอ้พวกแถวหน้าก็ต้องอิจฉาพวกเราเว้ย”
“แม่ง เมื่อไหร่บอสจะคุยเสร็จว่ะ อยากทดสอบยาจะแย่อยู่แล้ว”
“หึหึ รออีกนิดสิเว้ย”
แล้วพวกมันก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนไวเทลคิ้วกระตุก เหอะ คิดจะทำอะไรเขาน่ะหรอ อย่าหวัง!!
ปัง !!
เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงทำให้พวกที่อยู่ในห้องสะดุ้งหันไปมองทางประตูไปตามๆกัน ร่างใหญ่บึกบึนให้ชุดสูทสีดำสนิท ทำให้คนในห้องต่างกลืนน้ำลายหน้าซีดทันที
“ละ...ลูกพี่ มะ...มีอะไรหรอครับ”
ร่างสูงผลักคนที่ถามให้พ้นทาง จนคนโดนผลักส่งเสียงร้องตกใจออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ไวเทลจะได้ยิน สัญชาตญาณของเขาตื่นตัวทันที มีอะไรบางอย่างผิดปกติ ร่างสูงใหญ่ยืนมองคนที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆด้วยสายตาเป็นประกาย รอยยิ้มถูกจุดที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือหวังไปจับคนแกล้งสลบให้ลุกขึ้นมา
วินาทีที่ปลายนิ้วแตะที่ต้นแขนบางเบา ไวเทลลืมตาพรึ่บ สะบัดหมอนฟาดใส่หน้าคนตรงหน้าสุดแรง ทำให้ร่างสูงใหญ่ชะงักทันที ไวเทลไม่รอช้ากระโดดลงจากเตียงวิ่งไปทางประตู แต่พวกที่อยู่ตามรายทางแม้จะตกใจแต่ก็พอจะไหวตัวทันวิ่งเข้ามาสกัดไวเทลทันที คนที่ดูอ้วนที่สุดวิ่งมากะกระแทกไวเทลให้ล้ม แต่ไวเทลกระโดดเหยียบไปที่พุงให้ร่างกายถูกส่งขึ้นไปสูงๆ ตีลังกาข้ามหัวไอ้อ้วนไปได้เป็นอย่างดี แต่คนผอมสูงที่ถูกผลักตั้งแต่แรกวิ่งเอาไม้ฝาดมาจากทางขวาจุดที่ไวเทลกระโดดลงมา ไวเทลโยกตัวหลบไปทางซ้ายรอดจากไม้อย่างหวุดวิด ไวเทลกลิ้งออกซ้ายก่อนจะลุกขึ้นเตรียมวิ่งไปทางประตู แต่แล้วก็มีคนที่ตัวเล็กๆกระโดดมาขวางหน้าประตูทันที
ไวเทลพุ่งเข้าหาทันที ยกสองมือที่ยังมีกุญแจคล้องอยู่จับหมุนคอคนตรงหน้าไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว จนคนโดนหมุนคอทรุดลงกับพื้นหมดลมหายใจไปทันที เขาหมุนประตูวิ่งออกไปอย่างไม่คิด แต่แค่ก้าวออกไปก็ชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ที่ยืนหน้านิ่งอยู่หลังประตู กำแพงมนุษย์ร่างสูงใหญ่ผมทองมองลงมาแสยะยิ้มใส่ไวเทล ไวเทลจิ๊ปากหนึ่งทีก่อนจะก้าวถอยหลังก้าวแต่จังหวะที่ก้าวถอยหลังก็มีแขนใหญ่มาล็อคคอเขาไว้ ไวเทลจับที่แขนข้างนั้นก่อนจะทุ่มลงพื้นไปทางกำแพงมนุษย์ทางประตู คนที่อยู่ตรงประตูปัดคนที่ถูกฟาดมาทางตัวเองทันที เขาอาศัยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวหลบออกนอกประตูได้สำเร็จ เขาวิ่งสุดฝีเท้า
แต่แล้วอยู่ๆประตูห้องพักห้องข้างๆก็เปิดมากระแทกใส่ตัวเขาเต็มๆจนกระเด็นไปโดนคนผมทองที่วิ่งตามหลังมา มันจับเขากดลงพื้นล็อคท้ายทอยและกลางหลังทันที ไวเทลพยายามสะบัดตัวออกแต่ไม่สำเร็จเลยได้แต่นอนถอนหายใจฟึดฟัด ขายาวในกางเกงสเล็คก้าวออกมาจากห้องที่เปิดประตูมากระแทกตัวเขา ไวเทลมองขึ้นไปจนเห็นคนผมสีขาวที่มีรอยบากที่ลากยาวจากคิ้วมาจนถึงข้างแก้ม มันมองลงมาทางเขาอย่างหยามเหยียดก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้าและจับกระชากหัวไวเทลให้เงยมองหน้าเจ้าตัว
"หึ เก่งจังนะ เป็นแค่เลขาแท้ๆ"
ไวเทลจ้องมองคนตรงหน้านิ่งด้วยสายตาไม่มีแววสั่นกลัว ฟอรท์กระตุกยิ้มมุมปากเหมือนเจอของถูกใจ เพราะถ้าพังง่ายๆก็ไม่สนุกน่ะสิ
ฟอรท์จับผมไวเทลให้แหงนหน้าขึ้นไปอีก ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาจากในกระเป๋ากางเกงออกมา ไวเทลมองเข็มฉีดยาที่มีน้ำสีชมพูใสอยู่ข้างในอย่างแข็งกร้าว
"แกจะทำอะไร"
"หึ เดี๋ยวก็รู้" ฟอรท์กดเข็มเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอของไวเทลทันที ไวเทลไม่ทันจะสะบัดดิ้นหนี น้ำยาสีชมพูก็ถูกฉีดใส่เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว บัดซบเอ๊ย!!
"ยินดีต้อนรับสู่โลกของความหฤหรรษ์นะ คุณเลขา"
------------------------------------------
กรี๊ดฉากบู๊มันยากจริงเลยค่าาาา
เจอคำผิดบอกได้นะคะ เม้นติชมได้เสมอจ้าาา
-
คุณเลขาอย่าเป็นอะไรนะ :sad4:
-
คลื่นที่ 9
"เร็วสิ!! เกินเวลาแล้วเนี่ย "
ชายร่างท้วมเร่งเด็กที่ตัวเองเรียกมาสนุกฆ่าเวลาก่อนจะถึงเวลาตีหนึ่ง แต่เหมือนจะสนุกเพลินเกินไปนิดจนเลยเวลามาหลายนาทีแล้ว บ้าชะมัด!!
"เสร็จแล้วค่าาา"
สาวน้อยร่างเล็กขานรับเสียงใส พร้อมกับรูดซิปกระโปรงไปเดินไปหาคนที่เร่งเธอไป หึ!สมน้ำหน้า มัวแต่มากตัณหาจนลืมเวลา งี้แหละพวกไม่มีปัญญาซื้อพวกคิวทองก็ได้แต่หันมาซื้อเด็กเกรดล่างๆแบบพวกเธอ ขอโทษเถอะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กเกรดล่างอย่างเธอ จะมีใครอยากนอนกับพวกตัวเหม็นแบบนี้ไหม แต่ถึงจะบ่นจะด่าลูกค้าในใจขนาดไหนใบหน้าก็ยังคงยิ้มแย้มเดินมาเกาะแขนออเซาะอย่างน่ารัก
ชายกลางคนรีบเดินไปเปิดประตูทันทีที่สาวน้อยเดินมาเกาะแขนแล้วอย่างรีบร้อน
ผลัวะ
เสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นมากระทันหัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงทางเดินหันไปมองทันที แม้จะเป็นเวลาแค่สั้นๆไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกแต่มันก็สามารถทำให้คนที่จับกดไวเทลลงกับพื้นชะงักเผลอคลายแรงที่กดลง ไวเทลที่ปรายตามองเพียงเสี้ยววิเห็นคนที่เปิดประตูเป็นแขกก็ไม่รอช้า ดีดตัวจากแรงกดที่ถูกคลายวิ่งไปทางบานประตูที่พึ่งถูกเปิดออกทันที
ฟอร์ทที่ไหวตัวทัน พุ่งตามไวเทลไปติดๆ ไวเทลได้แต่จิ๊ปากขัดใจทันทีที่เห็นว่าฟอร์ทตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเขาทันทีแบบนี้
ไวเทลไม่มีทางเลือก เขาคว้าหญิงสาวที่ยืนตกใจอยู่ปลายเอื้อมมือโยนเข้าใส่ฟอร์ทที่กำลังจะถึงตัวเขาเข้่าอย่างจังจนทั้งคู่ล้มลงกับพื้น ไวเทลอาศัยจังหวะนี้วิ่งเข้าห้องล็อคประตูอย่างแน่นหนา
ฟอร์ทโยนหญิงสาวไปด้านข้างอย่างไม่สนใจ วิ่งไปหมายจะเปิดประตูห้องแต่ก็ไม่ทัน มันถูกล็อคจากข้างในแล้ว ฟอร์ทได้แต่ทุบประตูอย่างหัวเสีย
"บัดซบ"
เพราะเขารู้ดีว่าประตูทุกบานของที่นี่แน่นหนาขนาดไหน ถ้าไม่มีรีโมทบังคับเปิดจากหัวหน้าของที่นี่หรือคีย์การ์ดห้องต่อให้ใช้แรงช้างสารทขนาดไหนก็ไม่สามารถทำลายประตูได้...
คีย์การ์ด!! ฟอร์ทตวัดสายตาไปมองทางชายร่างอ้วนทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งเลิ่กลั่กเห็นสายตาคมดุที่จ้องมองมาก็รู้ทันทีว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร เขารีบคว้านหาคีย์การ์ดไปทั่วตัว ก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มแห้งๆใส่ฟอร์ทเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาลืมหยิบคีย์การ์ดออกมา ให้มันได้อย่างนี้สิว่ะ!! ฟอร์ทเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“มันหนีไปได้”
“...”
“อืม”
ฟอร์ทกดตัดสายทันทีที่อีกฝ่ายสั่งการเสร็จสิ้น เขามองไปที่ประตูบานนั้นก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“หึ จะรอดไปได้นานแค่ไหนกันเชียว”
ภายในห้องมืดมิด ไวเทลนอนกอดตัวเองอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน ไม่สิ ต้องบอกว่าเขาขยับไปไหนไม่ได้ต่างหาก เขาหอบหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เหงื่อผุดซึมทั่วกรอบหน้าขาว ทันทีที่ปิดประตูได้ร่างกายของเขาก็มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ไวเทลได้แต่กัดฟัน จิกเล็บเข้ากับต้นแขนแน่นเพื่อพยายามประคองสติตัวเองให้ได้นานที่สุด พวกบ้านั่นมันบังอาจฉีดยาปลุกเซ็กซ์ใส่เขา บ้าชะมัด!!
ไวเทลพยายามกดไปที่กระดุกสีดำที่ปลายแขนเสื้อด้วยมืออันสั่นเทาย้ำๆ สื่อให้ทีมช่วยเหลือรู้ว่าเขาไม่อาจรีรออะไรได้อีกแล้ว เพราะยาที่ถูกฉีดมานี้มันมีฤทธิ์รุนแรงมากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้
สติของเขามันน้อยลงทุกทีจนน่าใจหาย
ไวเทลพ่นลมหายใจเข้าออกก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นมา ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดคลานไปทางห้องน้ำหวังว่าน้ำเย็นจะช่วยถ่วงเวลาให้เขาได้บ้างนะ
เฟริซิโอ้ลอยวนอยู่แถวชั้นสามอย่างลนลานสองตามองหาใครบางคนที่เขาหวังว่าจะเจอในไม่ช้านี้ ไวท์...คุณอยู่ไหนกันแน่!! เขาพยายามหาไวเทลทั่วทั้งชั้นสองจนหมดทุกที่ก็ไม่มี เขาเลยขึ้นมาหาที่ชั้นสามแต่ก็ยังไม่เจอ หัวใจของเขามันเต้นรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ลางสังหรณ์เริ่มเด่นชัดขึ้น ยิ่งสัญชาตญาณทำงานมากแค่ไหนเขายิ่งกังวลถึงไวเทลมากขึ้นเท่านั้น
สองตาของเขากวาดมองทุกพื้นที่ สองหูเปิดรับฟังเพื่อฟังเสียงคนที่ตามหา โชคดีที่เสียงดนตรีเบาลงกว่าปกติเพราะการโชว์ตัวของ 3 อันดับร้านไม่จำเป็นต้องใช้เพลงบีทหนักๆ เขาเลยสามารถเปิดประสาทรับฟังได้มากกว่าปกติ และเขามั่นใจต่อให้เสียงไวเทลเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน
"เกือบไปแล้วไหมล่ะ เพราะความชักช้าของเธอแท้ๆ"
ชายร่างอ้วนหันไปโวยสาวข้างกายด้วยใบหน้าซีดซียวและเหนื่อยหอบ ถ้าเมื่อกี้เขาไม่วิ่งหนีออกมาทันทีที่หาคีย์การ์ดให้คนหน้าดุไม่เจอ เขาอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ นี่ดีแค่ไหนที่พวกมันไม่วิ่งตามมาฆ่าเขา หญิงสาวที่เดินลูบแขนที่มีรอยแดงจางๆหันขวับไปมองค้อนใส่คนโวยวายใส่เธอทันที
" นั่นเพราะความมักมากของแกต่างหาก"
"ว่าไงนะ!!"
"หรือไม่จริง! ถ้าแกไม่มัวแต่จะเอาไม่ลืมหูลืมตาป่านนี้ก็ไม่ต้องมาเจอพวกนั่นหรอก"
"อีนี่ มึงไม่มีสิทธิ์มาด่ากูแบบนี้!"
"เหอะ! เพราะมึงแหละกูถึงซวยไปด้วย"
เสียงด่าทอโวยวายใส่กันของคนสองคนที่ทางขึ้นลงบันไดของชั้นสี่และชั้นสามทำให้เฟริซิโอ้หันไปมองเล็กน้อยก่อนจะลอยผ่านไปเพื่อขึ้นไปหาชั้นสี่บ้างเพราะชั้นสามเขาก็หาจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้วเหมือนกัน แต่จังหวะที่กำลังจะบินผ่านสองคนนั้น ประโยคบางอย่างที่หลุดออกจากการด่าทอกันกลับทำให้เขาชะงักทันที
"แล้วก็ยืนโง่ๆให้ผู้ชายสวยๆนั่นโยนไปทางไอ้โหด สมควรแล้วที่จะแดงช่ำแบบนี้"
"อยู่ๆมีคนเหมือนจะมีเรื่องกันอยู่หน้าห้อง ใครจะไม่ตกใจบ้างเล่า"
"แต่ก็ไม่ควรยืนโง่ๆให้เขาโยนเล่นไหม"
"ฉันไม่ได้ยืนโง่ๆ!"
"นี่ดีแค่ไหนที่ไอ้หัวขาวไม่ยิงเราทิ้งเพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนสวยๆคนนั่นหนีเข้าห้องไปได้ อ่า... ถึงจะเห็นแค่แวบเดียวแต่ก็เป็นผู้ชายที่สวยชะมัดเลย" พอพูดถึงแล้วก็แสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มหื่นกระหายทันที
"ไอ้แก่ตัณหากลับ เวลาจะเป็นจะตายยังจะหื่นได้อีกหรอว่ะ"
"เรื่องของกูโว๊ย!!"
ผู้ชาย? สวย? มีเรื่อง? ไวท์หรอ ถึงจะไม่มีคำพูดไหนหลุดชื่อไวเทลออกมา แต่ผู้ชายที่สวยขนาดมองเพียงแปปเดียวและยังอยู่ในสถานการ์ณอันตรายยังทำให้คนอื่นเคลิบเคลิ้มได้จะมีกี่คนกันเชียว ขนาดอันดับสองของที่นี่ยังทำไม่ได้เลย!!
ไม่รอช้าเฟริซิโอ้พุ่งตัวไปทางชั้นสี่ทันที ทางเดินที่ว่างเปล่าทำให้เขาใจหายวูบ เขากวาดตามองตามพื้นตามประตูหาร่องรอยบางอย่าง อย่างละเอียด จนมาถึงเกือบสุดทางเดิน ตรงนี้มีร่องรอยเหมือนมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น เฟริซิโอ้ไม่รอช้าเขาทะลุประตูเข้าห้องๆหนึ่งบริเวณนั้นทันที ในห้องนี้มีแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่า ห้องน้ำก็ไร้คนอยู่อาศัย เขาออกจากห้องนั้นทะลุอีกห้องหนึ่งใกล้ๆกันทันที สิ่งที่เขาเห็นไม่ต่างกันกับอีกห้อง ห้องที่มีแต่ความมืดมิดและว่างเปล่าไร้ผู้คนแต่ห้องนี้กลับมีเสียงฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำบางเบา
ไวเทลกอดตัวเองแน่นขึ้น เอื้อมมืออันสั่นเทาไปหมุนฝักบัวจนสุด สายน้ำเย็นฉ่ำที่รินรดกายเปียกชุ่มไปทั้งตัว ทั้งๆที่น้ำหนาวเย็นขนาดนี้แต่ก็ไม่อาจลดทอนอุณหภูมิร่างกายที่ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆนี้ได้เลย เขาทำได้เพียงจิกเล็บบนต้นแขนตัวเองเท่านั้น สติเริ่มเลือนลางลงทุกที ความใคร่ครอบงำไปทั่วสมอง เขาต้องการ เขาอยากปลดปล่อยความทรมาน ได้โปรดใครก็ได้ช่วยเขาที ช่วยเขาจากความทรมานนี้ที...
"ไวท์!!!"
เสียงตะโกนคุ้นหูของใครบางคนฉุดสติที่เริ่มจางหายกลับมา เสียงตะโกนแห่งความห่วงใยทำให้เขาปรือตามองช้าๆ
สีเขียว...นั่นคือสิ่งแรกที่เขาเห็น สีเขียวที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง แต่ตอนนี้สีเขียวนั้นฉายชัดหลากหลายอารมณ์ ห่วง กังวล กลัว หึ! คนที่ชอบยิ้มใส่คนอื่นหน้าตายก็ทำหน้าตื่นตูมได้เหมือนกันสินะ ไวเทลยิ้มน้อยๆให้กับความห่วงใยตรงหน้า หัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความต้องการเมื่อคู่กลับอบอุ่นวาบขึ้นมาจนเหมือนความใคร่จะจางหายไปชั่วขณะ
"ฟ...เฟย์..."
น้ำเสียงแหบพร่าที่เรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกไม่ได้ทำให้เขาดีใจสักนิด เฟริซิโอ้มีแต่ความกังวลอยู่เต็มหัวใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ไวท์..."
เขายื่นมือไปกะพยุงคนงามที่นอนคุ้ดคู้ขึ้นมา แต่แค่เพียงแตะต้นแขนบางมือของเขาก็ทะลุผ่านตัวไวเทลไปอีกด้านทันที เหมือนมีอะไรสักอย่างพังทลาย ไม่ว่าจะพยายามกวาดมือจับอีกคนแค่ไหน ก็เป็นเพียงภาพอันเลือนลางผ่านตัวไวเทลไปมาเท่านั้น เขากำมือตัวเองแน่นขึ้น จ้องมองไปที่ไวเทลด้วยดวงตาแดงก่ำ แม้แต่ตอนที่กำลังจะตายเขายังไม่เสียใจเท่านี้ ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
ไวเทลมองดวงตาสีเขียวที่น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ มองมือหนาที่พยายามจะจับเขาแต่ก็ทำไม่ได้นั่นด้วยความเจ็บปวดใจ เขาเข้าใจ เขารู้ และเขาไม่ชอบเลย เขาชอบดวงตาสีเขียวที่ประกายความสดใสนั่นมากกว่าเสียอีก
"จะ...เจ้าโง่"
ไวเทลด่าคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เอาจริงๆก็น่าแปลก เมื่อกี้ยังทุรนทุรายจะเป็นจะตาย ได้แต่อาศัยความเจ็บประคองสติ มาตอนนี้แค่เห็นอีกคนเจ็บปวดเพราะช่วยเขาไม่ได้ ความร้อนรุ่มทรมานก็เหมือนจะจางหาย เรี่ยวแรงที่หดหายก็เหมือนจะกลับมามีแรงอีกครั้ง มันน่าแปลกจริงๆนั่นแหละ
"วะ...ไวท์"
"ตะ...ตัวก็ใหญ่ มาร้องไห้แบบนี้มันน่าเกลียด"
"...."
"ไป...ไปซะ"
"มะ..."
"นายช่วยฉันไม่ได้หรอก"
ไวเทลยิ้มบางเบาให้คนตรงหน้าที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขี้แยจังนะ...
"แต่นายให้คนอื่นมาช่วยฉันได้"
เฟริซิโอ้ตาโตอ้าปากค้าง แววตาของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง เขายิ้มกว้างตาหยีใส่ไวเทลทันที
" ไวท์!! คุณรอก่อนรอผมนะ ผมจะไปตามคนมาช่วย"
ไวเทลมองรอยยิ้มกว้างอย่างกับเด็กๆก็ได้แต่ยิ้มมุมปากขำๆ ก็ดีว่าสีหน้าเสียใจนักหนานั่นแหละนะ
"อืม"
"ไม่นานผมจะรีบกลับมา"
"ไปสักทีเถอะน่า"
เฟริซิโอ้มองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใยก่อนจะพุ่งตัวออกนอกห้องน้ำไปตามหาใครบางคนที่หวังจะช่วยไวเทลได้ทันที
ไวท์...อดทนอีกนิดนะ
ไวเทลมองเหม่อไปทางกำแพงที่ใครบางคนพึ่งทะลุออกไป
หึ! บ้าชะมัด ใครเขาจะมองเห็นนายกัน เขาได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น ไม่รู้อีกคนสติแตกหรือโง่ไม่ทันคิดถึงความจริงเรื่องนี้กันแน่ แต่มันก็คงดีกว่ามองตาแดงๆน่าสงสารที่ทำอะไรไม่ได้คู่นั่นล่ะนะ
ไวเทลนอนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า เมื่อกี้เขาเผลอดีใจขึ้นมาจริงๆ ที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญความทรมานคนเดียว แม้จะเจ็บที่ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำเพราะเขา แต่ก็ดีใจที่มีใครอีกคนทรมานเป็นเพื่อน ย้อนแยงจริงๆ
ตึกตัก ตึกตัก
"อึก"
ไวเทลทรุดลงกอดตัวเองแน่นทันทีที่อยู่ๆหัวใจก็เต้นเร็วรัว อุณหภูมิร่างกายสูงปี๊ดพุ่งพรวดขึ้นมาจนไม่อาจระงับอะไรได้อีกแล้ว เขาต้องการปลดปล่อย...
มือเรียวขาวเอื้อมไปถอดเข็มขัดอย่างรีบร้อน ไวเทลจิ๊ปากกับความชักช้านี้ เขาจะไม่ไหวแล้วนะ เมื่อถอดได้เขาก็ไม่รอช้ารูดกางเกงสเล็คและซับในลงทันที มือขาวจับเข้ากับความแข็งขืนที่มีน้ำใสปริ่มรดรอการปลดปล่อยมาเนิ่นนาน เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความกระสัน ทั้งเหงื่อและน้ำเย็นอาบชโลมผิวหน้าและผิวกายจนแยกไม่ออก
"อืมมม"
เขากัดริมฝีปากล่างอย่างอดกลั้น ขยับมือขวาให้เร็วขึ้นสุดกำลัง หัวสมองขาวโพลนคิดเพียงแค่จะกำจัดความร้อนรุ่มนี้ออกไป ความทรมานที่รอการปลดปล่อยมาเนิ่นนานทำให้ไวเทลอดกลั้นไว้ไม่ไหวทะลักทลายเหมือนเห็นแสงดาวพร่างพรายอยู่ตรงหน้าทันที มือขวาที่อ่อนปวกเปียกตกลงข้่างตัวเมื่อสมปรารถนา เสียงหอบหายใจดังก้องห้องน้ำผสมผสานเข้ากับเสียงน้ำไหล แต่ยังไม่ทันได้หายใจให้สงบ ความร้อนก็พุ่งขึ้นมาอีกรอบจนคนงามน้ำตารื่น เขาจะไม่ไว้อยู่แล้ว เหมือนการปลดปล่อยเมื่อกี้มันไม่เพียงพอเลยสักนิด เขาต้องการ ต้องการใครก็ได้มาช่วยปลดเขาจากความทรมานนี้ ไวเทลกัดปากจนเลือดซิบก่อนจะหลับตาขยับมือขวาขึ้นมาอีกครั้ง
ปัง
"แม่ง! ลูกค้าลืมปิดน้ำหรือไงว่ะ"
ไวเทลขยับมืออย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงเปิดประตูและเสียงสบถของใครเลย เขาหวังเพียงพาตัวเองออกจากความทรมานนี้เท่านั้น อ่า...อีกนิด
แก๊ก
"จริงๆเล...เฮ้ย!!"
"อ่าาา"
ชายหนุ่มในชุดทำความสะอาดเบิกตากว้าง จ้องมองน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งขึ้นมาตกตรงปลายเท้าเขาอย่างตะลึง ชายหนุ่มมองร่างสมส่วนที่นอนหายใจหอบระรัว ใบหน้างามแดงกล่ำชวนมอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกน้ำจนแนบเนื้อเห็นยอดอกรำไร เรียวขาขาวผ่องเบียดบิดเข้าหากันไปมาจนทำให้คนมองตาพร่า กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คะ...ใครว่ะ สวยกว่าเด็กเรียกแขกอันดับหนึ่งของที่นี่ซะอีก!!
ไวเทลปรายตามองไปทางประตูอย่างเหนื่อยหอบ เขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลอะไร ความร้อนสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้งจนสติของไวเทลแตกกระเจิง เขาต้องการแค่เพียงการปลดปล่อย ไม่สนอะไรอีกแล้ว!!
ไวเทลพยุงตัวขึ้นช้าๆเอื้อมมือไปจับขาชายหนุ่มอย่างสั่นเทา ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับจ้องคนงามที่ค่อยๆลุกขึ้นมาจับเข็มขัดเขาเขม็ง เขาจ้องมองดวงตาเรียวสวยที่ช้อนขึ้นมองอย่างเว้าวอน ริมฝีบากอิ่มแดงกล่ำที่เผยอเล็กน้อยจนใจสั่นไหว
"ชะ...ช่วยด้วย"
เสียงแหบพร่าเซ็กซี่ที่ร้องขอและน้ำตาที่คลอหน่วยทำให้ชายหนุ่มสติขาดผึงทันที เขาพุ่งเข้าไปจับกดไวเทลลงกับพื้น ซุกไซร้ซอกคอขาวอย่่างกระหาย ไวเทลเอียงคอให้ชายหนุ่มซุกได้ถนัดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้ภายในส่วนลึกของจิตใจจะตะโกนให้เขาผลักชายหนุ่มออกไป แต่สมองและร่างกายกลับไม่ขยับ มันต้องการ ต้องการอีก มากกว่านี้...ไวเทลอ้าขาเปิดทางกว้าง มองคนบนตัวอย่างยั่วยวน ชายหนุ่มเลียปากอย่างกระหาย ก่อนจะยืดตัวขึ้นรีบร้อนปลดเข็มขัดทันที แต่ยังไม่ทันจะดึงกางเกงลง เสียงเปิดประตูหน้าห้องก็ดังสนั่น
ไวเทลนอนหายใจหอบระรัว ดวงตาจ้องมองตรงหน้าอย่างพร่าเบลอ เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดังจากที่ไกลๆ ไกลมากๆ ความหนักของชายหนุ่มบนตัวหายไปแล้ว...ไม่นะ ช่วยเขาก่อน ไวเทลชูมือหวังคว้าใครสักคนตรงหน้าแต่ก็เจอแต่ความวางเปล่า เสียงสะอื้นดังคลอในลำคออย่างทรมาน
"ไวท์!!"
เสียงคุ้นหูดังจากที่ไกลๆ ใครกัน ใครก็ได้ ช่วยเขาที ดวงตาพร่าเลือนพยายามมองหาคนที่สามารถช่วยได้ แต่ก็เลือนลางลงเต็มทน เขาเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่สวยงาม สีเขียวเย็นชา สีเขียวที่เคยชอบทำไมตอนนี้แปลกไปจากเดิมจังนะ ความคิดสติสับสนวุ่นวายตีกันมั่วไปหมด รับรู้เพียงความเจ็บจี๊ดที่ต้นคอก่อนสติของเขาจะดับวูบลงทันที...
-------------------------------------------
เค้ามาแล้วววววววววววว ฮือออขอโทษที่หายไปนานนะคะ เพราะเดือนที่ผ่านมามัวแต่รับงานทั้งเดือนจนอาทิตย์ที่ผ่านมาน็อคไม่สบายไปเลยจ้าา
เลยไม่ได้มาอัพให้เลยยย ตอนนี้เลยจัดเต็ม จัดไปยาวๆ ถือว่าเป็นตอนที่ยากสำหรับเราอีกตอนเลย หลายคนอาจจะสงสัยทำไมมันบู๊กันเร็วจัง เค้าอยากจิบอกว่า นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอ๊งงงง เรื่องนี้ยังมีอะไรอีกเยอะเลยค่าาา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
เม้นกำลังใจของทุกคนเป็นแรงฮึดสำหรับเค้ามากๆเลย เม้นนิดเม้นหน่อยให้เค้ารู้ว่ามีคนอ่านอยู่ เค้าก็มีแรงปั่นนิยายตอนต่อไปแล้ววววว
Taaeng
-
o13
:pig4:
-
คลื่นที่ 10
เฟริซิโอพุ่งตรงมาทางชั้น 3 ทันที เขากวาดสายตามองหาใครบางคน ใครบางคนที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวในตอนนี้ ใครบางคนที่จำได้ว่านั่งแถวนี้...
กึก
เฟริซิโอลอยคว้างนิ่งงันไปกลางอากาศทันทีที่สบตาเข้ากับคนที่เขาตามหา คนคนนั้นมองตรงมาทางเขาอย่างไม่หลบเลี่ยงเหมือนเมื่อตอนที่เขามาตามหาไวเทลเมื่อกี้ไม่มีผิด
ในช่วงเวลาที่ทุกผู้คนสนใจบัตเตอร์ผู้งดงามบนเวที เสียงโห่ร้องและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มทำให้ผู้คนคึกคักจับจ้องบนเวทีไม่วางตา แต่มีเพียงคนคนเดียวในมุมมืดของชั้น 3 ที่มองตรงมาทางเขา จ้องสบตากับเขาไม่หลบเลี่ยงเหมือนมองเห็น เห็นผีที่ไร้ตัวตนแบบเขา...
"คุณ... มองเห็นผมใช่ไหม"
เฟริซิโอจ้องสบดวงตาสีเขียวเย็นชา ใบหน้าคมแกร่งและกรอบแว่นทำให้เขาดูทรงภูมิอย่างประหลาด แค่อยู่เฉยๆก็พาให้ผู้คนนอบน้อม ดวงตาของเฟริซิโอฉายแววถึงความสั่นไหว ดีใจ ร้อนรน และเป็นห่วงอย่างชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ดวงตาของเขาก็ฉายแววสิ้นหวัง เมื่อคนคนนั้นเพียงมองตรงมานิ่งๆเหมือนเดิมไม่ขยับ แม้แต่ความวูบไหวในดวงตาก็ไม่มีให้เห็นสักนิด
เฟริซิโอเริ่มคิดว่าหรือเขาคิดผิด คนคนนี้อาจจะมองไม่เห็นเขา นอกจากไวเทลก็ไม่มีใครมองเห็นเขาอีกแล้ว ใบหน้าของผีที่อารมณ์ดีอยู่เสมอเศร้าหมองลงทันที
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"
เสียงทุ้มติดเย็นชาที่เอ่ยขึ้นมาเรียบๆทำให้เฟริซิโอตาโตหันขวับไปมองคนพูดทันที เมื่อกี้นี้มัน...
ดวงตาที่ฉายชัดถึงความหวังทำให้คนมองกระตุกมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอีกรอบ
"ว่าไง จะตอบได้หรือยัง"
เฟริซิโอตาโต เมื่อกี้เขาไม่ได้หูฟาด!! ผีหนุ่มลอยไปตรงหน้าคนพูดทันที
"คุณ...ได้โปรด ช่วยพวกเราด้วย"
ชายหนุ่มมองผีตรงหน้าที่เอ่ยประโยคขอร้องด้วยดวงตาสั่นไหว ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"ทำไมฉันจะต้องช่วยนาย"
"ผม..."
"ผีก็อยู่ส่วนผี อย่ามายุ่งกับคน"
เสียงตอบกลับเย็นชาพาใจเฟริซิโอหล่นวูบลงทันที เจ้าตัวหันไปรินไวน์ยกขึ้นมาจิบไม่แยแสใคร แถมยังเป็นไวน์แดงปี 1978 อีกต่างหาก เห็นแบบนี้ก็อดคิ้วกระตุกด้วยความโมโหไม่ได้ ไอ้ขี้เก๊กเอ้ย แต่ถึงจะหงุดหงิดกับท่าทางกวนโอ๊ยไม่แยแสแค่ไหน แต่เขาจะใจร้อนไม่ได้ เพราะนี่คือความหวังเดียวของเขาที่จะสามารถช่วยไวเทลได้ในตอนนี้ เขาสูดหายใจเขาลึกๆ ยืดตัวตรงก่อนโค้งขอร้องคนตรงหน้าอีกรอบ
"ได้โปรดเถอะครับ"
เสียงดังฟังชัดที่หนักแน่นทำให้ชายหนุ่มปรายตามองผีตรงหน้าอีกครั้ง
"ผมเป็นนักธุรกิจ"
เสียงเรียบเอื้อนเอ่ยประโยคที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาร้องขอ แต่เฟริซิโอก็เงยหน้าขึ้นฟังคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ
"และจะไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุน"
แค่นี้เฟริซิโอก็เข้าใจความหมายได้ทันที เขามองสบตาคนตรงหน้าไม่หวั่นไหว เอ่ยถ้อยคำหนักแน่นมั่นคงจริงจัง
"ทุกอย่าง ผมยินดีทำตามสิ่งที่คุณต้องการทุกอย่าง"
"ผีอย่างนายจะทำอะไรได้"
"..."
เฟริซิโอเม้มปากอย่างเคร่งเครียด คนคนนี้พูดถูก ถ้าเป็นตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำได้หลายอย่าง แต่ตอนนี้แค่จะจับไวเทลเขายังทำไม่ได้เลย
"หึ"
"..."
"แต่น่าสนใจ เพราะฉันก็อยากรู้ว่านายจะทำอย่างปากว่าได้ไหม"
เพียงแค่นี้ดวงตาของเฟริซิโอก็ประกายแสงด้วยความดีใจทันที สมกับเป็นความหวังหนึ่งเดียวของเขา ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
"แน่ใจนะ"
"ครับ"
เสียงตอบรับหนักแน่นของหัวหน้าการ์ดทำให้นิโคโรสบถออกมาทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน!! ไวเทลไปทำอะไรชั้น 4 แถมยังกดปุ่มขอความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลืออีก จากคำบอกเล่าของหัวหน้าการ์ดทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ทีมช่วยเหลือกว่า 20 คนบุกมาถึงหน้าย่านมิสติโคแล้ว ไม่ถึง 5 นาทีคงบุกมาถึงตึกซิริโนนี้แน่ๆ แต่ถือว่ายังโชคดีที่แขกทุกคนต่่างไปรวมกันที่ชั้น 2 และสนใจแต่บนเวทีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นได้แตกตื่นวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ
ส่วนเขาที่กำลังจะลงมาจากชั้น 8 เพื่อไปตรวจความเรียบร้อยที่ชั้น 2 ก็ต้องเดินลงบันไดมาแทนเพราะอยู่ๆลิฟท์ที่คอยเช็คอาการตลอดเกิดเสียขึ้นมา ทำให้เขาอารมณ์เสียมาก และตอนที่เดินอยู่ชั้น 6 หัวหน้าการ์ดก็ได้รับรายงานจากลูกน้องเรื่องทีมช่วยเหลือ ให้ตายเถอะ ทำไมทุกอย่างมันต้องประจวบเหมาะสุดๆในเวลานี้ด้วย หลังจากจบเรื่องนี้ เขาคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนซะแล้ว และขอให้เขามีชีวิตรอดไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยล่ะกัน เพราะถ้าไวเทลเป็นอะไรไป ต่อให้เขามี 10 หัวก็คงไม่พอให้บอสฆ่าเล่นแน่ๆ
นิโคโรวิ่งลงมาถึงชั้น 4 ยังไม่ทันคิดว่าจะหาไวเทลที่ไหน ก็สบตาเข้ากับดวงตาสีเขียวเงียบขรึมคู่นั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องหน้าห้องหนึ่งพร้อมกับมีการ์ดในชุดดำรายล้อมถึง 4 คน
เขาขมวดคิ้วสงสัยทันที ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ปกติแขกท่านนี้ไม่เคยหิ้วเด็กคนไหนมาเลยด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันถามเรื่องสงสัย ฝ่ายแขกก็เปิดปากพูดก่อนทันที
"เปิดประตู"
"ว่ายั..."
"ไวเทลอยู่ข้างใน"
นิโคโรไม่รอช้าวิ่งมาถึงหน้าห้องที่ชายคนนั้นยืนอยู่ทันที แม้จะสงสัยว่าคนคนนี้รู้ได้ไง ทำไมถึงมาหาไวเทล นี่มันเกิดอะไรขึ้น แม้จะมีคำถามร้อยแปดในหัว แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเวลานี้ความปลอดภัยของไวเทลต้องมาเป็นที่หนึ่ง!!
แต่ยังไม่ทันแสกนคีย์การ์ดเสียงเอะอะและเสียงฝีเท้าเกือบ 20 คู่ที่ทางเดินขึ้นมาชั้น 4 ทำให้เขารู้ว่าทีมช่วยเหลือมาถึงแล้ว เขาไม่รอช้าแสกนคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปทันที ประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดถึงไว้พร้อมภาพที่เห็นอยู่ในห้องน้ำ ทำให้นิโคโรเบิกตากว้างยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ก็ได้สติทันทีเมื่อใครบางคนวิ่งชนไหล่เขาเข้าไปกระชากพนักงานขึ้นแล้วโยนมาทางเขา เขาที่ได้สติก็รับพนักงานคนนั้นไว้ทันที นิโคโรเห็นแขกคนนั้นเข้าไปประคองไวเทลขึ้นมาจากพื้น ยังไม่ทันที่เขาจะส่งเสียงอะไร ทีมช่วยเหลือก็กรูกันเข้ามาถึงหน้าประตูแล้ว พวกทีมช่วยเหลือไม่สนใจใครเข้ามาจะผลักเขาให้พ้นทาง แต่เขาไวกว่าผลักพนักงานชายไปทางทีมช่วยเหลือและเข้าไปยืนขว้างทางห้องน้ำทันที
ไม่รู้สิ สัญญาณชาตเขามันบอกว่าอย่าให้ทีมช่วยเหลือถึงตัวไวเทลก่อนพวกเขา ต้องให้ชายที่ประคองไวเทลและกำลังกดเข็มฉีดยาบางอย่างลงบนต้นคอของไวเทลทำให้สำเร็จก่อนเท่านั้น
เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวเย็นชาลึกลับเก็บเข็มฉีดยาทันทีเมื่อฉีดเสร็จแล้ว เขามองไวเทลที่นอนสลบไม่ได้สติและปรายตามองผีบางตัวที่นั่งมองไวเทลด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างๆ
อย่างน้อยก็ทันเวลาล่ะนะ
เขาอุ้มไวเทลเดินไปทางประตูทันทีโดยมีเฟริซิโอลอยตามไม่ห่าง นิโคโรสบตาชายคนนี้นิ่งๆก่อนจะเบี่ยงหลบให้เขาอุ้มไวเทลออกไป
"ส่งท่านไวเทลมานี่ครับ"
เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมองหัวหน้าทีมช่วยเหลือนิ่งๆอย่างกดดัน แต่หัวหน้าทีมช่วยเหลือก็ไม่ยอมแพ้สบสายตากลับแบบไม่หลบเช่นกัน
"ไปตามหมอซะ"
"ว่าไงนะ!"
"หมอเฉพาะทางแก้ยาเสพติด ไปตามมาซะ"
"นี่คุ..."
"ไม่อย่างนั้นไวเทลอาจตายได้"
ประโยคชวนสยองทำให้ทุกคนนิ่งงันไปทันที เขาเดินผ่านทุกผู้คนอย่างไม่สนใจ ยังไม่ทันไปไหนไกลการ์ดของเขาก็เข้ามาบอกว่าลิทฟ์ใช้ได้แล้ว เขาพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวขาเร็วๆไปทางลิฟท์ทันที เมื่อหัวหน้าทีมช่วยเหลือเห็นอีกคนเดินเลยไปไม่สนใจใคร ก็รีบวิ่งตามไปแต่ก็ยังไม่วายหันไปตวาดลูกน้องเสียงดัง
"ยืนบื้ออยู่ทำไมรีบไปตามหมอสิว่ะ!!"
------------------------------------------------
มาช้าแต่มาน้าาาาาา เค้าอาจจะลงช้าหน่อย แต่จะไม่ให้ช้าเกินค่อยนะจ๊ะ
ตอนนี้นอกจากจะเปิดตัวพระเอก เอ๊ย เปิดตัวละครใหม่แล้ว อ่านๆไปยังดูวุ่นวายสุดๆอีกต่างหาก ขอสารภาพว่าเวลาจะพิมพ์ชื่อคนชื่อสถานที่ บางทีต้องเปิดที่จดไว้อ่ะ มันจำยากจริงๆไปเลยค่าาาาา TT
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ติดตามติชมเม้นให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆน้าาา
ขอสปอยว่า ยังเปิดเผยตัวละครไม่หมดน้าาา จำชื่อกันดีๆนะคะ 55555555
-
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4:
-
คลื่นที่ 11 100%
ไวท์
ใคร...
ไวท์
ใครเรียกเรากัน...เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาทำให้เขาแปลกใจ
ใครกำลังตะโกนเรียกเขาจากที่ไกลๆกัน
ไวท์...
ดังขึ้นอีกแล้ว เสียงนี้เหมือนจะดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาพยายามเพ่งฟังเสียงนั้น เสียงที่คุ้นเคย
ไวเทล
เขาว่าเขารู้จักเสียงนี้นะ...เฟย์หรอ?
ไวท์ครับ
สติที่ค่อยๆกลับคืนมาช้าๆทำให้เขารู้ว่าคนเรียกคือใคร ไอ้ผีกวนประสานนั่นเอง แถมยังดังใกล้หูขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก ก็อยากจะตอบหรอกนะ แต่เขาขยับปากไม่ได้เลย
"ไวท์ คุณตื่นเถอะนะ ได้โปรด"
เขาพยายามลืมตาเมื่อได้ยินเสียงคนคุ้นเคยดังที่ข้างหูชัดเจน เขาพยายามจะลืมตา แต่เปลือกตามันหนักเหลือเกิน
"ผมขอโทษ คนไม่ควรโก..."
อะไรนะ เสียงท้ายแผ่วเบาทำให้เขาอยากจะขมวดคิ้วมุ่นแต่ยากเหลือเกิน เขาพยายามลืมตาอีกครั้งอย่างยากลำบาก คราวนี้เขาลืมได้ แต่แสงสีขาวจ้าที่สาดเข้าทันทีที่ลืมตา ทำให้เขาหยี่ตาหลับลงอีกครั้งทันที
เฟริซิโอเฝ้ามองคนบนเตียงที่นอนหลับมาหนึ่งวันเต็มๆอย่างหงอยๆ ไหนหมอบอกไม่นานก็ฟื้นไง ทำไมยังไม่ฟื้นอีกนะ ในขณะที่เขากำละงจะเรียกไวเทลอีกครั้ง เขาก็สังเกตุเห็นเปลือกตาบางขยับไปมาก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็หลับตาลงไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
"ไวท์"
เฟริซิโอตะโกนเรียกคนที่เขารอมา 1 วันเต็มอย่างดีใจก่อนจะรีบพุ่งออกนอกห้องไปทันที
ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่กำลังนั่งทำงานผ่านแท็บ(1)อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกของคฤหาสน์เอนซิโอด้วยท่าทางนิ่งเฉย แม้จะมีคนของแก๊งยืนรายล้อมกว่ายี่สิบคนก็ไม่หวั่น หรือแม้จะมีสายตากดดันจากหนุ่มผมแดงจ้องเขม็ง ก็ยังคงนั่งนิ่งทำงานผ่านแท็บต่อไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
นิโคโรจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ทำไมคนคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนสักที แถมยังรู้เรื่องไวเทลในห้องนั้นได้ไง แม้จะมีคำถามเป็นร้อยในหัวเขาก็ไม่ได้คำตอบ เพราะถามอะไรไปคนตรงหน้าก็นิ่งเฉยไม่ตอบสักคำถาม เลยเปลี่ยนมานั่งกดดันจ้องอยู่อย่างนี้ แต่คนคนนี้ก็ยังนิ่งเฉยทำงานของตัวเองต่อไปอย่างไม่สนบรรยากาศภายนอกสักนิด ให้ตายเถอะนี่คนหรือปูนปั้นว่ะ แต่ถึงจะสบถให้ตายในใจยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถือว่าคนคนนี้คือผู้มีพระคุณของไวเทล ที่ ณ ตอนนี้ใครก็ล่วงเกินไม่ได้ อึดอัดโว๊ยยยย!!
นิโคโรจ้องคนตรงหน้าเงียบๆก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจ เมื่อเห็นคนหน้านิ่งหยุดทำงานซะดื้อๆ แถมยังถอนหายใจแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่สำคัญยังเงยหน้ามามองเขานิ่งๆอีกต่างหาก อะไรอีกว่ะ
"ตามหมอที"
"ห๊ะ"
พอเขาทำหน้างง ก็ถอนหายใจใส่แถมยังมองเขาเหมือนเป็นคนโง่ที่เข้าใจอะไรยากอีก ไอ้...
"ไวเทลฟื้นแล้ว"
ก็พูดแบบนี้แต่แรกสิว่ะจะได้เข้าใจ!! นิโคโรขมวดคิ้วหงุดหงิดขั้นสุด อยากจะโยนไอ้กวนประสาทนี่ไปให้พ้นหูพ้นตา แต่ก็ทำได้แค่กดโทรเรียกหมอที่รออยู่ที่ห้องพยาบาลให้รีบมาเท่านั้น
จนลืมนึกไปว่าทำไมคนคนนี้ถึงรู้ว่าไวเทลฟื้นแล้วทั้งๆที่ก็นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ
.............
"ไม่มีอาการของสารตกค้างแล้วครับ แต่อาจจะอ่อนแรงอยู่บ้างพักสักวันก็จะดีขึ้นเองครับ"
"ขอบคุณครับ"
"แต่ถ้ายังไงก็อย่าให้ตัวเองไปโดนสารตัวนี้อีกนะครับ นี่โชคดีที่ปริมาณที่ถูกฉีดมีน้อยจนไม่ทำให้ติดสาร แต่ก็ไม่ควรโดนอีกเพราะไม่รู้ครั้งหน้าจะโชคดีแบบนี้หรือเปล่า"
ใครจะอยากโดนฉีดยาบ้าบออะไรใส่ว่ะ ไวเทลได้แต่ถอนหายใจใส่หมอแต่ไม่ตอบรับคำเตือน
"นิโคโรไปส่งหมอด้วย"
" แต่..."
นิโคโรปลายตามองคนนอกองค์กรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างกังวล
"ปิดประตูให้ด้วยล่ะ"
แต่พอเห็นไวเทลจ้องมองนิ่งพร้อมไล่อีกรอบก็ได้แต่ปลงตก นำคุณหมอออกจากปราสาทน้ำแข็งทันที เอาเถอะ อย่างน้อยหมอนั้นก็คงไม่กล้าทำร้ายไวเทลหรอกมั้ง?
ปัง
สิ้นเสียงปิดประตู ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ไวเทลจ้องมองคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นิ่ง แต่คนแปลกหน้าก็ยังเฉยทำงานในแท็บต่อไปอย่างไม่สนไม่แคร์สักนิด
เฟริซิโอได้แต่มองคนทั้งคู่ที่ต่างคนต่างนิ่งสลับไปมา โอ๊ยยย! อึดอัดโว๊ยยยย และเพื่อไม่ให้บรรยากาศเย็นเยือกนี้ดำเนินต่อไป เขาเลยลอยไปตรงหน้าไวเทล ยิ้มแฉ่งใส่จนตาปิด ก่อนจะแนะนำคนแปลกหน้าให้ไวเทลรู้จักทันที
"ไวท์ครับ นี่เฟาสต์ มาร์ติโน คนที่ผมไปตามมาช่วยคุณเองครับ"
ไวเทลคิ้วกระตุกก่อนจะหันขวับมามองผีหน้าเป็นทันที
"ช่วยฉัน? "
เฟริซิโอพยักหน้าถี่ๆก่อนจะลอยเข้ามาใกล้ไวเทลมากขึ้นเพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้ไวเทลฟัง
"ใช่แล้ว ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ถ้าเฟาสต์มองไม่เห็นผมและยอมช่วยเหลือล่ะก็ ผมอาจจะไปช่วยคุณไม่ทันก็ได้ นี่ถือว่าโชคดีมากๆเลย"
เมื่อฟังจบไวเทลก็คิ้วกระตุกทันที ไอ้ขี้เก๊กนี่นะช่วยเขาแถมยังมองเห็นไอ้ผีหน้าเป็นอีกต่างหาก เหอะ!แล้วเขาจะหงุดหงิดทำไมว่ะ แค่มีคนอื่นนอกจากเขาเห็นไอ้ผีนี่เท่านั้นเอง!!
"ใครยอมช่วยนนาย"
เสียงเย็นชาที่อยู่ๆก็เอ่ยออกมาของคนที่ทำหน้านิ่งมาตลอดทำให้ทั้งเฟริซิโอและไวเทลหันไปมองทันที
"อ้าว"
"ฉันไม่เคยทำธุรกิจที่ขาดทุน"
ประโยคนิ่งๆที่พูดออกมาทำให้เฟริซิโอเข้าใจทันที เป็นเขาเองที่บอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง เมื่อช่วยไวเทลสำเร็จแล้วคงถึงเวลาที่ต้องตอบแทนแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ว่าเขาตอนนี้พอจะช่วยอะไรได้บ้างก็เถอะ
"นั่นสินะ ผมไม่ลืมหรอก"
"ดี และทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ"
"ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น"
เฟริซิโอจ้องมองตรงไปที่เฟาสต์อย่างแน่วแน่มั่นคงเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาจะไม่ผิดคำพูดส่วนเฟาสต์แค่มองตรงหน้านิ่งๆเท่านั้น
ไวเทลมองคนสองคนที่จ้องตากันก็ยิ่งขมวดคิ้วฉับทันที นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ ยิ่งเห็นสายตาจริงจังจริงใจของเฟริซิโอที่จ้องเฟาสต์ไม่ละสายตาแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้น ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์สองคนจ้องตากันลึกซึ้งคืออะไร ถึงคนหนึ่งจะไม่ใช่คนก็ไม่ควรไหม ดวงตาคู่นั้นควรจ้องแค่เขาคนเดียวสิว่ะ
"หยุดจ้องตากันสักทีและช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!"
เพราะถ้านายไม่เล่าตอนนี้ ฉันจะหาวิธิทำให้นายเล่าไม่ได้อีกเลย สายตากดดันเย็นยะเยือกทำให้เฟริซิโอขนลุกซู่ ยิ่งเห็นไวเทลที่ทำหน้าถมึงทึงขั้นสุดใส่ก็รีบรนรานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังทันที
เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ ไวเทลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปทางเฟาสต์ด้วยสายตาขอบคุณทันที
"ขอบคุณ คุณมากนะครับ"
เฟาสต์มองไวเทลที่ก้มหัวขอบคุณไม่ถือตัวก็ยกมุมปากขึ้นนิดๆ
"ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่แล้ว"
ไวเทลพยักหน้าเข้าใจ ถึงจะบอกว่าได้ผลประโยชน์ก็เถอะแต่ผีตัวหนึ่งจะไปช่วยอะไรได้ แต่ถ้าสุดท้ายเฟริซิโอช่วยอะไรเฟาสต์ไม่ได้เขาก็จะทำให้แทนด้วยความเต็มใจแน่นอน
"และสิ่งที่ผมจะให้คุณทำก็แค่ไปเอาของในสถานที่หนึ่งเท่านั้น"
คำพูดกำกวนของเฟาสต์ทำให้คนที่เหลือขมวดคิ้วถามออกมาพร้อมกันทันที
"ที่ไหน"
เฟาสต์จ้องมองดวงตาสีฟ้างดงามของไวเทลนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกระตุกมุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์
"ตึกซิริโน ชั้นใต้ดิน"
------------------------
(1) : แท็บ อุปกรณ์คล้ายโทรศัพท์เป็นแผ่นใสๆที่สามารถจัดเก่งข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม
ปล.ไม่มีอยู่จริงนะคะ เค้ามโนขึ้นมาใช้เองนะเพื่อให้เหมาะกับอนาคตน้าาา
เค้าผ่านมรสุมงานรุมมาได้อีกสเต็ปแล้วววว
คราวนี้เลยเอาไปเท่านี้ก่อนนะค่าาาา ที่เหลือค่อยมาต่อไม่เกินศุกร์นี้นะ คราวนี้หายไปนานเบย แต่หลังจากช่วงกลางเดือนไป มรสุมงานจะบางลง เค้าจะมีเวลามากขึ้น จะไมาหายไปนานแบบนี้แล้วววว
เรามีนัดกันวันศุกร์ใครจำได้บ้างงงงงง ถึงตอนนี้จะเสาร์ แต่ยังดึกอยู่ถือว่าวันศุกร์ล่ะกันเนอะ 55555 วันนี้เค้าเลิกงานดึกกลับบ้านมาก็ปั่นนิยายให้จบก่อนเลย ตอนนี้อาจจะเมาๆไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะคร้าบบบ
และแล้วตอนนี้อาจจะบอกได้ว่าหรือจริงๆแล้วไวเทลไม่ใช่นายเอกน้าาา //// โดนเฟย์โยนลูกกระตาใส่ 55555 แล้วพบกันตอนหน้านะค่าาาา
-
คลื่นที่ 12

ชั้นใต้ดินตึกซิริโน
มีขนาดกว้างใหญ่ที่แทบกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของย่านมิสติโค มันถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 2020 จวบจนปัจจุบันผ่านมาร้อยกว่าปีชั้นใต้ดินแห่งนี้ก็ยังคงดำรงอยู่โดยมีทางเข้าอยู่ที่ตึกซิริโน
ชั้นใต้ดินตึกซิริโนคือสถานที่สำหรับจัดงานประมูลใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกหรือที่เรียกกันในหมู่ผู้อยู่เบื้องหลังว่า
'โรงประมูลใต้ดินแห่งเอนซิโอ'
แต่เพื่อตบตาทุกคนรวมถึงตำรวจ เมื่อร้อยปีก่อนแก๊งเอนซิโอเลยได้สร้างย่านมิสติโคขึ้นมาเพื่อแจงเป็นแหล่งรายได้และเบี่ยงเบนให้ทุกคนสนใจแค่บนพื้นดินอันน่าหลงใหล
'โรงประมูลใต้ดินแห่งเอนซิโอ' คือความยิ่งใหญ่เบื้องหลังของแก๊งเอนซิโออย่างแท้จริง มันคือสิ่งที่สร้างชื่อให้แก๊งเรื่อยมา ขึ้นชื่อว่าการประมูลใต้ดิน แน่นอนที่นี้มีสิ่งผิดกฎหมายมากมายมีแม้กระทั่งการประมูลข้อมูลที่จะสามารถทำลายคู่แข่งให้หายไปจากโลกได้ก็มี แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อต่่างจากการประมูลใต้ดินที่อื่นๆก็คือ การค้ามนุษย์อย่างเสรี บางครั้งดาราชื่อดังบางคนที่เคยมีข่าวป่วยตาย แท้จริงแล้วเขาถูกนำมาประมูลที่นี้ก็มี หรือเซเลปชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแต่กลับมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ก็มี และเพราะการประมูลมนุษย์ที่ไม่มีคำว่าเกรดต่ำสำหรับที่นี่ เลยทำให้มันมีชื่อเสียงเรื่อยมา
จนเมื่อ 50 ปีก่อน เมื่อนายท่านใหญ่ได้ขึ้นปกครองแก๊งเอนซิโอ เขาได้เปลี่ยนแปลงกฎของที่นี่ไปมากมาย ทั้งยกเลิกประมูลสัตว์สงวนใกล้สูญพันธุ์ ยกเลิกประมูลยาเสพติดทั้งหลาย รวมถึงยกเลิกการประมูลมนุษย์ที่ไม่เต็มใจมาเข้าร่วมการประมูลด้วย สิ่งนี้ทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนเลิกมาใช้บริการที่นี่ไป จนทำให้กำไรที่เคยได้จากที่นี่มากมายมหาศาลเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แก๊งเอนซิโอตกต่ำลงเลย แม้คนจะมาประมูลน้อยลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนมาเลย เพราะที่นี่ก็ยังมีของหายากแปลกใหม่ หรือข่าวสารข้อมูลที่แม่นยำ 100 % รวมทั้งคนที่สมัครใจมาถูกประมูลด้วย ทุกคนล้วนแต่เต็มใจแถมยังมีเกรดดีเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะอยากเป็นทาสใครอีกด้วย
"ฉันจะไปเอง"
"ไวท์!"
เฟริซิโอหันไปมองคนพูดอย่างตกใจ แต่พอจะอ้าปากพูดอะไรบ้างอย่างไวเทลก็สวนขึ้นมาเสียก่อน
"งั้นบอกหน่อยผีอย่างนายจะไปเอาของยังไง"
"..."
เฟริซิโอเม้มปากอับจนด้วยคำพูด ไวเทลพูดถูก เขาจะไปเอาของมาให้เฟาสต์ได้ยังไง ไวเทลเมื่อเห็นผีหนุ่มเงียบเสียงเม้มปากทำหน้าหงอยก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
"เพราะฉะนั้นงานนี้ฉันทำเองดีที่สุด"
เฟาสต์สบสายตาแน่วแน่ของไวเทลก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"ดี คืนพรุ่งนี้เจอกัน ผมจะไปกลับคุณด้วย"
กล่าวจบเฟาสต์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทันที
เฟริซิโอเงยหน้าสบตากับไวเทลที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสีมรกตทอประกายแห่งความเป็นห่วงชัดเจน ให้ตายเถอะ! เห็นแบบนี้ใครจะเก๊กได้ไหวกัน
"ฉันดูแลตัวเองได้"
"แต่ผมก็เป็นห่วงอยู่ดี"
"...."
ผีหนุ่มลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าไวเทล มองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยที่มีประกายสั่นไหวบางเบาก่อนจะจางหายไปกลายเป็นเย็นชาแบบเดิม แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผีหนุ่มอดจะยิ้มออกมาไม่ได้
"คุณสัญญาได้ไหม รอบนี้คุณจะดูแลตัวเองดีๆ"
"ฉันไม่ใช่เด็กนะ คราวก่อนยอมรับว่าประมาท ซึ่งมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว"
ไวเทลยืนยันหนักแน่น ความประมาทเกิดขึ้นครั้งเดียวก็เกินพอ คราวหน้่าอย่าหวังว่าใครจะเข้าใกล้เขาได้อีกเลย เฟริซิโอรู้ว่าไวเทลเอาตัวรอดได้เก่งแค่ไหน แต่เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นมันทำให้เขารู้ว่า อีกฝ่ายอาจจะเหนือชั้นยิ่งกว่าจนอดห่วงไม่ได้ แต่ถึงจะห่วงแค่ไหน เขาก็รู้ว่าตัวเองห้ามไวเทลไม่ได้ ดื้อเงียบขนาดนี้มันน่าจับตีก้นซะให้เข็ดจริงๆ
"อย่างน้อยคุณก็ควรนำทีมช่วยเหลือติดไปด้วยสักคนสองคนนะ"
"ไม่ได้"
เฟริซิโอขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ
"ทำไม?"
"ในพวกนั้นมีคนทรยศ"
"!!!"
เฟริซิโอมองไวเทลตาโต ว่าไงนะทีมช่วยเหลือมี่คัดแต่คนซื่อสัตย์ที่สุดในองค์กรเนี่ยนะมีคนทรยศ
"คุณแน่ใจนะ"
"ไม่"
"อ้าว"
ไวเทลมองเฟริซิโอที่ทำหน้าเหวออย่างขบขำ หน้าตลกชะมัด เสียงหัวเราะแผ่วเบาและรอยยิ้มบางๆทำให้ผีหนุ่มหน้าบึ้งทันที แกล้งกันหรือไง!
ไวเทลเห็นผีทำหน้าบึ้งหันหน้าหนีเขาอย่างแสนงอลก็ได้แต่อ่อนใจ ตัวก็ใหญ่งอลเป็นเด็กไปได้ ทีไอ้ผีนี้โยนลูกตาใส่เขา เขายังไม่ทำท่าอุบาทว์แบบนี้ใส่มันเลย เพราะไม่อยากมองหน้าอุบาทว์ของผีตัวยักษ์เขาเลยปรับน้ำเสียงให้จริงจังขึ้น
"ถึงจะไม่แน่ใจว่าใคร แต่พวกนั้นมีคนทรยศอยู่แน่ๆ ฉันจะหาหลักฐานกับเรื่องนี้เอง"
เฟริซิโอมองไวเทลนิ่งแล้วก็ได้แต่ปลง เขาคงห้ามอะไรไวเทลไม่ได้เลยจริงๆ
"ผมเข้าใจแล้ว คุณพักผ่อนเถอะ"
ไวเทลพยักหน้าก่อนจะนอนลงบนเตียงดีๆ อาจจะด้วยฤทธิ์ยาเมื่อหัวถึงหมอนไม่เท่าไหร่ เขาก็หลับลงไปทันที เฟริซิโอมองคนบนเตียงด้วยดวงตาสั่นไหวก่อนจะลอยออกจากห้องนอนไปทันที
ผ่านไปสักพักคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมองเหม่อบนเพดานสีขาวนิ่ง ในหัวของเขามีแต่ภาพของเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ทอประกายความรู้สึกมากมายใส่เขาอย่างไม่ปิดบัง โง่...เขาคงจะโง่จริงๆที่ทำยังไงก็สลัดมันออกจากหัวไม่ได้ งานนี้คงต้องรีบตามหาตัวคนที่ใส่ร้ายเฟริซิโอให้เจอเร็วๆ ก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้...
เฟาสต์นั่งนิ่งอยู่ในรถคนเดียว โดยมีบอดี้การ์ด 4 คน ล้อมรอบรถเอาไว้ แม้พวกการ์ดจะไม่เข้าใจว่าเจ้านายของพวกเขานั่งอยู่ในรถคนเดียวเงียบๆทำไม แต่คำสั่งเจ้านายพวกเขาไม่อาจไม่ปฎิบัติตาม
และรอไม่นานคนที่เฟาสต์รอก็ปรากฎตัวมานั่งข้างๆเขาในรถ พวกเขามองกันนิ่งเงียบ ก่อนที่ฝ่ายผีจะเปิดปากพูดก่อน
"คุณช่วยดูแลไวเทลหน่อยนะครับ"
"หึ ผมเคยบอกแล้ว ผมเป็นนักธุรกิจ"
"ผมรู้"
เมื่อเห็นผีหนุ่มเงียบลงอย่างจนปัญญา เฟาสต์ก็ยิ้มบางเบาเพียงเสี้ยวก่อนที่มันจะจางหายไปจนคนเป็นผีไม่ทันสังเกตุเห็น
"เพราะผมเป็นนักธุรกิจไม่ใช่ทหาร ผมไม่มีทางปกป้องใครเก่งเท่าพวกคุณ"
เฟริซิโอมองเฟาสต์อย่างไม่เข้าใจ
"ถ้าอยากดูแล คุณก็ต้องดูแลเอง"
"คุณหมายความว่ายังไง"
เฟาสต์ยิ้มให้เฟริซิโออย่างเจ้าเล่ห์ ท่ามากจริงโว๊ย พูดตรงๆจะตายหรือไง อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้ เขาได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ แต่หูกลับฟังสิ่งที่เฟาสต์จะบอกอย่างตั้งใจ
เมื่อฟังจบเขาก็ได้แต่โตอ้าปากค้างทันที
What!!!!
-----------------------------------
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่มรสุมงานพัดผ่านไปแล้วววววว ฉลองงงงงงงง!! หลังจากนี้จะมาอัพให้บ่อยขึ้นนะค่าาาา
เชื่อว่าหลายคนเริ่มเอะใจมาหลายตอนแล้ว ตอนนี้ก็เฉลยสักที่ว่า ตีมเรื่องนี้คือโลกอนาคตนะค่าาาาาา
ตอนหน้าเราจะกลับไปตึกซิริโนกันอีกครั้งนะคะ และก็คงไปเยือนอีกหลายครั้งแน่นอน
ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะคะ ขอบคุณทุกแรงใจแรงเม้นด้วยน้าาาา แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
ปล.ถ้าเจอคำผิดบอกหน่อยน้าาาาาาา
-
:katai2-1: :katai2-1:
-
:pig4:
o13
-
คลื่นที่ 13
ทันที่รองเท้าบูตส้นสูงสีดำก้าวออกมาจากรถ ทุกสายตาไม่ว่าหญิงหรือชายต่างจับจ้องไม่วางตา เส้นผมสีดำประกายเทายาวสลวยที่พริ้วไหวไปตามลมช่วยขับให้ดวงตาสีอำพันดูโดดเด่นเป็นประกายรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางเบาชวนให้ผู้คนต่างมองกันตาพร่ามัว เสื้อคอเต่ารัดรูปที่สวมทับด้วยสูทสีดำเนื้อดีรับกับยีนส์สีดำแนบเรียวขาที่มีบูตส้นสูงสีดำยาวถึงเข่าสวมทับ ทุกสิ่งที่รังสรรค์ช่วยให้เธอคนนี้ดูสูงส่งทรงอำนาจน่าหลงใหลและไม่อาจเอื้อมในเวลาเดียวกัน
และทันทีที่มือเรียวขาวผ่องทาบลงบนต้นแขนแกร่งของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมสันที่แผ่กลิ่นอายความน่าเกรงขามออกมา ก็ช่างเหมือนภาพวาดที่ชวนให้ผู้คนมัวเมาจนไม่อาจกระพริบตา
แม้ทั้งสองจะเดินเข้าตึกซิริโนไปแล้วแต่ผู้คนด้านนอกยังคงมองเหม่อประหนึ่งตามติดสองคนนั้นเข้าไปข้างในด้วยยังไงยังงั้น
ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินเข้าไปในลิฟท์ก่อนจะหยิบบัตรสีดำที่มีลวดลายสีทองแนบที่ว่างเปล่าๆเหนือปุ่มกดลิฟท์ไปชั้นต่างๆ แสงสีเขียวกระพริบตอบรับบัตรที่แนบมาหนึ่งครั้งและลิฟท์ตัวนี้ก็พาทั้งสองลงข้างล่างทันที
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ไวเทลก็กวาดสายตามองทันที ที่นี่ให้ความแตกต่างจากข้างบนจริงๆ เขาเคยมาไม่กี่ครั้ง แถมทุกครั้งที่มาก็เขามาอีกทางเข้าพอครั้งนี้มาในฐานะลูกค้าเลยรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง แต่แค่เห็นมีพนักงานเดินเข้ามาเชื้อเชิญอย่างนอบน้อมก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ที่นี่อบรมพนักงานดีจริงๆนั่นแหละ
พนักงานชายคนนั้นพาเดินมาถึงห้องๆหนึ่ง เมื่อเปิดเข้าไปจะเห็นโซฟาทรงกลมยกสูงเพียงข้างเดียวสีขาวสะอาดตาที่สามารถนอนเอนได้ ข้างๆมีโต๊ะแก้วขนาดเล็กที่มีแก้วแชมเปญแช่วางไว้อยู่ ส่วนตรงหน้าโซฟาก็เห็นเป็นเวทีที่ใช้สำหรับงานประมูล แต่จริงๆแล้วนั่นคือภาพโฮโลแกรม 4 มิติเสมือนจริงที่เราสามารถมองสิ่งของบนเวทีได้อย่างชัดเจนประหนึ่งไปยืนดูอยู่บนเวทีเอง
เมื่อมองไปด้านข้างก็จะเห็นนาฬิกาดิจิตอลที่กำลังนับเวลาถอยหลังที่บอกว่างานประมูลจะเริ่มในอีก 15 นาที
ไวเทลเดินตรงดิ่งก้าวฉับๆไม่สนใจใครไปนั่งเหยียดขาบนโซฟาทันทีเมื่อพนักงานชายเดินออกไปจากห้องแล้ว
เมื่อยชะมัด!!
พวกผู้หญิงชอบใส่ไอ้เครื่องทรมานทรกรรมที่เรียกว่าส้นสูงแบบนี้ทุกวันได้ยังไงกันว่ะ
ไวเทลถอดบูตออกโยนไปข้างๆโซฟาอย่างไม่แยแส เขาลงมือนวดน่องขาตัวเองทันที
เฮ้อ ค่อยสบายหน่อย เอาจริงๆตั้งแต่เดินลงจากรถมาถึงนี่ เขาพยายามเดินให้ดูเป็นผู้หญิงปกติที่สุดทั้งๆที่เกร็งแทบตาย หลังจากจบงานนี้บอกได้เลยว่า เขาจะไม่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงใส้ส้นสูงอีกแล้ว ลาขาดกันไปได้เลย!!
แต่ในขณะที่ไวเทลกำลังนวดขาให้ตัวเองอยู่นั้น ก็มีมือยื่นมาจับยกขาเขาไปวางบนตักแกร่งและลงมือบีบนวดให้ทันทีแบบไม่พูดไม่จา
ไวเทลได้แต่มองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตาค้าง ไม่ใช่แค่เขาที่ตกใจ บอดี้การ์ดของชายหนุ่มอีกสี่คนในห้องก็ช็อคตาตั้งไปแล้วเช่นกัน
ท่านเฟาสต์ มาร์ติโน ชายหนุ่มนักธุรกิจหลายหมื่นล้านผู้แสนเย็นชาเงียบขรึม ที่วันๆไม่พูดไม่จาดีแต่แผ่รังสีดำมืดใส่ชาวบ้านเป็นว่าเล่น ใครจะคิดว่าเฟาสต์ มาร์ติโนคนนั้น กำลังนั่งคุกเข่านวดขาให้เขาอยู่ เออ...บุญของเอ๊งแล้วเจ้าขา
"หายเมื่อยขึ้นไหม"
"หะ...ห๊ะ"
เฟาสต์มองคนที่เคยแสนหยิ่งชอบทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ทุกคนทำหน้าเหวอตาโตอ้าปากค้างก็หลุดขำออกมาทันที ก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาเงียบขรึมเย็นชาดังเดิม
เฟาสต์ มาร์ติโน หลุดขำ!! เรื่องนี้ทำบอดี้การ์ดหน้าตายสี่คนเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้วจริงๆ
ไวเทลแม้จะตกใจที่เห็นอีกคนหลุดขำแต่ก็พยายามดึงสติกลับมา ก่อนจะทำเป็นไอสองสามทีแก้เกลอและพยายามหดขากลับมาช้าๆ
"ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณครับ"
เฟาสต์หลุดยิ้มบางเบาทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้าหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาตอบรับคำอ๋อมแอ้มแต่หูกลับแดงแปร๊ด เอาเถอะ ก็คุ้มค่าล่ะนะ
ชายหนุ่มไม่อยากต้อนคุณเลขาไปมากกว่านี้เลยยอมลุกมานั่งข้างเจ้าตัวดีๆ หันไปรินแชมเปญให้ตัวเองเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไวเทลเมื่อตั้งสติได้แล้วก็หันมากลับทำเสียงจริงจังคุยเป็นงานเป็นการทันที
"เหลืออีก 10 นาทีการประมูลจะเริ่ม ผมขอทบทวนแผนการอีกรอบนะ"
น้ำเสียงจริงจังเป็นการเป็นงานทำให้มือแกร่งหยุดชะงักแก้วแชมเปญที่กำลังจะลิ้มรสอยู่ทันที เขาวางแก้วลงและหันมามองคนพูดอย่างตั้งใจ
"เมื่อการประมูลเริ่มจะคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะลอบออกไปเอาของที่อยู่ในห้องของผู้ดูแลงานประมูล ที่นั่นจะมีการ์ดเฝ้าประตูอยู่ 2 คน และหลังงานประมูลเริ่มไป 20 นาทีทั้งคู่จะเปลี่ยนกระ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่ผมจะลอบเข้าไปเอาของมาให้ และจะได้กลับบ้านไปนอนสักที"
เฟาสต์พยักหน้ารับนิ่งๆ ประโยคนี้ของไวเทลเขาได้ฟังมาสักห้ารอบแล้วเห็นจะได้ เจ้าตัวย้ำกับเขาตั้งที่บ้าน บนรถและที่นี่ ย้ำแล้วย้ำอีกจนเขาไม่เข้าใจว่าจะย้ำกับเขาทำไม ในเมื่อในแผนการของเจ้าตัวไม่มีเขาร่วมอยู่ด้วยสักหน่อย แต่เขาก็พยักหน้ารับให้เจ้าตัวสบายใจแบบนี้ทุกรอบไป
ไวเทลเป้าปากอย่างโล่งใจที่เฟาสต์พยักหน้ารับปาก ต้องบอกตรงๆว่าเขากังวลใจมาก ไม่รู้ทำไม อาจจะเพราะวันนี้มีผีงี่เง่าบางตัวมันงอลไม่ยอมตามมาด้วยทั้งๆที่ปกติจะไล่ให้ตายก็ไม่ยอมไป แล้วพอไม่มีผีวนเวียนกวนใจให้หงุดหงิดแทนที่จะดีใจทำไมถึงกังวลได้ขนาดนี้กัน เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองแล้วจริงๆ
เห็นไวเทลทำหน้าซึมลงแถมยังถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชายหนุ่มหน้าตายเลยเอื้อมมือไปกุมมือเรียวแล้วบีบเบาให้กำลังใจทันที
"ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่ต้องกังวล"
ไวเทลหันขวับมาสบดวงตาสีเขียวที่วันนี้ดูจะทอประกายประหลาดผิดปกติจนทำให้หัวใจข้างซ้ายเขาเต้นดังผิดจังหวะขึ้นมาทันที
บัดซบ! วันนี้เขาต้องตกใจหน้าเหวอกี่รอบไอ้หน้าตายนี่ถึงจะพอใจกันว่ะ
----------------------------
แฮ่! เค้ามาแล้วววว ตอนนี้เอาไปแบบซอฟท์ๆตอนหน้าค่อยไปบู๊กันนะคะ แล้วมาลุ้นกันว่าแผนไวเทลจะเป็นไปด้วยดีไหม และของอะไรที่เจ้าตัวต้องไปเอา เพื่อชดเชยที่หายไปนาน ตอนต่อไปจะมาในอีก สามถึงสี่วันนี้แน่นอนนนนน
ส่วนตอนนี้ อืมมมม เหมือนจะมีใครหายไปนะ
นึกไม่ออกเลยอ่ะ อืมม...ช่างมันล่ะกันเนอะ คงไม่ใช่ตัวละครสำคัญล่ะมั้ง 55555
เฟย์ : .......
-
:pig4:
o13
-
คลื่นที่ 14
"และแล้วเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง..."
น้ำเสียงร่าเริงของพิธีกรชายที่กำลังพูดอยู่บนเวทีทำให้ไวเทลได้สติรีบหันหน้าที่แดงระเรื่อไปอีกทางทันที ก่อนจะทำเป็นไอสองสามทีแก้เก้อและลุกขึ้นโดยไม่หันไปมองทางเฟาสต์เลยแม้แต่น้อย
"ดะ...ได้เวลาแล้ว"
"เดี๋ยว" ยังไม่ทันเดินหนีไปไหนเสียงทุ้มและแรงจับที่ข้อมือเรียวก็ทำให้คนหูแดงหยุดชะงัก
แต่ยังไม่ทันถามว่ามีอะไร มือแกร่งก็ยื่นมาจับข้อเท้าให้เจ้าตัวได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็มีรองเท้าผ้าใบสีขาวพอดีตัวถูกสวมใส่เสร็จแล้วทั้งสองข้าง
"ใส่รองเท้าผ้าใบจะทำให้คล่องตัวกว่านะ"
"...."
"คุณไปเถอะ เสียเวลามามากแล้ว"
เมื่อเสียงทุ้มพูดจบลง ไวเทลก็รีบเดินไปที่ประตูทันที
ปัง!!
นัยน์ตาคมจ้องมองที่ประตูด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหุบลงและหันไปมองทางบอดี้การ์ดด้วยแววตาเย็นชา
"ทำตามแผนได้"
"ครับ"
ไวเทลก้าวเร็วๆตามจังหวะหัวใจที่เต้นดังระรัว ยิ่งเต้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งก้าวไวขึ้นเท่านั้น พอคิดว่าไกลห่างจากประตูบานนั้นมากพอก็ทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรง บ้าบอที่สุด!!
ไวเทลสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขานั่งปรับอารมณ์ให้คงที่สักพักก่อนจะตบหน้าตัวเองเรียกสติและความพร้อมอีกที นี่ไม่ใช่เวลามาบ้อบอนะไวเทล สิ่งที่ควรโฟกัสที่สุดคือการไปห้องผู้จัดการ เอาของให้จบๆและกลับบ้านนอน!!
เมื่อได้แรงฮึดก็ลุกยืนตัวตรง หันมองนาฬิกาข้อมือที่บอกว่ามีเวลาไม่ถึง 15 นาทีก่อนที่การ์ดจะเปลี่ยนกะ เขาต้องรีบแล้วตอนนี้
ไวเทลทบทวนแผนที่ของที่นี่มาอย่างดี เส้นทางเดินไม่ใช่ปัญหาของเขา ยิ่งกล้องวงจรปิดที่เขาแอบปล่อยไวรัสให้หน้าจอมันนิ่งค้างเป็นเวลาครึ่งชม.ทันทีเมื่อการประมูลเริ่ม ยิ่งทำให้ทุกอย่างสะดวกเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาต้องทำทุกอย่างให้ทันเวลาเท่านั้น
และไม่ถึง 5 นาที เขาก็มาถึงมุมทางเลี้ยวที่จะไปห้องของผู้จัดการแล้ว เขาชะโงกหน้ามองจากมุมทางเดินเห็นการ์ด 2 คนยืนหน้านิ่งเฝ้าประตูไม่ขยับ ไวเทลมองที่นาฬิกาอีกรอบ อีกประมาณ 10 นาทีจะเปลี่ยนกะ เวลานี้ล่ะ!!
มือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อสูท หยิบหน้ากากผืนบางสีขาวเรียบๆแต่คุณสมบัติดีเยี่ยมมาใส่ ก่อนจะล้วงหยิบแท่งพลาสติกเล็กๆสีใสที่มองเหมือนว่างเปล่าแต่แท้จริงแล้วข้างในบรรจุแก๊สยาสลบอย่างดีไว้ ไร้สีไร้กลิ่นไร้รสที่แท้จริง
ไวเทลเปิดจุกแล้วกลิ้งแท่งพลาสติดสีขาวไปตามทางเดินให้ไปใกล้การ์ดมากที่สุด รอไม่ถึง 1นาที การ์ดทั้ง 2 คนก็ล้มหมดสติทันที รวดเร็วทันใจสมกับเป็นแก๊สยาสลบคุณภาพเยี่ยม
ขาเรียวรีบวิ่งไปที่หน้าประตูที่มีการ์ดนอนหมดสติ เขาเปิดประตูห้องผู้จัดการและลากการ์ดตัวโตไปหลบข้างในทันที นี่แหละงานยากที่สุด หนักชะมัดเลยเว้ย!
เมื่อลากเข้าไปได้ก็ปิดประตู ยืนหอบอยู่แปปนึงก่อนจะมองเวลา เหลืออีก 5 นาที
ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดมองรอบห้องหนึ่งที ก่อนจะเดินไปหาของที่เขาต้องมาเอา มันอยู่บนเอ่อ...เฟาสต์เรียกมันว่าหิ้ง หน้าตาแปลกชะมัด
สิ่งที่เขาต้องมาเอาคือสมุดเล่มเล็กๆเก่าๆที่กระดาษเป็นสีเหลืองกรอบๆแห้งๆเล่มหนึ่งที่มีลวดลายอักขระแปลกๆบนหน้าปกรวมทั้งด้ายสีขาวๆก้อนใหญ่ที่ถูกวางข้างๆสมุดนั่นด้วย เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าเฟาสต์จะเอาไอ้นี่ไปทำไม และยิ่งงงเข้าไปใหญ่ที่ผู้จัดการดันมาวางไว้อย่างดีบนนี้อีก เอาเถอะ รีบทำงานให้จบๆไปดีกว่า
ไวเทลเมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็ออกจากห้องผู้จัดการทันที เขาเดินกลับไปทางเดิม ตามทางยังคงราบรื่นเหมือนขามา เขารู้สึกว่างานนี้มันง่ายเกินไปหรือว่าพวกลูกน้องเขามันหละหลวมเกินไปกันนะ สงสัยกลับไปคราวนี้ต้องรื้อระบบกันใหญ่แล้วละ ทำงานแบบนี้โจรที่ไหนก็เข้ามาขโมยของได้ไหมล่ะ
พอไวเทลจะเลี้ยวออกจากมุมทางเดินไปตาเรียวก็เบิกกว้างและหลบเข้ามุมแทบไม่ทัน เขาชะโงกหน้าออกไปมองทันที นั่นมันไอ้หัวขาวที่ผับนี่!!
ไวเทลมองไปที่ไอ้คนที่เคยจับเขาฉีดยาตาไม่ประพริบ มันมาทำอะไรที่นี่และที่สำคัญมันมายืนอยู่หน้าห้องประมูลของเฟาสต์ทำไม
ไวเทลยืนนิ่งไม่กล้าขยับตอนนี้เขาสับสนมากว่าเรื่องเป็นไงมาไงกันแน่ และอาจจะเพราะมัวแต่มองทางไอ้หัวขาวที่กำลังเคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์มากเกินไปจนเขาไม่รู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง รู้ตัวอีกทีก็มีมือแกร่งยื่นมาปิดปากไวเทลซะแล้ว
!!
-----------------------------
สวัสดีค่าซิสสสสสสสสส ก่อนอื่นเลย ต้องขอโทษที่ผิดคำพูดน้าาาา ตอนแรกว่าจะอีก สองสามวันลง นี่ดันผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ฮือออ
ต้องขอโทษจริงๆค่ะ เค้าติดงานมรสุมรุมเร้ากระทันหันขยับไปไหนไม่ได้เลย กว่าจะหลุดลอยมาขึ้นฝั่งได้ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ววว
ส่วนใครที่กลัวว่าเค้าจะทิ้งนิยายไม่ต้องกลัวน้าาา เรื่องนี้เค้าแต่งพล็อตไว้จนจบแล้วค่าาา ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่จบนะคะ จบแน่นอน แค่ว่าเมื่อไหร่เท่านั่นเอ๊งงงงง
เม้นคนละเม้น ถือเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะคะ
-
คลื่นที่ 15
"ชู่ ผมเอง"
!!
ยังไม่ทันที่ไวเทลจะตั้งตัวดิ้นให้หลุดก็มีเสียงกระซิบคุ้นหูดังขึ้นเบาๆ
"ค่อยๆหันมานะ"
ไวเทลพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองคนข้างหลังทันทีที่มือแกร่งละออกจากปากเขาแล้ว
"คุณ.."
คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ
"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้"
" ผมออกมาตามคุณ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว"
เฟาสต์พูดเสียงเบาในขณะที่ตาคมจ้องมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเขาด้วยสายตาเคร่งเครียด... ทำไมหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้
ไวเมลมองตามสายตาของเฟาสต์ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
"ได้ของมาหรือยัง"
" เรียบร้อย"
" ดี งั้นไปกันเถอะ ลูกน้องผมรออยู่ที่ประตูเข้าตึกแล้ว"
ไม่พูดเปล่า เฟาสต์จับมือไวเทลเดินออกไปอีกทางทันที ไวเทลที่ถูกจับมือแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ตาโตกำลังจะอ้าปากด่าคนฉวยโอกาสก็ต้องหุบปากฉับเมื่อคนตรงหน้าหันมาบอกเหมือนรู้ทัน
"อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมันรู้ตัว"
พูดจบก็ยังคงหน้ามึนจับมือเขาไม่ปล่อย...ไอ้...
ไอ้คนฉวยโอกาส!!
ถึงจะขัดใจแค่ไหนก็ได้แต่เก็บความขัดเคืองไว้ในใจเท่านั้น เพราะเวลานี้ไม่เหมาะกับการโวยวายจริงๆนั่นแหละ
เฟาสต์ยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อคุณเลขาขี้หงุดหงิดได้แต่ถลึงตาจ้องมองอย่างโกรธแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้... น่ารักดีแฮะ
เขาจับมือนิ่มลัดเลาะไปตามทางอย่างชำนาญเมื่ิ้อเจอพนักงานหรือการ์ดยืนเฝ้าก็จะรีบหลบมุมพาไวเทลเปลี่ยนทางเดินไปอีกทางได้อย่างสบายจนไวเทลอดแปลกใจไม่ได้ นี่ชั้นใต้ดินที่ขึ้นชื่อว่าคือเขาวงกตถ้าไม่มีพนักงานนำทางมันเดินง่ายขนาดนี้เลยหรอ ท่าทางเขาต้องเอาเรื่องปรับปรุงที่นี่เข้าที่ประชุมอย่างจริงจังซะแล้ว เพราะถ้ามันลอบเข้าลอบออกง่ายขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
เดินทางไม่นานพวกเขาก็เจอลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนจนได้ แต่ยังไม่ทันเข้าลิฟท์เฟาสต์ก็หันมาฉีดอะไรบางอย่างใส่เขาแบบไม่ทันตั้งตัว
"นี่!!"
"เข้าลิฟท์ก่อนเดี๋ยวผมอธิบาย"
พูดดักขนาดนี้ก็ได้แต่กัดฟันกรอดก้าวตามคนหน้าตายนี่เข้าไปในลิฟท์ลูกเดียวน่ะสิ
แต่เอาเข้าใจจริงพอเข้ามาแล้วหมอดีก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี เอาเถอะ...เขาพอจะเดาเหตุผลได้แล้ว ในเมื่อไอ้ที่ฉีดใส่เขากลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ แต่ก็ควรบอกดีๆไหม อยู่ดีๆก็มาฉีดอะไรไม่รู้ใส่แบบไม่พูดไม่จาเป็นใครก็ตกใจโดยเฉพาะเขาที่ยังคงฝั่งใจจากการโดนฉีดยาสลบใส่เมื่อวานซืนก่อนอยู่เลย
ติ้ง
เสียงลิฟท์เปิดทำให้ไวเทลได้สติ ทำตามแผนคนปากหนักที่ไม่ยอมอธิบายแต่เขาก็เข้าใจได้ทันที
อยู่ๆสาวงามข้างกายก็ตัวอ่อนปวกเปียกเอนพิงอกกว้่าง ดวงตาฉ่ำปรือช้อนมองอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากอิ่มแดงก่ำขบกันบางเบาอย่างเย้ายวน
บัดซบ!! ก็ไม่ต้องแสดงสมจริงขนาดนี้ก็ได้ไหม เจ้าของธุรกิจหลายหมื่นล้านได้แต่ยืนแข็งทื่ออย่างโง่งม สติเหมือนหลุดลอยเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นหลงทางอยู่ในดวงตาสีอำพันกระจ่่างใสอย่างหาทางกลับไม่ได้ จนพนักงานของชั้น 1 ต้องเข้ามาดูว่าทำไมแขกถึงไม่ยอมก้าวออกจากลิฟท์สักที
"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?"
เหมือนตื่นจากภวังค์ เฟาสต์ได้แต่กัดฟันคาดโทษคนขี้ยั่วอยู่ในใจ
จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้!!
"ไม่เป็นไรครับ พอดีคู่ของผมเขาเมามากไปหน่อย เลยจะกลับกันแล้ว"
"เอ่อ...ให้เรียกพนักงานหญิงมาช่วยพยุงไหมครับ"
"ไม่ดีกว่าครับ แค่นี้สบายมาก"
คนจริงไม่ใช่แค่พูดแต่ทำให้ดูเลยอีกด้วย!
เฟาสต์ช้อนอุ้มไวเทลขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคนที่แกล้งทำเป็นตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนได้แต่ผวา เผลอยกแขนโอบรอบคอแกร่งอย่างตกใจ สีหน้าตกใจจนปากหวอทำให้เฟาสต์กลับมาอารมณ์ดีได้อีกครั้ง
คิดจะเอาคืนเขานะหรอ ยังเร็วเกินไป!!
เมื่อเขาอุ้มคนงามเข้ามาในรถได้แล้ว ไวเทลก็ดีดตัวไปหลบอยู่มุมอีกฝั่งทันที เฟาสต์ได้แต่มองลูกแมวน้อยที่แยกเขี้ยวพองขนขู่ด้วยสายตาอย่างขบขัน เมื่อเห็นอีกคนขำใส่อย่างไม่ปิดบังก็ยิ่งทำให้ไวเทลถลึงตาใส่เข้าไปอีก แต่เหมือนจะไม่สำนึกยังมีหน้ามามองด้วยดวงตาสีมรกตแพรวพราวนั่นอีก
ไอ้ดวงตานี่ทำเขาหวั่นใจอีกแล้ว
เพราะไม่อยากเห็นและโมโหไวเทลเลยกระชากวิกผมปาใส่หน้าคนตรงหน้าและหันไปมองวิวข้างทางอย่างไม่สนใจทันที
เมื่อไหร่เขาจะหนีไอ้สายตานี่พ้นสักที...
เฟาสต์ได้แต่เฝ้ามองคนตรงหน้าที่แม้ตอนนี้จะไร้วิกผมยาวสลวย แต่ก็ยังคงงดงามเปร่งประกาย
งดงาม
แข็งแกร่ง
และไม่อาจเอื้อม
เหมือนที่เคยเฝ้ามองเสมอมา...
---------------------------------------------------
ตอนนี้ไม่มีบู้อะไรทั้งนั้นนะค่าาาาา เป็นแค่ตอนที่พัฒนาความสัมพันธ์ ถามว่าพัฒนาความสัมพันธ์ของใครกับใคร ก็ของพระเอกกับนายเอกนะสิ!! 5555555 //// หัวเราะอย่างชั่วร้าย
เป็นกำลังใจให้นุ้งเฟย์ด้วยนะทุกคนนนน
-
คลื่นที่ 16
ตุบ
ไวเทลทิ้งตัวลงเตียงอย่างกับของเหลว สัมผัสนุ่มนิ่มหลังแช่น้ำอุ่นนี่แหละที่เขาต้องการ
เฮ้อ
เหนื่อย...ทั้งๆที่ทุกอย่างราบรื่นแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเป็นวันที่ใช้พลังมากกว่าปกติ โดยเฉพาะหัวใจข้างซ้าย รู้สึกวันนี้เอ๊งจะทำงานมากเกินไปจริงๆ
แต่นอนเหม่อมองเพดานได้ไม่นาน ก็ต้องหันไปมองผียิ้มแฉ่งที่นั่งเท้าคางมองหน้าเขามาสักพักแล้วอย่างหงุดหงิดทันที เพราะไอ้บ้านี่แท้ๆ ว่าแล้วก็ถอนหายใจใส่หน้ามันสักเฮือก
"เหนื่อยหรอ?"
แต่เหมือนผีจะไม่รู้ตัว เอียงคอถามเขาอย่างบ๊องแบ๋ว.... น่ารักตายล่ะ
"อืม"
"งั้นก็นอนพักเยอะๆเลยนะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้หายเหนื่อย"
บอกให้เขานอนพัก แต่ผีบางตัวก็ยังคงยิ้มแฉ่งมองจ้องเขาต่อไป ใครจะไปนอนหลับกันฟ่ะ!
ได้แต่ด่าในใจ แต่เอาเข้าใจจริงๆแล้วสาเหตุที่เขานอนไม่หลับคือเรื่องนั้นต่างหาก ถ้าเขาไม่ได้รู้วันนี้ ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ
"นายทำได้ยังไง"
" หือ? "
ผีหน้าซื่อ เอียงคอมองก่อนจะทำท่าอ้อและควักลูกตากลิ้งไปบนพื้นเตียงทันที
"นี่น่ะหรอ"
!!
ไวเทลเบิกตากว้างสะดุ้งสุดตัว
"ไม่ใช่โว้ยยยย"
"อ้าว"
โอเค...สบายใจล่ะ แค่เห็นแมวพองขนถลึงตาใส่ ก็เหมือนผีแบบเขาบรรลุอะไรบางอย่างแล้ว
ไวเทลได้แต่หลับตาข่มจิตข่มใจ ทำเป็นไม่เห็นสายตาแพรวพราวที่เหมือนกำจุดอ่อนของเขาได้อยู่หมัดนั่น อย่าไปเต้นตามมันไวเทล!!
พอตั้งสติได้ก็หันไปมองผีหน้าเป็นที่ตอนนี้ตาอยู่ครบไม่มีส่วนไหนหลุดหาย ไวเทลหรี่ตาลงอย่างจับผิดทันที
"นายทำได้ยังไง"
วันนี้เขาต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!
"เรื่อ..."
"นายไปอยู่ในร่างเฟาสต์ได้ยังไง"
!!
แม้จะเสี้ยววิแต่เขาก็เห็นแววตาตื่นตระหนกในดวงตาสีมรกตคู่นั้นชัดเจน ใช่จริงๆสินะ ถึงเฟริซิโอจะกลับมาทำหน้างงๆทันทีก็เถอะ แต่ปิดคนสายตาไวอย่างไวเทลไม่ได้หรอก
"อย่าโกหก"
เมื่อเจอดักขนาดนี้ คนที่พยายามทำหน้างงก็ต้องยิ้มเจื่อนใส่ทันที เมื่อกี้ยังเป็นแมวอยู่เลยแปปเดียวก็กลายร่างเป็นเสือซะแล้ว
"ผม..."
ยิ่งสบตามองดวงตาสีฟ้าใสที่หรี่่มองมาอย่างจับผิดนั่นแล้ว ก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอทันที
ไม่ให้เวลาคิดคำแก้ตัวเลยสินะ
"ร่างทรง"
เสียงงึมงำแผ่วเบา ทำให้ไวเทลขมวดคิ้วและขยับเข้าไปใกล้ผีตรงหน้ามากขึ้น
"อะไรนะ พูดให้มันดังขึ้นสิ"
"เฟาสต์บอก เขาเป็นร่างทรง!!"
เฟริซิโอตะโกนออกไปอย่างหมดเปลือก เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน ยังไงเฟาสต์ก็ไม่เคยบอกให้ไม่บอกใครอยู่แล้ว เพราะงั้นไวเทลรู้ก็คงไม่เปนไรหรอกมั้ง...
"ร่างทรง?"
เกิดมาก็พึ่งเคยได้ยิิน ไวเทลขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม มันคืออะไรล่ะนั่น...
" แล้วมันคืออะไร "
"ผมก็ไม่รู้จักหรอก แต่เฟาสต์บอกว่า บรรพบุรุษของเขามีคนนึงสืบเชื้อสายมาจากประเทศหนึ่งในเอเซีย ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เอ่อ...เรื่องลี้ลับ หมอผี ผู้ปราบปีศาจประมาณนั้น"
"นักปราบปีศาจหรอ?"
ยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น นี่มันสมัยไหนแล้ว เขาเคยได้ยินถึงผู้ปราบปีศาจมาบ้าง แต่นั่นมันเรื่องเล่าหลอกเด็กนิ ไม่ใช่หรอ?
" ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคือเรื่องหลอกเด็ก แต่เหมือนจะไม่ใช่ เพราะเหตุนี้ทำให้เฟาสต์พอมีวิชาด้านปราบผีติดตัว เขาเลยมองเห็นและรู้อะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณเยอะมาก และหนึ่งในนั้นคือ... ทำให้ผมสามารถสิงร่างเขาได้"
ฟังมาถึงตรงนี้ไวเทลก็ขนลุกขึ้นมาทันที เขารีบลงไปนั่งกับพื้นข้างๆเฟริซิโออย่างหวาดๆ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวอย่างระแวง
บ้าจริง! ผีมันสิงกันได้ด้วยหรอว่ะ
เฟริซิโอที่เห็นปฎิกิริยาแบบนี้ของไวเทลก็ได้แต่รอบแอบขำกับตัวเองและเฝ้ามองท่าทางหายากนั้นอย่างเอ็นดู ท่าทางเจ้าตัวจะลืมว่าเขาก็เป็นผีนะ แถมเป็นผีที่พึ่งสิงคนอื่นมาอีกด้วย
"ไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้าของร่างไม่ยินยอม ผีตัวไหนก็สิงไม่ได้หรอก"
เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่กระซิบบอกข้างหู ทำให้ไวเทลหันกลับมามองคนพูดทันที ดวงตาสีฟ้าใสสบกับนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั่นอย่างต้องมนต์ สีเขียวที่ทอประกายอบอุ่นเหมือนผืนป่าที่เงียบสงบนั่น ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ทำให้เขาเหมือนหลุดลอยไปที่ไหนสักที่ มีเพียงแต่เสียงเต้นของหัวใจเท่านั้นที่ดังชัดขึ้นมาในความรู้สึก
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใกล้ขนาดนี้ หลังจากที่เฝ้ามองไกลๆมาแสนนาน คนตรงหน้าเขาใครเห็นก็ยากที่จะละสายตาได้จริงๆ เฟริซิโอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสที่เวลานี้สายชัดถึงความหวั่นไหวชัดเจน เขายิ้มให้กับมันแม้ในใจจะเศร้าหมองแค่ไหนก็ตาม เขาละจากสายตาคู่นั่นมามองริมฝีปากบางแดงระเรื่อ เขามองอย่างปรารถนา ถ้าได้สัมผัสสักครั้งก็คงจะดี แต่นั่นก็คงทำได้แค่คิดเพราะเพียงยกมือหมายจะทัดผมให้อีกคน มือเขาก็ทะลุผ่านเส้นผมไปอย่างง่ายดาย
ไวเทลเห็นความเศร้านัยน์ตาคู่นั้น ความเศร้าที่เขาก็ช่วยเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ ไวเทลหลุบตาลงต่ำอย่างไม่อยากจะมองสิ่งที่เขาแก้ไขมันไม่ได้ไปมากกว่านี้
บรรยากาศหม่นๆที่ลอยฟรุ้งอยู่รอบตัวเขาทั้งคู่ ทำให้เฟริซิโอได้แต่ลอบถอนหายใจ และชวนคุยเรื่องอื่นเปลี่ยนเรื่องทันที
"จริงสิ คุณตกใจที่เจอฟอร์ททำไม"
"หือ?"
ไวเทลเงยหน้ามาสบตาคนเปลี่ยนเรื่องอย่างงุนงง
"ใครนะ?"
"ฟอร์ทไง คนหัวขาวที่เคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์อ่ะ"
"ว่าไงนะ!"
ไวเทลลุกขึ้นยืนและตาโตมองไปที่ผีหนุ่มอย่างตกใจทันที เฟริซิโอที่เห็นไวเทลอยู่ๆก็ลุกขึ้นยืน ก็เลยยืนตามขึ้นด้วย
" นายรู้จักหมอนั่นหรอ!"
"หือ? คุณไม่รู้จักหรอ ฟอร์ทเขาเป็นมือซ้ายของบอสเลยนะ"
!!
---------------------------------
เป็นอย่างที่คิดกันไหมค่าาาาาาาาา สรุปนุ้งเฟย์ ไม่ได้หายไปไหนน้าาาา นางอยู่ข้างไวท์ตลอดนั่นแหละจ้าาาาา
-
คลื่นที่ 17
[ อดีตค่ะ มาสเตอร์ ]
เมื่อเห็นเจ้านายยังคงขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยไม่หาย เอ็ดน่าหรือเอไอคู่ใจของไวเทลก็ร่ายข้อมูลที่หามาได้ให้แก่เจ้านายอย่างหมดเปลือกทันที
[ ฟอร์ทเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองขององค์กรเรา มีความสามารถด้านการแทรกซึมและปลอมตัวสูงมาก ส่วนมากงานที่ฟอร์ททำจะเป็นการแทรกซึมเข้าไปหาข้อมูลในถิ่นศัตรู ไม่ค่อยกลับมาที่ฐาน เลยมีคนรู้จักคุณฟอร์ทน้อยมากค่ะ ]
งั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จัก ปกติงานส่วนมากของไวเทลคืองานเบื้องหน้าที่คอยช่วยเหลือบอสในด้านการจัดการและเจรจาธุรกิจ อาจจะมีไปช่วยงานใต้ดินบ้างแต่ไม่บ่อยมากนัก เพราะงานส่วนนั้นจะมีเลขาของบอสอีกคนคอยดูแลอยู่แล้ว
ไวเทลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่โจทย์เป็นคนใกล้ตัวกว่าที่คิด
"ทำไมหมอนั่นถึงเล่นงานฉัน"
[ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ค่ะมาสเตอร์ แต่จากข้อมูลพอจะบอกได้ว่า ฟอร์ทเป็นบุคคลที่ขึ้นแบล็คลิสคนหนึ่งขององค์กรเรา เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อนเขาทรยศองค์กรโดยการขายข้อมูลของเราให้กับศัตรู กว่าเราจะรู้ตัวเขาก็หายตัวไปแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตามจับเขาได้ค่ะ ด้วยเหตุนี้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกลับมาแก้แค้นที่เราตามล่าเขามาหลายปีด้วยการเล่นงานมาสเตอร์ก็ได้ค่ะ]
"หึ เธอจะบอกว่ายอดฝีมือขององค์กรเป็นร้อยคนตามล่าจับเขามาหลายปีก็ยังทำไม่ได้ แต่ฉันดันโชคดีอยู่เฉยๆก็เจอหมอนั้นซะงั้น"
[มาสเตอร์ช่างโชคดีจริงๆค่ะ]
น้ำเสียงแสดงความยินดีแบบโมโนโทนของเอไอสาว ทำให้ไวเทลได้แต่ปลงตก นี่ยินดีด้วยความจริงใจหรือประชดกันแน่ว่ะ
เฟริซิโอมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาลุกวาว เขากวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น
นี่มันห้องปฎิบัติการลับแบบในหนังชัดๆ!!
ห้องโทนสีขาวที่ไม่มีอะไรประดับตกแต่งเลยนอกจากโซฟานุ่มขนาดใหญ่ที่ปรับนั่งปรับนอนได้กับโต๊ะกระจกเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆโซฟาและตู้เย็นสีขาวแบบฝังกับผนังขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ผนังห้องฟากหนึ่งทั้งหมด ถ้าสั่งการด้วยเสียงผนังที่แต่เดิมมีสีขาวจะมีสีใสเห็นภายในตู้เย็นมีทั้งขนมน้ำและอาหารแช่แข็งเต็มแน่นเอี๊ยด พอลองลอยไปมองใกล้ๆก็จะเจอไมโคเวฟแบบฝังกับผนังข้างๆตู้เย็นเช่นกัน แถมถัดไปยังเป็นประตูสีขาวที่พอเปิดเข้าไปจะเจอห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ใหญ่พอๆกับห้องน้ำบนห้องของไวเทลอีกต่างหาก
ที่นี่อยู่ได้หลายปีแบบไม่ต้องออกไปไหนเลยได้สบายๆ
ตอนแรกที่อยู่ๆก็เห็นไวเทลตกใจกับอะไรบางอย่างวิ่งหน้าตื่นทะลุร่างของเขาเข้าห้องน้ำไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เขาที่ตกใจกับปฎิกิริยานั้นก็ลอยตามไปติดๆด้วยเช่นกัน
ในห้องน้ำเขาเห็นไวเทลพึมพำคำแปลกๆก่อนผนังข้างอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่จะเลื่อนเปิดขึ้นจนเห็นบันไดทางลงไปไหนสักที่ เห็นแบบนั้นว่าตกใจแล้ว ยิ่งตามไวเทลเข้ามาเจอสภาพห้องแบบนี้อีก ยิ่งตกใจตกตะลึงตื่นเต้นคูณสองเข้าไปอีก
หึหึ เจ้าพวกแฟนคลับราชินีทั้งหลาย เขาได้เข้าห้องลับของไวเทลที่พวกแกไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ด้วยนะเว้ย นี่แหละอภิสิทธิ์ของผีแบบเขาล่ะ!
ไวเทลเดินไปนั่งที่โซฟาโดยไม่สนใจผีที่ยิ้มแปลกๆอย่างกับคนพี้ยา เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด ดูท่างานนี้ต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบมากกว่าเดิมซะแล้ว
อีกทางด้านหนึ่ง
ภายในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากเทียนไฟไม่กี่เล่มที่รายล้อมร่างของชายหนุ่มไว้ ตรงกลางพื้นด้านหน้ามีสายสิญจน์และเครื่องรางของขลังแปลกตาวางเต็มพื้น
เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั่วไรผมทั้งๆที่ภายในห้องเปิดแอร์ไว้เย็นเชียบ ริมฝีปากสีซีดทำให้คนที่ยืนมองมาสักพักรู้สึกอดเป็นกังวลไม่ได้ แม้จะอยากเข้าไปช่วยเหลือชายตรงหน้ามากแค่ไหน เขาก็ทำได้แค่ยืนรอเงียบๆเท่านั้น
ผ่านไปสักพักดวงตาสีเขียวเย็นชาก็ลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาปรายตามองไปที่เลขาหนุ่มที่ยืนอยู่มุมห้องเขามาสักพักแล้วนิ่งๆ
เลขาหนุ่มค่อยๆนั่งคลานเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นของบางให้อย่างนอบน้อม
“นี่ครับของที่ประมูลมาได้”
เฟาสต์รับของชิ้นนั้นมาด้วยดวงตาเปร่งประกาย วันนี้ถือว่าคุมค่าจริงๆ แม้จะบอกว่าให้ไวเทลไปเอาของชิ้นหนึ่งมาให้ แต่วัตถุประสงค์หลักของเขาจริงๆแล้วอยู่ของชิ้นนี้ต่างหาก ของหายากที่ต้องให้ลูกน้องไปประมูลแย่งชิงมา โชคดีที่คนที่นี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและทำอะไรได้บ้าง เขาเลยประมูลมาได้ในราคาถูกแสนถูก
ดวงตาสีเขียวหม่นมองกริชสีแดงเล่มเล็กที่ให้ความรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด
เลขาหนุ่มเมื่อเห็นว่าเจ้านายที่เคารพมองของชิ้นนั้นนิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดจะถามออกไปไม่ได้
“มันจะดีจริงๆหรือครับ”
เฟาสต์นิ่งเงียบไม่ตอบคำ เขาเหม่อมองออกที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ที่ภายนอกมีแต่เพียงแสงดาวริบหรี่ไร้ดวงจันทร์กลมโต ความมืดสนิททำให้อำนาจบางอย่างของเขายิ่งมีพลังรวมถึงกริชเล่มนี้ด้วย
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
ใช่ทุกอย่าง...ทุกอย่างจะต้องไปได้สวยเพราะหมากที่เขาวางไว้เริ่มเดินไปอย่างที่เขาต้องการแล้ว
----------------------
มาถึงตรงนี้ใครเจอปริศนาอะไรบ้างคะ พอจะเดาได้ยั้งว่าใครกันนะที่ใส่ร้ายนุ้งเฟย์ เรื่องนี้เงื่อนงำเยอะมากกกกก ตามต่อกันไปด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนนะ คอมเม้นติชมได้เลยจ้าาา
-
:pig4:
:3123:
-
ติดตาม
-
คลื่นที่ 18
"เอ็ดน่า เปิดโปรเจ็ค 'ส่งผีไปเกิด' ทีสิ"
[รับทราบค่ะ มาสเตอร์]
พรึ่บ
สิ้นเสียงโมโนโทนตอบรับของเอไอ ทั้งห้องก็ถูกหรี่ไฟลงเล็กน้อยทันที ผนังรอบด้านที่มีสีขาวก็ค่อยๆปรากฏข้อมูลมากมายขึ้นจนเต็มผนังทุกด้าน เฟริซิโอได้แต่มองทุกอย่างอย่างตะลึง
นี่มันข้อมูลเรื่องของเขานิ!!
แค่ไม่กี่วันทำไมถึงมีข้อมูลมากมายขนาดนี้ เฟริซิโอได้แต่มองรอบๆห้องอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองไวเทลที่ตอนนี้ตรงหน้าเจ้าตัวปรากฏภาพโฮโลแกรมเป็นรูปร่างของเขาแบบเต็มตัว ข้างๆกันก็มีข้อมูลส่วนตัวของเขามากมายผุดขึ้นมา แถมบนหัวภาพโฮโลแกรมตัวเขานั้นก็ยังมีข้อความขนาดใหญ่ว่า ส่งผีไปเกิด? อะไรล่ะนั่น
เขาลอยเข้าไปดูภาพโฮโลแกรมจำลองตัวเองแบบใกล้ๆ
“เอ็ดน่า ข้อมูลมันเกินจำเป็นมากไป เอาที่สำคัญต่อภารกิจก็พอ”
[ค่ะ]
ภายในพริบตาข้อมูลมากมายที่มีอยู่รอบผนังห้องทุกด้านก็หายไป เหลือเพียงภาพโฮโลแกรมและข้อมูลนิดหน่ออยู่ตรงหน้าไวเทลเท่านั้น
เฟริซิโออ่านข้อมูลหรือหลักฐานที่ไวเทลรวบรวมมาอย่างอึ้งๆ นี่ใช้เวลาไม่กี่วันจริงดิ!! ว่าแล้วก็หันไปมองไวเทลสลับกับข้อมูลไปมา...สุดยอดสมเป็นเลขาบอสจริงๆ
“ไวท์ คุณหาข้อมูลได้เร็วจัง”
ไวเทลมองเห็นประกายของความชื่นชมในดวงตาคู่นั้นก็เงียบไป แน่นอนเขาไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้คนเดียวหรอก เขาแค่เจออะไรน่าสงสัยมีข้อมูลอะไรที่ได้มาก็โยนให้เอ็ดน่าไปทั้งหมด แล้วเอ็ดน่าก็จะแบ่งแยกข้อมูล เรียบเรียง เชื่อมโยงความเป็นไปได้และสรุปออกมา แค่นี้งานของเขาก็จะง่ายขึ้น แต่ถึงจะอย่างนั้น ข้อมูลนี่ก็ยังมีช่องโหว่อีกมาก
“แต่ไม่สุดสักข้อมูล ตอนนี้เหมือนฉันกำลังต่อจิ๊กซอร์เลย มีแต่ข้อมูลเป็นชิ้นๆทั้งนั้น”
ใช่ เรียกว่าข้อมูลเป็นชิ้นๆ ไม่ประติดประต่อสักอย่าง ทุกอย่างไม่มีการเชื่อมโยงถึงได้กันได้เลย ดูมั่วไปหมด เห็นแล้วก็เหนื่อยใจสุดๆ ท่าทางงานนี้ยังอีกยาวไกลแน่ๆ
เฟริซิโอที่เห็นไวเทลทำหน้าหงอยๆก็หันไปยิ้มกว้างให้กำลังใจทันที
“เก่งแล้วครับ แค่ไม่กี่วันเอง ได้เท่านี้ถือว่าสุดยอดมากแล้วนะ”
“เหอะ”
พอพ่นลมใส่ก็หันหน้านี้สายตาวิบวับอ่อนโยนนั่นทันที คนอะไรชอบยิ้มพร่ำเพรื่อ
“แต่...มันก็งงๆจริงๆนั่นแหละ อย่างข้อมูลนี้คืออะไร” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ข้อมูลหนึ่ง ที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเบอร์สอง อะไรคือเบอร์สอง?
“หึ”
พอไวเทลเห็นข้อมูลนั้นก็ยิ้มหยันออกมาทันที
“ก็คนที่นายโกงเงินหลายร้อยล้านขององค์กรไปประมูลให้ออกมาจากโรงประมูลใต้ดินไง”
“ห๊ะ” เฟริซิโอถึงกับหันไปมองไวเทลอย่างงุนงง
มาถึงตรงนี้ไวเทลก็ลุกขึ้นยืนนำนิ้วไปจิ้มที่ข้อมูลนั้น ลากมาไว้ตรงกลางและอธิบายเป็นฉากๆให้ผีหนุ่มฟังทันที
"นี่คือบัตเตอร์หลายเลข 2 ของผับ ราเวล เลซี่"
แล้วภาพของเด็กหนุ่มร่างบางที่หน้าตาอ่อนเยาว์ไร้เดียวสานุ่มนิ่มเหมือนตุ๊กตาก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้า
"เมื่อก่อนราเวลเป็นลูกคุณหนูที่ถูกพ่อที่เป็นหนี้พนันในคาสิโนของเราส่งมาขายประมูล แน่นอนรูปร่างหน้าตาแบบนี้คงถูกใจใครหลายๆคน จนมีคนแย่งกันประมูลอย่างล้นหลามหนึ่งในนั่นก็คือนายที่ไปแย่งประมูลกับคนอื่นจนชนะประมูลไปในราคาร้อยล้านดอลล่าร์ แต่นายเป็นแค่หัวหน้าคุมผับที่ไม่ได้มีเงินถึงขนาดนั้นเลยทำการโกงเงินองค์กรไปจ่ายค่าตัวราเวลแทน ต่อมาไม่นานนายก็ถูกจับได้และตาย"
!?
มาถึงตรงนี้เฟริซิโอก็เหวอหนักทำตัวไม่ถูกทันทียิ่งมาเห็นสายตาเย็นชาที่ถูกตวัดมองมายิ่งไปไม่เป็น
" ผะ.. ผมไม่ได้ทำนะ!! "
เห็นผีหนุ่มรนรานตอบแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้มขำในใจ เรื่องนั้นเขารู้อยู่แล้ว
" ใช่ นายไม่ได้ทำ นายคงไม่รู้จักราเวลด้วยซ้ำ ตอนที่ไปผับคราวก่อนนายไม่มองขึ้นไปบนเวทีเลยสักนิด ข้อมูลนี้น่าจะผิดพลาดมีคนใส่ความนาย"
"อ่า..."
เฟริซิโอถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆเท่านั้น เขาปิดปากเงียบไปถามอะไรอีกเลยเพราะกลัวจะงานเข้าแบบไม่ทันตั้งตัวอีก!
ไวเทลมองตรงไปที่ข้อมูลทั้งหลายอย่างปลงตก ถ้าเฟริซิโอไม่ได้โกงเงินไปประมูลราเวลแล้วเงินหายไปไหน? ไหนจะเรื่องของฟอร์ท เรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยของเขาที่คาดจะมีคนทรยศอยู่อีก ทุกอย่างไม่รู้จะเกี่ยวเนื่องกันไหม ตอนนี้ได้แต่ปลงกับความข้อมูลอันน้อยนิดนี้จริงๆ แต่เขาก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่จะสามารถหามาได้ ถ้าอยากได้มากกว่านี้เห็นที่ต้องลงมือไปสืบด้วยตัวเองจริงๆแล้วล่ะ
"งานนี้ไม่ง่ายเลย"
"..."
"คงมีแต่ต้องแฝงตัวเข้าไปเท่านั้นสินะ"
"อะไรนะ!"
ไวเทลหันไปมองเฟริซิโอก่อนจะตอบอย่างหนักแน่น
"ถ้าเรื่องทั้งหมดเกิดที่ผับนั่นมีแต่ต้องไปอยู่ที่นั่นเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด"
เฟริซิโอเห็นสายตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังคู่นั้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายหนักใจ เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้วสิงานนี้
------------------------------------
ได้เวลาลุยเดี่ยวแล้วพี่น้องงงงงงง มาลุ้นกันว่าไวท์จะแฝงตัวไปสืบยังไงกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนและทุกกำลังใจ ฝากเม้นให้กำลังใจเค้าด้วยนะ เค้าจะได้มีแรงมาอัพให้ไวไว 55555
-
:pig4:
o13
-
คลื่นที่ 19
"ฟะ...."
"เฟ.."
"เฟาสต์!"
เฟาสต์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ความรู้สึกเหมือนมีคนเรียกอยู่ไกลๆก่อนจะใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนต้องลืมตามาดู ทันทีที่นัยน์ตาสีเขียวเย็นชาสบกับดวงตาสีเขียวที่กำลังตื่นตระหนก ก็ขมวดคิ้วยุ่งใส่ทันที
ยิ่งหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาตีสาม เขาก็ถอนหายใจใส่ผีตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายไม่ปิดบัง
"มีอะไร"
ผีร้อนใจไม่รอช้าพุ่งไปพูดธุระที่ตัวเองมากวนใครบางคนตอนตีสามทันที
"แย่แล้วล่ะ! ไวเทลจะแฝงตัวเข้าไปในตึกซิริโนแล้ว"
พอได้ยินแบบนั้นคนที่พึ่งลืมตาตื่นก็ยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อมากกว่าเดิม
"ตอนนี้? "
"เปล่าหรอก แต่ก็ไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอน"
"แล้วมาบอกฉันทำไม...ตอนนี้"
เฟาสต์เน้นเสียงหนักคำสุดท้ายก่อนจะพ่นลมใส่อย่างเหนื่อยใจ มีเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวันแม้แต่เวลานอน หรือเขาคิดผิดที่ยื่นมือไปช่วยหมอนี่กัน?
ยิ่งเห็นว่าผีบางตัวทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่าทำไมต้องรีบแจ้นมาบอกเขาตอนนี้แทนที่จะรอเช้าสายตาที่เขามองไปก็ยิ่งเย็นชาขึ้นทันที
"เออ...ผมร้อนใจมาก"
ก็คงจะมากจริงๆ มากถึงขนาดรีบมาหาเขาตอนตีสาม!
ยิ่งเห็นสีหน้ามืดครึ้มของเฟาสต์ เฟริซิโอก็ยิ่งยิ้มเจื่อนมากขึ้น
"เอาเป็นว่า...คุณพักเถอะ เดี๋ยวผมมาพรุ่งนี้เช้าใหม่ก็ได้"
เท่านั้นแหละเฟาสต์ก็ตวัดตาคมมองอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิมทันที ตอนนี้เขาตื่นแล้ว แต่ผีบ้าบางตัวดันบอกว่าจะจากไปเพื่อมาใหม่เนี่ยนะ
"มีิอะไรก็พูดมา"
"เออ...คือ"
"ถ้านายไม่พูด ฉันบอกเจ้าที่ที่นี่ไม่ให้นายเข้าได้อีก"
เพียงเท่านี้เฟริซิโอก็ตาโต รีบพูดบอกทันที ถ้าหมอนี่ไม่ให้เขาเข้ามาที่นี่ เขาแย่แน่ๆ! เพราะโลกนี้คนที่มองเห็นเขามีแค่ไวท์และเฟาสต์เพียงเท่านั้น
"ผมต้องการให้คุณช่วย"
"..."
"ผมต้องการยืมร่างของคุณ"
"..."
เฟริซิโอมองคนตรงหน้าอย่างคาดหวังแม้ในตาคู่นั้นจะเย็นชาจนเดาความคิดไม่ออกเลยก็ตาม
ผีนี่ท่าจะได้ใจมากไปจริงๆ
"ทำไมฉันต้องช่วยนาย"
พอเห็นเฟริซิโอจะอ้าปากพูดเฟาสต์ก็สวนขึ้นมาทันที
"นายจะอ้างอะไรอีก จะยอมช่วยทุกอย่างที่ฉันขอ โดยจะใช้ร่างของฉันเนี่ยนะ? ฉันทำเองดีกว่าไหม รู้ตัวหรือเปล่าว่านายไม่ใช่คนอีกแล้ว นายคือวิญญาณ วิญญาญเร่ร่อนที่รอเวลาไปเกิดเท่านั้น แล้วยังจะขอยืมใช้ร่างฉันพร่ำเพรื่ออีก ทำไมฉันต้องให้นาย ครั้งก่อนมันก็มากเกินพอแล้ว "
เจอความจริงกระแทกใส่หน้าเต็มๆ เฟริซิโอก็ได้แต่นิ่งอึ้งหน้าสลดลงทันที ใช่...เฟาสต์พูดถูก เขาตายแล้ว คนตายมีสิทธิอะไรมายุ่งกับร่างคนเป็นแค่ครั้งก่อนหมอนี่ให้ยืมก็ดีแค่ไหน สงสัยการที่ทำให้เขามีเนื้อหนังเพื่อดูแลใครบางคนที่ปรารถนามานานจะทำให้เขาได้ใจจริงๆ
เฟาสต์เฝ้ามองสีหน้่าเศร้าหมองของผีตรงหน้าอย่างสมใจ ก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่จะทำให้แผนของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น จริงๆก็ไม่คิดว่าทุกอย่างที่วาดไว้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นข้อดีล่ะนะ
"ก็ได้"
เฟริซิโอรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดด้วยประกายแห่งความหวังทันที
"แต่มีข้อแม้ นายจะต้องไปเอาข้อมูลอย่างหนึ่งจากตึกซิริโนมาให้ฉัน ถ้าตกลง ฉันจะให้นายยืมร่าง แต่ร่างที่จะให้นายยืมไม่ใช่ร่างฉันอย่าง
แน่นอน ว่าไงล่ะ"
เฟริซิโอแทบไม่ต้องคิดเขาพยักหน้าตอบตกลงด้วยความดีใจทันที เวลานี้เฟาสต์จะเอาข้อมูลอะไรเขายินดีไปหาให้ได้หมด เพราะตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ ถ้าเขาเป็นแค่วิญญานอยู่แบบนี้ แม้จะอยู่เคียงข้างไวเทลได้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ถ้ามีร่างเนื้ออย่างน้อยก็พอจะช่วยเหลือได้บ้าง ถามว่าทำไมไม่ห้ามให้ไวเทลไม่ไปเสี่ยงอันตราย ใครจะไปห้ามได้!
ก่อนมาหาเฟาสต์เขาทะเลาะและเถียงกับไวเทลมาแล้วใหญ่โต เจ้าตัวไม่ยอมท่าเดียวยืนยันนอนยันต้องเข้าไปสืบด้วยตัวเองให้ได้ แม้เขาจะใช้มุกตาหลุดเดิมๆแล้วก็ตาม เจ้าตัวก็ทำเป็นเข้มแข็งไม่หวาดแค่ตาจะหลุดต่อไปอีกแล้ว จะทำมากกว่านี้ก็พลังเริ่มจะไม่พอ นี่ความลับเลยนะภาพลักษณ์แบบวันแรกที่เจอกับไวเทลทำได้แค่วันนั้นเท่านั้นแหละ ที่เหลือคือขู่ทั้งนั้น! ดื้อ! น่าตีเป็นที่สุด อย่าให้เขามีร่างเนื้ิอนะ จะจับมาลงโทษซะให้เข็ด!
"แล้วนายจะให้ฉันไปเอาข้อมูลอะไรมาให้"
เฟาสต์เงียบไปสักพักก่อนน้ำเสียงแหบพร่าเย็นชาจะพูดออกมา
"ข้อมูลส่วนผสมของยา LC-00 ที่กำลังระบาดอย่างเงียบๆในหมู่บัตเตอร์ของพวกนาย"
----------------------------
ใครถามหาร่างให้นังเฟย์ ตอนหน้าเจ้าตัวจะมีร่างสิงสถิติไม่เป็นผีลอยไปลอยมาแล้วจ้าาาาา ตบมือออ
ขอบคุณทุกแรงใจนะคะ มาร่วมด้วยช่วยเข็นกันต่อไปด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้กำลังกระตืบๆไปแล้ววว
-
:pig4:
:3123:
-
คลื่นที่ 20
"แปลกจังนะครับ ไม่คิดว่าคุณจะชอบอะไรแบบนี้"
เมื่อมองตามสายตาของช่างทำผม ไวเทลก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
"ผมว่ามันก็น่ารักดีนะครับ"
ช่างทำผมมองสิ่งนั้นอีกรอบก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้เท่านั้นแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ารสนิยมคนเรานี่แปลกชะมัด ของแบบนั้นมันน่ารักตรงไหนกัน
ไวเทลมองเจ้าของประหลาดที่ถูกห้อยอยู่กับอกเสื้อด้วยแววตาขบขับ นัยน์ตาสีฟ้าไหวระริกด้วยความสนุก ยิ่งมองก็ยิ่งแปลกจริงๆนั่นแหละ ตัวเขาที่ใช้ของแบรนด์เนมเรียบหรูตั้งแต่หัวจรดเท้า กลับมีของประหลาดๆอย่างตุ๊กตาเชือกโง่ๆห้อยอยู่กับอกเสื้อไม่ห่าง ดูยังไงก็ไม่เข้ากับบุคลิกของเขาสุดๆ แต่พอคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไรก็พอจะหยวนๆมองว่ามันน่ารักได้ล่ะนะ
'มองพอยั้ง'
แต่เหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้นแฮะ
เฟริซิโอมองประกายความขบขันในดวงตาคู่นั้นด้วยความหงุดหงิด แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ที่อยากทำหน้างอลก็ทำไม่ได้ ไอ้ตุ๊กตานี่หน้าตาไร้ชีวิตชะมัด!!
ว่าแล้วผีที่อยู่ในร่างตุ๊กตาก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งสุดขีด ใครจะไปคิดว่าไอ้ร่างชั่วคราวของเฟาสต์จะเป็นร่างนี้ว่ะ ไอ้ร่างนี้มันจะไปทำอะไรได้ นอกจากห้อยต่องแต่งไปวันๆเนี่ย!
'นายสามารถบังคับให้มันขยับได้ ถ้าจิตนายแกร่งพอ'
แล้วเสียงเย็นชาของใครบางคนก็ลอยเข้ามา
ยิ่งนึกก็ยิ่งอยากจะเบ้ปากใส่ เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่รู้ว่าต้องเข้าไปอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ เขาถึงกับอึ้งไปไม่เป็น แต่คนตรงหน้ามันไม่สนความอึ้งของเขาเลยสักนิด ได้แต่พูดอธิบายเยอะแยะมากมายจนเขาตามแทบไม่ทัน พูดเสร็จก็จับวิญญาณเขายัดเข้่าตุ๊กตาผีนี่ทันที แถมยังใจดีมาส่งเขาให้ถึงมือไวเทลด้วยตัวเองอีกต่างหาก
ตอนแรกที่ไวท์รู้เรื่องก็อึ้งไปสักพักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะเสียงใสกังวาลอย่่างไม่ปิดบัง เห็นประกายความตลกขบขันใจในตาคู่นั้นแล้วก็ทั้งอยากฟัดและอยากงอลไปในเวลาเดียวกัน
ให้ตายเถอะว่ะ!
ตอนเจอก่อนตายก็โคตรย้ำแย่ ตายแล้วยิ่งย้ำแย่กว่าอีก จะไม่มีลุคเท่ๆให้เขามาปกป้องไวเทลแบบในหนังบ้างเลยหรือไง!
ดูดิ ขนาดผ่านมาหลายวันแล้วแต่เมื่อไวเทลเหลือบตามองเขาทีไรเป็นต้องยิ้มหรือไม่ก็หลุดขำทุกที น่าตลกนักหรือไง คนเป็นผีได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านไม่ได้ดั่งใจสักอย่างอยู่ในตุ๊กตา แม้ความขุ่นเคืองนั้นไวเทลจะสัมผัสได้ แต่จะให้เขาไม่ขำทุกครั้งที่เห็นเกรงว่าจะไม่ได้! ถือว่าการเอาคืนเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยล่ะกัน
"เสร็จแล้วครับ"
ช่างทำผมปิดเครื่องที่ครอบอยู่บนผมของไวเทลก่อนกดปุ่มยกมันออกมา ทันทีที่ครอบผมถูกยกออกไป เส้นผมยาวตรงสีขาวก็ตกลงมาเคลียบั้นเอวคอดทันที
ไวเทลละสายตาจากเฟริซิโอไปมองผมตัวเองที่ทำเสร็จแล้วช้าๆ สีผมแปลกตาทำให้เขาค่อยๆสางมันเบาๆ สัมผัสนุ่มลื่นมีน้ำหนักต่อให้กระชากแรกก็ไม่หลุดนี่ถือได้ว่าเหมือนของจริงๆสุดๆ
ในขณะที่ไวเทลกำลังสำรวจผมตัวเองอยู่นั้น เฟริซิโอก็อดจะตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่บนกระจกตรงหน้าไม่ได้ ก่อนหน้านี้ด้วยความหงุดหงิดเลยไม่ทันสังเกตนักว่าการปลอมตัวของไวเทลครั้งนี้จะสวยขนาดนี้ นี่บัตเตอร์อันดับหนึ่งของผับต้องถึงคราวมัวหมองแล้วแน่ๆ!
เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวไกล แม้แต่การแต่งหน้าทำผมเดี๋ยวนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึงระดับ DNA แล้ว! แม้จะชั่วคราวแต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย
ไวเทลได้แอบติดต่อช่างหน้าช่างผมไว้แล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ต่างกับการทำศัลยกรรมชั่วคราวที่มีระยะเวลาแค่ 1 เดือนก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปและกลับไปเป็นแบบเดิม สำหรับคนทั่วไปการแต่งหน้าทำผมระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมไปสักนิด เพราะรัฐบาลป้องกันด้วยการที่จะแต่งหน้าทำผมระดับนี้ต้องขออนุญาตก่อนเสมอ แม้ไม่ได้ขอยากอะไรแต่ค่าขออนุญาตก็ไม่ได้น้อยเลยสักนิด แถมคนทำยังต้องขึ้นทะเบียนว่าทำอีกด้วย
แน่นอนว่าไวเทลต้องจ้างช่างเถื่อนอยู่แล้วเพื่อยากต่อการตรวจสอบ ก็นะมีเงินมากหน่อยเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้น่ะหรอ? ถ้าเขาไม่ปลอมตัวแบบเนียนๆเข้าไปเกรงว่าแค่ลงจากรถทุกคนก็คงจำเขาได้ทันที จนสืบอะไรไม่ได้เลยแน่ๆ และแน่นอนไหนๆก็จะสืบเรื่องของบัตเตอร์ทั้งที เขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในผับและใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์เท่านั้น ใครจะใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์ได้เท่ากับบัตเตอร์กันเองจริงไหม? แล้วยิ่งพวกระดับสูงไม่ค่อยคุยกับพวกระดับล่างด้วยแล้วเขาจึงต้องปลอมตัวให้สวยมากพอที่จะไต่ไปถึงระดับสูงได้
เมื่อคิดแบบนี้แล้วไวเทลก็รับเคลียร์งานทั้งหมดที่ค้างภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเต็มๆก่อนจะทำการยื่นเรื่องลาพักร้อน 3 เดือนและผลักภาระทั้งหมดให้อูบาร์โดทันที
เมื่อจัดการงานเสร็จก็หาจ้างช่างหน้าช่างผมที่เชี่ยวชาญการทำหน้าทำผมมือฉมังมาช่วยแปลงโฉมเขาด้วยเงินสูงลิบทันที โชคดีที่พื้นเพไวเทลเป็นคนหน้าตา ผิวพรรณและรูปร่างถือว่าดีมากอยู่แล้ว ช่างหน้าช่างผมเลยไม่ปรับอะไรมากนักนอกจากปรับโครงหน้าเรียวบางคล้ายผู้หญิงมากขึ้น กับปรับรูปลักษณ์ให้ดูโดดเด่นกระแทกตา แม้มองจากหอคอยงาช้างลงมาก็มองเห็นได้ และด้วยเหตุนี้เองการปรับโฉมของไวเทลเลยใช่เวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้น!
แถมพอทำเสร็จแล้วพวกเขาก็หมุนไวเทลไปมาอย่างชื่นชม นี่ถือเป็นผมงานชิ้นโบว์แดงเลยก็ว่าได้ จากดวงหน้าเรียวคมที่จะมองว่าสวยแบบผู้ชายหรือบางมุมก็งามแบบผู้หญิงโซนยุโรปของไวเทลก็ได้ ถูกปรับให้เรียวบางค่อนไปทางเอเซียมากขึ้น ผิวขาวกระจ่างใสอมชมพูที่ช่วยขับให้ดวงตาเรียวคมสีแดงทับทิมดูโดดเด่นเป็นประกายงดงาม ขี้แมลงเล็กๆตรงมุมปากช่วยเสริมเสน่ห์ให้ใบหน้าและปากอิ่มมีเสน่ห์เย้ายวนแบบแปลกๆ ประกอบกับเส้นผมยาวสลวยเคลียบั้นเอวสีขาวที่เป็นประกายทุกครั้งที่ต้องกับแสงไฟด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนมองตาพร่าเบลอเข้าไปใหญ่ นี่นางฟ้าตกสวรรค์หรือนางมารจำแลงที่จะล่อลวงผู้คนให้ลุ่มหลงเมามายจนถอนตัวไม่ขึ้นกันแน่!
"โอ๊ยยย! สวยมากจริงๆค่ะคุณน้อง"
ไวเทลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดปลื้มปริ่มปานจะขาดใจของช่างแต่งหน้าชายใจหญิงนั่นเบาๆ ยอมรับว่ารูปลักษณ์แบบนี้สวยมากจริงๆ แบบนี้ละที่เหมาะจะไต่เต้าขึ้นไประดับสูงๆของพวกบัตเตอร์ได้ ไวเทลยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจจนไม่รู้สึกถึงกระแสทะมึนไม่พอใจจากตุ๊กตาที่ห้อยอยู่ตรงอกเสื้อเลยสักนิด
แม้ตอนแรกจะตะลึงจนตาพร่าแต่พอมองไปมองมาดีๆแล้วก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้ ปกติไวเทลก็สวยอยู่แล้วติดแค่ชอบทำหน้านิ่ง แต่นี่ช่างหน้ากับทำให้ปากเป็นกระจับยกขึ้นน้อยๆเหมือนยิ้มบางๆตลอดเวลา ดูเป็นมิตรน่าเข้าหามากขึ้นแถมยังสวยมากกว่าปกติไปอีก
บัดซบ! ไม่อยากให้ใคนเห็นเลยเว้ย เขาหวง หวงแทบบ้า! แต่นอกจากความหวงก็มีความเป็นห่วงจนล้นใจอีกด้วย ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนี้แน่นอนว่าจะต้องสืบข่าวจากพวกระดับสูงได้แน่ๆ แต่ก็เพราะแบบนี้ด้วยแหละที่จะดึงดูดพวกอันตรายให้เข้าหามากขึ้น แล้วไอ้ร่างตุ๊กตาโง่ๆนี่จะไปช่วยอะไรได้
โอ๊ยยย! เขาคิดผิดหรือเปล่าว่ะ
ถ้าตอนนี้สารภาพออกไป ไวเทลจะหยุดที่กำลังทำมทั้งหมดนี่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน หวาดหลัว หวง ห่วง ปนกันมั่วไปหมด แต่ทุกอย่างก็มาไกลจนยากจะย้อนกลับหรือเขาจะปล่อยเลยตามเลยรีบสืบหารีบจบงานดี...เวลานี้เขาควรทำไงกันดี
ไวเทลได้แต่มองตัวเองในกระจกโดยไม่รับรู้ถึงความกังวลของเฟริซิโอเลยสักนิด นัยน์ตาสีทับทิมมีประกายความมุ่งมั่นแน่วแน่จ้องตรงไปทางกระจกนิ่งๆ
นี่แหละ...ที่จะทำให้เขาหาความจริงทั้งหมดมาได้
รอก่อนเถอะตึกซิริโน ถ้าความลับมันเยอะนัก เขานี่แหละจะเข้าไปล้วงมันออกมาให้หมดเอง!
-----------------------
จบเฟส 1 แล้วนะคะ ไปต่อเฟส 2 โลดดดด ลุยในผับกันยาวๆล่ะที่นี้
-
คลื่นที่ 21
"ทำไมคนมีแค่นี้"
นิโคโรขมวดคิ้วฉับทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า เขาทำงานที่นี่มาหลายปีแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเข้าผับน้อยขนาดนี้ น้อยขนาดที่กวาดตามองรอบหนึ่งยังนับนิ้วได้...เกิดอะไรขึ้นกัน
"เอ่อ..."
เมื่อหันมาเห็นสีหน้าอึกอักไม่มั่นใจของเลขาก็ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดยิ่งกว่าเดิม
"มีอะไรก็พูดมา"
เลขาคู่ใจที่เห็นเจ้านายเริ่มฉายรังสีอำมหิตก็ยิ่งหลั่งเหงื่อเย็น เรื่องนี้ออกจะพูดยากสักนิด ตอนแรกที่เขาเห็นคนมาเข้าผับน้อยขนาดนี้เขาก็ตกตะลึงมากแล้วแต่ยิ่งรู้สาเหตุยิ่งตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม แล้วถ้านิโคโรรู้ว่าสาเหตุคืออะไรโบนัสสิ้นปีของเขาต้องปลิวแน่ๆ!
คนเป็นเลขาที่กำลังปลงตกจากโบนัส ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลายตามองเจ้านายตาปรอยเผื่อเจ้านายจะเวทนาไม่ลดโบนัสเขาบ้าง
"คุณ...ตามมาดูด้วยตาตัวเองเถอะครับ"
เขาไม่ได้คาดหวัง เรียกว่าไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผับเขาต้องคนน้อยในรอบสิบปีจะงดงามขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่ความสวยงามนี่ดันมาอยู่ในที่แคบๆอย่างร้านนั่งดริ้งค์ชิคๆเล็กๆที่อยู่ในหลืบหนึ่งของย่านมิสติโคแห่งนี้เท่านั้น
เส้นผมสีขาวที่ทอประกายล้อกับแสงไฟ ดวงตาสีแดงที่แค่กวาดตามองไปที่ใครก็เหมือนจะทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจ รอยยิ้มมุมปากบางๆที่ชวนให้ลุ่มหลง...ก็ไม่น่าแปลกที่ฝูงชนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเพียงได้ยลสักเสี้ยวก็ยังดี
เวลานี้แค่เจ้าตัวขยับไปซ้ายหน่อยกวาดตานิดผู้คนก็พร้อมใจกันกลั้นหายใจอยู่แล้ว มาถึงตรงนี้นิโคโรก็ตวัดสายตาเย็นชาใส่เลขาตัวเองทันที คุณเลขาที่หลั่งเหงื่อเย็นมาสักพักพอมาเห็นสายตานี้ก็ได้แต่สะดุ้งและคิดว่า... ลาก่อนนะเจ้าโบนัส
"ขอโทษครับ"
นอกจากก้มหน้ายอมรับผิดเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!
นิโคโรได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ลูกน้องเขานี่มันตาถั่วจริงๆ คนที่มีแรงดึงดูดขนาดนี้กลับมาอยู่ที่เล็กๆแทนที่จะเชิดฉายที่ตึกซิริโนของเขา ปกติคนสวยๆแรงดึงดูดเยอะๆถ้าหลุดมาย่านนี้เมื่อไหร่ ลูกน้องเขาจะทาบทามมาเป็นบัตเตอร์ทันที แล้วที่งดงามระดับเทียบเท่าหมายเลขหนึ่งของผับขนาดนี้ ทำไมพวกลูกน้องถึงตาถั่วมองไม่เห็นได้กัน งานนี้มีตัดเงินเดือนแน่นอน!
"จบคืนนี้ ติดต่อให้ไปอยู่ที่ตึกใหญ่ซะแล้วก็สืบประวัติให้เรียบร้อยอย่าให้พลาดอีก"
นิโคโรปรายตามองคนผมขาวนัยน์ตาทับทิมด้วยประกายประหลาดบางอย่างก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ลูกน้องจัดการเรื่องทั้งหมดแทน
'นิคมันเดินไปแล้ว'
"อืม"
ไวเทลมองตามแผ่นหลังกว้างเรือนผมสีแดงเพลิงโดดเด่นที่แม้จะอยู่ไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างสมใจ คาดว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาติดต่อให้เขาเข้าไปอยู่ในตึกซิริโนแน่ๆ
ต้องบอกก่อนว่าการจะมาปรากฎอยู่ที่ร้านเล็กๆแห่งนี้ในย่านมิสติโคนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปเช่นกัน แถมเขายังมาถึงที่นี่ได้สามวันแล้วแต่คนของนิโคโรพึ่งโผล่มาถือว่าช้ากว่าที่คาดไปจริงๆ เขาคิดว่าแค่คนหน้าตาแบบนี้หลงเข้ามาที่นี่พวกหมาล่าเนื้องามของนิโคโรจะโผล่พรวดมาเชิญไปตึกซิริโนเลยทันทีซะอีก แต่ผิดคาดเขาต้องอยู่ที่เล็กๆนี่ถึงสามวัน ทำกำไรให้ร้านมหาศาลในรอบสิบปีเพียงแค่นั่งเฉยๆจนผู้จัดการร้านยิ้มแก้มฉีก เรียกว่าทำงานล่าช้ามากเกินไปจริงๆ
เอาเถอะถึงจะช้าไปสักนิดแต่การที่เขาอยู่นี่ถึงสามวันก็พอจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแม้จะน้อยแต่ก็ถือว่าคิดถูกจริงๆที่โยนตัวเองเข้ามาสืบถึงถิ่นเสือ แต่ตอนนี้มันมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่...
ไวเทลปรายตามองตุ๊กตาเชือกที่ห้อยอยู่ตรงอกนิ่งๆ หลายวันแล้วที่เฟริซิโอขลุกอยู่แต่ในตุ๊กตานี่แถมยังเงียบขรึมผิดปกติ บางทีถามคำตอบคำด้วยซ้ำ จะโผล่ออกมาให้เห็นก็แค่ช่วงกลางคืนแถมโผล่มาแล้วก็ไม่คุยอะไรอีกเห็นแต่นั่งหลับตาโง่ๆอยู่ทั้งคืน พอเขาถามว่าเป็นอะไรก็บ่ายเบี่ยง เฮอะ! คิดว่าอยากรู้เรื่องของนายมากหรือไง ว่าแล้วก็เชิดหน้่าไม่สนใจแต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ปรายตามองเจ้าก้อนเชือกนี่อีกครั้งแล้วก็เป็นแบบนี้ไปจนถึงเวลาร้านปิด...
ตุบ
ไวเทลทิ้งกายลงบนเตียงในห้องพักเล็กๆที่ทางร้านจัดให้อย่างเหนื่อยอ่อน ใช่...เหนื่อย แม้จะนั่งเฉยๆก็เหนื่อยนะเฟ้ย ว่าแล้วก็ปรายตามองผีบางตัวที่พึ่งออกมาจากตุ๊กตามาลอยอยู่แถวๆตัวเขาอย่างเหม่อลอย นอกจากจะเหม่อไม่สนใจเขาแล้วยังถอนหายใจใส่อากาศอีกเฮือกแล้วเตรียมจะนั่งหลับตาโง่ๆเหมือนคืนก่อนๆอีกแล้ว มีอะไรก็พูดออกมาสิเว้ย
และเหมือนคนงามจะหมดความอดทนแล้ว
"มีอะไรก็พูดมา!"
เขาหงุดหงิดแล้วนะ!
เฟริซิโอหันไปมองคนที่ตะโกนใส่เขาอย่างงุนงงก่อนจะเงียบไปอย่างเข้าใจ เขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่ไวเทลจะบอก แน่ล่ะ บรรยากาสอึดอัดระหร่างเราใช่จะมองไม่เห็น แต่เป็นเขาที่มีเรื่องให้คิดเยอะจนมองข้ามไปต่างหาก สามวันที่คิดอย่างไม่ตก ยิ่งพรุ่งนี้คนของนิคมันคงมาพาตัวไวเทลไปแล้วแน่ๆยิ่งเครียดและคิดหนักขึ้น ผีหนุ่มมองคนในดวงใจตาปรอย กัดปากอย่างชั่งใจก่อนจะลอยช้าๆมาหยุดตรงหน้าไวเทล
เอาว่ะ! อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยังไงซะก็ดีกว่าไวท์เอาตัวเองไปเสี่ยงอีกนั่นแหละ มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด
"ไวท์"
เสียงทุ้มแหบพร่าที่เปร่งออกมาอย่างหงอยๆทำให้คนงามตวัดตามองอย่างเคืองๆแต่ก็ตั้งใจฟัง
"ผม..."
"...."
"...."
เฟริซิโอมองหน้าไวเทลก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนงาม มองลึกไปถึงดวงตาคู่งามที่แม้เวลานี้จะคนละสีแต่เขาก็นึกรักมันอยู่เสมอทุกครั้งที่ได้มอง
"ความจริง...คุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอก"
ไวเทลมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่ก่อนจะพูดอะไรผีหนุ่มก็เปิดปากพูดออกมาก่อนแล้ว
"ผมขอโทษที่โกหก" คิ้วเรียวขมวดยุ่งทันที
"เรื่องอะไร"
ดวงตาสีเขียวคู่เดิมมองตรงมาอย่างมั่นคง เขาอยากให้ไวเทลเห็นว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้เขาจริงใจไม่ได้อยากหลอกลวงเลยสักนิด
"คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาหาความจริงอะไรทั้งนั้น"
"..."
"เพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าผมจะถูกใครใส่ร้ายก็ตาม เมื่อครบ 100 วันผมก็ต้องหายไปอยู่ดี"
!!!!
รอยยิ้มบางเบาปรากฎเมื่อคนฟังคำสารภาพตกใจจนตาโต ไวเทลอึ้งไปพักใหญ่ เหมือนอยู่ๆสมองของเขาก็น็อคขึ้นมาเฉยๆกับความจริงที่พึ่งรับรู้ แม้ที่ผ่านมาเขาจะพยายามหาความจริงเพื่อให้อีกคนไปสู่สุขคติมากแค่ไหน พยายามห้ามใจให้เรื่องทุกอย่างจบเร็วๆจะได้ไม่ผูกพันธ์ไปมากกว่านี้
แต่เมื่อความจริงถูกตีกระแทกหน้าว่าไม่ว่าจะทำอะไรอีกคนก็จะหายไปอยู่ดี ใจดวงน้อยกับวูบโหวงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องยิงปลิดชีพคนตรงหน้าคนนี้
ไวเทลกัดปากจนเจ็บช่ำหวังให้มันบรรเทาความรู้สึกประหลาดในใจ เขากระพริบตาถี่ๆทันทีที่มันทำท่าจะมีอะไรบางอย่างไหลออกมา
"นาย..." เสียงเปร่งปร่าที่เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเองทำให้ไวเทลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ
"ทะ...ทำไมต้องโกหกด้วย"
ชายหนุ่มยิ้มบางให้กับคนถามและตอบอย่างไม่ลังเล
"ผมแค่อยากอยู่กับคุณ"
แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนรู้เต็มตื้นแปลกๆทั้งๆที่เมื่อกี้ยังใจหายเหมือนจะขาดใจอยู่เลย
....เขาก็เหมือนกัน...
ไวเทลเก็บคำที่ล้นใจอยากจะเอ่ยแต่ไม่ได้พูดออกไป
"ผมแค่อยากอยู่กับคุณก่อนที่จะหายไป ถึงกุเรื่องทั้งหมดนี่มา อยากใช้เวลาร่วมกับคุณให้นานที่สุด ผมรู้ว่าถ้าไม่มีข้ออ้างอะไรเลยคุณจะไม่คุยกับผมจะทำเหมือนผมไม่มีตัวตน...ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว"
"..."
"ไวท์ ขอโทษนะ"
"..."
"ผมต้องการแค่นี้แต่เหมือนมันจะทำให้คุณอันตรายขึ้นเรื่อยๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังเลย คุณอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะ มันไม่มีความหมายอะไรหรอก อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอีกเลย"
" ทำไม... ทำไมถึงพึ่งมาบอก"
เฟริซิโอถอนหายใจก่อนจะสารภาพอย่างหมดเปลือก
"ถ้าคุณไม่ให้อยู่ผมจะอยู่ข้างคุณจนกว่าจะถึงเวลาไม่ได้"
!!
"ที่ผมยังปรากฎตัวอยู่รอบๆคุณได้เพราะคุณอนุญาตแต่ถ้าเมื่อไหร่คุณไล่ผมไป ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้คุณอีกแล้วและผมรู้ว่าถ้าบอกไปแต่แรกคุณต้องไล่ผมแน่ๆ"
ก็จริง ไม่ลังเลที่จะไล่ไปไกลๆเลยล่ะ
ไวเทลนิ่งเงียบเหม่อมองไปไกลแสนไกล ก่อนจะหันมามองคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไม่ไปไหน มองคนที่พยายามไล่นิ้วบนมือเขาเบาๆเพราะถ้าเพียงลงแรงสักนิดมันคงจะทะลุเหมือนเดิม แม้เขาจะสัมผัสอะไรไม่ได้ แต่หัวใจกับสั่นไหวอย่างรุนแรง ไวเทลกัดปากชั่งใจก่อนจะพูดตัดสินใจบางอย่างออกไป
"ฉันคงทำตามที่ขอไม่ได้"
เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างตกใจ
"ฟังนะ นี่ไม่เกี่ยวกับนายแต่เกี่ยวกับองค์กร ยิ่งสืบยิ่งรู้ว่าที่นี่มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างมาก ฉันปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอก นี่องค์กรของฉัน ฉันต้องรู้ให้ได้และหาทางกำจัดสิ่งที่จะเป็นภัยออกจากองค์กรของฉันไปซะ!! "
"ไวท์"
เฟริซิโอครางเสียงแผ่วอย่างจนปัญญา เรื่องทั้งหมดมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
"แต่ยังไงนายก็มีความผิดที่โกหกฉัน"
"โถ...ไวท์ครับ"
เสียงหงอยๆที่มองผ่านๆเหมือนเห็นหูลู่หางตกก็ทำให้คนงามที่เก๊กหน้าเข้มตั้งนานเกือบหลุดขำ
"ชดใช้ความผิดซะ"
เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างเศร้าเสียใจแม้จะเตรียมตัวโดนไล่มาแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยก่อนจะต้องห่างออกไปไกลขอแค่มองหน้านี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี
"อยู่ข้่างๆและคอยช่วยจนกว่าจะหาความจริงของเรื่องราวได้ทั้งหมดซะ! "
คำประกาศกร้าวที่มาพร้อมกับใบหน้าเชิดรั้นและดวงตาประกายขบขำทำให้เฟริซิโออ้าปากค้างไปไม่ถูกแล้วจริงๆคราวนี้
----------------------------------------------------
ลืมกันยังค่าาา อย่าพึ่งลืมเค้าน้าาา
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ
อย่าพึ่งทิ้งเขาไปไหนนะ ต่อไปนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ เพราะอาการป่วยที่ถูกสั่งห้ามอยู่หน้าจอไปพักใหญ่ๆทำให้ไม่ได้มาแจ้งให้ทุกคนทราบ ตอนนี้เค้าแข็งแรงกลับมาอัพได้ตามปกติแล้วววว คิดถึงทุกคนมากกกกกก
-
คลื่นที่ 22
“สวัสดีค่ะ คุณลอฟท์”
เจ๊ลิซหรือแม่ของเหล่าบัตเตอร์ยิ้มแย้มทักทายเสียงใสทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวบนชั้น 3
คนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซเข้ามาอดจะแปลกใจไม่ได้ที่ชั้น 3 จะมีห้อง VIP ส่วนตัวให้เรียกบัตเตอร์ที่สนใจมาบริการได้ด้วย พึ่งรู้เลยนะเนี่ย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวในห้องมองไปทางคนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซมาอย่างสนใจทันทีเพราะส่วนมากบัตเตอร์ที่จะมายังโซนนี้ได้มักจะเป็นตัวท็อปหน้าเก่าๆที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี เลยอดจะแปลกใจไม่ได้ที่นานๆจะมีหน้าใหม่มาให้ดูสักที
แถมยัง...สวยกว่าบางคนที่เขาเคยเห็นซะด้วย
“แหมๆ คุณลอฟท์ จ้องเด็กลิซไม่วางตาเลยนะคะ”
“ก็เด็กของคุณลิซ น่ามอง...ไปทั้งตัวนี่ครับ”
แววตาประกายกล้าที่กวาดมองจากบนลงล่างในประโยคสุดท้ายทำให้ไวเทลต้องนับหนึ่งถึงร้อยในใจทันที
อย่านะ อย่าหลุดเด็ดขาดไวเทล!
แม้ตอนนี้อยากจะพุ่งไปชกไอ้หน้าหล่อตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตาม
‘มองอะไรของแกว่ะ!’
ผีในร่างตุ๊กตาว่าแล้วก็แกว่งตัวเองที่ถูกห้อยอยู่ตรงข้างสะโพกมนด้วยความโมโหทันที เห็นแบบนี้คนขี้หงุดหงิดก็สงบใจตัวเองขึ้นมาได้เฉยๆ ตัวก็มีแค่นี้ เอาอะไรไปโกรธคนอื่นเขากัน เจ้าโง่...
แต่รอยยิ้มบางเบาที่อยู่ๆก็ปรากฏที่มุมปากกลับทำให้แววตาคมที่มองแบบไม่ละสายตาตั้งแต่อีกคนเดินเข้ามาแทบหยุดหายใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาเห็นภาพนั้นซ้อนทับกับใครอีกคนทันที
เป็นไปไม่ได้!
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ดวงตาสีเทาหม่นก็ปรากฏร่องรอยความหลงใหลคลั่งไคล้แบบไม่ปิดบังอยู่ดี
เห็นแบบนี้เฟริซิโอก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดงุ่นง่านมากขึ้นไปอีก...อย่าให้มีกายเนื้อนะเว้ย จะชกให้ไม่เลี้ยงแลยแม่ง! หรือจะเป็นผีไปหลอกมันให้ช็อคตายดีว่ะ คิดมาถึงตอนนี้ก็สบถอย่างหัวเสีย
ทำไม่ได้อีก!
ถ้าไม่ติดว่าเฟาสต์ย้ำหนักย้ำหนาว่าให้เขาอยู่แต่ในตุ๊กตาเชือกนี้และออกมาแค่หลังเที่ยงคืนเพื่อนั่งสมาธิเท่านั้น ป่านนี้เขาคงพุ่งไปหาไอ้หมอนี้และหลอกให้มันช็อคตายไปแล้ว
เฟริซิโอได้แต่บอกให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ ท่องหยุบหนอพองหนอตามที่เฟาสต์สอนมาช้าๆ รอหน่อยเถอะแก ถ้ามีพลังมากกว่านี้เมื่อไหร่ จะออกไปหลอกแกคนเป็นคนที่ 23 แน่นอน!
ใช่...คนที่ 23 เพราะตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ทันทีที่คนของนิโคโรไปพาไวเทลมาที่นี่ เจ๊ลิซก็กรีดร้องโวยวายดีใจจับหมุนนู้นหมุนนี่สั่งเด็กๆให้ลากไวเทลไปแปลงโฉมเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้วตัวทันที จากที่สวยเด่นสะดุดตาอยู่แล้วยิ่งเปร่งประกายมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังพาไปแนะนำตัวกับบรรดาลูกค้า VIP อยู่หลายวัน แถมทุกครั้งยังต้องได้รับสายตาแบบนี้ตลอด แรกๆเฟริซิโอก็โมโหมากจนอยากจะเอานิ้วจิ้มตาพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด แต่อาจจะเพราะเขานั่งสมาธิสงบจิตใจทุกวันเลยมีช่วงหลังๆนี้พอจะระงับมันได้บ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะถ้อยคำปลอบใจของไวเทลวันนั้นก็ได้...
'โวยวายอะไรของนาย เพ้อเจ้อชะมัด'
'ผมไม่ชอบที่พวกนั้นมองไวท์แบบนี้เลย'
'พวกนั้นก็ทำได้แค่มองป่ะ ไม่มีใครเข้ามาใกล้ฉันได้เท่านายอีกแล้วล่ะ เจ้าโง่'
ถ้าจะพูดจาน่ารักขนาดนี้ เขาเป็นไอ้โง่ก็ได้ ! และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ยึดโมเมเอาประโยคนั้นว่าเป็นประโยคปลอบใจที่ไวเทลมีให้เขาทันที
และถ้าไวเทลรู้ว่าเจ้าผีตัวดีคิดแบบนี้ คงจะเบะปากแล้วมองด้วยแววตาสมเพชอย่างแน่นอน
“นี่เจวาค่ะ คุณลอฟท์”
ลอฟท์พยักหน้ารับคำของเจ๊ลิซอย่างเหม่อลอย ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งเหมือนจริงๆ สายตาลุ่มหลงของลอฟท์ทำให้เจ๊ลิซได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ นานมากแล้วที่ไม่มีบัตเตอร์หน้าใหม่ที่สวยโดดเด่นเข้ามาเลย แม้พวกครองอันดับต้นๆจะยังคงเรียกแขกได้ดีเสมอต้นเสมอปลายแต่ก็อดไม่ได้ที่เจ๊ลิซก็อยากจะได้คนใหม่ๆสวยๆมาเรียกแขกเพิ่มบ้าง ตอนเจอเจวาครั้งแรกถึงได้ดีใจจนสติเกือบหลุด แถมบวกกับที่พาแนะนำตัวกับแขกอยู่หลายวันทำให้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด เจวาจะต้องเป็นดาวดวงใหม่ที่จะมาเพิ่มสีสันให้กับตึกซิริโนแห่งนี้แน่นอน เจ๊ลิซคอมเฟิร์ม!!
เมื่อแนะนำตัวและพูดคุยอีกเล็กน้อยเจ็ลิซก็ขอตัวเพราะมีอีกหลายคนที่ต้องแนะนำเจวาให้ลูกค้าได้รู้จัก ในขณะที่กำลังเปิดประตูออกมาทั้งสองคนก็สวนเข้ากับบัตเตอร์ที่ลอฟท์ได้เรียกเข้ามาพอดี
จริงอยู่ที่การพาเด็กใหม่ที่โดดเด่นมาแนะนำให้ลูกค้ารู้จักไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่แนะนำให้แต่คนใหญ่คนโตแบบนี้นั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก เมื่อเหล่าบัตเตอร์รู้ข่าวก็อดหวั่นใจกันไม่ได้ว่าตัวเองจะต้องถูกแย่งตำแหน่งไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นสายตาของบัตเตอร์ที่ลอฟท์เรียกมาจึงมองเจวาอย่างไม่เป็นมิตรทันที แม้ไวเทลจะเห็นสายตาแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแค่เมื่อไหร่จะจบการแนะนำตัวบ้าๆบอๆนี่สักที การที่ต้องถูกเจ๊ลิซตามติดตลอดเวลาแบบนี้มันทำให้เขาขยับตัวลำบากมาก งานที่ว่าจะสืบก็ไม่คืบหน้าสักที ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจและปล่อยเลยตามเลย
ปัง
“ท่านคะ”
สิ้นเสียงปิดประตูรอยยิ้มหวานและดวงตาคมสวยฉ่ำเยิ้มตามแบบสาวสเปนและเสน่ห์ของบัตเตอร์หมายเลข 3 ก็ถูกส่งให้ลอฟท์ทันที แต่นั่นไม่ได้ทำให้ลอฟท์สนใจเลยสักนิด สีหน้าของเขามีแต่จะดำมืดลงเรื่อยๆ ก่อนจะฉุดแขนคนที่ตัวเองเรียกมาลงมาที่โซฟาอย่างแรง จนสาวเจ้าอดจะหวีดร้องด้วยความตตกใจไม่ได้ ลอฟท์จ้องไปที่เธออย่างเย็นชา มือที่บีบอยู่ที่ต้นแขนยิ่งเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีกจนหญิงสาวได้แต่กัดปากกลั้นความเจ็บที่ตีตื้นขึ้นมาจากการกระทำของคนตรงหน้า
“ทะ...ท่าน”
“เมื่อไหร่เธอจะได้ที่หนึ่ง”
คำถามเยือกเย็นที่ถูกปล่อยออกมาทำให้คาร์ล่าเย็นสันหลังวาบอย่างไม่รู้ตัว เธอพยายามกลืนก้อนสะอื้นข่มความเจ็บและความกลัวลงไปก่อนจะพยายามยิ้มเอาใจคนตรงหน้า
“รออีกหน่อยนะคะท่าน อีกอาทิตย์หนึ่งผลของเดือนนี้ก็จะประกาศออกมาแล้วค่ะ คราวนี้ต้องได้ที่ 1 อย่างแน่นอน”
“ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ เธอคงรู้นะว่าจะเจอกับอะไร”
เมื่อพูดจบลอฟท์ก็สะบัดแขนเธอทิ้งอย่างไม่ใยดีทันที หญิงสาวอดที่จะลูบรอยยแดงที่ขึ้นเป็นปื้นที่ต้นแขนไม่ได้ น่ากลัวว่าถ้าบีบแรงอีกนิดแขนเธออาจจะหักได้
ลอฟท์หยิบแก้วที่บรรจุแอกอฮอล์ดีกรีแรงขึ้นมาดื่มรวดเดียวลงคอก่อนจะวางลงอย่างแรงจนหญิงสาวข้างกายอดจะสะดุ้งไม่ได้ เขามองไปที่แก้วใบนั่นนิ่งๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
เจวา งั้นหรอ น่าสนุกจริงๆ...
-----------------------------------
กระดืบ กระดืบ กำลังค่อยๆกระดืบๆไปค่ะ
-
:pig4:
o13