พิมพ์หน้านี้ - คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: zhaofah ที่ 17-04-2019 14:55:26

หัวข้อ: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 17-04-2019 14:55:26
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



คุณชื่นตา

นอกจากชื่นตาแล้ว ก็คงชื่นใจด้วย

ทวิตเตอร์ https://twitter.com/zhaofah (https://twitter.com/zhaofah)

สารบัญ
00 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3965520#msg3965520)
01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3965805#msg3965805)
02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3965808#msg3965808)
03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3966204#msg3966204)
04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3966205#msg3966205)
05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3966570#msg3966570)
06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3966573#msg3966573)
07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3967009#msg3967009)
08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3967012#msg3967012)
09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3967518#msg3967518)
10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3968909#msg3968909)
11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3970452#msg3970452)
12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3974030#msg3974030)
13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3976424#msg3976424)
14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3977991#msg3977991)
15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3980016#msg3980016)
16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3981467#msg3981467)
17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3983084#msg3983084)
18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3984610#msg3984610)
19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3985743#msg3985743)
(https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3987767#msg398776720[/url)
21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3989325#msg3989325)
22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3990486#msg3990486)
23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3992326#msg3992326)
24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3993342#msg3993342)
25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70073.msg3994266#msg3994266)

ปล.เราลงนิยายในเล้าเป็นครั้งแรกเลย ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็ช่วยบอกกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter00:17/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 17-04-2019 15:06:40
00




คุณชื่น มักจะเป็นคำที่พอใจได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนในตลาด ป้าข้างบ้าน เพื่อนๆในซอย หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ล้วนพูดถึงคุณชื่น เหมือนมีแค่ตัวเขาเองที่ไม่รู้ว่าคุณชื่นคือใคร หรือมันหมายถึงอะไร


“ฝากนี่ไปให้คุณชื่นหน่อยสิลูก”
“ใครคือคุณชื่นอ่ะแม่”
“เอ๊า นี่ไม่รู้หรอกเหรอ ก็หลานชายของคุณหญิงบ้านตรงข้ามเรานี่ไง”


บ้านตรงข้ามที่แม่หมายถึง จะเรียกว่าบ้านก็ยังรู้สึกประดักประเดิดอยู่ บ้านที่กินพื้นที่ไปห้าถึงหกเท่าของพื้นที่บ้านเขาน่ะ มันต้องเรียกคฤหาสน์รัตนพิบูลย์ต่างหาก นักธุรกิจเชื้อสายจีนที่ทำตัวธรรมดาอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อจริงๆนะ วันก่อนคุณป้าเขายังมาเด็ดมะปรางหน้าบ้านผมอยู่เลย


“ทำไมผมไม่เห็นเคยรู้จักเลย”
“คุณเขาเพิ่งย้ายมาจากแพร่”
“อ้าว ไม่ใช่ลูกชายคุณนภาเหรอแม่”
“ไม่ใช่หรอก เห็นว่าเป็นญาติน่ะ”
“อ๋อออ”
“หยุดพูดแล้วเอานี่ไปได้แล้ว”


แม่ยัดกล่องขนมไทยใส่มือผมแล้วเดินหนีเข้าครัวไป แม่ของผมเปิดร้านขายขนมไทยเล็กๆ เมื่อก่อนก็มีไปขายตามตลาดบ้าง รับออเดอร์บ้าง แต่เพราะบ้านรัตนพิบูลย์เอาขนมของแม่ไปเสิร์ฟในวันงานเลี้ยงวันเกิดคุณลุง ร้านก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ทำให้การทำขนมมาขายหน้าร้านเป็นเรื่องที่เหนื่อยเกินไป


ตอนนี้ขนมไทยคุณแววดาวก็เลยรับแค่ออเดอร์เป็นงานๆไป ก็แหงล่ะ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดร้านขายตั้งแต่แรกแล้ว แค่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ พ่อเล่นสั่งคุณนายแกให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยลองเปิดร้านดู ใครจะคิดว่ามันจะไปไกลขนาดนี้
ขนมไทยของแม่แววได้สูตรมาจากคุณยาย เห็นว่าเป็นสูตรจากในวังเชียวนา กินมาตั้งแต่เด็กๆพูดได้เต็มปากเลยว่า ใครกินก็ต้องบอกว่าอร่อยทั้งนั้นแหละ ไอ้พอใจคนนี้ยืนยันได้เลย


“ว่าไงพอใจ มาหาใครลูก”
“แม่ให้เอาขนมมาให้คุณชื่นครับ”
“อ๋อ เข้ามาก่อนจ้ะ”


ผมกดกริ่งอยู่ไม่นานนักก็มีคุณป้าคนหนึ่งที่ผมจำชื่อไม่ได้เดินมาเปิดประตูให้ บ้านนี้แม่บ้านเยอะ ทางเข้าบ้านไม่ได้ยาวเหมือนในละครที่ต้องขับรถวนตามน้ำพุแต่อย่างใด เพราะพื้นที่สวนน่ะอยู่ด้านข้าง มีศาลาด้วยนะ ดูดีเหมือนในนิตยสาร น่าจะเอากล้องมาด้วยแฮะ


“คุณชื่นคะ มีคนมาหาค่ะ”
คุณป้าพาเขามาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง ถ้าให้เดาก็คงเป็นห้องของคุณชื่นล่ะมั้ง ต้องเดินขึ้นบันไดมาด้วย เกรงใจเขามากๆ ผมแค่เอาขนมมาให้เฉยๆ ไม่ต้องพาเข้าบ้านก็ได้ แต่พูดไปก็เท่านั้น ยืนอยู่หน้าห้องแล้วจะทำไงได้ล่ะ


“เข้ามาได้ครับ”
“เข้าไปได้เลยลูก เดี๋ยวป้าเอาจานมาให้”
และป้าก็เดินหนีผมไป ผมที่ทำอะไรไม่ได้ ยืนลังเลอยู่หน้าห้อง มัวแต่คิดว่าเข้าไปจะพูดอะไรดี คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจได้แล้ว คิดบทพูดไว้ในหัวเรียบร้อย แต่ว่าคนข้างในก็ดันเปิดออกมาก่อน สงสัยให้เขารอนานไปหน่อย


“ทำไมไม่เข้ามาล่ะครับป้าพิม อ้าว!”
“เอ่อ สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับๆ เข้ามาได้เลยครับ”


คนตรงหน้าผมที่ทุกคนเรียกว่าคุณชื่น คือผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตาจัดว่าดีเลยนะ สูงก็คงตามมาตรฐานชายไทย 170กว่าๆ ทำผมทรงคล้ายๆดาราเกาหลี อืม มีลักยิ้มที่แก้มด้วย สังเกตเห็นได้ตอนที่เขายิ้มเมื่อกี้ ดูรวมๆก็ผู้ชายที่สะอาดสะอ้านคนหนึ่งอ่ะนะ


“แม่ฝากขนมมาให้ครับ”
“อ๋อ ขนมของแม่แวว ขอบคุณมากครับ คุณเป็นลูกชายสินะ”
“ใช่ครับ”
“เราน่าจะอายุพอๆกัน ผมชื่นตาครับ”
“พอใจครับ”


เพิ่งรู้ว่าคุณชื่นมีชื่อเต็มๆว่าชื่นตา ก็เหมาะดีนะ เหมาะอย่างบอกไม่ถูก เป็นคนที่ดูสะอาด สบายตา ยิ่งพอบวกกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ส่งมาให้แล้วยิ่งเหมือนภาพฟุ้งๆเหมือนใส่ filter soften ติดหน้าเลนส์ เป็นภาพเคลื่อนไหวที่มองได้ตลอด


“เอ่อ คุณชื่นอายุเท่าไหร่เหรอ”
“เรา20แล้ว พอใจล่ะ”
“อ่า ผม19น่ะ คุณเป็นพี่”


ถ้าไม่ถามอายุ ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดว่าคนตรงหน้าจะอายุมากกว่าผม ถ้าให้มายืนเทียบกัน ร้อยทั้งร้อยก็คงชี้ว่าผมเป็นพี่ ไม่ใช่ว่าผมหน้าแก่หรอกนะ แต่เพราะการแต่งตัว รวมถึงไอ้รอยยิ้มแบบนั้นด้วย มันทำให้เขาดูเหมือนเด็ก


“มีน้องแล้วสินะ”
“หือ?”
“ก็เราเป็นลูกคนเดียว คนในละแวกนี้ก็เรียกแต่คุณชื่นๆ ตอนอยู่มอปลายรุ่นน้องก็ยังเรียกคุณชื่นอีก ไม่มีใครเรียกพี่ชื่นสักคน พอใจสนใจจะเรียกเราว่าพี่ชื่นมั้ย”


ชื่นตามองมาที่ผมอย่างมีความหวัง หวังมากด้วย ตาเขาระยิบระยับไปหมด รู้สึกเหมือนโดนดูด เป็นคนที่คิดอะไรก็รู้ได้ผ่านสายตาทั้งหมด ไอ้สายตาที่มีความหวังและกดดันไปด้วยอย่างนี้เนี่ย ถ้าผมปฏิเสธ เขาจะร้องไห้ไหม ผมยิ่งปลอบใครไม่ค่อยเป็นด้วยสิ


“เรียกเถอะ”
“เอ่อ ครับ พี่ชื่น”
“ดีใจนะเนี่ย”


เขายิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลงไป เห็นชัดมากกว่าเมื่อกี้อีก ไม่ได้ดูสว่างเจิดจ้า แต่ดูแล้วมีความรู้สึกว่ามันคือภาพโทนอุ่นๆ ผมว่าเขาควรมาเป็นแบบให้ผมสักม้วน ผมจะถ่ายทุกมุมเลย อยากรู้ว่าทำไมถึงได้ดูอบอุ่นขนาดนี้นะ


“จานมาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับป้าพิม เดี๋ยวชื่นเทเอง”
“งั้น…ผมกลับละนะ”
“เดี๋ยวสิ นั่งคุยกันก่อนนะ”


เอาอีกแล้ว ไอ้สายตาแบบนี้ ยากที่จะปฏิเสธมากๆ แถมคุณป้ายังมองยิ้มๆอีก ถ้าผมเดินออกไป คุณป้าจะฆ่าผมเพราะขัดใจคุณชื่นไหมนะ แต่เอาเถอะ ว่างอยู่นี่นะ นั่งคุยสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง ถือว่าทำความรู้จักเพื่อนบ้านละกัน






ผมกลับมาจากบ้านของชื่นตาหลังจากนั่งคุยกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เรื่องทั่วๆไป ได้รู้หลายอย่างจากเขาเลย แต่เพราะอยู่ดีๆเขาก็เหมือนว่ามีงานที่ต้องทำ ผมไม่อยากรบกวนเวลางานก็เลยขอตัวออกมาก่อน
บ้านรัตนพิบูลย์น่ะ ถึงจะทำธุรกิจรวยล้นฟ้า ดูมีอิทธิพล น่าเกรงขามขนาดไหน แต่ก็มีมนุษยสัมพันธ์กับคนในละแวกนี้ ใจดี ไม่พูดจาดูถูกชาวบ้าน ทุกคนรักและเคารพกันทั้งนั้นแหละ บ้านเราเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือครั้งหนึ่งในตอนที่ถูกหักค่าเช่าร้านอย่างไม่เป็นธรรม ทางนั้นก็ส่งคนมาช่วย ทางเราก็เลยรู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆเลย


“มีพัสดุส่งมาแหนะพอใจ แม่วางไว้บนโต๊ะนะ”
“ครับบบ”


พัสดุจากร้านเดิม ในหนึ่งเดือนจะมีส่งมาครั้งสองครั้ง เขาหยิบกล่องมาเพื่อเปิดเช็คของข้างใน นับจำนวนให้ครบ เมื่อเช็คแล้วว่าของครบก็หยิบมาเก็บไว้ในกล่องของมันโดยเฉพาะ รอบนี้ Kodak extachrome E100 สามกล่อง คงถ่ายไปได้อีกสักพัก เป็นงานอดิเรกของผมน่ะ


พอใจตัดสินใจว่าจะไปลองฟิล์มสักสี่ห้ารูปที่สวนสาธารณะในหมู่บ้านใกล้ๆนี้ ก็เลยหยิบฟิล์มออกมาหนึ่งม้วน ใส่เข้าไปในrollei 35 ตัวโปรด เก็บเงินอยู่นานเลยนา แม่ไม่ยอมซื้อให้ ปรับอะไรๆจนเรียบร้อยแล้วถึงสะพายกระเป๋ากล้องออกจากบ้านไป
เดินเลียบไปตามฟุตบาท ดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ เลยไม่ต้องรีบ ที่นี่ค่อนข้างเงียบเพราะไม่ใช่ชุมชนใหญ่ ถึงจะอยู่ใกล้ตลาดแต่ก็ไม่ได้วุ่นวาย จะมีแค่ตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่คนเหมือนจะเยอะ


พอใจกดชัดเตอร์เป็นระยะ กดทุกครั้งที่เจอสิ่งที่ตัวเองอยากถ่าย แมวบนถนนหรือนกที่เกาะอยู่บนสายไฟ ถ้าเขามองว่ามันสวย เขาก็ถ่าย ช่วงนี้เป็นช่วงก่อนที่จะเปิดเรียนของมหาวิทยาลัย เขาเลยมีเวลาว่างมากพอที่จะตะลอนๆไปถ่ายรูป ก่อนที่อาจจะไม่มีเวลาในช่วงที่ต้องไปรับน้อง


สวนสาธารณะในหมู่บ้านแทบไม่มีคน แหงล่ะ มันยังไม่ถึงเวลาที่คนเขาจะมาเดินสวนเลย แต่เพราะฟิล์มตัวนี้isoแค่100 ถ้าไม่ออกมาถ่ายตอนกลางวันก็อาจจะมีปัญหาหน่อย แสงมันจะไม่ไหวเอา


เขากดถ่ายไปไม่กี่ภาพก็รู้สึกว่าคงพอแล้ว ไม่มีอะไรที่อยากถ่ายอีก เลยนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ม้านั่งกลางสวน เปิดเพลงดังหน่อยเพราะอยู่คนเดียว ไม่คิดหรอกว่าจะมีคนออกมาที่สวนสาธารณะตอนนี้เหมือนกัน


“พอใจ ทำอะไรอยู่เหรอ”
ผมชูกล้องในมือขึ้น “ถ่ายรูปน่ะครับ”
“กล้องเท่จัง พอใจถ่ายรูปเก่งเหรอ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นนะครับ”


ชื่นตานั่งลงข้างๆ มองดูกล้องในมือพอใจอย่างสนอกสนใจ เขาเลยตัดสินใจปิดเพลง เพื่อที่จะได้นั่งคุยกับชื่นตาถนัดๆ ไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวอยากคุยไหม แต่นั่งลงมาขนาดนี้ก็คงจะคุย


“เราดูรูปได้มั้ย”
“กล้องฟิล์มครับ”
“กล้องฟิล์มด้วย เก่งจังนะ เราถ่ายรูปไม่สวยเลย”


เขาหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดรูปในแกลเลอรีให้ดู แล้วก็พูดแต่ว่าตัวเองถ่ายรูปไม่สวย เบี้ยวบ้าง ย้อนแสงบ้าง แล้วก็ขอดูรูปที่ผมเคยถ่ายไว้ พอผมเปิดให้ดู เขาก็ทำหน้าตื่นเต้น ชื่นชมในรูปที่ผมถ่าย ถึงแม้ว่าตัวผมเองก็มองว่ามันก็เหมือนรูปที่เขาถ่ายน่ะแหละ


“อยากถ่ายได้แบบนี้บ้างอ่ะ”
“การถ่ายรูปมันขึ้นอยู่กับมุมมองมากกว่า”
“ยังไงเหรอ”
“เวลาเรายืนอยู่ มองไปตรงหน้า สิ่งที่คนอื่นกับสิ่งที่เราเห็นมันอาจจะไม่เหมือนกัน รูปที่คนหลายๆคนถ่าย หรือโจทย์ที่ได้รับมา พอเอามาวางรวมกันแล้วมันถึงไม่เหมือนกัน ถ้าเราคิดว่าแบบนี้สวย มันก็คือสวยในแบบของเรา”


ชื่นตากระพริบตาปริบๆ แล้วก็ยิ้มออกมา นั่นคือมุมที่ผมมองเห็น ผมเลยหยิบกล้องขึ้นมาเลื่อนฟิล์ม ลุกขึ้นยืนเพื่อให้อยู่ในระยะที่สามารถจะโฟกัสได้ มีชื่นตาที่ได้แต่ทำหน้างงนิดหน่อยมองตามผม แต่เขาก็เหมือนจะเข้าใจเพราะตามองกล้องอยู่


 “ยิ้มหน่อยสิ” เขายิ้มออกมาตามที่ผมบอก และผมก็กดชัตเตอร์อย่างไม่ลังเลเลย อา จริงๆแล้วลืมวัดแสง แต่คงไม่เป็นไรมั้ง ต่อให้มันจะมืด ผมก็คงจำภาพตรงหน้าได้อยู่ดี







******************************************************************




เรื่องนี้มีในเด็กดีด้วยนะคะ ตรงนั้นอัพไปถึงตอนที่7แล้ว เดี๋ยวจะมาทยอยอัพในนี้ทุกวันจนครบนะคะ

 :katai4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter01:18/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 18-04-2019 14:14:46
01


หลังจากเจอกับชื่นตาครั้งนั้นที่สวน พอใจก็ไม่ได้พบปะกับคุณชื่นของทุกคนอีกเลย นั่นก็เป็นเพราะว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้องย้ายจากบ้านไปที่คอนโดใกล้ๆมหาวิทยาลัยแล้วน่ะสิ หลายวันมานี้ก็เลยได้แต่ยุ่งอยู่กับการเก็บของอย่างเดียว ไม่ว่างไปไหนเลย ถ่ายรูปก็ไม่ได้ถ่าย ร่างกายมันปวดไปหมด


“ครบแล้วนะลูก”
“ครับแม่”
“โอเค ขึ้นรถเถอะ”


ผมมองไปรอบห้องนอนที่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ข้าวของที่จำเป็นถูกเก็บลงกล่องไปหมด ทำให้ในห้องมันดูโล่งๆ พอคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ กินข้าวฝีมือแม่เช้าเย็นแล้วก็ใจหายหน่อยๆ ชีวิตเด็กที่ไม่เคยห่างบ้านไปไหนไกลๆมันก็อย่างนี้ เหงาแน่เลย


ผมเช็คของในลิ้นชักเป็นครั้งสุดท้ายว่าไม่ได้ลืมอะไรสำคัญๆไว้ ถึงแม้จะอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน แต่มหาวิทยาลัยที่ผมสอบติดกับที่บ้านน่ะ มันอยู่คนละมุมของเมืองเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องย้ายไปอยู่คอนโด รวมถึงถ้าลืมของสำคัญไว้ที่นี่ กว่าจะกลับมาเอาก็คงกินเวลาไปหลายชั่วโมง กรุงเทพฯรถติดจะตาย


“ป้าแววครับ พอใจ จะไปไหนกันเหรอ”
“พาพอใจไปส่งคอนโดน่ะคุณชื่น”
“อย่างนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้วน่ะสิ” ชื่นตาหน้างอเล็กน้อย
“เดี๋ยวก็เจอน่ะ”
“อืม ตั้งใจเรียนนะพอใจ” แม่ผละออกไปเมื่อเห็นว่าผมคงจะยืนคุยกับชื่นตาอีกสักพัก เห็นหน้าเหมือนแมวหงอยๆแบบนี้แล้วมันอยากยื่นมือไปดึงแก้ม แต่เขาเป็นพี่ แล้วเรายังไม่สนิทกันขนาดนั้นนี่นะ ถ้าเอามือไปดึงอาจจะถูกดุได้ เราเงียบใส่กันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ชื่นตาจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา เหมือนว่าจะถ่ายรูปผม?


“ถ่ายทำไมน่ะ”
“พอใจยิ้ม”
“ผมยิ้มเหรอ"


ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองยิ้มออกมาตอนไหน หรือแม้แต่ว่ายิ้มเพราะอะไร อาจจะตั้งแต่เห็นเขาเดินมา หรือตั้งแต่ตอนที่เขาทำหน้าหงอยๆ ร่างกายมันคงยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ แย่จริง ควบคุมร่างกายไม่ได้แบบนี้


“อืม งั้น...ไปนะ”
“อื้อ” ชื่นตาพยักหน้า
“เจอกัน พี่ชื่น:)”


ผมโบกมือลาแล้วเดินมาขึ้นรถ ชื่นตายังคงยืนอยู่ที่เดิม ยิ้มแฉ่งเหมือนพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินมาให้ผม อบอุ่นจังนะ และเขายังคงยืนยิ้มโบกมือให้ผมจนตัวเขาเล็กลงเรื่อยๆ จนค่อยๆหายไป ผมมองอยู่ จากกระจกด้านข้าง มองอยู่ตลอดนั่นแหละ







พ่อกับแม่มาส่งผมลงที่คอนโด ช่วยยกลังทั้งหมดขึ้นมา แล้วก็ขับรถกลับบ้านกันไป สุดท้ายที่นี่ก็เหลือแต่ผมคนเดียว ผมเริ่มหยิบของออกมาจัดให้เป็นสัดส่วนตามพื้นที่คอนโด เดิมทีที่นี่เป็นคอนโดของพี่คนหนึ่งในซอย แต่เขาเรียนจบแล้ว และประกาศขายคอนโด แม่ก็เลยมาซื้อต่อไว้ให้ พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักกัน พี่เขาก็ลดราคาให้ซะเยอะ น่าจะขาดทุนไปมากโขอยู่


ในห้องนี้มีชั้นครึ่ง มีระเบียงสองด้านเพราะเป็นห้องริมสุด ข้อเสียของมันคือห้องใหญ่เกินไป และผมอยู่คนเดียว มันดูเหงาไปหน่อยแต่ก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการใช้ชีวิตมากนัก ปกติถ้าออกจากบ้านก็มักจะทำอะไรคนเดียวอยู่แล้ว


ผมเรียงกล้องที่มีเข้าไปในกล่องสุญญากาศที่เก็บเงินซื้อมาเพราะไม่อยากให้กล้องขึ้นรา มันไม่ได้กินพื้นที่ในห้องนอนมากนัก ผมมีกล้องอยู่แค่สามตัว กล่องที่ซื้อมาเก็บมันเลยไม่ได้ใหญ่อะไร กล่องฟิล์มก็วางไว้ข้างบนนั่นแหละ


ผมจัดของอยู่สักพัก น่าจะพักใหญ่ด้วยซ้ำ จนกระทั่งท้องร้องจึงรู้ว่านี่เป็นเวลาของอาหารเย็นแล้ว ตู้เย็นก็ยังไม่ได้มีของอะไรเพราะไม่ได้ซื้อเข้ามา วันนี้คงได้ถือโอกาสสำรวจแถวๆคอนโดแล้วล่ะว่ามีร้านอะไรบ้าง ตอนผ่านเข้ามาเห็นว่ามีซุปเปอร์อยู่ใกล้ๆ คงไม่ลำบากอะไรนัก


ตื่อดึ้ง!


แต่ก่อนจะได้ออกไปหาอะไรกิน แชทกลุ่มปีหนึ่งของคณะก็เด้งขึ้นมาซะก่อน เหมือนพวกเขาจะคุยกันมาสักพักแล้ว แต่ว่าผมมัวแต่จัดของอยู่เลยไม่ได้ยิน อีกอย่างนะ พอคนในกลุ่มเยอะๆแบบนี้ ผมมักจะปิดแจ้งเตือนไว้


‘นี่ใช่เพื่อนคณะเราป่ะ หน้าคุ้นๆ’
‘พอใจไง ที่หล่อๆ’
‘ทำไมไปโผล่ในไอจีคุณชื่นได้ล่ะ’


และก็เป็นบทสนทนาที่คาดเดากันไปต่างๆนาๆเรื่องของผมกับชื่นตา การที่คนในคณะรู้จักเขา นั่นก็แปลว่าเขาอาจจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมใช่ไหมนะ ถ้าอย่างนั้นก็คงดังพอสมควร เพราะไม่ใช่แค่เพื่อนผู้หญิงที่รู้จัก เพื่อนผู้ชายบางคนก็รู้จักด้วย แล้วทำไมผมไม่รู้


ผมกดเข้าไปดูในอินสตาแกรมที่เพื่อนๆแคปมา แอคเคาท์ที่ใช้ชื่อว่า Chuentaa ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชื่นตา คนชื่อแบบนี้มันจะมีสักกี่คนเชียว รูปที่เพื่อนแคปมาเป็นรูปล่าสุด ซึ่งมันก็คือรูปของผมที่ชื่นตาถ่ายไว้ก่อนผมออกจากบ้านนั่นแหละ ก็ถ่ายดีนี่


ผมก็เข้าใจที่ทุกคนสงสัยนะว่าทำไมเขาถึงลงรูปผม แต่พอเลื่อนดูในแอคเคาท์ของเขาแล้วก็เข้าใจขึ้นมาหน่อย ไม่ได้มีการคุมโทนใดๆ อยากลงอะไรก็ลง นั่นทำให้ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่มันจะมีรูปผมพร้อมกับแคปชั่นที่ว่า ‘บ๊ายบายนะพอใจ’ อยู่ มันก็น่ารักดี ถึงแม้ว่าคนจะมาคอมเมนท์กันเต็มไปหมดว่าใครคะคุณชื่น ใครครับคุณชื่น


นอกจากรูปนี้แล้ว มันยังมีรูปก่อนหน้านี้อีก เขาถ่ายเท้าตัวเองในสวนสาธารณะตอนที่นั่งอยู่ข้างผม นั่นหมายความว่ามันติดเท้าผมไปด้วย แคปชั่นก็ยังจะมีชื่อผมอีก ‘พอใจบอกว่ารูปถ่ายจะสวยไม่สวยอยู่ที่มุมมอง’ นั่นน่ะ มันทำให้ใครต่อใครสงสัยกันไปหมดว่าไอ้พอใจคนนี้มันเป็นใคร แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักหรอก ถามหากันไปเถอะ


ผมไม่ได้คิดอะไรต่อมากมาย เพราะหิวเกินจะทำอะไรแล้ว สุดท้ายก็แค่กดฟอลโลวอินสตาแกรมของเขา เก็บมือถือแล้วลงไปกินข้าวแบบที่ไม่ตอบแชทใครทั้งสิ้น อีกนิดก็เป็นลมคาห้องแล้ว 





คืนนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากกินข้าวแล้วกลับมาอาบน้ำที่ห้อง ไม่นานภาพในหัวผมก็ตัด เพราะผมหลับตั้งแต่สามทุ่ม ที่เป็นอย่างนั้นก็คงเป็นเพราะเหนื่อยกับการจัดของ เมื่อนอนพอแล้วร่างกายก็ตื่นเองอัตโนมัติ ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว กะว่าลงไปกินข้าวแล้วก็คงจะเดินเลยไปถ่ายรูปหน่อย


ฟิล์มม้วนล่าสุดที่อยู่ในกล้องน่ะ รูปสุดท้ายที่ถ่ายยังคงเป็นชื่นตาอยู่เลย เวลาสิบโมงสำหรับพอใจก็ถือว่าเป็นเวลาที่พอดีในการจะออกไปข้างนอก ช้ากว่านี้อาจจะร้อนจนตัวชื้นได้ ยิ่งเป็นผู้ชายแล้วมีเหงื่อออกเยอะยิ่งดูไม่โอเค


มื้อเช้าที่ค่อนไปทางสายนี้ของพอใจฝากไว้ที่ร้านติ่มซำตรงข้ามกับคอนโด เขาสั่งไปหลายถาดพอสมควร ผู้ชายก็กินประมาณนี้กันทั้งนั้นน่ะ ถึงยังไงกินแล้วพอใจก็ไปออกกำลังกายอีกอยู่ดี ไอ้เรื่องอ้วนน่ะตัดไปได้เลย พอใจน่ะ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน จะกลายเป็นกล้ามล่ะสิไม่ว่า


ในระหว่างรอติ่มซำ พอใจก็คิดได้ว่า ตัวเองยังไม่ได้ตอบแชทกลุ่มเมื่อคืน ตอนนี้แจ้งเตือนก็ปาไปหลายร้อยแล้ว ไม่รู้คุยอะไรกันหนักหนา อาทิตย์หน้าก็เปิดเรียนแล้ว คุยกันตอนนั้นก็ยังไม่สายหรอกเพื่อน เขายังไม่เคยได้ต่อบทสนทนาในกลุ่มนี้สักคำเพราะพิมพ์ไม่เคยทัน


‘พอใจไม่มาตอบเลยอ่ะ’
‘คงไม่เห็นมั้ง’
‘งั้นถ้าเห็นแล้วมาตอบด้วยน้า เป็นอะไรกับคุณชื่นอ่ะ’


นั่นคือข้อความสุดท้ายที่เขาเห็นในแชท ไอ้หลายร้อยข้อความที่เพื่อนคุยกันเนี่ย มีเรื่องของเขากับชื่นตาเท่านั้น ไม่ได้ย้อนอ่านไปเยอะเพราะมีข้อความมากเกินไป เขาตอบในสิ่งที่เพื่อนอยากรู้เรียบร้อยก็ลงมือกินติ่มซำที่มาเสิร์ฟ ก่อนกินน่ะ ปิดแจ้งเตือนไปแล้วด้วย คิดว่าเครื่องคงจะสั่นเยอะ เลยปิดไว้ก่อน


‘เป็นเพื่อนบ้าน’ ก็ตอบตามความจริง




พอใจเดินไปตามฟุตบาทตรงบริเวณถนนใหญ่หน้าคอนโด กดถ่ายพ่อค้าแม่ค้าตามข้างทาง แมวที่เดินอยู่ข้างถนน การจราจรที่ติดขัด เมื่อพอใจกับถนนตรงหน้าแล้ว พอใจก็วกกลับมาที่ซอยข้างคอนโด ได้ยินว่ามีคาเฟ่อยู่แถวๆนี้ ไปกินกาแฟแล้วก็ถ่ายรูปอีกหน่อยคงกลับ


“พอใจ!”
“หือ?” พอใจได้ยินคนเรียกชื่อดังมาจากข้างหลัง เมื่อหันไปเขาก็พบกับพี่บ้านตรงข้าม คุณชื่นของทุกคน บังเอิญเจอกันบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ เราเพิ่งจะแยกกันเมื่อวาน โลกกลมจริงๆ


“พอใจอยู่แถวนี้เหรอ”
“ครับ คอนโดนี้” ชี้ไปที่คอนโดหน้าซอย อยู่ไม่ไกลจากที่พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่เท่าไหร่ ชื่นตาพยักหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม ยิ้มแบบที่เห็นลักยิ้มน่ะ ซิกเนเจอร์ของเขาเลย


“ดีจัง เราก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน พอใจจะไปไหนเหรอ”
“คาเฟ่น่ะ”
“ไปด้วยสิ”


นี่คงเป็นเรื่องบังเอิญครั้งที่สามและสี่ของผม ชื่นตาพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันแต่คนละชั้นกับผม ส่วนเรื่องบังเอิญที่สี่คือเขากำลังจะไปคาเฟ่พอดี เจริญล่ะ เพิ่งโบกมือบ๊ายบายกันได้วันเดียว นี่เจอกันอีกแล้ว ดวงเราสมพงษ์กันไปหน่อยนะ


เขาพูดเจื้อยแจ้วของเขาไปเรื่อยๆเหมือนที่เคยทำ จังหวะหนึ่งที่เขาเดินพูดอยู่ ผมก็หยิบกล้องออกมากดชัตเตอร์โดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว และเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ขนาดว่าเสียงกดชัตเตอร์ดัง เขายังไม่แม้แต่ที่จะหันมามอง


คาเฟ่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่ แต่เพราะแดดร้อน ทำให้ชื่นตาแก้มแดง หน้าแดง เหงื่อไหลเต็มไปหมด พอได้เข้าไปในคาเฟ่ถึงจะดีขึ้นมาหน่อย ผมเขาเปียกไปหมดแล้ว ดูท่าจะเป็นคุณชายที่ขี้ร้อนอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีกลิ่นตัวเลยสักนิด


“ร้อนเนอะ พอใจกินอะไร เราไปสั่งให้”
“พี่ชื่นนั่งดีกว่า ดูท่าจะเหนื่อย”
“ก็ได้ เราเอานมสดเย็นนะ”
“ครับ”


นมสดเย็น เมนูที่ดูเป็นเขาดี ผมเดินไปสั่งทั้งของผมและของเขาที่เคาท์เตอร์ พนักงานถามชื่อไว้แล้วบอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะ ก่อนกลับผมก็ถ่ายตรงเครื่องทำกาแฟไว้หนึ่งช็อต ไม่แน่ใจอีกแล้วว่าจะติดไหม เพราะอยู่ในร้าน แสงมันอาจจะน้อยไป แต่ก็กดๆไปก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที


“น้องพอใจได้แล้วครับ”


ผมเดินไปรับเครื่องดื่มที่สั่งไว้ นมสดเย็นกับลาเต้เย็น เมื่อดูแล้วว่าได้ครบก็ยกมาให้ชื่นตาที่นั่งรออยู่ อ่า เขานั่งยิ้ม แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเขายิ้มอะไร พอเจอแสงสีส้มในร้านแล้วเขาดูอบอุ่นกว่าเดิมอีก


“มีอะไรหรือเปล่า ยิ้มไม่หุบเลย”
“ก็แค่คิดว่าน่ารักดี”
“หือ?”
“ก็เมื่อกี้เขาเรียกว่าน้องพอใจนี่นา น่ารักดีไม่ใช่เหรอ” อืม น่ารักดี ใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter02:18/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 18-04-2019 14:19:34
02





วันนี้ผมตื่นเช้าผิดปกติ อาจจะเพราะแปลกที่ แถมผมยังได้ยินเสียงนกร้องดังมาจากหน้าต่างอีกต่างหาก ตอนนั้นถึงได้ตื่นมาแล้วรู้ว่าตัวเองลืมปิดหน้าต่าง จริงๆก็อันตราย ถ้าแม่รู้ต้องโดนบ่นจนหูชาแน่นอน แต่ไม่มีอะไรหายก็โอเค


วิวจากระเบียงห้องในตอนเช้าได้ถูกลั่นชัตเตอร์เก็บไว้ในตอนที่ผมยังมีแปรงสีฟันอยู่ในปากอยู่เลย เพราะอยู่สูงหรือเพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่ฝั่งห้องผมได้รับลมเต็มๆเลย เย็นสบาย คิดไม่ผิดที่เลือกซื้อห้องนี้ไว้ แม่นี่สายตาเฉียบแหลมจริงๆ บรรยากาศดีจนไม่น่าเชื่อว่าที่ผมยืนมองอยู่นี่มันใจกลางเมือง ขอบคุณแม่ที่เลือกที่นี่ซะเถอะไอ้พอใจ


จริงๆก็ยังมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ ไม่มีแม่ปลุกมากินข้าวเช้า แต่ต้องลุกขึ้นมาทำเอง หรือไม่มีเสียงพ่อรดน้ำต้นไม้และร้องเพลงไปด้วยในตอนเช้า ความเคยชินที่เหล่านั้น ทำให้ในวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเงียบ แต่ก็นั่นแหละ ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติของชีวิต อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ลุกมาทำอาหารเช้าง่ายๆ ถึงจะมีแม่ทำให้ตลอด ไม่ได้หมายความว่าทำไม่เป็น


หยิบขนมปังใส่ลงในเครื่องปิ้งขนมปัง หั่นอะโวคาโดแล้วใช้ช้อนบดให้เละ ทาบนหน้าขนมปังที่สุกตามที่อยากได้ ราดน้ำผึ้งให้หวานขึ้นหน่อย ชงชากลีบดอกกระดังงาที่แม่หยิบมาวางไว้ให้ แค่นี้ก็พอแล้ว จัดจานให้สวยไปทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไปงั้นแหละ


Rrrrrr เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นมา


“ครับ”
“อรุณสวัสดิ์นะพอใจ”
“อ้าว พี่ชื่น อรุณสวัสดิ์ครับ” ยิ้มตอบอีกคนที่ยิ้มมาตั้งแต่ผมเปิดประตูให้
“เราเอาคุกกี้มาฝากน่ะ อบเสร็จเมื่อกี้เลย”


ชื่นตายื่นโหลแก้วเรียบๆที่อัดแน่นไปด้วยคุกกี้มาให้ คุกกี้สีน้ำตาลสวย มีอัลมอนด์โรยหน้า ผมรับคุกกี้มาถือไว้ ในหัวจินตนาการไว้แล้วเรียบร้อยว่าถ้ากินสิ่งนี้กับชาในตอนเช้าๆจะต้องดีมากแน่นอน
“แล้วพี่ชื่นกินข้าวหรือยังครับ”


“ยังเลย กำลังจะลงไปซื้อในเซเว่น”
“กินข้าวเซเว่นเหรอครับ”
“อื้อ เราทำอาหารไม่เป็นหรอก”
“งั้น…เข้ามามั้ยครับ”


สุดท้ายในห้องใหม่ของผมก็มีแขกคนแรกจนได้ ผมให้เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างกระจกระเบียงที่ผมนั่งกินอาหารเช้าเมื่อกี้นั่นแหละ ปิ้งขนมปังเหมือนที่ทำให้ตัวเอง จัดคุกกี้ที่เขาเอามาให้ใส่จานสองสามชิ้น ชงชาให้เสร็จสรรพ ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเขาอยากดื่มหรือเปล่า ก็ผมพอใจ


“นี่ครับ อย่างน้อยก็กินขนมปัง ดีกว่ากินของเวฟ”
“ขอบคุณน้าาา พอใจเก่งจัง”
“แค่ปิ้งขนมปังเองครับ”
“ยังไงก็ขอบคุณอยู่ดี”


ผมนั่งมองชื่นตากินทุกอย่างจนหมด พอผมจะเก็บจานไปล้าง เจ้าตัวก็ยืนยันว่ายังไงก็จะล้างให้ ผมจึงยืนรออยู่หน้าประตูครัว ไม่อยากเข้าไปเกะกะที่ซิงค์ เราคุยกันเล็กน้อยจนได้ความว่ามีเรียนเช้ากันทั้งคู่ หลังจากล้างจานเสร็จเราก็โบกมือลาแยกย้ายกันไปเตรียมตัว เป็นนักศึกษาวันแรกก็จะตื่นเต้นหน่อยๆ


และเพราะวันนี้มีเรียนแค่ตอนเช้าแต่โดนรุ่นพีนัดตอนบ่าย พอใจคิดว่าน่าจะมีเวลาว่างเหลือพอสำหรับถ่ายรูป อย่างน้อยก็คงได้สักรูปสองรูป การหยิบกล้องตัวเล็กๆไปด้วยหนึ่งตัวก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากสักเท่าไหร่ หยิบของที่ต้องใช้ใส่กระเป๋าผ้า เช็คความเรียบร้อยของห้องว่าปิดทุกอย่างที่ควรจะปิดแล้วก็สวมรองเท้าคู่ใจออกจากห้องไป


พอใจเป็นผู้ชายที่ชอบใช้ถุงผ้า ซึ่งเอาจริงๆตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลก แต่แค่อาจจะไม่ค่อยเห็น เขาไม่ชอบสะพายเป้เพราะบางทีมันร้อนแล้วเหงื่อออกที่หลัง การใช้กระเป๋าผ้านี่ก็ได้อิทธิพลมาจากแม่นั่นแหละ คุณนายเขาชอบสะพายไปซื้อของที่ตลาด ยิ่งช่วงนี้กระเป๋าสานของเกาหลีฮิตๆ แม่ก็ไม่ตกเทรนด์ ไปซื้อมาใส่จ่ายตลาดด้วย


ถึงจะบอกว่ามาเรียนวันแรก แต่เพราะเคยมาเดินสำรวจที่นี่อยู่สองสามครั้ง ทำให้การเดินไปตึกของพอใจไม่ได้เสียเวลาสักเท่าไหร่ โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อน เดินได้สบายๆ ตอนแรกก็กะว่าจะรอรถนั่นแหละ แต่พอเห็นคิวที่ลากยาวไปจนเกือบสุดซอย เลยเลือกเดินก็ได้


“ดี พอใจใช่ป่ะ กูมังกรนะ”
“ดี รู้จักกูด้วย?”
“มึงฮ็อตในหมู่สาวๆนะ เพื่อนกูพูดถึง แล้วก็ไอ้ประเด็นเมื่อวานน่ะ”
“อ๋อ นอกจากกูนี่มึงรู้จักใครอีกบ้างไหม”


แล้วมังกรก็แนะนำให้ผมรู้จักกับเพื่อนอีกสองคน โมกข์ เป็นเพื่อนสนิทของมังกร ถึงจะชื่อเหมือนผู้ชาย นิสัยก็ดูจะเหมือนผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิงนะ ส่วนอีกคนก็ว่าน พวกนี้เจอตอนมารายงานตัวเลยทำความรู้จักกันไว้ ด้วยความที่คณะเราผู้ชายน้อยเป็นทุนเดิม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ผมก็เลยไม่รู้จะเข้าไปคุยยังไง ไม่ได้คุยกับใครตั้งแต่วันรายงานตัวนั่นแหละ


“มึงนี่ฮ็อตนะพอใจ โต๊ะนู้นมองมาครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง” โมกข์พูดขึ้นมา ผมหันไปตามทิศทางที่โมกข์พยักพเยิดหน้าไป อืม รู้สึกมาตลอดนั่นแหละว่าโดนมอง


“ก็รู้สึกอยู่”
“แต่ทำเป็นไม่เห็น ร้ายว่ะ” อันนี้มังกรตอบ
“ดีแล้ว อย่าไปยุ่งเลย แก็งค์นี้น่ากลัว”
“มึงรู้ได้ไงวะโมกข์”
“รู้ละกันน่ะ” หลังจากนั้นก็เข้าสู่การเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อนของสองเพื่อนสนิท ก็ขำๆดี พวกนั้นนั่งคุยดีๆกันได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แปปๆก็เถียงกันอีก เป็นเพื่อนที่เข้ากันได้ดีแบบแปลกๆ


แน่นอนว่าเป็นเพราะเพิ่งเจอกันคลาสแรก อาจารย์ก็เลยแค่มาแนะนำตัว แนะนำเนื้อหาหลักๆที่จะเรียน แล้วก็ปล่อยพวกเราแยกย้ายกันไป พอมีเวลาเหลือตั้งสองชั่วโมง ผมเลยว่าจะไปที่สวนของมหาลัยเพื่อถ่ายรูปสักหน่อย


“ไปถ่ายรูปกับกูป่ะ”
“ถ่ายรูปอะไรวะ” ผมชูกล่องฟิล์มขึ้นมาให้เพื่อนๆดูเป็นคำตอบ
“เชี่ย มึงเล่นกล้องฟิล์มด้วยเหรอวะ โคตรคูล”
“ไปๆ อยากเป็นคนแบบฮิปๆ” โมกข์พูด
“ฮิปโปเหรอ”
“ว่านมึงติดนิสัยอีมังกรมาเหรอวะ” เราคุยกันจนได้เรื่อง เอาจริงๆก็เรียกว่าเถียงกันไร้สาระจนจบ แล้วถึงออกไปจากห้อง ใช้เวลาเก็บของนานกว่าที่อาจารย์พูดอีกมั้งเนี่ย มีเพื่อนแบบนี้ชีวิตดูวุ่นวายดี แต่ก็คิดว่าคงจะสนุกล่ะนะ






เราถ่ายรูปกันไปเยอะพอสมควร ทั้งในโทรศัพท์ ทั้งในกล้อง ก็เลยตัดสินใจไปกินข้าวกัน เพราะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น ไม่งั้นก็คงจะไปไม่ทันเวลาที่รุ่นพี่นัด จริงๆพี่เขาก็ไม่ได้เคร่งอะไร จะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ถ้าอยากหาเพื่อน หรือทำความรู้จักกับคนอื่น ไปลองดูก็น่าจะดีกว่า


มหาลัยนี้ไม่ได้มีกฎระเบียบเรื่องรับน้อง จากที่เคยได้ยินมา เหมือนว่าจะเป็นแค่การแนะนำตัวและพูดคุยกันสนุกๆเท่านั้น เล่นเกมก็เหมือนจะไม่มี เพราะบางคนเขาก็ไม่ได้เอ็นจอยกับตรงนี้ เป็นอีกหนึ่งอย่างของมหาลัยนี้ที่ผมชอบ


“น้องๆมาแล้วก็นั่งได้เลยนะ เดี๋ยวพวกพี่จะเริ่มแนะนำตัว”


พอคนเริ่มมากันเยอะแล้ว พวกพี่ๆก็เริ่มแนะนำตัวกันทีละคน ก็เป็นการแนะนำตัวกันปกติ ชื่ออะไร ทำหน้าที่อะไร บางคนไม่มีหน้าที่ก็พูดคำคมตลกๆ หรือมีการทำท่าแปลกๆที่เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ บางคนก็มาเป็นคู่ เล่นมุกกันไปมา ง่ายๆก็คือทำเอาฮาอ่ะ


“สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อชื่นตานะครับ เจอกันก็ทักได้นะ”
“คุณชื่นนนนนนนนนน” เสียงประสานจากรุ่นพี่เป็นสิบๆคนดังขึ้นมาหลังจากที่ชื่นตาพูดจบ เหมือนเป็นการล้อเลียน คุณชื่นของทุกคนก็เลยทำหน้าย่นใส่ เขาเคยพูดกับผมว่าชอบโดนเพื่อนๆรุมแกล้ง ผมเข้าใจนะว่าเพราะอะไร เขาดูเป็นคนที่แกล้งสนุก รีแอคชั่นเขาตลกดี


หลังจากพี่ที่มาวันนี้แนะนำตัวกันไปจนครบ ก็ถึงคราวของเด็กๆบ้าง ผมก็นั่งฟังเพื่อนๆแนะนำตัวไป จำได้บ้าง ไม่ได้บ้างว่าใครชื่ออะไร ผู้หญิงชื่อซ้ำๆกันเต็มไปหมด เหมือนเป็นชื่อฮิตของเด็กที่เกิดปีนี้ เรียนไปได้สักพักคงมีฉายาพ่วงชื่อ ไม่งั้นคงหากันไม่เจอ


“สวัสดีครับ มังกรครับ”
“มึงงงง เด็กผู้ชายยยยย” มังกรเป็นผู้ชายคนแรกที่ลุกขึ้นแนะนำตัว ก็เลยเกิดเสียงเซ็งแซ่ทุกสารทิศไปหมด ตัวมันก็ยิ้มโปรยเสน่ห์ ยิ้มจนเหงือกแห้ง อีกนิดน่าจะกรามค้าง


“สวัสดีค่ะ โมกข์ค่ะ” คนนี้ก็เล่นใหญ่ พูดเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน เพื่อนที่ใกล้จะหลับถึงกับสะดุ้งตื่น เหนื่อยใจกับพวกมันเหมือนกันนะ
“ครับ ว่านครับ” ไอ้นี่มานิ่งๆ นิ่งกว่าผมอีก
“ผู้ชายอีกแล้วว ดีใจ น้องคนต่อไปเลย” และก็มาถึงผม
“สวัสดีครับ พอใจครับ”
“น้องพอใจ พี่พอใจในตัวหนูมากค่ะ” แล้วทุกคนก็หัวเราะกันขึ้นมา ผมเองก็หลุดขำด้วย พี่เขาไม่ได้แค่พุดเฉยๆ ยังส่งจูบมาให้ด้วย พี่คนนี้ชื่อคิง แต่มีวงเล็บข้างหลังที่ตัวใหญ่เท่าบ้านว่าไคลี่ คาดว่าน่าจะเป็นชื่อในวงการ


“อีคิง มึงเยอะ”
“อะไรคุณชื่น น้องคนนี้กูจอง”
“สงสารน้อง”
“สงสารน้องหรือตัวเอง เห็นนะ” และเหมือนเขาจะเถียงต่อไม่ได้ เลยลุกไปหยิบน้ำมากินดื้อๆ พอเขาทำแบบนั้นทุกคนที่ฟังบทสนทนาอยู่ก็ขำออกมา บางคนก็มีเสียงเล็ดรอออกมาว่าคุณชื่นน่าเอ็นดูบ้างอะไรบ้าง
“พอใจไม่ต้องหัวเราะเลยนะ!” ชื่นตาชี้หน้าผมทำเป็นขู่ แต่สุดท้ายเขาก็หัวเราะออกมาซะเอง ตลกดี






“กลับยังไงล่ะเรา”
“หือ คงเดินแหละพี่ชื่น มันไม่ได้ร้อน ไม่อยากรอรถด้วย”
“งั้นเดี๋ยวกลับพร้อมกัน ขอเก็บของแปปนะ”


เขาไม่ได้รอฟังคำตอบจากผมแม้แต่น้อย พูดจบก็เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง พอใจที่คิดว่ายังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วก็เลยเก็บของบ้าง

“ที่บอกว่าเพื่อนบ้านนี่จริงสินะ”
“ก็จริงสิวะ แต่นี่กูกลับคอนโด”
“เขาไปส่ง?”
“บังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันด้วย”
“น่อววว บังเอิญ โลกกลมหรือพรหมลิขิตอ่ะเพื่อน”
“เพลงมึงเก่ามากโทษทีอีโมกข์” แล้วก็เถียงกันรอบที่สามล้านของวัน ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่นี่จะเรียกว่าชีวิตมีสีสันได้ไหม วันหนึ่งจะปวดหัวตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ สุดท้ายการเถียงของสองคนนี้ก็จบลงเพราะไอ้ว่านรำคาญ ก็เลยหยิบเอากระดาษห่อซาลาเปายัดใส่ปาก ก็เลยสงบปากสงบคำได้


“เสร็จแล้วพอใจ พี่กลับก่อนนะเด็กๆ”
“บ๊ายบายค่าคุณชื่น”
“บายครับบบบบบบ เพ่ชื่น” กวนตีนไม่หยุดหย่อน
“สวัสดีครับพี่” น่าจะเป็นเพื่อนคนเดียวในชีวิตที่ปกติ บางทีเราก็ไม่มีทางเลือกนะ เฮ้อ




“ขอบคุณครับพี่ชื่นที่ให้ติดรถมาด้วย”
“ไม่เป็นไร ก็อยู่ที่เดียวกัน เป็นยังไงบ้าง เรียนวันแรก” เราคุยกันตั้งแต่ลงจากรถจนเดินมาขึ้นลิฟต์ ผมแวะรับของที่ฟร้อนท์นิดหน่อย แม่ส่งข้อความมาบอกว่าเอาของมาฝากไว้ให้ จากนั้นเราก็ขึ้นลิฟต์มาพร้อมกัน


ติ๊ง! ถึงชั้นของผมแล้ว


“ไปนะครับพี่”
"ฝันดีนะพอใจ”
“ฝันดีเหมือนครับ พี่ชื่น”
   
   
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--02--<18/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-04-2019 19:52:27
คุณชื่นน่ารัก ฟิลเตอร์โลกสดใสมากๆเลย!
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter03:19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 19-04-2019 14:53:02
03




“ฮัลโหล ไอ้พอใจ มาช่วยกูหน่อยดิวะ”


นั่นเป็นเพียงประโยคเดียวที่เขาได้ยินจากมังกร สายถูกตัดไปหลังจากมันพูดจบ ผมยังไม่ทันได้ลืมตาดีๆเลยด้วยซ้ำ โทรกลับไปมันก็ไม่รับ เลยลองไลน์ไปหา


‘มึงมีไร’
‘มาช่วยกูหน่อย’
‘ช่วยไร’
‘เออน่ะ อาคารA ชั้น2 นะ’


แล้วก็จบบทสนทนาไปทั้งอย่างนั้น ตอนแรกที่ได้ยิน เขาก็นึกว่ามันจะโดนทำอันตรายหรือโดนรุมกระทืบ แต่เห็นตอบไลน์ได้แบบนี้น่าจะไม่ได้เป็นอะไร คงไม่ต้องรีบมาก


ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวตามเวลาปกติ ไม่ได้รีบเร่ง แต่ก็ต้องโบกมือลาต้นไม้กับอาหารเช้าไปก่อน ถ้าให้กินเขาอาจจะโดนมันด่าจนหูชา พอใจเถียงไม่ทันหรอก


และทันทีที่เปิดประตูห้อง พอใจก็พบว่ามีถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋แขวนไว้ที่ประตู ไม่มีข้อความใดๆบ่งบอกว่าของนี้มาจากใคร พอใจไม่ได้สงสัยมากนัก เจาะกินน้ำเต้าหู้และหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากอย่างไม่กลัวว่าจะมีคนวางยา ไม่ใช่ละครสักหน่อย


Rrrrrrrrr


“มึงอยู่ไหนแล้ววะ!”
“กำลังไป”
“เร็ววววว เร๋วววว”
“รีบอะไรนักหนา แค่นี้”


ตัดสายเพราะไม่อยากฟังมังกรคร่ำครวญ เนื่องจากเพื่อนดูรีบมากเขาเลยโบกวินไป แต่ถึงจะรีบยังไง เขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบกล้องมาอยู่ดี วันนี้เขาไม่มีเรียน ถ้าไปหามังกรแล้วคงไปถ่ายรูปต่อ เหลือไม่กี่รูปแล้ว


พอใจเดินขึ้นมาถึงห้องที่มังกรบอก เคาะประตูแล้วก็เปิดเข้าไปทันที แล้วก็พบว่า ไอ้มังกรมันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ มันหลอกเขามาถ่ายรูปโปรโมทเสื้อค่ายของมหาลัย ไอ้เพื่อนเวร!


“มึงนี่มัน”
“โทษน้าา กูทำไรไม่ได้จริงๆเพื่อน”
“เฮ้อ”


ผมรับเสื้อไปเปลี่ยนอย่างจำใจ ไหนๆก็มาแล้ว มังกรบอกว่า ถ้ามันลากผมมาถ่ายด้วยไม่ได้มันจะไม่ได้กลับ นี่ก็ถูกกักตัวไว้เป็นชั่วโมงแล้ว ตัวมันเองก็เชื่อฟังเหลือเกิน เป็นผมหาทางหนีกลับแล้ว ไม่รอนานๆแบบนี้หรอก


“น้องพอใจพร้อมแล้วนะ ไปถ่ายได้เลยจ้ะ”
“ครับ”


ผมยืนให้ตากล้องถ่ายน่าจะสักสิบช็อต แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสื้ออีกสีหนึ่ง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง รวมการเซ็ตฉากอะไรของเขาด้วย


“ขอบคุณน้องพอใจมากๆนะคะ”
“ครับ คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ถ้าผมไม่มาก็คือไม่มา ครั้งนี้ผมเห็นแก่มังกร แล้วก็คิดว่ามันเป็นครั้งแรก หวังว่าจะครั้งเดียวด้วย อย่ากดดันเพื่อนผมอีก”
“ค่ะ แหะๆ”


ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ แค่รับคำไปอย่างนั้น ผมไม่ชอบเลยจริงๆ ผมรู้ว่าถ้าผมจะไม่มาจริงๆ ไอ้มังกรมันก็หาทางออกมาได้ แต่เขาไม่ควรกดดันเพื่อนผมด้วยวิธีนี้ ทำงานแบบนี้อย่าได้หวังว่าจะทำด้วยกันอีกเลยเถอะ


“เฮ้อ กูได้กลับสักที”
“ทีมงานชุดนี้มึงไม่ต้องทำงานช่วยแล้วนะ”
“เออ ไม่ทำแล้วล่ะ ตอนแรกกูมาเพราะคิดว่าช่วยค่าย เงินก็ไม่เอา แต่ทำกับกูแบบนี้ เสียเวลาชิบหาย ขอโทษมึงด้วย”
“ไม่เป็นไร แต่กูคงไม่มาอีกแล้ว”
“กูด้วยแหละ”


คุยกันแค่นั้นก็แยกกันไป พอใจเดินไปรอรถระจำทางที่หน้ามหาลัยเพื่อไปร้านล้างฟิล์ม ระหว่างรอก็ถ่ายภาพป้ายรถเมล์ไปด้วย มันดูคลาสสิกดี จริงๆก็ควรพูดว่ามันเก่านั่นแหละนะ


พอถ่ายจนหมดม้วนก็กรอฟิล์มเรียบร้อย กันเปิดฝาหลังออกแล้วแสงเข้า เก็บของเข้ากระเป๋าเรียบร้อยรถก็มาพอดี
เพราะไม่ได้ไปไกลมาก ฟังเพลงบนรถไปแค่สามเพลงก็ถึงร้านที่จะมาล้าง ร้านนี้เป็นร้านล้างฟิล์มร้านเดียวในย่านนี้ เก่าแก่พอสมควร ถือว่าเป็นร้านลับก็ว่าได้ คนมาน้อย แต่คุณภาพดี


“ว่างพอใจ กี่ม้วนล่ะรอบนี้”
“2ครับ”
“มาๆ นั่งรอก่อนนะ หรือจะไปเดินเล่นล่ะ”
“ขอดูกล้องดีกว่าครับลุง”


พอใจดูกล้องที่ตั้งเรียงรายอยู่ในตู้โชว์ของคุณลุง กล้องพวกนี้เป็นกล้องที่คุณลุงสะสมมา บางรุ่นเก่ามากจนหาอะไหล่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังใช้งานได้ คุณลุงรักษากล้องทุกตัวเป็นอย่างดี กล้องตัวแรกของพอใจก็ได้มาจากที่นี่แหละ


ร้านนี้เป็นร้านประจำของคุณพ่อเขาสมัยก่อน ทั้งตอนเป็นหนุ่มจนถึงตอนมาถ่ายรูปแต่งงานก็เป็นร้านนี้ ตอนที่จะซื้อกล้อง คุณพ่อก็แนะนำที่นี่มา


“ขอโทษนะครับ มีคนอยู่ไหม อ้าว! น้อง”
“หวัดดีครับพี่”
“เออ ดีๆ คุณลุงเขาไปไหน”
“อยู่หลังร้านครับ ลุงเกริก! มีลูกค้าครับ”


พี่คนนี้เป็นรุ่นพี่ปีสอง อยู่คณะเดียวกันกับเขา เจอกันเมื่อวันรับน้องนั่นแหละ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อแพลน ดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับชื่นตา เพราะเห็นยืนอยู่ด้วยกัน


พี่แพลนสูงมาก ถึงแม้ว่าตัวผมเองก็สูง แต่เขาก็ยังสูงกว่าผมอีก เป็นผู้ชายผิวเข้ม แล้วก็ดูเป็นคนออกกำลังกาย เพราะหุ่นดูเฟิร์มมากๆ เหมือนนายแบบ ทำไมชื่นตาถึงมีเพื่อนที่ดูต่างกันขนาดนี้ เหมือนเขาเป็นลูกมากกว่าอีก


“มาทำไรอ่ะเรา” พี่แพลนถาม
“ล้างฟิล์มครับ”
“ได้ข่าวว่าสนิทกับไอ้คุณชื่นเหรอ”
“ผมเหรอ ใครบอกพี่อ่ะครับ”
“ก็มันนั่นแหละบอก เราสนิทกับพอใจน้าแพลนนน มันว่างี้”


พี่แพลนเลียนเสียงชื่นตาแล้วลากเสียงยาวตามแบบที่เจ้าตัวชอบทำ ผมได้ฟังแล้วก็ขำ เพราะมันไม่เหมือนเลยสักนิด


“นี่ขำเหรอวะ หึ นี่คือเสียงขำของมึงเหรอวะ”
“ผมขำแค่นี้แหละพี่”
“เออๆ ขอพูดกูมึงนะ ไม่ชินว่ะ”
“แล้วแต่พี่เลย ผมไม่ซี”
“เออ กูฝากมึงเอาอันนี้ไปให้มันหน่อยสิ ลืมไว้กับกูอ่ะ”


พี่แพลนหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า เป็นวรรณกรรมชื่อดังที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ผมเองก็สนใจอยู่ แต่เพราะเนื้อหาและภาษาที่ใช้มันค่อนข้างยาก เลยเก็บไว้ก่อน รอให้เก่งกว่านี้ก่อน


“เดี๋ยวมันต้องใช้ทำงานคืนนี้”
“พวกพี่เรียนเล่มนี้เหรอ โคตรยากเลย”
“เออ งานอาจารย์พิม แกให้อ้างอิงเหตุผลจากเล่มนี้ โคตรพ่อโคตรแม่ยาก”
“พวกผมก็ต้องเรียนใช่มั้ย”
“เออ เดี๋ยวพวกมึงขึ้นปีสองปุ๊ป เจอแน่เล่มนี้”


พอพี่เแพลนได้ของที่ต้องการ เขาก็ลาไป ผมเลยถือวิสาสะเปิดหนังสือเล่มนั้นอ่านดู แค่เปิดก็รับรู้แล้วว่าต่อไปต้องเรียนหนักมาก เพราะมันยากถึงขนาดที่ว่าคำโปรยยังมีไฮไลต์ขีดๆ เพื่อหาความหมายเต็มไปหมด เริ่มรู้สึกท้อแล้วนะ


“พอใจ เสร็จแล้วลูก”
“ขอบคุณครับลุง”
“สนใจกล้องตัวไหนไหมล่ะ”
“ยังหรอกครับ ซื้อเยอะๆไม่ไหวหรอก”
“ฮะๆ ไว้เจอกันลูก โชคดีๆ”


หลังจากจัดการค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ก็เดินทางกลับคอนโด ถึงแม้จะพูดว่าเป็นร้านเก่าแก่ แต่เขาก็พัฒนา และเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า จากที่เคยให้เป็นแผ่นซีดี ก็อัปโหลดลง google drive แทน


ผมเช็ครูปในโทนศัพท์ระหว่างที่นั่งรถ เลือกรูปที่ถ่ายเพื่อนส่งไปในกรุ้ปไลน์ โมกข์เอาแต่พิมพ์ซ้ำไปซ้ำมาว่าตัวเองสวย ผมไม่ออกความคิดเห็นใดๆทั้งนั้น เพื่อนสบายใจแบบนั้น ก็ตามนั้นเลย


เลือกรูปวิวมาหนึ่งรูปแล้วอัพลงอินสตาแกรมแบบที่ไม่มีแคปชั่น ขี้เกียจคิดน่ะ ไม่มีอะไรหรอก พอมาถึงรูปของชื่นตา พอใจเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่มีอะไรที่จะติดต่อชื่นตาได้เลย มีแค่อินสตาแกรม ที่ส่งรูปไปให้ก็ไม่ชัด เขาก็เลยตัดสินใจไดเร็คไปหา


Porjai_: พี่ชื่น
Porjai_: พอใจเองนะ
Chuenta: เรารู้ๆ
Chuenta: มีอะไรหรือเปล่าพอใจ
Porjai_: ผมไปล้างฟิล์มมา แต่ผมส่งรูปให้พี่ไม่ได้
Porjai_: ผมไม่มีคอนแท็คพี่เลย
Chuenta: นั่นสิน้า
Chuenta: kunchuennn แอดมานะ!


ผมกดก็อปปี้ข้อความที่เขาส่งมาไปวางในช่องค้นหาไอดีไลน์ ภาพเซลฟี่ของชื่นตาที่ยิ้มแบบอบอุ่นยืนยันได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือเขา ผมส่งสติกเกอร์ทักทาย แล้วก็ส่งรูปภาพ


Chuenta: รูปสวยจังพอใจ
Chuenta: ขอบใจนะ
Porjai: ไม่เป็นไรครับ
Porjai: พี่แพลนฝากหนังสือไว้ ให้ผมเอาไปให้ที่ไหน
Chuenta: ตอนนี้เราอยู่ห้อง พอใจมาถึงแล้วบอกนะ
Chuenta: ไอ้แพลนมันชั่วมาก รบกวนพอใจได้ยังไง
Porjai: ไม่รบกวนหรอกครับ เดี๋ยวถึงแล้วผมทักไป
Chuenta: รอนะ


Chuenta change Porjai to คุณพอใจ
Porjai change Chuenta to คุณชื่น







ผมกดลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่อยู่ถัดจากห้องของตัวเองหนึ่งชั้น ชั้นนี้มีห้องแค่ไม่กี่ห้อง เนื่องจากห้องจะใหญ่กว่าชั้นล่างๆ ได้ยินว่าชั้นบนๆถัดจากนี้จะเหลือแค่สองห้องด้วยซ้ำ


หยุดที่หน้าห้อง 805 แล้วกดกริ่งเพื่อเรียกเจ้าของห้องออกมา รอไม่นานก็ได้ยินเสียงตึงตังมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู แล้วประตูก็เปิดออก


“หวัดดีพอใจ”
“หวัดดีครับ อันนี้ที่พี่แพลนฝากไว้” ผมยื่นหนังสือให้ชื่นตา
“ขอบใจมาก พอใจเข้ามากินขนมก่อนไหม หรือพักเหนื่อย”
“อืม ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เกรงใจ”
“เกรงใจอะไรล่ะ มาๆ”


สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ พอใจเดินตามชื่นตาเข้ามาในห้องที่โครงสร้างค่อนข้างคล้ายกับของเขา เพียงแต่ขนาดใหญ่กว่า น่าจะใหญ่กว่าสักเท่าหนึ่ง


“อ่ะ นั่งนี่ๆ มาดูหนังกับเรา”
“หืม? พี่ชื่นดูอะไรอยู่”
“คริสโตเฟอร์ โรบิน พอใจดูหรือยัง”
“อ๋อ ผมดูในโรงแล้ว”
“งั้นนั่งดูเป็นเพื่อนหน่อยนะ”


ผมนั่งลงบนโซฟาเบดที่ชื่นตาดึงออกมาให้นั่งเหยียดขาได้ ตรงหน้ามีทั้งคุกกี้ ขนมกรุบกรอบต่างๆครบครัน น้ำอัดลมด้วย เพิ่งสังเกตว่าชื่นตาปิดม่านไม่ให้แสงเข้าเพื่อให้บรรยากาศเหมือนโรงหนัง


ผมมองหนังบนจอแบบผ่านๆเพราะเคยดูมาแล้ว ไม่อยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพราะห้องมืด เดี๋ยวจะรบกวนการดูของคนข้างๆ พอไม่มีอะไรให้ดูเป็นพิเศษ ก็เลยตัดสินใจหันมามองคนข้างๆแทน


ชื่นตาตัวเล็ก ถ้าเทียบกับผู้ชายหลายๆคน รวมถึงเขาด้วย แต่ก็ไม่ได้ตัวเล็กหรือดูบอบบางแบบผู้หญิง ผมเคยเห็นเขาแบกของ แบกลังช่วยพี่ๆในคณะ หน้าก็ไม่ได้หวานจัด ออกแนวจิ้มลิ้มซะมากกว่า


แต่ผมเคยได้ยินมาว่า คนจมูกเชิดจะดูดื้อ ซึ่งอย่างชื่นตาแล้ว ผมว่าเขาน่าจะดื้อเงียบมากกว่า รั้นน่าดู รวมๆแล้วดูเป็นผู้ชายสะอาด ที่มีภาพลักษณ์อบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ ใครๆก็อยากเข้าหา


ไม่ใช่ความร้อนแบบที่แผดเผาเราให้ละลาย แต่เป็นความอบอุ่นแบบบางๆ เหมือนแดดจางๆในตอนเช้า ถ้าอยู่ใกล้ๆใครก็คงรู้สึกได้


ถ้าเปรียบตัวเขาเป็นพระอาทิตย์ คนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขาก็คงจะมีแรงดึงดูดบางอย่างดึงให้เข้าไปหา ถ้าเกิดเข้ามาเป็นเพื่อน ก็คงเพราะความสบายๆ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนคุณชายมากก็ตาม


และด้วยภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือแบบนี้ พี่แพลนเล่าว่าชื่นตามักจะถูกผลักออกไปเป็นทัพหน้าในการคุยกับอาจารย์เสมอ

 
“พอใจมีอะไรหรือเปล่า”
“หือ?”
“จ้องเรานานแล้วนะ”
“เปล่า ผมแค่คิดว่าพี่เหมือนอะไรบางอย่าง”
“อะไรอ่ะ” ชื่นตาจ้องหน้าผม
“พระอาทิตย์”
“เราเหมือนพระอาทิตย์ตรงไหน หน้าเรากลมเหรอ”
“ยิ้มซิ” แล้วชื่นตาก็ยิ้ม ยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็น ไม่ใช่ยิ้มอบอุ่นแบบปกติ แต่เป็นยิ้มกว้างๆ ดูสดใส เจิดจ้า


“เนี่ยเหมือนพระอาทิตย์”
“พอใจว่าเราหน้ากลมเหมือนพระอาทิตย์จริงด้วย! เรายิ้มแล้วแก้มออกใช่ไหม”
เฮ้อ ผมว่าเขาคงยังไม่เข้าใจในเร็วๆนี้หรอก ก็กตอนนี้กำลังวางแผนเข้าฟิตเนสเพราะคิดว่าตัวเองแก้มเยอะอยู่เลย เหนื่อยเหมือนกันนะบางที ฮะๆ



หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter04:19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 19-04-2019 14:57:30
04




หลังจากที่เมื่อวานชื่นตาได้กักตัวพอใจเพื่อดูหนังเป็นเพื่อนแล้ว พวกเขาก็ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วถึงแยกย้ายกันกลับห้อง แต่จนถึง ณ เวลานี้ ชื่นตาก็คิดอยู่ว่า ที่พอใจบอกว่าเขาเหมือนพระอาทิตย์น่ะมันคืออะไร


เขาดูหน้ากลมเหมือนพระอาทิตย์เหรอ หรือหน้าแดง อันนี้ไม่น่าใช่ ทฤษฎีที่ว่าคุณชื่นเหมือนพระอาทิตย์นี่ต้องได้รับการอธิบาย เขาจึงตัดสินใจถามเข้าไปในกรุ้ป


Chuenta: มึง กูหน้ากลมเหรอ อ้วนมั้ย
Plan: ห๊ะ! อ้วนไรของมึง
Kylie: อ้วนบ้าอ้วนบออีน้อง
Chuenta: ก็พอใจบอกกูเหมือนพระอาทิตย์


เพื่อนบอกว่าผมไม่อ้วน แต่พอใจบอกว่าผมเหมือนพระอาทิตย์ มันจะมีความหมายแฝงอะไรอีก ผมว่าผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อนะ แต่ผมแปลความหมายมันไม่ออกจริงๆ นี่ผมเรียนวรรณกรรมจริงไหมเนี่ย


Kylie: อีโง่! น้องบอกว่ามึงสดใสหรือเปล่า
Plan: หรือไม่ก็ร้อนแรงไรงี้
Plan: แต่ร้อนแรงไม่น่าได้ เด๋อขนาดนี้
Chuenta: เด๋อบ้านมึงสิ
Kylie: น้องพอใจเขาชมมึง ไม่ได้ด่ามึงว่าอ้วน
Kylie: แต่น้องพอใจนี่กูพอใจจริงๆนะ
Chuenta: พอๆ กูมาถามแค่นี้แหละ
Plan: อ่ะ หนี


พวกมันสองคนพยายามคาดคั้นผมมาตั้งแต่วันที่ผมลงรูปพอใจแล้ว จนรู้ว่าพอใจเป็นน้องคณะ พวกมันก็เอาแต่พูดจาแปลกๆ รู้หรอกว่าจะชง แต่ผมกลัวพอใจอึดอัดนี่


ถึงจะบอกไอ้แพลนว่าตัวเองสนิทกับพอใจ แต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้นนี่นา เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน นี่เพิ่งจะครบสัปดาห์มาไม่นานเอง เดี๋ยวพอใจอึดอัดแล้วไม่อยากเล่นกับผมทำไง


ผมเช็คแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆสักพัก อินสตาแกรมเป็นสิ่งสุดท้าย ตอบไดเร็คและคอมเมนท์เรียบร้อย ก็จัดการโพสต์รูปภาพใหม่


เป็นรูปที่พอใจส่งให้ผมเมื่อวาน รูปที่ผมนั่งยิ้มอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะแถวบ้าน พอใจส่งมาให้ผมสามรูป นอกจากรูปนี้ก็มีรูปตอนเดินไปคาเฟ่ กับรูปที่นั่งอยู่ในคาเฟ่ ที่ผมไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าเขาถ่ายตอนไหน


พอใจถ่ายรูปสวย ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ามันทั่วไป แต่ชื่นตาก็ยังมองว่ามันสวย ในฐานะของคนที่ถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นอย่างเขา ก็บอกไม่ได้หรอกว่ามันสวยยังไง แต่ทุกครั้งที่ดูรูปที่พอใจถ่าย มันมักจะรู้สึกถึงบางอย่างเสมอ


ผมไปแอบส่องอินสตาแกรมของพอใจมา เขาถ่ายรูปท้องฟ้าไว้เยอะมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน นี่หรือเปล่าที่เขาบอกกันมาว่า รูปภาพก็สื่อความรู้สึกได้




เพราะวันก่อนนั้น พอใจทำอาหารเช้าให้เขากิน เมื่อวานเขาเลยเอาน้ำเต้าหู้ไปแขวนไว้หน้าห้อง คิดว่าพอใจคงกินไปแล้ว น้ำเต้าหู้เจ้านี้อร่อยมาก หมดเร็วตลอด เขาถึงกับต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อไปซื้อเลยนะ คิดว่าพอใจก็คงจะชอบเหมือนกัน


เห็นขนมปังที่พอใจทำให้วันนั้นแล้ว เขาคิดว่ามันทำไม่ยากสักเท่าไหร่ อยากจะลองทำดูบ้าง ถึงแม้จะไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ขอลองสักหน่อยแล้วกัน


Rrrrrr ‘คุณป้า’


“สวัสดีครับป้าชม”
[เป็นไงบ้างลูก เปิดเทอมแล้วใช่ไหม]
“ใช่ครับ ก็มีงานนิดหน่อย ยังไหวอยู่ครับ”
[จ้า มีอะไรก็เข้ามาที่บ้านนะ มาพร้อมพอใจก็ได้ รู้จักกันแล้วนี่]
“ครับป้า เป็นรุ่นน้องคณะด้วย”
[ดีๆ ดูแลกันลูก สนิทกันไว้ ขนมบ้านนั้นอร่อยนะ]
“โถ่ป้าชม ชื่นไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นนะครับ”
[ฮะๆ ไว้เจอกันลูก]
“ครับ สวัสดีครับ”


ป้าชมเป็นป้าแท้ๆของเขา ก็เจ้าของบ้านรัตนพิบูลย์นั่นแหละ ด้วยความที่ป้าไม่มีลูก เขาที่เป็นหลานชายคนเดียว ก็เลยได้รับความรักและความเอ็นดูจากคุณลุง คุณป้ามากๆ ตัวเขาเองก็รักและเคารพท่านทั้งสองมากๆเช่นกัน


หลังจากวางสายจากป้าชม เขาก็ลงมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีของคอนโด ที่นี่มีฟิตเนสด้วยนะ สระว่ายน้ำก็มี ดีมากๆเลย


เขาหยิบวัตถุดิบที่จำได้ว่าเห็นพอใจใช้อย่างอะโวคาโด น้ำผึ้ง ขนมปัง เครื่องปิ้งที่ห้องเขาก็มี แต่ไม่เคยใช้ ส่วนชาที่พอใจชงให้ตอนนั้นน่ะ หอมมาก แต่ผมไม่รู้ว่ามันคือชาอะไร เลยลองเสิร์ชกูเกิ้ลหารสชาติของชาต่างๆดู สุดท้ายก็เลือกหยิบชาพีชมา
วันนี้ผมไม่มีเรียน แต่ดันมีงานต้องส่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ เป็นงานกลุ่ม ซึ่งกลุ่มผมก็มีสามคน คือผม แพลน แล้วก็คิง ที่มันชอบบังคับให้ผมเรียกว่าไคลี่


ผมเรียนวรรณกรรม การวิเคราะห์วรรณกรรมเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องเรียน แต่วรรณกรรมตัวอย่างที่อาจารย์เอามาให้ครั้งนี้มันยากมาก ตอนแรกพวกผมเลือกจะยืมเล่มภาษาไทยมาอ่าน ปรากฏว่าอ่านทั้งสามคน ไม่เข้าใจทั้งสามคน คิดว่าเขาใช้คำยากเกินไป สุดท้ายพวกผมก็ต้องไปซื้อเล่มต้นฉบับภาษาอังกฤษมา


ซึ่งตัวเล่มต้นฉบับภาษาอังกฤษนั้น ยากมาก! ยากจนขนาดเด็กจบมัธยมอินเตอร์อย่างไอ้แพลนยังอยากจะร้องไห้ ไอ้คิงที่มาดมั่นจะมีผัวฝรั่งก็ความคิดสั่นคลอน ถึงผมจะคิดก็เถอะ ว่าคนปกติคงไม่พูดภาษายากๆแบบนี้


แต่ทำไงได้ล่ะ อาจารย์สั่งก็ต้องทำสิครับ ไม่ทำก็ไม่ได้คะแนนสิ ผมเลยต้องมานั่งจดๆจ้องๆ เปิดดิกชันนารีแปลคำศัพท์ยากๆพวกนี้อยู่ เมื่อไหร่จะอ่านจบก็ไม่รู้





ทำงานไปได้สักพัก ท้องก็ร้องว่าถึงเวลาอาหารกลางวัน ผมเลยตัดสินใจพักงานไว้ก่อน ลุกไปหาอะไรกินดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หิวมากๆจะทำงานไม่ได้เอา ชวนพอใจไปด้วยดีไหมนะ


Chuenta: พอใจว่างหรือเปล่า
คุณพอใจ: ตอนนี้ผมอยู่มอ พี่ชื่นมีอะไรหรือเปล่า
Chuenta: อ้าว อยู่มอเหรอ ว่าจะชวนกินข้าว
Chuenta: ไม่เป็นไร
คุณพอใจ: ขอโทษนะครับ
Chuenta: ขอโทษทำไมเล่า วันหลังก็ได้
Chuenta: ตั้งใจเรียนนะ
คุณพอใจ: ครับผม


ในเมื่อพอใจไม่อยู่ ก็ต้องไปกินข้าวคนเดียว ชื่นตาไปกินข้าวคนเดียวได้สบายมาก ปกติก็ชอบอยู่คอนโด พออยู่คอนโดก็ต้องไปไหนคนเดียวเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะถ้าจะนัดเพื่อนน่ะ ก็ต้องเรียกวิน นั่งแท็กซี่ไป วุ่นวาย


“ว่าไงคุณชื่น กินอะไรวันนี้”
“เอาอันนี้3เข่งครับ” สุดท้ายมื้อนี้ก็ฝากท้องไว้กับร้านติ่มซำ







หลังจากดื่มด่ำกับอาหารกลางวันแล้ว เขาก็ต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง คราวนี้น่ะไปชงชามาด้วย เผื่อมันจะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง หยิบคุ้กกี้มานิดๆหน่อยๆ กินเยอะไม่ดี


ถึงจะพูดว่าทำอาหารไม่เป็น แต่คุ้กกี้เป็นหนึ่งอย่างที่ชื่นตาภูมิใจกับมันมากๆ เพราะทำออกมาได้ดี แถมยังมีคนชมเยอะแยะมากมาย อย่างน้อยก็ทำเป็นตั้งหนึ่งอย่าง ส่วนอาหารก็ทำได้แค่พวกไข่เจียว ไข่ดาว


ชื่นตาดูอาหารไม่ค่อยเป็น เขาแยกไม่ออกว่าแบบนี้คือสุกหรือยังไม่สุก มาแยกออกก็ตอนที่มันใกล้จะไหม้ ก็เลยล้มเลิกความคิดที่จะหัดทำอาหารในตอนโด เขากลัวไฟไหม้ห้อง


“ชานี้อร่อยดีแฮะ กินแล้วสดชื่นดี”


ชื่นตานั่งทำงานไปกินไป จนสุดท้ายงานในส่วนที่ตนเองก็เสร็จสมบูรณ์ เขาตรวจทานความเรียบร้อยถึงสองครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่พิมพ์ไปเป็นภาษาที่คนอื่นจะเข้าใจได้ ไม่มีตรงไหนวกวนหรือซ้ำไปซ้ำมา


Chuenta: ส่งไฟล์
Chuenta: นี่ส่วนของกู
Kylie: กรี๊ดดด มึงเสร็จแล้วเหรอ
Kylie: อีน้องง กูเหลืออีกเยอะเลย
Chuenta: ค่อยๆทำ กูไม่ได้มาเร่ง
Plan: ตื่นตูมน่ะคิง งานมันส่งอาทิตย์หน้า
Plan: ก็รู้หนิว่าเพื่อนมึงไม่ชอบค้างงาน
Kylie: เออ รู้!
Kylie: แต่พอเห็นเพื่อนเสร็จละมันลนๆนี่หว่า
Chuenta: ค่อยๆทำน่ะ มึงทำงานละเอียด เสร็จช้าก็ไม่แปลกหรอก
Plan: จนกูติดมาด้วย
Plan: พอทำงานกับคนอื่น เขาว่ากูขี้บ่น
Kylie: เออๆ เดี๋ยวทำเสร็จมาบอก เสร็จละมึงส่งมานะแพลน
Plan: เคจ้า


คิงทำงานละเอียดมาก ชนิดที่ว่าแทบจะไม่ผิดเลยสักตัวอักษร ถ้าเป็นงานเดี่ยวๆจะเห็นได้ชัดเลยว่างานมันได้คะแนนเต็มตลอด รวมถึงพรีเซนเทชันของมันก็ดีมาก อาจารย์ถามก็ตอบได้หมดทุกคำถามไม่มีลังเล เพราะแบบนี้ผมเลยตั้งใจทำงานให้ดี ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเหนื่อยแก้งานให้


ตื่อดึ้ง!


คุณพอใจ: พี่ชื่นอยู่คอนโดไหมครับ
Chuenta: อยู่ๆ มีอะไรหรือเปล่า
คุณพอใจ: ผมจะชวนไปกินข้าว
คุณพอใจ: มีเพื่อนผมอีก3คน
คุณพอใจ: ไปไหมครับ


ชื่นตาเหลือบมองนาฬิกาบนผนังก็พบว่ามันเย็นแล้ว อาจจะไม่ถึงกับมืด แต่ถ้าขับรถออกไปกินข้างนอกก็คงถึงเวลาหิวพอดี


Chuenta: โอเคๆ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแปปนึง
Chuenta: เจอกันล็อบบี้
คุณพอใจ: (สติกเกอร์หมาทำมือโอเค)


เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ชื่นตาก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนชุดที่ดูดีดว่าเมื่อกี้หน่อย เช็คสภาพหน้าผมของตัวเองแล้วก็ออกจากห้องไป พอลงมาถึงล็อบบี้ก็เห็นว่าพอใจรออยู่แล้ว


“พอใจ”
“อ่ะ มาแล้ว ไปกันครับ”
“อื้อ แล้วไปยังไงเหรอ”
“ผมมีรถนะ แม่เอามาส่งเมื่อวาน”
“งั้นไปรถพอใจใช่มั้ย”
“ครับ”
“เพื่อนคนอื่นล่ะ”
“เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านครับ”


ตอนแรกชื่นตาคิดว่ารถของพอใจจะเป็นรถเก๋งทั่วๆไป แต่มันกลับเป็นรถเจ็ดที่นั่งที่คล้ายกับรถตู้ ซึ่งเขาเคยเห็นรถคันนี้อยู่ที่บ้านป้าแวว แต่มันเอาไว้ส่งขนมนี่นา ถ้าพอใจเอามาใช้ ป้าแววจะส่งขนมยังไง


“ไม่ใช่รถส่งขนมเหรอ”
“หือ เคยเห็นเหรอครับ”
“อื้อ พี่เคยเห็นป้าแววเอาไปส่งของ”
“จริงๆก็เป็นรถส่งขนมแหละ แต่แม่จะออกรถใหม่ เลยเอาคันนี้มาให้”
“อ๋อ แล้วรถใหม่เป็นยังไงเหรอ”
“เหมือนรถขนฟางในฟาร์มอ่ะ พี่ชื่นนึกออกไหม”
“แล้วขนมจะไม่เสียเหรอ”
“กล่องเก็บความเย็นไงครับ”


ชื่นตานึกภาพตามที่พอใจบอก รถขนฟางในความคิดเขาก็คือรถที่ข้างหน้านั่งได้สองคน แล้วกระบะหลังจะยาวกว่าปกติหน่อย อืม คิดๆแล้วก็น่ารักดี คงคล้ายๆกับรถส่งนมจากฟาร์ม


“แล้วนี่เราจะไปกินอะไรกันเหรอ”
“ผมหลอกพี่ไปขาย ไม่รู้เหรอ”
“เอ๊ะ”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับ”
“รู้หน่า พอใจไม่ขายพี่หรอก พี่น่ารักน้าา”
“คร้าบบ น่ารักครับ”
“ฮะๆ สรุปว่าเราไปกินอะไรกันเหรอ”
“อาหารญี่ปุ่นครับ มีร้านใหม่มาเปิดหลังมอ”
“อ๋อ ร้านนั้น เคยเห็นอยู่เหมือนกัน”


การคุยกันในรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก ตอนแรกก็ไม่ได้ถึงกับอึดอัดหรอก แค่มันยังอึนๆ ไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง ถ้าชวนคุยแล้วพอใจจะดุไหม แต่พอได้เริ่มคุยบรรยากาศมันก็ดีขึ้นเยอะ เราสนิทกันมากขึ้นอีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากสนิทกับพอใจให้มากๆเลย เขาชอบอยู่กับพอใจ


“ถึงแล้วครับ”
“อื้อ ร้านสวยเนอะ”
“อืม ทำบรรยากาศเหมือนพวกโรงแรมญี่ปุ่นเลย”
“ใช่ ดีมากเลย”
“ไปหาโต๊ะกันครับ”
“คนอื่นล่ะ”
“ยังมาไม่ถึงน่ะ”


เราสองคนเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่อยู่มุมๆหน่อย เพราะกลัวว่าถ้าคนมาครบแล้วจะเสียงดัง ผมนั่งลงข้างๆพอใจแล้วเว้นที่อื่นๆไว้ ผมยังไม่สนิทกับน้องคนอื่นๆเท่าไหร่


“พี่ชื่นชอบกินอะไร”
“กินได้หมดเลย”
“ไม่สิ เอาที่ชอบ”
“แล้วพอใจล่ะ”
“ผมกินหมด ไม่เรื่องมาก”
“อ้าว ไม่ได้สิ พอใจก็ต้องสั่งที่ชอบสิ”
“ฮ่าๆ โอเคครับ ไม่สู้แล้ว”
“ฮึ”


ผมย่นจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาเถียงกับเพื่อนๆ แต่ที่ทำเอาผมตกใจน่ะ คือพอใจที่เอานิ้วชี้มาจิ้มจมูกผมต่างหาก ชื่นตาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำหน้าเหวอๆออกมา ผมคงจะหน้าตาตลกน่าดู


“อ๊ะ ขอโทษครับ” พอใจรีบขอโทษออกมา
“ไม่เป็นไรๆ เราแค่ตกใจเฉยๆ” ชื่นตาโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แล้วยังยิ้มให้พอใจอีกด้วย


พวกเขาหันกลับมาดูเมนูกันต่อเหมือนปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติมันคือใจเขานี่แหละ ทำไมมันรู้สึกแปลกๆก็ไม่รู้ ใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ แต่สุดท้ายชื่นตาก็ทำเป็นไม่รับรู้อยู่ดี
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--04--<19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 19-04-2019 15:25:19
คุณชื่นน่ารักอีกแล้ว รับรู้ควมน่ารักของคุณชื่นผ่านตัวอักษรได้เลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--04--<19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-04-2019 15:39:32
พอใจ&ชื่นตา  ละมุนและดีต่อใจคนอ่านมาค่ะ

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--04--<19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 19-04-2019 16:41:44
คุณชื่นน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--04--<19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2019 17:15:32
 :L2: :pig4:

น่ารัก
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--04--<19/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-04-2019 15:27:34
 :music:
น่ารัก ใสๆ นะคู่นี้ น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter05:20/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 20-04-2019 15:48:32
05



“มาแล้วๆ ขอโทษนะครับคุณพี่ชื่นที่ให้รอ” มังกรที่เดินเข้ามาคนแรกพูดทักทาย
“คุณพี่ชื่นเหรอ ฮ่าๆๆ” พอใจหัวเราะออกมา
“พอใจหัวเราะอะไร” ชื่นตามองมาที่เขา
“ก็หัวเราะคุณพี่ชื่นไง เหมือนพวกพนักงานเรียกลูกค้าอ่ะ”
“จะว่าไปมันก็เหมือนนะมึง คุณพี่คะคุณพี่ แบบเนี้ย”


ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยกันแล้ว และยังไม่หยุดพูดประเด็นคุณพี่สักที ไม่สิ แค่มังกรกับโมกข์ จนว่านต้องออกปากว่ารำคาญ สองคนนั้นถึงเงียบแล้วเปิดเมนูอาหาร ในฝั่งของชื่นตาก็นั่งหัวเราะอย่างเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้


ตอนที่พอใจเอามือไปจิ้มจมูกชื่นตา ขอพูดเลยว่าเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายกมือขึ้นมาตอนไหน แค่รู้สึกว่าท่าทางแบบนั้นมันดูดื้อๆ ดื้อแบบน่าเอ็นดู ร่างกายเขาคงอดไม่ได้ สมองเลยสั่งการให้เอามือไปจิ้มแบบนั้น ตกใจเหมือนกัน มันดูเสียมารยาทนี่


นอกจากความรู้สึกเอ็นดูแล้ว ตอนที่ชื่นตาหยุดเหวอแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มอบอุ่นมาให้ ในใจของเขามันก็แปลกๆ เหมือนมีคลื่นความถี่เล็กๆมารบกวน มันจิ๊ดๆอยู่ในใจ แต่เป็นความรู้สึกที่ดี ยังไม่แน่ใจนักหรอกว่าดียังไง แต่รู้ว่าดี


“แล้วนี่คุณพี่ ไม่ดีกว่าผมขอเรียกว่าคุณชื่นนะครับ”
“เอาเลย เรียกคุณชื่นหรือพี่ชื่นก็ได้”
“ไม่ๆ ให้ไอ้พอใจเรียกพี่ชื่นคนเดียวพอ” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่ได้ยิน ทำไมคำว่าพี่ชื่นมันถึงกลายเป็นคำพิเศษที่ผมเรียกได้คนเดียวขึ้นมา


“มังกรมันไปได้ยินพี่คิงพูดน่ะค่ะ ว่าปกติไม่ค่อยมีใครพี่ชื่นหรอก เรียกคุณชื่นกันทั้งนั้น” โมกข์ขยายความ
“แต่กูก็เรียกแล้วไง”
“นั่นแหละ มันถึงพิเศษ!”
“ฮะๆ พอใจ พี่ว่าเราถูกจับจิ้นแล้วล่ะ”


จับจิ้น? ผมเข้าใจนะ มันหมายถึงการที่สาววายชอบให้เราอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง เหมือนมีเคมีตรงกัน อย่างนี้ใช่ไหมนะ คล้ายๆกับพระเอกนางเอก ผมว่าผมเข้าใจถูก ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าระหว่างตัวเองกับชื่นตามีตรงไหนดึงดูด


“มีพูดถึงในเพจด้วยนะ” ว่านที่นั่งเงียบอบสู่นานพูดขึ้นมา พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ดู


ผมเอาโทรศัพท์มาไว้ตรงกลางระหว่างผมกับชื่นตา เลื่อนดูโพสต์ที่ลงรูปผมกับชื่นตายืนอยู่ด้วยกันตอนใต้ตึก บนรถ แล้วก็แนบอินสตาแกรมของชื่นตาที่โพสต์รูปผมด้วย เมื่อเลื่อนลงไปอ่านคอมเมนท์ก็เจอแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด


‘แงงง คุณชื่นกินกับอะไรก็อร่อย’
‘โง้ย ตัวเล็กตัวสูงที่แท้’
‘ตอนลงไอจีว่ากรี๊ดแล้ว ตอนอยู่ด้วยกันกรี๊ดกว่า’
‘น่ารักกันจังเลยยย’


อะไรประมาณนี้ พอใจได้ยินเสียงชื่นตาหัวเราะออกมาเล็กๆ นั่นคงหมายถึงว่าตัวเขาไม่ได้ถือสาอะไร ซึ่งตัวพอใจเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนกัน เรื่องแบบนี้คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตเขาเท่าไหร่หรอก


“น่ารักดีนะ”
“หมายถึงอะไรคะคุณชื่น”
“คนที่มาเม้นน่ะ”
“นึกว่าจะหมายถึงรูปซะอีกนะคะ” โมกข์ทำปากมุบมิบเหมือนเสียดาย
“แต่กูว่าเขาถ่ายรูปสวย” ว่านพูด
“หือ?”
“เนี่ย ทั้งแสง ทั้งโทน ดูสมูทไปหมด”


ผมก้มลงมองดูรูปอีกครั้ง มันก็จริงอย่างที่ว่านว่า ทั้งแสงหรือโทนสีของภาพมันดีมาก ไม่รู้ว่าเขาลงรูปต้นฉบับหรือแต่งสีมา แต่ผมชอบมัน เอาเป็นว่าในฐานะของคนที่ชอบถ่ายรูป ผมว่ามันสวยก็แล้วกัน


ผมคืนโทรศัพท์ให้ว่านในตอนที่อาหารมาเสิร์ฟ อาศัยจังหวะนั้นเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วกดเข้าไปที่เพจ เซฟรูปสองรูปที่เห็นเมื่อกี้ แล้วก็เก็บลง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่รู้สึกว่ามันควรเก็บไว้ ก็เท่านั้นเอง



“กลับแล้วนะเด็กๆ”
“ครับ ขับรถดีๆนะมึง” ว่านตอบมา
“เออ”


พวกเราแยกย้ายกันไปขึ้นรถใครรถมัน เป็นการกินข้าวเย็นที่วุ่นวายที่สุดมื้อหนึ่ง การเถียงกันแบบไม่มีจุดสิ้นสุดน่ะเป็นเรื่องปกติของไอ้มังกรกับโมกข์ แต่คนข้างๆเขาน่ะสิที่เส้นตื้น ไม่ว่าพวกมันจะพูดอะไรชื่นตาก็หัวเราะตลอดจนสำลักหลายครั้ง ไอ้ว่านก็เลยต้องบอกให้พวกมันเลิกเถียงกันก่อนที่ชื่นตาจะสำลักตาย


“มังกรกับโมกข์ตลกมาก”
“ก็คงงั้น พี่หัวเราะจนจะสำลักตายแล้ว”
“แหะๆ ก็มันกลั้นไม่ได้นี่”
“พี่ชื่นต้องระวังนะ”
“อื้อๆ”


เมื่อบรรยากาศมันเริ่มเงียบ ผมเลยเอื้อมมือไปกดเปิดวิทยุเพื่อฟังเพลง มันทำให้ชื่นตาหันมามองอย่างสนอกสนใจ


“พอใจฟังวิทยุด้วยเหรอ”
“ก็ฟังเพลินๆตอนขับรถ”
“เราก็ชอบฟัง แต่ไอ้แพลนบอกเหมือนคนแก่” แล้วปากเล็กๆนั่นก็บ่นมุบมิบไปเรื่อย
“หึๆ”


ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว มันยากเหลือเกิน
จะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ



ชื่นตาร้องคลอไปตามเพลง นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเขาร้องเพลง ก็ฟังเพลินเหมือนเวลามองเขายิ้มนั่นแหละ พอใจหันมาสนใจการขับรถต่อ แล้วก็ฟังชื่นตาร้องเพลงจนมาถึงคอนโด


“บ๊ายบายพอใจ เจอกัน อืม พรุ่งนี้นะ”
“ครับ หวังว่าพรุ่งนี้จะเจอกัน”


ผมเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนเพราะถึงชั้นของผมก่อน โบกมือลาชื่นตาแล้วก็เดินเข้าห้องตัวเองไป และเพราะการออกไปกินข้าวข้างนอกทำเขาเหงื่อออก อากาศมันร้อนมาก ทั้งๆที่เขาออกจากห้องแอร์มาได้แปปเดียว


พอใจรีบเข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายตัวเองสดชื่น พอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ามีแจ้งเตือนในเฟสบุ้คเพียบ ด้วยความสงสัยพอใจจึงกดเข้าไปดู ก็พบว่าโมกข์แท็กรูปมา ก็เลยมีแจ้งเตือนขึ้นมาเยอะแยะ


ปกติแล้วผมมีเฟสบุ้คไว้เพื่อเช็คข่าวสารของเพื่อนๆเท่านั้น ไม่ค่อยลงอะไรเท่าไหร่ ทำให้ไม่ค่อยมีคนแอดมามากมายนัก แต่พอโมกข์แท็กรูปมา ก็เลยมีคนแอดมาเต็มไปหมด แต่ผมไม่คิดจะรับหรอก


‘ดินเนอร์ๆ Mokk taninpaibul with mangkorn makornthawat , waralee S. , Porjai Lert , Chuenta St.’


และคอมเมนท์ที่เข้ามาชมโมกข์บ้าง มังกรบ้าง ว่านบ้าง เอาง่ายๆก็ชมทุกคนครับ
‘มังกรหล่อมาก หล่อ ทะเล้น สเป็กหนูเลยแม่’
‘น้องโมกข์คนสวยยย’
‘ชื่นตากับพอใจอีกแล้ว กรี๊ดดด’
‘ว่านนิ่งมาก แต่หล่อมาก’


ก็ประมาณนี้ ผมไม่ได้คอมเมนท์อะไร แค่กดไลค์แล้วก็ออกมา เช็คอินสตาแกรมแทน ก็เห็นว่ามีคนแท็กมาในไอจีสตอรี่ ก็คือชื่นตานั่นแหละ เขาถ่ายรูปตอนผมขับรถ แล้วก็พิมพ์ว่า ‘มีคนขับรถ’ ผมกดรีโพสต์สตอรี่แล้วก็หมดเรื่องที่จะทำ พอว่างๆแบบนี้ ก็คิดว่าโทรหาแม่ดีกว่า


[ว่าไงลูก] แต่คนรับโทรศัพท์คือพ่อ
“ผมโทรหาเฉยๆ”
[เป็นไงไปเรียนมหาลัยไอ้ลูกชาย]
“ยังไม่หนักเท่าไหร่พ่อ มันเพิ่งเปิดเทอม”
[ก็ดี ดูแลตัวเองดีๆล่ะ อย่าออกนอกลู่นอกทางนัก เงินไม่พอก็โทรมา]
“พออยู่แล้วครับ คุณให้เงินมายิ่งกว่าพออีก”
[ก็ใครจะไปรู้ ลูกเรียนมหาลัยครั้งแรกนี่หว่า นี่จะรอคุยกับแม่ไหม]
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวกวนเวลาสวีท ฝากบอกแม่ด้วยว่าคิดถึง”
[เออๆ ทำมาเป็นคิดถึงเมียพ่อ]


พวกเราหัวเราะกันอีกครั้งแล้วพ่อก็วางสายไป อย่างที่ผมพูดคือพ่อให้เงินเยอะมาก ยังจะมาบอกอีกว่าไม่พอก็โทรมา มันมากเกินกว่าจะใช้หมดด้วยซ้ำ


พ่อผมทำธุรกิจ แต่ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่โตเหมือนบ้านรัตนพิบูลย์นะ เป็นธุรกิจขนาดกลางที่ให้เงินบ้านเรามากพอที่แม่ไม่ต้องทำงานอะไรก็มีเงินใช้ แถมยังมีเงินเหลือเก็บมาใช้ฉุกเฉินอีก ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยขอเงินมาซื้อของที่ตัวเองอยากได้หรอก เก็บเงินเอาสบายใจกว่า


แล้ววันนี้ก็ได้คุยกับชื่นตาเรื่องครอบครัวของเขาที่อยู่แพร่ด้วย ทางนั้นทำรีสอร์ทกับโรงแรมหลายสาขาในภาคเหนือ แล้วก็มีโรงแรมใหญ่ๆที่ภาคใต้ เป็นคำตอบให้ผมได้ดีว่าไอ้พวกทะเลสวยๆในอินสตาแกรมของชื่นตามันคือที่ไหน


ตื่อดึ๊ง!


คุณชื่น: พอใจ เรารบกวนหน่อยสิ
Porjai: มีอะไรเหรอครับ
คุณชื่น: เครื่องปิ้งขนมปังอันนี้มันกดยังไงอ่ะ
คุณชื่น: ส่งรูปภาพ


พอใจประมวลผลเล็กน้อยแล้วคิดว่า ขึ้นไปสอนเลยง่ายกว่า ตัวเขาเลยมาหยุดที่หน้าห้อง805โดยที่ไม่ได้บอกเจ้าของห้องก่อน คิดได้อย่างนั้นก็เลยไลน์ไปก่อน


Porjai: เดี๋ยวผมไปบอกที่ห้อง
คุณชื่น: โอเคๆ
Porjai: อยู่หน้าห้องครับ


แล้วประตูก็เปิดออกหลังจากที่ส่งข้อความไปไม่นาน ชื่นตาในสภาพหัวกระเซิงหน่อยๆ น่าจะเพราะวิ่งมาล่ะมั้ง ตลกดี ไม่สิ น่ารักดี


“มาเร็วจัง เราตกใจ”
“หึ ผมมาถึงแล้ว ค่อยพิมพ์มา”
“อือๆ เครื่องนี้”


ชื่นตาพาผมเข้าไปในครัวของเขาที่ค่อนข้างจะสะอาด อย่างพวกเตาแก๊สนี่ดํเหมือนไม่เคยใช้เลย เขาชี้ไปทางเครื่องปิ้งขนมปังตัวปัญหาที่ทำให้เขาต้องถึงกับเรียกผมมาที่นี่


“เราพยายามวนๆดูแล้วนะ แต่ไม่กล้าทำ กลัว ก็เลยต้องรบกวนพอใจ”
“ไม่เป็นไรหรอก ให้ช่วยอะไรก็บอกได้ตลอดครับ”
“อื้อๆ ละมันต้องทำยังไงบ้าง แค่กดเฉยๆเหรอ”
“พี่ชื่นก็เสียบปลั๊ก แล้วเอาขนมปังใส่ในช่องนี้ แล้วก็กด”


ชื่นตามองตามนิ้วของพอใจที่ชี้ไปตามจุดต่างๆอย่างตั้งใจ แล้วก็พูดทวนออกมาอีกครั้งให้พอใจฟัง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด


“ครับ แล้วก็อันนี้ปรับความร้อนได้”
“โอเค”
“แต่อย่าทาอะไรบนขนมปังนะครับ ใส่ขนมปังเปล่าๆได้อย่างเดียว”
“ทาทีหลังใช่ไหม โอเค”


 เมื่อชื่นตาเข้าใจแล้ว พอใจก็คิดว่าตัวเองควรกลับห้องได้แล้ว แต่ชื่นตารั้งเขาไว้ก่อนจะให้คุ้กกี้มาเพิ่มอีกหนึ่งโหล เหมือนรู้ว่าโหลที่ได้มาเมื่อคราวก่อนใกล้จะหมดแล้ว คุ้กกี้ของชื่นตาอร่อยนะ


“พี่ทำคุ้กกี้อร่อย”
“ขอบคุณนะ เราทำเป็นแค่นี้แหละ”
“ค่อยๆหัด เดี๋ยวก็เป็น”
“อื้อๆ”
“มีอะไรก็บอกนะ ผมจะรีบมา”
“ขอบคุณมาก มีพอใจอยู่ใกล้ๆนี่ดีจัง” ชื่นตายิ้มแบบเห็นลักยิ้มมาให้อีกครั้ง และผมก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาแปลกๆอีกครั้ง
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“ขนาดนั้นแหละ เอาเป็นว่า ราตรีสวัสดิ์นะ”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์พี่ชื่น”


ชื่นตาออกมาส่งผมที่ลิฟต์ เราพูดลาเป็นครั้งที่สองของวัน พอใจมองเห็นชื่นตายิ้มอยู่ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลงนั่นแหละ แล้วเขาก็เพิ่งรู้สึกตัวเหมือนกัน ว่าตัวเองก็ยิ้มอยู่น่ะ


พอใจเอาคุ้กกี้ไปวางในตู้ แต่ก็แอบหยิบออกมาหนึ่งชิ้นเพื่อกินก่อนนอน เอานมไปอุ่นจะได้หลับสบาย แม่ทำแบบนี้ให้พอใจบ่อยๆ ตัวเขาเองเลยติดการต้องดื่มนมอุ่นก่อนนอน จะได้สบายท้อง แล้วก็นอนได้


แต่ก่อนนอนก็ต้องแปรงฟันให้สะอาดเพื่อไม่ให้มีรสชาติคาวของนมอยู่ติดปากด้วย ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ในตอนเจ็ดโมงเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า เผื่อเวลาสำหรับอาหารเช้าด้วย เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว พอใจก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ แล้วก็หลับลงได้อย่างสบายใจ พรุ่งนี้เขาค่อยถามชื่นตาอีกทีแล้วกันว่าขนมปังเป็นยังไงบ้าง หวังว่าจะไม่ทำไหม้หรอกนะ




-ความลับ- project H

**************************************************




แค่ปิ้งขนมปังน้องก็ว่ายากแล้วววววว

หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter06:20/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 20-04-2019 15:52:38
06






R’: พี่กำลังกลับไทยนะชื่น




หลังจากหลับๆตื่นๆทั้งคืนเพราะความตื่นเต้น ชื่นตาก็ตื่นมาในตอนเช้าโดยไม่ต้องมีนาฬิกาปลุก ความตื่นเต้นที่ว่าน่ะ ก็เพราะว่าเขาอยากจะตื่นขึ้นมาเพื่อปิ้งขนมปังไงล่ะ มันทำให้ชื่นตานอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน แต่พอเช้าเขาก็ยังรู้สึกสดชื่น ไร้ซึ่งความง่วงงุนอยู่ดี


ชื่นตาลุกจาเตียงไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ เรียบร้อยแล้วก็ออกมาปิ้งขนมปัง ชื่นตาทำตามที่พอใจบอก เอาขนมปังวางลงในช่อง ปรับความร้อน ซึ่งพอใจปรับไว้ให้เขาแล้วเมื่อคืน แล้วก็กดลง แต่แทนที่เขาจะไปเตรียมอย่างอื่นหลังจากขนมปังเรียบร้อย ชื่นตาเอาแต่จ้องเครื่องปิ้งขนมปังว่าเมื่อไหร่มันจะเด้งขึ้น ก็พอใจบอกว่ามันไหม้ได้ เขาเลยจ้องเอาไว้


พอขนมปังเสร็จเรียบร้อย ชื่นตาถึงได้เปิดตู้เย็นเพื่อหยิบอะโวคาโดออกมา แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้วิธีปลอกมัน ไม่ได้ถามพอใจไว้ด้วยเมื่อวาน แต่ในยูทูปก็น่าจะมี เมื่อคิดได้ดังนั้น ชื่นตาก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะมัวแต่ตื่นเต้น นี่ก็เพิ่งจะได้จับโทรศัพท์เลย


ชื่นตาลบข้อความที่ไม่อยากใส่ใจ แล้วเปิดยูทูปหาวิธีปลอกอะโวคาโด เขาจับมีดแบบเก้ๆกังๆเพราะกลัวว่ามันจะบาดมือเอา กดมีดไปรอบๆผลอะโวคาโดตามยูทูปแล้วก็บิดออก ได้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ จริงๆก็ไม่หรอก เบี้ยวนิดหน่อย แต่เขารับได้นา ครั้งแรกนี่


ชื่นตายืนคิดว่าพอใจทำยังไงต่อ น่าแปลกที่เขาจำภาพที่พอใจทำได้ขึ้นใจ ลงมือทำตามครบทุกขั้นตอน ราดน้ำผึ้งเรียบร้อยก็จบ จริงชื่นตาอยากใส่ไข่ด้วย แต่เขายังไม่มั่นใจมากพอ กลัวใส่ไปแล้วจะกินไม่ได้ ไว้ลองคราวหลังดีกว่า


Rrrrrr ‘คิง’


“ว่า”
[มึงจะออกมากี่โมง]
“กินข้าวเสร็จ”
[นานมะ]
“อีกแปปนึง มีไร”
[รีบมา วันนี้แม่กูมาส่ง เลยมาถึงเช้า กูเหงา]
“เออๆ”


หลังคิงวางสาย ชื่นตาก็รีบชงชาแล้วมานั่งกินข้าวเช้าบวกกับมองบรรยากาศความวุ่นวายของกรุงเทพมหานครในตอนเช้า ดื่มด่ำได้ไม่เท่าไหร่เจ้าตัวก็นึกได้ว่าเพื่อนรออยู่ที่มหาวิทยาลัย ก็เลยรีบกินให้หมดแล้วก็เก็บของออกจากห้องไป


Rrrrrr ‘แพลน’ ดูเหมือนวันนี้ทุกคนจะมีเรื่องให้โทรหาเขาเต็มไปหมดเลยนะ


“อะไร”
[วันนี้กูลานะ]
“ทำไมวะ”
[กูท้องเสียว่ะ]
“ไปกินไรมาวะ”
[ตำปูเมื่อวาน สงสัยปูไม่สะอาด]
“เออๆ เดี๋ยวลาให้”
[แต๊งมากน้องเด๋อ]
“สัด”


เหมือนว่าวันนี้เราจะเหลือกันแค่สองคนแล้วสินะ ชื่นตามาถึงหน้าคณะของตัวเองอย่างรวดเร็ว แถมยังมีที่จอดหน้าคณะเลยด้วย การออกจากบ้านตอนเช้ามันก็มีข้อดีแบบนี้ล่ะนะ ชื่นตาลงจากรถแล้วสอดส่องหาเพื่อนรักของตัวเองที่บอกว่านั่งรออยู่ใต้คณะ ไม่นานก็เจอ


“ในที่สุดมึงก็มาแล้ว”
“อือ”
“กูมีไรจะเมาท์ด้วย”
“อะไร”
“รออีแพลนก่อน”
“มันไม่มาหรอก ขี้แตก”
“สมมัน เมื่อวานมันส่งรูปตำปูมาเย้ยกูตอนสามทุ่ม”
“เออ แล้วสรุปมีไร”
“ได้ยินว่าเขาจะกลับมาแล้ว”
“กูรู้”
“เขาบอกมึงเหรอ”
“เมื่อคืนมั้ง ไม่ได้กดอ่าน”
“โอเคนะ”
“อือ แค่รำคาญ”


คิงพยักหน้ารับคำแล้วก้มลงเล่นทวิตเตอร์ต่อไป ชื่นตาที่ไม่มีอะไรทำก็เลยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาด้วย กดแอพนั้นแอพนี้ไปมา แต่เมื่อไม่มีอะไรจะทำ เขาเลยเอาหูฟังออกเสียบแล้วก็เปิดเพลย์ลิสต์ในเครื่องฟังเพลง


ตื่อดึ๊ง!


คุณพอใจ: ขนมปังเป็นไงบ้างครับ
Chuenta: อร่อยมาก
Chuenta: ภูมิใจในตัวเราไหม
คุณพอใจ; ภูมิใจมากครับ
คุณพอใจ: ผมไปอาบน้ำก่อนนะ
Chuenta: โอเคคับ


ชื่นตาหัวเราะกับโทรศัพท์เล็กๆ นั่นทำให้คิงต้องเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็พบว่าเพื่อนของเขากำลังยิ้มให้กับโทรศัพท์ สร้างความสงสัยให้เขามาก ก็เลยพยายามชะโงกหน้าเข้าไปมองโทรศัพท์ของเพื่อน แต่ชื่นตาก็ดึงหนีซะงั้น


“คุยกับใคร”
“พอใจ”
“อ๋ออออ คุยกับผู้ชาย ฮึ”
“อะไรของมึง”
“ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นึกว่าคุยกับใคร อย่างนี้ต้องขยายแล้ว”
“แล้วแต่มึงเลย เป็นเซเลปทวิตเตอร์นี่”


ทวิตเตอร์ของคิงมีคนตามอยู่เยอะ เพราะมันชอบโพสต์อะไรตลกๆ อีกทั้งมันยังเป็นหัวเรือหลักในจิ้นคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อย บางทีมันก็ขำๆดี ผมปล่อยให้เพื่อนกดโทรศัพท์ของมันไปโดยไม่ห้าม มันห้ามไม่ได้อยู่แล้วล่ะ







หลังจากการเรียนในสามชั่วโมงตอนเช้าของเราจบไป ชื่นตากับคิงก็ตัดสินใจว่าวันนี้พวกเขาจะไปกินข้าวในห้างใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ค่อยไปเดินเลือกทีหลังว่าอยากจะกินอะไร คิงบอกว่าจะไปเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วย ส่วนผมก็แล้วแต่เพื่อน ผมไปได้หมด


“น้องชื่น น้องคิง” แต่ก่อนที่เราจะได้ขึ้นรถไปไหน ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาซะก่อน
“อ้าว สวัสดีครับพี่โปรด”
“สวัสดีค่ะพี่โปรด คราวหลังเรียกคิงไม่หันแล้วนะคะ”
“ฮะๆ พี่ขอโทษครับ”
“ค่ะ แล้วมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไอ้โรมฝากให้พี่มาบอกว่าวันนี้มันจะกลับแล้วน่ะครับ มันบอกชื่นไม่อ่านไลน์” พอได้ฟังถึงสาเหตุผมก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พี่โปรดก็คงเหมือนกัน ก็ยิ้มแห้งซะขนาดนั้น


“พวกเรารู้แล้วครับ”
“ครับ พี่ขอโทษด้วยนะ”
“พี่โปรดหัดใจแข็งใส่เพื่อนบ้างนะครับ โดนขอให้ช่วยอยู่เรื่อย”
“พี่พยายามแล้ว”
“ผมรู้ แต่ก็ขอบคุณที่พยายามครับ”


พวกเราโบกมือลาพี่โปรดแล้วก็ขึ้นรถไปห้างกัน จะว่าไปพี่โปรดก็น่าสงสารนะ พยายามห้ามเพื่อนแทบตาย แต่ก็ไม่เคยห้ามได้สักที แล้วต้องมาตามเช็ดตามล้าง ตามขอโทษคนนั้นคนนี้ให้ ถ้าคิดเป็นแค่เพื่อนเฉยๆยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่พี่โปรด เฮ้อ  พี่โปรดไม่น่าชอบพี่โรมเลย


“สงสารพี่โปรดเนอะ” คิงพูดขึ้นมา
“อือ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“มึงคิดว่าพี่โรมจะรู้ไหม”
“เรื่อง?”
“ที่พี่โปรดชอบ”
“ไม่น่า ถ้ารู้คงไม่กล้าขอให้ช่วยหรอก ก็ดูเป็นคนดีกว่านั้นอยู่”
“ก็จริง”


ชื่นตาหยุดบทสนทนาเรื่องของโปรดกับโรมเมื่อมาถึงห้างเรียบร้อย พวกเขาเดินวนๆในชั้นที่มีร้านอาหารหนึ่งรอบ แล้วก็ตัดสินใจเข้าร้านอาหารไทยชื่อดังร้านหนึ่ง เราสั่งอาหารมาสองสามอย่าง แล้วก็ข้าวสวยสองจาน จะได้แบ่งๆกันกิน


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟเราก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องอะไรกันอีกเลย ตั้งหน้าตั้งตากิน ไม่รู้เลยว่าตัวเองหิวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พอกินอิ่มเราก็ต่อด้วยของหวานในร้านไปอีกคนละถ้วย เมื่อรู้สึกว่าพอแล้วก็มุ่งไปร้านเครื่องสำอางร้านใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของคิงแทน


“กูเข้าไปดูก่อน มึงจะรอไหน”
“เดี๋ยวไปดูครีม”
“เคๆ”


เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสกินแคร์ที่ตัวเองใช้อยู่ใกล้จะหมด ผมก็เลยเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับคิง แล้วแยกกันไปตรงที่ตัวเองอยากดู ผมไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนไปใช้ครีมอื่น เลยเดินไปหยิบอย่างรวดเร็ว ไม่ได้อ่านหรือสนใจผลิตภัณฑ์ตัวอื่น


“พี่ชื่นคะ” แล้วก็มีคนเรียกอีกแล้ว
“อ้าว โมกข์” แต่คราวนี้เป็นสาวสวยประจำกลุ่มของพอใจ
“ใช้ตัวนี้เหรอคะ โมกข์ก็ใช้เหมือนกัน”
“อื้อ ดีใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แล้วนี่พี่ชื่นมากับใครคะ”
“คิงน่ะ มันเลือกเครื่องสำอางอยู่”
“พี่ไคลี่ก็มาเหรอคะ งั้นโมกข์ไปหาดีกว่า” แล้วสาวน้อยก็ปลีกตัวไปหาคิงที่อยู่ในล็อกใกล้ๆกัน โมกข์เป็นไม่กี่คนหรอกที่เรียกไอ้คิงว่าไคลี่น่ะ นั่นเป็นเหตุผลที่โมกข์เป็นน้องผู้หญิงที่คิงปลาบปลื้ม ปกติมันไม่สนใจสาวๆหรอก


ผมไปต่อคิวเพื่อจ่ายเงิน แล้วก็มองไปเห็นว่ากลุ่มของพอใจมากันครบเลย ยืนรอกันอยู่นอกร้าน เป็นที่สนใจของสาวๆในร้านมาก ก็มีหนุ่มหล่อตั้งสามคนยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าร้านนี่ คนที่อยู่แถวข้างๆผมเขามองจนคอจะเคล็ดแล้ว อยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็เกรงใจ เลยได้ยืนอมยิ้มอยู่อย่างนั้น


“เด็กๆไปไหนกันต่อจ๊ะ” คิงถามขึ้นมา
“คงเดินอีกพักหนึ่งแล้วก็กลับครับ”
“งั้นพวกพี่สองคนขอเดินไปด้วยนะ เหงา”
“ได้ครับพี่คิง”
“อย่าเรียกคิงสิ”
“ฮะๆ”
“หัวเราะไรอีน้อง”


ผมส่ายหัวแล้วก็รีบเดินนำหน้าเพราะกลัวว่าเพื่อนจะกินหัวเอา พวกเราเดินไปคุยไป หยุดยืนรอหน้าร้านเมื่อมีคนอยากจะเข้าไปซื้อ สลับแบบนี้เรื่อยๆจนเวลาผ่านมาเป็นชั่วโมง ดูเหมือนว่าทุกคนจะเริ่มเหนื่อยกับการเดินแล้ว สุดท้ายก็เลยตัดสินใจแยกกันกลับ


“พอใจเอารถมาใช่ไหม”
“เอามาครับ”
“งั้นเจอกันที่คอนโดละกันเนอะ”
“ได้ครับ”


พวกเราทุกคนลากันที่ลานจอดรถ ขับรถไปทางใครทางมัน มีแค่สองคันเท่านั้นที่ขับตามกันไปในเส้นทางเดียวกัน ชื่นตาเปิดวิทยุขึ้นฟังระหว่างขับรถ ซึ่งเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว ไม่ว่าเพลงอะไรชื่นตาก็สนุกกับมันทั้งนั้น เอ็นจอยอยู่คนเดียวบนรถในระหว่างรถติด มันก็ไม่ได้แย่อะไร


“พี่ชื่นจะไปกินข้าวเย็นที่ไหนไหมครับ”
“หือ วันนี้เหรอ ยังไม่มีแพลนเลย”
“งั้นเราไปกินสุกี้ตรงท้ายซอยกันไหมครับ พี่เคยกินหรือยัง”
“อ๋อ เคยกิน อร่อยนะ ไปได้ๆ”
“งั้นเดี๋ยวสักหกโมงเจอกันล็อบบี้ละกันครับ”


เราแยกย้ายกันขึ้นห้อง นี่เป็นวันที่เท่าไหร่แล้วนะที่เขาเจอพอใจ ชื่นตาอยู่ที่นี่คนเดียว ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีเขาก็เหงา แต่พอมีพอใจมาอยู่ด้วย เขาก็ไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป มีอะไรก็ลงมาหาพอใจ กินข้าวเย็นกับพอใจ ชวนพอใจมาดูหนังด้วยเป็นเพื่อนบนห้อง มีพอใจเป็นความสบายใจเล็กในพื้นที่สี่เหลี่ยม


เมื่อชื่นตาคิดว่าจะกลับมาอาบน้ำทีหลัง เขาก็เลยแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ล้างหน้าล้างตานิดหน่อย ชาร์ตแบตโทรศัพท์ที่เหลืออยู่น้อยนิด แล้วก็ตอบข้อความ ถึงจะไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่ก็เถอะ ถือว่าเห็นใจพี่โปรด หลังจากนั้นก็เปิดดูวิดีโอในยูทูปไปเรื่อยๆ เมื่อมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัด ชื่นตาก็ผิดห้องให้เรียบร้อยแล้วก็ลงไปทันที


“มาแล้วครับ” ชื่นตามาถึงก่อน ก็เลยเป็นฝ่ายยืนรอพอใจ
“ไปกัน”
“พี่ชื่นลงมานานยังครับ”
“ไม่นานหรอก ประมาณห้านาทีได้มั้ง แล้วเราจะไปยังไงเหรอ”
“นี่” พอใจชี้ไปที่จักรยาน เป็นจักรยานแม่บ้านสีน้ำตาล มีตะกร้าข้างหน้า ชื่นตามองหน้าพอใจ ส่งสายตาว่าแน่ใจเหรอ แต่ก็ขัดอะไรไม่ได้เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของพอใจ เขาปล่อยให้คนน้องขึ้นข้างหน้าเพื่อเป็นคนปั่น แน่อยู่แล้ว เขาตัวเล็กกว่า ถ้าให้เขาเป็นคนปั่น ต่อให้ร้านอยู่ท้ายซอยก็คงใช้เวลานานเป็นสองเท่า


“เกาะดีๆนะ ผมจะปั่นแล้ว”
“อื้อๆ ไปได้เลย”
“ไปแล้วครับ”


พอใจปั่นจักรยานอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีเซไปเซมา ลมที่ปะทะผิวหน้าตามความเร็วที่ปั่นมันสดชื่นดี ทำให้ชื่นตายืนขึ้นเกาะไหล่พอใจ แล้วเอาหน้ารับลมเหมือนแมวที่นั่งตะกร้าหน้าของจักรยาน พอใจก็ไม่ได้ดุอะไร แค่หัวเราะออกมาเล็กๆเท่านั้น





หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--06--<20/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2019 16:07:17
 :L2: :pig4:

ชอบบรรยากาศระหว่างสองคน รู้สึกสบายๆ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter07:21/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 21-04-2019 18:58:49
07





พวกเรามาถึงร้านสุกี้อย่างปลอดภัย ชื่นตาไม่ตกลงมาจากจักรยาน แถมยังได้รับลมเย็นๆ พอใจคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้ว ร้านมีที่จอดรถรองรับลูกค้า แต่ของเราเป็นจักรยาน ก็เลยจอดหน้าร้านได้ แน่นอนว่าจักรยานคันนี้ผมยืมมาจากแม่บ้านที่คอนโด เขาใจดีนะ


“พอใจกินแบบจิ้มไข่ไหม”
“กินครับ”
“งั้นเอาไข่เพิ่มสองฟองด้วย”


ชื่นตากำลังอยู่ในขั้นตอนของการเลือกสิ่งที่เราจะกิน ที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ผมปล่อยให้เขาสั่งไปโดยไม่ได้ออกความเห็น นั่นก็เพราะกินได้ทุกอย่าง แต่ก็มีบ้างที่เขาจะถามขึ้นมา อย่างเมื่อกี้


ชื่นตาหยิบขวดน้ำจิ้มมาเปิด แล้วเทลงถ้วย ให้ทั้งผมและตัวเอง ผมก็เลยหยิบแก้วมาเทน้ำให้ ก็ถือว่าแลกกัน พวกเรานั่งเงียบๆรอให้ของมาเสิร์ฟ แต่ไม่มีใครหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น พอใจค้นพบว่ามันก็ไม่ได้อึดอัด


“ขอโทษที่ให้รอนะครับลูกค้า” เนื้อหมูสไลซ์สามแบบตามที่เราสั่ง ถูกเรียงมาในจานใหญ่เพราะสั่งเยอะ แล้วก็พวกของจุกจิกอย่างปูอัด หมึกกรอบ มาพร้อมกันในทีเดียว พวกเราไม่พูดพร่ำทำเพลง แน่นอนว่าหิวแล้ว คีบทุกอย่างลงไปในหม้อ แล้วก็เปิดความร้อนสูงสุด หวังให้มันสุกเร็วๆ


“อ่ะ ไข่” ผมรับไข่มา แล้วก็คนๆในถ้วย เตรียมไว้รอกิน ชื่นตาก็ทำแบบเดียวกัน แต่เขาตักน้ำซุปลงไปด้วย เดาว่าคงเป็นการหลอกตัวเองว่าน้ำร้อน เดี๋ยวไข่ก็สุก จะได้ไม่รู้สึกผิด ผมก็เคยทำ


เรากินกันอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงช้อนกับตะเกียบกระทบกัน ฟังเพลงที่ร้านเปิดคลอไปด้วย เพราะแบบนั้นเราก็เลยกินอิ่มกันในไม่ช้า แต่ในเมื่อที่ร้านมีไอศกรีมฟรี เราทั้งสองคนก็เลยไม่พลาด ลุกขึ้นไปตักกันคนละสองลูก กินมากกว่านั้นไม่ไหวแล้ว


“อิ่มมากๆเลย พอใจอิ่มหรือยัง”
“ถ้าไม่อิ่มผมก็กินเก่งเกินไปแล้ว”
“ก็พอใจตัวใหญ่”
“ตัวใหญ่ไม่ได้หมายความว่ากินเยอะนะครับ”
“ก็ได้ ไม่เถียงก็ได้”
“เป็นเด็กดี” ผมชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของตัวเอง ดูเหมือนว่าชื่นตาก็สะดุดกับคำพูดของผมเหมือนกัน แต่เราทั้งคู่ก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงียบไปสักพักเพื่อปลอบให้ใจตัวเองสงบแล้วถึงไปจ่ายตังค์


“พอกินอิ่มแล้วก็ง่วงเลย” ชื่นตาพูดขึ้นตอนที่ตัวเขากำลังก้าวขาขึ้นนั่งซ้อนข้างหลัง
“มันเป็นพฤติกรรมของหมูนะครับ กินแล้วก็นอนน่ะ”
“พอใจว่าเราเหรอ!”
“ผมเปล่า”
“ก็ได้ยินอยู่นี่ ช่างเถอะ เราง่วง เราก็ต้องนอน”
“ครับๆ นอนก็นอน”


พอใจรับคำกลั้วหัวเราะแล้วก็ปั่นจักรยานไปตามทางเดิมที่ปั่นมา คราวนี้ชื่นตาไม่ได้ลุกขึ้นยืนแล้ว เขาเดาว่าคนตัวเล็กกว่าคงหนักๆที่ท้อง ถ้ายืนขึ้นอาจจะอยากอ้วกได้ และพอใจก็พาชื่นตามาถึงคอนโดอย่างปลอดภัย ก็นะ ระยะทางใกล้ขนาดนี้ ถ้าไม่ปลอดภัยเขาก็ไม่ควรปั่นจักรยานอีก ยกเว้นจะมีหมาวิ่งไล่




“ฝันดีครับพี่ชื่น”
“อื้ม ฝันดีนะ”


การบอกฝันดีติดกันในหลายๆวันสร้างความเคยชินให้กับพอใจโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ดูท่าฝั่งนั้นก็คงจะเหมือนกัน ถึงแม้จะบอกฝันดี ราตรีสวัสดิ์กันอย่างไร แต่ทั้งสองคนก็ยังนอนตอนนี้ไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ต่างๆของนักศึกษา


ถึงแม้ว่าพอใจจะเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดเทอมมาไม่นาน แต่งานที่อาจารย์สั่งก็ทำเอาหัวหมุนอยู่ไม่น้อย บวกกับว่าอยู่ในช่วงกำลังปรับตัว ทำให้วิถีชีวิตของพอใจยังสับสนมึนงง คิดว่าถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็คงจะไม่มีปัญหา


เมื่อนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง พอใจปิดโน้ตบุ๊คลง ปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอน หวังว่างานที่อุตส่าห์นั่งทำจนดึกดื่นจะไม่ถูกตีกลับในวันพรุ่งนี้ เขาเหนื่อยแล้ว







เหมือนสิ่งที่คิดจะไม่เป็นตามที่หวังไว้ งานของพอใจถูกตีกลับ โดยที่อาจารย์ไม่บอกสาเหตุว่าทำไม บอกแค่ว่าไปแก้มา นั่นทำให้เขารู้สึกเซ็งมากๆ ไม่ใช่แค่เขาที่ถูกตีกลับงาน มังกรกับโมกข์ก็เหมือนกัน มีว่านคนเดียวที่รอด


“ทำไมมึงรอดวะว่านนน ทำไม” โมกข์คร่ำครวญ
“แก้ไม่เท่าไหร่หรอกมึง แต่ไม่บอกว่าต้องแก้ตรงไหนนี่สิ แก้จนตาแฉะแน่” สองเพื่อนรักนั่งกอดคอกันโอดครวญถึงความใจร้ายของอาจารย์ ซึ่งพอใจก็ได้แต่ภาวนาให้อาจารย์ไม่เดินออกมาทางนี้ ไม่อย่างนั้นก็ซวยกันทั้งหมดนี่แหละ


“เดี๋ยวกูส่งไฟล์ให้พวกมึงดู จะได้ปรับ”
“ฮืออ ว่านเพื่อนร๊ากกก” มังกรวิ่งไปคว้าหมับเข้าที่คอว่าน และบอกรักเสียงดัง ทำให้คนในลานหลังตึกหันมามองแล้วก็หัวเราะ


“เด็กๆ ทำอะไรกันอยู่คะ” นี่เสียงพี่คิง กลุ่มของชื่นตาเดินมานั่งโต๊ะข้างๆ ดูเหมือนว่าพักนี้เราจะเจอกันบ่อยนะ เจอกันตลอดเลย
“โดนตีกลับสิคะพี่ไคลี่ แต่ไม่บอกว่าให้แก้ตรงไหน ฮือออ” โมกข์ร้องทุกข์ทันที
“ของใครอ่ะ อ๋อ จารย์โต้ง มึงช่วยน้องดูดิคิง งานนี้มึงรอดตลอด” เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเราสามคนก็มีประกายความหวังกันขึ้นมา ตานี่วิบวับ แล้วก็ไปรุมกันนั่งอยู่โต๊ะนั้นเพื่อขอความเมตตาจากพี่คิง


“ไหนๆ ขอดูทีละคน นางฟ้าคนนี้จะช่วยน้องๆเองค่ะ”
“ถ้าผมผ่านนะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเลยครับ” มังกรพูด
“งั้นก็ดีลจ้า”


พี่คิงเริ่มจากรายงานของโมกข์ก่อน ชี้ทีละจุดให้ดูว่าควรปรับเปลี่ยนภาษาตรงไหน ใช้คำแบบไหน คำนี้เขียนผิด หรือแม้กระทั่งเว้นวรรค ย่อหน้า เขาดูงานละเอียดมาก ไม่แปลกใจเลยที่พี่แพลนพูดว่าเขารอดตลอด


ของมังกรนี่เหมือนจะผิดเยอะ ก็มันเล่นเอาเนื้อหาตรงนั้นตรงนี้เรียงสลับไปมา แถมทำงานถึงตีสอง ดูเหมือนสมองมันจะรวนๆ เลยทำผิดไปหมด ผมที่เป็นคนสุดท้ายก็เลยยังนั่งว่างอยู่ แต่ก็ฟังพี่คิงนะ งานอื่นจะไปได้จำไปใช้


“พอใจก็ไม่ผ่านเหรอ”
“ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”
“อืม ไม่เสียใจนะ จารย์โต้งก็งี้แหละ ตรวจงานละเอียด บางทีอาจจะผิดนิดเดียว”


ผมพยักหน้าตอบรับ แล้วก็นั่งฟังพี่คิงพูดต่อ ชื่นตาหยิบเอารายงานของผมไปเปิดดู แล้วก็เอาดินสอมาขีดๆ ทำให้ผมหันไปสนใจ ตรงที่เขาขีดไว้นั้น ดูเหมือนว่าผมจะแบ่งวรรคผิด ทำให้มันติดกันเป็นก้อน อ่านไม่รู้เรื่อง ผมพับหน้านั้นไว้ เตรียมไปแก้


“เรารู้แค่นี้แหละ ละเอียดกว่านี้ก็ต้องรอมันนู่น”
“ขอบคุณครับ”


เมื่อถึงคิวของพอใจ คิงอ่านอยู่นานเพราะจุดผิดมันเล็กมากๆ ทำให้ต้องตั้งใจอ่าน พอใจก็เลยเงียบให้พี่เขาใช้สมาธิ แล้วคิงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาชี้จุดผิดพลาดของงานให้พอใจดู มันพลาดตรงเว้นวรรคอีกแล้ว เป็นหน้าหลังๆ ดูเหมือนว่าพอเริ่มง่วง เขาก็เว้นวรรคผิดๆถุูกๆ ทำให้ประโยคมันแปลกๆ


“ขอบคุณนะครับพี่คิง”
“ไม่เป็นไรจ้าา ไว้งานผ่านละส่งข่าวมา พี่จะมาทวงข้าว”
“ได้เสมอคร้าบบ” มังกรตอบรับ และพวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้องเพื่อที่จะไปแก้งาน เฮ้อ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ





และเพราะอะไรไม่รู้ ในขณะที่ผมต้องแก้งาน ชื่นตาก็มานั่ง เอ่อ นั่งหาเมนูอาหารให้ผมกิน เนื่องจากว่าผมแก้งานมาเป็นเวลานานมากๆ จนถึงเวลาอาหารเย็น ซึ่งการไม่ได้แตะโทรศัพท์ทำให้ผมไม่รู้ว่าชื่นตาไลน์มาชวนผมไปกินข้าวเย็น พอไม่ได้รับการตอบรับ เขาก็เลยลงมากดกริ่ง


และเมื่อได้รู้ว่าผมยังไม่ได้กินข้าว และแก้งานไม่เสร็จ ชื่นตาเลยเสนอว่าเขาจะโทรสั่งของมาเอง แล้วก็ให้ผมทำงานไป


“พอใจ กินไก่ไหม ไก่ทอดเกาหลี”
“บอนชอนเหรอครับ”
“อื้อๆ”
“ได้ครับ”
“โอเคคค เรียบร้อย”


ผมหันกลับมาทำงานต่อ อีกนิดก็จะเสร็จแล้ว เรียงตรงนี้ใหม่อีกนิดหนึ่ง และในที่สุด ผมก็แก้งานเสร็จ ดีที่เสร็จก่อนไก่จะมาถึง ไม่งั้นผมคงไม่ต้องเป็นอันทำงานแล้ว พอเสร็จทุกอย่างก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองหิวมาก หิวจนจะตายแล้ว


กริ่งงงงง~


“อ๊ะ! มาแล้ว เดี๋ยวเราไปเอาให้เอง” ชื่นตาวิ่งเหมือนนกเพนกวินไปเอาอาหารที่สั่งไว้หน้าประตู ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ผมนะที่หิว
“เท่าไหร่ครับ”
“ไม่ๆ เราเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้สิครับ ต้องหารกันสิ กินด้วยกัน”
“แต่ว่า เราอยากเลี้ยงนี่”
“ไม่ได้ครับ”
“ก็ได้ หารก็ได้” ชื่นตายู่หน้าแต่ก็ยอมตกลงแต่โดยดี


พวกเราสองคนจัดการอาหารที่มาถึงจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อพายุแห่งความหิวพัดผ่านไป พวกเราก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเพราะอิ่มจนทำอะไรไม่ไหว แต่จนพอใจแล้ว พอใจก็เรียงจานเพื่อเก็บไปล้าง


“เราช่วยๆ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่ได้สิ ก็กินด้วยกัน” ชื่นตาทำสายตาจริงจัง
“อ่ะ ยอมก็ได้ครับ”


เมื่อตกลงกันได้ ผมก็ล้างน้ำยา ส่วนชื่นตาจะล้างน้ำเปล่า และเพราะจานมันไม่ได้เยอะ เราก็เลยล้างเสร็จอย่างรวดเร็ว


“อืม เราจะทำอะไรต่อดี”
“หืม?”
“ก็เราเหงานี่ อยู่ด้วยนะ” ชื่นตาหันมาจ้องหน้า
“ก็ได้ครับ อยู่ได้ตามความพึงพอใจเลย”
“ฮี่ๆ ดูหนังเนอะดูหนัง” ชื่นตายิ้มอย่างดีใจแล้วก็เปิดnetflixขึ้นมา ผมปล่อยให้ชื่นตาเลือกหนังที่เขาอยากดู ผมตามใจเขา ช่วงนี้ไม่ได้อยากดูอะไร


และเรื่องที่ชื่นตาเลือกดูก็คือ my girl ครับ ผมเคยดูแล้ว และคิดว่าเขาก็เคยดูแล้วเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร พวกเราสองคนไม่ได้มีบทสนทนาในยามที่หนังเกือบๆสองชั่วโมงกำลังฉายบนโทรทัศน์จอยักษ์


จนกระทั่งบนหน้าจอขึ้นเป็น end credit พอใจก็กดออกจากหน้านั้น แล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เมื่อเงยหน้ามองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลากว่าสามทุ่มเข้าไปแล้ว


“พี่ชื่นครับ”
“…”
“พี่ชื่น”
“…” อ่า ชื่นตาหลับไปแล้ว นั่งคอพับพิงโซฟาอยู่


พอใจขำเล็กๆก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ หมายถึง เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆน่ะ พอใจสำรวจเครื่องหน้าของชื่นตาอย่างละเอียด ยิ่งพอมองใกล้ๆ พอใจยิ่งคิดว่าชื่นตาน่าจะเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก ผิวเขาละเอียดมาก


พอใจมองดวงตาคู่สวยที่ยังคงปิดอยู่ ปากเล็กๆ แต่สิ่งที่เขาชอบที่สุดบนหน้าของชื่นตา คือจมูกเชิดๆนี่ มันดูดื้อ แต่ไอ้หน้าดื้อๆนี่แหละมันทำให้ผมเอ็นดูเขา ดื้อตาใส ดื้อเงียบนี่น่ะ


“อื้อ” และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชื่นตาลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนที่พอใจยังไม่ได้ขยับตัวออกไป นั่นทำให้ตัวเขาเพิ่งจะรู้สึกว่า เขาขยับเข้ามาใกล้มาก ใกล้จนหายใจรดกัน


“หือ? อ๊ะ” ชื่นตาเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ แต่ไม่ได้ผลักเขาออก
“ขอโทษครับ”
“ทำไมพอใจอยู่ใกล้ขนาดนี้ล่ะ” ชื่นตายกมือขึ้นมาเกาจมูก
“ผมจะปลุกน่ะ แต่พี่ตื่นก่อน”
“อ๋ออ ว่าแต่นี่กี่โมงแล้ว”
“สามทุ่มครับ กลับไหม”
“อื้อ พอใจจะได้อาบน้ำแล้วเข้านอน” พอใจยิ้มได้กับสิ่งที่อีกคนพูดออกมา ดีใจที่ได้รับการเอาใจใส่
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งที่ลิฟต์ครับ”
“โอเคคค”


ชื่นตาลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินนำออกไป แล้วเราสองคนก็บอกฝันดีกันที่หน้าลิฟต์เป็นวันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้นับเลยแฮะ

หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter08:21/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 21-04-2019 19:03:00
08





เหนื่อยมาก เหนื่อยเหลือเกิน! ชื่นตาไม่ได้กลับห้องมาเป็นเวลาสามวันเศษๆแล้ว เพราะว่าเพื่อนอย่างคิงที่เป็นลูกรักอาจารย์ มันเป็นหัวหน้างานคณะที่จะจัดขึ้นในเวลาสองเดือนข้างหน้านี่น่ะสิ


เมื่อต้องหาข้อสรุปให้กับอาจารย์อย่างรวดเร็วที่สุด พวกเราทั้งสามคนกับเพื่อนๆปีสองคนอื่นๆก็จะแวะเวียนมาที่ห้องของคิง ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยจนแทบจะกลายเป็นหอในแล้ว ตอนแรกก็เกี่ยงกันอยู่หรอก ไม่ให้มาห้องรก ห้องกูไฟดับ น้ำไม่ไหล ไม่จ่ายค่าเช่า ป้าด่า เป็นล้านเหตุผลที่เรายกมาอ้างกัน สุดท้าย คนที่ดูจะรำคาญ ก็เลยสรุปให้เป็นห้องตัวเอง ผมก็เลยรอดตัวไป
ที่ไม่อยากให้คนอื่นไปห้องน่ะ ก็เพราะว่าไม่ชอบ บางคนเราไม่สนิทใจจะให้เขาเข้ามาในห้อง มันก็ลำบากใจ คิงมันรู้จักคนเยอะ ก็หยวนๆได้อยู่


“ยิ้มอะไร รีบทำงานละไสหัวกลับห้องได้แล้ว” คิงบ่น
“รีบอยู่ไง อยากกลับจะแย่แล้ว”
“แล้วทำไมไม่ทำห้องมึงซะให้จบๆ ห้องก็ใหญ่ ของก็ครบ” แพลนพูด
“มึงจะบ้าเหรออีแพลน เปิดห้องคุณชื่นให้เสือให้ตะเข้เข้ามาหาลู่ทางเล่นหรือไง”
“เออ ก็จริง แล้วเรื่องพี่โรมเป็นไงมั่งวะ”
“ยังไม่เจอ คิดว่าคงยังไม่เข้ามาเรียน”


พอดีกับที่มีเพื่อนคนอื่นเปิดประตูเข้ามา บทสนทนาของเราจึงจบอยู่แค่นั้น เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องส่วนรวม ไอเดียขยายกันเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีหลายหัวมารวมกัน สุดท้ายในเวลาสองทุ่ม พวกเราก็ได้ข้อสรุปไปส่งอาจารย์ และผมก็ได้กลับห้องแล้ว


ซะที่ไหนล่ะ!


มันดึกมาก แล้วชื่นตาก็เหนื่อยมาก จะให้ขับรถออกไปตอนนี้เขาคงขับชนเสาไฟฟ้าตาย ขอค้างอีกคืนแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้ตอนบ่ายหลังจากเลิกเรียนดีกว่า


“ชื่น” คิงพูดขึ้น ตอนนี้ห้องนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว คนอื่นกลับไปหมดแล้ว
“หือ?”
“มึงจะเอาไงวะ เรื่องพี่โรม หนีไปเรื่อยๆแบบเดิมเหรอวะ”
“ยังไม่รู้เลยว่ะ แต่ไม่อยากหนีแล้ว รำคาญ”
“อืม เดี๋ยวกูคอยช่วย ไม่น่าเลย เสียดายคนหล่อ”
“เออ มึงก็จำไว้ คนหล่อทุกคนไม่ได้เป็นคนดี”
“กูรู้หน่า แหม แล้วน้องพอใจล่ะ”
“พอใจเกี่ยวไรด้วย” ชื่นตาส่งสายตาสงสัยใคร่รู้ไปให้เพื่อน เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าไอ้ประเด็นที่มีคนมาตามตื๊อเขานี่มันเกี่ยวอะไรกับพอใจ ไอ้พี่คนนั้นมันไม่รู้จักกับพอใจสักหน่อย


“อ้าว มึงกับน้องไม่ได้มีซัมติงเหรอวะ”
“ซัมติงบ้าบอไร เพิ่งเจอกันแปปเดียว”
“ความรักมันขึ้นอยู่กับเวลาที่ไหน”
“โอ๊ย พวกกูไม่ได้คิดอะไร”
“มึงไม่คิด แล้วพอใจไม่คิดแน่เหรอ” คำถามนี้ทำให้ผมต้องย้อนไปคิดถึงเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น มันอาจจะไม่ได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึก


“ไม่รู้สิวะ”
“ไม่รู้ หรือไม่อยากรับรู้กันแน่”
“ทำไมมึงถึงอยากให้กูได้กับผู้ชายนักวะ”
“นี่ ฟังนะอีน้อง กูไม่ได้อยากให้มึงได้กับผู้ชาย แต่คนที่เข้าหามึงมันมีแต่ผู้ชาย แล้วกูก็ไม่เห็นว่ามึงจะสนใจผู้หญิงคนไหนเลย อีกอย่างนะ สมัยนี้ชายหญิงอะไร เขาไม่แบ่งแยกกันแล้ว โลกมันไม่แบ่งหญิงชายหรอกเว้ย ต้องรักเพศตรงข้าม ความรักมันก็คือความรักเว้ย”
“….”
“กูไม่ได้เชียร์เพราะเขาเป็นผู้ชายหล่อ แต่พอใจนิสัยดี ขนาดรู้จักกันได้แปปเดียวมึงยังสบายใจจนกล้าพาเขาเข้าไปในที่ที่เป็นcomfort zoneของมึงขนาดนี้แล้ว จะกล้าปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่รู้สึกอะไรสักนิดเดียว”


ชื่นตาเก็บเอาสิ่งที่คิงพูดมาคิด แน่นอนว่าเขายังไม่ได้ตอบ เพราะยังไม่สามารถค้นหาคำตอบที่แน่ชัดจากก้นบึ้งของหัวใจได้ ชื่นตายอมรับว่าเขารู้สึก ทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้ บางทีมันก็เหมือนมีปฏิกิริยาบางอย่างหมุนเวียนในตัว และแน่นอนว่าเขาทำเป็นไม่รู้ และหลงลืมความรู้สึกนั้นไป


ชื่นตาจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยอ่านมาจากไหน เกี่ยวกับการค้นหาคำตอบในใจของตัวเอง คืนนั้นทั้งคืน ชื่นตาเอาแต่คิดวนไปวนมา จนหลับไปเอง แล้วก็ตื่นขึ้นมาในตอนที่คิงปลุก


และไม่รู้ว่าตอนนอนสมองเขาสามารถทำงานได้อย่างไร เพราะเมื่อตื่นมาแล้ว มันก็มีความคิดที่ตกตะกอนอยู่ในหัวเรียบร้อย ว่าเรื่องราวมันควรจะพัฒนาต่อไปในความสัมพันธ์แบบไหน ชื่นตาไม่ใช่เด็กๆหรือคนซื่อ ที่จะไม่เข้าใจเรื่องราวพวกนี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีอุปสรรคให้ต้องพักทุกอย่างไว้ก่อน


ก็คือต้องไปเรียนยังไงล่ะ!


“กูจะหลับแล้ว”
“ใจเย็นเพื่อน จารย์มองอยู่ หลับตรงนี่มึงตายแน่” เสียงแพลนกระซิบอยู่ทางขวามือของชื่นตา
“อีน้องลุก แม่จ้องมึงแล้ว”
“อือๆ” แล้วชื่นตาก็พยายามตั้งคอให้ดูตรงที่สุด ถึงแม้ว่าเวลาทั้งสามชั่วโมงจะหมดไป ในหัวของเขาก็ว่างเปล่า ไม่ได้อะไรจากสิ่งที่อาจารย์สอนทั้งนั้น ชื่นตาง่วง ชื่นตาอยากนอน


เมื่อคลาสจบ ชื่นตาก็คิดว่าเขาจะได้กลับไปนอนอย่างสบายอกสบายใจ รวมถึงไปเคลียร์สิ่งต่างๆในสมองด้วย แต่อีกหนึ่งอุปสรรคที่ชื่นตาลืมไป เพราะไม่ได้เจอเป็นเวลาหลายเดือนดันมาโผล่อยู่ตรงนี้น่ะสิ


“ชื่น”
“อ้าว พี่โรมสวัสดีครับ”
“ครับ เป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน” โรมถามแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ
“แหมม พี่โรมคะ อยู่กันตั้งสามคน ใจคอจะทักแต่ชื่นคนเดียวเหรอคะ” คิงพูดแซวก่อนจะเดินมายืนคั่นกลาง โรมชะงักไปและมีแววความไม่พอใจในสายตา ถึงแม้จะแค่แวบเดียวเท่านั้น แต่ชื่นตาก็มองเห็นน่ะ


“ก็ทุกคนนั่นแหละ”
“งานเยอะดีครับพี่”
“เดี๋ยวเยอะกว่านี้อีก ไป วันนี้ไปกินข้าวกันดีกว่า พี่เลี้ยงเอง” เราสามคนมองหน้ากันไปมา ส่งข้อความผ่านทางสายตา แล้วชื่นตาก็ตอบกลับไป


“ขอโทษด้วยนะครับ พวกเราเพิ่งจบงานคณะมา ผมขอบายดีกว่า อยากนอน”
“ค่ะ ไคลี่ก็ว่างั้น”
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งไหมชื่น”
“ชื่นเอารถมาครับ”
“ให้พี่ขับให้ไง ชื่นจะได้นอนสบายๆ” ชื่นตาเริ่มมีอาการไม่พอใจเล็กๆ เพราะรำคาญคนพูดไม่รู้เรื่อง คิงกับแพลนที่เห็นดังนั้นก็ประชุมกันทางสายตา


ด้วยความตาดี คิงหันไปเห็นว่ากลุ่มของพอใจกำลังลงบันไดมาทางนี้พอดี เขาก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ สองคนนั้นจะได้ไปคุยกันด้วย อืม เอาแบบนี้แหละ


“โหยย ไม่ต้องหรอกค่าพี่โรม ชื่นมันมีคนขับให้แล้ว มึงไปสิ พอใจมาแล้ว” ชื่นตาทำหน้างงๆ แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนรัก กะพริบตาสามทีเขาก็เข้าใจ เลยรีบบอกลา


“อ้อ ผมไปนะครับพี่โรม ขอบคุณมากที่อาสาช่วย” แล้วก็รีบวิ่งไปหากลุ่มพอใจทันที นึกขอบใจคิงที่หาทางช่วยเขามาได้ แต่ก็คิดว่ามันกะทันหันไปหน่อย เขายังคิดเรื่องพอใจไม่ถี่ถ้วน พอมาเจอแบบนี้ มันก็แปลกๆนิดหน่อย


“พอใจ เด็กๆ”
“พี่ชื่น/คุณชื่นสวัสดีครับ” แน่นอนว่าพี่ชื่นน่ะพอใจพูด ส่วนคุณชื่นก็เป็นเด็กๆที่เหลือ
“พอใจเอารถมาหรือเปล่า”
“เปล่าครับ วันนี้ผมตื่นสาย เลยนั่งวินมา”
“ดีเลย กลับด้วยกัน”
“เดี๋ยวๆๆๆ คุณชื่นรีบไปไหนครับ เหมือนหนีอะไรเลย” มังกรพูดเพราะเห็นว่าชื่นตากำลังจะดึงเพื่อนเขาไป ทักทายยังไม่ทันครบทุกคน ก็จะไปซะแล้ว


“เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลังนะทุกคน แต่เรากลับก่อนเหอะ”
“งั้นก็ได้ครับ” พอใจพูด แล้วเป็นฝ่ายเดินนำไปแทน ชื่นตาเห็นแบบนั้นก็เลยรีบเดิน เพื่อจะให้พ้นๆไปจากจรงนี้สักที จริงๆเขาคิดไว้แล้ว ว่าถ้าพอใจเอารถมา เขาจะทิ้งรถไว้ที่นี่ แล้วค่อยมาเอาพรุ่งนี้ แต่พอใจไม่เอารถมาพอดี ก็เข้าที่ เป๊ะ!


“เดี๋ยวผมช่วย” พอใจยื่นมือมาทำท่าจะดึงหนังสือไปถือ
“ไม่ๆ มันไม่หนัก เราถือได้”
“เอามาเถอะครับ” แล้วพอใจก็ได้หนังสือวรรณกรรมสามเล่มใหญ่ๆไปถือไว้ ชื่นตาสู้ไม่ได้ก็เลยให้ถือไป
“พี่หนีใคร คนนั้นเหรอ ที่อยู่กับพวกพี่คิง”
“อื้อ จะว่าไงดี เขาตื๊อน่ะ”
“เขาชอบพี่?”
“อือ ตั้งแต่เราปีหนึ่งแล้ว”
“อืม ผมพอจะเข้าใจแล้ว” ถึงแม้ว่าชื่นตาจะบ่นว่าง่วง แต่ตำแหน่งคนขับก็ยังคงเป็นเขาอยู่ดี แต่ใช้พอใจเป็นข้ออ้างก็ถือว่ามากแล้ว ใช้ขับรถอีก ไม่ได้หรอก


เนื่องจากเรื่องที่ชื่นตาคิดเมื่อคืนยังไม่ได้กระจ่าง ทำให้บรรยากาศในรถมีความอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชื่นตารู้สึก และใช่ว่าพอใจจะไม่รู้สึก ด้วยความที่ไม่ชอบความรู้สึกนี้ ทำให้พอใจต้องถามออกมา


“พี่ชื่นมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอใจหมายถึงอะไรเหรอ” ชื่นตาหันมาสบตาเจ้าของคำถามตอนที่ติดไฟแดง
“วันนี้…มันดูอึดอัด แปลกๆ”
“เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะ” เมื่อไม่ได้ตั้งตัวกับคำถาม ทำให้ชื่นตาเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะตอบไปยังไง
“ไม่เป็นไรครับ พี่พร้อมแล้วค่อยพูดก็ได้”
“อื้อ ขอโทษนะ”
“ครับ”


ทั้งสองคนมาถึงคอนโดก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง ต่างคนต่างใช้เวลากับตัวเอง พอใจพยายามคิดว่ามันมีสามเหตุอะไรที่จะทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจต่อกัน ในขณะที่ชื่นตาพยายามเรียบเรียงคำพูด เขาไม่อยากใช้คำพูดที่ดูเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ถ้าพอใจไม่ได้ชอบ มันจะมองหน้ากันต่อได้ไง


ชื่นตาบอกสมองกับใจให้สงบๆ แล้วทำทุกอย่างตามกิจวัตรปกติ แต่พอถึงเวลานอน ร่างกายมันกลับไม่ยอมนอน เพราะสมองยังคงคิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่น่ะสิ เบาก็เลยได้แต่นอนพลิกไปพลิกมา


ชื่นตาคิดว่าเขาอยากคุยกับพอใจตอนนี้ แต่เมื่อหยิบมือถือมาดูเวลาก็พบว่านี่มันดึกเกินกว่าจะเป็นเวลารับแขกแล้ว ไม่อยากเสียมารยาท ก็เลยคิดว่าจะคุยพรุ่งนี้แทน แต่จะไปคุยที่ไหนดีล่ะ


ชื่นตาใช้เวลาอยู่สักพักในการหาสถานที่ เขานึกขึ้นได้ว่าพอใจชอบถ่ายรูป ก็เลยค้นหาแลนมาร์กในเมืองกรุงที่เป็นที่ถ่ายรูปสวยๆ ที่ๆคนเขาชอบไป จะได้มีข้ออ้างในการไปด้วยกัน และเมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว ก็ต้องไปชวนพอใจ


Chuenta: พอใจ พรุ่งนี้ว่างป่าวว
คุณพอใจ: ว่างครับ ไม่มีเรียน
คุณพอใจ: พี่ชื่นมีอะไรหรือเปล่าครับ
Chuenta: ไปนี่กัน เพื่อนเราไม่ว่างเลย
Chuenta: ส่งรูปภาพ


ชื่นตานึกขอโทษเพื่อนอีกสองคนอยู่ในใจที่เอาเพื่อนมาอ้าง นั่งรอพอใจตอบอยู่สักพัก จริงๆมันก็ไม่นาน แต่ในความรู้สึกของคนที่นั่งรอข้อความเนี่ยมันนานมาก


คุณพอใจ: ได้สิครับ
คุณพอใจ: ไปกี่โมง
Chuenta: สักสิบโมงไหม
คุณพอใจ: ได้ครับ


เมื่อภารกิจของวันนี้เสร็จสิ้น ชื่นตาก็รู้สึกง่วงขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่เขาเป็นพวกต้องคิดชุดไว้ก่อนหนึ่งวัน ชื่นตาทำแบบนี้เสมอ ก็เลยต้องลุกมาmix and match ชุดสำหรับวันพรุ่งนี้


ชื่นตาหยิบเสื้อมาทาบตัว เอากางเกงทาบ สลับไปมาจนได้ชุดที่ลงตัว หยิบของออกมาวาง ในหัวคิดไปถึงรองเท้าที่เข้าชุด พอคิดว่าโอเคแล้วก็เอาเสื้อผ้าห้อนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า เตรียมใส่ในวันพรุ่งนี้


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่คุณชื่นจะต้องนอน ชื่นตาดับเทียนหอมในห้อง แล้วไฟก็เริ่มดับทีละดวง จนกระทั่งทั้งห้องมืดไปหมด สัมผัสได้แค่ความเงียบ แต่ในความเงียบนั้นก็มีเสียงหายใจที่บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงนี้ หลับสนิทไปซะแล้ว



***********************************




ตอนนี้อัพทันในเด็กดีแล้ว ขอพักสักวันสองวันจะมาอัพตอนที่9นะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ค่ะ :กอด1:



หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--08--<21/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-04-2019 19:20:06
 :L1: :L2: :pig4:


เย้ เย้
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--08--<21/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2019 21:45:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter09:23/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 23-04-2019 15:40:44
09






เช้าวันถัดมา ชื่นตาขับรถพาพอใจมาโผล่อยู่ที่หอศิลป์ซึ่งตอนนี้จัดนิทรรศการงานศิลปะประเภทหนึ่งอยู่ เขาคิดว่าพอใจน่าจะชอบเกี่ยวกับงานศิลปะ ที่นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดี เสียดายที่รัฐบาลไม่ให้งบหอศิลป์ ไม่รู้ว่าที่ดีๆแบบนี้จะอยู่ไปได้อีกนานเท่าไหร่


“สวยดีนะครับ”
“อื้อ เราเปิดไปเจอเลยคิดว่าพอใจน่าจะชอบ”
“ชอบครับ ขอบคุณนะครับ” พอใจหันมายิ้มให้ เขาที่ไม่ได้เตรียมใจรับแรงปะทะจากรอยยิ้มนี้ ใจถึงกับเสียหลัก เซไปแปปนึงเลยทีเดียว


“ขอบคุณเราทำไมเล่า”
“ก็ขอบคุณที่ชวนมาไงครับ ผมไม่ค่อยได้เปิดดูอะไรแบบนี้ ไม่รู้หรอกครับว่ามีงาน”
“อื้อ! เดี๋ยวเราดูให้เอง ถ้ามีอีกก็จะชวนมา” และพอใจก็ยิ้มให้อีกหนึ่งครั้ง ครั้งนี้ผมตั้งหลักได้ ก็เลยยิ้มกลับไป พวกเราเดินดูงานต่างๆที่นี่จนรู้สึกว่าเหนื่อย เลยตกลงกันว่าไปนั่งกินขนมที่ร้านกาแฟข้างล่างแล้วค่อยขึ้นมาดูต่อดีกว่า


“เอาลาเต้กับนมสดเย็นใช่ไหมครับพี่ชื่น”
“อื้อ” เขาดีใจ ที่พอใจจำได้


พวกเรานั่งที่ติดกระจก เห็นผู้คนมากมายเดินดูงานศิลปะ ถ้ามีงานแบบนี้บ่อยๆก็ดี ผมชอบ รวมถึงพวกงานหนังสือด้วย ถ้ามีห้องสมุดเยอะๆก็ดีน่ะสิ ประเทศไทยควรมีห้องสมุดเยอะๆนะ มันจะทำให้คนเข้าถึงการอ่านได้ง่าย แล้วก็สนใจหนังสือมากขึ้น


ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีอีบุ๊คที่สามารถอ่านบนมือถือได้ แต่มันก็ไม่เหมือนการอ่านจากหนังสือหรอก เด็กวรรณกรรมแบบเขาน่ะ ชอบหนังสือมากทีเดียวล่ะ


นั่งคิดนั่นคิดนี่ไปสักพัก ชื่นตาก็เพิ่งนึกได้ว่าที่เขาชวนพอใจมาวันนี้ก็เพื่อเป็นข้ออ้างคุยเรื่องที่คิงพูดนี่นา ชื่นตาก็เลยรวบรวมคำพูดในหัว แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนที่จะพูดออกไป


“นี่ คือเรื่องที่พูดเมื่อวานน่ะ…”
“พี่ชื่นสบายใจที่จะพูดแล้วเหรอครับ”
“อื้อ เราตั้งใจไว้แล้ว”
“ครับ” ชื่นตาบอกใตัวเองให้ใจเย็นๆก่อนจะพูดต่อ
“เมื่อวานเราคุยเรื่องพี่โรมกับคิง แล้วคิงก็ถามเรื่องของเรากับพอใจ หมายถึง…ความสัมพันธ์”
“หือ?”
“คิงถามเราว่า กับพอใจน่ะ อยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน ให้เราเก็บมาคิด ก็เลยเป็นแบบนั้นน่ะ”
บรรยากาศระหว่างเราสองคนเงียบไปสักพัก จนชื่นตาเริ่มจะใจเสีย เขาน่าจะเก็บไว้พูดหลังจากที่เดินดูเสร็จแล้วสิ ไม่น่าพูดตอนนี้เลย ชื่นตาได้แต่บ่นตัวเองในใจ


“อืม มันก็น่าคิดนะครับ” พอใจพูดขึ้นมา
“หือ?”
“ผมยอมรับนะว่ารู้สึก แต่มันยังไม่ได้รู้สึกไปไกลขนาดนั้น”
“อื้อ เราด้วย”
“งั้น…” พอใจเว้นช่วง และชื่นตาก็เม้มปากเนื่องจากลุ้นกับประโยคต่อไป
“เราก็ค่อยๆศึกษากันต่อไปนะครับ ถ้าวันหนึ่งมันเดินหน้าจนชัดเจนเมื่อไหร่ เราค่อยคุยกันอีกที ดีไหมครับ”
“อื้อ”


ความรู้สึกแย่ๆของชื่นตาหายไปหมด ราวกับพอใจมีพลังวิเศษที่ช่วยปัดเป่าความรู้สึกนั้นออกไป ชื่นตายิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงไป เขาไม่แน่ใจว่าเขาเคยยิ้มกว้างขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า


“ไปดูกันต่อไหมครับ”
“ไปสิ” และก็ดีใจที่ระหว่างเราสองคนไม่ต้องมีบรรยากาศอึดอัดมาวนเวียนต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อกี้จะก่นด่าตัวเองในใจ แต่ตอนนี้เขาดีใจมากๆที่ตัวเองตัดสินใจพูดออกไป ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจจะอึดอัดกันจนค่อยๆถอย สุดท้ายความรู้สึกพวกนี้ก็คงไม่เหลือ


“พี่ชื่นยืนตรงนี้นะ”
“ได้ๆ”
“ไม่ต้องหันหน้ามานะ”
“โอเค”


ชื่นตายืนมองรูปตรงหน้านิ่งๆ ทำตัวเป็นนายแบบที่ดีให้พอใจได้ถ่ายรูป แล้วเราก็เดินดูนิทรรศการพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนสุดทาง


“หิวแล้วอ่ะ” ชื่นตาพูด
“อยากกินอะไรครับ”
“นึกไม่ค่อยออกเลย แถวนี้มีอะไรอร่อยบ้างนะ”
“ผมก็ไม่ค่อยรู้แฮะ งั้นเราลองเดินในซอยนี้ไปเรื่อยๆไหมครับ เผื่อจะมีร้านอร่อย”
“เอาสิ”


แล้วเราทั้งสองคนก็เดินคุยกันไป ไม่สิ เหมือนจะเป็นชื่นตามากกว่าที่พูดเจื้อยแจ้วในเรื่องนั้นเรื่องนี้ มีพอใจพูดแทรกบ้าง บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมายิ้มตามไปด้วย


“พี่ยิ้มแบบนี้ตลอดเลย”
“แบบไหนอ่ะ”
“แบบที่เหมือนพระอาทิตย์”
“ยังไม่จบเรื่องที่บอกว่าเราเหมือนพระอาทิตย์อีกเหรอ” ชื่นตาทำหน้ามุ่ย


พอใจหัวเราะเบาแล้วยื่นมือมาโยกหัวเขา ชื่นตากำลังจะพูดแล้วว่าเขาเป็นพี่นะ แต่พอเห็นรอยยิ้มของพอใจ เขาก็หุบปากฉับ ไม่พูดแล้วดีกว่า ปล่อยให้พอใจทำไปนั่นแหละ เป็นพี่แล้วยังไงล่ะ เนอะ







เราแยกกันที่หน้าลิฟต์เหมือนทุกครั้งที่กลับมาพร้อมกัน ชื่นตาสบายใจจากทุกปัญหาที่คิดไม่ตก นึกขอบคุณตัวเองที่พยายามพูด และขอบคุณพอใจที่พูดออกมาตรงๆ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็คงยากขึ้น


ชื่นตาหยิบวรรณกรรมไทยเล่มหนึ่งที่เขาชอบขึ้นมาอ่าน ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถอ่านซ้ำไปซ้ำมาได้อยู่แบบนี้


ชื่นตาปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับโลกในหนังสือเหมือนที่เคยเป็น ผ่านไปบทแล้วบทเล่า จนความสนุกนั้นจบลงไปในตอนสุดท้ายของเรื่อง เมื่อพบว่ามันดึกแล้ว เขาก็จัดการตัวเองแล้วเข้านอนเหมือนทุกๆวัน พร้อมกับความสบายใจที่ได้รับมา


ไม่ต่างอะไรกับพอใจที่กลับห้องมาทบทวนในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปวันนี้ แน่นอนว่าเขาคิดแล้วก่อนที่จะพูด พอใจรู้จักตัวเองดี แล้วก็ทำอะไรตามความคิดตัวเองเสมอ เขาว่าตีวเองคิดมาดีแล้ว


การจะปล่อยผ่านความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นโดยที่ยังไม่ได้สัมผัสแม้แต่มุมหนึ่งของความรู้สึกน่ะมันน่าเสียดาย ถ้าหากอีกคนมั่นใจที่จะพูดออกมาแล้ว ตัวเขาก็ไม่มีอะไรต้องเก็บ


เรื่องความรักมันยาก แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินใจเราหรอก เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าควรทำอะไร เหลือแค่ยอมรับ กับทำให้ได้เท่านั้นแหละ ผมพูดถูกไหม







Rrrrrrrr


เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ชื่นตาต้องตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม เขาขยี้ตาเพื่อปรับภาพตรงหน้าให้ชัด แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดู


“ครับพี่โรม”
“วันนี้ชื่นว่างหรือเปล่า”
“มีเรียนตอนบ่ายครับ”
“งั้นแสดงว่าตอนเช้าว่าง” ชื่นตาถอนหายใจ เขาไม่อยากตอบว่าว่าง เพราะเขาอยากนอนต่อ แต่ถ้าตอบว่าไม่ว่าง อีกคนก็ต้องถามว่าไปไหน


“ว่างครับ”
“งั้นก็ออกไปเดตกับพี่ได้” ชื่นตาพ่นลมหายใจออกมาเป็นครั้งที่สอง ถ้ามันทำให้อายุสั้นจริง อีกแปปหนึ่งเขาคงไม่อยู่บนโลกแล้วล่ะ


แต่เมื่อชื่นตาคิดได้ว่าเขากำลังจะเริ่มศึกษาและพัฒนาควาทสัมพันธ์กับพอใจ เขาก็ควรจะต้องเคลียร์ปัญหาตรงนี้ให้จบไป ถึงแม้ว่าจะแค่ศึกษากัน แต่เขาก็ให้เกียรติอีกคนมากพอที่จะไม่คุยกับคนอื่น


“ครับ พี่โรมจะให้ไปเจอที่ไหน”
“เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นเจอที่ร้านA”
“ครับ”


และเมื่ออีกคนนัดหมายเวลามาเป็นที่เรียบร้อย เขาก็พบว่ามันอีกไม่นานหลังจากนี้ ก็เลยจำใจจะต้องลุกไปอาบแต่งตัว แน่นอนว่าไม่พิถีพิถันขนาดนั้นหรอก แค่ไม่ไปสายก็พอ ใส่อะไรก็เหมือนกันแหละน่ะ


อ้อ แล้วก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกพอใจด้วย ถึงจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหน ก็ควรจะบอกอยู่ดี ชื่นตาคิดแบบนี้


Chuenta: วันนี้เราออกไปคุยกับพี่โรมนะ
Chuenta: จะเคลียร์ให้เสร็จ แล้วก็ไปเรียนตอนบ่าย


เมื่อไม่เห็นว่าอีกคนจะอ่าน ชื่นตาก็เลยสรุปว่าพอใจคงยังไม่ตื่น จึงเก็บมือถือแล้วก็ออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกเพื่อนๆด้วยว่าเขากำลังจะทำอะไร


ชื่นตารู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงเขาซะยิ่งกว่าลูก ดังนั้นจะทำอะไรเขาก็บอกเพื่อนเสมอ ตอนนี้ก็เพิ่มพอใจมาอีกหนึ่งคน มีพอใจอยู่ด้วยเขาก็อุ่นใจ เพราะพ ใจน่ะให้ความรู้สึกไม่เหมือนอยู้กับคนอื่น ชื่นตาเองก็หวังว่าจะเขาจะสามารถเดินไปกับพอใจได้นานๆ



“ชื่น ทางนี้” ชื่นตาหันหน้าไปทางต้นเสียง ก็เห็นว่าโรมนั่งอยู่ตรงมุมสุดของร้านพอดี
“สั่งอะไรเรา”
“ไม่ดีกว่าครับ” ไม่ใช่ว่าชื่นตาไม่หิว แต่ถ้าพูดเรื่องนั้นออกไปแล้วคงจะไม่ทีอารมณ์มานั่งกินข้าวหรอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็เถอะ
“เราไม่หิวเหรอ”
“หิวครับ แต่มีเรื่องจะพูดกับพี่โรมก่อน” โรมปิดเมนูลง ส่งยิ้มให้ชื่นตาเล็กๆ
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ผมกำลังคุยๆกับพอใจอยู่ พี่เข้าใจความหมายของมันใช่ไหม”
“เราหมายถึงว่าอยู่ในสถานะคนคุยกับเขาใช่ไหม”
“ครับ”
“แต่พี่ก็เป็นคนคุยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” ชื่นตาขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขาไปคุยๆกับพี่โรมตอนไหน
“ผมว่าพี่โรมเข้าใจผิด”
“ผิดยังไง เราก็ยังออกมากับพี่ตั้งหลายครั้ง”
“ผิด เพราะผมไม่เคยมากับพี่แค่2คนเหมือนครั้งนี้ และครั้งนี้ผมก็ไม่ได้ออกมาเพื่อเดตกับพี่ ผมออกมาเพื่อเคลียร์” ชื่นตาเริ่มอารมณ์เสีย


“แล้วแต่ชื่นจะคิด แต่พี่คิดอย่างนี้ อีกอย่างคนคุยมันมีได้หลายคนน่ะชื่น อย่าซีเรียสไปหน่อยเลย” โรมหัวเราะและส่ายหัวให้กับสิ่งที่ชื่นตาพูดก่อนหน้า ราวกับว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ


“ผมไม่เคยคิดจะพัฒนาความรู้สึกอะไรกับพี่”
“ถ้าตอนนี้ชื่นยังไม่คบกับมัน พี่ก็มีสิทธิ์ ต่อให้คบกับมันแล้ว พี่ก็ทำได้” พอมาถึงตรงนี้ ความอดทนของชื่นตาก็หมดลง เขาไม่เคยคิดว่าโรมจะรั้นขนาดนี้


“ผมถือว่าผมพูดแล้ว ผมไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง”
“เดี๋ยวชื่น กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” โรมคว้าข้อมือชื่นตาเอาไว้ก่อนที่จะได้ลุกไป
“ผมว่าไม่จำเป็น ผมพูดจบแล้ว ขอตัวครับ” ชื่นตาดึงข้อมือของตัวเองให้หลุดจากโรม แล้วรีบลุกออกจากร้านทันที คิดถูกแล้วที่ไม่สั่งอะไรมากิน ไม่งั้นเขาคงเสียมารยาทมากที่ลุกออกมาทั้งๆที่ิอาหารยังไม่มา แค่ลุกออกจากร้านโดยไม่สั่งอะไรเลยนี่ก็มากพอแล้ว


Rrrrrrr
‘คุณพอใจ’


“หือ? ว่าไงพอใจ” ชื่นตากดรับในระหว่างที่เปิดประตูรถ
“ผมเห็นที่พี่ส่งมา ก็เลยโทรมาถาม”
“อ๋อ”
“ทุกอย่างโอเคไหมครับ”
“ไม่ค่อยอ่ะ” ยิ่งนึกยิ่งอารมณ์เสีย ถ้ามีใครมาเห็นตอนนี้คงงงกันหมด คุณชื่นที่น่ารัก อารมณ์ดี ดูอบอุ่นหายไปแล้ว
“เขาไม่ยอมเหรอครับ”
“อื้อ”
“ช่างมันเถอะครับ”
“แต่ว่า”
“ช่างมันครับ ตอนเย็นเดี๋ยวพวกเราไปกินข้าวกัน” พอใจรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะถ้ายังพูดต่อ ชื่นตาคงอารมณ์เสียไปอีกนาน
“พวกเรา”
“พวกผมกับพวกพี่ไง งานผ่านแล้ว”
“จริงเหรอ โอเคเลย”
“เดี๋ยวเลิกแล้วโทรหานะครับ”
“อื้อ”


แล้วชื่นตาก็อารมณ์ดีมากๆจนลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้กำลังหงุดหงิดกับอะไร เขารีบขับรถไปให้ถึงมหาลัยเพราะหิวข้าวมาก ส่งข้อความรัวๆให้เพื่อนๆรีบออกมาเพราะเหงา ตอนแรกแพลนนกใจแทบตายนึกว่าเขาเป็นอะไร ขำดี
ชื่นตาขับรถไป นึกเมนูอาหารในหัวไป พอนึกถึงมากๆเขาก็ชักจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็โทรให้คิงไปซื้ิอข้าวให้ ไปถึงจะได้มีข้าวรออยู่ ข้าวหน้าเป็ดจ๋า ชื่นกำลังไปนะ!











***********************************






talk: ไม่แน่ใจว่าน้องหงุดหงิดพี่โรมหรือน้องโมโหหิว
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--09--<23/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-04-2019 21:53:47
 :L2: :pig4:

ขี้ตื้อเนอะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter10:28/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 28-04-2019 13:14:29
10




พอใจอมยิ้มกับข้อความของชื่นตา จริงๆการที่ชื่นตาจะไปคุยกับโรม ชื่นตาไม่จำเป็นต้องบอกเขาก่อนก็ได้ เจอกันค่อยมาเล่าให้ฟังก็ยังได้ แต่อีกคนก็เอาเรื่องนี้มาบอกก่อน เป็นจุดเล็กๆของการกระทำที่สร้างความประทับใจให้กับพอใจเป็นอย่างมาก


เขาอาบน้ำ เก็บของไปเรียนก่อนจะถึงเวลาเข้าคลาสประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นปกติของพอใจ เขาไม่ค่อยมาสาย ถ้าคิดว่าจะมาช้า เขาจะไม่เข้าเลย บางทีการเข้าห้องระหว่างที่อาจารย์บรรยายมันค่อนข้างเสียมารยาท ยกเว้นแต่ในคลาสที่คนเยอะมากๆ อาจารย์จะไม่ค่อยสนใจ


“มึงนัดพี่ชื่นยังวะพอใจ” มังกรถาม
“นัดแล้ว”
“บอกร้านยัง”
“ยัง กูเพิ่งเห็นแชทพวกมึงเมื่อกี้”
“ไม่ต้องแล้วก็ได้ กูบอกพี่คิงละ” พอใจตอบรับแล้วก็หันกลับไปตั้งใจฟังอาจารย์ มังกรเร่งมือจดเลคเชอร์ยิกๆเพราะเมื่อกี้หันมาพูด ไม่ถึงนาทีอาจารย์เปลี่ยนสไลด์อย่างรวดเร็ว หหันกลับมาก็เอ๋อไปหมดแล้ว


สามชั่วโมงแห่งความทรหดก็ผ่านไป พวกเราตกลงกันว่าจะแบ่งสองคัน พวกพี่ๆไม่ได้เอารถมาสักคน ก็เลยจะติดรถพวกเราไปด้วย


“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“สวัสดีจ้าเด็กๆ” พี่คิงเอ่ยตอบรับเป็นคนแรก
“ไปรถใครกันบ้างวะ” พี่แพลนถามหลังจากรับไหว้
“มีรถไอ้ว่านกับไอ้พอใจพี่ พวกพี่แบ่งกันเลยนะ”
“ได้จ้ะ มากูแบ่งให้ เดี๋ยวมึง อีแพลน ไปนั่งกีบพวกน้องว่าน กูกับอีน้องไปกับพอใจ”


พี่แพลนพยักหน้ารับ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก็พากันแยกย้ายไปที่จอดรถ เราจอดรถกันคนละฟากของคณะเลย ผมจอดหน้าคณะเพราะมาเช้ากว่า ส่วนว่านจอดเลยตึกนิติศาสตร์ข้างๆไปนิดหนึ่ง


“อุ๊ย! พี่ลืมกระเป๋า ขึ้นรถกันไปก่อนนะ” คิงพูด
“งั้นเดี๋ยวผมวนมารับครับ”
“โอเคจ้ะ”



พอใจกับชื่นตาเดินเกือบจะถึงรถ ก็ดันมีคนตัดหน้าขวางไว้ซะก่อน พอใจจำได้ว่าคนนี้คือผู้ชายตัวเล็กๆที่อยู่กับโรม


“พี่โปรดมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พี่จะมาบอกว่าอาทิตย์นี้โรมไม่อยู่ ชื่นสบายใจได้เลยนะ ไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณครับพี่โปรด”
“อื้อ นี่พอใจสินะ”
“ครับ”
“ไว้มีอะไรพี่จะมาบอกอีกทีนะ”
“พี่โปรดไลน์หาชื่นได้นะครับ”


โปรดพยักหน้ารับแล้วโบกมือลา พอใจงงเล็กน้อยที่อยู่ดีๆโปรดก็โผล่มา แล้วโปรดก็ไป สมองยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องมเมื่อกี้อย่างถี่ถ้วนเลย


“เขามาแบบนี้ตลอดเหรอครับ”
“พี่โปรดเหรอ”
“อืม”
“ก็งี้แหละ พี่โปรดชอบแอบๆมา กลัวพี่โรมจะเห็นน่ะ”
“เขาช่วยพี่เหรอ”
“ใช่ เขาคงห้ามพี่โรมไม่ได้ เลยมาส่งข่าวทางนี้แทน”
“น่าสงสารนะครับ”
“หือ?”
“ไม่น่าเป็นเพื่อนกันเลย เขาดูเหนื่อย”
“แต่มันก็เลือกไม่ได้นี่นะ”


พอใจวนรถมารับคิงที่ยืนรออยู่หน้าคณะแล้ว พอได้ขึ้นรถ คิงก็เอาแต่บ่นว่าอากาศร้อนมาก เดินออกมารอแค่แปปเดียวก็เหมือนไปเล่นสงกรานต์มา ซึ่งก็จริง คิงตัวเปียกไปหมด พอใจได้แต่ฟังคิงบ่นไปเรื่อย มีหัวเราะคลอไปบ้าง

 
“เอาไรดีครับพี่ๆ”
“แพงๆเลยดีมั้ยมึง” แพลนเอ่ยเย้า เพราะวันนี้ไม่ได้จ่ายเอง
“พี่น่ะหยุดเลยครับ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเถอะ”
“โห่ ไรวะ” แพลนกับมังกรหัวเราะ


พวกเราสั่งอาหารไปเยอะมากๆ คนนั้นอยากกินนี่ คนนี้อยากกินนั่น เลือกกันไม่ได้ สรุปก็สั่งกันมาหมดเลย แต่ดูจากท่าทีแล้ว คงจะกินกันหมดอ่ะครับ ทุกคนดูหิวมาก เอาจริงๆผมก็หิวด้วย


“พอใจเอาน้ำอะไร”
“น้ำเปล่าก็ได้ครับ”


ชื่นตานั่งอยู่ติดชั้นที่วางเครื่องดื่ม ทำมห้ต้องกลายเป็นคนเสิร์ฟน้ำไปโดยปริยาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้บ่นอะไร ชื่นตาค่อยๆส่งแก้วน้ำให้แต่ละคนจนครบทั้งโต๊ะแล้วถึงเดินมานั่งลง


“ผ่านแล้วแบบดีๆ หรือแบบฉิวเฉียดล่ะ” ชื่นตาถาม
“โหห คุณชื่น พอแก้แล้วมีแค่พอใจคนเดียวที่ได้คะแนนดี พวกหนูก็หวิดตกอีกรอบ”
“ฮ่าๆ” ทุกคนหัวเราะให้กับอาการตัดพ้อของโมกข์ เป็นเรื่องจริงที่เอาไปส่งแก้พร้อมกันแต่ผมได้คะแนนดีกว่า น่าจะเป็นเพราะผมเรียบเรียงแล้วก็เคาะวรรคใหม่เกือบทั้งหมด


“ขออนุญาตเสิร์ฟค่ะ”


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เสียงคุยที่เคยเจื้อยแจ้วก็ค่อยๆเลือนหาย กลายเป็นเสียงช้อนกระทบจานแทน ทุกคนกินข้าวกันไม่พูดไม่จา ดูท่าว่าอีกไม่นานก็คงจะหมด หนักสุดคงจะเป็นว่าน รายนั้นกินเอาๆ จนข้าวจะหมดโถอยู่แล้ว


“ว่านไม่ได้กินข้าวเช้าเหรอวะ” แพลนแซว
“พวกพี่ไม่รู้อะไร ปกติมันก็กินเหมือนยัดห่า ละวันนี้หิว กินจานได้คงกินแล้ว โอ๊ย!”มังกรพูดจบก็มีฝ่ามือพิฆาตฟาดลงกางหัวพอดี มันบ่นงึมงัมที่โดนทำร้ายแต่ไม่ได้รับความเห็นใจเพราะทุกคนเอาแต่หัวเราะ


ว่านมันกินเยอะจริงๆ ปกติก็กินสองจาน พอหิวก็คูณสองเข้าไป เผลอๆคูณสาม กินเยอะอย่างนี้มันก็ยังตัวเล็กอยู่ดี ตัวบางพอๆกับชื่นตา สูงกว่านิดหน่อย แต่เห็นตัวเล็กๆงี้มือหนักชิบหายเลย เคยโดนลูกหลงตอนไอ้มังกรมาหลบหลังทีหนึ่ง หลังแทบหัก


และอาหารบนโต๊ะก็หมดลง ทุกจานเกลี้ยง แทบจะไม่เหลือเศษผัก สภาพของทุกคนคือนั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง อิ่มจนไม่สามารถนั่งหลังตรงได้เพราะจะแน่นท้อง ที่สุดของความอิ่ม ต้องนั่งเกือบยี่สิบนาทีถึงจะสามารถลุกไปจ่ายเงินได้


“กลับกันยังไงล่ะทีนี้” แพลนเอ่ยถาม เพราะมารถแค่สองคัน นั่นหมายความว่าว่านกับพอใจต้องวนส่ง ไม่งั้นก็ขึ้นแท็กซี่กลับ
และการตัดสินใจจบลงที่ว่ามังกร โมกข์ กลับรถว่านเหมือนเดิม ชื่นตากับคิงก็กลับรถพอใจเหมือนเดิม แพลนเสียสละกลับแท็กซี่เพราะบ้านอยู่คนละทางกับทุกคน


“พี่คิงอยู่หอZใช่ไหมครับ”
“ใช่จ้า อุ๊ย! แอบชอบพี่ป่ะเนี่ย มารู้หงรู้หอ”
“ฮะๆ”
“เบอร์ห้อง805นะจ๊ะ”
“ห้องกูไอ้สัด”


พอใจเคยได้ยินชื่นตาพูดหยาบๆกับเพื่อนอยู่บ้าง ตอนแรกก็แปลกๆ เพราะพอใจมองว่าชื่นตาดูเป็นผู้ชายอบอุ่น สุภาพ คุณชาย แต่จริงๆแล้วชื่นตาก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง








วันหยุดสุดสัปดาห์วนมาถึงอีกครั้ง พอใจนอนเต็มอิ่มแล้วจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เขามีแพลนในหัวว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน เสร็จกี่โมงแล้วเรียบร้อย แต่ก่อนที่จะได้เริ่มทำ เราก็ต้องหาผู้ร่วมเดินทางซะก่อน


พอใจกดลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นแปด เดินมาหยุดที่หน้าห้อง805 แล้วก็กดกริ่ง พอใจไม่ได้บอกชื่นตาไว้ก่อน กะว่าจะมาเซอไพรส์ ลืมคิดไปว่าชื่นตาอาจจะยังไม่ตื่น ก็เลยเจอกันในสภาพที่อีกคนใส่ชุดนอน หัวยุ่ง ผมชี้โด่ชี้เด่ ยืนขยี้ตาอยู่แบบนี้


“หาววว พอใจ มีไรเหรอ”
“ฮะๆ”
“ตลกอะไร” พอใจยื่นมือไปจัดผมยุ่งๆของชื่นตา แล้วก็ดึงแก้มเบาๆให้อีกคนตื่น
“จะพาไปเที่ยว ไปไหมครับ”
“ไปเที่ยว! กับพอใจเหรอ”
“ครับ”
“ไป!”
“เข้ามารอก่อนนะ”


ชื่นตาพาอีกคนมานั่งที่โซฟาแล้วตัวเองก็วิ่งเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนเด็กที่ตื่นสายแล้วจะไปโรงเรียนไม่ทัน พอใจถือวิสาสะเปิดตู้เย็นดูเพื่อหาวัตถุดิบในการทำอาหารเช้า


เมื่อเจอของที่สามารถใช้ได้ พอใจก็ลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว เสร็จทันอีกคนแต่งตัวเสร็จพอดี


“มากินข้าวครับ”
“อะไรเหรอ” ชื่นตาชะโงกหน้าดูในถ้วย
“ข้าวต้มหมูครับ”
“หูวว คราวหลังสอนเราบ้างนะ”


พอใจตอบรับแล้วก็นั่งลงตรงข้ามชื่นตา ทั้งสองคนจัดการอาหารเช้ากันไปคนละสองถ้วย เมื่ออิ่มท้องแล้ว กองทัพก็สามารถเดินทางได้ หมายถึงกองทัพที่มีแค่เขากับชื่นตาน่ะนะ


“เราจะไปไหนกันเหรอ”
“นี่ครับ” พอใจยื่นโบชัวอควาเรียมกลางห้างไปให้ชื่นตา จริงๆพอใจอยากพาอีกคนไปดูวาฬ แต่มันไม่มีแถวนี้น่ะสิ เอาพวกปลาเล็กๆไปก่อนก็แล้วกัน


“อควาเรียม สวยจังเลย” ชื่นตาเปิดดูรายละเอียดต่างๆในโบชัวอย่างสนอกสนใจ เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้นานแล้ว
“ทำไมถึงพาเราไปล่ะ”
“คราวที่แล้วพี่พาผมไป ถือเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อศึกษา…ล่ะมั้ง”
“อื้อ! ดีจังเลย”


เมื่อพอใจเห็นว่าอีกคนมีความสุขดี แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ เขาก็ดีใจ ถึงแม้ว่าการที่เราจะเข้าสู่ความสัมพันธ์กับใครสักคนมันจะไม่ใช่แค่การกินข้าว ดูหนัง เดินเที่ยวก็ตาม แต่สิ่งนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสามารถดูได้ว่า เราจะไปข้างหน้าด้วยกันได้หรือเปล่า พอใจเลยพาตัวเองออกมาเที่ยวกับชื่นตา


เขาไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่งนัก บางทีก็อึดอัดกับคนเยอะๆ เขาอยากรู้ว่าตัวเองจะสามารถปรับตัวเข้าหาชื่นตาได้หรือเปล่า พอใจคิดว่ามันคงจะไม่ลำบากเกินไปหรอก อย่างน้อยๆตอนนี้ชื่นตาก็ยังไม่เคยลากเขาเข้าหาฝูงชน


ด้วยความที่เป็นวันหยุดของคนส่วนใหญ่ ในห้างเลยมีคนเยอะมาก ยังดีที่วันนี้ไม่ตรงกับวันที่ห้างจัดอีเว้นท์ เพราะถ้ามีงานอีเว้นท์ที่มีดารานักร้องมา พอใจคงถอดใจและชวนชื่นตากลับคอนโดแล้ว


เราซื้อตั๋วกันคนละหนึ่งร้อยบาท ใช้บัตรนักศึกษาลดราคาได้อีกยี่สิบบาท โซนแรกที่เข้ามาเห็นจะเป็นพวกปลาตัวเล็กๆกับงูทะเล


“ตัวนี้น่ารักเนอะ” ชื่นตาชี้ไปที่ปลาการ์ตูน
“นีโม่”
“ช่ายยย”


เราเดินกันช้าๆ ไม่รีบ ดูกันไปทีละตู้ มีเด็กๆอยู่รอบตัวเราเยอะมาก มากันเป็นครอบครัว มีทั้งเด็กที่ร่าเริง และเด็กที่ร้องไห้เพราะกลัวปลา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พอใจหรือชื่นตาหงุดหงิด


“ไปตรงอุโมงค์กันดีกว่า”
“อื้อ ถ่ายรูปให้หน่อยนะ”


เมื่อเดินมาถึงไฮไลท์ของอควาเรียม ก็อุโมงค์ที่ลอดใต้น้ำ มีปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายผ่านไปมา ชื่นตาเอามือไปเกาะกระจกเหมือนเด็กคนข้างๆที่ทำท่าแบบเดียวกัน พอใจหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ก็กดรัวไแปหลายรูปอยู่เหมือนกัน


“ถ่ายตรงนี้ๆ” ชื่นตายืนอยู่ตรงกลางของอุโมงค์ ส่งยิ้มอบอุ่นให้กับกล้องให้พอใจกดถ่ายอยู่ห้าหกช็อต
“ขอดูหน่อย” พอใจปล่อยให้เจ้าตัวเช็ครูปในตัวเองในกล้องไปจนพอใจ แล้วพวกเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ อุโมงค์ไม่ได้ยาวมากเท่าไหร่นัก แต่ระหว่างทางเราก็หยุดดูนั่นนี่บ่อย โดยเฉพาะปลากระเบนที่ชื่นตาหยุดดูนานมาก ท่าทางจะชอบตัวนี้


เมื่อเดินดูจนพอใจแล้ว เราก็ไปหาอาหารกลางวันกัน เลือกร้านที่คิดว่าคนน้อยที่สุดในห้าง สั่งเมนูง่ายๆของใครของมัน แล้วก็กินไปคุยไป


“ฮ้าา ออกมาได้แล้ว คนเยอะมาก”
“วันหยุดนี่ครับ”
“ป่ะ กลับกันเถอะ”
“ใครว่าเราจะกลับครับ” ชื่นตาที่ชูมือขึ้นเหมือนจะพูดว่า‘เย้’อยู่ก็ต้องลดมือลง แล้วหันมาทำหน้างงใส่แทน
“เราจะไปต่อครับ”
“ไปไหนอ่ะ”
“เป็นที่ลับของผม”


พอใจบอกแค่นี้แล้วก็ขึ้นรถ ทำให้ชื่นตาต้องตามขึ้นมาแบบงงๆ เมื่อพอใจไม่ได้พูดต่อ ชื่นตาก็เลยไม่ถาม ว่าง่ายดี ถ้าเกิดเขาเอาไปขาย ชื่นตาจะรู้ตัวเมื่อไหร่กันหนอ พอใจนึกตลกอยู่ในใจ







*********************


ใครว่างๆก็มาคุยกับเราในทวิตเตอร์ได้นะคะ @zhaofah หรือจะ #คุณชื่นตาก็ได้ รออ่านคอมเมนท์นะคะ :hao5:

หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--10--<28/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2019 15:13:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--10--<28/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-04-2019 17:14:19
 :hao3: :hao3:
น่ารักจังคู่นี้
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--10--<28/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-04-2019 17:46:02
น่ารักทั้งคู่เลย ใจบาง
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter11:3/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 03-05-2019 12:22:49
11





สถานที่ลับที่พอใจหมายถึง เป็นร้านหนังสือเล็กๆในซอยใกล้ๆกับห้างที่เรามา ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นร้านที่รวบรวมหนังสือหายาก หนังสือเก่าที่ไม่มีผลิตแล้ว ถ้าอยากได้เล่มไหนที่ทางร้านไม่มี เขาก็จะไปหามาให้จนได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พอใจรู้สึกว่าร้านนี้พิเศษกว่าร้านอื่น


นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกเรื่องที่คนแวะเวียนมาทั่วไปอาจจะไม่รู้กัน ก็คือที่นี่มีชาเสิร์ฟให้ได้อ่านหนังสือในชั้นบนของร้าน แล้วชาที่เอามาเสิร์ฟเนี่ย ก็มีขายเป็นถุงด้วย พอใจซื้อชาจากที่นี่บ่อย บางทีก็มาขอให้ที่ร้านหาชาที่ต้องการให้ด้วย


“หูว ใหญ่นะเนี่ย”
“พี่ชื่นเอาชาไหมครับ”
“เอาๆ”


พอใจเดินไปสั่งชาที่เคาท์เตอร์ ปล่อยให้ชื่นตามองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจก่อน


“เอาชา2ที่ครับ”
“รับชาอะไรดีครับ”
“ชาประจำวันครับ”
“รอที่โต๊ะชั้น2เลยนะครับ”


ที่ร้านสามารถสั่งชาอะไรก็ได้ที่มี แต่จะมีเมนูชาประจำวันเสมอ ชาประจำวันมักจะเลือกจากบรรยากาศในวันนั้นๆ ถ้าอากาศอึมครึม อาจจะเป็นชาผลไม้ ให้ร่างกายมันสดชื่น พี่แพงเจ้าของร้านเคยบอกมา


พวกเราเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของร้าน มุมนี้จะเป็นหนังสือที่อ่านฟรี ดื่มชาแล้วอ่านไปด้วยได้ ส่วนชั้นล่างก็จะเป็นหนังสือที่ต้องซื้อกลับ


“บรรยากาศดีเหมือนกันนะ คนน้อยด้วย”
“จริงๆคนจะเยอะช่วงเย็นครับ เลิกงาน”
“ขออนุญาตเสิร์ฟครับ ชาประจำวันนี้คือชาเปปเปอร์มินต์นะครับ ขอให้อร่อยครับลูกค้า”


กลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเปปเปอร์มินต์ลอยมาเตะจมูก การดื่มชาสดชื่นๆในวันอากาศร้อนๆช่างเป็นอะไรที่เข้ากัน ที่ร้านเปิดเพลงคลอเบาๆ ทั้งพอใจและชื่นตาจมเข้าสู่โลกของหนังสือที่ตัวเองเลือกมา เงียบแต่ไม่อึดอัด


จนกระทั่งชาในแก้วของทั้งคู่หมดลง พอใจเลยตัดสินใจว่าจะลงไปเลือกหนังสือกลับบ้านกันคนละเล่มสองเล่มแล้วก็กลับคอนโด ใกล้ถึงเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายแล้ว ถ้าช้ามากก็เกรงว่ากว่าจะกลับถึงคงกินเวลาไป3ชั่วโมง


พอใจได้หนังสือที่สนใจมาหนึ่งเล่ม และชื่นตาก็ได้มาหนึ่งเล่ม จ่ายเงินแล้วก็เดินทางกลับคอนโดกัน ร้านหนังสือเป็นสวรรค์ของคนที่รักการอ่านหนังสือ ถึงแม้ว่าตอนเรียนจะต้องอ่านเยอะมากๆ แต่เขาก็ยังชอบที่จะอ่านอยู่


“เปิดวิทยุนะ”
“ครับ”



รถหนึ่งคันฉันกับเธอ
วิ่งละเมอวิ่งหลงทาง
นอกหน้าต่างฉันและเธอ
ดีเหลือเกินดีเหลือเกิน
รถหนึ่งคันฉันกับเธอ
วิ่งละเมอวิ่งหลงทาง
นอกหน้าต่างฉันและเธอ
ดีเหลือเกินดีเหลือเกิน




****************




หลังจากไปร้านหนังสือกัน พอใจกับชื่นตาก็มีการกินอาหารเช้าและเย็นร่วมกันอยู่ตลอด ในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ถือว่าเรียนรู้ไปได้ประมาณหนึ่ง มีบางวันที่ไปพร้อมกัน กลับพร้อมกันบ้าง มีหลายๆคนสนใจมองและซุบซิบอยู่ แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร


“ไปละ บายย”


ชื่นตาเดินแยกขึ้นตึกเพื่อไปเรียน ส่วนพอใจเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง เขาเลยคิดว่าเดี๋ยวไปหาอะไรกินในโรงอาหารก่อนละกัน


“เฮ้ย มึงชื่อพอใจใช่ป่ะ” พอใจหันไปตามเสียง
“โรม ไม่เอา”
“เงียบๆดิโปรด ว่าไง ใช่ป่ะ”
“ใช่ครับ” โรมมองพอใจหัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียดๆ นั่นทำให้พอใจเริ่มขมวดคิ้ว
“เด็กแบบนี้อ่ะนะ ที่ชื่นเลือก ธรรมดาชิบหาย”
“โรม!” พอใจไม่ได้ตอบอะไร เขามองโรมเหมือนที่โรมทำกับเขา แต่ไม่ใช่ด้วยสายตาเหยียดหยาม


“มึงมองอะไรวะ”
“มองพี่อ่ะ ก็ดูดีหนิครับ”
“เออ”
“แต่ทำไมพี่ชื่นไม่เลือก พิจารณาตัวเองดูสิครับ”
“มึง!” โรมพุ่งเข้าใส่พอใจ เงื้อหมัดจะต่อย แต่โปรดดึงไว้ก่อน พอใจไม่ได้หลบหรือมีท่าทีกลัวต่อโรมเลยแม้แต่น้อย


“แค่นี้ใช่ไหมครับที่มาหาผม จะได้ไป เสียเวลา”
“พอใจไปเถอะ” โปรดหันมาพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี ยื้อหยุดอยู่กับโรมอยู่อย่างนั้น พอใจก็เลยหันหลังเดินออกมาโดยไม่สนใจอีก ในใจก็ได้แต่คิดว่าโปรดไม่น่าไปอยู่ตรงนั้นเลย ไม่ใช่ที่ข้างๆโรม เขาเหนื่อยแทน





*****************




“เฮ้ย! เสร็จแล้วไปไหนต่อวะพอใจ”
“กลับคอนโดมั้ง”
“มึงง ไปกินอันนี้กันก่อนเถอะ” โมกข์ส่งโบชัวร้านขนมหวานที่เพิ่งจะมาเปิดใหม่ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยนัก



“เหอะนะ กูอยากกก”
“ไปมั้ยพวกมึง” มังกรสังเกตท่าทีของเพื่อนๆ เมื่อทุกคนไม่ได้มีธุระอะไร ทั้งสี่คนก็เลยมุ่งหน้าไปที่ร้านขนมที่โมกข์อยากกิน
มันเป็นร้านขนมไทยที่ตกแต่งสวยงาม ไม่ดูหวานมากเกินไป มีขนมที่ไม่ค่อยจะเห็นร้านไหนขาย แต่พอใจน่ะชินแล้ว แม่เขาทำขนมพวกนี้บ่อยจะตาย


“พวกมึงเอาไร นี่เมนู” พอใจรับเมนูมาดู
“เอาขนมพระพายกับอัญชันมะนาว” นี่คือขนมที่พอใจเลือก


เพื่อนๆคนอื่นใช้เวลาเลือกอยู่สักพักเพราะเป็นขนมที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ จริงๆพอใจจะทำกินเองก็ได้ แต่มันต้องใช้เวลา และเขาทำไม่อร่อยเท่าแม่ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่พอใจคิดว่าควรรอกลับบ้านค่อยกิน


“ร้านนี้ดีเนอะ มีขนมที่ไม่เคยเห็นเยอะเลย” มังกรพูดพร้อมกับหยิบลูกชุบเข้าปาก


พวกเราใช้เวลาดื่มด่ำดับของหวานเป็นชั่วโมง จนกระทั่งอิ่มกันแล้ว พอใจก็เหลือบไปเห็นขนมอย่างหนึ่งที่ไม่ได้กินนานแล้ว พอใจซื้อขนมนั้นมากลับมาที่ห้องหนึ่งกล่อง แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อมันไม่อร่อยอย่างที่คิด


[ฮัลโหลพอใจ ว่าไงลูก]
“เดี๋ยววันศุกร์จะกลับบ้านนะแม่”
[ให้พ่อไปรับไหมลูก]
“เดี๋ยวไปเองก็ได้แม่ แต่ว่าทำขนมไว้ให้หน่อยสิ”
[ขนมอะไรฮึ]
“เสน่ห์จันทร์”
[ก็ได้ แต่นึกยังไงถึงอยากกิน]
“ไปเจอร้านหนึ่ง ซื้อมาแล้วมันไม่อร่อย”
[แน่นอนสิ ไม่มีใครทำอร่อยเท่าแม่หรอก]
“ครับคุณนาย”
[วันศุกร์เจอกันลูก]


เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว พอใจก็หยิบหนังสือที่ซื้อมาขึ้นมาอ่าน ก่อนหน้านี้มีงานกลุ่ม ทำให้เขายังอ่านไม่จบสักที พอใจใช้เวลาอยู่กับหนังสือจนกระทั่งสามทุ่มจึงลุกไปอาบน้ำ


เขาไม่ได้ถ่ายรูปมาสักพัก คิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องสั่งฟิล์มแล้ว รอบนี้พอใจอยากให้สีมันสดขึ้นหน่อยเลยเลือกเป็น Agfa precita CT 100 มาหนึ่งม้วน แล้วก็ Agfa vista 200 อีกหนึ่งม้วน ฟิล์มกันตายของพอใจอีกสองม้วนก็คือ Kodak potra 160 เมื่อบอกให้ลุงเกริกเก็บฟิล์มไว้ให้เรียบร้อย พอใจก็เล่นโทรศัพท์จนดึกดื่น แล้วก็เข้านอน





พอใจตื่นมาพร้อมกับอาการสะลึมสะลือเพราะเมื่อคืนนอนดึก ทำให้ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่ม เมื่ิใช้เวลาปลุกตัวเองบนเตียงสักพัก พอใจก็ลุกไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้า


เมื่อวันก่อนพอใจเปิดไปเจอวิดีโอในยูทูปที่ทำแซนด์วิชไส้ผลไม้ที่กำลังฮิตกันอยู่ตอนนี้ พอใจเลยไปซื้อผลไม้มาไว้เพื่อทำไปกินตอนเช้า สิ่งที่พอใจซื้อมามีสตอว์เบอร์รี่ พีช และกล้วยนอกจากนั้นก็มีวัตถุดิบอื่นๆที่ต้องใช้ อย่างครีมสดและขนมปังที่ซื้อมาเพิ่ม
เริ่มจากการตัดขั้วสตอว์เบอร์รี่และหั่นครึ่ง หั่นพีชเป็นชิ้น ปลอกกล้วย หั่นให้มีขนาดใหญ่หน่อย จากนั้นพอใจก็ตีครีมสดกับน้ำตาล แล้วก็ปาดครีมลงบนหน้าขนมปัง พอใจทำไปเผื่อคนห้อง805 กับเพื่อนด้วย เลยใช้ขนมปังค่อนข้างเยอะ วางผลไม้แล้วก็ปาดครีมทับอีกที ประกบขนมปังอีกฝั่งลงไป แร็บขนมปังแช่ตู้เย็นไว้แล้วก็ไปอาบน้ำ


อาบน้ำเสร็จร่างกายก็สดชื่นขึ้นมา จากที่มึนๆอึนๆก็ตื่นแล้ว พอใจหยิบแซนด์วิชออกมาจากตู้เย็น แกะแร็บที่ห่อไว้ หั่นขอบขนมปังทิ้งไป แล้วก็หั่นครึ่ง เท่านี้ก็ได้แซนด์วิชที่ต้องการแล้ว พอใจกินส่วนของตัวเองเรียบร้อย ก็เอาที่เหลือห่อใส่ถุง
พอใจเอาถุงมาห้อยไว้หน้าห้อง805 พร้อมกับโทรศัพท์ไปปลุกเจ้าของห้องที่มีเรียนตอนบ่าย

 
[อืมม ว่าไง]
“ผมเอาแซนด์วิชห้อยไว้หน้าห้อง รีบออกมาเอานะครับ เดี๋ยวมันไม่อร่อย”


ตอนที่พอใจเดินไปถึงหน้าลิฟต์แล้ว ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับชื่นตาที่เดินออกมาแบบตายังไม่เปิด


“ขอบคุณนะพอใจ”
“ครับๆ เอาแช่ตู้เย็นไว้แล้วนอนต่อนะ” พอใจลูบหัวชื่นตาที่เดินมาหาหน้าลิฟต์
“อื้อ”
“ผมไปเรียนแล้ว”
“บ๊ายบาย หาวว” พอใจขยี้หัวชื่นตาด้วยความขำแล้วก็ลงลิฟต์ไป


เขามาถึงก่อนคลาสเริ่ม15นาที แจกจ่ายแซนด์วิชให้กับเพื่อนผู้หิวโหยทั้งหลาย แล้วก็เล่นโทรศัพท์รอ


“อึงอำอับอะอ่อยอิบอ๋ายเอยอ่ะ” โมกข์พูดทั้งๆที่มีแซนด์วิชอยู่เต็มปาก
“มึงพูดอะไร”
“มึงทำอร่อยชิบหายเลย กูแปลให้ โมกข์แม่งไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี”
“อีมังกร” แล้วสงครามก็เริ่มขึ้นก่อนจะจบลงเพราะว่านหยิบแซนด์วิชชิ้นสุดท้ายขึ้นมา


“ไอ้เหี้ยว่าน! ของกู”
“ก็พวกมึงเอาแต่ตีกัน” พูดแล้วก็งับแซนด์วิชเข้าปาก มังกรมองแซนด์วิชตาละห้อย ว่านมันคงสงสาร เลยยื่นที่เหลือครึ่งหนึ่งให้


“อ่ะ เอาไป”
“ขอบใจเพื่อน” มังกรรีบที่เหลืออยู่มากินให้หมดอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าว่านจะหยิบคืน
“พวกมึงไร้สาระ ทำอีกก็ได้ป่ะ”
“มึงไม่ได้ทำมาเผื่อบ่อยนี่หว่า”
“มึงไม่ได้จ่ายตังค์ ทำบ่อยก็เปลืองสิวะ”
“โถ่เพื่อนน” และหลังจากนั้นทุกเสียงก็ต้องเงียบไปเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้อง



********************

“ง่วงชิบหายเลย” มังกรพูดไปหาวไป
“มีคลาสไหนมึงไม่ง่วงบ้างอ่ะ”


พวกเรามุ่งตรงไปที่โรงอาหารเพื่อกินอาหารกลางวันกัน วันนี้มีคลาสจนถึงเย็น ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ต้องหาอะไรกินก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง


“เอาไก่ต้ม4จานครับ” เพื่อเป็นการประหยัดเวลา พอใจกับว่านมาซื้อข้าว โมกข์กับมังกรไปซื้อน้ำ กินเหมือนๆกันให้หมด
“อ่ะนี่น้ำ”


ว่านกินหมดคนแรก ดูเหมือนว่าแค่ข้าวมันไก่มันจะไม่ยาไส้ มันเลยลุกไปหาของหวานกิน พวกเราที่เหลือก็รีบจัดการอาหารตรงหน้า จะได้มีเวลาเหลือทำอย่างอื่นบ้าง


“พอใจ”
“หือ?”
“เมื่อกี้กูไปซื้อของหวาน เจอพี่โรม” พอใจที่กินข้าวเสร็จพอดีเงยหน้าขึ้นมาฟัง


“ได้ยินพี่มันคุยโทรศัพท์ บอกว่าจะปิดผับเลี้ยง ให้ปี2ชวนพี่ชื่นให้ได้ อันตรายนะมึง” พอใจนิ่งไปสักพัก
“อืม กูจะไปเตือน” พวกเราทุกคนเงรยบเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“มึง กูว่านะ ไม่ต้องให้พี่ชื่นไปดีกว่า บอกพี่คิงกับพี่แพลนไว้ด้วย แม่งโคตรอันตราย” พวกนี้รู้เรื่องของพี่โรมในวันที่เราไปเลี้ยงข้าวพี่ๆคราวนั้น ก็เลยช่วยเป็นหูเป็นตามาโดยตลอด


ผมเห็นด้วยนะ ไม่อยากจะคิดไปถึงว่ากรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ยังไงซะก็ไม่ทำให้มันมีช่องโหว่ที่จะเกิดขึ้นดีกว่า อีกอย่างศุกร์นี้เขาจะชวนชื่นตากลับบ้านพร้อมกันอยู่แล้ว หาเรื่องให้ยุ่งๆ จะได้มีข้ออ้างไปปฏิเสธ

 
บางทีพวกเห็บหมัดมันก็หน้าด้านหน้าทน เกาะติดเป็นเหาฉลาม ถ้าไม่หาวิธีรุนแรงหน่อย ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหายไป ตลอดทั้งคลาส พอใจก็ได้แต่คิดหาวิธีกำจัดหมัด ควรจะใช้ไม้ไหน หมัดตัวนี้มันถึงจะตาย แบบถาวร ไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก










เวลาขับรถ - the toys


*****************************

พอใจนางก็มีมุมดุๆเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--10--<28/4/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-05-2019 17:38:19
 :z6:
เอาอีตาโรมไปเก็บแป๊ป

 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter12:15/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 15-05-2019 13:44:07
12







หลังจากเรียนอย่างหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ รวมทั้งวันนี้ด้วย แต่พอเป็นวันศุกร์แล้วจิตใจมันก็เริงร่าขึ้นมา ชื่นตาจะได้กลับบ้านแล้ว เย้!


ตอนที่พอใจบอกว่าจะกลับบ้านในวันศุกร์ แล้วชื่นตาจะกลับด้วยไหม เขาก็รีบตอบตกลงไปทันที ถึลงแม้มันจะไม่ใช่บ้านที่เป็นบ้านของเขาจริงๆ แต่เวลาอยู่ที่นั่นเขาก็รู้สึกว่ามันสบายเหมือนอยู่บ้าน เป็นบ้านหลังที่สองเลยก็ได้


ชื่นตาเรียนเสร็จสี่โมงเย็น ช้ากว่าพอใจหนึ่งชั่วโมง พอใจเลยกลับไปรอที่คอนโดแล้ว ตอนนี้ชื่นตาเลยรีบเก็บของเพราะไม่อยากให้พอใจรอนาน


ชื่นตาแยกกับเพื่อนตั้งแต่หน้าห้องเพราะเดินลงมาคนแรก แต่ไม่รู้ว่าเพราะซวยหรืออะไรนำพา เขาเห็นโรมยืนอยู่ตรงหน้าบันได จะไม่ผ่านก็ไม่ได้อีก


“ชื่น”
“สวัสดีครับพี่โรม”
“วันนี้พี่เลี้ยงที่ผับไอ้ไวท์ ไปด้วยกันสิ พี่ชวนเพื่อนๆเราทั้งรุ่นเลย”
“เลี้ยงเนื่ิองในโอกาสอะไรเหรอครับ”
“เสียใจนะเนี่ย วันเกิดพี่ไง”
“อ๋อ แต่ขอโทษนะครับพี่โรม ชื่นไม่ว่างวันนี้”
“ไปไหน กับไอ้เด็กพอใจนั่นเหรอ” โรมเสียงแข็งขึ้นมา
“ชื่นกลับบ้านครับ”
“โถ่ ชื่น บ้านจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้น่า ไปเถอะ พี่เลี้ยง จะดูแลเราอย่างดีเลย” โรมดึงมือชื่นตาไปจับ แต่ได้ไม่กี่วินาที ชื่นตาก็สะบัด


“ก็ผมบอกว่าไม่ว่าง ขอตัวครับ” ชื่นตารีบเดินหนีออกมาแต่ก็ไม่วายโดนจับไว้
“ชื่น! อย่าเล่นตัวน่ะ”
“พี่อย่ามายุ่งกับผมได้ไหม!” ชื่นตาตะคอกเสียงดังเพราะทนไม่ไหวกับโรมแล้ว ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่ใต้คณะกับเพื่อนที่กำลังเดินมาหันมาสนใจ และชื่นตาก็ดีใจที่คิงกับแพลนลงมาสักที


“พี่ปล่อยเพื่อนผมดีกว่าครับ”
“ไม่ต้องยุ่ง”
“คนที่ไม่ควรยุ่งก็คือพี่นั่นแหละค่าา เขาหนีพี่มาตั้งแต่ปีหนึ่งก็ยังไม่รู้อีกว่าเขาไม่เอา พอเขาปฏิเสธตรงๆ ไล่ก็แล้ว ก็ยังหน้าด้านอยู่ พี่ใช้อะไรทาหน้าเหรอคะ”



ด้วยประโยคนี้ทำให้คนรอบๆพูดคุยซุบซิบกัน ผมอาศัยจังหวะที่พี่โรมหันไปมองสะบัดมือเขาออก แล้วมายืนหลบหลังคิงอีกที
“มึง!” โรมเดินเข้าหาคิงเหมือนจะมาทำร้ายร่างกาย แต่โดนแพลนสะกัดไว้ก่อน


“ควบคุมอารมณ์หน่อยพี่ นี่ในมอ ถ้ามีเหตุอะไรขึ้นมาพวกผมก็พยานเยอะนะ” โรมได้แต่ยืนกัดฟัน
“เลิกมายุ่งกับเพื่อนหนูได้แล้วค่ะคุณพี่ เขาไม่เอาก็แปลว่าเขาไม่เอานะคะ อ่ะ พี่โปรดมาละ มาค่าาา! มาเก็บเพื่อนพี่” คิงกวักมือเรียกพี่โปรดหยอยๆ สองคนนี้น่าจะเป็นคนเรียกพี่โปรดมาเอง หอพี่โปรดอยู่ใกล้ๆ คงรีบมาพอตัวเลย เหงื่อซ่กเชียว


“โรมกลับ”
“อย่ามายุ่ง”
“กูบอกให้กลับ!” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพี่โปรดตะคอกใส่พี่โรม และดูเหมือนพี่โรมเองก็ตกใจเหมือนกัน
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงจะทำอะไร กลับเดี๋ยวนี้!” แล้วพี่โรมก็เดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างหงุดหงิด
“พี่ขอโทษด้วยนะ พี่เพิ่งรู้เรื่องเมื่อกี้”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่เคยเห็นพี่โปรดตะคอกใส่พี่โรมอย่างนี้เลยนะครับ”
“พี่เหนื่อยน่ะ หมดความอดทนแล้ว!
“เหนื่อยหน่อยนะพี่ สู้ๆครับ”
“อื้อ ชื่นรีบกลับเถอะ”


ชื่นตามองดูเวลาก็พบว่ามันช้ามากแล้ว เช็คโทรศัพท์ดูก็เห็นว่าพอใจไลน์มาตามสามสี่รอบแล้ว ชื่นตารีบบอกลาเพื่อนแล้ววิ่งไปขึ้นรถ ไม่รู้ว่าพอใจจะยังรอเขาอยู่หรือเปล่า


เมื่อขึ้นรถได้ ชื่นตาก็หยิบโทรศัพท์มาโทรหาพอใจทันที


“ฮัลโหล”
“พอใจ! ยังรออยู่หรือเปล่า”
“รออยู่ครับ ผมอยู่ที่ห้อง”
“เรากำลังรีบไปนะ”
“ไม่ต้องรีบมากหรอกครับ พี่แพลนส่งข้อความมาบอกผมแล้ว”
“โอเค กำลังไปนะ”
“ขับรถดีๆครับ”


ชื่นตาคลายความกังวลลง แล้วตั้งใจขับรถ โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดมาก ทำให้ชื่นตามาถึงคอนโดได้ในเวลาไม่นานนัก เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของใช้นิดหน่อยลงกระเป๋า ส่งข้อความบอกพอใจว่าพร้อมแล้ว จึงลงไปรอที่ล็อบบี้


“ไปครับ”


ในระหว่างทางกลับบ้าน ชื่นตาไม่รู้ว่าตัวเองเหนื่อยจากการเรียนหรือการต่อสู้กับโรม ทำให้ตาเขาค่อยๆปิด จนกระทั่งพอใจได้ยินแต่เสียงลมหายใจ เมื่อชะโงกหน้ามาดูก็เห็นว่าอีกคนหลับไปซะแล้ว


พอใจเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่เบาะหลังมาคลุมให้ชื่นตา แอบถ่ายรูปเก็บไว้สองสามรูป แล้วก็ตั้งใจทำหน้าที่สารถีให้กับชื่นตาต่อไป


เวลาผ่านไปไม่นานนัก พอใจก็ขับรถมาถึงบ้าน แม่เปิดประตูบ้านรอไว้แล้ว เมื่อจอดรถเรียบร้อย จึงหันมาปลุกชื่นตา


“พี่ชื่นครับ”
“อืออ”
“ถึงแล้วครับ”
“หือ? ถึงแล้วเหรอ” ชื่นตาค่อยๆกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วประมวลผลว่าที่นี่คือที่ไหน ก่อนจะนึกออกว่าเป็นบ้านพอใจ
ชื่นตาและพอใจหยิบของตัวเองลงมาจากรถเรียบร้อย แล้วชื่นตาก็ขอตัวกลับบ้าน วันนี้ทั้งสองคนแยกกันในสถานที่ใหม่ เป็นความรู้สึกที่แปลกไป แต่ก็รู้สึกดี ชื่นตาเดินเข้าบ้านไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะไม่ได้บอกป้าไว้


“สวัสดีครับ”
“คุณชื่นมาตอนไหนคะเนี่ย”
“มาเมื่อกี้เลยครับ ป้าชมล่ะครับ”
“อยู่ที่ห้องค่ะ คุณชื่นเอากระเป๋ามาให้ป้าแล้วนั่งรอที่โต๊ะอาหารนะคะ”
“ฝากด้วยนะครับ”


ชื่นตานั่งรอคุณลุง คุณป้าที่โต๊ะอาหาร ล้างมือรอกินข้าวเย็นเรียบร้อย ไม่กี่นาทีทั้งคู่ก็ลงมาจากห้อง ชื่นตายกมือไหว้แล้วสวมกอด อ้อนเหมือนไม่ได้เจอมาเป็นปี นี่ไปไม่กี่เดือน


“คิดถึงจังเลยครับ”
“แหมม พ่อชื่นของป้า ไปยังไม่กี่เดือนเลยลูก”
“ก็ชื่นคิดถึงนี่ครับ คุณลุงด้วย”
“ไม่ต้องพูดเยอะมากหรอกเรา ยังไงก็ได้มรดกลุงไปหมดอยู่แล้ว ฮ่าๆ”
“โถ่ ชื่นไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อยยย”


ของที่จัดขึ้นโต๊ะวันนี้เป็นอาหารทะเลซะส่วนใหญ่ ชื่นตาจำได้ว่าคุณลุงกับคุณป้าไปพักผ่อนที่ภูเก็ตกันมา นี่คงซื้อมาฝากคนที่บ้านหลายกิโลเลยล่ะ


“กุ้งไหมลูก”
“ขอบคุณครับ คุณป้ากินเถอะ ชื่นแกะเองได้”
“จ้ะ”


ชื่นตากินทั้งกุ้งเผา ปูนึ่ง ปลาหมึกทอด และหอยหลายๆเมนู กินจนพุงกาง นึกว่านั่งอยู่ชายทะเล อาหารที่บ้านนี้อร่อยมาก ป้าพร้อมที่เป็นเแม่ครัวน่ะฝีมือสุดยอด ไม่แพ้ที่ไหนเลยจะบอกให้


“อ้อ วันนี้แม่แววเขาเอาขนมมาฝากแหนะ เห็นบอกลูกชายให้ทำไว้”
“เห? ขนมอะไรเหรอครับ”
“ผิง ไปเอามาหน่อยสิ”


พี่ผิงเดินเข้าไปในครัวสักพักก็ออกมาพร้อมขนมก้อนกลมๆสีเหลือง มีก้านด้วยแฮะ คิดว่าคงทำมาให้ลักษณะคล้ายผลไม้แน่นอน แต่แค่ชื่นตาไม่รู้ว่าขนมชนิดนี้ทำเลียนแบบผลไม้อะไร


“อันนี้คืออะไรเหรอครับ”
“เขาเรียกว่าเสน่ห์จันทร์” คุณลุงตอบ
“ชื่นไม่เคยเห็นเลย ไม่เคยกินด้วย”
“มันหากินยากน่ะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าพอใจอยากกินก็คงจะไม่ได้กิน”
“ต้องขอบคุณพอใจใช่ไหมครับ ฮ่าๆ”


ชื่นตาลองหยิบมาชิมแล้วก็พบว่ามันอร่อยมาก มีกลิ่นหอมๆด้วย เขาคิดว่าจะต้องไปขอบคุณพอใจจริงๆแล้วแหละที่ทำให้เขาได้ลองกินเสน่ห์จันทร์


Rrrrrr ‘คุณพอใจ’


หือ? พอใจโทรมา


“ฮัลโหลล”
[เสียงดังเชียวครับ]
“แหะๆ พอใจโทรมามีอะไรหรือเปล่า”
[ไม่มีหรอกครับ] ทั้งคู่เงียบไปสักพัก ต่างฝ่ายต่างหาเรื่องมาคุย


[ได้กินขนมที่แม่เอาไปให้หรือยังครับ]
“กินแล้ว อร่อยมากเลย เราไม่เคยกินมาก่อนเลยด้วย”
[ผมก็ไม่ได้กินนานแล้ว พรุ่งนี้แม่จะทำอีก พี่มาลองไหม]
“ไปได้เหรอ!”
“ได้ครับ”
“ไปๆๆๆ”


ชื่นตาคุยกับพอใจต่ออีกสักพักก็วางไป ให้ต่างคนต่างมีเวลาส่วนตัว มีพื้นที่ให้คิดโน่นคิดนี่ ชื่นตาเอางานกลับมาทำด้วยนิดหน่อย ก็เลยเปิดโน้ตบุ๊คนั่งทำงาน พอเสร็จแล้วก็อาบน้ำนอน วันนี้พอใจใช้พลังงานไปเยอะ เมื่อหัวถึงหมอน ก็หลับเลยทันที





เช้าของอีกวัน ชื่นตาถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตูห้องของคุณป้าที่มาเรียกไปกินข้าว ชื่นตาลุกไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วจึงลงไปที่โต๊ะอาหาร


อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเล มันส่งกลิ่นหอมฉุยมาตั้งแต่เขายังเดินไปไม่ถึงโต๊ะ ชื่นตาทักทายอรุณสวัสดิ์ พร้อมกับกอดคุณลุงคุณป้า แล้วจึงนั่งลงเพื่อเริ่มกิน


“อร่อยไหมลูก”
“อร่อยครับ หอมมากด้วย”
“อร่อยก็กินเยอะๆ” คุณลุงพูด


ด้วยความอร่อยของข้าวต้มทะเล ทำให้ชื่นตากินไปสองชามใหญ่ๆ แถมเขายังกินผลไม้ไปอีก ท้องเขาแน่นตั้งแต่เช้าเลย ชื่นตาก็เลยตัดสินใจไปเดินย่อยในสวน ดูต้นไม้ที่ออกดอกแล้ว

 
สักพักก็เริ่มรู้สึกร้อน เลยเลือกที่จะขึ้นไปอาบน้ำดีกว่า พอดีกับที่พอใจส่งข้อความมาบอกว่าจะพาป้าแววออกไปซื้อของก่อน เดี๋ยวกลับมาถึงแล้วจะบอกอีกที ชื่นตาเลยมีเวลานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่จนเสร็จ ตอนนี้เขาไม่มีงานค้างอีกต่อไปแล้ว


ชื่นตาเป็นพวกที่ไม่สามารถปล่อยให้งานค้างได้ เนื่องจากรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลา ตอนมัธยมมันยังมีบ้างเพราะทำไม่ค่อยได้ แต่พอเข้าคณะที่ตัวเองเลือก ตัวเองชอบ มันเลยต้องพยายามทำด้วยตัวเองตลอด


เมื่อได้งานมาเขาจะรีบทำให้เสร็จ แต่ต้องรีบแบบตั้งใจด้วยนะ ไม่อย่างนั้นคะแนนจะน้อยมากๆ ชื่นตาคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีเพื่อนอย่างคิงกับแพลน เพราะทั้งสองคนไม่เคยพาเขาออกนอกลู่นอกทาง ช่วยกันทำงาน ติวหนังสือให้กัน แล้วทั้งสองคนยังคอยช่วยดูแลเขาอีก เขาเลยสนิทกับเพื่อนมากๆ


ชื่นตาคิดว่าเขาจะทำขนมไปฝากเพื่อนด้วย ป้าแววน่าจะทำเยอะ เดี๋ยวเขาออกเงินช่วย ทำขนมก็มีต้นทุนเยอะ ยิ่งขนมไทยอีก ทั้งควันเทียน ทั้งใบตอง สีธรรมชาติ นู่นนั่นนี่ ไม่ออกเงินช่วยเขาจะต้องรู้สึกผิดมากๆ


ระหว่างที่รอพอใจกลับมา เขาคิดว่าคงอีกสักพักจะมาถึง เพราะการจราจรในวันเสาร์แบบนี้มักจะติดอย่างรุนแรง เขาเลยเลือกที่จะลงไปทำคุ้กกี้รอที่ครัว เอาไปฝากเพื่อนๆกับป้าแววด้สย ก็เลยต้องทำเยอะเป็นพิเศษ


ชื่นตาเลือกเป็นคุ้กกี้ช็อกโกแลต ท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่บ้านนี้มีของทุกอย่างที่เขาต้องการ ชื่นตาค่อยๆผสมแป้งกับส่วนผสมอื่นๆเข้าด้วยกันใส่ ใส่ผงโกโก้เข้มข้นตามที่ชอบ ผสมให้เขากัน บีบลงในถาดแล้วก็เอาเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาวางข้างบน เข้าเตาอบ


ชื่นตาเอาขวดโหลคุ้กกี้มาจากคอนโดด้วย เขาไม่อยากใช้ถุงพลาสติก เลยเอาใส่โหลไปให้เพื่อน พอพวกนั้นกินหมด ก็จะเอาโหลมาคืน เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว ของบ้านป้าแววเอาใส่จานไปก็น่าจะได้


ชื่นตาจัดคุ้กกี้ใส่จานเตรียมไว้ เมื่อได้ข้อความจากพอใจว่ามาถึงบ้านแล้ว ชื่นตาก็ถือจานคุ้กกี้ไปที่บ้านตรงข้ามทันที





************************


กลับมาอัพแล้ว! หลังจากหายไปสักพักหนึ่งเป็นเพราะเรามีสอบสัมภาษณ์ค่ะ ยังไงก็ฝากทุกคนคอมเมนท์ให้กำลังใจเราด้วยนะคะ  :katai2-1:



หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--12--<15/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-05-2019 15:36:02
 :L2: :pig4:

+1

เป็นครอบครัวที่น่ารักเนาะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--12--<15/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2019 19:53:40
 :pig4: เรื่อยๆเรียงๆแต่ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--12--<15/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-05-2019 10:29:15
อือห์ เปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองกรุงบ้าง เหมือนไปเติมพลังยิ่งไปกับคนที่ชอบด้วย อิอิอิ
รับรองว่าขนมคงอร่อยสุดๆ แน่นอน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter13:23/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 23-05-2019 14:10:47
13







พอใจส่งข้อความไปบอกชื่นตาว่าเขาถึงบ้านแล้ว จากนั้นก็ช่วยแม่ยกของเข้าไปเก็บในครัว ไม่นานนักชื่นตาก็มาที่บ้านเขาพร้อมกับจานคุ้กกี้


“ป้าแววสวัสดีครับ ผมอบคุ้กกี้มาฝาก”
“ขอบใจมากนะคะคุณชื่น มาๆ ทำขนมกัน”


พอใจปล่อยให้แม่กับชื่นตาเดินเข้าห้องครัวกันไปก่อน ส่วนตัวเขาก็ขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ จึงลงมาช่วยงานในครัว


เมื่อมองเข้าไปในครัวก็พบว่าแม่ต้มกะทิให้ชื่นตาดูอยู่ ขั้นตอนนี้ก็คือการเอาหัวกะทิ หางกะทิ และน้ำตาลมาต้มรวมกัน จากนั้นในตอนที่น้ำเดือด แม่ก็หยิบใบเตยใส่ ต้มอีกนิดจนมีกลิ่นหอมออกมา จึงหยิบใบเตยออก แล้วเอาวางพักไว้


แม่ยื่นหม้อมาให้เขา พอใจจึงใส่ไข่แดงลงไป คนให้เข้ากัน แล้วแม่กับชื่นตาก็ค่อยๆช่วยกันใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวสาลีลงมา ผมจึงหยิบส่วนสุดท้ายคือผงจันทร์ป่นที่พ่อตำด้วยตัวเองและน้ำก้านดอกกรรณิการ์ที่สั่งให้ผมทำเพิ่มตั้งแต่เมื่อวาน


บ้านเราใช้สีจากธรรมชาติในการทำขนมมาโดยตลอด ตอนเด็กๆแม่ก็จะเอาผักที่มีสี หรือดอกไม้ต่างๆมาให้ผมคั้น เมื่อก่อนก็เป็นการเล่นของผม สนุกเลยล่ะ แต่จริงๆมันเป็นการใช้แรงงานเด็กของแม่น่ะ


แม่เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลืองที่ไปแอบพ่อซื้อมา แล้วก็ยื่นไม้พายให้พอใจเป็นคนกวน เนื่องจากต้องใช้แรง แม่คงยังไม่อยากเมื่อย พอใจกวนจนแป้งล่อน ไม่ติดกระทะ แล้วจึงยกลง


แม่ส่งแป้งให้ผมกับชื่นตานำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เป็นส่วนของผลจันทร์ ส่วนแม่ลุกไปเคี่ยวน้ำตาลเพื่อนำมาทำเป็นขั้วของผลจันทร์ ชื่นตาปั้นแป้งอย่างสนุกสนาน พอใจเห็นว่าทั้งมุมที่มองเห็นแม่และมองเห็นชื่นตานั้นเป็นมุมที่เขาชอบ พอใจจึงลุกไปหยิบกล้อง


“ไปไหนอ่ะ อู้เหรอ” ชื่นตาถาม
“เดี๋ยวมาครับ”


พอใจเดินกลับมาพร้อมกล้อง เล็งโฟกัสผ่านช่องมองภาพ เมื่อได้ในสิ่งที่พอใจแล้ว เขาจึงกดชัตเตอร์ ดีที่ห้องครัวนี้อยู่นอกตัวบ้านและมีแสงเข้าเยอะพอสมควร ทำให้พอใจไม่ได้กังวลว่ารูปที่กดไปจะไม่ติด เขาหันมาถ่ายชื่นตาที่มีความสุขกับการปั้นผลจันทร์ ไม่รู้ว่าปั้นยังไงถึงมีแป้งเลอะที่แก้มอย่างนั้น


พอใจวางกล้องลงแล้วยื่นมือออกไปเช็ดอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ชื่นตาน่ะตัวแข็งทื่อไปแล้ว ท่าทางแบบนั้นทำให้พอใจอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


“ฮึ่ย ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ”
“อ้าวๆ อย่าตีกัน ไหน ได้แล้วใช่ไหมลูก”


แม่เอาน้ำตาลคั่วมาหยอดให้เป็นขั้วของผลจันทร์ เมื่อจบขั้นตอนนี้ เราก็ได้เสน่ห์จันทร์อย่างที่เราต้องการ พวดเราจัดใส่จานไปกินกันคนละชิ้นสองชิ้น ที่เหลือแม่ก็เอาใส่จานให้ชื่นตาเอากลับบ้าน ใส่กล่องให้ผมเอาไว้ไปกินที่หอ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันจะถึงหอหรือเปล่า แล้วนอกเหนือจากนั้นก็แบ่งไว้ขาย


เมื่อเรากินกันเสร็จเรียบร้อย ผมก็รับหน้าที่เอาขนมไปส่งให้แม่ ส่วนใหญ่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมาก พอใจเลยกะว่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปส่งแทน แต่ก่อนจะได้ไปส่งขนม เขาต้องไปส่งชื่นตาที่บ้านก่อน


“วันนี้สนุกมากก”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ขนาดนั้นเลยย”
“หึๆ” เมื่อมีลมเย็นพัดผ่านมา กลิ่นผงจันทร์ที่ติดอยู่กับตัวของชื่นตาก็ลอยมาเตะจมูก มันหอมจนพอใจทนไม่ได้ ต้องก้มลงไปดม


“อ๊ะ! พอใจ”
“ครับ”
“ทำอะไรน่ะ” ชื่นตาเบะปาก
“ทำอะไรครับ”
“ก็หอมแก้มทำไมเล่า ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ฮ่าๆ” ชื่นตาแลบลิ้นใส่แล้วก็วิ่งเข้าบ้านไป ส่วนพอมตก็ได้แต่ยืนหัวเราะชอบใจอยู่ตรงหน้าประตู อ่า นี่ไม่ใช่ภาพที่เขาเคยคิดมาก่อนเลยแฮะ


พอใจขับรถไปส่งขนมให้แม่อย่างอารมณ์ดี พอใจดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดจนแม่ต้องทักว่าไปส่งขนมให้แม่มันมีความสุขอะไรขนาดนั้น อีกนิดแม่คงคิดว่าเขาแอบขโมยค่าขนมแล้วล่ะมั้ง








พอใจตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่เพราะเสียงฮัมเพลงระหว่างรดน้ำต้นไม้ของพ่อ เขามองลงไปจากระเบียงห้องของตัวเองและเห็นว่าพ่อของเขามีความสุขมากในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน พ่อเหมือนเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ไม่ใช่เจ้านายในบริษัทที่น่าเกรงขาม


ถึงแม้ว่าจะยังงัวเงียอยู่ แต่พอใจอยากจะเก็บช่วงเวลานี้ไว้ เขาจึงเดินโซเซไปหยิบกล้อง แล้วก็กดชัตเตอร์แบบงงๆ เอกลักษณ์อีกอย่างของกล้องฟิล์มคือเสียงชัตเตอร์ บางตัวเสียงดัง บางตัวเสียงเบา ตัวที่เขาเลือกมาวันนี้ค่อนข้างเสียงดัง คนถูกแอบถ่ายจึงรู้ตัว


“อ้าว ไอ้ลูกชายตื่นแล้วเรอะ”
“พ่อร้องเพลง ผมเลยตื่น”
“ฮ่าๆ ตื่นแล้วก็ลุกมาช่วยพ่อทำสวนมา”
“ครับบบ”


พอใจไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงมาช่วยพ่อในสวนตามที่ตกลง พ่อเขาชอบทำสวน ดอกไม้ต้นไม้ที่เลือกก็เอาที่แม่ชอบทั้งนั้น วันดีคืนดีก็เด็ดดอกไม้ในสวนมายื่นให้แม่ เหมือนคนจีบกันตลอดเวลา


“เอ้านี่ ขุดให้พ่อที หลังพ่อเริ่มมีอาการละ”
“แก่แล้วก็เพลาๆบ้างหน่าพ่อ”
“แก่เก่ออะไรกัน พ่อทำงานหนักเฉยๆหรอกน่ะ”


พอใจส่ายหัวอย่างจนใจ ที่พ่อไม่ยอมพักสักที เขาขุดตามจุดที่พ่อบอกทั้งหมดสามหลุม แล้วก็ไปช่วยพ่อยกต้นไม้มาลง กลบดินเรียบร้อยก็ถือว่าเสร็จงาน ออกกำลังกายแต่เช้าเลยวันนี้


“สองพ่อลูกน่ะไปล้างไม้ล้างมือไป กับข้าวเสร็จแล้ว”
“จ้าา” พ่อตอบรับคำแม่


อาหารเช้าวันนี้มีต้มจืดกับไข่ดาวทรงเครื่อง ของโปรดพ่อ วันนี้พอใจกะจะใช้เวลาที่บ้าน เพราะตอนเย็นก็ต้องกลับแล้ว อยู่กับพ่อแม่อีกหน่อยดีกว่า


เนื่องจากแม่รับออเดอร์ขนมไว้ พอใจเลยลงมาช่วยแม่จัดเตรียมของ เพื่อที่แม่จะได้ตื่นเช้าน้อยลงในวันพรุ่งนี้ พอใจนั่งจัดถาดจัดกล่องอะไรไปเรื่อย ทำไปทำมาก็รู้สึกเมื่อย เลยขอตัวไปยืดเส้นยืดสาย


พอใจเดินไปมาในสวน ก็เห็นว่าพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะท้ายสวน พ่อเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านแทบจะทุกแนว ตั้งแต่โรแมนติกไปจนถึงแฟนตาซี ที่บ้านเขามีหนังสือเยอะมาก


และเพราะพ่ออ่านหนังสือ พอใจคิดว่านี่มีส่วนที่ทำให้เขาชอบอ่านหนังสือฆ่าเวลา จนกระทั่งเขาเริ่มคิดวิเคราะห์ได้ ก็มีหนังสือบางส่วนที่เป็นของตัวเองบ้าง


เมื่อเริ่มสนใจในส่วนนี้จริงๆ เขาจึงคุยกับที่บ้านเพื่อเรียนต่อในด้านวรรณกรรม เมื่อพ่อกับแม่ไม่ขัด เขาก็มุ่งหน้าทางนี้ต่อ พอใจแค่อยากศึกษา อยากเรียนในสิ่งที่ชอบ พ่อไม่เคยบังคับให้เขาเรียนบริหารเพื่อมาทำงานต่อในบริษัท แต่ตัวพอใจเองก็ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากเรียนจบเขาจะรับช่วงต่อ


อาจจะต้องเสียเวลาเรียนรู้เพิ่มเยอะหน่อย แต่เขาก็อยากทำ และคิดว่ามันคงไม่หนักหนาอะไรเท่าไหร่ พอใจเดินตรงไปนั่งลงข้างๆพ่อ มองดูว่าพ่ออ่านหนังสือเรื่องอะไร ก็พบว่ามันเป็นเล่มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คงซื้อใหม่อีกแล้ว


“ว่าไง”
“ผมแค่เดินยืดเส้นยืดสายเฉยๆ”
“เออๆ เป็นไงบ้างเรียนมหาลัย มีสาวๆมาจีบไหม”
“ไม่มีหรอก”
“อะไรวะ ลูกพ่อออกจะหล่อ เอ๊ะ! หรือว่าเราชอบหนุ่มๆ” พอใจนึกไปถึงเรื่องของเขากับชื่นตา พ่อไม่เคยบังคับอะไรเลยก็จริง แต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้พ่อจะรับได้จริงหรือเปล่า


“บอกมาเลยหน่า พ่อรับได้หมดอยู่แล้ว นี่มันสมัยไหนแล้ว” พอใจไม่เคยมีความลับกับที่บ้าน เขาสนิทกับพ่อแม่เหมือนเพื่อน เขาคิดว่าถ้าจะบอกไปก็คงไม่เป็นไร


“ตอนนี้คุยกับคนหนึ่งอยู่ แต่ยังไม่แน่นอน ถ้าแน่แล้วจะบอก”
“อ้อ ผู้ชายสินะ”
“อื้อ”
“น่ารักหรือเปล่า”
“ก็…ประมาณนึง”
“ใครจะน่ารักเท่าน้องพอใจของพ่อ”
“หยุดน่ะพ่อ”
“ฮ่าๆ”


พ่อเขาชอบล้อด้วยการเรียกน้องพอใจ ตอนนั้นพ่ออยากได้ลูกสาวมาก พอออกมาเป็นผู้ชาย พ่อก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เหมือนมันจะฝังใจ แม่ก็เลยช่วยโดยการไปขอชุดกระโปรงของลูกเพื่อนแม่มา แล้วเอามาให้เขาใส่ พ่อคงชอบมากเลยถ่ายรูปไว้เต็มเลย


พอเขาโตขึ้นมาแล้วเห็นรูปพวกนั้น พ่อก็เลยชอบมาล้อเขาว่าน้องพอใจของพ่อน่ารักที่สุด ตอนเด็กๆเขาหงุดหงิดมาก แต่พอโตมาหน่อยก็ขำๆดี


“จริงๆพ่อกะจะให้แกโตมารักสวยรักงามเหมือนแม่ อยากเป็นผู้หญิงได้ยิ่งดี”
“พ่อเคยคิดจริงๆเหรอ”
“จริงสิวะ แต่เหมือนแกจะได้พ่อมาเยอะเกินไป ทั้งสูง ทั้งถึก ยิ่งโตมาความน่ารักของน้องพอใจก็หายไป พ่อเสียใจมาก”
“ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย”
“ฮ่าๆ แค่หาลูกสะใภ้น่ารักๆก็ไม่มีปัญหา”


แล้วพ่อก็ลุกหนีไป ทิ้งให้พอใจนั่งคิดอยู่คนเดียวว่าตอนเด็กๆเขาน่ารักขนาดนั้นเลยหรือไง ทำไมพ่อถึงอยากให้เขาเป็นผู้หญิง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าพ่อเขาเข้าใจยากขึ้นทุกที เลยตัดสินใจเลิกคิดดีกว่า


เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ พอใจเลยเดินไปบ้านตรงข้ามเพื่อหาอะไรทำ ป้าคนเดิมพาเขาขึ้นมาที่ห้องเดิมเหมือนตอนที่เจอชื่นตาครั้งแรก


ก็อก ก็อก


“คร้าบบบ” ได้ยินเสียงวิ่งตึงตังมาไกลๆ ก่อนเสียงนั้นจะหยุดที่หน้าประตู
“อ๊ะ! พอใจเองเหรอ”
“ครับ มาชวนไปเล่นที่สวน”
“ได้สิ หยิบของแปปหนึ่งนะ” พอใจมองตามชื่นตาที่เดินไปหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์
“ป่ะ เรียบร้อยแล้ว”
“ครับ”


เมื่อเดินมาถึงบันได พอใจก็คว้ามือชื่นตามาจับไว้ แล้วเดินลงบันไดมาพร้อมกัน พอใจไม่ได้มีสีหน้าอะไร อีกคนนี่หน้าแดงลามมาถึงหู แต่ก็ไม่ได้สะบัดมือออก ชื่นตาปล่อยให้พอใจจับมือเอาไว้อย่างนั้น มันก็อุ่นดี


ชื่นตาลงมาถึงหน้าบ้านก็เห็นว่ามีจักรยานจอดไว้หนึ่งคัน ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นจักรยานของบ้านเขาเองนี่แหละ เห็นแม่บ้านปั่นไปซื้อของที่ตลาดบ้างบางวัน


“นี่ค่ะคุณพอใจ ป้าจัดไว้ให้แล้ว อันนี้น้ำส้มนะคะ แล้วก็มีคุ้กกี้กับผลไม้ แซนด์วิชด้วยค่ะ”
“โหห อะไรเยอะแยะครับป้าพร้อม”
“คุณพอใจบอกจะมาชวนคุณชื่นไปปิกนิกนี่คะ ป้าเลยจัดเต็มให้เลย”
“ขอบคุณนะครับที่ให้ยืมจักรยาน อาหารด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”


เมื่อชื่นตานั่งลงบนจักรยานเรียบร้อยดีแล้ว ป้าพร้อมก็ส่งตะกร้าหวายที่บรรจุอาหารและเครื่องดื่มต่างๆมาอัดแน่นให้กับชื่นตาถือ เธอกำชับให้พอใจปั่นช้าๆ และให้ชื่นตาถือดีๆ ทั้งคู่รับคำแล้วพอใจก็ค่อยๆปั่นออกไป


ป้าพร้อมยืนมองคุณหนูของบ้านนั่งซ้อนท้ายจักรยานออกไปด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม ในที่สุดก็มีน้องชายให้เจ้าตัวเล่นด้วยเสียที งอแงมาตั้งแต่เด็กๆว่าอยากเป็นพี่ชื่น


“เด็กสมัยนี้น่ารักจังน้า จับมือกันเดินด้วย”


ป้าพร้อมเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม แค่เห็นคุณหนูของเธอมีความสุขและตื่นเต้นทุกครั้งที่พอใจมาชวนทำนั่นทำนี่ เธอก็รู้สึกดีมากๆแล้ว หวังว่าทั้งคู่จะสนิทกันมากขึ้นอีกนะ




หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--13--<23/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2019 15:09:56
 o13
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--13--<23/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-05-2019 15:48:14
55 คุณพ่อเป็นคนตลก :m20:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--13--<23/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-05-2019 20:46:30
อีกหน่อยทั้งคู่คงสนิทตัวติดกันแน่นอนจ้าา ป้าชื่น
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--13--<23/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-05-2019 21:03:43
น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter14:29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 29-05-2019 15:37:23
14






ชื่นตาจัดการปูเสื่อแล้วค่อยๆหยิบของออกจากตระกร้าหวายที่ป้าพร้อมเตรียมให้ วางเครื่องดื่มและอาหารต่างๆอย่างสวยงาม ในขณะที่พอใจก็ช่วยเก็บของที่ไม่ได้ใช้ไว้ในถุงอย่างเรียบร้อย ชื่นตามองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขยะจากพวกเขาปลิวไปที่อื่น
ชื่นตากับพอใจนั่งปิกนิกอยู่ใต้ร่มไม้ในสวนสาธารณะ นี่เหมือนฉากที่เห็นในภาพยนตร์ ชื่นตาคิดอยู่ในใจพลางหยิบคุ้กกี้ที่ตัวเองทำขึ้นมากิน


“วันนี้ลมเย็นเนอะ”
“ครับ กำลังสบายเลย”
“เดี๋ยวตอนเย็นก็ต้องกลับแล้วสินะ”


ทั้งคู่ดื่มด่ำกับอาหารและลมเย็นๆที่พัดมา ชื่นตารู้สึกดีมากๆกับช่วงเวลานี้ ถึงแม้มันจะเงียบ แต่ไม่มีความอึดอัดใดๆเกิดขึ้น ก่อนที่ชื่นตาจะทำลายความเงียบด้วยการเปิดเพลง


รอยยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว
ทำฉันให้ลืมเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา
ทำให้ได้รู้ว่า อะไรที่สำคัญกว่า
สิ่งใดจะมาทดแทน



นั่นเป็นครั้งแรกที่ชื่นตาได่ยินเสียงพอใจร้องเพลง เขาหันไแมองอย่างสนอกสนใจ โดยที่พอใจไม่ได้รู้สึกตัว อาจจะรู้สึก แค่ทำตัวให้เป็นปกติ ชื่นตาคิดเช่นนั้น เขาก็เลยร้องออกมาด้วย


ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน
เพียงชั่วคราวหากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดายเท่าเดิม
ฉันเพียงอยากขอเก็บรอยยิ้มนี้ก่อน
รู้ว่ามีความหมายบางอย่าง
ขอแค่เราได้นึกถึงเวลานี้



และเมื่อพอใจหันมาสบตา ชื่นตาก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้บางๆเหมือนที่เคยยิ้ม ทั้งคู่หัวเราะให้แก่กันและผลัดกันเล่าเรื่ิองราวในช่วงชีวิตที่ผ่านมา นับเป็นการทำความรู้จักกันไปอีกขั้น


Rrrrrr ‘แม่’


“สวัสดีครับแม่” พอใจสนใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าแม่ของชื่นตาโทรมา
[ว่าไงครับลูก เรียนเป็นไงบ้าง]
“ก็หนักบ้าง เบาบ้างครับ แม่ล่ะ สบายดีไหม”
[สบายดีจ้า คุณพ่อเขาบ่นคิดถึงเราด้วยนะ]
“ชื่นก็คิดถึงพ่อ เดี๋ยวสงกรานต์ชื่นไปหานะ”
[จ้า แม่แค่โทรมาถามไถ่เฉยๆ เพื่อนเราจะมาด้วยไหม แพลนกับคิงน่ะ] ชื่นตาฉุกคิดเล็กน้อย


“เดี๋ยวลองชวนดู แม่ครับ ชื่นชวนไปเพิ่มได้ไหม”
[เพื่อนๆลูกน่ะเหรอ ได้สิ มีเพื่อนเยอะๆดีจะตาย]
“โอเคครับ”
[จ้าา รักลูกนะ]
“รักแม่เหมือนกันครับ”


ตั้งแต่มีคิงกับแพลนเป็นเพื่อน สองคนนี้มักจะขอให้ชื่นตาพาไปที่บ้านด้วย เมื่อลองพาไปหนึ่งครั้ง ก็พบว่าทั้งคู่เข้ากับคนที่บ้านเขาได้เป็นอย่างดี และตอนนี้ชื่นตาก็มีคนที่สนิทเพิ่มขึ้นมาแล้ว เขาคิดว่าการจะชวนพอใจกับเพื่อนๆไปด้วยคงไม่ได้เสียหายอะไร


“จะกลับบ้านช่วงสงกรานต์เหรอครับ”
“อื้อ แม่ให้ชวนเพื่อนๆไปด้วย พอใจไปกับเรานะ”
“ผมขอถามแม่ก่อนว่าจะไปไหนหรือเปล่า”
“ได้เลยย ชวนป้าแววไปด้วยก็ดีนะ”
“เขาอาจจะอยากสวีทอยู่บ้านกันสองคน”
“ฮ่าๆๆ”


เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น พอใจก็ชวนชื่นตากลับ ทั้งคู่ช่วยกันเก็บของลงในตะกร้า มองไปรอบๆเพื่อสำรวจว่าเก็บครบแล้วหรือยัง เมื่อเรียบร้อยดี จึงปั่นจักรยานกลับไปที่บ้านรัตนพิบูลย์


“เดี๋ยวสักบ่ายสามเรากลับกันนะครับ ช่วงสี่โมงรถคงติดมาก”
“ก็จริงนะ พอใจเสร็จแล้วทักมานะ”


เมื่อตกลงเวลากลับกันเรียบร้อย ชื่นตาก็เข้าไปช่วยป้าพร้อมล้างกล่องที่ใส่อาหารเมื่อกี้นี้ พูดคุยกันนิดหน่อย แล้วก็โดนป้าพร้อมไล่ให้ไปเก็บของเตรียมตัวกลับคอนโด


ชื่นตาหยิบหูฟังกับสายชาร์ตโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเป็นอย่างสุดท้าย ทุกอย่างครบแล้ว เขาจึงเอนตัวลงบนเตียงแล้วหยิบมือถือขึ่นมาเล่น


R’: ชื่นทำอะไรอยู่


ชื่นตามองข้อความที่เด้งขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย


Chuenta: เก็บของครับ
R’:จะกลับจากบ้านแล้วเหรอ
Chuenta:ครับ
R’:งั้นตอนเย็นก็ไปดินเนอร์กับพี่ได้สิ
Chuenta: ขอบายครับ ชื่นอยากนอน
R’: ซื้อไปกินที่ห้องชื่นก็ได้ ขื่นจะได้รีบนอน
Chuenta: ไม่เป็นไรครับ ชื่นคงกินพร้อมพอใจ


ชื่นตาตัดบทแล้วกดออกจากแอพพลิเคชัน เจขาเบื่อที่จะต้องคอยมาตอบโรมอยู่อย่างนี้ ชื่นตาเคยไม่ตอบ แล้วโรมก็มาวอแวที่คณะอยู่เรื่ิอยๆ ตามจนเขารำคาญหนักกว่าเดิม ก็เลยตอบๆไป


ชื่นตาไม่รู้จะทำยังไงกับโรมดี เขาเลี่ยงมาทุกทางแล้ว หนีก็แล้ว พูดตรงๆก็แล้ว โรมก็ยังหน้าด้านหน้าทนตามตื๊อเขาอยู่ ชื่นตาได้แต่อยู่เฉยๆคอยรับมือหน้าสถานการณ์ เขารู้สึกว่าชีวิตเขาโดนคุกคาม แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้สักที


ก็อก ก็อก


“ชื่นลูก พอใจมาแล้วจ้ะ” ชื่นตาหยิบกระเป๋าเดินออกไปทันทีที่ป้ามาเคาะประตูห้อง
“ฝากชื่นด้วยนะจ๊ะพอใจ”
“ครับ ไม่ต้องห่วงครับ”
“มีปัญหาอะไรก็โทรมานะลูก”
“ครับป้าชม เดี๋ยวชื่นมาใหม่น้า”


ชื่นตากอดลาป้าแล้วขึ้นรถไปพร้อมกับพอใจ เขาอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้พูดคุยกับป้าชม แต่ก็ใช่ว่ามันจะหายไปซะหมด ทำให้ยังมีความขุ่นเคืองโผล่มาให้เห็นบนใบหน้า


“เป็นอะไรครับ”
“หือ?”
“หน้าบูด” พอใจยื่นมือมาบีบแก้มชื่นตา ใช้มือแค่ข้างเดียวก็สามารถจับได้ทั้งหน้าแล้ว


“ฮื่อ เมื่อกี้คุยกับพี่โรม”
“เขาทักมาเหรอครับ”
“ใช่ ทำยังไงเขาถึงจะหายไปสักที”
“ให้ผมพูดให้ไหม”
“ยังไงเหรอ” ชื่นตาทำหน้าสงสัย
“ไม่บอก คอยดูเอาเลย”


ชื่นตาเบะปากให้กับความมั่นใจของพอใจ ถ้าพอใจทำได้ เขาจะดีใจและรู้สึกขอบคุณพอใยมากๆ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่พอใจพยายามเพื่อเขามันก็ดีมากอยู่แล้ว


“กินข้าวร้านนี้กันก่อนเถอะ”


ชื่นตาชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ฝั่งซ้ายของถนน พอใจมองหาที่จอดรถแล้วก็ขับไปจอดทันทีตามความอยากของชื่นตา


“อิระไชมาเสะ!”


เสียงคำกล่าวต้อนรับดังขึ้นมาในตอนที่เราเปิดประตู สร้างความรู้สึกตกใจให้กับชื่นตาเพราะเขาพูดเสียงดังมาก พอใจที่เดินข้างหลังมองเห็นก็ขำ ชื่นตาก็ได้แต่มองค้อน มันตกใจจริงๆนี่


“เอาอันนี้2ที่ครับ”
“รอสักครู่นะครับ”


ชื่นตามองปริบๆร้านเพื่อสำรวจบรรยากาศ ที่นี่คงเพิ่งเปิดใหม่เพราะดูเหมือนจะยังตกแต่งไม่เสร็จดีนัก แต่ก็ถือว่าไม่เลว บรรยากาศดูอบอุ่นใช้ได้เลย


“ขอโทรศัพท์หน่อยครับ” พอใจยื่นมือมาตรงหน้า
“ทำไมเหรอ”
“เปิดไลน์เขามาด้วย” ชื่นตาพอจะรู้แล้วว่าพอใจต้องการจะทำอะไร ก็เลยเปิดหน้าห้องแชทของโรมแล้วส่งมห้พอใจแต่โดยดี พอใจกดๆอยู่ไม่กี่ครั้งก็ยื่นโทรศัพท์คืนมา


“เร็วจัง ทำอะไรอ่ะ”
“บล็อกครับ แล้วก็อย่าไปสนใจ”
“อื้อๆ” เขาไม่เคยบล็อกโรมเลยเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาตามวุ่นวายเขาทุกวัน
“ทีนี้ก็พยายามอย่าอยู่คนเดียวนะครับ”
“ได้! เราจะอยู่กับคิงแล้วก็แพลนตลอดเลย” ชื่นตารับคำอย่างมุ่งมั่น
“ลืมอะไรหรือเปล่าครับ”
“หือ?”
“แล้วเวลาของผมล่ะ ถ้าอยู่กับสองคนนั้นตลอด แล้วผมล่ะครับ”


ชื่นตาไม่ได้ตอบคำถามของพอใจเพราะอาหารมาเสิร์ฟ เขาจึงทำเฉไฉไม่รับรู้ถึงคำถามนั้นืปล่อยให้พอใจหัวเราะกับท่าทางของเขา ยังไงเขาก็ต้องมีเวลาให้พอใจอยู่แล้วน่ะ ไม่เห็นจะต้องถามให้เขินเลยนี่








พวกเขากลับมาถึงคอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เพราะหลังจากตัดสินใจกินข้าวเย็นในเวลาสี่โมง เมื่อกินเสร็จ ก็พบกับรถมากมายของมนุษย์ที่เพิ่งเลิกงานและทุกคนกำลังตรงกลับบ้านในทางเดียวกัน เราสองคนติดแหง็กอยู่บนถนนนานสองนาน


เนื่องจากการนั่งรถกลับมากินเวลาไปนาน มันจึงกินพลังงานชีวิตของพวกเขาเข้าไปด้วย ต่างคนเลยต่างแยกย้ายกันกลับห้อง มีเพียงแค่การโบกมือเท่านั้นที่เป็นคำกล่าวลา


ชื่นตาหลับทันทีหลังจากอาบน้ำเสร็จ คงเพราะหลับเร็วเกินไป ทำให้ตื่นมาในตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างแบบนี้ แต่เมื่อนอนมาพอแล้ว ร่างกายจึงไม่สามารถนอนต่อได้อีก เขาจึงลุกมาออกกำลังกาย


การออกกำลังกายของชื่นตาไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก เขาเอาแต่กินแล้วก็กินอย่างเดียว แต่เมื่อมีเวลาเขาก็ควรจะออกสักหน่อยล่ะนะ ชื่นตามีลู่วิ่งอยู่ในห้อง แม่ซื้อมาไว้ตอนที่ย้ายมาใหม่ๆ ถึงข้างล่างจะมีฟิตเนส แต่เขาไม่ชอบลงไป


ชื่นตาเริ่มจากการเดินเร็วแล้วค่อยๆเปลี่ยนไปวิ่งในระดับความเร็วที่ตัวเขาไม่เหนื่อยจนเกินไป ชื่นตาวิ่งได้สักครึ่งชั่วโมง พระอาทิตย์ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นพ้นขอบฟ้า กลายเป็นการวิ่งชมพระอาทิตย์ไปซะนี่ และเมื่อร่างกายร้องบอกว่าเหนื่อยแล้ว ชื่นตาจึงค่อยๆลดระดับลงมาจนกระทั่งหยุดวิ่ง


เพราะไม่ได้ออกกำลังกายมานาน เขาจึงเหนื่อยมากกว่าช่วงที่วิ่งบ่อยๆ แต่ก็ยังดีที่วิ่งได้นานโดยไม่หมดแรงไปซะก่อน ชื่นตายืดกล้ามเนื้อเป็นการปิดท้ายก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป


วันนี้เขาไม่ต้องรีบเร่งไปเรียนเพราะตื่นมาในเวลาเช้ามากๆ และเช้าๆแบบนี้ร้านโจ๊กก็ทยอยเปิดกันแล้ว ชื่นตาจึงลงมาเพื่อกินโจ๊กร้านที่อยู่ใกล้ๆคอนโด


“ใส่ไข่ ไม่ใส่เครื่องในครับ”


โจ๊กร้อนๆมันช่างเข้ากับบรรยากาศตอนเช้าเหลือเกิน และเพราะวันนี้เขาออกกำลังกายมา ทำให้เขาต้องสั่งเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยใหญ่ๆ ชื่นตากลัวตัวเองจะหิวระหว่างเรียน


“เอาพิเศษใส่ถุงด้วยครับ”
“ใส่ทุกอย่างไหมลูก”
“ทุกอย่างเลยครับ”


อย่าเข้าใจผิดว่าถุงนี้ชื่นตาก็ซื้อมากินเอง เขาซื้อไปฝากพอใจที่คงจะยังไม่ตื่นต่างหากเล่า ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย โจ๊กที่ร้านคุณลุงก็คงจะหมด ชื่นตาเดินมาอีกหน่อยก็เจอร้านขายน้ำเต้าหู้เจ้าประจำของเขา


“เอาเหมือนเดิม2ถุงครับ”
“อ่ะนี่ เหมือนเดิม ตื่นเช้าจังวันนี้”
“เมื่อคืนผมนอนตั้งแต่2ทุ่มแหนะ”


ชื่นตาคุยกับคุณลุงที่ขายน้ำเต้าอยู่ได้แปปนึง น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลที่เขาชอบก็มาอยู่ในมือแล้ว ชื่นตาเจาะถึงของตัวเองกินในระหว่างที่เดินกลับคอนโด


ตอนแรกชื่นตากะว่าจะเอามาห้อยไว้หน้าห้องเหมือนเคย แต่เขากลัวว่ามันเย็นแล้วจะไม่อร่อย ก็เลยกดกริ่งรอให้พอใจออกมาเอา แต่ก็ไม่มีใครออกมา ชื่นตาเลยตัดสินใจโทรไปหาเลยดีกว่า


[อื้ออ ครับ]
“ยังนอนอยู่ใช่ไหม”
[ครับ พี่ชื่นมีอะไรหรือเปล่า]
“เราซื้อโจ๊กมาให้ กลัวมันจะเย็นแล้วไม่อร่อย เราแขวนไว้ก็ได้นะ”
[รอแปปนึงครับ]


พอใจพูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป ชื่นตายืนงงอยู่จนกระทั่งประตูห้องเปิดออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพอใจในสภาพของคนที่เพิ่งตื่นนอน เมื่อมองไล่ลงมาจากใบหน้า ชื่นตาก็ตกใจนิดหน่อย เพราะพอใจไม่ได้ใส่เสื้อ


“เข้ามาก่อนครับ”


ชื่นตาเดินตามพอใจเข้ามา เขาพยายามเอาสายตาไปไว้ที่อื่น ไม่อยากไปมองหุ่นของพอใจ แต่มันอยู่ตรงระดับสายตาเขาพอดี
ทำให้ต้องเชิดคอเอาไว้


“ทำท่าแปลกๆนะครับ”
“แปลกตรงไหน”
“พี่ดูหน้าเชิดแปลกๆ”
“ไม่เห็นเชิดเลย” ชื่นตาพยายามปรับสายตาให้ลงมาเท่าเดิม แต่ตามันก็เห็นหน้าท้องของพอใจอยู่ดี เขาเลยเสตาไปมองทางอื่นแทน


“อ๋อ ผมรู้แล้ว”
“อะไร”
“พี่แอบมองหุ่นผมนี่เอง”
“เราเปล่า!”
“แน่ใจนะครับ” พอใจยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้ชื่นตาชะงัก แต่ก็หลบไปไหนไม่ได้ เพราะติดกับพนักเก้าอี้อยู่


พอใจยื่นหน้ามาจนจมูกชิดกัน ชื่นตาที่ไม่รู้จะมองตรงไหนหรือทำหน้ายังไงก็เลยได้แต่หลับตาปี๋ ขอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว สมองเขาหยุดทำงานแล้ว


“หึๆ” ชื่นตาลืมตาขึ้นมาหนึ่งข้างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ พอใจขยับตัวออกไปนั่งที่เดิมแล้ว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ได้เตรียมใจมาสำหรับเรื่องนี้สักหน่อย


“แกล้งเรานี่”
“หรือไม่อยากให้แกล้งล่ะครับ” ชื่นตาเห็นสายตาวิบวับของพอใจก็อดจะมองค้อนไม่ได้ ไม่แกล้งในความหมายของพอใจคือทำจริงๆน่ะสิ เหอะ เขารู้ทันหรอก







รอยยิ้ม - สครับ





หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--14--<29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-05-2019 16:04:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--14--<29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 29-05-2019 16:40:27
น่ารักจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--14--<29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2019 17:00:38
หวานอีกละ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--14--<29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-05-2019 22:44:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--14--<29/5/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2019 14:21:37
เรื่องน่ารักมาก  :mew1:
ชื่อพระเอก นายเอกก็ชอบบบบ  พอใจ  ชื่นตา   :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
ปอกเปลือกผลไม้  ------- ปอกกล้วย / ปอกเปลือกไข่
ปลอก ----ปลอกมีด / ปลอกกระสุน
คิงหันไปเห็นว่ากลุ่มของชื่นตากำลังลงบันไดมาทางนี้พอดี ตอนที่ ๐๘ 
ชื่นตา   น่าจะเป็นพอใจนะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter15:5/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 05-06-2019 16:11:08
15







หลังจากจัดการมื้อเช้ากับชื่นตาเรียบร้อย พอใจก็ขอตัวไปอาบน้ำ โดยให้ชื่นตาไปเอากระเป๋าที่ห้องมานั่งรอที่นี่ วันนี้พอใจจะเป็นคนไปส่งชื่นตาเอง แต่ก่อนไปพอใจขอให้ชื่นตาวางโทรศัพท์ไว้ให้ที่ห้องเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง


ชื่นตารู้ว่าพอใจกำลังจะทำอะไร เขาเลยไม่รู้สึกว่านี่คือการยุ่งวุ่นวายกับของส่วนตัวของเขา ชื่นตาปล่อยให้พอใจจัดการไป แล้วตัวเองก็ขึ้นไปชั้นแปดเพื่อหยิบกระเป๋า


พอใจปลดบล็อกโรม แล้วข้อความจำนวนมากจากฝ่ายนั้นก็เด้งขึ้นมา พอใจค่อยๆอ่านทีละข้อความ เมื่ออ่านจนหมด พอใจพบว่าตัวเองหงุดหงิดกับข้อความน่ารำคาญของโรม นึกสงสารชื่นตาที่ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่เป็นปีๆ


R’: ทำไมชื่นไม่ตอบพี่
R’: คิดว่าแค่นี้พี่จะหยุดเหรอ


นี่เป็นข้อความที่โรมส่งมาตั้งแต่เมื่อวาน พอใจคิดคำพูดในหัว พยายามเรียบเรียงให้เหมือนภาษาของชื่นตามากที่สุด ก่อนจะส่งข้อความกลับไป


Chuenta: พี่โรมครับ วันนี้มาเจอกันหน่อยได้ไหม


พอใจวางโทรศัพท์ทิ้งไว้แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำเขาก็เห็นชื่นตานั่งอยู่แล้ว พอใจแต่งตัวไม่นานนักก็พร้อมจะออกจากห้อง


“พี่โรมตอบมาแล้ว พอใจจะออกไปเจอเขาเหรอ”
“ครับ ผมต้องทำให้มันจบ”
“ขอบคุณนะ”
“ครับ งั้นวันนี้ พี่ชื่นเอานี่ไปใช้”


พอใจยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้กับชื่นตา แล้วก็ขอโทรศัพท์ของชื่นตาเอาไว้ พูดง่ายๆก็คือการแลกกันใช้นั่นแหละ เดี๋ยวต่อจากนี้พอใจจะจัดการเอง


“ตั้งใจเรียนนะครับ”
“อื้อ เจอกันนะ”


พอใจยิ้มรับแล้วมองจนชื่นตาขึ้นตึกไป เขาจึงขับรถไปที่ร้านที่ตัวเองนัดโรมไว้ เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่พูดจารู้เรื่องอยู่บ้าง เขาไม่อยากจะต้องทำอะไรให้มากความ


พอใจมาถึงที่ร้านก่อน แต่เขายังไม่เข้าไปในร้าน เขาไม่อยากให้โรมสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ในร้าน จึงนั่งรออยู่บนรถ เมื่อโรมเดินเข้าร้านไปได้ประมาณห้านาที พอใจจึงเดินตามเข้าไป


“สวัสดีครับ” พอใจเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามโรมแล้วนั่งลง
“มึง! แล้วชื่น... ไอ้สัด มึงหลอกกู”
“ครับ ผมหลอกพี่ ทีนี้เรามาคุยกันดีกว่าครับ” พอใจมองออกว่าโรมไม่พอใจเขาอย่างมาก แต่ดูอดทนอดกลั้นมากกว่าทุกครั้งที่แล้วมา มันก็แปลกอยู่หน่อยๆ


“พี่รู้ใช่ไหมว่าผมมาคุยเรื่องอะไร”
“กูไม่ได้โง่”
“ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ แต่เอาเถอะ ผมแค่อยากมาบอกให้พี่เลิกวุ่นวายได้แล้ว”
“ยังไม่ได้คบกัน กูก็มีสิทธิ์” โรมเสียงแข็งขึ้นมา
“พี่มีสิทธิ์ที่จะชอบ แต่ไม่มีสิทธิ์คุกคามชีวิตคนอื่นครับ ความชอบของพี่มันสร้างความรำคาญให้เขา ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ” โรมนิ่งไป พอใจไม่เว้นช่องให้โรมได้พูด เขาพูดต่อทันที


“พี่จะชอบเขาก็ได้ แต่อย่าสร้างความลำบากในชีวิตให้เขา”
“มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย มึงเพิ่งเจอชื่น กูเจอเขามาก่อนเป็นปีๆ!”
“พี่เจอเขามาเป็นปี แต่คนที่เขาให้ใจคือผม อย่างน้อยผมว่าผมก็รู้ดีกว่าพี่นะ ผมหวังว่าพี่จะพูดจารู้เรื่อง ผมไม่ทำอะไร ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่ทำ”
“มึงจะทำอะไรกูได้”
“ทำอะไรก็ได้ให้พี่ออกไปจากชีวิตเขา มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก”


พอใจหงุดหงิดมากแต่เขาก็สามารถซ่อนมันไว้ภายในใบหน้าที่เรียบเฉยนี้ได้ มันเป็นหนึ่งในความสามารถที่เขาได้รับมาจากพ่อ การปกปิดอารมณ์ แต่ก็แสดงความน่าเกรงขามออกมาผ่านสายตาและสีหน้า พอใจหวังว่าโรมจะเข้าใจที่เขาพูด


โรมลุกขึ้นและเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป พอใจไม่รู้ว่าโรมจะหยุดการกระทำของตัวเองหรือไม่ แต่หลังจากนี้พอใจจะไม่ปล่อยอะไรเอาไว้แล้ว เพราะเราทั้งคู่เริ่มเดินออกมาไกล เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องน่ารำคาญในความสัมพันธ์ พอใจคิดว่าเขาจัดการได้ แค่อ่าจจะต้องยืมมือใครสักคนเท่านั้น เขามีตัวแปรสำคัญในการกำจัดโรมออกไป


หลังจากระงับอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว พอใจก็ตัดสินใจกินอาหารเที่ยงในร้านนั้นเลย แล้วจึงกลับไปที่มหาวิทยาลัยอีกทีเพื่อเข้าคลาสตอนบ่าย


“ตอนเช้ามึงไปไหนมาวะ ทำไมไม่เข้า” มังกรถามเพราะพอใจไม่เคยขาดเลย เขามาเรียนทุกคาบ
“กำจัดแมลง”
“ห๊ะ? ห้องมึงมีแมลงเหรอ ตัวอะไรวะ”
“แมลงสาป”
“อี๋ กูไม่ถูกกับแมลงสาป มันไปยังวะ”
“ไม่รู้”
“มึงรีบฆ่ามันเลยนะ พูดแล้วขนลุก” มังกรทำสีหน้าขนลุกขนพอง
“อ่าห๊ะ กูไม่ปล่อยให้มันอยู่นานหรอก” มังกรยกนิ้วให้เป็นการบิกว่าความคิดของเขาถูกต้อง แล้วก็หันไปเมาท์กับโมกข์เรื่องแมลงสาป คงจะมีว่านคนเดียวล่ะมั้งที่เข้าใจเรื่องที่เขาพูด


“ไปคุยแล้ว?”
“อือ”
“เขาว่าไง”
“ดูไม่พอใจ ไม่รู้สิ”
“อืม เดี๋ยวช่วยดู”
“ช่วยดูไรกันวะ แมลงสาปเหรอ ให้กูช่วยป่ะ” โมกข์เข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนา
“มึงแน่ใจนะโมกข์ว่าจะช่วยพวกกูไล่แมลงสาป” ว่านถามขึ้น
“ไม่เอาดีกว่า กูกลัวมันบิน” แล้วว่านก็หลุดหัวเราะออกมาให้กับประโยคนั้น








พอใจเลิกคลาสหลังจากชื่นตาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เจ้าตัวก็ยืนยันที่จะนั่งรอ ทำให้พอใจรีบเก็บของแล้วลงใต้ตึกคณะ เขาไม่อยากให้ชื่นตารอนานนัก ยิ่งอยู่เดียวด้วย


“พอใจจจ” เมื่อเดินพ้นบันไดลงมาชื่นตาก็วิ่งเข้าใส่เขาทันที ดีที่พอใจยังมีสติจับไว้ได้ ไม่งั้นคงล้มกันไปทั้งคู่
“วิ่งทำไมครับ เดี๋ยวก็ล้ม”
“เราคิดถึง” ชื่นตาพูดทั้งๆที่เอาหน้ามุดอยู่กับไหล่เขา พอใจว่าชื่นตาคงต้องถูกใครพูดอะไรมาแน่ๆ ไม่มีทางที่เจ้าตัวจะพูดออกมาก่อนหรอก ก็คุณคนนี้เขาขี้เขินจะตาย


“อะไรนะครับ”
“ไม่พูดแล่ว!”
“ไม่พูดก็ไม่พูด แต่เราจะยืนกอดกันตรงนี้เหรอครับ”
“อ๊ะ!” ชื่นตาที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนก็ขยับตัวออกอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ช้าไป เพราะเพื่อนๆของเขาที่เดินมาข้างหลังเห็นหมดแล้ว พวกมันคงถ่ายไว้ด้วยมั้ง เห็นโมกข์มันถือโทรศัพท์อยู่


“เกรงใจคนโสดนิดนะครับคุณชื่น”
“เราก็โสด!”
“โสดแต่ไม่สนิทนี่คร้าบบบ”
“มังกรหยุดพูดเลย!”
“ว้าย น่ากลัว” ไอ้มังกรทำท่าล้อเลียนจนเพื่อนคนอื่นหัวเราะออกมา ชื่นตาก็ไม่ได้ดูซีเรียสอะไร แถมยังหัวเราะไปกับเขาด้วย เขาล้อเรานะ ลืมหรือเปล่า


“แล้วสรุปว่ามีอะไรครับ ทำไมวิ่งมาแบบนั้น”
“ก็คิงมันบอกว่าต้องประกาศตัว ให้คนรู้เยอะๆ พี่โรมจะได้หายไป”


พอใจยิ้มขำด้วยความเอ็นดู นี่คือการประกาศตัวของชื่นตาสินะ ดูเหมือนว่าจะได้ผลประมาณหนึ่ง เพราะคนที่อยู่ใต้ตึกคณะหันมาสนใจกันแทบทุกคน อย่างน้อยพวกเขาก็อาจจะเป็นหูเป็นตาให้ได้บ้าง ถูกซุบซิบนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพอใจ


“แล้ววันนี้จะไปเดตไหนกันเหรอคะ”
“ไม่มีแพลนอ่ะ กลับคอนโด”
“อะไรอ่ะ ไม่โรแมนติกเลย” โมกข์ทำหน้าบูด
“เอ้อ เอางี้สิ กูได้บัตรฟรีที่โรมแรมนี้มา2ใบ เอาไปๆๆๆ” โมกข์ส่งบัตรบุฟเฟ่ต์โรมแรมดังมาให้พวกเรา2ใบ


“เฮ้ย! ทำไมโมกข์ไม่ใช้ล่ะ”
“โมกข์ไปมาแล้วว พอดีเพื่อนก็ได้เหมือนกัน” เมื่อโดนยัดเยียดโดยไม่สนความเกรงใจของพวกเราเลยสักนิด ทำให้ชื่นตาต้องรับมา แต่มันก็น่าสนใจไม่น้อย โรมแรมนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับอาหารทะเลมากอยู่แล้วด้วย


“งั้นเรากลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดกันก่อนไหมครับ แล้วค่อยไป”
“ได้ๆ ใส่ชุดนี้มันก็แปลกๆเนอะ” พวกเราไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษานะครับ พอใจใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน ชื่นตาก็ใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสามส่วนเช่นกัน เมื่อต้องไปกินข้าวที่โรมแรม ก็เลยเห็นตรงกันว่าไม่เหมาะ


พวกเขาแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาเจอกันที่ล็อบบี้ในเวลาห้าโมงครึ่ง พอใจมองสำรวจชื่นตาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาดูแปลกตาไปนิดหน่อย


“มันแปลกไหม”
“ไม่ได้ดูแปลก แค่แปลกตาครับ”
“ป้าชมซื้อให้เรา บอกให้เอาไว้ใส่ไปงาน จริงๆมันมีตัวนอก แต่แค่ไปกินข้าวใส่แค่นี้ก็พอเนอะ”
“ครับ พอแล้วล่ะ”


ชื่นตาใส่เชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็คสีขาว ที่มันดูแปลกตาเพราะเขาไม่ค่อยเห็นชื่นตาใส่กางเกงขายาวเท่าไหร่นัก เขาชอบใส่กางเกงขาสามส่วนหรือไม่ก็เป็นยาวแบบกางเกงยีนส์ไปเลยมากกว่า


“เราก็ไม่เคยเห็นพอใจแต่งตัวแบบนี้เหมือนกันน”
“อ่า ผมก็ไม่ค่อยได้ใส่”


และชุดของพอใจในวันนี้เป็นเสื้อแขนยาวสีขาว กับกางเกงทรงตรงสีเบจ กางเกงตัวนี้เขาซื้ิอมาได้ปีหนึ่งแล้วล่ะมั้ง แต่ไม่เคยได้ใส่เลย เพราะปิดเทอมก็อยู่แต่บ้าน


พวกเราใช้เวลาขับรถมาเกือบหนึ่งชั่วโมง มาถึงโรงแรมก็หกโมงกว่าๆ เมื่อยื่นบัตรที่ได้มาให้พนักงาน เขาก็พามาชั้นสุดท้ายของโรงแรม


“คุณลูกค้าอยากนั่งข้างในหรือตรงระเบียงดีครับ” พอใจหันไปมองชื่นตา เป็นเชิงว่าให้เลือกได้เลย
“ระเบียงครับ”


ระเบียงของโรมแรมนี้สามารถมองเห็นวิวได้ทั่วกรุงเทพ เวลานี้ฟ้ามืดแล้ว เราก็สามารถมองเห็นความคึกครื้นผ่านทางแสงไฟต่างๆที่มีอยู่รอบเมือง


“ตามบัตรที่ลูกค้าได้ไปจะมีอาหารเป็นเซ็ตอยู่แล้วนะครับ นี่เป็นเมนูเพิ่มเติม ถ้าลูกค้าอยากสั่งเพิ่ม ทางเราก็สามารถทำให้ได้ จะบวกค่าใช้จ่ายตามเมนูครับ”
“โอเคครับ”


พอใจไม่คิดว่าพวกเราต้องสั่งเพิ่ม เพราะรายการอาหารที่ไล่มาก่อนหน้านั้นก็น่าจะทำให้อิ่มอยู่แล้ว เขาเลยมองเมนูแค่ผ่านๆเท่านั้น เมื่อมองความสวยงามของทัศนียภาพตรงหน้าแล้ว พอใจก็ตัดสินใจยกมือถือขึ้นมาถ่าย เริ่มจากการถ่ายวิว แล้วค่อยๆเลื่อนลงมาถ่ายคนที่มาดินเนอร์ด้วยกันวันนี้


“ลูกค้าอยากจะรับเป็นแชมเปญหรือไวน์ครับ”
“แชมเปญครับ”


ชื่นตาเป็นคนตอบ เดาว่ารายนั้นคงถนัดทางนี้มากกว่า ส่วนพอใจก็ไม่ใช่สายแอลกอฮอล์อะไร เขาแค่ดื่มได้ เพราะพ่อพาดื่มแค่นั้น


“เราหิวมากเลย”
“เดี๋ยวอาหารก็มาแล้วครับ”
“อื้อ เราอยากลองมานานแล้ว ที่เป็นลอบสเตอร์อ่ะ สีมันสวยดี”
“ผมว่าเมนูของหวานก็ดูดี”
“พอใจเคยไปงานกับคุณลุงไหม เราเคยเห็นคุณลุงออกทีวีด้วย”
“เคยครับ แต่ไม่บ่อย ผมไม่ชอบ”
“นั่นสินะ เวลาเราออกงานกับแม่เราก็ไม่ชอบเหมือนกัน”


พอใจเคยไปงานสังคมกับพ่ออยู่บ้าง แต่ไม่ได้ชอบเท่าไหร่นัก พ่อก็ไม่ได้บังคับเขา แค่มาชวน จะไปหรือไม่ไปก็ได้ เขาก็เลือกไปบางงาน เพราะยังไงถ้าทำงานแล้ว เขาก็คงต้องไปอยู่ดี มันต้องได้ฝึกกันบ้าง


“คุณหญิงคุณนายเขาอวดเพชรกันสุดฤทธิ์เลย ดีนะแม่เราใส่แค่อย่างเดียว มินิมอลสไตล์”
“ฮะๆ แม่ผมก็เคยไปออกงานกับพ่อนะ แต่ก็ไม่ได้ใส่อะไรเยอะแยะ เขาบอกรำคาญ”


พวกเราพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหาร มีการชนแก้วกันเล็กน้อย อาจจะเพราะอยู่สูง อากาศข้างบนก็เลยค่อนข้างเย็น การออกมานั่งริมระเบียงเป็นความคิดที่ถูกต้องเลย เป็นมื้อเย็นที่ถูกใจผมไม่น้อยเลย









*****************************



ตอนนี้เราเขียนคุณชื่นตาจบแล้วนะคะ เดี๋ยวจะทยอยๆมาลงเหมือนเดิม ขอเวลาเคลียร์ต้นฉบับเพื่อส่งพิจารณาด้วย ช่วยสวดมนต์ให้น้องผ่านด้วยนะ :hao5:

ส่วนเรื่องคำผิดก็ต้องขอบคุณมากๆนะคะ บางทีเราเบลอๆหรือพิมพ์ในโทรศัพท์ตรงไหนมันแปลกๆก็คอมเมนต์บอกกันได้ค่ะ


หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--15--<5/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-06-2019 19:31:28
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--15--<5/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-06-2019 19:31:50
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--15--<5/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-06-2019 19:41:45
อิจฉาแล้วนะไปดินเนอร์กันสองคน หวานจริงๆ
ขอให้ต้นฉบับผ่านการพิจารณานะคะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter16:10/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 10-06-2019 13:29:19
16






พวกเราดื่มด่ำบรรยากาศกันมาร่วมชั่วโมง ของหวานอะไรก็จัดการเรียบร้อย แชมเปญก็ดื่มกันจนหมดเกลี้ยง พวกเราเลยตัดสินใจว่ากลับกันเลยดีกว่า อิ่มมากแล้วตอนนี้


“อาหารอร่อยดี ถ้ามีเงินเยอะๆจะมาบ่อยๆเลย”
“ผมก็ว่างั้น เรากินไม่เหลือสักอย่าง”
“ช่ายยย”


ชื่นตานั่งอย่างสงบเสงี่ยม เพราะเขาอิ่มเกินกว่าจะขยับตัวมากมาย พอหนังท้องตึง หนังตาเขาก็หย่อน ชื่นตาตัวโอนเอนไปมาจะหลับอยู่หลายครั้ง จนพอใจต้องบอกให้นอนลงดีๆ


“นอนเถอะครับ”
“แต่พอใจขับรถ”
“ไม่เป็นไรครับ ผ้าห่มอยู่ข้างหลังนะ”


ชื่นตาที่ทนความง่วงของตัวเองไม่ไหวก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มสีน้ำเงินลายก้อนเมฆมากอดไว้ แล้วค่อยๆหลับตาลง จนเสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกัน พอใจจึงรู้ว่าชื่นตาหลับไปแล้ว


พอใจพาชื่นตากลับมาถึงคอนโดได้อย่างปลอดภัย เขาหลับไปไม่นานนัก ทำให้ตอนมาถึงคอนโดสามารถปลุกได้ง่ายๆ


แต่ปลุกง่ายๆก็ไม่ได้หมายความว่าชื่นตาจะให้พอใจกลับไปได้ง่ายๆ เขาไม่ยอมปล่อยพอใจเดินออกจากลิฟต์ จะพาขึ้นไปด้วยให้ได้


“ไปกับเราหน่อยยย”
“ไปไหนครับ”
“ไปห้องง”
“ครับๆ”


พอใจเข้าใจว่านี่คืออาการงอแงของคนที่เพิ่งจะตื่น และอยากนอนต่อ เขาเลยยอมพาไปส่งที่หน้าห้อง เวลานี้ชื่นตาไม่ใช่พี่ชื่นอีกต่อไป กลายเป็นเด็กชายชื่นตาต่างหาก


“ฝันดีนะครับ”
“เดี๋ยว เอ่อ คือว่า…”
“ครับ?”


ชื่นตาค่อยๆยืดตัวขึ้นไปหาพอใจที่ก้มหน้าลงมาคุยกับตัวเอง จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ชื่นตาประทับสัมผัสไว้อย่างนั้น ไม่กล้าหายใจ จนกระทั่งใกล้หมดลมจึงถอนริมฝีปากออกมา


“คือเรา คือเรา เอ่อ”


ชื่นตาไม่ทันได้คิดข้อแก้ตัวใดๆ พอใจก็ประคองช่วงคอของชื่นตาให้รับสัมผัสจากตนเอง พอใจค่อยๆเปลี่ยนจากจูบแบบเผินๆ ไปสู่ความวาบหวาม ค่อยๆละเลียดชิมความหวานจากปากของอีกคน เมื่อดูดดื่มความหวานจนพอใจ เขาก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา


ชื่นตายืนหอบหายใจหน้าแดงก่ำเพราะหายใจไม่ทัน พอใจมองด้วยความรู้สึกเอ็นดู อ่า นี่เป็นจูบแรกของเขา เขาทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกและอารมณ์ทั้งนั้น


“เอ่อ ฝันดีนะพอใจ”
“ฝันดีครับ”


ทันทีที่ชื่นตาตั้งสติได้ เขาก็รีบบอกราตรีสวัสดิ์แล้วหนีเข้าห้อง เขาดีใจที่พอใจไม่คาดคั้นถามว่าทำไมเขาถึงทำ ตอนนี้สมองเขาไม่พร้อมจะตอบคำถามใดๆทั้งนั้นแหละ เรื่องทั้งหมดน่ะ มันเริ่มมาจากคิงทั้งนั้น ต้องย้อนไปเมื่อตอนก่อนลงไปหาพอใจที่ล็อบบี้


[มึงจะไปดินเนอร์ที่โรงแรมนั้นกับพอใจเหรอ!]
“อื้อ ได้บัตรมาจากโมกข์”
[อีดอก โคตรโรแมนติก ใช้โอกาสนี้มอมแล้วก็รวบหัวรวบหางเลย]
“พูดเรื่องบ้าอะไรของมึง”
[ก็ถ้ามึงอยากรู้ความรู้สึกตัวเองให้แน่ชัดก็ต้องลองทำดูดิวะ จะได้รู้ว่าพร้อมยัง]
“พร้อมอะไร!”
[พร้อมเป็นแฟนไง คิดไปถึงไหนยะหล่อน]
“ไม่ได้คิดอะไรโว้ย”
[ถ้าอยากลองแบบซอฟต์ๆก็ลองแค่จูบก่อนก็ได้นะ แอลกอฮอล์ย้อมใจนิดหน่อย จะได้มีความกล้า เป็นไง?]
“กูไม่ทำหรอก!”
[ถ้ามึงพูดแบบนี้กูรับประกันว่ามึงทำแน่ เหมือนส่งลูกสาวเข้าหอเลยว่ะ]
“กูไม่คุยกับมึงแล้ว แค่โทรมาถามว่าควรแต่งตัวแบบไหน ทำไมกูต้องมาฟังอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย”


เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้ ชื่นตาเก็บคำพูดของคิงไปคิดตลอดการกินมื้อเย็น รวมถึงตอนดื่มแชมเปญเขาก็เอาแต่คิดว่าควรสั่งอะไรที่มันแรงกว่านี้ไหม คิดไปสะระตะ สุดท้ายก็ทำลงไปแล้วจนได้


ชื่นตาพยายามระงับอารมณ์เขินของตัวเองด้วยการตะโกนใส่หมอน มันก็ดีขึ้นนิดหน่อย เขาก็เลยเลือกวิธีต่อมาคือการอาบน้ำ อย่างน้อยน้ำเย็นๆก็คงช่วยให้สมองเขาเลิกคิดเรื่องเมื่อกี้ได้บ้าง ภาพติดตาจนเขาทำอะไรไม่ได้เลย


แต่ไม่ว่าชื่นตาจะทำยังไง จะใช้วิธีไหน ภาพตอนที่พวกเขายืนจูบกันอยู่หน้าประตูห้องมันก็ไม่ออกไปจากหัวสักที ถ้าเป็นแบบนี้คืนนี้เขาจะต้องไม่ได้นอนอย่างแน่นอน


Rrrrr ‘แม่’


“ครับแม่”
[ยังไม่นอนใช่ไหมลูก]
“ยังครับ”
[แม่จะโทรมาถามจำนวนคน จะมากันกี่คนลูก]
“ผมลืมคุยกับเพื่อนเลยครับแม่ เดี๋ยวจะรีบหาคำตอบให้พรุ่งนี้นะครับ”
[เร็วๆนะลูก เดี๋ยวทำความสะอาดห้องไม่ทัน]
“ครับ รักแม่นะครับ”
[รักลูกเช่นกันจ้ะ]


ชื่นตาจดคำสั่งของแม่ใส่หัวไว้ แล้วค่อยๆหลับตาลง แต่ยิ่งหลับตาภาพนั้นก็ยิ่งชัด เขานอนพลิกไปมาเพื่อให้ตัวเองหลับ แต่ทำยังไงก็ไม่หลับ จนกระทั่งร่างกายไม่ไหวแล้วผล็อยหลับไปตอนใกล้รุ่งสาง ทำให้สภาพของชื่นตาเช้านี้ดูไม่ค่อยดีนัก


“เป็นไรอีน้อง ตาโหลมาเชียว เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ”
“เรื่องอะไร! ไม่มี!”
“เสียงดังทำไมเนี่ย แล้วพวกมึงพูดเรื่องอะไรกัน เมื่อคืนทำไม” แพลนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาถามขึ้นมา
“ก็อีน้องมันไปดินเนอร์กับพอใจ กูเลยบอกให้ลองจูบดู พอเช้าวันนี้มันก็มาในสภาพตาโหลแบบเนี้ย”
“กูแค่นอนไม่หลับเว้ย”
“แล้วทำไมนอนไม่หลับล่ะ”
“พอๆ อย่าเถียงกัน ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวเรียนบ่ายไม่ทัน” ในที่สุดแพลนก็เป็นผู้หยุดสถานการณ์นี้ ชื่นตาได้แต่ลอบถอนหายใจ วันนี้เขาเบลอๆ ถ้าคิงเค้นต่ออีกนิด มีหวังเขาต้องหลุดอะไรออกมาแน่ๆ


“ชื่น!” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ชื่นตาและเพื่อนๆก้าวเท้าเร็วขึ้น ทำตัวเหมือนไม่ได้ยิน แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง โรมมาถึงตัวชื่นตาได้อย่างรวดเร็ว เกือบจะเอามือดึงแขนเขาไว้ได้ แต่มีแพลนกั้นไว้อยู่เลยมาไม่ถึง


“เราต้องคุยกัน”
“ชื่นไม่มีเรื่องจะคุยกับพี่ ชื่นว่าชื่นพูดไปหมดแล้วตั้งแต่วันนั้น”
“ไม่ มันยังไม่จบ”
“มันจบแล้วครับ”
“พี่มาก่อนมัน! เป็นปีๆ พี่ทำอะไรผิด ทำไมถึงไม่ใช่พี่” โรมเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามอง แล้วพวกเขาก็มองเห็นว่าพี่โปรดกำลังวิ่งมาทางนี้


“พี่โรมไม่ผิดเลยครับ”
“แล้วทำไม”
“ชื่นแค่ไม่ได้รักพี่”
“แล้วชื่นจะบอกว่าชื่นรักมันเหรอ!”
“มันอาจจะยังไปไม่ถึงตรงนั้น แต่ชื่นมั่นใจว่าชื่นจะรักเขา เพราะที่มาถึงตรงนี้ได้ มันก็ไกลมากแล้ว ขอตัวนะครับ”


ชื่นตากับเพื่อนๆเดินออกมาจากตรงนั้นตอนที่พี่โปรดวิ่งมาถึงพอดี พวกเขาหันไปเห็นว่าพอใจกับเพื่อนก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ทุกคนเลยตัดสินใจเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกัน


“เขาคงจบแล้วล่ะผมว่า” ว่านพูดขึ้น
“มึงคิดงั้นเหรอวะ” มังกรทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“กูว่าเขาไม่ได้ดื้อด้านขนาดนั้นหรอก พักหลังกูว่าเขาดูอ่อนลงมากเลย”
“ก็จริง” พอใจเห็นด้วย พักหลังมานี้โรมไม่ค่อยได้วุ่นวายกับชื่นมากเท่าตอนแรกๆ แถมยังไม่ค่อยมาวนเวียนอยู่แถวนี้ เจอเขาก็ไม่เข้ามายุ่งหรือพูดจาเสียดสีแล้ว พอใจคิดว่าเขาทำถูก ที่ขอให้คนๆนั้นช่วยอย่างจริงจัง


พอใจหันไปมองสองคนนั้นที่ค่อยๆเดินออกไป ก็หวังว่าหลังจากนี้ โรมจะหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆตัวเองบ้าง ก่อนที่คนๆนั้นจะเหนื่อยจนหมดพลังแล้วเดินจากไป






 [Prod’s part]


“ทำไมวะมึง ทำไมไม่เป็นกู” โปรดยืนมองเพื่อนรักของตัวเองร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เขารู้ว่าโรมเจ็บที่ไม่ได้รับความรักจากชื่นตา แต่ตัวเขาเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมเขายังยืนอยู่ตรงนี้


“เพราะไม่รักไงมึง แค่นั้นเอง”


สิ่งสุดท้ายของความรักก็คือความไม่รัก ถ้าเขาไม่รัก ทำยังไงเขาก็ไม่รัก นั่นคือสิ่งที่โปรดพยายามย้ำเตือนตัวเองมาตลอด ใช่ เตือนตัวเอง ว่าไม่รักก็คือไม่รัก เขาไม่อยากพูดคำนี้กับโรม เขากลัวว่าโรมจะเจ็บ แต่มันก็คือความจริง


“กูไม่ดีตรงไหนวะ เขาถึงไม่รักกู”
“ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะดีหรือไม่ดี มึงแค่ไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเขา”
“แล้วทำยังไงกูถึงจะเป็นคนที่ใช่วะ”
“คนที่ใช่ จะไม่ต้องพยายามร้องขอให้เขามาสนใจ ถ้ามึงเป็นคนที่ใช่ ถ้ามันถูกที่ถูกเวลา มึงก็จะเป็นคนที่ใช่”


ประโยคที่ว่า right place , right time and right person ถูกเสมอ คนที่เราคิดว่าใช่ แต่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ เขาก็คือคนที่ไม่ใช่อยู่ดี


“ทำไมชื่นถึงไม่มองกูเหมือนที่มึงมอง”
“…”
“ทำไมถึงเป็นมึง”
“…”
“ทำไมวะ”
“กูก็ไม่อยากอยู่ในสถานะนี้นักหรอก ถ้ามันเลิกรักได้ง่ายๆ กูก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว”
“มึงจะทิ้งกูเหรอ”
“…”
“ถ้ามึงเลิกรักกู มึงก็จะทิ้งกูเหรอ”
“กูไม่รู้จะอยู่ทำไม ถ้ากูไม่รัก”
“งั้นอย่าเลิกรักกู อย่าทิ้งกูไป” ถ้าการเลิกรักมึงมันง่าย กูก็ไปนานแล้ว


[Prod’s part ends]








“สรุปว่าพวกมึงจะไปแพร่กับกูมะ” ชื่นตาถามเพื่อนในระหว่างกินข้าว
“ไปจ้า ไปทั้งคู่จ้ะ”
“จะไปเที่ยวแพร่กันเหรอคะ” โมกข์ดูจะสนใจโปรแกรมนี้เพราะเธออยากขึ้นเหนือไปพักผ่อน ไม่ต้องเล่นน้ำหรอก มันร้อน


“พี่จะกลับบ้านน่ะ พวกเราไปด้วยกันไหม”
“พอใจ มึงไปป่ะ” ทุกคนให้พอใจตัดสินใจคนแรกเป็นการนำร่อง เพราะพอใจสนิทกับชื่นตาที่สุด ถ้ามันไปจะได้ติดสอยห้อยตามไป


“ไป แม่จะฝากของไปด้วย”
“ฝากอะไรเหรอ” ชื่นตาถาม
“ขนมน่ะครับ”


ชื่นตาคิดว่าบางทีมันอาจจะไม่ถึงมือพ่อกับแม่เขาก็ได้ ขนมของป้าแววน่ะอร่อยจะตาย แถมกลิ่นก็ยังดีอีกด้วย มันอาจจะหมดตั้งแต่พอใจหยิบมาวางบนรถก็ได้


“แล้วจะไปวันไหนเหรอครับ”
“ว่าจะเย็นวันที่11นะ พวกเราหยุดวันไหนล่ะ”
“11ได้ครับ ไม่มีเรียนวันที่12”


โชคดีที่ก่อนวันหยุดสงกรานต์เป็นวันที่พอใจกับเพื่อนไม่มีคลาสอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาสามารถไปในวันที่11ตอนเย็นได้พอดี


“เราอยากนั่งรถไฟ ไปรถไฟกันไหม” ชื่นตาเสนอ
“โมกข์ก็ไม่เคยค่ะ น่าสนใจนะคะ มันนอนรวมได้ไหมอ่ะ” เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้าต้องให้เดินทางแยกไปอยู่อีกตู้หนึ่งอาจจะลำบากนิดหน่อย


“รวมได้จ้ะ ก็คือเป็นตู้ปกติ” คิงที่เคยขึ้นรถไฟมาแล้วตอบคำถามหลายๆอย่างที่เพื่อนๆอยากรู้
“งั้นเดี๋ยวพี่จองให้ แล้วทุกคนค่อยโอนเข้าบัญชีนะจ๊ะ” ทีนี้เรื่องของการเดินทางก็จบไป


ชื่นตาดูมีความสุขมาก ก็นะ จะได้กลับบ้านนี่ แถมยังมีเพื่อนๆไปด้วยตั้งหลายคน ถือเป็นการผจญภัยของเด็กชายชื่นตาก็ว่าได้
พอใจมองอย่างเอ็นดูที่ชื่นตาพูดเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับบ้านเกิดของตัวเองไปเรื่อย ทั้งสายตาและการกระทำมันก็ชัดเจนจนเพื่อนๆไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว แต่ดูเหมือนคนที่ดีใจที่สุดจะเป็นคิง ก็เขาเชียร์ของเขามานี่นา









***********************************



talk: ยังไงก็ฝากคอมเมนต์ด้วยนะคะ พูดคุยกันได้ตลอดในทวิตเตอร์ @zhaofah นะคะ






หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--16--<10/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-06-2019 13:56:26
กลุ่มนี้น่ารักดีนะ
สำหรับโรม อย่าที่โปรดบอกไม่เกี่ยวกับความดี แต่มันคือไม่ใช่ พยายามแค่ไหนก็คือไม่ใช่
 :ling2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter17:16/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 16-06-2019 18:43:27
17







ตอนเย็นของวันที่11เมษายน พวกเราทุกคนรีบกลับห้องมาเตรียมตัว แน่นอนว่าพอใจเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะไปกันทั้งหมดสี่วัน ไม่รวมวันเดินทางคือวันนี้


พอใจอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสบายๆเตรียมไว้สำหรับการนอนในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้สบายจนเกินไป พวกเขายังต้องไปพบพ่อกับแม่ของชื่นตาอยู่ มันก็ต้องมีความสุภาพอยู่บ้าง อย่างน้อยเสื้อยืดกางเกงวอร์มก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่


พอใจเช็คของในกระเป๋าให้แน่ใจว่าไม่ได้ลืมอะไร เมื่อยังเหลือเวลาอีกกว่าสามชั่วโมง พอใจเลยจัดการทำอะไรง่ายๆให้ตัวเองกิน จะได้ไม่ต้องไปหาอีก ของง่ายๆที่ว่าก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นเอง


ตื่อดึ๊ง!


ก่อนที่จะได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอใจจึงต้องละสายตาจากห่อมาม่ามาดูที่มือถือก่อน


คุณชื่นตา: ไปหาอะไรกินกันไหมพอใจ
Porjai: ผมกำลังจะต้มมาม่า พี่จะลงมาไหม
คุณชื่นตา: ลง!
คุณชื่นตา: เผื่อด้วยนะ


พอใจหยิบบะหมี่มาเพิ่ม รวมถึงหั่นหมูเพิ่มสำหรับสองคนด้วย พอใจชอบรสหอยลายผัดฉ่าที่เป็นมาม่าแห้ง เขาต้มเส้นกับหมูทิ้งไว้ แล้วหยิบไส้กรอกชีสยัดใส่ไมโครเวฟ


เมื่อเส้นกับหมูสุกได้ที่ พอใจก็ตักขึ้นมาใส่จาน กะให้เท่าๆกัน แต่อีกจานดูจะได้เยอะกว่านิดหน่อยแฮะ จากนั้นก็หยิบไส้กรอกมาวางไว้ในจาน แค่นี้ก็เรียบร้อย เสร็จพอดีกับที่อีกคนมากดกริ่งหน้าห้อง


“ช่วยครับ”


ชื่นตาลากกระเป๋ามาด้วย เขาเดาว่าเจ้าตัวคงเก็บของเสร็จหมดแล้ว ขนทุกอย่างมาห้องเขา จะได้ไม่ต้องขึ้นไปเอาอีก พอใจวางกระเป๋าของชื่นตาไว้ใกล้ๆประตูห้อง จะได้ยกออกไปง่ายๆ


“รสอะไรอ่ะ”
“หอยลายผัดฉ่าครับ”
“เรายังไม่เคยกินเลย”
“ลองชิมดู”


พอใจมองดูชื่นตาตักเส้นเข้าปาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะเผ็ดไปหน่อย พอชื่นตาดูดเส้นเข้าไป ก็เลยสำลักความเผ็ด


“กินน้ำก่อนครับ”
“อื้อ เผ็ดอ่ะ”
“พี่ไม่ค่อยกินเผ็ดไง”


เมื่อเห็นว่าชื่นตากลับมาเป็นปกติ พอใจก็เริ่มต้นกินของตัวเองบ้าง เขาชอบรสนี้มาก แต่เสียอย่าง เขารู้สึกว่ามันให้น้อย น่าจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อนด้วย แต่ก็ช่างเหอะ


“อิ่มจัง”
“อิ่มก็ดีแล้วครับ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหา”
“อื้อ เราจะออกไปกี่โมงอ่ะ”


พอใจเหลือบไปมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหกโมงแล้ว เราซื้อตั๋วรถไฟไว้ที่สองทุ่มกว่า พอใจคิดว่าออกไปตอนนี้เลยก็ได้ ไปรอคงไม่นานเท่าไหร่


“ตอนนี้เลยก็ได้ครับ”
“โอเคคค แล้วไปไงอ่ะ ขับรถเหรอ”
“แท็กซี่ดีกว่าครับ ไปหลายวัน”


พอใจเช็คราคาที่จอดรถมาแล้ว เขาว่าไปหลายวันอาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่ถ้าเอารถไปจอด กระเป๋าเราไม่ได้เยอะมากนัก ไปยืนโบกแท็กซี่คงไม่ลำบากเท่าไหร่


ชื่นตาลากกระเป๋าตัวเองไปยืนรอหน้าห้อง ส่วนพอใจก็เช็คไฟและก็อกน้ำว่าปิดสนิทเรียบร้อย จัดการล็อกห้อง แล้วทั้งคู่ก็ลงไปที่ล็อบบี้กัน


“ไปไหนกันเด็กๆ” พี่จุ๋มที่เป็นรีเซ็ปชันถามตอนที่เห็นพวกเราลากกระเป๋าออกมาจากลิฟต์
“แพร่ครับ กำลังจะไปขึ้นรถไฟ”
“อ๋อ น้องชื่นกลับบ้าน พอใจก็ไปเที่ยวสินะ จะไปยังไงกันล่ะ”
“แท็กซี่ครับพี่จุ๋ม”
“เดินไปแถวๆป้ายรถเมล์นะเด็กๆ ตรงนั้นมองเห็นแท็กซี่”
“ขอบคุณครับ”


พวกเราลากกระเป๋ามาถึงจุดที่พี่จุ๋มบอก โบกแท็กซี่คันแล้วคันเล่า จนมาถึงคันที่ห้า เราก็สำเร็จในการโบกแท็กซี่จนได้ พวกเรานั่งฟังคุณลุงแท็กซี่โม้ถึงลูกชายตัวเองตลอดทางจนกระทั่งถึงหัวลำโพง


พวกเราสองคนมาถึงคนแรก ก็เลยไปหาที่นั่งรอเพื่อนๆในจุดที่คนจะมองเห็น ไม่นานนักคนอื่นก็ทยอยมา แต่พี่คิงที่เป็นคนจองตั๋วยังไม่มาน่ะสิ อีก15นาทีก็จะถึงเวลาแล้ว


“กูโทรหาก็ไม่รับ อย่าบอกนะว่านอน”
“ปกติมันเป๊ะจะตาย” ชื่นตากับพี่แพลนพยายามโทรหามาหลายสิบรอบ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าพี่คิงจะรับโทรศัพท์
“มานั่นแล้วค่ะ”


พวกเราทุกคนมองไปที่ทางเข้า แล้วก็เห็นพี่คิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งลากกระเป๋าเข้ามา ทุกคนก็ได้แต่โล่งใจไปตามๆกัน นึกว่านั่งรถไฟครั้งแรกก็จะตกรถซะแล้ว


“โทษทีมึง อยู่ๆประตูห้องกูก็เปิดไม่ได้ กว่าช่างจะมา”
“เออๆ ยังทันอยู่ แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“แบตหมดอ่ะ กูชาร์ตไม่ทัน”


เมื่อหมดเรื่องที่ต้องห่วงแล้ว พวกเราก็ค่อยๆทยอยกันขนของขึ้นไป พวกเรามีเจ็ดคน ก็จองห้องสี่เตียงสองห้อง ใครเดินก่อนก็เข้าห้องแรก ไม่มีการเกี่ยงกัน ไม่ต้องเลือกว่าใครจะอยู่ห้องไหน


ห้องแรกเลยเป็นมังกร โมกข์ แพลน ว่านที่เดินนำเป็นสี่คนแรก ส่วนห้องที่สองจึงมี พี่คิง ชื่นตา และผมที่เดินปิดท้าย


“กูนอนเตียงนี้ข้างล่าง”
“งั้นกูเอาข้างล่างเตียงนี้”
“ให้ผมนอนข้างบนเหรอครับ”


พอใจมองความห่างของเพดานกับเตียงบน เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะนอนข้างบนได้ เพราะความสูงของเขาอาจจะทำให้ตอนที่ลุกขึ้นนั่งติดเพดาน


“ไม่น่ารอด เดี๋ยวพี่นอนชั้นบนเตียงอีน้องก็ได้จ้ะ”


สุดท้ายพี่คิงก็เป็นผู้เสียสละย้ายตัวเองขึ้นไปนอนชั้นบนของเตียงแทน ส่วนผมที่นอนข้างล่าง ก็จัดการยกกระเป๋าของทุกคนวางไว้บนหัว จะได้ไม่เกะกะขวางทาง


“กูว่าเรารีบนอนกันดีไหม ไปถึงจะได้ตื่นแบบสดชื่น”
“แต่นี่มันเพิ่งจะสามทุ่มเองนะ”
“งั้นก็มาบำรุงหนังหน้ากันดีกว่า”


เมื่อปฏิเสธไม่ได้ ผมกับชื่นตาก็ต้องเป็นเหยื่อให้พี่คิงแปะมาส์กเพิ่มความชุ่มชื้นลงบนหน้า มันก็เย็นๆดี เดาว่าพี่คิงคงเอาแช่ตู้เย็นเหมือนแม่ผมล่ะมั้ง เมื่อครบเวลาพวกเราก็ถอดแผ่นมาส์กออก แล้วก็นอนเลยตามคำแนะนำของพี่คิง











พวกเรามาถึงแพร่ในเวลาหกโมงครึ่ง โดยมีคนจากที่บ้านชื่นตามารับ พวกที่นอนอีกห้องหนึ่งดูจะตื่นไม่เต็มตานัก เหมือนพวกมันจะเล่นไพ่กันจนดึกดื่น ส่วนห้องของผมตื่นมาหน้าใสแต่เช้า เพราะทั้งนอนเร็วทั้งมาส์กหน้า


“พ่อครับแม่ครับบบ” เมื่อมาถึงบ้าน ชื่นตาก็พุ่งเข้าไปทันที
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“สวัสดีจ้ะเด็กๆ ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนไป เดี๋ยวมากินข้าวเช้ากัน”


แม่บ้านพาพวกเรามาที่ห้องที่ทางบ้านเตรียมไว้ให้ นอนห้องละสองคน อ้อ พวกเขานอนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง แยกมาจากบ้านใหญ่อีกที เหมือนนี่จะเป็นบ้านที่เอาไว้รับแขกโดยเฉพาะ


บริเวณบ้านของชื่นตาไม่ได้กว้างมาก แล้วก็ไม่ได้เป็นบ้านใหญ่ๆเหมือนบ้านรัตนพิบูลย์ จะเรียกว่าบ้านสวนก็น่าจะได้ บ้านทุกหลังในอาณาเขตนี้เป็นบ้านไม้ทั้งหมด ของใข้ในบ้านส่วนใหญ่ก็ไม้เช่นเดียวกัน ได้ยินว่ามีสวนผลไม้ด้านหลังด้วย


พอใจกับว่านสังเกตห้องและจัดของกันอย่างเงียบเชียบ ดีแล้วที่เขาได้นอนกับว่าน มันไม่ทำเสียงอะไรรบกวนเขาแน่นอน เขาสามารถนอนหลับได้แบบสบายๆแน่


“ไปถึงไหนแล้ววะ” ว่านเปิดบทสนทนาท่ามกลางความเงียบ
“อะไร”
“มึงกับพี่ชื่น”
“สำหรับกูมันมาไกลแล้ว”
“แล้วจะชัดเจนกันเมื่อไหร่”
“ตอนที่เรื่องทุกอย่างลงตัว”
“หมายถึงพี่โรม?”
“อือ”


ว่านไม่ได้ถามอะไรต่อ พอใจเลยขอเข้าไปอาบน้ำก่อน พอได้เจอน้ำเย็นๆร่างกายเขาก็สดชื่นขึ้นมา พอใจที่ทำทุกอย่างเสร็จคนแรกเลยออกมาเดินดูรอบๆบ้าน


“ชอบไหมล่ะ”
“ชอบครับคุณลุง” ในตอนที่เขาเดินดูต้นไม้ดอกไม้อยู่ ก็เจอเข้ากับพ่อของชื่นตา
“ชอบก็ดี ไม่ต้องเรียกลุงหรอก เรียกพ่อเหมือนเจ้าชื่นนั่นแหละ”
“เอ่อ ครับ”
“ชื่อพอใจใช่ไหมเรา เจ้าชื่นเล่าให้ฟังอยู่” พอใจรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ท่านรู้จักเขา แถมยังบอกว่าชื่นตาเล่าให้ฟัง เขาอยากรู่ว่าท่านรู้อะไรบ้าง หรือรู้ไปถึงไหนแล้ว


“เขาเล่าหมดนั่นแหละ ลูกชายพ่อก็เป็นอย่างนี้ เรื่องความรัก เขาไม่เคยปิดบังหรอก”
“แล้วคุณพ่อ..ไม่ว่าอะไรเหรอครับ”
“จะไปว่าอะไรล่ะ พ่อมีลูกชายคนเดียว เลี้ยงมาอย่างดี สิ่งเดียวที่ต้องการคือ ถ้ามีคนรักเขา อยากดูแลเขา ก็ทำมันให้ได้สักครึ่งหนึ่งของพ่อก็พอ”


“ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดี”
“ดีแล้ว ไว้ชัดเจนกันเมื่อไหร่ก็มาอีกทีนะ”
“ขอบคุณครับ”


พอใจโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย คิดถึงตอนที่ชื่นตาเล่าให้พ่อฟัง เขาจะเล่าด้วยท่าทางแบบไหนหรือความรู้สึกยังไงก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เห็นทีเขาคงต้องเร่งอะไรหลายๆอย่างให้มันชัดเจนแล้วล่ะ


“ป่ะ ไปกินข้าวกันเถอะพอใจ”
“ครับ”


พอใจเดินมาพร้อมกับคุณพ่อ เขาก็เห็นว่าเพื่อนๆมารอกันที่โต๊ะแล้ว สงสัยออกมากันตอนที่เขาคุยกับท่านอยู่ แล้วพอใจก็เหลือบไปเห็นชื่นตาที่อยู่ในครัว ใส่ผ้ากันเปื้อนลายเซเลอร์มูนซะด้วย


ชื่นตายกข้าวต้มมาเสิร์ฟพวกเราทุกคนพร้อมบอกว่าทำเองด้วยความภาคภูมิใจ พอใจมองดูข้าวต้มในชามของตัวเอง มันเป็นข้าวต้มปลา ก็ดูหน้าตาดี แค่ผักที่โรยอยู่ดูหน้าตาประหลาดไปหน่อย


“อร่อยไหม” ชื่นตาส่งสายตาสงสัยแบบวิบวับๆมาให้เขา คงหวังไว้มากกับข้าวต้ม
“อร่อยครับ”
“เย้!”
“อย่ามาหวานกันไปหน่อยเลยอีน้อง ผักมันยังหน้าตาน่าเกลียดอยู่”
“แค่ผักโรยหน้า อย่าเรื่องเยอะดิ”


แล้วก็กลายเป็นการเถียงกันของพี่คิงกับชื่นตา จากนั้นเรื่องก็เปลี่ยนเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของคุณพ่อคุณแม่ เป็นการทานอาหารเช้าที่คึกคักดีจริงๆ


“ไปเดินเล่นดีกว่า” ชื่นตาเอ่ยปากชวนทุกคน
“กูขอบาย ง่วงว่ะ” พี่แพลนตอบ
“ผมด้วย/โมกข์ด้วยย” เมื่อคนอื่นๆขอตัวไปนอน ก็เหลือแค่พวกผมสามคน
“อุ๊ย กูก็ไม่ไปนะ กลัวเป็นก้าง”
“ไปไกลๆเล๊ย!”


ชื่นตาตะโกนไล่ตามหลังพี่คิงไป เขาหน้าบูดบู้บี้ไปหมด พอใจที่เห็นแบบนั้นก็เลยได้แต่ขำ จึงได้ค้อนมาเป็นรางวัล


พวกเราเดินเล่นไปเรื่อยๆจนเจอกับศาลาที่อยู่ใกล้ๆกับบ่อปลา ชื่นตาเลยชวนผมไปนั่งบนนั้น ที่นี่ต้นไม้เยอะ อากาศเลยเย็น เป็นทางที่ลมพัดด้วย บรรยากาศดีมาก


“ผมคุยกับพ่อพี่แล้วนะ”
“ห๊ะ! คุยอะไรกัน” ชื่นตาแสดงความตื่นตกใจออกมาผ่านสีหน้า
“คุณพ่อเขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะ คุยกันทุกอย่างเลย พี่ชอบผมมากๆเลยสิน้าาา”
“อะ อะไร!”
“ก็จริงจังไม่ใช่เหรอครับ เลยเล่าให้พ่อฟัง”
“อื้อ ก็จริงจัง”


พอใจคิดว่าตอนนี้พวกเขาเดินกันมาไกลแล้ว ความรู้สึกมันล้ำหน้าไปแล้ว อาจจะไม่ได้รู้สึกรักมากๆ แต่มันดีขึ้นทุกๆวัน เป็นความสัมพันธ์ที่สบายใจทั้งคู่


“ผมก็จริงจังครับ”
“อื้อ”


ชื่นตาส่งยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่เขาคุ้นเคย พอใจยิ้มรับกับความรู้สึกดีๆในวันนี้ พอใจนั่งฟังชื่นตาเล่าเกี่ยวกับบ้านของเขา สวนตรงนั้นทำตอนไหน ตอนเด็กๆอยากกินอันนี้พ่อเลยปลูกให้ บลาๆๆ มันเป็นวันดีๆวันหนึ่งของเขาเลย









**********************************




talk: พูดคุยกันใน #คุณชื่นตา ได้น้าาา รออ่านอยู่นะคะ :hao5:


หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--17--<16/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-06-2019 22:03:04
โหย ทางสดวก นึกว่าพ่อจะกีดกันซะอีก
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter18:22/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 22-06-2019 16:52:20
18







พวกเราว่างเปล่ามากครับ ไม่มีแพลนเที่ยวใดๆ ผมกลับบ้าน เลยอยากอยู่บ้านกับพ่อแม่ เพื่ิอนๆก็ไม่พูดอะไร เราเหลือเวลาอยู่อีกสามวัน ตอนแรกก็กะจะพาไปวันละที่ แต่เพื่อนไม่เอา เพื่อนบอกไปสองวันพอ อีกหนึ่งวันอยู่บ้าน คนอุตส่าห์จะพาไปเที่ยว พวกนี้ดันอยากนอนซะงั้น


เพราะฉะนั้นโปรแกรมเที่ยวเพียงแค่สองวันจึงเกิดขึ้น และไม่ได้เป็นโปรแกรมแบบอัดๆด้วยครับ โคตรจะโล่งเลย เริ่มจากการแวะไปไหว้พระที่วัดพระธาตุช่อแฮครับ แต่แวะไปแปปเดียว เพราะสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนของผม


สถานที่แรกที่ผมพาเพื่อนๆมาคือคุ้มวงศ์บุรี เอาจริงๆถึงผมจะเป็นคนแพร่แต่ผมยังไม่เคยมาเหมือนกันอ่ะ ปกติอยู่แต่บ้าน นี่ก็เป็นการเที่ยวแพร่ครั้งแรกของผมเหมือนกันนะ


ผมว่าที่นี่น่ารักมากเลย บ้านเป็นสีชมพูด้วย ดูเหมือนทุกคนจะชอบที่นี่เพราะต่างคนก็ต่างยกมือถือมาถ่ายรูป พอใจก็เหมือนกัน เขาเอากล้องที่ผมไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่มาในทริปนี้


“พี่ชื่นไปยืนตรงนั้นหน่อย”


พอใจชี้ไปตรงข้างๆตัวบ้าน ผมก็ไปยืนตามจุดนั้นให้พอใจได้ถ่ายอยู่สักสองสามรูป แล้วก็เดินออกมา วันนี้พอใจมีรูปตัวเองบ้างหรือยังเนี่ย ผมไปถ่ายให้ดีกว่า


“เราขอลองถ่ายบ้างสิ”
“ครับ มองตรงนี้นะ มันเป็นออโต้ พี่กดได้เลย”


ชื่นตาลองมองผ่านช่องมอง เขาพยายามเลื่อนกล้องในมือให้ภาพในนั้นออกมาดีที่สุด แล้วก็กดถ่าย พอไม่เห็นรูปก็เครียดเหมือนกันแฮะ กลัวมันเบลออ่ะ


“ล้างแล้วเอาให้ดูด้วยนะ”
“ได้ครับ”
“ไปต่อกันเถอะ”


ชื่นตาพาเพื่อนๆมาแวะกินข้าวเที่ยงร้านที่เรามองเห็นข้างทาง ก่อนจะไปต่อที่คุ้มเจ้าหลวง มันเป็นพิพิธภัณฑ์น่ะ อันนี้เคยมา เพราะโดนสั่งให้มาทำรายงาน ก็เลยพาเพื่อนๆมาดูบ้าง มันก็มีของน่าสนใจอยู่เหมือนกัน


พวกเราเดินดูจนครบทุกสิ่งอย่าง ภารกิจวันนี้ก็หมดแล้ว ไปแค่นี้ก็พอ พรุ่งนี้ค่อยไปที่อื่นอีก แวะซื้อของในตลาดให้แม่นิดหน่อย แล้วก็มุ่งตรงไปที่บ้านเลย


ทุกคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำ แต่ผมจะอาบก่อนนอนเลยมานั่งที่ศาลา เอ้อ ไม่ทุกคนสิ เพราะพอใจนั่งอยู่เป็นเพื่อนผมตอนนี้ เรามานั่งเล่นกันอีกแล้ว คราวนี้ไม่ค่อยได้คุยอะไร แค่นั่งเงียบๆ


Rrrrrr โทรศัพท์ของพอใจสั่น เรียกความสนใจจากผมได้


“ครับพี่โปรด” ทำไมพี่โปรดถึงโทรหาพอใจล่ะ
“พี่มั่นใจแล้วใช่ไหมครับ”
“ครับ” แล้วพอใจก็ตอบแค่ครับๆๆๆ เขาไม่รู้เลยว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย ตอนที่พอใจคุยเสร็จแล้ว ก็เลยจับได้ว่าเขาแอบฟัง


“อยากรู้เหรอครับ”
“อื้อ”
“พี่โปรดโทรมาคุยเรื่องพี่โรม บอกว่าเขาคงจะหยุดแล้ว”
“เชื่อได้จริงๆเหรอ”
“ครับ เห็นว่าจะย้ายไปเรียนที่อังกฤษ”
“อืม ไปอีกแล้ว สงสารพี่โปรดจัง” อยากให้พี่โรมไม่มายุ่งมันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าเขาไปอังกฤษ พี่โปรดก็ต้องอยู่คนเดียวอีกน่ะสิ


“สงสารทำไมครับ เขาไปด้วยกัน”
“ห๊ะ!”
“พี่โปรดบอกว่าพี่โรมไม่ยอมไปคนเดียว ยังไงพี่โปรดก็ต้องไปด้วยให้ได้ เขาก็เลยไปด้วยกันครับ”
“งั้นก็ดีแล้ว”


พวกเราคุยกันได้เท่านี้แม่บ้านก็มาเรียกให้ไปกินข้าวเย็น แม่ทำเมนูโปรดของชื่นตา ทำให้วันนี้เขากินข้าวตั้งสองจาน ทุกคนแซวกันหมดว่าเขาหิวมาจากไหน ไม่ได้หิวแต่อยากกิน ไม่เข้าใจกันหรือไง


ชื่นตาเดินมาส่งเพื่อนๆที่หน้าบ้าน จริงๆไม่ต้องก็ได้ แต่เขาแค่อยากเดินกับพอใจ ก็เลยเดินตามตูดเพื่อนๆมาด้วย อยากอยู่ด้วยเฉยๆ สองนาทีก็ได้


“อ่ะ ร่ำลากันให้พอ ไม่มีใครแอบดูหรอก” แพลนพูดก่อนจะปิดประตูบ้านให้
“เออ ใครแอบดูขอให้ขี้แตกอาทิตย์หนึ่งเลย”
“ฮะๆ แช่งน่ากลัวจังครับ”
“เราน่ากลัวนะจะบอก”
“ครับๆ เดินกลับระวังด้วยนะ”
“ได้ เราจะระวังทุกย่างก้าวเลย”
“ฝันดีครับ”
“ฝันดีนะ” และก่อนจะเดินกลับ อีกฝ่ายก็โน้มตัวลงมาจุ๊บหนึ่งที เป็นการบอกราตรีสวัสดิ์ด้วยร่างกาย ทำเอาชื่นตาเดินเหม่อจนสะดุดล้มไปหนึ่งรอบ บอกให้เขาระวังแต่มาทำแบบนี้ได้ไงเล่า ใครมันมีสติมาระวังกัน










วันต่อมาในตอนเช้า ก็ไม่เช้าเท่าไหร่ ใกล้เที่ยงแล้ว ชื่นตาพาเพื่อนๆมาที่วัดพระนอน ให้ไหว้พระซะหน่อย ขอพรให้พรุ่งนี้พวกเราเดินทางปลอดภัย ออกมาจากวัดได้นิดหนึ่งก็แวะกินข้าวเที่ยงกัน


สถานที่ต่อมาของวันนี้ก็คือชุมชนที่ทำผ้าหม้อห้อม พ่อบอกเขาให้ลองมา เพราะที่ทำผ้าหม้อห้อมเป็นของตัวเองได้ โมกข์ดูจะชอบมาก ส่วนคนอื่นก็ดูสนุกไปกับการทำผ้าหม้อห้อม


“ผมเอาแบบนี้”
“งั้นก็ทำอย่างนี้นะคะ”


ชื่นตาเลือกทำผ้าคลุม เขาจะทำสองผืน ไปให้ป้าชมผืนหนึ่ง แม่ผืนหนึ่ง แล้วเขาก็เลือกซื้อเสื้อแขนยาวหนึ่งตัวให้ตัวเอง อืม ซื้อตัวแขนสั้นนี่ให้พอใจด้วยดีกว่า


“เราให้ๆ”
“ซื้อให้เหรอครับ”
“ใช่ เราก็ซื้อนะ แขนยาว”
“น่ารักดีครับ”


แล้วชื่นตาก็วิ่งเอาเสื้อไปอวดเพื่อนๆทุกคนว่าเขาซื้อมา ไม่รู้จะอวดทำไม แต่ก็อยากอวด เดินดูของที่ทุกคนทำด้วย น้องโมกข์ทำเป็นเดรสเลย ส่วนคนอื่นๆก็ทำเป็นผ้าคลุมธรรมดา คิงนี่เล่นใหญ่หน่อย ผ้ามันผืนใหญ่มาก มันบอกอยากได้ผ้าม่าน ชื่นตาก็งงเล็กน้อย


“มึงซื้อเสื้อมาเหรอ”
“อื้อ สวยมะ”
“สองตัว?”
“ตัวหนึ่งของพอใจ อันนี้ๆ”
“ไปเปลี่ยนใส่คู่กันไป เดี๋ยวกูถ่ายรูปให้”
“ถ่ายทำไมวะ”
“แสดงความเป็นเจ้าของไง อย่าลืม” อันหลังนี่คิงมันกระซิบ ชื่นตาก็เลยนึกขึ้นได้ แต่พี่โรมจะไปที่อื่นแล้วเขายังต้องทำอีกเหรอ ช่างมันเถอะ ไม่อยากจะคิดให้มากความ


ชื่นตาวิ่งเอาเสื้อไปให้พอใจ แล้วชวนกันไปเปลี่ยน พอใจถามนิดหน่อย แต่เขาก็บอกว่าใส่ถ่ายรูปเฉยๆ เจ้าตัวก็เลยยอมเปลี่ยนด้วย


“มาๆ ยืนตรงนี้”


คิงหาที่ถ่ายไว้ให้พวกเขาเล็กน้อย โดนมันด่าเพราะว่ายืนนิ่งกันเหมือนถ่ายบัตรประชาชน ก็ไม่เคยถ่ายนี่หว่า นี่มันรูปคู่รูปแรกของเราสองคนเลยนะ!


“พี่คิง ฝากถ่ายหน่อยครับ”
“อุ๊ย ได้จ้ะ กดนี่ใช่ไหม”
“ใช่ครับ”


พอใจยื่นกล้องฟิล์มของตัวเองให้คิงถ่ายรูปคู่ให้ด้วย คิงทำตัวเป็นตากล้องอีกครั้ง สั่งให้ทำท่านั้นท่านี้ แต่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยถูกใจมันเท่าไหร่


“ทำงี้ๆ อีน้องหันหน้าไป พอใจหันมาจ้ะ อย่างนี้แหละ นิ่งๆนะ”


คิงหันหัวชื่นตาให้หันไปทางพอใจ แล้วสั่งให้พอใจหันมามองหน้าเขา ตอนแรกเราทำหน้างงๆใส่กัน พอแบบนั้นก็เลยขำออกมาทั้งคู่ รู้ตัวก็คือตอนที่ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังขึ้น


เมื่อถ่ายรูปคู่เรียบร้อย พวกเราทุกคนก็ไปรับผ้าที่ตากไว้ แดดแรงเลยแห้งเร็ว จ่ายเงินเรียบร้อยก็ออกเดินทาง กลับไปนอนรอที่บ้านก่อน


และในตอนเย็นชื่นตาพาเพื่อนๆมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน คนอื่นๆก็เดินแยกไป ตอนนี้เขาอยู่กับพอใจสองคน เราเดินหาของกินเล็กๆน้อยๆจนอิ่ม ก็เลยไปเดินอีกแยก ได้ของฝากมาสองสามอย่าง ไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกันที่รถเพื่อกลับบ้าน






วันถัดมาหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก พวกเขานั่งๆนอนๆเล่นอยู่ที่บ้าน ชื่นตาเลยไปชวนเพื่อนๆที่เก็บของเสร็จแล้วมานั่งเล่นที่ศาลา


“ตรงนี้เย็นดีว่ะ” แพลนพูด
“กูเอานี่มาด้วย มึงเล่นหน่อย” ชื่นตายื่นกีต้าร์ของพ่อให้กับแพลน เห็นอย่างนี้มันเคยประกวดhot waveมาก่อนนะครับ แต่ไม่ได้รางวัลอะไรมาเลยแค่นั้นแหละ


“ขอเพลงมาได้เลยครับทุกคน พี่แพลนจัดให้”
“อีกแล้วของme you พี่แพลนรู้จักไหมคะ”
“จัดไปครับน้องโมกข์”


เหมือนเธอนั้นเป็นเช่นดอกไม้
สวยงามเกินกว่าใครคนไหน
ขอเดินจูงมือจะได้ไหม หัวใจฉันคง ไม่หยุดยิ้ม
นั่งมองทุกทียังน่ารัก เหมือนครั้งแรกที่เราพบกัน
ยังคงน่ารักเช่นวันนั้น ฉันตกหลุมรักเธออีกแล้ว



ทุกคนร้องคลอไปตามเสียงของแพลน ชื่นตารู้จักเพลงนี้ตอนเปิดวิทยุบนรถฟัง เขาชอบมากๆ แล้วก็คิดว่ามันเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ด้วย ดูเหมือนอีกคนก็คิดเหมือนกัน เลยเลื่อนมือมาจับไว้ เอานิ้วเขาไปเล่นซะงั้น เพื่อนคนอื่นก็ทำเป็นมองนั่นมองนี่ ดีละ จะได้ไม่ต้องมาล้อเขา









“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก”
“ครับแม่”
“เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะเด็กๆ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”


พวกเราเดินทางมาที่สถานีรถไฟตอนตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า คุณพ่อคุณแม่ก็ตื่นเพื่อขับรถมาส่ง อีกประมาณครึ่งชั่วโมงรถไฟถึงจะมา พวกเราเลยปล่อยให้ชื่นตามีเวลาร่ำลาที่บ้านอีกหน่อย เดี๋ยวก็กลับแล้ว


พวกเราแบ่งห้องกันตามเดิม ใครเข้าก่อนก็อยู่ห้องแรก คราวนี้เลยเป็นโมกข์ คิง พอใจ แล้วก็ผม ส่วนอีกห้องก็เป็นมังกร ว่าน และแพลน


เช็คจากตั๋วแล้ว เขาเขียนว่าเราจะไปถึงกรุงเทพตอนห้าโมงครึ่ง ซึ่งชื่นตาคิดว่าก็เกือบจะหกโมงเย็นนู่นแหละ แต่เพราะคราวนี้ออกเช้าและเมื่อคืนทุกคนก็นอนกันเต็มอิ่มแล้ว ทำให้ไม่ได้มีใครหลับ ต่างคนก็ต่างนั่งเล่นกันไป


คิงเปิดเพลงในโทรศัพท์ไว้ เพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป พอสายสักหน่อยโมกข์ก็ลุกขึ้นมาแต่งหน้า คิงก็เลยปีนลงมาดู ทำให้ห้องเริ่มมีเสียงพูดคุยกันบ้าง ผมกับพอใจก็เลยแจมด้วย


“อันนี้คืออะไรวะ” พอใจหยิบแท่งๆอะไรสักอย่างขึ้นมาชูให้โมกข์ดู
“อายไลน์เนอร์ กรีดตาอ่ะ” โมกข์ตอบพลางตบสิ่งที่เรียกว่าคูชั่นลงบนหน้า ทำไมโมกข์ตบแรงจังอ่ะ ไม่เจ็บเหรอเนี่ย


“กูอยากลอง มานี่ดิ๊” พอใจเปิดฝาออกแล้วดึงให้โมกข์ขยับไปใกล้ๆ
“ไอ้สัด ไม่ได้โว้ยย ให้มึงทำหน้ากูก็แหกพอดี”


โมกข์รีบดึงอายไลน์เนอร์ออกจากมือพอใจแล้วปิดฝาใส่กระเป๋า พอใจที่ไม่มีอะไรทำเลยเปิดนั่นนี่ไปด้วย และเหมือนว่าเขาจะเจอของที่ถูกใจ


“อันนี้เอาไว้ทำไร”
“ปัดแก้ม สีนี้สวย อ่ะ แปรง”


คราวนี้โมกข์ไม่ปฏิเสธ ยื่นแปรงไปให้พอใจเล่นเต็มที่ แต่พอใจก็ยังมีฝีมืออยู่บ้าง เขาปัดทีละนิดจนมันค่อยๆขึ้นสี ไม่ได้เป็นตูดลิง ผมว่าสีนี้สวยจริงๆด้วย


“หนุกดี”
“เออ มึงปัดสวยว่ะพอใจ” โมกข์ชื่นชมหน้าตัวเองในกระจก
“น้องพอใจเอามาหน่อยค่ะ อีน้องหันมานี่” คิงจับหน้าชื่นตาให้หันไปทางตัวเอง
“อะไร!”
“ปัดแก้มไง ไม่เยอะหรอก แค่ให้มีสีเฉยๆ”


เมื่อหนีไม่ได้ก็เลยต้องอยู่นิ่งๆให้เพื่อนเล่น เมื่อมันปัดจนพอใจ คิงก็ยกกระจกมาให้เขาส่องดู ก็…ไม่ได้แปลกจากเดิมเท่าไหร่ เหมือนคนเหนื่อยๆแล้วหน้าแดงแปลกๆ


“เขาเรียกว่าแก้มมีเลือดฝาดสุขภาพดี”
“เหรอวะ”
“ใช่สิ น้องพอใจว่าดีไหมคะ”
“ก็…ดีครับ”


ชื่นตาทำเป็นไม่สนใจสายตาวิบวับของพอใจ หันไปสนใจโมกข์ที่แต่งหน้าต่อ คราวนี้แต่งตาเป็นเลเยอร์เลย ไม่ได้สีเข้มมาก แต่สวยดี การแต่งหน้ามันก็ดูยากเหมือนกันนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงจะต้องทำสิ่งนี้ทุกๆวัน เหนื่อยแทนเลยแฮะ
เมื่ิอโมกข์แต่งหน้าเสร็จ ทุกคนก็กลับเข้าโหมดไม่มีอะไรทำกันอีกครั้ง เฮ้อ การเดินทางกลับคอนโดในวันนี้มันช่างยาวนานซะเหลือเกิน








อีกแล้ว - meyou




หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--18--<22/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-06-2019 19:14:34
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter19:27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 27-06-2019 13:35:31
19







   เมื่อมาถึงกรุงเทพกันแล้ว ต่างคนก็ต่างยกย้ายกลับบ้าน พอใจกับชื่นตาก็เลือกที่จะตรงกลับบ้านทันที ไม่ได้แวะคอนโดแต่อย่างใด พอใจบอกแม่ไว้แล้วว่าอย่าเพิ่งล็อกบ้าน เขาจึงสามารถเข้าบ้านได้ทันทีที่มาถึง


   “ฝันดีนะครับ”
   “ฝันดีเหมือนกันนะ”


   พอใจยกกระเป๋าเข้ามาในบ้านก็เจอกับพ่อที่นั่งดูบอลอยู่ที่โซฟาห้องโถง เขาทักทายพ่อนิดหน่อยก่อนจะถูกพ่อไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า พอใจทำตามทันทีไม่มีอิดออด เพราะเขาก็รู้สึกเหนอะหนะอยู่เหมือนกัน


   “ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง”   
   “สนุกดีครับ แต่ไม่ได้ไปไหนเยอะหรอก”
   “ดีละ ถือว่าไปพักผ่อน นี่กลับคอนโดวันไหนล่ะ”
   “17เช้าครับ”


   พอใจคุยกับพ่ออีกนิดหน่อย แล้วก็เดินไปตรวจตราประตูหน้าบ้าน หน้าต่างทุกบานว่าล็อกเรียบร้อยแล้ว เมื่อกลับเข้ามาบอลก็จบพอดี เขาเลยเดินไปส่งพ่อที่หน้าห้องนอน แล้วก็ราตรีสวัสดิ์กันตามประสาพ่อลูก


   หลังจากนอนเต็มอิ่มจนร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว พอใจก็ตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วลงไปข้างล่าง ก็เห็นทั้งพ่อทั้งแม่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย


   “กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะลูก อุ่นเอา”
   “ครับแม่”


   พอใจเปิดฝาชีออก แล้วเอากับข้าวไปอุ่น ในระหว่างรอก็เช็คโทรศัพท์ไปด้วย ดูเหมือนว่าจะมีคนอยากเจอเขากับชื่นตา พอใจจัดตารางเวลาในหัวของตัวเองแล้วจึงตอบทางนั้นไป วันนี้เขามีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างเหมือนกันแฮะ


   หลังจากที่กินอาหารเช้าที่เกือบจะเป็นมื้อกลางวันไปแล้วเรียบร้อย พอใจก็เอาขันเงินในบ้านออกมา เขาสำรวจดอกไม้ข้างบ้านแล้วก็ตัดสินใจเด็ดดอกพุด ดอกมะลิกับกลีบกุหลาบใส่ลงไปในขัน เปิดน้ำใส่เรียบร้อยก็ใส่น้ำอบลงไปพอให้มีกลิ่น เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของวันสงกรานต์ พอใจก็จะทำตามขนบธรรมเนียมที่ผู้ใหญ่ทำกันมา ก็คือการรดน้ำดำหัว


   “พ่อครับ แม่ครับ”
   “ว่าไงลูก”
   “มานั่งตรงนี้ๆ”


   พอใจพาพ่อกับแม่มานั่งในสวน เพราะถ้ามันเปียกจะได้ไม่ต้องมาตามเช็ดทีหลัง เขาเอาขันเงินวางไว้บนตักแม่ ก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่ก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มรดน้ำดำหัว ขอให้พ่อกับแม่สุขภาพแข็งแรง ท่านทั้งสองก็ให้คำอวยพรกลับมาเช่นกัน เขาทำแบบนี้ทุกปีตั้งแต่แม่พาทำที่บ้านคุณยาย บางปีก็มีพวงมาลัยด้วย แต่ปีนี้เขาซื้อไม่ทัน แล้วก็ไม่อยากออกจากบ้านแล้ว


   “แม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน พอใจชงน้ำหวานไว้ให้หน่อยสิ”
   “ได้ครับ”
   “ให้พ่อด้วยอีกแก้ว”
   “ได้ครับบบบบ”


   น้ำหวานที่แม่หมายถึงเฮลบูบอยสีแดงนั่นแหละ เขาเทน้ำเปล่าลงในแก้วของพ่อเยอะกว่าแม่ เพื่อให้มันเจือจาง หมอบอกว่าพ่อต้องควบคุมน้ำตาล เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ก็อายุขนาดนี้แล้ว กินขนมไทยแม่มาเป็นสิบๆปีมันก็ต้องเพลาๆลงหน่อย


   “อ่ะ น้ำหวานครับ”
   “เอ้อ ขอบใจ แล้วไปถึงไหนแล้วล่ะ”
   “อะไรไปถึงไหนอ่ะพ่อ”
   “เอ๊า ก็เรื่องคนนั้นไง เป็นแฟนกันยัง”
   “ยังครับ”
   “โว๊ะ ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ลูกหมา”


   พอใจยกน้ำมาให้พ่อที่นั่งอยู่ในสวน พ่อเลยชวนเขาคุยเรื่องชื่นตา เอาจริงๆพ่อก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นชื่นตา เมื่อขเบอกว่ายังไม่ได้คบกัน พ่อก็บอกว่าเขาต้องใช้วิธีนี้ วิธีนั้น พอใจก็ได้แต่ฟังตามแบบขำๆ ไม่รู้ว่าพ่อใช้วิธีนั้นจีบแม่จริงๆหรือเปล่าด้วยซ้ำ


   “คุยอะไรกัน2พ่อลูก”
   “แนะนำวิธีจีบสาว เอ้ย จีบหนุ่มให้ลูกน่ะสิ”
   “โอ๊ย เขาคงจีบติดแล้วล่ะพ่อ”
   “ก็ลูกบอกยังไม่ได้คบ”
   “ไม่ได้คบก็อาจจะรออะไรอยู่ก็ได้นี่ ใช่ไหมลูก”
   “ครับ”


   พอใจคิดว่าแม่เขาคงรู้แล้ว ก็นะ นี่แม่เขานี่ ยังไงก็คงจับสังเกตได้อยู่แล้ว อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ คุณแววดาวเขาคงไม่ปล่อยให้มันเล็ดรอดสายตาไปได้หรอก หูตาอย่างกับเหยี่ยว ตอนนี้คงมีแค่พ่อเขานี่แหละที่ทำหน้างงเป็นไก่อยู่ว่าเขากับแม่พูดเรื่องอะไรกัน คนออกไปทำงานก็จะตกข่าวหน่อยๆ


   “อะไรวะ การออกไปทำงานทำให้พ่อพลาด เดี๋ยวพ่อไปลองสืบดีกว่า”
   “เดี๋ยวพามาหาครับ อีกไม่นาน”
   “ก็ดีๆ อยากเจอแล้ว”
   “ครับๆ เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแปปหนึ่ง”
   “ทันข้าวเย็นไหมลูก”
   “ทันครับ”


   เวลาบ่ายกว่าๆตามเวลานัด พอใจเดินไปรับชื่นตาที่มาอยู่หน้าบ้านเรียบร้อย พวกเขาปั่นจักรยานเลยสวนสาธารณะของหมู่บ้านไปหน่อย มันจะมีสระว่ายน้ำ แล้วข้างๆนั่นมีคาเฟ่ คนที่พวกเขานัดไว้รออยู่ที่นั่น เมื่อปั่นมาถึงร้านก็เห็นว่าทั้งสองคนนั้นมารออยู่แล้ว


   “พี่โปรด พี่โรม สวัสดีครับ” ชื่นตาไหว้ทักทายรุ่นพี่ก่อน
   “สวัสดี มานั่งสิ” พี่โปรดตอบรับและชวนให้เรานั่งลงตรงข้าม พี่โรมยังคงเงียบอยู่ ไม่ได้พูดอะไร พวกเรานั่งมองหน้ากันไปมาเพราะพี่โรมยังไม่เริ่มพูดสักที จนพี่โปรดที่ลุกขึ้นไปสั่งน้ำให้กลับมาก็ยังไร้ซึ่งบทสนทนา


   “พูดสิ” พี่โปรดถองศอกใส่พี่โรม ทำเอาพี่โรมสะดุ้งไปนิดหนึ่ง อยากจะขำนะ แต่สถานการณ์นี้คงไม่เหมาะ
   “คือ...พี่รู้ตัวนะว่าก่อนหน้านี้พี่รั้นไปมาก แต่มันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย พี่ต้องขอโทษชื่นด้วยที่ทำให้ชื่นต้องอึดอัด”


   “พอใจล่ะ”
   “เออๆ” พี่โรมทำหน้าเซ็งใส่พี่โปรดนิดหน่อยแล้วถึงพูดขึ้นมา
   “กูขอโทษมึงด้วยที่เข้าไปหาเรื่องเหมือนเด็กๆ ดูไม่มีวุฒิภาวะเท่าไหร่ ก็นั่นแหละ โทษเว้ย” ท่าทางของเขาเหมือนเด็กที่แม่ต้องบังคับให้มาขอโทษ รู้สึกผิดนะ แต่ยังมีฟอร์มอยู่เลยมีท่าทางยึกยักแปลกๆ


   “ผมเคยโกรธ เคยโมโหนะ แต่ตอนนี้ที่พี่รู้สึกผิด แล้วก็ไม่ทำอีก ผมก็ไม่ติดใจอะไร” ชื่นตาพูด
   “ผมด้วย” พอใจตอบรับเสริมไปอีกคน พี่โรมดูท่าทางอ่อนลงมาก ไม่รู้หรอกว่าพี่โปรดไปพูดอะไรยังไง แต่ผมคงต้องขอบคุณเขาด้วย


   “ขอบคุณพี่โปรดที่ยอมช่วยผมนะครับ”
   “ไม่เป็นไรหรอกพอใจ ยังไงมันก็เพื่อน พี่ก็ต้องดู”
   “เหอะ เพื่อน”
   “อะไร!”


   เวลาสามสี่เดือนผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นพี่โรมดูหงอขนาดนี้มาก่อน เดาว่าคงถูกเทศน์มาหลายบทแน่ๆถึงคิดได้ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนิดๆด้วย ไม่ใช่พี่โปรดที่เอาแต่คอยวิ่งตามพี่โรมอีกต่อไป


   “แล้วเรื่องจะไปเรียนที่อังกฤษล่ะครีบ เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ”
   “อ๋อ เรื่องนั้น คือพี่น่ะได้ทุนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ พอจบเรื่องนี้ก็คิดว่าไม่มีอะไรให้ต้องอยู่แล้ว” พี่โรมอธิบาย ดูเหมือนว่าเขามีทุนที่ให้เรียนจนจบปีสี่อยู่แล้ว แต่บอกปัดอาจารย์ไว้หลายครั้ง เพราะยังอยากกลับมาไทยอยู่


   “ไม่มีอะไรให้ต้องอยู่ แน่สิ ก็เล่นเอาพี่โปรดไปด้วยแบบนี้จะอยู่ไปทำไม” พอใจเอ่ยแซว โรมทำหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร มีแค่พี่โปรดเท่านั้นที่ดูจะตื่นตกใจว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง โถ่ พี่โปรดน่ะดูง่ายจะตาย


   “เลิกพูดเรื่องพวกนี้แล้วกินขนมกันเถอะ”


   เมื่อพี่โปรดชวนเปลี่ยนเรื่อง พวกผมก็ยอมตามน้ำไป แล้วก็แอบขำอยู่ในใจ ดีเหมือนกันที่พี่โรมยังรู้ตัวในวันที่มันไม่สายเกินไป ความดีความชอบทั้งหมดก็ต้องยกให้พี่โปรดนั้นแหละ พวกเราหาท็อปปิ้งเรื่องที่ไม่เครียดมาคุยกันต่อเรื่อยๆ จนกระทั่งขนมที่สั่งมาหมดไป จึงแยกย้ายกัน


   “วันบินอย่าลืมมาส่งด้วยนะเว้ย”
   “คร้าบบ ชื่นไม่ลืมหรอก”


   เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงไปเรียบร้อย พอใจคิดว่าชื่นตาก็คงรู้สึกสบายใจแล้ว หลังจากนี้ก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นาน พวกเราก็จะสามารถทำอะไรๆให้มนชัดเจนขึ้นมาได้ ระยะเวลาประมาณนี้ที่พวกเราได้เรียนรู้กัน มันทำให้พวกเขาก้าวผ่านเส้นของความรู้สึกมาหลายขั้น มันน่าจะถึงเวลาอันสมควรแล้ว แค่จะบอกยังไงนั่นแหละ


   “เราสบายใจมากๆๆๆ”
   “ก็ดีแล้วครับ” พอใจยื่นมาขยี้ผมชื่นตาเบาๆ
   “เดี๋ยวตอนเย็นที่บ้านจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิว พอใจชวนป้ากับลุงมาด้วยนะ”
   “ได้เลยครับ”


   พอใจเข้าบ้านไปชวนแม่ตามที่ชื่นตาบอกมา แม่เขาก็เลยกระวีกระวาดไปทำขนมง่ายๆ อย่างคุณแววดาวแล้ว ไปงานคนอื่นแบบไม่มีของติดไม้ติดมือไม่ได้ เขาจึงเข้าไปช่วยแม่ในครัว สิ่งที่แม่จะทำก็คือวุ้นกะทิที่เด็กๆชอบทานกัน มันใช้เวลาน้อยที่สุดแล้ว แม่เขาทำหลากหลายรูปแบบมาก ไม่รู้ว่าวันนี้จะทำเป็นรูปอะไร


   “พอใจเทส่วนผสมให้แม่หน่อยลูก”


   พอใจอยู่ช่วยแม่ทำวุ้นจนเสร็จ รอจนมันคลายความร้อนแล้วก็เอาแช่เย็นไว้ ไปตามพ่อที่ทำสวนให้มาอาบน้ำอาบท่า แล้วจึงเดินตามขึ้นไปอาบน้ำเช่นเดียวกัน ในเมื่อมันไม่ได้เป็นงานเป็นการอะไรมาก แค่เป็นการกินกันในครอบครัว พอใจจึงสามารถแต่งตัวสบายๆได้


   “ทางนี้เลยพี่แวว สามีฉันตั้งเตาแล้ว”
   “น่ากินเชียว อ่ะนี่ พี่ทำขนมมากินด้วยกัน”
   “ลาภปากฉันเลยเนี่ย”


   ฝั่งแม่ๆเขาก็แยกไปคุยกัน พ่อก็แยกกันไปคุยเรื่องสวน เรื่องบ้าน เรื่องธุรกิจต่างๆนาๆ เหลือผมกับชื่นตายืนเฝ้าเตาย่างบาร์บีคิวอยู่ ดูท่าทางคุณคนนี้เขาจะอยากกินมาก แต่ทำเองก็กลัวไหม้ เลยดึงผมไว้ไม่ยอมให้ไปไหนเลย


   “ไม่ต้องดึงเสื้อผมก็ไม่หนีไปหรอกครับ”
   “แหะๆ เรากลัวมันไหม้นี่”
   “ไม่ไหม้หรอกครับ นี่ครับ พอมันเป็นแบบนี้ก็กินได้แล้ว”


   พอใจยื่นไม้ที่สุกแล้วให้ชื่นตาชิมก่อน แล้วหยิบไม้อื่นๆใส่จาน ก่อนจะบอกให้ชื่นตายกไปให้พวกผู้ใหญ่ จากนั้นเขาก็ย่างเพิ่มเพื่อกินเอง แล้วก็ให้พี่ๆแม่บ้านที่เดินเอาน้ำเอาขนมมาให้ด้วย บาร์บีคิวที่มีอยู่นี่น่าจะสามารถกินได้ครบทุกคนในบ้านรัตนพิบูลย์เลย เผลอๆกินได้อีกสองสามวัน


   “พอใจกินเองบ้างหรือยัง”
   “กินแล้วครับ”
   “อ่ะ เราแบ่งให้”



   ชื่นตายื่นบาร์บีคิวมาให้เขาหนึ่งไม้ แต่เนื่องจากเขาติดพันในการพลิกเนื้ออยู่ เขาเลยไม่สามารถเอื้อมมือไปรับมาถือเองได้ เขาเลยก้มลงไปกัดในขณะที่ชื่นตาถือเอาไว้อยู่ ลืมไปว่าแถวนี้มีคนมองอยู่เยอะเต็มไปหมด


   “น่ารักกันจังนะเด็กสมัยนี้” ป้าชมพูดขึ้นมา จึงทำให้ชื่นตารู้สึกตัว
   “เอ่อ ป้าชมเอาอีกไหมครับ นี่ๆ อีกหนึ่งจาน”
   “ป้าอิ่มแล้วล่ะ ไปถามลุงนู่น”
   “ครับๆ” แล้วชื่นตาก็วิ่งดุ๊กดิ๊กเอาจานบาร์บีคิวไปยื่นให้พ่อผมกับคุณลุงของเขา ผมที่เห็นแม่ยืนมองอยู่ ก็เลยทำทีเป็นจิ้มวุ้นกิน มองนานๆมันก็เขินๆเหมือนกันนะครับ


   “เหมือนพ่อเขาจริงๆเล้ย จะมาขงมาเขินอะไร” แม่พูดอีกสองสามประโยคก็ผละออกไปนั่งที่โต๊ะ พอใจเลยหันกลับมาสนใจบาร์บีคิวในเตา เกือบไหม้แหนะ สงสัยต้องให้ชินอีกหน่อย ก็คงไม่รู้สึกเขินแล้วล่ะมั้ง   













หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--19--<27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-06-2019 14:13:55
 :man1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--19--<27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-06-2019 20:41:56
หวาย มีแอบหวานโดยไม่ได้ตั้งใจ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--19--<27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-06-2019 09:49:22
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--19--<27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-06-2019 14:38:39
งื้อออออ.......ป้อนกันหน่อยเดียวเอง  :เฮ้อ:
ผู้ใหญ่ๆ ไม่น่าส่งเสียงดังเล้ย
เลยได้เห็นเขาหวานกันนิดเดียว   :mew2: :mew2: :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--19--<27/6/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 06-07-2019 15:31:37
20


“เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นๆครับ”
“ได้เลยย”


ชื่นตากับพอใจบอกลากันที่หน้าบ้าน หลังจากที่ได้คุยกับพี่โรมในวันนี้ ชื่นตารู้สึกโล่งใจมากๆแล้ว เขาไม่มีเรื่องอะไรให้กลุ้มใจหรือต้องกังวลอีกแล้ว ก็หวังว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ของเขากับพอใจจะไปได้มากกว่านี้


ชื่นตาตื่นเช้ามาพร้อมกับความสดชื่นเพราะนอนไปเต็มอิ่ม วันนี้เขาตั้งใจตื่นมาตั้งแต่เช้าเพราะอยากลองทำอาหารเช้าบ้าง เขาบอกป้าพร้อมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะตื่นมาช่วย ก็เลยไม่มีใครแปลกใจที่เห็นชื่นตาเดินเข้าครัว


วันนี้อาหารเช้าไม่ใช่ของที่แปลกตาอะไรมาก เป็นข้าวผัดกับไข่ดาว แล้วก็มีไส้กรอก หน้าที่แรกที่ได้รับคือหั่นหอมหัวใหญ่ หั่นไปก็ร้องไห้ไปเพราะแสบตา แต่จะหลับตาก็ไม่ได้ เดี๋ยวมีดบาดมือ หันไปก็เจอป้าพร้อมที่ยืนยิ้มเอ็นดูอยู่ข้างๆ


“โถถ คุณหนูของป้า น้ำหูน้ำตาไหลหมด”
“ชื่นแสบตาา”
“หั่นเสร็จก็ไปล้างหน้าล้างตานะคะ”


หลังจากเสร็จหน้าที่นี้ ชื่นตาก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปล้างตาทันที หน้าตาเขาดูไม่ได้เลย เช็ดหน้าเรียบร้อยก็เดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อช่วยงานต่อ คราวนี้ได้ช่วยผัด


“ใส่อันนี้ กับอันนี้นิดหนึ่งนะคะ แล้วผัดๆเสร็จก็ใส่น้ำตาล”


ชื่นตาพยายามจำรายละเอียดที่ป้าพร้อมบอกให้หมด จดไว้ในสมองแล้วเรียบร้อย หวังว่าจะไม่ลืม หลังจากนั้นป้าพร้อมก็ให้เขาทอดไส้กรอกกับไข่ดาว เรื่องนี้จิ๊บๆ เมนูนี้ทำได้


ชื่นตาค่อยๆเทไข่ลงไปในน้ำมันเดือดๆ ไข่ค่อยๆฟูขึ้นมาสวยงาม นี่เป็นความสามารถพิเศษของเขาเชียวนะ การทอดไข่ดาวไม่สุกอ่ะ เมื่อจัดการกับไส้กรอกและไข่ดาวเรียบร้อย อาหารเช้าก็พร้อมตั้งโต๊ะแล้ว


“ไหน ชื่นทำอันไหนลูก”
“ชื่นทำหมดเลยยยย ป้าชมชิมดูครับ”
“อื้ม อร่อยมากจ้ะ”


ชื่นตายิ้มหน้าบานเพราะได้รับคำชม ถึงจะไม่ได้ปรุงเองแต่มันก็เหมือนๆกันแหละน่ะ เขาว่าจะกลับไปทำให้พอใจกินด้วยแหละ หรือว่าแบ่งจากนี่ไปให้พอใจเลยดี คิดไปคิดมา เอาไปให้ชิมเลยดีกว่า เป็นการอวดไปด้วยในตัว ฮี่ๆ


“ป้าพร้อมตักใส่จานให้หน่อยครับ”
“กินอีกเหรอคะ”
“เปล่าครับ ชื่นจะเอาไปอวดพอใจ”
“ฮะๆ คุณหนูๆน่ารักจังเลย ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าตักให้”


ป้าพร้อมตักให้เยอะมาก ใส่มาในถ้วยใหญ่ๆ พร้อมบอกว่าบ้านนั้นมีตั้งสามคน จานเดียวคงไม่พอ ชื่นตาก็เห็นด้วย ตอนนี้ก็เดินข้ามถนนมาถึงแล้ว ปกติประตูรั้วบ้านพอใจจะไม่ปิดอยู่แล้ว เคยเห็นเวลามีคนมาหาก็เดินเข้าไปเลย แล้วก็ตะโกนเรียกอยู่หน้าประตู


“พอใจ! ป้าแววครับ!”


ยืนรอไม่นานนักป้าแววก็ออกมาหา ชื่นตาเลยเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ข้างนอกร้อนมากเลย ขนาดว่าบ้านพอใจมีต้นไม้เยอะมากๆๆๆแล้วนะ


“เอาอะไรมาจ๊ะ”
“ข้าวผัดครับ ชื่นทำเอง เอามาให้ลองชิม”
“อ๋อ มาจ้ะ ป้าเอาไปใส่จาน”
“นี่ครับ” ชื่นตายื่นถ้วยที่สามารถเนียกว่าโถก็ได้ไปให้ป้าแวว พร้อมสอดส่องสายตาไปรอบๆเพื่อมองหาพอใจ


“รายนั้นยังไม่ตื่นหรอกจ้ะ”
“อ๋อ คงนอนดึกมั้งครับ”
“ประมาณนั้นแหละจ้ะ วานคุณชื่นช่วยไปตามให้ป้าหน่อยสิ”
“ครับ! ผมเหรอ”
“ใช่ ห้องมุมซ้ายนะจ๊ะ”


แล้วชื่นตาก็ได้รับหน้าที่ใหม่ขึ้นมาเฉยๆ เขาเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน มองไปมุมซ้ายตามที่ป้าแววบอก แล้วก็เดินไปหยุดที่หน้าประตู ช่างใจอยู่นานว่าจะเคาะดีไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจเคาะ


ก็อก ก็อก


“พอใจ! ตื่นยังง” แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ชื่นตาจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต


ชื่นตามองสำรวจห้องของพอใจ ก็เป็นห้องสีขาวเรียบๆทั่วไป มองไปที่พอใจที่คลุมผ้าห่มไว้เป็นก้อนๆ แต่ยื่นขาออกมาจากผ้าห่ม เดาว่าคงจะร้อน แต่ไม่อยากเอาตัวออกมา ชื่นตาก็เป็น เขาเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงแล้วเรียกเพื่อปลุก


“พอใจ ตื่นๆๆ” แต่พูดไปก็ไม่ได้รับการตอบรับ จึงต้องเอามือไปเขย่าๆด้วย พอใจถึงจะงัวเงียตื่นขึ้นมา ตอนอึนๆแบบนี้พอใจก็เหมือนเด็กอยู่เหมือนกัน น่ารักดี


“อือ พี่ชื่น มายังไงครับ”
“ป้าแววบอกให้เรามาปลุก”
“อื้อ”
“อ๊ะ”


นอกจากจะไม่ยอมลุกขึ้นแล้ว พอใจยังดึงชื่นให้ลงไปนอนข้างๆอีกด้วย ชื่นตาตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ขยับออกนิดหนึ่งเพราะรู้สึกว่ามันใกล้เกินไป


“ขอ5นาทีครับ”
“5นาทีนะ ก็ได้”


ชื่นตามองนาฬิกาที่ตู้ข้างเตียงของพอใจ แล้วก็หันกลับมามองคนตรงหน้าที่นอนหลับตาอยู่ อ่า ชื่นตาไม่รู้จะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน เขาจึงลอบสำรวจใบหน้าของชื่นตา มองจนลืมเวลา เมื่อพอใจลืมตาขึ้นมาสบตา ชื่นตาก็สะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ก็ทำเนียนไม่พูดอะไร


“แอบมองผมเหรอ”
“ก็มันอยู่ตรงหน้านี่”
“จุุ๊บ!”
“อ๊ะ พอใจ!”
“อรุณสวัสดิ์ครับ ผมไปอาบน้ำก่อน”


พอใจลุกไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชื่นตานอนตาโตอยู่บนเตียง เมื่อรู้สึกตัวแล้วจึงรีบลงไปข้างล่างแบบเขินๆ พยายามทำให้ใจสงบๆแล้ว แต่ทำไม่ได้จริงๆ


"คุณชื่น กินวุ้นกะทิไหมลูก"
"ขอบคุณครับ"


ชื่นตารับจานวุ้นกะทิมา แล้วเอาส้อมจิ้มกินอย่างมีความสุข มันไม่หวานเกิน ไม่เลี่ยน ชื่นตาชอบขนมของป้าแววที่สุดเลย ในตอนที่มีความสุขอยู่กับขนม ชื่นตาไม่รู้เลยว่ามีใครเดินมาอยู่ข้างหลัง


"แฮร่!"
"แม่ร่วง! พอใจ!"


ชื่นตาตกใจจนทำวุ้นกะทิร่วงลงไปหนึ่งชิ้น เขาเสียใจจนต้องยืนนิ่งไว้อาลัยให้กับวุ้นที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาเสียของอร่อยไปแล้ว เศร้าจัง


"นิ่งเลยครับ"
"เราทำขนมหล่น ฮือออ"
"เหลืออีกตั้งหลายชิ้นครับ"
"แต่มันน่าเสียดาย"
"ช่างมันเถอะครับ"


ชื่นตาได้แต่มองตามพอใจที่เอาทิชชู่หยิบขนมไปทิ้งอย่างอาลัยอาวร เขาน่าจะรู้ตัวตั้งแต่สามวินาทีแรกแล้วหยิบเข้าปาก ตอนนั้นเชื้อโรคน่าจะยังไม่รู้ตัวหรอก เฮ้อ


ช่างเถอะ ชื่นตาหันมามองวุ้นอีกสี่ห้าชิ้นในจานแล้วหยิบกินต่อ พร้อมกับที่ลุง ป้าแววแล้วก็พอใจนั่งลงกินข้าว ทุกคนพูดคุยกันเล็กน้อย ชื่นตาก็มีส่วนร่วมในบทสนทนาบ้างเล็กน้อย


"พอใจไปส่งขนมบ้านยายเล็กหน่อยนะลูก"
"ได้ครับ เดี๋ยวเอาจักรยานไป"


หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จ ชื่นตาก็เข้าไปช่วยป้าแววล้างจานในครัว จนพอใจลงมาจากห้องแล้วชวนเขาออกไปส่งขนมด้วยกัน ตะกร้าข้างหน้าเต็มไปด้วยกล่องขนม ดังนั้นกล้องของพอใจจึงมาห้อยอยู่ที่คอของเขาแทน


พอใจพาชื่นตาแวะไปส่งขนมที่บ้านซอยถัดไปจากบ้านของพวกเขาสองซอย เป็นบ้านของคุณยายคนหนึ่งที่อยู่กับลูกสาวสองคน แต่สั่งขนมมาตั้งหลายกล่อง ท่าทางจะชอบกินมากจริงๆแหละ และตอนกลับ พอใจก็พาเขามาแวะที่สวน พวกเรานี่ชอบมาสวนกันจริงๆเลย


"ผมจะแวะถ่ายรูปหน่อย"
"โอเค เดี๋ยวเราเดินตาม"
"ไม่ พี่ต้องถ่ายให้ผม มานี่" ชื่นตาถูกดึงมายืนอยู่ข้างๆพอใจ
"เราถ่ายไม่เป็น"
"เดี๋ยวสอน"


พอใจขยับตัวไปยืนซ้อนหลังชื่นตา เปิดหน้าเลนส์ แล้วก็เลื่อนฟิล์มให้อีกคนดูเป็นตัวอย่าง อธิบายตัวเลขต่างๆบนกล้องให้ชื่นตาเข้าใจแบบคร่าวๆก่อน


"พี่มองตรงนี้นะ มองกรอบสีเหลืองๆไหม"
"อื้อๆ"
"แล้วมันจะมีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงกลางใช่ไหมครับ พี่มองตรงนั้นดีๆนะ"
"อ่าห๊ะ เรามองอยู่"
"ตรงนั้นมันจะมีภาพซ้อน พี่ต้องเลื่อนให้มันมาตรงกัน" พอใจค่อยๆเอามือหมุนเลนส์ทีละนิดเพื่อให้ชื่นตาสามารถสังเกตได้


"อ๋อ เรามองเห็นแล้ว"
"ครับ ทีนี้หลังจากที่มันซ้อนกันแล้วพี่ก็กดถ่ายได้เลย ระยะประมาณหนึ่งช่วงแขนนะครับ"
"โอเคค เดี๋ยวเราลองดู"


พอใจเดินไปอยู่ในจุดที่คิดว่าแสงจะเข้า แล้วก็อยู่นิ่งๆให้ชื่นตาโฟกัส ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาสักหน่อย พอใจก็ไม่มีบ่น ยืนเป็นนายแบบให้อย่างดี


"พอละ เราเริ่มปวดตา"
"ครับ งั้นพี่ช่วยไปหยิบขาตั้งในประเป๋าให้หน่อยได้ไหมครับ"
"โอเคค"


ชื่นตาวิ่งไปที่กระเป๋าผ้าที่วางอยู่บนม้านั่งแถวๆนั้น ตอนที่หยิบถุงใส่ขาตั้งออกมา มันมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นออกมาจากถุง ชื่นตาก็เลยหยิบออกมาดู


'หยิบขาตั้งกล้องมาให้แฟนหน่อยครับ'


ชื่นตาอ่านข้อความนั้นแล้วยืนอมยิ้มอยู่กับที่ หันกลับไปมองพอใจที่ยืนอยู่ที่เดิม พอใจไม่ได้เร่งให้เขาเดินไปหา ชื่นตาไม่ได้ยืนคิดอะไรนานหรอก เขาแค่เขินเลยไม่เดินไปสักที


เวลาผ่านไปหลายนาที ชื่นตาค่อยๆวางถุงขาตั้งกล้องลง แล้วเดินกลับไปมือเปล่า พอใจได้แต่ยืนมองเงียบๆ


"เราแกะถุงไม่ได้อ่ะ ไปแกะให้หน่อยสิ" พอใจที่กำลังคิดมากอยู่ก็หัวเราะให้กับประโยคนี้
"อย่าหัวเราะสิ พอใจมัดแน่นไปอ่ะ เราแกะไม่ได้"


พอใจเดินกลับไปที่ม้านั่งแล้วค่อยๆแก้มัดถุงนั้น มันแกะยากอย่างที่ชื่นตาว่านั่นแหละ เขาไม่ค่อยใช้มันสักเท่าไหร่ ตอนมัดเลยไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นยังไง


"แล้วยังไงต่อครับ"
"อ่ะ เราเอามาให้แล้วนะ" ชื่นตาหยิบขาตั้งกล้องมาจากมือพอใจ และยื่นกลับไปหาพอใจอีกที สุดท้ายทั้งคู่ก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา


"มาครับคุณแฟน ถ่ายรูปกันหน่อย"
"ถ่ายยังไงอ่ะ"
"ตั้งเวลาครับ พี่ไปยืนตรงนั้น"


พอใจชี้ไปใต้ร่มไม้ เมื่อชื่นตาไปยืนแล้วเรียบร้อย เขาก็หมุนโฟกัสค้างไว้ ปรับกล้องให้อยู่ในโหมดตั้งเวลา กดชัตเตอร์แล้วรีบวิ่งไปยืนข้างชื่นตาทันที ก็หวังว่ารูปที่ถ่ายวันนี้จะใช้ได้


"ล้างรูปแล้วส่งให้เราด้วยนะ"
"ครับแฟน"


หลังจากนั้นชื่นตาก็นั่งซ้อนจักรยานพอใจกลับบ้านเหมือนเดิม ตอนเย็นทั้งคู่ก็นั่งแท็กซี่กลับมาที่คอนโดและแยกย้ายกันไปพักผ่อน ไม่กี่วันหลังจากนั้น ชื่นตาก็เลื่อนฟีดในอินสตาแกรมไปเรื่อยๆ แล้วก็เจอกับ…


'I'll be with you'


เป็นรูปของชื่นตากับพอใจยืนจับมือกันใต้ร่มไม้ในสวนสาธารณะวันนั้น ชื่นตาอมยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็กดไลค์ไปหนึ่งที


"ยิ้มอะไรครับ"
"เปล่าเลย"


ชื่นตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของพอใจมาส่งรูปนั้นให้ตัวเอง อ้อ ส่งรูปอื่นด้วย ก็เขาเป็นคนถ่าย ต้องเก็บรูปไว้ได้สิ


หลังจากได้ในสิ่งที่ต้องการเรียบร้อย ชื่นตาก็จัดการโพสต์ในอินสตาแกรมของตัวเองทันที

'A man in the garden snap by me'


ยิ้มชอบใจให้กับตัวเอง แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินขนมที่ตัวเองสั่งมา เขาปิดแจ้งเตือนแล้ว เพราะรู้ว่าเพื่อนจะต้องมาแซวเยอะแน่ๆ วันนี้เขามีความสุขมาก จริงๆก็มีความสุขทุกวันที่อยู่กับพอใจนั่นแหละ!









หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-07-2019 16:06:35
 :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 06-07-2019 17:59:30
หวานนนนน
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-07-2019 20:18:11
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2019 20:24:45
  :impress2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-07-2019 09:50:53
พรุ้งพริ้งๆ ๆ มาก
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--20--<6/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2019 08:30:50
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter21:12/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 12-07-2019 13:46:57
21







หลังจากผ่านช่วงเวลาแสนจะน่ารักและมีความสุขไปแล้ว มันก็มาถึงช่วงเวลาแห่งการสอบ จริงๆมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากหรอก เขาตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้ว จึงไม่ได้จำเป็นต้องมาอ่านทบทวนเยอะเท่าไหร่นัก

 
พอใจกับชื่นตาอ่านหนังสือด้วยกันบ้าง พวกเราเรียนคณะเดียวกัน บางอย่างที่พอใจไม่เข้าใจ เขาก็สามารถหันไปถามชื่นตาได้ ส่วนชื่นตาก็ไม่ได้คิดว่าน่ารำคาญอะไร เพราะพื้นฐานบางอย่างเขาก็ยังต้องสอบอยู่


"พี่สอบถึงวันไหนครับ"
"วันอังคารน่ะ พอใจล่ะ"
"พฤหัสครับ"
"เราเสร็จก่อนสินะ โอเคค ตั้งใจนะ"


วันนี้พอใจมีนัดอ่านหนังสือกับเพื่อนที่คาเฟ่แถวๆมหาวิทยาลัย เขาวางหนังสือลงที่เบาะข้างๆ แล้วก็ขับรถออกไป


ตอนนี้พอใจกับชื่นตาเป็นแฟนกันมาเกือบจะสามสัปดาห์แล้ว สิ่งต่างๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีการปรับตัวอะไรมากมายนัก เราเถียงกันเรื่องจุกจิกนิดหน่อย แต่ก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ไม่ปล่อยเวลาให้นานหรือเก็บไปทะเลาะกันใหญ่โต


"พี่ชื่นไม่มาด้วยเหรอวะ" โมกข์ถาม
"ให้เขาอ่านเงียบๆเหอะ"
"ก็ได้ๆ กินไรก่อนไหมมึง"
"ดูก่อน"


พอใจวางหนังสือไว้ที่โต๊ะแล้วก็เดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์ เขามองดูเมนูแบบผ่านๆแล้วก็สั่งลาเต้มาหนึ่งแก้ว พวกเราอ่านหนังสือกันอย่างเงียบเชีียบ มีเสียงช้อนกระทบจานบ้างตอนที่ตักของกินเข้าปาก แทบจะไม่ทีใครพูดอะไรเลย ทุกคนต่างจมอยู่ในโลกของการอ่าน จนกระทั่งมังกรเริ่มตบะแตก


"พักก่อนไหมมึง"
"ก็ดี เริ่มเมื่อยละ" ว่านพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่มังกรบอก
"เดี๋ยวพักสัก20นาที แล้วค่อยอ่านต่อ"
"ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามกูละกัน" พอใจอ่านทุกอย่างหมดแล้ว เหลือแต่อ่านทวนหลายๆรอบเพื่อให้ตัวเองจำได้เท่านั้นเอง บางทีเวลาที่นั่งรถไปไหนมาไหน เขาก็เปิดเสียงอาจารย์ที่อัดไว้ฟังบนรถด้วย เป็นวิธีการทบทวนของเขา


"มีเพื่อนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เอ้อ สอบเสร็จไปไหนกันวะ"
"กูกลับบ้านอ่ะ" ว่านตอบ
"เชียงรายอ่ะนะ"
"ใช่"
"ว่าจะชวนไปเที่ยว มหาลัยให้หยุดทั้งที" มังกรพูดอย่างเสียดาย
"ไว้คราวหลังเหอะมึง พักนิดหนึ่ง กูคิดถึงบ้าน"
"เออ จริง คิดถึงพ่อกับแม่ชิบหายเลย"
"รออาจารย์นัดเรียนชดได้เลย" เมื่อพอใจพูดประโยคนี้ ทุกคนก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากทันที ก็รู้กันดีนี่ว่าถ้าได้หยุดแบบนี้ยังไงก็ต้องมีเรียนชดเชย อาจารย์ไม่มีวันปล่อยพวกเราไปสบายๆหรอก





หลังจากครบยี่สิบนาทีโดยประมาณแล้ว ทุกคนก็มุ่งมั่นอ่านต่อ พอใจที่อ่านทวนไปสักพักก็มีสายเข้า ทำให้เขาต้องละจากการอ่านหนังสือมารับสายก่อน


Rrrrr 'คุณชื่น'


"ครับ"
"พอใจอยู่ไหนอ่ะ"
"คาเฟ่ครับ"
"ซื้อเค้กให้เราหน่อยซี่ เราอ่านหนังสือไม่ได้ถ้าไม่มีของหวาน"
"แค่อยากกินก็บอกมาเถอะครับ"
"นั่นแหละๆ อย่าลืมน้าา"
"ครับๆ เดี๋ยวรีบกลับ"
"ไม่ต้องรีบ รอได้ๆ"
"ครับๆ"


 หลังจากวางสาย พอใจก็เดินไปดูที่ตู้แช่เพื่อสั่งเค้กมาสองสามชิ้น เก็บไว้ให้ชื่นตากินวันอื่นด้วย ไม่ได้ให้กินหมดวันนี้นะ เราไม่ควรกินของหวานเยอะๆภายในวันเดียวนะครับ


พวกเรานั่งอ่านกันอยู่ที่นั่นรวมๆแล้วก็สามสี่ชั่วโมง สุดท้ายก็ไม่ไหว ขอตัวกลับห้องไปอาบน้ำ พักสายตากันดีกว่า ถ้าหักโหมเกินไปเดี๋ยวจะป่วยเอา


พอใจหิ้วถุงเค้กขึ้นมาที่ชั้นแปดก่อน เพราะต้องเอาเค้กมาส่งให้ชื่นตา ตอนนี้พอใจไม่ต้องยืนรอหน้าห้องอีกแล้ว เขาสามารถกดรหัสแล้วเข้าไปได้เลย ชื่นตาเปิดเพลงดังลั่นห้อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าผมเดินเข้าห้องมา


พอใจเดินเสียงฮัมเพลงมาก็พบว่าเขาอยู่ในห้องครัว กำลังล้างจานอยู่เลย พอใจวางเค้กลงบนเคาท์เตอร์ครัว แล้วเดินไปหยุดด้านหลังของชื่นตา ทำตัวเงียบๆ จนอีกคนหันมา


"อ๊ะ! พอใจมาตอนไหน"
"ถ้าโจรเข้าห้องจะรูืตัวไหมเนี่ย"
"ก็มาเงียบๆนี่"
"ถ้าไม่ใช่ผมนี่พี่โดนยกโซฟาไปแล้ว"
"เค้กเราล่ะ"
"นี่ครับ"


แต่พอใจไม่ให้ง่ายๆหรอก เขาชูเค้กขึ้นเหนือหัวแล้วยังยืดตัวขึ้นอีก ชื่นตายืดยังไงก็ไม่ถึง กระโดดก็แล้ว ยังไงก็ไม่ถึงอยู่ดี อ้อนจนอีกคนพอใจนั่นแหละถึงได้มา


"เราเหนื่อยนะ ต้องได้กินสองชิ้น"
"ไม่ครับ ชิ้นเดียวพอ"
"แต่ว่าเราอยากกินสองชิ้นนี่"
"จะกินไหมครับ"
"ก็ได้" ชื่นตาทำหน้าหงอย แต่ก็หงอยได้แปปเดียวเท่านั้นแหละ พอตักเค้กเข้าปาก ความรู้สึกนั้นก็หายไปหมด พลังของขนมหวานน่ะนะ


"เดี๋ยวสอบเสร็จกลับบ้านกันครับ"
"โอเคเลยย ไปเติมของอร่อยที่บ้านดีกว่า"
"นี่คิดแต่เรื่องกินหรือไง"
"เราอยู่บนโลกนี้เพื่อกินนะ"


พอใจอยู่กับชื่นตาอีกพักหนึ่งก็ลงมาที่ห้องตัวเอง เขาเช็คตารางสอบอีกครั้งแล้วจึงจัดเวลาอ่านหนังสือให้ตัวเอง วันไหนควรอ่านวิชาไหน เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็คุยกับชื่นตาต่ออีกนิดหน่อย









เมื่อผ่านพ้นช่วงสอบมา คณะของพอใจได้หยุดเนื่องจากมีงานที่ทางคณะจะต้องจัด เขาจึงได้หยุดหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนี้คงได้หาเวลามาเรียนชดเชยเป็นแน่ ก็ได้แต่หวังว่าอาจารย์จะปล่อยไปเฉยๆ


พอใจตื่นมาตอนเก้าโมงเช้าอย่างสดชื่น เขาไม่ได้นอนเต็มอิ่มแบบนี้มาร่วมสัปดาห์ เพราะต้องอ่านหนังสือซ้ำไปซ้ำมา


วันนี้เขาตั้งใจจะตื่นมาทำมื้อเช้ากินก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน ไม่รีบเท่าไหร่ มีเวลาอีกตั้งหลายวัน เขาทำแซนด์วิชเผื่อชื่นตาด้วย ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เจ้าตัวจะตื่นหรือยัง ต้องลองโทรไปเช็คก่อน


[อืออ ครับ]
"นอนต่อไหมครับ หรือจะลงมากินมื้อเช้า"
[เดี๋ยวเราลงไป แปปนึงน้าา]
"นอนต่อก่อนก็ได้ครับ"
[ไม่เอาา เดี๋ยวไปหา]
"ครับๆ"


พอใจตั้งโต๊ะรอไม่นาน ชื่นตาก็กดรหัสห้องแล้วก็วิ่งเข้ามา เสียงดังตึงตังขนาดนี้ ต่อให้เขาหลับก็คงตื่นขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น


"เดี๋ยวก็ลื่นหรอก"
"ไม่ลื่นนน"
"ครับๆ กินข้าวดีกว่า"
"อื้อ"


ทั้งชื่นตาและพอใจยังอยู่ในชุดนอนลายทางสีครีม ชุดนี้ชื่นตาสั่งมาจากอินเทอร์เน็ต เขาเห็นว่ามันน่ารักดี เลยสั่งมาเผื่อพอใจด้วย กลายเป็นชุดนอนคู่!


"พอใจมองกล้องหน่อย"


พอใจหันไปมองโทรศัพท์แล้วยกแซนด์วิชขึ้นมาปิดหน้า ชื่นตาหัวเราะขำ ไม่ได้บังคับให้เขาเอามือออก ได้ยินเสียงกล้องดังแชะอยู่สองสามครั้ง ชื่นตาก็กลับมานั่งกินข้าวปกติ


"เราจะอยู่บ้านทุกวันเลยไหม"
"อยากไปไหนเหรอครับ"
"เปล่าๆ เราถามเฉยๆ"
"ถ้าไม่มีแพลนก็อยู่บ้านครับ"


ชื่นตาพยักหน้าหงึกหงัก พอใจคิดว่าเราควรนอนเฉยๆอยู่บ้านดีกว่า เพราะพวกเราเหนื่อยกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว พอใจมีเวลาพักน้อยกว่าชื่นตา เขาสอบติดๆกันจนวันสุดท้ายก่อนหยุด ส่วนชื่นตาพักมาแล้วสองสามวัน


พวกเขาช่วยกันล้างจานและเก็บกวาดขยะบนโต๊ะจนเรียบร้อย ชื่นตาก็ขึ้นลิฟต์กลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับบ้าน พอใจเองก็เช่นกัน รอบนี้เขาจะต้องออกไปซื้อของให้แม่ก่อนเข้าบ้าน เขาคิดว่ามันถึงเวลาอันสมควรแล้วล่ะ


"เดี๋ยวแวะร้านพี่แพงก่อนนะครับ"
"ได้เลยย ซื้อไปฝากป้าด้วยดีกว่า"


วันนี้พวกเราตั้งใจจะมาซื้อชากันโดยเฉพาะ ไม่ได้อยู่นั่งเล่นที่ร้านก่อน แล้วก็ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะซื้อชาอะไรไปให้แม่ดี ถ้าเอาปกติที่แม่เขาดื่มก็จะเป็นชาแบบไม่มีน้ำตาล ลดคอเรสเตอรอล อะไรประมาณนี้ แต่ว่าตอนนี้อากาศร้อนมาก ซื้อชาแบบสดชื่นๆไปไว้ดีกว่า จะได้ช่วยคลายร้อนด้วย


"สวัสดีครับพี่แพง"
"สวัสดีจ้ะเด็กๆ วันนี้ไม่มีเรียนกันเหรอ"
"หยุดครับพี่แพง มาช็อปปิ้งชาหน่อย ฮะๆ" ชื่นตาเป็นคนตอบ พวกเรานั่งรอพี่แพงเอาใบรายการชามาให้ที่หน้าเคาท์เตอร์ แล้วก็สั่งชาไปคนละแก้วด้วย แน่นอนว่าพอใจสั่งชาประจำวันเหมือนทุกที


"นี่จ้ะ อยากได้ชาแบบไหนล่ะรอบนี้"
"ผมอยากได้พวกชาผลไม้ครับ" พอใจตอบ
"มีแบบนี้ที่เป็นผลไม้รวมเลย กับแยกเดี่ยวแบบชาพีช ชาสตอว์เบอร์รี"
"เอารวมเลยครับ"
"ชื่นเอาด้วยหนึ่งกล่อง แล้วก็เอิร์ลเกรย์อีกหนึ่งครับ"
"โอเคจ้ะ รอแปปนึงนะ เดี๋ยวหยิบมาให้"


ด้วยความที่ชามันมาเป็นกล่องถือง่ายอยู่แล้ว พอใจเลยปฏิเสธที่จะรับถุง พวกเขาถือกล่องชาที่ตัวเองสั่งมาไว้ในรถ แล้วก็เดินทางกลับบ้านกัน





พวกเรามาถึงบ้านกันในเวลาบ่ายกว่าๆ ดูท่าชื่นตาจะหิวแล้ว ตอนอยู่บนรถเขาบ่นแล้วบ่นอีก เพราะเราอยู่บนถนนกันในตอนที่คนอื่นออกมากินข้าวกัน ทำให้ติดอยู่ตรงทางโค้งก่อนเลี้ยวเข้าหมู่บ้านนานมาก ครึ่งชั่วโมงขยับไปได้ไม่เท่าไหร่ กว่าจะมาถึงนี่ชื่นตาแทบขาดใจตาย


รอบนี้เราขับรถของชื่นตามา จริงๆก็เป็นความตั้งใจของพอใจ เพราะถ้าเขาขับรถตัวเองมา ก็ต้องเอาไปจอดบ้านเขา แล้วจะให้ถือของเดินตามชื่นตาไป มันก็ดูแปลกๆ ใช่แล้ว วันนี้เขาตั้งใจจะมาเปิดตัวกับคุณลุงคุณป้า ถึงแม้ว่าพวกท่านอาจจะรู้แล้วก็ตาม


"ป้าพร้อมครับบบ ชื่นหิวมากเลยย"


"ป้าเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ พอใจด้วยนะลูก คุณท่านอยู่ในห้องดูหนังนะคะ เผื่ออยากเข้าไปหาก่อน"


ชื่นตาหิวมาก เขาเลยตัดสินใจนั่งลงกินข้าวก่อน แต่พอใจเดินเข้าไปหาคุณลุงคุณป้าในห้องที่เอาไว้ใช้ดูหนังของบ้านนี้


"สวัสดีครับ"
"อ้าว พอใจ มากันแล้วเหรอจ๊ะ"
"ครับ พี่ชื่นกินข้าวอยู่ในครัว"


คุณป้ากำลังจะลุกออกไป แต่พอใจพูดรั้งไว้เสียก่อน เขาคิดว่าจะบอกออกไปตอนนี้เลย ถ้าพูดตอนที่ชื่นตาอยู่ด้วยมันคงแปลกๆนิดหน่อย


"ผมมาฝากตัวน่ะครับ"
"ฝากตัวอะไรเหรอพอใจ" คุณลุงถาม
"ฝากตัวในฐานะแฟนของหลานชายคุณลุงครับ" ทุกคนเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่ท่านทั้งสองจะระเบิดหัวเราะออกมา


"ฮ่าๆๆ เอ้อ ดีๆๆ พวกเรารู้แล้้วล่ะ ทางบ้านโน้นเขาโทรมาบอก"
"ครับ ผมก็คิดว่ารู้กันแล้ว แต่ก็อยากบอกไว้"
"ก็ดีนะลูก อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไปๆ กินข้าวกันดีกว่า"


ตอนที่พวกเราเดินมาถึงครัว ก็เห็นชื่นตาก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะหิวมากจริงๆ ไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกับใครเลย


"ทักทายลุงหน่อยสิไอ้หนู มัวแต่กิน"
"อ๊ะ! สวัสดีครับ ชื่นหิวข้าวไปหน่อย"
"ไม่หน่อยแล้วลูก มา กินข้าวกันพอใจ"
"ขอบคุณครับ"


ป้าพร้อมตักข้าวให้เขาเยอะมาก พอใจไม่แน่ใจว่าเขาจะกินหมดหรือเปล่า ก็คงต้องลองดู บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมีแต่ความสุข พอใจรู้สึกดีกับบรรยากาศแบบนี้ เขาดีใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น


เมื่อกินข้าวเที่ยงเรียบร้อย พอใจก็ไปหยิบของเพื่อเดินกลับบ้าน โดยมีชื่นตายกของมาช่วย ตอนที่หยุดอยู่หน้ารั้ว พอใจได้ยินเสียงพ่อเปิดเพลงดังลั่น ดูเหมือนว่าวันนี้ที่บ้านเขาจะอารมณ์ดีกันเป็นพิเศษ


"คุณลุงคุณป้า สวัสดีครับ"
"สวัสดีจ้าคุณชื่น พอใจลูกแม่" แม่เดินมากอดแล้วก็หอมแก้มตามปกติ ลูกรักนี่ ก็เป็นลูกชายคนเดียว
"ลูกมาแล้วเรอะ" พ่อโผล่หน้าออกมาจากในครัว ดูเหมือนว่ากำลังชงชาอยู่ พอใจก็เลยหยิบกล่องชาที่ซื้อมาไปวางไว้ในครัว แล้วดึงพ่อมานั่งที่โซฟา


"วันนี้พาคนมาให้รู้จักครับ"
"หือ? ใครเหรอลูก" ทุกคนมองออกไปที่หน้าประตูเพราะคิดว่าจะมีคนเดินเข้ามา


"คนนี้ครับ ชื่อชื่นตา เป็นแฟนผม" พอใจผายมือไปยังคนข้างๆที่ยังคงทำหน้าตางงๆอยู่ แม่นั่งยิ้มๆ ส่วนพ่อที่ทำความเข้าใจแล้วก็หัวเราะชอบใจออกมา


"อ๋อ คนที่ว่าคือคุณชื่นนี่เอง ใกล้ตัวมากๆเลยแฮะ"
"ไหนๆก็ต้อนรับแฟนลูก แม่ไปเอาขนมมาให้กินดีกว่า"


ชื่นตาเริ่มรู้สึกตัว แล้วก็คงเขินขึ้นมา ก็เลยเอามือมากำเสื้อเขาไว้ซะแน่น พอใจต้องค่อยๆแกะออก ดูเหมือนว่าอีกคนจะสติหลุดไปแล้ว


"ทำไมพอใจไม่บอกเราก่อนล่ะ"
"บอกทำไมครับ"
"ก็เผื่อว่า…"
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ ผมรู้จักพ่อแม่ตัวเองดี ถึงไม่บอกพี่ก่อนไง"


ชื่นตาเหมือนว่าจะเข้าใจแล้ว เมื่อขนมมาถึงโต๊ะ เจ้าตัวก็ไม่รีรออะไร ยิ้มให้แม่ทีหนึ่งแล้วก็จิ้มกินทันที พอใจเห็นแบบนั้นก็ยกมือลูบหัวอย่างเอ็นดู ถึงแม้อีกคนจะเป็นพี่ก็เถอะ


"น่ารักอย่างที่มันว่าจริงๆด้วย" พ่อพึมพัมเบาๆ









******************************



talk: ผ่านทุกด่านละนะะะะ

หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--21--<12/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-07-2019 14:10:59
 :L2: :pig4:

ครอบครัวดี มีความสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--21--<12/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-07-2019 19:39:49
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--21--<12/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-07-2019 00:00:37
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--21--<12/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-07-2019 19:42:40
พ่อแฟนเป็นไงบ้างละชื่นตา แต่ครอบครัวนี้น่ารักน้าาา
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter22:17/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 17-07-2019 14:39:33
22






หลังจากเปิดตัวกับที่บ้านไปแล้ว ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันที่บ้านของพอใจเพื่อกินข้าวฉลองวันเกิดป้าแวว คุณลุงคุณป้าก็มาด้วย พวกท่านกำลังช่วยกันเตรียมของในครัว ส่วนเด็กๆอย่างเราก็จัดของรอ


"เครื่องดื่มมีอะไรบ้าง เราจะไปยกมา"
"มีน้ำเปล่ากับเป็ปซี่ตรงข้างๆบ้านครับ"
"โอเคค"
"ยกมาทีละอย่างนะครับ"


ชื่นตาหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่ง เป็ปซี่ขวดหนึ่งแล้วเห็นว่ามันมีช่องว่างให้ถือได้อีกก็เลยหยิบเป็ปซี่มาอีกขวดหนึ่ง เขาค่อยๆหิ้วน้ำเดินไปเรื่อยๆ ตอนมาแปปเดียวเอง แต่ตอนกลับนานมาก เพราะขวดจะร่วงอยู่เรื่อยเลย


"มา ผมช่วย"
"อื้อ มันจะหล่นตลอดเลย"
"ก็บอกให้ถือทีละอย่างนี่ครับ"
"มันช้าาา"


ชื่นตาเลิกเถียงกับพอใจแล้วก็ไปช่วยจัดโต๊ะต่อ วันนี้คุณพ่อของพอใจเตรียมคาราโอเกะมาด้วย ตอนนี้คุณลุงทั้งสองกำลังช่วยกันต่อสายอยู่


"พอใจ มายกช่วยแม่หน่อยลูก!"
"ครับ"


พอใจเดินเข้าไปในครัว ชื่นตาก็ตามไปติดๆ ป้าแววยกกะละมังเนื้อให้พอใจถือไป แล้วก็เอาถาดผักที่เบาหวิวมาให้เขาถือแทน อย่างน้อยก็ได้ช่วยล่ะนะ อ้อ ลืมบอกไป วันนี้พวกเราจะกินหมูกระทะ


ถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะร้อน แต่ในบ้านพอใจไม่ใช่เลย การที่คุณลุงปลูกต้นไม้ไว้เยอะๆแบบนี้ทำให้ข้างในบ้านเย็นมาก เป็นอากาศสบายๆแบบที่อยากให้มีอยู่ตลอดไปเลย 


"เดี๋ยวผมไปจุดเตาก่อน"
"เราช่วยไหม"
"ไปยกน้ำซุปมาดีกว่าครับ"
"ได้เลยย"


ชื่นตาเดินกลับเข้าไปในครัว แล้วก็ยกหม้อน้ำซุปออกมา วันนี้ของเยอะมาก ไม่รู้ว่าจะกินหมดได้ยังไงเลย แค่เห็นปริมาณหมูในกะละมังก็อิ่มแล้วเนี่ย ถ้ากินหมดนั่นมีหวังต้องกลิ้งกลับบ้านแหง


ชื่นตาจัดการวางของในเสื่อให้เป็นระเบียบ ก่อนที่พอใจจะยกเตามา จะได้ไม่ต้องขยับของอีก เมื่อพอใจยกเตามาปุ๊ป ก็วางตรงกลางได้เลย


"ชื่นอยากร้องเพลงเปิดงานไหม ลุงต่อเสร็จแล้ว" พ่อของพอใจยื่นไมค์มาทางเขา
"ให้ป้าแววสิครับ วันนี้วันเกิดป้า"
"โอเคๆ แต่ทุกคนต้องร้องอย่างน้อยคนละเพลงนะ"


เพราะแบบนั้นชื่นตาก็เลยมานั่งนึกอยู่ว่าเขาจะร้องเพลงอะไรดี แต่ก็ลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดตั้งแต่ตอนที่พอใจยกเตามาวางแล้ว เมื่อทุกคนมานั่งล้อมวงกันกินหมูกระทะ บรรยากาศที่แสนอบอุ่นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันก็เกิดขึ้น


"อ่ะ ไอ้ลูกชาย ร้องเพลงให้แม่ฟังหน่อยซิ" ป้าแววส่งต่อไมค์มาให้พอใจทันทีหลังจากที่ตัวเองร้องจบ พอใจก็รับไมค์มาอย่างไม่อิดออด ที่บ้านนี้คงมีวัฒนธรรมร้องคาราโอเกะสินะ พอใจเลยไม่ได้ดูตื่นเต้นเลย


และเพราะเราเปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ เราเลยสามารถร้องเพลงอะไรก็ได้ พอใจเดินไปค้นเพลงสักพัก ชื่อเพลงที่ปรากฏบนจอไม่ได้ทำให้ชื่นตาแปลกใจเลย มันดูเหมือนจะเป็นเพลงโปรดของพอใจนี่นา serendipity ของ Albert Posis น่ะ


You came out of nowhere
caugth my eye by surprise
and I think that you'd been heaven sent



ทันทีที่เพลงเริ่ม ชื่นตาก็ตั้งใจฟังสิ่งที่พอใจร้องอย่างดี ตัวเขาน่ะ ไม่ว่าพอใจจะทำอะไร ก็ชอบทั้งนั้นแหละ


beauty is flaring
like what your'e wearing
so damn fine I keep on swearing
your the only one for me



ชื่นตาร้องคลอตามเพลงไปกับพอใจ ลุงๆป้าๆก็ตั้งใจฟังเช่นเดียวกัน ท่ามกลางทุกคนในบ้านวันนี้ ชื่นตากลับเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจในเนื้อเพลงอย่างลึกซึ้ง เพราะคนร้องตั้งใจส่งเพลงมาที่เขา


fell in love unexpectedly
we ain't gotta rush this is destiny
everytime I see you baby
it's so hard to speak
this ain't no accidental
yeah, I swear we're meant to be



ชื่นตารับรู้มันทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยสายตา หรือการกระทำ เขารับรู้มัน ด้วยหัวใจของเขา


หลังจากที่พอใจร้องเพลงจบ ก็ถึงคิวของชื่นตาแล้ว เพราะว่ามัวแต่ฟังพอใจร้องเพลง เขาก็เลยลืมคิดเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง ก็เลยเลือกเพลงที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัว


I wouldn’t know any better than you
Would you care to move in together?
I wouldn’t know anyone who understands me like you do



ชื่นตาพยายามร้องเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้มองหน้าพอใจ เพราะเขาเขินน่ะสิ ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกเพลงมาส่งให้พอใจซะหน่อย มันแค่บังเอิญความหมายดีแค่นั้นแหละนะ


I’ll think of a place where I can meet you
To tell you all the reasons why I need you
I won’t mess it up again and leave you
But I wouldn’t know, I wouldn’t know any better than you



และชื่นตาก็คุมสติไปได้ดีจนจบเพลง ตอนที่เพลงจบ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนทุกคนหัวเราะ แต่ชื่นตาก็ดีใจที่ทุกคนสนุก และเมื่อวนไมค์ครบทุกคนแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจเปิดเพลงคลอเบาๆแล้วก็กินหมูกระทะพร้อมพูดคุยกันไปเรื่อยๆ


"เอ้อ ไหนๆเด็กๆก็คบกันแล้ว ให้ย้ายไปอยู่ห้องเดียวกันดีไหมคะ"


จบประโยคนี้ชื่นตาที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มน้ำก็สำลักทันทีเลย คนพูดน่ะไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนะ ป้าของเขาเองนี่แหละ


"ป้าชม!"
"อะไรลูก ก็ถูกแล้ว จะได้ช่วยกันดูแลไง ยังไงก็อยู่คอนโดเดียวกัน แค่ย้ายไปอยู่ห้องเดียวกันเอง" คุณพ่อคุณแม่พอใจก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย พวกท่านคุยกันผ่านสายตาอยู่สักพักก็หันมาถามพอใจ


"ลูกอยากย้ายไหมล่ะพอใจ"
"ผมยังไงก็ได้ พี่ชื่นล่ะครับ"


และเมื่อมันถูกโยนคำถามมาทางนี้ ทำให้ชื่นตาต้องคิดหนัก พวกเขายังคบกันได้ไม่นาน ถ้าย้ายมาอยู่ด้วยกันจะทะเลาะกันไหม ชื่นตาไม่แน่ใจเลย แต่เขาอยากจะตื่นมาแล้วเจอพอใจอยู่ข้างๆไปทุกวัน เหตุผลแค่นี้จะพอหรือเปล่านะ


"ค่อยๆคิดก็ได้ครับ"


แล้วทุกคนก็ปล่อยให้ชื่นตาได้คิด โดยหันไปสนใจหทูกระทะแล้วพูดคุยในเรื่องอื่นแทน ไม่ได้การแล้ว เรื่องแบบนี้เขาคงต้องปรึกษาเพื่อนๆด้วย


Chuenta: พวกมึง ช่วยคิดหน่อยสิ
ไม่นานนัก เพื่อนๆก็ตอบมา มีเพื่อนตอบไลน์เร็วมันก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย
Kylie: ว่าไงหล่อน
Chuenta: ที่บ้านคุยกันเรื่องให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันกับพอใจ
Plan: แล้ว?
Chuenta: กูย้ายดีไหม
Kylie: มีเหตุผลอะไรที่มึงจะไม่ย้ายอ่ะน้อง
ชื่นตาเรียบเรียงคำพูดตัวเองในหัวแล้สค่อยๆพิมพ์ออกมา
Chuenta: กูกลัวว่าถ้าเรามาอยู่ด้วยกัน เราจะทะเลาะกัน แล้วพอทะเลาะกัน เราก็ไม่มีพื้นที่ของตัวเองให้สงบอารมณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันต้องไม่ดีแน่ๆ


ชื่นตารอคำตอบของเพื่อนอยู่สักพัก ก็ยังไม่เห็นมีใครตอบมา บางทีทุกคนอาจต้องการเวลาคิด เขาเลยหันไปมองพอใจที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วก็คอยคีบหมูบนเตามาวางไว้ในจานเขาอยู่เรื่อยๆ


Kylie: เอาจริงๆเลยนะ ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ยังไงมันก็ต้องมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา แล้วพื้นที่ในการสงบอารมณ์น่ะ มันอาจจะตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของมึงหรือเปล่า บางทีพอใจอาจจะไม่ได้ต้องพื้นที่มากขนาดนั้น แค่มุมเล็กๆแยกกัน ก็อาจจะพอแล้วก็ได้


ชื่นตาอ่านข้อความของคิงแล้วค่อยๆคิดตาม มันก็จริงที่เขาใช้บรรทัดฐานของตัวเองเป็นที่ตั้งว่าทะเลาะกันจะต้องอยู่แยกห้องกัน จนลืมไปว่าทุกคนไม่ได้เป็นเหมือนเขา


Plan: ในห้องมึงก็มีห้องแยกไปอีกหนิ ใช้ห้องนั้นก็ได้ ก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันสักพัก จนอารมณ์สงบลง


ใช่ ชื่นตานึกขึ้นได้เพราะเพื่อนบอก เขามีอีกห้องหนึ่งที่ไม่ได้ใช้อยู่ ถ้าไปทำความสะอาดและแต่งมันใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่ใช้ความคิดหรืออ่านหนังสือเงียยๆก็น่าจะดี เอาแบบนี้แหละ


"พอใจๆ"
"ครับ" ชื่นตาหันไปสะกิดคนข้างๆทันที
"เราย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ!"
"หือ? ที่หน้าบูดเมื่อกี้เพราะคิดเรื่องนี้อยู่เหรอครับ"
"อื้อ"
"ฮะๆ โอเคครับ อยู่ด้วยกันนะครับ"













ในเมื่อพวกเราตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกันโดยที่ผู้ใหญ่เห็นด้วยแล้ว ดังนั้นเราจะค่อยๆช่วยกันเก็บของจากห้องผมขึ้นไป เนื่องจากว่ามันเป็นห้องที่ซื้อมา ป้าแววจึงตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ก่อน และยกให้เราจัดการว่าจะทำยังไงกับมันดี ซึ่งพอใจยังคิดไม่ออก เลยปล่อยมันไว้ก่อน


"วันนี้เก็บอะไรดีๆๆ"
"เอาพวกหนังสือไปก็ได้ครับ"


พอใจยังไม่ได้ขึ้นไปบนห้องชื่นตาโดยสมบูรณ์หรอก เขารอให้เก็บของครบๆก่อนค่อยขึ้นไป ชื่นตาก็เห็นด้วยนะ ตอนนี้ของที่อยู่ในห้องชื่นตาจึงมีแต่พวกเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวเท่านั้น ก็อาบน้ำข้างบน ลงมานอนข้างล่าง


"เอาขึ้นไปแค่หนังสือเรียนดีกว่าครับ ผมคิดอะไรออกแล้ว"
"อะไรเหรอ" ชื่นตาชะงักมือที่กำลังจะหยิบวรรณกรรมลงในลัง
"ทำตรงนี้เป็นห้องพักผ่อน อ่านหนังสือดีกว่าครับ พวกชากับขนมจุกจิกก็เอาไว้ที่นี่"
"แต่ถ้าเราหิวตอนกลางคืนล่ะ"
"ก็แบ่งไว้ก็ได้ครับ"
"งั้นก็ดีนะ จะได้แบ่งโซนไปเลย"


เมื่อตกลงกันเรียบร้อย พวกเขาก็เลยยกไปแค่หนังสือเรียน พอใจคิดว่าจะลองเปลี่ยนในห้องนอนของเขาเป็นอะไรสักอย่าง แต่เขาคงต้องไปหาไอเดียก่อน ชื่นตาก็คิดไม่ออกเหมือนกัน รู้แค่ว่าข้างนอกจะทำยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นแฮะ


"เหนื่อยหรือยังครับ ขนของ"
"เราแข็งแรงจะตาย ไม่เหนื่อยง่ายๆหรอก"
"ครับๆ ไม่เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย คนแข็งแรงอยากกินข้าวเย็นกับอะไรครับ"
"สปาเก็ตตี้กุ้ง!!" ชื่นตาพูดชื่อเมนูที่เขาอยากกินออกมาเสียงดัง
"ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมลงไปหากุ้งที่ซุปเปอร์ก่อน พี่ก็จัดๆของรอละกัน"
"ได้เลยยย"


แค่คิดว่าจะได้กินสปาเก็ตตี้กุ้ง ชื่นตาก็แฮปปี้มากแล้ว เขาจัดหนังสือเรียนบนโต๊ะให้พอใจ พลางฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี นี่คือเวทมนตร์ของอาหาร


พอใจกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังทำสปาเก็ตตี้ให้เขาอยู่ ชื่นตาที่อยู่ว่างๆเลยลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง วันนี้เขาตั้งใจจะทำ Infused water แต่ว่าเขามีเวลาแค่น้อยนิด ดังนั้นเขาจึงต้องรีบๆทำ


ชื่นตาหั่นเลม่อนออกเป็นแผ่นบางๆ ก็บางเท่าที่เขาจะทำได้นั่นแหละ แล้วก็ใส่ใบอะไรไม่รู้ทร่เป็นก้านๆ พอใจยื่นมาให้ แล้วก็เอาแช่ตู้เย็น ชื่นตาแช่ฟรีซเพราะอีกแปปหนึ่งพอใจก็คงทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันกิน ไม่รู้ว่าช่วยหรือเปล่านะ เขาแค่ลองทำดู


"เสร็จแล้วครับ" พอใจยกจานสปาเก็ตตี้ออกมาวางบนโต๊ะหน้าทีวี
"เดี๋ยวเราไปเทน้ำให้นะ"


ชื่นตาหยิบสิ่งที่เขาเอาไปแช่ไว้ออกมา แล้วก็เทลงบนแก้วสวยๆ เขาชอบเทน้ำใส่แก้วสวยๆ มันจะทำให้เขาอยากดื่มมากขึ้นไปอีก ตกแต่งมันเรียบร้อยก็เอามาเสิร์ฟได้


พวกเขานั่งกินกันโดยไม่มีใครพูดอะไร มีเสียงเพลงที่พอใจเปิดคลอไว้ เป็นการกินข้าวที่มีความสุขแบบสบายๆ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน ชีวิตชื่นตาก็จะดีทุกวันเลย!


"กินเลอะอีกแล้วครับ" พอใจเอื้อมมือมาปาดเอาซอสบนหน้าเขาออก ชื่นตาได้แต่ยิ้มให้แบบงงๆ เขาไม่เห็นรู้ตัวเลยว่ามีซอสเลอะ เฮ้อ อยู่กับพอใจทุกวันก็มีข้อเสียนะ เขาคงได้กินของอร่อยๆตลอดแบบนี้ ทำยังไงน้ำหนักถึงจะไม่ขึ้นล่ะ!












หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--22--<17/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2019 20:57:12
เข้าหอเลยไหมจ้ะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter23:25/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 25-07-2019 15:25:14
23







หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยในเรื่องห้องของพอใจ ชื่นตาก็ทยอยขนหนังสืออ่านเล่นของตัวเองมาไว้ข้างล่างด้วย รวมถึงแบ่งพวกขนมกับชาลงมาไว้ด้วย เผื่อว่าเวลาอ่านหนังสือจะอยากกิน


พอใจเองก็จัดของขึ้นไปข้างบนแทบจะหมดแล้ว เหลือแต่พวกกล้องที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาไว้ที่นี่หรือเอาขึ่นไปด้วย
"เราวางอันนี้ไว้ตรงนี้ได้ไหม" ชื่นตาชูเทียนหอมที่ตัวเองซื้อมาให้พอใจดู


"เอาไว้ตรงนี้ดีกว่าครับ อย่าไปใกล้หนังสือมาก"


พอใจชี้ไปอีกโต๊ะที่อยู่ห่างออกมา เขากลัวว่าถ้าหากเอาใกล้ๆชั้นหนังสือแล้วจะเกิดอุบัติเหตุได้ บางทีชื่นตาก็ยิ่งมึนๆอึนๆอยู่ด้วย พอใจเอาขนมที่ชื่นตาหยิบลงมาไปจัดเรียงไว้ในครัวอย่างเป็นระเบียบ ทั้งคุ้กกี้ที่ตัวเองทำ คุ้กกี้ที่ซื้อมา ยังมีพวกขนมกรุบกรอบอีกมากมายด้วย ชื่นตานี่ขาดของพวกนี้ไม่ได้จริงๆ


"กล้องพอใจล่ะ"
"ผมยังไม่แน่ใจ"
"เราว่าเอาไปด้วยดีกว่า ห้องนี้เราไม่ได้อยู่ตลอด"
"อืม ก็จริงครับ"


และพอใจก็หยิบกล่องสุญญากาศเก็บกล้องขึ้นเป็นอย่างสุดท้าย ทีนี้ห้องของพวกเขาก็จัดการได้ลงตัวแล้ว พอใจมองไปรอบๆอีกครั้ง บรรยากาศของห้องเปลี่ยนไปพอสมควร เขายังรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ก็ยังดีที่แค่ขึ้นไปข้างบนล่ะนะ


"ครบรึยังอ่ะ"
"ครบแล้วครับ ถ้าลืมค่อยลงมาเอา"
"นั่นสิ ใกล้ๆแค่นี้เอง มา เราช่วย"
"ขอบคุณครับ"


พอใจไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากชื่นตา เขายื่นกล่องใส่พวกของใช้เวลาอาบน้ำให้ ส่วนตัวเองก็ถือกล่องสุญญากาศ วันนี้ไม่ได้จัดของจนเหนื่อยเท่าไหร่นัก เพราะนี่เป็นอย่างสุดท้ายแล้ว อีกอย่างวันนี้พวกเราก็จะมีปาร์ตี้นิดหน่อยด้วย เลยต้องเผื่อเวลาในการไปเตรียมของที่ห้องข้างบนอีกที


"เราจะเตรียมอะไรไว้ดี"
"ผมว่าเราเตรียมเครื่องดื่มกับโทรสั่งไก่ไว้ก็พอครับ อย่างอื่นให้พวกเขาแวะซื้อ"
"โอเค งั้นเราจะโทรบอกแพลนให้ซื้อพิซซ่าเข้ามานะ"
"ได้ครับ"
"แล้วอยากกินอะไรอีกไหม" พอใจหยุดคิดเล็กน้อย
"ผมอยากกินพวกอาหารเกาหลีครับ เดี๋ยวให้โมกข์ซื้อมา รายนั้นน่าจะรู้จักร้านเยอะ"


หลังจากตกลงกันเล็กน้อย เราก็แยกกันไปโทรบอกเพื่อนว่าให้ซื้ออาหารเข้ามาด้วย พวกเขายังมีเวลาพักอยู่อีกนิดหน่อย ชื่นตาก็เลยเดินไปทำขนมเพิ่ม คราวนี้ไม่ใช่คุ้กกี้ แต่เป็นบราวนี่ที่เจ้าตัวเพิ่งจะหัดทำ ตอนนี้เห่อมากๆ ส่วนพอใจก็เก็บของตัวเองต่อไป
เมื่อใกล้เวลามากขึ้น พอใจจึงบอกให้ชื่นตาโทรสั่งไก่ แล้วตัวเองก็ลงมาซื้อเครื่องดื่ม เขาหยิบทั้งเบียร์ ทั้งสปายแล้วก็เป็ปซี่ลงในตะกร้า เดินดูพวกขนมขบเคี้ยวแล้วก็ตัดสินใจหยิบถั่วมา คิดว่าพวกนั้นน่าจะชอบอ่ะนะ


"ทั้งหมด...ค่ะ ตอนนี้ช็อคโกแลตแบบชงมีโปรโมชั่นนะคะ สนใจไหมคะลูกค้า" พอใจหยิบสิ่งที่พนักงานบอกขึ้นมาดู เขาคิดว่าชื่นตาน่าจะชอบ ก็เลยหยิบมาลองด้วย


หลังจากพอใจกลับถึงห้องไม่นาน ไก่ก็มาส่ง พวกเขาจัดการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อย ก็ได้แต่นั่งรอเพื่อนๆอย่างเดียว

 
Rrrrrrr


"โอ๊ะ! มาแล้ว" ชื่นตาวิ่งออกไปที่ประตูทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่ง และที่มาถึงห้องเป็นคนแรก ไม่สิ สองคนแรก ก็คือพี่แพลนกับพี่คิงนั่นเอง


"ฮายค่ะ กลิ่นไก่หอมเชียว"
"อ่ะนี่ พิซซ่า"


ทักทายกันเล็กน้อย พี่แพลนก็เอาพิซซ่ามาวางลงข้างๆไก่ ดูเหมือนมันจะมีโปรโมชั่นหนึ่งแถมหนึ่งแฮะ อย่างน้อยก็มีหน้าที่ผมชอบกินอยู่


"เมื่อไหร่น้องๆจะมา พี่หิวแล้วเนี่ย" พี่คิงบ่น คงเป็นเพราะกลิ่นไก่กับพิซซ่ามันหอมเตะจมูก
"ถึงแล้วครับ กำลังขึ้นมา"


พอใจเพิ่งได้รับข้อความจากเพื่อนๆเองว่ามาถึงที่ล็อบบี้แล้ว กำลังขึ้นมาที่ห้อง จริงๆปกติแล้วจะขึ้นมาได้ต้องมีคีย์การ์ด แต่เขาบอกพี่ที่ฟร้อนท์ไว้แล้วว่าเพื่อนจะมาหา ช่วยพามันขึ้นมาด้วย ก็เลยไม่ต้องลงไปรับเอง


Rrrrrr


คราวนี้พอใจเป็นคนลุกไปเปิดประตู โมกข์กับมังกรถือของเต็มไม้เต็มมือไปหมด เขาก็เลยหยิบมาถือช่วยด้วย ไม่รู้ว่าพวกมันจะซื้ออะไรเยอะแยะ


"ของกินเพียบเลยแฮะวันนี้"
"เอ้อ น้องว่านไปไหน" นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไป ชื่นตาก็ถามขึ้นมาก่อน
"มันบอกว่าอยากไปดองกี้ค่ะ เห็นว่ามีขนมที่อยากกิน เลยขอแวะไปก่อน"


ผมว่าวันนี้เราคงมีของให้กินจนท้องแตกกันไปเลยล่ะ ทั้งไก่ พิซซ่า อาหารเกาหลีตั้งหลายเมนู ขนมที่ชื่นตาทำไว้ แล้วก็ขนมที่ว่านไปซื้อมาอีก เรียกได้ว่าคงไม่ปล่อยให้ท้องว่างกันเลยทีเดียว


ไม่นานนักว่านก็มาถึงพร้อมซูชิและขนมหวานมากมาย มีทั้งโมจิ ดังโงะและเยลลี่ต่างๆที่คนไทยนิยมซื้ิอกันมากในญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าทุกคนจะดูตื่นเต้นกันมาก ก็ยังไม่มีใครเคยไปเลยนี่นา


"วันนี้ของกินเยอะชิบหาย จะกินให้ท้องแตกไปเลยโว้ย" โมกข์ไม่เก็บอาการอีกต่อไป และมันเป็นคนแรกที่เริ่มหยิบไก่ขึ้นมากิน นั่นเหมือนเป็นสัญญาฯให้พวกเราทุกคนเริ่มรับรู้ว่า ถ้าไม่กินตอนนี้ จะเหลือให้ไหมก็ไม่รู้นะ


"อันนี้อร่อยมากเลย" ชื่นตาชี้ไปยังซูชิที่โมกข์ซื้อมา
"วันหลังเราต้องไปลงบ้างแล้วล่ะพอใจ ซื้อตุนๆๆ"
"ตุนมันก็ไม่สดสิครับ" พอใจลองชิมสิ่งที่ชื่นตาชอบ ก็โอเคนะ ไม่แย่แต่เขาก็ไม่ได้ชอบ พอใจเฉยๆกับมันซะมากกว่า จะให้กินก็กินได้ สิ่งที่พอใจรู้สึกสนใจมากกว่าก็คือโมจิต่างหาก เขาชอบรูปร่างของมัน กลมๆเนียนๆน่ารักดี


"อ่ะ" ชื่นตาตักต็อกโบกีมาไว้ให้พอใจ เพราะเขานั่งอีกฟากของโต๊ะ แล้วก็คีบพวกเครื่องเคียงต่างๆมาให้ด้วย
"ขอบคุณครับ แล้วอันนั้นคือไร" พอใจชี้ไปที่อาหารเกาหลีชนิดหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก มันเหมือนแป้งทอดเป็นชิ้นๆ แล้วก็มีน้ำราด หน้าตามันดูน่าอร่อยดี


"หมูเปรี้ยวหวาน มึงลองมะ กูเห็นในซีรี่ย์น่ากินเลยสั่งมาด้วย" มังกรที่เห็นว่าพอใจสนใจก็เลยคีบมาวางไว้ให้ โดยได้คีบบะหมี่ดำข้างๆมาให้ด้วย


"ของกินเยอะจนไม่รู้จะกินอะไรเลยว่ะ"
"ย้อมใจไงยะ" พี่คิงพูดขึ้น
"ย้อมใจไรวะมึง"
"ไฟนอลไงจ๊ะ อีก2อาทิตย์เท่านั้น จบจากนี้ไม่มีตี้ที่ไหนละนะยะ"


สิ้นประโยคนั้นก็เกิดเสียงโหยหวยขึ้นมาจากเหล่าเด็กปีหนึ่งทั้งหลายที่ยังปรับตัวกับการอ่านหนังสือเยอะๆแบบนี้ไม่ได้ ยังงงๆกับการเตรียมตัวสอบอยู่ การพูดเรื่องสอบจึงไปกระตุ้นต่อมความเครียดเข้า


"อย่าไปพูดเรื่องเครียดสิ กินๆๆ เรื่องนั้นค่อยว่ากัน"
"ก็ได้ แต่ค่อยว่ากันเนี่ยไม่ใช่วันเดียวก่อนสอบนะจ๊ะเด็กๆ"


พี่คิงช่างโหดร้าย แต่คืนเดียวก่อนสอบ พอใจกับเพื่อนๆคงไม่รอดหรอก พวกเขาไม่ใช่เด็กที่ฉลาดหรือหัวดีขนาดนั้น ก็อาศัยการอ่านทบทวนตลอดๆเอา มีมังกรนี่แหละที่ดูน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะมันเบลอง่าย ถ้านอนไม่พอเมื่อไหร่ก็คือจบเห่เลย


เมื่อมื้อแห่งการรื่นเริงจบลง พวกเราช่วยกันเก็บข้าวของ ยังดีที่ทุกคนมีน้ำใจช่วยเก็บ ไม่งั้นพอใจคงใช้เวลาเก็บเสร็จวันพรุ่งนี้
ทุกอย่างเรียบร้อยดีหมดแล้ว ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ถึงจะดื่มแอลกอฮอล์กันบ้าง แต่ไม่ถึงกับเมา ไม่ไปถึงจุดกรึ่มด้วยซ้ำ พอใจจึงไม่ต้องกังวลกับการส่งทุกคนกลับบ้านเท่าไหร่นัก


"วันนี้เราอิ่มมากเลยย" ชื่นตานั่งลงบนโซฟาแล้วก็ลูบท้องตัวเองไปมา
"พี่กินเยอะไปหรือเปล่า จะนอนได้ไหมครับ"
"เดี๋ยวอีกพักหนึ่งก็คงย่อย ไม่มีปัญหาหรอก"
"ก็ดีแล้วครับ ถ้าปวดท้องบอกนะ"
"อื้ออ พอใจ...ถ้าอยากให้เราช่วยติวบอกนะ"
"ครับ บอกแน่นอน"


พอใจตัดสินใจนั่งเล่นเป็นเพื่อนชื่นตาจนเจ้าตัวหายแน่นท้อง แล้วจึงไปอาบน้ำ ในระหว่างนั้นชื่นตาก็เดินวนไปมารอบห้องเพื่อให้อาหารมันย่อย เขากลัวว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ


"ไปอาบน้ำครับ จะได้มานอน"
"อื้อ"


ชื่นตาคิดว่าคงดีขึ้นแล้ว ก็เลยไปอาบน้ำ ร่างกายเขาปกติมากจนกระทั่งหลับสนิทไปได้สองสามชั่วโมง ชื่นตาตื่นมาเพราะอาการปวดท้องและอยากจะอ้วก เขายังไม่อยากปลุกพอใจ เลยลุกไปห้องน้ำก่อน เผื่อว่าอ้วกแล้วจะดีขึ้น


แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด ถึงแม้จะเอาออกไปแล้ว มันก็ยังมีอาการจุกเสียดอยู่ดี และเสียงจากการเอาออกก็ทำให้พอใจตื่นขึ้นมาอีกด้วย พิษของการกิน ฮือ


"อ้วกเหรอครับ"
"อือ มันจุกๆ"


"เดี๋ยวผมไปหยิบยามาให้" พอใจลุกออกไปที่ตู้ยา ค้นๆอยู่สักพักก็เจอ ส่วนชื่นตาก็ไปเอาออกอีกครั้ง น้ำหูน้ำตาไหลไปหมด
"แน่ใจนะครับว่าไม่ได้อาหารเป็นพิษ"
"อื้อ เราแค่จุกๆเฉยๆ กินยาก็คงดีขึ้น"
"เดี๋ยวกินยา นั่งพักแปปนึงแล้วค่อยนอนนะครับ"
"โอเค"


พอใจคอยเฝ้าชื่นตากินยา นั่งคุยเล่นกับอีกคนจนเจ้าตัวรู้สึกดีขึ้น แล้วก็กล่อมให้นอนหลับไปอีก เขาจึงหลับตาม คราวหลังคงต้องคอยดูแลเรื่องการกินเยอะแล้วด้วยล่ะมั้ง










แล้วช่วงเวลาที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยก็มาถึง มาถึงฤดูสอบไฟนอลแล้ว นักศึกษาทุกคนย่อมรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันหนักหนาสาหัสมากเพียงไหน ต่อให้จะฉลาดเป็นกรด ก็ยังโดนตารางสอบที่อัดๆกันทำให้หัวหมุนได้


พอใจกับชื่นตาเองก็วุ่นวายกับการสอบ เพราะตารางสอบไม่ตรงกันสักวัน ถึงจะอ่านหนังสือิยู่ด้วยกันตลอด แต่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับบทเรียน บางทีก็แยกกันไปอยู่คนละห้อง เพื่อติวหนังสือกับเพื่อน เป็นช่วงเวลาที่ต้องห่างกันเพราะความจำเป็น


"มึงง กูเหนื่อย" มังกรโอดครวญ


ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่ห้องชั้นล่าง ที่ทำเป็นห้องอ่านหนังสือ เพราะเพื่อนๆมารวมตัวกันติว อาจจะต้องพูดคุยหรือเสียงดัง พอใจไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือของชื่นตา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันที่นี่


"ทนหน่อย อีกสองสามวันก็เสร็จแล้ว"
"ก่อนสอบก็ว่าเหนื่อยละนะ ตอนสอบกูเหมือนจะตาย"


โมกข์พยักหน้าเห็นด้วย แล้วยังเอนตัวนอนลงไปบนพื้นเพื่อจะบอกทุกคนว่าเธอไม่ไหวแล้ว คนที่ดูจะนิ่งที่สุดคือว่าน แต่พอใจคิดว่ามันก็คงจะเหนื่อยเหมือนกัน เพราะว่านมันดูเหม่อลอยมากๆ เหมือนว่าตอนนี้สมองไม่สามารถรับอะไรได้แล้ว


"แล้วสอบเสร็จจะทำอะไรกันวะ"
"ก็คงกลับบ้าน มึงล่ะพอใจ"
"มีเรื่องให้ต้องทำนิดหน่อย"
"เรื่องไรวะ" ทุกคนผละจากทุกอย่างแล้วหันมาสนใจ
"ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้วน่ะ" แล้วทุกคนก็เข้าใจ ใช่ครับ นี่ใกล้จะครบหนึ่งเดือนที่ผมกับชื่นตาคบกันแล้ว ก็เลยคิดว่าอยากจะทำอะไรให้เขาสักหน่อย ถึงแม้ว่าเราจะดูเหมือนคบกันนานแล้วก็เถอะ ไม่ใช่เซอร์ไพร์สอะไรใหญ่โตหรอกครับ


"จะทำอะไรวะ พวกกูช่วยป่ะ"
"ไม่เป็นไร แค่แม่กูก็พอแล้ว"
"โอเค๊"


จากนั้นทุกคนที่นี่ก็กลับเข้าสู่การติวอีกครั้ง พอใจเองก็พยายามบอกสมองให้ตั้งใจอ่านหนังสือ อย่าไปคิดเรื่องอื่นมาก เดี๋ยวเสร็จจากการสอบเมื่อไหร่ก็ค่อยทำให้เต็มที่ จริงๆมันก็ไม่มีอะไรยาก แต่ทำไมพอใจรู้สึกตื่นเต้นจังนะ





********************

talk: พิมพ์ไปหิวไป






หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--23--<25/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-07-2019 19:49:26
ดีงาม   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--23--<25/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 26-07-2019 11:16:44
ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว น่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter24:30/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 30-07-2019 16:08:49
24








"หมดสักที" เจ้าของเสียงฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง เพื่อนอีกสองคนนั่งลงตามมา พร้อมกับยืดแขนไปมาเป็นการระบายความเหนื่อย


"มึงไปไหนต่อชื่น"
"เดี๋ยวไปซื้อของนิดหน่อย"
"เอ้อ ไอ้ที่ครบรอบ1เดือนไรนั่นป่ะ"
"อือ มึงไปกับกูไหมล่ะ" ชื่นตาชักชวนเพื่อนให้ไปด้วย ไม่มีคนไปช่วยถือของน่ะสิ ถ้าเขาถือไปคนเดียวอาจจะหลบพอใจไม่ได้


"ไม่อ่ะ กูอยากนอน"
"มึงล่ะคิง" เมื่อแพลนปฏิเสธแล้ว ชื่นตาจึงหันไปถามเพื่อนอีกคนแทน เขาไม่อยากไปคนเดียวนี่นา
"อ่ะๆ ไปก็ได้ เห็นว่าน่าสงสารหรอก"


พวกเขาแยกกับแพลนไปตอนที่ลงมาลานจอดรถ วันนี้ชื่นตาขับรถมาเองเพราะว่าพอใจมีสอบในเวลาที่มันซ้อนทับกัน ก็เลยต้องแยกกันขับรถมา ดีเลย ไม่งั้นเขาจะไปซื้อของไม่ได้น่ะสิ


"มึงจะทำอะไรให้พอใจอ่ะ"
"กูคิดว่าจะทำขนม"
"แล้วตอนทำพอใจจะไม่รู้เหรอวะ"
"พรุ่งนี้พอใจสอบทั้งวัน กูจะรีบทำแล้วแช่ตู้เย็นไว้"
"แต่พอใจก็ทำกับข้าวป่ะมึง" คิงถามเรื่อยๆด้วยความสงสัย
"ตู้เย็นห้องข้างล่างอ่ะ เอาของบังๆไว้คงไม่เห็น"
"เอ๊อ ข้อดีของการมี2ห้องสินะ"


ชื่นตากับคิงคุยกันมาตลอดทาง ก็ดันเป็นคนช่างพูดทั้งคู่ ก็เลยหาเรื่องมาคุยกันได้ตลอด เปลี่ยนเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว บทสนทนาไม่มีวันหมดไป


"จะซื้ออะไรบ้างล่ะ" ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว ชื่นตายื่นลิสต์ของที่ต้องการให้คิงดู เขาจดมาแล้วว่าต้องซื้ออะไรบ้าง


"งั้นแบ่งครึ่งกัน ครึ่งนี้ของกู"
"โอเค"


ชื่นตาแยกไปตามหาของอีกครึ่งหนึ่งหลังจากที่แบ่งกัน เขาเดินหาตามชั้นไปเรื่อยๆ มีหยิบของที่ตัวเองอยากกินลงตะกร้าบ้าง ก็เนียนๆไง ซื้อของเข้าห้องอะไรอย่างงี้


Rrrrrrr
'คุณพอใจ'


โอ๊ะ! พอใจโทรมา สงบสติก่อนนะชื่นตา เดี๋ยวมันจะไม่เนียน


"ว่าไงพอใจ"
[กลับห้องหรือยังครับ]
"ยังเลย เราออกมาซื้อของกับคิง"
[เหรอครับ แล้วจะกลับมากินข้าวที่ห้องหรือเปล่า]
"ยังไม่แน่ใจเลย พอใจจะทำกับข้าวเหรอ"
[ครับ เหนื่อยมาก ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว]
"โอ๋ๆนะ ไม่ต้องทำเผื่อเราหรอก เดี๋ยวจะเหนื่อยกว่าเดิม เดี๋ยวเรากินที่ห้าง"
[โอเคครับ]
"บ๊ายบายนะ"


หลังจากลากันทางโทรศัพท์แล้ว ชื่นตาก็รีบพาคิงไปกินข้าวทันที เขาไม่อยากกลับช้ามาก พอใจดูเหนื่อยๆ รู้สึกว่าต้องกลับไปดูสักหน่อยแฮะ เพราะแบบนั้นชื่นตาก็เลยเลือกกินที่ฟู้ดคอร์ทแทน ไม่ต้องรออาหารนาน


"เดี๋ยวกูไปส่งมึงก่อนนะ" ชื่นตาพาคิงมาด้วย เขาก็ต้องไปส่งเพื่อนกลับด้วย
"ไม่ต้องๆๆ กูจะไปช็อปต่อ มึงกลับไปเลย"
"เอางั้นเหรอ ดึกละนะ"
"เอางี้แหละ บายนะ"


เมื่อคิงบอกแบบนี้ ชื่นตาก็คงต้องเอาตามนี้ล่ะนะ เขาขนของทั้งหมดไปไว้ท้ายรถ อ้อ ตอนก่อนออกมาจากห้างเขาซื้อขนมมาฝากพอใจด้วย เผื่ิอว่ากินแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้น









"ฮึบ!"


ชื่นตายกของทั้งหมดลงจากรถแล้วรีบเข้าลิฟต์ไป มันหนักไม่ใช่เลยนะเนี่ย เพราะว่าขนมที่เขาตั้งใจจะทำมันเป็นขนมไทย ที่เขาไม่เคยทำแบบจริงจังมาก่อนเลย ชื่นตาเลยซื้อของมาเยอะไปหมด ไม่อยากต้องมารู้สึกกังวลว่าของที่ซื้อมาไม่ครบหรือเปล่า
เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ชื่นตาก็รีบขึ้นไปที่ห้องตัวเองทันที พยายามทำตัวให้ดูเนียนที่สุด


"กลับมาแล้วเหรอครับ"
"อื้อ ทำอะไรอยู่เหรอ"
"อ่านหนังสือครับ ของวันพรุ่งนี้"


"ตั้งใจอ่านนะ พอใจสู้ๆ" ชื่นตาชูมือขึ้นเหนือหัวเป็นท่าปลุกใจสำหรับพอใจ แต่ดูเหมือนมันจะดูน่ารักไปหน่อยล่ะมั้ง
"ฮะๆ ขอบคุณครับ" พอใจยื่นมือมาดึงแก้มชื่นตาไปมา แล้วก็หันไปอ่านหนังสือต่อ ชื่นตาก็เลยทำภารกิจต่างๆของตัวเองบ้าง
เขาเช็คดูผ้าในตะกร้า แล้วก็มาดูจานที่ซิงค์ เมื่อเห็นว่ามันมีจานวางไว้ยังไม่ได้ล้าง ชื่นตาก็เลยจัดการมันให้เรียบร้อย เช็ดทำความสะอาดโต๊ะกินข้าวที่มีพวกเศษวัตถุดิบในการทำอาหารอยู่ เมื่อเห็นว่าห้องเรียบร้อยแล้ว ชื่นตาก็รู้สึกพอใจ


"ว่าแต่ พี่บอกไปซื้อของมาไม่ใช่เหรอครับ ไหนล่ะของ" อยู่ๆพอใจก็ถามขึ้นมา เขาก็เลยนึกได้ว่าตัวเองเอาของไปไว้ข้างล่างหมดแล้ว ไม่ได้ถือมาเลยสักอย่างเดียว ขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้พอใจก็เผลอแช่รวมไว้ข้างล่างด้วย


"คือเรา..ซื้อมาแต่ขนมอ่ะ แล้วก็เผลอกินไปบนรถตอนขับรถมา แหะๆ"
"หมดเลยเหรอครับ"
"อื้อ พอดีว่าเพลินไปหน่อย" พอใจเหมือนจะสงสัยนิดหน่อยด้วย ชื่นตาจะทำยังไงดีอ่ะ ทำยังไงดีๆๆๆ


"งดขนม2วันนะครับ"
"ห๊ะ!"
"ก็วันนี้กินไปเยอะแล้วนี่ครับ หมดเลย"
"อะ อื้อ"


ไม่น่าเลยชื่นตา ข้อแก้ตัวนี้ทำให้ต้องงดขนมไปอีกตั้งสองวัน แต่เขาก็หาข้อแก้นัวอื่นไม่ได้แล้วเหมือนกัน เสียใจจัง แต่ไม่เป็นไร เขาจะอดทนก็แล้วกันนะ ฮืออ











หลังจากที่ตื่นมาแล้วเห็นพอใจไม่อยู่ในห้องแล้ว ชื่นตาก็รีบลุกมาจัดการตัวเองแล้ววิ่งลงไปทำขนมที่ห้องข้างล่างทันที ถ้าพอใจกลับมาตอนเย็น พวกเราก็จะกลับบ้านทันทีเพราะสอบเสร็จกันหมดแล้ว ชื่นตาต้องทำเวลาหน่อย


ชื่นตาเลือกทำขนมสองชนิด อย่างแรกคือขนมทองเอก เป็นขนมที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยกินเหมือนกัน ไม่รู้หรอกว่ารสชาติมันควรจะออกมาประมาณไหน แต่ก็จะทำตามสูตรไปล่ะนะ หวังว่าจะออกมาดี


เริ่มจากตั้งกะทิ เขานึกภาพป้าแววตอนที่ทำเสน่ห์จันทร์คราวนั้นแล้วก็พยายามทำให้มันออกมาคล้ายๆกัน แต่อันนี้แค่ให้น้ำตาลละลายแล้วพักไว้เฉยๆ


เขานั่งจ้องกระทะรอให้มันกะทิอุ่น จ้องอยู่อย่างนั้นจนมันอุ่นแล้วจริงๆ จึงใส่ไข่ลงไป เอาขึ้นเตาอีกครั้งแล้วก็ร่อนแป้งลงไป เตาที่ใช้ในห้องเป็นเตาไฟฟ้า เขาว่ามันอาจจะออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ใช้เตาแก๊สแฮะ แต่เขาพยายามแล้วนะ


พอกวนจนแป้งไม่ติดกระทะ ชื่นตาก็เอาแป้งมาพักไว้ให้เย็น เป็นอีกครั้งที่ชื่นตานั่งจ้องแป้งพร้อมกับเอามือไปจับอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จะเย็น เขากลัวว่ามันจะออกมาไม่ดี


ชื่นตาทิ้งไว้สักพักจนเขาคิดว่านี่แหละคือเย็นแล้ว ก็เอาพิมพ์ทองเอกออกมา กดแป้งลงในพิมพ์อย่างทุลักทุเล บางอันก็เบี้ยว บางอันก็สวย แล้วขั้นตอนที่ชื่นตาคิดว่ายากที่สุดก็คือ การตัดทองคำเปลว เพราะมันติดมือเขาเต็มไปหมด


"ฮื่อ ไม่ได้อีกแล้วว" กะอีแค่ตัดทองคำเปลวทำไมมันยากกว่าการทำขนมอีก ชื่นตางมอยู่กับมันจนเสร็จจนได้ โดยที่มือก็มีเศษทองคำเปลวติดเต็มไปหมด


ขนมอย่างที่สองที่ชื่นตาจะทำก็คือลูกชุบ เป็นขนมที่้เรากินกันทั่วไป แต่มันคงจะยากก็ตรงการปั้นให้มันเป็นรูปตามที่ต้องการนี่แหละ


ถั่วเขียวเลาะเปลือกนี่จริงๆชื่นตาแอบโกงเล็กน้อย เขาไปขอซื้อจากร้านขายขนมแบบที่เลาะเปลือกมาแล้วเอาไปแช่น้ำทิ้งไว้ในตู้เย็นตั้งแต่ก่อนจะออกไปสอบเมื่อวานแหนะ ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้จะโอเคหรือเปล่า


เขาล้างเปลือกถั่วแล้วก็เอาไปนึ่ง ระหว่างนั้นก็เช็คโทรศัพท์ดูว่ามีใครส่งอะไรมาบ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่มี ชื่นตาถอนใจด้วยความกังวลกับขนม ไม่อยากให้พอใจผิดหวังกับสิ่งที่เขาทำเลย พอใจกินขนมไทนมาก็ตั้งเยอะ ที่เขาทำคงอร่อยสู้ไม่ได้ แต่เขาก็ตั้งใจ
ชื่นตารีบสลัดความกังวลในหัวออกไปแล้วมาจัดการกับถั่วต่อ เขาทำไปเรื่อยๆจนออกมาเป็นถั่วกวนที่หน้าตาแสนจะคุ้นเคย แล้วก็เอาถั่วมาปั้นเป็นรูปต่างๆ ชื่นตาทำเป็นรูปง่ายๆอย่างรูปหัวใจ ก็วันครบรอบนี่ มีพวกผลไม้แซมๆมาบ้าง เอาที่พอจะปั้นได้ อย่างส้มกับมะม่วง จุ่มสีที่เตรียมไว้แล้วก็พักอีกครั้ง ทำขนมนี่ต้องใช้เวลาจริงๆ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวแล้วนะเนี่ย


ในระหว่างพักชื่นตาก็เหลือบไปเห็นขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้พอใจเมื่อวาน ตอนนี้เขาหิวมาก ขอกินก่อนแล้วกันนะพอใจ เดี๋ยวไว้วันหลังจะซื้อมาฝากอีก


เมื่อพักเรียบร้อยก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของลูกชุบ ชื่นตาทำจนเสร็จเรียบร้อยดี จากนั้นก็เริ่มจัดขนมลงในกล่องใส่อาหารที่ทึบทั้งหมด เดี๋ยวพอใจจะเห็นว่ามันมีอะไรอยู่ในนี้


เป็นเวลาหลายชั่วโมงมากที่ชื่นตาทำขนม พอกลับขึ้นมาบนห้องเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันเมื่อยแขนสุดๆ แต่จะพักนานก็ไม่ได้ พอใจใกล้จะสอบเสร็จแล้ว เขาจึงต้องไปเก็บของ แล้วก็เอากล่องขนมซ่อนไว้ลึกสุดๆเลยด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้พักจริงๆสักที










"สอบเสร็จแล้วโว้ย" มังกรกับโมกข์พูดออกมาพร้อมกัน แล้วก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะทันทีเพราะพลังหมดแล้ว


"กลับเลยป่ะ"
"เดี๋ยว ขอพักก่อน" ว่านที่ดูจะไม่รู้สึกอะไร ความจริงก็คือสภาพใกล้ตายแล้วเหมือนกัน คงจะมีแค่พอใจที่มีเพียงความล้าที่แสดงออกจากใบหน้าเท่านั้น ร่างกายยังคงยืนหยัดอยู่ได้


"งั้นกูกลับนะ เดี๋ยวต้องกลับบ้าน"
"กลับเลยมึง happy 1เดือน anniversaryนะมึง" โมกข์โบกมือหยอยๆแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเหมือนจะตาย


พอใจเดินมาถึงรถแล้วก็จัดการโทรหาแม่ให้ช่วยทำบางอย่างให้สักพักหนึ่ง จากนั้นก็ตรงกลับคอนโดทันที จริงๆก็อยากนอนพักสักหน่อยก่อนกลับบ้าน แต่คิดๆดูแล้ว กลับไปนอนที่บ้านก็ได้ จะได้นอนยาวเลย


พอใจเปิดประตูห้องเข้ามาก็ไม่เห็นชื่นตาอยู่ในห้อง เขาเปิดดูในห้องนอนก็พบว่าอีกคนนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง วันนี้ก็อยู่ห้องเฉยๆนี่นา ไปเหนื่อยอะไรมาถึงมาหลับตรงนี้ แถมยังมีกลิ่นขนมออกมาจากตัวอีกต่างหาก


พอใจกดจมูกลงสูดกลิ่นบนแก้มอีกคนย้ำๆ จนชื่นตารู้สึกตัวแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมา เมื่ออีกคนเห็นว่านี่คือพอใจก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาคล้องคอไว้ ส่วนอีกข้างก็ขยี้ตาไปมา


จุ๊บ!


"แอบกินขนมมาใช่ไหมครับ"
"เราเปล่า" ชื่นตาพูดเสียงเบา


จุ๊บ!


"มันมีกลิ่นออกมาจากตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้"


พอใจกดจูบลงบนปากแล้วก็แก้มสองข้าง ชื่นตาที่งัวเงียๆอยู่ก็หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย สงสัยว่าคงจะจั๊กจี้ล่ะมั้ง


"กลับบ้านกันเถอะครับ"
"อื้อ กลับบ้านกัน"






เราแยกกันทันทีที่มาถึงบ้าน ต่างคนก็ต่างเหนื่อย ถึงพอใจจะไม่รู้ก็เถอะว่าชื่นตาเหนื่อยอะไร เขาเดินเข้ามาในตัวบ้านก็เจอกับแม่ที่ดูละครเย็นอยู่ ดูเหมือนว่าคุณนายเขาจะอินมากจริงๆ


"อ้าว พอใจ มาแล้วเหรอลูก"
"ครับ พ่อล่ะครับ"
"วันนี้มีงานด่วนแหนะ ยังไม่กลับเลย"


มีงานด่วนแบบนี้คงกลับมาดึกเลย และถ้าให้เดาแม่ก็คงจะรอจนกว่าพ่อจะกลับมานู่นแหละ พอใจก็อยากจะขึ้นไปนอนอยู่หรอก แต่เขาคิดว่าไม่อยากปล่อยแม่ไว้ข้างล่างคนเดียว


เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว พอใจก็เลยขอขึ้นไปที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายหน่อย แล้วจึงลงมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ แม่เล่าหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในอาทิตย์นี้ให้ฟัง ทั้งพ่อซื้อต้นไม้มาใหม่ ลูกค้าที่เรื่องมาก แม่เล่าทุกเรื่องเลย


"ขนมที่ลูกบอกแม่ทำเสร็จแล้วนะ"
"เสร็จแล้วเหรอ"
"จ้า แล้วจะเอาไปทำไมกัน"
"วันพรุ่งนี้1เดือนน่ะ"
"1เดือนอะไร อ๋อ ที่คบกันสินะ แหมม ลูกนี่เหมือนพ่อเขาจริงๆนะ ฮิๆ"


พอได้แซวครั้งหนึ่งแล้ว แม่ก็จะแซวตลอดไป เรื่องที่เหมือนพ่อนี่พอใจก็อยากจะเถียง แต่เถียงไปแม่ก็คงไม่ฟังหรอก พ่อกับแม่น่ะไม่ใช่แค่หวานหรอก บางทีมันก็เลี่ยนเลยล่ะ เขาคิดว่าเขายังไม่เป็นขนาดนั้น


"ไม่มีอย่างอื่นให้นอกจากขนมเหรอลูก"
"ผมไม่เคยให้ ไม่รู้สิ"
"โอ๊ย! ต้องให้เป็นหน้าที่แม่อยู่เรื่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำให้"
"ทำอะไรอ่ะ"
"เดี๋ยวก็รู้ๆ สอบเสร็จเหนื่อยๆก็ไปนอนสิ แม่รอคนเดียวได้ ไปๆ"


พอใจขัดแม่ไม่ได้ เขาเลยจำเป็นต้องขึ้นมานอน หวังว่าสิ่งที่แม่จะเอาให้เขาวันพรุ่งนี้มันจะเป็นสิ่งที่ชื่นตาก็ชอบเหมือนกันนะ






*******************************


talk: ตอนหน้าสุดท้ายแล้ววว

หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--24--<30/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2019 17:15:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--24--<30/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2019 19:37:00
แม่พอใจทันสมัยมาก  :katai2-1:
รู้วันคู่รักคบกันครบ ๑ เดือนต้องมีอะไรให้กันด้วย  o22
รู้มากกว่าลูกชายซะอีก  :hao3:
กลัวซะแล้วว่าขนมของชื่นตาจะไปซ้ำกับขนมที่แม่จะทำ  :m20: :laugh:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--24--<30/7/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 30-07-2019 20:34:02
เป็นเรื่อที่อ่านแล้วชื่นใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา <chapter25:04/08/2019>
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 04-08-2019 12:52:25
25







เป็นวันปิดเทอมวันแรกที่สดใสจริงๆ พอใจตื่นมาเพราะเสียงลมปะทะกระจกระเบียง มันไม่ได้ดังมากหรอก แค่ดังพอที่จะทำให้พอใจตื่นได้ ตอนแรกพอใจคิดว่าพายุจะเข้า แต่เมื่อเปิดประตูออกไผยืนที่ระเบียงก็พบว่าท้องฟ้าแจ่มใสเหมือนทุกวัน แค่มีลมพัดเท่านั้นเอง เขาหวังให้อากาศเป็นแบบนี้ตลอดไป


วันนี้เป็นวันสำคัญ จริงๆพอใจไม่ใช่คนที่จะจำวันครบรอบนั่นนี่หรอก แต่เขาคิดว่าอยากทำอะไรสักอย่างให้ชื่นตาหน่อย ช่วงที่ผ่านมาเราเอาแต่สอบกัน เวลาอยู่ด้วยกันเลยไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่นัก คงทำแบบนี้ทุกเดือนไม่ได้ แต่จะอยู่ข้างๆทุกๆวัน


พอใจอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ได้ดูดีดว่าวันอื่นๆสักเท่าไหร่ แต่เพราะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หน้าตาเลยดูสดใสขึ้นเยอะ พอใจนึกขึ้นได้ส่าแม่จะจัดการอะไรบางอย่างให้เขา ก็นึกสงสัยอยู่ตลอดว่ามันคืออะไร


"แม่ อยู่ไหนอ่ะ" พอใจกวาดสายตาหาคนเป็นแม่ทั่วทั้งห้องนั่งเล่น แต่ไม่เห็นว่าจะอยู่ในห้องนี้เลย
"อยู่นี่จ้า" มีเสียงดังมาจากอีกฝากของบ้าน คงจะอยู่ที่สวน


พอใจเดินออกมาตามเสียง ก็พบว่าแม่กำลังจัดดอกไม้ลงในแจกันอยู่ ก็นะ ปลูกต้นไม้ไว้เยอะๆ มันก็ออกดอกออกผลให้แม่ได้หยิบมาทำอะไรๆอยู่ตลอด พอใจจำไม่ได้หรอกว่ามันมีดอกอะไรบ้าง


"พ่อไปทำงานแล้วเหรอ"
"ไปแล้วจ้า กินข้าวเช้าหรือยัง แม่วางไว้ในครัว"
"ยังเลยครับ เดี๋ยวไปกิน ไหนที่บอกว่าจะทำให้"
"ไปกินก่อน เดี๋ยวเสร็จแล้วถือไปให้"
"ก็ได้ครับ"


พอใจยอมเดินมากินข้าวก่อน ทั้งๆที่ยังคงสงสัยอยู่ว่าของที่แม่จำให้คืออะไร ในระหว่างที่ตักข้าวเข้าปาก พอใจก็คิดถึงความเป็นไปได้ของสิ่งที่แม่จะทำอยู่ตลอด ก็แม่ทำได้หลายอย่าง เขาเลยเดาไม่ถูกสักที


"อ่ะ แม่ทำเสร็จแล้ว"


แม่ยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้าเขา เป็นดอกไม้ที่เขาจำได้ว่ามันปลูกอยู่ตรงรั้วฝั่งซ้ายของบ้าน แม่ผูกโบว์มาให้เขาอย่างสวยงามแล้วด้วย ไม่ยักรู้ว่านอกจากจัดแจกันแม่จะจัดดอกไม้เป็นช่ออย่างนี้ได้ด้วย


"สวยล่ะสิ"
"สวยครับคุณนาย แล้วนี่มันชื่อดอกอะไรเหรอครับ"
"เดหลีจ้ะ แม่ว่ามันน่ารักดี"


พอใจพยักหน้าเห็นด้วย มันหน้าตาน่ารักดีจริงๆนั่นแหละ เขามองดอกไม้สีขาวที่รู้สึกว่ามันรูปร่างคุ้นๆ เหมือนดอกไม้ที่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ใช่สีนี้ แล้วก็มองเพลินไปที่โบว์สีขาวที่ผูกอยู่ตรงก้าน มันดูเข้ากันดีมากๆ พอใจลองจินตนาการไปถึงภาพของชื่นตาที่ถือช่อดอกไม้นี้อยู่ แค่คิดเขาก็นึกภาพออกเลยว่ามันจะต้องเข้ากันมากๆ


"มันมีดอกที่หน้าตาคล้ายๆกันไหมแม่ ผมว่าคุ้นๆ"
"ดอกหน้าวัวจ้ะ จริงๆมันก็น่าจะสายพันธุ์เดียวกันนั่นล่ะ แม่ว่าเพราะชื่อมัน คนเลยไม่ค่อยเอาไปจัดดอกไม้ ทั้งๆที่มันสวยออก"
"ก็คงจริง"


พอใจละสายตาจากดอกไม้ไปขอบคุณแม่ จากนั้นก็เดินไปหยิบขนมมาจัดใส่จาน แล้วก็หยิบกล้องคล้องคอไปด้วย เมื่ิอเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว พอใจก็พร้อมลุยด้วยเหมือนกัน


"ไปแล้วนะแม่"
"จ้า ขอให้เขารักเขาหลงนะลูก"


พอใจหัวเราะกับคำอวยพรของแม่แล้วออกมาจากบ้านมาอย่างร่าเริง เขายืนกดกริ่งที่หน้าบ้านอย่างที่เคยทำประจำ แน่นอนว่าคนที่จะพาเขาไปส่งที่ห้องของชื่นตาก็ต้องเป็นป้าพิมคนเดิม พอใจรีเควสทางนั้นไปเองแหละ


"คุณชื่นคะ มีคนมาหาค่ะ"


พอใจหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเดิม ห้องเมื่อครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาเหยียบบ้านนี้ ห้องที่เจอชื่นตาครั้งแรก


"เข้ามาเลยครับ"
"โอเคไหมคะคุณพอใจ เอาขนมมาค่ะ ป้าจัดใส่จานให้"


แล้วป้าพิมก็จากไปพร้อมกับขนมในมือของพอใจด้วยเช่นกัน เขายืนอยู่หน้าห้องเหมือนวันนั้น ต่างกันแค่ความรู้สึก คราวก่อนพอใจต้องชั่งใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดี แต่คราวนี้พอใจยืนรอด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าชื่นตาจะมีปฏิกิริยาเป็นยังไงเมื่อเห็น


"ทำไมไม่เข้ามาล่ะ อ้าว พอใจ"
"แม่ฝากขนมมาให้ครับ" พอใจเอาดอกไม้ซ่อนไว้ข้างหลัง แน่นอนว่าชื่นตาไม่ได้สังเกตสักนิด เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองหน้าพอใจอยู่


"อ๋อ แล้วยืนอยู่ทำไมตั้งนาน"
"เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อพอใจ คุณล่ะ" สลับบทกันนิดหน่อย ก็คราวที่แล้วชื่นตาถาม เขาดูจะงงๆนิดหน่อย แต่ก็ยอมเล่นไปตามน้ำ


"เราชื่อชื่นตา"
"แล้วคุณชื่นอายุเท่าไหร่ครับ"
"20 แล้วพอใจล่ะ"
"19ครับ" พอใจกลั้นยิ้มกับความน่าเอ็นดูของชื่นตาไม่ได้เลย
"งั้นเราก็มีน้องแล้ว ใช่มะ เราพูดแบบนี้หรือเปล่านะ"
"ต้องพูดว่า งั้นเราก็มีแฟนแล้วต่างหากครับ"


จบประโยคนั้น พอใจก็ยื่นดอกไม้ที่เตรียมมาให้กับชื่นตา ไม่น่าเชื่อว่าอีกคนไม่ได้สังเกตของในมือเขาเลยสักนิดเดียว ชื่นตารับดอกไม้พร้อมกับทำหน้าตกใจปนๆดีใจ พอใจก็หวังว่าชื่นตาจะชอบ


"ดอกไม้ ขอบคุณนะพอใจ" ชื่นตาขยับเข้ามากอด แต่พอใจคล้องกล้องไว้ที่คอ ทำให้หัวชื่นตาชนกับเลนส์กล้องพอดี ทั้งสองคนเลยหัวเราะออกมาพร้อมกัน


"สุขสันต์วันครบรอบนะครับ ถึงจะแค่เดือนเดียวก็เถอะ"
"อื้อ พอใจก็เหมือนกันนะ แต่รออยู่นี่แปปหนึ่ง เดี๋ยวเรามา"


ชื่นตาบอกแบบนั้นแล้ววิ่งลงบันไดตึงตังไป พอใจก็ได้แต่นั่งรออยู่ในห้อง เขาดวาดสายไงตาไปรอบห้อง เห็นได้ชัดเลยว่าที่นี่มีคนมาดูแลตลอด เพราะสะอาดเสมอ พอใจมองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก็เห็นว่ามันมีกระดาษกับเครื่องเขียนกองเต็มไปหมด ในตอนที่เขากำลังขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะดูว่าคืออะไร ชื่นตาก็โผล่มาพอดี


"สุขสันต์วันครบรอบ!"


ชื่นตากลับมาพร้อมกับจานขนมหวานสองจาน จานแรกเป็นขนมที่ผมเอามา ส่วนจานที่สองนั้นเป็นขนมที่ดูก็รู้ว่าคงทำเอง เพราะหน้าตามันไม่ได้สวยงามเหมือนที่คนทำขายนักหรอก แต่ผมรู้ว่าเขาตั้งใจ ขนมพวกนี้ทำยากจะตาย


"ไปแอบทำตอนไหนครับ"
"วันที่เรากลับบ้านไง"
"มิน่าล่ะพี่ถึงดูเหนื่อยๆ"
"แหะๆ ก็นิดหน่อย พอใจลองชิมดู" พอใจลองหยิบทองเอดขึ้นมาชิม จิบน้ำไปครั้งหนึ่ง แล้วก็หยิบลูกชุบขึ้นมากิน


"รสชาติพอได้ครับ ทำหน้าตาให้สวยหน่อยก็ขายได้"
"จริงเหรอ! ขอบคุณนะ" ขนมนี่จริงๆก็รสชาติทั่วไปนั่นแหละครับ แต่เพราะความตั้งใจของเขา อีกอย่างชื่นตาไม่เคยทำขนมไทยจริงจังมาก่อนเลย เขาทำมาได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว ทำจนเหนื่อยเลยด้วย


"เรามีอันนี้อีก" ชื่นตาเดินไปหยิบของบางอย่างบนโต๊ะเขียนหนังสือมาให้


พอใจรับของมาจากชื่นตา มันเป็นการ์ดที่ชื่นตาทำมาให้ เขาเปิดดูข้างใน มีรูปคู่ของเราสองคนแปะอยู่ แล้วก็มีรูปที่ชื่นตาถ่ายเขาไว้ด้วย ไม่รู้ว่าไปถ่ายมาตอนไหนแฮะ



'ถึง พอใจ
สวัสดี เราชื่นตาเองนะ เป็นคุณแฟนของพอใจ! วันนี้เป็นวันครบรอบ1เดือนของเราล่ะ อาจจะดูตลกนะ แค่1เดือนทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย แต่ว่าเราน่ะ รู้สึกว่าพอใจดูแลเรามามากกว่านั้น เข้าใจเรามากๆ แล้วก็ใส่ใจเราเป็นที่1รองจากคนในครอบครัวเลยล่ะ เราหวังว่าพอใจจะรักเรามากๆ แล้วก็ดูแลเราอย่างนี้ตลอดไป ไม่สิ พอใจชอบพูดว่าเสมอมากกว่าตลอดไป เราเองก็จะรักพอใจให้มากๆ ดูแลพอใจเยอะๆ แล้วก็ใส่ใจให้เหมือนกับที่พอใจทำกับเราเหมือนกัน อยู่ด้วยกันไปจนวันพรุ่งนี้ของพรุ่งนี้ของพรุ่งนี้แล้วก็ของพรุ่งนี้เลยนะ'



พอใจอ่านข้อความในการ์ดจนหมด ถอดเอากล้องออกจากคอไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็กอดชื่นตาแน่นๆ ให้เจ้าตัวได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้หลังจากอ่านการ์ดนี้ พอใจรู้สึกดีมากๆกับสิ่งที่ชื่นตาทำให้


"ขอบคุณนะครับ"
"อื้อ ดีใจที่ชอบนะ" พอใจหอมหัวชื่นตานับสิบรอบจนเจ้าตัวหัวเราะออกมา แถมนังผลักเขาออกเป็นเชิงว่าพอแล้วอีกด้วย


"ไปสวนกันครับ"
"หือ?"
"ของผมยังไม่ครบเลยนี่ครับ"
"อ๋อ ได้สิ"


ชื่นตาหยิบกล้องมาคล้องคืนให้พอใจด้วย แล้วก็หยิบเอาดอกไม้ที่พอใจให้มาออกไปด้วย ดูก็รู้แล้วว่าพอใจจะถ่ายรูป ก็ต้องเอาพร็อพไปด้วยสิเนอะ


"แล้วขนมล่ะ"
“เดี๋ยวกลับมากินครับ ถือไปเก็บก่อน"


พอใจยกจานลงมาฝากป้าพิมที่อยู่ในครัวเก็บให้ จากนั้นก็เดินจับมือกันออกจากบ้านไป วันนี้อากาศดีมาก เราสามารถเดินจากบ้านไปจนถึงสวนสาธารณะได้โดยไม่ร้อนเลยสักนิด


"เรานั่งตรงนี้นะ" ชื่นตาชี้ไปที่ม้านั่งตัวเดิมที่นั่งประจำ
"ครับ ถือดอกไม้ด้วยนะ"
"ได้เลย!"
"ยิ้มนะครับ"


พอใจกดชัตเตอร์ไปสองสามรูป แล้วชื่นตาก็ขอกล้องในมือเขาไป เจ้าตัวอยากถ่ายเขาบ้าง พอใจก็เลยยอมเป็นแบบให้ด้วย แต่ไหนๆวันนี้ก็วันครบรอบแล้ว ก็คงต้องมีรูปคู่บ้าง


"มานั่งข้างกันเร็วครับ"


เมื่อชื่นตาเดินมานั่งข้างกันเรียบร้อย พอใจก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่กันทันที เขาปล่อยให้ชื่นตาทไท่าต่างๆไปเรื่อย ส่วนเขาก็มีอยู่หน้าเดิมๆนั่นแหละ


"มองกล้องด้วยสิ มองเราทำไม"
"น่ารักไงครับ พี่ถือกล้องซิ"


พอใจเปลี่ยนไปให้ชื่นตาถือกล้องบ้าง คราวนี้เวลาที่ชื่นตาถ่ายเขาก็มองกล้องตามที่เจ้าตัวขอ แต่รูปที่เขาต้องการคือแบบนี้ต่างหาก


"อ๊ะ หอมหัวทำไม"
"น่ารักไงครับ แล้วก็หอมตรงนี้ด้วยๆๆ"


พอใจเปลี่ยนจากหอมหัวมาเป็นหน้าผาก แก้มสองข้าง แล้วก็จุ๊บเบาๆบนริมฝีปากน่ารักๆนี่ เขาดูรอบๆแล้วน่ะ เห็นว่าไม่มีคนก็เลยทำ ไม่ได้ทำต่อหน้าสาธารณชนแต่อย่างใด


"ฮึ่ย! พอใจก็น่ารัก ต้องหอมตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย แล้วก็ตรงนี้ ตรงนี้อีก"


ชื่นตาก็ทำกลับบ้าง ครั้งนี้ไม่ยอม ชื่นตาหอมไล่มาจากหน้าผาก แก้มสองข้าง จมูก แถมปากด้วย ถ้าไม้ติดว่าที่นี่เป็นข้างนอก พอใจคงจับชื่นตาฟัดไปแล้ว ไม่รู้ใครสอนให้ทำตัวแบบนี้นะ


"ไปหัดอะไรแบบนี่มาจากไหนครับ"
"คิง! คิงบอกให้อ้อนเยอะๆ พอใจจะรักมากๆ"
"ไม่อ้อนเยอะก็รักมากแล้วครับ"


พอใจนึกขอบคุณพี่คิงอยู่ในใจ หลายครั้งที่พี่คิงเป็นตัวแปรให้พวกเขาสองคนเข้าใจกัน สนใจกัน ใส่ใจกัน ได้รักกันแบบนี้ บางทีอาจจะต้องมีของไปฝากด้วย เพื่อเป็นการขอบคุณ


"เราน่ะ อยากอยู่กับพอใจไปแบบนี้เรื่อยๆเลย"
"ผมก็อยากอยู่กับพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆครับ"


เราสองคนนั่งเงียบกันอยู่สักพัก แต่ก็เป็นความเงียบที่ไม่อึดอัด พอได้มีเวลานั่งคิด พอใจก็นึกได้ว่าพวกเขามาทำอะไรหลายไอย่างที่สวนนี่เหมือนกันแฮะ ทั้งเจอกันวันแรก มาเดท แถมยังมาวันครบรอบที่นี่อีกด้วย ดีเหมือนกันที่สวนนี้ไม่ค่อยมีคน ไม่อย่างนั้นคงมานั่งกอดกันแบบนี้ไม่ได้หรอก


"เปิดเพลงดีกว่า" ชื่นตาหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดเพลย์ลิสต์ที่ชื่อว่า'พอใจ' เจ้าตัวบอกว่าฟังเพลงพวกนี้แล้วนึกถึงพอใจ ก็เลยตั้งชื่อไว้แบบนั้น


ต่อให้ดวงตะวันทอดทิ้งขอบฟ้า
ยามค่ำคืนราตรีไร้ดาวข้างจันทร์
แต่โปรดรู้เธอยังมีใครข้างกัน ในทุกวันไม่จากไปไหน
สูดกลิ่นหอมต้องลมอาจจางจืดหาย
ดอกไม้งามเพียงใดร่วงโรย สักวัน
แต่ความรักของฉันที่มีให้กัน ไม่แปรผัน ไม่เคยน้อยลง



ผมยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเพลงนี้



ต่อให้ในทะเลไม่เหลือหยดน้ำ
ท้องฟ้าครามกลายเป็นเมฆดำ มืดหม่น
แต่จำไว้เธอยังมีฉันทั้งคน ที่รักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป
เพราะความรู้สึกมันส่งผ่านออกมาทางเพลงทั้งหมด
หนึ่งความรักของฉันไม่แปรผันไป
เป็นเงาหัวใจเธอตลอดกาล



สำหรับพอใจแล้ว ไม่ว่าจะกี่วันนี้ กี่พรุ่งนี้ ชื่นตาก็จะตื่นมาเจอกับรักของพอใจเสมอ







Love is never ending









******************************


เพลงรักจากฉัน-โบว์ สุนิตา






 talk: และคุณชื่นตาก็ดำเนินมาถึงตอนจบที่เราตั้งใจ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจที่ทุกคนมีให้เราเสมอมา คนที่มาคอมเมนต์บ่อยๆหรือคนที่กดหัวใจในทวิตเตอร์ เราจำได้นะ ขอขอบคุณทุกคนจากใจจริงเลย

     จริงๆแล้วเราเขียนเรื่องนี้หลังจากเว้นระยะมาค่อนข้างนานเลย ทำให้เราไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่ มีบ้างที่รู้สึกว่าทำไมคอมเมนต์น้อยจัง แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับมัน หวังว่าทุกคนที่อ่านคุณชื่นตามาจนจบจะมีความสุขไปกับงานที่เราเขียน หวังว่าสิ่งที่เราทำมาจะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนได้

     ส่วนเรื่องรวมเล่มนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาจากสำนักพืมพ์ ถ้าเกิดว่าได้หรือไม่ได้ยังไงเราจะมาแจ้งอีกทีพร้อมกับตอนพิเศษ ซึ่งอาจจะนานหน่อยคิดว่าคงอีกประมาณสัก2เดือนได้ หวังว่าทุกคนยังจะรอกันอยู่นะ

     ปล.เราเปิดเรื่องใหม่แล้ว จิ้มเลยนะ あかし  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70745.msg3994263#msg3994263) ฝากติดตามด้วยค่ะ



หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-08-2019 14:47:09
น่ารักจังคู่นี้ พ่อแม่ก็เต็มใจในความรักของลูก อิจฉาาาาาา
จบได้หวานแหววมากๆ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2019 21:13:41
 :-[
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-08-2019 21:23:56
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้า :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-08-2019 13:09:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 05-08-2019 21:52:56
นอนหลับฝันดีละค่ะ หวานแบบอบอุ่น นุ่มนวลเป็นที่สุด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-08-2019 00:19:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 10-08-2019 11:38:41
เอ็น​ดูคุณ​ชื่นนนนน
ขอบคุณ​ครับ​
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 11-08-2019 14:24:26
น่ารักมุ้งมิ้งกันไปเรื่องนี้ น้องชื่นน่ารัก พอใจก็ดูอบอุ่น ชอบค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-08-2019 10:50:59
มุ้งมิ้งกันทั้งเรื่อง น่ารักดี ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25-- END *Special+pre-order*
เริ่มหัวข้อโดย: zhaofah ที่ 17-03-2020 17:02:36
BABYSITTER



การใช้ชีวิตคู่ที่เรียบง่าย สบายๆตามแบบเด็กมหาวิทยาลัยนั้นเป็นวิถีชีวิตปกติของทั้งสองคน แต่มันก็มีบ้างที่ชีวิตคู่มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น ดังเช่นวันนี้ที่ทั้งสองคนต้องมารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็น


“ฝากหน่อยนะเว้ย เดี๋ยวรีบมารับเลย” สีหน้าของมังกรแสดงออกถึงการขอโทษขอโพยอย่างชัดเจน ก็พาความลำบากมาให้นี่นะ
น้องพัดเป็นหลานชายของมังกร ซึ่งจริงๆแล้ววันนี้ทั้งสองคนมีนัดจะไปกินไอศกรีมกัน แต่บังเอิญว่าอาจารย์ดันโทรตามให้มันเข้าไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อจะแก้โปรเจ็กต์ที่ส่งไป มีแววว่าจะไปทั้งวันเลยด้วย มังกรก็เลยจำเป็นจะต้องเอาหลานมาฝากไว้กับพวกเขา เพราะคอนโดอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยพอดี


“เดี๋ยวอารีบมารับนะ”
“คับ” น้องพัดโบกมือบ๊ายบายอย่างไม่รู้ความ เด็กก็คือเด็กนั่นแหละ


หลังจากที่มังกรไปแล้วเรียบร้อย ทั้งพอใจและชื่นตาก็ได้แต่มองหน้ากันว่าจะเอายังไงต่อดี ทั้งคู่เป็นลูกคนเดียว ประสบการณ์เลี้ยงน้องอะไรบอกได้เลยว่าเป็นศูนย์ ไม่เคยแม้แต่จะอุ้มเด็กสักคน  หวังว่าน้องพัดจะเป็นเด็กดีสมกับที่มันพูดไว้นะ ไม่อย่างนั้นตอนมันมารับน้องพัด เขาจะจับมันฆ่าหมกส้วมแน่


“น้องพัดกินข้าวเช้าหรือยังครับ” ชื่นตาลงไปนั่งยองๆให้ตัวเท่ากันแล้วเอ่ยถาม
“กินแล้วคับ อามังกรทำปลาหมึกให้” นี่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่ออีกอย่าง มังกรมันทำอาหารเป็นด้วยเหรอ แล้วยังทำวัตถุดิบยากๆแบบปลาหมึกเนี่ยนะ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด


“ปลาหมึกแบบไหนเหรอครับ” เมื่อพอใจถาม น้องพัดจึงหยิบสมุดวาดรูประบายสีของตัวเองขึ้นมาแล้วนั่งลงวาดให้ดู
“แบบนี้ๆคับ”
“อ๋อ ไส้กรอกปลาหมึกนี่เอง อร่อยไหมครับ”
“อร่อยคับ อามังกรเก่งที่สุดในโลก”


พอใจยิ้มขำแล้วลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ปลาหมึกก็คือไส้กรอกที่ตัดสี่แฉก พอทอดแล้วมันจะงอเหมือนหนวดปลาหมึก ดูเหมือนว่าน้องพัดจะติดมังกรพอสมควร คงจะรักกันมากเลยแหละ เล่นบอกว่าอามังกรเก่งที่สุดในโลกขนาดนี้

 
“แล้วตอนนี้น้องพัดอยากทำอะไรครับ”
“อามังกรสัญญาว่าจะพาพัดไปกินไอติม”


“แต่ตอนนี้อามังกรยังไม่ว่าง น้องพัดเล่นกับพวกอาก่อนนะ” เด็กน้อยทำหน้าจ๋อย แต่ก็พยักหน้าตกลง ไม่ดื้อจริงๆด้วยแฮะ ไม่เหมือนเด็กที่จะเล่นกับไอ้มังกรได้เลยสักนิด อย่างมันน่าจะมีหลานที่แสบซนจนคุมไม่ได้ซะมากกว่า


เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่ไม่เคยเลี้ยงเด็กกันมาก่อน จึงคอยซักถามน้องพัดอยู่เป็นระยะว่าต้องการอะไร อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า พวกเขาไม่รู้ว่าเด็กวัยนี้เข้าห้องน้ำเองได้หรือยังด้วยซ้ำ แต่นอกจากที่น้องพัดจะไม่รำคาญแล้ว น้องพัดยังตอบทุกคำถามแถมยังอธิบายเพิ่มเติมด้วย ดูแตกต่างจากผู้เป็นอาอย่างมาก


“เมื่อไหร่อามังกรจะมาเหรอครับ” เมื่อเล่นไปได้สักสามสี่ชั่วโมง เด็กชายก็เริ่มชะเง้อมองที่ประตู รอว่าเมื่อไหร่ผู้เป็นอาจะมารับสักที เด็กน้อยไม่ได้ไม่ชอบคุณอาสองคนนี้หรอก เพียงแต่อามังกรสัญญากับเขาว่าจะพาไปกินไอศกรีมแล้วก็เที่ยวเล่นกันทั้งวัน แต่รอจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มาเลย


“เดี๋ยวอาโทรตามให้นะ” พอใจรีบออกไปที่ระเบียงเพื่อโทรหาเพื่อน ท่าทางจะไมค่อยดีเท่าไหร่แล้ว เห็นคอยืดคอยาวแบบนั้นแล้วก็สงสาร


[ฮัลโหลมึง] มังกรรับโทรศัพท์เสียงเบา
“จะเสร็จเมื่อไหร่วะ”
“ยังไม่รู้เลยว่ะ หลานกูงอแงเหรอ”
“เปล่าหรอก แต่หงอยจนกูสงสาร ชะเง้อมองประตูมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย”
“เฮ้อ กูก็อยากไปหาหลานเร็วๆนะ แต่จารย์ไม่ปล่อยสักทีเนี่ย เรียกวันไหนไม่เรียก มาเรียกวันนี้เฉย”


“เออๆ ละกูควรบอกว่าไง”
“ช่วยพาไปกินติมแทนกูหน่อยดิ เดี๋ยวกูตามไปรับที่ห้าง”
“จริงๆนะเว้ย”
“เออ กูจะรีบสุดชีวิตเลย” จากนั้นพอใจก็ฟังมังกรบ่นอีกสองสามประโยคเจ้าตัวก็วางสายไป


ตอนที่เลื่อนประตูระเบียงแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง พอใจก็เห็นเด็กน้อยมองมาที่เขาตาแป๋วอย่างรอคำตอบ น้องพัดนี่น่ารักจริงๆ ไม่อยากเห็นเด็กคนนี้ทำหน้าเศร้าเลย


“อามังกรยังทำงานไม่เสร็จเลยครับ”
“เหรอครับ” เด็กน้อยถอนหายใจ
“เดี๋ยวน้องพัดไปกินไอศกรีมกับพวกอาก่อนดีกว่า” พัดพยักหน้าลงก่อนจะหยิบของที่ตัวเองเอามาเล่นเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ พวกเขาเองก็เดินไปตรวจตราห้องหับให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากบ้าน ชื่นตาก้มลงใส่รองเท้าให้เด็กน้อยอย่างเบามือเพราะกลัวว่าน้องพัดจะเจ็บ พอใจก็ยืนยิ้มมองทั้งคู่อย่างเอ็นดู


พวกเราสามคนมาถึงห้างได้ในเวลาไม่นานเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นช่วงที่รถยังไม่ค่อยติด ภารกิจแรกก็คือการพาน้องพัดไปกินไอศกรีมร้านโปรดของตัวเอง ซึ่งเด็กน้อยก็สามารถนำทางไปถึงร้านได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ดูเหมือนจะเป็นร้านโปรดจริงๆ


“เอารสอะไรครับ” ชื่นตายื่นเมนูให้กับน้องพัด
“คุณอาอยากกินอันไหนคับ” แต่แทนที่น้องพัดจะตัดสินใจกลับบอกให้พวกเขาเลือกก่อนเพราะกลัวว่าตัวเองจะกินไม่หมด จึงรอกินพร้อมกับพวกเขาดีกว่า ชื่นตาดูจะเอ็นดูมากจนอยากจับเด็กน้อยขึ้นมาฟัดซะตรงนี้เลย


“เอาที่น้องพัดชอบเลยครับ เดี๋ยวพวกอากินช่วย” สุดท้ายน้องพัดก็สั่งเป็นบานาน่าสปริทมาถ้วยหนึ่ง ในระหว่างรอนั้นชื่นตาก็ชวนเด็กน้อยคุยไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้น้องพัดได้มีเวลาไปนึกถึงเรื่องของมังกรมากเกินไป


จนกระทั่งกินจนหมดถ้วยแล้ว มังกรก็ยังไม่โผล่มา ชื่นตากับพอใจรู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเด็กน้อยจะร้องไห้อีกรอบ พวกเขาก็เลยพาไปเดินแถวๆของเล่นให้เด็กน้อยได้ตื่นตาตื่นใจ


“มาต่ออันนี้กันไหม” พอใจชูเลโก้ที่ทางห้างมีไว้ให้เด็กๆได้มาเล่นกัน


น้องพัดนั่งลงบนตักของพอใจเพราะน้องตัวเล็กมาก ถ้าให้นั่งเองก็จะต่อด้วยกันยาก พอใจกับน้องพัดกำลังช่วยกันสร้างปราสาท ระหว่างนั้นชื่นตาก็ไลน์จิกมังกรอยู่เรื่อยๆ ก็ได้ความว่ามังกรออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว กำลังเดินทางมาที่ห้าง ชื่นตาจึงลอบถอนหายใจและส่งสายตาไปให้พอใจรู้


“เย้ เป็นปราสาทแล้ว” น้องพัดชูมือขึ้นเหนือหัวแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ที่นี่ก็ได้แต่มองด้วยความเอ็นดูเท่านั้น


พวกเขาเดินดูของอีกนิดหน่อยมังกรก็ส่งข้อความเข้ามาว่าถึงห้างเรียบร้อย พอใจกับชื่นตาเลยตัดสินใจกันว่าจะเดินดูเสื้อผ้าเด็กรอให้มังกรมา ชื่นตาหยิบชุดนั้นชุดนี้ทาบบนตัวเด็กน้อยอย่างสนุกสนาน


“ชอบไหมครับ”
“ชอบคับ”
“อาซื้อให้นะ”
“ขอบคุนคับ พัดจะใส่พุ่งนี้เลย” เด็กน้อยกอดของที่เขาเลือกให้ไว้ในอก ชื่นตายิ่งเห็นยิ่งใจละลาย เด็กอะไรน่ารักขนาดนี้!
ในระหว่างที่พวกเขาหยิบตัวนั้นตัวนี้ใส่ตะกร้า มังกรก็มาถึง สภาพมันที่พอใจเห็นนั้นดูก็รู้ว่ารีบมาก ชุดนักศึกษาหลุดลุ่ยจากการวิ่ง เหงื่อซ่กเชียว ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามันกับหลานรักกันขนาดนี้


“อามาแล้วๆๆๆๆ” มันส่งเสียให้เด็กน้อยรู้ทันทีที่มาถึง
“อามังกร...ฮืออออ”


พอเห็นหน้าคุณอาที่รักยิ่ง น้องพัดก็ร้องไห้ฮือออกมาทันที ทำเอาพวกคุณอาตกใจจนเหวอ เมื่อกี้ยังยิ้มๆอยู่เลย มังกรรีบอุ้มหลานขึ้นซบอกแล้วโยกตัวไปมา สีหน้าของมันดูไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นหลานร้องไห้


“ฮึก ฮือ”
“โอ๋ๆ อามาแล้วครับ”


หลายชั่วโมงที่ผ่านมาน้องพัดคงอดทนมากๆที่จะไม่ร้องไห้สินะ พอคนที่รอมาถึง น้ำตาถึงได้ไหลออกมาเป็นเขื่อนแตกอย่างนี้ เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าคนอย่างมังกรจะมีเด็กมาติดมารักขนาดนี้ ดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆนะ


“กลับบ้านกันเนอะ แล้วครั้งหน้าอาพามาอีก”
“จิงเหรอ พามาจิงๆนะ” เด็กน้อยพูดทั้งที่ตาเปียกๆ ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนยวบทั้งนั้นแหละ


“ครับ เดี๋ยวอาไปรับที่บ้านเลย”
“โอเคคับ”
“บ๊ายบายคุณอาก่อนกลับเร็ว”
“บ๊ายบายคับ” เด็กน้อยโบกมือให้เขา ชื่นตาจึงยื่นชุดที่พวกเขาตั้งใจซื้อให้กับมังกร มังกรพยักหน้าและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนที่จะพาเด็กน้อยเดินออกไป


“วันหลังพัดจะใส่มาให้ดูน้า”


เด็กน้อยชะโงกหน้ามาจากไหล่ของคุณอาแล้วพูดประโยคนี้กับชื่นตาและพอใจ ทั้งสองคนถึงกับใจเหลวเป๋วไปหมด อีกนิดก็คงละลายไปกับพื้นแล้ว เด็กน่ารักแบบน้องพัดต้องไปหาจากที่ไหนนะ


เมื่อหมดภารกิจเลี้ยงเด็ก ทั้งคู่จึงเดินทางกลับคอนโดทันที ถึงน้องพัดจะเป็นเด็กดี น่ารักขนาดไหนก็ตาม กับผู้ชายสองคนที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนนั้นก็ยังทำให้สูญเสียพลังไปมากเหมือนกัน


“ถ้าเรามีลูกคงเหนื่อยเนอะ” ชื่นตาพูดขึ้น
“นั่นสิครับ”
“แต่เราไม่มีนี่สิ”
“อาจจะมีก็ได้”
“หือ?”
“ลองไหมครับ”
“พอใจ! บ้า!” แล้วคนที่ตัวเล็กกว่าก็เดินหนีเข้าห้องเพราะความเขิน ทิ้งให้พอใจนั่งหัวเราะอยู่ที่ห้องโถงคนเดียว










----------------------------------------------------------




Pre-order

รายละเอียด

นิยายตอนหลัก 26 ตอน
ตอนพิเศษ 4 ตอน
               - Baby sitter (ในเว็บก็อัพ)

               - We've been grown up

"อย่ามากอดสิ" โปรดผลักแขนของอีกคนไปให้พ้นตัว แต่มันออกจากตัวเขาได้แค่แปปเดียว ก็วกกลับมากอดเขาอีกรอบ

"มันหนาวไง"

"ก็บอกให้ซื้อผ้าห่มมา2ผืนตั้งแต่แรก"

"2ผืนก็ทำแบบนี้ไม่ได้ดิ"



     - On the sea



"เดี๋ยวเราลงน้ำ พอใจไปนั่งไกลๆๆเลยนะ ไม่ต้องคุยกับคนอื่นด้วย"

"ไม่ให้คุยเลยเหรอครับ"

"ใช่! ห้ามคุย ทำตัวดีๆนะ เดี๋ยวกลับมา"





          - Lost in Japan



          “พอ พอใจ หยุดก่อน” ชื่นตาพยายามเอามืออันสั่นเทาของตัวเองไล่จับมือปลาหมึกของอีกคนที่ตอนนี้ลูบไล้ไปทั่วร่าง

          “ไม่ไหวแล้วครับ เดี๋ยวมานะ”



ของแถม : ที่คั่นหนังสือ



หนังสือขนาด A5 จำนวน 292 หน้า

ราคา  313 บาท

ค่าจัดส่ง ลงทะเบียน 50 บาท EMS 70 บาท



https://docs.google.com/forms/d/1LzzA2VdZUZLPF8y2nxytJgZaOVOc5qMGerG_d4lTwIw/edit (https://docs.google.com/forms/d/1LzzA2VdZUZLPF8y2nxytJgZaOVOc5qMGerG_d4lTwIw/edit)



เปิดพรีตั้งแต่ 17 มีนาคม - 18เมษายน 2563

แนะนำให้ติดตามข่าวสารทางทวิตเตอร์ @zhaofah จะอัพเดตในทวิตเตอร์เป็นส่วนใหญ่





หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 10:17:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณชื่นตา--25--<04/08/2019> END
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 09-11-2020 17:57:32
น่ารักมาก ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
 :mew3: