พิมพ์หน้านี้ - รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nethang ที่ 15-04-2019 12:00:28

หัวข้อ: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 15-04-2019 12:00:28
สวัสดีช่วงสงกรานต์ค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จัก เราเป็นนักเขียนหน้าใหม่ของเล้าแห่งนี้ เคยแต่ตามอ่านนิยาย ช่วงนี้อะไรดลใจไม่รู้เลยลุกขึ้นมาแต่งนิยายเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง หลังจากผันตัวไปเป็นนักอ่านอยู่ร่วมสิบปี พอกลับมาลองเขียนอีกครั้งรู้ตัวเลยว่ากลับไปเป็นนักอ่านน่าจะรุ่งกว่า 555 :hao5:



********************************************************************************************



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


********************************************************************************************

เรื่องนี้นายเอกพระเป็นตัวเล่าเรื่องหลักนะคะ อาจมีตอนที่พระเอกเล่าแทรกบ้างแต่จะออกแนวตอนพิเศษซะมากกว่า

พล๊อตเรื่องจะซ้ำๆพอเดาทางได้ อาศัยอ่านเพื่อความบันเทิงตามแบบฉบับสาววายลัทธิสุขนิยมแล้วกันนะคะ  :o8:

ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยน้าาาาาาา




********************************************************************************************



บทที่ 1 ผมไม่ชอบรถสีดำ

บรรยากาศเงียบสงบยามเช้า กำลังถูกรบกวนด้วยเสียงเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ฮอนด้าดรีม 100 หรือจะเรียก ดรีมท้ายเป็ด ดรีมท้ายมน ดรีมคุรุสภา แล้วแต่สะดวกเรียกเลยครับ ขี่เป๋ซ้ายทีขวาที ก่อนจะชนเข้ากับฟุตบาทอย่างจัง ยังดีที่คนขี่ขายาวใช้ขาทั้งสองข้างช่วยพยุง ไม่งั้นคงได้จูบฟุตบาทไปแล้ว

“เอี๊ยดดดดด…..เฮ้ย ไม่นะไอ้แก่ลูกพ่อ” ผมสบถลั่น หลังจากที่มอเตอร์ไซต์ลูกรักจอดนิ่งสนิทอยู่ริมถนน

“ไรหว่า ไหนพี่ทิดว่าซ่อมแล้วไง...แล้วงี้จะไปโรงเรียนทันป่าววะ” เอาแล้วไงครับวันนี้ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย

วันนี้ผมต้องรีบไปโรงเรียนเพราะมีนัดกระจายสินค้า ถ้าไปไม่ทันนอกจากจะ อดได้เงินยังอาจโดนด่าตามหลังอีกด้วย

สวัสดีครับ ผมชื่อนายปกรณ์ กิจการุณ ปีนี้อายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 4 โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง มันใช่เวลาแนะนำตัวไหม! เอาจริงๆตอนนี้ผมรีบมาก วันนี้มีสอบครับต้องรีบเอาสินค้าไปปล่อย แหะ แหะ

ก่อนอื่นรองสตาร์ทรถใหม่อีกครั้งนึง“แถก แถก แถก” ไม่ติดครับ เอาไงดีหว่าครับ ซ่อมสไลด์ไทยแลนด์ เตะครับ เตะเข้าไปตรงเครื่องยนต์มันเนี่ยแหละ “แถก แถก ชึ่งงงง บรึ้นนนนนน” ติดเลยคร้าบบบบบบ ฮาาาาา ก่อนอื่นผมขอแว้นไปโรงเรียนก่อนนะครับ

หน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ธงชาติกำลังถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา เด็กมาสายโดนเกณฑ์ไปรวมกันหน้าประตูทางเข้า

“ชิบ- ซวยแล้ววันนี้เวรจารย์ปี๊ด” ผมมองไกลๆเข้าไป เห็นอาจารย์ ฝ่ายปกครองที่ยืนคุมนักเรียนที่มาสายอยู่ แม่งงงงงงงง จารย์ปี๊ดกับผมไม่ถูกกันขั้นรุนแรง ผมตัดสินใจดับเครื่องรถมอเตอร์ไซต์แล้วเข้าไปแอบอยู่หลังรถสีดำคันหนึ่ง รถบ้าอะไรไม่รู้คันใหญ่ชะมัดแถมติดฟิล์มดำอีก แต่อย่างน้อยมันก็บังผมกับมอเตอร์ไซต์ผมจนมิดแล้วกัน เมื่อสบจังหวะ อาจารย์กำลังทำโทษนักเรียนคนอื่นอยู่นั้น ผมก็โกยอ้าวใส่เกียร์หมา แอบวิ่งเลียบรั้วโรงเรียนเข้าไปในอาคาร แต่ทว่า!

“ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด นายปกรณ์ กลับมานี่” เสียงนกหวีดดังลากยาวตามมาด้วยเสียงตะเบ็งของอาจารย์ฝ่ายปกครอง ชะอุ้ย! โดนจับได้ ผมจำใจเดินย้อนกลับมารวมกับเหล่านักเรียนที่มาสาย ก้มหน้าก้มตาแล้วหัวเราะ แหะ แหะ

“ อย่าคิดว่าเรียนเก่งแล้วจะมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นจนมาสายได้นะ” โอ๊ยยยยยย สิทธิพิเศษอะไรกั๊นนนนนนนน ผมก็โดนทำโทษตลอดอะ

“โธ่ อาจารย์ครับสิทธิพิเศษมีที่ไหน ผมว่าอาจารย์รีบๆทำโทษผมดีกว่าผมมีสอบคาบแรกอะครับ” สงสารเด็กๆตาดำดำเถอะครับ เด็กหลายคนเลย

“ท้าทายรึ ด้ายยยย งั้นวิ่งรอบสนามฟุตบอล 5 รอบ วิ่งเสร็จชั้นจะปล่อยเข้าห้องเรียน” เฮ้ยยยยย 5 รอบนิ 2 กิโลเลยนะ วิ่งเสร็จไม่หอบแดกเลยเหรอ

“จารย์อะ กว่าจะวิ่งเสร็จเค้าก็สอบเสร็จกันพอดี” ผมต่อรอง

“งั้นนายเลือกเอาว่าจะวิ่ง 5 รอบ หรือจะให้ชั้นกักตัวนายตลอดช่วงเช้าคัดลายมือที่ห้องปกครอง!” ฟิ้ววววววววว ไส้เกียร์หมาวิ่งรอบสนามฟุตบอลด่วนครับ

กว่าผมจะวิ่งเสร็จก็กินเวลาไปเกือบ 10 นาที ไหนจะวิ่งขึ้นห้องเรียนอีก เปิดประตูเข้าไปทุกคนเริ่มทำข้อสอบแล้วครับ ครูแพรวพรรณหันมามองผมตาเขียว แต่สายตาเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนกลับมองผมตาลุกเป็นไฟ แหะ แหะ ขอโทษนะเพื่อนๆ

“นายปกรณ์ไปนั่งที่แล้วเริ่มทำข้อสอบสักที มาสายเกือบครึ่งชั่วโมงครูไม่ทดเวลาให้นะ” คร้าบบบบบ ผมเข้าประจำที่แล้วเริ่มทำข้อสอบทันที ไม่นานก็เสร็จครับคนมันเก่ง พอเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำ นั่งเฉยๆก็เริ่มง่วง นอนสิครับรออะไร

เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ สัปดาห์นี้เป็นฤดูกาลสอบปลายภาคของภาคเรียนที่ 2 ชีวิตผมก็จะยุ่งๆหน่อย ไหนจะต้องอ่านหนังสือจนดึก เตรียมสินค้ามาปล่อย เช้ามายังต้องช่วยคุณแม่ดูแลน้องๆที่ศูนย์อีก อย่างเช้าวันนี้ผมก็ไม่ได้กินข้าวเช้ามา แถมศูนย์ของเรายังอยู่ห่างจากโรงเรียน 10 กว่ากิโล รถมอเตอร์ไซต์เสียอีก ผมก็เลยมาสายอย่างที่เห็นละครับ

“โครกกกกกก...เฮ้ย!” สะดุ้งตื่นสิครับ เสียงอะไรดังชิบ-

“นายปกรณ์ ครูเรียกตั้งนานไม่ตื่นแต่สะดุ้งตื่นเสียงท้องตัวเองร้องเนี่ยนะ” ครูแพรวพรรณตวาดผมเสียงแหวว เพื่อนทั้งห้องก็พร้อมใจกันหัวเราะเสียงดัง อ่าว! หมดคาบพอดี แหะ แหะ หิวข้าวไงครับ ไม่ได้กินข้าวเช้ามา

หมดเวลาทำข้อสอบ พัก 2 ชั่วโมง สอบวิชาต่อไปช่วงบ่ายครับ ผมขอตัวไปกินข้าวก่อนครับไม่ไหวแล้ว

“ เดี๋ยวเว๊ยไอ้กร” ผมหันไปตามเสียงเรียก เป็นไอ้มาร์คครับที่เรียกผมไว้

“ มีไรวะกูหิว กูจะไปกินข้าว” หิวจริงๆนะเออ ไม่ได้ยินเสียงท้องร้องเมื่อกี๋เหรอ

“ มึงจะไปกินข้าวไม่มีใครห้ามมึงหรอก แต่มึงเอาแนวข้อสอบวิชาต่อไปมาก่อน” เอ่อ ผมลืมไปสนิทเลย ว่าแล้วผมก็เปิดกระเป๋าคว้าเอากระดาษปึกใหญ่ส่งให้เพื่อน

“เอ่อ ขอบใจ วิชาแรกพวกกูไม่จ่ายนะเว๊ย เมิงมาไม่ทันเอง” บ่ะ ไอ้ลูกคนรวยพวกนี้ งกใช้ได้

“เออ เออ ฝากเมิงเอาไปกระจายแล้วเก็บตังมาให้กูด้วยแล้วกัน” จะโทษใครได้ล่ะครับผมมาสายเอง แค่เพื่อนมันไม่ด่าผมก็บุญขนาดไหนแล้ว ถือว่าหยวนๆแล้วกันครับ

อย่างที่ผมบอกไปผมมีนัดกระจายสินค้า ก็ไอ้แนวข้อสอบนั่นแหละ เพื่อนทั้งห้องมันรอสรุปแนวข้อสอบจากผมอยู่ ไหนๆผมก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่แล้ว หาเงินใช้เล็กๆน้อยๆจะเป็นไรไป ผมไม่ใช่เด็กเก่งเทพอะไรหรอครับ แต่ผมเป็นเด็กทุนคือต้องรักษาอันดับตัวเองให้ติดหนึ่งใน 10 ของระดับชั้น ไม่งั้นชวดทุนสิครับ เพื่อนๆมันรู้ว่า พึ่งพาผมได้ก็ตอนที่ผลสอบเทอมหนึ่งออก ผมได้ที่ 3 ไง หลังจากนั้นผมก็เลยมีหนทางหารายได้พิเศษ จนเก็บเงินซื้อไอ้แก่มาได้นั่นแหละครับถึงจะมือสองก็เถอะ

หลังสอบช่วงบ่ายเสร็จ ผมรีบตรงไปที่ไอ้แก่ดรีม 100 ของผมครับ ก็เล่นไปจอดทิ้งไว้นอกโรงเรียนแบบนั้นไม่รู้ป่านนี้จะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า

“เดี๋ยวก่อนครับกร ไปกินข้าวด้วยกันป่าว รวดไปติวหนังสือด้วยกัน” เด็กผู้ชายผิวขาวที่เดินมาพร้อมผู้ชายร่างสูงโปร่งเอ่ยเรียนผมไว้

สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทผมครับ ไอ้คนสูงโปร่งชื่อมาร์ค คนที่มาทวงแนวข้อสอบเมื่อเช้านั่นแหละ ส่วนคนผิวขาวชื่ออากิเป็นชาวญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยคล่องมากกกกกก ผมเจอเพื่อนทั้งสองคนวันปฐมนิเทศน์มีเรื่องกันนิดหน่อย แต่ก็ทำให้เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้

มาร์คเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง เป็นนักกีฬาบาสประจำโรงเรียนครับ รูปหล่อพ่อรวยเลยเนื้อหอมมาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กรี๊ดกันกระจาย จนถึงขั้นที่แก๊งค์นางฟ้าต้องตั้งแฟนคลับจัดระเบียบหนุ่มๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวของไอ้มาร์คมัน ประมาณว่าให้มันหล่อๆ รวยๆ อยู่บนหิ้งบูชาเป็นเทพไปครับ

ส่วนเพื่อนอีกคนที่ผมเรียกว่าเด็กผู้ชาย คืออากิตัวเล็กมากครับ เทียบกับผมที่ไม่ได้ตัวสูงอะไรอากิก็ยังตัวเล็กกว่าอยู่ดี น่าจะซัก 155 เซนได้มั้ง ด้วยความที่อากิเป็นคนญี่ปุ่นผิวก็เลยขาว เนียนละเอียด แตกต่างจากคนไทยเรามากครับ รุ่นพี่ต่างมองอากิตาเป็นมันแต่ยังดีที่มีไอ้มาร์คมันคอยกันท่าไว้ให้ตลอด ก็เล่นยืนเป็นยักษ์ปักหลักอยู่ข้างหลังใครมันจะกล้าเข้าใกล้ 555

“ขอผ่านวันนี้กูมีงานพิเศษ” ผมตอบอากิไป อากิขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร

“งานพิเศษอีกแล้วเหรอวะพรุ่งนี้ยังมีสอบอยู่นะเว๊ย…อะนี่ แล้วอย่าลืมของวันพรุ่งนี้หละ” เป็นมาร์คครับที่บ่นแทน แล้วยื่นเงินมาให้ผม ทำงานดีมากเพื่อน

“เอ่อๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ผมรีบไงครับ กลัวรถหาย

“แล้วเมิงอย่ามาสายอีกหละ” ไอ้มาร์คตะโกนไล่หลังมา

-”-

เย้! ไอ้แก่ของผมยังจอดอยู่ที่เดิม แอบอยู่ด้านหลังรถสีดำคันเดิม เอ๊ะ! รถคันเมื่อเช้านี่หว่าจอดตายไว้หรือไง

“ชึ้งงงง” ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ครั้งเดียวก็ติด แตกต่างจากตอนเช้าลิบลับสงสัยลูกเตะจะได้ผล ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเสียงเงินค่าซ่อมรถ เอาเป็นว่าผมรีบไปทำงานพิเศษก่อนดีกว่า



วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย แถมวันนี้ผมไม่ต้องทำงานพิเศษด้วย ได้เวลาปลดปล่อยแล้วครับ

“อากิ เย็นนี้ไปไหนดี เกมเซ็นเตอร์ดีมั๊ย” ผมหันไปถามเพื่อนตัวเล็ก

“อืม…..ได้สะ” อากิยังตอบไม่เสร็จดีไอ้มาร์คมันก็แทรกขึ้นมา

“ไปทำไมเกมเซ็นเตอร์ อากิเล่นเกมเป็นที่ไหน ไปร้องคาราโอเกะดีกว่า” โหหหห ไม่เอาครับผมไม่อยากทนฟังเสียงไอ้มาร์คร้องเพลง

“เฮ้ย ไม่เอา มึงร้องเพลงเสียงเหมือนหมูโดนเชือด เสียสุขภาพจิต” ผมเถียงสู้ยิบตาครับ

“งั้นมึงจะไปไหน แต่ไม่ไปเกมเซ็นเตอร์นะเว้ย” เอ่อหวะ คิดไม่ออกแล้วครับ ไปไหนดี

ระหว่างเดินเถียงกันว่าจะไปที่ไหนดี แป๊บๆก็ออกมาถึงหน้าโรงเรียนแล้วครับ ผมเดินไปที่ไอ้แก่ของผม มองซ้ายมองขวาดูว่าไอ้มาร์คจอดรถไว้แถวไหน ก็หันไปเจอเข้ากับรถคันสีดำคุ้นตา รถคันนี้อีกแล้วทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ นี่ก็เจอมาสี่วันติดแล้ว ผมไม่ชอบรถสีดำเลยว่ะ หยองๆพิกล

“สรุปไปไหนดีวะ” ระหว่างคิดอะไรเพลินๆไอ้มาร์คก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“นั่นดิ เกมเซ็นเตอร์ก็ไม่ไป คาราโอเกะก็ไม่เอา” เครียดครับเครียดพอๆกับคำถามที่ว่าเย็นนี้กินอะไรนั่นแหละ

“เอ่อ…ถ้าไม่รู้จะไปไหน ไปกินข้าวที่บ้านผมมั๊ยครับ” อากิเอ่ยชวน

“ไป” ผมกับมาร์คตอบพร้อมกัน แหมๆตอบเร็วไปมั๊ยเพื่อน ไอ้ผมหนะของฟรีไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ส่วนไอ้มาร์คนิผมไม่รู้นะคร้าบบบบบบบบบ

-------------------

ปล.ยังไม่ไดตรวจสอบคำผิดนะคะ เนื้อเรื่องมันวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด ขอระบายออกมาก่อนที่จะลืมดีกว่าค่ะ แล้วจะกลับมาแก้คำผิดให้น้าาาาาาา   :katai5:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 27-04-2019 11:17:14
ขอมาต่อตอนที่ 2 นะคะ นานๆโผล่มาที แต่จะมาเรื่อยๆค่ะ :o8:



********************************************************************************************



บทที่ 2 ผมเริ่มชอบรถสีดำแล้ว

บ้านของอากิเป็นคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ถึงแม้จะไม่ใช่ชั้นบนสุดแต่ก็เกือบๆหละครับ ทั้งชั้นมีห้องชุดแค่ 2 ห้องเท่านั้นไม่อยากนึกถึงราคามันเลย

ผมก็พอรู้มาบ้างว่าโรงเรียนของผมนักเรียนส่วนมากเป็นลูกหลานคนมีฐานะ อย่างไอ้มาร์คที่บ้านทำธุรกิจรถซุปเปอร์คาร์ ส่วนอากินี้ผมไม่เคยรู้เรื่องที่บ้านมันครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่ อบรมลูกหลานมาดีเหลือเกิน ส่วนผมนะเหรอ นักเรียนทุนไงครับเป็นส่วนน้อยมากๆของโรงเรียน เอ๊ะ! ส่วนน้อยรึป่าววะ โรงเรียนนี้มีนักเรียนทุนคนอื่นรึป่าว

เอาเป็นว่าพวกเราคบกันด้วยใจแล้วกันครับ เงินทองมันของนอกกาย แหะ แหะ

“เข้ามาสิครับกร ข้างในแอร์เย็นนะครับ แหะแหะ” อากิเรียกผมที่ยืนอึ้งหน้าประตูห้อง ครับๆ แอร์เย็นดีครับ

“นายอยู่กับใคร” ไอ้มาร์คมันถามหลังจากเดินสำรวจห้องชุดแล้วพบว่ามีห้องนอนถึง 2 ห้อง

“ผมอยู่คนเดียวครับ แต่ถ้าคุณพ่อมาไทยก็จะมาค้างกับผมที่นี่ ออ! ลืมไป ห้องตรงข้ามเป็นห้องของคุณอาครับ คุณอาเป็นผู้ปกครองให้ผมที่ประเทศไทย” แล้วก็ชี้มือไปยังนอกห้อง ห้องชุดอีกห้องที่อยู่ชั้นเดียวกัน

ไอ้มาร์คบ่นพรึมพรำว่าอยู่คนเดียวๆ แล้วก็เงียบไป

ผมเหลือบไปเห็นกรอบรูปวางอยู่บนโต๊ะรับแขก เอากิถ่ายรูปกับผู้ชาย 2 คน คนหนึ่งเป็นคนญี่ปุ่นอายุราวสี่สิบต้นๆ หน้าตาเหมือนอากิเป๊ะเพียงแต่สูงกว่ามาก ไม่บอกก็รู้ว่านั่นพ่อของอากิ ส่วนอีกคนน่าจะอายุยี่สิบกว่าๆเป็นคนไทยที่ค่อนข้างสูงและผิวขาวมาก เทียบตามมาตรฐานชายไทย ถือว่าหน้าตาค่อนข้างดีเลยแหละ ใช่ซะที่ไหน หน้าตาดีมากต่างหาก!

“เอ่อ คนนี้พ่อผมครับ ส่วนอีกคนคือคุณอา” โหหหหห คนนี้เหรอคุณอา หน้าตาแบบนี้เรียกคุณพี่เถอะ

ไอ้มาร์คครับคว้ารูปได้ดูอย่างเร็ว จ้องเขม็งไปที่คุณอาแล้วพูดเสียงดัง

“ไอ้คุณอานิญาติฝั่งไหนเนี่ย หน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด นี้มันคนไทยชัดๆ” เอ่อ เพื่อนใจเย็นๆ จะไปยุ่งเรื่องครอบครัวเค้าทำไมครับ -”-

“คุณอาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณพ่อครับ แกเป็นลูกครึ่ง เอ่อ คือ เรื่องมันยาวอะคะ” อากิค่อนข้างลำบากใจที่จะเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง

“เอาน่าเพื่อน อาก็อาสิ หาไรกินกันดีกว่า” ผมตบบ่าไอ้มาร์คเบาๆ

มื้อเย็นมีอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ 3 อย่าง แต่เหมือนจะไม่พอเราเลยสั่งพิซซ่าและไก่ทอดมาเพิ่ม อากิชวนเราดูหนัง เล่นเกม แล้วปิดท้ายด้วยการจั่วไพ่ครับ 555 ถือว่าฝึกคณิตศาสตร์กันไปครับ ลักษณะคืนนี้จะอีกยาวไกลผมกำลังมือขึ้นครับ

“เอ่อ ถ่ายรูปกันมั๊ยครับ ที่ระลึกที่มาเที่ยวบ้านผม” อากิควักมือถือขึ้นมาเตรียมพร้อมถ่ายเซลฟี่ ไอ้มาร์คครับมันดันหน้าผมออกห่างประหนึ่งว่ามันจะถ่ายกันสองคน

“เฮ้ย ไม่ได้ให้ถ่ายรูปคู่เฟ้ย!” ผมโวยวาย ส่วนอากิหัวเราะชอบใจ

พวกเราเอะอะเสียงดังโวยวายดังลั่นห้องไม่เกรงใจใคร จะต้องเกรงใจใครหละทั้งชั้นมีแต่พวกเรา 3 คน เอ๊ะ! รู้สึกเหมือนลืมอะไรไป

“โครม” เสียงกระแทกประตูดังมาจากห้องตรงข้ามครับ

“สงสัยคุณอากลับมาแล้ว อ่า...นี้ก็ดึกมากแล้วนะครับ จะค้างที่นี้กันมั๊ยครับ” อากิเอ่ยถาม

ไอ้มาร์คครับหูตั้งหางกระดิก ไม่ใช่ละ!

“ค้าง/ไม่ค้าง” ตอบพร้อมกันครับ แต่ผมเสียงดังกว่า

ไม่กลับไม่ได้ครับเดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง เด็กๆที่ศูนย์ก็รอ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก

“พวกกูกลับกันก่อนดีกว่า...ไปเลยไอ้มาร์คกลับบ้านไป เดี๋ยวพ่อมึงก็ตัดออกจากกองมรดกหรอก” ว่าพร้อมดันหลังเพื่อนให้เก็บของกลับบ้าน มันงอแงเล็กน้อยครับแต่ผมปรามมันไว้ให้อดทนอดกลั้นบ้าง 555

“แล้วเจอกันตอนเปิดซัมเมอร์นะ มีไรทักไลน์มา” ผมโบกมือลาอากิก่อนจะเดินออกมานอกห้อง พร้อมไอ้มาร์ค เหลือบตาไปมองห้องฝั่งตรงข้าม รู้สึกหยองๆพิกล ไอ้มาร์คมองไปที่เดียวกับผมร้องชริพร้อมพ่นลมหายใจแล้วเดินไปกดลิฟต์

ผมเดินไปยังไอ้แก่ของผม เหลือบมองรถหรูแต่ละคันที่จอดอยู่ คอนโดนี้คงมีแต่คนรวยจริงๆนั่นแหละ ว่าแล้วก็เหลือบไปเห็นรถสีดำคุ้นๆตา เชี่ย! รถสีดำคันนั้นอีกแล้ว ขยับได้ด้วยเหรอวะ นึกว่าจอดตายอยู่หน้าโรงเรียนซะแล้ว คันเดียวกันป่าววะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ว่าแล้วก็ควักมือถือขึ้นมาถ่ายรูปป้ายทะเบียนรถเอาไว้ เอาวะ! ถ้าดวงมันจะสมพงกันขนาดนั้น งวดนี้แทงหวยสามตัวท้ายแล้วกัน ถ้าถูกขึ้นมาจะซื้อพวงมาลัยไปไหว้เลย สาธุ



โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆก็ไม่ซุกซน พวกเราทุกคนชอบมาโรงเรียน ชอบมาชอบมาโรงเรียน แอนแอ๊นด์ ปิดเทอมใหญ่หัวใจไม่ว้าวุ่นครับ ปิดเทอมแล้ว ซัมเมอร์ก็ยังไม่เปิดแต่ผมต้องมาโรงเรียนทุกวันครับ มันเป็นหน้าที่ของเด็กทุน ผมจะต้องมาทำงานที่ห้องธุรการตลอดช่วงปิดเทอม ช่วยงานอาจารย์เล็กๆน้อยๆ ยังดีครับที่ได้ค่าแรง อารมณ์เหมือนทำงานพิเศษนั่นแหละ อาจจะดีด้วยซ้ำไม่ต้องไปเสียเวลาหางานพิเศษที่ไหนทำ

นิก็เป็นเวลาครบสัปดาห์แล้วครับตั้งแต่ปิดเทอมมา และผมก็เริ่มมาทำงานพิเศษที่โรงเรียน ทุกๆเช้าเย็นเวลาผมผ่านหน้าประตูโรงเรียนก็จะพบรถสีดำคันนั้นคันเดิมป้ายทะเบียนเดียวกันกับที่ผมถ่ายรูปเก็บไว้

แถ่นแถ๊นนนนนนนน และก็นี้ผมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วครับ เอาแบบสามตัวท้ายเน้นๆ จัดเป็นชุดเลย ยังไม่พอซื้อใต้ดินบล็อคไว้อีกทางนึง 100x100 หากดวงเราสมพงกันจริงขอให้ลูกช้างถูกหวยด้วยเถิด เพี๊ยง! ว่าแล้วผมก็เดินไปสวดมนต์ พร้อมเป่าน้ำมนต์ (น้ำลายผมเนี่ยแหละ) พรหมรถคันนั้นไปเลยจะได้ขลังๆ 55555

รอสี่โมงเย็นวันพรุ่งนี้เราจะได้เห็นดีกัน!


วันนี้เป็นเช้าวันที่ 1 ครับ ผมมาทำงานพิเศษที่โรงเรียนตามเคย แต่วันนี้บรรยากาศแปลกๆไป รถคันสีดำคันเดิมคันนั้นไม่ได้จอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนเหมือนเคย ผมใจหายวาบเลยครับ หรือวาสนาของเราจะจบลงแค่นี้ แล้วที่ผมลงทุนซื้อหวยไปจะถูกรึป่าว หรือจะถูกแดก!!!

วันนี้ทั้งวันผมไม่เป็นอันทำงาน ไม่มีสมาธิ ใจเฝ้ารอแต่เวลาสี่โมงเย็น ช่วงบ่ายถึงขั้นหายตัวครับ ไปลุ้นหวยอยู่กับป้าแม่บ้าน

“ประกาศผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่หนึ่ง 4 0 3 ประกาศอีกครั้ง ผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่หนึ่ง 4 0 3” เชี่ยยยยย ไม่ถูกครับใจเริ่มฝ่อรู้สึกห่อเหี่ยว แต่ป้าแม่บ้านก็ปลอบผมว่า ใจเย็นๆ ยังมีอีกรางวัลนึง

“ประกาศผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่สอง 9 7 5 ประกาศอีกครั้ง ผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่สอง 9 7 5” เชี่ยยยยย ผมถูกหวยแดก ทั้งสลากกินไม่แบ่งรัฐบาล ทั้งหวยใต้ดินเจ้เล๊ง เงินที่ลงทุนไปโค ต รเสียดายอะครับ ป้าแม่บ้านตบไหล่ผมเบาๆ ทุกแยกย้ายกันไปทำงาน

ผมคอตกกลับมาทำงานที่ห้องอาจารย์ จารย์ปี๊ดก็แซวว่าถูกหวยแดกหละสิ แหมมมมม ทับถมกันจริง

“เอาน่าไม่ต้องเครียดหรอกปกรณ์ เค้าถึงเตือนกันว่าอย่าหวังรวยทางลัด ตั้งใจเรียนหนังสือไป เก่งๆอย่างนายจบไปอนาคตไกลแน่นอน” จารย์ปี๊ดตบไหล่ผมเบาๆ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ

“เอ่อใช่! นายปกรณ์ ลองตรวจรางวัลอื่นด้วยสิเผื่อถูก” จารย์ปี๊ดตะโกนทิ้งท้ายก่อนจากไป

ผมเป็นเด็กที่เชื่อฟังอาจารย์ครับ ระหว่างเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซด์มือก็ปัดมือถือตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลในเวปไซต์

‘หมายเลขของท่านถูกรางวัลที่ 4’ ห๊ะ! รางวัลที่ 4 จริงดิ หวยชุดนี้มี 5 ใบ รวมเป็นเงิน 200,000 บาท โอ๊ยยยย บุญหล่นทับไอ้กรแล้วเว๊ยยยยย ก่อนอื่นต้องไปขึ้นเงินเสร็จแล้วเอาเงินเข้าแบงค์ ตามนั้น!

ผมพนมมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลางเหลือบไปเห็นรถคันสีดำคันนั้นคันเดิมได้กลับมาจอดอยู่ที่เดิมแล้ว คุณพระ นิสิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจริง ถ้าไม่ได้รถคันนี้ ทะเบียนนี้ ผมก็คงไม่ถูกหวยแบบนี้หรอก

ว่าแล้วก็เดินเข้าไปใกล้รถพนมมือและสวดมนต์ เตรียมพรมน้ำมนต์อีกรอบ ในขณะที่อัดลมเข้าปากพร้อมที่จะพ่นน้ำมนต์อยู่นั้น กระจกรถติดฟิล์มดำมืดก็ลดระดับลง

“หยุดนะ อย่าพ่นมันออกมา” เสียงทุ่มต่ำกว่าอย่างหนักแน่น แต่ทว่าไม่ทันแล้ว ด้วยความตกใจผมได้ปล่อยพลังลมที่อัดอยู่ในปากออกไปแล้ว ปล่อยออกไปทั้งลมทั้งน้ำแหละครับ และเป้าหมายการพรมน้ำมนต์มันไม่ใช่ที่ตัวรถแล้ว แต่กลายมาเป็นที่ใบหน้าของเจ้าของเสียงทรงพลังนั้น

“เฮ้ยยยยย” ก็คนมันตกใจนิครับ มันควบคุมตัวเองไม่ได้!!!!!



********************************************************************************************


คือคนเขียนชอบนิสัยนายเอกเป็นการส่วนตัว นางฮาดี 555  :katai3:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดต ตอนที่ 2 แล้วนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-04-2019 15:41:59
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดต ตอนที่ 2 แล้วนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 02-05-2019 14:21:18
ให้ตายสิไอ้กรรรรรรรรรร :z3: o22

********************************************************************************************



บทที่ 3 ผมแค่อยากขอบคุณ

“เฮ้ยยยยยยย…..พรวด” ไม่ทันแล้วครับ น้ำมนต์ที่ผมปล่อยออกไปด้วยความตกใจไม่ได้มีลักษณะเป็นละอองสวยงาม แต่กลับพุ่งเป็นลำไปกระเทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเลื่อนกระจกลงมา

บรรกาศถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ผมไม่กล้าแม้จะหายใจดัง ผมช็อคครับ แต่คนในรถน่าจะช็อคยิ่งกว่า เราทั้งสองได้ดต่สบตากันนิ่ง จนกระทั่งพี่คนขับรถเอ่ยทำลายบรรยากาศเกมจ้องตาของเรา

“คุณภูมิครับ ผ้าเช็ดหน้าครับ” พี่เค้าลงมาเปิดประตูให้เจ้าของรถพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

เจ้าของชื่อลงมาจากรถพร้อมกับรับผ้าเช็ดหน้าจากพี่คนขับ เมื่อยืนเต็มความสูงปรากฏว่าไอ้คุณภูมิเนี่ย สูงกว่าผมไปเกือบ 2 คืบได้ คนอะไรสูงชะมัด

นอกจากจะสูงแล้วยังผิวขาว แถมยังหน้าตาดีอีกต่างหาก คนหน้าคมชัด จมูกเป็นสัน ดวงตาเรียวเล็ก คิ้วหนาได้รูป ริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มมาให้ผม จัดว่าเป็นคนไทยหน้าตาดีเกินมาตรฐาน ผิวขาวเกินมาตรฐาน แถมสูงเกินมาตรฐาน เอาเป็นว่าอยู่เหนทอมาตรฐานชายไทยอย่างผมหลายขุม

“เธอ…” หลังจากที่ชายคนนั้นรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วก็ลงมือทำความสะอาดตัวเอง ผมที่มองเพลินๆอยู่สะดุ้งเล็กน้อย

ลืมไปครับผมเป็นคนมีมารยาท ทำผิดต้องรีบขอโทษ ถึงจะไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน แต่คุผณแม่ที่ศูนย์ก็สอนผมมาดีครับ

“เอ่อ…ผมขอโทษครับคุณ...เอ่อ” เอ่อ จะเรียกว่าคุณอะไรดี ก็รู้ว่าน่าจะชื่อคุณภูมิ แต่จะให้เรียกชื่อตรงไก็แปลกๆแฮะ เอาเป็นว่าขอโทษไปอีกรอบละกัน

“เอาเป็นว่าผมขอโทษนะครับคุณเจ้าของรถ ผมไม่ได้ตั้งใจ แหะ แหะ”

คุณภูมิเจ้าของรถจ้องผมเขม็งก่อนจะเอ่ยถาม

“เธอรู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร” บ่ะ! คำถามแบบนี้ นี่มันประโยคที่ตัวร้ายในละครน้ำเน่านิยมใช้กันนี่หว่า ผมจ้องหน้าคนที่ถามกลับมา เริ่มไม่สบอารมณ์

ครั้นจะตอบคำถามว่าเป็นใคร ก็รู้แค่ว่าชื่อภูมิ ตามที่พี่คนขับรถเรียกนั่นแหละ แถมพอจ้องมองหน้าไปนานๆชักคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออกอ่ะ

“เอ่อ...ไม่ทราบครับ” ผมตอบไปอย่างสุภาพ เราทำผิดครับ ไม่ชอบใจขนาดไหนก็ต้องอดทนไว้

“ชั้นชื่อ ภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร คุ้นๆบ้างมั๊ย” บ่ะ! มีการเอานามสกุลยาวๆมาขู่ สงสัยนามสกุลคนดังยาวกว่าปกติเยอะ แต่ก็ยังไม่รู้สึกคุ้นอยู่ดี รู้สึกอย่างเดียวคือเริ่มไม่ชอบหน้าตะหงิดตะหงิด อดทนไว้ ขันติ ขันติ

“เอ่อ ไม่ครับ ผมไม่ค่อยได้ดูข่าว” ผมตอบไปตามตรงที่ศูนย์มีทีวีรวมอยู่เครื่องนึง ส่วนมากพวกเด็กๆจะแย่งกันดูละครไม่ก็การ์ตูน ผมก็ไม่อยากไปแย่งกับน้องๆ อีกทั้งผมไม่ค่อยมีเวลาว่างพอจะดูทีวีด้วยแหละ

คนตรงหน้าขมวดคิ้วขัดใจเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจยาว

“เมื่อตะกี๋เธอจะทำอะไร” เสียงทุ้มถามผม สีหน้าเอาเรื่อง

“เอ่อ คือผสมสวดมนต์ขอบคุณครับ แล้วกำลังจะพรหมน้ำมนต์ใส่รถของคุณ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ

“น้ำมนต์…?” คนตรงหน้าทำหน้าแปลกใจ สงสัยหละสิน้ำมนต์อะไร น้ำมนต์จากไหน ผมเลยเฉลยให้โดยการชี้นิ้วมาที่ปากของตนเอง

ฝ่ายนั้นนิ่งสนิท ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ต่างคนต่างใช้ความคิด

“แล้วทำไมต้องสวดมนต์ขอบคุณ พรหมน้ำมนต์ใส่รถชั้น” เสียงเข้มถามต่อ คิ้วขมวดเข้ามากันแน่นขึ้น

“เอ่อ ผมเอาเลขทะเบียนรถคุณไปซื้อหวยครับ แล้วปรากฎว่าถูกรางวัล ผมเลยพรหมน่ำมนต์ขอบคุณ” ผมพยายามอธิบายถึงการแสดงความขอบคุณของผม

“เนี่ยนะ! การขอบคุณของเธอ” เสียงแข็งดังขึ้น ผมได้แต่พยักหน้าหลายๆครั้ง ช้อนตามองอีกฝ่ายปริบๆ

ไอ้คุณภูมิตาเบิกกว้างจ้องหน้าผม นิ่งอึ้งไปอีกพักใหญ่ ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกระลอก ไอ้ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอกครับ เงียบไว้เป็นดีที่สุด สุดท้ายเค้าถอนหายใจออกมายาวๆอีกครั้ง

“เธอต้องรับผิดชอบ” ว่าแล้วก็ชี้มือไปที่ใบหน้าของตนเอง ไล่ลงมาถึงเสื้อเชิร์ตที่มีรอยด่างจากน้ำมนต์ของผม

โหหหห ข้อเรียกร้องเยอะชะมัด ขอโทษแล้วก็น่าจะจบๆกันไป ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย

“ให้ผมรับผิดชอบยังไงครับ” ผมถามกลับ เริ่มไม่สบอารมณ์จริงๆแล้วนะเนี่ย

“ก็แล้วแต่เธอสิ คิดแล้วนำเสนอมา” เฮ้ยยยยย ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะที่ต้องคิดแผนงานนำเสนอเนี่ย เป็นคนเรียกร้องให้รับผิดชอบ แต่ไม่ยอมบอกว่าต้องการอะไร นี่ตั้งใจกวนตรีนกันรึป่าวเนี่ย

ผมนิ่งเงียบไปบ้าง สมองกำลังใช้ความคิดส่วนในใจกำลังกร่นด่าอยู่ แต่สีหน้าท่าทางต้องสงบครับ อย่างที่บอก ผมเป็นฝ่ายผิด ถ้าหากแสดงท่าทีไม่พอใจออกไปเรื่องมันอาจจะบานปลายมากกว่านี้ ซึ่งปมไม่สะดวกครับ ให้มันจบที่ผมเลยดีกว่า

“เอาอย่างนี้มั๊ยครับ...ให้ผมเลี้ยงข้าวขอโทษบวกกับขอบคุณที่เลขทะเบียนรถคุณทำให้ผมถูกหวยแล้วกัน” ผมเสนอ อีกฝ่ายเงียบไปอย่างใช้ความคิด ก่อนตอบกลับมาว่า

“ได้แต่ชั้นจะเป็นคนเลือกร้านอาหาร” บ่ะ มีเล่นตัวซะด้วย ไหนๆก็ถูกหวยเพราะฝ่ายนั้น ยอมๆไปก่อนแล้วกันครับ หวังว่าคงไม่แพงเกินไปหรอกนะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปสลากกินแบ่งไปขึ้นเงิน พรุ่งนี้ผมก็รวยแล้วววว

“ได้ครับ เรานัดกันวันไหนดีครับ” ผมยิ้มออกมา ในที่สุดจะได้จบๆเรื่องสักที

“ไม่ กินข้าวกันวันนี้เลย” อีกฝ่ายยืนยันเสียงแข็ง

เฮ้ย ไปวันนี้ไม่ไหวมั้งโดนน้ำมนต์ไปขนาดนั้นกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเถอะ ผมไม่ชักดาบหรอกน่า

“วันนี้ไม่สะดวกมั้งครับ เสื้อคุณเปื้อนไปแล้วนิครับ” ผมกล่าวถามอย่างใจเย็น

“ไม่เป็นไรชั้นมีชุดเปลี่ยน ไปกันเลยแล้วกัน” อ่าวววว
เฮ้ย มีชุดเปลี่ยนด้วย ถ้าจะเตรียมพร้อมขนาดนั้น ยังจะเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไรอีก -”-

ผู้ชายตัวสูงกลับเข้าไปนั่งในรถแล้ว ประตูยังคงเปิดอยู่ ปมมองงงๆ

“ขึ้นมาสิไปพร้อมกันเลย” อีกฝ่ายเร่ง

“เอ่อ แต่ผมเอามอไซต์มา คุณบอกที่อยู่ร้านมาดีกว่าครับเกี๋ยวผมขี่รถไปเอง” ผมพยายามปฏิเสธ ต่างคนต่างไปดีกว่า

“รู้ทางหรือไง ขึ้นมา เดี๋ยวกลับมาส่ง” อีกฝ่ายยังไม่ยอม จ้องตาผมเขม็ง สายตาๆดุๆนี้ช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าไม่กล้าจ้องนานครับ ขนลุก

คิดสักพักก็ตัดสินใจขึ้นรถไปพร้อมคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันวันนี้ ทำไมผมใจง่ายอย่างนี้ ถ้าเค้าจับไปเรียกค่าไถ่ผมจะทำยังไง หรือจับไปตัดแขน ตัดขาปล่อยให้เป็นขอทาน บึ๋ยยยยยย  กลัวอะครับ หนี้ลงรถตอนนี้ทันมั๊ย

“ไปร้านไซเคียว” ไม่ทันแล้วครับ รถเคลื่อนที่ไปยังจุดมุ่งหมายที่ได้รับคำสั่งแล้ว

ผมได้แต่หลับตาปี๋ ใจภาวนาถึงพ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วยยยยยยยยยยย










********************************************************************************************

พระเอกเราจะมาไม้ไหนกันน้าาาาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อค่ะต่อ มาต่อตอนที่ 3 แล้ววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-05-2019 16:05:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อค่ะต่อ มาต่อตอนที่ 3 แล้ววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 08-05-2019 14:57:36
ต่อๆ ตอนที่ 4 จ้าาาาา  :hao7: :ling1: :katai5:



********************************************************************************************




บทที่ 4 ผมไม่มีพี่โว๊ยยยยย

พระอาทิตย์กำลังตกดินสองข้างทางถนนเริ่มทยอยเปิดไฟ รถยนต์สีดำแบรนด์ยุโรปคันหนึ่ง กำลังแล่นเอื่อยๆมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง จุดมุ่งหมายเป็นร้านอาหารชื่อไซเคียว ในรถแอร์เย็นฉ่ำบรรยากาศเงียบกริบ จนได้ยินเสียงหายใจของคนในรถ

“เธอชื่ออะไร” ฝ่ายเจ้าของรถเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ปกรณ์ครับ ปกรณ์ กิจการุณ” ทันทีที่ผมตอบเหมือนจะเห็นมุมปากบางนั้นยกขึ้นนิดหน่อย กระตุกเหรอครับเป็นสันนิบาตหรือไง

“ชื่อเล่นหละ” อีกฝ่ายถามขึ้นอีก

“เพื่อนๆเรียกผมว่ากร” และทันทีที่ผมตอบเหมือนจะเห็นหัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากัน

“ก้อนแป้ง” ห๊าาาาาา พูดอะไร ต้องการสื่ออะไร ก้อนแป้ง? แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวสาลี อยากกินขนมปังเหรอ

“เอ่อ….” ผมพูดอะไรไม่ออก อีกฝ่ายก็เงียบ สุดท้ายก็เงียบกันไปจนสุดทางนั่นแหละ


ร้านไซเคียว เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม แบ่งเป็นห้องเล็กๆที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตกแต่งด้วยสวนหินแบบญี่ปุ่น บรรยากาศรื่นรมเหมาะแกการพักผ่อนหย่อนใจ ผมมองไปรอบๆแล้วแอบปาดเหงื่อ ไม่ใช่ว่าอากาศร้อนหรอกนะครับ แต่ที่ผมเหงื่อตกนี้ก็เพราะลักษณะจะแพง เอาวะ!รับคำไปแล้วว่าจะเลี้ยง ลูกผู้ชายต้องไม่คืนคำ

พนักงานในชุดกิโมโนเดินนำผู้ชายร่างสูงใหญ่เข้าไปยังห้องส่วนตัวด้านในสุด ผมได้แต่เดินตามต้อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็มาถึงหน้าห้องแล้ว ไอ้คุณภูมิถอดรองเท้าเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าเรียบร้อยรออยู่ที่โต๊ะไม้กลางห้อง ผมได้แต่ทำตามงกๆเงินๆ จนในที่สุดก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว เล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งคุกเข่าลงอย่างทุลักทุเล

“จัดครอสมาเหมือนเดิม 2 ชุด แล้วเพิ่มเทมปุระกุ้งกับไดฟุกุอีกอย่างละที่” ไอ้คุณภูมิสั่งอาหารอย่างชำนาญครับ สงสัยจะมาบ่อย

ไม่นานอาหารก็มาเสริฟ โหหหห จัดชุดมาอย่างสวยงาม แค่เห็นก็รู้สึกอิ่มแล้วครับ ผมมองอาหารแต่ละอย่างตาละห้อย สงสารเงินในกระเป๋าตัวเองเหลือเกิน เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป รู้อย่างนี้แล้วต้องกินให้คุ้มครับ ไหนๆก็ต้องเสียเงินแล้ว กินมันให้หมดทุกอย่าง

ผมตั้งหน้าตั้งตากินอย่างจริงจัง สายตาจดจ่อแต่กับชุดอาหารดัานหน้า ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาคนตรงข้ามอ่ะครับ จากความรู้สึกของผมมันมีพลังงานบางอย่างทำให้ผมทราบว่าคนตรงกันข้ามกำลังจ้องผมอยู่ โอ๊ยยยยยย กินข้าวไปสิครับจะจ้องผมทำไม รีบกินรีบกลับ แยกย้าย!

“ทำไมนายไม่กินเทมปุระ ชอบไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยทำลายบรรยากาศ พร้อมกับคีบเทมปะรุกุ้งมาใส่ชุดอาหารของผม เอ๊ะ! ผมชอบกินเทมปุระกุ้งเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน อันที่จริงผมไม่ค่อยมีโอกาสได้กินของดีๆแบบนี้หรอกครับ ไม่ใช่ว่าอดอยากนะครับ ผมกินอิ่มนอนอุ่นทุกวัน แค่อะไรที่มันไม่จำเป็นผมก็ไม่ต้องการเท่าไหร่ครับ

ผมกัดกุ้งชุปทอดแป้งกรอบตัวนั้นไปคำนึง เคี้ยวๆ แล้วกลืน แม่งงงง อร่อยชะมัด สงสัยผมจะชอบกินจริงๆ

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามตาเป็นประกาย เอ่ยขอบคุณเบาๆที่ส่งของอร่อยมาให้ผมกิน ไม่นายผมก็จัดการกุ้งทอดเหล่านั้นจนหมด โดยไม่ได้สนใจสายตาดุๆที่จ้องมองผมไม่วางตา

“ขนมนี้เธอก็ชอบ” ว่าแล้วก็เลื่อนขนมลูกกลมๆสีขาวๆมาตรงหน้าผม รู้ได้ไงหว่าว่าผมชอบ ว่าแต่ไอ้ขนมนี้คืออะไร หน้าตาคล้ายกับขนมโมจิแต่แป้งมันดูนุ่มๆเหนี่ยว ไม่แข็งเหมือนโมจิของฝาก 3 กล่องร้อยที่ผมกินบ่อยๆสักเท่าไหร่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมตักขนมตรงหน้าเข้ามา โอ้วววววว อ่อนนุ่ม ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ ข้างในมีไส้ถั่วแดงกับสตอเบอรี่ อร่อยที่สุดในสามโลก ผมชอบไอ้ขนมนี้จริงๆด้วย ว่าแต่ไอ้คุณภูมิมันรู้ได้ไงว่าผมชอบกินของพวกนี้ ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย

“คุณเป็นหมอดูเหรอครับ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย แต่ท่าทางอีกฝ่ายก็คงสงสัยในคำถามของผมเช่นกัน

“คุณรู้ได้ไงว่าผมชอบกินอะไร ทั้งๆที่ตัวผมเองยังไม่รู้เลย แปลว่าคุณต้องเป็นหมอดูที่แม่นมาก” ผมหมายมั่นปั้นมือว่าคุณภูมิเป็นหมอดูแน่นอน ไม่งั้นทายไม่ถูกขนาดนี้หรอก

….. อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ยิ่งให้คำตอบชัดเจน การเงียบคือคำตอบว่า ใช่

หลังจากทานอาหารแล้วเสร็จก็ถึงช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุดแล้วครับ นั่นคือการจ่ายเงิน พนักงานนำใบแจ้งค่าใช้จ่ายมาส่งให้ ผมหยิบมาดูแล้วน้ำตาจะไหล รวมค่าอาหาร ค่าบริการ ค่าภาษี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 4,350 บาท คุณพระ! อาหารเซ็ต 2 ชุด กุ้งชุปแป้งทอด กับขนมโมจินุ่มอีกชิ้นนึง ทำไมมันแพงได้ขนาดนี้ หรือกุ้งนี้จะจับมาจากขั้วโลกเหนือเดินทางมาไกลต้นทุนเลยสูง

ผมเหงื่อตกท่ามกลางห้องแอร์เย็นสบาย เปิดดูเงินในกระเป๋าตัง 350 บาทถ้วน

แย่แล้วครับ เป็นคนเอ่ยปากเองว่าจะเลี้ยง แต่เงินมีเท่านี้ส่วนที่เหลือล้างจานแทนได้รึป่าวหว่า ก็ไอ้ตอนที่บอกจะเลี้ยงหนะ ผมตั้งใจว่าจะไปชึ้นเงินสลากกินแบ่งก่อนค่อยเลี้ยง ใครมันจะคิดว่าต้องมาเสียเร็วเป็นพันๆปุปปัปแบบนี้หละ

ผมช้อนสายตาไปมองคนตรงหน้า มองสบตาแล้วกระพริบตาปริบๆ 2 ครั้งถ้วน ยกกระเป๋าเงินให้อีกฝ่ายดูว่าด้านในมีเงิน 350 ยาทถ้วน แล้วหัวเราะแหะๆ

ไอ้คุณภูมิยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก หนอยยยยย ยิ้มเยาะกันรึ! พร้อมยื่นบัตรเครดิตสีดำวาวส่งให้พนักงานไปดำเนินการ ก่อนกล่าวต่อมา

“มื้อนี้เธอต้องเป็นคนเลี้ยง เพราะฉะนั้นชั้นจะออกให้ก่อน ถือว่าเธอติดหนี้ชั้นแล้วกัน” ว่าแล้วชายร่างสูงก็ลุกขึ้น เดินออกจากร้านไปยังรถยนต์สีดำที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้า ทิ้งผมที่งงแดรกไว้ในห้องที่เดิม อยู่ดีๆเป็นหนี้ครับ ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงได้หนี้สินติดตัวมา 4,350 บาท ระหว่างที่งงๆอยู่นั้น เสียงแตรเรียกก็ดังขึ้นปลุกผมจากภวังแล้วรีบวิ่งโกยอ้าวตามขึ้นรถไป

รถยุโรปสีดำคันเก่าคันเดิมกำลังแล่นออกไปยังชานเมือง บรรยากาศขากลับคล้ายๆขามา คือเงียบ แต่ความเงียบในครั้งนี้แฝงไว้ด้วยความง่วงครับ คือกินอิ่มก็ต้องอยากนอนเป็นธรรมดา ว่าแล้วเปลือกตามันทำไมมันหลักจัง หนักมากเลย ย ย

ผมสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่ที่ใบหน้าครับ พอลืมตาขึ้นมาก็พบ ดวงตาสีน้ำตาลทรงพลังจ้องเขม็งห่างกันสัก 2 ฟุต ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าโรงเรียนผมครับ จอดอยู่ใกล้ๆไอ้แก่ที่ผมจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า ด้วยความที่เพิ่งตื่นนอนครับ ขอเวลาสะลืมสะลือแปปนึง

ผมใช้เวลาประมาณ 1 นาทีในการจัดการตัวเอง ตบแก้มเบาๆให้ร่างกายสดชื่น จัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ สะพายกระเป๋า แล้วเอ่ยคำลาเจ้าของรถที่อาศัยมาด้วย ลาก่อนครับ หวังว่าคงไม่เจอกันอีก ฮาาาาาา

ระหว่างที่จะก้าวออกจากรถนั่นเอง ข้อมือแข็งแกร่งก็คว้าผมเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน เธอยังเป็นหนี้ชั้นอยู่ เอาโทรศัพท์ของเธอมา” เอ๊ะ ลูกหนี้หมาดๆลืมตัวครับ ยื่นโทรศัพท์ไปให้อย่างจำใจ พร้อมกับกล่าวว่า

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมโอนเงินคืนให้นะครับ ขอเลขบัญชีด้วยครับ” พรุ่งนี้ผมจะรวยแล้วครับ ขอปลดสถานะลูกหนี้โดยด่วน

“พรุ่งนี้ชั้นไม่ว่าง เอาเป็นว่าชั้นว่างเมื่อไหร่ค่อยคืนเงิน แล้วจะติดต่อไป” กล่าวจบร่างสูงก็คืนโทรศัพท์ให้ ออกแรงดันหลังผมเบาๆให้ลงจากรถ

ผมยืนงงมองโทรศัพท์ในมือ ส่วนรถคันสีดำหนะเคลื่อนตัวออกไปตั้งนานแล้ว

แค่โอนเงินคืนต้องรอว่างด้วยเหรอวะ? คือไม่เก็ตจริงๆ

นึกๆไปพลางก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่เปิดหน้าค้างไว้ที่บันทึกการโทรออก สายล่าสุด ‘พี่ภูมิ’ ใครวะ?

ผมเดินไปที่ไอ้แก่ขึ้นคร่อมแล้วสาร์ตรถเตรียมขี่กลับศูนย์ พลางกดย้อนสายโทรออกล่าสุด ไม่นานปลายสายก็รับ

“เอ่อ สวัสดัครับพี่ภูมิรึป่าวครับ ผมกรนะครับ ไม่ทราบว่า พี่ภูมิ ไหน? เหรอครับ” คือผมสงสัยจริงๆ ผมมีคนรู้จักชื่อภูมิด้วยเหรอวะครับ

ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับมาเสียงนุ่มน่าฟัง

“ชั้นเอง ภูมิพัฒน์ เรียกว่าพี่ภูมิก็ได้” เฮ้ย ชื่อคุ้นๆ แต่เสียงคุ้นกว่า ภูมิ ภูมิพัฒน์

“เอาเป็นว่าช่วงนี้ชั้นงานยุ่ง พรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างประเทศ ถ้ากลับมาแล้วจะติดต่อไปหาละกัน” ในขณะที่ผมใช้ความคิดอยู่นั้น ปลายสายก็กล่าวต่อไป เมื่อกล่าวจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตอบรับใดๆทั้งสิ้น

เสียงคุ้นๆ เหมือนเพิ่งไปนั่งแดกข้าวด้วยกันมา ภูมิพัฒน์ เชี่ยยยยย ไอ้คุณภูมิ!

ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ ปรากฏคำว่าพี่ภูมิ เพิ่ง พี่ อะไร กูไม่ได้เป็นน้องใคร กูไม่มีพี่โว๊ยยยยยยยยยยยยย
 


********************************************************************************************

น้องกรพูดไม่เพราะเลยค่ะ 555
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อ ตอนที่ 4 แล้วคร่าาาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-05-2019 15:49:55
ชอบๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อ ตอนที่ 4 แล้วคร่าาาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 13-05-2019 08:45:46
เฮลโลวววววววววววววววววววววววว :katai5:

ต่อตอน 5 เลยนะคะ


********************************************************************************************

บทที่ 5 ผมไม่เอารองเท้านะครับ

วันนี้อากาศสดใสแม้ว่าแดดจะร้อนมากก็ตาม อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้ผมอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันเปิดเทอมภาคฤดูร้อนวันแรก ผมจะเริ่มชีวิตนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 แล้วนะครับ วันนี้ผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้าครับ ไม่สายเหมือนเคย ระหว่างนั่งรอเพื่อนก็คิดๆอะไรไปเรื่อยเปื่อย

หลังจากวันที่ผมถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลวันรุ่งขึ้นผมก็รีบไปขึ้นเงินแล้วเปิดบัญชีเงินฝากประจำแยกเอาไว้ ผมปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่บอกกับใคร แม้แต่คุณแม่ที่ศูนย์ จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้อะ แต่ผมอยากเก็บเงินก้อนนี้ไว้เป็นเงินก้นถุง เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

ชีวิตผมไม่ได้ลำบากเรื่องเงินอะไร เรียนหนังสือก็ฟรีเพราะเป็นนักเรียนทุน มีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้อีกต่างหาก อาหารกลางวันก็ฟรี เช้า-เย็นก็ฝากชีวิตไว้ที่ศูนย์ กินง่าย อยู่ง่าย ชีวิตออกจะสบายครับ แถมผมยังทำงานพิเศษกับรับจ๊อบติวหนังสือให้เพื่อนได้เงินดีอีกต่างหาก เลยมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้ไม่มีเงินเก็บแต่หากไม่ฟุ่มเฟือยก็อยู่ได้สบายๆ ยิ่งตอนนี้มีเงินก้อนเก็บอยู่ก้นถุงยิ่งอุ่นใจครับ

“เฮ้ยยย ไอ้มาร์ค ทางนี้” เพื่อนมาร์คครับกำลังเดินหน้าง่วงมาแต่ไกล

“อากิยังไม่กลับมาอีกเหรอ” แหมมม มาถึงก็ถามหาไอ้ตัวเล็กเลยนะเมิง

“มาก็เห็นแล้วมั๊ย” ผมตอบตามความจริงครับ ไม่ได้กวนแต่อย่างใด

“กุคิดว่าอากิน่าจะกลับมาอาทิตย์หน้า เห็นว่ายังอยู่ที่ญี่ปุ่น” สัปดาห์ก่อนอากิไลน์มาบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ญี่ปุ่นครับ ผมเลยตอบไปว่าขอของฝากเป็นถั่ววาซาบิ

“แม่ง รู้งี้น่าจะตามไปด้วย” ไอ้มาร์คบ่นอู้อี้ เค้ากลับไปเยี่ยมบ้านเค้า เมิงจะตามไปทำไม เมิงเป็นญาติฝ่ายไหนกับเค้า ห๊าาาาาาา คิดในใจครับ

“อดทนเพื่อน อดทน” ผมได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆ 2 ที

“เอ่อ กูถามหน่อย แต่เมิงห้ามหัวเราะนะ” ผมเปลี่ยนอารมณ์ทันทีครับ เข้าสู่โหมดเครียด กึ่งลากกึ่งจูงไอ้มาร์คออกไปยังสถานที่ไร้ผู้คน เพื่อนมันก็ทำหน้าเครียดตามไปกับเรื่องสำคัญของผม

“เมิงว่ากูตรีนเหม็นมั๊ยวะ” ผมถามหน้าเครียดครับ

“เมิงถามอะไรของเมิง” ไอ้มาร์คเกาหัวแกรกๆ

“เอ่อ ตรงตามคำถามเลย กูตรีนเหม็นมั๊ย กูไม่เคยดมตรีนตัวเอง เลยต้องมาถามเมิงเนี่ย” ผมเริ่มขึ้นเสียง คือถามจริงจังครับ ผมเครียด

“บ่ะ แล้วกูเคยดมตรีนเมิงมั๊ย?...เอาจริงๆนะ เวลาเมิงใส่รองเท้าอยู่ตรีนเมิงไม่เหม็นหรอก แต่เวลาเมิงถอดรองเท้า เอ่อ! ตรีนเมิงเหม็น พอใจยัง” ไอ้เพื่อนเวรตอบมายาวเหยียดครับ ผมเริ่มหน้าถอดสี สูญเสียความมั่นใจ

“จริงดิ กูไม่เคยรู้มาก่อน เสียเซลหวะ” ผมบ่นเบาๆ

“เมิงจะกังวลทำไม วัยรุ่นเราก็ตรีนเหม็นทั้งนั้น กุก็ตรีนเหม็น เมิงก็ตรีนเหม็น ใครสนกัน” เมิงไม่สน แต่กุสนไง

เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่ผมจัดการเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาทำงานพิเศษที่โรงเรียนตามปกติ แล้วก็พบรถยุโรปสีดำจอดที่หน้าโรงเรียนเป็นปกติ ไหนว่าช่วงนี้ยุ่งไง โผล่มาได้ไงเนี่ย

พี่คนขับรถเดินลงมาพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ ยื่นให้ผมพร้อมกับกล่าวว่า

“คุณภูมิไปต่างประเทศ แต่ฝากของคุณไว้ให้คุณกรครับ” โอ๊ยยยย อย่าเรียกคุณกรเลยครับ แสลงหู เดี๋ยวนะของขวัญอะไร ขนแขนผมเริ่มตั้งชันแบบมีรางสังหรแปลกๆ

ผมกล่าวขอบคุณพี่คนขับรถแล้วเปิดดูของข้างในถุง เป็นกล่องรองเท้าที่มีตราสัญลักษณ์เช็คถูก กับสเปย์กระป๋องอันนึง รองเท้ายี่ห้อนี้ผมรู้จักครับ รู้จักแต่ยี่ห้อนะครับอย่าถามชื่อรุ่นไม่รู้แน่นอน แต่ที่รู้แน่ๆคือรู้ว่าราคามันสูงเอาการอยู่ ไอ้คุณภูมิมันจะเอารองเท้ามาให้ผมทำให้ ระหว่างที่สงสัยอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็กๆ สอดอยู่ในถุง ระบุข้อความไว้ว่า

‘ทิ้งรองเท้าคู่เก่าไปซะ แล้วใช้สเปย์ทุกวัน เธอทำจมูกชั้นพังเธอต้องรับผิดชอบ ค่าของทั้งหมดจะรวมเข้ากับหนี้ก้อนเดิมของเธอ’

อะไร ยังไง งง?

ผมหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาอ่าน ‘สเปย์ระงับกลิ่นเท้า’ เอ๊ะ! จมูกพัง สเปย์ กลิ่นเท้า นินายนั่นหาว่าผมตรีนเหม็นเหรอ!!!


เปิดเทอมฤดูร้อนมาได้สัปดาห์นึงแล้ว อากิยังไม่กลับมาเช่นเดียวกันกับไอ้คุณภูมิก็ยังไม่ติดต่อมาเช่นกัน ตอนนี้กินเท้าของผมดีขึ้นตามลำดับ ก็ผมใช้สเปย์ทุกวันตามคำบอกอะนะ แต่ผมยังไม่ทิ้งรองเท้าคู่เก่าของผมนะครับ ผมใช้วิธีเอาไปซักทำความสะอาดและต้มฆ่าเชื้อโรค ส่วนรองเท้าคู่ใหม่นะเหรอ ผมไม่ใช้หรอกผมจะเอาไปหักเงินคืนจากหนี้สิน

สัปดาห์ต่อมา อากิกลับมาเรียนแล้วพร้อมกับของฝากที่ผมบอกไว้คือถั่ววาซาบิถุงใหญ่ แต่ไม่ได้ฝากให้ผมนะครับ อากิฝากไปให้น้องๆที่ศูนย์ แหมมม ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ

การกลับมาของอากิมาพร้อมกลับโทรศัพท์สายไหม้สายหนึ่งที่กระหนำโทรหาผม เช้า สาย บ่าย เย็น แต่ผมไม่อยากรับสายไง

‘เจ้าหนี้ขี้งก’ ใช่แล้วไอ้คุณภูมินั่นเอง ผมเปลี่ยนชื่อที่เมมเอาไว้ในโทรศัพท์ให้เหมาะสมกว่าเดิม อย่างที่บอกไป ผมไม่มีพี่ชายครับ แถมจะให้เรียกคนที่เพิ่งรู้จักกันจากสถานการณ์แปลกๆว่าพี่ ผมรู้สึกจั๊กเดียมพิกล

หลังเลิกเรียนผมและเพื่อนๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อเดินมาถึงบ้านประตูโรงเรียนก็พบรถคันสีดำคันเดิมคันนั้น จอดอยู่ข้างๆไอ้แก่ของผม ทำให้ต้องเดินเข้าไปใกล้อย่างเสียไม่ได้

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงทุ้มดังบอกมาจากในรถ พร้อมกับกระจกที่ลดระดับลง

ผมไม่ตอบ ไม่อยากจะคุยด้วยครับ

“เธอจะหนีหนี้เหรอ” เอ๊ะ! ขึ้นครับ ผมขึ้นถามมาได้ ตอนผมจะใช้หนี้บอกไม่ว่าง ทีตอนนี้แค่ไม่รับโทรศัพท์จะมาหาว่าผมหนีหนี้เฉยเลย

“ผมป่าว ผมจะใช้หนี้คุณ” ผมตอบเสียงเข้มๆ แบบเก๊กให้เข้มที่สุดในชีวิตเลยครับ

“แล้วทำไมไม่ใส่รองเท้าใหม่” ชายร่างสูงก้มลงมองที่เท้าของผมซึ่งยังสวมรองเท้าคู่เดิมอยู่

“ผมเก็บเอาไว้คืนคุณ ผมไม่ใช้ขอหักคืนหนี้ได้รึป่าว” ผมอธิบาย ไอ้คุณภูมิขมวดคิ้วน้อยๆอย่างคนไม่พอใจ

“แล้วเธอได้ใช้สเปย์รึป่าว” ผมพยักหน้า ยังไงก็ต้องขอบคุณความหวังดีประสงค์ร้ายของเขา อย่างน้อยก็ช่วยตักเตือนข้อบกพร่องของผม แถมยังช่วยหาทางแก้ไขให้อีก แม้ว่าดูเป็นการทำดีหวังผลก็เถอะ ผลกำไรอะนะ

“ตอนนี้ยอดหนี้ของผมเท่าไหร่หละ ถ้าหักคืนค่ารองเท้าแล้ว” ผมถามถ้าเพิ่มมาไม่มากผมจะได้รีบคืนๆให้จบๆไป

ช่วงที่ผ่านมาผมพอจะเก็บเงินได้ประมาณ 3,000 บาท แล้ว ขาดอีกนิดหน่อยเดี๋ยวหาเพิ่มเอาทีหลัง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา

“เดิมค่าข้าว 4,350 รองเท้านั่นมือสองราคา 600 ส่วนสเปย์ดับกลิ่นเป็นของประเทศญี่ปุ่นไม่มีขายในไทย ถ้าตีเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 2,500 บาท หักค่ารองเท้าออก ยอดจะอยู่ที่ 6,850 บาท” ชายหนุ่มบวกลบให้เสร็จสับ

“ห๊าาาาา สเปย์บ้าอะไรราคาตั้ง 2,500 บาท” ผมตกใจสิครับ ไหนยอดหนี้มันเพิ่มขึ้นสูงขนาดนั้น เพราะไอ้สเปย์บ้าตัวนี้เลย ไม่น่าหลงกลใช้เลยพับพ่าสิ

“ก็นะ ของมันต้องมี ใช้ดีมั๊ยหละ” เถียงไม่ออกครับ ของเค้าดีจริง แล้วไอ้หมอนี้ ทำไมขายเก่งแบบนี้ หรือความจริงไม่ได้เป็นหมอดู แต่เป็นเซลขายของ

“ผมทยอยใช้หนี้ให้คุณได้มั๊ย วันนี้ผมจ่ายให้ก่อน 3,000 บาท แล้วก่อนเปิดเทอมผมจะจ่ายที่เหลือให้” ผมกล่าวพร้อมยื่นแบงค์พันให้ไป 3 ใบ

“ได้งั้นเธอติดหนี้ชั้นอยู่ 3,850 บาทนะ” เมื่อทั้งสองคนตกลงกันได้ ต่างคนก็ต่างแยกย้าย

“เดี๋ยว! ชั้นมีของฝากมาให้ถือว่าซื้อ 1 แถม 1 ละกัน” ว่าแล้วไอ้คุณภูมิก็ยื่นถุงกระดาษให้ผมแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป

ก้มลงมองก็พบข้อความคุ้นๆ ‘สเปย์ระงับกลิ่นเท้า’

“ไอ้;&@.)5/£~%\¥” อยากด่าอยากเขวี้ยงกระป๋องสเปย์ใส่มากครับ แต่ไม่ทันรถสีดำคันนั้นอยู่ไกลสุดสายตาแล้ว




พวกเราใช้เวลาเรียนภาคฤดูร้อนประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง ก่อนจะได้หยุดอีกครั้งนาน 2 สัปดาห์แล้วถึงจะเปิดภาคเรียนที่ 1 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ช่วงหยุดยาว 2 สัปดาห์นั้น ผมไม่ต้องมาทำงานพิเศษที่โรงเรียน ผมเลยวางแผนไว้ว่าจะหางานพิเศษอื่นทำ ต้องเข้าใจหัวอกคนเป็นลูกหนี้หน่อยครับ คือผมเอาเงินที่ถูกหวยไปฝากประจำไว้ไงครับ ครั้นจะถอนออกเพราะต้องการเงินไม่กี่พัน ผมก็เสียดายออกเบี้ย สู้ผมทำงานเก็บเงินใช้หนี้ดีกว่า อีกสัก 1 เดือนก็น่าจะใช้หนี้หมดแล้ว

“กรครับ ช่วงปิดเทอม 2 สัปดาห์ กรมีเวลาว่างมั๊ยครับ” อยู่ๆอากิก็ถามคำถามชี้เฉพาะเจาะจงมาที่ผมครับ

“ตอนนี้ก็ยังว่างนะ แต่กูว่ากูจะหางานพิเศษทำอะ” ผมตอบไปตามตรง

“คืองี้ครับ คุณอาของผมอยากหาคนไปทำความสะอาดบ้านพักตากอากาศให้นะครับ เงินดีนะครับ” ฟังข้อเสนอของอากิแล้วตาลุกวาวเลยครับ ไอ้ตรงเงินดีเนี่ยแหละ ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่เรื่องงานบ้านผมถนัดครับ ก็ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว

“ขอรายละเอียด” ผมตอบรับทันที

“เอ่อ เป็นบ้านพักขนาดประมาณ 200 ตร.ม. คุณอาแกซื้อต่อมาอีกที เลยอยากทำความสะอาดครั้งใหญ่ครับ เหมาทำความสะอาดทั้งหลัง 5,000 บาท พอไหวมั๊ยครับ ทำเรื่อยๆสัก 3 วันน่าจะเสร็จ” อากิอธิบายรายละเอียดไปเรื่อยๆ สมองผมเริ่มคำนวณตัวเลข 3 วัน 5,000 บาท ตกวันละ 1,500++ ได้เยอะกว่าค่าแรงขั้นต่ำตั้ง 3 เท่า

“ทำ” ตอบตกลงเร็วมาก ความงกล้วนๆครับ

“อ๊ะ ดีเลยครับ กรตกลงแล้วนะครับ ห้ามเปลี่ยนใจนะ” อ่าว ทำไมมีประโยคห้อยท้ายแบบนี้หละเพื่อน

“คือผมจะชวนอยู่เที่ยวต่อหนะครับ ระหว่างที่กรไปทำงานผมก็จะไปอยู่เป็นเพื่อน ดีมั๊ยครับ” อากิเสนอพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

ระหว่างที่ผมกำลังคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คือเงินก็อยากได้ครับ แต่ก็เกรงใจเพื่อนไอ้เรื่องเที่ยวต่อเนี่ยแหละ ช่วงนี้ผมเก็บเงินอยู่ไม่อยากใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเที่ยวกับอากิยังไงก็ฟรีทั้งทริป ก็แอบอยากไป 555 แต่ถ้าให้พวกเพื่อนๆเลี้ยงผมบ่อยๆผมก็เกรงใจเป็นนะครับ ถึงเพื่อนๆจะไม่สนใจแต่ผมก็เกรงใจอยู่ดี

“ไปด้วย” เอ่อ ไอ้มาร์คครับ เงียบฟังมานานเอ่ยขอไปด้วยหน้าด้านๆ เอ่อ...ขนาดไอ้มาร์คยังหน้าด้านไปด้วยเลย แล้วผมจะกังวลอะไร

“งั้นสัปดาห์หน้าเรานัดเจอกันที่โรงเรียนนะครับเดี๋ยวผมเอารถตู้มารับ” อากิสรุปเบ็ดเสร็จ

“เดี๋ยวนะ ขอถามหน่อยเถอะ เราจะไปที่ไหนกัน” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย คือนัดพบกันเสร็จสับ แต่ไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไป

“หัวหินครับ” อ๋ออออ ทะเลนั่นเอง


********************************************************************************************


เราว่าน้องกรเป็นเด็กปัญญาอ่อน เฮ้ยยย หัวอ่อนนะคะ แถมออกแนวหัวช้าอีกต่างหาก ยังงงๆอยู่ว่าทำไมเรียนเก่งซะงั้น 555 นางแค่ดื้อๆ ซนๆ ตามประสาวัยรุ่นชายวัยขบเผาะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! เฮลโลวววววว ตอนที่ 5 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-05-2019 09:08:17
 :pig4:
ติดตามค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! เฮลโลวววววว ตอนที่ 5 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-05-2019 10:14:26
 :katai2-1:  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! เฮลโลวววววว ตอนที่ 5 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 17-05-2019 14:23:59
ต่อค่ะต่อ ไม่ได้ตรวจคำผิดเช่นเดิม 555  :mew5:

****************************************************************************************************

บทที่ 6 ผมพร้อมใช้หนี้แล้ว

โอ้ทะเลแสนงาม แสนง๊าม แสนงามมมม ฟ้าสีครามสดใส สดใส๊ สดใส มองเห็นเรือใบ เรือใบ๊ เรือใบ แล่นอยู่ในทะเล ทะเล๊ ทะเล

เบื้องหน้าผมเป็นหาดทรายสีขาวยาวสุดลูกตา น้ำทะเลอาจไม่ใสมากแต่ร้อนๆอย่างใครจะสนหละครับ อย่างน้อยก็ใสสะอาดกว่าน้ำคลองแถวๆบ้าน ผมสารภาพเลยว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีเยือนทะเลเลยครับ อย่างที่รู้ๆกัน ชีวิตผมค่อนข้างเรียบง่าย ว่างก็ทำงานพิเศษไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเล่นหรอกครับ เงินก็เช่นกัน 555

“วันนี้กรพักผ่อนเถอะครับ ค่อยเริ่มงานพรุ่งนี้” ผมพะยักหน้ารับ หันไปมองตัวบ้านพักที่เราใช้พักคืนนี้แล้วขมวดคิ้ว มันต้องทำความสะอาดใหญ่ตรงไหน ก็เห็นสะอาดดีแถมมีแม่บ้านดูแลอยู่แล้วอีกต่างหาก

“แล้วพรุ่งนี้ให้เริ่มจากตรงไหนก่อน ดูๆแล้วก็สะอาดดีนี้หว่า” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางมองไปรอบๆบ้านพัก

“อ๋อ ไม่ใช่หลังนี้หรอกครับ หลังนู้นต่างหาก” ผมมองตามปลายนิ้วมือของอากิที่ชี้ไปบนเนินเขาไกลลิบๆ

เชี่ยยยยยย! บนเนินเขามีบ้านอยู่หลังนึงครับ เป็นบ้านไม้ทรงไทย ลักษณะจะๆไม่คนเหยียบย่างเข้าไปหลายปีแล้ว ผมลอบกลืนน้ำลายเบาๆ

“เชี่ย! เมิงสวมพระมารึป่าววะ” ไอ้มาร์คมันหันมาถามผม ผมส่ายหน้ามองตามันปริบๆ มันกลืนน้ำลาย ผมกลืนน้ำลาย เราสามคนกลืนน้ำลายพร้อมกัน

“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ...กรนิมนต์พระพุทธรูปองค์นี้ไปด้วยแล้วกันครับ” อากิว่าพลางผายมือไปยังหิ่งพระพุทธรูปที่อยู่สูงขึ้นไป ส่วนผมพะยักหน้ารัวๆครับ


ยามเช้าบรรยากาศสดใส ผมแบกอุปกรณ์ทำความสะอาดเดินขึ้นเนินไปยังบ้านหลังนั้น ไอ้เพื่อนเวรมันยังไม่ตื่นกันครับ อย่าลืมว่าสองคนนั้นเค้ามาเที่ยว แต่ผมมาทำงานครับ

บ้านไม้ทรงไทยสูง 2 ชั้น สร้างจากไม้สักทั้งหลัง อายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 40 ปี ที่ผ่านมาคงจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สังเกตได้จากไม่มีส่วนใดของตัวบ้านเสียหาย มีเพียงฝุ่นจับเล็กน้อย สบายผมสิครับ ผมเริ่มลงมือปัดกวาดทำความสะอาดทันที เริ่มจากที่ห้องโถงเนี่ยแหละครับ

หมดวันแรกผมเช็ด ปัด กวาด ทำความสะอาดบ้านบริเวณชั้นแรกได้หมด ทั้งห้องโถง ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงหน้าบ้าน เหนื่อยสายตัวแทบขาดครับ แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ ผมยืนมองผลงานตัวเองอย่างภาพถูมิใจ นิผมทำความสะอาดด้วยใจ ทำประหนึ่งเป็นบ้านตัวเอง ไม่ได้ทำแบบรวบๆนะคร้าบบบบ

ผมอยู่ทำความสะอาดที่บ้านทั้งวันเลยครับ ช่วงเที่ยงไอ้มาร์คกับอากิแวะมาเยี่ยมผมพร้อมอาหารกลางวัน อยู่วุ่นวายสักพักก็จากไปครับ พวกม้นทนร้อนไม่ไหว ก็ที่บ้านหลังนี้มันไม่มีแอร์ครับ แถมกำลังทำความสะอาดอยู่ฝุ่นเลยฟรุ้งกระจายไปทั่ว บรรยากาศในบ้านจะมืดสลัวๆหน่อยแต่ยังดีหน่อยที่ผมนิมนต์พระพุทธรูปมาประทับอยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นคงไม่เป็นอันทำงานแล้วครับ

ผมตัดสินใจหยุดทำงานในส่วนของวันนี้เพียงเท่านี้ ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 วัน ค่อยทำในส่วนที่เหลือต่อแล้วกัน เก็บข้าวของแล้วเดินลงจากเนินไปยังบ้านพักของอากิ

“กลับมาแล้วเหรอครับ เย็นนี้เรามีปาร์ตี้บาบีคิวครับ” อากิยิ้มต้อนรับ ในมือถือไม่เสียบสับปะรด หมู พริกหยวกและมะเขือเทศ มีไอ้มาร์คเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ

“มาๆ กูช่วย” ผมอยากมีส่วนร่วมครับ อยากเป็นส่วนเกินระหว่างพวกมันสองคน

“เมิงสกปรก ตรีนก็เหม็น ไปอาบน้ำก่อนไป๊” ไอ้มาร์คเอ่ยกันท่าผมครับ แหมทำไมต้องจี้ใจดำด้วยวะ ตรีนผมหายเหม็นมาตั้งนานแล้ว สเปย์เค้าดีจริง!

“เอ่อๆ” ผมยอมตกลง หลบไปอาบน้ำ ปล่อยมันสองคนไว้ด้วยกัน หวังว่าบาบีคิวพวกนั้นจะกินได้นะ


วันนี้เป็นวันที่ 2 ผมเริ่มลงน้ำล้างห้องน้ำชั้นบนก่อน ชั้นบนมีห้องนอน 3 ห้องแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว ผมล้างห้องน้ำจนเสร็จหลังจากนั้นก็ลงมือเก็บกวาดห้องนอนทีละห้อง เครื่องเรือนของบ้านหลังนี้จะถูกคลุมด้วยผ้าไว้ทั้งหมดทำให้ไม่เปื้อนฝุ่นมากนักง่ายต่อการทำความสะอาด

ผ่านไปอีกวันนึงผมทำความสะอาดภายในบ้านทั้งหลังเสร็จแล้ว เหลือแต่เก็บกวาดด้านนอกบ้านกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ถือว่างานพิเศษครั้งนี้ปล้วเสร็จตามเป้าเลยครับ

เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน ค่อยมาต่อวันพรุ่งนี้แล้วกัน!

ผมกลับมายังบ้านพักตากอากาศของอากิไม่เจอใครสักคน แม่บ้านบอกว่า ไอ้มาร์คกับอากิขี่เจ็ตสกีไปเที่ยวเกาะกันครับ อ่าวววว เพื่อนเวร ทิ้งกันเฉย แล้วผมจะทำอะไรดี อยู่คนเดียวด้วย

“ติ๊ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

เป็นเสียงเตือนข้อความไลน์จากมือถือถมเองครับ

PHUMMA : ‘เธอทำอะไรอยู่’

ผมเริ่มสนทนากับไอ้นาย PHUMMA เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ก็ตั้งแต่ผมค้างชำระหนี้สินจำนวน 3,850 บาทนั่นแหละ ไอ้เจ้าหนี้ขี้งกก็จะค่อยตามจิกตามกัด เพื่อไม่ให้ผมลืมว่าเป็นหนี้อยู่ตลอด ทำอะไรอยู่บ้างหละ อยู่ไหนบ้างหละ ที่ถามนี้กลัวผมจะหนี้หนีหรือไง ยังดีที่ไม่ได้ทักมาทุกวัน 2-3 วันทักมาทีพอให้ไม่ลืมกัน

OPPA’KORN : ‘กำลังหาเงินใช้หนี้คุณไง’

PHUMMA : ‘ครบแล้วเหรอ จะคืนเมื่อไหร่หละ’

OPPA’KORN : ‘กำลังแปลว่ายังกระทำอยู่ ทำอยู่ก็แปลว่ายังไม่ครบไงครับ’

OPPA’KORN : ‘จะรีบไปไหน ผมคืนหมดก่อนเปิดเทอมน่า’

PHUMMA : ‘ชั้นจะรอ’

แล้วก็เงียบหายไปเลยครับ คือทักมาเพื่อทวงเงินว่างั้น



เข้าสู่เช้าวันที่ 3 วันนี้ไอ้มาร์คกับอากิมาช่วยผมทำความสะอาด จะเรียกว่าช่วยได้รึป่าวนะ ในเมื่อผมทำความสะอาดบ้านเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่งานกวาดลานหน้าบ้าน กับแต่งสวนนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวผมแถมทาสีนั้วให้ด้วยเลยอะ

สองคนนั้นช่วยกันกวาดใบไม้กระหนุงกระหนิง อะไรนะ กระหนุงกระหนิง บรรยากาศระหว่าง 2 คนนั้นมันแปลกๆแฮะ หมดพลาดอะไรบ้างอย่างไปรึป่าว

“เอ่อ พวกเมิงกุจะไปตัดหญ้านะ เอ่ออออ สนใจกุหน่อย” ครับเสมือนไม่มีตัวตน เพื่อนๆไม่สนใจผมเลยครับ เหมือนโลกนี้มีเพียงสองคน

ผมตัดหญ้าตามแนวรั้วบ้าน สำรวจไปรอบๆ จนถึงด้านหลังบ้านซึ่งเป็นแนวสันเขาครับ ผมตัดสินใจปีนขึ้นได้ดูด้านบน ด้านบนเป็นหน้าผา ชโงกหน้าลงไปมองเห็นทะเลและท้องฟ้าสีคราม อืม น่ากลัวแฮะ

คืออย่างที่บอก ผมไม่เคยมาทะเล ดังนั้นผมจึงว่ายน้ำไม่เป็น แหะ แหะ รีบกลับลงไปดีกว่า ยิ่งอยู่นานยิ่งเสียวสันหลังวาบๆ

พอผมกลับลงมาพวกไอ้มาร์คก็กวาดลานบ้านเสร็จแล้วครับ ถือว่างานทำความสะอาดบ้านทั้งหมดแล้วเสร็จแล้ว ผมถามความเห็นจากอากิตัวแทนเจ้าของบ้านว่าโอเครึยัง
อากิบอกว่าจะถ่ายรูปบ้านที่ทำความสะอาดแล้วเสร็จให้คุณอาดูว่าผ่านมั๊ย โดยให้ผมเข้าไปยืนเป็นนายแบบในรูปด้วยครับ คือ ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องให้ผมไปยืนในรูปรึป่าว ถ่ายแค่ตัวบ้านไม่ได้เหรอ

“คุณอาจะได้ทราบไงครับว่าใครเป็นคนทำความสะอาด” อ๋อถ้างานมันไม่ดีจะได้เฉ่งถูกคนนี้เอง

ครับๆ ถ่ายก็ถ่ายครับ หวังว่ารูปที่ถ่ายออกมาจะไม่มีอย่างอื่นติดมาในภาพด้วย นอกจากผมกับตัวบ้านนะครับ

พวกเรากลับมายังบ้านพักตากอากาศของอากิ เพื่อประชุมกันว่าวันหยุดที่เหลือเราจะเที่ยวต่อกันยังไงดี สามวันที่ผ่านมาผมมัวแต่ทำงานครับ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ถึงเวลาเที่ยวอย่างจริงจังแล้วครับ

ไอ้มาร์คเสนอให้พาผมไปปล่อยเกาะที่มันกับอากิไปกันวันก่อน คือให้ไปฝึกใช้ชีวิตรอดในเกาะร้าง เดี๋ยวนะ นั่นไม่ฝเรียกว่าเที่ยวแล้วมั้ง

ผมปัดตกความคิดมันไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเสนออย่างอื่นแทน

“กุอยากเล่นบานานาโบ๊ตหวะ” ผมเห็นคนอื่นเล่นกันเลยอยากลองเล่นบ้าง น่าจะสนุกแล้วก็หวาดเสียวดี ใครที่เป็นห่วงเรื่องที่ผมว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ ไม่ต้องกลัวเพราะผมจะสวมชูชีพ 555

อากิพยักหน้าเห็นด้วยส่วนไอ้มาร์คออกความเห็นเพิ่มเติม

“งั้นสายๆไปเล่นบานานาโบ๊ต ส่วนตอนเย็นไปขึ้นเกาะกัน ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น โค ต ร สวย” ออ เมิงรู้ว่าสวยเพราะไปดูมาแล้ว ยังดีที่มีน้ำใจอยากให้กูได้ดูอะไรสวยๆบ้าง

ผมโอเค อากิโอเค เพราะงั้นพรุ่งนี้เราไปเล่นบานานาโบ๊ตกันครัย

“กรครับ คุณอาจะโอนเงินให้ครับ ขอเลขบัญชีด้วย” อากิถามเลขบัญชีจากผมไป ไม่นานนักโทรศัพท์ก็แจ้งเตือนยิดเงินเข้า 5,000 บาทครับ เย้ๆ มีเงินใช้หนี้แล้ว แถมไม่ตอบเสียเวลาทำงานทั้งเดือนด้วย ถือว่าเป็น 3 วันท่ีคุ้มค่าจริงๆ


วันรุ่งขึ้นพวกเราสามคนตื่นแต่เช้าไปเล่นบานานาโบ๊ทครับ คือที่ต้องตื่นเช้าเพราะกลัวแดดจะแรงไปมากกว่านี้ อย่างที่รู้ๆกัน ที่นี่ประเทศไทย มีแต่ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนชิบ- โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นฤดูร้อนชิบ- ซะด้วย พวกผมไม่อยากเสี่ยงกับโรคมะเร็งผิวหนังครับ

สนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ ผมโดนเหวี่ยงตกน้ำไปหลายรอบต้องขอบคุณเสื้อชูชีพที่ใส่อยู่จริงๆ ที่ช่วยพยุงตัวไม่ให้ผมจมน้ำ เอาจริงๆผมชักติดใจการเที่ยวทะเลแล้วสิแต่ก่อนอื่นต้องหัดว่ายน้ำให้เป็นก่อน เพื่อเพิ่มอรรถรส

หลังจากเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงเราสามคนก็หมดสภาพครับ ก็สมควรแหละถ้าจะถูกเหวี่ยงตกน้ำถี่ๆขนาดนั้น พวกเราตัดสินใจกลับที่พักไปหาอะไรทานและพักผ่อนครับ เก็บแรงไว้ไปติดเกาะกันตอนเย็น เมื่อกลับถึงที่พักหลังจากหาอะไนกินกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพักของตน ผมขอตัวหลับกลางวันเอาแรงสักครู่ แต่ก่อนจะงีบหลับ ขอจัดการเรื่องหนี้สินให้แล้วเสร็จก่อนครับ ไหนๆก็มีเงินครบแล้วนี่

OPPA’KORN : ผมมีเงินคืนคุณครบแล้ว ขอเลขบัญชีด้วยครับ’

ไม่นานหลังจากผมส่งข้อความไปก็ได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว

PHUMMA : ชั้นต้องการเป็งเงินสด

OPPA’KORN : โอ๊ยยยย ผมไม่สะดวกเอาเงินสดไปให้ โอนให้ง่ายกว่าครับ”

ผมหละไม่เข้าใจทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วย

PHUMMA : ไม่เป็นไรถ้าเธอไม่สะดวกชั้นไปเอาเงินที่เธอได้



PHUMMA : เธออยู่ที่ไหนหละ เดี๋ยวชั้นไปหา

คงจะมาได้หรอกไม่ใช่ใกล้ๆ

OPPA’KORN : ผมอยู่หัวหิน เอาไว้ผมกลับไปค่อยเอาเงินไปให้คุณก็ได้

PHUMMA : ไม่เป็นไรชั้นสะดวก

เอ่อ…แล้วก็เงียบหายไปเลยครับ เอิ่มแล้วเค้ารู้เหรอว่าผมอยู่ส่วนไหนของหัวหินอะ


****************************************************************************************************

เอ่อ นักเขียนก็อยากไปทะเลเหมือนกันค่ะ ไปหานางกร 55555  :katai5:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ตอนที่ 6 สดๆร้อนๆ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-05-2019 15:57:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ตอนที่ 6 สดๆร้อนๆ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2019 16:12:04
 :pig4:
 :katai2-1:
ตามๆต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อค่ะต่อไปยาวๆ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 23-05-2019 08:55:21
ต่อค่ะต่อไปยาวๆ ตอนที่ 7  :เฮ้อ:

********************************************************************************************


บทที่ 7 ผมไม่เป็นอะไร ไม่ได้อิจฉ๊าาาาาาาา

เย็นวันนี่เรามาเที่ยวที่เกาะกันครับ เป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวอากิ เราขนของกินกันมาเพียบ กะว่าคืนนี้จะย่างเนื้อ นั่งเล่นรอบกองไฟ รวดตั้งแคมป์พักมันซะที่นี่เลย เพราะที่เกาะบรรยากาศดีกว่าแผ่นดินใหญ่เป็นไหนๆ อากาศก็ดีกว่า น้ำทะเลใส ท้องฟ้าของสวย

สวยแบบครึ้มๆอะนะครับ แต่ก็ยังสวยอยู่ดีแหละ

กางเต้นท์เสร็จแล้ว ก่อกองไฟก็เสร็จแล้ว ถึงเวลาย่างเนื้อสิครับ let’s party

“อะอากิ กินชิ้นนี้สิ” ไอ้มาร์คยื่นเนื้อย่างที่หั่นแล้ว แถมยังจิ้มน้ำจิ้มเสร็จสับไปจ่อที่ปากของอากิ ส่วนอีกคนก็อ้าปากรับไปกินง่ายๆ

บรรยากาศชักแปลกๆอีกแล้ว

“นี้ครับมาร์ค” แล้วอากิก็ทำแบบเดียวกันกับที่ไอ้มาร์คมันทำ อีกฝ่ายก็งับเนื้อเข้าปากก่อนจะยิ้มให้ แถมยังหันไปจุ๊ปแก้มอากิเบาๆอีก

ห๊ะ! ตาผมไม่ฝาดใช้มั๊ย พวกมันหอมแก้มกันอะ

เฮ้ย! อากิจุ๊ปตอบอีกต่างหาก O_O

“นะ นี่มัน กะ เกิดอะไรขึ้น” ผมถามทั้ง 2 คนเสียงสั่น

“พะ พวกนาย จุ๊ปกันทำไม” ถามต่อครับ

ทั้งสองคนเงยหน้ามามองผม ออกจากโลกส่วนตัวครู่หนึ่ง อากิยิ้มอายๆเล็กน้อย ส่วนไอ้มาร์คยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนคว้าคออากิมาใกล้ แล้วฝังปากลงที่แก้มอากิแรงๆไปทีนึง

“พวกเราคบกันแล้ว” มันแถลงการณ์พร้อมคว้าอากิมาหอมโชว์ครับ

อะไร! ที่ไหน! เมื่อไหร่! ยังไง!

“อะไรก็คบกันไง ที่ไหนก็เมื่อสองวันก่อน ที่ไหนก็ที่เกาะนี้แหละ ส่วนยังไงนิไม่ขอบอกว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว” มันบอกพร้อมยิ้มร้ายๆมาทางผม หันไปยักคิ้วให้อากิทีนึง อีกฝ่ายหน้าแดง แล้วหันหน้าสบไปทันที

เฮ้ยยยย ผมทำงานพิเศษแค่ 3 วัน เหมือนพลาดเรื่องยิ่งใหญ่ไป

“เชี่ยยยย” พูดอะไรไม่ออกครับ ได้แต่สบถเบาๆ

“เมิงอย่าเข้าใกล้อากิเกิน 3 ก้าวนะ จะหาว่าไม่เตือน” อะไรจะขนาดนั้น เป็นหมาหวงกระดูกรึไง

ว่าจบมันก็หันไปย่างเนื้อต่อ ไม่สนใจผมอีกต่อไป

ผมก็ว่ามันแปลกๆ ทำไมมันต้ังเต้นท์แค่ 2 หลัง ทั้งๆที่มากัน 3 คน เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

นั่งๆกินเนื้อย่างไปสักพักก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน คือพวกมันอยู่ในโลกส่วนตัว เห็นผมเป็นอากาศธาตุ ไอ้ผมก็ไม่มีไรทำครับได้แต่หายใจทิ้ง

เฮ้อออ ผมว่าผมออกไปเดินสำรวจรอบๆดีกว่า ไม่อยากเป็นกวางขวางคอพวกมัน

“เฮ้ เพื่อน กูไปเดอนเล่นนะ” บอกไปงั้นแหละครับ แต่พวกมันไม่สนใจผมแม้แต่น้อย

ผมตัดสินใจหยิบขวดน้ำกับไฟฉายติดมือไปด้วย คือมันเริ่มมืดแล้วแหละครับ ใจจริงอยากได้คบเพลิงไม้ไปด้วยแต่กลัวข้อหาเผาป่า งั้นเอาเป็นไฟฉายเนี่ยแหละ ปลอดภัยที่สุด

เดินออกห่างมาจากแคมป์มาได้สักครึ่งกิโล พอเห็นกองไฟอยู่ริบๆ บรรยากาศเริ่มเงียบสงบครับทจากวิวริมทะเล กลายมาเป็นวิวป่าร้อนชื้น ผมได้ยินเสียงน้ำไหล ขอเดาว่าข้างหน้านี้มีลำธารแน่นอน เดินเข้าไปอีกสักหน่อยดีกว่า

ผมเดินตามเสียงน้ำไหลเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ สันหลังกลับไปอีกทีก็มองไม่เห็นกองไฟแล้วครับ อ่าวซวยแล้วเหมือนจะหลง แต่ไม่ต้องหาวงครับระหว่างทางขามาผมได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทางเพื่อจะได้ทราบว่าผ่านมาทางไหนบ้าง ผมจึงเดินตามเสียงน้ำเข้าไปเรื่อยๆ อืมในที่สุดก็เจอสักที

ผมพบน้ำตกขนาดกลางมีชั้นน้ำตกสูงขึ้นไปสัก 3-4 เมตร ด้านล่างที่ผมยืนอยู่เป็นแอ่งน้ำ พื้นด้านล่างเป็นทรายละเอียดเหมือนทรายที่ชายหาดเลยครับ มีโขดหินใหญ่ๆอยู่ 2 ก้อน ให้สามารถไปนั่งเล่นได้

ผมนั่งเล่นอยู่บนโขดหิน เอาเท้าแช่น้ำเล่น อย่างที่ได้บอกไปครับ ผมวาายน้ำไม่เป็น และตอนนี้ก็ไม่มีเสื้อชูชีพด้วยครับ เพราะงั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า แค่นั่งแช่เท้าก็ให้อารมณ์เหมือนเล่นน้ำแล้วครับ 555

ระหว่างนั่งเล่นไปสักพัก บรรยากาศเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ลมเริ่มกระโชกแรง แรงจนพัดเอาใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ปลิ้วว่อนเต็มไปหมด รางสังหรบอกผมว่าฝนกำลังจะตก อาจไม่ใช่แค่ในตกแต่น่าจะเรียกว่าพายุเข้าเลยหละครับ

ผลรีบลุกขึ้นเพื่อจะตรงกลับไปยังแคมป์พัก  มองไปยังทิศทางที่หมายเอาไว้ นั้นต้นไม้ต้นนั้นที่ผมทำเครื่องหมายหักกิ่งไม้เอาไว้ ถ้ามองออกไปอีก 10 เมตร จะเห็นต้นไม้อีกต้นนึงที่ผมหักกิ่งไม้ไว้เช่นกัน ผมหักกิ่งไม้ไว้ทุกๆ 10 เมตรแหละ ขากลับจะได้กลับถูกทางไง

ระหว่างเดินทางกลับไปได้สักร้อยเมตร ชิบ-แล้วครับ ต้นไม้ต้นต่อไปมันต้นไหนหว่า คือตอนนี้ลมแรงมากครับแรงจนพัดกิ่งไม้หักได้ แล้วถ้ากิ่งไม้มันหักระเนระนาดขนาดนี้ อันไหนมันรอยหักกิ่งไม้ที่ผมทำไว้หว่า

ผมหันซ้ายหันขวาและใช้ความคิดสักครู่ ก่อนตัดสินใจหยุดเดินดีกว่า ยิ่งเดินต่อไปอาจหลงทางได้ อีกทั้งลมก็แรงมากหากเดินมั่วๆ กิ่งไม้หักตกมาใส่หัวเดี๋ยวจะกลายเป็นผีเฝ้าป่าไปป่าวๆ  คิดได้แล้วก็ตัดสินใจเดินกลับไปยังน้ำตกที่ยังมองเห็นอยู่ใกล้ๆ บริเวณน้ำตกมีต้นไม้ใหญ่ที่น่าจะปลอดภัยจากการหักโค้นได้ ผมว่าอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนน่าจะดีที่สุด

ผมหลบลมพายุอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เวลาผ่านไปนานนับสิบนาทีลมพายุยังไม่ทีท่าทางจะเบาลง เพื่อนๆมันจะสนใจบ้างมั๊ยว่าผมหายตัวมา หรือมันยังอยู่ในโลกแห่งสองเราอยู่

ไม่ได้อิจฉานะครับบอกเลย ไม่ได้อิจฉาจริงจริ๊งงงง

บ่นๆอยู่ในใจสักพักเม็ดฝนก็เริ่มทะยอยตกลงมาครับ ยังดีหน่อยที่พอฝนตกพายุก็เริ่มสงบลง ฝนตกไม่แรงมากครับแต่ลักษณะแบบนี้น่าจะตกยาวๆทั้งคืน

“เฮ้ออออ” ผมถอยหายใจ สงสัยคืนนี้ต้องนอนตากฝนอยู่ที่นี้แล้วสินะ รอพรุ่งนี้ค่อยหาทางกลับครับ รอแสงสว่างๆเปื่อจะมองเห็นอะไรๆชัดขึ้น

จะโทษใครก็ไม่ได้ ผมพาตัวเองซวยมาถึงจุดนี้เอง แต่ไหนๆแล้วขอโทษไอ้ 2 คนนั้นได้มั๊ยที่มันไม่สนใจผมหนะ ชริ




“โฮ่ง โฮ่ง…” ผมสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงคล้ายเสียงหมาเห่า แต่ที่นี่มันบนเกาะนะจะมีหมาโผล่มาได้ไง ผมคิดว่าผมเผลอหลับไปหนะครับ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ตัวผมยังเปียกโชกอยู่ ก็นะผมนอนตากฝนนี่นา ว่าแต่มันนานขนาดไหนแล้วเนี่ย

ท้องฟ้ายังมืดอยู่ครับ แปลว่าฝนหยุดตกเร็วกว่าที่คิด ผมนึกว่าจะตกทั้งคืนซะอีก ผมพยายามลืมตาขึ้นแต่เปลือกตาผมหนักมากครับ รู้สึกปวดหัวหน่วงๆ เหมือนมีอะไรมีบีบรัดศีรษะเอาไว้

“กะ กร ก้อนแป้ง ก้อนแป้ง” มีเสียงผู้ชายกำลังเรียกผมอยู่ครับ เอ๊ะ! เรียกผมรึป่าว เหมือนจะเรียกชื่อผม แต่ก็เรียกชื่อคนอื่น ใครวะ ก้อนแป้งเนี่ย

“โฮ่ง หงิง หงิง” เสียงหมาอีกแล้วครับ เหมือนอยู่ใกล้มากๆเลย

“ไม่ อย่าเลียหน้า” เสียงทุ่มๆเอ่ยห้ามดุๆ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรหยาบๆ เปียกๆมาสัมผัสใบหน้า แหม เรียกสติได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นๆชื้นๆที่ได้แถมมากับน้ำเหนียวๆนี้แหละ

ผมพยายามลืมตาขึ้นมามองเห็นเจ้าของน้ำลายเหนียวๆ เป็นสุนัขพันธ์เยอรมัน เชฟเฟิร์ด ตัวสูงเกือบถึงสะโพกของชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นย่อเห่าลงมาแล้วใช้สองตัวเขย่าตัวผม

“ก้อนแป้ง ก้อนแป้ง” ใครวะก้อนแป้ง

ผมเบี่ยงสายตาไปมองหน้าชายที่เขย่าตัวผมอยู่ น่าคุ้นๆเว้ย

“คะ คุณ ภะ ภูมิ” หน้าคุ้นๆเหมือนเพิ่งคุยไลน์กันเมื่อตอนกลางวัน มาโผล่แถวนี้ได้ยังไง หรือผมตาฝาด หรือผมคิดมากเรื่องคืนเงินเลยเก็บมาฝัน

“ชั้นเอง เธอเป็นยังไงบ้าง ลุกไหวมั๊ย” เสียงทุ่มๆกล่าวถามพร้อมพยายามพยุงผมให้ลุกขึ้น

“ผมกรครับ ไม่ใช่ก้อนแป้ง” อยากจะบ่นเหลือเกินว่าจำกันไม่ได้รึไง เห็นผมเป็นคนอื่นได้ไงเนี่ย

“...ช่างมันเถอะ ตัวเธอร้อนมากเลย ต้องรีบกลับบ้านก่อน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อบกผมขึ้นพาดบ่าครับ โอ๊ยๆ ใจเย็นครับ เบาๆหน่อย ผมไม่สบายอยู่นะ อุ้มแบบเจ้าหญิงไม่ได้หรือไงวะ


********************************************************************************************

เหมือนจะมีอะไรอยู่ในก่อไผ่! ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อค่ะต่อไปยาวๆ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-05-2019 20:02:37
 :pig4:
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อค่ะต่อไปยาวๆ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 03-06-2019 08:57:34
มาต่อแล้วคร่าาาาา หลังจากหายไปนาน แอบหนีไปเที่ยวทะเลมา อิอิ  :really2:
ไปตามรอยนางกร 55555


********************************************************************************************


บทที่ 8 ผมขอลูบหัวหน่อยได้มั๊ย

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบเพดาลสีขาวๆ ลมเย็นๆพัดเข้ามาทางหน้าต่าง มองออกไปเห็นทะเลสีครามและชายหาดสีขาว บรรยากาศร่มรืนเพราะมีต้นไม้ใหญ่ขนาบด้านข้าง เช้าวันนี้อากาศสดใสเหมาะแก่การไปเล่นน้ำทะเลจริงๆครับ

ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ผมพยายามย้อนความทรงจำเมื่อวาน หลังจากที่ผมไปเที่ยวเกาะกับไอ้มาร์คและอากิ กลางคืนฝนตกพายุเข้า แล้วผมก็เผลอหลับไปแถวๆน้ำตก อ๊ะ ใช่ๆ แล้วเหมือนจะถูกหมาเลียหน้า แล้วก็เจอไอ้คุณภูมิ

ถูกหมาเลียหน้านี้ใช่แน่นอนครับผมยังจำกลิ่นน้ำลายเหนียวๆได้อยู่ ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองยังเปียกอยู่รึป่าววะ แต่ไอ้คุณภูมินิผมว่าไม่ใช่ละ จะมาโผล่แถวนี้ได้ไง

ผมคิดไว้แล้วว่าไอ้เพื่อนสองคนมันต้องพึ่งพาได้ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มานอนเล่นกินลมชมวิวอยู่ที่นี่หรอก คงกลายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้วจริง ว่าแล้วก็หัวเราะ เหอ เหอ กับตัวเอง

ผมมองซ้ายมองขวา มองไปทางปลายเตียงสังเกตเห็นโซฟาตัวนึงมีผู้ชายร่างสูงนั่งสัปงกอยู่ตรงนั้น

“เชี่ยยยย” ผมอุธานออกมาเสียงดัง นั้นมันไอ้คุณภูมิครับ งั้นที่ผมเห็นเมื่อคืนผมก็ไม่ได้คิดไปเองอะดิ แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ไงวะ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?

“บ้านชั้นเอง” เสียงทุ่มตอบกลับมา เอ๊ะผมว่าผมยังไม่ได้ถามออกไปนะ หรือผมคิดดังไป

“เอ่อ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ผมถามแบบงงๆ

“ก็ที่นี่บ้านชั้น ทำไมจะมาไม่ได้” อีกฝ่ายตอบ นิตั้งใจกวนตรีนรึป่าวเนี่ย

“งั้นผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ในเมื่อถามไม่ตรงคำตอบ ก็ขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนตำถามครับ

“เธอตากฝน ไม่สบาย ชั้นเลยพามาพักที่บ้าน” ออ อธิบายต่อหลังจากที่ผมไปติดในที่น้ำตกนิเอง แต่ประเด็นคือแล้วเค้ามาเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมคนที่มาช่วยผมไม่ใช่พวกเพื่อนๆหละ

“แล้วเพื่อนผมหละครับ” ผมถามอย่างสงสัย

“สองคนนั้นกลับเข้าฝั่งไปแล้ว” อีกฝ่ายอธิบาย

“เฮ้ย ไหนว่าเมื่อคืนจะพักกันที่เกาะไง ไหงพวกนั้นทิ้งผมกันหมดหละ” ผมโว๊ยวาย ทิ้งเพื่อนไว้กับคนแปลกหน้าได้ไง

“เธอเป็นไข้นอนซมมา 2 วันแล้ว ชั้นเลยให้พวกนั้นกลับไปก่อน” โอ้โห นอนมาสองวันเลยเหรอ ผมนึกว่าผ่านมาแค่คืนเดียว แล้วพวกมันก็ทิ้งเพื่อนไปแบบนี้สินะ ใช่สิลืมไปว่าพวกนั้นคิดว่าในโลกนี้มีกันแค่ 2 คน ผมมันแค่อากาศธาตุ

“เอ่อ แล้วคุณมาทำอะไรแถวเกาะนี้ครับ” ผมถามออกไปอีกครั้งเมื่อใจเย็นลง

“ก็มารับเงินที่เธอติดค้างชั้นไวไง” ชายร่างสูงตอบยิ้มๆ

WTF นิทวงเงินกันกลางเกาะเลยเหรอ คือถ้าไม่จ่ายเงินให้จะฆ่าหมกเกาะเลยรึป่าว

“ชั้นบอกไปแล้วไงว่าจะมาหา” อีกฝ่ายกล่าวเสียงนุ่มขึ้น

“เอ่อ...แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงิน รอขึ้นฝั่งก่อนได้มั๊ยครับ” คือเงินสดผมไม่มีครับ มีแต่เงินในบัญชี ถ้าจะให้โอนเงินเร็วสุดก็ต้องใช้มือถือ ซึ่งมือถือผมทิ้งไว้ที่แคมป์

“ไม่เป็นชั้นรอได้” ฝ่ายชายหันมายิ้มพร้อมลูปหัวผม เฮ้ย อยู่ดีๆมาลูปหัวกันได้ไง

“ถ้าเธออาการดีขึ้นแล้วเรากลับเข้สฝั่งเลยแล้วกัน” อีกฝ่ายสรุปพร้อมลุกขึ้นเปิดประตูออกไปนอกห้อง

เพียงแค่ประตูแง้มออกเบาๆ มีก็สิ่งมีชีวิตตัวโตสีน้ำตาลปนดำแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งสี่เท้าเหยาะมาหาผมที่เตียงทันที

“อ๊ะ” สัตว์หน้าขนกระโดดขึ้นมาบนเตียงครับ พยายามจะเข้ามาเลียหน้าผม

“กาแฟ อย่า” เสียงทุ้มเอ่ยห้ามแต่ไม่ทัน หน้าผมเปียกน้ำลายเหนียวๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

“...” ไอ้กาแฟหน้าขน มองหน้าผม ทำหูตั้ง สายหางกระดิกๆ เลิกคิ้วขึ้นสูง ลิ้นห้อยๆทำท่าทางอยากให้ชม ‘ชมผมสิ ชมผมสิ’ หน้าตาเอ็งมันบอกแบบนั้น

ผมมองตามัน มันมองตาผม สายตามันมองมาเป็นประกาย วิ๊งๆ เราสองสบตากัน แล้วมันก็ขดตัวลงนอนบนตักผมแบบไม่ถามไถ่ความสมัครใจของผมสักคำ เอ็งคิดว่าตนเองเป็นลูกหมารึไง ตัวไม่ใช่เบาๆนะเว๊ยยย

ผมมองหน้าเจ้านายของมัน อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาปลงตก อย่างไม่รู้จะห้ามมันยังไง

หมาอะไร นิสัยไม่เข้ากับหน้าตาเลยวุ๊ย อะไรจะเข้ากับคฃ่ายขนาดนั้น!

“เอ่อ...คุณภูมิครับ” ผมเอ่ยเรียก พร้อมช้อนตาขึ้นไปมองเจ้าของชื่อ เวลาจะอ้อนต้องพูดเพราะหน่อยครับ

อีกฝ่ายนึงเงียบไปอย่รอคอยประโยคถัดไป

“ผมขอลูบหัวเจ้านี่หน่อยได้มั๊ยครับ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า ผมค่อยๆเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ เจ้าด้วยแสบหลับตาพริ้มมมมมม แหมรู้สึกถูกชะตาด้วยเสียนี่กระไร

“ถ้าเธอชอบเอาไปเลี้ยงเลยมั๊ย” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม ผมสะดุ้งตกใจ อยากเลี้ยงครับ สารภาพเลยผมอยากเลี้ยงหมาตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ที่ศูนย์เค้าไม่อนุญาติให้เลี้ยงสัตว์หรอกครับ เราควรเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อน

ผมตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยิน แต่แล้วก็หม่นลงทันทีเช่นกัน

“ไม่ได้หรอกครับผมไม่สะดวก” ตอบเสียงเบาๆ มือก็กอดเจ้าหมาบนเตียงเอาไว้ เสียดายอะ

“งั้นถ้าเธออยากเล่นกับมันก็มาเล่นได้ทุกเมื่อ” เอ๊ะ! อะไรจะใจดีปานนั้น

ผมก็พยักหน้ารัวๆเลยสิครับ


********************************************************************************************

มีการเอาน้องหมามาหรอกล่อ  o18 :z2:

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 8 ผมขอลูบหัวหน่อยได้มั๊ย อัพเดตแล้วคร่าาาาาาาาาาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-06-2019 09:17:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 8 ผมขอลูบหัวหน่อยได้มั๊ย อัพเดตแล้วคร่าาาาาาาาาาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 07-06-2019 09:10:05
9 ค่ะ 9

**********************************************************************************************

บทที่ 9 ผมสบายดี๊

ผมเดินทางกลับมาถึงแผ่นดินใหญ่ สถานที่แรกที่ผมได้ไปไม่ใช่บ้านพักตากอากาศของอากิครับแต่เป็นคลีนิคเอกชนแห่งหนึ่ง ไอ้คุณภูมิยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าให้หมไปตรวจกับคุณหมอ เช็คให้ดีว่าไข้หายสนิทแล้วรึยัง ไอ้ผมไม่อยากไปครับไม่อยากเสียตังโดยใช่เหตุ กลัวเหลือเกินว่ายอดหนี้สินจะเพิ่มขึ้น

“ยังมีไข้นิดหน่อยครับ พักผ่อนอีกวันนึงก็หายแล้วครับ” คุณหมอเจ้าของคลีนิคกล่าว โหหหหห ยังต้องพักผ่อนอยู่อีกรึปิดเทอมผมควรได้ทำอะไรที่มากกว่าพักผ่อนนะ

ผมบ่นกระปอดกระแปด แต่บ่นดังมากไม่ไดมีคนค่อยทำตาดุๆมองอยู่ข้างหลัง

เราเดินทางกลับไปยังบ้านพักตาดอากาศของอากิ เพื่อนทั้งสองคนของผมรออยู่ที่นั้น รอแบบนั่งกระหนุงกระหนิงกันอยู่ริ่มชายหาดอะนะ นี้จะสนใจเพื่อนหน่อยได้มั๊ย

“มือถือกุอยู่ไหนวะ” เมื่อผมไปถึงก็ถามหามือถือก่อนเลยครับ

ไอ้มาร์คโยนโทรศัพท์มือถือเก่าๆเครื่องนึงมาให้ผม จะโยนทำซากอะไรวะเกิดผมรับไม่ได้ขึ้นมาของก็เสียหายหมด ผมเปิดมือถือในมือ หน้าจอสีดำสนิท รออยู่หลายนาทีเครื่องก็ไม่ยอมบูทขึ้นมา ชิบ-

“โดนน้ำหวะ เก็บให้ไม่ทัน” ไอ้มาร์คบอกพร้อมยักไหล่

ซวยแล้วครับยังซ่อมได้อยู่รึป่าว โทรศัพท์มือถือเครื่องนึงไม่ใช่ถูกๆนะครับ กว่าผมจะเก็บเงินซื้อเครื่องนี้ได้ก็ตั้งหลายเดือน ผมไว้อาลัยให้มือถือตัวเองเงียบๆ จนลืมไปว่าไอ้คนที่มาส่งผมยืนรออยู่ด้านหลัง

“เอ่อ คุณภูมิครับ..รอกลับไปผมค่อยคืนเงินให้ได้มั๊ยครับ พอดีมือถือผมเสีย เดี๋ยวผมไปถอนเงินที่แบงค์ให้ครับ” ผมถามชายหนุ่มไปเบาๆ ก็เจ้าหนี้ผมเล่นคอยตามรับตามส่งเพราะกลัวผมหนีหนี้นินา

ไม่ต้องงงครับผมไม่มีบัตรเอทีเอ็มหรอกครับ ผมใช้วิธีถอนเงินผ่านแอพพิเคชั่นส์ในโทรศัพท์เอาไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี ไม่เสียค่ากด แสนสบายยยยย เงินสดติดตัวผมมีไม่ถึงพันหรอกครับ ทริปนี้มันกินฟรีอยู่ฟรีจะพกเงินเยอะทำไม

“ไม่ต้องรีบหรอก เรายังมีเวลาอีกเยอะ” เสียงทุ่มตอบกลับมาเบาๆพร้อมกับหัวเราะในรำคอ

“เอ่อ แล้วค่าคลีนิคเมื่อตะกี๊” ผมถามแบบกลัวๆ

“ชั้นบวกเข้าไปในยอดหนี้ของเธอแล้ว” หึหึหึ แม่นเหมือนจับวาง ตรงกับที่คิดไว้เป๊ะ

“ทะ เท่าไหร่ครับ” ถามเสียงสั่นเลยครับ ค่าใช้จ่ายไม่พึงมีทั้งนั้น

อีกฝ่ายชูฝ่ามือขึ้นมาชูนิ้ว 5 นิ้ว ผมสะดุ้งโหย่ง คลีนิคบ้าอะไรคิดค่าตรวจตั้ง 5,000 บาท ตรวจไม่ถึง 5 นาที ให้ยาพารามาอีก 2 แผง ค่ากำไรเกินควรจริงๆ

“500 บาท” เสียงทุ้มอธิบายมา อ่าวววว หลักร้อยเองรึ แหะ แหะ ผมขอโทษครับคุณหมอ

“งั้นถ้าผมพร้อมจะคืนเงินให้คุณเมื่อไหร่ผมจะติดต่อไปนะครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมเกรงใจเพื่อน” คือตอนนี้เราอยู่ที่บ้านพักของอากิไง มาคุยเรื่องส่วนตัวแถวนี้ก็เกรงใจคนอื่นเค้า ค่อยว่ากันอีกทีตอนกลับบ้านแล้วกัน

ไอ้คุณภูมิพยักหน้าแล้วเดินออกไปเงียบๆ ใช่ครับออกไปเงียบมาก เงียบแบบไม่ได้ยินเสียงรถสตาร์ททั้งๆที่ถ้าจำไม่ผิดเสียงเครื่องยนต์รถคันนั้นไม่ใช่เบาๆเลยนะครับ

ผมเดินตามออกมาดูด้วยความสงสัย เฮ้ย รถสีดำคันเดิมคันนั้นยังจอดนิ่งอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือไม่มีคนขับ แล้วไอ้เจ้าของรถมันอยู่ที่ไหนละ

OPPA’KORN : คุณหายไปไหนหนะ

ผมถามด้วยความเป็นห่วงครับ เดินหายไปเรื่อยไม่ได้นะเออ แถวนี้มันที่ส่วนตัวเดี๋ยวอากิแจ้งตำรวจจับทำไง

PHUMMA : เธอไล่ชั้นกลับไปพักผ่อนไง

OPPA’KORN : แต่คุณลืมรถยนต์เอาไว้

ของที่ลืมไว้ไม่ใช่อันเล็กๆนะเออ ลืมได้ไง

PHUMMA : จอดไว้ตรงนั่นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอา

ตอบข้อความเสร็จก็เงียบหายไปเหมือนเคยครับ

ผมถามอากิว่าฝากจอดรถยนต์ไว้ที่บ้านได้มั๊ย อากิยักไหล่เหมือนไม่ค่อยสนใจ เอาเป็นว่าถ้าเจ้าบ้านเค้าไม่ว่าอะไร ผมจะไปมีสิทธิ์ว่าอะไรหละครับ

คืนนี้ขอนอนหลับเป็นตายอีกสักคืน นี้ก็เริ่มรู้สึกตัวร้อนรุมๆอีกแล้ว รีบกินยาแล้วนอนดีกว่า




เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสครับแต่ตัวผมยังรู้สึกรุมๆอยู่ ไอ้มา์คกับอากิมีแพลนจะไปเที่ยวสวนน้ำกัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ผไม่มีพลาด โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหายได้ง่ายๆนะครับ กินเที่ยวแบบฟรีทั้งทริปเนี่ย

วันนี้ผมใส่กางเกงขาสามส่วนลายดอกชบา ส่วนข้างในใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นที่อากิหามาให้ ด้านบนสวมเสื้อแขนสั้นคลุมเอาไว้ ส่วนไอ้มาร์คใส่คล้ายๆผมผิดกันตรงที่ด้านบนมันสวมเสื้อแขนกุดตัวใหญ่ ปิดท้ายที่อากิใส่แขนยาวขายาวครับ เอ่อ จะไปเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นไม่ร้อนเหรอ

ระหว่างที่เรากำลังเตรียมตัวออกเดินทางกันครับ อยู่ๆก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาหาถึงในตัวบ้าน

“จะไปไหนกัน” มาถึงไม่พูดพร่ำฮำเพลง สายตาดุๆมองกวาดมาที่เราทั้งสามคน หยุดมองที่ผมเป็นคนสุดท้าย แล้วหันไปเอ่ยถามจากอากิ

“เอ่อ...จะไปสวนน้ำกันครับ” อากิก็ไปตอบเค้าอีก ตอบไปทำไม๊

“เพื่อนเรายังไม่หายดี หมอให้พักอีกหนึ่งวัน” เสียงดุๆกล่าวต่อพร้อมหันมามองทางผม

เฮ้ยยยยย เป็นใครมาจากไหนเนี่ย มาถึงก็ดุเอาๆ อากิอย่าไปยอมสู้เค้า!

อากิเงียบครับ ก้มหน้าหนีด้วย โธ่ ยุไม่ขึ้นครับ

“คุณมายุ่งอะไรด้วยเนี่ย พวกผมจะไปเล่นน้ำกัน” ผมออกหน้าแทนอย่างน้อยเค้าก็เป็นคนรู้จักของผม

เอ่อ...เรียกว่ารู้จักได้ป่าวหว่า

คนตัวใหญ่กว่าเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผม ยกมือหยาบขึ้นทาบกับหน้าฝากของผม เฮ้ยยยยย ทำอะไร

“ตัวยังร้อนอยู่...คนอื่นไปได้แต่เธอห้ามไป” หันมาสั่งผมพร้อมดันตัวผมเดินกลับเข้าบ้าน

อากิกับไอ้มาร์คมองหน้ากันนิดนึง ก่อนออกเดินไปขึ้นรถ

เดี๋ยวเพื่อน! สนใจกุนิดนึง พวกเมิงจะยอมให้คนนอกมายุ่งวุ่นวายเรื่องของพวกเราไม่ได้นะเว๊ยยยยยยย พวกเมิงจะทิ้งกูไว้แบบนี้ไม่ด้ายยยยยยย กลับม้าาาาาาาาาา

“งั้นผมฝากดูแลกรด้วยนะครับ คุณอา” ก่อนอากิไปยังอุตส่าหันมาฝากฝังผมไว้กับคนข้างๆ

คุณอา...อ่อที่แท้เป็นคุณอานิเอง

ห๊ะ!!!!!!!!!!


********************************************************************************************

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 9 คร่าาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-06-2019 09:58:55
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 9 คร่าาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 10-06-2019 10:22:58
มาแล้วคร่าาาาาา มาต่อๆ   :katai2-1:
********************************************************************************************

บทที่ 10 ผมนึกออกแล้ว

อากิจากไปแล้วเหลือไว้เพียงผมกับไอ้ ‘คุณอา’ อยู่ในบ้านกันสองคน ใครเป็นญาติใครแล้วเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมยืนนิ่งอย่างมึนงงครับ หัวสมองยังรับเรื่องราวไม่ทัน ไอ้คุณภูมิเป็นคุณอาของอากิงั้นเหรอ ใช่คุณอาคนเดียวกันกับที่จ้างผมมาทำความสะอาดบ้านรึป่าวหว่าาาาา

ตอนนี้เราย้ายกลับเข้ามาในห้องรับแขกแล้วครับ ไอ้คุณภูมิบอกว่าข้างนอกอากาศร้อนเดี๋ยวผมไข้กลับ ให้เข้าข้างในบ้านดีกว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในครัวปล่อยผมนั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว

ไม่นานผมได้กลิ่นหอมๆโชยออกมา แอบเดินตามกลิ่นไป เห็นผู้ชายตัวโตสวมผ้ากันเปื้อนกำลังต้มข้าวต้มอยู่ แค่ได้กลิ่นน้ำย่อยในท้องก็เริ่มทำงานครับ พวกพยาธิที่เลี้ยงเิาไว้เริ่มส่งเสียงร้องจ๊อกๆ ในใจผมก็ภาวนาให้เค้าทำข้าวต้มทะเลใส่กุ้งเยอะๆ มาทะเลทั้งทีขอหนีจากข้าวต้มหมูทีเถอ เพี๊ยง!

แอบดูอยู่สักพักชักเริ่มทนไม่ไหวครับ เสียงท้องร้องดังมาก เดี๋ยวโดนจับได้ เดินคอตกกลับไปนั่งรอที่ห้องรับแขกดีกว่า ในใจหมายมั่นว่าเดี๋ยวได้กินแน่นอน ฮาาา

ไม่นานเกินรอชายหนุ่มร่างสูงก็เรียกผมเข้าไปที่ห้องอาหาร บนโต๊ะมีข้าวต้มกุ้งสองชุดวางรออยู่ ผมรอบกลิ่นน้ำลาย น่ากินชะมัด

“กินข้าวซะ จะได้กินยา” ว่าแล้วก็ดันผมให้นั่งลง ผมเริ่มลงมือกินข้าวต้มถ้วยนั้นทันที นี้ผมโดนบังคับกินนะครับ ไม่ได้กินด้วยความเต็มใจสักนิด

เราสองคนตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มเงียบๆ ต่างคนต่างกินไม่ได้พูดอะไรกัน จนผมกินอิ่มแล้ว ไอ้คุณภูมิเช็คข้าวต้มที่เหลืออยู่เล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วยื่นยามาให้ผม ผมก็รับยามากินอย่างจำใจครับ ผมว่าผมหายไข้แล้วนา

หลังจัดการเก็บกวาดโต๊ะอาหารเสร็จเราก็ย้ายกลับมาที่ห้องรับแขก แล้วเนิ่มพูดคุยกันจริงๆจังๆ

“คุณเป็นคุณอาของอากิเหรอครับ” ผมถามออกไปเสียงเบา

“ใช่” อีกฝ่ายตอบเสียงเข้ม



“ตะ แต่อากิเป็นคนญี่ปุ่นนะ แล้วหน้าตาไม่ได้คล้ายคุณสักนิด” ผมยังไม่ยอมแพ้

“ชั้นเป็นลูกเสี้ยว เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของอากิ” อีกฝ่ายอธิบาย

“ละ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม” ผมถามไปแบบงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกครับ

“ที่ประเทศไทยชั้นเป็นผู้ปกครองของอากิ จะมาหาหลานมันแปลกตรงไหน” เอ่อ ใช่มันไม่แปลก แต่มาหาหลานก็ไปอยู่กับหลายสิ มาวุ่นวายกับผมทำไม

“แล้วก็มาตรวจดูผลงานของเธอด้วย” ร่างสูงกล่าวยิ้มๆอย่างชอบใจ พลางเหลือบมองไปยังบ้านผีสิงหลังนั้น

“บะ บ้านหลังนั้นของคุณเหรอ” อีกฝ่านพยักหน้า งั้นเค้าก็เป็นคนจ้างงานผมหนะสิ นิมันขออัตยายซื้อขนมให้ยายชัดๆ

“ผีมือทำความสะอาดเธอดีมากเลยนะ มาทำให้บ่อยๆสิ” เอาแล้วครับชวนทำงานประจำเฉยเลย

ขอผมโกรธแปปนึงได้มั๊ย เหมือนเค้าจงใจแกล้งผมอะ

“คะ คุณ…” ผมกัดฟัน พูดไม่ออก ถ้ามีกระจกส่องดูสีหน้าผมตอนนี้คงออกสีดำๆแดงๆ แบบความดันโลหิตสูงเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าอะครับ

ชายร่างสูงมองดูทีท่าของผมแล้วถอนหายใจ

“ชั้นตั้งใจหนะ” เสียงทุ่มพยายามอธิบาย

“ชั้นตามดูเธอสักพักแล้ว แล้วก็พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับเธอหนะ” อีกฝ่ายสารภาพ สายตาดุๆเจือแววอ่อนโยนสบตาผมนิ่ง

อย่ามองแบบนั้นครับ เดี๋ยวเคลิ้ม นี่ผมกำลังโกรธอยู่นะ

“คุณทำแบบนั้นทำไม” ผมถามเสียงแข็งแม้จะใจอ่อนลงไปมากแล้วก็ตาม

จะไม่ใจอ่อนได้ไงครับ ลองเป็นคุณดูนะถ้านั่งอยู่แล้วมีผู้ชาย ขาว หล่อเหลา หน้าตาดีเกินสาตรฐานนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆโซฟา ดวงตามองสบตาผมนิ่งด้วยแววตาอ่อนโยน

“ชั้นอยากถามเธอว่า เธอจำชั้นไม่ได้เหรอ ก้อนแป้ง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม มือหนาก็ย้ายไปเกาะกุมมือของผมแน่น

โอ๊ยยยย หลบไม่ทันครับ ดึงมือก็ไม่ออกฝ่ายนั่นแรงเยอะกว่า

เดี๋ยว! ใครวะไอ้ก้อนแป้งเนี่ย ได้ยินมาหลายรอบแล้ว

“ผมไม่ใช่ก้อนแป้งครับ ผมชื่อกร” ลืมถามไป ก้อนแป้งนี่ชื่อคนรึป่าว หรืออาจเป้นคำนาม คำวิเศษณ์ขยายนาม คำวิเศษณ์ขยายกริยา ค้างคาวุ๊ย!

“เอาเป็นว่า เธอจำชั้นไม่ได้จริงเหรอ” อีกฝ่ายถอนหายใจ แต่ยังสบตาผมนิ่ง

ผมพยายามนึกย้อน จำได้ป่าวหว่า ผมก็รู้สึกคุ้นๆหน้านะแต่นึกไม่ออกว่าไปเจอที่ไหน ตั้งแต่เด็กก็โตมากับพี่ๆน้องในศูนย์ ไม่ค่อยได้เจอคนแปลกหน้า หรือจะเคยเดินสวนกันตามตลสดนัด แต่แค่เดินสวนกันต้องถึงขั้นจำหน้ากันได้เลยหรือไง หรือผมไปเหยียบเท้าคุณเค้าเข้า

“เอ่อ…..” คิดครับ คิดต่อ

“อ๋อ...ผมนึกออกแล้ว” ตบเข่าดังป๊าบเลยครับ คิดออกแล้วว่าเคยเห็นที่ไหน

“ผมเคยเห็นคุณในรูปถ่ายที่ห้องอากิ” เป็นไงหละความจำดีมั๊ยก็ว่าคุ้นๆหน้าจริงๆ ที่แท้รูปถ่ายใบนั้นนั่นเอง ยังชมว่าหน้าเด็กอยู่เลย ทำไมตอนเห็นครั้งแรกถึงนึกไม่ออกนะ

“เธอ….เฮ้อ” พอได้ยินคำตอบผม อีกฝ่ายถอนใจยาวเลยครับ

“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าที่ชั้นเข้าใกล้เธอเพราะชั้นอยากดูแลเธอหนะ” ชายร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วก้มลงมองสบตาผมแทน สงสัยเมื่อยขา

“เอ่อ ดูแล ทำไมครับ ดูแลเหมือนลูกเหมือนหลานอะเหรอ” ดีสิครับผมชอบให้ผู้ใหญ่เอ็นดู ผมทำตัวดีจะตาย

“ป่าว...ชั้นชอบเธอหนะ” เสียงนุ่มๆกล่าวพร้อมโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม มือแกร่งทั้งสองข้างจับไว้ที่พนักวางแขน กักตัวผมไว้ภายใน

อ๋อ เค้าชอบผมนิเอง

ห๊าาาาา ชอบผม!

********************************************************************************************

อุ๊ต๊ะ! เค้าสารภาพรักกันแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 10 ค่าาาาาาาาาา (10-6-62)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-06-2019 09:02:29
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 10 ค่าาาาาาาาาา (10-6-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 14-06-2019 10:43:13
 มาๆค่ะ มาต่อตอน 11

:katai1: :hao6: :katai4: :katai5:


********************************************************************************************

บทที่ 11 ผมแค่ให้โอกาสเท่านั้นนะ

“ชะ ชอบ ผะ ผม” ขอเวลานอกครับ ไอ้ชอบที่ว่านิชอบยังไง ชอบแบบลูกหลาน ชอบแบบพี่น้อง หรือชอบแบบคนรัก

“ใช่ ชั้นชอบเธอ” อีกฝ่ายตอบเสียงหนักแน่น

“ชะ ชอบ ยังไง” ขอรายละเอียดหน่อนครับ

“ชอบ อยากดูแล อยากอยู่ด้วย อยากทำให้มีความสุข ชอบแบบคนรักหนะ” รายละเอียดมาเต็ม โอ๊ยยยยยยย มาแบบไม่ทันตั้งตัว คือผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรไอ้คุณภูมิเค้าหรอกนะ เคยคิดว่าเป็นคนหน้าตาดี หล่อ สูง เกินมาตรฐาน แต่ไอ้ความรู้สึกชอบนิมันไม่เคยมีมาก่อนนะ

“คือ คุณ ภะ ภูมิ ครับ คุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้มั้ง คุณอาจจะแค่เอ็นดูผม ชอบแบบลูกแบบหลาน อยากดูแลไรงี้อะ” ผมพยายามชี้ทางสว่างให้อีกฝ่าย

“ไม่ชั้นชอบเธอ ชอบมานานแล้วด้วย” โอ๊ยยยย มันจะนานสักแค่ไหนกันเชียว เพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่เดือนเอง เจอกันก็นับครั้งได้

“คุณเอาอะไรมามั่นใจว่าชอบผม เอ่อ แบบคนรักหนะ” ถามประโยคแรกจะเสียงดังหน่อย ส่วนประโยคหลังกระซิบเบาๆก็พอ

“ชั้นมั่นใจสิ ก็ชั้นอยากพาเธอขึ้นเตียงหนิ” คุณพระ! หน้านิ่งมากครับคุณผู้ชม นิ่งแบบสวนทางกับประโยคที่พูดออกมามาก

“ตะ แต่ผมไม่ได้ชอบคุณ” ///////////

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเธอก็ชอบชั้นไปเอง” โอ๊ยยยยคุณภูมิไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ดูความมั่นหน้านี้สิ ผมควรทำยังไงดี

“จากนี้ไป ชั้นจะจีบเธออย่างจริงจังหละนะ เตรียมใจไว้เลย” น้ำเสียงหนักแน่นมากครับ ส่วนกระผมคือพูดไม่ออก บอกไม่ถูก

“เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแรก...หนี้ที่เธอค้างชั้นอยู่ชั้นยกหนี้ให้ไปเลยแล้วกัน” โหหหหห นิจะจีบกันแน่เหรอหรือตั้งใจกวนตรีนวะ ไอ้ที่พูดออกมานี้สร้างความประทับใจได้มั๊ยนั่น

“..........” พูดไม่ออกครับ เดินหนีเข้าห้องแม่งงงงงงงงง

“พักผ่อนให้สบายหละ ตอนเย็นเจอกัน” ยังดีที่ไม่ตามเข้ามา เฮ้อออออ

ผมปิดประตูลงกร แล้วนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงเงียบๆ ผมควรทำยังไงต่อไป มีคนมาจีบแถมหล่อและรวยขนาดนี้ น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีนะแต่มันตั้งตัวไม่ทันอะ คือมันแปลกๆอะ เค้าโปรไฟล์ดีขนาดนั้นจะมาสนใจอะไรคนอย่างผม ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ หน้าตาบ้านๆ แถมจนอีกต่างหาก ข้อดีเดียวที่มีคนฉลาดนิดหน่อยๆ แล้วก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้คิดกับเค้าในเชิงนี้มาก่อน มันจะไปกันได้จริงๆเหรอ

โอ๊ยยยยย ยิ่งคิดยิงปวดหัว นอนดีกว่าวุ๊ย!


“แกร๊กๆ แฮก แกร๊กๆ หงิงงงง” เสียงดังก๊อกแก๊กๆที่ประตูทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ตกลับขอบฟ้าเต็มที ผมลืมตาตื่นขึ้นมาคราวนี้ถือว่าสดใสกว่าตอนเช้าเป็นไหนๆ ไอ้อาการมึนหัวกับเสียงสิ้งๆก็หายไปแล้ว พอสูดอากาศได้กลิ่นไอทะเลแล้วก็สดชื่น รู้สึกอยากออกกำลังกายสุดๆ

“เอ๋ง แกร๊กๆ หงิงงงง” เสียงจากหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง ผมเลยต้องเดินไปสำรวจดูอยากช่วยไม่ได้ แอบส่องดูจากช่องประตูเนี่ยแหละครับ

เป็นไอ้กาแฟครับ กำลังพยายามใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยประตูห้องผมอยู่ ใช้จมูกดันประตูให้เปิด แล้วก็ใช้สีข้างถูไถประตู ไม่กลัวประตูสีถลอกหรือไง เห็นแล้วก็น่าสงสารครับ ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูให้มันเข้ามาในห้อง

เจ้าสัตว์หน้าขนแทรกตัวเข้ามาทันทีที่ผมแง้มประตูออก แล้ววิ่งไปยังเตียงนอนก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งตีหางบนเตียงผับๆ สักพักก็ปรากฎร่างของเจ้านายมันเดินตามเข้าห้องมา ในมือถือถาดน้ำสมคั้นมาด้วย ผมรอบกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง เอ่อ กำลังคอแห้งอยู่พอดีเลยครับ

ร่างสูงนำน้ำไปวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินย้อนกลับมาหาผม เอาหลังมือหนาๆมาอังที่หน้าฝาก

“อืมมม ไข้ลดลงแล้วหนิ กินน้ำซะสิ” ว่ากล่าวเสร็จสับพร้อมกับยื่นแก้วน้ำส้มให้ ผมก็รับมาดื่มแบบงงๆ เมื่อดื่มหมดแก้วร่างสูงก็กล่าวต่อไปอีก

“ไปเดินเล่นกัน” เสียงทุ้มเอ่ยชักชวน แต่ผมต้องเล่นตัวหน่อย
 
“คะ ใครจะไปกับคุณ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วกล่าวตอบ

“เรียกชื่อชั้นสิ ภูมิ” สายตาดุมองสบตาผม จนผมต้องเบือนหน้าหนี แม่มปากแน่นสนิท ให้ตายก็ไม่เรียกเว๊ย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ เขยิบร่างที่สูงกว่าเข้ามาใกล้ กดดันให้ผมต้องเดินถอยหลัง ถอยไปจนติดกำแพงแล้วครับ

“เรียกชื่อสิ ‘พี่ภูมิ’ หนะ” ร่างสูงใช้แขนทั้งสองข้างดันกำแพงแล้วพูดเบาๆข้างหูผม สะดุ้งสิครัทำไมชอบกระซิบจัง ผมยิ่งจั๊กเดียมง่ายๆอยู่

“เอ่อ...ใครจะไปเดินเล่นกับคุณ คะ คุณภูมิ” ผมหลับตาปี๋ตอบออกไป พอลืมตาขึ้นร่างสูงตรงหน้าก็หายไปแล้ว เหลือไว้แต่ไอ้กาแฟที่นั่งรอผมอย่างสงบอยู่ตรงหน้า

“ไปเดินเล่นกับเจ้านี้ต่างหาก” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมยื่นสายจูงสุนัขมาให้

โอ๊ยยยยยย ตีถูกจุดด้วย ดันรู้อีกว่าผมเป็นคนรักสัตว์

ผมตัดสินใจพาเจ้ากาแฟมาเดินเล่นเลียบชายหาดพร้อมดูพระอาทิตย์ตกดิน โดยมีเจ้าของมันตามมาด้วย ก็ผมมาเดินเล่นกับกาแฟไง ไม่ได้มากับคุณ เอ่ออ ภะ ภูมิสักหน่อย เค้าตามมาเอ๊งงงง

“โฮ่ง โฮ่ง” ไอ้กาแฟก็คึกคักเหลือเกินครับ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กลายเป็นผมที่เป็นคนโดนลากโดนจูงไปทางนู้นที ทางนั้นที สักพักผมก็เหนื่อยจนหมดแรงไปต่อ ยอมแพ้แล้วยื่นสายจูงไปให้เจ้านายตัวจริงของมัน เท่านั้นแหละ ไอ้หมาเรี่ยวแรงมหาศาลตัวเมื่อกี๋หยุดนิ่งอยู่กับที่ แล้วนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผยบนพื้นทราย เฮ้ยยยยยย เมิงแกล้งกูรึป่าวเนี่ย เห็นแบบนี้ยิ่งหมดแรงครับ ผมตัดสินใจนั่งลงกับพื้นทรายบ้าง แล้วเอานิ้วเขี่ยๆเล่นกองทรายแถวๆนั้นไป

ไม่นานร่างสูงก็นั่งลงข้างๆผม แล้วสะกิดเรียกผมเบาๆ ให้เลิกสนใจพื้นทรายตรงหน้า ให้เงยหน้าขึ้นมองไปตรงสุดขอบฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะจมหายลงไปในท้องทะเล มันเป็นภาพที่สวยงามจนสะกดผมให้นิ่งอึ่งไปได้ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ตกดินที่ริมทะเลแบบนี้หรอกนะครับ ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันมีโอกาสเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอาจเพราะบรรยากาศอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากคนที่นั่งข้างๆก็ได้ ทำให้การดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งนี้รู้สึกโรแมนติกพิกล งุ้ยยยย ขนลุก

“คบกับชั้นนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ่มแล้วจ้องมองตาผมนิ่ง

ผมยังนิ่งเงียบไม่พูดตอบอะไรออกไป อีกฝ่ายก็เงียบอย่างรอคอยคำตอบ โอียยยยยย บรรยากาศแม่งก็โรแมนติกเกินไป นิจัดฉากมารึป่าว

“ผะ ผมว่ามันยังเร็วเกินปะ ไป” ผมพูดจริงๆครับ เราเพิ่งพบกัน นิสัยใจคอของแต่ละคนก็ยังไม่รู้ จู่ๆจะให้มาตัดสินใจคบมันกันก็เร็วเกินไปจริงๆ

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปหลังจากได้ยินคำตอบของผม มันก็ไม่ใช่คำตอบเชิงปฏิเสธซะทีเดียว ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเออยู่แล้วครับ แต่เราควรค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากกว่า

“งั้นขอโอกาสให้ชั้นจีบเธอนะ” คราวนี้อีกฝ่ายเปลี่ยนคำถามแต่สีหน้าท่าทางยังคงจริงจังอยู่เหมือนเดิม

ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั่น มองสบตานิ่ง มองเข้าไปอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง พบเพียงแต่ความอบอุ่น จริงจัง และจริงใจ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจพยักหน้ารับเบาๆ โดยไม่รู้อะไรออกมา

เมื่อเห็นผมพยักหน้าฝ่ายนั้นก็คลี่ยิ้มเบาๆ อาจเป็นยิ้มครั้งแรกที่ผมได้เห็นจากคนๆนี้เลนครับ ไอ้ยกมุมปากกับแสยะยิ้มนั้นไม่นับครับ แล้วใบหน้ายิ้มๆนั้นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่โดนหน้าของผม ผมสะดุ้งลุกขึ้นยืนสุดตัว

“เฮ้ยยย ยังไม่ได้คบกัน แค่ให้โอกาสโว๊ยยยยยย” ตวาดแหววออกไปแล้วรีบเดินหนีกลับบ้านพักครับ

ระหว่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับผมได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างคนที่สมใจอยากอะไรสักอย่าง

โอ๊ยยยย หมั่นไส้!
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 11 (14-5-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-06-2019 10:58:35
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! อัพเดตตอนที่่ 11 (14-5-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 17-06-2019 15:26:18
บทที่ 12 ผมเปลี่ยนชื่อให้ก็ได้  :ling1:

เปิดภาคเรียนใหม่ ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 แล้วครับ ปีนี้พวกผมจะได้เป็นรุ่นพี่มีรุ่นน้องให้คอยข่มเหงรังแกได้สักที เฮ้ย ไม่ใช่ครับ เป็นรุ่นพี่ที่ดีคอยให้คำปรึกษาแก่รุ่นน้องครับ ชีวิตในรั้วโรงเรียนยังเหมือนเดิม ผมยังคงเป็นนักเรียนทุนที่ต้องขยันอ่านหนังสือ แล้วก็แอบหาเงินเล็กๆน้อยๆจากการติวเพื่อนๆ เลิกเรียนแล้วต้องรีบไปทำงานพิเศษ กลับศูนย์ก็ช่วยคุณแม่ดูแลน้องๆ ยังคงขี่ไอ้แก่มาโรงเรียนทุกวันเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาคือไอ้เพื่อนๆของผมเนี่ยแหละครับ

พอเปิดเทอมมาวันแรก ไอ้มาร์คก็ประกาศความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอากิโดยทันที ออกประกาศห้ามใครเข้าใกล้ห้ามให้มายุ่งกับอากิ ขืนใครลองดีได้มีเรื่องกับมันแน่ๆ ขนาดผมที่เป็นเพื่อนสนิทยังถูกมันแง่งๆใส่ตลอด เมิงเป็นหมารึไงฟระ! เป็นผมนิอึดอัดตายไปแล้วครับไม่รู้อากิทนได้ไงเห็นยังเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่ตัวสองคนนั้นจะติดกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็ปล่อยผมเป็นอากาศธาตุบ่อยๆนั่น
แหละ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับผมพอจะรับได้ เพราะผมมีนี้ ‘ผ่างงงง’ คิดซะว่าเป็นเสียงเอฟเฟ็กแล้วกันนะครับ ว่าพลางโชว์มือถือขึ้นมา มันไม่ใช่มือถือเครื่องใหม่อะไรหรอกครับ เครื่องเดิมที่เสียไปนั่นแหละแค่มีคนอาสาเอาไปซ่อมให้ อิอิ สักพักมือถือผมก็สั่นเบาๆเตือนข้อความเข้า อยู่โรงเรียนต้องเปิดสั่นครับ เดี๋ยวอาจารย์จะว่าเอา

PHUMMA :เธอทำอะไรอยู่

OPPA’KORN : เรียนหนังสือสิครับ

ถามมาได้นะครับเวลานี้ผมก็ต้องเรียนหนังสืออยู่สิ จะให้เดินตลาดนัดอยู่หรือไง

PHUMMA : อยากเจอ คิดถึง

“เอี๊ยดดดด” ผมตกใจเกือบตกเก้าอี้ ทั้งห้องหันหน้ามามองผมโดยพร้อมเพียง โดยเฉพาะสายตาดุๆของอาจารย์บั๊ดมองเขม่นผมไปหนึ่งดอก ผมเลยก้มหัวขอโทษไปเบาๆ

ตกใจมั๊ยหละครับ ไอ้คนท่าทางดุๆนั้น หลังจากที่เอ่ยว่าจะจีบผมก็ผ่านมาเดือนเศษแล้ว แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่ทุกๆวันจะส่งข้อความชวนจั๊กจี้หัวใจมาแบบนี้ ใจผมก็เริ่มบางลงทุกทีๆ ไม่คิดมาก่อนว่าคนท่าทางแบบนั้นจะมีมุมหวานๆแบบนี่ แต่ตรงๆแบบนี้ก็ดีครับคุยง่ายดี ไม่มีหมกเม็ด 555

OPPA’KORN : อดทนแล้วทำงานไปครับ

อีกฝ่ายงานค่อนข้างยุ่งครับ เห็นว่าช่วงนี้กำลังจะเปิดสาขาใหม่บนห้าง เลยต้องคุยงานหลายๆฝ่าย ทั้งจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ประสานงานกับทางห้างที่ไทยอีก เลยต้องบินไปๆมาๆที่ญี่ปุ่นหลายรอบ

PHUMMA : บ่ายนี้ชั้นประชุมเสร็จเร็วเดี๋ยวไปรอหน้าโรงเรียนนะ

เย็นนี้เหรอ ไม่มีงานพิเศษพอดีเลย แต่เอ๊ เหมือนมีธุระอะไรสักอย่าง นึกไม่ออก

PHUMMA : อาจจะได้ออกไปเร็วหน่อย

PHUMMA : เจอกันที่เดิมนะ

PHUMMA : ชั้นจะรอ

เฮ้ย นึกออกแล้ว วันนี้มีติวให้น้อง มอ 4 คืออย่างที่บอกว่าผมมีรับจ๊อบเล็กๆน้อยๆ นิก็ใกล้สอบแล้วเลยมีติวให้เด็ก มอ 4 หาเงินกินขนมครับ

OPPA’KORN : เย็นนี้ไม่ได้

PHUMMA : ทำไม

OPPA’KORN : ผมมีตะ

“เฮ้ย” ยังพิมพ์ไม่เสร็จครับ มือถือล่องหนหายไปต่อหน้าต่อตา

“นายปกรณ์” นั่นไงครับมือถือผม อยู่ในมืออาจารย์บั๊ด หลักฐานคาตาเลยครับ

แหะ แหะ

“อย่าคิดว่าเรียนดีแล้วจะมีอภิสิทธิ์พิเศษนะ ถ้าไลน์จะเด้งถี่ๆแบบนี้กลับไปคุยที่บ้านเลยมั๊ย” โอ๊ยยยจารย์ผมอุตส่าตั้งสั่นแล้วนะ รู้ได้ไงอะว่าแอบคุยไลน์อยู่

“เอ่อ จาร์ยครับ ผม เอ่อ” ผมพยายามจะอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายอะไรนี้สิ ผิดเต็มประตูขนาดนี้

“ไม่ต้องแก้ตัว วันนี้ไม่ต้องใช้แล้วไอ้มือถือเนี่ย ค่อยไปเอาคืนหลังเลิกเรียน” โถ่ จาร์ยยยยยยยย



ในที่สุดก็เลิกเรียนสักทีครับ ผมเหลือบมองออกไปด้านนอกหน้าต่างคอยดูว่ามีรถยุโรปสีดำคันเก่าคันเดิมมาจอดที่เดิมรึยัง ปรากฏว่าไม่เห็นรถเลยครับ เห็นแต่ตึกข้างๆบังมิด 555 คืออาคารที่ผมเรียนอยู่ด้านหลังครับ ไม่ใช่ด้านหน้าโรงเรียน ผมรีบใส่เกียร์หมาโกยไปหน้าโรงเรียนทันที นั่นไงรถสีดำคันเดิมคันนั้นจอดรออยู่ที่เดิม

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ยังไม่ทันได้ยกมือขึ้นเคาะเรียกประตูก็เปิดออก

“ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มๆที่ช่วงนี้ได้ยินบ่อยๆเอ่ยขึ้น

ผมชะโงกหน้าเข้าไปในรถแต่ไม่ยอมขึ้นไปนั่งตามคำบอก อีกฝ่ายขมวดคิ้วกับท่าทีของผม

“คือ เย็นนี้ผมไม่ว่างครับ ผมมีติวน้องมอ 4” ผมบอกไปตามตรงนิก็กินเวลาติวมาแล้ว ผมแวปมาบอกก่อนกลัวมีคนรอ

ชายร่างสูงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม จ้องหน้าผมเขม็ง

“ทำไมต้องติววันนี้ นายไม่ได้อ่านข้อความชั้นรึไง” เสียงทุ้มบ่นอุบ ก่อนหันมากล่าวถามกับผม

“แหะ แหะ ผมโอนยึดมือถือ นิยังไม่ได้ไปเอาเลย” สารภาพไปครับเผื่อความผิดจะลดลง

“แล้วจะติวเสร็จกี่โมง” ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเปลี่ยนคำถาม

“ทุ่มนึงครับ คุณกลับไปก่อนก็ได้นะ” ผมไม่อยากให้รอ ความจริงเราก็ไม่ได้นัดกันไว้จริงๆจังๆสักหน่อย

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนหันไปสั่งพี่คนขับรถให้ยกเลิกอะไรสักอย่าง ได้ยินไม่ชัดครับ

“หนึ่งทุ่มใช่มั๊ย ชั้นรอได้” เฮ้อออ รอผมทำไม ไม่มีงานไม่มีการทำรึไง

“รอที่นี่ร้อนตายเลยครับ กลับไปรอที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวผมติวเสร็จผมไลน์บอก” ผมพยายามต่อรอง

“ใครบอกว่าชั้นจะรอที่นี่” แล้วคนตัวสูงก็ลุกออกมาจากรถ เดินโอบไหล่ผมเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน

เฮ้ย! จะไปไหน

“ติวที่ไหนหละ รีบไปสิ” ร่างสูงกว่าก้มลงมองผมให้เดินนำทาง

“คุณจะไปไหนครับ” ผมถามเสียงสั่น คงไม่ใช่อย่างที่คิดนะ

“ไปรอเธอไง นำไปสิ” หมดคำพูดครับ ตรงตามที่คิดจริงๆด้วย



ผมกำลังตั้งใจติวหนังสือให้น้องมอ 4 ครับ เป็นกลุ่มเด็ก 3 คน ที่ไม่มีใครสนใจผมเลยแม้แต่น้อย ทุกคนคอยหันไปมองหลังห้องที่มีชายร่างสูงนั่งไหว่ห้างจ้องเขม็งมามี่กลุ่มเรา ผมถอนหายใจ คือถึงจะติวต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์มั้งครับ ลักษณะความรู้จะไม่เข้าหัวน้องมันเลย สนใจพี่นี้ พวกแกอยากสอบตกเหรออออออ

“น้องปาล์ม มองชีทครับ”

“น้องอา์ทสนใจพี่หน่อยครับ”

“ยังจะติวกันอยู่มั๊ยเนี่ย”

ผมตวาดบ่นเสียงดัง นัดกันมาติวครับไม่ได้มาดูผู้ชาย วันๆก็เจอแต่ผู้ชายยังไม่เบื่อกันอีกรึไง ไอ้คนหลังห้องมันมีเขี้ยวมีปีกงอกหรือไงถึงต้องสนใจขนาดนั้น

“ใครอะครับพี่กร” ไอ้น้องปาล์มถามครับ ใจผมอยากตอบว่า ‘คนครับ’ แต่เดี๋ยวยาวครับ ตอบๆไปให้จบๆ

“อาเพื่อน” คุณภูมิเป็นอาเพื่อนจริงๆครับ อาของอากิไง

“แล้วเค้ามาทำอะไรที่นี่ครับ หล่อจัง” น้องอาร์ทถามเพ้อๆ

“มารอพี่ เดี๋ยวมีธุระต้องไปต่อ” ผมชักมีน้ำโห อย่าเคลิ้มๆผู้ชายคนนั้นของผม เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่ใช่ของผม เค้าแค่มาจีบผมยังไม่ใช่ของผมสักหน่อย

“อ้าววว พี่มีธุระเหรอ งั้นเลิกคลาสเลย” น้องอีกคนกล่าวอย่างตื่นเต้น เอ้ น้องชื่อไรวะ อ๋อ น้องตั้ม

“ไม่ดีมั้งนี้ก็ใกล้สอบแล้ว เดี๋ยวพวกนายทำข้อสอบไม่ได้นะ” ผมในฐานะติวเตอร์เป็นห่วงอนาคตพวกน้องๆมันจริงๆ

“โอ๊ยยยยยยยย ไม่ต้องห่วงครับ แค่ได้ชีทที่พี่กรเกร็งข้อสอบไว้ให้ก็ผ่านสบายๆแล้ว” น้องตั้มกล่าวมาอีก พลางลุกขึ้นต้อนไอ้เพื่อน 2 คนที่ยังมองไปหลังห้องแบบเพ้อๆอยู่ให้ออกจากห้องไป

หลังจากที่ทั้งห้องเหลือแค่ผมกับคนตัวสูงกว่า ผมจึงเดินไปหาเค้าแล้วกล่าวคุยด้วย

“วันนี้ผมเลิกคลาสเร็ว คุณมีธุระอะไร ที่ไหน ว่ามาเลย” ผมเดินไปคุยด้วยยิ้มๆ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรออก ไม่นานโทรศัพท์ของผมที่อยู่ในมือเค้าก็ดังขึ้น

‘เจ้าหนี้ขี้งก’ หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏสายโทรเข้า

“หมายความว่ายังไง” ถามเสียงแข็งเลยครับ

ชิบ- แล้ว! ลืมไปครับหลังจากที่รับโทรศัพท์ที่ถูกจาร์ยบั๊ดยึดไป ผมก็ถูกยึดโทรศัพท์อีกรอบ โดยให้เหตุผลว่าเดี๋ยวไม่มีสมาธิสอนหนังสือ แล้วเค้ารู้รหัสโทรศัพท์ผมได้ยังไง หรือแอบทำอาชีพหมอดูเป็นรายได้เสริมจริงๆ

“เอ่อ ผมลืมเปลี่ยนเดี๋ยวผมเปลี่ยนตอนนี้เลย” แล้วผมก็ดึงโทรศัพท์มา กดๆไปไม่อีกกี่คำพร้อมยกชูให้คนตัวสูงดู หน้าจอปรากฏคำว่า ‘คุณภูมิ’ แต่อีกฝ่ายยังขมวดคิ้วแน่นอยู่

“เปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม” อะไรคือเหมือนเดิมวะ ผมทำหน้างง อีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจ คว้าโทรศัพท์ในมือผมไปจัดเองซะเอง

ปรากฏชื่อบนหน้าจอว่า ‘พี่ภูมิ❤️❤️’ อ๋อ นึกออกแล้ว เหมือนเดิมคือพี่ภูมิ แต่เพิ่มเติมมาหน่อยคือหัวใจ 2 ดวง โอ๊ยยยยย ขนลุก

ผมหน้าแดงแป๊ดดดเลยครับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถูกใจปฏิกริยาของผมเลยยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้น โอบไหล่ผมแล้วพาเดินกลับไปที่รถ

ผมหันซ้ายหันขวามองรอบๆ นักเรียนกลับบ้านกันไปหมดแล้วครับ อันที่จริงไม่ต้องโอบไม่ต้องพยุงก็ได้ครับ ผมเดินเองได้ ก็ตั้งแต่เอ่ยปากว่าจะจีบเวลาเจอหน้ากันฝ่ายนั้นเป็นขอให้ได้จับให้ได้สัมผัสตัวผมสักนิดสักหน่อย แรกๆผมก็สะบัดหนี แต่ยิ่งหนียิ่งรัดแน่นขึ้นครับ มีทั้งจับมือ โอบไหล่เรื่อยไปจนถึงโอบเอว โอ๊ยยยยยย ผมยอมให้โอบไหล่เนี่ยแหละครับเบสิคสุดละ ย้ำ ยังไม่ได้คบกันนะครับ แค่ให้โอกาสจีบเฉยๆ

รถยนต์สีดำเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมือง ด้านนอกพระอาทิตย์ตกไปแล้วครับ ความมืดเริ่มเข้ามาครอบคลุม

“วันนี้เราจะไปไหนครับ” ผมถามหยั่งเชิง ถ้าขึ้นต้นด้วยคำว่าวันนี้ แปลว่ามีวันอื่นๆครับตั้งแต่เปิดเทอมมาคุณภูมิจะมารับผมตอนเย็นไปกินข้าวด้วยกันเป็นบางครั้ง ถึงจะไม่ใช่ทุกวัน แต่อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งแหละนะ

“ชั้นยกเลิกร้านอาหารไปแล้ว งั้นไปบ้านชั้นแทน” ตอบคำถามผมแล้วก็สั่งพี่คนขับรถ

“ห๊ะ! บ้าน คะ คุณ” ผมช๊อกค้างไปอีกรอบ จะพาไปที่บ้านเลยเหรอ เร็วไปรึป่าว!
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 13 คร่าาาาาาาาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 22-06-2019 10:39:21
บทที่ 13 ผมยอมแล้ววววว


คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ตึกสูงกว่าสิบชั้นโดยเฉพาะชั้นสูงสุดเป็นเพนท์เฮ้าส์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงจำนวน 2 ห้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นผมเคยมาเยือนแล้ว ก็ห้องของอากิไง ส่วนอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกันนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าห้องใคร ไอ้คนที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละ

ผมยืนสงบนิ่งอยู่ในลิฟต์ ก้มหน้าด้วยครับขออนุญาติมองตรงไปที่ปลายพุงตัวเอง เอิ๊กๆ คนที่ยืนอยู่ข้างๆส่งไอเย็นแปลกๆ แค่แอร์ในลิฟต์ตัวนี้ก็เย็นพอแล้วนะ บรึ๊ยยยยย ขนลุก

“ติ๊ง” ชิบ- ถึงแล้วครับ ขอเดินตรงออกไปแล้วเลี้ยวขวาได้มั๊ย ขอไปนอนเล่นที่ห้องอากิแปปนึง

มือแกร่งผลักเอวผมให้เดินนำออกจากลิฟต์ไป ทิศทางที่มุ่งไปนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ห้องทางฝั่งขวาแน่นอน เดินๆดันๆแบบตัวลอยครับ รู้สึกตัวอีกทีผมก็นั่งแหมะอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวเขื่อง ผมขอตั้งชื่อว่า โซฟาดูดวิญญาณ ส่วนไอ้เจ้าของห้องหายไปไหนแล้วหว่าาาาาาาาาาา

ห้องๆนี้ตกแต่งโทนสีเทาๆดำๆ มืดๆนัวๆ เห็นแล้วปวดตาครับ แบบต้องใช้สายตาเพ่งมองมากกว่าปกติ ทีวีดำ โต๊ะดำ ตู้ดำ โซฟาดำ อ่อ พรหมเช็ดเท้าสีเทา กับหลอดไฟสีขาว ฮาาาาาาาา ถ้าให้เทียบกันระหว่างห้องนี้กับห้องอากิ ผมว่าห้องอากิน่าอยู่กว่าเยอะ ตกแต่งสบายๆ โปร่งๆ รู้สึกผ่อนคลายดี แต่งห้องมืดๆแบบนี้ผมว่ามันรู้สึกหนักไป ยิ่งคิดยิ่งขมวดคิ้ว ใช้สายตาหนักมากขอบอก

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เสียงเรียบๆกล่าวมาจากทางด้านหลัง ตกใจสิครับ หายไปไหนมาไม่รู้โผล่มาทีตกใจหมดเลย ร่างสูงยื่นแก้วน้ำมาให้ผม ด้านในบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพัน จับแล้วรู้สึกเย็นเฉียบ ลักษณะน่าจะเย็นชื่นใจ

“เอ่อ ห้องมันมืดๆครับ” ผมตอบเบาๆ พร้อมรับน้ำสีเหลืองอำพันมาจิบกิน อ่าาาาาาาาาา เย็นชื่นใจจริงๆ รสชาติแบบนี้ เย็นเย็นน้ำเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้งชัวร์ ว่าแล้วก็ดื่มเอื๊อกๆ ตอนนี้ร่างกายกำลังขาดหวานต้องเติมกลูโคสซักหน่อย

“ไม่ชอบเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำตอบของผมครับ แล้วถามคำถามต่อ

“เอ่อ... ผมว่าโปร่งๆแบบห้องอากิดูสบายตากว่า” ถามตรงตอบตรงครับ แมนๆคุยกัน หลังจากอีกฝ่ายได้รับคำตอบก็นิ่งเงียบไป ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเราทั้งสองคน ‘ไม่ได้นะจอร์จ เราจะเงียบแบบนี้ไม่ได้ ใช่แล้วซาร่า ชวนคุยด่วน’

“เอ่อ...แล้วเรามาทำอะไรกันที่ห้องคุณภูมิอะครับ” ผมชวนคุยจนอีกฝ่ายตื่นจากภวังความคิดของตัวเอง ไอ้คุณภูมิทำหน้าลำบากใจที่จะตอบคำถามผมเล็กน้อย ก่อนถอดหายใจแล้วอธิบายมายาวเหยียด

“ชั้นกะชวนเธอมาทำอะไรกินกันที่ห้อง แต่ลืมไปว่าที่ห้องนี้มันไม่มีอะไรให้กิน นอกจากไอ้นั่น” นิ้วเรียวยาวแต่แข็งแกร่งชี้ไปที่โซนครัว ไอ้ผมก็มองตามไป บนโต๊ะพบขวดเย็นเย็นสีเหลืองวางตั้งทิ้งไว้ ตะกร้าด้านข้างมีอาหารแห้งหน้าตาคุ้นเคยวางไว้หลายถุง มันคือมาม่าครับ อาหารประทังชีวิตยาจก ผมหันกลับไปสบตาเจ้าของห้อง ฝ่ายนั้นแสดงสีหน้าลำบากใจแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ ปกติจะเห็นแต่สีหน้าที่แสดงความเอือมระอาซะมากกว่า ฮาาาาาาาาา

ผมตัดสินใจเดินไปดูที่โซนห้องครัว เปิดๆค้นๆดู เจอมาม่า 3 ห่อ ไส้กรอก 1 แพ๊ค แล้วก็ไข่เป็ดค้างปีอีก 2 ฟอง แถมผักกาดขาวห่อพลาสติกอย่างดีนอนนิ่งอย่างสงบอยู่ใต้ตู้เย็น โอ๊ยยยยยย เหลือเฟือ!

“ชั้นว่าเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า” อีกฝ่ายเสนอความคิดใหม่ พร้อมทำทีเดินไปหยิบเสื้อนอกและกุญแจรถ

“โอ๊ยยยย กินนี้แหละครับ ผมหิวแล้วด้วย วัตถุดิบเยอะขนาดนี้ กินสองคนสบายๆ เดี๋ยวผมต้มให้กิน” ว่าแล้วผมก็ถลกแขนเสื้อเตรียมจะล้างผักก่อนเป็นอันดับแรก

ชายร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง เดินเอากุญแจและเสื้อนอกไปเก็บ แล้วเดินมาแย่งผักในมือผม

“ชั้นทำเองดีกว่า นายเป็นแขก”

“ผมทำเอง”

“ชั้นทำ”

เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากผักกันไปมา จนสุดท้ายผมยอมปล่อยผักในมือให้คนตัวใหญ่กว่า

“งั้นผมหั่นไส้กรอก ช่วยกันสองคนเนี่ยแหละเร็วดี” อีกฝ่ายนิ่งไปพักนิ่ง ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าตกลง

เราสองคนช่วยกันหั่นๆ ต้มๆ ใส่เครื่องปรุง คนๆ สุดท้ายก็ได้หม้อไฟมาม่า 1 หม้อใหญ่ หน้าตาน่าทาน เหมือนคนทำครับ อิอิ เห็นแล้วท้องผมก็ร้องประท้วง หิวอะ

เราย้ายที่อยู่จากโซนห้องครัวมานั่งกินมาม่ากันที่ห้องรับแขกครับ กินไปดูทีวีไปด้วยชิวๆ ทีวีกำลังฉายซีรี่ย์สัญชาติเกาหลียอดฮิตเมื่อหลายปีก่อน ฮิตขนาดที่ผมไม่ค่อยสนใจยังรู้จักเลย เห็นน้องๆที่ศูนย์รุมดูกัน ร้องกรี๊ดกร้าดดดดดด กัปตันยูกับหมอคัง! เป็นเรื่องระหว่างทหารหนุ่มกับคุณหมอสาว ก็นะนางเอกสวย พระเอกก็หล่อของคู่กันเลยครับ

ซีรี่ย์กำลังฉายถึงฉากที่พระเอกประคองนางเอกซึ่งเมามากกลับมายังห้องพัก เอ๊ะ!

‘โอ้... ชั้นจำที่นี่ได้ จำที่นี่ได้ ชั้นจำได้ว่าเคยมาที่นี่’ คุณหมอสาวสวยที่เมามากอุทานขึ้นเมื่อแฟนหนุ่มพยุงมายังโซฟา

‘ครับๆ ผมรู้ คุณถอดรองเท้าก่อน’ แฟนหนุ่มพยายามถอดรองเท้าให้แฟนสาวเพื่อให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น

‘ไม่ๆ ชั้นไม่ถอดรองเท้าในบ้านคนอื่น’ หญิงสาวชักเท้ากลับทันที ก้มหน้าหนีอย่างเขินอาย

‘เข้าใจแล้วครับ ถอดรองเท้าแล้วไปนอนเถอะ’ ชายหนุ่มถอนหายใจ พยายามถอดรองเท้าให้แฟนสาวที่โวยวายอยู่

‘ว๊ายยย นิคิดจะเคลมชั้นเหรอ ชั้นไม่แวะบ้านคนอื่นแล้วกินมาม่าหรอกนะ’ คุณหมอสาวสวยโวยวายต่อไป

‘เอ๊ะ!’ นายทหารหนุ่มตกใจครับ

“เอ๊ะ” ผมก็ตกใจเหมือนกัน! ไอ้บทสนทนานิมันแปลกๆนะ อะไรเคลม อะไรมาม่า ผมใช้สมองอันชาญฉลาดพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองทันที มาบ้านคนอื่น รองเท้าก็ถอดไปแล้ว แถมกำลังกินมาม่าอยู่อีกต่างหาก หลักฐานคาปากขนาดนี้ ชิบ- แล้วครับ ผมเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอีกคนในห้อง พบรอยแสยะยิ้มที่มุมปาก สายตาเหมือนราชสีย์ที่รอขย้ำเหยื่อที่ตกหลุมพราง หรือว่า...เค้าวางแผนมาไว้ตั้งแต่ต้น!

“หึหึหึ ไหนๆเธอก็ตอบรับคำชวนกินมาม่าของชั้นแล้ว...เราย้ายที่ไปที่ห้องนั้นดีมั๊ย” นิ้วมือเรียวชี้ไปยังห้องด้านในซึ่งปิดประตูสนิทอยู่ ไม่อยากเดาครับว่าห้องอะไร //////////////////////////// ผมแอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ ผมอิ่มแล้ว...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า” ว่าแล้วหมุนตัวไปยังทิศทางของประตูทางออกทันที แต่ไม่ทันครับ

ข้อมือเรียวบางถูกคว้าไว้ด้วยข้อมือที่หนากว่า ออกแรงดึงเบาๆร่างของผมก็ลอยไปล้มลงที่โซฟาอย่างพอเหมาะ ก่อนที่ร่างสูงจะตามลงมาทาบทับ ใช้น้ำหนักตัวกดไว้ไม่ให้ร่างเล็กกว่าหลบหนีไปได้ ผมหลับตาแน่นไม่กล้ามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สัมผัสได้แต่เพียงความอบอุ่น ไอความร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายที่ให้ความรู้สึกว่าจะใกล้กันมากๆ ใกล้ๆกับปากผมเนี่ยแหละ ‘ไม่นะ ปากผมมีแต่กลิ่นมาม่า อย่าเอาจมูกเข้ามาใกล้’ กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งต่างคนต่างไม่พูดอะไร ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนัก สุดท้ายผมจึงตัดสินใจหลี่ตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องสบกับดวงตาของผม แววตาจริงจัง หนักแน่น ใบหน้าคมคายนั้นแสดงสีหน้าอ่อนโยนปนระอาแบบที่ผมมองเห็นอยู่บ่อยๆในช่วงนี้ ผมรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งใบหน้าลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง พยายามเบือนหน้าหนีริมฝีปากหยักที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ริมฝีปากผม

“จ๊วบบบ” ละ ลิ้น! ริมฝีปากหยักประกบเข้ากับริมฝีปากบางไม่รีรอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ก็ส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวาน หอมบ้าอะไร! มีแต่กลิ่นมาม่า มาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นด้วย

ลิ้นแกร่งตวัดไปทั่วโพรงปาก จากที่เคยเคลื่อนไหวช้าๆก็เริ่มรุนแรงขึ้น มือแกร่งข้างหนึ่งประคองศรีษะคนตัวเล็กไว้ไม่ให้หันหนี ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเริ่มเลื้อยลงต่ำ เดี๋ยว! ผมเบิกตาโพรง จากที่เริ่มเคลิ้มๆก็สร่างสิครับ ซิบกางเกงผมถูกรูดลงไปแล้ว มือสองข้างที่เคยอ่อนแรงบัดนี้คว้าหมับเข้าที่มือแกร่ง บ่งบอกว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว

ร่างสูงใหญ่หยุดชะงัก สูดหายใจหนักๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดคนตัวเล็กไว้แนบอก ผมนอนเฉยๆให้คุณภูมิกอดนิ่งๆไม่กล้าขยับตัว รอจนอีกฝ่ายสงบลง

“คบกับชั้นนะ” เสียงทุ่มกล่าวทำลายความเงียบ มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยครับ โอ๊ยยยยยย จูบจนปากผมบวมขนาดนี้ โอบขนาดนี้ แถมมือยังร้วงลงต่ำแบบนั้น ถ้าไม่ขอคบนี้โกรธนะครับจะบอกให้

“เอ่อ คุณชอบผมจริงๆเหรอ” ไม่ได้ครับต้องเล่นตัวนิดนึง เดี๋ยวดูง่ายไป

“ผมไม่มีอะไรดีเลยนะ เด็กกะโปโลจนๆเลย ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลย” ต้องชิงว่าตัวเองก่อนครับจะได้ไม่เจ็บมาก

“เธอจะเป็นยังไงก็ได้ ชั้นชอบที่ความเป็นตัวเองของเธอ” โอ๊ยยยยยย อย่าพูดให้เขินได้มั๊ยยยยยยยยยยย

“...เอ่อ…” ต้องพยายามเล่นตัวอีกหน่อย

“ชั้นชอบเธอ...ไม่สิ ชั้นรักเธอ คบกับชั้นเถอะนะ” ร่างสูงใหญ่จองตาผมนิ่ง แต่ผมก็ยังไม่กล้าตอบตกลง

“..................” เงียบไว้ก่อนครับ ดูสถานการณ์ก่อน ตอบเร็วเดี๋ยวเสียเปรียบ

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ฝ่ายหนึ่งก็นิ่งเงียบอย่างรอคำตอบ อีกฝ่ายก็อมพะนำไม่ยอมตอบสักที เกิดเป็นเกมส์จ้องตาหวานซึ้ง สุดท้ายร่างสูงกว่าอดทนไม่ได้ ถอนหายใจแล้วกล่าวคำพูดประกาสิทธิ์

“เธอจะยอมคบชั้นดีๆ หรือจะไปกินมาม่ากันต่อในห้องนั้น” แล้วมือแกร่งก็ชี้ไปยังห้องด้านในห้องเดิม

“เฮ้ยยยยย ยอมแล้วครับ” ตกใจสิครับวันนี้เล่นตัวแค่นี้ก่อน มาม่งมาม่าอะไร ยังไม่อยากกิน

“ยอมอะไร” ขออะไรก็ยอมอันนั้นแหละ

“คบครับ คบกัน” อายครับอย่าถามเยอะ

“คบใคร” โอ๊ยยยมีย้ำอีก เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหรอครับ

“คบกับคุณภูมิครับ” /////////////////

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบก็เผยยิ้มกว้างแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วส่งริมฝีปากหนามาจุ๊บข้างแก้มผมแรงๆครั้งนึง สองมือแกร่งผลักร่างผมออกจากอ้อมกอด จัดแจ้งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินนำไปยังประตู

“งั้นวันนี้ก็กลับไปได้ เดี๋ยวชั้นไปส่ง” เอ๊ะ! ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ ยอมคบปุ๊บ ไล่กลับปุ๊บเนี่ยนะ !!!!!!

“.......................” ผมนิ่งงงกับสถานการณ์ตรงหน้ามากครับ มองสบตากับคนที่สูงกว่าอย่างสงสัย มาม่าก็ยังไม่หมด ผมยังไม่อิ่มเลยนะเออ

“ถ้าไม่กลับตอนนี้ ก็ไปกินมาม่าต่อในห้องนอน” เฉียบมากครับคุณครับ ผมรีบคว้ากระเป๋าตัวเองหมับแล้วเดินนำไปที่ประตูห้องทันที

“ผมลงไปรอที่รถนะครับ” เผ่นก่อนครับ วันนี้ควรพอแค่นี้จริงๆ


********************************************************************************************

ไอ้พี่ภูมิก็รุกหนักไปนะ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 14 (28-6-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 28-06-2019 10:05:27
บทที่ 14 ผมแพ้แฟนหล่อ

เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก หลังจากที่ผมตกกระไดพลอยโจน โดนมัดมือชกต้องคบกับคุณภูมิ ก็ผ่านมาหนึ่งคืนเต็ม ฮาาาาาา เมื่อคืนหลังจากที่คุณภูมิมายังผมที่ศูนย์ ผมช่วยคุณแม่ทำความสะอาดศูนย์อีกนิดหน่อยก็ขอตัวเข้านอน อ้างว่าพรุ่งนี้มีสอบครับ ต้องอ่านหนังสือ คือมีสอบๆจริงๆ สอบย่อยเก็บคะแนนอะ ตั้งใจจะอ่านหนังสือทบทวนความรู้ แต่ไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายตัดสินใจนอนหลับ นับแกะวนไปถึงตัวที่สามพันหกสิบห้าก็ยังนอนไม่หลับ สุดท้ายสภาพผมก็อย่างที่เห็นนี้แหละครับ เดอะวอกกิ้งเดต!

“ยินดีด้วยนะครับ กร” อากิส่งเสียงใสทักมา เมื่อผมเดินทางถึงโต๊ะที่สองคนนั่งรออยู่ เช้านี้เรานัดติวกันก่อนสอบครับ ประเด็นคือ สมองผมโล่งมาก ไม่มีอะไรมาติวเลยเนี่ยแหละ

เอ๊ะ!

“ยินดีเรื่องอะไรวะ” ผมถามงงๆ ช่วงนี้มีอะไรให้ยินดีลิเวอร์ฟลูได้แชมป์เหรอ?

“ก็ในที่สุดเมิงก็สละโสดสักทีไง” ไอ้มาร์คตอบแทนครับ

“โห...ดูสภาพสิ สงสัยเมื่อคืนจะหนัก” ไอ้มาร์คแซวต่อ ไม่รอแล้วนะ ส่วนอากิหัวเราะแหะๆ หน้าแดงไปครับ จะหน้าแดงทำไมเพื่อน มันไม่มีอะไรในก่อไผ่ทั้งนั้นนนนนนนน

“เฮ้ยยยย รู้ได้ไงวะ” ผมถามอย่างตกใจ ทำไมพวกมันข่าวไวขนาดนี้ ติด 4G รึไง

“แอบฟัง” คำตอบของไอ้มาร์คชัดเจนมากครับ เคลียร์ทุกคนถามไม่ต้องสืบหาต้นต่อให้มากความ โธ่ อุตส่าเป็นถึงเพ้นท์เฮ้าส์ไม่เก็บเสียงเลย ให้ตายสิ!


“อืม...ก็ตกลงคบกันแล้ว” ในเมื่อเพื่อนๆมันรู้กันแล้ว งั้นเปิดตัวเลยแล้วกันครับ รับไปตรงๆมันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแซว

“ในที่สุดคุณอาก็ทำสำเร็จ...ไม่ต้องห่วงจะครับ คุณอารักกรจริงๆ” ถ้าเชียร์ขนาดนี้ลักษณะจะรู้เห็นเป็นใจครับ

“นะ นาย เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดใช่มั๊ย” ผมหันไปค้าดคั้นกับอากิ มือเขย่าไหล่เพื่อนตัวดีเบาๆ แต่ถูกมือหนากว่าปัดออก

“มือๆ อย่าแตะ” โอ๊ยยยยย ไอ้นี่ก็หวงจริงๆ จับนิดๆหน่อยๆ ไม่สึกหรอหรอก

“แล้วจะเอาไงต่อ” ไอ้มาร์คถามเสียงเครียด

“อะไรต่อ?” ผลถามกลับงงๆ ไม่เข้าใจคำถามครับ

“ก็เมิงวางแผนอนาคตกับคุณภูมิยังไงต่อ จะเปิดซิงเมื่อไหร่” ไอ้เชี่ยร์……………

“ซง ซิงไรเมิง เรามันวัยรุ่น มุ่งเรื่องเรียนเฟ้ย...จะติวมั๊ยที่จะสอบเนี่ย” ผมโวยวายกลบเกลื่อนกระแทกชีทลงโต๊ะ หันมองตาเพื่อนๆทีละคน เอ๊ะ! อากิ หลบตาทำไม ทำไมต้องน่าแดงงงงงง เพื่อน! วัยรุ่นต้องมุ่งเรียนสิฟระ
ตะแว๊ง… เสียงไลน์เด้งครับ

PHUMMA : เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ ❤️❤️

หันซ้าย หันขวา เพื่อนกำลังตั้งใจอ่านชีทกันอยู่ ผมแอบเขินคนเดียวเบาๆ /////////////////////

OPPA’KORN : ครับ

โอ๊ยยยยยยยยย จั๊กจี้



เย็นนี้ผมมีทำงานพิเศษตอนสองทุ่ม ผมรับจ๊อบเป็นติวเตอร์ให้เด็กประถมครับ ในเมื่อหัวดีก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ อิอิ เดี๋ยวนี้การแข่งขันมันสูง พ่อแม่บางคนเลยส่งลูกๆเข้าสู่กองหนังสือตั้งแต่เด็ก บางทีก็สงสารน้องๆ อยู่ในวัยกำลังซนแท้ๆ กลับต้องมาจดจ่อเรียนหนังสือดึกๆดื่นๆ แต่ก็นั้นแหละครับว่าอะไรไม่ได้แหล่งรายได้ผมทั้งนั้น! บนเพลินก็เดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน นั่นไงครับรถสีดำคันเดิม จอดที่เดิมเป๊ะ เพิ่มเติมคือไทยมุงมากมาย ยืนอออยู่หน้าโรงเรียน เกิดอะไรขึ้น มีถ่ายหนังหรือไง?

คุณพระ…นั่นนายแบบหรือไงที่ยืนพิงรถอยู่หนะ ว่าแต่ดูคุ้นๆแฮะ อ่อ คุณภูมิ

วันนี้คุณภูมิมาในลุคมิกซ์แอนด์แมท สวมกางเกงผ้าชิโนสีกรม เข้ากับคู่ยืดสีขาวหน้าคอลึก ทับด้วยเสื้อเบลเซอร์สีเข้าคู่กับกางเกง สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด จอร์จ นั่นเดินออกมาจากนิตยสารรึไง แถมยังใส่แว่นกันแดดอีก คนอื่นๆคงคิดว่าเป็นดารา นายแบบมาถ่ายโฆษณาแหละมั้งถึงได้มุงดูกันแบบนั้น ปกติคุณภูมิไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้ ผมคุ้นเคยกับการเห็นคุณภูมิใส่สูท ใส่เสื้อเชิร์ตทำงานมากกว่า โดยรวมแล้วผิดวิสัยขั้นสุดครับ

และที่ผิดปกติที่สุดเห็นจะเป็นการยืนพิงรถเนี่ยแหละครับ นั่งรออยู่ในรถแอร์เย็นๆไม่ชอบ จะมารอนอกรถทำไม แดดเมืองไทยร้อนจนต้องร้องขอชีวิตเลยนะเออ

“นายแบบที่ไหนวะ หล่อชะมัด”

“มาถ่ายหนังเหรอ หรือมารอใคร”

“เดินเข้าไปทักเค้าสิ”

รอบๆข้างส่งเสียงจอแจวุ่นวายไปหมดเท้าผมหยุดชะงักเลยครับ ขืนเดินเข้าไปหาตอนนี้ต้องเป็นเป้าสนใจแน่นอน โอ๊ยยยยยยย จะออกมายืนรอนอกรถทำม้ายยยยยยย

ผมตัดสินใจยืนหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าใกล้ๆครับ ใจก็ภาวนาว่าอย่าให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นเลย รอคนซาๆลงก่อน เดี๋ยวค่อยออกไป

“อ๊ะ...คุณอา” เสียงใสๆข้างๆผมทำแผนแตกครับ จะทักทำไม โธ่

อากิสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาคุณอาโดยมีไอ้มาร์คเดินตามไปใกล้ๆ ชายหนุ่มที่ยืนพิงรถอยู่ถอดแว่นตาดำออกแล้วลูบหัวหลานรักไปทีอย่างเอ็นดู ส่วนไอ้มาร์คนึ่งครับ โด่วววว ทีอย่างนี้ไม่ออกอาการหวงก้างนะ จอกหวะ! ลักษณะมันจะเกรงใจคุณภูมิอยู่ไม่น้อย หึหึ

ผมยังคงหลบอยู่หลังเสาไฟเหมือนเดิม สักพักชายหนุ่มร่างสูงก็มองมายังที่ผมยืนอยู่ตามการชี้นำของเพื่อนตัวดี โธ่! ไปบอกเค้าอีก ขอเวลาร่ายคาถาซ่อนร่างแปปนึงครับ เฮ้ยยย ไม่ทันแล้ว ร่างสูงเดินมาคว้าเอวผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ตัวทันที

“เฮ้ยยยย..” ตกใจครับ

“จุ๊ฟฟฟฟ” และตกใจกว่าเมื่อคนร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาใกล้หน้าผมแล้วประทับริมฝีปากเข้าที่แก้มชื้นเหงื่อข้างหนึ่ง

เฮ้ยยยยยย แค่นี้ยังเด่นไม่พออีกเร้อ จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ!

“คะ คุณ ทำอะไรหนะ” หลังจากที่พยายามผลักๆดันๆคนตัวใหญ่กว่าแต่ไม่เป็นผล แถมยังถูกลากมารวมกลุ่มกับพวกอากิ สุดท้ายเลยได้แต่ยืนนิ่งในอ้อมแขนของชายหนุ่มร่างสูง

“ก็มารับเธอไง” ครับ ตอบแบบกำปั้นทุบดินมากครับ

“ผมหมายถึง ทำไมต้องกอด ต้องหอมด้วย ///////” พูดไปก็เขิน หายสิครับ ถึงไอ้มาร์คจะไม่แซวอะไร แต่ก็ส่งสายตาล้อเรียนตลอดเวลา โอ๊ยยยย มันทิ่มแทง

“อ่าว เป็นแฟนกัน จะกอดจะหอมมันผิดตรงไหน” นิก็หัวนอกมากครับ แต่ไอ้ผมมันคนไทยร้อยเปอร์เซ้นต์ เรื่องแบบนี้ทำในที่ลับตาคนหน่อยก็ได้

“////////////////” พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ แฮ่!

“คบกันแล้ว ต้องเปิดตัวสักหน่อย จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับเธอ” อ่อ นี้ไงจุดประสงค์หลัก ที่แต่งหล่อมานี้ เพื่อการนี้เลยสินะ ผมเหลือบตามองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งแล้วต้องถอนหายใจ ไม่มีใครมายุ่งกับผมหรอก แต่กลัวว่าจะมีคนมายุ่งกับชายคนนี้แทนนะสิ ก็ดูสายตาหวานเจี๊ยบที่ส่งมาจากรอบๆนิสิ

“คุณอาไม่ต้องกลัวมีใครมายุ่งกับมันหรอกครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนชอบของแปลก” เอ่อดี ไอ้มาร์ค ไอ้เพื่อนประเสริฐหรอกด่ากูอีก แต่ฟังๆเหมือนด่าไอ้คุณภูมิด้วย ชอบของแปลก ฮาาาาาา

“กันไว้ก่อนดีกว่า” แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านครับ ตอบรับหน้าตาเฉย

“ผมว่าเราไปที่อื่นกันดีมั๊ย อยู่ตรงนี้เด่นเกินไป” ผมเห็นสมควรให้ไปจากที่นี่โดยไวครับ อายคนอื่นๆ ทั้งอาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครอง และพี่ยามซึ่งเป็นไทยมุงกันอยู่เนี่ย แล้วพรุ่งนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย

“เธอยังไม่ได้หอมแก้มชั้นเลย” ว่าแล้วก็ยื่นแก้มมาให้ผม มันจำเป็นต้องหอมแก้มด้วยเหรอวะ คือถึงจะเป็นแฟน แต่เพิ่งคบกันได้แค่วันเดียวนะเฟ้ย นับจริงๆยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลย จะไม่ให้เวลาปรับตัวหน่อยเร้อ!

“วิ้วววววว...มีหอมแก้มโชว์เว้ย” บ๊ะ ปากไอ้มาร์คนิเลี้ยงหมาเอาไว้กี่ด้วย เมิงจะอยู่เงียบๆไม่ได้เลยรึไง

“อย่าไปแซวเค้าสิครับมาร์ค” ดีมากอากิ ดุมันเลย

“คือ...เข้าไปหอมในรถได้มั๊ยครับ ผมอาย” บอกไปตรงๆแมนๆครับ ทันใดนั้นคนตัวสูงกว่าก็ลากผมขึ้นรถไปเลย ไม่ถามความเห็นไทยมุงโดยรอบสักคำ

“วันนี้คุณจะพาผมไปไหน ผมมีสอนตอนสองทุ่มนะครับ” หลังจากแอบหอมแก้มคนตัวสูงหลังไมค์เรียบร้อย ผมก็เข้าเรื่องทันที

“ไปบ้านชั้น” ห๊าาาาา ไปบ้านอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้ไปที่บ้านบ่อย

“ผมไม่กินมาม่านะ ////////////” ออกตัวก่อนครับ เน้นอีกครั้ง วัยรุ่ยมุ่งเรียนครับ

“ไม่เป็นไร ชั้นรอได้” ชายหนุ่มตอบรับเรียบๆ แล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

เฮ้อ… ตอดเล็กตอดน้อยตลอด แน่ใจนะว่ารอได้!

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 14 (28-6-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-06-2019 09:24:04
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 15 (5-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 05-07-2019 15:44:21
บทที่ 15 ผมยอมแพ้...นิครั้งแรกนะครับ

ห้องเพ้นท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดในความทรงจำของผมที่เคยมืดๆทึมๆ ตอนนี้กลับดูปลอดโปร่ง โล่งสบาย สว่างสบายตา แตกต่างจากเมื่อคืนลิบลับ

“นี้...เอ่อ…” เกิดอะไรขึ้นที่นี้ น้ำท่วมเหรอหรือโดนขโมยยกเค้า เลยต้องเปลี่ยนเฟอนิเจอร์ใหม่หมด 

ชายร่างสูงจูงมือคนตัวเล็กกว่าไปยังห้องด้านในห้องหนึ่ง เปิดเข้าไปพบเตียงนอนขนาด 4 ฟุต โต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ และชั้นหนังสือที่มีหนังสือเรียนสำหรับเด็กมัทธยมปลายอัดแน่นอยู่เต็ม แถมด้วยหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกหลายเล่ม เอ่อ…….

“นิห้องของเธอ” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมจ้องมองเข้ามาในตาผม

“ห้องผม” ทำไมต้องมีห้องของผมด้วยอะ

“ใช่ ชั้นจัดไว้ให้ เผื่อวันไหนเธอมานอนค้างที่นี่” เฮ้ยยยยย ใครบอกว่าผมจะนอนที่นี้ ผมกลับไปนอนที่ศูนย์ก็ได้ ค้างที่นี่ทำไม

“มะ ไม่ ผมไม่นอนที่นี่หรอกครับ” ผมกล่าวปฏิเสธ นอนที่นี่ความเสี่ยงสูง

“ไม่นอนที่นี่ แล้วจะนอนห้องชั้นรึ” น้ำเสียงจริงจังมากครับ แต่หน้ายิ้มๆ กับมือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุกทำให้ผมเริ่มคิดว่าที่พูดนี้แซวเล่นหรือเอาจริงครับเนี่ย

“ไม่ ผมหมายถึง ไม่นอนที่คอนโดนี้ ผมกลับไปนอนที่ศูนย์ดีกว่า” ผมพยายามอธิบาย แต่ร่างสูงกลับดันตัวผมเข้าใกล้กำแพงด้านหลังมากขึ้น

“ชั้นแค่เผื่อเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอกลับไม่ไหว จะได้ค้างที่นี่ไง” เอ๊ะ! อะไรกลับไม่ไหวได้ยังไง กลับได้ ผมมันเทพพพพพพพพพพพ เดี๋ยวหายตัวกลับเอา

“นะ…” คุณพระ! คำนี้ขอซื้อได้มั๊ย ฟังเหมือนคำถาม คำบอกเล่า แต่ฟังแล้วปฏิเสธไม่ลง มันคือคำสั่งใช่มั๊ย

“ครับ…” และแล้วก็เผลตอบรับไปซะแล้ว

“เอ่อ...แล้วห้องรับแขก ทำไม…” จะว่ายังไงดีหละ ทำไมมันเปลี่ยนสไตล์ขนาดนั้นหละ

“ชั้นจัดห้องใหม่ เธอจะได้อยู่อย่างสบายใจขึ้น” เดี๋ยวหลับ นั่นไม่เรียกว่าจัดห้องใหม่ จัดใหม่มันต้องใช้ของเดิม แบบนี้เค้าเรียกแต่งใหม่ไม่เหลือเค้าเดิมต่างหาก

“คุณ...เอ่อ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ผมอัดอั้นใจจนพูดไม่ออก คือเสียดายเงินครับ ไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะนั่น

“ชั้นไม่ได้ทำเพื่อเธอ แต่ชั้นทำเพื่อเรา” โอ้ววววววววววว ปากว่ามือขยับครับ เอวผมถูกโอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมตัวยังลอยมานั่งแหมะอยู่บนเตียงนอนได้ยังไงหว่า หลังเกือบแตะพื้นแล้วนะเออ

“เอ่อ... ผมแค่เสียดายโซฟาสีดำนั่นหนะ” ก่อนอื่นต้องออกจากห้องนี้ก่อนครับ เดินไปที่ห้องรับแขกดีกว่า ในนี้ไม่ค่อยปลอดภัย

“อ๋อ ชอบโซฟาตัวนั้นเหรอ ถ้าเธออยากนั่งเมื่อไหร่ก็นั่งไปทุกเมื่อ ชั้นไม่ได้ย้ายมันไปไหน” ว่าแล้วร่างสูงก็จูงมีผมเดินเข้าไปในห้องอีกห้องนึง เป็นห้องที่ผมไม่เคยย่างเท้าเข้ามาก่อน ห้องที่เจ้าของห้องชวนผมเข้ามาหลายครั้งแล้วแต่ผมปฏิเวธที่จะเข้าไป ไหงวันนี้โดนลากเข้าห้องแบบเนียบๆได้วะ

โซฟาสีดำตัวเขื่องวางแน่นิ่งอยู่ปลายเตียงขนาด 6 ฟุต ไอ้โซฟาดูดวิญญาณตัวนั้นถูกย้ายมาไว้ที่ห้องนี้เอง ผมขอตั้งชื่อมันว่าห้องดูดวิญญาณ! ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสี เทา-ดำ ถูกออกแบบให้ใช้สำหรับการนอนหลับพักผ่อนโดยเฉพาะ เนื่องจากแสงแดดจากภายนอกถูกสกัดไว้ด้วยผ้าม่านสีดำผืนใหญ่ ภายในสว่างไสวด้วยแสงจากหลอดไฟวอร์มไวท์ดูนวดตา เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางห้อง ผู้ปูเตียงเรียบลื่นเหมาะสำหรับการนอนหลับเป็นที่สุด เหมาะสมกับชื่อห้องดูดวิญญาณด้วยประการทั้งปวง

“หรือว่าเธออยากอยู่ที่ห้องนี้” เสียงทุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของผม

เอ๊ะ ผมมานั่งอยู่บนโซฟาได้ยังไง ทำไมไม่รู้ตัวเลย หรือว่าผมถูกดูดวิญญาณไปแล้ว!

ร่างสูงใหญ่ฉวยโอกาสที่คนตัวเล็กกว่ากำลังใจลอยอุ้มร่างผอมเก้งก้างนั้นไปยังเตียงหนานุ่น

“ลองนอนดูสิ เผื่อเธอติดใจ” ร่างสูงโค้งตัวลงนอนข้างๆ พลางโอบกวดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนหลวมๆ

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มานอนบนเตียงได้ยังไงวะ!

ในทันทีที่ได้สติ ร่างเล็กทะลึงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พยายามตะกากจะลุกออกจากเตียงกว้าง แต่ยังไม่ทันทีถึงขอบเตียงร่างบางก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมกอดของชายร่างใหญ่ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านล่าง

“อ๊ะ...คุณภูมิ” พยายามดิ้นขยุกขยิกแต่ไม่เป็นผล ในเมื่อสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้สุดท้ายก็นั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง

“ชั้นคิดถึงเธอ” ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดคนตัวเล็กกว่ามาจากด้านหลัง ใช้คางเกยบนไหล่ลาดเบาๆ หายใจลดต้นคอพร้อมกับกระซิบเบาๆ

โอ้ววววววววว ขนแขนสแตนอัพ

คิดถึงอะไรกัน เพิ่งแยกจากกันเมื่อคืน นิยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลย

“คิดถึงมาตลอด ในที่สุดก็ได้โอบกอดเธอสักที” เสียงทุ่มกล่าวคล้ายรำพึงรำพันกับตัวเอง

 “คือ...คุณบอกว่าจะรอ” ผมก้มหน้าก้มตาพูดเสียงเบาๆ ใจมันบางครับ ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเตลิด

“ชั้นรอได้ แต่ให้รอตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” กล่าวจบริมฝีปากก็เริ่มซุกไซร้ซอกคอ มือแกร่งก็เริ่มเลื้อยลงต่ำ ผมเอี้ยวตัวหลบ สองมือรีบตะปบมือแกร่งไว้ก่อนจะมุดเข้าไปใต้ร่มผ้าได้

“เฮ้ยยยยยย พรากผู้เยาว์นะครับ” ปากรีบตะโกนออกไปทันที

“หึ” ร่างสูงใหญ่ระบายผมออกมาทางจมูก ก่อนถอนหายใจยาวๆ รวบรวมสติแล้วยกคนตัวเล็กกว่าให้นั่งลงกับเตียงกว้าง ส่วนตัวเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ได้ ชั้นจะรอจนกว่าเธอจะครบ 18 ถึงเวลานั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไวเแล้วกัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาร่างสูง แล้วก้มลงมองที่ระดับสายตาพบเพียงเป้าตุงๆที่นูนขึ้นมาอย่างเด่นชัด ก่อนพยักหน้าหงึกๆ เป็นอันรับทราบ ร่างสูงใหญ่จึงก้มลงจรดริมฝีปากเข้ากับหน้าผากเหม่งของผมแรงๆทีนึง แล้วหันกลายเดินไปยังห้องน้ำ

เฮ้อออออ ส่วนผมรึ เผ่นออกจากห้องนั้นทันที

ห้องดูดวิญญาณ อันตรายเกินไป!



ผมนั่งๆนอนๆรออยู่ที่ห้องรับแขก เวลาล่วงเลยไปหลายสิบนาที นิก็ใกล้จะถึงเวลาที่ผมต้องไปสอนพิเศษแล้ว ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน นิสรุปคุณภูมิพามาทีบ้านทำไมเนี่ย มาอวดห้องแค่นั้นเลยเหรอ

ไม่ได้การแล้ว ผมว่าผมไปสอนพิเศษสายชัวร์ ผมตัดสินใจโทรไปหาคุณแม่ของน้องก่อนดีกว่า แจ้งว่าไปสายสักหน่อย จะได้ไม่เสียเครดิต

“สวัสดีครับคุณเพ็ญ ผมกรนะครับ” เก็กเสียงสองครับ เสียงหล่อ

“อ่าวววว น้องกร มีอะไรค่ะ” คุณเพ็ญ คุณแม่ยังสาวครับ เป็นคุณแม่ของน้องที่ผมรับสอนพิเศษอยู่ตอนนี้

“คือผมจะแจ้งว่าวันนี้ผมอาจไปสอนช้าหน่อยครับ พอดีผมติดธุระ” ต้องทำเสียงจริงจังครับ จะได้ดูหน้าเชื่อถือ

“อ่าวววว วันนี้น้องกรส่งเพื่อนมาสอนแทนแล้วนิคะ กำลังสอนอยู่เลย” เหหหหหหหหห เพื่อนไหน!

“เพื่อนผมเหรอครับ” เพื่อนคนไหน ทำไมผมไม่รู้หว่า

“ใช่ค่ะ น้องที่ตัวสูงๆ หล่อๆ น้องมาร์คหนะค่ะ” อ๋อ ไอ้มาร์ค แล้วมันไม่สอนแทนผมได้ยังไง ระดับไอ้มาร์คสอนหนังสือใครได้ด้วยเหรอวะ ช่างมัน พรุ่งนี้ค่อยถามอีกทีละกันปล่อยมันสอนไป ฮาาาา มีจิตสำนึกความเป็นครูมากครับ

“อ๋อ  งั้นผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” ในเมื่อมีคนทำงานแทนแล้วก็แล้วไป สบายผมเลยสิ

ระหว่างที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นก็เหลียบไปเห็นร่างสูงกำลังเดินออกมาจากห้องนอน ในสภาพกางเกงขาสั้นเหนือเข่าหัว แถมยังลัดรูปจนมองเห็นกล้ามเนื้อแน่นๆเป็นมัดๆที่เรียงตัวอยู่ด้านใต้เนื้อผ้าเรียบลื่น ผมลอบกลืนน้ำลายเฮือก ก่อนรีบกล่าวลาคุณเพ็ญ แล้วหันไปจ้องร่างสูงที่เดินทางหยุดข้างๆ พร้อมเช็ดน้ำลายที่เกือบไหลอยู่รอมร่อ

“เอ่อ...ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้” คงไม่ได้จะใส่ชุดนี้ไปกินข้าวหรอกนะ

“ชั้นจะพาเธอไปว่ายน้ำ” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมยื่นชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวมาให้ผมชุดนึง

“เฮ้ย...แต่ผมต้องไปสอนพิเศษ” ผมรีบปฏิเสธ โกหกไปก่อนครับถ้าชวนไปกินข้าวจะไปอยู่หรอก แต่นี้ชวนไปว่ายน้ำ ผมว่ายเป็นซะที่ไหน

“อากิกับมาร์คไปแทนเธอแล้วนิ” อ่าววว นิไงตัวการ แอบจัดการกันลับหลังผมขนาดนี้เลยเหรอ

“คุณนี้เอง” ผมบ่นเบาๆ สงสัยพรุ่งนี้คงต้องไปเคลียร์กับเพื่อนๆสักหน่อยแล้ว ถูกจ้างกันเท่าไหร่เนี่ยสมรู้ร่วมคิดกันขนาดนี้

“ไปเปลี่ยนชุดสิ” ว่าพรางดันหลังผมไปทางห้องน้ำ

“แต่ผมหิวข้าวอะ กินข้าวก่อนไม่ได้เหรอครับ” ผมพยายามต่อรองครับ เวลาหิวแล้วมันไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น

“ในห้องมีแต่มาม่า จะกินหรือป่าว” เฮ้ยยย มาม่าอีกแล้ว

“งั้นไปว่ายน้ำกันเถอะครับ” ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำครับ ผมเดินเข้าห้องน้ำทันที




“ตีขาสิ อย่าหยุดตีขา ถ้าเธอหยุดตีขา ตัวเธอจะจม” โอ๊ยยยยย ผมก็ตีขาอยู่เนี่ย ตีจนจะหมดแรงแล้ว แต่ทำไมตีขาแล้วมันไม่ไปข้างหน้าฟระ ทำไมมันอยู่กับที่

“ที่เธอทำไม่เรียกว่าตีขา เธอกำลังปั่นจักรยานใต้น้ำหรือไง” โอ๊ยยยยยย ทำไมดุอย่างนี้ ที่ผมทำอยู่คือท่ามาตรฐานครับ ท่าลูกหมาตกน้ำ

“ว่ายมาทางนี้ ไม่ใช่ นั่นผิดทางแล้ว” เสียงทุ่มกล่าวต่อไปครับ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ยังดีที่สระว่ายน้ำเป็นสระส่วนตัว ผมเลยไม่ต้องอายใคร ว่ายมั่วๆอยู่สักพักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่เหนือน้ำครับ

“เฮ้ยยย” ผมร้องสุดเสียงเมื่อร่างสูงใหญ่ที่เมื่อสักครู่ยังยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือ ยกร่างผมขึ้นเหนือน้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมถูกอุ้มอยู่ในวงแขนของคุณภูมิ //////////////// มันไม่โรแมนติกครับ มันไม่ใช่ท่าอุ้มเจ้าหญิง แต่มันเป็นท่าอุ้มซุปเปอร์แมน คุณลองนึกภาพตาม คือผมว่ายน้ำคว่ำหน้าอยู่ แล้วถูกช้อนขึ้นมาจากน้ำ แขนข้างที่ควรจะรองรับที่ข้อพับขา ฃตอนนี้พาดรองใต้หว่างขา ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งอยู่ใต้อก นิถ้ามือผมวางไคว้หลังอยู่ มันท่าบูชายัญชัดๆ -*-

“ชั้นว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาด” ร่างสูงบ่นในขณะที่ยังอุ้มผมอยู่

ใช่! ผิดพลาดที่คุณอุ้มผมเนี่ยแหละ

“เอ่อ...ก่อนอื่นวางผมลงเถอะครับ” ผมเตือนสติร่างสูงเบาๆ คือสภาพมันน่าอนาทมากครับ วางลงเป็นดีที่สุด เมื่อร่างสูงก้มมองดูสภาพผมเหมือนเพิ่งคิดได้ กระแอมเบาๆ แล้วพาผมไปยังขอบสระ

“ทำไมตัวเธอถึงจมนะ ปกติถึงไม่ตีขาก็ไม่น่าจะจมนินา” เสียงทุ่มบ่นต่อ แลดูจริงจังกับการสอนผมว่ายน้ำมาก

“ผมอาจไม่เหมาะกับการเอาดีด้านว่ายน้ำ” ผมบ่นเบาๆบ้าง

“ไม่ถึงขั้นต้องว่ายเก่ง อย่างน้อยไม่จมน้ำก็พอ” ร่างสูงบ่นต่อ บ่นกันไปบ่นกันมา ท้องผมก็ร้องตัดบท

โครกกกกกกกกกก เสียงท้องร้องครับ ไม่ใช่เสียงกดชักโครก ฮาาาาา

“พักกินข้าวก่อนได้มั๊ย ผมหิวแล้ว” ไม่มีอะไรต้องอายแล้วครับ ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าหิวข้าว แถมออกแรงซะเยอะขนาดนั้น ท้องร้องแค่นี้ จิ๊บๆ

“ไปอาบน้ำเถอะ แล้วไปหาอะไรกินกัน” ร่างสูงหัวเราะแข่งไปกับเสียงท้องร้องของผม ก่อนจูงมือผมกลับเข้าห้องพัก

********************************************************************************************************

“ชั้นตัดสินใจแล้ว ชั้นจะสอนเธอว่ายน้ำทุกอาทิตย์จนกว่าเธอจะว่ายน้ำได้” จู่ๆร่างสูงก็กล่าวขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังกินอาหารอยู่ที่ร้านอาหารใต้คอนโด

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ ผมคงไม่ได้ไปว่ายน้ำที่ไหนหรอก” ผมไม่เหมาะกับการว่ายน้ำจริงๆแหละ ว่ายไม่เป็นก็ไม่ต้องว่ายซะ จบเรื่อง

“แค่ชั้นเป็นห่วงเธอ อย่างน้อยว่ายพอไม่ให้จมน้ำก็ยังดี...นะ” นั่นแน่ นะ อีกแล้ว นะทีไรปฏิเสธไม่ลงทุกที

“แต่อาทิตย์หน้าผมมีสอบนะครับ” พยายามต่อรองนิดนึง สัปดหา์หน้าเป็นช่วงสอบกลางภาคครับ ผมอยากทุ่มเทเวลาอันน้อยนิดให้กับการอ่านหนังสือมากกว่า

“งั้นเริ่มอาทิตย์ถัดไป” เฮ้ยยยยยยยย เผด็จการเบอร์นั้น






 :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 15 (5-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-07-2019 17:43:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 15 (5-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-07-2019 23:34:56
 :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ต่อๆ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 08-07-2019 08:45:19
บทที่ 16 ผมกลับมาเยือนอีกครั้ง

สามเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก ชีวิตมันจะวนๆอยู่ช่วงปิดเทอมเนี่ยแหละครับ ปิดเทอมรอบนี้ผมไม่ต้องทำงานพิเศษ ไม่ต้องทำงานใช้ทุน ไม่ต้องทำงานหาเงิน เพราะผมมีนี้ ‘ผ่างงงงงงงงงงง’ เสียงเอฟเฟ็กประกอบ พร้อมฝายมือไปด้านหลัง เห็นผู้ชายที่ยืนหล่อๆอยู่ข้างรถคันสีดำมั๊ยครับ คนที่กำลังดูดกาแฟจ๊วบๆนั่นแหละ ‘กระเป๋าเงินเคลื่อน’ ของผมเอง

หลังจากที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนเมื่อหลายเดือนก่อน ผมก็ได้พ่อ ได้เพื่อน ได้พี่ พ่วงแฟนในคนเดียวกันมาติดสอยห้อยตามเป็นเงาตามตัวเลยครับ ประมาณว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วววววว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับชั้นเลยยยยยย ดูแลเอาใจใส่ประนึงลูกในอุทร ฮาาาาาาา เหมือนจะรักผม ตามใจผมแต่ป่าวเล๊ยยยยยย พี่ภูมิเป็นคนดุครับ แถมเผด็จการอีกต่างหาก อย่างเรื่องที่ผมจะทำงานพิเศษก็ถูกยกเลิกไปหมดเหลือแต่สอนพิเศษที่คุณเพ็ญที่เดียว พี่แกอ้างว่าเดี๋ยวต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้วครับ ให้หาเวลาว่างมาเตรียมสอบดีกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ต้องเป็นห่วงพี่แกจัดการให้หมด แต่ผมไม่รับเงินจากพี่ภูมินะ ผมถึงยืนยันว่าจะสอนพิเศษต่อ อย่างน้อยจะได้มีเงินไว้ซื้อของเล็กๆน้อยๆอะ

ทุกเดือนผมจะเจียดเงินที่ทำงานพิเศษได้ไปซื้อกองทุนครับ ‘สลากกินไม่แบ่งรัฐบาลนั่นแหละ’ เผื่อจะถูกหวยได้เงินก้อนใหญ่อีก ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงครับ โปรดปรึกษาผู้มีประสบการณ์ก่อนลงทุน ฮาาาาาา

ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่เงินเก็บย่อมเป็นเงินเก็บครับ คือไม่ได้ใช้ไง ฮาาาาา ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้ควักเงินตัวเองใช้เลย ข้าวก็ฟรี ที่พักก็ฟรี แถมยังเที่ยวฟรีอีก อย่างวันนี้ พวกเรากำลังจะเดินทางไปหัวหินที่เดิม กะไปซ้ำประสบการณ์หลงป่าอีกรอบ 55555 จะไปหาไอ้กาแฟมันด้วยครับ พูดแล้วก็คิดถึง

พี่ภูมิเลี้ยงกาแฟไว้ที่หัวหินครับ ประมาณให้ช่วยเฝ้าบ้านไรงี้ พอมีเวลาว่างก็จะหาเวลาไปอยู่กับหมา โธ่ พ่อคนรักสัตว์ ปิดเทอมนี้พวกเราเลยตัดสินใจไปเที่ยวทะเลหัวหินกันครับ

“ยิ้มน้อนยิ้มใหญ่อะไร” เสียงทุ่มๆดังมาจากด้านหลัง พร้อมกวักมือเรียกผมกลับขึ้นรถ พร้อมเดินทางต่อ

“พี่ภูมิหายเหนื่อยแล้วเหรอครับ” ผมถามแบบประจบเอาใจ

“อยากได้อะไรหละ” อีกฝ่ายพอได้ยินผมเรียกชื่อก็ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ผมเริ่มจับทางได้แล้วครับถ้าผมเรียกว่า ‘พี่ภูมิ’ ไอ้พี่ภูมิก็จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขออะไรก็ให้ 555

“ถ้าพี่ภูมิยังเหนื่อยอยู่ รถขับรถแทนได้น้า” เข้าวัตถุประสงค์เลยครับ ช่วงนี้ผมเห่อขับรถมาก หลังจากที่เดือนก่อนอ้อนขอให้พี่ภูมิสอนขับรถได้ มุกครั้งที่มีโอกาสผมมักจะขอเป็นคนขับรถเสมอ แต่อีกฝ่ายไม่ค่อยยอมหรอกครับ แกบอกว่าถ้าผมแย่งขับรถคนขับรถอาจตกงานได้ ไอ้ผมก็เลยได้แต่ทำใจ แต่! วันนี้โอกาสมาถึงแล้ว เอามากันแค่ 2 คน ไม่มี กขค มาแย่งผมขับรถนี่นา

“นะ….น้า” ชอบ’นะ’ใส่ผมบ่อยๆ นะนั้นย่อมคืนสนอง

“ไม่เหนื่อย แต่ถ้าเธออยากขับก็ได้ ชั้นให้ขับช่วงก่อนเข้าเมือง แต่ต้องขับเลนซ้าย ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตกลงมั๊ย” อนุญาติพร้อมข้อแม้มากมาย แต่มีเหรอผมจะไม่ตกลง แหะๆ ว่าแล้วก็พยักหน้า ยื่นมีไปคว้ากุญแจรถ แล้วเดินไปฝั่งคนขับทันทีครับ

ออ ตอนนี้ผมสามารถเรียก ‘พี่ภูมิ’ ได้เต็มปากเต็มคำ ไม่เขินอายเหมือนช่วงแรกๆแล้วครับ ทำไมนะเหรอ เหอ! นึกถึงแล้วพาลอารมณ์เสีย

เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่ผมฝีกว่ายน้ำอยู่ผ่านไปหลายสัปดาห์ผมก็ยังลอยตัวในน้ำไม่ได้ ทั้งผมทั้งคนสอนจนปัญญา ผมก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเรียนหรอก ไอ้คนสอนก็ไม่ยอมจะสอนท่าเดียว สุดท้ายเลยตัดสินใจคิดยุทธวิธีการสอนใหม่ ไอ้พี่ภูมิ มันจับผมโยนลงน้ำครับโยนแบบไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย โยนเสร็จก็มองดูผมตะกายเป็นลูกหมาตกน้ำอยู่บนฝั่ง โธ่! อารามคนตกใจ ก็ตะโกนขอให้พี่แกลงมาช่วย

‘คะ คุณภูมิ ชะ ช่วยด้วย ชะ ช่วยด้วย แอ๊ก...แค๊ก แค๊ก’ โอ๊ยเรียกยังไงก็ไม่ยอมมาช่วย เห็นมั๊ยเนี่ยสำลักน้ำจะตาย-ห่าอยู่แล้วววววว

“แค๊ก แค๊ก...คะ คุณภูมิ…... ชะ ช่วย ด้วย พะ พี่ ภูมิ’ เท่านั้นแหละครับ พี่แกก็กระโดดลงน้ำมาช่วยผมทันที หลังจากช่วยผมขึ้นจากน้ำแล้วก็ประคบประหงมดูแลอย่างดี โธ่! ตีไม่ถูกจุดนี้เอง พอผมจับจุดได้ทุกครั้งที่ผมเรียก ‘พี่ภูมิ’ คำพูดผมจะมีแดมเมจเพิ่มขึ้นทันที +20

สุดท้ายคลาสเรียนว่ายน้ำระหว่างผมกับพี่ภูมิเป็นอันยกเลิกไปครับ เนื่องจากผมพิจารณาดูแล้วว่าไม่น่าจะรอด เลยเสนอทางออกโดยการไปลงเรียนว่ายน้ำกับทางสนามกีฬาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่โทษว่าคนสอนสอนไม่ดีครับ แต่พอเปลี่ยนไปเรียนกับมืออาชีพตอนนี้ผมว่ายน้ำเป็นแล้ว ถึงจะยังไม่แข็งมาก แต่อย่างน้อยก็ลอยตัวได้ ว่ายน้ำได้ไม่จมก็แล้วกัน! ที่ว่ายได้นี้ความสามารถล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับคนสอนแม้แต่น้อย ฮาาาาาาาาาาา

โม้เพลินครับ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของอากิ ตะ แต่ พี่ภูมิขับเลยครับ จุดหมายปลายทางมุ่งหน้าไปยังบ้านพักทรงไทยบนเขานู้นนนนน มือผมคว้าคอเสื้อตัวเองทันที ชิบ- แล้วครับ ไม่ได้ใส่พระมา ผมหันหน้าไปมองคนขับแกนๆ เหงื่อเริ่มออก ทั้งที่ในรถแอร์เย็นเฉียบ แต่ไอ้คนขับไม่สนใจใดๆครับ ตั้งใจขับรถขั้นสุด นิก็ใกล้จะมืดแล้วครับตกวันกำลังลับขอบฟ้าอยู่ไกลๆนู้น

“พี่ภูมิ ทำไมเราไม่พักกันที่บ้านหลังโน้นครับ” เมื่อรถยนต์จอดสนิท ผมจึงชี้ไม้ชี้มือไปยังบ้านที่เราขับรถผ่านมาพร้อมเอ่ยถาม

“หลังนู้นบ้านพี่ชาย หลังนี้บ้านชั้น พักที่นี่ก็ถูกแล้ว” อ่อยยยยยย เลือกที่พักไม่ถามความสมัครใจผมเลย ให้ตายสิ

ผม ไอ้กร คนสู้ชีวิต ไม่กลัวเกรงสิ่งใด ยกเว้น ‘ผี’ ครับ ยอมรับแมนๆตรงนี้เลยว่ากลัวผี เคยมาบ้านหลังนี้ตอนกลางวันผมว่าหลอนแล้ว นี้จะให้นอนค้าง บรึยยยยยยยยย

“เป็นอะไร ทำไมไม่ลงหละ” ผมนั่งนิ่งไม่ยอมลงรถจนอีกฝ่ายต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ พร้อมค่อมตัวลงมาพูดด้วย

“คือ...ผะ ผมกลัวผี ครับ” แมนๆคุยกันครับ แมนแต่กลัวผีไม่ผิดครับ

หลังจากที่ชายร่างสูงได้ยินคำตอบของผมก็เบิกตากว้าง ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น แบบไม่คิดจะปิดบัง

“โธ่ พี่ภูมิ อย่าหัวเราะสิครับ ผมกลัวผีจริงๆ” ผมจริงจัง ผมไม่ตลก!

“อยู่กับชั้นจะกลัวทำไม” ใช่สิ คนอย่างพี่ภูมิขนาดผียังกลัว 55555

ชายร่างสูงดีงตัวผมออกมาจากรถ แล้วก้มลงไปหาของบางอย่างจากเก๊ะหน้ารถ เลือกหยิบขึ้นมาอันนึงแล้วยื่นมาให้ผม
 
“อะ พกอันนี้ไว้ก่อน” เป็นเครื่องรางแบบญี่ปุ่นครับ สีสันสวยงามมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นกำกับอยู่ ซึ่งไอ้ผมก็อ่านไม่ออกอะนะ ผมเหลือบมองเครื่องรางอีกหลายอันในมือพี่ภูมิ ทำไมไม่ให้ผมทั้งหมดเลยหละ พกหลายๆอันเผื่อประสิทธิภาพจะได้สูงขึ้น กะเก็บไว้ใช้เองอะดิคนขี้งก

“ผมชอบอันนั้นด้วยอะ อันสีชมพู” อดไม่ได้ครับ อยากได้อีกอันนึง

“อันนี้เป็นยาคุโยเคะมาโมริหนะ เครื่องรางกันภัยใช้ไล่ปีศาจ ส่วนอันนั้นมันเครื่องรางความรัก เธอจะพกทำไมอีกมีชั้นแล้วยังไม่พอใจอีกรึ” เย้ยยยยยย ใครจะไปคิดว่าเป็นเครื่องรางความรักหละ เอาอันเดียวก็ได้ ที่พึ่งสุดท้ายแล้วนี่

ผมเดินตามพี่ภูมิที่กึ่งดึงกึ่งลากผมเข้าบ้านในมือก็กำเครื่องรางไว้แน่น ว่าแต่เครื่องรางญี่ปุ่นจะไล่ผีไทยไปรึป่าวหว่า เค้าจะสื่อารกันรู้เรื่องมั๊ยอะ

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ท้องฟ้ามืดมิดจนหลอดไฟรอบๆตัวบ้านเริ่มทำงานจนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เอ่อ สว่าง มาก! ไม่บอกว่าบ้านพักตากอากาศผมนึกว่าอยู่สนามฟุตบอล อย่างกับเอาสปอตไลท์มาส่อง

“เข้ามาสิ กลัวอะไร ไฟออกจะสว่าง” เสียงทุ่มกล่าวเรียกผมเข้าบ้าน ผมมองเข้าไปในตัวบ้าน เอ่อ สว่างจริง!

บ้านหลังนี้ในความทรงจำของผม คือแบบเก่าๆ โทรมๆ เดินแล้วมีเสียงดัง ออดๆแอดๆ ดูๆแล้วไม่น่าจะมีไฟฟ้าใช้ แต่นี้ไม่ใช่เลยครับ บ้านหลังนี้ผ่านการรีโนเวทใหม่ ใช้โครงสร้างเดิน คงวัสดุบางส่วนไว้เหมือนเดิมในส่วนที่ยังใช้ได้อะนะ แต่ส่วนที่ดูจะพังแหล่ไม่พังแหล่กลับถูกเปลี่ยนใหม่ แทนที่ด้วยวัสดุทดแทนผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกไม้เทียม ทาสีใหม่ กั้นห้องใหม่ ที่แน่ๆมีไฟฟ้าสว่างไสวทั่วทุกห้อง โอ๊ย สบายใจ เห็นแบบนี้ค่อยกล้าเดินเข้าบ้านหน่อย

“แหะ แหะ” ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ อายครับ ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ารีโนเวทแล้ว โว๊ยยยยยยยยยยยยย

“แฮก...แฮก...โฮ่ง” เสียงมาก่อนตัวเลยครับ ไอ้กาแฟเพื่อนยาก วิ่งหูตั้งหางกระดิกมาหาผม แล้วกระโดดกอดเอวผม ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะครับ แรงกระโจนของไอ้กาแฟทำเอาผมเซจนเกือบล้ม ดีที่มีชายร่างใหญ่ยืนคุมอยู่ด้านหลังคอยประคองไว้

“นั่ง” เสียงดุๆสั่งปรามเจ้าสัตว์หน้าขน มันร้องหงึงอย่างสำนึกผิดเบาๆ ก่อนหย่อนก้นนั่งลงอย่างสงบเสงื่ยมเรียบร้อย เป็นผมเองที่โผล่เข้าไปกอดคอมัน ซึ่งมันก็ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมกอดแต่โดยดี หากแต่อ้าปากส่งลิ้นเปียกๆมาเลียหน้าผมแทนครับ 555 น้ำมนต์ครับ ถือว่าไอ้กาแฟมันพรมน้ำมนต์อย่าคิดมาก

อาการกลัวผีขึ้นสมองของผมเริ่มคลายลงหลังจากได้รับน้ำมนต์ของไอ้กาแฟ ค่อยมีแรงเดินสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเก็บไว้ในห้องนอนหน่อย พี่ภูมิสั่งให้แม่บ้านเค้าจัดห้องนอนแยกกันครับ อ้างว่าไม่อยากนอนกับผมเดี๋ยวอดใจไม่ไหว โอ๊ยยยยยย แยกห้องนอนไม่ถามความสมัครใจผมอีกแล้ว ถามว่าที่บ้านหลังนี้ผมกล้านอนคนเดียวมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ครับตอนนี้ยังสว่างไสวไปทั่วบ้าน แต่ตอนนอนหลับมันต้องปิดไฟนอนนิครับ บรรยากาศมันต่างจากตอนนี้ลิบลับ ความกลัวมันขึ้นสมองไปแล้วครับฝังรากลึกลงซีรีบรัมไปแล้ว ผมตัดสินใจเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องนอนอีกห้องนึง นอนโซฟาก็ได้ครับไม่มีปัญหา คิดซะว่ามาเข้าค่าย

“ผมหิวจังเลย มีอะไรกินบ้างครับ” เมื่อคลายความกังวลท้องก็เริ่มร้องประท้วงครับ ผมเดินตรงไปยังห้องครัวเห็ยชายร่างสูงกำลังล้างอาหารทะเลอยู่

“มีพวกอาหารทะเลกับพลาสต้า เดี๋ยวชั้นทำพลาสต้าหอยลายแล้วกัน เธอไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ผมส่ายหน้าก่อนเข้าไปจุ๊ฟที่ข้างแก้มเบาๆ ให้กำลังใจกันหน่อยครับ เผื่อจานของผมจะมีหอยลายเพิ่มขึ้นอีก 20%

“ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็นั่งแหมะลงที่เคาน์เตอร์ แค่นั่งเป็นเพื่อนครับ คือผมไม่ได้กลัวผีนะครับ ไม่กลัวเล๊ยยยยยยยย

*********************************************************************************************************

อาหารมื้อเย็นจบไป เราสองคนเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารกันบริเวณสวนรอบๆบ้านครับ มีไอ้กาแฟวิ่งวนไปวนมารอบๆ สงสัยมันคงคิดว่าเราจะพามันไปเดินเล่น ใคร๊ ใครจะพาแกเดินเล่นเวลานี้ พี่ภูมิหลุดขำกับท่าทางของเจ้าสัตว์หน้าขนทีนึง ก่อนจะเดินจูงมือผมเดินดูสวนต่อ มือก็ชี้ให้มองดูดวงดาวบนฟ้า คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เสี้ยวครับเลยมองเห็นดาวชัดกว่าปกติ เห็นแล้วรู้สึกเคลิ้มอยากร้องเพลงครับ

ค่ำคืนนี้ยังมีดวงดาวเจิดจ้า
คราบท้องฟ้ายังดูสดใส
สุดส่วนของขอบฟ้ากว้างไกล
ไม่มีวันใดมืดมิดสนิทนาน......

บัวลอยยยยยยยยยย

ไม่ใช่! บรรยากาศไม่ได้ เปลี่ยนเพลงครับ ยังไม่ทันได้เลือกเพลงใหม่ ก็มีเสียงร้องเพลงดังมาจากคนข้างๆ

“จันทร์คืนแรมวับแวมอยู่บนปลายฟ้า
คงล้าอ่อนแรงทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง
จันทร์เพียงครึ่งดวงคล้ายจันทร์เจ้ารอใคร

จันทร์คืนแรมวับแวมมีเพียงครึ่งใบ
คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง
คอยรักที่จะเติมเต็มในทรวง
โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน”

โอ๊ยยยยย หล่อ รวย แล้วยังเสียงดีอีก อิจฉาครับ

“พี่ภูมิร้องเพลงจีบผมเหรอครับ” ผมถามอายๆ

“แล้วจีบติดมั๊ยหละ” โธ่ ติดตั้งนานแล้ววววววว

ร่างสูงก้มลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ส่วนผมก็เขย่งไปหอมร่างสูงแต่หอมได้แค่คางนะครับ หอมมาก็หอมกลับครับไม่โกง จึงจะหอมคางก็เถอะ

“บ้าวววววว...ฮุ้...บ้าววววววววว” ตัวขัดบรรยากาศ แกจะหอนทำไม

“บ้าววววววววววววววววว...บ้าวววววววววววววววววว” โอ้โห หอนต่อกันเป็นทอดๆเลยครับ

“เอ่อ ผมว่าเรากลับเข้าบ้านกันดีกว่าครับ” อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าอากาศจะเย็นตัวลง รีบเข้าบ้านดีกว่าครับ ผมกลัวเป็นหวัด


********************************************************************************************

 :katai4: :katai5: :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! ตอนที่ 16 ณ ที่แห่งนี้ ผมกลับมาเยือนอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-07-2019 09:08:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 17 ผมไม่ชอบเสียงหมาหอน
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 13-07-2019 11:30:31
บทที่ 17 ผมไม่ชอบเสียงหมาหอน

“บ้าวววววววววววว...บ้าววววววววว” โอ๊ยยยยยย ไอ้หมาบ้าจะหอนอะไรนักหนา

ผมนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงกว้าง ถึงไฟในห้องนอนจะดับสนิทแล้ว มีเพียงแสงจันทร์แสงดาวเบาๆสาดส่องเข้ามา แต่ผมก็นอนไม่หลับครับ ใครมันจะหลับลงถ้าจะมีเสียงหมาหอนเป็นแบ็คกราวน์ขนาดนี้

ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

“เธอเข้ามาในห้องนี้ทำไม ห้องของเธออยู่ทางนู้น” ว่าพลางชี้มือไปยังห้องฝั่งตรงข้าม แต่ผมโนสนโนแคร์ครับ เดินแทรกตัวเข้าประตูไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่แอบเอามาวางทิ้งไว้

“ผมจะนอนห้องนี้ด้วย” พูดพลางค้นชุดนอนออกมาชุดนึง

“แต่ชั้นว่าแยกกันนอนดีกว่า” เสียงทุ่มยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น

“พี่ภูมิอะ พี่ก็รู้ว่าผมกลัว ขอผมนอนด้วยนะครับ นะ...น้าาาาาา” ขั้นกว่าของ ‘นะ’ คือ ‘น้าาาาาาา’ และแล้วชายร่างสูงก็ต้องพ่ายแพ้ 5555555

“เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อน” พูดจบก็คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน

“บ้าววววว...ฮู้….บ้าววววววว” มาอีกแล้วครับไอ้เสียงหมาบ้าพวกนี้ดังมาแต่ไกลเชียว

“ผมขอเปิดประตูทิ้งไว้นะครับ อ๊ะ อย่าแอบดูหละ” ผมตัดสินใจเดินมาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วชะโงกหน้ามาบอกคนตัวสูงกว่าที่ยังยืนงงอยู่ที่เดิม แล้วฮัมเพลงลั้นล้าอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้องน้ำ

กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จก็กินเวลาไปเป็นสิบนาที แต่พอออกห้องน้ำมากลับไม่พบคนที่ควรจะอยู่ในห้อง หันซ้ายหันขวาหากลับไม่เจอ สุดท้ายจึงเอ่ยเรียกชื่อ เบาๆ

“พี่ภูมิ พี่ภูมิครับ” เบามากครับ คือผมกระซิบไง ใครจะได้ยินแกเรียกว่าไอ้กร

“พี่ภูมิ อยู่ไหนครับ” ผมกระซิบต่อ พลางเริ่มเดินออกไปหาด้านนอกห้อง

“ชั้นอยู่นี่” เสียงเข้มเอ่ยตอบมาพร้อมอ้อมแขนแกร่งที่รวบกอดผมมาจากด้านหลัง ฮ่วย! ตกใจครับ โมเมนต์นี้ไม่โรแมนติกครับ

“พี่ภูมิอะ” ผมทุบอกแล้วสะดีดสะดิ้งบิดตัวออกจากอ้อมกอดพอเป็นพิธี ไม่เผลอด่าเหี้ยก็ดีแค่ไหนแล้วครับ

ไอ้พี่ภูมิครับเดินกลับเข้าห้องนอนด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แอบไปอาบน้ำข้างนอกมาใช่ไหม แปลว่าที่ผ่านมาปล่อยผมไว้ในห้องนอนคนเดียว บรึยยยยย

“เช็คผมให้แห้งด้วยสิ” ร่างสูงบ่นพร้อมกับจูงมือผมเดินกลับเข้าไปในห้อง จัดแจงเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหัวผมจนแห้งสนิท จึงผละไปทำธุระตัวเองต่อ

พี่ภูมิก็แค่อยากอ่อยผมหนะครับ อ่อยด้วยซิกแพคกล้ามหน้าท้องแน่นๆ กับผ้าเช็ดตัวผืนเดียววับๆแวมๆ

“ คืนนี้เธอนอนบนเตียงนะชั้นจะไปนอนที่โซฟา” ผมพยักหน้าตกลง เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ครับสุดท้ายผมก็เถียงแพ้อยู่ดี ดีซะอีกได้นอนบนเตียงนุ่นๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะ ฝันดี” ร่างสูงเดินมาหอมหน้าผากผมทีนึงแล้วดันผมไปทางเตียงนอน ส่วนตัวเองเดินไปทางโซฟา แล้วปิดไฟล้มตัวลงนอน

เป็นอีกครั้งที่ปิดไฟนอนโดยไม่ถามความสมัครใจผมสักคน

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ผมยังคงพยายามข่มตาหลับอยู่บนเตียงนอนกว้าง ไอ้หลับตาหนะทำได้ครับ แต่สมองมันยังทำงานอยู่ ในหัวคิดแต่ฉากสยองขวัญในหนังที่เคยดูๆมา นี่ขนาดผมพยายามจะไม่ดูหนังผีแล้วนะครับ แต่เห็นผ่านๆยังติดตาเลย

“บ้าวววว...ฮู้...บ้าวววววว” ไอ้หมาก็ยังคงหอนครับ นานๆทีไอ้กาแฟก็ร่วมวงหอนไปกับพักพวกด้วย แล้วแบบนี้ใครมันจะนอนนหลับลง

“พี่ภูมิครับ พี่ภูมิ” ผมกระซิบเรียกอีกคนในห้องเบาๆ หยังเชิงดูก่อนครับว่าหลับหรือยัง

ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก Sorry There is no acknowledgement from your requested number…….

สงสัยจะหลับไปแล้วแฮะ คนอะไรหลับง่ายจริง! อันที่จริงไม่ง่ายครับแค่ผมนอนพลิกตัวไปๆมาๆมาก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้ว แหะๆ แต่ไอ้ผมเนี่ยแหละที่นอนไม่หลับ

หลังจากที่นอนลืมตาคิดนู้นคิดนี่ ขอสรุปเลยแล้วกันครับ ถ้าคืนนี้ผมนอนไม่หลับ ไอ้คุณภูมิก็อย่าหวังจะได้หลับได้นอน 55555

ร่างเล็กตัดสินใจลุกออกมาจากเตียงใหญ่ แล้วมุดตัวเข้าไปนอนเบียดกับร่างสูงบนโซฟาปลายเตียง แม้จะเบียดจะซุกยังไงร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีทีม่าว่าจะตื่น สงสัยขับรถเหนื่อยครับ ร่างเล็กเริ่มรู้สึกผิดที่ตัดสินใจมาก่อกวนคนนอน จะบาปมั๊ยนะ อันที่จริงพี่ภูมิควรจะได้พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้มีแรงพาผมไปเที่ยว ร่างเล็กกว่าเริ่มนิ่งคิด จากที่เคยดิ้นหยุกหยิกๆข้างกายร่างสูง ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นซุกใบหน้าเข้าสู่อ้อมอกกว้าง ไออุ่นจากตัวพี่ภูมิทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ นอนๆไปชักเริ่มรู้สึกสบาย ไม่สบายตัวนะครับแต่สบายอกสบายใจ หอนไปเถอะไอ้หมา ตราบใดที่ผมซุกตัวอยู่ในนี้ผีที่ไหนก็ทำอะไรผมไม่ได้ เวลาผ่านไปหนังตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าสู่นิทราอย่างสงบ

ซะที่ไหนหละครับ!

ผมกำลังวิ่งหนี วิ่งหนีเข้าไปในดงกล้วย ที่นี่ที่ไหนวะ เหมือนเมื่อกี๊จะนอนอยู่ในบ้านแล้วทำไมโผล่มาวิ่งเล่นในดงกล้วยได้วะ งงในงง

ว่าแต่ผมวิ่งหนีอะไร วิ่งทำไม หยุดวิ่งได้มั๊ยผมว่าผมเหนื่อยแล้วนะ แล้วผมก็หยุดวิ่งครับ ผมยืนนิ่งอยู่ระหว่างทางสามแยก ด้านหลังเป็นภูเขามืดมิด ข้างหน้าทั้งสองด้านเป็นป่ากล้วย ระหว่างที่ผมกำลังยืนงงในดงกล้วยอยู่นั่นแหละ มีอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่ในดงกล้วยลักษณะจะเคลื่อนที่มาทางผมด้วยความเร็วสูง ผมตัดสินใจก้มลงหยิบท่อนไม้ขนาดพอดีมือขึ้นมาจากพื้น ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ อย่างนี้หากมีอาวุธ แถมมีที่ตั้งที่มั่นคง น่าจะพอรับมือกับอะไรก็ตามที่จะโผล่ออกมาได้ครับ

ระหว่างที่ผมเพ่งสมาธิอย่างจดจ่อไปยังบางสิ่งที่ขยับเข้ามาใกล้ผมนั่นเอง

“แฮ่…” เป็นวัตถุทรงกลมครับ ลักษณะเหมือนมีเส้นสายอะไรบ้างอย่างปกคลุมโดยรอบ หมุนไปหมุนมาไม่นิ่ง แถมยังส่งเสียง แฮ่ แฮ่ แปลกๆอีก ยิ่งพอเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ผมถึงกลับผงะ มันเป็นศีรษะของผู้หญิงครับ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำกำลังจ้องมองมายังผม สีหน้าบิดเบี้ยว แลบลิ้นปลิ้นตา แล้วแสยะยิ้มแปลกมาอีก

“เฮ้ยยยยยย ผลัวะ” อารามตกใจครับ กล้ามเนื้อแขนกระตุกท่อนไม้ในมือเกิดลั่น ผมสะบัดหวดไปเต็มแรง วัยรุ่นมุ่งเรียนครับแถมยังเรียนดี กีฬาเด่น ฟริ้ววววววว ลอยไปนู้นแล้วครับ โฮมรัน

เฮ้ออออ สบายใจ

“เฮ้ยยยยยย” ร่างสูงใหญ่สะดุ้งตื่นเฮือก หลังจากถูกของแข็งกระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง หันมองซ้ายมองขวายิ่งตกใจตื่น ในอ้อมอกมีคนตัวเล็กกำลังนอนซบอยู่ มือไม้อยู่ไม่สุกยกชี้นู้นชี้นี่

“โฮมรันนนนนนน” เสียงละเมอจากร่างเล็กพร้อมดับเหยียดแขนขึ้นฟ้าสุดแขน

“ก้อนแป้ง ทำไม” นั่นสิทำไมมานอนตรงนี้ได้ ก่อนนอนยังอยู่บนเตียงดีๆ แล้วจะมานอนเบียดกันบนโซฟาทำไม

ร่างสูงตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปส่งบนเตียงนอนตามเดิม ส่วนตัวเองหันหลังเดินกลับไปยังโซฟาแต่กลับถูกมือเล็กรั้งสายเสื้อเอาไว้

“ผะ ผี นอน สบายใจ แจบๆ” ไม่เป็นประโยคและคาดเดาความหมายไม่ได้ เอาเป็นว่าน่ารักน่าเอ็นดูแล้วกัน

ร่างสูงตัดสินใจล้มตัวลงบนเตียงนอน แล้วดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าสู่อ้อมกอด ไอ้ที่กังวลว่าจะทนไม่ไหว คืนนี้คงไม่เป็นไร ในเมื่อง่วงนอนขนาดนี้

คิดได้ดังนั่นก็สวมกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น ในใจท่องพุทโธ ธัมโม พุทโธ ธัมโม หากใจเราสงบ กายเรายอมสงบ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว

หากแต่ความคิดช่างสวนทางกับร่างกาย เพราะไอ้ที่ตุงๆตรงเป้ากางเกงมันควบคุมไม่ค่อยจะได้ สุดท้ายต้องลุกไปจัดการในห้องน้ำก่อนจึงจะกลับมานอนกอดคนตัวเล็กต่อได้ ถ้าได้นอนกอดแบบนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อย เฮ้ออออออ


 :call: :call:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 17 จะหอนอะไรนักหนา!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-07-2019 12:38:37
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 17 จะหอนอะไรนักหนา!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2019 17:15:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอาอดีตตอนก้อนแป้งเด็ก ๆ แล้วพี่ภูมิไปเจอที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาบอกเลยนะ

อยากรู้ว่าพี่ภูมิแกหลงอะไรนักหนาจนกระทั่งปัจจุบันนี้  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 18 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์วัน
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 15-07-2019 08:47:46
 :hao6:จากใจนักเขียนค่ะ

ตอนผู้แต่งคิดพล๊อตเรื่องไว้ คือดึงดราม่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  กอไก่ล้านด้วย แต่คิดว่าดราม่าไปมันไม่ใช่แนวเลยแต่งให้นายเอกกวนๆส้นหน่อย แต่ไหงแต่งไปแต่งมานางดันออกแนวปัญหาอ่อนซะงั้น สุดท้ายเลยหลงในวังวนนายเอก จมอยู่กับความโก๊ะของนางจนโงหัวไม่ขึ้น 555 ยิ่งแต่งนางยิ่งฮาาาาาาาาาาาา ออกทะเลออกอ่าวไปเรื่อยๆ

ช่วงเริ่มเรื่องกะพยายามปูให้พระนายรักกันไปก่อนค่ะ ยังเด็กๆอยู่ แต่เดี๋ยวพอเริ่มโตหน่อยจะดึงกลับเข้าไลน์หลักของเรื่อง แล้วก็เฉลยปมต่างๆนะคะ รอไม่นานดอก แต่ละตอนสั้นนิดเดียวเองงงงงงงงงงงงง

เอิ๊กๆ  :z13:  ค่อยๆกระดิ๊บๆไป   :z10:

ปล. "เพราะชีวิตมันเครียด ควรเสพแต่งนิยายติ๊งต๊อง"  :hao7:




********************************************************************************************


บทที่ 18 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์วัน

แพลนเที่ยวหัวหินครั้งนี้ไม่มีอะไรมากครับ สามคืนสามวันเที่ยวแบบโนแพลนครับ แล้วแต่ใจตามสไลด์ผมเลย สำหรับวันแรกยามเช้าอันสดใสแบบนี้ผมตัดสินใจชวนพี่ภูมิมาวัดครับ นึกย้อนกลับไม่เมื่อคืนจำได้รางๆฝันอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผีผู้หญิงแต่จำรายละเอียดไม่ได้ นึกแล้วยังขนแขนตั้งชันอยู่เลย ส่วนตอนตื่นขึ้นมายังงงๆอยู่ว่าไปนอนอยู่ในอ้อมกอดของพี่ภูมิได้ไง ตอนนอนยังแยกกันนอนคนละทีอยู่เลย ถามพี่ภูมิก็บอกแต่จำไม่ได้ ไม่รู้ไม่เห็น หรือพวกเราจะโดนผีอำ เอาเป็นว่าไปวัดก่อนเป็นดีที่สุดครับ

“หลวงพ่อครับ เมื่อคืนผมฝันร้ายครับ” หลังจากถวายสังฆทานแล้วผมจึงเริ่มพูดคุยกับหลวงพ่อซึ่งเป็นเจ้าอาวาสประจำวัดแห่งนี้

วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆประจำหมู่บ้าน ที่อยู่ใกล้ที่พักเราที่สุดครับ จากสภาพตัวโบสถ์และวิหารบ่งบอกว่าเป็นโบราณสถานอายุเกินร้อยปีแน่นอน

“ฝันเห็นผีผู้หญิงเหรอโยม” หลวงพ่อทัก ผมพยักหน้าหงึกๆ

“เค้าแค่หึงหวง โยมไปแย่งของรักเค้านี่” หลวงพ่อเหมือนจะรู้เรื่องบางอย่าง

“เฮ้ยยยย ผมไม่ได้แย่งอะไรใครมานะ” ผมนิคนดีทั้งตัวและหัวใจไม่เคยผิดใจกับใครเลยนะเออ

หลวงพ่อเหลือบตาไปมองชายร่างสูงที่นั่งเยื้องไปด้านหลังผม

“เค้าหวงพ่อหนุ่มคนนั้น...คงถูกใจตั้งแต่ที่เจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน” โอโห หลวงพ่อรู้ได้ไง

“เฮ้ยยย คนนี้ของผม ผมสิต้องหวงอะ” ผมโวยวายครับ ส่วนพี่ภูมิก็อมยิ้มตอนที่ผมบอกว่าคนนี้ของผม หึหึ อย่าคิดว่าผมมองไม่เห็นนะ ไม่รู้รึว่าผมตั้งใจโวยวายหนะ หึหึ

“โยมไปวิ่งแถวๆป่ากล้วยใช่มั๊ย” พี่ภูมิพยักหน้ารับ แถวๆบ้านพักเรามีป่ากล้วยด้วย จริงดิ!

“เวลาพักที่นี่ฝันดีตลอดเลยสินะ” หลวงพ่อยังคงทักต่อไป พี่ภูมิยังคงพยักหน้ารับเบาๆ อะไร ทำไมพี่ภูมิฝันดีแล้วผมฝันร้ายหละ

“ที่บ้านโยมไม่มีศาลพระภูมิ ไม่มีเจ้าที่ เค้าเลยมาช่วยดูแล” โอ้จอร์จ ผมลืมสังเกต ไม่มีศาลพระภูมิจริงๆด้วยครับ

“อ่าววว มาดูแลแล้วทำไมต้องมาหรอกผมหละครับ” ผมบ่นกระปอดกระแปด

“เค้าก็แค่หรอกโยมเล่นแหละ โยมเป็นคนจิตแข็งเค้าไม่ทำอะไรโยมหรอก” เอ่อ ผมเนี่ยนะจิตแข็ง จิตใจแข็งกระด้างสิไม่ว่า

“เอ่อ แล้วพวกผมต้องทำยังไงต่อไปครับ” ผมถามออกไป คือผมอยากนอนหลับสงบๆ จะให้มาแหย่ผมเล่นทุกคืนก็ไม่ไหวนะครับ เหล่มองคนด้านหลัง อิจฉาคนนอนฝันดีวุ้ย!

“อุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำไปให้เค้า ตั้งจิตอโหสิกรรม แล้วก็ตัดเวรกันเสีย จากนั้นก็ไปอัญเชิญศาลพระภูมิมาตั้งไว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านก็เป็นอันใช้ได้แล้ว” ผมพยักหน้าหงึกๆ จดรัวๆ แล้วรีบลงมือปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำ

“หลวงพ่อมีของขลังหรือเครื่องรางให้ผมบูชามั๊ยครับ” ก่อนที่จะเดินทางต่อ พวกผมกล่าวลาหลวงพ่ออีกครั้ง

“พระอยู่ที่ใจ แต่ถ้าโยมต้องการอาตมาจะผูกสายสิญญ์ให้ ส่วนเครื่องรางของขลังอยู่ทางนู้น โยมบูชาได้ตามสะดวก” ผมมองตามไปทางโน้นนนนน ที่หลวงพ่อกล่าวถึง เป็นศาลาขนาดกลางที่ตั้งโต๊ะขายดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องรางของขลังต่างๆ สำหรับคนทึ่ต้องการบูชา เสร็จผมหละครับ ผมพบสิ่งที่ต้องการแล้ว

“แล้วหลวงพ่อพอจะมีเลขเด็ดงวดนี้มั๊ยครับ” เมื่อสบายใจ สมองก็เริ่มแล่นครับ ลองถามดูเผื่อฟลุก

“อาตมาว่าโยมลองถามผีสาวดูสิ นางน่าจะบอกโยมได้” หลวงพ่อกล่าวยิ้มๆ แต่ผมไม่ยิ้มด้วยครับ โอ๊ยยยใครมันจะกล้า!

ผมตัดสินใจบูชาพระรอดองค์เล็กๆมา 2 องค์ สำหรับผมและพี่ภูมิ แม้ว่าอีกคนจะไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่ แต่ผมมัดมือชกครับ บอกไปว่าใส่พระคู่ เหมือนใส่เสื้อคู่ไรงี้ แล้วพี่แกก็ยอม ฮาาาาา

เราเดินทางไปต่อกันยังร้านที่รับจัดการเรื่องศาลพระภูมิตามที่หลวงพ่อแนะนำมา โชคดีจริงๆที่วันนี้เป็นวันฤกษ์ดีเหมาะแก่การทำพิธีบูชาศาลพระภูมิ คืนนี้ผมจะได้หลับสนิทเต็มตาสักที หลังจากที่เลือกแบบและนัดแนะเรื่องการติดตั้งศาลพระภูมิแล้วเสร็จ เหลือเวลาอีกร่วม สองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด พวกผมจึงแวะหาอะไรทานที่ร้านอาหารริมทะเลก่อนกันครับ

“กุ้งเผา 3 โล ปูนึ่ง 1 โล ปลากระพงทอดน้ำปลา พล่าเนื้อ ลาบควายคั่ว แล้วก็แกงแคครับป้า” ผมสั่งอาหารโดยไม่ต้องดูเมนูเลยครับ หิว

“พล่า ลาบ แกงแค ไม่มีนะจ๊ะ มีแต่อาหารทะเลจ่ะ” ออ แหะๆ ผิดร้านๆ

“ไข่เจียวปู กับต้มยำทะเลแล้วกันครับ” หลังจากที่ป้าแกนับออเดอร์ไปก็เข้าสู่ช่วงแถลงข่อสงสัยครับ

ผมสงสัยตั้งแต่อยู่ที่วัดแล้ว ไอ้ที่ว่าพี่ภูมิฝันดีอะ ยังไงถึงเรียกว่าฝันดี

“พี่ภูมิฝันว่ายังไงครับ” ผมถามออกไปโต้งๆเลย

“ก็ฝันดี จำไม่ค่อยได้หรอก” ฝ่ายร่างสูงตอบแบบปัดๆ

“ก็ผมอยากรู้ดีเทลอะ อย่างของผมฝันเห็นผีคือฝันร้าย แล้วยังไงถึงเรียกว่าฝันดี” ผมพยายามคาดคั้น

“ก็ฝันว่าได้ทำเรื่องที่อยากทำ” อีกฝ่ายยังกล่าวอ้อม

“ปัดโธ่ แล้วไอ้ที่อยากทำมันอะไรอะ บอกผมเถอะ เผื่อผมอยากทำเหมือนกัน ผมจะได้เก็บไปฝันด้วยยยยยย…นะ...นะคร้าบบบบบบ” ความอยากรู้เอาชนะทุกอย่าง!

“เธออยากรู้จริงๆเหรอ จะเอาไปฝันด้วยสินะ” ชายร่างสูงขยับมานั่งใกล้ๆผม แล้วกระซิบถาม ผมพยักหน้าหงึกๆ

“หอมแก้มก่อนสิแล้วจะบอก” แหนะ มีต่อรอง ผมนิรีบหอมแก้มพี่ภูมิอย่างไวว่องเลยครับ

ฟ้อดดดดดดดดดด หอมยาวๆนานๆไปเลยครับ

ร่างสูงยิ้มถูกใจ แล้วจึงโน้นลงมากระซิบข้างหูผม

“ก็ไอ้เรื่องที่อยากจะทำตอนเธออายุครบ 18 ไง แถมเธอยังจัดการเองซะหมด ไม่เรียกว่าฝันดีได้ยังไง” เฮ้ยยยยย WTF แบบนี้เค้าไม่เรียกว่าฝันดี เค้าเรียกว่าฝันเปียกครับ

///////////////////

“คืนนี้จะฝันด้วยกันรึป่าว” แล้วคนร่างสูงก็ชิงหอมแก้มผมไปทีนึง

“บะ บ้า…” ผมก็เขินเป็นนะครับ เรื่องแบบนี้ใครเค้าคุยกันในที่สาธารณะ โธ่


คืนนี้เราตัดสินใจนอนห้องเดียวกันครับ พี่ภูมินอนโซฟาส่วนผมนอนเตียงเหมือนเดิม ต่างจากคืนก่อนตรงที่คืนนี้ไม่มีเสียงหมาหอนต่อกันเป็นทอด บรรยากาศน่านอนกว่าเมื่อวานเยอะ คืนนี้ผมเลยหลับสบายไร้กังวล

*********************************************************************************************************

พอตกกลางดึกก็มีพ่อบ้านมาปลุกผมบอกว่ามีแขกมาหารออยู่หน้าบ้าน

เป็นสาวน้อยวันแรกแย้ม น่าจะอายุสักสิบสามสิบสี่ปีนั่งร้องไห้อยู่นอกรั้ว ลำบากผมต้องเดินออกไปหาอีก ทำไมไม่มานั่งรอในบ้านฟระ! ชวนให้เข้ามานั่งในบ้านก็ไม่ยอมเข้าเอาแต่บ่นว่าคุณลุงดุ น้องร้องไห้กระซิกๆบอกว่าถูกผู้ชายที่ชอบปฏิเสธ แถมยังพาแฟนมาเยาะเย้ยอีก ประเด็นคือแล้วทำไมผมต้องมานั่งฟังน้องแกปรับทุกข์ด้วยวะ แล้วน้องแกเป็นใคร?

“น้องชื่อนีจ่ะ เป็นชาวบ้านดง บ้านอยู่แถวๆนี้แหละ” น้องแกอธิบาย คุยกันมาตั้งนานเพิ่งนึกได้ว่าควรแนะนำตัวครับ

“ออ พี่ชื่อกรนะ ว่าแต่น้องมาหาพี่ทำไมดึกๆดื่นๆ” ไม่ดึกนะจ่ะพี่ นี้ก็ใกล้รุ่งสางแล้ว เดี๋ยวน้องต้องกลับบ้านแล้วเหมือนกัน

จริงดิจะเช้าแล้วเหรอ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจังหว่า

“ไว้น้องจะแวะมาหาใหม่นะจ่ะ” ว่าแล้วน้องแกก็ทำท่าจะเดินจากไป ผมเริ่มเอะใจบางอย่าง

“น้องนี เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าวครับ ทำไมพี่คุ้นหน้าน้องจัง” คาใจครับ ถามแบบแมนๆนะครับ ไม่ได้จะจีบน้องแกแต่อย่างใด คือผมว่าเราคุยกันถูกคอดีนะครับ แรกๆน้องก็ร้องไห้ปรับทุกข์ให้ผมฟัง แต่พอผมปลอบใจไปสักพักก็หยุดร้อง แถมยังเส้นตื้น ขำไปกับมุขตลกกากๆของผมอีก ดูไร้เดียงสา น่ารักดีครับ โอ๊ยยยยย ผมมีแฟนแล้ว แถมรักแฟนมาก คนนี้พี่น้องกันครับ พี่น้อง แหะๆ

“เราเจอกันเมื่อคืนไงจ่ะ” เอ๊ะ เมื่อคืนไหน เมื่อคืนผมก็นอนอยู่บ้าน ไม่ได้เจอใครเลยนะนอกจากพี่แม่บ้านอะ

“พี่จำน้องไม่ด้ายยยยย หรออออออ จ้าาาาาาา” ว่าแล้วน้องเค้าก็หันหน้ากลับมาพร้อมบิดคอควงสว่าน 360 องศา แลบลิ้นห้อยยาวลงมาถึงปลายคาง

“เชียร์…….” ผมแทบตาถลนออกมาจากเบ้า ปากอ้าค้าง พูดไม่ออกครับ ยังดีที่น้องเค้าค่อยๆถอยห่างผมออกไปเรื่อยๆ ไม่พุ่งเข้าหาผมด้วยความเร็วเหมือนเมื่อคืน

น้องตานี ณ บ้านดงกล้วยนิเอง คุณพระ!

“ดะ เดี๋ยววววว น้องนี อย่าเพิ่งไป” ผมรวบรวมความกล้าเอ่ยเรียกออกไป แต่เหมือนจะไม่ทันการณ์ครับ น้องเค้าหายวับไปจากแนวสายตาผมซะแล้ว

โธ่ ว่าจะถามหาเลขเด็ดสักหน่อย หลวงตาก็บอกให้ถามจากน้องแก

“เฮ้อออ...เสียดาย” ผมถอนหายใจรำพึงรำพันกับตัวเอง

“อะไรจ่ะพี่” อยู่ๆน้องนีก็โผล่พลวดมายืนอยู่ด้านหน้าผมครับ ตกใจหมด ดีที่น้องแกโผล่มาแบบหน้าปกติน่ารักน่าเอ็นดูอะนะ

“พี่ว่าจะขอเลขเด็ด” โอกาสมาต้องรีบคว้าครับ รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปโลด

“.......ตอนเช้าพี่ทำบุญให้นี แล้วไปขูดเลขที่บ้านนีดูแล้วกัน ถ้าของถึงเลขก็มา นีอยากทานไก่ต้มน้ำปลา ปลากระพงลวกจิ้ม น้ำแดงแฟนต้า แล้วก็ขนมสอดไส้กับข้าวเกรียบปากหม้อ อ่อข้าวไม่ต้อง ช่วงนี้นีไดเอด” น้องเงียบไปอย่างใช้ความคิดแล้วก็ร่ายยาวววววววว ก่อนหายวับไป

อ่อ ได้ครับน้องเดี๋ยวพี่จัดให้ ว่าแต่บ้านน้องต้นไหนครับจะได้ขูดถูกต้น


********************************************************************************************


 :mc4: :call: :call: :call: :mc4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 18 เที่ยวทะเลเดย์วัน
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2019 19:39:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 19 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทู
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 19-07-2019 16:48:18
บทที่ 19 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทู

“พี่ภูมิครับ ไปวัดกันเถอะ” ผมเอ่ยชวนระหว่างที่เรากำลังกินอาหารเช้า วันนี้เป็นข้าวต้มทะเลครับ ฝีมือพี่แม่บ้าน

“.......วัดอีกแล้วเหรอ” คนฟังเหวอไปเล็กน้อย ทำไมอะไปวัดดีจะตาย จิตใจสงบ ผ่องใส ไร้มลทิน หุหุหุ

“เมื่อคืนน้องนีมาเข้าฝันผม ผมจะทำบุญไปให้น้องเค้า” ผมบอกพร้อมยื่นรายการอาหารที่น้องแกรีเควสมาให้พี่ภูมิ

“ขนมสอดไส้กับข้าวเกรียบปากหม้อ...น้ำแดงแฟนต้า” ชายร่างสูงอ่านทวนรายการอาหารในมือ สีหน้าดูงงๆ ผมจดมาอย่างละเอียด กลัวลืมครับ

“ก่อนอื่นเราไปตลาดกันก่อน ไปหาซื้อของทำบุญ นะครับ น้าาาาา” ผมเริ่มงอแงเป็นเด็กๆ เมื่อร่างสูงยังคงนิ่งเงียบอยู่

ปกติผมเป็นคนเงียบๆนะครับ เงียบเป็นเป่าปี่เลยดีเดียว แหะๆ แต่ในเมื่อผมมีแฟนหล่อ รวย แถมยังใจดีขนาดนี้ก็ต้องอ้อนให้ถึงที่สุด คนเราสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงได้กับคนสักกี่คนครับ ในเมื่อผมพบคนๆนั้นแล้ว ใยจึ่งต้องกั๊กไว้หละครับจัดเต็มไปเลย

“เธอ...ฝันถึงผู้หญิงชื่อนีเหมือนกันเหรอ” เอี๊ยดดดดด เอาแล้วเฮ้ยยยยย หรือว่าน้องนีไปเข้าฝันพี่ภูมิด้วย

“ใช่ครับ อายุสักสิบสามสิบสี่ปี” ผมพยายามอธิบายลักษณะของน้องนี เผื่อเป็นคนเดียวกัน

“ที่มายืนร้องไห้อยู่ตรงรั้วบ้านใช่มั๊ย” แน๊ะ คนเดียวกันแน่ๆเลย

“ใช่ครับ มาบ่นให้ฟังว่าถูกพี่ภูมิปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย” จะว่าไปก็น่าสงสารน้องแกเหมือนกันนะครับดันมาหลงชอบผู้ชายคนนี้ แต่เสียใจด้วยคนนี้ของผม

“..........จะไปทำบุญใช่มั๊ย รีบๆกินซะสิ” หลังจากที่นิ่งเงียบไป สุดท้ายร่างสูงกลับกลายเป็นฝ่ายเร่งผมซะเอง

 *********************************************************************************************************

ผมกับพี่ภูมิกำลังเดินตามคุณตาแก่ๆคนนึง เราขอให้แกนำทางไปที่บ้านของน้องนี หลังจากที่ผมทำบุญถวายสังฆทานแล้วเสร็จ จึงถือโอกาสเล่าความฝันเมื่อคืนให้หลวงพ่อฟัง พร้อมกับถามหาบ้านน้องนีเลยครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา หลวงพ่อบอกให้มาที่ท้ายหมู่บ้านแล้วถามทางจากชาวบ้านแถวๆนี้ เค้ารู้จักกันทุกคนแหละ สุดท้ายผมเลยเดินตามคุณตาต้อยๆอยู่นี้ไง

เราเดินเข้ามาในป่ากล้วยขนาดใหญ่ ทางเดินคดเคี้ยวแต่มีเส้นทางที่ชัดเจน เดินเข้ามาร่วมห้านาทีจึงเห็นต้นกล้วยตานีด้วยนึง ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางดงกล้วยชนิดอื่น ต้นกล้วยถูกประดับด้วยผ้าแพรเจ็ดสีสวยงาม ด้านข้างมีศาลเพียงตาประดิษสถานอยู่ แถมยังมีข้าวของบูชามากมาย โหหหห ของกินเพียบ ไหนบอกไดเอด!

ผมนำอาหารที่เตรียมมาไปถวายไว้ใกล้ๆศาล จุดธูปแล้วอธิษฐาน ‘นีเอ้ยยย พี่มาแล้วเด้อ ให้ขูดตรงไหน’ ว่าแล้วผมก็เหลมองไปยังโคนของต้นกล้วยที่แลดูเงางาม มันระเลื่อม ล่อตาล่อใจ เอาวะขูดมันตรงนี้แหละ ผมใช้หัวแม่มือขัดๆถูๆ สักพักต้นกล้วยที่เคยมันระเลื่อมก็ปรากฏรอยช้ำเป็นวงๆ คล้ายรูปโดนัท 2 วง

“พี่ภูมิ ช่วยผมดูหน่อยว่าเลขอะไร” ผมตัดสินใจกวักมือเรียกคนตัวสูงกว่ามาช่วย 4 ตาย่อมดีกว่า 2 ตาครับ เพื่อความชัวร์

“.........00” คนตัวใหญ่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบผม โอเคร เลขตรงกัน ดิว!

ว่าแต่ 00 จริงดิ จากสถิติความน่าจะเป็น 00 นิออกยากมากเลยนะ ‘เอาเลขนี้จริงเหรอครับน้องนี -*-’

“เรากลับไปที่วัดกันดีกว่าครับ” หลังจากที่บรรลุวัตถุประสงค์ ผมกล่าวชวนพี่ภูมิกลับ

“วัดอีกแล้วเหรอ” ชายร่างสูงกล่าวอย่างแปลกใจ งงใจ ทำไมเอะอะเข้าวัดอย่างเดียวเลย

“โธ่ ผมจะกลับไปซื้อหวย เห็นมีแผงหวยอยู่ที่วัดอะ บ่ายนี้หวยก็ออกแล้วต้องรีบซื้อ เดี๋ยวป้าเค้าเก็บแผงซะก่อน ไปครับ ไปเร็ว” แล้วผมก็จูงมือลากคนที่ยืนนิ่งให้ขับรถไปส่ง

*********************************************************************************************************

“รางวัลเลขท้ายสองตัว เลขที่ออก ศูนย์...หก ประกาศอีกครั้ง รางวัลเลขท้ายสองตัว เลขที่ออก ศูนย์...หก” เสียงใสๆกล่าวอย่างเนิบช้า สองตาที่จ้องมองโทรทัศน์ของผมแทบถลนออกจากเบ้า โธ่! หวยแดรกกกกกกก อีกแล้ว ไอ้ผมรึอุตส่าโทรไปซื้อหวยใต้ดินกับป้าแม่โรงประจำโรงเรียนเป็นการเร่งด่วน 100 บาทเลยนะเออ ดันไม่ถูกซะนี่ วื้ดไปตัวนึง

“บ๊ะ! ไม่ถูกซะนี่” ผมตบเข่าฉาดอย่างเสียดาย

หลังจากทานข้าวมือเที่ยงแล้ว ผมก็กลับมานั่งลุ้นหวยผ่านทางหน้าจอทีวีที่บ้านพักครับ ดูทีวีนี่แหละเรียวดี มีอารมณ์ร่วมได้ลุ้นไปพร้อมๆกัน

“เสียดายอะพี่ภูมิ ไม่ถูกอะ” ผมหันไปบ่นกับคนที่นั่งๆนอนๆอยู่ด้านข้าง แต่กลับกลายเป็นว่าพูดคนเดียวครับ ตอนนี้พี่ภูมิเอนตัวนอนลงไปกับโซฟายาว ลักษณะจะแอบหลับไปนานแล้วหลับลึกเชียว ขนาดผมหอมแก้มไปสองฟ้อดใหญ่ยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย

ด้วยความผิดหวังที่หวยแดก แถมแฟนยังไม่สนใจ ไม่มีใครคุยด้วย สุดท้ายจึงตัดสินใจไปคุยกับหมาแทนครับ

“ไอ้กาแฟ แกดูเจ้านายแกดิ หลับทิ้งกันเฉยเลย” ผมบ่นใส่เจ้าสัตว์หน้าขนที่นอนหมอบอยู่บนพื้นเบื้องล่าง มันครางหงิงตอบผมเบาๆ แบบให้ค่อยเต็มใจ แล้วขยับขดตัวหันหลังให้แทน

เฮ้ย! ชีวิตไอ้กรทำไมมันบัดซบอย่างนี้ ซื้อหวยก็ถูกแดก ขนาดหมายังเมินอะ ระหว่างกำลังถ่ายมิวสิกศาลาคนเศร้าอยู่นั่นเอง

“รางวัลที่หนึ่ง เลขที่ออก ศูนย์...เจ็ด...สี่...แปด...ศูนย์...หนึ่ง ประกาศอีกครั้ง ศูนย์...เจ็ด...สี่...แปด...ศูนย์...หนึ่ง” เฮ้ย หวยในมือผมสั่นเลยครับ ผมก้มลงมองสลากกินแบ่งรัฐบาลในมือที่ปรากฏตัวเลข 074800 อยู่ เฮ้อออออออ ตกใจ นึกว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่งซะอีก ชวดเลยเงิน 6 ล้านบาท

TT_TT

แต่ เอ๊ะ เหมือนมันมีรางวัลข้างเคียงอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจครับ ผมมันสายหวยใต้ดิน พอเป็นหวยบนดินแบบถูกกฏหมายผมไม่ค่อยสันทัด เหอะๆ

ผมคว้าโทรศัพท์ เข้าเวปไซต์ตรวจสอบล๊อตตารี่ทันที่ หลังจากที่กรอกตัวเลขลงไป ‘โปะเชะ’

‘ยินดีด้วย คุณถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1’ ยะฮู้! หนึ่งแสนบาทครับพี่น้อง อยู่ดีๆก็มีเงินแสนตกลงมาทับหัว ขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับน้องนี น้องอยากกินอะไรบอกพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จัดให้

“พี่ภูมิ พี่ภูมิครับ ผมถูกหวยแหละ” ผมเขย่าแขนคนตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่โดยแรง มีเมื่อความสุขเราต้องแชร์ครับ ช่วงแบ่งปันรอยยิ้ม ไอ้ผมก็ยิ้มหน้าบานไปสิ ส่วนคนที่ถูกปลุกอาจยังงงๆอยู่ แต่พอตื่นขึ้นมาเห็นผมแจกรอยยิ้มสดใสก็เริ่มตาสว่าง ผมกอดคอพี่ภูมิแล้วจุ๊ฟที่ริมฝีปากหนาไปแรงๆ 2 ที

ร่างสูงที่เพิ่งโดนปลุกอาจยังงงๆอยู่ แต่เมื่อโดนคนร่างเล็กกว่าโน้มคอลงไปจุ๊ฟปากแรง 2 ที ก็ตาสว่างทันที สองแขนแกร่งโอบรอบเอวเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้ชิดลำตัว ริมฝีปากกลับส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากปากคนตรงข้าม ร่างเล็กสะดุ้งตกใจเล็กน้อยจากที่เป็นคนจุมพิตกลายเป็นโดนสวนกลับมาอย่างร้อนแรงกว่าเดิม นานๆครั้งที่พี่ภูมิจะจูบผมแบบนี้ จูบทีไรชอบเลยเถิดหยุดยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ พี่แกเลยพยายามจะอยู่ห่างๆผมไว้ แต่ผมสารภาพเลยผมชอบรสจูบแบบนี้มันชวนเคลิบเคลิ้ม หลงไหล อยากจะจูบไม่รู้จบ คิดได้ดังนั้นผมก็จูบตอบ เราสองคนแรกลิ้น เกี่ยวกวัดกันอยู่พักใหญ่จนท้ายที่สุดคนร่างสูงก็ดันตัวผมให้ออกห่าง

“เฮ้อ…..” เสียงทุ้มถอนหายใจยาวๆทีนึง สงสัยได้สติแล้ว แหะ แหะ ส่วนผมนอนอ่อนแรงซบลงบนอกแกร่ง ฟังเสียงหัวใจของเราทั้งสองที่ยังเต้นเป็นจังหวัดรัวกลอง ก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายลง ช้าลงแต่หนักแน่นขึ้น

พี่ภูมิวางร่างผมลงบนโซฟา ก่อนที่ตัวเองจะลุกไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ

ห้องน้ำ! ห้องน้ำอีกแล้ว เอะอะเข้าห้องน้ำตลอด

ผมนั่งๆนอนๆรอ ระหว่างนั้นก็หยิบล๊อตตารี่ขึ้นมาส่องไฟดูว่าของจริงรึป่าว กลัวเอาไปขึ้นเงินไม่ได้ครับ เหอะๆ ไม่นานพี่ภูมิก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ โธ่ ที่แท้หนีไปอาบน้ำมานี่เอง

“ไหน เธอว่าถูกล๊อตตารี่รึ” โซฟาที่ผมนอนอยู่ยุบโฮบ เมื่อร่างสูงนั่งลงข้างๆ มือใหญ่ลูบหัวอย่างเอ็นดู

“ใช่ครับ รางวัลข้างเคียง ได้ตั้งแสนนึง ไว้ค่อยกลับไปขึ้นเงิน” ผมกล่าวแบบดีใจ ชูล๊อตตารี่ในมือโบกไปมา

“อย่างนี้ต้องฉลอง แปะ วันนี้ผมเลี้ยงข้าว” แล้วผมก็ทะลึ่งตัวลุกขึ้นมาลากคนตัวใหญ่กว่าออกจากบ้าน

เราเดินทางมาที่ตลาดกันครับ ผมจะจัดปาร์ตี้ทะเลเผา แขกรับเชิญทั้งหมด 2 คน ถ้วน

“กุ้งโลเท่าไหร่ครับพี่สาวสุดสวย…..แล้วปูหละครับ” ผมยิ้มหวาน ปากหวาน เห็นพ่อค้าแม่ค้าเป็นพี่ชายพี่สาวไปหมด

“แหม...พูดเพราะเชียว พี่ลดราคาให้ กุ้งโลละ 300 บาทพอ ส่วนปูตัวเล็กโล 450 บาท ตัวโตโล 550 บาทจ้า” ผมลังเลครู่หนึ่ง เจ้าก่อนหน้าที่ซอยข้างขายปูที่ราคา 500 บาทถ้วน นอกนั้นแต่ละร้านดูจะราคาพอๆกันหมด งั้นการตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับของแถมแล้วกัน

“ผมขอซื้อกุ้ง 4 กิโล แล้วก็ปูตัวเล็ก 1 กิโล ปลาหมึกกล้วยอีก 1 โล แล้วพี่สาวแถมหอยหวานให้ผมโลนึงได้มั๊ยครับ” ผมส่งสายตาปริบๆให้แม่ค้าคนสวย

“แหม...ต่อเก่งจริงๆ พี่แถมให้ไม่ได้หรอก เอางี้ ลดค่าหอยให้ครึ่งราคาแล้วแถมน้ำจิ้มเจ้าดังให้อีกขวดนึงเลยอ้าว” แม่ค้าต่อรองกลับบ้างครับ

“โอ๊ยยยย ถ้าพี่สาวลดค่าหอยให้ครึ่งราคา ผมขอหอย 2 โลเลยครับ” งานนี้ดิวครับ ครึ่งราคาไม่ใช่น้อยๆนะครับ หอยหวานโลละ 300 บาท เสร็จผมหละทีนี้

“จ้าๆ...เอ้าทั้งหมด 2,100 บาท พี่ลดให้อีก เอา 2,000 บาทถ้วยเลย” แม่ค้าใจปล้ำมากครับ

“โห...พี่สาวสวยแล้วยังใจดีอีกครับ ขอบคุณมาก” หวีดสิครับงานนี้ ประหยัดงบไปเยอะเลย

หลังจากนั้นพวกเราก็ตรงกลับบ้านพัก ผมล้างทำความสะอาดอาหารทะเล ต้องตัดคาวด้วยน้ำเกลือครับ ระหว่างนั้นพี่ภูมิก็ไปก่อไฟเตาย่าง มื้อนี้ง่ายๆเลยครับ ย่างพอสุก จิ้มน้ำจิ้ม แล้วส่งเข้าปากยาวๆ 55555

“อะนี้ครับ ผมแกะกุ้งให้” ผมส่งกุ้งที่แกะเปลือกเรียบร้อยลงในจานพี่ภูมิ ชายร่างสูงมองหน้าผมงงๆ ปกติผมไม่เคยได้เอาอกเอาใจพี่ภูมิแบบนี้หรอก เพราะส่วนมากพี่แกจะชิงเอาใจผมก่อน แต่วันนี้อารมณ์ดี สลับบทกันนิดนึงครับ

“ขอบใจ” หากแต่ร่างสูงเมื่อรับเอากุ้งไปจิ้มน้ำจิ้มแล้ว จับยัดเข้าปากผมแทน

“อ๊ะ…” ตกใจแต่ก็เคี้ยวแล้วกลืนลงไปครับ มีความเค็มปะแล่มๆ อ่อ สงสัยเค็มมือผมเนี่ยแหละ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก็มีแก้วน้ำป่าวส่งมาให้ เหมือนนกรู้นะ!

“เค็มใช่มั๊ย เธอยังไม่ได้ล้างมือ” ร่างสูงหัวเราะชอบใจ สรุปที่ป้อนให้ผมคือรู้ว่ากุ้งจะเค็มใช่ป่าวเนี่ย ผมสะบัดหน้าหนี แกล้งผมนิหว่าาาาาา

“ไปล้างมือซะ” ผมลุกขึ้นเดินไปล้างมือแต่โดยดีตามคำสั่ง แต่เมื่อกลับมากลับพบว่าในจานตัวเองมีกุ้งที่สุกแล้วนอนรอผมไปจัดการอยู่ 5 ตัว แถมแต่ละตัวก็นอนตัวเปลือยป่าวโชว์เนื้อสีขาวล่้อนจ้อน แหะๆ

“ขอบคุณครับ” ผมก้มลงไปหอมแก้มแทนคำขอบคุณ ให้รางวัลคนที่นั่งแกะกุ้งให้ และก็มั่นใจว่าคืนนี้ผมจะไม่ต้องลงมือแกะกุ้ง แกะหอย แกะปูอีกเลย ฮาาาาาาาา

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 19 เที่ยวทะเลเดย์ทู 19-7-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-07-2019 17:06:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 20 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทรี 22/7/62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 22-07-2019 10:49:25
บทที่ 20 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทรี

“วันนี้เธออยากไปไหน จะไปวัดอีกรึป่าว” เสียงเข้มๆถามขึ้นมาหลังจากที่พวกเรารับประทานอาหารเข้าแล้วเสร็จ ตอนนี้ผมกำลังนอนอืด ยืดเหยียดขาอย่างเกียจคร้านที่ห้องรับแขก

เมื่อคืนนอนหลับสบายมากเลยครับ หลับสนิทไม่มีอะไรมากวนใจ ไม่ห่อตัวไม่ซึมเปื้อน เช้าวันนี้เลยง่วงติดพัน อารมณ์อยากจะนอนมาเต็ม

“ผมขี้เกียจอะ นอนอยู่บ้านได้มั๊ยครับ” นานๆทีจะเห็นผมขี้เกียจนะเออ

“............แต่นี้วันสุดท้ายแล้วนะ เย็นนี้ต้องกลับแล้ว” น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

เอ๊ะ! เรามาทะเลครบสามวันแล้วเหรอเนี่ย ว่าแต่เรามาทะเลจริงดิ คุ้นๆว่าเท้าผมยังไม่ได้เหยียบน้ำทะเลเลยนิหว่า ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันที หันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ยืนจังกาอยู่ เอ่อ ใช่ ต้องเที่ยวทะเลสิ

“แหะ แหะ...ผมอยากเล่นบานาน่าโบท อยากลองขี่เจ็ทสกี แล้วก็ส่องสาวใส่บิกินี่ครับ” ในเมื่อว่ายน้ำเป็นเราก็ไม่ต้องกลัวการทำกิจกรรมทางทะเลอีกต่อไป แถมนี้อาจเป็นการทดสอบสกิลการว่ายน้ำขั้นเทพของผมอีกด้วย

“ส่องสาวใส่บิกินี่?” เสียงเข้มกล่าวดุๆ ชะอุ๊ย ลืมตัว ไอ้ผมก็ผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ย่อมต้องชอบดูของสวยๆงามๆอยู่แล้ว ก็แค่ดูเฉยๆ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน

“ผะ ผมหมายถึงนอนอาบแดดที่ชายหาดครับ” โธ่ ใครมันจะอาบแดดกัน แดดประเทศไทยร้อนจนต้องร้องขอชีวิตเลยนะ

*********************************************************************************************************

“ยะฮู้...ว๊าวววววว...พี่ภูมิ” ผมโบกไม้โบกมือให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนดูอยู่ที่ริมชายหาด ตอนนี้ผมกำลังนั่งบังคับบานาน่าโบ๊ทอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนด้านหลังของผมเป็นเด็กชายอายุ 14 คนนึงชื่อน้องพีครับเป็นพี่ชายของเด็กแฝดชายหญิงอายุ 12 ที่นั่งถัดไป ปิดท้ายด้วยคุณพ่อวัยหนุ่มแน่นของทั้งสาม ที่มาคอยดูแลลูกๆ

เนื่องด้วยไอ้ผมมันตัวคนเดียว จะเล่นคนเดียวก็ไม่ได้ คนที่มาด้วยก็ไม่ยอมเล่น ผมเลยต้องมาขอแจมกับครอบครัวนี้ ถือว่าได้ทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าครับ

“เฮ้ยยยยย….” พี่คนขับเริ่มตีโค้งแล้วครับมันเป็นสัญญาณเตือนว่าพี่แกกำลังจะบังคับให้เรือกล้วยของเราล้มอีกครั้ง น้องพีที่อยู่ด้านหลังกระชับเอวผมไว้แน่นเลยครับ สงสัยกลัวตก แต่พี่อยากจะบอกว่าพี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอก ถ้าคนขับเค้าเหวี่ยงให้เรื้อคว่ำ ยังไงเราก็ตกทะเลอยู่ดีครับ กฏฟิสิกส์ง่ายๆเลยครับองศาโค้งแคบ แถมความเร็วยังเกินอีก ถ้าเป็นรถก็หลุดโค้งครับ แต่นี้เรือกล้วยก็เรือคว่ำสิครับ รอไร

หลังจากที่เรือคว่ำมาไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ผมก็ยืนยันได้ว่า การเล่นบานาน่าโบ๊ทให้สนุก คือต้องคว่ำเรือเท่านั้นครับ เพราะจะสนุกมากตอนตกน้ำและตอนปีนกลับขึ้นเรือเนี่ยแหละ

หลังจากที่คว่ำไปเป็นรอบที่ 4 พี่คนขับก็พาเรากลับเข้าฝั่ง คาดว่าคงหมดเวลาที่เช่าไว้แล้วแหละครับ ผมเดินจูงมือน้องพีไปยังเปลชายหาดที่พี่ภูมินอนรอผมอยู่ โดยมีคุณพ่อวัยหนุ่มจูงมือลูกแฝดทั้งสองคนตามมาด้วย

“กลับมาแล้วครับพี่ภูมิ” ผมเอ่ยเรียกหลังจากที่เดินเข้าไปใกล้ คนถูกเรียกลุกขึ้นยืนแล้วชายตามายังมือที่ผมจับกับน้องพีอยู่ ส่งสายตาคมกริบประหนึงมืดโกนหนวด เอ่อ ใจเย็นๆครับนั่นเด็กครับ

“เอ้า เด็กๆ ขอบคุณคุณภูมิซะสิลูก” คุณพ่อบอกให้ลูกขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ก่อนขอตัวกลับ

“ไหนหันหลังมาซิ” ชายหนุ่มร่างใหญ่กดตัวผมลงนั่งที่เตียงผ้าใบ ใช้น้ำสะอาดล้างตัวให้ จับหมุนซ้ายหมุนขวา ก่อนจะละเลงครีมกันแดดให้ทั่วแผ่นหลัง หน้าอก ลำคอยาวไปจนถึงแขนทั้งสองข้าง ก่อนยื่นเสื้อแขนกุดมาให้สวมทับ

“ไหม้แดดหมดแล้ว กลับไปต้องทาอาฟเตอร์ซันด้วยนะ” โอ๊ยยยย บ่นเป็นคนแก่เลยครับ มาทะเลไม่ดำก็ไม่ถึงทะเลสิครับ อย่าบอกนะว่าที่ไม่ไปเล่นเรือกล้วยกับผมนิคือกลัวดำหนะ

“ครับ คร้าบบบบบบบบ” ผมตอบแบบขอไปที แล้วดูดน้ำมะพร้าวจ๊วบๆ ใช้พลังงานที่มีไปเกือบหมดเลยครับ ต้องเติมพลังงานก่อน

“ผมทากันแดดให้พี่ภูมิมั้ง” ผมเดินอ้อมไปด้านหลังของพี่ภูมิ บีบครีมลงบนฝ่ามือ แล้วเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้าง ผิวที่เคยขาวผ่องแลดูคล้ำลงเนื่องด้วยแดดประเทศไทยเนี่ยแหละครับ ขนาดไม่ได้นอนแอบแดดตรงๆนะ ผมบีบครีมเพิ่มเข้าไปอีก โปะเข้าไป ลูบไล้เนื้อครีมบริเวณลำคอเรื่อยไปตามกล้ามเนื้อหลังส่วนบน ลูบลงมาตามแนวกล้ามเนื้อปีกด้านข้างจนจึงกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง จนถึงเอวสอบได้ลูบ เอี้ยมมือไปด้านหน้าพบกล้ามเนื้อหน้าท้อง 1 2 3 4 5 6 ก้อน คุณพระ!

“หึหึหึ พอแล้วมั้งก้อนแป้ง” เฮ้ยยย ผมเผลอลูบเพลินไปหน่อย เช็ดน้ำลายแปปนึงครับ

“แหะ แหะ...พี่ภูมิสอนผมขี่เจ็ทสกีหน่อยครับ” ต้องเปลี่ยนเรื่องแก้เขินครับ ว่าแล้วก็ดึงคนตัวสูงไปยังร้านเช่าเจ็ทสกี

พี่ภูมิสวมชูชีพให้ผม ก่อนสวมให้กับตัวเอง เราเลือกเจ็ทสกีแบบนั่ง ผมปืนขึ้นไปนั่งอยู่ก่อนแล้วคนร่างสูงก็ขึ้นนั่งซ้อนด้านหลัง พร้อมกับอธิบายวิธีการขับเจ็ทสกี

“ถ้าเธอขี่มอเตอร์ไซต์ได้ ก็น่าจะขี่เจ็ทสกีได้ เริ่มจากสตาร์ทเครื่อง แล้วบิดคันเร่งเพื่อออกตัว” ร่างสูงเอื้อมมือมาสาธิตให้ดู เจ็ทสกีค่อยๆขยับออกทะเล สายลมปะทะหน้าผมเบาๆ

“เจ็ทสกีไม่มีเบรก ดังนั้นต้องค่อยๆผ่อนความเร็วแทน...เข้าใจมั๊ย” ร่างสูงอธิบายต่อแล้วเปลี่ยนให้ผมเป็นคนบังคับแทน

“ครับ ครับ” ผมเริ่มบิดคันเร่ง เจ็ทสกีทะยานออกไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เกิดแรงกระชากจนคนตัวสูงต้องสวมกอดผมเอาไว้

“ฮาาาาา สนุกจริงๆ” ผมหัวเราะชอบใจ ชอบความรู้สึกที่สายลมปะทะกับใบหน้า

“เข้าโค้งกว้างๆหน่อย เดี๋ยวคว่ำ” เสียงต่ำๆกระซิบอยู่ข้างหูครับ ลมหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว ผมตัดสินใจผ่อนความเร็วลงเพื่อเพิ่มเวลาให้เราได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ขี่แบบชิวๆไปครับ สิริความเร็วเฉลี่ยน่าจะ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าเดินนิดนึง เหอๆ

สังเกตเห็นพนักงานยืนโบกมือไหวๆที่ชายหาด อ่อ หมดเวลาแล้วครับ แหะๆ การชะลอความเร็วไม่ได้ช่วยเพิ่มระยะเวลาแต่อย่างใด เพราะพวกผมเช่าไว้ชั่วโมงนึง 55555

เรากลับมานั่งนอนๆ ดูสาวๆสวมบิกินี่ที่เตียงผ้าใบที่เดิมครับ ขี่เจ็ทสกีไม่เหนื่อยเท่ากับเล่นบานาน่าโบ๊ท แต่ด้วยความที่ผมรู้สึกเหนื่อยสะสม ของีบหลับเอาแรงแปปนึงครับ ชักง่วงๆ หนังตาค่อยๆหลักลงสุดท้ายผมก็เข้าสู่นิทรา

*********************************************************************************************************

เสียงจอกแจกจอแจรอบๆด้านขัดจังหวะการนอนของผม ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบสาวสวยสามคนกำลังยืนล้อมรอบพวกผมอยู่

วิ๊วววว วิวดีมากมาย สาวๆสวมบิกินี่ตัวจิ๊ว ผิวขาว ผมยาว หน้าอกหน้าใจก็ใหญ่บะเริ่ม เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว สาวๆทั้งสามคนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มร่างสูงที่มีท่าทีรำคาญอยู่หน่อยๆ ส่วนผมเป็นหัวหลักหัวครับ ไม่มีใครสนใจ

“อุ๊ย...น้องชายตื่นแล้วค่ะ” นางสาวเอ นามสมมติครับ สังเกตเห็นผมก่อนเป็นคนแรก ผมโปรยยิ้มให้ คิดว่าน่าจะเพิ่มความประทับใจได้อีก 20%++ แต่คิดผิดครับ เมื่อชายหนุ่มร่างใหญ่เห็นผมตื่นนอน กลับยิ้มให้ผมสว่างไสวแบบสร้างความประทับใจเพิ่มอีก 80%++

เฮ้ยยยยย อย่ายิ้ม แบบนี้สาวๆก็เมินผมหมดสิ

“เย็นนี้ไปไหนกันต่อคะ ไปเที่ยวกับพวกเราต่อมั๊ยคะ” นางสาวบี นามสมมติ คนที่ยืนอยู่ใกล้พี่ภูมิที่สุดเอ่ยปากชวนครับ ผมพยักหน้ารัวๆ ไปครับไป แต่ประเด็นคือเค้าไม่ไดชวนผม เค้าชวนพี่ภูมินู้นนนนนน

“เดี๋ยวพวกผมก็จะกลับแล้ว” ร่างสูงตอบพลางทำท่าจะลุกขึ้นยืน ส่วนผมก็คอตก จ๋อยเลยสิครับ อุตส่ามีสาวๆสวยๆมาชวนเที่ยวแต่ต้องกลับแล้วซะงั้น

“โธ่ น้องชายยังอยากเที่ยวต่ออยู่เลย อย่าเพิ่งรีบกลับสิคะ” ดีมากครับ หว่านล้อมเข้าไป อ้อนเยอะๆเดี๋ยวพี่ภูมิก็ใจอ่อน

ร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาผมที่กำลังยิ้มแหยงๆอยู่ ไอ้อยากเที่ยวต่อหนะไม่ค่อยอยากหรอกครับ แค่อยากไปต่อกับสาวๆ เสียดายสวยๆทั้งนั้น แต่พอเห็นสายตาไม่พอใจที่ฝ่ายชายร่างสูงจ้องมองมา ไอ้ผมนี่ขนลุกเลยครับ ปวดฉี่!

“ไม่ดีกว่า เราต้องการความเป็นส่วนตัว” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาโอบเอวผม ดันให้ก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันที

โธ่! อย่าโอบบบบบบ เดี๋ยวคะแนนนิยมตก

*********************************************************************************************************

กว่าเราจะออกเดินทางกลับฟ้าก็มืดแล้วครับ เพราะผมมัวแต่ร่ำลาไอ้กาแฟมัน ไม่รู้จะมีโอกาสมาเยี่ยมมันอีกเมื่อไหร่ ขากลับเราแวะกินข้าวกับซื้อของฝากที่เพลินวานครับ ผมรับปากไอ้มาร์คไว้ครับ ถ้าไม่มีของฝากให้มันคงบ่นไปอีกเป็นเดือนๆแน่

“อ้ามมมมมมม….” ผมพยายามป้อนลูกชิ้นทอดให้ชายร่างสูงที่ขับรถอยู่ครับ ถึงเราจะกินข้าวเย็นแล้วแต่ไม่อิ่มครับ เฮ้ยย ไม่ใช่ กินไปขับรถไปจะได้ไม่ง่วงครับ เอ๊ะ! มันใช่เหรอ

หลังจากที่ป้อนไปซักพัก ร่างสูงก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ไอ้ผมรึก็เป็นพวกเสียดายของ เลยต้องจับยัดเข้าปากตัวเองแทน ทานไปทานมาหนังตาเริ่มหนักครับ ไม่ได้! คืนนี้ผมตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ภูมิ ขับรถคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย ไม่ได้ ต้องไม่นอน ไม่นอน นอน นอนนนนนนนนนนนน

ร่างสูงเหลือบมองไปยังด้านข้างคนขับ เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วเริ่มเงียบหายไป ศีรษะของร่างเล็กเริ่มเอียงตกลง สักพักก็สัปหงก สักพักเจ้าตัวก็สะดุ้งตกใจ แล้วก็กลับไปสัปหงกอีก เห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ จึงตัดสินใจชะลอความเร็วรถลงเพื่อจอดเทียบข้างทาง จัดแจงปรับเบาะที่นั่งให้เอียงเหมาะแก่การนอนหลับ

“อ๊ะ...ผมไม่นอน” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ พยายามจะลุกตื้นขึ้นมา แต่หากถูกคนตัวใหญ่กดไหล่เอาไว้   

“นอนหลับไปเถอะ...ไม่ต้องเป็นห่วง” ว่าแล้วก็โน้นตัวมาหอมหัวเหม่งๆไปทีนึง โอเคครับ นอนก็ได้ ฝันดีราตรีสวีสดิ์

แล้วรถยนต์ก็เคลื่อนที่ต่อ ส่วนผมหนะเหรอหลับไม่รู้เรื่อง ลืมตาอีกทีคงถึงบ้านแล้วแหละครับ แหะ แหะ





********************************************************************************************

ในที่สุดพี่ภูมิก็ได้เที่ยวทะเลสักที เฮอะๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 20 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทรี 22/7/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-07-2019 22:20:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 20 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทรี 22/7/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-07-2019 17:55:21
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 21 (30-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 30-07-2019 08:45:38
บทที่ 21 ผมนี้ MVP เลยครับ

เสียงตบมือดังขึ้นพร้อมกันเป็นจังหวะ 1 1 2 1 2 3 4 1 2 1 2 1 2 1 v v vio l l let violet violet สู้ๆ

“เฮ้...ชนะแล้วโว๊ยยยยยยย” เสียงเฮดังลั่นจากกองเชียร์ เสียงยินดีจากขอบสนาม สร้างรอยยิ้มให้กับนักกีฬาที่อยู่ในสนามทั้ง 11 คน

“วู้ววววว ทางนี้ๆ” ไอ้มาร์คโบกไม้โบกมือเชียร์ผมอยู่ข้างขอบสนามครับ ผมเป็นตัวแทนสีม่วงลงแข็งขันฟุตบอลระดับมัธยมปลาย วันนี้เป็นรอบก่อนชิงชนะเลิศ เราชนะรอบนี้ก็เข้ารอบไปแข็งรอบชิงกับสีเหลืองที่เข้ารอบไปรอก่อนแล้ว

ฮั่นแน่ งงหละสิ ขอตอนรับสู่ช่วงงานกีฬาสีกีฬาสัมพันธ์ครับ ในปีการศึกษาที่ 2 ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ด้วยกีฬาสีภายในครับ โดยในงานกีฬาสี นักเรียนชั้นมอ 5 ถือเป็นพี่ใหญ่สุด เนื่องจากพี่ๆมอ 6 กำลังวุ่นวายเรื่องสอบเข้ามหาลัยครับ เลยไม่เข้าร่วมกิจกรรม ปีนี้กิจกรรมผมเลยหนักหน่อย ไหนจะต้องคุมน้อง ดูแลสแตนด์ ซ้อมกีฬาให้น้องๆ แถมยังเป็นนักกีฬาเองอีก บอกได้คำเดียวครับ เหนื่อย!

แต่ก็สนุกตามประสาวัยรุ่นมุ่งเรียนแหละครับ

“เฮ้ย...เดี๋ยวต้องไปที่สนามบาสต่อนะเว้ย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนมา ผมรีบลาอาจารย์ที่เป็นผู้ตัดสินก่อนวิ่งตรงไปหาเพื่อนที่รอข้างสนาม

“นี้ครับ ผ้าเช็ดหน้า ส่วนนี้น้ำเกลือแร่” อากิยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม อย่าเรียกผ้าเช็ดหน้าเลยครับเรียกว่าเช็ดตัวเถอะ ถ้าจะผืนใหญ่ขนาดนี้ แล้วผมก็รับขวดแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองมากระดกเอื้อกๆ

“เฮ้ยย อย่าดื่มเยอะเดี๋ยวจุก” ไอ้มาร์คเตือน มันไม่ได้เป็นห่วงอะไรผมหรอกครับ มันกลัวผมไปเป็นตัวถ่วงมัน

เราสามคนรีบเคลื่อนย้ายจากสนามฟุตบอลตรงไปที่โรงยิมซึ่งมีสนามบาสอยู่ด้านในทันที

“เดี๋ยวแข่งบาสเสร็จ กรมีแข่งเปตองต่อนะครับ”  อากิซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวจำเป็นเอ่ยเตือนผม

เฮ้อออ อย่างที่บอกครับ เหนื่อย! ด้วยความที่ผมเป็นคนเรียนดีกีฬาเด่น เวลามีกิจกรรมแบบนี้ผมเลยต้องเดินสายแข่งกีฬาเยอะกว่าไตรกีฬาแน่นอนครับ นับๆที่เหลือเข้ารอบลึกๆ น่าจะสัก 6 อย่างได้ คนอะไรเกิดมาเก่งไปซะทุกอย่างจริงๆ

“เอาไว้ก่อน ตั้งใจแข่งบาสก่อนเว๊ย” ไอ้มาร์คโวยวายครับ ผมอยู่ทีมบาสกับมัน นิก็ดันเข้ารอบชิงชนะเลิศซะด้วย แถมสีที่ชิงกับเราดันเป็นสีแดงเจ้าของแชมป์ปีแล้ว ไอ้มาร์คมันจริงจังกับการแข่งนี้มากเลยครับ ถึงกับลากผมที่บังเอิญเล่นบาสเข้าขากับมันลงแข่งด้วย นั่นแหละครับ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ แค่มองตาเราก็เข้าใจกัน กิ้ววววววว



“ปี๊ดดดด…สีแดงได้ลูกไปก่อนครับ จะทำคะแนนได้เลยรึป่าวต้องลุ้นกันต่อไป...โอ้ พลาดซะแล้วครับ ถูกตัดลูกไปโดยผู้เล่นสีม่วงเบอร์ 10 นั่นเอง...แล้วก็เย้ ชูตเข้าไปแล้วครับ ตอนนี้สีม่วงนำสีแดง 2-0” เสียงโฆษกบรรยายทำให้ผมที่ก้มหน้าก้มตาเหนื่อยอยู่พอจะรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามอยู่บ้าง

“ว้าววววว...มาร์คเก่งจังเลย” เสียงเล็กๆที่นั่งข้างๆผมเอ่ยชม อากิมาช่วยเป็นผู้จัดการให้ทีมบาสครับ คอยเสริฟน้ำเสริฟอาหาร จัดตารางซ้อม ดูแลนักกีฬา จะว่าไปแล้วก็เหมาะกับอากิดี

“เอ่อ เก่ง” ไอ้ผู้เล่นเบอร์ 10 นั่นคือไอ้มาร์ค แถมมันยังเป็นกัปตันทีมอีก ชมมันหน่อยก็ได้

“กรหายเหนื่อยรึยังครับ” อากิหันมาถามพร้อมยื่นยาดมมาให้ผมที่นั่งก้มหน้าดู

โธ่ เหนื่อยสิครับ ผมเพิ่งแข่งบอลเสร็จหมาดๆเลยนะ

การแข่งขันควอเตอร์แรกเริ่มขึ้นแล้ว แต่ผมขอนั่งพักก่อนสักสิบนาที ยังดีที่ไอ้เพื่อนเวรมันเห็นใจ ผมเลยได้มีเวลามานั่งเม้ากับอากิข้างสนาม

“วันนี้กรจะกลับบ้านพร้อมผมมั๊ยครับ” สัปดาห์นี้พี่ภูมิบินไปทำงานทึ่ญี่ปุ่นครับ วันไหนที่ผมไปนอนคอนโดเลยมักจะติดรถอากิกลับ

“ไม่อะ กูจะกลับไปนอนศูนย์” ตั้งแต่คบกับพี่ภูมิผมเริ่มนอนข้างนอกจนคุณแม่เริ่มบ่นแล้วครับ พวกน้องๆคงคิดถึงผมแย่ ช่วงนี้กลับไปนอนศูนย์ดีกว่า

“เฮ้ย… คุยกันอยู่นั่นแหละ เปลี่ยนตัวได้แล้วเฟ้ยยยยยย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนอย่างหัวเสียมาจากในสนาม เอาว่ะ เล่นก็เล่น ยังไม่หายเหนื่อยเลย แมร่งงงงงงงงง




“ปี๊ดดดดดด...จบควอเตอร์ที่ 3 ไปแล้วครับ ตอนนี้คะแนนทั้งสองสียังทิ้งห่างกันไม่มาก สีแดงนำอยู่ 63-59 ยังลุ้นกันได้อยู่ครับ” โฆษกประกาสเสียงดังด้วยความตื่นเต้นครับ ด้วยความที่เป็นการแข่งรอบชิงเลยมีกองเชียร์เยอะเป็นพิเศษแถมยังมีคนดูจากสีอื่นที่ตกรอบไปแล้วมาร่วมเชียร์ด้วย บรรยากาศเลยยิ่งคึกคักครับ

“กูว่าควอเตอร์สุดท้ายเปลี่ยนแผนดีกว่าหวะ ไอ้กรแม่ง...เมิงไปเป็นพอยต์การ์ดเลย กูส่งลูกให้ตั้งหลายรอบเสือกชูตไม่ลง ไอ้โอ๊ตเมิงเล่นชูตติ้งการ์ดแทนไอ้กรมัน” ไอ้มาร์คหัวเสียใส่ผมครับ ผมได้แต่หัวเราะ แหะ แหะ โหสิเพื่อนกูก็เหนื่อยเป็นมั๊ย เมิงต้องไม่ลืมว่ากูเพิ่งแข่งฟุตบอลเสร็จเมื่อค่อนชั่วโมงก่อน

“ไอ้มืดเมิงตามประสบไอ้เบอร์ 3 ไว้เลยนะ แม่งวิ่งโคตรไว ถ้าเอาไม่ไหวจริงๆเมิงก็ยกเต่าให้มันดมแม่ง!” โหหห โหดสัด ผมว่าไอ้มาร์คมันต้องของขึ้นจริงๆไม่งั้นคงไม่สั่งให้เล่นนอกกติกาขนาดนี้!

“เอาเว๊ย ตามไม่กี่แต้มเอง สู้โว๊ย” กัปตันมาร์คให้กำลังกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่กรรมการจะเรียกพวกเราลงสนามครับ

เหมือนว่าแผนของไอ้มาร์คมันจะได้ผลครับ เวลาผ่านไปสิบนาที ในที่สุดทีมเราก็ตามคะแนนฝั่งนู้นทัน แถมยังขึ้นนำอีกต่างหาก แม้ว่าจะนำแค่ 2 แต้มก็เถอะ แต่ประเด็นคือ ไอ้เบอร์ 3 เนี่ยแหละครับ เมิงจะมาประกบกูทำไม กูเป็นพอยด์การ์ดมั๊ย จ่ายบอลห่างๆอย่างห่วงๆเนี่ย เกาะติดกูเป็นเงาตามตัวเลย แม่ง...แรงกูก็จะหมดละกูไม่วิ่งหนีเมิงไปไหนหรอก สงสัยไอ้เบอร์ 3 จะแพ้ทางไอ้มืดจริงๆ ถึงขั้นย้ายตำแหน่งหนีเนี่ย ฮาาาาาาา แต่มันเก่งจริงครับผมนับถือ เป็นผมถ้าเจอฤทธิ์เดชกลิ่นเต่าไอ้มืดไปขนาดนั้น ไม่มีปัญญายืนอยู่ในสนามแล้วครับ ไอ้นี่มันยังทนยืนอยู่ได้ ข้าน้อยนับถือ สงสารก็แต่เพื่อนมันที่ต้องไปประกบไอ้มืดแทน ดูนั่นหน้าม่วงไปหมดแล้วครับ 555

“แม่ง จ่ายลูกสักทีสิวะ ดึงเกมส์อยู่ได้” ไอ้เบอร์ 3 ตะโกนบอกผม ไม่ได้ดึงเกมส์เฟ้ย กูแค่คิดอะไรเพลินๆ พอมันตะโกนจบก็วิ่งเข้ามาแย่งลุกกับผม แบร่ กุไม่ให้เมิงหรอก ถึงผมจะชูตไม่แม่นแต่ผมเลี้ยงลูกเก่งนะเออ ประสบการณ์ตรงจากการช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องๆ ไม่ใช่ละ คนละเรื่องแล้ว -”-

ผมเลี้ยงลูกบอลหลบหลีกมัน ทั้งเลี้ยงต่ำ สลับมือเล่น ลอดหว่างขา มีท่ายากท่าไหนงัดออกมาใช้หมด สุดท้ายก็โดนมันแย่งบอลไปได้ครับ ห่วย!

“เอาแล้วไงครับ ทีมสีแดงทำคะแนนขึ้นนำได้ด้วยลูกชูต 3 แต้มจากพี่บิ๊กเบอร์ 3 นั่นเอง สีม่วงจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้เวลาเหลืออีกแค่ 2 นาทีก็จะจบเกมส์แล้ว” โฆษกยังคงบรรยายอย่างเมามันแม้ว่าพวกผมจะไม่มันด้วยก็ตาม ยิ่งเหลือบไปเห็นไอ้มาร์คลากนิ้วโป้งปาดคอแล้วชี้มาที่ผม เฮือกกกกก กุกลัวแล้ว เอาเป็นว่า 2 นาทีที่เหลือผมจะตั้งใจเล่นครับ

“เฮ้ยยยย ถอยเว๊ย ถอย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนไล่ลูกทีมให้รีบถอยกลับมาตั้งรับ พอดีตั้งใจบุกมากไปหน่อยครับกะรีบทำคะแนนกัน แต่ไม่ใช่แค่ชูตไม่ได้ยังโดนอีกฝ่ายแย่งลูกไป ตอนนี้กำลังบุกกลับ ไอ้พวกที่วิ่งขึ้นไปก็ถอยไม่ทันสิครับ

ชิบ- แล้วครับไอ้เบอร์ 3 เลี้ยงลูกมาทางนี้แล้วครับ ส่วนไอ้เพื่อนเวรวิ่งกลับลงมากันไม่ทัน หันซ้ายหันขวาทั้งแดนมีผมตั้งรับอยู่คนเดียว พ่องเมิงตาย ถ้าผมสู้มันผมคงตายดูขนาดตัวมันสิครับแถมวิ่งเข้าชาร์ตมาอย่างแรงอีก แต่ถ้าผมไม่สู้มันผมก็ตาย ไอ้มาร์คเอาผมตายแน่ เอาวะ

เก็บคองอเข่าเตรียมตั้งรับครับ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมเดา ไอ้เบอร์ 3 กระแทกผมอย่างแรงจนผมล้มเลยครับดีที่เอามือยันพื้นทัน ไม่งั้นก้นกบกระแทกแน่นอน

“ปี๊ดดดดด” กรรมการเป่าฟาลว์ทันที อ่าฮะ สมน้ำหน้า ฝ่ายนั้นฟาลว์ครบ 5 ครั้งพอดี ทีมผมได้ชูตลูกโทษ 2 ลูก เสร็จโจร งานนี้ผมชูตเองขอแก้มือหน่อย

“ปี๊ดดดดด...ผุบ” ทันทีที่กรรมการเป่านกหวีดลูกบาสในมือผมก็ลอยเข้าห่วงอย่างสวยงาม กองเชียร์เฮลั่นสนาม ไม่เฮได้ไง ก็ตอนนี้คะแนนตีเสมอเท่ากันแล้ว แถมเหลือเวลาเล่นอีกไม่ถึงนาที

“สู้ๆครับกร” อากิตะโกนเชียร์มาจากข้างสนาม หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ถ้าผมชูตลูกที่ 2 ลงคะแนนเราจะขึ้นนำทันทีครับ

“ถ้าเมิงทำเสียแต้มนี้ เมิงเจอดีแน่” ส่วนไอ้มาร์คก็ตะโกนขู่ผมข้างๆ จ่ะไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้า

“ปี๊ดดดดด...แคร้งงงง...ผุบ” โหสิครับ ลูกบาสกระทบแป้นก่อนหมุนวนรอบๆห่วงหลายรอบ ลุ้นจนต้องลอบกลืนน้ำลาย แหะ แหะ ผมชูตเบี้ยวไปหน่อยมันแปรบๆที่ข้อมืออะ แต่ขอแสดงความเสียใจกับสีแดงด้วยนะครับ แม้ว่าจะหมุนอยู่หลายรอบแต่สุดท้ายก็ลวห่วงอยู่ดีครับ

โปรดเรียกผมว่าเทพกร!

เสียงเฮฝั่งสีม่วงดังลั่นขึ้นมา ก็แน่สิครับคะแนนเราขึ้นนำแล้วนี่

แต่เวลาการแบ่งขันยังไม่หมดครับ แค่เกือบๆเท่านั้น อีกฝ่ายจึงรีบจ่ายลูกหวังบุกทำคะแนนตีตื้น แล้วเทพกรก็โชว์เหนือตัดลูกมาได้ ผมค่อยๆเลี้ยงลูกหลบไปหลบมา ทำแบบที่ไอ้เบอร์ 3 มันกล่าวหาผมก่อนหน้านี้แหละครับ ‘ถ่วงเวลา’ กร๊ากกกกกก ยิ่งเหลือบไปมองตัวเลขนับถอยหลังบนกระดานเหลืออีก 10 วิ เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสีย ชูต 3 แต้มแม่ง

“ผุบ...ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา อุ๊ต๊ะ! เสือกลง

“เฮ้………” กองเชียร์ข้างสนามส่งเสียงยินดี ในที่สุดเราก็ล้มแชมป์เก่าลงได้แล้วครับ

“โหหหหหห ลุ้นกันจนปวดตับเลยครับ 3 แต้มสุดท้ายจากหมายเลข 8 ไอ้พี่กรนั่นเอง ผมว่าโคตรฟลุ๊กเลยครับ ครึ่งเกมส์แรกเห็นชูตพลาดตลอด ไม่รู้พี่แกไปโดปอะไรมาควอเตอร์สุดท้ายชูตลงห่วงอย่างกับจับยัด” ไอ้โฆษก จะด่าหรือจะชมเลือกเอาสักอย่างครับ แล้วให้เกียรติผมด้วยผมรุ่นพี่คุณนะเออ ผมหันไปยกนิ้วให้ไอ้น้องสองคนที่นั่งพากย์อยู่ข้างสนาม ยกนิ้วก้อยนะครับ เหอ เหอ

“เป็นอันว่าเราได้ผู้ชนะเลิศแล้วนะครับ ยืนดีกับสีม่วงด้วยครับ ชนะสีแดงไปด้วยคะแนน 67-63 เป็นไงครับนัดชิงสูสีคู่คี่ แข่งกันดุเดือดจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามเล่นกีฬาเพื่อความสามัคคีนะครับ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เอ้า!จับมือกันได้เย้” โหหหห น้องมันกล่าวอย่างกับเป็นประธานในพิธี

อากิวิ่งมากอดแสดงความยินดีกับไอ้มาร์คถึงกลางสนาม อีกฝ่ายกอดตอบไม่พอยังแถมหอมแก้มอากิไปอีกฟ้อดใหญ่ แหมมมมม เก็บอาการกันหน่อยก็ได้ครับ ต้องดีใจกันเบอร์นี้มั๊ยเนี่ย

“เฮ้ยยยยย ไอ้กร ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ไปแข่งเปตองต่อ” ไอ้เป็ดตะโกนเรียกผมมาจากข้างสนาม โหสิเพื่อน กูเพิ่งแข่งขาสเสร็จยังไม่ได้นั่งเลย

“ให้กูพักหายใจก่อนไม่ได้หรือไงวะ” ผมบ่นขณะที่เดินไปถึงไอ้เป็ด

“เดี๋ยวก็ได้พักเมิงโยนเปตองก็เหมือนได้พักนั่นแหละ แต่เมิงต้องไปลงทะเบียนก่อน เดี๋ยวจารย์ติดสิทธิ์” ไอ้เป็ดลากผมเดินออกไปจากสนามบาสทันที

เฮ้ยยยยยย ไอ้สองคนที่กอดกันนั่น สนใจกูหน่อย มาแสดงความยินดีกะกูนิดนึง เกมส์นี้กูเป็น MVP เลยนะเฟ้ย เฮ้ยยยยยยยยยยยย

เฮ้ยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 21 (30-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-07-2019 23:29:16
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 21 (30-7-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-07-2019 00:49:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 22 ผมเจ็บจังเลยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 02-08-2019 09:40:42
บทที่ 22 ผมเจ็บจังเลยยยยย 

เฮ้ออออออออออออ

ผมนั่งถอนหายใจยาวอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องรับยา

“ แล้วเย็นนี้เอายังไงครับกร กลับไปนอนกับผมดีกว่า” อากิที่นั่งข้างๆถามขึ้น

” คงต้องอย่างนั้นแหละ กลับศูนย์ไปก็ลำบากคุณแม่เปล่าๆ” เฮ้ออออ ผมหละเซ็ง ทำตัวเองแท้ๆ

“เอ่อ...แต่ว่ากรไม่ต้องมานอนห้องผมหรอกนะครับ” อากิพยายามบอกอะไรสักอย่าง

“เฮ้ยได้ไง แล้วใครจะช่วยกูอาบน้ำ เปลียนชุดหละ” คือผมหวังพึ่งเพื่อนๆเต็มที่เลยนะครับ ตัวเหม็นขนาดนี้ยังไงคืนนี้ก็ต้องอาบน้ำ!

“ก็คุณอาไงครับ” เฮ้ย อาคนไหน ถ้าคนที่เป็นแฟนผม ไปทำงานที่ญี่ปุ่นไม่ใช่รึ

“คือ ผมโทรไปบอกคุณอาว่ากรบาดเจ็บครับ คุณอากำลังเดินทางกลับ” อากิสารภาพ

“เฮ้ย! บอกทามมายยยยยยยยยยยยย” ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยแค่กระดูกร้าวอะ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

“แหะ แหะ ยังไงกรก็กลับไปรอที่ห้องก่อนเถอะครับ” อากิดันหลังผมเดินไปขึ้นรถที่รอรับอยู่

เป็นเรื่องแล้วไง!

*********************************************************************************************************

ย้อนไปเมื่อชั่วโมงก่อน

“อ่าว! นักเรียนส่งเสียงเชียร์เพื่อนหน่อย อย่านั่งเงียบแบบนั้น” เสียงอาจารย์ปี๊ดกล่าวเนิบๆ โหอาจารย์ จะให้เชียร์อะไร เปตองมันเป็นกีฬาที่ใช้สมาธิป่าว ไม่ใช่ตีมวยนะเออ แถมอากาศยังร้อนขนาดนี้ใครมันจะมีกระจิตกระใจเชียร์ ขนาดเสียงอาจารย์ยังง่วงเลย

“ไอ้กร ถึงตาเมิงแล้วเว๊ย” ไอ้เป็ดส่งเสียงปลุกผมที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ข้างสนาม ผมกำลังพักผ่อนแบบที่มันเคยพูดก่อนหน้านี้ไง 55555

เราแข่งเป็นทีม 3 คนครับ คนละ 2 ลูก เล่น 13 แต้ม แข่งแปบๆก็จบเกมส์แล้ว แล้วผมก็จะเป็นไท ผมจะหลับยาวๆให้หายเหนื่อยเลย

“เอ่อๆ” ผมกล่าวตัดรำคาญ แล้วออกไปโยนลูกเหล็กเมื่อถึงเทรินของตัวเอง

‘แป๊ก’ เสียงลูกเหล็กสองลูกกระทบกัน ผมโยนลูกเปตองไปดีดลูกเหล็กเดิมที่อยู่ใกล้ลูกเป้า แม่นจริงๆ

“เชียร์กร” เสียงสบดดังมาจากด้านหลังครับ

อ่อ ไอ้ลูกที่โดนดีดไปเป็นลูกของทีมผมนี่เอง ฮาาาา

ออกตัวไว้ก่อนครับที่ผมมาแข่งเปตองนี่ไม่ใช่เพราะผมเก่งอะไรหรอก แต่ไม่มีใครเล่นเป็นเลยไง ผมก็มาช่วยๆเล่นให้มันครบคน ส่วนไอ้เกมที่แข่งอยู่นี้ก็แข่งชิงที่ 3 ดังนั้นก็เล่นชิวๆไปครับ

“เอ่อน่า...ยังเหลืออีกลูกนึง” ผมแก้ตัวเบา แล้วยกลูกเหล็กขึ้นเตรียมโยนอีกครั้ง ‘แป๊บบบบบ’ เสียวว๊าบขึ้นมาถึงข้อมือเลยครับ โอ๊ยเจ็บ ไม่รู้ว่าโยนผิดท่าหรือว่าลูกเปตองมันหนักเกินไป ทุกครั้งที่ยกข้อมือขึ้นมาผมจะปวดแป๊บๆที่ข้อมือ แรกๆยังไม่ปวดมากแต่พอผ่านมาครึ่งเกมส์ โอ๊ยยยยยย ปวดแสรดดดด เปลี่ยนไปเล่นมือซ้ายดีมั๊ยวะ

“ปึก” เสียงลูกเหล็กตกกระทบพื้นดิน แล้วก็นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเลย ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ไอ้ลูกเหล็กมันถูกโยนออกไปห่างแค่เพียง 1 เมตรเท่านั้น

“เชียร์” เสียงไอ้เป็ดตะโกนเชียร์ เอ้ย ตะโกนด่ามาจากด้านหลัง ชิบ-แล้วครับ แรงหมดยกมือไม่ขึ้น

“โทษหวะเพื่อน กูปวดข้อมือเนี่ย ไม่มีแรงเลย” ว่าแล้วก็ใช้มืออีกข้างชี้ที่ข้อมือขวาซึ่งห้อยอยู่ข้างลำตัว ไม่อยากขยับเลยครับมันปวด

“เชียร์กร ข้อมือเมิงบวมเป่งเลย” เสียงไอ้เป็ดร้องตกใจเมื่อมองมาที่ข้อมือผม หือ อะไรบวม

ผมก้มมองดูข้อมือตัวเอง สัดทั้งบวมทั้งแดง แถมจิ้มโดนก็เจ็บ คุณพระ! ลูกเปตองมันหนักไปจริงๆด้วย

“กูว่าละว่าท่าโบนเมิงแปลกๆ เจ็บมือทำไมไม่รีบบอกวะ” ไอ้เป็ดบ่น แล้วลากผมไปที่ซุ้มพยาบาลทันที

“เฮ้ย เดี๋ยวเมิงจะพากุไปไหนยังแข่งไม่จบนะเฟ้ย” ผมยื้อมันไว้ก่อนหันไปมองสมาชิกคนสุดท้ายในทีมที่ยังโยนลูกเปตองต่อ

“แปปเดียวให้พี่พยาบาลดูข้อมือเมิงก่อน ถึงตาฝ่ายนู้นโยนพอดีแหละ” ไอ้เป็ดบอกเมื่อลากผมมาถึงซุ้มพยาบาลพอดี

พี่พยาบาลจับข้อมือผมขึ้นมา แล้วจิ้มๆไปตรงที่ปูดบวม

“โอ๊ย เจ็บครับอย่าจิ้ม” ผมชักมือกลับ แล้วปล่อยมันห้อยข้างตัวเหมือนเดิม

“พี่ไม่แน่ใจว่าแค่ข้อซ้น หรือกระดูกร้าวนะน้อง พี่ว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า” พี่พยาบาลโทรเรียกรถพยาบาลมารับผม เฮ้ย! ต้องเล่นใหญ่เบอร์นั้นเลยเหรอ เจ็บที่ข้อมือครับส่วนขายังใช้งานได้ดี

“เอางี้ เดี๋ยวกูโทรเรียกพวกอากิให้ไปเป็นเพื่อนเมิง กูจะกลับไปจัดการเรื่องเปตองต่อ” ไอ้เป็ดผลักผมเข้าไปในรถพยายาลจัดแจ้งให้เสร็จสับ เฮ้ย กูคนเจ็บนะเฟ้ย เมิงจะทำรุนแรงกับกูไม่ได้

“เอ่อๆ เมิงไปแข่งต่อให้จบๆ” ผมรับคำส่งๆ ถือโอกาสที่อยู่บนรถเนี่ยแหละ ในที่สุดผมก็จะได้นอนสักที

*********************************************************************************************************

แล้วก็อย่างที่เห็นแหละครับ ผมต้องเข้าเฝือก 4 สัปดาห์ ต้นเหตุน่าจะมาจากที่ผมล้มกระแทกตอนไอ้เบอร์ 3 วิ่งมาขาร์จผมชัวร์ แถมยังไม่เจียมสังขาร เสือกไปโยนเปตองต่ออีก -”-

ผมกำลังนอนสะลึมสะลือ เอนหลังพิงโซฟาอยู่ครับ โดนฤทธิ์ยาแก้อักเสปกับยาแก้ปวดเข้าไป ตอนนี้หนังตาหนักมาก อากิมาส่งผมที่ห้องพี่ภูมิ หาข้าวหาน้ำให้กินก่อนส่งยาให้ อยู่เป็นเพื่อนสักพักพอไอ้มาร์คตามมาสมทบทั้งสองคนก็จากไป เดี๋ยว! พวกเมิงเป็นเพื่อนกูนะ เมิงจะทิ้งกูไว้อย่างนี้จริงดิ

ผมนายปกรณ์ผู้ถูกทิ้ง ได้นอนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนโซฟาหรู ท่ามกลางห้องอันกว้างใหญ่ มองไปรอบๆไม่พบเจอถูกใด โลกใบนี้ช่างโหดร้าย เริ่มเข้าใจความรู้สึกพวกลูกคนรวยที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้แล้ว หรือผมโบกรถกลับศูนย์ดีกว่ามั๊ย กลับไปซบอกคุณแม่ ให้คุณแม่ปลอบใจ ฮาาาาาา

แต่ผมของีบก่อน ตอนนี้ง่วงไม่ไหวละ คร๊อกกกกกก ฟี้


“แป้ง...ก้อนแป้ง…” ใบหน้าของผมสัมผัสได้ถึงการลูบไล้เบาๆ เสียงเรียกที่กระซิบอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา แม้จะยังเบลอเนื่องจากฤทธิ์ยาแก้อักเสบก็เถอะ เลยได้ยินพี่ภูมิเรียกก้อนแป้งอีกแล้ว เรียกใครวะ หรือมีกิ๊ก ได้ข่าวว่าแฟนพี่ชื่อกรนะครับ ปกรณ์ กิจการุณ ครับ

“พะ พี่ภูมิ” เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่ภูมิที่คุ้นหน้าแม้ไม่ค่อยคุ้นตาก็ตาม สภาพพี่ภูมิที่สวมเสื้อเชิร์ตยับย่น ถลกแขนเสื้อพับขึ้นมาถึงข้อศอก เนคไทถูกดึงจนหย่อนแต่ยังคงห้อยอยู่บนคอ ทำไมไม่ถอดออกไปเลยหว่า ผมก็ยุ่งเหยิงชี้เป็นหางเป็ด ไม่ใช่สภาพพี่ภูมิยามปกติแน่นอนครับ

“พี่ภูมิไปสนามรบมาเหรอครับ...อุ้ยยย” นิก็เวอร์ไป แค่นั่งเครื่องกลับมาหาผม 5 ชั่วโมงแค่นี้ สภาพขนาดนี้เลยรึ ผมหัวเราะติดตลกเผลอยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วก็คิดได้ว่าเข้าเฝือกอยู่เมื่อมีความเจ็บจี๊ดมาเยือน แถมไม่ใช่ยกมือปิดปากกลายเป็นยกเฝือกฟ้าดปากตัวเองแทนอีก

“เจ็บมั๊ย” เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าเหยเกของผมก็รีบประคองผมขึ้นนั่ง ถามเสียงดัง

เจ็บสิครับ ถ้าไม่เจ็บจะร้องทำไม ถามมาได้! เจ็บแล้วพาลครับ ทำไมก่อนจะงีบหลับยังไม่เห็นเจ็บตรงไหนเลย แค่ตึงๆ ไหนพอหลับไปแปปเดียวตื่นมาดันรู้สึกเจ็บซะงั้น สงสัยเป็นโรคสำออยครับขั้นรุนแรงซะด้วย

“โอ๊ยยยยยยย จะ เจ็บครับ” ร้องลั่นเลยครับ ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลย

“ไหน เจ็บตรงไหน” ฝ่ายร่างสูงยิ่งได้ยินคนตัวเล็กกว่าร้องเจ็บลั่นยิ่งหน้าเสีย หรือจะเจ็บหนักกว่าเดิมตอนที่พยุงขึ้นนั่ง มือไม้สั่นไปหมดไม่กล้าแตะกลัวอีกฝ่ายเจ็บ

“ข้างหลัง ด้านขวาครับ” ร่างเล็กใช้มือข้างที่ไม่เจ็บชี้ข้ามไหล่ด้านขวาไปข้างหลัง ร่างสูงใหญ่รีบชะโงกตัวตามไปหาจุดที่อีกคนชี้ให้ดู

“อากิบอกเจ็บข้อมือแล้วทำไมมาเจ็บหลังได้ เกี่ยวกับเส้นประสาทรึป่าว” ร่างใหญ่บ่นพลางลูบๆคลำๆหาส่วนที่เจ็บ ส่วนร่างเล็กก็ดิ้นไปดิ้นมา โธ่ มันจั๊กกะจี้ครับ

“เจ็บตรงไหนกันแน่เนี่ย” ร่างสูงยังหาจุดที่เจ็บต่อไป จะจับแรงก็ไม่กล้ากลัวคนตัวเล็กกว่าเจ็บ

“จ๊วฟฟฟฟ ตรงนี้ไงครับ” แล้วก็โดนคนตัวเล็กฉวยโอกาสหอมแก้มไปฟ้อดใหญ่ตามระเบียบ

การกระทำทั้งหมดหยุดชะงักลง แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้าคนตัวเล็กทันที ดวงตาเบิกกว้างกลายเป็นเกมจ้องตากันไปซะงั้น สุดท้ายคนก่อเรื่องอดทนไม่ไหวได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วชี้ไปที่ข้อมือด้านขวาที่เข้าเฝือกอยู่ให้ดูพร้อมอธิบาย

“กระดูกข้อมือขวาร้าวเฉยๆครับ...จุ๊ฟ” กล่าวจบก็รีบจุ๊ฟปากคนตัวใหญ่ที่ยังนั่งนิ่งอยู่ไปเร็วๆแรงๆทีนึง

หลังจากต้องเผชิญความเงียบจากร่างสูงแล้ว สุดท้ายเลยได้แต่หลบตาไม่กล้าพูดอะไรต่อ โธ่! สงสัยจะโกรธจริงไม่น่าล้อเล่นเลย

“อ๊ะ พะ…….อื้อ” แล้วใบหน้าที่ก้มสำนึกผิดอยู่ของผมก็ถูกร่างสูงกว่ากระชากเข้าหา พร้อมกับบดเบียดริมฝีปากเข้ากระทบกัน ส่งลิ้นแกร่งเข้าไปควานหาความหอมหวานอย่างรุกราน จนคนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเริ่มอ่อนแรงลง ผมพยายามจะตอบรับแต่ก็ไม่มีแรง สุดท้ายจึงปล่อยให้คนตัวใหญ่กว่าเป็นผู้นำพา สองมือเล็กที่ตกอยู่ข้างตัวยกขึ้นมาเพื่อโอบรัดฉุดรั้งร่างสูงกว่าเอาไว้

“อื้อ...โอ๊ย” แล้วความเจ็บปวดก็ผาโถมเมื่อเผลอพลิกข้อมือข้างขวาผิดท่าไป

การกระทำของทั้งสองคนหยุดชะงัก คนตัวเล็กน้ำตาเล็ดออกจากหางตาทั้งสองข้าง ใช้มือซ้ายช่วยพยุงแขนด้านขวาที่เข้าเฝือกเอาไว้กลับเข้าที่ แล้วนั่งแหมะลงบนโซฟา

“เจ็บจริง?” แต่ไม่วายที่ร่างสูงกว่ายังทำหน้างงๆ หลังจากที่โดนหยอกไปเมื่อครู่ก็ทำใจเชื่อคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าไม่ค่อยได้

“เจ็บจริงสิครับ กระดูกร้าวนะพี่ภูมิ ไม่ใช่เล็บขบ” ผมโวยวายสิครับ นั่งเบือนหน้าหนีพร้อมทำแก้มป่องโดยไม่สนใจสารูปตัวเองว่าเหมาะกับการกระทำนี้บ้างรึป่าว

ส่วนไอ้พี่ภูมิเมื่อเห็นผมงอนแก้มป่องกลับหัวเราะ

“ดี สมน้ำหน้า” ไม่ว่าป่าวยังเอานิ้วมาจิ้มๆตรงที่เข้าเฝือกอยู่ โอ๊ยยยยยยย มันไม่เจ็บหรอกครับจิ้มไม่โดนข้อมือผมโดยตรง แต่มันกระเทือนแขนไง ปั๊ด!

“ทำอะไรหนะ ผมคนเจ็บนะ อย่าแกล้งกันสิ” ผมโวยวายสีหน้าจริงจัง มองตาขวางเลย

“นั่นงอนอยู่เหรอ เฮ้ออออ มาดูข้อมือหน่อย” เมื่อคนตัวโตนั่งลงข้างๆผมพร้อมจับมือข้างที่เจ็บไปดูใกล้ๆ  จงใจเป่าลมหายใจรดปลายนิ้วที่โผล่พ้นเฝือกเบาๆ

เฮ้ออออ หายงอนก็ได้

“ไปทำอิท่าไหนหละ” ร่างสูงถามขณะลูบท้องแขนผมเบาๆจนผมเคลิ้ม สบายดีครับรู้สึกเสียวๆเย็นๆ

“ก็ท่านั่งอะครับ” ร่างสูงขมวดคิ้วกับคำตอบของผม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ท่านั่งจริงๆจะงงทำไม นั่งกระแทกก้นเจ้าเบ้าด้วยอ๊ะ ผมจ้องมองตาอีกฝ่ายตาแป๋ว มองลึกเข้าไปในดวงตาที่จริงจัง เงียบจนอีกฝ่ายถอนหายใจ แล้วทำม่าจะอุ้มผนขึ้น

“เฮ้ย...จะพาไปไหนครับ” ผมตกใจรีบถาม

“ดึกแล้วไปนอนได้แล้ว” ร่างสูงตัดบท เฮ้ยยยยย แต่ผมเพิ่งตื่นนะ ยังไม่อยากนอน

“เดี๋ยววววว ยังไม่นอนได้มั๊ยครับ ผมอยากอาบน้ำ แหะๆ” ผมพยายามต่อรอง แต่ร่างสูงกลับไม่สนใจฟัง เมื่อถึงห้องก็วางผมลงบนเตียง

“นอนรอนิ่งๆ เดี๋ยวชั้นจะเช็ดตัวให้” ว๊ายยยย มีเช็ดตงเช็ดตัว /////////////////////

“เอ่อ...อาบน้ำปกติก็ได้มั้งครับ ตัวผมเหม็นมากเลยอะ” ผมพยายามต่อรอง นิเหงื่อผมออกมาทั้งวันเลยนะ เห็นผมดูซกมกแต่ผมเป็นเด็กอนามัยนะเออ

“ไม่ได้คืนนี้แผลน่าจะอักเสบ กันไว้ก่อนดีกว่า…” ร่างสูงยังยืนยันที่จะเช็ดตัวให้ตามเดิม

โอ๊ยยยยยยย ทำอะไรไม่ถามความสมัครใจผมเล๊ยยยยยยยย //////////////////////////////
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 22 ผมเจ็บจังเลยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-08-2019 19:20:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 23 ผมก็ฝันแบบนี้บ่อยๆนา
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 06-08-2019 14:06:05
 :katai5: :katai5: :katai5:

********************************************************************************************

บทที่ 23 ผมก็ฝันแบบนี้บ่อยๆนา

“แฮกกกก  แฮก แฮก….ระ ร้อนนนนนน” ผมนอนกระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา แขนขาปัดป่าย แม่ว่าแขนข้างนึงจะวางไว้แน่นิ่งเพราะรู้สึกเจ็บ แต่แขนอีก 1 ข้าง กับ 2 ขาที่เหลือ ปัดไปรอบทิศ

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ปากยังคงเพ้อออกมา เหงื่อไหลท่วมตัว จนสุดท้ายชายหนุ่มที่นอนด้่านข้างสะดุ้งตื่นขึ้น

“ก้อนแป้ง...ตัวร้อนมากเลย สงสัยไข้ขึ้น” ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือวัดไข้ ก่อนขมวดคิ้วแน่น คืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากที่เจ้าตัวเล็กข้อมือร้าว เค้าก็เดาเอาไว้แล้วว่าน่าจะมีไข้ นี้ขนาดให้กินยาแก้ไข้ดักไม่ก่อนแล้วนะ ยังเอาไม่อยู่

สองมือแกร่งบิดผ้าขนหนูหมาดๆ แล้วบรรจงเช็ดตัวให้อีกรอบ แล้วพยายามปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นขึ้นมาทานยา

“ก้อนแป้ง...ตื่น กินยาสักหน่อย” เสียงทุ้มกระซิบพร้อมเขย่าตัวเบาๆ แต่ร่างเล็กกลับไม่ยอมตื่น แถมยังปัดป่ายไปมาอีก

“ชะ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย….คุณพ่อ...คุณแม่...พะ...พี่ภูมิ” เสียงละเมอยังคงดังมาเป็นรอบๆ ยิ่งทำให้ร่างสูงตระหนก ทำไมไข้ถึงขึ้นสูงขนาดนี้นะ แล้วยังละเมอแปลกๆอีก

“ก้อนแป้ง ตื่น...กร กร...ตื่น…….ชริ” หลังจากที่ร่างสูงพยายามปลุกแต่ไม่เป็นผลสุดท้ายจึงตัดสินใจป้อนยาให้ร่างบางรูปแบบใหม่ แบบเม้าทูเม้าใช้ปากประกบแล้วบังคับให้กลืนยาลงไป ร่างเล็กเริ่มหยุดดิ้น สุดท้ายเริ่มเคลิ้มแถมยังมีการจูบตอบอีก

“เฮือกกก….” แล้วก็สะดุ้งตื่น เอ่อ...ชอบให้ปลุกแบบนี้นี่เอง

“พะ...พี่ภูมิ” ร่างเล็กที่เพิ่งสะดุ้งตื่น โผเข้ากอดร่างสูงที่ประคองตัวเองอยู่แล้วกล่าวอย่างหวาดผวา

“ผะ...ผม ฝันร้ายอะ…...แบบร้อนมากเลย มองไปทางไหนก็มีแต่ควัน” ร่างเล็กยังคงตัวสั่น จดจำความรู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไม่มีวันลืม

นั่นสิ ไม่น่าจะลืม แต่เหมือนว่าจะลืมอะไรบางอย่างไป

“ควันเหรอ” ร่างสูงใหญ่ได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสัย

“ใช่ ควัน เหมือนควันไฟ ผมอยู่ในห้อง มันมืดมาก เหม็น ผมหายใจไม่ออก…” แล้วร่างเล็กกว่าก็เกร็งไปทั้งตัว คล้ายกับว่ากำลังหายใจไม่ออกจริงๆ

ร่างสูงใหญ่ตกใจ รีบเขย่าร่างในอ้อมกอดทันที

“ฝัน...มันเป็นแค่ความฝันนะกร...หายใจลึกๆ...นั่นแหละ หายใจเข้า หายใจออก...เข้า...ออก...” หากหายใจแทนได้เค้าคงช่วยหายใจแทนไปแล้ว แต่นี้ทำได้เพียงปลอบประโลม คนตัวเล็กที่สติกำลังกระเจิดกระเจิง จนกระทั่งผมหายใจของคนในอ้อมกอดเริ่มสม่ำเสมอ

“พะ...พี่ภูมิ” เมื่อสติมา ปัญหาเริ่มเกิด ร่างเล็กๆเริ่มดิ้นขยุกขยิกในอ้อมกอดแกร่ง พยายามใช้แขนข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกผลักอ้อมออกออกห่าง ร้อนไงครับ ไม่มีอะไรมากหรอก เหงื่อโชกขนาดนี้

“ดีขึ้นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ครับ…ไม่เป็นอะไรแล้ว” ร่างเล็กกว่าที่รวบรวมสติได้กล่าวขึ้นมาตอบก่อนจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ความจริงเรื่องฝันร้ายแบบนี้ผมฝันเห็นบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ไม่เคยบอกใคร ส่วนมากพอตื่นก็จะจำได้แค่รางๆ นี้อาจเป็นครั้งแรกที่ยังจำรายละเอียดของความฝันได้มากมายขนาดนี้ สงสัยพอมีไข้แล้วเกิดญาณพิเศษ ต่อไปนี้เรียกผมว่า ไอ้กรจิตสัมผัส!

“กินน้ำสักหน่อยสิ” มือหนายื่นแก้วน้ำส่งตรงมายังคนตัวเล็กที่รับไปดื่มเอื้อกๆอย่างรวดเร็วจนหมดแก้ว

“อ่าาาา….” สดชื้น เรียกสติได้มากขึ้นโข ใช้หลังมือเช็ดน้ำที่เปื้อนบริเวณมุมปาก แล้วส่งแก้วน้ำกลับไปยังคนตัวโตกว่า พร้อมกับขอเพิ่มอีกแก้ว โถถถถถถถ ผมเสียเหงื่อไปเยอะครับต้องกินน้ำเข้าไปทดแทน

ร่างสูงกว่ามองดูคนตัวเล็กซดน้ำเข้าไปอีกแก้วนิ่งๆ แต่ไม่ได้ถูกอะไร ทั้งสองคนนิ่งเงียบกันไปสักพัก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

ปกติเวลานอนน้อยครั้งที่จะเห็นเจ้าตัวเล็กฝันร้ายแบบนี้ อย่างมากก็ละเมอหาของกิน เรียกเพื่อนตีป้อม หรือด่าไอ้มาร์ค นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางทรมานแบบนี้ หรือมันจะเป็นความฝันถึงอดีตที่ลืมไปแล้วนั่น

เอ๊ะ! หรือจะใช่

“พี่ภูมิ...ผมอยากอาบน้ำอะ” เสียงเล็กๆกล่าวผมเรียก จนชายหนุ่มตื่นจากภวัง

“แต่เธอยังมีไข้” ร่างสูงกล่าวปฏิเสธ เค้าไม่อยากให้ไข้ขึ้นสูงไปกว่านี้

“นะ...วิ่งผ่านน้ำก็ได้ ไม่เกิน 2 นาที...เนี่ย ตัวผมเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว...น้าาาาาาา” ว่าพลางดึงคอเสื้อเปิดเผยแผ่นอกชื้นเหงื่อ แถมเสื้อก็เปียกโชกไปหมด มันใช่เหงื่ออย่างเดียวซะที่ไหน น้ำที่กินไปเมื่อตะกี๊หกรดเกือบครึ่งแก้ว แหะๆ

“แต่เธอยังเจ็บข้อมืออยู่ จะอาบยังไง” เมื่อปฏิเสธคำว่า ‘น้าาาาาาา’ ไม่ได้ แต่ร่างสูงยังคงหาเหตุผลมาปฏิเสธ

“แหะๆ งั้นให้พี่ภูมิอาบให้” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นร่างสูงกว่าลอบกลืนน้ำลาย ติดกับแล้วครับ ยังไงคืนนี้ผมต้องได้อาบน้ำ ว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที



*********************************************************************************************************


“ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย...ฝันร้ายหนะ” เสียงทุ่มกล่าวช้าๆ ในขณะที่มือกำลังถือใยขัดตัว ทำหน้าที่เด็กถูหลังให้ผมอยู่ มือข้างที่เข้าเฝือกของผมถูกห่อไว้ด้วยถุงพลาสติกขนาดใหญ่ป้องกันน้ำเข้า แถมยังยกแขนขึ้นสูงอีก ต้องรีบๆอาบแล้วหละครับเดี๋ยวเลือดไม่เดิน

“ครับ...ความจริงฝันเหมือนๆเดิมแหละ แต่ครั้งนี้จำรายละเอียดได้เยอะไปหน่อย สงสัยเป็นไข้ทับระดูพอดี แหะ แหะ” ผมพยายามยิงมุกคลายเครียด โธ่ ไข้ทับระดู คิดได้เนาะ

“เหมือนเดิม?” ร่างสูงขมวดคิ้วเข้าหากัน เอ๊ะ! นอกจากจะไม่ตบมุกผมแล้ว ไหงดูเครียดกว่าเดิมหว่า

“เอ่อ...อย่าบอกใครนะครับ แต่ผมฝันแบบนี้บ่อยๆ” ผมพยายามอธิบาย ผมฝันแบบนี้บ่อยมากช่วงประถมฝันแบบเดิมซ้ำๆจนชิน พอโตขึ้นมาหน่อยก็ไม่ค่อยฝันถึงอีก มีวันนี้แหละที่กลับมาฝันแบบเดิมอีกครั้้ง สงสัยเป็นไข้ทับระดูจริงๆ ระดูที่แตกต่างอะนะ ไม่ใช่! ฤดูที่แตกต่างสิ ผ่างงงงงงง

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเครียดเอ๋ยถาม ทำลายความคิดฟุ้งซ่ายของผม

“เอ่อ...ถ้าถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ก็ตั้งแต่จำความได้เลยอะ” หลังจากได้ยินคำตอบของผม ร่างสูงก็นิ่งเงียบไป คือผมไม่ได้กวนตรีนอะไรทั้งนั้นนะครับ ไม่ได้การแล้วต้องรีบอธิบาย ขอเรียบเรียงคำพูดแปป

“คือ...ผมจำเรื่องสมัยเด็กไม่ได้อะครับ…จำได้รางๆ ก็ตอนย้ายเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฯแล้ว แล้วผมก็เริ่มฝันมาตังแต่ตอนนั้น” แย่แล้ว ยิ่งอธิบายยิ่งเงียบ ให้ตายสิ ผมไม่ชอบเรื่องดราม่าเอาซะเลย

“....จำไม่ได้เลยเหรอ” หลังจากที่เงียบหายไปนาน ในที่สุดร่างสูงก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

“จำไม่ได้ครับ แต่ก็พอจะเดาได้” ผมตอบความตามจริง สมัยเด็กผมอาจจะยังไม่รู้อะไร แต่พอโตมาก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ เหตุการณ์ในความฝันของผมน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ฯ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเสียความทรงจำ ทำให้ผมเหลือตัวคนเดียว และทำให้ผมกลายเป็นเด็กกำพร้า

“เธอรู้…” ร่างสูงถามต่อไปเสียงเครียด โธ่ พี่ภูมิรู้สิครับ ผมอายุจะ 18 ปี แล้วนะไม่รู้ก็บ้าแล้ว!

แหม! ฉลาดระดับผม เรื่องที่ว่าอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองไฟไหม้เมืองสิบปีก่อน ผู้อยู่อาศัยเสียชีวิตกันเกินครึ่ง เรื่องแค่นี้เซิร์ทหาข่าวในอินเตอร์เนตก็เจอ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร คุณพ่อคุณแม่คือใคร ทำไมผมถึงกลายเป็นเด็กกำพร้า ผมแค่ไม่ได้ออนดีเทลเท่านั้นแหละ เหมือนผมเป็นคนผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง เหมือนมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผม ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของผมเนี่ยแหละ โอ๊ยยยยย งง เว๊ย

“รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ แต่ไม่รู้รายละเอียด ก็ผมจำไม่ได้หนิ” ผมตอบหน้าตาย พร้อมถอนหายใจ บอกแล้วว่าผมไม่ชอบเรื่องดราม่า อย่างน้อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมได้พบกับครอบครัวใหม่ ได้พบกับคุณแม่ พบกับน้องๆที่ศูนย์ฯ แถมทุกวันนี้ยังมีพี่ภูมิอยู่เคียงข้างอีกแค่นี้ก็ดีแล้วครับ

เป็นไงหละ มองโลกในแง่ดี โค ต ร

โธ่….ชีวิตคนเรามันเครียดครับ ถ้ายังมัวแต่เครียดอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เราจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ยังไง สู้โว๊ยยยย ทาเคชิ!

“จำไม่ได้ก็ดี...งั้นก็ไม่ต้องไปพยายามนึกถึงมันหรอก” ร่างสูงดึงผมเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะหายใจรดต้นคอจนผมขนลุกซู่ ไม่ได้เสียวครับ ผมหนาว!

“เอ่อ...ผมว่าเรารีบๆอาบน้ำให้เสร็จดีกว่าครับ ผมหนาวววววววว” ว่าแล้วก็เบียดซุกไซร้เข้าไปในอ้อมกอดเพื่อหาความอบอุ่น แล้วไม่นานก็ไม่ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังออกมาจากร่างสูง

“แว๊กกกกกกกกก…” ผมสะดุ้งตกใจสิครับ อยู่ๆร่างถูกราดน้ำใส่ ถึงจะเป็นน้ำอุ่นก็เถอะ

“มาๆ เช็ดตัวให้แห้งจะได้ไปนอนต่อ” ร่างสูงลากร่างผมออกจากห้องน้ำ แล้วใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมของผมเบาๆ

“แหะๆ แหะๆ” ผมได้แต่หัวเราะ แหะๆ แลดูโง่ๆ แล้วใช้สองมือโอบกอดคนตัวสูงไว้ เอาหัวทุยดันไปที่บริเวณหน้าท้องกล้ามแน่น ไถไปไถมา เข้าตำรา มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ให้ความร่วมมือขั้นสุด

ก็ผมชอบบรรยากาศแบบนี้อะ ต้องยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ผมยังไม่อยากนอน

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 23 ผมก็ฝันแบบนี้บ่อยๆนา 6-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-08-2019 22:15:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่ภูมิ  น่าจะรู้จักกับครอบครัวของก้อนแป้ง

แต่ว่านะ...เหตุการณ์ในวันนั้น  มันต้องมีเงี่ยนงำอะไรแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 24 ผมและคุณแม่ที่เคารพ 10-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 10-08-2019 16:10:22
ในที่สุด ก็ได้เวลาเปิดตัวคุณแม่ของน้องกรแล้วคร่าาาาา  o18

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางติดนิสัยบ้าๆมาจากไหน  :laugh:




********************************************************************************************

บทที่ 24 ผมและคุณแม่ที่เคารพ


“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้สายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน JL708  ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยัง ท่าอากาศยายนาริตะ ขอให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารดังกล่าวขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ………………” เสียงหวานๆเย็นๆดังออกมาจากลำโพงที่ติดตั้งไว้ทั่วสนามบิน เสียงที่ฟังดูไร้ความรู้สึกนั้นยิ่งทำให้ผมสงสัยว่า นั่นใช่เสียงคนพูดรึป่าว ทำไมเสียงฟังคล้ายๆน้องนีหว่าาาา

พี่ภูมิต้องบินกลับไปจัดการเรื่องงานที่ญี่ปุ่นต่อ ก็ใครใช้ให้แอบหนีงานกลับมาแบบนั้นหละ เอิ๊กๆ

“อาทิตย์หน้าชั้นก็กลับมาแล้ว...เธออยู่ได้ใช่รึป่าว” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มอยู่ดูแลคนตัวเล็กได้แค่ 2 วัน ก็ต้องบินกลับไปสะสางเรื่องงานต่อ แถมเป็น 2 วันที่ข้อมืออักเสปจนไข้ขึ้นอีก ผิดที่เค้าเองที่ใจอ่อนยอมให้อาบน้ำนั่นแหละ! พรุ่งนี้เจ้าตัวเล็กต้องกลับไปเรียนหนังสือแล้วด้วยจะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง

“โอ๊ยยยยย ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมอยู่ได้สบาย ตั้งใจทำงานนะครับ” เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ ถ้าจำไม่ผิดช่วงสองวันที่ผ่านมาพี่ภูมิแทบไม่ได้นอนเลยครับ ยุ่งแต่ดูแลผมนี้แหละ หุหุหุ

ผมโบกมือลาคนตัวสูงที่เดินหายลับตาเข้าไปในเกต ส่วนตัวเองเดินกลับไปยังทิศทางตรงข้าม มุ่งหน้ากลับไปหาคุณแม่ครับ ในที่สุดพี่ภูมิก็กลับไปสักที วันนี้ผมจะกลับไปนอนที่ศูนย์ฯ คิดถึงคุณแม่กลับพวกน้องๆใจจะขาดแล้วววววว

*********************************************************************************************************

“โหหหห พี่กรไปทำไรมานั่น ไม่เจอกันหลายวันถึงขั้นเข้าเฝือก” ไอ้เล้ง เอ่ย น้องเล้ง น้องชายคนสนิทของผมเอ่ยทัก เมื่อมันเจอหน้าผมที่ศูนย์ฯ

“ยุ่งจริงเว๊ย” ผมเอ่ยปัดรำคาญ

“กรี๊สสสส พี่กร แขนไปโดนอะไรมาคะ” หนูเล็กก็ถามบ้าง

“เฮ้ย ไอ้กร เมิงไปตีกับใครมา” ต่อด้วยพี่โอ

“กร…”

“ไอ้กร…”

“พี่กร…”

และคนอื่นๆอีกมากมาย นิผมฮอตขนาดนี้เลยรึ มีแต่คนตามติดชีวิตผม สงสัยต้องจัดแถลงข่าว

“เจ้ากร...ไปทำอะไรมา ห๊ะ” อุ๊ต๊ะ! เสียงสวรรค์ ตวาดดังลั่นมาแต่ไกล คุณแม่นั่นเองครับ ได้เวลาแถลงข่าวพอดี รบกวนจัดเวทีกับไมโครโฟนให้ผมด้วย

“หายหัวไปหลายวัน บอกแค่ไปนอนค้างกับคุณภูมิ นิยังไง ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วรึ” สตรีร่างเล็กวัยสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อแขนกุดรัดรูปกับกางเกงขาสั้น ยังดีที่มีผ้ากันเปื้อนตัวยาวปิดเรียวขาขาวๆคู่นั้นเอาไว้ เดินมาทางผม ในมือถือเสียมด้ามยาวติดมือมาด้วย เอิ่มมมมมม แม่ทำไรอยู่ครับเนี่ย???

เธอคือคุณแม่ ‘จุ๋ม’ ครับ แต่อย่าเผลอเรียกชื่อคุณแม่นะครับเดี๋ยวองค์ลง คุณแม่ชอบให้เรียกว่าคุณแม่เฉยๆ สาวแก่ เอ๋ย สาวแกร่งวัยต้นๆสี่สิบ สวย รวย และโสดเป็นคนดูแลศูนย์ฯแห่งนี้ครับ เท่าที่ผมแอบไปสืบข่าวมา แม่จุ๋มเป็นลูกเศรษฐีที่ชีวิตพลิกพลัน ไม่รู้คิดยังไงเอาเงินส่วนตัวมาเปิดศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าซะงั้น สงสัยเงินจะเหลือใช้จริงๆ แต่ไม่ลงทุนแค่เงินนะครับ แม่จุ๋มยังลงแรงด้วย คือคุณแม่ถึงขั้นมากิน มานอน และมาดูแลพวกเราทุกคนที่นี่ นั่นยิ่งทำให้พวกเรารักคุณแม่มาก ใช้ให้ทำอะไรทำหมด ตั้งแต่ซักผ้า ถูบ้าน ทำกับข้าว ปลูกผัก ทำสวน ขุดดิน นวดผ่าเท้า ยาวไปถึงถอนขนรักแร้ ผมทำมาหมดแล้วแต่คุณแม่จะสั่งแหละครับ ใครมันจะกล้าขัด เห็นเสียมในมือแม่มั๊ยหละนั่น โดนแทงทีนึงไม่ถึงตายแต่น่าจะเป็นบาดทะยักเลยนะนั่น

“เอ่อ...ผมกลับมาแล้ว...ครับ” ผมได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วเดินหูตกหางลู่เข้าไปใกล้ๆ

“แล้วนั่น ไปทำอิท่าไหน” คุณแม่ถามพลางเหลือบตามองมาที่ข้อมือทึ่เข้าเฝือกของผม

“ท่านั่งครับ…..เอ่อ...ผมแข่งบาสแล้วล้มอะ” ผมตอบเหมือนที่ตอบพี่ภูมิแหละ แต่เมื่อหันไปเจอตาเขียวปั๊ดจองมองมาเลยต้องรีบอธิบาย

“อ่อ...อุบัติเหตุจากการทำงาน แล้วประธานสีเค้าให้ค่าชดเชยแกมั๊ย” เดี๋ยวแม่ เดี๋ยวก่อน ทำไมหายใจเข้าเป็นเงิน หายใจออกเป็นทองขนาดนั้น

“โห แม่...ไอ้ที่ผมแอบรับจ๊อบแข่งกีฬาหลายๆชนิดอะ มันผิดกฏนะ จะไปได้เงินชดเชยไรกัน”  ไม่ใช่ทำงานแบบมีประกันนะครับถึงจะขอเคลมได้ อย่างน้อยทางโรงเรียนก็ทำประกันอุบัติเหตุให้นักเรียนทุกคนอยู่แล้ว นิก็รักษาฟรี โรงพยาบาลเอกชนด้วยนะเออ

“เฮ้ยยย การค้าขาดทุนนิหว่า...คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องรับงานแบบนี้แล้วนะ เจ็บตัวฟรีเลย” อะไรจะงกเบอร์นั้นครับแม่ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วลากแม่มานั่งที่ม้านั่ง ตะโกนบอกไอ้เล้งให้ไปเอาน้ำเย็นๆมาให้คุณแม่ทานแก้หงุดหงิด

“ไหน...แล้วเป็นไงบ้าง...ยังเจ็บอยู่มั๊ย” แม่บ่นไป ถามไป ก็จับแขนผมพลิกดูไปๆมาๆ โธ่...มันเจ็บตอนที่แม่จับเนี่ยแหละ

“ไม่เจ็บจนแม่จับนั่นแหละครับ...นิก็ดีขึ้นแล้วเข้าเผือกเดือนเดียวก็ช่วยแม่ขุดดินได้เหมือนเดิมแล้ว แหะๆ” ผมรีบกลบเกลือนเอาใจ

“ว่าแต่ วันนี้แม่ปลูกอะไร” ผมเสมองไปยังเสียมในมือที่แม่ไม่ยอมปล่อย คุณแม่จุ๋มมีงานอดิเรกคือปลุกต้นไม้ ปลูกผัก ปลูกหญ้า ค้างทำไร่กับไถนาเนี่ยแหละ

“นิๆ มาดูเลย แม่เพิ่งได้พันธ์ุต้นเมเปิ้ลบอนไซมา กำลังลงดินเลย” ว่าแล้วคุณแม่ก็ลากผมมาดูกระถางดินที่ภายในบรรจุดินที่ผ่านการรดน้ำจนชุ่ม นั่นแหละครับ ข้างในคงมีเมล็ดบอนไซอยู่ อีกหลายวันแหละกว่าจะงอก

ช่วงนี้คุณแม่กำลังบ้าปลูกต้นบอนไซ หลังจากที่ส่งประกวดในงานไม้ดอกเมื่อหลายปีก่อนแล้วได้รับรางวัลชนะเลิศ แล้วมีมหาเศรษฐีมาประมูลซื้อไป สร้างรายได้มหาศาลให้กับศูนย์ฯแห่งนี้ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เพาะพันธ์ุต้นบอนไซไว้อีกหลายต้นหลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นร้านขายบอนไซและไม้ประดับไปซะเลย ฮาาาาา

“ครับๆ ไว้มันโตแล้ว เดี๋ยวผมเอาโพสขายให้” ยังไงเราก็ต้องช่วยกันทำมาหากินครับเพื่อปากเพื่อท้อง

“ดี...ช่วงนี้แกจะนอนที่นี่รึป่าว หรือจะไปนอนกับคุณภูมิ” คุณแม่ถามด้วยความเป็นห่วง…ซะที่ไหนหละ ช่วงที่พี่ภูมิมารับมาส่งผมที่ศูนย์ฯใหม่ๆ แรกๆคุณแม่ออกหน้ามาตั้งแง่กลับพี่ภูมิสารพัด แก่ไปบ้างหละ รวยไปบ้างหละกลัวไม่จริงใจ สุดท้ายจบที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีก กีดกันทุกสิ่งอย่างแบบที่ผู้หญิงคนนึงจะทำได้ ผมเข้าใจและทราบซึ่งใจในความปรารถนาดีของคุณแม่มาก หากแต่การกระทำเหล่านั้นช่างอยู่ได้ไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์คุณแม่ก็ยกน้ำมาเสริฟให้พี่ภูมิด้วยตัวเอง พร้อมเรียกคุณภูมิอย่างเคารพ เอ่อ….ไหงงั้น

อ๋อ...ช่วงนั้นศูนย์ฯได้รับบริจาคอุปกรณ์กีฬา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ภายในบ้านใหม่ยกชุด พร้อมกับเงินทุนการศึกษาอีกก้อนโต จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม…..

ก็นั่นแหละเหตุการณ์เลยพลิกจากผ่าเท้าเป็นหลังมือนุ่มๆไปซะงั้น แบบนี้มันเข้าตำรา ‘ขายลูกกิน’ รึป่าวหว่า ไม่ต้องบอกก็รู้เลย ผมได้เชื้องกมาจากใคร เฮ้อออออ แต่ไม่เป็นไรถ้าเป็นคนนี้ผมเต็มใจถูกขาย เอิ๊กๆ

ไอ้พี่ภูมินิก็นะ แกปัญหาเก่ง ใช้เงินแก้ปัญหามันซะทุกเรื่องเลย!

“นอนนี้แหละครับแม่ ช่วงนี้พี่ภูมิไปทำงานญี่ปุ่น” ผมรีบตอบ เดี๋ยวคุณแม่ไม่ทำอาหารเย็นเผื่อผม แหะๆ

“อ่อ...งั้นแกอย่าลืมส่งข้อความไปกู้ดไนท์คุณภูมิด้วยหละ เดี๋ยวเค้าหิ้วหยุ่นสาวกลับมา อย่าหาว่าแม่ไม่เตือน” อ่อ...จ่ะ นิก็สอนดี อ่อยเก่งขนาดนี้ทำไมยังโสดวะ ผมงง


*********************************************************************************************************


OPPA’KORN : เลิกงานรึยังครับ

OPPA’KORN : อย่าลืมกินข้าวน้าาาา

OPPA’KORN : ฝันดีนะครับ อย่างลืมฝันถึงผม

ผมเป็นเด็กดีทำตามคำแนะนำคุณแม่ แหะๆ คืนนี้ผมจะเข้านอนเร็ว เพราะงั้นก็ส่งข้อความไปทิ้งไว้รัวๆครับ

PHUMMA : ทำไมวันนี้นอนเร็ว

OPPA’KORN : พรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้าอะ ผมกลับมานอนที่ศูนย์

PHUMMA : -”-

OPPA’KORN : นอนศูนย์สบายจะตาย อีกอย่างผมคิดถึงคุณแม่กับพวกน้องๆด้วย

PHUMMA : .........................

PHUMMA : อย่าฝืนใช้ข้อมือหละ

PHUMMA : เป็นห่วง

OPPA’KORN : /////////////////  คร้าบบบบบ งั้นราตรีสวัสดิ์น้าาาาาาาา

PHUMMA : อืม...ฝันดี

OPPA’KORN : ❤️❤️

เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ ต้องหมั่นเติมความรักครับ พี่ภูมิจะได้หิ้วสาวหยุ่นกลับมาฝากผม ฮิ้วววววว


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 24 ผมและคุณแม่ที่เคารพ 10-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-08-2019 18:55:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 24 ผมและคุณแม่ที่เคารพ 10-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-08-2019 09:20:38
ตามมมม
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 25 ผมซวยเองใช่มั๊ย 13-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 13-08-2019 09:00:39
บทที่ 25 ผมซวยเองใช่มั๊ย


“โห...ไม่เจอกันไม่กี่วัน เมิงแปลงร่างเป็นเอ็ดเวิร์ดเลยเหรอเมิง” เสียงไอ้เป็ดผู้ร่วมเหตุการณ์แขนเดาะของผมเอ่ยทักทาย หลังจากไม่เจอหน้ากันหลายวันแบบที่มันพูดจริงๆนั่นแหละ

ผมหยุดเรียนไป 3 วัน รวมวันที่ไปโรงพยาบาลด้วยนั่นแหละครับ งานกีฬาสีวีก็แข่งจบแล้ว ปรากฏว่าสีม่วงของเราถ้วยรวมได้ที่ 3 เอาว่ะก็ยังดี อย่างน้อยก็ติดหนึ่งใน 3 สำหรับฟุตบอลรอบชิงได้มาแค่เหรียญเงิน เมื่อไม่มีตัวเทพอย่างผมร่วมทีมก็แพ้ไปตามระเบียบแหละ เอิ๊กๆ ส่วนสีที่ชนะเลิศหนะเหรอ ก็สีแดงหนะสิครับปีนี้สีแดงรวมนักกีฬาโรงเรียนไว้เยอะมาก หยวนๆยอมให้เค้าไปเถอะ เมื่อผ่านพ้นช่วงกีฬาสี ต่อไปก็เข้าสู่ช่วงสอบไล่หละครับ ความสุขมักจะผ่านพวกเราไปไวเสมอ แต่สำหรับผมฤดูการสอบเนี่ยแหละสวรรค์ ช่วงเวลาแห่งการหาเงิน!

“เอ็ดเวิร์ดไรของเมิงวะ” ผมถามกลับไอ้เป็ดไป

“บ่ะ ก็พระเอกแขนกลคนแปลธาตุไงเมิง แขนเมิงเนี่ย” ออ...แขนผม ลืมไป เมื่อคืนไอ้เล้งมันลงมือละเลงเฝือกผมด้วยฝีมือศิลปะอันดีเยี่ยมของน้องมัน เอ่อ ช่วงนี้มันติดการ์ตูนอะไรสักเรื่องเนี่ยแหละ อย่างกับผมมีเวลาดูการ์ตูน -*-

“เอ่อ...ยังดีที่เป็นพระเอกวะ...ว่าแต่ตารางสอบออกยังวะเมิง” ผมวกเข้าเรื่องเครียดทันที เรื่องปากเรื่องท้องครับ

“โอ๊ยยยยยย เมิงจะรีบถามหาวันสอบทำไม อีกตั้งเดือนนึง” ไอ้มาร์คโวยวาย มันจะโวยวายทำไมวะ ไม่เห็นมันจะเครียดเรื่องสอบเลยสักครั้ง เดี๋ยวมันก็มาให้ผมติวให้อยู่ดีเนี่ย

“กุจะได้เตรียมเกล็งข้อสอบไว้ให้พวกเมิงแต่เนิ่นๆไง” ผมยักคิ้วหลิ่วตาให้มัน

“เอ่อ...งั้นเมิงรีบไปตีซี้อาจารย์เลยนะ เนี่ยเมิงยกการบ้านไปให้จารย์ปี๊ดที่ห้องพักครูเลย” แล้วไอ้เป็ดมันก็โยนงานมันมาให้ผมทันที

เฮ้ย...จารย์เค้าใช้เมิง มันจะมาใช้กูต่อเพื่อ

“เมิงไม่เห็นเหรอ กูเป็นง่อยอยู่เนี่ย” แล้วผมก็ชี้แขนข้างที่ใส่เฝือกอยู่

“เมิงเป็นง่อยที่ไหน เมิงมันพระเอกแขนกลคนแปรธาตุเลยนะเว๊ย เมิงเสกโกเลมมาช่วยเมิงเอาก็ได้” ไอ้เป็ดมาแถครับ ปั๊ดเมิงดูการ์ตูนมากไปหน่อยป่าวรึวะ กูขอแบบความเป็นจริงนิดนึง

“เอาน่า...กระดาษสิบกว่าแผ่นเองมันหนักตรงไหน ยังไงเมิงก็ต้องไปส่งใบลาที่ห้องพักครูอยู่ดี เมิงแหละ รีบๆไป” ว่าแล้วไอ้มาร์คก็ยัดกระดาษปึกหนึ่งใส่มือผม โอ๊ยนิมันมัดมือชกชัดๆ

สุดท้ายผมเลยต้องจำใจเดินสะบัดตูดไปห้องพักครูอย่างช่วยไม่ได้

*********************************************************************************************************

ห้องพักครู เป็นสถานที่ที่เด็กนักเรียนปกติไม่คิดอยากย่างเท้าเข้ามา แต่ผมมันไม่ปกติครับ ด้วยความที่เป็นเด็กทุน ผมเลยมาห้องพักครูบ่อยชนิดที่ว่าเป็นบ้านหลังที่ 3 4 5 6 เลยก็ว่าได้

“จาร์ยปี๊ดครับ การบ้านห้อง 1 ครับ” ผมส่งปึกกระดาษที่ได้รับฝากมาจากเพื่อนให้อาจาร์ย แล้วกล่าวลา ก่อนเลี้ยวขวาไปหาอาจาร์ยป้าอีกคน

“จาร์ยโอ๋ครับ ผมมาส่งใบลาครับ” จาร์ยโอ๋เป็นอาจาร์ยประจำชั้นห้องผมครับ จาร์ยแกนับว่าเป็นอาจาร์ยอาวุโฒที่ทุกคนต่างเกรงใจ ผมว่าเอาอายุพวกผมบวกกันยังไม่เท่าอายุแกเลย ฮาาาาาาา พวกเราจึงพร้อมใจกันเรียกแกลับหลังว่า ‘อาจาร์ยป้า’

“ใบรับรองแพทย์หละ” ภายนอกแกดูดุครับ แต่ข้างในแกดุกว่าที่เห็น

“แนบมาแล้วครับ” ผมชี้มือไปที่สมุดลาประจำตัว ที่แกไม่แม้แต่จะเปิดดูเลยสักนิด จาร์ยแกพยักหน้าหงึกๆเชิงรับทราบ ผมจึงรีบพนมมือไหว้แล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องให้เร็วที่สุด

แต่….

“เดี๋ยวก่อนนายปกรณ์” เสียงเข้มๆกล่าวดักทางผมไว้ เนี่ยแหละถึงไม่มีใครอยากมาห้องพักครู มาทีไรโดนเรียกใช้ไม่มีวันจบสิ้น

“เย็นนี้ว่างมั๊ย…” เป็นจาร์ยปี๊ดครับ ถามทำไมครับจาร์ย

“เอ่อ...ก็ว่างครับ จาร์ยมีไรให้ผมช่วยเหรอครับ” ตอบไม่ว่างได้ด้วยรึ ในเมื่อผมว่างอะ

“งั้นเย็นนี้มาช่วยครูค้นเอกสารหน่อย” งุ้ยยยย งานเอกสารอีกละ

“เอ่อ...เอกสารไรครับจาร์ย” ขออยากรู้นิดนึง

“บ๊ะ...พวกชีทกับข้อสอบเก่าๆโว๊ยยยย ถามมากจริง จะช่วยไม่ช่วย” จาร์ยปี๊ดขันมาเหวี่ยงใส่ผม แหม อยากรู้นิดๆหน่อยก็ไม่ได้

“ช่วยครับ ช่วย เดี๋ยวตอนเย็นผมมาหาครับ” รีบตกลงแล้วรีบเผ่นสิครับ ต่ออยู่ทำไม เดี๋ยวมีงานงอกอีก

*********************************************************************************************************

โหสิ กว่าจะช่วยจาร์ยแกค้นเอกสารเจอใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ยังดีที่ได้นั่งทำงานหน้าคอมไม่ต้องทนร้อนอยู่ในห้องเก็บของ สมัยนี้เค้าพัฒนาแล้วครับข้อมูลเอกสารเกือบทั้งหมดของโรงเรียนจะเก็บในรูปไฟล์งาน หาง่ายเพียงแค่คลิ๊ก ประเด็นคือ คุณคลิ๊กถูกรึป่าวนี้แหละ สำหรับวัยรุ่นอย่างเราเทคโนโลยีพวกนี้ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก แต่สำหรับเหล่าคณาจาร์ยทั้งหลายแล้ว อาจจะลำบากสักหน่อย เหอๆ

นั่นแหละครับ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ประเด็นคือ เอกสารที่ให้ผมช่วยหาเป็นชีทกับข้อสอบเก่าๆเนี่ยแหละ ผมถึงรีบตกลง ใครมันจะไปนึกว่าเก่านี้คือเก่าจริงๆ ร่วมสิบปีได้ โอ๊ยยยยย จาร์ยจะหามาทำไม ข้อมูล 10 ปีก่อน มันไม่อัพเดต เราต้องตามสถานการณ์ปัจจุบันป่าว ไม่อินเทรนเลย ให้ตายสิ

ผมเดินห่อเหี่ยวออกมาจากห้องพักครู กะอาศัยทางลัดแต่ผิดหวังก็งี้แหละครับ แต่ไม่เป็นไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อ่านหนังสือเอา อึ๊บๆ

เวลาเกือบหกโมงเย็นนักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปกันหมดแล้วครับ เหลือพวกชมรมกีฬาบางชมรมที่ยังคงซ้อมกีฬากันอยู่ ผมไม่เข้าใจเลยว่าจะขยันอะไรกันนักหนา อากาศประเทศไทย หกโมงก็ยังฆ่าคนได้อยู่นะเออ

‘ตะแว๊ง’ ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปยังไอ้เฒ่าที่จอดทิ้งไว้ ไลน์ก็เด้งขึ้นมาครับ

PHUMMA : กลับถึงศูนย์รึยัง

OPPA’KORN : กำลังจะกลับครับ วันนี้ผมอยู่ช่วยงานอาจาร์ย

PHUMMA : ช่วยงาน? เทอมนี้ไม่ต้องใช้ทุนไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องช่วยงานอีก

เห็นแล้วจี๊ดครับ นั่นสิเพราะผมไม่ต้องใช้ทุนแล้วทำให้รายได้พิเศษผมหายไปอีกโข แต่ก็ได้เวลาว่างเพิ่มขึ้นมาทดแทน แต่เอ๊ะ ทำไมผมต้องมาช่วยงานอาจาร์ยอีกหละ

น้ำใจครับน้ำใจ ผมมันคนมีน้ำใจ

เฮ้อ...ความเคยชินมันน่ากลัวจจริงๆ ทำไมตอนนั้นไม่ปฏิเสธไปซะก็สิ้นเรื่อง!

ไม่ใช่ละ ตอนนั้นกะทำดีหวังผล แม้ผลที่ได้จะไม่ตรงความหวังก็เถอะ คิดแล้วยังแค้นตัวเองไม่หาย

OPPA’KORN : จาร์ยแกขอให้ช่วย ก็ช่วยๆแกไปเถอะครับ นิดๆหน่อยๆ

PHUMMA : อย่าทำอะไรเกินตัวแล้วกัน

OPPA’KORN : คร้าบบบบบบบบบ

PHUMMA : อืม งั้นขี่รถดีๆ ถึงศูนย์แล้วบอกด้วย

OPPA’KORN : ครับ คร้าบบบบบบบบบ


“เฮ้ย ไอ้กร…” ระหว่างที่กำลังคุยไลน์เพลินๆ ก็มีเสียงดังแทรกเข้ามายังโสตประสาทของผม

“ไรวะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ก็พบกลุ่มคนกำลังยืนรออยู่ที่ไอ้เฒ่า

“เชียร์...” ผมอุทาน  เด็กหนุ่มหน้าโหด แต่ดูกวนตีนกลุ่มนึงยืนล้อมหน้าล้อมหลังรถมอไซต์ของผมเอาไว้

ไอ้บิ๊ก และ พรรคพวก

ผมหันซ้ายหันขวา พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บนถนนที่ร้างไร้ผู้คน เพลงมาเลยครับ

‘กลับดึก อยู่ก็ลึกในซอยเปลี่ยว
โดดเดี่ยว ดึกอย่างนี้ไม่มีผู้คน
เดินเข้าไป หัวใจจะหล่น
ถ้าคอยกังวลอยู่อย่างนี้ ทุกทีคงแย่’

ไอ้กรนะไอ้กร ทำไมต้องเอารถมาจอดไว้ในซอยด้วยวะ ทุกทีจอดแม่งหน้าโรงเรียน วันนี้เสือกเอามาจอดซะไกล แมร่งงงงงงงง

ชิบ- พี่ยามอยู่ไหนวะ!!!
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 25 ผมซวยเองใช่มั๊ย 13-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-08-2019 09:10:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 25 ผมซวยเองใช่มั๊ย 13-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-08-2019 22:55:57
งง
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 26 ผมขอเรียกมันว่าซวยซ้ำซวยซ้อน 17-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 17-08-2019 16:16:39
อย่าเพิ่งงงกันน้าาาาาา เนื้อเรื่องยังวนๆอยู่ในโรงเรียนน้องกรแหละค่ะ บวกกับช่วงนี้พี่ภูมิงานยุ่งเหลือเกิน พี่แกกำลังเดินหน้าโปรเจ็คใหม่อยู่ บินไปๆกลับๆญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น เลยแทบไม่มีเวลาให้น้อง

น้องกรเพิ่งกระดูกร้าวเข้าเฝือกอ่อนไป แต่ด้วยความกวนส้นของน้องน่าจะมีก๊อกสองค่ะ 555 สมน้ำหน้า ฮาาาาาาาา
แต่เดี๋ยวพี่ภูมิก็กลับมาดูแลน้องกรเองแหละ เน้อๆ

ปล.ช่วงนี้พี่ภูมิค่าตัวแพงมาก บางตอนนี้ไม่มีแม้แต่จะกล่าวถึง เหอๆ  :hao5: :hao5: :hao5:

********************************************************************************************


บทที่ 26 ผมขอเรียกมันว่าซวยซ้ำซวยซ้อน

“ไอ้บิ๊ก...มีไรป่าววะ” ถามกลางๆไว้ก่อนครับ อย่าคิดเรื่องทึ่ไม่ดี

“วันนี้พวกกูจะมาสั่งสอนเมิง” สอนไรวะ ไม่ต้องสอนก็ได้กูเรียนเก่งอยู่แล้ว

“เหี๊ยไร กูไปทำอะไรให้” นิมันหาเรื่องกันชัดๆ

“ไอ้กร เมิงหักหน้ากู เมิงทำให้ทีมกูแพ้” ไอ้บิ๊กเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผม

“หักหน้าไรเมิง กูได้ลูกโทษเพราะเมิงวิ่งมาชาร์ตกูเอง” ผมพยายามอธิบาย ถึงผมจะกวนตรีนมันตอนท้ายๆก็เถอะ

“แล้วไมเมิงไม่หลบ แถมยังสำออยล้มลงไปอีก” ว๊อททททท กูต้องหลบเมิงเหรอ หลบเมิงกูก็โดนไอ้มาร์คฆ่าดิ

“สำออยเหี๊ยไร เมิงเห็นแขนกูมั๊ย เข้าเฝือกอยู่เนี่ย” ผมบุ้ยปากไปยังแขนที่เข้าเฝือกอยู่

“แต่ท้ายเกมเมิงยังกวนตรีน แกล้งถ่วงเวลาอยู่เลย” ชะอุ๊ย! มันรู้ทัน

“โห นิเมิงผูกใจเจ็บเรื่องแค่นี้อะนะ แข่งกีฬามันเพื่อความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยนะเฟ้ย ที่เมิงทำแบบนี้มันผิดวัตถุประสงค์ ผอ. เค้า” ผมอธิบายต่อเอา ผอ. มาอ้างแม่งเผื่ออะไรมันจะง่ายขึ้น

“สัด...เมิงมันกวนตรีน ไอ้เด็กเหลือขอ ไอ้กำพร้าเอ๊ย” เชียร์ กูอธิบายด้วยเหตุผลแล้ว ยังเสือกมาด่ากูกำพร้าอีก

เรื่องที่ผมเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ศูนย์ฯ ปมไม่ได้ปิดบังครับ ใครๆก็รู้ แต่ด้วยความที่ผมเลือกคบแต่เพื่อนดีๆครับ ไม่มีใครเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นหรอก ส่วนไอ้เหี๊ยนี้มันไม่ใช่เพื่อนผมครับ แล้วมันก็ไม่ได้ล้อเล่น มันด่าจริง

“แล้วเมิงจะเอายังไง” ฝ่ายผมเองก็เริ่มขึ้นครับ แต่ต้องใจสงบใจไม่ไว้ คุณแม่สอนไว้ว่าถ้าจะมีเรื่องอย่าเปิดก่อน

“เอาไงงั้นเร้อ...นี้ไง โครมมมมมมม” ว่าแล้วไอ้บิ๊กก็ยกเท้าขึ้นถีบไอ้เฒ่าลูกรักผมครับ เมิงจะด่าจะว่ากู กูยอมได้ แต่เมิงจะทำแบบนี้กับลูกกูไม่ด้ายยยยยย กว่าคุณแม่จะอนุญาติให้ผมซื้อต้องเปลืองน้ำลายเกลี้ยกล่อมตั้งนาน

“เมิง ไอ้บิ๊ก” ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ในเมื่อมันเปิดครึ่งๆกลางๆแบบนี้ เพื่อความชัวร์ ผมวิ่งพุ่งเข้าใส่ไอ้บิ๊กด้วยความโมโห วิ่งเข้ามามันตรงๆเนี่ยแหละ แถมวิ่งเอาหน้าไปรับหมัดมันด้วยเองเอ้า!

“โอ๊ยยยยยย สัด เมิงต่อยกู” ผมล้มลงไปกองกับพื้นใช้มือกุมแก้มซ้ายเอาไว้

“ก็เมิงวิ่งมาให้กูต่อย” เอ่อ จริงของมัน

“สัด...พรวก โอ๊ย” ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้นไปต่อยมัน เรื่องแบบนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ ปากกัดตีนถีบแบบผมมีเรื่องมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แค่ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี้ยังไม่เคยมีเรื่องกับใครเท่านั้นแหละ แต่ก็นั่นแหละเรื่องต่อยตีเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบัตผมเป็นเด็กเรียนดีกีฬาเด่นครับ ด้วยความลืมตัว ผมใช้มือข้างที่ถนัดต่อยมันไปเต็มแรง ส่งผลให้ไอ้บิ๊กเซล้มไปกองกับพื้น ส่วนผมหนะเหรอ สะบัดข้อมือเล้าๆอยู่นี้ไง

โอ๊ยยยยย เจ็บสัด ลืมไปว่ากระดูกร้าวอยู่

“เชียร์...เมิง” ว่าแล้วไอ้เพื่อนเอของมันก็วิ่งเข้ามาหาผม ก็จะปล่อยหมัดชกมาที่ใบหน้าผม ตั้งการ์ดสิครับรอไร ผมยกแขนข้างที่ใส่เฝือกเนี่ยแหละขึ้นบัง ไอ้เพื่อนเอมันเลยชกเข้าเฝือกผมเต็มๆ สมน้ำหน้าเจ็บมั๊ยหละเมิง ส่วนผมก็เจ็บสิครับสะเทือนทั้งแขนเลย

“เมิงงงงงงงงง” มัวแต่เจ็บอยู่ครับ หันหลังไปไม่ทัน ไอ้เพื่อนบียกเท้าถีบผมกลางหลังเลย เอาซะผมกระเด็นไปชนกองขยะเลยทีเดียว

ค่อผมสงสัยมาก ทำไมเวลามันจะมีเรื่องมันต้องเรียกผมก่อนวะ อย่างเมื่อกี๊ทำไมมันไม่ถีบผมไปเลย จะมาเรียกเมิงให้ผมรู้ตัวก่อนทำไม แล้วก็ฉากในนิยายทำไมต้องมามีเรื่องกันใกล้ๆกองขยะ แล้วทำไมคนที่นอนจมกองขยะต้องเป็นผมวะ แบบนี้ยอมไม่ได้ ผมใช้แรงที่มียกถังขยะขึ้นแล้วควบลงไปบนหัวของไอ้บิ๊กที่ยังนอนยู่ใกล้ๆ สงสัยยังมึนหมัดผมไม่หาย เนี่ยหละครับ ทำไอ้เพื่อนบีไม่ได้ อย่างน้อยก็ตัดกำลังออกไปสักคน เอาคนที่อ่อนสุดเนี่ยแหละ ก็พวกมันเล่นหมาหมู่ผมนิหว่า ว่าแล้วก็เตะอัดไอ้บิ๊กไปอีกรอบสองรอบ

“เฮ้ยยยย ผั๊วะ” แล้วก็เป็นไอ้เพื่อนบีอีกเช่นเดิม มันกระชากตัวผมออกจากไอ้บิ๊ก แล้วต่อยผมซะกระเด็นเลย ผมว่าในสามคนนี้ไอ้เพื่อนบีน่าจะเก่งสุดละ ส่วนไอ้เพื่อนเอเมื่อมือป่าวสู้ผมไม่ได้ สุดท้ายมันก็ใช้อาวุธครับ

ระหว่างที่ผมตะเกียดตะกายยืนขึ้นอยู่นั่น ไอ้เพื่อนเอซึ่งไม่รู้ไปหาไม้หน้าสามมาจากไหน เงื้อแขนฟาดลงมาที่หัวผมเต็มแรง

โอ๊ยยยยยยยยย เจ็บสิครับ ไอ้แขนข้างที่ใส่เฝือกเนี่ยแหละ เจ็บชะมัด ผมยกแขนขึ้นมากันส่วนหัวเอาไว้ตามสันชาตญาน ก็ลืมไปอีกนั้นแหละว่ากระดูกร้าวอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้มันข้ามไปขั้นกว่าของกระดูกร้าวรึยัง

ยังไม่ทันได้เดินชีพจรสำรวจร่างกายของตัวเองดี ผมก็โดนถีบเข้าเต็มรักกลางหน้าท้องเลยครับ คราวนี้ไม่รับรู้อะไรแล้วครับเก็บคองอเข่าโลด ก็พวกมันเล่นรุมกระทืบผมขนาดนี้ ผมจะเอาอะไรไปสู้มันวะ

ขอนับตรีนแปป 1 2 3 เชียร์ครบ 3 คู่เลย นิไอ้บิ๊กมันลุกขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

พวกเมิงจำเอาไว้เลย กูจำหน้าพวกเมิงได้หมด ถ้ากูตายไปกูจะตามไปหรอกหลอนพวกเมิง ถึงเมิงจะขอหวย กูก็จะไม่ให้!

ในระหว่างที่สติผมกำลังเลือนลางอยู่นั้น

‘ปี๊ดดดด ปี๊ดดดด พวกเธอ ทำอะไรกันเฮ้ยยยยย’ เสียงเป่านกหวีดดังมาแต่ไกล พร้อมกับพี่ยาม แล้วก็นักเรียนอีกคนมั้งกำลังวิ่งมุ่งหน้ามาทางผม ส่วนไอพวกที่ยำตรีนผมอยู่นั้นหยุดการกระทำตั้งแต่ปี๊ดแรกแล้วครับ ตอนนี้พวกมันวิ่งหางจุกตูดไปถึงีกฟ้ากของซอยแล้ว

โธ่! กว่าจะมาได้นะครับพี่ยาม เอาซะผมน่วมเลย เสียงพวกมันตะโกนเรียกผมดังขนาดนั้นไม่ได้ยินได้ไงฟระ

“เชียร์...ไอ้กร” นักเรียนคนนั้นเป็นไอ้มืดนิเองครับ มันวิ่งเข้ามาประคองผม ในมือถือโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาล

“เป็นไรมากมั๊ยวะเมิง” เสียงไอ้มืดถูกอยู่ข้างๆหัวผม

“มะ มืด ไอ้มืด” ผมพยายามเอ่ยเรียกชื่อมัน

“เอ่อ ยังมีสติอยู่ก็ดี มาลุกขึ้นได้มั๊ยเดึ๋ยวกูประคองเมิงไปนั่งตรงนู้น ตรงนี้แม่งเหม็นชิบ” มันบ่นไปพลางเข้ามาพยุงผมลึกขึ้น

“พี่ยามมมมม” ผมเหลือบสายตาไปยังพี่ยามอย่างขอความช่วยเหลือ พยายามกวักมือเรียกแต่ความรู้สึกตั้งแต่ข้อศอกด้านขวาของผมมันหายไป

“เชียร์ ไอ้กรเมิงเลือดไหล” ครับเพื่อนกูเห็นแล้ว ใจเย็นๆแล้ววางกูลงก่อน เมิงตรวจกูดูดีๆก่อนว่ามีตรงไหนของกูบุบสลายอีกมั๊ย

“ไอ้เหี๊ยบิ๊ก...แมร่งงงง” ไอ้มืดสบถอย่างหัวเสีย มันรู้ได้ไงว่าเป็นไอ้บิ๊กวะ พวกมันวิ่งหนีไปแล้วนี้

“กูก็ว่ามันแปลกๆ ซ้อมบาสกันอยู่ดีๆ พวกไอ้บิ๊กแมร่งหายหัวกันไปเฉยๆ กูเลยเดินออกมาดู เลยเห็นพวกมันรุมเมิงอยู่เนี่ย” ออ สรุปต้องยกความดีความชอบให้ไอ้มืดมันไป ที่พี่ยามวิ่งมาช่วยผมนิไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงคนตีกัน แต่เพราะไอ้มืดวิ่งไปตามว่างั้น สรุปพี่แอบอู้งานใช่มั๊ย ตอบ!

“ไอ้มืด ขอบคุณเมิงมากนะ แต่เมิงอย่า” ผมพยายามใช้เรี่ยวแรงดันไอ้มืดออกไปห่างๆ
 
“เมิงยังไม่ต้องพูดมาก เก็บแรงไว้หายใจก่อน…มานี้เมิงเขยิบมาทางนี้ ตรงนี้กลิ่นขยะโคตรแรง” มันพยายามช่วยจัดแจงท่าให้ผมครับ ผมซึ้งในน้ำใจมันมากนะ แต่ขอเถอะเพื่อน เมิงอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้กู กลิ่นขยะผสมกับกลิ่นเต่าเมิงกำลังทำลายประสาทสัมผัสกู

ผมเหลือบตาขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากพี่ยาม แต่พี่แกยืนห่างๆอย่างห่วงๆ ทิ้งรัศมีห่างพวกผมไปเมตรกว่าๆ สรุปนิพี่อู้งานจริงๆใช่มั๊ย ห๊ะ!

ไม่วายไอ้มืดพยายามขยับตัวผมให้นั่งพิงลังกระดาษเอาไว้

โอ๊ยยยยย ไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยยยย

“มืด มะ เมิง อะ อย่า…..” อย่าเข้าใกล้กู ไม่ไหวละผมเป็นลมดีกว่า


 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 26 ผมขอเรียกมันว่าซวยซ้ำซวยซ้อน 17-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-08-2019 23:16:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

แทนที่จะมาม่า ไหงตอนท้ายกลายเป็นตลกไปได้หว่า  555
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 27 ผมบอกเองน่าาาาาาา 21-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 21-08-2019 09:15:04
บทที่ 27 ผมบอกเองน่าาาาาาา

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับเพดานสีขาว และกลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ผมรู้สึกชอบกลิ่นเหล่านี้ขึ้นมาทันที ถ้าเทียบกับกลิ่นเต่าของไอ้มืดที่ยังเหม็นติดจมูกของผมอยู่เนี่ย

“กร...ไอ้กร กรมันตื่นแล้วครับแม่” เสียงที่คุ้นเคย เป็นเสียงของพี่โอครับ หันไปคุยกับผู้หญิงอีกคน คุณแม่นั่นเอง

“ว่าไงเจ้าตัวดี คราวนี้บาดเจ็บในหน้าที่อีกรึป่าว” เสียงใสๆ กว่าขณะเดินเข้ามาใกล้ผม

“คะ...คุณแม่ ใช่ที่ไหนหละครับ…ผมโดนรุมตรีนมาต่างหาก” ผมตอบกระท่อนกระแท่นนิดหน่อย ปากมันตึงๆอะครับ หลังจากได้ฟังคำตอบจากผมคุณแม่ก็ตาโตขึ้นมานิดหน่อย

“แล้วเราเปิดก่อนรึป่าว” คุณแม่ถามเสียงเครียด

“ป่าวครับ นี้เลย” ผมว่าพลางชี้ไปที่รอยช้ำที่แก้มซ้าย

“ดีมาก” คุณแม่ยิ้มอย่างพอใจ

“แม่ว่าก็ดูไม่เป็นอะไรมากนะ ทำไมถึงสลบไปเป็นชั่วโมงเลยหละ” คุณแม่ถามอย่างสงสัย

เอ่อออ จะให้อธิบายยังไงดี มันก็พูดถึงสาเหตุลำบากอยู่เหมือนกันนะครับ

“แล้วเพื่อนผมหละครับ ที่ตัวดำๆหน่อย” นี้เป็นการอธิบายรูปพรรณของไอ้มืดที่แสนง่ายดาย

“คนไหนหละ ดำๆเนี่ย เพื่อนแกแต่ละคนดำๆทั้งนั้น” ออ สงสัยจะกว้างไป

“คนที่เต่าบินอะแม่” เป็นไงครับอธิบายแบบนี้ตรงตัวสุดๆแล้ว

“ออออออออออ แม่ให้รออยู่ข้างนอก...เจ้าโอ ไปตามน้องมาสิ” เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งขอผมสูดหายใจให้เต็มปอดแปป

“เป็นไงบ้างวะเมิง สลบไปเป็นชั่วโมงกูโทรหาไอ้มาร์คไม่ติดเลยให้อาจาร์ยติดต่อแม่เมิงแทนเนี่ย” มันเดินเข้ามาปุ๊บก็พูดให้ฟังเป็นฉากๆ พอดีเลยครับมันบอกมาพอดีผมจะได้ไม่ต้องถาม

“ไม่เป็นไรมากหรอกเมิง ขอบคุณนะที่ช่วย” ผมรีบขอบคุณมันไว้ก่อน

“ไม่เป็นเหี๊ยไรหละ แขนหักเลยนะเมิง” ไอ้มืดมันโวยวาย โธ่เมิงจะโวยวายทำไม ที่นี้โรงพยาบาลนะเฟ้ยเค้าต้องการความสงบ

“เอ่อหนะ กูไม่เป็นไรหรอกแค่นี้จิ๊บๆ… เมิงยังติดต่อไอ้มาร์คไม่ได้ใช่มั๊ย...งั้นเมิงยังไม่ต้องบอกมันนะเดี๋ยวกูคุยกับพวกมันเอง” มันพยักหน้าตอบรับแบบงงๆ เอ่อ อย่างน้อยมันก็ตกลงแล้วหละวะ

“ว่าแต่ไอ้เฒ่าของกูเป็นยังไงบ้าง” ผมถามมันเสียงอ่อน โธ่ไอ้เฒ่าลูกพ่อ ถูกถีบซะกระเด็นขนาดนั้น

“กูให้พี่ยามเข็นไปเก็บไว้ที่โรงเรียนก่อน แต่จากสภาพแล้วกูว่าเมิงหาสุสานไว้ให้มันเถอะหวะ รอดยาก...ส่วนนี้โทรศัพท์เมิง แม่งงง อึดชิบหาย” มันกล่าวพร้อมส่งมือถือทัชสกรีนให้ผม

โธ่ ไอ้เหลี่ยมลูกพ่อ หน้าจอร้าวเลยทีเดียว เอาวะอย่างน้อยก็ยังใช้งานได้อยู่ ต้องยกความดีความชอบให้บัมเปอร์เคสสุดทนอันนี้ หุหุ เอาไว้ผมจะไปอุดหนุนเค้าอีก ของเค้าดีจริง

“เอ่อ...ขอบคุณมากนะเมิง เมิงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” ผมพยักหน้าขอบคุณไอ้มืดมันไปอีกรอบ

“เห้ ยังไม่สามทุ่มเลยนะเมิงนิก็รีบไล่กูกลับจัง หมดธุระแล้วเฉดหัวส่งเลยทีเดียว” ไอ้มืดโวยวายอีกครั้ง เมิงจะอยู่ต่อเพื่อ ไม่มีบ้านให้กลับรึไงวะ กูก็อุตส่าเกรงใจ

“สัด กูเกรงใจเมิง คุณแม่กูก็มาแล้วเมิงกลับไปเถอะ” ผมอธิบายด้วยเหตุผล เมิงอย่ามาของขึ้นใส่กูนะ วันนี้มันวันซวยพยายามจะอธิบายอะไรคนอื่นเข้าใจผิดตลอด

“เอ่อๆ อย่าลืมโทรบอกไอ้มาร์คกับอากิหละ” เอ่อ ขอบคุณที่เตือนนะเพื่อน

*********************************************************************************************************

“ตู๊ดดดดดดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดดดดดดดด……..ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด” เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ถูกรับสายจนกระทั่งสัญญาณถูกตัด

ผมพยายามโทรหาไอ้มาร์คมันมา 4 รอบแล้ว แต่ละรอบก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีคนรับ ไม่เป็นไรวะ เอาใหม่

“ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด” เห้ รอบนี้มันตัดสายผมทิ้งเลยทีเดียว อะไรของมันวะ โทรหาอากิก็ได้

“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความของ……” โอ๊ยยยยย นิก็มาเป็นเพลงหญิงลีเลย โทรหาไอ้มาร์คอีกรอบก็ได้วะ

“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความของ……” เชียร์ พวกมันปิดโทรศัพท์ใส่ผมทั้งคู่เลย ไอ้เพื่อนเวรเอ้ยยยยยยยย

หลังจากที่ผมไล่ เอ้ย เชิญคุณแม่กลับศูนย์ไปก่อน คืนนี้ผมนอนคนเดียวได้ครับ ยังไงก็พักที่ห้องพักผู้ป่วยรวมอยู่แล้ว เพื่อนๆเพียบ แถมมีแต่พี่พยาบาลสาวๆเดินตรวจกันตลอดทั้งคืนอีก คุณแม่ถึงวางใจยอมกลับไปพร้อมไอ้พี่โอ เมื่อพยายามโทรหาไอ้เพื่อนเวรทั้งสองคนแต่ไม่สำเร็จ ผมก็เริ่มเคลิ้มครับ ตามประสาคนป่วย คิดว่าคืนนี้น่าจะไข้ขึ้นไปตามระเบียบ นี้ผมโดนยำตรีนมานะครับ ช้ำไปทั้งตัว ยังดีที่หน้าหล่อๆของผมมีรอยปรากฏแค่ 2 หมัดซ้ายขวาเท่านั้น แต่ไอ้ที่ดูหนักสุดน่าจะเป็นแขนขวาที่แต่เดิมเข้าเฝือกข้อมือร้าวเอาไว้ ตอนนี้กลายเป็นแขนหักแทน ช่างมีการพัฒนาเสียจริงๆ พับพ่าสิ!

บ่นๆไปก็ชักง่วง แต่เหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง แต่ก็ง่วงจนไม่อยากจะคิดอะไรอีก ช่างมันเถอะ คนป่วยก็ควรพักผ่อนครับ ไอ้เพื่อนสองคนนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้คงโทรกลับมาเองแหละ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ

*********************************************************************************************************

“ ตะแว๊ง ตะแว๊ง ตะแว๊ง แว๊ง แว๊ง แว๊งงงงงงงงงงงงงง” เหมือนจะได้ยินเสียงอันคุ้นเคยมาจากแดนไกล แต่ผมง่วงไงขี้เกียจจะสนใจมันอะ แต่กลับมีมือเหี่ยวๆมาเขย่าปลุกผม จากเบาๆจนแรงขึ้น

“ไอ้หนู ตื่น...ตื่นโว๊ย” โถ่ เขย่าขนาดนี้ ไม่ผลักตกเตียงไม่เลยหละ เป็นคุณลุงเตียงข้างๆนั่นเองครับ จากการสอบถามลุงแกเป็นพ่อค้าหมูพะโล้ เมื่อวานเกิดลื้นล้มจนข้อเท้าพลิก กระดูกกระเดี้ยวแกไม่ได้หักอะไรหรอกแค่เอ็นอักเสปเท่านั้นแหละ แต่ด้วยความที่แกน้ำหนักค่อนข้างมาก หมอเลยสั่งตรวจโรคแกเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็อยู่ยาวๆไปครับ

“ครับๆลุง ตื่นละครับ” โอ๊ยยยย พูดแล้วเจ็บปากครับ สงสัยจะปากแตกด้วย เมื่อผมทนแรงปลุกมหาศาลไม่ไหว สุดท้ายก็ยอมแพ้ลืมตาขึ้น พยายามทรงตัวลุกขึ้นนั่ง อ่าว เช้ามืดแล้วนิหว่า พี่พยาบาลเดินกันให้วุ่น  ไอ้ผมก็หลับซะสนิทเชียว

“เอ็งดูมือถือเอ็งหน่อยเถอะ ดังมาตั้งนานแล้ว แถมดังติดๆกันขนาดนั้นอีกเค้าอาจมีเรื่องด่วนก็ได้” ลุงแกชี้ไปที่มือถือบนหัวเตียงของผม ผมกล่าวขอบคุณเบาๆก่อนคว้ามันดู

“แทน แทน แทน แทนนนนนนน แถ่น แท้น แทนนนนนนน แถ่น แท้น แทนนนนนนนนนนนนนน” ยังไม่ทันได้เปิดแอปขึ้นมาอ่านเลยครับ เสียงเรียกโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“ไอ้กร ทำไมไม่อ่านข้อความวะ” เสียงไอ้มาร์คด่ามาจากปลายสาย

“สัด กูเพิ่งตื่นเนี่ย” ทีเมื่อคืนเมิงปิดเครื่องหนีกูยังไม่ว่าอะไรเลย

“เอ่อ...ตื่นแล้วก็อ่านข้อความด้วย เจอกัน บาย” เฮ้อ เดี๋ยวสิเพื่อน นี้เมิงโทรมาบอกให้กูอ่านข้อความ แค่เนี้ย

ข้อความอะไรนักหนาวะ ถึงขั้นต้องโทรมาบอกให้อ่าน ผมเข้าแอพไลน์ทันที ข้อความล่าสุดเป็นของไอ้มาร์คมันครับ ไอ้ที่ตะแว๊งๆเมื่อกี๊นั่นแหละ

-----------------------------------------------------

มาร์ค สักกะบาท : เชี่ยกร โทรมีไร

มาร์ค สักกะบาท : สัดดด โทรกลับไม่รับนะเมิง

มาร์ค สักกะบาท : ซวยแน่เมิง

มาร์ค สักกะบาท : พ่อเมิงตามหาเนี่ย

มาร์ค สักกะบาท : สัด เช้าแล้วเมิงตื่นแล้วโทรกลับด้วย

มาร์ค สักกะบาท : เมิงอ่านข้อความพ่อเมิงด่วน!!!

-----------------------------------------------------

พ่อคนไหนของมันวะ ทุกวันนี้กูก็มีแต่คุณแม่เนี่ย คือเมิงโทรมาหาเพื่อให้กูอ่านแค่เนี้ย

-----------------------------------------------------

AKIRA : แบตหมดครับกร กรมีอะไรรึป่าว

จ่ะ พวกเมิงพร้อมใจกันแบตหมดมากกกกกก

AKIRA : กรครับ อ่านไลน์คุณอาด้วยครับ

-----------------------------------------------------

ทำไมทุกคนพร้อมใจให้ผมอ่านไลน์ขนาดนั้น สรุปให้อ่านไลน์พ่อหรืออ่านไลน์อากันแน่วะ

พ่อของผมกับอาของอากิ……….

อ่อ พ่อคุณทูลหัว อะนะ

-----------------------------------------------------

PHUMMA : ถึงศูนย์รึยัง?

PHUMMA : ทำไมเธอเงียบไป

PHUMMA : ทำอะไรอยู่?

PHUMMA : หลับไปแล้วเหรอ

PHUMMA : กร

PHUMMA : กร เธอหลับแล้วเหรอ

PHUMMA : ……..

PHUMMA : เกิดอะไรขึ้น

PHUMMA : กร

PHUMMA : ……………………………….

-----------------------------------------------------

ชิบหายแล้วครับ นึกออกแล้วว่าลืมอะไร ลืมรายงานตัวกับพ่อนิเอง

โธ่ ก็เมื่อคืนเรื่องมันวุ่นๆ แถมยังง่วงมากอีก เลยลืมซะสนิทเลยอะ

OPPA’KORN :  แหะ แหะ ขอโทษครับ ตื่นแล้วครับ

OPPA’KORN : ❤️❤️

ผมรีบส่งข้อความรับไปทันที แถมหัวใจให้อีก 2 ดวงเลยอะ เผื่ออีกฝ่ายจะอารมณ์เย็นขึ้น

“ตะแว๊ง” รอไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาครับ

PHUMMA : ทำไมเมื่อคืนไม่อ่านข้อความเลย

PHUMMA : รู้มั๊ยว่าเป็นห่วง ยิ่งไม่สบายอยู่

โอ๊ยยยยย ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ตอนนี้ไม่สบายหนักกว่าเดิมอีก

OPPA’KORN : ขอโทษครับ เมื่อวานผมเพลียๆเลยนอนไวอะ

PHUMMA : นอนไว? กี่โมง

OPPA’KORN : โอ๊ยยยย สักสองทุ่มผมก็นอนแล้ว

PHUMMA : แล้วโทรหาอากิตอนเกือบเที่ยงคืน?

เฮ้ยยยย รู้ได้ไง ข่าวเร็วไปป่าว

OPPA’KORN : ไอ้เล้งมันขอยืมโทรศัพท์ไปเล่นเกมครับ สงสัยเด็กมันคงโทรเล่น

PHUMMA : …………………..

OPPA’KORN : ผมผิดเอง ผมขอโทษครับ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ลืมบอกฝันดีเด็ดขาดเลย

 OPPA’KORN : น้าาาาาาาาา ❤️❤️

PHUMMA : …………………..

OPPA’KORN : เดี๋ยวผมไปช่วยงานคุณแม่ก่อน ตั้งใจทำงานนะครับ สู้ๆ

เฮ้อออออ ต้องรีบหาจังหวะชิ่งครับ เดี๋ยวยาว

หลังจากที่ชิ่งหนีจากคุณพ่อ ‘พ่อคุณทูลหัว’ มาได้ ผมรีบต่อสายกลับหาไอ้มาร์คทันที

“เมิงคุยกับพ่อเมิงยัง” ทันทีที่มันรับโทรศัพท์ผมมันก็ถามหา พ่อผมเลยครับ

“เอ่อ...คุยแล้ว พวกเมิงแม่งไม่รับโทรศัพท์กู” ผมบ่นกลับ

“เอาน่า กูก็โทรกลับแล้ว เมิงไม่รับเอง” มันตอบกลับแบบไม่แคร์ สัดเมิงคงโทรกลับตอนกูหลับไข้ขึ้นอยู่มั้ง

“แล้วเมิงโทรกลับหาไอ้มืดรึยัง” ผมรีบถาม ลักษณะพวกมันคงยังไม่รู้เรื่องผมหรอกนะ

“ยัง มันมีเรื่องสำคัญป่าววะ…….มาร์คคคค กินข้าวครับบบ...แปปนะเมิง จ้าาาาา เดี๋ยวออกไป…...เอ่อ กูกะไปคุยกับมันที่โรงเรียนเนี่ย” นิเมิงจะไม่สนใจเพื่อนคนอื่นนอกจากอากิเลยหรือไง

“เอ่อ เรื่องกูเนี่ยแหละ…..เดี๋ยวพวกเมิงมาหากูก่อน แล้วอย่าเพิ่งบอกใครหละ โดยเฉพาะพี่ภูมิหนะ” ผมพยายามเกริ่นไว้ก่อน

“หาที่ไหนวะ เมิงจะโดดเรียนรึ” สงสัยไอ้มาร์คจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ดีแล้วครับ แบบนี้ค่อยเคลียร์ง่ายหน่อย

“กูอยู่โรงพยาบาล” ผมกรอกเสียงลงไปเซ็งๆ

“ห๊ะ!...ไปทำห่าไรอีก ช่วงนี้เมิงมีทัวร์เดินสวนสนามเข้าโรงพยาบาลรึไงวะ” มันบ่นๆปนตกใจ

“เอ่อน่า มาก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้วห้ามบอกพี่ภูมินะว่ากูเข้าโรงพยาบาลเนี่ย” ผมกำชับมันก่อนจะวางสาย

เฮ้อออออออออออออ



********************************************************************************************

 :katai5: :katai5: :katai5:


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 27 ผมบอกเองน่าาาาาาา 21-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-08-2019 09:20:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 28 ผมจะบอกเองจริงๆ 24-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 24-08-2019 13:16:29
บทที่ 28 ผมจะบอกเองจริงๆ

“สัดบิ๊ก!” สองพยางค์สั้นๆ แต่บ่งบอกอารมณ์คนพูดได้มากมายเลยครับ

หลังจากที่เรียกเพื่อนรักทั้งสองคนมาที่โรงพยาบาลและเล่าเรื่องราวให้ฟังจนละเอียดแล้ว ก็ต้องลำบากคนป่วยอย่างผมต้องห้ามทัพไอ้มาร์คมัน ของมันขึ้นครับจะไปเอาเรื่องไอ้บิ๊กให้ได้ ส่วนอากิเอาแต่นั่งเงียบครับ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่

“อากิ ห้ามบอกพี่ภูมินะเฟ้ย” ผมรีบดักทางไว้ก่อน

“ตะ...แต่...มันจะดีเหรอครับ เรื่องใหญ่ขนาดนี้” อีกฝ่ายหน้าเครียด เรื่องใหญ่ตรงไหน สมัยก่อนผมก็มีเรื่องประจำถึงจะไม่ขนาดแขนหักก็เถอะ

ความจริงที่ผมน่วมขนาดนี้ก็ต้องโทษที่ข้อมือผมร้าวนั่นแหละ ถ้าสภาพผมเต็มร้อยหละก็ไม่เจ็บขนาดนี้หรอก อย่างน้อยก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีทัน ฮาาาาาาาา

“เดี๋ยวกูบอกเองน่า” ผมต่อรอง บอกหนะบอกแนาครับ แต่บอกตอนไหนนิอีกเรื่องนึง

“งั้นกรโทรหาตอนนี้เลยมั๊ยครับ” อากิเสนอพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้

เฮ้ยยยยยย ไม่เอา โทรข้ามประเทศมันแพง!!!

“เดี๋ยวบอก แต่ยังไม่บอกเฟ้ย พี่ภูมิเพิ่งไปทำงานได้แค่ 2 วัน ถ้ารู้เรื่องเข้าไม่เป็นอันทำงานพอดี เผลอๆหนีกลับมาอีก” ผมบ่นกระปอดกระแปด ที่ยังไม่บอกนิก็หวังดีกับพี่ภูมิล้วนๆเลยนะครับ ผมอยากให้พี่ภูมิตั้งใจทำงาน ขนาดครั้งก่อนแค่กระดูกร้าวจากการเล่นกีฬา พี่แกยังจับเครื่องบินกลับมากระทันหันขนาดนั้น แล้วนี้ถ้ารู้ว่าผมโดนยำตรีนเข้าไป โอ๊ยยยย ไม่อยากจะคิดเลยครับ

“กรต้องรีบบอกนะครับ ถ้าคุณอามารู้เองทีหลัง พวกผมจะซวยไปด้วย” อ่าววววววว ไอ้เราก็นึกว่าเป็นห่วงเรา ที่แท้เป็นห่วงตนเองซะงั้น

“จริงๆนะครับ ถ้าคุณอาโกรธแล้วจะน่ากลัวมาก...ผมว่ากรโทรบอกตอนนี้เลยเถอะ” อากิขนหัวลุกแล้ว ทำท่าจะต่อสายให้ผมอีกครั้ง

“เฮ้ยยยยยย เดี๋ยวบอกเองน่าาาา” ผมรีบแย่งมือถือจากมีอากิ ดีนะยังไม่ได้โทรออก

“เอาเป็นว่าช่วงนี้ ถ้าพี่ภูมิถามหา ก็บอกไปว่า กูลาป่วยต่อทั้งสัปดาห์ไปเลย บอกว่าไม่เจอจะได้ไม่ต้องถามละเอียด ตามนั้น” ผมสรุปรวบยอดมัดมือชก อากิพยักหน้าลงอย่างจำยอม ส่วนไอ้มาร์คไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด่าไอ้บิ๊กอยู่กรอดๆ

“แล้วเรื่องไอ้บิ๊กจะเอาไง” ไอ้มาร์คถามต่อ

“นั่นดิเอาไงดีวะ จับตัวก็ไม่ได้ ไม่รู้แถวนั้นมีกล้องวงจรปิดรึป่าว” มันเล่นรุมตรีนผมในซอยหลังโรงเรียนอีก หลักฐานก็ไม่มี

“กุเช็คแล้วไม่มี แต่ไอ้มืดมันเป็นพยานให้เมิงได้นะ” ไม่รู้ไอ้มาร์คมันไปสืบรายละเอียดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องแบบนี้เร็วเชียวนะ

“เฮ้ยยยยย จริงดิ แต่กุก็เกรงใจมันนะ เดี๋ยวมันจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย” อารมณ์ดีใจมันก็ดีใจแหละครับ แต่ไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งยากกับเรื่องของผม

“เอ่อ แล้วจาร์ยปี๊ดก็รู้เรื่องแล้วด้วย กำลังเรียกพบผู้ปกครองฝ่ายนู้นอยู่ นิแม่เมิงก็อยู่ที่โรงเรียนเนี่ย” ไอ้มาร์คแถลงการณ์ต่อ โหหหห นิเรื่องมันยาวไปจนถึงเรียกพบผู้ปกครองแล้วเหรอ

“เฮ้ยยย เร็ววุ้ย งั้นให้คุณแม่จัดการไปแล้วกัน เรื่องแบบนี้แม่ถนัดนักหละ” ถ้าถึงมือคุณแม่ผมก็สบายใจแล้วครับ ออกโรงพยาบาลไปผมคงได้กินอาหารมื้อใหญ่เลยหละทีนี้

“เมิงจะไม่เอาคืนมันเลยเหรอ” ไอ้มาร์คยังถามต่ออีก มันจะแค้นไรนักหนา เคยได้ยินมั๊ย เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

“โอ๊ยยยย ไม่ต้องทำไรหรอกเมิง ยิ่งเราเอาคืนมัน เดี๋ยวมันก็เอาคืนเรา สู้เป็นผู้เสียหายนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ยแหละ สบายจะตาย” ผมอธิบายไปยาวๆ

“แล้วเมิงก็ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกมันอีกหละ เดี๋ยวเรื่องมันจะลามมาถึงเมิง ให้มันจบที่กูเนี่ยแหละ” เป็นไงครับ ดูพระเอกมั๊ยหละครับ

“ก็แล้วแต่เมิงเถอะ ถ้าจะเอาอะไรก็บอกพวกกูแล้วกัน” ไอ้มาร์คมันยักไหล่แบบปลงๆที่ยุผมไม่ขึ้น

“เอ่อ...งั้นกูขอ ข้าวผัดกุ้งกล่องนึง กับต้มจืดสาหร่าย แล้วก็ลอดช่องสิงคโปรแล้วกัน” บอกตามตรงครับอาหารโรงพยาบาลไม่ถูกปากขั้นรุนแรง ผมอยากกินอาหารคนธรรมดาอะ

“เมิงร่ายรายการอาหารเอาไว้ให้กูไม่เยี่ยมในตารางรึไง แต่ละเมนู” ไอ่มาร์คบ่น

“สัด!” ผมทำแก้มป่อง งอนใส่มัน ลืมตัวครับนึกว่าตัวเองน่ารัก แต่พอหันไปเห็นสายตาดุๆของอากิ ผมก็สะดุ้งหุบแก้มเกือบไม่ทัน แล้วเราทั้งสามคนก็หลุดหัวเราะกันเบาๆครับ แหะ แหะ แหะ

********************************************************************************************************

“กรครับ ย้ายไปห้องพิเศษเถอะนะครับ” เสียงอากิที่คะยั้นคะยอให้ผมย้ายห้อง ผมว่าผมพักอยู่ห้องรวมก็ดีอยู่แล้วนะ จะย้ายทำไม อีก 2 วันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วเนี่ยอากิพยายามจะย้ายผมไปห้องพิเศษให้ได้ ช่างไม่เข้าใจซะจริงๆว่าห้องรวมมันวิวดีกว่าเยอะ ดูพี่ๆพยาบาลสาวสวยพวกนั้นสิ ใครมันจะอยากไปนอนห้องพิเศษที่เห็นแต่จอทีวีกับเพดานห้องหละครับ

ใช่แล้วครับ ตั้งแต่ผมโดนยำตรีนนี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วครับ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ เอาจริงๆคือผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเหลือแค่รอยช้ำกับไอ้แขนข้างที่หักเนี่ยแหละนอกนั้นก็ชิวๆ หมอเลยให้อยู่ดูอาการอีก 2 วันก็จะปล่อยให้กลับบ้านได้

ส่วนเรื่องไอ้บิ๊กและผองเพื่อนก็โดนพักการเรียนไปตามระเบียบครับ คุณแม่ตัดสินใจไม่เอาเรื่องจนถึงตำรวจเพราะสงสารอนาคตพวกมัน แต่ผมว่าจริงๆแล้วน่าจะเพราะพ่อไอ้บิ๊กมันเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทแห่งหนึ่งที่ใจดีบริจาคเงินให้กับทางศูนย์หลักแสนเลยทีเดียว ผมว่าถ้าผมออกจากโรงพยาบาลไปคุณแม่ต้องจัดโต๊ะจีนชุดใหญ่ให้แน่นอน ผมว่าเรื่องมันจบแบบนี้ก็ดีครับดีกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะกับทางศูนย์ฯ ความจริงคุณแม่น่าจะเรียกไปเยอะๆหน่อย เอาให้คุ้มกับที่ผมต้องนอนโรงพยาบาลยาวเป็นอาทิตย์แบบนี้

เข้าตำรา ‘ขายลูกกิน’ หน้าที่ 5 ข้อที่ 3 ‘ถ้าจะมีเรื่องต้องยั่วให้อีกฝ่ายเปิดก่อนหลังจากนั้นค่อยตาม’ และข้อที่ 5 ‘สืบเนื่องจากข้อที่ 3 ถ้าจะโดนยำทั้งทีต้องเอาให้ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ต้องมีใบรับรองแพทย์’ และข้ออื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นี้

เอาเป็นว่าโดนยำตรีนครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วกันครับ ฮาาาาาาาาาาาาา

ตอนนี้ก็เหลือเรื่องเครียดแค่เรื่องเดียว

‘พี่ภูมิ’

หลังจากที่เตี๊ยมกับพวกอากิไปว่าผมลาหยุดยาวอยู่ที่บ้านไปนั้น ทั้งไลน์ทั้งโทรศัพท์ผมก็เด้งตลอด ยังดีที่โทรศัพท์ผมกล้องมันเสียเลยไม่ต้องวีดีโอคอล ไม่งั้นความแตกแน่ๆ

ผมว่าผมเนียนแล้วนะ ทักเร็วตอบเร็ว แถมบอกฝันดีทุกวันอีก รับรองพี่ภูมิจับไม่ได้ชัวร์ แต่ประเด็นมาอยู่ที่ว่า สุดสัปดาห์นี้พี่ภูมิก็จะกลับไทยมาแล้วนิสิ แล้วถ้าผมไม่ไปรับหละก็เรื่องใหญ่แน่นอน

แล้วเรื่องก็จะใหญ่ขึ้นไปอีกถ้าผมไปรับด้วยสภาพแบบนี้ น่าจะเชื่อคำอากิตั้งแต่แรก พับผ่าสิ

“กรครับ บอกคุณอารึยังครับ...กร ฟังอยู่รึป่าวครับ” เสียงแจ้วๆดังมา ครับ ไม่ได้ฟังครับกำลังตกอยู่ในพวังก็คนมันเครียดดดดดดดดดด

“ยังเลยหวะ...ทำไงดีวะ” ผมทำหน้าเครียดตอบกลับไป

“เหลืออีก 3 วัน คุณอาก็จะกลับมาแล้ว ผมว่ากรรีบบอกเถอะ” อากิที่เครียดไม่แพ้กันกล่าวเตือน

“ก็กะจะบอกเนี่ย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ว่าแล้วก็ปรึกษาซะเลย ช่วยๆกันดีหลายๆหัว ดีกว่าหัวเดียว

“เริ่มยังไงก็ได้ครับ แต่อย่าโกหกเด็ดขาด ผมว่าแค่บอกไปตรงๆตามความจริงแหละครับ” อากิแนะนำ ง่ายดีนะครับ บอกตรงๆ ตามความจริง ‘พี่ภูมิครับ ผมโดนตฃยำตรีน ตอนนี้แขนหักนอนอยู่ที่โรงพยาบาลครับ’ งั้นเหรอ

โอ๊ยยยยยยย เครียดดดดดดดดด

“พอๆ ไม่คิดละ เดี๋ยวค่อยบอกคืนก่อนกลับ...ใช่แล้ว บอกคืนก่อนกลับนั่นแหละเหมาะสุด” ผมกล่าวเชิงบอกอากิปนๆบอกตัวเอง


*********************************************************************************************************

ในที่สุดผมก็ได้ออกโรงพยาบาลแล้วครับ กลับสู้สถานวิมานของเรา

“เย้...พี่กรกลับมาแล้ว” น้องกิ๊ฟกระโดดโลดเต้นมาตอนรับผม

“แต้งเว๊ยไอ้กร” คราวนี้เป็นไอ้หมู เดินมาแสดงความขอบคุณ

“ใจนะพี่” จบที่ไอ้เล้ง

งงหละสิว่าดีใจอะไรกันหนักหนา ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าถ้าผมออกโรงพยาบาลไปแล้วคุณแม่คงจัดโต๊ะจีนชุดใหญ่ให้ ถึงจะไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละครับ คืนนี้ที่ศูนย์ฯมีจัดปาร์ตี้หมูกระทะ แต่ไม่ใช่หมูกระทะทำธรรมดานะครับ เป็นหมูกระทะทะเลเผา เอ๋า เอ๋า เอ๋า เอ๋า เอ๋า แบบมีแอ๊กโค่ด้วย

เป็นไงหละจากน้ำพักน้ำแรงผลงานจากการเจ็บตัวของผม สร้างรอยยิ้มให้น้องๆที่ศูนย์ฯได้มากมายขนาดนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ เอิ๊กๆ
 
“เอานี้เจ้ากร กินหมูเยอะๆ จะได้หายเร็ว” คุณแม่คีบหมูใส่จานให้ผม ถึงผมจะใช้ได้แค่มีซ้ายข้างเดียว แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับการกินครับ เรื่องกินเรื่องใหญ่ยังไงก็ต้องยัดให้อิ่มครับ

ผมใช้มือข้างที่เหลือสวาปามหมูกระทะ กุ้งเผา ผักลวก หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นประเคนให้ จนในที่สุดพุงน้อยๆก็รับไว้ไม่ได้ต้องส่งเสียงเรอออกมาประท้วงให้หยุดกิน

“โหหหหหห ถ้าจะเรอขนาดนี้” เสียงไอ้เล้งครับ แสดงสีหน้ารังเกียจพร้อม แหะๆ เรอเสียงดังเป็นมารยาทที่ไม่ดีเด็กๆอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

“อิ่มแล้ว แกก็ขึ้นไปนอนเถอะ ไม่ต้องอยู่ช่วยเก็บหรอก” คุณแม่ไล่ผมไปนอน ช่วงนี้ทุกคนต่างเอาใจผมครับ ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนป่วยหรอกนะครับ เพราะหมูกระทะมื้อนี้ต่างหาก -*-

“ไอ้เล้ง ขึ้นไปช่วยพี่แกอาบน้ำด้วยไป๊” แถมไล่ไอ้เล้งมาเป็นผู้ช่วยผมอีก พอดีเลยผมอยากได้คนขัดหลังพอดี

*********************************************************************************************************

PHUMMA : กินข้าวรึยัง

OPPA’KORN : เรียบร้อยแล้วครับพร้อมเข้านอน

PHUMMA : นอน? ทุ่มนึงเนี่ยนะ

ทำไมครับ นอนเร็วผิดตรงไหน ผมมันเป็นวัยรุ่นรักสุขภาพ

OPPA’KORN : นอนเร็วๆจะได้รีบฝันถึงพี่ภูมิไงครับ

PHUMMA : ……………………..

PHUMMA : ช่วงนี้เธอดูแปลกๆนะ ทำอะไรผิดไว้รึป่าว

ชะอุ๊ย ทำไมรู้อะ พี่ภูมิรู้ พี่ภูมิเห็น หรือพี่แกจะมีญาณทิพ

OPPA’KORN : ป๊าวววววววววววว

PHUMMA : สูงเชียวววววววว

OPPA’KORN : แหะๆ

OPPA’KORN : ผมมีอะไรจะบอกแหละ

PHUMMA : …………สารภาพมา!

OPPA’KORN : …………………………..

OPPA’KORN : พี่ภูมิต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ….มาก

PHUMMA : ……………………..

PHUMMA : ชั้นไม่สัญญา

OPPA’KORN : งั้นผมไม่บอก

PHUMMA : ปกรณ์!

OPPA’KORN : โอ๊ยยยยย อย่าดุผมเลย

OPPA’KORN : เอางี้ ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว ผมรวบยอดบอกพรุ่งนี้เลยละกัน ถือว่าเป็นเซอร์ไพส์
PHUMMA : นายปกรณ์ กิจการุณ !!!

OPPA’KORN : ถ้าดุผมไม่ไปรับที่สนามบินนะเออ

ต้องขู่กลับบ้างครับ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น เหรอ?

PHUMMA : ……………………….

OPPA’KORN : เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกันนะครับ แล้วอย่าลืมสัญญานะครับ

OPPA’KORN : อย่าโกรธมาก ผมเป็นห่วง เดี๋ยวความดันขึ้น!

OPPA’KORN : ฝันดีครับ ❤️❤️

PHUMMA : ……………………….

ต้องหนีโดยด่วนครับ เปิดโหมดกลางคืน แล้วหลับหนีแม่งงงงงงงงงงงง ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ไปครับ แหะๆ




*******************************************************************************************

ยัง! น้องกรยังไม่หยุด แล้วเธอจะต้องเสียใจ!  :katai1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 28 ผมจะบอกเองจริงๆ 24-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-08-2019 18:02:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 29 ผมจะทำยังไงดี! 31-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 31-08-2019 09:48:55
บทที่ 29 ผมจะทำยังไงดี!

‘กา กา กาาาาาาา’ บรรยากาศเงียบบบบบบบบบ
 สงบ สยบทุกการเคลื่อนไหว เงียบจนได้ยินเสียงอีกาที่บินอยู่ด้านนอกเลยครับ

ในที่สุดวันที่ผมไม่อยากให้มาถึงก็มาถึง วันที่พี่ภูมิกลับมา

เช้านี้ผมตื่นด้วยความสดใส ยามเช้าเริ่มด้วยโอวันตินหนึ่แก้วพร้อมรับวันใหม่ สู้ๆ อึบๆ

อากิกับมาร์คมารับผมที่ศูนย์เพื่อไปรอรับพี่ภูมิที่แอร์พอร์ตด้วยกัน บรรยากาศมันเงียบตั้งแต่บนรถขาเดินทางมาสนามบินแล้วครับ ถามคำตอบคำ ไม่ชวนคุย ไม่กวนตรีนกันเหมือนเดิม พอมาถึงสนามบินก็นั่งรอกันแบบเงียบๆอีก โอ๊ยยยยยยย ไอ้กรอึดอัด!

บรรยากาศชักแปลกๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่แลนด์ดิ้ง ผมชะเง้อมองไปยังเกต นั่นไง ผู้ชายตัวสูงๆ หน้าไทยแต่ผิวดันข๊าวขาว หล่อแบบครึ่งไทยครึ่งญี่ปุ่น หล่อหายากเลยนะนั่น เดินเด่นมาท่ามกลางฝูงชนเลยครับ

“พี่ภูมิ” ผมตะโกนเรียกพร้อมโบกมือทักทาย เอ่อมือข้างที่เหลืออะนะครับ

แต่…………

อีกฝ่ายเลือกที่จะนิ่งครับ เดินมาทางพวกผมนิ่งๆ เงียบๆ มาถึงก็กล่าวทักทายอากิไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาใครๆทั้งสิ้น จากนั้นก็สั่งให้คนรถเอากระเป๋าและสัมภาระไปเก็บ เหลือบตามองผมครู่นึง ผมแอบเห็นพี่ภูมิแกจ้องมองแขนที่เข้าเฝือกของผมอยู่ครู่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายทั้งขบวนก็ยกโขยงกลับคอนโดกันครับ

แต่……………

ประเด็นคือก่อนกลับคอนโดกลับแวะมาส่งผมที่ศูนย์ เฮ้ยยยยยยยย

เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน นิไม่ใช่สถานการณ์ที่ผมคาดการณ์ไว้

เอาจริงๆนะที่ผมวางแผนไว้ก็คือ พี่ภูมิเดินออกมา เห็นผมแขนหัก พี่แกต้องตกใจแล้วก็เป็นห่วงสิ แล้วผมก็จะเล่าให้แกฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ตอกไข่ใส่สีนิดหน่อยจะได้ดูไม่รุนแรง เสร็จแล้วอ้อนพี่ภูมิอีกนิดนึง หลังจากนั้นพี่ภูมิก็จะดูแลผมทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งวัน ทั้งคืนนนนนนนนนน มันต้องแบบนี้สิ!

ไม่ใช่ไม่พูดด้วยสักคำแบบนี้ ผมไม่ใช่อากาศนะเออ

“อ่าววววว เจ้ากร แกกลับมาทำไม ไม่นอนคอนโดกับคุณภูมิรึ” เสียงใสๆจากคุณแม่เมื่อเจอผมเดินคอตกกลับศูนย์

“ผมก็ไม่รู้อะ เค้าเอาผมมาปล่อยที่นี่” ผมนี้หูตกหางลู่เลยครับ

“ไหนๆดูสิ เค้าตัดหางด้วยรึป่าว” ว่าแล้วก็เดินอ้อมไปด้านหลังผม

“โธ่ คุณแม่ที่นี่ไม่ใช่วัดสักหน่อย” ผมแหววใส่ ไม่น่าเริ่มก่อนเลย พับผ่าสิ

“เอาน่า แกไปทำอะไรให้ทางนู้นโกรธรึป่าว โทรไปง้อสิ”. คุณแม่ชี้ทางสว่างครับ




ตู๊ดดดดดดด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด อ่าวเฮ้ย! ตัดสาย

OPPA’KORN : พี่ภูมิ

OPPA’KORN : พี่ภูมิคร้าบบบบบบบบบบบบบบ

OPPA’KORN : พี่ภูมิ….

OPPA’KORN : โกรธผมเหรอ?

…………………………………………………………

ชิบหายอ่านแต่ไม่ตอบครับ โอ๊ยยยยยยยยยย ผมพลาด พลาดอย่างมหัน ผมควรเชื่อคำเตือนของอากิ ทำไงดีวะ!

OPPA’KORN : ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่ภูมินะครับ

OPPA’KORN : ก็ผมเป็นห่วง พี่ภูมิไปทำงานอะ ผมไม่อยากให้พี่ภูมิคิดมากเรื่องผมอีก

OPPA’KORN : นิผมก็ตั้งใจจะบอกตอนเจอกันอะ

OPPA’KORN : พี่ภูมิจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผมไง

OPPA’KORN : อ่านแล้วตอบหน่อยสิ

OPPA’KORN : น้าาาาาาาาาาา

OPPA’KORN : พี่ภูมิอะ

OPPA’KORN : ผมขอโทษ

OPPA’KORN : หายโกรธน้าาาาาาาา

OPPA’KORN : น้าาาาาาาาาาาาาาาา

OPPA’KORN : ……………………………………

ทำไงดีครับฝ่ายนั้นเค้าอ่านแต่ไม่ยอมตอบ โทรศัพท์ก็ตัดสาย แถมโทรซ้ำไปอีกถึงขั้นฝากข้อความ นิคงไม่ใช่ว่าบล็อคเบอร์ผมแล้วนะเออ

เฮ้ออออออออออออออออ

สงสัยแบบนี้ต้องเคลียร์กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือผมหมายถึงต้องพูดคุยกันตรงๆครับ โซเชียวมีเดียมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ติดต่อกันง่ายดีแต่มันไม่รู้อารมณ์ของอีกฝ่ายเนี่ยสิ เอาเป็นว่ารอให้อารมณ์เย็นลงหน่อยพรุ่งนี้ค่อยไปหาที่คอนโดแล้วกัน


*********************************************************************************************************

สามวัน! นี้ก็เข้าวันที่สามแล้วครับที่ผมติดต่อพี่ภูมิไม่ได้ ไปหาก็โดนหลบหน้าไม่ยอมเจอ ทำไมโกรธแล้วทำตัวงอนเป็นเด็กๆอย่างนี้นะ

“อากิ พี่ภูมิหลบหน้ากูใช่มั๊ย” ในเมื่อทำอะไรคนเป็นอาไม่ได้ ก็มาลงคนหลานเนี่ยแหละ

“ไม่ใช่หรอกครับ กรคิดมาก” อีกฝ่ายกลับตอบมาหน้าตาย

“ไม่คิดมากได้ไง กูไปดักรอที่คอนโดเลยนะเฟ้ย แต่ไม่อยู่ตลอด” นั่นแหละครับ ผมไปบุกคอนโดมาสองคืนติด แต่ไม่อยู่แล้วพี่ภูมิไปนอนที่ไหน???

“ช่วงนี้คุณอามีธุระครับ ำม่ค่อยว่าง” โอ๊ยยยยยยย ข้ออ้างทั้งนั้น ฟังไม่ขึ้น ผมไม่โอเค

“บอกมาเถอะน่า พี่ภูมิอยู่ไหน” ผมคะยั้นคะยอจากอากิต่อ มือก็จับไหล่ทั้งสองข้างพลางเข่าแรงขึ้น

“เฮ้ยยยยย ไอ้กร อย่าจับอากิ เดี๋ยวช้ำ” เป็นไอ้มาร์คครับที่มาจับผมแยก

“แม่ง ขะติดเชื้อบ้ามารึป่าววะเนี่ย” แถมยังบ่นกระปอดกระแปด ถ้าจะขนาดนั้น แกไม่เอาอากิไปเก็บไว้ในห้องปลอดเชื้อเลยหละ

“ก็แกเมิงรู้อะไรแล้วอุบเงียบไว้ใช่มั๊ย” ผมเลยหันไปซักกับเพื่อนอีกคนแทน

“......เอ่อน่า เดี๋ยวพี่ภูมิว่าง ก็ติดต่อได้เองแหละ” ไอ้มาร์คมันตัดบทครับ ตัดบทเสร็จเดินหนีทันที

เฮ้ย! เมิงจะเดินหนีกูแบบนี้ไม่ได้ เมิงไม่รู้เหรอผลของการหนีความจริงคือกูตอนนี้ไง โดนโกรธอยู่เนี่ย เด็กๆไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

*********************************************************************

“โอ๊ยยยยยยย อากิโว๊ยยยยยย โทรบอกพี่ภูมิให้หน่อย ฝากบอกว่าคิดถึง” ผมซึ่งไม่มีหนทางอื่น ทำได้แต่ฝากความคิดถึงไปกับคนหลานเนี่ยแหละครับ ทำไงได้ก็ไอ้คนไอหลบหน้าไม่ยอมติดต่อกลับเลยเนี่ย

ผมทั้งโทรหา ไลน์หา ไปหา แต่ก็เหมือนพูดคนเดียวไม่ได้รับการตอบรับใดๆทั้งสิ้น จนตอนนี้ผมชักเริ่มแลงแล้วครับ

คนอะไรขี้งอนชะมัด แถมงอนทีนึงยังงอนยาวๆซะด้วย

งอนแบบนี้ง้อยากมากกกกกกก ขอบอก ก็อีกฝ่ายเล่นไม่เปิดโอกาสให้ง้อเลยนี้สิ -”-

“ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกให้”. นั่นไง อีกฝ่ายยอมรับกลายๆแล้วว่าติดต่อพี่ภูมิได้ ชริ ไอ้พวกนี้มันทำกันเป็นกระบวนการ!

“โว๊ยยยยยย ฝากถามด้วยว่าเมื่อไหร่จะหายงอน จะให้ง้อยังไงก็บอกมา” ผมฟาดงวงฟาดงา หมดปัญหาง้อแล้วจริงๆครับ

“ครับ คร้าบบบบบ” อากิรับคำปนหัวเราะ ส่วนไอ้มาร์คก็หัวเราะหึหึปนสมน้ำน่า

เอ่อ พวกเมิงเห็นเป็นเรื่องตลกกันหรือไง นิกูเครียดมากนะเนี่ยไม่เจอกับตัวเองไม่รู้สึกหรอก

“ผมก็เตือนกรแล้วว่าให้รีบบอกคุณอา เป็นไงหละ” ได้ทีอากิทับถมใหญ่เลย ชริ

“เอ่อน่า คนมันพลาดไปแล้ว ช่วยคิดวิธีง้อหน่อยสิ” หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวครับ

หากแต่เพื่อนๆยังไม่ทันได้ช่วยออกความเห็นใดๆ ก็ถูกขัดจังหวะซะก่อน

“นายปกรณ์ ไปห้องปกครองด่วน” อาจารย์ปี๊ดเดินมาเรียกผมถึงห้องเรียนเลยครับ

เฮ้ยยยยย มีอะไรอีกหละ ผมก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครอีกนี้หว่า ผมนิมีดวงสมพงศ์กับห้องปกครองจริงๆเลย

ผมได้แต่มองหน้าไอ้มาร์คกับอากิงงๆก่อนเดินตามอาจารย์แกไป
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 29 ผมจะทำยังไงดี! 31-8-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-09-2019 00:28:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ 4-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 04-09-2019 11:54:15
บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ

ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็นของห้องปกครอง จะไม่ให้หนาวได้ยังไงครับในเมื่อเปิดแอร์ซะ 22 องศา แถมไม่หนาวแค่กายนะครับ ยังหนาวใจอีกต่างหากก็จาร์ยปกครอง จาร์ยเจริญกำลังเก๊กหน้าเข้มนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทำอย่างกับแกจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารอย่างนั้นแหละ

สองฝั่งที่เหลือเป็นคุณลุงวัยกลางคนคนหนึ่งกับ ออ ไอ้บิ๊กและผ่องเพื่อนครับ เพื่อนเอกับเพื่อนบีของมัน อีกด้านที่หันหลังให้ผมเป็นผู้ชายนั่งอยู่คนเดียว แต่เอ้ ผมว่าข้างหลังแบบนี้มันดูคุ้นๆตา เห็นแล้วอยากเข้าไปลูบเพื่อพิสูจน์ว่าคุ้นขนาดไหน

ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดดดดดดดดด ผมเลือกที่จะเคาะประตูก่อนแล้วค่อยๆแง้มเข้าไป แล้วก็พบกับ บึ้ม! กลายเป็นโกโก้ครั้นสิครับ

ไอ้คนที่ผมพยายามติดต่อ พยายามไปดักเจอ คนที่ผมไม่เจอหน้ามาหลายวัน ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ยอมตอบข้อความกำลังปั้นหน้ายักษ์นั่งนิ่งเป็นลิงถือลูกท้ออยู่คนเดียว เมื่อผมเดินแต่เข้าไปหายตาทุกคู่หันมาจับจ้องผม

อาจารย์เจริญที่มองมาด้วยความเหนื่อยหน่ายแกมลำบากใจ คุณลุงที่มองมาอย่างรู้สึกผิด ไอ้บิ๊กมองมาแบบหงอยๆ ส่วนไอ้เพื่อนเอกับไอ้เพื่อนบีมองมาแบบเหมือนไม่ใช่เรื่องของพวกมัน อ่าว! พวกเมิงนิตัวละครหลักเลยนะเฟ้ย งอนที่ไม่ได้ค่าตัวหรือไง!

ส่วนดวงตาที่จ้องมองมายาวนานที่สุด คือดวงตาเข้มสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น เราสองคนจ้องตากันจนกลายเป็นแข่งขันจ้องตา ท้ายที่สุดผมยอมให้อีกฝ่ายชนะแล้วเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆคนตัวสูงกว่า

ใจจริงอยากกระโดดเข้าไปกอดให้หายคิดถึงเลยครับ เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่พี่ภูมิเดินทางกัลบมาประเทศไทย แต่เป็นการเจอกันแบบบรรยากาศไม่ดีสุดๆ ไม่มองหน้า ไม่พูดไม่จา แถมยังจากกันแบบบรรยกาศเสียสุดๆ คือเอาผมไปปล่อยวัด เอ้ยยยยไม่ใช่ ปล่อยผมกลับศูนย์แบบงงๆ วันนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้งไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะหายงอนอะไรหรอก หน้ายังหงึกเหมือนเดิม ปากก็ยังปิดสนิทเหมือนเดิม ยังดีหน่อยที่ดวงตาเจือแววอ่อนโยนที่มองมาไม่เบือนหนีเหมือนเมื่อหลายวันก่อน

ผมยกมือไหว้พี่ภูมิ คุณลุงฝั่งตรงข้าม แล้วก็จาร์ยเจริญผู้เป็นประธาน ก่อนนั่งเงียบฟังปราศัยของแก แต่ไม่ลืมที่จะแอบสัมผัสมือแกร่งที่กำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ เพื่อเรียกคะแนนเห็นใจ และก็เป็นโชคดีครับที่อีกฝ่ายไปชักมือหลบ ยอมให้ผมกุมมืออยู่นิ่งๆ แค่นี้ผมก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้ว เรายังมีหวังเฟ้ย!

“นายปกรณ์ ทางผู้ปกครองของนายคมฤกษ์ ต้องการที่จะมากล่าวขอโทษเธออีกครั้งด้วยตัวเองหนะ ยังไงก็รับคำขอโทษจากเพื่อนๆเค้าด้วยแล้วกันนะ” จาร์ยเจริญกล่าวเปิดพอเป็นพิธี นั่งกันครบองค์แบบนี้คงไม่ต้องสืบสาวราวเรื่องกันยาวหรอกครับ แค่เห็นผมก็พอเดาได้ แต่ที่ผมงงคือเรื่องมันจบไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ที่ผมให้คุณแม่จุ๋มเป็นธุระจัดการให้ แล้วทางผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร แล้วไหงวันนี้พวกไอ้บิ๊กกลับมาขอโทษผมอีกรอบ เพื่ออะไร?

แล้วที่เป็นประเด็นกว่านั้นคือ คนที่นั่งข้างๆผมเนี่ยแหละครับ มาจากไหน มาเกี่ยวอะไรด้วยยยยยยยยยยยยย

“เอ่อ… กร ลูก พ่อขอโทษแทนไอ้บิ๊กกับเพื่อนๆมันด้วยนะ เรื่องเด็กทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆ กรอย่าถือสาเลยนะลูก” คุณลุงวัยกลางคนกล่าวอย่างนอบน้อม พูดไปก็ชำเลียงมองพี่ภูมิไปเป็นพักๆ เอ่อ มองผมสิครับคุยกับผมไม่ใช่เร้อ แล้วใครลูกคู๊ณณณณณณ พ่อแม่ผมเสียแล้ว ส่วนตอนนี้มีแค่คุณแม่คนเดียว ไม่มีพ่อเฟ้ย อีกอย่างเด็กทะเลาะกันเล็กน้อยตรงไหน นี้แขนหักเลยนะครับ แขนหัก!

เหมือนจะมีคนไม่ค่อยพอใจในคำกล่าวที่ได้ยินเช่นเดียวกับผม เพราะได้ยินเสียงครางฮึ่มๆมาจากคนข้างๆ แถมยังแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมาอีก นิคิดว่าแอร์ที่เปิดอยู่นี้ยังเย็นไม่พออีกหรือไง

“เฮ้ยยย...ไอ้บิ๊กรีบขอโทษเพื่อนเค้าสิ” ว่าแล้วคุณลุงก็ผลักหัวลูกชายประหลกๆ

“เอ่อ...ขอโทษนะเมิง...เอ่อ...มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ” ไอ้บิ๊กกล่าวขอโทษ มันก็คงชั่ววูบจริงๆแหละครับ ชั่ววูบแบบมีการวางแผนดักรอสักชั่วโมงนึงประมาณนั้น

ผมเลือกที่จะเงียบครับ จนไอ้บิ๊กสะกิดให้เพื่อนๆมันกล่าวขอโทษผมด้วยกัน เอ่อ ในที่สุดไอ้เพื่อนเอกับไอ้เพื่อนบีก็เข้ามาเป็นตัวละครหลักสักที เห็นพวกมันเนียนไม่รู้ไม่ชีมานานละ หมั่นไส้

“เอ่อ...ขอโทษอีกครั้งนะครับ คุณภูมิ” ปิดท้ายด้วยคุณลุงพ่อของไอ้บิ๊กที่หันไปคุยกับพี่ภูมิอีกครั้ง

“ว่าไง เธอจะเอาเรื่องมั๊ย” ในที่สุดเสียงทุ้มก็หันมาพูดกับผม โหหหหหหหหห หลังจากที่ไม่ยอมพูดคุยด้วยมาหลายวันในที่สุดก็ยอมพูดด้วยสักที

“เอ่อ พี่ภูมิครับ ไม่เอาเรื่องหรอกครับ คุณแม่รับเงินทำขวัญมาแล้ว” ผมแอบกระซิบคุยกันสองคน บอกไว้ก่อนซิครับ เดี๋ยวหน้าแหกหมอไม่รับเย็บยุ่งเลย

“คืนไปแล้ว” คำตอบสั้นๆ จากอีกฝ่ายทำอารมณ์ผมพลุ่งพล่าน คืนได้ไง ไม่คืนนะเฟ้ย ไม่มีจะคืนด้วย ผมเอาไปเลี้ยงหมูกระทะแล้ว

“ผมไม่มีเงินคืนหรอกครับ เอาไปใช้จ่ายในศูนย์แล้ว” ผมตอบเบาๆ

“ชั้นจัดการให้แล้ว สรุปเธอจะเอาเรื่องอยู่รึป่าว” อีกฝ่ายกล่าวตัดบท แล้วกล่าวถามอีกครั้ง

“ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว แล้วทางนู้นเค้าก็มาขอโทษแล้วด้วย” ผมตอบแบบยักไหล่ คนเราต้องรู้จักให้อภัยครับ ไม่งั้นก็จะจองเวรกันไม่สิ้น ผมขอชิงตัดเวรซะก่อน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอะเจอพวกมันอีก

“ตามใจเธอ...แต่ชั้นก็มีวิธีจัดการของชั้นเหมือนกัน” ร่างสูงกว่ากล่าวเงียบๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนกล่าวลาทุกคนแล้วเดินออกจากห้องไป

ผมบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร รีบกล่าวขอบคุณอาจารย์ แล้วรีบวิ่งตามพี่ภูมิออกไป

โอ๊ยยยยยย วิ่งแล้วสะเทือนแขนแฮะ แต่ไม่ได้โอกาสมาแล้วต้องรีบคว้าเอาไว้

“พี่ภูมิ เดี๋ยวก่อนครับ” ในที่สุดผมก็วิ่งตามร่างสูงทัน จะเลือกว่าตามทันดีรึป่าว เพราะอีกฝ่ายกำลังยืนพิ่งรถอยู่คล้ายกำลังรออะไรอยู่

“ผมขอโทษครับ” ผมรีบกล่าวออกไป ต้องรีบพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะปิดโอกาส

“เรื่อง?” ชายหนุ่มเสียงแข็งใส่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“เรื่องที่ผมไม่ยอมบอกว่ามีเรื่อง เรื่องที่ผมเจ็บตัว...อีกแล้ว” ผมก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด แต่อีกฝ่ายดันเงียบแทนคำตอบ

“ก็ผมไม่อยากให้พี่ภูมิเป็นห่วง พี่ภูมิยกโทษให้ผมนะ น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” ผมงัดไม้ตาย ‘น้าาาาาาาาา’ ออกมาใช้ ก่อนเหลือบตามองร่างสูงที่บัดนี้หายวับ อ่าว! เข้าไปนั่งในรถตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

“เข้ามาคุยกันข้างใน” เสียงเข้มสั่งเบาๆ พร้อมกับประตูรถด้านหนึ่งที่เปิดทิ้งเอาไว้

แหะ แหะ โอกาสมาถึงมือผมแล้ว



“พี่ภูมิยกโทษให้ผมแล้วใช่มั๊ยครับ” ผมกล่าวถามพร้อมส่งสายตาปิ๊งๆไปให้ แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ ผมเลยตัดสินใจโน้มด้วยไปหอมแก้มอีกฝ่ายดัง ‘จ๊วบ’ ใหญ่ๆ จนร่างสูงได้แต่ตาโตแข็งค้างไป แต่จังหวะไม่ค่อยเป็นไรครับ รถที่กำลังดันตกหล่มจนตัวผมเซไปกระแทกกับพนักพิงด้านหลัง

โอ๊ยยยยยย เจ็บสิครับทับแขนตัวเองพอดี!

“ก้อนแป้ง!...เจ็บเหรอ” ตกใจเลยครับ ตกใจสีหน้าของคนข้างๆ ที่ลืมเก็กมาดเข้ม ผมมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หัวคิ้วที่ขมวดติดกัน ท่าทางอยากจะรองรับความเจ็บปวดไปแทนผม หึหึ เสร็จผมหละทีนี้

“โอ๊ยยยยย...เจ็บครับ” แล้วผมก็ผู้สึกเจ็บจี๊ดหนักกว่าเดิมจนต้องผวาเข้าไปซบอกแกร่งเบาๆ เอาหน้าถูไถไปกับเสื้อเชิร์ตเรียบๆ จะถูกให้ยับไปเลย!

 ร่างสูงตัวแข็งทื่อไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก แล้วยกมันแกร่งมาลูบหัวทุยๆที่ซบกับแผ่นอกเบาๆ สุดท้ายอดทนไม่ไหวจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“ผมเจ็บจริงๆนะ ไม่ใช่เรื่องตลกสักหน่อย” ผมแหววกลับ หัวเราะออกมาได้เสียบรรยากาศหมด ผมตัดสินใจบิดตัวจากซบอกเปลี่ยนมาเป็นนอนหนุนตักซะเลย สบายกว่ากันเยอะ

“เจ็บมากเหรอ” อีกฝ่ายใช้นิ้วมือม้วนเส้นผมสั้นๆของผมเล่นพร้อมกล่าวถาม

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แค่ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก” ผมบ่นกระปอดประแปด ร่างสูงนิ่งเงียบไป

“โอ๊ยยยยยย ไม่เจ็บเลย ใส่เฝือกห้อยแขนไว้ ทำอะไรสะด๊วกสะดวก” ผมเลือกที่จะแก้ไขคำพูดตัวเองเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกลับกลายเป็นว่าร่างสูงพ่นหัวเราะออกมาทีนึง แล้วเข็กหัวทุยๆของผมให้อีกทีนึง

“ทำเป็นเล่นไป” โดนดุอีกจนได้ ผมใช้มืออีกข้างลูบหัวเหน่งปอยๆ

“เอ่อ...แล้วเรื่องค่าทำขวัญนั่นหนะครับ ผมไม่มีคืนจริงๆนะ รับไว้ไม่ได้เหรอ” ความจริงในใจเลยครับ เสียดายเงิน

“เธอไม่ต้องคืน ชั้นจัดการให้แล้ว เธอไม่ต้องไปรับเงินของทางนั้นหรอก” อีกฝ่ายต้องนิ่งๆ

“แต่เงินเป็นแสนเลยนะครับ” ด้วยอุปนิสัยงกที่ได้รับสืบทอดมาจากคุณแม่ ถึงเงินแสนมันจะไม่เยอะสำหรับพี่ภูมิ แต่เยอะสำหรับผมนี่นา

“หึหึ บวกรวบยอดไว้ทีเดียวเลยแล้วกัน” ร่างสูงกล่าวเสียงทุ่ม หัวเราะหึหึอย่างมีเลศนัย

เดี๋ยวววววววววว รวบรวมยอดอะไร?

“รวบยอดอะไร” หน้าผมนิเครื่องหมายคำถามปรากฏเลยครับ

“ก็รวมไปกับทำโทษเธอไง” นั่นเป็นถ้อยคำสุดท้ายก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมไปตลอดการเดินทาง

ทำโทษ! มีทำโทษด้วยเหรอ ไอ้เราก็นึกว่ายกโทษให้แล้ว!!!


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ 4-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-09-2019 22:02:32
พี่ภูมิมันร้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ 4-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2019 01:46:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ 4-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-09-2019 13:19:04
 :L2: :pig4:

น่ารักดี
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 31 ผมเต็มใจน้อมรับบทลงโทษ 10-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 10-09-2019 11:20:43
บทที่ 31 ผมเต็มใจน้อมรับบทลงโทษ

“นับจากวันนี้ไปจนกระทั่งเธอถอดเฝือก ต้องค้างที่นี่ ห้ามคลาดสายตาเด็ดขาด” คำประกาศิตจากชายร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องประกาศวิธีทำโทษเด็กดื้ออย่างผม

ทำโทษแบบนี่ผมก็ชอบสิครับ ให้อยู่ด้วยตลอดเวลาผมก็ฟินตายเลย ดีกว่าตอนที่งอนไม่ยอมพูดยอมจา หลบหน้าไม่ยอมเจอเป็นไหนๆ

“ต้องทานข้าวเช้ากับข้าวเย็นด้วยทุกวัน” โหหหห ข้าวฟรีผมชอบ

“ห้ามลืมบอกฝันดีกับราตรีสวัสดิ์” แฮะๆ ช่วงหลังลืมบ่อย

“อยู่ที่โรงเรียนต้องอยู่กับพวกอากิตลอดเวลา แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ” เอ่อ ปกติผมก็อยู่กับพวกอากิตลอดอะนะ ถึงจะไม่ขนาดเข้าห้องน้ำด้วยกันก็เถอะ

“ห้ามทำงานพิเศษ” แขนหักแบบนี้จะไปทำงานพิเศษอะไรได้

“ต้องรับโทรศัพท์ทุกสาย หรือไม่ก็ต้องโทรกลับภายในสิบนาที” ยังดีมีหยวนให้ตั้งสิบนาทีวุ๊ย

“ต้องอ่านและตอบข้อความภายในสิบนาที” เอ๊ะ ทำไมชอบเลขสิบจัง หรืองวดนี้แทงหนึ่งศูนย์ดี

“กลับมาต้องเขียนรายงานส่งว่าทำอะไรบ้าง” เอิ่มมมม เอาขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่ติดกล้องวงจรปิดไปเลยอะ

“สุดท้ายถ้าจะไปมีเรื่องกับใครให้บอกชั้นด้วย” อันนี้มาแปลก จะไปช่วยผมตีกับคนอื่นหรือไง

“ง่ายๆจิ๊บๆครับ ผมแถมจุ๊ฟแก้มก่อนนอนกับก่อนไปทำงานด้วยเลยเอ้า” ว่าแล้วผมก็จุ๊ฟแก้มสาธิตไปทีนึงจนร่างสูงยิ้มชอบใจ

“งั้นชั้นเพิ่มต้องให้นอนกอดทุกคืนด้วยเลยแล้วกัน” ผมขออนุญาติหน้าแดงแปปนึงครับ ไอ้จุ๊ฟแก้มเนี่ยมันจุ๊ฟๆแปปเดียวก็เสร็จแต่นอนกอดตอนกลางคืนเนี่ย โอ๊ยยยยยยยย มันโรแมนติกเกินไป ไม่ดีต่อหัวใจ!

///////////////

“เอาเป็นว่าวันนี้เริ่มด้วยมื้อเย็นก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วชายร่างสูงก็เดินเข้าครัวไปทำอาหารให้ผมทานครับ มื้อนี้เป็นสปาเก็ตตี้หอยลายฝีมือเชฟภูมิ ปกติอาหารพวกเส้นๆผมอยเสมอถึงไม่ปกติก็ชอบครับ แค่ว่าแขนหักแบบนี้มันจะกินลำบากนิดนึง

“อ๊ะ...กินสิ” ว่าแล้วก็มีเส้นสปาเก็ตตี้ที่ขมวดเป็นก้อนบนปลายส้อมยื่นมาจอที่ปากผม ผมก็งับเข้าไปเต็มปากเต็มคำ เคี้ยวๆและกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว

“เอาหอยลายด้วย” ผมชี้นิ้วไปที่หอยลายตัวเป้งที่นอนตายอาบด้วยพริกและเกลืออยู่ในจาน แล้วเจ้าหอยลายตัวนั้นก็ย้ายที่มานอนเล่นในท้องผมตามติดๆมาด้วยเพื่อนมันอีกหลายตัว

โอ๊ยยยยยยยยยยยย แบบนี้อย่าเรียกว่าทำโทษเลยครับ เรียกว่า ‘ทำให้รักยิ่งๆขึ้นไปอีก’ แล้วกัน

เขินนนนนนนนนนนนนนนน

*********************************************************************************************************

ตอนนี้ผมกำลังนั่งถ่างลูกตาทั้งสองข้างที่รู้สึกว่าหนังตามันจะหนักมาก เปลือกตาค่อยๆปิดลง ปิดลง

เฮ้ยยยย จะนอนไม่ได้นะไอ้กร ตื่นก่อน!

นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วครับ ปกติผมเป็นคนนอนแต่หัวค่ำทตามประสาคนไม่ค่อยมีอะไรทำ ถ้าไม่ต้องอ่านหนังสือหรือทำงานพิเศษไม่เกินสี่ทุ่มนี้เห็นผมนอนหมดสภาพไปแล้ว

แต่วันนี้ไม่ปกติครับ เพราะผมต้องตั้งสติเตือนไม่ให้ตัวเองหลับเพื่อรอใครบางคน

ไม่ได้แล้วจะอยู่เตียงนี้ไม่ได้ ตอนนี้ผมนั่งบนเตียงหลังใหญ่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีเทา เตียงทึ่ทำจากไม้เนื้อดีแต่ขึ้นรูปให้ดูทันสมัยซึ่งจัดวางอยู่ใจกลางห้องนอนสีเข้ม โอ๊ยยยย ยิ่งมองยิ่งง่วงมืดไปอึกเห็นแล้วปวดตา

ผมว่าผมต้องรีบออกจากเตียงให้เร็วที่สุดก่อนจะเผลอหลับ

หันซ้ายหันขวาก็เจอไอ้โซฟาดูดวิญญานตัวนั้น ตั้งอยู้ใกล้ๆเตียง เหมือนมันจะมีเสียงกระซิบเรียกผม ‘มาสิ มานั่งชั้นสิ มาสิ’โอ๊ยยยยยยยยย ผมว่าถ้าไปนั่งโซฟาตัวนั้นชะตากรรมคงไม่ต่างจากรอบนเตียง

นี้เลยดีกว่าพรหมผืนใหญ่ปลายเตียง ยิ่งสัมผัสยิ่งนุ่มมือ เอาวะ นั่งรอมันบนพรหมเนี่ยแหละ แต่แอบเอาหลังพิ่งเตียงนิดนึงกลัวเมื่อย

รออีกแปปนึง เดี๋ยวพี่ภูมิก็มา ก็มา มา มาาาาาาา

ครอก ฟี๊ ครอกกกกกกก ฟี๊

“แป้ง...ก้อนแป้ง มานั่งทำไมตรงนี้ ทำไมไม่ไปรอที่ห้อง” เสียงทุ้มๆที่เรียกปลุกผมพร้อมกับปลายนิ้วมือที่ไร้ไปตามเรียวหน้า สะกิดให้ผมตื่นจากอาการงีบหลับ แค่งีบหลับครับยังไม่ได้หลับสักหน่อย

“อ๊ะ ผมมารอพี่ภูมิหนะสิ” เมื่อตาสว่างแล้วก็รีบเจรจาทันที ผมไม่ควรรอโดยเสียป่าวนะเออ

“รอชั้น รอทำไม นี้ก็ดึกแล้วทำไมไม่ไปนอน” กล่าวพรางก้มลงไปดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น

“จ๊วฟฟ” เสียงหอมแก้มจ๊วฟใหญ่เมื่อร่างสูงก้มลงไปใกล้ ไอ้ตัวแสบก็ขโมยหอมแก้มทันที

“ก็พี่ภูมิทำโทษผมอยู่ วันนี้ยังไม่ได้หอมแก้มก่อนนอนเลย” ร่างสูงนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ใช่แล้วเจ้าตัวเล็กบอกว่าจะแถมให้ทำโทษโดยการหอมแก้มก่อนนอนกับก่อนไปทำงาน

“แล้วก็ขาดอีกอย่างนึงน้าาาาาาา” ว่าแล้วก็เอาแขนเกี่ยวคอแกร่งไว้ ปากบอกให้อุ้มขึ้น ร่างสูงใหญ่จึงได้แต่ทำตาม

“ต้องนอนกอดทุกคืนด้วยไงครับ” แล้วเสียงเล็กๆก็กล่าวเฉยวิธีการทำโทษข้อสุดท้ายที่คนตัวใหญ่บอกเพิ่มขึ้นมาทีหลัง

นั่นสินะ ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมา เขาลืมไปเลย ลืมไปว่ามีสองข้อนี้อยู่ด้วย ลืมไปจนต้องทำให้ไอ้ตัวเล็กมานั่งๆนอนๆรออยู่กับพื้นแบบนี้ เขาพลาดเอง

ว่าแล้วก็อุ้มเจ้าตัวเล็กมาวางลงบนเตียง จัดแจงปิดไฟ แล้วก็สวมกอดร่างเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขน

ไอ้ตัวเล็กยิ่งชอบใจเอาหัวทุยซุกเข้าหาอ้อมอกอุ่น ปากร้องแหะ แหะ อย่างมีความสุขแล้วนอนมันทั้งแบบนั้น

ไม่นานลมหายใจก็เริ่มสม่ำเสมอแสดงว่านอนหลับไปแล้ว แต่ร่างสูงนี้สิกลับยังไม่หลับ

เขาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี้มันใช่วิธีการทำโทษเจ้าตัวเล็กรึป่าว จากการกระทำแล้วเขาว่าเหมือนเป็นการทำโทษตัวเองซะมากกว่า

ร่างสูงถอนหายใจครั้งใหญ่ไปทีนึง

เฮ้ออออ งานก็ยังไม่เสร็จ เอาไว้ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ คืนนี้ควต้องพยายามข่มใจแล้วนอนไปทั้งแบบนี้นี่แหละ!

*********************************************************************************************************

“เป็นไงไอ้กร เมื่อวานหายไปทั้งบ่ายเลยนะ” ไอ้มาร์คกล่าวทักทายเมื่อเจอหน้าผม

“เอ่อ...โดนคุณอาลงโทษรึป่าวครับ” อากิถามต่อด้วยความเป็นห่วง

ผมพยักหน้าน้อยๆ ทำโทษอะไรก็ไม่รู้ มันฟิน!

“ฮาฮาฮา สมน้ำหน้า” ไอ้มาร์คดีใจใหญ่ที่ผมโดนทำโทษ เมิงไม่ต้องดีใจ เมิงควรอิจฉากู

“ก็สั่งห้ามแยกจากพวกนายเด็ดขาด แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ” ผมหันไปหาอากิ คือเกรงใจครับถ้าเพื่อนๆจะต้องมาด้วยติดกับผมขนาดนี้

“แล้วก็ต้องเขียนรายงานให้ทุกเย็นด้วยใช่มั๊ยครับ” อากิถามต่อ แล้วก้มหน้าลง

“เฮ้ยยย นายรู้ได้ไง” ผมตกใจถามเสียงดัง

“ผมก็โดนคุณอาลงโทษเหมือนกัน ข้อหาที่ช่วยกรปกปิดนั่นแหละ” อากิบ่นเบาๆ เหมือนอยากกล่าวโทษว่าเป็นความผิดผมแต่ไม่กล้า

“เอาน่า เดี๋ยวนายมาลอกรายงานชั้นก็ได้ จะได้เหมือนๆกัน” ไอเดียบรรเจิดมั๊ยละ ถ้ารายงานของสองคนออกมาตรงกันพี่ภูมิจะได้ไม่ต้องถามนู้นถามนี้ให้ยุ่งยาก ดี ดีมาก เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม เดี๋ยวผมร่างรายงานไว้ตั้งแต่เช้านี้เลย อากิจะได้มีเวลาลอก

“นายโดนลงโทษแค่นี้ใช่มั๊ย” ผมถามต่ออย่างสงสัย หวังว่าอากิจะไม่โดนบังคับให้กินข้าวด้วยหรือนอนด้วยแบบผมนะ เรื้องแบบนี้ห้ามพี่ภูมิเอาไปใช้ลงโทษใครเด็ดขาด ผมไม่ยอมจริงๆด้วย

“ไม่มีแล้วครับแค่บอกว่าห้ามปิดบังอีก สงสัยเพราะคุณอารู้ความจริงจากผมเลยลงโทษแค่นี้” อากิอธิบาย โดนแค่นี้หนะดีแล้วครับ ถ้าต้องมาโดนงอนไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมเจอหน้ากันตั้งหลายวัน โอ๊ย ทรมาน!

เท่าที่อากิเล่าคือคืนก่อนที่พี่ภูมิจะบินกลับไทย หลังจากที่ผมไปหย่อนระเบิดเอาไว้แล้วหนีหลับ เป็นผลให้คนอีกสามคนไม่เป็นอันหลับนอน เพราะพี่ภูมิโทรไปซักไซร้เรื่องราวจากอากิกับไอ้มาร์ค แค่นั้นแหละ เรื่องมันเลยโป๊ะแตกตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ส่งผลให้พี่ภูมิโกรธผมยาวๆแบบที่ผ่านมานั่นแหละ

เฮ้อออออ เรื่องมันผ่านไปแล้วยังไงตอนนี้ก็หายโกรธแลืว อย่าไปรื้อฟื้นมันอีกเลยครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

“เฮยยยยยยย ไอ้กร รู้เรื่องไอ้บิ๊กรึยังวะ” ระหว่างที่คุยกันเพลินๆ ไอ้มืดผู้ซึ่งกำลังเดินเข้าห้องมากล่าวมาแต่ไกล

“เรื่องไรวะ มันถูกพักการเรียนไม่ใช่เหรอ” ผมเจอมันเมื่อวานก็จริง แต่มันถูกพักการเรียนเดือนนึงนิหว่า

“ใช่แค่นั้นที่ไหน ไอ้บิ๊กมันจะย้ายโรงเรียน” ไอ้มืดเฉลยครับ ผมตกใจร้องเสียงดังลั่นต่างจากเพื่อนๆอีกสองคนที่เหมือนจะพอรู้อะไรมาบ้าง เงียบเชียว พวกเมิงอมอะไรเอาไว้อีกหละ

“เหมือนมันจะย้ายไปเรียนต่างประเทศย้ายไปตามพ่อมันหนะ” อ่าวย้ายไปเรียนเมืองนอกก็ดีนิหว่า เล่นซะตกใจ

“ได้ข่าวว่าพ่อมันต้องไปผู้จัดการคุมโรงงานที่กัมพูชา ไปตั้งแต่คุมก่อสร้างเลยนะเฟ้ย” วะ! ไอ้มืด ทำไมทันรู้ละเอียด รู้เยอะ รู้จริง อย่างกับไปนั่งฟังเค้าคุยกันมางั้นแหละ

“แล้วเมิงรู้ได้ไง” ผมถามอย่างสงสัย ข่าวลวงป่าวเมิง

“ก็พ่อไอ้ไมค์มันทำงานที่เดียวกับพ่อไอ้บิ๊ก เค้าลือกันให้แซดว่า พ่อไอ้บิ๊กดันไปทับเส้นใครเข้าเลยโดนย้ายไปบุกเบิกสาขาบ้านนอกแบบนั้น” โหหหห มีลือกันให้แซดด้วย

“เชื่อได้ป่าวเถอะไอ้ข่าวลือเนี่ย” ผมส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ ข่าวสมัยนี้ต้องฟังหูไว้หูครับ

“เชื่อได้ไม่ได้ก็ถามคนนู้น เพราะคนที่พ่อไอ้บิ๊กไปทับเส้นเข้า ก็คือคุณภูมิคุณอาของอากิ คนที่มารับแกเมื่อวานไง” ว่าพลางพยักเพยิดไปทางอากิที่นั่งเงียบอยู่ อารมณ์โยนเผือกร้อนไปทางนั่น จนคนตัวเล็กที่นั่งเงียบๆต้องสะดุ้ง

ไอ้มาร์คมองตาเขียวปัดใส่ไอ้มืดไปทีนึง จนไอ้มืดได้แต่หัวเราะแหะแหะ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชนะทุกอย่าง ไอ้มืดมันเลยใจดีสู้เสือมาร์คยืนหน้าด้านรอฟังอากิอธิบาย

“เอ่อ…ก็บริษัทมีนโยบายขยายฐานการผลิตไปที่กัมพูชาพอดี ละ แล้ว...คุณพ่อของบิ๊กเค้าก็เก่งทางด้านนี้ คุณอาเลยส่งไปคุมงานแหละครับ” อากิก็พยายามอธิบายครับ นานๆทีอากิจะพูดยาวๆแบบนี้

“แค่นั้นจริงดิ แล้วพ่อไอ้บิ๊กไปเหยียบส้นอะไรใครเข้าถึงถูกเด้งไปหนะ” ความเสือกไอ้มืดยังไม่ลดลง ยังหน้าด้านถามต่อ เมิงไม่กลัวตายเหรอวะ เมิงดูตาไอ้มาร์คมันสิ จะแดกหัวเมิงอยู่แล้ว

“เอ่อ...เอ่อ” อากิติดอ่างไปแล้วครับ

“ใช่เรื่องไอ้กรป่าว” คราวนี้นักสืบมืดเริ่มเดาต่อเองเลยครับ แต่เดี๋ยว! มันเกี่ยวอะไรกับกู ห๊าาาา

“เอ่อ คือ…” ทางฝ่ายพยานได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าเล่าความจริง

“ใช่มั๊ยเพราะเรื่องไอ้บิ๊กกับไอ้กรใช่ป่าว” โหชัดเจนเลยครับ เอาผมเข้าไปเอี่ยวด้วยจนได้

“อะ...เอ่อ” ฝ่ายพยานอากิยังรวบรวมความกล้าไม่ได้

“เอ่อ เพราะไอ้กรมันนั้นแหละ เมิงก็อย่าไปมีเรื่องกับมันแล้วกัน” สุดท้ายทนายมาร์คทนไม่ไหวตอบแทนเลยครับ

“บ๊ะ! กูว่าแล้ว สัดกูเดาถูกจริงด้วย ไอ้กรแบ๊คใหญ่ชิบหาย” ไอ้มืดตบเข่าดีใจ นิเมิงแค่เสือกเรื่องของกูถูกเมิงยังดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

“เอ่อๆ ขี้เสือกจริงๆเลยเมิงอะ รู้แล้วก็เหยียบไว้หละไม่ต้องเอาไปบอกต่อ” ไอ้มาร์คพยายามเคลียร์ให้ครับ ก็ผมมันเด็กทุนนะครับ แบ๊คใหญ่มีที่ไหน นั่นแฟนครับ พัดลมหนะ ไม่ได้ข้างหลัง

“เฮ้ยได้ไง ของแบบนี้ต้องโพทนา” ว่าแล้วไอ้มืดมันก็วิ่งหนีพ้นปลายมือของผมไปอย่างหวุดหวิด

“เชียร์ มืดดด” ผมที่คว้าไว้ได้แค่อากาศจึงได้แต่กร่นด่า

“จริงเหรออากิ” ในเมื่อทำอะไรไอ้มืดไม่ทันแล้ว จึงได้แต่หันไปถามหาเอาความจริงจากอากิ

อีกฝ่ายพยักหน้าลงช้าๆสองครั้งเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกต้อง

เชียร์! พี่ภูมินะพี่ภูมิ ทำอะไรเป็นเด็กๆ ใช้อำนาจในทางมิชอบ เดี๋ยวแจ้ง คสช. (คณะกรรมการสิทธิเชิงชาย) ให้เข้าตรวจสอบแม่มมมมมมมม

แต่ก็นะ

‘น่ารักที่สุดเลย’

มีแฟนดีแบบนี้ ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก

“แหะ แหะ” ผมเผลอหัวเราะแปลกๆออกมาทีนึง จนไอ้มาร์คที่อยู่ข้างๆขนลุกซู่

“เชียร์ หัวเราะไรเมิง เป็นบ้าเหรอ” ว่าแล้วมันก็ดึงตัวอากิให้ออกห่างจากตัวผม

“สัด กูแพร่เชื้อไม่ได้” ผมตอบกลับมันไปทีนึงก่อนกลับเข้าสู่ห้วงความคิดตัวเองอีกครั้ง

สงสัยที่ไอ้มืดบอกว่าแบ๊คผมใหญ่นิท่าจะใหญ่จริงๆ ต่อไปนี้ผมไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าขึ้นรถเมล์แล้วเจอเด็กจะแย่งขนม เจอคนชราก็แย่งที่นั่ง เจอคนท้องจะไม่ลุกให้ ไปซื้อขนมจะชักดาป ใครเหยียบเท้าก็ท้าตีแม่งเลย กร๊ากกกกกกกกกก

สงสัยผมจะบ้าจริงๆครับ ก็คนมันดีใจ มันมีความสุข มีแฟนสปอยก็แบบนี้แหละครับ อิจฉาหละสิ

ว่าแล้วต้องชมสักหน่อย หมั่นเติมความหวาน อิอิ

OPPA’KORN : พี่ภูมิ รักนะครับ ❤️❤️


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 31 ผมเต็มใจน้อมรับบทลงโทษ 10-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2019 01:28:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 32 ผมนี้น้ำตาลเรียกพี่ 18-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 18-09-2019 09:30:32
บทที่ 32 ผมนี้น้ำตาลเรียกพี่


มันวนกลับมาอีกครั้งแล้วครับสำหรับบรรยากาศการสอบที่ผมใฝ่หา ช่วงเทศกาลสอบไล่ที่ผมรอคอย ในที่สุดผมก็จะได้ฟันกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการขายแนวข้อสอบให้เพื่อนๆอีกครั้ง

ก็ตั้งแต่ที่ผมโดนสั่งห้ามทำงานพิเศษช่วงที่แขนหัก หลังจากนั้นผมก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปทำงานพิเศษอีกเลย สรุปคือพักยาว ยาวๆ ที่นี้ไอ้คนที่เคยทำนู้นทำนี่ตลอดเวลาเกิดไม่มีอะไรทำขึ้นมา ผมก็เลยมีเวลาอ่านหนังสือ เก็งข้อสอบ ผมว่าผมทำเก็งข้อสอบเข้ามหาลัยรอไว้สำหรับเทอมหน้าไว้ด้วยเลยดีกว่า

อะแฮ่ม! เทอมนี้ก็เทอมสุดท้ายของชีวิตนักเรียนมอห้าแล้วครับ ถ้าสอบไฟนอลเสร็จก็จะได้หยุดยาว 2 สัปดาห์

ใช่ครับ สุดยาว 2 สัปดาห์ หยุดเพื่อ อย่าเรียกหยุดยาวเลย ให้ตายสิ

พอขึ้นมอหกจะเปิดซัมเมอร์เร็วกว่าปกติครับ เนื่องจากนักเรียนมอหกทุกคนต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในเทอมที่ 2 ซึ่งแทบจะไม่มีการเรียนการสอนแล้ว เลยต้องอาศัยช่วงเวลาปิดเทอมมาเรียนเนื้อหาของเทอมแรกแทน

โธ่! ผมขอไว้อาลัยให้กับเวลาช่วงปิดเทอมที่กำลังจะหายไป

“ไอ้กร แนวข้อสอบเมิงโค ต ร แม่นเลยหวะ รู้ได้ไงวะว่าจาร์ยปี๊ดจะออกข้อสอบแบบนี้” เป็นเสียงไอ้เป็ดครับ 1 ในลูกค้าประจำของผม

วันนี้ก็วันสอบวันสุดท้ายแล้ว เหลือสอบอีกแค่วิชาเดียว พวกเราก็จะเป็นไท เป็นไทไป 2 สัปดาห์นะครับ หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นทาสกันต่อ

“กูตั้งใจเรียนมั๊ย” ผมตอบไปตามความจริง ถึงผมจะเรียนเก่ง หัวไวแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความตั้งใจครับ เทอมไหนถ้าผมไม่ตั้งใจเรียนเกรดก็ตกเหมือนกันนะเออ

“เอ่อ...พวกกูก็ตั้งใจนะ ตั้งใจจะลอกเมิงเนี่ยแหละ” เสียงไอ้เป็ดหัวเราะติดตลกมา เอ่อ ลอกกันให้หมดเดี๋ยวผลสอบออกมาคะแนนเท่ากันทั้งห้อง โดนจาร์ยเรียกไปสอบสวนอีก ดีนะผมทำแนวข้อสอบไว้ 3 แบบ คะแนนมันจะได้กระจายๆกันหน่อย ฮาาาาาาา

“แล้วเดี๋ยวเย็นนี้เมิงไปคาราโอเกะกับพวกกูรึป่าว” ไอ้เป็ดถามต่ออีก ด้วยความย่ามใจมันคิดไปไกลถึงตอนเย็นแล้วครับ เพื่อนเมิงอย่าลืมว่าเมิงยังเหลือสอบอีกวิชานึง เอาให้รอดก่อนมั๊ย กูเป็นห่วงพวกเมิงนะเนี่ย

“ไอ้มาร์คเมิงไปป่าววะ” ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งขมักเขม้นอ่านหนังสือวิชาที่จะสอบตอนบ่ายอยู่ ถ้าไอ้มาร์คไปผมก็ไปแหละครับ ช่วงนี้ยังไม่พ้นช่วงเคอฟิวตัวต้องติดอยู่กับพวกอากิ เพราะงั้นถ้าไอ้มาร์คไป อากิก็ต้องไป ผมก็ได้ไป

“ไม่หวะ...กูอยากนอน” ไอ้มาร์คตอบทันที อ่าวววว ผิดคาดซะงั้น

“แต่ผมอยากไปครับ” แต่ไม่ถึงอึดใจก็มีเสียงเล็กๆดังแทรกขึ้นมา

เงียบกริบครับ

กร๊ากกกกกกกกกกก  สรุปเย็นนี้ผมได้ไปร้องคาราโอเกะแน่นอน


*********************************************************************************************************

“When I see your face
There’s not a thing that I would change
‘Cause you’re amazing
Just the way you are
And when you smile
The whole world stops and stares for a while
‘Cause you’re amazing
Just the way you are”

เสียงเล็กๆของอากิกำลังร้องเพลงดังของป๋า Bruno Mars สายตาหวานซึ้งส่งไปหาไอ้เพื่อนร่างสูงที่นั่งชูป้ายไฟอยู่หลังห้อง

หลังสอบเสร็จพวกเราก็มาคลายเครียดกันที่ห้องคาราโอเกะ มีผม ไอ้มาร์ค อากิ ไอ้เป็ด แล้วก็เพื่อนๆอีก 4 คน แห่กันมาเยอะขนาดนี้ก็จองห้องใหญ่ไปเลยสิครับ แต่ถึงห้องจะใหญ่ขนาดไหน ประเด็นคือมันมีไมค์แค่ 2 ตัวเท่านั้น!

มาถึงไอ้มาร์คมันก็ใช้วิชามารแย่งไมค์มาให้อากิร้องเพลงจนได้ พวกที่เหลือก็ได้แต่เป็นกองเชียร์ไม่มีใครกล้าแย่งไมค์อากิหรอก ดูสายตาไอ้มาร์คมันสิ

“The way you are
The way you are
Girl you’re amazing
Just the way you are……..“

จบลงไปแล้วครับสำหรับเพลงเปิดจากอากิที่เมื่อจบเพลง ไอ้ลิง ค่าง บ่าง แรดที่นั่งสงบเงียบกันมาตลอดก็ออกอาการแย่งไมค์ทันที แต่ก็ไม่ช่วยอะไรครับ เพราะอากิส่งต่อไมค์มาให้ไอ้มาร์คที่ยิ้มหวานรอรับ ก่อนรีบไปคีย์เพลงต่อไป

“ใคร อาจจะไม่เข้าใจ
ว่าความสัมพันธ์ของเรา นั้นมันเป็นเช่นไร
และใคร อาจจะเข้าใจผิด
และคงคิดไป และคงเข้าใจตามที่เห็น
คง มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย
ที่รู้กันในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือ ที่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์
ที่ใครบางคนกำหนด ว่ารักเป็นอย่างไร
ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันกันแบบไหน
ไม่อาจหาคำคำไหนมาเพื่ออธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรัก ก็สุขหัว ใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้”
จบไปอีกเพลงแล้วครับ เพลงหวานๆจากพี่ดาที่ไอ้มาร์คมันเอามาร้องซะเสียหาย ก็เสียงมันอย่างกับควายออกลูก เสือกดันมาร้องเพลงผู้หญิงอีก แม่งไม่สงสารคนฟังเลย

‘แปะ แปะ แปะ’ เสียงตบมือดังลั่นมาจากมือเรียวสีขาวอมชมพูของอากิ ปากก็พร่ำชมว่าไอ้มาร์คมันร้องเพลงเพราะ

ประทานโทษเถอะเพื่อน ใช้หูฟังแน่รึครับ

โหหหหหหหหห ลืมไปครับ ช่วงนี้สองคนนั้นอาจจะเข้าสู่ภาวะหูหนวก ตาบอดสี เพราะเห็นอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด ผมว่าพวกมันควรมาร้องเพลงจีบกันเองนอกรอบนะครับ ไม่ควรทำให้ไอ้พวกไม่มีคู่รู้สึกอิจฉา

เห็นมั๊ยหละครับ หลังจากที่ไอ้มาร์คสละไมค์ไปอยู่ในมือของไอ้เป็ดได้ แนวเพลงก็เปลี่ยนไปทันที จังหวะเริ่มครึกครื้นขึ้น เริ่มตั้งแต่เพลงอัลบัมยอดฮิตของพี่เสกโลโซ ต่อมาด้วยยกอัลบัมของบอดี้แสลม ว่าแต่ใครร้องเป็นศิริพรวะเสียงจี๋ชิบหาย ล่าสุดกำลังขึ้นเพลงของน้าหงา คาราวาน

“กรไม่ไปร้องเพลงเหรอครับ” อากิที่ผันตัวมาเป็นผู้ฟัง กำลังแย่งยำรวมมิตรทะเลผมกินอยู่

“ใจเย็นๆ เชื่อกูเดี๋ยวผ่านไปสักชั่วโมงนึง พวกมันก็หมดแรงกันแล้ว” ค่อยร้องทีหลังก็ได้ครับให้ไอ้พวกไฟแรงแต่แผ่วปลายมันแย่งกันร้องไปก่อน

“เป็นชั่วโมงเลย แต่เดี๋ยวพวกเราต้องกลับแล้วนะครับ” อากิยักคิ้วแปลกใจ ใช่ครับ ปกติต้องรีบกลับเพราะพี่ภูมิรอกินข้าวอยู่ แต่วันนี้ไม่ปกติครับ

“ เอาน่า กูโทรไปบอกพี่ภูมิแล้ว” โทรไปบอกแล้วจริงๆครับ พี่ภูมิอนุญาติให้อยู่เที่ยวกับเพื่อนๆได้เย็นนี้ แต่ก็มีข้อแม้้นิดหน่อยแหละ

“แปลกๆนะ ปกติคุณอาไม่น่าจะยอม” อากิไหวไหล่แปลกใจ

“เมิงทำยังไงให้คุณภูมิยอมวะ” สุดท้ายเป็นไอ้มาร์คที่ทนไม่ไหวชิงถามขึ้นมา

ว่าแล้วผมก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์ให้เพื่อนๆดู หน้าจอปรากฏรูปเคลื่อนไหวของชายหนุ่มคนนึงกำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นอยู่ แม้ว่าตัวชายหนุ่มจะไม่ได้มองมายังกล้อง แต่จากมุมกล้องที่ตั้งไว้ก็รู้ได้เลยว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารจะต้องมองเห็นบรรยากาศจากคู่สายได้ในทันที

“กูวีดีโอคอลอยู่ไง” ผมตอบไปพร้อมๆกับส่งเสียงเรียกพี่ภูมิที่อยู่ปลายสายเบาๆ อีกฝ่ายก็รีบเงยหน้ามาคุยด้วยทันที

“สัด เมิงคอลกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้มาร์คโวยวาย เมิงจะเดือดร้อนทำไม กูคอลกับพี่ภูมิสองคน ไม่ได้ไลฟ์สดลงโซเชียวสักหน่อย

แล้วผมก็ชี้นิ้วไปที่ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังเปลี่ยนเป็น 28.35 นาที

“เกือบครึ่งชั่วโมง” เป็นเสียงของอากิที่กล่าวมาอย่างตกใจ

“แบบนี้...แบบนี้...คุณอา ก็ ดะ...ได้….ยิน....ได้ยิน….” ติดอ่างไปเลยครับ

“เอ่อ! ได้ยินที่พวกเมิงร้องเพลงจีบกันนั่นแหละ” ผมต่อประโยคให้

“เชียร์” ไอ้มาร์คสบถอย่างหัวเสีย เมิงจะอายทำไมวะ คนเค้าก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเมิงหนะมีซัมติง

“//////////////////////////////////” ส่วนอากิก็ได้แต่หน้าแดง แล้วนั่งกดตัวเองจมลงไปในโซฟานุ่มที่พิงอยู่

ส่วนผมหนะเหรอ ก็หัวเราะชอบใจ นานๆจะได้แกล้งทั้งสองคนพร้อมๆกันแบบนี้ สนุกพิลึก


*********************************************************************************************************

และแล้วในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง รอไม่นานหรอกครับ เมื่อไอ้พวกเพื่อนนั่งหมดแรงดูน้ำกันจ๊วฟๆ ก็ใครใช้ให้พวกเมิงตะเบงเสียงแข็งกันร้องเพลงแบบนั้นหละ ระหว่างที่พวกเมิงแย่งกันร้องเพลงหนะ กูกินอาหารรองท้องรอจนหมดไปเป็นจานๆแล้วเนี่ย

แล้วไมค์ที่ผ่านศึกแย่งชิงกันเมื่อชั่วโมงก่อนก็ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เพล์ลิสในคาราโอเกะก็ว่างป่าว

เมื่อใจพร้อม กายพร้อม เราทำได้! ผมเดินหล่อๆ เข้าไปหยิบไมค์ที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจ แล้วคีย์เพลงที่ให้สัญญากับอีกฝ่ายไว้ว่าจะร้องให้ฟัง

‘เธอรู้ไหมที่ฉันพูดแต่คำหวานๆ บอกซ้ำๆ ว่ารักเธอมากมาย
หากเธอคิดจะเปรียบเท่าแผ่นฟ้าผืนใหญ่คงไม่พอ
เล่นเพลงรักที่เธอเองชอบฟังซ้ำๆ เพื่อบอกย้ำให้รู้ไปสุด...หัวใจ
อยากเป็นคนบรรเลงบทเพลงในหัวใจอยู่อย่างนี้ไป...ก็เพราะเธอ
แค่ให้รู้ว่าเราจะยังรักกัน ไม่ว่าวันเวลาเนินนานแค่ไหน
ความรักจะยังอยู่อยู่และมั่นคงเสมอไป จะไม่มีอะไรสิ่งไหนมาแยกเรา
แค่เธอกับฉันนะ แค่เราเท่านั้นนะ
จะเติมความหวานให้ความรักเรามีความหมาย
อัดเต็มในหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักเรา
จะทำให้โลกใบนี้นั้นอิจฉา
แค่เราเท่านั้นนะ แค่เธอกับฉันนะ
จะเติมความหวานให้กับโลกนี้...ได้ทั้งใบ
ก็ไม่รู้จะบอกว่ารักเธอเท่าไร
โลกใบนี้คงเล็กไป...ถ้าเทียบรักเรา
แค่ให้รู้ว่าเราจะยังมีกัน ไม่ว่าวันเวลาเนินนานแค่ไหน
ความรักจะยังอยู่และมั่นคงเสมอไป จะไม่มีอะไรสิ่งไหนมาแยกเรา
แค่เธอกับฉันนะ แค่เราเท่านั้นนะ
จะเติมความหวานให้ความรักเรามีความหมาย
อัดเต็มในหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักเรา
จะทำให้โลกใบนี้นั้นอิจฉา
แค่เราเท่านั้นนะ เค่เธอกับฉันนะ
จะเติมความหวานให้กับโลกนี้...ได้ทั้งใบ
ก็ไม่รู้จะบอกว่ารักเธอเท่าไร
โลกใบนี้คงเล็กไป...ถ้าเทียบรักเรา’

Cr. รักหวานๆ : Writing Machine

“รักนะครับพี่ภูมิ ขอบคุณที่รักกันนะครับ” พูดออกไมค์แม่ง ไอ้พวกลิง ค่าง บ่าง แรด ที่กำลังจดจ่อกับอาหารตรงหน้า อ้วกแทบพุ่งกันเลยครับ ฮาาาาาา

ต้องหมั่นเติมความหวานครับ



********************************************************************************************

ช่วงนี้น้องกรจะอ้อยพี่ภูมิ หวานเป็นพิเศษ แต่อารมณ์นางขึ้นๆลงๆค่ะ ฮาาาาาา

ขึ้นๆลงๆเหมือนนักเขียนเนี่ยแหละ :hao5:

ตอนนี้อยากเขียนตอนพิเศษของน้องมาร์คกับอากิซังมาก กอไก่ล้านตัวเลย 555 o18
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 32 ผมนี้น้ำตาลเรียกพี่ 18-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 11:46:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 33 ผมหิวข้าวนะเออ 23-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 23-09-2019 09:48:03
บทที่ 33 ผมหิวข้าวนะเออ

“โอ๊ยยยยยยยยย เหนื่อยโว๊ยยยย” เสียงโอดครวญโวยวายมาจากเพื่อนสนิทของผม ไอ้มาร์คนั้นเองครับ

พวกเราเพิ่งใช้ชีวิตรอดจากหนึ่งวันแห่งการเรียนอันยาวนานนนนนนนนนน

นานจนไอ้มาร์คมันต้องร้องขอชีวิต

เนื่องด้วยพอเปิดเทอมจะเริ่มมีการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พวกยื่นทุนเรียนดี สอบตรง สอบโควต้า เยอะแยะมากมาย ตอนนี้พวกเราเลยต้องมาเรียนเนื้อหาของมอหกเทอมหนึ่งพ่วงกับสอบมันช่วงซัมเมอร์นี้แหละ

แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่ามันต้องเรียนอัดจนแบนเป็นปลากระป๋องกันแน่นอน

สอบเก็บคะแนนกันเกือบทุกวัน อย่างสัปดาห์หน้าก็จะสอบกลางภาคแล้วครับ เร็วโคตร ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งสอบปลายภาคของมอห้าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง


“อย่าเพิ่งเหนื่อยครับมาร์ค พรุ่งนี้มีควิซตั้งแต่คาบเช้าเลย” อากิส่งเสียงเตือน พร้อมส่งแนวข้อสอบผลงานของผมไปให้ไอ้มาร์คมัน

“สอบ สอบ สอบ สอบอะไรกันนักกันหนาวะ” ปากบ่นแต่มือมันก็คว้าชีทไปครับ ผมคาดว่ามันคงเอาไปต้มเพื่อย่อยเป็นน้ำแกงแล้วกิน

“ไอ้กร คืนวันศุกร์เมิงมาค้างห้องอากิเลย ไม่ต้องนอนห้องคุณภูมิแล้ว เมิงมาติวหนังสือให้พวกกูด่วน” ไอ้มาร์คโว๊ยวาย

เอ่อ เพือน! ถึงกูจะนอนห้องคุณภูมิก็ติวหนังสือให้เมิงได้มั๊ย ห่างกันยังไม่ถึงร้อยก้าว

“เอ่อ สรุปเมิงจะเริ่มติววันศุกร์ใช่มั๊ย กูก็นึกว่าเมิงจะจัดตั้งแต่คืนนี้เลย” ผมแซวมันเล่น

เห็นมันฟุ๊บหมดสภาพอยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกสะใจ อยากติวให้มันจนอ้วกออกมาเป็นดิฟเฟอเรนเชี่ยวไปเลย กร๊ากกกกก

“ไม่กูขอเวลาหายใจทิ้งอีกคืนนึง” ไอ้มาร์คยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมของมัน

เมิงจะอ่านแค่แนวข้อสอบของกูตอน 10 นาทีก่อนสอบไม่ได้นะเฟ้ย อย่างน้อยเมิงก็ต้องอ่านก่อนสักคืนนึง ไม่งั้นมันจะไปซึมเข้าสมองเมิงได้ไงวะ ยังมีหน้ามาหายใจทิ้งอีก!

“เอ่อๆ แล้วแต่เมิงเถอะ งั้นวันนี้กูกลับก่อนละ เย็นวันศุกร์ค่อยว่ากัน” ผมเดินหนีทันที นู้นนนนนครับสุดสายตาริบๆนู้น มีรถสีดำคันเก่าคันเดิมจอดรออยู่ ยังไงเย็นนี้ผมก็มีนัดกับคุณภูมิอยู่ก่อนแล้ว ช่างหัวไอ้มาร์คมัน

ไหนๆเย็นนี้ก็ว่างแล้ว ชวนคุณภูมิไปดูหนังแก้เครียดดีกว่า เนื้อหาที่จะสอบสัปดาห์หน้าผมโน๊ตไว้หมดแล้ว รวดติวให้ไอ้มาร์คก็เหมือนอ่านอีกรอบนั่นแหละ

“หวัดดีครับ ผมหิวจังเลยยยยย” เปิดประตูรถปุ๊บสิ่งแรกที่กล่าวก็คือเรื่องกินครับ เรื่องปากเรื่องท้องเป็นเรื่องใหญ่นะเออ

“เธออยากกินอะไรหละ” คู่สนทนาถามกลับทันที

นั่นสิ เรื่องเมนูที่จะกินก็เรื่องใหญ่เช่นกัน แต่ผมสามารถทำเรื่องใหญ่ๆให้กลายเป็นเรื่องเล็กได้ด้วยนี้!

ว่าแล้วก็หยิบกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมา ด้านในบรรจุม้วนกระดาษเล็กๆเอาไว้มากมาย ผมใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปสุ่มหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาหนึ่งอัน คลีออกอ่านเนื้อความด้านใน

“แถ่น แถ๊นนนนนน….หมูชาบู” ปากก็กล่าวพร้อมซาวน์ประกอบครับ

“งั้นไปห้างละกัน จะกินร้านไหนค่อยเลือกอีกที” ร่างสูงพยักหน้ารับพร้อมออกรถ

ไม่นานเราก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าครับ ห้างนี้เปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณที่สถานที่เอื้ออำนวยมากที่สุด คือใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ที่อยู่อาศัย แถมใกล้สถานที่ราชการอีก รถโค ต ร ติด ฮาาาาาาา

ช่วงนี้พี่ภูมิมาที่ห้างนี้บ่อยๆครับ เพราะต้องมาตรวจสอบความคืบหน้าของงานที่นี่ เอ๊ะ ผมได้เล่ารึยังว่าบริษัทของคุณภูมิเค้ากำลังขยายสาขาขึ้นห้างสรรพสินค้าหลายๆแห่ง เลยต้องตรวจดูสถานที่ก่อสร้างหน้าร้านแต่ละที่ หนึ่งในนั้นก็ที่นี่แหละ พักหลังๆเลยมาจบลงที่ห้างนี้ตลอด ผมว่าพี่ภูมิมาบ่อยจนหลับตาเดินได้ทั่วห้างแล้วมั้ง!

“เดี๋ยวเธอไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ ชั้นแวะเข้าไปดูที่ร้านแปปนึง” นั่นไง! ว่าแล้วว่าต้องแอบมาทำงานร่วมด้วย นิสัยไม่ดีจริงๆ นี้มันเวลาพักผ่อนนะ!

“ผมไปด้วยได้มั๊ย ผมยังไม่ค่อยหิว” พยายามต่อรองครับ ไม่อยากนั่งกินคนเดียวอะ

“แต่ว่าที่ร้านกำลังก่อสร้างอยู่ มีแต่ฝุ่น” พี่ภูมิก็พยายามปฏิเสธ ผมเข้าใจแหละว่าพี่ภูมิไม่อยากให้ผมลากสังขารไปไหนมาไหน ก็ไอ้เฝือกที่ใส่อยู่มันเกะกะมากนี้สินะ

“นะ...น้าาาาาาาาา” แต่ผมมีไม้ตายครับ ก่อนอื่นต้องจับนิ้วมือแกร่งไว้เบาๆ ก่อนออกแรงบีบให้แน่นขึ้น ช้อนสายตาขึ้นมองร่างที่สูงกว่า แกว่งไปๆมาๆ แล้วออกเสียง น้าาาาา ยาวๆ ปล.ระหว่างนั้นห้ามหลบตานะครับ เล่นเกมจ้องตาไปเลย

“เอ่อ...ได้แต่รอที่ข้างนอกร้านนะ แปปเดียว” ในที่สุดร่างสูงกว่าก็ต้องตามใจผม ผมชนะ แหะ แหะ

*********************************************************************************************************

ไหนว่าแปปเดียว!

ผลพลาดแล้ว ผมมันพลาดเอง ไม่น่าดื้อตามมาด้วยเลย พับผ่าสิ

ใครมันจะไปคิดว่า พอพวกเรามาถึงหน้าร้านดันเกิดเรื่องซะได้ คนงานที่ปีนนั่งร้านอยู่เกิดพลาดท่าตกลงมา โหหหหห สูงเกือบ 4 เมตรเลยนะนั่น

“เป็นไงบ้าง หิวรึป่าว ไปรอที่ร้านอาหารก่อนมั๊ย” เสียงทุ่มๆดังมาแต่ไกล ผมกำลังนั่งสังเกตการณ์อยู้ที่มุมนึงของร้านอยู่ครับ พี่ภูมิรีบสั่งให้หัวหน้าช่างพาคนงานไปโรงพยาบาล ไม่นานพี่ผู้จัดการห้างก็มาเคลียร์หน้าร้านให้ ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มเข้าสู่ความสงบแล้วครับ ไทยมุ่งทั้งหลายก็สลายตัวไปแล้วด้วย

“ไม่เป็นไรครับ อีกแปปเดียวก็เสร็จแล้วนิครับ ใช่มั๊ย?” ผมว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้วนาาาาา แต่พอมองหน้าของพี่ภูมิแล้วชักไม่แน่ใจ หรือว่าผมเข้าใจผิดหว่า

“คือเดี๋ยวต้องประชุมด่วนหนะ” ร่างสูงตอบอ้อมแอ้ม

หาาาาาาาาาา

ประชุมด่วนมาจากไหน!

“งั้นผมกลับคอนโดก่อนดีกว่า” จ๋อยสิครับ อยู่ดีๆมีประชุมด่วนได้ไง กลับไปนอนเลยละกัน ไม่กงไม่กินมันแล้ว

“แต่เธอยังไม่ได้กินข้าว”  พี่ภูมิจะเกลี่ยกล่อมให้ผมไปร้านอาหารให้ได้เลยใช่มั๊ย
“ตะ...แต่…” ผมขอแย้งหน่อยครับ ไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้วอะ

“อ่าวววววว คุณภูมิ อยู่นี้นิเอง” เสียงทุ่มต่ำดังมาแต่ไกล ผมและพี่ภูมิหันไปทางต้นทางของเสียงครับ

เจ้าของเสียงทุ้มๆเป็นชายหนุ่มวัยกลางคน แบบกลางเก่ากลางใหม่อะนะ ให้ผมเดาน่าจะอายุสามสิบปลายๆ ให้ผมเดาเอาแบบชัวร์ ผมว่าน่าจะอายุ 37 ปี กับอีก 6 เดือน นี้ถ้าผมเดาถูกผมเอาอายุลุงแกไปตีหวยเลยเอ้า!

“สวัสดีครับคุณอิศ” พี่ภูมอกล่าวทักทายเมื่อทราบว่าผู้มาใหม่คือใคร ส่วนผมเองก็ยกมือไหว้ไปอย่างเด็กมีสัมมาคารวะครับ

“แย่หน่อยนะครับ ดันมาเกิดอุบัติเหตุช่วงใกล้ๆกับเปิดร้านแบบนี้” ฝ่ายนั้นกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ พลางมองไปยังไทยมุงที่เริ่มสลายตัวกันไปแล้ว

“ต้องขอบคุณพนักงานของคุณอิศมากครับที่ช่วยจัดการให้อย่างรวดเร็ว” พี่ภูมิตอบกลับยิ้มๆ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ พี่ผู้จัดการคนนั้นคือรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดีมาก เก่ง โค ต ร

“ยังไงทางห้างของเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะครับ” คุณลุงผู้มาใหม่กล่าวตอบ

“นี้คุณอดิศร เป็น CEO ของห้างนี้” พี่ภูมิหันมาแนะนำคุณลุงแกให้ผมรู้จัก อ๋อ ที่แท้ลุงแกเป็นเจ้าของห้างนิเองครับ ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่อีกครั้ง

“โอ้! หนุ่มน้อยหน้าตาดี น้องชายคุณภูมิรึ” เสียงทุ้มๆกล่าวถามพลางมองมาที่ผม สายตาคมๆจ้องผมซะจนพรุนแล้วครับ ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ เอากล้องจุลทัศน์มาส่องเม็ดเลือดแดงเลยมั๊ยครับ แล้วก็นะคิดได้ไงครับว่าผมเป็นน้องชายพี่ภูมิอะ เบ้าหน้าไม่มีความคล้ายกันแม้แต่น้อย

“ปกรณ์เป็นเพื่อนหลานชายผมครับ เป็นเด็กที่ผมดูแลอยู่” ฝ่ายร่างสูงรีบตอบกลับไป เมื่อสังเกตุเห็นสายตาวิเคราะห์ของอีกฝ่ายที่พิจารณาผมอยู่ ว่าแล้วดึงตัวผมให้ถอยไปด้านหลังเล็กน้อย โอ๊ยยยยยย มันดีย์อะ ตอบกลับได้ถูกใจผมเป็นที่สุด จะแต่ดีกว่านี้ถ้าบอกว่าผมเป็นแฟนนะเออ แหะ แหะ

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ยืนคุยเรื่องธุระกิจกันต่อไป คุยกันตรงหน้าร้านเนี่ยแหละครับ ถึงพวกไทยมุงจะสลายโต๋ไปแล้วก็เถอะ แต่ที่นี่มันใช่ที่คุยมั๊ยเนี่ย ไอ้ผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆอยากบอกเหลือเกินว่า ย้ายที่คุยเถอะคร้าบบบบบบบบบบ แต่ไม่กล้าไง แต่ได้ดึงชายเสื้อร่างสูงหยิกๆ ผมเมื่อยขาอะ หาที่นั่งคุยกันได้มั๊ย!

“พะ...พี่ภูมิครับ ถ้าพี่ภูมิมีประชุมต่อ งั้นผมขอกลับก่อนนะครับ” ผมกระซิบบอกพี่ภูมิเบาๆ ในที่สุดก็สนใจผมซักทีนะ

“ออ...นั่นสินะ งั้นเธอกลับก่อนละกัน” พี่ภูมิพยักหน้าตกลง

“คะ….ครับ...โครกกกกกกกกกก” ผมที่กำลังจะยกมีไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสอง ก็ไม่วายถูกขัดจังหวะด้วยท้องเจ้ากรรมดันร้องไม่รู้จักเวลา

หลังจากเสียงท้องผมร้องประชดก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเราทั้งสองคนครับ ผมก้มหน้าก้มตา เลือกที่จะเงียบ หวังว่าทั้งสองคนคงไม่รู้นะว่าเสียงมันดังมาจากท้องผม ฮาาาาา

อายสิครับ ///////////////////////////

“ฮาาาาา หิวแล้วหละสิ...งั้นเราไปประชุมกันที่ร้านอาหารแทนแล้วกัน” เป็นคุณลุงอิศครับที่คนทำลายความเงียบ สายตาคมๆจ้องมองมายังที่ท้องของผม อ่าว! โดนจับได้ซะแล้ว แหะๆ

ว่าแล้วคุณลุงแกก็ออกเดินนำไปเลยครับ ไม่ถามหาความสมัครใจของผมกับพี่ภูมิเลย

ร่างสูงใหญ่ที่ยืนข้างๆผม จ้องมองท้องเจ้ากรรมของผมพักนึงแล้วเผยยิ้มขำออกมา ก่อนดันหลังผมให้ออกเดินตามคุณลุงที่เดินนำ

หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 33 ผมหิวข้าวนะเออ 23-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-09-2019 14:09:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

กรพูดไม่เพราะเลยอะ  คนอายุ  37-38 เรียกลุงได้ไง 
ถ้าเป็นลุงแสดงว่าพ่อของกรอายุต้องไม่เกิน 37 สินะ 
อืมมม  ก็ไปไปได้ที่พ่อของกรจะมีกรตอนก่อนอายุ  20
ก็มีความเป็นได้อยู่นะ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 34 ผมต้มมาม่าให้น้าาาาาา 30-09-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 30-09-2019 09:44:03
คุยกันแปปนึง

ว่าด้วยเรื่องน้องกรคร่าาาาาาาา

เอาจริงๆตอนวางคาแรกเตอร์น้องไว้ ภาพที่คิดไว้ในหัวคือนางเป็นเด็กแวนซ์ค่ะ 55555
แบบแวนซ์บอยสก๊อยเกิร์ล อะไรประมาณนั้น
เพราะฉะนั้น น้องพูดไม่เพราะค่ะ แต่น้องรู้จักกาละเทศะนะคะ น้องมาแนวพูดลับหลังมากกว่าค่ะ 555
ยกเว้นน้องจงใจซึ่งๆหน้าเลยก็มี เอ๊ะ ทำไมคาแรกเตอร์ไม่สมเป็นนายเอกเลย ฮาาาาาา  :katai3:

จากคาแรกเตอร์ที่วางไว้ ต้องบอกเลยว่าน้องหลุดมาไกลมาก ตอนแรกกะให้กวนส้นกว่านี้ แบบเด็กวัยรุ่นร้ายๆ แต่แต่งไปแต่งมาทำไมนางดูติ๊งต๊องพิกล 555

เอาเป็นว่าฝากน้องกรไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ


********************************************************************************************


บทที่ 34 ผมต้มมาม่าให้น้าาาาาา


ว๊าวววววววววววววว ชาบูหม้อไฟในตำนาน ชาบูที่ผมไม่ได้อยากกินแต่เพราะโชคชะตากำหนดให้จับฉลากได้เป็นอาหารมื้อนี้ ด้วยความหิวผมก็โช๊ยเอาๆ รอให้ท้องผมอิ่มก่อนครับเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

แปลกใจมั๊ยครับ แทนที่เราจะไปหาร้านอาหารบรรยากาศสงบๆนั่งคุยธุระกัน เรากลับมานั่งกันอยู่ในร้านชาบูที่บรรยากาศสุดแสนจะวุ่นวาย ก็คุณลุงอิศแกดันถามขุ้นมาว่าอยากกินอะไร ไอ้ผมมันคนปากไวเลยตอบชาบูไป มันก็ไม่ได้อยากกินอะไรมากหรอกแค่คำตอบมันฝังอยู่ในหัวสมองหนะครับ

ร้านชาบูบุฟเฟ่ที่คนลุกเดินไปเดินมาแล้วพี่ภูมิกับคุณอิศจะไม่คุยงานกันมั๊ยเนี่ย!

คำตอบคือ คุยงานที่ไหนกัน คุยเรื่องไร้สาระล้วนๆ

“ว่าแต่เราเถอะ อายุเท่าไหร่แล้ว” คุณลุงเจ้าของเสียงทุ้มกล่าวถามพลาง ตักลูกชิ้นปลาสวรรค์ในหม้อชาบูมาใส่จานผม โอ๊ยยยย ของโปรดเลยนะนั้น ขอบคุณครับ

“คุณอิศทายดูสิครับ” ผมพยักหน้าขอบคุณพร้อมกล่าวทีเล่นทีจริง

“ถ้าดูจากชุดนักเรียนมอปลาย น่าจะอายุ 18 ปีแล้วมั้ง” คนแก่กว่ากล่าวทาย

“เกือบถูกแล้วครับ แต่ผมยังไม่ครบ 18 ดีนะครับ ต้องรออีก 2 เดือนนู้นนนนนน” ผมตอบรับทันที ลุงแกก็เดาแม่นใช้ได้เลยนะนั่น

“งั้นผมทายอายุคุณอิศบ้างได้มั๊ยครับ” ผมรีบถามกลับอย่างมีจุดมุ่งหมาย

“ลองเดาดูสิ” ส่วนคู่สนทนาก็เห็นดีเห็นงามด้วย

“ผมเดาเลยนะครับ 37 ปี กับ อีก 5 เดือน” ถูกมั๊ย ถูกมั๊ย ถ้าถูกผมจะเอาเลขไปแทงหวยจริงๆนะเออ

“โหหหห เก่งนะเรา ทายถูกด้วย อะรางวัล” อีกฝ่ายเจ้าของคำตอบเบิกตาอย่างตกใจที่ผมทายถูก แล้วพลางตักหมูห่อสาหร่ายที่กำลังพองตัวพร้อมทานจากในหม้อใส่จานของผม นิสรุปผมทายถูกจริงๆเหรอ

ว่าแล้วเราทั้งสองคนก็หัวเราะไปกับความอัฉริยะในการเดาอายุของกันและกันประหนึ่งในโลกนี้มีเพียงเราสอง ฮาาาาาาาาาา

เหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง!

ใช่! ลืมคนที่นั่งข้างๆเนี่ยแหละครับ กำลังส่งเสียงฮื้มๆในลำคอ อะไรติดคอครับพี่ภูมิ

ลืมตัวคุยเพลินไปหน่อยครับ ลืมไปว่าเรามากันสามคน แถมแทนที่จะได้คุยงานกันดันมากินชาบูตามคำขอผมจนเสียการเสียงานไปหมด แหะๆ พี่ภูมิจะโกรธก็ไม่แปลกหรอก

ไม่ได้แล้ว ต้องรีบแก้สถานการณ์ ต้องเอาใจซะหน่อย ผมรีบส่งแก้วน้ำไปให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ แถมด้วยคีบหมูห่อสาหร่ายในจานตัวเองที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ เป่าฟู่ๆ ไปสองที แล้วส่งไปวางไว้ในจานคนข้างๆแทน โดยไม่สนใจสายตาประท้วงจากคุณลุงฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องมองแรงครับคุณลุง ในหม้อยังมีอีกเยอะเดี๋ยวผมตักใหม่ก็ได้

“เธออิ่มแล้วเหรอ” ร่างสูงถามพลางคีบหมูห่อสาหร่ายชิ้นนั้นเข้าปากหน้าตาเฉย ปากกลัวผมไม่อิ่มแต่ยังจะกินของผมอีกนะนั่น

“ก็เริ่มอิ่มแล้วครับ” แต่อันที่จริงผมก็เริ่มอิ่มแล้วจริงๆ ก็ตั้งแต่นั่งทานกันมา ผมก็กินเอาๆ ใครใช้ให้ผู้ชายสองคนนี้ผลัดกันตักโน้นตักนี้มาใส่จานผมกันหละ ไอ้เราเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินหนะสิ

“อืมมมม...คุณอิศครับนี้ก็ดึกมากแล้ว เราค่อยนัดประชุมกันใหม่วันหลังมั๊ยครับ” ชายร่างสูงหันไปคุยกับชายร่างสูงอีกคนที่นั่งอีกฝั่ง

“นั่นสินะ เด็กๆต้องรีบพักผ่อน...งั้นเดี๋ยวผมให้เลขานัดใหม่แล้วกัน” ฝ่ายนั้นกล่าวพลางเหล่ตามามองผม ตอนเน้นคำว่าเด็กๆ ใช่ซิ ผมเป็นเด็ก เพราะพวกลุงแก่แล้วไง

เมื่ออีกฝ่ายกล่าวจบพี่ภูมิก็ลุกขึ้นทันที พร้อมกับฉุดดึงแขนผมให้ลุกตาม เดี๋ยวก่อนสิครับผมแค่เริ่มอิ่มนะ ผมยังไม่อิ่มสักหน่อย ยังกินได้อีกเยอะ แหะๆ

“งั้น สวัสดีครับ ผมกลับก่อนนะครับ” ผมกล่าวลาผู้ใหญ่ตามมารยาทครับ แม้ใจยังอยากทานต่อก็ตาม แต่เมื่อพี่ภูมิจะกลับผมกลับไปต้มมาม่ากินต่อที่คอนโดก็ได้

“อืมมมม...สวัสดี แล้วเจอกันใหม่นะ” ร่างสูงตอบรับพร้อมลุกขึ้นยืนส่ง หือ! เจอกันใหม่เหรอ เรายังจะได้เจอกันอีกเหรอ เจอทำไมอะ

ผมเดินจากมางงๆแบบเงียบๆ โดยมีคนข้างๆที่คอยส่งเสียงครางในลำคอฮื้มๆไม่ห่าง

ขากลับคอนโดพี่ภูมินั่งเงียบสุดทางเลยครับ จนเรากลับมาถึงคอนโด ผมจึงเดินตรงเข้าห้องครัวไปต้มมาม่า ออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้ต้นกินเองนะครับ ผมจะต้มให้พี่ภูมิกิน ก็ในร้านชาบูพี่ภูมิแทบไม่ได้กินอะไรเลย มัวแต่นั่งเก็กครางฮึ้มๆแฮ่ๆอยู่นั่นแหละ ที่เงียบๆไปนิโมโหหิวแน่เลย ต้องต้มมามาให้กินด่วน

หลังจากที่ผมใส่เครื่องปรุงลงในชาม มาม่าก็พร้อมกิน ส่งกลิ่นหอมมมมมมมมมมเต๊ะจมูก ผมจัดแจงยกชามมาม่าไปหาคนร่างสูงที่นั่งหน้าหงิกเป็นยักษ์ปักหลักอยู่ในห้องรับแขก

“พี่ภูมิครับ...กินสักหน่อยน้าาาาา จะได้หายหิว” เอาชามไปจ่อที่ปลายจมูกเลยครับ พร้อมเป่าลมให้พัดพากลิ่นส่งเข้าจมูกโด่งโดยตรง

ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าได้กลิ่นหอมๆของมาม่าหรือได้กลิ่นปากผมกันแน่

“เธอชวนชั้นกินมาม่าเหรอ” เสียงเข้มๆกล่าวถามมาพร้อมยักคิ้วสงสัย

เอ๊ะ! คุ้นๆ เหมือนเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เดจาวูชัดๆ

“ก็พี่ภูมิโมโหหิวไม่ใช่เหรอ รีบๆกินตอนร้อนสิครับ...อ้ามมมมมม” ว่าแล้วก็รีบคีบเส้นมาม่านุ่มๆ ป่าวเบาๆสองที แล้วส่งไปจ่อที่ริมฝีปากโดยไว

“อ้ามมมมมมมมม….” ร่างสูงยังคงนิ่งเลยต้องกระตุ้นอีกครั้งครับ

“หึ” แม้จะส่งเสียงแสดงความไม่พอใจมาเบาๆ แต่ในที่สุดร่างสูงก็ยอมกินมาม่าชามนั้นเข้าไป ป้อนไปป้อนมาผมชักเริ่มหิวบ้าง ขอแย่งกินสักหน่อยแล้วกัน กลายเป็นว่าผมป้อนพี่ภูมิคำ ป้อนให้ตัวเองคำ สุดท้ายเลยต้องไปต้มมาม่าเพิ่มอีกชามนึง แต่ท้ายสุดดันกินไอ้ชามที่สองไม่หมดครับ หลังจากเกี่ยงกันไปๆมาๆสักพัก สุดท้ายอาหารมื้อนี้เลยจบลงที่เสียงหัวเราะประปราย

หลังจากหนังท้องเริ่มตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนครับ ผมว่าได้เวลาแยกย้ายแล้ว คืนนี้ผมยังต้องอ่านหนังสือต่ออีกเพราะพรุ่งนี้มีควิซ อย่างน้อยต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สดชื้นขึ้นมาหน่อย

“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมกล่าวลาพร้อมจุ๊ปแก้มสากเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไปทางห้องนอนของตัวเอง

“เดี๋ยว” ว่าแล้วฝามือแกร่งก็เอื้อมมาคว้าแขนผมไว้ ก่อนออกแรงกระตุกเบาๆ ผมก็เซถลาลงนั่งตักกว้างพอดิบพอดี

“จะรีบไปไหน ไม่ใช่ว่าเธอชวนชั้นกินมาม่าหรอกเหรอ” ว่าแล้วอ้อมกอดแกร่งก็เริ่มรัดเอวผมแน่นขึ้น ริมฝีปากก็กระซิบอยู่ใกล้ๆซอกหู โอ๊ยยยยย จั๊กจี้

“อะ...เอ่อ ก็กินเสร็จแล้วไงครับ” ผมรีบบอดปัด บิดตัวหนี้นิดนึง โธ่ ก็ตัวผมเหม็นเหงื่ออะ ยังไม่ได้อาบน้ำ

“ชั้นหมายถึงมาม่าแบบอื่นหนะ” กล่าวจบมือที่แต่เดิมกอดไว้รอบเอวก็เริ่มซุกซน ขยับเข้าไปตามแนวตะเข็บเสื้อ เอ๊ะ! เดี๋ยว เสื้อผ้าผมหลุดรุยขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น

“เอ๊ะ...เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนครับ...อ๊ะ” ผมพยายามหยุดมือที่ซุกซนทั้งสองข้างเอาไว้ แต่พอหยุดมือได้ ริมฝีปากด้านบนกลับขยับเขยื้อนเข้ามาปิดปากผมแทน

“อืมมมมม” ลิ้นแกร่งกวัดกวาดไปทั่วทั้งโพล่งปากผม เรียกร้องให้ลิ้นร้อนๆของผมต่อสู้กลับไปบ้าง จนเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงจ๊วบ จ๊าบ ก็เริ่มสงบลง

ร่างสูงถอนริมฝีปากออกจากการประกบปากผม ให้ผมได้มีโอกาสหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดสักพัก ก่อนจะโฉบเข้ามาใกล้อีกรอบ

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ...ไหนพี่ภูมิบอกว่าจะรอไง” หลังจากที่ผมกล่าวประโยคเด็ดไป ร่างสูงจึงหยุดชะงักการกระทำทันที ผมสบตามองร่างสูงที่กำลังขมวดคิ้วแน่น ก่อนถอนหายใจเมื่อหักห้ามอารมณ์ได้ แล้วคลายอ้อมกอดที่รัดไว้อย่างแน่นหนาออก

“อะ...เอ่อ...งั้นผมไป...อะ อาบน้ำก่อนนะครับ” ผมรีบลุกขึ้นเดินเบี่ยงไปทางห้องนอนตัวเองโดยทันที

“เดี๋ยวก่อน” แต่เสียงเย็นๆดังลั่นมาจากด้านหลัง เรียกให้ผมหยุดชะงักอีกครั้ง ผมค่อยๆหันหลังกลับไปยังต้นเสียง

“วันหลังไม่ต้องไปที่ห้างนั้นอีกนะ” เสียงเข้มๆกล่าวออกมาเบาๆ

เอ๊ะ! ห้าง?

“ครับ?....” ผมตอบรับแบบงงๆ ทำไมไม่ให้ไปห้าง ไม่ให้เดินห้างแล้วจะให้เดินตลาดนัดแทนเหรอ

“แล้วก็อย่าไปเจอคุณอิศอีก” เดี๋ยวนะทำไมไม่ให้ไปเจอตาลุงอิศอีก อย่าบอกนะว่าที่โกรธอยู่เนี่ย ‘โมโหหึง’

กร๊ากกกกกกกกกก

พี่ภูมิก็มีโมเมนต์แบบนี้กับเค้าด้วย น่ารักอะ คิดได้ดังนั้น ผมตัดสินใจเดินกลับมาหาร่างสูงแล้วก้มลงหอมแก้มแรงๆทั้งสองข้าง

“คร้าบบบบบบบบ ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ พอใจรึยัง” ว่าจบก็แถมจุ๊ฟปากไปอีกรอบ

“ดี!” ว่าจบร่างสูงก็ผลักตัวผมออกห่างแล้วเดินจากไปยังห้องน้ำทันที

บ๊ะ! เอะอะหนีเข้าห้องน้ำตลอด
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 33 ผมหิวข้าวนะเออ 23-9-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2019 21:48:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1 04-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 04-10-2019 12:59:44
บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1

“ปกรณ์!!!” เสียงเข้มกล่าวดุๆ โอ้โหต้องเรียกซะเต็มยศเลยมั๊ยนั่น

นานๆทีพี่ภูมิจะเอ่ยเรียกชื่อผมเต็มยศขนาดนั้น แค่น้ำเสียงผมก็เดาอารมณ์พี่แกออกเลย ไม่ใช่อารมดีแน่นอน

‘แหะ แหะ’ ผมขออนุญาติเกาหัวตัวเองแก๊กๆครับ อุตส่าแอบย่องเข้าห้องแล้วเชียว ดันจับได้อีกนะเนี่ย เอาจริงๆผมก็ไม่ได้กลับดึกอะไร ออกจะกลับเร็วด้วยซ้ำ แค่ไม่ได้กลับมากับอากิเท่านั้นเอง ทำไมต้องปั้นหน้ายักษ์รอต้อนรับกันอย่างนี้ด้วยหละ

“ไปไหนมา” ร่างใหญ่ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ผมที่ตัวหดเล็กลงเหลือสามนิ้ว

“เอ่อออ ไปกินไอติมครับ” ผมไปกินแค่ไอติมจริงๆนะเออ ผมเก็บมื้อเย็นไว้กินพร้อมพี่ภูมิ เลยกินแค่ไอติมรองท้องมาเท่านั้น

“ไปกับใคร…” เสียงเข้ามถามดุมาอีก

“...เอ่อ...ไปกับ….เอ่อ…” ผมอ้อมแอ้มๆ จะถามทำไมว่าไปกับใคร ที่พี่ภูมิดุใส่ผมก็เพราะรู้ว่าผมไปกับใครไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ! หรือยังไม่รู้

“ไปกินไอติมกับใคร?” อีกฝ่ายถามย้ำจะเอาคำตอบให้ได้

“เอ่อ...ไปกับเพื่อนๆครับ” ผมตอบเบาๆ ก็ผมไปกับเพื่อนจริงๆนิครับ ขาไปอะนะ ถึงขากลับจะกลับกับคนอื่นก็เถอะ

“แค่เพื่อนเหรอ?” แต่อีกฝ่ายดันถามย้ำ โถ ถ้าถามขนาดนี้คงรู้แล้วหละว่าไปกับใคร อากิคงเอามารายงานแล้วแหละ

“เอ่อ...แล้วก็คุณอิศครับ” ผมตอบชื่อไปเบาๆ ให้ตายสิ ผมสาบานเลยนะมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

“หึ...ไหนเธอสัญญาว่าจะไม่ไปเจอคุณอิศแล้วไง” ร่างสูงทวงสัญญาที่ผมตกปากรับคำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน โถ่ ผมก็ไม่ได้อยากจะผิดสัญญาหรอกนะครับ

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย พอพวกผมสอบเสร็จเลยตัดสินใจไปฉลองบุฟเฟ่ไอติมที่ร้านไอศครีมใกล้ๆโรงเรียน คือใกล้มากจริงๆอะครับ ร้านมันตั้งเยื้องหน้าโรงเรียนไปไม่ถึงยี่สิบเมตร กะว่ากินไอติมเรียกความสดชื้นกันสักหน่อยแล้วรีบๆกลับไปพักผ่อน เพราะสัปดาห์หน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว

‘บุฟเฟ่ไอติมหัวละ 89 บาท ฟรีท๊อปปิ้ง กินได้ไม่อั้นภายในเวลา 45 นาที’ ช่างเป็นโปรโมชั่นส์ที่เกิดมาเพื่อเด็กวัยกำลังเจริญเติบโตอย่างพวกผมซะจริงๆ ระหว่างที่พวกผมกำลังเอนจอยอีตติ้งกันอยู่นั้น ประตูร้านก็เปิดออกรับลูกค้าคนนึงที่สภาพไม่เข้ากับบรรยากาศร้านซะเหลือเกิน ก็ร้านนี้ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนลูกค้าส่วนใหญ่ก็พวกเด็กนักเรียนนี้แหละครับ ดังนั้นลูกค้าคนใหม่ที่เดินเข้ามาเลยดูเด่นสุดๆ ลุงแกเล่ยใส่สูท ผูกไทด์ กางเกงสแลก รองเท้าหนังมันป๊าบบบบบบ เอ...ว่าแต่หน้าดูคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเจอเมื่อไม่กี่วันก่อน

ออ...คุณอิศครับ อิศ อะไรวะ จำชื่อจริงไม่ได้ ฮาาาา

ระหว่างกำลังคิดเพลินร่างผู้มาใหม่ก็เดินตรงมายังโต๊ะที่พวกผมนั่งแหกปากโวยวายกันอยู่ครับ แต่เมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ บรรยากาศก็พลันสงบลง ไอ้มาร์คที่กำลังป้อนไอติมให้อากิยกมือค้างอยู่อย่างนั้น ส่วนไอ้มืดที่กำลังแย่งไอติมรสกล้วยหอมจากไอ้เป็ดเป็นอันต้องชะงักลง

“สอบเสร็จแล้วเหรอน้องกร” ร่างสูงกล่าวทักทายโดยชี้เฉพาะเจาะจงมาทางผม เฮ้ยยยยยยยยย ใคร๊! ใครน้องคู๊ณณณณณเนี่ย ผมนี้รุ่นลูกรุ่นหลายเลยนะ

“เอ่อ...สวัสดีครับคุณอิศ...เอ่อ สอบเสร็จแล้วครับ” ผมตอบคำถามงงๆ พร้อมยกมือขึ้นไหว้ ว่าแต่คุณอิศแกรู้ได้ไงว่าพวกผมมีสอบกัน ลุงเป็นเด็กมอปลายรึไง

ผมหันซ้ายหันขวามองเพื่อนๆที่สงบปากสงบคำมองมายังผมและคุณอิศตาแป๋ว

“เอ่อ...คุณอิศครับนี้เพื่อนๆผม...ส่วนนี้คุณอิศ เป็นคู่ค้ากับพี่ภูมิหนะ” ผมจำใจแวะนำตามมารยาทครับ ฝ่ายนั้นมองหน้าเพื่อนๆก่อนยิ้มให้น้อยๆ

“มาฉลองสอบเสร็จกันหละสิ ถ้าไม่รังเกียจให้ชั้นเป็นเจ้ามือสักมื้อมั๊ย” ตามประสาผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กๆครับ คุณอิศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพทันที

“ไม่รังเกียจครับ” แล้วไอ้มืดเพื่อนเลิฟก็ตอบรับทันทีเช่นกัน บ๊ะ ไอ้พวกนี้เห็นของฟรีหน่อยเป็นไม่ได้

“งั้นชั้นขอร่วมวงด้วยเลยละกัน” ว่าแล้วคุณอิศก็ลากเก้าอี้มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราไปโดยปริยาย บรรยากาศในโต๊ะก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ก็คุณอิศแกเป็นคนคุยสนุกสนาน มีรับส่งมุกกับไอ้มืด ไอ้เป็ดตลอดเวลา ขนาดไอ้มาร์คที่ดูฮึ้มๆในตอนแรกยังผ่อนลมหายใจลดการ์ดลงเลย

เดี๋ยวๆ ผมว่าคุณอิศแกจะตีเนียบเกินไปแล้วนะเนี่ย ว่าแต่แกมาเนียนนั่งกินไอติมกับพวกผมทำไมเนี่ย

แล้วเวลา 45 นาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ ผมว่าวันนี้ร้านไอติมคงเกือบล้มละลายเพราะพวกผมแน่เลย

“ขอบคุณที่เลี้ยงคร๊าบบบบบบ” เป็นเสียงของไอ้มืดเจ้าเดิมที่กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ดูเหมือนวันไหนมันได้กินฟรีมันจะดีดเป็นพิเศษ เหอะๆ

“เอ่อ...ขอบคุณนะครับ” ผมเป็นตัวแทนเพื่อนๆกล่าวขอบคุณอีกครั้งนึง แล้วขอตัวแยกย้ายกันกลับ

“เดี๋ยวก่อนสิ กรกลับยังไง” ร่างสูงเอ่ยทันก่อนที่ผมจะเดินจากไป

“ผมกลับกับเพื่อนครับ” ว่าแล้วชี้มือไปทางอากิและไอ้มาร์คที่ยืนรออยู่

“ไม่ต้องรบกวนเพื่อนหรอก เดี๋ยวชั้นไปส่งเอง” ร่างสูงรีบเสนอตัวทันที

“เอ่อ...แต่ผมพักคอนโดเดียวกับเพื่อผม ไม่รบกวนพวกนั้นหรอกครับ” เคยได้ยินโฆษณามั๊ยครับ ไปทางเดียวกัน นั่งรถคันเดียวกันประหยัดน้ำมันดี แต่นี้พักที่เดียวกันต้องเรียกว่ายิ่งกว่าประหยัดอีกครับ

“...” คุณอิศซึ่งจนด้วยเหตุผมได้แต่เงียบ ผมเลยรีบชิงโอกาสยกมือไหว้แล้วหมุนตัวจะเดินจากไปทันที แต่โดนเบรกด้วยเสียงเบาๆที่ดังมาจากด้านหลัง

“แต่ชั้นอยากไปส่งเธอนิ” โอ้โห น้ำเสียงแบบน่าสงสารสุดๆ ดูเหมือนคนจะโดนทิ้งอะ

“เอ่อ…” ชะงักและไปต่อไม่เป็นเลยครับ

“ถือว่าตอบแทนที่ชั้นเลี้ยงไอติม นั่งรถไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยแล้วกันนะ” ฝ่ายนั้นใช้เทคนิคทวงบุญคุณครับ ผมนี้ได้แต่เอ๋อแดกเลย ถ้าผมปฏิเสธอีก นิจะกลายเป็นพวกชักดาบเลยรึป่าว

เฮ้อออออ จะไม่ไปก็ไม่ได้ นั่นคู่ค้าพี่ภูมิเลยนะ ถ้าเกิดกระทบเรื่องงานเพราะผมก็ซวยอีก -*-

“เอ่อ...งั้นรอแปปนึงนะครับ” ผมตัดสินใจวิ่งไปบอกอากิว่าจะกลับพร้อมกับคุณอิศ พวกนั้นเลยบอกว่าจะขับรถตามหลังจนกว่าจะถึงคอนโด

ดีจังวุ๊ย มีเพื่อนๆที่รักและเป็นห่วงผมขนาดนี้ ถึงขั้นจะขับรถตาม แต่ผมว่าไม่ใช่พวกนั้นห่วงผมหรอกครับ น่าจะห่วงสวัสดิภาพตัวเองมากกว่า กลัวโดนพี่ภูมิเฉ่งเอาหนะสิ หึ

*********************************************************************************************************

“เธอชอบกินไอติมรสสตอเบอรี่เหรอ” ระหว่างนั่งรถ ‘เป็นเพื่อน’ คุณอิศเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ก็ไม่เชิงครับผมชอบอะไรเปรี้ยวๆ” อันที่จริงผมชอบกินขนมหวานครับ แต่ด้วยความที่ขนมหวานมักจะหวานตามชื่อ ผมเลยมักจะเลือกกินพวกที่มีรสชาดเปรี้ยวมาตัดความหวาน เพราะชีวิตจริงหวานดีอยู่แล้ว ไม่อยากให้ระดับน้ำตาลสูงเกินกว่านี้ อิอิ

“สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่” ฝ่ายนั้นพอผมบอกชอบกินเปรี้ยวเท่านั้นแหละ ก็ร่ายยาวผลไม้ตะกูลเบอร์รี่แสนเปรี้ยวขึ้นมาทันที

“ครับๆ ชอบหมดแหละครับ ผลไม้ไทยก็ชอบนะครับ มะเฟือง มะไฟ โอยหากินยากมาก พูดแล้วน้ำลายสอ” พูดถึงแล้วยากกินจริงๆ ที่ศูนย์มีต้นมะเฟืองต้นนึงครับเลยมีโอกาสได้กินบ่อยๆ

“มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ?” ดีนะไม่ต่อมะแฟง แตงโม ไชโยโห่ฮิ้ว ไปด้วย คิดแล้วก็ขำครับ จนหลุดหัวเราะออกมา ส่วนอีกฝ่ายก็ขำพรึดเช่นกัน ผมบอกแล้วว่าคุณอิศแกรับส่งมุกเก่งจริงๆ

“เธอพักที่นี่เหรอ” หลังจากที่คุยเรื่องไร้สาระ อย่างระหว่างมะเฟือง กับมะไฟ อะไรเปรี้ยวกว่ากันไปได้สักพัก เราก็เดินทางมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพครับ

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมตอบพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่มาส่ง ทำท่าจะลงจากรถอีกฝ่ายก็กล่าวเบาๆเป็นการต่อท้าย

“อืมมมม แล้วพบกันใหม่นะ” ว่าจบรถก็แล่นจากไป ปล่อยผมยืนงงในดงคอนโด ห๊า! ยังจะได้เจอกันอยู่เหรอ แค่นี้ผมก็ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ภูมิแล้วนะ ขืนเจอกันมากกว่านี้พี่ภูมิไม่หึงผมจนตายเลยรึ

ระหว่างที่ยืนงงๆอยู่นั่นเองก็มีผ่ามือเย็นๆมากระทบด้านหลัง

“ใครวะ” เป็นไอ้มาร์คเพื่อนยาก แมร่งงงง ตีซะแรงเลย เจ็บนะเฟ้ย!

“คุณอิศไง” ไอ้นี้ความจำสั้น ผมก็แนะนำไปแล้วแท้ๆ

“คุณอดิศรที่เป็นเจ้าของห้างที่คุณอาจะเปิดช็อปใช่มั๊ยครับ” อากิผู้มาโปรดได้เฉลยชื่อจริงของคุณอิศให้ฟัง ออ ในที่สุดก็นึกออก ฮาาาาาา

“ใช่ๆ คนนั้นแหละ”

“แล้วเมิงไปรู้จักเค้าได้ไงวะ” ไอ้มาร์คยังซักไซ้ต่อ

“เจอกันครั้งนึงที่ห้าง” ผมตอบส่งๆพร้อมเดินไปที่ลิฟต์

“ครั้งเดียวจริงดิ ทำไมถึงได้ติดเมิงขนาดนี้ ป้ายยาไว้หรือไง” อ่าวๆ ไอ้เพื่อนเวร ป้ายย พ่ อ ง

“คิดมาก” ผมบิกปัดๆไป คิดไรมาก ก็แค่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ผมออกจะเด็กดี ใครเห็นใครก็รัก

“เอ่อ… กรครับ ค่อยๆคุยกันนะครับ” อากิกล่าวบอกขณะที่ลิฟต์เดินทางมาถึงชั้นที่ต้องการ

“คุย? คุยอะไร กับใคร” งงสิครับพวกเราก็ไม่ได้คุยกันเสียงดังสักหน่อย

“คุณอาหนะครับ” ว่าจบเพื่อนตัวดีทั้งสองก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไปเลย

ชิบ-
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1 04-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-10-2019 13:47:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1 04-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-10-2019 09:25:03
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1 04-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-10-2019 19:14:34
โดนบีบคอตายแน่หนูกร
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2 10-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 10-10-2019 23:30:58

 :z13: :z3:

บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2

“ก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟังนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรจริงๆน้าาาาาาาาา” ผมพยายามปั้นหน้ายืมไปสู้กับคนตรงหน้าที่ปั้นหน้ายักษ์อยู่

“ถ้าไม่มีอะไรคุณอิศจะมาหาเธอถึงที่โรงเรียนทำไม” อ่าววว ถามน่าคิด นั่นสินะ จะมาหาผมทำไม มาเพื่อเลี้ยงไอติมเหรอ

“ผม...ไม่รู้” ก็ผมไม่รู้จริงๆอะ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง เจอพร้อมพี่ภูมิด้วยนั่นแหละ

“....” ร่างสูงยังคงนั่งหน้าเครียดต่อไป ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ เดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ออก

“เอาน่า ผมสัญญา ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว ถ้าบังเอิญเจอกัน ผมจะเดินหนีเลยเอ้า!” ว่าแล้วผมก็ยกมือขวาขึ้นมาชูสามนิ้วแบบลูกเสือสามัญ
“.......” แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ

“โอ๊ยยยย พี่ภูมิอะ อย่าเงียบ อย่างอนแบบนี้สิครับ หายโกธรผมเถอะผมขอโทษ” ถูกผิดไม่รู้ ขอโทษไว้ก่อน ว่าแล้วก็เขย่าแขนเบาๆ ช้อนสายตาขึ้นมองตามสเต็ป

“...........” แต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะเงียบต่อไป

“น่า น้าาาาาาาา นะ” ใช้ไม้ตาย พร้อมส่งจุ๊ฟเบาๆไปที่แก้มซ้ายทีขวาที

“..............หึ” ร่างสูงมีการพัฒนาครับ อย่างน้อยก็มีส่งเสียงหึ ตอบรับ

“หิวมั๊ยครับ เย็นนี้กินอะไรดี” เมื่อสังเกตุว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลง ผมยิ่งต้องเร่งทำคะแนน

“......มาม่า” เสียงเข้มบอกเบาๆ ช่วงๆนี้ทำไมกินมาม่าบ่อยจังเลย งอนผมครั้งก่อนก็กินมาม่า งอนรอบนี้ก็มาม่าอีกแล้ว

“...เอ่อ...งั้นผมไปต้มมาม่าให้ รอแปปนึงนะครับ” ว่าแล้วก็รีบลุกไปเข้าครัวทันทีเลยครับ

มื้อนี้ต้องเอาใจเป็นพิเศษสักหน่อย เอามาม่าต้มยำหม้อไฟทะเลรวมเลยแล้วกัน หลังจากที่ส่องหาวัตถุดิบในตู้เย็นพบทั้งกุ้ง ปลาหมึก เนื้อสดแช่แข็งอีกหลายชนิด ตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้มมาม่าที่นี้ พี่ภูมิก็ขยันซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมายัดใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ ถึงจะเป็นพวกแช่แข็งก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไส้กรอกกับไข่ไก่ก็แล้วกัน ฮาาาาา

ระหว่างที่กำลังตั้งใจล้างต้นหอมญี่ปุ่นอยู่นั่นเอง ก๊มีมือเลื้อยมาโอบรอบเอวผม ยิ่งหันหลังกลับไปมองสาเหตุก็ยิ่งต้องสะดุ้ง เมื่อใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยอยู่ใกล้เพียงไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ…..” ยังไม่ทันได้ส่งเสียงตกใจใดๆ เรียวปากบางก็จ้วงลิ้นร้อนๆเข้ามาทันทีครับ ผมก็พยายามบิดหนี นี้กำลังล้างผักอยู่นะครับ มาม่าก็ต้มร้อนๆอยู่บนเตา เหลือแค่หั่นผักใส่หม้อก็เป็นอันพร้อมเสริฟ โอ๊ยยยยยย บรรยากาศมันไม่ได้อะ

“พะ...พี่ภูมิ...เดี๋ยวก่อน” สองมือแกร่งประคองใบหน้าผมเอาไว้ไม่ให้บิดหนี ผมจำใจต้องวางมีดในมือลงก่อน กลัวเผลอเอาไปบาดคนข้างๆเข้า เปลี่ยนจากมือที่ถือมีดมาใช้โอบคอคนตัวสูงกว่าแทน

“...อืม...อ๊ะ...อื้อออออ”  หลังจากที่เแลกเปลี่ยนลิ้นกันอย่างคุ้นชิน ร่างเล็กกว่าก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมือเย็นค่อยๆซุกเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนที่บัดน้ำถูดปลดกระดุมออกไปแล้วหลายเม็ด ตั้งแต่เมื่อไหร่!

“อ๊ะ…….เดี๋ยว” แล้วยิ่งต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายยอดของหน้าอกด้านนึงถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่บดเบียดเข้าหากัน ริมฝีปากที่เคยประกบกันอยู่ก็ผละออกไป โดยมีจุดมุ่งหมายยังซอกคอที่มีปกเสื้อนักเรียนสีขาวปกปิดไว้บางส่วน

“หึ” ร่างสูงส่งเสียงอย่างขัดใจที่จุดมุ่งหมายโดนขัดขวางไว้ด้วยเนื้อผ้าบางๆนั้น ก่อนที่มือแกร่งจะทำหน้าที่ปลดกระดุมที่เหลือออก พร้อมถอดเสื้อสีขาวตัวนั้นให้พ้นไปจากร่างบาง

“อ๊ะ…….” ยอดอกสีคล้ำที่เคยนอนสงบนิ่ง ชูชันขึ้นมาท้าปลายนิ้วที่สัมผัสมันอยู่ ไรขนบริเวณแขนก็ลุกชันขึ้นอย่างมีสาเหตุ สะดุ้งเลยสิครับ แอร์เย็นขนาดนี้ ลองอยู่ๆโดนถอดเสื้อออกแบบไม่ทันตั้งตัว ใครมันจะไม่หนาวจนขนลุกแบบนี้บ้างหละ
“อืม…” ร่างสูงครางออกมาด้วยความพอใจ ยังคงตั้งสมาธิกับซอกคอชื้นเหงื่อและไม่ได้สนใจกับปฏิกริยาของคนในวงแขนที่มีอาการหยุดชะงักไปเล็กน้อย

“อ๊ะ...อื้อ...พี่ภูมิ...มะ….มาม่า” แต่ดูเหมือนร่างเล็กกว่าที่ปากเป็นอิสระจะพยายามพูดบางอย่าง จนร่างสูงเกิดอยากปิดปากบางนั้นอีกครั้ง ริมฝีปากที่เคยซุกไซ้ที่ซอกคอย้ายกลับมาประกบกับปากบางอีกครั้ง หากแต่มีแกร่งยังคงทำหน้าที่บริเวณยอดอกทั้งสองข้างต่อไป

“อื้ออออออ” เมื่อริมฝีปากถูกประกบอีกครั้ง คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยก็ถูกกลืนลงคอไปทันที

โอ๊ยยยยยยยยยย มาม่าจะสุกแล้ว น้ำเดือดจนล้นหม้อแล้วนั่น ปิดแก๊สก่อน ปิดแก๊สสสสสสสสสสสส

“อ๊ะ……..อื้อ.อ๊ะ...ฟู่...เฮ้ย!” เสียงเล็กกว่าดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อมือแกร่งผละออกจากยอดอกเพื่อย้ายลงไปต่ำกว่าขอบเข็มขัด นิ้วแกร่งจัดการถอดเข็มขัดนักเรียนสีดำขลับออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถวยังปลดกระดุมกางเกงออกอย่างชำนาญอีก เฮ้ย! จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงหละครับ ก็ไอ้หม้อที่ต้มมาม่าอยู่นั้นน้ำด้านในเดือดจนล้นขอบหม้ออกมาแล้ว

ร่างสูงชะงักไปตามเสียงอุทาน แล้วมองไปยังต้นเสียง ‘ฟู่’ ที่ยังไม่หยุด จนสุดท้ายต้องผละจากกิจกรรมเข้าจังหวะไปปิดแก๊สก่อนเพื่อความปลอดภัย

ผมได้แต่ยืนหอบหายใจพิงเคาน์เตอร์ อารมณ์ที่เคยกระเจิดกระเจิงโดนเบรกไว้ด้วยไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อต้ม ฮาาาาาา ร่างสูงกว่าเดินกลับมาโอบกอดผมไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแบบผู้ใหญ่ปลอบขวัญเด็ก ผมคิดว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายน่าจะสงบลงแล้วเช่นเดียวกัน

“ตกใจเหรอ” หลังจากที่กอดปลอบอยู่สักพัก ร่างสูงกว่ากล่าวขึ้นมาก่อน

“หึ...ตกใจสิครับ เกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะทำยังไง” ด้วยอารมณ์โมโหปนน้อยใจ ผมถึงกล่าวออกไปแบบนั้น

“.............งั้น...ต่อเลยนะ” หลังจากที่ได้ฟังคำตอบผมอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปแบบงงๆ ก่อนตัดสินใจสานต่อ ว่าแล้วก็ลงมือ เอ้ย ลงปากไปไซร้ซอกคอต่อ เฮ้ยยยยยย!

“อีก 2 เดือนเอง อดทนหน่อยสิครับ” ผมเบี่ยงตัวหลบ ตอนนี้สติผมกลับมาครบแล้วครับ ต้องเล่นตัวไว้ก่อนคุณแม่สอนไว้

“...หึ” ร่างสูงคล้ายไมค่อยพอใจที่ถูกปฏิเสธโดยอ้างสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี เดินหนีเข้าห้องน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย

‘ชริ นึกว่าจะใจอ่อน’ นายภูมิพัฒน์ไม่ได้กล่าวไว้ ฮาาาาาา

ผมจึงกลับไปให้ความสนใจกับต้นหอมญี่ปุ่นในอ่างล้างผักต่อ จัดการหั่นผักชีแล้วโปรยลงไปในหม้อ แค่นี้มาม่าของผมก็พร้อมทาน แม้ว่าเส้นมันจะอืดไปหน่อยก็เถอะ

“มาครับพี่ภูมิ กินมาม่ากัน” ผมจัดแจงเสริฟมาม่าทั้งหม้อลงบนโต๊ะอาหาร แล้วนั่งรออีกฝ่ายที่เดินกลับมาหาผมหลังจากที่หายไปร่วม 10 นาที ฝ่ายนั้นนั่งลงกินมาม่าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา สงสัยจะหิวมาก แปลว่าที่ผ่านมานี้โมโหหิวจริงๆ หวังว่ากินอิ่มแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นนะเออ

“หลังจากนี้เป็นต้นไปชั้นจะเป็นคนไปรับไปส่งเธอเอง” หลังจากสิ้นสุดมื้ออาหารเย็นร่างสูงก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่

“โอ๊ยยยยย ผมไปกับอากิดีกว่าครับ ประหยัดน้ำมันรถดีออก” อยู่ดีๆจะไปรับไปส่งทำไม เสียเวลาทำงานทำการหมด

“เธอกังวลเรื่องประหยัดน้ำมันรถเนี่ยนะ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อ่าวววววว ผมมันคนประหยัดนิครับ ไปทางเดียวกันนั่งรถไปด้วยกัน ประหยัด รักษ์โลก ลดมลพิษ

“เอ่อ...ผมเกรงใจพี่ภูมินิครับ...ช่วงนี้งานยิ่งยุ่งๆอยู่” นับตั้งแต่ไอ้แก่ลูกรักของผมลงโลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่ติดรถอากิไปเรียนเกือบทุกวัน ยังไงๆก็พักที่เดียวกันอยู่แล้วอะนะ

“หึ ชั้นจะไปส่งเธอเอง...จะได้ไม่ไปขึ้นรถคนอื่นไปเรื่อยอีก” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินสะบัดก้นกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที เป็นอันจบบทสนทนา ไม่ให้โอกาสโต้แย้งแต่อย่างใด

สรุปที่จะไปรับไปส่งคือกลัวผมไปนั่งรถคนอื่นไปเรื่อย โถ พ่อคุณทูลหัว! คนอื่นที่ไหนชื่อก็รู้จักกันทั้งนั้น ฮาาาาาา

เอาเป็นว่ายอมๆไปเถอะครับ ก็ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านแปะอยู่กลางหน้าซะขนาดนั้น

ผมตัดสินใจเดินไปชงกาแฟร้อนใส่นม อันที่จริงขอเรียกว่านมร้อนใส่สีกาแฟดีกว่า กินกาแฟตอนกลางคืนผมว่าไม่ค่อยดีนะครับเดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา แต่เห็นว่าช่วงนี้พี่ภูมินอนดึกอนุญาติให้ดมกลิ่นกาแฟสักนิดนึงก็ได้ ว่าแล้วก็เดินไปเคาะห้องของอีกฝ่ายที่ปิดประตูสนิทอยู่ แต่ก็เงียบไร้การตอบรับ รอไปอีกสักพักก็ยังเงียบ สงสัยยังงอนไม่หาย สุดท้ายเลยพูดกับประตูไปดังๆแทน

“ผมวางกาแฟไว้ที่โต๊ะนะครับ...อย่านอนดึกมากนักหละ พรุ่งนี้เช้าเจอกันครับ ฝันดีจุ๊ฟๆ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป

แต่

ผมไม่ได้กลับเข้าห้องเฉยๆครับ ตอนนี้กำลังเอาหูแนบประตูแอบฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่

‘แอ๊ดดดดดด...ปัง’ นั่นไง! เดินออกมาเอากาแฟแล้ว โธ่...นึกว่าจะแน่ ฮาาาาา

หวังว่าพรุ่งนี้ ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวจะหดเล็กลงเหลือตัวเท่าลูกแมวแทนนะครับ

*********************************************************************************************************

แล้วพี่ภูมิก็ได้ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ คือจะเป็นคนไปรับไปส่งผมด้วยตัวเอง แต่โชคดีที่ผมไหว้ตัวทันครับ ตอนเช้าผมจะตื่นมาชงกาแฟกับปิ้งขนมปังไว้รอ ส่วนก่อนลงรถก็จะหันจุ๊ฟแก้มทั้งสองข้างอย่างเอาอกเอาใจ ไอ้คำว่า ’หึง’ ตัวเท่าบ้านเลยค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนเย็นนี้ผมจะทำเซอร์ไพรส์เอาให้ไอ้คำว่า ‘หึง’ หดตัวลงเล็กกว่าระดับเซลล์อะตอมไปเลย ฮาาาาาาาา

หลังจากที่ใช้เวลาครึ่งค่อนวันปรึกษากับไอมาร์คว่าจะง้อพี่ภูมิยังไง สุดท้ายเลยต้องหันไปพึ่งฝีมือของหมอนวดอันดับหนึ่งประจำห้องซึ่งก็คือไอ้โอ๊ตครับ ผมเลยได้เรียนหลักสูตรนวดผ่อนคลายระยะสั้น รับใบประกาศลงชื่อครูโอ๊ต สำหรับใครที่สนใจ ผมแนะนำให้ไปเรียนนวดเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ อย่านวดมั่วๆแบบผมเลย ยิ่งพวกนวดกดเส้น นิยิ่งอันตรายเกิดผิดพลาดขึ้นมา มีปัญหาตามมาทีหลังเป็นขบวนจะยิ่งยุ่งเอา แต่ครอสที่ผมเรียนมานี้เป็นนวดคลายเครียด แบบนวดไปชิวๆ หลักๆคือนวดเอาใจล้วนๆ ไม่ได้ส่งผมต่อกล้ามเนื้อแต่อย่างใด

ตามแผนที่วางไว้ หลังจากที่กลับห้องไป ก็ชวนพี่ภูมิให้ไปอาบน้ำ แล้วผมจะแอบตามเข้าไปนวดให้ในห้องน้ำ อิอิ

แค่คิดก็ …….





ในที่สุด เวลาโรงเรียนเลิกก็มาถึง อ๊ะ! นั่นไง รถสีดำคันเก่าคันเดิม

“สวัสดีคร้าบบบบบพี่ภูมิ คิดถึงจังเลย” หลังจากขึ้นรถแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือห้อมแก้มเอาใจก่อนเลยครับ ร่างที่ถูกหอมส่งเสียง ‘หึ’ เบาๆ แหมมมม ทำมาเป็นงอน ผมรู้หรอกว่าชอบหนะ

“จะกินอะไร” เสียงเข้มๆถามมา เอาอีกแล้วปัญหาโลกแตก

“มาม่าครับ” แต่วันนี้ผมเตรียมคำตอบไว้แล้วครับ ต้องรีบกลับคอนโดให้เร็วที่สุดเพื่อทำตามแผน

“........” อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป เอาน่าาาาา ช่วงนี้อาจจะกินมาม่ากันบ่อยไปสักหน่อย เอาเป็นว่านี้มื้อสุดท้ายแล้วกัน ครั้งต่อไปผมจะจับฉลากเหมือนเดิม

“นะครับ ผมอยากกลับคอนโดอะ ร้อนอยากอาบน้ำ” ใช่ครับร้อน เรียนห้องแอร์ ขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นฉ่ำอีก เดี๋ยวกลับดอนโดไปก็แอร์อีกนั่นแหละครับ ร้อนจริงๆ

“.........” สุดท้ายร่างสูงก็ยอมจำนนในเหตุผล แบบงงๆ แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทาง




พี่ยามเปิดประตูให้เราสองคนเข้าไปยังฟอร์นที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ใช่ครับ รีบๆเดินหน่อยอากาศมันร้อน ต้องรีบไปอาบน้ำ อิอิ

“คุณกรคะ พัศดุค่ะ” ระหว่างเดินผ่านไปยังลิฟต์นั่นเอง พี่สาวที่หน้าฟอร์นก็กล่าวทักเลือกให้หยุดรับของ เอ๊ะ แปลกๆนะครับ ปกติมีพัศดุส่งมาหาพี่ภูมิบ่อยๆ แต่ของผมไม่มีนาถ้ามีก็น่าจะส่งไปที่ศูนย์ฯสิ

ผมได้แต่เดินงงๆไปรับพัศดุที่จ่าหน้าถึงผม นายปกรณ์ กิจการุณ ทั้งๆที่ที่อยู่เป็นคอนโดของพี่ภูมิ ไอ้คนส่งเค้าจ่าหน้าชื่อผิดรึป่าวหว่า

“อะไร” เสียงเข้มถาม พลางก้มลงมองกล่องโฟมขนาดกลางที่ผมอุ้มเอาไว้ หนักไม่ใช่เล่นเลยนะครับเนี่ย ใครส่งอะไรมาหว่า

“สตอเบอร์รี่?” เสียงเข้มยังคงกล่าวต่อไป ให้คำตอบกับคำถามที่ผมคิดในใจพอดี อ๋อออออ ด้านข้างกล่องโฟมมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ชัดเจน ‘สตอเบอร์รี่ดอยคำ’

 คุณพระ! สตอเบอร์มาจากไหน ใครส่งมาวะ

“ใครส่งมา” เสียงเข้มถามต่อไปอีก พลางแย่งกล่องโฟมในมือของผมไปถือเอาไว้เพื่อจะดูชื่อผู้ส่งใกล้ๆ

ปรากฏชื่อ ‘นายอดิศร อัศวกุล’ อยู่ในชื่อผู้ส่งอย่างชัดเจน เอออออ นามสกุลไม่คุ้น แต่ชื่อชักคุ้นๆแฮะ เอ๊ะ! ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวครับ


‘สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่’
‘ครับๆ ชอบหมดแหละครับ ผลไม้ไทยก็ชอบนะครับ มะเฟือง มะไฟ โอยหากินยากมาก พูดแล้วน้ำลายสอ’
‘มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ?’

‘คุณอิศ!’

“หึ” เสียง ‘หึ’ สั้นๆ ดังมาจากคนใกล้ตัว เสียงเหมือนจะข่มอารมณ์บางอย่างไว้ เอาซะผมไม่กล้ามองดูสีหน้าเจ้าของเสียงเลบครับ

ไม่ทันไรร่างสูงก็เดินอุ้มกล่องโฟมเจ้าปัญหาไปหาพี่ยามพร้อมบอกสั้นๆสามพยางค์ว่า ‘เอาไปทิ้ง’ กล่าวจบก็เดินนำไปขึ้นลิฟต์ ทิ้งให้ผมยืนงงในดงพี่ยาม สุดท้ายวิ่งตามเข้าลิฟต์ไปเกือบไม่ทัน

โอ๊ยยยยย สตอเบอร์รี่ ทิ้งไปทำไม เสียดายอะ

“หึ” หากแต่เสียง ‘หึ’ ที่ส่งมาเป็นระยะๆทำให้ความอยากผลไม้เปรี้ยวๆของผมลดลง

เดี๋ยวนะ! บรรยากาศแบบนี้เซอร์ไพรส์ที่ผมเตรียมไว้สำหรับลดขนาดคำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านให้มีขนาดเล็กแค่เซลล์อะตอม ดูท่าว่าจะเอาไม่อยู่ เพราะตอนนี้ไอ้คำว่า ‘หึง’ มันใหญ่กว่าดาวโลกไปแล้วครับ

“หึ”

“หึ”

“หึ”

“หึ”

มารัวๆ


********************************************************************************************

 :katai5: :katai4: :katai3: :katai1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2 10-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-10-2019 00:17:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2 10-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 11-10-2019 19:28:24
ฟาดพี่ภูมิซักที หึอยู่นั้น
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2 10-10-62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-10-2019 12:16:31
 :L1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 37 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 3 (14-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 14-10-2019 14:22:38
บทที่ 37 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 3  :impress2:

ผมคิดว่าช่วงนี้ฐานดวงผมน่าจะไม่ค่อยดี พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เผลอๆโดนราหูอมเข้าไปอีก ทำอะไรก็ดูจะติดขัดตลอด ขนาดนั่งเฉยๆยังมีเรื่องปวดหัววิ่งเข้ามาไม่หวาดไม่ไหว

เรียนก็หนัก แถมเรื่องความรักยังมีมือที่สามเข้ามาแทรกซะอีก เล่นซะผมไม่รู้จะรับมือยังไงเลยครับ

หลังจากได้รับพัศดุเจ้าปัญหาเป็นสตอเบอร์รี่สดๆ จากคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาเมื่อวันก่อน จากนั้นมาไอ้พัศดุเจ้าปัญหาก็มาเรื่อยๆเลยครับ เรียงคิวกันมาตั้งแต่ สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ มาทั้งสดๆ ทั้งแปรรูป โอ๊ยยยยยย จะบ้าตาย

จะส่งมาทำไมเยอะแยะเนี่ยผมไม่เคยจะได้กิน ก็พี่ภูมิเล่นสั่งให้พี่พนักงานเอาไปทิ้งให้หมด โอ๊ยยยยย เสียดายของ

ฝ่ายนึงขยันส่ง อีกฝ่ายก็ขยันทิ้ง ยิ่งฝ่ายหลังดันขยันงอนอีก ไอ้เซอร์ไพรส์ที่ผมเตรียมไว้เลยต้องเป็นอันพับเก็บ เพราะแดมเมจมีไม่พอ ในเมื่องอนทะลุเป้าไปขนาดนั้น

“โธ่ พี่ภูมิ ผมไม่ได้บอกให้คุณอิศส่งมาซะหน่อย” ผมพยายามอธิบายด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่พูดซ้ำเหมือนรีเพล์มาหลายล้านรอบ ให้คนตัวใหญ่ฟัง หากแต่ฝ่ายนั้นก็ตอบรับมาเพียงเสียง ฮึ่มๆ แฮ่ๆ หึๆ โอ๊ยยยยยยย งอนเก๊งเก่งงงงงงง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะครับ ทำไมขี้งอนจัง

“ผมก็ไม่ได้กินนี่นา ทิ้งตลอดเลย” ปากบอกไปอย่างนั้น ถึงในใจจะอยากกินมากก็เถอะครับ นิถ้าส่งไปที่ศูนย์ฯคงเป็นลาภปากให้พวกน้องๆไปแล้ว เสียดายของอะ

หลังจากวันนั้นผมเหมือนถูกคุมความประพฤติ ต้องอยู่ในสายตาพี่ภูมิเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตอนไปเรียนหนังสือนั่นแหละ

โอ๊ยยยย อยากถามเหลือเกินว่าผมทำผิดอะไร

หลังจากที่พยายามง้องอนมาหลายวิธี ไอ้ไม้ตาย ‘น่า นะ’ ก็ไปไม่รอด ต้องทำยังไงให้พี่ภูมิหายงอนเนี่ย

ผมว่าจับเข่าคุยกับพี่ภูมิตรงๆเลยดีกว่า ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปคว้าหัวเข่าของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“พี่ภูมิก็รู้นี้นาว่าผมรักพี่ภูมิอะ” จั่วหัวบอกรักไปก่อนเลยครับ

“..........”

“ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณอิศสักหน่อย ถึงเค้าจะซื้อสวนสตอเบอร์รี่ส่งมาให้ผมก็ไม่สนใจหรอก” คุณอิศไม่ใช่สเปคผมครับ ผมไม่สนใจหรอก

อันที่จริงสเปคของผมต้องขาวๆ หมวยๆ หน้าอกตู้มๆ อย่างพี่ภูมินี้ก็ผิดสเปคผมอยู่มากโข ไม่รู้อะไรดลใจ ให้ผมรักพี่ภูมิได้นะ

“...........”

“ผมรักพี่ภูมิคนเดียว เพราะงั้นเชื่อใจผมนะครับ” ว่าพลางมองสบตาซึ้งๆ

“...งั้นเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ ฮั่นแน่! เริ่มอ่อนลงแล้ว.

“รักนะครับ” ผมกล่าวย้ำพร้อมกับโผเข้าไปกอด ก่อนประกบริมฝีปากจุมพิตอีกฝ่าย ย้ำเลยนะครับ ครั้งนี้ผมเป็นคนจูบก่อนเลย ปกติมันจะแค่จุ๊บแก้มซ้ายขวา แต่ยังไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนเลยสักครั้ง เพราะต้องสงวนท่าทีตามคำสั่งสอนของคุณแม่นั่นแหละ แต่วันนี้เมื่อเราเจอทางตัน อะไรที่มีมันก็ต้องงัดมาใช้ให้หมด

ฝ่ายร่างสูงเมื่อโดนจูบแบบไม่ได้ได้ตั้งตัว ก็สะดุ้งตกใจนิดนึงก่อนที่จะตั้งหลักได้แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายไล่ล่าจูบจากผมแทน

ออ ลืมไปว่าคนนั้นเค้าชอบเป็นฝ่ายรุก

ลิ้นร้อนๆสอดเข้าตอบรับซึ่งกันและกัน หลักจากที่แลกลิ้นไปสักพักอารมณ์ก็เริ่มกระเจิด มือหนาจึงเริ่มลูบคลำไปทั่ว ไม่นานเสื้อที่สวมใส่อยู่ก็หลุดออกไปจากร่างกาย

เฮ้ยยยยยยยยย! เสื้อหลุดได้ไง

“อ๊ะ...พี่ภูมิ...อื่อออออ” ถึงผมจะเป็นคนเริ่มจูบก่อน แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นเสื้อหลุดนะครับ ผมแค่จูบง้อเอ๊งงงงงงงงง

ใจก็อยากจะเอ่ยห้าม แต่ร่างกายไม่ยอมฟังเลยครับ ในเมื่อนิ้วมือแกร่งกำลังไล่บี้ยอดตุ่มไตทั้งสองบนยอดอกของผม แถมไอ้ยอดอกบ้านี้เด็นแข็งสู้อีก

เฮ้ยยยยยย แข็ง!

มีอะไรบางอย่างแข็งๆกดทับที่ต้นขาของผมอยู่

“ฮึมมม...เป็นของชั้นเถอะนะ” เสียงแหบๆ เอ่ยเบาๆ ก่อนย้ายฝ่ามือลงต่ำ เข็มขัดถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ตอนนี้ร่างกายของผมถูกปกปิดไว้ด้วยกางกางขาสั้นที่หมิ่นเหม่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่

“อ๊ะ…... “ ฝ่ามือแกร่งตะปบเข้าไปที่กลุ่มก้อนนุ่มๆที่ตอนนี้เริ่มแข็งตัวต่อสู้กับฝ่ามือนั้นแล้ว

“เดี๋ยววว...พี่ภูมิ ระ...รอก่อน”  ผมพยายามใช้มือที่อ่อนแรง ผลักดันคนตัวใหญ่กว่าที่กดทับผมไว้ แม้เหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ

“ไม่รอแล้ว” มือแกร่งย้ายมาหยุดมือของผมที่ปัดป่ายอยู่ คล้ายจะลำคาญ แถวยังจัดหาที่วางมือให้ผมพร้อม

ฝ่ามือเล็กถูกจับย้ายไปตะปบลงบนของแข็งที่นอนกบดานอยู่ด้านใต้กางเกง มันแข็งตุงพร้อมที่จะกระโจนออกมาภายนอกทุกเมื่อ

เฮ้ยยยยย!

“ไม่รอแล้ว” เสียงเข้มเน้นย้ำอีกครั้งหลังจากที่ฝ่ามือเล็กตะปบลงบนจุดกลางลำตัว

ชิบบบบ- หน้ามืดแล้วครับ

“เอ่อ...ผม...ผมยังไม่พร้อมอะครับ” ผมบอกไปตามตรง ก็ผมยังไม่ได้เตรียมใจอะ ถึงจะคยคุยว่าจะรอจนผมครบ 18 ปีก็เถอะ แต่นั้นก็อีกตั้ง 2 เดือนนะครับ

ย้ำว่า 2 เดือน ไม่ใช่วันนี้สักหน่อย !!!

เอาจริงๆ อย่างน้อยนัดล่วงหน้าสัก 3 วันก็ยังดี ผมจะได้เตรียมใจไว้ก่อน

“หึ…” ร่างสูงตอบรับคล้ายไม่พอใจ แต่ก็หยุดการกระทำที่ดุดันลง หากแต่มือแกร่งยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับเจ้าหนอนน้อยของผมที่กำลังชูคอขึ้นสู้มือ

“อ๊ะ….พี่ภูมิ หยุดเลยนะ” ผมสะดุ้งเมื่อมือแกร่งเริ่มขยับอีกครั้ง แถมครั้งนี้ปราการผ้าฝ้ายบางๆ กำลังจะหลุดออกไป สุดท้ายเลยได้แต่ตัดสินใจใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างตะปบมือแกร่งเอาไว้ให้หยุดการกระทำ มือเดียวสู้ไม่ได้ก็ต้องใช้ทั้งสองมือสิครับ เรียกว่ามือหมู่รุมเลยครับ

“หึ” ร่างสูงที่ถูกขัดขว้างส่งเสียงไม่พอใจอีกครั้งหนึ่ง โถถถถถ พูดไม่เป็นเหรอครับ หึ หึ หึ อย่างเดียวเลย  อะไรจะขี้งอนปานนั้น

“ผะ...ผม ผมทำให้แล้วกันครับ” ผมตัดสินใจโผล่งออกไป เอาวะ! จะง้อทั้งทีต้องลงทุน ทำให้คนอื่นคงคล้ายๆกับทำให้ตัวเองนั้นแหละ จับๆรูดๆ เดี๋ยวก็เสร็จ

เมื่อร่างสูงกว่าได้ยินประโยคเด็ดที่ผมกล่าวออกไปก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก คล้ายชอบใจในความหมาย แล้วพลางย้ายฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างไปยังกึ่งกลางลำตัวของตัวเอง ขยับท่าทางให้ผ่อนคลาย พร้อมรอรับเหตุการณ์ที่จะดำเนินต่อไป

โหหหหหห หายงอนง่ายไปมั๊ย

เอาวะ! ใจพร้อม มือพร้อม เราทำได้

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆให้กำลังใจตัวเองระงับความตื่นเต้น ก่อนยื่นสองมีไปปลดกระดุมกางเกง รูดซิบลงเบาๆ เพียงแค่ครึ่งทางเท้านั้น ไอ้ที่นอนรออยู่ด้านในก็ดันเนื้อผ้าฝ้ายสีขาวให้นู้นเด่นขึ้นมาท้าทายสายตาผม

ขอกลืนน้ำลายแปปนึงครับ เฮือกกกก

ผมลอบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสิ่งแข็งๆที่อยู่ตรงหน้า โอ๊ยยยยยยยยย ใบหน้าหล่อๆนั่นกำลังยิ้มครับ ยิ้มแบบโง่ๆที่รอคอยอย่างมีความหวัง ปั๊ดโถ่ จะมาตั้งความหวังอะไรกับผมเล่า

เอาวะ! ผมใช้สองมือจัดการปลดปล่อยสิ่งๆนั้นออกมาสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว รีบทำให้จบๆเลยดีกว่า แล้วมังกรที่นอนขดตัวอยู่ภายใต้ปราการผ้าบางๆ ก็ชูตะหง่านท้าแดดท้าฝน

คุณพระ! ไอ้มันมันใหญ่กว่าหนอนช้าเขียวของผมเป็นไหนๆ แถวยังเป็นหนอนอ้วนโตเต็มวัยอีกต่างหาก ใหญ่ขนาดที่มือเดียวกำได้ไม่รอบ สงสัยต้องใช้ยุทธวิธีมือหมู่อีกครั้ง แต่เอ๊ะ! ผมก้มมองแขนด้านนึงที่ใส่เฝือกรัดไว้ตั้งแต่ฝ่ามือไปจนถึงโคนข้อศอก อย่าลืมสิครับว่าผมแขนหักอยู่ ฮาาาาาาา ถึงเฝือกที่ใส่อยู่นี้จะเป็นรุ่นใหม่ไม่ค่อยเกะกะในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ผมว่าเอาแขนหักๆมาชักว่าวไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

ด้วยความจนใจจึงเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง สบตามองกันก็เห็นเพียงแต่แวดตาที่เต็มไปด้วยความค้าดหวัง ป๊าดดดดดดดดดดด ‘อย่ามองตาได้มั๊ยถ้าเธอไม่แคร์’ เพลงพี่บัวชมพูลอยมาเลยครับ อย่าจ้องผมแบบน้านนนนนนนน ผมก็เขินเป็นนะเออ

ในเมื่อมือข้างนึงไม่สะดวกจึงเหลือมือให้ใช้ได้มือเดียว งั้นใช้ปากช่วยละกัน เอาวะ!

‘เฮือกกกกกกกก’

‘ญะ… ใหญ่’

“อูี...อื้อ…” ผมพยายามส่งเสียงขณะที่กำลังใช้มือและปากช่วยบรรเทาความคับแน่นของไอ้หนอนยักษ์ตรงหน้า ก็ไม่เข้าใจว่าจะพยายามส่งเสียงทำไมเหมือนกัน แต่ขอประท้วงสักหน่อยเถอะ ก็ไอ้คนที่เคยนั่งนิ่งๆบัดนี้เริ่มขยับร่างกาย สะโพกแกร่งเริ่มขยับเสือกแทงเข้ามาในปากของผม โอ๊ยยยยยยย จะอยู่นิ่งๆไม่ได้หรือไง ว่าแล้วก็ส่งสายตาอาฆาตขึ้นมองร่างสูง แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่รับรู้เนื่องจากหลับยาพริ้ม สบายตัวไม่รับรู้เรื่องราวในยุทธภพแล้ว ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด กัดซะเลยดีมั๊ยเนี่ย!

“อืม….” เสียงเข้มส่งออกมาจากริมฝีปากที่ปิดอยู่ โอ๊ยยยย ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด อะไรจะฟินปานนั้น กัดซะเลยดีมั๊ยเนี่ย!

“อ๊ะ...กะ...ก้อนแป้ง” สุดท้ายได้แต่จนใจจัดการรูดๆ ดูดๆ เลียๆ จนเจ้าหนอนอ้วนตรงหน้าปลดปล่อยความอัดแน่นออกมา กลายร่างเป็นหนอนอวบแทน เฮ้อออออออ เมื่อยกรามชะมัด

เอ๊ะ!

“พี่ภูมิ” หลังจากที่ปากของผมได้รับอิสระจึงรีบส่งเสียงทักทันที ถึงเสียงมันจะแข็งๆไปสักหน่อยก็เถอะ

“หือ...ว่าไง” ร่างสูงที่กำลังทอดอารมณ์อยู่ เกือบสะดุ้งเพราะเสียงดุๆของผม บรรยากาศมันควรจะอ้อยอิ่งหวานชื่นสิ ทำไมรู้สึกร้อนๆพิกล

“ใครคือก้อนแป้ง” ผมรีบถามข้อข้องใจออกไปทันที สงสัยมานานละ ถ้าปกติเผลอเรียกหายังไม่เท่าไหร่นะ แต่นี้ สถานการณ์ที่ผมลงทุนเมื่อยกรามขนาดนี้ เรียกหาก้อนแป้งได้ไง มันเป็นใครวะ ผมส่งแววตาอาฆาตไปยังร่างสูงที่เริ่มปรับเปลี่ยนอากัปกริยามานั่งหลังตรงหลังจากที่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์มานานสองนาน

“ห๊ะ!....ออ...เธอหึงเหรอ” ไอ้พี่ภูมิเผลอหัวเราะกับท่าทางทะมึนของผม นี้ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ผมเครียด ผมจริงจัง ผมไม่ยอมเมื่อยกรามฟรีหรอกนะ

“ก้อนแป้ง...ก็….นี้ไงหละ” ว่าแล้วร่างสูงก็ชี้มือมายังร่างเล็กตรงหน้า ผมหันตามปลายนิ้วมือที่จิ้มลงบนหน้าอกผม

“ผมชื่อกรนะครับ” ผมชี้มือมาที่ตัวเอง พร้อมแนะนำตัวอีกครั้ง นี้พี่ภูมิแกหลงลืม สลับชื่อผมรึป่าวเนี่ย

“เธอนั่นแหละก้อนแป้ง” อีกฝ่ายเถียงกลับ พลางดึงผมเข้าไปกอดไปหอม แหมมมมม พอสบายตัวแล้วรู้สึกจะอารมณ์ดีจังเลยนะ

‘ห๊ะ’

“ผมชื่อกรนะครับ จะไปเป็นก้อนแป้งได้ยังไง” งงครับงง งองูล้านตัวเลย

“ชั้นตั้งชื่อให้เธอเองแหละ...ก้อนแป้ง” ว่าแล้วร่างสูงก็ขโมยหอมแก้มร่างเล็กในอ้อมกอดที่ยังคงนั่งงงๆอยู่

‘ห๊ะ’

“ผม ไม่เห็นรู้เลย...ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามไปแบบงงๆ ทำไมผมไม่รู้เรื่อง!

“อืมมมม...เมื่อนานมาแล้ว นานจนเธอลืมแล้วหละมั้ง” ว่าแล้วพลางซุกไซ้ริมฝีปากเข้ากับซอกคอชื้นเหงื่อในอ้อมแขน

เดี๋ยววววววววววว จะทำอะร๊ายยยยยยยยยยย

“อ๊ะ...พี่ภูมิ ผม...ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ว่าแล้วรีบลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องน้ำทันทีครับ ใช้ยุทธวิธีเอะอะหนีเข้าห้องน้ำบ้าง ฮาาาาาาาาา


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 37 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 3 (14-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-10-2019 20:01:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะเฉลยที่มาของคำว่า "ก้อนแป้ง" อ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 37 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 3 (14-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-10-2019 15:59:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 38 ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย (18-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 18-10-2019 15:49:31
บทที่ 38 ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย
 
ถอดแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ในที่สุดก็ได้ถอดแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
‘ไอ้เฝือกบ้าเนี่ย’
 
หลังจากที่ทนมานานหลายเดือนในที่สุดผมก็เป็นไท คืนนี้แหละผมจะกลับไปนอนที่ศูนย์ฯ จบสิ้นกันทีกับการกักบริเวณ ต้องรีบไปลำเลียงผลิตภัณฑ์ผลไม้แปลรูปที่ผมแอบติดสินบนพี่ยามให้เก็บไว้ให้ เอาไปให้น้องๆที่ศูนย์ฯเก็บไว้กินได้นานเป็นปีๆเลยนะนั้น แหะๆ
 
“คืนนี้เธอจะไปนอนที่ศูนย์เหรอ” เสียงเข้มๆเอ่ยถาม ขัดจังหวะการฝันกลางวันของผม
 
“ครับ ผมคิดถึงคุณแม่” ตอบไปพลางยิ้มแหะๆ พี่ภูมิหยุดงานเพื่อพาผมไปเอาเฝือกออกด้วยตัวเอง ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนได้แขนตัวเองกลับมา ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมไม่มีแขนนะครับ ไอ้เฝือกที่เคยใส่ก็ไม่ได้เกะกะการใช้ชีวิตประจำวันมากมาย แต่มันคันครับ ย้ำว่า ‘คัน’ ยิ่งตอนที่ถอดเฝือกออกให้ผิวหนังได้รับสายลมที่พัดผ่าน คุณพระคุณเจ้า นี้มันสรวงสวรรค์ชัดๆ
 
เวอร์ไป!
 
ผมก้มมองแขนของตัวเอง ทูโทน! ฮาาาา
 
เดิมทีก็ไม่ใช่คนขาวอยู่แล้ว แถมช่วงที่ใส่เฝือกก็แอบย่องไปอาบแดดชิวๆที่ริมระเบียง ตอนนี้สีผิวเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เก๋ๆไปอีก
 
“กลับไปเก็บของก่อนมั๊ย” เสียงเข้มๆหันมาถาม เอาใจใส่ดีขนาดนี้ แฟนใครหว่าาาาา
 
“ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมกลับไปนอนคืนเดียวเอง” ผมตอบยิ้มๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่ศูนย์ฯก็มี จะเก็บของให้เสียเวลาทำไม
 
“หึ...แล้วพวกผลไม้ที่เธอแอบเก็บไว้หละ ไม่เอาไปให้น้องๆเหรอ” เอ๊ะ! ความรู้สึกเย็นวาบส่งผ่านจากปลายนิ้วเข้าสู่ไขสันหลัง
 
“.............” อะไร๊ ผลไม้อะไร๊
 
**************************************************************************************************
 
แล้วเวลาก็ผ่านพ้นไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ ผมมาได้สติอีกครั้งก็ตอนนั่งอยู่ท่ามกล่งวงล้อมของน้องๆในศูนย์ฯที่กำลังแก่งแย่งขนมและผลไม้แปรรูปที่ผมนำมาฝาก
 
“โห...พี่กร ไอ้นี้ผมเคยเห็นโฆษณาในทีวี แพงนะเนี่ย เอาเงินจากไหนไปซื้อ” ไอ้เล้งถามตาโต ออ นั่นแพงเหรอ ดีนะไหวตัวทันเก็บกลับมาด้วย
 
“พี่กร...อันนี้โคตรอร่อยเลย ซื้อจากไหนเนี่ย” น้องกิ๊ฟถามขณะเคี้ยวขนมสอดไส้แยมสัประรด ออ นั่นอร่อยเหรอ ไม่รู้สินะไม่มีโอกาสได้ชิม
 
“ไอ้กร...ขนมนี้หมดแล้วอะ ซื้อมาอีกได้ป่าว” พี่โอ ถามพลางเทเศษขนมที่เหลืออยู่ก้นถุงให้ดู ออ นั่นหมดแล้วรึ จะให้ไปซื้อจากไหน ไม่ได้ซื้อเองโว๊ยยยยยยยยยยยย
 
“กินๆ ไปเหอพี่” ผมรีบบอกปัดรำคาญก่อนจะมีใครถามอะไรไปมากกว่านี้ รีบหนีกลับเข้าห้องดีกว่า มีเวลาแค่คืนเดียว ต้องตักตวงความสุขให้มากที่สุด ความสุขของการนอนคนเดียว ไม่มีใครกอด ไม่มีใครกวน คืนนี้จะนอนกางแขนกางขาให้เต็มที่เลย คอยดู
 
ก็หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ ทุกคืนพี่ภูมิจะมานอนกอดนอนหอมผมทั้งคืน เอาเป็นว่าย้ายมาสิงสถิตย์อยู่ที่ห้องผมถาวร หลับไม่สนิทเลยให้ตายสิ เหมือนโดนผีอำอะ เรี่ยวแรงถูกดูดออก ตื่นพบวันใหม่แบบเบลอ สมาธิจะเรียนหนังสือก็ไม่ค่อยมี โชคยังดีหน่อยที่ผ่านช่วงสอบไปหมดแล้ว เสียอย่างเดียวคือไม่มีเวลาทำเก็งข้อสอบขายเนียแหละ เสียโอกาสหมด ชริ
 
“อ่าววววววว ไอ้กร โผล่มาให้เห็นหน้าแล้วรึ” เสียงสวรรค์ดังมาพร้อมประตูห้องที่เปิดออก โธ่ ขัดจังหวะจริงๆ คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ
 
“หวัดดีครับคุณแม่” ผมรีบยกมือไหว้ เกาหัวแกร๊กๆ ก็ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนแล้วจริงๆนั่นแหละ
 
“นึกว่าได้ดีจนลืมแม่ๆน้องๆไปแล้ว” คุณแม่จุ๋มกล่าวแซว พลางเดินมาสำรวจแขนของผมที่ถอดเฝือกออกแล้ว
 
“ใช่ที่ไหนละครับแม่ แม่ก็รู้ว่าผมถูกกักบริเวณ” เนี่ยเห็นมั๊ยพอได้ถอดเฝือกผมก็รีบกลับมานอนศูนย์เลยนะเออ
 
“เอ่อ นั้นแหละที่คุณภูมิเค้าห่วงแกมาก ก็แปลว่าเค้ารักแกมากไง” ขออนุญาติเขินหนักมากครับ แต่ผมว่าพี่ภูมิไม่ได้ห่วงเท่าไหร่หรอก แต่หวงมากกว่า ฮาาาาาาา
 
“แล้วจะกลับมานอนสักกี่วัน” คุณแม่ถามอีกครั้งหลังจากสำรวจแขนของผมจนพอใจ ผมจึงชูนิ้วชี้ขึ้นเบาๆ พร้อมส่งเสียงแหะๆ
 
“วันเดียว?...กลับมาเพื่อ” คุณแม่กล่าวอย่างตัดพ้อครับ แหมมมมมม คิดถึงผมขนาดนั้นเลยรึ
 
“ก็คิดถึงไงครับ แต่ช่วงนี้ผมมีเตรียมสอบเข้ามหาลัยอะ อ่านหนังสือที่คอนโดสะดวกกว่า” ผมอธิบายไปตามความจริง ที่คอนโดพี่ภูมิสะดวกสบายกว่าจริงๆครับ เงียบกว่า สงบกว่า เหมาะแก่การตั้งสมาธิ ยกเว้นตอนนอนนะเออ
 
“โหหหห...ถ้าจะติดที่นู้นขนาดนั้น ย้ายออกไปเลยมั๊ย”  เฮ้ยยยยยย คุณแม่ พูดงี้ได้ไง
 
“โอ๊ยยยยยยยย อย่าเพิ่งไล่ผมสิครับ ผมจะอยู่ให้เต็มสิทธิ์ ผมยังไม่จบมอปลาย ผมอยู่ต่อได้” เราคนไทยต้องรักษาสิทธิของเราอย่างเต็มที่ครับ
 
“แหม ไอ้เด็กหัวหมอ มีการเรียกร้องสิทธิ แล้วแกทำหน้าที่ของตัวเองดีแล้วรึยัง ห๊ะ! ไปถูพื้น เสร็จแล้วไปล้างห้องน้ำ แล้วก็รดน้ำต้นไม้ด้วย” ว่าพลางชี้มือออกไปยังสวนกล้วยไม้ด้านนอก โอ๊ยยยยยยยยย ผมเพิ่งถอดเฝือก นี้กะใช้งานผมหนักขนาดนี้เลยเหรอ จิตใจทำด้วยอะไร๊
 
**************************************************************************************************
 
“ไอ้กร...แกจะย้ายออกแล้วเหรอ” พี่โอถามหลังจากผมเพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ ยังไม่ทันได้เอนหลังเลย พับผ่า ลืมบอกไป พี่โอแกเป็นเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯครับ เดิมแกก็เป็นเด็กกำพร้าที่ทางศูนย์ดูแลเนี่ยแหละครับ ส่งเสียจนเรียนจบมัธยมปลาย แกก็ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัย สุดท้ายไปไหนไม่รอด กลับมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เอ้ยยยย ผู้ช่วยดูแลเด็กๆที่ศูนย์ฯ ฮาาาาาา
 
ไม่ใช่ละ ต้องบอกว่าพี่โอแกผูกพันกับศูนย์ฯแห่งนี้จนอยากกลับมาดูแลน้องๆมากกว่า
 
เอาจริงๆ ตอนนี้ในศูนย์ฯ เด็กที่อายุเยอะที่สุดก็ผมเนี่ยแหละครับ แถมใกล้จะหมดทุนแล้วด้วย ที่นี้เค้ารับดูแลจนอายุครบ 18 ปี ครับ หยวนๆหน่อยก็จนจบมอปลาย ไอ้เราก็จะ 18 เดือนหน้าแล้วด้วยสิ ใกล้จะต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วจริงๆ
 
“เฮ้ย ยังพี่ ไปเอามาจากไหน” ผมโวยวาย ผมยังไม่ไป ผมยังอยู่ได้อีกเป็นเดือนๆ จะให้รีบย้ายไปไหนา
 
“อ่าว...คุณแม่บอกว่าแกจะหนีตามคุณภูมิ” หนีตามบ้าอะไร หายไปด้วยเป็นเดือนๆนี้ไม่หนีแล้วมั้ง เปิดตัวขนาดนี้
 
“ยังก่อนพี่ เข้ามหาลัยได้ค่อยว่ากัน” ผมกล่าวปราม พับผ่าสิ ห้องก็เหลือตั้งเยอะแยะ จะรีบไล่ไปไหนกัน
 
“เอ่อ...แล้วแต่แก ว่าแต่แกจะเรียนต่ออะไร” พี่โอถามเข้าประเด็นมาก ผมยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะยื่นเรียนต่ออะไรดี ช่วงนี้เป็นช่วงยื่นโครงการพอดี ผมหละหนักใจจริงๆ เกรดมันถึงไปซะทุกคณะ จนไม่รู้จะเลือกอะไรดี เหอๆ
 
“ผมยังเลือกไม่ได้ว่าจะเรียนบัญชี หรือ เศรษฐศาสตร์ดี” ได้ทีปรึกษาซะเลยครับ นิผมตัดตัวเลือกลงมาแค่ 2 คณะแล้วนะ เลือกมันจากนิสัยส่วนตัวเนี่ยแหละ เรื่องเงินๆทองๆ ผมหละชอบนัก เคยสนใจวิทยาศาสตร์สถิติด้วย เผื่อเรียนแล้วจะได้ถูกหวยบ่อยๆ แต่พอคิดถึงหลักความเป็นจริงแล้ว ไอ้ที่หวังจะถูกหวงนิดวงล้วนๆเลย ฮาาาาาาาาาาาา
 
“ฮาาาาา ว่าแล้ว งกๆแบบแกต้องเรียนเกี่ยวกับเงินๆทองๆ” ไอ้พี่โอหัวเราะชอบใจ ที่ปรึกษานิให้ช่วยกันคิด ไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ
 
“เอ่อ งกๆแบบผมเนี่ยแหละ หรือเรียนหมอไปเลย ยังไงก็เกรดถึง” ประชดครับ ประชด ไอ้ที่ว่าเกรดถึงอะจริง แต่ผมไม่ถูกโฉลกกับโรงพยาบาลครับ ไม่ชอบ เพราะงั้นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพผมขอบาย
 
“เรียนบริหารสิ จะได้ช่วยคุณภูมิดูแลบริษัท” เป็นเสียงเล็กๆของคุณแม่จุ๋ม ดังมาจากทางประตู
 
นิแอบฟังรึไง มาได้จังหวะจริงเชียว
 
“เอ่อ ก็ดีนะไอ้กร เรียนบริหาร สายงานกว้างกว่า” พี่โอออกความเห็น ตามประสาพนักงานกินเงินเดือนครับ ตลาดแรงงานสายบริหารก็กว้างกว่าจริงๆ
 
“เรียนบริหารไปก่อน จบแล้วก็อาสาไปช่วยงานคุณภูมิที่บริษัท หลังจากนั้นแกก็ค่อยๆโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของคุณภูมิมา” คุณแม่จุ๋มกำลังฝันกลางวันอยู่ครับ
 
มันใช่เหรอ!
 
“เอาจริงดิคุณแม่” ผมหละกลัวใจคุณแม่แกจริงๆ
 
“ชั้นพูดเล่นมั๊ย” เฮ้อออออออ ยังดีที่คุณแม่พูดเล่น ฮาาาาาา
 
“ปรึกษาคุณภูมิรึยังหละ” เป็นพี่โอที่ดึงกลับเข้าสาระอีกครั้งครับ
 
“ก็เคยคุยแล้วนะ พี่ภูมิบอกตามใจผม” ช่วยได้มากกกกกกกกกกกก
 
“งั้นก็ตามใจแกสิ” อ่าวววว คุณแม่ นิก็ช่วยได้มากอีกคน
 
“เลือกไม่ได้ งั้นก็เรียนมันทั้ง 2 ตัวเลยสิ” พี่โอเสนอแนวทาง ห๊ะ! เรียน 2 ตัวพร้อมกันก็ได้เหรอ ผมทำหน้างงๆ หันไปมองเจ้าของความคิด
 
“อ่าว…งง แกก็เลือกเรียนตัวนึงในเวลาปกติ ส่วนอีกตัวแกก็ลงพวกมหาลัยเปิด เรียนพร้อมๆกันไปเลย จบมาได้ปริญญา 2 ใบ เก๋ๆ ระดับแกสบายๆ” พี่โอเฉลย เอ่อจริงของพี่แก ในเมื่อเลือกไม่ได้ ก็เรียนมันทั้ง 2 ตัวนั้นแหละ
 
“เอ่อ...ดี สรุปเอาอย่างนั้นแหละ” หลังจากที่คุณแม่เงียบฟัง ก็สรุปให้เสร็จสรรพ ถือว่าเรื่องนี้เป็นอันเคลียร์ งั้นผมยื่นโครงการเป็นการบัญชีแล้วกัน ส่วนเศรษฐาศาสตร์เรียนเพิ่มอีกใบเอาก็ได้ ชิวๆ
 
“ในเมื่อเรื่องเรียนต่อจบไปแล้ว งั้นกลับมาเข้าเรื่องเดิม” คุณแม่จุ๋มยังกล่าวต่อไป เรื่องเดิมไรหว่า มีเดิมกว่านี้เหรอ
 
“ไอ้กร...สรุปแกจะย้ายออกเมื่อไหร่” เฮ้ยยยยย ไม่...ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย


หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 38 ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย (18-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-10-2019 17:41:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆ หน่องกร   ใคร ๆ ก็ไม่รัก  มีแต่จะไล่ให้ย้ายออกจากศูนย์  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 39 ผมไม่รู้ ผมเมา (21-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 21-10-2019 10:23:24
บทที่ 39 ผมไม่รู้ ผมเมา
 
“ยินดีด้วยนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ” ผมถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ใหญ่ขนาดที่บังหน้าผมมิดเลยแหละครับ กล่าวพร้อมยื่นออกไปให้ผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งตัดริบบิ้นเปิดงานอย่างเป็นทางการ
 
วันนี้เป็นวันเปิดร้านของพี่ภูมิอย่างเป็นทางการณ์ครับ หลังจากที่ลงทุน ลงแรงมาหลายเดือนในที่สุดก็ทันกำหนดเปิดร้าน ทีนี้บริษัทของพี่ภูมิก็มีหน้าร้านเป็นของตัวเองสักที ไม่ต้องสั่งซื้อทางเนตแล้วนะเออ มาเลือกซื้อเลือกลองของจริงได้แล้ว ว่าแล้วก็ขอโฆษณานิดนึง
 
แถมวันนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยลโฉมคุณพ่อของอากิตัวเป็นๆจากที่เคยเห็นแต่ในรูปถ่าย พอได้พบตัวจริงแล้วปรากฏว่าหล่อมากกกกกกกกก หล่อกว่าในรูปถ่ายอีก บ่งบอกได้เลยว่าพ่ออากิกับพี่ภูมิเป็นญาติกันแน่นอน เพราะได้ดีเอ็นเอหล่อลากดินมาเหมือนกัน ฮาาาาาา
 
วันนี้ผม อากิ แล้วก็ไอ้มาร์คเลยโผล่มาเซอร์ไพรส์ แสดงความยินดีกับพี่ภูมิถึงร้าน ทั้งๆที่อีกฝ่ายห้ามนักหนาว่าไม่ให้มา
 
ร่างสูงตาเบิกกว้างอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนตัวเล็กที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่มางาน แต่อยู่ดีๆดันโผล่มาพร้อมผองเพื่อน แม้จะเอาดอกไม้ช่อโตบังหน้าเอาไว้แต่จากรูปร่างเค้าก็จำได้แล้วว่าใคร ไม่มาป่าวยังเอาดอกไม้มาเซอร์ไพรส์กลางงานอีก เด่นเลยทีเดียว
 
หันซ้ายหันขวาไม่พบคนที่เป็นกังวลอยู่ร่วมงานแล้วก็โล่งใจ
 
เฮ้อออออ ดีนะที่คุณอิศกลับไปแล้ว อุตส่าพยายามกันท่าไม่ให้สองคนนั้นได้เจอกันอีก ถึงขนาดที่ฝ่ายเอ่ยปากถามหาเค้ายังอุตส่าห์บอกปัดไปตรงๆแบบไม่กลัวกระทบเรื่องงานขนาดนั้น ถ้าดันโผล่มาเจอหน้ากันตอนนี้ ไอ้ที่พยายามมาทั้งหมดไม่เสียแรงป่าวเร้อ
 
ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง แล้วแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มมุมปากอย่างคนปลงตก
 
“ขอบใจนะ...ของกินอยู่ทางโน้น” หลังจากรับดอกไม้ช่อใหญ่มา แล้วส่งต่อให้เลขานำไปเก็บ ก็ชี้มือไปยังซุ้มอาหารค๊อกเทล อย่างรู้ใจคนตัวเล็ก ใส่ชุดนักเรียนมากันขนาดนี้ตรงมาจากโรงเรียนแน่นอน คงหิวมากเลยแหละ
 
“แหะๆ พี่ภูมิอะ รู้ใจจริงๆ งั้นผมไปหาอะไรกินรอนะครับ” คนตัวเล็กกว่าที่มองตามปลายนิ้วไปเจอของกินยิ่งดีใจ หิวไส้จะขาดแล้วมัวแต่ตื่นเต้นมาเซอร์ไพรส์พี่ภูมิจนลืมหิว แต่พอเห็นของกินเท่านั้นแหละ น้องพยาธิในท้องก็ทำงานทันที
 
ท้ายสุดเมื่อคนตัวเล็กเดินผละออกไปร่างสูงกว่าได้แต่มองส่ง ใจจริงไม่อยากให้ออกห่างตัวไปแบบนั้นแต่ติดที่ต้องทำงานอยู่ ไม่งั้นจะลากกลับห้อง ขังไว้ไม่ให้ออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวโลกเลย
 
**************************************************************************************************
 
“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจ เบื่อ เซ็ง อิ่ม 
 
ผมยืนจิบน้ำผลไม้รอพี่ภูมิอยู่ที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง น้ำอะไรหว่าหวานๆหอมๆ เหมือนจะเป็นผลไม้รวม อร่อยกำลังดีเลย เหมาะแก่การตบท้ายอาหารมื้อใหญ่
 
เฮ้ออออออออออออ
 
เบื่อ….รอมาร่วมชั่วโมงแล้วพี่ภูมิก็ยังไม่ว่างมาคุยกับผมสักที
 
เซ็ง... เพื่อนๆดันมาทิ้งกันไปซะดื้อๆ ก็อยู่ดีๆอากิเกิดปวดท้องหลังจากที่เริ่มกินอาหารกันได้สักพัก กลายเป็นคุณพ่อของอากิต้องฝากงานทางนี้ให้พี่ภูมิดูแลคนเดียว ส่วนตัวเองพาลูกชายสุดที่รักไปโรงพยาบาล โดยมีไอ้มาร์คห้อยติดไปด้วย ทิ้งผมไว้คนเดียวเนี่ยยยยยยยยย
 
อิ่ม...ผมที่ไม่มีอะไรทำก็ได้แต่กิน กิน กิน จนตอนนี้อิ่มมาก พออิ่มแล้วก็เริ่มง่วงไง หนังท้องตึงหนังตาหย่อนว่างั้น
 
เฮ้อ...รู้งี้ไม่มาเซอร์ไพรส์ นอนรออยู่ที่คอนโดดีกว่า
 
“อ่าว...ไม่เจอกันนานเลยนะน้องกร” เสียงคุ้นๆที่ไม่ค่อยอยากได้ยิน ส่งเสียงมาจากที่ใกล้ๆ
 
ใกล้มากจริงๆครับ ข้างๆผมเนี่ยแหละ ไอ้ความง่วงเหงาหาวนอนหายวับไปทันทีผมเบิกตาโตเท่าไข่ห่านเลยครับ ‘คุณอิศ’ โผล่มาจากไหนวะเนี่ย
 
ลืมไปเลยว่าหลบหน้าลุงแกอยู่ ลืมไปได้ไงว่าถ้ามาที่ห้างนี้อาจซวยเจอแกได้
 
โลกไม่ได้กลม หรือนี่คือพรหมลิขิต เฮ้ยยยย ไม่ใช่ละ
 
“แหะๆ สวัสดีครับคุณอิศ” ผมยกมือขึ้นไหว้ตามประสาเด็กดีมีมารยาท
 
“ไม่ได้เจอกันเลยนะ เหมือนโดนหลบหน้ายังไงก็ไม่รู้” ฝ่ายผู้ใหญ่กว่าเอ่ยปาก แหมมมม รู้ด้วยว่าโดนหลบหน้า
 
ตั้งแต่วันที่ร้านไอติมนั้นผมก็หลบหน้าจริงๆแหละครับ มีอีกหลายครั้งที่คุณอิศไปดักรอผมที่หน้าโรงเรียน ผมก็แอบกลับทางประตูหลังซะ วันดีคืนดีแกก็โผล่ไปรอถึงใต้คอนโดผมก็กลับไปนอนศูนย์ฯแทน ฮาาาาา
 
ไม่อยากงานเข้าอีกครับผมกลัวใจพี่ภูมิอะ ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดผมเข้าไปทุกทีคิดแล้วยังขนลุกไม่หาย โอ๊ยยยยยย เสียว!
 
“อ่า...ครับ” ผมตอบรับเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธ
 
“เอ่อ...น้องกรมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณภูมิเหรอ” คุณอิศเปิดประเด็นชวนคุย มันก็ดีนะครับที่มีคนมาคุยด้วย คือยืนคนเดียวมันก็เหงาแต่ผมไม่อยากคุยกับลุงแกเนี่ยสิ บอกแล้วว่ากลัวงานเข้า!
 
“ครับ รอกลับด้วยกัน” ผมตอบแบบเป็นนัยๆ เรื่องของผมกับพี่ภูมิแม้ไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ แต่ผมว่าน่าจะดูออกนะครับ เราไม่เคยปิดบังสถานะอยู่แล้ว
 
“ออ...คืนนี้พวกเธอคงอยู่ฉลองกันต่อสินะ” เสียงคุณอิศแกฟังดูเศร้าๆนะครับ แต่ก็นั่นแหละเราพบกันเมื่อสายไปครับ หลังจากที่ผ่านพ้นมรสุมลมหึงของพี่ภูมิผมก็พอจะรู้รางๆแล้วว่าลุงแกจีบผม แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับลุงแกนิครับ ผมรักพี่ภูมิอะ รักเดียวใจเดียวซะด้วย
 
“อ่า...ครับ” ผมตอบรับไปอีกเบาๆ ไม่ต่อบทสนาทนาด้วยแต่เอ๊ะ! ฉลองต่ออะไร๊ กลับห้อง กินข้าว แยกย้าย น๊อนนนนนนนนน
 
“ชั้นคงหมดสิทธิ์แล้วสินะ” อีกฝ่ายถามต่อเศร้าๆ
 
“อ่า...ครับ” เพราะงั้นเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมมีแฟนแล้ววววววววว
 
ถามคำตอบคำไปสักพักชักง่วงครับ ลักษณะคำตอบมันวนลูปมากแบบไม่ได้ใช้ความคิด ว่าแล้วจิบน้ำอีกสักอึกเผื่อจะตื่น
 
อึก อร่อยยยยย
 
อึก อึก อร่อยจริงๆนะเนี่ย
 
“กร...น้องกร” เสียงทุ้มเรียกใกล้ๆ เหมือนจะคุยอะไรค้างไว้รึป่าวหว่า
 
“น้องกร” น้ำเสียงกระแทกพร้อมผ่ามือที่เขย่าตัวผม
 
เฮ้ยยยย อะไร อย่าจับครับเดี๋ยวงานเข้า ผมพยายามปัดผ่ามือที่เขย่าตัวผมออก แต่สิ่งที่คิดกับการกระทำมันต่างกันครับ
 
“อ่า...ครับ” ได้แต่ตอบไปแบบมึนเบลอๆ ไม่มีแรงยกมือขึ้นมาปัดอย่างที่ใจคิด
 
“น้องกรดื่มไปเยอะขนาดไหนเนี่ย” ว่าพลางคนร่างสูงข้างๆก็แย่งเครื่องดื่มในมือผมไป เฮ้ยยยยย จะเอาไปไหน รู้ว่าอร่อยแต่จะมาแย่งผมทำไม ทำไมไม่ไปตักเอง
 
ผมพยายามยื้อแย่งแก้วน้ำหวานที่ถูกยึดไป เอาคืนมานะลุง เดี๋ยวผมโกรธนะโว๊ยยยยยยยยยยยยย
 
“ชั้นว่าเธอควรกลับได้แล้ว” อีกฝ่ายกล่าวดุๆ พลางดันตัวผมให้ออกจากงาน
 
ไม่ไป ผมจะอยู่รอพี่ภูมิ พี่ภูมิอยู่ไหนเนี่ย คิดพลางมองซ้ายมองขวาตามหาร่างสูงอันคุ้นตา แต่หาไม่เจอครับ แป๊ปๆรู้ตัวอีกทีก็ถูกดันมายืนอยู่ด้านนอกร้านแล้ว
 
ทำไมรู้สึกเหมือนเดจาวูหว่า เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือผมว๊าปได้!
 
“ผะ...ผม จะไปหาพี่ภูมิ...ครับ” ผมพยายามรวบรวมคำพูดต่อให้ได้เต็มประโยค แถมมีหางเสียงด้วยตามประสาเด็กดีมีมารยาท
 
“แต่ชั้นว่าน้องกรเมาแล้ว เดี๋ยวชั้นไปส่งที่คอนโดดีกว่า” อีกฝ่ายกึ่งพยุงกึ่งผลักดัน โอ๊ยยยยย ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมเดินเองได้ เดี๋ยวงานเข้า
 
“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผะ ผมรอพี่ภูมิดีกว่า” ผมพยายามเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกัน ผมเลยสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ คือผมยังอยู่ในวัยเจริญเติบโตไงครับ ยังโตไม่เต็มที่ ยังโตได้อีก ไม่ใช่ว่าผมตัวเล็กนะเออ
 
“ชั้นไปส่งเธอดีกว่า” หากแต่อีกฝ่ายพูดพลางดันผมออกห่างจากหน้าร้านพี่ภูมิไปพลาง เฮ้ยยยยยย จะลับสายตาแล้วนะนั่น
 
ในเมื่อสู้ไม่ได้ทั้งแรง ทั้งสติ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือปัญญาครับ ผมตัดสินใจใช้ไม้ตาย ‘ทิ้งดิ่ง’
 
ใช่ครับ ทิ้งดิ่งลงนั่งกับพื้นนั่นเลย ทำเหมือนเด็กอนุบาลเวลาอ้อนขอคุณแม่ซื้อของแล้วไม่ได้นั่นแหละ เหลือแต่ร้องไห้งอแงเป็นใช้ได้แล้ว
 
คุณอิศมองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ ก็สมควรอึ้งแหละครับ เพราะตอนนี้เราทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาทันที คนทั่วไปคงมองว่า มีไอ้เด็กไม่รู้จักกาละเทศะนั่งลงกลางห้าง เอาก้นเช็ดพื้นให้ หลายสายตาที่มองผ่านมาแล้วผ่านไปเสมือนไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่ก็มีอีกหลายสายตาที่ยังคงจับตามองรอดูเรื่องสนุก
 
“น้องกร ลุกเถอะ อายคนเขา” เสียงทุ้มๆเอ่ยอย่างจนปัญญา
 
แหมมมม คุณอิศอายหละสิ แต่ผมไม่อาย เพราะผมเมา แฮ่!
 
ผมพิจารณาจากสติรับรู้ของตนเองในเวลานี้ โดยรวมลักษณะอาการที่ผมเป็นอยู่นี้น่าจะเป็นอาการเมาสุรา คือมันจะมึนๆ เบลอๆ สมองสั่งการแต่ร่างกายไม่ยอมทำตาม ฮาาาาาา
 
นั่นแหละ เมาเหล้าชัวร์ แต่ผมไม่ได้กินเหล้าเลยนะ อย่างมากก็กินน้ำผลไม้แสนอร่อย
 
โธ่! ไอ้กร น้ำผลไม้แสนอร่อยที่ผสมแอลกอฮอร์หละสิเนี่ย ก็ว่าทำไมรสชาติมันหวานปะแล่มๆ อร่อยแปลกๆ แต่โดยรวมแล้วคืออร่อยไง กินง่าย เมาโง่เลยทีเดียว
 
“ผะ...ผมจะกลับกับพี่ภูมิอะ” ว่าพลางเบนสายตาไปทางร้านที่อยู่ไกลลิบๆ
 
“แต่คุณภูมิยังทำงานอยู่” อีกฝ่ายพยายามชักจูงผม แต่ผมไม่หลงกลหรอก
 
ว่าแล้วร่างสูงกว่าก็ฉุดคนตัวเล็กที่นั่งแหมะอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น ส่วนไอ้คนตัวเล็กก็ดิ้นเต็มที่ แม้จะสู้แรงไม่ค่อยได้ก็เถอะ
 
“พ...พี่ภูมิ” ผมจะหมดแรงแล้วนะเออ พี่ภูมิอยู่ไหนเนี่ย
 
………………………………
 
“ทำอะไรกันหนะ” นั่นไง เสียงสวรรค์ดังมาแต่ไกล พร้อมกับเงาร่างสูงใหญ่ที่ฉายเข้ามาในครรลองสายตา
 
“พะ...พี่ภูมิ” ผมรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาร่างสูงทันที
 
เห็นมั๊ยครับบอกแล้วว่าเดินเองได้ นิวิ่งเลยด้วยซ้ำ!!!
 
“คุณจะทำอะไรครับ คุณอิศ” เมื่อผมโผเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งได้ เสียงเข้มก็กล่าวเสียงดังโดยไม่สนใจบรรยากาศรอบตัวๆ
 
เอาเลย ชกกันเลยครับ เดี๋ยวผมเชียร์อยู่ข้างสนาม

 :katai2-1: :katai5: :katai5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 39 ผมไม่รู้ ผมเมา (21-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-10-2019 17:50:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

หน่องกรเก่งจัง  ถึงจะเมาแต่ก็ยังครองสติได้อยู่นะเนี่ย  สุดยอด
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 39 ผมไม่รู้ ผมเมา (21-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-10-2019 11:00:50
น้องไม่ระวังตัวเท่าไรเลย สงสารคนพี่อ่ะครับ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 40 ผมตามไม่ทัน!!! (25-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 25-10-2019 10:01:47

บทที่ 40 ผมตามไม่ทัน!!!
 
“ผมพอจะรู้สาเหตุที่คุณไม่ชอบหน้าผม” เสียงทุ้มกล่าว
 
“แต่ผมอยากแสดงความจริงใจ ผมหวังดีจริงๆ” เสียงทุ้มกล่าวต่อไป
 
“ผมเอ็นดูน้องกรเหมือนลูกเหมือนหลาน” เสียงทุ้มกล่าวต่อไปอีก
 
ออ……….เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานนิเอง
 
ผมนั่งฟังผู้ใหญ่สองคนคุยกันเงียบๆ แต่เอ๊ะ! จะเรียกว่าคุยกันได้รึป่าวเพราะดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายคุณอิศพูดอยู่ฝ่ายเดียวซะมากกว่า
 
“เรื่องที่คุณส่งนักสืบมาตามผม ผมก็พอรู้มาบ้าง” เสียงทุ้มกล่าวต่อๆไปอีก
 
เอ๊ะ! นักสืบอะไรหว่า
 
“คุณรู้?” ในที่สุดพี่ภูมิก็เอ่ยออกมาบ้าง หลังจากที่เป็นฝ่ายเงียบฟังอยู่นาน
 
“เรื่องที่คุณไม่ชอบหน้าผม คงไม่ใช่แต่เรื่องน้องกรใช่มั๊ย” เสียงคุณอิศกล่าวต่อไป
 
อ่าวววววว นิไม่ใช่ว่าหึงผมเหรอ ผมเข้าข้างตัวเองเกินไปเหรอเนี่ย
 
“...................” พี่ภูมินิ่งเงียบไปอีกครั้ง
 
โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะมีวางมวยกัน ที่ไหนได้ทั้งสองคนดันจับเข่านั่งคุยกันแบบผู้ดีซะงั้น หลังจากที่ผมโผเข้าสู่อ้อมกอดอันคุ้นเคยได้ พวกเราจึงตัดสินใจเปิดอกคุยกันอย่างจริงจัง ณ ห้องประชุมในส่วนบริหารของห้าง
 
ผมมองกาแฟขมๆที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ตรงหน้า สร่างเมาเลยสิครับ แถมอาจตาค้างไปทั้งคืนอีก
 
แต่ประเด็นที่คุยกันนี้สิ ตอนแรกผมก็นึกว่าจะคุยกันเรื่องรักสามเศร้า เราสามคน แต่ไปๆมาๆทำไมมีนักสืบเข้ามาแจมด้วย หรือมันจะมีเรื่องอื่นที่ผมไม่รู้
 
“หึ…” พี่ภูมิส่งเสียงขึ้นจมูกแสดงอารมณ์หงุดหงิด
 
“เรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน” คุณอิศกล่าวเปรยๆต่อ หากแต่เสียงแข็งเอ่ยกระแทกขึ้นขัดจังหวะ
 
“สิบสองปี” พี่ภูมิกล่าวเสียงดังแทรกขึ้นมา
 
“ครับ...สิบสองปีก่อน” คุณอิศเอ่ยเสียงเศร้าๆ หากแต่สายตายังคงมองสบกับพี่ภูมิไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด
 
ฮั่นแน่! สองคนนี้มีความลับที่ผมไม่รู้จริงๆด้วย
 
นี่มันเรื่องอะไรกัน โอ๊ยยยยยยย อยากรู้
 
“ในเมื่อคุณกล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็ขอถามคุณตรงๆเลยแล้วกัน” พี่ภูมิพูดขึ้นอย่างมั่นคง เว้นวรรคให้ฝ่ายคู่สนทนาพยักหน้ารับทราบ
 
“คุณพ่อคุณเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั๊ย” พี่ภูมิถามเสียงเย็นชา แตกต่างกันความหมายของรูปประโยค
 
เดี๋ยวววววววว เปิดเรื่องมาอย่างเครียด แล้วไหงถามถึงสุขภาพของคุณพ่อคุณอิศหละเนี่ย
 
“ท่านเป็นอัมพาตครับ แต่โดยรวมก็ยังสุขภาพดีอยู่” คุณอิศตอบเศร้าๆ
 
“หึ...กรรมตามสนองสินะ” อีกแล้วพี่ภูมิส่งเสียงขึ้นจมูกอีกแล้วครับ
 
“เอ่อ...นี้มันเรื่องอะไรกันครับ” ผมขออนุญาตอขัดจังหวะการสนทนาหน่อยเถอะ ถึงจะเสียมารยาทมากก็เถอะ แต่คือฟังแล้วงง ประติดประต่อเรื่องไม่ได้เลยครับ
 
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
 
ผู้ชายร่างสูงของคนหยุดการสนทนาแล้วหันมาให้ความสนใจผมที่นั่งทำหน้างงอยู่ พี่ภูมิมองแล้วถอนหายใจครั้งนึง ส่วนคุณอิศมองมองอย่างตกใจ เฮ้ยยย ตกใจอะไร ลืมไปแล้วหรือไงว่ามีผมร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย
 
“ชั้นต้องขอโทษแทนคุณพ่อด้วย” คุณอิศหันมาพูดกับผมโดยตรงด้วยความจริงใจ งงสิครับ ขอโทษทำไม ทำอะไรผิดมา!
 
“หึ...แค่คำขอโทษมันทดแทนกันไม่ได้หรอกครับ” เป็นพี่ภูมิที่ดึงดูดความสนใจจากผมอีกครั้ง
 
“คุณคงสืบจนรู้อะไรมาบ้างแล้วใช่มั๊ย” คุณอิศหันกลับไปสนทนากับพี่ภูมิต่อ สรุปผมที่อยากรู้ใจจะขาดว่าพวกเขาคุยอะไรกัน จำเป็นต้องฟังต่อไปแบบงงๆใช่มั๊ย
 
“ผมรู้ว่าพวกคุณทำลายหลักฐานไปจนหมดแล้ว เลยหาทางเอาผิดไม่ได้” เสียงเข้มกล่าวต่อไป
 
“ที่คุณตัดสินใจเปิดตัวบริษัทคุณที่ห้างผม ก็เพราะจะเข้ามาสืบข้อมูลสินะ” คุณอิศโต้ตอบอย่างรู้ทัน
 
มีผมคนเดียวนี้แหละที่ไม่รู้อะไรเลย
 
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมผูกพันกับพื้นที่ตรงนี้ ผมอยากเริ่มต้นจากที่นี่” พี่ภูมิอธิบาย
 
ในระหว่างที่สองฝ่ายกำลังส่งเสียง ฮึ่มๆแฮ่ๆ ใส่กัน ขอเวลาคิดตามแปปบึงนะครับ
 
พื้นที่ตรงนี้ ก็ห้างแห่งนี้สินะ อืมมมมม ห้างแห่งนี้เป็นห้างขนาดใหญ่ เป็นแห่งรวมตัวของวัยรุ่นและจุดนัดพบสำคัญใจกลางเมือง ไม่แปลกที่จะเป็นที่นิยมก็ไอ้ห้างนี้มันตั้งอยู่ในกลางเมืองไง ไม่ใช่กลางในลักษณะของพื้นที่นะ เป็นเป็นจุดศูนย์กลางของการคมนาคม สถานบริการ ที่อยู่อาศัยและศูนย์ราชการฯ คือมีครบเลยจริงๆ เอาเป็นว่าทำเลดีมากกกกกกก เปิดตัวเมื่อสิบปีก่อน แต่จากที่เคยตามข่าวมา กว่าโครงการก่อสร้างจะขึ้นได้นั้นผ่านดราม่ามานานนับปีๆ ด้วยความที่เจ้าของพื้นที่เดิมในบริเวณคาบเกี่ยวที่จะก่อสร้างห้างไม่ยอมขายพื้นที่ให้ แถมผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นก็ออกมาประท้วงอีก
 
อ่าวววววว ชักคุ้นๆ แถวนี้มันอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองไฟไหม้เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่นา
 
เฮ้ย! บ้านเก่าผมนิหว่า
 
ก็นะ...บอกแล้วว่าจำไม่ได้ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องของตัวเองอะครับ
 
เดี๋ยวนะ...นิมันเรื่องของผมเต็มๆเลยนิหว่า ผมเคยเป็นลูกบ้านอยู่ที่นี่ แต่เกี่ยวไรกับพี่ภูมิ พี่แกมาผูกพันอะไรแถวนี้ บ้านพี่ภูมิอยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ
 
“คุณคงเป็นหนึ่งในผู้เสียหายสินะ” คุณอิศเอ่ยต่ออย่างพอนะคาดเดาได้
 
“ผมเคยอาศัยอยู่ที่นี่” ในที่สุดพี่ภูมิก็เฉลยข้อสงสัย ถ้าพี่แกเคยอาศัยอยู่ที่นี่ งั้นเราก็เพื่อนบ้านกันสินะครับ
 
“จริงเหรอครับ” คราวนี้เป็นผมที่ส่งเสียงทะลุกลางปล้องไปครับ มันอดไม่ได้จริงๆ เหมือนได้รื้อฟิ้นเรื่องราวในอดีตที่จำไม่ค่อยได้ อาจจะจำได้นิดหน่อยแบบเลือนลางมากๆ
 
“ใช่แล้ว...จำพี่ไม่ได้จริงๆเหรอ...ก้อนแป้ง” หลังจากที่ผมเผลอเสียมารยาทไป แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้ถือสา พี่ภูมิหันมาอมยิ้มมองหน้าผม พร้อมยกมือขึ้นมาลูบหัว แถมแทนตัวเองว่าพี่อีก โอ๊ยยยยยย ขนลุก
 
“ก้อนแป้ง…” ผมพรึมพรำชื่อที่ได้ยินบ่อยๆ พี่ภูมิชอบเผลอเรียกผมด้วยชื่อนี้ ยังบอกอีกด้วยว่าเป็นคนตั้งชื่อให้เมื่อนานมาแล้ว ออ คงนานมาสักสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง
 
ผมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย ฝ่ามือที่ลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู สัมผัสนี้ ความรู้สึกแบบนี้ คุ้นๆแฮะ
 
“พะ....พี่ภูมิ” ผมจ้องมองหน้าเจ้าของชื่อที่ยังคงอมยิ้มอยู่ เหมือนมีใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นมาซ้อนทับรางๆ เป็นใบหน้าอวบๆ ที่มีรอยยิ้มบางๆเหมือนอมยิ้มตลอดเวลา
 
เฮ้ย! นั่นพี่ภูมิ พี่ที่อยู่ห้องข้างๆกันนิหว่า ถึงจะจำรายละเอียดเรื่องราวในสมัยเด็กไม่ได้ แต่ก็พอจะมีความทรงจำรางๆอยู่บ้าง อารมณ์พล๊อตเรื่องหลักแหละครับ พี่ภูมิเป็นเด็กเนิร์ดที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆ วันๆจะเก็บตัวอยู่ในห้องไม่ค่อยออกไปไหน เราเลยเป็นเพื่อนเล่นที่สนิทกันมาก
 
ทำไม ทำไมผมถึงไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่า พี่ภูมิคนนั้นจะโตมาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ก็พี่ภูมิเพื่อนข้างห้องในความทรงจำอันเลือนรางของผม เป็นคนอ้วนนนนนนนนนนนนน เอ้อ ใช้คำว่าเจ้าเนื้อแล้วกันครับ
 
“พี่ภูมิ...เหรอครับ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
 
“ใช่แล้ว...ก้อนแป้ง” เสียงเข้มกล่าวตอบอย่างหนักแน่น
 
“ใช่พี่ภูมิแก้มยุ้ย พุงย้วยคนนั้นจริงๆเหรอครับ” ขอถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบครับ
 
“....................” แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบครับ
 
แหมมมมมมม พุงย้วยๆก็ออกจะน่ารัก ยิ่งพอนึกย้อนไปในอดีตอันเลือนราง ผมก็พอจะจำได้ว่าพี่ภูมิข้างๆห้องติดผมแจเลย ชอบมาฝากท้องที่บ้านของผม บางวันยังมานอนค้างด้วยซ้ำมั้ง ชอบเดินตามผมต้อยๆแล้วเรียกก้อนแป้งๆ อยู่นั่น น่ารักอะ
 
“นึกออกแล้วใช่มั๊ย” เสียงเข้มถาม พอผมเริ่มนึกเรื่องราวในอดีตอันเลือนรางออก ผมจึงได้แต่อมยิ้มแล้วรีบพยักหน้ารับ
 
“ครับ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ผมกล่าวทักทายพี่ภูมิเพื่อนข้างห้อง แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดที่กางรออยู่ พรางคิดถึงความอบอุ่นในวัยเด็ก นั่นสินะครับตั้งแต่เด็กๆแล้ว ผมชอบไล่กอดคนอื่นไปทั่ว ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุณลุง คุณป้า แล้วก็พี่ภูมิด้วย กอดกันแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นพิลึก ผมชอบบบบบบ
 
ลืมเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไงหว่า!
 
แล้วอยู่ๆทำไมถึงจำขึ้นมาได้วะ หรือนี้อาจเป็นผลพลอยได้จากการที่สารเคมีในร่างกายของเราเปลี่ยนแปลง เมื่อแอลกอฮอล์ผสมกลูโคสมาเจอเข้ากับคาเฟอิน เลยบึ้มมมมมมกลายเป็นโกโก้ครั้นช์
 
ไม่ใช่ละครับ! เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้สึกสมองปลอดโปร่ง ความคิดแล่นไหลปรี๊ดๆ พร้อมรับฟังสิ่งที่เคยเกิดขึ้นโดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่นอีกแล้วครับ เพิ่งสำนึกได้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผมโดยตรงเลยนิหว่า
 
“แล้วทำไมพี่ภูมิถึงกลายเป็นพี่ภูมิได้หละครับ” พอตั้งสติได้ผมก็เริ่มถามเลยครับ ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มก่อตัว
 
“......พี่ก็พี่ภูมิคนเดิมนั่นแหละ ไม่ได้กลายเป็นตัวอะไรไปหรอก” เสียงเข้มกล่าวปนหัวเราะ ผมว่าพี่ภูมิไม่เข้าใจคำถามผมแล้วครับ ตอบไม่ตรงคำถามเลย
 
“เอ่อ...ผมหมายความว่า ทำไมพี่ภูมิกลายเป็นคุณอาของอากิได้หละครับ” จากพี่ภูมิเด็กเนิร์ดเพื่อนข้างห้องกลายมาเป็น คุณภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงจากต่างประเทศ ที่อยู่ๆมาปรากฏตัวหลังจากหายไปตั้งสิบกว่าปีได้ยังไงกัน
 
“ช่วงนั้นพี่บินไปเยี่ยมคุณตาที่ญี่ปุ่นพอดี...แล้วหลังจากเกิดเรื่องก็เลยไม่ได้กลับมาที่ไทยอีกเลย” ผมเงียบๆฟังภูมิเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง
 
“เมื่อหลายปีก่อนพี่บังเอิญได้พบพี่ตู่...จำพี่ตู่ได้มั๊ยที่อยู่ห้องข้างล่างหนะ เค้าเลยเล่าเรื่องเบื้องหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ให้ฟัง พี่เลยตัดสินใจกลับมาสืบหาความจริง” พี่ภูมิเล่าพรางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
 
“พี่ภูมิ…” ผมซุกหน้าลงในอ้อมกอดนั้น จะบอกว่าผมไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของพี่ภูมิก็ได้ครับ ก็ตอนนั้นผมยังเด็กมาก อายุสัก 5 ขวบเองมั้ง ความทรงจำก็ไม่ค่อยมีมากมายอะไร แค่จำพี่ภูมิได้รางๆเท่านั้น แตกต่างจากพี่ภูมิที่จำเรื่องต่างๆได้อย่างแม่นยำ ผมอยากกอด อยากปลอบใจให้พี่ภูมิรู้สึกดีขึ้น เลยได้แต่ซุกตัวนิ่งๆในอ้อมกอดแกร่งนั้น
 
“พี่ขอโทษนะที่กลับมาช้า” พี่ภูมิกล่าวพร้อมกับลูบหัวผมไปด้วย
 
โอ๊ยยยยยยยย ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ แค่กลับมาหากันผมก็มีความสุขแล้ว
 
**************************************************************************************************
 
“อะแฮ่มมมมม” เสียงดังขัดจังหวะสวีทหวานของผมกับพี่ภูมิดังขึ้น ผมหันไปมองทางต้นเสียงพรางเบิกตากว้าง
 
เอ่อ...ลืมไปเลยครับว่าวงสนาทนานี้มีกันสามคน แหะๆ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 40 ผมตามไม่ทัน!!! (25-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-10-2019 13:34:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ที่มาของอดีตที่พี่ภูมิเจอก้อนแป้งเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 40 ผมตามไม่ทัน!!! (25-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 25-10-2019 22:12:43
มีคนที่3อยู่ยังกอด
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 41 ผมยกโทษให้ (28-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 28-10-2019 11:40:28
ใกล้ - จบ - แล้วววววววววววววว

อ่านตอนนี้แล้ว เห็นสมควรส่งน้องกรไปศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งค่ะ น้องปล่อยวางได้ดีมาก น้องเกิดมาเป็นเอกบุรุษ

********************************************************************************************

บทที่ 41 ผมยกโทษให้
 
“คุณพ่อท่านได้รับผลกรรมแล้วครับ” คุณอิศกล่าวกับพี่ภูมิหลังจากที่พวกเรากลับมาจับเข่าคุยกันอีกครั้ง
 
กว่าผมจะรู้ตัวว่าโลกนี้ไม่ได้มีเพียงเราสองคน คุณอิศก็ต้องกระแอ้มไอจนอาจเจ็บคอขึ้นมาจริงๆ
 
“มันทดแทนกันไม่ได้หรอกนะครับ สูญเสียไปกี่ชีวิตจากเหตุการณ์นั้นหนะ” พี่ภูมิอารมณ์เริ่มคลุกกลุ่นอีกครั้ง ยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ครับ
 
“ทางเราพยายามชดเชยมาตลอดครับ” คุณอิศพยายามอธิบาย
 
“โดยการตั้งมูลนิธิกับบริจาคเงินพวกนั้นหนะเหรอ” พี่ภูมิเริ่มใส่อารมณ์
 
“.........................” ฝ่ายคุณอิศได้แต่นิ่งเงียบ
 
ผมว่าคุณอิศทำถูกแล้วครับที่เงียบไป น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือมาขวาง ปล่อยพี่ภูมิแกระบายออกมาสักหน่อยเผื่ออะไรจะดีขึ้น
 
“พวกคุณเผาไล่ที่ เพียงเพื่อต้องการจะสร้างห้างโดยไม่คิดเลยเหรอว่าจะมีคนเดือนร้อน จะมีคนตายสักกี่คน” พี่ภูมิเริ่มระบายอารมณ์แบบจัดเต็ม
 
“.........................”
 
“แล้วเพื่อให้เรื่องเงียบลง พวกคุณก็ใช้เงินปิดปาก โดยการตั้งมูลนิธิ ตั้งกองทุน สนับสนุนผู้ประสบภัย...ภัยที่พวกคุณก่อขึ้นนะเหรอ” พี่ภูมิเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนไปแล้วครับ
 
“.........................” ส่วนคุณอิศหนะเหรอ เงียบบบบบบบ
 
“เอ่อ...พี่ภูมิครับ นั่งลงก่อน” ผมพยายามดึงร่างสูงที่ลุกขึ้นตามแรงอารมณ์ ให้นั่งลงตามเดิม ลูบหลังมือเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายสงบลง
 
“ผมทราบครับว่าคุณพ่อได้ทำเรื่องที่เกินจะให้อภัยได้ คุณพ่อท่านไม่คิดว่าเรื่องราวจะร้ายแรงขนาดนั้น” คุณอิศก็พยายามแก้ต่างให้คุณพ่อของแกครับ
 
สรุปคนสร้างเรื่องราวทั้งหมดคือบุคคลที่สี่ที่เรากล่าวถึงใช่มั๊ยครับ คุณพ่อของคุณอิศเป็นคนสั่งให้เผาไล่ที่พวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวในการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า เป็นสาเหตุเกิดความสูญเสียต่อครอบครัวของผมและพี่ภูมิ และครอบครัวอื่นๆอีกไม่มากก็น้อย
 
อ่าววววว ในเมื่อคนทำผิดคือคุณพ่อของคุณอิศแล้วจะมาต่อว่าคุณอิศทำไมอะ แบบนี้เรียกว่าด่าผิดคนนะครับ
 
“ใจเย็นๆครับพี่ภูมิ” ผมลูบหลังมือแกร่งไปด้วยขณะพูด พี่ภูมิหันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจว่าทำไมผมไม่โกรธ ไม่แค้นบางเลยเหรอ
 
อันที่จริงผมควรจะโกรธ เกียจ และเคียดแค้นคุณพ่อของคุณอิศ อาจรวมถึงตัวคุณอิศและพรรคพวกที่ร่วมมือกันจัดฉากเหตุไฟไหม้ในครั้งนั้น แต่ผมยึดหลักการปล่อยวางครับ เราควรปล่อยวาง ไม่อาฆาตพยาบาทผู้อื่น แล้วจิตใจของเราจะสงบ ปราศจากทุกข์ใดๆ ยิ่งความโกรธนั้นเปรียบเสมือนยาพิษที่เราเป็นผู้กลืนลงไปในคอตัวเอง เพื่อหวังที่จะฆ่าผู้อื่น ไม่สงผลดีใดๆกับตัวเราเองเลย ไฟที่สุมอยู่ในอกเราก็สุมอยู่แต่ในอกเรา ทำร้ายตัวเราเองทั้งนั้น
 
“พี่ภูมิครับ...เรื่องมันผ่านมานานแล้ว คุณพ่อของคุณอิศเค้าก็ได้รับผลกรรมแล้ว เราอย่าจองเวรกันและกันอีกเลยนะครับ” ผมอยากยกสุภาษิตยอดฮิตติดปากของใครหลายคนมาใช้
 
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...เราให้อภัยพวกเค้าเถอะนะครับ” ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่แข็งกร้าวนั้น มองสบตาไปตรงๆหวังช่วยบรรเทาอารมณ์ของอีกฝ่าย
 
“........................” อีกฝ่ายยังไม่กล่าวอะไร แม้ว่าระดับลมหายใจจะคงที่ขึ้นแล้วก็ตาม ฮั่นแน่ แปลว่าใจเย็นขึ้นแล้ว อย่างนี้ต้องงัดประโยคเด็ดมาใช้
 
“การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการลืมเหตุการณ์ที่เจ็บปวดแต่หมายถึงการไม่ยอมให้เหตุการณ์เหล่านั้นมาทำร้ายเราอีก...พระไพศาล วิลาโล ได้กล่าวไว้ครับ” ผมขออนุญาติเอ่ยคำคมจากพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมเคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต ผมว่ามันสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆนะครับ
 
“หากเราไม่ปล่อยวาง ยังยึดติดอยู่กับความแค้นในอดีต แล้วเราจะก้าวไปสู่อนาคตได้ยังไง” โอ้โห ยิ่งพูดยิ่งอยากชวนพี่ภูมิไปปฏิบัติธรรม รู้สึกซึ้งในรสพระธรรม
 
“ก้อนแป้ง....” พี่ภูมิเรียกชื่อผมเบาๆ แล้วออกแรงบีบมือของผมให้แน่นขึ้น ก่อนจะหลับตาลงอย่างใช้ความคิดนานนับนาที เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวก็หายไป กลับมาเป็นคุณภูมิพัฒน์ ผู้หล่อเหลา มาดเท่บาดใจอีกครั้ง
 
“ผมอยากพบพ่อของคุณ” พี่ภูมิกล่าวออกมาในที่สุด หลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน
 
ฝ่ายคุณอิศชะงักไปครู่ก่อนพยักงานเบาๆ เป็นอันตกลงนัดแนะเพื่อไปพบคุณพ่อของคุณอิศ โอ๊ยยยยยยย จะอยากไปพบอีกทำไม ไม่ได้ฟังเลยเหรอที่ผมพูดกรอกหูอะว่าให้ปล่อยวาง ปล่อยวางงงงงงงงงงง
 
นิมันเข้าสุภาษิตที่ว่า ‘เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา’ ชัดๆ
 
พอๆ วันนี้ขอจบดราม่าเท่านี้ แยกย้ายๆ
 
**************************************************************************************************
 
ในคฤหาสน์หรูชาญเมือง ห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีระบบการระบายอากาศอย่างดี ใจกลางปรากฏเตียงปรับระดับได้ สำหรับผู้ป่วยอัมพาต ภายในมีร่างผอมบางของชายชราผู้หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่
 
“สวัสดีครับ คุณอดิศักดิ์” ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆผมกล่าว ผมรีบประนมมือขึ้นไหว้ร่างชราที่นอนนิ่งอยู่ ร่างชรานั้นไม่ได้ยกมือขึ้นรับไหว้แต่อย่างใด ไม่ใช่แกหยิ่งหรืออะไรหรอกนะครับ คุณพ่อของคุณอิศแกเป็นอัมพาตครับ จากที่ฟังคุณอิศเล่ามาคือ หลอดเลือดในสมองแตกจนเป็นอัมพาต ส่วนสาเหตุจะเกิดจากอะไรนั้น ผมไม่ขอสืบความนะครับ
 
ร่างชราได้แต่มองสบตากับพี่ภูมิปริบๆ กระพริบตาถี่ๆประหนึ่งรับรู้ว่ามีแขกมาหา
 
“พวกผมเคยอาศัยอยู่ที่ XXX” พี่ภูมิแนะนำตัวเองและผม ผมสังเกตุเห็นแววตาของคุณพ่อคุณอิศคล้ายจะมีแววตกใจ หัวคิ้วคล้ายจะขมวดเข้าหากัน แต่ผมว่าผมคงคิดไปเอง ก่อนที่ดวงต่อจะปรากฏหยดน้ำไหลออกมา ไหลจากหางตาลงไปตามรูปหน้าอย่างรวดเร็ว
 
เฮ้ยยยยยย ร้องไห้เลยรึ เร็วไปป่าว ยังแนะนำตัวไม่จบเลย
 
“คุณรู้ใช่มั๊ยว่าพวกผมมาทำไม” พี่ภูมิกล่าวต่อไปโดยจ้องมองวัยตาที่เอ้อด้วยน้ำตาไม่กระพริบ
 
ชายชรานิ่งเงียบได้แต่หลั่งน้ำตาต่อไป
 
“.....................” บรรยากาศในห้องเคร่งเครียด และเงียบเชียบ ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อน มีเพียงชายชราที่นอนหลั่งน้ำตาเงียบๆบนเตียง
 
กลายเป็นเกมจ้องตากันระหว่างพี่ภูมิกับร่างชราบนเตียง ฝ่ายหนึ่งจ้องเขม่งอย่างใครความคิด หากแต่อีกฝ่ายหนึ่งนัยตาฉายแววสำนึก โศกเศร้าและเสียใจ
 
ผมคิดว่าถ้าคุณพ่อของคุณอิศแกพูดได้ แกคงอยากกล่าวคำขอโทษเหมือนที่ลูกชายแกบอกแทนนั่นแหละ
 
ผมส่งแรงบีบมือพี่ภูมิเบาๆ ให้พี่ภูมิรับรู้ว่ามีผมอยู่ตรงนี้ด้วยกัน พี่ภูมิจึงเป็นฝ่ายละสายตาจากร่างชรามาสบตากับผมแทน ผมแจกรอยยิ้มโง่ๆให้ไปทีนึงเผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น
 
ท้ายที่สุดร่างชราหลับตาลง ฝ่ามือแกร่งของพี่ภูมิที่กำมือผมไว้บีบแน่นมากขึ้น คล้ายจะมีอาการสั่น ผมจึงได้แต่ออกแรงตอบรับไป ภายในห้องไร้ซึ่งคำพูดใดๆ แต่ละคนคงตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
 
“คุณพ่อท่านคงทราบว่าพวกคุณเป็นใครและมาทำไม” เป็นเสียงของคุณอิศที่ทำลายความเงียบในห้อง
 
พี่ภูมิพยักหน้ารับทราบ พร้อมจ้องมองไปยังร่างชราที่นอนหลับตาอยู่คล้ายจะหลับพักผ่อนไปแล้ว หรือจะหลบหน้าหว่า แบบไม่อยากเล่นเกมจ้องตากับพี่ภูมิ เลยหลับหนีความจริงแมร่งงงงงง
 
“หึ...คนเราทำผิดกันได้ ขอแค่รู้ตัวว่าตัวเองทำผิด แล้วไม่ทำความผิดนั้นอีก…” พี่ภูมิพูดขึ้นเบาๆ หึหึหึ คมมั๊ยหละครับ นี้เป็นผลพลอยได้จากการที่เมื่อคืนผมเอาหนังสือธรรมมะไปให้พี่ภูมิอ่านแน่นอน
 
“คุณพ่อท่านได้รับผลนั้นแล้วครับ และกำลังสำนึกในความผิดนั้นอยู่” คุณอิศอธิบายต่อ หวังว่าจะเป็นอย่างที่ลุงแกพูดจริงๆนะครับ
 
“..................” ส่วนพี่ภูมิเงียบไปอีกครั้ง อย่างคนที่กำลังตัดสินใจอะไรบ้างอย่าง
 
“ผมต้องขอโทษแทนคุณพ่ออีกครั้งนะครับ” คุณอิศกล่าวอย่างจริงใจ ผมแอบเหลือบตามองร่างชราที่นอนอยู่ อยากรู้ว่าแกจะลืมตาขึ้นมารึยัง อ่าววววว ยังแฮะ! สงสัยหลับจริง
 
พี่ภูมิถอนหายใจเฮือกใหญ่ แรงบีบมือที่เคยคัดแน่นบัดนี้คลายลง กลายเป็นบีบมือหลวมๆ คล้ายตัดสินใจได้แล้ว
 
“เฮ้อ...คุณไม่ต้องขอโทษแล้ว...อย่าทำผิดซ้ำสองอีกแล้วกัน ผมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก” พี่ภูมิกล่าวพร้อมกับหันหน้าเดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะลากผมเดินตามออกมาด้วย
 
“ออ...แล้วก็เลิกมายุ่งกับแฟนผมได้แล้ว” แหนะ ไม่ลืมหันไปเหน็บตาลุงอิศ พร้อมเปลี่ยนจากกุมมือมาเป็นโอบไหล่ผมแทนแล้วพากันเดินออกห้องไป
 
เอาวะ! อย่างน้อยก็ยังไม่ลืมที่จะหึงผม น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 41 ผมยกโทษให้ (28-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-10-2019 15:40:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 41 ผมยกโทษให้ (28-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-10-2019 18:58:05
ไม่ลืมที่จะหึงหวงก่อนจาก
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 41 ผมยกโทษให้ (28-10-62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-10-2019 11:47:29
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 42 ผมขออนุญาตเปิดตัวแฟนครับ (31 - 10 - 62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 31-10-2019 13:22:10
ใกล้ จบ มาก มาก แล้ว ค่ะ  :3123:

**********************************************************************************************

บทที่ 42 ผมขออนุญาตเปิดตัวแฟนครับ

แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู

ยังครับยัง ยังไม่ถึงวันเกิดผม ต้องรอให้ผ่านเที่ยงคืนคืนนี้ไปก่อน ถึงจะนับว่าเข้าวันเกิดผมอย่างเต็มตัว ซึ่งวันเกิดปีนี้ผมวางแผนมาฉลองที่นี่เลยครับ

แถ่น แถ้น แถ๊นนนนนนนนนน

ผายมือให้ดูวิวทิวทัศน์อันร่มรื่น แนวเทือกเขาเขียวขจีสุดลูกหาลูกตา เสียงสรรพสัตว์น้อยใหญ่ดังแว่วเบาๆ เนื่องด้วยถูกกลบด้วยเสียงปวดมนต์ดังอย่างสม่ำเสมอ

ผมและพี่ภูมิสวมใส่ชุดผ้าฝ้ายสีขาว กำลังเดินจงกรรมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้านข้างมีศาลาที่ผู้คนบางส่วนเลือกที่จะนั่งขัดสมาธินับลมหายใจเข้าออก

ผมก็กำลังนับจำนวนก้าวอยู่เหมือนกันครับ ผมกะว่าจะเดินให้ครบ หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าก้าว แล้วจะหยุดพักสักที ส่วนพี่ภูมินั้นไม่แน่ใจว่าเดินได้กี่ก้าวแล้ว รู้แต่ว่าพี่แกกำลังหลับตาเดิน แล้วเอ๊ะ! หลับตาเดินทำไมไม่สะดุดเลยหละ พื้นข้างล่างนี้อย่างขรุขระเลยนะ

อ๊ะ! คิดเพลินๆเลยเผลอเดินสะดุดก้อนหินข้างล่างเอง แต่โชคยังดีที่ร่างสูงด้านหลังคว้าแขนไว้ทัน ผมเลยรอดพ้นชะตากรรมหน้าทิ่มพื้นไปได้

“ระวังหน่อย เสียงดุๆกล่าวเบาๆ” พร้อมส่งสายตาดุๆมาให้ 

“แหะ แหะ...เห็นได้ไงหว่า” ผมกล่าวขอบคุณแล้วหัวเราะแหะๆ ก่อนบ่นด้วยเสียงเบาๆ

“หึ...ซนจริงๆ เธอชวนพี่มาทำสมาธิไม่ใช่เหรอ” ด้วยความที่ผมสะดุดเกือบล้มจึงกลายเป็นจุดสนใจของใครหลายคน พี่ภูมิจึงยิ่งต้องกระซิบใกล้ ลมหายใจอุ่นๆจึงเป่าลดใบหูที่เริ่มออกสีแดงระเรื่อ

โอ๊ยยยยย ร้อนนนนนนน ออกไปห่างๆหน่อยครับ

ผมชวนพี่ภูมิมีปฏิบัติธรรมที่วัดป่าก็จริง แต่ผมกะชวนมาชิวๆคลายเครียด แต่นี้อะไร ทำไมกลายเป็นว่าฝ่ายนั้นปฏิบัติแบบธรรมจริงไปซะงั้น

หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์คุณอิศและคุณพ่อของลุงแกมา ผมรอจนจัดการเรื่องยื่นเอกสารสำหรับเรียนต่อเรียบร้อย รอจนพี่ภูมิเคลียร์งานลงตัว แล้วจึงตัดสินใจชวนพี่ภูมิมาทำสมาธิที่วัดป่าแห่งนี้ กะเอาไว้ว่าเป็นการช่วยเติมพลังด้านบวกให้เราทั้งสองคน โดยไม่ลืมที่จะเลือกช่วงเวลามาชำระจิตใจเป็นช่วงวันเกิดของผม

ฝ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เรามาชำระใจ ชำระกายให้สะอาด บริสุทธิ์ครับ

คืนนี้ผมกะจะนั่งสมาธิข้ามคืน เป็นการแฮบปี้เบิร์ดเดย์ตัวเองไปเลยยยยยยยยย

**************************************************************************************************

“ก้อนแป้ง...ก้อนแป้ง” นิ้วมือแกร่งสะกิดสีข้างของผมยิ๊กๆ พร้อมกระซิบเรียกชื่อเบาๆที่ข้างหู

โอ๊ยยยยยย แผนนั่งสมาธิข้ามคืนของผมเป็นอันล่มครับ ทำไมหนะเหรอ ก็เพราะคนที่นอนอยู่ข้างๆเนี่ยแหละ ระหว่างที่กำลังทำสมาธิอยู่นั่น พี่แกดันบ่นว่าปวดท้องไม่เป็นอันทำสมาธิใดๆ จนพระอาจารย์ต้องไล่ให้กลับมาพักผ่อนในห้อง ไม่พอยังส่งผมมาดูแลอีกต่างหาก แต่พอเข้าห้องเท่านั้นแหละไอ้ท่าทีปวดท้องจะเป็นจะตายก็หายเป็นปลิดทิ้ง แถมยังล้มตัวลงนอนแล้วตบเตียงให้ผมลงนอนข้างๆกันอีก ปากก็บอกว่าวันนี้ง่วงนอนมากเลยอยากกลับมาหลับมากกว่าไปนั่งหลังขดหลังแข็งทำสมาธิ

เอาวะ! หลับก็หลับ

แต่ว่า จะหลับไม่ใช่เหรอ จะมาสะกิดผมทำม๊ายยยยยยยยยยยยย

“พี่ภูมิง่วงนอนไม่ใช่เหรอครับ” ผมดึงมือที่โอบเอวผมออก โอ๊ยยยยย ในวัดในวา หากแต่มือข้างนั้นกลับเหนียวเป็นกาวตราช้าง ตะปบแน่นอยู่ที่เอวของผม เฮ้ยยยยยยย จะนอนไม่ใช่เร้อ

“ก้อนแป้ง...สุขสันต์วันเกิดนะ” ห๊ะ! ถึงวันเกิดผมแล้วเหรอ นิเลยเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย

“อ๊ะ….” ยังไม่ทันตกใจเสร็จดี ก็ตกใจอีกรอบ เมื่อริมฝีปากหนาย้ายมาจรดอยู่ที่แก้มของผม ก่อนฝังหน้าทิ้งไว้นานพักใหญ่ จนพอใจแล้วจึงชักริมฝีปากออก ก่อนพยายามจะย้ายตำแหน่ง

เดี๋ยวววววววววววววว

“พี่ภูมิ....อย่าครับ…” ผมพยายามเบือนหน้าหลบ

“ทำไมหละ ตามสัญญาตอนนี้เธออายุครบ 18 ปีแล้ว” ร่างสูงยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามซุกไซร้ไปเรื่อยๆ

เฮ้ยยยยยย ไอ้คนข้างๆผมนิคนเดียวกับชายหนุ่มนุ่งขาวห่มขาวที่เดินจงกรมเมื่อตอนกลางวันรึป่าว ทำไมตอนพระอาทิตย์ขึ้นถึงดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยจนเราตายใจ แต่ตกกลางคืนมาถึงกลับตาลปัดแบบนี้หละ

“พี่ภูมิ...นิมันในวัดนะครับ” ผมโพร่งออกไป ถึงวัดป่าแห่งนี้จะทำสำนักปฏิบัติธรรมเชิงธุระกิจ คือที่พักสะดวกสบาย มีห้องพักแยกเป็นส่วนตัว แต่ก็อย่าลืมว่านิมันเขตวัดอยู่ดีแหละครับ

เหมือนพี่ภูมิจะนึกขึ้นได้ว่าพวกเราไม่ได้อยู่คอนโดเหมือนเคย จึงหยุดการกระทำลงแค่นั้น แต่ไม่ยอมปล่อยมือที่โอบเอวไว้

โหหหหห ลืมจริงดิ

“งั้นคืนนี้รีบๆนอน พอเช้าแล้วเรากลับเลยแล้วกัน” พี่ภูมิตัดบท แล้วหลับลงอย่างรวดเร็ว

ห๊ะ! ง่ายๆงี้เลยเหรอ

แล้วหลับลงจริงดิ

เอาเป็นว่าแผนแรก เอาธรรมะเข้าข่มล่มไม่เป็นท่า แต่อย่าได้กลัวไป ผมมีแผนสองรออยู่ หึหึหึ

**************************************************************************************************

“แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ แฮบปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู” เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดของผมดังกังวาลไปทั่วห้อง

“สุขสันต์วันเกิดนะเมิง ขอให้ได้ ขอให้โดน” ไอ้เพื่อนมาร์คอวยพรอย่างจริงจังและจริงใจ

“โดน พร่องงงงง” ผมจึงตอบกลับมันไปด้วยใจจริงเช่นกัน

“สุขสันต์วันเกิดครับกร อะ นิของขวัญครับ” อากิยื่นกล่องของขวัญมาให้ ไม่วายไอ้มาร์คตะโกนบอกว่าของมันกับอากิรวมเงินกันซื้อ โหหหหห เพื่อนอะไรจะงกขนาดนั้น นิถึงขั้นต้องรวมกันซื้อเลยเหรอ

“อย่าเพิ่งรีบเปิดนะครับ รอพวกผมกลับก่อน” อากิรีบออกตัวห้าม ก่อนที่ผมทำท่าจะแงะกระดาษห่อออก

“เฮ้ย...จะรีบกลับไปไหน ฉลองกันข้ามวันข้ามคืนไปเลย” ผมรีบโวยวาย รีบกลับได้ไง ผมอุตส่างัดแผนสำรอง โทรเรียกเพื่อนๆมาฉลองวันเกิดกันที่คอนโด แบบข้ามหน้าข้ามตาเจ้าของห้องไปเลย

หลังจากเข้ารุ่งสาง พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะโผล่พ้นขอบฟ้าดี กระเป๋าเป้ใบเล็กของผมก็พร้อมจะเดินทางกลับคอนโด ไม่รู้ผีพี่วินเข้าสิงพี่ภูมิหรือยังไง จะรีบกลับซะให้ได้ ผมลาพระอาจารย์แบบงงๆ แต่โชคดียังทันให้พระท่านอวยพรวันเกิดมัดข้อไม้ข้อมือให้ เฮ้ยยยยยยย เสียแผนจริงๆ ดันถูกบังคับกลับก่อนกำหนด

ยังดีนะที่ผมคิดแผนสำรองเอาไว้แล้ว ยังไงคืนนี้ผมกะว่าจะโต้รุ่งกับเพื่อนๆไปเลย คิดได้ก็หันไปทำตาปริบๆ ออดอ้อนขอเจ้าของห้องว่าอยากพาเพื่อนมาฉลองวันเกิด ตอนแรกนึกว่าฝ่ายนั้นจะตีหน้ายักษ์ไม่อนุญาติ แต่ที่ไหนได้พี่ภูมิกลับยื่นพ็อกเก็ตมันนี่ให้ปึกใหญ่ พร้อมกับหัวเราะ หึหึ

เอาเป็นว่าตอนนี้ภายในห้องประกอบไปด้วยเหล่าเพื่อนสนิทของผมทั้งอากิ มาร์ค ไอ้เป็ด ไอ้มืดและพองเพื่อนผู้เป็นลูกค้าประจำในการซื้อเก็งข้อสอบจากผม ถือว่าวันนี้เป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าแล้วกันครับ ผมสั่งซื้อเคเอฟซี พิซซ่า และ แม๊คมาเต็มเหนี่ยว ก็นะได้พ็อกเก็ตมันนี่มาจากพี่ภูมิปึกใหญ่ต้องใช้ให้คุ้ม

บรรยากาศงานฉลองวันเกิดผมเป็นกันเองสุดๆ สนุกสนานเฮฮา ขนาดพี่ภูมิที่ปกติจะนั่งเก๊กเท่ วันนี้ยังร่วมวงป๊อกเด้งกับพวกผมด้วยเลย

เฮ้ยยยยยยยย พี่ภูมิร่วมวงด้วยนิอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเลยนะครับ พี่แกมาเนียนร่วมวงด้วยทำไมเนี่ย ไม่ไปทำงานเร้อห๊ะ

ร่างสูงที่นั่งข้างๆผม ใช้มือนึงถือไพ่เอาไว้ ส่วนอีกมือนึงโอบเอวแล้วดึงผมให้ขยับเข้าไปใกล้ๆ สักพักหอม สักพักจูบ เฮ้ยยยยย ให้ผมขึ้นไปนั่งตักเลยมั๊ยอะ พวกเพื่อนเวรตอนแรกมีแซวกันเกรี๊ยวกร๊าวววววว แต่พอผ่านไปสักชั่วโมงนึงก็เริ่มชินหยุดแซวกันไปเอง

สรุปวันนี้ไม่ใช่งานฉลองวันเกิดผมแล้วหละครับ แต่เป็นงานเปิดตัวพี่ภูมิเลยก็ว่าได้ เหมือนประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าเนี่ย แฟนผมๆ

ผมว่าเพื่อนๆมันก็คงรู้กันมาบ้างแล้วแหละ จากการที่พี่ภูมิไปรับไปส่งผมที่โรงเรียน แต่แค่ไม่มีใครถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น วันนี้ได้เจอตัวจริงแบบจังๆ เป็นไงหละ หล่อหละสิ ดูหน้าไอ้โอ๊ตมัน มองตาละห้อยเชียว

“อะแฮ่มๆ”ผมกระแอ้มไอไปสองครั้ง ไอ้โอ๊ตยังมองตาเยิ้มอยู่ครับ

“เฮ้ยยยย แฟนกู” สุดท้ายทนไม่ไหวเลยยกมือขึ้นตบไหล่มันไปแรงๆทีนึง

“เอ่อ...กูรู้ว่าแฟนมึง มองไม่ได้เหรอวะ...คนอะไรไม่รู้มองไกลๆว่าหล่อแล้ว ยิ่งพอได้มาอยู่ใกล้ๆยิ่งหล่อ” ไอ้โอ๊ตเริ่มเพ้อพกแล้วครับ

“เฮ้ย...เพ้ออะไร เกรงใจพี่ภูมิด้วย” ผมเอ่ยเตือนเพื่อน มีแฟนหล่อผมก็ภูมิใจอยู่หรอกครับ แต่แฟนผมไม่ใช่ของโชว์นะครับ ไม่อยากแบ่งให้ใครชมหรอก

ผมไล่ให้พี่ภูมิไปทำงานก็ไม่ไป พี่แกเล่นลางานยาวๆมาฉลองวันเกิดกับผม ไล่ให้เข้าห้องนอนไปก็ไม่ไปอีก คอยแต่โอบโชว์อยู่นั่นแหละ รู้นะว่าอยากเปิดตัวหนะ แต่ถ้าจะตัวติดกันขนาดนี้ ฉี่รดผมไว้เลยมั๊ยครับ หมายกลิ่นเอาไว้จะได้ไม่มีใครมายุ่ง โธ่!

“นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า” เป็นไอ้มืดผู้นำขบวน เฮ้ยจะมาทิ้งกันกลางคันแบบนี้ได้ไงวะ

“เฮ้ย...ยังไม่ดึกเลย เพิ่งจะสองทุ่ม” ผมรีบแย้ง ถ้าพวกมันกลับหมดก็เสียแผนผมแย่สิ

“สองทุ่มเนี่ยแหละ ดึกแล้ว เดี๋ยวหม่อมแม่เป็นห่วง” ไอ้มืดแถต่อ โอ๊ย ไอ้ตอแหล ผมรู้หรอกว่ามันรีบกลับตอนที่มันยังมือขึ้นอยู่ ดูในกระเป๋าตังมันดิอย่างตุง นั่นแบงค์ยี่สิบของผมที่เก็บสะสมไว้ทั้งนั้น

จะรีบกลับไปไหนวะ ผมยังไม่ทันได้ถอนทุนคืนเลย

เผลอแปปเดียว เฮ้ยเดจาวูอีกแล้ว เพื่อนๆมันกลับไปกันหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกมันถอนทัพกันเร็วขนาดนี้

ผมมองซ้ายมองขวา เฮ้ยยยย เงียบ เสียงเพลงที่เคยเปิดดังลั่นก็เงียบลง ทั้งห้องเหลือเพียงผมและพี่ภูมิที่กำลังเดินเก็บข้าวเก็บของที่กระจัดกระจายให้เข้าที่

เฮ้ยยยยยยย

“พี่ภูมิครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ผมรีบเข้าไปแย่งไม้กวาดในมือแกร่ง สภาพอย่างพี่ภูมิไม่เหมาะกับงานนางซินแบบนี้หรอกครับ ให้ผมทำเองเถอะ จากสภาพห้องถ้าจะรอให้ป้าแม่บ้านมาทำความสะอาดพรุ่งนี้คงไม่ไหว ผมว่าเคลียร์ไว้ให้แกสักหน่อยน่าจะดีกว่า ถือเป็นการรับผิดชอบการกระทำของตัวเองไปด้วยเลย

ระหว่างที่กำลังกวาดห้องเพลินอยู่นั่นเอง ร่างสูงก็ถือโอกาสโอบกอดผมมาจากด้านหลัง

เฮ้ยยยยย ผมเหม็นเหงื่อนะเออ...เมื่อกี๊เผลอแดนซ์กระจายไปหน่อย

“ปล่อยก่อนครับ...เหม็นเหงื่อครับ” ผมขัดขืนแล้วรีบบอก

“งั้นไปพี่อาบน้ำก่อนนะ” ร่างสูงรีบปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แล้วผละเข้าห้องน้ำไป

เฮ้ยยยย ไม่ใช่ ผมหมายถึงตัวเองต่างหากที่เหม็นเหงื่อ

เฮ้ยยยยยยยยย งอนหนีเข้าห้องน้ำเลยเหรอวะ

เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนน!


********************************************************************************************

ชะตากรรมของน้องกรจะเป็นอย่างไรต่อไป ในเมื่อตอนต่อไปก็จะจบแล้วววววววววววววววว  :katai4:

---ถึงเวลาที่พี่ภูมิรอคอยสักที อิอิ--- :hao6:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 42 ผมขออนุญาตเปิดตัวแฟนครับ (31 - 10 - 62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-10-2019 15:09:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

 ไม่รอดหรอก
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 42 ผมขออนุญาตเปิดตัวแฟนครับ (31 - 10 - 62)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 02-11-2019 13:18:14
คนกำลังจะโดนกิน เกียมตัวโดน
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 43 ผมไม่ไหวแล้วววววว (4-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 04-11-2019 10:05:19
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนจบ จบสักที ปาดเหงื่อแปป  :o8:

********************************************************************************************

บทที่ 43 ผมไม่ไหวแล้วววววว
 
แย่แล้ว ผมตกอยู่ในภาวะวิกฤตขั้นสุดแล้วครับ
 
เผลอเดินตามเข้าห้องน้ำไป หวังจะไปอธิบายเรื่องที่พี่ภูมิเข้าใจผิด แล้วไหงกลายเป็นผมถูกจับร่อนเสื้อผ้าออกแล้วมาโผล่ที่เตียงได้หละเนี่ย
 
ผมพยายามเหลือบตามองสภาพร่างตัวเอง แม้ว่าภายในห้องจะค่อนข้างมืดสลัว แต่แสงจันทร์จากภายนอกก็ส่องให้พอมองเห็นอะไรได้รางๆ
 
รางๆพอให้รู้ว่าบนร่างกายผมไม่เหลือเสื้อผ้าปิดบังไว้แต่อย่างใด บ็อกเซอร์ตัวเก่งก็ถูกถอดออกไปแล้วเช่นกัน
 
ขออนุญาติบิดตัวแก้เขินแปปนึงครับ
 
ชะอุ้ย พุงโผล่ เมื่อตอนเย็นเผลอกินพิซซ่าเยอะไปหน่อย!
 
เฮ้ยยยยยยยย ลูกพ่อทำไมตื่นนอนง่ายแบบนั้น เล่นตัวสักหน่อยไม่ได้รึไง นิไม่ใช่ตอนเช้านะเว๊ย ยังไม่ต้องเคารพธงชาติ
 
“หึ...เธอก็พร้อมแล้วสินะ” ร่างสูงกว่าที่คร่อมทับตัวผมอยู่กล่าวพรางจ้องมองไปยังน้องชายของผมที่ยืนตรงทักทายอยู่
 
ผมเลยจ้องกลับไปที่น้องชายของอีกฝ่ายบ้าง จ้องมาจ้องกลับไม่โกงครับ
 
แต่เฮ้ยยยยยยย ทำไมพี่ภูมิยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่หละ ไม่แฟร์อะ
 
“พะ...พี่ภูมิ ก็ถอดด้วยสิครับ” ผมรวบรวมความกล้ากล่าวออกไป ผมไม่ชอบพวกสองมาตรฐานครับ
 
“ถอดให้พี่สิ....ก้อนแป้ง” เสียงเข้มกล่าวแกมยั่วเย้า กล้าท้าผมก็กล้าทำครับ ไม่รอช้าผมย้ายฝ่ามือไปตะปบปมเงื่อนที่ขมวดผ้าขนหนูผืนนั้นเอาไว้บริเวณสะโพกแกร่ง 
 
แอบรอบกลืนน้ำลายนิดนึง ภายใต้ผ้าขนหนูผืนนั้นพี่ภูมิก็ไม่ได้สวมใส่อะไรไวแล้ว
 
เฮือกกกกกกกกกกกก ยะ ใหญ่
 
นิขนาดมันนอนหลับอยู่ยังใหญ่ขนาดนี้เลย อย่าให้ตื่นขึ้นมานะ โอ๊ยยยยยยย ผมอยู่ในภาวะวิกฤติแล้วจริงๆ
 
“พอใจรึยัง” ร่างสูงกล่าวปนหัวเราะเมื่อผมเอาแต่จ้องมองส่วนนั้น โอ๊ยยยยย เขิน พี่ภูมิทำคนหน้าหนาระดับผมเขินได้ แสดงว่าพี่แกต้องหนากว่ามากจริงๆ
 
ผมหลบตาหันหน้าหนี เอาวะ หลับตาหนีความจริงไปเลยละกัน
 
ความรู้สึกจากน้ำหนักที่กดทับลงบนตัวผมส่งผลให้ขนแขนของผมลุกซู่ น้องชายที่ตื่นตัวอยู่แล้วยิ่งสะดุ้งหนักเข้าไปอีก
 
“หึ...ตั้งชันเชียวนะ” พี่ภูมิพูดกับส่วนตั้งชันที่ว่า พร้อมใช้ปลายลิ้นเย็นๆกวัดไปยังส่วนดังกล่าว โอ๊ยยยยยยย เสียวครับพี่แกเล่นเลียหน้าอกของผมอยู่
 
ผมแอบเหล่ตาขึ้นมามองข้างนึง เห็นแต่ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่บัดนี้กำลังยุ่งเหยิง กำลังก้มๆเงยๆหยอกล้ออยู่กับหน้าอกของผม
 
“อ๊ะ….พี่ภูมิ...สะ เสียวครับ” ผมยิ่งต้องสะดุ้งไปใหญ่เมื่อมือข้างหน้าได้เลื่อนลงไปเล่นกับน้องชายที่กำลังสู้มือเต็มที่ ด้านบนที่ถูกรุกไร้ด้วยปลายลิ้นเย็นชื้น แถมด้านล่างยังถูกฝ่ามือแกร่งบีบนวดให้อีก
 
โอ๊ยยยยยยยยยย ผมจะไม่ไหวเอาน้าาาาาา
 
“อืม...ก้อนแป้ง” ร่างสูงผละออกจากหน้าอกอันแบนราบขึ้นมามาประกบจุมพิตกับร่างเล็กที่เพิ่งเรียกชื่อของตนเอง
 
“อื่อ...อืม...อื่อออออออออ” ร่างเล็กยิ่งต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมือที่ว่างอีกข้างหนึ่งย้ายไปสัมผัสกับช่องทางคับแคบทางด้านหลัง
 
แม้ว่าผมจะเคยศึกษาผ่านหูผ่านตามาบ้างแต่ก็ไม่เคยทดลองของจริงสักครั้ง แถมที่ผ่านๆมาพี่ภูมิก็ไม่เคยยุ่งกับส่วนนี้มาก่อน
 
“เฮือกกกก...พะ...พี่ภูมิ อื่ออออ” ผมขออนุญาติสูดหายใจดังเฮือกครับ มือนิ้วแกร่งได้กดผ่านเข้าไปในรอยแยกนั้น แต่ร่างสูงไม่ยอมให้ผมได้กล่าวคำประท้วงใดๆ เพราะริมฝีปากแกร่งได้ประกบแล้วกลืนกลินคำพูดของผมไปจนหมด
 
เริ่มแรกแม้ว่าจะสอดเข้าไปเพียงนิ้วเดียวผมยังรู้สึกเจ็บ พี่ภูมิใช้อะไรทาลงไปก็ไม่รู้ใสๆเหนียวๆเย็นๆ สักพักผมจึงรู้สึกดีขึ้น ไม่นานพี่ภูมิจึงได้ตามมาด้วยนิ้วที่สอง เผลอๆอาจใส่นิ้วที่สามเข้ามาด้วย เพราะถ้าให้ผมเดาจากขนาดน้องชายพี่ภูมิที่ตอนที่ตื่นแล้วนั้น สองนิ้วไม่น่าจะพอ
 
เฮือก…..ตื่นแล้วจริงๆด้วยครับ และสองนิ้วก็ไม่น่าจะพอจริงๆ
 
ร่างสูงพยายามปรนเปรอร่างบางภายในอ้อมกอดอย่างสุดความสามารถ เค้่ากลัวก้อนแป้งเจ็บ เพราะเค้ารู้ดีว่าน้องชายไม่รักดีของเค้ามาอันตรายแค่ไหน เฉพาะฉะนั้นในระหว่างที่เค้ายังมีสติยับยั้งชั่งใจอยู่นี้จะต้องดูแลร่างบางให้ดีที่สุด เตรียมการให้พร้อมที่สุด
 
นิ้วมือนิ้วที่สามกำลังสอดใส่เข้าไป พร้อมขยับกวาดต้อนไปจนทั่วช่องโพรงแคบนั้นที่บัดนี้มีความอ่อนนุ่มแถมยังมีการตอดรัด เรียกร้องให้ร่างสูงกระโจนเข้าไปภายใน
 
“อืม….ก้อนแป้ง” ร่างสูงประกบจูบอย่างดูดดื่ม มือข้างหนึ่งปรนเปรอด้านหน้า อีกข้างจัดการด้านหลัง แถมริมฝีปากยังเรียกร้องรสจูบจากคนตัวเล็กอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดได้
 
ร่างเล็กแอ่นตัวไปมา เมื่อปากเว้นว่างก็จะคร่างกระเส่าอย่างเสียวซ่าน ดวงตาหลับพริ้มประหนึ่งตกอยู่ในห้วงฝัน
 
หากแต่อยู่ดีๆก็ต้องตื่นจากฝัน เมื่อรับรู้ว่าร่างกายถูกยกให้ลอยขึ้นมาคร่อมอยู่เหนือร่างสูง ศีรษะถูกเบี่ยงให้ไปจดจ่ออยู่กับส่วนกลางลำตัวที่ผงาดขึ้นมา
 
ผมกลืนน้ำลายตัวเอง สบตามองหน้าพี่ภูมิที่มองมาเหมือนตั้งความหวัง
 
โหหหหหห สีหน้าท่าทางแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยครับ เป็นสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่า ‘หื่น’
 
ถ้าไม่ติดว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มผมจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปบันทึกความทรงจำเอาไว้เลย ท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเห็นกันง่ายๆนะเนี่ย
 
มือแกร่งออกแรงกดศีรษะเล็กให้เข้าใกล้ร่างกายตนมากขึ้น จนท้ายสุดร่างเล็กเหมือนจะรู้ว่าร่างสูงต้องการอะไร จึงอ้าปากออก แล้วกลืนกินสิ่งนั้นเข้าไปโดยใช้สองมือช่วยพยุง
 
“อืมมมมมมมมม ก้อนแป้ง” ร่างสูงครางออกมาอย่างพอใจ แม้ว่าฝีมืออาจไม่สู้ดีนักแต่ร่างเล็กก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ
 
พี่ภูมิสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้ง พร้อมกับเสียงที่ครางอยู่ในลำคอคล้ายสัตว์บาดเจ็บ กำลังอดทนอดกลั้นบางอย่าง ผมจึงดูดเลียไอติมแท่งร้อนในมือให้แรงยิ่งขึ้น เอ่อ จินตนาการว่ามันคือแท่งไอติมแสนอร่อยแล้วกันครับ ไอติมอุ่นอะนะ
 
“อ๊ะ…..” ผมสะดุ้งตกใจอีกครั้งจนเผลอทำแท่งไอติมหลุดออกจากปาก เมื่อร่างกายถูกยกกลับมาเบื้องล่าง โดยมีมือแกร่งสองข้างกางกั้นขาทั้งสองให้แยกออก
 
คุณพระ ท่านี้มันเห็นชัดมากเกินไป จะบ้าตาย
 
ร่างสูงจ่อจดแท่งไอติมเข้ากับช่องทำอ่อนนุ่มที่กำลังเรียกร้องให้เข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง พรางชำแรกส่วนหัวเข้าไปก่อนหากแต่ต้องหยุดค้างชะงัก เมื่อร่างเล็กด้านใต้เกิดอาการเกร็งขัด
 
“ก้อนแป้ง…อย่าเกร็ง” เค้าบอกเสียงเบาๆ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรรุนแรง รอจนร่างเล็กค่อยคลายกังวลมากขึ้น
 
“อื่อ...พี่ภูมิ” ร่างสูงพลางก้นลงไปจุมพิตเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด แลกลิ้นกันไปมาครู่หนึ่งจนร่างเล็กผ่อนคลาย สุดท้ายเค้าจึงตัดสินใจกระโจนเข้าไปจนสุดลำ
 
“เฮือกกกกกกก” ร่างบางส่งเสียงออกมาแม้ว่าเค้าจะใช้ริมฝีปากประกบปิดเอาไว้ก็ตาม ปรากฏสีหน้าเหยเก หัวคิ้วขมวด จนร่างสูงต้องละมือข้างหน้ากลับไปปรนเปรอน้องชายตัวน้อยให้
 
โหหหหหหหหหห จุกครับจุก นี้ขนาดผมเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนะครับยังจุกขนาดนี้
 
ขออธิบายว่าไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอกครับ คือพี่ภูมิแกก็เตรียมความพร้อมมาให้ผมหลายสิบนาทีแล้ว กายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ แค่จะจุกๆหน่อยแค่นั้นแหละครับ
 
ผมพยายามผ่อนคลายลง ยิ่งมือแกร่งกำลังบีบนวดน้องชายให้ผมยิ่งรู้สึกสบายตัวขึ้น สุดท้ายจึงตัดสินใจโผล่ขึ้นไปกอดร่างสูงไว้แน่น เป็นการส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้ว ไปต่อได้ ไม่นานพี่ภูมิก็เริ่มขยับอีกครั้ง จากขยับเข้าๆออกๆสั้นๆช้าๆ ก็เริ่มเร็วขึ้น ยาวขึ้น สุดท้ายพี่แกก็ถอดออกไปเกือบสุดด้ามแล้วฝังตัวเข้ามาใหม่โดยแรง
 
“อื่อ….พะ พี่ภูมิ” ผมพยายามส่งเสียงที่ขาดหวยเป็นห้วงๆ หากแต่ร่างสูงด้านบนไม่มีปฏิกริยาตอบสนองอันใด นอกจากเสียงหอบลึกในลำคอ แล้วกิจกรรมที่โหมกระหน่ำมิดด้ามก็ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง
 
“พี่ภูมิ...ชะ ช้าลงหน่อย ผะ...ผมเสียว” แม้ว่าร่างสูงจะกระหน่ำไม่มีหยุด และผมก็ไม่อยากให้หยุดด้วย ต้องยอมรับเลยแหละครับว่า เมื่อมันผ่านจุดนั้นมาได้ ความสุขก็รออยู่ตรงหน้านั่นเอง
 
“.....ฮึม.....ฮื่อ.....ฮึม......”  และนี้คือเสียงตอบรับจากร่างสูง
 
ผมมองสบตาร่างสูง ออ เอาเป็นว่าพี่แกไม่มีสติรับรู้แล้วครับ ลักษณะจิตใจจะเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อย ร่างกายยังคงโยกขยับ ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อน แรงยังไงก็ยังแรงอย่างนั้น โชคยังดีหน่อยที่พี่ภูมิแกเก่ง ผมเลยมีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก ถือว่าฟินๆทั้งสองฝ่ายแล้วกันครับ
 
เอาเป็นว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนั้น ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ
 
ถ้าพี่ภูมิจะ ‘รัก’ จนผมลุกไม่ขึ้น พรุ่งนี้เราคงได้รู้กันครับ


********************************************************************************************

จบแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

ตะ แต่ วะ ว่าาาาาาาาาาา

มีตอนพิเศษคร่าาาาาาา

ตอนหน้าพี่ภูมิจะขอเล่าเรื่องบ้าง เล่าแบบรวบรัดตัดตอน ที่น้องกรบ่นๆมา 43 ตอน พี่ภูมิจะตัดจบในตอนเดียว ฮาาาาาาาาา

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! บทที่ 43 ผมไม่ไหวแล้วววววว (4-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-11-2019 10:49:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 1 ภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร (8-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 08-11-2019 11:35:36
มาถึงตอนพิเศษแล้วนะคะ

เป็นตอนสั้นๆ ที่เปิดโอกาสให้ตัวละครแต่ละคนมาเล่าเรื่องราวบ้าง

เริ่มจากพี่ภูมิก่อนเลยคร่าาาาาา  :กอด1:

********************************************************************************************

side story 1 ภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร
 
12 ปีแล้วสินะ หลังจากวันที่ต้องสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักไป ตั้งแต่วันนั้นมาเขาไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบผืนดินแห่งนี้อีกเลย ในช่วงที่เกิดเหตุไฟไหม้นั้นเป็นช่วงที่เขาไปซัมเมอร์ที่ประเทศญี่ปุ่น คุณตาเป็นคนจัดการเรื่องทางประเทศไทยให้ แล้วเขาก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เลย
 
เขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น โดยมีคุณแม่ที่เป็นอดีตคุณหนูแห่งตระกูลฟูจิคุระเกิดหลงรักนักเรียนทุนชาวไทย สุดท้ายตัดสินใจทิ้งความสะดวกสบายในชีวิตแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติ แล้วย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ประเทศไทย แม้ว่าคุณแม่จะสละสิทธิ์ในฐานะตระกูลฟูจิคุระแล้วหากแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่ได้ขาดไปด้วย พวกเขายังติดต่อครอบครัวของคุณตาเป็นระยะๆ พอเขาสูญเสียคุณพ่อและคุณแม่แล้วครอบครัวฝั่งคุณตาจึงต้อนรับเขากลับไปด้วยความยินดี เขาจึงใช้ชีวิตในฐานะหลานตาของครอบครัวฟูจิคุระนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
 
ปีแรกที่ญี่ปุ่นเขาเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย จากวัยรุ่นร่างกายอุดมสมบูรณ์ก็กลับกลายมาสมส่วนเข้ารูปอันเนื่องมาจากไม่คุ้นชินกับอาหารบวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เขาสอบเข้ามหาลัยประจำภูมิภาคเรียนไปด้วยพร้อมกับทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนๆ โดยเปิดไลน์แยกออกจากบริษัทพ่อของตระกูล ไม่นานเขาจึงกลายเป็นประธานหนุ่มอนาคตไกล
 
แม้ว่าชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นจะดูสดใส หากแต่ในใจกลับระลึกถึงความทรงจำดีๆที่ประเทศบ้านเกิดเสมอ เขารู้ดีว่าไม่อาจนำคุณพ่อและคุณแม่กลับคืนมาได้ ไม่สามารถย้อนเวลาได้ แต่เขากลับคะนึงหาเด็กน้อยร่างเล็ก ผิวขาวอมชมพูคนนั้น ‘น้องก้อนแป้ง’
 
จะเรียกว่าน้องได้รึป่าวเขาไม่แน่ใจ เพราะอายุห่างกันรอบกว่าๆ แต่เค้าก็เรียกว่าน้องมาโดยตลอด
 
ก้อนแป้งเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ เนื่องจากเด็กชายมีผิวที่ขาวเนียนเหมือนแป้ง แถมยังนุ่มๆหยุ่นๆน่าสัมผัสอีกต่างหาก
 
ก้อนแป้งเป็นเหมือนแสงสว่างเล็กๆในมุมมืดของเขา ในยามที่เขาท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็ได้มือเล็กๆของก้อนแป้งที่ตะปบลงบนใบหน้าของเขานั่นแหละคอยให้กำลังใจ
 
สมัยที่เขายังอยู่ประเทศไทยเขาจัดอยู่ในประเภทเด็กเนิร์ดติดบ้าน วันๆไม่ค่อยออกไปไหน ไม่พบป่ะใคร ชีวิตมีไปโรงเรียนแล้วก็กลับมาอยู่บ้าน บ้าน บ้าน ชีวิตอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยม ยังดีที่มีน้องก้อนแป้งเป็นเพื่อนอยู่เสมอเลยไม่ค่อยเหงา อยู่กับเด็กน้อยน่ารัก บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องคอยปั้นแต่งรอยยิ้มเข้าสังคม หากคิดต่างก็อยู่กับคนหมู่มากไม่ได้ มีแต่ความแตกแยก เขาเบื่อสังคมแบบนั้น
 
ถ้าสมัยนั้นคุณแม่ไม่บังคับเขาให้มาซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่น ตอนนี้เขาก็คงได้หลบหนีสังคมอันแสนรังเกียจไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้ว
 
หากแต่หลังจากที่ต้องจากบ้านเกิดมาเริ่มชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง หันมาออกกำลังกาย ขยันเรียนรู้หาความรู้ใหม่ โชคดีทีสมองดีเป็นทุนเดิมเลยเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยาก แถมญาติๆฝั่งคุณตาก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี แม้ไม่ได้มอบความรักให้มากมายแต่ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ออกจะมีชีวิตสุขสบายกว่าที่ประเทศไทยด้วยซ้ำ
 
เขามีลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมาก พี่อากิโตะเป็นลูกชายของคุณลุงที่อายุห่างจากเขาเกือบสิบปี พี่เป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอมา ดังนั้นเขาจึงเอ็นดูลูกชายของพี่มากเช่นกัน นับๆดูแล้วอายุของอากิน่าจะพอๆกับเจ้าตัวเล็กของเขาเหมือนกัน
 
คิดแล้วก็สงสัยก้อนแป้งน้อยและครอบครัวจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณตาเป็นคนจัดการเรื่องงานศพของคุณพ่อคุณแม่ ย้ายผมมาอยู่ญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รู่รายละเอียดของเพลิงไหม้ครั้งนั้นเลย เวลานั้นรู้เพียงแค่ว่าเขาได้สูญเสียครอบครัวไปอย่างไม่มีวันหวนกลับแล้ว
 
หลังจากที่เขาเรียนจบได้หลายปี เขาบังเอิญพบคนคุ้นตา ‘พี่ตู่’ เป็นพี่นักเขียนไส้แห้งที่เคยอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์เดียวกับเขา แม้ว่าในทีแรกพี่ตู่จะจำเขาไม่ได้เลย แต่เขากลับจำพี่ตู่ได้ดี เพราะเป็นพวกอินดอร์เหมือนกันเขาเลยมีความสนิทสนมกับแกระดับหนึ่ง
 
พี่ตู่เป็นนักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คกำลังขายของงานประดิษฐ์เล็กๆน้อยๆ เพื่อหาเงินค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับไปท่องเที่ยวยังประเทศต่อไป แกบอกว่าแกไม่มีบ้านให้กลับแล้วเลยออกเที่ยวทั่วโลกซะเลย เที่ยวไปด้วยเขียนหนังสือไปด้วย เขาว่าชีวิตแบบนี้ก็ดูอิสระดี
 
หลังจากได้พบกับพี่ตู่เขาถึงได้รู้ความจริงเบื้องหลังเหตุไฟไหม้อพาร์ทเมนต์แห่งนั้น พี่ตู่เล่าด้วยความคับแค้นใจว่า ช่วงก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยกำลังมีข้อพิพาทกับเจ้าของห้างสรรพสินค้าซึ่งกำลังกว้านซื้อที่ดินโดยรอบ ขาดแต่ส่วนที่เป็นอพาร์ทเมนต์ที่ไม่ยอมขายให้ ทำให้โครงการใหญ่ระดับหลายร้อยล้านต้องหยุดชะงัก หากแต่อยู่ดีๆก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนเสียชีวิต ทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนั้นไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีก เป็นอันต้องยอมขายให้กับทางห้างนำไปพัฒนาต่อไป แม้ว่าสุดท้ายผู้เสียหายจะได้รับค่าชดเชยจำนวนมาก หากแต่สำหรับบางครอบครัวการเยียวยาที่ได้รับนั้นกลับไม่สามารถทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปได้ ตำรวจสรุปสำนวนคดีเป็นไฟฟ้าลัดวงจร เป็นอุบัติเหตุที่เศร้าสลด ไม่มีผู้กระทำความผิดหากแต่ในใจลึกๆของผู้เสียหายทุกคนกลับรู้สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ดี เสียแต่กลัวอิทธิพลของอีกฝ่ายสุดท้ายจึงได้แต่จำยอม
 
เขากำมือแน่นด้วยแรงอารมณ์ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทราบรายละเอียดของเพลิงไหม้ครั้งนั้น หลังจากทราบข้อมูลบางส่วนจากพี่ตู่แล้ว เขาจึงเริ่มขุดคุ้ยหาข้อมูลเพลิงไหม้โดยละเอียด แล้วก็อดคิดถึงครอบครัวข้างๆห้องไม่ได้ ครอบครัวกิจการุณเหลือรอดเพียงคนเดียวคือลูกชายวัย 6 ขวบที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยออกมาได้ เด็กน้อยที่สูญเสียพ่อแม่ไปอยู่ในความดูแลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่จัดตั้งขึ้นโดยมูลนิธิอัครเหมันต์
 
ก้อนแป้งยังมีชีวิตอยู่ หากแต่เด็กน้อยต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตคล้ายๆกับเขาหากแต่ยังเยาน์วัยกว่าเขานัก เด็กน้อยจะทนรับมันได้อย่างไร คิดแล้วยิ่งละเหี่ยใจ
 
นับจากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะขยายธุระกิจไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่อยๆวางรากฐาน วางเส้นสายที่มั่นคง แม้อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่การรอคอยของเขาจะต้องคุ้มค่า
 
และแล้วก็ถึงวันที่เขาได้มาเยียนบ้านเกิดอีกครั้ง
 
“นั่นครับนาย เด็กผู้ชายคนนั้นคือคุณก้อนแป้ง” เคโตะเลขาที่เขาดึงตัวมาช่วยงานที่ประเทศไทย กล่าวพร้อมพายมือไปทางเด็กหนุ่มผอมแห้ง ผิวคล้ำ หัวเกรียน ท่าทีกวนส้น กำลังสตาร์ทรถจักรยานยนต์ที่เหลือแต่โครงเหล็กอยู่
 
“...........” นั่นใช่ก้อนแป้ง เด็กน้อยผิวขาวเนียนนุ่ม แก้มยุ้ยน่าบีบคนนั้นจริงๆหรือ ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
 
“ครับคุณก้อนแป้ง นายปกรณ์ กิจการุณ” เหมือนเลขาเขาจะรู้ถึงความในใจจึงกล่าวย้ำอีกที
 
เท่าที่เขาสืบทราบมา ชีวิตในบ้านเด็กกำพร้าของก้อนแป้งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เนื่องจากที่ศูนย์ฯแห่งนั้นเป็นมูลนิธิเอกชนที่ได้เงินสนับสนุนหลักจากครอบครับอัครเหมันต์ ที่ดูแลตลอดเรื่อยมา แต่ทำไมสภาพของก้อนแป้งที่เขาเห็นจริงได้กลายเป็นวัยรุ่นหัวโจกแบบนี้ไปได้
 
“ออกรถ” สงสัยต้องพิสูจน์กันสักหน่อยแล้วว่าเด็กคนนี้ใช่ก้อนแป้งของเขารึป่าว!
 
**************************************************************************************************
 
เด็กคนนั้นกำลังพนมมือ และบ่นพรึมพรำอยู่พักใหญ่ แล้วอยู่ๆปากก็พองลมขึ้นทำท่าทีเหมือนจะพ่นอะไรออกมา
 
“หยุดนะ อย่าพ่นมันออกมา” เขาตัดสินใจลดกระจกแล้วกล่าวออกไป แต่มันก็ไม่ทันการละอองน้ำกระทบใบหน้าพร้อมกลิ่นกระเทียมอ่อนๆ เขาไปแต่ขมวดคิ้ว
 
เด็กคนนั้นบอกว่าตนกำลังพรหมน้ำมนต์ ใช่เลย! นี้แหละเด็กน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ที่มีตรรกะป่วยๆ คิดไม่เหมือนคนปกติ นี้แหละก้อนแป้งของเขา
 
“เธอรู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร” เขาถามออกไป หากแต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับปฏิเสธไม่รู้จักเขา
 
งั้นรึ ดูท่าว่าก้อนแป้งจะจำเขาไม่ได้ ไม่แปลกหรอก เขาทิ้งเด็กคนนี้ไว้อย่างโดดเดี่ยวมายาวนานขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไรหลังจากนี้เขาสามารถบันทึกความทรงจำดีๆให้กับก้อนแป้งได้ เขามาเพื่อการนั้น
 
หลังจากที่ได้พบก้อนแป้งอีกครั้งเขาจึงได้ทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ก้อนแป้งอาศัยอยู่มีผู้ดูแลที่ทุกคนเรียกติดปากว่า ‘คุณแม่จุ๋ม’ เมื่อได้พบกับคุณแม่จุ๋มเขาก็ทราบได้ทันทีว่าลักษณะนิสัยของก้อนแป้งนั้นได้มาจากใคร เล่นถอดแบบมาจากคนเลี้ยงนี้เอง โดยเฉพาะความ ‘งก’ นั่น แต่เขากลับคิดว่าแบบนี้ก็น่ารักดี น่าเอ็นดู ชีวิตดูมีสีสันแบบแปลกๆ
 
ลึกๆแล้ว ไม่ว่าก้อนแป้งจะเป็นอย่างไร เขาก็รักก้อนแป้งในแบบที่ก้อนแป้งเป็นนั่นแหละ!
 
**************************************************************************************************
 
ในที่สุดเขาก็หาทางหว่านล้อมให้ก้อนแป้งย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดได้ แม้ว่าจะไปๆกลับๆก็เถอะ กว่าจะยอมย้ายมาอยู่ด้วย เขาต้องเสียกำลังภายในหว่านล้อมคุณแม่จุ๋มไปไม่น้อย ดีหน่อยที่คุณแม่จุ๋มเธอหัวไว พูดคุยด้วยง่าย สุดท้ายเขาจึงได้ก้อนแป้งมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
 
หากแต่เขาดีใจได้ไม่นานเมื่อแพลนที่วางไว้กระชั้นชิดเข้ามา ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องที่ให้นักสืบคอยตามสืบอยู่ เขาจำเป็นจะต้องบินไปกลับญี่ปุ่นเป็นว่าเล่นเพราะมีปัญหากับทางห้างที่ดิวงานกันไว้ เหมือนทางนั้นจะเริ่มระแคะระคายบางอย่าง แถมล็อตการผลิตล่าสุดที่โรงงานเกิดปัญหาไม่ผ่านคิวซีเขาจึงต้องกลับสาขาหลักเพื่อหาทางแก้ไข ยิ่งช่วงที่เขาติดประชุมที่ญี่ปุ่นยาวๆเขากลับได้ข่าวที่คาดไม่ถึงจากหลานชาย
 
‘ก้อนแป้งได้รับบาดเจ็บ’ ณ เวลานั้นเขายอมละทิ้งทุกอย่างที่เตรียมการไว้บินกลับมาดูแลคนรัก หากแต่ไม่นานก็ต้องกลับไปทำงานต่อทิ้งให้เด็กดื้ออยู่ตามลำพัง แต่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจกว่าเดิม ครั้งนี้ถึงขั้นมีเรื่องชกต่อย ไม่พอยังพยายามปิดบังไม่ให้เขารับรู้อีก กว่าจะคาดคั้นเอาความจากหลานชายได้ ทางคุณแม่จุ๋มก็ดำเนินเรื่องจนจบลงไปแล้ว ‘ไม่เอาความ’ แต่เขาไม่อยากจบ!
 
พอดีกับที่พ่อของเด็กหัวโจกเป็นพนักงานระดับอาวุโสของบริษัทในเครือ ในเมื่อมีปัญหากับคนรักของเขา แถมกฎหมายยังเอาเรื่องอะไรไม่ได้ อย่างนั้นก็ไปอยู่ห่างๆเลยแล้วกันจะได้ไม่ก่อปัญหาอีก โรงงานใหม่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง ดังนั้นก็ย้ายไปคุมงานก่อสร้างเลยแล้วกัน แม้ว่าจะถูกพี่อากิโตะต่อว่าว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะคำกล่าวเสียงออดอ้อนว่า ‘รักนะครับ พี่ภูมิ’ มันเอาชนะได้ทุกอย่าง
 
**************************************************************************************************
 
วันนี้เขาพลาดไปแล้วจริงๆที่พาก้อนแป้งมาทานข้าวเย็นที่ห้างแห่งนี้  เป็นเพราะเขาห่วงงานไม่เข้าเรื่องนั่นแหละ เลยเป็นเหตุทำให้ก้อนแป้งต้องพบกับไอ้คุณอิศ!
 
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามสืบหาหลักฐานและพยานเพื่อจะเอาผิดครอบครัวอัครเหมันต์ แต่ก็จนด้วยอำนาจและอิทธิพลของฝ่ายนั้นมีมากกว่า รู้ว่าพวกมันทำผิดอยู่เต็มอกและกลับเอาผิดไม่ได้ แม้ว่าผู้ทำผิดจะเป็นรุ่นพ่อ แต่ลูกชายของมันดันมาเกาะแกะคนรักของเขา เขายิ่งพาลไม่ชอบหน้าไอ้คุณอิศอีกเท่าทวี
 
เขารู้ว่าก้อนแป้งเป็นคนมีเสน่ห์ แม่ว่าจะเป็นเสน่ห์แบบแปลกๆก็เถอะ แต่ไอ้คุณอิศดันมาติดห่วงเสน่ห์แปลกๆแบบนี้เข้า แถมคนของเราดันใสซื่อไม่รับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังนั่นอีก
 
ตั้งแต่ได้อยู่กับก้อนแป้ง เขาก็ไม่อยากรื้อฟืนเรื่องราวในอดีตขึ้นมาอีก รู้ว่ามีแต่ความทรงที่เจ็บปวด ยิ่งรู้ว่าก้อนแป้งจำอะไรไม่ได้ งั้นก็ให้มันถูกฝังเก็บไว้ที่เขาคนเดียวจะดีกว่า
 
 หากแต่วันนี้เขาอดไม่ได้จริง ไอ้คุณอิศมันมายุ่งกับคนรักของเขาอีกแล้ว ทั้งๆที่เขาได้คุยเป็นการส่วนตัวไปแล้วแท้ๆ
 
“ทำอะไรกันหนะ” กว่าเขาจะปลีกตัวออกมาจากฝูงชนที่รายล้อมได้ ไอ้บ้านั่นเกือบพาก้อนแป้งหลุดหายไปจากครรลองสายตาของเขาแล้ว
 
ใจจริงเขาอยากชกหน้าหมอนั่นสักหมัด หากแต่ด้วยสัญญาทางธุรกิจจึงจำเป็นรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ สุดท้ายจึงยอมคุยตกลงกันอีกครั้ง โดยที่ฝ่ายนั้นเป็นคนพูดเรื่องที่เขาพยามยามไม่รื้อฟืนขึ้นมาก่อนจนเป็นเหตุให้ก้อนแป้งรู้ความจริง
 
เขาต้องขอบคุณไอ้คุณอิศหรือไม่ที่ทำให้ก้อนแป้งจดจำเขาได้
 
ไม่! เขาไม่ขอบคุณ
 
สุดท้ายเขาตัดสินใจขอพบนายอดิศักดิ์ อยากเห็นกับตาว่าฝ่ายนั้นได้รับกรรมที่ก่อแล้ว เมื่อได้เห็นสภาพของฝ่ายนั้นความคับข้องใจของเขาก็เบาบางลง ยิ่งเมื่อมีก้อนแป้งเทศนาอยู่ใกล้ๆ ใจเขายิ่งพลันสงบลง เขาปล่อยวางแล้ว เรื่องราวในอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป หลังจากนี้เขาจะร่วมสร้างอนาคตกับก้อนแป้ง
 
ก่อนอื่นก็อนาคตอันใกล้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของก้อนแป้งแล้ว
 
วันเกิดอายุครบ 18 ปี ที่เขารอคอย!

********************************************************************************************

ยังมีตอนพิเศษของอิตาคุณลุงอิศต่อคร่าาาาาา  o18
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 1 ภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร (8-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-11-2019 20:03:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 2 อดิศร อัครเหมันต์ (11-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 11-11-2019 11:11:38
ต่อด้วยคุณลุงอิศ คนแก่ขออนุญาติออกมาบ่นค่ะ  o18

********************************************************************************************

side story 2 อดิศร อัครเหมันต์
 
------------------ผมในวัย 25 ปี-------------------
 
“ปังงงงง! คุณพ่อทำอย่างนี้ได้ยังไงครับ” เสียงตบโต๊ะอย่างแรงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมแสดงอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ ผิดหวัง หลากหลายปะดังปะเดเข้าใส่ สุดท้ายได้แต่จ้องหน้าถูกเป็นพ่อด้วยแววตาหมดหวัง
 
หลังจากที่ผมเรียนจบ MBA จาก แคลิฟอร์เนีย ยู ผมก็เข้าทำงานในบริษัทของคุณพ่อซึ่งตอนนี้กำลังมีโปรเจคใหญ่ เป็นการร่วมทุนสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง มูลค่าหลายร้อยล้าน
 
คุณพ่อมอบหมายให้ผมรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ยังไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจวาระสำคัญของบริษัท เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ทั้งๆที่ผมอยากดูแลเกี่ยวกับการวางแผนโครงการมากกว่า ส่วนด้านมวลชนที่มีปัญหาการขัดแย้งรุนแรงนั้น คุณพ่อและคุณลุงเป็นผู้ดูแลโดยตรง
 
ผมที่เคยตั้งเป้าหมายในการทำธุระกิจอย่างขาวสะอาด ปราศจากทุจริต อยากใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาให้คุ้มค่า อยากแสดงความสามารถของตนเองให้คนรอบตัวเห็น แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสกับการทำงานจริงๆกลับพบว่า โลกที่พวกเราอาศัยอยู่นั้นล้วนหลอกลวง หวังผลประโยชน์ และน่ารังเกียจเพียงใด
 
“คุณพ่อยอมทำตามวิธีของคุณลุงได้ยังไง” ผมดันหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดไปที่ตรงหน้าคุณพ่อ
 
พาดหัวข่าวเขียนถึงเหตุเพลิงไหม้ย่านอพาร์ทเมนต์ใจกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟฟ้าลัดวงจร
 
“ไฟฟ้าลัดวงจรงั้นเหรอ” ผมอยากจะหัวเราะ ผมเคยแอบได้ยินคุณลุงเปรยวิธีการข่มขู่และไล่ที่ชาวบ้านให้คุณพ่อฟัง แต่ไม่คิดเลยว่าคุณพ่อจะยอมทำตามวิธีทุเรศๆแบบนี้
 
“พ่อยัดเงินตำรวจมันไปเท่าไหร่...ไหนจะนักข่าวอีก” ผมมองจับจ้องเข้าไปดวงตาของคุณพ่อที่ยังนิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบคำถาม หัวคิ้วของคุณพ่อขมวดแน่นราวกับกำลังระงับอารมณ์
 
หลังจากนั้นไม่นานโปรเจคสร้างห้างสรรพสินค้าของเราก็ดำเนินการต่อไปอย่างราบรื่นไม่พบปัญหาใดๆอีก และนับเป็นจุดสิ้นสุดของปณิธานที่ผมตั้งไว้ในการดำเนินธุระกิจอย่างขาวสะอาด เมื่อผมได้ค้นพบว่าในชีวิตจริงนั้นไม่มีสีขาว ไม่มีสีดำ มีแต่สีเทาที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ว่าจะเป็นเทาเข้มหรือเทาอ่อนตามสถานการณ์
 
สำหรับตัวผมนั้นพยายามจะดำเนินชีวิตด้วยสีเทาเฉดที่อ่อนที่สุดเท่าที่ทำได้
 
------------------ผมในวัย 30 ปี-------------------
 
คุณพ่อเป็นอัมพาต!
 
หลังจากที่โปรเจคก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแล้วเสร็จ เปิดตัวได้ปีเศษคุณพ่อท่านก็ล้ม จะด้วยสาเหตุของสุขภาพหรือความเครียดส่งผลให้คุณพ่อเส้นเลือดในสมองแตกกลายเป็นอัมพาต อาการของคุณพ่อค่อยๆรุนแรงขึ้นจนในที่สุดท่านก็พูดคุยไม่ได้อีก
 
ประโยคสุดท้ายที่ท่านกล่าวกับผมคือ ‘พ่อเสียใจ’ ผมไม่แน่ใจว่าท่านเสียใจเรื่องอะไร จะใช่เรื่องเดียวกันกับที่ค้างคาใจผมมาร่วม 5 ปีรึป่าว แต่จากแววตาของคุณพ่อผมคิดว่าใช่
 
ผมต้องขึ้นบริหารบริษัทในวัยเพียง 30 ปี ถึงเวลาที่ผมจะได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เสียที
 
หลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ บริษัทของเราก็แสดงตัวเป็นนายทุนใหญ่ใจบุญ จัดตั้งมูลนิธิอัครเหมันต์เพื่อดูแลผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ร้ายต่างๆ โดยดำเนินการต่อเนื่องมาครบปีที่ 5 แล้ว แม้ว่าผู้จัดตั้งมูลนิธิจะเป็นคุณพ่อ แต่ผู้ที่เป็นคนต้นคิดและลงแรงหลักคือพี่จุ๋ม
 
พี่จุ๋มเป็นพี่สาวคนโตของผม ผู้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณพ่อเช่นเดียวกัน หากแต่พี่จุ๋มเป็นหญิงแกร่งเมื่อตัดสินใจแล้วก็เก็บข้าวของออกจากบ้านไปดูแลเด็กๆกำพร้ายังศูนย์เลี้ยงเด็กที่พี่จุ๋มจัดตั้งขึ้นภายในการสนับสนุนจากมูลนิธิอัครเหมันต์
 
แรกเริ่มศูนย์ฯแห่งนี้รับดูแลเด็กกำพร้าผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ หากแต่ต่อมาก็มีการรับเด็กกำพร้าจากเหตุร้ายต่างๆมาดูแลเพิ่มมากขึ้น
 
ผมเคยไปที่ศูนย์ฯไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไปผมมักจะสะดุดตากับเด็กน้อยผิวขาวเนียนคนหนึ่ง เด็กคนนั้นเป็นเด็กกำพร้าจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ‘หนูกร’ สูญเสียคุณพ่อและคุณแม่ในวันเดียวกัน ผมถือว่าหนูกรเป็นเด็กที่โชคร้ายมากที่ต้องมาประสบความสูญเสียตั้งแต่อายุยังน้อย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากน้ำมือคนในครอบครัวของผม
 
ด้วยความละอายใจหลังจากนั้นผมก็พยายามไม่ไปที่ศูนย์ฯอีก หากแต่วันนี้มีความจำเป็นต้องมาพบพี่จุ๋มที่นี้ ดังนั้น ณ เวลานี้ผมจึงนั่งอยู่กลางห้องรับแขก ซึ่งมีเด็กๆวิ่งเล่นไปมา มองดูบรรยากาศรอบๆแล้วถือว่าน่าอยู่ คุณภาพชีวิตของเด็กที่นี่ถือว่าไม่เลวนัก
 
“ลุงๆ...คุณแม่ให้เอาน้ำมาให้” เด็กน้อยอายุราวๆสิบขวบ ใช้มือดึงชายเสื้อของผมเพื่อเรียกร้องความสนใจ แล้วจึงประคองแก้วน้ำเย็นๆมาวางไว้ใกล้ๆ
 
ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ‘ลุง’ งั้นรึ ผมเพิ่งจะ 30 เองนะ โดนเรียกลุงซะแล้ว แต่ก็นะในสายตาเด็กๆ ผู้ใหญ่ทุกคนถือเป็นลุงเป็นป้าไปหมดนั่นแหละ
 
ผมพิจารณาเด็กน้อยที่นำน้ำมาให้ ใบหน้านี้ โครงหน้าแบบนี้ที่ผมมักสะดุดตาบ่อยๆ เด็กคนนี้คือ ‘หนูกร’ หากแต่สีผิวที่เคยขาวเนียนน่าสัมผัส ตอนนี้กลับดำคล้ำขึ้น 
 
ออ ที่นี่คงแดดแรงมากสินะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนสวนเอาต้นไม้ใหญ่มาลง!
 
------------------ผมในวัย 35 ปี-------------------
 
“นายครับ...ผลการเรียนของคุณกรครับ” เลขาส่งเอกสารผลการเรียนเทอมล่าสุดของหนูกรให้ผม
 
ผลการเรียนมอสามเทอมที่หนึ่ง เกรดเฉลี่ย 3.98
 
ผมขมวดคิ้วกับผลการเรียนนั้น หนูกรเรียนที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมต้นมาผลการเรียนของหนูกรดีขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกเสียดายความสามารถของเด็กคนนึงที่จะต้องจมอยู่กับการศึกษาภาคบังคับของประเทศที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของนักเรียนได้
 
“ให้ย้ายไปที่เซนต์คาร์เต้อ” ผมกล่าวสั่งเรียบๆกับเลขาที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
 
“แล้วเด็กคนอื่นๆหละครับนาย” เลขาพยายามทักท้วง ผมเข้าใจครับว่ามันเป็นการสองมาตรฐาน หากหนูกรได้ย้ายไปเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดัง แล้วเด็กกำพร้าคนอื่นๆจะมองหนูกรอย่างไร
 
“ให้สอบชิงทุน” ผมจัดการแก้ไขปัญหาง่ายๆ ฉลาดระดับหนูกรยังไงก็สอบขอทุนเรียนได้อยู่แล้ว ผมก็แค่ตั้งทุนการศึกษาไว้รอให้หนูกรไปสอบเท่านั้น
 
นับตั้งแต่ได้พบหนูกรอีกครั้งเมื่อ 5 ปีก่อน ผมก็ไม่สามารถตัดภาพเด็กตัวดำคล้ำออกจากสมองได้เลย แม้ว่าจะไม่ได้พบหน้าแต่ก็ยังระลึกถึงเสมอ สุดท้ายจึงสั่งให้รายงานสถานะการณ์ของหนูกรเป็นระยะๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ คอยจัดการสิ่งจำเป็นต่างๆ ไม่ให้หนูกรต้องขาดเหลืออะไร และผมคิดว่าคงจะทำแบบนี้ต่อไป ถือซะว่าเป็นการชดเชยความรู้สึกผิดในใจของผม อีกทั้งการคอยเฝ้าดูเด็กคนนี้เติบโตขึ้นก็เป็นความสุขหนึ่งในชีวิตของผมด้วยเช่นกัน
 
------------------ผมในวัย 40 ปี-------------------
 
ผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องดูแลหนูกรอีกแล้ว เพราะหนูกรมีคนที่รักคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
 
ทุกวันนี้หนูกรย้ายออกจากศูนย์ฯแล้ว ย้ายไปอยู่กับคุณภูมิพัฒน์อย่างถาวร ออกห่างจากสายตาของผมไปเรื่อยๆ
 
หลายปีก่อนมีโอกาสได้พบกับหนูกรผ่านทางคุณภูมิพัฒน์ ทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงตัว หนูกรจำผมไม่ได้ ก็สมควรอยู่หรอก เพราะเราเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวในสมัยที่หนูกรยังเด็กมาก หนูกรไม่รู้จักผม มีแต่ผมที่รู้จักหนูกรฝ่ายเดียว
 
ผมเห็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณภูมิพัฒน์กับหนูกรแล้วเกิดริษยาอยากใกล้ชิดกับหนูกรแบบนั้นบ้าง หากแต่คุณภูมิพัฒน์กลับดูไม่ชอบหน้าผมชอบกล จนผมได้พบความจริงที่ว่าคุณภูมิพัฒน์ก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในอดีต ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่ชอบผม
 
จนในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย ทำให้หนูกรได้รื้อฟืนความทรงจำในอดีต หากแต่หนูกรเป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างดีอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ ไม่โกรธ ไม่คิดแค้น และปล่อยวาง หนูกรยกโทษและอโหสิกรรมให้กับคุณพ่อ
 
ดังนั้นผมก็จะขอปล่อยวางตามแนวธรรมะที่หนูกรได้กล่าวไว้เช่นกัน
 
วันนี้ผมตัดสินใจปล่อยหนูกรให้จากไป ไปจากสายตา ไปจากความคิด ไปกับคนอีกคนที่จะดูแลหนูกรแทนผม
 
เฮ้อออออ ความรู้สึกช่างเหมือนปล่อยลูกน้อยจากอ้อมอกจริงๆ
 
------------------ผมในวัย 45 ปี-------------------
 
ผมคิดว่าผมปล่อยวางไม่ลงแล้ววววววววววววววววววว
 
ไอ้คุณภูมิพัฒน์มันส่งรูปงานแต่งงานของมันกับหนูกรมาเย้ยหยันผม ไม่นานหลังจากที่หนูกรเรียนจบปริญญาโท ไอ้เจ้าบ้านั่นมันก็ลากหนูกรไปจดทะเบียนกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
 
ทำอย่างนี้ได้ยังไง ข้ามหน้าข้ามตาผมชัดๆ
 
รับไม่ได้ ผมต้องรีบไปขัดขวาง
 
“เอก เตรียมเอาเครื่องบินขึ้น ชั้นจะไปแมสซาชูเซตส์” ผมรีบสั่งเลขาทันทีที่ได้เห็นรูปชายหนุ่มในชุดขาวสองคนยืนกอดกัน
 
รอก่อนนะหนูกร อย่าเพิ่งตอบตกลงนะ!
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 2 อดิศร อัครเหมันต์ (11-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-11-2019 22:21:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดว่าจะสำเร็จดังหวังเหรอ  คุณลุงอิศ?
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 3 อากิระ ฟูจิคุระ (14-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 14-11-2019 10:25:20
side story 3 อากิระ ฟูจิคุระ
 
ปิดเทอมนี้พวกเรามีแผนไปเที่ยวทะเลกันครับ
 
ไม่สิ ไม่ใช่แผนไปเที่ยวทะเล ต้องเรียกว่าแผนสร้างสถานการณ์พบหน้าซะมากกว่า
 
หลังจากที่ได้ยินคุณอาบ่นผ่านๆหูว่าอยากไปเที่ยวพักผ่อนกับกรบ้าง เพราะช่วงนี้ได้แต่ตามไปส่องดูที่หน้าโรงเรียน ผมถึงได้เสนอไอเดียเที่ยวทะเลนี้ขึ้นมา
 
สรุปว่าหลอกกรไปทำความสะอาดบ้านให้คุณอาสัก 3 วัน แล้วหลังจากนั้นค่อยอยู่เที่ยวกันต่อ
 
ส่วนผมหนะเหรอ ก็เหมารวมเป็นการพักผ่อนยาวๆตลอดทริปเลยแล้วกันครับ
 
ผมไม่ค่อยชอบทะเลแผ่นดินใหญ่ของประเทศไทยสักเท่าไหร่ น้ำทะเลดูสกปรกแถมมีเศษขยะปนเปื้อนอีกต่างหาก แต่หากถูกใจเกาะกลางมหาสุมทรที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ สำหรับครั้งนี้ไปที่หัวหินเห็นทีจะสะดวกที่สุด เพราะเราจะไม่โฟกัสที่สถานที่แต่จะโฟกัสที่คนร่วมทริปครับ
 
กว่าพวกเราจะเดินทางไปถึงบ้านพักก็เย็นมากแล้วครับ ผมชี้ให้กรดูบ้านของคุณอาที่กรจะต้องไปทำความสะอาดพางกลืนน้ำลาย ยามพลบค่ำแบบนี้ยิ่งส่งเสริมให้บรรยากาศของบ้านหลังนั้นดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เอาเป็นว่าผมยอมสละพระพุทธรูปให้กรอันเชิญติดตัวไปดีกว่า ผมก็มีความเป็นห่วงเพื่อนระดับหนึ่ง
 
วันแรกที่กรเริ่มงาน หลังจากที่ไปส่งอาหารเที่ยงให้กรแล้ว ในที่สุดผมก็ได้อยู่กับมาร์คสองต่อสองสักที  วันนี้เราเข้าตัวเมืองไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไปกราบพระที่วัดห้วยมงคล ต่อด้วยเช็คอินร้านกาแฟที่เพลินวาน และไม่ลืมที่จะแวะซื้อวัตถุดิบสำหรับทำบาบีคิวที่ตลาดฉัตรไชยก่อนกลับไปรอกรเลิกงาน สุดท้ายก็แยกย้ายกันเข้านอน เพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้
 
ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน นอนไม่หลับเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
 
ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของมาร์คเลย มาร์คไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับผมหรอกเหรอ หรือผมเข้าใจผิดไปเอง คิดไปคนเดียว คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป
 
ทำไมวันนี้มาร์คทำตัวแปลกๆไม่เหมือนเคย เวลาเดินเที่ยวก็เดินอยู่ห่างๆ ไม่ค่อยพูดถามคำตอบคำ แถมยังเข้านอนเร็วอีกต่างหาก ถ้าเป็นปกติจะต้องงอแงมาขอนอนด้วยโดยอ้างว่ากลัวผีแท้ๆ
 
หรือผมยังแสดงออกไม่ชัดเจนว่าผมก็มีใจให้มาร์คเหมือนกัน
 
หรืออาจเป็นเพราะผมแสดงออกชัดเจนเกินไป จนมาร์คตีตัวออกห่าง เพราะแท้จริงแล้วมาร์คคิดกับผมแค่เพื่อน
 
ต่างจากที่ผมคิดกับมาร์คไปมากกว่านั้น
 
เฮ้อออออออ แล้วพรุ่งนี้ผมจะทำยังไงดี
 
ท้ายที่สุดผมก็ผลอยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว กรไปทำงานแล้ว ส่วนมาร์คก็หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นผมต้องมานั่งเหงาอยู่ในบ้านคนเดียว นิไม่ใช่ทริปในฝันที่ผมจินตนาการไว้แน่นอน ผมควรจะได้ไปเที่ยวสองต่อสองกับมาร์คสิ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้
 
“ลุงพลครับ มาร์คไปไหนครับ” ผมหันไปถามคุณลุงคนขับรถที่อยู่ละแวกนั้น รถตู้ก็ยังอยู่แปลว่าไม่ได้ไปไหนไกล
 
“ออ...คุณมาร์คขี่เจ็ทสกีออกไปเที่ยวครับ” อะไรกันครับนี่ มาร์คไปเที่ยวไม่ชวนกันสักคำ
 
ผมจะงอนจริงๆแล้วนะ
 
เฮ้อ...สงสัยผมจะคิดไปเองคนเดียวจริงๆ
 
**************************************************************************************************
 
“อากิ อากิ...ตื่นๆ” เสียงเรียกเบาๆ พร้อมปลายนิ้วกำลังลูบไล้ใบหน้าอย่างอ่อนโยน
 
ผมสะดุ้งตื่น อ่าว นี้ผมเผลอนอนหลับกลางวันไปแน่เลย
 
“อ่าว...มาร์ค กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมถามกลับคนที่ผมเฝ้ารออยู่
 
“ใช่ๆ ตื่นเร็ว ไปเที่ยวกันเถอะ” มาร์คพยายามลากผมให้ลุกขึ้น
 
“จะไปที่ไหนครับมาร์ค” ผมถามแบบงงๆ แต่ก็ยอมเดินตามมาด้วย เผลอแปปเดียวผมก็ซ้อนท้ายบนเจ็ทสกีซะแล้ว
 
“เกาะหนะ เราไปเจอเกาะแห่งนึง บรรยากาศดีมากเลย” มาร์คว่าพางบิดคันเร่งให้เร็วขึ้น
 
“ช้าๆหน่อยครับมาร์ค ผมกลัวตก” ผมรีบกอดเอวมาร์คเอาไว้ แรงลมที่กระแทกอาจทำให้ผมปลิวไปได้จริงๆ
 
หลังจากที่ผมกล่าวจบ เจ็ทสกีก็ผ่อนความเร็วลง แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยมือที่โอบเอวของมาร์คไว้แต่อย่างใด
 
ว๊าวววววววว ที่นี่บรรยากาศดีอย่างที่มาร์คบอกจริงๆด้วย แถมน้ำทะเลก็ใส๊ใสอีกต่างหาก ทั้งๆที่เกาะนี้ห่างจากบ้านพักเราไม่มากนัก แต่บรรยากาศคนละเรื่องเลยครับ บรรยากาศที่แสนคุ้นเคย เพราะมาที่นี่บ่อยๆ
 
ออ...ที่นี่เกาะส่วนตัวของคุณอาครับ
 
-”-
 
“มาร์คเก่งจริงๆที่หาที่สวยๆแบบนี้เจอ ขอบคุณนะครับมาร์คที่พามา” ผมหันไปขอบใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เนียนๆว่าเพิ่งเคยมาแล้วกันครับ
 
เราสองคนกำลังนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกอยู่ที่ชายหาด คลื่นซัดหาดทรายเบาๆ ลมพัดผ่านเย็นชื่นใจ มีฝูงนกนางนวลบินตัดผ่านเบื้องหน้า
 
ผมเฝ้ามองเงาพระอาทิตย์ที่สะท้อนอยู่เหนือผิวน้ำเงียบๆ ซึมซับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกนี้
 
แม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่ชัดเจน แต่ในเวลาแบบนี้มาร์คก็เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว แค่ได้นั่งเงียบๆอยู่กับมาร์คสองคนแบบนี้ผมก็พอใจแล้ว
 
“อากิ” อยู่ๆมาร์คที่นั่งสงบมาตลอดก็กล่าวทำลายความเงียบ
 
“อ่า...ครับมาร์ค” ผมตอบรับไปเบาๆ
 
“อากิเห็นพระอาทิตย์นั่นไหม” มาร์คถามพร้อมชี้มือไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ผมพยักหน้าเบาๆ
 
“เราอยากเห็นพระอาทิตย์ตกพร้อมๆกับอากิ อยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันด้วย อยากให้ทุกๆวันของอากิมีเราและทุกวันของเรามีอากิ ให้เรามีกันและกัน อากิจะรังเกียจมั๊ย ถ้าเรา เอ่อออ เรา จะ ….. ขอ เอ่อ…..” มาร์คพูดยาวเหยียด
 
เอ๊ะ! มาร์คพูดอะไร ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ คือมาร์คพูดเร็วมาก แถมประโยคยังยาวมากอีกต่างหาก พูดถึงพระอาทิตย์ กับอะไรสักอย่างทุกๆวัน แต่ท่าทางของมาร์คดูเครียดมาก
 
“เอ่อ...อ่า...ถ้า…เอ่ออออออ” ไม่นะบรรยากาศดีๆ สุดแสนจะโรแมนติกแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ผมไม่ยอมให้มาร์คมาทำลายบรรยากาศด้วยการพูดเอ่อๆอ่าๆแน่นอน
 
“ผมชอบมาร์คครับ มาร์คคบกับผมได้มั๊ยครับ” ผมกลั้นใจบอกออกไป ขอผมฉวยโอกาสที่มาร์คยังเอ่อๆอ่าๆ อาศัยบรรยากาศโรแมนติกนี้ขอมาร์คเป็นแฟนซะเลย
 
ถ้าไม่บอกวันนี้จะบอกวันไหน โอกาสอยู่สองต่อสองไม่ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ
 
มาร์คตกใจเบิกตากว้าง อาการเอ่อๆอ่าๆหายไป กลายเป็นอ้าปากกว้างไม่หุบ
 
“หรือว่ามาร์ครังเกียจผม” ผมคงจะเสียใจมากถ้าเป็นอย่างนั้น
 
“มะ...ไม่รังเกียจ คบกันนะ” พอมาร์ครู้สึกตัวก็หุบปากลงแล้วรีบส่ายหน้า พยักหน้า อย่างเลือกไม่ถูก
 
“จริงเหรอครับ” ผมดีใจสุดขีดรีบโผเข้ากอดคนข้างๆ แล้วถามย้ำ
 
“อืม เราเป็นแฟนกันนะ” ร่างสูงด้านข้างยกแขนขึ้นมาโอบกอด ก่อนพูดย้ำให้ความมั่นใจแก่ผม แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ตกริมทะเลสุดแสนจะโรแมนติก
 
ดีจริงๆที่ผมรวบรวมความกล้าสารภาพรักกับมาร์ค แถมฝ่ายนั้นยังตอบรับรักผมอีกต่างหาก
 
ผมกระชับอ้อมแขนกอดตอบร่างสูง โดยแอบมองสีหน้าดีอกดีใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกของอีกฝ่าย
 
ดูเหมือนว่าคนที่ดีใจจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวสินะ
 
แขนแกร่งกอดรัดผมให้แน่นขึ้น เราอยู่ด้วยกันจนพระบาอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ก่อนจะจำใจกลับที่พัก เพราะกลัวว่ากรจะรอ
 
เฮ้อ เอาไว้ครั้งหน้าเราค่อยมากันใหม่แค่สองคนก็แล้วกัน มาโดยไม่ต้องมี กขค. นะครับ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 3 อากิระ ฟูจิคุระ (14-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-11-2019 12:34:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! side story 3 อากิระ ฟูจิคุระ (14-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-11-2019 13:59:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 4 ปรมัตถ์ อภิวัฒนา (18-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 18-11-2019 09:51:58
Side story 4 ปรมัตถ์ อภิวัฒนา
 
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงเป่านกหวีดจบควอเตอร์ที่ 3
 
“กูว่าควอเตอร์สุดท้ายเปลี่ยนแผนดีกว่าหวะ ไอ้กรแม่ง...เมิงไปเป็นพอยต์การ์ดเลย กูส่งลูกให้ตั้งหลายรอบเสือกชูตไม่ลง ไอ้โอ๊ตเมิงเล่นชูตติ้งการ์ดแทนไอ้กรมัน” ผมบ่นไอ้เพื่อนรักอย่างจริงจัง แมร่งมันเอาความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผมมอบให้ไปละลายลงแม่น้ำ
 
แมร่งงงงง เดี๋ยวปลดให้ไปนั่งเป็นตัวสำรองซะเลย
 
“เอาแล้วไงครับ ทีมสีแดงทำคะแนนขึ้นนำได้ด้วยลูกชูต 3 แต้มจากพี่บิ๊กเบอร์ 3 นั่นเอง สีม่วงจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้เวลาเหลืออีกแค่ 2 นาทีก็จะจบเกมส์แล้ว” เสียงพิธีกรข้างสนามประกาศ ผมหันไปมองที่สกอร์บอร์ด ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่ไอ้กรตัวต้นเหตุ แล้วยกนิ้วโป้งปาดคอส่งให้มันไปทีนึง
 
“เฮ้ยยยย ถอยเว๊ย ถอย” ต้องถอยด่วนครับอีกฝ่ายบุกกลับแล้ว แถมคนที่ตั้งรออยู่มีแค่ไอ้กรคนเดียวอีก
 
โธ่! จบกัน ความรักครั้งนี้ของผม จะไปหวังพึ่งอะไรจากไอ้กรมันได้ คิดแล้วน้ำตาจะไหล
 
ถ้าเกมส์นี้ไม่ชนะ หรือว่าหนีตามกันดีวะ!
 
“ปี๊ดดดดด” มัวแต่คิดเพลินๆ กรรมการก็เป่าฟาลว์ อ่าฮะ สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าไอ้กรนั่นแหละ กรรมตามสนองมันแล้ว ยังมีหน้าอาสาชูตลูกโทษอีกนะ
 
“ปี๊ดดดดด...แคร้งงงง...ผุบ” โหสิครับเสือกลงอีก สุดท้ายเลยต้องขอบอกขอบใจมันเพราะมันเป็นคนทำคะแนนปิดเกมส์ แถมยังช่วยกู้สถานการณ์ทำให้พวกเราพลิกกลับมาชนะได้อีก
 
โหสิเพื่อน สมกับที่เมิงเป็นเพื่อนเลิฟกูจริงๆ กูยอมเรียกเมิงว่าเทพกรก็ได้!
 
อากิวิ่งเข้ามาสวมกอดผมด้วยความดีใจ ผมเลยหอมแก้มอากิไปฟ้อดใหญ่ ใจจริงไม่ได้อยากหยุดแค่หอมแก้มแต่ตรงนี้คนเยอะครับ ไว้ค่อยไปต่อที่คอนโดแล้วกัน
 
“ดีใจด้วยนะครับมาร์ค...ในที่สุด...ในที่สุดก็…” อากิหอบหายใจด้วยความตื่นเต้น พูดไม่จบประโยคก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมา
 
“ในที่สุดคุณลุงก็จะยอมรับเรื่องของเราสักที” ใช่ครับ ผมเป็นคนต่อไห้จบประโยคเอง
 
ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่น ไปพบครอบครัวฟูจิคุระ คฤหาสน์ตระกูลตั้งอยู่ชาญเมืองโตเกียว เพียงแค่เห็นรั้วของตัวคฤหาสน์ผมก็พอจะเดาได้ว่าตระกูลของอากิจะต้องมีประวัติความเป็นมายาวนานร้อยปีอัพแน่นอน แถมทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปเหยียบพื้นดินก็ได้รับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากคุณลุงอากิโตะ คุณพ่อของอากิซึ่งยืนรออยู่หน้าประตู ด้านข้างมีหญิงสาวตัวเล็กหน้าตาหน้ารัก ไม่ต้องเดาเลยก็รู้ว่านั่นคือคุณแม่ของอากิ ผมยกมือไหว้ท่านทั้งสอง คุณป้าส่งรอยยิ้มให้ผมทันทีที่เจอหน้า หากแต่เมื่อหันไปสบสบตากับคุณลุงเข้าจะพบว่าไม่ใช่รอยยิ้มแต่กลับเป็นรอยอาฆาตแทน สรุปคือคุณลุงไม่ชอบหน้าผมอย่างรุนแรงเลยครับ แต่ด้วยกลัวลูกชายคนเล็กจะสะเทือนใจจริงเก๊กขรึมไว้ แต่ก็คอยกันท่าพวกเราอยู่ตลอดเวลา
 
สุดท้ายผมทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว ประกาศต่อรองกับคุณลุงไปว่าต้องทำยังไงคุณลุงถึงจะยอมรับเรื่องของเรา ไปๆมาๆผมเลยต้องเดิมพันกับสิ่งที่ผมรักมากคือกีฬาบาสเก็ตบอล ถ้ากีฬาสีปีนี้ผมได้เป็นแชมป์คุณลุงแกจะยอมเลิกกีดกันความรักของพวกเราสักที
 
แล้วผลก็อย่างที่เห็นแหละครับ
 
นิคือเหรียญทองพร้อมถ้วยรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศงานแข่งขันกีฬาสีประจำปี 2019 อากิถ่ายรูปเหรียญทองและถ้วยรางวัลที่ได้ส่งไปให้คุณพ่อดูพร้อมข้อความสั้นๆ ‘มาร์คชนะแล้วครับ’ เป็นการยืนยัน
 
ฝ่ายนั้นอ่านแล้วส่งข้อความสั้นๆเป็นเชิงตอบรับว่า ‘อืม’
 
เอาเป็นว่าพวกเราแจ้งให้ทราบแล้วคุณลุงก็รับทราบแล้วนะครับ การพนันครั้งนี้ผู้ชนะคือพวกผม หวังว่าคุณลุงจะเลิกตั้งแง่กับผมสักที ผมอยากใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขครับ
 
หึ...หึ...หึ…
 
คืนนี้ต้องกลับไปฉลองงงงงงงง ซะหน่อย
 
คิดแล้วก็ก้มลงไปหอมแก้มอากิอีกครั้ง
 
เฮ้อ...ไม่อยากรอให้ถึงคืนนี้เลย หรือว่าโดดเชียร์ตอนบ่ายดี ร้อนก็ร้อน เหงื่อก็เหม็น สู้เอาเวลาไปสวีทกับอากิสองต่อสองดีกว่า
 
ว่าแล้วกำลังจะเอ่ยชวนแฟนหนุ่มข้างๆกาย
 
“แย่แล้วครับมาร์ค กรได้รับบาดเจ็บ” เสียงเล็กๆพร้อมใบหน้าตื่นตระหนกกล่าว
 
เอ๊ะ! บาดเจ็บไรวะ ไอ้กรมันไปแข่งเปตองต่อไม่ใช่เหรอ หรือมีคนโยนลูกเหล็กใส่หัวมันข้อหาหมั่นไส้
 
สมควร!
 
“เป็ดโทรมาบอกว่าไม่ข้อมือซ้นก็อาจร้าว กำลังพาไปส่งโรงพยาบาลครับ” ร่างเล็กกล่าวต่อพลางลากผมเพื่อเดินทางไปยังโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน
 
เฮ้อออออ ไม่กร ไอ้มารคอหอย กูขอถอนคำชมเมิงคืน
 
**************************************************************************************************
 
“ผมโทรไปบอกคุณอาแล้วครับ คุณอากำลังเดินทางกลับมา” เสียงเล็กกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์มือถือ
 
เรากำลังนั่งรอไอ้เพื่อนรักตรวจรักษาอยู่ครับ ผ่านไปราวชั่วโมงเศษมันก็กลับออกมา ปรากฏว่าข้อมือกระดูกร้าวครับ
 
สมน้ำหน้า!
 
เฮ้ย! ไม่ใช่ โธ่ เพื่อน ไม่น่าเลย เมิงไม่น่ามาบาดเจ็บเอาวันนี้เลย ขัดจังหวะภาพฝันที่ผมวาดหวังเอาไว้ แล้วคืนนี้พวกผมดันต้องมาคอยดูแลมันอีก
 
ไอ้เพื่อนเวร ไอ้มารความรัก
 
หลังจากที่เราทั้งสามคนกลับมาถึงคอนโด กว่าจะหว่านล้อมให้ไอ้กรมันยอมนอนที่ห้องคุณภูมิได้ ก็เปลืองน้ำลายไปโขอยู่ แถมต้องหาข้าวหาน้ำ เตรียมยาให้ทาน ไม่พอมันยังงอแงจะให้อาบน้ำให้อีก
 
แมร่งงงงง ดีนะที่ห้ามอากิไว้ทัน ไม่งั้นพวกผมได้ตาเป็นกุ้งยิงแน่
 
ขณะที่ผมกำลังนั่งหงุดหงิด อารมณ์เสียที่โดนขัดจังหวะอยู่นั้น เสียงเล็กๆก็กระซิบข้างๆหูเบาๆ
 
“มาร์คครับ...คุณอากลับมาถึงไทยแล้วครับ” ว่าพางส่งข้อความสั้นๆที่บอกว่า ‘ถึงแล้ว’ ให้ดู
 
โหหหห จริงดิ นี้ยังผ่านไปไม่ถึง 5 ชั่วโมงดี คุณภูมิแกเหาะกลับมาหรือยังไงนะ
 
แต่ยังไงก็ขอดีใจสักหน่อยครับ เย้! ในที่สุดภาระหน้าที่อันหนักอึ้งก็จะจบลง
 
“งั้นพวกเรากลับห้องกันมั๊ย” ผมยิ้มหน้าบาน ก่อนกระซิบที่ร่างเล็กเบาๆ แถมร่างเล็กๆยังพยักหน้าหงิกๆอีก
 
ผมเหลือบมองไปยังไอ้เพื่อนรักที่นอนสะลืมสะลือบนโซฟา แล้วบอกกลับมันว่าพวกผมจะกลับแล้ว มันก็ตอบงืมงำๆ แบบคนไม่ค่อยจะสนโลก สงสัยมันคงง่วงตอนเต็มทีเพราะฤทธิ์ยา
 
เอาเป็นว่าทิ้งมันไว้แบบนี้แหละครับ เดี๋ยวคนของมันก็กลับมาแล้ว ส่วนพวกผมของกลับไปเป็นของกันและกันก่อน
 
**************************************************************************************************
 
ปัง! ทันทีที่ประตูปิดตัวลง ผมก็โผเข้าไซร้ซอกคอของอากิทันที
 
“อย่าเพิ่งครับมาร์ค ตัวผมมีแต่เหงื่อ” ร่างเล็กบิดตัวไปมา สงสัยกลัวผมเหม็นเหงื่อ แต่สำหรับผมเหงื่อของอากิไม่เหม็นเลยสักนิด ออกจะหอมอ่อนๆเป็นเอกลักษณ์ คิดพางก็สูดดมกลิ่นที่ชมชอบเข้าไปเต็มจมูก
 
ไม่นานร่างกายในอ้อมกอดของผมก็เริ่มอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต้านทาน สองขาอ่อนแรงลงจนคนตัวเล็กแทบทรุดลงไปกับพื้น ดีที่ผมรั้งตัวไว้ในอ้อมกอด
 
“เราย้ายไปที่เตียงมั๊ย” ผมเสนอความคิด ตรงหน้าประตูผมคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ หากแต่ร่างเล็กกลับส่ายหน้า
 
อ่าว! ไม่ไปที่เตียงแล้วจะไปที่ไหน
 
ไม่นานผมก็ได้คำตอบ เมื่อมองตามสายตาหวานเชื่อมไปทางประตูห้องน้ำ
 
อออออออออ ห้องน้ำก็ดีเหมือนกัน เล่นน้ำไปด้วยก็เย็นสบายดี
 
ผมเผยรอยยิ้มออกมา อากิช่างรู้ใจผมไปซะทุกอย่างจริงๆ ก้มลงหอมแก้มขาวเนียนอีกครั้ง พร้อมเปลี่ยนท่าอุ้มร่างบางขึ้นแนบอก ก้าวเดินไปยังประตูที่มองเห็นในสายตาเมื่อครู่ ร่างเล็กได้แต่กอดคอ ซุกหน้าลงกลางอกแกร่ง มองเห็นแต่เพียงใบหูสีแดงระเรื่อ
 
เอาวะ! ห้องน้ำก็ดี คืนนี้ยังอีกยาวไกล

********************************************************************************************

เห็นเงียบๆก็ฟ้าดเรียบนะคร้าบบบบบบบบบบบบ  o18
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 4 ปรมัตถ์ อภิวัฒนา (18-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-11-2019 10:22:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...อากินี่ก็.....ร้อนแรงใช่หยอก  อิอิ
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 4 ปรมัตถ์ อภิวัฒนา (18-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-11-2019 23:09:53
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nethang ที่ 25-11-2019 08:43:19
Side story 5

********************************************************************************************

น้องกร VS คุณเลขา
 
น้องกร : สวัสดีครับพี่คนขับรถ
 
คุณเลขา : ครับ
 
น้องกร : รถติดมั๊ยครับพี่คนขับรถ
 
คุณเลขา : ...เคโตะครับ
 
น้องกร : ขับรถเหนื่อยหน่อยนะครับพี่คนขับรถ
 
คุณเลขา : ...ผมเป็นเลขาครับ
 
น้องกร : แล้วขับรถ(เหนื่อย)มั๊ยครับ
 
คุณเลขา : …..-“-.......
 
นักเขียน : เหนี่ยวเลยค่ะคุณเคโตะ เด็กมันกวนส้น!
 
คุณภูมิ : ……………
 
นักเขียน : โอ๊ยยยย ไม่ต้องมองแรงค่ะคุณภูมิ

**************************************************************************************************

น้องกร VS พี่ยาม
 
น้องกร : พี่ยามครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ
 
พี่ยาม : โธ่! ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกครับ พี่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย
 
น้องกร : แล้วทำไมพี่ไม่ช่วยหละครับ
 
พี่ยาม : ………….
 
น้องกร : ช่วยพยุงผมก็ยังดี
 
พี่ยาม : …………..
 
พี่ยาม : พี่ขอโทษ พี่เหม็นจริงๆ

**************************************************************************************************

น้องกร VS พี่ยาม B
 
น้องกร : พี่ยามครับ ผมวานอะไรพี่หน่อยดิ
 
พี่ยาม : ครับผมคุณปกรณ์
 
น้องกร : ถ้ามีของส่งมาให้ผมอีก พี่ยามเก็บไว้ให้หน่อยเถอะครับ อย่าเพิ่งทิ้งเลย ผมเสียดาย
 
พี่ยาม : ได้ครับผม
 
………………………………………………………
 
พี่ยาม : คุณปกรณ์ครับ ของที่ให้เก็บไว้ทะยอยหมดอายุแล้วนะครับ
 
น้องกร : ………..……..
 
น้องกร : งั้นพี่เอาไปทิ้งเถอะครับ -“-


**************************************************************************************************

พี่ภูมิ VS น้องกร
 
น้องกร : พี่ภูมิครับ พี่ภูมิ
 
พี่ภูมิ : หือ
 
น้องกร : สเปรย์ดับกลิ่นที่พี่ภูมิเคยซื้อให้อะ
 
พี่ภูมิ : ……………
 
น้องกร : ยี่ห้อนั้นเค้ามีโรออนมั๊ยครับ
 
พี่ภูมิ : มี
 
น้องกร : งั้นผมฝากซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้มืด
 
พี่ภูมิ : งั้นชั้นซื้อเป็นของขวัญปิดเทอมให้เธอด้วยละกัน
 
น้องกร : ………………..

**************************************************************************************************

น้องกร VS ไอ้แก่
 
น้องกร : โธ่ ไอ้แก่ลูกพ่อ ไม่น่าด่วนจากไปเลย
 
ไอ้แก่ : …………..
 
น้องกร : หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้เกิดมาคู่กันอีก
 
ไอ้แก่ : ……………
 
น้องกร : พ่อจะหมั่นทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้นะลูก
 
ไอ้แก่ : ……………
 
น้องกร : แล้วพบกันใหม่ ลาก่อน
 
ไอ้แก่ : …………….

**************************************************************************************************

น้องกร VS น้องนี
 
น้องนี : พี่กรรรรรรรรรรรรรรรรร
 
น้องกร : เฮ้ยยยยยยยยย มาได้ไงกลางวันแสกๆ
 
น้องนี : ก็พี่กรหลับตอนกลางวานนนนนนนนนนนนน
 
น้องกร : กลางวันก็ไม่เว้นเร้อ! ว่าแต่น้องนีมาบอกหวยพี่เหรอ
 
น้องนี : บอกหวยก็ได้จ่ะ แต่น้องนีอยากกินซาซึมิปลาโทโร่ เกี๊ยวซ่า แล้วก็ปูอลาสก้า
 
น้องนี : ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ได้ ชาวบ้านไหว้แต่ปลานิล เกี๊ยวหมูทอด กับปูอัด น้องนีเบื่อ!
 
น้องกร : ……..ได้ ขอสองตัวท้ายเต็งๆ……….
 
น้องนี : ดิว

**************************************************************************************************

น้องกร : ไอ้เป็ด
 
ไอ้เป็ด : อะ...เมิง
 
น้องกร : ไรวะ
 
ไอ้เป็ด : เหรียญของเมิงไง
 
น้องกร : ทองแดง...เหรียญไรวะ
 
ไอ้เป็ด : ที่สามเปตอง
 
น้องกร : เฮ้ย! ยังชนะอีกเหรอ
 
ไอ้เป็ด : เอ่อ กูลงชื่อไอ้มืดเป็นตัวสำรองไว้ พอมันลงสนามคู่แข่งเสือกสลบหมด ทีมเราเลยชนะบาย
 
น้องกร : ……………………….

**************************************************************************************************

น้องกร VS คุณแม่จุ๋ม
 
คุณแม่จุ๋ม : ไอ้ลูกกร...เมื่อไหร่จะกลับมาเก็บของ
 
น้องกร : โธ่! คุณแม่ ผมยังเรียนไม่จบเลย
 
คุณแม่จุ๋ม : แต่ลูกกรเสียตัวแล้ว...ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว
 
น้องกร : ………………….
 
คุณแม่จุ๋ม : โอนเงินมา เดี๋ยวส่งของทางไปรษณีย์ไปให้
 
น้องกร : ………………….

**************************************************************************************************

พี่ภูมิ VS คุณแม่จุ๋ม

คุณแม่จุ๋ม : คุณภูมิคะไม่ขอรบกวนให้มารับมาส่งน้องกรหรอกนะคะ
 
พี่ภูมิ : ไม่เป็นไรครับครับผมสะดวก
 
คุณแม่จุ๋ม : แต่ทางนี้ไม่สะดวกค่ะ
 
พี่ภูมิ : ไม่ทราบว่าไม่สะดวกยังไงครับ
 
คุณแม่จุ๋ม : เด็กๆยังขาดพวกอุปกรณ์การเรียนกับอุปกรณ์กีฬาค่ะ
 
พี่ภูมิ : งั้นคุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวทางผมอำนายความสะดวกให้เอง

**************************************************************************************************

น้องนี VS พี่ภูมิ

น้องนี : พี่ชายสุดหล่อจ๋า
 
พี่ภูมิ : ...............................
 
น้องนี : น้องแอบชอบพี่มานานแล้ว
 
พี่ภูมิ : ..................................
 
น้องนี : สนใจมาคบกับน้องมั๊ย
 
พี่ภูมิ : ขอโทษนะ ชั้นชอบผู้ชาย
 
น้องนี : ................................

**************************************************************************************************

พี่ภูมิ VS น้องกร VS ของขวัญ
 
น้องกร : อะ ผมเปิดดูของขวัญของพวกอากิก่อน

พี่ภูมิ : ...............................
 
น้องกร : ...............................
 
พี่ภูมิ : เอาเก็บไว้ใช้คืนนี้แล้วกัน
 
น้องกร : ////////////////////

**************************************************************************************************

พี่ภูมิ VS น้องกร

น้องกร : พี่ภูมิผมหิวน้ำ
 
พี่ภูมิ : อะ...น้ำ
 
น้องกร : พี่ภูมิผมปวดเอว
 
พี่ภูมิ : เดี๋ยวพี่นวดให้
 
น้องกร : พี่ภูมิผมอยากเข้าห้องน้ำ
 
พี่ภูมิ : เดี๋ยวพี่อุ้มไป
 
พี่ภูมิ : ก้อนแป้ง ทานข้าวเยอะๆนะ
 
น้องกร : ทำไมพี่ภูมิดูแลดีจังเลยครับ

พี่ภูมิ : หึ หึ หึ คืนนี้ยังอีกยาวไกล
 
น้องกร : ……………………………….

********************************************************************************************

จบแล้วคร่าาาาาาาาาาาา จบแล้วจริงๆ จบแบบไม่มีอะไรในก่อไผ่ ฮาาาาาา  :katai2-1:

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ ในที่สุดก็แต่งจนจบได้ น้ำตาเกือบไหล  :call:

แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-11-2019 08:50:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-11-2019 10:46:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-11-2019 10:49:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:55:50
 :pig4: