-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
เราแอบชอบนาย
หวีดน้อง #เราแอบชอบนาย
คุณเคยแอบชอบใครสักคนในโรงเรียนแล้วมีอาการแปลก ๆ
ที่เราทำแต่คนอื่นไม่ทำเวลาเห็นคนที่แอบชอบเดินผ่านไหม?
ถ้าใช่... แสดงว่าคุณกำลังรู้สึกเหมือนตัวละครหลักของเรานามว่า ‘ดัซ’
(https://www.img.in.th/images/980c7157c7323ef58910cafb73d7b10c.jpg)
การที่เขาแอบชอบชายหนุ่มนักกีฬาสุดฮอทของโรงเรียนอย่าง ‘ดอน’
เลยอาจทำให้ต้องเผื่อใจไว้เยอะหน่อย เพราะรู้ว่ายังไงก็คงเป็นไปได้ยาก
แต่... ชายผู้นั้นที่เป็นหนุ่มสุดฮอทของโรงเรียนกลับไม่เป็นเช่นนั้น...
เขาจะทำยังไงเมื่อเห็นคนตัวเล็กแสดงอาการแปลก ๆ และแอบมองอยู่บ่อย ๆ กันนะ...
ขอเชิญนักอ่านทุกท่านพบกับเรื่องราวการแอบชอบระหว่างนักเรียนมัธยมปลาย
‘ดัซ’ และ ‘ดอน’ ที่จะทำให้คนอ่านยิ้มและสดชื้นหัวใจ...
Dusk ที่แปลว่า พลบค่ำ และ Dawn ที่แปลว่า รุ่งอรุณ
สารบัญ
E0 “Prologue” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951013#msg3951013)
E1 “เดินชน” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951015#msg3951015)
E2 “หลบหน้า” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951016#msg3951016)
E3 “วอลเลย์ปาท่องโก๋” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951018#msg3951018)
E4 “ใจสั่นเพราะตังค์ทอน” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951019#msg3951019)
E5 “ทักครับ” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951022#msg3951022)
E6 “ดวงความรักในช่วงนี้” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951117#msg3951117)
E7 “ใกล้ชิด” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951118#msg3951118)
E8 “เกาะแน่น ๆ นะน้อง” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951254#msg3951254)
E9 “จับได้เหม่งไม่รอด” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951255#msg3951255)
E10 “ครูไม่เข้าใจ!” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951539#msg3951539)
E11 “ง้อหน้าห้องต้องได้ใจ” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951540#msg3951540)
E12 “จูงมือถือกระเป๋า” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951720#msg3951720)
E13 “เหตุผลที่แอบชอบ” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951539#msg3951539)
E14 “ดอนผู้บุกรุก” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951815#msg3951815)
E15 “ดัซจะเป็นลม” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3951949#msg3951949)
E16 “ตื่นมาเขิน” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952182#msg3952182)
E17 “ไม่เคลียร์?” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952340#msg3952340)
E18 “ดื้อ” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952375#msg3952375)
E19 “ฝนตกไฟดับ” (R) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952430#msg3952430)
E20 “ดอนจะเล่าให้ฟัง” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952589#msg3952589)
E21 “รักต้องเสี่ยง” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952879#msg3952879)
E22 “Love must go on” (END) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952881#msg3952881)
Extra E1 “Teenagers” (R) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3952969#msg3952969)
Extra E2 “Dawn’s birthday” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69758.msg3953306#msg3953306)
๐๐
นิยายเรื่องอื่นของเอ็ม
หมกมุ่น (จบ) (https://bit.ly/2SUWv2b)
๐๐
Talk with M: นิยายเรื่องนี้อยู่ในภายใต้การดูแลของสนพ.peachypie ครับ
ยังไงฝากติดตามด้วยน๊า เรื่องนี้จะเป็นนิยายเรื่องที่ 2 ของเอ็มที่ลงในเล้าให้ได้อ่าน
จะลงจนจบครับผม ตอนพิเศษที่ลงในเล้วก็มีและเฉพาะในเล่มก็มีครับ
โปรดติดตามตอนพิเศษในเล่ม 8 ตอน
ในว็บ 2 ตอน
๐๐
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E0 “Prologue”
หลาย ๆ คนเคยบอกกับผมไว้ว่าอุปสรรคของความรักมีแค่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือคนที่เรารักไม่รักเรา แต่สำหรับตัวเองแล้ว ผมคิดว่ามันไม่ได้มีแค่เพียงอุปสรรคเดียวหรอกนะครับ… มันอาจต้องมีอีกหลาย ๆ อุปสรรคที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา บางครั้งอาจเป็นพ่อแม่ของคนที่เรารัก นิสัย คำพูดคำจา รวมถึงความชัดเจนระหว่างความสัมพันธ์ของคู่รัก ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในอุปสรรคหลาย ๆ อย่างที่คนสองคนต้องเผชิญ
แต่สำหรับผมแล้ว... อุปสรรคของผมคืออะไรน่ะเหรอ? มันจะเรียกว่าเป็นอุปสรรคซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันก็ยังมีเรื่องราวที่ทำให้ผมมีความสุขอยู่ด้วย งั้นเดี๋ยวผมจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ… นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่สุดแสนจะหวานปานน้ำตาลย้อยของผม
ตอนนี้ผมกำลังแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียนอยู่ ซึ่งผมก็รู้ตัวดีอยู่แล้วแหละ ว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาคนนั้นจะหันมาชอบตัวเองกลับ… ยิ่งเราสองคนเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วมันยิ่งรู้สึกว่ายากมาก ๆ ที่จะเป็นไปได้ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะครับ ว่าทำไมต้องมาแอบชอบผู้ชายด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแอบชอบใครมาก่อนเลยด้วยซ้ำ… แต่ที่รู้ ๆ คือผมดันรู้สึกใจสั่นทุกครั้งเวลาที่เข้าใกล้หรือแอบมองเขา
ดัซ ผมชื่อ Dusk หรือจะเรียกว่าพลบค่ำก็ได้ ยามที่แสงอัซดงกำลังเริ่มจางหายไปจากขอบฟ้าและเข้าสู่ยามเย็น แสงสีครามที่ใครหลาย ๆ คนมองว่ามันดูสวย ลองนึกภาพของคุณกับเพื่อน ๆ กำลังนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินสิครับมช่วงเวลานั้นแหละคือชื่อของผม
ดัซ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/13 สายศิลป์ภาษาจีน อายุ 18 ปี ชื่อจริง อัสดง นามวรากุล นี่คือประวัติคร่าวๆ ของผม
“ดัซ ๆ เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ ต้องรีบไปช่วยป้าขายของต่อว่ะ เฮ้อออ…” เสียงเลย์มันดังขึ้นจนผมต้องละสายตาจากคนที่อยู่กลางสนามฟุตบอลหันไปมอง
“ทิ้งกูอีกละ…” คนกำลังนั่งดูผู้ชายเล่นบอลอยู่ฟิน ๆ เลย
“ก็กูมีเหตุจำเป็นไหมล่ะวะ”
“เออ ๆ ขับรถดี ๆ ด้วย…”
“ได้ค้าบบบ…” เลย์มันตอบพลางยกมือขึ้นมาจับหัวผมพร้อมขยี้เบา ๆ
“ไอ้นี่…” มันก็เป็นแบบนี้อะ กลับเร็วจริง ๆ ในแต่ละวัน เออแต่ก็เห็นใจมัน อยู่กับป้าสองคนเลยอาจจะยุ่ง ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมันไปแล้ว ป้าของมันท่านอาจจะดูเข้มงวดกวดขันไปนิด ๆ แต่ท่านก็ใจดีกับผมมาก ๆ เลยล่ะครับ
เวลา 16:50 น.
ตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียนแล้ว นักเรียนชายส่วนใหญ่ที่เป็นนักบอลหรือพวกที่ชอบเล่นบอลมักจะพากันมาเตะบอลอยู่ทุกวัน สำหรับผมเหรอ? ก่อนจะกลับบ้านงานอดิเรกที่ชอบทำเป็นประจำนั่นก็คือการแอบมานั่งส่องเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน เขาคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่ผมแอบชอบ…
“เดี๋ยวเลย์!” ผมตะโกนเรียกไอ้คนที่มันกำลังจะเดินออกจากสนามเสียงไม่ดังมาก แต่มันก็หยุดพร้อมกับหันมาเลิกคิ้ว สองเท้าจึงรีบสาววิ่งลงไปจากอัฒจันทร์เชียร์ทันที
“อะไรวะ?”
“จะบอกว่าอย่าลืมทำการบ้านจีนด้วยนะ กลัวมึงลืมเหมือนตอนนั้นอะ…” ครูประจำชั้นไม่ได้โหดมากหรอก แต่ทุกครั้งที่ใครคนหนึ่งลืมทำมา พอแกไม่ด่าผมก็รู้สึกเสียใจนิด ๆ เข้าใจอารมณ์แบบเราผิดแต่คนอื่นยังให้อภัยอยู่บ่อย ๆ ไหม มันก็คือความรู้สึกเกรงใจนั่นแหละ แต่ครูแกไม่ได้ปล่อยนักเรียนจนเคยตัวหรอก ก็มีหักคะแนนบ้าง แต่เด็กบางคนกลับไม่สนใจ เพื่อนบางคนเลือกมาเรียนจีนแต่ทำไมถึงเทกันก็ไม่รู้
“ระดับกูไม่เคยลืมอยู่แล้ว มึงก็รู้ว่ากูชอบจีนมากแค่ไหน แม่งเศร้า…” เลย์มันตอบด้วยใบหน้าเลือดอด ซึ่งผมก็รู้ดีว่ามันประชดชีวิตอยู่ คนบ้าอะไรชอบเลขแต่เลือกเรียนจีน เออ… คิดได้รอบคอบมากมึง
“เออทนอีกนิด เกรงใจครูเขาหน่อย”
“กูรู้แล้ว มึงก็อย่าลืมเอามาส่งด้วยละกัน ยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วยมึงอะ…”
“รู้แล้วพ่อ…”
“จ้าแม่…”
“ไอ้นี่…”
“เออ ๆ กูไปละ…” ผลักหัวผมอีกละ เอะอะไรก็ผลัก เห็นว่าเตี้ยกว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไงห๊ะ!?
“เฮ้อออ…” ผมได้แต่ถอนหายใจมองหลังไอ้เพื่อนตัวสูงด้วยสายตาเหนื่อย ๆ ก่อนจะทำเป็นขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์เชียร์ส่องคนที่แอบชอบเล่นบอลต่อ ดูใบหน้าหล่อ ๆ น่าดึงดูด กับรูปร่างของนักกีฬาที่สมส่วนนั่นสิ มันดันทำให้ผมรู้สึกหลงรักผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ (เปิดเพลง shape of you)
‘ใครๆ เขาก็ชอบนายอะ...’
‘เราเองก็แอบชอบนายนะ…’ ผมได้แต่บ่นขึ้นในใจ ตามจริงก็รู้สึกหนักใจไม่น้อยเลยนะที่ต้องมาแอบชอบคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหรือมีหน้ามีตาในโรงเรียน ถึงในโรงเรียนจะมีคนดังมากว่ายี่สิบคนก็ตามเถอะ แต่เขาคนนั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น
‘เศร้าใจ…’ บางทีการที่เราแอบชอบใครสักคน มันก็เหมือนกับการเขียนเรื่องราวความรักของคนที่เราแอบชอบและตัวเราให้ออกมามีบทยังไงก็ได้ตามที่เราต้องการ บางทีเราอาจจะรู้สึกเหมือนหวงเขาไม่อยากให้ใครมองเขา แต่ความเป็นจริงแล้วคนอื่นที่แอบชอบเขาอยู่ก็รู้สึกเหมือนกันแทบจะไม่ต่างกับเราเลย...
‘บางทีอยู่ ณ จุดจุดนี้เราก็มีความสุขแล้วแหละเนอะ…’
‘คงต้องทำใจ… คนที่แอบชอบใครสักคนอยู่ก็รู้ดีแหละว่าบางทีแค่ได้มองเขาก็รู้สึกโอเคแล้ว…’
บรรยากาศที่ท้องฟ้ากำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแสด นักเรียนส่วนใหญ่ตอนนี้เริ่มจะพากันกลับบ้านกันหมดแล้ว ส่วนพวกนักเรียนชายที่เตะบอลกำลังทยอยกันออกจากสนาม คนที่ผมแอบชอบเขากำลังเดินตรงมาที่อัฒจันทร์เชียร์ใกล้ ๆ กับที่ผมนั่งอยู่ ใจผมนี่สั่นแทบเป็นบ้าเลย ได้แต่ทำเป็นหยิบโทรศัพท์มากดเล่น แต่แวบแรกที่ผมหันไปมองหน้าของเขาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ ดันหันมาสบตากับผมพอดีนี่สิ
ขวับ!
ถึงกับต้องรีบหันหน้าหลบอย่างรวดเร็ว สายตาของเขา มันทำให้หัวใจของผมตอนนี้เต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ
‘ฉิบหายแน่ ๆ” ได้แต่บ่นในใจอย่างนึกกังวล คนบ้าอะไรแค่มองก็ทำให้เราเกือบหัวใจวาย
“ดอน ๆ พรุ่งนี้มึงจะเล่นอีกป่ะ?” เสียงเพื่อนคนหนึ่งเรียกชื่อคนตัวสูง ส่วนผมตอนนี้กำลังตั้งสติและทำเป็นแอบฟังเสียง
“แล้วแต่…” ทำไมตอบแต่ตายังหันมาจ้องผมด้วยล่ะเนี่ย หรือผมทำตัวแปลกเกินไป มีอะไรติดหน้าอยู่รึเปล่าวะ พอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเป้าสายตาผมจึงรีบทำเป็นเก็บของเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วย เดี๋ยวเสด็จแม่ที่บ้านจะเป็นห่วง เก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้วผมถึงได้รีบยกขึ้นสะพายสาวเท้าลงไปจากอัฒจันทร์ เดินออกจากบริเวณสนามทันที
ประสบการณ์แบบนี้ผมเชื่อว่าทุกคนอาจจะเคยพบเจอมากับตัวเอง ประสบการณ์การที่ไปแอบส่องคนที่เราแอบชอบกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นความสุขเล็ก ๆ ของคนคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่รักเรา แต่อย่างน้อยเราก็มีความสุขที่ได้แอบมองเขา
ใช่ไหมล่ะครับ?
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E1 “เดินชน”
“เฮ้ออออ…” ตอนนี้ผมกำลังเดินก้มหน้าก้มตากลับบ้านไปอย่างช้า ๆ เสียงรถที่แล่นอยู่บนถนนดังขึ้นไม่ขาดสาย ไหนจะเสียงคนเดินผ่านไปผ่านมาอีก ชีวิตดูไม่มีอะไรเลย ทุก ๆ วันก็มีแค่กิน นอน ตื่นไปเรียน ส่องคนที่แอบชอบ กลับบ้าน ทำการบ้าน มันดูไม่มีสีสันเลยครับ… ในหัวสมองตอนนี้อยากลองเอาหน้าไปซบที่หลังของใครสักคน มันจะอุ่นไหมนะ แผ่นหลังที่ผมหมายถึงก็คงจะไม่พ้นของเขาคนนั้นนั่นแหละ
งื้ออออ…
คนที่ได้แต่แอบชอบก็มโนเก่งแบบนี้แหละ อย่าได้อะไรกับผมเลย อื้ม… แล้วถ้าหากใครคิดว่าผมชอบผู้ชายแล้วจะออกอาการลูกสาว
คุณคิดผิด…
ผมก็เหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ถึงตัวจะไม่สูง ไม่ชอบเล่นกีฬาเพราะมันเหนื่อย ตัวเล็ก ๆ ผิวซีด ๆ หน้าตาหวานจนเพื่อนล้อ แต่ผมไม่สนใจคำพูดของใครหรอกนะ บอกแล้วไงว่าเหมือนผู้ชายทั่วไป!!! พูดแล้วอยากร้องไห้…
คนอื่นเขามองไม่ออกหรอกว่าผมชอบผู้ชาย แต่ถ้าหากเขารู้เขาคงเรียกผมว่า ‘เกย์’ ถึงอย่างนั้นก็ไม่สนใจหรอก… เลย์มันรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ แต่มันกลับไม่ได้รังเกียจผมเลย ซ้ำยังมองผมเหมือนเด็ก บ่อยครั้งที่มักจะถูกกลุ่มผู้ชายแซวจนรู้สึกไม่โอเค ไม่รู้ทำไม หน้าผมเหมือนคนน่าแกล้งเหรอ?
‘ทำไงจะเพิกเฉยใส่เขาได้อะ…’ รู้สึกเหนื่อยใจไม่น้อยเลยนะที่ต้องมาแอบชอบคนแบบนี้ ผมขอมอบประโยคภาษาอังกฤษหนึ่งประโยคให้ตัวเอง
‘I wish I could ignore you like you ignore me’
ก็ตามนั้นเลย… ผมอยากเพิกเฉยใส่เขาได้เหมือนที่เขาเพิกเฉยใส่ผมบ้าง คนแอบชอบนี่เสียเปรียบจังเลยนะครับ
กึก...
เดินดุ่ม ๆ ก้มหน้าก้มตามาอยู่ดี ๆ หน้าผากผมดันไปชนเข้ากับใครคนหนึ่ง เงยขึ้นไปมองกะว่าจะเอ่ยคำขอโทษ เพราะเดินโดยไม่ระมัดระวังเอง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นเป็นใบหน้าของเขาคนนั้น แถมตาคมกำลังมองมาที่ผมอยู่ด้วย
“อ๊ะ! ดะ ดอน” เผลอตกใจเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากเบิกตากว้าง ยอมรับว่าทำตัวแทบจะไม่ถูกเลย รู้สึกประหม่าไปหมด ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ผมเพิ่งเดินชนคนที่ผมแอบชอบนะ!!! แถมผมยังเรียกชื่อเขาไปแล้วด้วย
อ๊ากกกกก...
“อะ เอ่อ… คือ… ขะ ขอโทษ…” เลยได้รีบเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วรีบสาวเท้าเดินหลบหน้าคนตัวสูงไปทันที
ตายแน่ ๆ
ปั่ก…
“โอ๊ยยยย…” มัวแต่รีบเดินหนีไม่ได้สนใจมองถนนจนเดินชนต้นเสาที่ตั้งอยู่ข้างหน้าอีก ผมรีบยกมือขึ้นมาลูบ ๆ ที่หน้าผากเบา ๆ ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินต่อ ดีนะหัวไม่แตก เขินก็เขิน อายก็อาย…
________________________________________
เวลา 20:20 น.
ความรู้สึกที่ผมชอบมโนขึ้นมาเองตลอดเวลาที่แอบชอบใครสักคนคือการที่เราคิดว่าเขาก็คงจะมีใจให้กับเราอยู่เหมือนกัน แต่มันคงเป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันที่ผมสร้างขึ้นมาเอง... หลายคนอาจเคยเป็นเวลาที่ถูกคนที่แอบชอบมองเรากลับ เรามักจะคิดหรือมโนไปเองว่าเขาก็ชอบเรา… ในห้องนอนขนาดกลางของผมที่ถูกจัดหรือตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ มีห้องน้ำในตัวแถมยังมีระเบียงที่สามารถเปิดออกไปชมวิวข้างนอกได้อีกด้วย ถึงจะไม่มีวิวอะไรสวย ๆ เลยก็เถอะ เปิดออกไปก็เป็นหน้าบ้านและถนนหน้าบ้าน แทบจะติดกำแพงอยู่ละ ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นบ้านอีกหลัง ถ้าคนอยู่ห้องตรงกันออกมายืนตรงระเบียงก็คงยืนคุยกันได้ ดูโรแมนติกป่ะ? แต่ไม่มีคนอยู่น่ะสิครับ สงสัยขายยังไม่ออก
ก๊อก ๆ ๆ
ในขณะที่กำลังนั่งทำการบ้านวิชาภาษาจีนอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร
“ดัซเปิดประตูให้แม่หน่อย…” เสียงแม่เรียกให้ไปเปิดประตู หรือแม่จะมีงานเข้ารอบดึกรึเปล่านะ หรือจะเป็น…
“แป๊บหนึ่งครับ…” ผมตะโกนบอกก่อนจะรีบวางปากกาแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะทำงานตรงไปเปิดประตูให้แม่
แกร็ก...
“แม่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“แม่เอานมมาให้…” นั่นไง… แม่บอกพลางยื่นแก้วนมมาให้ ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าผมคงโตได้เท่านี้ แต่แม่ก็ยังไม่หมดหวังว่าผมจะสูงขึ้นเลย ผมไม่อยากตัดความหวังแม่ด้วยอะ ฮ่า ๆ ๆ ดื่มก็ดื่มวะ… ถือว่ามันทำให้สุขภาพดีก็แล้วกัน…
“ขอบคุณครับ...” เกือบจะทุก ๆ วันก่อนนอนแม่มักจะชอบเอานมขึ้นมาให้ดื่มตลอดเลย หมายถึงก่อนแม่ผมนอน เหตุผลก็อย่างที่บอก เพื่อที่จะให้ผมสูงขึ้นเหมือนเพื่อนผู้ชายคนอื่น ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้ผมสูงขึ้นเลยสักนิด เอาจริงทำไมผมไม่ชินกับการที่แม่เอานมขึ้นมาให้ดื่มเลย มันเหมือนเด็กอะ
“อย่านอนดึกมากนะดัซ”
“ครับผม~” ตอบก่อนจะใช้มือที่ไม่ได้ถือแก้วเลื่อนไปปิดประตู แล้วเดินไปนั่งทำการบ้านต่อ คงต้องรีบทำให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้รีบนอน เดี๋ยวถ้านอนดึกพรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนทั้ง ๆ ที่ตาเป็นหมีแพนด้าแน่ ๆ
คนมันจะเตี้ยยังไงมันก็ไม่มีวันสูงขึ้นหรอกครับ รึเปล่า? แต่ผมยังจำตอนถ่ายรูปรวมกับเพื่อน ๆ ในห้องได้เลย ผู้หญิงบางคนนี่ดูสูงเกินหน้าเกินตาผมมาก ๆ เลยอะ ยิ่งพอได้ภาพถ่ายออกมาผมยิ่งดูดับไปเลย
เศร้า...
________________________________________
ผ่านไปเกือบ 30 นาที
ตอนนี้กำลังนั่งทำการบ้านวิชาภาษาจีนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ ผมชอบมันนะ ถึงคนอื่นจะมองว่ามันยาก แต่เอาเข้าจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องการผันวรรณยุกต์จะดูง่ายมาก ๆ มันจะเรียงประโยคคล้าย ๆ ภาษาไทยเลย แต่นี่ผม ม.5 แล้ว ไวยากรณ์มันก็จะยากขึ้นมาหน่อย ต้องขยันท่องและจำ ๆ เอา ส่วนสิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุดคือการจำศัพท์ นอกจากจะคัดยากแล้วยังจำยากอีกด้วย ถึงจะจำตามลำดับขีดเอาแล้วก็เถอะ เฮ้อ… ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว... ได้แต่คิดว่าทำไมเขาถึงไม่เขียนเป็นพินอินเอาให้หมด
ความรู้นอกเรื่องเกี่ยวกับพินอินจากดัซ
“Pinyin พินอิน 拼音” คือระบบในการถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐานด้วยตัวอักษรละติน ความหมายของพินอินคือ “การรวมเสียงเข้าด้วยกัน” (โดยนัยก็คือ การเขียนแบบสัทศาสตร์ การสะกด การถอดเสียง หรือเรียกง่ายๆ ว่าการทับศัพท์)
เช่น 我爱你 ตัวพินอินคือ Wǒ ài nǐ (หว่อ อ้าย หนี่) เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ เพราะถ้าอยู่ดี ๆ มาอ่านตัวจีนเอาเลยคงตาย เพราะฉะนั้นเลยต้องมีตัวพินอินช่วยในการออกเสียง ส่วนประโยคเมื่อกี้แปลว่า ‘ผมรักคุณ~’
ตื๊ด...
สักพักสั่นแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น มีเหรอที่ผมจะไม่รีบหยิบขึ้นมาดู นี่เป็นข้อเสียของการเอาโทรศัพท์มาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวตอนทำการบ้านครับ
(Until Dawn ได้อัปเดตสถานะของเขา...)
ตึกตัก...
เมื่อเห็นว่าใครที่เพิ่งอัปเดตสถานะในเฟซบุ๊กผมนี่ถึงกับรีบกดเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว หัวใจมันก็เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ
(คนตัวเล็ก...)
ไม่กี่วินาทีที่แล้ว
ไลก์ 18 แสดงความคิดเห็น 2
เพียงไม่กี่วินาทีก็มีคนกดไลก์เยอะมากเลย คนหน้าตาดีก็แบบนี้แหละ เฮ้ออออ... ผมตัดสินใจจะไม่กดไลก์ให้เขาเลยเด็ดขาด เพราะกลัวเขาจะรู้ว่าผมแอบติดตามอยู่ ถึงในความเป็นจริงเขาจะรู้ไหมว่าผมกดถูกใจให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า เขาจะแคร์เราทำไม
ความคิดเห็น
กู สวย: ใครอ่ะพี่ดอนนนน
Captain Suvichi: เดี๋ยวนี้มึงมีความลับไม่บอกเพื่อนหรอ?
นั่นสิเขาหมายถึงใคร...
ตามจริงผมก็แอบตลกตัวเองอยู่เหมือนกันนะที่กลัวไปซะทุกอย่าง กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมแอบชอบบ้าง กลัวว่าเขาจะรำคาญผมบ้าง แต่ในความเป็นจริง เราสองคนยังไม่ได้รู้จักอะไรกันเลยด้วยซ้ำ...
“เฮ้อออ...”
“เอาเขาเข้ามาในสมองมากเกินไปจนแทบจะไม่สามารถเอาออกไปได้แล้วอะ...”
________________________________________
ตอนเช้า~
เสียงนกร้องรับแสงแดดในตอนเช้าดังขึ้นเบา ๆ ทำให้ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น ปรับสายตาได้แล้วสิ่งแรกที่ผมจะทำคือการคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวมาเช็กความเคลื่อนไหวบนหน้าโปรไฟล์เฟซบุ๊กของคนที่โพสต์ข้อความไว้เมื่อวาน
(คนตัวเล็ก...)
เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว
ไลก์ 465 แสดงความคิดเห็น 22
พอเห็นว่ามีความคิดเห็นใหม่จึงได้รีบเปิดอ่านทันที
ความคิดเห็น
กู สวย: ใครอ่ะพี่ดอนนนน
Captain Suvichi: เดี๋ยวนี้มึงมีความลับไม่บอกเพื่อนหรอ?
Until Dawn: @Captain Suvichi ทำไมต้องบอก
Captain Suvichi: @Until Dawn เลววว
Beamer Euei: พี่ดอนเมื่อวานพี่หล่อมากเลยค่ะ
Kan Kanjana: กรี๊ดดดด
Until Dawn: @Beamer Euei ขอบคุณครับ
Van Wisky: พี่ดอนคะ แอดหนูกลับด้วยค่ะ
Beamer Euei: @Until Dawn กรี๊ดดดดดดพี่ดอนตอบ
‘ถ้าเราเผลอกดเมนต์ไปจะต้องบรรลัยแน่ ๆ ...’ ส่วนมากก็จะมีแต่เพื่อน ๆ แล้วก็แฟนคลับของเจ้าตัวที่มาเมนต์ ผมเลยไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร รู้ครับว่าดอนคงไม่สนใจใครเหมือนกัน ถึงจะมีตอบ ๆ บ้างตามมารยาท แต่ก็เหมือนตอบแบบไร้อารมณ์... เขี่ย ๆ หน้าจอไปมาผมจึงกลับไปที่หน้าโปรไฟล์เฟซของตัวเองก่อนจะกดอัปเดตสถานะ
Dusk Aussadong
(ใคร ๆ เขาก็ชอบนาย...)
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E2 “หลบหน้า”
กริ๊งงงงง
เสียงออดหมดคาบเรียนภาคเช้าของนักเรียนชั้นมัธยมปลายดังขึ้น วันนี้ผมรีบมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะชอบแอบเอาขนมไปไว้ที่ล็อกเกอร์ของเขาคนนั้นเกือบจะทุก ๆ วันเป็นประจำ และยิ่งเวลาเห็นเขานั่งกินขนมของเรามันจะทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ เลยนะครับ ต้องเผลอไปแอบยิ้มอยู่คนเดียวทุกทีเลย
‘คนบ้าอะไรนั่งกินขนมยังหล่อเลย... งื้ออออ...’ ประสบการณ์แบบนี้ก็หาได้ไม่ยากหรอกนะ แค่เราเดินไปซื้อขนมสักสองสามห่อ จากนั้นก็หาถุงใส่ ไม่ต้องทำอะไรให้มันสวยมาก อาจจะเขียนข้อความบางอย่างใส่โพสอิทเล็ก ๆ ติดไว้นอกถุงด้วยก็ได้ แล้วก็เดินไปแขวนไว้ที่หน้าล็อกเกอร์ ไม่ก็ใส่ไว้ใต้โต๊ะของเขา
‘ทำไมเราต้องหน้าแดงขึ้นมาด้วยเนี่ย...’ ผมบ่นในใจไปด้วยเก็บหนังสือยัดไว้ใต้โต๊ะไปด้วย
“เลย์... มึงไปรอที่โรงอาหารเลยนะ เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ได้ ๆ อย่าช้านะมึง...”
“รู้แล้วเหอะ...” เดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เริ่มมีคนทยอยออกไปกินข้าวกันเยอะพอสมควร เสียงคุยกันของนักเรียนชายหญิงดังขึ้นไม่ขาด โรงเรียนผมมีนักเรียนทั้งหมดประมาณสี่พันกว่าคน ห้องเรียนแต่ละห้องจะเป็นห้องเรียนประจำ ตึกก็มีอยู่หลายตึก อาจจะมีบางวิชาที่ต้องเดินไปเรียน... ผมค่อย ๆ เดินก้มหน้าผ่านนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งเพื่อที่จะผ่านเข้าไปในห้องน้ำ ตัวเกร็งไปหมดแล้วนะ ไม่รู้จะพากันมานั่งรวมกันทำไม
“ฮิ้วววว...” เสียงแซวดังขึ้นจนต้องเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้พวกผู้ชายที่มันพากันแซว
กึก...
แต่ทว่าสายตาดันไปสบเข้ากับใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นกำลังนั่งนิ่ง ๆ มองมาที่ผมอยู่พอดี
ขวับ!
รีบหันหน้ากลับมาแล้วสาวเท้าตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที...
‘ทำไมต้องอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย...’
‘ใจสั่นไปหมดแล้ว...’ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ใจมันก็สั่นไม่เป็นจังหวะ ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ชอบคนคนหนึ่งมันถึงทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้... สักพักหลังตั้งสติได้จึงได้รีบเข้าไปทำธุระแล้วออกมาเปิดน้ำซับหน้าเบา ๆ
“…” เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยที่เผลอสบตาเข้ากับเขา คนอื่นอาจมองว่ามันดูเยอะก็ได้นะ แต่ถ้าได้รู้สึกแบบผมทุกคนก็คงจะเข้าใจเอง... หัวใจมันสั่นจนแทบจะระเบิด อีกอย่างถึงจะแอบชอบเขายังไง ผมก็ไม่คิดหรือกล้าที่จะเข้าหาเขาอยู่แล้ว
“เฮ้อออ...” ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องไปที่ใบหน้าของตัวเองผ่านกระจก ใบหน้าที่ตอนนี้มีหยดน้ำเกาะอยู่นิด ๆ
‘จะชอบใครก็ไม่ดูเลยนะดัซ...’
‘ไม่ระมัดระวังอะไรเลย...’ ผมได้แต่บ่นตัวเองในใจแต่สักพักกลับมีเสียงใครสักคนกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมเลยรีบเดินเข้าไปในห้องส้วมพร้อมกับล็อกประตูไว้
‘แล้วทำไมถึงไม่เดินออกไปวะดัซ? ป่านนี้เลย์มันคงบ่นผมละมั้ง...’ ทำเป็นยืนอยู่ในนั้นสักพักก่อนจะทำเป็นกดชักโครกแล้วเปิดประตูออกไป
“อ๊ะ! ดะ ด- อุ๊บ...” แต่ถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาดันเห็นเป็นคนตัวสูงที่ผมไม่อยากจะเจอตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าห้องที่ตัวเองเข้า แถมผมยังจะเผลอเรียกชื่อเจ้าตัวออกไปอีกแล้ว ยังดีนะที่ยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ทัน
“…” คนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าคิ้วขมวด แต่พอตั้งสติได้ผมจึงรีบก้มหน้าลงแล้วทำเป็นเดินแทรกตัวออกไป
หมับ…
“อ๊ะ!” แต่กลับถูกมือหนาจับข้อมือไว้จนต้องชะงักหันกลับไปมองอีกครั้ง
“หลบหน้าผมทำไม?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมากกว่าเดิม ก่อนสายตาผมจะลดลงไปมองที่ข้อมือของตัวเองที่ถูกจับไว้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างหักห้ามไม่ได้
ไม่ไหวแล้ว… ผมจะตายแล้ว…
“ระ เราขอโทษ...” รีบเอ่ยคำขอโทษออกมาแล้วดึงมือของตัวเองมาจับไว้ที่อก ก่อนจะรีบสาวเท้าออกไปจากห้องน้ำทันที ไม่สนใจอะไรแล้วตอนนี้ ต้องไปจากตรงนี้ ได้แต่สาวเท้าเดินลงไปหาเลย์มันที่โรงอาหารทันที
ตึกตัก...
‘เราแสดงอาการออกขนาดนั้นเลยเหรอ...’ ผมได้แต่ถามตัวเองในใจ ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้เรื่องที่ผมชอบแอบมองไหม แต่เขารู้ว่าเราชอบหลบหน้า ไม่คิดว่าจะแสดงอาการออกมามากถึงขั้นที่จะทำให้เขารู้ตัวเลยนะ เดินไปด้วยผมก็จับข้อมือของตัวเองที่ถูกเขาสัมผัสไปด้วย
“ดัซนะดัซ...”
________________________________________
สักพักก็เดินมาถึงโรงอาหาร กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นเลย์มันนั่งรออยู่ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
“กูขอโทษ...” รีบเดินไปขอโทษมันทันทีเพราะรู้ว่ามันต้องโกรธแล้วแน่ ๆ ก็เล่นให้รอนานซะขนาดนั้น
“ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ...”
“แงงง... มึงอะ”
“ไปแงใส่คนที่มึงชอบเลยไป!”
“ตอนไหนจะเลิกล้อกูไอ้บ้า” ตั้งแต่เช้าละ มันเอาโพสต์ที่ผมโพสต์เมื่อคืนมาล้อจนผมเขินไปหมดละ เพื่อน ๆ คนอื่นยังจะเล่นกับมันด้วยนะ
“รีบไปซื้อข้าวดิวะ...”
“เออ ๆ ทำไมต้องดุด้วย...” ผมย่นจมูกตอบมันก่อนจะรีบเดินไปซื้อข้าวมานั่งกินกับมัน
บรรยากาศในโรงอาหารตอนนี้กำลังหนาแน่นไปด้วยนักเรียน เสียงคุยกันดังขึ้นไม่ขาด กินข้าวเสร็จแล้วก็ลุกเอาจานไปเก็บพร้อมกับไอ้เลย์แล้วพากันเดินขึ้นไปบนห้องรอเรียนคาบบ่าย
“เป็นอะไรของมึงวะดอน? แม่งขมวดคิ้วมาตั้งแต่ออกจากห้องน้ำละ” ในระหว่างที่กำลังเดินก้มหน้าขึ้นบันไดกลับได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยชื่อของคนที่ผมเพิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำก่อนไปกินข้าว นั่นทำให้รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
กึก...
และมันดันสบเข้ากับตาของคนตัวสูงอีกแล้ว!!!
ขวับ!
ผมรีบหันหน้ากลับมามองตรงแล้วรีบก้าวขาเดินตามไปจนติดหลังเลย์มันทันที
“มึงจะอ้อนกูเหรอวะ บอกว่าไม่ได้โกรธ...”
“…” ไม่สนใจไอ้เพื่อนตัวสูงมันพูดเลยสักนิด เอาแต่เดินเอาหัวชนหลังมันอยู่อย่างงั้น ในสมองนึกถึงแต่สายตาของคนเมื่อกี้
‘เจอบ่อยเกินไปแล้วนะ...’
‘จะหัวใจวายแล้วนะเนี่ย...’
ตึกตัก…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E3 “วอลเลย์ปาท่องโก๋”
สองวันถัดไป~
“ดัซ! กูบอกให้เสิร์ฟแรง ๆ เสิร์ฟแบบนั้นแล้วมันจะข้ามตาข่ายไหมวะ!?”
“อะไรนะ!?”
“กู! บอก! ให้! เสิร์ฟ! แรง ๆ!”
“…” ทำไมเสียงในสนามมันดังขนาดนี้วะ แล้วผมจะได้ยินไอ้คนที่มันตะโกนอยู่อีกฝั่งไหม เลยได้แต่ทำหน้างง ๆ ในมือผมตอนนี้มีลูกสีเหลือง ๆ กับสีน้ำเงินพาดผ่านเป็นเส้น ๆ ใช่แล้วครับ! นี่คือลูกวอลเลย์บอล ในสนามที่ว่าคือสนามวอลเลย์บอล จะเรียกว่าสนามวอลเลย์บอลไปซะทีเดียวก็ไม่ได้เพราะมันก็ใช้เรียนตะกร้อ ซึ่งตำแหน่งมันจะอยู่ในโดมกว้าง ข้าง ๆ จะเป็นสนามฟุตซอลซึ่งมีอีกห้องเรียนอยู่ โดมจะมีอีกหลังหนึ่งด้วย แล้วจะมีสนามทุกอย่างเหมือนกัน พวกผมเรียนวอลเลย์บอลอยู่ครับ ครูให้ฝึกเสิร์ฟลูกอยู่
“ก็กูไม่ได้ยินอะ ทำไมมึงต้องทำหน้าเหมือนอยากฆ่ากูด้วยวะ…” ไอ้เพื่อนตัวสูงของผมในชุดผละของโรงเรียนเดินมายืนเท้าสะเอวมองหน้าเหมือนหาเรื่อง
“กูบอกว่าให้เสิร์ฟแรง ๆ ถ้ามึงยังเสิร์ฟด้วยแรงเท่าขี้แมวอยู่แบบนี้มันจะข้ามตาข่ายไหมวะ”
“มันก็ข้ามแล้วไง… ลูกหนึ่ง” ผมย่นจมูกเถียง ข้ามแล้วลูกหนึ่งคือชนส่วนบนของตาข่ายแล้วกลิ้งลงไปอีกฝั่ง ส่วนอีกสิบกว่ารอบที่เสิร์ฟคือไม่ข้าม
“เฮ้อออ… อาทิตย์หน้าสอบเสิร์ฟลูกนะดัซ กูไม่ได้อะไรเลยเพราะมันไม่ใช่สอบคู่ แต่จะไม่ใส่ใจมึงก็ไม่ได้ เอามาจะเสิร์ฟให้ดู…” มันแย่งลูกวอลเลย์ในมือผมไปก่อนจะเดินไปตรงเส้นขอบสนาม ตั้งท่ามองตรงแล้วโยนลูกวอลเลย์ขึ้นไม่สูงมากแล้วตบเหมือนใช้แรงไม่เยอะแต่มันดันลอยข้ามตาข่ายไปอีกฝั่งจนผมยิ่งรู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้าย
มันเจ็บตรงนี้!
“เห็นไหม…”
“…”
“เป็นผู้ชายแรงก็ต้องเยอะไหมวะ มึงเห็นพวกชมพู่กับออกัสไหม มันเป็นแบบนั้นยังเสิร์ฟแรงกว่ามึงเลย แล้วไหนจะพวกผู้หญิงอีก…” มันบอกจนผมหันไปมอง ชมพู่กับออกัสคือเพื่อนผู้ชายที่ออกสาวเต็มตัวแล้วครับ ก็พวกมันชอบเล่นวอลเลย์ไหมวะ ตัวก็ดูจะแข็งแรงกว่าผมด้วย
“กูอาจจะไม่ผ่านก็ได้ว่ะอาทิตย์หน้า ต้องได้เกรดพละน้อยเหมือนเดิมแน่ ๆ”
“…”
“กูท้อกับวิชาพละ ทุกกีฬาเลยอะเลย์”
“เฮ้อออ… ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูไปเสิร์ฟกลับมาให้ ไม่ซ้อมก็ทำไม่ได้ อย่าดูถูกฝีมือตัวเองดิวะ…” มันเดินมาผลักหัวผมเบา ๆ ก่อนจะกลับไปยืนอยู่ฝั่งเดิม เลย์มันวิ่งไปเก็บลูกวอลเลย์ใต้อัฒจันทร์มาตั้งท่าเตรียมเสิร์ฟแต่ครั้งนี้กลับโยนแล้วกระโดดตบอย่างแรงจนลอยข้ามหัวผมออกไปนอกสนาม
“ทำไมต้องใช้แรงเยอะขนาดนั้นด้วยวะ…” ผมบ่นพลางหันหลังวิ่งไปเก็บอย่างรวดเร็วไม่งั้นต้องกลิ้งไปไกลแน่ ๆ ยิ่งฝั่งที่ผมยืนเป็นฝั่งทางเข้า ลูกวอลเลย์มันกลิ้งออกไปจากโดมข้ามถนนและทางเดินจนไปชนเท้าของใครคนหนึ่งที่นั่งบนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้อยู่ มอง ๆ ดูถึงได้รู้ว่าเป็นกลุ่มพวกผู้ชายที่มันกำลังนั่งทำงาน
กึก…
‘เชี่ย…’ ทำไมต้องนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
“เสิร์ฟแรงจังวะครับ” เพื่อนในกลุ่มของคนที่ผมไม่อยากมองคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับหยิบลูกวอลเลย์ขึ้นมาถือ ดูหน้ามันแล้วต้องให้ผมเข้าไปเอาเองแน่ ๆ
“อะ เอ่อเราขอโทษ…”
“เข้ามาเอาดิ…” คนที่ถือลูกวอลเลย์บอกด้วยใบหน้ากวน ๆ แต่ตาผมกลับหันไปมองยังอีกคนที่มองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ อีกสามคนกลับเอาแต่นั่งปั่นงาน ผมว่าต้องลอกเพื่อนอยู่แน่ ๆ ใจเย็น ๆ ดัซ เขาก็เป็นแค่เพื่อนร่วมสายชั้นไม่ใช่รึไง เพื่อนร่วมสายชั้นที่เราแอบชอบ ไหนจะเรื่องในห้องน้ำเมื่อสองวันก่อนอีก…
หมับ…
“…” อยู่ดี ๆ เจ้าของร่างสูงที่ทำให้ผมใจสั่นกลับลุกขึ้นมาคว้าลูกวอลเลย์บอลที่ไอ้คนคนนั้นมันนั่งถือไว้แล้วเดินตรงมาที่ผมจนผมแทบอยากจะวิ่งหนี
ตึกตัก…
‘ตายแน่ ๆ ดัซ ตายแน่ ๆ ทำไมถึงดูดีขนาดนี้…’ หน้าผมร้อนผ่าวจนแทบจะตัวลอย อยากหายไปจากตรงนี้ หายไปเลยจะดีมาก ๆ
“ตัวก็เล็ก ไม่น่าจะมีแรงเสิร์ฟขนาดนี้เลยนะครับ…”
กึก…
โอเคกูตายไปอย่างสงบ… เขาพูดอะไรเมื่อกี้ไม่รับรู้แล้ว หัวใจสั่นจนต้องก้มหน้าลงนิด ๆ สบตาไม่ได้เลยจริง ๆ อาการทำไมถึงออกขนาดนี้วะดัซ พอเขายืนตรงหน้ายิ่งเหมือนตัวหดลงไปอีก น่าจะสูงกว่าเลย์มันเลยด้วยซ้ำ ทำไมตัวสูงจังอะ ดอนไม่ได้เก่งแค่ฟุตบอล แต่เจ้าตัวเก่งทุกด้านเลยต่างหาก ผมเก็บรายละเอียดมานานมากแล้วครับ เล่นบาสรึเปล่านะถึงสูง…
“คะ คือเพื่อนเราเสิร์ฟ”
“…” ดอนยังคงมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ เจ้าของร่างสูงในชุดนักเรียนธรรมดาแต่กลับเหมือนไม่ธรรมดา พอแอบชอบใครเขาคนนั้นก็เหมือนจะเปลี่ยนไปจากสายตาของเราเลยจริง ๆ ผมพยายามไม่ประหม่าสุด ๆ แล้ว พยายามแล้วจริง ๆ
“ครูเรียกรวมแล้วดัซ มึงทำอะไรอยู่วะ?”
“…” เสียงเลย์มันดึงขึ้นผมจึงหันไปมอง เลย์มันก็เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ จะว่าไปเลย์มันหุ่นคล้าย ๆ ดอนเลยนะครับ หน้ามันก็ดีในระดับหนึ่ง อาจสูงน้อยกว่านิดหน่อย ผมไม่เคยถามมันเลยว่ารู้จักกับคนคนนี้ไหมเพราะกลัวมันจะสงสัย
“ขอลูกวอลเลย์คืนด้วย ครูเรียกรวมละ…”
“…” คนตัวสูงไม่ตอบนอกเสียจากจะยื่นลูกวอลเลย์ไปให้อีกคน
“รีบ ๆ ดิ” ผมมองคนตรงหน้าที่ยังคงมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งตามไอ้เลย์มันเข้าไปในโดม ต่อไปคงต้องสลับข้างเสิร์ฟกับไอ้เลย์มันแล้วแหละ
________________________________________
เวลา 17:20 น.
“เลย์… พอก่อนได้ไหม” ผมเดินไปเกาะเสาโดมแล้วหายใจหอบ เหงื่อท่วมตัวจนเหม็นไปหมดแล้ว ผมพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกร้อน วันนี้เลย์มันถึงขั้นโทรไปขอป้า บอกว่ากลับช้าเพราะต้องซ้อมเสิร์ฟวอลเลย์บอลให้ผม ตั้งแต่เลิกเรียนสี่โมงจนตอนนี้จะห้าโมงครึ่งแล้ว คนเขาออกจากโรงเรียนจนจะหมดแล้วมั้ง เหลือแต่พวกเล่นฟุตซอลข้าง ๆ นี้ อื้ม… และคงจะมีพวกเล่นบอลที่สนามหญ้าหน้าตึกอำนวยการด้วยมั้ง แต่คงจะเริ่มทยอยกันกลับแล้วแหละ
“เห็นไหม กูบอกแค่ซ้อมก็ทำได้แล้ว”
“มันดีขึ้นใช่ไหม?” เลย์มันเดินเอาลูกวอลเลย์ไปเก็บแล้วสะพายกระเป๋าที่ไหล่ข้างหนึ่งพร้อมกับถือของผมมาให้
“ยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่มันโอเคขึ้นเยอะมาก มึงต้องซ้อมบ่อย ๆ เข้าใจไหม?”
“อื้อ…” ผมตอบมันพลางยื่นมือไปรับกระเป๋ามาถือแล้วพับแขนเสื้อลง ไม่อยากสะพายตอนนี้เลยเพราะหลังมันเปียกเหงื่ออยู่
“ขอบใจมึงมาก ๆ นะเลย์ พรุ่งนี้เจอกัน”
“กูไปส่งไหม?”
“ไม่ ๆ มันคนละฝั่ง อีกอย่างบ้านกูแค่นี้” เดินไปไม่ไกลมาก เข้าหมู่บ้านจัดสรรก็บ้านผมแล้ว
“เออ ๆ กลับดี ๆ”
“อ่า ๆ” เลย์มันแยกกันกับผมไปฝั่งโรงจอดรถ ส่วนผมออกมาจากโรงเรียนตอนนี้บางคนยังมีนั่ง ๆ อยู่แถวข้างหน้า รถบนถนนวิ่งผ่านไปผ่านมาไม่ขาด
‘หิวจัง~’ ได้แต่บ่นในใจพลางเดินถือกระเป๋าที่ควรจะสะพายตรงไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้ ป้าแกเปิดขายช่วงตอนเช้ากับหลังเลิกเรียน ผมชอบปาท่องโก๋ยัดไส้มาก ๆ บางทีถ้าหิวก็ซื้อ น่าจะเกือบหมดแล้วมั้งเนี่ย
“ป้าครับเอา- / เอาเหมือน-”
ขวับ!
กึก…
ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ร่างสูงในสภาพเอาเสื้อนักเรียนออกนอกกางเกงหันมามองผมพร้อมขมวดคิ้ว ครั้นจะสั่งก็ดันสั่งพร้อมกัน แถมเจ้าตัวยังเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ
งื้อออ… ดัซเอ๊ย…
“พะ… พรุ่งนี้เช้าผมจะมาซื้อนะครับ” ผมรีบบอกป้าที่ยืนทำหน้างงเสียงตะกุกตะกักแล้วรีบสาวเท้าเดินหนีทันที หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ จำไว้ว่าเวลานี้ใครทุกคนก็ต้องหิวปาท่องโก๋…
“ตัวเล็ก!”
กึก…
“…” เสียงเรียกดังขึ้นจนต้องหยุดชะงัก
‘ห๊ะ? ตัวเล็ก?’ ค่อย ๆ หันกลับไปมองผมยิ่งอยากจะเป็นลม สิ่งที่อยู่ในอกข้างซ้ายสั่นเป็นจังหวะเพลงร็อกมัน ๆ ซะจนเหมือนจะหลุดออกจากอก
“ระ เราไม่กินปาท่องโก๋ เราไม่หิว คือเอ่อ… ระ เราจะไม่ซื้อแล้ว”
“…”
“งื้ออออ…” รีบหันหนีทันที เราพูดอะไรออกไป เราพูดอะไรออกไปเมื่อกี้
“กระเป๋า…”
“หือ?” ได้ยินจึงหันมามองคนตัวสูงก่อนใบหน้าจะยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมาอีกเมื่อเห็นของในมือหนา เมื่อกี้ผมวางกระเป๋าไว้บนพื้นแล้วยืนเลือกว่าจะสั่งอะไร
“ขะ ขอบคุณนะ” รีบคว้าเอากระเป๋าจากคนตรงหน้าเข้ามากอดแล้ววิ่งหนีทันที
ดัซ!!!!!!!!
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E4 “ใจสั่นเพราะตังค์ทอน”
เมื่อวานเป็นวันที่ผมเหนื่อยมากที่สุดเลยอะ ทำไมถึงได้เจอแต่หน้าของคนคนนั้น ฝึกซ้อมเสิร์ฟวอลเลย์บอลก็เหนื่อยมากพอละ ยังต้องมาใจสั่นจนรู้สึกเพลียอีก เฮ้ออออ…
“ดัซ ๆ บอกเราได้ไหมว่าดัซแอบชอบใครอยู่?”
“…”
“เราสัญญาจะไม่เอาไปบอกใครเลยอิอิ”
“หยุดเลยนะกิ้ฟ เราไม่ได้แอบชอบใครสักหน่อย” ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนอยู่ ครูไม่เข้ามาสักทีไม่รู้ว่าไปไหน ส่วนเลย์มันไปนั่งตีป้อมกับเพื่อนหลังห้องละ เสียงดังซะจนผมยังรำคาญ ส่วนคนตรงหน้าผมชื่อกิ้ฟ เพื่อนในห้องผมเองครับ
“ขี้งกอะ เราไม่เชื่อหรอก ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่เราขอฟินได้ไหมอะ คนตัวเล็กน่ารักแบบดัซ แอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง เขาคนนั้นต้องตัวสูงหล่อแน่ ๆ กรี๊ดดด… สาววายอย่างฉันตายอย่างสงบศพสีชมพู…”
“…” ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ มองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังหน้าแดงแบบสุด ๆ ไม่รู้จะฟินทำไม เพราะไอ้เลย์เลย!!! หลังจากมันเอาเรื่องที่ผมโพสต์มาล้อที่ห้อง เพื่อนหลาย ๆ คนก็เริ่มพากันแซวจนผมเขินตัวแทบลอยละ แต่เหมือนจะเริ่มเงียบไปได้เมื่อวานแล้วนะ ที่ยังมีเอามาถามก็คนตรงหน้าผมนี่แหละ
ฮืออออ… กิ้ฟได้โปรดหยุด
“ดัซ…” เสียงเรียกจากเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นผมจึงหันไปมอง
“อ้าวจิน มีอะไรรึเปล่า?” จินคือเพื่อนผู้ชายใส่แว่น และแน่นอนว่าเนิร์ดตัวพ่อ เก่งขั้นสุด เก่งทุกวิชา เหมือนเป็นคนที่ช่วยยกระดับห้องไว้เลยก็ว่าได้ เพราะจินมักจะไปแข่งขันอะไรอยู่บ่อย ๆ ในห้องผมส่วนมากกราฟคะแนนเฉลี่ยมักจะอยู่กลาง ๆ เพราะมีคนที่คอยดึงคะแนนเฉลี่ยให้สูงขึ้นพอ ๆ กับคนที่ดึงคะแนนให้ต่ำลงพอดี
“พาเราไปตามครูหน่อยสิ”
“เดี๋ยว ๆ ไม่ได้นะ…” กิ้ฟเอ่ยขึ้นจนผมหันมามอง
“แต่นี่มันจะหมดคาบแล้วนะ อย่าลืมว่าดาราศาสตร์เราเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ถ้าไม่ได้เรียนก็คือเราต้องรอเรียนอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะ” ใช่ครับ… สายศิลป์ก็แบบนี้แหละ ดาราศาสตร์ผมเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ส่วนวิทย์หลักเรียนสองคาบต่อสัปดาห์ สรุปคือวิทย์สองรหัสเรียนสามคาบต่อสัปดาห์ ดูเหมือนน้อยนะ แต่คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบอะ
“เราว่าควรไปตามอะกิ้ฟ…” ผมหันไปเสริมให้กิ้ฟเข้าใจ เพื่อนในห้องหลายคนเลยที่ไม่ชอบให้ไปตามครูเพราะไม่อยากเรียน ผมเองไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะไปตาม เหมือนถ้าครูไม่มาก็จะนั่งเฉย ๆ ในห้อง หรือถ้าเพื่อนให้ไปตามผมก็จะไปตาม
“เอองั้นก็ได้ อีกอย่างบางทีถ้าไม่ได้เรียนก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอบ” กิ้ฟบอกเหมือนเริ่มเข้าใจ ก่อนเราสามคนจะเดินออกไปจากห้อง ผมหันไปมองเพื่อน ๆ คนอื่นที่ไม่สนใจอะไร พอดีกับไอ้เลย์คนที่มันเอาเสื้อลอยชายถือโทรศัพท์อยู่หันมามองผมแล้วขมวดคิ้ว เหมือนมันจะถามว่าผมจะไปไหน มัวแต่นั่งกองกันกับพวกผู้ชายด้านหลังอยู่นั่นแหละ บ้างก็นอนกันเลย สบายจริง ๆ พวกนี้ ผมไม่ได้บอกเพราะมันอยู่ไกลเลยได้เดินมาแล้ว
“เฮ้ยดัซ! ไปไหนวะ?”
“จะไปตามครู… มึงเอาเสื้อเข้าในกางเกงเลยเลย์” และก็เหมือนที่ผมคิดคือมันวิ่งออกมาตาม
“ไม่เอา… มึงจะไปตามทำไมวะ?” มันทำสีหน้าอ้อนเหมือนจะบังคับผมทั้ง ๆ ที่คนอื่นอยู่ด้วย
“นายไม่อยากเรียนทำไมต้องมาเรียน” เสียงจินดังขึ้นจนผมหันไปมอง เลย์มันถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเหมือนไม่พอใจขึ้นทันที
“เลย์กูว่ามึงเข้าไปในห้องเถอะ เอาเสื้อออกนอกกางเกงครูปกครองมาเห็นเดี๋ยวก็บ่นอีกหรอก” หลังเลิกเรียนครูเขาไม่บ่นหรอก แต่ตอนนี้มันเวลาเรียน อาจจะไม่เหมาะที่จะแต่งตัวไม่เรียบร้อยแบบนี้
“เออ ๆ … เดี๋ยวเหอะจิน” มันชี้หน้าเหมือนคาดโทษใส่คนที่ยืนข้าง ๆ ผม
“เลย์กับจินนี่เหมือนจะไม่ถูกกันมานานแล้วนะ ตั้งแต่วันคัดเลือกหาคนไปแข่งเลขแล้วป่ะ” กิ้ฟถามในขณะที่พวกผมเดินตามทางเดินไปเรื่อย ๆ อ๋อ… ใช่ครับ เพราะเลย์มันเก่งเลขแบบเว่อร์ ๆ เหมือนที่ผมเคยบอกว่ามันชอบเลข จินเองก็เก่งมาก ๆ เหมือนกัน ครูเลยหาตัวแทนของสายศิลป์ให้ลองไปแข่งดู เหมือนจินจะได้แต่เลย์มันไม่ได้เลยพาลใส่ เรื่องมันนานมาแล้วแหละ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าสองคนนี้ไม่ชอบกัน เอาจริงเลย์มันควรหาเรื่องคนที่ตัวเท่า ๆ กันหน่อยอะ
“ช่างเถอะ…” จินบอกเหมือนไม่อยากย้อนอดีต ผมเลยหันไปมองกิ้ฟก่อนเราสามคนจะเดินเข้าไปในห้องพักครู สรุปคือครูไปทำธุระ แต่แกน่าจะบอกไว้สักหน่อยอะ สุดท้ายเลยต้องกลับห้องแล้วบอกเพื่อน ๆ ให้ทำงานที่ค้าง ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียวรึเปล่า เหมือนพอเห็นว่าเป็นห้องสายศิลป์ครูสายวิทย์แกเลยมักจะหยวน ๆ ในการสอน ปัญหาคือพอออกข้อสอบก็ออกเหมือนกันทุกห้องที่เรียนอีก ผมไม่ได้หมายถึงออกเหมือนของพวกสายวิทย์นะครับเพราะนั้นคงยากไป หมายถึงออกข้อสอบเหมือนกันกับห้องที่เรียนกับครูคนนี้ แล้วทีนี้คนลำบากก็คือห้องที่ไม่ค่อยจะได้เรียนอะ
“มึงเห็นเจเมื่อเช้าป่ะ”
“เออมึงกูแบบ คือ… อีดอกผัวกูเลยม้ะ…”
“กูขอดอนค่า… อิห่ากูถามจริงห้องนั้นมีคนหล่อกี่คนวะ”
“โอ๊ยกูขอเหมาหมดเลยเด้อ”
“ใช่ม้ะ งั้นแบ่งกันมโนมึง”
“พูดแล้วเศร้า… กูอยากรู้ว่าพวกนั้นชอบคนแบบไหนวะ”
“โอ๊ยจะไปยากอะไร ก็คงสวย ๆ น่ารัก ๆ มีออร่าป่ะ”
“เออว่ะ…” ผมได้ยินประโยคคุยกันจากเพื่อนโต๊ะข้างหลังได้หมดเลย มือก็ทำงานค้างไปแต่หูฟัง จะว่าไปก็คงใช่แหละเนอะ คนหน้าตาดีเขาก็คงต้องชอบคนหน้าตาดีไหมอะ เอาอีกแล้ว… คนที่ได้แค่แอบชอบมันจะมีความรู้สึกหนึ่งเหมือนแบบหน่วงในอกเพราะเราไปอยู่จุดนั้นไม่ได้อะ ที่ผมหน่วงเพราะผมหวังเหรอ?
“ดัซ…” หรือเพราะผมหลงเขามากเกินไป ทั้ง ๆ ที่แค่เห็นหน้าก็หลงแบบนี้เหรอ คุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เคย ประโยคแรกที่ได้คุยก็ตอนในห้องน้ำและเมื่อวาน
“ดัซ!”
เฮือก!
“อะ… เอ่อมีอะไรรึเปล่า?” มัวแต่พะวงแต่เรื่องของเขาคนนั้นจนไม่ได้ฟังเพื่อนผู้หญิงสองคนด้านหลังเรียก พอถูกเขย่าเลยสะดุ้งและหันไปมองทันที
“เราจะถามว่าคนน่ารักแบบดัซนี่ดูแลตัวเองยังไงเหรอ เราเป็นผู้หญิงผิวยังไม่ดีเท่าดัซเลย”
“เอ่อเราว่าเราก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นมั้ง”
“ใครบอก นี่เรายังชอบดัซเลยนะ เราจีบได้ป่ะ?”
“…”
“ล้อเล่น! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ตกใจหมดเลย…”
“ก็ดัซแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่หนิ เราเป็นผู้หญิงเราจะมีสิทธิ์จีบดัซได้ไง…” ดูพูดเข้า เอาเรื่องนั้นมาพูดอีกแล้ว
“เฮ้อออ… ทำงานได้แล้ว เราไม่ได้แอบชอบใครหรอก”
“งือออ… แต่ดัซน่ารักจริง ๆ นะ มึงว่าป่ะดิว”
“เออนั่นดิ เอาจริงเรายังแอบคิดเลยว่าดัซกับเลย์เป็นแฟนกัน เดินคู่กันยิ่งเหมือนอะ”
“โห่ไม่เอาอะ แค่คิดเราก็กลัวละ มันเป็นแค่เพื่อนเหอะ…” ใครจะชอบมันวะ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทกันอีก นินทาเลยก็มาเลย เลย์มันเดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วหันไปขมวดคิ้วมองเพื่อนสองคนที่กำลังคุยกับผม
“มองไรวะ?”
“หล่อมากมั้งเลย์ แค่นี้มองไม่ได้รึไง?”
“ใช่ หล่อไหมล่ะ…”
“ไอ้บ้า!” จากนั้นเพื่อนผู้หญิงสองคนก็ไม่ชวนผมคุยเลย เลย์มันหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วจนผมเลิกคิ้วใส่
“มึงน่ารักจังวะดัซ…”
“พอเลยมึง…” มันต้องล้อผมอยู่แน่ ๆ ทำไมถึงได้ล้อกันเป็นขบวนการแบบนี้วะ แล้วยังมีน่ามาหัวเราะอีก ผมมองมันด้วยสายตาพร้อมทุบจนมันยอมหันไปหยิบงานขึ้นมาวาง
“กูไม่อยากให้มึงเข้าใกล้ไอ้จินเลย” ได้ยินผมถึงกับหันไปขมวดคิ้ว
“เลย์มึงอย่าสั่งให้กูออกห่างจากเพื่อนที่มึงไม่ชอบได้ไหม?”
“…” ดูหน้า แล้วยังจะมาทำหน้าไม่พอใจใส่อีก
“ทำไมมึงต้องไม่ชอบจินว่ะ กูว่าจินก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะเว้ย”
“ก็กูหมั่นไส้มัน…”
“เฮ้อออ… ทำไมต้องไม่ให้กูเข้าใกล้ด้วย” ผมถอนหายใจพลางหันไปจดงานต่อ
“เพราะกูไม่ชอบมัน และมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”
“…เออ ๆ กูจะพยายามแล้วกัน แต่ถ้าจินเข้ามาหากูเองก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะกูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจินอะ”
“อื้อ…” มันครางตอบในลำคอก่อนจะยอมหันไปทำงาน ผมมองเลย์มันเหมือนพยายามคิดอะไรอยู่แล้วก้มลงไปมองเสื้อที่ตอนนี้มันเอายัดใส่กางเกงแล้ว เอออย่างน้อยมันก็เชื่อที่ผมบอก
“เลย์…”
“…”
“มึงบอกกูน่ารัก มึงพูดจริงป่ะ…” ทำไมผมต้องเม้มปากถามด้วยวะ แค่อยากรู้ว่าถ้าหากผู้ชายคนอื่นมอง เอ่อ… ก็ผู้ชายคนนั้นแหละ ถ้าเขามองเขาจะมองผมน่ารักไหม ได้ยินเลย์มันจึงขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาแบให้ผมดูจนผมขมวดคิ้ว
พลั่ก…
“โอ๊ย! ไอ้เลว!”
“ถามบ้าอะไรของมึง…” มันดันหน้าผมจนแทบตกเก้าอี้ รีบยกมือขึ้นไปตีแขนมันทันทีเลยครับ คิดไว้แล้ว! คนอย่างมันจะชมผมจริง ๆ ได้ไง ไอ้คนทรยศ
“ก็น่ารัก… กูมองแล้วก็คิดว่ามึงน่ารักแต่กูคงไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยว่ะ เพราะมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”
“…” เอ่อ… กูไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย์
“ทำไม? มึงถามเพราะมึงกำลังคิดว่าไอ้คนที่มึงชอบมันจะมองมึงน่ารักไหมเหรอวะ?”
“ปะ เปล่านะเลย์ มึงพูดเบา ๆ หน่อย”
“กูหวงเพื่อน กูจะไม่ให้มันเข้ามาหามึง…”
“ไอ้บ้า เพื่อนมึงไม่ได้ดูดีขนาดนั้น”
“ใช่!”
“เอ้า… ทำไมมึงแทงใจดำจังวะ”
“รีบปั่นงานดัซ…”
“เออ ๆ” สรุปคือมันมองผมน่ารักใช่ป่ะ แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยอะ เฮ้อออ…
________________________________________
พักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ โรงเรียนผมจะมีโซนขายของ พวกน้ำปั่น ผลไม้ หรือขนมต่าง ๆ และจะมีโต๊ะให้นักเรียนนั่งเล่นหรือทำงานอยู่ด้านหน้าโซนขายของ ที่พูดถึงคือมันไม่ได้อยู่ในโรงอาหารนะครับ มันจะแยกออกจากโรงอาหารเลย ประเด็นคือเลย์มันใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้ เห็นมันมีเหตุผลผมเลยต้องยอม บอกว่าต้องรีบทำงานที่ค้างเพราะลืมทำ เอาจริงคือลอกผมเหอะ น้ำที่ว่าก็ไม่ใช่น้ำเปล่าด้วย บอกเอานมสดปั่น
“เอานมสดปั่นหนึ่งแก้วครับ”
“น้ำมะพร้าวหมดยังครับ” เสียงทุ้มอยู่ข้าง ๆ ดังขึ้นผมจึงหันไปมอง พอดีกับร่างสูงหันมามองผมเช่นกัน
กึก…
‘วะ เวร…’ โอเค… คือมันจะเป็นโชคชะตาหรือพรมเช็ดเท้า เฮ้ย… พรหมลิขิตอะไรก็ช่าง แต่ผมไม่อยากซื้อให้ไอ้เลย์มันแล้วอะ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วจนผมต้องรีบหันมาก้มหน้าตัวเกร็งแทบจะเป็นท่อนไม้อยู่ละ
“เหลือพอปั่นให้หนึ่งแก้วพอดีลูก”
“งั้นเอาครับ…” ไม่ดีแน่ ๆ ดัซ ทำไงดี เสียงเครื่องปั่นน้ำดังขึ้นชวนให้ผมประหม่าไปด้วย สมองมันดูตื้อ ๆ มือก็สั่นเหมือนผมไม่ได้ยินเสียงใครพูดแล้วอะตอนนี้ อาการแบบนี้มันคืออะไร ผมไม่ชอบ เหมือนหัวใจจะวายอยู่แล้ว เลย์ช่วยกูด้วย!!! สักพักถึงได้ยินป้าที่ปั่นน้ำให้เรียกผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมขมวดคิ้ว แกยื่นแก้วน้ำปั่นมาให้ผมจึงรับแล้วรีบยื่นเงินให้พร้อมกับรีบสาวเท้าหนีทันที
‘ใจมึงช่วยหยุดเต้นได้แล้ว!!!’
ปึ่ก…
“โอ๊ย…”
“เราขอโทษ…” ผมขอโทษเพื่อนผู้หญิงที่เดินมาชนกับตัวเองพอดี ทำไมต้องทำตัวเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยอะดัซ
“ไม่เป็นไร…” เธอบอกก่อนจะเดินออกไปผมจึงหันไปมองตามหลังก่อนจะชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนซื้อน้ำปั่นเมื่อกี้กำลังเดินตรงมาหาพร้อมใบหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างจนผมชะงักรีบหันไปมองตรงหน้าแล้วสาวเท้ารัว ๆ ตายแน่ ๆ ตายแน่ ๆ บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบเรา เป็นใครใครก็รำคาญป่ะดัซที่ถูกแอบมอง งื้ออออ…
หมับ!
“อ๊ะ! เอาไปเลย… เราไม่ดื่มแล้ว” มือข้างที่ไม่ได้ถือน้ำปั่นถูกจับไว้จนชะงักหันไปมอง ผมจึงรีบยื่นแก้วนมสดปั่นให้ร่างสูง ครั้งที่สองแล้วนะที่ถูกคนคนนี้จับมือ หลบตาปี๋เพราะกลัวอีกคนจะด่าคำเจ็บ ๆ ออกมา พอไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะรับน้ำปั่นผมจึงค่อย ๆ ลืมตา คนตัวสูงยังคงขมวดคิ้วมองผมแต่มือยังจับจนผมพยายามดึงออก โชคดีที่เจ้าตัวยอมปล่อย
“คะ คือเราขอโทษ… ถ้าเราทำอะไรให้นายไม่พอใจเราจะ-”
“ตัวเล็กลืมตังค์ทอน…”
“…”
“จ่ายแบงก์ร้อยไปให้ป้าแล้วทำไมไม่รอเอาตังค์ทอนด้วย”
“อะ… เอ่อคือเราขอโทษ” ผมเม้มปากแล้วยื่นมือจะไปรับตังค์จากคนตรงหน้าแต่เจ้าตัวกลับดึงหนีจนผมขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนสูงจริง ๆ อะ ดูดีจนใครเห็นระยะไกล ๆ ยังอยากจะละลาย แล้วผมที่อยู่ในระยะประชิดแบบนี้ล่ะครับ แค่มองหน้าเจ้าตัวใจผมมันยังสั่นไม่เป็นจังหวะ หน้าค่อย ๆ ก้มลงและเม้มปากอีกครั้งเพราะสู้สายตาของเจ้าตัวไม่ได้ เหมือนใจจะสั่นเกินไปจนเริ่มหน่วงแล้วอะ
“ระ เราไม่เอาก็ได้” ผมบอกจนได้ยินเสียงขำพร้อมกับเจ้าตัวยื่นตังค์มาให้ เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะรับตังค์มาถือไว้
“ไอ้ดอนรีบ ๆ หน่อยดิวะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงหันไปมองพร้อมกับคนตรงหน้า ก่อนดอนจะหันกลับมาหา เหมือนเจ้าตัวยังไม่ได้น้ำมะพร้าวปั่นเลยอะ ผมทำให้คนตรงหน้าเสียเวลา ดูแย่จัง…
“ผมไปก่อนนะครับ…”
“…” แล้วทำไมต้องใช้คำว่าผมด้วย งื้อออ… สุภาพ…
“อีกอย่างตัวเล็กไม่ได้ทำให้ผมไม่พอใจอะไรสักหน่อย”
กึก…
“…” ประโยคหลังจากคนที่วิ่งกลับไปทำให้ผมชะงักถึงขั้นอยากปาน้ำปั่นในมือทิ้ง
“ดัซ! ครูจะมาแล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองถึงได้เห็นเป็นเลย์มันมองลงมาจากตึกด้วยสีหน้าเหมือนโมโหจัด
“จะได้กินไหมวะแม่ง!”
“ขะ ขอโทษ!” ผมตะโกนขึ้นไปบอกมันก่อนจะรีบเดินเข้าตึก
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E5 “ทักครับ”
วันถัดไป~
เฮ้ออออ...
ตอนนี้กำลังนั่งฟุบหน้าลงบนโต๊ะรอครูเข้ามาสอนคาบบ่ายอยู่ ในสมองมันได้แต่พยายามคิดว่าทำไมดอนถึงได้เริ่มรู้สึกตัว แล้วทำไมถึงรู้ว่าผมหลบหน้า ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกคาใจคือเรื่องในห้องน้ำอะ แล้วไหนจะเมื่อวานที่ดอนบอกว่าผมไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่พอใจอีก แสดงว่าผมไม่ได้ดูแปลกในสายตาดอนใช่ไหม?
งื้อออออ...
‘สับสนอะไรของเราเนี่ย...’ ที่จริงคือกลัวว่าจะทำให้ดอนเกลียด มันมีทั้งข้อดีและขอเสีย ถ้าเขาเกลียดเขาจะไม่สนใจอะไรผมอีกแล้วใช่ไหมล่ะ เหมือนถ้าผมลืมกระเป๋าหรือลืมตังค์ถอนเขาก็จะไม่แคร์ อื้ม… อีกอย่างคือผมจะได้ไม่ต้องใจสั่นเวลาอยู่ใกล้เขา
แต่ข้อเสียคือ... คนที่เราแอบชอบเขาดันเกลียดเรานี่สิ ก็แอบเจ็บ ๆ ป่ะ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเขาไม่รู้ก็ดีอยู่แล้วเชียว แต่ช่างเถอะ… ยังไงแล้วเมื่อวานคำพูดของคนตัวสูงมันก็ทำให้ผมรู้สึกแอบโล่งอก ที่เหลือคือเราเองต้องมีสติ ไม่ลุกลี้ลุกลนจนเกินไป ไม่ทำให้ตัวเองดูแปลก อื้ม!
ตื๊ดดด...
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ ดังขึ้น แสดงว่ามีการแจ้งเตือนเข้ามาใหม่ ผมจึงรีบเงยหน้าแล้วเลื่อนมือไปหยิบขึ้นมาดู
(Layer A ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของคุณ)
อ่านจบผมถึงกับรีบหันไปมองไอ้คนที่มันแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ผมทันที
“ใคร ๆ เขาก็แอบชอบนาย...” มันหันมาพูดล้อ ยัง… ยังไม่คิดที่จะจบจริง ๆ ใช่ไหมหา!!!
“เดี๋ยวเหอะ...” ผมทำหน้าขู่มัน
“ฮา ๆ ๆ ก็มันยังคาใจกูว่ะ แม่งใครวะกูอยากรู้ฉิบหาย…”
“พอเลยเลย์ กูบอกแล้วไม่มีอะไร…”
“สักวันดัซ… สักวันกูจะรู้ให้ได้ หึๆ”
“มึงน่ากลัวว่ะ…”
“เหรอวะ?”
“เออ… หันไปเล่นเกมต่อเลยมึงอะ” ก่อนหันไปยังมีทำหน้าเจ้าเล่ห์ ๆ ใส่ผมอีก น่าทุบจริง ๆ ไอ้นี่ จะว่าไปวันนี้วันศุกร์แล้ว ในที่สุดก็จะได้พักสักที…
‘พักบ้าอะไรล่ะ การบ้านเยอะกว่าเสื้อผ้าที่ใส่ในแต่ละวันอีก’
ตื๊ดดด...
สักพักโทรศัพท์มันก็สั่นขึ้นอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใครผมยิ่งชะงักขึ้นไปอีก
(Until Dawn ได้อัปเดตสถานะของเขา)
มีเหรอที่ผมจะรอช้ารีบกดเข้าไปดูทันที หัวใจมันเต้นแรงแปลก ๆ จะโพสต์ด่าเรารึเปล่านะ แต่เอ๊ะ... เราสำคัญตัวเองเกินไปอีกล่ะ
(รักเดียว...)
ไม่กี่วินาทีที่แล้ว
ไลก์ 8 แสดงความคิดเห็น 1
อ่านจบถึงกับรีบวางโทรศัพท์ลงทันที
“เฮ้ออออ...”
‘ยังไงเขาก็ต้องมีคนที่ชอบอยู่แล้วไหมดัซ...’ มันต้องแน่นอนอยู่แล้วที่ยังไงผมก็คงเป็นได้แค่คนที่แอบชอบอยู่ฝ่ายเดียว เหมือนอีกหลาย ๆ คนที่แอบชอบเขาก็คงเป็นแบบผม ที่ดอนโพสต์คงเป็นเพราะรู้ว่ามีคนแอบชอบดอนเยอะละมั้ง ถึงได้โพสต์ดักทางให้คนอื่นรู้ เอาง่าย ๆ ก็เหมือนโพสต์บอกให้ตระหนักว่าจุดที่คุณยืนคือจุดไหนแบบนี้ล่ะมั้ง
‘ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ จะแอบชอบนายล่ะไอ้บ้า!!!’ ฮือออ… คิดว่าเราแอบชอบใครคนหนึ่งง่ายขนาดนั้นเลยรึไงห๊ะ!? ทำไมอยู่ดี ๆ ต้องหงุดหงิดคนที่เขาไม่รู้จักเราด้วยวะ
“มึงจะทุบกูป่ะเนี่ยทำหน้าแบบนั้น…” ได้ยินผมจึงหันไปทำหน้าเหมือนอยากกระโดดกัดคอมัน
“กูจะฆ่ามึงไอ้เลย์!”
ตุบ!
“โอ๊ย! ดัซ… มึง…”
________________________________________
เลิกเรียน~
“วันนี้คุณดัซจะไม่ไปดูผู้ชายเล่นบอลเลยรึไงครับ...” เลย์มันเหมือนพูดล้อผมที่ตอนนี้กำลังเดินก้มหน้าอยู่ ที่จริงคือไม่ได้ดูมาหลายวันแล้วป่ะวะ
“ดูผู้ชายบ้านมึงสิ...” ผมด่ามันโดยไม่หันไปมอง ตอนนี้พวกผมกำลังเดินลงมาจากตึกเรียน ก็ว่าจะกลับบ้านเลยแหละ คงไม่กล้าไปสู้หน้าคนคนนั้นหรอก เขาโพสต์บอกขนาดนั้นแล้วก็คงต้องถอยไหมอะ
เฮ้อออ…
“เป็นอะไรของมึงวะ? ไหนบอกเพื่อนเลย์สุดหล่อมาสิ...” เลย์มันเดินมากอดคอจนผมต้องดันร่างมันออก แค่คบกันเป็นเพื่อน อยู่ด้วยกันสองคนเพื่อนในห้องก็ยุให้มันมาเป็นผัวผมอยู่ละ ยังจะมากอดคออีกนะ ไม่มีลงมีเรือระหว่างเราทั้งสอง จำ!
“แหม่... พอแอบชอบใครสักคนก็รังเกียจผัวหลวงคนนี้ของมึงเลยนะดัซ...”
“หุบปากเลยเลย์! หน้ากูดูเล่นด้วยรึไง?” ผมหันไปทำตาขวางใส่จนมันทำหน้าเบื่อโลก คนยิ่งเครียด ๆ เรื่องของใครสักคนอยู่ด้วยตอนนี้ เนี่ย… พอเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจก็มันจะชอบเป็นแบบนี้อะ ต้องฟังธรรมไหมถึงจะโอเคขึ้น
แต่จะว่าไปแล้วผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนเดียวรึเปล่าที่พอเห็นเขายิ้มตัวเองก็พลางที่จะยิ้มไปด้วย มันเหมือนประโยคนี้เลย
‘Your smile is literally the cutest thing I have ever seen in my life.’
รอยยิ้มของคุณเป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ยิ่งคิดยิ่งอนาถใจกับตัวเองอะ ชอบใครเขาก็จะดูดีไปหมด เครียดว่ะ… เครียดดดดด…
“มีอะไรก็บอกกูมาดิวะแม่ง ไหนบอกกูมาดิว่ามึงแอบชอบใคร? กูจะช่วยไปติดต่อให้ มันอยู่ในทีมฟุตบอลใช่ไหม? มอห้าถูกป่ะ?”
“มะ ไม่ได้นะเลย์!” ผมรีบเงยหน้าไปเบรกมันทันที ถ้าขืนทำแบบนั้นต้องฉิบหายกันหมดแน่ ๆ ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ค่อยกล้าจะไปสู้หน้าเขาอยู่แล้ว ถ้าทำแบบนั้นเขาจะไม่เกลียดผมจนไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเลยรึไง
“เฮ้อ… กูเข้าใจความรู้สึกของมึงเว้ย”
“…” เลย์มันถอนหายใจพร้อมกับหันไปมองข้างหน้า ยัดมือใส่ถุงกางเกงเดินเหมือนมันหล่อมาก ผมเองก็รอฟังอยู่ว่ามันจะพูดอะไร
“ตอนนี้กูก็แอบชอบใครคนหนึ่งอยู่ มันเป็นความลับว่ะ...”
“ใครวะ?”
“ถ้าบอกมันก็ไม่ใช่ความลับดิวะ...” มันหันมาบอกจนผมต้องทำหน้างง
“หล่อเอ๋อ ๆ แบบมึงเขาอาจจะชอบก็ได้นะเลย์ เดินหน้ารุกเลย...”
“เหมือนด่ากูเลย แต่มีคำว่าหล่อกูให้อภัย...”
“วันนี้ไม่ต้องซ้อมวอลเลย์ใช่ป่ะ?”
“กูว่ามึงดีขึ้นมากแล้ว… เอาแค่ให้เสิร์ฟข้ามก็พอ”
“อื้ม ๆ งั้นกลับบ้าน...” ผมเปลี่ยนเรื่อง เลย์มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกผมพากันเดินออกมาจากรั้วโรงเรียน ในระหว่างทางเดินกลับผมก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของดอน ทำไมวะดัซ!? มึงไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องของเขาดิวะ… ไหนบอกจะทำใจทำไมไม่ทำวะ หน่วงทำไมเนี่ย…
“เฮ้ออออ...”
“เอาอีกละ” เลย์มันหันมาพูดใส่จนผมต้องเม้มปาก
“…” ก็คนมันเครียดอะ
“กินอะไรหวาน ๆ ไหมเผื่อมึงจะดูมีชีวิตชีวาขึ้น...” เอาของกินมาล่อผมอีกละ
“ไม่เอาอะ พอเถอะเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ต่อไปถ้ากูถอนหายใจให้คิดว่ากูเบื่อมึงก็แล้วกัน...”
พลั่ก...
“โอ๊ย... จะผลักทำไมเนี่ย?” ชอบจังเลยจับ ๆ ผลัก ๆ หัวกูเนี่ย
“ไป ๆ กูไปเอารถที่ซ่อมละบาย...” และแล้วผมก็เดินแยกทางกับมัน บ้านผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ใกล้ ๆ นี้แหละเคยบอกไปแล้ว ตามจริงเป็นคนต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่หย่าร้างกันผมเลยต้องย้ายมาอยู่กับแม่สองคน เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผมก็มีความสุขกับแม่ดีครับ
“กลับมาแล้วครับ~” ผมบอกพร้อมกับยกมือไหว้แม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก ทำไมวันนี้แม่ถึงกลับเร็วจังนะ สงสัยคงไม่มีงานสินะ
“เป็นไงบ้างวันนี้?”
“อื้อ… ก็เฉย ๆ อะครับ”
“แล้วตั้งใจเรียนไหม?”
“ดัซเก่งอยู่แล้วเหอะครับ...”
ฟอดดด…
ผมพูดพร้อมเดินไปหอมแก้มแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นห้อง
“ลูกคนนี้... อาบน้ำแล้วรีบลงมาทานข้าวด้วย”
“ค้าบ~”
________________________________________
กลางคืน~
หลังอาบน้ำและลงไปกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ผมต้องขึ้นมานั่งทำการบ้านจนเสร็จ เคลียร์ไว้เสาร์อาทิตย์จะได้ว่าง และตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยได้แต่นอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่บนเตียง กดเข้าเฟซบุ๊กแล้วเลื่อนดูคอมเมนต์ในโพสต์ของตัวเอง
Layer A: เขิน
Layer A: รู้ได้ไงอะ?
“ไอ้บ้า...” ถึงจะด่ามันแต่ผมก็เผลอแอบยิ้มนะ พอนึกถึงหน้ากับท่าทางของมันเวลาเอ่ยประโยคแบบนี้ออกมาในชีวิตจริง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมยิ้มได้… นอนเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์ไปสักพัก ก็มีแจ้งเตือนขึ้นมารัว ๆ และยิ่งกดเข้าไปดูผมยิ่งต้องชะงัก ชะงักไม่ชะงักธรรมดา ถึงขึ้นตาสว่างเลื่อนโทรศัพท์เข้ามาแหกตาดูใกล้ ๆ
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)
“ชะ เชี่ย...” เผลอสบถคำหยาบออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะว่าดอนไม่เคยมาไลก์รูปให้ผมก่อนเลยหน้านี้ ยิ่งเลื่อนดูก็เหมือนเจ้าตัวจะไลก์ให้ผมเกือบทุกรูปเลย เวลาลงรูปผมมักจะลงเป็นสาธารณะตลอดเลยด้วย
ตึกตัก...
พยายามเลื่อนเช็กดี ๆ ว่าใช่ดอนจริง ๆ ใช่ไหมและมันก็ใช่จริง ๆ ด้วย มือผมสั่นไปหมดละครับตอนนี้
ตื้ด...
เสียงสั่นเนื่องจากมีข้อความเข้าดังขึ้น แต่มันกลับทำให้ผมถึงกับตาค้าง มะ ไม่จริงใช่ไหมดัซ!?
Messenger
Until Dawn: ทักครับ
ตึกตัก...
“ตะ ตายแน่ดัซ…” ตอนนี้หัวใจมันเหมือนจะหยุดเต้นไปแล้ว แทบอยากจะปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้แล้วหลับตานอน ตัวก็สั่นไปหมด แต่มือมันดันเผลอไปกดอ่านเสียแล้วนี่สิ ไม่รู้ว่าตอนนี้ดอนจะมาอีท่าไหน แต่ผมจะตั้งสติไว้ก่อนนะครับ!
ฮึบ!!!
“เอาวะ!”
Dusk Aussadong: ทักครับ
ตอนกดส่งไปหัวใจมันก็ดันเต้นระรัว ๆ เหมือนส่งไปพร้อมกับวิญญาณที่อยู่ในร่างของผม ถ้าเป็นลมได้ตอนนี้ผมคงเป็นลมไปแล้ว
Until Dawn: ตัวเล็กชื่ออะไรครับ?
ตัวเล็ก… เรียกเราว่าตัวเล็กอีกแล้วววว…
Dusk Aussadong: เราชื่อดัซ
Until Dawn: อ๋อครับ
หลังดอนตอบกลับผมก็ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรต่อดี แค่ตั้งสติพิมพ์ข้อความส่งกลับแค่นี้มันก็แทบจะหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้ว โทรศัพท์ตอนนี้ผมก็คว่ำหน้าไว้ หัวใจมันก็สั่นไม่หยุด ใครจะไปคิดว่าคนที่เราแอบชอบจะทักมาอะ เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นอีกครั้งผมจึงรีบหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว
Until Dawn: พักนี้ทำไมถึงไม่ค่อยมาดูบอลเลยครับ
กึก… ถึงกับชะงักไปกับข้อความที่ดอนส่งมาทันที ดอนรู้มาตลอดเลยเหรอ!!! งื้อออ... ผมไม่ไหวแล้วตอนนี้ จะเป็นแล้วววว…
Until Dawn: ตัวเล็กหลับแล้วเหรอครับ
Dusk Aussadong: เอ่อพอ_อยดีเรากววติดธุรพน่พ เลยไม่ค่อยได้
Untill Dawn: ใจเย็นๆก็ได้ครับ
งื้อออออ… เด๋ออีกแล้วทำไมต้องพิมพ์ข้อความผิด ๆ ไปให้ดอนด้วย เจ้าตัวจะหาว่าผมเด๋อเหมือนกับทุกครั้งแน่ ๆ เลย ไหนจะลืมกระเป๋า ลืมตังค์ถอน แถมยังพูดจาแปลก ๆ ต่อหน้าเจ้าตัวอีก
Dusk Aussadong: เราขอโทษ TT
หลังส่งข้อความไปผมก็รีบปิดเน็ตปิดหน้าจอโทรศัพท์หลับตาลงทันที ได้แต่นอนกอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเขินที่ดอนถามแบบนั้น ถึงผมจะยังไม่รู้จุดประสงค์ของคนตัวสูงที่ทักผมมาก็ตามทีเถอะ แต่ว่าสำหรับความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายแอบชอบอย่างผมมันก็รู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ
Talk with M: เดี๋ยวมาต่อน๊า ฝากติดตามดอนกับดัซด้วยนะครับ ฝากคอมเมนต์ด้วยเด้อ รัก <3
หากผิดพลาดประการใดเอ็มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
ติดตามจ้า :mew2:
-
E6 “ดวงความรักในช่วงนี้”
วันเสาร์~
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องนอนจนทำให้ผมค่อย ๆ เริ่มรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสุดแสนจะคุ้นเคย ก็ใช่สิ… ผมอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วนะ แต่ทุกอย่างมันยังเหมือนใหม่ นั่นเป็นเพราะคุณแม่ของผมเอง แต่เดี๋ยว…
พรึบ!!!
ก่อนจะได้นอนแช่อยู่ในผ้าห่มนานกว่านั้น ผมจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทันทีเพราะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ตายแน่ๆ” บ่นออกมาก่อนจะรีบขยับตัวลงจากเตียง วิ่งลงไปยันชั้นล่างเสียงดังตุบ ๆ ตับ ๆ มีคนวางระเบิดไว้ครับเมื่อคืน!!! เขาคนนั้นชื่อดอน คนที่ผมแอบชอบ
“เดี๋ยวได้สะดุดล้มตกบันไดหรอกดัซ เราจะรีบวิ่งลงทำไมเนี่ย...” แม่ผมที่เดินถือถุงอะไรสักอย่างเข้ามาในบ้านพอดีถึงกับเอ็ดเอา
“แม่ครับ ฮะ ฮ๊าา ฮาา นะ ไหน” ตื่นเต้นจนต้องรีบพูดแต่มันก็ติดหอบ จนแม่ต้องยกมือขึ้นมาเบรก จึงได้หยุดตั้งสติหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ มันงั้นคงเป็นลมแต่เช้า
“หายใจก่อนดัซ เราเนี่ยทำอะไรแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ...”
“...”
“ไหนมีอะไร?” แม่ถามพร้อมกับเดินผ่านเข้าไปในห้องครัว ผมจึงรีบเดินเข้าไปตาม
“ไหนโทรศัพท์ดัซอะครับ?” เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ เพราะมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ตัว จนต้องรีบวิ่งเอาไปฝากไว้กับแม่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้นอนหลับได้เร็วขึ้นเลย กว่าจะหลับก็เลยเที่ยงคืนไปอีกต่างหาก… ก็ผมตื่นเต้นอะ คนที่แอบชอบทักมาเลยนะเว้ย…
“แม่เอาไปวางไว้ในห้องให้แล้ว...”
“เอ้า! แม่อะ… บอกว่าอย่าใช้กุญแจเปิดห้องดัซ...” ผมบ่นแต่ก็รีบหันหลังรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้อง
“เรานั่นแหละลืมล็อก… อย่าวิ่ง!” เสียงแม่ดังตามขึ้นมาแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบสาวเท้าขึ้นไปบนห้องรัว ๆ แล้วตรงไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาดู ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยวะดัซ…
ตืด...
พอเปิดเน็ต การแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงข้อความจากดอนมันก็เด้งขึ้นมาจนผมใจสั่นไปหมด
เมื่อเวลา 21:50 น.
Until Dawn: อ๋อครับ ถึงว่าผมไม่ค่อยเห็น
Until Dawn: ว่าแต่ครั้งต่อไปจะมาดูไหมครับ
เมื่อเวลา 22:05 น.
Until Dawn: ตัวเล็กนอนแล้วเหรอครับ?
เมื่อเวลา 22:15 น.
Until Dawn: คงหลับแล้วสินะ
Until Dawn: ฝันดีนะครับตัวเล็ก
ตึกตัก...
ผมเป็นลมทันไหมตอนนี้ มือนี่สั่นไปหมดแล้ว อมยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วเนี่ย ทำไมดอนต้องทักมาหาด้วยอะ มันทำให้ผมยิ่งตัดใจไม่ได้นะ รู้ว่าเจ้าตัวจะทักไปหาใครก็ได้เพราะยังไงทักไปใครก็ต้องคุยด้วย แต่ทำไมต้องทักมาหาเราด้วยอะ งื้ออออ…
Dusk Aussadong: ขอโทษนะ เมื่อคืนเราเผลอหลับอะ
Dusk Aussadong: แต่ดอนก็ฝันดีนะ
“เชี่ย…”
เผลอพิมพ์ชื่อเขาไปอีก
“โอ๊ย...” แล้วทีอย่างงี้กลับพิมพ์ถูกซะเกือบหมด ก็เล่นเคยตื่นเต้นจนพิมพ์ผิด กลัวจะเด๋ออีกรอบนะสิ
“ดัซเป็นอะไรลูก!” เสียงดังขึ้นมาจากข้างล่าง
“เปล่าครับแม่ ดัซแค่บ่น!”
________________________________________
เวลา 09:30 น.
“หนึ่ง… สอง…”
“ดัซ!!!”
เฮือก…
เสียงเรียกดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองผ่านกระจกจึงเห็นเป็นไอ้เลย์ โอ๊ย… ทำไมต้องตะโกนดังขนาดนั้นด้วยวะ ขนาดผมอยู่ในบ้านยังตกใจเลยอะ คนกำลังใช้สมาธินับไม้จิ้มฟันที่อยู่ในกระปุก ออดก็มีไม่กดวะ
“จะมาทำไมไม่บอกก่อนอะ แล้วจะตะโกนเสียงดังทำไม?” เดินออกไปเปิดประตูรั้วให้มันด้วยผมก็บ่นไปด้วย วันนี้วันเสาร์ หลังกินข้าวเสร็จแม่ก็ไม่อยู่แล้ว เห็นบอกจะออกไปซื้อของเข้าบ้านสักหน่อย ชวนผมแล้วแต่ผมไม่อยากไป
“ไปดูหนังกัน…”
“ห๊ะ?”
“ดูหนังไง กูอยากดูอะ…” ผมเท้าสะเอวไล่สายตามองมันที่ใส่ยีนขาดเข่ากับเสื้อเชิ้ตสุดเท่ ก็พอจะเข้าใจว่ามันคงไม่ได้แต่งตัวมานั่งเล่นบ้านผมเป็นแน่แท้
“ขี้เกียจอะ…” ผมบอกพลางเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็วันนี้วันเสาร์ก็ต้องขี้เกียจเป็นธรรมดา
“อะไรวะ แล้วกูจะมีเพื่อนไว้ทำไม?”
“มึงไม่ชวนล่วงหน้าวะ สักสองสามเดือนไรงี้…” มันเข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงบนโซฟา ส่วนผมเดินไปนับไม้จิ้มฟันต่อ
“สองสามเดือนเชี่ยไร… ที่มาก็เพราะกูรู้ว่ายังไงมึงต้องไปเป็นเพื่อน”
“…” เนี่ย… ก็มันเป็นแบบนี้ไง ผมหันไปทำสายตาเหมือนอยากทุบจนมันต้องยิ้มแห้งเหมือนจะอ้อนให้ผมไปด้วยให้ได้
“แล้วมึงทำอะไรวะ?”
“นับไม้จิ้มฟันอยู่…”
“เดี๋ยว ๆ นับทำไม?” มันลุกขึ้นเดินตรงมายืนมองผมอยู่ข้าง ๆ ถามว่าทำไมผมถึงต้องมานับไม้จิ้มฟันอยู่แบบนี้ ผมต้องการจำนวนที่เหลืออยู่ในกระปุก แล้วเอาตัวเลขของจำนวนที่เหลือไปทำนายความรักครับ
“ความลับ…”
“ความลับบ้าอะไรวะเนี่ย มึงจะนับให้มันเสียเวลาทำไม เอาเวลาไปดูหนังกับกูเหอะ”
“มึงเงียบ ๆ ดิ กูใช้สมาธิอยู่นะ” ผมบอกโดยไม่หันไปมอง แต่รู้แหละว่ามันคงทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ เลย์มันเดินกลับไปนั่งโซฟาพอดีกับที่ผมนับเสร็จแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านคำทำนายของตัวเอง
คุณจะได้พบเจอกับคนที่คุณแอบรักอยู่บ่อยครั้ง…
เดี๋ยว ๆ แค่นี้เหรอ?
“ดัซ… ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว กูรู้นะว่ามึงอาบน้ำแล้วอะ” ได้ยินแต่ผมยังคงยืนงงกับตัวเอง
“จะไปดูหนังอะไร?”
“มึงไม่ชอบหนังผีงั้นดูอควาแมนไหม?”
“เฮ้ออ… ก็แล้วแต่มึงอะ งั้นรออยู่นี่แหละ ทำไมชอบชวนออกไปข้างนอกด้วย วุ้ย!” ผมบ่นด้วยเดินขึ้นห้องไปด้วย คำทำนายอะไรทำไมสั้นจังวะ จะได้เจอบ่อย ๆ เหรอ จะว่าไปก็เจอบ่อย… แต่เพราะอยู่โรงเรียนเดียวกัน แถมยังระดับชั้นเดียวกันรึเปล่าถึงเจอบ่อย ช่างเถอะ… ตั้งแต่เช้าก็มีแต่เรื่องของเขาเข้ามาในหัวเลย บ้าเอ๊ย…
“เมื่อวานป้ากูบ่นเรื่องเอารถไปซ้อมด้วย”
“เอ้าทำไมอะ?” ตอนนี้พวกผมเดินมานั่งรอรถอยู่นอกหมู่บ้านแล้ว รอที่ป้ายรถเมล์นี่แหละ เมื่อกี้ผมได้โทรบอกเสด็จแม่แล้วเรียบร้อย เลย์มันก็เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดไว้ในบ้าน
“ไม่รู้ว่ะ แต่กูเบื่อ…”
“…”
“โดนบ่นทุกวันจนบางทีกูก็อยากหนีไปไกล ๆ” เลย์มันทำหน้าเครียดแถมยังเอาแต่ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง เอาจริงผมก็ไม่รู้จะให้กำลังใจมันยังไงนอกเสียจากบอกไปว่ามันคงไม่มีแต่เรื่องแบบนี้เข้ามาในชีวิตหรอก ที่ป้าเขาบ่นมันก็เพราะเขาแคร์มันคนเดียวไง ส่วนตอนนี้ผมอยู่ในชุดกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดใส่สบาย มันก็ไม่ได้ดูแย่พอที่จะไปเดินห้างไม่ได้
“เลิกทำหน้าเครียดได้แล้วมึงอะ”
“เออ… ว่าแต่มึงทำไมแต่งตัวน่ารักจังวะ” มันหันมาถามจนผมถึงกับขมวดคิ้วก้มดูสภาพตัวเอง
“เดี๋ยว ๆ กูก็ใส่แบบนี้ตลอดนะเลย์”
“กางเกงก็สั้นจัง… หึ ๆ บอกกูมาว่ามึงใส่ไปอ่อยใครครับคุณดัซเพื่อนรัก”
“อะ ไอ้บ้า! ใส่ไปอ่อยบ้าอะไรล่ะ” ผมเขินจนต้องหันหนี ได้ยินแค่เสียงมันหัวเราะ ก่อนเลย์มันจะลุกขึ้นไปโบกแท็กซี่แล้วพวกเราจึงได้ขึ้นไปนั่ง สั้นเหรอ? ผมก้มมองดูขาตัวเองแล้วคิดในใจ ลองจับเสื้อตัวเองดู เช็กนั้นเช็กนี้จนเลย์มันหันมามอง
“มันดูไม่ดีเหรอ?”
“ก็น่ารักดีไง กูไม่ได้บอกว่ามันดูไม่ดี แล้วคนอื่นเขาจะคิดว่ามึงเป็นเมียกูรึเปล่า?”
ตุบ!
“โอ๊ย…”
“เมียบ้านมึงสิ…”
“ฮ่า ๆ ๆ” พอมันหัวเราะพร้อมกับหันหน้าออกนอกกระจกผมจึงก้มลงมองดูสภาพตัวเองอีกครั้งก่อนจะยอมหยุดคิดเรื่องนี้แล้วหันออกไปมองนอกกระจก ไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง ลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในห้าง คนเยอะเหมือนเคยเลย
“มึงลองเช็กรอบดูในเน็ตยัง?”
“เช็กแล้ว ๆ มันจะออกโรงแล้วคนคงไม่เยอะหรอกมั้ง ไปกดตู้เอา”
“ได้ ๆ” พวกผมเดินตรงไปยังหน้าโรงหนังก่อนเลย์มันจะให้การ์ดผมไปกดตั๋ว เห็นบอกว่าปวดฉี่ผมเลยไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ต้องยืนต่อแถวรอกดเพราะข้างหน้ามีคนกดอยู่ ผมยังไม่ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้เลย แต่เห็นมีแต่คนบอกว่าสนุก ด้วยความที่ตัวเองไม่ได้มีสไตล์หนังที่ชอบที่เจาะจง รู้แค่ไม่ชอบหนังที่แบบน่ากลัว ๆ หลอน ๆ หรือเลือดสาดแบบฆาตกรรมอะไรทำนองนี้ จะด่าว่าขวัญอ่อนหรือยังไงก็ช่าง ก็คนไม่ชอบ… ส่วนไอ้เลย์มันก็ชอบหนังบู๊ ๆ มันๆ อะไรประมาณนี้ สักพักคนด้านหน้าก็กดเสร็จผมจึงขยับไปกดต่อ เลือกหนังเป็นอควาแมนแล้วก็เลือกรอบ ที่นั่งผมเลือกเป็นแบบที่เลย์มันบอกคือราคาระดับกลาง ดูจากที่นั่งแล้วก็มีคนมาดูเยอะอยู่นะครับ แต่ก็ไม่ได้เยอะแบบเว่อร์ ๆ
“ตัวเล็ก…”
“…” ได้ยินเสียงคุ้น ๆ จากด้านหลังผมจึงหันไปมองก่อนตัวจะชาวาบขึ้นทันทีเมื่อเห็นเป็นคนที่ผมไม่ควรจะมาเจอในตอนนี้ ดอน… ร่างสูงในชุดลำลองแล้วดูหล่อมากเลยอะ ใจผมสั่นจนแทบจะหลุดออกจากอกข้างซ้าย
“มึงได้ตั๋วยัง?” หันไปมองอีกคน เลย์มันเดินเข้ามาถามก่อนจะหันไปหาคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าผม
“จะดูหนังเรื่องนี้เหมือนกันเลย งั้นฝากกดตั๋วเป็นแบบสามที่นั่งเลยได้ไหมครับ?”
“เอ่อ…”
“ได้ ๆ ดูด้วยกันเยอะ ๆ ยิ่งสนุก” ผมถึงกับรีบหันไปมองไอ้เลย์มันทันที จะอะไรก็ช่าง… แต่ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้กันอะ ไปเจอกันที่ไหนจะทำอะไรกันก็ชวนกันง่าย ๆ เออเข้าใจว่าผมก็ผู้ชาย แต่ผมก็แอบชอบผู้ชายไหมวะ แล้วอีกอย่างคนที่แอบชอบมาขอดูหนังด้วยแบบนี้น่ะเหรอ บังเอิญไปไหม? คำทำนายในเน็ตมันจะเป็นจริงได้ยังไง!
ตัดภาพมาหลังกดตั๋วเสร็จ~
ผมเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ ตัดภาพไปที่ไอ้เลย์ มันคุยกับดอนเหมือนสนิทกันแล้วอะ ได้ยินมันพูดกับดอนเรื่องกีฬา สงสัยเลย์มันคงรู้จักแน่ ๆ แต่คงไม่ได้สนิทอะไร เอาจริง ๆ ผู้ชายมันรู้จักกันเกือบทั้งสายชั้นเลยมั้งเนี่ย ยิ่งประเภทเล่นกีฬาด้วยกันยิ่งสนิทกันง่าย
“ดัซมึงเป็นอะไรรึเปล่า?” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนก็มองมาที่ผม
“ปะ เปล่า คือจะซื้อป๊อปคอร์นไหม?”
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอาไหม?” เป็นดอนที่เอ่ยขึ้น
“เฮ้ยหารกันก็ได้…” เลย์มันบอกก่อนจะลุกขึ้นไปซื้อโดยไม่หันมาหาผมก่อนเลย มึง… คือกูถามเพราะไม่อยากให้โฟกัสเรื่องที่ตัวเองกำลังนั่งเงียบ แล้วยังปล่อยให้ผมอยู่กับคนคนนี้อีก
“ตัวเล็กไม่โอเคที่ผมขอดูหนังด้วยเหรอครับ?”
“มะ ไม่ใช่นะ…” รีบหันไปปฏิเสธเหมือนกับตกใจ ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง
งื้ออออ… ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย…
“คือ เอ่อ… ดอนมาคนเดียวเหรอ?”
“จริง ๆ มาซื้อของกับเพื่อน ซื้อเสร็จว่าจะกลับแต่อยากดูหนังเลยให้เพื่อนกลับก่อนน่ะครับ” ใบหน้าคมยิ้มให้จนผมยิ่งอยากจะมองนาน ๆ แต่ก็ต้องรีบทำเป็นตอบรับพลางหันหน้าหนีเหมือนเคย ดอนพูดเพราะมากเลยอะ ร่างสูงเหมือนโตมาในครอบครัวที่สั่งสอนมาดีพอสมควร ถึงภายนอกจะเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปก็ตาม… หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่มีใครพูดอะไรกันต่อ ต่างคนต่างเงียบ ผมหันไปมองไอ้คนที่มันลุกไปซื้อป๊อปคอร์นก็เห็นเลย์มันยังต่อแถวอยู่ ใจผมยิ่งอยู่ไม่สุขอยู่ด้วย มันแปลก… แปลกที่ผมเจอดอนบ่อยเกินไป กะว่าจะดูทำนายดวงเล่น ๆ แต่ทำไมมันเหมือนจะแม่นขนาดนี้ แอบชอบมาตั้งนานเพิ่งจะมาเจอกันบ่อย ๆ ก็ช่วงนี้
“เอ่อคือ… ดอนรู้จักเลย์ด้วยเหรอ?”
“รู้จักแต่ไม่ได้สนิทมาก เคยเล่นบาสด้วยกันครับ”
“อะ อื้ม…”
“แล้ว… ตัวเล็กกับเลย์เป็นอะไรกันเหรอ?”
กึก…
คำถามจากดอนทำให้ผมชะงักเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าดอนคิดว่าผมกับเลย์เป็น…
“สนิทกันมาก ๆ แสดงว่าคงเป็นเพื่อนสนิทใช่ไหม?”
อ้าว…
“ชะ ใช่ ๆ” ผมยิ้มตอบก่อนดอนจะลุกขึ้นจนผมขมวดคิ้ว ร่างสูงเดินตรงไปหาไอ้เพื่อนของผมแล้วช่วยถือของจนผมต้องรีบลุกขึ้นไปตาม
อือหือ…
‘นิสัยดีอะ…’ ผมอยากยิ้มนะ แต่ก็ทำได้แค่รับส่วนของตัวเองมาถือแล้วพากันเดินเข้าไปในโรงเพราะถึงเวลาหนังเข้าพอดี แน่นอนว่าผมต้องนั่งอยู่ขอบแล้วให้เลย์มันนั่งตรงกลาง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่เกร็งเวลานั่งดูหนัง คิดซะว่าเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากก็แล้วกัน…
‘เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนของดอนจริง ๆ เจ้าตัวนิสัยยังไง…’ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันยิ่งทำให้คนอย่างผมเริ่มชอบผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E7 “ใกล้ชิด”
เวลาผ่านไปจนหนังจบพวกเราจึงพากันเดินออกมาจากโรง ซึ่งรอบ ๆ มีคนเยอะพอสมควร แปลกที่หนังทำให้ผมไม่พะวงเรื่องของคนตัวสูงเลย หนังสนุกเพลงก็เพราะ มันทำให้รู้สึกอยากดูอีก แต่แล้วก็รู้สึกอินกับหนังได้แป๊บเดียวเท่านั่นแหละ เพราะความกดดันมันเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเดินออกมาแล้วไอ้คนที่เอะอะก็อยากเข้าห้องน้ำอย่างคุณชายเลย์มันขอตัวไปฉี่ ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับดอนสองคน จะทำเป็นปวดแล้วไปด้วยก็ไม่ทันละ พออยู่กับคนตัวสูงแล้วทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ
“…” ผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นตลอดเลย คนยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่ามองมาที่ตัวเองรึเปล่า แต่รู้สึกกดดันแบบสุด ๆ กังวลไปต่าง ๆ นานา ไหนจะท่าทางของตัวเอง แล้วเรื่องการแต่งตัวที่เลย์มันบอกอีก มันจะดูดีไหมในสายตาคนตัวสูง
งื้ออออ…
‘หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ…’ พยายามหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ แล้วพ่นออกมาอย่างช้า ๆ หวังว่ามันจะช่วยให้ผมหายใจสั่นได้บ้าง
หมับ…
“อ๊ะ! ดะ ดอน…”
“…” อยู่ดี ๆ แรงจับที่มือก็ทำให้ผมสะดุ้งจนเผลออุทานเรียกชื่อคนตัวสูงออกมาเสียงดัง นั่นทำให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังเดินผ่านไปมาหันมามอง คนที่จับมือผมเองก็แอบชะงักก่อนจะระบายยิ้มออกมาให้เห็นเสียจนหน้าผมเห่อร้อน
ดอนอะ!
“ตัวเล็กเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมทำตัวแปลก ๆ”
“ปะ เปล่านะ…”
“ไม่สบายรึเปล่าทำไมหน้าแดงแบบนี้…” มือหนายกขึ้นอังหน้าผากจนผมยิ่งแทบช็อก พยายามหดคอหนีพร้อมหลับตาปี๋ก่อนจะค่อย ๆ ผละตัวเองออกมาให้ห่างจากเจ้าตัว ดอนสัมผัสหน้าผากผมด้วยอะ แล้วไหนจะจับแขนผมด้วย ใบหน้าคมเลิกคิ้วเหมือนไม่รู้ประสา เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าคนที่แอบชอบอย่างผมจะช็อกตาย
“ระ เราสบายดี” พยายามบอกพร้อมหลุบตาต่ำ สบายดีซะที่ไหนล่ะเวลาอยู่กับดอน ไม่ใช่เพราะดอนดูดีเสียจนคนยืนใกล้ใจสั่นหรอกนะ แต่เพราะผมแอบชอบดอนต่างหาก ทุกอย่างเกี่ยวกับร่างสูงมันเลยดูดีไปหมด ไม่งั้นถ้ายืนใกล้คนหล่อแล้วใจสั่น กับไอ้เลย์ผมก็ต้องใจสั่นสิเพราะมันก็หล่อเหมือนกันหนิ… ตอนนี้ดอนเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างอยู่ ส่วนผมได้แต่คิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิต
“ดัซ ๆ ป้ากูบอกจะพาไปทำธุระว่ะ” เสียงเลย์มันดังขึ้นแต่ไกลผมจึงหันไปมองพร้อมขมวดคิ้ว หน้ามันดูเหมือนตื่นตระหนกกับอะไรสักอย่างมาเลย
“ห๊ะ?”
“ป้ากูขับรถมารับไปทำธุระ กูต้องไปก่อน ด่วน ๆ เลยเว้ย บ่นจนกูหูชาแล้วเนี่ย…”
“เอ้าแล้วกูล่ะ?” มันจะทิ้งผมเหรอ อุตส่าห์มาด้วยกัน คนยิ่งไม่ชอบนั่งแท็กซี่คนเดียวด้วย เฮ้อออ… แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับป้ามันผมก็ไม่อยากขัดขืนหรืองอนใส่หรอกนะ ก็เข้าใจว่ามันอาจโดนบ่น แต่จะทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้…
“ดอน ๆ นายจะไปไหนต่อรึเปล่า? พอดีเราต้องไปทำธุระด่วนเลยว่าจะฝากให้ดัซมันอยู่ด้วย”
“ละ เลย์…” ผมหันไปเรียกมันด้วยใบหน้าตกใจจนมันขมวดคิ้ว เลย์มันไม่เข้าใจผมเลยแม่ง!
“ได้ครับ…”
ขวับ!
เสียงตอบรับจากคนตัวสูงทำให้ผมรีบหันไปมอง เดี๋ยว ๆ จะให้ผมอยู่กับดอนไม่ได้นะ! ตอนนี้รู้สึกกังวลมาก ๆ เลยนะ พยายามหันไปทำสีหน้าไม่โอเคใส่ไอ้เพื่อนตัวดีจนเลย์มันยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ
“กูขอโทษจริง ๆ ว่ะ มึงก็รู้ว่าป้ากูเป็นคนยังไง…” พูดเสร็จมันก็ปล่อยมือออก ทำไมทำเหมือนจะทิ้งผมไว้อยู่กับความยากลำบากเลยวะ
“ยังไงถ้าไปส่งมันด้วยจะดีมาก ปกติแม่มันมักจะเป็นห่วงเพราะมันไม่ยอมโตสักที…”
“ไอ้เลย์!”
“เอาน่า ดอนเป็นคนดีมึงเชื่อกู… ไปก่อนนะ” พูดจบมันก็รีบวิ่งไปทันที ปล่อยให้ผมยืนมองตามด้วยใบหน้าเหมือนหมดคำจะพูด มึงให้กูกลับเองก็ได้ป่ะ แล้วทำไมต้องให้อยู่กับดอน จะปฏิเสธตอนนั้นก็กลัวร่างสูงที่อยู่ด้านหลังจะเข้าใจผิดว่าผมรังเกียจ จะปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ไอ้ชั่วเลย์!!!
“เอ่อคือ…” ผมค่อย ๆ หันกลับไปมองก็เห็นใบหน้าคมเลิกคิ้วมองมาเหมือนพร้อมจะรับฟังสิ่งที่ผมจะพูด แต่ยังไงก็ไม่กล้าพูดอยู่ดี…
“ตัวเล็กรีบกลับบ้านไหม ถ้าไม่รีบเราไปเดินเล่นรอบ ๆ นี้กันไหมครับ?”
“เอ่อ… อื้ม เอางั้นก็ได้” จะปฏิเสธไม่ได้แน่ ๆ อะ ดอนชวนด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นใครก็คงไม่กล้าปฏิเสธ ยิ่งใบหน้าหล่อ ๆ นั้นเอ่ยขออะไรออกมาผมยิ่งใจสั่นจนอยากจะกระอักเลือดล้มทั้งยืน… สรุปแล้วเลยต้องเดินก้มหน้าข้าง ๆ คนตัวสูงไปตามทางเดินเรื่อย ๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยจะได้มาเดินเคียงข้างกับคนที่ตัวเองแอบชอบสองต่อสอง
ผมน่ะคิดตลอดนะว่าอยากลองทำอะไรแบบนี้กับคนที่ตัวเองแอบชอบ อยากลองอยู่ใกล้ชิดกับคนคนนี้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกดดันจนมันไม่สบายใจเอาซะเลย ผมชอบดอนมาก ๆ และชอบเกินไปจนรู้สึกเขินมากไปเช่นกัน มันทำให้รู้สึกไม่โอเค ถามว่าอยากกอบโกยช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ไหม? ก็อยากครับ
“ผมทำให้ตัวเล็กไม่พอใจอะไรบอกได้นะ…”
กึก…
“…” ดอนหยุดจนผมต้องหยุดตามแล้วหันไปทำหน้าเหมือนกังวลมองเจ้าตัว ร่างสูงเองเหมือนจะรู้ว่าผมทำตัวแปลก ๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก มันแย่จนต้องก้มหน้าลงเม้มปาก
“…หรือเพราะผมเป็นผมตัวเล็กเลยกดดันเวลาอยู่ด้วย?”
“…” เพราะเราชอบดอนต่างหากล่ะ!
“…” มือหนาทั้งสองเลื่อนมาสัมผัสที่ต้นแขนผมเบา ๆ ใบหน้าคมก้มลงมามองหน้าใกล้ ๆ เหมือนเจ้าตัวกำลังกังวลที่ผมเป็นแบบนี้ ใจผมสั่นระรัวเพราะเขินที่ใบหน้าคมอยู่ใกล้เกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนต้องผ่อนคลายคือสายตาที่จริงจังบนใบหน้าหล่อ ดอนเหมือนพยายามส่งสัญญานผ่านสายตาให้ผมหายกดดัน สักพักจึงได้ผละตัวออกเล็กน้อย คนตัวสูงจึงกลับไปยืนตรงเหมือนเดิมพร้อมมือหนาที่ผละออก
“เราขอโทษ... แค่แอบเป็นห่วงเลย์มันนิดหน่อย” สมองเริ่มประมวลผลจนผมสามารถคิดหาคำแก้ตัวมาบอกเจ้าตัวได้ อย่างน้อยดอนจะได้ไม่คิดว่าตัวเองทำให้ผมเป็นแบบนี้
“อ๋อครับ...”
“เอ่อคือ… ดอนไม่โกรธเราใช่ไหม?” ถามออกไปเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะรู้สึกไม่โอเคที่ผมเอาแต่ทำตัวแบบนี้ เป็นใครก็คงนึกรำคาญหากคนอยู่ด้วยเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา หรือหันหน้าหนีบ้าง... ผมพยายามสุด ๆ แล้วจริง ๆ เพราะความเขินมันทำให้ต้องทำแบบนี้ แต่ไหน ๆ ก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งทำตัวแปลก ๆ คนตัวสูงก็พลอยไม่โอเคไปด้วย งั้นผมจะฮึดสู้ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดนะครับ!
ฮึบ!
“ผมไม่เคยโกรธตัวเล็กเลย”
“…” ประโยคที่เอ่ยจากปากดอนเหมือนจะตอบคำถามเมื่อกี้ของผม แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนร่างสูงตอบรวม ๆ ว่าทุกอย่างที่ผ่านมาไม่เคยโกรธ ผมคิดไปเองอีกแล้วใช่ไหม ใบหน้าเห่อร้อนพร้อมใจสั่น แต่ต้องทำตัวให้ปกติสุขแล้วยิ้มให้เจ้าตัว มือหนายกขึ้นมาสัมผัสที่หัวผมเบา ๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ผมกลับคิดไปไกลเสียเหลือเกิน สัมผัสที่นุ่มนวลแต่ก็จำต้องหลับตาหดคอหนี สักพักก่อนดอนจะผละออก
“เหมือนเด็กเหมือนที่เลย์บอกจริง ๆ ด้วย”
“มะ ไม่ใช่สักหน่อย” ผมไม่ใช่เด็กนะ ย่นจมูกเถียงร่างสูงไปจนดอนเผลอขำ ก่อนเราสองคนจะพากันเดินเล่นรอบ ๆ แปลกที่ผมกลับรู้สึกเหมือนคุ้นชินกับการอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มคนนี้ได้ง่ายขึ้นแล้ว ดอนมีพลังวิเศษอะไรถึงทำให้คนขี้เขินแบบผมสามารถอยู่เป็นสุขได้ขนาดนี้ ไม่ใช่หายเขินไปเลย แต่แค่ไม่ทำตัวแปลก ๆ เหมือนตอนแรกแล้ว
“เลยเที่ยงมานานแล้วตัวเล็กหิวข้าวรึเปล่า”
“นิดหน่อยอะ แต่ถ้าดอนไม่หิวไม่ต้องกินก็ได้”
“ได้ไง ตัวเล็กต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะครับ”
“ระ เราโตแล้วนะ” ทำไมดอนต้องมองผมเป็นเด็กเหมือนไอ้เลย์กับแม่ผมอีกคนด้วยอะ ผมโตแล้ว... โตได้เท่านี้นี่แหละ เศร้าใจเสียเหลือเกิน อยากเล่นกีฬาให้ได้กล้ามเนื้อเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ถนัดเล่นอะไรสักอย่าง สอบเสิร์ฟวอลเลย์อาทิตย์หน้าจะรอดไหมก็ไม่รู้ ฮืออออ...
“โตยังไง ตัวก็เล็กแถมยังบางมากเลยนะ ผมเป็นห่วง...”
กึก...
“…” เป็นห่วงเหรอ? ประโยคนั้นทำให้ผมคิดไปไกลเสียเหลือเกิน แต่คนพูดกลับไม่ได้สนใจอะไร เอาแต่หันไปมองรอบ ๆ เหมือนมองหาอะไรสักอย่าง ใจผมสั่นขึ้นอีกแล้ว มันสั่นระรัวจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น ทำไมดอนต้องพูดคำนั้นออกมาด้วย คนแอบชอบมันก็คิดไปไกลไหมอะ
“ตัวเล็ก…”
“อะ อื้ม” พยายามหันกลับไปทำตัวให้เหมือนปกติ แต่ทำไมดอนถึงขมวดคิ้วก็ไม่รู้ ร่างสูงมองหน้าผมเหมือนคิดอะไรสักอย่างจนผมเลิกคิ้ว
“ผมว่าตัวเล็กน่าจะเป็นไข้แล้วแหละ หน้าแดงตั้งแต่ออกมาจากโรงหนังยังไม่หายเลย…”
ดอน!!!!!!!!!
“ระ เราโอเค” ก็คนเขินอะ บอกไปยังจะทำหน้าเป็นห่วงใส่อีก มือหนาเลื่อนมาจับที่มือผมให้ออกเดินตามนั่นยิ่งทำให้ผมแทบเป็นลม ในใจพยายามท่องนะโมสามจบ ไม่ใช่ไล่ผีแต่ไล่ความเขิน ตายกูตายคนที่ ตัวเองแอบชอบกำลังจับมือ ผมก้มมองมือหนาที่สัมผัสมือผมพร้อมหัวใจดวงน้อยที่มันเหมือนกำลังสั่นรัวเกินไปจนผมเหนื่อย
“ดะ ดอน…”
“ผมจะพาตัวเล็กไปล้างหน้า”
“เราโอจริง ๆ ดอนปล่อยก่อนได้ไหม…” บอกไปแบบนั้นเจ้าตัวจึงหยุดเดินกะทันหันจนผมเกือบชนหลัง ดีที่ยังเบรกตัวเองไว้ทัน ใบหน้าคมหันมามองก่อนจะก้มลงไปมองที่มือของตัวเองที่จับมือผมอยู่ ผมจึงทำเป็นดึงออกไม่แรงมากแต่ก็หลุด ไม่รู้คิดไปเองไหมแต่ดอนกลับทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจ
“พวกเรากลับกันดีกว่า… ดอนจะได้ไม่ลำบาก” อยู่ด้วยร่างสูงก็พลอยเป็นห่วงกับเรื่องไร้สาระจากผมไปเสียเปล่า
“ผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย ตัวเล็กไม่โอก็แค่บอกผมว่าเป็นอะไร”
“…”
“ทำไมอยู่กับเลย์ถึงอยู่ได้ล่ะครับ…” ใบหน้าคมหันหนีพร้อมพูดประโยคอะไรสักอย่างเบา ๆ จนผมฟังไม่ถนัดเลยเลิกคิ้ว แต่ดอนเหมือนงอนจนหันหนีไปแล้ว สรุปคือผมทำให้ร่างสูงไม่โอเคจริง ๆ ใช่ไหม แบบนี้ไงเลยไม่อยากอยู่ด้วย เพราะเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยทำให้คนที่เราแอบชอบไม่โอเค
‘รู้สึกผิด…’
“เราขอโทษ…” ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมจะยกมือขึ้นไปสัมผัสที่ไหล่กว้างแต่ก็มีชะงักนิดหน่อยเพราะไม่กล้าสัมผัสคนตัวสูง แต่ในที่สุดก็จับไปจนได้ ดอนยังคงยืนทำหน้าไม่โอเค พอเป็นแบบนี้แล้วก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะ ใบหน้าคมบึ้งตึงเสียจนรู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง
“ดอน… เราแค่ไม่อยากให้ดอนเหนื่อยกับเราอะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจนร่างสูงยอมหันมามอง มือที่สัมผัสไหล่แกร่งจึงผละออก
“ถ้าบอกไปดอนก็จะทนเหมือนเดิม”
“เฮ้อออ… แล้วตัวเล็กเป็นอะไรทำไมถึงคิดว่าจะทำให้ผมเหนื่อย?” มือหนายกขึ้นสัมผัสที่ต้นแขนผมสองข้างเหมือนตอนนั้น เหมือนมันเป็นการกระทำของดอนเวลาต้องการเคลียร์อะไรกับผมสักอย่าง
“บอกผมได้ไหม?” น้ำเสียงนุ่ม ๆ จากคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมเริ่มเก็บความลับไว้ไม่อยู่
“ดอนดูดีเกินไป…”
“…”
“เรารู้สึกเหมือนไม่ควรมาเดินคู่กับดอนเลย…” บอกไปด้วยพลางก้มหน้าไปด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้สารภาพไปว่าเพราะแอบชอบและเขินจนทำตัวแปลก ๆ
“แล้วทำไมผมถึงกล้าเดินกับคนน่ารัก ๆ แบบนี้ได้ล่ะครับ… คิดว่าผมคู่ควรเดินกับตัวเล็กขนาดนั้นเลยรึไง?”
“…”
“แค่คิดว่าอยากลองทำตัวให้คู่ควรกับคนน่ารักแบบตัวเล็กได้บ้าง แค่นี้เอง…”
“ดอนพูดเอาใจให้เราหายกังวลใช่ไหมล่ะ?”
“เฮ้อออ… จะงอนแล้วนะครับ”
“…”
“ผมไม่ได้ดูดีอะไรขนาดนั้นเลย… ในโรงเรียนก็ไม่ได้เด่นเกินหน้าเกินตาใครเลยด้วยซ้ำ แล้วคิดว่าผมชอบรึไงเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน” ใบหน้าคมเหมือนไม่โอเคเมื่อพูดถึงเรื่องหน้าตา ก็เพราะดอนดูดีจริง ๆ ไม่แปลกที่เป็นเป้าสายตา
“เพราะผมมีคนมองเยอะใช่ไหมตัวเล็กเลยไม่โอเค ลองมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครสนใจพวกเราเลยด้วยซ้ำ ในโรงเรียนอาจมีคนมอง ไม่ได้แปลว่าตอนอยู่ข้างนอกจะมีใครสนใจ…”
“…”
“อีกอย่างที่ผมบอกว่าตัวเล็กน่ารัก… ผมพูดจริง ๆ นะครับ”
“พะ พอเลย… เราไม่ได้น่ารักอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”
“จริง ๆ นะ อีกอย่างพอเห็นตัวเล็กแต่งตัวแบบนี้มันดันทำให้ผมไม่ชอบเลย…”
“มะ มันดูไม่ดีจริง ๆ ใช่ไหม เรากะแล้วเชียว… เลย์มันไม่ยอมบอกตรง ๆ ว่าเราแต่งตัวไม่โอเค ไม่งั้นจะได้กลับไปเปลี่ยนตอนยังไม่ขึ้นรถ ฮืออ… ทำไมมันต้องหลอกชมให้เรารู้สึกดีก็ไม่รู้…” ผมเริ่มไม่มั่นใจตัวเองจนต้องก้มลงเช็กนู่นเช็กนี่อีกแล้ว อุตส่าห์ลืมเรื่องการแต่งตัวไปแล้วเชียว
“งั้นต่อไปก็พยายามใส่กางเกงขายาว ๆ นะครับ เสื้อก็ไม่ต้องแขนสั้นมาก ไม่ต้องใส่คอกว้างจะดีขึ้นไปอีก…”
“อะ อื้ม…”
“เด็กดี…”
“มะ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย!”
“ฮะ ฮ่า ๆ”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
:L2: :pig4:
น่ารัก
-
E8 “เกาะแน่น ๆ นะน้อง”
สุดท้ายแล้วผมเลยต้องอยู่กับดอนต่ออีกสักพักใหญ่ ๆ เราสองคนพากันเดินไปกินข้าวและหาอะไรทำต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจกลับ ซึ่งตอนนี้พากันเดินมาหยุดอยู่หน้ารถของคนตัวสูงแล้ว รถที่ว่าคือมอเตอร์ไซค์สุดเท่คันใหญ่ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นผู้ชายหลาย ๆ คน
“ขอกระเป๋าด้วยครับ เดี๋ยวจะเอาใส่ไว้ในเบาะให้” ได้ยินผมจึงถอดกระเป๋าสะพายข้างยื่นไปให้คนตัวสูงที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรถ แต่บ้าจริง… ในใจตอนนี้กำลังคิดว่าตัวเองจะได้นั่งซ้อนท้ายดอนเหรอ ฝันอยู่รึเปล่าดัซ… ร่างสูงหยิบหมวกกันน็อกสีดำอีกอันและเสื้อแจ็กเกตหนังสีเทาจากในเบาะมาให้ผมรับ หลังปิดเบาะเรียบร้อยดอนจึงอ้อมมาหา มือหนาคว้าหมวกกันน็อกที่ผมถืออยู่ไปถือไว้
“ใส่เสื้อครับ”
“สะ ใส่ทำไมอะ ดอนต้องใส่ไม่ใช่เหรอ? ดอนเป็นคนขับนะ หรือดอนจะให้เราขับ เราขับไม่เป็น…”
“ฮ่า ๆ ๆ ผมต้องขับสิครับ ใส่ไปก่อนเถอะน่า ผมไม่ใส่ไม่เป็นไรแต่ตัวเล็กต้องใส่…” เจ้าของใบหน้าคมยังคงยืนกรานจนผมต้องยอมรับมาใส่ เสื้อก็ตัวใหญ่เสียเหลือเกิน มันไม่ต่างไปจากตอนใส่เสื้อไอ้เลย์เลย แล้วยิ่งเป็นของดอนยิ่งตัวโตไปอีก ใส่เสร็จผมจึงยืนเลิกคิ้วมองคนที่เอาแต่มองผมแล้วอมยิ้ม คงดูตลกอีกแน่ ๆ สักพักร่างสูงก็ยกหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมให้จนผมแอบชะงักเขิน แต่ก็ยอมยืนให้ดอนใส่ให้ ใบหน้าคมดูจริงจังเสียจนผมใจสั่น หลังจากล็อกให้ดอนก็เลื่อนกระจกหมวกกันน็อกขึ้นเพื่อจะได้เห็นหน้าผมแล้วจัดให้มันเหมาะสม เหมือนจับหัวผมอยู่เลย ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าตัวยังรูดซิปเสื้อแจ็กเกตให้ผมอีกด้วย ทำไมต้องหนาแน่นขนาดนี้ มันอึดอัด…
“มันร้อนอะ…”
“เพื่อความปลอดภัยครับ” คนใส่ยีนกับเสื้อยืดธรรมดาเอ่ยปากบอกพลางอมยิ้ม จะขำหรือตลกอะไรอีกล่ะ!?
“อยู่เฉย ๆ นะครับ” ได้ยินผมจึงขมวดคิ้วก่อนคนตัวสูงจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะถ่ายรูป ไม่ได้ยินเสียงแต่คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ เลยขยับจะเข้าไปห้าม และแน่นอนว่าดอนต้องแอบอมยิ้มแล้วเก็บใส่ไว้ในช่องเก็บของหน้ารถ
“ดอนอะ… แอบถ่ายรูปเราใช่ไหม ลบเลยนะ มันต้องตลกแน่ ๆ เลย”
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกอะไรล่ะครับ…”
“ขี้โกง…” ย่นจมูกใส่จนใบหน้าคมต้องอมยิ้มและโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ
“น่ารักต่างหาก…”
กึก…
“…” ประโยคกระตุ้นความเขินทำให้ผมหันหน้าหนีทันที ขี้โกงไปทุกเรื่องเลย! ผมเสียเปรียบดอนอยู่นะครับตอนนี้ หน้าแดงขึ้นจนจะระเบิดหลายรอบแล้วนะ
“ตัวเล็กยื่นบัตรนี้ให้ยามด้วยนะ”
“อื้ม…” ผมรับบัตรจอดรถมาถือไว้ ก่อนคนตัวสูงจะขยับไปนั่งคร่อมรถแล้วใส่หมวกกันน็อก แต่ผมกลับยังยืนงงทำตัวไม่ถูกจนเจ้าตัวจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วหันมามอง หมวกกันน็อกเหมือนกันเลย มันใหญ่และดูเหมือนจะหนาดี ผมเองยังรู้สึกหนัก ๆ ดอนเอากระจกหมวกกันน็อกของตัวเองขึ้นแล้วมองผมเหมือนยังอยากจะยิ้มขำ
ฮือออ…
“ขยับมาหาผมหน่อย…”
“…” ได้ยินจึงได้เลิกคิ้วแต่ก็ยอมขยับไปใกล้ ๆ มือหนายกขึ้นมาดึงกระจกหมวกกันน็อกปิดให้และจัดอะไรให้อีกนิดหน่อยจนผมเขิน มองทะลุกระจกสีดำเห็นใบหน้าหล่อจริงจังยิ่งทำให้ความเขินทวีคูณขึ้นไปอีก
“เดี๋ยวผมเอารถออกก็ขึ้นเลยนะครับ” เจ้าตัวบอกก่อนจะหันไปขยับเอารถจักรยานยนต์ออก เห็นแบบนั้นจึงถอยห่างเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะ พอเห็นดอนหยุดเหมือนรอแล้วเลยได้รีบเดินไปขึ้นคร่อม รถก็สูงจัง ขาก็สั้น ๆ อยู่ด้วย แต่ก็ขึ้นไปนั่งได้เรียบร้อยแล้วครับ
“ดะ ดอน!”
“ไม่กอดมันจะอันตรายนะครับ ถ้าตัวเล็กตกขึ้นมาผมจะทำไง…” เสียงจากคนด้านหน้าบอก ก็เล่นเอี้ยวตัวมาดึงร่างผมไปนั่งจนชิดแล้วจับมือทั้งสองข้างให้ไปกอดเอวไว้อีก ผมก็ตกใจน่ะสิ
“มะ ไม่ต้องก็ได้มั้งยังไม่ออกไปเลยนะ…” บอกพลางเปลี่ยนเป็นจับเสื้อยืดเจ้าตัวไว้ จริง ๆ แล้วไม่บ่อยเลยนะที่ผมจะได้นั่งรถจักรยานยนต์ กับไอ้เลย์ก็ไม่ค่อยเลย บ้านอยู่ไม่ไกลโรงเรียนจึงเดินไปกลับได้ ถ้าจะไปไหนไกล ๆ กับไอ้เลย์มันก็จะพาผมนั่งแท็กซี่
“ก็ได้ครับ… แต่ออกไปจากที่จอดรถแล้วต้องกอดนะ”
“…”
“ตัวเล็ก…”
“อะ อื้ม…” ผมตอบเสียงตะกุกตะกักก่อนคนตัวสูงจะสตาร์ทรถแล้วค่อย ๆ ขับออกไป ใจสั่นไม่เป็นจังหวะมาได้สักพักแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้มานั่งซ้อนท้ายและแนบชิดกับคนตัวสูงแบบนี้ ดอนไม่ยอมใส่เสื้อแจ็กเกตเลยทั้ง ๆ ที่แดดมันร้อนแค่ไหน ตัวบังลมให้แล้วยังรับแดดเต็ม ๆ อีก
‘เราทำให้ดอนลำบาก…’ ทำได้เพียงแค่คิดในใจก่อนจะถึงจุดยื่นบัตรจอดรถ เห็นดอนหยุดจึงได้ยื่นบัตรไปให้ลุงยามพร้อมยิ้มให้ก่อนร่างสูงจะขับออกไป ในใจคิดอยู่สักพักว่าจะกอดคนตัวสูงดีไหม แต่พอนึกถึงน้ำเสียงเชิงดุของดอนเมื่อกี้ก็แอบทำให้กังวล ไม่ทันจะลงมือกอดด้วยตัวเองมือหนาข้างหนึ่งก็เลื่อนมาจับให้ผมไปกอดเอวเจ้าตัวไว้ สุดท้ายเลยจำต้องใช้มือทั้งสองข้างกอดเอวหนา ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อผมยิ่งเขิน
‘เราต้องฝันอยู่แน่ ๆ ตอนนี้’ หนทางยังอีกไกลและเราสองคนไม่มีใครพูดอะไรกัน เวลาขับรถลมมันจะแรงเลยทำให้ไม่สามารถคุยกันได้ ถึงคุยก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะใส่หมวกกันน็อกอยู่ ผมไม่ได้ผละวงแขนออกจากเอวหนาเลย ตามองหมวกกันน็อกของคนตัวสูงไปด้วยพลางเผลอยิ้มไปด้วย ผู้ชายคนนี้นิสัยดีจริง ๆ ยิ่งคิดยิ่งทำให้ความคิดที่จะเลิกชอบเริ่มน้อยลงไปทุกที แอบคิดแหละว่าดอนน่าจะทำแบบนี้กับทุกคน มันเลยทำให้ผมรู้สึกเฟลนิด ๆ แต่ก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่าอย่ายึดติดกับอะไรบางสิ่งมากเกินไป สงสัยกลับไปถึงบ้านควรนั่งฟังธรรมแล้วแหละมั้ง…
รอบ ๆ ตัวรายล้อมไปด้วยรถยนต์คันใหญ่คันเล็ก ทั้ง ๆ ที่ควรกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่พอได้กอดคนตัวสูงไว้กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างแปลกใจ พวกเราไม่ได้อยู่ในตัวเมืองหลวงเพราะฉะนั้นทุกอย่างเลยไม่ได้วุ่นวายขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยวุ่นวายแต่เอาเข้าจริง ๆ สำหรับผมแล้วอะไรรอบ ๆ ตัวมันก็ไม่เคยจะสงบหรอกนอกเสียจากจะอยู่ในบ้าน… เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ รถของดอนก็มาจอดอยู่หน้าร้านอะไรสักแห่งหนึ่งที่ผมเคยผ่านแต่ไม่เคยเข้า เห็นเช่นนั้นจึงไม่รอให้เจ้าตัวบอกและพยายามจะขยับตัวลง แต่เข้าใจว่ารถมันใหญ่แถมยังสูงไหมครับ แล้วดูตัวผมด้วย… ตอนขึ้นก็สบายกว่านี้ทำไมตอนลงถึงลำบากจัง
“อ๊ะ!”
หมับ!
“ระวังหน่อยสิครับ ถ้าตกมาทำไง…” เกือบหงายหลังตกจากรถแล้วไหมล่ะ ดีนะที่ดอนเอี้ยวตัวมาจับร่างผมไว้
“ขะ ขอโทษ… ก็มันสูงอะ”
“ค่อย ๆ ลงครับ” ได้ยินจึงค่อย ๆ ระมัดระวังให้มากขึ้นเล็กน้อยและในที่สุดก็ลงมายืนจนได้ ดอนถอดหมวกกันน็อกครอบไว้กับกระจกรถฝั่งขวา ผมเองก็รู้สึกร้อนเลยอยากถอดบ้าง ในสมองคิดว่าต้องถอดให้ได้ก่อนคนตัวสูงจะเห็นแล้วเดินมาถอดให้แต่ก็ดันปลดที่ล็อกไม่ได้สักทีจนดอนเดินมาปลดและถอดให้เหมือนเดิม น่าอายจริง ๆ
‘เฮ้อออ… จะด่าว่าไร้ประโยชน์ยังน้อยไปเลย’ ร่างสูงเอาหมวกกันน็อกไปใส่ไว้ในเบาะแล้วหยิบกระเป๋ามาให้ผมสะพาย หันไปมองหน้าร้านตรงหน้าชัด ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นร้านซ่อมรถ ผมก้มลงมองเสื้อแจ็กเกตที่ตัวเองใส่พลางคิดในใจว่าจะถอดดีไหม แต่เห็นดอนเดินไปส่องดูหน้าร้านพร้อมกับถือโทรศัพท์เหมือนจะกดโทรหาใครสักคนจึงได้สาวเท้าตรงไปหา
“ตอนนี้เกือบสี่โมงแล้วตัวเล็กรีบกลับบ้านไหม? ผมคุยธุระกับเพื่อนแป๊บหนึ่ง”
“ไม่เป็นไร ๆ ดอนไม่ต้องรีบก็ได้ เดี๋ยวเราขอคุยโทรศัพท์กับแม่แป๊บ…” ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาหยิบโทรศัพท์โทรหาแม่ เห็นว่ามีสายไม่ได้รับจากเลย์หมันนึ่งสายกับของแม่อีกสองสาย สงสัยคงเป็นตอนที่เอาไว้ในเบาะ
(อยู่ไหนดัซ… แม่โทรหาไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย) กดโทรศัพท์ขึ้นแนบหูได้ไม่ถึงสองวิแม่ก็รับสายทันที
“ดัซอยู่บ้านเพื่อน ดูหนังเสร็จแล้วก็มาเล่นบ้านเพื่อนต่อ… แม่อยู่ไหนอะตอนนี้”
(แม่อยู่บ้านนี่แหละ เป็นห่วงเลยโทรตาม…)
“ดัซโตแล้วนะแม่…”
(แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะโตหรือไม่โตแม่ก็เป็นห่วงเราอยู่ดี… แต่อย่ากลับดึกมากนะ ดูรถดูถนนด้วย…)
“เดี๋ยว ๆ ทำไมดัซต้องกลับดึกด้วยล่ะครับ เดี๋ยวก็กลับแล้วเนี่ย…”
(เนี่ย… พอพูดให้ดูเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นแบบคนอื่นหน่อยก็ไม่อยากเป็น…)
“วันรุ่นคนอื่นเขากลับบ้านดึกรึไง”
(ก็คงงั้นมั้ง…)
“แม่อะ… แค่นี้นะครับ”
(เลย์อยู่ด้วยไหมแม่จะคุยด้วย…) เอาอีกแล้ว… ทำไมแม่ต้องอยากคุยกับใครก็ตามที่ผมอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ไม่คิดจะปล่อยผมบ้างเลย
“ไม่เอา… แม่ชอบเป็นแบบนี้”
(อ่า ๆ ไม่ก็ได้ แค่นี้นะงั้น…)
“ครับผม รักแม่น๊า…” ผมรีบชิ่งตัดสายทันที เพราะรู้ว่าแม่ต้องต่ออีกยาวแน่ ๆ หันไปหาดอนก็ไม่เห็นร่างสูงแล้วสงสัยอยู่ในร้าน ไม่กล้าเดินไปส่องดูด้วย กลัวดอนคิดว่าผมอยากรู้อยากเห็น จึงได้เดินไปนั่งตรงม้าหินอ่อนหน้าร้านแล้วกดโทรหาเลย์มันต่อ…
ฝั่งของดอน~
“สรุปแล้วกูต้องทำหน้าไหนวะ”
“มึงทำหน้าร้อยยี่สิบแปดถึงร้อยสามหก เพราะกูแบ่งให้เพื่อนคนอื่น ๆ แล้ว ได้เท่า ๆ กันนั่นแหละ”
“เออได้ ๆ” ร่างสูงคุยกับเพื่อนอยู่ในร้าน ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้ในการทำรายงาน จริง ๆ จะคุยกับเพื่อนในแชตก็ได้ แต่ขับผ่านเลยแวะถามมันน่าจะรู้เรื่องกว่า
“หึ ๆ ที่แท้ก็คนนั้นเองเหรอวะ…”
“…”
“ได้ใส่เสื้อสุดที่รักของมึงขนาดนี้มีอะไรจะบอกเพื่อนไหมคุณดอน…”
“ไม่ยุ่งดิวะคุณเพื่อนเจ๋ง…” ร่างสูงหลังจดโน้ตลงในโทรศัพท์แล้วจึงยื่นหนังสือไปให้ไอ้เพื่อนที่กำลังทำหน้าล่อเลียน เขาหันกลับไปมองนอกร้านจึงหันร่างบางกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ ใครจะไปรู้ว่าพอคนตัวเล็กอยู่ในสภาพเสื้อแจ็กเกตตัวโตพร้อมด้วยหมวกกันน็อกมันจะน่ารักแค่ไหน ที่ถ่ายรูปไว้เพราะหาได้ยากจริง ๆ แขนเสื้อเขายังยาวกว่าแขนของเจ้าตัวเสียอีก
“แล้วที่ไอ้กั้งบอกว่ามึงไล่มันกลับเพราะอยากดูหนังกับคนน่ารักคือจริง ๆ สินะ แหม่… เพื่อนกูมันร้ายจริง ๆ
“อ๊ะ!”
ขวับ!
“ตัวเล็ก…” เสียงร้องตกใจดังขึ้นร่างสูงจึงได้รีบสาวเท้าออกไปหารัว ๆ หันคนตัวบางขึ้นไปยืนบนโต๊ะหินอ่อนมือถือไม้อะไรสักอย่างไล่หมาตัวโตที่กำลังแลบลิ้นสายหาง
“ดะ ดอน… ระวังหมานะ!”
“ข้าวผัดมานี่” เป็นเจ๋งที่เรียกให้เจ้าสุนัขสุดที่เลิฟของเจ้าตัวไปหา สองขายาวเลยรีบเดินไปหาเจ้าของเสียงตกใจ ร่างบางเม้มปากเมื่อรู้ว่าสุนัขที่กระโดดใส่นั้นมีเจ้าของ ก็เขานั่งอยู่ดี ๆ มันดันวิ่งมากระโดดเกาะจนตกใจคว้าอะไรที่คว้าได้ขึ้นมาถือพร้อมขึ้นที่สูง
“ระ เราขอโทษ แต่มันกระโดดใส่ เราคิดว่ามันจะกัด…” ดอนมองคนตัวเล็กที่ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนเสียงเพื่อนจะดังขึ้น
“หมากูเองว่ะ”
“มึงเลี้ยงหมาตัวโต ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?” ดอนถามด้วยความสงสัย
“เออ… พ่อเพิ่งเอามันกลับมาจากต่างจังหวัด แต่มันไม่กัดหรอก ขอโทษที่ทำให้ตกใจด้วยคนน่ารัก”
‘คนน่ารัก?’
“มะ ไม่เป็นไร…” ดัซชะงักกับคำเรียกของเพื่อนของดอนก่อนจะยิ้มให้
“เอองั้นกูกลับก่อนนะ…”
“เออ ๆ กูขอซ่อมรถต่อล่ะ บาย ๆ” ร่างสูงอีกคนเดินกลับเข้าไปในร้านก่อนดอนจะหันมามองคนตัวเล็ก
“เป็นไรไหมครับ?”
“ปะ เปล่า… แต่รู้สึกอาย”
“ฮ่า ๆ กลับกันเถอะ”
“อื้ม…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E9 “จับได้เหม่งไม่รอด”
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง~
“ขอบใจดอนมาก ๆ เลยนะ…” ผมยืนขอบคุณคนตัวสูงอยู่หน้าบ้าน หลังจากดอนเก็บหมวกกันน็อกแล้วเจ้าตัวจึงขยับมาหาผมใกล้ ๆ
“นี่บ้านตัวเล็กเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว… บ้านเราไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก”
“ไม่ ๆ ผมชอบ มันดูน่าอยู่ดี”
“…” น่าอยู่อะไรล่ะ! เขินเป็นเหมือนกันนะ จะว่าไปตั้งแต่เจอกันตรงตู้กดตั๋วหนังจนตอนนี้ดอนทำให้ผมเขินหน้าแดงไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ ร่างสูงเหมือนยังมองสังเกตบ้านผมอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะมีอะไรแปลกไปรึเปล่า แต่มันทำให้ผมไม่มั่นใจเลย…
“เดี๋ยวเสื้อเราจะเอาไปซักให้นะ วันจันทร์เดี๋ยวเอาไปให้ดอนคืนที่โรงเรียน หรือพรุ่งนี้จะให้เราเอาไปส่งให้ที่บ้าน…” นึกได้ว่าตัวเองใส่เสื้อของดอนอยู่จึงได้บอกไปแบบนั้น ยังไงแล้วคงต้องซักให้ก่อน กลัวดอนเหม็นกลิ่นเหงื่อ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ร่างสูงจำเป็นต้องใช้ไหมก็ไม่รู้
“ยังไม่ต้องเอาให้คืนหรอกครับ เดี๋ยวผมมาเอาที่บ้านตัวเล็กเอง แค่เก็บไว้ดี ๆ ก็พอ…”
“โอเค… เอางั้นก็ได้” เราจะได้เก็บเสื้อดอนไว้นาน ๆ เหรอเนี่ย เขิน…
“…”
“เอ่อ… แล้วดอนจะเข้าไปข้างในไหม? เผื่อเหนื่อยอยากนั่งพัก” ยังไงแล้วก็ต้องชวนไปตามมารยาท ถึงจะเขินมากแค่ไหนก็ตาม อีกอย่างจะบอกแม่ว่าไงดี ดอนเป็นเพื่อนแบบนี้เหรอ แต่แม่มักจะรู้ว่าใครที่ผมสนิทบ้าง แล้วใครที่คุ้นหน้าอยู่ห้องเดียวกันบ้าง ถ้าเป็นดอนต้องโดนถามอะไรต่าง ๆ นานาชัวร์เลย
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ว่าแต่… ผมขอเบอร์ตัวเล็กได้ไหม?”
“…” ขอเบอร์เหรอ!!!? ดอนขอเบอร์เราเหรอ! ผมชะงักเขินสักพักจนต้องรีบตั้งสติ
อ๊าก…
‘ดอนอาจจะขอเอาไปติดต่อในกรณีอื่นก็ได้ดัซ’
“หรือไม่ได้ครับ?” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเหมือนกลัวผมปฏิเสธ ทำไมขี้อ้อนแบบนี้ ดอนบ้า!
“มะ ไม่ใช่นะ… เอาโทรศัพท์ดอนมาก็ได้เดี๋ยวเราพิมพ์ให้…” ได้ยินเจ้าตัวก็เหมือนจะยิ้มดีใจให้จนผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ มือเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์จากคนตัวโตมากดเบอร์โทรศัพท์แล้วยื่นให้กลับ
“ขอบคุณครับ…” มือหนารับไปกดโทรหาจนโทรศัพท์ผมสั่น จึงได้หยิบขึ้นมาดู หลังคนตรงหน้ากดตัดสายผมเลยกดบันทึกเบอร์ของดอนไว้บ้าง ลองคิดดูสิครับว่าตอนนี้หัวใจผมมันสั่นแค่ไหน ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ คนที่เราแอบชอบเขาจะขอเบอร์ แถมตอนนี้เรายังมีเบอร์เขาอยู่ในเครื่องแล้วด้วย… ดวงที่ได้ดูไปบอกว่าจะได้เจอกับคนที่เราแอบชอบบ่อย ๆ มันจะเป็นจริงได้ยังไงกัน…
“งั้นผมกลับก่อนนะ”
“อื้ม… ดอนขับรถดี ๆ นะ” ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะเดินไปคร่อมรถจักรยานยนต์คันโต ผมยืนโบกมือให้ก่อนที่ดอนจะขับออกไป พอมองตามหลังแล้วเจ้าตัวจะรู้รึเปล่าว่าดูเท่มากแค่ไหน แค่มองก็ใจสั่นแล้ว นึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ตอนเจอดอนเมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ก็อดยิ้มไม่ได้เลย กินข้าวยังจะเช็ดปากให้อีก เขินเหมือนกันนะ ทุกการกระทำของคนตัวสูงมันทำให้ผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย
“ยิ้มหวานเชียวนะเราอะ…”
ขวับ!
“มะ แม่!”
“ก็ว่าทำไมถึงไม่มีสาวจีบหรือจีบสาว ไหนบอกอะไรแม่หน่อยไม่ได้เหรอ?”
“บะ บอกอะไรล่ะ!?”
“มานั่งคุยกับแม่ด่วนเลยดัซ…”
“…” อะไรกันเนี่ย… ผมจำต้องเดินตามหลังแม่เข้าไปนั่งในบ้านเฉยเลย ใจดันรู้สึกหวั่น ๆ ขึ้นมาด้วย กลัวว่าแม่จะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง แต่ที่ผ่าน ๆ มาแม่ไม่เคยแอนตี้เรื่องพวกนี้เลยนะ แต่ก็อดกลัวไม่ได้ และยิ่งสายตาที่มองมานั้นทำให้ผมต้องก้มหน้าเม้มปาก
“ดัซ… ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกแม่เป็นคนยังไง”
“…” เงยหน้าขึ้นไปทำสีหน้าเหมือนกังวลมองหน้าแม่ แต่แม่กลับขยับมาดึงหัวผมไปกอด
“ชอบผู้ชาย?”
“…”
“แล้วคิดว่าแม่จะไม่ชอบเหรอที่ลูกตัวเองเป็นแบบนี้…”
“ดัซไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายก็ชอบได้ทุกคนนะครับแม่ มันเหมือนเป็นความรักมากกว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งตื่นมาแล้วดัซรักผู้หญิงมันก็คือรัก ตื่นมาอีกวันดันรักผู้ชายมันก็คือรักเหมือนกัน ไม่แบ่งได้ไหมว่าดัซเป็นอะไรหรือยังไง คือดัซมีความรักแค่นั้นเอง…”
“…” แม่แอบทำสีหน้าอึ้งไปนิด ๆ ก่อนจะยิ้มให้
“ก็นั่นแหละ… แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แล้วเขาชื่ออะไร?”
“…”
“หล่อมากเลยนะ ตัวก็สูง เขาได้เล่นกีฬารึเปล่า แม่ขอให้เขาช่วยพาดัซไปเล่นด้วยได้ไหมจะได้แข็งแรง…”
“แม่อะ… ดอนยังไม่รู้ว่าดัซแอบชอบนะ อีกอย่างดัซก็ไม่ได้คิดไปถึงขั้นที่ต้องเป็นอะไรกัน แม่ก็รู้ใช่ไหมว่าผู้ชายส่วนมากเขาก็ชอบผู้หญิง กับดัซที่แค่แอบชอบ… รู้อยู่แล้วแหละว่าควรอยู่จุดไหน ทำตัวยังไง…” ก็แค่แอบชอบ จะหวังอะไรมากไปอะ ผู้ชายขอเบอร์กันก็มีตั้งเยอะ จับหัวกัน ให้กอดเอว พูดจาไพเราะใส่ ชมว่าน่ารัก เป็นห่วงก็มีเยอะแยะไป… ใช่ไหม?
“จริง ๆ แม่รู้สึกนานแล้วนะว่าดัซไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่แม่แค่ไม่เคยถามเพราะกลัวเราไม่สบายใจ แม่เป็นแม่นะทำไมจะมองลูกตัวเองไม่ออก ถึงเราจะไม่ได้แต่งหน้าทาปากหรือทำตัวเหมือนผู้หญิง แต่ยังไงลูกแม่ก็ยังน่ารักเกินไปที่จะเป็นผู้ชายอยู่ดี สงสัยคงได้จากแม่ไปเยอะหน่อย…”
“เอ่อ… แม่ครับ”
“แม่ก็เคยแอบชอบใครเหมือนกันทำไมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเรา…”
“จริงเหรอครับ?” ผมถึงกับเลิกคิ้วสงสัย
“อื้ม… แต่แม่แค่แอบชอบ ไม่ได้เก็บเอาเขามาใส่ใจอะไรขนาดนั้น แล้วเราล่ะ?”
“…”
“ชอบเขาแล้วยึดติดกับเขาเกินไปรึเปล่า? ระวังมันจะทำให้รู้สึกเหนื่อยใจตัวเองไปเสียเปล่า…”
‘เหนื่อยใจตัวเองเหรอ?’
นั่นสิครับ… ผมยึดติดกับดอนมากไปรึเปล่า?
________________________________________
ผ่านไป 30 นาที~
ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนห้องได้สักพักแล้ว พยายามคิดตามสิ่งที่แม่บอกและแนะนำมา แต่ก็เหมือนจะคิดไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วผมรู้สึกยังไงกันแน่ พอดูเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็คงใช่แหละมั้ง… ผมคงเอาดอนเข้ามายึดติดในใจมากไป มากไปจนทำให้สามารถหน่วงในอกได้…
Rrrrrrrrr
“อะ อ๊ะ! ดะ ดอน!” โทรศัพท์ในมือสั่นพร้อมกับรายชื่อของดอนที่โทรเข้ามาทำให้ผมชะงักเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกใส่หน้าจนเจ็บ รีบยกขึ้นดูถึงได้รู้ว่ามันกดรับให้ไปแล้ว
ฮือออ…
“ดอนมีอะไรรึเปล่า?” พยายามทำให้เสียงดูเป็นปกติที่สุด
(ผมถึงบ้านแล้วนะครับ…) ถึงบ้านแล้ว… ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกเราทำไม?
ตึกตัก…
‘ถึงบ้านแล้ว… ต้องโทรมาบอกเราด้วยเหรอ?’ ไม่ไหวแล้วดัซ เรากำลังจะกระอักเลือดตายแล้วนะ
(เมื่อกี้ขับรถเกือบชนหมาที่วิ่งตัดข้ามถนนด้วย…)
“เฮ้ย… แล้วดอนเป็นอะไรไหมอะ ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรใช่ไหม? เราบอกให้ขับระวัง ๆ แล้วนะ เจ็บมากไหมอะ…”
(…)
“…” เชี่ย… แล้วทำไมเราต้องเผลอแสดงโทนเสียงเป็นห่วงผู้ชายไปซะขนาดนั้นวะ เสียงหัวเราะจากปลายสายดังลอดออกมาเบา ๆ ยิ่งทำให้ต้องเม้มปาก
(ตัวเล็กเป็นห่วงผมเหรอ?)
“ปะ เปล่านะ!”
(อ้าวไม่เป็นห่วงเหรอครับ?)
กึก…
“มะ ไม่ใช่นะ… ฮือออ ดอนอะ!”
(ฮ่า ๆ ๆ อยู่ใกล้ ๆ จะขยี้หัวแรง ๆ เลยน่ารักขนาดนี้…)
กึก…
“…” ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามารู้จักเราด้วยในชีวิตนี้ ขอบคุณพ่อแม่ บ้านหลังนี้ โรงเรียน ขอบใจเลย์มันด้วยที่เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ผมลาก่อน~
(ตัวเล็ก…)
“คะ คือ…”
(…)
“ดอนมีอะไรอีกไหม ระ เราจะทำธุระอะไรนิดหน่อย…”
(ผมโทรมารบกวนใช่ไหมครับ?)
“กะ ก็เปล่า… แต่คือ เอ่ออ… เรา ฮือออ…” ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะดัซ ผมเขินจนตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว ดอนต้องหาว่าผมเด๋อแน่นอนเลย ต่างคนต่างไม่คุยอะไรกันแล้วเอาแต่เงียบ ผมเองก็ตื่นเต้นไม่หายเลย…
(ตัวเล็ก~” เสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์หวาน ๆ
“หือ~”
(ผมนึกภาพตัวเล็กตอนนี้ออกเลยน๊า~)
“อื้อออ~”
(ฮ่า ๆ ๆ งั้นไม่กวนแล้วนะครับ”
“อะ อื้ม…”
(ไว้ว่างจะโทรหาอีกนะครับ)
“อะ โอเค…” พูดจบดอนก็กดตัดสายไปปล่อยให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่คนเดียวบนเตียงนอน อะไรคือมีเรียกตอบกันไปมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ นุ่ม ๆ ใส่ด้วย ดอน!!!
ฮืออออ…
________________________________________
วันจันทร์~
เชื่อไหมครับว่าตั้งวันเสาร์หลังกลับมาจากไปดูหนังกับดอน ตลอดคืนวันเสาร์ดอนก็โทรมาคุยกับผมจนผมหลับเลยอะ ทำให้ผมเขินได้ตลอด นอนคุยกันผ่านโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วดอนแค่เหงารึเปล่า? เมื่อวานวันอาทิตย์ช่วงเช้าผมก็อยู่บ้านทั้งวัน ดอนเองไม่ได้โทรหรือส่งข้อความอะไรมาจนตอนกลางคืนถึงได้โทรมาบอกว่าตอนเช้าเจ้าตัวยุ่งมากจึงไม่ได้โทรหา ซ้ำยังเอ่ยปากขอโทษ… ดอนมักจะทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ทำให้ผมคิดว่าตัวเองสำคัญกับเจ้าตัวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เพิ่งเริ่มคุยกันจริง ๆ หลังดูหนังเสร็จในวันเสาร์แค่นี้ก็ทำให้เราสนิทกันถึงขั้นโทรหาและคุยกันได้ตลอดทั้งคืนมาสองวันติด ๆ แล้วได้ด้วยเหรอครับ? ไม่ใช่ว่าเพื่อนกันไม่มีทำแบบนี้ แต่… ผมดันคิดไปเองอีกแล้วน่ะสิ ผมกลัวใจตัวเองมาก ๆ เลยตอนนี้… แล้วถ้าหากวันหนึ่งดอนรู้ว่าผมแอบชอบ ดอนจะทักมาด่าผมว่าให้เลิกยุ่งไหม? ผมกลัวสุด ๆ เลยนะ คนที่เป็นฝ่ายแอบชอบอย่างผมมีอีกหลายสิ่งที่โคตรกลัว เช่นการโดนอันเฟรนด์ โดนบล็อกช่องทางการติดต่ออะไรแบบนี้ ผมคงช็อกไปอีกหลายวันเลยแหละ
“แม่ครับ… ดัซไปก่อนนะ” ผมรีบยกมือไหว้แม่ก่อนจะเดินออกจากบ้านทันที ในระหว่างทางเดินก็แวะซื้อขนมเหมือนเดิม เพราะจะได้เอาไปไว้ให้คนตัวสูง ถึงโรงเรียนก็รีบสาวเท้าอ้อมไปแถว ๆ โรงยิม ตรงไปยังห้องล็อกเกอร์ของนักกีฬา ตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเช้า นักเรียนส่วนใหญ่คงกำลังพากันเดินทางมา คนที่มาถึงก่อนแน่นอนว่าต้องเป็นภารโรง หรือครูและนักเรียนบางคน
แกร็ก…
ค่อย ๆ เปิดประตูออกแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าล็อกเกอร์ของดอน ซึ่งเป็นตู้เดียวและตู้ที่ผมเอาของมาให้บ่อยที่สุดแล้ว
‘ดอนอย่าแอบเอาไปทิ้งนะ...’ บ่นในใจเบา ๆ ถ้าเห็นถุงขนมของตัวเองอยู่ในถังขยะผมคงร้องไห้ คงรู้สึกแย่ไปอีกหลายวันเลยแหละ คำพูดหวาน ๆ จากดอนก็จะถูกลบเลือนไปจากสมองผมทันทีเลยมั้ง ‘ราเชน’ ยืนอ่านชื่อจริงของดอนสักพักผมจึงเลื่อนถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยขนมไปมัดไว้กับที่เปิด
หมับ...
“อ๊ะ!” แต่อยู่ดี ๆ กลับมีคนโอบเอวเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง ตกใจพยายามดิ้นออก แต่ว่าแขนแข็งกลับยิ่งโอบกอดไว้แน่นขึ้น ในใจตอนแรกกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น และมันก็เป็นแบบนั้นจนได้ จะหันไปมองก็ไม่ได้เพราะถูกกอดไว้
“ตัวเล็ก...”
กึก...
“กว่าจะจับได้...” ทุกอย่างในหัวมันเหมือนมืดไปหมดเมื่อได้ยินเสียงนั้น หัวใจสั่นจนแทบจะระเบิด
“ดะ ดอน...” ผมเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะโดนคนตัวสูงจับให้หันหน้ามามอง แค่เห็นใบหน้าหล่อ ๆ ของคนที่แอบชอบอยู่ใกล้ ๆ หน้ามันก็แดงขึ้นทันที ผมพยายามหันหน้าหนีดอนให้ได้มากที่สุด พยายามจะเดินหนี แต่มือข้างหนึ่งของคนตรงหน้ากลับยกขึ้นดันล็อกเกอร์ปิดทางไว้
“เมื่อเช้าผมโทรหาแต่ไม่รับเลย”
“ระ เราขอโทษ เราไม่ได้ยินอะ...”
“ผมจะไปรับมาโรงเรียนด้วยกัน”
“…” ประโยคนั้นทำให้ผมเม้มปากก้มหน้าลงทันที ดอนพูดเหมือนให้ท่าผมอยู่นั่นแหละ แล้วไหนจะกอดเมื่อกี้ มันทำให้ผมใจสั่นมากแค่ไหน
“ส่วนขนมตัวเล็กไม่ต้องลำบากเอามาให้ก็ได้ครับ ต้องซื้อมาให้เกือบทุกวันเลย...”
“…” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนอยู่ใกล้เกินไป… ตอนนี้หัวใจมันสั่นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ร่างกายเพลียจริง ๆ มันเหมือนผมกำลังฝันอยู่ กำลังนอนบนปุยเมฆนุ่ม ๆ ต้องฝันอยู่แน่ ๆ
“แต่จับได้แล้ว… ค่อนข้างสบายใจขึ้นมาหน่อย ตัวเล็กไม่เห็นกล้องวงจรปิดเหรอครับ?” ได้ยินผมถึงกับชะงักหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเห็นกล้องวงจรที่ติดไว้ นี่แสดงว่า…
ฮือออ…
จุ๊บ…
กึก!
“…” หันไปมองกล้องวงจรปิดแล้วจะหันกลับมาหาคนตัวสูงแต่ใบหน้าหล่อกลับฉกลงมาจุ๊บที่หน้าผากผมเบา ๆ แล้วผละออกจนผมชะงักตัวแข็งทื่อ อะไรกัน… ทำแบบนี้เพราะเอ็นดูที่ผมไม่รู้ประสาเรื่องกล้องวงจรปิดเฉย ๆ ใช่ไหม ไม่ดิ… เราไม่ได้น่ารักขนาดนั้น แล้วทำไมกัน… มือหนาค่อย ๆ ยกขึ้นมาสัมผัสหัวจนผมหดคอหลับตาปี๋ สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้ผมอยากร้องไห้ มันแบบ… ทั้งตื่นเต้น ทั้งใจสั่น ทั้งไม่รู้ว่าดอนคิดอะไรอยู่จนอยากร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว…
“ขอบคุณสำหรับขนมครับ…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E10 “ครูไม่เข้าใจ!”
3 วันผ่านไป~
ผมตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนห้องเรียนรอลงไปเข้าแถว ไม่รู้เลยว่าทำไมผ่านมาจนวันนี้แล้วดอนถึงไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมอีก แถมยังไม่ค่อยเห็นร่างสูงอีกเลยด้วย ไม่สิ… อังคารกับพุธที่ผ่านมาผมไม่เจอร่างสูงเลยต่างหาก จนวันนี้วันพฤหัสบดีแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเจอดอนอีกไหม อังคารพุธที่ผ่านมาโทรศัพท์จากเจ้าตัวก็ไม่มีโทรมาหา แชตข้อความก็ไม่ได้ส่งมา ผมเองก็ไม่ได้ซื้อขนมไปให้ที่ล็อกเกอร์แล้วด้วย รู้สึกพะวงกับโทรศัพท์มาก ๆ ในแต่ละวัน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ หรือดอน… จะไม่ชอบผมแล้วจริง ๆ
แค่ลองจุ๊บเหม่งผมเหรอ?
ทำไมต้องลองจุ๊บด้วย? ถึงตอนนี้จะยังงง ๆ แต่ตอนนั้นมันรู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ เหมือนดอนมีใจให้เรา ร่างสูงไม่รู้รึไงว่าความหมายของการจุ๊บเหม่งคือต้องดูแลเราเป็นอย่างดี มโนไปเองอีกแล้วนะดัซ เฮ้อออ… ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อยว่าดอนเองก็คงจะชอบผมกลับ เพราะกลัวว่าบางทีดอนอาจจะแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติก็ได้ นี่เราหวังมากไปจริง ๆ สินะดัซ…
‘ดอนคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าคิดจะแค่เล่นกับความรู้สึกของเรา เราคงเสียใจมากเลย ๆ อะ…’
สักพักก็ถึงเวลาเข้าแถวผมจึงเดินลงมาจากตึกตรงไปเข้าแถวที่โดมหน้าตึกอำนวยการ ดีนะที่บางทีได้เข้าแถวในโดมยักษ์ จะได้ไม่ต้องทนแดดร้อน ๆ ของประเทศไทยด้วย… และหลังจากเข้าแถวเสร็จเรียบร้อยคุณครูหัวหน้าสายชั้นก็มีนัดรวมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อีกครั้ง และตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในแถวของห้องตัวเองอยู่ครับ พยายามมองหาห้องของดอน แต่คนก็เยอะเกินไปจนมองไม่เห็น
“ครูนัดรวมทำไมวะ?” เสียงจากไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างหลังผมมันถาม
“มึงก็อยู่กับกูไหม… รอเขาประกาศดิ อาจจะเรื่องเข้าค่ายรึเปล่า…” ตอบมันก่อนจะหันไปมองคุณครูที่กำลังหยิบไมค์ขึ้นพูด ค่ายที่ว่าผมอ่านเจอที่ป้ายประกาศ เหมือนเป็นค่ายวิชาการผสมกับสันทนาการน่ะครับ ก็น่าจะติว ๆ ด้วย ทุกปี ม.5 จะต้องเข้าร่วม
“สัสเอ๊ย… กูบอกให้ออกมาช่วยตีป้อม…”
“ไอ้เลย์เงียบ ๆ ครูปกครองเดินมาแล้วเห็นไหม…” ผมเอี้ยวหน้าหันมาบอกจนมันต้องรีบเก็บโทรศัพท์สุดที่รัก นี่ก็เล่นจังเลย ในแถวก็ยังจะเล่น โอ๊ยยยยย… เชิญเข้าร่วมอีสปอร์ตเลยดีไหมเพื่อน
“เออ ๆ”
“สวัสดีนักเรียนทุก ๆ คนนะคะ… วันนี้ที่ครูเรียกรวมก็เพราะจะแจ้งเรื่องการเข้าค่ายที่โรงเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้…” หลังครูพูดถึงเรื่องเข้าค่ายนักเรียนก็หันไปซุบซิบกันใหญ่เลยครับ ผมเองมีเหรอที่จะไม่หันไปคุยกับไอ้เลย์ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอกเพราะก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องเข้าค่าย
“นักเรียนเงียบเสียงลงด้วยค่ะ...”
“…”
“รายละเอียดค่ายที่ชัดเจนครูจะแจ้งในวันพรุ่งนี้บนหอประชุมในคาบพลเมืองดีอีกที คงเป็นเรื่องการเตรียมเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเข้าค่ายเพราะว่าเราจะต้องนอนพักที่นี่หนึ่งคืน นั่นคือคืนวันเสาร์ ส่วนตารางกิจกรรมก็จะแจ้งอีกทีวันพรุ่งนี้เหมือนกันค่ะ...”
________________________________________
ผ่านไปเกือบชั่วโมง~
“ไม่อยากมาเข้าค่ายเลยว่ะ กูไม่ชอบเลยแม่ง…” เลย์มันบ่นเสียงเบื่อ ๆ ตอนนี้พวกผมกำลังเดินขึ้นตึกเพื่อที่จะไปเรียนคาบแรก
“เอาเถอะน่า…”
“ถือซะว่าเป็นช่วงเวลาดี ๆ ก็แล้วกัน…”
“ดีมากมั้ง…”
“เออทำไงได้…” ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองกับไอ้เลย์ จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากจะมาเข้าค่ายสักเท่าไรหรอก แต่ในเมื่อคุณครูเขาบอกว่ามันเป็นกิจกรรมบังคับ ใครไม่มาจะติดศูนย์คุณลักษณะ แล้วใครจะกล้าขาด เห็นบอกถ้ามีธุระจริง ๆ ให้นำหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมผู้ปกครองเซ็นรับทราบ
เฮ้ออออ…
ในระหว่างเดินตรงไปยังห้องเรียน ผมก็แอบมองผ่านเข้าไปในห้องของดอนนิด ๆ ไม่ทันได้สังเกตหรอกว่ามีร่างสูงไหมก็รีบหันกลับมาเพราะเห็นครูสอนอยู่ นั่นคือห้องสี่ ดอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 สายวิทย์คณิต แต่เหมือนเจ้าตัวจะเก่งค่อนข้างหลายด้าน ผมเองนี่ก็สืบประวัติจนดูโรคจิตไปเลยใช่ไหมล่ะ ถามว่าทำไมห้อง 4 ถึงได้มาเรียนใกล้ห้อง 13 ทั้ง ๆ ที่ห้องประจำควรอยู่ไกลกัน นั่นเพราะบางคาบเรียนอาจมีย้ายไปเรียนห้องอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับครูผู้สอน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
เดินเข้าไปนั่งโต๊ะประจำของตัวเองผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นตามสเต็บ ไม่อยากหวังเรื่องแชตจากดอนแล้วอะ หน่วงมากพอแล้วช่วงสองวันที่ผ่านมา ตอนนี้ในห้องเริ่มมีเพื่อน ๆ เข้ามากันแล้ว เล่นโทรศัพท์ไปด้วยก็นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ไปด้วย ไอ้เลย์ก็ตีป้อมของมันไป จะว่าไปมันไม่ได้ถามผมถึงเรื่องเมื่อวันเสาร์เลย คุยกันผ่านโทรศัพท์แค่ตอนอยู่ที่ร้านซ่อมรถของเพื่อนของดอน
“ครูมา!” สักพักก็มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมเสียงตะโกนบอก ทำให้นักเรียนในห้องทุกคนรีบเข้าสู้โหมดเรียบร้อยทันที เสียงรองเท้าส้นสูงดังเข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับคุณครูสาวสวยคนหนึ่งใส่กระโปรงสั้นจนเห็นขาอ่อนขาว ๆ เสื้อรัดรูปเห็นทรวดทรงของหน้าอกหน้าใจ เดินเข้ามาในห้อง เธอดูสวยแต่ก็ดูดุมาก ๆ เช่นกัน ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีคนแจ้งว่ามันไม่เหมาะสม ครูไม่ควรแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่รึไง… และฝันร้ายนั่นคือเธอเป็นครูที่ปรึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/13 และเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นห้องของผม!!! แต่ละห้องจะมีครูที่ปรึกษาอย่างมากสองคนและห้องของผมจะมีคุณครูหนุ่มหล่ออีกท่านหนึ่งเป็นครูประจำชั้นและครูสอนภาษาจีน ส่วนครูสาวสวยคนนี้ นักเรียนทุกคนรู้ซึ้งถึงความโหดและความเจ้าระเบียบของเธอดี เพราะฉะนั้นในสายชั้นไม่ใช่แค่ห้องผมจึงรู้สึกกลัวเธอ เว้นเสียแต่พวกผู้ชายที่มันไม่กลัวอะไรเลย เสี่ยงแล้วชอบมั้งก็ผู้หญิงสวย ๆ ดุ ๆ แบบนี้ เธอเองก็ยังสาวไม่ได้มีอายุอะไรขนาดนั้นด้วย
“All stand up, please!” เสียงหัวหน้าห้องสั่งให้ทุกคนลุกขึ้นยืน ทั้งหมดจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“Pay respect to the teacher” สั่งต่อ (ทำความเคารพคุณครู)
“Good morning teacher…”
“Good morning, students. Please have a seat.”
“Thank you, teacher!” นักเรียนทุกคนนั่งลงเงียบ ๆ อย่างเป็นระเบียบ ผมเองตอนนี้เริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วครับ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงรู้สึกแบบนั้น ครูค่อย ๆ เดินสำรวจทั่ว ๆ ห้องว่าสะอาดดีรึเปล่า ทุกคนได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ นี่ห้องเรียนหรือห้องสืบสวนวะ
“เมื่อวานกลุ่มไหนทำเวร?” เธอถามเสียงเรียบ ทุก ๆ วันตอนเย็นจะต้องมีนักเรียนเป็นกลุ่มมาทำความสะอาดห้องประจำสลับกันไป จริง ๆ มีพนักงานทำความสะอาด ก็เหล่าแม่บ้านภารโรงนั่นแหละ แต่คุณครูต้องการให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ เธอเลยจัดเวรประจำวันขึ้นมาให้ สักพักเพื่อน ๆ กลุ่มที่ทำเวรเมื่อวานจึงค่อย ๆ ยกมือขึ้น
“ทำไมไม่สะอาด!”
เฮือก!
เธอตะคอกเสียงดังลั่นห้องจนทำให้นักเรียนบางคนสะดุ้งตกใจและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีผม หันไปมองไอ้เลย์มันก็เอาแต่นั่งทำเป็นมองไปทางอื่น
“พวกเธอได้ทำกันไหมห๊ะ!?”
“…”
“แล้วถังขยะ...”
“ครูบอกว่ายังไง?” ถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“ลุกขึ้น… ใครที่ทำเวรเมื่อวานลุกขึ้นยืน…” นักเรียนที่ทำเวรเมื่อวานจึงค่อย ๆ พากันลุกขึ้นยืน
“เขกโต๊ะไปสามสิบครั้ง…” สั่งต่อ นักเรียนชายหญิงที่ยืนอยู่จึงรีบเคาะลงไปที่โต๊ะ จนทำให้เกิดเสียงดัง พร้อม ๆ กับเสียงนับ
“นั่งลง...” นี่มันปีไหนแล้ววะ ทำไมครูต้องให้ทำแบบนี้ด้วย ถ้าไม่สะอาดแค่ทำใหม่ก็ได้ไหมอะ หลังเคาะจนครบแล้วเธอจึงสั่งให้นั่งลง
“ต่อไปถ้าใครไม่ทำเวรครูจะทำโทษหนักกว่าเดิมและจะหักคะแนนจิตพิสัย…”
“เอาการบ้านที่ครูสั่งเมื่อวานออกมาวางไว้บนโต๊ะ…” พูดจบนักเรียนทุกคนจึงพากันนั่งตัวสั่น รวมถึงผมด้วย ค่อย ๆ หยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาเปิดแล้วหาสมุดการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ แต่พอหยิบขึ้นมาดูทีละเล่ม ๆ ผมกลับไม่เห็น ในใจเริ่มหวั่น ๆ แล้ว เมื่อคืนก็มัวแต่เครียดเรื่องของคนที่ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเราอีกด้วย
‘ฉิบหาย…’ สบถในใจ
“ดัซไหนของมึง?” เลย์มันหันมากระซิบถามผมที่ตอนนี้กำลังค้นหาของในกระเป๋าด้วยใบหน้าเครียด ๆ
“กูลืมเอามาว่ะ”
“เชี่ย…” เมื่อตอนกลางคืนก็มัวแต่คิดเรื่องของคนตัวสูงจนลืมเอาสมุดการบ้านที่ทำใส่กระเป๋ามาด้วย
เฮ้อออ…
“ใครไม่ได้ทำการบ้านมา…”
“ยืนขึ้น…” ผมค่อย ๆ กวาดสายตาดูรอบ ๆ ห้องแต่ดันไม่มีเพื่อนคนไหนลุกขึ้นยืนเลย ทำไมพอแบบนี้ถึงเตรียมกันมาดีจังห๊ะ!?
“สู้ ๆ มึง…” เลย์มันบอกจนผมต้องยอมกัดฟันและค่อย ๆ ยืนขึ้นก้มหน้า เพื่อนคนอื่น ๆ จึงหันมามอง รวมถึงคุณครูด้วย
“ครูขอเหตุผล” เธอค่อย ๆ เดินมาหา ซึ่งผมกำลังยืนตัวสั่นอยู่ครับเพราะกลัวสายตานิ่ง ๆ จากคุณครู ไหนจะแรงกดดันจากรอบ ๆ ห้อง จริง ๆ ผมเป็นคนที่เรียนดีมาโดยตลอดนะ ไม่เคยลืมทำการบ้าน แต่ยอมรับว่าชอบลืมของไว้ที่บ้าน ฮือ…
“ครูถาม…”
“ละ ลืมเอามาครับ” ตอบเสียงสั่น
“ออกไปยืนกอดอกนอกห้อง…” เธอสั่ง ผมเลยจำต้องเดินก้มหน้าออกไปด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
‘ฮือ… แม่ง!’ โกรธตัวเองที่ลืมเอาสมุดมา ดันรู้สึกโกรธคนที่ทำให้ผมคิดมากจนลืมสมุดการบ้านมาเฉยเลย! ฮึก! ถ้าจะทำให้รู้สึกแล้วทำไมต้องจากไปโดยไม่บอกด้วยคนบ้า! ฮืออออ…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E11 “ง้อหน้าห้องต้องได้ใจ”
‘ดัซนะดัซ….’ ถ้าต้องยืนทั้งคาบ ก็แสดงว่าผมต้องยืนจนกว่าจะได้ยินเสียงออดดังขึ้น แต่กว่าออดจะดังขึ้นก็ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ เลยนะ ผมจะไม่เมื่อยจนเป็นลมก่อนเหรอเนี่ย ดีนะที่ครูมัวแต่นัดคุยเรื่องค่ายและกิจกรรมอื่น ๆ มันเลยทำให้กินวิชาของคาบแรกมาบ้างแล้ว ครูคนนี้เธอยิ่งไม่ปรานีกับนักเรียนด้วย ทำโทษก็คือทำโทษ แล้วยืนหน้าห้องมันเป็นเรื่องที่โคตรน่าอาย ที่สำคัญคือเหนื่อยมาก ๆ เลยนะ
เฮ้ออออ…
เวลายังคงวิ่งผ่านไปเรื่อย ๆ ครูก็ยังไม่ออกมาอนุญาตให้ผมเข้าไปในห้องสักที แค่ไม่ได้เอาการบ้านมาส่งเองนะ! ได้แต่ยืนกอดอกก้มหน้ามองถุงเท้าตัวเองอยู่นี่แหละ อยากจะนั่งเพราะรู้สึกปวดขาแต่ก็ทำได้แค่อดทน ผมคงอ่อนแอจริง ๆ นั่นแหละ สอบเสิร์ฟวอลเลย์เมื่อวานก็เกือบจะไม่ผ่าน ดีนะที่เลย์มันซ้อมให้ ฝีมือเลยพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว ตัวเล็กเหรอ? มันเหมือนจะดูน่ารักมาก ๆ เลยนะ ทำให้ใจสั่นได้ทุกครั้งเมื่อใครคนนั้นเอ่ยปากเรียกเรา แต่บางครั้งมันกลับทำให้ผมรู้สึกแย่ได้เหมือนกัน ตัวเล็กมันอาจจะแปลว่าผมอ่อนแอก็ได้… ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกน้อยใจคนตัวสูงขึ้นมาเฉยเลย ทุกอย่างที่ดอนทำเพื่ออะไร? ถ้าไม่อยากคุยต่อ ก่อนจะทำให้เจ็บช่วยบอกไม่ได้เหรอว่าไม่ชอบที่ผมแอบชอบ อีกอย่างวันนี้ผมก็ซวยแต่เช้าเลย
‘ถ้าแม่รู้แม่ต้องดุแน่ ๆ’
หือ?
“เพราะมึงถึงเข้าช้าเลยแม่ง…”
“เพื่อนป่ะวะสัส…” สักพักก็มีเสียงคุยกันของนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมา ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
กึก…
แต่ดันสบเข้ากับตาคมที่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าตอนนี้เฉยเลย
ขวับ!
รีบหันหน้ากลับมาแล้วก้มหน้าลงทันที ดอนมองผมพร้อมขมวดคิ้ว และเราสบตากันเมื่อกี้ ไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งเห็น
‘แล้วทำไมต้องมาเจอวันนี้ด้วย’ ได้แต่บ่นในใจก่อนจะขยับถอยไปข้างหลังจนชิดบอร์ดติดรูปโชว์ ก็หลีกทางให้กลุ่มของดอนเดินนั่นแหละ
“ว้าวววว… ทำไมคนน่ารักถึงได้มายืนกอดอกอยู่ตรงนี้ล่ะครับ...” เสียงเพื่อนดอนคนที่เลี้ยงหมาดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ๆ รวมถึงดอนด้วย ร่างสูงไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ หรือกำลังจะช่วยเพื่อนแกล้งผมกันแน่
“…” เงยหน้าขึ้นไปมองแต่สายตามันกลับเลยผ่านไปทางด้านหลังของคนถามอยู่ดี เห็นคนตัวสูงขมวดคิ้วจ้องมาที่ผมอยู่เหมือนเดิม นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไปหมด ความรู้สึกที่ทำให้กระอักกระอ่วนในอก
“โดนทำโทษเหรอครับ? น่าสงสารจัง… ให้เราเป็นเก้าอี้ให้ไหม…”
“พวกมึงเงียบ ๆ ได้ละ…” เสียงแข็งจากดอนดังขึ้นพร้อม ๆ กับคุณครูที่เดินออกมา ทำให้กลุ่มของร่างสูงถอยห่างออกจากผมทันที น้ำเสียงแข็ง ๆ นั้นทำให้ผมแอบชะงักเหมือนกัน คนอย่างดอนน่ะเหรอจะพูดแบบนั้น?
“พวกเธอทำอะไรกัน?” เธอถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมเองได้แต่ก้มหน้า
“ผมเห็นเพื่อนยืนอยู่เลยเข้ามาทักครับ…” เพื่อนคนหนึ่งตอบผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ไม่รู้ทำไมสายตามันต้องมองไปที่ดอนก่อนทุกที ส่วนเจ้าตัวตอนนี้ยังเอาแต่จ้องมาที่ผมอยู่เหมือนตอนแรก ไม่รู้สิ… แต่ผมไม่พอใจดอนเลยจริง ๆ ไม่พอใจที่ไม่ยอมติดต่อหรือบอกเหตุผลอะไรสักอย่างเลย ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ควรโกรธ… เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรเลยก็ตาม ตั้งสติหน่อยสิดัซ มึงบ้าป่ะ? หงุดหงิดเรื่องการบ้านก็พาลคนอื่นไปทั่ว
“ไม่มีธุระก็ไปได้แล้ว…” เธอบอกก่อนจะหันมาหาผม กลุ่มของดอนจึงรีบยกมือไหว้แล้วค่อย ๆ เดินไป แต่สายตาของคนที่ผมสนใจยังคงหันมามองตลอด
“ส่วนเธออัศดง เหตุผลที่ว่าลืมเอาสมุดมามันฟังไม่ขึ้นเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ครูเน้นย้ำแล้วหลายครั้งว่าอย่าลืมเด็ดขาด เธอเป็นคนเรียนดีแล้วทำตัวดีมาโดยตลอดเลย เพราะฉะนั้นครูจะไม่หักคะแนนและอนุญาตให้เอามาส่งย้อนหลังในวันพรุ่งนี้… แต่ยังไงครูจะให้เธอยืนจนกว่าจะหมดคาบ เหลืออีกประมาณยี่สิบนาทีกว่า ๆ ถ้าไม่ลงโทษก็ไม่เห็นถึงความสำคัญ…” เธอเอ่ยเน้นเสียง ผมเองได้แต่ก้มหน้ารับฟัง หมดคาบเลยเหรอ? ตายแน่ ๆ งานนี้ แต่ถามว่าผมทำอะไรได้ไหมนอกเสียจากตอบว่าครับและก้มหน้าลง แต่อย่างน้อยครูก็ไม่หักคะแนนและอนุญาตให้ผมเอามาส่งย้อนหลังได้
“คุณครูครับ…” เสียงคุ้น ๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้น ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
ดอน…
“ผมเป็นคนเอาสมุดเพื่อนไปเองครับ…” ได้ยินผมจึงขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
“แล้วเธอจะเอาของเพื่อนไปทำไม?”
“คือ… ผมตั้งใจจะแกล้งเพื่อนเองครับ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะโดนทำโทษ…” ยิ่งดอนพูดผมยิ่งงง
“เอ่อ…”
“ขอโทษด้วยนะ…” กำลังจะบอกครูว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่คนตัวสูงกลับหันมาทำเป็นเอ่ยขอโทษผมเสียก่อน
“เธอเรียนห้องถัดไปใช่ไหม?”
“ใช่ครับ…”
“เดี๋ยวครูมา...” เธอบอกก่อนจะเดินตรงไปยังห้องถัดไป
“ทำไมดอนต้องโกหกครูด้วย...” ผมรีบถามคนที่กำลังยืนมองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ร่างสูงไม่ตอบแต่หันไปมองตามหลังคุณครู ซึ่งสักพักเธอก็เดินออกมาพร้อมครูผู้ชายอีกท่านที่สอนห้องดอน
“ในเมื่อผิดกันทั้งคู่ พวกเธอก็ไปยืนด้วยกัน และต่อไปอย่าทำอะไรแบบนั้นอีกเด็ดขาด…” เธอสั่ง ดอนจึงค่อย ๆ เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมเหมือนกลับไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ซึ่งครูหนุ่มคนนั้นก็มองตรงมาที่พวกเราพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนช่วยอะไรไม่ได้ สักพักครูทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้เราสองคนยืนอยู่ด้วยกัน…
“…” รู้สึกไม่โอเคเลยที่ดอนต้องมารับบทลงโทษแบบเดียวกันกับผมทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ตัวเล็กเหนื่อยไหม?”
“ดอนนั่นแหละเหนื่อยไหม”
“แค่นี้จิ๊บ ๆ ผมเล่นบอลเหนื่อยกว่านี้อีก” พูดเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรจริง ๆ พวกเราคุยกันเงียบที่สุด คุยเหมือนให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ต้องมาเรียนไม่ทันเพื่อนก็เพราะเราเลยอะ…” ถึงดอนจะไม่เหนื่อยแต่ยังไงก็ต้องเรียนไม่ทันเพื่อนอยู่ดี
“ทำไงได้... ก็มีคนให้เป็นห่วงหนิครับ…” คำพูดที่ออกจากปากคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แอบทำให้ผมชะงักก่อนจะหน้าแดงขึ้นทันที เป็นห่วงเหรอ? ทำไมดอนต้องทำให้ผมเขินด้วย เผลอสบตากันสักพักก่อนผมจะรู้ตัวเลยรีบหันหน้ากลับมาก้มหน้าลงเม้มปาก แล้วที่โกรธเจ้าตัวไปเมื่อกี้คือหายหมดเลยเหรอ?
“ขอโทษด้วยนะที่ไม่ค่อยได้มาหาหรือทักไป พอดีมีเรื่องให้ยุ่งนิดหน่อย ผมเลยไม่ได้มาเรียนตั้งสองวัน…”
“…”
“ตัวเล็กไม่โกรธผมใช่ไหมครับ? กลัวตัวเล็กจะไม่สนใจผมอีก…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ถามด้วยใบหน้าเหมือนกังวลก่อนจะหันกลับมาก้มหน้าลง ในใจได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรู้ตัวไหมว่าใบหน้าหล่อ ๆ นั้นสามารถอ้อนใครก็ตามได้ง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับยังมีความรู้สึกไม่พอใจอยู่นิด ๆ ถ้าลองเอ่ยออกไปว่าไม่พอใจเจ้าตัวจะทำยังไง?
“ดอนไม่ติดต่อมาบอกเราเลยว่าเป็นอะไร…”
“…”
“เหมือนเราทำอะไรบางอย่างให้ดอนไม่พอใจรึเปล่า หรือดอนไม่ชอบ สองวันที่ผ่านมาเราเลยไม่มีสมาธิทำอะไรเลย การบ้านก็ลืมเอามาส่งจนโดนทำโทษ จริง ๆ เราไม่ควรเป็นแบบนี้เลย…” ผมบอกเสียงแผ่วเพราะรู้สึกเสียใจเหมือนกัน สองวันที่ผ่านมาพะวงแต่กับเรื่องของคนตัวสูงมากแค่ไหนใครจะไปรู้ มันทำให้นอนหลับยาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิ… สักพักดอนกลับเข้ามาชิดจนแขนเราสัมผัสกัน พร้อมกับมือหนาที่ค่อย ๆ เลื่อนมาจับมือผมไว้จนชะงักหันไปมอง ใบหน้าคมกำลังหันมามองผมอยู่เหมือนไม่โอเค
“ผมขอโทษ…”
“…”
“ผมทำให้ตัวเล็กงอนเหรอครับ?”
“…” อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นนะ! ใจสั่นไปหมดแล้ว งอนเหรอ? จะว่าไปทำไมถึงกล้าพูดประโยคก่อนหน้าไปว่าเก็บเอาดอนมาพะวงจนไม่มีสมาธิ นี่เรากำลังจะสารภาพไปเหรอ ดัซมึงมันบ้า!
“เราจะงอนดอนทำไม…”
“ตัวเล็กทำหน้างอนอยู่นะ…”
“ไม่ใช่สักหน่อย…”
“หึ ๆ งอนได้ไหมครับ งอนแล้วน่ารักดี…” ประโยคนั้นทำให้ผมแอบชะงักอีกครั้งจนต้องหลบสายตาคม ชอบชมว่าน่ารักตลอดเลย จริง ๆ แล้วชมจริงไหมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ หน้าแดงกี่ครั้งแล้วไม่รู้
“แต่ดอนไม่เป็นไรก็ดี-”
จุ๊บ…
“…” เอ่ยปากบอกยังไม่สุดประโยคก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างลงมาทาบที่หัวจนชะงัก หันไปมองกลับเห็นใบหน้าคมหันไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงได้แต่ขมวดคิ้วมองคนตัวสูงที่ยังจับมือตัวเองไว้แต่หันหน้าหนี เมื่อกี้ดอนทำอะไรรึเปล่าหรือผมคิดไปเอง
“อดทนอีกนิดเดียวเดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว…”
“ดะ ดอนทำอะไรรึเปล่าเมื่อกี้?”
“เปล่าหนิครับ…”
“…”
“อย่ามองผมแบบนั้นได้ไหม เห็นแล้วอดไม่ได้จริง ๆ” มองแบบไหนอะ แล้วอดอะไรไม่ได้! ผมยังคงเลิกคิ้วมองชายตัวสูงด้วยความสงสัยเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ดอนจะสื่อ สักพักจึงค่อย ๆ ก้มลงไปมองมือหนาที่จับมืออยู่
“ดอนไม่จับมือเราได้ไหม”
“ไม่จับเดี๋ยวงอน…”
“เราไม่ได้งอนนะ”
“นี่ไง… ทำหน้างอนผมอยู่” มืออีกข้างยกขึ้นมาดึงแก้มจนผมยิ่งชะงัก
“ดะ ดอน…”
“หึ ๆ”
“…” ไม่คุยกับดอนแล้ว! ผมรีบหันหน้าหนีเพราะเขินทันที
________________________________________
ผ่านไป 15 นาที~
เราสองคนยังไม่คุยอะไรกันต่อเลยหลังจากที่ผมหันหนีเพราะความเขิน ตลอดเวลาที่สัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ ที่จับอยู่มักจะทำให้ผมรู้สึกใจสั่นได้ตลอดเวลา ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าดอนจะมายืนเป็นเพื่อนซ้ำยังยืนจับมือตัวเองไว้ไม่ยอมปล่อย… บางทีก็ตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ ไม่รู้ว่าคนตัวสูงทำเพราะอะไรแต่มันโคตรทำให้คนที่แอบชอบเจ้าตัวอยู่รู้สึกเหมือนคุ้มค่ากับการมีชีวิตอยู่เพื่อแอบรัก
“อยากโทรไปคุยด้วยตลอดเลยแต่แม่ไม่ให้เล่นโทรศัพท์” สักพักเสียงจากดอนก็ดังขึ้นผมจึงหันไปเลิกคิ้วมอง
“…”
“แต่พอได้มาจับมือและยืนคุยอยู่หน้าห้องแบบนี้ก็คุ้มแล้วครับ”
“ดอน… ชอบพูดเหมือนคิดอะไรสักอย่างอยู่อะ” ผมเม้มปากบอกพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความเขินบวกกับรู้สึกแปลก ๆ ดอนมักพูดให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองตลอดเลย จะกระอักเลือดตายอยู่แล้วนะ
“ก็ผม-”
กริ๊งงงงง
เสียงออดหมดคาบเรียนดังขึ้น พวกเราสองคนจึงชะงัก ผมหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะผละมือออกจากคนตัวสูง ดอนมองมาที่ผมด้วยสายตานิ่ง ๆ พร้อมกับคุณครูที่เดินมาบอกให้เราเข้าไปรอเรียนคาบต่อไปได้แล้ว เพื่อนบางคนก็มีเดินออกมาจากห้องคงจะไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อน้ำดื่ม เห็นมีเพื่อนผู้หญิงบางคนมองดอนแปลก ๆ แถมยังยิ้มด้วย ก็ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ แต่ดอนกลับเอาแต่ยืนมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ จนผมเลิกคิ้ว ทำอะไรให้ดอนไม่สบายใจอีกรึเปล่า เห็นเช่นนั้นเลยต้องยิ้มให้…
“ขอบใจที่มายืนเป็นเพื่อนเรานะ ต่อไปไม่โกหกครูอีกแล้วนะ…”
“อื้ม… แต่ไม่ตกลงนะครับถ้าเห็นตัวเล็กโดนทำโทษ…” มือหนายกขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ ดอนไม่ได้แคร์สายตาคนอื่นเลยจริง ๆ นั่นทำให้ผมชะงัก แต่ไม่รอให้เอ่ยปากบอกเจ้าตัวก็เดินออกไปทันที คำพูดและการกระทำของดอนมันทำให้ผมใจสั่นขึ้นอีกแล้ว พอนึกถึงวันที่โดนดอนจุ๊บหน้าผากมันยิ่งทำให้ผมอยากจะเป็นลม ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าดอนก็มีใจให้ หรือดอนคิดจะทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังพองโต เหมือนว่ามีอะไรบางสิ่งกำลังเข้ามาเติมเต็ม…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E12 “จูงมือถือกระเป๋า”
“เฮ้อออ…” ตอนนี้เลิกเรียนมาได้สักพักแล้ว แต่ผมยังต้องทำความสะอาดห้องเรียนประจำต่อ เพราะวันนี้เป็นเวรทำความสะอาด จะไม่ทำก็กลัวโดนครูดุ อย่าลืมว่าวันนี้เพิ่งโดนทำโทษมาตั้งแต่คาบแรกเลย แถมเพื่อนยังพากันกลับหมดแล้วด้วย บอกว่ามันยังไม่สะอาดก็ไม่มีใครฟัง กลุ่มเวรไม่มีผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละครับ เลย์มันก็รีบกลับไปช่วยป้ามันขายของ ทำให้ผมต้องกลับบ้านช้าคนเดียวเลย… สีของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครามแล้ว คนในโรงเรียนก็เริ่มจะหาย ๆ กันไปหมด เหลือแต่พวกเล่นกีฬาอีกเหมือนเคย แต่นี่ผมจะกลับแล้วครับ กำลังเดินอ้อมไปด้านหลังตึกเพื่อจะเข้าห้องน้ำ
เเกร็ก...
กึก…
“เชี่ย...” ผมไม่ควรหลบเลย แต่ที่ต้องหลบเพราะคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำดันเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย นั่นทำให้เผลอสบถคำหยาบออกมาเบา ๆ แล้วหลบหลังพุ่มไม้ พี่มะม่วง!!! พี่มะม่วงคนดัง จะว่าไปผู้ชายคนเมื่อกี้ก็แฟนเธอ ตอนนี้ผมกำลังอึ้ง ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ในโรงเรียน มันไม่ควรเลยนะ แบบนี้ก็ได้เหรอห๊ะ!? หรือไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิด เขาอาจจะทำอย่างอื่นกันก็ได้ถูกป่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกันในเวลาหลังเลิกเรียนแบบนี้ หยุดคิดไปไกลเลยนะดัซ!
หมับ…
“อ๊ะ!” อยู่ดี ๆ ดันมีคนเอามือมาปิดปากไว้จากทางด้านหลังจนผมร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อื้อออ…” พยายามดิ้นจะหันไปมองคนด้านหลังจึงยอมปล่อย
“ตัวเล็กไม่ยอมมาดูผมเล่นบอล…” ก่อนจะรู้ว่าเป็นใครใบหน้าผมมันถึงกับแดงขึ้นทันที ดอนในสภาพเหงื่อท่วมตัว เสื้อก็ลอยชาย ไม่บอกก็รู้ว่าไปทำไรมา
“…”
“รู้ไหมว่ากลับบ้านช้าแบบนี้มันอันตรายนะ ให้ผมไปส่งดีกว่า…”
“เอ่อดอน… คือ”
“…” คนตัวสูงไม่ยอมฟังอะไรเลย มือหนาถอดกระเป๋าสะพายผมออกไปถือไว้ มืออีกข้างก็ลากมือผมไป ตอนแรกที่ปวดฉี่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ยอมรับว่าเขินที่ดอนเอามือมาสัมผัสที่ปากแถมยังถือกระเป๋าให้ กำลังตกใจเรื่องคนในห้องน้ำอยู่แท้ ๆ แผ่นหลังกว้างมองผ่านเสื้อนักเรียนสีขาวมีเหงื่อไหลซึมจนเห็นผิวหนัง มันทำให้ดอนดูเซ็กซี่มาก ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากจะถามว่าดอนจะลากผมไปไหนเนี่ย หัวใจเต้นตึกตัก ๆ จนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
“เรากลับเองได้นะ…” เอ่ยขึ้นจนคนตัวสูงต้องหยุดพร้อมหันมาขมวดคิ้ว
“สองคนเมื่อกี้เป็นคนไม่ดีนะครับ ตัวเล็กอย่าไปสนใจเลย…”
“…” สองคนเมื่อกี้เหรอ? ทำไมดอนถึงพูดแบบนี้ ใบหน้าคมขมวดคิ้วเหมือนกับตัวเองกำลังจริงจังเหมือนทุกครั้ง
“คะ คิ้วขมวดไปหมดแล้ว…” บอกพร้อมหันหน้าหลบสายตาคม
“แต่ผมจริงจังนะ ผู้หญิงเมื่อกี้เคยหลอกให้ดอนชอบด้วย” ดอนยังคงจับมือผมไว้แน่น หันมามองคนตัวสูงก็ทำหน้าเครียด ๆ คิ้วก็ขมวด แล้วทำไมต้องใช้ชื่อแทนคำเรียกตัวเองด้วย
คนบ้า!!!
“…”
“ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็นิสัยไม่ดี”
“…อืม เราไม่ได้สนใจสักหน่อย” ผมยอมตอบออกไปให้ดอนสบายใจ ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เถอะ แต่มันเป็นเรื่องของคนหน้าตาดีมีชื่อเสียงในโรงเรียนหนิ ผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก…
“งั้นกลับบ้านดีกว่าครับ”
“…” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อนอกเสียจากลดสายตาลงไปมองมือของตัวเองที่ถูกมือของดอนจับไว้ เหมือนฝันอยู่เลย เรื่องในวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มันทำให้ผมคิดว่าตัวเองฝันอยู่ มันเกิดขึ้นมาในชีวิตผมได้ยังไงก็ไม่รู้ ดอนจับมือเราหลายครั้งแล้วนะพักนี้ ชอบทำให้หัวใจเราจะระเบิดอยู่ได้
ตึกตัก…
“ดอน...”
“ครับ?” ตอบครับแต่ไม่ยอมหันมามอง ทำไมต้องตอบเสียงนุ่มด้วย... จิตใจคนที่แอบชอบอะ ถูกคนที่เราแอบชอบมาจับมือ มาพูดเพราะ ๆ ด้วย มันแปลกแต่ก็รู้สึกตื้นตันใจจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง มันมากเกินไปจนผมจะกลายเป็นหินแล้ว...
“นั่งก่อนไหม เหงื่อยังออกอยู่เลย ดอนเพิ่งเล่นบอลมานะ...” ได้ยินเจ้าตัวจึงได้หยุดแล้วหันมาเลิกคิ้ว ก่อนรอยยิ้มหล่อ ๆ ที่ทำให้แทบใจละลายก็ปรากฏขึ้นจนผมต้องหันหนีเพราะเขิน ร่างสูงเพียงตอบว่า “โอเคครับ...” ก่อนจะจูงมือผมเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใกล้ ๆ โรงจอดรถ ซึ่งอยู่หลังตึกอำนวยการ เรานั่งคนละฝั่งกัน และเหมือนจะหันหน้าไปทางอื่นด้วยกันทั้งคู่ เขินจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว มานั่งกับผู้ชายสองต่อสองหลังเลิกเรียน นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคงโดนด่าไปแล้วมั้ง
“นี่น้ำ... เราซื้อมายังไม่แกะ ว่าจะดื่มแต่ก็ลืม...” ผมดึงกระเป๋าตัวเองที่ดอนวางไว้บนโต๊ะมาหยิบเอาขวดน้ำดื่มสิบบาทที่ซื้อมาแกะพลาสติกออกแล้วยื่นให้คนที่นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ
“ขอบคุณครับ...” ใบหน้าคมยิ้มให้ก่อนจะยื่นมือมารับ แต่ที่ทำให้ผมชะงักคือดอนรับแต่จับถูกมือผมด้วยน่ะสิ ไม่ชินกับการถูกสัมผัสเลยจริง ๆ เห็นร่างสูงกระตุกยิ้มเหมือนจะขำจึงจำต้องหันหน้าหนี นี่จะเผลอทำตัวเด๋อตลอดเลยนะดัซ! ได้ยินเสียงดื่มน้ำลงคอดังอึก ๆ ก่อนจะเงียบไปตามด้วยเสียงวางขวดไว้บนโต๊ะ
“เหมือนฝันอยู่เลยครับ...”
“…” ได้ยินผมจึงหันไปเลิกคิ้ว เหมือนฝันเหรอ? เราไม่ใช่เหรอที่ควรพูดคำนี้ หรือดอนหมายถึงบรรยากาศใกล้ค่ำแบบนี้มันเหมือนกำลังฝันอยู่?
“วันนี้ผมเห็นเพื่อนผู้ชายในห้องแกล้งตัวเล็กด้วยนะ เขาทำแบบนั้นทำไม?” ประโยคต่อมาพร้อมน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจทำให้ผมเลิกคิ้ว วันนี้เหรอ... จะว่าไปไอ้พวกผู้ชายมันแย่งปากกาผมที่ตกไปถือไว้แถมยังยืดตัวขึ้นสูง ๆ ให้ผมแย่งไม่ได้ จริง ๆ มันไม่ได้จริงจังหรอก แต่ถ้าดอนมองมาไกล ๆ คงคิดว่าผมโกรธพวกนั้นสินะ
“อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอก”
“ถ้าเห็นแกล้งอีกผมจะเข้าไปห้ามเองเลยนะ”
“ดอน...”
“ทำไมอะครับ... ผมไม่ชอบคนที่ชอบแกล้งคนไม่มีทางสู้ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย...” บอกแต่หันหน้าหนีเหมือนหลบสายตาจนผมได้แต่มองเสี้ยวหน้าคมด้วยความรู้สึกไม่โอเค ผมไม่ชอบให้ดอนเข้าโหมดไม่พอใจกับอะไรบางอย่างเลย บางทีก็ดูจริงจังจนน่ากลัว...
“ยิ่งกับตัวเล็กผมยิ่งไม่ชอบ...” ดอนหันมามองผมเหมือนไม่ชอบจริง ๆ ที่มีคนแกล้ง สายตาจริงจังคู่นั้นทำให้ผมชะงักเม้มปากและหันหนี ดอนมักทำให้ผมมโนขึ้นมาว่าตัวเองสำคัญตลอดเลย ใจสั่นกี่ล้านรอบแล้วเนี่ย...
“อะ อื้ม... เราเข้าใจแล้ว”
“…” หลังจากนั้นเราทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันและเอาแต่หันไปมองรอบ ๆ ไม่รู้ดิครับ... มันไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่เป็นเพราะเขินเสียมากกว่าเลยไม่อยากถามอะไรออกไป แต่ก็ไม่อยากให้เงียบเลย คิดสิดัซว่าจะถามอะไรดี คิดสิคิด...
“ดอน/ตัวเล็ก...” เราสองคนดันหันมาเรียกพร้อมกันพอดีจนต่างคนต่างชะงัก ผมเผลอสบตากับดอนนานสองนานก่อนจะรีบหันหนี
ขวับ!
“หึ ๆ น่ารักจัง...”
“นะ น่ารักอะไรล่ะ!? ดะ ดอนจะถามอะไรเรารึเปล่า” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องแก้เขิน ไม่ยอมหันไปมองคนตัวสูงเลย ไม่งั้นคงเป็นลมแน่ ๆ
“เปล่า... เขาบอกว่าถ้าเรียกชื่อพร้อมกันแสดงว่าใจตรงกันใช่ไหม”
กึก...
“ดะ ดอนพอเลยนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ทำไมครับ? หืม...”
“ฮือออ... เลิกแกล้งเราได้แล้ว!” ยิ่งเด๋อ ๆ ทำตัวไม่ถูกด้วย
“ยิ่งแกล้งยิ่งน่ารักใครจะไม่อยากแกล้ง...”
“ดะ ดอนนน...”
________________________________________
ผ่านไปเกือบ 30 นาที~
“ตัวเล็กไม่กอดผมไว้เลย…” คนตัวสูงที่เดินมาถอดหมวกกันน็อกให้บ่นขึ้นเหมือนงอน
“หลังดอนเปียกเหงื่ออยู่นะ ตะ แต่เราไม่ได้รังเกียจนะ!” หันหน้าหนีด้วยความเขิน แค่นึกภาพตัวเองกอดดอนหน้ามันก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว นี่อุตส่าห์ให้นั่งพักแถมยังขับรถตากลมแต่หลังก็เปียกไม่แห้งสักที มันทำให้เห็นผิวด้านในแค่นี้ผมก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ถึงจะเคยกอดมาแล้วก็เถอะ ส่วนตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่หน้าบ้าน คนตัวสูงก็เอาแต่บ่นที่ผมไม่ยอมกอดเจ้าตัวตอนนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ ใครมันจะกล้ากอดล่ะ!!! ก่อนหน้าก็ทำให้หัวใจจะระเบิดอยู่แล้ว ขี้แกล้งจริง ๆ เลย! บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มมืดแล้วด้วย
“อ่า… ผมลืมไปเลยฮ่า ๆ แต่ตัวเล็กรู้ไหม…”
“…”
“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายเลย…”
“…” รู้สึก รู้สึกอะไรอะ? พูดต่อสิดอน คนตัวสูงไม่บอกอะไรต่อเลยนอกเสียจากยิ้มให้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ แค่นี้เหรอ มาส่งแค่นี้ก็จะกลับเลย คนบ้า! มีเสน่ห์จัง…
“อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งนะครับ ผมไม่ชอบให้ตัวเล็กโดนทำโทษ” ไม่ชอบ? ทำไมต้องไม่ชอบด้วย คงไม่อยากมายืนด้วยสินะ
“อื้ม... แต่ขอบใจดอนนะที่มาส่ง”
“ได้เสมอครับ… ตอนแรกเป็นห่วงที่ตัวเล็กกลับบ้านช้า แต่ต่อไปกลับบ้านช้าบ่อย ๆ ก็ดี”
“ทำไมอะ?” ผมทำหน้าสงสัย กลับบ้านช้าแม่ก็ต้องดุผมน่ะสิ
เฮ้อออ…
“ดอนจะได้กลับพร้อมตัวเล็กไงครับ…”
“…” ดะ ดอน!
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
ดอน ไม่ได้มาเล่นๆนะ
:L2: :pig4:
-
E13 “เหตุผลที่แอบชอบ”
“กลับมาเเล้วครับ~” ถอดรองเท้าแล้วผมจึงรีบเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับแม่ที่เดินออกมาจากห้องครัวพอดี ใบหน้าแบบนี้ต้องสวดแน่ ๆ
“วันนี้กลับบ้านช้ากว่าเดิมอีกนะเราเนี่ย สักพักก็จะมืดละ แอบไปทำอะไรมาอีกห๊ะ?” ว่าแล้วเชียว
“เอ่อ… วันนี้มีเวรต้องทำด้วยอะ แถมดัซยังไปดูเพื่อนเตะบอลด้วยเลยกลับช้า…”
“เฮ้อออ… เราเนี่ย ดูแต่คนอื่นเตะบอลเกือบทุกเย็น ทำไมไม่คิดจะออกกำลังกายบ้าง ตัวเล็กมากเลยนะดัซ… แม่คิดละว่าถ้าดัซกลับช้าจนมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้ แถมยังตัวเล็ก ๆ แบบนี้ เกิดมีคนมาทำร้ายจะทำไงห๊ะ?”
“แม่คิดมากอีกแล้วนะ ใครจะมาทำอะไรดัซอะ ทำงานหนักมาใช่ไหมวันนี้?”
“เดี๋ยวเหอะ… แม่คิดละว่าคงต้องหาใครสักคนชวนเราไปออกกำลังกายบ้าง ตัวเล็กแบบนี้จะมีเรี่ยวแรงได้ไง แล้วคนที่เราแอบชอบที่ชื่อดอน ไม่ขอเขาให้พาไปเล่นบอลด้วยกัน เอ๊ะ… หรือที่กลับช้าเพราะอยู่กับเขา?”
“ปะ เปล่านะแม่! อีกอย่างดัซก็ไม่ได้อ่อนแอไหมอะ…”
“ยังจะเถียงอีก ดูมีพิรุธนะดัซ… ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วลงมาทานข้าวด่วน แม่ซื้อของอร่อย ๆ มาด้วย เริ่มจะโมโหหิวแล้วนะรอคนกลับบ้านช้ามาทานข้าวด้วยกันเนี่ย…”
“แงงง… รู้แล้วค้าบบบ…” ผมตอบก่อนจะรีบขึ้นไปบนห้อง แต่ก็นะ คนที่เห็นผมวิ่งขึ้นบันไดก็บ่นตามมาอีกเหมือนเคย แม่ก็เป็นแบบนี้แหละ ผมรักแม่มาก ๆ นะ แม่เองก็รักผมมาก ๆ อยู่สองคนก็มีความสุขดีแล้ว ที่บ่น ๆ ก็เพราะว่าเป็นห่วงเท่านั้นเอง… วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะทำการบ้านก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที พอได้อาบน้ำแล้วชีวิตก็เหมือนจะสดชื่นขึ้นทันทีเลย แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ผมจะเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นในการแอบชอบของผมให้ฟังนะครับในระหว่างนี้ จะบอกว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน เพราะทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้น…
“…” ตอนนั้นจำได้ว่าผมไปเห็นดอนที่ห้างแห่งหนึ่ง รู้แหละว่าเพื่อนร่วมสายชั้นคนนี้ค่อนข้างหน้าตาดีและมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ดอนไม่ได้มีดีแค่หน้าตาน่ะสิ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเลยคือจิตใจของเขา จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ม.4 เทอม 2 เห็นไหมว่าผมแอบชอบคนคนนี้มานานแค่ไหนแล้ว ได้ปีกว่า ๆ แล้วมั้ง
“ให้ผมช่วยนะครับ…” ใบหน้าหล่อดูยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยถือของคนแก่ข้ามถนน มันเป็นภาพที่ผมรู้สึกอบอุ่นใจมาก ๆ เลย หล่อแล้วยังนิสัยดีอีก หลังจากนั้นรู้สึกตัวอีกทีผมก็แอบชอบเจ้าตัวมาจนถึงปัจจุบันนี้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ ดอนจะเข้าหาผมเฉยเลย ถึงจะยังไม่รู้จุดประสงค์ของดอนเองก็เถอะ แต่ที่เล่ามามันคืดจุดที่ทำให้ผมมองร่างสูงเปลี่ยนไป จากแค่เพื่อนร่วมสายชั้นหน้าตาดี กลายมาเป็นคนดีที่ผมตกหลุมรัก…
‘หวังว่าดอนจะไม่เข้ามาทำให้เราเสียใจนะ…’ พออาบน้ำเปลี่ยนชุดอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้รีบเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อกินข้าวเย็นกับแม่
“แม่ครับ… ดัซต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียน ต้องนอนค้างคืนด้วย รายละเอียดค่ายครูเขาบอกว่าจะแจ้งพรุ่งนี้” ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ในห้องครัว
“เข้าวันไหนกลับวันไหน แม่เป็นห่วง...”
“เสาร์อาทิตย์นี้ครับ” คงไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากมายหรอกมั้ง ก็แค่ค่ายสันบวกติว
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นักเรียนมอห้าไปกันทุกคนเลย เลิกมองว่าดัซเด็กได้แล้ววว…” กลัวแม่จะไม่ให้ผมไปเหมือนค่ายที่ผ่านมา แต่ครั้งนั้นผมเองก็ไม่สบายด้วยแหละ ดันทุรังจะไปให้ได้แต่สุดท้ายแม่ก็ห้ามขั้นเด็ดขาดทั้ง ๆ ที่โรงเรียนมันก็ใกล้แค่นี้เองอะ
“รู้แล้ว… ยังไงแม่ก็เป็นห่วงเราตลอดเวลานั่นแหละ จะเก่งมากแค่ไหนแม่ก็เป็นห่วงจำไว้ ทานข้าวได้แล้ว…”
“ค้าบ~” จากนั้นก็นั่งกินข้าวกันต่อ ผมเองไม่รู้จะถามอะไรต่อแล้วครับ เพราะแม่เหมือนเหนื่อยมาจากที่ทำงานจริง ๆ ด้วย เห็นทำหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เข้ามาในบ้านแล้วนะ
________________________________________
เกือบ 30 นาทีผ่านไป~
“…” ตาผมมองขึ้นไปยังเพดานห้อง พยายามคิดว่าทำไมดอนถึงได้เป็นคนที่ใจดีแบบนี้ พูดจาก็เพราะ เป็นผู้ชายในอุดมคติของใครหลาย ๆ คนเลย ทุกครั้งที่ผมไปดูดอนเล่นบอลก็จะชอบหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดด้วยว่าวันนั้นดอนทำอะไรบ้าง (จริงจังมาก) แต่ละอย่างมันแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเป็นคนที่มีจิตใจดีมากแค่ไหน แบ่งน้ำให้เพื่อน ช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ถึงทุกคนจะทำก็เถอะ… แต่สำหรับคนที่ผมแอบชอบมันทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เลยนะครับ ใครจะรู้สึกดีที่เห็นคนที่แอบชอบทำเรื่องเลว ๆ ล่ะ? เห็นผมเล่าแต่เรื่องดี ๆ ของดอนแล้วก็ไม่ใช่ว่าคนตัวสูงจะดีแบบเว่อร์ ๆ หรอกนะ ยังไงดอนก็วัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่ง เจ้าตัวจะอายุ 18 แล้วอีกไม่กี่สัปดาห์เอง ส่วนผมอีกสองสามเดือนเลย ต้องมีทำเรื่องไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาจังเลย ประสบการณ์แอบชอบใครสักคนก่อนจะมาถึงวันนี้
“หน้ามึงจะตึงไปไหน?” เสียงเลย์มันดังขึ้นในขณะที่ผมตอนนี้ตัวเกร็งต้องแอบทำเป็นหน้านิ่ง ๆ โอ๊ยยยยยย… ก็เดินผ่านคนที่แอบชอบก็ต้องเปลี่ยนใบหน้าเป็นนิ่ง ๆ ป่ะ
“…” ตอนนั้นยังแอบขำตัวเองเลยทำไมต้องแอบทำหน้าเหมือนกับไม่ได้รู้สึกอะไรทั้ง ๆ ที่หัวใจมันเต้นตึก ๆ ตัก ๆ แทบจะระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟอยู่ละ แต่พอคนตัวสูงเดินผ่านไป ถึงได้รีบวิ่งเข้าห้องแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที ส่วนเลย์มันได้แต่ทำหน้างงแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ
อีกเรื่องคือดอนชอบช่วยงานโรงเรียนมาก ๆ เลยครับ ผมนี่ก็ตัวดีเลยแหละ ไปแอบดูอยู่ทุกจุดทุกมุม พยายามแอบส่องเขาอยู่นั่นแหละ จนบางทีมันก็เหมือนคนโรคจิตดี ๆ นี่เอง แต่ก็นะ… แค่เราเห็นเขายิ้ม แค่นี้เราก็มีความสุขแล้วใช่ไหมล่ะ คนที่แอบชอบอย่างเรา ๆ จะทำอะไรได้มากไปกว่าการมีความสุขที่เห็นเขายิ้ม ร่างกายสูงสมส่วนของนักกีฬายกโต๊ะเก้าอี้เข้า ๆ ออก ๆ จากหอประชุมเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย เพื่อนของดอนก็เหมือนกันนะ ผมเห็นมีอีกสองคนที่สนิทกับดอนมาก ๆ ไปไหนด้วยกันตลอด คงเป็นคนที่ชื่อเจ๋งและกั้งมั้ง อยากจะวิ่งไปซื้อน้ำแล้วขว้างไปให้ก่อนจะวิ่งหนีสักครั้ง แต่จะทำตัวกระดี๊กระด๊าแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ เห็นผมแบบนี้พอเจอสถานการณ์จริงนี่ยืนเอ๋อแดกเลยนะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะก้มหน้าไม่ก็เดินไปซุกหลังไอ้เลย์ ไม่มีที่ไว้จริง ๆ หน้ามันคงร้อนจนแทบจะระเบิดแน่ ๆ
ณ ห้องสมุด ตอนนั้นก่อนสอบปลายภาคเทอมสุดท้ายของ ม.4 ผมเองไม่ค่อยได้เห็นดอนเลย ตามจริงก็แอบสงสัยนะว่าบ้านดอนอยู่ตรงไหน แล้วกลับบ้านไปคนตัวสูงเขาจะทำอะไรบ้าง ดอนเหมือนยุ่งอยู่บ่อย ๆ อะ หนังสือทุกเล่มที่ดอนยืม ผมนี่ยืมต่อแทบจะทุกเล่มเลย อ่านมันจนหมด ฮ่า ๆ ๆ มีช่วงหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ ยกหนังสือขึ้นมาปิดหน้าไว้เพราะตั้งหลักเตรียมที่จะเลื่อนมันลงมาแอบมองคนที่นั่งติวหนังสือให้เพื่อนอยู่ แต่พอเอาลงกลับเป็นดอนที่เดินมาหยิบหนังสือที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผมตกใจถึงขั้นหงายหลังเก้าอี้ล้มเลยครับ เสียงดังลั่นห้องสมุดที่มันเงียบ ๆ จนคนพากันหันมามอง รีบดันตัวลุกยกเก้าอี้ขึ้นหันหน้าหนีแล้ววิ่งออกจากห้องสมุดทันที ต้องใช่แน่ ๆ ผมต้องเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ ถึงเรื่องในปัจจุบันมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม…
“อย่างน้อยเราก็เคยผ่านโมเมนต์แบบนั้นมาแล้วสินะ…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E14 “ดอนผู้บุกรุก”
วันศุกร์~
เวลา 20:25 น.
ในที่สุดวันนี้ก็วันศุกร์แล้ว… เมื่อวานหลังจากที่ดอนบอกผมว่าให้กลับช้า ๆ เพื่อจะได้กลับพร้อมกัน แต่ทั้งวันผมก็ไม่ได้เข้าใกล้คนตัวสูงอีกเลย อาจจะมีสบตากันบ้างนิดหน่อย อีกอย่างดอนก็เหมือนจะยุ่ง ๆ ด้วย ผมเลยคิดว่าบางทีเราก็น่าจะลองเดินออกมาบ้าง อย่าพยายามเข้าใกล้เขาให้มากกว่านี้จะดีกว่า เพราะเมื่อวานก่อนกลับดอนก็ทำให้หัวใจผมแทบจะแตกสลายอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เพราะมันสั่นระรัวจนตัวจะแตก วันนี้เลยได้รีบกลับตั้งแต่ออดหมดเรียนคาบบ่าย เลย์มันยังงง ๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเวลาหลังเลิกเรียนอันมีค่าของมันก็ต้องไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ เพราะเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง
“หยุดคิดถึงเขาได้แล้วดัซ…” ได้แต่บ่นตัวเองออกมาเบา ๆ ตอนนี้กำลังยัดของใส่กระเป๋าอยู่เพราะพรุ่งนี้จะต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียน จัดเสร็จก็เอากระเป๋าไปวางไว้ก่อนจะขึ้นไปบนที่นอน พรุ่งนี้ต้องใส่ชุดพละไปโรงเรียน เพราะตอนประชุมเพิ่มเติมวันนี้ครูหัวหน้าสายชั้นเธอได้แจ้งแล้ว วันนี้ผมไม่มีการบ้านด้วย ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยจริง ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลารอให้ตัวเองง่วงดีกว่า แต่กลับต้องชะงักตาสว่างเพราะเห็นข้อความในแชตเฟซบุ๊กที่ยังไม่กดเข้าไปอ่านส่งมาจากดอน ผมจึงรีบกดเข้าไปอ่านทันที
เมื่อเวลา 18:10 น.
Until Dawn: ไม่รอผม
Until Dawn: วันนี้เลยไม่ได้คุยกับตัวเล็กเลย
“…” หลังอ่านข้อความที่ส่งมาได้ตั้งนานแล้วแต่ผมเพิ่งเห็นถึงกับทำให้รู้สึกผิดขึ้นทันที จะว่าไปผมยังไม่บอกดอนไว้เลยว่าจะกลับก่อน ดอนจะงอนผมรึเปล่า คิดคำตอบไว้ในใจก่อนจะรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
Dusk Aussadong: เราขอโทษวันนี้รีบนิดหน่อยอะ
Until Dawn: จะร้องไห้แล้วนะครับ
“ดอนนน…” จะร้องไห้อะไรล่ะ! อ่านแล้วตอบกลับเร็วอีกซะด้วย อย่าทำให้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ไหม ฮืออออ… แค่คิดว่าอยากจะลองถอยออกมาบ้าง แต่กลับต้องรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก ฮือออ…
Dusk Aussadong: เราขอโทษจริง ๆ แงงง
Until Dawn: วันนี้มีเรื่องให้เหนื่อยมาก ๆ เลยนะครับ กะว่าจะคุยกับตัวเล็กให้หายเหนื่อยสักหน่อย
Dusk Aussadong: ฮืออออ… ดอนโกรธเราใช่ไหมอะ งั้นโทรมาคุยได้ไหม
Until Dawn: พิมพ์มาขนาดนี้แล้วคงโกรธไม่ลงแล้ว แต่ไม่คุยแบบไม่เห็นหน้าหรอก เดี๋ยวรอผมแป๊บนะครับ
“ห๊ะ?” หลังอ่านข้อความตอบกลับจากดอนผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่ดอนส่งมาเลยอะ หมายถึงรอคุยในแชตเหรอ?
ก๊อก ๆ
กึก…
“ตัวเล็ก…” เสียงเคาะพร้อมเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นจากประตูกระจกตรงระเบียงห้องนั่นทำให้ชะงักแบบสุด ๆ เดี๋ยวนะครับ! ตั้งสติได้จึงรีบลุกลงไปจากเตียงนอนตรงไปเปิดผ้าม่านออก ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเป็นคนตัวสูงยืนยิ้มให้ผมอยู่ในชุดนักกีฬา แถมในมือยังถือกระเป๋าเป้อีกซะด้วย
“ดะ ดอนมาได้ไง?” ผมเปิดประตูให้พร้อมกับถามด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจแบบสุด ๆ
“ขับรถมาครับ” คนตัวสูงตอบพร้อมระบายยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แถมเจ้าตัวยังทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่เดี๋ยวนะ… รอยแผลที่มุมปาก
“ขอโทษที่บุกรุกนะครับ ตัวเล็กโกรธผมรึเปล่า?”
“เราตกใจอะ… แต่ปากไปโดนอะไรมาทำไมถึงมีแผล?” ผมถามด้วยสีหน้าแอบจริงจังเล็กน้อย ถึงจะตกใจที่ดอนปีนขึ้นมา แต่ก็แอบตกใจที่มุมปากของเจ้าตัวมีรอยแผลเหมือนมีเรื่องชกต่อยกับใครหรือเพราะอุบัติเหตุจากการปีนขึ้นมา!?
“ขอโทษจริง ๆ นะครับ แต่ผมอยากคุยกับตัวเล็กหนิ… ส่วนนี่มีเรื่องนิดหน่อย…” ดอนพูดพลางเดินเข้ามาในห้องก่อนผมจะปิดประตู… เอาแต่ยืนมองคนที่มองมาที่ผมแถมยังยิ้มให้ไม่หยุด หน้าเริ่มแดงเพราะเขินอีกละ แต่ดีนะที่ห้องไม่รก ไม่งั้นผมคงอายมากแน่ ๆ
“รู้ว่ามันเข้าข่ายบุกรุก แต่ผมไม่มีที่ไปจริง ๆ จะไปบ้านเพื่อนก็รู้สึกไปบ่อยแล้วจนคิดว่ามาหาตัวเล็กเสียยังดีกว่า อย่าแจ้งข้อหาบุกรุกเลยนะครับ…”
“ระ เราจะแจ้งทำไมล่ะ แต่ดอนอย่าไปทำแบบนี้ที่อื่นก็แล้วกัน… ถึงห้องเราก็ไม่ควร ไม่ใช่แค่เพราะอาจโดนแจ้งข้อหาบุกรุก แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำไงอะ…” บอกด้วยสีหน้าจริงจังจนใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้าง ฮืออออ… หล่อแล้วยังขี้อ่อยอีก ถ้าไปยิ้มให้คนอื่นเห็นผมคงต้องอิจฉาแน่ ๆ เลย เราสองจ้องตากันก่อนผมจะรีบหันหนีคนตัวสูงเพราะความเขิน
“หนีผม…”
“…” ดอนเปลี่ยนสีหน้าเป็นงอนขึ้นเล็กน้อยจนผมต้องหันไปเลิกคิ้วมอง
“อุตส่าห์เตรียมหมวกกันน็อคอันใหม่ไปด้วยเมื่อเช้า…”
“ฮืออ… เราขอโทษ…” ผมเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้างุด ก็คิดว่าดอนคงจะไม่สนใจอะไรผมแล้วหนิ คิดว่าคงเป็นแค่บางครั้งเท่านั้นแหละที่ดอนจะเข้ามาหา ไม่คิดว่าจะจู่โจมขนาดนี้
“ผมไม่โกรธตัวเล็กหรอก แค่เห็นหน้าก็มีความสุขแล้ว… ผมวางตรงนี้ได้ไหมครับ?”
“อะ อื้ม…” ตอบก่อนที่คนตัวสูงจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะทำการบ้าน แต่ทำไมประโยคแต่ละประโยคถึงได้ทำให้หน้าผมขึ้นสีแบบนี้ ถ้าลอยได้คงลอยไปนานแล้ว ดอนอะ!
“จะเป็นไรไหมถ้าดอนจะขอนอนกับตัวเล็กคืนนี้” คนตัวสูงหันมายิ้มให้เหมือนเขิน ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหัว
“…” ส่วนผมตอนนี้เหรอ ตายไปแล้วครับ ลาก่อน…
“ตัวเล็ก…”
“…” ตายไปกับความเขินแล้ว
หมับ…
“อ๊ะ…” อยู่ดี ๆ ดอนกลับเดินมาดึงเอวผมเข้าไปใกล้ ๆ จนต้องยกมือขึ้นดันร่างสูงไว้ ดอนจะทำอะไรเนี่ย หัวใจผมสั่นไปหมดแล้วนะ
“ดอนไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ มันทำให้ตัวเล็กกลัวเหรอครับ?” คนที่กอดเอวผมไว้ขมวดคิ้วถาม
“ระ เราอื้ม… รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย อึดอัด… ดอนปล่อยก่อนได้ไหม…” ผมพยายามหลบสายตาคมเพราะรู้สึกเหมือนหัวใจมันจะระเบิดอยู่แล้ว ดอนเองจึงได้ยอมปล่อย ตัวก็สูง แรงก็เยอะ ถ้าดอนทำอะไรผมขึ้นมาผมต้องแย่แน่ ๆ แต่ผมเชื่อใจครับว่าดอนเป็นคนดี
“ตัวเล็กไม่ชอบผมเหรอ?” เอาอีกแล้ว ดอนทำหน้าเหมือนเครียด ๆ อีกแล้ว คิ้วดกขมวดเข้าหากันยังดูหล่อ แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยชอบที่ดอนทำหน้าแบบนี้
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นนะ…”
“…” บอกไปแล้วแต่ใบหน้าคมกลับยังตีสีหน้าเครียด รอยแผลที่มุมปากยังไม่ทำมาเลยมั้ง
“ดอนอย่าทำหน้าเหมือนกำลังเครียด ๆ ได้ไหม คือเรา เอ่อ… รู้สึกไม่สบายใจเลยที่ดอนทำหน้าแบบนั้น” ได้ยินผมบอกดอนจึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ เราสองคนสบตากันไม่กะพริบ ในห้องดูเงียบขึ้นจนแทบได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นตุบ ๆ แน่นอนว่ามันต้องทำให้ผมหันหน้าหนีคนตรงหน้าอีกเหมือนเคย… จินตนาการคนที่แอบชอบแอบมาเคาะกระจกระเบียงแล้วเข้ามาในห้องสิครับ ตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องนอนของเราแล้วนะ จะไม่ให้รู้สึกเขินแบบแปลก ๆ ได้ยังไงกัน…
“บอกผมได้ไหม… ว่าตัวเล็กคิดอะไรกับผมอยู่?”
“…”
ตึกตัก ๆ
“ถ้ามันไม่เหมือนกับที่ผมคิด ผมจะไม่เข้ามายุ่งอีกเลย” ใบหน้าหล่อดูจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หัวใจผมตอนนี้เต้นตุบ ๆ ตับ ๆ จนอยากจะเป็นลม ถ้าหากสิ่งที่ดอนคิดไม่เหมือนกับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ล่ะ ดอนจะไม่เข้ามายุ่งกับผมอีกแล้วจริง ๆ ใช่ไหม
“ตอบดอนได้ไหม?” ดอนถามย้ำ ผมตอนนี้รู้สึกกลัวไปหมดเลย ได้แต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เพราะกำลังรวบรวมความกล้าและสติของตัวเอง จำไว้ดัซ… เคยมีคนบอกว่าถ้าหากชอบใครสักคนถึงแม้เรื่องของสองเราจะไม่มีทางเป็นไปได้แต่การได้บอกชอบไปมันก็คุ้มแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยชีวิตหนึ่งคนคนนั้นเขาก็ได้รู้ความจริงจากใจของเราไปเลย เราส่งไปถึงเขาแล้วเขาไม่รับมันก็ไม่เป็นไรไม่ใช่รึไง?
“เราขอโทษ…” ขอเอ่ยคำขอโทษไว้ก่อน
“…”
“แต่เราแอบชอบดอน...” ผมตอบเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกำมัดไว้แน่น เราเพิ่งเอ่ยความในใจออกไปใช่ไหมดัซ?
“เราขอโทษ… แต่ถ้าดอนจะไม่มายุ่งกับเราอีกก็ไม่-”
หมับ…
“…” มือหนาคว้าร่างผมไปสวมกอดจนใบหน้าผมซบเข้าที่อกอุ่น ๆ ซ้ำดอนยังกอดไว้แน่นจนทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว เรือนร่างแนบชิดติดกันแบบนี้จนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน มันรู้สึกดีจริง ๆ อบอุ่น… นุ่มนวล… ชวนให้ผมเผลอยกมือขึ้นไปสวมกอดร่างสูงกลับ
ตึกตัก…
“งั้นผมขอเข้าไปยุ่งกับตัวเล็กต่อนะครับ…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E15 “ดัซจะเป็นลม”
ผ่านไปเกือบ 30 นาที~
ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมตอนนี้ บนเตียงนุ่ม ๆ กำลังมีอีกคนนอนอยู่ข้าง ๆ เว้นระยะห่างอยู่พอสมควร ใช่แล้ว… ตอนนี้ดอนกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ ผม แสงไฟในห้องยังคงถูกเปิดสว่างจ้าทำให้เห็นเราทั้งสองได้อย่างชัดเจน กลัวอย่างเดียวก็แต่แม่จะมาเคาะห้องนี่แหละ จะอธิบายยังไงให้ฟังดี ปกติจะทำอะไรต้องบอกแม่ก่อนตลอด แล้วนี่แม่รู้แล้วด้วยว่าผมแอบชอบผู้ชายคนนี้ จะดูแย่ไปไหม… เหมือนพาผู้ชายแอบขึ้นบ้านงี้เหรอ? แต่เราเป็นผู้ชายนะดัซ!
“ทำไมตัวเล็กถึงแอบชอบผมอะครับ?” เสียงทุ้มดังขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมกำลังนอนกุมมือไว้ที่หน้าอกพร้อมตัวที่เกร็งเล็กน้อย ตามองขึ้นไปบนเพดาน ส่วนร่างสูงนอนใช้มือก่ายหน้าผาก จะว่าไปยังไม่ทำแผลให้เจ้าตัวเลย
“เอ่อ… คือเราก็ไม่รู้อะ คงเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่แอบชอบดอนมั้ง” จะให้บอกไปว่าแอบชอบเพราะดอนเป็นคนดีแบบนี้เหรอ มันก็ดูเหมือนโกหก พอได้รับคำตอบคนตัวสูงกลับรีบลุกขึ้นนั่งหันมามองหน้าทันที เห็นอย่างนั้นผมจึงเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร แต่ด้วยความที่เหมือนตัวเองจะถูกคร่อมหน้ามันเลยเผลอแดงก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง ถึงจะรู้ว่าดอนจะไม่มีทางทำนิสัยแบบนั้นก็ตาม…
“ผมไม่อยากให้ตัวเล็กคิดเหมือนคนอื่นที่แอบชอบผมเลยนะ”
“…” ดอนแสดงสีหน้าเหมือนไม่โอเคเพราะเหตุผลที่ผมชอบเจ้าตัวมันเหมือนกับคนอื่น ได้ยินจึงขมวดคิ้ว ทำไมอะ… จริง ๆ ก็ไม่ได้เหมือนสักหน่อย
“เฮ้อ… ทำไมถึงน่ารักแบบนี้...” อยู่ดี ๆ ดอนกลับชมออกมาเฉยเลย ตาคมคู่นั้นเอาแต่มองหน้าผมอยู่นิ่ง ๆ ซ้ำผ่านไปสักพักยังจะยกมือขึ้นมาเหมือนจะสัมผัสที่ใบหน้าจนผมชะงักหลับตาปี๋พร้อมหันหนี ใครจะไม่ตกใจอะ หน้าที่แดงมาตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้วมันยิ่งแดงขึ้นไปอีก ดอนจะสัมผัสใบหน้าเราเหรอ!? สุดท้ายเลยได้แต่หลับตาปี๋หันหน้าหนีอยู่นานสองนาน ไม่เห็นร่างสูงจับสักทีจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เห็นใบหน้าคมกระตุกยิ้มเหมือนจะหัวเราะผมจึงเม้มปาก
“ดอนอะ…”
“ฮ่า ๆ ๆ กลัวผมเหรอครับ?”
“ปะ เปล่านะ… เราว่าเราทำแผลให้ดอนก่อนดีกว่า” ผมบอกก่อนจะรีบลุกหนีความเขินลงไปจากเตียงนอน กล่องพยาบาลอยู่ในห้องครัว ผมต้องลงไปเอา ปกติเวลานี้ถ้าแม่ไม่ทำงานที่ห้องก็น่าจะนอนแล้ว ส่วนนมน่ะเหรอ บอกท่านแม่ไปแล้วว่าไม่ต้องเอาขึ้นมาให้ดื่ม แต่จะพยายามดื่มเอง
“ดอนรออยู่ที่นี่นะ… เดี๋ยวเราลงไปเอากล่องพยาบาลแป๊บ…”
“จริง ๆ ไม่ต้อง-”
“อย่าดื้อได้ไหม ถ้าไม่ทำรอยช้ำมันก็จะหายช้านะ อีกอย่างมันแตกเลยนะน่ะ ถ้าอักเสบมาจะทำไง…”
“…” ผมเผลอเดินเข้าไปใกล้ ๆ คนที่นั่งอยู่บนขอบเตียง ตาก็จ้องมุมปากของเจ้าตัว ปากก็อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ร่างสูงทำหน้าเหมือนอึ้งไปนิด ๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มชอบใจจนผมต้องรีบหันหน้าหนี อีกแล้วนะดัซ… เผลอเป็นห่วงออกหน้าออกตาอีกแล้ว!
“หึ ๆ ก็ได้ครับ… ไม่ดื้อก็ได้”
“ดะ เดี๋ยวเรามานะ…” รีบบอกปัดเพราะเขินก่อนจะค่อย ๆ ตรงไปเปิดประตูแล้วปิดเบา ๆ ดอนชอบทำให้ใจสั่นตลอดเลย กระตุกยิ้มทีหัวใจผมแทบจะแตกสลายกลายเป็นผง เดินลงไปเอากล่องพยาบาลขึ้นมาเบา ๆ จนในที่สุดก็เข้ามาในห้องแล้วล็อกประตู คนตัวสูงที่กำลังยืนดูอะไรสักอย่างใกล้ ๆ โต๊ะทำการบ้านจึงหันมามอง
“มีรูปผมติดอยู่ตรงนี่ด้วย…”
“ดะ ดอน!” ได้ยินผมถึงกับรีบวางกล่องพยาบาลตรงไปหาคนที่ยืนชี้รูปของตัวเองด้วยใบหน้าเหมือนสงสัย ต่างกับผมที่ชะงักจนต้องรีบเดินไปขวางเจ้าตัวไม่ให้เห็นอะไรไปมากกว่านั้น รีบเลื่อนหนังสือไปบังรูปต่าง ๆ ของดอนที่ผมแอบปริ้นท์มาติดไว้ทันที
“…” หัวใจเต้นตุบ ๆ หยุดยืนหันหลังให้คนตัวสูง ตาก็เอาแต่มองสำรวจบริเวณโต๊ะของตัวเองว่าไม่มีอะไรน่าอายให้ดอนเห็นอีกแล้วใช่ไหม ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกว่าคนตัวโตกำลังขยับมายืนซ้อนหลังอยู่ในระยะประชิด ผมค่อย ๆ เอี้ยวหน้าไปมองยิ่งต้องชะงักเมื่อตัวเองอยู่ใกล้ดอนมากเกินไป แต่ตาของเจ้าตัวกลับไม่สนใจผมแถมเอาแต่มองสำรวจโต๊ะ
“ดะ ดอนหยุดเลยนะ!” จึงได้รีบหันมาดันร่างสูงออกห่างทันที ใบหน้าคมเลิกคิ้วเหมือนสงสัย ส่วนผมได้แต่เม้มปากมองเจ้าตัวด้วยใบหน้าขัดเขิน
“นั่งลงเลย… เราจะทำแผลให้แล้ว” พยายามเปลี่ยนเรื่องให้เจ้าตัวนั่งลงบนขอบเตียงนอนก่อนจะเดินไปเอากล่องพยาบาลมาจัดการทำแผล ในระหว่างที่ทำก็อุตส่าห์ตั้งใจ แต่พอเห็นสายตาดอนที่มองมาไม่หยุดมันก็ทำให้เกร็งเหมือนกันนะ ดอนจะมองอะไรไม่กะพริบตาซะขนาดนั้น จะทำให้ผมเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วเนี่ย…
“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกนิ่ง ๆ พร้อมมือหนาเลื่อนมาจับมือผมออกจากการทำแผล ตาคมมองมาไม่กะพริบ และสิ่งที่ทำให้ผมชะงักไปมากกว่าการที่เจ้าตัวจับมือคืออยู่ดี ๆ ใบหน้าคมกลับขยับเข้าหาแล้วเลื่อนลงมาใกล้ ๆ จนในที่สุดริมฝีปากของเราสัมผัสกัน
ตึกตัก…
‘ระ เราตายไปแล้วรึยัง…’
ตึกตัก…
‘อยู่ในฝันอยู่เหรอ?’ ได้แต่ถามตัวเองในใจเบา ๆ ก่อนใบหน้าหล่อจะผละออกมายิ้มให้จาง ๆ ส่วนผมเหรอ เหมือนชะงักจนหัวใจมันหยุดเต้นไปแล้ว ดะ ดอนจูบเรา? สัมผัสเมื่อกี้มัน…
“ทำต่อสิครับ…” เสียงทุ้มเอ่ยบอกทำให้ผมต้องออกจากภวังค์ รู้แค่ว่าตัวเองเขินจนไม่กล้าพูดอะไรกับคนตรงหน้า ได้แต่พยายามทำแผลให้พร้อมกับมือที่สั่นไปหมดแล้ว กว่าจะปิดปลาสเตอร์เสร็จก็แทบจะเป็นลม ผมลุกขึ้นเอาของที่ใช้แล้วไปทิ้งก่อนจะวางกล่องพยาบาลไว้ ยืนหันหลังทำใจอยู่อย่างงั้นไม่กล้าหันไปมองเจ้าตัว…
“ผมว่านอนดีกว่า นอนดึกไม่ดีนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจึงได้หันไปมอง ดอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ดะ ดอนจะนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ?”
“ตัวเล็กไม่อยากให้ผมนอนเหรอครับ?”
“เปล่านะ… แต่เราแค่ไม่ชิน”
“…” อย่ามาทำเป็นขมวดคิ้วใส่นะ! ดอนอะ… ทำไมชอบทำให้ผมใจสั่น คนบ้าทำอะไรก็ดูดีไปหมด แล้วอย่าลืมว่าผมสารภาพว่าชอบเจ้าตัวไปแล้วด้วย อีกอย่างคือจูบอะ… จูบเมื่อกี้อะดอน!!!
“งั้นดอนนอนบนเตียงเดี๋ยวเรานอนข้างล่างเอง…” จะไม่ให้ดอนนอนก็ดูแย่เกินไป ผมจึงบอกก่อนจะเดินไปหยิบผ้ามาปูข้าง ๆ เตียงนอนโดยมีดอนมองตามอยู่ตลอด ผมจัดการสลับผ้าห่มของตัวเองกับอันใหม่ให้คนบนเตียง
“นอนด้วยกันไม่ได้เหรอครับ?” คนตัวสูงเลิกคิ้วถาม
“มะ ไม่ได้...” รีบหันไปตอบอย่างรวดเร็ว ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าให้นอนกับดอนผมต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ แค่ความเขินเมื่อกี้ก็มากพอแล้ว
“งั้นเดี๋ยวผมนอนข้างล่างเอง…” ร่างสูงพูดพร้อมทำท่าจะลุกขึ้น
“มะ ไม่ต้อง! ดอนเป็นแขกดอนต้องนอนบนเตียง” ถ้าจะให้คนที่เข้ามาในบ้านนอนในที่ที่ไม่สบาย มันก็ยังไง ๆ อยู่ ถึงในกรณีของดอนจะเป็นฝ่ายบุกรุกก็เถอะ
“สรุปผมเป็นแขกหรือเป็นคนที่ตัวเล็กแอบชอบ?”
กึก…
“…” หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ… คนคนนี้รู้แล้วว่าเราแอบชอบ เราบอกไปแล้ว… พอรู้แล้วเอาใหญ่เลยนะ ตอนนี้ตัวแทบระเบิดอยู่แล้ว มันร้อนไปหมดแล้ว คนบ้า!!!
“ดอนนอนข้างบนนั่นแหละ…” เปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วมานอน แสงจากผ้าม่านอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามา คืนนี้เหมือนเป็นความฝันจริง ๆ ครับ ไม่คิดเลย ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา มันเพราะอะไรกัน? เพราะดวงที่ดูจากการนับไม้จิ้มฟันเหรอ?
“…” สักพักก็เห็นใบหน้าหล่อ ๆ นั่งชะโงกหน้าลงมามอง ยิ่งเห็นผมยิ่งใจสั่น ถึงจะไม่ชัดแต่ก็รู้ว่าสายตาคมมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ ก่อนจะเป็นผมที่หันหน้าหนี
“ดอนนอนได้แล้ว… พรุ่งนี้เราต้องไปเข้าค่ายนะ” พรุ่งนี้ต้องตื่นไปให้ทันก่อนเก้าโมงเช้า
“ไม่โอเคเลยที่ตัวเองนอนบนเตียง ผมไม่ได้อยาก-”
“เราโอเคจริง ๆ ดอนเลิกกังวลได้แล้ว…” ผมรีบบอกตัดจนคนตัวสูงเงียบ สักพักจึงได้ยินเสียงคนข้างบนล้มตัวลงนอนเหมือนยอมฟังที่ผมบอก
“ผมเบื่อพวกที่แอบชอบเพราะหน้าตามาก ๆ เลย” สักพักเสียงดอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง คนที่หลับตาอย่างผมจึงลืมขึ้นมามอง
“ผมน่ะ… ต้องการแค่คนที่จริงใจแค่คนเดียว” อื้ม… เข้าใจความรู้สึกของดอนดี ถ้าเราต้องการใครสักคนมาเป็นแฟน มันก็ไม่ใช่แค่ว่าคนคนนั้นต้องการครอบครองเราเพียงเพราะหน้าตาหรือรูปร่าง ของสวย ๆ งาม ๆ ถ้าได้ครอบครองไปนาน ๆ ยังไงมันก็ต้องเบื่ออยู่ดี แต่ถ้ามันอยู่ที่หัวใจ ยังไงมันก็จะคงอยู่ตลอดไปใช่ไหมล่ะครับ
“ตัวเล็กจะเป็นคนแบบพวกนั้นไหม…” ได้ยินผมจึงแอบชะงักไปนิด ๆ ทำไมคำพูดของดอนมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากให้ดอนมองผมให้เหมือนคนอื่นสักหน่อย นึกแล้วจึงเม้มปากเข้าหากันอยู่คนเดียว
“เราไม่รู้นะว่าทำไมเราถึงชอบดอน ทั้ง ๆ ที่ดอนก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเรา เราไม่เคยมีแฟนเลย เราไม่เคยแอบชอบผู้ชายเลยด้วย แต่ดอนเป็นคนแรกเลยนะ”
“…”
“ถ้าถามว่าเราชอบดอนเพราะหน้าตาเหรอ? แล้วถ้าเราจะชอบดอนเพียงเพราะหน้าตา ทำไมเราไม่ไปชอบคนอื่นที่หน้าตาดีกว่าดอนล่ะ ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนเราก็มีคนหน้าตาดีเยอะแยะ” จะบอกว่าผมชอบดอนเพราะนิสัยต่างหาก เรื่องหน้าตาก็ให้เป็นรองลงมา เคยตกหลุมรักใครเพราะเราชอบนิสัยเขาไหมล่ะครับ? สำหรับผมก็ดอนนี่แหละ
“ผมหน้าตาไม่ดีเหรอ?” อยู่ดี ๆ คนตัวสูงก็ชะโงกหัวลงมาถามจนผมแอบชะงัก
“ดะ ดอนเข้าใจที่เราพูดไหมเนี่ย…” ผมถามพร้อมยกผ้าขึ้นมาปิดหน้าเหลือแค่ตาเพราะเขิน เจ้าตัวยังมองอยู่สักพักก่อนจะล้มตัวลงไปนอนต่อ
“เฮ้ออ…” เสียงถอนหายใจจากคนบนเตียงดังขึ้นอีกแล้ว โกรธผมอีกรึเปล่าเนี่ย บรรยากาศในห้องก็เริ่มเย็นลงเพราะผมเปิดเครื่องปรับอากาศและปรับอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ
ติ๊ก… ติ๊ก…
เสียงเข็มนาฬิกายังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ชอบผมแล้วไม่คิดจะจีบผมเลยเหรอ?” อยู่ดี ๆ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง ถึงจะเป็นคำถามที่น่าตกใจ แต่ผมกลับไม่ได้ชะงักเลยแม้แต่น้อย
“เราไม่รู้เหมือนกัน…” ตลกไหมล่ะ คนอย่างผมไปจีบคนที่เหมือนจะดูดีไปซะทุกอย่างแบบดอน
“อีกอย่างคู่แข่งก็เยอะด้วย” ในโรงเรียนนับไม่ไหวหรอกคนที่แอบชอบดอนมีหลายรุ่นจริง ๆ
“จีบไปก็ไม่รู้จะติดไหม เราเป็นผู้ชายนะ…” ผมน่ะไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะลงมือจีบดอน นอกจากจะเป็นผู้ชายด้วยกันแล้ว คู่แข่งก็ยังเยอะอีกต่างหาก จะไม่โดนรุมเหรอ?
“งั้น… แล้วถ้าผมจะจีบตัวเล็กล่ะ คู่แข่งจะเยอะรึเปล่า?” ประโยคจากคนข้างบนทำให้ผมชะงักครั้งที่เกือบร้อย ดอนล้อผมเล่นอยู่เหรอ!? ไม่ตลกนะเว้ย! หัวใจแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วเนี่ย
“…” ผมไม่ตอบแต่รีบนอนตะแคงข้างทันที
“หึ ๆ คงชะงักอยู่แน่ ๆ น่านอนกอดจริง ๆ”
“พะ พอเลย… ฝันดี เราจะนอนแล้ว…”
“น่ารัก~”
“ดอนอะ!”
“ฮะ ฮ่า ๆ ฝันดีครับ…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E16 “ตื่นมาเขิน”
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านสลัว ๆ ทำให้ร่างของคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย เปลือกตาขาวค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละนิดก่อนจะเห็นหน้าต่างและผ้าม่านมีแสงสว่างจากพระอาทิตย์ดวงโตบนท้องฟ้าสาดส่องเข้ามาอ่อน ๆ ดัซอยู่ในท่านอนตะแคงข้าง หัวหนุนหมอนนุ่ม ๆ จนอยากที่จะหลับลงไปอีก ความสบายนี้มันช่างดีเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังอบอุ่นด้วย~
“อื้อออ...” แต่ถึงอยากจะนอนต่อมากเพียงใดก็ไม่อาจที่จะทำได้ ลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์ที่สามารถพักผ่อนได้
กึก...
“หือ… อ๊ะ! ดะ ดอน!” ครั้นจะขยับพลิกตัวกลับดันขยับไม่ได้ นั่นทำให้เปลือกตาขาวเปิดเต็มที่ ก้มลงมองที่เอวของตัวเองกลับเห็นเป็นแขนหนาของใครคนหนึ่งกอดอยู่ นึกได้ว่าเมื่อคืนห้องนี้มีใครอีกคนอยู่ด้วย เขาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ แถมตอนนี้ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงอีกด้วย!
“อื้อ…” เสียงทุ้มครางเบา ๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงขยับตัวพร้อมเสียงโวยวาย ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาจึงเห็นท้ายทอยขาวของคนตัวเล็ก แถมเจ้าตัวยังขยับกระดุกกระดิกไปมาเหมือนแมวในอ้อมแขนกำลังออดอ้อนงอแง เขากอดแรงไปเหรอถึงได้แกะไม่ออก
“ปะ ปล่อยเลยนะ…” ร่างบางพยายามบอกคนที่เอาแต่นอนกอดเขาไว้แน่นแต่คนตัวสูงกลับทำเป็นหลับตาลงอีกครั้งไม่ยอมฟังที่เขาขอเลยสักนิด ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงตั้งแต่ตอนไหนแล้วขึ้นมาได้ยังไง แรงกอดของดอนมันแน่นเกินกว่าเขาจะขยับออกได้ ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด นี่เขาต้องเขินรับแสงยามเช้าเลยรึไงกัน!
“อื้อ… ดอน...” เสียงอ้อนพร้อมมือนุ่มทุบแขนคนกอดเบา ๆ
“อื้อ… ตัวเล็กตื่นเร็ว…” เสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมกับท่อนแขนหนักค่อย ๆ คลายออก ทำให้ดัซรีบขยับลุกออกห่างจากอีกคนทันที ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของคนที่แอบชอบ
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดัซที่ตอนนี้ลงมายืนมองคนตัวสูงผู้ที่ซึ่งกำลังนั่งยืดเส้นยืดสายอยู่บนเตียงจึงรีบหันไปมองทางประตูห้องทันที
“ดัซ ๆ ตื่นแล้วยังลูก…” เสียงเรียกจากหญิงผู้เป็นแม่ดังขึ้นยิ่งทำให้เจ้าของห้องชะงักเข้าไปใหญ่ สมองประมวลผลแทบจะไม่ทัน อีกคนก็เอาแต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ตะ ตื่นแล้วครับ แป๊บหนึ่งนะครับแม่...” ร่างเล็กตะโกนบอกคนหลังประตูก่อนจะรีบอ้อมไปดึงแขนคนที่กำลังนั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ลงมาจากเตียงนอน ซึ่งร่างสูงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ชายตัวสูงหัวฟูได้แต่ขมวดคิ้วมองร่างเล็ก
“ดอนเข้าไปแอบในห้องน้ำก่อน...” มือบางรีบดันคนตัวสูงเข้าไปหลบในห้องน้ำแล้วปิดประตูไว้ ก่อนเขาจะรีบเดินกลับมาเปิดประตูห้องให้ผู้เป็นแม่
“มีอะไรเหรอครับ?”
“วันนี้แม่มีงานเข้า เดี๋ยวจะออกไปทำงานแล้วนะ ไปเข้าค่ายก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ สรุปจะไม่ให้แม่ไปส่งจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ขะ ของนิดเดียวเองนะครับ ก็เหมือนไปเรียนอะ ดัซไปเองได้…” ตอบด้วยพลางหันไปมองที่ประตูห้องน้ำด้วย
“ดัซ...”
กึก…
“…” เอาแล้ว…
“แม่บอกว่ายังไง?” คำถามที่ออกจากปากผู้เป็นแม่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกหวั่นใจขึ้นทันที ถ้าแม่รู้ว่าเขาพาดอนมานอนที่บ้านโดยไม่ได้บอกก่อน อาจจะต้องโดนดุแน่ ๆ เลย ยิ่งอีกคนเป็นคนแอบปีนขึ้นมาด้วย ซ้ำยังอยู่ในสถานะที่เขาแอบชอบอยู่ ฮือออ…
“ดะ ดัซขอโทษครับ” เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาพร้อมใบหน้าใสก้มลง แม่เคยคุยกับเขาเรื่องนี้แล้วว่าบางทีอย่าเอาคนตัวสูงเข้ามาในชีวิตมากเกินไป เพราะการที่เราแอบชอบเขาเราก็มักจะมองเขาดีไปหมด ยิ่งเขาเข้ามาทำให้เรารู้สึกดีด้วยมันยิ่งจะอันตราย ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ… แต่เขามองดอนเป็นคนเลวไม่ได้เลยจริง ๆ อีกอย่างก็ไม่กล้าถามไปด้วยว่าจริง ๆ แล้วเจ้าตัวคิดที่จะทำแบบนี้เพื่อให้รู้สึกแค่พอใจตัวเองรึเปล่า…
“ขอโทษอะไรล่ะ…”
‘อ้าว…’
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้ตั้งเวลาเปิดปิดแอร์ นอนเปิดทั้งคืนแถมยังเย็นเฉียบแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยหรอกเราเนี่ย ไม่เคยฟังเลยลูกคนนี้...” คนเป็นแม่บ่นพลางเดินเข้ามาในห้องตรงไปหยิบรีโมทแอร์มาปิด แต่สายตาของดัซกลับมองไปเห็นกระเป๋าของอีกคนวางอยู่เขาจึงรีบใช้โอกาสที่แม่หันหลังเดินไปดึงมันเข้าไปแอบไว้หลังโต๊ะทำการบ้านทันที… หัวใจดวงน้อยเต้นตุบ ๆ ตับ ๆ อย่างนึกกลัว
“เฮ้ออ…” ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หวังว่าแม่จะไม่รู้นะ
“ดัซ...” เสียงเรียกนิ่ง ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าใสจึงรีบหันไปมองทันที หน้าจะซีดเผือดก็เพราะแม่อยู่แล้ว…
“ทำไมลูกต้องเอาผ้ามากองไว้ข้าง ๆ เตียงนอนด้วย?” ได้ยินร่างบางถึงกับชะงัก
“ดะ… ดัซทำตกน่ะครับ”
“จริง ๆ เลยเราเนี่ย อย่าลืมเก็บด้วยล่ะ เปิดแอร์เย็น ๆ มันก็ต้องเปลืองผ้าแบบนี้นี่แหละ...” คนเป็นแม่บอกพร้อมจะเดินออกไปนอกห้อง
“อย่าลืมล็อกประตูบ้านด้วยนะ”
“คะ ครับ” ดัซตอบก่อนจะรีบปิดประตู
“เฮ้อออ…” เขาถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ก็เห็นคนตัวสูงยืนทำหน้างง ๆ อยู่ ตอนนี้ดอนเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริง ๆ แถมยังเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดัซถึงกับสะดุ้งตกใจรีบปิดประตูห้องน้ำ
แกร็ก...
เสียงประตูห้องเปิดออกเพราะเขาดันลืมล็อกแอบทำให้รู้สึกผวาในใจอยู่ไม่น้อย ซ้ำผู้เป็นแม่ยังถือวิสาสะเปิดเข้ามาอีกด้วย…
“แม่ทำกับข้าวไว้ให้อย่าลืมทานด้วยล่ะ”
“ครับ ๆ”
“ต้องทานนะดัซ…”
“ค้าบบ…” ร่างบางตอบก่อนจะเดินไปปิดพร้อมกับล็อกไว้ คนตัวสูงจึงค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาได้แต่ยืนจ้องหน้าคนที่กำลังยืนพิงประตูห้องอยู่ด้วยสายตางง ๆ
“ดอนจะกลับบ้านแล้วใช่ไหม?”
“ยังครับ...” คนตัวสูงตอบพร้อมกับได้ยินเสียงรถยนต์ของแม่วิ่งออกไปจากบ้าน
“แต่ดอนต้องไปเปลี่ยนชุดเพื่อจะไปเข้าค่ายนะ...”
“ผมเตรียมมาแล้ว” ร่างสูงพูดพร้อมเดินไปหากระเป๋าของเขา ก่อนจะเห็นว่ามันอยู่หลังโต๊ะ จึงยกขึ้นมาโชว์ เขาเตรียมทุกอย่างมาหมดแล้ว ทั้งอุปกรณ์เข้าค่ายต่าง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเยอะแยะมากมายเลยสบายหน่อย
“อาบน้ำกันครับ…” ใบหน้าหล่อบอกด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนกับเขาพูดกับเพื่อน ๆ นักกีฬาด้วยกัน
“ดะ เดี๋ยว!” และมันดันทำให้ร่างเล็กใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที คนเห็นจึงขมวดคิ้ว ก่อนเขาจะนึกได้ว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่จึงได้กระตุกยิ้ม
“ดอนไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวเรามา...” ดัซบอกก่อนจะเปิดประตูห้อง ตาคมเลิกคิ้วมองตามหลังเจ้าของห้องสักพักก่อนเสียงปิดประตูจะดังขึ้น ในใจนั้นรู้สึกดีมากแค่ไหนที่ได้มาอยู่กับคนตัวเล็ก เพราะอยู่กับคนคนนี้แล้วรู้สึกสบายใจที่สุด เมื่อวานก็ถูกพี่ชายตบจนมุมปากแตกอย่างกับถูกต่อย ที่บ้านมีเพียงเขา แม่และพี่ชาย ด้วยความที่คนหาเงินให้ครอบครัวหรือเสาหลักของบ้านตอนนี้คือแม่และพี่ชาย เขาจึงเป็นเหมือนคนที่ต้องเชื่อฟังทุกอย่าง แต่เมื่อวานมีปัญหากันค่อนข้างหนัก ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยทะเลาะกันเพราะเขาเป็นฝ่ายยอมมาตลอด ช่วงที่ไม่ได้เล่นมือถือจนร่างเล็กงอนก็คือถูกยึดโทรศัพท์ ไม่ใช่แม่เหมือนที่ปากบอกแต่ก็พี่ชายอีกเหมือนเคย ให้ไปทำธุระด้วยที่ต่างจังหวัดแค่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นก็แย่งไปเก็บไว้ บ่นทุกวันว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบแกตแพต ซึ่งบอกไม่ดูสถานการณ์เลยจริง ๆ เขารู้ว่ามันไม่มีคำว่าเหลือเวลาอีกเยอะในการอ่านหนังสือสำหรับเด็ก ๆ ยุคปัจจุบัน แต่ขอให้ได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองเลือกไม่ได้เลยรึไง… สุดท้ายเมื่อวานประโยคซ้ำ ๆ ของคนที่เฝ้าชี้บอกกลับจุดให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่จนเผลอตะคอกใส่ สุดท้ายก็ได้รับแผลมาอย่างที่เห็น ยอมรับว่าคิดจะมาหาตัวเล็กตั้งแต่แรก อุตส่าห์ตัดตัวเลือกที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนออก จริง ๆ แล้วไม่ได้อยากปีนเลยด้วยซ้ำ แต่รู้ว่านี่คือห้องของเจ้าตัวแน่ ๆ เพราะเคยสังเกต สุดท้ายเลยจำใจปีนขึ้นมา เสี่ยงแค่ไหนก็ยอม… แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของห้องจะใจดีขนาดนี้ กลัวแต่เขาจะมีอาการบาดเจ็บหนักทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยด้วยซ้ำ
“หึ ๆ” ดอนกระตุกยิ้มส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหยิบแปรงสีฟันจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ปลาสเตอร์ที่ร่างเล็กติดให้ไม่อยากแกะออกเลยแต่ก็ต้องแกะเพราะต้องอาบน้ำ จะว่าไปแจ็กเกตเขาก็อยู่ที่นี่จะครบอาทิตย์แล้ว ไม่รู้ว่าคนเก็บลืมไปแล้วรึยัง แต่ให้เก็บไว้ก็น่าจะดีอยู่แล้ว…
ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กกำลังเดินลงมาดูอาหารที่แม่ของเขาทำไว้ จะดูว่าถ้าหากทานสองคนมันจะพอไหม สรุปเขาก็ต้องเจียวไข่เพิ่ม เพราะแม่ทำอาหารไว้แค่นิดเดียว ปกติเขาทานน้อยอยู่แล้วแม่จะรู้ แต่ดูจากคนบนห้องตัวโตร่างสูงน่าจะทานเยอะหน่อย
‘ทำไมคนที่เราแอบชอบถึงได้มาอยู่ในบ้านเราวะดัซ’ ทำไปด้วยก็บ่นกับตัวเองในใจไปด้วย มันเหมือนกับเป็นความฝัน โอกาสหรือเหตุการณ์แบบนี้มันเป็นไปได้ยากมาก ๆ ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แอบกังวลอยู่ทุกครั้งที่ดอนอยู่ใกล้ตัว รู้สึกกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกเกินไปจนเอาออกไม่ได้ แล้วสุดท้ายจะเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บ…
‘หรือดอนจะมีแผนร้าย?’ คิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ อีกแล้ว ร่างเล็กเตรียมอะไรจนเสร็จสรรพก่อนจะรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้อง
แกร็ก...
เขาเปิดประตูเข้าไปแต่ก็ต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างสูงที่ใส่เพียงกางเกงตัวเดิมปิดท่อนล่างกำลังค้นหาของในกระเป๋าอยู่ แผ่นหลังของเจ้าตัวมีน้ำเกาะเล็กน้อย ผมก็เปียก ได้ยินเสียงใบหน้าคมจึงหันมามองที่ร่างบาง
ขวับ!
ดัซถึงกับรีบหันหน้าหนีทันที ตอนนี้หัวใจเขามันเริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกแล้ว ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“หึ ๆ ๆ อย่ามองสิครับผมเขินนะ”
“ละ แล้วดอนจะหันมาทำไมล่ะ!?”
“อะไรเหรอครับ?” ใบหน้าหล่อยิ่งเห็นท่าทางคนตัวเล็กเขายิ่งอยากแกล้ง อาบน้ำเสร็จแล้วว่าจะออกมาเอาชุดแต่เจ้าของห้องดันเข้ามาพอดี
“ดอนบ้า!” ด่าก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ตัวเล็ก~ ฮ่า ๆ ๆ”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E17 “ไม่เคลียร์?”
ณ โรงเรียน~
ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนจนได้ แน่นอนว่าผมต้องซ้อนท้ายคนตัวสูงมาที่นี่ ลองทายว่ากว่าจะออกมาจากบ้านได้เจ้าตัวทำให้ผมแทบช็อกไปกี่ครั้ง นิด ๆ หน่อยก็ทำให้ใจสั่นได้ตลอดเลย! แต่สุดท้ายก็ต้องแยกกันไปหาเพื่อนอยู่ดี ในโรงเรียนตอนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกปีที่ 5 ซะส่วนใหญ่ พากันเดินไป ๆ มา ๆเหมือนต่างคนต่างไม่มีที่ไปเพราะยังไม่มีประกาศรวมตัว ส่วนผมจะนั่งอยู่กับใครไปไม่ได้หากไม่ใช่คุณชายเลย์ที่หน้าบูดตั้งแต่ผมมาถึง
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วเลย์…”
“กูหงุดหงิดมันว่ะ เมื่อกี้ก็เจอ…”
“อย่างน้อยก็เพื่อนห้องเดียวกันป่ะ ตัวมึงกับตัวจินก็ต่างกัน แล้วที่ไปผลักจินเมื่อวานมึงคิดว่าทำถูกเหรอ?”
“…” ไม่รู้ว่าสองคนนี้เริ่มมาทะเลาะกันหนัก ๆ ตั้งแต่ตอนไหนเพราะปกติก็เหมือนไม่ชอบกันแต่ไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรกันขนาดนี้ รู้แค่ว่าเมื่อวานนั่งอยู่กับเลย์มันดี ๆ จินก็เดินมาปัดสมุดดินสอปากกาของเลย์มันลงจากโต๊ะแถมยังตะคอกใส่หน้า แน่นอนว่าไอ้เพื่อนตัวสูงผมมันไม่ปล่อยไว้แน่ ๆ ลุกขึ้นไปผลักอย่างแรงจนจินเสียหลักล้มทั้งยืน แว่นก็หลุด โชคดีนะที่ไม่แตก แต่เห็นตอนเลย์มันผลักแล้วรู้สึกกลัวจริง ๆ แรงก็ไม่ใช่น้อย ๆ ผลักเพื่อนจนล้มกระแทกพื้น สรุปเลยต้องเข้าไปห้าม เพื่อนคนอื่นก็ช่วยพยุงจินที่น้ำตาซึมขึ้น ไม่มีครูเห็นหรือไปฟ้องครูเลยสักคน
“กูผิดเองแหละ…”
“ห๊ะ?”
“ตอนเช้ากูขโมยกระเป๋าดินสอมันไปซ่อน จนมันต้องหายืมเพื่อนมึงก็เห็น… พอมันรู้มันก็มาปัดของกูลงจากโต๊ะ”
“ไอ้เลย์…” ทำไมทำแบบนี้วะ ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนด้วยใบหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ตอนแรกยังเข้าข้างมันอย่างน้อยสักสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ไม่ละ อารมณ์อะอารมณ์!
“แม่ง… มึงก็รู้ว่ามันชอบแซะกู จะให้กูทนเหรอวะ?”
“เฮ้อ… หยุดทำเลยนะมึงนิสัยรุนแรงแบบนั้นอะ”
“…” มันหันหน้าหนีเหมือนขี้เกียจพูด ทะเลาะกันไปมาไม่จบไม่สิ้นแบบนี้จะได้อะไร เฮ้อออ… ผมเลือกที่จะไม่บ่นหรือถามอะไรมันต่อ สักพักคุณครูก็ประกาศเรียกรวมให้ไปนั่งตามแถวเช็กชื่อ มีรุ่นพี่มอหกบางคนเป็นฝ่ายควบคุม พอกล่าวเปิดงานอะไรต่าง ๆ อย่างเป็นพิธีเสร็จเรียบร้อยครูหัวหน้าสายชั้นก็บ่นอะไรไปต่าง ๆ นานาซึ่งผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ใจมันก็ยังคิดถึงแต่อีกคนอยู่ดี
‘แอบชอบ’
มันคือสิ่งที่คนอย่างผมต้องรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนี้จะเริ่มมั่นใจแล้วว่าอีกคนก็มีใจให้เหมือนกัน แต่มันเพราะผมชอบแอบมอง ชอบทำให้คนตัวสูงสงสัยเหรอเจ้าตัวถึงได้เข้าหา เข้าหาเพราะรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ จุ๊บเหม่ง กอด จุ๊บปาก ล่าสุดนอนกอด ดอนคงไม่ได้ทำแบบนี้กับผมเพียงเพราะผมแอบชอบหรอกใช่ไหม? ดอนคงไม่ได้ให้ความหวังผมใช่รึเปล่า? เมื่อเช้าเพิ่งเห็นเจ้าตัวถอดเสื้อ งื้อออ… หุ่นดีเกินไปแล้ว… หน้าผมแดงไปถึงไหนต่อไหน ขี้อ้อนขี้อ่อยอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้มันน่าจับทุบจริง ๆ นั่งซ้อนรถเมื่อเช้าก็ต้องแต่งกายรัดกุม หมวกกันน็อกพร้อมกอดเอวไว้เรียบร้อย มันดูเหมือนเป็นพี่กับน้องกันเสียมากกว่าอะ ไม่มีคนรู้หรอกว่าเป็นผมเพราะใส่หมวกกันน็อกอยู่ เรื่องระหว่างดอนกับผมก็ยังไม่บอกเลย์มันเลยด้วยซ้ำ
“ดัซเร็ว ๆ” เลย์มันเรียกผมที่กำลังคล้องป้ายชื่ออยู่ พวกเราเอากระเป๋ามาเก็บในห้องที่จะนอนกันแล้วเรียบร้อบ ซึ่งแยกตึกระหว่างชายและหญิง ยังไงผมก็ไม่ได้อยู่ใกล้คนตัวสูงอยู่ดีเพราะเลขห้องเราห่างกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เราจะอยากอยู่ใกล้ทำไม ผมเดินตามหลังเลย์มันลงไปจากตึกเพื่อที่จะเข้าติวในช่วงเช้า ทางโรงเรียนจ้างติวเตอร์ชื่อดังมาสอนให้แบบนี้ตั้งแต่มอสี่ ไม่รู้ว่าเพราะอยากให้นักเรียนสอบติดที่ดี ๆ หรือต้องการคะแนนโอเน็ตสูง ๆ เพื่อยกระดับโรงเรียนกันแน่ แต่มันก็เป็นข้อดีของนักเรียนด้วยส่วนหนึ่ง… ผมไม่รู้หรอกว่ามันสำคัญมากแค่ไหน แต่รุ่นพี่ทุกคนที่มาเยี่ยมหรือแนะแนวในโรงเรียนมักจะบอกเสมอว่าสามปีไม่พอจริง ๆ ในการอ่านหนังสือ ถ้าจะแข่งกับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะเข้ามหา’ลัยดัง ๆ มันไม่ใช่แค่ต้องฉลาดแต่ต้องขยันหาความรู้ ฝึกโจทย์เก่า ๆ ถามว่าผมฟังไว้ไหมก็ฟัง แต่มอห้าส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจสักเท่าไร เว้นเสียแต่บางคนที่ตั้งใจจริง ๆ บางคนขยันมาตั้งแต่มอต้น ทางบ้านเคร่งครัด จะให้ลูกสอบหมอไรงี้ ผมก็อาศัยความรู้เก่าเอาเพราะเรียนเข้าใจในห้องมันก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว… แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกแปลก ๆ ผมรู้สึกไม่สบายตัวเลย
“หน้ามึงดูไม่โอเคเลยนะดัซเป็นอะไรรึเปล่าวะ? ตอนบ่ายจับกลุ่มเข้าฐานนะเว้ย…”
“อื้อ…” แค่รู้สึกเหมือนเวียนหัวนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อกี้เดินผ่านตรงที่เขากำลังทาสีใหม่ กลิ่นมันแรงขึ้นจมูก ผมไม่ชอบกลิ่นแบบนั้นอยู่แล้ว ชวนให้อยากอ้วกตลอด… การติวจะแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือสายวิทย์และสายศิลป์ ซึ่งแน่นอนว่าผมอยู่กลุ่มศิลป์ ตอนนี้กำลังติวอังกฤษอยู่ ส่วนอีกคนที่อยู่ทับสี่คงกำลังติวเลข… แต่ตอนนี้ทำไมผมถึงรู้สึกล้า ๆ ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เผลอเอนหัวลงไปพิงที่ไหลคนนั่งข้าง ๆ แล้ว
“ดัซ… ครูเขาติวอยู่”
“กูเพลีย ๆ ไม่รู้เป็นไร…” ผมผละออกมาบอกมันซึ่งเพื่อนข้างหน้าที่อยู่ห้องเดียวกันจึงหันมาถามเหมือนเป็นห่วง สรุปผมเลยถูกพยุงออกมานั่งข้างนอกหอประชุม หน้ามืดมาก ๆ ครับตอนนี้ มันรู้สึกร่างกายล้า ๆ ทำไมเป็นแบบนี้… อยากจะหลับลงเต็มที ลืมตาแล้วจะล้ม… ผมจะมาเป็นแบบนี้เหมือนทุกครั้งที่จะเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ ๆ ไม่ได้นะ ไอ้อาการเหนื่อยอ่อนขึ้นมาได้ง่าย ๆ แบบนี้ แม่ต้องบ่นอีกแน่นอนเลย…
“…” สุดท้ายแล้วจึงถูกพามานอนที่ห้องพยาบาล ใจผมสั่นเกินไปจนร่างกายมันอ่อนล้า เวียนหัวก็เวียน หน้ามืดตาเบลอไปหมดแล้ว รู้แค่ว่าเลย์และคุณครูพามานอนที่นี่ แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีกแล้ว สุดท้ายก็เผลอหลับไป นานแค่ไหนไม่รู้แต่รู้ตัวอีกทีคือได้ยินเสียงพัดลม แต่อาการมันไม่ได้หายไปเลยจริง ๆ รู้สึกล้าไปหมด ไม่โอเคเลย…
“ตัวเล็ก…”
“ดะ ดอน…” พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่เสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งเรียกทำให้แอบชะงักหันไปมอง ดอนมาทำอะไรในนี้?
“ยังเวียนหัวไหมครับ? ผมบอกให้กินข้าวเยอะ ๆ เมื่อเช้าก็ไม่กิน”
“ดอนทำไมไม่ไปติว มาหาเราทำไม?”
“ดอนเป็นห่วง…”
“…” ผมได้แต่มองใบหน้าคมด้วยใบหน้าเป็นกังวล ทำไมผู้ชายคนนี้เอาแต่ทำเป็นเหมือนให้ความหวังผมเลย แล้วใครบอกเจ้าตัวว่าผมเป็นแบบนี้ จะจีบผมจริง ๆ น่ะเหรอ? ดอนจริงจังรึเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างหรือที่เพราะผมเป็นแบบนี้อาจเกิดจากอาการใจสั่นเพราะการกระทำของดอนบ่อยเกินไป? เรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ ผมพยายามเม้มปากหันหน้าหนีแล้วดึงมือคนที่จับแขนออก
“ดอนไปติวเถอะ…”
“ไม่เอา… ถ้าตัวเล็กไม่สบายผมจะอยู่ดูแลเอง”
“ดอนเลิกให้ความหวังเราได้ไหมขอร้อง…”
“…” ทำไมต้องคอยมาทำดีด้วย ทำอะไรต่าง ๆ ให้เหมือนใส่ใจ มันแปลกไปไหมที่คนที่ผมแอบชอบมาทำอะไรให้แบบนี้ มันแปลกเกินไปจริง ๆ อีกอย่างคือดอนเป็นผู้ชายนะ แมน ๆ เตะบอลด้วยแบบนี้น่ะเหรอจะชอบผม ลึก ๆ แล้วคิดว่าผมไม่นึกเหรอว่าเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้มันแปลกเกินไป พยายามเสพความสุขจากความมโนของตัวเองว่าผู้ชายคนนี้ต้องชอบเราแน่ ๆ ต้องใช่แน่ ๆ แต่มันเป็นเพราะเราแอบชอบเขา นั่นทำให้มโนภาพที่เราสร้างขึ้นมันถึงได้มีแต่ความสุข แถมยังคิดเข้าข้างตัวเอง ทำไมถึงไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยถ้าหากวันหนึ่งคนที่เข้าหาเขาตัดสินใจออกห่างเพียงเพราะพอใจแล้ว… ผมจะไม่มองดอนเป็นคนแบบนั้นก็ได้… แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายังไงผมก็มีใจให้เจ้าตัวอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เอ่ยคำว่าชอบออกมาสักที ไม่เอ่ยคำว่าขอเป็นแฟนออกมาสักครั้ง ดอนก็รู้ว่าผมเด๋อ ๆ อยู่นะ! ต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน คำว่าแอบชอบเมื่อวานถ้าเจ้าตัวไม่ถามผมก็คงไม่บอกไปหรอก!
“ผมทำอะไรให้ตัวเล็กไม่พอใจ…”
“…”
“ผมมักจะถามเสมอว่าเพราะอะไร ทำไมตัวเล็กไม่เคยบอกออกมาตรง ๆ” เสียงนิ่งดังขึ้นจนผมต้องเม้มปากมอง ใบหน้าคมที่เหมือนจะเสียใจเหมือนกันที่ผมพูดไปแบบนั้น แต่ดอนไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่แอบชอบเหรอ ผมทนทุกทรมานมาตั้งแต่ก่อนที่ดอนจะเข้าหาอีกด้วยซ้ำ ก็ใช่สิเจ้าตัวไม่ผิดเพราะผมเป็นฝ่ายแอบชอบเอง ผิดเองที่แอบชอบ ถ้าวันนี้ผมไม่ตัดสินใจยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ทุกอย่างมันจะเคลียร์ไหม? ผมต้องจมอยู่ไปกับความเขินบนความสุขแบบเหมือนเกือบจะจริงแบบนี้น่ะเหรอ?
“ดอนไม่เคลียร์กับเราเลย…”
“…”
“มันเหมือนว่าตอนนี้เราฝันอยู่ เรากำลังเสพความสุขปลอม ๆ จากคนที่เราแอบชอบ เราเหนื่อย…” ผมบอกเสียงแผ่วแล้วก้มหน้าลง ในห้องตกอยู่ในความเงียบ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงที่ผมนั่งในสภาพชุดพละเหมือนกันก็เอาแต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ยอมไปไหน จนในที่สุดเสียงคนที่เดินเข้ามาแต่ไกลก็ดังขึ้น และจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่แม่ของผม…
“เราเป็นยังไงบ้าง รู้ไหมแม่ตกใจมากเลยนะ…” วันนี้วันเสาร์แต่เพราะแม่มีงานจึงต้องไปทำ แต่ผมดันทำให้ท่านต้องเสียเวลาอีกแล้ว… ในขณะที่คุยกับแม่ก็มีอีกคนยืนอยู่ตลอด ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเพื่อปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่มันค้างคาอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้ เคยได้ยินประโยคนี้รึเปล่าครับ?
‘Fake happiness is the worst sadness.’
ความสุขปลอม ๆ มันก็คือความโศกเศร้าอันสุดแสนจะเลวร้ายดี ๆ นี่เอง ผมต้องการความสุขจริง ๆ จากคนที่ผมแอบชอบ… สรุปแล้วแม่ก็ต้องให้ผมกลับอยู่ดี บอกว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่ผมไม่อยากไป ต่อรองขอแค่นอนพักอยู่บ้านก็ได้ถ้าแม่จะไม่ให้ผมอยู่ค่ายต่อจริง ๆ
“แม่ครับ… ผมจะไปด้วย”
“…”
“ผมเป็นแฟนดัซครับ”
กึก…
“…” ประโยคนั้นจากคนตัวสูงถึงกับทำให้ผมชะงักหันไปมอง แม่เองก็ตกใจไม่น้อย ใบหน้าคมดูจริงจังขึ้นเสียจนผมอึ้ง
‘ฟะ แฟนเหรอ?’
“ผมไม่มีอารมณ์อยู่ที่นี่เหมือนกันถ้าตัวเล็กเป็นแบบนี้ ถ้าจะกลับบ้านผมขอไปดูแลดัซเอง แม่จะได้ไปทำงานต่อครับ…”
“ดะ ดอน…”
“ผมจริงจังนะครับตัวเล็ก…” ดอนยังคงยืนกราน แม่หันไปมองคนตัวสูงเหมือนพยายามคิดพิจารณา ถามไปว่าทางค่ายจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม คนตัวสูงก็ยังคงยืนยันว่าไม่เป็นไร ทำไมถึงดื้อแบบนี้…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E18 “ดื้อ”
เวลา 10:55 น.
“…” หัวใจมันไม่สงบมาได้สักพักแล้วตั้งแต่คนตัวสูงที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยประโยคนั้นออกมาให้ได้ยินต่อหน้าแม่ เราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวซึ่งมีรถของแม่จอดอยู่ใกล้ ๆ นี้ ส่วนแม่ตอนนี้กำลังไปคุยเรื่องอะไรต่าง ๆ กับคุณครู คงจะบอกว่าน่าจะให้ผมอยู่เข้าค่ายต่อไม่ได้อีกเหมือนเคย ส่วนสัมภาระของผมกับคนนั่งข้าง ๆ ก็เอามาแล้ว… ดอนจริงจังเหรอ? ประโยคนั้นทำให้ผมชะงักมาจนถึงตอนนี้ นั่งด้วยกันแต่ไม่ได้คุยกันเลย ผมเองรู้สึกเพลีย ๆ ร่างกายมันล้า ๆ อยากจะนอนพัก
“ตัวเล็กไม่ชอบผมแล้วเหรอครับ?” ในที่สุดเสียงทุ้มก็ดังขึ้นจนต้องหันไปเลิกคิ้วมอง ใบหน้าหล่อดูเครียดจนคนเห็นยังอยากเครียดตาม ส่วนผมทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาแล้วหันไปมองข้างหน้า ผมชอบดอนนั่นคือสิ่งที่หัวใจมันยึดมั่นมาตลอด แล้วผมจะเลิกชอบดอนทำไม…
“ดอนชอบเราเหรอ?” คำถามนี้น่าจะทำให้ทุกอย่างเคลียร์ขึ้น หากคนตัวสูงบอกว่าเราเป็นแฟนกันแล้วละก็…
“รักเลย…” คำตอบจากปากของเจ้าตัวทำให้จำต้องหันหน้าหนีหลบความเขิน ใจสั่นพอ ๆ กับร่างกายที่สั่นเพราะเหนื่อยอ่อน
“ไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ตัวเล็กต้องไปพักก่อนนะครับ…”
“อะ อื้ม…”
“แต่ผมไม่ยอมนะ ไม่ยอมให้ตัวเล็กเลิกชอบ… ที่พูดไปก่อนหน้าอาจจะดูข้ามขั้นไปแต่เพราะผมคิดแบบนั้นจริง ๆ”
“…” หันมามองใบหน้าคมก็ดูจริงจังจนผมเขินขึ้นอีกครั้ง แต่ยังอยากแอบขำกับท่าทางของคนตัวสูง จึงทำได้แค่ยิ้มให้จาง ๆ ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้กลับ เราโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอดัซ? คนที่เราแอบชอบรู้สึกแบบเดียวกันกับเรา… คิดว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับการแอบชอบไปจนจบมอหก แต่ไหงโชคชะตากลับพลิกแบบนี้ อยากฟังเหตุผลจากเจ้าตัวมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ร่างกายคงต้องพักก่อนจริง ๆ
สักพักแม่ก็ตรงเข้ามาหา ยังไม่ได้ถามอะไรผมกับดอนแม่ก็สั่งให้รีบกลับ ดอนจึงได้ไปเอารถ จนในที่สุดมาถึงบ้าน… ทุกอย่างในหัวมันดูเบลอไปหมด ตอนนั่งรถรู้สึกอยากจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่อ้วกไม่ออก อาการแบบนี้มันทำให้กระอักกระอ่วนจนรู้สึกเหนื่อย ผมหย่อนร่างนั่งลงบนโซฟาด้วยสภาพไม่ต่างไปจากคนเป็นโรค แม่ช่วยพยุงเข้ามาและไปรินน้ำมาให้ดื่ม มองตัวเองในกระจกเห็นหน้าซีดเผือดเหมือนไม่มีเลือด ริมฝีปากแห้งผากไม่ต่างกัน อาการเดิมไม่มีผิด… หันไปมองหน้าบ้านกำลังมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ตาผมจะปิดอยู่แล้วจึงได้ล้มตัวลงไปนอนบนโซฟา
“ดัซ ๆ ดื่มน้ำก่อน…” ได้ยินแต่ผมไม่อยากเปิดเปลือกตาเลยจริง ๆ เอาไว้ก่อนได้ไหม…
“ทานยาก่อน ไม่งั้นนอนไม่ได้นะ…”
“คุณครูที่ห้องพยาบาลบอกว่าดัซทานแล้ว ให้ไปนอนข้างบนดีไหมครับ?”
“เฮ้อ… ทำไมต้องทำให้แม่เป็นห่วงแบบนี้ บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม…” ได้ยินแต่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เสียงคนสองคนคุยกันก่อนผมจะรู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกช้อนขึ้นอุ้ม ใบหน้าซุกอยู่กับอะไรอุ่น ๆ กลิ่นคุ้น ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกวางลงบนเตียงเบา ๆ แน่นอนว่าต้องเป็นของผมเพราะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี่ ความหลับใหลเริ่มครอบงำ ก่อนจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว ทุกอย่างดับมืดไปหมด…
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ คือตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวแล้ว อาการเหมือนดีขึ้นแต่ไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองผมเพดาน ในห้องเงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเบา ๆ อุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง… ทำไมพออาการดีขึ้นและตั้งสติได้แล้วจึงได้รู้สึกผิดที่ทิ้งค่ายมา เลย์มันจะรู้สึกยังไงที่ผมเป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่ถามเพราะรู้สึกผิดแต่มันมักจะไม่ได้คิดมากเพราะเพื่อนผู้ชายในห้องคนอื่นก็มี อาจไม่ได้สนิทสนมเท่าผมแต่มันก็เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ๆ แล้วไหนจะแม่ที่ต้องลางานชั่วคราวมาดู ทำไมผมถึงทำตัวมีปัญหาแบบนี้ ยิ่งคิดได้ความรู้สึกเสียใจยิ่งถาโถมเข้ามาทำให้อยากจะร้องไห้ แล้วที่สำคัญเลยคือใครอีกคนที่ไม่ยอมเข้าค่ายเพื่อที่จะมาดูแลเรา…
“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นผมจึงค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง คนที่นั่งบนเก้าอี้ในโต๊ะทำงานจึงลุกขึ้นเดินมาหา ดอนไปทำอะไรตรงนั้นเนี่ย อย่าบอกนะว่าแอบดูอะไรต่าง ๆ อีก
“ดะ ดอนแอบดูของเราใช่ไหม?”
“เปล่านะครับ…” มองคนตัวสูงด้วยใบหน้าที่เริ่มเห้อร้อน พอรู้สึกดีขึ้นอาการเขินหนัก ๆ มันก็จะกลับมาเลย ดอนเพิ่งบอกว่าชอบเรานะ! ไม่สิ… รักต่างหาก! ดูเวลาบนผนังห้องตอนนี้เลยบ่ายสองมาได้สักพักแล้ว นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้
“รู้สึกดีขึ้นยัง?” มือหนาเลื่อนมาสัมผัสที่หน้าผากผมเบา ๆ จนต้องหลับตาหดคอหนี จริง ๆ อาการแบบนี้ตัวผมไม่ร้อนหรอกเพราะไม่ได้เป็นไข้ แต่คนตัวโตมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าตัวผมแทบจะแตกอยู่แล้วเพราะเขิน อาการจะทรุดคงไม่ใช่เพราะป่วยเหมือนเมื่อเช้า แต่น่าจะเพราะเขินเจ้าตัวนี่แหละ
“ระ เราโอเคขึ้นแล้ว…”
“แล้วหน้าแดงเพราะเขินผมเหรอ?”
“ดอนอะ!”
“ฮะ ฮ่า ๆ ๆ ตื่นมาก็น่ารักเลย…” คนชมทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรเดินไปยกเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียงที่ผมนั่งก่อนจะรินน้ำมาให้ดื่ม นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เราจินตนาการไว้เสียอีกนะดัซ ดอนมาดูแลเราแบบนี้แทนแม่น่ะเหรอ? ทำบุญก็ไม่ค่อยได้ทำแต่ทำไมถึงได้โชคดีแบบนี้ ผู้ชายที่เราแอบชอบเลยนะ… นับไม้จิ้มฟันดูดวงมันแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ? เราสองคนนั่งจ้องตากันก่อนผมจะหันหนีเพราะเขิน อะไรคือการมานั่งจ้องหน้าผมแบบนี้ ฮืออออ… เอาแม่กลับมาได้ไหม
“ระ เราว่าเราน่าจะอาการทรุดลงเพราะเขินดอนนี่แหละ…” บอกแต่ไม่หันไปหาเจ้าตัว ร่างสูงจะรู้ไหมว่าหล่อหุ่นดี พูดจาก็เพราะ มาทำอะไรแบบนี้ใส่คนที่แอบชอบตัวเองอีก ความเขินมันยิ่งทวีคูณเป็นพัน ๆ เท่าเลยนะ
“ขอโทษ… ผมทำให้เขินไปเหรอครับ นี่ยังไม่ได้โรแมนติกอะไรเลยนะ” ยังเหรอ!?
“…”
“ผมต้องโหด ๆ ดุ ๆ ใส่เหรอครับ?” ได้ยินจึงหันไปเลิกคิ้ว โหด ๆ ใส่เหรอ? ประโยคจากเจ้าตัวทำให้ผมคิดตาม ถ้าดอนโหดใส่เราจะเป็นยังไงนะ…
“ผมบอกแล้วไงว่ารัก!?”
เฮือก…
“ระ เรารู้แล้ว…”
“ทำไมชอบหันหน้าหนีวะห๊ะ!?”
หมับ!
“อ๊ะ! ดะ ดอนเราเจ็บ…”
“หึ… เจ็บเหรอ?”
“…”
“ผมชอบจังเวลาตัวเล็กทำหน้าทรมาน…”
อึก…
“มะ ไม่ดีกว่า…”
“ผมทำไม่ลงหรอก ฮ่า ๆ ๆ ทำไมต้องทำหน้ากังวลด้วย” มือหนาเลื่อนมาลูบหัวอีกแล้วววววว ทำไมดอนเป็นคนแบบนี้ จะทุบแล้วนะ
“หิวข้าวไหม? ตัวเล็กยังไม่กินข้าวเที่ยงเลย เมื่อเช้าก็กินนิดเดียว แม่ย้ำให้กินนะครับ แอบบ่น ๆ ตอนตัวเล็กหลับให้ดอนฟังด้วย…”
“อื้ออ… เราไม่หิวเลย”
“อย่าดื้อสิครับ… ไม่กินผมจุ๊บ”
“ดะ ดอนจะบ้าเหรอ!?”
“จะกินไม่กิน…”
“…” เห็นผมเงียบคนตัวโตจึงลุกขึ้นทำเป็นจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ สิ่งที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้ายจะกระเด็นออกมาแล้วนะ
“ระ เรากินก็ได้…”
“หึ ๆ โอเคครับ…”
“…” ทำไมต้องบังคับด้วยเรื่องแบบนั้นด้วย ใครจะกล้าปฏิเสธอะ สรุปเลยต้องลงไปกินข้าวกินยาพร้อมเจ้าตัว ถึงจะไม่ถูกเวลาแต่เพราะจำเป็นเลยต้องกิน ทำอะไรเสร็จสรรพพวกเราสองคนก็ขึ้นมานั่งบนห้อง ผมเปลี่ยนเป็นชุดลำลองปกติแต่ดอนยังใส่ชุดพละของโรงเรียนเหมือนเดิม เจ้าตัวนั่งบนเก้าอี้เล่นโทรศัพท์ส่วนผมนั่งบนเตียงคุยกับเลย์
“กูขอโทษจริง ๆ”
(เฮ้ออ… กูเป็นห่วงมึงนะดัซ เลิกคิดมากได้แล้ว ไม่มีมึงกูก็อยู่ได้…)
“ควรดีใจไหมที่มึงพูดแบบนี้…”
(ถึงจะอยากให้มึงอยู่ด้วย แม่งไม่มีคนคอยเตือน…)
“…”
(พักเถอะ ค่ายไม่ได้สนุกอย่างที่คิด… กูได้อยู่กลุ่มกับจินมันด้วย กูไม่ได้อะไรหรอก แต่แม่งไม่ให้ความร่วมมืออะไรกูเลย กูพยายามทำตามที่มึงบอกแล้วนะดัซ…)
“เฮ้อ… เย็นไว้ก่อน ถึงจินจะเป็นคนแบบนั้นแต่จินก็ไม่เริ่มทำร้ายใครก่อนป่ะวะ?”
(ไม่ทำร้ายทางร่างกายอะใช่ แต่มึงคิดว่ากูจะเล่นสงครามประสาทกับมันชนะเหรอ?) ฟังจากเสียงแล้วเลย์มันไม่ได้มีความสุขแน่ ๆ อะ ทำไมถึงรู้สึกผิดอยากไปสลับที่กับจิน
“กูไม่รู้จะบอกไงเลยจริง ๆ”
(เออ ๆ บอกแล้วว่ากูไม่ได้อะไร มึงพักผ่อนเถอะ…)
“อื้อ ๆ เจอกันวันจันทร์นะงั้น…”
(อื้อ…) พูดจบเลย์มันก็ตัดสายไป แอบเป็นห่วงมันเหมือนกันนะครับ ทุกครั้งผมจะเตือนมันตลอดว่าอะไรควรไม่ควรทำ ไม่ใช่แค่ตอนเข้าค่ายหรอก ก็ทุกเรื่องอะในโรงเรียน ถึงมันจะมึน ๆ บ้างก็ตาม เพื่อนที่ดีต้องคอยบอกคอยเตือนกัน มันเองก็ช่วยเหลือผมหลายอย่าง…
“ขอหนุนตักหน่อยนะครับ…”
กึก…
“ดะ ดอน!” ใบหน้าคมขยับลงมาซุกลงบนตักผมเหมือนจะนอน ไม่น่าเลยดัซ! ไม่น่านั่งใกล้ ๆ ขอบเตียงเลย คนนั่งบนเก้าอี้เลยโน้มหัวลงมาหนุนได้ง่าย ๆ เรียกไปก็ไม่ขยับเลยจริง ๆ ได้แต่มองผมหนาด้วยความเขิน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่เราโดนผู้ชายคนนี้ทำให้ตกหลุมรัก... ทำให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถอยออกมาได้แล้วจริง ๆ มือค่อย ๆ เลื่อนไปสัมผัมที่ผมหนาแล้วลูบเบา ๆ โดยอัตโนมัติ เจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรเลยสักนิด
‘ดอนแหละที่ดื้อ...’
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E19 “ฝนตกไฟดับ” (R)
“ข้างนอกเหมือนฝนจะตกเลยครับ…”
“อื้ม… อากาศเริ่มเย็น ๆ ชื้น ๆ แล้วด้วย” ผมกับคนตัวสูงยืนด้วยกันอยู่นอกระเบียง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าตอนนี้เมฆเริ่มก่อตัวเป็นสีดำ สายลมอ่อน ๆ ในตอนแรกเริ่มพัดเข้ามาหนัก ๆ จนสัมผัสได้อย่างง่ายดาย มันรู้สึกดีมาก ๆ เลยนะที่ได้มายืนอยู่ข้าง ๆ คนที่เราแอบชอบ ซ้ำเขายังชอบเราด้วย หันไปมองเสี้ยวหน้าคมที่กำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ แต่ต้องหันหนีเพราะเจ้าตัวดันหันมามองผมเช่นกัน ได้ยินเสียงเหมือนหัวเราะจนรู้สึกเขิน ทำเป็นหันไปมองทางอื่น สักพักเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นจึงได้โอกาสหลบเขินเข้าไปหยิบขึ้นมารับ ปล่อยให้ดอนยืนอยู่ข้างนอกแต่ใบหน้าคมก็มีหันมามองตามเล็กน้อย
“ครับแม่…”
(เราโอเคขึ้นยัง?)
“ดีขึ้นมากแล้วครับ คือ… ดัซรู้สึกแย่ที่ทำให้แม่เสียเวลา”
(ก็เมื่อเช้าเราไม่ทานข้าวให้เยอะ ๆ แม่อยากดุมากเลยนะ แต่ก็เป็นห่วงเรามากกว่า รู้ว่าตัวเองไม่แข็งแรงก็ต้องหัดป้องกันไว้หน่อย… แล้วตอนนี้อยู่กับดอนรึเปล่า?”
“อยู่ครับ…” ตอบพร้อมหันหลังไปมองคนตัวสูง เจ้าตัวยังคงมองออกไปข้างนอก รับสายลมชื้น ๆ เย็น ๆ
(อย่าเพิ่งให้ดอนกลับนะ ต้องอยู่ดูแลเราก่อน แม่น่าจะกลับดึกหน่อยวันนี้… อีกอย่างฝนจะตกแล้ว อย่าออกไปไหนเด็ดขาด ทานข้าวเย็นและพักผ่อนเข้าใจไหม?)
“อย่างอื่นดัซเข้าใจ แต่ทำไมต้องบังคับดอนให้อยู่ด้วยอะ…” พยายามกระซิบคุย
(ที่จริงก็เปล่า… แต่แม่ถามก่อนออกมาแล้ว ดอนบอกจะอยู่ด้วยคืนหนึ่ง
“หะ ห๊ะ!?”
กึก…
(จะเสียงดังทำไมห๊ะเราเนี่ย…) ที่ชะงักกว่าคือถอยหลังจะหันไปมองคนที่บอกจะอยู่ด้วยแล้วดันชนกับร่างของเจ้าตัวนี่สิ หันไปมองดอนก็เลิกคิ้ว แต่ทำไมต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย แถมหน้ายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ดอนชอบเป็นแบบนี้อะ ชอบเข้ามายืนซ้อนหลัง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมมันไม่เลยนะ ฮือออ… จะช็อกตายแล้วเนี่ย
“งะ งั้นแค่นี้นะครับแม่ ดัซจะทำตามที่บอกให้ครบทุกอย่างเลย…”
(ดีมาก… ถ้ากลับไปแล้วยังเห็นไม่พักผ่อนแม่จะดุเราทั้งสองคนหนัก ๆ เลย”
“แม่อะ… อะ อื้มดัซเข้าใจแล้ว…”
(จ้าแค่นี่แหละ…) เอ่ยจบแม่ก็ตัดสายไป ผมมองคนตัวสูงตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วเพราะเหมือนเจ้าตัวจะถามอะไรบางอย่าง
“ผมขอเปลี่ยนชุดได้ไหม…”
“ดะ ดอนเปลี่ยนในห้องน้ำสิ”
“ตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ แป๊บเดียวเอง…” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินตรงไปยังกระเป๋าซ้ำยังเลิกเสื้อขึ้นจนผมต้องหันหนี ฮืออออ… ดอน! เข้าใจว่าผู้ชายด้วยกัน แต่ผม… ผมไม่โอเคนะ! เอาแต่หันไปมองทางอื่นพร้อมตัวที่เกร็งก่อนจะได้ยินเสียงเรียกถึงได้ค่อย ๆ หันไปมอง ดอนเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้ว เหมือนร่างสูงจะชอบชุดแบบนี้ คงเพราะใส่แล้วสบาย เราทั้งสองจ้องหน้ากันกระทั่งคิ้วดกเลิกขึ้นผมจึงหันหนี
‘ทะ ทำไมต้องดูดีขนาดนี้ด้วย…’ มองแล้วหลงจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ เราต้องเก็บอาการไม่ใช่เหรอดัซ เราเป็นผู้ชายนะ! สักพักเสียงฝนตกก็เริ่มดังขึ้นจนผมต้องรีบเดินไปปิดประตูระเบียง อากาศเย็นลงอย่างไม่น่าแปลกใจ ยิ่งในห้องที่เปิดแอร์ทิ้งไว้ในตอนแรกยิ่งหนาวขึ้นไปอีก
“หือ…” อยู่ดี ๆ ไฟในห้องดันดับลงเฉยเลย
“ไฟดับเหรอครับ?”
“ปะ แปลกมากเลยนะ ถ้าดับก็ต้องดับทั้งหมู่บ้านอะ…” แต่ทำไมข้างนอกไฟยังติดอยู่เลย แล้วผมจะทำอะไรเป็นเนี่ย ลองเดินไปกดเปิดปิดสวิตช์ไฟดูมันก็ไม่ติด
“เดี๋ยวเราลงไปดูข้างล่างก่อนนะ…”
“ตัวเล็กจะซ่อมเองเหรอครับ? มันอันตรายนะเดี๋ยวผมทำเอง”
“ดะ ดอน… เราซ่อมเป็นที่ไหนล่ะ จะลองไปกดเปิดดูว่าติดไหม ดอนก็ไม่ต้องซ่อมหรอก อีกอย่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องซ่อมตรงไหน…” ผมมองคนตัวสูงก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง มันมืดจริง ๆ อีกอย่างทำให้แอบกลัว ๆ ด้วย ปกติถ้าอยู่บ้านคนเดียวก็มักจะอยู่แต่ในห้อง ลองกดเปิดดูทุกจุดแล้วก็ไม่ติด ข้างนอกบนถนนยังมีไฟอยู่เลย ดับแต่บ้านผมหลังเดียวแน่ ๆ ดอนเหมือนกำลังจะลงมาจากข้างบนแต่ผมกำลังจะขึ้นไปพอดี
“มันไม่ติดเลยอะ…”
“มันมืดนะครับ ขึ้นมาอยู่บนห้องดีกว่า”
“อื้ม…” สุดท้ายเลยต้องขึ้นมาอยู่บนห้อง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นจนผมรู้สึกกลัวอยู่หลายครั้ง ตอนแรกที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่คนเดียวมองออกไปนอกระเบียง แต่ตอนนี้มีดอนมานั่งลงข้าง ๆ แล้ว ซ้ำยังนั่งจนติดร่างผมอีกต่างหาก เจ้าตัวนั่งชันเข่าข้างหนึ่งส่วนผมนั่งกอดเข่าทั้งสองข้าง ในห้องมืด ๆ แบบพอมีแสงเข้ามาบ้าง ข้างนอกยังมีเสียงฝนเสียงลมกระโชกแรงจนน่ากลัว
“เอาผ้าห่มไหมครับ?” เสียงทุ้มถามผมจึงส่ายหน้าไปมา ยิ้มให้ดอนเล็กน้อยก่อนจะมองออกไปนอกกระจกดูการเคลื่อนไหวของสายฝนที่แสนจะหนักหน่วง ปกติต้องใจสั่นไม่ใช่รึไงเวลามีคนตัวสูงอยู่ใกล้ ๆ จนร่างชิดกันแบบนี้ คงเพราะเริ่มชินแล้วรึเปล่า… ตอนนี้ที่โรงเรียนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เลย์มันจะสบายดีรึเปล่า…
“ดะ ดอน…”
“ผมหนาว…” วงแขนฝั่งขวาตวัดขึ้นโอบไหล่ผมแล้วดึงให้เข้าไปใกล้ ๆ เจ้าตัว จากที่บอกว่าเริ่มชินตอนนี้คงไม่แล้วจริง ๆ ใจเราสั่นขึ้นมาแล้วนะ! ศีรษะผมค่อย ๆ ถูกดึงให้ไปอิงที่ไหล่แกร่ง
“ดอน…”
“ซบไหล่ผมครับ…”
“ระ เราอึดอัด”
“อึดอัดหรือเขินกันแน่?” คำถามนั้นทำให้ผมหันไปมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างกันเกือบจะไม่ถึงคืบ สายตาที่มองมาของเจ้าตัวเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรแต่มันทำให้คนมองต้องเม้มปากหน้าขึ้นสี ดอนขี้โกง!
“ตัวเล็ก…”
“หือ…” ครางตอบแล้วยอมนั่งพิงไหล่ของดอนตามที่เจ้าตัวเขาต้องการ ถึงใจจะสั่นไม่หยุดก็เถอะ พยายามทำตัวให้ชินดัซ เราก็รู้อยู่แล้วหนิว่าผู้ชายคนนี้มักจะทำอะไรให้เราใจสั่นได้เสมอ แค่จ้องตาก็เขินแล้ว
“หอม…”
“อ๊ะ!” สัมผัสที่หัวทำให้ผมชะงักจนต้องผละออกมามอง ดอนหอมหัวผมอะ! แต่เจ้าตัวกลับเอาแต่มองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้เขินขึ้นมามากกว่าเดิมขนาดนี้ เราสองคนจ้องตากันเหมือนต่างฝ่ายต่างคิดอะไรอยู่ หอมเหรอ… เราไม่ได้ตัวหอมสักหน่อย
“…” มือหนาค่อย ๆ เลื่อนจากไหล่ผมลงไปโอบที่เอวพร้อมใบหน้าคมขยับลงมาใกล้ ๆ จนตัวต้องเกร็ง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมันดันเกิดขึ้นจนผมตั้งตัวไม่ทัน ริมฝีปากของคนตัวสูงเลื่อนลงมาทาบที่ริมฝีปากผมจนหัวใจสั่นระรัวจนตัวแข็ง มืออีกข้างของเจ้าตัวเลื่อนมาประคองใบหน้าผมให้หันมารับบทจูบดี ๆ ก่อนสติจะขาดหายไปเมื่อสิ่งเปียกชื้นนั้นพยายามสอดเข้ามา…
#WriterPart
ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้ามาในโพรงปากของร่างเล็กเสียจนดัซต้องหลับตาอ้าปากให้เจ้าของใบหน้าหล่อสอดตวัดลิ้นอุ่นเข้าหาอย่างไม่เร่งรีบ สมองของคนทั้งสองขาวโพลนคิดอะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะเคลิบเคลิ้ม ไม่คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาทั้งสอง จูบแบบสอดลิ้นกับผู้ชายด้วยกัน ซ้ำคนตัวเล็กยังแทบตัวจะแตกเพราะแรงสั่นของหัวใจมันมากเกินไป เสียงฝนและเสียงลมที่อยู่ภายนอกบ้านเหมือนจะเงียบไปหมด ได้ยินเพียงเสียงสิ่งอุ่นชื้นเคลื่อนตัวกระทบกันในโพรงปาก
“อื้อ…” ร่างเล็กครางออกเบา ๆ เขาทำอะไรอยู่ ณ ตอนนี้ มันถูกต้องใช่ไหมที่ปล่อยตัวให้คนตัวสูงเอาแต่ใจอยู่แบบนี้ แต่ที่รู้ ๆ คือมันรู้สึกดีเสียเหลือเกิน... มันนุ่มนวลจนอยากจะล้มตัวลงนอน มือนุ่มข้างหนึ่งค่อย ๆ เลื่อนมากำเสื้อกีฬาของชายตัวสูงบริเวณอกแกร่ง เพราะความใสซื่อและไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงจึงอยู่เฉย ๆ ให้อีกคนเป็นฝ่ายจัดการ
‘ดัซ... มันไม่ถูกต้อง...’
พลั่ก!
“ระ เราขอโทษ...” หลังจิตสำนึกพุ่งเข้ามาในหัวมือนุ่มจึงดันอกแกร่งพร้อมกับผละใบหน้าออกแล้วหันหนี ร่างขาวสั่นเทาไปด้วยความกังวลและขัดเขิน ดัซไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ดอนเองเมื่อเห็นใบหน้าใสขึ้นสีซ้ำยังหันหนีเหมือนว่ากลัวเขาจึงจับประคองให้หันมามองแล้วส่งสายตาแสนอ่อนโยนไปให้... รู้แล้วว่ามันไม่เหมาะ รู้แล้วว่ามันไม่ควร แต่เขาอดไม่ได้ที่ต้องมาอยู่กับคนตัวเล็กแล้วไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องทำแต่ขอแค่ครั้งนี้ได้ไหม เราเป็นมากกว่าคนที่แอบรักกันแล้วไม่ใช่รึไง?
“กลัวดอนเหรอครับ?” เสียงนุ่มถามเบา ๆ ดัซไม่ตอบนอกเสียจากเม้มปากส่ายหน้าไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยเปียกน้ำกำลังสั่นกลัวอะไรบางอย่างในโอมแขน ยิ่งเห็นใบหน้าใสดอนยิ่งอดไม่ได้เลยจริง ๆ ร่างสูงหันไปหาคนตัวเล็กดี ๆ ก่อนจะดึงเรียวขาขาวขึ้นมาอ้าแล้วพาดกับขาของเขาที่สอดใต้ขาทั้งสองข้างของเจ้ากรรม
“ดะ ดอน…”
“อย่ากลัวผมได้ไหม…” ใบหน้าใสเม้มปากมองหน้าหล่อด้วยความกังวล หัวใจดวงน้อย ณ อกข้างซ้ายสั่นเสียจนรู้สึกเหนื่อยเพลีย มือหนาเลื่อนมาดึงมือเขาให้ไปสัมผัสอะไร ๆ ผ่านเนื้อผ้ากางเกงกีฬา นั่นยิ่งทำให้ร่างบางชะงักจนต้องหันหน้าหนี สิ่งนั้นกำลังขยายตัว ซ้ำมันยัง… ไม่เล็ก ไม่คิดเลยว่าจะได้สัมผัสสิ่งที่ไม่ควรสัมผัส
“ผ่อนคลายครับ… ดอนไม่ทำอะไรตัวเล็กหรอก…”
“ตะ แต่-”
“เชื่อใจดอนไหม?”
“…”
“แล้วมันจะดีขึ้นเอง…” เอ่ยจบร่างสูงก็ดึงให้คนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าใสยังคงกลัวจนเขาต้องจับให้เงยขึ้นมามอง ตากลมคู่นั้นสั่นคลอนจนอยากนึกเอ็นดู น่ารัก… น่ารักเกินไปแล้ว มือบางข้างหนึ่งยังคงสัมผัสส่วนนั้นของดอนไว้
“สัมผัสมันไว้…”
“มะ มันน่าอาย”
“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกนุ่ม ๆ เหมือนออดอ้อนทำให้ดัซยิ่งเม้มปากก่อนร่างบางจะยอมทำตามที่คนตัวสูงบอก ดอนจัดการสอดมือเข้าไปใต้กางเกงของคนตัวเล็กจนเจ้ากรรมสะดุ้ง ก่อนจะได้เอ่ยห้ามทุกอย่างมันก็สายไปแล้วเมื่ออะไร ๆ ของคนทั้งสองถูกงัดออกมาสัมผัสกัน ใบหน้าใสซุกลงที่ไหล่แกร่งอย่างรู้สึกเขินอายและตื่นเต้น ไม่กล้าเลย… ไม่กล้ามองส่วนที่น่าอายของตัวเองที่กำลังสัมผัสกับของคนตัวสูงเลย แต่มือหนาบังคับให้เขาเลื่อนมือไปสัมผัสและกำมือเขาไว้
“อะ อื้อ…”
จุ๊บ…
“ใจเย็น ๆ ครับ… ผ่อนคลาย” ใบหน้าคมจุ๊บลงที่พวงแก้มเนียนก่อนจะเลื่อนมือที่กำมือของร่างเล็กให้ขยับรูดรั้งอะไร ๆ ที่สัมผัสกัน จมูกคมหอมหัวหอม ๆ ตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู มือยังคงเลื่อนส่วนนั้นจนเขาเองก็มีอารมณ์หนักขึ้นเรื่อย ๆ เสียงครางของคนตัวบางดังขึ้นเบา ๆ ทำให้ยิ่งอดใจไม่ไหวเพิ่มแรงขยับมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเริ่มที่จะถึงจุดนั้น
“ดะ ดอน… อะ อื้อ”
“อืม…”
“ระ เราจะ-”
“ผมก็-”
“อ่า~” ทั้งสองคนตัวเกร็งพร้อมกับสำเร็จความใคร่ออกมาพร้อม ๆ กัน น้ำอะไรบางอย่างกระเด็นออกมาไม่มากแต่เลาะเสื้อและมือของทั้งสอง ครั้งแรกของดัซกับการปลดปล่อย ทำให้ร่างบางตื่นเต้น ตัวสั่นบวกกับความเหนื่อยอ่อนจนหมดสติไปทั้ง ๆ ที่ทับตักแกร่งและซบไหล่ของดอนอยู่
“ตัวเล็ก…”
“…” ใบหน้าคมเลิกคิ้วก่อนจะขยับคนตัวบางออกมามองถึงได้เห็นว่าเปลือกตาขาวปิดลงพร้อมเสียงหายใจเบา ๆ ตอนแรกตกใจ แต่นึกได้ว่าคนตรงหน้าอาจตื่นเต้นและเหนื่อยเกินไปจนหลับทั้งอย่างงี้…
จุ๊บ…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
:L2: :pig4:
+1
-
E20 “ดอนจะเล่าให้ฟัง”
“ขอบใจนะจ๊ะ มีปัญหาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อน เลยได้ให้ช่างมาซ่อมให้แล้วมันก็ไม่ได้เสียอีกเลย…”
“ยินดีครับ ถ้าแม่อยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เสมอเลยนะครับ…”
“จ้า… เรานี่หล่อแล้วยังนิสัยดีอีกนะ ดูคนที่นอนหลับอยู่บนบ้านสิ อ่อนแอแล้วยังเถียงเก่งอีก”
“ฮ่า ๆ ๆ ตัวเล็กเถียงเก่งด้วยเหรอครับ?”
“เขาก็ชอบบ่นพึมพำเวลาจะเถียงแม่น่ะ... ตัวเล็ก? เรียกได้น่ารักจัง แม่ว่าดัซน่าจะเตี้ยมากกว่านะ...”
“อ๋อครับ... แต่คงเรียกแบบนั้นไม่ได้ฮ่า ๆ ๆ” ดอนเดินตามหญิงผู้เป็นแม่ของคนตัวเล็กที่หลับอยู่บนห้องเข้าไปในบ้าน เนื่องจากท่านกลับมาก็เหลือเพียงแค่เขาที่ยังไม่ได้นอน ตอนนี้จะสี่ทุ่มครึ่งอยู่แล้ว เลยถือวิสาสะอาบน้ำตอนที่ร่างบางหลับ ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ตื่น จนแม่กลับมาแล้วพบว่าไฟในบ้านมีปัญหาเขาจึงช่วยซ่อมให้ สรุปคือฟิวส์มันขาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เขาเปลี่ยนเป็นและที่บ้านของตัวเล็กมีอุปกรณ์ครบครันด้วยจึงค่อนข้างง่ายในการซ่อมแซม ในที่สุดไฟในบ้านก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
“แฟนเหรอ? ดัซบอกว่าแอบชอบดอนแต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแฟนกันเลยหนิ เขาบอกแม่ว่าไม่ได้หวังเพราะเห็นดอนเป็นผู้ชายแถมยังดังในโรงเรียน…” ร่างสูงช่วยถือของมาวางไว้ในครัวก่อนจะถูกถามด้วยประโยคที่ทำให้เลิกคิ้ว
“จริง ๆ แล้ว… ตอนนั้นตัวเล็กไม่พอใจที่ผมทำอะไรไม่เคลียร์ บอกจะดูแลในห้องพยาบาลแต่ก็เอาแต่บอกให้ผมไปติว คงคิดว่าผมแค่ให้ความหวัง ตอนนั้นเลยพูดไปแบบนั้นครับ…”
“…” หญิงเจ้าของบ้านเลิกคิ้วก่อนจะเดินไปจัดของที่ซื้อมาในระหว่างทางซึ่งมีอาหารด้วย จริง ๆ จะซื้อมาไว้ให้เด็กสองคนที่บ้านทานตอนเช้านั่นแหละ
“แม่ไม่รังเกียจผมใช่ไหม... ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ผมไม่ได้คิดจะหลอกให้ดัซแอบชอบแล้วถอยหนีนะครับ”
“จะรังเกียจทำไม… จริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้ก็มีแค่ดัซอยู่กับแม่สองคน ส่วนพ่อเขาหย่ากับแม่ไปนานแล้ว อยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ ยอมรับว่าแม่หวงลูกชายนะ… เพราะมีแค่เขาคนเดียวจริง ๆ” เธอเอ่ยบอกพลางเดินเอานั่นเอานี่ไปไว้ในที่ที่เหมาะสม ส่วนดอนได้แต่ยืนจับพนักเก้าอี้มองตาม เขาเพิ่งรู้เรื่องแบบนี้เกี่ยวกับตัวเล็กเลย… แต่มันก็คล้าย ๆ ครอบครัวเขา ต่างตรงที่ผู้เป็นพ่อจากไปตั้งแต่เขาเพิ่งเกิดได้ไม่กี่ขวบ
“แม่หวง… แต่แม่ก็อยากให้เขามีคนที่คอยปกป้องดูแลได้ มันอาจจะดูมากไปสำหรับเด็กมัธยมปลายแบบเราทั้งสอง แต่สมัยนี้แล้วอะลูกเอ๊ย… แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชายตัวเองเลยจริง ๆ ในแต่ละวัน…”
“ผมปกป้องดูแลตัวเล็กได้นะครับ…” ได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นบนใบหน้าของเด็กตัวสูงจึงทำให้เธอแอบอึ้งเล็กน้อยก่อนจะเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ
“เรานี่อายุเท่าไรเนี่ย…”
“เอ่อ… อีกไม่กี่อาทิตย์จะสิบแปดแล้วครับ”
“ถึงว่าทำไมดูโต ๆ จะจบมอห้ากันแล้วนะ เตรียมตัวเรื่องจะสอบเข้ามหา’ ลัยยัง…”
“ก็เตรียมบ้างแล้วครับ…” ถึงแม้จะเตรียมมาเยอะแล้วก็เถอะ พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็มักจะรู้สึกเครียดขึ้นทันที อีกไม่กี่อาทิตย์ก็ใกล้สอบปลายภาคแล้วด้วย เขาไม่ได้เครียดเรื่องสอบในโรงเรียนหรอก จะเครียดก็แต่โอเน็ต แกตแพตนี่แหละ คนพี่จะด่าจะว่าหนักแค่ไหนหากเขาทำไม่ได้ตามที่เจ้าตัวหวัง
“นั่งสิ… เราง่วงยัง แม่จะคุยด้วยนิดหน่อย…”
“ยังไม่ง่วงครับ…” ทั้งสองค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะอาหาร
“ดัซเขาเป็นคนขี้อายนะ แม่พอมองออกว่าอยู่โรงเรียนเขาก็คงไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอะไร…”
“สำหรับผม… ตัวเล็กโดดเด่นมากเลยนะครับ” ได้ยินเช่นนั้นหญิงผู้เป็นแม่ของคนที่ถูกชมถึงกับเผลอยิ้ม
“นี่ถ้าไปพูดจาหวาน ๆ แบบนี้ใส่เจ้าตัวเขาเองคงเขินแย่เลย… ว่าแต่ดอนเป็นคนยังไง เราเป็นเด็กเกเรรึเปล่า ดื่มสุรา สูบบุหรี่ไหม แม่ไม่อนุญาตให้ดัซเสพของพวกนั้นนะ ค่อนข้างเป็นห่วงเลยแหละ…” เธอพูดด้วยใบหน้าแอบจริงจัง
“ปกติผมไม่เสพของพวกนั้นครับไว้ใจได้ เคยมีแค่ดื่มเบียร์กับเพื่อน ๆ ผู้ชายด้วยกันตอนงานสังสรรค์นิดหน่อย… แต่ถึงในอนาคตผมจะดื่มมากกว่านี้ไหม ยังไงก็คงไม่ยอมให้ตัวเล็กดื่มเหมือนกันครับ” ถึงจะดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ยังไง เขาก็ไม่มีทางยอมให้ตัวเล็กทำแบบนั้นแน่ ๆ ตอนนี้อาจจะแค่ดื่มเบียร์นิดหน่อย แต่ในอนาคตจะเป็นไงก็ไม่สามารถรับรู้ได้
“เราพูดดูมีความน่าเชื่อถือดีนะ ไม่พยายามปฏิเสธแม่ทุกอย่าง อย่างน้อยก็ยังมีบอกว่าดื่มเบียร์และไม่มั่นใจอนาคต… ถูกต้องแล้วที่เราคิดแบบนี้ ไม่มีใครแน่นอนหรอกว่าต่อไปเราจะเป็นยังไง แต่แม่ไม่ได้ห้ามให้เราเสพของแบบนั้นหรอก แค่ไม่อยากให้ดัซไปเสพของพวกนั้นสักเท่าไร…”
“ครับผม… ยังไงผมก็ไม่ได้ดื่มบ่อย ๆ อยู่แล้ว นาน ๆ ทีเลยแหละ จะพยายามกันตัวเล็กออกจากของแบบนั้นด้วย” แต่ละประโยคที่เด็กตัวสูงเอ่ยออกมามันช่างเหมือนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเสียเหลือเกิน เธอไม่ได้หวังกับความคิดของเด็กที่กำลังจะจบมอห้าเลย แต่ต้องยอมรับว่าสมัยนี้เด็ก ๆ โตเร็วกันจริง ๆ ทั้งวุฒิภาวะและความคิด จะทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีไม่ยอมฟังความคิดเด็กที่เขาเกิดมาเพื่อยุคนี้จริง ๆ ก็คงจะไม่ได้
“เราชอบดัซใช่ไหม?”
“ชอบมากครับ…”
“ทำไมต้องรีบตอบมากขนาดนั้น ฮ่าๆ ๆ”
“…” ใบหน้าหล่อแอบเขินเล็กน้อย ก็เขาชอบตัวเล็กจริง ๆ ให้ทำไงได้… คิดแล้วว่าหากเป็นผู้ชายถ้าไม่ใช่ตัวเล็กก็คงไม่มีใครที่จะทำให้เขาหลงรักได้อีก มันไม่มีจริง ๆ คนที่ทำตัวแบบนี้กับเขา ไม่ใช่แค่การกระทำน่ารัก ๆ ตอนนี้ แต่เป็นการกระทำของดัซตั้งแต่ก่อนเขาจะเข้าหาอีกต่างหาก…
“ดีแล้ว… แล้วนี่ทานข้าวกันแล้วใช่ไหม?” เธอถามพลางปอกผลแอปเปิลลูกสีเขียว
“เอ่อ… คือยังไม่มีใครทานข้าวเลยครับ”
“ห๊ะ? จริง ๆ เลยทำไม่พากันทานเนี่ย แล้วดัซทำไมถึงหลับได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทานข้าวทานยาเลย…”
“…” คงไม่ต้องสงสัยทำไมเจ้าตัวถึงหลับ เขาอุตส่าห์เปลี่ยนกางเกงกับเสื้อให้ร่างเล็กแล้วด้วย ทำไมอยู่ดี ๆ ดันใจสั่นขึ้นแปลก ๆ คนตัวเล็กน่ารักเกินไปจริง ๆ
“เราช่วยแกะถุงอาหารก่อน เดี๋ยวแม่-”
“แม่…” เสียงเรียกใส ๆ ดังขึ้นจนคนในครัวต้องหันไปมอง ดัซที่ตื่นขึ้นมาด้วยความเขินไม่เห็นมีคนตัวสูงจึงได้เดินลงมาข้างล่าง พอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ทำเรื่องแบบนั้นกับเขาใบหน้าใสถึงกับเห่อร้อนขึ้นทันที
“มาทานข้าวเดี๋ยวนี้เลยนะเราอะ…”
“คะ ครับ…” ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ ๆ มองคนที่กำลังลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันหนีเพราะเขิน
“โอเคขึ้นไหมครับ?”
“อะ อื้ม…”
“…” ใบหน้าคมทำได้เพียงยิ้มให้ เขาอยากจะขำจริง ๆ แต่ต้องเดินไปช่วยแม่ของตัวเล็กจัดอาหาร ดัซจึงเดินไปตักข้าวที่หุงไว้ตั้งแต่บ่ายมาเสิร์ฟ เหมือนแม่จะกดอุ่นไว้แล้ว ดีนะที่เหลือมากพอ รู้ว่ามื้อดึกมันไม่เหมาะ แต่เพราะยังไม่มีใครทานเลยจำเป็นต้องทาน จนในที่สุดก็นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ฝั่งหนึ่งเป็นแม่ของร่างบาง อีกฝั่งเป็นเจ้าตัวและคนตัวสูง
“เราคบกันแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”
“มะ แม่…” ร่างเล็กถึงกับชะงักช้อนที่กำลังจะตักอาหาร คนตัวสูงที่นั่งข้าง ๆ เลยแอบยิ้มขำ
“เนี่ยดอนบอกไม่ได้คิดจะเล่น ๆ กับเรานะ…”
“…” ใบหน้าใสแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หันมามองคนนั่งข้าง ๆ ก็ไม่เห็นคนตัวสูงจะมีอาการปฏิเสธอะไรเลย แต่เขานี่สิ… เขินแล้วเขินอีกจนจะช็อกตายแล้วเนี่ย อีกอย่างคือเรื่องก่อนหน้า ดอนเล่นงานซะจนเขาเป็นอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือหลับไปทั้งอย่างนั้น ตื่นขึ้นมาก็ไม่ง่วงเลย มีแต่ความเขินนี่แหละ ใครจะไปคิดว่าดอนจะทำอะไรน่าอาย ๆ แบบนั้นกับเขา
“เรื่องเข้าค่ายแม่คุยให้ทั้งดอนและดัซแล้วนะ ไม่ต้องกังวลครูไม่ได้ว่าอะไร…”
“อีกแล้วนะแม่…”
“หยุดห้ามแม่เลยดัซ ไปเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก…” ใบหน้าใสทำได้เพียงย่นจมูกก่อนจะตักข้าวใส่ปากเพราะปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าหิวสุด ๆ อาหารที่แม่ซื้อมาแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะไม่อร่อย
“แล้วทางบ้านของดอนจะไม่ว่าอะไรเราใช่ไหม?”
“อ๋อ… ไม่มีใครสนใจหรอกครับ” ถึงแม้พอกลับบ้านทุกคนจะจ้ำจี้จ้ำไช แต่พอเขาไม่อยู่ก็ไม่มีใครตามกวนใจหรอก เพราะฉะนั้นเลยมักออกจากบ้านบ่อย ๆ ไปนอนกับเพื่อนบ้าง เล่นบอลที่โรงเรียนจนกลับช้า ๆ แล้วเก็บตัวอยู่ในห้องตอนอยู่บ้าน แต่ชีวิตเขาเหมือนจะเปลี่ยนไปตั้งแต่มีคนตัวเล็ก ๆ เข้ามาในสายตา
“แปลกนะที่แม่เพิ่งเคยเห็นหน้าเรา ดัซเขาบอกว่าแอบ-”
“แม่… กินข้าวไม่คุยนะ…” ทำไมแม่ชอบแฉความลับของเขาที่เคยคุยด้วยกันด้วย
“ลูกคนนี้ อ่า ๆ แม่ก็แค่อยากคุยด้วย งั้นรีบพากันทานข้าวเลย... และดัซต้องทานยาด้วย” หลังจากนั้นทั้งสามก็นั่งทานข้าวกันไปก่อนจะทานเสร็จ แม่ก็ไล่ให้ขึ้นไปนั่งบนห้องเพราะดึกแล้ว แต่ยังคงนอนไม่ได้เพราะเพิ่งทานข้าวมา ดัซเองยังไม่อาบน้ำ แต่ต้องรออีกสักพักถึงจะอาบ
“ผมตกใจที่ทำให้ตัวเล็กหลับ…”
“ยะ อย่าพูดถึงนะ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ทำไม่ชอบทำหน้าแบบนั้น ผมมองว่าน่ารักนะครับ”
“ฮืออออ… ดอนใจร้าย!”
“ชินได้แล้ว เดี๋ยวก็จะแต่งงานกันแล้ว”
“ดะ ดอน!” ร่างสูงขำก่อนจะเดินมานั่งลงบนขอบเตียงที่คนตัวเล็กนั่งอยู่ มือหน้าเลื่อนไปลูบผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดูจนดัซต้องย่นจมูกหดคอ
“ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง ฟังไหม?”
“หือ… อะไรอะ?” เหมือนเจ้าตัวจะดูสงสัยขึ้นทันที ยิ่งมองตากลม ๆ หน้าใส ๆ เหมือนเด็กนั้นเขายิ่งนึกเอ็นดู รอยยิ้มจุดขึ้นบนใบหน้าคมก่อนจะค่อย ๆ ผละมือออกแล้วยิ้มให้
“ไม่ต้องเขินนะครับ… คือจริง ๆ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับผู้ชายเลยนะ กับผู้หญิงก็ไม่เคย ตัวเล็กคิดว่าผมเคยมีแฟนรึเปล่า?” ได้ยินใบหน้าใสจึงขมวดคิ้วเหมือนพยายามคิด จะว่าไปเคยเห็นดอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแต่ก็เห็นแค่วันสองวันแล้วก็ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่กับใครอีกเลย
“ผมไม่เคยคบกับใครหรอก เคยมีคุย ๆ และไปไหนด้วยกันอยู่บ้าง แต่ไม่เคยมีแฟนจริง ๆ จัง ๆ เลย กับพี่มะม่วงก็เคยถูกหลอกให้ชอบ จนไม่ได้เชื่อใจใครอีกเลยครับ…”
“อื้ม… แต่เราก็ไม่เคยเห็นดอนคบกับใครเลยนั่นแหละ” ทั้งสองไม่ได้มองหน้ากันแต่อย่างใด ต่างคนต่างมองไปทางอื่น ดัซก้มลงมองผ้าห่มส่วนดอนมองไปยังหัวเตียง
“ใช่ครับ… แต่กลับมาแอบชอบผู้ชายตัวเล็กนี่สิ”
“…” จังหวะนี้ทั้งสองกลับสบตากันพอดี...
“เขินจนน่ารักอีกแล้ว ขอหอมหน่อยครับ…”
หมับ…
“อะ อ๊ะ!” มือหนาดึงท้ายทอยขาวเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อที่จะหอมหัวของคนตัวเล็กก่อนจะผละออกจนดัซหน้าแดงเป็นพริกหยวก
“ชื่นใจ…”
“ดอนขี้โกง!”
“ฮ่า ๆ ๆ เลิกเขินได้แล้ว… ผมจะเล่าให้ฟังว่าจริง ๆ แล้วผมแอบชอบตัวเล็กตั้งแต่ตอนไหน จะฟังไหมครับ?”
“ระ เราต้องเขินแน่นอนเลย… แต่แปลกอะดอนน่ะเหรอแอบชอบเรา?”
“ก็แปลก… ผมยังงงตัวเอง แต่กลับมาคิดแล้วอยากจะขอบคุณหัวใจที่มันรู้สึกแบบนี้กับตัวเล็ก”
“…”
“ฮ่า ๆ ๆ เลิกทำให้เขินแล้วก็ได้…”
“ละ เล่าได้แล้ว…”
“ฟังนะครับ…”
“…”
“…” เงียบ...
“…” ตั้งใจ...
“ผมรักดัซ... เป็นแฟนกันไหมครับ?”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E21 “รักต้องเสี่ยง”
หลายครั้งที่ตาเผลอมองไปเห็นร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เชียร์ ตากลมคู่นั้นมองมายังตัวเองที่เล่นบอลอยู่กลางสนาม หลายครั้งที่ได้รับขนมหน้าตู้ล็อกเกอร์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครเอามาให้ โน้ตในกระดาษที่ติดมาด้วยเขียนไว้
“ทานให้หมดน๊า เล่นบอลเย็นนี้สู้ ๆ ด้วย ฮึบ!”
กำลังใจที่ไม่เคยได้รับจากใครเป็นลายลักษณ์อักษรหรือของกิน เพราะมีแต่คนชมว่าหล่อและดูดีผ่านทางโซเชียล ไม่มีใครมานั่งดูเล่นบอลทุกวันหลังเลิกเรียน ไม่มีใครมาหลบสายตาและทำตัวเลิ่กลั่กให้เห็นเลยจริง ๆ นอกเสียจากผู้ชายตัวเล็กรุ่นเดียวกันคนนั้น
“ดอน ๆ พรุ่งนี้มึงจะเล่นอีกป่ะ?” เจ๋งมันถามผมในขณะที่พวกเรากำลังออกมาจากสนามหลังเล่นเสร็จ ด้วยความที่ในใจมันเริ่มสนใจใครสักคนที่เอาแต่ทำเป็นนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ผมจึงได้ตัดสินใจมองขึ้นไปยังคนตัวเล็กเพื่อสังเกตอาการของเจ้าตัว
“แล้วแต่…” ตอบแต่ตายังคงมองใครคนนั้น และก็เหมือนเคย… ทุกครั้งที่ผมเล่นบอลเสร็จร่างเล็กก็มักจะกลับบ้านพอดี คิดว่าผมจะไม่สงสัยรึไงว่าเจ้าตัวคิดอะไรกับเราอยู่กันแน่ มันทำให้เผลอนำภาพใบหน้าใส ๆ นั้นเข้ามาเก็บไว้ในหัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับผู้ชายด้วยกันแล้ว
“เฮ้ยมึงกูกลับก่อนนะ…” ตัดสินใจรีบดึงกระเป๋าแล้วสาวเท้าตามคนตัวบางออกไปจากโรงเรียนรัว ๆ ที่จริงคือเอารถจักรยานยนต์มาครับ แต่สมองคิดอะไรอยู่ไม่รู้ถึงได้อยากจะเดินตามเพื่อนคนนั้นไป รู้ตัวอีกทีก็อ้อมร่างเล็กไปหยุดยืนขว้างทางที่เจ้าตัวกำลังเดินก้มหน้าตรงมาช้า ๆ เหมือนเด็ก ชนแน่ ๆ ต้องชนเราแน่ ๆ
กึก...
กะแล้วเชียว… เจ้าตัวแอบชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ทำหน้านิ่ง ๆ ใส่ ใบหน้าใสดูตกใจจนน่าแปลก ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย ผิดสังเกตเกินไปแล้วนะ
“อ๊ะ! ดะ ดอน” รู้จักชื่อเราด้วย… ซ้ำยังทำตัวแปลก ๆ เหมือนกับเห็นเราเป็นผี แต่ทำไมถึงได้มองคนตรงหน้าเหมือนเด็กน่ารัก ๆ คนหนึ่ง ถึงเจ้าตัวใกล้จะจบมอห้าพร้อมผมแล้วก็เถอะ หน้าใส ๆ ตากลม ๆ ผิวขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นคำว่า ‘น่ารัก’ ผมไม่รู้ชื่อคนตรงหน้า พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกเพราะว่าไม่ค่อยได้เห็นเลยไม่รู้จัก แต่ดู ๆ สภาพหน้าตาและรูปร่างแล้วเลยคิดว่าคำคำนี้น่าจะเหมาะกับการเรียกมากที่สุดแล้ว
‘ตัวเล็ก…’
“อะ เอ่อ… คือ… ขะ ขอโทษ…” เหมือนตัวเล็กจะตกใจทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเลิ่กลั่กนั้นเอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะหลบผมแล้วรีบเดินหนี แต่เดี๋ยว ๆ เสาป้าย ๆ
ปั่ก…
“โอ๊ยยยย…” กะแล้วเชียว มองตามหลังตัวเล็ก ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ มันเลยทำให้ผมเผลอยิ้ม ในใจคิดแล้วว่าต้องหาโอกาสเข้าหาเจ้าตัว จนเรื่องราวทุกอย่างผ่านมาเรื่อย ๆ ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองแอบชอบเพื่อนผู้ชายคนนี้ไปแล้ว พยายามเข้าไปจีบจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่ตอนดูหนังด้วยกัน เป็นห่วงไปซะทุกอย่าง ไอ้อาการแบบนี้มันไม่ควรมารู้สึกกับผู้ชายเลย แต่พอเป็นตัวเล็ก ผมคิดว่ามันคุ้มสุด ๆ แล้ว… อย่างน้อยผมแอบชอบเขาผมก็จีบเขาได้ง่าย ๆ ไม่ใช่เพราะเขาใจง่าย แต่เพราะเขาก็แอบชอบผมอยู่เหมือนกันต่างหาก
‘เราทั้งสองต่างก็แอบชอบกันและกัน…’
ปัจจุบัน~
“ผมโชคดีที่แอบชอบใครคนนั้นเขาก็ดันแอบชอบผมกลับด้วย…” ดอนนอนหนุนตักผมเป็นครั้งที่สองแล้วอะ เมื่อกี้เจ้าตัวก็นอนเล่าให้ฟังว่าตัวเองเริ่มแอบชอบผมตั้งแต่ตอนไหน บอกอย่านอนเพราะเพิ่งกินข้าวมาก็ไม่ฟัง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันทำให้ผมเขินและตื้นตันใจมากแค่ไหน ตั้งแต่ที่ถูกเอ่ยขอเป็นแฟนแล้ว แทบอยากจะวิ่งลงไปตะโกนหน้าบ้านดัง ๆ แต่ทำไม่ได้ ยังไม่ตอบตกลงเพราะเขินอยู่ เรื่องเล่าจากปากของดอนจึงเริ่มเปล่งออกมาจนผมต้องตั้งใจฟัง… น่ารักอะผู้ชายคนนี้ รูปร่างหน้าตาดูหล่อแบบเท่ ๆ แต่การกระทำดูน่ารักและอบอุ่นจนผมอยากร้องไห้ เขินจนอยากร้องไห้เข้าใจไหม ฮือออออ... นี่ยังนอนให้ผมลูบผมให้อีกด้วย…
“ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ชอบมานั่งดูบอลหลังเลิกเรียน ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่ไป ๆ มา ๆ ดันรู้สึกชอบเขาเฉยเลยครับ เขาน่ารักดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยหลอกอะไรใครได้…”
ตึกตัก…
“คิดว่าคงรู้สึกไปเอง เลยพยายามไม่สนใจ แต่กลับรู้สึกว่าผู้ชายตัวเล็กคนนั้นชอบทำตัวแปลก ๆ ตอนสบตากับผมหรือตอนผมเข้าใกล้…”
“…” สั่นจนเหนื่อยแล้วหัวใจ เจ้าตัวไม่ได้ผละหน้าออกมาเลย เอาแต่หนุนตักผมไว้แบบนั้น แต่เขินมาก ๆ อะตอนนี้ เขินจนจะเป็นบ้าแล้ว…
“ในเมื่อผมชอบผมก็ต้องจีบเขา… เริ่มจีบตั้งแต่ไลก์รูปและทักไปหาแล้ว…” แล้วตอนเล่าบอกว่าเริ่มจีบตอนอยู่โรงหนัง ดอนร้ายกาจ!!! คนบ้า ฮืออออ…
“…”
“เขาน่ารักเกินไป แถมยังไม่รู้อีกว่าผมจีบ…”
“ดอน…” ฮืออออ… ใบหน้าหล่อผละออกมามองหน้าแล้วยิ้มให้ ผมตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว ตายกูตาย… ไม่ไหวแล้วดัซ…
“เป็นแฟนผมนะครับ…”
กึก…
“…” รอบที่สองเหรอ ลาก่อน~
“เราสองคนแอบชอบกัน ก็ต้องเป็นแฟนกัน…”
“ระ เราจะตายแล้ว…”
“…”
“แต่ปฏิเสธไม่ได้เลย ฮือออ…”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็น่ารักแบบนี้ไง…” มือหนาดึงผมเข้าไปซุกไหล่แล้วลูบหัวเบา ๆ ดอนขี้โกงงง…
“เป็นแฟนกันแล้วนะครับตัวเล็ก…”
“อะ อื้ม…”
ฮืออออออ…
________________________________________
หลายวันผ่านไป~
“เหนื่อยไหมครับ?” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคอยู่ในห้องสมุด เงยหน้าขึ้นไปมองจึงเห็นเป็นดอน ร่างสูงวางหนังสือลงก่อนจะนั่งลงแล้วส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกครั้ง ไม่รู้ทำไมทุกทีที่เห็นใบหน้าหล่อ ๆ นี้มันถึงทำให้ผมมีความสุขมากขนาดนี้ มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างฉายออกมาจากดอนทำให้ผมมีความสุข คบกันมาได้เกือบจะครบอาทิตย์อยู่แล้ว ดอนพยายามหาโอกาสเข้าหาผมตลอด ก่อนจะนอนก็คุยโทรศัพท์กันจนผมหลับ ตอนเช้าก็โทรมาปลุก อยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้เจอ แต่เราสองคนมักจะมาเจอกันที่ห้องสมุดหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จทุกครั้ง แต่กลับไม่ค่อยเห็นจะมีใครสงสัยหรือถามอะไรผมเลย จะมีถามก็แต่เพื่อนในห้อง ยอมรับว่าโดนแซวแต่บอกไปว่าเป็นแค่เพื่อนจนทุกคนไม่ได้ถามอะไรแล้ว ก็คงคิดว่าผมกับคนตรงหน้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ นั่นแหละมั้ง หลายคนก็เครียด ๆ เรื่องสอบปลายภาคเลยไม่ได้เอาเวลามาคิดเรื่องแบบนี้ ส่วนคนที่รู้เรื่องนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ไอ้เลย์ มันเคยมาคุยกับดอนเรื่องของผมแล้ว ผมจะปกปิดได้ยังไงก็คนตัวสูงดันหาโอกาสเข้าหาไม่แคร์อะไรแบบนี้
“ดอนกินข้าวแล้วใช่ไหม?”
“เรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้เดินผ่านเลย์ด้วย เหมือนจะไปเล่นบาสกับเพื่อน…”
“ใช่ ๆ มันมาส่งเราที่นี่แล้วเอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง ก็น่าจะลงไปเล่นบาสนั่นแหละ…”
ส่วนระดับความเขินจากเจ้าตัว ผมเริ่มชินจนไม่ค่อยได้เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกใจสั่นอ่อน ๆ เวลาอยู่กับดอน… อีกอย่างช่วงที่ผ่านมาดอนก็ไม่ได้สัมผัสตัวจนผมรู้สึกช็อกด้วย ซึ่งมันทำให้ผมโล่งอกและสบายใจไม่น้อย…
“ไม่รู้ว่าตัวเล็กจะรู้สึกเหมือนกันกับผมรึเปล่า…”
“…” สักพักคนตัวสูงก็เอ่ยขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว เราทั้งสองนั่งอยู่ในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น เนื่องจากตู้หนังสือบังอยู่ แอร์ก็เย็นเสียจนทำให้รู้สบาย แถมยังเงียบอีกต่างหาก เวลาคุยกันก็ต้องคุยเบา ๆ มันเหมาะกับการนอนมากกว่าอ่านหนังสือเสียอีก
“พอมีแฟนแล้วผมรู้สึกติดแฟนอะครับ…”
“หืม… ติดตรงไหนอะ?”
“ไม่รู้ดิ… อยากอยู่ด้วยตลอดเลย”
“ดะ ดอน… ก็อยู่ด้วยบ่อย ๆ แล้วไม่ใช่รึไง…” หน้าผมเริ่มแดงขึ้นอีกละ แต่ทำไมดอนต้องพูดเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่พอใจที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยงี้เหรอ นี่เราคุยกันบ่อยสุดแล้วนะ… ถึงผมเองอยากจะมีเวลาอยู่กับดอนแบบไม่ใช่คุยผ่านโทรศัพท์มากกว่านี้ก็เถอะ
“ไม่พอ…”
“…”
“กอดก็ทำไม่ได้ หนุนตักก็ทำไม่ได้ หอมยังทำไมได้เลย เวลาจะคุยอะไรนาน ๆ แบบเห็นหน้าได้ก็น้อย…”
“ดอน…” พูดแบบนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเขินน่ะสิ แต่ทำไมใบหน้าคมต้องก้มหน้าลงมองหนังสือเหมือนกำลังเครียดกับอะไรบางอย่างด้วย มองแล้วมันทำให้รู้สึกไม่โอเคเหมือนกันนะ เห็นเช่นนั้นจึงต้องลุกขึ้นไปนั่งใกล้ ๆ เจ้าตัว โต๊ะมันเป็นสี่เหลี่ยมมีเก้าอี้อย่างละตัวทั้งสี่ด้าน
“ดอนงอแง…” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสมืออุ่น ๆ ของเจ้าตัวจนใบหน้าคมยอมเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วพร้อมกับเปลี่ยนเป็นจับมือผมไว้
“จริง ๆ ผมแค่กังวล… กลัวว่าเราสองคนจะคบกันได้ไม่นาน…”
“…” ได้ยินผมถึงกับขมวดคิ้ว มือหนาจากที่จับไว้เบา ๆ เปลี่ยนเป็นจับไว้แน่นขึ้น กลัวว่าจะคบกันได้ไม่นานเหรอ?
“ผมมักจะได้ยินคำพูดจากพี่กับแม่ตลอดเลยครับว่ารักในวัยเรียนจะไปเอาอะไรมากมายกับมัน ผมแค่กลัว… เคยได้ยินไหมครับว่าโอกาสที่คนที่เราแอบชอบจะชอบเรากลับมันมีน้อยมากเลยนะ… แล้วโอกาสนี้มันดันเกิดขึ้นกับชีวิตของเราสองคน”
“…”
“มันไม่ง่ายเลยที่ผมจะทำใจได้หากวันหนึ่งไม่ได้คุยกับตัวเล็กแบบนี้อีก”
“ดอนคิดมาก…” ผมเอ่ยบอกเสียงแผ่ว แต่กลับต้องก้มหน้าลง เอาจริง ๆ กลับคิดตามในสิ่งที่คนตัวสูงบอกเฉยเลย ถ้าเป็นผมก็คงทำใจไม่ได้ ลองย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราว ๆ เก่า ๆ แล้วอดคิดถึงไม่ได้เลยจริง ๆ
“แต่ผมไม่ยอมนะ… ตัวเล็กจะเข้าที่เดียวกันกับผมไม่ใช่รึไง?” ได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ใบหน้าคมดูมุ่งมั่นเสียเหลือเกิน จริง ๆ ก่อนหน้านี้ดอนได้ถามผมแล้วว่าอยากเข้าที่ไหน พอบอกไปร่างสูงก็ดีใจใหญ่เลยเพราะมันคือที่เดียวกันกับเจ้าตัว ตอนแรกที่บ้านของดอนเหมือนจะบังคับให้เลือกแพทย์แต่ดอนปฏิเสธเสมอมาว่าไม่โอเคเพราะอยากเขาวิศวะฯ สุดท้ายเลยถูกพี่ชายท้าว่าถ้าจะเอวิศวะต้องเขาของมหา’ ลัยนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมอยากเขาเลย แต่คะแนนค่อนข้างสูงเป็นพิเศษเพราะฉะนั้นจึงต้องขยันเป็นพิเศษเช่นกัน…
“ถ้าดอนเครียดเรื่องนี้มันจะทำให้ยิ่งไม่มีสมาธิแล้วทุกอย่างยิ่งแย่ลงนะ เราคบกันเราไม่ต้องหวังอะไรไปมากกว่าการที่รักกันไว้ได้ไหม?”
“ผมรู้…”
“งั้นสัญญากับเราได้ไหม…”
“…” ไม่อยากให้ดอนเครียดเลย ผมเองก็เพิ่งเคยมีแฟน ดอนก็ไม่เคยคบใครจริง ๆ จัง ๆ ยิ่งคู่แบบเรา ๆ มันยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรักในคนบางกลุ่ม ถึงจะเปิดเผยและยอมรับมากขึ้นแล้วก็ตาม
“ถ้าดอนไม่มั่นใจแล้วเราล่ะ…” จำต้องเม้มปากก้มหน้าลงเลยเห็นไหมดอนอะ! ทำให้เครียดจนไม่มีสมาธิเลยนะตอนนี้…
“ครับ… ผมสัญญา ต่อไปอาจจะเครียดเรื่องสอบงั้นเราต้องช่วย ๆ กันนะ ดอนโง่อิ้งส่วนดัซไม่ถนัดวิทย์กับเลข ก็สลับช่วยกันติว…”
“…” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นมามองดอนที่เปลี่ยนใบหน้าเป็นจริงจังได้ง่าย ๆ ผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้ตลอดเลย… พอพูดอะไรจะยอมเชื่อฟังได้ง่าย ๆ รักษาสัญญาอีกต่างหาก เราสองคนไม่เคยโกหกกันเลยจริง ๆ
“เย็นนี้ผมจะพาดัซไปหาแม่กับพี่ที่บ้าน…”
“ห๊ะ?”
“…”
“ตะ แต่ดอนบอกว่าพี่ชายดอนน่ากลัวนะ แล้วไหนจะแม่อีก ถ้า-”
“ไม่งั้นผมคงไม่มั่นใจ… ดอนจริงจังกับตัวเล็กแล้วนะ ดอนต้องบอกคนในครอบครัว ถ้าเขาไม่ยอมรับดอนก็จะทำทุกอย่าง เรารักใครเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้เราได้รักกับเขาต่อไปไม่ใช่เหรอครับ?” น้ำเสียงจริงจังจากคนตัวสูงทำให้ผมอึ้งจนเผลอจ้องหน้ากับเจ้าตัวอยู่อย่างนั้น ดอนเคยบอกผมเรื่องครอบครัว อีกทั้งยังเคยถูกพี่ชายตบหน้า… แล้วถ้าหากพาผมกลับบ้านแล้วไปบอกว่าคบกันอยู่ เราต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้างอะดัซ แต่… ผมรักดอนหนิ แอบชอบมาตั้งนานจนเราทั้งสองได้คบกัน แค่นี้จะยอมแพ้เหรอดัซ… คิดได้ผมจึงออกแรงบีบมือหนาหนักขึ้นพร้อมกับยิ้มให้
“อื้ม… ก็เราเป็นแฟนกันหนิ เสี่ยงยังไงก็ยังมีดอนอยู่ด้วยตลอด…” ได้ยินใบหน้าหล่อถึงกับยิ้มให้ซ้ำยังจะขยับเข้ามากอดจนผมต้องดันไว้
“ตะ ตรงนี้ไม่ได้นะ…”
“ขอโทษ… แต่ผมดีใจ ขอบคุณนะครับตัวเล็ก…”
“อื้ม…”
“ว่าแต่ตรงไหนที่จะกอดได้ จุ๊บได้อะ ดอนไม่ยอมนะ…”
“…”
“หรือทำไม่ได้จริง ๆ?”
“ปะ เปล่า… ตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีคนเห็น…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
E22 “Love must go on” (END)
จำได้ไหมตอนที่ผมโพสต์ประโยคหนึ่งลงเฟซบุ๊กส่วนตัวจนเพื่อนหลาย ๆ คนเอ่ยถามถึงว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ผู้ชายที่ผมเอ่ยถึงว่า
(ใคร ๆ เขาก็ชอบนาย...)
จริง ๆ ตอนนั้นที่โพสต์ไปก็เพราะรู้สึกน้อยใจที่ใคร ๆ เขาก็ต่างแอบชอบดอน มันเป็นความรู้สึกที่ถูกสร้างขึ้นมาเองตอนที่เราแอบชอบใครสักคนแล้วเขาคนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เราที่แอบชอบเจ้าตัว แต่ใครจะไปรู้ว่าที่ดอนโพสต์ว่า ‘ตัวเล็ก’ และ ‘รักเดียว’ มันจะหมายถึงผมที่แอบชอบเจ้าตัว ผมถึงได้บอกว่าทุกอย่างมันเหมือนฝัน สิ่งที่อยู่ในโลกของความเป็นจริงแต่เรากลับรู้สึกเหมือนฝันอยู่แสดงว่ามันต้องพิเศษมาก ๆ ใช่รึเปล่า? ดอนบอกกับผมว่าโอกาสของคนที่เราแอบชอบจะแอบชอบเรากลับมันมีน้อย เพราะฉะนั้นในเมื่อโอกาสมันมีน้อยแสดงว่ามันก็ต้องพิเศษมาก ๆ เหมือนกันใช่ไหมครับ? ถ้าใช่… ผมที่อายุเพียง 17 ปี เด็กนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จะพยายามรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด จะเก็บไว้ให้ได้นานพอ ๆ กับอายุของตัวเองเลย… เพื่อนคนหนึ่งเคยถามผมว่าตอนแอบชอบใครสักคนมันเป็นยังไงเพราะเธอไม่เคยแอบชอบใครเลย อยากรู้ความรู้สึกของใครสักคนเวลาที่กำลังแอบชอบใครอยู่ ยอมรับว่าตอนนั้นผมกลับตอบคำถามเธอไม่ได้ จะบอกว่าตอบไม่ได้ก็คงไม่ใช่ คงเพราะยังเขิน ๆ จากการถูกเพื่อนล้อเลยไม่ได้ตอบเธอไป แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าถ้าหากเธอถามจะบอกยังไงดี…
‘In a room full of art but I’ d look at you.’
การแอบชอบใครสักคนมันก็เหมือนตอนที่เรากำลังยืนอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยศิลปะมากมาย ศิลปะที่ล่อตาล่อใจทำให้อยากมอง แต่เรากลับเลือกมองใครคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ในห้องนั้นด้วย ถึงเขาจะมีรูปลักษณ์ไม่โดดเด่นเหมือนศิลปะรอบ ๆ ห้องยังไง แต่เขาคนนั้นก็จะโดดเด่นขึ้นมาในสายตาของเราทันทีหากเป็นคนที่เราแอบชอบ…
“ระ รอนานไหมครับ…” เสียงพูดติดหอบดังขึ้นพร้อมกับเสียงวิ่งมาหยุดจนต้องหันไปมอง ร่างสูงที่ไม่ได้เอาเสื้อออกนอกกางเกงเหมือนทุกครั้งหายใจหอบจนคนมองต้องเผลอยิ้ม ดอนบอกให้ผมนั่งเล่นรอกับเลย์ที่ไหนก็ได้เพราะเจ้าตัวมีธุระเรื่องงานกลุ่มกับเพื่อน ๆ นิดหน่อย แต่เลย์มันก็ดันมีธุระอะไรของมันก็ไม่รู้ ผมจึงได้นั่งอยู่คนเดียวหลังตึกอำนวยการใกล้ ๆ กับโรงจอดรถ
“ทำไมต้องวิ่งด้วย ค่อย ๆ เดินมาก็ได้…”
“ได้ไง… ผมทำให้ตัวเล็กรอกี่ครั้งแล้ว ทำตัวเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องอยู่เรื่อยเลย…”
“ดะ ดอน…” ผมหันไปมองรอบ ๆ เห็นคนกำลังเดินมาเอารถ โชคดีนะที่ไม่มีคนหันมามอง เหมือนจะไม่มีคนสนใจเลยด้วยซ้ำ แต่จะมีใครได้ยินไหมก็ไม่รู้ เกือบแย่แล้วดัซเอ๊ยดัซ ทำไมดอนต้องพูดดังด้วยอะ หันไปมองเจ้าตัวกลับเลิกคิ้วเหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย
“ตัวเล็กกลัวเหรอ?”
“…”
“ดอนไม่แคร์ว่าใครจะพูดอะไรยังไงนะครับ แต่ก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเล็กไม่สบายใจ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีใครถามดอนก็จะไม่บอก แต่จะไม่ปฏิเสธว่าเราเป็นอะไรกัน…” ใบหน้าคมดูจริงจังขึ้นอีกแล้ว เห็นแล้วทำให้อดยิ้มก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ ไม่ได้เลย ร่างสูงจึงคลี่ยิ้มแล้วเดินมาแย่งกระเป๋าผมไปกอดไว้ ดอนจะตามใจผมเกินไปแล้วนะเนี่ย บริการทุกอย่างเลย
“จริง ๆ เราไม่ได้กลัวสักหน่อย…” ร่างสูงชะงักหยุดหันมามอง
“เราโอเคที่ได้เป็นแฟนกับดอนนะ โอเคมาก ๆ เลยด้วย… แต่แค่คิดว่าการที่เราเป็นแฟนกันก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีคนรู้เยอะ ๆ สักหน่อย อีกอย่าง… เอฟซีดอนจะฆ่าเรารึเปล่าก็ไม่รู้” คงมากันเป็นกองทัพอะเอาจริง ไม่พ้นเรื่องเหยียดเพศชัวร์เลยดัซ ฮือออออ…
“ไม่มี๊~”
“ไม่มีอะไรล่ะ!”
“เอฟซีไง…” ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่บอกอีกแล้วนะ! อยากจะตีแขนดอนจริง ๆ แล้วดูกอดกระเป๋าผมไว้แน่นอะไรซะขนาดนั้น คนที่ดื้อคือผู้ชายคนนี้นี่แหละ
“มีแต่แฟนเนี่ย อยู่ข้าง ๆ”
“ดะ ดอน!”
“ฮะ ฮ่า ๆ ๆ” ชอบทำให้เขินตลอดเลย ที่จินตนาการไว้ว่าอยากเดินเคียงข้างกัน หัวเราะหยอกล้อกันกับคนที่เรารักในที่สุดมันก็เป็นจริงแล้วสินะ ผมมีความสุขมากแค่ไหนใครจะไปรู้ คนที่ไม่เคยมีแฟนพอได้มีโอกาสเข้ามารู้จักความสัมพันธ์นี้มันกลับรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่เรื่องราวดี ๆ ก็ตาม อาจจะมีอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมาเป็นเรื่องปกติ เหมือนที่ผมบอกถึงอุปสรรคของความรักในตอนต้นว่ามันสามารถพัดผ่านเข้ามาในชีวิตได้ตลอด…
ผ่านไปเกือบ 30 นาที~
“…” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มีโอกาสมาบ้านของดอน ผมหยุดยืนมองเข้าไปในรั้วบ้านในขณะคนตัวสูงจอดมอไซค์เดินไปเปิดประตูรั้ว บ้านดอนไม่ใช่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเหมือนบ้านผม แต่เป็นบ้านที่อยู่แถวนี้มาตั้งแต่แรก ขับรถห่างมาจากโรงเรียนไกลนิดหน่อยเลี้ยวเข้ามาประมาณกลาง ๆ ซอยก็ถึงแล้ว คล้าย ๆ บ้านปูนสองชั้นทั่วไปแต่บริเวณรอบบ้านมันกว้างกว่า เหมือนจะมีกำแพงรอบบ้านทุกหลังเหมือนหมู่บ้านผมนั่นแหละ แต่ทุกอย่างดูเก่ากว่าหน่อย ๆ ซอยนี้ก็ดูเงียบ ๆ แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
“ตัวเล็กเดินเข้าไปเลยครับ…” ดอนดันรั้วเลื่อนออกให้ผมเดินเข้าไปก่อนเจ้าตัวจะกลับไปขับรถเข้ามาจอดไว้ก่อนเดินไปเลื่อนรั้วไปปิด ทำไมเหมือนไม่มีคนอยู่เลย ผมค่อย ๆ มองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างนึกสนใจ สักพักเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิดประตู ไม่มีคนอยู่จริง ๆ ด้วยเพราะดอนต้องไขกุญแจ
“เข้ามาเลยครับ ตอนนี้พี่กับแม่ผมยังไม่กลับมาจากทำงาน แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็กลับแล้ว…” ได้ยินแบบนั้นจึงค่อย ๆ เดินตามคนตัวสูงเข้าไป ถอดรองเท้าเข้ามาห้องแรกจะเป็นห้องรับแขก มองผ่านเข้าไปน่าจะเป็นห้องครัวเห็นคนตัวสูงเดินเข้าไป มีบันไดขึ้นไปบนบ้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ และมีห้องอะไรอีกก็ไม่รู้
“ขึ้นไปบนห้องผมดีกว่า…” ดอนที่หายเข้าไปหยิบขวดน้ำออกมาจากห้องครัวบอกแล้วเดินนำผมที่ยังทำหน้างง ๆ ขึ้นไปบนห้อง ชั้นสองจะมีทางเดินและมีประตูอยู่ห่างกันสามบานน่าจะเป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคนในบ้านรึเปล่า รอบ ๆ ดูสะอาดสะอ้านตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นมายังชั้นบน ไล่สายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องของคนตัวสูง ดูกว้างกว่าห้องผมอีก ในห้องถูกตกแต่งเป็นโทนสีมืด ซึ่งน่าจะเป็นสไตล์ของเจ้าของห้อง
“ดอนชอบ-”
หมับ…
“อ๊ะ! ดะ ดอน…” อยู่ดี ๆ กลับถูกดึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังซ้ำยังโดนหอมแก้มจนผมชะงัก รู้สึกขนลุกที่จมูกคมถูไปมาที่พวงแก้ม ใจสั่นระรัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ดอนไม่ได้กอดมาหลายวันแล้วนะ…”
“ปะ ปล่อยก่อน…” บอกไปแบบนั้นเจ้าตัวจึงได้ยอมปล่อยจนผมต้องหันไปทำสีหน้าไม่พอใจใส่ ทำไมต้องจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัวด้วย เกือบช็อกไปแล้วไหมล่ะ!!!
“ขอโทษ… ใครจะไม่อยากกอดแฟนตัวเองอะครับ อย่างน้อยดอนก็ไม่ได้ไปกอดตัวเล็กให้คนอื่นเห็นสักหน่อย อุตส่าห์เอาประโยคที่ตัวเล็กบอกในห้องสมุดมาใช้”
“มะ ไม่ต้องทำหน้างอนเลยนะ…” ผมบอกคนที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นงอนแล้วหันหน้าไปมองสำรวจรอบ ๆ ห้องต่อ
“ไม่ง้อเลยเหรอครับ~”
“พะ พอเลย…” ดอนชอบเป็นแบบนี้ตลอดเลย ชอบทำตัวขี้อ้อนให้ผมใจสั่นได้ตลอด จะว่าไปดอนเอากระเป๋าผมไปวางไว้ไหน หันไปมองอีกทีเสื้อนักเรียนเจ้าตัวก็ลอยชายแล้ว กระเป๋าผมถูกวางไว้บนเตียงนอน เห็นผมมองใบหน้าคมจึงเลิกคิ้ว จริง ๆ แล้วรู้สึกไม่โอเคเลยนะที่ต้องมาทำความรู้จักกับคนในครอบครัวของดอนวันนี้ ถึงจะได้ยินเรื่องราวคร่าว ๆ จากปากของเจ้าตัวแล้วก็ตาม แม่ของดอนเป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนพี่ชายจบหมอ เรื่องของพ่อของดอนเจ้าตัวก็ได้เล่าให้ผมฟังแล้วซึ่งผมเองก็รู้สึกเสียใจแทนอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่กังวลตอนนี้คือคนพี่ของดอนที่เจ้าตัวบอกเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแบบสุด ๆ วันนี้เห็นบอกว่ากลับเร็วด้วยเพราะไม่มีเวร ผมกลัว…
“เรากังวลอะ…”
“มีดอนอยู่ด้วยทั้งคนนะครับ”
“เรารู้… แต่ก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าหาก-”
“ผมยอมพี่ทุกเรื่อง แต่จะไม่ยอมเลิกกับตัวเล็กเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม…” ร่างสูงเดินมาดึงผมเข้าไปกอดซบอก แทนที่ใจจะสั่นแต่กลับรู้สึกยิ่งกังวล รู้ว่าดอนกำลังพยายามปลอบใจแต่มันก็อดคิดไม่ได้เลยจริง ๆ สองแขนค่อย ๆ ยกขึ้นกอดร่างสูงกลับและซุกหน้าอยู่กับเสื้อของดอนไว้แบบนั้น ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ารักของเราสองคนมันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
แกร็ก…
พลั่ก!
“…” เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นจนผมต้องรีบผละออกจากคนตัวสูง ยอมรับว่าตกใจจนนึกกลัว หัวใจสั่นเสียจนแทบจะกระเด็นหลุดออกจากอกข้างซ้าย เห็นเป็นชายคนหนึ่งกำลังทำหน้าตกใจ สักพักจึงได้ยินเสียงอีกคนตามมา
“ไม่ใช่ห้องนั้นไอซ์ ห้องกูห้อง-” ใครอีกคนที่ดูตัวโตกว่าเดินเข้ามาหาพร้อมขมวดคิ้ว หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงดอนซะขนาดนั้นคงไม่ต้องบอกว่าใคร แล้วทั้งสองเหมือนอยู่ในชุดทางการ หากถ้าใส่กาวน์ไปก็น่าจะดูเป็นหมอแน่ ๆ
“พี่กับพี่ไอซ์มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“โทษที พี่คิดว่านี่ห้องของแดนน่ะ...”
“แล้ววันนี้กลับเร็ว ข้าง ๆ นั่นใคร?”
“สะ สวัสดีครับ…” เสียงทุ้มพร้อมใบหน้าที่ดูจะไม่ค่อยโอเคกับโลกนี้สักเท่าไรทำให้ผมรู้สึกกลัวขยับออกห่างจากดอนนิด ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดีคนทั้งสองอย่างหวั่น ๆ จนคนตัวสูงหันมามองแล้วคว้ามือผมเข้าไปใกล้ ๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกชะงักเข้าไปใหญ่ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าดอนเป็นคนยังไง พอจริงจังกับอะไรก็มักจะบอกออกไปตรง ๆ ถ้าหากครั้งนี้...
“ดะ ดอน-”
“เราคบกันอยู่ครับ”
กึก…
“ห๊ะ!?” พี่ของดอนถึงกับอุทานขึ้นเสียงดัง ส่วนผมสะดุ้งหลับตาหันหน้าหนีเนื่องจากกลัว ตายแน่ ๆ ตายแน่ ๆ ดัซ จบแล้วชีวิต เราต้องไม่ได้กลับไปบ้านแน่ ๆ ถูกฆ่าหมกไว้หลังบ้านชัวร์ ทำไมทุกอย่างมันดูรวดเร็วกว่าที่คิด ร่างผมสั่นจนสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่มือหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมดอนต้องตรงขนาดนี้ด้วย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยนะ ไม่ใช่แค่สำคัญแต่ทั้งยังเปราะบางอีกต่างหาก มันสามารถแตกหักได้ง่าย ๆ คล้าย ๆ กับหัวใจของผมตอนนี้ ความกลัวและกังวลวิ่งเข้าครอบงำจิตใจเสียจนรู้สึกอยากร้องไห้
ฮืออออ…
“แกคิดอะไรอยู่ดอน?”
“แดนกูว่าปล่อยให้น้อง-”
“ลงไปคุยกับพี่ข้างล่างเดี๋ยวนี้... พาแฟนแกลงมาด้วย” ได้ยินผมจึงลืมตาขึ้นไปมอง เห็นพี่ชายของคนที่จับมือผมไว้กำลังลากผู้ชายอีกคนที่ชื่อไอซ์ลงไปข้างล่าง ส่วนผมจะร้องไห้อยู่แล้ว น้ำเสียงและคำพูดของคนที่ตัวโตกว่าดอนเป็นไหน ๆ ทำให้รู้สึกกลัว ส่วนผู้ชายอีกคนที่ชื่อไอซ์ตัวเล็กกว่าดอนนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนกันกับพี่แดนหรือยังไง แต่ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน รู้สึกกลัวไปหมดแล้ว...
“ระ เรากลัว” แรงที่จะดึงออกไปนอกห้องทำให้ต้องรั้งมือหนาไว้จนใบหน้าคมหันมาเลิกคิ้ว
“จับมือผมไว้... ไม่ต้องปล่อยจนกว่าทุกอย่างจะจบ ตัวเล็กเชื่อใจผมใช่ไหมว่าทุกอย่างจะดีขึ้น...” ดอนนน… ทำไมต้องทำหน้าเหมือนโกรธอะไรใครมาด้วย แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้ผมเม้มปากพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ จนในที่สุดก็ลงมานั่งที่โซฟาในห้องรับแขก เป็นโมเมนต์ที่กดดันที่สุดในชีวิตผมแล้วมั้ง ได้แต่ก้มหน้าจับมือคนนั่งข้าง ๆ ไว้แน่น ๆ น้ำตามันพร้อมไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
“สรรหาแต่ปัญหามาให้ด่าทุกวันเลยนะแกน่ะ”
“ปัญหา? ปัญหาอะไรของพี่?”
“แกอย่ามาเถียงพี่นะดอน บอกไงว่าอย่าเพิ่งมี พอมีแกก็เอาแต่ไปสนใจแฟน แล้วเรื่องเรียนแกล่ะวะ?” ฮืออออ… นี่เราเป็นปัญหาของดอนเหรอ ทำไมพี่แดนไม่อ่อนโยนเหมือนคนน้องเลย อยากจะลุกขึ้นวิ่งออกไปร้องไห้ข้างนอก ทำไมดอนต้องมาถูกด่าแบบนี้ด้วย อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเสียงของคนตัวสูงดูเหมือนขึ้นเสียงหนัก ๆ ซ้ำยังใช้กับพี่ชายตัวเอง
“แดนกูว่ามึงก็เกินไป…”
“เงียบไอซ์”
“กูแค่อยากบอกให้มึงปล่อยน้องบ้าง…”
“…” เสียงของชายที่นั่งข้าง ๆ พี่แดนดังขึ้นจนผมต้องยอมเงยหน้าขึ้นไปมอง แปลกที่พอคนนั้นพูดพี่ของดอนกลับยอมเงียบ แต่ดูสายตาที่มองมาที่ผมสิ ทำไมเหมือนจะฆ่าจะแกงกันด้วย เราควรพูดอะไรดีดัซ… เราควรออกตัวบ้างไม่ใช่เอาแต่ให้ดอนปกป้องไม่ใช่เหรอ?
“ตะ แต่ผมรักดอนนะครับ”
“หึ รัก? แล้วน้องชื่อไรทำไมไม่เห็นแนะนำตัวให้พี่ของแฟนตัวเองรู้จักเลยล่ะ?”
“เพราะมาพี่ก็เอาแต่ทำให้-”
“เงียบดอน นับวันเริ่มจะบอกจะสอนอะไรไม่ได้แล้วนะ” ดอนเหมือนจะออกตัวปกป้องอีกแล้ว ซ้ำยังโดนปรามไว้ด้วยคำพูดเชิงดุอีกต่างหาก
“ผะ ผมชื่อดัซ…”
“อื้ม…”
“พี่มีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า…”
“พี่ไม่ให้คบ…”
กึก...
“แดน…” เสียงพี่ไอซ์ดังขึ้น ส่วนผมเมื่อได้ยินประโยคนั้นน้ำตามันแทบจะเล็ดออกมาอยู่แล้ว ทุกอย่างในหัวดูเหมือนจะมืดไปหมด แค่คิดว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่กับดอนหรือคุยกับดอนแบบนี้อีกก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่เราสองคนผ่านมาด้วยกันมันไม่ได้มีค่าพอให้เราคบกันเลยเหรอ? โอกาสที่คนที่เราแอบชอบจะชอบเรากลับมันมีน้อยแต่ทำไมพอได้รับโอกาสนั้นมาแล้วมันถึงจะหายไปง่าย ๆ แบบนี้... มือที่ถูกจับไว้ในตอนแรกกลับถูกบีบหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนรับรู้ได้ว่าดอนตอนนี้กำลังโกรธ เราควรทำไงดีดัซ…
“ถ้าแกสอบเข้าวิศวะฯ มอที่พี่บอกไม่ได้… ก็อย่าหวังว่าจะได้คบกันต่อหลังจากจบมอหก…”
“มึงก็เกินไปนะแดน นิสัยแบบนี้อะ…” พี่ไอซ์บอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันแต่ผมรู้สึกเหมือนพี่ของดอนจะแคร์อีกคนมากเป็นพิเศษไม่งั้นคงไม่หันไปมองตามและเหมือนจะเรียกไว้หรอก ส่วนผมตอนนี้น่ะเหรอ…
“รับปากพี่สิ…”
“ครับ… ยังไงผมก็จะติดที่นั่นแน่ ๆ อยู่แล้ว ผมกับดัซจะคบกันไปจนถึงวันที่สอบติดด้วยกันและคบกันไปอีกนาน…”
“…” ดอน… ทำไมน้ำตาผมต้องไหลออกมาให้กับประโยคของคนนั่งข้าง ๆ ด้วย ใบหน้าซุกลงที่ไหล่แกร่งพร้อมสะอื้นไห้เหมือนตื้นตันใจที่ผู้ชายคนนี้จริงจังกับเรามากแค่ไหน มันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกแต่ก็ยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำอีกมากมาย แต่แค่นี้… ผมก็ดีใจมาก ๆ แล้ว
“ขะ ขอบคุณ ฮึก…” เอ่ยบอกคนตัวสูงเสียงสั่น สักพักพี่แดนก็ลุกขึ้นเดินออกไปปล่อยให้ผมอยู่กับดอนสองต่อสอง ร่างผมสั่นเทาเพราะร้องไห้ ก่อนจะถูกดึงให้ลุกขึ้นตามไปบนห้องนอน นั่นยิ่งทำให้สามารถร้องไห้ออกมาได้อย่างเต็มเสียง ร่างสูงดึงเข้าไปกอดแล้วลูบหลังผมอย่างเบามือ ใบหน้าคมซุกลงที่หัวผม เราสองคนกอดกันไว้แน่น
“รู้อยู่แล้วว่าพี่ผมก็รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก ถึงปากจะห้ามแต่ตัวเองก็กลับชอบใครอยู่เหมือนกัน”
“ฮึก… ระ เราไม่เข้าใจที่ดอนพูด แต่-”
“ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง… แต่ผมรักตัวเล็กจริง ๆ นะครับ”
“ฮือออ… ละ แล้วไหนจะแม่ดอนอีก”
“แม่ไม่เคยห้ามอะไรดอน เพราะดอนไม่เคยทำอะไรแย่ ๆ การที่ดอนรักใครสักคนอย่างตัวเล็กมันแย่เหรอ…”
“ฮืออ… ยะ หยุดพูดให้เราร้องไห้ได้แล้ว อึก…”
“ตัวเล็กงอแง…” ดอนผละผมออกมาเช็ดน้ำตาให้แต่ผมกลับยิ่งร้องออกมาไม่หยุด มันตื้นตันใจไปหมด เหมือนมีอะไรบางอย่างขึ้นมาจุดที่คอ
หมับ…
“ฮือออ…”
“ตัวเล็ก… หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
“ระ เราดีใจ…”
“บอกรักผมก่อน”
“ระ รักดอน… ฮือออ…”
“หึ ๆ หลังจากนี้ก็ฝากดูแลหัวใจผมด้วยนะครับ” ได้ยินผมจึงยอมผละออกมามองใบหน้าหล่อ พยายามเม้มปากกลั้นร้องไห้ รู้ว่ามันคงดูตลกแน่ ๆ เลย มือหนายกขึ้นมาช่วยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ ก่อนผมจะพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับ ความดีใจหลอมรวมออกมาผ่านน้ำตาที่รินไหล ทุกอย่างมันจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม? เราสองคนจะได้คบกันแบบไม่มีเรื่องให้กังวลใจแล้วใช่ไหม? ต่อจากนี้จะมีอะไรผ่านเข้ามาอีกไหมไม่มีใครรู้ แต่ในเมื่อคนที่ผมแอบชอบเขาก็ชอบผม เราสองคนชอบกันและตกลงเป็นแฟนกัน โอกาสแบบนี้มันหาได้ง่าย ๆ ซะที่ไหนในชีวิต เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไปจากมือเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ผมที่ไม่ยอม แต่คนตัวสูงตรงหน้าเองก็เช่นกัน...
“อะ อื้ม… เราจะไม่ให้ใครเอาไปเลย”
“หึ ๆ ขอบคุณครับ…”
...END…
________________________________________
- Talk -
ฝากตามหนังสือและตอนพิเศษด้วยน๊า
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ
#เราแอบชอบนาย
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
:L2: :pig4:
-
:mew1: :mew1:
ขอบคุณนะคะ
-
Extra E1 “Teenagers” (R)
สัปดาห์สอบปลายภาคผ่านไป~
“ถ้าว่าง ๆ แม่จะไปเยี่ยมเราที่บ้านนะจ๊ะดัซ ยังไงฝากดูดอนด้วยแล้วกัน... ไม่คิดเลยลูกชายจะมีแฟนหน้าตาน่ารักขนาดนี้ คบกันก็ชวนกันติวหนังสือไม่ใช่ชวนกันออกนอกลู่นอกทางให้แม่เป็นห่วง...”
“ครับผม~” การที่ถูกแม่ของดอนพูดแบบนี้ด้วยอยู่บ่อยครั้งผมเองก็เขินเป็นเหมือนกันนะ ทุกอย่างดูผิดคาดมากจริง ๆ แม่ของคนตัวสูงดีเกินไปจนบางทีผมเกรงใจ จะมีก็แต่พี่ชายของดอนที่จนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย คนอะไรหน้านิ่งตึงตลอดเวลา ถ้าหากถูกต่อยมาจะทำไง ฮืออออ... แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ค่อยกลับบ้านนะ เห็นดอนบอกมาแบบนั้น อาชีพแพทย์ก็งานหนักแบบนี้แหละใช่มั้ยล่ะ
“พอมีตัวเล็กแม่ก็จะลืมดอนเลยใช่ไหมครับ...”
“ตาดอนไม่สำคัญสำหรับแม่แล่ว... แม่จะเอาตัวเล็กมาอยู่ที่บ้าน ดูหน้าตาน่ารักนี่สิ อื้อออ... ไม่คิดเลยว่าอ่านนิยายวายทุกวันแล้วลูกชายจะทำให้ความฝันแม่สมหวัง...” เอ่อ... เดี๋ยวนะแม่ ก็ถึงว่าทำไมดอนบอกว่าแม่ชอบอ่านนิยาย แล้วอย่าบอกนะว่านิยายที่อ่านคือนิยายวาย? ผมไม่เคยอ่าน แต่เพื่อนผู้หญิงในห้องชอบคุยเรื่องนี้กันอยู่บ่อยครั้ง มันเป็นนิยายเกี่ยวกับชายรักชายใช่ไหมล่ะ
“เจ้าของตัวเล็กตัวจริงอยู่ตรงนี้แล้ววว... แม่ไม่มีสิทธิ์นะครับ”
“ดะ ดอน...” ชอบพูดให้เขินตลอดเลย เจ้าของอะไรล่ะ!? จะว่าไปนี่ก็นั่งอยู่หลังบ้านดอนมาได้สักพักแล้ว แม่ของดอนต้องไปทำงานแต่ทำไมยังไม่เห็นไปสักที วันนี้วันจันทร์ สอบเสร็จเพิ่งปิดเทอมได้สามวันแม่ของดอนก็ชวนมานั่งคุยกันที่บ้าน หลังจากหลายวันมาแล้วที่ดอนแนะนำผมให้ท่านรู้จัก โล่งอกไปทีที่ท่านไม่ได้รังเกียจผมแต่อย่างใด... หลังบ้านของดอนจะเป็นสวนหญ้ามีม้าหินอ่อนให้นั่งเล่นใต้ร่มไม้ บรรยากาศค่อนข้างเย็นสบายเลยแหละครับ นั่งอ่านหนังสือได้เพลิน ๆ เลยทีเดียว
“น้องเขินหมดแล้วเนี่ย เราน่ะชอบหยอด...”
“น้องอะไรล่ะ ตัวเล็กรุ่นเดียวกันกับดอนนะครับ”
“ก็จะทำไม แม่จะเรียกดัซว่าน้อง อีกอย่างดัซก็อายุน้อยกว่าตาดอนด้วย” แม่กับลูกเถียงกันได้น่ารักจังเลยอะ ผมมองแล้วแอบยิ้มตลอดเลย ดอนเถียงคนไม่เก่งหรอกจากที่ผมรู้จักมา เจ้าตัวมักจะยอมตลอดเหมือนตอนนี้ที่ทำหน้างอนแล้วหันหนี แต่ถามว่าแม่สนใจไหมก็ไม่ ผมรู้สึกหลงรักคนทั้งสองแล้ว
“แม่จะไปทำงานแล้วนะ วันนี้ที่ทำงานแม่ให้เข้าสายเพราะมีปรับปรุงเรื่องระบบไฟฟ้ามาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่เสร็จ” เหมือนที่ทำงานแม่ผมเลย วันนี้แม่ก็ไปสายเหมือนกัน เห็นบอกว่าอะไรนี่แหละจำไม่ได้เพราะมัวแต่รีบไม่ได้ฟัง คนตัวสูงก็ไปรับแต่เช้าด้วยไม่รู้จะรีบไปไหน
“รีบไปเลยยย…”
“ตาลูกคนนี้…”
หมับ…
“แม่ไปก่อนนะตัวเล็ก…” แม่ลุกขึ้นมาดึงผมที่นั่งบนเก้าอี้ไปกอดซุกอยู่ที่ท้องจนต้องชะงัก ก่อนจะยอมอยู่เฉย ๆ ให้ท่านกอด ให้ความรู้สึกเหมือนแม่ตัวเองกอดเลย ก่อนที่ท่านจะปล่อยแล้วเดินอ้อมไปขยี้หัวดอน ตรงเข้าไปในบ้านปล่อยให้ผมอยู่กับคนตัวสูงสองต่อสอง
“แม่ของดอนน่ารักอะ”
“ลืมดอนแล้วมั้ง น่าจะรักตัวเล็กมากกว่าแล้ว…”
“อื้อออ… งอนเหรอหืม?” เห็นใบหน้าหล่อทำเป็นงอน ๆ ผมเลยต้องขยับเข้าไปจับแก้มคนตัวสูงแล้วดึงเล่นเบา ๆ ให้ดอนยิ้ม ตาคมเอาแต่มองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะดึงผมไปกอดซะจนแทบจะตกเก้าอี้ พักนี้เราสนิทกันมากขึ้นจนไม่รู้สึกเขินเวลาจะพูดอะไรออกไปแล้ว
จุ๊บ…
“ดะ ดอน! ปล่อยเลยนะ”
“ไม่…”
“ดัซหายใจไม่ออกแล้ว” ตัวก็โตแรงก็เยอะ ดึงไปกอดทีนี่แทบจะขาดใจตาย ถึงจะรู้สึกดีที่คนตัวสูงเป็นคนกอดก็เถอะ หน้าผมเอาแต่ซุกอยู่กับอกอุ่น ๆ สักพักถึงโดนผละออกมามองหน้า เขินเลยนะ! เมื่อกี้ยังจุ๊บหัวอีกด้วย
“เรียกแทนตัวเองว่าดัซด้วย น่ารักจังครับ…”
“…” เมื่อกี้ผมเรียกตัวเองว่าดัซเหรอ? ไม่รู้แหละคงลืมตัวมั้ง แต่ยังไงก็ช่างดอนปล่อยแล้วถือว่าผมเป็นอิสระ
“ตอนไหนจะเริ่มติวอะ”
“ตัวเล็กไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอ…” เจ้าตัวถามในขณะเก็บจานเค้กตรงหน้าให้เป็นระเบียบ เตรียมถือเข้าไปเก็บในบ้าน
“เมื่อกี้เราเพิ่งกินเค้กก้อนโตไปด้วยกันนะ อีกอย่างอีกไม่นานก็จะเที่ยงแล้วรอกินข้าวเที่ยงดีกว่าไหม ดัซไม่หิวแล้วด้วย”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ งั้นเราขึ้นไปอ่านหนังสือดีกว่า วันนี้ตัวเล็กติวอิ้งให้ดอนก่อนนะ”
“ได้เลย~”
“อ้อนผมเหรอครับ?” ลุกขึ้นดอนก็หันมาถามจนผมเลิกคิ้ว พอนึกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองตอบเสียงหวานจึงชะงักเขินแล้วหันหนี ใบหน้าคมกระตุกยิ้มให้ก่อนเราทั้งสองจะเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นไปยังห้องของคนตัวสูง จากนั้นก็ไม่มีใครรอช้าเพราะเวลาค่อนข้างสำคัญผมจึงได้เริ่มติวอังกฤษซึ่งเป็นวิชาถนัดและสอบได้อันดับท็อป ๆ ของสายชั้นมาโดยตลอดให้เจ้าของห้อง อันดับท็อป ๆ คะแนนซ้ำกันมีหลายคนเพราะมีแต่คนเก่ง ๆ มันจึงไม่ได้ดูน่าตื่นเต้นสักเท่าไร เว้นเสียแต่คนที่ได้เต็มมีแค่ไม่กี่คน
#WriterPart
“ตรงนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม มันอาจจะยังไม่ชัดเจน ดอนต้องเห็นรูปประโยคถึงจะเข้าใจ เดี๋ยวดัซเขียนให้ดู ประธานบวก…”
“…” ทั้งสองนั่งติวหนังสือกันบนพื้นห้องซึ่งมีโต๊ะญี่ปุ่นไว้วางเอกสารในการติว สองร่างนั่งชิดติดกันเนื่องจากร่างเล็กกำลังสอน แต่เขาจะหารู้ไม่ว่าการที่เด็กวัยรุ่นสองคนอยู่ในห้องด้วยกันซ้ำยังเป็นแฟนกันมันจะมีแรงดึงดูดทางเพศมากแค่ไหน เจ้าของใบหน้าคมแทนที่จะสนใจในหารติวกลับรู้สึกว่ากลิ่นตัวหอม ๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังร่ายคำสอนออกมานั้นดึงดูดเสียจนต้องเผลอมองใบหน้าใสตาไม่กะพริบ
“เนี่ย… มันก็จะมีแค่นี้เอง ดอนเก็ตรึเปล่า?”
กึก…
“…” จังหวะที่จะหันมาถามคนข้าง ๆ แต่ใบหน้าของคนตัวสูงกลับอยู่ใกล้ ๆ ซ้ำยังมองเขาอยู่ก่อนหน้าแล้วจึงทำให้ชะงักเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมถึงได้ใจสั่นแบบนี้ ซ้ำตอนนี้ยังเหมือนคนตัวสูงกำลังนั่งขัดสมาธิซ้อนตัวเขาอยู่หน่อย ๆ ใบหน้าคมค่อย ๆ ขยับเข้าหานั่นยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัว ดอนกำลังตั้งสติไม่อยู่นั่นคือสิ่งที่คิดได้มือเล็กจึงยกขึ้นไปดันที่ไหล่แกร่งไว้แล้วหันหนี มันนานมาแล้วที่เขาทั้งสองไม่ได้จูบหรือสัมผัสกัน ซึ่งรู้สึกเหมือนยังไม่ชินเลยที่ต้องทำแบบนี้
“ตะ ติวหนังสือ”
“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกอ้อน ๆ ทำให้ใบหน้าใสต้องหันไปเลิกคิ้วทำหน้าเครียด
“ผมไม่ไหว…” ใบหน้าคมซุกลงที่ไหลเขา มือหนาวางอยู่บนโต๊ะกำหมัดไว้แน่นเสียจนดัซยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
“ผมเองก็เด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง… แต่ไม่เคยได้ผ่อนคลายเลย”
“ดอน…” ทำไมถึงเอาแต่ซุกอยู่ที่ไหล่เขาเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง เขาเองก็เครียดเหมือนกันนะที่คนตัวสูงเป็นแบบนี้
“รู้ว่ามันอาจเหมือนไม่ให้เกียรติคนที่ผมรัก…”
“…”
“แต่เราทำแบบนั้นกันไม่ได้เหรอครับ?”
ตึกตักๆ
“…” ทำแบบนั้น? จูบแบบสอดลิ้นเข้าหาและทำให้ของสงวนสัมผัสกันเหรอ? แค่คิดเขาก็รู้สึกกลัวแล้ว… แต่ที่คนตัวสูงหมายถึงมันคืออะไร หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งรู้สึกกังวลและเขินอาย รู้ว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังรู้สึกอะไรบางอย่าง เหมือนเจ้าตัวจะเก็บอารมณ์เอาไว้แทบจะไม่ได้
“ผมขอโทษ… ถ้า-”
“ระ เราแค่กลัว…” กลัวที่จะลองทำ ครั้งแรกของเขานะ! รู้ว่าผู้ชายสองคนเขาทำอะไร ๆ กันยังไง แต่ไม่เคยได้ค้นหาหรือสืบข้อมูลดู มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กวัยรุ่นอย่างเขาควรสนใจไม่ใช่เหรอ? ถึงแม้วิชาสุขศึกษาจะได้เรียนมาค่อนข้างเยอะแล้วก็ตาม แต่ที่ดอนบอกมันหมายถึงการทำแบบไหนกันแน่
“มันอาจจะเจ็บ… แต่ดอนจะทำให้เบาที่สุด”
“…” เจ็บ?
“แต่ถ้าตัวเล็กกลัวจริง ๆ ดอนจะไม่ทำแล้วใช้มือแทนเหมือนตอนนั้นก็ได้…” ฮืออ… อะไรเนี่ย ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในภาวะกดดันแบบนี้ด้วย แอร์ในห้องไม่ได้ทำให้ใจเย็นลงเลยจริง ๆ เขาไม่อยากทำให้ดอนผิดหวัง แต่ก็แอบกลัว ๆ นี่ก็แฟนคนแรก ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแฟนกันต้องทำยังไงบ้าง เรื่องแบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ…
“ดะ ดอนจะทำแบบไหน?” ใบหน้าใสขึ้นสีแดงระเรื่อถามคำถามที่สงสัยออกไปอย่างใสซื่อ สองสายตาสบประสานกันไม่กะพริบ นั่นยิ่งทำให้รอยยิ้มหล่อจุดขึ้นบนใบหน้าคมอย่างนึกเอ็นดูแฟนของเขา
“ทำเหมือนคนที่เป็นแฟนกันเขาทำกันยังไงล่ะครับ…” เอ่ยจบใบหน้าคมก็ขยับเข้าประกบริมฝีปากคนตัวเล็กทันที ใครจะไปรู้ว่าแฟนตัวเล็กคนนี้หน้าตาน่ารักน่าฟัดซะขนาดไหน ดัซตกใจถึงขั้นยกมือทั้งสองข้างขึ้นกำเสื้อยืดของคนตัวสูงไว้แน่น สิ่งอุ่นชื้นนุ่ม ๆ ลื่น ๆ รุกล้ำเข้าหาในโพรงปากเสียจนรู้สึกเคลิบเคลิ้มตาม กลิ่นหอมและรสหวานจากเค้กที่กินผสมปนเปกันไปหมด ทำไมกัน… ทำไมร่างกายถึงปฏิเสธการกระทำอันแสนน่าอายนี่ไม่ได้เลย ความคิดในหัวตีวนไปมั่วเสียจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร คล้าย ๆ ตัวเองกำลังอยู่บนปุยเมฆนุ่ม ๆ หลับตาปี๋ไม่กล้าลืมขึ้นไปมองคนตรงหน้า แค่นี้ก็แทบจะหัวใจวายอยู่แล้ว
“อือออ…” ลิ้นอุ่นของร่างสูงทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียลงอย่างเห็นได้ชัด อวัยวะสำคัญของร่างกาย ณ อกข้างซ้ายเต้นแรงเสียจนเหมือนคนเป็นโรคหัวใจ สักพักกลับรู้สึกเริ่มหายใจไม่ออกจึงได้ทุบไปที่อกคนตรงหน้าจนใบหน้าคมต้องผละออก ใบหน้าหล่อส่งสายตาอ่อย ๆ เคลิ้ม ๆ มาให้ยิ่งทำให้ดัซชะงัก แต่เขากลับ… มีอารมณ์ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มือหนาทั้งสองข้างสัมผัสเอวบางไว้หลวม ๆ ยังคงไม่ปล่อยไปไหน ดอนเล่นงานเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
“ผมขอโทษ…”
“…”
“แต่เรามารีบทำมันให้เสร็จแล้วติวหนังสือกันต่อดีกว่าครับ…”
พรึบ!
“อ๊ะ!” เอ่ยจบร่างของคนตัวเล็กก็ถูกอุ้มขึ้นจนดัซชะงักรีบตวัดมือกอดท้ายทอยแกร่ง ดอนจะทำอะไร? เขากลัว… ร่างสูงค่อย ๆ วางร่างเล็กลงบนเตียงนอนเบา ๆ นั่นทำให้รู้ว่าการกระทำต่อจากนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วแน่ ๆ
“ดะ ดอน… ดัซกลัว” เสียงสั่นแผ่วออกไปบอกคนตัวสูงที่กำลังขึ้นมาคร่อมพร้อมหันหน้าหลบสายตาคมที่มองมา
“อยู่กับดอนไม่มีอะไรที่ตัวเล็กต้องกลัว…” ร่างสูงไม่รอช้ารีบก้มลงไปประคองใบหน้าใสให้หันมารับบทจูบอีกครั้ง ถามว่าร่างบางขัดขืนไหมก็ไม่ เขาเองก็ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถมีอารมณ์แบบนั้นขึ้นมาได้ มันน่าอายและดูไม่เหมาะสมก็จริง แต่วัยรุ่นอย่างเขา ๆ จะหลีกเลี่ยงได้ยังไงในเมื่อสิ่งแวดล้อมตอนนี้มันเอื้ออำนวย
“อื้ออ…” การตวัดลิ้นเริ่มระรัวขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ร่างของดัซไม่อาจที่จะต้านทานแรงราคะนี้ได้ ดอนโจมตีเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวเลยจริง ๆ ใจที่นึกกังวลคงทำได้แค่นึก แต่จะปฏิเสธได้ยังไงในเมื่อชายตัวสูงหักห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้เสียแบบนี้ เขาเองก็พลอยที่จะตกอยู่ในมนต์สะกดของเจ้าตัวไปด้วย… สักพักมือหนากลับสอดเข้ามาเลิกเสื้อของดัซขึ้นเสียจนเจ้ากรรมชะงักสั่น เห็นเช่นนั้นดอนจึงต้องผละใบหน้าออกมามอง
“ใจเย็น ๆ …”
“...”
“เชื่อใจดอนนะครับ”
“ดะ ดอน...”
จุ๊บ…
“อึก…” ใบหน้าคมก้มลงจุ๊บที่หน้าผากเนียนเป็นการปลอบโยน ก่อนการกระทำแสนน่าอายจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงครางหวาน ๆ แผ่วขึ้นเบา ๆ ดัซไม่สามารถเอ่ยห้ามคนที่เอาแต่ลากสิ่งเปียกชื้นไปมาบนซอกคอตัวเองได้แล้ว เจ้าของมือหนาผละออกไปถอดเสื้อของเจ้าตัวออกแล้วโยนลงทิ้งข้างเตียง ร่างกายของเด็กอายุจะ 18 ดูสมส่วนมีกล้ามที่หน้าท้องจนใคร ๆ เห็นเป็นต้องใจสั่น เจ้าของใบหน้าหวานเผลอมองจนหน้าแดงก่อนจะรู้สึกตัวเลยจำต้องหันหนี ก่อนจะชะงักที่ดอนพุ่งจุดสนใจกลับมาที่เขาและถอดเสื้อของเขาออก เผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนของคนตัวเล็กที่ทำให้ใบหน้าหล่อยกยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจในรูปร่างของแฟนหนุ่ม แฟนหนุ่มตัวเล็กที่รู้สึกรักรู้สึกหวง แต่ดัซกลับเขินอายเสียจนอยากจะหายไปจากตรงนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“แฟนดอนน่ารัก…”
“ดะ ดอน!”
“หึ ๆ เดี๋ยวก็มีความสุขด้วยกันแล้วครับ~” เอ่ยจบใบหน้าคมก็ก้มลงไปใช้ปากสัมผัสที่เม็ดไตสีชมพูจนร่างเล็กสะดุ้งผวา ดัซครางด้วยความเสียว มือนุ่มเผลอยกขึ้นจับที่ผมหนาไว้อย่างลืมตัว นี่มันความรู้สึกอะไรกัน... ทำไมถึงรู้สึกดีแบบนี้ ทั้งตื่นเต้นและเขินอายไปในเวลาเดียวกัน ความเสียวซ่านแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ดอนทำให้เขาใจสั่นจนเหนื่อยสั่นไปหมดแล้ว…
“ยะ อย่า...” เอ่ยห้ามยังไม่ขาดคำกางเกงของเขาก็ถูกดึงลงจนไหลมาอยู่ที่หน้าแข้ง และยิ่งต้องตกใจขึ้นไปอีกเมื่อคนตัวสูงดึงชั้นในที่มีไว้ปกปิดส่วนสำคัญลงไปด้วย ตาคมก้มลงมองอะไร ๆ ขนาดไม่ใหญ่ที่เริ่มขยายตัวก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัส
“อะ อ๊ะ ดะ ดอน...” ร่างบางพยายามใช้มือของเขาปัดป้องมือหนาออกแต่กลับไม่เป็นผล เมื่อเริ่มออกแรงขยับเขายิ่งดิ้นเสียจนคนทำจำต้องก้มลงไปจูบปลอบ ในสมองดัซตอนนี้ไม่มีสติสัมปชัญญะแล้วจริง ๆ มันเบลอไปหมดเหมือนครั้งก่อน ทุกอย่างดูหมุนติ้ว ๆ ทั้งมีความสุขแล้วปวด ๆ ที่ท้องน้อย รู้ตัวอีกทีก็เหมือนตัวเองนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ วิ่งขึ้นไปยังจุดสูงสุดแล้วถูกปล่อยลงมาตามรางที่สูงชัน พร้อมของเหลวบางอย่างปลดปล่อยออกมาจนเลาะที่มือคนตัวสูง ร่างเล็กหายใจหอบด้วยความเหนื่อย เขาเกือบจะสลบ… ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือจุดสุดยอด แต่เขาเพิ่งได้รู้สึกมันจริง ๆ ร่างกายมันมีของแบบนั้นจนสามารถปลดปล่อยออกมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงเหนื่อยจนต้องหลับตานอนหายใจหอบ รู้ตัวเองอีกทีก็ถูกจับให้อ้าขาออกจนต้องลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ เจ้าของมือหนานำของเหลวที่ได้จากคนตัวเล็กลงไปทาที่ช่องทาง
“อ๊ะ! ดะ ดอน!”
“ตัวเล็ก… ใจเย็น ๆ ครับ”
“มะ ไม่นะ...” มือทั้งสองข้างบีบไหล่แกร่งไว้ ยิ่งสิ่งแปลกปลอมที่เรียกว่านิ้วเรียวค่อย ๆ รุกล้ำเข้ามาอย่างช้า ๆ ยิ่งทำให้ดัซเจ็บจนต้องกัดฟันกรอด ดอนเปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลขึ้นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของคนรักใต้ร่างไม่ปฏิเสธแต่กลับรัดนิ้วเขาเสียจนรู้สึกแน่น นั่นทำให้ต้องก้มลงไปประกูบจูบที่ริมฝีปากเจ้ากรรมอีกครั้งเพื่อความผ่อนคลาย
“อึก อื้อออ…” น้ำใส ๆ เริ่มไหลออกจากตากลม เขาลืมตาขึ้นสบกับอีกคนที่จูบปลอบ ซ้ำยังเริ่มขยับนิ้วเข้าออกอย่างช้า ๆ มันเจ็บ… เขาเจ็บจริง ๆ ทำไมถึงได้เจ็บแบบนี้ ถึงแม้ดอนจะขยับเข้าออกได้แล้วแต่ก็ยังไม่ชิน ร่างสูงผละใบหน้าออกแต่ข้างล่างยังทำงานไม่หยุด ผ่านไปสักพักจึงได้เริ่มเพิ่มนิ้วเป็นสองนั่นยิ่งทำให้คนตัวบางน้ำตาแตกพราก ใจหนึ่งนึกเห็นใจร่างเล็กและกังวล แต่หากไม่ทำตอนนี้จะไปทำตอนไหนในเมื่อเขาคิดที่จะรักกับตัวเล็กไปอีกนาน ผ่านไปหลายนาทีกว่าด้านหลังของร่างบางจะพร้อม
“ผมขอโทษ…” ใบหน้าคมซุกลงที่ซอกคอขาวของคนที่ร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด มาถึงขั้นนี้แล้วแต่กลับสงสารคนตัวบางเสียจนไม่อยากฝืนทำอะไรต่อ… ไม่อยากฝืนทำอะไรต่อทั้ง ๆ ที่อะไร ๆ ปวดหนึบไปหมดแล้ว ได้ยินร่างบางกลับไม่ได้ปฏิเสธ มือนุ่มค่อย ๆ เลื่อนมาลูบที่ผมหนาเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคลอเบ้า ทนเจ็บมาถึงขั้นนี้แล้ว เสียน้ำตาจนแทบจะไม่มีให้เสียแล้ว…
“ระ รีบ…” เสียงแผ่วนั้นทำให้ดอนชะงักผละออกมามองใบหน้าใส ได้รับคำสั่งแล้วมีเหรอที่เขาจะรอช้า เลื่อนมือไปถอดกางเกงตัวเองลงพร้อมชั้นใน ทำให้อะไร ๆ ขนาดไม่ธรรมดาที่พร้อมใช้งานโผล่ออกมาให้คนตัวเล็กเห็นจนจำต้องหันหนี ในใจทำได้เพียงแค่คิดว่าตัวเองจะตายไหม สิ่งนั้นมันใหญ่เกินไป ใหญ่กว่าสองนิ้วที่ร่างสูงสอดใส่เข้ามาในตอนแรก เขาต้องทนเพื่อความรักใช่หรือไม่ ต้องทนเพื่อคนที่เขารักใช่รึเปล่า เรายอมดอนแล้วหนิ…
สวบ…
“อึก...” เพียงแค่ส่วนแรกยังทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหมือนร่างแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำใส ๆ ที่เบ้าตาคิดไว้ว่าคงไม่มีอีกแล้วแต่กลับเริ่มไหลรินอีกครั้ง เนื้ออุ่นรัดกายเสียจนดอนสติแทบจะเตลิด มันรู้สึกดีเกินไป นี่เหรอการกระทำที่คิดอยากจะลองมานาน มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยเหรอ… ร่างเล็กรัดเขาเกินไปจนต้องก้มลงไปประกบจูบให้เจ้าตัวผ่อนคลาย ไม่งั้นคงไม่ไหวแน่ ๆ
“อืม…” ลิ้นนุ่มพยายามตอบโต้และบอกกับจิตใต้สำนึกว่าไม่สามารถหยุดได้แล้ว เจ็บจวนจะขาดใจตายแต่ต้องทนไว้ว่าทุกอย่างมันจะโอเค โชคยังดีที่การเบิกทางในตอนแรกทำให้ทุกอย่างราบรื่นเร็วขึ้นกว่าที่คิด ไม่นานกลางกายของชายตัวสูงก็ถูกสอดเข้ามาเสียจนสุดท่อน ความคับแน่นและความเจ็บทำให้ร่างเล็กต้องตวัดเรียวแขนขาวขึ้นกอดรอบคอแกร่ง ซ้ำยังเผลอจิกเล็บลงที่แผ่นหลังของคนตัวสูงอย่างลืมตัว ดอนเจ็บแต่เขาไม่ได้คิดที่จะห้ามร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย รู้ว่าร่างบางต้องเผลอลืมตัวไปแล้วแน่ ๆ ไม่เคยทำเเบบนี้กับใครมาก่อน พอได้ทำทำไมถึงได้รู้สึกดีเช่นนี้ ไม่รู้ว่าคนใต้จะรู้สึกเจ็บมากเพียงใด แต่เขาไม่ไหวแล้วจริง ๆ
ชึ่บ…
“อื้ออ…” แรงราคะในสมองทำให้ไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้ว สะโพกแกร่งขยับซอยเข้าออกจากเนิบ ๆ เป็นถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ความเสียวซ่านไหลไปตามเส้นประสาทสัมผัส รู้สึกดีจริง ๆ ยิ่งรู้สึกดียิ่งรู้สึกรักและหวงคนใต้ร่าง สองแขนแกร่งสอดเข้ากอดรอบเอวบางไว้แน่น
สวบ ๆ
“อืม...” เสียงครางทุ้มต่ำลอดออกมาด้วยความเสียว มันช่างเร่าร้อนเสียเหลือเกิน ร่างบางทำได้เพียงครางและกอดร่างสูงที่ซุกหน้าอยู่กับซอกคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ความกลัวและกังวลทำให้จำต้องกอดชายผู้เป็นแฟนไว้แน่น อย่างน้อยชายคนนี้ก็ยังไม่ทิ้งเราไปไหน ยังอยู่กับเราตลอดเวลา ความเจ็บจนแทบใจจะขาดในตอนแรกในตอนนี้เริ่มมีบางช่วงที่ความเสียวซ่านแทรกขึ้นซ่อน นี่คือครั้งแรกของเขา นี่คือครั้งแรกที่ทำกับคนที่เขารัก ร่างสูงไม่แม้แต่จะหยุดขยับเลยจริง ๆ ซ้ำยังเริ่มออกแรงขยับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงเนื้อสัมผัสกัน
“อะ อ๊ะ อื้อ…” เสียงครางหวาน ๆ จากทั้งสองประสานกันดังขึ้นไม่ขาด เหงื่อกาฬบนผิวของสองร่างผุดขึ้นสัมผัสกันจนรู้สึกวาบหวิว ดอนเร่งความเร็วหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเจ้าตัวเริ่มรู้สึกเสียวจนแทบจะปลดปล่อย
“อืม...”
“ดะ ดอน… อะ อ๊ะ!”
“ผะ ผมไม่ไหว…”
สวบ!
“อ่า…” ไม่นานร่างสูงก็กดกลางกายเข้าไปคายังช่องทางคับของคนตัวเล็ก ก่อนจะปลดปล่อยของเหลวเข้าไปในร่างของเจ้ากรรมจนคนตัวบางสัมผัสได้ถึงความอุ่น มันถูกต้องแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้… ความเหนื่อยล้าทำให้เจ้าตัวกอดและซุกหน้าไว้ที่ซอกคอขาว ๆ ไม่ยอมผละออกไปไหน เขารักคนตัวเล็ก รักมาก ๆ เลยด้วย…
“ผะ ผมขอโทษ…”
“…” ดัซทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากหายใจหอบ เขาเหมือนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ได้แต่ประคองสติตัวเองไว้
“แต่ดอนรักตัวเล็กนะครับ ไม่ยอมให้ใครแย่งตัวเล็กไปเลยด้วย…”
“ดะ ดอนเอาออกไปก่อน…”
“รักผมไหม?”
“อะ อื้ม… ไม่รักคงไม่ยอมหรอก”
“หึ ๆ”
จุ๊บ…
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
ตัดจบด้วยความร้อนแรงจนเตียงแทบไหม้ :z1:
-
Extra E2 “Dawn’s birthday”
“แล้วพักนี้มึงไปหาดอนบ่อยป่ะวะ?”
“อาทิตย์หนึ่งก็บ่อยอะ ส่วนมากดอนมารับกูไปนั่งอ่านหนังสือที่บ้าน ร้านกาแฟ บางทีก็เดินห้างไรงี้ แต่กูเกรงใจดอนเหมือนกัน บางทีอยู่บ้านคุยกันผ่านโทรศัพท์น่าจะดีกว่า” พูดถึงเรื่องติวหนังสือแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนขึ้นมาทันที หน้ามันจะแดงขึ้นมาตลอดเลยอะ ดอนทำให้ผมเจ็บจนเดินลำบาก เหมือนจะป่วยเลยด้วยซ้ำ แต่คนตัวสูงก็ดูแลผมอย่างดีจนอาการมันดีขึ้น ช่วงสองสามวันแรกหลังจากทำเรื่องแบบนั้นยอมรับว่าเขินทุกครั้งที่อยู่ใกล้คนตัวสูง แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้วครับ ดอนเองก็เหมือนจะไม่ได้สัมผัสร่างกายผมเลยด้วย ใช่สิ! ผมไม่ต้องการให้ดอนแตะเนื้อต้องตัวไปมากกว่านี้หนิ ไม่ใช่รังเกียจแต่แค่กังวลและเขินอาย
“ดีแล้ว… ยังดีที่มึงชอบใครคนนั้นแล้วเขาก็ชอบมึง…” ทำไมเลย์มันพูดเหมือนกำลังแอบชอบใครอยู่เลย วันนี้เลย์มันมาเล่นกับผมที่บ้านแต่เช้า ก็นั่งดูหนังคุยกันอยู่ห้องรับแขกนี่แหละ ส่วนแม่ไปทำงาน ปิดเทอมแล้วไม่ค่อยมีอะไรให้เครียดไปนอกเสียจากเตรียมตัวเรื่องสอบเข้ามหา’ ลัย จะขึ้นมอหกแล้วนะเว้ย มีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างให้ตื่นเต้นเลย เจอกับคุณครูคนใหม่ ๆ การเรียนใหม่ ๆ กิจกรรมใหม่ ๆ
“มึงโอเคใช่ไหม? กูยอมรับเลยนะว่ารู้สึกแย่ที่พอคบกับดอนแล้วไม่ค่อยได้อยู่กับมึง…”
“กูโอเค… ไม่ใช่เรื่องที่จะมางี่เง่าใส่มึงหนิ อีกอย่างเพื่อนคนอื่น ๆ ก็มี ถ้ากูมีแฟนบ้างก็คงแบ่งเวลาไปสนใจแฟนเหมือนกัน…” ตามันมองโทรทัศน์ปากก็บอกออกมา พวกเราดูซีรี่ส์ในเน็ตฟลิกซ์เรื่องหนึ่งอยู่ ซึ่งผมเองนี่แหละที่สมัครเพราะคิดว่ามันช่วยฝึกภาษาได้ดี พูดถึงเรื่องที่ผมไม่ค่อยได้อยู่ไอ้กับเลย์ก็แอบกังวล แต่ดีแล้วที่มันเข้าใจ ผมแคร์เลย์มันมาก ๆ เลยนะ ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึกแต่หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับตัวมัน ในชีวิตมีไม่กี่คนที่ผมจะแคร์ได้มากขนาดนี้ ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลยก็ตาม
“สรุปเรื่องเรียนต่อมึงจะเข้าที่ไหน?”
“อยู่ในใจนี่แหละ…”
“บอกกูไม่ได้?” มันหันมากระตุกยิ้มแล้วผลักหัวผมเล็กน้อย จะขึ้นมอหกแล้วนิสัยผลักหัวเพื่อนยังไม่คิดจะเลิกอีกนะ ไม่สิ… ก็หัวผมคนเดียวนี่แหละ หรือเพราะตัวไม่สูงถึงโดนผลักบ่อย ๆ
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ เอออย่าลืมชีตรวมศัพท์ที่กูบอกให้ถ่ายเอกสารให้ด้วย ป้ากูบ่น ๆ ว่าให้เริ่มลงมือได้ละ อุตส่าห์ไม่ให้กูเฝ้าร้านแล้ว อีกอย่างพอเห็นมึงติวหนังสือกับผัว-”
ตุบ!
“หยาบคายไอ้เลย์!”
“ฮ่า ๆ ๆ โทษที ๆ ๆ” มันยกมือขึ้นบังแล้วหัวเราะเหมือนทุกครั้ง แต่ผมดันเขินขึ้นน่ะสิ มาผงมาผัวอะไรล่ะ!?
“เออก็เห็นมึงติวหนังสือกับดอนบ่อย ๆ กูก็เริ่มมีไฟแล้ว ปิดเทอมมึงก็รู้ว่ากูไม่ค่อยได้ไปไหน จะมีก็แต่ไปเล่นบาสกับพวกไอ้บอมไอ้คีย์มัน…”
“เดี๋ยว ๆ มึงไปสนิทกับพวกนั้นตั้งแต่ตอนไหน?” บอมกับคีย์นี่คนหน้าตาดีห้องศิลป์ญี่ปุ่นเลยนะ เห็นเล่นบาสบ่อย ๆ
“นี่ใคร… เลย์สุดหล่อห้องสิบสามนะครับ”
“…” เออแล้วแต่มึงเลยเลย์ ผมทำได้เพียงกลอกตามองบนก่อนจะลุกเดินขึ้นไปเอาชีตรวมศัพท์ยอดฮิตที่ถ่ายแล้วเย็บไว้มาให้ไอ้เพื่อนคนนี้
“อ่ะ ร้อยหนึ่ง…”
“สัส… กับเพื่อนมึงก็ไม่เว้นเหรอ?” มันรับไปเปิดดู แต่ก็รู้แหละว่าผมล้อเล่น ผมจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“เอาไปก็จำ ๆ ด้วยนะเลย์ มึงยิ่งไม่ค่อยถนัดอังกฤษด้วย อย่าลืมว่าแกตมันสำคัญเกือบทุกคณะ”
“รู้แล้วแม่…”
“เดี๋ยวเหอะ…” น่าทุบจริง ๆ จะว่าไปแล้วพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของคนที่ผมรักนี่นา ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงนึกขึ้นได้น่ะเหรอ พอดีหันไปมองปฏิทินแล้วเห็นวันที่ที่ตัวเองวงกลมไว้ แค่คิดหน้าก็แดงขึ้นมาแล้ว เจ้าตัวเหมือนไม่ว่างตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทักแค่มาบอกว่าจะไม่ได้ตอบแชตหรือโทรมาหา ผมเองก็สงสัยน่ะสิ ใจมันไม่สงบเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยดอนก็บอกไว้ เมื่อเช้าจึงทักไปอีกรอบแต่ดอนก็ยังไม่ตอบเลย นี่ก็เกือบเที่ยงแล้วด้วย สงสัยจังว่าทำอะไรอยู่ พวกเราไม่ค่อยได้นอนด้วยกันหรอกนะครับ ไม่ใช่นอนแบบนั้นนะ! หมายถึงผมไปค้างคืนบ้านดอนหรือดอนมาค้างคืนบ้านผม แค่นอนเฉย ๆ ก็มีบ้างแต่ไม่ได้บ่อยนัก เพราะตอนกลางวันก็คุยกันและเห็นหน้ากันบ่อยจนชินไปแล้ว บ้านก็อยู่ห่างกันพอสมควร แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนตัวสูงเลยจริง ๆ
แต่วันนี้…
‘อยากให้ดอนมาค้างคืนด้วยจัง…’ ผมไม่ได้คิดเรื่องทะลึ่งนะ! แต่อุตส่าห์เตรียมแผนการทุกอย่างไว้แล้ว ของก็ซื้อไว้แล้วด้วย สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจึงได้รีบเลื่อนมือไปหยิบขึ้นมาดู ในใจหวังให้เป็นคนที่กำลังคิดถึงและมันก็เป็นเช่นนั้น มีเหรอที่ดัซคนนี้จะไม่รีบบอกคุณชายเลย์แล้วออกไปรับข้างนอก เพราะต้องการความส่วนตัว
(ตัวเล็กผมขอโทษที่ไม่ได้ตอบแชตหรือโทรไปนะครับ…) เสียงเหมือนรีบร้อนที่จะพูด
“ดอนทำอะไรอยู่ เราแค่แอบกังวล ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ มีธุระหรือมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” รู้ว่าไม่ควรยุ่งแต่ผมเหมือนทนไม่รับรู้อะไรไม่ได้เลยอะ ฮือออ…
(งอนผมรึเปล่าเนี่ย พี่กับแม่พาดอนไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดเลยไม่ได้คุยกับตัวเล็กเลย โทรศัพท์ก็ถูกยึดไม่ให้ใช้ แต่พอกลับมาถึงก็รีบโทรหาตัวเล็กเลย…)
“…” แค่ได้ยินสีหน้าก็แดงขึ้นแล้วนะ เว่อร์อีกแล้วนะดัซไอ้อาการแบบนี้
(อย่างอนผมนะครับ เดี๋ยวจะรีบไปหา ขอเวลาแป๊บหนึ่ง…)
“ดอนไม่ต้องรีบก็ได้… เราแค่เป็นห่วงดอน ไม่ได้งอนสักหน่อย”
(น่ารักแบบนี้ไง อยู่ใกล้ ๆ จะไม่ปล่อยไว้แน่ ๆ)
“ดะ ดอน!”
(ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวผมไปหานะครับ เดี๋ยวจะไปนอนค้างบ้านตัวเล็กเลย แค่นี้นะครับ)
“ดอน เดี๋ยว…” ทำไมต้องชิ่งกดตัดสายด้วยกลัวผมไม่อนุญาตรึไงกัน จะมานอนที่บ้าน? ทำไมเจ้าตัวเหมือนรู้ทันเลยอะว่าผมอยากให้มาค้างที่นี่ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องมองเลย์มันที่เหมือนเตรียมตัวจะกลับจนต้องเลิกคิ้ว
“จะไปไหน?”
“กลับ…”
“เดี๋ยว ๆ ทำไมรีบกลับอะ?” พอดอนจะมานี่ก็จะกลับเลยแบบนี้เหรอ?
“กูมาตั้งแต่เช้าแล้วนะดัซ อีกอย่างสุดที่รักมึงจะมาหาแล้วไม่ใช่รึไง?”
“…” อะไรของมัน ผมยังคงเลิกคิ้วจนมันสะพายกระเป๋าสะพายข้างขึ้นแล้วขยี้หัวผมแรง ๆ ก่อนเดินออกจากบ้านไปจนผมต้องออกมาส่ง อะไรของคุณชายเลย์ จะว่าไปเนี่ยผมเห็นมันโพสต์แปลก ๆ ลงในเฟซบุ๊กด้วยนะ ลืมถามไปเลย เหมือนมันกำลังเหน็บใครสักคน แต่ช่างเถอะ…
‘ฮือออ… ดอนจะมาหา!’ ต้องสนใจอีกคนที่หายหน้าหายตาไปตั้ง 1 วัน!
________________________________________
ปิ๊ง~
หมับ!
“อื้ออ… ผมคิดถึง~” ก้าวขาเข้ามาในบ้านเลยก็ถูกดึงเข้าไปกอดเลย ดอนชอบอ้อนแบบนี้อะ เจ้าตัวตอนนี้ใส่ยีนส์เดฟสีดำกับเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มลายธรรมดา เตรียมกระเป๋าเป้มาอย่างดี ส่วนผมกางเกงขาสั้นประมาณเข่าพร้อมเสื้อยืดสีขาวธรรมดา ใบหน้าคมซุกลงที่หัวผมแล้วถูไปมา ตัวก็โตกอดก็แน่น ใจสั่นไปหมดแล้วนะ แต่ความคิดถึงทำให้จำต้องหันกลับไปหาแล้วยกแขนขึ้นสวมกอดคนตัวสูงกลับ เอาแต่ซุกหน้าอยู่ที่อกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไว้แบบนั้น คนนิสัยไม่ดี! ทำให้คิดถึง…
“ปล่อยได้แล้ว…” ถ้าไม่บอกจะไม่ยอมปล่อยจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย มือหนาผละออกมาจ้องหน้าผมพลางยิ้มให้ไม่หยุด เอาแต่จ้องอยู่นั่นแหละ เราก็เขินเป็นนะดอน!
“น่ารัก~”
ตุบ…
“พอเลย…” ยกมือขึ้นไปทุบอกเจ้าตัวด้วยใบหน้าเหมือนพร้อมระเบิดก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาตามด้วยคนตัวสูง นึกได้ว่าดอนคงเหนื่อยเลยรีบลุกขึ้นไปหยิบน้ำเย็น ๆ มาให้ เจ้าตัวรับไปพร้อมคำขอบคุณเหมือนทุกครั้ง
“เนี่ยผมคิดถึงจนไม่สนใจหน้าใครเลยตอนไปทำธุระกับครอบครัว”
“ปะ ปากหวาน… แล้วดอนถูกพี่แดนยึดโทรศัพท์เหมือนเดิมเหรอ?” เราสองคนนั่งห่างกันพอสมควร ด้วยความที่โซฟามันกว้างด้วยแหละมั้ง แต่หลังถามคำถามเสร็จเจ้าตัวก็วางขวดน้ำไว้แล้วขยับมาหาพร้อมเอนหัวลงที่ไหล่ผมทันที
“ดอนยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย กลับมาถึงก็รีบมาหาตัวเล็ก…”
“หืม… ทำไมไม่นอนก่อนล่ะ” จริง ๆ เลย… ทำไมไม่พักผ่อนก่อนมาหา แล้วนี่ขับรถมาทั้ง ๆ ที่เพลียแบบนี้เลยเหรอ หัวหนักเริ่มเปลี่ยนเป็นนอนหนุนตักผม ยกขาขึ้นมาขดไว้บนโซฟาแล้วหลับตา ขนาดขดแล้วยังยาวจนสุดโซฟาเลย ใบหน้าคมดูหล่อเหลาเสียจริง ๆ ผู้ชายคนนี้พูดจาไพเราะกับทุก ๆ คนยกเว้นเพื่อนสนิท แล้วยิ่งพอเห็นความตั้งใจที่จะทำอะไรของเจ้าตัวแล้วกลับคิดว่าทำไมเราต้องงอนที่เจ้าตัวไม่ทักหรือโทรหา รู้สึกงอนไม่ลงเลยจริง ๆ มือค่อย ๆ เลื่อนไปลูบผมหนาเบา ๆ ดอนหลับตาและเหมือนอยากจะหลับจริง ๆ สงสัยคงเพลียสินะ
“ดอนขึ้นไปนอนข้างบนไหม?”
“อื้อ… ผมอยากนอนหนุนตักตัวเล็ก…” ครางตอบแต่ไม่ยอมเปิดตาขึ้นมามองเลย ทำไมถึงรู้สึกเอ็นดูคนตัวสูงขนาดนี้ ไหน ๆ ดอนก็เหนื่อยเราก็นั่งดูหนังไปให้เจ้าตัวนอนแล้วกัน พยายามเปิดเสียงให้เบาที่สุด และเหมือนดอนจะหลับไปแล้วครับ…
‘คนดื้อ…”
________________________________________
ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง~
#WriterPart
ร่างเล็กที่คิดไว้จะให้คนตัวสูงนอนหนุนตักตอนนี้ดันเผลอหลับจนคนตัวโตอุ้มขึ้นมานอนบนห้องแล้ว เจ้าของใบหน้าใสที่ผล็อยหลับโดยไม่ยอมผละออกไปไหน นั่งให้เขาหนุนตักอยู่นานสองนาน จะเมื่อยขาไหมก็ไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ คือดอนนึกเอ็นดูจนต้องขึ้นมานอนกอดแล้วเผลอหลับไปด้วยกันอยู่บนเตียง ใบหน้าใสซุกเข้าหาความอุ่นเนื่องจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องยังคงทำงาน ไม่ใช่ว่าดอนเป็นคนเปิดแต่เขาลืมปิดไว้ตั้งแต่เช้า หากผู้เป็นแม่รู้ก็คงจะโดนบ่นจนหูบานเป็นแน่แท้ ก่อนจะขึ้นมาร่างสูงก็จัดการทุกอย่างแล้วเรียบร้อย ล็อกประตูบ้านพร้อมกับปิดทีวี
ทั้งสองเผลอหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ คือคนตัวเล็กตอนนี้ที่เหมือนจะกำลังรู้สึกตัว ด้วยความที่ยังคงงัวเงียจึงเอาแต่หลับตาซุกอยู่กับเสื้อของคนตัวสูง กลิ่นประจำของใครคนนั้นที่เขาคุ้นชิน ในที่สุดดอนก็มาหาเขาแล้วหลังจากที่หายหน้าหายตาไปทำธุระกับครอบครัวมา ความคิดถึงทำให้ตอนนั้นเผลอยกมือขึ้นสวมกอดเจ้าตัวกลับ ซ้ำยังให้ดอนหนุนตักอีกด้วย แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองสบายแปลก ๆ
“อ๊ะ! ดะ ดอน…” เสียงตกใจดังขึ้นเสียจนคนตัวสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามอง เขาพลิกตัวจากนอนกอดร่างบางไปเป็นมองเพดาน นี่เขาหลับไปนานแค่ไหน หันไปมองคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นนั่ง เจ้าตัวเหมือนจะตกใจจนเขากระตุกยิ้มแล้วยกมือไปคว้าร่างเล็กลงมานอนกอด
“อื้ออ… ปล่อยเลย”
“ตัวเล็กเผลอหลับ”
“ระ เราหลับเหรอ? แล้วขึ้นมาได้ไง?” ถามทั้ง ๆ ที่ยังถูกกอดรัดไว้อยู่ในอ้อมอก ใบหน้าใสเงยขึ้นมองคนที่เอาแต่ซุกหัวของเขาจนดอนต้องผละใบหน้าออกมามองใบหน้าใส
จุ๊บ…
“อ๊ะ! ดอน!” แรงจุ๊บที่หน้าผากทำให้ดัซยิ่งชะงัก เขารีบดันอกแกร่งออกแล้วลุกขึ้นนั่งทันที โชคดีที่คนตัวสูงปล่อย ชอบทำให้ใจสั่นอยู่เรื่อยเลย! แล้วนี่นอนหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย ไม่ใช่ไม่เคยถูกคนตัวสูงนอนกอด แต่แค่แอบตกใจที่อยู่ดี ๆ มานอนอยู่บนห้อง
“ขอบคุณที่ให้นอนหนุนตักนะครับ แถมยังให้นอนกอดด้วย…”
“…” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพราะความเขิน ใบหน้าใสร้อนผ่าวขึ้นเสียจนต้องขยับหนีลงจากเตียงไปยืนมองคนตัวสูงที่นั่งยิ้มหราส่งมาให้ มาเลยก็ทำให้ใจสั่นเลยนะ!
“ดอนรักแฟน~”
“ดอน!”
________________________________________
เวลา 23:50 น.
“ตรงนี้ดอนก็เอากริยามาใส่ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว…”
“เข้าใจแล้วครับ” เจ้าของใบหน้าคมตอบก่อนที่ดัซจะเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ในใจนั้นเริ่มตื่นเต้นขึ้นทุกทีที่เห็นเวลาบนหน้าจอ
‘อีกไม่นานแล้วสินะ…’ เขาเอ่ยขึ้นในใจก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดอนกำลังตั้งใจทำแบบฝึกที่เขาเพิ่งสอนไปเมื่อกี้ เหมือนร่างสูงจะเข้าใจเกี่ยวกับรูปประโยคในภาษาอังกฤษมากขึ้นแล้วตั้งแต่เขาติวให้ คณิตกับฟิสิกส์ที่ให้เจ้าตัวสอนดัซเองก็เข้าใจขึ้นเป็นถัง แบบนี้รึเปล่าที่เขาเรียกว่าคบกันช่วยกันติวหนังสือ
“เดี๋ยวเรามานะ ดอนทำแบบฝึกรอไปก่อน…” ได้ยินตาคมจึงละจากแบบฝึกหัดหันไปมองตามร่างบางที่ลุกขึ้นจะเดินไปยังประตู
“ดัซไปเอาของแป๊บหนึ่ง ดอนทำแบบฝึกหัดรออยู่ข้างบนนี่แหละ…” กลัวว่าดอนจะตามลงไป ร่างสูงยิ่งดื้อ ๆ อยู่ด้วย ดูสายคมนั่นสิ… มันดูย้อนแย้งกันตรงที่ทั้ง ๆ ที่ดอนมีดวงตาที่คมเฉียบ ยิ่งเวลามองด้วยสายตานิ่ง ๆ มักจะยิ่งทำให้คนอื่นกลัว แต่กับเขาดอนมักจะส่งความอ่อนโยนมาให้ตลอด บางครั้งก็แป๋วเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว คิดว่าเจ้าตัวแกล้งแต่ที่จริงคือไม่รู้เรื่องรู้ราวจริง ๆ เหมือนที่บางทีเขาเองก็ไม่ทันเจ้าตัว
“โอเคครับ…” เมื่อได้รับคำตอบดัซจึงได้รีบลงไปยังชั้นล่าง ในมือมีโทรศัพท์ที่คอยดูเวลาเพราะมันจะต้องตรงแปะ ๆ ไฟในห้องครัวถูกเปิดขึ้นพร้อมร่างบางที่ตรงไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้ในตู้เย็นออกมาวางบนโต๊ะ ตอนนี้แม่เขาคงนอนหลับไปแล้ว แต่ยังไงเขาก็ได้บอกท่านไว้แล้วเหมือนกันว่าต้องใช้ไฟ เลยถูกกำชับให้ระวัง มือเล็กกำลังถือไฟแช็กจุดเทียนเลขสิบแปดที่ตั้งอยู่ตรงกลางเค้กช็อกโกแลตที่สั่งร้านทำ หน้าเค้กมีเขียนว่าแฮปปี้เบิร์ดเดย์เป็นตัวย่อภาษาอังกฤษพร้อมชื่อคนตัวสูง หลังจุดเสร็จมือบางจึงเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์มาดูซึ่งมันเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที สองขาเรียวจึงได้รีบเดินออกจากห้องครัวพร้อมด้วยสองมือถือเค้กขึ้นไปบนห้อง ดัซวางเค้กลงบนตู้เล็ก ๆ ที่มีไว้วางของโชว์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง วินาทีที่มองจอโทรศัพท์ตัวเลขก็เปลี่ยนทันที
เวลา 00:00 น.
ก็อก ๆ ๆ
“…” เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบสอดโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเคาะห้องสามครั้งแล้วรีบหันไปหยิบเค้กขึ้นมาถือไว้ หัวใจดวงน้อยสั่นไม่เป็นจังหวะ ผู้ชายคนนี้โตเร็วจริง ๆ ยังไม่ขึ้นมอหกเลยด้วยซ้ำแต่ทำไมถึงอายุถึงสิบแปดเร็วขนาดนี้ มันทำให้ดัซรู้สึกอุ่นใจที่เจ้าตัวมีวุฒิภาวะมากขึ้นแล้ว เขาเองยังอีกหลายเดือนเลย…
แกร็ก…
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู… ยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู… ยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์… แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู… ดอน~” คนเปิดประตูออกมาถึงกับชะงักตาค้างมองใบหน้าใสร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขารู้ว่าตัวเล็กน่ารักแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะน่ารักขนาดนี้ ตอนแรกยังแอบงง ๆ ว่าทำไมเจ้าตัวไม่ยอมเปิดประตูเข้ามาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ล็อก แต่ใครจะไปรู้ว่าภาพตรงหน้ามันทำให้ผู้ชายคนนี้รู้สึกซึ้งใจมากแค่ไหน ในใจอยากจะดึงคนตัวบางเข้ามากอดเพราะรู้สึกตื้นตันใจ มันยิ่งทำให้เขาหลงรักตัวเล็กขึ้นไปอีก
“ดอนรีบเป่าเร็ว…” เสียงใสดังขึ้นทำให้ร่างสูงจำต้องออกจากภวังค์ รอยยิ้มหล่อ ๆ จุดขึ้นบนใบหน้าคมก่อนจะโน้มศีรษะลงไปเป่าให้เปลวไฟบนเทียนเล่มนั้นดับ ควันสีขาวจาง ๆ ลอยตามขึ้นมานิด ๆ ก่อนจะหมดไป กลิ่นมันช่างหอมเสียเหลือเกิน
“สุขสันต์วันเกิดน๊า~ ดัซยังไม่ได้ซื้ออะไรให้ดอนเลย แต่มีเค้กให้ก่อนนะ…” ร่างเล็กบอกพลางเดินเอาเค้กเข้ามาวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่น ดอนจึงปิดประตูก่อนจะหันมาสนใจร่างเล็ก ๆ ที่ทำตัวน่ารักน่าหอมมากเกินไปเสียจนเขาใจสั่น เห็นหลังของเจ้าตัวมือหนาจึงได้รีบคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้จนดัซชะงัก จมูกคมซุกลงที่หัวนุ่มหอม ๆ ไม่ยอมปล่อย แทนที่ดัซจะชะงักและร้องบอกให้ปล่อยแต่เขากลับยอมอยู่เฉย ๆ ให้คนตัวสูงกอดไว้แบบนั้น ใคร ๆ ต่างก็อยากให้แฟนตัวเองมีความสุข เขาเองก็อยากให้ดอนมีความสุขเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ…” บอกแต่ยังคงซุกอยู่ที่หัวของเขา ดัซจึงจำต้องหันกลับไปมองใบหน้าคมพร้อมระบายยิ้มให้เจ้าตัวได้เห็น
“สุขสันต์วันเกิดนะ…”
“…ผมรักตัวเล็ก…”
หมับ…
“…” ถูกดึงเข้าไปซบอกไว้อีกแล้ว ร่างสูงมักจะเป็นแบบนี้ตลอดตอนที่ดีใจกับอะไรบางสิ่งมาก ๆ ซึ่งเขาเองก็ชอบแบบสุด ๆ สองแขนเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นสวมกอดคนตัวโตกลับและซุกหน้าอยู่กับอกอุ่น ๆ นั้นไว้
“เราก็รักดอน…”
Contact Me
Twitter (https://twitter.com/heartfilia_emma)
Page (https://www.facebook.com/heartfiliaemma/)
-
น่ารัก :-[
-
:L2: :pig4:
-
น่ารักมากๆเลยจ้า :katai2-1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:pig4:
-
งื้อออออ อยากให้มีตอนต่ออีก
น่ารักทั้งคู่เลย :hao7: :o8:
-
:pig4: